พิมพ์หน้านี้ - คืนที่ร้าย..นายที่รัก l(Our Half Night) >>UP24>>END (23/07/21)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: KonglongKongkaeng ที่ 24-05-2021 21:15:07

หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l(Our Half Night) >>UP24>>END (23/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 24-05-2021 21:15:07
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

********************************************
{ คืนที่ร้าย..นายที่รัก}
  Our Half Night


by....KalongKongkaeng

:laugh: :laugh:



********************************


‘เมื่อมือใหม่หักรักสนุกอย่าง ' มีน ' หันหลังให้กับความรัก เข้าสู่วังวนแห่งการเปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้า ทว่าคนแรกที่เขามีอะไรด้วยกลับเป็น 'ปราบปราม ' พี่ชายข้างบ้านที่โคตรจะไม่ถูกชะตาและที่สำคัญ...

พี่มันไม่ยอมจบแค่ครั้งเดียว


--------------------------------------


 “เลิกวุ่นวายกับชีวิตผมได้แล้ว ผมรำคาญ บอกแล้วไงว่าแค่สนุก จะจริงจังทำเหี้ยอะไร” คืนนี้มันจะต้องจบความรู้สึกบ้าๆ ที่วนเวียนอยู่ในใจผมสักที


“มึงคิดแค่นั้นจริงๆหรอวะ”


“ก็เออนะสิ ทำไมพี่เข้าใจอะไรยากจัง”


“ได้..ในเมื่อมึงเห็นว่ามันเป็นแค่เรื่องสนุก คืนนี้กูจะทำให้มึงสนุกจนลืมไม่ลงเลยแหละ”


.

“แล้วอย่าหวังว่าชีวิตนี้มึงจะหลุดพ้นจากกูได้”

.

“คนอย่างกูไม่ชอบแบ่งของเล่นให้ใคร”


 

ไอ้เหี้ยพี่ปราบ !!! กูเกลียดมึงจนไม่รู้จะเกลียดยังไงแล้ว


--------------------------------



คำเตือน  ::

นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแนวชายรักชาย เรื่อง บุคคล อาชีพ และสถานที่ เกิดขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่งทั้งสิ้น มิได้มีเจตนาในการพาดพิงใดๆ  อาจมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ ภาษาที่แสดงอารมณ์ทางเพศ และมีคำพูดที่หยาบคาย รวมถึงมีการใช้ภาษาที่ผิดไวยากรณ์ ภาษาปากเพื่อความอรรถรส เยาวรุ่นทั้งหลายโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

#คืนที่ร้ายนายที่รัก

#ปราบปราม X มีน

********************

สารบัญอยู่นี่!!

********************


บทนำ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72708.msg4057351#msg4057351)

01 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72708.msg4057367#msg4057367)02 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72708.msg4057394#msg4057394)03 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72708.msg4057418#msg4057418)04
 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72708.msg4057460#msg4057460)
05 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72708.msg4057521#msg4057521)06 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72708.msg4057572#msg4057572)07 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72708.msg4057610#msg4057610)08 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72708.msg4057654#msg4057654)
13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72708.msg4057887#msg4057887)14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72708.msg4057929#msg4057929)15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72708.msg4058018#msg4058018)16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72708.msg4058061#msg4058061)
17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72708.msg4058146#msg4058146)18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72708.msg4058220#msg4058220)19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72708.msg4058341#msg4058341)20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72708.msg4058398#msg4058398)
21 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72708.msg4058525#msg4058525)22 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72708.msg4058587#msg4058587)23 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72708.msg4058648#msg4058648)

บทส่งท้าย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72708.msg4058696#msg4058696)



 

 
END

 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//00-อินโทรดั๊กชั่น (24-05-21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 24-05-2021 21:37:30
Chapter 00 --- ❝ อินโทรดั๊กชั่น ❞

------------

 
‘Half-Night Stands’

 เป็นนิยามของการมีเพศสัมพันธ์ที่แทบไม่ต้องมีพันธสัมพันธ์ในเวลาและร่างกาย เราไม่จำเป็นต้องดำเนินการความสัมพันธ์กันไปจนกระทั่งตื่นเช้าแล้วลืมตาเพื่อมาพบกัน ทว่าหากเสร็จกิจแล้วต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกลับไปในทันที การมีเซ็กส์เป็นเรื่องปกติ ความรักเป็นเรื่องของความใกล้ชิดสนิทสนมและลึกซึ้งระหว่างกัน  มันจะง่ายขึ้นถ้าออกมาจากตรงนั้นในทันที เพราะมันไม่ใช่ความรักหากแต่เป็นเพียงความใคร่ในอารมณ์ปรารถนาเท่านั้น





มีเพียงไม่กี่เหตุผลที่คนเราจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ต่างออกไปจากเดิม

ไม่ผิดหวังจากความรักก็อยากสมหวังกับความรัก !!



บางคนเปลี่ยนจากคนอ่อนแอเปราะบางเป็นคนเข้มแข็ง บางคนเปลี่ยนจากคนหยาบกร้านเป็นสันดานดีในชั่วพริบตา บางคนเปลี่ยนจากคนที่ไม่เคยดูแลตัวเองหันกลับมาให้คุณค่ากับตัวเองเพื่อให้ใครสักคนสนใจ


หากได้ลองรักคุณจะรู้ว่ามันมีอานุภาพรุนแรงและมีอิทธิพลกับคนคนหนึ่งได้มากขนาดไหน


แต่ถ้าถามผมว่าอะไรคือต้นเหตุที่ทำให้ผมต้องเปลี่ยนไปจากเดิมได้มากขนาดนี้คำตอบก็คงจะเป็น


‘ความผิดหวังจากคำว่ารัก’



ทุกครั้งที่มีรักผมทุ่มเทและจริงใจกับมันเสมอ ผมมั่นใจมาตลอดว่าหากเราให้สิ่งมีค่าที่สุดทั้งร่างกายตลอดจนหัวใจกับใครสักคนที่ทำให้ยิ้มได้ เราจะได้กลับมาเช่นกัน



ขว้างดอกไม้ออกไปก็หวังจะได้ดอกไม้กลับมา

ไม่ใช่คมธนูแหลมที่เสียบกลางอกให้เจ็บปวด


ทว่าทุกครั้งที่ผมมีรักกลับไม่เป็นแบบที่คาดหวังเอาไว้เลยแม้สักครั้ง


เมื่อยิ่งทุ่มเทยิ่งถูกถอยห่าง

เมื่อยิ่งจริงใจยิ่งถูกนอกใจ

เมื่อยิ่งทะนุถนอมยิ่งพังทลาย

เมื่อยิ่งรักมากผมยิ่งเจ็บมาก




ผลตอบแทนของการเป็นคนดีที่รักเดียว...‘คือความเสียใจ’

.

(--รักแท้..แพ้คนบนเตียง –)

ผู้ชายไม่เจ้าชู้ก็เหมือนงูไม่มีพิษ ประโยคที่ฟังแล้วโคตรเสี่ยวเวลาโพสต์แคปชั่นเรียกยอดไลค์ ทว่าในความเป็นจริง

การคบกับผู้ชายเจ้าชู้..ก็เหมือนงูที่มีพิษ !! หากไม่ระวังต้องตายด้วยพิษงูเข้าให้สักวัน

ถามจริงตอนคิดแคปชั่นไม่เคยได้ยินสุภาษิตที่ว่า ‘ชาวนากับงูเห่า’ หรือยังไง !!

.

 “พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดร้ายแรงเลยนะ ใครๆก็ทำกัน พี่แค่นอกกายไม่ได้นอกใจมีนสักหน่อยสุดท้ายพี่ก็ต้องกลับมาหามีนยังรักมีนเหมือนเดิม”

“รักผมแต่เที่ยวไปนอน ไปมั่วกับคนอื่นแบบนั้นหรอที่เรียกว่ารัก เรียกว่าเห็นแก่ตัวมากกว่า”

“พี่ให้มีนทุกอย่าง ตามใจมีนตลอด เรื่องแค่นี้มีนให้พี่ไม่ได้เลยหรอ มีนมากกว่าที่เห็นแก่ตัวไม่ใช่พี่”

คำพูดของพี่ไตรทำเอาผมรู้สึกชาวาบตั้งแต่ผมเส้นแรกจรดเล็บขบ

“เหี้ยเนาะ”

“พี่เป็นของพี่แบบนี้ก่อนจะคบกับมีนคงเปลี่ยนไม่ได้หรอก ถ้ามีนไม่ยอมให้อิสระกับพี่เราก็คงต้องเลิกกัน”

ผมนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะเริ่มบทสนทนาอีกครั้ง

“โอเคผมยอม”

“มีนยอมให้ปล่อยให้พี่ไปนอนกับคนอื่นได้ใช่มั้ย”

“ที่ยอมคือกูยอมเลิก จะคบต่อทำเหี้ยอะไรละ ระยำขนาดนี้”

ผมชกหน้าไอ้เหี้ยไตรไปหนึ่งหมัดสุดแรงแล้วปิดประตูดังสนั่นลั่นคอนโด

เป็นไงเห็นแบบนี้แล้วยังชอบงูมีพิษกันอยู่มั้ยล่ะ !!



.

(--รักแท้..แพ้โลกสองใบ –)

เคยได้ยินคำว่าโลกสองใบจากกระทู้ชื่อดัง..เมื่อก่อนก็ไม่เข้าใจจนกระทั่ง

‘ผมกลายเป็นโลกคู่ขนานของแฟนตัวเอง’

.

“นานแค่ไหนแล้วครับที่พี่กับเค้าคบกัน”

“ก่อนที่พี่กับเราจะคบกันนั่นแหละ”

“แล้วพี่มาหลอกผมทำไมกันครับ พี่รู้มั้ยว่าผมเสียใจมากแค่ไหน”

“ก็ตอนนั้นพี่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกใคร เลยลองคบทั้งสองคน”

 “แล้วพี่ตัดสินใจได้หรือยังครับว่าพี่จะเลือกใคร” ภาวนาให้เป็นผม แม้โอกาสจะน้อยนิดยิ่งกว่าส่งฝาชาเขียวชิงโชคซะอีก

“ขอโทษนะมีน พี่เลือกเค้า” นั่นไงกูว่าแล้ว !!

“พี่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข” ใจผมเต้นตึกๆ

“เหอะ” จุกโคตรๆ จนพูดอะไรไม่ออก

“คนเรามักจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองและพี่ก็รักตัวเองมาก หวังว่ามีนจะเข้าใจ”

เข้าใจเหี้ยอะไร !!! คนที่ทิ้งจะพูดดียังไงก็ได้เพราะมึงไม่เจ็บ ส่วนกูคนถูกทิ้งแค่มึงหายใจใส่กูก็เจ็บสัสๆ แล้ว ห่าเอ๊ย



เป็นไงเห็นแบบนี้แล้วยังชอบงูมีพิษกันอยู่มั้ยล่ะ !!

.

(--รักแท้..แพ้คนหลายใจ–)

สุดท้ายรักแท้ก็แพ้คนหลายใจ !! ร้องเยอะไม่ได้เดี๋ยวเค้ามาเก็บค่าลิขสิทธิ์

.

“สวัสดีครับ นั่นใช่พี่มีนหรือเปล่าครับ”

[ใช่ครับจากที่ไหน]

“จากบนเตียงของผมซึ่งมีพี่ทิวนอนอยู่ข้างๆครับ”

ตึก !!! คลับไฟเดย์สัสๆ

[ต้องการอะไรว่ามา]

“พอดีว่าผมอยากได้แฟนพี่อะครับ ขอได้มั้ย”

[ถ้ากูบอกว่าไม่ให้ มึงก็คงจะเอาอยู่ดีสินะ กูเดาถูกมั้ย]

“ผิดนิดหน่อยครับ เพราะถึงพี่ไม่ให้แฟนพี่ก็เลือกผมอยู่ดีเลยโทรมาบอกก่อนกลัวจะรอเก้อ เพราะนี่ก็อาทิตย์กว่าแล้วที่พี่ทิวไม่กลับไปหา”

[เอาไปเถอะ กูยกให้]

“ครับ”

[ส่วนมึงกูขอชื่นชมที่กล้านอนกับผู้ชายที่เค้ามีแฟนแล้ว อย่าลืมเก็บความภาคภูมิใจนี้เอาไว้กลับไปบอกพ่อแม่ญาติพี่น้องของมึงด้วยนะว่ามึงประสบความสำเร็จกับเรื่องจังไรแบบนี้]

“…..”

[เพราะมีไม่บ่อยหรอกที่จะมีคนหน้าด้านแบบมึงโทรมาขอแฟนเค้าทั้งที่ยังไม่เลิกกัน น่าภูมิใจจริงๆ]

แมร่งเอ๊ย !!! คงคิดว่ากูจะร้องไห้สินะ หึ..จะเหลือหรอเจ็บเหี้ยๆ เลยที่ถูกหยาม

โถ !! นึกว่าจะแน่ .. กูเนี่ย



จบ !!! นั่นแหละความรักเหี้ยๆ ของผมตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา



แต่ก็ช่างเถอะ..

อะไรที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแล้วย่อมดีเสมอ อย่างน้อยความรักพังๆ ในอดีตก็ได้มอบบทเรียนที่มีค่าหาซื้อจากเซเว่นไม่ได้ให้ผมได้รู้ซึ้งแล้วว่ารักแท้ในโลกกว้างที่เต็มไปด้วยความจอมปลอมใบนี้มันไม่มีอยู่จริงหรอก คงมีแค่ในนิยายที่เจ้าชายกับเจ้าหญิงจะได้มารักกัน จุมพิตกัน ตามหารองเท้าแล้วแต่งงานครองรักกันไปจนชั่วฟ้าดินสลาย แต่สำหรับผมคงมีแต่หมาป่าวายร้ายที่ปลอมตัวเป็นเจ้าชายรูปงามเข้ามาหลอกล่อด้วยสิ่งฉาบฉวยพอได้ตามต้องการสมใจก็ทิ้งขว้างไปง่ายดาย



เห้อ !! ช่างแมร่งเถอะ เจ็บก็ต้องจำ


ผมยืนยิ้มให้กับตัวเองในกระจกอย่างพอใจกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา คนโง่งมในความรักได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว นับจากนี้จะเหลือแต่คนที่ไร้ซึ่งความหวั่นไหวใดๆ กับคำนั้นอีกต่อไป



เมื่อเป็นคนรักเดียวแล้วมันไม่ดี .. ก็ไม่ขอมีแล้วหัวใจ

เพราะจากนี้ไปผมจะคบแบบ  “ ไม่ผูกมัดกับใครทั้งนั้น”

.

ไฟในห้องถูกปิดลงเหมือนทุกครั้ง

พร้อมความมืดบอดในศรัทธาความรักของผม



ที่คงยากจะกลับคืน !!!!!





สวัสดีครับที่รักทุกคน  วันนี้แวะเอาลูกชายคนใหม่มาฝากนะครับ ห่างหายกันไปหนึ่งปีเต็มๆ  ยังไงก็ฝากเป็นกำลังใจให้เราเช่นเคยนะครับ ฝากกดติดตามและคอมเมนท์พูดคุยกันด้วยนะครับ ที่สำคัญมีเพจแล้วนะกดติดตามพูดคุยกันได้ครับ

(ใครตามมาจาก -- อาทิตย์ชิงเดือน-- ทักทายกันหน่อยเร็ว)

ขอบคุณครับ

‘KalongKongkaeng’
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//01-เสือชีตาร์ล่าเหยื่อ (25-05-21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 25-05-2021 16:30:27
Chapter 01 --- ❝ เสือชีตาร์ล่าเหยื่อ ❞


------------


บรรยากาศในร้านวันนี้ดูคึกคักแม้จะเป็นคืนวันพุธก็ตาม เสียงเพลงสากลสลับกับดนตรีสดดังลั่นทั่วทุกบริเวณในร้านตั้งแต่ผมเปิดประตูก้าวเข้ามาชวนให้บรรยากาศสนุกสนานมากยิ่งขึ้น  เหล่านักเที่ยวต่างออกลีลาเต้นกันอย่างสุดเหวี่ยง ผับที่ผมมาเป็นผับเฉพาะหรือคนทั่วไปเรียกว่าบาร์เกย์นั่นแหละ ผมมาที่นี่บ่อยเพราะไอ้ห่าเก้าเพื่อนสนิทผมเป็นเมมเบอร์ระดับวีไอพี ดังนั้นจึงไม่ต้องรีบมาพวกผมก็มีโต๊ะ



ผับนี้เป็นผับชื่อดังของชาวเรา บรรดาตัวท็อปทั้งหลายจะมารวมกันที่นี่ เกือบสามเดือนมานี้ผมเที่ยวแทบทุกอาทิตย์จากคนที่ไม่เคยเที่ยวเลยตั้งแต่เกิดมา แมร่ง !! เสียคนตอนอายุยี่สิบเอ็ด จะว่าไปการมาเที่ยวแบบนี้ก็ทำให้ผมเห็นโลกอีกใบที่ต่างออกไปเหมือนกันนะ โลกที่เราจะทำอะไรก็ได้ตามความสุขของตัวเอง โลกที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่ดื่มๆ เต้นๆ ชอบใครก็เข้าไปเต๊าะ



สุดท้ายก็เมาแล้วจบที่เตียง….



เดินฝ่าฝูงชนเข้ามาอย่างยากลำบากเพราะระหว่างทางมีคนคอยลากผมเข้าไปหาอยู่ตลอด ทั้งขอไลน์ ขอถ่ายรูปคู่และดึงผมให้ไปร่วมดื่ม ว่าไม่ได้นะครับเห็นแบบนี้ผมก็ตัวท็อปของที่นี่เหมือนกัน ไม่แปลกที่จะมีคนทักทายผมเต็มไปหมด ด้วยความสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร ผิวขาวฉบับลูกเสี้ยวจีน ปากรูปกระจับบางรับกับจมูกโด่ง ขนตาเป็นแพเรียงสวยเข้ากันดีกับนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจึงทำให้ผมตกเป็นเป้าหมายของใครต่อใครได้ง่าย  ลัดเลาะจนในที่สุดก็มาถึงโต๊ะประจำของแก๊งค์ที่มีไอ้เก้ากับคนแปลกหน้าหนึ่งคนนั่งรออยู่แล้ว



“ฮอตจริงนะมึง กว่าจะเดินมาถึงโต๊ะได้”

“ธรรมด๊า” ผมยักไหล่ใส่ไอ้เก้าอย่างกวนๆ ก่อนจะอ้อมไปนั่งตรงโซฟา พนักงานบริกรชงเครื่องดื่มเสร็จแล้วยื่นมาให้ผมเหมือนทุกครั้ง



ออนเดอะร็อคเท่านั้นที่ผมดื่ม !!



“แล้วนี่ใคร” ผมมองไปยังน้องคนหนึ่งที่นั่งแนบชิดกับไอ้เก้า ถ้าสิงได้มันคงสิงกันไปเรียบร้อย ผมลืมบอกว่าไอ้เนี่ยมันเป็นนักรักตัวพ่อ ยืนหนึ่งเรื่องการเปลี่ยนคู่นอนเจ้าชู้ชนิดที่ว่าหาคนปราบได้ยาก ตั้งแต่คบกันมายังไม่เห็นมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักคนจนบางทีผมก็อยากรู้ว่าคนแบบไอ้ห่าเนี่ยใครจะมาสยบมันได้ ถ้ามีผมนี่จะยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัวเลยเอาจริง



ผมสนิทกับมันตั้งแต่เรียนมัธยมถึงจะเจ้าชู้ยังไงแต่นิสัยมันดีมาก ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรไอ้นี่ต้องเป็นเดือดเป็นร้อนแทนผมหมด สนิทกันขนาดที่ว่าเข้ามหาวิทยาลัยยังตามกันมาแม้จะคนละคณะก็เถอะ



“น้องฟิน” ไอ้เก้าแนะนำเด็กของมันให้ผมรู้จัก น้องเค้าส่งยิ้มมาให้ผมเป็นเชิงทักทาย ผมไม่ได้อยากจะจำชื่อเด็กของมันเท่าไหร่หรอก จำไปก็เท่านั้นมาคราวหน้าก็เปลี่ยนอีก



“มาแล้วหรอวะ”

“เออดิ” ไอ้ปาร์คเพื่อนในกลุ่มอีกคนของผมเดินกลับมาจากห้องน้ำ ไอ้นี่ก็เจ้าชู้เหมือนกันถึงจะไม่ใช่ตัวพ่อ แต่ก็ไม่ได้ธรรมดา เรารู้จักกันตอนประชุมเชียร์ นิสัยดีเข้ากันได้เลยคบกันจนถึงทุกวันนี้ หรือจะเรียกว่าศีลเสมอกันก็ได้

“เสน่ห์แรงนะมึงเนี่ย กูเห็นตัวท็อปมองมึงตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านละ”

ผมหันกลับไปมองคนที่ไอ้เก้ากำลังพูดถึง ชายหนุ่มที่อายุน่าจะพอๆกับผมแต่สูงกว่า หุ่นดีกว่า หล่อโคตรๆ ยืนมองผมมาจากมุมร้าน

“ใครวะ”

“มันชื่ออิน เป็นนายแบบแถมยังเป็นเดือนมอเราด้วยนะเว้ย”

หืม !! อะไรซิ

“ทำไมกูไม่รู้วะ ว่าคนนี้เป็นเดือนมอเรา”

“มึงรู้สิแปลก วันๆทำอะไรบ้างนอกจากอ่านหนังสือ”

ก็จริงของพวกมันแหละ ถึงผมจะเที่ยวเก่งแค่ไหน แต่การเรียนผมก็ไม่แผ่วนะครับ ตั้งใจเรียนยังไงก็ยังอย่างนั้นแถมนี่ก็ปีสุดท้ายแล้วด้วย อีกไม่กี่วันต้องไปฝึกงานเตรียมพร้อมสู่ชีวิตการทำงานจริงแล้ว

“แล้วนี่มึงนัดกูมาเห็นบอกว่ามีธุระสำคัญเรื่องอะไรวะ”

ไอ้ห่าเก้าไลน์ชวนผมออกมาเที่ยวตั้งแต่บ่ายสาม วันนี้ผมมีเรียนแค่ครึ่งเช้า บ่ายไม่มีเรียนเลยกลับคอนโด

“กูจะสอนมึงให้เริ่มออกล่าเหยื่อแล้วไงไอ้น้อง”

“จะยังไง” ผมถามต่อ

“หะหรือหะหรือ” ไอ้ปาร์คเอาบ้าง

“ก่อนที่มึงจะคุยกับกูต่อ ช่วยคายหยาดพิรุฬออกมาก่อน”

หลังจากที่ผมเลิกกับแฟนคนล่าสุด การเปลี่ยนแปลงตัวเองของผมจึงได้เริ่มต้นมาเรื่อยๆ ตลอดระยะเวลาเกือบสามเดือน โดยมีพวกมันเป็นเมนเทอร์ให้มาโดยตลอด เปลี่ยนลุคให้ดูทันสมัยขึ้น มั่นใจมากขึ้น ออกมาพบเจอโลกที่ไม่เคยเจอเพื่อให้ทันคน จนผมมีมุมมองใหม่ๆเกิดขึ้นเยอะเลยทีเดียว

“วันนี้ได้ฤกษ์ดีแล้วที่กูจะเปิดคอร์สสุดท้ายให้มึง มึงจะได้จบหลักสูตรนี้อย่างสมบูรณ์”

“เยี่ยม”

ว่าแต่มึงจะลุกขึ้นพูดทำท่าโอเวอร์แอคติ้งทำเหี้ยไรเนี่ย นั่งพูดเฉยๆ กูก็รู้เรื่องแล้วมั้ง หาแสงหาซีนจริงๆ เลยไอ้เวร

“เราจะใช้ชื่อหลักสูตรสุดท้ายนี้ว่า”

อะไรซิ !!

“ว่า”

หืมมมม

“พักชมสิ่งที่น่าสนใจซักครู่เดียวครับ”

ไอ้เหี้ย !! ไม่ใช่ไมค์ทองคำ มึงไม่ต้องตัดเข้าโฆษณา

“รีบพูดก่อนที่ตีนกูจะขึ้นไปอยู่ที่ยอดหน้ามึง ลีลาเยอะชิบหาย” เตรียมยกตีนรอเลยกูเนี่ย โบ๊ะบ๊ะขึ้นมาถีบเปรี้ยงแมร่งเลย

“กับหลักสูตรที่มีชื่อว่า”

“ว่า ว่า ว่า” นั่น !! มีแอคโค่จากไอ้ปาร์คขึ้นไปอีก

“ปฏิบัติการเสือชีตาร์ล่าเหยื่อกลางคืนสะอื้นไห้” ยาวชิบหายฟังผ่านๆ นึกว่าวิจัยก่อนจบปีสี่



ที่มาของชื่อปฏิบัติการนี้ก็คือ โดยปกตินิสัยของเสือชีตาร์จะชอบล่าเหยื่อเป็นกลุ่มเล็ก ๆ โดยซ่อนตัวบนที่สูงกว่าเหยื่อ เมื่อพบเหยื่อจะหมอบคลานเข้าไปหาและจะอยู่ใต้ลม พอเข้าใกล้เหยื่อจะใช้เท้าหน้าตะบบให้เหยื่อล้มลงแล้วกัดที่คอ ชอบกินเลือดสด ๆ เครื่องใน มีตับ ไต หัวใจ แจมูก ลิ้น ตา เนื้อที่หัวซี่โครงและขา นอกนั้นไม่ค่อยกิน มันไม่ลากซากไปกินและไม่หวนกลับมากินซากเดิมอีก ที่สำคัญมันจะล่าเหยื่อได้ดีในเวลากลางคืน



สอดคล้องกับพฤติกรรมของพวกผมที่ชอบหากินกันตอนกลางคืนและไม่ชอบหวนกลับมาซากเดิมอีก



“แล้วใครจะเป็นเหยื่อกลางคืนสะอื้นไห้ละไอ้เก้า” ชื่อยาวสัสๆ กว่าจะพูดจบลมหายใจเกือบหมด

“ก็ไอ้นายแบบที่ยืนมองมึงด้วยสายตาจนเกือบเสร็จนั่นไง”

อะไรซิ !!พวกผมหันขวับทั้งกลุ่มมองไปที่อินเป็นจุดโฟกัสเดียว ไม่มีพิรุธเลยมั้ง

“เอาจริงดิ ตัวท็อปเลยนะมึง”

“ไม่มีคำว่ายากสำหรับกู ขอให้มึงจงมั่นใจกูเถอะ”

กูรู้ว่ามึงเก่ง !! แต่ช่วยนั่งลงมาก่อน กูเมื่อยคอ

“ฟัง จำ และนำไปใช้ แล้วมึงจะประสบผลสำเร็จเชื่อจารย์”

“ไอ้เก้า” ผมเรียก

“อือ..ไม่ต้องชม”

“ไอ้เก้า” ผมกระตุกแขนรัวๆ

“เออน่า..รู้แล้วว่ากูเก่ง กูรู้ตัว”

“ไอ้เหี้ยเก้า กูจะบอกว่ามึงลืมรูดซิบ กางเกงในสีขาวมึงโผล่ออกมาหมดแล้วเนี่ย”

“แฮ่ๆ ก็ว่าทำไมเย็นไข่แปลกๆ” หมดกันอาจารย์กู

ไอ้เก้ารีบรูดซิบจนเสร็จเรียบร้อย นั่งลงซักทีก่อนที่คอกูจะเคล็ดหนักไปมากกว่านี้ มันเริ่มทำหน้าจริงจังเพื่อดึงเข้าโหมดทางการ พยักหน้าส่งสายตาผมยกกำปั้นขึ้นสองข้างเพื่อให้กำลังใจ



ถ้าพร้อมแล้วเริ่มปฏิบัติการเสือชีตาร์ล่าเหยื่อกลางคืนสะอื้นไห้ได้ !!

ได้ ได้ ได้ ได้ !!!!!!



กฎของเสือเมื่อออกล่าเหยื่อข้อที่หนึ่ง

‘ส่งยิ้มทักทาย’

.

“มึงลองส่งยิ้มทักทายและใช้สายตามองเค้าให้เค้ารู้ตัวว่าเรามองเค้าอยู่ แต่อย่าจิกจนเกินพอดีนะมึง”

ผมฉีกยิ้มตามที่จารย์เก้าสอน

ผลั๊ว !!

“กูบอกให้มึงฉีกยิ้ม ไม่ใช่ยิงฟันใส่เค้าแล้วทำตาแข็ง”

เออๆๆ !! กูยังไม่ค่อยชิน ปรับแป๊บ ไอ้ห่านี่ตีมาได้ หน้าผากกูยิ่งสูงๆอยู่

“การส่งยิ้มจะเป็นสัญญาณที่ทำให้ผู้ชายรู้ว่าเราสนใจและอยากทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้น”

“แล้วกูจะหุบได้ตอนไหน”

“จะรอให้พ่อมึงมาตัดริบบิ้นก่อนหรือไง พอผู้ชายรู้ตัวแล้วมึงก็หยุดสิ”



กฎของเสือเมื่อออกล่าเหยื่อข้อที่สอง

‘เริ่มแสดงออกทางอาการและท่าทาง’

.

“เมื่อผู้ชายเริ่มรู้ตัว มึงควรแสดงอาการท่าทางบางอย่างออกมาเช่น..”

ห๊าววววว !!

“มึงจะหาวหาพ่อมึงหรอ .. เดี๋ยวเค้าก็มาเล่านิทานให้มึงฟังก่อนนอนหรอกไอ้สัส”

“เออๆโทษที ต่อเลย”

“มึงต้องแกล้งกัดริมฝีปากล่าง ลูบไปตามลำคอตัวเอง พร้อมจ้องมองเค้าด้วยสายตาที่อ่อนโยนและเขินอาย”

“แล้วถ้าเค้าไม่ได้สนใจเราขนาดนั้นหละ”

“เป็นคำถามที่ฉลาดมากนับตั้งแต่มึงคลอดจนรอดเป็นทารก ถ้าเค้ายังไม่สนใจมึงมากพอ มึงต้องเริ่มโชว์ความเซ็กซี่ของร่างกายออกมา”

“ยังไงวะ”

“มึงต้องทำเป็นร้อน”

“แต่กูหนาว”

“โว๊ะ มันเป็นการแสดงหรือที่เค้าเรียกว่าแอคเค่ออะมึง”

“แอคติ้งไอ้เก้า แอคเค่อนั่นมันด้านมืดทวิตเตอร์” ไอ้ปาร์คแก้แทน

“แทงเกล” ไอ้สัสภาษาอังกฤษวิบัติชิบหาย

“แกล้งทำเป็นร้อน ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดให้เค้าสนใจ ขยับเสื้อพัดไล่ความร้อนโชว์เรือนร่างอันขาวผ่องของมึง แต่ต้องเป็นธรรมชาตินะ จะมาเงอะๆ งะๆ ไม่ได้”

“กูมั่นใจไอ้มีน” ขอบใจมากไอ้ปาร์คเพื่อนรักที่เชื่อมั่นในตัวกู

“กูมั่นใจว่ามันโป๊ะแน่นอน”

“ไอ้สัสสสส”



กฎของเสือเมื่อออกล่าเหยื่อข้อที่สาม

‘ถ้าเค้าไม่เข้ามามึงก็เข้าไปหาเอง’

.

“เมื่อมึงมั่นใจแล้วว่าผู้ชายมองมึงและสนใจมึงมากพอ แต่แมร่งเล่นท่าไม่ยอมมาหาซักทีอ่อยจนเหงือกแห้งหมดแล้ว มึงต้องทำเป็นเดินไปที่ไหนสักแห่งเช่นห้องน้ำ แม้จะไม่ใช่ทางนั้นแต่มึงก็ต้องเดินอ้อมเพื่อให้ผ่านโต๊ะเค้าให้ได้จะได้เริ่มต้นคุยกัน”

โอ๊ะ !! ว่าจะแกล้งล้มแต่ห่าที่ไหนไม่รู้เต้นแรงมากกระแทกก้นใส่ผมเต็มๆ จนเสียหลัก โชคดีที่เป้าหมายของผมคว้าเอวเอาไว้ได้ทัน

เข้าแผน !!

“เจ็บมั้ยครับ”

“ไม่เจ็บครับ ขอบคุณนะครับคุณ..”

“เราชื่ออิน แล้วนายชื่ออะไรหรอ” คนที่ลากผมไปกอดกระซิบข้างหู

“เราชื่อมีน” ผมหันไปหาเจ้าของเสียงพร้อมเอ่ยชื่อตัวเองที่ข้างหูแบบเดียวกันกับที่เขาทำ

“เห็นมาบ่อยแต่ยังไม่มีโอกาสได้คุยกันเลย มีนฮอตจังนะครับ” มือของอินไล้ไปตามลำตัวของผมและหยุดอยู่ตรงส่วนเอวก่อนกระชับแน่นให้ผมเข้าไปชิดมากกว่าเดิม

“เปล่าเลยมีนไม่ฮอตหรอก” ผมยกมือขึ้นคล้องคออิน

“น่ารักจังเลยนะครับใครได้ไปเป็นแฟนคงโชคดีมากแน่ๆเลย”

“มีนไม่ชอบผูกมัดกับใคร ยังไม่อยากมีแฟน แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นละก็..” ผมเลื่อนมือมายังริมฝีปากของอิน อยู่ไกลว่าหล่อแล้ว พอมาอยู่ใกล้แบบนี้โคตรหล่อเลย

“หล่อจังครับอิน” ผมสัมผัสไปทั่วทุกส่วนของใบหน้าอิน คิ้ว ตา จมูก ปาก ส่วนเขาเองก็สอดมือเข้ามาในเสื้อผม ความอุ่นของมือสัมผัสกับส่วนเว้าช่วงเอว อินไล้วนอย่างเบามือชวนให้เคลิ้มอย่างง่ายดาย



กฎของเสือเมื่อออกล่าเหยื่อข้อที่สี่

‘ถึงเนื้อถึงตัว’

.

“หลังจากที่ได้พูดคุยกันแล้ว ต่อไปมึงก็สังเกตุท่าทางของเค้า ถ้าตาเยิ้มมองแต่มึง มือเค้าอยู่ไม่สุขเริ่มจับตรงนั้นตรงนี้ขของมึง ก็รุกเค้าได้เลย”

“ไอ้อินเป็นรับหรอ กูยังไม่เคยรุก ทำไงดีวะ”

“เออๆ เอาที่สมองมึงจะไหวละกัน ข้ามไปก่อน พอมึงได้จังหวะ มึงต้องยั่วยวนหลอกล่อเค้าด้วยร่างกายของมึง แล้วฉวยจังหวะหยุดกลางคันเพื่อให้เค้าเสียดายอยากต่อกับมึง”

.

“ปากหวานจังครับ”

“ลองชิมแล้วหรอถึงได้รู้ว่าหวาน”

“ทำยังไงถึงจะมีโอกาสได้ชิมละครับ อินอยากรู้จัง”

ผมยิ้มให้อินด้วยท่าทีเชิญชวน มือลากเลื่อนมายังส่วนของท้ายทอยโน้มเข้ามาหาตัวช้าๆโดยอีกฝ่ายโอนอ่อนตามแรง ปากเผยอยั่วยวนก่อนจะเริ่มงับเข้ากับริมฝีปากนุ่มของคนตัวสูงกว่า ความร้อนของลิ้นฉกไปทั่วปาก มือของอินอยู่ไม่สุขลูบวนทั่วใต้ร่มผ้า ความหวานของรสจูบแผ่ซาบซ่านให้ต่างฝ่ายต่างตักตวงตามความปรารถนาในอารมณ์ เนิ่นนานเร่าร้อนจนหนำใจจึงได้คลายแยกออกจากกัน

“มีนขอตัวกลับโต๊ะก่อนนะครับ”

“จะไปแล้วหรอ”

“ใช่เพื่อนรออยู่” ผมชี้ไปที่โต๊ะโซนวีไอพีที่ไอ้สองตัวนั่งอยู่ พลางส่งยิ้มให้อินเป็นคำตอบว่าผมต้องไปแล้วจริงๆ อินทำหน้าเว้าวอนเหมือนเด็กน้อยที่เหมือนยังเล่นไม่หนำใจ



กฎของเสือเมื่อออกล่าเหยื่อข้อสุดท้าย

‘ให้ช่องทางติดต่อเรากับเขา’

.

“เมื่อรู้ทำความรู้จักกันแล้ว ก่อนจะแยกย้ายกันไป เราควรให้เบอร์ติดต่อเขาจะเป็นไลน์หรือเฟสบุ๊คอะไรก็แล้วแต่”

“แล้วแต่อะไรวะ”

“มันไม่มีอะไรต่อไอ้มีน แล้วแต่ของกูมันคือการจบประโยค”

.

“เลิกแล้วเราไปหาข้าวต้มรอบดึกกินกันหน่อยมั้ยครับมีน” ผมแกล้งนึกอยู่นานจนอินเลิกคิ้วสูงแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

“ได้สิไว้เจอกันนะ ว่าแต่มีนจะหาอินเจอได้ยังไงละครับคนตั้งเยอะ” แกล้งโง่แล้วหนึ่ง

“งั้นอินขอไอดีไลน์มีนได้มั้ย จะได้คุยกัน”

“ก็ได้ครับ เอาโทรศัพท์มาสิ” รับโทรศัพท์ของอินมาถือไว้ พิมพ์ตัวอักษรดีไลน์ของตัวเองค้นหาพอเจอแล้วจึงกดสติ๊กเกอร์ทักทาย

ติ๊ง !!!

 “แล้วอินจะรอหลังร้านนะครับ”

“ครับ”



ผมพยักหน้าตอบรับส่งยิ้มแล้วผละตัวเดินออกมาโดยมีสายตาของอินมองตามหลังอย่างละห้อยก่อนที่ผมจะจบตำราล่าเหยื่อของจารย์เก้าแล้วกลับมานั่งโต๊ะ เริ่มต้นดื่มกันอีกครั้งท่ามกลางเสียงเพลงที่ยิ่งดึกที่เพิ่มความมันส์หนักเข้าไปอีกพร้อมความมึนเมาที่ตามมากับเหล้าที่ผมกรอกเข้าปากไม่รู้แก้วที่เท่าไหร่แล้ว



“ไอ้มีน ผับจะเลิกแล้วกลับกันเถอะ” หนักหัวชินหาย พยายามจะลุกขึ้นแต่โลกหมุนติ้วๆ จนเสียการทรงตัว จำได้ว่านั่นเป็นเสียงไอ้ปาร์คที่อยู่ใกล้ๆ ตัว



ติ๊ง !!



เสียงไลน์ผมดังขึ้น ขยับเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมาเปิดอ่านข้อความล่าสุดที่เด้งเข้ามา

Intouch         : มีนครับ เจอกันที่หน้าร้านนะ อินออกไปส่งเพื่อนที่รถก่อน เสร็จแล้วจะขับรถมารับนะ

Meen-Tara    : OK

Intouch         :  รถอินสีดำนะครับป้ายทะเบียน XX มีนไปยืนรอตรงหน้าร้านนะ

 Meen-Tara   : OK

Intouch         :  อินจะจอดเทียบตรงหน้ามีนเลยนะ มีนจะไม่ต้องเดินให้เหนื่อย

Meen-Tara    : OK



มีแรงตอบกลับอินไปแค่นั้น เพราะแค่นี้ก็จะอ้วกแตกอยู่แล้ว ไอ้เก้าเดินกลับมาจากห้องน้ำพร้อมน้องฟินก่อนจะกอดลาปล่อยให้น้องเดินกลับไปที่โต๊ะ ไอ้ห่านี่ไวไฟชิบหาย



เดี๋ยวคืนนี้มึงเจอกู !! กูจะสอยตัวท็อปลงมาให้ดูเป็นบุญตา



“สภาพไม่ต่างจากหมาเลย ไอ้เสือชีตาร์”

“เหอะ”



ไอ้เก้ากับไอ้ปาร์คพยุงผมขึ้นจากโซฟา ผมบอกกับพวกมันสองคนว่าอินจะมารับตรงหน้าร้าน ให้อยู่รอเป็นเพื่อนก่อนค่อยกลับ วันนี้ผมเมาหนักชิบหายจนแทบประคองสติไม่อยู่ หูตามัวพร่าเบลอไปหมด ด้วยความอยากมั่นใจและกล้าเพิ่มมากขึ้นจะได้ทำภารกิจสำเร็จ



จึงซัดออนเดอะร็อคหนักเกินพิกัดไปหน่อย….



ผมมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าร้านตามจุดที่นัดหมายอินเอาไว้ ปรือตามองหารถหรูสีดำป้ายทะเบียนที่บอกเอาไว้ตามลำพัง เพราะเพื่อนสองคนของผมที่รับปากว่าจะอยู่รอเป็นเพื่อน



 โน่น !! พากันไปเต๊าะเด็ก ทิ้งกูที่สภาพยับเยินให้ยืนกอดเสาร์อย่างเดียวดาย



“หวัดดีครับน้อง พี่ชื่อปาร์คนะครับ”

“หวัดดีครับผมฟ่างครับพี่”

“นี่เพื่อนพี่ครับชื่อปาร์ค แล้วเพื่อนน้องชื่ออะไรครับ”

“เพื่อนผมชื่อภูมิครับ”



หึ !! มีความสุขกันจริงนะพวกมึง เสียงพูดคุยทำความรู้สึกสลับกับมุขจีบเด็กดังอยู่ไม่ไกล ผับเลิกแล้วคนทยอยเดินออกกลับบ้านกัน บ้างเดินออกมาเป็นกลุ่ม บ้างเดินออกมาเป็นคู่ ยิ่งมองนานก็ยิ่งตาก็เริ่มจะปิด หนักหัวจนแทบประคองไม่อยู่ มองหารถอินอยู่เกือบสิบนาทีแล้วก็ยังไม่มีวี่แววมาสักที จะไม่ไหวอยู่แล้วนะเว้ย



ผ่านไปเกือบห้านาทีรถหรูสีดำคันหนึ่งก็โฉบเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้าผม ไฟหน้ารถส่งสว่างวาบมาที่ผมสนต้องยกมือบังเอาไว้ รีบพยุงตัวเองให้ยืนตรงเพ่งมองเท่าที่จะทำได้เพื่อให้แน่ใจว่านี่คือรถของอินแม้สายตาจะพร่าไปเกือบหมดแถมยังเบลอสุดๆ อีกตะหาก



คงใช่แหละ รถสีนี้คันนี้ทะเบียนอะไรก็จำไม่ได้ แต่คงไม่ผิดเพราะมาจอดตรงหน้าผมตามที่อินบอกเอาไว้เป๊ะ



Intouch         :  อินจะจอดเทียบตรงหน้ามีนเลยนะ มีนจะไม่ต้องเดินให้เหนื่อย



ก็อินบอกไว้แบบนั้นว่าจะขับรถมาจอดเทียบตรงหน้า นี่ก็หน้ากูสุดๆ แล้วนะ ผมเปิดประตูรถที่อยู่ตรงหน้าพาตัวเองขึ้นไปนั่ง ผมไม่ได้ลืมตามองคนข้างๆ เลยด้วยซ้ำ ร่างกายมันฝืนไม่ไหวแล้วจริงๆ ถ้าขยับอีกนิดเดียวอ้วกพุ่งแน่เลย ผมจึงปรับเบาะขยับตัวให้อยู่ในท่าที่สบายที่สุด



“ถึงแล้วปลุกมีนด้วยนะ ขอนอนแปบ”

“อือ”



รถเคลื่อนตัวออกจุดจอดมาแล้ว ความเมา กลิ่นหอม แอร์เย็น และการขับรถที่โคตรจะนิ่มของอิน ทุกอย่างรวมกันพาให้สติที่มีอยู่ของผมหลุดลอยเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันได้ในเวลาไม่ถึงสองนาที



โดยไม่รู้เลยว่าข้างนอกรถเกิดเรื่องวุ่นวายและมีเสียงตะโกนของเพื่อนผมไล่หลังดังขึ้นมากขนาดไหน



“ไอ้เหี้ยมีน .. นั่นไม่ใช่รถอิน”

“มีนไปกับใครครับ”

.

“ไอ้มีน มึงขึ้นรถผิดคัน”







ชิบหายแล้ว น้องขึ้นรถผิดคัน

ชอบก็ + 1 มานะครับ ถ้าขี้เกียจคอมเมนท์
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//01-เสือชีตาร์ล่าเหยื่อ (25-05-21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-05-2021 22:47:20
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//01-เสือชีตาร์ล่าเหยื่อ (25-05-21)
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 25-05-2021 23:15:24
 :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//01-เสือชีตาร์ล่าเหยื่อ (25-05-21)
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 25-05-2021 23:51:31
แบบนี้เค้าเรียก...

อะไรซิ?

ท่าดีทีเหลวจัดๆ  555+ :laugh:

หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//02-อ้าวเห้ย (26-05-21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 26-05-2021 19:29:24
Chapter 02 --- ❝ อ้าวเห้ย ❞

------------

ปัง !!!



เสียงแผ่นหลังของผมที่ถูกดันกระแทกกับประตูคอนโดดังสนั่นไปทั่ว สัญชาตญาณดิบของมนุษย์มักจะสั่งให้ทำตามใจปรารถนาเมื่อมีสิ่งใดมากระตุ้น



ความเมา ความต้องการหรือแม้แต่ .. ความใคร่ !!!



อินใช้ผ้าปิดตาผมตั้งแต่อยู่บนรถให้เหตุผลว่าอยากทำให้ผมตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น คู่นอนแรกของผมดูแลผมดีมากทันทีที่รถจอดอินก็ลงมาอุ้มผมไว้แล้วพาขึ้นมาที่ห้องของเขา หลังจากได้งีบไปแปบหนึ่งผมก็พอประคองตัวเองได้บ้างแม้สติ และอาการพร่าเบลอจะยังไม่หายไปก็ตามที



ผมสะดุ้งโหยงเมื่อคนตัวสูงกว่าไม่ปล่อยให้ผมได้มีแม้ประโยคใดหลุดร่วงของจากริมฝีปากบางตัวของเอง ทันทีที่เข้าห้องร่างกายของผมก็ไม่ได้เป็นของตัวเองอีกต่อไป ฝ่ายตรงข้ามบุกเข้าชิงลุกล้ำอย่างเอาแต่ใจ ริมฝีปากบดขยี้ร้อนแรงจนรู้สึกได้ถึงความเจ็บและกลิ่นเลือดคละคลุ้งผสมปนกับกลิ่นแอลกอฮอล์ที่อยู่ทั่ว คราวนี้มันไม่ได้อุ่นนุ่มละมุนเหมือนเมื่อหลายชั่วโมงก่อนแต่กระนั้นความหวานของรสจูบยังชวนให้สติของผมไม่สามารถหยุดเรียกร้องหามันได้



มือหนาจับตรึงแน่นที่ไหล่ทั้งสองข้างก่อนจะเคลื่อนย้ายมายังส่วนกระดุมเสื้อเชิ๊ตที่ติดแน่น พี่ปราบออกแรงกระชากจนกระดุมขาดวิ่นจากรังดุม ฝ่ามือลูบไล้ผิวอันเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ใดคลุมปิด ความร้อนของมือดึงความเสียวซ่านในอารมณ์ให้มากขึ้นกว่าครั้งไหน



คนตัวสูงกว่าเคลื่อนริมฝีปากกระจับไปตามใบหูไล่งับเลียจนผมเผลอครางออกมาอย่างลืมตัว ความกระสันไล่ลามไปที่ซอกคอจนผมต้องจิกแขนแกร่งแน่นไปด้วยกล้ามใกล้มือนั้นไว้



“อึก” พยายามข่มตัวเองไม่ให้เผลอครางดังออกไปหวั่นเกรงว่าฝ่ายตรงข้ามจะได้ใจ แต่กระนั้นผมก็เป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปใช่จะอดกลั้นต่อความอยากของตัวเองได้เสียที่ไหน

“อ่า .. อย่ากัดมีนเจ็บ ” คนตัวสูงเผลอกัดเม้มตรงส่วนยอดปลายอกของผม มันเสียวสลับกับเจ็บจนผมเผลอกระตุกกว่าจะรู้ตัวผมก็ถูกคนที่เพิ่งท้าทายอุ้มขึ้นจากพื้นแล้วเดินตรงมาที่เตียง



อินวางผมลงบนเตียงอย่างเบามือ แม้ตาสองข้างจะถูกความมืดมิดปิดบัง แต่ผมก็สัมผัสได้ว่าร่างกายของผมไม่เหลือสิ่งใดห่อหุ้มอยู่เว้นแต่กางเกงในสีขาวเพียงตัวเดียวเท่านั้น ผมจึงรีบคว้าดึงผ้าห่มที่อยู่ข้างตัวหวังจะใช้มันบังส่วนไม่น่ามองเพราะถึงยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมนอนกับคนที่ไม่ใช่แฟน แต่คงช้าไปอินกระชากผ้าห่มแล้วโยนลงกับพื้น ผมจึงทำได้เพียงกอดตัวเองเปลือยเปล่าต่อหน้าเค้าเท่านั้น



แมร่งเอ๊ย !!



“ร้องดังได้เต็มที่เลยนะ ห้องกูเก็บเสียง”

“ อะ .. อือ ”

พรึ่บ !!! รู้ตัวอีกทีอะไรหนักๆ ก็ถูกโยนมาใส่หน้าผมเรียบร้อยแล้ว

อ๋อ !! พอจับๆ ดูก็รู้ว่านี่คือเสื้อกับเกงเกงยีน !!



ตึก ตึก ตึก !! ใจผมเริ่มสั่น



เสียงอินหัวเราะออกมา ถ้าเดาไม่ผิดตอนนี้อินคงเปลือยเปล่าไม่ต่างจากผม เตียงยวบลงพร้อมกับสูงค่อย คลานขึ้นมาบนเตียงค่อมร่างของผมไว้



ยิ่งความห่างระหว่างร่างกายลดน้อยลง หัวใจของผมยิ่งสั่นมากขึ้นเท่านั้น

อยู่ไม่ได้แล้วเว้ยยยยยยยย  เปลี่ยนใจทันมั้ยเนี่ย




ผมคว่ำตัวเตรียมจะคลานหนีจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด แต่มันก็ไม่เป็นผลเลยอินลากขาผมดึงกลับให้มาอยู่ในรัศมีใกล้ตัวมันอย่างง่ายดาย

“นอนคว่ำแบบนี้ก็ดีจะได้ไม่เสียเวลาเปลี่ยนท่า ชอบท่าหมาก็ไม่บอก”

คนตัวสูงรูดกางเกงในสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ผมมีติดตัวออก ความร้อนเห่อแดงเพราะอายวิ่งไปทั่งทั้งร่าง อินจับผมพลิกตัวกลับมาประจันหน้ากับเขาอีกครั้ง ผมหลับตาหยีทั้งอาย ทั้งไม่กล้าสู้ แม้จะมองไม่เห็นก็ตามที

“มึงจะต้องติดใจกูจนอยากให้กูกลับมาซ้ำอีกรอบแน่นอน”



ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว เรียวลิ้นของคนตัวสูงก็แทรกเข้าไปในโพรงปากชื้นของผมในทันที เกี่ยวกระหวัดความนุ่มละมุนของกระพุ้งแก้ม ก่อนลากไล้ไปตามสบฟัน จนผมเริ่มหายใจติดขัดยกมือสั่นเทาขึ้นจับแขนแกร่งของอินเอาไว้ออกแรงจิกและเขย่าเบาๆ รับความเสียวที่อินหยิบยื่นให้ คล้ายคนตัวสูงจะรู้ว่าผมเผลอสำลักในรสจูบอินจึงค่อยผละออก ปล่อยให้ผมได้หายใจแล้วประกบปากเข้ามาจูบอีกครั้ง



“อย่าฝืนเลย ปล่อยให้มันเป็นไปตามอารมณ์เถอะ กูรับรองว่าจะทะนุถนอมมึงให้มากที่สุด”

ผมไม่ได้ตอบอะไรไปนอกจากเสียงกระเส่าร้องตอบสนองกับความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นจากปลายลิ้นลากเกี่ยวกับยอดอกสีชมพูของตัวเอง ก่อนที่อินจะลากเลียลิ้นกลับมายังปากบางของผมและจู่โจมมันอีกครั้ง



ครานี้หนักหน่วงกว่าเดิมตรงที่ลิ้นของเราต่างสอดประสานกัน ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป เมื่อร่างกายมันตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่อยู่ตรงหน้า อินเล้าโลมเนิ่นนานมันนุ่มนวลเย็นซาบซ่านราวกับอยู่ในวังวลกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวพร้อมจะฉุดดึงผมให้ลงไปยังส่วนลึกของก้นมหาสมุทร ความเสียวกระสันต์จากริมฝีปากนุ่มและสิ้นสากลากตะวัดรวดเร็วจนผมตั้งรับในความสุขแทบไม่ทัน

“อืออออ” ผมเผลอครางออกมา

“ครางออกมาเลย กูอยากฟังเสียงครางของมึง” เสียงนุ่มชวนฝันกระซิบผะแผ่วริมหู ผมเผลอจูบขยับของอีกฝ่ายตอบกลับไป

อินเริ่มโลมเล้าตั้งแต่ซอกหูระเรื่อยลงมาบริเวณซอกคอกลิ่นของน้ำหอมเย้ายวนเพศยังติดตึงดึงให้อีกฝ่ายคอเคลียไม่ห่าง ความเจ็บตรงซอกคอเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะเมื่อริมฝีปากเม้มบดฝากรอยเอาไว้ สลับกับจูบที่พรมรดอยู่ไม่ขาดตอน

“อือ .. อิน “ผมกัดฟัน พยายามอย่างมากไม่ให้ตัวเองส่งเสียงร้องน่าอายออกไปแม้ลมหายใจจะกระเส่าแทนไปแล้วสิ้น เรียวนิ้วทั้งสิบจิกไปบนแผ่นหลังแกร่งกว้างของคนที่อยู่ด้านบน

“เสียวมั้ยครับ” อินเอ่ยถามตอนที่กำลังดูดเลียกับตุ่มไตบนหน้าอกของผ

ยิ่งตอนที่เขาเล้าโลมมันก็ยิ่งส่งผลให้ผมกระตุกร่างเกร็งถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนสมองผมขาวโพลนไปหมด ยิ่งได้ยินเสียงของอิน มันยิ่งปลุกให้ความดิบเถื่อนในตัวของผมเพิ่มขึ้นเป็นพันเท่าทวี



เสียงที่อ่อนนุมแต่แฝงไปด้วยความเร่าร้อนของอารมณ์กระสัน

มันน่าฟังยิ่งกว่าเสียงใครคนไหน



ทั้งที่ควรต่อต้านและควรเป็นผมที่ต้องคุมเกมส์ แต่มันก็พังไม่เป็นท่า

ผมกำลังพ่ายแพ้ให้กับความสุขที่เขาปรนเปรอให้อย่างง่ายดาย

หมดกันเสือชีตาร์ลกลายเป็นหมาให้เค้าขย้ำซะแล้ว



อินเริ่มกดจูบลงบนเปลือกตาที่มีผ้าพันปิดเอาไว้ ไล่มาจนถึงสองแก้มนุ่ม เรื่อยลงมายังริมฝีปากที่บวมเจ่อเพราะถูกเบียดบดอย่างหนัก

สองมือของเขาไม่หยุดนิ่ง ลูบไล้ไปบนสะโพกขาวของผม ออกแรงบีบเค้นเนื้อส่วนนั้นเป็นการเล้าโลม ขณะเดียวกันริมฝีปากยังไม่หยุดเคลื่อนไหว ลากลามไปมาจนดึงส่วนสะดือเลียวนจนผมดิ้นเร่าอยู่ไม่สุข



ร่างผมกระตุกตอบรับแรงกดนั้นอยู่เป็นระยะราวถูกไฟซ็อต



อินเคลื่อนออกจากส่วนสะดือเริ่มจูบพรมเคลื่อนย้ายมายังส่วนล่างของผม ใช้คมฟันกัดซอกขาอ่อนเบาๆ เป็นการกระตุ้นอารมณ์ให้ผมปลดปล่อยตัวเองโดยเร็ว



“ซี๊ดดด” เสียงร้องครางหลุดออกมาพร้อมกับร่างที่กระตุกไม่หยุดตามการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย

“มีนน่าฟัดมากเลยรู้ตัวมั้ย” ผมหันหน้าซ่อนหนีความอายไว้กับหมอน หวังจะหลบสายตาและการกระทำของอีกฝ่าย ไม่เคยมีใครกระตุ้นให้ผมเกิดอารมณ์ทางเพศได้รุนแรงและอยากได้มากขนาดนี้มาก่อน

“กูเริ่มแล้วนะ”

“อือ”

อินเอ่ยบอกกรายๆ เพื่อให้ผมได้เตรียมตัว จากนั้นเขาจึงใช้มือแยกสองขาสั่นเทาของผมออกจากกันเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึง อินใช้ลิ้นตวัดเลียส่วนด้านหลังของผมจนรู้สึกเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลาย นับตั้งแต่วินาทีนั้นความเสียวและความใคร่ที่มีอยู่ในตัวก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไปแล้ว



“ฮึก เสียววว” ยิ่งพูดลิ้นที่ฉกตวัดยิ่งรัวเร็วราวเครื่องจักรกลอัตโนมัติ เสียงร้องครางของผมดังไปทั่วห้องทุกครั้งที่ปลายลิ้นสัมผัสกับจุดนั้น

“พร้อมนะ”

“อืม” ผมพยักหน้าทั้งที่ยังหลับตา อินใช้ลิ้นเลียไปยังส่วนปลายของจุดอ่อนไหวก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ครอบครองทุกส่วนเข้าไปในโพรงปากอุ่นนั้นอีกครั้ง น้ำลายช่วยให้การเคลื่อนไหวไม่ฝืดเคืองนัก ยิ่งตอนเริ่มขยับขึ้นลง จากเบาสลับกับหนักจนส่วนกลางกายตื่นเต็มที่



“เสียวจนจะไม่ไหวอยู่แล้วครับ” น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัวกระทั่ง คนตรงหน้าหยุดการกระทำตรงส่วนแข็งกลางลำตัวผม แล้วใช้หลังมือยกขึ้นมาปาดเช็ดคราบเปอะเปื้อนตรงกรอบหน้าให้จนแห้ง

“อยากให้กูแกะผ้าปิดตาออกมั้ย” ผมได้แต่ส่ายหัว

“อายหรอ” ทีแรกผมก็อยากให้แกะออกอยู่หรอก แต่ตอนนี้ผมเผลอทำตัวน่าอายแบบนั้นออกไปแล้ว ถ้าจะให้แกะผ้าแล้วมองหน้าอินกลางคันแบบนี้คงจะเขินแปลกๆ พิกล สู้ปิดตาแบบนี้ไม่ต้องรู้ว่าอินทำหน้าแบบไหน ใช้สัมผัสที่ผมรู้สึกปลดปล่อยตัวเองไปกับความสุขที่อินปรนเปรอให้ดีกว่า

คนตัวสูงใช้นิ้วเรียวไล้ไปตามกรอบหน้าของผมอย่างช้าๆ ด้วยสัมผัสอ่อนนุ่ม ดันใบหน้าที่เอี้ยวหลบซุกซ่อนอยู่กับหมอนใบสีขาวให้ค่อยๆ หันกลับมาตั้งตรงตามแรงมือ ไออุ่นจากริมฝีปากผะแผ่วละมุนสัมผัสที่หน้าผาก อินอบอุ่นและอ่อนโยนมากจนผมประหลาดใจ



เอาจริงๆ ผมมีแฟนมาแล้วสามคน .. แต่ทุกครั้งที่มีเซ็กส์กันผมแทบไม่ได้รับสัมผัสที่ทำให้รู้สึกดีแบบนี้เลย

“ถ้าเจ็บให้บอกนะ กูจะทำเบาๆ”

“อื้อ”

ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัวอินก็จับผมคว่ำหน้าลงให้ผมแนบหน้าซีกหนึ่งฝังลงกับหมอนใบนิ่มที่ผมหนุนนอนอยู่ จากดนั้นมือแกร่งของอินจึงคว้ารั้งสะโพกผมขึ้นให้อยู่ในท่าคลานเข่าพร้อมกับแยกสองขาอ้ากว้าง

อินฉกเลียส่วนหลังของผมอีกรอบ พลางมือข้างหนึ่งจับแกนกายร้อนของผมเอาไว้รูดขึ้นลงอย่างเบามือ เสียวกระสันเป็นสองเท่า จูบพรมที่สัมผัสตรงหลังขากับแก้มก้นทำเอาขาสองข้างผมสั่นเทาแทบอ่อนแรงชันไว้ไม่อยู่



ไม่นานเจลหล่อลื่นก็ถูกชะโลมที่ส่วนเสียวด้านหลังของผม เมื่อมั่นใจว่าชุ่มมากพอแล้วอินจึงเลื่อนมือข้างหนึ่งไปจับสะโพกกลมของผมเอาไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างกำแกนกายของตัวเองที่ขยายขนาดจนสุดในถุงยางอนามัยจ่อไปยังช่องทางด้านหลังของผม



“กูขอเข้าไปนะ”

“อื้อ” ผมมีสติตอบได้เท่านั้น

อินกดแกนกายร้อนเข้าไปยังส่วนแน่นของผมอย่างช้าๆ ผมรู้สึกเจ็บ จุก มันแน่นจนอึดอัด รีบถอยหนีออกมาตามสัญชาตญาณ ทว่าคนด้านหลังเร็วกว่าจับเอวผมล็อกไว้ไม่ให้ไปไหน มิหนำซ้ำยังดันส่วนแข็งนั้นพรวดกลับเข้ามาสุดลำตามเดิม

จุก !! จนหน่วงไปหมด

“อย่าเอาออก แช่ไว้ให้มันชินจะได้หายเจ็บ”

“แต่ผมเจ็บ”

“แปบเดียว”

ผมกั้นหายใจไล่ความจุกเสียดตรงช่องแคบด้านหลังอยู่หลายนาทีจนความรู้สึกนั้นได้คลายลงไปบ้างแล้ว

“หายเจ็บแล้วบอกกูนะ”

“อื้อ”

“อื้อนี่คือหายแล้วใช่มั้ย”

“อื้อ” ผมพยักหัวหงึกๆ จนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ มาจากคนที่อยู่ด้านหลัง



“กูจะเริ่มขยับแล้วนะอย่าเกร็ง ปลดปล่อยมันออกมา เราจะมีความสุขด้วยกัน “

จากนั้นอินก็เริ่มขยับจังหวะจากเบาๆ ช้าๆ อยู่หลายครั้งจนผมความเจ็บที่มีถูกแทนที่ด้วยความเสียวจนแทบขาดใจ อินกระแทกตัวเข้าไปภายใน ก่อนใช้สองมือรั้งผมเข้าไปในอ้อมกอด แผ่นหลังบางสัมผัสกับหน้าอกแกร่งของเขา รับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่โคตรถี่ พร้อมๆ กับการขยับส่วนเอวให้ส่วนแกร่งถี่ตามเป็นจังหวะไปด้วย



“อะ...ฮึก...อา...”



จังหวะการขยับเข้าออกเริ่มไหลลื่น ร่างกายสอดประมานเป็นหนึ่งเดียวจนเกิดเสียงหยาบโลนไปทั้งห้อง วินาทีนี้ไม่สนใจแล้วว่าใครจะได้ยินบ้าง ลำพังแค่ผมยังควบคุมตัวเองแทบไม่ไหวหลุดเสียงร้องจากการกักเก็บเอาไว้ออกมาในที่สุด



ความรู้สึกเหมือนผมกำลังจะขาดอากาศหายใจ มันเสียวจนร่างแทบจะแหลกสลายออกจากกัน



คนตัวสูงเริ่มเปลี่ยนท่าพลิกร่างผมให้กลับมานอนหงาย หยิบหมอนอีกใบที่อยู่ใกล้กันค่อยยกเอวผมขึ้นแล้วสอดหมอนเข้ามาใต้ร่างผมเพื่อให้ถนัดในการทำกิจกรรม



อินเริ่มขยับแกนกายเข้าและออกจนสุดอีกครั้ง ก่อนจะเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนผิวเนื้อที่เสียดสีเกิดความเสียวซ่าน สองมือผมถูกเกาะกุมด้วยสองมือแกร่งประกบไว้แน่น เสียงร้องครางสลับกับเสียงลมหายใจกระเส่าของเราสองดังไปทั่วห้องอย่างไม่มีใครต้องอายใคร



ผมเริ่มรุกจูบคนที่อยู่ด้านบน เพื่อปิดเสียงร้องครวญออกมาจนเสียงแหบพร่า ความอยากเอาชนะความอายจนหมดสิ้นแล้ว สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่แล้วเห็นทีจะมีแต่แต่ความสุขสมอภิรมณ์ในรสกามและอารมณ์แปลกใหม่ที่กำลังพุ่งทะยานไปถึงขีดสุดอย่างยากหยุดยั้งมันให้มอดลงได้

“ฮึก จะเสร็จแล้ว”

“กูก็เหมือนกัน”

“อา เสียว”

“แตกพร้อมกันนะ”

“อือ”

จวบจนเราทั้งคู่ต่างมาถึงปลายทาง มือของอินกำรอบแกนกายเล็กของผมแน่น พลางขยับสะโพกของตัวเองเข้าออกทางช่องทางนุ่มหยุ่นระรัว เตรียมกลั่นเอาหยาดหยดสุดท้ายให้พุ่งทะยานออกไปอย่างบ้าคลั่ง



เสียงร้องประสานของเราสองคนดังลั่นไปทั่วทั้งห้อง เมื่อพากันมาถึงจุดสุดยอดในความใคร่ที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้แก่กัน ความเหนียวเหนอะของผมเลอะทั่วทั้งมือพี่ปราบและบนหน้าของแบนของผม ส่วนสวาทด้านหลังเต้นตุบๆ ตอบรับกับแก่นกายที่เคยแกร่งที่ตอนนี้อ่อนยวบไปตามธรรมชาติ



คนตัวสูงจูบขมับผมอย่างปลอบประโลมก่อนจะค่อยๆ ถอนสมอรักนั้นออกมาจากจุดจอดแล้วลุกขึ้นไปทำความสะอาดไม่นานจึงสอดตัวกลับมากอดรั้งร่างผมไว้บนเตียงจนความอ่อนล้าจากกิจกรรมอันหนักหน่วง

ความเย็นวาบเกิดขึ้นตรงส่วนล่างของผม อินใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดตรงจุดซ่อนเร้นด้านหลังจนสะอาด แล้วย้ายผ้าผืนเดียวกันเช็ดตรงส่วนสงวนลามมายังหน้าท้องที่เปรอะเปื้อนจนเกลี้ยง



ตาผมรู้สึกหนักจนแทบยกไม่ขึ้น ทั้งจากความมึนเมาและจากกิจกรรมเข้าจังหวะที่ทำให้ความเพลียเข้ามาปกคลุมไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย จนไม่อาจฝืนมันได้อีกต่อไปจนผมเผลอหลับไปในที่สุด



เสียงกุกกักข้างนอกกับกลิ่นบุหรี่โชยปลุกให้ผมตื่นจากความฝัน ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ผมหลับไป แต่ก็นานพอที่จะทำให้สติผมคืนกลับมาจากความเมาได้บ้าง



ผมขยับตัวตั้งใจจะลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวและกลับคอนโด การนอนค้างกับคู่นอนไม่ใช่หลักการของ Half Night Stand แบบที่ผมตั้งใจเอาไว้ หลังจากเสร็จกิจกรรมร่วมรักแล้วผมจะไม่อยู่สานสัมพันธ์ต่อ การแยกย้ายกลับนั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง



ขยับตัวเองให้ชันตัวนั่งพิงกับหัว สองมือยกขึ้นไปยังส่วนของท้ายทอยจับปมผ้าที่ผูดมัดไว้แล้วแกะคลายมันออกมาจนความมืดมิดที่ตาถูกแทนที่ด้วยแสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเสียง



ค่อยๆ ปรับตาให้รับกับแสงหลังจากอยู่ในความมืดมิดมาหลายชั่วโมง มองออกไปตามเสียงประตูที่ปิดลงตรงส่วนของระหว่าง พร้อมกับคนที่พันผ้าขนหนูหลวมๆ ปกปิดส่วนล่าง แต่ทิ้งข้างบนให้เปลือยเปล่าเผยกล้ามหน้าอกขาวเนียนนั่นเอาไว้ 



กรอบหน้าเรียวเห็นสันกรามชัดเจน จมูกโด่งเป็นสัน  ตาเฉี่ยวคมสีดำขลิบ ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ เจ้าของร่างสูงร้อยแปดสิบห้าเซ็นติเมตร



คนที่ส่งยิ้มมาให้ผม .. แต่ผมกลับไม่รู้สึกยินดีเลยแม้สักน้อย

ใจผมวูบโหวงราวกับตกจากที่สูง

ตาเบิกกว้างกับสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้า

‘เขาไม่ใช่อิน’

.

“ตื่นแล้วหรอมึง”

.

“พะ.. พะ.. พี่ปราบ”

“ใช่กูเอง”








จะยางงายยยย (เสียงหยาดพิรุฬ) 5555555 // กดติดตามด้วยนะ เดี๋ยวพลาดตอนใหม่จะหาไม่เตือนเน้อ



หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//02-อ้าวเห้ย (26-05-21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 26-05-2021 19:31:22
 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//02-อ้าวเห้ย (26-05-21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 26-05-2021 20:51:39
 :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//02-อ้าวเห้ย (26-05-21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-05-2021 21:57:09
 o13
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//03-เรื่องเมื่อคืน (27-05-21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 27-05-2021 20:01:39
Chapter 03 --- ❝ เรื่องเมื่อคืน ❞

------------


“เสร็จแล้วก็จะกลับเลยหรอ” ผมสะดุ้งโหยงจากเสียงของพี่มันที่อยู่ไม่ไกลหลุดออกมาจากภวังค์ความคิดสู่โลกของความจริงที่ผมยากจะแก้ไข



ทำไมคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ถึงเป็นพี่ปราบไม่ใช่อิน

งั้นก็แปลว่าคนที่ผมมีอะไรก็คือ .. พี่ปราบสินะ !!

เหี้ยเอ๊ย พีคในพีคไปอีก !!!!!!



“ครับงั้นผมขอตัวกลับก่อนละกัน” ทำตัวปกติให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ใจเต้นสั่นระรัวราวกับจะหลุดออกมา หนีไปตั้งหลักก่อนละกัน

“หรือเพราะว่ากูไม่ใช่คนที่ชื่ออิน มึงถึงไม่อยากอยู่ต่อ”

“เปล่าหรอก ปกติผม .. เอ่อ ..”

จะตอบยังไงดีวะ !! ลิ้นแมร่งพันกันหมดละ

“ปกติเวลามีอะไรกับใครเสร็จผมก็กลับเลยแบบนี้แหละ ขอตัวก่อนนะ”

ผมตอบบส่งๆ ออกไปแบบนั้นเพราะในหัวมันคิดอะไรดีกว่านี้ไม่ออก ปล่อยให้พี่มันคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติสำหรับผมดีกว่า เรื่องทุกอย่างจะได้จบไม่ต้องต่อความยาวสาวความยืดอะไรอีก

แอบพ่นลมหายใจไล่ความรู้สึกประหลาดออกไป เดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ตกกระจายอยู่เกลื่อนพื้นขึ้นมาแล้วตรงเข้าไปในห้องน้ำ ไฟติดอัตโนมัติพร้อมกับร่างเปลือยเปล่าที่ยืนอยู่ตรงหน้ากระจก เปิดน้ำแล้วใช้สองมือกวักล้างใบหน้าของตัวเองเพื่อเรียกความสดชื่นให้พร้อมสำหรับการกลับออกไปเผชิญหน้ากับคนข้างนอก



ผมเดินกลับมายังส่วนของห้องนอนหยิบของส่วนตัวขึ้นมาไว้ในมือ โดยมีไอ้พี่ปราบสวมเสื้อคลุมแล้วยืนนิ่งมองผมไม่พูดอะไรสักคำ

ตรงไปยังประตูห้องเตรียมเปิดประตูก้าวเท้าออกไป ฝืนอยู่นานกว่านี้ผมต้องสับสนหนักไปกว่าเดิมแน่นอน แค่นี้ก็ช็อคจะตายห่าอยู่แล้ว คนที่เจอหน้ากันตั้งแต่เด็ก ทะเลาะกันบ่อยๆ สุดท้ายกลับกลายเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน



พูดแล้วก็อยากเอาหัวโขกประตูห้อง  แต่ก็กลัวเสียงดังจนคนในตึกออกมาด่า



“แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราจะเอายังไง”

ห๊ะ !! อะไรซิ

“พี่อย่าคิดมากสิ ก็แค่สนุกกัน”

ส่งยิ้มไปให้พี่มันราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นผมไม่ได้คิดอะไรจริงๆ

“มึงคิดแค่นั้นหรอ”

กึก !!! เสียงราบเรียบเย็นชาชวนขนลุกไปทั่วทั้งตัว ..อยู่ไม่ได้แล้วโว้ย

“ใช่ผมคิดแค่นั้นแหละพี่”

“อือ”

“ผมไปละ”



ปัง !!!

ประตูห้องถูกปิดลงพร้อมกับหัวใจของผมที่มันเบาโหวงแปลกพิกล !!!!









ค่อยๆ ปรือตาขึ้นใช้เวลาปรับโฟกัสรับแสงอยู่ครู่หนึ่งจนชินก่อนจะสำรวจสิ่งที่อยู่รอบกายอีกครั้งว่าผมได้พาร่างกายที่ผ่านสงครามบนเตียงมาถึงคอนโดของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มองนาฬิกาดิจิตอลสีขาวทรงสี่เหลี่ยมข้างหัวเตียงบอกเวลาบ่ายโมงยี่สิบนาที ผมหลับไปนานเกือบแปดชั่วโมงตั้งแต่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ

หย่อนเท้าลงจากเตียงคว้าผ้าเช็ดตัวสีขาวที่วางอยู่ไม่ไกลเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย ขณะเดินผ่านกระจกผมไม่แม้แต่จะหันไปมองร่องรอยที่ปะเปื้อนเป็นจุดช้ำตามตัว ไม่อยากหวนกลับไปคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแค่นี้สมองผมก็เต็มไปด้วยคำถามร้อยพันอัดแน่นอยู่จนไม่เหลือพื้นที่ว่างแล้ว



(Rrrr--- Rrrrr)

ไอ้เก้าโทรหาผมเป็นรอบที่สามสิบกว่าแต่ผมปิดเสียงโทรศัพท์ เพิ่งได้ยินก็ตอนอาบน้ำเสร็จเนี่ยแหละ

“ว่าไงมึง”

[ไอ้เหี้ยมีน กว่าจะรับสายกูได้นะมึงเนี่ย นึกว่าโดนฆ่าตายไปแล้ว]

เสียงไอ้เก้าดูร้อนใจมาก ผมรู้ว่าทำให้มันเป็นห่วงแค่ไหน

“โทษที กูปิดเสียงโทรศัพท์เลยไม่ได้ยิน”

[แล้วนี่มึงอยู่ไหน แล้วเมื่อคืนมึงไปกับใครวะ กูตกใจหมดเลย]

“ไว้เดี๋ยวกูเล่าให้มึงฟังละกัน ว่างมั้ยล่ะ”

[กูว่าง อยู่ใต้คอนโดมึงเนี่ยเพิ่งมาถึง]

“เออๆ รอแปบเดี๋ยวกูลงไปขอแต่งตัวก่อน”

[อืม]

วางสายไอ้เพื่อนรักแล้วหันกลับมามองตัวเองในกระจกบานใหญ่ ถอนหายใจไล่ความอึดอัดให้กับคนในนั้น แล้วนี่ผมจะเริ่มต้นเล่าเรื่องชิบหายนี้ให้ไอ้เก้าฟังยังไงดีวะเนี่ย



แมร่งเอ๊ย !! ดวงชงปะเนี่ยกูปีนี้

ทำไมถึงได้มีแต่เรื่อง







“เหี้ย สรุปเมื่อคืนมึงนอนกับไอ้พี่ปราบ”

ถ้ามึงจะพูดดังขนาดนี้มึงขึ้นไปจุดประชาสัมพันธ์แล้วโฟนออกไมค์เลยไอ้เวร เอามือปิดปากมันแทบไม่ทัน

“เบาๆไอ้เก้า”

“เออๆ กูขอโทษก็กูตกใจนี่หว่า ใครจะคิดว่าสุดท้ายมึงก็ได้กับพี่ชายข้างบ้านตัวเองวะ”

ได้กับพี่ชายข้างบ้านตัวเอง .. แค่นึกถึงเรื่องเมื่อคืนหน้าก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมา

“กูไม่รู้ไง ถ้ารู้มันจะเกิดขึ้นหรอ”

ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธตัวเองที่ดื่มหนักจนเมาไม่ได้สติขนาดนั้น แต่ที่โกรธมากกว่าใครก็คือไอ้คนต้นเรื่องนั่นแหละ พี่มันรู้อยู่แล้วว่าเป็นผมแต่ยังเสือกพาขึ้นไปบนห้องแล้วมีอะไรด้วยเนี่ยนะ



อยากรู้จริงๆ ว่าพี่ปราบคิดอะไรของมันอยู่



“แล้วไอ้พี่ปราบของมึงมันกลับมาจากอเมริกาตอนไหนวะ”

“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”

แต่เดี๋ยวนะไอ้เหี้ยเก้า .. พี่มันไม่ใช่ของกูเว้ย



ไอ้พี่ปราบที่พวกผมกำลังพูดถึงอยู่เนี่ย ชื่อเต็มๆ คือปราบปราม ทายาทคนเล็กเจ้าของโรงแรมชื่อดังอันดับต้นๆ ของประเทศ พี่มันเคยเป็นอดีตเดือนมหาวิทยาลัยเดียวกันกับผม ตัวกวนประสาทยืนหนึ่งในระบบสุริยจักรวาล จนได้ฉายาว่า ‘หล่อเสี่ยงตีน’



แล้วบ้านมันก็อยู่ใกล้ๆบ้านผม เราเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กและทะเลาะกันมาตั้งแต่เด็กด้วยเช่นกัน

ก่อนที่พี่มันจะไปเรียนต่อโทที่อเมริกาตอนจบปีสี่ หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้เจอพี่มันอีกเลย



“สมมติว่าถ้าไอ้พี่ปราบไม่จบมึงจะทำยังไง”

นั่นแหละ !! คือสิ่งที่ผมกลัว ไอ้พี่ปราบถ้าได้ลองเป็นเจ้าของอะไรแล้ว ไม่มีทางที่จะเสียไปเด็ดขาด

“ไม่หรอกก็แค่เรื่องสนุกมึง พี่มันไปอยู่เมืองนอกมาตั้งสองปี คงเจอกับเรื่องพวกนี้บ่อยกว่าเราอีก แถมกูกับมันก็ไม่ค่อยชอบหน้ากันเรื่องอะไรที่มันจะไม่จบกับกูละ”

ภาวนาขอให้เป็นแบบนั้นเถอะไม่อย่างนั้นชีวิตผมชิบหายเพราะผู้ชายคนที่ชื่อปราบปรามแน่นอน

“แต่กูไม่คิดแบบนั้น มึงตัดอคติออกแล้วมองตามหลักของความจริง พี่มันรู้ว่าเป็นมึงแต่แทนที่จะบอกกลับตั้งใจมีอะไรกับมึงจนเลยเถิด”

ไอ้เวรนี่ก็คิดตรงกับผมจริงๆ ราวกับมานั่งอยู่ในใจ

“กูว่างานนี้ไม่ปกติแล้วหวะ”

“มึงเพ้อเจ้อละไอ้เก้า พอเลย”

ผีโคนันยอดนักสืบเข้าสิงมึงปะเนี่ย !! วิเคราะห์เหี้ยไรขนาดนั้น แล้วเสือกตรงทุกข้อด้วย

ยิ่งฟังไอ้เก้าพูดผมก็ยิ่งเครียด ที่ตั้งสมมติฐานทุกอย่างถูกทุกข้อจนผมหาอะไรมาหักล้างไม่ได้ แม้เราจะทะเลาะกันบ่อยแต่ไม่ได้เกลียดกันแค่ไม่ชอบขี้หน้าเฉยๆ



ก็ไอ้พี่ปราบมันชอบกวนตีนแถมแกล้งผมจนร้องไห้เป็นประจำนี่นา ใครจะไปอยากดีด้วย



“เดี๋ยวผมออกไปครับ พี่รอแปบนึงนะ”

ไอ้เก้าวางสายก่อนจะหันมาส่งยิ้มแห้งให้ผมเพื่อแทนคำบอกว่าเห้ยเพื่อนกูต้องไปก่อนนะมีคนโทรตามอะไรทำนองนั้น

“ไปเถอะ กูอยู่คนเดียวได้”

“เออๆ อย่าคิดมากละกัน ยังไงมึงก็ตกเป็นเมียไอ้พี่ปราบแล้ว”

“ไอ้เหี้ยเก้า มึงรีบไปเลย”

“จ้า”



ไอ้เก้าลุกจากโต๊ะหนีกลับไปก่อน ทิ้งให้ผมอยู่กับสมมติฐานที่มันตั้งทิ้งไว้ให้ไขปริศนาจนเต็มหัวไปหมด แทนที่ได้คุยกับเพื่อนแล้วจะสบายใจกับเซ็งหนักเข้าไปอีก



เห้อ !!! ถอนหายใจจนอ็อกซิเจนจะหมดปอดกูอยู่ละ



“นั่งทานข้าวคนเดียวไม่เหงาหรอครับ” ตะเกียบในมือกำลังคีบราเมนค้างไว้หล่นลงทันทีที่ได้ยินเสียงทักทายของใครสักคนข้างหู ร่างกายสะดุ้งโหยงเรียกสติที่หลุดกลับมาหลังจากเป็นบ้าคิดถึงเรื่องเมื่อคืนอยู่ตั้งนานสองนาน ก่อนเจ้าของเสียงจะถือวิสาสะนั่งลงฝั่งตรงข้ามผมพร้อมรอยยิ้มกว้าง

 “ตกใจอินหรอครับ ขอโทษนะไม่รู้ว่าขวัญอ่อน โอ๋ๆๆ”

“ไม่เป็นไร มีนแค่คิดอะไรเพลินๆไปหน่อย” ยิ้มตอบให้กับคนที่ผมเจอเมื่อคืน คนที่ผมต้องไปต่อกับเค้า คนที่ผมเผลอเรียกชื่อของเค้าอยู่ตลอดเวลา แต่พอเปิดตามากลับไม่ใช่

ยิ่งเห็นหน้าอิน .. เสียงไอ้พี่ปราบเมื่อคืนก็ลอยก้องอยู่ในหัวทันที

“เมื่อคืนอินตกใจมากเลยนะที่อินขึ้นรถคันนั้นไป มีนไม่เป็นไรใช่มั้ย”

ไม่ใช่อินคนเดียวที่ตกใจ ผมเนี่ยก็ตกใจ

“ไม่เป็นไร นั่นรถเพื่อนเราอะ พอดีมีนเมามากบังเอิญเจอเค้าเลยขอติดรถกลับไปก่อน”

แถจนสีข้างกูถลอกหมดแล้วมั้ง สปอนเซอร์ยาทาแผลต้องเข้าแล้วแหละงานนี้

“แน่นะครับ ไม่ใช่ว่าไปกับใครมานะ” นี่นายแบบหรือหมอดู เอาจริง!! ไปอยู่สำนักเดียวกับไอ้เก้าเถอะน่าจะรุ่ง

“เปล่าๆ ไม่ได้ไปกับใคร” ยิ้มแห้งๆ กลบเกลื่อนส่งไป

“ดีแล้ว อินหวงนะ”

นั่น !! เจอกันวันเดียวหวงกูซะแล้ว ธรรมดาที่ไหน

“เหอะๆ อือ”



อินเป็นคนที่คุยเก่งมาก ชวนคุยไม่หยุดแต่ก็ไม่ได้น่ารำคาญ รอยยิ้ม ท่าทาง น้ำเสียงโคตรมีเสน่ห์เลยให้ตายสิ ไม่แปลกที่จะเป็นหนุ่มฮอตมีแฟนคลับแวะเวียนเข้ามาขอถ่ายรูปอยู่ตลอดเวลา อินบอกว่าวันนี้มีอีเวนท์ตอนหนึ่งทุ่มเลยออกมาเดินหาอะไรกินบังเอิญเจอผมนั่งอยู่คนเดียวจึงเข้ามาทักทาย



“โลกกลมดีเหมือนกันเนาะมีน” อินบอกแบบนั้น

“อืม กลมแหละ”



เหม่อมองออกไปนอกร้านช่วงย็นวันพฤหัสบดีแบบนี้คนเริ่มหนาตาขึ้นเยอะเมื่อเทียบกับตอนบ่ายที่ผมมาถึง ก็อย่างว่าแหละห้างสรรพสินค้ามีทุกสิ่งให้เลือกสรร ทั้งของกิน ของใช้ มุมให้เดินเล่นมาที่เดียวได้ครบหมดแถมยังมีแอร์เย็นสบายไม่ต้องเปลืองค่าไฟที่ห้อง ผมนั่งมองนั่นนี่ไปเรื่อยระหว่างมีนนั่งคุยโทรศัพท์พลันสายตาเห็นเด็กผู้ชายสองคนที่กำลังยื้อแย่งของในมือกันอยู่



“เอามานี่นะของพี่พี่ไม่ให้” เด็กผู้ชายเสื้อยืดสีแดงวัยราวๆ ห้าหกขวบเยื้อแย่งตุ๊กตาแมวกับคนตัวเล็กกว่าที่ใส่เสื้อแขนยาวสีเขียวเสียงดังลั่น

“แต่คิวจะเอา คิวขอยืมเล่นหน่อย”

“ไม่ได้ของพี่ ปล่อยมือเดี๋ยวนี้”

“ขอเล่นหน่อย”

“รำคาญ” คนเป็นพี่ผลักน้องล้มลงกับพื้นจนร้องไห้เสียงดังลั่น พอเห็นคนตัวเล็กกว่าร้องหนักขึ้นเรื่อยๆ คนเป็นพี่จึงปาตุ๊กตาที่อยู่ในมือใส่น้องอย่างหัวเสีย

“หยุดร้องได้แล้ว”

“พี่คิวใจดี” เด็กน้อยยิ้มออกแล้วกอดตุ๊กตาเอาไว้แน่น แล้วเดินตามแรงจูงมือของพี่ชายไปหาพ่อกับแม่ที่เลือกซื้อของอยู่ไม่ไกล



เห็นแล้วอดคิดถึงตัวเองในอดีตไม่ได้ ผมกับพี่ปราบทะเลาะกันแบบนี้เป็นประจำแต่พอผมร้องไห้คนเป็นพี่ก็จะขว้างของที่ผมอยากได้หรือสิ่งที่ผมต้องการมาให้ทุกครั้ง แม้จะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ก็ตาม 



ว่าแต่นี่ผมจะคิดถึงพี่มันทำไมวะเนี่ย !!



“มีน”

“มีนครับ”

ห๊ะ !!!

“ว่าไงอิน” ผมหลุดจากภาพในอดีตหันกลับมาหาอินที่นั่งอยู่ตรงข้าม

“เดี๋ยวอินจะไปแล้วนะ ต้องไปสแตนบายก่อน ผู้จัดการโทรมาตามแล้วครับ”

“อื้อๆ ได้” พยักหน้ารับพลางมองนาฬิกาในมือถือ หกโมงกว่าแล้วนี่หว่า

“ค่าอาหาร เดี๋ยวอินเลี้ยงเองนะ”

“ไม่เป็นไร”

“อินอยากเลี้ยงนี่ครับ ตามใจอินเถอะนะ”

อินส่งสายตาออดอ้อนขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารทั้งที่เขากินชาเขียวแก้วเดียว จะจ่ายเองยังไงก็ไม่ยอมรีบเรียกพนักงานมาคิดเงินแล้วส่งบัตรเครดิตตัดหน้าผมไป จึงจำใจต้องตามนั้นทำอะไรไม่ได้แล้วนี่นา

“ขอบคุณที่เลี้ยงข้าวนะ แต่ที่จริงไม่ต้องเลยเราเกรงใจ”

“ถ้าเกรงใจไว้มีนเลี้ยงอินคืนสิครับ”

“อื้อๆ แบบนั้นก็ได้”

“คืนนี้อินโทรหานะครับ กลับบ้านดีดี”

“ตั้งใจทำงานนะอิน”

“กำลังใจดีขนาดนี้ สู้ตายครับผม” อินยิ้มกว้างแล้วโคตรหล่อทำเอาใจผมบางไปหมด รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเดี๋ยวโดนจับได้ว่าเขิน

เราพากันเดินออกจากร้านหลังจ่ายค่าอาหารเสร็จเรียบร้อยก่อนจะแยกตัวเพื่อต่างฝ่ายต่างไปทำธุระของตัวเอง อินเดินไปยังลานกิจกรรมของห้างแต่มิวายหันหลังกลับมาโบกมือบ๊ายบายผมจนเกือบชนกับคนที่ยืนอยู่แถวนั้น

ไอ้นายแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันเนาะ พออินหายลับตาไปผมจึงมุ่งหน้าตรงขึ้นชั้นสองอยากไปเลือกดูหนังสือทำขนมให้คุณนายศรีซักหน่อยจะได้มีขนมหลายๆอย่างเอาไว้ขายลูกค้า





มุมหนังสือเกี่ยวกับขนมของที่นี่โคตรเยอะ ผมมองหาเล่มที่น่าสนใจเกี่ยวกับขนมชนิดใหม่ๆ และหลักการทางการตลาดพวกโฆษณาทางโซเชี่ยลรวมถึงแพ็กเกจจิ้งสวยๆด้วย ขนมของแม่จะได้ปังๆ  ออเดอร์เข้ามาจนแทบทำส่งไม่ทันนะน้องนะ



(Rrrr--- Rrrrr)

พูดถึงก็โทรมาพอดี มีจิตสัมผัสอะไรรึเปล่าเนี่ยแม่ผม



“สวัสดีครับแม่” ส่งเสียงอ้อนลากยาวให้มากที่สุด

[ได้ข่าวว่าเมื่อคืนแอบหนีเที่ยวอีกแล้ววหรอ]

“บ้าแม่มีนอยู่คอนโดจะหนีเที่ยวได้ยังไงละครับ เมื่อคืนพอสองทุ่มก็หาวหนึ่งทุ่มก็นอนเลย”

เอิ่ม !! รีบพูดไปหน่อยสรวนหมดแล้วกู

[แต่มีสายข่าวโทรมาฟ้องแม่นะว่าเมื่อคืนลูกชายแม่หนีเที่ยว]

“แฮ่ๆ ใครกันนะที่คาบข่าวเร็วขนาดนั้น”

[จะใครก็ช่างอย่าเที่ยวให้มันบ่อยนักนะลูก ที่สำคัญอย่าให้แม่รู้ว่าทำตัวไม่ดีเด็ดขาดไม่อย่างนั้น...เละ]

ขู่เป็นงูเห่าเลยแม่ใครวะเนี่ย !! จ้ากลัวแล้วจ้า

“ครับผมมีนรู้แล้ว”

[เสาร์นี้กลับบ้านใช่มั้ย]

“กลับครับน่าจะบ่ายๆแหละเดี๋ยวมีนกลับไปอ้อนนะครับ”

[ดูแลตัวเองนะลูกโตแล้ว ต้องรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร]

“รับทราบครับผม เนี่ยมีนมาซื้อหนังสือทำขนมให้แม้ด้วยนะเดี๋ยวเสาร์นี้เอาไปให้นะครับ”

รีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะโดนบ่นยาวไปมากกว่านี้ คุณยังไม่รู้จักคุณนายศรีดี นี่โดนบ่นยาวสุดสองชั่วโมงเต็มๆ เบลอไปหมดเลยวันนั้นทั้งวัน เข็ด !! ไปจนวันตาย

[ขอบคุณครับลูก]

ครับแม่สวัสดีครับ มีนรักแม่นะ

[แม่ก็รักมีนเหมือนกันครับ]



ตั้งแต่เข้าปีหนึ่งแม่ก็ซื้อคอนโดใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยไว้ให้ผมอยู่จะได้สะดวกในการเดินทาง เพราะระยะทางจากบ้านมาที่มอไปกลับใช้เวลาเกือบๆ สามชั่วโมงเพลียตายพอดี ผมกับแม่เราคุยกันทุกวัน บอกรักกันทุกครั้งที่มีโอกาส ถึงจะอยู่ห่างกันแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความรักที่มีลดลงไปแม้แต่น้อยกลับเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมซะอีก ผมจะกลับบ้านทุกๆ วันเสาร์อาทิตย์รวมถึงวันที่ไม่มีเรียนไปช่วยคุณนายเค้าทำขนมส่งลูกค้า



วางสายแม่แล้วเลือกหาหนังสือไปเรื่อยๆ เปิดเล่มนั้นเก็บเล่มนี้จนเจอกับเล่มที่อยากได้ แต่แมร่งอยู่โคตรสูงพี่พนักงานก็ติดลูกค้าหน้าร้านกันหมด หันซ้ายหันขวานั่นไงบันไดใช้ปีนไปสำหรับหยิบหนังสือบนชั้นที่สูงสุด

ไม่รอช้าผมเลื่อนบันไดให้อยู่ในมุมที่สะดวกต่อการปีน เมื่อได้ตามที่ต้องการจึงขึ้นเหยียบขึ้นไปบนบันไดขั้นสุดท้าย แล้วเอื้อมขึ้นไปหยิบหนังสือเล่มที่ผมหามาโคตรนาน ไปทุกร้านก็ไม่มีวันนี้มิชชั่นคอมพลีสแล้วเว้ย



ขณะกำลังจะปีนกลับลงมา ..

“ทำไร”

“เห้ยไอ้พี่ปราบ”

สะดุ้งเสียงของไอ้พี่ปราบที่อยู่ๆก็โพล่งใกล้ๆ ตัวจนเหยียบบันไดพลาด

“มีนระวัง”



โครม !!!!



“โอ๊ยยยยย”



ถ้าเป็นในละครหลังข่าวที่แม่ชอบเปิดทิ้งไว้ตอนทำขนม ผมต้องอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนที่มาช่วยไว้แล้วมองกันตาเชื่อมค้างอยู่แบบนั้นแถมยังมีแสงฟุ้งไปทั่วตัวไม่ใช่หรอ



แล้วทำไมกูถึงตกลงมานอนแผ่หราท่าปลาดาวหมดสภาพแบบนี้ละเนี่ย !!! 



“ไอ้พี่ปราบ ทำไมพี่ไม่รับผมไว้”

เจ็บชิบหาย อายด้วยอีกต่างหาก ดีที่หนังสือไม่หล่นลงมาทั้งตู้ มีแค่เล่มที่ผมคว้าไว้ตกอยู่ข้างเท้าไอ้พี่มัน
“โทษที กูนึกว่าจะรับทัน กะผิดไปหน่อย”

ไม่หน่อยแล้วมั้ง ห่างคนละทิศขนาดนี้ สาบานว่าตาพี่มันยังปกติอยู่

ยัง ยังไม่มาพยุงกูลุกขึ้นไปอีกจะปล่อยให้นอนอายคนอื่นแบบนี้อีกนานแค่ไหนกัน ล้มแรงจนชายเสื้อเชิ๊ตเปิดเห็นพุงกะทิกูหมดแล้วเนี่ย

“มาเดี๋ยวกูช่วย”

“ก็ต้องเป็นแบบนั้นมั้ย พี่ทำผมตกใจจนร่วงลงมานะ”

ไอ้พี่ปราบพยุงผมให้ลุกขึ้นพลางโอบส่วนเอวของผมเอาไว้ เบี่ยงตัวตั้งใจจะออกห่างจากไอ้พี่มันแต่เสือกเซแทบล้ม เจ็บหลังไม่เท่าไหร่แต่ข้อเท้าโคตรเจ็บเลยดีที่พี่ปราบยังไม่ได้ปล่อยมือหนาจากตัวผมแถวดึงให้เข้าไปประชิดตัวใกล้จนได้กลิ่นของน้ำหอมของกันและกัน



ตึก ตึก ตึก !!



“เป็นคนขวัญอ่อนตั้งแต่เมื่อไหร่”

“หรือว่าตั้งแต่มื่อคืน”

“เอ๊ะ”

เจ็บอยู่นะไม่มีอารมณ์จะมาเถียงด้วยหรอกวันนี้ พี่มันมองหน้าผมแล้วยกยิ้มขึ้นมาเฉยๆ ไม่รู้จะตลกอะไรนักหนา

“เดินไหวหรือเปล่า”

ผมไม่ตอบแต่ผลักพี่มันออกจากตัว ทำท่าจะเดินออกไปแต่ยังเจ็บตรงข้อเท้าจนเผลอร้องออกมา ยิ่งเคลื่อนไหวยิ่งกระเทือนฝืนเดินเองต่อคงไม่เกินสามก้าวได้ล้มหน้าคว่ำอีกรอบแน่

“ไม่”

“ไม่ต้องหรอ” พี่ปราบยกคิ้วตั้งคำถาม

“ไม่ไหวแล้วผมเนี่ย..พี่ปราบช่วยพาผมไปส่งที่ห้องหน่อยนะครับ”

.

“ก็แค่เนี๊ยะ ”




--------------------



ปราบมีน หรือ อินมีน พวกเธอว่ายังไง …

+1 รัวๆ หน่อยเร็ว ชอบไม่ชอบกันเอ่ย

 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//03-เรื่องเมื่อคืน (27-05-21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-05-2021 23:43:03
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//03-เรื่องเมื่อคืน (27-05-21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 27-05-2021 23:43:51
 :o8: :-[
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//03-เรื่องเมื่อคืน (27-05-21)
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 28-05-2021 11:52:24
เดินไม่ไหวจริงอะ :hao3: :hao7: :hao7:
#ปราบมีนจ้าาาา :hao7:
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//04-แค่ไหนเรียกจริงจัง (29-05-21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 29-05-2021 20:14:33
Chapter 04 --- ❝ แค่ไหนเรียกจริงจัง ❞

------------



“ขึ้นมาดิ”


พี่ปราบนั่งยองกับพื้นหันหลังเข้าหาตัวผมที่รออยู่ตรงเก้าอี้หน้าร้าน หลังจากจัดการจ่ายค่าหนังสือเรียบร้อยแล้ว พี่มันหันหน้ากลับมาหาผมเป็นคำถามว่าทำไมถึงไม่ยอมขึ้นมาสักที ขอเวลาทำใจแปบนึงสิวะผมกับพี่ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะที่จะขี่หลังกันเดินทั่วห้างแบบนี้



ถึงแม้ตอนเด็กผมจะขี่หลังพี่มันบ่อยแค่ไหนก็ตามเถอะ !!



“จะเหม่อลอยอีกนานมั้ย ขึ้นมาได้แล้วนั่งจนตะคริวจะแดกขากูอยู่ละ”

“ไม่ขี่หลังได้มั้ยอะ”

มีทางเลือกอื่นหรือเปล่า ขอตัวเลือกเพิ่มหน่อย

“อุ้ม”

หืม !! อะไรซิ

“พาดบ่า”

หนักเข้าไปอีกไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิมเลย ลังเลอยู่นานว่าจะเอายังไงดี ถ้าตามตัวเลือกที่พี่มันเสนออย่างแรกน่าจะโอเคสุดแล้วแหละ ขืนให้พี่มันอุ้มหรือพาดบ่าได้อายไปทั่วทั้งพระนครแน่เชียว

“เออๆ ขี่หลังก็ได้”

“เรื่องเยอะชิบหายเลยมึงเนี่ย”

สุดท้ายผมจึงต้องขึ้นหลังพี่มันอย่างไม่มีทางเลือก แผ่นหลังที่ผมเคยสัมผัสกาลเวลาพาเปลี่ยนจากเดิมตามอายุที่เพิ่มมากขึ้นมันกว้างกว่าเก่าแถมยังแข็งแกร่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อผลพวงจากการออกกำลังกาย แม้ตอนนี้จะมีเสื้อโปโลสีดำปกปลุมอยู่ ทว่าในความรู้สึกของผมมันกลับเป็นแผ่นหลังที่เปลือยเปล่าทรงเสน่ห์

แผ่นหลังที่อยู่บนร่างของผมเมื่อคืนให้สองมือเรียวได้ยึดเกาะมั่นยามแรงกระแทกจากเจ้าตัวสาดซัดเข้ามาราวระลอกคลื่นแรงในวันพายุเข้า



“ไม่เจอกันแค่แปบเดียว แดกควายเข้าไปหรอ หนักชิบหาย”



เพล้ง !!! หมดกันจินตนาการกู



ถ้าไม่มีอะไรให้พูดช่วยอยู่เงียบๆ ผมจะขอบคุณพี่มากเลยครับ ขออนุญาตเอาคำชื่นชมแผ่นหลังเมื่อครู่คืนมาก่อนนะ เพราะปากหมาเหลือเกินจะรับคำชมเชยใดๆ

‘หล่อเสี่ยงตีน’ ฉายานี้ไม่ได้มาเล่นๆจะบอกให้

“อย่าบ่นมากได้ปะ พี่ทำผมเจ็บตัวนะ พี่ต้องรับผิดชอบดิ”

“ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ็บ”

อะไรซิ !! อยู่ดีดีก็เปลี่ยนโหมดขึ้นมากะทันหัน เป็นไบโพล่าปะเนี่ย

“ช่างเถอะ รีบกลับคนมองเยอะแล้วเนี่ย”



ที่บอกว่าเมื่อก่อนผมก็ขี่หลังพี่มันบ่อยๆ ก็เพราะผมเดินช้าจนพี่มันรำคาญ แถมบางทียังซุ่มซ่ามหกล้มหัวเข่าแตก จนต้องเป็นภาระให้พี่ปราบแบกผมกลับบ้านเป็นประจำ คิดแล้วก็ตลกดีเหมือนกันปากด่าว่าโง่อย่างนั้นอย่างนี้แต่สุดท้ายก็ยอมให้ผมขึ้นหลังทุกที



“ไม่ต้องห่วงนะ”

“หืม”

“กูรับผิดชอบมึงทุกเรื่องแหละทั้งเรื่องที่ทำให้มึงเจ็บตัว”

อย่า !! อย่าพูดคำนั้นออกมานะ

“แล้วก็เรื่องเมื่อคืนด้วย”



แมร่งเอ๊ย !!! คำพูดเพียงไม่กี่คำของพี่ปราบเล่นเอาผมร้อนชาวูบไปทั่วทั้งหน้า ใจมันสั่นตอบรับคำที่ไม่ได้หวานละมุนเหมือนอย่างใคร ทว่าสิ่งใดที่ออกมาจากส่วนลึกความรู้สึกที่ซื่อตรงและจริงใจย่อมสัมผัสได้เสมอ



ถึงแม้พี่มันจะกวนตีนไปบ้าง แต่ผมรู้ดีว่าถ้าหากพี่ปราบได้พูดอะไรออกมาแล้ว นั่นเป็นความจริงและยิ่งเป็นสิ่งที่เขาสัญญาเอาไว้ด้วยแล้ว เขาจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาคำพูดของตัวเองเอาไว้

.

ผมจำเรื่องวันนั้นได้ดี

“พี่ปราบมีนอยากกินไอติมแตงโม”

“วุ่นวายจังเลย วันนี้ลุงเค้าไม่มาขาย เดี๋ยวพรุ่งนี้ถ้าเจอจะซื้อมา”

“จริงๆ นะ พี่ปราบไม่หลอกมีนนะ”

“เออ อย่าพูดมากรำคาญ วันนี้กินไอติมช็อกโกแลตไปก่อน โคตรเรื่องมากเลยมีนั่นจะกินนี่”

ตกตอนเย็นของอีกวัน พี่ปราบมาหาผมที่บ้านพร้อมด้วยไอติมแตงโมกับเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยรอยตีนและใบหน้าเขียวช้ำทั่วเพียงเพราะ....



‘ต่อยกับรุ่นพี่ที่โรงเรียนเพื่อแย่งไอติมแตงโมแท่งสุดท้ายมาให้ผม’





ในที่สุดผมก็มาถึงห้องแม้พี่มันจะบ่นว่าหนักตลอดทางที่แบกผมไว้บนหลังของตัวเองก็ตาม กระนั้นก็ยังพาผมมาส่งผมที่คอนโดอย่างปลอดภัย แถมยังซื้อพวกขนม ยาแล้วก็มื้อเย็นติดขึ้นมาด้วยอีกต่างหาก พี่ปราบวางผมแหมะไว้ตรงโซฟานุ่มถามว่าครัวอยู่ไหนก่อนจะเดินไปตามทางที่ผมชี้

เสียงถ้วยชามช้อนดังกระทบกันเป็นระยะจนเงียบ ตามด้วยภาพคนตัวสูงโผล่หน้ามาจากครัวก่อนจะยกชามก๋วยเตี๋ยวใบใหญ่พร้อมแก้วน้ำมาวางไว้ตรงโซฟาหน้าทีวี

“รีบกิน เสร็จแล้วจะได้กินยาแก้อักเสบกับประคบเย็น”

“ขอบคุณคร้าบ”

เลื่อนชามก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ ที่อยู่ตรงหน้าคีบเส้นเข้าปากเคี้ยวรับความอร่อยสุดฟินพร้อมกับดูทีวีรายการโปรดไปด้วย พี่ปราบเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้งพร้อมชามก๋วยเตี๋ยวของตัวเองก่อนจะเริ่มลงมือกินเช่นกัน

“พี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

ตั้งแต่จบปีสี่พี่ปราบก็ถูกส่งตัวไปเรียนต่อโทบริหารที่อเมริกา เพราะต้องกลับมาทำธุรกิจให้กับที่บ้าน เห็นแบบนี้พี่ปราบเป็นคนที่เรียนเก่งมากแม้ลุคภายนอกจะไม่ให้ก็ตาม

เด็กบริหารห่าอะไร แต่งตัวอย่างกับวิศวะ !!

“กลับมาได้สักพักแล้ว”

ทำไมผมถึงไม่รู้เรื่องนี้เลยนะ แม่หรือพี่ปกก็ไม่เห็นจะพูดถึงพี่มันเลย

“แล้วเมื่อคืนไปเจอผมได้ไง ไปเที่ยวหรอ”

“กูไม่ได้ไปเที่ยว กูไปดูมึงให้น้าศรีต่างหาก”

เดี๋ยวนะ !! กูว่าแล้วใครเป็นคนโทรไปฟ้องแม่ นี่ไลน์ไปด่าไอ้เก้าจนมันงงไปหมด ที่แท้คนผิดนั่งอยู่ข้างๆ นี่เอง

“แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นั่น”

พี่ปราบชำเลืองมองผมเล็กน้อย แล้วหันกลับไปคีบเส้นเล็กใส่ปากต่อไม่ตอบกลับอะไรมา ปล่อยให้ผมค้นหาคำตอบเองในใจต่อไป หน้ากูคงเหมือนคนมีญาณทิพย์แหละ

“มีไอติมไข่แข็งด้วยนะ”

“มีหรอ ทำไมผมเห็นมีแต่ไอติมธรรมดา”

ผมเคยไปกินไอติมร้านที่พี่มันแวะซื้อไอติมเมื่อกี้ จำได้ว่าร้านนั้นไม่มีเมนูที่พี่ปราบพูดถึงนี่นาหรือว่าเป็นเมนูใหม่หว่า

“ก็ไอติมอยู่ในตู้เย็น ส่วนไข่แข็งอยู่นี่ไง”



ผลั๊ว !!!

“โอ๊ยมีน”

โบกหน้าผากหนึ่งทีโทษฐานทะลึ่งตึงโบ๊ะกับผม ไข่แข็งห่าไรที่พี่ชี้อยู่นั่นไข่คนตะหากเว้ย





เพล้ง !!!!!!

เสียงชามหล่นลงพื้นแตกกระจายย่อยยับละเอียดยิบอีกนิดคงใช้แทนทรายก่อสร้างได้แล้วแหละกูว่า ความไอ้พี่ปราบ ความลูกคุณหนูไม่เคยล้างจาน บอกแล้วว่าอย่าทำแต่ก็ไม่ฟังสุดท้ายผลที่ออกมาคือชามก๋วยเตี๋ยวสองใบต้องถูกโกยทิ้งลงถังขยะ

เยี่ยมจริงๆ !! มาไม่ถึงชั่วโมงชิบหายไปแล้วหนึ่ง

“ตอนพี่อยู่อเมริกาพี่อยู่ยังไงไม่ได้ล้างจานหรอ”

พี่ปราบส่ายหัวกลับมาแทนคำตอบ ก็คงจะมีแม่บ้านดูแลเหมือนตอนที่อยู่เมืองไทยนั่นแหละ ลูกชายคนเล็กของเศรษฐีก็งี้ จะทำงานบ้านเองได้ไง

“แล้วนี่จะกลับเลยมั้ย”

“เดี๋ยวอยู่ประคบเย็นให้มึงเสร็จค่อยกลับ”

“พี่ทำเป็นหรอ” ชักเริ่มไม่ไว้ใจแล้วนะ

“เป็นสิ” นั่น !! พยักหน้าแววตาดูมั่นใจ

“เคยทำหรอ”

“เปล่า แต่เมื่อกี้อ่านจากในเว็บแล้วคงไม่ยากเท่าไหร่”

สบายใจละไอ้มีนทำครั้งแรกด้วย เตรียมข้อเท้าอักเสบหนักได้เลยพรุ่งนี้กู



ผมปล่อยให้พี่ปราบนั่งดูทีวีรอ ส่วนตัวเองเข้ามาอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเรียกความสดชื่นให้กลับมา ฟองสบู่สีขาวถูวนไปทั่วผิวเนียนใสที่มีรอยช้ำประทับฝากไว้จากคนที่รอประคบเย็นให้ผมข้างนอก ภาพความทรงจำเมื่อคืนเคลื่อนที่เข้ามาตามจังหวะความคิดอีกครั้ง

อุ่นร้อนของริมฝีปากกับแรงขบเน้นจนเกิดเป็นรอยบนตัว เสียงเรียกชื่อผมที่ลอดแผ่วจากปากของพี่มันก้องดังเข้ามาในหัวเป็นที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน 



ภาพจำยังชัดเจน .. เหมือนเดิมทุกอย่าง



หลังจากใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำจนจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อย พร้อมกับผ้าขนหนูที่พันส่วนล่างไว้หลวมๆ เปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดนอนสวมใส่คืนนี้จะได้รีบออกไปหาพี่ปราบซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้ทำหน้าหงิกเพราะรอผมอาบน้ำนานจนตะคริวแดกหน้าไปถึงส่วนไหนแล้ว



(Rrrr—Rrrr--)


ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตัวเองดังอยู่ข้างนอก ไม่นานก็เงียบดับไปไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยโทรกลับ ไม่ไอ้เก้าก็ไอ้ปาร์คนั่นแหละที่โทรมากวนตีนหาเรื่องคุย



“สวัสดีครับ”

เชี่ยแล้ว !! ที่เสียงโทรศัพท์ผมเงียบกะทันหันไม่ใช่เพราะมันดับเอง แต่ไอ้พี่ปราบกดรับแถมยังเปิดลำโพงอีก

[นั่นใช่เบอร์มีนมั้ยครับ ทำไมเหมือนไม่ใช่เสียงมีน]

เสียงอินนี่หว่า ตายห่าแล้ว!!

“มีนอาบน้ำอยู่มีไรปะ”

[ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใคร]

“กูชื่อปราบปราม”

[แล้วคุณเป็นอะไรกับมีนครับ]

ไม่ใส่เสื้อผ้าแล้วโว้ย ออกไปทั้งผ้าเช็ดตัวพันหลวมข้างล่างแบบนี้แหละ เดี๋ยวไอ้พี่ปราบจะพูดอะไรมากไปกว่านี้

“มึงว่าคนที่จะรับสายแทนกันได้ อยู่คอนโดด้วยกันได้ นอนด้วยกันได้จะเป็นอะไรซะอีกนอกจาก”

‘พี่ปราบอย่า…….’

ผมตะโกนลั่นแทรกสนทนาพร้อมวิ่งออกมาจากหน้าห้อง

“ผัวมีน”



ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด !!

ผมกดตัดสายทันทีที่มาถึง แต่ไม่ทันไอ้พี่ปราบพูดคำนั้นออกไปแล้ว

ไอ้เหี้ยพี่ปราบกูจะบีบคอมึง อย่าเขย่งนะเว้ย





ผมนั่งอยู่ตรงโซฟาหลังจากกลับเข้าไปแต่งตัวจนเสร็จ เหยียดตรงขาซ้ายที่ข้อเท้าเจ็บวางบนตักของไอ้พี่ปราบซึ่งขณะนี้นั่งอยู่ตรงพื้นเตรียมใช้ถุงประคบเย็นที่ซื้อมาจากร้านขายยาปฐมพยาบาลเบื้องต้นตรงข้อเท้าให้ผมหลังจากนำไปแช่ไว้ในตู้เย็นตั้งแต่กลับมาถึงที่คอนโด

วิธีนี้พี่มันบอกจะช่วยลดอาการปวด บวม และอักเสบ โดยกดประคบบริเวณที่บาดเจ็บ ครั้งละ 15 - 20 นาที และจะต้องทำในช่วง 24 - 48 ชั่วโมงแรกหลังได้รับบาดเจ็บ

ผมนั่งมองคนที่เคยเอาแต่กวนประสาทไปมา ทว่าตอนนี้กลับดูแลผมเป็นอย่างดี พี่มันประคบด้วยความระมัดระวัง มือที่จับตรงข้อเท้านั้นอ่อนโยนทนุถนอน สายตาเพ่งมองตั้งใจ ทำตัวน่ารักก็เป็นเหมือนกันนี่หว่าไอ้พี่ปราบ



“คนที่โทรมาเป็นใคร”

พี่ปราบหยุดประคบเมื่อครบ 15 นาทีเป๊ะตามวิธีใช้ข้างกล่องระบุ สายตาที่อ่อนโยนเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยแววตานิ่งฉายแววไม่ค่อยพอใจในคำพูดที่เอ่ยออกมา ตั้งแต่กดวางสายอินและโดนหมอนฟาดไปหนึ่งทีแทนการทำโทษที่เสียมารยาทกดรับสายโทรศัพท์คนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่ายนั้นก็ยังไม่พูดถึงเรื่องนี้เลยผมนึกว่าจะลืมไปแล้วเสียอีก

“เพื่อน ไม่มีไรหรอก”

“ใช่คนที่ชื่ออินปะ”

“ห๊ะ” อะไรจะเดาได้ถูกขนาดนั้นพ่อ

“เป็นคนเดียวกันกับที่มึงเรียกชื่อเมื่อคืน แล้วก็คนที่มึงไปนั่งกินข้าวด้วยเมื่อเย็นใช่ปะ”

เดี๋ยวนะ อย่างแรกเข้าใจว่าเมื่อคืนผมเรียกชื่ออินออกไปแบบนั้น ก็ผมคิดว่าคนที่มีอะไรด้วยเป็นอินนี่หว่าก็ต้องเรียกชื่ออินสิ แต่อย่างหลังพี่ปราบรู้ได้ยังไงกัน

“พี่รู้ได้ไงว่าผมไปกินข้าวกับอินมา”

“กูโทรหาเก้า มันบอกว่ามึงอยู่ที่ร้านนั้น เลยตั้งใจจะไปหาแต่พอกูไปถึงมึงก็อยู่กับไอ้นั่น”

สีหน้าพี่ปราบดูผิดหวังเล็กน้อยเมื่อต้องเอ่ยถึงสิ่งนั้น ก่อนจะปรับเป็นปกติในชั่วพริบตาเดียว จนผมงงว่าแท้ที่จริงพี่มันอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่

“ใช่ครับ คนที่โทรมาชื่ออิน แต่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เป็นเพื่อนกัน”

พี่ปราบหันกลับมาจ้องมองผมด้วยสายตาที่เล่นเอาผมหวั่นไหว สายตาที่พี่มันไม่เคยมองผมมาก่อน

“กูหวงมึงนะ”

หืม !! อะไรซิ

“พะ .. พะ พี่ว่ายังไงนะ”

“กูหวงมึง กูไม่อยากให้มึงอยู่ใกล้คนอื่น”



ตึก ตึก ตึก

ใจเต้นสั่นระรัวจากคนคนเดิมเป็นรอบที่สามของวัน

บทจะตรงก็ตรงชิบหาย



“มึงเป็นของกูแล้วนะ”



ผมกระพริบตาถี่มองพี่ปราบราวกับไม่เชื่อหูตัวเองมากนัก ทว่าเมื่อได้เห็นแววตาที่มั่นคงในคำพูดที่เอ่ยออกมาประกอบกับสีหน้าที่จริงใจนั้นแล้วจึงมั่นใจว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นไม่ได้พูดกวนประสาทแต่อย่างใด

“พี่ตลกแล้ว อำผมใช่มั้ย เลิกแกล้งเถอะดึกแล้วจะได้กลับบ้าน”

ผมสลัดความรู้สึกที่เกิดขึ้นออกไป เพราะใจผมก่อกำแพงความสับสนขึ้นมาเต็มไปหมดไม่รู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่นี้เรียกว่าอะไร แม้จะเชื่อคนตรงหน้าแค่ไหน แต่เมื่อมองไปข้างหน้าแล้วผมไม่เห็นทางเป็นไปได้สักนิด

ความสนิทสนมที่มีตั้งแต่เด็ก ผสานกับความกลัวในความรักที่ผิดหวังมาตลอดชีวิตที่เคยได้สัมผัสจนผมไม่กล้าเปิดตัวเองออกไปด้วยกลัวผลลัพธ์ที่ตามมามันจะจบแบบเดิมอีก



เพราะสุดท้ายคนที่เจ็บที่สุด ..ก็คงไม่พ้นผมอยู่ดี



พี่ปราบลุกขึ้นจากพื้นมานั่งข้างๆ ผม นัยน์ตาสีดำนิ่งมั่นคงราวกับต้องการสื่อถึงสิ่งที่อยู่ภายในใจและคำพูดที่เอ่ยออกมาอีกครั้ง ใบหน้าผมร้อนวูบเมื่อสบเข้าไปแววตาของคนตรงหน้า ความร้อนระเรื่อที่แผ่ซ่านตั้งแต่ใบหูจนถึงลำคอพอรู้ว่าตอนนี้ผมหน้าแดงขนาดไหน พี่ปราบเอื้อมมือมาเกาะกุมมือเรียวนุ่มของผมไว้ไล้ลูบอย่างเบามือ ก่อนหยิบยกขึ้นไปแตะตรงส่วนอกด้านซ้ายของตัวเอง



ตึก ตึก ตึก

แรงเต้นของอวัยวะที่ซื่อตรงที่สุดของร่างกาย แรงระรัวไม่ต่างจากของผมเลยสักนิด ผมก้มหน้าหลบสายตาคมที่ส่งมาอย่างไม่หยุดหย่อน ความสับสน ความหวั่นไหว ในความสัมพันธ์ที่เลยเถิดเกิดขึ้นรวดเร็วจนผมไม่รู้ทิศทางจะเคลื่อนไหวต่อ

“ไม่รู้มันเกิดขึ้นตอนไหน แต่พอรู้อีกทีหัวใจดวงนี้มันก็เต้นแรงทุกครั้งที่อยู่ใกล้มึงแล้ว”

“พี่ปราบ”

“ยังไม่ต้องเชื่อกูก็ได้ แค่ให้โอกาสให้การกระทำพิสูจน์มันก็พอ”

ยอมรับว่าเคลิ้มไหวไปกับทุ้มเสียงที่เอ่ยเอื้อนออกมาอย่างไม่สามารถหยุดความรู้สึกตัวเองได้ คนตรงหน้าขยับย้ายร่างให้เข้ามาประชิดติดใกล้ ยกมือหนาขึ้นจับแก้วนุ่มของผมเอาไว้ด้วยสัมผัสละมุนคล้ายกลัวจะบอบช้ำ ระยะห่างระหว่างใบหน้าของเราสองคน ลดลงเรื่อยตามการเคลื่อนไหวเข้าหาของคนตัวสูง

พี่ปราบประกบริมฝีปากอย่างช้าเชื่องอ้อยอิ่ง สอดเรียวลิ้นเข้าไปภายในเกี่ยวกระหวัดแลกเปลี่ยนความรู้สึกและทุกห้วงอารมณ์ระหว่างกัน ลิ้นสากฉกฉวยทั่วโพลง รสจูบนี้ที่ผมยังตราตรึงในห้วงความรู้สึกไม่คลาย

ของเหลวสีใสฉ่ำเยิ้มจากริมฝีปากนุ่มยามเราผละออกจากกันเพื่อเปิดโอกาสให้ต่างฝ่ายได้หายใจเติมเต็มอ็อกซิเจน ก่อนจะกดจูบลงอีกระลอกพร้อมเอียงหน้าปรับองศาเพื่อให้อยู่ในท่าที่สัมผัสกันได้อย่างถนัดมากขึ้น เนิ่นนานเชื่องช้าจนพอใจจึงค่อยคลายริมฝีปากที่ประกบออกจากกัน รอฝีปากของคนตรงหน้าไล่เรื่อยหยุดตรงหน้าผากก่อนจะกดจูบแน่นลงสำทับอีกครั้ง

นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นี้ลืมตามาเผชิญกับนัยน์ตาสีดำขลับตรงข้าม เจ้าของร่างสูงยกยิ้มกว้างอิ่มสุข มือวาดวนตรงกรอบหน้านุ่มไม่คลายลง ก่อนจะเอ่ยเอื้อนคำที่เติมเต็มความรู้สึกนั้นของผมอีกครั้ง

.



“กูไม่ได้ตลกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนถึงมึงจะบอกว่าแค่สนุก”

คนตรงหน้ากำลังทำให้ใจผมสั่นระรัว

.


“แต่กูจริงจังและตั้งใจให้มันเกิดขึ้น”





อยากกินไอติม…ไข่แข็งอะ 555555

 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//04-แค่ไหนเรียกจริงจัง (29-05-21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 29-05-2021 20:50:29
 :o8: :-[
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//04-แค่ไหนเรียกจริงจัง (29-05-21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-05-2021 00:02:58
 :a1:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//04-แค่ไหนเรียกจริงจัง (29-05-21)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 31-05-2021 14:01:27
ไปร้านไอติม แปบนะ ..
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//05-คนใดที่ได้เจียว (1-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 01-06-2021 20:22:08
Chapter 05 --- ❝ คนใดที่ได้เจียว ❞

------------



ติ๊ง !!!!



Prabpram : ตื่นเถิดชาวไทย

Prabpram : กินข้าวแล้วกินยาด้วยนะ

Prabpram : เดี๋ยวเที่ยงจะแวะเข้าไปประคบเย็นให้ รอกินข้าวพร้อมกันนะ



08.30  น.

วางโทรศัพท์ลงบนที่นอน ส่ายหัวให้กับข้อความของไอ้พี่ปราบที่ส่งมาก่อกวนตั้งแต่แปดโมงเช้าแบบนี้โดยไม่ได้ตอบกลับอะไรไป ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่พี่มันทำให้ใจผมหวั่นไหวอยู่ไม่สุข ทิ้งรอยจูบกับคำพูดละมุนมั่นคงนั้นฝากเอาไว้ก่อนคนตัวสูงจะกลับไป



“แต่กูจริงจังและตั้งใจให้มันเกิดขึ้น”

คำนั้นยังฝังแน่นอยู่ในทุกห้วงความรู้สึก



ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความสดชื่นแม้จะถูกเสียงข้อความปลุกให้ตื่นก็ตาม หากเป็นปกติผมจะหงุดหงิดมากที่โดนดึงให้ออกจากความฝันดีในวันหยุดแบบนี้ ทว่าทำไมข้อความที่เด้งติดๆ กันสามสี่ข้อความนั้นไม่ได้ทำให้เกิดความรำราญแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามผมกลับเผลอยกยิ้มตามด้วยซ้ำ



สองเท้าค่อยเหยียดยกลงบนพื้น ความระบมยังมีอยู่บ้างเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเมื่อวาน อาจเพราะประคบเย็นจากใครคนนั้น เช้านี้จากที่คิดว่าจะปวดหนักจนเดินไม่ไหวกลับกลายเป็นผมสามารถเดินได้แม้จะไม่เต็มที่ก็ตาม



หยิบเสื้อยืดโอเวอร์ไซต์สีดำตัวโปรดกับกางเกงขาสั้นมาสวมใส่หลังอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย จัดทรงผมทูบ๊อกที่เคยยุ่งเหยิงให้เข้าที่ หมุนตรวจความเรียบร้อยตรงหน้ากระจกเต็มความสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซ็นติเมตร ฉีดพ่นน้ำหอมกลิ่นประจำตัวถือเป็นอันเสร็จพิธี



บ้า !! ไม่ได้แต่งตัวรอใครสักหน่อย



10.00 น.

ต้มโจ๊กสำเร็จรูปง่ายๆ สำหรับมื้อเช้าจะได้กินยาแก้อักเสบหลังอาหาร เปิดทีวีเป็นเพื่อนแก้เหงากลับฉายช่องที่คนตัวสูงเมื่อคืนเปิดทิ้งไว้  ‘ช่องการ์ตูนต่างประเทศ’ ติดการ์ตูนยังไงก็ยังเป็นแบบเดิมยิ่งวันพีชเรื่องโปรดพี่มันสามารถนั่งดูได้เป็นวันโดยไม่ขยับไปไหน



ติ๊ง !!

ตายยากจริง บ่นถึงก็ไลน์มาพอดี

Prabpram : เซ็ง !! อ่านไลน์แล้วไม่ตอบ

Prabpram : ประชุมอยู่นี่ แต่ใจอยู่โน่น

Prabpram : อยากกินไข่เจียวจัง จะมีคนใจดีทำให้กินมั้ยนะ

.

Meen-Tara : น่ามคาน

ก้มหน้าก้มตาตักกินโจ๊กต่อ เดี๋ยวจะได้ไปทำใครเจียวสำหรับมื้อเที่ยง

บ้า !!  ไม่ได้ทำรอพี่มันสักหน่อย



11.00 น.

นานแล้วที่ไม่ได้ทำอาหารกินจิงๆจังๆ อย่างมากก็โจ๊กคัพหรือต้มบะหมี่ถ้วยเท่านั้นแหละ ผมอยู่คนเดียวส่วนใหญ่จะหาอะไรกินให้เรียบร้อยตั้งแต่ข้างนอกมาแล้ว ส่วนใหญ่ก็กินกับไอ้เก้าไอ้ปาร์ค ส่วนวันหยุดอาศัยสั่งเดลิเวอร์รี่ไม่ก็อาหารแช่แข็งสำเร็จรูป แม้จะไม่อร่อยเท่าไหร่แต่ก็ยังดีกว่าต้องมานั่งล้างจาน โคตรขี้เกียจเลย



ค้นในตู้เย็นยังดีที่มีไข่เหลืออยู่สี่ฟองสุดท้าย นอกนั้นไม่มีของสดอะไรเลย แหม !! ตู้เย็นห้องผมมีไว้แช่น้ำเปล่าเท่านั้น ส่วนอย่างอื่นลงไปหาที่เซเว่นเอา



ลงมือตอกไข่ทีละฟองจนครบสี่ จากนั้นใส่ผงปรุงรส ซีอิ๊วขาว และน้ำปลา ตั้งกระทะให้ร้อนใส่น้ำมัน ระหว่างรอก็ตีไข่ไปพลางๆ พอทำอาหารเป็นบ้างให้เอาตัวรอดเผื่อมื้อไหนซื้อมาแล้วแดกไม่ได้ วิชาส่วนใหญ่เป็นแม่ใช้แล้วจำ ก็คุณนายศรีทำอาหารทุกมื้อส่วนผมมีหน้าที่เป็นภาระมือ คอยหยิบจับนั่นโน่นนี่ไปตามทักษะที่พอจะทำไหว เก่งสุดก็เด็ดใบกระเพรา..น่าภูมิใจชิบหาย



11.30 น.

ไข่เจียวสีเหลืองน่ากิน ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วห้อง ยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปอัพลงสตอรี่สักหน่อยชาวโซเชี่ยลจะได้รู้ว่ากูเจียวไข่เป็น



12.25 น.

ไข่เจียวผมเริ่มเย็นชืด แต่ยังไร้วี่แววคนที่สั่งให้ทำจะมาถึง ไลน์เงียบสนิทไม่มีข้อความใดๆ นับตั้งแต่สิบโมง

13.20 น.

ท้องเริ่มร้องจ๊อกๆ เมื่อผ่านเที่ยงวันมาได้เพียงไม่กี่นาที โจ๊กถุงตอนเช้าไม่อยู่ท้องเลยสักนิด ส่วนคนบอกให้รอทานข้าวพร้อมกันก็เงียบหายไร้การติดต่อใดๆ



‘รูปไข่เจียว’

Meen-Tara  : ไข่เจียวเย็นหมดแล้วครับ



14.10 น.

ติ๊ง !!

Prabpram : โทษทีนะ คงไม่ได้ไปแล้ว ติดธุระด่วน



ไข่เจียวเย็นชืดอยู่บนจานตรงหน้า พร้อมกับความรู้สึกผิดหวังจากข้อความสุดท้ายที่ไม่ได้เปิดอ่าน







“มีนทางนี้ครับ”

อินกวักมือเรียกผมแต่ไกลอยู่ตรงหน้าทางเข้าร้านเสื้อผ้าชื่อดังแห่งหนึ่ง หลังจากข้อความนั้นไม่นานอินก็โทรมาชวนขอให้ผมเลือกเสื้อผ้า ผมที่รู้สึกนอยด์เบื่อๆ อยู่แล้วจึงตัดสินใจออกมาจากห้องสี่เหลี่ยมสู่อิสระในโลกกว้าง ผมค่อยๆ ก้าวเดินเพราะยังมีเจ็บตรงข้อเท้าอยู่ เหมือนอินจะสังเกตุเห็นเลยรีบวิ่งเข้ามาหา

“มีนเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเดินแบบนี้”

“เมื่อวานมีนล้มเลยเจ็บข้อเท้านิดหน่อย”

“อ้าว ไม่บอกละครับอินจะได้ไม่รบกวน”

“ไม่เป็นไรมีนอยากมาเดินเล่น อยู่ห้องก็เบื่อ”

“ได้ๆ งั้นมีนนั่งรออินอย่างเดียวนะ เดี๋ยวอินจะหยิบเสื้อผ้ามาให้เลือก”

พยักหน้ารับคำพลางก้าวเดินตามคนที่ประคองผมไม่ห่าง อินไม่พูดถึงเรื่องเมื่อคืนเลยแม้แต่น้อย ไม่ถาม ไม่สงสัยว่าคนที่เขาคุยด้วยเป็นใคร ทำตัวปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ้มหัวเราะง่ายกับทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเหมือนทุกครั้ง จนบางทีผมก็อยากทำให้ตัวเองยิ้มได้ง่ายๆแบบนั้นบ้างจัง

“ตัวนี้สวยมั้ยครับมีน”

“สวยดีนะ”

อินหยิบเสื้อเชิ๊ดสีดำคอจีนทรงผู้ชายไม่มีกระดุมมาให้ผมดู จากนั้นก็ตามมาด้วยเสื้อยืด กางเกง เสื้อคลุมอีกเยอะแยะมากมาย จากที่นั่งนิ่งๆเหมือนหุ่น กลับฉีกยิ้มและเผลอหัวเราะตามท่าทางของคนตรงหน้าที่คอยทำอะไรตลกๆให้ผมดู แถมยังวิ่งเข้าออกห้องลองชุดจนเหนื่อยหอบ

“อันนี้อินซื้อให้ครับ”

ถุงกระดาษในมือถูกยื่นมาให้ผมหลังจากอินจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้างในเป็นเสื้อยืดสีขาวลายสกรีนกราฟฟิคตรงอกที่ผมบอกอินว่าตัวนี้สวยสุด

“ซื้อให้มีนทำไม”

“เอาไว้ใส่ไปเที่ยวคราวหน้าด้วยกันไงครับ”

“หืม”

“ล้อเล่น แทนคำขอบคุณไงที่มีนมาช่วยเลือกเสื้อผ้าให้”

“ขอบคุณนะ”

“มีอะไรไม่สบายใจ ระบายให้อินฟังได้นะ มีนเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าหน้าเศร้าๆแบบนี้นะครับ”

อินถือวสาสะใช้นิ้วชี้จับตรงมุมปากทั้งสองข้างของผมให้ยกขึ้น ส่วนเขาเองก็ยกยิ้มกว้างอย่างที่ชอบทำเป็นประจำอยู่แล้วเป็นเพื่อน

“ไม่มีไรหรอก”

“ไปหาไรกินดีกว่า วันนี้มีนต้องเลี้ยงอินนี่นา”

อินทวงสัญญาที่ผมได้ให้ไว้เมื่อวาน เราพากันเดินมาเรื่อยๆ มองหาร้านที่น่าสนใจสำหรับมื้อเย็นนี้

“มีนร้านอาหารญี่ปุ่นตรงนั้นน่าสนนะ”

ละสายตาจากร้านชาบูตรงหน้าหันกลับไปตามเสียงเรียกของอิน สายตามองทิศทางที่มือของคนข้างตัวชี้อยู่ พลันสายตากับมองอย่างอย่างอื่นที่ไม่ใช่ร้านอาหาร



คนที่บอกว่ามีธุระด่วน !! แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้



พี่ปราบเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปกับผู้หญิงสวย รูปร่างดี ดูสมกัน หล่อนสวมชุดเดรสสั้นสีชมพูดูเด่นตา ออดอ้อนกอดแขนพี่ปราบไม่ห่างตัวแสดงความเป็นเจ้าของชัดเจน ส่วนฝ่ายชายไม่มีท่าทีปัดป้องขัดขืนแต่ประการใด

“ปราบคะ ” เคธี่อยากได้กระเป๋า ช่วยเลือกหน่อยนะ

“ไปสิ”

“ปราบน่ารักที่สุดเลย เสร็จแล้วเราไปหาไรกินกันต่อนะคะ”

เสียงออดอ้อนน่ารัก ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ต้องหลงให้กับท่าทางและสายตาของเธอทั้งนั้น ผมที่ยืนมองห่างๆ ยังอดชื่นชมไม่ได้

“แต่ว่า” พี่ปราบเหมือนหยุดคิดชั่วครู่ก่อนจะตอบตกลงกลับไป

“นะคะ”

“ก็ได้ครับ”

“เย้ปราบของเคธี่น่ารักที่สุด”



ตลกตัวเองชิบหาย !! นี่ผมเผลอคิดว่าที่พี่ปราบนอนกับผมเป็นเพราะเขามีใจได้ยังไงกันในเมื่อมันไม่มีสัญญาณอะไรที่บ่งบอกมาก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย

นอกจากคำพูดลวงหลอกที่พี่มันสร้างขึ้นมาเพื่อทำให้ผมคิดไปเอง

คนที่ทะเลาะกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่ชอบหน้ากันตั้งแต่เด็ก จะมาสนใจกันได้ยังไง

ความรู้สึกมันสั่งให้ผมอ่อนไหวไปกับความอ่อนโยนที่พี่ปราบมอบให้ตลอดระยะเวลาที่เสพสุขร่วมกันบนเตียงหรือด้วยใจผมที่พยายามสั่งบังคับให้มันปิดกั้นทุกความหวั่นไหวที่เข้ามาใกล้ตลอดหนึ่งปีที่ก่อกำแพงเอาไว้เป็นเพียงการหลอกตัวเองให้เข้มแข็งเท่านั้น



ทว่าในความเป็นจริงแล้วนั้นผมยังอยากมีรักกับใครสักคน

และความจริง .. ผมไม่สามารถนอนกับใครต่อใครก็ได้อย่างที่สะกดจิตตัวเองให้ทำแบบนั้นอยู่เสมอ



ผมหวั่นไหวกับคู่นอนของผมอย่างง่ายดายโดยไม่เผื่อใจไว้เลยว่า ..

มันก็แค่เรื่องสนุกบนเตียงที่ห้ามจริงจัง



เลิกคิดถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ซะเถอะ เพราะระหว่างที่เรานั่งเฝ้าเพ้อ สับสน วุ่นวายในใจถึงใครคนนั้น เขากลับตรงกันข้ามกับเราโดยสิ้นเชิง เขามีความสุข เขามีคนเดินข้างกายอยู่แล้ว เขาไม่ได้มีท่าทีวุ่นวายใจเหมือนเราเลยสักน้อย



เรื่องคืนนั้นมันก็คืออดีตที่ผมไม่ควรจดจำ

แค่ผมยังจัดการกับความรู้สึกตัวเองได้ไม่ดีพอแหละถึงทำให้ต้องมานั่งเป็นบ้าอยู่อย่างนี้

หรืออาจเพียงเพราะพี่ปราบเป็นคู่นอนคนแรกของผม จึงยังไม่สามารถจัดการความรู้สึกต่างๆได้ดีเท่าที่ควรจะเป็น

ผมต้องลองนอนกับคนอื่นดูบ้าง ความรู้สึกแย่ๆ พวกนี้จะได้หมดไปสักที



มันก็แค่ความสับสนในครั้งแรก ... คนต่อๆไปผมจะจัดการกับตัวเองได้ดีขึ้นเอง

.

“อินครับ”

“ครับมีน”

.

“คืนนี้เจอกันที่ผับนะครับ มีนไม่อยากอยู่คนเดียว”









บรรยากาศร้านคืนนี้คึกคักกว่าเมื่อวานมากด้วยเป็นวันศุกร์ ทั้งคนออฟฟิศและนักศึกษาจึงเข้ามาปลดปล่อยความเหนื่อยล้า ความน่าเบื่อ ความทุกข์ เพื่อเติมความสุขให้กับตัวเองรวมถึงผมด้วย เมื่อหัวค่ำหลังจากแยกกับอินผมโทรบอกไอ้เก้ากับไอ้ปาร์คแล้วว่าจะมาเที่ยวสองตัวนั่นหูผึ่งบอกจะรีบตามมาดึกๆ ส่วนผมพอแต่งตัวเสร็จก็ออกมาเลย ไม่อยากปล่อยตัวเองให้จมกับเรื่องในหัว คืนนี้ผมจะเคลียร์ความรู้สึกบ้าๆ นั่นทิ้งด้วยเหล้าและคู่นอนใหม่ของผม



พี่ปราบ ..จะไม่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกผมอีกแล้ว !!



“อย่าดื่มเยอะนะครับมีน อินเป็นห่วง” ยกเบียร์ขวดที่หกขึ้นดื่มอย่างง่ายดายเหมือนมันเป็นแค่น้ำเปล่า ความรู้สึกมึนทำหน้าที่เมื่อฤทธิ์แอลกอฮอล์อยู่ในเกณฑ์เกินกำหนด

“เป็นห่วงมีนหรือกลัวมีนเมาแล้วจะเอาไม่สนุกกันแน่ครับ”

พูดตรงจนอินหน้าเจื่อน ผมไม่ใช่เด็กที่จะไม่รู้ว่าอินเข้ามาหาผมเพราะสาเหตุใด แม้อินจะแสดงว่าชอบผมเกินความสัมพันธ์ชั่วคราวก็ตาม แต่ผมไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นกับอีกฝ่าย



คืนนี้มันจะเกิดขึ้นเพียง .. หาความสุขระหว่างกันชั่วคราวเท่านั้น



“อินไม่ได้คิดแค่เรื่องนั้นนะครับ อินชอบมีนจริงๆนะครับ เราคุยกันไปก่อนก็ได้อินไม่รีบ”

“แต่มีนไม่ได้ต้องการแฟนครับ มีนอยากได้แค่คู่นอน”

เบียร์ขวดที่แปดถูกวางลงบนโต๊ะพร้อมสติที่เริ่มเลือนลางไปตามจำนวนขวด ความเมาสั่งให้ผมกล้าที่จะพูดในสิ่งที่ใจคิดออกมา หากเป็นปกติคงไม่ขนาดนี้แม้จะเป็นคนตรงแค่ไหนก็ตามที

“อินว่ามีนเมามากแล้วนะ”

ขยับตัวให้เข้าไปชิดกับอินให้มากขึ้น มือลูบไล้ใบหน้าหล่อราวรูปปั้น เลือนไล้ปากอวบสวยที่เคยประทับจูบเมื่อคืนก่อนแล้วครั้งหนึ่ง อินเผลอลูบขาผมอย่างลืมตัวตอบกลับมา ปากผมเผยอยั่วยวนฝ่ายตรงข้ามให้เคลิ้มตาม

“ชอบมีนจริงหรอ”

“ชอบครับ”

“ทำให้มีนติดใจสิ .. เผื่อมีนจะลืมอินไม่ลง”

หรือทำยังไงก็ได้ให้ผมลืมเค้าสักทีเถอะ ผมจะขอบคุณมากเลย



อินดึงผมเข้าไปจูบ ลิ้นฉกรัวเร็วซาบซ่านจนผมเผลอยกมือขึ้นกอดคอคนที่อยู่ตรงหน้าจูบครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อนเพราะมันร้อนแรงกว่าเดิมมาก อินกัดเม้มงัดริมฝีปากบนล่างผมสลับกันไปมาก่อนจะใช้ลิ้นพุ่งฉกโลมเลียไปทั่วทุกส่วนของกระพุ้งแก้ม ผมตอบสนองจูบของอินด้วยลิ้นที่กวัดแกว่งไปมา มันเนิ่นนานจนก่อให้เกิดอารมณ์อยากในที่สุด มือของอินล้วงเข้าไปในใต้ร่มผ้าของผมสัมผัสเย็นวาบผ่านผิวพาให้ขนลุกไปทั้งตัว ตาสองข้างหลับพริ้มรับการกระทำที่เกิดขึ้นอย่างไม่อายสายตาใครในความมืด ตัวผมเริ่มโอนอ่อนติดโซฟาไปตามจูบดูดดื่มของคนแปลกหน้า





พลันภาพในหัวกลับเต็มไปด้วยหน้าพี่ปราบและความหวานของรสจูบดูดดื่มเมื่อคืน



‘มีนครับ’ เสียงนั้นยังก้องอยู่เต็มหัว



ผมต้องลืม !! ผมต้องลืมให้ได้ .. มันต้องลืมสิวะ แมร่งเอ๊ย



“มึงปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ”

นี่คิดถึงเค้าจนหูแว่วขนาดนี้เลยหรอ



ปึก !!!



รสจูบผมขาดตอนเมื่อเจ้าของริมฝีปากที่ประกบอยู่ถูกกระชากปลิวตามแรงของใครสักคนจนปลิวล้มลงไปกับพื้น ก่อนจะถูกชกซ้ำโดยไม่มีโอกาสได้ตอบโต้อะไรทั้งนั้น

“พี่ปราบ” ตาเบิกกว้างเมื่อเห็นด้านข้างของคนที่กำลังชกอินอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่รู้พี่มันไปโกรธแค้นอินตั้งแต่ชาติปางไหน ส่วนอินสู้ไอ้พี่ปราบไม่ได้เลยเอาแต่ปัดป้อง

“พี่ปราบหยุด” รั้งแขนของคนตัวสูงเอาไว้หวังจะให้เขาหยุดการกระทำแต่สู้ไม่ได้เลยสักนิด พี่ปราบเหวี่ยงผมให้ล้มลงบนพื้นอีกคน ก่อนจะเข้าไปต่อยอินจนอยู่ในสภาพที่ไม่น่ามอง

“มึงเป็นใครวะ ไอ้เหี้ย กูไปทำอะไรให้มึง”

“กูก็เป็นเจ้าของคนที่มึงจูบเมื่อกี้นี่ไง มึงจำเอาไว้เลยนะอย่ายุ่งกับคนของกู ไม่งั้นมึงเจ็บหนักกว่านี้”



‘ คนของกูงั้นหรอ ’

ใจผมเต้นตึกๆ เมื่อได้ยินคำนั้น



แทนที่ผมจะดีใจ แต่ทำไมมันเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมาแบบนี้กันวะ เมื่อกลางวันยังควงคนอื่นอยู่เลยไม่ใช่หรือไงแล้วตอนนี้จะมาแสดงความเป็นเจ้าของทำไมกัน



ตอนเด็กพี่ก็เล่นของเล่นผม ..

โตขึ้นพี่ก็ยังจะมาเล่นกับความรู้สึกผมอีกหรอ

พี่แมร่งใจร้ายชิบหาย



“เหี้ย เกิดไรกันขึ้นวะ” ไอ้เก้ากับปาร์ควิ่งเข้ามาหน้าตื่น พี่ปราบชกอินซ้ำอีกครั้งแล้วเดินสามขุมตรงมาหาผม สีหน้าดุดันชนิดที่ว่าเกิดมาผมยังไม่เคยเห็นพี่มันเป็นมาก่อน แววตานิ่งไร้ประกายใดเกิดขึ้น

“พี่ฝากเคลียร์ไอ้เหี้ยนี่หน่อย ส่วนถ้าทางร้านมีค่าเสียหายให้เก็บที่พี่” พี่ปราบหันไปคุยกับไอ้เก้า ไอ้นั่นก็พยักหน้าหงึกๆ ตามคำสั่ง

“แล้วพี่จะพาเพื่อนผมไปไหน”

“กลับบ้านสิ จะอยู่ให้เพื่อนมึงทำตัวมั่วกอดจูบเอากับผู้ชายไปทั่วหรือไง”

พี่ปราบคว้าข้อแขนแล้วกระชากให้ผมลุกขึ้นตามพยายามขัดขืนแล้วแต่ก็รู้แรงควายนั่นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

“ปล่อยผมนะ พี่จะมายุ่งกับผมทำไม” กูจะร้องไห้แล้วเนี่ย

“มึงเงียบไปเลยนะ อย่าทำให้กูโกรธไปมากกว่านี้ กูขอเตือน”

“ผมไม่กลัวพี่หรอก นี่มันชีวิตผม ผมจะเอากับใครก็ได้ แล้วพี่ก็ไม่มีสิทธิไปต่อยอินเค้าแบบนั้น”

“มึงหุบปากเลยนะ มึงจะให้กูพูดมั้ยว่าเมื่อคืนมึงกับกูนอนด้วยกันแล้ว”

“เห้ยยยย” เสียงอินกับไอ้ปาร์คร้องขึ้นอย่างตกใจ

ส่วนผมใจสั่น ตัวสั่นไปหมดไม่รู้ว่าพี่มันจะอะไรกับผมนักหนาแค่นี้ผมก็สับสนมากพอแล้ว การกระทำเหมือนสนใจแต่คำพูดที่ออกมาจากปากโคตรทำให้ผมเสียใจเลย

“นอนด้วยแล้วไง .. ผมนอนกับใครก็ได้ที่ผมพอใจ พี่ก็นอนกับคนอื่นไปทั่วเหมือนกันนั่นแหละ ก่อนจะว่าคนอื่นดูตัวเองก่อนบ้างก็ดีนะ”

มึงเป็นบ้าหรอ !! กลางวันไปควงผู้หญิงคนเดินมีความสุข บอกว่ามีงานด่วน หลอกให้ผมรอเกือบทั้งวัน แล้วกลางคืนจะมาแสดงความเป็นเจ้าของ

เห็นกูเป็นตัวอะไร !!

 “เลิกวุ่นวายกับชีวิตผมได้แล้ว ผมรำคาญ บอกแล้วไงว่าแค่สนุก จะจริงจังทำเหี้ยอะไร” คืนนี้มันจะต้องจบความรู้สึกบ้าๆ ที่วนเวียนอยู่ในใจผมสักที

“มึงคิดแค่นั้นจริงๆหรอวะ”

“ก็เออนะสิ ทำไมพี่เข้าใจอะไรยากจัง”

“ได้..ในเมื่อมึงเห็นว่ามันเป็นแค่เรื่องสนุก คืนนี้กูจะทำให้มึงสนุกจนลืมไม่ลงเลยแหละ”

.

“แล้วอย่าหวังว่าชีวิตนี้มึงจะหลุดพ้นจากกูได้”

.

“คนอย่างกูไม่ชอบแบ่งของเล่นให้ใคร”



ไอ้เหี้ยพี่ปราบ !!! กูเกลียดมึงจนไม่รู้จะเกลียดยังไงแล้ว








ตอนนี้กูจะเป็นไบโพล่าแล้ว .. ใจเย็นลูกต๋าอย่าตีกัน

 :katai1: :katai1: :katai1: o22
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//05-คนใดที่ได้เจียว (1-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 01-06-2021 20:55:55
 :oo1: :jul1:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//05-คนใดที่ได้เจียว (1-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-06-2021 22:48:44
 :hao7:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//05-คนใดที่ได้เจียว (1-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 02-06-2021 11:56:42
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//05-คนใดที่ได้เจียว (1-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 03-06-2021 11:06:00
ของเล่น ที่ลืมกันไม่ลง ..
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//06-รถของเล่น (4-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 04-06-2021 20:10:27
Chapter 06---❝ รถของเล่น ❞
------------


ปึก!!




แรงมหาศาลเหวี่ยงให้หลังของผมกระแทกกับขอบโซฟาอย่างจังทันทีที่ประตูห้องเดิมถูกปิดลง ก่อนร่างสูงใหญ่จะดันไหล่ผมกดไว้แน่นหนา ในใจผมกลัวไปหมดพยายามขัดขืน แต่เรี่ยวแรงก็ไม่เพียงพอจะสู้อีกฝ่ายได้นอกจากดิ้นเร่าต่อต้านคนที่คร่อมอยู่บนตัวผมเท่านั้น



พี่ปราบอุ้มผมขึ้นพาดบ่าเดินออกจากมาจากผับท่ามกลางสายตาของคนที่มาเที่ยวและเพื่อนของผม ทุกคนตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไอ้เก้าพยายามส่งข้อความมาถามในไลน์กลุ่ม พยายามจะโทรเข้ามาแต่โทรศัพท์ผมถูกไอ้พี่ปราบยึดเอาไปไว้ ระหว่างทางไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นระหว่างเราเลยแม้สักประโยค พี่มันขับรถเร็วเหมือนจะรีบไปตายที่ไหน สายตานิ่งไร้ประกายใดๆ จ้องมองไปยังถนนไม่หลุดโฟกัส



ส่วนผมได้แต่คิดและหาทางว่าจะหนียังไงเมื่อถึงคอนโดของพี่มันแล้ว พี่ปราบน่ากลัวกว่าครั้งไหนที่ผมเคยพบเจอ แม้จะรู้จักกันตั้งแต่เด็กแต่พี่ปราบในเวอร์ชั่นนี้ผมไม่เคยเจอ



ผมไม่เข้าใจว่าที่มันทำอยู่ทำไปเพื่ออะไร

หรือเพียงเพราะ... ผมเป็นของเล่นชิ้นหนึ่งเหมือนอย่างที่พี่มันพูด

น้อยใจสัส!!!



“ปะ...ปล่อยผม ไอ้เหี้ยพี่ปราบ ฮึก!” สะบัดตัวอย่างแรงแต่ก็ขยับไม่ได้มากนัก เพราะข้อมือทั้งสองข้างถูกตรึงไว้เหนือหัว พร้อมกับร่างกายที่ถูกกดให้ติดกับโซฟาจนขัดขืนไม่ได้



“มึงชอบไม่ใช่หรอ นี่ไงกูกำลังจะสนองความต้องการของมึง” เขาไม่รอให้ผมตอบโต้ รีบใช้แรงที่มากกว่าตรึงร่างของผมเอาไว้ให้อยู่กับที่ เลื่อนใบซุกไซร้ซอกคออย่างจาบจ้วงเจ็บจนทรมาน



วันนี้มันเต็มไปด้วยความรุนแรง ไม่มีแม้เพียงเสี้ยวความอ่อนโยนเหมือนเมื่อคืนหลงเหลืออยู่

คนคนเดียวกันแต่ความรู้สึกต่างจากเมื่อคืนสิ้นเชิง



“อึก...อึก” ผมได้แต่กลั้นเสียงตัวเองไว้ในลำคอ ไม่ให้ส่งเสียงออกมา ขณะที่ร่างกายพยายามต่อต้านคนตรงหน้าสุดความสามารถ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการขยับตัวไปมาจนร่างกายเสียดสีกัน



“ยะ...หยุด” บอกด้วยเสียงสั่นพร่า แต่พี่มันกลับไม่รับฟัง หนำซ้ำยังเลื่อนริมฝีปากปิดเสียงทั้งหมดให้กลืนหายไปในลำคอ พยายามเบี่ยงหน้าหนีแต่พี่มันก็ตามมาประกบจูบไม่ขาด



คนตัวสูงบดเบียดริมฝีปากร้อนอย่างไม่คิดจะถนอม ใช้คมฟันกัดเม้มจนรู้สึกเจ็บและเผลอเผยอริมฝีปากโดยไม่ทันตั้งตัว ลิ้นร้อนชื้นเกี่ยวกระหวัดเข้ามาในโพรงปากฉับพลัน ทำราวกับจะกลืนกินทุกอย่างจนหมดสิ้น แรงบีบแน่นที่ข้อมือหนักแน่นส่งความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นมากทวี



ร่างกายนี้ไม่ใช่ของผมอีกต่อไป เมื่อมันถูกควบคุมโดยคนใจร้ายที่กำลังจงใจรังแกอย่างไม่ปรานี



ผมรู้สึกถึงกลิ่นคาวของเลือดที่ปะปนอยู่บริเวณริมฝีปาก เพราะถูกใครอีกคนขบเม้มอย่างเอาแต่ใจจนได้เลือด รอยแผลเดิมของเมื่อคืนยังไม่ทันจะสมานกลับถูกขยี้ให้ปริหนักกว่าเก่า ได้แต่หลับตาลงและปล่อยให้อีกฝ่ายกระทำอย่างย่ามใจ เพราะถึงยังไงซะก็ไม่มีทางสู้คนตรงหน้าได้อยู่ดี ความน้อยใจที่สั่งสมกลั่นเป็นหยดใสไหลออกจากหางตาผ่านความร้อนผะแผ่วส่วนขอบตา

“มุขเดิมๆ ตอนเด็ก คิดว่าร้องไห้แล้วกูจะตามใจมึง สงสารมึงหรอไม่มีทาง”

“อื้อ .. อึก”

หลังจากที่ผละออกพี่มันกลับใช้ลิ้นเลียริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะสาดซัดคำถามแสนปวดใจมาให้ราวกับคลื่นทะเลสูงที่สาดใส่ต่อเนื่องไม่หยุด ทำราวกับผมไม่มีความรู้สึก



“ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง ได้กี่คนแล้วละ”

“หยุดดูถูกผมได้แล้ว” จ้องหน้าคนที่เอาแต่รังแกผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จบ ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ไม่รู้ว่ามันมีความสุขมากนักหรือไงที่ทำกระทำผมอยู่ฝ่ายเดียว

“มีกูคนเดียวมึงคงไม่พอสินะ ทำไมการเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ เป็นเป้าหมายในชีวิตมึงหรอ”

กึก!!

“คนดีดีที่ไหนเค้าไม่ทำตัวง่ายแบบมึงหรอ”

เพี๊ยะ!!!

“กูเกลียดมึง”

คนตัวสูงไม่ตอบโต้อะไรกลับมานอกจากยกยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ ก่อนจะตวัดร่างผมให้ลุกขึ้นแล้วผลักลงบนเตียงอย่างแรงราวกับสิ่งของไร้ค่า พี่ปราบปลดเปลื้องส่วนบนให้เปลือยเปล่าส่งสัญญาณว่าพร้อมแล้วที่จะบดขยี้ร่างกายผมให้แหลกอีกครั้ง เสื้อผ้าของผมถูกดึงกระตุกออกอย่างลวกๆ รีบร้อน รุนแรงอย่างไม่ใส่ใจว่าจะพังเสียหายแค่ไหน จนถึงตอนนี้ร่างกายของผมมันชาไปหมดได้แต่ปล่อยให้พี่มันทำทุกอย่างที่ต้องการอย่างหนำใจไม่คิดจะต่อต้าน



“ฮึก” หยดน้ำตาไหลแผ่วเบาไม่ขาด



ได้แต่ยกมือปิดปากเพื่อกั้นเสียงร้องของตัวเองเอาไว้ไม่ให้หลุดลอดออกมา แม้จะเจ็บแค่ไหนผมจะอดทนไม่ให้คนรังแกได้ใจเป็นอันขาด



ร่างกาย ความรู้สึก และหัวใจของผมตอนนี้มันชินชาไปหมดแล้ว!!



“อะไรก็ตามที่มันเป็นของกู กูจะไม่มีทางเสียให้ใคร”



พี่ปราบประกบริมฝีปากรุนแรงยัดเยียดจูบที่ไม่นุ่มนวลให้ผมอีกครั้ง ความเจ็บเพราะถูกฟันกัดเน้นจนผมทนแทบไม่ไหว ลิ้นสากฉกฉวยวิ่งรวนกวัดแกว่งไปตามไรฟัน สลับกับริมฝีปากที่งับเม้มจนระบมไปทั่ว กลิ่นเลือดผสมกลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งปะปนจนแยกไม่ออก ในหัวผมขาวโพลนว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดเลยที่เป็นความสุขหลงเหลืออยู่ในการกระทำที่เกิดขึ้น จูบนี้มันแย่กว่าครั้งไหนที่เคยสัมผัส



การเสพสมกันต้องชวนให้มีความสุขเหมือนขึ้นสวรรค์ไม่ใช่หรือ

แต่ทำไมผมถึงเหมือนตกนรกขั้นที่แย่ที่สุดแบบนี้กัน



ยอดอกผมถูกกัดกลืนเจ็บจนแทบทนไม่ไหว ลิ้นสากสลับกับคมฟันดูดวนลากเลียอยู่แบบนั้นก่อนจะเคลื่อนย่ายจากฝั่งซ้ายไปขวาแล้วหยิบยื่นความเจ็บไม่ต่างกันมาให้อีกครั้ง แรงเสียดของหนวดเคราตรงคางถูไถไปตามตัวจนแสบก่อนผิวบางขาวที่มีรอยรักอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วจะถูกแต่งแต้มอีกครั้งด้วยน้ำมือของคนเดิม เจ็บจนผมทรมาน พี่ปราบดูดเม้มกัดไปทั่วทุกส่วนของร่างกายคล้ายกับไม่ต้องการให้มีที่ว่างหลงเหลือ



“อึก .. ฮึก” ร่างผมกระตุกแรงเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปในส่วนสงวนข้างหลังโดยไร้ซึ่งสารหล่อลื่นใด มันเสียดสีจนผมเกร็งกลั้นแทบไม่อยู่ จากหนึ่งนิ้วเป็นสองนิ้วและสามนิ้วในทุกสุด ความระบมจากแรงเสียดสีทั้งวันประกอบกับเรียวนิ้วที่คุกคามเล่นงานจนคล้ายกับร่างผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ความเจ็บแปลบราวฟ้าผ่าวิ่งวนไปทั่วทั้งร่างและสมองของผม สิ่งขาวโพลนสลับเทาฟุ้งเพ้อในหัวภาวนาให้ทุกอย่างมันรีบจบลงโดยเร็วเสียที



ผมยังไม่ทันหายหอบ คนตัวสูงกว่าก็จับร่างบางคว่ำหน้าลง ให้ผมแนบหน้าซีกหนึ่งฝังลงกับหมอน จากนั้นจึงรั้งสะโพกขึ้นให้อยู่ในท่าคลานเข่าพร้อมกับแยกสองขาให้อ้ากว้าง สองขาสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดแต่ต้องก้มหน้าฝืนเอาไว้

“กูจะทำให้มึงเอากับใครไม่ได้อีกเลยคอยดู”

“อ๊ะ ...อึกกกก ฮึก”

“มึงมาบอกสิว่าไอ้เหี้ยนั่นมันลีลาดีกว่ากูตรงไหน มึงบอกมาสิว่าเซ็กส์กูห่วยยังไง”

ร่างผมกระตุกตามแรงกัดที่เกิดขึ้นเมื่อเขี้ยวคมกัดลงบนก้นของผมเต็มแรง ก่อนลิ้นลากจะไล่ลามโลมเลียจนถึงส่วนแคบด้านหลัง พี่ปราบฉกฉวยแลบเลียอย่างไม่มีท่าทีรังเกียจ ดูดกลืนราวกับหาน้ำหวานจากโพรงสวรรค์ของผม



นิ้วที่สี่ถูกส่งเข้าไปเลื่อนนิ้วเข้าและออกอย่างช้าๆ พร้อมลิ้นสากที่ฉกเลียไม่หยุด จนผมดิ้นพล่านน้ำตาคลอเพราะความเจ็บ

“เจ็บ ฮือ..” ผมไม่ไหวแล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้น มัน...ทรมานโคตรๆ

“หึ”

เสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ จากคนข้างหลังที่หยุดนิ่งกับการกระทำชั่วครู่ สองขาอ่อนแรงจาผมต้องทิ้งตัวนอนราบลงกับเตียง น้ำตาไหลนองจนเปรอะเปื้อนปลอกหมอนสีขาวสะอาด

“ฮึก โอ๊ยยยยยยย”

ผมสะดุ้งโหยงสุดตัวเมื่อถูกของแข็งขนาดใหญ่เสียบพรวดเดียวมายังช่องแคบด้านหลังโดยไร้ซึ่งเจลหล่อลื่นหรือสัญญาณใดๆ ขืนตัวหนีตามสัญญาณเอาตัวรอด ทว่าถูกมือทั้งสองข้างของพี่ปราบจับสะโพกบางล็อกให้อยู่กับที่แล้วเริ่มต้นกระแทกกระทั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ราวกับเอาความโกรธไม่พอใจทุกอย่างมาลงที่ผมคนเดียว



“โอ๊ยย ผมเจ็บ ฮือ”

พี่ปราบกดแกนกายร้อนเข้าออกหนักกว่าเดิม ความเจ็บระบมจากรักครั้งเก่ายังไม่ทันได้สมานแผลกลับถูกล่วงล้ำติดๆ กันในเวลาห่างเพียงไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง



เซ็กส์ที่เต็มไปด้วยความใคร่ล้วนๆ และเป็นความใคร่ที่สร้างบาดแผลให้ผมมากที่สุดเท่าที่เคยสัมผัส

ผมไม่อยากตกอยู่ในสภาพแบบนี้นานเกินไปเซ็กส์มันควรมอบความสุขด้วยกันทั้งคู่ไม่ใช่ความร้าวระทมแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่ผมจะทำอะไรได้ในเมื่อเรี่ยวแรงที่จะปัดป้องตัวเองแทบจะยังไม่มี



“ฮึก...” พี่ปราบถอนแก่นกายออก ทิ้งไว้แต่ความชาหน่วงที่ติดอยู่ในส่วนหลังกับความเจ็บที่เต้นตุบๆ ก่อนจะพลิกตัวผมให้กลับมานอนหงาย ยกสองขาขึ้นพาดบ่ายแล้วรีบเสียบแก่นกายกลับเข้ามาอีกครั้ง ผมเจ็บจนคว้าจิกผ้าห่มเอาไว้แน่น

“นั่นแหละดี รู้สึกเจ็บใช่มั้ย ความรู้สึกกูก็ไม่ต่างจากมึงนักหรอก”



“เจ็บ”

“อ๊ะ!” พี่ปราบกระแทกตัวเข้าไปภายใน ปากก้มลงมารุกล้ำจูบ กัดกลืนริมฝีปากห้อเลือดที่ยังไม่หายดีให้เจ็บอีกหน ผมรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจอันหนักหน่วงของตัวเอง ขณะเดียวกันก็เริ่มกระแทกช่วงล่างเข้าออกมิดลำตามไปด้วย



“อะ...ฮึก...อา...”



พี่ปราบไม่ได้สนใจคำพูดของผมเลยสักนิด ร่างกายผมยังคงเป็นเหมือนที่ระบายเดียวที่เหลืออยู่เวลานี้ และตามมาด้วยการกัดลงบนผิวหนังของผมจนจมเขี้ยว แรกๆ มันก็เจ็บอยู่เหมือนกันแต่พอนานเข้าก็ชินชา

จังหวะการขยับเข้าออกเริ่มไหลลื่น ร่างกายสอดประสานร่างผมเอาไว้แน่น ทว่าผมไม่ได้ตอบโต้อ้อมกอดนั้นกลับไป เสียงหยาบโลนครางลั่นของพี่ปราบดังไปทั้งห้อง กลั้นหายใจให้นานตามแรงกระแทกที่หนักขึ้นในทุกช่วงขณะหวังจะให้ความเจ็บลดน้อยลงมากที่สุด



วินาทีต่อมาพายุลูกใหญ่ก็โหมกระหน่ำ ก่อนจะเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนผิวเนื้อที่เสียดสีเกิดความเสียวซ่านปนเจ็บร้าวไม่ต่างจากถูกกระแสไฟฟ้ารุนแรงช็อตจี้ไปทั่วตามร่างกาย เสียงของเหลวภายในคละเคล้ากับจังหวะการกดกระแทกหยาบโลน



จวบจนพี่ปราบมาถึงปลายทาง ขยับสะโพกของตัวเองเข้าออกทางช่องทางนุ่มหยุ่นระรัวเตรียมกลั่นเอาหยาดหยดสุดท้ายให้พุ่งทะยานออกไปอย่างบ้าคลั่ง



พี่ปราบรีบดึงแกนกายร้อนของตัวเองออก พร้อมกับปลดถุงยางที่สวมอยู่ทิ้งข้างเตียง พร้อมปล่อยอารมณ์และของเหลวขาวขุ่นออกมาอย่างทะลักทลายปะเปื้อนไปทั่วส่วนบนเปลือยเปล่าของผม เสียงเหนื่อยหอบชัดเจนกับหยดเหยื่อผุดขึ้นเต็มหน้าแม้อุณหภูมิในห้องจะเย็นมากแค่ไหนก็ตาม



คนตัวสูงกว่าหมุนตัวกลับไปนอนหงายหมดแรงหอบหายใจถี่ๆ ส่วนผมกลับตัวให้มานอนตะแคงดึงผ้าห่มมาคลุมร่างกายบอบช้ำเปลือยเปล่าน่าสังเวชของตัวเองเอาไว้



เนิ่นนานหลายสิบนาทีผ่านไป สัมผัสอุ่นเกิดขึ้นจากด้านหลังผมอีกครั้งเมื่อพี่มันโอบรัดผมเอาไว้



“กูว่าสำหรับมึง อีกรอบก็น่าจะยังไหวใช่มั้ย”



พี่ปราบประโลมจูบผมอีกครั้งจากด้านหลัง มือฉวยคว้าผ้าห่มสะบัดทิ้งให้ห่างจากตัว เริ่มต้นรังแกต่อแม้สภาพผมจะยับเยินมากแค่ไหนก็ตามที จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสามจนสาแก่ใจ



ตั้งแต่กิจกรรมที่ป่าเถื่อนราวกับฝันร้ายนั้นจบลง ผมก็ไม่หลงเหลือความรู้สึกใดที่เกิดขึ้นในใจตอนนี้เลยนอกจาก

สมเพชตัวเองชิบหาย !!



“คนอย่างกูไม่ชอบแบ่งของเล่นให้ใคร”



คำนั้นยังฝังแน่นติดในใจผมจนยากจะแกะมันออกไปได้ ผ่านความทนมานจากทางร่างกายอดทนจนมันจบสิ้น แต่ใจผมมันแหลกสลายราวปวดแทบทนไม่ไหว ผมเป็นเพียงของเล่นทางร่างกายของพี่มันเท่านั้นเพราะเหตุนี้มันจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทะนุถนอมผมอย่างที่ควรจะทำ



ผมมันก็แค่ของเล่นที่ไม่มีหัวใจ เจ้าของจะทำยังไงก็ได้ด้วยถูกมองว่าไม่มีความรู้สึก

มีค่าแค่ให้ตักตวงความสุขช่วงประเดี๋ยวประด๋าว

พอหมดสนุกก็เขี่ยทิ้งหรือยกให้คนอื่นไป



ไม่มีใครอยากเล่นของเล่นชิ้นเดิมไปตลอดหรอก !!!



ตัวต้นเรื่องไม่ได้นอนอยู่ข้างๆ ผมเหมือนคืนก่อน ทว่าตอนนี้พี่มันยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียง ไม่เคยรู้ว่าก่อนว่าพี่มันสูบบุหรี่ด้วย พี่มันยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่มันได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ควันจากบุหรี่ลอยล่องออกอย่างไม่ขาดสาย แผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่าที่ผมคุ้นตาตั้งแต่เด็กตอนนี้โตเต็มพื้นที่ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้น แต่แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม



พี่ปราบก็ยังคงเหมือนเดิม

ใจร้ายกับผมยังไงก็อย่างนั้น



ค่อยฝืนตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความร้าวระบมไปทั่วทุกส่วนที่ขยับร่างแม้ระวังเท่าไหร่ก็ตาม ความเจ็บย้ำเตือนให้ผมรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้น่าอภิรมย์พอค่าเก็บไว้ในความทรงจำ

สองเท้าเหยียบพรมห้องสั่นเทาด้วยแรงเหลือเพียงน้อยจะก้าวเดิน สองคืนติดที่ผมถูกล่วงล้ำตรงส่วนสงวนและยิ่งครั้งล่าสุดมันรุนแรง สร้างบาดแผลเก่าให้หนักทวีเพิ่มขึ้นเป็นสองสามเท่าตัว



ทั้งร่างกาย ความรู้สึก และหัวใจ



ปาดเช็ดน้ำตาหยาดสุดท้ายให้แห้งเหือด สั่งใจให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้งแม้จะยากยิ่งแค่ไหนก็ต้องทำ ความเจ็บเกิดขึ้นทุกท่วงท่าที่ขยับแม้จะมืดมิดแต่สัมผัสได้ถึงร่องรอยที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวชัดเจนจนแทบไม่มีที่ว่าง ก้มหยิบเสื้อผ้าที่เกลื่อนพื้นขึ้นมาใส่อย่างทุรักทุเร เพียงต้องการเดินออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุดก่อนแรงสุดท้ายที่เหลือยอยู่จะหมดลง



“มึงจะไปไหน” เสียงกระจกบานใหญ่ตรงระเบียงถูกเปิดออกตามมาด้วยเจ้าของห้องที่เดินกลับเข้ามาฝ่าความมืด ผมเลี่ยงที่จะไม่ตอบไม่อยากสนทนากับคนคนนี้เลยสักน้อย พาสองเท้าก้าวย่ำด้วยหัวใจที่บอบช้ำในทุกคราวที่เหยียบลงพื้น

“พอเอากันเสร็จแล้วก็จะไปเลย เป็นปกติของมึงใช่มั้ย”

หลับตาสะกดกั้นความรู้สึกเอาไว้อย่างยากลำบาก พี่ปราบก็ยังคงเป็นคนที่ใช้อารมณ์อยู่เหนือสิ่งอื่นใดเสมอ ไม่มีสักครั้งที่จะพูดกับผมดีดีเลย

“ผมเป็นแค่ของเล่นของพี่และตอนนี้พี่ก็เล่นผมเสร็จแล้ว ผมไม่มีความจำเป็นจะต้องอยู่ต่อ”

“มีน”

“และผมยังยืนยันคำเดิม”

.

“ว่าผม..โคตรเกลียดพี่เลย.. ไอ้เหี้ยปราบ”


ปัง !!!!!

ผมปิดประตูกระแทกใส่พี่ปราบจนเสียงดังไปทั่ว พร้อมกับหัวใจที่บอบช้ำให้มันปิดตายไปกับความรู้สึกใดๆ ที่เกิดขึ้นที่นี่ ... ให้จบลง



ต่อจากนี้ไปขออย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลย !!!!!










เตรียมรถทัวร์แห่ไปบ้านพี่ปราบให้ไรท์ด้วยนะ ...
ความรู้สึกตัวละครจะซับซ้อนหน่อยๆ นะ น้องกำลังสับสน
กอดปลอบน้องมีน ทูนหัวของแม่ต๋า
พวกเธออย่าพึ่งด่า นี่มั่นเพิ่งตอนที่หก รอก่อนใจเย็น

 :katai1: :katai1: :katai5: :hao5: :z6: :fire:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//06-รถของเล่น (4-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 04-06-2021 21:46:54
 :oo1: :jul1:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//06-รถของเล่น (4-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-06-2021 22:30:38
 :katai1:


น้องงงงงงงงงงง
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//07-รถของเล่น (6-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 06-06-2021 20:30:47
Chapter 07 --- ❝ พี่อย่าอินเกิน ❞
------------



ก๊อกๆๆๆๆๆ




เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นสองสามทีปลุกให้ผมตื่นจากความฝันถึงใครคนนั้นวนซ้ำอย่างไม่รู้จบ แสงแดดในตอนกลางวันสว่างจ้าสาดส่องเข้ามาทั่วทุกพื้นที่ของห้องนอนสีขาวสะอาดตา ความเย็นด้วยเครื่องปรับอากาศที่อุณหภูมิยี่สิบสององศาช่วยให้คนที่เหนื่อยล้าหลับสนิทตลอดทั้งคืนตั้งแต่กลับมาจากคอนโดของพี่ปราบ จนกระทั่งผมตื่นมาตามเสียงที่อยู่ตรงประตู

“มีนลูก มันจะสี่โมงเย็นแล้วนะ ตื่นได้แล้วครับ”

“ครับผม” ผมส่งเสียงอู้อี้ในลำคอตอบกลับคุณนายศรีไป

“ไม่สบายหรือเปล่าครับ”

“เปล่าครับแม่”

“ลุกขึ้นมาอาบน้ำแล้วลงมาทานข้าวนะครับ”

“โอเช”

เสียงเดินของคุณนายศรีก้าวออกจากประตูเบาและเงียบหายไปในที่สุด เมื่อคืนผมนั่งแท็กซี่จากคอนโดของพี่มันตรงมาที่บ้าน ด้วยใจไม่อยากกลับไปนอนคอนโดของตัวเองกลัวความฟุ้งซ่านที่มีจะทำให้ผมเตลิด อย่างน้อยการได้กลับมาบ้านก็ยังมีแม่ที่คอยคุยให้คลายความสับสนอยู่บ้าง

ผมถึงบ้านเกือบตีห้าเป็นเวลาเดียวกันกับที่คุณนายศรีตื่นไปจ่ายตลาด รายนั้นตื่นเช้าเป็นเรื่องปกติเพราะต้องออกไปซื้อของมาทำขนมขาย แม่ผมไม่ได้ทำงานประจำผันตัวออกมาเป็นแม่บ้านตั้งแต่วันที่พ่อเสีย แต่เราสองคนก็ไม่ได้ลำบากพ่อทิ้งสมบัติไว้ให้มากพอที่จะอยู่กันอย่างสบาย แต่แม่บ่นว่าเหงาจึงต้องหาอะไรทำระหว่างวัน ตั้งใจจะพลิกตัวไปกอดตุ๊กตาหมีขาวตัวโปรด พลันความรู้สึกเจ็บตรงส่วนหลังเกิดขึ้นในฉับพลันจนเผลอร้องออกมาทันที

“โอ๊ย” หน้าผมเหยเกด้วยความเจ็บที่วิ่งพล่านไปทั่วทั้งตัว ผมนอนนิ่งเพื่อไม่ให้มันระบมหนักไปมากกว่าเดิม นึกย้อนไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนกับใบหน้าคนที่เป็นต้นเหตุของความร้าวปวดนี้



แม้เมื่อคืนผมจะเมาแค่ไหนก็ตาม ทว่าไม่ได้ทำให้ความทรงจำที่มีมันเลือรางได้เลยแม้เพียงเสี้ยว



ไหนใครบอกกันว่าเวลาเมาแล้วจะจำอะไรไม่ได้ ..

แต่ทำไมผมกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง



จำได้ดีชนิดที่ว่า ... ให้ตายก็ไม่มีทางลืม

กับสิ่งที่เกิดขึ้น !!



อาบน้ำชำระล้างร่างกายให้สะอาดเพื่อขจัดกลิ่นคาวคละคลุ้งที่พี่ปราบหยิบยื่นให้ ฟองสบู่สีขาวไม่สามารถปกปิดรอยเขียวช้ำที่เกิดขึ้นทั่วทุกส่วนของร่างกายได้ เมื่อคืนมันรุนแรงและทรมานที่สุด ขอบตาร้อนผ่านเมื่อภาพเลวร้ายเมื่อคืนย้อนกลับมาสู่ห้วงความทรงจำ ผมเข้มแข็งไม่พอที่จะสั่งให้ตัวเองไม่ร้องไห้ออกมา ผมเปิดน้ำระดับสุดหวังให้เสียงหยดน้ำที่กระทบกับพื้นกลบเสียงร้องไห้ที่ดังระงมได้บ้าง สองมือกัดรัดตัวเองเอาไว้ราวกับปลอบประโลมให้คลายความเสียใจ



ฮึก ...ฮือ !!!!



เสียงกุกกักดังอยู่ในครัวพร้อมกลิ่นหอมของขนมที่โชยมาตามลมเรียกร้องให้ผมเดินตามกลิ่นนั้นไป กลิ่นช็อกโกแลตที่อบจนได้ที่เป็นสวรรค์ชั้นที่ร้อยห้าสิบของผมเลยก็ได้ว่าได้ ขนมของคุณนายศรีอร่อยทุกอย่างจริงๆ ไม่ได้เวอร์เลยจริงๆ ผมเลือกเสื้อผ้าที่สามารถปกปิดรอยรักเอาไว้ให้มิด เสื้อแขนยาวมีฮูดคือสิ่งที่ผมเลือกแม้วันนี้อากาศจะร้อนอบอ้าวแค่ไหนก็ตาม

“หอมจังครับ” กอดเข้าข้างหลังของคนตัวเล็กกว่าแล้วหอมไปที่แก้มฟอดใหญ่ให้หายคิดถึง

“แล้วนี่ใส่เสื้อกันหนาวทำไมครับลูกอากาศร้อนจะแย่”

“มีนเหมือนจะเป็นไข้ครับแม่ รู้สึกหนาวๆ เลยใส่ไว้” ขอโทษนะครับแม่ที่ต้องโกหก

“งั้นเดี๋ยวรีบกินข้าวกินยาแล้วนอนพักผ่อนนะครับลูก” แม่ลูบแขนผมเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง

“ไม่กินยาก็ได้ครับ แค่ได้กอดแม่ มีนก็หายแล้วครับ”

“แหนะ อย่ามาทำเนียน คิดว่าอ้อนแม่แล้วจะไม่โดนตีใช่มั้ย”

“แม่จะตีมีนเรื่องอะไรครับ” ผมวางคางไว้ตรงไหล่ของแม่ แม่ส่ายหัวรัวๆให้กับความแกล้งไม่รู้ของผม

“หนีเที่ยวจนกลับบ้านเกือบสว่าง มันน่าหักค่าขนมจริงๆ”

“ไม่เอา แค่นี้ก็จะไม่พอใช้อยู่แล้ว แม่อย่าใจร้ายสิครับ”

“แม่ไม่รู้นะว่าอะไรทำให้มีนเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้” ผมชะงักกึกกับคำพูดของแม่ เมื่อก่อนผมไม่เที่ยวกลางคืน มีบ้างที่สังสรรค์ตามประสาวัยรุ่นแต่ก็ไม่ได้แทบทุกอาทิตย์ขนาดนี้

“แต่แม่จะไม่ก้าวก่ายชีวิตของมีน โตแล้วชีวิตเป็นของลูกจะใช้ยังไงมันก็เป็นสิทธิของลูก แม่มีหน้าที่เลี้ยงมีนให้ดีที่สุดเท่าที่แม่จะทำได้เท่านั้น”

“มีนขอโทษครับ”

“ขอโทษทำไมมีนไม่ได้ทำอะไรผิดกับแม่สักหน่อย แม่ก็บ่นไปตามประสาคนแก่”

“มีนรักแม่นะครับ”

“นี่ ..คำว่ารักของเธอหนะ มันไม่ทำให้ค่าขนมเพิ่มได้หรอกนะ”  ผมกับแม่หัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างมีความสุข ตั้งแต่จำความได้แม่ไม่เคยบังคับให้ผมต้องทำในสิ่งที่แม่ต้องการเลยแม้สักครั้ง แม่ปล่อยให้ผมได้ลองผิดลองถูกด้วยตัวเองมาตลอด แม่มีเพียงการทำให้เห็นเป็นตัวอย่างและคำพูดที่สอนให้ผมวิเคราะห์ ตัดสินใจด้วยตัวเอง แม่บอกว่าถ้าผิดก็แค่เริ่มต้นแล้วไม่ทำอีก ถ้าถูกก็ทำมันต่อไปอย่าหยุด

“แม่ฝากเอาขนมไปให้ป้ามอหน่อยสิ” ชะงักกึกเมื่อได้ยินชื่อของคุณป้าข้างบ้าน จะไม่ให้ผมสตั๊นท์ได้ยังไงในเมื่อป้ามอที่แม่พูดถึง เป็นแม่ของไอ้พี่ปราบปรามผู้ชายที่ผมเพิ่ง ... เออนั่นแหละ

“มีนปวดหัว แม่ไปเองนะครับ”

“ใช้หัวเดินหรอ”

“มีนปวดท้อง ปวดขี้มากเลยขอไปก่อนนะแม่”

“หยุดดด ” เสียงแม่สิตางค์ลอยมาแต่ไกล พร้อมกับสายตาพิฆาตที่ส่งมาให้ว่ายังไงผมก็ต้องทำตามคำสั่ง

“รีบไปแล้วรีบกลับมากินข้าว อย่าทำให้ศรีไม่ปลื้มนะ”

“ครับศรี” แม่เดินไปหยิบถุงใส่ขนมที่มีกล่องครัวซองค์อยู่สามกล่องมาให้ ผมจึงต้องจำใจค่อยๆก้าวเดินไปตามทางด้วยความระมัดระวัง ไม่ใช่กลัวขนมแม่จะพังหรอก แต่เพราะยิ่งเดินส่วนแคบของผมมันยิ่งเสียดสีและเจ็บมากขึ้นในทุกท่วงท่าที่ส่วนล่างขยับ

บ้านป้ามออยู่ไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่ ที่ว่าไม่ไกลก็คือเดินจากประตูบ้านไม่ถึงยี่สิบก้าวก็ถึงเลยนั่นแหละ ป้ามอเป็นคุณป้าที่ใจดีที่สุดในโลก ผมรักและเคารพรองจากแม่ตัวเองเลยก็ว่าได้ อาจจะเพราะแม่ผมสนิทกับป้ามอแกถึงได้เอ็นดูผมเป็นพิเศษ บ้านป้ามอมีฐานะดีมากถึงมากที่สุดหรือเรียกง่ายๆว่าโคตรรวยถึงจะถูก บ้านป้าแกหลังใหญ่หรูสุดในย่านนี้สมศักดิ์ศรีเจ้าของธุรกิจโรงแรมอันดับต้นๆของประเทศ ตอนเด็กๆผมชอบมาเล่นที่บ้านของป้าแกเพราะมีขนมให้กินอยู่บ่อยๆ ของเล่นก็เยอะ แต่เสียอยู่อย่างเดียวมาทีไรต้องตีกับไอ้หล่อเสี่ยงตีนนั่นทุกทีและผมก็ต้องร้องไห้กลับบ้านอย่างผู้แพ้ทุกครั้ง

เดินก้าวอย่างระวังมาเรื่อยๆจนหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน มองป้ายชื่อตระกูลดังสลักติดไว้หน้าบ้าน “ นันทกิจไพบูลย์วงค์” ถอนหายใจไล่ความประหม่าพร้อมภาวนา ภาวนาไปก่อน ว่าขออย่าให้ไอ้พี่ปราบกลับมาบ้านเลย ให้มันนอนอยู่ที่นอนโดนั่นแหละเพราะผมยังไม่อยากเจอ





กริ๊ง !!

ผมกดกริ่งหน้าบ้าน ไม่นานประตูเล็กจึงถูกเปิดออกโดยสาวใช้คนสวยที่ส่งยิ้มจนเห็นฟันแทบทุกซี่มาให้

 “สวัสดีค่ะ บ้านนันทกิจไพบูลย์วงค์ยินดีต้อนรับค่ะ ไม่ทราบว่ามาหาใครคะ”

เอิ่ม !! นี่แม่บ้านหรือพนักงานต้อนรับล็อบบี้โรงแรมวะเนี่ย เป๊ะปังสุด

“ผมมาหาคุณป้ามอครับ”

“ให้เรียนคุณมรกตว่าใครมาพบคะ”

“มีนครับ”

“รอสักครู่ค่ะ” พี่แม่บ้านกำลังจะปิดประตูเตรียมกำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน แต่มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขัดขึ้นมาเสียก่อน

“ใครมาหวาน”

“คุณเค้าบอกว่าชื่อมีนค่ะ มาหาคุณมรกต” สิ้นคำตอบของหล่อน ผู้ชายที่เป็นเจ้าของเสียงก็ปรากฏตัวขึ้น ใบหน้าหล่อชวนมองเครื่องหน้าครบถ้วนองค์ประกอบ ตา ปาก คิ้ว จมูก หุ่นสูงสมส่วน หล่อทะลุชุดเสื้อโปโลกับกางเกงขาสั้นในวันหยุด แม้หน้าตาจะคล้ายกับใครอีกคนแต่นิสัยต่างกันสุดขั้ว

“น้องมีน” เสียงเรียกชื่อผมดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้างตาหยีทะลุแว่น

“พี่ปก” ผมเรียกชื่อก่อนจะยิ้มตอบกลับไป

“เข้ามาข้างในก่อนสิ คุณแม่อยู่ที่ห้องนั่งเล่นเดี๋ยวพี่พาไปครับ”

“ขอบคุณครับ”

พี่ปกหรือชื่อเต็มคือ “พี่ปกป้อง” พี่ชายของไอ้พี่ปราบปราม ผู้ชายที่โคตรจะสุภาพ อบอุ่น มีมารยาท พูดจาเพราะเสนาะหู อยู่ด้วยแล้วมีความสุข ตอนเด็กทุกครั้งที่ถูกไอ้พี่ปราบแกล้งจนร้องไห้ก็มีพี่ปกนี่แหละที่คอยปลอบใจ คอยดุน้องชายนิสัยไม่ดีให้เลิกแกล้งผม ปกป้องเก่งสมชื่อจริงๆ

“ไม่ได้เจอกันตั้งนานโตขึ้นเยอะเลยนะเรา” พี่ปกชวนผมคุยขณะเดินเคียงไปยังตัวบ้าน

“วัยกำลังโตนี่ครับ ว่าแต่พี่ปกเถอะ”

“พี่ทำไมครับ” พี่ปกเลิกคิ้วสูง

“หล่อเหมือนเดิม”

“เพิ่มเติมคือพี่โสดนะ”

“ง้อววววว ...ขายของเก่ง” ผมกับพี่ปกหัวเราะร่วนออกมาพร้อมกันอย่างคนคุยถูกคอจนกระทั่งถึงในส่วนของห้องรับแขก

บรรยากาศในห้องรับแขกตกแต่งสวยหรูด้วยแชนเดอเลียราคาแพงประดับ โซฟาขนาดใหญ่แบรนด์เนมชื่อดังตั้งตระหง่านพร้อมรับรองผู้มาเยือน กลิ่นหอมเฉพาะด้วยเครื่องหอมอบอวลไปทั่วในตัวบ้าน แม่บ้านสามสี่คนนั่งบนพื้นช่วยคุณผู้หญิงของบ้านทำความสะอาดเครื่องเพชรราคาแพง  คุณมรกตภรรยาท่านประธานสง่าสมวัยแม้เวลาจะนานสักกี่ปีกาลเวลาก็ไม่สามารถทำอะไรท่านได้

“คุณแม่ครับมีแขกมาหา” พี่ปกป้องเอ่ยเรียกผู้เป็นมารดาให้ละสายตาจากเครื่องเพชรราคาแพงในมือมายังแขกที่เยือน เพ่งสายตาอยู่นานก่อนจะส่งยิ้มกว้างกลับมา

“หนูมีน”

“สวัสดีครับ” ผมรีบยกมือขึ้นไหว้ก่อนจะเดินเข้าไปหาพร้อมกับพี่ปกป้อง ป้ามอรีบลุกเดินขึ้นมาหาแล้วสวมกอดผมแน่น ความรู้สึกอบอุ่นในวัยเยาหวนกลับสู่ห้วงความทรงจำของผมอีกครั้ง

“ป้าคิดถึงจังเลยลูก ไม่เจอกันตั้งนาน”

“มีนก็คิดถึงครับ ช่วงนี้เรียนหนักเลยไม่ได้แวะมาครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ”

“ไม่เป็นไรๆ ป้าเข้าใจ ” ป้ามอคลายกอดแล้วพาผมไปนั่งที่ว่างใกล้ๆ ส่วนพี่ปกนั่งโซฟาอีกตัว

“ชื่นใจป้าจริงๆเลย น่ารักขึ้นเยอะ” ป้ามอลูบหัวผมอย่างเอ็นดู พลางสายตาสำรวจไปทั้งตัวก่อนจะหยุดตรงแถวๆคอแล้วมองเลยผ่านไป

ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยผมก็ไม่ค่อยได้มาหาป้ามอบ่อยเหมือนเมื่อก่อน ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างทั้งเวลาที่ไม่ตรงกัน ผมหยุดแต่ป้ามอไปต่างประเทศ ไปงานสมาคม ไปประชุม มีบ้างที่นัดทานข้าวกัน ยิ่งหลังๆมานี้ผมกลับบ้านก็ขลุกตัวอยู่แต่บ้านไม่ออกไปไหนจึงทำให้ไม่ได้พบแกเลย

“อ่อ .. คุณแม่ฝากขนมมาให้ครับ” ผมชูขนมที่ถือมาให้ป้ามอดูก่อนป้ามอจะรีบแล้วเปิดดูว่าเป็นอะไร

“กำลังอยากทานอยู่พอดีเลย ครัวซองค์ของแม่หนูมีนอร่อยที่สุด”

“ขอบคุณครับ” ป้ามอส่งถุงขนมต่อให้สาวใช้แล้วพยักหน้าให้สองคนที่นั่งอยู่ตรงพื้นเป็นอันทราบว่าต้องการเวลาส่วนตัว

“เสียดายเย็นนี้ป้ามีออกงานกับคุณลุง ไม่อย่างนั้นจะชวนน้องมีนกับคุณศรีทานข้าวด้วยกัน”

 “เอาไว้กลับมาคราวหน้า มีนจะมาทานข้าวด้วยนะครับ”

“ได้จ๊ะ น่ารักไม่เปลี่ยน คนเก่งของป้า”

ไม่นานนักป้าอรก็ขอตัวขึ้นไปแต่งตัวเพื่อเตรียมออกงานในเย็นนี้ ส่วนผมจึงขอตัวกลับโดยมีพี่ปกเดินออกมาส่ง

“เสียดายไอ้ปราบไม่อยู่ เมื่อเช้ามันกลับมาแล้วนะแต่ไม่รู้ไปไหนในห้องก็ไม่มีแต่รถก็ยังอยู่” พี่ปกเอ่ยขึ้น

“ก็ดีแล้ววนี่ครับ ผมไม่ได้อยากเจอสักหน่อย” ผมคิดแบบนั้นจริงๆ

“โตแล้วยังทะเลาะกันเป็นเด็กอีกนะเราสองคน”

“ผมกลับก่อนนะครับพี่ปก ไว้เจอกันนะครับ” ผมเปลี่ยนเรื่อง

“เดี๋ยวสิมีน..พี่ขอไลน์หรือเบอร์ไว้ได้มั้ยครับ”

“ได้ๆ” ผมพยักหน้าตอบ ก่อนจะรับโทรศัพท์จากพี่ปกมาพิมพ์ไอดีไลน์ของตัวเองไว้แล้วส่งสติ๊กเกอร์ทักเข้ามาหาแชทตัวเอง

ติ๊ง !!!! สติ๊กเกอร์หมีขาวส่งเข้ามาทักทาย

“ถ้าคิดถึง เดี๋ยวพี่ไลน์หานะครับ”

“แล้วถ้าไม่คิดถึงละครับ”

“ก็ไลน์หาอยู่ดี” พี่ปกหัวเราะพร้อมกับลูกหัวผมเบาๆ อย่างเอ็นดูในความกวนประสาทที่มี ก่อนที่ผมจะเอ่ยลาอีกครั้งแล้วเดินกลับมาที่บ้านของตัวเอง





ว่าแต่ !! เสียงแม่คุยกับใครในบ้านเนี่ย



“อ้าวมีนกลับมาแล้วหรอ”

กึก !!! ผมหยุดชะงัก

คู่สนทนาของผมหันกลับมามองผมตามเสียงเรียกของคุณนายศรี ไอ้พี่มันมองผมด้วยสีหน้านิ่งเฉย แววตาไร้อารมณ์ใดๆ แล้วหันกลับไปเหมือนไม่ได้สนใจในการมาของผมเลยแม้แต่น้อย

 “มีนขอตัวขึ้นห้องก่อนนะครับ”

“จะขึ้นไปทำไมลูก กินข้าวให้เสร็จก่อนค่อยขึ้นไป เย็นนี้เรามีแขก” แม่ยิ้มให้พี่ปราบ

“ห๊ะ”อย่าบอกนะว่า..

“แม่ชวนพี่ปราบทานข้าวเย็นด้วย”

“แม่จะชวนเค้าทำไม”

“เอ้ .. เด็กคนนี้ ก็พี่เค้ามีน้ำใจซื้อผลไม้มาฝากแม่ อีกอย่างพี่เค้าบอกว่าเย็นนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลย แม่ก็เลยชวนทานข้าวด้วยกัน”

“พี่ปกอยู่บ้าน ไม่ได้ไปไหน”

“มันมีนัดกับเพื่อน” พี่ปราบที่นั่งอยู่นานเอ่ยตอบขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่ง

“งั้นเดี๋ยวป้าไปทำไข่เจียวปูเพิ่มอีกอย่างหนึ่งนะ ปราบคุยกับน้องไปก่อน”

“เดี๋ยวผมช่วย” เราสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน

“ไม่ต้องแม่ทำเองเสร็จแล้วจะเรียกครับ” คุณนายศรีลุกขึ้นเดินตรงไปยังห้องครัว ทิ้งไว้แต่ความเงียบ ไร้บทสนทนาใดๆ ของผมกับพี่มัน จนผมไม่อยากอึดอัดเลยต้องเดินหนีออกมายังสวนหน้าบ้าน รอให้แม่เรียกทานข้าวค่อยเดินกลับเข้าไป ไม่อยากอยู่กับพี่มันสองคนตามลำพัง



“ทำไม กูมากินข้าวด้วยแค่นี้ ไม่พอใจขนาดนั้นเลยหรอ” เสียงพี่ปราบดังขึ้นข้างหลังทำเอาผมสะดุ้ง หลับตาพ่นลมหายใจยาวเรียกความมั่นใจและความปกติของตัวเองออกมาไม่ได้อีกฝ่ายจับได้

เรื่องเมื่อคืนมันจบแล้ว !!

“รู้ตัวก็ดี รีบกินแล้วก็รีบกลับ”

“กับกูเนี่ยหน้าบึ้งหน้าตึง เสียงแข็ง ตาแข็ง ทีกับพี่ปกเสียงอ่อนเสียงหวาน” แววตาไม่พอใจฉายแววชัดขึ้น

“มันก็แน่อยู่แล้ว ระหว่างคนที่ชอบกับคนที่เกลียด การปฏิบัติมันก็ต้องต่างกันสิ”

พี่ปราบคว้าข้อแขนของผมเอาไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บ

“ตั้งใจจะเอาทั้งพี่ทั้งน้องเลยหรือไง”

“พี่ปราบ”

“เมื่อคืนนอนกับคนน้อง ส่วนคืนนี้จะนอนกับคนพี่”

“ /// ”

“อ้อ ไม่ได้มีแค่กูกับพี่กูสินะ ยังมีไอ้นายแบบนั่นด้วย ง่ายดีเหมือนกันเนาะ”

ไอ้เหี้ยพี่ปราบ !! กูเกลียดมึง

“ผมก็เป็นของผมแบบนี้แหละ พี่จะเสือกอะไรด้วยละ”

“มึงจะเที่ยวนอนกับคนนั้นทีคนนี้ทีแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย” แรงบีบที่ข้อมือแน่นขึ้นตามแรงโกรธ

“ผมจะนอนกับใครก็ได้ ไม่เกี่ยวกับพี่” สะบัดข้อมือให้หลุดพ้นจากคนตัวสูงแล้วเดินเบี่ยงตัวชนกับไหล่พี่มันอย่างแรง เผื่อความเจ็บจะทำให้มันคิดได้ว่าสิ่งที่พูดกับผมแรงเกินไป

 

“แต่กูเป็นผัวมึง”

.

.

“เรื่องเมื่อคืนมันจบไปแล้ว .. และผมก็ไม่ชอบผูกมัดกับใคร”

.

.

“ พี่อย่าอินเกิน”







แง !! ลูกอย่าเกี้ยวกราดใส่กันค่อยๆคุย
ไบโพลาจะกินชั้นอยู่แล้วเนี่ย เมื่อไหร่จะคุยกันดีดี
อย่าพึ่งด่านี่เพิ่งตอนที่ 7 พวกแก ชั้นเพิ่งเริ่มมมมมม
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//07-พี่อย่าอินเกิน (6-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 06-06-2021 22:36:53
 :angry2: :serius2:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//07-พี่อย่าอินเกิน (6-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-06-2021 23:02:48
 :angry2:


น้องต้องสู้บ้าง
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//08-น้องชื่ออะไร (8-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 08-06-2021 20:05:28
Chapter 08 --- ❝ น้องชื่ออะไร❞
------------


X ปราบปราม





“เรื่องเมื่อคืนมันจบไปแล้ว .. และผมก็ไม่ชอบผูกมัดกับใคร”

.

“พี่อย่าอินเกิน”

“พี่อย่าอินเกิน”

“พี่อย่าอินเกิน”

.

“แมร่งเอ๊ย”

ผมสบถลั่นอยู่คนเดียวภายในสวนหย่อมหน้าบ้านมุมเดิมที่ชอบมานั่งเล่นในตอนกลางคืนเพื่อดูดาวแม้จะมองไม่ค่อยเห็นเพราะแสงไฟในเมืองสว่างจ้าก็ตาม แค่รู้ว่าตรงนั้นมีดาวเราจะมองเห็นมันเอง แต่วันนี้ท้องฟ้ามืดเห็นดาวชัดเจนกว่าคืนไหน แต่ผมกลับไม่มีอารมณ์สุนทรีย์ที่จะนั่งมองเหมือนทุกครั้ง

สาเหตุคงหนีไม่พร้อมเรื่องเมื่อตอนเย็น เสียงของมีนยังคงก้องอยู่ในห้วงความคิดและทุกโสตประสาทของผม ดังอยู่แบบนั้นวนไปมาเป็นรอบที่พันเท่าไหร่ผมเองก็ไม่ได้นับ ยิ่งดังยิ่งตอกย้ำความรู้สึกผิดให้กับผมมากเป็นเท่าตัว

ตั้งแต่กลับมาจากบ้านน้าศรี ผมก็มานั่งกลุ้มอกกลุ้มใจอยู่ตรงนี้ไม่ขยับไปไหน เฝ้าคิดหาคำตอบให้ตัวเองด้วยผมไม่รู้ว่าที่น้องมันพูดออกมาแบบนั้นเพราะโกรธที่ผมพูดจาไม่ดีใส่แถมยังรังแกน้องไปตั้งหลายรอบสองคืนติดๆ กันหรือเพราะน้องมันคิดแบบนั้นจริงๆ



แมร่งกลุ้มชิบหาย!!



ระหว่างทานข้าวเย็นน้องไม่ยอมมองหน้าผมเลย แม้น้าศรีจะชวนคุยให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้นหรือกระทั่งบอกให้มีนตักกับข้าวให้ผม แต่น้องมันก็ยังคงนิ่งตั้งหน้าตั้งตากินจนเสร็จแล้วเดินหนีขึ้นห้องไป



โคตรโหวงเลยบอกตรงๆ !!!



ถ้าด่าผมแรงๆ แบบที่ชอบทำหรือชกผมซักหมัดผมจะไม่ว่าเลย

แต่เงียบใส่แบบนี้ผมเดาไม่ถูกนี่หว่า



ผมยอมรับผิดแหละว่าผมทำผิดร้ายแรงกับน้อง มันเกิดจากผมที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้จริงๆ ยิ่งเห็นน้องอยู่กับคนอื่น จูบกับคนอื่น พูดเพราะๆ กับคนอื่นหรือใกล้ชิดกับคนอื่นมากกว่าผม ใจมันก็ร้อนรนอยู่ไม่สุขต้องเข้าไปหาเรื่อง



สุดท้ายก็จบลงตรงที่ผมใช้คำแรงๆ กับน้อง ...

และหนักสุดคือผมรังแกน้องไปแล้ว

“พี่นึกว่าแกนอนแล้วซะอีก” เสียงพี่ปกดังขึ้นเรียกผมที่อยู่ในภวังค์ความกลุ้มให้กลับมาสู่โลกแห่งความจริง

“ยัง” ผมตอบห้วนๆ

“เป็นไร”

“เปล่า” เปล่าที่แปลว่าเป็น

“งั้นพี่ไม่กวนนะ จะรีบขึ้นไปคุยไลน์กับมีน” พี่ปกตั้งท่าจะเดินออกไปแต่ถูกผมดึงกางเกงไว้ได้ก่อน

“เดี๋ยว”

“มีไร” พี่ปกยกคิ้วเมื่อเห็นผมหน้าหงิก

“ผม.. เอ่อ ... ผม” จะพูดไม่พูดดีวะ

“ทะเลาะกับมีนใช่มั้ย” พี่ปกพูดแทนออกมา “อืม” ผมตอบกลับไปได้แค่นั้น

ยอมจำนนด้วยเพราะมืดแปดด้านไม่รู้จะยังไงต่อ อย่างน้อยถ้าพี่ปกรู้ผมน่าจะได้รับคำแนะนำที่ดี ถึงพี่ปกจะห่างจากผมแค่สามปี แต่ด้วยความเป็นพี่ประกอบกับลูกชายคนโตพี่ปกจึงมีความสามารถในการแก้ปัญหา คิด วิเคราะห์ แยกแยะได้ดีกว่าแถมยังใจเย็นมีเหตุผลมากกว่า

และที่สำคัญ .. พี่ปกรู้ความลับของผม!!!

“แล้วใครผิดแกหรือน้อง” พี่ปกนั่งลงที่ว่างข้างๆ ผม

“ผมผิด” ถอนหายใจเป็นครั้งที่ล้านเมื่อต้องย้อนกลับไปพูดถึงเรื่องนั้น ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนตอกย้ำให้ตัวเองละอายใจที่ไปว่าให้น้องแบบนั้น ไม่โกรธสิแปลก!!

“งั้นก็ต้องขอโทษ”

“พี่พูดเหมือนไม่รู้จักผม” ตั้งแต่เด็กผมทะเลาะกับมีนทุกครั้งที่เจอหน้า ส่วนใหญ่จะเป็นผมที่ชอบแกล้งน้อง เบาหน่อยก็แค่งอน หนักสุดก็ร้องไห้ไม่คุยกับผมเลย แต่ทุกครั้งผมไม่แม้แต่จะเอ่ยคำว่าขอโทษ ไม่รู้เหมือนกันเวลาจะพูดแล้วเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ

ถ้ามันพูดง่ายแบบนั้น ผมก็คงพูดทุกครั้งที่ทำผิดกับน้องไปแล้วแหละ!!

ยากชิบหาย!!

“แล้วถ้าคราวนี้มีนไม่ยอมคุยกับแก ไม่ยอมเจอหน้า หายออกไปจากชีวิตแก แล้วแกจะทำยังไง” นี่สรุปผมคิดถูกแล้วใช่ปะที่ขอความช่วยเหลือจากพี่ชาย ไม่รู้มาทำให้หายเครียดหรือเครียดหนักกว่าเดิมกันแน่

“ก็แล้วแต่นะ ถ้าคำว่าขอโทษมันพูดยากขนาดนั้นก็ปล่อยไป แต่พี่ว่ามีนน่ารักขึ้นเยอะ ต้องมีคนสนใจเพียบ”

เออดี!! กดดันน้องเข้าไป ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากขอโทษแต่แค่ไม่รู้จะเริ่มยังไงก็เท่านั้นเอง

ผมนั่งคิดอยู่นานว่าจะเอายังไงดี ส่วนที่ปรึกษาผมเล่นอินสตราแกรมเฉย

ไอ้พี่ห่า!!

“ถ้าผมจะขอโทษผมต้องทำยังไง” พี่ปกละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ตัวเองมองหน้าผมนิ่งๆ แล้วหันกลับไปกดอะไรในโทรศัพท์ยุกยิกๆ แล้วยื่นมาให้ผม

หน้าจอไลน์แจ้งว่ากำลังโทรออกกับชื่อคนที่ผมต้องเบิกกว้าง!! ให้ผมตั้งตัวนิดนึงก็ไม่ได้เนาะ ไอ้พี่ปก



‘Meen’



“สวัสดีครับพี่ปก” เสียงปลายสายดังขึ้น ส่วนผมเงียบเพราะอึ้งแดกไม่รู้จะทำยังไงต่อ

“พี่ปกครับได้ยินมีนมั้ยครับ” เชื่อหรือยังว่าพูดกับพี่ปกโคตรเพราะ

“โหลๆๆๆๆ สามโหล สี่โหล” ยัง ยังเล่นมุกอีก

.

[กูเองไม่ใช่พี่ปก] ได้ยินเสียงมีนถอนหายใจแรงและเงียบอยู่นานก่อนจะตอบกลับมา

“แล้วไอ้กูเนี่ยหมาหรือคน” เสียงเปลี่ยนเร็วชิบหาย เสียงสองเมื่อกี้หายไปไหน

[หมา]

......

[หมาที่เคยเลียปากมึงไง แค่นี้ทำลืมหรอ]

“มึงไม่ใช่หมา .. แต่มึงมันเหี้ย”



ตึ๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



มีนตัดสายทิ้งทันที เหลือไว้เพียงความชิบหายที่ผมทำไว้เองกับมือ น่าภูมิใจโคตรๆ เป้าหมายคือโทรขอโทษ ง้อเค้าให้คืนดี แต่พอเอาเข้าจริงกลับกวนตีนเหมือนเดิมและเสือกหนักกว่าเดิม

ใครจะไปทนได้ล่ะ รับสายคนอื่นทำเสียงสอง เสียงสาม เผลอๆ เสียงยี่สิบก็น่าจะมีแหละผมว่า แต่พอรู้ว่าเป็นไอ้ปราบคนนี้ โถ!! สลับเสียงแทบไม่ทัน ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยจริงๆ ให้ตายเถอะ ดังนั้นผลที่ออกมาก็คือ ..

พัง!! พังแบบประกอบใหม่ไม่น่าได้ ย่อยยับติดๆ กันภายในห้าชั่วโมง

“เก่งมาก”

“หืม” ผมหันไปมองพี่ชายที่จู่ๆ ก็พูดขึ้นมา

“เก่งที่ทำให้เรื่องทุกอย่างมันแย่หนักกว่าเดิม”

ไอ้พี่ปก ไอ้ห่ามึง!! ซ้ำเติมน้องอยู่ได้

“แต่มันยังเหลืออีกวิธีหนึ่ง” หันขวับเหมือนคนที่ติดอยู่ในถ้ำแล้วจู่ๆ ก็มีแสงสว่างวาบมาที่ปลายอุโมงค์ ขอถอนคำพูดที่ด่าพี่ในใจเมื่อกี้แล้วกัน

“แต่ครั้งนี้แกต้องจริงจัง ทำให้สำเร็จและเลิกกวนตีนน้องได้แล้ว ไม่อย่างนั้น ....”

“หืม” อะไรซิ!!

“ชิบหาย”

นี่กูกำลังจะทำภารกิจระดับชาติปะเนี่ย ทำไมคำเตือนมันน่ากลัวสัสๆ เยี่ยงนี้



รถยนต์หรูสีดำคู่ใจผมจอดเทียบประตูหน้าบ้านมีนในตอนบ่ายกว่าๆ เมื่อเช้าผมโทรคุยกับน้าศรีแล้วว่าจะรับมีนกลับคอนโดด้วยเพราะไหนๆ ผมก็ต้องเข้าไปในเมืองจะได้ไม่ต้องเรียกแท็กซี่ให้เสียเวลา ซึ่งน้าศรีก็เห็นด้วยแผนการของผมจึงกำลังดำเนินไปอย่างไม่มีสะดุด



แผนอะไรนะหรอ ก็แผนที่จะขอโทษไอ้เด็กดื้อนี่ยังไงละ หลังจากพี่ปกป้องพี่ชายทูนหัวของผมได้แนะนำวิธีการคร่าวๆ แล้วผมก็พอเข้าใจว่าจะต้องทำอะไรยังไง

“ถ้าแกไม่พร้อมจะเอ่ยขอโทษตรงๆ ก็ให้บรรยากาศเป็นตัวกระตุ้น” พี่ชายที่แสนจะชาญฉลาดแต่ขาดเมียของผมเอ่ยขึ้นมา

“แล้วยังไง อธิบายเลยพี่ไม่ต้องเกริ่นเยอะ ยุงกัด”

“ชวนออกไปทำกิจกรรมที่น้องชอบร่วมกัน”

“แล้วมันจะดีขึ้นยังไง ผมไม่เข้าใจ”

“การได้ใช้เวลาร่วมกัน ต่างสถานที่ ต่างบรรยากาศ ยิ่งเป็นสิ่งที่เค้าชอบ จะทำให้เค้ารู้สึกผ่อนคลายและใจเย็นลง เค้าจะรู้สึกว่าแกใส่ใจ พอได้โอกาสแกก็เอ่ยขอโทษ”

“แล้วมันจะดีขึ้นเลยมั้ยอะ”

“มันอาจไม่ดีขึ้นในทันที แต่เชื่อสิถ้าแกทำทุกอย่างด้วยความจริงใจ อย่างน้อยน้องจะรู้สึกดีขึ้นเอง”



ไม่มีใครไม่เคยทำผิดพลาดหรือไม่เคยทำร้ายจิตใจคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วทำให้ฝ่ายหนึ่งรู้สึกไม่ดี การขอโทษคือทางออกเพื่อให้ความสัมพันธ์ยังคงดำเนินไปได้อยู่ ประเด็นคือจะขอโทษอย่างไรให้ไม่เป็นการเพิ่มโทษและเป็นการขอโทษที่ทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น

นั่นแหละคือสิ่งที่ผมต้องทำและต้องเรียนรู้



“มาแล้วหรอปราบ เข้ามากินน้ำในบ้านก่อนมั้ยลูก” น้าศรีเดินมาจากในตัวบ้านออกมาต้อนรับผม ผมรู้สึกดีอยู่บ้างที่อย่างน้อยน้าศรีก็ไม่ได้โกรธผมอีกคนไม่อย่างนั้นเรื่องคงยากขึ้นไปอีก

“เรียบร้อยมาแล้วครับ” ปากตอบแต่ตาสอดส่องไปทั่วหาใครบางคนที่เป็นเป้าหมายอยู่ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะหายโกรธหรือโกรธหนักจนไม่ยอมไปกับผม ถ้าเป็นอย่างหลังนี่งานงอกเลยนะ

“นั่นไงมาพอดี”

มีนเดินออกมาพร้อมกับถุงขนมในมือ ใบหน้านิ่งเฉยไม่แสดงอาการหรือความรู้สึกใดๆ สายตาที่มองมาว่างเปล่าเหมือนผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ

“ถึงแล้วโทรมาบอกแม่ด้วยนะลูก”

“ครับแม่”

“แล้วก็อย่าลืมเอาขนมให้พี่เค้านะ” ผมมองขนมที่อยู่ในมือมีนมันเป็นของผม “ครับ”

“สวัสดีครับแม่” มีนยกมือขึ้นไหว้น้าศรี “ครับผม” คนเป็นแม่ลูบหัวลูกชายอย่างเอ็นดู

“สวัสดีครับน้าศรี” ผมไหว้ตามแต่ตามองตามคนตัวเล็กหน้านิ่งขณะกำลังเดินไปที่รถ

“ขับรถดีดีนะปราบแล้วก็...”

“ครับ”

“ดูแลลูกชายน้าดีดีนะปราบ”

“ครับ”

“น่าหวังว่าปราบจะรักษาสัญญานะ”

“ครับผม ขอบคุณนะครับ” ผมรู้สึกขอบคุณน้าศรีที่ให้โอกาสผมหลายๆ ครั้งทั้งที่ผมทำผิดกับลูกชายของแกไว้มาก แทนที่แกจะโกรธกลับเข้าใจ ให้คำปรึกษา และไว้ใจให้ผมได้ดูแลลูกชายของแก ตั้งแต่เด็กน้าศรีใจดีกับผมยังไงมาจนวันนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นไม่มีอะไรจะตอบแทนแกเลยนอกจาก



‘ผมจะทำตามที่รับปากไว้ให้ดีที่สุด ’



ผมส่งยิ้มให้น้าศรีก่อนจะเดินมาตั้งใจจะเปิดประตูรถให้มีน ทว่าคนตัวเล็กกว่ารีบเปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งประจำที่เองซะแล้ว ผมหันมามองหน้าน้าศรีฝ่ายนั้นได้แต่ยิ้มส่งกำลังให้ใจประมาณว่าไม่เป็นไรสู้ๆ ทำนองนั้น ก่อนผมจะถอนหายใจยาวๆ แล้วสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อเรียกความมั่นใจให้กลับมาแล้วเดินไปยังที่นั่งฝั่งคนขับ สตาร์ทรถมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางของบ่ายวันนี้



“นี่มันไม่ใช่คอนโดผมพี่จะแกล้งอะไรผมอีก” เสียงด่าดังขึ้นทันทีที่รถผมถอยเข้าช่องจอด มีนทำหน้าหงิกไม่พอใจหนักเข้าไปใหญ่ ระหว่างทางมีนไม่ยอมคุยกับผมเลยแม้แต่คำเดียว หน้าก็ไม่ยอมมอง เอาแต่มองข้างทางตั้งแต่ออกมาจากบ้านจนถึงที่นี่

“พามากินขนมกับชาเขียว”

“ผมไม่อยากถ้าพี่หิวก็กินคนเดียวผมจะกลับ”

เจ้าเด็กดื้อปลดเข็มขัดออกจากตัว เปิดประตูแล้วก้าวเดินไปอย่างรวดเร็วจนผมตามไม่ทัน เขาเดินออกไปจนผมต้องวิ่งตามออกมา ทว่าจู่ๆ ผมก็ไม่ต้องวิ่งแล้วเมื่อคนตัวเล็กยืนนิ่งจ้องกระจกใสอย่างตั้งใจมองบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ข้างในแล้วเผลอปลดล็อกใบหน้าที่บูดเบี้ยวเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอย่างง่ายดาย

รู้แล้วว่าชอบ ไอ้เจ้าก้อนที่อยู่ข้างในนั้น!!

“เข้าไปข้างในกันมั้ย” เงียบไร้คำตอบ

“เจ้าตัวนั้นชื่อฮาวี่ ส่วนไอ้ตัวสีเทานั่นชื่อสีหมอก” มีนมองตามนิ้วผมที่ชี้แมวแต่ละตัวพร้อมชื่ออย่างสนใจ

“ส่วนโน่นตัวสีเหลืองชื่อมีน.....มันจะดื้อๆ หน่อย”

คนถูกเรียกชื่อแทนแมวหันขวับมามองผมตาขวางจ้องหน้าอยู่นาน ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางแทนที่จะเดินไปยังทางออก กลับมุ่งหน้าเข้าไปยังประตูของร้านพร้อมกับใจของผมที่มันฟูขึ้นมาจากเดิมเพราะอย่างน้อยไอ้เจ้าก้อนสามสี่ตัวข้างในมันก็ช่วยชีวิตผมไว้ได้เยอะ

“มีนจะกินอะไร เดี๋ยวพี่สั่งให้” ผมเดินตามคนตัวเล็กกว่าที่วิ่งแจ้นเข้ามาเล่นกับสีหมอกเป็นตัวแรก

“พี่” มีนเหมือนจะทำหน้างงๆ เมื่ออยู่ๆ ผมก็เปลี่ยนสรรพนามเรียกแทนตัวเองและตัวน้องอย่างกะทันหัน ไม่ใช่ว่าไม่เคยเรียกแบบนี้ แค่ไม่ได้เรียกบ่อยเท่านั้นเอง แต่ที่ต้องเปลี่ยนเพราะไอ้พี่ปกมันสอนเอาไว้เมื่อคืน



“กับคนบางคนถ้ามึงคิดว่าเค้าพิเศษมากพอ มึงต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้าง”

“ยังไงวะพี่”

“เริ่มต้นจากการใช้สรรพนามเรียกไง จะมามึงกู ได้ไง ใครๆ ก็อยากให้พูดด้วยเพราะๆ ทั้งนั้น”

“แต่กูไม่ไง”

“นั่นมึง ไม่ใช่มีน”

“แล้วกูต้องเปลี่ยนยังไง”

“เรียกแทนตัวเองว่าพี่ แล้วเรียกแทนน้องว่ามีน”



แมร่งเอ๊ย!! ทำไมการจะเปลี่ยนแปลงอะไรดีดีสักอย่างเงื่อนไขมันถึงได้เยอะขนาดนี้วะเนี่ย



“สรุปจะกินอะไรเดี๋ยว พี่เดินไปสั่งให้ มีนจะได้เล่นกับน้องแมวไง”

“เอาชาเขียวกับบราวนี่ก็ได้”

“ได้ๆ เดี๋ยวพี่มานะ”

ผมปล่อยให้มีนนั่งคุยกับน้องแมวไปก่อน คุยจริงๆ ครับผมเห็นมีนลูบน้องกับคุยเท่านั้น ไม่ได้จับมาอุ้มมากอดมาฟัดเหมือนที่ผมเห็นคนอื่นๆ ชอบทำ สีหน้าของมีนตอนนี้ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก แววตามีประกายความสุขปนอยู่รอยยิ้มกว้างชัดกลับเข้าประจำที่เรียบร้อยเห็นแบบนี้แล้วผมก็สบายใจ

“ชาเขียวกับบราวนี่ได้แล้ว” วางขนมกับน้ำบนโต๊ะ มีนละสายตาจากเจ้าสีหมอก ผมค่อยๆ เลื่อนขนมกับน้ำไปให้ตรงหน้า เจ้าสีหมอกเหมือนจะชอบมีนมากคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง

“ขอบคุณครับ”

“พี่มาที่นี่บ่อยหรอ”

“ก็บ่อยนะ ชอบมาเล่นกับเจ้าพวกนี้แหละ” ผมมาที่นี่อาทิตย์ละครั้ง หากยุ่งมากก็สองอาทิตย์ครั้ง ชอบมาเล่นกับเจ้าสีหมอกตัวที่มันกำลังอ้อนมีนอยู่เนี่ยแหละรวมถึงเจ้าตัวสีเหลืองขนฟูที่นอนหน้าเย่อหยิ่งอยู่ตรงมุมห้องนั้นด้วย ที่นี่เป็นคาเฟ่แมวที่ผมเจอโดยบังเอิญแมวอาจจะมีไม่เยอะมาก ขนมหรือน้ำหวานอาจจะไม่ได้รสชาติดีแบบร้านอื่นๆ แต่ที่ผมชอบก็คือ ร้านนี้จะไม่มีการบังคับแมวเด็ดขาด ปล่อยให้แมวอยู่กันแบบอิสระ กฎระเบียบเยอะจนหลายคนอาจมองว่าน่ารำคาญแต่สำหรับผมมันเป็นการปกป้องน้องมากกว่า

“มีนอุ้มน้องได้นะ น้องไม่กัดหรอก” ผมเห็นละอดขำไม่ได้เหมือนจะอยากเล่นน้องแต่ก็ทำได้แค่แตะๆ เบาๆ

“มีนกลัวน้องเหนื่อย ไม่รู้ทั้งวันจะต้องเล่นกับใครบ้าง”

“ที่นี่เค้าดูแลน้องดีมาก มีเวลาให้น้องได้พัก ดูอย่างสีหมอกสิมันชอบมีนนะอ้อนไม่ห่างเลย”

“งั้นหรอครับ” มีนเกาพุงสีหมอก

“ถ่ายรูปมั้ย เดี๋ยวพี่ถ่ายให้” ผมเสนอไอเดีย มีนจะได้รู้สึกผ่อนคลายเพิ่มมากขึ้นและกล้าเล่นกับน้องได้อย่างเต็มที่

“ก็ได้ครับ”

มีนอุ้มเจ้าสีหมอกที่หัวซุกอยู่กับมือของคนตัวเล็กอยู่ขึ้นมาไว้บนตัก แมวสีเทากับคนอุ้มผิวขาวโคตรจะเข้ากันเลย มีนเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายรูป รอยยิ้มปนความสุขฉายชัดบนใบหน้าเรียวจนผมเผลอยิ้มตาม

“เหมี๊ยวววว เหมี๊ยวววว เหมี๊ยวววว ” เสียงร้องดังต่อๆ กันพร้อมการเดินเตรียมพร้อมสำหรับการอ้อนมาแต่ไกลหมดแล้วมาดเย่อหยิ่งของแมวเหลือง

“อยากเล่นกับพี่แล้วหรอ” มีนหันไปเกาคางเจ้าตัวเหลืองขนฟูอย่างเบามือ ขี้ประจบจริงนะเอ็งหลับตาพริ้มถูไถตัวเองไปกับมือของมีน

เหมี๊ยว!!

“สงสัยมันเห็นมีนใจดีมั้งเลยอยากมาเล่นด้วย”

“ให้น้องถ่ายรูปด้วยนะ” มีนอุ้มเจ้าก้อนสีเหลืองมาไว้บนตักเพิ่มอีกตัว โดยมีเจ้าสีหมอกที่นอนนิ่งไม่ขยับไปไหน



สรุปว่ารูปที่ได้คือ หนึ่งคนกับอีกสองก้อน!! โคตรน่ารัก



“ไหนมีนขอดูหน่อย” เผลอเรียกตัวเองด้วยชื่ออย่างลืมตัว คงจริงอย่างที่พี่ปกพูด บรรยากาศจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ผมรู้ว่ามีนชอบแมวและผมก็ชอบแมวเช่นกัน การพามาที่นี่เป็นเหมือนโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งที่น้องชอบจึงทำให้รู้สึกสบายใจจนเผยความเป็นตัวเองออกมา

“พี่ปราบ”

“หืม”

“สรุปเจ้าตัวสีเหลืองนี่มันชื่ออะไรอะ” ชี้เจ้าก้อนสีเหลืองขนฟูที่ตอนนี้ตีสนิทกับมีนจนวางคางไว้ตรงขามีนได้แล้ว เห็นละโคตรอยากเป็นแมว

“ชื่อน้องอยู่ที่ผ้าพันคออะ” มีนลูบหัวเจ้าก้อนเบามือ พลางจับผ้าพันคอสีชมพูทรงสามเหลี่ยมก่อนจะเลิกคิ้วสูงเมื่อพบข้อความที่ซ่อนอยู่ข้างหลัง

ตึก ตึก ตึก

ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อสายตาคู่นั้นมองมาที่ผม เพื่อรักษาความสัมพันธ์และลดบาดแผลในใจระหว่างเรา แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่เคยทำหรือยากสำหรับการพยายามมากแค่ไหนก็ตาม



ผมยินดีจะทำ

ถ้าช่วยให้คนตรงหน้า ... รู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง

.

.

“น้องชื่อขอโทษหรอพี่ปราบ”

“น้องไม่ได้ชื่อขอโทษ”

“อ้าว”



“แต่พี่....”

.

“ขอโทษนะครับ”






แล้วสรุปว่าพี่ปราบเป็นหมาหรืออยากเป็นแมวกันแน่นะ ^^
ความพี่ปราบพูดเพราะอะเนาะ น้องจะงงหน่อย ๆ 555
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//08-น้องชื่ออะไร (8-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 09-06-2021 00:59:47
 :impress2: :-[
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//08-น้องชื่ออะไร (8-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-06-2021 01:32:41
 :katai2-1:
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//09-กด Undo ตรงไหน (11-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 11-06-2021 17:58:55
Chapter 09 --- ❝ กด Undo ตรงไหน❞
------------

ผมร่ำลาเจ้าสามก้อนขี้อ้อนอยู่นานกว่าจะผละตัวออกมาได้ น้องไม่ยอมให้ผมออกมาเอาแต่ร้องเรียกเสียงหลง สลับกันเดินเอาตัวถูไถพันแข้งพันขาผมไปมา ส่งสายตาออดอ้อนน่าเอ็นดูทำเอาใจอ่อนยวบไปหมด ความที่ทุนเดิมเป็นคนชอบแมวอยู่แล้วพอมาเจอแบบนี้ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่



แมวเป็นสิ่งมีชีวิตบนโลกที่ผมชอบมากที่สุดแม้จะไม่ได้มีโอกาสได้เลี้ยงอย่างที่ใจต้องการ เพราะแม่ผมแพ้ขนแมวขั้นรุนแรงเคยแอบเอามาเลี้ยงตอนเด็กครั้งหนึ่งแม่แพ้จนกระทั่งต้องพาเข้าโรงพยาบาล ตั้งแต่นั้นผมจึงไม่ได้พาน้องเข้าบ้านอีกเลย ครั้นจะเลี้ยงที่คอนโดก็สงสารกว่าผมจะกลับห้องฟ้าก็มืดสนิทเกือบทุกวันไม่อยากให้น้องเหงานั่งรอผมกลับบ้านทุกวัน



แมวก็เหมือนคนเมื่อได้รักได้ผูกพันไปแล้วก็ยากที่จะลืมได้ง่ายๆ!!



บนถนนในช่วงเย็นวันอาทิตย์แถวชานเมืองรถไม่ค่อยติดเท่าไหร่ การจราจรคล่องตัวสบายๆ รถคันหรูสีดำขับออกจากร้านหลังจากผมร่ำลากับน้องๆ เรียบร้อยแล้ว พี่ปราบสัญญาว่าจะพาผมมาบ่อยๆ พอพูดถึงเรื่องนี้แล้วผมก็โคตรจะงงในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของพี่มัน คนเราจะสามารถเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยหรอ ชนิดว่าจากส้นตีนสากที่ขาดการบำรุงมาเป็นหน้ามือนุ่มชุ่มชื้น



เปลี่ยนสรรพนามแทนตัวจากกูเป็นพี่ เปลี่ยนจากมึงเป็นเรียกชื่อแทนอันนี้ผมคุ้นชินอยู่บ้างเพราะตอนเด็กพี่มันพูดอยู่บ่อย (แต่พอโตขึ้นไม่รู้ทำไมถึงขึ้นมึงกู) เอาใจมากขึ้น พูดดีขึ้น กวนตีนยังพอมีบ้าง แต่สิ่งที่ทำให้ผมขนลุกซู่ๆ เสียวสันหลังวาบๆ ก็คงหนีไม่พ้น

“พี่ขอโทษ”

“พี่ขอโทษ”

“พี่ขอโทษ”



แมร่งเอ๊ย!! หลอนหูชิบหายเล่นวนซ้ำเหมือนทั้งอัลบั้มมีอยู่เพลลิสต์เดียว ครั้งแรกที่ได้ฟังแทบช็อกตายคาอกแมว เอามือแหย่หูให้ลึกที่สุดเท่าที่ทำได้ ตบหน้าผากแรงๆ ว่านี่กูไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย



และข้อสรุปที่ได้คือ ‘จริง’



นี่ถ้าเมื่อคืนผมไม่ได้คุยกับแม่มาก่อนแล้วละก็ ผมคงจะคิดว่าไอ้พี่ปราบไปสะดุดตีนใครเข้าแล้วหัวฟาดกระแทกกับขอบฟุตบาทที่ไม่ได้ปิดฝาท่อแน่เลย ไม่พี่มันต้องมีฝาแฝดแน่นอน มุนิน มุตา เดือนหยาด ลิลาสลักษณ์



ไม่!!! ห่าราก นี่กูดูละครหลังข่าวกับแม่เยอะไปสัสๆ



แต่เมื่อจินตนาการของผมถูกหักล้างด้วยคำพูดของแม่เมื่อคืนก็พอจะจับใจความสำคัญตามหลักการที่อาจารย์ภาษาไทยสอนตอนเด็กได้บ้าง



ผมช่วยแม่ทำขนมอยู่ในครัวตั้งแต่เย็น แม่เคยบอกว่าการทำขนมต้องอาศัยการเคลื่อนไหวซ้ำๆ ผ่านการผสมและนวดแป้ง ไปจนถึงการตกแต่งหน้าตาขนมของเรา จะทำให้เรารู้สึกสงบขึ้นได้ ตั้งแต่พี่มันกลับไปผมจึงมาขลุกอยู่ในครัวกับแม่

“มีนทำไมใส่เกลือเยอะขนาดนั้นละลูก”

“ขอโทษครับแม่” ด้วยใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจึงทำให้ผมใส่ส่วนผสมผิดสูตรที่แม่เคยสอน

“ไม่เป็นไรลูก..ผิดแล้วก็แก้ไขได้เดี๋ยวแม่ใส่น้ำตาลเพิ่มก็ใช้ได้แล้ว”

“แล้วถ้ามันใช้ไม่ได้ละครับแม่”

“เราก็แค่ทิ้งแล้วเริ่มทำใหม่ ใส่ส่วนผสมใหม่ ตั้งใจปรับปรุงเดี๋ยวมีนก็ทำออกมาดี”

“ครับ”

“ไม่มีใครที่ไม่ทำผิดหรอกลูก คนเราก็พลาดกันได้ทั้งนั้นทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ อยู่ที่ว่าผิดแล้วจะยอมรับ พร้อมแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นหรือเปล่าเท่านั้นเอง”

.

“มีนเข้าใจที่แม่พูดใช่มั้ยลูก”



ผมไม่รู้ว่าแม่รู้เรื่องผมกับพี่ปราบหรือเปล่า แต่คำสอนทุกครั้งมักจะเป็นสิ่งที่ทำให้ผมต้องกลับมาคิด วิเคราะห์และตัดสินใจเองทุกครั้งและครั้งนี้ก็เช่นกัน



หากมีคนทำสูตรขนมที่ผมชอบผิดพลาด

ผมจะให้โอกาสเค้าได้แก้ไขหรือไม่?



พี่ปราบเลี้ยวรถเข้ามาหยุดบริเวณลานจอดรถของร้านหมูกระทะเจ้าดังที่รอคิวไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง ร้านนี้เปิดตั้งแต่สี่โมงเย็นแต่กระนั้นคิวก็ปาไปเกือบห้าสิบกว่าแล้ว และนี่พี่มันพาผมมาห้าโมงกว่าไม่ไปถึงคิวที่ร้อยปลายๆ แล้วหรือไง

“พี่ปราบร้านนี้รอคิวนานนะ ดูโน่น” มองไปเก้าอี้ไร้พนักพิงสีแดงกับหมู่มวลมหาประชาชีที่นั่งต่อแถว บางคนกดโทรศัพท์นั่งรอเวลา บางคนมากับเพื่อนจับกลุ่มเมาท์กันสนุกสนาน

“เราอยากกินไม่ใช่หรอ”

“พี่รู้ได้ไง” ใช่ผมบ่นว่าอยากกินหลังจากที่ไม่ได้มานานโคตรแล้วเพราะขี้เกียจรอต่อแถวนี่แหละ

“ก็เมื่อคืนมีคนมาเข้าฝันว่าอยากกิน”

ผลั๊ว!! เสียงตีแขนดังลั่น

“เจ็บนะ ตัวเท่าหมาตีโคตรแรง”

“สมน้ำหน้า กวนตีนดีนัก”

“ตอบดีดีก็ได้” พยักหน้า ง้างมือรอหากกวนตีนอีกจะฟาดเพิ่มซักฉาด

“พี่รู้ใจมีนไง”

แหง่ก!! ง้างมือค้างไว้แบบนั้น ก่อนจะรีบหลบสายตาไอ้ห่าพี่ปราบ เปิดประตูเดินลงจากรถไปต่อคิวรัวๆ แมร่งเอ๊ย..น้ำมนต์วัดไหนดังบอกหน่อยเถอะจะได้รีบพาไป



ผีที่สิงอยู่เฮี้ยนจริงๆ



รอคิวกินหมูกระทะเกือบสองชั่วโมงมีอยู่จริงๆ กว่าจะได้โต๊ะปาเข้าไปทุ่มกว่า แต่ก็ไม่ได้เบื่ออะไร ไอ้พี่ปราบชวนคุยไม่หยุด จบเรื่องนั้น เปลี่ยนเรื่องนี้ ผมจะฟังเพลงก็ถอดหูฟังเอาไปถือไว้ให้คุยกับพี่มันคนเดียว สงสัยเพื่อนไม่คุยด้วยถึงได้เก็บกดอะไรเบอร์นั้น

“เอาชุดจัมโบ้หนึ่งนะครับ เปลี่ยนหมูแดงเป็นหมูสามชั้น เพิ่มไข่ไก่สองฟอง”

ผมสั่งตามความชอบ เวลากินหมูกระทะกินเนื้อหมูแดงแล้วมันแห้งสู้กินหมูสามขั้นมันเยิ้มๆ ไม่ได้ฟินกว่าเยอะ แถมตอกไข่ไก่สองฟองลงไปในน้ำซุปที่ต้มผักจนเปื่อยนะ โคตรอร่อย

“เพิ่มคามาโบโกะจานหนึ่งครับแล้วก็ถ้าในเซตมีกุ้งเปลี่ยนเป็นปลาหมึกแทนนะครับ น้องผมแพ้กุ้ง”

คามาโบโกะของโปรดผมพี่มันจำได้ แถมยังจำได้อีกด้วยว่าผมแพ้กุ้ง

“มึงมีอะไร จะชมว่ากูใส่ใจใช่ปะ”

“เปล่า ..จะบอกว่า” ยิ้มทำไม แค่พามากินหมูกระทะยังไม่ทำให้หายโกรธนะเว้ย

“หืม” เลิกคิ้วสูงอย่างมีความหวัง

“ที่นั่งตรงข้ามก็มีจะมานั่งเบียดผมทำไม ไอ้พี่ปราบ”



หมูกระทะชุดจัมโบ้ จานหมูสามชั้น เบค่อน และคามาโบโกะ ถูกจัดการด้วยมนุษย์หิวสองคนที่กวาดทุกสิ่งสรรพให้หายเกลี้ยงไปในพริบตา สมกับความอยากและคิวที่โคตรจะรอนาน ผมนั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดสภาพ หายใจแทบไม่ออกอิ่มชิบหาย

“พี่คนหล่อครับ ช่วยผมซื้อดอกกุหลาบหน่อยครับ”

เด็กวัยไม่ถึงหกขวบกับดอกกุหลาบในมือราวๆ สิบดอกเดินเข้ามาหาพี่ปราบ หลังจากน้องเค้าเดินแวะโต๊ะอื่นภายในร้านเรียบร้อยหมดแล้ว

“พี่จะเหมาทั้งหมด ถ้าเราทำตามข้อเสนอของพี่สำเร็จ” นั่น!! กับเด็กก็ไม่เว้น พี่มันกระซิบข้างหูน้องพลางสายตาสี่ดวงมองมาที่ผมเป็นจุดโฟกัส แมร่งคงไม่ใช่ดีเท่าไหร่ดูจากรอยยิ้มมุมปากนั้นแล้ว

น้องคนขายกุหลาบเดินเข้ามาหาผม มองตามเด็กนี่อย่างไม่ไว้ใจพอๆ กับไอ้พี่ปราบคนสั่งการด้วย

“พี่ครับ พี่ผู้ชายเขาบอกว่าถ้าพี่หายโกรธ พี่เค้าจะเหมากุหลาบผม”

นั่นไง!! ซื้อหวยไม่กลับ ทำไมไม่ถูกแบบนี้วะ

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่เหมาเอง” โถ มุขง่ายๆ แบบนี้คิดหรอจะใช้ได้ผลกับไอ้มีน เด็กหวะ!! คงตั้งใจให้น้องยืนกดดันผมให้ใจอ่อนแล้วพูดยกโทษพี่มัน ฝันไปเถอะ

“เดี๋ยวพี่เหมาเอง ไม่ต้องทำตามพี่คนนั้นหรอก” หากระเป๋าตังค์แปบ ว่าแต่อยู่ไหนวะ

“ลงรถมาคว้าแค่โทรศัพท์มือถือ จะเอาตังค์ไหนจ่ายค่าเหมากุหลาบ” แมร่งเอ๊ย!! มาลืมอะไรตอนนี้วะ

“ผมอยากกลับบ้านแล้วครับพี่ พรุ่งนี้ผมต้องไปโรงเรียน ถ้าพี่หายโกรธพี่คนหล่อแล้ว พูดหน่อยเถอะครับ”

กดดันกูจริงๆ ทั้งสายตา คำพูด การกระทำ จนคนในนั้นเริ่มหันมามองที่โต๊ะแล้วเนี่ย

“ยังไง” นี่ก็กดดันจริงๆ เลย

“พี่ครับ หายโกรธพี่คนหล่อยังครับ”

สายตาคนรอบข้าง สายตาไอ้พี่มัน สายตาน้อง กับคำถามที่วนซ้ำไปซ้ำมา

“เออๆ หายโกรธแล้วนิดหนึ่งพอใจยัง”

“มาก”

พี่ปราบยิ้มกว้างอย่างพอใจ หยิบเงินค่าดอกไม้ให้น้องแลกกับกุหลาบสีแดงสวยสิบแดงในมือ น้องไหว้ขอบคุณประหลกๆ ก่อนจะเดินออกไป

“อะพี่ให้” ดอกกุหลาบสีแดงในมือถูกยื่นมาให้ผม

“ไม่เอาเว้ย”

“เอาสิบดอกนี้ไปก่อน”

อะไรอีก!!

“ส่วนดอกที่สิบเอ็ดเดี๋ยวพี่จัดให้เน้นๆ ถ้ามีนพร้อม”

.

ไอ้เหี้ยพี่ปราบ !! กูว่าแล้ว ... คนอย่างพี่ดีได้ไม่พ้นวันหรอก





ผมถึงห้องอาบน้ำสระผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย ข้างนอกตอนนี้ฝนตกหนักโชคยังดีที่ผมกลับเข้ามาถึงห้องก่อนไม่อย่างนั้นมีหวังโดนละอองฝนแล้วไม่สบายอีกแหงๆ เทียนหอมภายในห้องกับแสงไฟสลัวที่ทำให้บรรยากาศดี ยิ่งได้ฟังเพลงที่ชอบด้วยแล้วละก็มีความสุขอย่าบอกใครเชียวแหละ



21.30 น

ทุกคืนวันอาทิตย์กับรายการวิทยุโปรดของผม

รายการที่ดีเจพี่ฉ้อยพี่ออดจะเปิดโฟนอินให้คนทางบ้านโทรเข้าไปขอเพลงให้ใครก็ได้พร้อมฝากข้อความผ่านหน้าไมค์ ไอ้เก้าชอบบอกว่าโคตรจะเชยเพราะนี่มันยุค 5G กันแล้ว แค่กดส่งเพลงไปทางเฟสบุ๊คหรือไลน์ก็จบจะมามัวเสียเวลากดโทรไปขอดีเจทำไม



พวกไร้!! ความโรแมนติก



พวกแมร่งไม่รู้อะไรหรอก ว่ากว่าจะโทรติดต้องแย่งชิงกับกี่อีกสิบกี่ร้อยสาย ใช่ว่าโทรครั้งเดียวจะติดซะที่ไหนการแข่งขันพอๆ กับที่มึงส่งรหัสใต้ฝาชาเขียวลุ้นไอโฟนนั่นแหละ บางคนผมเคยฟังว่าโทรมาไม่ต่ำกว่ายี่สิบครั้งถึงจะได้คุยหน้าไมค์ โคตรทุ่มเทเลยความพยายามสำหรับการทำเพื่อใครสักคนเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับผู้ได้รับเสมอ

แถมยังต้องใช้ความกล้ามากที่จะสารภาพความรู้สึกออกไปหาใครสักคน โดยไม่รู้เลยว่าคนที่เราอยากให้รู้สิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจนั้นจะฟังอยู่หรือเปล่าและถึงแม้ฟังอยู่ ... เขาจะคิดยังไง



ผมยังแอบคิดเล่นๆ เลยว่าจะมีสักวันมั้ยที่ผมนั่งฟังอยู่ดีดีแล้วมีคนขอเพลงให้ผมบ้าง

ถ้ามีแบบนั้นจริงๆ แล้วผมจะรู้สึกยังไง ..

.

“เราได้สายหน้าไมค์แล้วนะคะสำหรับวันนี้หัวข้อการพูดคุยของเราคือ..”

.

‘ถ้าย้อนเวลากลับไปได้อยากทำอะไรมากที่สุด’

ผมปล่อยให้เสียงของวิทยุทำหน้าที่ของมันไป ส่วนผมเดินมาหาสายชาร์จแบตมือถือในกระเป๋าเพราะแบตเตอรี่หน้าจอขึ้นขีดสีแดงแจ้งเตือนแล้ว

“สวัสดีค่ะคุณ..หล่อเสี่ยงตีน”

ดีเจพี่ฉ้อยกับพี่ออดเริ่มต้นทักทายสายจากทางบ้าน แถมยังสะดุดกับชื่อของปลายสายที่ไม่เหมือนใคร แต่ทำไมชื่อนั้นมันเหมือนกับคนที่เพิ่งมาส่งผมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้วะ

“สวัสดีครับ” เสียงทุ้มที่ฟังครั้งแรกก็รู้เลยว่าเป็นคนที่ผมรู้จักอย่างแน่นอน ‘หล่อเสี่ยงตีน’ ฉายานี้ในโลกใบนี้มีแค่คนเดียวและจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘พี่ปราบ’

“คุณหล่อเสี่ยงตีน .. แหมเรียกชื่อแล้วอยากเห็นหน้าจังเลยนะคะ” ดีเจพากันแซวฉายานั้น .. ฉายาที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย หล่อแต่ปากหมานั่นคือคำนิยามที่มาของฉายาไอ้พี่ปราบ

“ฮ่าๆ ครับผม”

“คุณหล่อเสี่ยงตีนทำอะไรอยู่คะ” ดีเจพี่ฉ้อยชวนคนในสายคุยอย่างทุกครั้ง

“กำลังขับรถกลับคอนโดครับผม”

“ไปไหนมาเอ่ย”

“ไปส่งเด็กดื้อข้างบ้านครับ” ไม่ได้ดื้อสักหน่อย!!

“วันนี้หัวข้อของเราคือ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้อยากทำอะไรมากที่สุดคะ”

“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมอยากจะขอโทษใครคนนั้นที่ผมเคยพูดจาไม่ดีด้วย ชอบแกล้ง ชอบทะเลาะ และรังแกบ่อยๆ จนทำให้เค้าต้องเสียใจอยู่เรื่อยมา”

“ค่ะ”

“ผมอาจจะย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ... แต่ผมสัญญาว่าต่อจากนี้ผมจะปรับปรุงตัวให้ดี ผมจะไม่ทำให้เค้าต้องเสียใจ และร้องไห้เพราะผมอีกแล้วครับ”

..

“ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเค้าสำคัญกับผมมากแค่ไหน ..”



หัวใจผมเต้นไม่ถูกจังหวะเมื่อได้ยินเสียงที่หลุดลอดมาจากวิทยุนั้น คำสารภาพที่ฟังดูจริงใจ หนักแน่นกว่าครั้งไหนที่ผ่านมาทำเอาผมเสียอาการหนักอยู่



ภาพความทรงจำต่างๆ ตั้งแต่เด็กย้อนฉายกลับเข้ามาในความทรงจำที่ผมไม่เคยลืมอีกครั้งง แม้จะถูกแกล้งแค่ไหนแต่พี่ปราบก็ไม่เคยปล่อยให้ผมต้องเสียใจนานเลยสักครั้ง และต่อให้เราจะทะเลาะจนฆ่ากันแทบตาย ผมก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าชีวิตนั้นเคยชินกับการมีพี่ปราบอยู่ใกล้ๆ ด้วยเสียแล้ว



นั่นคือความทรงจำส่วนดีของพี่มัน แม้จะปากหมาแต่ทุกคำที่พูดออกมาเชื่อถือได้เสมอ มือเริ่มค้นหาสายชาร์ตแบตในกระเป๋าอีกครั้ง ก่อนจะดึงมันออกมาจากช่องด้านในพร้อมผ้าพันคอทรงสามเหลี่ยมสีชมพูขนาดเล็กติดออกมาด้วย ผ้าผืนนั้นที่ด้านหลังเขียนคำว่า ‘ขอโทษ’ ติดเอาไว้



แอบเอามาใส่กระเป๋าตอนไหนกันนะไอ้พี่ปราบ.. ตั้งใจจะให้ผมเห็นมันตลอดเลยหรือยังไอ้คำว่าขอโทษครั้งแรกในชีวิตที่พี่มันกล้าพูดออกมาเนี่ย



สายหน้าไมค์ถูกตัดลง พร้อมกับอินโทรเพลงที่พี่ปราบขอไว้ให้กับ ‘เด็กดื้อข้างบ้าน’ พร้อมประโยคสุดท้ายนั้นก่อนวาง



“โกรธพี่ได้..แต่อย่าเกลียดพี่เลยนะครับ”


.

แค่เสี้ยวนาทีที่ไม่ทันห้ามใจ
ปล่อยใจไปให้มันทำผิด
ไม่เคยจะคิดว่ามันจะทำให้เรามีวันสุดท้าย




ผิดที่ฉันที่มันไม่รู้ตัว ว่าตัวเองรักเธอเท่าไร
และได้ทำร้ายเธอไปอย่างนั้น

เรื่องวันนั้นที่ฉันได้ทำพลาดไป
เพราะฉันที่ทำให้เธอเสียใจ


ถ้าได้ย้อนกลับไปอีกครั้ง
จะไม่ยอมให้เธอจากไป

กด Undo ตรงไหน มีทางใดไหมให้แก้ตัว
คนๆ นี้เพิ่งรู้สึกตัวในวันที่สายไป


มารู้ตัววันที่ไม่มี ที่ตรงนี้เงียบเหงาเท่าไร
โอ้ เธอ กลับมาเริ่มต้นใหม่ได้หรือเปล่า


(เพลงUndo :: ศิลปินป๊อบ ปองกูล, วันเดอร์เฟรม)

ติ๊ง !!!!!!


แอพลิเคชั่นสีเขียวดังขึ้นเด้งเตือนข้อความใหม่ที่เข้ามา....

พร้อมหัวใจของผมที่มัน...รู้สึกดีอย่างประหลาด

และระดับความโกรธที่ลดลงจากแปดเหลือเพียง...สอง !!



Prabpram :

“กลับมาเริ่มต้นใหม่...ได้หรือเปล่า”







ความโดนพี่ง้อหนักอะเนาะ .. ก็จะไปไม่ถูกหน่อยๆ !!
ขอกำลังใจผ่านคอมเมนท์หรือสติ๊กเกอร์รัวๆ ด้วยนะทุกคน ปั่นงานจนปวดหลังหมดแน้วววว

 :katai1: :katai3: :hao3:
 
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//09-กด Undo ตรงไหน (11-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 11-06-2021 18:43:17
 :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//09-กด Undo ตรงไหน (11-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-06-2021 22:38:03
 :laugh:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//09-กด Undo ตรงไหน (11-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: Blueribbon ที่ 12-06-2021 21:22:10
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//10-ถ้าพี่จูบ (13-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 13-06-2021 20:23:52
Chapter 10 --- ❝ถ้าพี่จูบ ❞
------------

“ไอ้มีน มึงไม่มาพรุ่งนี้เช้าเลยล่ะ อีกสิบห้านาทีก็จะสายแล้วนะ”

“มึงจะเร่งทำส้นอะไรนักหนาวะ ตอนเช้ารถไฟฟ้าคนเยอะจะตายกว่ากูจะแย่งขึ้นมาได้เนี่ย”

เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งยืนคุยกันด้วยความสุภาพ หรอ!! เร่งกูจังเลยไอ้เวรเนี่ยไม่รู้ว่าเพื่อนหรือพ่อ

“ไปเถอะรายงานตัวฝึกงานวันแรกกูไม่อยากสาย”

“เออ”

ไอ้เก้าเดินนำผมไปยังจุดแลกบัตรของอาคารฝ่ายสำนักงานของโรงแรม H สถานที่ฝึกงานของผมกับมันตลอดระยะเวลาสามเดือนนี้ ผมเรียนสายบริหาร ส่วนไอ้เก้าเรียนการตลาด ที่สำคัญไอ้เวรเนี่ยพ่อมันโคตรรวยมีกิจการใหญ่โต แต่เสือกไม่ไปฝึกงานกับบริษัทพ่อตัวเองติดสอยห้อยตามติดผมมาถึงที่นี่

ลิฟท์เปิดที่ชั้นสิบตามที่พี่รปภ.ด้านล่างบอก ผมกับไอ้เก้าเดินเข้ามาตามทางก่อนจะพากันมาหยุดตรงหน้าห้องฝ่ายบุคคล

“สวัสดีครับ” ผมกับไอ้เก้ายกมือขึ้นไหว้พี่ผู้หญิงที่น่าจะเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลหลังจากได้รับอนุญาตให้เข้ามาได้แล้ว

“อ้าวมากันแล้วหรอ สวัสดีค่ะน้องๆ มาๆ นั่งก่อนนะคะ” รอยยิ้มเป็นมิตรชวนให้ผมคลายความตื่นเต้นไปได้บ้าง ด้วยรุ่นพี่ฝึกงานหลายคนบอก การออกไปฝึกงานเป็นเสมือนด่านแรกในการเข้าสู่โลกแห่งความจริง ถ้าได้ที่ฝึกงานดีชีวิตตลอดสามเดือนก็จะราบรื่น ถ้าไม่ละก็... นรกบนดินดีๆ นี่เอง

“พี่ชื่อพี่แพรวพรรณนะคะ เรียกว่าพี่แพรวก็ได้ เป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคล เดี๋ยวครึ่งวันแรกนี้พี่จะพาแนะนำส่วนงานของทางฝ่ายสำนักงานให้ครบทุกแผนกก่อน รวมถึงกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ จากนั้นจะให้น้องๆ ไปฝึกงานตามแผนกต่างๆ นะคะ มีตรงไหนสงสัยถามได้ตลอด”

“ขอบคุณครับ”

พี่แพรวเริ่มร่ายยาวถึงกฎระเบียบต่างๆ ของทางบริษัทที่เด็กฝึกงานอย่างพวกผมควรจะได้ทราบไปเรื่อยๆ จากนั้นก็แจ้งแผนกที่พวกผมต้องแยกกันไปฝึกงาน ผมกับไอ้เก้าฝึกกันละคนแผนก ไอ้นั่นฝึกแผนกการตลาด ส่วนผมรายชื่อไปอยู่ที่สำนักบริหาร”

โรงแรม H เป็นโรงแรมชื่อดังอันดับต้นๆ ของประเทศ เน้นคอนเซ็ปต์แบบกึ่งทันสมัยแต่ยังคงรักษาความเป็นสิ่งแวดล้อมเอาไว้ได้เป็นอย่างดีจนได้รับรางวัลมากมาย ส่วนของสำนักงานตั้งอยู่บนพื้นที่อาคารสูงหลายสิบชั้นพนักงานก็เกือบพันกว่าชีวิต แบ่งสัดส่วนแผนกฝ่ายงานชัดเจนเป็นระบบได้มาตรฐานตามคุณสมบัติของบริษัทชั้นนำควรจะเป็น

หลังจากฟังกฎและข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับบริษัทเรียบร้อยแล้ว รวมถึงรับป้ายพนักงานเพื่อเริ่มต้นการเป็นเด็กฝึกงานของ H กรุ๊ปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พี่แพรวจึงพาไอ้เก้าไปส่งที่แผนกก่อน

“โชคดีนะมึง” ผมบอกไอ้เพื่อนรักเบาๆ ไอ้นั่นหน้าระรื่นมีความสุข เพราะในแผนกมันมีนักศึกษาฝึกงานหน้าตาดีอยู่หลายคน ความเป็นเสือเมื่อเห็นเหยื่อจึงทำให้มันกระชุ่มกระชวย

“บอกตัวเองเถอะมึงอะเดี๋ยวจะรู้สึก” ไอ้นี่พูดจาแปลกๆ

ผมขึ้นลิฟต์ตามพี่แพรวมาชั้นเกือบบนสุด เดินตามออกมาจนถึงส่วนงานสำนักบริการ แค่เข้ามาความเย็นยะเยือกเสียวแผ่นหลังก็แผ่ซ่านปรากฏ ที่นี่เงียบมากทุกคนตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันจนแทบไม่มีเสียงพูดคุย เงียบจนได้ยินเสียงหายใจ ต่างจากแผนกอื่นๆ ที่ผมเพิ่งไปทำความรู้จักมาโคตรจะสนุกสนานมีชีวิตชีวา

“ชบาพี่พาน้องฝึกงานมาแนะนำ” พี่แพรวพาผมมาหยุดอยู่ตรงโต๊ะที่มีพี่ผู้หญิงอายุราวๆ สามสิบกว่านั่งอ่านเอกสารอย่างเคร่งเครียดก่อนจะละสายตาแล้วมองผู้มาเยือน

“สวัสดีค่ะพี่แพรว สวัสดีค่ะน้องธารา” พี่ชบาส่งยิ้มอุ่นมาให้ผมได้คลายความเย็นหวามได้บ้าง

“สวัสดีครับพี่ชบา เรียกผมว่ามีนก็ได้ครับ”

“อ่อๆ จ๊ะน้องมีน”

“ฝากน้องด้วยนะชบา มีอะไรก็บอกน้องนะ” พี่แพรวย้ำสำทับกับพี่ชบา

“ไม่ต้องห่วงค่ะพี่”

“ไว้เจอกันนะมีน”

“ขอบคุณครับ” ยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณพี่แพรวพรรณ พลางพี่ชบาเรียกผมให้เดินไปยังจุดกลางแผนก ตบมือส่งสัญญาณให้พี่ๆ ที่ก้มหน้าทำงานอยู่หันมาสนใจผมเป็นตาเดียว จากนั้นพี่ชบาจึงเริ่มแนะนำผมให้ทุกคนได้รู้จัก

“พวกเธอนี่น้องมีน น้องจะมาฝึกงานที่แผนกเราสามเดือนนะ มีอะไรให้แนะนำน้อง ให้น้องช่วยงานที่เป็นงานจริงๆ เค้ามาฝึกงานสิ่งที่ต้องได้คือประสบการณ์ทำงาน ไม่ใช่การไปซื้อกาแฟให้รุ่นพี่หรือการถ่ายเอกสาร หวังว่าทุกคนจะเข้าใจ”

เยี่ยม!!! สุดยอดแห่งวาทะ การฝึกงานคือการมาหาประสบการณ์ตามที่พี่ชบาบอก ผมอ่านกระทู้ในเว็บดังหลายๆ เว็บ ส่วนใหญ่จะบ่นว่าตอนไปฝึกงานได้ถ่ายเอกสารทั้งวัน บางคนได้เดินเอกสาร บางคนได้ชงกาแฟ หรือบางคนได้ไปซื้อกาแฟหรือข้าวเที่ยงให้รุ่นพี่ โดยส่วนตัวผมมองว่านั่นไม่ใช่การฝึกงาน แต่เป็นการฝึกความอดทนมากกว่า

จริงอยู่ว่านักศึกษาฝึกงานอาจไม่ได้เก่งถึงขั้นที่จะมาทำงานได้ตามผลสัมฤทธิ์ที่ทางองค์กรวางเป้าหมายไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะทำไม่ได้และที่สำคัญ



‘เรามาฝึกงาน’ นั่นหมายถึงเรายังไม่รู้ เราจึงจำเป็นต้องฝึกฝน ก่อนจะเปลี่ยนจากคำว่าฝึก เป็นคำว่า ทำ แทนที่



หลังจากนั้นพี่ๆ ทุกคนจึงเริ่มแนะนำตัวและหน้าที่ของตัวเองให้ผมได้รู้ เผื่อมีอะไรจะได้สอบถามช่วยงานได้ถูก

“น้องมีนเก่งจังเลยนะคะ ปกติไม่เคยมีเด็กฝึกงานมาฝึกที่แผนกนี้” พี่ผู้หญิงที่ชื่อจินตนาพูดขึ้น ยิ้มแต่สายตาไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่

“ครับ”

“หรือเพราะเป็นเด็กใครกันนะ”

“ช่วยทำตัวให้ดูมีวุฒิภาวะหน่อยนะจิน น้องมันจะได้เคารพ” พี่ชบาตอกกลับนิ่มๆ แต่โคตรเจ็บจนพี่จินตนาหน้าเจื่อนนั่งลงแทบไม่ทัน

ผมเดินตามพี่ชบาไปยังโต๊ะทำงานนซึ่งอยู่ตรงทางออก ใกล้ๆ กับหน้าห้องของใครคนหนึ่งที่มีป้ายติดไว้ว่า

‘ท่านรองประธาน’

“มีนนั่งตรงนี้นะ มีอะไรขาดเหลือให้บอกพี่ ไม่ต้องเกรงใจ”

“ขอบคุณครับ”

“ดูแลน้องด้วยนะอาร์ม” พี่ชบาหันไปบอกพี่ผู้ชายเจ้าของชื่อซึ่งนั่งโต๊ะข้างๆ ผม พี่อาร์มส่งยิ้มทักทายแลดูเป็นมิตร พร้อมยื่นป๊อกกี้ช็อกโกแลตมาให้

“มีอะไรก็ถามได้นะมีนไม่ต้องเกรงใจ พี่ใจดีมาก”

“ขอบคุณครับ” ผมรับขนมมาจากพี่อาร์ม

“ชื่อมีนที่มาจากราศีใช่มั้ยครับ” รุ่นพี่ข้างๆ ผมยังชวนคุยไม่หยุด

“ใช่ครับ ผมเกิดราศรีมีน” ชื่อผมคือมีนที่มาจากราศีมีน ที่แปลว่าปลา ส่วนชื่อจริงก็ชื่อธาราที่แปลว่าน้ำ รวมกันจึงหมายถึงปลาที่อยู่ในน้ำ (มีนธารา)

“เค้าบอกว่าคนราศีมีนจะได้แฟนเกิดราศีตุลย์” ผมก็เคยได้ยินเหมือนกัน

“พี่เกิดราศีตุลย์นะ ... บอกไว้ก่อนเผื่อสนใจ”

เหอะๆ!! เป็นมุกจีบที่เห่ยมากเท่าที่เคยพบเคยเจอ

.

“แล้วเคยมีหมอดูทักคุณมั้ย ว่าราศีตุลย์กำลังจะมีเคราะห์”

เสียงคุ้นทำเอาผมประหลาดใจ ทว่ามันรู้สึกเสียวต้นคอแปลกๆ ผมรีบหันไปตามเสียงนั้นแล้วก็ต้องชะงักเมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็น



ไอ้พี่ปราบปราม !!



แปลกตามากผมไม่เคยเห็นพี่มันในลุคนี้มาก่อน พี่ปราบในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มกับเสื้อเชิ๊ดสีขาวเข้ากัน ผมถูกเซตเป็นระเบียบ ใบหน้าหล่อเดิมเป็นทุนวันนี้ดูดีกว่าเก่าในมาดผู้บริหารหนุ่ม ร่างสูงร้อยแปดสิบกว่าเซ็นติเมตรยืนนิ่งมองผมด้วยความนิ่งเงียบ นัยตาสีดุดันแผ่รังสีอำมหิตไปทั่วทุกอาณาบริเวณจนผมเข้าใจแล้วว่าทำไมฝ่ายงานนี้จึงต้องเงียบ

“ท่านรองสวัสดีค่ะ” เสียงพี่ชบาดังมาแต่ไกลแล้วรีบเดินมาที่โต๊ะผมพร้อมพี่ๆ ที่ยกมือขึ้นไหว้กล่าวคำสวัสดีท่านรองอย่างพร้อมเพรียงกัน ส่วนพี่อาร์มหน้าเจื่อนถอดสีหมดมาดนักหยอดในตำนานไปเลยทีเดียว

“สวัสดีค่ะท่านรอง นี่น้องธาราค่ะ นักศึกษาฝึกงานที่ชบาเคยรายงานไป” พี่ชบารีบตัดบทแนะนำผมให้ท่านรองของเค้าได้รู้จักผม พี่ปราบจ้องผมอยู่นานแล้วเบือนหน้าหนีไป

“สวัสดีครับท่านรอง ผมธาราครับ” แนะนำตัวในฐานะเด็กฝึกงานแม้ความเป็นจริงจะรู้จักกันมาก่อนก็ตาม

“ตามเข้าไปพบผมที่ห้องทำงานด้วย” จะเก๊กหน้าทำไมวะ

“ครับ” แล้วท่านรองประธานขี้เก๊กก็เดินหายเข้าไปหลังประตู เสียงถอนหายใจนับสิบครั้งของสิบกว่าชีวิตในแผนกดังขึ้นไล่ๆ กัน ทำไมผมไม่ฉุกคิดว่าที่นี่เป็นโรงแรมในเครือของครอบครัวพี่ปราบ ถ้ารู้ก่อนหน้าจะไม่มาฝึกงานที่นี่เลย

“ไม่มีอะไรหรอกน้องมีน อย่าเครียดนะ” พี่ชบาให้กำลังใจพร้อมกับสายตาของพี่ๆ ในแผนกที่มองผมคล้ายกับจะส่งความหมายว่า



‘ขอให้น้องรอดกลับมา’



บรรยากาศในห้องทำงานของท่านรองประธานตกแต่งสวยงามตามคอนเซ็ปต์ของโรงแรมทันสมัยแต่แฝงไปด้วยความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขนาดห้องกว้างขวางสมตำแหน่ง มีมุมโซฟารับแขกเพื่อใช้คุยงาน มีห้องน้ำในตัวและด้านหลังมีประตูบานเล็กเปิดไปคาดว่าน่าจะเป็นห้องส่วนตัว ของประดับราคาแพงตามหลักฮวงจุ้ยวางอย่างถูกจุด โต๊ะทำงานสีดำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง โดยมีคนตัวสูงในชุดสูทส่งให้ดูภูมิฐานยืนมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยาไกลสุดลูกหูลูกตาผ่านกระจกใสบานใหญ่

“มานี่” คำสั่งที่สองของผมกับพี่ปราบในฐานะเจ้านายและนักศึกษาฝึกงาน เสียงที่เรียกต่างจากเสียงตรงบริเวณหน้าห้องอยู่มาก บางทีผมก็ทำตัวไม่ถูกเพราะเวลานี้ผมกำลังอยู่ในอีกสถานะหนึ่ง

“ท่านรองเรียกผมมาทำไมหรอครับ” การเว้นระยะห่างตามสถานะและกาลเทศะน่าจะเป็นสิ่งที่ควรกระทำมากที่สุดในตอนนี้ คนฟังขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนได้ยินคำเรียกแทนตัวเองว่า “ท่านรอง” เพราะถ้าอยู่ข้างนอกผมจะเรียกว่า ‘พี่ปราบ’ ไม่ก็ ‘ไอ้พี่ปราบ’

“เสน่ห์แรงนักนะเรา มาฝึกงานได้ไม่ถึงครึ่งวัน มีหนุ่มๆ มาคอยจีบ คอยเอาขนมให้ซะแล้ว”

“เปล่านะ พี่ๆ เค้าแค่อยากให้ผมผ่อนคลาย มันเป็นการทำความรู้จักกันต่างหาก”

“หวังว่าคนอื่นจะคิดแบบนั้น ไม่อย่างนั้นละก็....” ถามจริงนี่ลูกน้องรู้มั้ยว่ามีเจ้านายเอาแต่ใจเหมือนเด็กได้ขนาดนี้ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น

“เรียกผมมาแค่นี้ใช่มั้ยครับ” เริ่มจะไร้สาระเกินไปละ ดีได้แค่วันเดียวจริงๆ เลย ให้ตายสิ!

“อยู่สองคนไม่ต้องเรียกว่าท่านรอง เรียกพี่ปราบเหมือนเดิมก็ได้”

“ไม่ดีกว่าครับ ผมมาฝึกงาน คุณเป็นเจ้านาย ผมเรียกแบบนั้นถูกแล้ว”

“เด็กดื้อ”

“ขอตัวนะครับ”

พี่ปราบรวบตัวผมไว้จากด้านหลังก่อนที่ผมจะเดินออกจากจุดนั้น กลิ่นน้ำหอมราคาแพงของพี่มันใกล้เพียงปลายจมูกผมสัมผัส แผ่นหลังแนบชิดกับแผ่นอกกว้างอัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อสวยที่ถูกซ่อนภายใต้สูททรงทันสมัย อ้อมกอดจากวงแขนแกร่งโอบรัดตัวผมเอาไว้จนเดินหนีไม่ได้

“ขอหอมก่อนแล้วจะปล่อยให้ไปทำงาน” อะไรของพี่มันเนี่ย ผีเข้าปะวะ!!

“ไม่......”

.

ฟอดดดดด !!

.

ไอ้เหี้ยพี่ปราบ!!!!!!





* * * * * * * * *



เที่ยงนี้ผมมาทานข้าวกับพี่อาร์มสองคนเหตุเพราะพี่ชบาติดงานกับท่านรอง ส่วนไอ้เก้ามันบอกว่ากำลังจีบเด็กฝึกงานในแผนกเลยขอไปทำความรู้จักกับฝ่ายนั้นก่อนเพื่อนค่อยเอาไว้ทีหลังเจริญฮวบๆ เลยไอ้สัสนี่ ผมเคลียร์กับไอ้ห่านั้นแล้วด้วยว่าผมเจอพี่ปราบแต่มันปกติมากตอบกลับมาว่ารู้อยู่นานแล้ว



“มึงรู้แล้วทำไมไม่บอกกูว่าพี่ปราบเป็นเจ้าของที่นี่”

“แล้วเวลามึงจะไปฝึกงานที่ไหนมึงไม่คิดจะหาข้อมูลเลยหรอว่าเจ้าของเค้าชื่ออะไร”

ด่ากูว่าโง่ยังจะเจ็บน้อยกว่าด่าแบบอ้อมๆ

“ไอ้ห่าเก้า”

“ช่วยไม่ได้เสือกไม่รอบคอบเอง แค่นี้นะกูไม่ว่าง”



อยู่ๆ ฝนก็ตกลงมาแบบไม่ทันได้ตั้งเนื้อตั้งตัว เมื่อเช้ายังสว่างจ้าคาตาอยู่เลยแต่ไหงพอเที่ยงปุ๊บก็ตกแบบฟ้ารั่วขนาดนี้ ฝนนี่ก็กวนประสาทเหมือนกันนะ จะตกเฉพาะตอนที่เราไม่อยากให้ตก ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า ตอนพักเที่ยง หรือตอนเลิกงาน ราวกับมีใครไปตั้งเวลาเอาไว้

ผมกับพี่อาร์มตัดสินใจพากันวิ่งฝ่าเม็ดฝนจากร้านอาหารตามสั่งแถวๆ ออฟฟิศ เมื่อประเมินแล้วว่าฝนไม่มีวี่แววจะหยุดสักทีและเหลือเวลาอีก 10 นาทีจะได้เวลาเข้างานในตอนบ่ายแล้ว หากไปสายวันแรกของการฝึกงานประวัติผมเสียแน่นอน



ปี้นๆๆๆๆๆๆ ซ่า



“แมร่งเอ๊ยมึงจะรีบขับไปตายที่ไหนวะเนี่ย ฝนตกน้ำขังขนาดนี้ไม่ระวังคนอื่นเลย”

ผมมองตัวเองในสภาพที่ยับเยินพังพินาศที่สุด ฝนตกเปียกมะล่อกมะแล่กไปทั่วตัวนี่ว่าแล้ว เสือกถูกคนเห็นแก่ตัวขับรถไม่สนใจคนที่เดินอยู่เหยียบน้ำกระเด็นใส่อีก ชุดนักศึกษาสีขาวปะเปื้อนไปด้วยเศษดิน เศษโคลนกระดำกระด่างไปทั่วทั้งตัว คนที่เดินอยู่แถวนั้นที่หลบไม่ทันก็โดนไปตามๆ กันส่วนพี่อาร์มรอดเพราะวิ่งหลบได้ทัน ยืนหลับตาปี๋ปิดปากสนิทตั้งหน้าวิ่งเข้าไปยังตึกของสึกนักงานที่อยู่ไม่ไกลด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวสุดๆ



เดินเข้าแผนกมาด้วยตัวเปียกโชกตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ทั้งข้างนอกลามไปจนถึงกางเกงใน แมร่งเอ๊ยแล้วอีกครึ่งวันที่เหลือของผมจะอยู่ยังไงละเนี่ย แอร์ในห้องทำงานก็โคตรจะเย็น

“ว้ายน้องมีนไปทำอะไรมาคะเปียกหมดเลย” พี่ชบาทักขึ้นเมื่อเห็นสภาพผมไม่น่ามองสักเท่าไหร่ ผมเผ้าที่เซตเป็นทรงลู่ลงตามความเปียกชื้นของผม เสื้อขาวบางแนบเนื้อจนเห็นไปถึงข้างใน

“มีนวิ่งกลับเข้ามาออฟฟิศครับระหว่างทางเจอรถเหยียบน้ำกระเด็นใส่”

“ไม่ใช่ว่าไปทำให้ใครเค้ามั่นไส้จนเค้าขับรถเหยียบน้ำใส่หรอคะ สมน้ำหน้า อุ๊ย สงสารจังค่ะ” พี่จินตนาเล่นหูเล่นตากวนอารมณ์เป็นรอบที่สองของวัน ไม่รู้ผมไปเดินสะดุดตีนแกตอนไหนถึงได้แสดงออกว่าไม่ชอบหน้าผมได้ขนาดนั้น

เดินมาหยุดที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เพ่งพิจารณาถึงความผิดปกติที่แปลกไป เอกสาร อุปกรณ์ทำงาน รวมถึงของใช้ผมที่วางไว้บนโต๊ะไม่มีอะไรเหลือเลยนอกจากความว่างเปล่า

“พี่ชบาครับ ของมีนไปไหนหมดหรือครับ”

“ท่านรองสั่งให้พี่ย้ายของน้องมีนเอาไปไว้ในห้องนะค่ะ”

“รวมถึงน้องมีนด้วยนะ ต้องเข้าไปนั่งทำงานในห้องท่านรอง” คำอธิบายของพี่ชบาทำเอาทุกสายตาหันกลับมาจ้องมองมองเป็นจุดสนใจเดียว ไม่รู้ว่าไอ้พี่ปราบกำลังเล่นตลกอะไรอยู่ถึงได้ออกคำสั่งบ้าๆ แบบนั้น แล้วคนอื่นจะมองผมยังไงกัน



สงสัยคงต้องคุยกันให้รู้เรื่องแล้วแหละ!!



“อ้าวมีน .. ทำไมเปียกไปทั้งตัวแบบนี้” คำถามแรกหลังจากที่ผมเปิดประตูห้องทำงานของพี่ปราบเข้ามา โดยมีพี่ชบาเดินตามสมทบ พี่มันพิจารณาสายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความไม่ชอบใจสักเท่าไหร่

“ช่างมันเถอะครับ แค่อุบัติเหตุ ที่ผมเข้ามาจะถามท่านรองว่าย้ายของผมเข้ามาในนี้ทำไม” พี่ชบาเหมือนกำลังจะพูดอะไรสักอย่างขึ้นมา แต่ถูกเจ้านายของตัวเองยกมือขึ้นห้ามไว้เสียก่อน

“พี่แค่อยากให้มีนเข้ามาช่วยพี่ทำงาน ช่วงนี้ผู้ช่วยพี่ลาคลอด ส่วนคุณชบาก็ยุ่งๆ อีกอย่างข้างนอกมันไม่ปลอดภัยพี่ไม่ไว้ใจ” ฟังแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำอธิบายของท่านรองประธานตรงหน้า

“มีนต้องเปลี่ยนชุดก่อนนะครับ แล้วต้องอาบน้ำ ในห้องทำงานพี่มีห้องอาบน้ำกับเสื้อผ้าอยู่ด้านหลัง เดี๋ยวพี่พาไปเปลี่ยน ส่วนเสื้อผ้ามีนฝากคุณชบานำไปส่งซักให้ด้วย” พี่ปราบออกคำสั่งจนผมกลัวว่าคุณชบาจะรู้ว่าผมกับพี่ปราบรู้จักกันมาก่อน

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวก็แห้งผมทำงานต่อได้”

“จะเดินตามพี่ไปดีดี หรือให้พี่อุ้มไป อย่าดื้อนะมีน เกิดป่วยขึ้นมาจะทำยังไง” มองหน้าคุณชบาที่ยืนยิ้มอยู่อย่างทำตัวไม่ถูก แกจะคิดยังไงว่าผมเด็กเส้นแค่ไหนที่มาวันแรกก็ได้ย้ายโต๊ะมาอยู่ในห้องรองประธานบริษัท แล้วไหนจะได้อภิสิทธิ์ใช้ห้องน้ำส่วนตัวอีก



และผมไม่ชินกับพี่ปราบเวอร์ชันนี้สักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าไปเดินสะดุดตีนใครแล้วล้มตื่นมาความจำเสื่อมหรือเปล่าถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ เมื่อก่อนยังกวนตีนอยู่เลย แต่มาสองสามวันนี้เสือกพูดดีแถมยังเป็นห่วงอีก

แถมเมื่อวานก็ยัง พูดคำว่าขอโทษ ทั้งๆ ที่ชีวิตนี้พี่มันไม่เคยเอ่ยคำนี้กับผมเลยสักครั้ง



ไม่รู้จะมาไม้ไหน !!! เดาเกมส์ไม่ถูกเลยกู



ผมเดินตามเจ้าของแผ่นหลังกว้าง พี่ชายข้างบ้านในวัยเด็กของผมเข้ามาในห้องพักส่วนตัว พี่มันหยิบผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดตาออกจากตู้เสื้อผ้าดีไซต์สวยแล้วส่งมาให้ผม

“อาบน้ำสระผมให้เรียบร้อยนะ ของใช้ทุกอย่างเป็นของส่วนตัวพี่หยิบใช้ได้หมดเลย”

“ได้ครับ”

“ส่วนเสื้อผ้าใส่ของพี่ไปก่อนแล้วกันเนาะ มันอาจจะหลวมๆ หน่อยใส่เข็มขัดไว้คงจะพอใส่ได้แหละ เดี๋ยวพี่เตรียมไว้ให้”

“ก็คงต้องตามนั้นแหละครับ ท่านรองประธาน ผมจะไปเถียงอะไรได้ละ” คว้าผ้าเช็ดตัวจากพี่มันแล้วมุ่งตรงไปยังส่วนของห้องน้ำ น้ำเย็นจนผมต้องรีบปรับให้อุ่นแทบจะทันทีที่กระแสน้ำสัมผัสกับผิว รีบสระผมและอาบน้ำให้เสร็จโดยเร็วจะได้รีบออกไปจากห้องนี้แล้วไปทำงานเสียที

ผมพันผ้าขนหนูไว้ที่เอวหลวมๆ โดยไม่ได้ระมัดระวังอะไร แต่ผมคิดว่าในเมื่อ



ไอ้พี่ปราบนั่งอยู่บนเตียง .. และจ้องผมตาไม่กะพริบเลย



“เห้ย ทำไมพี่มานั่งอยู่ตรงนี้ ไม่ออกไปละมีนจะเปลี่ยนเสื้อผ้า”

“ขาวเนาะ” ไอ้พี่ปราบมันใช่เวลามาหื่นมั้ยเนี่ย ผมหยิบผ้าขนหนูอีกผืนที่อยู่ใกล้ๆ ม้วนแล้วขว้างใส่หน้าพี่มันให้หลุดจากความคิดอุบาทว์ๆ สักที

“อะไรเนี่ย ขว้างพี่ทำไม เจ็บนะ” ถึงแม้คืนนั้นจะเห็นกันหมดทุกสัดส่วน ทุกซอกมุม หลืบร่องแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าตอนนี้จะมองได้สักหน่อย

“มานี่มา เดี๋ยวพี่เช็ดหัวให้ก่อน แล้วค่อยใส่เสื้อผ้า” พี่ปราบตบเตียงปุๆ เชิญชวน ผมจิ๊ปากขัดใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะห้องนี้เป็นเขตของพี่มัน จะให้พุ่งออกไปโดยไม่มีอะไรใส่ก็เกลียดอยู่

“ห้ามทำอะไรผมนะ ไม่งั้นผมต่อยพี่แน่”

“กลัวจังตัวเท่าหมา” พี่ปราบจับข้อมือผมออกแรงดึงให้เข้าไปใกล้พี่มันจนชิดติดกัน พี่มันเริ่มลงมือเช็ดหัวผมอย่างเบามือ ไม่น่าเชื่อว่าท่านรองประธานมาดนักธุรกิจรุ่นใหม่ผู้เคร่งขึม กับลูกชายคนเล็กของนักธุรกิจใหญ่จะทำอะไรแบบนี้ให้คนอื่นเป็นด้วย



มันยิ่งแน่ชัดในใจแล้วว่า ...

พี่มันต้องไปสะดุดตีนใครแล้วหัวฟาดจริงๆ



“รอยยังไม่หายอีกเนาะ” สัมผัสตรงรอยช้ำที่เจ้าตัวเป็นผู้ลงมือทำแผ่วเบา สายตาอ่อนโยนโอนถ่ายความห่วงใยแม้เพียงน้อยมาให้ผมได้สัมผัส รอยนับสิบที่อยู่บนร่างของผมเขียวช้ำชัดตามวันเวลาที่ล่วงเลยก่อนที่มันจะจางหายไปในที่สุด



ทว่ารอยรักความทรงจำในคืนนี้ยิ่งนับวันยิ่งชัดเจน

แต่ยากที่จะเลือนราง

สายตาดวงนั้นจ้องมองที่ริมฝีปากบางของผม ชวนให้ใจหวั่นไหวกับเม็ดฝนที่ตกกระทบภายนอกไหลรินลงบนกระจกใสรอบห้อง ความหนาวเย็นผสมระหว่างอุณหภูมิด้านนอกประกอบกับเครื่องปรับอากาศทำเอาคนเปลือยเปล่าสะท้าน ยิ่งสายตาลวนลามไม่สุขนั้นแล้วยิ่งหวาบหวิวหนักทวีคูณ



มืออุ่นลากเลื่อนไปตามแขนเนียนของคนตรงหน้าก่อนจะหยุดเคลื่อนไหวนิ่งตรงริมฝีปากชมพู บรรยากาศสร้างให้คนเราเผลอไปกับอารมณ์ได้อย่างง่ายดาย หรือมันเป็นเพราะธรรมชาติกำหนดเอาไว้แบบนั้น



“ถ้าพี่จูบจะโดนต่อยมั้ย”

“ไม่หรอก”



ริมฝีปากคนตัวสูงกว่าประกบปากบางผมอย่างอ่อนละมุน ใจผมอ่อนยวบระทวยเมื่อลิ้นสากฉกฉวยน้ำหวานในปาก ลากไปทั่วกระพุ้งแก้มราวกับโหยหามานาน หลับตาพริ้มเคลิ้มรับสัมผัสที่อีกฝ่ายประเคนให้อย่างไม่ต่อต้าน คืนนั้นของเราสองคน ... ยังน่าจดจำแสนตรึงใจ จนกระทั่งเวลานี้



ก่อนผมจะหยุดและผละคนตรงหน้าออกแล้ว .....



ปึ๊ก!!!!!!!



“โอ๊ยมีนพี่เจ็บนะ ต่อยทำไม”



.

.

“จูบได้แต่ห้ามล้วงข้างล่างโว้ยยยยยยย”





สมน้ำหน้าพี่ปราบจริงๆ อดจูบเพราะหื่นจัด 555555
ถ้าชอบก็ + 1 มารัวๆ // เมนท์น้อยเริ่มจะน้อยใจแล้วนะ ^^

 :hao3: :hao3: :hao3:


หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//10-ถ้าพี่จูบ (13-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 13-06-2021 20:51:43
 :pighaun: :haun4:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//10-ถ้าพี่จูบ (13-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-06-2021 01:22:55
 :hao3:



จินตนา !!!
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//11-ความพี่ปราบอะเนาะ (15-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 15-06-2021 20:03:18
Chapter 11 --- ❝ความพี่ปราบอะเนาะ ❞

------------

Kao : สรุปว่ามึงกับพี่ปราบยังไงนะไอ้มีน

Meen : ไม่มีอะไรนิ!!

Kao : กูไม่ได้หูหนวกนะ คืนนั้นพี่มันประกาศว่ามึงนอนกับมันแล้ว

ไอ้ห่านี่รู้ทั้งรู้แก่ใจยังเสือกแกล้งถามให้เป็นประเด็นอีกนะมึง

Park : กูก็ได้ยิน

Meen : ก็แค่คู่นอนปะวะ ไม่ได้มีอะไร

Kao : แต่กูว่ามี คู่นอนเหี้ยอะไรมาตามลากกลับบ้านขนาดนั้นเหมือนอะไรเอ่ย เพื่อนปาร์ค

Park : เหมือนผัววววววววว

Kao : ฮิ้วววววววว

Meen : ผัวพ่อมึงสิไอ้สัส

Kao : แถมวันนี้เค้ายังสั่งย้ายโต๊ะทำงานเข้าไปในห้องทำงานท่านรองประธานเลยนะเว้ยยยย

Meen : แล้วมึงรู้ได้ยังไง ไอ้เก้า

Kao : เค้ารู้กันทั้งตึก H แล้วมึง

Park : เชดดดดดดด ออกตัวแรงเหมือนกันนะพี่ปราบเนี่ย

Kao : เด็ดสุดละเพื่อนกู ไปฝึกงานแต่ได้ผัวเป็นเจ้าของโรงแรม ปังปุริเย่สุดๆๆ

Meen : ส้นตีนนิ



ผมกดปิดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดกับพวกห่านี่เท่าไหร่ ไอ้เก้านี่มันแสนรู้จนอยากส่งเข้าหน่วยฝึกให้ไปตามหาของกลางช่วยเหลือทางราชการจริงๆ จมูกดีสัสๆ ห่าราก



ทิ้งตัวนอนโง่ๆ บนเตียงหลังจากอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว จุดเทียนหอมกลิ่นโปรดสร้างบรรยากาศในห้องอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ แสงนวลจากเปลวเทียนกับกลิ่นหอมเฉพาะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายหลังจากต้องออกไปเผชิญกับความเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน



(Rrrrr-- Rrrrrrr--)



“สวัสดีครับ” หลังกดรับสาย ผมกรอกเสียงราบเรียบลงไป รอกระทั่งได้ยินปลายสายตอบกลับมา เสียงนั้นไม่ใช่ใครอื่น ทว่าเป็นเสียงของคนที่ได้เพื่อนเวรสองตัวผมเพิ่งจะเอ่ยถึง

[ถึงบ้านแล้วหรือยัง]

“ถึงสักพักหนึ่งแล้ว”

[กินข้าวหรือยัง]

“กินแล้ว”

[อาบน้ำสระผมแล้วใช่มั้ย]

“เรียบร้อยแล้ว”

[แล้ววันนี้คิดถึงพี่แล้วหรือยัง]

ผมนิ่งเกือบหลุดปากกลับไป .. คำถามชี้นำสุดๆ

“ปวดขี้” พี่ปราบหัวเราะเสียงหลง

[กินยาด้วยนะ ดักไว้ก่อนเดี๋ยวไม่สบาย]

“อื้อๆ เดี๋ยวค่อยกิน”

[พี่เป็นห่วง]

“แค่นี้นะ สัญญาณไม่ดี ตู๊ดๆๆๆๆ”

กดตัดสายทิ้งแมร่งเลย ...

คนที่ต้องกินยาน่าจะไม่ใช่ผมแต่ควรเป็นพี่ปราบมากกว่า หรือถ้ายาช่วยอะไรไม่ได้ต้องให้ป้ามอกับพี่ปกพาไปรดน้ำมนต์ซักสามสิบวัดเผื่อผีที่สิงอยู่จะออก พักนี้แปลกๆ พูดจาดี ทำตัวดีจนผมขนลุก ยิ่งตอนเย็นเลิกงานพะเน้าพะนอจะมาส่งผมที่คอนโดให้ได้ แต่ก็ไม่ได้มาเพราะมีเอกสารด่วนต้องเซ็นต์ผมจึงชิ่งหนีกลับเอง พี่มันทำหน้าไม่พอใจคุณชบาที่แทรกแซงแบบนั้น

ไม่เคยจะชินเลยสักที!!!



วางสายจากพี่ปราบตั้งใจจะนอนดูอะไรเรื่อยเปื่อยในยูทูป เปิดไปเรื่อยๆ เสียงในนั้นกับกลิ่นเทียนหอม พร้อมแสงไฟสลัวบวกกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศค่อยๆ พรากเอาสติของผมหลุดล่องลอยไปทีละนิด ทีละนิดจนเสียงที่ได้ยินค่อยๆ เบาลงเรื่อยหายไปไหนที่สุด พร้อมเจ้าของห้องที่ดำดิ่งเข้าสู่ห้วงแห่งฝันคาโทรศัพท์ที่หล่นตกอยู่ข้างตัว





แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านทะลุผ้าม่านสีขาวเข้ามาจนต้องในลืมตาขึ้นแม้อยากจะนอนต่อก็ตาม

สัมผัสเตียงอ่อนนุ่มไม่ได้ทำให้ผมหลับสนิทถึงเช้าได้เลย เพราะมันหลับๆ ตื่นๆ ด้วยอาการร้อนๆ หนาวๆ ที่เกิดวนอยู่แบบนั้นตลอดทั้งคืน ครั้นจะลุกขึ้นมาก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะฝืน ได้แต่ห่มผมสลับกับถีบออกจากตัวตามอาการที่เกิดขึ้น ผมปรือตาขึ้นมาช้าๆ หลังปรับรับกับแสงจ้าที่ส่องสว่างไปทั่วห้อง ในหัวหนักอื้อ ขอบตาร้อนผ่าว ครั่นไปทั้งเนื้อตัว ยกมือขึ้นจับหน้าผากตัวเองเพื่อเช็คดูอาการพบว่าตัวโคตรร้อน สงสัยจะเป็นไข้เพื่อเปียกฝนทั้งคืน ประกอบกับลืมปิดแอร์ทั้งคืนและที่สำคัญ



แผงยาแก้ปวดลดไข้ขนาด 500 มิลลิกรัมยังอยู่ที่เดิม!!!



“ขอบคุณนะครับพี่ชบา”

วางสายจากหัวหน้างานตัวเองเรียบร้อยแล้ว หลังโทรไปขอลางานเพราะไม่มีแรงจะฝืนไปฝึกงานได้จริงๆ ปกติผมอึดมากป่วยแค่ไหนก็ต้องลากสังขารไปเรียนไม่เคยขาด แต่วันนี้ประเมินตัวเองแล้วไม่ไหวสุดๆ ขืนดึงดันไปทำงานมีหวังได้ฟุบหลับคาโต๊ะทำงานเป็นแน่แท้



ผมลุกขึ้นหยิบโจ๊กสำเร็จรูปเติมน้ำแล้วเอาเข้าไมโครเวฟจนสุก แล้วฝืนตักกินสี่ห้าคำไม่ให้ท้องว่างเกินไปก่อนกินยาตาม แม้ในปากจะไม่รู้รสชาติอะไรเลยนอกจากจืดสนิทแต่ก็ต้องฝืนกิน จากนั้นจึงลากร่างกายที่ใกล้แบตหมดเต็มทีขึ้นไปบนเตียง คุมผ้าห่มให้มิดถึงลำคอแล้วหลับตาที่หนักอึ้งลงอีกครั้ง





เหี้ยยยยยยย !!!!

เสียงร้องดังลั่นปลุกผมให้สะดุ้งโหยงตื่นมาจากความฝันว่ากำลังจะขึ้นเครื่องไปเที่ยว ใจเต้นตุบๆ ด้วยความตกใจ เม็ดเหงื่อผดขึ้นเต็มหน้า ไม่แน่ใจว่าเสียงที่ดังขึ้นเมื่อครู่เป็นฝันหรือความจริง



จนกระทั่ง ....



เพล้งงงง!!!

เสียงคล้ายจานหรือชามตกกระทบพื้นสนั่น จึงรีบลงจากเตียงแล้วหยิบหมอนอยู่ใกล้มือขึ้นมาเป็นอาวุธ เดินออกไปยังส่วนห้องครัว ใครบุกเข้ามาในห้องกลางวันแสกๆ แบบนี้วะ ไอ้เก้า ไอ้ปาร์คก็ฝึกงาน แม่ก็ไม่รู้ว่าผมป่วย จะเป็นโจรก็ไม่น่าใช่คอนโดที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงแบบนี้จะปล่อยให้คนนอกเข้ามาได้ยังไงกัน

“ตะเอ๋ตื่น.....”

เพี๊ยะ!!!

“โอ๊ยยยยยย”

ผมใช้หมอนขนเป็ดกระหน่ำตีหัวคนที่อยู่ตรงหน้าอยู่หลายทีจนแน่ใจว่าเสียงนั้นไม่ใช่คนแปลกหน้าแต่เป็น

“พี่ปราบ”

“ก็ใช่ไง ตีทำไมวะ”

ผมลดหมอนที่คาอยู่บนหน้าพี่ปราบไว้มิดลงอย่างช้าๆ เผยให้เห็นคนหน้าเซ็งหนึ่งอัตรายืนมองผมอยู่ ในมือถือถ้วยโจ๊กไว้แน่น

“ใครจะไปรู้ก็นึกว่าโจรขึ้นห้อง”

“โจรอะไรจะใส่สูทหล่อขนาดนี้”

พี่ปราบเดินนำไปที่โซฟา วางชามโจ๊กแล้วกวักมือเรียกให้ตามไปนั่ง ส่วนเจ้าตัวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมกดโทรออก

“ช่วยให้แม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาดห้อง 1410 ด้วยนะ”

“ขอบคุณครับ”

หลังวางสายคนตัวสูงปลดกระดุมสูทถอดออกจากตัว พับแขนเสื้อเชิ๊ดสีขาวขึ้นให้พอสบายตัว หล่อเนี้ยบภูมิฐานในชุดทำงานอีกแล้ว ว่าแต่นี่มันก็สายมากแล้วทำไมไม่ไปทำงาน

“ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ พี่ไม่มีงานต้องทำหรอ”

“มี.. แต่ลา”

“อ้าว ทำไมละ”

“มาเฝ้าไข้คนป่วยไง ถามแปลกๆ” พี่ปราบทำตัวสบายเหมือนอยู่บ้าน กดรีโมทเปิดทีวีสบายใจ

“แล้วพี่ขึ้นมาห้องผมได้ไง ที่นี่เค้าไม่ให้คนนอกขึ้นนะ” เออนั่นสิ ปีนมาหรือยังไงวะ ชั้นสิบหกนะไม่ใช่ชั้นหนึ่ง

“บอกว่าเป็นผัวเจ้าของห้อง 1410 เค้าก็ให้ขึ้นมาแล้ว”

ลอยหน้าลอยตาดีนัก ฟาดด้วยหมอนหนึ่งทีจะได้หายกวนส้นตีน

“เอาดีดี”

“คอนโดนี้อยู่ในเครือโรงแรมของพี่บ้าน เพราะงั้นพี่จะขึ้นไปจนถึงดาดฟ้าก็ได้” ยักคิ้วหงึกๆ วอนหมอนอีกรอบ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคอนโดนี้เป็นเครือธุรกิจบ้านของพี่ปราบ รู้แค่ว่ารวยมากแต่ไม่รู้ว่าจะรวยขนาดนี้ มิน่าแม่ผมถึงอยากให้มาอยู่ที่นี่แถมบอกว่าได้ราคาพิเศษมาอีกต่างหาก

“แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่”

“ความจำเสื่อมหรอ .. เพิ่งมาส่งเมื่อวันก่อนเองนะ” เออหวะ!!

พี่ปราบเปิดช่องการ์ตูนค้างไว้ ตาดูอย่างตั้งใจสาบานว่าอายุยี่สิบสี่และเป็นรองประธานบริษัทใหญ่

“แล้วรู้ได้ยังไงว่าผมป่วย”

“ชบาบอก” พี่ปราบจิ๊ปากเป็นเชิงรำคาญที่ผมถามไม่หยุด

“แล้วทำไม.....” คำถามข้อต่อไปของผมหายไปพร้อมกับริมฝีปากคนข้างๆ ที่มาจุ๊บไว้อยู่ชั่วครู่ ไม่ได้รุกล้ำใดๆ แล้วถอนจากไป

“ถ้าถามอีกจะปล้ำต่อหน้าลูฟี่แล้วนะ หยุดแล้วกินข้าวไปเลยจะได้กินยา”



ก้มหน้าก้มตากินโจ๊กในชามไปได้มากกว่ามื้อเช้า อาการปวดหัวยังคงหลงเหลืออยู่นิดหน่อย ตัวรุมไม่ร้อนมากเหมือนเมื่อคืน ได้นอนพักแม้จะแค่ไม่กี่ชั่วโมงให้ร่างกายได้ชาร์ตแบตกลับมาตามเดิม ส่วนคนข้างๆ นั่งจ้องทีวีเป็นเด็กน้อยอายุห้าขวบก็ไม่ปาน



แม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาดห้องให้ผมจนเอี่ยม ดูดฝุ่น ปัดฝุ่น ล้างจาน เทขยะ เก็บเศษชามที่พี่ปราบเผลอทำแตกและเตรียมมื้อเย็นไว้ให้เรียบร้อย จากนั้นอิพี่มันก็ตั้งใจดูแลผมอย่างดีแต่ดูทุรักทุเลไปหน่อย เข้าใจว่าทั้งชีวิตไม่เคยต้องดูแลใครเลยทำอะไรไม่ค่อยเป็น แต่ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้



เริ่มจาก....



กินยาหลังอาหาร

พี่ปราบหยิบยาลดไข้ให้ผมสองเม็ดพร้อมน้ำ ผมรับไว้แล้วรีบกินก่อนจะส่งแก้วเปล่าคืนกลับไปให้คนตัวสูงที่นั่งข้างๆ

“มีน”

“ครับ”

“ตากฝนทำให้ไม่สบาย แต่ถ้ามีพี่ข้างกาย ถ้ามีนไม่สบายพี่ก็พร้อมดูแล”

ง่อวววว!!!นี่มุขหรือโฆษณาประกัน รีบนอนดีกว่ากู



เช็ดตัว

พี่ปราบออกจากห้องน้ำมาพร้อมกะละมังน้ำจนปริ่มกับผ้าขนหนูสีขาวในสภาพเปียกมะล่อกมะแล่ก ก่อนจะวางอุปกรณ์แล้วนั่งลงบนโซฟา

“มาเดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมติดแผ่นลดให้ก็ได้”

“เช็ดตัวให้อุณหภูมิลดแล้วติดแผ่นอีกที อย่าดื้อ” นั่น!!ทฤษฎีอย่างเป๊ะ .. รอดูปฏิบัติ

ผมถอดเสื้อเพื่อให้พี่ปราบสะดวกต่อการเช็ดตัว แม้จะอายแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร รีบทำรีบเสร็จแล้วกัน คนตัวสูงใช้ผ้าจุ่มลงไปในกะละมังแล้วยกขึ้นมาในทันที

วางแหมะ ลงบนไหล่ผม!!

“พี่ปราบทำไมพี่ไม่บิดผ้าให้หมาดก่อน”

“ต้องบิดด้วยหรอ ถ้าบิดก็ไม่เปียกนะสิ”

“ต้องบิดให้หมาดแล้วค่อยเช็ดไม่ใช่เช็ดทั้งที่ผ้ายังอุ้มน้ำอยู่แบบนี้”

“ใครจะไปรู้ละ”

“โอ๊ยยย!!เค้ารู้กันหมดแหละ”

ตัวผมเปียกไม่ต่างจากการอาบน้ำเลยคุณผู้ชม!!ความพี่ปราบอะเนาะ เห้อออ



ติดแผ่นลดไข้

พี่ปราบพยายามติดแผ่นลดไข้ที่หน้าผากผมอยู่นานด้วยท่าทางจริงจังและเริ่มจะหัวเสียเมื่อไม่สามารถทำได้สักทีจนผมกลั้นขำไว้ไม่อยู่

“แมร่ง ทำไมติดไม่ได้วะ”

พี่ปราบฉีกซองแผ่นติดลดไข้อันที่สามออกมาแล้วทำเหมือนเดิมก็ยังแปะไม่ได้อยู่ดี

“พี่ว่ายี่ห้อนี้ไม่ดีเลยมีน เดี๋ยวลงไปซื้ออีกยี่ห้อนึงให้นะ รอพี่แปบ”

“ไม่ต้องเปลี่ยนยี่ห้อหรอกครับ”

“ทำไมละ”

“แค่พี่กลับด้านสีฟ้าเข้าข้างใน มันก็ติดได้แล้วครับ”

“อ้าวหรอ แฮ่ๆ”

พี่ปราบหัวเราะแก้เขิน ส่วนผมหัวเราะจริงจังดังสุดๆ!!



เมื่อจัดการทุกสิ่งอย่างตามที่ท่านรองประธานตั้งใจเอาไว้จนครบถ้วน เล่นเอาเหงื่อตกจนไข้เกือบหาย พี่ปราบจึงขอนั่งเคลียร์งานที่ค้างไว้ให้เสร็จเพราะมีประชุมในวันพรุ่งนี้บ่าย ผมที่ยังไม่ง่วงจึงอ่านหนังสือแก้เบื่อไปพลาง

(Rrrrr-- Rrrrrrr--)

มึงจะวิดีโอคอลมาหาสวรรค์วิมานอะไรตอนนี้ไอ้เหี้ยเก้า!!

ผมตั้งใจจะกดตัดสาย แต่เสือกมีมือคนข้างๆ กดรับเฉย

Kao : ตายยังไอ้แว่นนนนนนน

คำทักทายคนป่วยที่ฟังแล้วชื่นใจกูจริงๆ จนอยากยกตีนใส่หน้าจอ

Park : เดี๋ยวเย็นนี้พวกกูแวะเข้าไปหานะเว้ย จะไปนอนเป็นเพื่อน

Meen : ไม่ต้องๆๆๆ

Kao : เดี๋ยวนะ กูเห็นไหล่ใครแวบๆ ข้างมึงวะ

กูยอมสายตามึงจริงๆ สงสัยตอนเด็กไม่มีเพื่อน เลยเล่นเกมส์จับผิดภาพในโทรศัพท์ทั้งวัน

Meen : ไหล่พี่เองครับ!! (พี่ปราบโผล่เข้ามาในกล้องผม)

กวนตีนหลายรอบแล้วนะวันนี้ อยากมีซีนตลอดเลย

Kao : มีผัวมาเฝ้านี่เอง เพื่อนเลยไม่ต้องไป เดี๋ยวกูจะฟ้องแม่มึง

Meen : ผัวพ่อง

Kao : พ่อกูมีผัวตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

Park : พ่อมึงมีผัวเมื่อไหร่ไม่รู้ .. แต่เพื่อนเรามีผัวแล้วโว้ยยย

Meen : ไอ้เหี้ย!!

Kao : เบาๆ นะมึง เดี๋ยวตูดระบมแล้วไปทำงานไม่ไหว

Park : ฝากเพื่อนผมด้วยนะพี่ปราบ ขอให้มีความสุขมากๆ ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรแล้วเXดกันทุกวันนะพี่

Kao : ฮิ้วววววววว

กดตัดสายแมร่งเลย!!ก่อนที่ไอ้พี่ปราบจะตอบโต้อะไรกลับไป





ผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นอีกทีข้างนอกก็มืดสนิทแล้ว แถมผมยังมานอนห่มผ้าอยู่บนเตียงแบบนี้อีก มองออกไปส่วนห้องนั่งเล่นไฟยังเปิดติดอยู่แปลว่าพี่ปราบยังไม่ได้กลับ เดินออกมาพบคนตัวสูงกำลังปิดโน๊ตบุ๊คทำท่าบิดขี้เกียจไปมาจนเห็นผมที่หยุดยืนอยู่ใกล้ๆ

“หิวยังเดี๋ยวพี่ให้แม่บ้านขึ้นมาอุ่นอาหารให้”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวมีนอุ่นเองได้”

พี่ปราบพยักหน้าอย่างเข้าใจ ลุกเดินเข้ามาใกล้ผมพลางยกหลังมือซ้ายขึ้นทาบกับหน้าผาก แก้ม และซอกคอตามลำดับ จัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงจากการนอนดิ้นให้เข้าที่ ผมยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ชินกับพี่ปราบเวอร์ชันใหม่นี้สักที

“ใกล้จะหายแล้วนะ”

“แล้วนี่พี่ปราบจะกินข้าวก่อนหรือกลับเลยครับ”

“พี่บอกหรอว่าจะกลับ” มือแกร่งทาบสนิทกับแก้มนุ่มของผม นัยน์ตา,นัยนาสีดำเต็มไปด้วยประกาบวิบวับชวนมอง

“แต่ว่า ...”

“ให้พี่อยู่เถอะนะเผื่อคืนนี้มีนไข้ขึ้นจะได้มีคนดูแล ถึงพี่จะทำอะไรไม่ค่อยเป็นแต่ก็เป็นอยู่อย่างหนึ่งนะครับ”

“อะไร”

“ก็เป็นห่วงไง”

แหวะ!!จะอ้วก

“แต่ห้องผมมีแค่เตียงเดียว ไม่ค่อยสะดวกนะครับ”

“พี่นอนตรงโซฟาได้ขอแค่ผ้าห่มกับผมก็พอหรือมีนกลัวพี่จะทำอะไร”

ผมส่ายหัว แม้ในใจจะคิดไปแล้วก็ตาม ผมยังไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ ถึงแม้ช่วงสองสามวันมานี้จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีก็เถอะ

“นะครับ ให้พี่ดูแลมีนนะ มีนล็อกห้องก็ได้ถ้ายังไม่ไว้ใจ”

“อือ”

“พี่สัญญาว่าพี่ไม่ทำอะไรหรอก มีนป่วยอยู่จะทำได้ไง”

“ครับ”

สุดท้ายก็ใจอ่อนยอมให้พี่ปราบค้างที่นี่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน แค่อุ่นใจเวลามีพี่มันอยู่ใกล้ๆ แม้ส่วนใหญ่ผมจะดูแลตัวเองก็เถอะ แต่ก็ดีกว่าอยู่คนเดียวตอนป่วยแบบนี้



“แต่ถ้าหายป่วยเมื่อไหร่...”

.

“พี่ไม่รับประกันความปลอดภัยแน่นอน”



ฟอดดดดดดดดดดด



ไอ้เหี้ยยพี่ปราบ .. กูว่าแล้วยังไงโจรก็ยังเป็นโจรอยู่วันยังค่ำ







ความพี่ปราบอะเนาะ!!โบ๊ะบ๊ะสุด โอ๊ยยชั้นขำไม่ไหว
ชอบก็ +1 เข้ามานะจ๊ะ

 :katai1: :hao3: :katai3: :hao7: :mew1:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//11-ความพี่ปราบอะเนาะ (15-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 15-06-2021 21:14:23
 :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//11-ความพี่ปราบอะเนาะ (15-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-06-2021 23:16:59
 :katai2-1:


ใจพี่เขาได้
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//11-ความพี่ปราบอะเนาะ (15-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 18-06-2021 13:06:17
ตามต่อหน้า 2 Chapter 9
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//12-ความรู้สึกประหลาด (18-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 18-06-2021 21:07:45
Chapter 12 --- ❝ความรู้สึกประหลาด ❞

------------

ร้านกาแฟข้างออฟฟิศในตอนเช้าแสนจะเร่งรีบแบบนี้คลาคล่ำไปด้วยพนักงานออฟฟิศที่ต่อแถวหาเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่นเตรียมพร้อมสำหรับการลุยงานอันแสนจะหนักหน่วงตลอดทั้งวัน กลิ่นหอมกาแฟโชยกรุ่นไปทั่วร้านละมุนดีต่อใจปลุกความง่วงที่มีให้ทุเลาลงไปได้บ้าง ผมยืนรอคิวหลังจากสั่งเครื่องดื่มสองแก้วนั่นคือเอสแปรสโซ่เย็นหวานน้อยของพี่ปราบกับชาเขียวเย็นเพิ่มหวานของผม



เช้านี้ผมกับพี่ปราบมาทำงานพร้อมกัน เมื่อคืนคนตัวสูงรักษาสัญญาไว้เป็นอย่างดีไม่ก่อความวุ่นวายปล่อยให้ผมหลับสนิทจนกระทั่งได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกนั่นแหละถึงได้ลุกขึ้น แล้วพบว่าร่างกายกลับมาเกือบปกติดีแล้ว เปิดประตูห้องนอนไปพี่มันก็แต่งตัวครบองค์เสร็จเป็นที่เรียบร้อย



ผมขอให้พี่ปราบขึ้นไปห้องทำงานก่อน ด้วยไม่อยากเดินไปทำงานพร้อมกันเกรงจะมีเสียงนินทาเกิดขึ้นตามมาภายหลังแม้จะเลี่ยงไม่ได้ก็ตามที ผมไม่มีผลกระทบในใดๆ หรอกก็แค่นักศึกษาฝึกงานคนหนึ่งแต่พี่ปราบเป็นถึงรองประธานบริษัทคงดูไม่ดีหากมีคนรู้ว่ามาทำงานด้วยกันจะเสียการปกครองเปล่าๆ



“มาทำงานได้แล้วหรอน้องมีน” เสียงทักจากพี่จินตนาเอ่ยขึ้นขณะผมก้มกดไอจีเพลินๆ รอเครื่องดื่ม

“ครับ หายแล้ว”

“มาฝึกงานวันเดียวก็ลาป่วยซะละ แถมยังลาพร้อมท่านรองประธานอีก ไม่ได้มีนอกมีในอะไรกันใช่มั้ยคะ”

“เปล่าครับ”

“ดีแล้วแหละ อะไรที่มันอยู่สูงเกินตัวอย่าไปยุ่งเลยเนาะ พี่เป็นห่วงเลยต้องเตือน” สาบานได้ว่าเป็นห่วงจริงๆ อย่างที่พูด

“แต่ที่จริงมันก็มีเส้นกั้นบางๆ ระหว่างเตือนกับเสือกเหมือนกันนะครับ” เสียงไอ้เก้าดังมาจากข้างหลังพี่จินตนา ทำเอาคนโดนย้อนมองหน้าเหวี่ยง

“ทำไมพูดกับรุ่นพี่แบบนี้ เป็นแค่เด็กฝึกงานนะ”

“พี่ก็เป็นแค่พนักงานเหมือนกัน ไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัท อย่าเก่งให้มันมาก”

“ไอ้เก้าพอแล้ว” ผมห้ามเพื่อนไว้ไม่อยากให้มีประเด็นอะไรมาก ไอ้นี่ยิ่งโหดๆ อยู่กลัวใครที่ไหน

“คิวที่ 21 ได้แล้วค่ะ” เสียงระฆังช่วยไว้ได้ทัน ผมจึงลากไอ้เก้าไปรับกาแฟที่เคาน์เตอร์ โดยมีสายตาพี่จินตนามองอย่างหมายหัว ไม่รู้ว่าตัวผมเองไปทำอะไรให้พี่แกเกลียดนักหนาพึ่งมาฝึกงานสามวันแต่โดนแซะไม่เลิก

“อ้าว ทำไมมีกาแฟด้วยละมึงไม่กินกาแฟนิอย่าบอกนะ ...” ไอ้เก้าพูดดังมากขนาดที่ว่าคนนอกร้านก็ได้ยิน ผมแอบเห็นมันเหลือบตาไปมองพี่จินตนาที่นั่งคอตรงหูผึ่ง

“ว่าแก้วนี้ของพี่ปราบตอบแทนที่เค้าไปนอนเฝ้าไข้มึงใช่ปะ”

เออนั่น!!!ไอ้เพื่อนเหี้ย หาประเด็นให้กูแล้วมั้ยละ ผมรีบลากมันออกจากร้านก่อนหายนะจะเพิ่มมากขึ้นไปกว่านี้





“คุณชบาเข้ามาพบผมหน่อย” พี่ปราบกดเรียกเลขาคู่ใจให้เข้ามาพบ ไม่นานพี่ชบาก็เปิดประตูห้องเข้ามายืนอยู่หน้าโต๊ะเจ้านายพร้อมรับคำสั่ง ส่วนผมนั่งพิมพ์เอกสารสรุปการประชุมให้พี่มันอยู่

“เดี๋ยวคุณโทรให้คุณช้างเข้ามาวัดตัวตัดชุดสำหรับออกงานวันเสาร์นี้ด้วยนะ”

“ได้ค่ะท่านรอง”

“แล้วหลังจากนี้ไม่ต้องซื้อกาแฟมาให้ผมแล้วนะครับ”

“ทำไมคะ ชบาทำอะไรผิดหรือเปล่า”

“เปล่า ..แต่ผมจะให้คุณธาราเค้าเป็นซื้อมาให้แทน”

พี่ปราบมองที่แก้วกาแฟก่อนจะย้ายนัยน์ตาสีดำประกายแพรวพราวนั้นมายังผมที่แกล้งทำเป็นพิมพ์งาน ทั้งที่ใจสั่นริกๆ กลัวพี่ชบาจะจับได้

“เพราะผมชอบบบบบบ”

“ชบาเข้าใจค่ะ ชบาว่ากาแฟร้านนี้น่าจะถูกปากท่านรองมาก”

“ที่สุดเลยแหละ”

แล้วทั้งเจ้านายลูกน้องก็พากันยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างเจ้าเล่ห์ ปล่อยให้ผมที่ทำเป็นยุ่งทั้งที่ไม่มีอะไรให้ยุ่งเลย กดแป้นพิมพ์รัวๆ แก้เขินไปแบบนั้นเอง



ไม่นานช่างส่วนตัวที่พี่ปราบให้คุณชบาโทรก็เข้ามาพบ ผู้ชายอ้อนแอ้นหน้าตาดีกับผู้ช่วยอีกหนึ่งคนยกมือขึ้นสวัสดีท่านรองประธานพูดคุยกันดูสนิทสนม ผมเคยเห็นพี่เขาในนิตยสารแฟชั่นทั่วไปช่างคนนี้มีชื่อเสียงในการออกแบบเสื้อผ้าให้กับเครื่องแบบของสายการบินเบอร์ต้นๆ ของประเทศ รวมถึงงานแสดงแฟชั่นใหญ่ๆ อีกมากมาย

“คนนี้หรือเปล่าคะที่จะให้ช้างตัดชุดให้” ดีไซเนอร์คนดังหันมาทางนี้ เดี๋ยวนะผมเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย

“ใช่ครับคนนี้แหละ” พี่ปราบตอบก่อนจะเรียกผมให้เข้าไปหา “มีนมานี่ก่อน”

“ครับ” ผมเดินออกจากโต๊ะทำงานไปหายืนข้างๆ พี่ปราบและคุณช้างตรงส่วนของโซฟารับแขก คุณช้างมองคล้ายสำรวจผมทั้งตัวแล้วยกยิ้มเอียงคออย่างพอใจ

“นี่คุณช้าง ดีไซเนอร์มือหนึ่งของประเทศ”

“สวัสดีครับคุณช้าง” ผมยกมือขึ้นไหว้

“แหม คุณปราบก็มือหนึ่งอะไรกันคะ ทั่วไปค่ะ ชมช้างแบบนี้ตัวลอยหมด”

“ยังไงผมฝากน้องด้วยนะครับอาจจะเป็นงานเร่งหน่อย พอดีเพิ่งนึกได้ว่าอยากให้เค้าไปด้วยหวังว่าจะไม่รบกวนคุณช้างจนเกินไป”

“ยินดีค่ะ เดี๋ยวช้างจะเนรมิตให้เลย รับรองปังปุริเย่สุดๆ ”

“ขอบคุณครับ”

พี่ปราบเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน ปล่อยให้คุณช้างกับผู้ช่วยจับผมหันซ้ายขวาไปตามมือและสายวัดที่ทาบไปทุกส่วน ทั้งอก ไหล่ ช่วงตัว แขน ขา จนเสร็จเรียบร้อย

“น้องมีนหน้าตาดีจังเลยนะคะ ว่างๆ ไปถ่ายรีวิวสูทให้ร้านพี่ช้างหน่อยสิ”

“มีนไม่ถนัดครับ ขอโทษด้วยนะครับ”

“เสียดายจัง ถ้าเปลี่ยนใจบอกพี่นะ พี่รอ”

“ขอบคุณครับ”

พี่ช้างชวนผมให้ไปนั่งที่โซฟาพร้อมเปิดแบบสูทหลากหลายในแคทตาล็อกให้ผมเลือกว่าชอบสีไหนทรงไหนประกอบกับแนะนำเพิ่มเติมว่าผมควรจะใส่แบบไหนถึงจะเหมาะ เรานั่งคุยกันจนสรุปสีและแบบได้เรียบร้อย พี่ช้างและทีมงานจึงขอตัวกลับ

“พี่ยังไม่ได้ถามมีนเลยนะครับ ว่ามีนจะไปงานกับพี่หรือเปล่าแบบนี้เค้าเรียกมัดมือชก” ผมพุ่งไปหาพี่ปราบทันทีที่ส่งทีมงานดีไซเนอร์เสร็จ

“ทำไมต้องถาม นี่เป็นคำสั่งของท่านรองนะ คุณธารา”

“เผด็จการ บ้าอำนาจ”

“ที่สุดเลยแหละ”



ชิ!!เกลียดท่ายักไหล่กับการร้องเพลงอย่างมีความสุขนั่นจริงๆ เลยและอะไรคือการให้ผมนั่งเลือกสีชุดสูทตั้งนานสุดท้ายจบลงที่คุณช้างบอกผมว่า



‘คุณปราบเลือกให้น้องมีนเรียบร้อยแล้วค่ะ’





เที่ยงนี้ผมลงมาหาอะไรกินแถวๆ ออฟฟิศกับไอ้เก้า สาระประเด็นหลักที่มันคุยกับผมก็หนีไม่พ้นเรื่องที่พี่ปราบกับผมมาทำงานด้วยกันเมื่อเช้า ไอ้ห่านี่เสือกตาดีเห็นผมลงจากรถพี่ปราบแถวๆ ป้ายรถเมล์ก่อนถึงบริษัท

ผมว่ามาเช้ามาแล้วนะและก่อนลงก็ดูทางแล้วว่าไม่มีใคร!!มันเห็นตอนไหนหว่า

“อะไรยังไงไหนพูด”

“อะไรของมึง” ผมแกล้งตีหน้าซื่อไม่รู้ไม่ชี้ ชวนให้ไอ้เก้าขมวดคิ้วก่อนจะยกมือขึ้นโบกหัวผมหนึ่งทีเพื่อให้ผมหยุดตีมึนในสิ่งที่มันถาม

“เรื่องมึงกับพี่ปราบ หลายรอบแล้วนะ กูว่าไม่ปกติ”

“ก็ปกตินะ มึงคิดไปเองหรือเปล่าไอ้เก้า”

“ส้นตีนกูนิ ปกติเหี้ยอะไร นอนด้วยกันกี่รอบแล้วพวกมึงอะ ถ้ากูเดาไม่ผิดเมื่อเช้ามึงมาทำงานกับพี่มันชัวร์”

“มะ .. มึง เห็นหรอ”

“เต็มสองตา”

“อือ เมื่อคืนพี่มันค้างห้องดู แต่พี่ปราบนอนโซฟา กูนอนในห้อง”

“ร้อนตัวนะมึงเนี่ย” ไม่ได้ร้อน กูแค่รีบอธิบายเฉยๆ

“สรุปพวกมึงเป็นอะไรกันวะ”

“ก็เป็นเจ้านายกับลูกน้อง เป็นพี่ข้างบ้านกับน้องข้างบ้านไง”

“แต่กูว่าพี่มันชอบมึงชัวร์ล้านเปอร์ คนเราถ้าไม่รักไม่ชอบไม่แสดงออกชัดเจนขนาดนี้หรอกมึง มึงยังไม่ต้องเชื่อกูตอนนี้ก็ได้นะ กูเข้าใจว่ามันต้องใช้เวลา มึงอาจจะเข็ดกับความรักมามากหรือโดนพี่ปราบแกล้งบ่อยจนฝังใจแต่เชื่อกูว่าพี่มันไม่ได้มองมึงเป็นน้องแน่นอน กูกล้าเอาหุ้นบริษัทพ่อกูเป็นประกันได้เลย”

จะเป็นไปได้ยังไงกับสมมติฐานของไอ้เก้า ถึงแม้พักหลังๆ พี่ปราบจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ทำดีกับผมจนแปลกใจเท่าไหร่ก็ตาม แต่หากเทียบระยะเวลาที่มันแกล้งผม รังแกผมกับสิ่งดีดีที่พี่มันทำผมก็ยังไม่สามารถสรุปอะไรได้ในตอนนี้ ที่สำคัญเขามีผู้หญิงของเขาอยู่แล้ว



ตอนบ่ายที่แสนจะง่วงเมื่อผมนั่งอยู่ภายในห้องทำงานแสนกว้างของท่านรองประธาน H กรุปตามลำดับ เหตุเพราะพี่ปราบมีประชุมกับฝ่ายบริหารผมเลยต้องนั่งแหง่วอยู่คนเดียว พิมพ์เอกสารไปตาก็เริ่มหนักเข้าไปทุกที หากพี่ปราบอยู่ตอนนี้ผมคงไม่ได้มีโอกาสง่วง เพราะคนตัวสูงจะชวนคุยไม่ก็แกล้งกวนประสาทผมอยู่เสมอ แม้บางทีที่พี่ปราบยุ่งเราต่างคนต่างเงียบก็ยังสดชื่นอยู่ดีไม่รู้ทำไมเหมือนกัน



ประตูห้องพี่ปราบถูกเปิดออก พร้อมกับผู้มาเยือนที่ไม่ใช่เจ้าของห้อง

ผู้หญิงสวย สูงหุ่นดีในชุดเดรสสีแดงกับกระเป๋าถือราคาแพงหยุดยืนมองผมเพ่งพิจารณา หล่อนคือผู้หญิงคนเดียวกับที่ผมเห็นเดินควงพี่ปราบร่อนทั่วห้าง ส่วนคนยืนข้างๆ ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากพี่จินตนาจอมแซะ

“นี่คุณเคธี่ แฟนของท่านรอง” พี่จินตนาแนะนำหล่อน พร้อมยกยิ้มแสยะใส่ผมราวสะใจ

“สวัสดีครับ ท่านรองติดประชุมครับ” ผมลุกขึ้นยกมือไหว้รับแขกของท่านรองอย่างนอบน้อมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแม้ในใจจะโหวงๆ ชอบกล หล่อนไม่ตอบกลับอะไรนอกจากใช้สายตาเหยียดหยันผมตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า

“ชั้นรู้แล้ว ไม่ต้องบอก” เสียงนิ่งฟังดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่

“คุณจะนั่งรอก่อนมั้ยครับ” หล่อนเดินไปที่โซฟารับรองแต่ยังไม่วายจ้องหน้าผมอยู่ตลอด

“ไปหาน้ำส้มให้ชั้นแก้วหนึ่งตอนนี้”

“ได้ครับ เดี๋ยวบอกแจ้งแม่บ้านให้นะครับ” เตรียมจะกดโทรแจ้งแม่บ้าน ทว่าต้องชะงักไว้แค่นั้น

“ชั้นสั่งเธอ ก็ต้องเธอที่ไปยก อย่าทำเกินคำสั่ง” นับหนึ่งถึงสิบในใจก่อนจะตอบรับแล้วเดินลงไปหาแม่บ้านเพื่อเตรียมน้ำส้มให้กับแขกคนสำคัญของท่านรอง ความสวยที่ฉายอยู่บนใบหน้าไม่สามารถตัดสินเนื้อแท้ภายในของคนเราได้เลยจริงๆ กิริยาท่าทางที่แสดงออกต่อหน้าคนอื่นดูงดงาม ทว่าภายในร้ายยิ่งกว่าตัวร้ายหลังข่าวในละครที่ทาปากแดงแว่ดๆ ซะอีก



ผมกลับเข้ามาพร้อมกับน้ำส้ม แขกของท่านรองประธานนั่งหน้าเชิ่ดมองปลายด้วยหางตาในทุกก้าวย่างของผม มั่นใจว่านี่คือการเจอกันครั้งแรกระหว่างเรา (ไม่นับรวมที่ผมเคยเห็นหล่อนแล้ว) และผมก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้เธอเกิดความไม่พอใจ แต่กลับโดนสายตาเกลียดเข้าไส้แบบนั้นมองอยู่ไม่ขาด

“น้ำส้มได้แล้วครับ” วางน้ำส้มแล้วตั้งใจจะเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง หลีกเลี่ยงหล่อนน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ถ้าเธอไม่ชอบหน้าผมก็ไม่ควรจะอยู่เกะกะลูกตา มองนาฬิกาอีกไม่นานพี่ปราบก็คงเลิกประชุมมาหาแฟนเค้าแล้ว

“ชั้นเป็นแฟนของปราบ” หล่อนพูดขึ้นทำเอาผมหยุดชะงัก

“ทราบแล้วครับ คุณจินตนาแนะนำแล้วเมื่อสักครู่”

“ฉันต้องการให้เธอย้ายออกไปนั่งข้างนอก เป็นแค่เด็กฝึกงานจะเสนอหน้ามานั่งในห้องผู้บริหารได้ยังไง”

“บางทีน้องเค้าอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญก็ได้นะคะคุณเคธี่” พี่จินตนาเอ่ยสำทับประหนึ่งอีช้อยบ่าวรับใช้คนสนิทก็ไม่ปาน

“สำคัญ” รับมุกกันซะด้วย

“ใช่ค่ะ .. แต่เป็นสำคัญตัวผิดนะคะ” เสียงหัวเราะของผู้หญิงสองคนพร้อมสายตา ท่าทางเย้ยหยันทำผมต้องสูดลมหายใจเจ้าลึกๆ เพื่ออดกลั้นเอาไว้ ผมไม่ชอบมีเรื่องโดยเฉพาะกับผู้หญิงถ้าเลี่ยงได้ผมจะเลี่ยงและอดทนให้มากที่สุดเท่าขีดจำกัดจะรองรับไหว

“ผมเป็นคนของ H กรุป ผมทำตามคำสั่งเจ้านายที่เป็นสายตรงของผมเท่านั้นนั่นคือคุณปราบปราม ต้องขอโทษด้วยที่ไม่สามารถย้ายออกไปได้ตามที่คุณสั่ง”

“แก” เสียงแหลมดังลั่นห้อง

“ถ้าต้องการให้ผมย้ายออกไป ก็ให้ท่านรองมาบอกผมเอง”

“แกคงคิดว่าการที่ปราบเค้าเอาแกมานั่งในห้อง ใช้ให้แกไปซื้อกาแฟให้ แล้วก็รับแกมาทำงานด้วยเพราะเค้าชอบแกสินะ หวังอะไรเกินตัว อย่าคิดแม้แต่จะยุ่งกับปราบชั้นเตือนแกไว้เลย”

“หรอครับ”

“ชั้นรู้ดีว่าปราบเป็นยังไง เค้าไม่มีทางไปชอบเด็กผู้ชายหรือพวกเกย์แบบแกแน่นอน เพราะพวกแกเป็นเพศที่น่ารังเกียจ”

“ผมไม่โกรธคุณหรอกครับ จะถือว่าที่พูดมาคือคำพูดของคนไม่มีวุฒิภาวะและการศึกษา ตอนนี้โลกเค้าไปถึงไหนกันแล้ว มันหมดยุคของการเหยียดเพศแล้วครับ”



ซ่า!!!!!



หล่อนสาดน้ำส้มที่อยู่ในแก้วใส่หน้าผม หยดน้ำส้มไหลลามไปทั่วไปหน้าเลอะเปอะเปื้อนเป็นด่างดวงเสื้อนักศึกษาสีขาว ผมกำหมัดอย่างข่มอารมณ์ไม่ให้ทำอะไรรุนแรงออกมาตามนิสัยที่ไม่ยอมคน

“แก้วนี้ถือว่าเปียกน้อยกว่าน้ำบนถนนที่แกโดนวันก่อนนะ”

“เป็นคุณนี่เอง” รถคันที่เหยียบน้ำใส่ผมจนเปียกไปทั้งตัววันนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุ!!แต่เกิดจากความตั้งใจ

“แล้วน้องจะทำไมหรอ” พี่จินตนาเสริมเข้ามา

“ไม่ว่าแกคิดจะทำอะไรอยู่ชั้นขอสั่งให้แกหยุด ถ้าแกไม่หยุดชั้นจะเล่นงานแกให้กระเด็นออกไปจากที่นี่เอง”

“ว้ายๆๆๆ สมน้ำหน้า”

หล่อนคว้ากระเป๋าที่วางอยู่ มองเหยียดแรงอีกครั้งแล้วเดินออกไปพร้อมคนติดตาม เปิดประตูแล้วหยุดหันกลับมาเอ่ยคำพูดที่โคตรจะละครอีกครั้ง

“หวังว่ากลับมาคราวหน้าจะไม่เห็นหน้าโง่ๆ ของแกสะเหล่ออยู่ในห้องทำงานของแฟนชั้นอีกนะ”



ปัง!!!

เสียงประตูถูกปิดลง พร้อมกับความโกรธขั้นสุดที่เกิดขึ้นในใจผม เกิดมาไม่เคยมีเคยพูดจาดูถูกหรือมองเหยียดขนาดนี้มาก่อน ที่ผมอดทนไม่ตอบกลับไปเพราะเห็นว่าเป็นแฟนของพี่ปราบ หึ!! เค้าคงต้องเข้าข้างคนของตัวเองอยู่แล้ว จะมาสนใจผมทำไม



ขอบคุณตัวเองที่อดทนได้ในคราวนี้ ..... แต่คราวหน้า!!!ผมไม่รับประกัน





“เกิดอะไรขึ้นมีน ทำไมเสื้อเลอะไปหมดแบบนั้น”

พี่ปราบเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมคุณชบา พูดเสียงดังลั่นวินาทีที่เห็นผมครั้งแรก ท่าทางของพี่มันร้อนรนจะเดินเข้ามาหาผมอย่างลืมตัว ผมยกมือขึ้นห้ามมองไปทางพี่ชบา

“คุณชบาออกไปก่อน ”

“ค่ะท่านรอง”



พี่ปราบหันกลับมาหาผมอีกครั้ง!!

“เกิดอะไรขึ้นบอกพี่มาเดี๋ยวนี้”

“มีผู้หญิงมาหาท่านรองครับ บอกว่าเป็นแฟนท่านสั่งผมให้ย้ายโต๊ะออกไปข้างนอก สั่งให้ผมเลิกยุ่งกับท่าน”

“หืม”

“แล้วเค้าก็สาดน้ำส้มใส่ผม ก่อนหน้านั้นก็ขับรถเหยียบน้ำใส่จนผมป่วย”

ผมเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่คุณเคธี่กับพี่จินตนาเดินเข้ามาในห้องว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมไม่ใช่นางเอกในละครที่จะมาอ้ำๆ อึ้งๆ กอดความจริงเอาไว้แล้วไปเฉลยตอนจบมันเชยไปแล้ว ในเมื่อคนของพี่ปราบทำผม พี่มันก็ต้องรับรู้ความจริง ส่วนจะเชื่อหรือไมจะจัดการยังไงต่อก็แล้วแต่ผมไม่เกี่ยวข้อง



พี่ปราบนิ่งงันไปชั่วครู่ สีหน้าเริ่มออกอาการไม่พอใจชัดเจน ดวงตาวิบดำขลับไร้ประกายใดๆ

“เคธี่หรอ”

“ครับคนนั้นแหละ”

แมร่ง!!ยังไม่ทันได้อธิบายรูปร่างครบเลยก็บอกชื่อถูกว่าเป็นใคร อย่างว่าคนเป็นแฟนกันจะเดาอะไรให้มาก แล้วผมจะโหวงๆ ทำไมวะ

“แล้วมีนได้ทำอะไรเคธี่มั้ย” ห่วงกันจังเลยเนาะ

“เปล่าครับ”

“ดีแล้ว”

“คุณเค้าเป็นแฟนท่านรอง ผมไม่กล้าแตะหรอกครับ ไม่ต้องห่วงผมยืนโง่ๆ ให้เค้าทำอยู่ฝ่ายเดียว”

ดูจากสภาพก็ไม่น่าถามแล้วมั้ย ว่าผมทำอะไรคนของตัวเองหรือเปล่า แทนที่จะถามว่าผมเจ็บตรงไหนมั้ย เค้าทำอะไรผมมากแค่ไหนไม่ใช่หรือไง



เหอะ!!แต่ก็ลืมไปว่าผมไม่ใช่แฟนพี่มัน เค้าก็ต้องปกป้องแฟนเค้าอยู่แล้วจะมาสนใจผมทำไม

แมร่งเอ๊ย!!ยิ่งคิดก็ยิ่งจุกอกแปลกๆ



“มันไม่ใช่แบบนั้นมีน”

ผมปิดเครื่องเก็บของเพราะได้เวลาเลิกงานแล้ว ปกติผมจะไม่กลับบ้านตรงเวลาขนาดนี้ แต่วันนี้ผมไม่อยากอยู่แม้กระทั่งอีกแค่เศษวินาทีเดียว ผมไม่อยากเห็นหน้าพี่ปราบ ไม่อยากคุย ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น มันร้อนวูบๆ วาบๆ ใจหวิวโหวงไปหมด เมื่อได้ยินสิ่งที่พี่ปราบพูดออกมาแต่ละอย่าง



ความรู้สึกประหลาดมันเล่นงานผมอีกแล้วคราวนี้มันหนักกว่าคราวก่อน

คล้ายอยากจะร้องไห้ อึดอัด แต่ก็หาสาเหตุไม่ได้เลยว่าทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้



“ฟังพี่ก่อนได้มั้ย อย่าพึ่งกลับสิให้พี่ได้อธิบายก่อน”

“ผมเลิกงานแล้ว ขอตัวกลับเลยนะครับท่านรองประธาน”

ผมเดินหลบพี่ปราบที่มายืนขวางเอาไว้ไม่ให้ผมเดินออกไปโดยง่าย สองมือกวัดเกี่ยวแขนผมพัลวันวุ่นวาย โน่นไปยุ่งกับแฟนตัวเองโน่นไม่ต้องมายุ่งกับผม

“งั้นรอแปบ เดี๋ยวพี่ไปส่งจะได้คุยกันให้เข้าใจ”

“ไม่ต้องผมกลับเอง เชิญท่านไปหาแฟนท่านเถอะครับ”

“มีน มีเหตุผลหน่อยฟังพี่ก่อน” เออ!!ผมมันคนไม่มีเหตุผล

“ถ้าแฟนท่านกล่าวหาอะไรผมท่านเชื่อได้เลยนะครับ สั่งลงโทษผมได้เลย จะให้ผมย้ายออกไปข้างนอกหรือไม่ให้ฝึกงานที่นี่แล้วก็ได้ผมยินดี”

“หึงพี่ใช่มั้ย”

กึก!!!ผมหึงพี่ปราบจริงหรอ

“ท่าทางแบบนี้เค้าเรียกว่าหึง” ท่าทางแบบไหนวะ

“ผมไม่ได้หึง ผมไม่ได้เป็นอะไรกับท่าน จะหึงทำไม”

พี่ปราบดึงผมเข้าไปประกบจูบในขณะที่ผมเผลอคิดสับสนอยู่ คราวนี้มันเป็นจูบอุ่นนี่ถูกล่วงล้ำเข้าไปในปากด้วยลิ้นสาก ผมตาเบิกโพลงตกใจรีบผลักคนฉวยโอกาสออกห่าง

“ถ้าท่านจูบผมอีกผมจะต่อยให้คว่ำเลยคอยดู”

“มีนไม่กล้าหรอก มีนหึงพี่เพราะชอบพี่ มีนไม่ต่อยคนที่มีนชอบหรอกจิงมั้ย”



หมับ!!!พี่ปราบดึงผมเข้าไปจูบอีกครั้ง



ผั๊ว !!!!

.

“โอ๊ยมีนต่อยพี่ทำไม พี่เจ็บนะ”

“อย่าฉวยโอกาสกับผมอีก เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมไม่ชอบ”

“ทำไมหึงแล้วเหวี่ยงขนาดนี้ละครับ มันน่ารักรู้มั้ย”

.

“ไปตายซะไอ้พี่ปราบ”






พวกหล่อนยังไม่รู้จักลูกชายชั้นดีพอ นังธัวดีย์!!เตรียมตัวได้เลย เตือนแล้วนะ (เสียงเชฟป้อม)
นางร้ายละครไทยนิดนึง!!แต่นางมาเพื่อพลิกเกมส์นะหล่อน
มีนเป็นไรลูก!!ทำไมเหวี่ยงพี่ขนาดนั้นนนนนน


 :katai4: :katai4: :katai4:

หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//12-ความรู้สึกประหลาด  (18-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 18-06-2021 21:44:19
 :angry2: :fire:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//12-ความรู้สึกประหลาด  (18-06-21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-06-2021 23:08:07
 :z6:


จินตนา !!!!
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//13-มึงคิดยังไงกับพี่เค้าวะ
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 20-06-2021 20:22:06
Chapter 13 --- ❝ มึงรู้สึกยังไงกับพี่เค้าวะ❞

------------

X ปราบปราม




22.23 น.

ดึกมากขนาดนี้แล้วแต่ผมก็ยังไม่สามารถติดต่อมีนได้แม้แต่ช่องทางเดียว โทรไปก็ไม่รับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่แม้แต่จะเปิดอ่าน บุกไปหาที่คอนโดเจ้าหน้าที่ล็อบบี้ก็บอกว่ามีนออกไปข้างนอกสักพักแล้ว



แมร่งเอ๊ย!!กลุ้มอีกแล้วไอ้ปราบไม่รู้ช่วงนี้มีเคราะห์หรือเปล่าถึงได้โดนเด็กงอนบ่อยขนาดนี้

เพิ่งหายงอนได้ไม่ถึงสองวัน เอาอีกแล้วกู



ผมไม่ได้ตั้งใจจะยั่วโมโหมีนหรือปกป้องเคธี่เลยสักนิด สาบานได้จริงๆ

“แล้วมีนได้ทำอะไรเคธี่มั้ย”

ที่ถามแบบนั้นไม่ได้หมายความว่าผมเป็นห่วงเคธี่ แต่ผมห่วงมีนมากกว่า ผมรู้ว่าถ้ามีนเอาจริงขึ้นมาจะเคธี่หรือใครก็สู้มีนไม่ได้ทั้งนั้น ผมเคยเห็นมาแล้วด่าไฟแลบชนิดที่ว่าแม่ค้ายังต้องยกมือขึ้นไหว้ขอชีวิต มีนเป็นคนไม่ชอบมีเรื่องและไม่ชอบหาเรื่องใคร ถ้าทนได้มีนจะอดทน แต่หากลามปามเกินเลยชนิดที่ว่าทนไม่ได้



จะเอาช้างมาลาก โซ่มาล่ามก็ฉุดมีนเอาไว้ไม่อยู่ ต้องตายกันไปข้าง!!



แต่ที่ผมไม่อยากให้มีเรื่องเพราะมีนไม่จำเป็นต้องปกป้องตัวเองเลยเรื่องนี้มันมีต้นเหตุมาจากผม ผมควรต้องเป็นฝ่ายจัดการให้เคธี่เลิกยุ่งกับเขาและปกป้องมีนจากทุกคนที่จะเข้ามารังแก

แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากอธิบาย ไอ้เด็กดื้อของผมก็เข้าใจไปเอง ไม่ฟังอะไรทั้งนี้ พูดจาประชดประชันอย่างเดียว สุดท้ายจบลงที่ผมโดนต่อยแล้วเค้าก็หนีกลับบ้าน



ตลกชะมัด!!!หึงจนหน้าดำหน้าแดงเก็บอาการไม่อยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก



ช่วงนี้ผมทำตัวน่ารักขึ้นตั้งเยอะ พูดเพราะขึ้น เอาใจเก่งขึ้น ไม่กวนประสาท และหยอดมีนทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่รู้ว่าคนตัวเล็กกว่าจะพอรู้หรือเปล่านะว่าที่ผมเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ในเวลาไม่กี่วันมันเกิดจากอะไร



คนเรามีเหตุที่ให้เปลี่ยนเป็นคนที่ดีขึ้นแค่ไม่กี่อย่างหรอก

ถ้ามีนไม่มองผมในแง่ร้ายเกินไป..คงเดาออก



ว่าแต่ตอนนี้เด็กดื้อของผมจะอยู่ที่ไหนกัน!!



(Rrrrr--Rrrrr)



“ว่าไงไอ้เก้า มีอะไรถึงโทรหากูดึกๆ แบบนี้”

ผมกรอกเสียงตามสายคุยกับเพื่อนสนิทของมีนทันทีที่กดรับ ถ้าไม่มีอะไรด่วนจะด่าเข้าให้ คนยิ่งกลุ้มๆ อยู่

[พี่ปราบ พี่ทำอะไรเพื่อนผม ทำไมมันถึงอยู่ในสภาพนี้]

“เกิดอะไรขึ้นวะ มีนอยู่ไหน”

[พี่มาดูผลงานของตัวเองเลย แล้วก็มาพามันกลับบ้านด้วย ไม่งั้นผมจะปล่อยให้มันไปกับคนอื่น]

“ขู่กูเป็นงูเห่าเลยนะมึงเนี่ย บอกมามีนอยู่ไหน”

[ผับเดิมรีบมาก่อนไอ้มีนจะไปกับคนอื่น]

“เออ เดี๋ยวกูออกไปเลย”



หนีเที่ยวพี่ไม่ว่า .. แต่ถ้าไปกับคนอื่นพี่ไม่ทน!!



23.03 น.

ขับรถเร็วยิ่งกว่าฟาสท์แปดมุ่งตรงมายังผับประจำของมีนกับพวกอย่างรวดเร็ว ใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กลัวมีนจะกลับไปทำตัวแบบนั้นอีก หากเป็นเมื่อก่อนผมคงทนไหวแต่ตอนนี้ถึงมีคนบอกให้ทนก็ไม่มีทางทำได้ในเมื่อ ..



ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปแล้วตั้งแต่ความสัมพันธ์ในคืนนั้นระหว่างเรา



รีบโยนกุญแจให้พนักงานเอารถไปจอด ส่วนตัวเองกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังทางเข้าของผับ ฝ่าฝูงชนที่แน่นจนแทบจะสิงกันอยู่ละ เดินตรงหาโต๊ะประจำของไอ้เก้ากับพวก สายตาสาดส่องมองมีนระหว่างทางกลัวเด็กดื้อของผมจะมายืนนัวเนียกับใคร ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ผมจะกระทืบไอ้นั่นจนสลบคาตีนเลยคอยดู

“มีนอยู่ไหน” ผมมาถึงโต๊ะแต่ไม่เห็นมีน ยิ่งร้อนใจหนักเข้าไปใหญ่ อารมณ์ฉุนเฉียวมาเต็มบอกเลย

“ไปห้องน้ำ นั่นไงมาละ” ไอ้เก้าทำปากยื่นไปทางมีนที่กอดคอไอ้ปาร์คเพื่อนสนิทเดินโซซัดโซเซไม่เป็นทาง จนผมต้องรีบวิ่งเข้าไปประคองให้เดินกลับมาล้มตัวลงนั่งที่โต๊ะ

“ขอบ จายย มากไอ้ก้าวว” มีนตบแก้มผมเบาๆ เมาขนาดเห็นหน้าผมเป็นเพื่อนตัวเองซะแล้ว

“พี่เอง พี่ปราบไม่ไอ้เก้า”

“มึงอย่าพูดถึงชื่อค้าววกูไม่อยากได้ยิน” มีนนะมีนทำไมปล่อยให้เมาได้เละขนาดนี้ ถ้ารับสายพี่สักนิดหรือฟังเหตุผลของพี่บ้างก็ไม่ต้องอยู่ในสภาพนี่หรอก

“สรุปว่าพี่ทำอะไรเพื่อนผม พี่รู้มั้ยตั้งแต่มามันแดกเหล้าอย่างกับน้ำเปล่า แถมร้องไห้เสียใจ พูดถึงพี่ไม่หยุด เอาแต่บอกว่าพี่ใจร้ายทำให้มันเสียใจซ้ำๆ”

มีนซบหน้ากับอกผมแล้วกอดแน่น ตัวสั่นเทาด้วยเพราะกำลังร้องไห้ออกมา น้องคงเสียใจมากจริงๆ นั่นแหละ ผมรีบกอดปลอบประโลมเอาไว้

“เข้าใจผิดนิดหน่อย”

“ไม่หน่อยแล้วมั้ง”

ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราให้ไอ้เก้ากับปาร์คฟัง เด็กสองตัวนี่แมร่งมีความเสือกเป็นทักษะหลักจริงๆ นั่งตั้งใจฟังยิ่งกว่าเข้าเรียนอีกมั้งผมว่า

“เอาตรงๆ นะพี่ ผมว่าที่พี่ชัดเจนแบบนี้ก็ดีแล้ว แต่พี่ต้องชัดเจนให้มากกว่านี้อีก” ไอ้เก้าหัวเรือใหญ่ออกตัว

“ต้องมากกว่านี้อีกหรอ”

“ถ้าพี่จริงจังกับเพื่อนผมจริงๆ พี่ก็ต้องชัดเจนมากกว่านี้”

จริงอย่างที่ไอ้เด็กนี่พูด ผมชัดเจนอยู่แล้วตั้งแต่วันที่รับปากน้าศรีไว้ แต่ก็ยังไม่ได้ชัดเจนขนาดทำให้มีนเชื่อใจได้ขนาดนั้น อาจจะเพราะที่ผ่านมาเรายังมีบางอย่างฝังใจระหว่างกันอยู่มาก ประกอบกับมีนผิดหวังกับความรักมาหลายหน การจะเริ่มต้นเปิดใจให้ใครสักคนและหันกลับมามอบความศรัทธาให้ความรักคงเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาและการพิสูจน์จากใครสักคนที่เข้าหา



ซึ่งคนนั้นก็คือผมเอง



ผมพามีนขึ้นรถโดยมีเพื่อนทั้งสองคนของน้องช่วยกันประคองจนมีนนอนหลับบนเบาะไม่มีสติจนเรียบร้อย เลี้ยงเหล้าพวกมันเป็นการขอบคุณก่อนที่ผมจะขับรถออกมาพาน้องกลับคอนโด พูดถึงไอ้เก้ากับปาร์คสองคนนี้เป็นสายสืบที่ดีให้กับผม พวกมันคอยรายงานความเคลื่อนไหวต่างๆ ของมีนให้ผมรู้ตลอด ว่าคบกับใคร เลิกกับใคร มีนทำตัวยังไงตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา

00.21 น.



ถอดเสื้อผ้ามีนออกจนเรียบร้อย แล้วเดินไปหยิบกะละมังกับผ้าขนหนูขนาดพอดีชุบแล้วบิดให้หมาดอย่างที่คนเมาไม่ได้สติเคยสอน ลงมือเช็ดไล่ตั้งแต่กรอบหน้าเรียวสวยที่ผมชอบแอบมองบ่อยๆ ไล่ไปซอกคอที่หอมฟุ้งด้วยกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของมีน ผิวขาวเนียนที่เคยมีรอยช้ำจากฝีมือของผมค่อยจางลงจนบางจุดหายแล้ว รีบเช็ดรีบสวมใส่เสื้อผ้าให้มีนจนเสร็จ เพราะยิ่งเห็น ยิ่งสัมผัสความเปลือยเปล่าไอ้เด็กดื้อของผม



น้องชายที่ซุกขดในกางเกงมันก็เริ่มจะอยู่ไม่สุข!!



01.20 น.



ใจผมเต้นตุบๆ ใจสั่นไม่หยุด เหงื่อผุดขึ้นทั่วหน้าแม้จะปรับแอร์ให้อยู่ในอุณหภูมิต่ำกว่ายี่สิบองศาแล้วก็ตาม ข่มตาให้หลับและไม่ให้คิดทำอะไรบ้าๆ ตอนนี้ หายใจเข้ารู้ หายใจออกรู้



เหี๊ยเอ๊ย!!!เด้งผุงขึ้นมานั่งบนเตียง



ใครจะทนไหววะก็ตอนนี้ไอ้เด็กดื้อของผม มันค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าอีกทีละชิ้นจนเหลือแต่กางเกงในสีขาวนอนอยู่ข้างๆ ผมเนี่ย ย้อนกลับไปไม่กี่นาทีก่อนหน้ามันบ่นว่าร้อนผมก็ไม่ได้อะไรแค่ปรับแอร์ แต่น้องมันก็ไม่ยอมหยุด

“ร้อนชิบหาย”

ผมวางรีโมทแอร์แล้วหันไปตามเสียงนั้น พร้อมกับเสื้อยืดกลิ่นหอมที่ปาใส่หน้าผมเต็มๆ ผิวเนียนสวยรูปร่างสมส่วนท่ามกลางแสงไฟสีนวลตามันช่างยั่วยวนโคตรๆ รีบดึงผ้าห่มให้คลุมช่วงบนไว้แล้วหันหนีหลับตาทำสมาธิข่มใจไว้ แต่ยิ่งหลับตายิ่งปลุกอารมณ์หนักเข้าไปอีก

“มีน ใส่เสื้อผ้าดะ..ดีดี เดี๋ยวไม่สบาย” เรียกคนที่เอาแต่บนว่าร้อนให้ลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้า รู้ทั้งรู้ว่าไม่ได้ผล มีนถีบเตะผ้าห่มลงไปจากเตียง มือเรียวนุ่มกัดแกว่งไปทั่วร่างกายผม คว้ากระชากขณะผมเผลอให้ล้มทับร่างเปลือยเปล่านั้นไว้



ตึก ตึก ตึก!!!



“พี่ปราบ มีนคิดถึงจูบพี่”

“นอนนะเด็กดี ดึกแล้ว” มีนยกแขนขึ้นคล้องคอผมก่อนจะดึงผมลงไปประทับจูบอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว มีนร้อนแรงจนผมแทบทนไม่ไหว กลิ่นแอลกอฮอลล์คละคลุ้งทั่วปาก ลิ้นฉกฉวยป้อนความหวานในโพลงส่งมาให้ผม พยามสะกดกั้นแล้วแต่ผมมันก็แค่ผู้ชายที่ความอดทนต่อสิ่งเร้าต่ำ จากแกนกายที่ขยายตัวอยู่แล้วยิ่งขยายหนักเข้าไปใหญ่จนปวดตุบๆ



ไม่ทงไม่ทนแมร่งแล้วโว้ยยยย ไอ้ปราบ



ลิ้นเราสองคนเกาะเกี่ยวเร่งเร้าระรานไปทั่ว มือเรียวอยู่ไม่สุขสอดล้วงเข้าไปในกางเกงนอนที่ไร้กางเกงในของผม แก่นกายแข็งร้อนราวหินหนาถูกมือเย็นคลึงเคล้าส่วนปลายให้เสียวกระสันเผลอครางออกมาเบาๆ ในลำคอ ก่อนมือนั้นจะไล้ลูบจับแน่นรูดขึ้นลงช้าๆ จนปวดระบมไปหมด

“มีน แน่ใจนะว่าจะทำ”

“มีนคิดถึงสัมผัสพี่ปราบ”

“ได้ครับ แต่ถ้ามีนจะให้พี่หยุดก็บอกนะ พี่ตามใจมีน”

คนใต้ร่างไม่ตอบอะไรกลับมา ดังนั้นจึงปล่อยให้ตัวเองได้ตอบสนองในสิ่งที่อยากทำ เริ่มต้นจากการปลุกเร้าอารมณ์ร่างบางด้วยการประโคมจูบไปตามส่วนเนียนต่างๆ และถือโอกาสประทับรอยจูบที่ไม่ได้สร้างรอยช้ำอย่างคราวก่อนเอาไว้ด้วยกลัวมีนตื่นมาเห็นแล้วจะงอนอีก



ระดมจูบจากซอกคอขาวเคล้ากลิ่นน้ำหอมยั่วยวนลามลงมาถึงหน้าอกส่วนยอดสีชมพูทั้งสองข้าง พลางใช้ลิ้นสากร้อนเกี่ยวกระหวัดดูดดึงจนส่วนเล็กๆ นั้นชูชันสู้แสงไฟสลัว

“ฮึก เสียวครับ” เสียงคราวแผ่วดังเล็ดลอดทุกครั้งที่ปลายลิ้นสัมผัสกับจุดเสียว กระตุ้นให้ร่างที่อยู่ใต้ผมกระตุกเกร็งเป็นระยะ ผมชอบเสียงครางของมีน ชอบการตอบสนองสัมผัสของผมที่แสดงออกมา ตั้งแต่ครั้งแรกที่มีอะไรกันผมไม่เคยลืมได้ลงเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว



ริมฝีปากร้อนประพรมประทับจูบอุ่นหลุดจากยอดสีชมพูชูชันไล่เรื่อยเคลื่อนผ่านผิวเนียนไปยังส่วนหน้าท้อง กดจูบลากลิ้นเลียตรงพุงน้อยของเด็กดื้ออย่างอ้อยอิ่งจนเจ้าของร่างบิดเร่าอยู่ไม่สุข ก่อนจะขยับไปยังซอกขาด้านใน พร้อมใช้มือข้างหนึ่งดันมันให้อ้าออกแล้วแทรกลิ้นเลียวนจนถึงซอกส่วนขาพับหัวเข่า ฉกลิ้นเลียอย่างเชื่องช้าส่วนมืออีกข้างกอบกุมแกนกายแข็งของมีนเบาๆ

“อ่า ดีจังครับ ฮึก” มือเรียวจับขยุ้มหัวผมเอาไว้แน่นตอบรับสัมผัสแห่งความสุขที่ผมประโคมมอบให้ด้วยความเต็มใจ



ดวงตาฉ่ำปรือเปรอะเปื้อนคราบน้ำตา ริมฝีปากเผยอยั่วยวนเป็นที่สุด แก้มแดงเพราะฤทธิ์เหล้าโคตรน่ารักขึ้นไปอีก คืนนี้มีนยังเมาผมจะไม่ล่วงล้ำส่วนสงวนนั้นแค่จะให้ความสุขกันแค่ภายนอกก็พอ

“มีน” ผมร้องตกใจเมื่อมีนพลิกผมให้นอนหงาย ส่วนเจ้าตัวจูบระรัวไปตามซอกคอผมเร่งรีบ ดูดรัดนมขาวสองฝั่งจนเป็นรอยจ้ำ มีนเร่าร้อนฉิบหายแค่เห็นก็จะแตกอยู่แล้ว

“ซี๊ดๆๆ มีนอย่า”

คนตัวเล็กกว่าจับแกนก่ายร้อนของผมเข้าปากแล้วดูดกลืนจนสุดโคน เสียงของเหลวในปากมีนเสียดสีกับผิวแก่นกายดังตามจังหวะขยับ มีบ้างที่โดนฟันเพราะมีนรีบจัดการมันเหลือเกินราวกับจะกลืนกิน

“มีนพอก่อน เดี๋ยวพี่เสร็จ”

ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ไอ้เด็กดื้อของผม คลายความอุ่นร้อนที่ครอบงำแท่งสวรรค์ตรงหน้า ลิ้นลามเลียไปยังลูกบอลที่อยู่ข้างใต้ ฉกฉวยลิ้นระรัวจากคนที่มองมีนดิ้นเร่า ตอนนี้กลายเป็นผมเองที่ดิ้นไม่เป็นสุขปล่อยเสียงครางดังลั่นไปทั่วห้องอย่างสะกดด้วยสะกดมันไม่อยู่

เมื่อพอใจแล้วมีนจึงกลับมาครอบส่วนแข็งนั้นอีกครั้ง จนในที่สุดผมก็ไม่สามารถทนต่ออารมณ์ที่พลุ่งพล่านนี้ได้อีกแล้ว ต้องยอมปล่อยให้สิ่งอุ่นร้อนที่กักเก็บมาสองวันเต็มๆ พุ่งเข้าไปในปากของคนตัวเล็กกว่าจนล้นเอ่อออกมา มีนถอนปากออกจากสมอแท่งร้อนที่ยังคงกระตุกอยู่เพราะความเสียว ส่วนตัวเองกลืนกินน้ำรักของผมจนเกลี้ยง



ผมดึงมีนขึ้นมานอนข้างๆ ตัวเองเสร็จแล้ว แต่ไอ้เด็กดื้อของผมยังไม่เสร็จ ผมลงไปจัดการแท่งอุ่นร้อนของน้องเป็นการตอบแทนสิ่งที่มีนปรนเปรอให้ผมเมื่อครู่ ความเสียวซ่านคงแผ่ขยายเป็นวงกว้างไปทั่วทุกส่วนประสาทของคนถูกกระทำ เจ้าของร่างแอ่นตัวบิดเร่าร้องคราวอย่างเซ็กซี่ มีนจิกนิ้วทั้งสิบลงบนไหล่ของผมแน่น ตามด้วยเสียงร้องกระเส่าของคนมีอารมณ์ร่วมขั้นสุด ส่งผลให้ผมขยับริมฝีปากทำให้เขาเร็วขึ้นจนในที่สุด



“มีนไม่ไหวแล้ว พี่ปราบ พี่ปราบครับ”

“ถึงแล้ว แตกแล้ว อา”

เสียงดังลั่นนั้นเงียบลงทันทีที่น้ำขุ่นเหลวของมีนพวยพุ่งทะยานเข้าโพรงปากของผม รวมถึงเปรอะเปื้อนใบหน้าบางส่วนแต่ก็ไม่ได้รังเกียจแต่อย่างใด กลับชอบด้วยซ้ำที่มีนตอบสนองผมได้มากขนาดนี้



เสียงหอบหายใจดังถี่ เข้าออกเร็วคล้ายดูเหนื่อยหอบ ผมก้มลมจูบหน้าผากคนเก่งของผมอีกครั้งอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูผืนเดิมที่วางอยู่ใกล้ๆ ขึ้นมาทำความสะอาดคราบรักที่เปรอะเปื้อนอยู่ตามปากและใบหน้าของมีน เมื่อเรียบร้อยจึงจับคนตัวเล็กกว่าใส่เสื้อผ้า ห่มผ้าให้เรียบร้อย ก่อนที่ผมจะไปจัดการอาบน้ำเป็นรอบที่สองของคืนนี้ พร้อมความรู้สึกที่โคตรโล่งสบายตัว



หลังจากอาบน้ำจัดการตัวเองจนเรียบร้อยแล้วด้วยความเร็วแสง กลัวคนที่นอนอยู่บนเตียงจะดิ้นไปมาจนตกเตียง ไฟในห้องถูกปิดลงคงเหลือไว้แต่โคมไฟหัวเตียงกับเทียนหอมที่ผมจุดไว้สร้างบรรยากาศ ห่มผ้าให้ไอ้เด็กดื้อจนเสร็จ ทว่ามีนกลับพลิกตัวเอาไถตัวเองเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ จนซุกอยู่ในอก ส่งแขนแกร่งกอดรับเด็กดื้อไว้พร้อมลูบหัวอย่างอ่อนโยน

“เก้า กูเสียใจ” มีนละเมอเรียกชื่อเพื่อนอีกแล้ว ตอนแรกว่าจะห้ามแต่พอคิดดูอีกที ถ้ามีนคิดว่าผมเป็นเก้า น้องอาจจะบายความในใจได้สนิทใจมากขึ้น

“ยังไง”

“มึงรู้มั้ยในชีวิตกู ไม่เคยสมหวังในเรื่องความรักเลยสามครั้งที่กูมีแฟนแมร่งก็จบลงด้วยความเสียใจตลอด จนกูคิดว่าคงปิดตายเรื่องความรักไปแล้ว”

“แล้วยังไงต่อ” เสียงน้องเริ่มสั่นเทาพร้อมกับหยดน้ำใสที่ไหนออกมา

“จนกูไม่อยากมีแล้วความรัก เลยอยากแค่นอนกับใครก็ได้ แต่มึงเชื่อมั้ยตลอดหนึ่งปีกูไม่มีอะไรกับใครเลย”

ผมยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติเมื่อได้ยินความจริงนั้นจากปากมีน มีนไม่ได้นอนกับใครก็ได้แบบที่ผมเข้าใจมาตลอด

“แต่สุดท้าย กูก็นอนกับพี่ปราบ”

“แล้วไม่ดีหรอวะ” นอนในอ้อมกอดผมส่ายหัวเบาๆ

“ไม่ดีเลยมึง กูนอนกับเค้าแต่กูหวั่นไหวกับเค้า กูคิดถึงรอยจูบของเค้า กอดของเค้า และทุกสัมผัสของเค้า”

มีนร้องไห้หนักกว่าเดิม จนผมต้องกอดแน่นเพื่อให้น้องหายจากฝันร้ายที่ทำให้เผลอละเมอออกมาระบายความในใจที่ทำให้อึดอัด

“แล้ว .. มึงรู้สึกยังไงกับพี่เค้าวะ” อาศัยช่วงนี้ละกัน .. พี่ไม่ได้ขี้โกงนะมีนแต่แค่ ถ้าถามตอนปกติก็คงไม่มีคำตอบนอกจากโดนด่า

“กูว่ากู .....” คำพูดต่อจากนั้นเงียบหายสนิท พร้อมกับคนตัวเล็กกว่าที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดผมหลับตาพริ้มพ่นลมหายใจเข้าออกกับเสียงกรนเบาๆ

จังหวะนรกอะเนาะ!!ความนางเอกจะสารภาพรักแล้วหลับไป

จูบประโลมอ่อนโยนสัมผัสเบาตรงหน้าผากคนตัวเล็กกว่า สำทับคำมั่นที่ให้ไว้ว่าผมจะทำให้มีนมีความสุขมากที่สุด



“ไม่ได้มีแค่มีนหรอก ที่คิดถึงสัมผัสของพี่”

.

“เพราะพี่เองก็ไม่ต่างกันและอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ”








ดึกขนาดนี้แล้วยัง ฮึ่มฮั่มกันอีก เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไปทำงานกันไม่ไหวหรอก
อีช้อย ไปเอาก้านมะยมมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ เพิ่งตอนที่ 13 ก็ปาเข้าไป 3 รอบแล้วนะคู่นี้

 :katai1: :katai1: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//13-มึงคิดยังไงกับพี่เค้าวะ
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 20-06-2021 21:36:31
 :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//13-มึงคิดยังไงกับพี่เค้าวะ
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-06-2021 22:50:17
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//13-มึงคิดยังไงกับพี่เค้าวะ
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 21-06-2021 12:48:05
ตามมาทัน
สารภาพ ความในใจกันแล้ว ..
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//14-เมียจ๋าผัวมารับแล้ว (22-6-21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 22-06-2021 20:25:53
Chapter 14 --- ❝ เมียจ๋าผัวมารับแล้ว❞
------------



ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่ห้องของตัวเอง แต่เป็นห้องของ

ไอ้พี่ปราบ..



รูปถ่ายขนาดใหญ่ติดอยู่บนหัวเตียงโชว์หราแบบนั้นถ้าลืมตามาแล้วบอกว่านี่ผมตื่นมาในห้องใครก็คงจะแปลกพิลึก ไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเหมือนกันจำได้ว่าเมื่อคืนเมาฉิบหายตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกที่มีสติอยู่ที่เหลือนอกจากนั้นคือวูบไม่มีเหี้ยอะไรหลงเหลืออยู่ในห้วงความทรงจำเลยแม้แต่ส่วนเดียว

เดินออกมาจากห้องนอนของพี่ปราบ ที่นี่ใหญ่กว่าคอนโดผมประมาณสองเท่าเห็นจะได้ ก็แหงแหละคอนโดพี่ปราบเป็นแบบDuplexนี่นา ส่วนผมเป็นคอนโดธรรมดาทั่วไป ก้าวเท้าลงมาจากชั้นบนสู่ชั้นล่างเห็นเจ้าของห้องในชุดนอนกับผ้ากันเปื้อนนั่งก้มหน้าก้มตากำลังจะทายาสีฟันที่มือ

“อ้าวมีน ตื่นแล้วหรอ” พี่ปราบละสายตาจากแขนที่แดงแจ๋ขึ้นมาหาผมที่หยุดยืนอยู่ข้างๆ

“ไปโดนอะไรมา”

“คือพี่อยากทำอาหารเช้าให้มีน แต่น้ำมันกระเด็นโดนนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวก็หาย”

พี่ปราบส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให้ ความพี่ปราบอะเนาะ ล้างจานยังทำไม่เป็นแล้วจะมาทำอาหารเช้าเนี่ยนะไม่โดนน้ำมันกระเด็นใส่หน้าก็บุญขนาดไหนแล้ว

“โดนนานหรือยัง”

“เพิ่งโดนเมื่อกี้นี้เอง”

“งั้นมานี่ก่อนครับ”

ผมฉุดพี่ปราบให้ลุกขึ้นเดินตามมาที่อ่างล้างมือ กดเปิดน้ำล้างแผลข้างที่โดนน้ำมันทันที วิธีนี้แม่ผมเคยสอนมาบอกว่ารีบล้างแผลด้วยน้ำเย็น (ที่ไม่ใส่น้ำแข็ง) ภายใน 5 นาที น้ำเย็นจะช่วยลดอุณหภูมิที่ผิวและช่วยป้องกันอาการผิวหนังพุพองได้



หลังจากนั้นจึงพาคนสำออยที่ทำหน้าเหมือนโดนยิงกลับมานั่งตรงโซฟาตามเดิม ซับแผลด้วยผ้าสะอาดจนแห้ง

“ในตู้เย็นมีโยเกิร์ตมั้ยครับ”

“มีครับ มีนจะกินหรอ”

ผมลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เย็น ค้นมองไปทั่วเจอโยเกิร์ตรสธรรมชาติจึงหยิบติfมือออกมา โยเกิร์ตแช่เย็นสามารถนำมาพอกผิวลดความแสบร้อนจากการโดนน้ำมันลวกแขนหรือมือได้ เนื่องจากโยเกิร์ตก็มีโปรตีนและแร่ธาตุหลากชนิดช่วยคืนความชุ่มชื้นให้ผิวได้

“ทำไมไม่ใช้ยาสีฟันละครับ”

“ยาสีฟันไม่ได้ช่วยทำให้แผลดีขึ้นนะครับ แถมยังเสี่ยงต่อการติดเชื้ออีก วันหลังถ้าโดนน้ำมันกระเด็นหรือโดนน้ำมันลวกอีก ให้รีบล้างแผลหาโยเกิร์ตหรือว่านหางจระเข้ทาแทนเป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้นนะครับ”

“เก่งจัง”

“เรื่องแค่นี้ใครๆ ก็รู้ครับ”

“บางทีพี่ก็ชักชอบที่ตัวเองทำอะไรไม่เป็นแบบนี้เหมือนกันนะ”

ยักคิ้วขึ้นมองคนตรงหน้าที่ส่งยิ้มกว้าง

“มีนจะได้ดูแลพี่ไง”

“ให้คุณเคธี่ดูแลดีกว่ามั้ยครับ ใครจะดูแลได้ดีไปกว่าแฟนพี่ละครับ”

เตรียมดึงมือออกมาทว่าคนไวกว่าคว้าฉวยไปเกาะกุมเกาไว้แถวยังขยับเข้ามาใกล้อีกต่างหาก ยิ่งพูดเรื่องคุณเคธี่ก็ยังโหวงๆ ในอก แมร่งกูนี่ก็แปลกรู้ว่าพูดแล้วตัวเองจะนอยด์แล้วจะพูดเพื่อ

“พี่กับเคธี่ไม่มีอะไรกันจริงๆ นะครับ เราเป็นแค่เพื่อนกัน เจอกันตอนเรียนที่อเมริกาแล้วเค้าก็เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับโรงแรมในเครือบริษัทด้วย”

“แล้วไงอะ” แล้วไงที่แปลว่า ..ช่วยอธิบายให้ยาวกว่านี้หน่อย

“พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเคธี่เลย ถึงแม้พี่จะรู้ว่าเค้าคิดกับพี่เกินเพื่อนก็เถอะ”

“แต่เค้าบอกว่าเค้าเป็นแฟนพี่นี่ครับ แล้วพี่ก็ให้ความสำคัญกับเค้ามาก มากจนลืมผม”

ผมทำเสียงอ่อนลงเมื่อพูดถึงเรื่องวันนั้น พี่ปราบทำหน้างงชั่วครู่ก่อนจะยกยิ้มขึ้นคล้ายกับคิดอะไรออก

“พี่ขอโทษครับ วันที่พี่บอกว่าจะไปหามีนแล้วปล่อยให้มีนรอจนอดกินไข่เจียว พี่ติดประชุมจริงๆ จนถึงบ่ายพอเสร็จก็เจอเคธี่ บังเอิญวันนั้นเป็นวันเกิดของเค้าพอดีพี่เคยรับปากว่าจะไปกินข้าวเป็นเพื่อนก็เลยปฏิเสธไม่ได้”

“แต่พี่ก็เงียบไปเลย”

“แบตพี่หมดครับ ไม่ได้แก้ตัวนะ เรื่องนี้พี่ผิดพี่ขอโทษจริงๆ นะครับ”

พี่ปราบยกมือผมที่กุมอยู่ขึ้นไปถูๆ ไถๆ กับหน้าเหมือนแมวที่ชอบอ้อนแมวจะโดนเจ้าของดุ เพราะรู้ตัวว่าทำผิด แบตหมดตอนหน้าสิ่วหน้าขวาน เดี๋ยวจะซื้อเพาเวอร์แบงก์ไว้ให้ห้อยคอซะหรอก

“อีกอย่างพี่ไม่ได้ปกป้องเคธี่นะที่ถามแบบนั้นเพราะพี่จะจัดการเอง เคธี่ล้ำเส้นพี่มากเกินไปแล้ว ชอบพูดไปทั่วว่าพี่เป็นแฟนจนพี่เสียหาย และที่สำคัญ”

เกลียดสายตาแบบนี้ที่สุด!!

“เค้าทำให้เด็กดื้อของพี่หึงจนฟาดงวงฟาดงาไปทั่ว”



ฟอดดดดดดดด



ไอ้พี่ปราบ อาศัยจังหวะเผลออีกแล้วนะ !!!



“อ้าวน้องมีน วันนี้มาซื้อกาแฟคนเดียวหรอจ๊ะ” พี่จินตนาที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้าน ทักทายผมด้วยแววตากับสีหน้าตัวร้ายในละครสุดๆ

“ครับ”

“เป็นไง เมื่อวานเจอคุณเคธี่แล้วเธอสวยเนาะเหมาะกับคุณปราบมากๆ เหมาะกว่าคนแถวนี้เยอะเลยน้องมีนว่ามั้ยคะ”

“คงอย่างนั้นมั้งครับ” ลุกหนีดีกว่าก่อนที่อารมณ์จะเดือดไปมากกว่านี้ แซะจริงแซะจังเหลือเกิน

“นี่ๆ ถ้าไม่มีคนช่วยเก็บของย้ายโต๊ะก็บอกนะ เดี๋ยวพี่ให้แม่บ้านช่วย”

“ย้ายทำไมครับ”

“ย้ายตามคำสั่งคุณเคธี่ไงหรือจะไม่ย้ายก็ได้นะ ถ้าไม่กลัวจะโดนแบบเมื่อวานอีก”

นับหนึ่งถึงร้อยในใจก็คงไม่อาจทำให้ความเดือดดาลดับมอดลงได้เลย ผมมั่นใจว่าไม่เคยไปทำอะไรให้พี่จินตนาแน่นอนดังนั้นพี่เค้าก็ไม่มีสิทธิ์มาข่มเหงผมอยู่ฝ่ายเดียว



รู้จักไอ้มีนน้อยเกินไปละ ..



“พี่จินตนารู้จักหมาใช่มั้ยครับ”

“รู้จักสิ ทำไมหรอ”

“หมาเนี่ยเวลาที่ใครเอาข้าวให้มันกินจนอิ่ม มันก็มักจะทำตามคำสั่งอย่างว่าง่ายโดยไม่สนว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกหรือผิดตามสัญชาตญาณของสัตว์เดรัจฉาน”

มองเหยียดไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนที่ผมเคยโดน

“แต่แปลกนะครับ มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐที่ควรรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร ไม่ใช่ว่าพอเห็นผลประโยชน์หน่อยก็หลับหูหลับตาทำในสิ่งที่ผิดทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่แก่ใจ แบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับหมาตัวหนึ่งเลย”

“ไอ้มีน อย่ามาปากเก่งกับชั้นนะ” พี่จินตนาสั่นไปทั่วทั้งตัวเมื่อผมส่งยิ้มแสยะอย่างผู้ชนะไปให้ สายตาที่ไม่ยอมคนของผมแข็งกร้าวฉายชัดประกาศให้รู้ว่าผมไม่เคยกลัวแม้สักครั้ง หมดยุคแล้วที่จะใช้ความวัยวุฒิในการข่มเหงหรือรังแกคนที่อ่อนกว่า แก่ไปก็เท่านั้นหากไม่มีวุฒิภาวะอะไรให้น่าเคารพสักน้อย

“มีอะไรกันหรือเปล่ามีน”

พี่ปราบเปิดประตูเดินเข้ามาหาผมที่ยืนประจันหน้ากับพี่จินตนา พี่แกรีบเปลี่ยนสีหน้าราวจิ้งจกยกมือขึ้นไหว้ส่งยิ้มให้ท่านรองประธานของตัวเองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“สวัสดีค่ะท่านรอง”

“ครับ”

“พอดีว่าจิน...”

“พอดีว่าพี่จินตนา เข้ามาย้ำมีนเรื่องให้เก็บของออกน้องห้องท่านรองนะครับ บอกว่าถ้าคุณเคธี่มาเห็นแล้วมีนไม่ทำตามคำสั่งคงโดนเหมือนวันนั้นอีก”

ผมรีบชิงตอบพี่ปราบทำเอาพี่จินตนาค้างกึกสีหน้าเจื่อนซีดอย่างเห็นได้ชัด ตีงูต้องตีให้หลังหัก

“ใครเป็นเจ้านายคุณครับคุณจินตนา ผมหรือเคธี่”

พี่ปราบหันขวับส่งเสียงนิ่งสายตากร้าวปราดไปยังผู้ช่วยเลขาหน้าห้อง

“ท่านรองค่ะ”

“ถ้าท่านรองอยากให้มีนย้าย เดี๋ยวขึ้นไปมีนเก็บของเลยก็ได้นะครับ ทั้งๆ ที่ไม่อยากอยู่ห่างท่านเลย”

ผมทำเสียงออดอ้อนจนพี่ปราบทำหน้างง ร้อยวันพันปีไม่มีหรอกโหมดนี้ แต่เพื่อทำลายล้างศัตรู กูจะทำ

“ไม่ต้องย้าย ใครมีปัญหาก็ให้คนนั้นมาคุยกับพี่เอง”

พี่จินตนาก้มหน้าก้มตาหลบสายตาท่านรองที่ดุดันกว่าครั้งไหนๆ ก่อนที่พี่ปราบจะหยิบกาแฟของตัวเองและถือชาเขียวของผมเตรียมเปิดประตูออกไป ผมจึงจำเป็นต้องย้ำให้พี่จินตนาได้เข้าใจอีกครั้ง

“ทีนี้รู้แล้วนะครับ ว่าใครที่ต้องใช้คำว่ากลัว”

แล้วปิดประตูร้านตามพี่ปราบออกไป พร้อมความสะใจที่ได้จัดการไปแล้วหนึ่ง แต่ยังเหลืออีกหนึ่งคนที่เหยียบน้ำใส่ผมจนเปียกและเหยียดผมอย่างไม่น่าให้อภัย







“มีความสุขจังโว้ยยยย”

พี่ปราบตะโกนลั่นห้องทำงาน จนผมที่นั่งอ่านเอกสารอยู่สะดุ้งจนเกือบตกเก้าอี้ ตั้งแต่กลับมาจากร้านกาแฟก็ยิ้มเหมือนคนบ้า นั่งร้องเพลงทำตาเป็นประกายมีความสุขจนจะเที่ยงยังไม่หยุดสักที วันนี้แปลกๆ หลายทีแล้วนะเมื่อเช้าก็ไม่ยอมให้ผมลงตรงป้ายรถเมล์หน้าออฟฟิศดันขับขึ้นมาจอดตรงชั้นผู้บริหารดีที่ผมไหวตัวทันบอกจะไปซื้อกาแฟเลยรีบวิ่งลงลิฟต์ไปก่อนคนจะเยอะแล้วเป็นเรื่อง

“ผีเข้าหรือครับท่านรอง”

“เปล่าหรอก แค่ดีใจ”

หรือว่าประมูลงานอะไรชนะหรือเปล่า นักธุรกิจคงมีเรื่องดีใจไม่กี่อย่างหรอกมั้ง

“ดีใจที่มีนอ้อนพี่ น่ารักโคตรๆ เมื่อเช้า”

เออนั่น!! อย่าทำหน้าตาแบบนี้ได้ปะ .. ไม่ชิน



ก๊อก ๆๆๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับพี่ชบาเลขาคู่ใจของท่านรองที่เดินเข้ามา พี่ปราบกลับไปนั่งหลังตรงหน้านิ่งสุขุมทิ้งมาดหนุ่มอารมณ์ดีเมื่อครู่หมดแล้ว พี่ชบาหันมายิ้มให้ผมตอนเดินผ่านก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าหน้าโต๊ะเจ้านายวางแฟ้มเอกสารบนโต๊ะอย่างทุกครั้งที่ทำเป็นประจำ

“เรื่องที่ท่านรองให้ชบาจัดการเรียบร้อยแล้วนะคะ”

“ครับ”

พี่ปราบนั่งฟังเลขาส่วนตัวรายงานข้อมูลเกี่ยวกับตารางงานประจำวันนี้ รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่ท่านรองประธานบริษัทต้องรู้ตบท้ายด้วยเรื่องส่วนตัวที่น่าจะเกี่ยวกับผมซะส่วนใหญ่

“ส่วนเรื่องสูทของน้องมีน น่าจะเรียบร้อยวันเสาร์นะคะ เดี๋ยวชบาให้รถของบริษัทรับน้องไปแต่งตัวที่ร้านคุณช้างค่ะ”

ลืมไปซะสนิทเลยว่าวันเสาร์นี้ผมมีออกงานกับมีพี่ปราบ เห็นพี่ชบาบอกว่างานนี้เป็นงานเลี้ยงผู้ประกอบการธุรกิจด้านโรงแรม คนที่มาร่วมงานส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าของโรงแรม รีสอร์ตหรือคนในแวดวงอุตสาหกรรมที่พักท่องเที่ยวต่างๆ ไปออกงานพอเข้าใจแต่มันต้องเวอร์ถึงขั้นตัดสูทพร้อมกับมีช่างมาดูแลลุคให้ขนาดนั้นเลยหรอ

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปรับน้องเอง ขอบคุณมาก”

“รับทราบค่ะท่านรอง”

พี่ชบาอ้ำอึ้งเหมือนมีเรื่องจะพูดต่อแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง จนพี่ปราบต้องมองหน้าเชิงอนุญาต

“ท่านรองคะ ชบามีเรื่องจะรบกวนปรึกษาค่ะ”

“ว่ามาสิ”

“โปรเจครีสอร์ต XX ที่พังงาของคุณไตรวิชญ์ ที่ต้องตามท่านรองไปดูสิ้นเดือนนี้ ชบาไปไม่ได้ค่ะพอดีต้องไปประชุมผู้ปกครองโรงเรียนลูกค่ะ ท่านรองให้จินตนาไปแทนมั้ยคะ”

เดี๋ยวนะ!!ทำไมชื่อรีสอร์ตกับเจ้าของมันคุ้นหูจังวะ

“งั้นไม่เป็นไร คุณชบาจัดการจองตั๋วเป็นชื่อคุณธารานะครับ แล้วห้องที่จองไว้สองห้องเปลี่ยนเป็นห้องสวีทแค่ห้องเดียว”

ห๊ะ!!อะไรซิ

“รับทราบค่ะ จัดให้ค่ะ”

“เยี่ยม”

“ดินเนอร์ใต้แสงเทียนริมทะเลด้วยมั้ยค่ะท่านรอง ชบาว่าโรแมนติคดีนะคะเคยเห็นในซีรี่ส์เกาหลี”

“จัดมาเลย เอาแบบให้คนที่ไปด้วยเค้าประทับใจ”

“แค่คิดชบาก็ฟินแล้วค่ะ ท่านรอง”

นี้ๆ ทั้งเจ้านายทั้งเลขาลืมไปแล้วหรอว่าบุคคลที่พูดถึงยังนั่งอยู่ตรงนี้ คนนะไม่ใช่วิญญาณ พูดข้ามไปข้ามมาอยู่ได้ พากันพูดถึงผมแล้วหัวเราะมีความสุขเหลือเกิน



แล้วถามผมบ้างหรือยังว่าจะไปด้วยหรือเปล่า

ตอบได้เลยว่า

แล้วฉันเลือกอะไรได้มั้ย เลือกว่าจะไม่ไปได้หรือเปล่า

แมร่ง!!เสียงร้องกูโกงวรรณยุกต์สัสๆ





ทุ่มกว่าแล้วแต่ผมก็ยังไม่ได้กลับบ้าน ไม่ได้ขยันนั่งปั่นงานหรอกเพราะตอนนี้ผมอยู่ที่ร้านกาแฟร้านประจำข้างๆ ออฟฟิศ เหตุผลก็โน่นคนที่นั่งประชุมตั้งแต่บ่ายสามไม่ยอมให้ผมกลับก่อน บอกให้รอกลับพร้อมกันจะไปส่งไม่งั้นจะไม่ยอมเซ็นต์สมุดฝึกงานให้



นักศึกษาฝึกงานทุกคนของที่มหาวิทยาลัยผมจะมีสมุดฝึกงานประจำตัวคนละหนึ่งเล่มเป็นเหมือนรายงานที่เอาไว้จดบันทึกว่าในแต่ละวันผมได้รับมอบหมายงานอะไรบ้าง ได้ความรู้อย่างไร และช่องลายเซ็นผู้ดูแลการฝึก ไอ้ช่องสุดท้ายเนี่ยมีไว้ให้หัวหน้างานหรือคนที่ควบคุมดูแลเป็นผู้ลงนามให้เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เราเขียนรายงานการปฏิบัติงานแต่ละวันเป็นความจริง



ของคนอื่นไม่มีปัญหาหรอก อย่างเก้าก็ให้พี่หัวหน้างานมันเซ็นต์ ส่วนไอ้ปาร์คก็ผู้จัดการแผนกมันเซ็นต์ แต่ของผมโน่นไอ้พี่ปราบรองประธานบริษัทเป็นคนเซ็นต์ กว่าจะเซ็นต์ได้แต่ละครั้งเงื่อนไขเยอะฉิบหาย



ผมจึงต้องมานั่งรอท่านรองประธานจอมเผด็จการประชุมเสร็จ นั่งแหง่วอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เลิกงานจนน้ำแข็งในแก้วชาเขียวผมละลายจากสีเขียวเข้มเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อนหมดแล้วเนี่ย

ติ๊ง!!!

เสียงไลน์เด้งข้อความใหม่ของกลุ่มเข้ามา

Kao : ได้เรื่องแล้วมึง ที่ให้กูไปหาข้อมูลมา

Meen : ว่าๆ

Kao : รีสอร์ต XX ที่พังงาเป็นของคุณไตรวิชญ์หรือพี่ไตรแฟนเก่ามึงนั่นแหละ

Park : เชรดดด โลกกลมฉิบหาย

Kao :เหมือนตอนนี้จะมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องนะ เห็นว่าจะขายหุ้นบางส่วนเผลอๆ ขายกิจการไปเลย นักธุรกิจส่วนใหญ่ตาวาวอยากได้กันมากเลยนะเว้ย ทำเลทองเลยแหละมึง รวมถึงพี่ปราบผัวมึงด้วยที่จะเข้าร่วมประมูลครั้งนี้

Meen : แล้วโอกาสจะได้ละมึง พอรู้มั้ย

Kao : มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์เลยมึง ลองพี่ปราบลงเจรจาด้วยตัวเองแบบนี้ไม่พลาดหรอก

Park : เก่งสัส ไอดอลกูเย

Kao : ใช่ไอดอลเรื่องเยเลยแหละ ถามไอ้มีนดูได้ โดนเยบ่อย

Meen : เยเหี้ยไรละ ไอ้ห่าปาร์คมึงพิมพ์ให้มันถูกๆ หน่อย ความหมายผิดหมดแล้วเนี่ย

Park : * เลย



ผมส่งชื่อรีสอร์ตที่ได้ยินคุ้นหูตอนพี่ชบากับพี่ปราบคุยกันส่งไปให้ไอ้เก้าหาข้อมูล ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงไอ้โคนันเก้าก็ทำหน้าที่ดีไม่มีแผ่ว ถ้าเรื่องเรียนเก่งได้สักครึ่งหนึ่งของเรื่องเสือกเกียรตินิยมคงอยู่ไม่ไกลหรอกไอ้เวร เข้าเรื่องๆ สรุปคือรีสอร์ตนั้นเป็นของพี่ไตรแฟนเก่าของผมถึงว่ามันทะแม่งๆ ตอนคบกันผมไม่รู้ห่าอะไรเกี่ยวกับพี่ไตรเลยรู้เพียงชื่อกับรู้ว่าทำธุรกิจโรงแรม นอกนั้นไม่มีสิทธิเข้าไปก้าวก่ายเด็ดขาด

“ทำไมไม่กลับบ้านอีกครับ มัวแต่นั่งคิดอะไรอยู่”

เสียงอินทักทายก่อนจะนั่งลงตรงข้ามผม อินเป็นมนุษย์ที่แปลกประหลาดโคตรๆ ชอบโผล่มาเจอผมได้บังเอิญราวกับไม่บังเอิญ เหมือนมีใครติดจีพีเอสไว้คอยบอกอินว่าผมอยู่ที่ไหน ทำอะไรกับใครแบบนั้นแหละ

“หวัดดีอิน”

“หวัดดีมีน นั่งทำไรอยู่ครับ”

รอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรเข้าถึงง่ายกับเสียงละมุนนั้นยังเหมือนเดิม ตั้งแต่วันที่พี่ปราบชกอินจนหน้าแหกที่ผับ เราสองคนก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย นอกจากข้อความทักทายกันทั่วไปและสติ๊กเกอร์หมีรูปหัวใจที่ชอบส่งมาบ่อยๆ

“รอเจ้านายครับ ว่าแต่อินมาทำไรแถวนี้หรอ”

“มาถ่ายงานครับเพิ่งเสร็จเห็นร้านนี้อยู่ไม่ไกลเลยเดินมานั่งพัก แต่โชคดีมากที่บังเอิญเจอมีน”

“อ่อๆ บังเอิญดีจัง”

“โลกกลม พรหมลิขิตไง”

อินหัวเราะตาหยีพลางรับกาแฟกับเค้กสตรอเบอรี่ที่อินสั่งเสิร์ฟวางบนโต๊ะ แล้วเริ่มลงมือตักทานก่อนจะเผื่อแผ่มาทางผม

“อินทำไรเนี่ย เลอะหมดเลย”

“ขอโทษครับ อยากให้มีนกินไงเห็นว่ามืดแล้วกลัวจะหิว”

หยิบทิชชูที่อยู่ข้างๆ จะเช็ดครีมที่เลอะไปทั่วทั้งปาก แต่คงไม่ทันใจคนต้นเหตุนิ้วเรียวเกลี่ยเช็ดไปทั่วริมฝีปากที่เปรอะของผมไล่ตั้งแต่มุมปากซ้ายเรื่อยจนจบฝั่งขวา แล้วดึงมือตัวเองกลับไปดูดกลิ่นสิ่งที่เพิ่งเช็ดได้เมื่อครู่

“ครีมที่ติดปากมีน หวานกว่าในจานนี่อีก”

อินยิ้มตาหยีอีกแล้วราวกับเป็นเรื่องปกติ ผมรู้ว่าอินกำลังรุกจีบผมและผมเองที่เป็นฝ่ายเข้าหาอินก่อนในคืนนั้น ทว่าผมไม่ได้ต้องการให้ความสัมพันธ์มันเกินเลยจนยากจะควบคุมสักหน่อย ไม่ใช่เด็กที่จะมองไม่ออกว่าฝั่งตรงข้ามคิดยังไง ทั้งท่าทาง สายตา และคำพูดที่บอกชอบผมในคืนนั้นคงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอย่างที่คิดไว้ซะแล้ว

“อินมีนว่า..”

“อินขอจีบมีนนะครับ มีนก็รู้ว่าอินคิดยังไง อินชอบมีนจริงๆ นะ”

“แต่เรา..”



“เมียจ๋าผัวมารับกลับบ้านแล้วครับ”

เสียงดังฟังชัดสะท้านสะเทือนไปทั่วทั้งสามภพ เรียกเอาคนในร้านหันขวับไปมองเป็นตาเดียวยังประตูที่ถูกเปิดออกพร้อมกับผู้ชายหล่อเหลาสุดภูมิฐานในชุดสูทซึ่งกำลังเดินตรงมาทางนี้

“พี่ปราบ”

เรียกได้แค่นั้นเพราะผมยังช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เสียงพูดคุยเกิดขึ้นทันทีที่พี่มันเดินเข้ามาหาผม เหตุผลคืออะไรนะหรอก็คนที่มันเรียกว่าเมียคือผมยังไงละ

“จ๋าที่รักมาถึงก็เรียกชื่อพี่เลยนะไม่เจอกันแปบเดียวคิดถึงพี่ขนาดนี้เลยหรอทูนหัว”

พี่ปราบไม่นั่งแต่เสือกยืน ยืนเพื่ออะไร เพื่อให้เป็นจุดเด่นในสายตาสิบกว่าคู่ที่มองมาไง



ฟอดดดดดด



เหี้ย!!!หอมเพื่อ



“พี่ก็คิดถึงมีนเหมือนกันครับ”

ยัง ยังไม่หยุดลูบหัว หอมหัวอยู่นั่นแหละ แล้วทำไมกูถึงไม่ขัดขืนวะเนี่ย อึ้ง อึ้งแดก

“อ้าว พี่ไม่เห็นว่ามีเพื่อนอยู่ด้วย ขอบคุณมากนะครับที่อยู่รอพี่เป็นเพื่อนมีน”

“ครับ”

ขอบใจมากอินที่ช็อกเป็นเพื่อนกู คงงงแหละเนาะวันนั้นเจอกันยังโดนต่อยกองกับพื้นเละเทะอยู่เลย มาวันนี้เสียงอ่อนเสียงหวานแถมยังขอบคุณอีกต่างหาก

ข้าน้อยเชื่อว่าคนในร้านกาแฟนี้ งง!!

“พี่ปะ..”

คำที่เตรียมจะด่าหายเงียบไปในทันทีที่ริมฝีปากนุ่มของคนตรงหน้าพุ่งทะยานเป็นจรวดประกบไม่ทันตั้งตัวชั่วครู่แล้วถอนออกไป ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วทั้งใบหน้าจนถึงหลังกกหูแดงเป็นเฮล์บลูบอยแล้วมั้งหน้ากู



แดงไม่เท่าไหร่แต่อายฉิบหาย .. โน่นสายตาฟินของสาววายในร้านจะอินอะไรขนาดนั้น



“กลับได้แล้วครับ อยากนอนกอดที่รักใจจะขาดแล้วเนี่ย”

ผมลุกขึ้นตามแรงฉุดดึงของคนที่ยืนอยู่ นิ่งกึกไม่กล้าหันไปสบตากับใครทั้งนั้นแม้กระทั่งอิน เสียอาการหนักมาก ตัวรีบแบนไปหมด ไอ้พี่ปราบเหมือนรู้งานดึงผมเข้าไปให้อ้อมแขนดันหัวให้ซุกกับอกแล้วพาผมเดินออกไปจากร้าน



“อะไรนะ ถามพี่ว่ารักมากแค่ไหนหรอ”

.

“รักเมียมากที่สุดในโลกเลยครับผม”



เดี๋ยวไอ้พี่ปราบ ..กูไปถามตอนไหนเนี่ย

ถ้าจะทำให้อายขนาดนี้ .. เอามีดมาแทงเลยมั้ย แล้วพรุ่งนี้เช้ากูจะมาร้านกาแฟได้ยังไง

ถามจริ๊ง!!!!





คนเรามีวิธีแสดงออกเพื่อปกป้องสิ่งที่เป็นของเราต่างกัน คราวก่อนอาจจะใช้ความรุนแรง แต่คราวนี้พี่ปราบเปลี่ยนวิธีแล้วนะ
พรุ่งนี้พี่ปราบคงต้องมาซื้อกาแฟเองแล้วแหละ 55555
เจ้จินตนาโดนฟาดไปแล้ว 1 ส่วนอีกนางที่เหลือ รอ!!
+1 มากันรัวๆ นะพวกเธอ + ไปคุยกันในเพจได้นะ ชั้นเหงา


 :hao3: :katai1: o13
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//13-มึงคิดยังไงกับพี่เค้าวะ
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 22-06-2021 20:50:30
 :o8: :-[
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//15-ทฤษฎีล้มละลาย (25/06/21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 25-06-2021 20:14:41
Chapter 15 --- ❝ ทฤษฎีล้มละลาย❞

------------

ผมนั่งเป็นหุ่นให้พี่ทีมงานจับแต่งตัว แต่งหน้า หมุนซ้ายขวามาได้เกือบสามชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่บ่ายโมงที่พี่ปราบไปรับผมจากคอนโดแล้วมาหย่อนที่ห้องนี้ ส่วนพี่มันแต่งตัวเสร็จตั้งแต่สามสิบนาทีแรกแล้วปล่อยให้ผมนั่งแหง่วรอเวลาว่าเมื่อไหร่จะเสร็จสักทีไม่ชินเลยให้ตายเถอะกับการที่มีคนดูแลล้อมหน้าล้อมหลังเป็นห้าหกคน



วันนี้ผมมีออกงานกับพี่ปราบที่โรงแรมใจกลางเมืองเป็นงานเลี้ยงของนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในแวดวงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและที่พักเพื่อพูดคุยพบปะเจรจาต่อยอดธุรกิจ จนถึงตอนนี้ผมเองก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าอะไรคือเหตุผลที่ผมต้องตามพี่มันไปทั้งๆ ที่ผมเป็นเพียงเด็กฝึกงานคนหนึ่งเท่านั้นไม่เห็นจะมีความสามารถช่วยงานพี่มันได้ตรงไหนสักหน่อย



ความรู้ทางบริหารพอมีจากตำราเรียนซึ่งคนละเรื่องกับชีวิตจริงราวฟ้ากับเหว

ความรู้ทางด้านการเจรจาต่อรองไม่มีเลยสักนิด

ความรู้ทางภาษาปะกิตแค่ฟุตฟิตเยสโนโอเล



ถามไปหลายครั้งก็เปลี่ยนเรื่องตลอดจนขี้เกียจจะถามแล้วเหมือนกัน เลยพยายามมองในแง่ดีว่าพี่มันคงอยากให้ผมไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ แหละถึงให้ติดตามไป



“น้องมีนน่ารักแบบนี้นี่เองมิน่าหละคุณปราบถึงได้หลงขนาดนี้”

พี่ช้างที่นั่งมองความเรียบร้อย ควบคุมการทำงานของทีมเอ่ยขึ้นหลังจากชวนพวกผมที่อยู่ในห้องคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อยเพื่อลดความเงียบลงจนสุดท้ายวนกลับมาจบที่เรื่องผม

“เกี่ยวอะไรกับมีนละ”

“นิสัยน่ารัก หน้าตาน่ารัก พี่ช้างเจอสองครั้งยังรู้เลยว่าเป็นเด็กดี”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”

อยู่ๆ จะมาคุยเรื่องนี้ทำไมกันละครับ ไปคุยเรื่องอื่นสิ นางงาม การเมือง ละครอะไรแบบนั้นก็ได้

“จริงๆ ไม่ได้ว่าเมาท์นะ คุณปราบแกไม่เคยให้พี่มาดูแลใครส่วนตัวแบบนี้มาก่อน ถามนางพวกนี้ได้”

หืม !!แค่ยกคิ้วแทนคำถามก็ได้รับคำตอบกลับมา

“จริงค่ะน้องมีน”

“ขนาดคนที่บ้านคุณปราบพี่ยังไม่เคยได้ไปดูแลเลย แกจะหวงทุกอย่างที่เป็นของแกมาก ยกตัวอย่างเช่นช่างประจำตัวอย่างพี่”

อืมผมก็พอรู้นิสัยพี่แกแหละว่าเป็นคนที่หวงของตัวเองมากแค่ไหน

“แปลกใจตั้งแต่ที่เรียกพี่ไปตัดชุดให้น้องมีนแล้ว อันนั้นไม่เท่าไหร่นี่ค่ะเด็ดสุดมานั่งรอเป็นสามสี่ชั่วโมง คนอย่างคุณปราบปรามไม่เคยเสียเวลามารอใครแบบนี้แน่นอนค่ะ”

มองไปข้างนอกคนที่กำลังถูกพูดถึงนั่งอ่านนิตยสารในมืออย่างตั้งใจ ไม่มีท่าทีเดือดร้อนหรือแสดงความไม่พอใจอะไรเลยแม้แต่น้อย

“อยู่กับคนอื่นนิ่ง เงียบจนพี่เนี่ยเกร็งจนตะคริวจะกินนะค่ะ แต่พออยู่กับน้องมีนโลกทั้งใบผ่อนคลายราวกับวิ่งอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์”

“ใช่ๆๆ ”

พร้อมเพรียงกันเหมือนมีใครปล่อยคิว

“แล้วคุณเคธี่แฟนท่านรองละครับ เคยมาที่นี่มั้ย”

คุณช้างหัวเราะร่วนนำขบวนคนในทีมที่ตามมาติดๆ เสียงดังลั่นจนผมงงว่าตลกอะไรกับคำถามขนาดนั้น

“แฟนทิพย์นะหรือคะ”

“แฟนทิพย์”

“ใช่ค่ะแฟนทิพย์ที่แปลว่าแฟนมโนน่ะค่ะ ในวงการเค้ารู้กันหมดค่ะว่ายัยเคธี่แอบชอบคุณปราบแล้วอวยยศตัวเองให้เป็นแฟนทิพย์โดยที่คุณปราบไม่ได้สมยอมอะไรเลย เพ้อฝันสุดๆ ”

“จริงหรอครับ”

“จริ๊งงง”

คุณช้างเสียงสูงพยักหน้าหงึกๆ สำทับ งั้นก็แสดงว่าสิ่งที่พี่ปราบอธิบายให้ผมฟังเกี่ยวกับคุณเคธี่ก็เป็นความจริงนะสิ ว่าแต่ทำไมผมถึงรู้สึกโล่งขึ้นมาทันทีแบบนี้กันนะ



บ้า !!ไม่ได้ดีใจสักหน่อยที่พี่ปราบไม่ได้เป็นอะไรกับผู้หญิงคนนั้น





“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณปราบ”

คนนั่งรอละสายตาจากนิตยสารที่อยู่ในมือขึ้นมามองผมตามเสียงเรียกของคุณช้าง รอยยิ้มกว้างยกขึ้นจนนัยน์ตาสีดำเป็นประกายวับจ้องอยู่นานจนผมทำตัวไม่ถูก



สายตาแบบนั้นมันหมายความว่ายังไงกันละ

ดีหรือไม่ดี!!



วันนี้ผมอยู่ในชุดสูทสีเทาเข้มด้านในตัดด้วยเสื้อเชิ๊ดสีขาว แม้จะไม่มีอะไรมากแต่ด้วยการคุมโทนของลุคบวกกับทรงสูทที่พอดีตัวทำให้ผมดูดีขึ้นในระดับหนึ่ง งานวันนี้ไม่ได้เป็นทางการมากมายอะไรจึงไม่จำเป็นต้องใส่เน็คไทน์หรือผูกหูกระต่ายเพิ่มเติม แค่แต่งให้สุภาพถูกกาลเทศะแต่ยังมีความเป็นแฟชั่นอยู่บ้างตามวัย



ใบหน้าที่ไม่เคยถูกเครื่องสำอางถูกแต่งแต้มเพียงเล็กน้อยเพื่อเสริมความเนี้ยบของผิวให้ดูเป็นผู้ชายสุขภาพดี ปกปิดจุดบกพร่องรวมถึงเน้นจุดเด่นบนใบหน้าโดยเฉพาะดวงตาสีสวย ส่วนทรงผมจากเดิมที่เป็นทรงทูบล็อกถูกเซตด้วยความร้อนและสเปรย์เป็นทรงที่เรียบร้อยขึ้นเปิดหน้าผากกว้างโชว์ใบหน้าชัดเจนดูสะอาดตา



ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยต้องแต่งเต็มแบบนี้มาก่อน รู้สึกขัดๆ เขินๆ ฉิบหายแถมไอ้พี่ปราบก็จ้องอยู่ได้ พูดอะไรก็ไม่พูดสักอย่างเกร็งนะเว้ย

“อึ้งตาค้างขนาดนั้นเลยหรอคะคุณปราบ”

คนถูกแซวยกมือขึ้นมาปิดปากกระแอมเบาๆ คล้ายกลบเกลื่อน คุณช้างกับทีมงานส่งเสียงแซวหัวเราะกันคิกคัก

“มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าครับ”

“มี” พี่ปราบทำหน้าจริงจังแถมยังกวักมือเรียกผมไปใกล้ๆ

“อะไรครับ”

“ลืมรูดซิป”

“เหี้ย”

จริงปะเนี่ย!! กุลีกุจอจับเป้าตัวเองอย่างเร็ว ผมว่าก่อนจะออกมาพี่ทีมงานเช็คความเรียบร้อยหมดแล้วนะหรือซิปจะล็อกไม่อยู่ของกูก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้นซะหน่อย

แต่เดี๋ยวนะ ... ทุกอย่างปกตินี่หว่า ซิปรูดจนสุดมันจะลืมได้ไงไอ้พี่ปราบ

“พี่ล้อเล่น”

“เพื่อนเล่นหรอ”

“ก็ไม่เคยบอกนะว่าอยากได้เป็นเพื่อน”



พรึ่บ!! ยกมือขึ้นปิดปากพี่ปราบก่อนจะหลุดพูดอะไรที่ทำให้ผมอายพี่ที่ยืนอยู่ข้างหลัง ไม่รู้หรอว่าในห้องเค้าพูดถึงเรื่องของเราขนาดไหนกัน อย่าสร้างประเด็นให้มากกว่านี้

“แหนะ มีโมเมนท์อีกแล้ว” พี่ช้างแซว

ชะอุ้ย!! รีบยกมือกลับมาอย่างเร็วจนเห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้าที่กว้างขึ้นหลังมือผมเมื่อครู่ จะว่าไปวันนี้พี่มันก็หล่อมากเหมือนกันเนาะ คนห่าอะไรแต่งแปบเดียวเสือกดูดีกว่าผมที่แต่งตั้งสามชั่วโมง



ยิ่งยิ้มยิ่งหล่อ ยิ่งมองยิ่งใจบาง

เบ้าหน้าฟ้าประทานชัดๆ



“วันนี้หล่อมากเลยนะ เห็นแล้วไม่อยากพาไปออกงานเลย”

หืม! อะไรซิ

“อยากพากลับคอนโดมากกว่า”

ไอ้พี่ปราบ ไอ้หล่อหื่น โว้ยอยากตีแต่กลัวพี่มึงเสียภาพลักษณ์ต่อหน้าคนอื่น

หน้าแดงหมดแล้วมั้งกูเนี่ย!!!!





เรามาถึงงานประมาณสองทุ่มกว่าแขกในงานเริ่มมากันเยอะมากแล้ว ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงทั้งชาวไทยและต่างชาติ ผมจำได้หลายคนเพราะเคยเห็นในข่าวธุรกิจรวมถึงอินเทอร์เน็ตบ่อยๆ พี่ปราบเหมือนจะเป็นที่ต้องการของคนในงาน ตั้งแต่เดินเข้ามาด้านใน มีแต่คนทักทายพูดคุยหัวไม่ได้วางหางไม่ได้เว้นคนนั้นไปคนใหม่มาจนผมเหนื่อยแทน



นั่นคุณจารึกประธานโรงแรม AA

“สวัสดีครับคุณปราบ คุณพ่อกับคุณแม่สบายดีนะครับ”

“สบายดีครับ แล้วคุณจารึกเป็นยังไงบ้างครับสบายดีนะครับ”

“สบายดีครับ”



ส่วนนั่นคุณพรรณรายเจ้าของโรงแรมในเครือต่างประเทศ

“ไม่ได้เจอคุณพรรณรายตั้งนาน สวยขึ้นเยอะเลยนะครับ”

“แหม!! หล่อแล้วยังปากหวานอีก”

“ยังไงประมูลคราวหน้าอย่าลืม H นะครับ”

“ไม่ลืมแน่นอนค่ะ คนรุ่นใหม่ฝีมือดีใครๆ ก็อยากร่วมงานด้วย”



แล้วก็โน่นคุณสมชายเจ้าของสายการบินX

“ตั้งแต่กลับมาช่วยที่บ้านบริหารหุ้นของ H พุ่งขึ้นไม่หยุดเลยนะครับ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ แต่จะรุ่งกว่านี้ถ้าได้เป็นพาร์ทเนอร์กับ X คุณสมชายว่ามั้ยครับ”

“ไว้ต้องนัดกันตีกอล์ฟสักครั้งนะครับ”

“ยินดีเลยครับผม”



ผมได้แต่มองและอดชื่นชมคนโตกว่าไม่ได้พี่ปราบดูเป็นผู้ใหญ่มากเมื่อต้องอยู่ในฐานะรองประธานโรงแรม H ท่าทาง กิริยา การพูดคุยดูภูมิฐาน ฉลาดและสมาร์ตที่สุด



ยิ่งมองยิ่งหลง!! คนบ้าอะไรหล่อเหมือนมีแสงสปอตไลต์ส่วนตัวส่องมาขนาดนั้น

“พี่ปราบครับ ผมขอไปเข้าห้องน้ำนะ”

“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“ไม่เป็นไรครับพี่ปราบคุยงานเถอะ ผมไปคนเดียวได้”

“รีบไปรีบมานะ”

“ครับ”

ผมปลีกตัวเดินออกมาขณะมีผู้ใหญ่อีกท่านเดินเข้ามาหาพี่ปราบพอดี ผมไม่ค่อยชินกับงานที่มีแต่คนใหญ่คนโตแบบนี้ ประกอบกับไม่ชอบเข้าสังคมที่ต้องฝืนยิ้ม ฝืนหัวเราะ ฝืนคุยทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรแม้แต่น้อยไม่ได้เก่งเป็นมืออาชีพแบบพี่ปราบสักหน่อย ขอออกมาหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกสักแปบแล้วค่อยกลับเข้าไปใหม่





แกร๊ก !!!

เสียงล็อกประตูบานใหญ่ของห้องน้ำดังขึ้นจนผมตกใจหันขวับกลับไปมองขณะยืนล้างมืออยู่ตรงอ่าง คนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายปีและไม่เคยคิดจะอยากเจอนับตั้งแต่วันเลิกรากัน



บัดดี้เขากับยืนพิงอยู่ตรงประตูนั้น



“พี่ไตร”

“ครับ พี่เอง”

ผู้ชายผิวแทนร่างสูงใบหน้าคมเข้ม สายตาชวนฝันกับรอยยิ้มน่าหลงใหล ร่างสูงใหญ่ภูมิฐานในชุดสูทสีดำแบรนด์เนมราคาแพง คนที่ครั้งหนึ่งเคยมีความทรงจำที่ดีร่วมกันแม้จะมีความเจ็บปวดแทรกซ้อนอยู่ในนั้นบ้างก็ตามที



ใบหน้าที่ผมเคยสัมผัสทุกครั้งก่อนนอน ..

และเป็นใบหน้าเดียวที่ผมชกจนมุมปากแตกก่อนเลิกกัน



“ตกใจอะไรขนาดนั้นครับ ไม่ใช่ผีซะหน่อย”

“เปล่าครับ ไม่คิดว่าจะเจอ”

หน้าผมนิ่งใจเต้นตึกๆ ไม่ได้แสดงออกว่ายินดียินร้ายอะไรออกไปที่ได้เจอแฟนเก่ารักครั้งแรกของตัวเองและเป็นคนเดียวกันกับที่ทำให้ผมอกหักครั้งแรกเช่นกัน

“หล่อขึ้นนะรู้ตัวหรือเปล่า”

พี่ไตรเดินหน้าเข้ามาหาผม เขยิบถอยห่างออกไปตามจังหวะเท้าที่ก้าวเคลื่อนมาใกล้

“ฮ่าๆ กลัวพี่ขนาดนั้นเลยหรอ คนกันเองแท้ๆ”

พี่ไตรหัวเราะร่วนให้กับท่าทางของผม ไม่ได้กลัวแต่แค่ไม่ต้องการจะเฉียดใกล้แม้แต่ปลายนิ้วสัมผัส คนคนนี้ไม่ใช่คนที่ไว้ใจได้ ภาพลักษณ์ดูดีเพียงเปลือกนอกที่ฉาบเอาไว้ให้หลงใหล ทว่าภายในตรงข้ามเหลือประเมิน ยิ่งแสนดีมากเท่าไหร่ยิ่งน่ากลัวมากเท่านั้น

คือคำนิยามของคนที่ชื่อไตรวิช

“พี่ทักไลน์ไปไม่เห็นตอบ เฟสบุ๊คก็ไม่ขึ้น”

จะตอบได้ไงละก็ผมบล็อกทุกอย่างที่เป็นช่องทางติดต่อของพี่ไตรหมดเลย เลิกกันแล้วจะคุยจะรู้ข่าวสารของกันและกันอีกทำไม ถ้าจบสวยก็ว่าไปอย่างแต่นี่จบเหี้ยสัสๆ

“พี่คิดถึงมีนนะ”

“อย่าพูดถึงมันอีกเลยครับ เราต่างคนต่างมีชีวิตที่มีความสุขแล้ว”

“พี่รู้สึกผิดที่ทำไม่ดีไว้กับมีน ถ้ามีนพอจะให้โอกาสพี่บ้าง เรากลับมาคุยกันใหม่ได้มั้ยครับ”

พี่ไตรก้าวเท้าช้าๆ ตั้งท่าจะเดินเข้ามาหาผม ใบหน้าที่ทรงเสน่ห์ของคนตรงข้ามยังมีอิทธิพลกับคู่สนทนาได้อย่างง่ายดายราวกับมีมนต์สะกด ผมเคยเผลอหลงในสิ่งลวงนั้นกับคำพูดสวยหรูทว่าตอนนี้มันไม่ใช่อีกแล้ว

“พี่ไตรปล่อยมีน”

คว้าฉวยมือผมไปอย่างหน้าตาเฉยกระชากดึงให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมทว่าถูกดึงกลับไปใหม่และแน่นกว่าเดิม ผมเริ่มรู้สึกไม่ชอบใจกับการกระทำที่เอาแต่ใจแบบนี้ของพี่ไตรเลย



ควบคุมคนอื่นจนเคยตัว .. เห็นแก่ความสุขของตัวเองจนลืมคิดถึงคนอื่น



“คุยกันก่อน พี่คิดถึงมีนจริงๆ นะ กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ยครับ”

“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ”

“พี่ปรับปรุงตัวแล้วจริงๆ นะครับ พี่รู้ว่ามีนยังลืมพี่ไม่ได้หรอก พี่เป็นผู้ชายคนแรกของมีนนะ”

คนที่ทุกคนต้องทำตามคำสั่งราวกับตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งในโลกแบบที่ไตรไม่มีทางทำอย่างที่พูดแน่นอน การปรับปรุงตัวเป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิตกระมังที่เขาจะทำ

ตลกฉิบหาย!! นี่คงคิดว่าผมหลอกง่ายด้วยคำพูดหวานเลี่ยนชวนฝันแบบเดิมได้อยู่อีกหรอ

“หรือเรามารื้อฟื้นความหลังกันหน่อยมั้ย มีนจะได้ใจอ่อนให้พี่ เคยบอกว่าชอบเซ็กส์ของพี่มากไม่ใช่หรอ”

ใช่ผมเคยปลาบปลื้มหลงใหลความสุขบนเตียงที่พี่ไตรเคยปรนเปรอให้ ไม่ปฏิเสธว่าเขาเป็นผู้ชายที่ทรงอิทธิพลเหลือเกินเมื่อร่างกายเปลือยเปล่าของเราเบียดบดกัน



นั่นมันอดีตก่อนที่ผมจะรู้ว่า ผมไม่ใช่เพียงคนเดียวที่เขาเสพสุขด้วย



“ปล่อยผมไม่งั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน”

“นะขอพี่ชื่นใจหน่อย ถ้าไม่อยากกลับมาคบกัน แค่นอนด้วยกันก็ได้”

คนตรงหน้าเลวอย่างร้ายกาจ เขาไม่เปิดโอกาสให้ผมพูดหรือโต้ตอบใดๆ รู้ตัวอีกทีคนตัวใหญ่กว่ารวบรัดผมเข้าไปไว้ในอ้อมกอดแน่น ปากจู่โจมบดขยี้เบียดแทรกลิ้นสากเข้าไปในโพรงมือหนากายเกาะงัดแซะปลดกระดุมสูทพยายามกระชากกระดุมเสื้อเช็ตข้าในห้องหลุดออก แรงพี่ไตรเยอะกว่าผมอยู่มากแต่ผมก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดที่ว่าจะปล่อยให้เขาล่วงเกินผมได้อย่างสมใจ พี่ไตรจูบหอมไปทั่วใบหน้าลามเลียจนถึงซอกคอ ผมอาศัยจังหวะเผลอกัดหูพี่มันจนจมเขี้ยว

“โอ๊ย มีนมึงเล่นแรงไปแล้วนะ”

“มึงทำกูก่อน”

“เห้ย มันจะมากแล้วนะเว้ย”

พี่ไตรตั้งท่าจะเข้ามาหาเรื่องตาคมกริบเต็มไปด้วยความโกรธที่พุ่งทะยาน ผมยกเท้าถีบยอดอกในทันทีที่พี่มันเตรียมเดินเข้าหา ซัดหมัดหนักใส่มุมปากเต็มแรงไปหนึ่งทีจนพี่ไตรเซห่างออกจากตัว ไม่รอช้าวิ่งไปที่ประตูปลดล็อกลูกบิดแล้วออกจากห้องน้ำอย่างเร็ว



ปึก !!!



ผมวิ่งชนพี่ปราบที่กำลังเดินตรงมาทางนี้ ผมรีบโผกอดพี่มันเอาไว้แน่นตัวสั่นเทาด้วยความตกใจ พี่ปราบรีบกอดตอบพลางลูบหัวเบาๆ อย่างปลอบประโลม

“มีนเป็นอะไร ทำไมเสื้อผ้าถึงหลุดลุ่ยแบบนี้”

“พี่ปราบช่วยมีนด้วยครับ”

ผมตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก ไม่เคยกลัวแบบนี้มาก่อนทั้งที่ความจริงนิสัยเป็นคนกล้ามาก ทว่าพอเจอเหตุการณ์แบบนี้ผมกลับใจสั่นตัวสั่นไปหมด นึกขยะแขยงการกระทำที่รุนแรงลวนลามยัดเยียดนั้นของพี่ไตรมันจุกมันโกรธที่ผมต้องมาโดนอะไรแบบนี้

“ชู่ว์ไม่ต้องกลัวพี่อยู่ตรงนี้”

“อย่าหนีนะโว้ย”

ปัง!! เสียงประตูห้องน้ำปิดดังลั่นตามมาด้วยเสียงเท้าของพี่ไตรที่วิ่งตามหลังผมมา ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนความเร็วลงและหยุดยืนอยู่ไม่ไกลจากผมกับพี่ปราบ

“อ้าวคุณไตร วิ่งหนีอะไรมาครับ”

เสียงเอ่ยทักที่ไม่ได้ต้องการคำตอบด้วยดูจากสภาพของเพื่อนสายธุรกิจเดียวกันก็เดาได้ไม่ยาก พี่ปราบไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่ทันโลก สายตาคมกริบของคนตัวสูงข้างผมมองไล่ทั่วร่างตรงหน้า มุมปากเปื้อนเลือดเป็นทางยาวเสื้อผ้าหลุดดลุ่ยตรงอกมีรอยเท้าชัดเด่นตระหง่าน พี่ไตรรีบเปลี่ยนสีหน้าให้นิ่งราวกับไม่มีความผิดปกติใดเกิดขึ้น

ทว่าสายตาเกลียดโกรธยังเพ่งตรงหาผมไม่หยุด

“หวังว่าคงไม่ได้วิ่งตามแฟนผมมานะครับ”

“แฟน” พี่ไตรเอ่ยออกมา

ผมก็ประหลาดใจไม่แพ้กันกับสิ่งที่ได้ยินพี่มันเอ่ยออกมา มือแกร่งกระชัดตวัดร่างผมให้แนบชิดรับอุ่นกาย ผมนิ่งเงียบปล่อยให้พี่ปราบแก้เกมส์ไปก่อนด้วยเชื่อใจว่าพี่มันคงจัดการกับคนตรงหน้าได้ดีกว่า

“ผมมองหาคุณไตรอยู่นานว่าจะไปคุยเรื่องรีสอร์ตที่ค้างไว้ แล้วก็จะพาแฟนไปแนะนำให้รู้จักครับเพราะสิ้นเดือนนี้มีนจะไปดูงานกับผมด้วย”

พี่ปราบหันมามองหน้าผมยิ้มละมุนส่งมาแล้วหันกลับไปหาพี่ไตรอีกครั้ง

“นี่มีนครับแฟนผม”

“ส่วนมีน นี่คุณไตรวิชเจ้าของรีสอร์ต XX ที่เรากำลังจะทำธุรกิจด้วย”

“สวัสดีครับคุณไตรวิช”

ผมฝืนยกมือขึ้นไหว้ทำเป็นไม่รู้จักเขามาก่อน ทั้งที่ในใจแทบอยากจะเข้าไปชกให้หน้าคว่ำหน้างาย

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ที่จริงไม่ต้องแนะนำก็ได้นะคุณปราบ ผมกับมีนเรารู้จักกันดี”

“อ้าวหรอครับ ไม่เห็นรู้เลยว่ามีนรู้จักคุณไตรวิช พอดีน้องไม่เคยเล่านะครับ สงสัยไม่ค่อยสนิทกันใช่มั้ยครับ”

พี่ปราบหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลกแถมเน้นคำว่าไม่ค่อยสนิทชัดเจนเล่นเอาคนตรงข้ามหุบยิ้มแทบไม่ทัน

“เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมขอพาน้องไปจัดการตัวเองก่อนนะครับ เสื้อผ้าหลุดลุ่ยหมดเลยไม่รู้ไปโดนหมาที่ไหนไล่ฟัดมา”

หนึ่งดอกจากพี่ปราบ!! แมร่งโคตรสะใจ หน้าไอ้พี่ไตรไม่พอใจสุดๆ

“ครับ”

พี่ปราบประคองผมเดินผ่านพี่ไตรไป สายตาของทั้งคู่ปะทะกันนิ่งคมกริบเชือดเฉือนจากภายในโดยไร้ซึ่งคำพูดใดคล้ายกับปล่อยแสงใส่กันไปมาต่างคนต่างไม่ยอมกัน

“อ้อผมลืมบอกคุณไตรอย่างหนึ่งครับ”

“อะไร”

“ชีวิตจริงไม่ได้เหมือนกับธุรกิจนะครับที่ล้มละลายแล้วจะฟื้นฟูให้กลับมาได้ แล้วยิ่งสิ่งนั้นตกไปอยู่ในมือคนที่รู้คุณค่าและมีความสามารถจะสร้างขึ้นมาใหม่ให้ดีกว่าเดิมด้วยแล้ว”

.



“เขาคงไม่ปล่อยให้มันกลับไปอยู่ในมือของคนที่เคยทำพังอีกหรอกครับ”

.

.

“อย่าเสียเวลาเปล่าเลย”






เปิดตัวละครตัวสุดท้ายแล้วนะ ... มาลุ้นกันว่าจะดีหรือร้าย 


 :o12: :sad4: :o12:


หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//15-ทฤษฎีล้มละลาย (25/06/21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-06-2021 21:13:00
 :katai3:

10 10 10

ไม่หักเลย
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//15-ทฤษฎีล้มละลาย (25/06/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 25-06-2021 21:27:00
 :o12: :z3:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//15-ทฤษฎีล้มละลาย (25/06/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 26-06-2021 13:10:08
ต้องระวังตัวมากๆ นะ มีน
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//16-ห้องผมมี (27/06/21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 27-06-2021 13:38:30
Chapter 16 --- ❝ ห้องผมมี❞
------------

ผมนั่งอยู่ตรงโซฟาหลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้วพี่ปราบมาส่งตอนเกือบห้าทุ่ม พี่ปราบพยายามจะพาผมกลับบ้านทันทีทว่าผมห้ามเอาไว้ไม่อยากทำให้เรื่องเล็กน้อยของตัวเองที่เกิดขึ้นไปเป็นอุปสรรคในการทำงานของพี่มัน ผมไม่เป็นอะไรเลยจริงๆ แค่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าใครจะคาดคิดว่าโรงแรมที่มีคนพลุกพล่านพี่ไตรจะลงมือฉวยโอกาสกับผมได้อย่างหน้าตาเฉยแบบนั้น



ยังโชคดีที่วิ่งออกมาแล้วเจอพี่ปราบ ผมยังนึกไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าถ้าพี่มันไม่ออกมาเจอพี่ไตรจะทำอะไรที่รุนแรงไปมากกว่านี้หรือเปล่า ถามว่าเคยมั้ยที่อดีตแฟนเก่าทำร้ายร่างกายผมก็มีบ้างเวลาที่เราทะเลาะกันด้วยเรื่องหึงหวง โดนลาก โดนกระชาก มากสุดก็โดนตบ ทุกครั้งมันก็จะจบลงด้วยคำว่าขอโทษกับของขวัญพิเศษราคาแพงหนึ่งชิ้นและคำสัญญาว่าจะไม่มีครั้งถัดไปอีก



แต่พอผ่านไปได้สองหรือสามเดือนเรื่องทุกอย่างก็จะวนกลับมาเป็นกงล้อ โคตรเดจาวูสัส นึกแล้วก็อดชื่นชมในความโง่ของตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงได้อดทนมากมายกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นตั้งเป็นปี



พี่ไตรเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก แรกพบเขาเสมือนดั่งคนในฝันทุกอย่าง หล่อ รวย นิสัยดี เป็นที่หมายปองของใครต่อใครที่พบเห็น อารมณ์แบบได้คบกับตัวท็อปของมหาวิทยาลัย ความภูมิใจที่ได้รักมันจึงบังตาให้มืดบอดจากทุกการกระทำที่ตรงข้ามความสวยงามนั้นสิ้นดี



ทั้งที่เพื่อนคอยเตือนว่าเขาไม่ใช่คนดีแบบที่คิดผมก็ยังไม่เชื่อและไม่ฟัง อดทนแบกรับความเจ็บปวดทุกอย่างเอาไว้หวังว่าสักวันความดีจะชนะคนที่ไม่เคยเห็นค่า ทว่าสุดท้ายความอดทนของผมก็สิ้นสุดลง



อาจเป็นเพราะนั่นคือความรักครั้งแรกในชีวิตเป็นเหมือนบททดสอบก่อนเรียนที่เรายังไม่รู้ว่าคำตอบที่ถูกต้องจะเป็นยังไงต้องลองเรียนไปจนถึงเนื้อหานั้นๆ ก่อนถึงจะพบว่าคำตอบที่เฉลยถูกต้องเป็นอย่างไร



ระหว่างทางพี่ปราบถามได้แต่ถามวนเป็นประโยคซ้ำๆ เกือบสิบรอบด้วยสามประโยคยอดฮิตติดปาก



มีนเป็นอะไรมั้ย

มีนเจ็บตรงไหนหรือเปล่า

มันทำอะไรมีนบ้าง



และทุกรอบผมก็มีเพียงคำตอบเดียวที่ส่งกลับไปว่าผม ‘โอเค’

ไม่ได้รำคาญกับคำถามเดิมๆ นั้น แต่มันอบอุ่นหัวใจมากกว่า ที่พี่มันแสดงความเป็นห่วงผมชัดเจนในคำพูดและผ่านแววตาออกมามากมายขนาดนั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้คนโตกว่าจะถึงบ้านแล้วหรือยัง



(Rrrr-rrrrr)

VDO CALL

Kao : มีความสุขมั้ยเพี่ยน ไปออกงานกับผัวมา

Meen Tara : มึงดูหน้ากูด้วยไอ้เวร หน้ากูดูเหมือนคนกำลังจอยมั้ย

Park : มีนเป็นไรหรอ

Meen Tara : วันนี้กูไปเจอพี่ไตรที่งานมา แมร่งเกิดเรื่องจนได้ ไอ้เหี้ยไตรล็อคประตูห้องน้ำแล้วพยายามจะปล้ำกู

Kao : เหี้ย!! ละครไทยสัสๆ แล้วมึงเป็นไรบ้างปะเนี่ย เสียตัวให้ผัวเก่ามั้ย

Meen Tara : ไม่อะ กูต่อยแมร่งแล้วหนีออกมาได้

Park : แล้วนี่พี่ปราบรู้เรื่องป่าวมีน

Meen Tara : : พี่ปราบมาเจอตอนที่กูวิ่งหนีไอ้เหี้ยไตรพอดี

Park : แล้วพี่ปราบว่าไงบ้าง

Meen Tara : ก็ไม่ว่าไง

Kao : จริงหรอวะ ผัวใหม่ปะทะผัวเก่าขนาดนั้น กูไม่เชื่อหรอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างน้อยพี่ปราบไอดอลกูก็ต้องมีสายตาพิฆาตหรือคำพูดร้ายๆ ใส่ไอ้เวรพี่ไตรบ้างแหละ

Meen Tara : รับบทนางรู้ดี นางเดา นางอยู่ในเหตุการณ์

Kao : หรือไม่จริง

Meen Tara : เออ!! แค่นี้นะกูจะลงไปหาอะไรแดก กูหิว



กดวางสายจากไอ้เวรเก้าเทพหยั่งรู้กับไอ้ปาร์คเทพเออออเรียบร้อยแล้ว เที่ยงคืนกว่าแต่ท้องผมก็เสือกร้องขึ้นมาโอ๊กอ๊าก วุ่นวายจนลืมไปว่าผมตั้งใจจะชวนพี่ปราบหาอะไรกินหลังงานเลี้ยงเสร็จเพราะอาหารในงานเป็นอาหารคำเล็กๆ กับเครื่องดื่มไม่อยู่ท้องสักอย่าง

หยิบกระเป๋าตังค์ โทรศัพท์มือถือและถุงผ้าที่วางบนโต๊ะแล้วมุ่งตรงยังร้านสะดวกซื้อยี่สิบสี่ชั่วโมงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ในใจก็นึกเป็นห่วงพี่มันเหมือนกันปกติถึงบ้านจะต้องส่งสติ๊กเกอร์หรือข้อความมาทิ้งไว้แล้ว แต่วันนี้เงียบกริบไม่มีแม้แต่วี่แวว



บ้า!! ไม่ได้รอข้อความเถอะ ก็แค่ถามถึงเฉยๆ



เดินเกือบถึงประตูทางออก แต่หางตาเหมือนเห็นอะไรแวบๆ คุ้นตาตอนเดินผ่าน ไสเท้าก้าวไปข้างหลังจนหยุดตรงโซฟาแล้วหันกลับไปมอง



เห้ย !!

ทำไมพี่ปราบถึงมานอนตรงนี้ได้



เดินเข้าไปใกล้คนตัวโตกว่าที่นอนหลับอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาแม้กระทั่งยามหลับ กระดุมเม็ดบนเสื้อเชิ๊ดถูกปลดออกสองเม็ด แขนเสื้อพับแบบลวกๆ พอให้สบายตัว เดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ คนที่เหยียดยาวบนโซฟาเต็มความสูงเผลอเอื้อมมือไปจับสันกรามชัดนั้นราวกับถูกมนต์สะกดที่ได้มอง



เปลือกตานั้นขยับ...ขณะมือผมยังคงป้วนเปี้ยนตรงหน้าพี่มัน



หมับ…





พี่ปราบคว้าจับมือผมเอาไว้แน่น เปลือกตาค่อยๆ เปิดขึ้นนัยน์ตาสีดำคู่เดิมทำใจผมเต้นเมื่อมองมา

“แอบแต๊ะอั๋งพี่มานานแค่ไหนแล้ว”

ยกยิ้มมุมปากกวนประสาทให้ผมอีก...ผมรีบดึงมือตัวเองที่ถูกรวบไว้ออกมาแต่ก็ไม่หลุด

“พี่แมร่งหลงตัวเอง ผมไม่ได้ทำอะไรพี่สักหน่อย”

“จับหน้าพี่ตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ” อ้าวพี่มึงหลับแล้วรู้ได้ไง อย่าบอกนะว่าแกล้ง

“เอิ่ม .. เอ่อ ..” เอาไงดีวะกู โดนจับได้แล้วมึง

“ว่าไงจับหน้าพี่ทำไม จะจูบพี่หรอ”

“ที่นี่ยุงเยอะพอดีว่ายุงมันมาเกาะหน้าพี่ไง ผมเลยมาปัดออกให้”

“ปัดหรือลูบเอาดีดี”

“โว๊ะ ไอ้พี่ปราบ ถามมากจริง”

เป็นการแถที่โคตรจะโป๊ะชิบหายจนพี่ปราบถึงกับพูดไม่ออกได้แต่สายหัว...

“อ้าว..มียุงมากัดแก้มมีนพอดีเลย” นั่นไง...พี่มันต้องเอาคืนผมแน่ๆ

“อย่าดิ้นนะ” พี่ปราบขยับตัวนั่งบนโซฟาและใช้ขาทั้งสองข้างล็อกเอวผมเอาไว้รู้ทันว่ากำลังจะถอย

“ไม่ต้อง” ผมดินร่วนเบือนหน้าหนีจากการเคลื่อนไหวของคนข้างหน้า มือขวาแกร่งประคองไว้ตรงท้ายทอยแล้วดันเข้าหาตัวจนจมูกเกือบชนกัน

“ไอ้พี่ปราบ”

สายตาคู่นั้นแมร่งมีเสน่ห์ฉิบหายยิ่งใกล้ใจผมยิ่งเต้นไม่ถูกจังหวะ กลิ่นน้ำหอมอ่อนยังคงเจือจางออกมาจากคนที่อยู่ตรงหน้าไม่รู้พี่มันใช้ยี่ห้ออะไรผ่านมาทั้งวันกลิ่นยังติดอยู่เลย พี่ปราบปล่อยมือตรงท้ายทอยออกเปลี่ยนเป็นยกมืออีกข้างขึ้นลูบไล้ไปตรงคิ้วนวดครึงตรงหว่างคิ้วจนผมเคลิ้ม สัมผัสดั่งฝันเรื่อยไล่ตามสันจมูกคมเลื่อนผ่านริมฝีปากก่อนจะหยุด

ผมลืมตาขึ้นมา...เป็นจังหวะเดียวกันกับใบหน้าฟ้าประทานของพี่ปราบอยู่ใกล้จนจะสิง

ผมจ้องหน้าพี่ปราบอยู่อย่างนั้น กลับตัวก็ไม่ได้ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง แมร่งเอ๊ย!!

“แปบนะยุงยังไม่ไป” พี่มันพูดเสียงเบา...ทว่าชัดเจนไปทั่วโสตประสาท

พี่ปราบเอี้ยวไปหน้าที่แนบชิดไปทางขวาของผม แนบสัมผัสร้อนจากริมฝีปากลงบนแก้มนุ่มอย่างอ้อยอิ่งไม่ได้ล่วงเกินมากมายแต่กลับทำใจเต้นตึกๆ ...

“ยุงไปแล้ว” พี่มันเลื่อนใบหน้าออกไปห่าง

“อือ งั้นพี่ก็กลับไปได้แล้ว”

“แต่พี่ยังไม่อยากกลับ ขอค้างที่นี่ได้มั้ย”

“หืม”

“ตรงโซฟาที่เดิมก็ได้ นะมีน”

“แต่ว่า”

“พี่เป็นห่วง”

ยิ้มทำห่าไรไอ้พี่ปราบ โคตรเขินเลยไอ้เชี่ยเอ๊ย....





ผมเดินวนอยู่ที่ร้านสะดวกซื้อตรงข้ามคอนโดเลือกหาขนมขบเคี้ยวที่อยากกินกับน้ำผลไม้อีกสักอย่างสามอย่าง ส่วนพี่ปราบ อ้าว .. เมื่อกี้ยังยืนถือตะกร้าสีส้มอยู่แถวๆ นี้นี่หนา ผมหยิบมันฝรั่งทอดกับจอลลี่แบร์ห่อสิบบาทอีกสองถุงแล้วเดินวนหาพี่ปราบพบว่าพี่มันยืนหยิบของใส่กระตร้าจนเกือบเต็ม



ฉิบหาย!! มีแต่ของใช้ส่วนตัวทั้งนั้นเลย



“นี่พี่จะซื้อของไปออกค่ายที่ไหนเนี่ย”

“เปล่า ของใช้พี่ไง”

มองไปในตะกร้า เอิ่ม..มีดโกนหนวด แปรงสีฟัน สบู่ แชมพู และอื่นๆ อีกมากมาย แล้วนั่นกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ หน้ากล่องเขียน 0.01



เหี้ย!! ไอ้พี่ปราบซื้อถุงยางทำด๋อยอะไร



“พี่จะย้ายมาอยู่ผมหรือไง ซื้อทำไมเยอะแยะ”

“ย้ายมาได้หรอ พรุ่งนี้จะไปเก็บของ”

กูประชดมั้ยเถอะ

“แล้วพี่ซื้อถุงยางทำไม”

ผมพูดโคตรเบาเพราะพี่พนักงานที่จัดของอยู่ใกล้ๆ หันมามองพลางส่งยิ้มเขินๆ มาให้ ส่วนไอ้ตัวต้นเรื่องทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“เผื่อคืนนี้ได้ใช้” ตอบได้หน้าตาเฉยมาก

“เก็บเดี๋ยวนี้”

ยัง ยังไม่เก็บ

“พี่ปราบ” ผมง้างมือเตรียมจะฟาด

“คร้าบ เก็บแล้วคร้าบ” เดินหน้าบึ้งตรงไปหน้าเคาน์เตอร์วางกล่องคืนที่เดิม พูดอะไรงุกงิกกับพี่แคชเชียร์แล้วพากันหันมามองผมแล้วหัวเราะ

“พี่ปราบบ เมื่อกี้คุยอะไรตรงแคชเชียร์”

“อ๋อ..พี่บอกว่าเอามาคืนก่อนนะครับ แบบนี้มันเรียบไปแฟนผมชอบขลุขละ”

เอียงคอกวนตีนแล้วเดินจากไปตรงมุมเครื่องใช้ส่วนตัวต่อ ปล่อยให้ผมหน้าแดงเพราะความโกรธและความอายจากสายตาพี่พนักงานในร้านที่ส่งยิ้มเขินๆ มาให้

ไอ้พี่ปราบ โอ๊ยกูจะสรรหาคำไหนมาด่ามึงดีเนี่ย





ผมกับพี่ปราบนั่งกินบะหมี่สำเร็จรูปที่ผมทำง่ายๆ อยู่ตรงระเบียง หลังจากเราร้านสะดวกซื้อแล้วไม่มีอะไรที่โดนใจเท่าไหร่จึงจบที่ซื้อบะหมี่บิ๊กแพ็คมาคนละห่อกับชีสไบรท์แล้วก็ไข่ขึ้นมาต้มแทน ตีหนึ่งกว่าแบบนี้ไม่มีอะไรจะฟินไปเท่าการซดน้ำซุปต้มยำกุ้งร้อนๆ ในถ้วยนี่หรอก



“แล้วพี่ปราบไปนอนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ก็ตั้งแต่ส่งมีนเสร็จนั่นแหละ”

“หืม แล้วทำไมไม่กลับบ้าน”

“ก็บอกแล้วไงว่าพี่เป็นห่วง”

ส่ายหน้าให้กับความไอ้พี่ปราบ ย้ำเป็นรอบที่สามร้อยห้าสิบล้านครั้งแล้วมั้งว่าผมโอเค ไม่ได้มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดที่ว่าโดนแฟนเก่ารังแกมาแล้วจะร้องไห้ ซึมเศร้า ฟูมฟายจะเป็นจะตาย ผมผู้ชายนะครับเผื่อพี่มึงจะลืม

“พี่แมร่งโคตรป่วน ก็บอกแล้วไงว่าผมโอเค”

“มีนโอเค แต่พี่ไม่โอเค”

หืม!! อะไรซิ

“ทำไมอะ ผมไม่เข้าใจ”

เดี๋ยวนะคนที่โดนกระทำมาคือผมไม่ใช่หรอหรือนี่กูกำลังสับสนอะไรอยู่ปะวะ แต่ทำไมคนที่เศร้าซึมเป็นเซรั่มเนื้อดีถึงได้กลายเป็นไอ้พี่ปราบไปได้

“ก็พี่เป็นต้นเหตุที่ทำให้มีนโดนไอ้เหี้ยนั่นรังแกไง”

“ยังไง ไหนเล่า”

“พี่ตั้งใจจะพามีนไปเจอแฟนเก่า มันจะได้รู้ว่ามีนมีคนดูแลแล้วแต่ไม่คิดว่าไอ้เหี้ยนั่นจะบุกไปทำระยำแบบนั้นกับมีนในห้องน้ำ” สีหน้าพี่ปราบดูแย่เมื่อต้องย้อนกลับไปพูดถึงเรื่องนั้น

“แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่าพี่ไตรเป็นแฟนเก่ามีน”

“ไอ้เก้าบอก”

สาระแนจริงๆ ไอ้เวรนี่... สรุปเพื่อนกูหรือเพื่อนพี่ปราบ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะโทรด่า นี่เห็นว่าดึกนะมึงปล่อยไปก่อน



พี่ปราบเล่าว่าพอรู้ว่าพี่ไตรแฟนเก่าผมกับคนที่ชื่อไตรวิชที่กำลังจะร่วมธุรกิจด้วยเป็นคนเดียวกัน พี่มันก็ให้คุณชบาหาข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับพี่ไตร แถมยังตั้งใจจะพาผมไปงานเลี้ยงและไปดูรีสอร์ตสิ้นเดือนนี้ด้วย



ส่วนเรื่องที่พี่ปราบประกาศต่อหน้าพี่ไตรว่าผมเป็นแฟนไม่ได้เก็บเอามาคิดมากอะไร ..พี่มันคงแค่ต้องการปกป้องผมในสถานการณ์ตรงหน้าไอ้พี่ไตรจะได้เลิกยุ่งกับผม ผมไม่อยากจะคาดหวังอะไรที่มันเกินไป เพราะเมื่อเราลงทุนเรื่องความรักด้วยความคาดหวังก็เหมือนเราได้จ่ายมัดจำด้วยความเจ็บปวดไปแล้วครึ่งหนึ่ง



อดีตที่ผ่านมามันทำให้ผมต้องคิดหนัก.. ถ้าจะรักใครสักคนอีกครั้ง



“ช่างเถอะ ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่หรอก คนมันจะเหี้ยมันเหี้ยโดยสันดานพี่ไม่ใช่คนอื่น”

“มีนโอเคใช่มั้ย”

เอาอีกละ!! คำถามเดิม สีหน้าเดิม เพิ่มเติมคือมือที่ยื่นมากุมเอาไว้

“ผมโอเคจริงๆ แค่ตอนนั้นตกใจ แต่ตอนนี้ผมไม่อะไรเลย ผมไม่ให้ค่ากับคนคนนี้มานานมากแล้วครับ”

ย้ำสำทับอีกครั้งว่าผมไม่ได้มีอะไรจริงๆ ยิ้มส่งไปให้คนที่หน้าเศร้าให้พอได้ยิ้มออก จากที่คิดว่าตัวเองจะถูกปลอบกลับเป็นคนปลอบแทน ไอ้ห่าพี่ปราบความมุทะลุเสี่ยงตีนของมึงสมัยมอปลายหายไปตั้งแต่ตอนไหนวะ

“มันจูบมีนด้วยใช่มั้ย”

“อืม” ก็อย่างที่เล่าให้ฟังนั่นแหละ

“พี่หวง”

หืม!! อะไรซิ

ถึงแม้พักหลังๆ จะหยอดเก่งหรือแสดงออกชัดเจนกว่าเดิมมากแค่ไหนก็ตาม แต่ผมยังไม่วางใจไอ้พี่ชายข้างบ้านที่ชอบแกล้งผมประจำแบบนี้หรอก แม้บางคราวจะหวั่นไหวกับคำพูดและการกระทำไปบ้างก็ตามที

“พี่ขอจูบล้างรอยมันหน่อยได้มั้ย”

“หา ..”

“อะไรหาย”

ใจกูเนี่ยแหละที่หาย!! เหตุผลในการขอจูบของพี่มึงฟังแล้วไม่ได้เลยจริงๆ

“นะมีน พี่จะได้หายนอยด์”

ผมนิ่งคิดอยู่นานก่อนจะพยักหน้าตอบตกลงไปอย่างง่ายดาย

ถ้าได้เก้ารู้มันต้องบอกว่า มึงมันใจง่าย มึงมันอิใจเริง มึงอ่อยพี่เค้า .. ชัวร์!!

บ้า!! แค่อยากทำให้พี่มันหายนอยด์เฉยๆ พี่เค้าอุตส่าห์เป็นห่วงกูเลยนะเฟ้ย



ฝ่ามือของคนตัวโตกว่าเอื้อมมาแตะตรงกรอบหน้าผม พลางวงหน้าหล่อนั้นค่อยเคลื่อนเข้ามาใกล้เผลอปิดเปลือกตาตามสัญชาตญาณ เผยอปากอย่างรู้งานรับริมฝีปากของอีกฝ่ายที่ทาบทับลงมา มือสองข้างของตัวเองเลื่อนไปยังท้ายทอยของพี่มัน ค่อยๆ ขยับสูงขึ้นทีละนิดแทรกนิ้วเรียวเข้าไปในกลุ่มผมและศรีษะเพื่อปรับองศาในการสัมผัสกันและกันให้แนบแน่นมากกว่าเดิม ริมฝีปากล่างรู้สึกได้ถึงแรงเม้มกัดจนขนลุกเสียววูบวาบดังเช่นทุกครั้ง มือแกร่งของพี่มันเลื่อนไล้ลงมาทั่วผ่านลำตัวเลี้ยวอ้อมวาดแขนแกร่งรัดรอบเอวเอาไว้ตวัดดึงให้ร่างผมแนบเบียดชิดจนสัมผัสได้ถึงอกหนาของอีกฝ่าย



“อือ”



เสียงครางดังผะแผ่วออกมาจากลำคอเชื้อชวนให้คนที่กำลังคุมเกมส์ได้ใจเกี่ยวตะหวัดลิ้นไล่ไปตามไรฟันหนักเข้าไปใหญ่ พี่ปราบเคลื่อนริมฝีปากบดเบียดดูดดึงและเม้มขบเบาๆ ก่อนลิ้นร้อนจะฉกมากระหวัดลิ้นผมที่ส่งไปรอเอาไว้พันเคล้าคลึงไปมา สัมผัสอ้อยอิ่งเชื่องช้าซาบซ่านตราตึงไปทั่วทุกห้วงอารมณ์ในแก่นกาย น้ำหวานจากปากไหลย้อยลงมาตามมุมปากข้างหนึ่งของผม ทว่าถูกพี่มันใช้ลิ้นตวัดเลียดูดกลืนเข้าไป



นานหลายนาทีจนหนำใจ ปากอุ่นร้อนนั้นก็ผละห่าง มือแกร่งคลายออกจากเอวยกขึ้นมาเกลี่ยเช็ดน้ำใสที่เปรอะเปื้อนมุมปาก ผมเองก็คลายมือออกจากกลุ่มผมสีเข้มของพี่มันเช่นกัน



“หายนอยด์แล้วใช่มั้ย”

“หายแล้ว แต่...”

“หืม อะไรอีก”

“คืนนี้พี่ขอนอนในห้องด้วยคนได้เปล่า โซฟามันแข็ง”



เดี๋ยวนะไอ้พี่ปราบ..วันนั้นยังบอกโซฟาห้องผมนุ่มหลับสบายอยู่เลย

อย่ามาแผนสูง ..... ไม่ได้โง่นะเว้ย



“ได้”

“งั้นเดี๋ยวพี่มานะ ไปเซเว่นก่อน”

“ไปทำไมพี่ปราบ”

“ไปซื้อถุงยาง”

.

“ไม่ต้อง”

“อ้าว”

.

“ห้องผมมี”







เธอมันร้าย อินังใจมีน

 :hao6: o13 o13
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//16-ห้องผมมี (27/06/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 27-06-2021 14:33:02
 :oo1: :o12:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//16-ห้องผมมี (27/06/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 27-06-2021 17:40:01
เอาน่า จะได้หายนอยด์
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//16-ห้องผมมี (27/06/21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-06-2021 23:09:25
 :hao6:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//16-ห้องผมมี (27/06/21)
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 28-06-2021 20:53:21
ตามอ่านทันแล้ว
โถววววววว
หนูมีนก็ใช่ย่อย
จะยอมพี่ปราบจริงเหรอ
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//17-ห้นึ่งเปอร์เซ็นต์(29/06/21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 29-06-2021 20:18:28
Chapter 17 --- ❝ หนึ่งเปอร์เซ็นต์❞

------------

ผมฝึกงานที่โรงแรม H มาได้เกือบสองสัปดาห์แล้ว ชีวิตการเรียนรู้ผ่านไปทีละบทจากการลงมือปฏิบัติ เริ่มปรับตัวได้มากขึ้นและช่วยงานพี่ปราบได้เยอะขึ้นตามความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอด หลังๆ ผมจะได้มีโอกาสติดตามพี่ปราบและพี่ชบาเข้าประชุมในโปรเจคส์สำคัญตลอดจนออกไปคุยงานนอกสถานที่ด้วย



ส่วนพี่ปราบก็ยังคงเป็นพี่ปราบคนเดิม ในออฟฟิศต่อหน้าพนักงานจะดูนิ่งๆ เย็นยะเยือกทว่าพอประตูห้องทำงานส่วนตัวปิดลงความทะเล้น กวนตีนจะกลับมาแทนที่ในทันที พักหลังเราอยู่ด้วยกันมากขึ้นพี่ปราบอาสาแวะไปรับส่งผมทุกวัน พี่มันให้เหตุผลว่าจะได้คุยงานกันไปบนรถซึ่งทุกวันที่ แต่ผ่านมาไม่มีวันไหนที่พี่มันคุยเรื่องงานเลยเอาแต่คุยเรื่องชวนผมไปเที่ยว



“ทำไมวันนี้มึงซื้อแค่ชาเขียววะ”

ผมเดินออกมาจากร้านกาแฟเจ้าประจำข้างออฟฟิศกับไอ้เก้าหลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ มันคงสงสัยบวกอยากเสือกว่าทุกวันผมจะถือชาเขียวของตัวเองกับกาแฟของพี่ปราบแต่วันนี้มีแค่ของผมแก้วเดียว

“พี่ปราบไม่อยู่ ออกไปพบลูกค้า”

คนที่พูดถึงบอกแค่ว่าไปคุยโปรเจคส์กับลูกค้าเสร็จแล้วตอนเย็นจะกลับมารับ

“ปกติเห็นหนีบมึงไปด้วยตลอดนี่หว่า ทำไมคราวนี้ไม่พาไปวะ”

“กูไม่จำเป็นต้องไปทุกงานมั้ยมึง กูเป็นเด็กฝึกงานมั้ย เผื่อมึงลืม”

“ใช่ที่ไหนละ มึงเป็นเมียเจ้าของบริษัทนะ .. เผื่อมึงลืม”

ไอ้ห่าเก้าลอยหน้าลอยตาน่าถีบฉิบหาย ก่อนจะแยกกันเมื่อลิฟต์จอดชั้นของแต่ละฝ่าย บ่ายนี้ผมมีเอกสารวาระการประชุมของเมื่อวานที่ยังต้องสรุปให้เสร็จอีก เข้าประจำที่โต๊ะทำงานของตัวเองเปิดคอมแล้วเริ่มลงมือสะสางงานที่กองอยู่ นานเกือบสองชั่วโมงที่ผมจดจ่ออยู่กับแป้นพิมพ์และหน้าจอจึงพักบิดขี้เกียจให้หายล้าสักหน่อย



ติ๊ง !!!

Prabpram : ง่วงจังเลยอยากกินกาแฟ

Meen Tara : ให้พี่ชบาไปซื้อให้ดิ

Prabpram : ใครซื้อให้ก็ไม่อร่อยเท่ามีนซื้อ :)

Meen Tara : ทำตัวเวอร์ตลอด แล้วนี่ไม่คุยงานหรอครับ

Prabpram : คุยอยู่อีกแปบหนึ่งก็เสร็จแล้ว

Meen Tara : เสร็จเร็วจัง นึกว่าจะนานกว่านี้

Prabpram : ปกติพี่เสร็จช้าหรอ 55555

Meen Tara : ไอ้พี่ปราบ + (อิโมจิรูปชูนิ้วกลาง)

Prabpram : งับบบบบบบบบบบบบ



ความไอ้พี่ปราบกวนประสาทถึงจะไม่ได้อยู่ใกล้แต่อย่าหวังว่าชีวิตผมจะเหงา ไม่ไลน์ก็โทรสลับกันวุ่นวายไปหมด ชวนคุยโน่นนี่นั่นจบสุดท้ายก็วกเข้าเรื่องอย่างว่าตลอดหมกมุ่นฉิบหาย นั่งเคลียร์งานต่อไปอีกสักพักจนเสร็จเรียบร้อยจึงเดินออกมายังห้องแคนทีนเพื่อกดน้ำดื่มพลางพักสายตาไปด้วย งานเลขาใครว่าไม่หนักผมจะเถียงเข้าให้แม้เราจะมีเจ้านายคนเดียวก็ตามแต่งานมีโคตรเยอะ ส่วนใหญ่เป็นงานเอกสารทั้งนั้นแล้วไหนจะต้องคอยดูแลเจ้านายทุกเรื่องอีกต่างหากนึกแล้วก็อดชื่นชมคุณชบาไม่ได้ที่ทำงานนี้อย่างไม่บกพร่องจนพี่ปราบชมอยู่บ่อย ๆ



ผมเดินกลับมาพร้อมแก้วน้ำเย็นในมือระหว่างเดินผ่านฝ่ายสำนักกรรมการบริหารหน้าห้อง ทุกคนมองผมด้วยสายตาแปลกๆ คล้ายมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่พูดออกมา บ้างเห็นผมแล้วก้มหน้าทำงานต่อ สงสัยในพฤติกรรมนั้นเล็กน้อยจนกระทั่งได้ข้อเฉลยว่าเหตุใดพี่ๆ ถึงมองผมแบบนั้น เมื่อผมเปิดประตูห้องทำงานของท่านรองประธานเข้ามาแล้วพบว่ายืนรออยู่หลังโต๊ะทำงานพี่ปราบ



คุณเคธี่กับพี่จินตนา ….



พี่จินตนาส่งยิ้มแสยะมาให้ผมก่อนที่เจ้าของร่างสูงระหงห์ในชุดเดรสสีน้ำเงินจะละสายตาจากวิวนอกกระจกหันกลับมามองผมที่ไม่ได้สนใจการมาเยือนของเขาสักเท่าไหร่ ผมเดินมาที่โต๊ะของตัวเองวางแก้วน้ำลงแล้วนั่งทำงานต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ไม่มีมารยาท ไม่เห็นหรอว่าคุณเคธี่ยืนอยู่ตรงนี้”

เสียงแจ๋นของพี่จินตนากล่าวตำหนิผมที่ไม่ได้เอ่ยทักทายแขกที่ไม่ได้รับเชิญ เจ้าของชื่อผมมองด้วยสายตาเหยียดหยันไม่พอใจหนัก ผมถอนหายใจแล้วเอ่ยทักทายออกไป

“สวัสดีครับ ท่านรองไม่อยู่พี่จินตนาคงแจ้งให้คุณทราบแล้ว”

“ฉันไม่ได้มาหาปราบ ฉันมาหาเธอ”

เจ้าหล่อนออกจากโต๊ะพี่ปราบก้าวเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของผม พร้อมกับลิ่วล้อจินตนาซึ่งเดินตามมาหยุดห่างไม่ไกลจากตัว ผมไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้ต้องการอะไรจากผม คราวที่แล้วบุกมาหาเรื่องทีหนึ่งก็ยังไม่จบ คราวนี้ก็คงจะบุกมาทำแบบเดิม



แต่อย่าหวังว่าผลลัพธ์จะเป็นเหมือนเดิม !!



“คุณเคธี่มีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”

“ไม่เคยมีคนสอนหรอ ว่าเวลาคุยกับผู้ใหญ่ โดยเฉพาะแฟนของเจ้านายอย่านั่งคุย ออกมาคุยกับชั้นตรงนี้”

เสียงตวาดดังลั่นห้อง ยอมรับว่าไม่พอใจกับสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามแสดงออกมา ผมรู้ว่าพี่หล่อนทำเพราะต้องการแสดงความเป็นเจ้าของพี่ปราบ แต่นั่นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผมเลย ผมลุกออกจากโต๊ะทำงานออกมาประจันหน้ากับฝ่ายตรงข้าม

สายตาโกรธเคืองรุนแรงราวกับผมไปฆ่าใครตายมองมาตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมเองก็ไม่ได้จะยอมคนขนาดนั้นเหมือนกัน มารยาทเป็นสิ่งที่แม่ผมสอนเสมอทว่ามันก็มีข้อจำกัดเช่นกัน

ผมจะใช้มารยาทกับคนที่มีมารยาทเสมอกันเท่านั้น

“ได้ข่าวว่าปากดี ถึงขั้นปีนเกียวรุ่นพี่เลยหรอ เธอรู้มั้ยว่าจินตนาเป็นคนของใคร”

“ทราบครับ พี่จินตนาเป็นคนของ H กรุปไงครับ”

“อย่ามากวนประสาทฉันนะ แกจงใจท้าทายฉัน จินตนาเป็นคนของฉัน แกมีเรื่องกับเค้าก็เหมือนมีเรื่องกับฉันด้วย”

พี่จินตนาทำหน้าตายียวนชวนปั่นอารมณ์ฉิบหาย

“ผมไม่ได้ท้าทายใครครับ ใครดีมาผมก็ดีตอบ ใครร้ายมาให้ผมดีตอบก็คงไม่ใช่”

“ได้ งั้นแกได้เจอชั้นแน่”

คุณเคธี่พยักหน้าให้พี่จินตนาแทนคำสั่งฝ่ายลิ่วล้อเหมือนรู้งานราวนัดหมายกันมาเรียบร้อยเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของผมก่อนจะรวบเอกสารและของใช้ของผมไปกองไว้

“พี่จะทำอะไร อย่ายุ่งกับของส่วนตัวผมนะ”

“ชั้นบอกแกแล้วไงว่าให้แกย้ายออกไปจากห้องทำงานของปราบ แต่แกก็ยังขัดคำสั่งชั้นในเมื่อแกไม่ย้ายเอง ชั้นก็จะให้คนมาลากแกออกไป”

คุณเคธี่ชี้หน้าผมดากราด สายตากราดเกรี้ยวราวนางร้ายในละครหลังข่าว ส่วนพี่จินตนาก็ไม่หยุดทำหน้าที่ยังคงเก็บเอกสารบนโต๊ะเตรียมจะยกออกไป

“วางของผมลงแล้วเก็บตามเดิมเดี๋ยวนี้ไม่อย่างนั้นจะหาว่าผมไม่เตือน”

“แกอย่ามาสั่งชั้นนะ”

“ผมบอกให้วางไง”

เตรียมจะเดินเข้าไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ทว่าถูกคุณเคธี่กระชากข้อแขนให้เซออกไป ก่อนจะตบฉาดเข้ามาที่หน้าผมหนึ่งทีจนชาวาบ

“ชั้นหมดความอดทนกับแกแล้วนะ อยากรู้จริงๆ ว่าที่บ้านแกเลี้ยงมายังไงถึงได้ต่ำขนาดนี้”

ความอดทนที่มีอย่างจำกัดหมดไปตั้งแต่ถูกฝ่ามือของคนที่เพิ่งเจอได้เพียงสองครั้งตบฉาดมาที่ใบหน้า เกิดจากท้องพ่อท้องแม่ยังไม่เคยโดนตบเลยแม้สักครั้ง แล้วหล่อนเป็นใครกันถึงได้มาทำกับผมขนาดนี้ ผมไม่ชอบการมีเรื่องกับผู้หญิงแม้ตัวเองจะเป็นเกย์ก็ตามยังคงให้เกียรติเพศแม่เสมอมา



แต่คราวนี้มันเหลือจะทนแล้ว ...



“แค่ผู้ชายเค้าไม่เล่นด้วยต้องทำตัวระรานคนอื่นไปทั่วขนาดนี้เลยหรอครับ”

“แก”

ผมส่งสายตาหยามเหยียดคืนสนองให้เหมือนกับที่เธอชอบมองผมแบบนั้นเป็นประจำ มองทั่วตั้งแต่หัวจรดไปเท้าแล้วหยุดอยู่ตรงใบหน้าสวยที่ฉาบความโกรธไว้เต็มพิกัดแทบจะระเบิดมันออกมา

“ถ้าคุณเป็นคนดีจริง ไม่ต้องวิ่งตามผู้ชายเป็นหมาวิ่งตามรถลูกชิ้นแบบนี้หรอกนะครับ รู้ทั้งรู้อยู่แก่ใจว่าท่านรองไม่ได้รักไม่ได้สนใจตัวเองเลยสักนิดก็ยังจะตามอยู่ได้ น่าละอายใจโคตรๆ ”

“แกไม่รู้อะไรอย่ามาปากดีนะ”

“คนที่ไม่รู้อะไรคือคุณ หลอกใครก็หลอกได้เพราะมีแต่ควายเท่านั้นแหละที่เชื่อว่าคุณเป็นแฟนท่านรอง”

ผมเน้นคำว่าควายส่งไปหาพี่จินตนาที่วางกองเอกสารแล้วจะเข้ามาเอาเรื่องผม

“ถ้าแตะตัวผมแม้ปลายนิ้ว ผมชกหน้าแหกแน่” ง้างหมัดเตรียมซัดเต็มเหนี่ยวถ้ากล้าก็ลงดู
“ถ้าย้ายดีดีมันไม่ชอบก็โยนของมันออกไปนอกห้องเลย”

พี่จินตนารับคำสั่งเดินไปที่โต๊ะผมอีกครั้งแล้วหอบเอกสารผมเตรียมจะเอาออกไปจากห้อง ผมเดินตามไปทว่าถูกคุณเคธี่ดึงคอเสื้อข้างหลังไว้ เราชุลมุนกันอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่ฝ่ามือเจ้าหล่อนจะฟาดมาที่หน้าผมอีกครั้ง



‘เพี๊ยะ’

“ชั้นไล่แกออก”



ปึก !!ประตูห้องถูกเปิดออก



“คุณมีสิทธิอะไรมาไล่คนของผมออกเคธี่”

พี่ปราบเบิกตากว้างกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าพร้อมคุณชบาซึ่งอยู่ด้านหลัง คุณเคธี่ผละผมออกห่างจากตัว ส่วนพี่จินตนารีบวางของของผมแล้วไปหลบอยู่หลังเจ้าหล่อน สีหน้าพี่ปราบเริ่มไม่พอใจชัดขึ้นในทุกทีที่ก้าวเข้ามายังจุดเกิดเหตุ กวาดสายตามองเอกสารและอุปกรณ์ทำงานของผมที่กระจัดกระจายเกลื่อนพื้น พร้อมใบหน้าผมที่แดงฉาดด้วยฝ่ามือของผู้หญิงคนนั้น

“เป็นอะไรมากมั้ยมีน”

“ดูหน้าผมสิครับ ว่าเป็นอะไรมากมั้ย”

พี่ปราบยกมือขึ้นลูบสองแก้มที่เต็มไปด้วยรอยนิ้วมือชัดนั้น ก่อนจะหันขวับพร้อมแววตาคมกริบราวมีดคมไปยังสองคนที่ยืนอยู่

“ก็ไอ้เด็กคนนี้ มันว่าให้เคธี่นี่คะ ก้าวร้าวมาก เคธี่ก็เลยต้องสั่งสอน”

“คุณมีสิทธิอะไรมาแตะต้องคนของผม” พี่ปราบตวาดลั่นห้องทำเอาผมตกใจ

“สิทธิของแฟนไงคะปราบ”

“ผมบอกคุณจนไม่รู้จะบอกยังไงแล้วว่าผมไม่ใช่แฟนคุณ เราเป็นแค่เพื่อนกัน ผมย้ำกับคุณหลายครั้งแล้วว่าผมให้คุณได้เท่านั้นและที่สำคัญผมเคยบอกคุณแล้วว่าอย่าแตะต้องมีนอีกแต่คุณก็ยังทำ”

พี่ปราบตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ คุณเคธี่ถอดสีหน้าเมื่อถูกตอกด้วยความจริงที่แสนโหดร้ายนั้น ส่วนพี่จินตนาเจื่อนหนักเข้าไปใหญ่ จะว่าสงสารก็สงสารจะว่าสะใจก็สะใจ

“แต่เคธี่รักคุณนี่คะ”

“แต่ผมไม่ได้รักคุณ และผมมั่นใจว่าที่ผ่านมาผมไม่ได้แสดงออกมาคิดกับคุณมากกว่าเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น”



กรี๊ดดดดดดดดดด



เสียงของคุณเคธี่กรี๊ดดังลั่นห้องทำงานพี่ปราบจนแทบแก้วหูก่อนจะเงียบสงบไปพร้อมตัวที่สั่นเทาเข้ามาแทนที่

“กลับไปซะ ก่อนที่ผมจะไม่เหลือให้คุณเลยแม้กระทั่งความเป็นเพื่อน”

“ปราบ”

“แล้วอย่าเข้ามายุ่งวุ่นวายกับคนของผมอีก นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้าย ถ้ามีคราวหน้าอีกผมจะจัดการคุณจนไม่เหลือที่ให้ยืนในสังคมเลยคอยดู .. คุณก็รู้ว่าผมทำได้”

คุณเคธี่ก้มหยิบกระเป๋าของตัวเองที่หล่นบนพื้นขึ้นมาสะพายไว้บนไหล่ ยิ้มแสยะขึ้นมาอีกครั้งด้วยสีหน้าเหยียดหยันคราวนี้ไม่ได้ส่งมาที่ผมแต่เป็นพี่ปราบ

“ฉันก็ไม่ได้อยากจะได้คุณนักหรอก ถ้าไม่เห็นว่ามีเงิน แต่ในเมื่อคุณมีรสนิยมที่ชอบกินของต่ำแบบนี้ก็เชิญ ฉันไม่ลดตัว”

คุณเคธี่มองแรงอีกครั้งทั้งผมและพี่ปราบก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป ทันใดนั้นผมนึกได้จึงเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองหยิบแก้วน้ำที่เพิ่งกดมาไว้ในมือ

“คุณเคธี่”

“อะไร”



ซ่า !!!



“กรี๊ดดด แกสาดชั้นทำไมไอ้มีน”

“ถือว่าหายกันนะครับทั้งเรื่องที่เหยียบน้ำบนถนนและสาดน้ำส้มใส่ผมคราวก่อน หวังว่าจะไม่ต้องเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันอีกทั้งชาตินี้แล้วก็ชาติหน้า”

คว่ำแก้วน้ำที่มีน้ำหยดสุดท้ายให้หล่นลงกับพื้น

“สาธุ”







พี่ปราบพาผมลงมาที่ร้านกาแฟข้างออฟฟิศ ปล่อยให้แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดห้อง จัดเอกสารที่กระจัดกระจายเกลื่อนพื้นให้เรียบร้อย พี่จินตนาถูกพี่ชบาเรียกไปห้องฝ่ายบุคคลผมถามพี่ปราบว่าบทลงโทษจะรุนแรงหรือเปล่าพี่ปราบตอบกลับมาแค่ว่าให้เป็นหน้าที่ของคุณชบาเท่านั้น ส่วนคุณเคธี่พี่ปราบให้ฝ่ายบุคคลประสานเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ตึกห้ามให้บุคคลนี้เข้ามาเด็ดขาด



พี่ปราบบทจะเอาจริงน่ากลัวชนิดที่ว่าใครก็ต้านได้ยาก อาจจะด้วยนิสัยส่วนตัวที่ค่อนข้างเด็ดขาด กล้าได้กล้าเสียตามประสานักธุรกิจ แก้วชาเขียวปั่นกับกาแฟถูกวางบนโต๊ะโดยท่านรองประธานบริษัท พี่ปราบบอกให้ผมนั่งรอเมื่อมาถึงร้านส่วนพี่มันเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์แล้วกลับมาพร้อมเครื่องดื่มโปรดของเราสองคน



“เจ็บมากมั้ยไปหาหมอเถอะนะ จะได้เอกซเรย์”

คนตรงหน้าคะยั้นคะยอให้ผมไปหาหมอเป็นรอบที่สามนับตั้งแต่ผมโดนตบ ผมส่ายหัวอย่างไม่รู้จะยังไงต่อกับคนตรงหน้าบางทีพี่ปราบก็เวอร์เกินลิมิต โดนตบแค่นี้เดี๋ยวก็หายไม่ได้รถชนสักหน่อย

“ต้องเข้าเฝือกที่หน้าปะ ฮ่าๆ ”

“มีนอย่ามากวน พี่เป็นห่วงนะ” พี่มันมุ่ยหน้าเมื่อผมกวนตีนกลับไป

คนตรงหน้านั่งพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์ยุกยิกเมื่อเสร็จแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมาคุยกับผมต่อ

“แล้ววันนี้ไปคุยงานมาเรียบร้อยดีมั้ยครับ”

“ก็เรียบร้อยดีนะ พี่ไปคุยโปรเจคส์ XX ที่พังงานะแหละ”

“โรงแรมพี่ไตรนี่ครับ”

“อืม..จำแม่นเชียวเนาะ”

“หวงผมหรอ”

“ไม่หวงเมียแล้วจะให้หวงหมาที่ไหนละครับ”

ไอ้เหี้ยพี่ปราบผมตั้งใจแค่จะแหย่เล่นเท่านั้นแหละไม่ได้ต้องการให้มาโชว์โมเมนท์อะไรต่อหน้าคนในร้านแบบนี้หรอกนะ เดี๋ยวก็โดนฟาดซะหรอก

“พี่ไม่ได้ไปทะเลาะอะไรกับพี่ไตรใช่มั้ย”

พี่ปราบมุ่ยหน้าแรงกว่าเดิมเหมือนจะไม่พอใจ เสไปมองทางอื่นพลางดูดกาแฟแก้วในมือไม่ตอบไม่อะไรสักอย่าง

“ห่วงมันหรอ”

“ก็เหมือนที่พี่ห่วงคุณเคธี่มั้งครับ”

“พี่ชัดเจนขนาดนี้แล้วมีนยังไม่เลิกประชดพี่อีกหรอ พี่ต้องทำยังไงมีนถึงจะเชื่อจะมั่นใจในตัวพี่บ้าง พี่โมโหแล้วนะ”

กอดอกตัวเองพองแก้มแบบนั้นคงคิดว่ารักตายแหละ .. ผมรู้ว่าพี่ปราบชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวแต่ไม่รู้ที่มาของการกระทำดังกล่าวหรอกและก็ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองว่าสาเหตุมาจากผมด้วย



แม้ทุกครั้งที่คำว่า... ‘เมีย’ / ‘คนของผม’ / ‘แฟน’



ที่หลุดออกมาจากปากพี่มันในแต่ละครั้งจะทำให้หัวใจผมอ่อนยวบหวั่นไหวอิ่มใจจนกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ก็ตาม

แต่ผมก็ยังไม่กล้าก้าวข้ามสิ่งที่กลัวอยู่ดี ..

“ไม่คิดจะง้อหน่อยหรอ น่าเกลียดเกินไปแล้วนะ ทำไมไม่สงสารพี่บ้าง”

โถ..นึกว่าจะแน่ไอ้พี่ปราบพอเห็นผมนิ่งดูดกินชาเขียวไม่สนใจทำเป็นเรียกร้องความสนใจ นิสัยเด็กฉิบหาย

“งอนเองก็หายเองดิ”

“มีน”

“อะไร”

“อย่าน่ารักไปมากกว่านี้ได้มั้ย..พี่ขอร้อง”

มือหนายืนมาบีบจมูกผมไว้หน้าผมส่ายไปมาตามแรงควายของไอ้ห่าพี่ปราบ เล่นอะไรเป็นเด็กไปได้จมูกผมแดงหมดแล้วมั้งเนี่ย

“ขออนุญาตค่ะท่านรอง”

กึก !!พี่ชบามาตั้งแต่ตอนไหนผมรีบปัดมือพี่ปราบออกโดยอัตโนมัติ แกล้งนิ่งฝืนยิ้มกลับไปในใจคิดหลอกตัวเองแค่ว่า..พี่ชบาคงไม่เห็นหรอก



เหรอ ... ไม่เห็นก็บ้าแล้วแหละ !!

“ไหนละชบา”

“นี่ค่ะท่านรองให้ชบาทำให้ไหมคะ” พี่ชบาส่งถุงประคบเย็นในมือให้เจ้านาย ที่แท้ก็บอกให้พี่ชบาเอาประคบเย็นลงมาให้นี่เอง ก็นึกว่าคุยกับใคร



บ้า .. ไม่ได้หึงซะหน่อย !!

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมจัดการเองครับ พอทำได้อยู่คราวที่แล้วก็ประคบเท้าให้น้องไปครั้งหนึ่ง”

ชะอุ้ย !!จะพูดเพื่อรีบยกชาเขียวขึ้นมาดูดแก้เขิน

“งั้นชบาขึ้นไปทำงานต่อนะคะท่านรองมีอะไรก็เรียกได้เลยค่ะ”

“ครับขอบคุณ”

“หายไวไวนะน้องมีน”

“ขอบคุณครับ”

ผมยกมือขึ้นไหว้พี่ชบายิ้มให้แล้วเดินออกจากร้านเพื่อกลับไปทำงานต่อ พี่ปราบขยับเก้าอี้ให้เข้ามาชิดผมมากที่สุดแตะนิ้วโป้งเคลื่อนวนส่งสัมผัสละมุนชวนเคลิ้มไปตรงที่มีรอยแดงปื้นประทับอยู่ เผลอสบตาเข้ากับนัยน์ตาสวยสีดำคู่นั้นที่ทำให้ใจสั่นอีกแล้ว



เบ้าหน้าฟ้าประทานยิ่งนับวันยิ่งมองยิ่งหลงใหลจนใจบางไปหมด



“พี่ขอโทษที่ทำให้มีนเจ็บตัวแบบนี้นะครับ พี่สัญญาว่าพี่จะปกป้องมีนให้มากกว่านี้”

“ครับ”

“ที่พี่บอกว่ามีนเป็นแฟนพี่ เมียพี่ หรือมีนเป็นของพี่ พี่ไม่ได้พูดเล่นนะครับ”

“พะ..พี่ปราบ”

“พี่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ พี่”



ผมนิ่งอยู่นานด้วยความสับสน ความกลัวในความรักและความหวั่นไหวตีกันไปมาวุ่นวายในความรู้สึก ใจหนึ่งก็อยากจะเปิดใจให้ความรัก ทว่าอีกใจก็กลัวจะผิดหวังและกลับไปเสียใจอีกเหมือนเดิม แม้จะรู้ว่าคนตรงหน้าจะไม่ทำให้ผมเสียใจก็ตาม..



“มีนขอโทษนะครับ มีนยังไม่พร้อมขอเวลาหน่อยนะครับ”

“ได้สิ….พี่ยังไม่ขอให้มีนรู้สึกดีตอบกลับมาหรือชอบพี่ตอนนี้หรอก”

“….”

“แต่พี่ขอแค่..”

“หนึ่งเปอร์เซ็นต์ของโอกาสที่มีก็พอ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนพี่จะรอ”

.

.

“พี่ชอบมีนนะครับ”





เอาแล้วพี่ปราบชัดเจนแล้วหนึ่ง !!

ส่วนนังตัวดีสองตัวนั้นนนน ... เคยบอกแล้วว่าน้องมีนแซ่บมาก สาแก่ใจอิช้อยจริงๆ

 :katai1: :katai1: :o8: :-[
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//17-ห้นึ่งเปอร์เซ็นต์(29/06/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 29-06-2021 21:04:10
 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//17-ห้นึ่งเปอร์เซ็นต์(29/06/21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-06-2021 22:49:09
 :z6:


จินตนา !!!!
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//17-ห้นึ่งเปอร์เซ็นต์(29/06/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 30-06-2021 14:11:44
ระวังจะโดนแก้แค้น เอาคืน
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//18-ห้องพี่ไม่มีมีน(02/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 02-07-2021 20:28:59
Chapter 18 --- ❝ห้องพี่ไม่มีมีน ❞

------------

Xปราบปราม




สิ่งที่จะทำให้คนที่มีบาดแผลในความรัก กลัวในความรักและความเจ็บปวดคล้ายฝันร้ายที่ตื่นมาเจอซ้ำๆ นั้นจางหายลงไปได้ คงมีเพียงสิ่งเดียวนั่นคือ



‘ความจริงใจ’



ผมตัดสินใจบอกความรู้สึกที่มีให้มีนรู้ว่าทุกอย่างที่ผมทำเหตุผลเดียวที่เป็นตัวผลักดันทั้งหมดก็มาจาก



‘ผมชอบมีน’



ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นรู้ตัวอีกทีผมก็มีแต่เรื่องน้องเต็มหัวไปหมด เราเจอหน้ากันเล่นกันตั้งแต่เด็กๆ ผมเอาแต่กวนประสาท ชวนทะเลาะและแกล้งคนตัวเล็กกว่าร้องไห้บ่อยกว่ายิ้มเสียอีก แต่แค่เพียงผมเห็นน้ำตาของน้องใจมันก็หวิวแปลกๆ สุดท้ายผมก็ต้องยอมตามใจน้องทุกอย่างโดยทำทีว่าไม่พอใจออกไป



น้องบอกว่ายังไม่พร้อมที่จะเปิดให้ใครสักคน ผมรู้คำตอบนั้นอยู่แล้วและไม่ได้คาดหวังว่าจะให้มีนมาชอบผมอย่างที่ผมชอบในตอนนี้ ผมเป็นคนซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง กล้าได้กล้าเสียตามนิสัยของนักธุรกิจ ที่พูดออกไปแบบนั้นก็แค่อยากให้มีนรู้ว่าผมจริงจังกับทุกเรื่องที่ผ่านมา ไม่ได้แกล้งหรือล้อเล่นกับความรู้สึกของมีนเลยแม้แต่น้อยน้องจะได้ไม่ต้องคิดเดาไปเองเหมือนที่ชอบทำ



มีนเป็นเด็กสดใสร่าเริง กวนประสาทตามนิสัย ปกป้องตัวเองได้ เป็นจ่าจูงของเพื่อนๆ แต่เด็กดื้อของผมช่างอาภัพเรื่องความรักเหลือเกิน มีแฟนทุกครั้งมักจะจบลงที่คำว่าเสียใจจนทำให้น้องขยาด

ความผิดหวังได้สร้างบาดแผลเก่าและใหม่ทั่วหัวใจ ความรู้สึกและความทรงจำของมีนเต็มไปหมด คล้ายกับคนที่ถูกทำร้ายตรงที่เดิมซ้ำๆ จนเกิดความผวาแค่มีใครเฉียดใกล้ส่วนนั้นก็ระแวง



‘ผมรอได้และผมจะรอ’



ผมดีใจที่มีนเข้าใจเรื่องเคธี่ซะทีผมเล่าให้น้องฟังว่าผมกับเคธี่รู้จักกันที่อเมริกา เธอเป็นเพื่อนในกลุ่มผมพอกลับมาไทยผมก็เลยให้เธอมาเป็นนางแบบให้กับ H และบริษัทในเครือ ตั้งแต่สมัยเรียนเคธี่พยายามแสดงออกว่ารู้สึกกับผมเกินเพื่อน ในทางกลับกันผมก็แสดงออกตรงข้าม แต่เธอไม่หยุดความพยายามเจอใครก็จะบอกว่าผมเป็นแฟนของเธอ แสดงความเป็นเจ้าของจนคนอื่นเข้าใจผิดไปทั่ว แรกๆ ผมก็ไม่ได้สนใจเพราะไม่ได้เสียหายอะไร แต่พอผมรู้ว่าเธอมายุ่งกับมีนผมโกรธมากและยอมไม่ได้



“คุณบุกเข้าไปหาเรื่องคนของผมทำไมเคธี่”

[คุณหมายถึงอะไรคะปราบ เคธี่ไม่เข้าใจ]

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องที่คุณทำวันนี้นะเคธี่ เลิกแสดงความเป็นเจ้าของผมได้แล้ว ผมไม่ได้ชอบคุณผมมีคนที่ผมชอบอยู่แล้ว”

[คุณหมายถึงไอ้เด็กนั่นหรือคะปราบ]

“ใช่... มีนคือคนที่ผมชอบ และผมไม่มีทางยอมให้คุณรังแกมีนเด็ดขาด”

[แล้วถ้าเคธี่ไม่ทำตามที่คุณบอกละคะ]

“ผมไม่เอาคุณไว้แน่”




ผมจัดการเคธี่ด้วยการไม่ต่อสัญญางานจ้างเธอ และเตรียมส่งแบล็กลิสท์ให้กับทุกเครือข่ายที่ผมรู้จักหากเธอยังไม่หยุดคุกคามผมและมีน หลังจากนี้เคธี่ก็ยังไม่มายุ่งกับผมแล้วแหละ เพราะได้ข่าวมาว่าเธอมีนักการเมืองมาติดต่อให้ไปเป็นบ้านน้อย..ก็หวังว่าเธอจะโชคดี





กริ๊ง !!!



ผมหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องของเด็กดื้อ วันนี้วันหยุดแต่ผมกลับคิดถึงมีน อาจเพราะผมได้เจอหน้าน้องทุกวันตอนทำงาน แค่เหนื่อย เครียดจากงานพอหันไปเจอตนที่นั่งจ้องคอมผมก็สดชื่นขึ้นมาในทันที



เด็กบ้าอะไร .. ตัวขาวจั๊ว น่าเจี๊ยะขนาดนั้น



เจ้าของห้องเดินมาเปิดประตูด้วยดวงตากึ่งหลับกึ่งตื่นผมเผ้ายุ่งเหยิงแต่ก็ยังน่ารัก แต่ที่ทำเอาผมใจสั่นเพราะความหื่นคงหนีไม่พ้นเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงบ็อกเซอร์ตัวบางที่น้องใส่อยู่



เซ็กซี่ชิบหาย... ปล้ำเลยดีมั้ยวะ !!



“พี่ปราบ มาได้ไง”

หน้าตางัวเงียเหมือนเด็กนอนไม่อิ่มแล้วงอแง ยิ่งมองยิ่งน่ารัก เหมือนน้องจะรู้ว่าสายตาผมลวนลามอยู่ คนตัวเล็กกว่าเลยยกมือขึ้นมาปิดตาผม

“ห้ามมอง”

“แหม..มากกว่านี้ก็เคยเห็นแล้วปะ”

จับมือคนตัวเองให้ออกไปจากตาแล้วกุมเอาไว้ มีนทำหน้ามุ่ยไม่พอใจผมเลยขยี้หัวไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นเขี้ยว

“เถิบหน่อย”

ผมเดินเบียดมีนเข้าไปในห้องอย่างถือวิสาสะ โดยมีคนตัวเล็กเจ้าของห้องทำเสียงจิจ๊ะในลำคอตามมา

“เดี๋ยวๆ นี่ห้องใครไม่ทราบ” น้องโวยวาย ขณะผมเดินมานั่งที่โซฟามุมประจำกดรีโมทเปิดทีวีการ์ตูนช่องโปรดทำตัวตามสบายเหมือนอยู่ห้องตัวเอง

“ก็ห้องมีนไง ถามแปลกๆ ”

“วันนี้วันหยุด พี่ปราบจะมาทำไม มีนจะนอน”

“ก็นอนไปสิ พี่ไม่ได้กวนซะหน่อย” นั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าตั้งใจดูทีวีแกล้งกวนประสาท

น้องหันไปดูนาฬิกาแขวนข้างห้อง ปรากฏเป็นเวลาเก้าโมงเช้า เก้าโมงเช้าที่น้องมันควรจะได้นอนต่อและตื่นสายๆ ให้สมกับวันหยุด แต่ผมเสือกมากวนไงจะไม่ให้ยืนงอแงแบบนั้นได้ยังไง



ยิ่งแกล้งยิ่งน่ารัก !!



“แล้วมาทำอะไรห้องนี้ ไม่ไปอยู่ห้องตัวเอง” มีนขยี้ตา

“คิดถึง”

ผมตอบหน้าตาเฉย แต่คนไม่เฉยน่าจะเป็นเด็กดื้อที่ยืนอยู่ตรงนั้นมากกว่า

“คิดถึงบ้า คิดถึงบออะไร กลับห้องตัวเองไปเลย”

“ท่าทางยังง่วงๆ อยู่นะ ไปนอนต่อสิ”

“จะนอนต่อได้ยังไง มีคนแปลกหน้าอยู่ในห้องด้วยขนาดนี้”

“โถ..ขนาดนี้แล้วยังจะเรียกว่าแปลกหน้าอีกหรอ”

“ไอ้พี่ปราบ...”

“จ๋า”

ส่งเสียงขานรับโคตรหยดย้อยกลับไป พร้อมเลิกสนใจทีวีแล้วเดินเข้าไปหาเด็กดื้อ ช้อนตัวอุ้มเข้ามาไว้ในอ้อมแขนโดยไม่ให้ได้ตั้งตัวแล้วเดินเข้าไปในห้องก่อนจะวางคนตัวเล็กกว่าลงบนเตียง

“อุ๊ย พุงกะทิออก”

“ไอ้เหี้ยพี่ปราบ”

มีนรีบดึงเสื้อลงมาปิดพุงน้อยที่โผล่ออกมาแล้วคว้าดึงผ้าห่มให้ขึ้นมาคลุมไปทั่วทั้งตัวหลบหลีกสายตาที่ผมไล่มองความขาวเนียนไปทั่วตัว



ยุบหนอ.. พองหนอ .. !!ก็พองแล้วจริงๆ นั่นแหละ

ไอ้ปราบมึงมันคนใจบาป



“เอาดีดีพี่ปราบมาทำไม”

“พี่ก็เอาดีมาตลอดนะ”

ฮ่าๆ โคตรตลกหน้ามีนเลย เตรียมจะยกมือขึ้นมาฟาดแต่ช้ากว่าถูกผมรวบเอาไว้ได้ทัน ไม่งั้นมีหวังผมเจ็บตัวอีกแน่เลยงานนี้ เขินทีไรต้องใช้กำลังตลอด

“เคๆ พี่ยอมละ พี่จะมารับออกไปข้างนอก”

“ไปไหนครับ”

“ไปเดท”



เรื่องที่ผมบอกมีนว่าจะพาออกมาเดทนั่นล้อเล่น แต่ที่บอกว่าผมคิดถึงต่างหากที่เป็นเรื่องจริง ก็แค่หาเรื่องอยู่กับมีนเท่านั้นแหละ ไม่ได้คิดไว้แต่แรกว่าจะพาไปไหนเลยพามาห้างใกล้ๆ คอนโดมีน อย่างแรกที่ต้องทำคือพาเด็กดื้อที่บ่นว่าหิวตั้งแต่ผมขับรถออกมาหาอะไรกินก่อนหลังจากนั้นค่อยเดินดูเสื้อผ้าสำหรับทริปไปทะเลสิ้นเดือนนี้



มีนเลือกร้านชาบูเจ้าดังที่ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อกับซูชิแถมของหวานยังเป็นไอติมแม็กนั่ม





สงสัยเด็กดื้อของผมจะหิว กินเก่งมาก ตัวแค่นี้แต่กินคามาโบโกะหมดไปแล้วหกจานแบบนันสต๊อป นั่น..มือกำลังหยิบจานที่เจ็ดจัดการต้มลงในหม้อต่อ

“นั่งมองผมแบบนี้จะอิ่มหรอครับ”มีนเงยหน้ามาถามผม ตะเกียบยังคาปากอยู่เลย

“อิ่มแล้ว”

“พี่ปราบยังไม่ได้กินอะไรเลยนะหรือเมื่อเช้ากินเยอะหรอ”

“แค่เห็นมีนกินพี่ก็อิ่มแล้ว” ถึงน้ำจะเน่าก็ยังเห็นเงาจันทร์นะครับ แค่เห็นน้องมันกินผมก็อิ่มแล้วจริงๆ เพลินตาโคตรๆเวลาน้องคีบเนื้อเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ....โคตรมีความสุขอ่ะ

“แหวะ..จะอ้วก”

“ที่กินเยอะนี่เพราะกินเผื่อลูกในท้องหรอ ฮ่าๆ”

น้องส่งตาเขียวปั๊ดมาให้ผม ทำหน้ามุ่ยอย่างทุกครั้งแล้วตั้งหน้าตั้งตากินคามาโบโกะต่อ เดี๋ยวนะร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อแต่ทำไมน้องมันกินแต่คามาโบโกะเนี่ย ก็กินอย่างอื่นบ้างก็ได้รู้แล้วว่าของโปรด

“พี่ปราบมีนลืมบอก”

“เรื่องอะไรครับ”

“ไอ้เก้ากับไอ้ปาร์คจะขอตามไปทะเลด้วย”

“อ่อๆ พี่รู้แล้ว เก้ามันมาบอกพี่แล้ว”

เห็นว่าไม่ได้มีอะไรเป็นทางการมากมาย ผมเลยชวนเพื่อนน้องมันไปด้วย ระหว่างรอผมคุยงานเรื่องธุรกิจมีนจะได้ไม่เหงาที่สำคัญเด็กสองคนนั่นจะได้ช่วยดูแลมีน



เพราะผมไม่ไว้ใจไอ้ไตรอะไรนั่นเลยสักนิด ..



“อยากกินคามาโบโกะจังเลย จะมีคนใจดีตักให้บ้างมั้ยนะ”

“เป็นง่อยหรอ”

“ไม่ได้เป็นง่อย .. แต่อยากเป็นแฟน”

“แน่ใจเหรอ”มีนยกตะเกียบชี้หน้าผม “อย่าให้ต้องพูดถึงเรื่องเดิมที่ผ่านมาของคุณนะ คุณปราบปราม”

“หืม..อะไรอะ”

“ก็หว่านเสน่ห์ไปทั่วจนมีคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแฟนด้วยไง”

“เสน่ห์อาจจะหว่านไม่รู้ตัว..แต่จีบใครบางคนแถวนี้พี่ตั้งใจนะ”



มีนชะงักกึก ... เหมือนรู้ว่าสิ่งที่พูดมากำลังจะย้อนกลับเข้าไปหาตัว



“เชื่อพี่เถอะ...”



ผมเอาแต่จ้องเขา ในขณะที่มีนเอาแต่หลบตาผม...



“เมื่อไหร่จะเลิกหยอดผมสักที ไอ้พี่ปราบ” มีนบ่นอุบ พลางใส่คามาโบโกะในหม้อด้วยท่าทางงก ๆ เงิ่น ๆ



ผมยิ้ม...ส่งสายตาหวานย้อยเหมือนที่ชอบทำ ก่อนจะพูดเสียงดังฟังชัดตอบกลับไป...



“ก็แล้วเมื่อไหร่จะรับรักพี่สักทีละ จะได้เลิกหยอด”

“โว๊ะ..กินไปเลยจะได้เลิกพูด รำคาญ”



จบประโยคนั้นคามาโบโกะลวกเกือบสิบกว่าตัวก็ทยอยกลิ้งลงบนจานผมด้วยฝีมือของเด็กดื้อที่อยู่ตรงหน้า


น่ารักโคตรๆ ยิ่งเขินเพราะโดนหยอดแล้วทำอะไรไม่ถูกยิ่งน่ารัก ...





เย็นนี้ผมขอฝากท้องที่ห้องมีนหลังจากเดินดูของแวะร้านนั้น เข้าร้านนี้ได้เสื้อผ้าสองสามตัวติดออกมาเพราะกำลังเซลล์พอดี มีนเป็นเด็กที่ใช้เงินอย่างรู้ค่าตัวไหนที่แพงไปไม่หยิบเด็ดขาด ต้องร้านที่เขียนว่าลด 50 % Up ถึงจะวิ่งเข้าไป ทั้งๆ ที่ผมบอกว่าจะจ่ายให้ก็ยังไม่ยอมอยู่ดี



ผมไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับไอ้พวกวัตถุดิบในการทำอาหารสักเท่าไหร่หน้าที่หลักจึงตกอยู่ที่มีนทั้งหมด ส่วนพ่อบ้านอย่างเราเข็นรถเข็นตามติดตูดไปอย่างเดียว นอกจากเรื่องงานผมก็ทำอะไรไม่เป็นเลยอยู่ที่บ้านก็มีคนดูแล พอไปเรียนที่อเมริกาก็มีแม่บ้านมาคอยดูแลเหมือนเดิม ไม่แปลกที่ตอนมีนป่วยผมถึงทำอะไรที่โคตรจะขายหน้าตัวเองแบบนั้น ตั้งใจดูแลเค้าแต่กลับโชว์โง่ต่อหน้ามีนซะงั้น



คิดแล้วก็ขำตัวเองฉิบหาย....



ยิ้มให้กับท่าทางที่ดูตั้งอกตั้งใจของมีน ก่อนจะหันออกไปข้างนอกดูว่าใกล้ๆ มีร้านขนมหรือร้านชาเขียวเจ้าดังหรือเปล่าจะได้แวะซื้อให้มีนตอนขากลับ



พลันสายตาผมหันไปเห็นกับอะไรบางอย่าง สิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจว่าเรื่องที่ตัวเองกำลังสงสัยเป็นเรื่องจริง จ้องมองสิ่งนั้นอยู่นานจนเดินหายลับไปจากสายตา

“พี่ปราบ”

“ว่าไง”

“มองอะไรอยู่ มีนเรียกตั้งนานแล้วเนี่ย”

“เปล่าๆ แค่เจอคนรู้จัก .. ว่าแต่มีนเรียกพี่ทำไมนะ”

ผมเฉไฉตอบเรื่องอื่นเพราะไม่อยากให้มีนเกิดความสงสัย คนตัวเล็กเหมือนจะไม่ได้ติดใจอะไร

“ผมจะถามว่าพี่ปราบอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย”

“ก็มีนะ..แต่ไม่รู้มีนจะทำได้หรือเปล่า”

ผมส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้คนที่ยังคิดตามไม่ทัน...

“อะไรหล่ะ ลองบอกมาก่อนถ้าไม่อยากมีนจะทำให้”

“ก็ไม่ยากหรอก”

“อะไรอะ”

“พี่อยากกินมีน”

กึก ... คนตรงหน้าใช้ผักกาดขาวที่อยู่ในมือเคาะหน้าผากผมเบาๆ แก้เขินแล้วเดินจากไป

เดี๋ยวมีนรอพี่ก่อนจะเดินหนีไปไหน....







วางของเสร็จเรียบร้อย เมนูสำหรับเย็นนี้ที่มีนจะทำให้ผมทานมีสเต๊กแซลมอนกับสลัดอะโวคาโดกุ้งย่าง มีนเปิดถุงตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ ผมยืนยิ้มให้กับภาพตรงหน้าถ้ากลับบ้านมาทุกวันแล้วมีคนทำกับข้าวให้แบบนี้มันคงจะโคตรมีความสุขเลย



แล้วยิ่งคนนั้นเป็นมีนด้วยแล้วละก็....

ฟินสุดยอด



“พี่ปราบทำอะไรครับเนี่ยปล่อยมีนอึดอัด”

อดใจไม่ไหวจนต้องเข้าไปสวมกอดน้องจากด้านหลัง กลิ่นหอมของน้ำหอมอ่อนๆ ประจำตัวยิ่งทำให้ผมหยุดตัวเองไม่ได้ใช้จมูกซุกดมอย่างซุกซน

“ปล่อยเลย จะทำกับข้าวแล้ว”

“พี่ขอมากินข้าวเย็นด้วยทุกวันเลยได้ปะ”

“ที่ห้องพี่ก็มีข้าวกินมั้ยได้ข่าว” มีนไม่ดิ้นต่อแล้ว ทว่าหันหน้ามาหาผมแทน ... ใช้คำว่าน่ารักได้โคตรเปลืองเลย รู้งี้จีบตั้งนานละ

“ก็จริงห้องพี่มีข้าวกิน”

“งืม”

“แต่ห้องพี่... ไม่มีมีนนี่นา”



ฟอดดดดด



หอมแก้มอีกทีแล้วรีบวิ่งออกมาก่อนจะโดนฝ่ามืออรหันต์ .. แค่นี้ก็นอนหลับฝันดีแล้วโว้ยคืนนี้





ผมออกมาตรงระเบียงปล่อยให้มีนทำอาหารสำหรับมื้อเย็นไปก่อน กดเบอร์โทรออกหาปลายทางเพื่อคุยเรื่องสำคัญเกี่ยวกับสิ่งที่สงสัยอยู่และภาพที่เห็นในห้างเมื่อบ่าย



“ไอ้เก้าเรื่องที่กูให้มึงไปสืบมาได้เรื่องแล้วใช่ปะ”

.

“กูเริ่มจะมั่นใจในสมมติฐานของมึงแล้วสิ”

.

“วันนี้กูเจอไตรวิชอยู่กับอิน”







ความพี่ปราบหยอดไม่หยุด .. ชั้นยอม คลั่งรักอะเนาะมาหาแต่เช้าเลย

แล้วอินกับไตรวิชอะไรกันอีก ...

นิยายของชั้นไม่มีคำว่าธรรมดาบอกเลย 555

 :katai1: :katai1: :ruready
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//18-ห้องพี่ไม่มีมีน(02/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 02-07-2021 21:57:17
 :z2: :z3:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//18-ห้องพี่ไม่มีมีน(02/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-07-2021 22:22:48
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//18-ห้องพี่ไม่มีมีน(02/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 02-07-2021 22:32:28
 :katai5: :katai5: :katai5:
ห้องพี่ไม่มีมีนนนนนน
ช็อตนี่คือใจเหลวเลยยยยย
อร๊ายยยยย
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//18-ห้องพี่ไม่มีมีน(02/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 03-07-2021 12:28:28
อิ่มแน่นอน
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//19-ทะเลเรียกว่าSea(06/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 06-07-2021 20:11:31
Chapter 19 --- ❝ทะเลเรียกว่า Sea❞
------------

สิ้นเดือนมาถึงไว้จนไม่น่าเชื่อ ...



ผมกับพี่ปราบมาถึงภูเก็ตในช่วงสาย เมื่อคืนพี่มันขอมานอนค้างที่คอนโดผมให้เหตุผลว่าพี่มันตื่นยากกลัวจะตกเครื่อง หึ..คนอย่างพี่ปราบเนี่ยนะตื่นยาก ปกติพี่มันก็ไปทำงานเช้าทุกวันไม่เคยเห็นจะสาย



ข้ออ้างมากกว่า ...



รถของทางโรงแรมพร้อมพนักงานบริการมารอต้อนรับตรงประตูทางออก ตามเที่ยวบินและเวลาที่ผมโทรนัดหมายกับทางโรงแรมเอาไว้ ชมวิวระหว่างทางไปเรื่อยๆ เพียงยี่สิบนาทีก็มาถึงจุดหมายปลายทางของทริปนี้เป็นที่เรียบร้อย



หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้ว พนักงานบริการจึงพาผมกับพี่ปราบมายังห้องพัก...



เห็นเพียงข้างนอกผมก็ตื่นตาตื่นใจจนร้องโหวดังลั่น แต่พอเปิดเข้ามาภายในยิ่งร้องโหวดังขึ้นเป็นสิบเท่า เพราะห้องที่พี่ปราบจองเป็นห้องพักแบบลักชัวรี่พูลวิลลามีความเป็นส่วนตัวสูงมาก แยกออกมาจากห้องพักแบบอื่นๆ เหมาะสำหรับคู่รักหรือคนที่ต้องการความเงียบสงบ ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน กว้างขวาง ตกแหล่งหรูหรา ด้วยของประดับแบรนด์ราคาแพง เปิดประตูออกไปข้างนอกมีสระว่ายน้ำขนาบห้องเต็มที่ให้ได้ว่ายเล่นกับมุมนั่งเล่นสบายๆ ที่อยู่ไม่ไกล ตัวห้องพักล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวขจีลมพัดเย็นสบาย



ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่ไตรวิชมีโรงแรมที่หรูมากขนาดนี้..

ก็อย่างว่าตอนคบกัน แทบจะไม่เคยให้ผมยุ่งเรื่องส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย

แค่รู้วันเกิดก็หรูแล้ว....



“ชอบมั้ย” ยิ้มกว้างตอบกลับไปพลางสีหน้ายังคงตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้สัมผัส ถึงจะมาเที่ยวทะเลบ่อยแต่ก็ยังไม่เคยได้มาพักห้องหรูขนาดนี้มาก่อน เดี๋ยวจะเดินถ่ายรูปให้ทั่วเลยคอยดู

“เดินออกไปอีกนิดหนึ่งก็ถึงทะเลแล้วนะ”

“จริงหรือครับ” ผมมองออกไปจากตรงสระว่ายน้ำ ไม่ไกลมองเห็นทะเลจริงๆ ด้วย ทะเลสีฟ้าสดกับหาดทรายขาวเหมือนในเว็บรีวิวที่ผมดูก่อนจะมาเลย

สุดยอดโคตรๆ นอนหรู วิวดี แถมอยู่ใกล้ทะเลอีก!! สวรรค์ชัดๆ

“จริงสิ เดี๋ยวเย็นๆ ค่อยออกไปเดินเล่น ตอนนี้แดดยังร้อนอยู่ เดี๋ยวผิวขาวๆ ของเราจะเสีย”

“ครับ”



พี่ปราบพาผมมาล่วงหน้าหนึ่งวันก่อนนัดคุยงานกับพี่ไตร อ้างว่าอยากมาเดินสำรวจรีสอร์ตให้ทั่วก่อนจะคุยงานเพื่อประกอบการตัดสินใจ ทริปนี้เรามากันแค่ 3 วัน 2 คืน เพราะกลับไปพี่ปราบมีประชุมงานต่อ ส่วนพวกไอ้เก้า ไอ้ปาร์คแล้วก็พี่ปกจะตามมาพรุ่งนี้

ผมกลับเข้ามาในห้องเมื่อชื่นชมความสวยงามของบรรยากาศรอบข้างจนหนำใจ เดินไปค้นชุดว่ายน้ำทรงกางเกงขาสั้นที่เตรียมมาในกระเป๋าเข้าแล้วเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำแล้วออกมา ในเมื่อยังไปเล่นน้ำที่ทะเลไม่ได้ก็ขอว่ายน้ำให้หายอยากก่อนละกัน แล้วก็จะถ่ายรูปส่งไปอวดไอ้พวกเพื่อนผมที่ยังนั่งทำงานอยู่ด้วย

พวกมึงต้องอิจฉากูไอ้เก้า ไอ้ปาร์ค ..

“พี่ฝากหยิบกางเกงว่ายน้ำในกระเป๋าให้พี่หน่อยสิ”

พี่ปราบที่นั่งเช็คงานผ่านไอแพดบนโซฟาเอ่ยขึ้นขณะผมกำลังจะเดินผ่าน ยูเทิร์นตัวเองกลับในทันทีแล้วตรงกลับไปยังกระเป๋าเดินทางขนาดยี่สิบนิ้วของพี่มัน เปิดค้นดูกางเกงว่ายน้ำที่ว่า

แต่ทำไมสิ่งที่ผมเจออย่างแรกกลับไม่ใช่กางเกงว่ายน้ำแต่มันเป็น...



ถุงยางอนามัยกับเจลหล่อลื่น ....



“พี่ปราบนี่มันอะไร”

หันขวับกลับไปถามพร้อมทำตาขวาง ไอ้หื่นพี่ปราบ จงใจจะเผด็จศึกผมที่ทะเลอย่างนั้นหรอ

“ก็เห็นนี่ แล้วถามทำไม”

“แล้วเอามาทำไม”

“ก็เอามาใช้กับมีนสิ ถามแปลกๆ” แล้วนี่กูจะถามเพื่อให้พี่มันตอบตรงๆ แล้วตัวเองหน้าแดงทำไมวะเนี่ย

“ไม่ให้ใช้”

“ไม่กลัวท้องหรอ”

พี่ปราบวางไอแพดในมือแล้วมองตรงมาทางผม .. เกลียดสายตาชั่วร้ายแบบนี้ที่สุด

ท้องพ่องงง กูเป็นผู้ชาย

“ไม่ได้หมายถึงแบบนั้นโว้ย” สองขายาวเหยียดตัวลุกขึ้นก้าวมาทางนี้ ทางที่ผมยืนเปลือยท่อนบนอยู่ในชุดว่ายน้ำครึ่งท่อน ค่อย ๆ กระเถิบถอยหลังตามระยะห่างที่พี่มันเคลื่อนตัวเข้ามาจนติดกับฝาผนัง

“อย่าแกล้งกันดิ”

“ไม่ได้แกล้ง...พี่จริงจัง”

ช่วงวินาทีนั้นสองแขนของผมก็ถูกหิ้วปีกจนร่างลอยด้วยมือแกร่งของคนตัวหน้าจนมานอนหงายอยู่บนเตียง ท่านี้แมร่งล่อแหลมฉิบหาย พี่ปราบไม่รอช้าคลานตามขึ้นมาด้วยสายตาลวนลาม ท่าทางคุกคามจนใจสั่นระรัว



ยิ่งสายตาเจ้าเล่ห์ที่มองวนราวกับจะกลืนกินส่วนขาวละเอียดที่เปลือยเปล่าของผมนั้น...

แมร่งหื่นสัสๆ !!



“ห้ามมอง ผมโป๊อยู่”

คว้าผ้าเช็ดตัวที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาปิดส่วนบนเอาไว้ไม่ให้เป็นที่ล่อเป้าสายตาของไอ้พี่หื่นที่น้ำลายไหลยืดตรงหน้า

“เราจะปิดทำไมในเมื่อ..มากกว่านี้พี่ก็เคยเห็นแล้ว”

พี่ปราบดึงผ้าเช็ดตัวแล้วโยนทิ้งไปข้างเตียง

“ขอจูบได้มั้ย”

“ไม่ได้”

“นะนะ จูบเสร็จเดี๋ยวให้ไปเล่นน้ำ” ทำอย่างกับผมเป็นเด็ก จะบ้าหรอเอาเรื่องแค่นี้มาล่อ

“ดูปากนะ” ผมพูดช้าๆ ชัดๆ เน้นๆ “ไม่ให้เว้ย”



พูดไม่ทันจบริมฝีปากได้รูปก็กระแทกปิดปากเข้าให้ ผมเลยทำได้แค่ครางในลำคอและปัดป่ายไปตามตัวของพี่มันพอผละออกก็จูบอีก ทำแบบนี้ซ้ำๆ จนผมหอบหายใจถี่ระรัว

ร่างกายอ่อนระทวยทำเอามือที่ปัดป่ายอ่อนยวบลงตอนที่มือหนาค่อยๆ ลากนิ้วมาลูบไล้ผิวผะแผ่วนั่นแหละ ขนทุกเส้นคล้ายกับถูกปลุกให้ลุกซู่ชูชัน ร่างกระตุกเป็นบางครั้งยามนิ้วมือไล้ผ่านหน้าอกของผมอย่างนิ่มนวลแต่ชวนให้วาบหวาม



“พี่ปะ....” ประทับจูบนุ่มแผ่วเบาลงบนซอกคอ ทว่าส่งสัมผัสชวนเคลิ้มจนเผลอครางอืออาในลำคอ



มือแกร่งไล้เลื่อยอยู่ไม่สุขวนเวียนแถวพุงกะทิเรื่อยไล่จนถึงขอบกางเกงว่ายน้ำ ผมพยายามใช้แรงแขนที่มีดันร่างสูงใหญ่ออกแต่ก็เปล่าประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นมือของพี่ยังมันสอดล้วงเข้าไปใต้ร่มผ้าชิ้นเดียวที่ผมสวมอยู่ แถมส่วนอกยังถูกสัมผัสจากลิ้นร้อนชื้นจนต้องหยัดกายขึ้นร้องเสียงแหบพร่าแทบไม่ได้ศัพท์



(Rrrrr-Rrrrrrrr)

เสียงระฆังดังช่วยชีวิต ผมรีบคว้าโทรศัพท์แล้วขยับตัวออกจากการเกาะกุม พี่ปราบมองตามอย่างหัวเสีย



“ไอ้มีน ถึงโรงแรมยังวะ แล้วสวยมั้ย กูอยากไปแล้วเนี่ย เมื่อไหร่จะวันพรุ่งนี้วะ”

[ไอ้เก้า มึงจะโทรมาหาสวรรค์วิมานอะไรของมึงตอนนี้]

พี่ปราบตะโกนใส่คนปลายสายก่อนที่ผมจะได้ตอบเพื่อนสนิทซะอีก สายตาท่าทางแบบจองเวรสุดๆ ถ้าไอ้เก้าอยู่ใกล้ๆ มีหวังโดนพี่ปราบโบกหัวทิ่มแน่เลย

“อะไรกันพี่ ผมแค่จะโทรมาถามรีวิวโรงแรมจากไอ้มีนเฉยๆ ทำไมเสียงดุขนาดนั้นกันละพี่”

[มึงไปเปิดรีวิวอ่านเองเลย..ขัดคอกูจริง]

แล้วพี่ปราบก็กดตัดสายไอ้เก้าทิ้ง รวบตัวผมเข้าไปอยู่ใต้ร่างอีกครั้งพลางกระซิบข้างหูแผ่วเบา

“ต่อนะ”

“ได้สิ”

ผมเลื่อนไล้มือเรียวไปตามวงแขนแกร่งผ่านอกแน่นที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม เรื่อยวนตรงหน้าท้องแบนราบก่อนจะหยุดตรงแก่นกาย พี่ปราบสายตาหยาดเยิ้มเคลิ้มตามสัมผัสของผม

“พร้อมนะครับ”

“พร้อมมาก”



หมับ !!



“โอ๊ยมีน บีบไข่พี่ทำไม”

“แล้วพี่มาหื่นใส่ผมทำไม”

“ทำไมใจร้ายแบบนี้...ฮือไอ้หนูลูกพ่อ ฝ่อหมดแล้วมั้งเนี่ย”

“ให้มันฝ่อไปเลย จะได้เลิกหื่นซะที หมกมุ่นอยู่ได้ วุ่นวาย ลำไยที่สุดในโลก”

กระโดดลงจากเตียงแล้วเดินตรงไปสระว่ายน้ำ ผิวปากอย่างสบายใจ ปล่อยให้ไอ้พี่ปราบนอนร้องคร่ำครวญกุมส่วนแก่นกลางของตัวเองเอาไว้แบบนั้นแหละ...



ไม่ได้บีบแรงซะหน่อย..สำออยฉิบหาย

ความไอ้พี่ปราบอะเนาะ!!





ผมมาเที่ยวทะเลครั้งสุดท้ายก็เมื่อสามปีที่แล้วกับพี่ไตรแฟนคนแรก แต่เป็นทะเลใกล้ๆ กรุงเทพ จำได้ว่ากว่าจะอ้อนให้พี่ไตรพามาได้ เราต้องแพลนล่วงหน้ากันเกือบครึ่งปี เพราะเลื่อนแล้วเลื่อนอีกจนแทบจะเป็นบันไดรถไฟฟ้าใต้ดิน ถามว่ามีความสุขมั้ยบอกเลยว่าไม่ค่อย ทำไมนะหรอก็ผมไม่ได้มาด้วยหัวใจที่มีความสุขแบบนี้หรอก



เพราะตอนนั้น..ผมเริ่มจับได้แล้วว่าพี่ไตรแอบไปนอนกับผู้ชายคนอื่น

มันจึงเป็นความทรงจำเกี่ยวกับทะเลที่โคตรจะอึดอัด กระอักกระอ่วนยามหวนกลับไปนึกถึง



ตอนเย็นแบบนี้อากาศกำลังสบาย แถมวิวข้างหน้ายังสวยมากอีกต่างหาก ท้องฟ้าไร้เมฆปกคลุมสีฟ้าเต็มผืนกับสีของน้ำทะเลที่ไล่เฉดกันจากตรงนี้ไปถึงไกลลับตา หาดทรายขาวละเอียดนุ่มยามเหยียบย่ำลงไป บรรยากาศเงียบสงบไร้เสียงรบกวนใด จนได้ยินเสียงคลื่นสาดซัดชัดเจนเรียกความสดชื่นทุกครั้งที่ละอองกระเซ็นซ่าน คนก็ไม่เยอะเหมือนกับหาดอื่นๆ หยุดยืนมองเก็บเกี่ยวความงดงามที่อยู่ตรงหน้าเอาไว้ให้มากที่สุด



ชีวิตนี้ไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสมาเที่ยวที่สวยๆ แบบนี้อีกหรือเปล่า..

ถ้าไม่ใช่เพราะ... คนที่ยืนสูดอากาศสดชื่นอยู่ข้างๆ ผมเนี่ย!!



“มีน”

ใบหน้าฟ้าประทานที่แม้แต่จะใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อเชิ๊ดสีขาวหลวมๆ กับแว่นดำแบบไม่ต้องแต่งอะไรมากก็ยังหล่อดูดีเอ่ยขึ้นหลังจากเราทั้งคู่ต่างปล่อยให้บรรยากาศที่อยู่รอบตัวขับเคลื่อนความรู้สึกในใจให้ล่องลอยเป็นอิสระ

“ครับ” พี่ปราบดึงแว่นลงเล็กน้อยพอให้เห็นสายตา

“ทะเลเรียกว่า Sea ..แต่ช่วงเวลาดีดีเรียกว่าเธอนะ”

“แหวะ..เสี่ยวฉิบหาย”

“อะไรเนี่ย โดนสองทีท้องซะแล้ว พี่นี่มันเก่งจริงๆ”

“อยากโดนบีบไข่อีกปะ”

ผมยกมือทำท่าบีบลมกับส่งสายตามองแรงส่งไปให้ จนพี่มันแกล้งกระตุกแล้วยกยิ้มขึ้น ... กวนตีนเก่งจริงๆ



“พี่ปราบ ขอบคุณนะครับที่พาผมมาเที่ยว”

แม้ในความเป็นจริงจะตามมาทำงานก็เถอะ ..

“เปลี่ยนเป็นหอมพี่ทีหนึ่งได้ปะ”

พี่ปราบแกล้งแหย่ผม..หัวเราะหึหึในลำคอแล้วคว้ามือผมเตรียมจะพาเดินไปมุมอื่นของชายหาดต่อ

เอาวะ.. อย่างน้อยก็ถือซะว่าขอบคุณละกัน

บ้า...ไม่ได้คิดอะไรเลย!!

“พี่ปราบ”

“ครับบบบ”



ฟอด !!!!



เขย่งตัวขโมยหอมแก้มคนที่เบี่ยงหน้ากลับมา พี่ปราบคล้ายตรงใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ผมทำก่อนจะผละริมฝีปากนุ่มออกจากแก้มคนตัวสูงที่ยกยิ้มขึ้นเต็มอัตราแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ นอกจากจับมือผมให้แน่นกว่าเดิมแล้วเดินต่อไปด้วยกัน





“พี่ชักไม่อยากให้ไอ้พวกนั้นมาแล้วสิ”

“ทำไมอะ มีอะไรหรือเปล่า”

จู่ๆ พี่มันก็เอ่ยขึ้นมาซะอย่างนั้นขณะที่เราสองคนกำลังจะเดินกลับที่พัก เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจะได้ออกมาหาอะไรทานตอนเย็น

“อยากมีเวลาส่วนตัวกับมีนนี่นา”

“โว๊ะ นึกว่าอะไร”

ตัวโตเท่าควายยังจะมางอแงอะไรเป็นเด็กๆ ส่ายหัวให้กับความไอ้พี่ปราบแล้วเดินหนี โดยมีพี่มันเดินตามอยู่ไม่ห่าง พลันผมต้องหยุดกลางคันเมื่อใครบางคนปรากฏตัวขวางทางเอาไว้อย่างกะทันหัน



แมร่ง ..นึกว่างูเลี้ยวตัดหน้ารถ!! ตกใจชิบ



“สวัสดีครับคุณปราบ ขอโทษด้วยนะครับที่เมื่อเช้าไม่ได้ออกมาต้อนรับ”

พี่ไตรหรือไตรวิชเจ้าของโรงแรมที่พี่ปราบจะมาคุยงานด้วยเดินเข้ามาทักทาย ทว่าสายตาไม่ได้มองเจ้าของชื่อเลยด้วยซ้ำ

“สวัสดีครับคุณไตรวิช”

มือแกร่งเกาะกุมตรงส่วนเอวของผมไว้แน่นจนผมต้องหันกลับไปมอง พี่ปราบยิ้มส่งให้ปกติดีทุกอย่างไม่มีความโกรธ เกลียดหรือไม่ชอบใจใดๆ เจือปนในน้ำเสียงหรือแม้กระทั่งแววตาเลยแม้สักน้อย

“ไม่เป็นไรเลยครับ ผมมาล่วงหน้าเองแหละ พอดีอยากพามีนเค้ามาเที่ยวด้วยครับ”

“อ่อๆ ครับ .. แล้วเป็นไงบ้าง”

“สวัสดีครับคุณไตรวิช” ยกมือขึ้นไหว้ไปตามมารยาท ทั้งๆ ที่ในใจไม่อยากแม้แต่จะเอ่ยปากคุยด้วยเลย สำหรับผมแฟนเก่าที่เลิกรากันไปด้วยเรื่องราวที่ไม่ดีผมจะตัดออกจากวงโคจรชีวิตเสมือนกับไม่เคยมีคนคนนี้ในโลก



แต่ตอนนี้..ผมทำแบบนั้นไม่ได้เมื่อสถานการณ์ตรงหน้าจำให้ต้องฝืนทำในสิ่งที่ไม่อยาก

บางทีคนเราต้องทำเรื่องไม่อยากทำบ้าง... ไม่ใช่จะทำเรื่องที่อยากทำไปซะหมด ..

คุณนายศรีเคยสอนผมจำได้...



“มีนชอบมากเลยครับ อ้อนผมใหญ่เลยว่าให้พามาบ่อยๆ” พี่ปราบชิงตอบแทนเมื่อเห็นผมอึกอัก

“มีนเค้าชอบทะเลครับ”

พี่ไตรยิ้มส่งมาให้เมื่อพยายามขุดความทรงจำที่เราสองคนเคยมีด้วยกันในอดีตด้วยคำพูดที่สวยหรู..แต่เปล่าเลยความทรงจำที่ผุดขึ้นมามีแต่เรื่องเลวร้าย

“ใช่ครับ มีนชอบทะเล แถมยังบอกอีกว่า มาทะเลครั้งนี้มีความสุขกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเลย”

กึก!! พี่ปราบฟาดแล้วหนึ่ง .. แถมยังส่งสายตาขอแรงสนับสนุนจากผมอีก

“ใช่มั้ยครับ...ที่รัก”

“ใช่ครับ...ที่รัก”

เอาวะ...ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เล่นไปตามน้ำกับพี่ปราบแล้วกันเพื่อความสะใจ

“เย็นนี้ถ้าไม่ติดอะไร ผมขอเลี้ยงข้าวได้มั้ยครับ”

“ต้องขอโทษด้วยครับคุณไตร พอดีเย็นนี้ผมเตรียมดินเนอร์กับมีนไว้แล้ว ยังไงไว้เป็นมื้ออื่นนะครับ”

ดูก็รู้ว่าพี่ไตรฝืนยิ้มต่อ พี่ไตรดูสุภาพมากเวลาคุยกับพี่ปราบออกแนวจะเกรงใจด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่คนอย่างเขาไม่เคยอ่อนให้ใครแบบนี้



หรือเพราะพี่ปราบกำลังจะมาเป็นหุ้นส่วนงั้นหรอ...



“ครับ อย่างนั้นก็ได้ ไว้พบกันพรุ่งนี้นะครับคุณปราบ”

“ได้ครับ ไว้พบกัน”

ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน ก่อนผมจะเดินตามเจ้าของแขนที่เกาะเกี่ยวเอวผมเอาไว้ตรงไปยังที่พัก







โหววววว...ที่ไอ้พี่ปราบบอกว่ามีดินเนอร์ไม่ใช่แค่คำพูดข่มพี่ไตร

แต่มีดินเนอร์จริงๆ !!!



ดวงดาวนับพันดวงใหญ่น้อยส่องระยับราวหยอกล้อกับพระจันทร์ดวงกลมสีเหลืองอร่ามกลางฝืนฟ้ากว้างสีดำผืนใหญ่ ช่างคล้ายกับความงดงามของแสงสีนวลจากแสงเทียนน้อยใหญ่ที่สว่างทั่วไปทั้งหาดทรายกว้างตลอดทางเดินไปยังซุ้มตรงกลางที่ผมกำลังก้าวเดินเข้าไป



หยุดยืนมองสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าสวยงามราวกับภาพในจินตนาการ โต๊ะดินเนอร์สำหรับสองคนโอบล้อมด้วยซุ้มที่ประดับประดาด้วยช่อดอกไม้หลากสีละลานตาตามมุมของเสาทั้งสี่ด้าน ข้างบนพลิ้วไหวด้วยผ้าขาวที่พันพาดไปทั่ว เสียงไวโอลินท่วงทำนองคลาสสิคดังแว่วกลบเสียงคลื่นที่สาดกระเซ็น



“เชิญนั่งครับ” คนตัวสูงเดินมาขยับเก้าอี้ให้ผมนั่งลง ก่อนเจ้าตัวจะอ้อมไปยังฝั่งตรงข้ามแล้วนั่งตาม พี่ปราบสวมเสื้อเชิ๊ตสีฟ้าปลดกระดุมจนเห็นแผงอกขาวแน่น แสงเทียนโดยรอบช่างทำให้ใบหน้าฟ้าประทานนั้นชวนมองมากขึ้นไปอีก

“ชอบมั้ย”

“ชอบครับ ขอบคุณนะครับ”

“พี่ดีใจที่มีนชอบ”

ไม่นานพนักงานก็เริ่มบริการอาหาร อาหารวันนี้เป็นแบบ fine-dining 6 คอร์ส ทั้งคานาเป้ อาหารเรียกน้ำย่อย ซุป จานหลัก และของหวาน ส่วนเครื่องดื่มเป็นไวน์ชั้นดีราคาแพง

“พรุ่งนี้ตื่นเช้าไหวมั้ย”

“ไหวครับ จะไปไหนหรอ”

“พี่ว่าจะพาไปดูพระอาทิตย์ขึ้น”

“ได้ครับ”



มื้ออาหารผ่านไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงพูดคุยที่ผมกับพี่ปราบหยิบยื่นให้กันและกัน

ถ้าหากจะมีใครถามซ้ำอีกว่าครั้งสุดท้ายที่ผมมาทะเลคือเมื่อไหร่



ผมก็คงจะตอบว่าเป็นครั้งนี้ ...

มันเป็นการมาทะเลที่มีความสุขและเต็มไปด้วยความทรงจำที่ดีมากที่สุด



สูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดแล้วค่อยๆ ผ่อนออกเพื่อให้อากาศสดชื่นปลอดภัยจากมลพิษได้เข้าไปให้มากที่สุด ทะเลในยามกลางคืนไม่ได้สวยงามเหมือนตอนกลางวัน ตรงข้ามกันที่มันดูน่ากลัวลึกลับจนใจหวั่น คงไม่ต่างจากมนุษย์ที่มีทั้งด้านสวยงามให้ชื่นชมและด้านมืดให้หวาดหวั่นเช่นกัน



ความเย็นจากลมกระทบผิวหน้าเรียกขนให้ลุกซู่พลันร่างกาบกลับอุ่นขึ้นในทันทีที่สัมผัสอุ่นแนบชิดกับร่างของผมจากด้านหลัง อ้อมแขนแกร่งโอบรัดพาดผ่านตัวผมเอาไว้ให้ลมหายมาทำร้าย คนตัวสูงกว่าพ่นลมหายใจรินรดอยู่ข้างหู

บรรยากาศ ... อาหาร .. สัมผัส

ทุกอย่างมันตรึงให้ผมไม่อาจต่อต้านความรู้สึกที่มีอยู่ในตอนนี้ได้เลย



“ยิ้มอะไร” เสียงถามของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ดังขึ้นพร้อมกับนิ้วที่จิ้มลงมาตรงมุมปากของผม

“มีความสุขก็ยิ้มสิครับ พี่จะให้ผมหน้าบึ้งหรือไง ถามแปลก”

ผมไม่ได้หันไปหาพี่มัน ตรงกันข้ามกลับนั่งมองวิวที่อยู่ตรงหน้าต่อไปเรื่อยๆ นานนับครึ่งชั่วโมงที่ผมกับพี่ปราบลุกออกจากโต๊ะดินเนอร์แล้วพากันมานั่งอยู่บนหาดทรายนุ่มละเอียดท่ามกลางแสงนวลของเทียนที่รายรอบตัว

“มีนกับไตรวิชเคยเป็นอะไรกันหรอ” จู่ๆ พี่ปราบก็เรื่องนี้ขึ้นมา นึกว่าจะไม่ถามแล้วซะอีก ตั้งใจจะเล่าให้ฟังแต่ก็คิดว่าไม่ได้สำคัญอะไรเลยลืม

แต่ในเมื่อพี่ปราบอยากรู้ผมก็ยินดีที่จะเล่า...

“ผมกับพี่ไตรเราเคยคบกันครับ” หางตาแอบเห็นพี่ปราบพยักหน้ารับคำตอบนั้นเพียงเล็กน้อย ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมา เว้นวรรคสักครู่แล้วจึงเริ่มต้นเล่าอีกครั้ง

“เราคบกันได้เกือบสองปีครับ หลังจากนั้นก็เลิกกันเพราะพี่ไตรมีคนอื่น”

พี่ปราบนั่งรับฟังอย่างตั้งใจ เรื่องราวทั้งร้ายดีเกี่ยวกับความรักครั้งเก่าถ่ายทอดมาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด พี่ไตรเป็นแฟนที่ดีหากจะมองในเรื่องความเอาใจใส่ ความเทคแคร์และคำพูดหวานๆ แต่จะเลวร้ายทันทีเมื่อเทียบกับการกระทำที่นอกใจ

“แล้วมีนลืมเขาได้แล้วหรือยัง”

ผมหัวเราะออกมาเบาๆ ทำเอาคนถามหน้ามุ่ยไม่สบอารมณ์

“ลืมได้ตั้งนานแล้วครับ ทำไม...หวงผมหรอ”

“หวงได้ปะละ” ผมส่งยิ้มกลับไปให้

“ไม่รู้สิ...เรื่องแบบนี้คิดเองก็ได้มั้ง”



ผมกับพี่ปราบเดินเล่นมาเรื่อยๆ ห่างจากจุดที่นั่งดินเนอร์พอควรรู้ตัวอีกที ความมืดก็รายล้อมเราเอาไว้แทนแสงสว่างที่อยู่ไกลลิบตา พลันเสียงสนทนาของใครสักคนที่ผมคุ้นหูก็ดังขึ้น ก่อนพี่ปราบจะโอบผมเอาไว้ ดันหัวให้ต่ำลงจากระดับสายตาแล้วพาไปหลบอยู่ตรงพุ่มไม้เพื่อหลบซ่อนจากต้นเสียงซึ่งกำลังเดินมาทางนี้



“เห้ยยย” ผมอุทานออกมาเบาๆ เมื่อสองคนที่ยืนคุยกันอยู่ไม่ไกลเป็นคนที่ผมรู้จักทั้งคู่

อินกับพี่ไตร....มายืนทำอะไรกันตรงนี้ !!!!







ขอจัดโมเมนท์ซักหนึ่งแมทก่อนจะเข้าสู่ช่วงพลิกเกมส์ตอนหน้าเนาะ

ว่าแต่ถุงยางที่พกมาจะได้ใช้มั้ยอะ 555 // ชั้นไม่ไว้ใจพี่ปราบ ทำไมหื่นขนาดนี้ละพ่อ

 :ruready o18
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//19-ทะเลเรียกว่าSea(06/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 06-07-2021 23:11:03
 :a5: o22
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//19-ทะเลเรียกว่าSea(06/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 07-07-2021 18:03:35
เริ่มเฉลยละ
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//19-ทะเลเรียกว่าSea(06/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-07-2021 22:17:39
 :katai2-1:
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//20///(09/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 09-07-2021 18:59:59
Chapter 20 --- ❝ความจริงของฝันร้าย❞
------------

จุดชมวิวเสม็ดนางชี ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไทย เพราะเราสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ของเกาะต่างๆ ภูเขาหินปูน ของ อ่าวพังงาโดยเฉพาะในช่วงเช้าที่แสงของพระอาทิตย์ส่องเป็นประกายแสงออกมา ชวนให้ตื่นตาตื่นใจคุ้มค่ากับการปลุกตัวเองให้ตื่นมาเป็นที่สุด

“มาเซลฟี่กันหน่อย”

พี่ปราบยกโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดชัตเตอร์รัวๆ คาดว่าจะได้รูปไม่ต่ำกว่า10รูป แต่ไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้ซักกี่รูปกันเชียว เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงขอพี่มันเช็ครูปกันพลาดเผื่อผมไม่หล่อขึ้นมาจะได้ถ่ายใหม่



ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ให้พี่มันถ่ายให้แล้วเกือบๆ หนึ่งชั่วโมงที่มาถึงที่นี่

ไม่รู้ความจำเครื่องกูเต็มไปยังป่านนี้ .. หึหึ



“โห..พี่ปราบทำไมต้องทำหน้าหล่อด้วยอะ”

“ก็คนมันหล่อให้ทำไง”

“จ้า .. งั้นเรามาทำหน้าอุบาทว์ๆ กัน”

พี่ปราบจ้องหน้าผมนิ่งก่อนจะพยักหน้ารับ

“กวนตีนละ” แหมจะบอกว่าให้ทำหน้าแบบผมละสิถึงจะเรียกว่าอุบาทว์

“อะไร ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”

“พี่จะบอกว่าหน้าผมอุบาทว์ใช่มั้ย”

“เปล่า..พี่จะบอกว่าทำไมวันนี้น่ารักจัง”

“โว๊ะ..”

“เนี่ย น่ารักอีกละ”

พี่มันยกมือขึ้นมาบีบแก้มผมทั้งสองข้างอย่างมันเขี้ยว แล้วอาศัยจังหวะเผลอรีบจุ๊บแก้มผมก่อนจะวิ่งออกไปจากตรงนี้หน้าตาเฉย

ไอ้พี่ปราบ...อาศัยช่วงชุลมุนอีกแล้วนะ ...





พี่ปราบกับพี่ปกป้องเข้าไปคุยงานกับพี่ไตรและทีมงานตั้งแต่ช่วงบ่ายหลังจากทานข้าวเที่ยงกันเสร็จ ทิ้งให้ผมอยู่กับไอ้เก้าไอ้ปาร์คที่ไม่ค่อยจะสนใจผมสักเท่าไหร่เพราะเอาแต่ตีป้อมไม่หยุดเลยไอ้เวร



พี่ปราบนี่ก็แปลกบอกพาผมมาทำงานสุดท้ายปล่อยให้ผมนั่งแหง่วอยู่นี่ได้..



“แหม ผัวไปทำงานแปบเดียวเองไม่ต้องทำเหมือนผัวไปสงครามขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวพี่ปราบก็กลับมา”

“ผัวพ่อมึงสิ มึงตีป้อมไปเลยไม่ต้องยุ่งกับกู”

ถ้าจะหยุดเล่นเกมแล้วกวนตีนผม คิดว่าปล่อยให้พวกมันตีป้อมหรือจมอยู่กับโทรศัพท์ซะดีกว่า กวนตีนได้ทุกเวลาจริงๆ เลยเชียว



เออ.. ว่าแล้วก็ลืมเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ไอ้สองคนนี้ฟัง



“มึงรู้มั้ยว่าเมื่อคืนกูเจออะไรมา”

“ท่ายากของพี่ปราบชัวร์” ไอ้สัสปาร์คมึงนี่ก็อีกตัว ผมไม่น่าตั้งคำถามแบบนั้นเพื่อให้พวกมันหาคำตอบล่อแหลมแบบนี้กลับมาเลยจริงๆ เออกูผิดเอง

“มึงหยุดเล่นสักพัก แล้วเข้าโหมดจริงจังหน่อยสิ กูซีเรียล”

“ซีเรียสมั้ย” ไอ้ห่าเก้ากูเคยบอกแล้วว่าหน้าผากกูสูง มึงยังเสือกตีอยู่ได้ แค่เล่นมุกนิดเดียวเอง



เอาละ... กูจะจริงจังละนะ!!



“เมื่อคืนกูเจอพี่ไตรกับอินอยู่ด้วยกัน กูคิดว่าเค้าสองคนรู้จักกัน”

ผมเริ่มต้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้เพื่อนทั้งสองคนฟัง ว่าเมื่อคืนผมเห็นพี่ไตรกับอินยืนคุยกัน สีหน้าทั้งคู่ดูเคร่งเครียด ทว่าบทสนทนาที่เกิดขึ้นผมฟังไม่ถนัดด้วยเพราะอยู่ไกลประกอบกับเสียงคลื่นและลมค่อนข้างดัง

ประโยคที่แน่ใจว่าฟังไม่ผิดและชัดเจนที่สุดหลุดลอดเข้าหูมีเพียงประโยคเดียวคือ



“อย่าให้พลาดเหมือนคราวที่แล้ว”



จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าประโยคนั้นหมายความว่ายังไง ยิ่งไอ้พี่ปราบทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่พูดไม่คุยเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยทั้งนั้น กลับถึงห้องก็อาบน้ำนอน

“มึงคิดมากไปเปล่า เค้าก็คงรู้จักกันแบบพี่ไตรจ้างไอ้อินมาทำงานอะไรทำนองนั้น อย่าลืมสิว่าอินเป็นนายแบบนะเว้ย”

“กูเห็นด้วยกับไอ้เก้านะ คงไม่มีไรหรอกมั้งมึง” ไอ้ปาร์คสำทับคำพูดของไอ้เก้า

“แต่กูว่าแปลกๆ คุยงานอะไรหน้าตาจะเครียดขนาดนั้น แถมยังจับมือถือแขนกันด้วยนะมึง”

“ช่างมัน ไม่เกี่ยวอะไรกับมึงสักหน่อย ตอนนี้กูว่าพวกเราไปนั่งหาอะไรเย็นๆ ดื่มข้างนอกดีกว่ากูเบื่อเล่นเกมละ”

ไอ้เก้ากับไอ้ปาร์คลากผมออกไปจากห้องนอนมุ่งตรงไปยังส่วนบาร์ของทางโรงแรม พร้อมความสงสัยที่เคลือบแคลงเพิ่มเติมเข้ามาหนักกว่าเดิมอีก



ปกติไอ้สองตัวนี่มันต้องตั้งสมมติฐานที่ดีกว่านี้สิไม่ใช่ปล่อยให้จบแค่นี้

เสียชื่อโคนันยอดนักเสือกหมด.....





Prabpram : ไม่ต้องรอทานข้าวเย็นนะ พี่ติดประชุมน่าจะดึกเลย



ผมนั่งมองข้อความที่ถูกส่งมาจากพี่ปราบเมื่อราวๆ สองชั่วโมงก่อน พร้อมกับเวลาที่ล่วงเลยเกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว ไม่รู้ว่างานมีปัญหาหรือยังตกลงอะไรกันไม่ได้ตรงไหนถึงได้กินเวลาร่วมเกือบหกชั่วโมงแบบนี้ ไอ้ปาร์คกับไอ้เก้าหายหัวไปไหนไม่รู้ตั้งแต่ทานข้าวเย็นกันเสร็จทิ้งผมให้อยู่ตามลำพัง

“มานั่งเหม่ออะไรอยู่ตรงนี้คนเดียว”

เสียงพี่ไตรเอ่ยทักพลางนั่งลงตรงข้ามผมในทันทีที่พูดจบ พี่เขายิ้มส่งมาให้ราวกับเหมือนไม่เคยทำเรื่องเลวร้ายกับผมมาก่อน



แต่เรื่องนั้นช่างมัน เพราะตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่านั้น

ถ้าพี่ไตรมาอยู่ตรงนี้แล้วพี่ปราบอยู่ไหน...



“ว่าไง ทำไมมานั่งอยู่ที่นี่คนเดียวละครับ คุณปราบกับคนที่ชื่ออินไปไหนแล้วล่ะ”

ตวัดตามองพี่ไตรด้วยความใคร่รู้ว่าทำไมถึงมีอินเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คล้ายกับคนตรงหน้าจะอ่านสายตาผมออกว่ากำลังเกิดความสงสัยขึ้นในใจ

“มีอะไรหรือเปล่ามีน”

“พี่ไตรไม่ได้ประชุมกับพี่ปราบหรอครับ”

“เปล่านะ พวกพี่เลิกประชุมกันตั้งแต่ตอนเกือบๆ ห้าโมงแล้ว พี่นึกว่าคุณปราบจะมาหามีนซะอีก”

พี่ไตรเว้นประโยคนั้นไว้ ท่าทางอึกอักคล้ายอยากพูดแต่ก็ไม่กล้า สงวนท่าทีตัดสินใจสลับกับมองมาที่หน้าผมเป็นระยะ ส่วนผมเองก็รู้สึกแปลกๆ เช่นกัน ถ้าพี่ปราบไม่ได้ประชุมแล้วส่งข้อความแบบนั้นมาให้ผมทำไมกัน

“คือพี่ได้ยินคุณปราบคุยโทรศัพท์ว่าจะไปหาที่ห้อง พี่ก็นึกว่ามาหามีนซะอีก”

พี่ไตรกวาดสายตาคมมองไปทั่วบริเวณที่ผมนั่งอยู่ ในเมื่อเลิกประชุมตั้งนานแล้วทำไมพี่ปราบถึงยังส่งข้อความมาบอกผมว่ากำลังประชุมอยู่อีกผมไม่เข้าใจ

“แต่พี่ปราบบอกว่าประชุมกับพี่ไตรนี่นาน หรือว่ามีประชุมต่อแล้วพี่ไตรไม่ได้เข้าหรือเปล่าครับ”

อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ อย่าเพิ่งคิดไปไกล..

“ไม่มีนะ คุยกันจบหมดแล้ว” พี่ไตรสำทับสิ่งที่พูด

“อ้าว แล้วพี่ปราบไปไหนครับ”

“นั่นสิ..ตอนออกจากห้องประชุมพี่เห็นคนที่ชื่ออินมารออยู่แล้วทั้งคู่ก็เดินไปพร้อมกัน ตอนแรกพี่นึกว่าจะมาหามีนซะอีกนะเนี่ย แต่พอมาเจอมีนพี่ถึงไอ้เริ่มเอะใจแปลกๆ”

พี่ไตรถอนหายใจยาว ส่งสายตาที่แบบผมเองก็เรียกไม่ถูกว่ามันคืออะไร แต่สายตานั้นทำผมวูบๆ วาบๆ ในท้องไปหมด อารมณ์เหมือนผมกำลังจะลุ้นอะไรสักอย่าง

“คือพี่ก็ไม่อยากจจะมองในแง่ร้ายนะ แต่ทางที่สองคนนั้นเดินไปไม่ใช่ทางมาที่นี่”

“แล้วเค้าเดินไปไหนกันครับ”

“น่าจะห้องพักของคนที่ชื่ออินครับ”

เรื่องราวที่ฟังพอจะทำให้สามารถปะติดปะต่อทุกอย่างเรียงร้อยจนครบถ้วน พี่ปราบไม่ได้โทรหาผม เขาเพียงแต่ส่งข้อความเข้ามา และตั้งแต่บ่ายผมยังไม่เจอที่พี่ปราบและอินเลยด้วยซ้ำ

ใจผมหล่นวูบในทันทีที่คิดได้ ความชาวาบวิ่งแล่นไปทั่วทั้งตัว ไม่อยากจะคิดในแง่ร้ายว่าพี่ปราบกำลังทำเหมือนคนอื่นๆ ที่ทำกับผม



แต่สถานการณ์มันยากที่จะทำให้ไม่มองเป็นอย่างอื่น....



บานประตูที่ผมยืนจ้องอยู่นานด้วยความกล้าๆ กลัวๆ ที่จะเคาะหรือจะผลักมันเข้าไป เพื่อเจอกับความจริงที่ซ่อนอยู่หลังประตูบานใหญ่นี้ ความสับสน ความวุ่นวาย ความคิดซับซ้อน ตีวนทั่วไปทั้งหัวตลอดจนความรู้สึกที่มี เหงื่อออกชุ่มมือ ใจสั่นระรัว หายใจหอบถี่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นแทรกซ่อนในความรู้สึกตอนนี้มันเรียกว่าอะไร ผมไม่อยากให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนครั้งก่อนๆ อีก ความผิดหวังเจ็บปวดในความรักมันทำให้ผมปิดตัวเองจากทุกความหวั่นไหวที่เข้ามาตลอด



จนกระทั่งพี่ปราบได้ค่อยๆ พังมันลงมาเกือบทั้งหมด ด้วยความจริงใจที่มอบให้โดยใช้ระยะเวลาเพียงไม่นาน

ทั้งๆ ที่ผมกำลังจะเปิดใจยอมรับ แต่แล้วทำไมทุกอย่างมันถึงได้คล้ายกับเดจาวูที่วนล้อกลับไปเป็นเหมือนเดิม

หรือเพราะในโลกนี้มันไม่มีความรักดีดีหลงเหลืออยู่แบบนั้นหรอ..



“อย่าคิดมากนะมีน มันอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้”

ผมยืนนิ่งมือจับไปที่ลูกบิดประตู สูดลมหายใจยาวแล้วพ่นลมหายใจสะสั่นออกมา หลับตาเรียกสติของตัวเองให้กลับเข้ามาประจำที่ เตรียมตัวหากต้องเผชิญกับสิ่งที่ทำให้เจ็บปวดอีกครา

“หรือถ้ามันเกิดขึ้น ก็คิดซะว่ามีนโชคร้ายแล้วกันเนาะ”

โชคร้าย เหอะ!!

มันก็คงจะเป็นจริงอย่างที่พี่ไตร หนึ่งในคนที่มอบความโชคร้ายเกี่ยวกับประสบการณ์ความรักแย่ๆ มาให้ผมพูด ทุกครั้งที่ความรักของผมพังลงไม่เป็นท่า ผมจะกลับมาโทษตัวเองเสมอว่าผมเป็นคนโชคร้ายที่ไม่มีดวงเรื่องความรัก และผมเป็นคนโชคร้ายที่ไม่ดีพอจะทำให้ใครสักคนรักผม เลือกผมเพียงคนเดียวได้



แต่กับพี่ปราบ ... ผมกลับไม่อยากให้เกิดเรื่องโชคร้ายแบบนั้นขึ้นเลยแม้แต่น้อย



แกร๊ก !!!



“พี่ปราบ”

ตาเบิกกว้างขอบตาร้อนผ่าวกับภาพที่เห็นตรงหน้า ใจมันหวิวคล้ายจะพาให้สติวูบไปเสียให้ได้ จุกแน่นเบลอเหมือนโดนต่อยเมาหมัดนับครั้งไม่ถ้วน ได้แต่เฝ้าถามตัวเองในใจว่าทำไมมันถึงเกิดเรื่องเหี้ยๆ แบบนี้ขึ้นกับผมอีกแล้ว



พี่ปราบกับอินจูบกันอยู่บนเตียง ....

ทั้งคู่ผละกันออกหันขวับกลับมายังผมที่ยืนอยู่ตรงประตู สีหน้าท่าทางแสดงความตกใจอย่างถึงที่สุด พี่มันเรียกชื่อผมเสียงดัง ก่อนจะคว้าเสื้อตัวที่ผมติดกระดุมให้เมื่อเช้าขึ้นมาสวมใส่เตรียมจะเดินมาทางนี้ แต่คงช้าไปเพราะผมไม่อยากอยู่ตรงนี้อีกแม้สักเสี้ยววินาทีเดียว



ผมเสียใจ

ผมเสียความรู้สึก

ผมผิดหวัง

และผมกำลังร้องไห้



ไม่รู้ว่าไกลแค่ไหนที่วิ่งพร้อมน้ำตามาจนถึงที่นี่ ความเสียใจมันสั่งให้เท้าของผมรีบก้าวออกจากห้องนั้น เพื่อให้ตัวเองพ้นกับสิ่งที่เห็นอยู่ ค่อยๆ ปาดน้ำตากับยกแขนขึ้นปิดปากตัวเองไม่ให้ลอดส่งเสียงสะอื้นไห้ออกมา ผมไม่อยากกลับไปเป็นคนอ่อนแอแบบเดิมอีกแล้ว ฝันร้ายที่เจ็บปวดทุกๆ ครั้งสร้างบาดแผลในความทรงจำพรุนจนนับแผลไม่ถ้วน ตั้งใจจะเป็นคนเข้มแข็ง ไร้หัวใจไม่โอนอ่อนเผลอใจให้ใคร



แต่สุดท้ายผมก็ต้องยอมแพ้เสียงเรียกร้องหัวใจของตัวเองให้กับพี่ปราบ

และสุดท้ายมันก็จบลงตรงที่ความเสียใจแบบเดิม



หมับ!!



ผมเสียหลักปลิวไปตามแรงดึงของใครสักคนจนเข้ามาอยู่หลังพุ่มไม้ใกล้ๆ พยายามดิ้นและเปล่งเสียงทว่าทำไมสำเร็จเมื่อทั้งมือที่ยกขึ้นมาปิดปากและโอบรัดตัวเอาไวพันธนาการแน่นจนเรี่ยวแรงที่มียากจะต่อต้านไหว สายตากวาดตวัดมองไปยังร่างของคนที่โฉบคว้าผมเข้ามา ก่อนจะพบว่าใช่ใครอื่นทว่าเป็น

“ไอ้เก้า”

“ชู่ว” ไอ้เก้าส่งสัญญาณให้ผมงดใช้เสียง ไอ้ปาร์คที่อยู่ไม่ห่างพยักพเยิดหน้าให้ผม ส่วนพี่ปกได้แต่ส่งยิ้มอ่อนๆ มาให้ ไม่เข้าใจว่าจะลากเข้ามาทำตัวลับๆ ล่อๆ หลังพุ่มไม้นี่ทำไมกัน

คนกำลังเศร้านะเว้ย..

“ลากกูเข้ามาทำไม”

“อย่าพึ่งถาม อยู่เงียบๆ แล้วหยุดร้องไห้ก่อน” ไอ้เก้าเอ่ย ท่าทีมันดูจริงจังจนผมต้องทำตาม

“ใจเย็นนะมีน โน่นดูอะไรนั่นก่อน” พี่ปกลูบไหล่ผมเบาๆ เรียกสติชี้ให้ผมตวัดสายตาไปตามทิศทางนิ้วชี้ของพี่มัน พลางไอ้ปาร์ครีบยกมือถือขึ้นมาแล้วกดอัดวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าเอาไว้



“ทำแบบนี้ทำไมวะ”

เสียงพี่ปราบดังขึ้นเรียกพี่ไตรที่กำลังเดินให้ชะงักแล้วหยุดหันกลับไปเผชิญหน้ากับพี่มัน พี่ไตรหัวเราะร่วนด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความสุข ส่วนพี่ปราบสีหน้าเคร่งเครียดตรงกันข้าม อินเดินตามเข้ามาสมทบยืนอยู่ข้างๆ พี่ปราบ

“ผมทำอะไรหรอครับ ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย” พี่ไตรทำเฉไฉ ท่าทางยียวนกวนตีนกว่าครั้งไหนจนผมเห็นพี่ปราบกำหมดแน่นสะกดอารมณ์

“ทำอะไรมึงรู้อยู่แก่ใจ”

“มึงมากกว่ามั้ง ที่ทำอะไรลงไป นอกใจมีนไปจูบกับไอ้อินจนมีนร้องไห้เสียใจ”

“มึงว่ากูฉลาดมั้ยไอ้ไตร”

พี่ปราบหลุดหัวเราะในลำคอ ดวงตาประกายวับกับสีหน้ามั่นใจปรากฏขึ้นทันที ตอนนี้กกลายเป็นว่าพี่ไตรเองนั่นแหละที่เริ่มถอดสีหน้าลง

“มึงถามทำไม”

“คนฉลาดอย่างกูเนี่ย ไม่ตกเป็นเหยื่อแผนตื้นๆ ละครหลังข่าวของมึงหรอกไอ้ไตร”

พี่ไตรเงียบสนิท เคร่งเครียดหนักกว่าเก่า

“มึงคิดว่ากูไม่รู้ว่ามึงจัดฉากให้กูกับอินจูบกันแล้วให้มึงพามีนมาเจอกู เหอะ..แผนโคตรกระจอกเด็กปอสี่ยังคิดแผนได้ซับซ็อนกว่ามึงอีกมั้ง”

หืม!! ผมเผลอครางในลำคอบวกกับความดีใจและงงในวินาทีเดียวกัน เรื่องที่ผมเห็นไม่ใช่ความจริงสินะพี่ปราบไม่ได้นอกใจผมสักหน่อย

“มึงพูดเรื่องอะไรของมึง กูไม่รู้เรื่องทั้งนั้นแหละ”

“แต่มึงรู้ใช่มั้ยอิน ว่าแผนทั้งหมดเป็นยังไง”

อินเดินขึ้นมายืนประจันหน้ากับพี่ไตรข้างๆ พี่ปราบ กดยุกยิกในโทรศัพท์แล้วยื่นหน้าจอให้พี่ไตรดู คู่กรณีตาเบอกกว้างด้วยความตกใจเตรียมจะคว้าหมับ ทว่าถูกพี่ปราบผลักออกห่าง



“แผนของเราครั้งนี้ก็คือ อินจะต้องชวนไอ้ปราบไปที่ห้องแล้วทำยังไงก็ได้ให้เหมือนมีอะไรกัน แล้วพี่จะพามีนไปเจอ เราจะสร้างสตอรี่ว่าไอ้ปราบกำลังนอกใจมีน”

“ได้เลยพี่ ว่าแต่พี่จะให้ผมเท่าไหร่ครับ”

“ห้าหมื่น เดี๋ยวจบงานพี่โอนให้”

“ได้ครับ”

“อย่าให้พลาดเหมือนคราวที่แล้ว”



“ไอ้อินมึงหักหลังกู” พี่ไตรตวาดเสียงดังลั่นไปทั่ว เขาโมโหจนตัวสั่นเทาหน้าแดงอย่างคนที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองเอาไว้ได้ พี่ไตรเวลาไม่ได้ดั่งใจหรือโกรธจัดจะไร้ซึ่งสติจนหลุดแบบนี้แหละ

“ก็พี่ปราบเขาจ่ายผมเยอะกว่าพี่ตั้งสามเท่าแหนะ ผมรับจ้างก็ต้องเลือกงานที่ได้เงินดีกว่าสิ”

เด็กหนุ่มที่สุภาพ อ่อนโยน ยิ้มเก่ง โลกสวยที่ผมเคยรู้จัก กลายร่างเป็นคนกร้านโลก ท่าทีแข็งกร้าวกวนประสาทนั้นช่างตรงกันข้ามกับที่ผมเคยสัมผัสอย่างสิ้นเชิง ที่แท้เรื่องที่เห็นเมื่อคืนพี่ไตรกับอินก็คุยกันเกี่ยวกับแผนการในวันนี้นั่นเอง

“มึงพูดแบบนี้กับกูหรอ กูไม่เอามึงไว้แน่ไอ้อิน”

พี่ไตรชี้หน้าคาดโทษอินเอาไว้ สายตาคมแดงก่ำกราดเกรี้ยวมองคนตรงหน้าที่ไม่มีท่าทียี่หระกับความแค้นที่ส่งมาให้เลย

“มึงทำแบบนี้ทำไมไอ้ไตร มึงจ้างคนมาทำลายความรู้สึกมีนทำไม”

อินเบี่ยงหลบให้พี่ปราบที่ยืนนิ่งอยู่นานขึ้นมาประจันหน้ากับตัวต้นเรื่อง พี่ไตรไร้ซึ่งคำพูดใดๆ โต้ตอบนิ่งเงียบทว่ายังคงแสดงออกทางสีหน้าและแววตาว่ายังคงแค้นชัดเจนซะเต็มประดา

“กูถามว่าทำไม” พี่ปราบตวาดลั่นเสียงดังจนผมตกใจ ไม่เคยเห็นพี่มันโกรธเดือนดานขนาดนี้มาก่อนในชีวิต พี่มันกระชากคอเสื้อพี่ไตรเข้ามาหาตัวเอง ตาจ้องนิ่งตัวสั่นเทาไปหมด

“ทำไมกูจะทำไมไม่ได้ ก็ไอ้มีนมันทำกูก่อน แค่นี้ยังน้อยไป”

พี่ไตรผลักพี่ปราบให้ถอยห่างออกจากตัว หัวเราะหึในลำคอคล้ายคนเสียสติ ตาจ้องนิ่งไปหาพี่ปราบที่ดูเหมือนพร้อมจะต่อยไอ้พี่ไตรอยู่ตลอดเวลา ความจริงเรื่องของผมกับพี่ไตรมันจบลงไปตั้งนานแล้วและผมก็ไม่ได้ทำอะไรให้พี่มันเลยหลังจากนั้น มีแต่พี่เขาที่ทำร้ายผมอยู่ฝ่ายเดียว

แล้วเหตุผลที่เขาคิดร้ายกับผมมันคืออะไรกัน...

“มีนไปทำอะไรให้มึง มึงกับน้องเลิกกันตั้งนานแล้ว มึงจะตามทำร้ายน้องอีกทำไม”

“ก็เพราะมันเลิกกับกูไง กูถึงได้เกลียดมัน กูอยากทำลายมัน เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะคนอย่างกูไม่เคยถูกใครทิ้ง ในชีวิตกูกูเป็นคนเลือกตลอดว่าจะเอาใครจะทิ้งใคร ไม่ใช่จะให้ใครมาทิ้งกู”

ตอนนี้มีมือไม่ต่ำกว่าสี่ข้างที่ฉุดผมให้อยู่ที่ไม่ให้ลุกออกไปต่อยไอ้เหี้ยไตรให้ล้มคว่ำล้มหงายอยู่ตรงนั้น ผมรู้สึกร้อนไปหมดเพราะความโกรธไม่คิดว่าคนคนหนึ่งจะเหี้ยอะไรได้ขนาดนี้ ผมเป็นคนบอกเลิกเพราะมันมีคนอื่นแต่กลายเป็นผมต้องมาโดนทำร้ายต่อมันยุติธรรมตรงไหน

“เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ”

“เออ มึงไม่รู้หรอกว่ากูรู้สึกเสียหน้ามากแค่ไหน คนอย่างไตรวิชชีวิตเพียบพร้อมทุกอย่างแต่กลับถูกไอ้เด็กกระจอกๆ คนหนึ่งทำลายความภูมิใจของกู กูถึงต้องทำลายความรักของมันทุกครั้งไง”



ห๊ะ!! ผมอ้าปากค้าง



“มึงว่าไงนะไอ้ไตร มึงทำลายความรักของน้องทุกครั้งเลยหรอ”

“เออ กูทำลายความรักของมันทุกครั้ง ตั้งแต่เลิกกับกู กูก็ให้คนตามดูชีวิตมันตลอด ทุกครั้งที่มันมีแฟนกูก็จะทำให้มันผิดหวัง เสียใจ โดนทิ้งเหมือนกับที่กูโดนไง”

พี่ไตรเอ่ยเล่าสิ่งชั่วร้ายที่ได้ทำเอาไว้อย่างไม่ยี่หระ จนความโกรธที่มีของผมมันทวีขึ้นเป็นเท่าตัวไม่สิสิบเท่าตัวเลยมากกว่า ผมเข้าใจมาตลอดว่าผมโชคร้ายที่เจอความรักแย่ๆ จนปิดกั้นตัวเองจากความรัก

แต่สุดท้ายมันไม่ใช่...

“แฟนคนที่สองของมัน บังเอิญโชคเข้าข้างกูหวะ แฟนเก่ามันเป็นน้องที่กูรู้จักกูเลยเชียร์ให้สองคนนั้นกลับมาคบกัน ยุยงสารพัดจนในที่สุดเค้าก็ทิ้งมัน”

ไอ้พี่ไตรหัวเราะอย่างภาคภูมิใจที่ได้เอาชนะคนอย่างผม

“ส่วนคนต่อมา กูก็จ้างคนให้ไปยั่ว ไปยุ่งกับแฟนมัน สันดานผู้ชายพอเจออะไรที่ถึงใจมันก็ติดจนถอนตัวไม่ขึ้น จนนานวันเข้าผู้ชายก็เริ่มห่างมันและทิ้งมันไปในที่สุด”

พี่ไตรหัวเราะร่วนราวกับคนเสียสติ

“ล่าสุดกูก็จ้างไอ้อินให้ไปจีบมัน ตั้งใจว่าพอมันหลงรักไอ้อินก็จะทิ้งมันเหมือนที่มันทิ้งกู แต่ไอ้นี่เสือกพลาด กูเลยต้องเปลี่ยนแผนเป็นจัดการกับมึงแทน เป็นไงกูเก่งมั้ยทำลายความรักของมันได้ทุกครั้งเลย ฮ่าๆ สะใจโว้ย”

“ไอ้เหี้ย”



ปึก !!!



พี่ปราบชักหน้าพี่ไตรจนล้มลงกับพื้นแล้วพุ่งเข้าไปคร่อมล่างเอาไว้ ปล่อยหมัดใส่ไม่ยั้งด้วยแรงโกรธจนหน้าพี่ไตรอยู่ในสภาพไม่ชวนมองเท่าไหร่ เลือดกบปากเปรอะเปื้อนเต็มเสื้อเช๊ตขาวที่สวมใส่ พี่ปราบยั้งหมัดสุดท้ายเอาไว้ ใบหน้าบิดเบี้ยวสะกดอารมณ์ร้อน ต่างจากคนที่คนอยู่บนพื้นส่งยิ้มหัวเราะราวคนบ้าไม่รู้สึกรู้สากับความเจ็บปวดตลอดจนสิ่งเลวร้ายที่ได้ทำลงไปทั้งหมด

“ต่อยกูเลย เพราะยังไงมึงก็ไม่มีทางได้กลับไปหาไอ้มีนแล้ว”

“มึงแน่ใจหรอไอ้ไตร”

“กูแน่ใจ เพราะมีนเค้าเชื่อในสิ่งที่เห็นไปแล้ว คนโง่ๆ แบบนั้นป่านนึ้คงนั่งร้องไห้ตายไปแล้วมั้งยิ่งคิดกูก็ยิ่งสะใจหวะ ยังไงก็ขอบคุณมึงมากนะ”

พี่ปราบหัวเราะตอบกลับไป ผละลุกขึ้นยืนสะบัดมือไล่ความเมื่อยจากการชกหนัก หันหน้ามาทางพุ่มไม้แล้วเอ่ยขึ้น

“ได้ยิน ได้เห็นทุกอย่างหมดแล้วใช่มั้ยครับมีน”



ผมลุกขึ้นเดินออกมาจากความมืดหลังพุ่มไม้ที่หลบซ่อนอยู่ ก้าวออกมาตามแสงที่ค่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ จนทุกอย่างชัดเจนในที่สุด ไม่ต่างจากหัวใจของผมตอนนี้ที่เคยซุกซ่อนเอาไว้หลังกำแพงสูงเพียงเพราะเข้าใจว่าสิ่งเจ็บปวดตลอดเวลาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะความรักที่ไม่สมหวังจนกระทั่งทุกอย่างกระจ่างชัด

“มีน”

“ใช่ผมเอง” พี่ไตรพยุงตัวให้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับผม ข่มตัวเองให้มีสติระงับความโกรธให้มากที่สุด มันจะได้จบๆ กันไปสักทีไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนแบบนี้แล้ว

“เรื่องที่เราเลิกกัน ถ้าพี่คิดดีดีเหตุมันมาจากพี่ที่นอกใจผม ไม่ใช่ผมอยากบอกเลิกพี่ ตลอดเวลาที่คบกันผมพยายามที่จะประคับประคองแล้วแต่มันก็ไปต่อไม่ได้จริงๆ ขอโทษนะครับถ้ามันจะทำให้พี่รู้สึกหมดความภาคภูมิใจในตัวเองได้ถึงขนาดนี้”

ถามว่ารักพี่ไตรมากแค่ไหน ผมตอบได้เลยว่าเคยรักมาก มากที่สุดเท่าที่ชีวิตหนึ่งรักสามารถรักใครสักคนได้ ตลอดระยะเวลาที่มีด้วยกันมันดีมากถึงมากที่สุด ถ้าไม่มีเรื่องนอกใจเข้ามาเกี่ยวข้อง

ผมรับได้ทุกอย่าง ยกเว้นแค่เรื่องนี้จริงๆ ..

“หึ”

“แต่ที่พี่ตามทำร้ายผม ตามทำให้ความรักของผมพังทุกครั้ง จนผมต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ไม่เชื่อในความรัก เกือบชีวิตพังกลายเป็นคนง่ายๆ นอนกับใครก็ได้อันนี้ผมไม่เห็นด้วยหวะ”

ไม่มีใครที่อยากจะเลิกกับคนที่เรารัก เพราะเมื่อมีรักเราต่างมองไปที่ปลายทางแห่งความสุขมากกว่าปลายทางแห่งความจบสิ้น ทว่าความสุขที่มีเลือนลางเข้าไปในทุกนาทีที่ผ่านเลย

ในเมื่อหนึ่งคนพยายามประคับประคองแต่อีกหนึ่งกลับนิ่งเฉยแถมยังค่อยทำลายลง สุดท้ายมันก็ยากที่จะไปต่อได้

“คนเราเลิกกัน เพราะมันรักกันไม่ได้ เราควรจะจบกันด้วยดี ต่างคนต่างอยู่ไม่ใช่จองเวรกันแบบนี้ ที่ผ่านมาผมจะถือว่าผมชดใช้ให้พี่หมดแล้วนะครับ ผมจะไม่โกรธไม่ถือโทษอะไร”

“แต่กูไม่จบ”

“ถ้ามึงไม่จบ เรื่องที่มึงทำร้ายมีนที่โรงแรม แล้วก็เรื่องที่มึงติดการพนันจะถูกเปิดเผยสู่สังคมทันที คนที่มีแต่ความภาคภูมิใจในตัวเองและหวงแหนมันขนาดนั้น คงไม่อยากให้มีเรื่องอะไรแบบนี้เกิดขึ้นใช่มั้ย”

“ไอ้ปราบ”

“ใช่ กูชื่อปราบปราม จำหน้ากูไว้ดีดี ถ้ามึงไม่จบมึงเจอกู และมึงก็รู้ว่าครอบครัวกูมีอิทธิพลในวงการขนาดไหน”

“พวกมึง”

“เมื่อก่อนมึงอาจจะทำร้ายมีนได้ แต่นับจากนี้มึงไม่มีสิทธิแม้แต่นิดเดียว”

.

“เพราะมีนเป็นคนของกู ถ้ามึงแตะมึงตายไอ้เหี้ยไตร กูไม่เอามึงไว้ทำพ่อหรอก”



จากนี้ไปชีวิตผมคงจะหมดเวรหมดกรรมกับคนแบบนี้และเรื่องรักร้ายๆ ที่เกิดขึ้นเสียใจ

ตราบใดคนที่เอ่ยปากว่าจะปกป้องผม



ยังเกาะกุมมือกันไว้แน่นแล้วเดินไปด้วยกันแบบนี้...





หมดดราม่าแล้วนะทุกคน .... สามตอนสุดท้าย เข้าสู่โหมดหวานกันรัวๆ เลยนะ

เราไม่อยยากเขียนดราม่าอะไรเยอะ ฮ่าๆ

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//20///(09/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 09-07-2021 22:40:42
 :z13: :z3:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//20///(09/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-07-2021 00:10:41
 :katai3:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//20///(09/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 11-07-2021 21:03:21
เฉลยหมดละ
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//20///(09/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 12-07-2021 22:41:49
พี่ปราบไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP21/ผลของความพยายาม(13/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 13-07-2021 20:04:18
Chapter 21 --- ❝ผลของความพยายาม❞

----------


Xปราบปราม



ผมพามีนกลับมาถึงห้องแล้ว แต่เด็กดื้อของผมยังไม่เอ่ยถามอะไรทั้งนั้นเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น พอมาถึงก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำบอกว่าอยากแช่อ่างให้หายเหนื่อย ส่วนผมก็เลยออกมานั่งคิดถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมาอยู่ตรงริมสระว่ายน้ำรอ

ตอนแรกแมร่งก็ไม่โกรธ เพราะคิดว่าเรื่องคงไม่ได้แย่มากเท่าไหร่ แต่พอเอาเข้าจริงสิ่งที่ผมได้รู้จากปากไอ้ตัวต้นเรื่องก็ทำเอาแทบคุมสติตัวเองไว้ไม่อยู่เหมือนกัน ไม่ต่อยมันจนสงบคามือก็ดีเท่าไหร่แล้ว คนเหี้ยอะไรจะตามทำร้าย ทำลายคนที่ตัวเองเคยรักได้มากมายขนาดนั้นเพียงเพราะ...



‘โดนบอกเลิก’



คนที่เพียบพร้อมอย่างไตรวิช ลูกชายคนเดียวของนักธุรกิจรายใหญ่ (สีเทา) ถ้าให้ผมเดาเขาคงถูกเลี้ยงดูมาแบบถูกตามใจจทุกอย่าง ในชีวิตไม่เคยมีอะไรที่ไม่ได้อย่างใจ อยากได้ก็จะเอา พอเบื่อก็จะทิ้ง เป็นฝ่ายถูกเลือกในขณะเดียวกันก็เลือกที่จะทิ้งมาโดยตลอด



ความยึดมั่นว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งอย่างจึงทำให้เขามีความภูมิใจกับสิ่งเหล่านั้น

จนมันพังทลายเพียงเพราะ...โดนเด็กผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งบอกเลิก

เขาถึงได้แค้นฝังใจ



“พี่ปราบ”

“ว่าไง”

เสียงน้องกระตุกผมให้หลุดออกจากภวังค์ความคิดแล้วหันมาหา มีนนั่งลงข้างๆ ผม สีหน้า แววตาท่าทางของมีนไม่ได้แย่อย่างที่ผมคาดการเอาไว้ น้องเข้มแข็งตามนิสัยที่น้องเป็น แต่ก็แอบหวังว่าจะแบบร้องไห้อ่อนแอแล้วมาซุกที่อกผมบ้างผมจะได้ดูเป็นพระเอกที่คอยปกป้องนางเอกอะไรแบบนั้น

“นั่งคิดอะไรอยู่”

“ก็คิดถึงเรื่องเมื่อกี้นั่นแหละ ยังกรุ่นอยู่นิดหนึ่ง แล้วเราละยังโกรธอยู่มั้ย”

มีนส่ายหัวแทนคำตอบ ผมชื่นชมในความเข้มแข็งของน้อง หรืออาจเพราะมีนเจ็บปวดกับความรักมานับครั้งไม่ถ้วนถึงมีภูมิคุ้มกันราวกับวัคซีนที่เป็นเกราะหนาไม่ให้เชื้อไวรัสร้ายผ่านเข้าไปได้

“พี่ปราบเป็นคนวางแผนทั้งหมดใช่มั้ยครับ”

“อืม พี่เป็นคนวางแผนแต่ก็ไม่ได้ทำคนเดียวนะมีพี่ปกกับเพื่อนมีนช่วยด้วย”

งานแบบนี้ผมจะวู่วามจัดการคนเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากคนใกล้ตัวของมีนและของผมด้วย เริ่มจากไอ้เก้ากับไอ้ปาร์คที่ให้คอยดูแลมีน คอยจับตาดูความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับคนที่เข้ามาใกล้มีน ส่วนพี่ปกเป็นที่ปรึกษาหาแนวทางจัดการ ส่วนผมลงมือ โคตรจะเป็นระบบกูนึกว่าปฎิบัติการลับระดับชาติ

“แล้วมีนไม่โกรธไตรวิชจริงหรอ” ผมหันไปหาน้องที่เอาแต่เหม่อมองไปยังวิวตรงหน้า

“ตอนแรกก็โกรธนะครับ แต่พอรู้ว่าผมเองก็มีส่วนที่ทำให้พี่ไตรเป็นแบบนั้นก็รู้สึกผิดนิดหนึ่งเหมือนกัน”

“หืม” ผมเลิกคิ้วขึ้นเมื่อน้องพูดโทษตัวเองแบบนั้น มันไม่ใช่ความผิดมีนสักหน่อย

“ผมเพิ่งรู้หลังเลิกกันครับว่าที่พี่ไตรชอบเปลี่ยนคู่นอนเพราะเขามีปมในใจ ที่บ้านพ่อแม่พี่ไตรเลิกกันไปตั้งนานแล้วแต่อยู่ด้วยกันเพราะเรื่องธุรกิจ พี่เขาเลยเหมือนจะขาดความรักถึงต้องหาคนมาอยู่ข้างตัวตลอดและต้องการมีคนรักเขามากๆ”

มีนตวัดสายตาพลางยิ้มมุมปากมาให้ ผมจึงเคลื่อนมือหนาแกร่งของตัวเองเข้าไปเกาะกุมมือของน้องเอาไว้แน่นลูบหลังมืออย่างอ่อนโยนเพื่อปลอบประโลม

“การบอกเลิกของผมคงทำให้พี่ไตรเสียใจ และหมดความภูมิใจในตัวเองจริงๆ นั่นแหละ คนที่ปกติเป็นฝ่ายทิ้งอยู่กับความรู้สึกอย่างผู้ชนะมาโดยตลอด วันหนึ่งกลับถูกทิ้งคงไม่ชินกับความเป็นผู้แพ้”

มีนคนเดิมที่ผมรู้จักในตอนเด็ก จิตใจดียังไงก็ยังคงเป็นแบบนั้น น้องเป็นคนที่ฟังหากมีเหตุผลให้ได้คิดตามเสมอ

“แล้วมีเรื่องกับพี่ไตรแบบนี้ งานที่ดีลไว้จะไม่เสียหายหรอครับ”

“พี่ไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อโรงแรมมันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เป็นหนึ่งในแผนเท่านั้นเอง”

ทันทีที่รู้ว่าโรงแรมนี้เป็นของไตรวิชผมก็ไม่ลังเลที่จะให้พี่ปกติติดต่อเพื่อเจรจาธุรกิจ โรงแรมของเขาอยู่ในช่วงวิกฤตขาดสภาพคล่องเพราะปัญหาทางการเงินจากการบริหารงานของเขาเองที่ผิดพลาด

“อ่อๆ ครับ พี่ไตรคงติดการพนันหนัก เงินที่มีก็คงเอาไปลงทุนตรงนั้นหมด”

“มีนรู้ด้วยหรอ”

“รู้สิครับ ก็พี่ไตรติดการพนันมาตั้งแต่ตอนคบกับมีนแล้ว”

ผมพยักหน้ารับ ก่อนที่มือของผมจะถูกบีบนวดจากคนที่นั่งข้างๆ อย่างเบามือ ผมเลิกคิ้วสงสัยในการกระทำดังกล่าวเหมือนเจ้าตัวจะรู้รีบเอ่ยปากเฉลยขึ้นมา

“ก็เห็นต่อยพี่ไตรหน้าแหกขนาดนั้น ก็เลยนวดมือให้หายเมื่อยไงครับ” ยิ้มกว้างอีกแล้ว ใจพี่บางไปหมดแล้วมีน

ผมนั่งนิ่งจ้องแต่มีนไม่ละสายตาไปไหน ปาก จมูก ตา ผิวเนียนละเอียด สะกดให้ตกอยู่ในภวังค์ได้อย่างง่ายดาย

โคตรน่ารักเลย...

“ขอบคุณนะครับ ที่ปกป้องผม”

“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็น..”

“หืม”

.

“ให้พี่ได้ใช้ของที่เตรียมมาในกระเป๋าได้ปะละ”

ผมพูดไปอย่างนั้นแหละไม่ได้ทำดีเพื่อจะได้อะไรตอบแทนหรอก แค่ได้ปกป้องน้องก็พอแล้วและยิ่งได้เห็นรอยยิ้มสวยๆ แบบนั้นก็ยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่ อย่างอื่นมันเป็นแค่ผลพลอยได้มากกว่า

มีนลุกขึ้นแล้วเดินหายเข้าไปในห้องพร้อมเสียงตะโกนดังๆ ที่ลอดผ่านประตูออกมา คำที่ทำเอาทั้งใจและไอ้ลูกชายผมฟูจนต้องรีบวิ่งตามเข้าไป

“พี่ปราบ..กล่องเดียวพอหรอครับ”







คนเราจะแอบรักใครสักคนได้นานแค่ไหน..

คนเราจะรักใครสักคนได้ถึงเมื่อไหร่..



นั่นสิผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกพวกนี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็อยากพาตัวเองเข้าไปรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับคนคนหนึ่งซะแล้ว ผมกับมีนรู้จักกันตั้งแต่เด็กบ้านเราอยู่ใกล้ๆ กันแถมคุณหญิงมรกตแม่ผมกับคุณน้าศรีซึ่งเป็นแม่ของมีนก็สนิทสนมกันมาก สามารถนั่งเมาท์กันได้เป็นวันวันโดยไม่ขาดตอน



ผมกับมีนจึงมักจะได้มาเล่นด้วยกันบ่อยๆ ระหว่างผู้ใหญ่คุยกัน เล่นบ้างทะเลาะบ้างกวนตีนบ้างปะปนกันไป ส่วนใหญ่ก็ผมนี่แหละตัวกวนตีน แรกๆ ผมไม่ค่อยชอบมีนเท่าไหร่ก็อย่างว่าผมไม่เคยมีน้อง ผมเป็นลูกคนเล็กสุดของบ้าน ทุกอย่างในชีวิตผมจะได้รับการตามใจมาโดยตลอดจากคุณพ่อ คุณแม่และพี่ปกป้อง



แต่พอมีมีนเข้ามาในชีวิตผมกลับต้องเป็นฝ่ายปกป้องน้อง ดูแลน้อง ตามใจน้อง นานวันเข้ามันจึงกลายเป็นความเคยชินว่าผมจะต้องดูแลมีนทั้งๆ ที่การกระทำที่ออกไปตรงกันข้ามฉิบหาย



ปากหมา ... กวนตีน ... ขี้แกล้ง...แต่สุดท้ายก็ยอมแค่น้องคนเดียว

และยอมมาโดยตลอด



“พี่ปราบมีนอยากเล่นกับน้องแมว”

“เดี๋ยวมันก็กัดมือหรอก”

“นะนะ”

สุดท้ายก็พาน้องซ้อนท้ายจักรยานไปหาแมวอ้วนสีส้มท้ายซอยอยู่ดี



“พี่ปราบมีนอยากกินไอติมแตงโม”

“มึงนี่วุ่นวายมีอันนั้นจะอินอันนี้ วันนี้กินรสช็อกโกแลตไปก่อน”

สุดท้ายผมก็ไปต่อยกับรุ่นพี่เพื่อแย่งไอติมแตงโมแท่งสุดท้ายมาให้มีน



“พี่ปราบวันนี้มีนโดนแกล้ง”

“สมน้ำหน้า โดนบ้างก็ดี”

สุดท้ายพออีกวันผมก็ไปต่อยไอ้ห่าที่แกล้งมีนจนผมถูกเรียกพบผู้ปกครอง



“พี่ปราบสอนการบ้านมีนหน่อย”

“วุ่นวายจริงๆ เลย กูดูการ์ตูนอยู่มึงไม่เห็นหรอ”

สุดท้ายผมก็ต้องปิดทีวีแล้วสอนไอ้ตาแป๋วฝึกบวกเลขจนคล่อง





“พี่ปราบมีนขอเล่นด้วยคน”

“รำคาญ”

สุดท้ายผมก็ต้องไปต่อจอยเกมอีกอันเพื่อให้น้องมันเล่นเกมต่อสู้



คิดแล้วก็ตลกตัวเองเหมือนกัน

ปากก็บ่นไปงั้น กวนตีนเป็นที่หนึ่ง

สุดท้าย...ก็ตกหลุมรักไอ้เด็กดื้อเข้าจนได้



หากจะถามว่าความรู้สึกผมเปลี่ยนไปตอนไหนก็คงจะเป็นตอนที่ผมไปเรียนต่อที่อเมริกา ผมรู้ว่ามีนมีแฟนและเลิกกับแฟนไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่จากพี่ปกและไอ้เก้ากับไอ้ปาร์ค ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่พอเห็นมีนผิดหวังซ้ำๆ ผมเองก็เริ่มจะเป็นห่วงความรู้สึกของน้อง อยากจะกลับไปดูแลแต่ก็ไม่รู้จะดูแลในฐานะอะไรในเมื่อผมทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดีไม่เป็น



ยังจำได้ดีตอนที่ไอ้เก้าบอกว่ามีนจะเปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่นอนกับใครก็ได้ แค่วางสายผมก็หงุดหงิดจนกดปิดการ์ตูนช่องโปรดทิ้งและโทรเลื่อนตั๋วเครื่องบินกลับเมืองไทยให้เร็วที่สุดทั้งที่ตั้งใจจะอยู่เที่ยวอีกสักสามเดือนหลังเรียนจบ



แล้วก็รีบกลับมาเมืองไทย....จนเลยเถิดเกิดมีอะไรกันในคืนนั้นนั่นแหละ

มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ..เพราะผมตั้งใจ

ในเมื่อดูแลในฐานะพี่ชายไม่ได้...ก็ต้องอยู่ในสถานะอื่นที่จะดูแลน้องได้

นั่นคือ...’ ผมจะเป็นเจ้าของมีน’



เสียงหายใจถี่สลับกรนเล็กน้อยของคนข้างๆ ที่นอนเหยียดเต็มความสูงอยู่ข้างๆ ผมบนโซฟาในห้องรับแขกทำให้ผมต้องละสายตาจากการ์ตูนเรื่องโปรดจากช่องที่เปิดทิ้งเอาไว้ ใบหน้าเรียวสวยขาวเนียนที่ผมชอบแอบมองตอนนี้นอนหลับไม่ได้สติอยู่ในอ้อมอกผมนับตั้งแต่ทานข้าวเที่ยงเสร็จ



เรากลับมาถึงกรุงเทพตั้งแต่สิบเอ็ดโมงกว่า และผมก็ไม่ได้กลับไปที่คอนโดของตัวเองเพราะไอ้เจ้าเด็กดื้อที่นอนกรนอยู่นี่เอ่ยปากชวนทานข้าวด้วยกัน ปกติจะมีแต่ผมที่งอแงขออยู่ต่อทว่าวันนี้กลับเป็นน้องเสียเองที่ชวน จากเดิมที่จะกลับไปนอนพักเลยกลายเป็นมานอนกล่อมเด็กดื้อให้ครางเสียงอืออาทุกครั้งที่ผมประทับจูบลงบนแก้มนุ่มเนียนนั้นแทน

คิดแล้วก็เอื้อมมือไปดึงแก้มนุ่มเนียนของคนที่ยังหลับสนิทแถมยังส่งเสียงกรนเบาๆ ในอ้อมกอดผม ได้ยินเสียงฮึมฮัมและหน้ายุ่งน้อยๆ ด้วยถูกรบกวนเวลานอน

“มีน”

“มีนครับ”

“อ่า...”

“ตื่นได้แล้ว แขนพี่ชาไปหมดแล้วเนี่ย”

น้องยังนิ่งคงเพลียมาก เมื่อคืนผมก็จัดไปหลายยกอยู่เหมือนกันจนหมดกล่องนั่นแหละ สุดท้ายจึงไม่อยากกวน ผมเลยขยับตัวถอยห่างค่อยๆ ดึงมือที่สอดรับร่างมีนเอาไว้ให้ออกจากตัวแล้วเลื่อนหมอนมารองหัวจัดแจงให้อยู่ในท่าที่นอนสบาย แล้วหยิบผ้าห่มในห้องนอนออกมาคลุมร่างมีนไว้





มืดแล้วผมรอมีนตื่นล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแล้วพากันลงมาหาอะไรง่ายๆ กินแถวหน้าคอนโด เดินตามทางไปเรื่อยเพื่อหาของกินจู่ๆ เด็กดื้อก็ยืนนิ่งมองไปทางซ้ายมือที่มีไฟประดับประดาอยู่สูงตรงทางเข้าที่มองเข้าไปดูคล้ายตลาดนัด

“พี่ปราบ ไปเดินเล่นข้างในกันมั้ย น่าจะมีของกินเยอะ”

มีนตาเป็นประกายวาว พยักหน้าหยึกๆ อ้อนเหมือนตอนขอให้ผมพาไปหาน้องแมวสมัยเรายังเด็ก ผมอาศัยช่วงชุลมุนกุมมือมีนเอาไว้แล้วพากันเดินเข้าไปข้างในวัด ร้านค้าหลากหลาย ทั้งของกิน ของใช้ ขนมสารพัดเรียงรายตั้งอยู่ทั่วบริเวณ เสียงแม่ค้าพ่อค้าต่างเรียกลูกค้าแข่งกันดูครึกครื้น กลิ่นอาหารโดยเฉพาะลูกชิ้นทอดลอยโชยมาตามลมทำเอาท้องผมร้องดังยิ่งกว่าเสียงดนตรีเสียอีก

“เอาลูกชิ้นทอดสี่สิบบาทครับ” เสียงมีนสิ่งลูกชิ้นทอดในกระทะน้ำมันเหลืองอร่าม ลูกชิ้นที่เมื่อก่อนทุกๆ เย็นผมจะออกมาซื้อที่สวนสาธารณะหน้าโรงเรียน มันจะเป็นลูกชิ้นบวกปลาเส้นบวกไส้กรอกแดงราดน้ำจิ้มมะขามเปรี้ยวๆ หวานๆ บอกเลยโคตรอร่อย

ที่สำคัญ..คนที่ยืนน้ำลายไหลอยู่ข้างๆ ผมเนี่ยชอบมาก

“กินเยอะ ตูดใหญ่”

“แล้วใครใช้ให้จับ”

วางมือบนหัวแล้วขยี้ผมแรงๆ ให้กับความกวนตีนของน้องมีน ผมรับลูกชิ้นมาพลางส่งกระเป๋าตังค์ในมือให้มีนถือ

“ไม่กลัวผมใช้หมดกระเป๋าหรอ”

“ยกสมบัติจากมรดกให้ทั้งหมดเลยยังได้”

มีนทำปากคว่ำกับสายตากวนตีนส่งมาให้เชิงล้อเลียน แต่ผมพูดจริงนะถ้าคุณนายมรกตรู้ว่าผมกำลังตามจีบลูกชาย (ทูนหัว) คนเล็กของแกอยู่คงดีใจแย่

“แหวะ จะอ้วก”

“จูบนะ”

“อย่ามาขู่ ไม่กลัวหรอก”



จุ๊บ!!!



เหมือนมีนจะอึ้งไปเล็กน้อยเพราะผมพุ่งเข้าไปจุ๊บที่ริมฝีปากแล้วเดินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สายตากวาดมองไปทั่วมีแต่คนมองแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่



คนอย่างปราบปรามกล้าหมดแหละ

การลงทุนมีความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุนก็มีความเสี่ยงเช่นกัน

ดังนั้น....ไม่มีความจำเป็นจะต้องกลัว



“มีน อยากกินอะไรเพิ่มอีกมั้ย” ถามน้องทั้งๆ ที่ตลอดครึ่งชั่วโมงที่เดินมาไม่มีร้านไหนที่ไม่แวะ จนของกินเต็มสองมือผม ต้องหาซื้อถุงผ้าใส่ไม่อย่างนั้นมีหวังนิ้วล็อกชัวร์ๆ

“มีน..พี่ถามว่า...อ้าว”

มีนไม่ได้อยู่ตรงนี้แต่ยืนมองอะไรอยู่ตรงโน้นที่ผมเพิ่งเดินผ่านมาด้วยความสนใจ ผมกลับไปหาน้องถึงได้รู้ว่าไอ้ที่เด็กดื้อยืนมองอยู่นั่นก็คือ

“พี่ปราบ ปาลูกโป่งเป็นป่าว”

หึ...งานงอกแล้วล่ะกู ไอ้ปาลูกโป่งไม่เท่าไหร่แต่สายตาที่จับจ้องอยู่กับป้ายของรางวัลนั่นสิน่าจะเรื่องใหญ่

“ว่าไงปาเป็นมั้ย มีนอยากได้ตุ๊กตา” นั่นไง กูว่าแล้ว

“เดี๋ยวพี่พาไปซื้อในห้าง เอาตัวใหญ่แค่ไหนก็ได้”

ตั้งใจจะตัดปัญหาด้วยเงิน แต่ต้องหยุดกึกเมื่อเห็นสายตามองนิ่งนั้นส่งมาเป็นแสงประกายจนเผลอกลืนน้ำลายลงคอแทบไม่ทัน

“ถ้าพี่ซื้อตุ๊กตาพี่ก็ได้แค่ตุ๊กตา แต่ถ้าพี่ปาโป่งพี่ก็จะได้ทั้งตุ๊กตาและความภูมิใจ อะไรที่ได้มาด้วยความพยายามใครๆ ก็ชอบทั้งนั้น”

เสียงเด็กอายุราวๆ ห้าหกขวบถือลูกดอกเอาไว้ในมือยักคิ้วให้ผมหงึกๆ แล้วกลับไปเพ่งสมาธิที่เป้าตรงหน้า ปาติดๆ กันจนครบเจ็ดดอกและเข้าเป้าที่ลูกโป่งแตกครบเจ็ดลูกเช่นกัน

“โถ..น้องเก่งมากอะ” นั่นมีนเดินเข้าไปชื่นชมน้องเขาใหญ่เลย แหม..แก่แดดทำมาสอนผมเหมือนผมเป็นน้องมันแบบนั้นแหละ

หยามแบบนี้แถวบ้านเรียกหยาม ...

“แค่นี้เอง กระจอก พี่จัดมา”

ผมรับตะกร้ามาจากพี่เจ้าของร้าน ตวัดสายตาไปทางเด็กน้อยที่ยืนดูเชิงผมอยู่ข้างๆ มันจะยากอะไรแค่ปากลูกโป่ง



หึ.. ไม่เลย ไม่ยากหรอ

เปล่า..ไม่เข้าเลยไอ้เหี้ยเอ๊ย หมดจะพันหนึ่งแล้วเนี่ย



“อ่อนวะ” น้องคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะสำทับแล้วอุ้มตุ๊กตาหมีสีขาวตัวโตที่มีนอยากได้แล้วเดินออกไป จะต่อยเด็กก็กลัวได้ออกข่าว มองไปตุ๊กตาก็เหลือตัวสุดท้ายแล้วด้วย

“พอมั้ยพี่ปราบ มีนไม่เอาแล้วก็ได้”

“ไม่ได้พี่ต้องเอามาให้มีน”

ผมยกมือเรียกพี่เจ้าของร้านเพื่อเพิ่มตะกร้าลูกดอกอีกเรื่อยๆ สายตาจับจ้องที่ตุ๊กตาหมีตัวที่มีนอยากได้แล้วเริ่มลงมือปาอีกครั้ง ท่ามกลางความตั้งใจที่มีและเสียงของน้องคนนั้นดังก้องในหู



‘อะไรที่ได้มาด้วยความพยายามใครๆ ก็ชอบทั้งนั้น’



ผมมานั่งแหง่วอยู่ตรงระเบียงห้องมีนหลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ พร้อมคนข้างๆ ที่นั่งถือพวงกุญแจตุ๊กตาหมี อือฟังไม่ผิดหรอกพวงกุญแจตุ๊กตาหมีจริงๆ ก็ผมพยายามแล้วแต่มันปาเข้ามากสุดแค่สามในเจ็ดเลยได้พวงกุญแจตุ๊กตาหมีกลับมาแทนตุ๊กตาตัวโตตัวนั้น

หมดไปเป็นแสน .. แขนตุ๊กตาก็ยังไม่ได้จับ วืดสุด

“หายนอยด์ได้แล้วพี่ปราบ จริงจังไปหรือเปล่า”

“ก็มีนอยากได้ไง พี่ก็ต้องเอามาให้ได้สิ”

บอกแล้วไงครับว่าผมตามใจมีนทุกอย่าง อะไรที่น้องอยากได้หรือจะเอาผมก็จะพยายามทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา คาดหวังมากก็เลยผิดหวังมากเป็นธรรมดา

“มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดตุ๊กตานะครับ”

“หืม”

“มันขึ้นอยู่ที่ความพยายาม แค่พี่ปราบพยายามทำให้มีน ตุ๊กตาจะตัวเล็กตัวใหญ่หรือได้แค่ลูกอมมาเพียงเม็ดเดียว มันก็มีความหมายมากๆ แล้ว ผลการความพยายามไม่ได้วัดกันที่ความสำเร็จอย่างเดียวนะครับ”

ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร แม้ความพยายามจะยังไม่ทำให้เกิดผลสำเร็จได้ในครั้งแรก แต่ก็ดีกว่าไม่พยายามเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะสุดท้ายเราก็ได้ลงมือทำไม่ว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไงก็ตาม



ความสุขที่ได้ทุ่มเทระหว่างทางต่างหากที่ทำให้เราภูมิใจมากกว่าผลลัพธ์ที่คาดหวังไว้



ห้องมีนอยู่สูงพอจะเห็นวิวที่อยู่ตรงหน้าได้ถนัดตา แสงจันทร์บางเบาเลือนรางท่ามกลางท้องฟ้ามืดที่ถูกแสงไฟที่มากกว่าแสงดาวบนพื้นโลกส่องสว่าง มีนยกแก้วน้ำเต้าหู้ขึ้นดื่มแล้วหยกเล่นกับตุ๊กตาหมีตัวเล็กที่อยู่ในมือ พลางเมื่อรู้ว่าผมนั่งแอบมอง เจ้าตัวจึงหยุดและเริ่มเอ่ยประโยคสนทนาขึ้น

“พี่ปราบ”

“…ครับ”

“พี่ปราบเริ่มชอบมีนตั้งแต่ตอนไหนหรอ”

คิ้วผมเลิกขึ้นที่จู่ๆ น้องก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมา

“ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนไหน...แค่รู้ตัวอีกทีพี่ก็อยากเป็นคนที่ทำให้มีนมีความรักที่ดีแล้ว”

พูดถึงตรงนี้ คนฟังอมยิ้มขึ้น ดวงตาคู่กลมสีน้ำตาลจ้องมองผมชวนให้หลงหนักเข้าไปใหญ่

“มีนจำได้ว่าตอนเด็ก พี่ปราบชอบแกล้งมีน ชอบกวนประสาท ชอบทำให้ร้องไห้ แต่สุดท้ายพี่ปราบก็ยอมมีนตลอด”

“พี่เป็นพวกปากร้ายแต่ใจรักอะ”

“เค้ามีแต่ปากร้ายแต่ใจดีไม่ใช่หรอพี่ปราบ”

ผมหัวเราะแก้เขินพลางวางมือบนดวงหน้าของน้อง ใช้นิ้วไล่เกลี่ยจัดผมที่ลู่ตามลมให้เข้าที่ ลูบแก้มนิ่มไล้เรื่อยอยู่นานอย่างเอ็นดู

“พี่ชอบมีนนะ”

“คะ..ครับ พี่ปราบเคยบอกมีนแล้ว”

“ก็อยากย้ำให้รู้ตัวอีกที ว่าพี่ชอบมีนและกำลังจีบมีนอยู่นะ”

“รู้แล้ว” เขินยังไงให้น่ารักขนาดนี้นะ

“ส่วนเรื่องคืนนั้นของเรา ไม่ใช่ความบังเอิญ....แต่พี่ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น”

คืนนั้นถ้าไม่ติดว่ายุ่งเรื่องมีน ผมจะถีบไอ้เก้าซักพันครั้งโทษฐานที่ผมให้มันเสือกสอนมีนให้ไปอ่อยผู้ชาย โชคยังดีที่ผมไปทันและมีนขึ้นรถผมพอดี

ตอนแรกก็ไม่ได้จะเลยเถิดมีอะไรกับน้องหรอก เพราะผมอยากเริ่มความสัมพันธ์แบบพัฒนาไปเรื่อยๆ แต่พอฝ่ายนั้นเอ่ยชื่อคนอื่นผมก็ทนไม่ไหว เลยต้องรวบรัดน้องให้เป็นของผมซะเลยจะได้มีข้ออ้างในการพาตัวเองเข้าไปมีบทบาทในชีวิตน้องมากขึ้น

“ขอบคุณนะครับพี่ปราบ ขอบคุณมากจริงๆ”

“จูบได้มั้ย”

“หืม...ตอนนี้นะหรอ”

“ครับ อยากจูบ”

ขณะอีกฝ่ายมองมาด้วยสีหน้าที่ยังสับสนตามไม่ทันที่จู่ๆ ผมก็เปลี่ยนเรื่องเร็วกะทันหัน เคลื่อนตัวขยับเข้าไปใกล้น้องเพื่อให้ระยะห่างระหว่างเราน้อยมากที่สุด โน้มหน้าเข้าไปใกล้จนคนถูกล่วงล้ำหลับตาริมสัมผาเมื่อริมฝีปากแตะทาบทับมอบความร้อนส่งไปให้ เม้มขบริมฝีปากทั้งบนล่างสลับไปมาก่อนจะฉกลิ้นสากเข้าไปตวัดเกี่ยวลิ้น ระรัวจนหนำใจดูดกลืนน้ำหวานจนอิ่มเอม



ต่อให้ตอนนี้มีนจะเริ่มกลับมาเชื่อและศรัทธาในความรักได้แล้ว แต่ถ้ามีนยังไม่ตอบตกลงว่าจะคบกับผม ก็ยังไม่สามารถวางใจได้อยู่ดี



“ไม่ว่ามีนจะเจอเรื่องเลวร้ายมามากแค่ไหน พี่จะเยียวยามันด้วย....”

.

“ความจริงใจทั้งหมดที่พี่มี”







เอาแล้ว เริ่มหวานกันแล้ว นับจากนี้ไปทุกพื้นที่จะมีแต่คนคลั่งรัก ^^




 :hao5: :hao7: o13 :katai1:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//21/ผลของความพยายาม(13/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 13-07-2021 21:19:19
 :pighaun: :haun4:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//21/ผลของความพยายาม(13/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 13-07-2021 21:39:03
โอ๊ยยยยยย อิจฉา
ไม่มีพี่ปราบเป็นของตัวเอง
พี่ปราบกลายร่างไปแล้ววววววว
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//21/ผลของความพยายาม(13/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-07-2021 22:09:00
 :laugh:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//21/ผลของความพยายาม(13/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: nut2557 ที่ 14-07-2021 12:34:35
 :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//21/ผลของความพยายาม(13/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 15-07-2021 23:40:25
หวาน / หมดเป็นแสน หมีน้อย
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//22/ตื่นจากฝันร้าย(16/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 16-07-2021 19:48:10
Chapter 22 --- ❝ตื่นจากฝันร้าย❞

------------
หนึ่งเดือนกว่าแล้วนับตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องขึ้น ...

พร้อมกับศรัทธาในความรักที่หวนกลับเข้ามาในความรู้สึกผมอีกครั้ง



ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทันทีที่รู้ความจริงว่าความรักที่พังทลายลงไปทุกครั้ง ที่ผมคอยแต่โทษตัวเองว่าผมคงไม่ดีพอที่จะใครสักคนได้ จนท้ายที่สุดกลายเป็นคนสิ้นหวังที่จะเจอรักแท้



และก่อกำแพงปิดกั้นตัวเองมาโดยตลอด....



ตอนนี้ผมคล้ายถูกปลดออกจากโซ่ตรวนที่พันธนาการหัวใจของผมเอาไว้ให้เป็นอิสระตามเดิม จากนี้ผมคงกล้าที่จะกลับไปรักใครสักคนอีกครั้ง และคงต้องเริ่มจากการหันกลับมารักตัวเองให้มากอีกครั้ง



ไม่ทำร้ายตัวเองด้วยการเลือกทำในสิ่งที่เกือบทำให้ชีวิตผิดพลาด......



“มีนว่าคนเราควรจะรักตัวเองหรือควรจะรักคนอื่นครับลูก”

“รักตัวเองสิครับแม่”

“มีนคิดแบบนั้นหรอครับ”

“ใช่ครับ”

“แล้วมีนรักตัวเองหรือมีนรักคนอื่นครับลูก” ผมนิ่งไปสักครู่ก่อนจะตอบคำถามผู้เป็นมารดากลับ

“รักตัวเองครับ”

“แล้วมีนคิดว่าสิ่งมีนทำอยู่ ทำให้ตัวเองมีความสุขหรือเปล่าครับ”

ผมนั่งเงียบไม่มีคำตอบให้ผู้เป็นมารดา เมื่อย้อนกลับไปคิดถึงสิ่งที่ได้ทำเอาไว้ ความผิดหวังในความรักทำให้ผมเลือกวิธีการแสดงออกในทางที่ผิด

“การประชดตัวเองไม่ใช่เรื่องผิด แต่การประชดตัวเองเพื่อคนที่ไม่เห็นค่าในตัวเราเป็นสิ่งที่ผิด มนุษย์มีหลากวิธีที่จะทำเพื่อปกป้องตัวเอง แต่นั่นต้องไม่ทำให้ตัวเองต้องสูญเสียความเป็นตัวเองไป”

“และที่สำคัญ .. คุณค่าในตัวเองยังต้องมีเหลืออยู่”

“ครับแม่”

“มีนเห็นพระจันทร์ดวงนั้นมั้ยครับ” ผมมองนิ้วของแม่ที่ชี้ไปยังพระจันทร์ดวงกลมที่ซ่อนอยู่หลังเมฆมัว

“เห็นครับ”

“ไม่มีคืนไหนที่พระจันทร์จะส่องสว่างได้ตลอดหรอกนะลูก มันต้องมีคืนที่ถูกบดบังด้วยก้อนเมฆหนาหรือมืดลงในคืนเดือนดับไปตามธรรมชาติ ... แต่สุดท้ายพระจันทร์ก็จะกลับมาส่องแสงตามเดิม เพราะอะไรรู้มั้ย”

ผมส่ายหัวด้วยความไม่เข้าใจ

“เพราะพระจันทร์เชื่อมั่นใจแสงสว่างของตัวเอง ก็เหมือนคนเรามันต้องมีทั้งดีและไม่ดีเข้ามาในชีวิต เพียงแค่เราเชื่อมั่นใจตัวเอง เชื่อมั่นในความดี สักวันผลของความดีจะตอบแทน”

..

“และอีกไม่นาน...แสงสว่างที่เคยถูกบดบังก็จะส่องสว่างอีกครั้ง”




ผมก็คงเหมือนกับดวงจันทร์ที่ความผิดหวังในความรักบดบังให้จิตใจมืดบอดจนไม่เหลือใจให้รักใครเลยสักคน แต่หากผมเชื่อมั่นในความรัก เชื่อมั่นในความดี

สักวันผมคงจะได้เจอความรักที่ดีได้ในไม่ช้า



มาถึงตอนนี้ผมไม่ได้โกรธพี่ไตรแล้ว จะมีก็แค่ความเป็นห่วงมากกว่า พี่ไตรได้รับบทเรียนราคาแพงที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล



‘พี่ไตรถูกลวงไปชิงทรัพย์’ ...ออกข่าวหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง



ฟังไม่ผิดหรอกครับ ด้วยความที่พี่ไตรเป็นคนชอบ One Night Stand ดังนั้นการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ ตามความถูกใจที่ได้เจอจึงกลายเป็นผลลัพธ์ที่น่ากลัวทีเดียว เมื่อคนที่นัดพี่ไตรไปหานั้นลวงเขาไปที่คอนโดแต่ระหว่างทางกลับแวะที่เปลี่ยวแล้วให้ผู้ร่วมขบวนการมาชิงทรัพย์ ทว่าพี่ไตรต่อสู้ขัดขืนจึงถูกแทงไปหลายแผล อาการสาหัสจนเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอยู่นาน แถมยังถูกเจ้าหนี้พนันตามมาทำร้ายอีกต่างหาก



หลังทราบข่าวผมรีบไปเยี่ยมพี่ไตรที่โรงพยาบาล...

สภาพพี่ไตรดูแย่มากจนใจผมหวิว ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาเต็มไปด้วยบาดแผลเต็มไปทั่วบริเวณ ทั้งแผลฟกช้ำ แผลสด รวมถึงรอยเย็บ ไม่คิดเลยว่าพี่ไตรจะโดนอะไรที่หนักหนาได้ถึงขนาดนี้เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้อย่างน้อยครั้งหนึ่งเราก็เคยรักกันแม้มันจะจบลงไม่สวยงามก็ตาม

“ผมมาเยี่ยมครับพี่ไตร” พี่ไตรพยักหน้ารับ คุณหมอบอกว่าพี่ไตรบอบช้ำทั้งภายนอกและภายใน

“หายไวไวนะครับพี่ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่พี่เคยทำไม่ดีกับผม ผมอโหสิให้ครับเราจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกัน”

หางตาของพี่ไตรมีน้ำใสไหลออกมา ปากขยับเอ่ยด้วยความยากลำบากด้วยเพราะมีแผลหนักตรงมุมปาก

“พี่....ขอ.....โทษ”

“ผมก็ขอโทษพี่เหมือนกันครับ” ส่งยิ้มให้กับรักแรกของผมพร้อมกับประตูห้องที่ปิดลงด้วยหัวใจที่ไม่มีสิ่งใดต้องติดค้างกันอีกต่อไป



ส่วนอินหลังจากที่รับเงินจากพี่ปราบช่วยหักหลังพี่ไตรไปแล้วก็กลับไปใช่ชีวิตปกติ ที่จริงอินไม่ได้ชอบผมหรอกอินมีคนรักอยู่แล้ว เขาเพียงทำไปเพราะเงินที่พี่ไตรจ้างค่อนข้างสูง อ้างว่ามีความจำเป็นต้องใช้เงินเลยต้องรับงานนั้นไว้ อินส่งไลน์มาขอโทษผมยกใหญ่ซึ่งผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้วจริงๆ



“แล้วนี่ยังไง มานั่งรอผัวกลับบ้านว่างั้น”

“เปล่า กูก็แค่อาศัยติดรถพี่ปราบกลับ จะได้ประหยัดไง”

ไอ้เก้าดึงชายเสื้อนักศึกษาผมขึ้นจนมันเปิดออก ผมคว้าเอาไว้แล้วดึงมือมันออก ไม่รู้เล่นเหี้ยอะไรมาดึงทำด๋อยในร้านกาแฟเพื่อ

“เปิดหาพ่อง”

“กูไม่ได้เปิดหาพ่อง กูเปิดหารอย”

“รอยอะไรของมึง”

“รอยแถไงไอ้ฟาย แถจนสีข้างถลอกหมดละ”

ชูนิ้วกลางใส่แมร่งเลย ห่านี่ขัดคอผมจริงๆ ยกแก้วชาเขียวขึ้นมาดูดเหลือบมองเวลาในนาฬิกาเกือบทุ่มหนึ่งแล้วพี่ปราบยังประชุมไม่เสร็จ ดีที่มีไอ้เก้ามานั่งรอเป็นเพื่อนไม่อย่างนั้นเบื่อแย่เลย



หลังๆ มาพี่มันรุกหนักผมมากขึ้นจนแทบตั้งตัวไม่ทัน ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าพี่เขากำลังตามจีบผมอยู่ แต่บางทีก็ตั้งใจไม่ทันจริงๆ พี่มันเล่นไม่ปล่อยให้ผมได้หายใจเลย



ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ ... แต่พอผมกล้าที่จะเปิดใจ ความรู้สึกที่เคยปิดกั้นเอาไว้มันก็รับรู้ได้อย่างเต็มที่

อารมณ์แบบเรากั้นน้ำที่กำลังท่วมเอาไว้ พอที่กั้นถล่ม...

น้ำก็เข้ามาท่วมจนเต็มพื้นที่ ... อะไรทำนองนั้นแหละ

“แล้วนี่มึงตกลงคบกับพี่ปราบแล้วหรือยัง”

“หึ”

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ

“ทำไมอะ มึงไม่ได้ชอบพี่เค้าหรอ”

“ก็รู้สึกดีนะมึง เค้าแบบทำอะไรให้กูหลายๆ อย่างแต่มันติดแค่...”

“อะไรวะ” ไอ้ก้าวเลิกคิ้วสูง

“พี่เค้ายังไม่เคยขอกูเป็นแฟน”

ถึงแม้พี่ปราบจะบอกชอบ แสดงออกทางคำพูดและการกระทำว่ากำลังตามจีบผมมากแค่ไหน ทว่าคำว่าเป็นแฟนกันนะ คบกันนะอะไรทำนองนั้นพี่มันยังไม่เคยเอ่ยออกมา

“แปลว่าถ้าพี่มันขอมึงก็ตกลง”

“ไม่รู้สิ”

ถึงเวลานั้นขึ้นมาจริงๆ ก็ค่อยว่าอีกทีแล้วกัน ตอนนี้ก็แค่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามความรู้สึกและทิศทางที่มันควรจะเป็นไปก่อน สถานะไม่ได้มีผลกับผมมากนักหรอกก็แค่

เป็นเครื่องผูกเราสองคนเอาไว้ให้รู้ว่าเราเป็นของกันและกันก็เท่านั้น





เย็นนี้ผมมีแขกเจ้าประจำเหมือนเดิมครับ โน่นนอนเหยียดยาวบนโซฟาดูการ์ตูนช่องโปรดสบายใจเฉิบ ส่วนผมกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเย็นสำหรับเราสองคน เมนูง่ายๆ อย่างบะหมี่เพราะกว่าจะถึงห้องก็เกือบสามทุ่มแล้วไม่อยากวุ่นวายอะไรมาก ครั้นจะแวะทานข้างนอกไอ้คนที่นอนยิ้มอยู่ตรงโน้นก็ไม่ยอม



“พี่อยากกินกับข้าวฝีมือมีน” พี่มันบอกแบบนั้น ก็คงเพราะเหตุผลนี้ผมถึงไม่เคยได้กินข้าวเย็นคนเดียวเลยตั้งแต่กลับมาจากพังงา



แรกๆ ..ก็ไม่ค่อยชินเท่าไหร่ แต่พอเป็นแบบนี้ทุกวันมันก็เริ่มชิน เอาน่า..ดีกว่าต้องเปิดทีวีไว้เป็นเพื่อนแถมยังประหยัดเงินในกระเป๋าอีก





“หอมจัง”

ลมหายใจอุ่นกับริมฝีปากนุ่มทาบลงที่แก้มผม ทำเอาสะดุ้งโหยงเกือบทิ้งทัพพีในมือ พี่ปราบเดินมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้อยู่ๆ ก็เข้ามากอดจากด้านหลัง

“นั่นแก้มมีน ไม่ใช่กับข้าวอย่ามาเนียนเล่นมุกนะ”

“อ้าวหรอ โทษทีๆ ”

“ยิ้มอะไรไม่ทราบพี่ปราบ” พี่มันผละผมออกจากอ้อมกอดขยับตัวมายืนอยู่ข้างๆ มองอาหารที่เสร็จพร้อมเสิร์ฟในชมพลางยกยิ้มกว้าง

ทำงานมากไป.. จนเพี้ยนปะเนี่ย ช่วงหลังอาการเริ่มหนัก

“ก็พี่มีความสุข ดีใจที่มีคนดูแลดีขนาดนี้ ดูสิกับข้าวเย็นนี้น่ากินโคตร”

“เกินเบอร์ไปมากแล้ว..นั่นมันแค่ต้มบะหมี่ซองใส่ไข่มั้ยพี่ปราบ”

“แค่ต้มบะหมี่ซองก็ทำให้มันเป็นมื้อที่วิเศษมากแล้วนะ ...” ส่งสายตาหวานเยิ้มปานน้ำผึ้งเดือนห้ากับเบ้าหน้าฟ้าประทานที่ทำเอาผมเคลิ้มทุกครั้งที่มองมาอีกแล้วสิน่า

“มีนทำให้พี่รู้สึกเหมือน ผัวกลับมาบ้านแล้วเมียทำกับข้าวให้กินเลยอะ...ความพ่อบ้านแม้บ้านอะเนาะ”

“เฮ้ออออออ...เอาที่สะดวกเถอะ”

ผมถอนหายใจออกมาไล่ความเขินที่มี อืม..ฟังไม่ผิดหรอก ผมเขินไม่คิดว่าคนแบบพี่ปราบจะมีโหมดโรแมนติคพูดจาหวานๆ อะไรทำนองนี้เป็นกับเค้าด้วย



หรือเพราะผมเคยชินกับความปากหมา กวนตีนของพี่มัน

พอมาเจอเสียงสิบอ่อนนุ่มกับคำพูดแบบนั้นผมถึงได้

เกือบชักดิ้นตายอยู่ตรงนี้แล้วแหละ ....





พี่ปราบล้างจานเป็นแล้วนะ ผมลืมบอก ช่วงนี้มากินข้าวบ่อยก็เลยต้องฝึกกันสักหน่อย แรกๆ ก็เสียจานไปหลายใบแต่หลังๆ เริ่มคล่องขึ้นแล้วแม้จะมีงอแงบ้างในบางที

ตั้งหน้าตั้งตาเช็ดจานใบสุดท้ายแล้วเก็บจนเรียบร้อยแล้ว คนตัวสูงจึงถอนหายใจยาวทำเหมือนกับว่าไปวิ่งมาสักสิบรอบทั้งที่ล้านจานชามไม่ถึงสี่ใบ

ความพี่ปราบ..นี่โคตรจะเวอร์เลย

“แล้วนั่นพี่ปราบจะไปไหนครับ” พี่มันเดินตรงเข้าไปยังห้องนอนของผมแทนที่จะเดินมาหาผมที่นั่งรออยู่ตรงโซฟา

“ไปอาบน้ำนอนไง”

“อย่ามาเนียน กลับไปนอนคอนโดสิ”

“โอ๊ย...ปวดหัว ขับรถไม่ไหวหรอก”

นั่น แอ๊คติ้งใหญ่ยิ่งกว่าละครเวทีซะอีก ว่าแต่ปวดหัวอะไรกุมท้องแบบนั้นวะเนี่ย การแสดงถ้าเฟคมันดูออกนะพี่นะ

“กลับไปเลย อย่ามาลีลาเยอะ”

“นะนะ พี่ขอนอนที่นี่แหละ พรุ่งนี้วันหยุด”

“ไม่ได้ กลับไปนอนห้องตัวเองเลย”

“พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส”





เหมือนผมจะเป็นคนใจง่ายที่แพ้ให้กับความออดอ้อนของพี่ปราบ เพราะสุดท้ายจากที่ผมไล่ให้พี่มันกลับคอนโดของตัวเองก็จบด้วย



เบ้าหน้าฟ้าประทานนอนหล่ออยู่ข้างๆ ผมเนี่ย....



เสียงเพลงในวิทยุคลื่นโปรดของผมทำหน้าที่ของมันไปเรื่อยๆ พี่ปราบคงชินกับการที่พอกินข้าวเสร็จทีวีจะถูกปิดอัตโนมัติ ทั้งห้องจะมีเพียงเสียงเพลงที่ออกมาจากแอพวิทยุเท่านั้น



ผมจุดเทียนหอมเอาไว้สร้างบรรยากาศเหมือนทุกคืน แสงสีนวลจากเทียน กลิ่นหอมฟุ้งชวนให้ทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวผ่อนคลาย น่าอภิรมย์มากกว่าที่เคยเป็น แล้วยิ่งมีคนนั่งฟังเพลงเป็นเพื่อนแบบนี้ด้วยยิ่งดีขึ้นไปอีก



“ค่ะ สำหรับเพลงส่งท้ายชั่วโมงนี้นะคะ ขอทิ้งท้ายกันด้วยเพลงที่ขอมาจากคุณ...หล่อเสี่ยงตีนนะคะ”

ผมหันขวับไปยังคนที่นอนหนุนแขนตัวเองอยู่ใกล้ๆ ส่งรอยยิ้มอ่อนละมุนพร้อมกับเสียงดีเจที่จบลง

และอินโทรเพลงที่กำลังเริ่มต้นขึ้น.....



เรื่องเมื่อคืนที่มันเกิด

ต้องขอโทษอีกครั้งที่พลั้งพลาดไป

ดูเหมือนฉันไม่ได้ตั้งใจ



ภาพในคืนแรกจุดเริ่มต้นในความสัมพันธ์เกินเลยระหว่างเรา ฉายชัดเป็นมิวสิคเอ็มวีในส่วนลึกความทรงจำที่ผมยังจำติดแน่นอีกครั้ง





แท้ที่จริง

ที่มันเกิด

มันคือความต้องการลึกลึกข้างใน

ที่ไม่ยั้งไม่ยอมห้ามใจ

อภัยกันได้ไหม

อะไรที่ได้ทำเกินเลย



พี่ปราบย้ำเสมอว่าเรื่องคืนนั้นระหว่างเราไม่ใช่ความบังเอิญหรือความผิดพลาด ทว่าเขาตั้งใจและจงใจให้มันเกิดขึ้น



อยากเป็นคนที่รับความผิดที่ทำไว้

ให้ฉันดูแลเธอได้ไหม

แค่รับฟังให้เข้าใจ

อย่าหลบกันไปแบบนี้

โปรดกลับมาให้ฉันได้บอกคำคำนั้น





ให้ฉันได้ทำให้เธอหายดี

เรื่องเมื่อคืนที่เรามี

มันเป็นเพราะว่ารักเธอ

(เพลงเมื่อคืน - Season Five feat. The Parkinson)



สำหรับผมเซ็กส์เป็นเรื่องเดียวกับความรัก การจะมีอะไรกับใครสักคนมันต้องเกิดจากความรักหรือต้องสานต่อเป็นความรักเท่านั้น ยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นผมหวั่นไหวไปกับพี่ปราบเสียแล้ว ผมไม่สามารถมองพี่ปราบได้แบบเดิมเหมือนที่เคยเป็น สัมผัสทุกครั้งที่ถูกตัวกระตุ้นให้ใจผมสั่นราวกับเป็นสิ่งต้องห้าม



และผมก็ไม่อยากให้มันจบลงแค่คืนนั้นเช่นกัน

ไม่ผิดใช่มั้ยถ้าผมจะบอกว่า...ไม่ได้มีแค่พี่ปราบที่ชอบผม

เพราะผมเองก็ไม่ต่างกัน



“เรื่องเมื่อคืนที่เรามี......”

.

“มันเป็นเพราะรักเธอ”



เสียงอ่อนนุ่มที่ย้ำถ้อยคำจากเพลงกระชากวิญญาณผมให้หลุดลอยไปพร้อมกับมือแกร่งที่ไล่เรื่อยไปตามดวงหน้าของผม ลูบไล้ตรงริมฝีปากนิ่ม ก่อนคนตัวสูงจะส่งสัมผัสอุ่นประทับที่หน้าผากของผมจนเผลอหลับตารับอุ่นไอนั้นตามธรรมชาติ พี่ปราบสะกดผมด้วยนัยน์ตาสีดำคู่นั้นที่ผมหลงใหลชวนฝันกว่าคราวไหนที่ได้มอง



“พี่ปราบ”

“ครับ”

“จูบได้มั้ย”

กลายเป็นผมที่ห้ามใจตัวเองไม่ได้ ฝ่าความอายขอคนตัวสูงตรงหน้าจูบเสียเอง รู้สึกร้อนวูบจนหน้าแดงระเรื่อ พี่ปราบพยักหน้าแล้วเป็นฝ่ายจูบโจมผม นุ่มนวลเนิ่นนานกับสิ่งที่พี่มันปรนเปรอ ไม่ได้ลุกล้ำ ไม่ได้เสียวซ่าน



ทว่า....มันเป็นจูบที่เต็มไปด้วยความฟุ้งฝัน ชวนให้ใจสั่นได้เพียงง่าย

จูบที่ถ่ายทอดความรู้สึกที่มีภายในซึ่งกันและกัน



“พี่....”

ใจสั่นระรัวกับสิ่งที่จะพูดตามมา ทั้งบรรยากาศ ทั้งเพลง ทั้งอารมณ์ของเราสองคน มันคิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลยนอกจาก พี่มันกำลังจะขอผมเป็นแฟนหรือเปล่านะ



แล้วผมจะต้องตอบว่ายังไง .....



“พี่.....”

“คะ..ครับ”



ตึก ตึก ตึก อีกนิดเดียวจะหลุดออกมาแล้วใจเอ๋ย..



“พี่ขอ....”

“คะ..ครับ ว่าไง อะ..”

“พี่ขอขยับแขนหน่อยได้มั้ย มีนหนักมากอะ เหน็บกินไปหมดแล้วเนี่ย”



เพล้งงงง !!!แตกละเอียดยิบ

ไม่น่าคาดหวังอะไรกับพี่มันเลย..แมร่งเอ๊ย !!

“วันนี้นอนโซฟานะ ห้ามเข้าไปนอนในห้อง”

“อ้าวพี่ทำอะไรผิดเนี่ย”



ยัง...ยังไม่รู้ตัวอีก ความไอ้พี่ปราบ ฮึ่ยยยยยยยยย








ความพี่ปราบอะเนาะ 5555

น้องก็วืดไปสิ...จะจบอยู่แล้วทำไมยังไม่ขอน้องเป็นแฟนอีกพี่ปราบ

 :m20: :laugh: o18 :oo1:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//22/ตื่นจากฝันร้าย(16/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 16-07-2021 20:34:23
 :katai1: :sad4:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//22/ตื่นจากฝันร้าย(16/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-07-2021 22:34:54
 :laugh:



พอถึงเวลา
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//22/ตื่นจากฝันร้าย(16/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 19-07-2021 10:20:22
นอนโซฟาไป อด
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//22/ตื่นจากฝันร้าย(16/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 19-07-2021 22:58:14
 โอ๊ยยยยยยยยยยย
อิพี่ปราบ บรรยากาศพาไปขนาดนั้นแล้ว
ไปนอนโซฟาซะไป๊
มันน่าไล่กลับไปนอนคอนโดตัวเองจริงๆ
 :angry2: :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l (Our Half Night) >>UP//22/ตื่นจากฝันร้าย(16/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 20-07-2021 06:46:17
+1 ep22 อัพ 16-07-21 ครับ  :hao3:
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l(Our Half Night) >>UP//23/มันเป็นเพราะว่ารักเธอ(20/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 20-07-2021 19:56:06
Chapter 23 --- ❝มันเป็นเพราะว่ารักเธอ❞

----------------

วันเสาร์ของผมหมดไปกับการซื้อของเข้าห้องแล้วก็ไปทำธุระกับพี่ปราบจนล่วงเลยมาถึงตอนนี้ พี่ปราบเลี้ยวรถเข้ามายังคาเฟ่แมวเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายก่อนจะกลับคอนโด



เพราะมุกนี้แหละ เมื่อคืนถึงสามารถกลับเข้าไปนอนในห้องได้ไม่งั้น...อย่าหวัง



“มีนครับ พี่เหงา พี่อ้างว้าง โดดเดี่ยว”

“มีนครับ พี่หนาวข้างนอกไม่มีผ้าห่ม พี่ต้องแข็งตายแน่เลย”

“มีนพี่คิดถึง...พี่จะอยู่ยังไงถ้าคืนนี้ไม่ได้นอนกอดมีน”

“ถ้าให้พี่เข้าไปนอนด้วย พรุ่งนี้สัญญาจะพาไปคาเฟ่แมว”



แกร๊ก !!!ประตูเปิดออกพร้อมคนยิ้มร่าวิ่งขึ้นเตียงจับจองพื้นที่..นี่พี่มันอ้อนเก่งหรือผมใจอ่อนง่ายกันแน่วะเนี่ยย



คาเฟ่แมวในช่วงเย็นวันเสาร์ คนค่อนข้างเยอะแต่พี่ปราบโทรมาจองโต๊ะเอาไว้เรียบร้อยแล้วเป็นโต๊ะในห้องกระจกส่วนตัวที่เหมือนกับจัดไว้สำหรับเราสองคนเท่านั้น อยู่ในมุมหนึ่งของร้านมองออกไปเห็นสวน ภายในห้องวันนี้จัดตกแต่งลูกโป่งหลากสี ดอกกุหลาบสีแดงสวยงามทั่วห้อง

แปลกตาดีเหมือนกัน...

ไอ้เจ้าก้อนสีเหลืองวิ่งเข้ามาหาผมแทบจะทันทีที่นั่งลงกับเบาะ ขี้อ้อนจนผมเผลอลูบหัวตอบสนองท่าทางที่ใช้ทั้งตัวถูไถกับส่วนแขนของผม ส่วนเจ้าสีหมอกกับเจ้าฮาวี่นอนหลับยังไม่ตื่น เลยเหลือแต่เจ้าเหลืองจนฟูที่ผมยังไม่รู้จักชื่อสักทีมานอนหงายโชว์พุงอยู่บนตัก

“ขี้อ้อนนักนะแก มาถึงก็ขึ้นตักเลย” พี่ปราบขยี้หัวน้องเบาอย่างหมั่นเขี้ยว

“คนบ้าอะไร อิจฉาแม้กระทั่งแมว”

“ก็มันนอนตักมีนอะ พี่ยังไม่เคยนอนเลยนะ”

“โว๊ะ..ไอ้พี่ปราบ”

“เดี๋ยวพี่ไปสั่งเครื่องดื่มก่อนนะ เอาชาเขียวกับบราวนี่เหมือนเดิมใช่เปล่า”

“ใช่ครับ”

พี่ปราบทำท่าทางงอแงไม่เข้ากับอายุเลยจริงๆ แล้วลุกขึ้นไปสั่งเครื่องดื่มกับขนม ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกาแฟและชาเขียวเย็น

“ลุกมานี่เลยไอ้เจ้าก้อน มากินขนมเร็ว”

พี่ปราบเอาขนมแมวเลียมาล่อให้น้องลุกขึ้นจากตักผมเดินตรงหาพี่ปราบในทันทีที่ตามองเห็นขนม

“เมี๊ยว ..เมี๊ยว”

“ห้ามทำอะไรเกินหน้าเกินตา เข้าใจมั้ย เกรงใจพ่อด้วย”

น้องเลียขนมแมวอินจนตาเคลิ้ม คนป้อนลูบหัวน้องเบาๆ ทำเป็นคุยกับแมวเหมือนน้องจะเข้าใจร้องตอบทุกครั้งที่พี่มันพูด แทนตัวเองว่าพ่อซะด้วย ผมกับพี่ปราบชอบเล่นแมวด้วยกันทั้งคู่ตั้งแต่สมัยเด็กผมจะชอบอ้อนขอให้พี่มันพาไปเล่นกับแม่จนบางทีถูกแม่ตีด้วยกันทั้งคู่เพราะหายไปไม่บอก

“ไปหาแม่ไป พ่อเมื่อยจะป้อนแล้ว”

เจ้าก้อนสีเหลืองฟูพออิ่มได้ที่จึงย้ายตัวเองหนีจากพี่ปราบขึ้นมาตอนตักผมเหมือนเดิม พี่ปราบยกโทรศัพท์ถ่ายรูปรัวๆ จนผมยิ้มรับแทบไม่ทัน



ล่วงเลยจนพระอาทิตย์ตกดินความมืดมิดทำให้โคมไฟนับสิบดวงตรงสวนข้างนอกกระจกส่งแสงสวยตัดกับสีเขียวของพื้น เก้าอี้สีขาวกับกีตาร์โปร่งวางตรงชิงช้าตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน



พรึ่บ !!!



จู่ๆ ไฟในห้องก็มืดดับลง ... ดวงไฟนับสิบดวงตรงพื้นสว่างวาบขึ้นมาแทนไฟหลอดไฟตรงเพดาน คนตัวสูงที่บอกจะออกไปเข้าห้องน้ำเดินกลับมาพร้อมเจ้าก้อนสามตัว



ฮาวี่ ...สีหมอก...และเจ้าขนฟูสีเหลือง



เสียงกีตาร์ดังขึ้นตรงสวนจากนักร้องที่กำลังเริ่มบรรเลงเพลงรักคลาสสิค เสริมบรรยากาศให้โรแมนติกมากขึ้นจากเดิมหลายเท่าตัว



พี่ปราบขยับเข้ามายืนใกล้ผม สายตาตวัดมองนิ่งจนใจผมอ่อนยวบก่อนจะเริ่มเอ่ยคำที่ทำให้ผมท้องไส้ปั่นป่วนเหมือนมีผีเสื้อสักล้านตัวบินวนไปทั่ว

“มีนอาจเคยเจอะเจอกับความรักที่ผิดหวังเหมือนฝันร้ายคอยตามหลอนให้ไม่กล้าจะเปิดใจเพื่อเจอกับรักครั้งใหม่”

ขอบตาผมร้อนผ่าวเมื่อคำพูดที่เต็มไปด้วยความจริงใจนั้นเอ่ยขึ้นจากปากคนตรงหน้า

“แต่ขอได้ไหม ให้อดีตที่เลวร้ายมันจบลงแค่นาทีที่ผ่านมา และต่อจากวินาทีนี้พี่อยากให้มีนมีความสุขกับฝันดีสักที”

“พี่อาจไม่ใช่คนที่ดีพร้อม แต่พี่พร้อมจะเป็นคนดีของมีนนะ”

ไอ้พี่ปราบกำลังจะซึ้ง นั่นเนื้อเพลงไม่ใช่หรือไง...

“ให้พี่ได้เป็นคนดูแลมีนต่อจากนี้นะครับ”



พี่ปราบกระตุกยิ้ม พลันเจ้าก้อนสามตัวเดินเข้ามาหาผมพร้อมผ้าพันคอสามเหลี่ยมสีชมพูปักคำที่ผมอ่านแล้วยกยิ้มขึ้นทั้งน้ำตา



ทั้งบรรยากาศ....

ทั้งคำที่อยู่บนคอเจ้าก้อนสามตัวนั้น....

และคำที่เอ่ยออกมาจากปากของพี่ปราบ...





“เป็นแฟน”

.

“กับพี่”

.

“นะครับ”



กำแพงในใจที่มีคงถึงเวลาที่ต้องพังทลายลงเพื่อเปิดรับสิ่งดีดีที่รอผมอยู่ ไม่ว่าจากนี้ผมจะต้องเสียใจแบบเดิมหรือเริ่มต้นใหม่ด้วยความสุข



ผมจะยอมรับทุกอย่าง..

และผมพร้อมที่จะเริ่มต้นกับฝันดีที่กำลังจะมาถึง....



“ครับ..มีนจะเป็นแฟนกับพี่ปราบ”

.

ขอเพียงแค่เป็นคนตรงหน้า...หัวใจของผมก็ไม่กลัวอะไรแล้ว



คนตัวสูงกว่าเดินเข้ามาคว้ารวบเอวผมเอาไว้กอดแน่น ผมหลับตาพริ้มรับไออุ่นจากคนที่คอยปกป้องผมมาตลอดตั้งแต่วันที่เสียน้ำตาจากความรักจนกระทั่งวันที่น้ำตาของผมได้หมดลง คล้ายฝันร้ายในคืนนั้นได้จบลงด้วยฝันดีที่นับจากนี้คงแต่รอยยิ้มยามตื่นนอนทุกวัน



กอดตอบรับสัมผัสนั้นด้วยความเต็มใจซบใบหน้านิ่มไว้บนอกแกร่ง พี่ปราบยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ อย่างอ่อนโยน ใครจะคิดว่าคนที่เห็นหน้ากันทุกวัน แกล้งกันมาตลอดตั้งแต่เด็กจะเป็นคนเดียวกันกับที่



‘ผมเรียกว่าแฟน’



“เป็นแฟนพี่แล้วนะ”

ผมพยักหน้ารับหงึกๆ ย้ำอยู่นั่นแหละคนในร้านมองเข้ามาหมดแล้ว เห็นแบบนี้ผมก็อายเป็นนะโว้ย

“ใครมาถามก็ต้องบอกว่ามีเจ้าของแล้วนะ”

“อือ..รู้แล้วน่า”

พี่มันกอดรัดเอวผมแน่นหนักกว่าเดิมจนแนบชิดติดกัน เสียงหัวใจพี่ปราบเต้นเร็วกว่าทุกครั้งที่เคย แหม..เห็นแบบนี้ก็เขินเป็นเหมือนกันนะเนี่ย

“พี่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยอะ ไม่รู้ว่าชอบมั้ย”

พี่ปราบผละผมออกจากอ้อมกอด ไล้มือทั่วกรอบหน้าปัดผมตรงหน้าผากเบามือพลางคักคิ้วขอคำตอบในสิ่งที่ทำเอาไว้ เสียงออดอ้อนแบบนั้นไปฝึกมาจากไหนผมอยากรู้

“ชอบดีมั้ยอะ”

“เอาดีดีสิมีน”

“ปกติพี่ก็เอาดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”

พี่ปราบหัวเราะรั่ว บีบแก้มผมเบาๆ แก้เขิน

“นั่นมันคำพูดพี่”

ผมไม่ได้ยึดติดกับบรรยากาศหรือความโรแมนติกอะไรมากนักหรอก ถ้าพี่ปราบจะแค่กินบะหมี่ด้วยกันแล้วถามขึ้นมา คำตอบของผมก็ยังคงเหมือนเดิม



ว่าผม...จะเป็นแฟนพี่ปราบครับ



ความจริงใจต่างหากที่ผมต้องการ สิ่งนั้นสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด และพี่เขาก็ได้ทำให้ผมเห็นและรู้สึกประทับใจมามากพอจนผมกล้าที่จะเดินออกจากจุดหลบภัยของตัวเองให้ก้าวออกมาเผชิญโลกแห่งความรักแล้ว

“พี่รักมีนนะ”

“ไหนวันนั้นบอกว่าชอบ”

“ก็วันนี้ไม่ใช่วันนั้น ความรู้สึกของพี่เพิ่มมากขึ้นทุกวันและจะไม่มีวันเปลี่ยน”

“ไปค้นกูเกิ้ลมาพูดกับมีนปะเนี่ย”

“หึ..คิดเองทั้งคืน ฮ่าๆๆ”

“มีนก็...รักพี่ปราบเหมือนกันครับ”

เรากอดกันอีกครั้งท่ามกลางแสงไฟสีนวล เสียงเพลงที่ฟังดูเพราะกว่าคราวไหน กลิ่นหอมของดอกไม้อบอวลทั่วบริเวณ



และเจ้าก้อนสามตัวที่คลอเคลียอยู่ไม่ห่างเราสองคน



“เมี๊ยววววววว”

“ไอ้ก้อน ห้ามใกล้แฟนพ่อ ...พ่อหวง”

หึ...คนบ้าอะไรหวงแม้กระทั่งแมว!!!











บางทีพี่ปราบก็ทำอะไรโดยที่ไม่ปรึกษาผมเลยสักนิด อะไรคือการตกลงเป็นแฟนกันเมื่อวานแล้ววันนี้พาผมมาเปิดตัวกับที่บ้าน



อือ...อ่านไม่ผิดหรอกครับ พี่ปราบพาผมมาทานข้าวที่บ้านจริงๆ ไม่ได้มีแค่ครอบครัวของพี่ปราบเท่านั้นแต่มีคุณนายศรีแม่ของผมด้วยที่นั่งร่วมโต๊ะทานข้าวเย็นมื้อนี้



บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบ เงียบชนิดที่ว่าหายใจยังรู้สึกผิดแบบนั้นเลย มันกดดัน ตึงเครียดจนไม่กล้าจะยื่นมือไปตักกับข้าวบนโต๊ะมาใส่จานเลยด้วยซ้ำ คุณพ่อ คุณแม่ของพี่ปราบนั่งเงียบตั้งแต่พี่ปราบบอกว่าคบกับผม ส่วนแม่ผมก็นั่งนิ่งเช่นกัน จะมีแต่พี่ปกป้องที่พอรู้บ้างแล้วไม่ได้ตกใจอะไร คอยยิ้มส่งกำลังใจจากฝั่งตรงข้ามมาให้พอใจชื้นได้บ้าง



“แกแน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าจะคบน้องจริงๆ ”

เสียงคุณลุงปรินทร์พ่อของพี่ปราบเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบที่มีมานาน คุณลุงเป็นคนที่น่าเกรงขาม ภูมิฐาน มีความเป็นผู้นำ น่าเคารพตามความหมายชื่อนั่นแหละ

“ใช่ครับ ผมแน่ใจ” ลูกชายคนเล็กของบ้านที่นั่งข้างๆ ผมเอ่ยขึ้น ทำเอาผมใจสั่นไปหมด แม้พี่มันจะกุมมือผมตลอดเวลาก็ตาม แต่นี่มันเรื่องใหญ่มากเลยทีเดียวที่ลูกชายคนเล็กของบ้านกำลังคบกับเด็กข้างบ้าน



และที่สำคัญเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่

มันจะต้องมีอุปสรรคเหมือนละครหลังข่าวที่ผมดูแน่ๆ เลย ...



“ตัดสินใจดีแล้วแน่ๆ ใช่มั้ยปราบปราม” คุณหญิงมรกตหรือป้ามอสำทับคำของสามีพลางปรายตามองมาที่ลูกชายและคนรักของเขาอีกครั้ง ใจผมสั่นไปหมดมือเย็นจนรู้สึกถึงเหงื่อที่ชุ่มไปทั่ว

“ต่อให้ถามอีกสักกี่ร้อยกี่พันครั้ง คำตอบก็เป็นคำตอบเลย”

“อะไรคือกำไรและความคุ้มค่าจากการลงทุนครั้งนี้” ผู้เป็นพ่อวางแก้วไวน์ที่เพิ่งจิบไว้บนโต๊ะ ตาคมตวัดมองลูกชายนิ่งราวกับมีแสงพุ่งออกมา พี่ปราบเหมือนคุณลุงไปทุกส่วนโดยเฉพาะดวงตา

“ในการลงทุนเมื่อเราตรวจสอบแล้วพบว่าสิ่งที่เราลงทุนไว้ผลประกอบการไม่เป็นไปอย่างที่คาดคะเนเอาไว้ เราก็อาจจะพิจารณาขายหรือลดสัดส่วนการลงทุนลง แต่ในเรื่องความรักเมื่อเราตัดสินใจร่วมชีวิตกันแล้ว เราก็ควรอยู่ร่วมกันไปตลอดไม่ว่าจะเป็นอย่างไร คอยช่วยเหลือสนับสนุนให้เขาดีขึ้นจากเดิมหรือว่าดีเหมือนเดิมไปตลอดพ่อว่าจริงไหมครับ และหากถามว่าอะไรคือกำไรความคุ้มค่าจากการลงทุนครั้งนี้....”

“....”

“ก็คงเป็นความสุขที่เราสองคนได้รักกันครับพ่อ กำไรมันประเมินค่าไม่ได้เลยจากความรู้สึกที่ผมลงทุนไป”

คุณลุงยกยิ้มพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบของลูกชายคนเล็ก บรรยากาศบนโต๊ะอาหารคลายความตึงเครียดลงบ้างเล็กน้อยพอให้ผมได้กล้าหายใจบ้าง

“แล้วคุณศรีว่ายังไงคะ ถ้าลูกเราสองคนจะคบกัน” คุณนายมรกตหันมาถามแม่ของผมที่นั่งนิ่งเช่นกัน คุณนายศรีจากปกติอารมณ์ดีเมาท์มอยเก่งวันนี้เงียบขรึมจนผมหวั่น

“เลิกแกล้งเด็กได้แล้วมั้งคะ คุณมอคุณปรินทร์”

“หืมม” อะไรซิ !!!

ผมกับพี่ปราบเอ่ยขึ้นพร้อมกัน ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของคนอื่นๆ ในห้องดังลั่น บรรยากาศช่างต่างจากเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนซะจริงๆ ไม่เหลือแล้วความอึมครึมเหมือนฝนจะตก หรือความตึงเครียดที่ชวนให้ผมขนลุกชวนให้ฉี่จะแตกให้ได้

“หมายความว่าไงครับแม่”

“ก็หมายความว่าแม่แล้วก็ทุกคนรู้เรื่องกันหมดแล้ว ตั้งแต่วันที่ปราบปรามมาขอจีบเรานั่นแหละ”

“เซอร์ไพรส์”

เสียงของทุกคนพูดขึ้นพร้อมกัน เล่นเอาผมยิ่งงงหนักมากไปกว่าเดิมเสียอีก ส่วนคนที่นั่งข้างๆ เหมือนจะรู้เรื่องบ้างแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เริ่มคลายยิ้มขึ้นหลังจากทำหน้าจริงจังสู้ศึกอยู่นาน



อาหารมื้ออร่อยกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา กลิ่นความสุขอบอวลไปทั่วห้องทานข้าวของบ้านหรูนักธุรกิจใหญ่ คุณลุง คุณป้าที่ทำหน้าแกล้งดุเมื่อครู่กลับมายิ้มแย้มใจดีเหมือนเดิมแล้ว คุณนายศรีแม่ผมเองก็กลับมาร่าเริงเมาท์มอยกันสนุกสนาน



ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่ากับสิ่งที่เรียกว่าบ้านอีกแล้ว

และไม่มีใครจะเข้าใจเรามากไปกว่าสิ่งที่เรียนว่าครอบครัวหรอก



“ปราบต้องดูแลน้องดีดีนะลูก ห้ามแกล้งน้องเหมือนเมื่อก่อน ถ้าแม่รู้แม่จะทำโทษ”

ป้ามอเอ่ยสั่งลูกชายพลางกอดผมไว้แน่น ป้ามอบอกว่าพี่ปราบมาสารภาพว่าชอบผมและกำลังจะตามจีบผมหลังวันที่มีอะไรกับผมครั้งแรกแล้ว และท่านเองก็ไม่ได้ขัดขวางอะไรด้วยเห็นว่าพี่ปราบโตมากพอที่จะตัดสินใจอะไรได้แล้วจึงปล่อยให้ทำในสิ่งที่ต้องการ ส่วนคุณลุงเมื่อคุณป้าว่ายังไงก็ต้องตามนั้น



“ได้ข่าวว่าลูกยืนอยู่ตรงนี้มั้ยครับแม่ โอ๋มีนตั้งแต่เด็กจนโตไม่เปลี่ยนเลยนะครับ”

“ก็แม่รักของแม่ น้องมีนเป็นเด็กน่ารัก ยิ่งตอนนี้มาเป็นลูกชายแม่จริงๆ แล้วแม่ยิ่งรักมากขึ้นกว่าเดิมร้อยเท่าเลย”

“ผมรักด้วยสิครับ” พี่ปราบทำท่าจะเดินเข้ามาทว่าถูกป้ามอดันอกเอาไว้ แม่ลูกคู่นี้ชอบกวนกันเป็นประจำตรงข้ามกับบุคลิกที่คนอื่นเห็นข้างนอก

“ขอบคุณนะครับคุณป้า”

“ครับลูก ป้าฝากดูแลพี่ปราบด้วยนะ”

“ครับผม”

“ขอบคุณนะครับคุณลุง”

ผละออกมาจากอ้อมกอดของป้ามอเดินไปตามแรงดันของท่านไปหาคุณพ่อของพี่ปราบ ยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณที่ไม่รังเกียจความรักของเราสองคน

“ดูแลกันดีดีนะลูก”

พี่ปราบกุมมือของผมเอาไว้ โชคดีที่คู่ของผมกับพี่มันไม่ได้มีอุปสรรคมากอย่างที่กังวล ด้วยเพราะความเข้าใจและเห็นความสุขของลูกสำคัญกว่าสิ่งไหนจึงผ่านพ้นทุกอย่างไปได้ด้วยดี

“ดูแลมีนดีดีนะพี่ปราบ”

“คร้าบบบบบ”



โผเข้ากอดคุณนายศรีที่เดินมาส่งผมที่รถ หอมแก้มทั้งสองข้างให้หายคิดถึงเพราะอาทิตย์นี้ไม่ได้มานอนค้างด้วย แม่ลูบหลับผมเบาๆ มอบไออุ่นเรียกพลังแบบที่ชอบทำ แม่ยังคงเป็นผู้หญิงที่เข้าใจมากที่สุดของผมและ

ปล่อยให้ผมได้มีอิสระในชีวิตอย่างที่อยากทำ



รวมถึงความรักครั้งนี้ด้วย...



“แม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่หรอครับ ว่าพี่ปราบชอบมีน”

เอ่ยถามคำถามที่ค้างคาใจว่าแม่ผมรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วถ้ารู้ทำไมแม่ถึงไม่ยอมบอกผม ปกติคุณนายศรีต้องเมาท์กับผมแล้วไม่ใช่หรือยังไง

ทำไมคราวนี้ถึงมีความลับกับลูกละครับแม่

“ตั้งแต่วันที่มีนกลับมาบ้านแล้วมีรอยแดงที่คอกลับมาไงละ”

หืม..อะไรซิ

“แม่...”

“นี่แม่นะ ทำไมจะไม่รู้ว่าเกิดความผิดปกติอะไรขึ้นกับลูกบ้าง ทั้งร่างกายทั้งความรู้สึก”

วันนั้นที่แม่หมายถึงก็คือวันที่ผมกลับมาบ้านหลังจากทะเลาะกับพี่ปราบ ผมว่าผมใส่เสื้อกันหนาวคลุมถึงคอแล้วนะแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นสายตาเหยี่ยวของคุณนายศรีได้เลย

แล้วที่ผมเห็นพี่มันนั่งคุยกับแม่ก็คุยเรื่องนี้สินะ ไอ้พี่ปราบนี่ก็ร้ายไม่เห็นบอกกันเลยปล่อยให้กลัวอยู่ได้ตั้งนานสองนาน

“ปราบมาสารภาพกับแม่ว่ารังแกมีน ทำให้มีนเสียใจ เขาก็เลยอยากจะมาขอโทษและขอจีบมีน แถมยังบอกอีกนะว่าจะดูแลมีนให้ดีที่สุด”

“แล้วแม่ก็ยอมหรอครับ”

“ยอมสิ..แม่ดูคนที่นิสัยนะ” แม่หัวเราะร่วนตามประสาคนชอบอำ

“นิสัยดีหรอแม่”

“หึ..นิสัยรวย” ผ่าม !!

“แม่...”

“ล้อเล่นๆ แม่เห็นปราบตั้งแต่เด็กแม่รู้ว่าปราบเป็นคนยังไง แม่มั่นใจว่าเขาจะทำอย่างที่พูดได้”

“ขอบคุณนะครับแม่ มีนรักแม่นะครับ”

“แม่ก็รักมีนครับ”

กอดแม่อีกครั้งให้ชื่นใจ แม่ให้อิสระในการใช้ชีวิตกับผมเสมอมา ลองผิดลองถูกด้วยตัวเองจนเติบโตทุกสิ่งอย่างหล่อหลอมให้ผมเป็นคนที่มีความกล้าคิดกล้าตัดสินใจ สิ่งไหนผิดถือว่าเป็นบทเรียนที่แม่สอนให้ไม่ได้ผมต้องเรียนรู้ความหมายของมันด้วยตนเอง ส่วนสิ่งไหนที่ถูกต้องก็ยึดถือเป็นแนวทางที่ดีในการดำรงชีวิตต่อไป

“ขอบคุณนะครับน้าศรี” พี่ปราบเดินเข้ามายกมือไหว้แม่ผม พี่ปราบก็เป็นขวัญใจแม่เหมือนกันแหละ แม่มักจะชมพี่มันให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่เด็ก

“ป้าฝากดูแลน้องด้วยนะครับ”

“ผมจะดูแลให้ดีที่สุดเลยครับ”





รถเคลื่อนที่ออกจากบ้านของพี่ปราบ พร้อมกับภาพคนในครอบครัวของเราสองคนที่ยืนส่งยิ้มแทนคำอวยพรให้กับความรักของเราสองคน คนข้างตัวคว้ามือไปเกาะกุมวางไว้บนตัก จากนี้ไปโลกของเราสองคนจะหมุนพร้อมกันตราบใดมือคู่นี้ยังจับกันแบบนี้ตลอดไป



“พรุ่งนี้ย้ายมาอยู่กับพี่เลยนะ”

“ไม่”

พี่ปราบหันขวับทันทีที่ผมตอบออกไป เดี๋ยวๆ ได้ข่าวว่าขับรถอยู่มั้ยไอ้พี่ปราบ ผมรีบดันหน้ากลับไปให้โฟกัสกับถนนตรงหน้า

“เราเป็นแฟนกันแล้วนะ พี่อยากอยู่ใกล้ๆ มีนอะ อยากเจอทุกวัน อยากกอดทุกคืน อยากกินกับข้าวฝีมือมีนด้วยอะ ทำไมใจร้ายจัง”

.

“ถ้าอยากมากขนาดนั้นก็ย้ายมาอยู่กับมีนสิ”

“หืม...อะไรนะ”

.

“ของดีมีแค่ครั้งเดียวโว้ยยย”

และไม่กี่นาทีต่อจากนั้นพี่ปราบก็แวะที่คอนโดตัวเอง หยิบเสื้อผ้ากับของใช้เท่าที่จำเป็นใส่กระเป๋า พร้อมโทรบอกให้แม่บ้านมาจัดการเตรียมของย้ายไปห้องผมในวันพรุ่งนี้



เอิ่ม..... อะไรมันจะเวอร์ขนาดนั้นพ่อคุณ ถามจริง



“ก็พี่อยากอยู่กับมีนนี่ครับ”







ตอนหน้าจะจบแล้วนะทุกคนมาส่งกำลังใจกันหน่อย ^^


 :hao7: :hao3: :L1: :กอด1:


หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l(Our Half Night) >>UP//23/มันเป็นเพราะว่ารักเธอ(20/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 20-07-2021 21:21:05
 :mew6: :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l(Our Half Night) >>UP//23/มันเป็นเพราะว่ารักเธอ(20/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-07-2021 21:50:34
 :mc4:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l(Our Half Night) >>UP//23/มันเป็นเพราะว่ารักเธอ(20/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 21-07-2021 09:47:41
+1 ep23 อัพ 20-07-21 ครับ  :hao3:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l(Our Half Night) >>UP//23/มันเป็นเพราะว่ารักเธอ(20/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 21-07-2021 19:32:07
อภัยให้ก็ได้ ที่แท้อิพี่ปราบทำซึนเพราะเตรียมเซอร์ไพรส์ให้น้องมีนนี่เอง
 o13 o13 o13
หัวข้อ: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l(Our Half Night) >>UP24>>END (23/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: KonglongKongkaeng ที่ 23-07-2021 20:19:00
Chapter 24 --- ❝คืนที่ร้าย...นายที่รัก❞
------------------

การเรียนในเทอมสุดท้ายของผมและเพื่อนๆ ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งหลังจากผ่านการฝึกงานมาตลอดสามเดือน พร้อมๆ กับความรักที่เพิ่มระดับจากศูนย์ขึ้นมาเรื่อยๆ ตามระยะเวลาและความรู้สึกดีดีที่เราสองคนต่างมอบให้กันและกัน จนงอกงามสุกงอมเป็นผลผลิตที่เรียกว่าความสุข พร้อมกับอีกหนึ่งชีวิตที่ตามติดผมเป็นเงาตามตัว



คนที่พูดถึง โน่น...นอนดูการ์ตูนอยู่ตรงโซฟามุมเดิม ช่องเดิม เหมือนทุกเย็นของทุกวัน



พี่ปราบย้ายเข้ามาอยู่กับผมนับตั้งแต่วันนั้น เสื้อผ้า ของใช้บางส่วนจากคอนโดหลักสิบล้านถูกย้ายถ่ายโอนมายังคอนโดห้องเล็กๆ ของผมแทน



แรกๆ ผมก็ไม่ค่อยชินเท่าไหร่ที่ตื่นมาจะเจอใครสักคนนอนข้างๆ พอตกเย็นก็มีคนมานั่งรอทานข้าว มีคนอาบน้ำด้วย ไปไหนมาไหนด้วยกัน ใช้เวลาร่วมกัน แต่พอนานเข้าก็เริ่มชินจนลืมไปแล้วว่าการอยู่คนเดียวมันเป็นยังไง



“มีความสุขจังเลย”

“ก็ลองไม่มีดูสิ”

“โหด”

“แล้วกลัวมั้ย”

“กลัวสิ ..พ่อพี่บอกว่า คนกลัวเมียได้ดีทุกคน”

“โอเค นัมเบอร์วัน”

พี่ปราบกอดผมจากด้านหลังแล้วแกะปมผ้ากันเปื้อนออกจากตัวแล้ววาง เดินไปหยิบจานกับข้าวที่อยู่ไม่ไกลแล้วเดินตรงไปยังโต๊ะทานข้าว อาหารง่ายๆ สำหรับสองคนวันนี้มีเพียง ปลาหมึกผัดไข่เค็ม สามชั้นทอดกระเทียม กับต้มจืด ปกติผมไม่ทำกับข้าวหรอก แต่พอมีพี่ปราบเลยต้องทำทุกวัน เพราะมีคนล้างจานให้แล้ว



อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาเรียบร้อยหลังมื้ออาหารเย็น พี่ปราบปิดทีวีแล้วเปิดวิทยุฟังเพลงคลื่นโปรดของผม จุดเทียนหอมส่งกลิ่นอบอวลผ่อนคลาย ผมนั่งลงข้างๆ พี่เขาที่กำลังจดจ่ออยู่กับไอแพด สังเกตเห็นว่าเล็บยาวมากแล้วจึงเดินไปหยิบกรรไกรตัดพร้อมชุดอุปกรณ์แล้วเดินกลับมา

“ทำไมดูแลพี่ดีจัง”

ฟอด !!!คำชมพร้อมรางวัลที่ไม่ได้ขอพุ่งตรงอยู่แก้มของผมในทันทีที่พูดจบ ก่อนเจ้าของจมูกโด่งจะหันกลับไปเขี่ยหน้าจอในมือตรวจสอบงานอีกครั้ง

“อยู่ด้วยกันก็ต้องดูแลกันสิ ไม่ให้ดูแลพี่ แล้วจะให้ไปดูแลหมา....ที่ไหนละ”

“พูดแบบนี้เดี๋ยวจะโดนท่าหมา”

“โดนไม่กลัว กลัวไม่โดน”

ลงมือตัดเล็บให้พี่ปราบเรียบร้อย คนที่เหนื่อยจากงานทั้งวันวางจอสี่เหลี่ยมไว้ข้างๆ แล้วนั่งพักสายตา ช่วงนี้พี่ปราบงานยุ่งแต่กระนั้นก็ไม่ได้มีท่าทางเครียดเมื่อกลับมาถึงบ้านแต่แค่มีอาการเพลียๆ เท่านั้นเอง



“เราเป็นฝ่ายรับก็รุกได้นะ”

“ยังไงอะมึง”

“เอาอีกละ โง่ตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบ” ไม่ด่ากูสักวันคงไม่ตายมั้งไอ้เวร

“การรอให้ฝ่ายรุกชวนมีเซ็กส์ทุกครั้งนั้นเป็นทฤษฎีของคนโบราณ ถ้าอยากได้แบบไหน ท่าไหน นอกจากจะบอกกันออกไปตรงๆ แล้ว การได้ลองเป็นฝ่ายรุกออนท็อป ให้เขาดูบ้าง ก็ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์เรื่องบนเตียงแบบใหม่ได้เหมือนกัน ”

หืม !!!อะไรซิ

“ไม่ต้องอะไรซิ ...ต้องลุยนะน้องนะ รับรองปังปุริเย เยจนลืมวันลืมเชื่อจารย์”

โอเครกูเชื่อมึง แต่มึงช่วยรูดซิบก่อนไอ้เวร กางเกงในสีขาวโผล่อีกแล้วไอ้ห่าเป็นไรมากมั้ยกับการลืมรูดซิบ





“เหนื่อยมั้ยครับพี่ปราบ”

“นิดหน่อยครับ แค่เห็นหน้ามีนพี่ก็ชื่นใจแล้ว”

ตะกุกตะกักชิบหาย เกิดมาไม่เคยเข้าไปรุกใครก่อน... เอาวะคนเรามันต้องมีครั้งแรก ค่อยๆ คลืนคลานเข้าไปพร้อมสายตาเย้ายวน (คิดว่างั้น)

“คลายเครียดหน่อยมั้ยครับ จะได้สดชื่น”

นั่น !!กูมาถึงจุดนี้ได้ยังไง จุดที่ยั่วยวนพี่มันก่อน ... เพราะมึงไอ้เก้า สอนกูแต่เรื่องดีดีทั้งนั้น แล้วกูก็เสือกทำตามซะด้วย

“จัดมา...พี่อยากผ่อนคลายจะแย่แล้ว”



ปฎิบัติการเสือชีตาร์ขย้ำเหยื่อกำลังจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้ ....









“อื้ออออ” คนตัวสูงที่ตอนนี้เป็นฝ่ายถูกรุกก่อนยังไม่ทันได้ตอบโต้ก็ตกอยู่ในการควบคุมของผมทั้งหมด ผมใช้สองแขนโอบคอของพี่มันเอาไว้ พลางขยับตัวให้ขึ้นไปนั่งคร่อมตรงแก่นกายที่ดันจนตุงแทบทะลักออกมาจากกลางเกง จากนั้นจึงใช้ทักษะที่มีอยู่ลิ้นเข้าไปภายในโพรงปาก เราทั้งคู่ต่างหลงมัวเมาอยู่กับความหอมหวานของสัมผัสที่ต่างประโลมให้กันไปมา



“อย่าหยุดสิครับที่รัก” เราผละออกจากกันชั่วครู่ เพื่อเอ่ยถามสิ่งที่ต้องการ ซึ่ง ณ เวลานี้คนในอ้อมแขนไม่มีเรี่ยวแรงและสติหลงเหลือจะตอบอะไรกลับมาแล้ว ดังนั้นเลยใช้โอกาสนี้ทำทุกอย่างตามใจ



จูบแล้ว...จูบเล่า จูบย้ำซ้ำอยู่แบบนั้นแต่ใจผมไม่เคยพอ ไม่มีคำว่าพอเมื่อได้สัมผัสปากนุ่มของคนตรงหน้า เสื้อนอนถูกปลดกระดุมจนหมดเพราะงั้นมันเลยเป็นเรื่องง่ายเวลาถอด ค่อยๆ ใช้มือเลื่อนให้หลุดออกจากตัวของพี่มันจนร่างกายอยู่ในสภาพกึ่งเปล่าเปลือย



“มีนครับ...” พี่ปราบหืดหาดเมื่อถูกผมจู่โจมบ้างเพราะปกติมีแต่เขาที่เป็นฝ่ายเริ่ม

ลืมไปแล้วหรอ..ว่าผมเป็นลูกศิษย์อาจารย์เก้าเพราะอย่างนั้นวิชาที่ได้มาก็พอตัวและออกไปทางเยี่ยมยอดด้วยซ้ำ พิสูจน์จากผลลัพธ์ที่อยู่ตรงหน้าได้เลย



ใบหน้าซุกไซ้ไล่ไปตามผิวเนียนของผมกับมือที่อยู่ไม่สุขของพี่มัน...ผมถอดชุดนอนของตัวเองออก ตามด้วยกางเกงขาพร้อมกับกางเกงในสีขาวบางเผยให้เห็นผิวเนียนละเอียดที่เล่นกับไฟท่ามกลางสายตาหื่นกระหายของคนที่ตัวร้อนผ่าวตรงหน้า



“ทำไมวันนี้มีนยั่วพี่จังครับ”

“ไม่ชอบหรอครับ ถ้าไม่ชอบ...”

“ชอบครับ แข็งจนปวดไปหมดแล้วเนี่ยที่รัก”



ผมโน้มหน้าลงไปประกบจูบซ้ำๆ ส่วนมือทั้งสองข้างของพี่มันก็ลูบไล้ไปบนแผ่นหลังเรียบเนียน ก่อนมือแกร่งจะโอบกอดร้างของผมเอาไว้ จากนั้นจึงค่อยๆ ขยับตัวให้ร่างกายของเราทั้งคู่อยู่ในท่าทางที่สบายกว่าเดิม



น้ำลายเม็ดใสไหลระเรื่อยตั้งแต่มุมปากลงไปบนลำคอขาว เราทั้งคู่ต่างหลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสละมุนที่ปรนเปรอให้แก่กันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่นานคนตัวสูงกว่าจึงช้อนแขนอุ้มผมเอาไปไว้ในอ้อมกอดเดินตรงไปยังห้องนอน แต่กระนั้นสัมผัสนุ่มที่ปากก็ยังไม่ละขาดจากกัน



ความยวบของเตียงเกิดขึ้นเมื่อพี่ปราบวางผมให้นอนลงบนเตียง ผละจูบเพื่อหอบเอาอากาศหายใจอีกครั้งนิ้วเรียวแกร่งเลื่อนไล้ไปตามกรอบหน้าเรียวของผมปาดลูบตรงริมฝีปากแล้วเริ่มตั้งแต่จูบจนบวมช้ำ ระเรื่อยลงไปยังลำคอขาว กระดูกไหปลาร้า รวมถึงส่วนอื่นๆ ที่ต่ำลงไป



“อ๊ะ...ฮึก มีน ดีจัง” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยออกมาทันทีที่ริมฝีปากของผมสัมผัสตรงส่วนของตุ่มไตตรงหน้าอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นนั้น พอเห็นปฏิกิริยาที่ตอบสนองอย่างรวดเร็วนี้ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกดี



ผมใช้คมฟันกัดไปยังส่วนที่นูนออกมาเบาๆ สร้างความรู้สึกเสียวซ่านให้คนที่คร่อมอยู่ด้านบนร้องครางส่ายหน้าไปมา ก่อนที่พี่ปราบจะเอาคืนด้วยการทั้งฟัดและกัดจนร่างขาวสะอาดในคราแรกเต็มไปด้วยรอยช้ำจากการตระโบมจูบ



จากนั้นเราทั้งสองก็วกกลับไปเริ่มต้นจูบที่ริมฝีปากใหม่อีกครั้งด้วยความเร่าร้อน ฉกฉวยแลกน้ำหวานในปากจนไหลย้อยลงตามมุมปากเปรอะเปื้อนก่อนพี่ปราบจะตวัดลิ้นเลียดูดกลืนกินอย่างไม่รังเกียจ

“มีนครับ พี่หลงมีนจะแย่อยู่แล้วเนี่ย”

“มีนจะทำให้พี่ปราบ หลงมีน...จนไปไหนไม่ได้เลยแหละ”

“ที่รักจ๋า”

พลิกคนตัวโตกว่าให้นอนราบลงบนเตียง แล้วตลบตัวเองขึ้นมาคร่อมร่างเอาไว้ จับมือแกร่งขึ้นมาแล้วดูดเม้มทีละนิ้วจนครบ ก่อนจะโน้มตัวลงไปใช้ลิ้นร้อนค่อยๆ ไล้ไปตามสัดส่วนได้รูปของร่างกาย กลิ่นหอมครีมอาบน้ำผู้ชายยังฝังแน่นปนกับกลิ่นน้ำหอมประจำตัวยิ่งชวนให้หลงใหล ผิวกายขาวละเอียดดึงดูดสายตาจนหักห้ามความรู้สึกไม่ไหว กวาดแม่งให้หมดตั้งแต่แอ่งชีพจร หน้าอกลงมายังหน้าท้องแบนราบที่กำลังหดเกร็งตามจังหวะการเคลื่อนไหวของลิ้นรัว



ผมใช้ฝ่ามือลูบแกนกายที่อัดแน่นในกางเกงนอนบีบเน้นเค้นให้มันพองหนักกว่าเดิมจนเจ้าของสูดปากไปตามจังหวะมือ แกะกระดุมเม็ดสำคัญลากรูดซิปลงแล้วค่อยขยับถอดออกจากร่างของคนตัวสูงที่ให้ความร่วมือยกสะโพกจนกางเกงหลุดโดยง่าย จากนั้นก็เริ่มขยับอย่างเชื่องช้า ใช้นิ้วโป้งขยี้ไปยังส่วนปลายของส่วนแข็งขึงเรียกเสียงครางแหบพร่าของคนใต้ร่างได้เป็นอย่างดี



“อะ...อ๊า...เมียจ๋า ผัวเสียวจังเลยครับ ทำไมเมียเก่งแบบนี้ละครับ”

“รักเมียมั้ยครับ”

“รักครับ รักเมียที่สุดเลยครับ”

ลากลิ้นเลียวนส่วนแท่งร้อนก่อนจะกลืนแล้วขยับจังหวะขึ้นลงช้าๆ จากต้นถึงปลาย มอบสัมผัสอ่อนนุ่มละมุน พลางแตะลิ้นลากเพิ่มเติมความเสียวซ่านให้มากขึ้นแล้วสลับมาดูดคลายอีกครั้ง เสียงหอบครางของพี่ปราบร้องลั่นทั่วห้องสองมือสอดเข้าไปใต้ผมนุ่มเพื่อคุมจังหวะ



หยุดการเคลื่อนไหวที่ชวนให้เมื่อยปากนั้นแล้วเอื้อมมือไปตรงหัวเตียง หยิบเอาถุงยางรุ่นพิเศษมาคาบไว้แล้วกัดฉีกซองออกครอบถุงยางที่แก่นกายด้วยปากอุ่นของผม



“โคตรดีอะมีน..”



คว้าเจลหล่อลื่นที่อยู่ไม่ไกลชาชโลมส่วนลับของตัวเองที่ปิดสนิท คนตรงหน้าเลื่อนมือเข้ามาตะปบแก้มก้มนุ่มทั้งสองข้างไว้ไล้เรื่อยไปจนปากทางสอดนิ้วเรียวเข้าไปทีละนิ้วจนครบสามมันกระตุ้นความรู้สึกของผมอย่างรุนแรงจนแทบไม่อยากรอแม้แต่วินาทีเดียว ความเสียววิ่งวุ่นเมื่อนิ้วชักเข้าออกเร็วระรัวจนแทบขาดใจ



“ฮะ...ฮึกกก พี่ปราบครับ” เสียงกระเส่าแหบพร่ากับลมหายใจติดขัดจนเจ้าของนิ้วได้ใจยกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วลงมือระรัวจนตัวผมสั่นเกร็งต้องจับไหล่คนที่นอนอยู่ตรงหน้าเป็นที่มั่น

“พี่อยากเอาปราบน้อยเข้าไปแล้วครับ”

“บอกรักมีนก่อน”

“รักมีนครับ รักมากเลย”

“แค่ไหน”

“ในเมียที่สุดในโลกเลยครับผม”

ผมยิ้มอย่างพอใจก่อนจะชโลมเจลหล่อลื่นให้มากขึ้นอีกครั้ง จับแท่งร้อนราวไฟไว้ให้ตรงจัดท่าทางที่เหมาะสมแล้วค่อยๆ นั่งทับมันเอาไว้ให้ค่อยๆ เข้าไปจนมิดด้าม วินาทีที่ปราบน้อยจมดึงสู่ความร้อนรุ่มภายใน มือกุมหน้าท้องของตัวเองแล้วร้องไห้ออกมาทันที ทุกอย่างคับแน่นไปหมด ผมยังไม่สามารถขยับตัวได้ ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถถอดถอนตัวออกมา ทุกอย่างคาอยู่อย่างนั้นเพราะแท่งร้อนนั้นมันใหญ่จนจุก



“เก่งมากครับเด็กดีของพี่....ตอดแน่นเหลือเกินมีน พี่เสียวอะ”



ผมโน้มบดจูบลงไปที่ริมฝีปาก แลกเปลี่ยนความหวานอยู่ครู่หนึ่งเพื่อไล่ความเจ็บจุกที่มีให้คลายลง หน้าท้องบางตอนนี้เกร็งเครียดมากเนื่องจากตัวตนของพี่มันที่ยังคาอยู่ เลยออกแรงกดฝ่ามือลงไปเบาๆ เพื่อให้คลายความกังวล เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่ร่างกายปรับรับกับสิ่งแปลกปลอมขนาดใหญ่ที่เข้ามาได้ ผมจึงเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นลงจากเบาก่อนจนหนัก จากช้าก่อนจนเร็วในที่สุด ความเจ็บที่มีถูกแทนที่ด้วยความเสียวจนใจผมสั่นไม่ต่างจากกายร้อนที่ขย่มหนักราวกับรวบม้า



เสียงหอบครางของเราสองคนดังระรัวขานรับความเสน่หาที่ต่างสรรหามาปรนเปรอให้แก่กันและกัน เสพสุขครั้งนี้มันซ่านสวาทกว่าคราวไหน ผมมีความสุขจนแทบจะทระลักออกทางแก่นกาย คล้ายพี่ปราบรู้ว่าผมเกือบถึงปากทางกระสันพี่มันรีบคว้าเอวผมให้หยุด แล้วพลิกผมลงไปนอนราวกับพื้นเพื่อให้ตนเองเป็นฝ่ายคุมเกมบ้าง



เริ่มจากยกขาของผมขึ้นมาพาดบ่าขึ้นหนึ่ง แล้วใช้มือแยกขาอีกข้างให้แนบชิดกับเตียง ค่อยๆ ขยับแกนกายออกอย่างเชื่องช้า จากนั้นก็ไล่อากาศใส่เข้าไปใหม่เป็นจังหวะสม่ำเสมอจังหวะการเคลื่อนไหวเข้าออกทวีความเร็วขึ้น แรงขึ้นจนผมสั่นคลอนไปตามจังหวะกระแทก กอดรัดพี่มันเอาไว้นิ้วทั้งสิบจิกไปหลังของเขาอย่างแรงเพื่อระบายความเจ็บปวดเหงื่อเม็ดแล้วเม็ดเล่าผุดซึมตามกรอบหน้าและร่างกาย เสียงหอบหายใจดังสลับกับเสียงหยาบโลนของของเหลวที่คละเคล้าอยู่ภายใน



ผมเหมือนอยู่บนสวรรค์ มันรู้สึกดีมากทั้งสัมผัส กลิ่นกาย รวมไปถึงเสียงที่ดังในโสตประสาท



ผมยอมทุกอย่างแล้วเพราะหลงในรสเสียวสวาทเสน่หาที่พี่มันมอบให้เหมือนเกิน ยอมให้เขาจับพลิกคว่ำพลิกหงายตามใจชอบ



“สะ...เสียว พี่ปราบ มีนจะไม่ไหวแล้ว”

“พี่ก็จะไม่ไหวเหมือนกัน มีนจ๋า มีนทำไมน่ารักได้ขนาดนี้นะ”

“อะ....อึก”



คนตัวสูงพูดจบแล้วเร่งบดอย่างแรงอยย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงหยาบโลนดังไปทั่วห้องยามแก้มก้นขาวกระแทกกับต้นขาของเขา ของเหลวสีใสของเจลหล่อลื่นไหลลงมาตามเรียวขา เสียงชื้นแฉะดังกังวานไปทั้งห้องนอน ฉุดอารมณ์อยากกระหายพุ่งสูงไปจนขีดสุด



ในจังหวะสุดท้ายที่ความต้องการของเราใกล้มาถึงจุดสุดยอด พี่มันเอื้อมมือจับแกนกายเล็กเอาไว้ พร้อมกับขยับทั้งด้านหน้าและด้านหลังพร้อมกับ



“พี่กูไม่ไหวแล้ว อะ...”

“แตกพร้อมกันนะที่รัก”

“ฮึก อะ...อะ...อ๊าาาาาาาาา”

“โอ๊ย...อ๊าาา”



แสงสว่างมาเยือนตรงหน้า โลกทั้งใบขาวโพลนไม่มีสิ่งใดในหัวเลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกเสียว สุข ผ่อนคลายทุกอย่างประเดประดังวิ่งเข้ามาหลากหลาย ร่างกายของผมกระตุกพร้อมกันนำพาเอาของเหลวสีขุ่นพุ่งกระจายจนเลอะเต็มที่นอน ส่วนพี่ปราบปล่อยมันเข้าไปในร่างกายของอีกผมแล้วพรมจูบอยู่นานก่อนจะดึงออกแล้วอุ้มผมเข้าไปอาบน้ำอีกรอบ



“เมียใครทำไมเก่งจัง”

“เมียมึงไง ...”

“ฮ่าๆๆ”







ความเพลียเล่นงานจนผมเผลอหลับไปครู่หนึ่ง แสงไฟสลัวตรงหัวเตียงพอทำให้ผมเห็นรางๆ ว่าคนที่นอนอยู่ข้างๆ ก่อนหน้าไม่มีแล้ว กวาดสายตาไปทั่วห้องมองหาพี่ปราบ พลันเสียงประตูห้องด้านนอกดังขึ้นก่อนจะถูกปิดลง สองเท้าเหยียดลงบนพื้นเดินออกไปยังส่วนห้องนั่งเล่น กดเปิดไฟจึงพบคนที่ตามหา



พร้อมกับ....ตุ๊กตาหมีสีขาวตัวนั้น ตัวที่ผมอยากได้จากการปาลูกโป่ง



“ตื่นแล้วหรอ ..ว๊าอดเซอร์ไพรส์เลย”

“ไปเอามาจากไหนครับเนี่ย”

คนตัวสูงกว่าเดินเข้ามาแล้วยื่นตุ๊กตาขนาดตัวสูงเท่าเอวมาให้ผม แม้จะไม่ใช่ตัวนั้นแต่ผมมั่นใจว่าเป็นแบบเดียวกันกับที่ผมอยากได้นั่นแหละ

ว่าแต่...ไปเอามาได้ยังไง

“ก็ไปปาลูกโป่งมาให้ไงครับ”

หืม!! อะไรซิ

“ไม่ได้ไปซื้อมาแล้วเอาหลอกมีนหรอ”

“แหนะ ..น้อยใจนะ คนเค้าตั้งใจไปปามาให้กว่าจะได้มาหมดไปตั้งเท่าไหร่”

“แอบไปปาตอนไหน ทำไมมีนไม่รู้”

“หลายวันแล้ว ได้มาก็เอาไปซ่อนไว้ที่คอนโด”

ตุ๊กตาหมีตัวที่ผมยืนเฝ้ามองว่าพี่ปราบจะปาลูกโป่งได้มันมาหรือเปล่า แต่ก็ได้มาเพียงพวงกุญแจแทน ทว่าตอนนี้คนตัวสูงกว่ากลับใช้ความพยายามจากครั้งก่อนลงมืออีกครั้งเพื่อให้ได้มันมาอยากที่ผมต้องการ



ผมไม่ได้ยกยิ้มขึ้นเพราะได้ตุ๊กตาหรอกนะ ..



แต่ยกยิ้มเพราะ..ดีใจที่คนตรงหน้าทุ่มเททุกอย่าง พยายามทำในสิ่งที่ไม่เคยทำเพื่อให้ผมมีความสุข

วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรเราสองคนไม่อาจรู้ รู้เพียงวันนี้ผมดีใจที่มีพี่ปราบเคียงข้าง



มืออุ่นลูบไล้ใบหน้าผมอ่อนโยน หลับตารับสัมผัสนั้นพลางยกมือของตนขึ้นเกาะกุมไว้ มองคนตรงหน้าที่อยู่ในชุดนอนแต่ก็ยังหล่ออยู่ดี



แฟนใครวะเนี่ย ... ทำไมโคตรหล่อ!!



“ขอบคุณนะครับ ที่พยายามทำทุกอย่างให้มีนมีความสุข”

“พี่เต็มใจครับ อะไรที่ทำแล้วมีนมีความสุขพี่จะทำให้”

“ไปนอนกันนะ ตีสามกว่าแล้ว”

“อุ้มสิ มีนเดินไม่ไหว”

“อ้อนนักนะ เดี๋ยวจะโดนอีกรอบ”



ร่างผมถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดของคนตัวสูงกว่าคนที่ผมเรียกว่าความรักอย่างทุกคืน สัมผัสอุ่นวาบที่หน้าผากอย่างทุกครั้งที่เคยทำ ซบหน้าลงตรงอกแน่นท่ามกลางเสียงหัวใจที่หนักแน่นชัดเจนเต้นตามจังหวะความรัก หลับตาพริ้มเพื่อเตรียมเข้าสู่ห้วงฝันดีไปพร้อมกันเช่นทุกวัน



“พี่รักมีนนะครับ”

“มีนก็รักพี่ปราบครับ”

“ฝันดีครับที่รัก”

“เราจะฝันดีไปพร้อมกันทุกคืนนะครับ”





ความรักเมื่อเกิดขึ้นกับใครย่อมดีทั้งนั้น แต่จงอย่ารักคนอื่นมากกว่ารักตัวเอง

ไม่ได้บอกให้เห็นแก่ตัว

แต่แค่เราต้องเผื่อใจเอาไว้บ้าง



หากรักที่เราเลือกเป็นรักที่ดีก็ไม่เป็นไร

ทว่าหากรักที่เราเลือกไม่เป็นอย่างหวังจะได้ไม่เจ็บหนัก



ความสมดุลเป็นสิ่งสำคัญ ....



เหมือนผมที่ผ่านความรักที่สร้างความเจ็บปวดมาหลายครั้ง เพราะทุ่มเทอย่างไม่เผื่อใจ ผลสุดท้ายคือต้องเจ็บและเกือบหลงเดินทางผิดเพื่อประชดมัน



อย่าทำให้คืนที่ร้าย...ให้เป็นคืนที่ร้าย

แต่จงทำคืนที่ร้าย....ให้เป็นคืนที่ดี



ด้วยรัก !!!!!




END

เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายแล้วนะครับ แม้การเขียนฉาก NC จะไม่ใช่สิ่งที่ถนัดก็ตามแต่อยากเอาใจนักเขียนหลายๆ ท่านที่รีเควสเข้ามานะครับ ยังไงก็ต้องขอขอบพระคุณทุกการสนับสนุนที่อบอุ่นเหมือนเดิมตั้งแต่เรื่องแรกจนถึงเรื่องนี้ครับผม .... อาจจะไม่ใช่นิยายที่ดีที่สุดแต่มั่นใจว่าเราตั้งใจทำให้มันเกิดขึ้นดีที่สุดเรามีความสุขร่วมกันนะครับ



แล้วพบกันใหม่เรื่องหน้า ตอนนี้กำลังลังเลว่าจะเขียนเรื่องไหนก่อน ยังไงจะรีบกลับมานะครับ

ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ ไม่ได้เป็นหมอแต่เป็นห่วง ^^

รักนะครับ :))

‘Kalongkongkaeng’

:bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l(Our Half Night) >>UP24>>END (23/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 23-07-2021 20:47:00
 :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l(Our Half Night) >>UP24>>END (23/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 25-07-2021 11:03:39
พี่ปราบน่ารักที่สุด55555555555555555555
คนกละวเมียแห่งชาติเลย น้องมีนน่ารักมากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l(Our Half Night) >>UP24>>END (23/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 25-07-2021 16:41:50
 :impress2:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l(Our Half Night) >>UP24>>END (23/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 27-07-2021 08:05:15
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ อีก 1 เรื่อง
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l(Our Half Night) >>UP24>>END (23/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 27-07-2021 21:32:12
ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่น่ารักไปนะคะ
สนุกมากค่ะ
น้องมีนน่ารักมาก
พี่ปราบก็... ยังไงดี ปากหมาเหลือเกิน แกล้งน้องได้ตลอดสิน่า แต่ก็ยอมน้องตลอดเช่นกัน จากคนปากหมากลายเป็นอภิชาติผัว ดีงามค่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l(Our Half Night) >>UP24>>END (23/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 31-07-2021 09:25:33
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆจ้า :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l(Our Half Night) >>UP24>>END (23/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 31-07-2021 21:38:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l(Our Half Night) >>UP24>>END (23/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 02-08-2021 23:04:52
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: คืนที่ร้าย..นายที่รัก l(Our Half Night) >>UP24>>END (23/07/21)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 30-08-2021 19:49:10
สนุกน่ารักดีค่ะ