-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
-
ตอนที่ 1 เพื่อนสนิท
“เป็นแฟนกูนะ”
“พ่อมึงสิ!!”
ผมชื่อโฟนครับ ส่วนไอ้บ้าห้าร้อยที่มาตามตื้อให้ผมไป ‘ช่วย’ เป็นแฟนให้มันนี่ชื่อปิง
ผมกับปิงเป็นเพื่อนสนิทกันมานับสิบปี นึกย้อนกลับไปถึงความจำอย่างแรกๆ ที่จำได้ผมก็มีปิงมายืนหัวเราะเอิ๊กอ้ากอยู่ข้างกันแล้ว แต่แม้จะรู้จักกันมานมนาม ตัวติดกันอย่างกับแตงแม เราทั้งคู่ต่างก็มีนิสัยคนละขั้ว ปิงเป็นคนที่ร้อนแรง ไม่รู้เหมือนกันว่ามันไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ไม่ว่ามันจะหยิบจะจับทำอะไรก็ดูสนุกสนานไปหมด ร่าเริงบ้าบอตลอดเวลา และก็เข้ากับคนง่ายมากโดยอาศัยความกวนตีนขั้นเทพของมัน แต่ปิงก็อารมณ์ร้อนด้วย ทำอะไรไม่ชั่งใจ ไม่ยั้งคิดเลย ปิงผ่านชีวิตวัยซนด้วยบาดแผลหลายครั้ง ตอนมัธยมก็เคยมีเรื่องทะเลากับรุ่นพี่จนต้องเข้าโรงพยาบาลและเกือบถูกพักการเรียน ด้วยความเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียว เลยไม่มีใครปรามมันลงได้ คนเดียวที่จะบอกให้มันหยุดทำในสิ่งที่มันกำลังทำอยู่ได้ก็คือผมเองนี่แหละ พ่อแม่กับมันทั้งฝากทั้งฝังมันกับผมนักหนา ‘ดูแลปิงด้วยนะลูก’ โอ้ยย ผมอยากจะบอกว่าปิงมันเอาตัวรอดเก่งกว่าผมหลายเท่าอยู่แล้วครับ ส่วนเรื่องความรักนั้น ปิงก็ใช้ประโยชน์จากส่วนสูง 180 ตัวขาว แก้มใส กับตาตี่ๆ ของมัน จนคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ถ้าเสน่ห์เป็นกล้ามแล้ว ไอ้ปิงก็คงขึ้นประกวนเวทีเพาะกายได้ เพราะมันบริหารเสน่ห์ของมันบ่อยเหลือเกิน คบแล้วก็เลิก คบแล้วก็เลิก ตั้งแต่รุ้จักกับมันมายังไม่เคยเห็นปิงจริงจังเลย มันเล่นตลอดเหมือนนิสัยมัน
“นี่มันครั้งที่สามแล้วนะเว้ย”
“น่าาาานะๆๆๆ ช่วยกูหน่อยเหอะหว่ะค้าบ”
“ไม่เอา! มึงไม่ชอบน้องเค้ามึงก็หัดบอกเลิกตรงๆ ไปสิวะ ทำไมต้องให้กูเดือดร้อนไปด้วยอีกเนี่ย”
“สาดดดด เพื่อนโฟนค้าบบบ กูขอร้องค้าบบบบ”
“ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
“อะไรวะ สองครั้งแรกไม่เห็นมึงจะเรียกร้อง”
“งั้นก็ตามใจมึง ไปหาคนอื่นแล้วกัน กูขอบาย”
“อะโหหหหหหห คนอื่นมันจะเนียนเท่าเพื่อนโฟนได้ยังไงอ่ะค้าบบ ไหนเพื่อนโฟนบอกข้อตกลงมาสิ”
ผมยิ้ม (ลั๊ลลาาาา.. อิ่มจังตังอยู่ครบ)
“ข้าวเย็นตลอดหนึ่งอาทิตย์ห้ามซ้ำร้าน ห้ามเป็นฟาส์ตฟู๊ด หนังสามเรื่อง อืมม ขนมฟรีตลอดฤดูพรีเมียร์”
“ไอ้แสดดดดดดดดดดดดดดดด”
“อ่ะ ไม่เอาก็ตามใจ”
ปิงทำหน้าเคียดแค้นใส่ผมมาทีนึง
“เอออออ ก็ได้ๆๆ ขี้ตืดแบบมึงอย่างงี้แหละ ถึงหาสาวไม่ได้สักที”
“แหนะ เสือก”
“หาแฟนไม่ได้ ก็มาเป็นแฟนกู กูก็ออกจะหน้าตาดีซะขนาดนี้”
“เย็นนี้กินอะไรดีวะปิง ตีนกูสักดอกดีป่ะ”
นี่เป็นครั้งที่สามสำหรับแผนสลัดรักของมัน ปิงมันเป็นคนไม่ชอบผูกมัดครับ ยิ่งไปจุกจิกกับมันมากมันจะยิ่งวิ่งหนี มันเป็นคนที่ต้องการสนามกว้างๆ ให้วิ่งเล่นมากกว่าจะเป็นกรอบแคบขังมันไว้ ผมสงสารแฟนมันเหมือนกันนะครับ แต่ยังไงก็ต้องเข้าข้างเพื่อนไว้ก่อน
ผมไปเอาชุดที่บ้านมันครับ คือว่าปิงมันชอบบ่นว่าผมแต่งตัวไม่ได้เรื่อง คือผมจะใส่กางเกงยีนส์เสื้อยืดเป็นอาจิณ ไม่ว่าจะโอกาสพิเศษยังไงก็ใส่แบบนี้ ปิงจะเอาใจใส่เรื่องแต่งตัวมากกว่า พวกเราเลือกเสื้อกันอยู่นาน สุดท้ายก็ตกลงว่าผมได้เสื้อเชิ๊ตสีเทาดำกับกางเกงผ้า แล้วก็มีเนคไทน์สีขาวหัวตัดไว้ผูกคออีกหนึ่งอัน
หลังจากนั้นผมก็กลับบ้านครับ ปิงมีซ้อมหลีดที่คณะ เพราะว่าใกล้งานแข่งกีฬาแล้ว ผมกับปิงเรียนคนละคณะ อย่างที่บอกว่านิสัยไม่เหมือนกัน ปิงเรียนคณะเกี่ยวกับศิลปะ ส่วนผมเรียนหมอ แต่ถึงจะอยู่ต่างที่ ผมกับปิงก็ไปมาหาสู่กันบ่อยจนเพื่อนของทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันไป นัดเที่ยวกันได้โดยปริยาย
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
รถเมล์ในวันเสาร์อาทิตย์มีที่นั่งไว้ให้จับจองมากมาย ความจริงนั่งรถไฟฟ้าถึงบ้านเร็วกว่า แต่ผมอยากจะให้เวลากับตัวเองได้คิดอะไรเพิ่มอีกหน่อย ผมเลือกสายที่อ้อมไกลโข คงเกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน ประตูรถปิดลงและพาหนะเคลื่อนตัวออกไปสู่คืนวันเสาร์ของกรุงเทพฯ
ผมปล่อยความคิดคำนึงให้ล่องลอยกลับไปผ่านอดีต ไม่ว่าจะช่วงไหนปิงก็โผล่หน้าเข้ามาในเหตุการณ์นั้นด้วยเสมอ ผมพยายามนึกว่าเมื่อไหร่กันนะที่เวลาอยู่ใกล้เพื่อนสนิทคนนี้แล้วหัวใจผมเต้นในจังหวะที่เร็วขึ้น ไม่ได้โครมครามอึกทึกแต่อยู่ในจังหวะที่ทำให้ผมเป็นสุข
ไฟจากท้องถนนระยิบระยับในช่วงใกล้เทศกาลสิ้นปี ช่วงที่ใครก็ต่างเริ่มต้นคิดค้นจะทำสิ่งใหม่ๆ ให้กับชีวิตของตัวเอง บางคนก็ล้มเหลวในปีที่แล้ว บางคนก็พยายามจนสำเร็จ แต่ไม่ว่าจะยังไง ปีใหม่ก็มาถึงอยู่ดี คนที่ล้มก็มีโอกาสแก้ไข คนที่สำเร็จก็มีโอกาสจะเดินก้าวต่อไปสู่จุดหมายต่อไป ผมเองนั้นไม่มีเป้าหมาย ปีใหม่ทีไรก็แค่ขอให้เป็นปีที่ดี
ห้างใหญ่หลายห้างกำลังขมีขมันตกแต่งตัวเองให้รับกับฤดูกาล สายลมเย็นสดชื่นพัดผ่านหน้าต่างเข้ามา ป่านนี้หมอนั่นคงหลับอุตุอยู่ในที่นอนแล้ว ถ้าพระเจ้าให้เวลากับพวกเรา ปิงต้องเลือกกลางวันอย่างแน่นอน ส่วนผมคงจะแบ่งช่วงเวลากลางคืนมาเป็นเป็นของตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย มือถือส่งเสียงร้องเรียก ผมดึงมันขึ้นมาอ่านข้อความ
‘โทรไปหาที่บ้าน ทำไมยังไม่กลับ อย่านั่งรถเที่ยวให้ดึกนัก พรุ่งนี้เจอกัน ฝันดีว่ะ/ปิง’
โทรศัพท์ถูกเก็บกลับเข้ากระเป๋า ดวงตาของผมจ้องมองออกไปด้านนอก
.... เหงาเป็นบ้า
-
มาให้กำลังใจเรื่องใหม่จ้า :mc4:
-
ตอนที่ 2 สลัดรัก
เสียงมือถือแผดเสียงอยู่ข้างหมอน ผมงัวเงียตื่นมารับสาย
“... ฮา - โหล”
“โฟนตื่นได้แล้วว อาบน้ำซะ แล้วอย่าลืมเซ็ทผมนะเว่ย”
“นี่มึงจะให้กูไปปลอมเป็นแฟนมึง หรือไปเป็นลูกมึงกันแน่วะ”
“ถ้ามีลูกหน้าอย่างมึง เมียกูคงต้องสั่งตรงจากจีนแผ่นดินใหญ่ ตามึงถึงได้ตี่ขนาดนั้น”
“พูดมาก ของมึงโตนักแหละ”
“ฮ่าๆๆ เออๆ ตื่นได้แล้วเดี๋ยวกูขับรถไปรับ”
ตึง!! ประโยคนี้แหละครับที่ทำให้ตื่น “เฮ้ย มึงจะเอาคันไหนมา”
“เออน่า คันนั้นแหละ จอดไว้เฉยๆ ได้ไง ต้องเอาออกมาทำประโยชน์ซะบ้าง”
“โอ้ย กูจะบ้าตาย”
สิ่งที่ผมลืมบอกผุ้อ่านไปก็คือบ้านของปิงรวยมาก พ่อกับแม่ทำงานพวกซื้อขายที่ดินกับพวกอสังหาริมทรัพท์ แล้วก็มีธุรกิจของครอบครัวอีก แต่ปิงมันทำตัวได้ติดดินเหลือเกิน มันเป็นพวกอัดรถเมล์กระป๋องมาโรงเรียน อดข้าวซื้อเกมส์ อะไรแบบนั้นมากกว่าจะมานั่งทำตัวเป็นคุณหนู แต่ไอ้ที่ผมตกใจเนี่ยเพราะว่ารถที่มันขับเอารับผมนี่แม่งช่างเป็นจุดสนใจอะไรซะขนาดนั้น ผมอยากนั่งรถสบายๆ ไม่ต้องเกร็ง มากกว่าที่จะน้องทำหน้าเต๊ะจุ๊ยตลอดเวลา
“มึงเอาสีขาวของพ่อมาก็ได้หนิ กูเกร็งว่ะ ไปรถแบบนั้น”
“เอาน่าาา มันต้องเด่นนิดนึง แผนถึงจะสำเร็จ แค่นี้แหละกูไปอาบน้ำก่อน ตรู๊ดดดด ตรู๊ดดดดดดดด.....”
อ... ไอ้สาดดดดดดดดด
ผมอาบน้ำอาบท่าจัดการตัวเองให้เสร็จเรียบร้อย หยุดส่องกระจกนานเป็นพิเศษ
“เจ๊ ฟิววววววววววววววววววววววววว”
“อือ..” เสียงของฟิว พี่สาวคนเดียวของผมดังลอดใต้ผ้าห่มผืนหนาออกมา
ผมเดินเลยผ่านห้องของพี่ โยนขนมปังหลายแผ่นเข้าที่ปิ้ง กดกาต้มน้ำร้อนแล้วเดินไปปลุกหญิงสาวขี้เซา ฟิวเพิ่งเรียนจบจากสถาปัตย์ มันเรียนเก่งมาก เป็นหนึ่งในเทพของชั้นปี มีความสามารถรอบด้านเลย ฟิวถ่ายรูปสวยระเบิด ไปเที่ยวนี่ถ้ามีมันไปด้วยรับรองภาพสวยแน่ วาดรูปก็เก่ง แต่ที่ถนัดสุดเห็นจะเป็นพวกคอมพิวเตอร์กราฟฟิค
ผมหย่อนก้นลงบนหน้าจอเครื่อง Mac ที่มีไอคอนแปลกตาไปจาก window ที่คุ้นเคย งานโฆษณายาสระผมยี่ห้อดังคงกำลังถูกตกแต่งก่อนที่เจ๊จะหมดแรงไปในตอนเช้าตามปกติ
“เจ๊ สีมันแปร๊นไปป่ะ” ผมวิจารณ์งานของพี่สาวเสมอ มันติดนิสัยน่ะครับ ฟิวมันบอกว่างานส่วนใหญ่ที่ทำเนี่ยเป็นงานโฆษณา เป้าหมายเป็นผู้บริโภคที่ไม่ได้เรียนด้านศิลปะ การใช้สี การจัดวางอะไรต่างๆ มันต้องให้รับกับความกลุ่มมากๆ เอาไว้ก่อน เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีความรู้เรื่องศิลปะเลย แต่ผมก็ถูกเรียกไปวิจารณ์งานของฟิวเกือบทุกครั้งก่อนที่มันจะส่งงาน
“เออดิ เลือกคู่สีไม่ถูก นั่งทำมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
“ได้นอนบ้างหรือยังเนี่ย”
“น๊อคไปตอนตีห้ากว่าๆ”
“ลุกได้แล้ววววววว เดี๋ยวก็ไปรับงานไม่ทันหรอก วันนี้มีนัดรับงานที่อ๊อฟฟิศไม่ใช่เหรอ” ผมพูดพลางดึงให้ฟิวลุกขึ้น มันลุกขึ้นมานั่งหน้ามุ่ยหัวงี้ยุ่งเหยิง แต่หลังจากมองน้องชายก็ตาโต
“โห นี่แกจะไปไหนของแกเนี่ย แต่งตัวซะ”
“ก็ไอ้ปิงอ่ะดิ เอาอีกแล้ว”
“อ๋ออออออออ มิน่าน้องกูเลยแต่งซะเฟี๊ยว ไปเดทกับแฟนนี่เอง”
“อ.. อะไร เจ๊ ไปแกล้งเป็นแฟน ม.. ไม่ใช่ไปเป็นแฟนเว้ย”
มันไม่พูดอะไร ยิ้มหน้าเจ้าเล่ห์อยู่ได้ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น “จะถึงแล้วเว้ย ออกมาเลย” ... ตรู๊ดดด ตรู๊ดดดดดดดดดดด
“ไปแล้วนะเจ๊ หนมปังก่ะกาแฟอยู่บนโต๊ะ กินเอาเองนะ”
“จ้ะะะะ พ่อหนุ่มสุดหล่ออออ”
-*- กูทำร้ายพี่สาวสักทีนี่มันจะบาปมากไหมวะ
ผมฉวยข้าวของแล้ววิ่งออกไป พอเปิดประตูก็เจอกับคุณชายในชุดเสื้อเชิ๊ตสีขาวพร้อมกับสูธสีครีมมีแว่นตาดำแปะที่หน้านั่งยิ้มแฉ่งอยู่บนรถสปอร์ตเปิดประทุนสีขาว
“มึงไม่ขับรถถังมาเลยล่ะ จะได้เด่นกว่านี้” ผมปิดประตูรถพร้อมกับนั่งหน้าบูด
“โห โฟน มึงหล่อหว่ะ วันนี้”
“รีบไปเห่อะมึง ให้ไวเลยนะ” ไวจริงอย่างที่ว่าครับ มันตะบึงรถจากบ้านผมเลาะไปร้านอาหารแถวๆ สุขุมวิท ก่อนถึงมันก็ยกมือถือโทรหาเป้าหมายในวันนี้ของเรา “เปิ้ลเหรอ ปิงไปสายแว๊บนึงนะ.. เปล่า อยู่กับเพื่อนน่ะ แว๊บนึง... เพื่อนจริงๆ ไม่ใช่ ไม่ใช่โฟน แค่นี้นะเราขับรถอยู่”
ผมไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมน้องเขาถามถึงผม ตามประสาคนหน้าตาดีอย่างไอ้ปิงก็คงหนีการโดนนินทาว่าเป็นเกย์ไม่พ้น ผมกับปิงก็เหมือนเป็นคู่กันเสียด้วย ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด แต่ไอ้ปิงก็ดูมันไม่เห็นจะเป็นเดือดเป็นร้อนอะไร เวลามีใครไปถามมันว่าผมกับมันเป็นอะไร มันก็ตอบว่า ‘เป็นแฟนกัน’ แล้วก็หัวเราะเอิ้กอ้าก ผมรู้ว่าปิงมันพูดเล่น แต่ดูทีท่าสาวๆ ที่มาถามมันหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ผมก็ว่าพวกเธอคงไม่คิดเหมือนผม แถมไอ้ปิงก็ใช้แผนการอุบาว์ทลากผมไปเป็นแฟนสลัดหญิงทิ้งมาถึงสองครั้งสองครา ข่าวก็ยิ่งหนาหูเข้าไปใหญ่ ฉะนั้นก็ไม่น่าจะแปลกใจนักหรอกที่มีคำพูดอะไรไปกระแทกหูน้องเปิ้ลเขาให้ระแวงระวังผมบ้าง
ปิงจอดรถอยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านอาหารที่นัดกับน้องเปิ้ล ผมเห็นน้องเขานั่งจ้องนาฬิกาข้อมือท่าทางหงุดหงิดน่าดู ความจริงแล้วน้องเขาก็น่ารักนะ ตัวเล็ก ปากนิดจมูกหน่อย ตรงสเปคหนุ่มๆ หลายข้อ มีเพื่อนผมบอกว่าจีบยากน่าดู แต่หินมาจากไหนก็เหอะครับ บทไอ้ปิงจะจีบใคร ผมไม่เห็นใครรอดสักราย เสร็จมันหมด มันเป็นพวกเอาใจเก่ง รู้จักพูด แล้วก็ฉลาด เรื่องเรียนมันโง่ยังก่ะควาย แต่เรื่องการจัดการความสัมพันธ์กับเรื่องบริหารเสน่ห์นี่ผมยกให้มันเป็นอาจารย์เลย
“กินไรดีวะ” มันลงจากรถแล้วทำท่านึก
“แล้วแต่ว่ะ แล้วมึงปล่อยให้น้องเขารอมันจะดีเหรอวะ”
“เอาน่า เชื่อแผนกูเหอะ นี่ๆ แดกอาหารอิตาลีร้านโปรดแม่กูแล้วกัน” ว่าแล้วมันก็ดันหลังให้ผมหันหลังเดินเลี้ยวซ้าย แค่ไม่กี่ก้าวผมก็ผ่านเข้ามาในร้านอาหารบรรยากาศสงบ มีสวนเล็กๆ แต่งไว้ที่ด้านหน้า ตัวร้านเป็นชานไม้เปิดโล่งสองชั้น มีร่มไม้บังแสงแดด ความจริงหน้าหนาวแบบนี้ก็ไม่ได้ร้อนอะไรมากมายนัก ผมเดาเอาว่าร้านนี้คงขายดีในมื้อค่ำ ผู้คนจึงค่อนข้างบางตา ส่วนใหญ่หนีบเอาหนังสือมานั่งอ่านสบายอารมณ์ มีวัยรุ่นอีกกลุ่มกำลังนั่งทำรายงานกันอยู่อีกด้านของร้าน โน๊ตบุ๊คสองสามเครื่องกับเอกสารกระจายกันเกลื่อนโต๊ะ
“ร้านสวยจัง”
“อื้อ แม่กูชอบกินร้านนี้ที่สุดน่ะ ถ้าเป็นอาหารอิตาลีนะ ร้านนี้อร่อยมากๆ”
“กูสั่งไม่เป็นนะ ไอ้อาหารไฮโซของมึงน่ะ”
“ฮ่าๆๆๆ กูก็ไม่เป็น แม่กูสั่งให้ตลอด”
สักพักอาหารก็มาเสริฟ ไอ้ปิงมันนั่งกินใจเย็น ระว่างนั้นมือถือมันดังหลายครั้ง แต่มันก็ตัดสายทิ้ง จนเวลาเลยไปเกือบชั่วโมง มันก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมา
“เปิ้ลเหรอ โทษทีรถติดหน่ะ จะถึงแล้ว เปิ้ลนั่งรออยู่ในร้านแล้วใช่ไหม...”
“นั่งรออยู่ตรงข้างกระจกนั่นแหละดีแล้ว”
“อ้าวปิงถึงแล้วเหรอ” เสียงของเธอดังเสียงจนลอดลำโพงออกมา
“ยัง อีกสักแว๊บ”
“แล้วทำไมปิงรู้ว่าเปิ้ลนั่งอยู่ข้างกระจก ปกติเรานั่งชั้นสองนี่นา...”
“เอาน่า ปิงก็เดาไปเรื่อย เดี๋ยวแค่นี้ขับรถก่อน”
ปิงตัดสายแล้วก็วิ่งไปชะโงกหน้าดู ผมเขยิบตามไป ผมคิดว่าน้องเปิ้ลเขาคงเห็นรถของปิง ... ก็มันสะดุดตาจะตาย ใครจะไม่เห็น ขนาดแค่ลงรถคนก็มองแล้ว หญิงสาวปั้นปึงแล้วกำลังเดินออกจากร้าน
ไอ้เจ้าเล่ห์เรียกเช็คบิลทันที พนักงานรีบวิ่งมา ปิงโยนบัตรเครดิตให้ แล้วก็รอให้พนักงานเดินเข้าไปด้านในเพื่อเช็คบิล
“ไปกันเร็ว”
“อ้าว เฮ้ย แล้วบัตรเครดิตล่ะ”
“ไปเห่อะน่าเร็วๆๆๆๆๆ เดี๋ยวไม่ทัน”
ผมวิ่งตามไอ้ปิงออกนอกร้าน เสียงตะโกนไล่หลังอยู่ไกลๆ “เดี๋ยว คุณครับ บัตรเครดิต”
“จูงมือกันหน่อย” ปิงพูดพร้อมกับคว้ามือผมไปจับไว้
“เฮ้ย นี่มันจะมากไปแล้......”
“ปิง” น้องเปิ้ลปรากฎตัวขึ้นด้านหน้าพร้อมกับหน้าเสีย..
วินาทีนั้นผมก็เข้าใจ ตอนนี้กลายเป็นว่า ปิงโกหกน้องเขาทั้งเรื่องขับรถอยู่ เรื่องที่ไม่ได้มากับผม แถมยังพาผมไปกินข้าว เพราะมีหลักฐานเป็นพนักงานเสิร์ฟวิ่งเหงื่อแตกเอาบัตรเครดิตมาคืนให้ แล้วก็ตบท้ายด้วยมือของผมกับปิงที่ประสานกัน
... ไอ้ปิง มึงมันร้ายยยยยยยย
ปิงปล่อยมือผม แล้วเดินเข้าไปหาน้องเขา เธอยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกอยู่แว๊บนึง ก่อนที่จะวิ่งไปเรียกรถแท๊กซี่แล้วก็หายลับไปกับตา
“แหะๆ แผนสำเร็จ”
“มึง ... ไอ้เลว !!!”
-
^
^
^
จิ้ม
อ่านประเดิมไว้ก่อน
ก่อนจะลาพักร้อนออกจากเล้าไปซักพัก ช่วงนี้รู้สึกเครียด เซ็ง จิตตก
แล้วไว้เจอกันใหม่ เมื่อชาติต้องการ
o22
:really2:
:เฮ้อ:
:serius2:
:beat:
:m31:
:เฮ้อ: เฮ้อ เบื่อตัวเอง แล้วจะไปหาที่สิงสถิตที่ไหนชั่วคราวละเนี่ย
ปล. บ่นไปงั้นแระ ไม่มีสาระใดๆ คนพิมพ์เองก็งงกะอารมณ์ตัวเองนิ :z3:
-
:m17:
อ้าวกรรม คุณ oa_ko เป็นอะไรเนี่ย
ถ้าว่างๆ ผมจะฝากลงเรื่องสักหน่อยได้ไหมครับ แบบว่าบางทีมันไม่สะดวกเวลาต้องเข้าเล้าตอนอยู่ที่ทำงานน่ะฮะ
-
เจ้าแผนการดีจริงๆ
มาต่อเร็วๆนะคับ + 1 เปนกำลังใจให้ อิอิ
-
:z3: มาต่อเด่ยวนี้น้าาาาาา
-
หูยยยยยยยย ค้าง หนุกมาจ้า รีบมาต่อนะ :z2:
ปิงแม่งร้าย :laugh:
-
มาเจิมเรื่องให่ครับ
น่ารักดี
รีบมาต่ออีกนะครับ
-
จะลงเอยกันยังไงคะเนี่ย ไอคู่นี้
o13
รอตอนต่อไปจ้า
-
เจ้าเล่ห์สุด ๆ เจ้าแผนการณ์มากมาย o13
-
ตอนที่ 3 หยุดที่ใครสักคน
หลังจากแผนการณ์สุดชั่วของไอ้ปิงสำเร็จ ผมก็รู้สึกผิดมาก เลยพาลพะโลไม่คุยกับมันไปด้วย
“เฮ้ย โฟนเป็นอะไรอ่ะ”
“ไม่รู้!”
“อ้าว มึงนี่ โกรธกูเหรอ อย่าโกรธกูเลยน้าาา น้าาาาาา”
“อย่ามายุ่ง กูจะไปทำรายงานกับเพื่อนที่คณะ”
“กูก็จะไปซ้อมเหมือนกัน ให้กูไปส่งนะ นะๆๆๆๆๆ”
“ไม่เอากูไปเองได้”
“น๊าาาาาาาาาา” มันอ้อนมาจับแขนเอาจมูกมาดุนๆ จนผมจักกะจี้ยิ้มออกมา
“กูยังโกรธมึงอยู่นะ แต่อนุญาตให้มึงไปส่งกูได้”
“โธ่~~ ไม่อยากขึ้นรถเมล์ร้อนๆ ก็บอกมาเห่อะน่า”
“แดกตีนกูเป็นของหวานไหมจ๊ะ ไอ้สาระเลว”
หลังจากนั้นก็แยกกันครับ ไอ้ปิงไปซ้อมหลีด ส่วนผมกับเพื่อนที่คณะมีทำรายงานกลุ่มที่ร้านอาหารแถวบ้านเพื่อน ส่วนใหญ่ผมจะมีหน้าที่พิมพ์เนื่องจากพิมพ์ดีดได้เร็วกว่าใครๆ คณะที่เรียนมีงานเยอะมาก แต่เป็นงานกลุ่มเกือบทั้งหมด ซึ่งว่าไปแล้วก็ดีเหมือนกัน เพราะว่าผมได้รู้จักเพื่อนใหม่ก็จากการทำงานนี่แหละ หลังจากงมโข่งหาข้อมูลกันอยู่จนค่ำ ทุกคนก็ตกลงกันว่า 2 ทุ่มเมื่อไหร่จะกลับบ้านกัน ต่างคนต่างเอางานของตัวเองไปทำแล้วก็ค่อยมารวบรวมกันอีกทีตอนเช้า
ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ก็พอดีกับปิงมันขับรถมาจอด
“เอ๊า แฟนมึงมาแล้ว” ไอ้เอกเพื่อนในกลุ่มแซว พร้อมกับเสียงหัวเราะของเพื่อน แรกๆ ก็อายนะ หลังๆ ก็ชินกับความปากหมาของพวกมัน
ไอ้ปิงเปิดประตูร้านผัวะเข้ามาก็ตะโกนลั่นร้าน “ปิงมารับแฟนแล้วครับผมมม” เพื่อนผมก็ได้หัวเราะกันอีกรอบ
-*-
... อะ ไอ้นี่แม่ง รู้สึกละอายบ้างไหมเนี่ย
ปิงมารับผมเสมอไม่ว่าผมจะอยู่ไกลแค่ไหน มันทำแบบนี้มาไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปีแล้ว ผมเก็บข้าวของแล้วก็โดดขึ้นรถคันหรูของมัน ล้อยางบดกับถนนเย็นเยียบ ผมนั่งเหม่อลอยดูแสงไฟจากตึกรามบ้านช่องสะท้อนกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่เงียบสงบ
น้องเปิ้ลไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย หรือวิ่งเข้ามาตบตีผมเหมือนในหนังไทย ในชีวิตจริงแล้วหากผมเจอเหตุการณ์แบบนี้ ก็คงทั้งอายทั้งเสียหน้า ผมนึกถึงว่าน้องเขาจะรู้สึกแย่เพียงใด ก็ยิ่งหงุดหงิดไอ้ปิงมากขึ้นเท่านั้น
“มึงโกรธกูมากป่ะที่ กูทำแบบนั้น” เสียงของปิงอ่อนโยนลงเสมอเวลามันจะพูดอะไรจากส่วนลึกของความรุ้สึกของมัน
“ก็ไม่ได้โกรธหรอก กูแค่ไม่อยากให้โกหก... มึงพูดไปตรงๆ ก็ได้เรื่องแบบนี้ คบแล้วมันไม่ใช่ ก็เลิก .. จบแบบแฟร์ๆ ไปทำแบบนี้น้องเขาคงเสียความรู้สึกน่าดู”
“มึงสปอร์ตกว่าที่กูคิดนะโฟน”
“มึงก็ป๊อดกว่าที่กูคิดเหมือนกันว่ะปิง”
แล้วพวกเราก็หัวเราะกัน ยิ้มให้กัน
พาหนะเคลื่อนตัวมุ่งหน้าผ่านแสงสีไปเรื่อยๆ ผมรู้ว่าปิงไม่ได้ตั้งใจขับตรงไปที่บ้าน เป็นนิสัยของปิงที่ชอบขับรถเล่น คราวนี้มันคงอยู่ในอารมณ์อยากจะคุยปรึกษามันก็เลยขับวนเลี้ยวเลาะไปเรื่อย อากาศเย็นลงจนผมหยิบเสื้อคลุมมาใส่ แสงไฟสีส้มเรียงตัวเป็นระเบียบอยู่ที่ทางเบื้องหน้า ตึกสูงทั้งสองฝากของถนนปิดไฟเงียบ ....กรุงเทพฯ กำลังเข้านอน ทิ้งพื้นที่ว่างให้ผมกับปิงขับกินลมเล่นไปเรื่อย ผมเป็นคนแปลก ยิ่งสนิทกันมากเท่าไหร่ผมก็จะพูดคุยน้อยลง ปิงเองก็คงเหมือนกัน ตอนนี้อะไรต่อมิอะไรก็คงโป้งป้างอยู่ในสมองมันเต็มไปหมด ปิงไม่ใช่คนนิสัยไม่ดี การที่มันบอกเลิกชาวบ้านเขาเป็นว่าเล่นเนี่ยไม่ใช่ว่ามันไม่เครียดหรอกนะ แต่มันทำเป็นเฉยๆ เพื่อกลบเกลื่อน ผมดูออกว่ามันก็รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย
“มึงไม่เหงาเหรอ” ปิงถามขึ้นมา ขณะรถเคลื่อนตัวเลียบถนนริมแม่น้ำ
“ไม่เหงา เหงาทำไมกูก็มีมึงอยู่ทั้งคน”
“... นั่นสินะ แต่มึงก็ควรจะหาแฟนไว้บ้างนะโว้ย”
“ไม่ต้องมาห่วงกูหรอก ห่วงตัวมึงเองเหอะ ตัวเลือกเยอะก็ใช่จะมีความสุข”
“เชี๊ยะ โดน... มึงนี่รู้ทันกูทุกเรื่อง เฮ้อออออออ”
“ไม่ต้องคิดมากหรอก มึงก็ลองคบไปเรื่อยๆ หยุดที่ใครก็คนนั้นนั่นแหละ”
“หมายความว่ายังไง หยุดที่ใครก็คนนั้น ของมึง”
“ก็ใครสักคนที่หยุดมึงได้ไง ต้องมีใครสักคนที่มึงคิดว่าจะหยุดทุกอย่างให้กับคนคนนั้น นั่นแหละเป็นคนที่ใช่ ตราบใดที่ยังไม่เจอ กูว่ามันก็ไม่ผิดหรอกที่จะลองคบไปเรื่อยๆ ถึงจะมีแต่คนบอกว่าเจ้าชู้บ้างล่ะ เสือบ้างล่ะ แต่การตามหามันก็ไม่ได้จะเจอกันง่าย ของแบบนี้ต้องใช้เวลา”
.......
ถึงบ้านเสียที ผมถอนกระเป๋าเป้แหมะลงบนพื้นห้องนอนพร้อมกับกระโดดฟุบลงบนเตียง เปิดเพลงเบาๆ แล้วก็ปล่อยให้สติเลือนลางไปเรื่อย ใบหน้าของปิงลอยเข้ามาในความคิด แม้จะเป็นฤดูหนาวแต่ผมก็ยังนอนเปิดแอร์จนเย็นแล้วก็ซุกตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ไฟสีส้มดวงเล็กที่หัวนอนมีกำลังส่องให้เห็นข้าวของที่อยู่ในห้องแบบเลือนลาง โปสเตอร์หนังหลายเรื่องถูกนำมาประดับไว้ที่ฝาผนังบุวอลล์เปเปอร์สีน้ำตาล โซฟาเล็กๆ กระจุกตัวพร้อมกับชั้นวางของที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือหลายร้อยเล่ม ในจำนวนข้าวของมากมายที่วางอยู่ รูปของผมกับปิงในชุดนักเรียนถูกอัดใส่กรอบแล้วก็ตั้งวางเอาไว้ ดูแล้วก็ตลกดีผมกับปิงโตขึ้นเรื่อยๆ ชุดที่สวมใส่และทรงผมก็ผันแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
ของอีกหลายชิ้นในห้องก็มีความทรงจำที่โยงไปถึงปิง ของขวัญวันเกิดหลายชิ้นมีตัวตนอยู่ในห้องอย่างกระจัดกระจายตามหน้าที่... ก่อนจะหลับไปผมบ่นกับตัวเอง
‘ใจเต้นเร็วอีกแล้วนะนาย’
-
^
^
^
^
^
จิ้มคนแต่ง
กรี๊ดดดดดดดดดด
เรื่องใหม่ๆ :mc4:
-
เฮ่ยยย อ่านแล้วชอบบว่ะ ครับ o13
รีบมาต่อเร็วอ่ะนะ :mc4:
-
ชอบครับ
ให้ความรู้สึกดีๆ ปนเหงา เข้ากับหน้าหนาว
เป็นเรื่องสั้นเหรอ อยากอ่านยาวๆ หน่อย
-
:m17: จะพยายามแต่งให้ยาวนะครับ แต่ก็คงไม่ยืดเยื้อมาก เดี๋ยวจะเบื่อกันเสียเปล่าๆ
แต่งถึงตอนที่ 6 แล้วแต่ขอกั๊กไว้ก่อนฮะ :m14:
ขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ ทำให้ผมแต่งต่อไปเรื่อยๆ
-
แอบรักเรื่องนี้นิดๆ แล้ว
ขอแบบจบดีๆ นะ
ทะเลาะเบาะแว้ง รักคุด เศร้า รันทด ไม่เอา ไม่ชอบ เครียด กลุ้ม เสียสมาธิ
:กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
:L2: :L2: :L2:
เจิมช้าไปมะเนี่ยอิๆ
เรื่องนี้ อยากบอกว่า ชอบพล็อตแบบนี้มาก
มันเป็นไรที่เขียนแล้วมีแบล็ดอัพ มาคอยดันให้เขียนได้เรื่อยๆ จากที่สังเกตนะ
ความสัมพันธ์จะค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่กล้าพูด จนแบบว่า
เกิดเหตุ อะไรสักอย่างอะนะ
เลยเป็นแนวที่ชอบมาก
แล้วจะรออ่านต่อนะคราบ แอบชอบโฟนด้วย อิๆ
-
มาต่อให้ตอนเช้าๆ ครับ ง่วงเป็นบ้าเลย เมื่อคืนทำงานไม่ได้หลับได้นอน T ^ T แล้วจะเอาเวลาที่ไหนปั่นต้นฉบับล่ะเนี่ย
เรื่องนี้จะเหงาๆ ชาๆ แบบนี้แหละครับ
เรื่องกุ๊กกิ๊กมีเยอะแล้ว ผมถนัดเล่าแบบนี้อ่ะฮะ :m19:
ขอนอนยันว่า Happy ending นะฮับ ^ ^ แหะๆๆ
ต้องรีบปั่นต้นฉบับเพราะว่าเดี๋ยวจะติดช่วงรับปริญญา จะได้มี stock ลง
รู้ตัวว่าเพิ่งเอาเรื่องมาลง แล้วเล้าก็มีเรื่องเยอะมากกกมากกกกกกก แต่ละเรื่องก็สนุกทั้งนั้น แม้คนจะตอบรับน้อย แต่ก็ขอบคุณมากกๆๆ เลยนะฮะ :m17:
อ่อ ตอนนี้เศร้าสักหน่อยนะ :m5:
ตอนที่ 4 โชคชะตา
โชคชะตามีจริงไหมครับ
ถ้ามีจริงผมจะชวนมากินเหล้าพูดคุยสักหน่อยว่าทำไมถึงได้ทำตัวแย่แบบนี้
หลังจากเรื่องวันนั้นข่าวว่าผมกับปิงเป็นแฟนกันก็ยิ่งโหมกระหน่ำเข้าไปใหญ่ คืนนึงผมถามมันเล่นๆ หลังจากมันมานอนดูบอลที่บ้านผม (แน่นอนครับ ผมมีขนมกินฟรี)
“มึงไม่เครียดบ้างเหรอวะ เรื่องข่าว”
“ข่าวอะไรวะ”
“ก็ที่มึงกับกูเป็นแฟนกันไง”
“ไม่เห็นต้องเครียด ทำไมวะมึงคิดมากเหรอ”
ผมเงียบ
“สาดด คิดไรมาก ถ้ามึงเป็นผู้หญิงกูจะแย่งจีบมึงคนแรกเลย”
คำว่า ‘ถ้ามึงเป็นผู้หญิง’ นี่เล่นเอาเจ็บใช้ได้เลยนะครับ ตอนนั้นก็เลยคว้าเบียร์มาซดเอาซดเอาหน้าซีดเผือกเลย (แปลกไหม ปกติเวลาคนเมาแล้วหน้าจะแดง แต่ผมนี่ยิ่งเมายิ่งซีด ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน) เมาแล้วก็เวียนหัว ดูบอลไม่รู้เรื่อง แว๊บเดียวก็บ้านหมุนติ้วแล้วก็หลับไป
แล้วผมก็ฝันครับเป็นเรื่องสมัยตอนเด็ก แต่ก่อนผมเป็นเด็กตัวเล็ก เป็นคนโตช้าน่ะครับ ช่วงประถมเพื่อนรุ่นเดียวกันสูงเอาสูงเอาผิดกับผมที่ไม่สูงขึ้นสักที ก็ตามประสาเด็กที่จะแกล้งกันเป็นประจำ เป้าหมายจะใครล่ะครับนอกจากเจ้าตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม
ผมตกเป็นฝ่ายโดนแกล้งอยู่บ่อย แม้ว่าจะสู้ขาดใจแต่ขนาดตัวมันต่างกัน ผมจำได้ว่ามีอยู่ทีนึงพวกเราเล่นโจรสลัดกัน แต่ละคนแย่งกันเป็นกัปตันส่วนผมโดนไปเป็นคนกวาดเรือ ไอ้ปิงซึ่งหัวโจกของกลุ่มให้เป็นรองโจรสลัดปฎิเสธตำแหน่ง มันบอกว่าจะมาเป็นคนกวาดเรือเป็นเพื่อนผม ตอนนั้นดีใจมาก มันเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ นะเวลาที่รู้ว่ายังไงก็ตามจะมีคนอยู่ข้างๆ เราเสมอ
ความฝันตัดสลับไปสลับมาผมคิดว่าอาจจะเพราะว่าผมเมามากและก็คงครึ่งหลับครึ่งตื่น ภาพความทรงจำเปลี่ยนฉากหลังมาเป็นโรงเรียนมัธยมที่ผมกับปิงเรียนอยู่ด้วยกัน วันสอบเสร็จวันสุดท้าย ผมกับเพื่อนนั่งเล่นอยู่ที่โรงเรียนจนเช้า เป็นคืนที่ผมจะจำไปจนวันตาย ตอนนั้นผลเอ็นทรานซ์ยังไม่ออกครับต่างคนก็ต่างไม่รู้อนาคตของตัวเอง มันเคว้งคว้างเป็นบ้าเลย พวกเราถูกเลี้ยงดูมาแบบมีหนทางตายตัวตลอด ตื่นเช้ามาโรงเรียนตกเย็นเรียนพิเศษกลับบ้านอ่านหนังสือเตรียมสอบ แต่คราวนี้เมื่อสอบเสร็จแล้วมันดันไม่มีทางไปต่อน่ะสิครับ ทุกอย่างหยุดลงอย่างกระทันหัน พรุ่งนี้ไม่ต้องมาโรงเรียนแล้ว ไม่ต้องมานั่งหลับสัปหงกในห้องเรียนแล้วก็ภาวนาให้กริ่งหมดคาบดังอีกต่อไป ผมนั่งกอดเข่ามองขึ้นบนท้องฟ้าสีหม่น ไอ้ปิงนั่งเอาหลังพิงผมอยู่ เพื่อนอีกห้าหกคนที่สนิทกันก็อยู่ด้วย พวกเราพูดคุยถึงอนาคตที่ยังไม่แน่นอน กระดาษคำตอบไม่กี่ร้อยข้อที่จะตัดสินชีวิตที่เหลือของเรา คิดไปก็บีบหัวใจเหลือเกิน
“แล้วถ้าต่อไปไม่ได้เรียนที่เดียวกัน จะลืมกันหรือเปล่าวะ” เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้นมา
ผมเงียบ...
เงียบเพราะว่าผมไม่มีคำตอบให้ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่ปิงกลับตอบฉะฉาน “ห้ามลืม ห้ามลืมกันเด็ดขาด ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องติดต่อกันไว้ กูไม่ยอมเสียเพื่อนไปหรอกหว่ะ”
ตอนนั้นปิงเขยื้อนตัวแล้วมือของผมกับมันก็สัมผัสกัน ผมกำลังจะชักมือหนีเพราะอาย แต่ปิงจับมือผมเอาไว้แน่น ไม่มีคำพูดใดๆ ออกจากปากมันอีกในคืนนั้น มีแต่น้ำตา ไม่บ่อยนักที่ผมจะเห็นปิงร้องไห้ สักพักไฟบนตึกก็ปิดครับ ผมควักเทียนไขหลายเล่มขึ้นมาจุด มันเป็นคล้ายๆ ธรรมเนียมที่เด็กม.หกที่จบจะค้างโรงเรียนในคืนสุดท้ายแบบนี้ และอุปกรณ์ให้แสงสว่างก็จำเป็นในเวลาที่พี่ยามเดินมาปิดตึก ดูจากแสงเทียนที่สว่างขึ้นหลายจุดในโรงเรียนพวกผมคงไม่ใช่กลุ่มเดียวที่ยังยึดติดในธรรมเนียมเดิม
ผมถอดเสื้อนักเรียนแล้วก็แลกกันเซ็น ผมกับปิงจงใจให้กันและกันเซ็นเป็นคนสุดท้าย ความจริงแล้วผมเขินนิดหน่อย อาจจะเพราะว่าสนิทกันมากเวลามาทำซึ้งอะไรแบบนี้มันก็ดูขัดๆ แถมไอ้ปิงน้ำตาคลอตลอด เห็นแล้วก็ใจหวิว ตอนนั้นคิดว่าจะไม่ได้เรียนที่เดียวกับมันอีกต่อไปผมก็รู้สึกแย่ลงไปอีก
พระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า ผมสวมเสื้อนักเรียนที่เปรอะไปด้วยหมึกสีดำ ท่ามกลางคำพูดมากมายที่ปรากฎอยู่นั้น หนึ่งข้อความที่มีความหมายกับผมมากถูกเขียนโดยเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิต
‘Don’t walk in front of me, because I may not follow
Don’t walk behind me, because I may not lead
Just walk beside me, and be my friend
ตลอดไปนะมึง เข้าใจป่ะ/ปิง...เพื่อนชั่วชีวิตของมึง’
....
ผมสะดุ้งตื่นมากลางดึก ภาพของความฝันชัดเจนจนเหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
ได้ยินเสียงไอ้ปิงนอนกรนอยู่ข้างๆ ผมสำรวจตัวเองแล้วก็สรุปได้ว่าปิงคงแบกผมขึ้นมานอนบนเตียงจนสำเร็จก่อนที่ผมจะหลับ เพราะจำได้ว่าก่อนจะสลบไปผมยังอยู่ที่โซฟาข้างล่าง มันเองก็คงเมาไม่น้อยเหมือนกัน
สายตาผมจับจ้องไปที่ปิง โครงหน้ารูปไข่บวกกับแก้มยุ้ยๆ ของปิงแดงระเรือเหมือนกับริมฝีปากของมัน ปิงเป็นคนขาวแล้วก็ผิวดีมากเพราะมันแทบจะยกเค้าร้านขายของขโมยครีมบำรุงผิวมาละเลงบนเนื้อตัว ไม่รู้ครีมห่าอะไรของมันมากมาย อันนี้ทาหน้า อันนี้ทาตัว อันนี้ใต้ตา อันนี้ก่อนล้างหน้า อันนี้ทากลางคืน ฯลฯ
ผมนอนยิ้มอยู่คนเดียว แล้วก็สำรวจไอ้ปิงต่อ ไรผมจางๆ ของมันไล่มาที่ต้นคอ หัวไหล่ที่มีมัดกล้ามพองามสะท้อนแสงไฟสลัว หน้าอกที่เปลื่อยเปล่า หน้าท้องราบเรียบ กลิ่นของแอลกอฮอล์... ใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะ
หรือบางทีผมควรจะบอกมันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่าผมเป็นอะไร บอกว่าผมคิดกับมันเกินไปมากกว่าเพื่อนกัน
อยู่ดีๆ น้ำตาก็ไหลออกมา
ไม่มีเหตุผล
ผมไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมต้องร้องไห้ อาจจะเพราะฤทธิ์ของเบียร์ก็ได้ล่ะมั้ง รู้แต่ว่ามันอึดอัดครับ ผมเป็นเพื่อนของปิงมานาน ผมรู้ว่ามันรับไม่ได้ถ้าผมต้องเปลี่ยนไป อย่างไรก็บอกไม่ได้ แต่ยิ่งนานไปมันก็ยิ่งทรมาน ยิ่งเข้ามาใกล้ชิดกันแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้ผมหวั่นไหวเข้าไปทุกที ผมไม่ได้อยากรู้สึกแบบนี้ ถ้าเลือกได้ผมอยากเป็นเพื่อนกับมันแบบบริสุทธิ์ใจมากกว่า ผมไม่ได้อยากจะต้องรู้สึกแบบนี้สักหน่อย ต...แต่มันเป็นของมันเอง ผมไม่เข้าใจเลย
ทรมานนะ ทรมานมากๆ....
ปิงอยู่ใกล้แค่นี้เอง... แก้มผมยังสัมผัสลมหายใจของมันได้เลย ถ้าผมเอื้อมมือไปอีกนิดผมก็ได้กอดมันไว้แล้ว แต่สิ่งที่ผมทำได้ก็คือนอนนิ่งและพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมามากกว่านี้
-
เย้ๆๆๆเรื่องใหม่มาให้กำลังใจ :L2:
-
เข้ามาติดตามอย่างเงียบๆ :กอด1:
-
ยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิท ยิ่งไม่มีสิทธิ์จะบอกไป... ว่ารักเธอ :m15:
-
เรื่องจริงหรือเรื่องเล่าฮ่ะ
ทรมานอย่างนี้....รักเรา :3123:
-
:monkeysad: แอบรักเพื่อนก็งี้แหละ จะบอกก็กลัวเสียเพื่อน แต่ถ้าไม่บอกก็แล้วเกิดใจตรงกันเสียดายเวลาอีก :z3:
-
:L2: :L2:
เป็นเรื่องเล่าที่บรรยายความรู้สึกได้กินใจมากกกก
อ่านแล้ว....เฮ้อ เศร้าจังเลย :เฮ้อ:
มาอัพต่อเร็วๆนะคะ
-
ตอนที่ 5 แม่มยาวแสด เลยขอรับพี่น้อง เลยขอตัดมาสักสองตอน
(จริงๆ แล้วจะได้มีเวลาอู้ใช่ม๊าา ล่ะนาย!!) :m19:
สำหรับคนที่คิดอยู่ว่าเป็นเรื่องจริงหรือว่าไม่จริง ผมขอให้คิดว่าทั้งหมดทั้งตัวละครทั้งเหตุการณ์หรือสถานที่เป็นเรื่องที่ผมแต่งขึ้นมาเอง เพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายครับ :m17:
จะว่าไปเรื่องของผมก็ไม่มีอะไรเลยเน๊อะ ก็แค่คนนึงแอบรักอีกคนนึง เป็นรูปแบบความรักที่เจอได้ทั่วไป :m15:
ขอบคุณทุก rep เช่นเดิมฮะ
:m1: :m1: :m1:
T^T ที่ทำงาน server เสียอะไรสักอย่าง เปิดเวปไม่ได้ ได้แต่ใช้โปรแกรม check mail เน่าหนอนจริงๆ :angry2:
ใครมีแรงพอลงเรื่องให้ PM มานะฮะ :m16: :m16:
ตอนที่ 5.1 ตัวแปร
ตั้งแต่วันที่ผมแทบจะหน้ามืดปล้ำไอ้ปิงมัน จนถึงตอนที่ผมจะเล่านี่ก็ผ่านไปร่วม 4 เดือน ส่วนความสัมพันธ์ของผมกับปิงก็ไม่มีการคืบหน้าอันใดครับ ดูท่าจะถอยหลังเข้าคลองด้วยซ้ำ ตอนนี้นับว่าปิงดังระดับนึงเลยในมหาลัย (จะเรียกว่าดังมากก็ได้มั้ง แต่ผมไม่ปลื้ม ก็เลยให้มันดังเฉยๆ) เพราะหลังจากแข่งหลีดที่มันฟิตซ้อมเป็นนักเป็นหนา ไอ้ปิงก็มีฝูงลิงค้างบ่างชะนีมารุมทันที และดูเหมือนมันก็กำลังร่าเริงกับสถานภาพใหม่ของมัน ตอนนี้มันคงตั้งหัวลำโพงส่วนตัวคอยสับรางหญิงที่มาติดพันมัน
แต่อย่าเข้าใจผิดนะครับ กับผมแล้วปิงไม่เคยเปลี่ยนเลย ไม่ว่ามันจะคั่วหญิงกี่คน แต่เวลาให้ผมมันก็มีเสมอ มันยังมารับผมกลับบ้านประจำ กินข้าว ดูหนังด้วยกันเป็นประจำ ผมก็เกรงใจมันนะ เคยบอกมันว่าไม่ต้องมาตลอดก็ได้ มีเวลาให้คนอื่นบ้างก็ได้ กูไม่ได้ป่วย ไม่ได้พิการจนต้องให้มาดูแลตลอด ผลปรากฎว่าไอ้ปิงโกรธผมใหญ่ งอนตุ๊บป่องจนผมต้องไปง้อมันอยู่นานสองนานกว่าจะหายดี ... เฮ้อ ไม่เข้าใจมันจริงๆ เล๊ยย ทำแบบนี้ผมยิ่งคิดมาก ยิ่งคาดหวัง
และวันหนึ่ง ใครอีกคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาในชีวิตของผม คนคนนี้เป็นคนที่ทำให้ชีวิตผมปั่นป่วนเอามากๆ ชื่อของมันคือ เป้
คนที่ทำให้ผมกับเป้ได้รู้จักกันก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ พ่อคุณปิงของผมนี่แหละ คือว่าเป้เนี่ยเป็นเพื่อนของปิงอีกที เป็นหลีดด้วยกันก็เลยพอจะรู้จักกันอยู่ เป้เป็นคุณหนูของแท้ ขับBMWสีดำมาเรียน ใช้ข้าวของมียี่ห่อ นิสัยออกจะเรียบร้อยไม่โผงผางเหมือนไอ้ปิง เป้เป็นคนตัวบาง ดูบอบบางไปเสียหมด หน้าใสกิ๊กจนผู้หญิงยังอาย ยังไงก็ตามเป้ไม่เคยอวดร่ำอวดรวย ไม่รู้จะอธิบายยังไง คือคนที่มีเงินเยอะจริงๆ เขาจะไม่มานั่งคิดเรื่องยี่ห้อ มานั่งซีเรียสว่าของกูของแท้หรอก
ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมก็รู้จักเป้แค่นี้ ในฐานะของเพื่อนของเพื่อนอีกทีหนึ่ง จนวันหนึ่งผมกับปิงไปหาข้าวกิน บังเอิญว่าวันนั้นปิงมีนัดประชุมงานอะไรสักอย่างของคณะมันนี่แหละ ผมก็เลยไปนั่งรอมันด้วย เพราะว่าพอจะสนิทกับเพื่อนของปิงอยู่แล้ว
พอถึงร้านดันกิ้นโดนัท ผมก็เห็นเป้และก็เพื่อนอีก 2-3 คนที่ผมรู้จักนั่งรออยู่ในร้านแล้ว ดูท่าทางคงจะเริ่มไปได้สักพัก ผมควักการ์ตูนที่แวะซืื้อขึ้นมาอ่าน ส่วนปิงก็กระโดดเข้าไปร่วมวง สักพักก็มีผู้หญิงใส่ชุดเดรสยาวสีดำหน้าตาน่ารักเดินเข้ามาทักปิง เพื่อนคนอื่นหยุดคุยมองเธอกันตาไม่กระพริบ ผมจำได้ว่าเป็นเด็กของปิง คุยกันไปกันมาดูเหมือนว่าเธอจะชวนปิงไปเที่ยวคืนนี้
ปิงรีบปฎิเสธใหญ่ “วันนี้ไม่ได้ นุ่น ปิงต้องไปส่งเพื่อนปิงที่บ้าน ไว้พรุ่งนี้สายๆ แล้วกัน”
นุ่นมองผมด้วยสายตาแปลกๆ ดูก็รู้ว่าข่าวของผมกับปิงก็คงลอยไปเข้าหูเธอเช่นกัน “เฮ้ย ไม่เป็นไรปิง กูกลับเองได้” .... ความจริงผมอารมณ์เสียหน่อยๆ เหมือนกัน จะให้พูดความจริงแบบไม่เข้าข้างตัวเองคือ ผมหงุดหงิดมาก และก็ไม่อยากให้ปิงไปเลย น้องนุ่นดู ‘จัดจ้าน’ เหลือเกิน และผมว่าถ้าปิงไปคืนนี้ ทั้งคู่ก็คงลงเอยบนเตียงอย่างแน่นอน ผมรู้ว่าผมหึงปิงมัน แต่ผมก็ไม่อยากจะยอมรับนักหรอก
“เฮ้ยย ไม่เอาน่า กูต้องไปส่งมึงสิ” ปิงยังยืนกราน ซึ่งก็ยิ่งทำให้ผมโมโหเข้าไปใหญ่ ผมอุตส่าห์ทำเป็นไม่สนใจให้ ทำไมมันไม่ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่แล้วก็ไปกับน้องเขาให้มันสิ้นเรื่องไปนะ ทำไมต้องถาม ทำไมต้องมาสนใจหาคำตอบอะไรกันตอนนี้ ทำไมมันต้องปฎิเสธน้ำใจที่ผมพยายามจะให้มัน
“กูบอกว่ากูจะกลับเอง” ผมเริ่มหาเรื่อง แล้วก็เป็นไปตามความคาดหมาย ไอ้ปิงมันเป็นไฟอยู่แล้วเจอฝืนเข้าไปหน่อยก็ลุกโชน
“อะไรวะโฟน มึงเป็นอะไรของมึง พูดมา” ปิงเสียงดัง น้องนุ่นหน้าเสีย เธอไม่รู้ซะแล้วว่าผู้ชายที่เธอเล็งเอาไว้น่ะ อารมณ์ร้อนยังก่ะอะไรดี
บรรยากาศในร้านเริ่มมาคุ โต๊ะข้างๆ เริ่มหันมามอง ผมเก็บข้าวของแล้วก็ลุกพรึ่บเดินฉั่บๆ ออกไปจากร้าน ไอ้ปิงวิ่งตามออกมานอกร้าน
“เฮ้ย มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย”
... ผมเงียบ
“กูไม่เข้าใจ มึงโกรธกูทำไมวะ ก็กูจะไปส่งมึง ทำไมมึงอยากให้กูไปกับน้องเขานักวะโฟน” .. เวรเอ้ย กูไม่ได้อยากให้มึงไปกับน้องเขา กูเลยนอยด์แดกอยู่นี่ไงหล่ะะะะ (นั่นคือที่คิดครับ แต่ในความเป็นจริงแล้วผมได้แต่ยืนเงียบ)
ผมหันหลังแล้วก็เดินหนี พูดอะไรกันตอนนี้ก็คงมีแต่ทะเลาะกันมากขึ้น
ปิงคว้ามือผมเอาไว้
“ปล่อย...” แต่ฝ่ามือคู่นั้นบีบรัดแรงขึ้นไปอีก
“กูบอกให้ปล่อย” ผมสะบัดมืออย่างแรงแล้วก็เดินหนีไป
ผมเดินเร็วมากๆ จนแทบจะเหมือนวิ่งหนีด้วยซ้ำ ในใจก็ด่าตัวเองตลอด ผมรู้ว่าผมมันแย่ ผมเห็นแก่ตัว ผมทำผิดแถมยังไปพาลใส่ไอ้ปิงมันอีก คนที่คิดเล็กคิดน้อยนั่นมันผมเองไม่ใช่เหรอ
ผมหลบเข้าไปเดินเล่นในร้านหนังสือให้ใจร่มๆ ก่อนกลับบ้าน คิดอยู่ว่าคราวนี้ตัวเองงี่เง่าเกินเหตุจริงๆ คงต้องง้อไอ้ปิงนานแน่ หลังจากแกร่วอยู่ในร้านอยู่เกือบชั่วโมงผมก็ออกมายืนรอรถเมล์ ( T^T ถ้าไม่ทะเลาะก่ะปิง ก็ได้กลับบ้านสบายๆ แล้ว โฟนเอ๊ยย โฟนน)
อยู่ดีๆ ก็มีมือมาแตะที่บ่า ผมสะดุ้งนิดนึง หันหลังกลับไป
“อ้าวเป้”
-
ค้างงงงงงง เป้จะมาจีบโฟนปะเนี่ย :z1:
-
^
^
^
^
จิ้มมมมมมมมมเพ่111111111111111
โฟนใจเย็นเน้อ
-
:L2: อ้าวแล้ว แล้วเมื่อไรมาต่ออ่ะ
-
แล้วก็มีคนแทรกเข้ามาจนได้ รอๆๆๆๆๆๆค่ะ :impress2:
-
ในที่สุดก็มีตัวเร่งปฏิกริยาเข้ามา :impress2:
-
งานนี้ชักสนุกละสิ แล้วจะรอน๊าอิๆ
-
อ้าวววว
ปิงเอ้ยยยย ระวังจะเสียโฟนให้เป้ไปไม่รู้ตัวนะ
-
มาต่อแล้วอ่ะฮะ งานยุ่งตั้งแต่เมื่อคืนแล้วววว 2 ทุ่มจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้นอนเลย :m15:
มาต่อตอนที่กั๊กไว้แล้วนะคับ
internet ที่ห้องก็เพิ่งหายไม่สบาย แหะๆ :z2:
ขอบคุณทุก rep นะฮะ ดีใจที่มีคนตามอ่านคับ กลุ่มเล็กๆ แต่แค่นี้ก็พอแล้วฮะ :m1: :m1: :m1: จุ๊บบบ จุ๊บบบบบ
ตอนที่ 5.2 ตัวแปร
อยู่ดีๆ ก็มีมือมาแตะที่บ่า ผมสะดุ้งนิดนึง หันหลังกลับไป
“อ้าวเป้”
“เป็นไงมั่ง.. พ่อคนขี้วีน” ...ผมอายจนหน้าแดง
“นายมาทำอะไรเหรอ”
“ก็เมื่อกี้เดินไปดูหนังสือ เห็นนายเดินออกมาจากร้านพอดี ก็เลยมาทัก”
ผมอึกอัก อยากรู้ว่าไอ้ปิงมันเป็นยังไงบ้าง แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทัน
“ไอ้ปิงโมโหใหญ่ โวยวายแล้วก็กลับบ้านไปแล้ว” เป้พูดพร้อมกับยิ้ม ... อะไรกันนะ ผู้ชายคนนี้ยิ้มได้ตลอดเลยหรือไง
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
“รีบกลับป่ะ เดินเล่นกันก่อนไหม”
“อ..อื้อ ได้สิ เราไม่รีบหรอก”
หลังจากนั้น ผมกับเป้ก็ออกเดินจากป้ายรถเมล์ไปเรื่อยตามถนนในสยาม
“สยามนี่เดินบ่อยๆ ก็น่าเบื่อเน๊อะ คนเยอะแต่ว่าไม่ค่อยมีอะไร” เป้บ่น
“งั้นไปที่อื่นกันไหม”
“ที่ไหนล่ะ”
ผมลากเป้ขึ้น BMW คันงามแล้วก็ขับออกจากสยาม
“นายกินข้าวต้มข้างทางได้ป่ะ”
“เฮ้ย ได้ดิ ทำไมถามอย่างนั้น”
“ก็นายดูคุณหนูออก นึกว่าจะไม่อยากกิน”
“ฮ่าๆๆ จริงๆ แล้วได้กินไม่ค่อยบ่อยหรอก ขับไปแถวไหนล่ะ ชักอยากกินแล้ว”
“ไป แถวธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์แล้วกัน มีร้านอร่อยอยู่”
ตอนนั้นค่อนข้างดึกแล้ว ถนนโล่ง ขับแว๊บเดียวก็ถึง ตลกดีเหมือนกันขับรถซะหรูแต่กลับมาจอดกินข้าวต้มข้างทาง
“ไข่เยี่ยวม้ากระเพรากรอบ ไข่เจียวหมูสับ ต้มจืดเต้าหู้หมูสับใส่สาหร่ายเยอะๆๆๆ หมูทอดกระเทียมขอกระเทียมเยอะๆๆๆ และก็ข้าวเปล่าสองจาน” ผมรัวเมนูยิบ
“เอ่อ... ท่าทางนายจะหิว”
“โมโหแล้วต้องกินแก้เครียด”
“ฮ่าๆๆๆ งี้เดี๋ยวก็อ้วนตาย... น่าสนุกดี เราไม่ค่อยได้มากินร้านแบบนี้”
“ร้านอย่างนี้แหละอร่อย อร่อยกว่าร้านแพงๆ อีกนะ”
“แล้วนายเรียนยากไหม” เป้เริ่มชวนคุย
“ไม่รู้แหะ ยากเหมือนกันมั้ง แต่เรายังอยู่แค่ปีหนึ่งไง ก็ยังร่าเริงได้ แล้วนายเป็นไงล่ะ”
“เราเหรอ โอ้ยย มันจะไปยากอะไรก็แค่วาดรูปโน่นนี่”
“ยากจะตาย เรางี้วาดรูปไม่ได้เรื่อง”
ผมหยิบปากกาจากที่โต๊ะกับกระดาษทิชชู่มาวาดสัปปะรดลงไป
“เนี่ย รูปวาดเรา ให้ทายว่าวาดอะไร”
“เอ่อ... สัปปะรดมั้ง” ผมแหกตาดูภาพวาดอันทุเรศทุรังของตัวเอง ดูยังไงก็ไม่น่าจะมองเป็นสัปปะรดได้เลย
“เฮ้ย นายทายถูกได้ไงอ่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน เราเห็นนายวาดมีตาข่ายแล้วมีจุดตรงกลาง ก็เลยเดาเอาว่าน่าจะสัปปะรด”
“แสดงว่าโชคช่วยนะเนี่ย”
“ฮ่าๆๆ”
กับข้าวมาเสิร์ฟ ผมจ้วงเลยครับท่าน ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน เวลาอารมณ์เสีย ได้กินของอร่อยๆ แล้วจะดีขึ้นนะ ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
“โห อร่อยอย่างนายว่าจริงๆ” เป้ยิ้ม (อีกแล้ว) เป้เป็นคนที่ยิ้มสวย เขาจะน่ารักขึ้นมากอีกหลายเท่าตอนที่ยิ้ม
“งั้นวันหลัง เดี๋ยวเราพาไปที่อื่น เรารู้จักร้านแนวนี้อีกเยอะแยะ”
“จริงเหรอ แล้วจะรอนะ”
ผมกับเป้นั่งกินแว๊บเดียวก็หมด แม้ว่าจะดึกแล้วแต่อารมณ์มันค้างครับ ผมรู้สึกว่าได้เจอเพื่อนคุยที่ถูกคอ คุยกับเป้แว๊บเดียวแต่เหมือนรู้จักกันมานาน เพราะฉะนั้นแทนที่จะกลับบ้าน ผมกลับชวนเป้ไปต่อที่ร้านแถวถนนพระอาทิตย์
คนในร้านไม่เยอะมาก เพราะตอนนั้นก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว ผมสั่งตากิล่าเป็นเหยือกมาเพราะไม่อยากจะกินหนัก เดี๋ยว BMW คันงามจะเซถลาไปเสยตูดคันอื่น
“กินเหล้าได้ไหมเนี่ย”
“โอ้โห เรื่องนี้ อย่าดูถูกนะ เห็นแบบนี้แต่คอทองแดงเลยนา”
ผมไม่เชื่อหรอกในตอนแรก แต่หลังจากเป้สั่งเบียร์มาเพิ่มอีกสี่ขวด ผมก็เข้าใจว่ามันพูดจริง พวกเราคุยกันไปเรื่อย ผมสังเกตว่าเป้หลีกเลี่ยงจะคุยเรื่องปิง อาจจะเพราะไม่อยากทำให้ผมเสียอารมณ์ จริงๆแล้วตอนนั้นคงไม่เป็นไรหรอก เพราะผมติดลมบนซะแล้ว เป้เป็นคนคุยสนุกมาก ผมเรียนรู้ว่าเป้เป็นลูกชายคนสุดท้อง ซึ่งก็ไม่ประหลาดใจนักหรอก โหวงเฮ้งของมันเป็นเด็กที่ถูกประคบประหงมมาอย่างดี แต่เป้ก็เป็นคนดื้อเงียบ (นิสัยนี้คล้ายกับผมมากๆ) คะแนนสอบเอนทรานซ์ของเป้ดีมาก (เจ้าตัวไม่ยอมบอก) ผมมารู้ทีหลังนี่ถึงกับหนาวเลย พ่อกับแม่อยากให้มันเรียนด้านเศรษฐศาสตร์ ในจำนวนพี่น้องเป้เรียนเก่งและก็เป็นเด็กดีที่สุด พี่ชายคนนึงเกเรมากจนพ่อจับส่งไปเรียนอังกฤษ เป้ยืนกรานว่าอยากเรียนศิลปะมากกว่า สุดท้ายก็ไม่มีใครขัดใจได้ เป้ได้เรียนศิลปะสมใจ
เหมือนเวลาผ่านไปแค่แว๊บเดียว พนักงานร้านเดินเข้ามาบอกอย่างสุภาพว่าร้านกำลังจะปิด ผมกับเป้จ่ายเงิน ซึ่งจริงๆ แล้วคนที่แย่งจ่ายทั้งหมดเป็นเป้ อากาศด้านนอกเย็นสบาย มีลมอ่อนๆ พัดพาให้อากาศอบอ้าวคลายไปบ้าง พวกเรากลับขึ้นมาบนพาหนะอีกครั้ง ผมพูดคุยน้อยลง แต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัด ซึ่งเป็นข้อสังเกตพิเศษของผมเลยนะ คือผมมีหลักการว่า ถ้าผมอยู่กับใครโดยไม่ต้องคิดหาคำพูดมาคุยกันทำลายความเงียบ แล้วยังอยู่ได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด นั่นแสดงว่าเขาคนนั้นสามารถเป็นเพื่อนสนิทของผมได้
เป้เอื้อมมือไปเปิดเพลง ส่วนผมก็นั่งเหม่อมองออกไปด้านนอก คิดถึงปิง ผมก่ะว่าพรุ่งนี้จะไปขอโทษมัน
เสียงคีย์บอร์ดจากบทเพลงคุ้นหูเพลงหนึ่งดังขึ้น
อยู่กับตัวเองในวันที่เงียบเหงา ฉันเฝ้ามองเห็นผู้คน ที่คอยให้ไออุ่นกัน
“โฟน...”
“หือ?”
อยากจับมือใครก็มีแต่ตัวฉัน หมือนดังเดิมทุกๆวัน ฉันนั้นแทบขาดใจ
“ ชอบปิงแล้วทำไมไม่บอกไปล่ะ”
ทุกครั้งยังบอกตัวเอง หากแม้มีใครที่เดินเข้ามา มาเติมสิ่งที่ขาดหาย
“....”
ฉันนั้นจะเก็บรักษา และขอสัญญา จะนานเท่าไหร่ ฉันจะไม่เปลี่ยนใจ
“....”
จะมีทางไหน ที่ทำให้ฉันค้นพบ คนดีของหัวใจ
“ถ้าบอกแล้วต้องเสียไปล่ะ นายจะรับได้เหรอ”
“... โฟนคิดว่าไงล่ะ ถ้าชอบจริงๆ ควรจะบอกไปไหม”
ได้เจอกับใครที่ฉันรัก อาจเพียงสักครั้งที่เราได้พบรักแท้เท่านี้ก็เพียงพอ
กับคนหนึ่งคนที่อยากจะขอ
“ก็คิดว่าน่าจะต้องบอกล่ะนะ แต่เราก็กลัว แล้วสมมุติถ้านายเป็นเราล่ะ นายจะทำยังไง”
สิ่งหนึ่งในใจที่ยังจะตามหา ฉันว่ามันช่างมีค่า และคุ้มที่จะเจอะเจอ
“เราก็คงกลัว แต่เราก็คงจะเสี่ยงดูล่ะมั้ง ยังไงก็ดีกว่าอยู่เฉยๆ จริงไหม”
อาจเปลี่ยนคืนวันที่เป็นอยู่เสมอ ขอให้ฉันได้พบเธอ รักแท้ที่ตามหา
“โฟน....”
“อะไรเหรอ”
ทุกครั้งยังบอกตัวเอง หากแม้มีใครที่เดินเข้ามา มาเติมสิ่งที่ขาดหาย
“เราพอจะมีโอกาสไหม ถ้าเราจะบอกว่าเราชอบนาย”
ฉันนั้นจะเก็บรักษา และขอสัญญา จะนานเท่าไหร่ ฉันจะไม่เปลี่ยนไป
จะมีทางไหน ที่ทำให้ฉันค้นพบ คนดีของหัวใจ
ได้เจอกับใครที่ฉันรัก อาจเพียงสักครั้งที่เราได้พบรักแท้เท่านี้ก็เพียงพอ
กับคนหนึ่งคนที่อยากจะขอ
จะมีทางไหน ที่ทำให้ฉันค้นพบ คนดีของหัวใจ
ได้เจอกับใครที่ฉันรัก อาจเพียงสักครั้งที่เราได้พบรักแท้เท่านี้ก็เพียงพอ
กับคนหนึ่งคนที่อยากจะขอ....................
-
มะรุมะตุ้มรุมรักโฟนเข้าแล้ว
-
ว่าแล้วเป้มานต้องมาชอบโฟนแน่ๆ o18
แต่เชียร์ ปิงอะ :z2:
-
เป็นคนดีอ่ะ ไม่เชียร์ใคร
ถ้าใช้มันก็ใช้อยู่วันค่ำ :z2:
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ยังไงซันก็คิดว่าปิงก็ต้องชอบโฟนอยู่แน่ๆเลย
ดูก็รู้...ว่าปิงแคร์โฟนมากๆ
-
เรื่องน่ารัก ดำเนินเรื่องเรียบๆ แต่มีเสน่ห์ :L2:
-
จะใจอ่อนมั้ยนี่ :serius2:
-
เจ้าปิงมัวแต่ทำอะไรอยู่โฟนจะโดนจีบแล้วน้า :angry2:
-
มารอจ้า :amen: :amen:
-
แล้วก็รอตอนต่อไป
.
.
.
ถ้าเป้เป็นคนดี และปิงไม่ใช่เกย์ ก็รับรักเป้ไปเหอะ :really2:
-
เนื่องจากน้อง alpha ผู้เขียนไม่ค่อยสะดวกในการลงเรื่อง เลยรับอาสาเอามาลงให้จ้ะ
ตอนที่ 6 หวั่นไหว
ผมปิดประตูห้อง เหวี่ยงกระเป๋าไปที่โต๊ะ แล้วนั่งแหมะลงบนเตียง
นี่กูเพิ่งโดนบอกรัก..?
หน้าของผมร้อนผ่าว... หัวสมองขาวโผลนไปหมด ผมอธิบายความรู้สึกตอนนั้นไม่ถูกเลย มันเหมือนเอาส่วนผสมของหลายๆ อย่างมาเขย่ารวมกัน และผมก็มึนงงติดอยู่ท่ามกลางความรู้สึกเหล่านั้น
แต่ที่่ผมแน่ใจคือผมหวั่นไหว....
ถ้านับกันดูแล้วเป้เป็นคนหน้าตาดีจัดๆ คนหนึ่ง ความจริงผมเองก็ไม่ได้หน้าแย่หรอกนะ เพียงแต่นิสัยเงียบของผมทำให้ไม่เหมาะกับการออกงาน คนเลยไม่รู้จักผมนัก ไม่เหมือนปิงกับเป้ที่ทำงานคณะเยอะแยะ แล้วอยู่ดีๆ คนหน้าตาดีคนนั้นก็มาบอกชอบ
ใครที่เคยเหงามากๆ คงเข้าใจผมได้ดี
ผมนั่งนิ่ง เสียงเครื่องปรับอากาศดังหึ่มเหมือนเป็นเสียงเบสที่ดังอยู่ตลอดเวลา มือคว้ากีต้าร์โปร่งขึ้นมาดีด ความจริงแล้วผมเล่นเครื่องดนตรีได้หลายอย่าง ทั้งคีย์บอร์ด กลอง เบส แต่ก็ไม่เคยฟอร์มวงเล่น ผมมีเพลงที่แต่งเล่นๆ อยู่หลายเพลง จะเรียกว่าแต่งก็ไม่ได้เพราะคว้ากีต้าร์มาก็ดีดไปเรื่อยเปื่อย พอวันต่อมาก็ดีดซ้ำแล้วก็คิดท่อนต่อไปวันละนิดวันละหน่อย ไม่มีเนื้อเพลงมีแต่ตัวโน๊ตอย่างเดียว... เสียงตัวโน๊ตเศร้าๆ ถูกบรรเลงออกมาอย่างเหม่อลอย
“เราพอจะมีโอกาสไหม ถ้าเราจะบอกว่าเราชอบนาย”
อยู่ดีๆ คำพูดของเป้ดังก้องสะท้อนไปมาในหัว
ผมเคยมีคนมาบอกชอบด้วยนะ...
ผมลืมบอกว่าโรงเรียนผมเป็นชายล้วนนะครับ ช่วงวันวาเลนไทน์ตอนม. 5 เนื่องจากนักเรียนทั้งหมดเป็นชาย ความน่าตื่นเต้นของวันวาเลนไทน์จึงลดทอนไปตามลำดับ ยกเว้นพวกที่มีแฟนอยู่นอกโรงเรียนที่มักจะโดดกันในวันนี้เสียส่วนใหญ่ ในเมื่อไม่มีใครจะให้กุหลาบ นักเรียนส่วนใหญ่จึงมอบกุหลาบให้กับอาจารย์ตัวเองครับ น่ารักดี... ผมกับปิงซื้อกุหลาบมาเป็นห่อใหญ่ แบกเข้าโรงเรียน ผมมีหน้าที่ถือห่อกุหลาบ ส่วนไอ้ปิงมีหน้าที่วิ่งไปฉอเลาะอาจารย์พร้อมกับยิ้มทะเล้นๆ แล้วก็ให้กุหลาบ บางคนที่สนิทๆ มันก็กอดแล้วให้รุ่นน้องแถวนั้นถ่ายรูปให้ ปิงมันเป็นคนน่าเอ็นดูแบบนี้แหละครับ ระหว่างทางที่เดินไอ้ปิงได้ดอกกุหลาบหลายดอกจากรุ่นน้องที่วิ่งมาให้ บางคนก็เอามาให้เพราะกวนตีน แต่บางคนก็อายงุดๆ มาให้
รุ่นน้องที่ชุมนุมผมคนนึงก็เอาดอกกุหลาบมาให้ผม “อ่าาา ผมขอให้พี่โฟนกับพี่ปิง รักกันนานๆ ถือไอ้เท้ายอดทองตะบองยอดเพชรครับ หุหุ”
ผมเลยตอบกลับมันไปด้วยความสนิทสนม “ถ้ากูได้ตะบองมาเมื่อไหร่ กูจะเอาไปฝากไปบนกะบาลมึงแล้วกันนะ” ไอ้ปิงหัวเราะร่า
คราวนี้พอขึ้นห้องเรียน ผมก็เจอเพื่อนต่างห้องคนนึงมาดักรอ “โฟน เราให้” แล้วมันก็ยื่นช๊อคโกแลตมาให้กล่องเบ้อเริ่ม ตรงหน้าชั้นเรียนเลยครับ คนกำลังเยอะๆ เพื่อนๆ ผมโหเป่าปากกันใหญ่ ผมอายหน้าแดงแป๊ด ไม่รู้จะทำหน้ายังไง ไอ้ปิงเดินยิ้มๆ เข้ามา
“เฮ้ย นาย นี่แฟนเรา คิดจะแย่งงั้นเหรอไง”
เพื่อนๆ ฮากันใหญ่ ผมขอบใจไอ้ปิงที่มากู้สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานให้ แต่่แย่ตรงที่หน้าผมไม่หายแดงสักทีจากคำพูดของมัน หลังจากนั้นเพื่อนที่แอบชอบผมก็ไม่ปรากฎเข้ามาในชีวิตผมอีกเลย (ไอ้ห่าปิงเอ๊ย มึงไม่รักกูแล้วเสือกหวงก้าง) แต่พูดไปพูดมาก็สงสารเพื่อนคนนั้นเหมือนกันนะครับ ไอ้ปิงก็เล่นแรงเหลือเกิน
เสียงเคาะประตูดึงผมกลับเข้าสู่ปัจจุบันที่กำลังสับสนและอ่อนไหวของผม
ประตูถูกดึงเปิดออกเองโดยคนที่ผมไม่คิดว่าจะได้เจอในคืนนี้
“ป.. ปิง มาทำอะไร”
-
ลงเอง เมนท์เอง อิอิ
โหยมะอยากบอกว่าค้างงงงงงงงงงงมั่ก ลงเองค้างเอง ทำกันได้ลงคอนะ :m15:
-
:jul3:
มาทำอะไร ก็มาทำให้ข้าวสานกลายเป็นข้าวสุขไง
ก็มาปล่ำโพนหดิ ว๊ากกกกกกกกกกกกกกก
เป็นไงว่ะตูช่วงนี้ขยันให้เค้าปล่ำกันจังวุ้ย :haun4:
-
บางทีรักคนที่เค้ารักเรามันก็ดีนะครับ
แต่ดูเหมือนปิงเองก้ไม่ใช่จะไม่คิดอะไรกับโฟนน้า
แล้วปิงมาทะมายหว่า ?
มาต่อเร็วๆล่ะคับ
-
:a5: อ้าวเวง ปิงมาทำไมเนี๊ย เค้ากะลังอินเชียว :serius2:
-
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยย
ปิงมาทำอะไรอ้ะ
ตายล่ะ เริ่มมีตัวเลือกแล้วนะ
รีบๆนะิปิง ลุ้นอยู่
-
เราเชียร์เป้อ่ะ
ไม่รุ้ทำไม
-
:beat: ตบรีบน
เชียร์ปิง :z2:
ค้างงงงงงงง เลยรีบมาต่อนะ o18
-
^
^
^
อารายนิ
ทำไมใจร้ายกะเค้าได้ ฮือออออออออออ
-
เอ่อ แบบว่า
ค้างได้อีก
:serius2:
ปิงโผล่มาได้จังหวะมากมาย !!!!!!!!
แล้วจะเป็นไงต่อล่ะเนี่ย
โฟนบอกรักไปเลย โลดดดด!!!!!!
มาต่อไวๆ น้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เฮ้ออ อารมณ์เหงา เข้าใจสิ เข้าใจดี :เฮ้อ:
-
ค้าง!!!!!! :serius2:
รีบมาต่อน๊าาา รออยู่ๆ
คิดว่าปิงก็มีใจละน่า แต่เพราะคำว่าเพื่อนกันตลอดไปไง ก็เลยต้องเก็บเอาไว้ ใช่มะๆ
-
สนุกมากมายงะ ชอบปิง อิๆ แล้วจะรออ่านน๊า
-
อยากรู้อ้า :serius2:
-
เพื่อนก็ให้เป็นเพื่อนเหอะ เชียร์เป้ เป้ เป้ :z3:
-
โหยย งานเข้า งานยุ่ง เน็ตเจ๊งฮะ
แต่เอาตอนใหม่มาต่อให้แล้วครับ :m19:
ขอบคุณ คุณ Mist ที่ลงเรื่องให้นะฮะ เดี๋ยวถ้าเน็ตเดี้ยงจะรบกวนอีกนะคับบ จุ๊บๆ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ตอนที่ 7 ตัดสินใจ
ปิงไม่ตอบคำถาม แต่กระโดดขึ้นเตียงมาฟุบอยู่ข้างๆ ผม
กลิ่นเหล้าอ่อนๆ ลอยมาแตะจมูก ปิงคงกินเหล้ามาไม่มากก็น้อย
“มึงมาทำอะไรป่านนี้วะ” ผมถามเบาๆ
“กูมาเพราะกูเข้าใจแล้วว่ามึงหึงกู” ปิงทำหน้าระรื่น ผมไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ดีๆ ทำไมมันถึงคิดแบบนั้น แม้จะเป็นเรื่องจริงก็ตาม แต่ผมก็ยังงงๆ อยู่ว่าปิงเข้าใจเรื่องแบบนี้ได้ยังไง
“อ..อะไร ใครหึงใคร อย่ามามั่วนิ่ม” ผมกระอึกกระอั่กตอบ ไม่รู้ว่าหน้าตัวเองแดงหรือเปล่าแต่คงแดงมั้งเพราะแม้ว่าจะมืดแต่ใบหน้าของผมก็รู้สึกร้อนผ่าว
“ใช่ป่ะล่ะ ที่มึงทำขัดกันก็เพราะประชดกู” (กูว่ามันต้องผีเข้าแน่ๆ)
“..อย่ามาเดามั่ว”
“สัด จะปากแข็งทำไมวะ มึงสนิทกับกูมาตั้งกี่สิบปีแค่นี้ทำไมกูจะไม่รู้” (ไอ้ตอแหล กูงอนมึงเรื่องแบบนี้มาล้านครั้งแล้วมั้ง ไม่เห็นมึงจะล่วงรู้ อมอุโบสถมาพูดกูก็ไม่เชื่อว่ามึงจะตรัสรู้ชอบด้วยตัวเองว่ามึงรู้ว่ากูหึง)
“ตอนที่มึงแหกปากเอ็ดตะโรที่ร้านนั้นไงล่ะที่มึงไม่รู้” ผมสวนกลับ หุหุ ใครจะยอมให้มันรุกฝ่ายเดียววะ
ปิงเด้งขึ้นมานั่งจ้องหน้าผม ผมจ้องหน้าหล่อๆ ของมันกลับ (ที่บอกว่าหล่อเพราะว่ามันมืดหรอกน่า มึงไม่ต้องดีใจนักไอ้ปิง)
“นี่กวนตีนกูอยู่เหรออออ” ไอ้ปิงยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“เออออออ”
“ตายซะเถอะมึง” แล้วมันก็มาจี้เอว ผมบ้าจี้อ่ะ แล้วปิงก็รู้หมดว่าผมจั๊กกะจี้ตรงไหน (ก็มีเอว แล้วก็คอ) ผมหัวเราะใหญ่ แต่ปากก็ด่ามัน “ไอ้เวร หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
พวกเราปล้ำกันพักใหญ่ ก่อนที่ตีนผมจะถีบอกไอ้ปิงลงไปกองก่ะพื้นได้ก็เกือบจะขาดใจตาย
อยู่ดีๆ ไอ้ปิงก็ดึงผ้าห่ม แล้วก็มานอนหนุนตัก
ไม่บ่อยที่ไอ้ปิงจะทำแบบนี้ ผมว่าอาจจะเป็นฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ก็ได้ สมัยมัธยมไอ้ปิงแต๊ะอั๋งผมเสมอ เวลาอยู่ด้วยกันก็เอาหลังมาพิงบ้าง เดินกอดคอบ้าง อย่างไรก็ตามนอนตักนี่ นานๆ มันจะทำสักที และทำทีไรใจผมก็เต้นโครม โครม ทุกทีรวมทั้งตอนนี้ด้วย
“มึงจำเรื่อง ใครสักคนที่จะหยุดกูได้ป่ะ”
“อะไรนะ!?” ผมปรับอารมณ์ไม่ทัน เมื่อกี้ยังหัวเราะจะขาดใจอยู่เลย
“อ้าว พูดเองทำไมลืมวะ ที่มึงบอกให้กูหาไปเรื่อยๆ ถ้ากูเจอคนที่ใช่มันก็จะหยุดเองน่ะ”
“อ๋อ อื้ม ทำไมเหรอ”
“ถ้ากูหาไม่เจอล่ะ หรือไม่กูขี้เกียจหาต่อล่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“ก็ ไม่รู้ดิ ทุกวันนี้กูก็มีความสุขดีอยู่แล้ว กูไม่รู้ทำไมต้องออกไปตามหาคนที่ใช่”
“เจ้าชู้ตัวพ่ออย่างมึงนี่นะจะไม่คบใคร”
“เอ๊าา ไอ้นั่นก็ขำๆ มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้จริงจัง”
“ไอ้เลว...”
“นั่นไง กูไม่อยากเป็นไอ้เลวแล้ว กูว่ากูอยู่นิ่งๆ ก็ดี ไม่ต้องคบใคร ไม่ต้องวิ่งตามหาใคร กูว่าแค่กูก่ะมึงก็โอเคแล้วนะ มีมึงเป็นเพื่อนไปตลอดแบบนี้”
ใครเคยเจ็บใจไหมครับ
แปลกที่คำบางคำทำให้ความเจ็บปวดแล่นผ่านตรงหน้าอกได้ หลังจากเจ็บแล้วใจก็จะหวิว เหมือนส่วนหนึ่งของหัวใจมันโดนบั่นทอนออกไป แล้วน้ำหนักของใจก็น้อยลงไปเรื่อยๆ
‘เพื่อน’ ‘ตลอดไป’ งั้นเหรอวะปิง... กูก็อยากเป็นเพื่อนให้มึงได้นะ... กูก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้หรอกนะ
“ปิง... แล้วถ้ากูไม่อยู่ให้มึงแล้วล่ะ”
“.... ทำไมมึงพูดแบบนี้วะ มึงจะไปไหน”
“ก็... สมมุติกูมีแฟนแล้ว กูต้องไปดูแลเขาอะไรแบบนี้”
“เฮ้ย!!!! มึงจีบใครอยู่คายออกมาเดี๋ยวนี้ไอ้โฟน”
“สมมุติ เว้ย สมมุติ นี่มึงโง่ขนาดไม่รู้จักคำว่าสมมุติเหรอวะ”
“.. กูก็ไม่รู้ว่ะ แต่กูไม่อยากให้มึงมีแฟนเลยนะ”
“ไหนมึงบอกว่าให้กูหาแฟน”
“ไม่รู้อ่ะ กูหึงงงงงมึง”
“กวนตีนและๆ ไปๆๆๆ ไปนอนเลยมึง ห้ามแย่งข้างในนะ” ผมกระโดดไปนอนชิดผนังก่อน ไอ้ปิงกับผมต่างคนต่างชอบนอนข้างใน โดยเฉพาะผม ไม่ใช่อะไรหรอกนะต่างคนต่างนอนดิ้น ไอ้ปิงเคยละเมอถีบผมกระเด็นตกเตียง ส่วนผมก็เคยตื่นมาแล้วก็เจอไอ้ปิงลงไปนอนกองกับพื้นเหมือนกัน
ผมปิดตาลงแต่ทำยังไงก็ไม่หลับ ส่วนปิงนั้นนอนกรนคร่อกๆ ไปนานแล้ว แถมขโมยหมอนข้างผมไปกอดเสียแน่น แสงแรกของวันใหม่เปลี่ยนผ้าม่านที่ดำมืดให้เรืองรองขึ้นมา ผมค่อยๆ เลื้อยออกจากเตียงเพราะไม่อยากให้ปิงตื่น หยืบกางเกงบอลมาสวมทับบ๊อกเซอร์แล้วก็ลงไปชั้นล่าง เสียงคลิ๊กคอมพิวเตอร์กับเสียงคีย์บอร์ดยังดังก๊อกแก๊กออกมา ผมโผล่หัวเข้าไปในห้องพี่สาว
“เจ้ฟิว ยังไม่นอนอีกเหรอ”
“จะเสร็จแล้วหว่ะ แล้วนี่เคลียร์ก่ะปิงมันเรียบร้อยแล้วเหรอ”
“เหมือนจะเคลียร์หว่ะเจ้ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ฮ่ะๆๆ”
“เออๆ เข้าใจ แล้วนี่จะไปไหน”
“ไปเดินเล่น เอาไรป่ะ”
“ไม่เอาหว่ะ จะนอนแล้ว”
ผมสวมร้องเท้าแตะแล้วก็เดินออกจากบ้าน ดวงอาทิตย์สีส้มเพิ่งตื่นนอนลุกขึ้นจากขอบฟ้า อากาศเย็นจากตอนกลางคืนที่ต้องแสงแดดทำให้อบอุ่นอย่างประหลาด คนค้าคนขายเริ่มตั้งร้านเตรียมรับความวุ่นวายของตลาดวันเสาร์กันแล้ว ผมเดินผ่านร้านขายปาท่องโก๋ที่สมัยเป็นเด็กประถมต้องซื้อกินเป็นประจำทุกวัน ตอนนั้นมีอาแปะคนนึงใจดีมากขายอยู่ ถ้าผมมาซื้อกับปิง แปะจะแถมให้อีกหลายตัวบอกว่ากินกันตั้งสองคนแค่สิบบาทจะอิ่มยังไง ตอนนี้แปะแก่ลงมากแล้วมาขายตอนเช้าไม่ไหว เลยให้ลูกชายแกมาขายแทน
อะไร อะไร มันก็เปลี่ยนไป
ผมซื้อปาท่องโก๋ มานิดหน่อยพร้อมกับหยิบเข้าปาก รสชาติเปลี่ยนไปนิดหน่อยแต่ก็อร่อยดีเหมือนกัน ผมก้าวขาเดินต่อไปเรื่อย คุณป้าแถวนั้นบางคนก็ร้องทัก พร้อมกับแปลกใจที่วันนี้ผมตื่นเช้าแถมยังมาโผล่แถวตลาด ส่วนใหญ่ก็ทักว่าโตขึ้นเยอะ หรือไม่ก็ถามข่าวของเจ้ฟิว
อย่าแปลกใจนะครับถ้าผมไม่เคยพูดถึงเรื่องพ่อแม่ของผมเลย พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่ผมยังเล็ก ผมโตมาได้อีกไม่เท่าไหร่แม่ผมก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ส่วนพ่อนั้นผมเจอหน้าแบบนับครั้งได้ ยังไงก็ตามผมไม่เคยรู้สึกเป็นปมด้อยแต่ใด ผมอยู่ได้ โตมากับพี่สาว มีญาติสนิทๆ คอยช่วยเหลือเรื่องเงินทองไม่เคยขาด และก็มีเพื่อนชื่อปิง...
ปิงอยู่กับผมมานานจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของผมไปแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนผมก็คงขาดปิงไปไม่ได้ ผมกับมันผูกพันธ์กันเกินกว่าที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะหายไปได้ ผมรู้ถึงข้อนี้ดี ผมเลยไม่กล้าบอก ผมคิดภาพตัวเองที่ต้องใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีมันไม่ไหว
ปาท่องโก๋ อร่อยจริงๆ และแม้ว่าผมจะชื่นชอบกลางคืนแต่แสงแดดยามเช้าก็ไม่เลวนักหรอก
ผมตั้งสติแล้วก็หายใจเฮือกใหญ่เข้าปอด
โทรศัพท์มือถือถูกกดเบอร์ของใครสักคนที่ทำให้ผมหวั่นไหว
“เป้ เหรอตื่นหรือยัง”
“อือออ โฟนเหรอ ตื่นแล้ว.. เอ่อ จริงๆ ก็เพิ่งตื่นตอนนายโทรมาอ่ะ”
“นอนต่อเถอะ เราแค่จะโทรมาบอกว่าเรื่องเมื่อคืน เราจะรับไว้พิจารณานะ”
“จริงเหรอ แปลว่านายอนุญาตให้จีบได้นะ” เสียงของเป้สดใสขึ้นมาเลย
ผมเขินมาก แต่ก็ตอบเสียงเบาๆ ไป “อ.. อือ”
บางทีผมก็ควรจะให้โอกาสตัวเองเสียบ้างนะ
-
แล้วปิงจะทำยังงัย :sad4:
-
บางทีผมก็ควรจะให้โอกาสตัวเองเสียบ้างนะ
ถูกต้องค่ะโฟน...เย้
-
การมองคนที่เค้ารักเรา....มันอาจจะทำให้อะไรๆดีขึ้นก็ได้นะคับ
เป้สู้ๆ เบื่อปิงแระ :beat:
-
อันตรายแล้วเจ้าปิง โฟนเค้าเปิดโอกาสให้คนอื่นแล้วนะเฟ้ย มัวแต่ชักช้าเดี๋ยวก็ได้กินแห้วหรอก :angry2:
-
:a14: เชอะสมน้ำหน้านายปิง
ลีลานักโดน ม ค ป ด เลยสม
-
งื้อ...
มันก็จริงนะคับ
บางทีก็ควรจะให้โอกาสตัวเองซ๊ะบ้าง
ถ้าอะไรๆ มันคลุมเครือขนาดนั้น
เพิ่งเข้ามาอ่าน อิอิ แอ๊บซึ้งเหมือนกันนะนี่
+1 ให้เป็นกำลังใจเน่อ
(http://www.thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/sang.gif) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/sang.gif) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/sang.gif)
-
เป็นการตัดสินใจของคนเขียนที่ดีมากอิๆ
มันเหมือนเปิดเรื่องให้ ปิงได้กลับมาคิดถึงความรู้สึกที่มีให้ โฟน ว่ามัน คือ ...
ล้วเนื้อเรื่องมันๆก็จะตามมา แล้วจะรออ่านต่อน๊า ชอบ
+1ให้นะ o13 o13
-
แล้วต่อไป เป้ จะน่าสงสารป่าวอ่ะ :serius2:
-
อ่านจบก็มีความเห็นว่า โฟนควรรับเป้เป็นแฟน ส่วนปิงเป็นเพื่อนรักกันไปตลอดกาล
-
สงสารปิงอ่ะ
-
ขอให้รักกับเป้ไปนานๆ อย่าทำให้เป้เสียใจเลย รักนะ :L1:
ปิงก็ปล่อยให้เป็นเพื่อนกันตลอดไปเหอะ
-
อ่านจบก็มีความเห็นว่า โฟนควรรับเป้เป็นแฟน ส่วนปิงเป็นเพื่อนรักกันไปตลอดกาล
-
โอย อร่อย เอ้ย สนุก
.....แล้วมันจะเป็นเยี่ยงไร
เหล่าเป็ดน้อยเอนเอียงไปทางเป้หมดแล้ว
อิมเมจเป้เนี่ย... ทำไมมันดู อรชรอ้อนแอ้นอ้ะ (..คิดไปเอง)
-
อ่านแล้วหนุกมากๆๆเลย
เอาใจช่วยปิง......สู้ๆๆ
-
ภาวนาให้การตัดสินใจครั้งนี้ของโฟน อย่าให้มีใครเจ็บปวดเลย :call:
เป็นกำลังใจให้เจ้าของเรื่องค่ะ
-
ชอบ ชอบ
-
:m19: อ่ะแหมรอกันนานไหมครับ
ทำงานติดกันหลายชั่วโมงนี่เหนื่อยใช้ได้เลย
มีคน rep เยอะแล้ว :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:
ดีใจที่มีคนอ่านเพิ่มนะครับ ขอบคุณๆ
:m26:
รู้สึกปิงจะคะแนนตก
สมน้ำหน้ามัน หุหุ
(อ้าว กรรม)
ตอนที่ 8 ความทรงจำที่ซ้อนทับกัน
ผมกลับมาที่บ้าน ปลุกไอ้ปิง เห็นหน้ามันแล้วก็หวั่นไหวอีกรอบ แต่ผมจะย่ำอยู่กับที่ไม่ได้ ผมต้องก้าวต่อไป
ใครจะเข้าใจผมไหมนะ คือที่ผมตัดสินใจลงไปจริงๆ แล้วเพราะว่าผมแคร์ปิงเหลือเกิน ผมว่าความรักก็เหมือนกับถ่านไฟนะ มันมีหมดได้ ถ้าผมทรมานมากๆ แล้วไฟผมหมดลงไปล่ะ ผมคงรักปิงอีกต่อไปไม่ได้แล้ว ฉะนั้นผมขอเก็บความรู้สึก หยุดเอาความทรงจำทั้งหมดเอาไว้ก่อน รอเวลาครับ ผมรอว่าเผื่อมีสักวันที่ผมกลับมามีเรี่ยวแรงใหม่ และผมจะเอาความความรู้สึกของผมให้มันใหม่อีกครั้ง เมื่อไหร่ไม่รู้แหละ แต่ตอนนี้คงต้องพักต้องเซฟใจเอาไว้ก่อน
“วันนี้กูไม่ว่างนะ ออกจากบ้านแล้วปิดบ้านด้วย” ผมเอาตีนเขี่ยไอ้ปิงที่หลับกรนเป็นเรือไฟ
“อ..อะไรวะ มึงจะไปไหน”
“ไปดูหนังก่ะเพื่อน”
“ใครวะ แล้วทำไมต้องแต่งดีขนาดนี้เนี่ย” ผมหน้าชา นี่กูแต่งเว่อร์ไปไหม ความจริงก็เสื้อยืดกางเกงยีนส์นั่นแหละ แต่ว่าวันนี้ผมใส่เสื้อเชิ๊ตอีกตัวนึงทับไว้
“เอาน่า กูไปนะ” ปิงทำหน้าประหลาดที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น คิ้วของมันขมวดเป็นปม แถมยังทำแก้มพองใส่ผมอีก ดูไปก็เหมือนหมาทำหน้างง ผมรู้ว่ามันทั้งงง ทั้งแฮ้ง มึน ปวดหัว
ผมผลักปิงให้นอนต่อก่อนจะดึงผ้าห่มมาห่มให้มัน “ไว้เดี๋ยวกูค่อยโทรหา”
ผมรู้สึกแปลกๆ ที่ต้องทิ้งโฟนไว้แบบนี้ จะเรียกว่ารู้สึกผิดก็ได้ แต่ผมก็ก้าวเท้าออกจากบ้านไป แม้ว่าจะสับสน ผมไปถึงที่ก่อนถึงเวลานัดนานอยู่เหมือนกัน ความจริงก็ตื่นเต้นมากนะ ก็ถ้าจะคิดๆ ไปแล้วนี่เป็นเดทอย่างเป็นทางการเดทแรกของผมเลย ไม่เคยมีแฟนมาก่อนง่ะ โตจะเป็นควายอยู่แล้ว
“โฟนเหรอ รอนานไหมเนี่ย”
ผมหันหลังไปเจอเป้
ป๊าดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
กูขอตบหน้าตัวเองสักฉาดได้ไหมวะ ว่าไม่ได้ฝันไป เป้แม่งหล่ออย่างเว่อร์ครับ พูดจริงๆ นะ ถ้าเทียบกับปิงแล้วผมว่าไอ้ปิงแม้จะหล่อเซอร์แต่ก็ยังแพ้อยู่หลายช่วงตัว ยังก่ะหลุดออกมาจากหนังสือ เป้ตัดผมสั้นแล้วก็โกรกสีน้ำตาลไหม้ ซึ่งโคตรเท่เลย แล้วมันก็แต่งตัวดีมาก ไม่ได้ใช้ของแพงเว่อร์หรอกนะ แต่มันแต่งแล้วดูพอดิบพอดีไปหมด
“โห.. เป้”
“อะไรเหรอ”
“นายหล่อเว่อร์หว่ะ” ผมพูดพร้อมกับขำๆ
“ไม่ดีเหรอ ตื่นมาแต่งตัวตั้งแต่ 8โมงเช้าเลยนะเนี่ย”
“ก็ดี แต่เดินด้วยแล้วเกร็งงงง ฮ่าาา”
“จริงอ่ะ งั้นก็...” ว่าแล้วเป้ก็เอามาขยี้หัวที่จัดมาอย่างดี ให้ฟูๆ ดูแล้วผมโคตรขำ มันเหมือนเพิ่งตื่น
“เฮ้ย ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ .. ตลกว่ะ”
“จะได้ไม่เกร็งไง งั้นไปดูหนังกันได้ยัง”
“อือ ได้แล้ว”
เป้เป็นคนเอาใจเก่งครับ แล้วก็ถึงเนื้อถึงตัว แม้ว่าปิงจะแต๊ะอั๋งผมบ่อยๆ แต่ว่าเป้นี่ถึงขั้นจะจับมือเดินเลยครับ ผมอายไม่ค่อยยอมหรอก แต่ก็มีบ้างในที่ที่คนน้อยๆ
หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมกับเป้ก็ไปขลุกอยู่ในร้านหนังสือ สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันระหว่างเราก็คือเรารักหนังสือเหมือนกันทั้งคู่ สนุกดีครับ เป้พาผมไปเปิดหูเปิดตาในโลกของศิลปะ มันหยิบหนังสือมาเปิดให้ดูหลายเล่ม แล้วก็อธิบายว่ารูปนี้นะกว่าจะมาวาดเสร็จมันผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง ศิลปะของทางยุโรปเป็นยังไง แล้วการเมืองส่งผลยังไงกับความคิดของศิลปินในยุคนั้นจนแสดงออกมาทางศิลปะ เป้รู้เรื่องพวกนี้ดีมาก จนผมทึ่ง เวลาเป้อธิบายนั้น เป้จะดูจริงจัง เป็นผู้ใหญ่ แล้วก็มีความสุขมาก ผมเข้าใจว่าเป้ชอบทางด้านนี้จริงๆ
เผลอแว๊บเดียวเงยหน้ามาอีกทีก็ฟ้ามืดแล้ว
“หิวแล้วอ่ะเป้ ไปหาอะไรกินกันเห่อะ”
“ให้นายเลือกเลยโฟน”
“นายเคยเดินสะพานพุทธตอนกลางคืนไหม”
ในเมื่อคำตอบคือไม่ ผมก็เลยนั่งบรรชาการเส้นทางโดยมีคุณชายเป็นต้นหน
สะพานพุทธเป็นสะพานเก่าแก่ที่โคตรจะคลาสสิคในความคิดของผม ด้านล่างมีร้านรวงมาเปิดท้ายขายของกันเต็มไปหมด วัยรุ่นมากมายเดินเลือกซื้อของกันอย่างขวักไขว่ ด้านปลายสะพานติดกับตึกสีเทาของโรงเรียนสวนกุหลาบ อีกด้านก็เป็นปากคลอง ตลาดขายดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แถมยังมีร้านอาหารอร่อยๆ ซุกซ่อนตัวอยู่ภายในอีกเต็มไปหมด
“โห คนเยอะมาก เราเคยได้ยินนะแต่ไม่เคยมา”
เป้แวะเพ้นท์เฮนนาที่อยู่ข้างทาง ตรงหัวไหล่ ส่วนผมก็ได้เสื้อยืดมาสองตัว ระหว่างที่เดินเล่นกันอยู่ โทรศัพท์ของเป้ก็ดังหลายรอบ ผมเห็นแต่เป้เอาแต่ตัดสายทิ้ง
“เฮ้ย เป้ คุยก่อนก็ได้นะเราไม่ว่าอะไร”
เป้ มองหน้าผมเหมือนจะชั่งใจ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุย ผมไม่อยากรู้หรอกว่าใครโทรมาหา และก็มีมารยาทพอที่จะเดินออกไปรอในที่ที่จะไม่ได้ยินเสียงสนทนา เป้ทำหน้าเครียดตลอดเวลาที่คุย มันคุยอยู่นานพอควรก่อนจะเดินกลับมาหา
ผมยิ้มให้ เป็นการแสดงออกว่าผมเป็นกำลังใจ พวกเราเดินต่อไปเรื่อยๆ
“นายรู้เส้นทางแถวนี้ดีจังเลยโฟน”
“ก็แน่สิ เรามาเดินแถวนี้บ่อยๆ ตอนมัธยม”
ผมก้าวเท้าเดินนำเป้ เข้าสู่ปากคลองตลาด ผมสนุกกับการแนะนำที่ต่างๆ เช่นร้านขายการ์ตูนที่ผมมาซื้อบ่อยๆ ร้านเกมส์ที่ชอบมานั่งเล่น
“มีร้านเกมส์อยู่ตรงตรอกนั้นสองร้าน แล้วถ้าตรงไปหน่อยแล้วเลี้ยวซ้ายจะมีร้านขายก๋วยเตี๋ยวให้เส้นเยอะมากกกก กับร้านก๋วยเตี๋ยวคั่ว”
เป้ยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เศร้าไม่สมกับเป็นมันเลย
“ร้านพวกนี้ ตอนมัธยมนายก็มากับปิงหมดแล้วดิ”
ผมจุก... เหมือนกับโดนใครสักคนมาตบหน้าอย่างนั้นแหละ
“ขอโทษนะ .. เราแค่ เราแค่อยากจะพานายมา”
มือของเป้เอื้อมมาแตะมือของผมพร้อมกับบีบเบาๆ “ไม่เป็นไร คราวหน้าเราไปในที่ที่มีแค่เรากับนายกันบ้างดีไหม”
“ได้ ได้สิ” ผมไม่ชักมือหนีออกมา แต่บีบมือนุ่มๆ ของเป้กลับไปเบาๆ
แม้ว่าจะล่วงเลยมาถึงสามทุ่มแล้ว แต่ผู้คนก็ยังเดินกันขวักไขว่ บ้างก็ทำงานแบกข้าวแบกของกันจ้าละหวั่น พวกเรากำลังหัวเราะนั่งคุยกันอย่างออกรถอยู่ที่ร้านขายข้าวมันไก่ข้างทาง ผมคิดว่าเป้เองก็คงมีเรื่องราวในอดีตของเป้เช่นกัน ส่วนผมเองก็มีอดีตของผม ความรู้สึกมันต่างกันจริงๆ ระหว่างการยืนแหกปากตะโกนร้องบอกรักอยู่คนเดียวโดยไร้การตอบสนอง กับการถูกรักโดยใครสักคน
หลังจากอิ่มแล้วผมกับเป้ก็เดินเล่นขึ้นไปนั่งผมสะพานพุทธ ผมมานั่งเล่นที่นี่กับปิงเป็นร้อยครั้งได้ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกแบบนี้
“สวยจังเน๊อะ”
“อืออ”
“โฟน เราหอมแก้มนายได้ป่ะ”
“อือ”
ลมหนาว แต่แก้มของผมอุ่น ใจของผมก็อุ่นด้วยเหมือนกัน
-
อุ่ยย เอาแล้วจุ้ย
o3
เทพบุตรจะคาบไปแด๊กแล้ว
หุหุ
-
เอาแล้ว
เป้สู้เค้า............. หอมแก้มกันแล้ววุ้ย
-
ตอนดึกๆ ร้านข้าวที่ขายข้างๆ ร้านก๋วยเตี๋ยว อร่อยคับบบบ
คนแน่นตลอด ^^ แต่ดูเหมือนจะไม่ถูกกันกับร้านก๋วยเตี๋ยว
ร้านการ์ตูน ร้านเกม ร้านก๋วยเตี๋ยว ไปมาหมดแล้ว
พอเล่าละนึกภาพออกเป็นฉากๆ เลยตอนนี้ :laugh:
-
ปิงไมบื้อว่ะ :z3: ไม่ได้อย่างใจเลย
-
อ่านทันแล้วววววว :z1: :z1:
-
ปิงมัวแต่กินเหล้า แล้วก้อมึน อยุ่นั่นแหละ
รุมั้ยว่าโฟนจะโดนคาบแย้ววววว
-
ถึงเนื้อถึงตัวบ่อยนะนี่ o18
-
ก็ว่ากันไป นู๋ปิงอย่านิ่งดูดาย :z2:
-
'รมณ์เสีย ปิงไม่ได้ดั่งใจเล๊ยยยย
:z3: :z3: :z3:
-
ใครจะเป็นพระเอก เครียดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
โหยยยยยยยยยยยยยย
รุกมากค่ะเป้
ถ้าปิงรู้จะหึงมั้ยหว่า
-
ชอบเป้จัง แสดงว่าเป้รู้สึกกับโฟนมากๆ ขนาดที่ว่าไม่อยากไปที่ๆ เคยไปกับปิงเลย
แต่ ใครกันที่โทรหาเป้ ??? o22
-
สมจริง มาก ๆ หยุดคิดไม่ได้ว่า นี่เป็นเรื่องจริง . . . เอาเหอะ กินเหล้ากันป่าว . . .?
-
หลงรักเป้แล้วอะ น่ารักจิงๆงะ
-
ทาตามอ่านย
-
อ่านทันแล้ววววว
เป้ก็โอนะ แต่ไม่เคลียร์ๆ ใครโทรหาเป้อ่ะแล้วมัยต้องตัดสายทิ้ง
กร๊ากกก ที่พูดมานี่ เพราะเชียร์ปิง
แต่ ปิง ชักช้าวุ้ยยยยยยยยย อรส
โฟนโดนหอมแก้มไปล่ะ
:z3:
-
โฟนหวั่นไหวเข้าไปเต็ม ๆ แล้ว สมน้ำหน้าเจ้าปิง ไม่ยอมทำอะไรให้มันจริงจังซะที
-
มาอ่านเพราะแรงเชียร์ของหลายคน
อารมณ์เหงาๆมาแต่ไกล
ก็นะ รักเพิ่อน มันอึดอัด
อดทนได้ขนาดนี้ผมก็ว่าสุดยอดแล้ว
แต่...
เปิดโอกาสให้เป้ เร็ว หยั่งงี้
..
กลัวจังครับ
กลัวคนอ่านหลงรักเป้
ฮ่าๆๆๆๆ
+1 ให้นะคร๊าบบบบ
-
มารอด้วยคนค่ะ ><~
อะ หนุก มั่กค่ะ
ชอบอารมณ์เหงาๆแบบนี้จัง
-
ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้จะมาต่อให้นะคับ
ขอโทษจริงๆ ช่วงนี้งานหนักมากเลยฮะ ไม่สบายด้วย
-
^
^
จิ้มมมมมมมมมมมมมม
หายเร็วๆ นะคะ
พักผ่อนเยอะน้า~
-
โอ้ยย ปวดท้องคับ กระเพาะกิน :m15: :m15: :m15:
รักทุกคนที่มาเม้นเลยนะครับ
ว่าแต่อะไรนะๆๆๆ ใครชวนผมกินเหล้า :impress2: :impress2:
ตอนที่ 9 ฝนพรำ
ผมกลับเข้าบ้าน แวะเข้าไปหาฟิวแต่ว่าห้องปิดไฟเงียบ สันนิษฐานเอาได้ว่าพี่สาวกูคงออกไปแรดก่ะเพื่อน คืนวันเสาร์อย่างนี้มันไม่เคยกลับบ้านหรอก พบเจอมันได้ตามสถานที่อโคจรในยามค่ำคืน
ผมถอดเสื้อโยนเข้าตระกร้าผ้า พร้อมกับเปิดประตูห้องนอน ไฟปิดเงียบ
ใจของผมยังเต้นเร็วไม่หาย ผมจับแก้มหลายรอบเหมือนกับมีอะไรมาติดแปะอยู่ ภาพของเป้หลับตาแล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆ ยังติดอยู่ในความคิด ผมนั่งแหมะอยู่ที่โต๊ะทำงาน หลับตาแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“มึงไปไหนมาวะ” ผมสะดุ้งโหยง
“ปิง!”
“เออ กูเองนึกว่าคนอื่นหรือไงวะ” เสียงของปิงนอยด์เต็มที่
“ทำไมยังไม่กลับบ้านวะ”
“แล้วหมาตัวไหนบอกวะว่าจะโทรหากู”
“นี่มึงจะหาเรื่องเหรอไง” ผมเริ่มมีน้ำโห
“ตกลง มึงไปไหนมา ไปก่ะใคร”
“กูไปเที่ยวมา ไปก่ะเป้”
ปิงอึ้งไป “เป้ไหน” เสียงของมันแหบพร่าแล้วก็สั่น ผมคิดว่ามันคงโกรธ
“เป้ไง เพื่อนมึง”
“.. ล..แล้วมึงไปกับเป้มันทำเหี้ยอะไร”
“ทำไมวะ กูไปไหนกูต้องขออนุญาตมึงด้วยเหรอ”
“ก็ได้! มึงไม่ต้องขอกูหรอก มึงไม่ต้องสนใจด้วยว่ากูจะรู้สึกยังไง”
ผมทั้งงง ทั้งสับสนกับคำพูดของปิง
ตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าทำไมปิงต้องโมโห ไม่เข้าใจว่ามันจะอะไรกับผมนักหนา ก็กูเป็นเพื่อนให้มึงแล้วยังไงล่ะ พอกูไปคบคนอื่น มึงก็จะมาอารมณ์เสีย เรียกร้องมากมายกับกู
“มึงกลับบ้านไปเหอะ”
“ไม่ต้องบอกกูก็ไป ไม่ต้องไล่กูหรอก”
.... ผมทำอะไรลงไป ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ผมรู้แต่ว่าผมโกรธ ผมสับสน
ปิงออกไปแล้ว ผมไม่เคยรู้สึกแย่อะไรแบบนี้มากก่อนเลย แม้ว่าเราจะทะเลาะกันหลายหนแต่ไม่เคยสักครั้งที่ปิงจะร้องไห้....
ใช่ครับ เหตุผลที่มันปิดไฟ เหตุผลที่เสียงของมันสั่น ปิงไม่ชอบให้ใครเห็นว่ามันอ่อนแอ ไม่แม้แต่เพื่อนที่สนิทที่สุดในชีวิตของมัน แว่บเดียวที่มันเดินผ่านผมไป แสงไฟจากนอกหน้าต่างที่พอจะมีบ้าง ทำให้ผมเห็นตาแดงก่ำของปิง
และนั่นก็เป็นแค่การเริ่มต้นของจุดแตกหักของความสัมพันธ์ระหว่างผมกับปิง
หลายอาทิตย์ต่อมา ปิงหายไปจากชีวิตของผม ด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง และก็มีเป้มาคอยเติมเต็มช่องว่างของเวลาที่หายไป ทำให้ผมพอที่จะอยู่ได้ จะให้พูดจริงๆ คือตอนนั้นผมหลงเป้มาก หลงจนถึงขนาดลืมปิงได้
เม็ดฝนเริ่มเข้ามายึดน่านฟ้าสีเทาขมุกขมัวของกรุงเทพ ฤดูฝนเข้ามาถึงแล้ว ตอนนั้นคนส่วนใหญ่สงสัยผมกับเป้แล้วหล่ะครับ มีรุ่นพี่และก็เพื่อนหลายคนของผมเข้ามาถามว่าเป้เป็นใคร แล้วปิงหายไปไหน ผมคบกับเป้แล้วเหรอ ผมเป็นเกย์หรือเปล่า .. ผมทั้งเบื่อ ทั้งเอียนคำถามเหล่านี้ เป็นคำถามจากสังคม สังคมที่ตัดสินแล้วว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิดโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
พวกเขาไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้อยากเป็นแบบที่เป็นอยู่ แต่มันเป็นไปแล้วจะให้ผมทำยังไง
ไอ้เรื่องราวทั้งหมดที่ผมต้องเผชิญอยู่นี่มันก็เพราะว่าผมเป็นในสิ่งที่ผมไม่ควรจะเป็น ผมรู้สึกกับปิงในสิ่งที่ผมไม่ควรจะรู้สึกไม่ใช่เหรอ แล้วใครต้องเป็นทุกข์ ใครต้องทรมาน....ก็มีแต่ผมคนเดียวนี่แหละ ไม่เห็นมีใครสักคนที่จะยื่นมือมาช่วยเหลือผมเลย
แล้วคราวนี้ผมต้องทนอยู่อย่างโดดเดี่ยว เพื่อที่จะได้อยู่ในกรอบในกฎที่พวกเขาสร้างขึ้นมาอย่างนั้นหรืออย่างไร?
######
คืนนั้นเป็นคืนที่ฝนตกกระหน่ำอย่างหนัก ผมกับเป้พร้อมกับเพื่อนอีกหลายคนออกไปเที่ยวในค่ำคืน สิ่งหนึ่งที่ผมไม่รู้ก็คือปิงไปด้วย ผมไม่เคยบอกเรื่องทะเลาะกันระหว่างผมกับปิงให้เป้ฟัง และเป้คงเข้าใจว่าการที่ผมไม่ได้ติดต่อหรือไปไหนมาไหนกับปิงนั้นเป็นความตั้งใจของผมเอง
เสียงเพลงกระหึ่มดังจนอัดหน้าอกของผมจนหายใจไม่สะดวก แอลกอฮอล์หลากหลายรูปแบบถูกลำเลียงลงคอ ผมดื่มหนักมาก หนักกว่าปกติที่ผมเคยดื่มหลายเท่า อยู่ดีๆ ก็ปิงก็เข้ามาหา
“พอได้แล้ว” ปิงจับมือแล้วก็บีบมือผมแน่น
“ปล่อย!”
“กูบอกให้มึงหยุดกินได้แล้ว”
“ปิง กูบอกให้มึงปล่อย”
ผมพยายามจะสะบัดมือออก แต่ปิงใช้แรงดึงผมเข้าไปหา “กูมีเรื่องจะคุยกับมึง”
เป้ เข้ามาขวาง “ปิง นายจะทำอะไร”
“มึงอย่าเสือก”
ผมอึ้ง ไม่คิดว่าปิงจะพูดอย่างนั้น มันเปลี่ยนมาจับข้อมือของผมแล้วดึงออกไปนอกร้าน
“โอ้ย เจ็บ! ปิง ปล่อยกูนะ”
แต่ปิงไม่ฟังเสียงมันลากผมผ่านประตูร้าน แล้วก็สู่สายฝนด้านนอก มันเดินนำลิ่วออกไปไกล ผมถูกพลักชิดกับกำแพงตึก
“มึงเป็นอะไรของมึงโฟน มึงอยู่แต่กับไอ้เป้ มึงรู้ไหมว่าเป้มันเป็นอะไร”
“เป้มันเป็นอะไร”
“เป้มันเป็นเกย์นะไอ้เหี้ย”
ผมฉุนขาด ผมไม่คิดว่าปิงจะเป็นสังคม ผมไม่คิดว่าเพื่อนที่สนิทที่สุดของผมจะเหมือนกับคนพวกนั้น คนที่ตัดสิน คนที่ตราหน้าคนอย่างผมว่าเป็นคนไม่ปกติ
“ปิง กูเป็นเกย์”
“... ฟ .. โฟน”
“แล้วกูก็รักมึง เข้าใจไหมวะ กูรักมึงมาตลอด!!!!”
หยดน้ำแทรกซึมไปทุกอณูของร่างกาย หากเปรียบสายฝนเป็นเหมือนความเศร้า ตอนนี้ตัวผมก็เปียกปอนไปด้วยความเศร้าจนเต็มหัวใจ และมันก็ร่วงล่นมาเรื่อยๆ ไม่สนใจว่าผมจะทนต่อไปอีกไหวหรือไม่ ฝนยังคงตกลงมาหนักขึ้น และไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลย
-
^
^
^
กระซวก
บอกไปแล้ว ความรู้สึกที่เก็บไว้ แต่จะได้รับการตอบรับจากปิงมั้ยเนี่ย อึดอัดแทนจริงๆ
:z3: :z3: :z3:
-
บอกไปแล้ว รอผลตอบรับ :serius2:
-
:serius2: แล้วไงต่อ
ไม่เครียค์อ่ะ ต่อด่วนมาก
-
ค้าง ด้าย อีก :z3:
-
o22 บอกไปแล้ว จะเป็นยังไงน้อ
-
ว้าไปบอกรักปิง
งั้นงานนี้เป้ก้หมดหวังเส่ะ
:เฮ้อ:
-
^
^
จิ้มน้องข้างบน
กินห้ายมาววววว
แล้วบอกค้าวปาย
ว่าร๊ากแค่หนาย
ทามมาย(มึง)ม่ายเคยรู้บ้างเลยยยยย
ตอนนี้โดนครับ
จังๆ
:man1:
-
^
^
จิ้มพี่ข้างบน ฮ่าๆๆๆ
กรี๊ดดดดดดดดดดดด
บอกรักแล้ววววววว
แล้ว
แล้วไงต่อ :serius2:
-
แล้วปิงจัว่างัยละเนี่ย :z3: :z3: ลุ้นๆ
-
ลุ้นคำตอบด้วย
อึ้งรับประทานกันเลยทีเดียว
-
ค้างมากมาย
ได้โปรดมาต่อไวๆ (แต่อย่าเพิ่งรีบจบน้า)
-
ค้างสุดๆ อ่านแล้วจะร้องไห้เลยอะ
เขียนดีมากๆ จับความรู้สึกของตัวละครมาบอกได้ดี ชอบๆ
แล้วจะรออ่านต่อนะคับ อิๆ
-
:m15: :m15: :m15:
อ่านแล้วอินมากค่ะ
สงสารโฟนมากกกก
อยากบอกว่า
อย่าสนใจสังคมเลยนะคะ
อาจจะบอกว่า "พูดง่าย ทำยาก"
แต่อยากบอกว่า
ชีวิตนี้มันสั้นจริงๆ
เวลาผ่านไปแล้วย้อนกลับไม่ได้
อนาคตก็ไม่รู้จะได้ทำตามใจอีกสักเท่าไหร่
เพราะงั้น ทำตามใจ ตามความเป็นเราเถอะค่ะ
แล้วก็นะ "ใครกำหนดว่า ชาย ต้องคู่กับ หญิง หรอ"
เราว่า "คนที่เรารัก คู่กับ คนที่รักเรา" มันสุขพอแล้วค่ะสำหรับชีวิตนึงที่ได้เกิดมา
เอ่ออ เน่าไปนิดค่ะ
แบบว่าช่วงนี้มัน หมุ่ยๆ บอกไม่ถูก
:เฮ้อ:
-
สั้นจัง แถมค้างอีกกกก
มาต่อเลยน้าๆๆๆๆ :serius2:
-
อยากอ่านต่อเลยอะ
-
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
บอกไปแล้วแล้วมันจะเป็นยังไง
เง้อปิงมันก็เหมือนว่าจะรัก
แต่สรุปมันจะรัำกหรือป่าวเนี่ย
รออ่านตอนต่อไปค้าบบบบ :z3:
-
:m19: :m19: :m19: :m19:
อาการปวดท้องดีขึ้นแล้ว แต่วันนี้ทำงานอ่ะฮะ
:m17: :m17: :m17:
ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้จะต่อให้นะฮะ
รักทุกคนนะครับ ผมดีใจที่เพื่อนอ่านแล้วชอบกันนะ :m4: :m4:
-
^
^
^
จิ้มมมมมมมมมมมมมมม
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
ปิงจะทำยังไงต่อไปนะ จริงๆก็คิดว่าปิงก็รักโฟนนะ แต่ยังสับสนอยู่
เอาใจช่วย ทั้ง ปิง โฟน และก็เป้ และก็คุฯ ALPHA ด้วย
-
อ่านทันแล้ว :z2:
โฟนรักใครกันแน่ :m16:
สงสารปิงนะที่ไม่รู้ใจตัวเอง
-
ลุ้นและเป็นกำลังใจให้โฟน
.
.
.
แต่แอบสงสารเป้อ่ะ :เฮ้อ:
-
ในที่สุดก็บอกไปแล้วววววว
ปิงเมื่อไหร่จะรู้ใจตัวเองงงงงงงงงง
:call:
-
มาช้ายังดีกว่าไม่มา คิคิ( คำแก้ตัวตัวของคนที่เพิ่งอ่านฮ่าๆ) :laugh:
มีสองหนุ่ม ให้เลือกเชียร์ จะเชียร์ใครดีหว่า คึคึ
โฟนหลงเป้ จริงๆเหรอ หรือว่า จริงๆแล้วแค่เหงา ชิมิ
หรือแค่อยากพาตัวเอง ออกมาจากปิงเจ๋ยๆ
คนจ๋วยเชียร์ .... คนไหนที่โฟนเลือก...ก้อเชียร์คนนั้นแล่ะ เอิ้กกกส์ :z2:
-
:m19: :m19: :m19: :m19:
อาการปวดท้องดีขึ้นแล้ว แต่วันนี้ทำงานอ่ะฮะ
:m17: :m17: :m17:
ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้จะต่อให้นะฮะ
รักทุกคนนะครับ ผมดีใจที่เพื่อนอ่านแล้วชอบกันนะ :m4: :m4:
หายไวๆ นะค๊า
รออยู่ค่า
:L2:
-
เพิ่งได้มาอ่าน
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก
มาต่อเร็วๆนะครับ :z2:
-
o13 o13
:z2:อิ
-
จะติดตามต่อไปนะครับ
ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ
-
ขอโทษฮะ ขอโทษฮะ ที่มาเลทวันนึง
เอาตอนใหม่มาส่งฮะ
ยาวเลย (ใกล้จะจบแล้วนะครับ) :sad4: :sad4:
ตอนที่ 10 เวลา
1 นาที
“โฟน.. มึงพูดเล่นใช่ไหม”
... คุณเคยอ่านอะไรได้จากสายตาไหมครับ
ดวงตาสีน้ำตาลคู่นี้ที่ผมจ้องมองอยู่ตอนนี้ มันว่างเปล่า ไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลย ผมเดาใจปิงไม่ออก พวกเราได้แต่ยืนนิ่ง ปล่อยให้สายฝนและความเศร้าซัดสาดอยู่อย่างนั้น
แม้ว่ารอบกายจะมีแต่เสียงอึกทึกของพายุ แต่ระหว่างเราทั้งสองแล้วมีแต่ความเงียบงัน ปิงยังคงจ้องมอง ยังคงทำร้ายผมด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
เสียงอันสั่นเครือ ของผมหลุดออกจากปาก
“ปิง... มึงกับกูอย่ามาเจอกันอีกเลยหว่ะ”
“ฟ..โฟน”
“ถือว่าช่วยกูหน่อยเถอะนะ.. ถ้ายังสงสารกูบ้าง ยังรู้สึกดีกับกูอยู่บ้าง ช่วยหายไปทีเหอะ กูขอร้อง”
ผมดึงปิงเข้ามากอด กอดครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของผมในฐานะที่เกินเลยกว่าเพื่อน ผมผละออกมาแล้วเดินจากไปภายใต้สายฝน ไม่มีจุดหมาย ไม่มีความคิด ไม่มีอะไรเลย เพื่ออะไร... ผมถามตัวเองเป็นร้อยเป็นพันรอบ ตลอดหลายต่อหลายปีนี้มันเพื่ออะไร ผมเสียเวลาไปโดยไม่ได้อะไรเลย ผมทรมานไปทำไม สุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างมันก็จบลง เพราะประโยคของผม เพียงคำพูดไม่กี่คำที่แทนความรู้สึกที่ผมเคยมีให้มัน มันจะแทนกันได้ยังไง ตอนนี้แม้แต่เพื่อนที่ชื่อปิงผมก็ไม่มีอีกแล้ว...
ม่านหยดน้ำจำนวนมหาศาลร่วงหล่นจากฝากฟ้า ตาของผมพร่ามัวจากทั้งฝนเย็นๆ และจากน้ำตาอุ่นๆ
หนทางเบื้องหน้าของผมก็เหมือนกัน.. พร่ามัวเหลือเกิน
_________________________________
3 สัปดาห์
วันคืนของผมยังดำเนินต่อไปครับ แต่ผมอยู่เหมือนกับไม่มีชีวิต ใครจะว่าอะไรผมก็เอาเถอะครับ ผมไม่อยากไปเรียน ผมหยุดเรียนเป็นอาทิตย์ และก็ดรอปวิชาเรียนไปหลายตัว ผมไม่อยากตอบคำถาม ผมไม่รู้จะตอบอะไรพวกเขาถึงจะพอใจ
‘ปิงหายไปไหน’
‘หวัดดีโฟน แล้วปิงล่ะ’
‘โฟน ไมช่วงนี้ไม่เดินกับปิงล่ะ’
‘ปิงไม่สบายเหรอโฟน’
‘ทะเลาะกับปิงเหรอ’
‘ทำไมวันนี้ปิงไม่มาด้วย’
‘นี่ถ้าปิงอยู่ด้วยต้องสนุกแน่’
หยุด!!
พอได้แล้ว
พอได้แล้ว.....
ผมอยากจะนอนอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องคิดอะไร
ส่วนเป้.. เป้ไม่ได้หายไปไหนนะครับ เขาวนเวียนอยู่ข้างผมเสมอ แต่ตอนนี้ผมเจ็บปวดครับ เข้าใจใช่ไหมครับ ว่าทำไมผมยังคบไม่คบกับเป้สักที แม้ว่ามันจะแสนดีก็ตาม
_________________________________
1 เดือน
ปิง หายไปจริงๆ ครับ
แม้ว่าผมจะเป็นคนบอกให้มันหายไปก็เถอะ แต่ในใจก็ยังหวังลึกๆ ว่ามันจะกลับมา
แต่ไม่เลยครับ... ปิงหายไปจากชีวิตของผม ทิ้งไว้แต่ซากหักพังของความรู้สึกเอาไว้ ข่าวมาจากเพื่อนว่าปิงขาดเรียนเช่นกัน ผมเองก็ไม่อยากจะถามข้อมูลอะไรมากไปกว่านั้น
หัวใจของผมกำลังฟื้นตัว ได้โปรดอย่าทำร้ายมันอีกเลย
_________________________________
1 เดือนครึ่ง
นี่เป็นอีกวันที่ผมหยุดเรียน
“โฟน!!” “โฟนอยู่ไหมครับ” เสียงดังลงมาจากด้านล่าง
“ป๋อง อาร์ท โอปอล !?” เพื่อนสามคนของผมปรากฎตัวขึ้น อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งสามคนเป็น Lab mate ครับ กล่าวก็คือเป็นเพื่อนที่ต้องทำ lab ด้วยกัน
“โฟนตอนบ่ายมีเรียน นายต้องไปกับพวกเรา” ป๋องพูด
“นี่ชีท ทั้งหมดที่นายขาดเรียนไป มีคนเขาซีรอกซ์มา- - โอ้ย” อาร์ทโดนโอปอลกระทุ้งเต็มท้อง
“พวกเรารอกซ์มาให้เองเนี่ยแหละ เราไม่รู้่ว่านายมีปัญหาอะไรนะ แต่เล่นโดดเรียนเป็นสัปดาห์แบบนี้ไม่ไหวหรอก”
ผมงง อยู่ดีๆ พวกมันก็มาพูดรัวปืนกลใส่ผมเสียยกใหญ่
“เร็วดิ ไปอาบน้ำ เดี๋ยวจะติว Quiz ของวันนี้ให้”
ผมเดินไปอาบน้ำแบบงงๆ กลับออกมาก็เห็นมันสามคนนั่งเปิดชีทกันหัวหมุน อีกชั่วโมงหลังจากนั้นผมก็โดนตบอัดความรู้เข้าสมองแบบหลักสูตรเร่งรัด เพราะทำ lab ทุกครั้งจะมี Quiz เก็บคะแนนก่อนทุกครั้ง ผมซึ่งโดดไป 3-4 ครั้งแล้ว กว่าจะตามเพื่อนทัน ถ้าอ่านเองคงไม่มีทาง แต่นี่มีมันสามคนมาช่วยติวให้ แม้จะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ก็พอจะจับจุดได้
เกือบเที่ยงแล้ว ผมคว้าชุดนักศึกษามาใส่ ผูกไทน์ แล้วก็ก้าวเท้าออกจากบ้าน คราวนี้ไม่ได้ไปคนเดียว ผมยังมีเพื่อนที่อยู่ดีๆ ก็โผล่เข้ามา
รอยยิ้มแรกในช่วงเดือนกว่าๆ ของผมทำให้อีกสามคนยิ้มออกเช่นกัน
ปิง ... กูลุกขึ้นแล้วนะ มึงล่ะเป็นยังไงบ้าง
-
อ๊า จิ้มๆๆๆ
เย้ๆ มาต่อแล้ว
แต่ ไม่น้าๆๆๆๆๆๆๆ ไม่อยากให้จบ ไม่อยากค้างงงงงงงงงงงง
:o12: :o12: :o12:
เมื่อไหร่ปิงจะรู้ใจตัวเองง่า ขาดโฟนได้ที่ไหนกัน :angry2:
-
สงสารปิงนะ
-
:sad4:ขนาดไม่ยอมเจอกันเลยเหรอ
-
:เฮ้อ: นี่ล่ะมั้ง สาเหตุที่คนที่แอบรักเพื่อนไม่กล้าบอกออกไป "กลัวเสียเพื่อน"
-
เง้อไม่เจอกันเป็นเดือนสุดยอดใจแข็งมากกกกกกกกก
สู้ๆๆๆๆๆค้าบบบบบบบบบบ
-
:z3:
-
สงสารทั้งสองคนมากเลย :เฮ้อ:
รีบมาเล่าต่อนะ รอๆๆๆ
-
อยากอ่านต่อแล้ว :z3:
-
:z3: :z3: :z3:
โขกประท้วงด้วย อยากอ่านต่อ
-
:m15: :m15:
อ่านแล้วเศร้ามากมาย
.
.
.
อยากให้จบแบบแฮ้ปปี้ แต่......จากชื่อเรื่อง สงสัยจะจบเศร้าแน่เลยอ่ะ :เฮ้อ:
-
:sad4: :sad4: :sad4:
ไมรู้สึกว่าเรื่องมันยุ่งยากขึ้นเรื่อยๆง
ถ้าปิงแค่เข้าใจความรู้สึกตัวเองให้มากกว่านี้ นะเรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิด เฮ้อ
-
:m15:
หายกันไปหมดเลย
เหอๆ
-
โฟน กลับมาแล้ว โฟนลุกขึ้นมาแล้วววววววว :กอด1:
-
ปิงล่ะ
ปิงกลับมายังงงงง :กอด1:
ใครเป็นคนซีรอกซ์ มาให้โฟนอ่ะ
ปิง ใช่มั๊ยยยยยยยยยยยยย :m15:
-
อยากอ่านต่อจัง
-
ค้างคาอย่างแรง :serius2:
โฟน ฟื้นตัวแล้ว
ปิงล่ะ ปิงหายไปหนายยยยยยยยยยยยย :z3:
-
เอ๊ะ มีคนให้เอาชีทมาให้เหรอ
ใครล่ะเนี่ย
รอติดตามต่อจ้าา
o13
-
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก จะจบแล้วหยอ
แล้วปิงจะกลับมามั้ย
-
:L2:
-
เข้ามาบอกว่าสนุกมากกกกก :impress2:
มาต่อเร็วๆน้า o18
-
โฟน......แน่ใจเหรอคับว่าทำแบบนั้นแล้วมันจะดีขึ้นจริงๆ
ปิงเองก็เหมือนกัน.....ไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆเหรอคับ
-
โฟน กับ ปิงต้องการเวลาเยียวยาความรู้สึกทั้ง 2 ฝ่าย :เฮ้อ:
เอาใจช่วยทั้งคู่ :L2:
ปอลอ เดาว่าชีททั้งหมด ปิงไปตามเก็บมาซีร๊อกซ์ให้โฟน ถูกป่าวน้า
-
มาเถอะๆ มาเถอะๆๆ :call:
-
:L2: เข้ามาอ่านด้วยคนจิ เศร้า ๆ เหงา ๆ ดี
มารออัพตอนต่อไปอยู่นะ :z2:
-
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก จะจบแล้วหยอ
แล้วปิงจะกลับมามั้ย
:o7: :o7: :o7:
ไม่จริงใช่ม๊ายยยยยยยยยยยยย
แต่ยังไงก็ยังรอ ร๊อ รอ
:pig4:
-
ไม่มาต่อหรออออออออออ
กระซิกๆๆ
:impress3:
-
มาช่วย RN จุด :call: :call: :call:
มามะ มามะ
-
:call: :call: :call:
มาจุดด้วย มาต่อเถอะ สาธุ
:oni3:
จงมา จงมา จงมา
-
:call:
-
อันเชิญมาต่อได้แล้วนะ :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
-
ด้วยคนๆๆ
:call: :call: :call: :call: :call:
แต่ว่านะ
จุดแค่ธูปจะพอป่าวเนี่ย
ต้องใช้เทียนพรรษาซะละม้างงง
ต่อไวไวเถอะน้าค๊าๆๆ
:call:
-
มารอด้วยคน
:m27:
ร้องเพลงรอ
-
:duck1: แว๊น แว๊น แว๊นซ์ ~~~~~~ ออกตามหาคนแต่ง มาต่อไว ๆ นะคร๊าบบบบบ :call:
:pig4:
-
ชอบเรื่องนี้มากนะครับ :L2:
ไม่ต้องน้อยใจถ้ารีพลายน้อย
แต่ทำใมจบเร็ว เสียดาย กำลังติดอีกเรื่อง
:o11:
-
มามะๆๆๆๆ :call: :call:
-
จะติดตามต่อไปนะ
ขอเป็นกำลังใจให้นะ
-
แล้วสรุปปิงรู้สึกยังไงกับโฟนล่ะเนี่ย
จะรอตอนต่อไปนะครับ
-
(http://i200.photobucket.com/albums/aa319/teerak_photos/Merry_Christmas_Glitter_Wreath.gif)
-
(http://)(http://dl4.glitter-graphics.net/pub/715/715254le2lt5t6g2.gif) (http://www.glitter-graphics.com)
-
เข้ามารอตอนต่อไป...สงสารปิง
-
แง~~~ :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :sad4: :sad4: :sad4:
อย่าโกรธผมนะฮะ
:m15:
หายไปนานมากขอโทษจริงๆ นะ เนื่องจากไปรับปริญญามา T^T
มีคนจุดธูปเรียกด้วย มิน่าวิญญาณจะหลุดออกจากร่างตลอดเวลา
:m2: :m2:
เอาตอนใหม่มาส่งฮะ
ตอนที่ 11 เป็นห่วง
เวลาผ่านไปสองเดือนแล้วกับความสัมพันธ์ที่จบลง เหมือนคนบนฟ้าพอจะสงสารผมอยู่บ้างเลยส่งคู่หูคู่ฮา lab mate ทั้งสามคนมาให้ผม แล้วก็ยังมีเป้อยู่ข้างๆ ไม่ขาด
ฤดูฝนกำลังจะจางหาย ส่วนหน้าหนาวกำลังจะเข้ามาแทนที่อีกครั้ง กับเรื่องราววุ่นวายของชีวิตที่ก้าวเข้ามาสู่รั้วมหาวิทยาลัย ผมเองก็ยังงงอยู่ว่าทำไมเรื่องราวมันถึงวุ่นวายขนาดนี้ภายในปีเดียว เพราะไอ้ปีก่อนๆ ตอนที่อยู่โรงเรียนเดียวกันกับปิงก็ไม่เห็นจะมีอะไร อาจจะเพราะเข้ามหาลัยมีหญิงมาตอมไอ้ปิงมากผิดปรกติ ผมก็เลยหึงมัน หรืออาจจะเพราะว่าผมเองก็โตขึ้น ก้าวเข้ามาสู่วัยรุ่นช่วงปลาย และก็อยากจะมีความรักจริงจังและก็ให้ชีวิตของตัวเองชัดเจนสักที
ฝนปรอยๆ เพิ่งหยุดไป ปะทะเข้ากับอากาศเย็น ทำให้ปฎิทินของวันนี้เลื่อนเข้าสู่ฤดูหนาวในความรู้สึกของผมอย่างเต็มที่ พวกเราทั้งสี่คนนั่งอ่านหนังสือกันอยู่ที่ร้านขนมแถวคณะ นอกจากอุณหภูมิที่ลดลงจะทำให้หนาวแล้ว การสอบที่กำลังใกล้เข้ามาทุกทีก็อาจจะทำให้ถึงขนาดหนาว ‘สั่น’ หลังจากที่ผมไถลไถเถือกสัปหงกไปอ่านหนังสือไปอยู่ที่บ้าน ผมก็ตัดสินใจติดรถฟิวมานั่งอ่านหนังสือกับเพื่อนที่นี่
“ว๊ากกกก ทำไมมันเยอะอย่างงี้วะ” โอปอล บ่น พร้อมฟุบหน้าลงไปที่ชีทกองพะเนิน ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เออ แม่งเยอะจริงหว่ะ”
“เยอะก็อ่านสิวะมึง นั่งบ่นแล้วมันจะลดลงไหม” ป๋อง เพื่อนผู้ที่ผมคิดว่ากวนตีนที่สุดในคณะ กล่าวขึ้น ยังไงก็ตาม ผมไม่เห็นป๋องมันจะอ่านเยอะแยะ จากการสอบที่ผ่านมา ป๋องเป็นเต็งหนึ่ง คะแนนกระโดดสูงปรี๊ด อย่างไม่เกรงใจเพื่อนฝูง
“เมิงก็ติวให้พวกกูดิ คะแนนก็เยอะ แต่เสือกติวไม่รู้เรื่อง” ไอ้โอปอลตัดพ้อ
“เอาน่า อย่าทะเลาะกัน ไปซื้อกาแฟมากินเพิ่มไหม” อาร์ท หนุ่มต่างจังหวัดคนเดียวในกลุ่ม ด้วยดีกรีที่หนึ่งในจังหวัด และคะแนนเอ็นทรานซ์สูงที่สุดในรอบ 3 ปีของโรงเรียน ทำให้อาร์ทต้องระหกระเหินเดินทางจากบ้านนอกเข้าเมืองกรุงมาเรียนหนังสือ อาร์ทเป็นคนที่ซื่อมากสมกับเป็นเด็กต่างจังหวัด เสมือนเป็นพ่อพระของเพื่อนๆ ในกลุ่ม และมันก็พร้อมจะประณีประนอม... แต่ก็ยกเว้นอยู่เรื่องนึง
โทรศัพท์มือถือแผดเสียงดังขึ้น
“โหล”
“เป้เอง โฟนอ่านหนังสือเสร็จยัง”
“ยังเลยอ่ะเป้ ที่เพลนไว้ วันนี้เหลืออีก 6 ชีท”
“ว้า อีกนานป่ะ เป้อยากชวนโฟนอยู่หนัง”
“อืม .. ดูหนังเหรอ เรื่องอะไรอ่ะ”
ไอ้อาร์ทส่งตาเขียวมาให้
“จองสักสองทุ่มกว่าๆ แล้วกันนะ อีกสองชั่วโมงน่าจะอ่านทัน” ผมบอกเป้ก่อนจะวางหู
“โอ๊ยยยย กูหล่ะเบื่อคนมีแฟน เมื่อไหร่กูจะมีมั่งน๊อออ จะได้โทรมาชวนไปดูหนงดูหนังมั่ง” ป๋องเริ่มกวนตีน
“ก็เขาหน้าตาดี เช็คหน้ามึงซะก่อน จะมีแฟน หญิงที่ไหนจะเอา” โอปอลสวนกลับทันที
“หญิงไม่เอา ก็เอาหนุ่มเหมือนไอ้โฟนก็ได้ง่ายดี กูยอมม” ผมเขินแต่ก็มีสติพอจะเลือกชีทที่หนาที่สุดในฟาดกระโหลกไอ้ป๋องสักป้าบ
“ทำไมต้องไปด้วยล่ะ ไม่ต้องไปก็ได้หนิ เรื่องนี้ตอนแรกนัดดูด้วยกันไม่ใช่เหรอ” อาร์ทเริ่มง้องแง้ง
“อาร์ท...” ผมไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้อาร์ทมันเป็นอะไรครับ ปกติแล้วมันง่ายๆ ทุกเรื่อง ไม่เคยนอยด์เพื่อน มีแต่เรื่องเป้เนี่ยแหละ มีแบบนี้ทีไร รับรองไอ้อาร์ทนี่เหวี่ยงวงแตกทุกครั้งไป
“เอ๊า อาร์ท จะเป็นอะไรวะ โฟนมันจะไปดูหนังกับแฟน แล้วมึงจะมาหงุดหงิดทำไมเนี่ย” โอปอลพูดพร้อมกับยัดโดนัทชิ้นสุดท้ายบนโต๊ะเข้าปาก
“กูกับเป้ ยังไม่ได้เป็นแฟนเว้ย” ผมแก้ต่าง แต่ถึงจะยังไม่ได้ตกลงอะไรกัน เป้มันเล่นมาเทียวรับเทียวขือผมแบบนี้ ใครๆ ก็ต้องคิดว่าเป็นแฟนกัน
ไอ้อาร์ทหน้าบูด “ก .. ก็ ตอนแรกนัดกันไว้แล้วหนิ”
“เอาน่า กูขอโทษ เดี๋ยวกูเลี้ยงไอติม 2 ถ้วย เคป่ะอาร์ท”
“จริงเหรอ!” -*- .. อาร์ท.... ตกลงนี่มึงเห็นของกินดีกว่ากูใช่ไหมเนี่ย
“เออออ เลิกหน้างุ้มได้แล้ว มึงเหวี่ยงแล้วใครจะเป็นกรรมการห้ามหมากัดกันวะ” ผมแซว
ไอ้โอปอล กับไอ้ป๋อง หันมาพูดเป็นเสียงเดียวกัน “ใครหมาวะ!”
2 ชั่วโมงผ่านไปแว๊บบบบ เดียว
คุณชายเป้ โผล่เข้ามาพร้อมกับเสื้อเชิ๊ตสีขาว ทับแล้วเสื้อกั๊กไหมพรมตารางสีครีม มึงน่ารักน้อยกว่านี้ได้ป่ะวะ กูถามจริงเหอะหว่ะเป้
“หวัดดี ป๋อง โอปอล ... อาร์ท นายอารมณ์ไม่ดีเหรอ”
“ป.. เปล่า สักหน่อย ไม่มีอะไร” อาร์ทมันคงรู้สึกผิดที่เสียมารยาท
เป้ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ “เป็นไง อ่านเสร็จยัง”
“ยังอ่ะ เหลืออีกชีทนึง”
ไอ้ป๋องสอดเข้ามา “เพื่อนเป้ครับ ผมให้ครับ รักษาสุขภาพนะครับ” ไอ้ป๋องควักกระเป๋าแล้วก็หยิบถุงยางส่งให้เป้
เป้ถึงกลับปล่อยก้าก ออกมา ส่วนผมก็ถีบไอ้ป๋องซะเต็มตีน โอปอลรีบแทรก “เพื่อนเป้จะใช้ก็ระวังหมดอายุนะครับ ป๋องมันไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้หรอกครับ พกไว้งั้นๆ แหละ”
ผมหัวเราะกับความกวนตีนของทั้งคู่ แล้วก็เก็บข้าวของ ไปดูหนังกับเป้
ความสัมพันธ์ของผมกับเป้ ก็พัฒนาไปนะครับ ผมยอมให้เป้หอมแก้มบ้าง จับมือบ้าง แต่ก็คงยังไม่เกินเลยไปกว่านั้น มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากถามเป้มาก แต่ผมก็ไม่กล้าสักที ให้ตายเถอะครับ มันรบกวนผมเหลือเกิน ... ไม่ต้องเดาหรอกครับ มันก็คือเรื่องของปิง
ผมได้ข่าวจากปิงน้อยมาก ตั้งแต่ห่างกันไป เท่าที่รู้คือมันก็ขาดเรียนไปนานเช่นกันกับผม และในที่สุดความอดทนของผมก็หมดลง ผมยอมรับว่าผมยังห่วงมัน
“เป้ เราถามอะไรหน่อยดิ แต่เป้ห้ามโกรธเรานะ”
“เรื่องปิงเหรอ ถามมาดิ เราไม่โกรธหรอก แต่น้อยใจนิดหน่อย”
ผมทำหน้าเกรงใจ
“เอาน่าเรื่องโกรธมันห้ามกันได้ แต่เรื่องน้อยใจ มันห้ามกันได้ซะที่ไหนล่ะ”
“งั้นเราไม่ถามก็ได้” (ฮ่าๆๆ นี่กูงอนเหรอเนี่ย ดัดจริตจริงกู)
เป้ทำหน้าจริงจังขึ้นมา “เดือนกว่าเนี่ย ปิงยังไม่มาเรียนเลย”
“อะไรนะ!”
“จริงๆ ไม่รู้ทำอะไรของมัน เรากับเพื่อนเคยไปหามันที่บ้าน ก็ไม่ยอมออกมาเจอ”
การสนทนาจบลง เป้ขับรถมาส่งผมที่บ้าน ผมหอมแก้มเป้ทีนึงเป็นการขอโทษที่ทำให้วันนี้หมดสนุกเพราะเรื่องของปิง เปิดประตูเข้าบ้านก็ตกใจ บนโต๊ะกินข้าวมีถุงขนมห่อใหญ่วางอยู่ ผมถือวิสาสะเดินไปเปิด ก็เจอแต่ของโปรด
“เจ๊ฟิว ของเจ้เหรอ”
ฟิวตะโกนออกมาจากห้องทำงาน “เปล่า ซื้อมาฝากหว่ะ กินเสร็จแล้วแช่ตู้เย็นด้วย”
“หัวกระแทกอะไรมาวะ อยู่ดีๆ ก็ทำตัวเป็นพี่สาวแสนดีซะงั้น”
“พูดมาก ไม่กินก็เอามา ยิ่งหิวๆ อยู่นะโว้ยยย”
“หิวแล้วทำไมไม่กินล่ะ เนี่ยเยอะแยะ”
“เออน่ะ ก็คนเขาตั้งใจซื้อมาให้ ถ้าชอบเดี๋ยววันหลังเอามาให้ใหม่”
“แท้งกิ้วเจ้” ผมหยิบบลูเบอร์รี่ชีสเค้กมาอันนึง แล้วก็ขึ้นห้อง
ขนมหมดไปครึ่งถาดแล้ว ผมนั่งแหมะอยู่บนเตียงแล้วก็คว้ากีต้าร์มาดีดเหมือนเดิม รูปภาพของผมกับปิงยังอัดแน่นเต็มผนังอยู่เหมือนเดิม เสื้อนักเรียนเปรอะหมึกที่ละเลงกันในวันจากเหย้าก็ยังมีความทรงจำเด่นชัด ความคิดของผมจมลงไปอยู่กับปิงอีกครั้ง
ผมสับสนว่าปิงเป็นอะไร หรือว่าผมนิสัยไม่ดี ผมตั้งหลักได้เพราะมีทั้งเพื่อนทั้งเป้... แต่ถึงปิงจะไม่มีผมมันก็น่าจะอยู่ได้.... หรือว่าจริงๆ แล้วมันจะอยู่ไม่ได้ เพื่อนคนนี้สำคัญกับมึงขนาดนั้นเชียวเหรอวะปิง กูรู้นะว่ากูเห็นแก่ตัวแต่กูทนอยู่ใกล้กับมึงด้วยความรู้สึกแบบนั้นไม่ไหว มันทรมานหว่ะปิง มึงเข็มแข็งขึ้นสักทีสิปิง อย่าให้กูต้องเป็นห่วงแบบนี้อีก
ค่ำคืนของกรุงเทพฯ ยังไร้ซึ่งดวงดาวเหมือนเคย ตอนนี้ทำอะไรอยู่วะปิง.. กูคิดถึงมึง
-
:z3: รอรายคับ อยากรู้ก็ไปดูดิ
-
เอ่อ เจ็บไหมฮะ เอาหัวโขกทำไม :m29:
-
ม่ายเจ็บ
:angry2:แต่จะตายเพราะคิดถึงไง
-
เฮ้อ คนปากแข็งอีกหละ ตอนอยู่ด้วยกันทำเป็นไม่สนใจ พอเค้าตีจากก้อรับไม่ได้
:z3: :z3: :z3:
-
:o12: :o12: :o12:
สงสารปิง + ไม่เข้าใจปิงด้วยอะ ทั้งที่ปากก็บอกว่าเพื่อนกัน แต่พอห่างกันกับ ทำมาเป็นเศร้า เก็บเนื้อเก็บตัว
แล้วจะรออ่านต่อนะคราบ แล้วจะคอยเป็นกำลังใจให้นะคราบ อิๆ
-
จะปากแข็งไปถึงหนาย :z3: :z3: :z3:
-
ไม่ไปดูปิงหน่อยเหรอคับ โฟน
????
-
:o12: :o12: :o12: น่าสงสาร
-
เอ่อ เจ็บไหมฮะ เอาหัวโขกทำไม :m29:
o8
ไม่ต้องเป็นห่วงอาการของคุณไต๋นะครับ
จากการวินิจฉัยเบื้องต้นพบว่าไม่มีอาการผิกปกติร้ายแรง
หากแต่เป็นเพียงอาการของวัยทองระยะเริ่มต้น
ซึ่งต่อไปจะเริ่มหายไปเองเมื่อรับสภาพได้
:pig4:
-
ปิงหายไปไหน :monkeysad: คิดถึงปิง
-
ปิงทำใจไม่ได้เหรอ ได้ข่าวว่าสาวๆเยอะนี้
-
เอ่อ เจ็บไหมฮะ เอาหัวโขกทำไม :m29:
o8
ไม่ต้องเป็นห่วงอาการของคุณไต๋นะครับ
จากการวินิจฉัยเบื้องต้นพบว่าไม่มีอาการผิกปกติร้ายแรง
หากแต่เป็นเพียงอาการของวัยทองระยะเริ่มต้น
ซึ่งต่อไปจะเริ่มหายไปเองเมื่อรับสภาพได้
:pig4:
o18 เหอะเหอะ รู้ดีเหมือนเป็นคนข้างกายเลยนะเซน
:kikkik:แอบรักเราหนะดิ โด่รู้หลอกน่า
ถึงจะแก่แต่ก็เล้าใจนะขอบอก :laugh5:
-
ปิงหายไปทำใจ หรือปิงหนีความสับสนในใจตัวเองหว่า...
ถึงไม่ยอมโผล่ซักที เอิ้กๆ :laugh:
-
:impress3:
ไม่ไหวๆ
ไปตามปิงได้แล้ว
ปิงจ๋า อยู่หนายยยยยยยย
:z3:
-
เพื่อนปิงคนสำคัญหายไปหน่าย
:angry2: ทำไมโฟนไม่ไปตามหาบ้าง
+1 ให้ช่วยตามหาปิงให้หน่อยนะ :m15:
-
ผมสมาชิกใหม่ครับ
ถึงตอนนี้ไมเรื่องมันเศร้าจัง
-
สู้ๆๆ
-
เอ่อ เจ็บไหมฮะ เอาหัวโขกทำไม :m29:
o8
ไม่ต้องเป็นห่วงอาการของคุณไต๋นะครับ
จากการวินิจฉัยเบื้องต้นพบว่าไม่มีอาการผิกปกติร้ายแรง
หากแต่เป็นเพียงอาการของวัยทองระยะเริ่มต้น
ซึ่งต่อไปจะเริ่มหายไปเองเมื่อรับสภาพได้
:pig4:
o18 เหอะเหอะ รู้ดีเหมือนเป็นคนข้างกายเลยนะเซน
:kikkik:แอบรักเราหนะดิ โด่รู้หลอกน่า
ถึงจะแก่แต่ก็เล้าใจนะขอบอก :laugh5:
^
^
:jul3: :jul3: :jul3: :jul3: :jul3:
ปิงอยู่ในช่วงสับสน โฟนยังดี มีเพื่อนพยุงไว้
-
ปิงหายไปจริงๆ หรอเนี่ย
ชักคิดถึง
-
ปิง กลับมาาาา ..
เป้ทำคะเเนนไปไกลเเล้ว ฮือ
เค้าจะเอาปิงอ่ะ ปิง ปิง :-[
-
ปิงหายไปไหน กลับมาเถอะปิงงงงงงง :กอด1:
-
:z6:
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
เอาตอนใหม่มาส่งแล้วนะครับ ^ ^
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันตลอดนะฮะ
ตอนที่ 12 กลับ
วันใหม่มาถึง ช่วงนี้ผมเริ่มวันด้วยขนมของเจ้ฟิวที่ซื้อมากักตุนเอาไว้มากมายมหาศาล ผมเคยแซวว่ามีหนุ่มร้านขนมมาจีบเหรอไง ถึงมีขนมเยอะแบบนี้ ก็โดนอิเจ๊มันตบกบาลเอาเสียเจ็บ
ที่ผมตื่นเร็ววันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องสอบ แต่ที่ทำให้ผมตื่นเต้นมากกว่านั้น เพราะเป้ชวนผมไปเที่ยวทะเล ผมเก็บข้าวของนิดหน่อย ดูตลกที่ต้องแบกเป้ใบใหญ่ไปสอบ แต่เป้ยืนยันว่าเรียนเสร็จแล้ว พวกเราจะออกเดินทางกันเลย การสอบวันนี้ของผมเลยทุลักทุเลกว่าที่คิดเพราะมีเป้ใบโตสะพายอยู่บนหลังขณะเบียดเสียดบนรถเมล์ในตอนเช้าเพื่อฝ่าฟันไปสอบ ..นี่ถ้าไอ้ปิงยังอยู่ก็ไม่ต้องลำบากลำบนขนาดนี้แล้วโฟนเอ้ย
กริ่งเข้าห้องสอบดังขึ้น ผมหยิบมือถือกดดูข้อความที่เป้ส่งมาให้กำลังใจ เป้เองก็มีสอบเหมือนกันแต่เป้บอกว่าวิชาของคณะเขาไม่ต้องอ่านหนังสือเยอะมาก ข้อสอบไม่ยากอย่างที่คิด ต้องขอบใจเหล่า lab mate กิตติมศักดิ์ทั้งสามรายที่ทำให้ผมผ่านพ้นช่วงเวลาโหดร้ายมาได้ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมป๋องถึงเก่งนัก ป๋องมันเก็งข้อสอบตรงมาก ตรงมากๆๆๆ มันเลยอ่านหนังสือน้อย รู้ว่าตรงไหนเป็นพ๊อยต์ต้องจำ แล้วก็เลือกอ่านเฉพาะสำคัญ หลังจากสอบเสร็จผมนั่งรอเป้อยู่ที่คณะ สามตัวนั้นงอนผมปอดแปดเพราะว่ามันจะนัดไปฉลองกันหลังสอบเสร็จ โดยเฉพาะไอ้อาร์ทที่ออกอาการเหวี่ยงตั้งแต่สอบเสร็จ
ผมเดินไปเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงยีนส์กับเสื้อยืดสบายๆ พอกลับมาก็เห็นเป้นั่งกุมเป้ยักษ์ของผมอยู่ สิ่งที่แปลกไปก็คือวันนี้เป้ไม่ยิ้ม ผมถามเป้ว่าเกิดอะไรขึ้น เป้เลยเล่าให้ฟังว่าวันนี้ปิงไม่มาสอบวิชาคณะ ถอนวิชาก็ยังไม่ได้ถอนสักวิชาแล้วไม่มาสอบแบบนี้จะติด F เอา อาจารย์พยายามโทรเข้ามือถือปิงแต่ไม่มีใครรับสายเลย
เอาหล่ะ... คุณว่าผมควรจะทำยังไง
ผมควรจะไปหาปิงใช่ไหม ไปด่ามัน ไปทะเลาะกับมันว่าทำไมมันไม่มาสอบ แต่ผมเป็นเพื่อนกับปิงมานาน ปิงไม่มาสอบเพราะมันตั้งใจว่ามันจะไม่มา... ต่อให้ใครไปพูดยังไง มันก็ไม่มา ไม่ใช่ด้วยอารมณ์ แต่การที่ปิงจะทำอะไรแบบนี้ ปิงจะคิดแล้วคิดอีก
ปิงมีเหตุผลบางอย่างที่ไม่ยอมโผล่มา.. และผมหรือเป้ก็อาจจะเป็นเหตุผลนั้น
การที่ผมไปปรากฎตัวคงจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก
“ไปกันเถอะ” ผมพูด คว้ากระเป๋าขึ้นมา
“ไม่เป็นไรแน่นะ” เป้ถามย้ำ
“อือ ไม่เป็นไร” ผมยืนยัน
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ถึงปากจะบอกไปอย่างนั้น แต่เรื่องของปิงก็ยังอยู่ในใจของผมตลอด เป้ขับรถคันงามมุ่งตรงไปหัวหิน ผมมองผู้ชายคนนี้อีกครั้ง เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนตัดสั้นและถูกจัดอยู่ในทรงเป็นอย่างดีเปิดเผยให้เห็นใบหน้าขาวผ่องของเขา คนคนนี้อยู่ข้างผมมาตลอด และก็อย่างที่สังเกตผมไม่ได้เล่าเรื่องของเป้มากนัก และสิ่งที่เกิดขึ้นก็ตรงกับความรู้สึกของตัวผมเอง แม้ว่าจะอยู่ข้างกันแต่ใจของผมก็หลุดลอยไปไกลแสนไกลเสียแล้ว ตั้งแต่วันที่เป้บอกชอบผมจนถึงวันนี้ก็ สี่เดือนเข้าไปแล้ว ผมเองไม่เคยตอบคำถาม ไม่เคยให้ความหวัง แต่เป้ก็ยังคงให้ผมตลอดมา ผมมานึกถึงตัวเอง นึกถึงว่าตอนนี้ผมก็เหมือนปิง ส่วนเป้ก็ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกันกับผมในตอนนี้ แค่ผมคิดว่าปิงรู้สึกกับผมเหมือนที่ผมรู้สึกกับเป้ ผมก็แทบจะกลืนความเจ็บปวดลงคอไม่ไหว แล้วไหนจะความรู้สึกผิดต่อเป้ที่ท่วมท้นขึ้นมาอีก
“เป้ .. นายไม่เหนื่อยเหรอ” คำถามถูกตั้งขึ้นตรงเส้นแบ่งกั้นระหว่างแผ่นดินกับผืนน้ำ ภายใต้ท้องฟ้าสีดำเหมือนเป็นผ้าคลุมผืนใหญ่โอบรอบผมไว้ เป้นั่งพิงผมอยู่แผ่นหลังแปะกับโขนหินและปลายเท้าซุกอยู่ในทรายอุ่นๆ ที่กำลังปลดปล่อยความร้อนระอุซึ่งสะสมไว้จากช่วงกลางวัน
“เหนื่อยอะไรเหรอ” เป้ หันมายิ้ม ยิ้มแบบที่ทำให้ผมอ่อนไหวทุกที
“ก็เนี่ย กับเรื่องของเรา นายทำแบบนี้ไม่เหนื่อยเหรอ”
เป้ กอดเข่า ลมทะเลพัดแรงปะทะเข้ากับใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมขึ้น “เหนื่อยสิ”
“แล้วทำไมนายยังทำต่อหล่ะ”
“ก็เพราะทำแล้วรู้สึกดี”
ให้ตายเถอะ.. ผู้ชายคนนี้....
เป้เปลี่ยนมานั่งกอดเข่า “กลับไปเถอะนะ กลับไปหาปิง”
“นายจะบ้าเหรอไงเป้ ปิงไม่ได้ชอบเราแบบนั้น เรากับปิงก็เป็นได้แค่เพื่อนกันนั่นแหละ มันเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
“และถ้าปิงเปลี่ยนใจล่ะ นายจะว่ายังไง”
“มันเป็นไปไม่ได้หรอก”
“แล้ว.. พูดแบบนี้เป้ไม่ชอบเราแล้วเหรอ”
เป้ นอนตุบลงบนตักของผม มองตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า “เราบ้าไหม เราชอบโฟนที่มีปิง”
“... เป้”
“เวลานายอยู่กับปิงนายดูมีความสุขมากรู้ไหม แล้วมันก็เหมือนนายแบ่งปันเสียงหัวเราะ รอยยิ้มที่มีเยอะแยะนั่นให้กับคนรอบตัว ...เราชอบนายแบบนั้นมากเลย เราตกหลุมรักเสียงหัวเราะของนาย และเราก็ชอบดูนายกับปิงอยู่ด้วยกันนะ”
ผมคิดว่าถึงตอนนี้ใบหน้าของเป้จะเปื้อนไปด้วยรอยน้ำตา แต่สิ่งที่ผมกลับเป็นยิ้มกว้าง
“มันก็เสียใจนะ แต่เราว่าโฟนแบบที่ไม่มีปิงนี่.. ดูไม่จืดเลยอ่ะ”
“หมายความว่าไงห๊ะ คุณเป้ ดูไม่จืดเนี่ย”
“ก็ไม่น่ารักน่ะสิ”
บีเอ็มดับบลิวสปอร์ตสีดำพุ่งผ่าลมทะเลในทิศทางตรงกันข้ามกับที่มันเดินทางมา
หัวใจของผมสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วร่าง... ‘ปิง กูจะกลับไปหา.. กูจะไม่ขออะไรมากกว่านั้น ให้โอกาสกูได้ไหม’
-
:z10: มาแล้วมาให้ค้างกว่าเก่าอีก :z3:
-
ในที่สุดก้อไม่เอาหัวโขกแล้วเหรอฮะ พี่ไต๋
สงสัยจะกิน hormone แย้ว :m23: :m23:
-
เมื่อกี้จองไว้ก่อน
เอาหัวโขกเหมือนเดิม
ก็มันค้างอ่ะ ค้าง
:z3: :z3: :z3:
-
:m30: :m30: :m30:
แว๊ก ตกใจ เจอ triple โขก
เด๋วจะลงตอนใหม่ให้ในเร็ววันฮะ
ระวังเจ็บหัวนะคับ ไม่รับเย็บนาาา
-
:z3: :a6: :z3: :a6:
:z3: :a6: :z3: :a6:
จะโขกให้กระทู้พังไปเลย
ให้ค้างนานมากกกกกกกก
เค้ารอตะเองมาตั้งหลายวัน
ลงแค่เนี้ย แค่เนี้ย แถมยังค้างอีก :sad4:
-
:o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
สงสารทั้ง 2 คนจัง
-
:m32:
คนแก่อารมณ์ปรวณแปร
ชอบทำร้ายตัวเอง
:m14:
:pig4:
-
ปิงอยู่ไหน :impress2:
-
:L2: :L2: :L2:
มาให้กำลังใจ โฟนสู้ๆนะ สู้เพื่อรัก เพื่อหัวใจของตัวเอง อิฟ
-
:m32:
คนแก่อารมณ์ปรวณแปร
ชอบทำร้ายตัวเอง
:m14:
:pig4:
โธ เซนอ่ะ เซนก็ไม่บอกละ :impress2:
:-[ว่าให้ลงก็เซนป้าจะได้ไม่เจ็บหัว
กระโดดทีบเซนแทนได้ป่ะ :z6:
-
จะกลับมาหา ปิงแล้วววววววว :mc4: :impress2:
-
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ อ่านแล้วติดเหมือนกันนะ
อยากรู้ตอนนี้ปิงจะอยู่ในสภาพไหนกันนะ โฟนกลับไปหาแล้วจะเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมน่ะเหรอ?
กลับมาต่อให้อ่านด้วยนะคนแต่ง รอ รอ อยู่ :z13:
-
:z3: :z3: :z3:
อยากรู้ๆ อยากอ่าน มาต่อเห้อ
:z13: :z13: :z13:
-
ลุ้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
-
:serius2: ม่าย ทำไม ยังหาปิงไม่เจออีก
เป้ก็เป็นคนดีอะไรเช่นนี้ :sad4:
มาต่อเร็ว ๆ นะ :call:
-
อยากได้แบบเป้สักคน
รักตายเลย
:o8: :o8:
-
สัญญาว่าดึกๆ คืนนี้จะมาต่อให้อ่านกันนะคับ :z10:
เนื่องจากว่าผมตั้งใจจะให้เป็นเรื่องสั้น (เพราะว่าแต่งยาวๆ ไม่เก่ง) ใกล้จะจบมากแล้วจริงๆ ฮะ :mc4: :mc4:
ตอนนี้ก้อมาตอบ comment มั่งดีกว่าไม่ค่อยได้ตอบเลยยย (ถ่วงเวลา)
พี่ไต๋ :: ง่ะ กลายเป็น multiple โขกไปซะแล้ว เดี๋ยวผนังกระทู้แตกนะฮะ ตะเองไม่ต้องงอนเค้านะ เดี๋ยวคืนนี้เค้าเอามาต่อให้นะ ให้นะะะ
Donpopper :: อะไร สงสารครายยย เป้กับปิงใช่ไหม แล้วโฟนล่ะ ฮือออออออออออออ
Asahi :: ผมหลงรักคุณเลยฮะ ... หมายถึงเบียร์คับบบ เบียรรรรรรรร์ :กอด1:
nana :: ปิงอยู่.. อยู่ตอนที่ 13 คับ แหะๆๆ
newykung :: comment newy อ่านแล้วมีกำลังใจทุกที ขอบคุณนะฮะ :o8: :o8:
RN :: ผมไม่ได้เชียร์ liverpoor!! จบ!!! (ฮ่าๆๆ)
torto :: :z13: :z13: :z13: อารายยยกัน มาใหม่ก้อจะจิ้มผมให้ตายเลยเหรองายค้าบบ
moshi :: เข้าสหพันธ์หัวโขกฝา ก่ะพี่ไต๋ได้เลยฮะ triple โขก เหมือนกัน
nong_mee :: ผมก้อลุ้นนน เขียนเองลุ้นเอง เอาเข้าไป
imageriz :: ปิงอยู่ตอนหน้าฮะ ตอนนี้เลยยังหาม่ายเจออ เว้อออ เว้อออออ
~Kalianeko~ :: เหมือนจะงอนผมไปอยู่หลายตอน โทษฐานทอดทิ้งปิง โอ๋~~~ หายงอนได้แล้วนะฮะ :กอด1: :กอด1: :กอด1: มามะกอดที
แฮ่~~ หมดแย้วฮะ! ตกใครไปไหมเนี่ย
-
รอครับ
หวังว่าที่เราลุ้นจะใช่เน้อ อิอิ
-
:fire:
ฆ่ากันเต๊อะ!!!!!!
สั้นได้อีก
ค้างด้วย :z3:
รีบๆ มาลงน้า
คิดถึงปิงไม่ไหวแล้ว
สงสารเป้อยู่นะ
แต่โฟนต้องเป็นของปิงงงงงงงงงงง
:m31:
-
ในที่สุดโฟนก็กลับไปหา
เสียดายแทนเป้มาก
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
-
สงสารเป้เหมือนกันอ่ะ :o12: :o12:
-
:impress: มาจริงๆนะ
ถ้าไม่มาต่อนะ จะจับนายอาซาฮีโขกแทน :z3:
:eiei1: อิอิ แอบเนียน
-
โฟนเหยียบมิดโลดดดดดด
คิดถึงปิงแล้วอ่ะ
ไม่ไหวแล้ววววววว
ถึงยางงงงงงงงงงงงงงงงง
-
~Kalianeko~ :: เหมือนจะงอนผมไปอยู่หลายตอน โทษฐานทอดทิ้งปิง โอ๋~~~ หายงอนได้แล้วนะฮะ :กอด1: :กอด1: :กอด1: มามะกอดที
กอดก็ไม่หายโกดหรอก :m16: เอาปิงมาไถ่โทดเลย
ผมจะหลงเป้แทนแล้วเนี้ย แง่มๆๆๆๆ
รอคับ
-
RN :: ผมไม่ได้เชียร์ liverpoor!! จบ!!! (ฮ่าๆๆ)
พูดงี้รู้เลยเชียร์ทีมไหน อย่าให้เจอนะ o18
-
กลับไปหาปิง ๆ :z2:
-
แล้วกลับไปจะดีขึ้นชิมิลุ้นมากกกกกกกกกกกก
-
กลับไปหาปิงอ่ะ ถูกแล้ว
-
:serius2:
ค้างตลอดๆๆ
แงๆ
-
เอามาส่งตามสัญญา ว่าแต่ คงหลับกันไปหมดแล้วอ่ะดิฮะ
:m15:
ตอนที่ 13 สายไป!
ใจของผมเต้นเร็วเหลือเกิน แม้ว่าเป้จะเหยียบจนเกือบ 160 แต่ข้างในอกผมมันร้อนรน ผมได้แต่นั่งสั่นขาทั้งสองข้างของผมไปเรื่อยๆ แล้วอยู่ดีๆ มันก็เกิดขึ้นครับ
คุณเคยมีลางสังหรณ์ไหม... ชั่ววินาทีนั้นใจของผมมันรู้สึกโหวงขึ้นมาทันที ความกลัวล้นทะลักขึ้นมา ไม่ดีเลย.. ผมไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย นี่มันไม่ดีแน่ๆ โทรศัพท์ของผมดังขึ้น หน้าจอสว่างวาบปรากฎหมายเลขที่แปลกๆ ที่ผมไม่คุ้นเคย
ผมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ “หวัดดีครับ”
“หวัดดีว่ะโฟน เป็นไงมั่งวะ สบายดีไหม” เสียงของปิงดูร่าเริง แจ่มใสผิดกับที่ผมคาดเอาไว้
“สบายก่ะผีมึงสิ ทำไมไม่ยอมไปสอบวะ”
“กูติดธุระต้องทำนิดหน่อยหว่ะ แล้วสอบทำได้ไหม”
“ได้ แล้วมึงล่ะเป็นไงบ้าง สบายดีหรือเปล่าวะ”
“คืองี้โฟน....” ช่วงเวลาที่เว้นไปเหมือนจะนานชั่วนิรันดร์
“ ....กูจะโทรมาบอกลา” ความรู้สึกเมื่อครู่ชัดเจนมากขึ้น มันก่อตัวใหญ่โต และเกาะกุมความคิดของผมจนแทบจะไม่สามารถหลุดคำพูดใดๆ ออกมาได้
“มึงแปลว่าอะไร บอกลา มึงจะไปไหน”
“กู.. อาจจะหายไปสักพัก...พักใหญ่ๆ” ความคิดของผมขาวโพลนไปหมด
“ปิง คุยให้รู้เรื่อง นี่กูซีเรียส มึงจะไปไหน”
“โฟน.. คือกูมานั่งคิดดูแล้ว แม่งกูไม่รู้ว่ากูจะพูดยังไงดีหว่ะ.. มึงเคยบอกให้กูลองคบกับคนอื่นไปก่อนใช่ไหม แล้วคนใครสักคนที่หยุดกูได้ก็คนคนนั้นแหละเป็นคนของกู มึงจำได้ใช่ไหม”
“อือ กูจำได้ มันตั้งนานมาแล้ว แล้วมึงมาถามอะไรตอนนี้วะ ตอนนี้มึงอยู่บ้านใช่ไหม เดี๋ยวกูไปหา มึงรอหน่อย”
“ฟังกูก่อนโฟน กูเหลือเวลาไม่มาก”
“....”
“กู... คือ กูมานั่งคิดๆ ดู จริงๆ แล้วไม่ใช่คนพวกนั้นหรอก มึงเองนั่นแหละโฟน มึงเป็นคนที่หยุดกูเอาไว้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำไมกูไม่รู้วะว่ามึงชอบกู แล้วพอมึงหายไปแบบนี้ ..โฟน กูเพิ่งเข้าใจหว่ะ กูว่า..
กูรักมึงนะ
ขอโทษนะที่เพิ่งมาบอกเอาป่านนี้... มันสายไปหน่อยกูรู้ .. กูต้องไปแล้วนะ อย่าร้องไห้เยอะล่ะไอ้ขี้แย”
“ปิง.. เฮ้ย ปิง!!! ปิง!!!!”
สายโทรศัพท์ถูกกดวางแล้ว ผมโทรกลับทันทีแต่ปิงปิดเครื่อง ผมมองหน้าเป้ด้วยความกลัว แต่เป้กลับนิ่ง ไม่มีร่องรอยของความสงสัยให้เห็นเลยสักนิด คิ้วที่ขมวดกันแบบเคร่งเครียดกับปากที่เม้มสนิทไม่มีคำถามใดหลุดออกมานั้นยืนยันถึงความผิดปกติ และมันก็อธิบายได้เพียงอย่างเดียว
“เป้!! นายรู้อะไรมาบ้าง บอกเรามาเดี๋ยวนี้นะ”
เป้หลับตาลงนิดนึงพร้อมกับถอนหายใจ “ก่อนอื่นที่อยากให้นายรู้ไว้ เราลำบากใจที่ต้องทำแบบนี้นะ”
“บอกมา เร็วเข้าเป้ เกิดอะไรขึ้น”
“ปิงไม่สบาย ไม่สบายหนักมาก”
ผมหน้าซีด ลางสังหรณ์ของผมเป็นจริงขึ้นมา ปิงไม่สบายเหรอ ตั้งแต่ผมรู้จักกับปิงมา มันเข้าโรงพยาบาลนับครั้งได้ ล่าสุดที่ผมเห็นว่ามันต้องนอนโรงพยาบาลคือตอน ม. 4 ตอนนั้นมันแข่งบาสแล้วโดนกระแทกล้มเอ็นข้อเท้าอักเสบ แค่นั้นจริงๆ ผมไม่เคยคิดว่าปิงจะมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเลย
“ปิงเป็นอะไร”
“เป้เองก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าอาการหนัก ที่มาสอบไม่ได้ก็เพราะว่าเรื่องนี้นั่นแหละ เป้ขอโทษที่ต้องโกหกโฟน แต่ปิงขอร้องให้เป้ไม่บอกโฟน มันกลัวโฟนจะไม่มีสมาธิทำสอบ”
ผมสับสนมากโกรธก็โกรธ น้อยใจก็น้อยใจ คนที่สนิทที่สุดในชีวิตของผมต้องการปิดบังผมเนี่ยนะ แล้วไหนจะเป้อีก ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าเป้จะโกหกผมได้ มือของผมสั่นระริก ผมพยายามเอามืออีกข้างมากุมเอาไว้แต่ก็ไม่ได้ผล “นายกับปิง ได้คุยกันเหรอ... โดยที่เราไม่รู้”
“สามสี่วันก่อนปิงโทรมาหาเป้ ให้เป้ไปหาที่โรงพยาบาล มันบอกว่ามันฝากให้เราดูแลนายหน่อย สภาพของปิงดูไม่ค่อยดีเลยโฟน เป้จะไม่โกหกโฟนหรอกนะ ปิงมีสายวัดอะไรสองสามอย่างออกมาจากหน้าอก จอมอนิเตอร์คลื่นหัวใจ ความดัน แล้วก็มีทั้งเลือดทั้งน้ำเกลือแขวนอยู่
ปิงบอกว่าหลังสอบเสร็จอยากให้เป้ชวนโฟนมาเที่ยว ปิงบอกว่าโฟนเคยชวนมันมาหัวหิน แต่มันก็ไม่ได้พาโฟนมา แล้วปิงก็บังคับให้เป้สัญญาว่าจะพาโฟนมาให้ได้
โฟน เป้ขอโทษที่ทำแบบนี้นะ แต่สภาพของปิงตอนนั้นเป้ไม่กล้าที่จะปฎิเสธ”
“ปิงจะไปไหน นายรู้หรือเปล่า”
“ไม่...เรื่องนี้เราก็ไม่รู้มาก่อนเหมือนกัน”
“เป้... ขับเร็วกว่านี้อีกหน่อยได้ไหม ขอร้องนะ”
เป็นสองชั่วโมงบนรถที่ยาวนานและทรมานที่สุดในชีวิต สมองผมคิดอะไรไม่ออก ผมรู้แต่ว่าผมต้องไปที่บ้านของปิง เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมเข้ากรุงเทพประมาณสี่ทุ่มกว่าและใช้เวลาฝ่าถนนอันคดเคี้ยวอีกนิดหน่อยก่อนจะถึงบ้านปิง ไฟสีส้มยังส่องแสงผ่านผ้าม่านออกมาให้เห็น ผมเอื้อมมือกดกริ่ง และรอคอย
คนที่ปรากฎตัวคุ้นหน้าอย่างประหลาด แทนที่จะเป็นคุณพ่อคุณแม่ แต่คนที่มาเปิดประตูกลับเป็นฟิว
“เจ้ฟิว มาได้ไง แล้วปิงล่ะ ปิงอยู่ไหน” ฟิวนิ่ง ตบหลังผมเบาๆ “เข้ามาคุยกันก่อน”
แม่อยู่ในชุดนอน ส่งโอวัลตินร้อนมาให้ผมกับเป้
“แม่ฮะ ปิง.. ปิงอยู่ไหนเหรอครับ”
“โฟน.. ปิงไม่สบาย” ฟิวบอกผมด้วยเสียงสั่น
แม่เดินมานั่งใกล้ๆ “เดือนก่อนปิงอยู่ดีๆ ก็เป็นลม พ่อกับแม่พาปิงไปเข้าโรงพยาบาล คิดว่าคงไม่เป็นไรมากแต่ผลเลือดของปิงผิดปกติ หมอบอกว่าปิงเลือดจางมาก ต้องตรวจเพิ่มเติม หมอเจาะเลือดไปตรวจหลายรอบก็ไม่เจอความผิดปกติ แต่พอไปเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์.. หมอบอกว่ามีก้อนใหญ่ประมาณสิบเซ็นต์ในท้อง ปิงต้องเข้ารับการผ่าตัด”
แม่หยุดเล็กน้อย พยามให้แน่ใจว่าผมเข้าใจว่าแม่กำลังพูดถึงอะไร
“พ่อเขามีเพื่อนที่สนิทกันสมัยทำวิทยานิพนธ์อยู่ที่อังกฤษ เขาเป็นหมอผ่าตัดฝีมือดีมาก... ตอนนี้ ปิงกำลังเดินทางไปโรงพยาบาลที่เพื่อนของพ่อทำงานอยู่เพื่อเข้าผ่าตัด”
“ปิงจะปลอดภัยใช่ไหมฮะ”
“แม่ไม่รู้ ... แม่ได้แต่ภาวนาให้เป็นแบบนั้น หมอที่นี่บอกว่าก้อนไปกดเข้ากับเส้นเลือดใหญ่ที่ท้อง การผ่าตัดเอาก้อนออกเสี่ยงมาก”
ผมจับมือแม่เอาไว้ มือของแม่เย็นเฉียบ ผมขวัญเสียก็จริง แต่คนที่ใจแทบจะสลายคงเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมตอนนี้ “ปิงจะไม่เป็นไรครับแม่ เรามีแต่ต้องเชื่อแบบนั้น”
แม่โอบกอดผมเอาไว้ น้ำตาของเธอเอ่อล้นออกมา “โฟน ปิงฝากนี่ไว้ให้โฟน เก็บไว้นะ” ผมรับสมุดเล่มหนาเล่มนึงมาเก็บไว้ แล้วก็บอกลาคุณแม่
to.be.continued
-
ไม่นะ ปิงจะไม่เป็นอะไรใช่ปะ
ปิงจะหายใช่ปะ :call:
:กอด1:โฟน
-
ม่ายอย่าทำแบบนี้
-
อะไรกันทำไมเป็นแบบนี้
เง้อปิงจะหายไมเนี่ย
อ้ากกกกกกกกกกกกก
-
อ้าววว ปิง
บอกรักแล้วไม่รอคำตอบอีก
กำเวงจริงๆ
แล้วปิงจะหายมั้ย ....ทำไมอยู่ๆมาไม่สบายล่ะเนี้ย
กำ
-
เฮ้ยยยยยยยยย
:sad4: :sad4: :sad4:
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ปิงของช้านนนนนนนนนนนนนนนนนน
:o12:
-
ไหงเปงงั้นไปได้อะ :sad4:
-
:o12: ไม่เอาแบบนี้นะ ปิงต้องไม่เป็นไร
-
:sad4: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
ไมมันต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นด้วยน๊าเศร้า
ตอนนี้ก็ได้แต่กลัวใจคนเขียนแล้วละเนี่ย
แล้วจะรออ่านผลการผ่าตัดนะคราบ
ขอ :call: :call: :call: ให้ ปิงหายไวๆน๊า
-
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ทำไมเป็นแบบนี้อ่ะ
ไม่ยอมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
ปิงต้องไม่เป็นรัยนะ
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮอ
:o12:
-
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ... คนในเล้า นอนดึกฉิบหาย
ฮ่าๆๆ
ตอนนี้กำลังดำเนินการกับเรื่องใหม่อยู่ อีกไม่นานเรื่องนี้ก็จะปิดฉากลงแล้ว
ไม่มีเรื่องลงต่อ เด๋วเหงาฮะ .. o13 o13
-
:z13:
-
:m15:สงสารปิง
สงสารตัวเอง งวงนอน :impress3:
-
จะสายไปจริงเหรอ :monkeysad:
-
:monkeysad:
มานคงจะไม่สายนไปใช่มั๊ยอะ ??
-
...ไม่มีอะไรจะพูดเลย...
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
:z3: :z3: :z3:
ม่ายจริงใชมั้ย มันไม่ใช่ความจริงใช่มั้ยเนี่ย (อินไปหน่อย)
-
:z3: :z3: :z3:
ม่ายจริงใชมั้ย มันไม่ใช่ความจริงใช่มั้ยเนี่ย (อินไปหน่อย)
คุณ Moshi ไม่ได้อินมากไปหน่อยหรอก แต่อินมากไปโครตๆ 5555+ ดูดิบ้านพังหมดแล้ว
เฮ้อ!!!! เศร้าจนได้ อยากบอกว่า ปิง คงดูแล โฟน ห่างๆ ผ่านไปทางคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ โฟนนั่นแหละ ขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีนะ แอบหวังทุกอย่างคงไม่สายไป
-
:z3: :z3: :z3:
ม่ายจริงใชมั้ย มันไม่ใช่ความจริงใช่มั้ยเนี่ย (อินไปหน่อย)
คุณ Moshi ไม่ได้อินมากไปหน่อยหรอก แต่อินมากไปโครตๆ 5555+ ดูดิบ้านพังหมดแล้ว
เฮ้อ!!!! เศร้าจนได้ อยากบอกว่า ปิง คงดูแล โฟน ห่างๆ ผ่านไปทางคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ โฟนนั่นแหละ ขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีนะ แอบหวังทุกอย่างคงไม่สายไป
:z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
มาช่วยอีกแรง โทษฐานให้ค้างนาน
แล้วยังให้ชำ้ใจอีก
:z13: :z13: :z13: :z13: :z13:
จิ้มๆๆๆๆคนเขียน
อยากรู้จังปิงฝากอะไรให้โพนอ่ะ
-
ทำไมเป็นยังงี้ ทำม่าย ทำม่าย พอเจอปิงแล้ว ทำไม... :m15: :m15: :m15:
ทำไมต้องเศร้ายังงี้ด้วย แค่นี้ก็เศร้ามาก ขออย่าให้เศร้าไปกว่านี้เลยนะ :monkeysad:
สงสารปิง กับ โฟน โฟนยิ่งน่าสงสารที่ไม่รู้อะไรเลย ทำไมใจร้ายไม่ยอมบอกโฟนกันบ้าง
เอาใจช่วย ปิงกับโฟนนะ :L2:
-
โอยๆๆๆๆ ไม่จริงอะะะะะะ
javascript:void(0);
-
:serius2: :serius2: :serius2: ค้างง่ะ
-
อร๊ายยยยยยยยยยยยยย
ที่หายไปเพราะไม่สบายนี่เอง
ขอให้ปิงหายมาบอกรักโฟนใหม่ตัวๆได้มั้ย
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
-
o16 ไม่เอานะ เราไม่อยากได้ตอนจบแบบเศร้านะ
Happy New Year คนแต่งมีความสุขมากๆๆนะ :จุ๊บๆ:
-
นี่ เปนไงหล่ะ เราแอบมาต่อแบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัว จะได้ surprise กันนะฮะ
ตอนที่ 14 บันทึก
ไฟในห้องปิดสนิท รัตติกาลได้ดูดกลืนเอาสีสันของทุกสิ่งออกไปหมด ทิ้งไว้แต่เงาสีดำทะมึนของวัตถุที่ดูไร้ซึ่งชีวิต ผมทิ้งน้ำหนักลงบนเตียงนอน เครื่องปรับอากาศส่งเสียงความถี่ต่ำออกมาตลอดเวลา ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ผมควรจะใช้คำพูดแบบไหนมาบรรยายความรู้สึก ที่แน่ๆ ผมดีใจมาก ปิงบอกรักผม ...แต่ก็สิ่งที่ไม่แน่นอนนั้นเสียดแทงความรู้สึกของผมมากกว่า ปิงต้องเข้ารับการผ่าตัด ในที่ที่ไกลแสนไกล และผมจะได้เจอปิงอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผลการผ่าตัดนั่นแหละคือสิ่งที่ไม่แน่นอน แม่บอกว่าปิงต้องรีบผ่าตัดรอไม่ได้ แต่คงต้องตรวจเลือดอะไรที่นั่นอีกซึ่งคงใช้เวลาประมาณ 2 วัน
ไฟหัวเตียงถูกเปิดขึ้น เผยให้เห็นสมุดโน๊ตเล่มนึง หน้าปกของมันเป็นสีแดงขาดวิ่น รอยยับสีน้ำตาลแตกเป็นเส้นสายอยู่บนผืนหลังสีหม่นหมอง ส่วนสันปกของมันถูกเปลี่ยนแปลงมีรอยเทปกาวที่ถูกเปลี่ยนใหม่หลายที มันเป็นสมุดโน๊ตเล่มหนาเอาการ กระดาษสีน้ำตาลไหม้ของมันมีโน๊ตหรือไม่ก็กระดาษมากมายยื่นออกมา ทั้งตั๋วหนัง บัตรคอนเสิร์ต รูปภาพเล็กๆ หลายรูป โปสการ์ด บัตรสตาฟในงานโรงเรียนต่างๆ แม้ว่าจะดูเก่าแบบนี้ แต่ผมก็จำได้แม่น โน๊ตเล่มนี้่เป็นของขวัญวันเกิดที่ผมให้ปิงตอน ม.1 และตอนนั้นมันยังไม่หนาขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าปิงไปแยกเล่มแล้วก็เพิ่มกระดาษเข้าไปใหม่เรื่อยๆ จนตอนนี้เล่มหนาอ้วนกว่าตอนแรกที่ผมซื้อหลายเท่า
เพียงแค่เปิดหน้าแรกความทรงจำก็หมุนทวนกลับเข้ามา ลายมือแบบเด็กๆ ของผมเขียนเอาไว้ด้วยดินสอ ปิงคงกลัวว่ามันจะเลือนหายไป เลยเอาสติ๊กเกอร์ใสมาปิดทับเอาไว้ แต่กระนั้นข้อความก็ลางเลือนเหลือเกิน
‘ให้ปิงเป็นวันเกิดนะ จากโฟน’
ผมนั่งเขียนข้อความนั้นกับแม่ที่ไปเลือกซื้อของขวัญให้ปิงด้วยเหมือนกัน แม่ลูบหัวผมใหญ่แล้วก็บอกว่าปิงต้องชอบแน่เลยลูกโฟน งานวันเกิดจัดขึ้นแบบอบอุ่นที่บ้านของผม จำได้ว่ามันเป็นปีแรกที่ผมกับฟิวย้ายออกมาจากบ้านของคุณอา ถ้าจำกันได้คุณแม่แท้ๆ ของผมเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนพ่อจริงๆ นั้นผมก็แทบจะจำหน้าไม่ได้ ฟิวยืนยันว่าดูแลตัวเองกับผมได้ มันขอออกมาอยู่กับผมที่อพาร์ตเมนต์ และมันก็ทำได้อย่างที่มันพูดจริงๆ แค่ผมฟิวแล้วก็ปิง ชีวิตของผมไม่เคยต้องการอะไรมาก มันเรียบง่ายเสียจนผมเองยังหวนคิดถึงมันเสมอ ปิงที่ตอนนั้นผมสั้นเต่อ วิ่งมาช่วยผมจัดงานวันเกิดของตัวมันเอง พอพ่อเสร็จจากทำงานและขับรถมาถึงที่บ้าน พวกเราก็พร้อมสำหรับงานเลี้ยง ผมกับปิงเป่าเทียนวันเกิดพร้อมกัน และสองหนุ่มก็ทำเค้กเละเทะไปหมดเพราะว่าอยากจะตัดแบ่งเค้กกันเอง
ผมยื่นของขวัญให้กับปิง และมันก็ดีใจเอามากๆ เป็นของขวัญชิ้นแรกที่ผมเก็บเงินค่าขนมซื้อให้มันด้วยตัวเอง “เป็นไดอารี เราให้นายเอาไปเขียน แล้วสักวันเราจะขออ่านนะ”
ผมเปิดไล่อ่านไปทีละหน้า และก็พบว่าไม่มีหน้าไหนเลยที่ไม่มีคำว่าโฟนเขียนอยู่ แม้จะเป็นประโยคสั้นๆ แต่บางครั้งมันก็มีความหมาย ‘ไปดูหนังกับโฟนมา สนุกเป็นบ้า’ ตั๋วหนังที่แปะอยู่ด้านข้าง เลือนจนมองไม่เห็นตัวอักษรแล้ว ปิงไม่ใช่นักเขียนที่ดีนักแต่การที่มันบันทึกเรื่องราวลงไปในสมุดอย่างสม่ำเสมอตลอด 7 ปีที่รู้จักกัน ก็ทำให้ผมรู้ว่าจริงๆ แล้วผมสำคัญกับปิงมากเพียงใด
อีกหลายหน้าต่อมาเป็นตอนที่ผมกับปิงไปเข้าค่ายวิทยาศาสตร์กัน มันนานมาแล้วจนผมแทบจะควานหาเรื่องราวออกมาจากสมองไม่ได้ แต่พอพบกับป้ายชื่อสองอันที่เขียนชื่อผมกับปิง แล้วก็มีส่วนหนึ่งของแผนที่ดาว ทุกอย่างก็กลับคืนมาเหมือนกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
ผมกับปิงอยู่ในช่วงปิดเทอม ม. 2 ขึ้น ม. 3 ทางชุมนุมวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนจัดค่ายดูดาวขึ้น พวกเราตื่นเต้นอยากไปกันมากจนต้องไปขอร้องพ่อกับแม่ให้อนุญาต แม้จะแม่จะเป็นห่วงมากแต่พวกเราก็ได้รับอนุญาตให้ไปได้
เป็นค่ายที่ประหลาด พวกผมตื่นสายแต่นอนกันดึก ช่วงบ่ายจะมีรุ่นพี่กับอาจารย์มาติววิธีการดูแผนที่ดาว และก็บอกว่าจะกลุ่มดาวที่สำคัญๆ ในฤดูนี้กันอย่างไร ปิงดูสนุกกับมันมาก และปิงก็ดูแผนที่ดาวเก่งมาก และมักจะเป็นคนแรกที่เจอกลุ่มดาวสำคัญ รุ่นพี่กับอาจารย์ชอบปิงกันใหญ่ อย่างที่ผมบอกแหละครับ ปิงมักจะเป็นดาวเด่นเสมอในทุกงานทุกกิจกรรม
คืนที่สองอาจารย์ควักเอากล้องดูดาวมา 2 กล้องให้พวกเราได้ตื่นเต้นกัน หลังจากส่องกันจนเมื่อยตา บางส่วนก็ไปนอน ผมกับปิงออกไปเดินเล่นรอบๆ ค่าย อากาศชื้นในตอนกลางคืนที่น้ำค้างเริ่มโปรยปราย ปิงสอนผมใหญ่ว่าตกลงผมจะหากลุ่มดาวลูกไก่ได้ยังไง และถึงผมจะทำสำเร็จแต่ก็ไม่วายบ่นออกมาว่า “ปิง มันไม่เคยจะเหมือนลูกไก่เลย มันก็แค่ดาวมาเรียงๆ กัน” ปิงหัวเราะแล้วก็บอกว่าผมเป็นคนไร้จินตนาการ มันเงยหน้ามองฟ้าอย่างตั้งใจ แล้วก็เล่าตำนานของกลุ่มดาวลูกไก่ให้ผมฟัง “ทีนี้ มองใหม่นะ เป็นไงดีขึ้นไหม” ผมไม่แปลกใจเลยที่ปิงเลือกเรียนศิลปะ
หลังจากกำลังเพลินกับการพลิกดูแผนที่ดาว รูปภาพใบนึงก็ตกลงมาบนตัก ผมหยิบขึ้นมาพร้อมกับเปิดหาหน้าที่ควรจะเป็นเจ้าของของมัน ในภาพผมกับปิงอยู่ในชุดนักเรียนม. ปลายเสื้อสีขาวกางเกงดำยืนยิ้มอยู่กับเพื่อนและก็รุ่นพี่อีกหลายสิบคน วงแขนของปิงเอื้อมกอดรอบคอของผมอยู่ เป็นรูปถ่ายของเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ชุมนุมวิทยาศาตร์นั่นเอง พวกผมขึ้นชั้นม. 4 และปิงก็ชวนผมตบเท้าเข้าไปทำงานในชุมนุมของโรงเรียน ในรุ่นผมเหมือนกับเป็นฝ่ายบุ๋น ส่วนปิงเป็นฝ่ายบู๊ ผมจะจัดการเรื่องเอกสาร งานประชุม แผนกำหนดการ รายละเอียดทุกอย่างถามผมได้ผมรู้หมด ส่วนปิงจะเป็นฝ่ายที่กระโดดลงไปทำงาน ปิงมักจะถือวิทยุสื่อสาร ตะโกนใส่โทรโข่ง หรือไม่ก็ยืนพูดหน้าห้องประชุม เป็นช่วงเวลาที่สนุกมาก และเท่าที่จำได้ก็เป็นช่วงที่ผมได้เรียนรู้ว่าผมเองหวั่นไหวเหลือเกินเวลาอยู่ใกล้กับเพื่อนคนนี้
บริเวณที่รูปหลุดออกมายังมีรอยกาวแห้งๆ ลายมือที่เขียนไว้ด้วยปากกาสีน้ำเงินดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากและเริ่มคล้ายคลึงกับลายมือของปิงตอนนี้ ‘ถ่ายก่อนพาน้องไปค่ายชุมนุม ไอ้โฟนก็ไปด้วย ต้องสนุกแน่ๆ’
ผมเปิดผ่านเรื่องราวต่างๆ ไปเรื่อย ขำที่บางหน้าก็มีเม็ดทรายหล่นลงมาจากซอกของสมุด หน้านั้นมีซองพลาสติกเล็กๆ แล้วก็มีทรายจำนวนเล็กน้อยแปะอยู่ในสมุด ผมดูชื่อสถานที่ก็รู้ว่าเป็นที่เสม็ดซึ่งผมกับปิงแล้วก็เพื่อนที่สนิทกันมากๆ ในกลุ่มอีก 4 คนไปเที่ยวด้วยกันตอนปิดเทอมหน้าร้อนก่อนขึ้นม. 6 ปิงบอกว่ากว่าจะได้เที่ยวกันแบบนี้อีกก็คงจะต้องเอนทรานซ์ให้เสร็จสิ้นก่อน ฉะนั้นต้องรีบเที่ยวให้หนำใจก่อนจะต้องไปเคี่ยวกรำกับเรียนพิเศษ และหนังสือกองโต
เอนทรานซ์ เรียนพิเศษ ง่วงนอน อ่านหนังสือไม่ทัน โฟนแม่งดุ (ผมมักจะติวให้ปิง แล้วบางทีมันก็ไม่มีหัวเกี่ยวกับการคำนวณเอาเสียเลย) เครียด...คำเหล่านี้เป็นข้อความที่วนไปวนมาในบันทึกช่วงอ่านหนังสือสอบเอนท์ของปิง
หลังจากนั้นปิงก็เขียนถึงงานวันจากเหย้า กระดาษหลายหน้ามีข้อความตลกๆ ที่ปิงเขียนแล้วก็ขีดฆ่าทิ้ง ดูแล้วคงเป็นกระดาษทดข้อความที่ปิงอยากจะเขียนบนเสื้อนักเรียนของผม
เป็นเพื่อนกันตลอดไปนะ/ปิง - - (รอยขีดทิ้ง มีลายมือมันเขียนว่า เสี่ยว!! นรก)
โฟนมึงเป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดของกู (เอาเมจิคขีดกากบาท โว้ย!! ไม่ได้เรื่อง)
เหี้ย กูรักเมิงงงงงงง (มันวงกลมแล้วก็เขียนทับว่า เถื่อน)
จนมาถึง และกระดาษหน้านึงว่างเปล่า มีกระดาษแผ่นเล็กเสียบเอาไว้ ผมหยิบมันออกมาคลี่เปิดอ่าน ผมไม่รู้ว่ามันไปหาอ่านมาจากหนังสือเล่มไหน ท่ามกลางข้อความภาษาอังกฤษเต็มเป็นพรืด หนึ่งย่อหน้าในนั้นโดดเด่นขึ้นมาด้วยปากกาเมจิคสีดำ
‘Don’t walk in front of me, because I may not follow
Don’t walk behind me, because I may not lead
Just walk beside me, and be my friend’
ข้อความที่เหลือถูกเขียนทับลงไปบนกระดาษ ‘ตลอดไปนะมึง เข้าใจป่ะ/ปิง...เพื่อนชั่วชีวิตของมึง’
ผมแหงนมองเสื้อที่แขวนอยู่ตรงผนังห้อง และเริ่มอ่านหน้าถัดๆ ไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นขึ้นมา จนถึงหน้าสุดท้าย
‘โฟน ถ้ามึงได้อ่านจนถึงตอนนี้ กูคงอยู่ที่อังกฤษแล้ว และมึงก็คงกำลังร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ เอาเป็นว่ามึงไม่ต้องห่วงกูนะ กูว่ามันก็ไม่ได้อะไรมากนักหรอกแค่ผ่าตัดเอง กูขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกมึง แต่ช่วงนี้มึงใกล้สอบ กูไม่อยากให้มึงต้องมาห่วงกูอีก กูได้ยินว่ามึงขาดเรียน แหม่ไอ้เหี้ยทำตัวเป็นพระเอกลิเกนะมึง ทะเลาะก่ะกูนิดหน่อยก็ทำเป็นหยุดเรียนให้กูห่วงเล่น กูซีรอกซ์ชีทฝากไปก่ะอาร์ทแลปเมตของมึง คิดว่ามึงก็คงจะได้เอาไปอ่าน แต่อย่างมึงเก่งอยู่แล้วอ่านแว๊บนึงก็คงรู้เรื่อง ว่าแต่พายอร่อยป่ะวะ กูจะบอกว่ากูทำเองนะโว้ย เป็นไงล่ะ ฟิวบอกว่ามึงแดกใหญ่ เห็นแก่กินนะมึงเนี่ย อยู่ที่โรงพยาบาลแม่งเซ็งฉิบหาย กูเลยให้แม่เอาของมาให้ทำเล่น... แล้วก็นะให้แม่กูหาอะไรมาให้กูทำ ก็คงไม่พ้นเรื่องพวกนี้หรอก ดีนะแม่ไม่เอาถักไหมพรมมาให้กูทำ ไม่งั้นมึงอาจจะได้ผ้าพันคอสีชมพูหวานแหววที่กูถักเป็นของฝาก
ส่วนเป้... คือจะให้พูดจริงๆ คือกูหึงมึงหว่ะโฟน (ตรงไปไหมวะกู) แต่คือถ้ามึงจะคบกับเป้ในฐานะแฟนกูก็คงทำอะไรไม่ได้หว่ะ เป้มันก็คนดี อาจจะดีกว่ากูด้วยมั้ง ตอนที่มึงบอกชอบกู กูสับสนจริงๆ แล้วมึงก็เสือกเป็นพระเอกลิเกหนีหายกูไปซะงั้น ใจร้ายฉิบหายเลยมึงเนี่ย เรื่องใจแข็งนี่กูยกให้มึงเลย เอาเถอะเอาเป็นว่า กูเหงาอ่ะ ไม่มีมึงแล้วไม่อยากจะทำอะไรเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมากูมานั่งๆ นึกแล้ว ...เว้ยย เขิน กูไม่พูดแล้วกัน เอาเป็นว่ากูรักมึงนะ
ถ้ากูรอดคราวนี้กูจะขอมึงเป็นแฟน โอเคป่ะ แต่จะให้พูดกูก็ไม่รู้ว่ากูจะรอดหรือเปล่า 555
คิดถึงมึงหว่ะโฟน ลาก่อนนะ’
to.be.continued
-
:z13: :z13: :z13:
ก่อนอ่าน
-
ประทับใจจัง :-[
-
:3123:
-
พี่ไต๋ :: ป๊าดดด ตีสี่ พี่เป็นนกฮูกเหรอฮะ
nana :: นั่นดิ สายไปหรือเปล่า..
Just let it be :: นั่นดิ มันคงไม่สายไปใช่ไหม (เอ๊ะ นี่กูตอบกวนตีนหรือเปล่า) :o8:
benxine :: แหง่ะ ท... ทำไมไม่มีไรจะพูดอ่ะ แงงงงงงง งอนแล้วนะ! :fire: :fire:
moshi :: เอ่อ ดีใจที่อินนะฮะ แต่.. ระวังผนังเล้าเจ๊งนะคับ โขกรุนแรงเหลือเกิน :m29:
Sukie :: ฮะ หวังว่าจะ moshi จะไม่โขกจนผนังบ้านผมแตกหมด
ไต๋ :: แว้กกก มาอีกโขก :z10: ปิงฝากสมุดโน๊ตให้โฟนฮะ
imageriz :: มีคนสงสารโฟนแล้วววว ฮือออออออ ขอหอมที :oo1:
sakura :: มันเกิดแล้วววววอ่าาาา
mokeymaus :: มาต่อให้แล้วไงคับ จะได้ไม่ค้าง
19NT :: ต้องขอจากซานต้าในรูปด้วยปะฮะ
torto :: Happy new year เหมือนกันคั๊บ :กอด1:
-
^
^
^
^
จิ้มๆๆๆ
พูดก็ได้ "มันเศร้าเกินไปแล้ววว!!!~"
ปิงกลับมาไวๆนะ
-
ไม่มีตอบรีเราเลยอะ :sad4:
-
... :z13: ต้องรอด o13.....
-
ทำไมต้องเขียนว่าลาก่อนหล่ะ :sad4:
-
:m15:อ่านไป มันเศร้า....มาก
จริง ๆ นะ สงสารโฟน เพราะว่ามารู้ตอนนี้ก็ทำไรไม่ได้เลย อยากเจอหน้าปิงก็ไม่ได้เจอ
แล้วปิงยังมาบอกรักอีก คิดไม่ออกว่าจะทำไงดี อยากเจอปิงนะ (อินมากไปไหมเนี๊ย :laugh:)
แต่ก็เข้าใจปิงอ่ะ ขนาดไม่สบายยังห่วงโฟนขนาดนี้ พระเอกมาก ๆ ฝากโฟนไว้กับเป้ แต่ตัวเองแอบหึง
ขอให้หายกลับมานะปิง :L2:
-
:m15: :m15:
เศร้าซึ้ง ประทะบใจมากๆๆๆ
ปิงยังคงความน่ารักได้อีกอะ
ตอนนี้คงทำได้แต่ :call: :call: :call: ให้ปิง รอดกลับมาเป็นแฟนกับโฟนให้ได้อิๆ
แล้วจะรออ่านต่อน๊าไม่รู้ต้องรอข้ามปีปะเนี่ย
-
:m15:
-
มาต่อเร็วดีจัง ดีใจที่ได้อ่าน หวังว่าตอนจบคงยิ้มได้นะ ปีใหม่แล้วนิยายต้องจบแบบ Happy Ending :m18:
-
ม่ายน้า
อย่ามาสมหวังครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้
เรื่องสั้นไม่จำเป็นต้องจบเศร้าก็ได้
-
ปิงต้องรอดดิ :monkeysad:
-
ปิงต้องหายมาเป็นแฟนกับโฟนนะ
:z13:
-
มิไหวแล้ว จะร้องไห้ :o12: :o12: :o12: ทำไมเมื่อเข้าใจกัน มันต้องมีอะไรมาขัดขวางด้วยนะ อ้ากกกกกก
:z3: :z3: :z3:
-
อ่านเรื่องนี้แล้วอินกับอารมณ์ตัวละครในเรื่อง บรรยากาศเศร้าๆ เหงาๆ แบบนี้อ่านไปก็เศร้าไปอบอุ่นแปลกๆ ไปพร้อมๆ กัน
ที่ขำๆ นิดนึงสำหรับเราก็คือ อารมณ์ของเรื่องกับชื่อเนี่ยดูยังไงก็ไม่ค่อยเข้ากัน ชื่อดูโนะเนะขำๆ ฮาๆ เหมือนจะเป็นเรื่องเด็กๆ หน่อย พออ่านเนื้อเรื่องออกแนวเหงาๆ ก็แปลกใจนิดนึง แต่ชอบค่ะ เรื่องสนุกดี ชอบทั้งเป้และปิงเลย
-
พี่ไต๋ :: ป๊าดดด ตีสี่ พี่เป็นนกฮูกเหรอฮะ
:laugh3:สงสัย สงสัยละซิ
:-[ อ่ะ อาชีพเก่านะฮ่ะ
เคยเป็นยามมาก่อนฮ่ะ อิอิ
-
เศร้าเกินไปแล้ววววววววว :o12: :o12:
-
เศร้าด้ายอีกอะ
:o12: :o12: :o12: :o12:
-
ง่ะ
คงไม่มีไรหรอกมั้ง
เดี๋ยวก็กลับมาหายเป็นปกติ
-
น้ำตาคลอเลยคับ ตรงที่เดินหลังเดินหน้าน่ะ
สุดท้ายเคียงข้างกันก็ดีกว่า จริงมั้ย
อย่าจบเศร้านะคับ ผมขอร้อง
-
ปิงรอด คนเขียนก็จะรอด ด้วย หุหุ o18
-
ความเศร้าบังเกิดซ้างั้น :monkeysad:
-
หัวเรื่องบอกว่าเรื่องเล่า
งี้ก็ต้องรอลุ้นกับความจริงซิ :a6:
-
(http://)(http://dl2.glitter-graphics.net/pub/848/848652g0t9giwgk6.gif) (http://www.glitter-graphics.com)
-
แอบมาพักผ่อนนน หลบซ่อน กบดานตัวเอง แถวสยามฮะ ไม่วันนี้ก็วันนี้ก็พรุ่งนี้จะมาต่อให้นะฮะ :z2:
-
:z13:ก็แอบตามมาจิ้มเพิ่มอีกเหมือนกัน :m11:
-
ขอให้การผ่าตัดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ปิงหายป่วย กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมเถิ๊ดดดด :call:
เอาใจช่วยโฟนด้วยน้า :L2:
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
อะไรคือลาก่อน
ไม่นะๆๆๆ
(http://i367.photobucket.com/albums/oo111/taan19/z1.gif)
-
ใจร้ายมาก :impress3: ในที่สุดก็ไม่มาต่อ
:dont2: o7 :o7: :sad2: :sad12:
เป็นไงใช้ได้ป่ะ บทเศร้า อิอิ :eiei1:
ล้อเล่นหนุกๆนะ
-
กรี๊ดดดดดดด ใจร้ายมากที่ไม่มาต่อ :z13:
-
อย่าเศร้าน๊าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
:m15: :m15: :m15:
ไม่ทันจริงๆ ฮะ เจ้าตัวดีของผม กักกันบริเวณ โดนล่ามโซ่เอาแส้ฟาด แถมยัง :oo1: :oo1: :oo1:
อันหลังนี่ล้อเล่น!!!
จะรีบหนีจากค่ายกักกันมาโพสให้เร็วที่สุดนะคับบ :z10: :z10:
-
^
^
^
:z13: :z13: :z13: :z13: :z13:
มาต่อเร็วๆเน้อ
จะรอคราบบบบบบบบ
-
:serius2: :serius2:
แอร้ยยยยยยยย
ปิงรีบๆรักษา แล้วกลับมาเร้ววววววววววววว
-
ไม่ยอมน้าาาาาาาาาาาาาาา
ปิงต้องกลับมาๆๆๆๆ
:o12:
(http://i356.photobucket.com/albums/oo7/Bogiecoco/hny5.gif)
-
เหอะ
:z3:
-
ตอนจบ
อากาศหนาวเข้ามาเต็มที่ แม้ว่าจะไม่ถึงกับหนาวสั่นจนเข้ากระดูกแต่ก็คงเพียงพอให้หนุ่มสาวกรุงเทพรื้อค้นเอาอุปกรณ์กันหนาวหลากหลายรูปแบบมาห่มห่อร่างกายเก็บกักความอุ่นเอาไว้กับตัวเองได้อย่างไม่เคอะเขิน ช่วงเวลาสิ้นปีช่างเต็มไปด้วยเทศกาลแห่งความสุข ยั่วยวนให้ผู้คนไขว้เขวจากงานประจำหันมาจับคู่เดินควงแขนตามถนนหนทางที่ประดับประดาไปด้วยแสงไฟระยิบระยับลานตา ใครที่มีคู่ก็แอบอิงกันมา ส่วนใครที่ยังไม่มีก็หยิบยืมวงแขนของเพื่อนออกมาเดินเล่นกันเต็มไปหมด
ต้นคริสมาสต์สูงใหญ่แทงยอดขึ้นมาหลายจุดให้ผู้คนได้เก็บภาพกันอย่างสนุกสนาน เด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งห่อตัวอยู่ภายใต้เสื้อกันหนาวสีน้ำตาลท่ามกลางลมเย็นที่เริ่มพัดพาเข้ามา สวนทางกับเข็มนาฬิกาที่เดินผ่านไป เหมือนกับทุกคนกำลังเคลื่อนที่และมีแต่เขาคนเดียวที่หยุดนิ่งอยู่เช่นนั้น เด็กหญิงสองคนจูงมือกันมากับแม่ มือนึงจับกันไว้ อีกมือถือลูกโป่งสีสวยหลายใบที่ลอยอยู่ในอากาศ ทั้งคู่หยุดเล็กน้อยเพื่อมองสิ่งที่หยุดนิ่ง ริมฝีปากของเด็กหนุ่มเริ่มหักเหเป็นมุมสวยงามอย่างที่รอยยิ้มควรจะเป็น
พอดึกมากขึ้นผู้คนก็เริ่มจางตา เขายังนั่งอยู่ที่ตรงม้านั่งที่เดิม รอคอยใครสักคน และคงจะเป็นคนสำคัญมากสำหรับเด็กหนุ่มร่างบางคนนี้ มือซีดๆ ของเขาเกาะกุมเอาสมุดหน้าปกที่แดงที่ดูเก่าคร่ำคราเอาไว้ ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองออกมาอย่างมีความหวังและแน่วแน่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเขาเชื่อเหลือเกินว่าสิ่งที่เขารอคอยนั้นจะต้องมาอย่างแน่นอน
เวลาเหมือนจะผ่านไปอย่างเชื่องช้ากว่าปกติ การรอคอยมักจะส่งผลกับเวลาในรูปแบบนั้นเสมอ ลานกว้างในตอนนี้ร้างลาผู้คนไปหมดแล้ว ดวงไฟนับร้อยนับพันที่เคยส่องสว่างดับวูบลง ส่วนที่เป็นเหล็กบนที่นั่งปะทะกับอากาศด้านนอกจนเย็นและนั่งไม่อุ่นสบายเหมือนเคย
หากนี่เป็นเหมือนละครในโทรทัศน์ เพลงส่งท้ายควรจะต้องถูกเร่งเสียงส่งอารมณ์ของผู้ดูให้เคลื้อมฝัน เพียงแต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงมันง่ายดายกว่าที่คุณจินตนาการไว้มากนัก
ไหล่ของเด็กหนุ่มรับรู้ถึงสัมผัสของฝ่ามือที่บีบเบาๆ “ปิง” เขาเอ่ยชื่อเรียกคนอีกคนที่เดินท่าแปลกประหลาดผ่านมานั่งด้านข้าง เสื้อแจ๊คเก็ตไหมพรมถูกใส่ทับเชิ๊ตและผ้าพันคอสีเทาดำวางพาดปกป้องลำคอเรียวยาวไว้จากความหนาว “โฟน...”
และก็อีกนั่นแหละครับ ถ้อยคำรังสรรค์ปรุงแต่งมากมายที่ควรจะหลุดออกมา ตอนนี้ ในเวลานี้ก็เป็นช่วงเวลารุ่งโรจน์ที่สุดของคำเหล่านั้น
“เจ็บฉิบหาย ท้องกูมีแผลตั้ง 10 เซนต์”
มีคนตั้งคำถามว่า ถ้าเรารู้ว่ารักแล้วเจ็บ เรายังควรจะบ่มเพาะเมล็ดพันธ์แห่งความรักลงไปในจิตใจหรือไม่ หรือเราควรจะใช้ชีวิตอยู่โดยหลีกเลี่ยงเจ้าสิ่งที่เรียกกันว่าความรัก
โฟนเป็นตัวอย่างของการซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง ผมเรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเองว่าการเริ่มต้นเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับความรักนั้นเราต้องโยนเอาเหตุผลทิ้งไปเสียก่อน เรากำลังก้าวเท้าเข้าไปสู่โลกใบที่หนึ่งบวกหนึ่งอาจจะไม่ใช่เท่ากับสองอีกต่อไป โลกที่คุณจะเห็นผู้คนทรมานกับความรักแต่ก็ยังออกเดินทางตามหามัน จะมีสักกี่คนที่ได้ความรักมานอนกอดอุ่นๆ เอาไว้แนบกาย แล้วเหล่าผู้ผิดหวังล่ะเขาเดินทางแสนไกลไปเพื่ออะไร เพื่อพบเจอกับน้ำตาและความผิดหวัง ส่วนผู้สมหวังคุณคิดว่าพวกเขาจะรักษาดูแลกันและกันไปได้อีกนานเท่าไหร่ ทุกย่างก้าวที่ออกเดินไปด้วยกันเต็มไปด้วยกับดักที่จ้องจะแยกให้เขาออกจากกัน และในช่วงเวลาท้ายสุดของชีวิตแล้วทุกคู่ก็ต้องแยกกันอยู่ดีไม่ใช่เหรอ ดูเหมือนทางออกของความรักมันจะมีแต่ความเศร้าและเจ็บปวด
นั่น.. ผมบอกแล้วว่าให้เอาเหตุผลทิ้งไป หากสิ่งที่มันอยู่ข้างในใจคือรัก ก็ทำมันไปเถอะครับ เจ็บตัว ร้องไห้ หกล้มหกคะเมนตีลังกา ก็รักไปเถอะครับ ไม่ต้องกั๊ก ไม่ต้องกลัวจะเจ็บปวด เพราะในเมื่อเราไม่สามารถคาดเดาผลลัพท์จากสมการคณิตศาสตร์ได้ ใครจะรู้ว่าสักวันสองมืออันหนาวเหน็บของเราจะมีใครส่งดวงใจมาเอาไว้ให้ดูแล
สุดท้ายคำอวยพร ที่เหมาะสมกับความรักซึ่งคาดเดาไม่ได้ที่สุดคือ
ขอให้ทุกคนโชคดีกับความรักครับ...
(นั่นแหนะ นึกว่าจะจบแล้วอ่ะสิ)
“คุณหมอ มีคนไข้ด่วนที่ห้องฉุกเฉินขอเชิญด้วยค่ะ” พยาบาลวิ่งกระหืดกระหอบมาตามผมที่ห้องพัก ถุงมือสีขาวของเธอเปรอะไปด้วยสีแดงฉาน
ผมรีบทิ้งชาร์ตคนไข้ที่วางอยู่ตรงหน้าและวิ่งตรงออกไปทันที เด็กหนุ่มคนหนึ่งร้องตะโกนอยู่ด้านนอก “นัท!! นัทททท อย่าเป็นอะไรนะ นัท!! นัทททททท” ประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออก บนเตียงผมพบกับคนไข้อายุประมาณยี่สิบปีไม่มีบาดแผลภายนอกที่ชัดเจนยกเว้นตรงขาด้านขวาที่ดูผิดรูปกว่าปกติ เสียงของเด็กคนนั้นยังได้ยินลอดเข้ามา “นายห้ามเป็นอะไรนะ” ผมเรียกสมาธิคืนมา และกลับมาดูคนไข้อีกครั้ง
“คนไข้รถชนเมื่อ 10 นาทีที่แล้วค่ะหมอ” พยาบาลคนหนึ่งยื่นรอฟังคำสั่ง
“โอเค คนไข้ยังหายใจอยู่ ผมฝากวัดความดัน พี่อีกคนผมฝากหาเส้นเปิดน้ำเกลือไว้ก่อนเลยครับ” เอาหล่ะ อย่าตกใจ... แต่ต้องยอมรับในฐานะหมอจบใหม่และเพิ่งปฎิบัติงานมาไม่ถึง 2 เดือนว่านี่เป็นเคสหนักที่สุดที่เขาเจอมาในช่วงการทำงานอันแสนสั้น
“หมอคะ คนไข้วัดความดันไม่ได้เลยคะ” ผมหันควับในมือยังถือหูฟังเพื่อเตรียมฟังปอดอยู่
“ปั๊มหัวใจ เปิดเส้นได้หรือยังผมขออะดรีนาลีนด้วย ลากเครื่องปั๊มหัวใจมานี่เร็วเข้า”
การปั๊มและช๊อคหัวใจเริ่มขึ้น ผมใส่ท่อช่วยหายใจให้คนไข้ได้สำเร็จ แต่อาการแย่มาก ให้ตายเถอะนี่ผมกำลังจะเสียคนไข้รายนี้ไป เด็กคนนั้นยังคงเฝ้ารอ ร้องตะโกน และวิงวอนให้เขารอด ถ้าเขาเป็นผมแล้วนี่เป็นปิงล่ะ ผมรู้ตัวดีว่านาทีนี้ไม่ใช่พระเจ้าหรอกที่จะช่วยคนไข้ได้ มีแต่ผมเนี่ยแหละ ผมคนเดียว แล้วในที่สุดผมก็เห็น ...รอยแผลที่อยู่ด้านหลัง ผมรีบหยิบหูฟังและหลังจากตรวจเสร็จ เข็มเบอร์ใหญ่ที่สุดที่ผมมีก็ถูกปักลงไปบนหน้าอกคนไข้ เสียงฟู่ดังขึ้น “ปั๊มต่อครับ อย่าหยุด ผมขอเซ็ทเจาะปอดด้วย”
อีกหนึ่งชั่วโมงถัดมา...
ผมหย่อนร่างที่เหนื่อยล้าลงบนเก้าอี้ที่ด้านนอกตัวตึก พี่พยาบาลคนที่เดินเข้ามาเรียกผมเดินมานั่งด้วยส่งเครื่องดื่มมาให้ “โอวัลตินร้อนๆ ค่ะหมอ ช่วงปีใหม่ก็แบบนี้แหละค่ะ เคสอุบัติเหตุเยอะ”
“แล้ว คนไข้เรียบร้อยดีไหมครับ” ผมถาม
“รถฉุกเฉินเอาไปส่งถึงโรงพยาบาลจังหวัดแล้ว ตอนนี้คงเข้าห้องผ่าตัดไปแล้วล่ะคะ” พี่พยาบาลยิ้มใจดี ถ้าเทียบแล้วเขาคงอายุรุ่นคราวแม่ของผมได้
“หมอเก่งนะคะ ปกติแล้วหมอจบใหม่ออกมาโรงพยาบาลชุมชน เจอเคสแบบนี้ยังปั๊มขึ้นอีก”
ผมหัวเราะ “ผมควรจะรู้ว่าคนไข้มีลมในปอดตั้งแต่แรกแล้ว แต่กว่าจะรู้ก็เกือบจะสาย”
“เกือบจะสาย แต่ก็ยังรอดหนิคะ”
“ดีจังเลยนะที่รอด”
“หมอไปพักเถอะค่ะ ลงเวรแล้วนี่นา พี่ไปนะคะ ควบบ่ายดึกค่ะ”
“ขอให้เคสไม่เยอะนะครับ”
หลังจากจบบทสนทนา ผมก็เดินกลับหอพัก แอบโกรธไอ้ปิงที่มันไม่โทรมาอวยพรวันปีใหม่สักก่ะนิด ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปเมาแอ๋ฉลองปีใหม่กับเพื่อนอยู่ถึงไหน ผมหยิบมือถือมาเปิดดูมีคำอวยพรของทั้ง อาร์ท ป๋อง แล้วก็โอปอลทั้งสามยังเป็นเพื่อนสนิทกันจนเรียนจบ แต่ว่าต้องแยกย้ายกันไปทำงานตามจังหวัดที่จับสลากได้ ส่วนเป้ไม่มีข้อความแต่โทรมาอวยพรกันตั้งแต่หัววัน
และท้ายที่สุด ไอ้ปิง ไม่มีทั้งข้อความและโทรศัพท์จากคนที่อยู่ไกลจากผมหลายร้อยกิโลเมตร ผมขึ้นบ้านไขประตูเปิดออกแล้วก็
“โฟนนนนน แฮ๊ปปี้นิวเยียร์”
“แว๊กกกกก อ...ไอ้ปิง มึงมายังไงเนี่ย” ผมตกใจจนเกือบจะถีบมันติดข้างฝา รุ่นพี่ยิ่งขู่แล้วขู่อีกว่าผีดุ
“เอ๊าาา คนเป็นแฟนกันก็ต้องมาเค้าท์ดาวน์ด้วยกันสิ มานี่มาขอกอดที คิดถึงฉิบหาย” ปิงดึงตัวผมไปกอดรัดเอาไว้ แม้จะอายหน้าแดงแป๊ดแต่ผมก็ปล่อยให้มันกอดอยู่อย่างนั้น
“เหนื่อยไหมวะ” ปิงถามผมเพราะเห็นท่าอิดโรยของผม
“เมื่อกี้มีเคสหนักมาหว่ะ ยังเด็กอยู่เลย”
“รอดป่ะ”
“ระดับนี้แล้ว ต้องรอดดิวะ”
“เออๆๆ เก่ง”
“อ๊ะ นี่มึงชมกูเหรอ ผีเข้าหรือเปล่าวะ เอายาสักเม็ดป่ะ”
“นี่โฟน มึงรักกูป่ะ”
“เออ”
“อะไรวะ โรแมนติคหน่อยสิวะ จะจบแล้วนะเว้ย คนอ่านเขาอยากจะโรแม๊นซ์กัน”
“มึงพูดสิ คนอ่านเขาอ่านเรื่องกูมาเยอะแล้ว”
“ไม่เอาอ่ะ กูเขิน”
“นะ ปิงน้าาา พูดหน่อยเร็ว เขารอฟังกันอยู่”
“ม.. ไม่พูดไม่ได้เหรอวะ”
“เอ๊า เป็นเหี้ยอะไร ทุกทีเห็นแต่หน้าด้าน”
“เชี่ยะนี่ ก็กูไม่ชิน”
“เร็วเด่ะ กูหิวแล้ว บอกแล้วจะได้ไปหาอะไรกินกัน”
“เออออๆๆๆๆ ก็ได้ๆๆๆ”
“ปิงรักโฟนนะ”
....................
:bye2: :bye2: :bye2:
ขอให้ทุกคนโชคดีในปี 2009 นะคร้าบบบบบบบบ
หวังว่าเรื่องต่อไปจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเหมือนกับเรื่องโฟนกับปิงนะฮะ ขอบคุณทุกคอมเม้นต์เลย ผมแต่งได้เรื่อยๆ เพราะกำลังใจนะครับ ขอบคุนค้าบบบ ขอบคุนค้าบบบบบบบบบบ
:กอด1: :กอด1:
ขอรักแค่สักครั้ง เรื่องใหม่นะฮะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=8822.0)
ตามอ่านภาคต่อที่นี่ฮะ
-
Happy Ending
:กอด1:
ขอให้ทุกคนโชคดีกับความรักครับ...
นึกว่าจบแล้วจริง ๆ ซะอีก ยังงงอยู่เลย :z13:
ในที่สุดปิงก็กลับมา Happy Happy :L1:
ดีใจที่ปิงยอมรับหัวใจตัวเอง
ยินดีด้วยกับความสุข
Happy New Year อีกครั้ง มีความสุขมาก ๆ นะ รักกันไปนาน ๆ
จะรออ่านเรื่องต่อไปนะ
-
ในที่สุด ก็จบลงอย่างสวยงามมม
ขอบคุณคนแต่ง
อ่านแล้วมีความสุขขขขข :man1: :กอด1:
-
และแล้วปิงก็ไม่ตาย :กอด1:
จบลงอย่างสวยงาม
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวความรัก น่ารักๆ
แล้วจะติดตามเรื่องต่อๆไปจ้า
:L2:
-
แอบยิ้มตรง
“เจ็บฉิบหาย ท้องกูมีแผลตั้ง 10 เซนต์”
อิอิ
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ
และสวัสดีปีใหม่ย้อนหลังครับ :pig4: :pig4:
-
อ่านรวดเดียว ตั้งแต่ต้นจนจบ
โฟนต้องน่ารักมากแน่ๆ เลย อิอิ
ชอบมากเลย เขียนบ่อยๆ นะคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบ :L2:
-
:3125: จะจบก็จบดื้อๆเลยนะโพนนะ
ให้ค้างอยู่ต้ังนาน ลุ้นจนตัวโก้งก็ตั้งหลายรอบ :z3:
โขกจนหัวจะพัง แค่เนี้ย นี้แนะนี้แนะ :z13: :z13:จิ้มให้ตายไปเลย
-
เย้ๆๆ
ปิงไม่เป็นรัย
ในที่สุดก็แฮปปี้
Happy New Year อีกครั้งค่ะ
มีความสุขมากๆนะคะ
-
จบเหมือนไม่จบยังไงไม่รู้สิ ต่ออีกดีไหม เช่น ตอนสวีทหลังแผลหายน่ะ :-[
-
ค่อยยังชั่วจบแบบนี้
รักกันนานๆ น้า
-
“เจ็บฉิบหาย ท้องกูมีแผลตั้ง 10 เซนต์”
^
^
โอ้ว คำทักทาย คำพูดคุยเมื่อแรกเจอในคืนวันคริสต์มาส เหรอเนี่ย เอิ้กๆ :m20:
ไม่หวาน แต่ น่ารัก น่าหยิก
ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆ แต่แอบเศร้าหน่อยๆ :pig4:
รออ่านผลงานเรื่องต่อไปจ้า :กอด1:
-
น่ารักครับ
แต่ใจร้ายจังน้า เศร้าเคล้าเหงามาทั้งเรื่อง มาหวานตอนจบนิดเดียวเอง
-
จบ ! :monkeysad:
That's good Story :haun4:
ชอบครับบบ
เป็นกำลังใจให้นะ
:z13:
หวังว่า คงได้อ่านต่อเรื่องอื่นๆ เน้ออ
คุงมากนะคัฟ
:seng2ped:
-
เข้าวันที่ 2 แล้ว คงยังไม่สายนะครับสำหรับคำว่า happy new year 2009
-
มีความสุขจัง
รักกันไปนานๆครับ
คิคิ
-
:L2: :L2: :L2:
มาดีใจอิๆ จบสวยจริงๆด้วยกะไว้แล้ว แหมแต่แบบเขียนตอนจบได้น่ารักจริงจรีงเลยน๊าโดนใจดี
แล้วจะรออ่านน๊าเผื่อมีโครงการเขียนเรื่องต่อไปต่อ อะนะ
-
จบซะแร้ววววววววววว
ดีใจที่ปิงปลอดภัย
แล้วได้รักกันจริงๆ เสียที
o13
-
o13 o13
:L2: สำหรับ ปิง-โฟน :pig4:
:L2: :L2: :L2:กำลังใจเรื่องต่อไปค่ะ
-
:impress2: :impress2:
รักกันไปนานๆครับ
:bye2: :bye2:
-
ไม่มีซักวินาทีที่เราไม่ห่วงนาย แต่เราต้องรู้จักเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันให้ได้นะ
-
Happy Ending
:z2: :z2: :z2:
-
Happy ending
-
จบแบบมีความสุข :impress2:
-
โอ้ย เลิฟ ๆ ....
:impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
-
:call:สวัสดีปีใหม่น่ะครับ
ต้องขอขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ
อ่านรวดเดียวจบเลย
ขอบคุณน่ะครับ สนุก เศร้า เหงา และ :m15:
แต่ขาดไปรสหนึ่งครับ
ไม่มีบทอัศจรรย์เลยน่ะครับเรื่องเนี้ย :haun4:
เรื่องหน้าขอเพิ่มด้วยน่ะครับ
ถ้าคนเขียนอ่อนประสบการณ์ด้านนี้
มาฝึกกับผมก่อนได้น่ะครับ o22
อิอิ
:เฮ้อ:
สวัสดีปีใหม่ทุกคนครับ
มีความสุขสมหวังดังใจปรารถณาน่ะครับ
:bye2:บุญรักษาครับ
เมท :z2:
-
:a5: :a5: :a5:
อ่านคอมเมนต์ด้านบนแล้ว :z3: :z3: :z3: :z3:
ผมขี้อายฮะ !! แต่ไม่ใช่ไม่เปนนะ หน๋อยแหนะ :angry2: :angry2:
-
:haun4: เจ้าของกระทู้เอาหัวโขกเองซะงั้น
-
ไม่ด่ายยยย เรื่องแบบนี้ ยอมไม่ด้ายยย ฮ่าๆๆๆๆ :oo1: :oo1:
-
แฮ๊ปปี้สุด ๆ
:-[ :impress2: :-[ :impress2:
-
มาอ่านตอนจบเรื่อง..
โห สนุกมากค่ะ..
อ่านรวดเดียวอินสุดๆ..
มันซึมมมมมม อึ๋ยยยยยยย อ๊ากกกกกกกก ประมาณนี้แหละค่ะ แหะๆๆ
เรื่องหน้าขอยาวๆนะคะ แหะๆๆ ติดใจฝีมือการเขียน o13
สวัสดีปีใหม่ค่ะ..
ขอให้มีความสุขมากๆ..
แล้วก็สมหวังทุกความปรารถนาค่ะ
-
:pig4: น้องโฟนสำหรับเรื่องเล่าดีๆแบบนี้
แต่แอบเสียดายนิดหน่อยอ่ะ น่าจะเล่าต่อไปเรื่อยๆ
อยากอ่านตอนสวีทหวานกะปิงมั่ง :-[
เอาแบบที่สวีทกันจริงๆ
ไม่ต้องมีใช้กำลังบังคับให้บอกรัก แบบตอนที่บอกรักเพื่อให้คนอ่านได้ยินอ่ะนะ :laugh:
รออ่านเรื่องต่อไป และเป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ
-
สรุปก็รักกันสินะคับ
ดีใจด้วยนะ
สวัสดีปีใหม่คับ
-
อ่านตั้งแต่ต้นจนจบเลยครับ อิอิ +1 ให้ครับ น่ารักจังเรื่องนี้
สุขสันต์วันปีใหม่นะครับ :z2:
-
ชอบจังเรื่องนี้ ประทับใจนะ ในความรักของทั้งคู่
ปกติจะไม่ค่อยชอบเรื่องสั้นเท่าไหร่ แต่เรื่องนี้ให้ใจไปเลย อิอิ :o8:
-
เป็นอีกหนึ่งเรื่องสั้นที่ชอบมาก ๆ
เขียนได้ดีน้า หลากรสหลายอารมณ์ดี ขยันอัพเรื่องอีกต่างหาก .. +1 ให้เลย
ถ้าว่างเขียนเล่าเรื่องอื่นๆ อีกน้า .. ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้ นำความสุขมาให้เราผู้อ่านอย่างยิ่ง ขอบคุณคร้าบ ^_^
-
เหงาเง้ออออออ มาตอบ reply ดีก่า
:sad4: :sad4:
Imageriz :: HNY 2009 ฮะ รออ่านเรื่องต่อไปด้วยนะฮั๊บ
RN :: ดีใจที่มีความสุขค้าบบบบ แต่อย่านึกว่าจะหันไปเชียร์หงส์น๊ะ!!!
Poes :: แหม ถ้าจบไม่สวย สงสัยศพผมก็คงไม่สวย
Charus :: ค้าบบบ มาหอมที จ๊วบบบบบบ
Iamhappywood :: โฟนหล่อกว่าปิง โย่ หล่อกว่าปิง โย่วววว
ไต๋ :: ตะเอง เค้าชื่อ “โฟน” มะใช่ โพนนนนน บ้าๆๆๆๆๆ ตะเองรออ่านเรื่องต่อไปของเค้านะ ยังไม่คลอดเลย ฮ่าๆๆ
Bg Love Nt :: สุขสันต์สำราญวันปี๋ใหม๋ฮะ
MeowY :: จบแล้ว จริงงงๆๆๆ นะ คับ
MaYa~Boy :: ชอบให้แฮ๊ปปี้ เอนดิ้งนะฮะ ^ ^ ขอบคุณค้าบบบบ
สวย ถึก บึก บึน :: แหง่ะ ขอบคุณคับบบ ชื่อนี่อ่านแล้วจิ้นแล้วจะ ฝันร้ายมากกก ถึก บึก ยึน!!!
insomniac :: แงง อย่าโกดนะ อย่าโกดนะ เรื่องหน้าจะหวานนะ สัญญานะ แหะๆๆ
Tadtan :: โห~~~ โพสครั้งที่สองให้ผม ขอบคุณนะฮะ
Acne_clear :: คนนี้ก้อมาเปิดซิงที่ผม แง๊วววว ขอบคุณคับสมาชิกใหม่
Nong_MeE :: ตอบเม้นแล้วนะ มาม๊ะ มากอดที เด๋วจะน้อยอกน้อยใจอีก
Newykung :: ขอบคุณค้าบบบ โครงการเขียนต่อนี่ มีแน่ฮะ แต่ไม่รู้จะต้องเบ่งอีกนานเท่าไหร่
19NT :: แฮ่ ~~ ปิงมันถึกฮะ ไม่ตายหรอก
Lune :: ขอบคุณนะค้าบบบบบบ
Poona28 :: ค้าบบบ
Maxtorpis :: ห๊ะะะ เค้ามะ.. ไม่ใช่เพื่อนกันแล้วนะ นะะะ นะะะะะะะ
Moshi :: แหม ไม่มาโขกแย้วเหยอฮับ ^ ^
ifwedo :: Happy new year ย้อนหลัง (หลายวันหน่อยฮะ)
NaNa :: ขอบคุณที่มาอ่านกันนะฮะๆๆๆ
benxine :: เดี๋ยวจะตามไปอ่านเรื่องของเบนซินนะฮั๊บบบ
Mate_utt :: ป๊าดดดด โกรธธธธธ งอนนนนนนน มาง้อด้วย!!
ไต๋ :: ก้อพี่ไต๋ดูเด่ะๆๆๆ มาว่าเค้าไม่เป็นงานนน ฮ่าๆๆ
Omelordkung :: ชอบที่อ่านแล้วมีความสุขนะฮะ
Half333 :: แน๊ อีกรายที่อ่านรวดเดียว เป็นเรื่องสั้นก็ดีแบบนี้แหละะะะ
kongkilmania :: ตั้งใจให้จบสั้นๆ เพราะตั้งใจให้เป็นเรื่องสั้นอ่าาา ตอนสวีทไม่ค่อยมี มีแต่ตอน หวีด (สยอง) รออ่านเรื่องต่อไปนะคั๊บ
Kalianeko :: แง พูดน้อยต่อยนัก ปากแข็งนัก มากอดทีฮะ
Mantdash :: เหอออ รวดเดียวจบอีกคนนึง
WOON-Y :: ผมเขียนเรื่องยาวไม่ค่อยจะเก่งซะด้วย เรื่องหน้านี่ก้อยังคิดอยู่ว่าจะสั้นหรือจะยาว
PEAK :: แฮ่~~ ไม่ขยันหรอกครับ โดดตั้งหลายที ดีใจที่ชอบนะฮะ
-
เหงาเง้ออออออ มาตอบ reply ดีก่า
:sad4: :sad4:
RN :: ดีใจที่มีความสุขค้าบบบบ แต่อย่านึกว่าจะหันไปเชียร์หงส์น๊ะ!!!
แอร๊ยยย ขอ :beat:คนเขียนหน่อย ทุ้นี้มีเด็กหงส์หลายคนนะ เดียวๆๆๆ :z6:ถล่มกระทู้เลยนี่
-
Poes :: แหม ถ้าจบไม่สวย สงสัยศพผมก็คงไม่สวย
o18 แน่นอนไอ้น้อง จบแบบนี้ชีวีตดีขึ้น :laugh:
เด็กหงษ์ มารายงานตัวอีกคนแระ o18 โดนแน่ๆ
-
:m15: :m15: :m15: :m15:
นู๋ โดนรุม ช่วยด้วยยยยยย :o12: :o12:
-
เหงาเง้ออออออ มาตอบ reply ดีก่า
:sad4: :sad4:
RN :: ดีใจที่มีความสุขค้าบบบบ แต่อย่านึกว่าจะหันไปเชียร์หงส์น๊ะ!!!
สวย ถึก บึก บึน :: แหง่ะ ขอบคุณคับบบ ชื่อนี่อ่านแล้วจิ้นแล้วจะ ฝันร้ายมากกก ถึก บึก ยึน!!!
^
^
:beat: :beat: :beat: ตบคนเขียน มิผิดชิมิเคอะ
ออกจะสวย :m19: ถึง จะถึก ถึงจะ บึน แต่ก้อสวยนะเคอะ :a14:
( เด่ะ หงส์ สวย-หล่อ ทู้กคนนนนนนนนโฮ่ะๆ) o18
-
ถ้าเหงา จะเขียนเรื่องนี้ต่อปะล่ะ :z1: อยากอ่านตอนหวานๆ ของโฟนกะปิง จะได้ย้ายกลับไปให้ :z2:
-
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน พออ่านจบแล้ว ชอบการเขียนที่แทรกข้อคิด ไว้
อ่านไปแล้วก็คิดตาม ยิ่งตอนจบแล้ว ชอบท่อนนี้จังเลย
"มีคนตั้งคำถามว่า ถ้าเรารู้ว่ารักแล้วเจ็บ เรายังควรจะบ่มเพาะเมล็ดพันธ์แห่งความรักลงไปในจิตใจหรือไม่ หรือเราควรจะใช้ความชีวิตอยู่โดยหลีกเลี่ยงเจ้าสิ่งที่เรียกกันว่าความรัก"
จะมีตอนพิเศษมั้ยค่ะ อ๋อ อยากอ่านเรื่องเป้ ด้วย เป้น่ารักดี
ขอบคุณนะค่ะ ........ :L2: + ................
-
:o12: :o12: แง๊ ไม่ใช่เด็กนะ เหมือนเอาขนมมาล่อเลยยย
-
:z13: :z13: :z13:
จิ้มๆๆๆ รีบน
มาต่อเต๊อะๆๆๆ
รีบจบไปใย
จะเอาปิงของเรา(ซะงั้นเลยนะ)ไปไว้ข้างกายคนเดียวได้ไง :angry2:
พูดเล่นจ้า
รักกันนานๆ เน้อ เชียร์ๆๆๆ :กอด1:
-
ชอบมากมาย :L2:
แหมๆๆกว่าจะรักกันได้ ลุ้นแทบแย่ :เฮ้อ:
ยังไงก้อขอให้รักไปนานๆนะค้าบ :กอด1:
Happy new years 2009 :L1:
-
สุดยอดอ่ะ
น่ารัก
อยากมีความสุขอย่างนี้บ้าง
คนหน้าตาดีนี้มัรดีจริงๆๆ
อิอิ
--* :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
-
สนุกมากๆ คับบ ชอบจังง
o13 o13
-
อ่านเรื่องนี้แล้วอินมากๆ
ชอบจัง ขอบคุณมากๆเลยนะครับ :L1:
-
ชอบมากๆคะ
ขอบคุณนะคะ
อ่านรวดเดียวจบเลย :pig4: :pig4: o13 o13
-
อ่านรวดเดียวจบเลย
ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้มีเรียน
แต่ตีสองครึ่งเพิ่งอ่านจบ เหอๆ
ตอนแรกนึกว่าเรื่องจะจบแฮปปี้เอ็นดิ้งที่โฟนคู่เป้ซะแล้ว
ยังดีนะที่นายปิงยังรอด
:z1:
-
นึกว่าไม่รอดซะแล้ว
อ่านแล้วนึกถึง "รักเธอกอดคนอื่น" เลย ให้อารมณ์มากๆ
ขอบคุณนะค่ะสำหรับนิยายดีๆ จะคอยตามเรื่องต่อๆไปค่า
-
ชอบเรื่องและภาษาค่ะ จบมีความสุขด้วยค่ะ
ขอให้มีความสุขรักกันตลอดไปค่ะ
:pig4:
-
อ่านไป ลุ้นไปว่าจะเป็นยังไง สุดท้ายก็จบแบบมีความสุข ค่อยยังชั่วหน่อย
ขอให้มีความสุข รักกันไปนานๆ นะคะ :กอด1:
-
เรื่องนี้น่ารักดีนะคะ ชอบตอนจบด้วยน่ารักดี อิอิ เหมือนแบบละครตอนจบสมัยก่อน ดูนานเนอะ มันมีช่วงนึง ตอนจบชอบทำเงี้ยอ่ะ น่ารักดี น่าจะมี จุ้บ หรือ หอมแก้มตอนจบซะหน่อย อิอิ
-
:-[ ชอบมากมายยยยยยยยยยยยยย...
:m15: อ่านแล้วร้องไห้ไปด้วยเลยอ่ะ
o13 สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดด สนุกมากกกกกกกกกก น่ารักได้อีก อิอิ
:กอด1:
-
ชอบมากกกกก ประทับใจสุด ๆ ขอให้มีความสุขและรักกันนานเท่านาน o13
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
แอบไปเที่ยวปีใหม่แว่บเดียว แอบจบซะงั้น แหะๆ...
มาเม้นท์ช้า เพราะหาไม่เจอขอโทษนะคะ
แอบยิ้ม ตอนปิงบอกรักโฟน น่ารัก น่าหยิก ดีจัง
รักเจ้าของเรื่องจริงๆ
-
อ่านรวดเดียวจบ :impress2:
แอยเศร้าตอนกลางๆอ่า จะร้องไห้ตั่งหลายรอบ
อย่าพึ่งรีบจบซิฮับ มาต่อเรื่องหวานๆอีก :o8:
บทอัศจรรย์ก็ยังไม่มี :laugh:
รอเรื่องต่อไปนะค้าบบ :กอด1:
-
:o8: :o8:
น่ารัก อะ
มียังงี้ บ้าง คงดีไม่น้อย เอิ๊กๆๆๆ :L2: :L2:
-
อ๋าาาาา ..
ขอบมากเลยครับ
อ่านแล้วยิ้มได้เลยอ่า ><
+1 ให้นะครับ
ขอบคุณมากเ้ลยคร้าบ !
-
ถึงเรื่องจะสั้น
แต่ก็เรียกน้ำตาได้
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ
ที่ทำให้ประทับใจนะคะ
+1 ให้ค่ะ
ู^-^
-
อิอิ น่ารักมากมาย
นึกว่าจะเศร้าซะแล้ว
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคะ ^^
:กอด1:
-
โห รายว้า หนีกลับบ้านหน่อยเดียวจบซะละ แถมยังไม่หวานอีก แต่เห็นว่าจบแฮปปี้ ก็ยอมให้ก็ได้
สุดท้ายนี้ขอบคุณที่เขียนให้อ่านจ้า :L2:
-
อ่านแล้วซึ้งกับความรักนะครับ
-
อ่านแล้วแบบว่าเหงาๆ ใจงัยไม่รู้อ่ะ
ชอบมากเลยเรื่องสไตย์นี้
-
มาอ่านรวดเดียวจบเลย :mc1:
ชอบเนื้อเรื่องและก็ภาษา :m4:
ให้บรรยากาศเหงาๆเศร้าๆดีจังเลยค่ะ
อ่านแล้วแอบลุ้น กลัวเรื่องจะจบเศร้า
แต่พออ่านตอนจบค่อยยิ้มออกหน่อย :m4:
ดีใจที่ปิงปลอดภัยและก็จบแฮปปี้ ไม่งั้นน้ำตาอาจนองกระทู้ :m17:
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคะ :m1:
และก็รอเป็นกำลังใจให้เรื่องใหม่ค่า :L2:
-
สนุกมากฮะ อ่านแล้วก็แอบเหงาอ่ะ อยากมีแบบนี้บ้าง ๆ แง ๆ
-
o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
-
สนุกจัง
แบบว่าไม่สามารถหยุดอ่านได้ อ่านแล้วอยากอ่านตอนต่อไปเรื่อยๆ
เขียนเรื่องอื่นบ้างไหมคะ อยากอ่านจัง
ชอบบรรยากาศเรื่องนี้มาก อบอุ่นดี ชอบบบบบบบ
-
ไม่ได้อ่านนิยายอารมณ์นี้มานานแล้วครับ
ชอบๆๆๆ
เขียนเรื่องอื่นบอกด้วยนะครับจะตามไปอ่าน อิอิ
-
ชอบอะครับ
-
แง่มๆ
จบแล้ว
ลุ้นจะแย่
ขอบคุณนะครับ
:bye2:
-
ชอบค่ะ
ช่วงเเรกเรียกน้ำตาได้ดีเลย (ประมาณมีอินเนอร์)
จบก็น่ารัก
กำลังใจให้เรื่ิองต่อไปนะค่ะ :3123: :L2: :L1:
-
:L2:ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆน่ะครับ
อ่านแล้วอบอุนหัวใจครับผม
-
ประทับใจมากครับ อ่านรวดเดียวจบเลย น่าจะยาวกว่านี้อีกหน่อย
-
ให้นี้แทนคำพูดแล้วกันคับ :3123: :L1: :เฮ้อ: :กอด1: :a5: :z3: :z10: :call: :angry2: :fire: :m15: :monkeysad: :sad11: :กอด1: :pig4:
-
หว่า...
แอบคิดว่าจะมีตอนพิเศษนะเนี่ยย
:bye2:
-
อ่านเรื่องนี้แล้ว
แบบว่า
.
.
.
.
.
.
.
. :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
แต่ก็ขอบคุณมากๆ คั๊บ :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
-
แอร๊ยยยยยยยย
น่ารักๆๆๆๆๆ :-[
-
:n1:
:bye2:
-
เพิ่งเข้ามาอ่านคับ
เรื่องสั้น อ่านรวดเดียวจบ
แต่ชอบมากเลยคับ
o13
เปนกำลังใจให้นะคับ :L2: :L2:
-
เพิ่งมีโอกาสได้มาอ่านเรื่องนี้ รวดเดียวจบเลย
อ่านแล้วรู้สึกชอบจัง ชอบคนบุคลิคแบบปิงอ่า
อยากอ่านโฟนกับปิงแบบหวานๆจัง
ยังไงก้อเป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ :L2:
-
:z3:
หื่อๆๆๆ
สนุกมากเรยคับ
อิอิ
-
สนุกง่ะ
แต่เราแอบเชียร์เป้นะ
เหอๆ
-
ชอบจังเลยค้าบบบบ
แล้วมาต่อเรื่องใหม่เร็วๆ น้า
:กอด1:
-
เรื่องสนุกดีงับ
แต่ว่าเอ่อ...
จบห้วนเกินไปอ่าค่ะงับ
-
เย้ อ่านจบแล้ว :m4:
เกือบไปแล้วนะปิง รู้ใจตัวเองช้ามากเกือบสายไปแล้ว
เป็นเรื่องที่แสดงอารมณ์และความรู้สึกของตัวเอกอย่างโฟนได้ค่อนข้างชัดเจน
เป้ในเรื่องนี้ดูเข้มจัง (อดเปรียบกับเรื่องใหม่ไม่ได้)
ขอบคุณโฟนมากจ้าที่แต่งเรื่องน่ารักๆ มาให้อ่านกัน
ตามกลับไปอ่าน "ขอรัก แค่สักครั้ง" ต่อหละ ไปลุ้นเป้ต่อ สมหวังซะทีหรือเปล่านะเป้
-
ตามพี่สาวข้างบนมาจ้า อิอิ
อ่านแล้วทั้งเศร้าทั้งสุข
กว่าจะได้มาซึ่งความรัก มันไม่ได้ง่ายเลย
แต่อะไรที่ได้มายากหน่อย มันก็ดูคุ้มค่ากับการรอคอยเนอะ
ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องราวที่ทำให้ยิ้มได้
:L2:
ตามไปอ่านภาคต่อดีกว่า :laugh:
-
เพิ่งได้มาอ่านครับ น่ารักมากเลยอะ ดีใจที่ happy ending :กอด1:
แต่ตอนที่โฟนรู้ความจริงเรื่องปิงนี่ ทำเอาน้ำตาซึมไปเลย
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
เรื่องนี้
ร้องไห้เสียน้ำตาไปหลายลิตรกะตอนก่อนจบๆๆ
อ่านไปร้องไปสุดๆๆๆ
ยังงัยก้อจะติดตามต่อไปนะคร้าฟ
^^
-
ขอบคุณครับ สำหรับเรื่องราวดี ๆ o13
อยากให้เรื่องของผมจบแบบนี้มั่งจังเลย อ่านแล้วนึกถึงเรื่องของตัวเอง ....เซ็งเป็ดสุด ๆ :monkeysad:
-
อ๊ากกกกก อ่านจบแระ
ชอบมากกกกเลยค่ะ
บรรยายดีจังเลยค่ะชอบ
ดีใจที่จบแฮปปี้แบบนี้
จะตามอ่านเรื่องต่อไปนะค่ะ สู้ๆ
อยากได้เป้อ่ะ 555555
:L2: :L2:
-
สนุกมากเลยคร๊าาาา
ลุ้นจนกระเพาะเหมือนจะบิดได้ :jul1:
ฮ่าฮ่า จะติดตามอ่านต่อไปอย่างแน่นอนงับ :-[
-
:impress2: :impress2:
อิอิ
อ่านรวดเดียวจบเลยย
โฟนน่ารักอ่ะ
ปิงน่ารักมากเลยอ่ะตอนเขียนไดอารี่อ่ะ
เป้ก็น่ารักนะ :man1:
น่าจะมาเรื่องของเป้(กะอาร์ต(เราว่าหนุ่มน้อยคนนี้น่าสนน้าา))
อิอิ :o8:
ขอบคุณคร้าาาา o13 o13
:mc4: :mc4: :mc4:
-
น่ารักอ่ะเรื่องนี้ ชอบการดำเนินเรื่อง สนุกจ๊า
-
เฮ้อ...
น่ารัก
อิอิ
อ่านกี่รอบๆ ก็น่ารัก
ปิง - โฟน
-
เจ๋งสุดๆ
ไร้คำบรรยาย
-
หนุกดีเหมือนกันนะ ชอบๆๆๆๆๆๆ :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
อ่านเพลินดีจังเลย ชอบมากๆฮะ
-
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ชอบบบบบบบบ
เรื่องนี้อ่านกี่ทีก็น่ารักอ่า :-[ :-[
ขอบคุณมากๆ นะค่ะ อิอิ
-
พอดีเราเข้าไปอ่าน"ขอรักแค่สักครั้ง"มา
แล้วชอบมากกกกกกกก ก็เลยรู้ว่าเรื่องนี้เป็นภาคแรก
ก็เลยตามเข้ามาอ่าน
พออ่านจบแล้ว
ชอบบบบบบบบ ชอบบบบบบบบบคร้าบบบบบบ
-
ชอบเรื่องนี้จังค่า
:impress2: :impress2:
เอิ๊กส์ๆ ^^
-
:L2: :L2: :L2: :L2:ให้คนแต่งค่ะ
o13
-
น่ารักทั้งปิงทั้งโฟนเลยอ่ะ
ดีที่ยังไม่สายไป ตอนแรกแอบเสียวว่ามันจะเศร้าป่าว
อ่านจบแล้วหน้าเปลื้อนรอยยิ้มมากเลยอ่า
ขอบคุณมากค่ะ
-
สนุกดีจ้า :L2:
-
เนื้อเรื่องธรรมชาติดีครับ สมเหตุสมผล(ในทางความรัก)
อ่านแล้วรู้สึกดีมากมาย
ขอบคุณคับ
-
:L2: น่ารักมากๆ ชอบประโยคเด็ดเย็บสิบเข็ม :z3:
-
เฮ้อแอบปาดเหงื่อ
นึกว่าปิงจะตาย
โฟน.....เป้หน่ะขอได้ป่ะ
-
เป็นนิยาย สั้นๆที่ ถักทอความรู้สึกได้ลึกซึ้งดีนะคะ
มันเหมือนกับว่าบรรยายที่โอบล้อมออกมาจากบรรยากาศรอบๆได้เลย
อิอิ ซึ่งดีคะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ ^^
o13
-
มันตรงมากค่ะความรู้สึกของโฟนในเรื่องนี้
การรักเพื่อนสนิทนี่มันทรมานจริงๆ อึดอัดจนแทบจะหายใจไม่เข้า
ยิ่งอ่านไปเรื่อยๆก็ยิ่งประทับใจกับความผูกพันของปิงกับโฟน
ชื่นชมตอนจบที่เป็นข้อความที่เหมือนจะเป็นความคิดของผู้เขียนที่บอกผ่านปิงกับโฟนมาถึงคนอ่านอย่างเรา
ก็ถ้ารักไปแล้วจะกลัวอะไรกับความเสี่ยงที่จะต้องเศร้าต้องเสียน้ำตา
จะรักแล้วก็ต้องรักให้มันสุดใจไปเลย ขอบคุณมากๆสำหรับเรื่องของปิงกับโฟนนะคะ
ไปตามอ่านอีกเรื่องของคุณalpha ก่อนนะคะ :กอด1:
-
ในที่สุดก็ลงเอยด้วยดี...แล้วอย่าลืมมีเรื่องที่สนุกๆแบบนี้มาลงอีกน่ะค่ะ
จะรอเม้นท์ตลอดเลย :pig4: :pig4:
-
น่ารักเจ้าค่ะ
ตามไปอ่านตอนใหม่ ฮุๆ
-
น่ารักมากเลยคร้า
อิอิ ชอบปิงกะโฟนจัง :o8: :-[
เด๋วตามไปอ่านภาคใหม่คร้า
-
เขียนดีจังคับ
อ่านแล้วมีความสุข
นึกว่าจะเศร้าซะแล้ว
ดีที่ปิงปลอดภัย:เฮ้อ:
จะตามไปอ่านภาคต่อนะคับ
-
อ๊ากกกกกกก สนุกมากครับ :call:
ผมอ่านละนั่งร้องไห้เลย :o12:
แต่ดีนะเนี่ยที่ จบแบบสมหวัง
มะงั้น
ร้องไห้ต่อแน่ :sad11:
-
ขอบคุณครับบ,, :mc4: :mc4:
-
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆค่ะ
ตามอ่านรวดเดียวจบเลย
โฟนเป็นคนตรงต่อความรู้สึกมากๆเลยนะคะ^^
-
“เจ็บฉิบหาย ท้องกูมีแผลตั้ง 10 เซนต์”
กวนดี ฮาดีและทำไมตูถึงร้องไห้ ลุ้นแทบตาย :เฮ้อ:
หนุกดี อ่านจบรวดเดียว โฮะๆ
^_^
-
อิ่มอกอิ่มใจ :o8:
ไปตามภาคต่อไป
หาคู่ให้เป้ที ฮิ้วววววว
-
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ สั้นๆตรงๆ ภาษาเรียบง่าย แต่ประทับใจอ่ะ o13
-
อ่านกี่รอบกี่รอบก้อร้องให้
ฮื้อๆๆๆ ประทับใจจัง
-
ขแบคุณมากๆ ค่ะาำหรับเรื่องดีๆ เด่วตามไปอ่านเรื่องของเป้นะ :กอด1:
ตอนที่โฟนอ่านไดอารี่ของปิงเนี่ยเศร้าสุดๆ ไปเลยแอบอินตามด้วย :o12:
-
เป็นเรื่องที่สั้นได้ใจความมากๆๆๆๆ
เศร้า ซึ้ง สนุก คิคิ
อยากอ่านตอนพิเศษบ้างอ่าครับ
-
+1 ให้คนแต่งเลยค่ะ
ชอบภาษาเรื่องนี้มากกกกกกกกกก
อ่านแล้วรู้สึกว่า ความรักอบอวล
มันมีความสุขอ่ะ
ดีจังเลยน้า ที่ปิงรู้ใจตัวเองซักที
นี่แหละ เค้าถึงว่า คนเรากว่าจะรู้ตัว ก็ต้องรอให้เกือบเสียอะไรไป
กอดดดด ให้กับทุกความรักค่ะ
^^
-
Tension Pneumothorax??
เรื่องจริงหรือเรื่องแต่งครับนี่... แต่ว่าเก่งๆๆๆ มากครับ (ทั้งคนเขียน ทั้งคุณหมอโฟน)
-
แหะๆ tension ครับ
เป็นเรื่องแต่งนะครับ
-
ประทับใจ มากมาย o13
-
ปิงโฟน ซึ้งได้อีก จะมีสักกี่คนนะที่รอคอยความรักแบบโฟน
แล้วสุดท้ายจะได้สมหวังกับคนที่เรารัก อิจฉาจังเลย
ซึ้งจังเลยอ่านแล้วรู้สึกว่าความรักสวยงามจังเลย
ชอบบทความที่คนเขียนๆไว้ตอนจบจังเลย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง
ก็คงดีสินะ ขอบคุณมากเลยนะจ๊ะ
ประทับใจจริงๆเลย เป็นกำลังใจให้จ๊ะ :กอด1:
-
อ่านแล้วนะะะ หนุกดีจัง
-
ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกก
อ่านแล้วหวานมากกกก
น่ารักกกกก
อย่างที่เป้บอก ชอบเวลาโฟน อยู่กับปิง
ผมก็ชอบบ คร๊าบบบ
ให้อารมณ์เ็ป็นเพื่อนดี แต่ก็มีแอบหวานกันเล็กน้อยน่ารัก
อารมณ์ประมาณว่า ไม่ต้องมีคำอธิบายว่ารักของเราเป็นแบบไหน
รู้แต่ว่าเรารักกันก็พอ
ว๊ากกกกกกก
น่ารักกก อ่านแล้วยิ้มๆ
-
บรรยายเนื้อเรื่องดีค่ะ
ผู้แต่งมีเอกลักษณ์ในการเขียนที่ไม่ค่อยเหมือนใคร
แต่เพราะตอนใกล้จบมันเศร้าอ่ะ
เลยอยากให้มีตอนพิเศษหวานๆสักตอนปิดท้าย
จะแจ่มมากกว่านี้ อิอิ
:pig4:
-
ในที่สุดก้ออ่านจบแล้ว รู้สึกประทับใจมากมาย
อ่านแล้วรู้สึก ประมาณว่า ไม่ต้องรู้ ว่าเราคบกันแบบไหน
ชอบมากๆๆเลย
แต่น่าจะมีตอนพิเศษหวานๆๆหน่อยอ่า
แบบว่า ดร่าม่ามาเกือบทั้งเรื่อง
เลยอยากให้มีตอนพิเศษหวานๆๆสักหน่อย
ขอบคุนครับผม
-
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
แบบ...บางทีก็ฮานะ แต่ช่วงดราม่านี้มาติดกันเลยอ่ะ
ไม่ให้พักซับน้ำตาเลย T^T
ดีนะที่ปิงรักษาหายอ่ะ
เลยกลับมาหาโฟนได้ ^O^
จริงๆๆๆอยากอ่านตอนพิเศษนะ อิอิ *.*
-
ว้าวว ตอนจบน่ารักจังเลยค่ะ
แอบรักก็ต้องสู้ๆจริง :L2:
-
:n1:
-
กว่าจะแฮปปี้ได้บีบใจจริงๆ
ขอบคุณมากจ้า
-
ขอบคุณที่เอาเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ รู้สึกปลื้มมากเลยอ่านแล้วรู้สึกอินตามตล๊อดๆ อะค่ะ ^^
-
เมื่อคืนนอนตี 4 เพราะนายคนเดียว ทำอาหัวใจจะวาย
วันนี้เลยมาต่อจนจบ ชอบมากเลย แอบรักเพื่อนเนี้ย....
-
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ :L2:
-
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ นะฮ๊าฟฟฟฟ
-
แอบรักเพื่อนสนิทนี่มันเจ็บปวดนะ
ถ้าเค้าใจตรงกับเราก็ดีไป
โฟนกับปิง กว่าจะเข้าใจกัน ก็เสียน้ำตากันไปเยอะ
สนุกมาก อ่านไปยิ้มไป ปวดใจไป เศร้าไป
-
น่ารักดีน้า
เราเองก็มีประสบการณ์อย่างโชคโชน
ไอเรื่องแอบรักเพื่อนเนี่ยย
เข้าใจเลยย 55
-
:pig4: ครับ
น่ารักมากเลย :L2:
-
ตอนหลังๆที่ปิงหายไป นึกว่าจะเศร้าซะแล้ว
แฮปปี้จนได้ :กอด1:
-
เฮ้อ!! ปิงก็ยังเป็นปิงอยู่วันยังค่ำ กว่าจะได้ยินคำบอกรัก ลุ้นซะเหนื่อย
เรื่องนี้น่ารักมาก ขอบคุณมากมาย :pig4:
-
รักโฟนที่สุดเลย ที่สุดท้ายเลือกปิง
-
กลับมาอ่านอีกรอบ..... อยากอ่านตอนพิเศษของคู่นี้จัง~~~ :mew3:
-
:L3: :L3: :L3: :L3: :L3: :L3:
-
ปิงกับโฟน เป็นตัวอย่างของเพื่อนที่น่ารักมากๆ เลยค่ะ
น่าอิจฉานะ ทำเอาแบบว่า...อยากได้เพื่อนแบบนี้ซักคน ^^'
รักกันนานๆนะ
:mew1:
-
สนุกมากครับ ขอบคุณที่จบไม่ทรมานคนอ่านครับ แฮ่ๆๆๆ
-
สุดท้ายก็แฮปปี้เอนดิ้ง เย้ๆ ขอบคุณคร่าาาาา สำหรับนิยาย :-[
-
สนุกมากค่ะ ลุ้นทุกตอนเลย :katai2-1: :katai2-1:
-
น้ำตาร่วงเลยอ่ะตอนอ่านเนี่ย ดีนะที่จบแฮปปี้อ่ะ :mew1:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
แฮปปี้~ อยากได้เพื่อนแบบนี้มั่งจังเลยยย
คุณเป้คะ อกหักมาซบไหล่น้องได้
-
ดีใจที่จบแบบ happy
-
แอบน้ำตาซึมเลย :hao5: o13 o13
-
สนุกมากๆเลยค่ะ
ชอบการบรรยาย ชอบการดำเนินเรื่องจัง เรื่องนี้แต่งเมื่อ 10 ปีที่แล้ว(2008) แต่เราอ่านตอน 2018 แล้วไม่เก่าเลย