พิมพ์หน้านี้ - ~ของเหลือ Original~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: GukakST ที่ 20-06-2017 19:07:08

หัวข้อ: ~ของเหลือ Original~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 20-06-2017 19:07:08
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ   ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0) 
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0) 
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่ 
 
 1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่ 
 
 2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
 หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
 หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
 และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
 ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
 
 เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ 
 3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ 
 4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ 
 5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว 
 6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 
 7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
       7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
       7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
       7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
             - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ 
 8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง). 
 9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ 
 10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวปhttp://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป 
 11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
 
 บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
 นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป 
 12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด 
 13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ 
 14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ 
 15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
 (1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
 (2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง ....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
 - ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
   (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
 - ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
 - ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
 - ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
 - ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail   
 16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข  17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
  เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ admin thaiboyslove.com.......................................                                                             
 วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7 วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย 
 
 
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ บทนำ [20/06/60] ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 20-06-2017 19:43:42
>>บทนำ<<

Intro
ผมแอบชอบเด็กคนหนึ่งที่อยู่บ้านตรงข้าม...

เด็กคนนั้นชื่อดิว รู้จักมันมาตั้งแต่เด็ก เพราะเราต่างก็เกิดและเติบโตที่นี่ ดิวไม่ชอบผมนัก ผมชอบแกล้งมัน ชอบปากหมาใส่มัน ก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงทำแบบนั้น แต่...ผมก็แค่อยากอยู่ใกล้มันเฉยๆ

ดิวชอบผู้ชาย และผู้ชายคนแรกที่ดิวคบก็เป็นเด็กรุ่นน้องที่คณะผมเอง ดิวอาจไม่รู้ว่าผมเรียนคณะอะไร และมันก็ไม่เคยมองมาที่ผมหรือมองหาผมเลยสักครั้ง เสียใจ แต่ไม่เป็นไร เราเป็นแค่คนที่แอบรัก มันจะไปมีสิทธิ์อะไรมากมายในชีวิตเขาละ ทว่าผมก็ไม่ได้อยู่ห่างจากดิวเลย คอยมองอยู่ไกลๆ สืบจากรุ่นน้องและเพื่อนบ้าง ยิ่งสืบ ยิ่งรู้...ก็ยิ่งเจ็บปวด

ถ้าคุณต้องรู้ว่าคนที่คุณรักไปนอนกับแฟนเขา...คุณจะรู้สึกยังไง

ผมหงุดหงิดมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีหน้าที่ห้ามปรามเด็กน้อยที่หัดมีความรัก ดิวยอมอีกฝ่ายมาก จากรุ่นน้องที่มาเล่าให้ฟัง ดิวเป็นของเด็กปีหนึ่งคนนั้นตั้งแต่วันแรกที่คบกัน เหมือนโดนแทงด้วยมีดจนมิดด้าม หลังจากนั้นดิวก็มักพาแฟนมาที่บ้าน พ่อแม่ดิวไม่ค่อยอยู่ ดิวใช้เวลาเหล่านั้นในการมีความสุขกับคนรัก โชคชะตาช่างเล่นตลก ห้องผมกับห้องดิวมันอยู่ตรงกัน ถึงดิวจะเอาม่านลง แต่เงาที่สะท้อนออกมา ก็ฆ่าผมทั้งเป็นได้...

ผมทำได้แค่ทน...มองดูแล้วเจ็บแต่ก็ยังมองอยู่แบบนั้น หลังมีความสุขกัน เจ้าเด็กปีหนึ่งคนนั้นก็จะขับมอเตอร์ไซก์ออกไป ดิวยิ้มส่งมันทุกครั้ง มันเป็นแบบนั้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งดิวไม่กลับบ้านสามวัน พอกลับมา เขาก็มีสภาพที่ย่ำแย่ หยาดน้ำตาและร่องรอยบนตัว ผมกล้าพูดเลยว่านี่คือสภาพของคนที่โดนกระทืบมา แต่ผมก็ถามอะไรไม่ได้ ดิวไล่ผม ก็..ผมมันปากหมาหนิ ผมได้แต่มองดิวเดินเข้าบ้านไป เสียงพ่อแม่ของดิวดังรอดออกมาเบาๆ ให้พอได้ยิน แต่ก็จับใจความอะไรไม่ได้

เห็นดิวเป็นแบบนั้น...ผมก็ไม่เป็นอันทำอะไรเลย

ผมสืบจากรุ่นน้องทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า เด็กที่ชื่อแมท แฟนดิวมันทำอะไรดิวไหม รุ่นน้องผมไม่รู้ มันยังไม่รู้อะไรเลย เพราะทุกวันนี้ไอ้เด็กแมทมันไม่ค่อยเข้าเรียน แต่มันจะสืบมาให้ ผมมีหน้าที่คือรอ...

และในที่สุด...ผมก็รู้ว่าแมททิ้งดิวแล้ว แต่รอยบาดแผลเหล่านั้นมาจากไหน?

ผมไม่เป็นอันเรียน เฝ้าดูดิวที่ไม่ยอมออกจากบ้านหรือห้อง ผ้าม่านปิดอยู่อย่างนั้นทั้งวันทั้งคืน เสียสะอื้นจะดังแว่วมายามดึก ผมปวดใจ แต่ก็อดทน นั่งมอง เพ่งสายตาผ่านผ้าม่านเข้าไปด้านใน ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน เห็นเงาดิวอยู่ตรงเตียง นั่งร้องไห้...

นี่ผมต้องทนมองดูคนที่ตัวเองรักร้องไห้ไปถึงเมื่อไหร่วะ!

ผมตัดสินใจลงจากห้องของตัวเอง ถึงจะช่วยอะไรมันไม่ได้แต่ผมก็อยากทำอะไรสักอย่าง ไม่ใช่เอาแต่มองมันอยู่แบบนี้ พ่อแม่ของดิวไม่อยู่ ผมแอบย่องเข้ามาเหมือนขโมย ติดที่บ้านไม่ได้ล็อกอะไรเอาไว้เลย เข้ามาในตัวบ้านได้ถึงได้รู้ว่าเสียงร้องไห้ของดิวดังมากขนาดไหน....

มันคงไม่รู้ว่ามีคนที่เจ็บไปพร้อมๆ กับมันอยู่หนึ่งคน ผมเดินขึ้นชั้นบน ตรงไปห้องของดิวโดยไม่การลังเล ผมทนเฝ้าดูมันเสียใจมากพอแล้ว ผมทนไม่ได้อีกแล้ว แค่อกหัก มันจะมาร้องเหมือนจะตายแบบนี้ไม่ได้สิ ผมไม่ยอมให้มันอ่อนแอแบบนี้

ทว่าพอเปิดประตู...

“เฮ้ย!” ดิวกำลังกรีดข้อมือของตัวเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา ผมรีบเข้าไปแย่งคัตเตอร์

“มึงทำเหี้ยไรเนี่ยดิว บ้าไปแล้วหรอวะ!!!” ผมตะคอก มันเป็นเพราะห่วงและโกรธในเวลาเดียวกัน

“ไม่ต้องมาเสือกเรื่องของกู ออกไป” ดิวว่าเสียงเย็นชา

“กูไม่ออก...กูไม่ให้มึงทำร้ายตัวเองหรอก แค่อกหัก จำเป็นต้องทำขนาดนี้ไหมวะ!”

“เรื่องของกู” คำพูดของดิวทำให้ผมเดือดมากขึ้น

“เรื่องของมึงมันก็เรื่องของกูนั่นแหละ!!!” ผมพุ่งตัวเข้าหา จับหลังคอมันเอาไว้ก่อนจะประกบตัวเองลงบนปากที่เห่อช้ำ

“อื้อ!” เจ้าตัวไม่ทันได้ตั้งตัว มันเลยตั้งรับอะไรไม่ทัน ผมบดจูบอย่างเอาแต่ใจ ตักตวงทุกอย่างที่เคยโหยหา แต่ก็ไม่ลืมว่าที่ทำอยู่นี่คือต้องการลงโทษมัน แค่ผู้ชายคนเดียว ไม่จำเป็นเลยที่มันต้องเสียใจจนถึงขั้นทำร้ายตัวเอง ผมไม่พอใจ...

หงุดหงิดเป็นบ้า!

เพี้ยะ!

ดิวตั้งตัวได้มันก็ผลักผมออก ตามด้วยฝ่ามือเรียวเล็กกระทบเข้าที่ใบหน้าจนแทบหัน ดิวมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามละคนไม่พอใจ ผมยิ้มบางใส่มัน สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไร

“อย่ามาทำแบบนี้กับกู กูไม่ใช่สิ่งของที่มึงจะเล่นตลกอะไรด้วยก็ได้” ริมฝีปากเล็กสั่นเทา มันพยายามจะเอามือเช็ดคราบสัมผัส เห็นท่าทางขยะแขยงของมันผมก็เจ็บ ผมไม่ดีกว่าไอ้เด็กแมตรงไหน ผมเลวกว่าเหรอ ผมไม่ปฏิเสธว่าเคยทำดิวเสียใจเพราะผมชอบแกล้งมัน แต่...ผมไม่เคยทำให้ดิวเจ็บช้ำขนาดนี้เลยนะ
“กูไม่เคยเห็นมึงเป็นสิ่งของ และก็ไม่เคยเห็นความรู้สึกของมึงเป็นของเล่น มึงต่างหาก...ที่ไม่เคยเห็นกูอยู่ในสายตาเลย แต่ก็ช่างมันเหอะ” ผมตั้งท่าจะเดินออกไปจากห้อง มันอึดอัด สิ่งที่เก็บเอาไว้มันอยากจะออกมาให้คนตรงหน้ารู้ แต่...ผมรู้ว่ามันยังไม่พร้อม

“ถ้ามึงทำร้ายตัวเองอีก กูจะเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อกับแม่มึง เรื่องของมึงกับเด็กปีหนึ่งคนนั้นกูรู้หมดแล้ว...” ขอโทษที่ต้องขู่ โดนดิวด่ายังดีกว่าต้องมารู้ว่ามันทำร้ายตัวเองเพราะคนที่ไม่เคยจริงใจกับมันเลย...

ผมทนไม่ได้จริงๆ...เห็นคนที่ตัวเองรักเจ็บปวดแบบนี้มันทรมานเหลือเกิน

.....TBC.....

บทนำมาเบาและไปต้องขออำภัยอย่างสูง เราเคยมีความตั้งใจจะทำเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว จบจากปรานต์เลยมาทำ ช่วงแรกๆ เราอาจมาอัปช้าหน่อยน้า ละถ้ามันไม่สนุกหรือยังไง ติชมได้เด้อจ้า ^^
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ บทนำ [20/06/60] ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 20-06-2017 23:11:14
ตามชื่อเรื่องมา
น่าจะอ่านแล้วสนุกถูกใจ

เราชอบมาม่า..เอาแบบเส้นขึ้นอืดเต็มชามรุย
ชอบกิน อร่อยถูกปากดี
อิอิ

+1 ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ บทนำ [20/06/60] ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-06-2017 02:12:11
รออ่านอีก
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ บทนำ [20/06/60] ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-06-2017 02:21:02
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: รอออออออออออ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ บทนำ [20/06/60] ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 21-06-2017 12:54:59
ดิวผิดนั่นละที่ไปคบกับคนมีเจ้าของแล้วแต่คนที่เชี่ยที่สุดก็คือไอแมทนี่ละคบซ้อน เกลียด!! :katai1: :katai1: ถึงเรื่องนู้นมันจะไม่ได้รับผลกรรมไรมากมายก็เถอะ -..- แต่ก็อยากให้แมทโดนกระทืบให้หลาบจำอยู่ดี ค้างจากเรื่องก่อน 5555555 (แต่งให้พระเอกเรื่องนี้ไปลากอิแมทมากระทืบเลยค่ะ อยากอ่าน!!) นี่ก็อินแรง...อิอิ

ปล. ดิวจ๋าาา ไม่รู้ไม่ผิดนะหนู แต่ถ้ารู้ว่าผิดแล้วยังทำนี่เกินเยียวยาเด้อ นั่นละโดนแฟนเค้ากระทืบโดนเค้าทิ้งก็เป็นผลจากการกระทำของตัวเองล้วนๆ ทีนี้ก็รู้ได้แล้วว่าแมทมันไม่ได้รักไรดิวมากมายแค่หลง แค่เอาไว้แก้งี่...  :hao3:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 1 [26/06/60] ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 26-06-2017 20:45:25
>> ตอนที่ 1 <<

ผ่านมาเกือบอาทิตย์ได้แล้วหลังจากผมเจอดิวทำร้ายตัวเอง เท่าที่มองจากบ้านตรงข้าม มันก็กลับมาใช้ชีวิตปกติได้แล้วนะ สีหน้าอาจดูไม่ดีในวันแรกๆ แต่แค่ไม่นานก็สดใสร่าเริงเหมือนเมื่อก่อน มันควรไปเรียน ไปเจอเพื่อนตั้งนานแล้ว ไม่ควรเอาแต่หมกตัวอยู่บ้านให้ตัวเองยิ่งรู้สึกแย่หรอก

“แม่ ต้นกลับมาแล้ว...” ดูบ้านตรงข้าไม่เห็นคนถึงเดินเข้าบ้านตัวเอง ผมเป็นแบบนี้เสมอ อยากดูให้รู้ว่าดิวกลับมาหรือยัง

ผมมีน้องชายคนหนึ่งชื่อไม้ เรียนห้องเดียวกับดิว สองคนเป็นเพื่อนที่สนิทกันพอสมควรแต่อยู่คนละกลุ่ม เพราะงั้นผมไม่สามารถเดาว่าดิวกลับมาแล้วหรือยังจากเจ้าไม้ได้ ไปเรียนสองคนนี้ยังไม่ได้ไปพร้อมกันเลย ตอนเด็กสนิทกันมากนะสองคนนั้น ตัวติดกันเป็นตังเม ทว่าพอเริ่มโต ก็เริ่มห่างๆ กันตามความชอบที่แตกต่างกันไปละมั้ง ไม้มันเด็กกีฬา ชอบเล่นแบดมินตัน เพื่อนรอบตัวไม้ก็จะเป็นเพื่อนที่ชอบเล่นแบดเหมือนกันหรือเพื่อนในชมรมกีฬา

“น้องละลูก” แม่ละสายตาจากทีวีมามอง ผมตรงเข้าไปนั่งข้างๆ แล้วกอดแม่เอาไว้

คือบ้านผมมีกันสามคนแม่ลูก พ่อเราเสียไปเมื่อแปดปีที่แล้วจากอุบัติเหตุ แม่ก็เลยเป็นหัวหน้าครอบครัว เลี้ยงลูกชายแสนแสบด้วยตัวเอง ยังดีบ้านเรามีกิจการ ก็มีห้องเช่า อพาท์เม้นต์ แล้วก็ร้านอาหารซึ่งเป็นแบรนด์ของแม่ผมเอง ทำให้แม่ไม่ต้องออกไปหางานทำหรือลำบากมากนักยามที่ต้องเลี้ยงดูลูกๆ ผมจำได้ว่าช่วงเสียพ่อไปใหม่ๆ แม่เสียศูนย์มาก ทำอะไรแทบไม่ได้เลย น้ากับน้าสะใภ้ถึงต้องลงมาดูงานแทน กว่าจะกลับมาเป็นปกติก็เกือบปีผมกับไม้ที่เป็นลูกก็ช่วยแม่เท่าที่ช่วยได้

ในวันที่เสียพ่อไป...ผมกับน้องสัญญากันว่าจะเป็นเสาหลักให้แม่เมื่อเราทั้งคู่เรียนจบ เราจะไม่ทำให้แม่เสียใจ เมื่อก่อนทั้งผมและไม้ต่างก็เกเรตามประสาเด็กผู้ชาย ไม่สนใจเรื่องเรียนนัก ก็แค่เรียนไปวันๆ ให้มันจบ หรืออาจจะตั้งใจบ้างยามอยากได้ของ จะได้ขอพ่อกับแม่ ทว่าพอเห็นแม่เศร้า แม่ร้องไห้ในวันที่พ่อจากไป...พวกเราก็ไม่เหมือนเดิมอีก

“ทำกิจกรรมชมรมมั้งแม่” ผมเปลี่ยนจากกอดเป็นไถลตัวลงนอนหนุนตักนุ่มๆ ของแม่

“วันนี้เรากลับเร็วไม่ไปรับน้องหน่อยละ ดูน้องดิวมาด้วยเลย จะได้มากินข้าวที่บ้านกัน วันนี้พ่อแม่น้อดิวคงไม่กลับบ้านอีกแล้ว...น่าสงสารน้องนะ” แม่ลูบหัวผมเบาๆ

“ครับแม่...” พ่อกับแม่ดิวระหองระแหงกันมานานแล้ว พวกเขายังอยู่ด้วยกัน ก็แค่ตัวอยู่น่ะ

เท่าที่เคยได้ยินแม่เล่าให้ฟัง พ่อกับแม่ดิวอยากหย่ากันเพราะต่างคนต่างมีคนรักใหม่ แต่ติดที่ทางผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านไม่ยินยอม เรียกว่าถ้าดึงดันจะหย่า ญาติฝ่ายพ่อจะตัดหางพ่อดิวทิ้ง และญาติทางแม่ดิวก็ยึดกิจการคืน ผมฟังแล้วมันก็ตลกนะ...ชีวิตของพวกเขา มันจำเป็นต้องไปขีดเส้นให้เขาขนาดนั้นเลยหรือไง โตๆ กันแล้วด้วย พ่อกับแม่ดิวก็เลยยังอยู่กันแบบนี้ ที่ไม่ค่อยกลับบ้านก็เพราะมีอีกบ้านต้องไป ดิวเป็นลูกที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยรัก ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ดิวก็เลยถูกทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียว นั่นเป็นสาเหตุที่ผมเป็นห่วงดิวมาก...

จากที่เคยแอบชอบเหมือนด็กๆ ความรู้สึกมันก็เติบโตขึ้นจากความเห็นอกเห็นใจ ก็เลยคอยดูแลดิวห่างๆ มองดูห่างๆ แบบที่มันเป็นอยู่ตอนนี้นี่แหละ อืม...ที่เป็นตอนนี้ไม่ดีเท่าไหร่ด้วยละ ฮ่าๆ ไปจูบมันแบบนั้น มันไม่โง่หรอกมั้งว่าผมรู้สึกยังไงกับมันน่ะ

เอ...หรือมันโง่กว่าที่ผมคิด

ผมนอนพัก หนุนตักให้แม่สางผมเล่นอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ มันเพลินอะ ไม่อยากลุกเลยนะเอาจริงๆ อยากจะนอนต่อไปและหลับทั้งแบบนี้เลยด้วยซ้ำ นานทีมีหนนะ กับการได้แม่มาเป็นหมอนหนุน แถมด้วยมือนุ่มๆ ลูบหัวกล่อมเนี่ย...

“เย็นนี้แม่จะทำอะไรกินอ่า...” ปรือตามองหน้าสละสวยของแม่

“ต้นอยากกินอะไรละ”

“ต้นอยาก...กินไข่ยัดไส้”

“ความปรารถนาของเจ้าจะสัมฤทธิ์ผล...” ว่าแล้วจมูกผมก็โดนหยิกเบาๆ

“ฮ่าๆ แม่ก็” เสียงหัวเราะสดใสของแม่ทำให้โลกของผมสว่างขึ้นเป็นกอง ผมชอบรอยยิ้มของแม่มากกว่ารอยยิ้มของใครๆ...แม่ของผมคือคนที่ผมรักที่สุดในโลกเลยละครับ

“ปะ ไปรับน้องมาได้แล้ว”

“คร้าบ...” ผมดีดตัวขึ้นนั่ง ขโมยหอมแก้มแม่อีกทีก่อนจะเดินออกมาขึ้นรถ

ปกติผมมีรถเก๋งของตัวเองคันหนึ่ง แม่ซื้อเอาไว้ให้เผื่อใช้ไปเรียนไปทำอะไรต่างๆ แต่เอาเข้าจริงผมดันไม่ค่อยใช้ ผมเกลียดรถติด กว่าจะไปถึงมหาลัยได้ใช้เวลาเกือบชั่วโมง นั่งวินไปแป๊บเดียวถึงเลย ก็เลยชอบนั่งวินมอเตอร์ไซก์มากกว่า นี่เมื่อไม่นานมานี้แม่ก็บ่นๆ จะออกมอเตอร์ไซก์ให้ผมขับแทน แต่ผมเบลกแม่เอาไว้ก่อน ยังไม่อยากได้ตอนนี้ ไว้ทำงานหาเงินออกเองน่าจะดีกว่ารบกวนแม่

ระหว่างขับรถไปโรงเรียนของน้อง ผมก็อาศัยช่วงที่รถติดโทรหาไม้ ถามดูว่าอยู่ไหนผมจะได้เดินไปรับเจ้าตัวถูก ซึ่งน้องชายของผมก็ตอบสถานที่ที่ผมคาดเอาไว้แล้ว นั่นคืออาคารอเนกประสงค์ เล่นเเบดอยู่กับคนในชมรม รู้ว่าน้องอยู่ไหนต่อไปก็ถามหาดิวเพราะแม่ให้ชวนดิวมาด้วย แต่คำตอบที่ได้รับให้จุกไปเหมือนกัน...

(ไปกับแฟนใหม่แล้วพี่ เห็นว่าเพิ่งคบกัน...เดี๋ยวพี่มารับจะเล่าให้ฟังนะ ตอนนี้ผมไปตีแบดกับเพื่อนก่อน)

“อืม” แล้วก็วางสาย

ไม้ก็รู้ว่าผมแอบชอบดิวมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ผมเพิ่งเข้ามัธยม น้องมันให้สารภาพรักอยู่หรอกแต่ผมไม่กล้าเอง ตอนั้นมันกลัวจะมองหน้ากันไม่ติดนี่ครับ ผมเองก็ชอบแกล้งดิวมาตั้งแต่เล็กๆ แล้ว ด้วยดิวเป็นเด็กตัวเล็กดูอ้อนแอ้นก็เลยแกล้งง่าย แถมยังเป็นคนหัวอ่อน ตอนที่ไม้มาเล่าให้ฟังว่าดิวคบเพื่อนแปลกๆ ผมก็เป็นห่วง นั่นเป็นช่วงที่ดิวขึ้นมอสี่และผมอยู่ปีหนึ่ง ผมค่อนข้างห่วง จากที่ไม้เล่าเด็กพวกนั้นเป็นเด็กผู้ชายที่ไม่แท้ ชอบเที่ยวกันตั้งแต่เล็กแต่น้อย พูดถึงพวกผู้ชายกันสนุกปาก ไม่รู้ดิวไปคบพวกแบบนั้นได้ยังไง

ช่วงที่รู้ ผมพูดจากใส่ดิวค่อนข้างแรงทีเดียว ทั้งที่พูดดีๆ ให้ดิวเลิกคบเพื่อนแบบนั้นก็ได้แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวเป็นคนแบบนั้นมั้ง ปากหมาไปหน่อยน่ะ ดิวเลยเกลียดขี้หน้าผมไปใหญ่ ผมเข้าใจอย่างหนึ่งว่าดิวเข้ากับเด็กผู้ชายปกติไม่ค่อยได้เพราะเขาเหมือนจะเอนเอียงไปทางชอบเพศเดียวกัน พวกผู้ชายเลยแซวเขาบ่อยๆ และเขาก็ไม่ชอบมันเอาเสียเลย นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ดิวคบเพื่อนแบบนั้นก็ได้....

พอคบเพื่อนแบบนั้น ดิวก็...ตกเป็นของไอ้แมท รุ่นน้องปีหนึ่งคณะผม ตอนนั้นคิดนะว่าถ้ามันจะง่ายกับคนอื่นขนาดนั้น ผมจีบเองซะแต่แรกก็ดีหรอก แม่งเอ้ย...นึกแล้วก็เจ็บใจเหมือนกัน

“พี่ต้นหวัดดีครับ” เพื่อนไม้ยกมือไหว้เมื่อผมเดินเข้ามา คนอื่นๆ ก็ยกมือไหว้ตามเพราะพวกนี้ค่อนข้างคุ้นหน้าผมอยู่แล้ว

“หวัดดีๆ”

“พี่รอแป๊บได้ป่ะ เล่นเกมนี้ก่อน” ไม้ตะโกนบอก

“อืม” ผมเดินไปนั่งรอข้างสนาม มองดูน้องเล่นแบดมินตันกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนาน

เพื่อนไม้ในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับไม้ แต่มาเจอและสนิทกันเพราะชมรมนี้นี่แหละ เป็นพวกชวนกันเล่นแบดแทบทุกวัน ขนาดวันเสาร์อาทิตย์ก็ยังไม่เว้น ไม่รู้จะไวไฟกันไปไหน แต่ดีแล้วล่ะ น้องผมได้เพื่อนแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ผมเองเสียอีกที่ด้อย มีแต่พวกชวนเมามากกว่าเล่นกีฬา ชมรมที่มหาลัยก็เป็นชมรมกลับบ้านเสียด้วย ผมเองมีความสนใจด้านธุรกิจมากกว่าเลยทำให้ดูเนิร์ดกว่าน้องในเรื่องของการใช้ชีวิต

ไม้ตีแบดกับเพื่อนประมาณครึ่งชั่วโมงก็แยกตัวออกมา พวกนั้นเข้ามาไหว้ผมก่อนจะแยกย้ายกันไปเล่นต่อ มีแค่ไม้คนเดียวที่จะกลับก่อนเพื่อน จริงๆ เจ้าตัวบ่นเหมือนกันว่ายังไม่อยากรีบกลับ แต่พอบอกว่าแม่รอกินข้าวน้องก็ตัดใจจากการเล่นกับเพื่อนๆ เพื่อกลับไปกินข้าวกับแม่ที่บ้าน เราพากันเดินกลับไปที่รถ ไม้เล่าเรื่องการแข่งแบดมินตันที่จะมาถึงเร็วๆ นี้ให้ผมฟัง มันว่ามันจะลงแข่งด้วย อาจารย์ก็สนับสนุน ชั่วโมงที่ไม่สำคัญมากนักสามารถไปซ้อมแบดได้เต็มที่ และเสาร์อาทิตย์ก็จะเน้นไปทางซ้อมอีกเช่นกัน แม่รู้แม่ต้องดีใจมากๆ ที่มันเอาดีได้ขนาดนี้

“เล่าเรื่องดิวให้ฟังบ้างสิ...” พอขึ้นรถผมก็เปิดประเด็นที่อยากรู้

“ฝ้ายกลุ่มดิวอะแนะนำรุ่นพี่คนหนึ่งให้มัน บอกว่าพี่เขากำลังสนใจดิวอยู่ แต่ดิวอะไม่ยอมรับเพื่อนพี่เขาสักที ก็เลยแอดมาทางฝ้ายเพื่อให้ฝ้ายพูดกับดิวให้ หลังจากนั้นดิวก็คุยกับฝ่ายนั้น สองวันได้แล้วมั้งที่คุยกันน่ะ ผมลืมบอกพี่เพราะมัวแต่คิดเรื่องซ้อม แต่เห็นว่าเพิ่งจะคบกันวันนี้ นี่มันก็ไปเดตกับพี่เขา...” รู้นะว่าการรู้เรื่องดิวไปคบคนอื่นทำให้ตัวเองเจ็บ แต่ก็ยังอยากจะรู้อยู่ดี

“เขาเป็นคนไงรู้ป่ะ เรียนที่ไหนคณะอะไร...”

“เฮ้พี่ชาย...ผมไม่ใช่ดิวนะครับ รู้แค่เรียนที่มอเค ปีสองมั้ง ปีเดียวกับพี่หนิ ส่วนคณะนี่ไม่รู้วะ...ไม่ได้ถาม ไม่ค่อยอยากคุยกับดิวตอนมันอยู่กับเพื่อนๆ มันเท่าไหร่ พี่รู้ป่ะ ปีนี้ไอ้พวกนั้นยิ่งแรง ขนาดผมเป็นเพื่อนในห้องแม่งยังชอบมาแซะๆ เข้าใกล้บ่อยๆ ผมไม่ชอบวะ...เหมือนโดนลวนลาม” นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ไม้กับดิวเริ่มห่างกัน

“ดิวก็น้า...ดูก็รู้แล้วว่าพวกนั้นเป็นเพื่อนที่ไม่เอาไหน ยังจะไปคบอยู่ได้ รักกันจริงเชียว ผมคุยด้วยกับดิว ไอ้พวกนั้นก็ชอบแทรกประจำ เบื่อชิบ เพื่อนผมคนหนึ่งถึงกับบอกว่าดิวอะร่าน...” ผมเกือบเหยียบเบลกเมื่อได้ยินน้องบอก

“ขนาดนั้นเลยอ่อวะ”

“เออดิพี่ มันก็แค่เรื่องพูดกันปากต่อปากของพวกผู้หญิงอะแหละ แต่แม่งแบบ...เหมือนไฟลามทุ่งอะพี่ พูดกันไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งเลวร้าย ว่ากันว่ารุ่นพี่มอหกก็อยากได้ดิว มีคนกำลังจีบดิวหลายคนและดิวก็ไม่ยอมเล่นด้วย พวกผู้หญิงที่ไม่ชอบบอกว่าดิวอะเล่นตัวเพื่อให้ตัวเองมีคุณค่า ทั้งที่เขาก็รู้กันหมดว่าดิวอะไม่ซิง” อ่อ ผมจำได้ว่าไม้เคยเล่าให้ฟัง ดิวไปเรียนทั้งที่คอเป็นรอยดูดเต็มไปหมด ก็ฝีมือแฟนเก่าของน้องมันนั่นแหละ

“ผมจะแก้ต่างก็หาว่าเข้าข้างดิว บ้างว่าผมจะเอาดิวด้วยอีกคน หรือไม่ก็ผัวเก่า โห...ดูปากไอ้พวกนี้ดิ ผมปวดหัวเลยไม่อยากยุ่งเยอะ ในเมื่อดิวไม่สนใจ ผมก็ไม่มีเหตุจำเป็นต้องสนใจว่ามะละ” คิดแบบนั้นไม่ผิดแต่ผมก็ว่ามันไม่ถูก

“แต่ดิวมันเพื่อนเรานะ ปกป้องดิวบ้างก็ดี”

“ก็เท่าที่ทำได้อะพี่ เรื่องข่าวลือหรือเรื่องการทำตัวเองมันอยู่ที่ดิวนะ ผมเป็นเพื่อนก็จริง แต่ถ้ามันเลือกทางนั้นผมก็ทำอะไรมากไม่ได้หรอก เตือนก็เตือนแล้ว” อืม ผมรู้ว่าไม้เตือนดิวไปบ้างแต่ดิวไม่สนใจเท่าไหร่ ทั้งที่พวกนี้สนิทกัน เหมือนจะเชื่อแต่คงโดนไซโคจากเพื่อนกลุ่มนั้น

บ้านก็แตก เพื่อนยังแย่...ผมนึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าดิวจะหลุดพ้นจากวงจรแบบนี้ไปได้ยังไง ผมกลัวว่ายิ่งผ่านเวลาไป ดิวจะยิ่งถลำลึกมากกว่าที่เป็นอยู่นี้ ครั้งนี้ก็เพิ่งคุยกันแต่ไปกับมันอีกแล้ว เหมือนครั้งที่แล้วไม่มีผิดเลย

ผมไม่อยากคิดต่อว่าหลังจากเดตพวกเขาจะทำอะไรกัน...

“พี่ต้น...” ผมกำลังจะเลี้ยวรถเข้าหมู่บ้าน

“ผมไม่อยากอะไรกับความรู้สึกพี่นักหรอกนะ แต่ตัดใจจากดิวมันเหอะ...ผมไม่ได้ว่าดิวไม่ดี แต่พี่ไม่มีความสุขเลย” หันไปมองหน้าหนักใจของน้องชายแล้วก็ต้องยิ้มให้

“เออหน่า เจ็บมากๆ เดี๋ยวก็เบื่อไปเองแหละ”

“เจ็บข้างเดียวมาเป็นปีแล้วไม่เห็นดีขึ้นเลย...” ไม้ถอนหายใจหนักๆ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง

แม่อยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนเดินออกมาเปิดประตูรั้วให้เรา เจ้าไม้ลงจากรถได้มันก็วิ่งไปกอดแม่เป็นคนแรก ตัวปลิวเลยของเขิงก็ไม่เอาไป ให้พี่ชายอย่างผมถือไปให้ นี่เอ็งไม่ได้อายุห้าหกขวบแล้วนะเนี่ย

“แม่เห็นน้องดิวเขากลับมาบ้านแล้ว หนูไปตามน้องมากินข้าวไปลูก” แม่พยักเพยิดไปทางบ้านตรงข้าม

“ดิวมาคนเดียวเหรอแม่” ไม้ถามทั้งที่ยังกอดเอวแม่อยู่ ผมมองตาม หน้าบ้านมีรถเก๋งสีดำจอดอยู่ ไม่ใช่รถพ่อหรือแม่ดิว

“ไม่นะ มากับเพื่อนหรือเปล่า...ชวนมากินด้วยกันเลยไง แม่ทำอาหารไว้เยอะเลยน้า” ผมถอนหายใจ มองหน้าแม่ที่ยิ้มแย้ม แม่คงตั้งใจทำเผื่อดิว

“เขาไม่มาหรอกแม่ เรากินกันแค่นี้แหละ ไม้เอาของไปเก็บ ล้างมือแล้วมากินข้าวกัน” ผมส่งกระเป๋าของน้องให้มัน

“ใช่แม่ เรากินกันแค่นี้แหละ” แม่ดูจะหนักใจ แต่เห็นว่าลูกๆ ไม่อยากพูดก็ไม่ซักไซ้ต่อ

ผมเข้าไปกอดเอวแม่บ้าง เอาหัวโตๆ คลอเคลียกันไปที่โต๊ะกินข้าว แค่เดินเข้ามาก็ได้กลิ่นอาหารแล้ว ฟุ้งทั่วบ้านแบบนี้เชื่อว่าต้องอร่อยจนเหมือนจะเหาะได้เลย ผมพยายามเอาตัวเองอยู่ที่บ้านไม่ใช่ห้องของดิว เลิกคิดมันไปชั่วคราวเพราะไม่อยากให้แม่เห็นอะไรก็ตามที่จะหลุดออกมาทางสีหน้าของผม ถึงแม่จะไม่ค่อยได้ให้เวลากับพวกผมเหมือนเมื่อก่อน แต่แม่ก็คือแม่ แค่มองหน้าก็รู้ว่าเรารู้สึกอย่างไรอยู่...

เจ้าไม้ตามมาหลังผมกับแม่นั่งได้ไม่ถึงห้านาที เจ้าตัวอาสาตักข้าวใส่จานแล้วมองกับข้าวด้วยสายตาที่แวววาวโคตรๆ น้ำลายแทบไหลยืดออกมาแล้วมั้งนั่น เล่นกีฬามาคงหิวกว่าผมเป็นเท่าตัว เจ้าน้องชายเริ่มเล่าเรื่องที่จะแข่งแบดมินตันให้แม่ฟัง เล่นเอาคนฟังยิ้มแก้มปริ ลูกชายแม่ยังไม่ได้ชนะเลยนะ แค่จะแข่งเอง แต่เข้าใจ...แม่ภูมิใจในตัวน้อง

ไม่ต้องห่วง...ผมไม่อิจฉาน้อง เพราะผมเองก็โดนแม่ปลื้ม วันหยุดผมจะไปช่วยงานแม่ที่ร้านเป็นประจำ ไม่ได้ตำแหน่งสูง แค่แคชเชียร์ เก็บโต๊ะ เสิร์ฟอาหาร เราต้องเรียนรู้จากระดับล่างๆ ก่อนถูกไหม เวลาเราขึ้นบริหารเราจะได้รู้ว่าคนที่ทำหน้าที่เหล่านี้วันๆ ต้องเจอะไรบ้าง เหนื่อยแค่ไหน ปวดหัวแค่ไหน แม่บอกว่าเข้าใจลูกน้องมากเท่าไหร่ ก็จะได้ใจลูกน้องมากเท่านั้น

อาหารจำนวนมากทที่ทำเผื่อดิวโดนลูกชายตัวเท่าควายของบ้านทั้งสองคนกวาดใส่ท้องจนเกลี้ยง แม้ปลื้มใจขั้นสุด ที่ลูกชายกลายร่างเป็นหมอนยัดนุ่นเข้าไปขนาดนั้น พวกผมสองพี่น้องช่วยกันเก็บและล้างจาน ปล่อยให้แม่ได้พักผ่อนกับรายการโปรดของแม่ เจ้าไม้เป็นคนเช็ดโต๊ะ มันทำเสร็จก่อนก็เลยหนีไปนอนหนุนตักแม่เป็นที่เรียบร้อย ผมที่ล้างจานกลับต้องยืนมองน้องแลบลิ้นให้อย่างกวนประสาท

เราชอบแย่งกันนอนตักแม่...

เมื่อเห็นตักแม่ไม่ว่าง ล้างจานเสร็จผมก็เดินขึ้นห้องเพื่อจะเข้าไปอาบน้ำอาบท่าแล้วค่อยลงไปนั่งเล่นกับแม่และน้องข้างล่าง ทว่าสายตาก็ดันเหลือบไปเห็น...เงาที่หน้าต่างบ้านตรงข้ามเสียก่อน ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องเดินไปใกล้หน้าต่างเพื่อมองดูเงานั้นด้วย เป็นแบบนี้ทุกที รู้ว่าเจ็บ...แต่ก็ยังดู

ร่างบอบบางกำลังขย่มขึ้นลง...แค่นั้น ไม่เห็นมากไปกว่านั้น แต่ไม่ต้องเยอะกว่านี้ก็รู้ว่ามันคืออะไร เมื่อเงาของดิวหายไป ผมก็ยืนเอาหลังพิงบานหน้าต่าง หลับตา สงบจิตใจ...ไม่งั้นมันจะฟุ้งซ่านมากๆ เหมือนสติจะแตก อยากจะดุ่มๆ เข้าไปกระชากคู่นั้นออกจากกัน บอกกับไอ้นั่นว่านี่ของผม แต่แล้วไง ทำได้ทำไปนานแล้ว ไม่ยืนเป็นหมามองเครื่องบินอยู่แบบนี้หรอก

พอเย็นลงมาได้บ้างก็หันกลับไปมองอีก เหมือนทั้งคู่กำลังแต่งตัวอยู่ อีกสักพักไอ้นั่นก็คงจะกลับไป ผมเดินออกมาจากหน้าต่าง ไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัวก่อนลงไปนั่งเล่นกับแม่ แต่ก็ไม่วายแอบมองไปยังอีกบ้าน...

.....TBC.....

แรกๆ เราจิมาช้ามากถึงมากที่สุด สักพักใหญ่ๆ เราจะเริ่มมาเร็วขึ้น ไม่ได้ปั่นบ้าขนาดนั้นนะ แต่เราทำเรื่องอื่นควบด้วยน่ะ แฮ่ๆ หวังว่าจะไม่รอจนเบื่อกันไปเสียก่อน ประมาณอาทิตสองอาทิตย์อะจะเริ่มถี่ขึ้น อดทนรอเรานิสสสนึงน้า ขอบคุณมากๆ งับ ^^
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 1 [26/06/60] ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-06-2017 21:40:29
เฮ้อออ ทำไมดิวทำตัวแบบนี้นะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 1 [26/06/60] ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 26-06-2017 22:00:12
งือออ พอจะเข้าใจดิวนะ เราว่าฮีน่าสงสารอ่ะ เหมือนแบบ ครอบครัวไม่อบอุ่น พ่อไปทางแม่ไปทาง เลยอยากได้ความรัก โหยหาที่จะเป็นสิ่งสำคัญของใครสักคน 
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 1 [26/06/60] ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 26-06-2017 22:09:34
คนแต่ง..อย่าบอกนะว่า

ดิวกลับไปลากไอ่แมทกลับมา
เย่อกันอีกๆๆๆๆๆๆๆๆ

ถ้าเป็นอย่างนั้น..ตรูจะบ้า
อ๊ากสสสส พ่นไฟใส่เล้า

+1 จ้า
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 1 [26/06/60] ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 26-06-2017 22:25:16
มารอ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 1 [26/06/60] ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 26-06-2017 23:18:34
เราว่าน่ารังเกียจพิกล   เอาเรื่องความซิงของคนมาตัดสินกัน

ด้อยค่าเพราะไม่ซิง?   น่าสะอิดสะเอียดที่สุด

ดิวปล่อยตัวเพราะคนเอาไปลือ?

ไม่น่าใช่   ปล่อยตัวเพราะเสียใจมากกว่าไหม?

เริ่มต้นควรรักตัวเองก่อนรักใครนะ ดิวเอ๊ย

กับอิแมทจะยังไงก็ให้เพราะรักมัน

ถือว่ายังมีค่าอยู่นะลูกเอ๊ย

ชื่อเรื่องน่าแสลงใจดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 1 [26/06/60] ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 26-06-2017 23:47:44
จะไหวไหมเนี๊ยะ. มั่วไปหมดเลย,,,
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 1 [26/06/60] ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 27-06-2017 07:17:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 2 [100% - 2/0760] ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 02-07-2017 21:02:24
>>ตอนที่ 2 [100%]<<

ชะเง้อคอมองอยู่แบบนั้นได้ไม่นาน ผมก็ลุกขึ้นเดินไปนั่งเล่นที่ม้านั่งหน้าบ้าน เสียงต้นชวนแม่คุย เดาว่าแม่กำลังจะถามว่าผมไปไหน น้องชายที่น่ารัก รู้ใจพี่มันจริงๆ เลย ผมนั่งตากลมตากยุงได้ครู่เดียว ดิวกับผู้ชายคนนั้นก็เดินจับมือกันออกมา หน้าบ้านนั้นไม่ได้เปิดไฟแต่ผมมองเห็นจากแสงไฟหมู่บ้าน พวกเขาจับมือกันอยู่แบบนั้นก่อนที่อีกฝ่ายจะจูบปากกับดิวแล้วขึ้นรถ ดิวเดินออกมาเปิดประตูรั้วให้ ปล่อยให้รถถอยออกมา เจ้าตัวยืนส่งพร้อมรอยยิ้มปริ่มใบหน้า...

สายตาอาจจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของดิวแต่ขาผมดันเดินไปประชิดรั้วบ้านเสียแล้ว ผมเท้าแขนทั้งสองข้าง วางคางตัวเองลงไปพลางสำรวจร่องรอยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับดิว ชัดๆ ก็ปากบวมเจ่อและคอแดงเป็นจ้ำๆ ดิวไม่ได้มองมาทางผม มันโบกมือให้กับแฟนคนใหม่จนรถเก๋งคันนั้นหายไป

“คนใหม่เหรอวะ...ทางคนนี้จะดีกว่าคนเก่านะ มีรถเก๋งด้วย ว้าว...” ดิวลดมือลง หันมามองผมด้วยหางตา

“แล้วลีลาเขาดีเท่าคนก่อนไหมดิว อวดสรรพคุณให้ฟังบ้างสิ” เมื่อเห็นว่าดิวยังเงียบ ผมก็เห่าหอนต่อไป เจ้าตัวไม่ใช่คนมีความอดทนนัก จากที่จะเดินกลับเข้าบ้านก็หันมาเผชิญหน้ากับผม

“แล้วมาเสือกอะไรเรื่องของกูวะ” กับคนอื่นพูดโคตรเพราะ แต่กับผมแบบนี้ประจำ

“เอ้า กูก็อยากสอดรู้สอดเห็นบ้าง”

“เอาเวลามาเสือกเรื่องกูไปสนใจเรื่องตัวเองดีกว่าไหม”

“เรื่องตัวกูเองอะกูรู้ดีอยู่แล้ว แต่กูยังไม่รู้เรื่องมึงดีเลยดิว นี่...จะขึ้นห้องกับมึงได้นี่ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างวะ พอดีกูเห็นเงาในห้องมึงแล้วเกิดสนใจอะ อยากรู้อยากลองมั้งได้ปะวะ” ผมไม่กล้าพูดดังมากแต่ก็พูดให้มันได้ยิน แอบเหลือบไปมองในบ้านนิดหน่อยเพราะกลัวแม่ได้ยินที่ผมพูดใส่ดิว แม่ตบปากผมแตกแน่ๆ

“โอ้ย!!!” แต่แค่เหลือบไปมองแม่แป็บเดียวหน้าผมก็โดนอะไรไม่รู้มาปะทะ พอหันไปมองไอ้ดิวก็โดนรองเท้าเข้าหน้าเต็มๆ ไปอีกอัน นี่แม่งเล่นปารองเท้าใส่ผมเลยอ่อวะ!

“ปากหมาแบบมึงอะมองเงากูต่อไปนั่นแหละไอ้สัตว์ต้น” ผมไม่สนที่มันด่าแล้ว เปิดรั้ว หยิบรองเท้าทั้งสองข้างของมันแล้วก้าวยาวๆ ประชิดตัวดิวทันที

“มองเงามันไม่ชัดวะ มันเห็นแค่รางๆ คราวหน้าช่วยเปิดม่านแล้วเล่นกันตรงหน้าต่างดิ กูจะได้เห็นชัดๆ หน่อย อ่อ บอกเวลากูนิดหนึ่งด้วย กูจะได้เอาอะไรไปนั่งกินเวลาดูอะ” ท่าทางคุกคามของผมไม่ได้ทำให้ดิวกลัวมากนัก มันถอยห่างากผมไปสองสามก้าว เชิดหน้าชูคอที่เต็มไปด้วยรอยแดง

“ได้ดิ...พรุ่งนี้เป็นไง” ยั่วโมโหมันนะ แต่กลายเป็นผมนี่ที่โมโหเสียเอง ผมเอารองเท้าของดิวปาใส่พื้นเบื้องหน้าด้วยความโมโห

“เออ ได้...ดูรีวิวก่อนได้ลองจริงมันก็...”

เพี้ยะ!!!

“ถ้าจะมาพูดจาเหี้ยๆ ใส่กูก็ออกไป! มึงไม่มีวันได้ตัวกูหรอกต้น!” พูดจบผมก็โดนผลักด้วยแรงน้อยๆ ของดิว ใบหน้าด้านซ้ายชาไปครู่หนึ่ง

ดิวเดินเข้าบ้าน ปิดรั้วใส่หน้าผมก่อนจะวิ่งหายไปในความมืด ผมได้แค่ยืนมองมันอยู่แบบนั้น...เจ็บใจแต่ก็ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ จะให้ใช้กำลังกับมันผมก็ทำไม่ลง สุดท้ายผมก็ต้องเดินกลับเข้าบ้านตัวเอง

“ก็เงี้ย...ชอบปากหมาใส่เขา” ยังไม่ทันจะถอดรองเท้าเสียงไอ้ไม้ก็ดังขึ้น

“แม่อะ”

“ขึ้นห้องไปได้สักพักละ มีคนโทรมาคุยธุระ ว่าแต่พี่เหอะ ไปล้างหน้าก่อนดีไหมวะนั่น ดำเป็นปื้นเลย” ผมพยักหน้า เดินเข้าห้องน้ำเพื่อเอาคราบสกปรกออกจากใบหน้าตัวเอง มุมปากผมแดงหน่อยๆ แต่แก้มนี่แดงจัดเชียว มันท่าจะโมโหมากนะ ตบมาซะแรง

ผมกลับมานั่งบนโซฟาข้างเจ้าไม้ มันนั่งหัวเราะกับมุกตลกในทีวีเสียงดังเอิ๊กอ๊าก มันก็น่าหัวเราะอยู่แต่ผมดันหัวเราะไม่ออกเอง ไอ้ผู้ชายคนใหม่ของดิวนี่ก็มาดเดียวกับไอ้คนเก่าเลย เน้นสูงหล่อไว้ก่อนหรือไงวะ แล้วก็ทุกทีอะ...ผมชอบเผลอเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับแฟนดิว ซึ่งผลของมันก็บั่นทอนผมเองเนี่ยแหละ ผมไม่ได้ต่างอะไรกับคนที่ดิวคบหรอก แต่มันเพราะดิวไม่ได้สนใจผมเลยต่างหาก ผมไม่ใช่คนในสายตามัน เป็นแค่คนที่มันเกลียดขี้หน้า

“พ่อแม่ดิวไม่กลับมาอีกแล้วอ่อวะพี่” ไม้พูดทำลายความเงียบของเรา ผมมองไปบ้านตรงข้ามอีกครั้งก่อนหันกลับมาจ้องทีวี

“ก็คงงั้น อาทิตย์กว่าแล้วที่พ่อแม่มันไม่กลับมา” รู้สึกครั้งนี้จะไม่กลับบ้านนานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ปกติพ่อแม่ดิวจะกลับบ้านวันเว้นวันหรือสองสามวันครั้ง แต่ครั้งหนึ่งที่กลับมาก็แค่มากินข้าวกับลูก ส่งลูกเข้านอนแล้วเช้าพวกเขาก็ไปอีก

“ชวนดิวมานั่งเล่นกับเรามะ มันยังไม่นอนหรอกเนี่ย”

“มันมีแฟนต้องสวีตนะมึง”

“เออวะ ลืมไป...” ไม้มองไปบ้านตรงข้ามแล้วถอนหายใจ

ผมนั่งเล่นอยู่กับน้องได้สักพักก็ขึ้นห้อง มีรายงานต้องทำส่งอาจารย์แต่ไม่รีบมาก มีเวลาอีกสองสามวันก่อนถึงกำหนดส่ง ผมนั่งหมุนปากกาเล่นยามที่เขียนงานต่อไม่ออก สมองมันดันวนเวียนอยู่แต่กับเรื่องของดิวอะสิ วันนี้ผมเองก็พูดจารุนแรงไปเหมือนกัน อารมณ์แม่งพาไปจริงๆ คำพูดดีมีมากมายไม่เคยเอามาใช้กับมันเลยสักครั้ง มันเองก็ไม่เคยพูดจากับผมดี ด่าได้เป็นด่าตลอด ผมไม่เอาจุดนั้นมาเป็นเหตุผลหรอกนะ แต่เถียงไม่ได้ว่าผมก็อยากต่อปากต่อคำกับมันชนะ ชอบเวลาที่มันโกรธจนทำอะไรไม่ถูก ทำให้นึกถึงตอนเด็กๆ ที่มันไม่เคยเอาคืนผมได้เลยสักครั้ง

บ้านที่มืดมิด นอนคนเดียว ไม่มีใคร มันจะว้าเหว่ขนาดไหนนะ... ดิวมันจะเหงาหรือเปล่า หรือกลัวอะไรบ้างไหม ผมเชื่อว่ามันต้องรู้เรื่องพ่อแม่มันไม่เหมือนเดิม มันแค่ไม่เคยพูดอะไรออกมา เก็บเรื่องครอบครัวเอาไว้ในใจเพียงคนเดียว ไม่อกแตกตายอ่อวะ เป็นผม ผมต้องบ้าแน่ๆ

ผมลุกจากโต๊ะ วางงานกองเอาไว้แบบนั้น แล้วหยุดยืนมองหน้าต่างบ้านตรงข้าม ป่านนี้หลับหรือยัง หรือกำลังนอนคุยกับแฟนตัวเองอยู่ ผมว่ามันต้องเป็นอย่างหลังแน่ๆ ช่วงคบกันใหม่เนี่ยเป็นช่วงเวลาที่ดีมากเลยหนิ มันคงกำลังแฮปปี้ก็ได้

มันคงไม่เหงา..คงไม่กลัว แล้วมันก็คงนอนฝันดี

ผมผละจากหน้าต่าง เดินไปทิ้งตัวนอนเหยียดยาวลงบนเตียง คำพูดจาแย่ๆ วนเวียนอยู่ในใจ พรุ่งนี้อาจจะไปขอโทษมัน ถ้ามันไม่ทำตัวแย่ๆ กับผมก่อนจนผมเผลอปากหมาใส่อีกอะนะ แต่ก่อนอื่นเลย...ผมต้องตื่นให้ทันมัน ผมข่มตัวเองให้หลับทั้งที่ยังไม่ดึกเท่าไหร่ แค่รู้สึกเหนื่อยกับการคิดอะไรเยอะแยะในหัว หลับไปก็ไม่ต้องคิดอีก ตอนเช้าผมลุกเพราะได้ยินเสียงแม่เรียกให้ตื่นลงไปกินข้าว นาฬิกายังไม่ทันปลุกผมเลยด้วยซ้ำ

“เอาข้าวเช้าไปให้น้องดิวด้วยสิลูก ป่านนี้น้องคงตื่นแล้ว” พอผมลงมาข้างล่าง กำลังกลัดกระดุมข้อมือของเสื้อนักศึกษาแม่ก็ยกชามข้าวต้มมา

“ครับ เจ้าไม้ละแม่...”

“กำลังลงมา” ผมพยักหน้า รับชามมาก่อนจะหอมแก้มแม่หนึ่งทีให้ชื่นใจ นี่แหละ...กำลังใจที่ดีที่สุดของผม

นอนเร็วแล้วตื่นเช้าทำให้อารมณ์ค่อนข้างดี ผมกำลังเปิดประตูรั้วเพื่อเดินไปยังอีกบ้าน แต่กลับมีรถคุ้นตาขับเข้ามาจอดหน้าบ้านดิวเสียก่อน แม่ง...ทำลายบรรยากาศยามเช้าที่สดใสของผมซะย่อยยับเลย แต่เมื่อแม่จะให้เอาข้าวไปให้ดิว ผมก็ต้องทำตามความต้องการของแม่ ผมเมินรถคันนั้น เดินอ้อมเตรียมจะกดกริ่ง ดิวเปิดประตูออกมาพอดีก็เลยไม่ได้กด ตอนแรกแม่งยิ้มหวาน คงรู้อยู่แล้วว่าที่รักมารับ ทว่าพอเห็นผม มันก็หุบยิ้มทันที

“แม่ให้เอามาให้...” ผมบอกสั้นๆ ไอ้ที่รักดิวเดินมายืนข้างๆ เหลือบมองผมและข้าวในมือ

“พี่หิวจังเลยครับน้องดิว ไปหาอะไรทานกัน” คิ้วกระตุกทันทีที่ได้ฟัง แม่งจงใจให้ดิวปฏิเสธข้าวจากผมใช่ไหม ผมหันไปมองพอดีกับที่มันเหลือบมาพร้อมรอยยิ้ม ถ้าไม่ติดว่าแม่อยู่ในบ้าน ผมจะเอาข้าวต้นราดมันตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

“เอ่อ...มึงเอาข้าวกลับไปเหอะ เดี๋ยวกูจะไปกินกับแฟน” ดิวเลือกปฏิเสธ ผมชักสีหน้ามองมันทันที

“ผัวหมาดๆ มีค่ากว่าแม่กูอีกสินะ” คำพูดผมสร้างความไม่พอใจให้กับคนข้างๆ มันหันกลับมาเตรียมหาเรื่อง แต่ผมไม่พร้อมจะมีเรื่องตรงนี้ ผมจะไม่ทำให้แม่เสียใจถึงแม้มันจะขัดใจผมมากแค่ไหนก็ตาม

“แม่กูเป็นห่วงมึงมาก แต่ถ้ามึงเลือกมัน...เห็นมันมีความกว่าความห่วงใยของแม่กูก็ไม่เป็นไร กูเข้าใจ ข้าวใหม่ปลามันก็งี้” ผมหันหลัง เดินเลี่ยงแฟนดิวเพราะไม่อยากปะทะ แต่ก็ต้องชะงักเพราะเจ้าของบ้านเรียกเอาไว้

“เดี๋ยว เอาข้าวมา...” หันกลับไปมอง แฟนมันหน้าหงิกและมันเองก็ดูจะหนักใจ

“ไม่ละ กูไม่อยากสร้างปัญหาให้มึง” ถ้าดิวรับของไป แฟนมันต้องเอาเรื่องแน่ๆ แค่นี้ดิวก็น่าจะโดนแหน็บแนม ละมั้ง ดูจากสีหน้าแฟนมัน

ผมเดินถือชามข้าวกลับมาที่บ้าน แม่เห็นก็แสดงสีหน้าไม่สบายใจออกมา คงไม่คิดว่าดิวจะปฏิเสธข้าวที่แม่ผมตั้งใจทำให้ ผมกอดแม่ด้วยมือที่ยังว่าง ปลอบแม่ว่าดิวมันจะไปกินข้าวกับแฟนก็เลยรับไว้ไม่ได้ แล้วดิวก็ฝากมาขอบคุณ แม่ผมเองก็พอเข้าใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของวัยรุ่นอยู่บ้าง ถึงจะรู้แย่นิดหน่อยแต่ก็ไม่เก็บมาใส่ใจนานนัก

เราสามคนแม่ลูกนั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน วันนี้แม่จะไปส่งผมกับไม้ไปเรียน น้องชายผมโคตรดีใจ ผมก็ดีใจแต่พอนึกถึงรถติดๆ แล้วก็แอบเครียดนิดหน่อย หลังจัดการมื้อเช้าเสร็จเราก็ออกเดินทาง ตลอดเวลาบนท้องถนน น้องผมนี่จ้อไม่หยุดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ผมเองก็ชอบแทรกขัดใจมันบ่อยๆ ทำให้เกิดการทะเลาะเล็กๆ น้อยๆ ของพี่น้อง คนเป็นแม่ยิ้มกว้าง หัวเราะมีความสุข แต่ลูกชายเถียงกันหน้าดำหน้าแดงไปหมด การต่อปากต่อคำของเราจบลงด้วยผมเป็นผู้พ่ายแพ้ แต่ผมก็ฝากให้น้องชายเจ็บใจเล่นๆ ว่าที่แพ้เพราะอ่อนข้อให้หรอก ไม้เดินลงจากรถ หัวเสียหน้าหงิก ดูแล้วตลกชะมัด

“เรานี่ชอบแกล้งน้องจริงๆ...” แม่บ่นเบาๆ ตอนเคลื่อนรถออกมานอกโรงเรียน

“ไม่ให้แกล้งแล้วจะให้ทำอะไรละแม่ มันก็ต้องอย่างนี้แหละ...ไม่งั้นไม่สนุกหรอกเนอะ”

“จ้า คุณชายน้อยของแม่” ผมหัวเราะ

“ต้นไม่น้อยนะแม่”

“หราจ้ะ ใช่จริงเหรอ” สายตาหยอกเอินของแม่ทำเอาผมหน้าแดง แม่พูดเรื่องไหนเนี่ย..

“ต้นหมายถึงต้นตัวใหญ่อ่า...แม่ก็” หัวเราะทีหลังดังกว่าจริงๆ แม่ขำชุดใหญ่กับความเก้อเขินของผม

ว่าผมเหมือนเด็กก็ได้ แต่ผมนั่งหน้ามุ่ยเหมือนโดนแม่รังแกอยู่ในรถ เสียงหัวเราะอันสดใสของแม่ยังคงก้องอยู่ มีหันมามองผมเล็กน้อยก่อนจะลูบหัวเป็นการปลอบโยน แต่แม่...ผมไม่หายงอนหรอกนะเอาจริงๆ

“อายุเท่าไหร่แล้ว หน้ามุ่ยเป็นเด็กหกขวบเลย”

“ไม่ต้องเลย ต้นงอน”

“งั้นแม่เลี้ยงติม” นั่นจะยิ่งทำให้ผมงอน

“ได้ แต่แม่ต้องเป็นคนทำนะ ไม่งั้นต้นไม่กิน” แม่ทำหน้าคิดนิดหน่อย แต่แล้วก็ยกมือบอกโอเค ผมถึงได้ยิ้มกว้างๆ ขโมยหอมแก้มอีกหนึ่งทีให้ชื่นใจ

ไม่นานผมก็มาถึงมหาวิทยาลัย ก่อนลงรถหอมแก้มแม่ไปอีกสองทีหนักๆ โดยไม่สนใจสายตาสอดรู้สอดเห็นของคนอื่นที่มองเข้ามา ผมหอมแก้มแม่ตัวเองมันไม่มีอะไรให้ต้องอายนี่ แม่เองก็หอมแก้มผมเหมือนกัน เราต่างเติมกำลังใจให้กันและกันก่อนจะแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง

ใต้อาคารวันนี้เด็กปีหนึ่งนั่งรวมตัวกันหลายกลุ่ม สุมหัวทำรายงาน ถัดกลุ่มปีหนึ่งไปไม่ไกลก็มีพวกปีสองและปีสามบ้างเป็นบางจุด ประปราย กลุ่มเพื่อนผมอยู่เยื้องไปเกือบหลังอาคาร ตรงนั้นสงบกว่าเพราะไม่มีคนอื่นสนใจเท่าไหร่ ผมมุ่งหน้าไปหาเพื่อนของตัวเอง ซึ่งก็มีสนิทกันอยู่แค่สองคนเท่านั้น คือพิก ตัวอ้วนกลมสมชื่อหมูนั่นแหละ มันสูงเท่าผม คือร้อยแปดสิบปลายๆ แต่น้ำหนักนี่ล้ำหน้าไปไกล หน้าใสไร้หนวดไม่ได้ทำให้ยักษ์อย่างมันดูน่าคบหาเท่าไหร่ อีกคนชื่อฝุ่น รูปร่างสมส่วนแต่เอนเอียงไปทางเตี้ย นับกันตามมาตรฐานไทยมันก็ไม่เตี้ยหรอกนะ ร้อยหกสิบปลายๆ เนี่ย แต่พอมาอยู่กับผมสองคนมันเลยดูเตี้ยเท่านั้นเอง

“พี่ต้นหวัดดีครับ” ผมละสายตาจากเพื่อนที่ส่งไม้ส่งมือเรียกไปรับไหว้รุ่นน้องปีหนึ่ง

“ดี สุมหัวลอกการบ้านอ่อวะพัน” นี่คือสายสืบของผมเองตอนที่ดิวคบเด็กในคณะเดียวกับผม มันชื่อพัน เป็นเพื่อนกับแฟนเก่าดิวที่ชื่อแมทนั่นแหละ กลุ่มนี้มีกันสามคน อีกคนเป็นทอมชื่อแก้ว พอพันยกมือไหว้ผม คนอื่นๆ ก็เงยหน้าขึ้นมายกมือไหว้ตามๆ กันไป

“ครับพี่ ทำไม่ทัน”

“ไม่ทันหรือเมาค้างเอาดีๆ” พอโดนจี้ถูกจุด พันกับแก้วก็หัวเราะ ต่างจากแมทที่แค่ยิ้มอย่างอ่อนโยน

ผมไม่เคยชอบรอยยิ้มของแมท มันขัดตา...เกลียดคือเกลียดอะ ไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมลงในคำว่าเกลียดขี้หน้าถูกไหม ผมโบกมือลารุ่นน้องร่วมคณะ เดินไปนั่งสุมหัวกับเพื่อนๆ ของตัวเองเหมือนทุกๆ วัน

กลุ่มผมไม่มีงานต้องส่ง เราเลยนั่งจับกลุ่มเล่นเกมมือถือรอเวลาเข้าเรียนอีกร่วมชั่วโมง ตอนแรกกลุ่มผมก็นั่งเล่นกันเงียบๆ อยู่หรอก แต่พอคนในตี้มันไม่ได้ดั่งใจก็เริ่มบ่นกัน พิกนี่หัวร้อนสุดแล้ว มันเปิดไมค์ด่าฝั่งนั้นเสียงดัง พอเขาตอบมาเป็นเสียงผู้หญิงเท่านั้นแหละ...

“งั้นเธอก็เล่นดีๆ หน่อยสิคะ” เลว เสียงหวานเลย ผมกับฝุ่นมองหน้าเป็นอันว่ารู้กัน

หลังจากนั้นไอ้พิกแม่งก็ไม่สนใจพวกพ้องคนอื่นๆ อีก มันตามดูแลผู้หญิงในเกมคนนั้นจนทีมเราแพ้ ผมกับฝุ่นเลยร่วมมือกันเชือดคอหมู ตัวแม่งใหญ่เลยเป็นเรื่องยากนิดหนึ่งฟัดกันสองสามตัว เสียงด่าสารพัดสัตว์ดังทั่วไปหมด คนอื่นมองมาที่พวกเราเป็นตาเดียว แต่ก็ไม่ได้รับรู้จนกระทั่งพวกพี่ว้ากเดินมาด่านั่นแหละ เงียบกริบเลยพวกผม ถึงเราจะเหนือกว่าปีหนึ่งแต่ก็เป็นน้องปีสามกับสี่อยู่ดีอะนะ

ตอนเย็นแม่ให้ผมแวะไปรับน้องแล้วพาไปที่ร้านอาหารของแม่ ที่นั่นแม่เตรียมไอศกรีมเอาไว้ให้เราสองพี่น้องตามคำขอของผม เจ้าไม้บ่นว่าทำไมแม่ไม่ถามมันบ้างว่ามันต้องการอะไร ให้พี่ขอคนเดียวแบบนี้ไม่ยุติธรรมเลย ผมก็ได้แต่หัวเราะเสียงแง้วๆ ของน้องชายตัวดี แล้วบอกมันว่าเพราะแม่รักผมมากกว่ามันไง มันเลยตั้งมั่นว่ามันต้องคว้าที่หนึ่งมาครองในการแข่งที่จะถึงนี้ให้ได้

“ว้าว...ร้านนี้สวยเหมือนกันนะ ไม่คิดว่าน้องดิวจะมีร้านประจำน่ารักขนาดนี้ น่ารักเหมือนน้องดิวของพี่เลยละครับ” พอผมกับไม้เปิดประตูเข้ามาในร้านก็สบเข้ากับดวงตากลมโตของดิว และคำพูดแสนหวานชวนอ้วกของแฟนมัน...

โลกแม่งกลมจริงๆ เลยให้ตาย...

.....100%....

บอกแล้วเรามาช้ามากช่วงนี้ อาทิตย์จะแบ่งอัปละกันเนอะ จะได้ไม่รอนานเกินไป ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ทำให้อารมณ์ค้างขนาดนี้ แฮ่ๆ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 2 [100% - 2/0760] ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 03-07-2017 00:08:26
บุกมาถึงที่เลยหรอ??
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 3 - 100% [20/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 20-07-2017 21:37:45
>>ตอนที่ 3 [100%]<<

“อ่าวดิว...” ไม้ยกมือโบกทักมาย ถึงอยู่กันคนละกลุ่ม แต่ก็เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ดิวโบกมือตอบ กวักเรียกอีกต่างหาก

“ไงไม้ นี่ไม้เพื่อนสนิทดิว ส่วนนี่พี่โอม แฟนเรา” ดิวแนะนำน้องผมให้คนของมันรู้จักก่อนจะแนะนำคนรู้จักของมันให้น้องผมกลับ แต่มันไม่พูดถึงผมเลย

“อ่อ ส่วนนี่พี่ชายผม ชื่อต้นครับ” ไม้เป็นฝ่ายแนะนำ

“กูไปหาแม่ก่อน” ผมตบบ่าน้อง มองหน้าดิวและแฟนมันก่อนจะเดินไปหาแม่ในร้าน

ผมทักทายคนงานของแม่อย่างเป็นกันเอง ส่วนไม้นั่งลงอยู่กับพวกนั้น ไม่ได้ตามมา คงคุยอะไรกันไปตามประสา น้องผมต่างากผม มันไม่กวนตีนใครเลยนอกจากพี่ชายตัวเอง แม่ของผมอยู่ในครัว คนสวยที่สุดในโลกของผมกำลังยืนหน้าเครื่องปั่นไอศกรีม ผมสวมกอดเธอจากด้านหลังแล้วก็ขโมยหอมแก้มที่เต็มไปด้วยกลิ่นน้ำตาล

“ว้าย เจ้าต้นนี่...เดี๋ยวแม่ตีก้นลายเลย” แม่ตีมือผมเบาๆ

“ก้นผมลายอยู่แล้วไม่ต้องตีครับแม่” ผมว่าขำๆ แม่เองก็พลอยขำไปด้วย

“ไม้ละลูก”

“อยู่กับดิวมั้งแม่ แล้วแม่รู้ยังว่าดิวมาที่ร้านอะ” คลายกอดแล้วยืนมองแม่ทำนั่นทำนี่

“รู้แล้ว แม่บอกให้น้องรอเจอพวกลูกๆ ด้วยน่ะ กะว่าจะเอาเอาไอศกรีมชามโตไปเสิร์ฟ สูตรนี้ รับรองว่าหนุ่มๆ ต้องชอบ” พยักหน้าเข้าใจ

“อะไรที่แม่ทำอะ หนุ่มๆ อย่างต้นกับไม้ชอบทั้งนั้นแหละ”

“เหวย ปากหวานจริงๆ” แม่ตีไหล่ผมเบาๆ

ผมช่วยแม่ด้วยการเอาชามแก้วเผาเป็นลายสวยๆ มาใส่ไอศกรีมสีขาวนวล แม่เอาท็อปปิ้งต่างๆ ใส่มันลงไป เรียกว่าโปะจนมันพูนชามเลยล่ะครับ ขณะที่ตกแต่งแม่ก็ฮัมเพลงเบาๆ ดูแม่มีความสุขกับการได้ทำอาหาร แล้วผมก็ชอบมองดูแม่ยิ้มอย่างมีความสุข เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ต่อให้เจอเรื่องอะไรมาก็ตาม รอยยิ้มของแม่ปัดเป่าความทุกข์เหล่านั้นได้เสมอ

เมื่อไอศกรีมชามโตถูกตกแต่งจนสวยงาม ผมก็ยกมันออกมาจากครัว แม่ถืออุปกรณ์การกินอย่างถ้วยเล็กๆ สีสันเข้ากับชาม และช้อนเดินตามออกมา ไม้กำลังคุยกับดิวเพลิน มันเห็นแม่ก็เลยลุกขึ้นมาแย่งของจากมือ สวมกอดและหอมแก้มแม่อย่างออดอ้อน ไม่อยากจะโม้ ผมได้กอดแม่ก่อนมันอีกเถอะ ไม้หันมายักคิ้วใส่ เพราะมันทำให้แม่ยิ้มและหัวเราะได้ก็เลยอวด

“แม่รักผมมากกว่าพี่อีก แบร่” เอาที่ไหนมาพูดวะ แม่ต้องรักมากกว่าสิ

“กูเกิดก่อน แม่รักกูก่อน กูได้ความรักมาก่อน แม่ต้องรักกูมากกว่าอยู่แล้วไอ้น้องโง่”คนเป็นแม่ขำ กับการอวดอ้างสรรพคุณต่างๆ ของพี่น้อง

“พอเลย เล่นกันเป็นเด็กๆ ไปได้ อายน้องดิวบ้าง อะ...นี่แม่ทำออกมาให้ เจ้าต้นเขาอยากกิน แต่แม่รับรองว่ามันต้องอร่อยถูกปากหนูแน่นอนจ้ะ” แม่แย่งไอศกรีมจากมือผม นำมันไปวางไว้กลางโต๊ะ ส่งยิ้มให้ดิวและแฟนของดิว

“ขอบคุณครับคุณน้า ส่วนเรื่องข้าวเมื่อเช้า...ผมขอโทษนะฮะ” ได้ฟังแล้วผมก็หันไปมองน้องชาย ไม้ไหวไหล่ไม่ใส่ใจ แต่ผมเดาว่าที่มันมาร้านนี้ก็เพราะต้องการขอโทษแม่ผม

“ไม่เป็นไรจ้ะ น้าเข้าใจ นั่งทานกันไปนะ น้าจะไปทำงานก่อน ต้นก็อย่าแกล้งน้อง เป็นพี่ต้องดูแลน้องนะจ้ะสุดหล่อ” โห แม่เล่นพูดดักแบบนี้ คิดว่าผมจะกล้าแกล้งไอ้ดิวไหมล่ะ

หึหึ...กล้าสิ

ผมกับไม้นั่งฝั่งตรงข้ามดิวและแฟน ทั้งคู่ดูไม่ได้อยากต้อนรับผมเท่าไหร่ ต่างจากไม้ที่คุยกับดิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ผมเองอยากจะตักไอศกรีมใส่ถ้วยแล้วแยกไปนั่งที่อื่นเหมือนกัน แต่เดี๋ยวแม่จะสงสัยว่าผมทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร คนชื่อโอมมองผมตาขวางๆ มันพยายามจะชวนดิวคุยเรื่องส่วนตัวกันสองคน แม้กระทั่งน้องผมที่ดูเป็นมิตรมันยังทำเหมือนไร้ตัวตน ดิวสีหน้าเริ่มไม่โอเคเมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศที่โต๊ะไม่สนุกอย่างที่คาด ยิ่งแฟนมันพาเข้าเรื่องที่ต้องพูดแบบกระซิบกระซาบ มันก็ยิ่งหน้าเจื่อนลงไป

“กูว่า...ย้ายโต๊ะมะ” ผมหันไปพูดกับน้อง ไม้หันมามองผมสลับกับดิว มันเป็นคนกลางเพียงคนเดียวที่อยู่ตรงกลางจริงๆ

“ขี้เกียจนั่งดูพวกไร้มารยาทเขาสวีตกันวะ” แหนะ แล้วความปากดีของผมก็มาจนได้

“มึงพูดแบบนี้หมายความว่าไงวะ ใครกันแน่ที่ไร้มารยาท พวกมึงไม่ใช่เหรอที่เข้ามาเสือกเรื่องของกูสองคน” โอมหันมาหาเรื่องทันที เหมือนรอเวลานี้มานานแสนนาน ไม้และดิวต่างเลิกลั่ก ผมเท้าคางมองหน้าคนชื่อโอม กวนตีนมันผ่านสายตา

“เอ๋ ผมเข้ามาเสือกเหรอเนี่ยไม่ยักรู้ เห็นดิวเขาชวนนั่ง ก็เลยมานั่ง...ไม่บอกแต่แรกละครับว่าอย่าเสือก จะได้ไม่เสนอหน้าเข้าเป็นก้างขวางคอหมา...”

ปัง!!!

คนชื่อโอมลุกขึ้น มันตบโต๊ะเสียงดังจนคนในร้านหันมามองเป็นตาเดียว พนักงานในร้านก็เริ่มดูสถานการณ์ตรงหน้า ดิวมันคว้าแขนแฟนมันไม่ทันตอนนี้มันเลยทำได้แค่นั่งมองหวาดๆ ส่วนน้องผมรีบกำข้อมือของผมเอาไว้ กลัวผมจะลุกขึ้นสวนอีกฝ่ายทันที บ้าเหอะ...ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก เดี๋ยวแม่ออกมาเห็นผมทำร้ายคนอื่น แม่จะเสียใจกับลูกคนนี้เปล่าๆ

“ไอ้สัตว์ ปากดีนักนะ...กูหมั่นไส้มึงตั้งแต่เช้าละ อยากแดกตีนมากนักใช่ ฮะ!” เจ้าตัวโน้มเข้ามาใกล้ก่อนจะคว้าคอเสื้อนักศึกษาของผม ดึงจนผมต้องลุกขึ้นยืนประจันหน้า โอมตัวเตี้ยกว่าผมนิดหน่อย แต่แรงมันน่าจะมากกว่าผม

“พี่โอม อย่ามีเรื่องกันเลยนะครับ” ดิวปากคอสั่น

“ดิวปกป้องมันเหรอ ผัวเก่าหรือไงถึงได้ออกปากปกป้องมันตลอด เมื่อเช้านี้ก็ด้วย อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้นะว่าอาลัยอาวรณ์ข้าวจากมันมากขนาดไหนน่ะฮะ!” พานผมคนเดียวไม่พอ โอมหันไปตะคอกดิวด้วยอีกคน

บอกตามตรงว่าตอนนี้เดือดจนอยากจะเข้าไปกระทืบมันให้หน้าหงายไปซะ แต่ติดที่ว่านี่เป็นร้านของแม่ผม แล้วแม่ก็อยู่ที่นี่ด้วย ผมบอกแล้วจะไม่ทำให้ผู้หญิงที่ผมรักที่สุดคนนี้เสียใจอีก ดังนั้นผมจึงไม่ตอบโต้อะไร เก็บกดความเคียดแค้นเอาไว้ให้ลึกที่สุด ห้ามมือห้ามเท้าตัวเอง เหมือนที่ไม้ก็พยายามห้ามผม

“ถ้าโกรธกูมาก...ไปเจอกันข้างนอก”

“พี่!” ไม้รีบห้ามทันที รู้ทันไปหมดแหละว่าพี่มันจะทำอะไร

“ทำไมกูต้องเชื่อมึง อัดมึงในนี้ไปเลยไม่ง่ายกว่าเหรอวะ...” ไอ้สัตว์ ผมอยากประเคนส้นเท้าให้มันจิงๆ แต่ไม่ได้...ใจเย็นไว้ต้น มึงต้องใจเย็นเข้าไว้นะ

“พี่ๆ...” ไม้สะกิดเรียกอย่างแรง ผมหันไปมองมันเลยเห็นว่าแม่เดินออกมา ไม่ได้การแล้วล่ะ

ผมรีบปัดมือไอ้โอมออกแล้วคว้ากระเป๋าเดินออกจากร้าน ไม้รีบลุกตามแต่ไม่ได้ออกมากับผม มันเดินเข้าไปหาแม่ คือ...พี่น้องมันต้องทำงานประสานกันครับ ไม้มันเข้าไปโกหกตอแหลใส่แม่ ส่วนผมที่รีบออกมาเพราะว่าอีกไม่นานกำปั้นไอ้โอมคงปะทะหน้าผม เพราะผมปัดมือมันออก พอเดินออกมาได้นิดหน่อย ก็ลอบมองดู่นั้น ตอนนี้ดิวน่าจะกำลังโดนด่า มันก้มหน้าก้มตานิ่งงันอยู่ที่โต๊ะ ปล่อยให้อีกคนสาดอารมณ์ใส่มันเงียบๆ

แม่ถูกพาไปที่อื่น และไม่นานโอมก็เดินออกมา ปล่อยดิวทิ้งไว้กับไอศกรีมที่ละลายเป็นน้ำอยู่ในชาม ผมมองซ้ายมองขวาเพื่อให้แน่ใจว่าแฟนดิวจากไปแล้วจริงๆ ไม่ได้แอบซ่อนอยู่ตรงไหน คือน่าอนาถมาก ทำเหมือนตัวเองขี้ขลาดไม่กล้าเผชิญหน้ากับคนอื่น อับอายก็อับอาย เสียศักดิ์ศรีแม่งก็เสีย แต่ให้ทำยังไง...ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ แม่ก็ต้องเสียใจที่ลูกไปชกต่อยกับคนอื่น

ผมกลับไปนั่งฝั่งตรงข้ามดิวต่อ มันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองส่วนผมก็แค่ตักไอศกรีมกินเหมือนเรื่องเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้น เรากินข้าวกันสงบสุขดีประมาณนั้น ผมทำเป็นนิ่งได้สักพักก็เริ่มรู้สึกว่าคนตรงหน้าผมกำลังร้องไห้ พอสังเกตดีๆ ก็เห็นหยาดน้ำตาที่กำลังหยด

“ทำไม มันทิ้งมึงแล้วอะสิ” ตบปากตัวเองต้น ไอ้ปากเสีย

“เออ เขาทิ้งกูแล้ว...เป็นไงละ สบายใจมึงไหมต้น แค่อยู่ของมึงดีๆ ไม่หาเรื่องกู ไม่ทำให้กูทะเลาะกับแฟนกูมึงจะตายหรือไง” ดิวเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นต่อว่า ผมสงสารมัน...ใจจะขาดเลยแหละ อย่าลืมสิ ผมเองก็รักมัน แค่มันไม่เคยรู้เท่านั้น

“กูเป็นคนทำให้มึงสองตัวเลิกกันเหรอ...ใช่เหรอดิว ถ้ามันรักมึงจริงๆ มันจะเลิกกับมึงง่ายๆ อย่างนี้ไหม อย่างมาก มันก็แค่มาเอามึง เสร็จแล้วมันก็ไป” รู้ว่าตัวเองพูดจารุนแรง แต่ก็ห้ามปากตัวเองไม่ค่อยได้...ผมเสือกเป็นแบบนี้ ดิวกำหมัดตัวเองแน่น มันจ้องผมอย่างอาฆาตแค้นเพราะทำอะไรผมตอนนี้ไม่ได้

“เขารักกู แต่เพราะมึง...”

“มึงเอาอะไรมามั่นใจว่ามันรักมึง มันรักแค่ตัวเอง มันรักแค่ความสนุกและเห็นมึงเป็นควาย” น้ำตาคนตรงหน้าไหลลงมาเป็นสาย หนักหนาสาหัสยิ่งกว่าเดิม เสียงสะอึกสะอื้นของมันคล้ายจะควบคุมไม่อยู่

เป็นผมอีกที่ซ้ำเติมมัน....

“กูเป็นควายแล้วมึงเป็นอะไร มึงทำให้กูเลิกกับแฟน ความสำนึกมึงยังไม่มีเลยต้น ดีแต่ปากหมาใส่ไปวันๆ หาเรื่องด่ากูมีความสุขมากนักหรือไง!”

“กูทำลายความรักของมึงเหรอ ดิว...มึงไม่ได้โง่ มึงรู้ดีว่าที่มันเลิกกับมึงง่ายๆ แบบนี้เป็นเพราะอะไร อย่าเอาแต่โทษกูเพราะมึงหาเหตุผลมาลบล้างความจริง คนรักกันจริง...ทะเลาะกันแค่ไหน เขาก็ไม่ปล่อยมือจากกันหรอกดิว” ผมใช้เสียงที่อ่อนโยนขึ้น เห็นมันร้องไห้หนักขนาดนี้แล้ว เหมือนมีอะไรมาบีบที่หัวใจ

ผมก็อยากเข้าไปคว้าตัวมันมากอดนะ อยากปลอบมันแบบดีๆ สักครั้งเหมือนกัน แต่ดูมันพูดสิ ดูมันกล่าวหาว่าผมเป็นต้นเหตุให้มันกับคนรักเลิกกัน ดูก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอีกฝ่ายมันก็เข้ามาเพื่อหวังฟันเท่านั้น ไม่มีเรื่องนี้ มันก็ต้องมีเรื่องอื่นเข้ามาเป็นเหตุให้มันทะเลาะกับดิวแล้วเลิกกันอยู่ดี

ดิวมันคว้ากระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืน ผมรู้ว่ามันกำลังจะไปจากตรงนี้ แต่ผมคว้าข้อมือของมันเอาไว้ ดึงมันนั่งลงที่เดิม มันพยายามจะสะบัดข้อมือออก ทว่าเรี่ยวแรงมีไม่มากพอจะต่อต้านกำลังของผมได้

“กินติมกัน” ผมตักเชอร์รี่ขึ้นมาจากไอศกรีมที่ละลายจ่อปากอีกฝ่าย ดิวทำท่าจะปัดทิ้ง ก็เลยชักมือหลบ

“แม่กูอุตส่าห์ทำมาให้นะ กินหน่อยสิ มึงก็รู้ว่าแม่กูทำอร่อย” เอาแม่มาอ้างนี่แหละ แม่ผมมีบุญคุณกับมันมากสุดแล้ว

ดิวมองหน้าผมสลับกับถ้วยไอศกรีมหลากสี ชั่งใจอยู่สักพักมันก็หยิบช้อนขึ้นมาตักท็อปปิ้งกิน ผมฉวยโอกาสที่มันไม่ทันระวังตัวเช็ดน้ำตาให้ แม้ว่ามันจะยังไม่หยุดไหลเสียทีเดียว แต่ก็ไม่อยากให้สิ่งนั้นทำให้คนตรงหน้าเศร้าหมองมากไปกว่านี้ ดิวชะงักมือ มันมองผมตาขวางก่อนจะปัดมือผมทิ้งอย่างไม่ใยดี ผมเข้าใจ มันเกลียดผม มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่รักมัน

ไม้เดินกลับมา มองผมและดิวด้วยสีหน้ากระอ่วนใจ ผมกวักมือให้มันมนั่งด้วยกัน เผื่อว่ามันจะช่วยให้ดิวรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ไม้เริ่มต้นชวนดิวคุยเรื่องที่มันจะไปแข่ง นับว่าน้องผมเก่งและฉลาดดีเหมือนกัน ที่ไม่มานั่งถามว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่มันไม่อยู่ มันคงกลัวว่าจะกลายเป็นการซ้ำเติม น้ำตาบนใบหน้าของดิวก็บอกอะไรได้มากอยู่แล้วว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น

เราสามคนช่วยกันกินไอศกรีมที่แม่ทำจนมันหมด ถึงละลายและแทบจะไม่เย็นแล้วแต่มันก็ยังอร่อย ดิวยิ้มบางๆ กับมุกตลกของน้องชายผม มันไม่มองหน้าผมเลย ไม้ชวนดิวกลับด้วยกัน บอกแม่อยากคุยกับดิว นั่นเป็นข้ออ้างที่ดีทำให้ดิวไม่กล้าปฏิเสธคำชวนของน้องชายผม

ทั้งโต๊ะมีความมาคุ ไม้เป็นคนเดียวเท่านั้นที่พอจะกู้สถานการณ์ได้บ้าง แม่ออกมาในตอนค่ำๆ เรากลับกันก่อนร้านจะปิด แม่ชวนดิวคุยใหญ่เรื่องการเรียน เพื่อนที่คบหรือกระทั่งอวดว่าลูกชายตัวเองกำลังจะลงแข่งแบดมินตัน แม่ชวนดิวไปดู เหมือนที่ไม้ชวน ตอนแรกดิวปฏิเสธคำชวนของไม้ แต่พอเป็นแม่ผมพูด...ดิวก็ไม่กล้าปฏิเสธอีก

“ถ้าดิวเหงาก็มาหาเจ้าต้นเจ้าไม้ที่นี่ได้นะลูก” แม่บอกกับดิวก่อนเราจะแยกย้ายบ้านใครบ้านมัน

“ครับ ขอบคุณนะครับ” ดิวยกมือไหว้แม่ผมก่อนจะเดินกลับบ้านตัวเอง

ผมรีบเดินลิ่วออกมาก่อนที่แม่จะยิงคำถามใส่ ผมเดาออกหรอกว่าแม่รู้เรื่องความไม่ปกติ คนในร้านก็ต้องพูดบ้างแหละเรื่องแฟนและดิวทะเลาะกัน ผมเองก็เหมือนจะมีส่วนเอี่ยวกับเขาด้วย ไม้เข้าไปกล่อมแม่แล้ว ผมเดาว่ามันไม่เป็นผลดีเท่าไหร่ ดังนั้นการหนีจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้

“หยุดเลยนะเจ้าต้น!” ฮื่อ...ไม่ทัน

“อ่า...ไม้ชิ่งก่อนนะ” แล้วคนที่รอดตัวไปก็คือน้องชายผู้ไม่รักดี แม่เดินเข้ามาจับข้อมือของผมเอาไว้แน่น กลัวผมหนีเหรอครับแม่ บ้านมีแค่นี้ผมหนีไปไหนพ้นล่ะ ไม่มีทางหรอกบอกเลย

“เล่าให้แม่ฟังซิว่าเกิดอะไรขึ้น คนในร้านพูดกันว่าลูกเหมือนจะมีเรื่องกับแฟนดิว ไม้มาบอกแม่ว่าไม่มีอะไร แค่พูดจาไม่ถูกคอกันเท่าไหร่ แฟนดิวก็เลยกลับไป แต่แม่ว่าสภาพแบบนั้นไม่ใช่แค่กลับไป แต่ทะเลาะกันด้วยใช่ไหม...เราทำให้น้องทะเลาะกับแฟนใช่ไหมต้น” แม่ปล่อยมือผมเมื่อเรามาถึงห้องโถง ดวงตาคู่สวยกำลังตำหนิในการกระทำของผม ซึ่งผมคิดว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ

“ผมเปล่านะแม่ ผมก็แค่...อาจจะปากหมาไปหน่อย แต่ที่เขาทะเลาะกันไม่ใช่เพราะผม”

“ไม่จริง เราไปปากหมาอะไรใส่เขา ถ้าเราไม่พูดจาไม่ดีใส่ทั้งคู่ พวกเขาจะทะเลาะกันไหม...บอกแม่มาดีๆ” ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อ ก็เลยเดินเข้าไปสวมกอดแม่ ซบหน้าลงที่ลาดไหล่บอบบาง

“เขาสวีตกัน และต้นก็ปากหมาใส่ แฟนดิวไม่ชอบต้นอยู่แล้ว ดิวออกปากห้ามมัน มันก็เลยพานใส่ดิว ต้นไม่ได้หาเรื่องนะแม่...ต้นผิดที่ปากหมาต้นขอโทษ แต่ที่เขาทะเลาะกันมันเป็นเพราะไอ้เลวนั่นแหละอยากจะทิ้งดิว” ผมบบอกความจริงทั้งหมดที่จะบอกได้ให้แม่ฟัง

“แล้วยังไง ต่อให้ดูรู้ว่าเขาไม่จริงใจ แล้วเรามีสิทธิ์อะไรไปยุ่งเรื่องของเขาละ ถ้าเขาสวีตกันมาก ก็แยกโต๊ะ มันก็แค่นั้นไม่ใช่เหรอต้น” แม่พูดถูก แถมถูดจนผมรู้สึกผิดเต็มอกไปหมด

“ต้นขอโทษ...”

“คนที่ต้นต้องไปขอโทษคือดิว ไม่ใช่แม่นะ” ผมไม่ผิด ผมต้องขอโทษดิวทำไม

“ต้นทำให้แม่รู้สึกไม่ดี ต้นทำตัวไม่น่ารัก...แม่โกรธต้น ต้นต้องขอโทษแม่สิ” แม่ดึงผมออกก่อนจะเขกหัวผมหนึ่งที

“ไปขอโทษน้องเลย แม่โกรธเพราะเราทำให้น้องทะเลาะกับแฟน โตจนเรียนมหาลัยแล้วยังชอบแกล้งน้องเป็นเด็กๆ ไปได้ นี่ถ้าน้องเป็นผู้หญิง แม่คิดว่าเราน่ะชอบน้องไปแล้วนะ...” จู่ๆ แม่ก็ชะงัก มองหน้าผมด้วยดวงตาที่ค่อยๆ เบิกโพลงขึ้นทีละน้อย อ่า...ผมชิ่งดีกว่า

“พรุ่งนี้ต้นค่อยไปขอโทษ ต้นขอตัวไปทำงานก่อนนะแม่” ผมรีบวิ่งขึ้นห้องทันที เรื่องไรจะอยู่ให้แม่ซักไซ้ต่อ เขาว่ากันว่าเซ้นของผู้หญิงน่ากลัว ผมยังไม่อยากทดสอบสัมผัสที่หกของแม่หรอกนะ


.....100%.....

เราโดนเทเราจิไม่แปลกใจ ฮ่าๆ เราหายหัวไป อยากให้รู้ไว้...เราแกล้งตายเราไม่ได้ตายจริง พอดีเราไปปั่นอีกเรื่องมา ขอโทษด้วย เราจะขยันกว่านี้  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 3 - 100% [20/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 20-07-2017 23:21:19
ก็นะ ดิวก็ใจง่ายไป คบกันไม่กี่วันก็ให้เขาเอา
ก็โดนทิ้งง่ายอย่างนั้น จะโทษต้นไปทำไม
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 3 - 100% [20/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 20-07-2017 23:33:46
ไม่เลิกวันนี้ก็วันหน้า. มันไม่ใช่คู่กันอ่ะ 555
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 3 - 100% [20/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 21-07-2017 09:41:03
เพิ่งมาตามอ่าน จากเธอมีชู้ บอกเลยว่าอินเว่อร์ๆ

เรื่องนั้นเกลียดดิว แต่เกลียดแมทมากกว่า ดิวคือเหยื่ออะ

ในเรื่องนี้ิเราว่าดิวกำลังพยายามหาคุณค่าให้ตัวเองหรือเปล่า พ่อแม่ก็เหมือนไม่รัก ตอนกับแมท ก็ทุ่มเท ยอมทุกอย่าง แต่สุดท้ายก็แค่คู่นอนเขา ยังไงเขาก็เลือกตัวจริง
พอหลังจากแมท ดิวเลยพยายามหาคนที่จะรักดิวจริงๆมั้ย สงสารนะ แต่ดิวก็ทำตัวเอง เข้าใจแหละว่าพยายามรักษาใจตัวเองอยู่

ไม้เอ้ยยย ถ้าพูดดีๆกับดิวบ้างก็จะดีนะเอ็งงงง
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 4 - 100% [21/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 21-07-2017 20:56:34
>>ตอนที่ 4 [100%]<<

สิ่งแรกที่ผมทำหลังจากวางกระเป๋าลงบนพื้นห้องก็คือถอดเสื้อผ้าออก คว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำรวม ชั้นนี้มีสามห้องนอน สองห้องน้ำ คือห้องน้ำส่วนตัวแม่หนึ่งห้อง ผมกับน้องใช้ห้องน้ำรวมข้างนอก เพราะงั้นบางครั้งก็จะเดินสวนกับน้องชายบ้าง

“ผมรอในห้องพี่นะ” ไม้บอกสั้นๆ ผมพยักหน้าเป็นอันว่าเข้าใจ

ผมใช้เวลาอาบน้ำอาบท่าแค่ห้านาที ไม่เกินนี้ เอาผ้าขนหนูพันเอวเดินเข้าห้อง ไม้นั่งอยู่หน้าคอม เปิดเว็บนั่นนี่ดูเล่นไปตามเรื่องตามราว ผมปล่อยให้น้องชายรอไปก่อน มุ่งไปยังตู้เสื้อผ้า เลือกกางเกงขายาวมาตัวหนึ่งแล้วก็ใส่มันแค่นั้น คงไม่มีใครมานั่งว่าผมใช่ไหม...ผมว่าใส่แบบนี้มันนอนสบายดีน่ะ

“เพื่อนดิวปลอบใจดิวใหญ่เลย...” ไม้หลบให้ผมเห็นข้อความบนหน้าไทม์ไลน์ดิว

“ปลอบว่าไง ให้หาคนใหม่?” ผมไม่ได้ใส่ใจ เดินไปนั่งเช็ดผมที่ปลายเตียง

“บอกให้มาเอาเรื่องพี่ต่างหาก ที่ทำให้ดิวกับแฟนเลิกกัน ตอนที่ผมกลับเข้ามานั่ง...ดิวมันร้องไห้เพราะเลิกกับแฟนใช่มะ พี่ต้นเหตุเหรอพี่ต้น” ไม้หมุนตัวมาเผชิญหน้า

“แกก็อยู่ในเหตุการณ์ส่วนหนึ่งนี่ ไอ้นั่นมันพานดิวอยู่แล้ว...ไม่มีปากหมาๆ ของกู มันก็หาเรื่องเลิกกับดิวอยู่ดี แต่ดิวก็โทษกูนั่นแหละที่ทำให้มันทะเลาะกับแฟน ทำให้มันสองคนเลิกกัน” ผมไม่รู้สึกผิดหรอกนะ เพราะผมรู้ว่าผมไม่ได้เป็นคนทำ ผมแทบไม่ได้ยุ่งอะไรกับดิวตอนอยูต่อหน้าคนรักของมันเลย แค่ปากหมา...พูดจากวนประสาทไปหน่อย ถ้ามันโกรธผมมันควรเล่นงานแค่ผม ไม่ใช่ลามไปยังดิวแบบนั้น

“มึงได้ยินที่มันพูดไหมละ มันด่าแบบไม่ให้เกียรติดิวเลยนะ ถึงดิวมันจะไม่ใช่ชายแท้แล้วไงวะ...มันไม่ควรได้รับเกียรติหรือไง กูโคตรหงุดหงิด” แค่นึกถึงก็ของขึ้นแล้ว คนแบบนั้นเรียกคนรักได้จริงเหรอ ด่าดิวไม่ไว้หน้าแบบนั้น ไม่คิดว่าแฟนตัวเองจะเสียใจหรือไงวะ

“ก็จริงพี่ เป็นผม...ผมคงหน้าชาเหมือนกันแต่ประเด็นสำคัญคือตอนนี้ทุกคนคิดว่าพี่เป็นคนทำลายความรักครั้งใหม่ของดิว พี่เป็นตัวร้ายนะ โดยเฉพาะในสายตาดิวอะ ผมถามตรงๆ...พี่จะเอายังไงต่อไป จะรุกจีบดิวเอง หรือจะแก้ตัวเรื่องนี้ดี” คำถามวัดใจมาก รวมถึงถ้าลงมือทำก็วัดใจตัวเองเหมือนกัน

หากผมเลือกข้อแรก แน่นอน...ผมเอาตัวเองมาก่อน การได้รุกดิวที่ตัวเองแอบชอบมานาน ใครๆ ก็อยากทำใช่ไหมละ ตอนนี้ดิวโสดเป็นโอกาสที่ไม่เลว ติดที่ดิวคงไม่ชอบขี้หน้าผมอย่างแรง แต่ถ้าเลือกข้อที่สอง...ผมเห็นแก่ความรู้สึกของดิว มันอาจจะได้คนรักของมันคืนแล้วผมก็เจ็บไปตามระเบียบ

“เลือกข้อแรกก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี ดิวเกลียดกูจะตาย”

“ก็ดูปากตัวเองมั้ง รักเขาแต่ด่าเขาจังเลย เอาเถอะ...พี่จัดการเองแล้วกัน มีอะไรอยากให้ช่วยก็บอก ผมไปนอนดีกว่า โคตรเพลีย โกหกแม่ด้วย ผมต้องบาปมากแน่ๆ” เจ้าไม้ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ แล้วก็เดินออกจากห้องผมไปโดยไม่ยอมออกจากเฟซตัวเอง ไม่คิดว่ากูจะแกล้งมึงหรือไงไอ้น้องคนนี้

ผมนั่งลงหน้าคอมพ์กวาดตามองไทม์ไลน์ของดิวแล้วก็อ่านมันไปเรื่อยๆ โพสต์เศร้าเสียใจของมันได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากเด็กหัวเกรียนอยากลองของแปลกทั้งหลายแหล่ และยังมีเฒ่าหัวงูอยากกินเด็กอีกหลายคน ทั้งที่มันเป็นผู้ชาย สังคมโซเชี่ยลที่มันอยู่น่ากลัวไม่ใช่เล่น ผมเลื่อนดูด้านล่างๆ เห็นโพสต์ไปหาไอ้โอมเพื่อขอโทษ อยากให้กลับมาดีกันบลาๆ อ่านข้ามๆ ครับ ปวดใจ แต่ที่ข้ามไม่ได้คือคำตอบของโอม...ดิวดราม่าแล้ว โอมดราม่าหนักกว่า

ผมตัดสินใจล็อกเอ้าท์ออกจากเฟซไม้ เข้าไฟล์งานของตัวเองเพื่อจะทำงาน ทว่าสายตาก็ยังเหลือบไปมองอีกฝากของหน้าต่าง บ้านดิวมืดและเงียบเชียบเช่นเคย ราวกับไม่มีใครอาศัยอยู่ในนั้น เป็นบ้านร้างปราศจากผู้คน

ป่านนี้มันคงจะนอนร้องไห้ เหมือนตอนอกหักครั้งก่อน...เดี๋ยวนะ ครั้งก่อนดิวมันทำร้ายตัวเองด้วยนี่ แว้บคิดเรื่องนี้ขึ้นมาผมก็ปวดหัวใจจี๊ดๆ ผมไม่อยากให้มันทำแบบนั้นเลย มันปวดใจยิ่งกว่าการเห็นดิวร้องไห้อีก...

ผมพยายามบอกตัวเองให้อดทน อย่าเดินออกจากบ้านตัวเองเพื่อปีนบ้านตรงข้ามในค่ำคืนนี้เด็ดขาด มีเรื่องเสียงดงเสียงดังขึ้นมาอื้อฉาวเลยนะ ทั้งผมแล้วก็มันด้วยนั่นแหละ ผมหันมาให้ความสนใจกับงาน โดยวิดีโอคอลไปหาไอ้พิกและไอ้ฝุ่นเพื่อช่วยกันทำงาน พวกมันโอดโอย บ่นเหนื่อย บ่นขี้เกียจกันไปตามประสา ผมเลยต้องด่ามันเรียงตัวเพื่อเรียกสติ...ไม่ใช่สติพวกมันนะ สติผมเนี่ยแหละ

ใจผมมันไปนู้นแล้ว...ไปบ้านตรงข้ามน่ะ

การเอาเพื่อนเข้ามาวุ่นวายกับการทำรายงานเป็นเรื่องบัดซบมากๆ งานแทบไม่เดินแถมยังไปด้วยเสียงบ่นและก่นด่า ผ่านไปสักพักเริ่มกลายเป็นชวนเล่นเกม เฮ้...นี่ทำงานนะพวกคุณ งานน่ะงาน! แม่งน่าวุ่นวายชะมัด ติดที่ข้อดีของมันคือการทำให้ผมไม่ฟุ้งซ่านมากไปกว่าที่เป็นอยู่

หลังจากเคลียรายงานเสร็จตอนตีสองกว่าๆ ผมและพรรคพวกพากันเล่นเกมแทนที่จะนอน ถ้าเป็นปกติผมจะปฏิเสธ หนีไปนอนดีกว่านะเวลาแบบนี้เนี่ย แต่วันนี้ผมไม่ปกติไง ผมเลยเล่นกับพวกมันทั้งที่ตาปรือไปหมด อยากจะหลับคาคอมพ์ไปเลยด้วยซ้ำถ้าทำได้ เจ้าพิกแม่งเป็นคนที่ถึกสุด คอยตะคอกกรอกหูเพื่อนอย่างผมและฝุ่นให้ลืมตาตื่นขึ้นมาเล่นเกม เวลาเรียนไม่เห็นเรียกสติพวกกูแบบนี้บ้างเลยเพื่อนรัก ทีอย่างนี้ละกระปรี้ปะเปร่าไม่เกรงใจคนอื่นเลย

เสียงที่ดังไม่อาจขวางกั้นความง่วงที่จู่โจม ประมาณตีห้ากว่าผมและฝุ่นพากันสลบไสลไปตรงหน้าคอมพ์ ได้ยินเสียงพิกแว่วมาจากไกลๆ ก่อนที่มันจะหายกลายเป็นความเงียบเข้าครอบงำ ตื่นมาอีกทีก็เกือบสาย ไม้ตะโกนเรียกผมให้ลุกไปอาบน้ำที่หน้าห้อง ผมขานตอบเบาๆ แล้วทำท่าจะหลับต่อ แต่เสียงกรนของเจ้าหมูทำให้ผมหลับไม่ลง ต้องกดตัดสายเพื่อนทิ้งล้วลุกไปอาบน้ำจนได้

“เพิ่งหกโมงครึ่งเอง...” ผมบ่นเมื่อลงมาถึง เจ้าไม้หรี่ตามองจับผิด

“ก็เวลานี้อะถูกแล้ว นี่อย่าบอกนะว่าพี่ไม่ได้นอน หรือว่า...” ผมรีบปิดปาดเจ้าไม้ แม่เดินออกมาจากครัวพร้อมข้าวต้มร้อนๆ หม้อขนาดกลาง

“ตาปรือขนาดนี้เชียว ทำงานดึกเหรอลูก” ผมพยักหน้า ในใจลึกๆ หวาดกลัวแม่พูดเรื่องดิวขึ้นมาชะมัด

“มันติดเกมแม่!” เอ้าไอ้น้องเลว เขกมันสักหนึ่งทีข้อหาฟ้องแม่

“แหนะ ทำน้องแบบนั้นแสดงว่าเล่นจริงสิเนี่ย” แม่ทำตาดุ

“โหยแม่ ต้นทำรายงาน ไม่ได้เล่นเกม...” ต้องเดินเข้าไปออดอ้อน เพื่อไม่ให้แม่ทำหน้าดุไปมากกว่านี้ ไม้บ่นเบาๆ ตามประสาน้องสู้พี่ไม่ได้ ผมลอบแลบลิ้นใส่เยาะเย้ย มันก็ทำท่าจะเอาเรื่องแต่ก็เก็บอาการไว้

ถึงจะง่วงแทบขาดใจ แต่อาหารมื้อเช้าที่พร้อมหน้าพร้อมตาก็ทำให้ผมรู้สึกสดชื่นไปได้บ้าง วันนี้เรียนสายๆ แม่จะไปส่งน้องแล้วผมค่อยนั่งวินมอเตอร์ไซก์ไปมหาลัยคนเดียว นี่ขนาดเรียนสายนะ ยังต้องมาตื่นเช้าเพื่อกินข้าวกับครอบครัว อิจฉาไอ้พิกและไอ้ฝุ่น ป่านนี้มันโดนพ่อแม่ทิ้งให้กินอาหารกล่องเซเว่นไปแล้วมั้ง เจ้าฝุ่นไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้พิกเนี่ยมันกินข้าวเซเว่นไม่เคยอิ่ม มันบ่นน้อยและไม่อร่อย แต่เสือกตื่นไม่ทันแม่ทำกับข้าว สมน้ำหน้ามัน มึงเล่นเกมดึกแบบนี้บ่อยๆ ไง

ผมยืนส่งแม่กับน้องที่หน้าบ้าน เมื่อรถเก๋งขับผ่านไปถึงได้เห็นหน้าบ้านของดิว ผมเป็นคนที่ชอบมองบ้านนี้มาก แน่นอนว่าคงรู้เหตุผลกันดีอยู่แล้ว และพอมองเป็นประจำ เราจะสังเกตได้ว่ามีอะไรผิดปกติหรือผิดปกติ อย่างวันนี้...ผมเห็นว่ารองเท้านักเรียนของดิวยังอยู่ คือเห็นไม่ชัดแต่เห็น จะว่าใส่คู่อื่นก็ไม่ใช่ ดิวมีรองเท้านักเรียนคู่เดียวกับรองเท้าพละอีกคู่ วันนี้ไม่มีเรียนสุขศึกษา ผมสรุปกับตัวเองได้อย่างรวดเร็วว่ามันคงช้ำใจจนไปเรียนไม่ไหว

ไม่ใช่ว่าทำร้ายตัวเองจนเป็นอะไรไปแล้วหรอกนะ...

ความเป็นห่วงเป็นตัวขับเคลื่อนให้ผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนักศึกษาอย่างรวดเร็ว เสร็จคว้าของที่จำเป็น ปิดบ้านแล้วเดินมาที่หลังตรงข้าม คือคนเราต้องเตรียมพร้อม เผื่อดูดิวเสร็จแล้วผมจะได้ออกไปมหาลัยเลย ถึงห่วงมันมากแค่ไหนผมต้องไม่ลืมหน้าที่ของตัวเอง

ผมวางกระเป๋าตัวเองไว้ที่โซฟาบ้านดิว ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเข้ามาได้ง่ายดายนัก ผมมีกุญแจสำรองของบ้านนี้ ดิวมันแค่มอห้าเองนี่ครับ พ่อแม่มันก็เป็นห่วงอยู่บ้าง เลยเอากุญแจสำรองมาให้แม่ผมไว้เผื่อมีเหตุฉุกเฉินอะไรจะได้ช่วยทัน พวกผู้ใหญ่เขาคุยกันและรู้กันดี แต่ผมนี่แหละที่เอากุญแจมาปั๊ม บอกแม่ว่าต้นอยู่บ้านบ่อย เดี๋ยวต้นดูน้องให้ แค่นั้นแหละ ทุกอย่างก็ราบรื่น รวมถึงการเข้าออกบ้านนี้ด้วย

ผมตรงไปยังห้องของดิวทันที หลับตาก็ยังจำทางได้ ไม่ได้มาบ่อยหรืออะไร แต่เพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคนที่เรารัก เราถึงได้จดจำมันแม่นเสมอ ผมค่อยๆ บิดลูกบิดประตู ดิวไม่ล็อกห้องผมเลยสามารถเปิดมันออกเบาๆ แง้มดูภายในที่มืดทึบ ข้าวของกระจัดกระจายอยู่รอบตัว ต้องใช้เวลานิดหน่อยกว่าตาผมจะชินกับความมืด แล้วสิ่งที่ได้เห็นหลังจากมองทุกอย่างชัดก็คือร่างของดิวที่นั่งอยู่บนพื้น หน้าฝุ่บกับที่นอน...

ดิวยังอยู่ในชุดนักเรียนที่ยับยู่ มือของมันกำมือถือตัวเองเอาไว้แน่น ผมลองย่องเข้ามาดูใกล้ๆ เจ้าตัวหลับอยู่...น่าร้องไห้จนหลับล่ะสิท่า คราบน้ำตาเกลื่อนใบหน้าที่อิดโรย ผมค่อยๆ ดึงมือถือออกมามาวางไว้ที่พื้น จากนั้นช้อนตัวมันด้วยความแผ่วเบา เอาวางลงบนเตียง ตอนที่สัมผัสผมรู้สึกว่าตัวมันร้อนมากไปหน่อย ก็เลยลองเอามืออังหน้าผากเนียนดู น่านแหละ...ร้องไห้จนไข้ขึ้นไปเลยไอ้เด็กโง่

การเอาแต่ร้องไห้แล้วก็จมอยู่กับความทุกข์เป็นการทำร้ายตัวเองอย่างหนึ่ง ดีแค่ไหนที่ไม่เข้ามาเห็นมันกำลังฟูมฟาย ผมไม่ชอบน้ำตาของมัน และเชื่อว่าทุกคนคงไม่มีใครชอบน้ำตาแห่งความเสียใจของคนที่ตัวเองรัก ผมมองหน้าดิว...ลูบไล้ใบหน้ามันด้วยความอ่อนโยน ก็คิดเล่นๆ อะนะ...ถ้ามันคบกับผม ผมจะไม่ทำให้มันเสียใจแบบที่มันอยู่ตอนนี้เลย

“เฮ้อ...บ้าบอ” ผมลุกไปหาผ้าขนหนูผืนเล็กๆ กับกาละมังเผื่อใส่น้ำ จะเอามาเช็ดตัวมันเสียหน่อย เออ...หาอะไรมาให้มันกินด้วย

ผมเดินว่อนทั่วบ้านของดิว ตู้เย็นของมันโล่งและมีแค่น้ำเปล่า อย่างว่าละนะ พ่อแม่ไม่กลับบ้านเลยนี่ ผมต้องกลับเข้าบ้านตัวเองอีกครั้งเพื่อจะทำข้าวต้มง่ายๆ โง่ๆ และสิ้นคิดโคตรให้มันหนึ่งชาม จากนั้นเอายาจากตู้ยาสามัญที่บ้านมาด้วย เพราะบ้านดิวไม่มีอะไรเลยสักอย่างเดียว ใช้ชีวิตอยู่แบบทุกอย่างหาจากข้างนอก แม้กระทั่งความรัก...ก็ต้องหามันจากข้างนอกเหมือนกัน

เตรียมทุกอย่างพร้อม ผมก็พับแขนเสื้อของตัวเองขึ้นมาถึงศอก นั่งข้างกายเจ้าตัวก่อนจะปลดกระดุมเสื้อนักเรียน รอยแดงจ้ำต่างๆ ปรากฏให้เห็นทันที มันเด่นมากจนน่าโมโห ผมกัดปากตัวเองเรียกสติ อย่ามางี่เง่าใส่คนป่วยนักเลย อยากดูแลเขาก็ทำไปเงียบๆ แกะกระดุมให้หมด เบลอภาพเหล่านั้นและเก็บกดความรู้สึกตัวเองเอาไว้ลึก จากนั้นก็เริ่มลงมือเช็ดตัวให้ดิวโดยเริ่มจากใบหน้า

แต่คนอะครับ ยังไม่ตายพอโดนอะไรกระตุ้นมันก็รู้สึกตัว ผมรีบเช็ดลวกๆ ก่อนที่ดิวจะลืมตาตื่น แต่ถึงจะรีบแค่ไหน...ความหนาวเย็นของแอร์และน้ำก็ทำให้ดิวลืมตามองผมจนได้ มันตกใจมาก รีบเด้งตัวนั่งทันที

“มึงเข้ามาได้ไง ออกไปเลยอนะไอ้เหี้ยต้น” เอาผ้าเก็บใส่กาละมัง หันไปจ้องหน้ามันแล้วก็ยิ้ม

“กูไม่ออก...มึงจะทำอะไรกูละหืม”

“กูจะแจ้งตำรวจ” กลัวตายละ

“แจ้งว่าอะไร ว่ากูบุรุกหรือว่ากูข่มขืน หรือว่าทั้งสองเลยดีละ” ผมคลานเข่าขึ้นไปบนเตียง ค่อยๆ ขยับเข้าหามันจนใบหน้าเราอยู่ในระยะประชิด

“มึงอย่ามาเล่นอะไรงี่เง่านะต้น กูไม่เล่นนะ...” พอโดนคุกขามเข้าหน่อยก็กลัวเสียละ

“เล่นเหี้ยไร เรื่องแบบนี้เขาทำกันจริงจังทั้งนั้นแหละมึง ไหนๆ ตอนนี้ก็โสด...สนุกกันได้ไม่มีใครว่าหรอก” พูดจบก็โดนตบเข้าไปหนึ่งฉาด ผมหงุดหงิดก็เลยคว้าข้อมือทั้งสองของมันเอาไว้แล้วกดลงกับเตียง

“ไอ้เหี้ยต้น ปล่อยกูนะ! มึงแม่งเหี้ย จะแกล้งกูไปถึงไหน...มึงทำกูเลิกกับแฟนกูมึงยังไม่พอใจอีกเหรอฮะ! ฮึก...เพราะมึงคนเดียว พี่โอมถึงทิ้งกู เพราะมึงเลย...เพราะมึงฮื่อๆ” โทสะทั้งหมดมันพังทลายลงเมื่อน้ำตาคนตรงหน้าผมไหล ผมค่อยๆ คลายมือมันออก ดิวรีบกอดเข่าตัวเองเอาไว้แล้วร้องไห้ราวกับจะตายให้ได้

“กูขอโทษ...”

“ขอโทษ! ขอโทษแล้วยังไง มันมีอะไรดีขึ้นบ้าง...ย้อนเวลาไปแก้ไขอะไรได้ไหมล่ะ ทำให้กูกับพี่โอมกลับมาคืนดีกันได้ไหม!! ตอนทำอะเสือกไม่คิด ทีงี้มาขอโทษ...ตลกเหอะต้น ออกไปจากห้องกูเลย ออกไป!!!” จากที่ตั้งใจจะพูดดีๆ ทำดีกับมันเป็นอันต้องตกไปเพราะคำพูดเหล่านี้ ผมยิ้มเยาะให้ความตั้งใจของตัวเอง

ได้...พูดดีๆ แล้วไม่ฟัง ผมก็ไม่มีเหตุจำเป็นอะไรต้องพูดจาดีๆ กับมันอีก ผมขยับตัวออกมาให้ห่างมันมากขึ้นแต่ไม่ได้ลุกออกจากเตียง หยิบมือถือบนพื้นมันขึ้นมา ดิวตั้งใจจะแย่งมันคืนแต่ผมผลักมันออก เสร็จก็เปิดอ่านข้อความที่มันส่งไปง้อไอ้โอม ผู้ชายที่มันรักนักรักหนา บอกตามตรง...เหมือนเห็นว่ามันเป็นยาพิษแต่ก็เสือกหยิบมากินเองอะ แม่งโคตรทรมานจิตใจ แต่ผมก็กัดฟันทน อ่านมันให้จบแล้วหันไปสบตาก้าวร้าวของดิว

“อยากได้มันคืนมากใช่ไหม...”

“ใช่ กูอยากได้เขาคืนมา มึงน่ะเอาคำขอโทษไร้ค่าของมึงคืนไปแล้วคืนเขามาให้กูสิ!” ผมไม่อยากทำสิ่งที่คิดอยู่ ไม่ได้อยากให้มันกลับไปคืนดีกับคนที่ทิ้งมันง่ายๆ ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนที่เห็นแค่ตัวเองไม่ให้เกียรติแฟน คนสารเลวแบบนั้น...คนที่ดิวต้องการ

“งั้นมึงถอดเสื้อผ้าออกสิ”

“พูดเหี้ยไรของมึง กูไม่ทำ...” ดิวหวาดระแวง

“อยากได้เขาคืนมาก็ทำตามที่กูบอก หรือมึงไม่อยากได้...หวงอะไร ตัวมึงเหรอ? เห่อๆ...อย่าพูดให้กูขำดิว กูเห็นมึงเอากับผัวมาหมดแล้ว ไม่มีอะไรต้องหวงกู” รู้ดีว่าคำพูดที่พ่นออกไปมันรุนแรงแค่ไหน แต่ในเมื่อพูดดีๆ มันไม่สนใจ ผมก็จะพูดแม่งแบบนี้แหละ...สมน้ำสมเนื้อดีกว่าไม่ใช่เหรอ

ดิวกัดฟันแน่น มันไม่ตอบโต้อะไรแต่ก็ไม่ยอมทำตามคำพูดของผม ก็แล้วแต่...ผมไม่บังคับให้มันทำหรอก ปล่อยให้ความเงียบโรยตัวอยู่แม่งแบบนี้แหละ ผมไม่ออกไปด้วย ถึงจะใกล้ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว แต่เวลานี้ช่างแม่งไปก่อน...สมองผมไม่รับข้อมูลใดๆ ทั้งนั้นนอกจากเรื่องตรงหน้านี่แหละ

“ถ้ากูทำตามมึง กูจะเชื่อได้ไงว่ากูจะได้พี่โอมกลับมา” ผมไหวไหล่

“ถ้ามันไม่กลับมาหามึงจริงๆ กูจะยอมหายไปจากชีวิตมึงเลยดีไหมละ...” ผมเอาเรื่องที่ผมไม่น่าทำได้ขึ้นมาพูด ก็เพื่อต้องการให้มันได้อย่างที่มันต้องการ

“ก็ได้ แต่มึงห้ามทำอะไรกู”

“อืม...” กูจะพยายาม ผมตอบกับตัวเองในใจ

ดิวค่อยๆ ถอดเสื้อนักเรียนออก พอมันปาเสื้อทิ้งผมก็ดึงข้อเท้าของมันจนล้มลงมานอนอยู่ใต้ร่าง ดิวพยายามดิ้นรน แต่ผมล็อกมันเอาไว้ด้วยมือและเท้าของตัวเอง ต่อให้มีแรงมากกว่านี้ก็ทำอะไรผมยาก ผมตัวใหญ่และแรงเยอะกว่า ผมกดอัดวีดีโอเอาไว้ พยายามจะตั้งในจุดที่พอจะเห็นหน้าผมชัดๆ และเห็นดิวแว้บๆ หัวเตียงเป็นจุดที่ดีที่สุด เสร็จแล้วผมก็หันมาสนใจร่างเล็กด้านใต้ ใบหน้าหวาดกลัวและน้ำตาสั่นไหวความรู้สึกอย่างที่สุด

ผมรู้....ผมกำลังฉวยโอกาสจากความอ่อนแอของคนที่ผมรัก แต่ในเมื่อผมต้องเจ็บ ผมก็ขอตักตวงบางสิ่งบางอย่างจากมันบ้างไม่ได้เหรอ ผมก้มลงไปไซ้ซอกคอของดิว คนตัวเล็กร้องไห้และดิ้นรนเพราะคิดว่าผมกำลังจะข่มขืนมัน ก็ใช่...ท่าทางผมมันเป็นแบบนั้น แต่ผมก็ไม่ได้ทำมากไปกว่านั้นหรอก ผมใช้ริมฝีปากจูบผิวกายขาวของดิวตั้งแต่ลำคอไปจนถึงแผ่นอก ดอมดมความเป็นดิวและเก็บมันเอาไว้ ผมทำได้แค่นี้...และไม่มีสิทธิ์ไปมากกว่านี้

ดิวดิ้นรนจนรู้สึกเหนื่อย มันนอนแผ่และปล่อยให้ผมทำตามอำเภอใจ ทว่าเสียงร้องไห้เหมือนใจจะขาดนั้นทิ่มแทงผมเหลือเกิน ผมยันตัวขึ้น ยิ้มเยาะใส่มันก่อนจะหันไปยิ้มให้มือถือ ทิ้งความหยามหยันเอาไว้ก่อนจะเอื้อมมือไปกดปิด ผมดีดตัวออกจากดิว หันมาสนใจส่งคลิปวิดิโอนั้นให้โอมแทน ก็บอกแล้ว...ผมไม่ได้อยากทำแบบนี้ แต่ผมเชื่อว่านี่จะลากให้ไอ้สารเลวนั่นกลับมาหาดิวได้ มันหมั่นไส้ผม มันต้องกลับมาแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของดิวอย่างแน่นอน

“มึงทำแบบนี้ทำไม...” ดิวถามเสียงเบา มันเห็นว่าผมทำอะไรอยู่

“ทำให้มึงสมหวังไงดิว”

.....100%.....

วันนี้ปั่นได้ครบตอนเลยเอามาปาใส่ทั้งตอนเบยยยย อยากบอกว่าสงสารต้นมาก  :katai1:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 4 - 100% [21/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 21-07-2017 23:41:42
จะเป็นไงต่อละที่นี้
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 4 - 100% [21/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: Viewonohm ที่ 22-07-2017 01:52:07
ต้นก็น้าา ชอบเขาแต่ก็ไม่เคยพูดดีกับเขา  :ling3:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 4 - 100% [21/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 22-07-2017 05:05:42
สนุกเข้มข้นครับ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 5 - 100% [24/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 24-07-2017 20:31:33
>>ตอนที่ 5 [100%]<<

หลังคลิปเหมือนผมปล้ำดิว ผมก็ส่งข้อความตามไปด้วยว่าของเก่าของมึงแต่ของใหม่ของกูวะ ประโยคหยามกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ยังไงมันก็ต้องโพล่หัวมาอย่างแน่นอน ผมโยนมือถือคืนให้ดิวพร้อมกับเสื้อนักเรียนของมัน

“ไปอาบน้ำไป เน่าฉิบหาย...ชุดตั้งแต่เมื่อวาน”

“เกี่ยวไรกับมึงละ เสือก”

“อ่าว แล้วเมื่อกี้ใครเรียกร้องให้กูเอาแฟนมาคืนนะ...”

“หึ มึงทำแบบนี้มึงโดนแน่ต้น พี่โอมไม่ปล่อยมึงไว้แน่”

“อ่าฮะ มึงก็หุบปากไว้ละ...เดี๋ยวมันจะหาว่าปกป้องกูอีก” ดิวมองหน้าเหมือนไม่เข้าใจ ผมไม่มองตอบ หยิบมือถือตัวเองมาเล่นแทน

ไอ้พิกและไอ้ฝุ่นส่งข้อความเข้ามาในไลน์รัวๆ ว่าป่านนี้ผมอยู่ไหน ผมตอบสั้นๆ แค่กูไม่เข้าเรียน โห นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว อีกอย่าง เดี๋ยวโอมมันก็มา ผมต้องอยู่รอมันถึงจะถูกตามหลักการที่วางเอาไว้ คงมีการปะทะกันบ้าง เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้

ดิวเอาผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ ผมลงมาข้างล่าง เอาข้าวต้มที่ตัวเองทำเอาไว้เข้าเวฟอุ่น กินแบบเย็นชืดมันไม่อร่อยหรอก เสร็จแล้วก็ยกมันขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือของดิว ป่านนี้เจ้านั่นยังอาบน้ำไม่เสร็จ ไม่รู้ทำไมอาบนาน เป็นผมนี่เสร็จตั้งแต่ชาติที่แล้วแล้วล่ะ

ผมนั่งลงข้างเตียง เล่นมือถือเหมือนตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ ทั้งที่ข้างในซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ ผมรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นเพราะผมเป็นคนกำหนดมันด้วยตัวเอง ก็ดิวต้องการแบบนั้นมากกว่าคำขอโทษของผมนี่ ผมก็พยายามไถ่โทษด้วยการเอาคนรักของมันกลับคืนมาให้อยู่นี่ไง บางที ผมควรเห็นแก่ตัวมากกว่านี้สักหน่อย เผื่อดิวจะได้กลายมาเป็นของผมบ้าง ไม่ใช่ได้แค่มองแล้วก็ปากหมาใส่ไปวันๆ อย่างที่เป็นอยู่

ดิวพันผ้าขนหนูผืนเดียวออกมา ผมเห็นแว้บเดียวก็ละสายตาหนี ปากเก่งใส่มันก็จริง แต่ผมชอบมันนะ...ผมเห็นแบบนี้ผมก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นรูปปั้นเสียหน่อยจริงไหม ดิวมันเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ทว่าเหลือบเห็นข้าวต้มแล้วก็ยาที่วางอยู่คู่กันมันเลยชะงักเท้า

“อะไร...” ถามควายๆ ข้าวไง

“มึงเห็นเป็นอะไรอะ”

“อย่ากวนตีนดิ้”

“ข้าวไง อุ่นมาให้แดก ยาด้วย มึงตัวร้อนหน่อยๆ”

“เสือกเรื่องของกูจริงๆ นะ”

“ก็บอกแล้ว...เรื่องของมึงก็เหมือนเรื่องของกูนั่นแหละ” จบประโยคก็เกิดความเงียบ

ดิวเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าที่ค่อนข้างมิดชิด กางเกงวอมขายาวและเสื้อยืดแขนยาว ไม่รู้หนาวหรือกลัวผมทำอะไรมันขึ้นมากลางคัน ว่ากันตรงๆ ใส่ขายาวแขนยาวก็ไม่ได้ทำให้การปลุกปล้ำยากขึ้นหรอก แค่เห็นแล้วมันมีอารมณ์ได้น้อยเท่านั้นแหละ พอเจ้าตัวใส่เสื้อผ้าเสร็จก็มานั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือ จับจ้องชามข้าวและยา ลังเลขนาดนั้น ปัดแม่งทิ้งไปเลยก็ได้นะเอาจริงๆ

“ใครทำ...”

“แม่” ผมตอบกลับทันที ทั้งที่ผมเนี่ยเป็นคนทำเองกับมือ

ดิวถอนหายใจเบาๆ มันเริ่มตักข้าวต้มกินพลางเล่นมือถือตัวเอง ผมก็ทำเป็นเล่นนะ แต่สายตาจับจ้องอยู่แต่ดิว มองมันยิ้ม มองมันเศร้า มันเองก็ลุ้นว่าพี่โอมสุดที่รักของมันจะมาหามันไหม คิดอีกแง่ ถ้าโอมไม่มา ผมก็ต้องออกไปจากชีวิตมัน ไม่ว่าจะทางไหน ดิวก็มีแต่ได้เห็นๆ เลย ส่วนผม...เจ็บทุกทางจริงๆ

ไอ้เด็กโง่นั่งกินข้าวต้มนานมาก กว่าจะหมด มีการมองยาแล้วอิดอออดด้วยนะ ดีที่ยังกินยาลดไข้สองเม็ดนั้นหมดไม่งั้นผมจะจับมันยัดเข้าปาก ดิวดันถ้วยและแก้วน้ำออกห่าง มันหันมามองหน้า เลิกคิ้วใส่เชิงตั้งคำถาม

“ทำไมไม่ไปไหนสักที จะสิงอยู่ห้องกูเลยไหมละ” ผมกระตุกยิ้ม

“ได้ปะละ เผื่อกูจะได้ดูหนังสดไง...” สมุดการบ้านของดิวปลิวมาใส่หน้าผมเต็มๆ

“มึงหน้าตาดีนะต้น เสียที่ปากมึงเป็นแบบนี้ไง ถึงไม่มีใครเอาคนอย่างมึงไปทำพันธุ์” รู้ดีจังนะ...แต่ไม่เห็นรู้จริงเลยนี่

“คนจะเอากูอะเยอะแยะดิว แต่กูจะเอาไหมก็แค่นั้น...ไม่เหมือนเด็กอย่างมึงหรอก”

“เด็กอย่างกูมันทำไม!”

“อืม...มันทำไมน้า” ความกวนตีนทำให้ผมกินกระดาษไปอีกหนึ่งเล่มใหญ่ๆ แต่ผมไม่ได้เอาคืน กลับขำมันมากกว่า เดือดดานเข้าไป ทำผมได้แค่นี้แหละ

“มึงพูดมาเดี๋ยวนี้นะต้น เด็กอย่างกูมันทำไม” เจ้าตัวโกรธลืมระวังตัว สาวเท้าเข้ามาหาผมทั้งที่ตอนแรกระวังผมอย่างกับอะไรดี

“เด็กอย่างมึงมันอดอยากไง....” ว่าจบก็กระชากข้อมือเล็กๆ ดิวล้มลงใส่ร่างผมที่นั่งพิงเตียงเต็มรัก ไม่ต้องห่วง คนเจ็บคือผม มันอยู่บนร่างผมสบายดี

“เหี้ย! เล่นอะไรของมึงเนี่ย...ปล่อยกูเลยนะไอ้หมาต้น” เด็กโง่ดิ้นรนทันที ผมล็อกคอของมันเอาไว้ก่อนจะกระซิบชิดใบหูขาว

“หมาน่ะ...มันซื่อสัตย์มากนะ” ผมเลียติ่งหูดิวเบาๆ กลิ่นหอมของสบู่โชยเข้าจมูก เป็นกลิ่นที่ผมได้จากตัวมันมาตั้งแต่เด็ก ดิวไม่เคยเปลี่ยนสบู่และแชมพูที่ใช้ ไม่รู้ว่าไม่ใส่ใจดีหรือว่าขี้เกียจดี

“พร่ำบะ...บ้าอะไร” เสียงของดิวเริ่มสั่นเทา เมื่อผมดูจะมึนเมากับกลิ่นหอมๆ จากเจ้าตัว

ผมไซ้จมูกไปที่หลังใบหู สูดดมกลิ่นกายให้ฉ่ำปอด ดิวพยายามจะผลักอกผมเพื่อจะลุกหนี แต่ผมไม่ยอมคลายวงแขน มีแต่รัดมันแน่นเหมือนความต้องการที่ค่อยๆ ทะยานขึ้นทีละน้อย ผิวอ่อนตรงคอขาวน่าหมั่นเขี้ยว ผมงับแล้วดูดมันเบาๆ สติสตางค์เลือนรางลงทุที ผมชอบมัน...ผมรักมัน แล้วผมก็อยากครอบครองมันใจจะขาด เรี่ยวแรงน้อยๆ ของคนตัวเล็กราวกับเป็นการกระตุ้นผมไปในตัว ผมยิ่งเพิ่มความรุนแรงในการซุกไซ้ไปทุกที รอยแดงที่อยู่ก่อนหน้า...ผมอยากจะลบมันทิ้งด้วยริมฝีปากของผมเอง

“หยุดเดี๋ยวนี้นะต้น...” เสียงของดิวเบาหวิว มันเริ่มมีอารมณ์เหมือนผมแล้วใช่ไหม เคลิ้มแบบเดียวกับผมใช่หรือเปล่า...

“ตัวมึงหอม...อื้ม...หอมมากดิว” กลายเป็นผมที่เพ้อไปก่อน ผมอยากผูกมัดมัน อยากเก็บมันเอาไว้กับตัวเพียงคนเดียวจัง...

ในขณะที่สติผมเตลิดไปไกล เสียงประตูถูกเปิดอย่างรุนแรงได้ฉุดกระชากผมกลับมายังความเป็นจริง ดิวโดนดึงออกจากอ้อมกอดของผม มันตกใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ ต่างจากผมที่ไม่ทันได้ประมวลผมอะไร หน้าก็โดนถีบเข้าอย่างจังเสียก่อน...

“พี่โอม!” ดิวเรียกชื่อคนที่บุกเข้ามาในห้อง ส่วนผมเสียหลักล้มลงไปนอนกองกับพื้นเรียบร้อย

“มึงว่าใครเป็นของเก่ากู กูกับดิวยังไม่ได้เลิกกัน!!” โอมตะคอกเสียงดัง ผมยันตัวลุกขึ้นยืนประจันหน้าอีกฝ่ายที่เดือดดานได้ที่

“อ่าวเหรอ กูเห็นพวกมึทะเลาะกันเลยนึกว่าเลิกกันไปแล้วนะเนี่ย...แต่กูว่าเลิกกันไปก็ดีนะ คนอย่างมึงมันไม่เหมาะเป็นแฟนกับน้องดิวของกูหรอก” พูดตอบโต้ยิ้มๆ โอมดันดิวหลบไปด้านหลังก่อนจะกระชากคอเสื้อผมอย่างแรง

“มึงเป็นใคร มีหน้ามาตัดสินกูกับดิว”

“ผัวใหม่ไงครับ” รอยยิ้มของผมรับกำปั้นอีกฝ่ายเต็มๆ แต่ก็ไม่ได้ล้มลงไปกับพื้น โอมมันรั้งคอเสื้อของผมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“ดิวเป็นแฟนกูไอ้สัตว์ มึงมันสารเลว เข้ามายุ่กับแฟนชาวบ้านเขา เห็นดิวอ่อนแอหน่อยก็ใช้กำลังข่มเหง มึงคิดว่ากูจะปล่อยมึงไปหรือไงไอ้ชาติหมา!!!” โอมแทงเข่าเข้าลิ้นปี่ผมอย่างจัง พร้อมกับมันปล่อยคอเสื้อ ผมก็เลยล้มคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าของอีกฝ่าย

“ช่วยไม่ได้ มึงทำร้ายจิตใจน้องเขาก่อน...กูเห็นช่องว่างกูก็ต้องเสีย..อุ๊ก!” ยังไม่ทันได้พูดจบ โอมก็เตะเข้าไหล่อย่างแรง

ผมเดาไว้ไม่ผิด มันเตี้ยกว่าผมไม่มากแต่แรงมันเยอะกว่าผมจริงๆ ผมล้มลงนอนกับพื้นห้องของดิว พยายามขดตัว เอามือกันใบหน้าของตัวเองเอาไว้ในขณะที่โอมมันเตะผมไม่ยั้ง ซ้ำยังกระทืบเข้าที่หัวของผมจนมึนเบลอไปหมด ผมเจ็บ...ผมกล้าพูดว่าตอนนี้ผมเจ็บมากจริงๆ แรงปะทะเหมือนจะพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง ทั้งลำตัว ท้อง ไหล่ หลังและหัว ผมแค่พยายามไม่ให้ใบหน้าบอบช้ำ

ไอ้โอมมันหยุดเพื่อถ่มถุยน้ำลายใส่หน้า แล้วก็พ่นคำด่าอีกสารพัดที่ผมไม่ได้ยิน ดิวเอามือป้องปากตัวเองยืนด้านหลังร่างใหญ่เงียบๆ คงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา ดีแล้วล่ะ เดี๋ยวโอมมันจะคิดว่าดิวปกป้องผมอีก ทีนี้มันก็อาจจะเลิกกันถาวรก็ได้

เพล้ง...!!!

มองดิวอยู่เพลินๆ ถ้วยข้าวต้มที่ผมเอามาจากบ้านก็กระแทกเข้าที่หน้าอย่างจัง ดีที่ผมเอาแขนกันเอาไว้ มันเลยโดนแขนเท่านั้น โอมแตะซ้ำอีกสองสามที ลากผมที่ขดเป็นก้อนอะไรสักอย่างออกมาจากห้อง

“มึงออกไปเลยนะ แล้วอย่ามายุ่งกับแฟนกูอีก...ถ้ากูรู้ว่ามึงมายุ่งกับดิว กูจะเอาเรื่องมึงให้ถึงที่สุด” โอมโอบกอดดิวเอาไว้ ทั้งคู่มองมาที่ผมเหมือนผมเป็นส่วนเกิน ผมยิ้มให้ตัวเองนิดหน่อย ค่อยๆ ลุกยืนแล้วเดินไปตรงบันได

ดวงตาผมพล่าเบลอไปหมด ไม่แน่ใจว่าเพราะสมองโดนกระแทกแรงเกินไหรือเปล่าผมถึงมองอะไรไม่ค่อยชัด เกิดอาการปวดหัวจี๊ดๆ แทรกเข้ามาเป็นระยะ ต้องประครองสติตัวเองเอาไว้ให้มากที่สุด พวกเขาทั้งคู่กอดกันมองผมอยู่จากด้านบน ตาเจ้ากรรมก็เสือกเหลือบไปมอง โอมมันก้มลงจูบปากดิวอย่างดูดดื่มต่อหน้าต่อตา...เจ็บกว่าโดนกระทืบก็ไอ้ฉากนี้แหละวะ

ผมกระแผลกกลับบ้านซึ่งมันอยู่แค่ตรงข้ามกัน หวังว่าโอมจะไม่บ้าพอมาระรานบ้านผมหรอกนะ พอมาถึงห้องได้ตัวเองได้ ผมก็ทิ้งร่างเอาไว้ที่ปลายเตียง นอนมองเพดานเบลอๆ ไปเรื่อย พร้อมกับคิดถึงสิ่งที่ได้ทำลงไป...

คำขอโทษไม่มีค่า ต้องแบบนี้สิถึงมีค่าสำหรับดิว ได้คนรักคืน ได้กระทืบผู้ชายปากหมาอย่างผมด้วย โอ้โห น่าอิจฉาดิวจังเลยเนอะ...มันคงมีความสุขน่าดู ป่านนี้สวีตกับแฟนจนไม่ลืมหูลืมตาแล้วล่ะมั้ง

ผม...เสียใจวะ จู่ๆ มันก็เกิดอาการน้อยใจขึ้นมา ผมรู้จักกับดิวมาตั้งแต่เด็ก ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่คำขอโทษของผมไม่ได้ทำให้ดิวรู้สึกดีได้ คำขอโทษกลายเป็นของไร้ค่าเมื่อเทียบกับผู้ชายคนนั้น เออ ผมนิสัยแย่ที่ชอบแกล้งมัน แต่ความสัมพัน์ของเรากลับไม่มีความหมายแลย ผมยังจำใบหน้าของดิวได้ดี ตอนที่มันบอกว่าคำขอโทษของผมไม่มีความหมาย คำขอโทษของผมมันไร้ค่าเพราะมันทำให้อะไรกลับคืนมาเป็นอย่างเดิมไม่ได้ ดิวเอาแต่โทษผม...โยนความผิดทั้งหมดให้ผม โดยที่มันไม่ได้ดูความเป็นจริงเลย

ช่างเหอะต้น...เสียใจไปก็เท่านั้น มึงก็ทำอย่างที่ดิวต้องการแล้วไง เอาแฟนมันกลับคืนมาให้ เท่านี้ก็ไถ่โทษได้หมดแล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่มึงเอง ว่าจะยังไปมองดูภาพเหล่านั้นให้เจ็บปวดอีกไหม จะไปคิดถึงมันอีกหรือเปล่า ส่วนดิว...ถ้ามันโดนทิ้งก็ไม่เกี่ยวกับมึงแล้ว

ผมพยายามกล่อมตัวเองจนกระทั่งหลับไปทั้งสภาพแบบนั้น มันหนักหัวไปหมด รวมถึงความรู้สึกของผมในตอนนี้แหละนะ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ปาไปเย็นแล้ว บอกเลยว่าอาการหนักกว่าเมื่อเช้าที่โดนกระทืบอีก แม่งระบมไปทั้งตัว ผมต้องฝืนลุก ตรวจดูว่าตัวเองมีร่องรอยอะไรตรงไหนบ้าง

“แม่เล่นกูแน่...” ทันทีที่เห็นแขนตัวเอง ผมก็หน้าซีดไปเลย คือมันช้ำหนักมาก...มีรอยโดนบาดด้วยเล็กน้อย เลือดแห้งเกรอะประปราย

ผมตัดสินใจถอดเสื้อนักศึกษาออกเพื่อดูร่องรอย เยี่ยมเลยล่ะ ผมช้ำไปทั้งตัว ถอดเสื้อเดินในบ้านไม่ได้อีกนาน แผลช้ำๆ อย่างนี้หายยากกว่าแผลแบบมีดบาด หรือโดนอะไรบาด ผมเอี้ยวตัว ขยับตัวเพื่อทดสอบภาพตัวเอง บิดไปด้านขวาไม่เท่าไหร่ แต่พอด้านซ้ายเท่านั้น กูล้มหน้าทิ่มที่นอนเลยครับ โอ้ย...กระดูกร้าวเรอะ ปวดฉิบหาย!

RrrRrrrrr

เสียงมือกระตุ้นให้ผมตะเกียกตะกายไปขึ้นนั่ง มันอยู่ในกางเกงผมเนี่ยแหละ แต่ว่าผมขยับตัวลำบากไง พอหยิบมือถือออกมาก็เจอหน้าจอที่แตกร้าว แม่ฆ่าผมตายอีกรอบในทันใด ยังไงผมก็ยังขอเงินแม่อยู่นะ ทั้งสภาพคนและมือถือ แถยังไงถึงรอดได้วะเนี่ยกู!

“เออ ว่าไง” ผมกดรับสายเจ้าน้องชาย ในใจยังอาลัยให้กับความโชคร้ายของตัวเอง

(พี่ไปทำอะไรดิว!)  ทำไมคำถามแรกมันยิงมาแบบนี้วะ

“เปล่าหนิ กูไม่ได้ทำอะไรดิว”

(ไม่ได้ทำบ้าอะไร เนี่ย...แฟนดิวมันโพสต์ว่าพี่ไปข่มขืนดิวที่ห้อง มีรูปแคปมาจากวีดีโอเป็นหลักฐานด้วย ดูยังไงพี่ก็ทำดิวอะ แล้วนี่คนเข้าไปด่าอย่างเยอะ คนเชียร์ให้แจ้งความด้วย!) ได้ฟังข่าวแล้วผมก็ยิ้มขื่นให้ตัวเอง

“เหรอ...”

(พี่จะไม่แก้ตัวหน่อยเหรอพี่...) เสียงของไม้เหมือนผิดหวังในตัวผม

“กูจะแก้ตัวอะไรได้วะ”

(ความจริงก็ได้ พี่บอกผมสิ....)

“กลับมากูจะเล่าให้ฟัง” ผมบอกกับน้องชายแค่นั้นแล้วก็วางสาย

ผมไม่ได้คาดคิดเอาไว้หรอกว่ามันจะเอาผมไปประจานแบบนั้น แต่ก็ช่างมัน ชื่อเสียงเสียหายก็ปล่อยไปเถอะ ที่สำคัญจริงๆ ผมกลัวแม่จะรู้...ผมพยายามทำตัวดีๆ ไม่ให้แม่เสียใจ ถ้าแม่รู้เรื่องนี้ แม่ต้องร้องไห้เพราะผมแน่ๆ ดิวเองก็เป็นเด็กที่แม่ให้ความเอ็นดูมาแต่เล็กแต่น้อย แต่ตอนนี้ผมก็คิดนะ...ว่าน้ำตาของแม่กับรอยยิ้มของดิว มันคุ้มไหมกับที่ผมได้ทำมันลงไป

คำตอบจริงๆ มันง่ายมาก...มันไม่คุ้มเลย

.....100%.....

ทำเพราะประชดดิว แต่พอเจ็บตัวมีสติถึงได้รู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปไม่คุ้มเลย...  :hao5:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 5 - 100% [24/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 24-07-2017 20:50:49
นึกไม่ออกเลยจะลงเอยกันยังไง เฮ่อออออ

รักเค้าแต่ทำตัวแย่กับเค้าทุกครั้ง
ใครจะรักลงอะต้นเอ้ยยยยยยยย

ดิวเองก็ควรจะรักตัวเองให้มากๆมันก็จะดีนะ

อึดอัดเด้อออออ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 5 - 100% [24/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 24-07-2017 23:35:10
สงสารต้น,,,
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 5 - 100% [24/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 25-07-2017 01:00:08
เออ เท่าที่อ่านมานี้ไม่เห็นว่าต้นจะไปทำอะไรดิวนะ  ที่ว่าปากหมาใส่นี่คือ ก็พูดความจริงไปตรงๆ ไม่ใช่? แล้วหมาตรงไหน เห็นแต่ดิวมันทำตัวเองทั้งนั้น เลือกแฟนเองเลือกทางเดินชีวิตตัวเองเลือกเพื่อนเอง ไหน ต้นมันทำอะไรบ้าง แน่ใจ? ว่าต้นคือตัวการ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 5 - 100% [24/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 25-07-2017 04:58:41
ไม่รักคือไม่รักเปล่าวะ
ต้นเอาตัวเข้าไปพัวพันให้เจ็บขนาดนี้ทำไม
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 5 - 100% [24/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 25-07-2017 08:19:00
ต้นคงได้แค่ตัวของดิวล่ะนะ เจ็บซ้ำๆ คงชินเอง มองเป็นน้องชายแบบไม้ดีที่สุดแล้ว
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 6 - 100% [27/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 27-07-2017 21:49:44
>>ตอนที่ 6 [100%]<<

เจ้าไม้มาถึงบ้านตอนสี่โมงเย็น มันโดดซ้อมแบดมินตันมาเพราะเรื่องของผมทำให้น้องชายร้อนรนเกินกว่าจะมีสมาธิซ้อม ผมก็ขอโทษมันนะ ไม่ตั้งใจทำให้ใครเดือดร้อนนอกจากตัวเองหรอก แต่เจ้าไม้ดันช็อกกับสภาพของผมจนไม่ได้ฟังคำขอโทษเลย...

“เกิดอะไรเรื่องบ้าอะไรเนี่ย...” เจ้าน้องชายพึมพำออกมาเบาๆ มันตรงเข้ามาหมุนผมซ้ายขวา แทบจะหมุนเป็นวงกลมเพื่อให้มันสำรววจร่างกาย ก็ผมดันใส่แต่กางเกงขาสั้นอะสิ ก็เลยเห็นรอยช้ำหมดเลย

“ฝีมือโอมใช่ไหม” ผมพยักหน้า

ผมเริ่มเล่าเรื่องเมื่อเช้าให้ไม้ฟังโดยไม่ข้ามส่วนใดเลยสักส่วน มันเป็นคนเดียวที่รู้ความรู้สึกของผมที่มีต่อดิวทั้งหมด ก็เลยไม่มีอะไรให้น่าปิดบัง นั่งฟังไปเรื่อยๆ เจ้าน้องชายตัวดีก็ชักจะคิ้วขมวดเป็นปมใหญ่ ก็รู้แหละว่าน่าจะไม่พอใจ ทั้งดิวและโอม แต่หนักสุดก็ผมนี่แหละ...

“พี่กลัวแม่จะรู้...” ผมมองหน้าน้องเมื่อบอกทุกอย่างจนเกลี้ยง

“ผมขอให้ดิวลบโพสต์นั้นแล้ว แม่ก็ไม่ค่อยเล่นมือถือ...แม่ไม่รู้หรอกพี่”

“ไปขอแบบนั้นเดี๋ยวไอ้โอมก็หาเรื่องดิวอีกหรอก” ความเป็นไปได้มีสูงเชียวแหละ

“ไม่หรอก เพราะผมขอร้องเขาเอง...” คำตอบของไม้ทำผมฉงน

“นี่ไม้ไปคุยกับมันมาเหรอ” น้องชายพยักหน้า

“ความรู้สึกของแม่สำคัญที่สุดไม่ใช่เหรอพี่...” เท่านั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรออกอีกเลย

แค่คิดว่าต้องเห็นแม่ร้องไห้เพราะผมทำตัวแย่ ผมก็แทบจะร้องไห้บ้าง ไม่รู้ดิ...ปวดใจวะ นั่นก็คนที่ผมรักอะ แต่นี่ก็แม่ที่ผมรักที่สุดเหมือนกัน ผมรู้ว่าไม้ต้องไปอ้อนวอนมัน ปล่อยให้มันด่าสารพัดโดยที่ไม่ตอบโต้เพื่อผมและแม่

“พอแล้วได้ปะวะพี่...อย่าทำเพื่อคนอื่นจนตัวเองเป็นแบบนี้ได้ปะวะ” ไม้ก้มหน้าพูด มันไม่สบตาผมและผมเองก็ไม่กล้าสบตามันหรอก

“ผมไม่ได้ว่าที่ทำแบบนี้แล้วเสี่ยงแม่รู้หรอกนะ มันคนละส่วนกัน แต่...ดูสภาพพี่ดิ พี่ต้องมาเจ็บตัวเพื่อให้ดิวมันได้กลับไปคนกับคนแบบนั้นอะนะ ถึงผมจะเป็นเพื่อนสนิทดิว แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยที่พี่ทำแบบนี้” ผมพูดอะไรไม่ออก ผมเข้าใจควมรู้สึกของไม้...มองกลับด้าน ไม้ไปทำแบบนี้กับใครสักคน ผมก็ต้องไม่พอใจเหมือนกัน อาจจะโกรธมากกว่าที่มันกำลังแสดงใส่ผมในตอนนี้ด้วยซ้ำ

“ถ้าทำแล้วดิวมันรักพี่บ้าง...ผมก็คงไม่มีเรื่องมาโต้หรอก” เหมือนโดนแทงใจดำอะ ขอบตาแม่งร้อนขึ้นมาเลย ผมรีบก้มหน้าเพราะรู้ว่าตัวเองกำลังเสียน้ำตา คำพูดของน้องตัวเองนี่เจ็บสัตว์

“รับปากไม่ได้วะ” วันนี้ที่ทำลงไปยังเป็นเพราะอารมณ์ช่วงวูบเลย บางที...เราก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ทุกสถานการณ์

“จนปัญญากับพี่เลยวะ โรคจิตอ๋อ หาเรื่องให้ตัวเองเจ็บทั้งกายและใจแบบนี้อะ” ไม้เดินหัวเสียไปนั่งที่เก้าอี้คอมพ์

“คงงั้น”

“หงุดหงิดกับพี่วะ ไปซ้อมแบดนะ” ไม้กระแทกเก้าอี้เสียงดัง คือหงุดหงิดกูก็ไม่ควรทำกับเก้าอี้กูแบบนั้นอะน้องรัก

ผมเลือกจะนอนลงบนที่นอนอีกครั้ง น้ำตาก็ยังซึมออกมาเรื่อยๆ โทษไอ้ไม้เลย พยายามไม่คิดมาก พยายามไม่เสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไป เสือกมาพูดแทงใจดำแบบนี้มันก็ต้องเป๋กันบ้างปะละ แล้วผมเองก็เหนื่อยกับการที่ต้องเก็บกดความรู้สึก ในเมื่อมันไหลออกมาแล้ว ก็ปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆ นั่นแหละ เผื่อว่าบางที...มันอาจจะเป็นผลดีกับผมก็ได้นะ มันอาจจะสบายใจขึ้น อาจจะหาทางออกให้กับความรู้สึกของตัวเองได้ก็ได้

หลังจากร้องไห้เป็นไอขี้แยจนพอใจ ผมก็ตัดสินใจโทรหาไอ้ฝุ่น เพื่อนคนนี้อยู่หอนอก ไม่มีรูมเมต ผมจะไปค้างกับมันสักระยะหนึ่งเพื่อให้แผลมันหายก่อน แต่ก็ไม่ลืมบอกแม่ว่าจะไปค้างกับเพื่อนนะ มีโครงงานต้องทำอะไรก็ว่าไป ส่วนเจ้าไม้ แค่บอกมันคำเดียวสั้นๆ มันก็เข้าใจดี มันปล่อยผมไปแต่ก็ไม่ลืมย้ำว่าให้ผมไปดูมันแข่งแบดมินตันด้วย

(เออพี่ ผมขอโทษที่พูดจาแบบนั้นใส่พี่นะ) ก่อนวางสาย เจ้าไม้บอกกับผมเสียงค่อย ถึงไม่ได้เห็นหน้าก็รู้ว่ามันรู้สึกผิด ผมไม่โกรธน้องหรอก...ผมทำตัวเองทั้งนั้น ถ้าคนอื่นจะต่อว่าผมบ้าง จะพูดจาจี้ใจดำผมบ้าง มันก็ไม่ผิดอะไร

ผมใส่เสื้อมีฮู้ดแขนยาวสีดำ และกางเกงยีนส์ขายาว สะพายเป้ที่อัดแน่นไปด้วยชุดนักศึกษาสามชุดและอุปกรณ์การเรียนอื่นๆ อีกเล็กน้อย ไม่อยากไปนอนบ้านเพื่อนหรอก ผมเป็นคนติดบ้าน...ไม่สิ ผมติดแม่ต่างหาก แต่นี่มันจำเป็นจริงๆ ก็เลยต้องทำแบบนี้

ดิวยืนอยู่หน้าบ้านคนเดียว มันมองมาทางบ้านของผม ไม่มีรถของโอมหรือร่องรอยของโอม ผมก็ช้ำหนักไปอะนะ เลยไม่ได้มานั่งสนใจจะมองไปที่ห้องฝั่งตรงกันข้าม ผมทำเป็นไม่เห็นดิว ล็อกบ้านให้เรียบร้อยเพราะแม่กับน้องจะกลับค่ำหน่อยวันนี้ อ่อ...อีกเรื่องที่น่าอิจฉาคือแม่จะไปรับเจ้าไม้ไปดินเนอร์กันสองต่อสอง เสียใจอะ หน้าผมก็ช้ำถึงไม่มากแต่แม่รู้แน่ ผมต้องตัดใจเพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายละนะ

“นั่นมึงจะไปไหน...” ดิวตะโกนถาม ผมหันไปมองหน้า...สีหน้ามันดีขึ้นเยอะ ไม่มีคราบน้ำตา ไม่มีร่องรอยของอาการป่วย สงสัยจะได้ยาดี น่าอิจฉามันจังเนอะ

“กูถามเนี่ยได้ยินไหม!” เพราะผมไม่ตอบ มันก็เลยตะโกนถามมาอีก

“ไอ้ต้นอย่าทำเป็นเมินกูนะ...” ผมไม่สนใจจะตอบคำถาม ไม่สนแม้กระทั่งจะหันไปมองหน้าของดิวอีก

ผมสาวเท้าออกจากหมู่บ้าน ดิวเดินมาที่รั้วประตูเพื่อจะเรียกแต่ผมก็ไม่หันไป มีความสุขดีแล้ว ก็อย่ามาเยาะเย้ยคนที่เกือบซวยอย่างผมเลย เจ็บตัวผมทนได้ แต่ถ้าแม่รู้แล้วเสียใจนี่ผมทนไม่ได้จริงๆ

ไม่นานเสียงร้องเรียกของดิวก็เงียบไป ผมเอาหูฟังขึ้นมาเสียบแล้วก็เดินฟังเพลงไปเรื่อยระหว่างเดินทาง ตอนแรกจะขึ้นรถเมล์นะ แต่ไปๆ มาๆ แท็กซี่เหอะ...ระบมอะ ต้องขึ้นไปเบียดเสียดกับผู้คนผมไม่โอเคจริงๆ ใช้เวลาฝ่าดงรถติดเกือบสองชั่วโมง ค่าแท็กซี่ทำเอาผมหน้าซีดไปเหมือนกัน เสียดายตังวะ คิดไปคิดมา นั่งรถเมล์แต่แรกก็ไม่เปลืองขนาดนี้แล้วเนี่ย

ไอ้ฝุ่นมันอยู่หอนอกแต่ใกล้มหาลัยมาก ถ้าพักกับมันที่นี่ ตอนเช้าก็แค่เดินไปไม่ถึงสิบนาทีก็เข้าเขตมหาลัย ทีนี้เราสามารถหารถกอล์ฟในการนั่งไปยังคณะตัวเองได้ง่ายดาย โคตรสะดวกสบายจน่าอิจฉา แต่อยู่นี่ก็แลกกับการหาข้าวกินเองอะนะ ซึ่งผมไม่โอเคเท่าไหร่

“เฮ้ย ไปยำกับใครมาวะเนี่ย” นั่นเป็นคำทักทายของฝุ่น ผมยิ้มแหย

“ขอเข้าห้องหน่อยดิ” ยืนขวางอยู่ได้ กระเป๋ากูหนักมากอะเพื่อน

“เออๆ เข้ามา เดี๋ยวไอ้พิกมันจะมาด้วย...มันมาชวนดื่ม” นั่นไง รวมตัวกันไม่เล่นเกมก็กินเหล้า

แต่เวลานี้...สักหน่อยก็ดีนะ

“มึงไปทะเลาะกับใครมาหรอวะ นี่ที่มาค้างกับกูเพราะกลัวแม่มึงรู้ใช่ปะ”

“อืม เจอคนปากหมาน่ะ ก็เลยกัดกันนิดหน่อย”

“เดี๋ยว...มีใครปากหมากว่ามึงด้วยเหรอวะ?” อ่าว พูดแบบนี้อยากโดนเหรอเพื่อน

“กินตีนกูไหม...”

“ไม่ดีกว่า เห่อๆ” ฝุ่นอัญเชิญให้ผมเอาของไปเก็บให้เข้าที่เข้าทาง ห้องมันไม่กว้างมากเพราะงั้นอย่าทำรก ไอ้ห่า รกเพราะมึงนั่นแหละ ไม่ใช่เพราะกูเลย นี่ผมเพิ่งจะเข้าห้องมันมาก็นึกว่าห้องนี้เป็นห้องเก็บขยะแล้วซะอีก

ผมเอาชุดนักศึกษาไปใส่ไม้แขวนๆ ไว้ในตู้ให้เรียบร้อย จะอยู่สภาพไหนได้หมด แต่ชุดไปเรียนต้องเนี้ยบเป็นคอนเซ็ปของผม ฝุ่นเองมันก็ดีอย่างที่เก็บชุดนักเรียนเอาไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย ตู้เสื้อไม่เหม็นอับถือว่าใช้ได้สำหรับชายโสดที่อยู่คนเดียว ไอ้ผมกับไม้นี่ไม่นับ สภาพห้องดีและทุกอย่างดูสะอาดเนี้ยบเพราะแม่ล้วนๆ ถึงจะทำกันเอง แต่ที่ทำก็ไม่อยากให้แม่เหนื่อยทำให้เราไง

พอจัดทุกอย่างเสร็จสรรพ ไอ้พิก หมูอ้วนก็มาถึง มีมาม่าหลายห่อและเหล้าอีกชุดใหญ่ จัดเต็มมากเพื่อน ผมนั่งบนเตียง มองดูเพื่อนๆ จัดวงเหล้ากันอย่างสบายใจเฉิบ โดยอ้างว่ากูคนเจ็บนา...แค่นี้เราก็ได้สิทธิพิเศษเกินพวกมันแล้วล่ะครับ

แน่นอนว่าไอ้พิกก็ต้องถามเรื่องร่องรอยบนร่างกายของผมเหมือนที่ฝุ่นถาม ผมบอกกับมันเหมือนที่บอกกับฝุ่นเป๊ะ ได้ไม่ได้ความจำดีอะไร มันเพิ่งพูดไปไม่นานเลยยังจำได้อยู่ วงเหล้าเล็กๆ เริ่มขึ้น

นักร้องจำเป็นเกิดขึ้นเมื่อเหล้าเข้าปาก สามคนแย่งกันร้องอย่างกับกลัวว่าเราจะไม่ได้ร้องเพลงกันอีกแล้วชีวิตนี้ ดีนะที่มันเป็นหอนอก กฎระเบียบมันไม่ได้เยอะเท่าไหร่ก็เลยพอจะเสียงดังกันได้บ้าง ไม่งั้นคงโดนตะเพิดออกจากห้องแน่นอน ผมเน้นหนักไปทางเพลงรักช้ำๆ ไอ้ขี้เมาอีกสองตัวก็ร่วมร้องอย่างเข้าถึงอารมณ์ ทั้งที่พวกมันก็แค่เมา ผมเองไม่ต่างกัน ร้องไปร้องมาเหมือนจะร้องไห้เสียอย่างนั้น

ผมรีบดื่มเหล้าให้ตัวเองไม่มีสติอีก กระดกรัวๆ จนเพื่อนห้ามกันไม่ไหว สุดท้ายมันก็ปล่อยให้ผมเมาเป็นหมา นอนกองอยู่ข้างเตียง ภาพตอนนี้หมุนติ้วไปหมด โลกหมุนเร็วมากจนน่าเวียนหัว อยากจะอาเจียนแต่ก็ไม่อยากจะลุก ปล่อยไปสักพักเดี๋ยวมันก็หลับเอง...

ดิวก้มมองนาฬิกาข้อมือสลับกับถนนและบ้านฝั่งตรงข้าม เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ยังวนเวียนอยู่ในใจของเขาไม่ยอมหายไปไหน ถึงเขากับโอมจะเคลียปัญหากันแล้ว ทั้งคู่กลับมาคืนดีกันเพราะต้นเป็นคนทำ ดิวไม่คิดว่าคำพูดที่ประชดประชันอีกฝ่ายออกไป จะทำให้ไอ้คนปากหมาพรรณ์นั้นยอมทำแบบนี้ได้ ภาพที่ต้นโดนทำร้ายยังฉายซ้ำๆ อยู่ในหัว

ตอนนั้นดิวกลัวมาก....มีคำถามเกิดขึ้นว่าจะเลือกอะไร ระหว่างรุ่นพี่บ้านตรงข้ามกับคนที่เขารัก สุดท้ายดิวก็เลือกโอม ผู้ชายคนนี้เข้ามาเยียวยาจิตใจของดิวได้ หลังจากที่เป๋เพราะโดนแฟนเก่าทิ้งมา โอมเป็นผู้ชายปากหวาน เอาใจเก่ง ถึงจะมีลับลมคมในบ้าง แต่ดิวก็เข้าใจดี ผู้ชายมักเป็นแบบนี้ มีโลกส่วนตัวของตัวเอง ที่ไม่ยอมให้ใครแม้กระทั่งแฟนได้เข้าไป

ดิวพยายามบอกกับตัวเองว่าเขาไม่ผิดที่เลือกแฟนมาก่อน โอมคือคนที่จะเคียงข้างเขาไม่ใช่ไอ้ผู้ชายปากหมาชอบแกล้งกันคนนั้น หนำซ้ำต้นยังเป็นคนที่ทำให้เขาทะเลาะกับแฟนจนเลิกกันอีก การที่ต้นเลือกรับผิดชอบด้วยวิธีนี้ก็เป็นเพราะต้นเลือกเอง เขาไม่ได้บังคับให้ต้นทำ เพราะงั้นก็ไม่ต้องไปรู้สึกอะไรมากมาย เขาต้องหวานชื่นกับแฟนเขา มีความสุขที่โอมกลับมาน่ะถูกต้องแล้ว

แต่ทั้งที่สะกดจิตตัวเองแบบนี้มาทั้งวัน มัวเมากับการร่วมรักกับโอมจนกระทั่งโอมกลับไป แต่ดิวก็ไม่สามารถลบรอยยิ้มหยันและภาพที่ต้นโดนทำร้ายออกไปไม่ได้ มันรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ ทำยังไงก็ไม่หายไป

แล้วพอจะออกมาพูดด้วย ต้นกลับเดินหนีไปไม่ฟังเขาเลย.... ดิวบอกกับตัวเองว่าก็ช่างหัวมันสิ มันไม่อยากคุยกับเขาแล้วยังไง ไม่เห็นต้องแคร์เลยคนหัวดื้อแบบนั้น คนที่ไม่เคยจะพูดดีด้วยได้เลย

ทว่าเขาก็ยังรออีกฝ่ายกลับมา...

รถเก๋งญี่ปุ่นคันไม่เก่าไม่ใหม่เคลื่อนตัวช้าๆ เข้ามา ดิวยืนจากที่ม้านั่งหน้าบ้านอันเงียบเหงา เขาว่าต้นต้องกลับมาแล้วแน่ๆ ก็เลยพาตัวเองมาที่ประตูรั้วเพื่อจะพูดกับคนปากเสียคนนั้น จนรถเข้าไปจอดด้านใน มีแค่สองคนที่ลงมาจากรถ ดิวไม่เห็นเงาอีกคนที่เขารอ...

“อ่าวน้องดิว ยังไม่นอนอีกเหรอจ้ะ...ออกมาทำอะไรน่ะหืม” ลีลาแม่ของต้นเอ่ยทักทายเด็กน้อย ดิวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ตรงหน้า

“อ่อ...ผมยังไม่ง่วงครับน้า”

“งั้นเข้ามากินขนมด้วยกันไหมจ้ะ น้ามีขนมติดมาด้วยนะ” ลีลาพยักเพยิดให้ไม้เอาขนมมาให้น้อง

“ไม่ดีกว่าครับ เอ่อ...พี่ต้นละฮะ” ดิวทำใจกล้าถามออกไป

“ต้นเหรอ ต้นไปนอนบ้านเพื่อนลูก...คงไม่กลับอีกหลายวันเลย” ดิวพยักหน้าเข้าใจ ต้นคงหนีหน้าเขา...คงไม่อยากเจอหน้าเขา แล้วไง เขาก็ไม่อยากเจอต้นเหมือนกัน

ลีลาเดินเข้าบ้านหลังบอกฝันดีดิว แต่ไม้ยังไม่ยอมเดินกลับเข้าไป เพราะดิวยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เด็กหนุ่มมองผู้เป็นแม่ก่อนจะเดินไปหาเพื่อนตัวเองที่หน้าบ้าน ในมือถือขนมมาด้วยเพราะตั้งใจจะเอามาให้อยู่แล้ว อีกอย่าง ไม้คิดว่าที่ดิวมายืนอยู่ตรงนี้น่าจะมีเหตุผลอะไรสักอย่าง อาจจะมาส่งแฟนแล้วยังไม่เข้าบ้าน หรือไม่..ก็อาจจะรอพี่ชายเขาอยู่ เพราะเมื่อกี้ดิวก็ถามหาพี่ของเขา

“อะ เอาไปเหอะ แม่เรากับเราตั้งใจเอามาให้นะ” ดิวรับไปแต่เหมือนไม่มีสติอยู่กับตัว

“ขอบคุณนะ”

“อืม ไม่เป็นไร คืนดีกันแฟนแล้ว...ดีใจด้วยนะ” ทำไมดิวรู้สึกว่าไม้กำลังพูดจากระทบเขายังไงไม่รู้
 
“ไอ้ต้นมันโกรธเราใช่ไหม...” ดิวตัดสินใจถาม ยังไงเสียก็เพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ เล่นกันมาตั้งแต่เล็กจนโต ถึงแม้พอเข้ามอปลายจะเริ่มห่างกันบ้างก็ตาม อันที่จริงดิวรู้ว่าทำไมระหว่างเขากับไม้ถึงห่างกัน มันเป็นเพราะเพื่อนเราคนละกลุ่ม และเพื่อนเราเข้ากันไม่ได้

“พี่ต้นไม่โกรธดิวหรอก พี่ไม่เคยโกรธดิวเลย...” ไม้นึกเสียใจขึ้นมาหน่อยๆ เขาเองก็ไม่อยากให้พี่ตัวเองต้องเจ็บตัวแบบนั้น แต่นั่นก็เรื่องของพี่ ที่เขายุ่งมากเกินไปไม่ได้ ทำได้แค่พูดเตือนด้วยความเป็นห่วง

“ไม่จริงหรอก มันหนีไปอยู่ที่อื่นเพราะมันโกรธเรา” ดิวว่าเสียงเยาะ นั่นทำให้ไม้ไม่พอใจนิดหน่อย ก็อีกฝ่ายเป็นพี่ชายตัวเอง

“พี่ต้นไปเพราะไม่อยากให้แม่เห็นว่าตัวเองมีรอยฟกช้ำ กลัวแม่เสียใจก็เลยไปอยู่ที่อื่น แล้วเราก็ไม่ได้โกหก...พี่ต้นไม่เคยโกรธดิว” ไม้อยากบอกว่าคนที่โกรธดิวจริงๆ คือตัวเขาเอง แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดให้เกิดความบาดหมาง

“อืม...” ดิวไม่รู้จะพูดอะไร ไม่เข้าใจด้วยทำไมไม่โกรธ ก็ดูมึนตึงใส่แบบนั้นน่าจะโกรธกันมากนี่นา

“บางที...ต่อให้ดิวเอามีดแทงพี่ชายเรา พี่เราก็คงไม่โกรธดิวเลย” ไม้พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วหันหลังเดินจากไป

“เดี๋ยวสิไม้ หมายความยังไง” ดิวเรียกอีกฝ่ายที่ทิ้งความคาใจเอาไว้ ไม้แค่หันมายิ้ม แล้วเข้าบ้านไป ปล่อยให้ดิวยืนงงกับคำพูด เขาไม่เข้าใจ...เอามีดไปแทงต้นไม่โกรธจริงเหรอ บ้าเหอะ...มันไม่โกรธแต่มันฆ่ากลับเลยละสิ

.....100%....
เราว่าครอบครัวแบบต้นเป็นครองครัวที่น่าอิจฉานะ ถึงไม่สมบูรณ์มีครบทั้งพ่อแม่ แต่ก็อบอุ่นและรักกันดี ถ้าเราเป็นดิว เราคงอิจฉาไม้เพืาอนตัวเองมากๆ เลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 6 - 100% [27/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 27-07-2017 22:30:38
ถ้าคบคน ดูที่หล่อ คะอวยสวย
เลือกหาคน จ้องหา_วย ช่วยกระสัน
ก็เหมาะแล้ว ที่เจอะเจอ คนอย่างมัน
มีเอาไว้ แค่แก้คัน ตะบันรู

//ยกกลอนนี้ให้ดิว โดยเฉพาะเลย
 :m16:

อ่านมาหลายตอนแล้วแต่ไม่ได้เข้ามาเม้นท์
บอกตรงๆเลย รู้สึกไม่ปลื้ม แอนด์ หงุดหงิดมาก

โธ่เอ๊ยยยยย..จะอะไรมากฟ่ะ
กะอิแค่ของเหลือ....เดน

+1 คนแต่ง
ดีใจที่กลับมาสร้างแรงบันดาลใจ
กระตุ้นให้คนอ่านคึกขึ้นมาอีก

ขอบคุณหลายเด้อออออ
 :L2:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 6 - 100% [27/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 27-07-2017 23:38:47
สงสารต้นมาก,,,  ปล่อยดิวไปเหอะว่ะ. หาคนใหม่มาเร็วๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 6 - 100% [27/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 28-07-2017 00:43:12
หงุดหงิดดิวง่ะ แต่พยายามเข้าใจอยู่
ว่ายังเด็กด้วย ต้องการความรักมาก พอมีคนมาดีด้วย
ก็ทุ่มเทสุดชีวิต ไม่แปลกใจ แต่หงุดหงิดเบาๆ
อยากเจอความรักดีๆ แต่ยอมเขาทั้งที่รู้ว่าเขามีลับลมคมใน ก็เอาเถอะจ้าาาาา

ส่วนต้น มีสติและเลิกปิดบังความรู้สึกด้วยการพูดหมาๆใส่เค้าได้แล้ว

อินอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 6 - 100% [27/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: Viewonohm ที่ 28-07-2017 14:15:06
ก็เข้าใจทั้งคู่แหละนะ ต่างก็ตาบอดเพราะความรักกันทั้งนั้น  :mew6:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 6 - 100% [27/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 28-07-2017 17:35:43
ต้น...ถ้ามึงไม่ปากหมา มึงอาจจะได้รักกับดิวตั้งนานแล้วนะ ใครๆก็ไม่ชอบคนปากหมาใส่หรอก แต่ก็นะ...ให้เขาค่อยๆรักในแบบหมาๆงี้แหละ เผื่อว่าวันนึงหมาตัวนั้จะได้รับการดูแลจากเจ้าของหัวใจมัน  :hao5:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 6 - 100% [27/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: plearnly ที่ 28-07-2017 19:36:26
สงสารต้นอะเมื่อไหร่ดิวจะรู้สักที
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 6 - 100% [27/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 28-07-2017 23:02:02
ตามๆ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 6 - 100% [27/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 29-07-2017 00:21:44
ต้นปากหมาเกินไป ไม่มีใครชอบคนปากหมาหรอกนะถึงจะดียังไงก็ตาม ส่วนดิวสมองไม่คิดเรื่องอื่นนอกจากผู้ชายเลย อยากให้มีคนมาจีบต้นแล้วให้ต้นไม่ต้องมาสนใจดิวเลย อยากรู้ว่าถ้าดิวถูกโอห์มทิ้งมาใครจะเปนคนปลอบดิว เพราะต้นก็จะไม่มายุ่งอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 7 - 100% [29/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 29-07-2017 21:50:32
>>ตอนที่ 7 [100%]<<

มาอยู่กับเจ้าฝุ่นได้สองวัน แม่ก็ส่งข้อความมาหา บอกคิดถึง...น้ำตาแทบร่วง อยากวิ่งแจ้นกลับไปหาแม่เลย ทว่าพอหันไปมองกระจก รอยช้ำบนหน้ามันเด่นเกินไป คงใช้เวลาอีกหน่อยถึงสามารถไปพบหน้าแม่ ผมจำต้องโกหก หาทางเลี่ยงที่จะไปหาแม่ที่ร้าน เชื่อว่าแม่รู้ทันแหละ ผมไม่ใช่คนที่ทนคำหวานของแม่ได้นานขนาดนี้ ที่มันเป็นอย่างนี้คงมีเหตุผลบางอย่าง แต่ผมก็ขอบคุณแม่นะ...ที่แม่ไม่พูดไล่ต้อนให้ผมจนมุม

ไม้ส่งข้อความมาหาเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ถามว่าผมเป็นยังไงบ้าง แล้วก็เล่าเรื่องดิวกับโอมให้ผมรับรู้ เขากลับไปรักกันดี แต่เหมือนจะเริ่มมีมือที่สาม นี่คืนดีกันไปได้แค่สองวันเองนะ ไม้ได้ยินดิวพูดกับเพื่อนในกลุ่มว่าช่วงนี้พี่โอมแปลกๆ ไป ไม่ค่อยมาหา ถ้ามาก็มาหาแค่ที่บ้าน แป๊บเดียวก็กลับไป คงไม่ต้องสาวลึกขนาดนั้นก็เดาได้ว่าโอมมาทำอะไรกับดิว แต่ที่น่าตกใจกว่าก็คือ...เพื่อนดิวแนะนำให้ดิวหาคนคุยเผื่อเอาไว้ และดิวก็ดันทำตาม เป็นรุ่นพี่มอหกที่โรงเรียน

รู้ข่าวก็หงุดหงิดแหละ...อยากเดินไปหาแล้วด่ามันให้เสียคนเลยจริงๆ นะ แต่ก็ไม่ทำ ปล่อยมันไปตามทางของมันบ้าง ผมยุ่งเรื่องของดิวทุกเรื่องไม่ได้ ที่ทำได้ก็คือคอยดูมันอยู่ห่างๆ หาเรื่องกวนตีนบ้างแค่นั้น แล้วถ้ายุ่งมากไปมันอาจจะลงเอยแบบที่ผ่านมาไม่กี่วันนี้

แต่เอาจริงๆ นะ...ผมรู้สึกเหมือนเจ็บตัวฟรีโคตรๆ แถมยังคิดถึงแม่มากเพราะต้องหลบหน้าแม่ เรื่องก็แค่เล็กน้อย ให้เขาสองคนกลับมารักกัน ช่วยรักกันให้นานหน่อยได้มะ อุตส่าห์ระบมไปขนาดนี้แล้วเนี่ย!

“มึงกลับไปอยู่บ้านวันไหนวะ...” ระหว่างเดินลงไปพักกินข้าว ไอ้ฝุ่นก็ถาม

“น่าจะกลับบ้านวันเสาร์นี้แหละ” เพราะวันอาทิตย์นี้ไม้มันมีแข่งที่โรงเรียน ผมสัญญากับแม่และมันเอาไว้แล้วว่าจะไปเชียร์

“แน่ใจว่ากลับไปจะไม่มีปัญหานะ หน้ามึงอะไม่ช้ำเท่าไหร่แล้วก็จริง แต่ตัวมึงนี่อย่างกับคนไปเล่นเพ้นบอลมาเลย จ้ำเป็นจุดๆ” พูดอย่างกับเคยเล่นแหนะไอ้ฝุ่น

“ก็อย่าถอดเสื้อผ้าต่อหน้าแม่สิวะ แม่ไม่มานั่งส่องเนื้อหนังกูหรอกหน่า”

“ว่าแต่มึงจะไม่บอกจริงๆ เหรอว่าใครกระทืบมึง” ไอ้พิกกจี้ถาม ผมไม่เคยเล่าสาเหตุจริงๆ ให้พวกมันฟัง บอกแค่กัดกับหมา

“ช่างมันเหอะ...” ผมปัดประเด็นให้ตกไป

ผมกับฝุ่นไปเข้าแถวซื้อข้าว ส่วนให้อ้วนประจำกลุ่มเสือกเลือกงานสบายอย่างนั่งจองโต๊ะ มันบอกว่าร้อนมากเดี๋ยวเป็นลม โคตรสำออยเลยไอ้ห่านี่ แต่ผมและฝุ่นก็ไม่บังคับมันนะ มันอดหลับอดนอน เล่นแต่เกมก็เลยมีความเป็นไปได้มากที่มันจะเป็นลมไป

หลังจากได้ข้าวพูนๆ มาสามจาน ผมอาสาถือข้าวไปที่โต๊ะเองด้วยความทุลักทุเล ส่วนฝุ่นไปซื้อน้ำต่อ ไม่ใช่ว่าเพื่อนผมคนนี้เป็นคนดีอะไร มันแค่น้ำฟรีมันก็เลยอาสาไปเอง แต่ผมต้องเป็นคนจ่ายน่ะ นี่แหละเพื่อนที่ประเสริฐ มีเงินปรนเปรอพวกมันหน่อยก็สามารถใช้งานมันได้เยี่ยงทาสแล้ว นี่ทุกวันนี้อยู่ห้องไอ้ฝุ่น ผมก็ให้มันซักเสื้อให้นะ รีดผ้าด้วย โดยให้ค่าจ้างกับมัน ฝุ่นนี่ยิ้มรับหน้าบาน อะไรก็ได้ ได้เงินกูเอาหมด ที่เป็นงี้เพราะมันอยู่คนเดียวไง ได้เงินรายเดือนจากพ่อแม่ บางทีก็ไม่พอกิน ครั้นจะขอเพิ่มก็โดนด่า เลยหาเงินเล็กๆ น้อยๆ ไปตามเรื่องตามราว แต่ที่ฝุ่นถนัดที่สุดก็คงเป็นการขายไอเทมในเกม ชิ้นหนึ่งหลายร้อย บางชิ้นก็หลักพัน

“พี่ต้นหวัดดี..” มาถึงโต๊ะก็มีแขกไม่ได้รับเชิญอีกสามหน่อนั่งอยู่ ไอ้พันเป็นคนแรกที่ยกมือไหว้ผม ตามด้วยแมทและแก้ว

“เออ ดี”

“น้องมันนั่งด้วยนะมึง โต๊ะเต็มหมดเลยวะ...” ไอ้พิกบอกทั้งที่ไม่ยอมเงยหน้าจากเกมบนมือถือ ผมวางจานข้าวให้เรียบร้อยก่อนโบกหัวมันหนึ่งที

“เลิกเล่นก่อนไหมสัตว์ ติดเกมนักนะมึง”

“โหบ่นกู แล้วมึงไม่ติดเลยสัตว์ เล่นยันดึกยันดื่นทุกคืน” ใครมันชวนกูกับไอ้ฝุ่นเล่นละวะ

“แต่นี่เวลากินข้าวปะวะ วางเลยมึงวาง ไม่งั้นกูตัดแขนมึงทิ้ง...” พิกเบะปาก ไม่น่ารักสัตว์น่าเกลียด

“มึงมันใจร้ายกับเพื่อนกับฝูงได้ลงคอ” เอาเข้าไป ดราม่าเข้าไปเหอะมึง ไม่สนใจหรอก

ผมส่ายหัวให้กับความบ้าบอของเพื่อนตัวดี ฝุ่นหอบหิ้วน้ำมา เป็นโค้กสามและกาแฟเย็นหนึ่ง ไอ้นี่ซื้อมาแบบพิเศษให้ตัวเองโดยเฉพาะ คนจ่ายตังอย่างผมได้แค่โค้กเท่านั้น ฝุ่นทักทายน้องๆ ที่รวมโต๊ะอีกสามคน เสร็จแล้วก็นั่งจ้วงข้าวพลางพูดคุยกันไปด้วย มีแต่ผมที่นั่งเงียบฟังบทสนทนาไปเรื่อยเปื่อย ไม่รู้จะพูดอะไร ไอ้เด็กปีหนึ่งหน้าหล่อนั่นก็เคยเป็นอริหัวใจด้วยไงประเด็น

แต่นั่งเล่นกันได้ไม่นานก็มีคนมาเพิ่มที่โต๊ะอีกสาม พันแนะนำคนกลุ่มนั้นให้ คนที่นั่งข้างแมทชื่อบอม เป็นแฟนกัน อีกคนชื่อกล้าเด็กติดเกมและเต้ไอ้ขี้เมา เพื่อนอะไรขัดแย้งกันชะมัดเลยวะ และด้วยความออดอ้อนของบอม ทำให้โต๊ะเรามีอาหารเพิ่มขึ้น เป็นพิซ่าถาดโตๆ สี่ถาด และอื่นๆ อีกหลายต่อหลายอย่าง ไอ้เพื่อนผมก็เสือกกับน้องเขา แค่พันเอ่ยชวนเท่านั้น พิกก็ลุยก่อนเลยคนแรก

“เกรงใจน้องมันบ้างมึง” เอาน้ำแข็งปาหัวไอ้อ้วน

“น้องเขาชวน บอกไม่ต้องเกรงใจมึงไม่ได้ยินเหรอ มึงเหอะ อย่าวางฟอร์มจัดมากนัก เดี๋ยวก็กินตีนอีก” เอ้า ด่ากูเฉย กูไม่ได้หาเรื่องใครก่อนนะเนี่ย

“อย่าบอกนะว่ารอยจ้ำบางๆ บนหน้าพี่นี่โดนตีนแนบมา” ไอ้แก้ว เด็กทอมคนเดียวในกลุ่มเอ่ยแซะ

“น้องอยากได้มั้งไหมครับ พี่ทาบให้”

“อ่าวๆ พี่ต้นคร้าบ...นี่น้องนะนี่น้อง” แก้วรีบประท้วงหาความยุติธรรมทันที

“พี่จะทำเบาๆ นะครับ” ผมทำเสียงหล่อ แก้วขนลุกแล้วรีบส่ายหนี

ท่าทางของเด็กนี่น่ารักดี ไม่ติดว่าเป็นทอมผมว่าก็คงมีผู้ชายมาขายขนมจีบกันจนตื้อแน่นอน แมทเอาพิซ่าแบ่งมาให้ผมเพราะเห็นว่าผมไม่ยอมเอาไปกินเสียที ไม่ได้หยิ่งนะ แต่อิ่มข้าวมาก ผมยิ้มเป็นการขอบคุณก่อนจะค้นหาเงินจำนวนหนึ่ง

“อะ พี่ช่วยค่าอาหาร”

“เฮ้ยไม่ต้องพี่ ไอ้นี่มันรวย” บอมรีบแย้ง

“ไม่ได้ๆ เอาไปเหอะ” ผมยัดเงินใส่มือแมท มันก้มหัวเป็นการขอบคุณ

ผมเกรงใจอะ ไอ้ผมไม่ค่อยกินก็ไม่เท่าไหร่ แต่เพื่อนผมนี่สิ สวาปามของน้องเขาได้น่าเกลียดมาก ฝุ่นเริ่มเข้ากับเด็กที่ชื่อกล้าได้อย่างรวดเร็ว คุยเรื่องเกมกันเป็นหลัก เจ้าพิกก็อีกตัว ต่างจากผมที่เล่นเกมแต่ก็ไม่ค่อยคุย เป็นคนเดียวด้วยที่เลือกจะนั่งเล่นมือถือแทนสนใจกลุ่มคนตรงหน้า

ข้อความเด้งเตือนเข้ามาได้จังหวะพอดี ไม้ส่งรูป? ยัดพิซ่าเข้าปากก่อนจะเปิดดูรูปที่ส่งมา เป็นดิวกำลังเดินกับผู้ชายคนหนึ่ง หน้าตีและมีรอยยิ้มน่ารัก ไม้ส่งข้อความต่อมาว่ารุ่นพี่มอหกที่จีบดิว...

ไอ้เด็กโง่มันยิ้มแย้มแจ่มใสดีเวลาพูดคุยกับผู้ชายคนนั้น ไหนเมื่อไม่กี่วันก่อนยังจะเป็นจะตายเพราะโดนผู้ชายทิ้งอยู่เลย ทีงี้มาระริกระรี้กับผู้ชายอีกคน นี่มันมีสมองไหม...คิดได้หรือเปล่าว่าการทำตัวแบบนี้มีแต่สร้างความเสื่อมเสียให้ตัวเอง หรือว่าคนจะมองยังไงก็ช่าง กูมีความสุขเท่านั้นก็เพียงพอสินะ หึ...ผมไม่น่าเข้าไปขอโทษมันวันนั้น ไม่น่าเจ็บช้ำกับคำด่าของมันจนลงมือทำเรื่องโง่ๆ เจ็บตัวฟรีๆ ให้มันกับแฟนได้กลับมาเอากัน

“หน้าหงิกเลย...พิซ่าไม่อร่อยเหรอวะ” เสียงของฝุ่นเข้าหูซ้ายแล้วทะลุไปหูขวา

ผมกดปิดหน้าจอหลังตอบข้อความน้องไปสั้นๆ ว่าขอบใจ มองบรรยากาศรอบโต๊ะ เจ้าพิกและฝุ่นหันมาสนใจผม เห็นว่าหน้าหงิกก็เลยอยากเสือกสิท่า แต่ผมไม่พูดอะไร แค่ยิ้มแล้วก็กินอาหารต่อเหมือนไม่ได้เป็นอะไร พอเห็นว่าผมไม่คิดจะพูดเพื่อนทั้งคู่ก็เงียบ เรากลับไปอยู่กับการพูดคุยร่วมกับน้อง พิกนี่สนใจสาวอีกคณะเป็นพิเศษ ซึ่งคนที่ออกหน้าออกตาเล่าอย่างตื่นเต้นคือคนชื่อบอม ผมเห็นว่าแมทมองบอมตาขวางหลายทีเหมือนกัน แต่บอมไม่ได้สนใจหรือไม่ก็ไม่ได้สังเกตเห็น

เป็นพักเที่ยงที่ทำให้รุ่นพี่และรุ่นน้องเข้ากันได้ดีมากยิ่งขึ้น แถมรุ่นน้องอีกคณะมาด้วยเป็นของสัมมนาคุณ ยกเว้นผมที่ไม่มีอารมณ์ร่วมด้วยเท่าไหร่ ก่อนจะแยกย้าย ผมขอโทษเจ้าพันที่ทำหน้าเบื่อโลกใส่ อธิบายไปสั้นๆ ว่ามีเรื่องเครียด ผมไม่อยากให้รุ่นน้องรู้สึกไม่ดีอะนะ พันก็เข้าใจดี มีการให้เลี้ยงเหล้าบ้างถ้าอารมณ์ดีแล้ว ซึ่งผมก็โอเค เจ้าพิกและฝุ่นอารมณ์ดีมาก กินอิ่มหนำสำราญไม่เสียสักบาท รุ่นน้องก็คุยถูกปากกันดี ยิ่งไอ้ฝุ่นนี่พูดเรื่องกล้าไม่หยุดเลย พิกก็โต้เรื่องหญิงที่เจ้าบอมพูดถึง

ตอนแรกผมก็ฟังไปนิ่งๆ อะนะ สักพักเริ่มรำคาญเลยนั่งฟังเพลงแม่งเลย อะไรจะแย่งกันโม้ขนาดนั้นเพื่อน ปกติไม่ค่อยได้คุยกันเหรอฮะ เห็นเวลาเล่นเกมก็โต้วาทีกันตลอด ผมชักเพลียจิต ยิ่งต้องมาอยู่กับพวกมันแบบยี่สิบชั่วโมงด้วย ผมรู้สึกประสาทจะกิน

ในที่สุดก็ถึงวันเสาร์เสียที ผมรีบเก็บเสื้อผ้ารอไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ไม่ค่อยแสดงออกเท่าไหร่เลยว่าอยากกลับบ้านใจจะขาด โธ่...อยู่นี่กินแต่มาม่านะครับ อยู่บ้านกินข้าวฝีมือแม่ มีใครไม่ชอบกับข้าวฝีมือแม่ตัวเองบ้างละ จะไปซื้อกินก็ไม่อร่อย ได้ข้าวจึ๋งเดียวเอง แม่ค้าขี้งกโคตรๆ และเพื่อเป็นการส่งท้ายให้ผมผู้จะได้กลับไปสู่อ้อมกอดของมารดา ไอ้ฝุ่นและพิกก็ชวนเล่นเกมโต้รุ่ง ครับ...เช้านี้ตาปรือโคตร แต่ไม่มีอะไรมายับยั้งการกลับบ้านของเราได้ครับผม!

ผมส่งข้อความไปบอกแม่ว่ากำลังกลับบ้าน หิวมากเลย ตอนแรกลั้นลานะครับ แม่ส่งภาพกลับมาเท่านั้นแหละ ผมไม่น่าทำร้ายตัวเองแบบนี้เลย มีแต่ของโปรดเต็มโต๊ะไปหมด มีการบอก ไม้กำลังกระซวกกับข้าวของผมอย่างเอร็ดอร่อย ผมมาช้าคงอดกิน จากตอนแรกว่าจะนั่งรถเมล์กลับบ้าน ตอนนี้ผมโบกแท็กซี่ให้ไวเลยครับ ช่วงวันเสาร์เช้าๆ รถไม่ค่อยติด ก็เลยใช้เวลาไม่นาน

“แม่...ต้น....” ผมชะงักกลางทาง กำลังจะตะโกนเรียกแม่ให้รู้ว่าผมกลับมาแล้ว เพราะดิวที่กำลังกินข้าวอยู่กับไม้ที่โต๊ะ

“มาช้า แม่ได้คนช่วยกินอีกคนแล้วเนี่ย” แม่ใจร้าย นั่นของผมนะ ผมหันไปมองแม่ ทำหน้างอใส่ขณะเดินเข้าไปสวมกอด

คิดถึงมากก็กอดแน่นมาก แม่ตีหลังผมเพื่อประท้วงที่ผมกอดแน่นไป ทว่าผมกลับหัวเราะแล้วไม่ยอมปล่อย จนแม่ต้องตีแรงขึ้น โอเค ผมยอมรามือจากแม่ก็ได้ แต่ก่อนจะไปกินข้าว ขอหอมแก้มสักทีให้ชื่นใจ

“รีบเลย น้องแย่งกินหมดแม่ไม่รู้ด้วยนะ” แม่ตีผมเบาๆ

“คร้าบ ต้นรู้แล้วหน่า...” ผมนั่งลงฝั่งเดียวกับไม้ หยิบโถข้าวมาตักแบ่งใส่จานตัวเองประมาณหนึ่ง

“ทำตัวเป็นเด็กทั้งที่โตเป็นควายแล้ว” เสียงดิวดังขึ้นมาเบาๆ เงยหน้ามองก็เจอกับสายตาล้อเลียน ผมอยากโต้ตอบนะ...แต่คำที่แล่นในหัวเป็นคำที่แรงและน่าจะสะเทือนใจมันมากที่สุด ผมก็เลยทำเมินมันแทน

“งี้แหละ เด็กชอบเรียกร้องความสนใจ” น้องผมทับถมเข้ามาอีกดอก

“พูดเหมือนมึงไม่เป็นอะไม้”

“ผมไม่เป็น เพราะได้รับความสนใจจากแม่มากอยู่แล้วน่ะ” ไอ้เด็กขี้อวด

ผมมองหน้าดิว มันขำที่เห็นผมโดนน้องชายตัวเองทับถม รอยยิ้มบนใบหน้าอีกฝ่ายเป็นอะไรที่ผมชอบมาก ก็เลยเงียบ ปล่อยให้น้องชายตัวดีเผาพี่ชายและทัมถมกันต่อไปเรื่อยๆ ผมทำเป็นหิวข้าวหนักมาก ไม่สนใจคำพูดของน้องและดิว ทั้งที่ตัวเองลอบมองรอยยิ้มของมันอยู่ตลอดเวลา ไม้และดิวกินข้าวเสร็จก่อน แม่ก็เลยยกขนมหวานมาเสิร์ฟให้ เป็นฟรุ๊ตสลัดนมสด มีทั้งนม ผลไม้ ดิวดูตื่นเต้นกับของกินอันนี้มาก เพราะนี่เป็นของชอบของมันเอง...

“เล่นกันดีๆ ละเด็กๆ แม่ต้องไปทำงานก่อน ต้นดูแลน้องด้วยนะ” แม่ตีบ่าผมเบาๆ ฝากฝั่งเด็กแสบสองคนเอาไว้ให้

“ครับแม่ จะดูแลอย่างดี...” จ้องตาดิวแน่วแน่ มันเองก็จ้องตอบก่อนจะละสายตาไปบอกลาแม่ผม

ผมกวาดทุกอย่างลงท้องจนเกือบเกลี้ยง เหลือแค่บางอย่างเอาไว้เพื่อจะได้มีกินตอนกลางวัน ไม้และดิวไปนั่งเล่นที่ห้องโถงกันแล้วทิ้งให้ผมเก็บโต๊ะคนเดียว เพราะผมดันกินเสร็จเป็นคนสุดท้าย ผมปิดจ็อบมื้อเช้าด้วยขนมหวานที่แม่ทำไว้เผื่อ เดินไปนั่งใกล้กับดิว เจ้าไม้มันลุกไปหาหนังดู

“มึงเป็นไงบ้าง...” จู่ๆ ดิวก็ถามผมเสียงเบา ผมหันไปมองหน้ามันแว้บหนึ่ง

“ก็ดี...เจ็บดี”

“สมน้ำหน้ามึง” มีหน้ามาสมน้ำหน้าคนอื่น ไม่ดูตัวมึงเองเลยไอ้ดิว

“ไว้มึงโดนทิ้งเมื่อไหร่กูจะไปสมน้ำหน้ามึงบ้างไอ้ดิว” จากที่ไม้บอก มันกระท่อนกระแท่นกับแฟน เชื่อว่าอีกไม่นานผมจะได้สมน้ำหน้ามันจริงอย่างที่ได้พูดไว้ ดิวกัดปากตัวเองนิ่ง มันเองก็คงไม่พอใจที่ผมพูดไปแบบนั้น

“กูไม่โดนทิ้งง่ายๆ หรอก ถ้ามึงไม่เข้ามาเสือกเรื่องของกูกับแฟนกูอะ” ไม้ได้หนังที่อยากดูแล้ว มันกันกลับมามองผมและดิวที่มีบรรยากาศมาคุ

“มั่นใจไปเหอะ อีกไม่นานไอ้โอมนั่นก็ต้องทิ้งมึงไปอยู่ดี คิดว่ามันกลับมาเพราะรักมึงเหรอ...มันกลับมาเพราะอยากเอาชนะกูมากกว่า มึงอะมันโง่เว้ย ก็เลยดูไม่ออก” หันไปสบตากรุ่นโกรธกับอีกฝ่ายตรงๆ ดิวกำหมัดเอาไว้แน่น พร้อมที่จะปล่อยมันใส่ปากผมได้ทุกเมื่อ

“คนที่โดนกระทืบเหมือนหมาข้างถนนอย่างมึงน่ะหุบปากไปเหอะ ไม่รู้เรื่องของพวกกูจริงๆ มีสิทธิ์มาพูดอะไร” ผมเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มตัวเองด้วยความเจ็บใจ นึกถึงตอนโดนไอ้โอมกระทืบแล้วก็ยังแค้นไม่หาย

“แล้วกูจะรอดูคนโดนทิ้งอย่างมึง ว่าสภาพมันจะเหมือนหมาโซเซไหม” ผมตัดสินใจลุกขึ้น มองหน้ามันกับไม้ก่อนจะเดินขึ้นห้องตัวเอง

นี่ถ้าไม่เห็นแก่หน้าน้องชาย ผมจะเถียงต่อเอาให้มันไปไม่เป็นเลย เห็นแม่งอ้าปากต่อว่าผมฉอดๆ แล้วหงุดหงิด ยังมีหน้ามาเชื่อมั่นว่าไอ้โอมนั่นจะรักแล้วไม่ทิ้งมันไปอีก ตัวเองน่ะรู้ดีที่สุดอยู่แล้วใม่ใช่เหรอว่า มันไม่มีทางไปรอดกับผู้ชายคนนี้ ไหนจะยังผู้ชายอีกคนที่เข้ามาจีบมาอีก ไอ้รุ่นพี่ในโรงเรียนนั่น นึกแล้วก็โมโห ผมอยากจะกีดกันทุกคนออกจามันให้หมด เอาให้มันไม่เหลือใครแล้วมีแค่ผมคนเดียว

ผมอาบน้ำอาบท่าให้ตัวเองรู้สึกเย็นลงมาบ้าง เสียงหนังข้างล่างและเสียงพูดคุยแว่วๆ ทำให้ผมรู้ว่าน้องผมและดิวยังนั่งดูหนังอยู่ด้วยกัน ปล่อยพวกเขาไปเถอะ ไม้กับดิวไม่ค่อยได้ทำอะไรแบบนี้ด้วยกันมาสักพักใหญ่แล้ว นี่ดิวคงว่างจากแฟนก็เลยมาเล่นที่บ้านผมได้ ไม่งั้นป่านนี้คงเดตกันอยู่ที่เตียงนอน ออกกำลังกายกันไปในตัว

เฮ้อ...เจ็บใจวะ ผมจะต้องทำยังไงให้ได้เป็นคนที่มันรักบ้าง ได้แต่แอบรักมันอยู่แบบนี้โคตรเหนื่อยเลย มองดูมันคบคนอื่น จู๋จี๋กับคนอื่นแล้วก็มีอะไรกับคนอื่นที่ไม่ใช่เรา เหมือนทำร้ายตัวเองไปวันๆ

ถ้าผมเปลี่ยนแปลงตัวเอง พูดจาดีๆ กับมันบ้างแล้วก็สารภาพกับมันไปตรงๆ อะไรระหว่างเรามันจะดีขึ้นไหม ผมกลัวว่าดิวจะหัวเราะเยาะ แล้วก็พูดจาถากถางใส่ผมเหมือนที่ผมเคยพูดใส่มัน แบบนั้นต้องเจ็บยิ่งกว่าที่มันเป็นอยู่ตอนนี้แน่ ผมอยากบอกมันนะ...อยากบอกว่าชอบมานานแล้ว แต่ก็ยังหวาดกลัวกับปฏิกิริยาของมันอยู่ดี ถ้าเราเป็นมิตรกันมากกว่านี้ ผมจะมีความมั่นใจกว่าที่เป็นอยู่หรือเปล่า...

.....100%....

เจอหน้าก้นทีก็ทะเลาะก้นที ถ้าต้นเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ดิวยังเป็นแบบนี้ มันก็จะกลายเป็นต้นเจ็บต่อซ้ำๆ หรือเปล่า..  ตบมือข้างเดียวอะ ยังไงมันก็ไม่ดังหรอก
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 7 - 100% [29/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 29-07-2017 22:08:47
ต้น เลิกชอบดิวเหอะ ดูแววละดีกับเขาให้ตายเขาก็ไม่รัก

เลิกๆๆ เลิกปากหมาด้วยจะดีมาก 5555

ส่วนดิว ถ้ายังคิดว่าใครดีด้วยก็รักเค้าไปซะหมด รักคนง่าย ต้องการความรัก เมื่อไหร่จะเจอคนที่จริงใจกับตัวเองล่ะ เฮ้อออออ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 7 - 100% [29/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-07-2017 22:19:31
 :z6: ขอสักที
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 6 - 100% [27/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 29-07-2017 23:50:59
ถ้าคบคน ดูที่หล่อ คะอวยสวย
เลือกหาคน จ้องหา_วย ช่วยกระสัน
ก็เหมาะแล้ว ที่เจอะเจอ คนอย่างมัน
มีเอาไว้ แค่แก้คัน ตะบันรู

//ยกกลอนนี้ให้ดิว โดยเฉพาะเลย
 :m16:

อ่านมาหลายตอนแล้วแต่ไม่ได้เข้ามาเม้นท์
บอกตรงๆเลย รู้สึกไม่ปลื้ม แอนด์ หงุดหงิดมาก

โธ่เอ๊ยยยยย..จะอะไรมากฟ่ะ
กะอิแค่ของเหลือ....เดน

+1 คนแต่ง
ดีใจที่กลับมาสร้างแรงบันดาลใจ
กระตุ้นให้คนอ่านคึกขึ้นมาอีก

ขอบคุณหลายเด้อออออ
 :L2:

โดนใจทุกบทเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 7 - 100% [29/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 30-07-2017 00:09:14
มองความรัก ชักสับสน ปนความใคร่
ใช้สายตา หาหัวใจ ใช่จริงหรือ
มันแยกแยะ แงะไม่ออก นอกในคือ
ทำบ้าบื้อ หรือที่แท้ แพ้หื่นกาม

//-ยกกลอนนี้ให้ดิว(อีกแล้ว)
หุหุ

ทำตัวเหมือนจะใสไร้มลพิษ
แต่ปนเปื้อนสารตะกัว..เพียบบบบบบบบบ
ฮ่าฮ่า

ยังทำได้กว่านี้อีกนะ อินู๋
ดิ้วดิว
อิอิ

ขอบคุณฮับ คนแต่ง
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 7 - 100% [29/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 30-07-2017 10:41:02
มองหาแต่คนใหม่เรื่อยๆ ไม่ไหวมั้งครับ,,,
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 7 - 100% [29/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 31-07-2017 04:18:53
ปัญหาของดิวคือนางต้องการความรักความอบอุ่นจากใครสักคนมาถมแทนที่ขาดไปเพราะไม่ได้จากพ่อกับแม่   สำหรับนางจากที่เป็น *ใครสักคน* แล้วดันมาเจออิแมทที่นางยอมทุกอย่างเพื่อให้อีกฝ่ายรักตัวเอง หลงคิดว่าที่ได้คือความรัก  พอเสียแมทไปอย่าเจ็บปวดเลยกลายมาเป็น*ใครก็ได้*  นางก็กุ่ไม่กลับแล้วทีนี้  ลึกๆนางรู้ว่าโอมทิ้งตัวเองแน่ๆถึงได้ไปหาคนอื่นมาเสียบรอโอมทิ้งไปพลางๆ

ของเหลือ ณ ที่นี้เอาจริงๆนางทำตัวเอง  ต่อให้ใครบอกยังไงนางก็ไม่มีทางเข้าใจ
ดิวนางขาดความรัก ในขณะที่ต้นก็ได้รับจนมากเกินไป  ต้นให้มาตลอดแต่ความเขลาผสมกับความขาดวุฒิภาวะเลยแสดงออกมาในแบบที่แสดงออกมา

ส่วนตัวแล้วเราไม่ได้คิดว่าการที่มีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นบ่อยๆจะเป็นการทำให้ตัวเองด้อยค่า  แต่ในกรณีนี้คงต้องว่าดิวทำให้ตัวเองกลายเป็น*ของเหลือ* ก็เพราะนางไม่ได้คุณค่ากับตัวเองเลย  รักตัวเองมากกว่านี้หน่อยเถอะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 8 - 100% [31/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 31-07-2017 22:54:33
>>ตอนที่ 8 [100%]<<

“พี่ต้น กินข้าว” เสียงเรียกของไม้ทำให้ผมสะดุ้งตื่น เผลอหลับทั้งที่กะจะนอนพักสายตานิดหน่อย แต่คงเพราะไม่ได้นอนมาทั้งคืน ก็เลยหลับเป็นตาย

“ดิวล่ะ...” พอลงมาด้านล่าง ก็เห็นไม้จัดโต๊ะอยู่คนเดียว

“แฟนมันมารับไปตั้งนานแล้ว เออ เดี๋ยวผมต้องออกไปซ้อมด้วยนะ”

“อ่าว วันนี้ต้องซ้อมเหรอ นึกว่าหยุดพักแล้วค่อยลุยทีเดียวพรุ่งนี้” ผมนั่ง ปล่อยให้น้องจัดจาน

“ไม่หรอก จริงๆ ผมต้องไปตั้งแต่เช้าแล้วแหละ แต่ดิวมันมาหาก็เลยอยู่เป็นเพื่อนมัน มันมาปรึกษาเรื่องที่มีรุ่นพี่มาชอบมันแล้วมันก็มีแฟนอยู่นี่แหละ เห็นว่าลำบากใจยังไงไม่รู้” ลำบากใจเหรอ ตลกไปละ ถ้าลำบากใจแล้วทำไปทำไมวะ

“มันทำตัวเอง”

“ก็ใช่ เพื่อนมันยุไง มันก้เสือกไปทำตามคำยุยงของเพื่อนจนรู้สึกแย่อยู่ตอนนี้ มันบอกว่าพี่มอหกก็ดีกับมันมากเลยนะ พี่โอมมันก็รัก มันว่ามันพูดกับเพื่อนกลุ่มมันแล้วพวกนั้นบอกให้ดิวอย่าใส่ใจ คนเราก็ต้องมีโมเมนต์นี้บ้างอะไรเถือกนั้น ผมก็พูดแรงใส่ไม่ได้ แต่อยากบอกว่าไอ้พวกนั้นแม่งเลวจริงๆ สอนเพื่อนผมให้เป็นคนแบบนี้ได้ไง ดิวจะเสียคนเพราะพวกแม่งนี่แหละ” ไม้บ่นยาว มันนั่งตักข้าวเข้าปากด้วยสีหน้ามึนตึง

“ก็บอกแล้วว่าให้ช่วยดูมันบ้าง”

“ก็มันเพิ่งจะมาเข้าหาผมนี่ เคยบอกไปแล้วว่าก่อนนี้ผมช่วยไรมันไม่ได้หรอก มันเลือกทางของมันเอง”

“แล้วนี่แนะนำไปว่าไง...”

“ก็บอกว่าให้เลือกคนที่ตัวเองรักสักคนสิ มันก็ลำบากใจ มันรักพี่โอมของมัน แต่มันก็รู้สึกดีกับพี่มอหกคนนั้น รู้สึกจะชื่อชินมั้ง ผมฟังผ่านๆ พอมันพูดมาแบบนั้น ผมก็ปล่อยมันอะ มันจะเอายังไงต่อก็ขึ้นอยู่กับตัวมันเอง”

“ไม่แนะนำให้มันมารักพี่ชายแกแทนวะ” ไม้แทบสำลักข้าวเมื่อผมพูดออกไปแบบนั้น

“ดิวมันยังด่าพี่อยู่เลย ที่ไปแช่งความรักของมัน ขืนผมแนะนำอีก มันคงเบ้หน้าใส่อะ” ไม้ทำหน้าแหยง ส่วนผมก็ขำ อย่างกับมันเป็นเรื่องตลก คนที่เราชอบเกลียดเรานี่เอาจริงๆ มันก็ไม่ตลกนะครับผม

“พี่ลองจีบมันจริงจังดูบ้างดีปะวะ...” ผมพูดลอยๆ เป็นอีกครั้งที่น้องผมเบ้หน้าใส่

“ป่านนี้เนี่ยนะจะไปจีบมัน มันคงเอาพี่หรอก” อ่าว พอจะจีบก็ว่าซะงั้น ตอนแอบชอบเฉยๆ เจ็บเงียบๆ ก็ว่าเรา

“เอาไงกันแน่วะ...”

“จะไปรู้พี่เหรอ” เขกหัวมันสักทีดีไหม เผื่อสติมันจะเข้าที่เข้าทาง

“คิดว่าจะสำเร็จปะละถ้าจีบ”

“ไม่อะ” ขอบคุณน้องรัก พี่รู้สึกดีมากที่คำตอบแสนจริงใจนี้

“งั้นไม่จีบ...”

“พี่ก็แอบรักแบบเจ็บๆ ไปเรื่อยๆ” นั่นไง พอจะจีบก็ไม่ให้จีบ

“เอาไงแน่วะ กูเริ่มมึนกับมึงละนะ...”

“แหงะ สุดท้ายมันก็ต้ออยู่ที่พี่อยู่ดีปะละ อีตอนที่ดิวมันใสๆ ก็ไม่จีบมัน ตอนนี้มันมีคนนั้นคนนี้ไปทั่วพี่เสือกจะไปจีบมัน พี่แม่งปากหมาที่สุดในหมู่แฟนดิวอะ พี่คิดดิว่าพี่มีเปอร์เซ็นแค่ไหนที่จะจีบติด ผมเห็นมันคบแต่ละคนเป็นพวกปากหวานเอาใจเก่งทั้งนั้น” ขอโทษที่กูปากหมาอะนะน้องชาย

“ไม่ลองไม่รู้วะ...”

“ลองดีๆ เหอะ ระวังจะยิ่งทำให้ดิวเกลียดขี้หน้าพี่ไปมากกว่านี้” ไม้รีบโกยเข้าวเข้าปาก

ผมเองก็กินข้าวเอื่อยเฉื่อย คิดอะไรในหัวไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็ไม่พ้นเรื่องของดิวมันหรอกครับ เผลอแป๊บเดียวเจ้าไม้มันก็ลุกออกไป ทิ้งโต๊ะไว้ให้ผมเก็บอีกตามเคย แต่ช่างมัน เห็นว่ารีบไปซ้อมผมก็ไม่อยากรั้ง เมื่อเช้าอุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อนดิว ไม้มันตั้งใจกับการแข่งครั้งนี้ มันอยากความชัยชนะมาฝากแม่ โดยเฉพาะที่หนึ่ง อ้างเรื่องของกิน ทั้งที่จริงก็อยากให้แม่ภูมิใจในตัวมัน

เก็บโต๊ะเสร็จผมก็ขึ้นห้อง มองไปรอบห้องแล้วรู้สึกเบื่อหน่าย ก็เลยเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะไปเดินเล่นที่ห้างใกล้บ้าน เที่ยงๆ อย่างนี้แดดแรงสุดยอด ผมไม่มีทางเดินตากแดดไปยันหน้าหมู่บ้านเพื่อนั่งรถเมล์หรอกครับ เอารถตัวเองไปนี่แหละ แอร์เย็นฉ่ำสบายใจ มาถึงผมก็มุ่งไปที่ชั้นโรงหนัง คนโสดแสนเปล่าเปลี่ยวอย่างผมจะทำอะไรได้นอกจากหาหนังสักเรื่องดูแล้วค่อยไปเดินเล่น

ระหว่างทางเจอร้านขายเสื้อผ้า ตกแต่งด้วยสีพาสเทล หน้าเจ้าดิวแว้บเข้ามาในหัว รู้ตัวอีกทีผมก็เดินดูเสื้อยืดคอกลมสีต่างๆ เสียแล้ว ผมว่ามันเหมาะกับสีชมพู ไม่ใช่สีที่เข้ากับเด็กผู้ชายเท่าไหร่ แต่เจ้าตัวขาวโบ๊ะไง ใส่สีไหนก็โอเค หน้าตาน่ารัก...สีชมพูก็เลยเหมาะสุด ผมมองหาเสื้อแบบลายเรียบๆ ไม่การ์ตูนจ๋าแล้วก็ไม่อาร์ตจนเกินไป ดูอยู่นานอะ แต่ในที่สุดก้ได้ลายการ์ตูนที่เป็นเด็กผู้ชายผมสั้นใส่แว่นกลมอมจูปาจุ๊บ เออ...เหมาะกับเด็กโง่นั่นมากทีเดียว

“เอาตัวนี้ครับ” ผมส่งเสื้อยืดสีชมพูพาสเทลให้พนักงาน เธอยิ้ม รับเสื้อและเงินจากมือ

กลับไปค่อยเอาไปโยนใส่หน้าบ้านมัน แนบการ์ดไปด้วยเผื่อมันไม่รู้ว่าหมาข้างบ้านส่งมา รับรองได้ว่ามันต้องด่าผมอีกแน่นอน งั้นต้องบอกว่าแม่ซื้อให้ มันจะได้ไม่กล้าเอาเสื้อตัวนี้ทิ้งไป เป็นไง เจ้าแผนการพอไหม

ผมเดินออกจากร้านด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม แม้มีเรื่องของดิวให้คิดเยอะ ทั้งที่ทำให้เจ็บปวด ทว่ามันก็มีเรื่องดีๆ ที่ทำให้เรารู้สึกดีอยู่ ผมมักเอารอยยิ้มที่ได้เห็นมาตั้งแต่เด็กนั้นเป็นกำลังใจให้ตัวเอง เวลารู้สึกแย่เรื่องดิว เดินไปสักพักก็สะดุดสายตากับเด็กหนุ่มร่างเล็ก ใส่กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลอ่อนและเสื้อยืดสีชมพู จากที่จะเดินขึ้นบันไดเลื่อนก็ต้องหยุดดู

ดิวนี่ และนั่น...โอม

ดิวเงยหน้ายิ้มแย้มใส่โอมที่ซื้อตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลอ่อนให้ ตัวไม่ใหญ่มากนักแต่ก็น่ารัก โอมโน้มหน้าลงไป จิ้มแก้มตัวเองเบาๆ เพื่อขอรางวัลจากอีกฝ่าย ดิวยิ้มเขิน ใบหน้าขาวใสดงระเรื่อ อยู่ไกลยังมองเห็นชัด ผมสาวเท้าเข้าไปใกล้ทั้งคู่เรื่อยๆ ไม่ได้จะเข้าไปทำลายความรักของเขาหรอก ก็แค่อยากดู...

“ไอ้โอม!” แต่ไม่ทันทีดิวจะได้หอมแก้มโอมต่อหน้าต่อตาคนอื่น เสียงผู้หญิงก็แว้ดใส่เสียก่อน โอมโดนดึงด้วยมือเล็กๆ และมือนั้นก็ฝาดเข้าหน้ามันเต็มๆ

“ไหม...นะไหน...ไหนว่าไปต่างจังหวัด”

“ถ้ากูไป กูจะได้เห็นไหมว่ามึงมามีกิ๊กเป็นอีตุ๊ดนี่!” แล้วคนชื่อไหมก็หันไปมองหน้าดิวอย่างเอาเรื่อง ผมรีบสาวเท้าเข้าไปเร็วๆ ตอนนี้ดิวนิ่งไปแล้ว

“เฮ้ย ไม่ใช่...มันแค่รุ่นน้อง โอมไม่ได้เป็นอะไรกับมัน”

“เหรอ แล้วที่จะให้หอมแก้มกันเมื่อกี้มันอะไร กูเห็นหมดแล้ว มึงนี่ก็หน้าด้าน...หาผู้ชายคนอื่นไม่ได้แล้วหรือไง ถึงได้มายุ่งกับผัวชาวบ้านเขาน่ะอีตุ๊ด!” ผู้หญิงคนนั้นตบหน้าดิวอย่างแรง จนดิวถึงกับเซ ผมเองก็ช็อกไป...ไม่คิดว่าจะได้เห็นคนที่ตัวเองรักโดนทำร้ายต่อหน้าแบบนี้

“ทำร้ายน้องผมอีกที ผมจะแจ้งความจับคุณทั้งคู่!” ดีที่คว้าข้อมือของหญิงสาวทัน ไม่งั้นดิวก็คงโดนอีก โอมตกใจที่เห็นผม ส่วนดิวมันเอาแต่ก้มหน้าอยู่เยื้องไปด้านหลัง

“มาเสือกอะไรไม่ทราบ ไม่ใช่เรื่องของคุณ!” เธอดึงมือตัวเองออกแล้วถอยเท้าห่างผม

“นี่น้องผม ทำไมผมเสือกไม่ได้ แฟนคุณมันพรากผู้เยาว์แถมคุณยังทำร้ายร่างกายน้องผมอีก อ่อ นี่ยังมีเรื่องที่แฟนคุณทำร้ายผมด้วย จะเอายังไง...ผมจะได้เอาเรื่องให้ถึงที่สุดบ้าง” คนฟังทั้งสองหน้าซีด ผมไม่สน แต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำท่ากดเบอร์

แต่ก็ไม่ทันได้กดโทรจริงๆ ไอ้โอมมันรีบลากแฟนของมันออกไป ฝ่ายหญิงก็โวยวายจะเอาเรื่องผู้ชาย ผมไม่ได้สนใจคู่นั้นอีก จะตบตีกันหรือเลิกกันก็ตามสบาย ไม่ใช่เรื่องของผม คนด้านหลังผมต่างหากที่ผมสนใจ ผมแย่งตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลออกมาจากอ้อมกอดของดิว สภาพมันตอนนี้เหมือนเมื่อก่อน เวลาผมแกล้งมันจนร้องไห้

“สมน้ำหน้า!” ผมด่าอีกฝ่ายเบาๆ

“กูพูดไปไม่ทันข้ามวันเลย เป็นไงล่ะ...กูพูดผิดไหมว่าเดี๋ยวมันก็ทิ้งมึง” ดิวเงยหน้ามองผมทันที

“สมใจมึงเลยสิ หึ...รีบตามมาทับถมกูเลยนะ” เสียงมันสั่น ดิวพยายามอย่างมากที่จะไม่ร้องไห้ออกมาต่อหน้าผม

“เออ สมใจกูมาก..อยากให้เลิกกันตั้งนานแล้วล่ะ ผู้ชายเหี้ยๆ พรรณ์นั้นไปรักมันทำไม แล้วถ้ามึงร้องไห้...กูจะด่ามึงซ้ำคอยดู” ผมชี้หน้า ดิวกัดฟันกำหมัดแน่น

ผมหันไปมองหาถังขยะ เดินเอาตุ๊กตาเวรนี่ไปทิ้งแล้วคว้าข้อมือเด็กถูกทิ้งไปด้วยกัน ดิวพยายามยื้อมือของมันออกจากมือผม แต่ผมก็ไม่ยอมปล่อยมันไป มันเองจะด่าผมเสียงดังก็ไม่ได้ ยังมีความหน้าบางอยู่อะนะ

“ทุเรศฉิบหาย...โดนทิ้งซ้ำๆ ซากๆ” ผมบ่นลอยๆ

“ไม่เกี่ยวกับมึงหนิต้น เสือกอะไรเรื่องของกูนักหนา...เจอหน้ากูทีก็ด่ากู ว่ากู เกลียดกูมากมายุ่งกับกูทำไมล่ะ!” ผมชะงักเท้า หันจ้องหน้ามัน

“เออ เกลียดมึงแล้วจะโพล่หน้ามาหามึงบ่อยๆ ทำไมละ เรื่องแค่นี้คิดเองไม่ได้ ไอ้โง่!”

“ก็มึงจะแกล้งกูไง” อ่าฮะ...ข้อนี้ผมไหวไหล่ไม่เถียง

ผมพาดิวไปหาที่นั่งเงียบๆ เดี๋ยวนี้ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แทบทุกที่มักจะมีมุมสงบๆ ให้นั่งเล่นทั้งนั้น แถมยังจัดเป็นเหมือนสวนย่อมก็มี ผมมีมุมประจำ ตรงนี้ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ส่วนตรงไหนคนจะเยอะจะน้อยให้ดูว่าตรงนั้นใกล้ปั๊กไฟไหม ถ้าใกล้หรือมีปั๊ก ตรงนั้นคนจะเยอะมากเป็นพิเศษ

“มึงรอกูอยู่นี่นะ ถ้าหายไปกูตามเอาเรื่องถึงบ้านแน่” ผมเหวี่ยงดิวเบาๆ ให้นั่งรอบนโซฟาที่เขาจัดไว้ให้ มีสามตัวกับเก้าอี้นวมชิลๆ อีกสี่ แต่มีคนนั่งอยู่ตรงนี้แค่สองคน

ดิวพยักหน้ารับ มันก้มหน้าก้มตาหยิบมือถือออกมาเล่น คงโพสต์อะไรในนั้นหรือไม่ก็คุยกับเพื่อนของมัน ผมเดินไปหาซื้อน้ำขวดกับน้ำแข็งมาหนึ่งแก้ว และก็ผ้าเช็ดหน้า พอดีไม่ใช่คนชอบพกอะไรนอกจากโทรศัพท์และกระเป๋าตังค์ ผมเลยต้องมาเสียเงินกับผ้าผืนน้อยๆ ผืนนี้ เสร็จแล้วก็กลับมาหาดิว มันนั่งพิมพ์ไรหยิกๆ อยู่ไม่สนใจรอบด้านเลย ผมนั่งลงข้างๆ ด้านที่มันโดนตบ ดิวเหลือบตามองนิดหน่อย แล้วก็หันไปสนใจมือถือ

“คุยกับกิ๊กอีกคนหรือไง...”

“เสือกอีกแล้ว” มันบ่นกลับ ผมถือวิสาสะชะโงกหน้ามอง หึ...ตอนเดาข้อสอบไม่เห็นถูกแบบนี้เลยวะ

ผมเอาน้ำแข็งใส่ไปตรงกลางผ้าเช็ดหน้า จัดดีๆ เอาชายผ้ามามัดเอาไว้ตรงกลางเพื่อเก็บน้ำแข็งเอาไว้ จากนั้นก็เอามันไปโปะที่แก้มไอ้ดิว มันสะดุ้งแล้วก็ปัดออกทันที แม่งดื้อด้าน ต่อต้านกันได้ตลอด

“อยู่เฉยๆ ดิ้!” ต้องให้ดุหรือไง ดิวหน้าหงิกแต่ก็ไม่ยอมให้ผมเอาน้ำแข็งโปะหน้ามัน

“จะทำอะไร แม่งเย็นนะเว้ย...ไม่คิดว่ากูจะหนาวมั้งหรือไงฮะ!”

“แต่แก้มมึงบวมแล้ว ประคบก่อน มือถืออะเดี๋ยวค่อยเล่นก็ได้ กิ๊กมึงอะไม่ตายหนีมึงไปก่อนมันจะได้เอามึงหรอกดิว” คนฟังได้แต่กำหมัดแค้น ทำอะไรผมกลับไม่ได้ก็เลยต้องยอมเก็บมือถือตามที่บอก

ดิวมันแย่งน้ำแข็งไปประคบหน้ามันเอง เจ้าตัวเองหลังพิงพนัก มองเหม่อไปที่ไหนสักที่ก็ไม่รู้ ผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้มันเสียใจมากแค่ไหนที่โดนทิ้ง ถ้าจำไม่ผิด คล้ายกับการอกหักครั้งก่อนเลยหนิ คนที่มันรักมีเจ้าของตัวจริงอยู่แล้ว ผมว่ามันต้องเสียใจมากที่มารู้ความจริง ตัวเองเป็นได้แค่ชู้คนอื่น มีค่าแค่ตอนที่เขาเหงาหรือมีปัญหากับแฟน ทั้งๆ ที่ตัวมันเองก็โหยหาความรัก

“ทำไมทุกคนถึงทิ้งกูวะ...” ไม่รู้หรอกว่าอะไรทำให้มันถามคำถามนี้กับผม แต่ผมก็เลือกจับมือข้างที่ว่างของมันมากุมแล้วนั่งเอนพนักไปกับมัน

“มึงก็แค่โชคร้ายดิว”

“โชคร้ายที่ทุกคนไม่รักกูงั้นเหรอ ฮ่าๆ...” เสียงหัวเราะมันแหบแห้งมาก สามารถสะท้อนความเจ็บปวดลึกๆ ในใจของมันออกมาได้อย่างดี

“คนที่รักมึงอะมี แต่มึงไม่เคยมองไปที่เขาเอง” ดิวเหลือบตามามอง แล้วเราก็สบตากันเงียบๆ ท่ามกลางเสียงประชาสัมพันธ์ เสียงคนคุยกัน หรือแม้กระทั่งเสียงมือถือของคนที่มานั่งหลับ

ดิวยื้อมือตัวเองออกพร้อมกับลดน้ำแข็งประคบหน้า  มันเอาผ้าวางบนแก้วแล้วก็นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ผมมองมันอยู่ตลอด สมองตอนนี้ลังเลว่าควรจะบอกความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อมันไหม แล้วมันจะเชื่อผมหรือเปล่า จะให้โอกาสคนที่ชอบแกล้งมันคนนี้ไหม

ทว่าสมาธิของผมก็พังทลายลงเมื่อมือถือมีคนโทรเข้า ดิวกรอกเสียงใสๆ ที่ยังมีความเศร้าเจืออยู่ลงไปในสาย คิดว่าเป็นเพื่อนที่โทรมา แต่เมื่อดิวเรียกชื่ออีกฝ่ายผมก็ต้องหงุดหงิดไปทันที

เหอะ...พี่ชินครับ ครับพี่ชิน ทีกูแม่งไม่เรียกพี่สักคำ ดีสุดคือไอ้ต้น ร้ายสุดคือไอ้เหี้ยต้น กูก็อายุมากกว่ามึงนะ ทำเหมือนกูเป็นเพื่อนเลยให้ตาย แล้วนี่ก็ต้องมานั่งฟังมันดราม่าใส่ผู้ชายอีกคนของมันเอง อ้อนกันเข้าไป จู๋จี๋กันเข้าไป เห็นหัวกูบ้าง นั่งทนโท่อยู่ตรงนี้ทั้งคน ไม่ใช่หมูหมากาไก่นะ ทำอย่างกับกูไม่มีตัวตนอยู่ในสายตาของมึงเลย

ผมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาบ้าง  เข้าโปรแกรมเฟซบุ๊กเพื่อโพสต์ความน้อยใจละคนหงุดหงิดลงไป เผื่อว่ามันจะดีขึ้นมาบ้างหากได้ระบายออก แต่มันก็ไม่ดีขึ้นเลย เมื่อเสียงของดิวและชินแว่วเข้าหูอยู่อย่างนี้ ผมอยากลุกหนี...ไม่อยากฟัง แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงยังนั่งทำตัวไร้ตัวตนอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครสนใจผมสักหน่อย...

.....100%.....

ต้นอาจต้องกดบัตรคิว ไม่งั้นไม่ทันได้ง้าบดิวอย่างใจหมายแน่นอนครับผม ว่าแต่ดิวโดนตบเจ็บไหม? จะสมน้ำหน้าก็แบบ...จะว่าสงสารมันก็แบบ... //กรอกตาวนเป็นเลขแปด
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 8 - 100% [31/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 01-08-2017 00:05:06
ต้นดีขึ้นนิดนึงละ /ตบบ่า สู้ต่อไป
เถื่อนน้อยลงหน่อยนะเอ็งอะ

ส่วนดิว หมดจะพูดแล้วจริงๆ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 8 - 100% [31/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 01-08-2017 00:07:34
สมน้ำหน้าดีมั้ย???
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 8 - 100% [31/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 01-08-2017 09:22:34
โห เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดดีเนอะ ยิ่งอ่านก็ยิ่งไม่อยากให้ตัวเอกของเรื่องเขาคู่กัน ฝ่ายนึงก็จริงใจเกิน พูดตรงปากหมา แบบภักดีกับความรักครั้งนี้สุดๆ อีกฝ่ายก็ทำตัวเป็นของเหลือ ไร้ค่า ทั้งมุมมองความคิด การกระทำ การดำเนินชีวิต แม้กระทั่งเลือกคบเพื่อน พ่อแม่ไม่รักแล้วยังไง ขนาดตัวเองมันยังไม่รักเลย ไม่ควรคู่และคู่ควรกับอีกคนหนึ่งจริงๆ วู้ววววว คนเขียนก็เขียนแนวนี้ให้ได้อึดอัดกันทุกเรื่องจริง เก่งเกินไปละ //ปรบมือ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 8 - 100% [31/07/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: plearnly ที่ 01-08-2017 21:56:54
อ่านแล้วเศร้าใจมาก เมื่อไหร่ดิวจะเห็นค่าพี่เค้ามั่งละลูก
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 9 - 100% [01/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 01-08-2017 23:10:05
>>ตอนที่ 9 [100%]<<

“มึงไม่ไปไหนหรือไง นั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้” กว่าจะวางสายได้ แบตแม่งหมดก่อนไม่งั้นมันไม่วางแล้วหันมาสนใจผมหรอก

“เอ้า กูจะนั่งตรงไหนแล้วเกี่ยวไรกับมึงละดิว นี่ก็ไม่ใช่ที่ของมึงสักหน่อยปะวะ” ดิวคิ้วขมวด

“งั้นกูไปละ”

“กูไม่ให้ไป” ผมรีบคว้าข้อมือของดิว รั้งไว้ตรงตัก

“อะไรของมึงเนี่ย ปล่อยกูเลย ไม่อยากอยู่กับคนปากหมาอย่างมึง”

“คนปากหมาอย่างกูแล้วทำไม กูไม่เหี้ยเหมือนคนปากหวานที่มึงคบๆ อยู่ก็แล้วกันดิว!” ผมใส่อารมณ์กลับ ก็ชอบว่าผมก่อนปะละ

“แหม พูดให้ตัวเองดูดี มึงแม่งเหี้ยกว่าคนที่กูคบอีก”

“ตรงไหน มึงพูดสิตรงไหน” ของชักขึ้นละนะ กูนี่รักเดียวใจเดียวมากนะ ไม่เคยทำตัวเหี้ยๆ กับใครแบบที่ผู้ชายพวกนั้นทำกับดิวสักคน

ไอ้ดิวพอถูกจี้ให้ตอบ มันก็ตอบไม่ได้ เอาแต่อ้ำอึ้งแล้วเสหน้ามองไปทางอื่น พยายามคิดละสิว่านอกจากปากหมากับกวนตีนแล้วผมเหี้ยตรงไหนบ้าง เอาเลย หากหาข้อเสียผมเจอก็เอา ผมนี่นะลูกที่ดีของแม่ เป็นพี่ที่ดีของน้องและเป็นนักเรียนที่เกรดไม่แย่ด้วย ดูซิ...หน้าอย่างมันจะเอาอะไรมาว่าผมได้บ้าง

“มึงมันเหี้ยแหละ” คิดตั้งนานได้แค่นี้

“แค่เนี้ย...พูดมาได้แค่นี้ แล้วอะไรในคำนี้บอกว่ากูเหี้ยกว่าผู้ชายที่มึงคบมา บอกอะไรให้นะดิว กูเหี้ยจริงอะ วันนั้นกูเอามึงไปละ กูไม่จำเป็นต้องอดทนเลย ไม่ต้องยืนเฉยๆ ให้โอมมากระทืบกูด้วยซ้ำ” คนตัวเล็กเม้มปากแน่น เป็นไงละ...เถียงไม่ออกอะดิ

“อย่าเอากูไปเปรียบเทียบกับคนที่ผ่านมาของมึง กูไม่ชอบ”

“แล้วคิดว่ากูชอบที่มึงด่ากูนักหรือไง คนดีๆ ที่ไหนเจอหน้าต้องแดกดันกูตลอดเวลา กูไปเผาบ้านมึงไงถึงต้องทำงี้กับกู” ดิวขึ้นเสียง หาเรื่องที่ผมแย่ได้แค่พูดคำจา

“แล้วมึงพูดดีกับกูตายละ เรียกกูพี่สักคำก็ไม่มี มีแต่ไอ้กับเหี้ย แล้วไง...กูต้องพูดดีกลับปะละ”

“ก็ที่เป็นแบบนั้นเพราะมึงอะชอบแกล้งกูนั่นแหละ!” ดิวเถียงแบบไม่ยอมแพ้ แต่ข้อนี้ผมก็เถียงมันลำบากวะ

“มึงไม่เคยได้ยินคำว่ารักหรอกจึงหยอกเล่นเหรอ...ฟาย” นั่นแหละ คำแถของผมเอง ผมเป็นงั้นจริง...ผมชอบแกล้งมัน

“แถโง่ๆ มึงจะไปไหนก็ไปเลยไป..เหม็นขี้หน้าวะ” ดิวสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง มือนี่ก็พยายามรั้งออกแต่ออกไปไม่ได้

“กูไม่ไป...”

“อะไรของมึงนักหนาวะ...”

“กูอยากอยู่กับมึง” ผมพูดแทรกขึ้นก่อนที่มันจะพูดอะไรจบ ดิวหันมามองเหมือนผมเป็นตัวประหลาด แต่ผมก็ยังลอยหน้าลอยตาอยู่อย่างนั้น

จริงๆ ผมว่าผมพูดไปขนาดนี้มันน่าจะเอะใจได้บ้าง ผมคาดหวังให้มันรับรู้ความรู้สึกของผมเหมือนกัน เพราะไม่กล้าที่จะบอกมันออกไปตรงๆ ผมเคยคบคนอื่นนะ แต่มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนี้ เหมือนกับว่า...ถ้าเขาปฏิเสธ เราก็ต่างคนต่างไป ไม่เจอกันสักพักก็ทำใจได้ แต่กับดิวมันไม่ใช่ ต้องเจอหน้ากันตลอด ต้องเห็นหน้าบ่อย ผมตัดใจไม่ได้หรอก

นั่งเงียบกันอยู่อย่างนั้นได้พักเดียว ผมก็ชักเบื่อ มีมันอยู่ข้างๆ ก็ดีนะ แต่จะนั่งนิ่งกันแบบนี้ไปตลอดคงไม่โอเคเท่าไหร่ ไหนๆ ก็มาอยู่ห้างกันแล้ว พากันไปเที่ยว ไปเดินเล่นมันน่าจะดีกว่า

“เดี๋ยว มึงจะพากูไปไหน..ปล่อยกูจะกลับบ้าน”

“ค่อยกลับพร้อมกัน กูอยากดูหนัง...” ผมดึงมันให้เดินตาม แต่ดิวดื้อ มันยื้อตัวเองเอาไว้

“ก็ไปดูคนเดียวเซ่ ปล่อยกู”

“เฮ้อ....เวลามึงปากร้ายใส่เนี่ย กูรู้สึกอยากจูบมึงชะมัด” หันไปส่งยิ้มเจ้าเล่ใส่ ดิวตาโตตกใจ แต่ก็ครู่เดียว มันเตะขาจนผมเกือบเซ

“พูดเหี้ยไรของมึง ไม่ต้องหว่านคำหวานกวนประสาทกูเลย” เออดี...ตีความอย่างนั้นไป

“พูดดีๆ ก็ไม่เอา พูดเหี้ยๆ ก็ด่ากู มึงจะเอาไงกันแน่...” จ้องตาหาเรื่อง ดิวโดนจี้เข้าแบบนี้ก็เริ่มลอกแลก

เมื่อมันตอบผมไม่ได้ ผมก็ลากมันไปที่ซื้อตั๋ว เลือกหนังที่ตัวเองอยากดูโดยไม่ถามความสมัคใจของดิว แต่ไม่ต้องห่วง ผมรู้ว่าดิวชอบหนังแนวนี้ ดีไม่ดีก็น่าจะอยากดูอยู่แล้ว เหลือบเห็นแววตาดีใจของมันตอนผมจิ้มเลือกหนังอะนะ ผมจ่ายเงินค่าตั๋วเอง ไม่ให้มันออกสักบาท และเชื่อว่ามันต้องไม่ยอมออกแน่นอน ก็มันไม่ได้อยากมาดูกับผมนี่นา

“ถือดิ้” ผมยัดถุงเสื้อที่ตั้งใจจะให้ดิวใส่มือมัน

“เฮ้ย กูไม่ใช่เบ๊มึงนะต้น”

“ตอนนี้ไม่ใช่ก็เหมือนใช่ หุบปากแล้วเดินตามดีๆ เจ้าทาสหน้าโง่” พอพูดไปแบบนั้น ดิวก็เตะขาผมอีก แม่งเล็งข้อพับเข่า กะให้ล้มหน้าขมำกันไปข้าง ไม่นึกบ้างว่าผมจับมือมันอยู่ ล้มทีก็ล้มคู่เลยนะ แต่ดีที่ผมไหวตัวทัน ก็เลยรอดจากการเป็นเป้าสายตาของผู้คน

“กูเกลียดมึง!”

“เขาว่า...เกลียดอะไรจะได้อย่างนั้น ระวัง ได้กูเป็นผัวนะ” ยักคิ้วใส่แบบกวนตีน ดิวฮึดฮัดขัดใจ ทำอะไรผมไม่ได้ก็เลยมีสภาพเป็นอย่างนั้น เหมือนเด็กน้อยงอแงมากเลยล่ะ โคตรน่ารัก

“ไม่มีทาง กูไม่มีวันเอาคนอย่างมึงหรอก”

“แล้วจะรอดูคนผิดคำพูด” ว่าแล้วก็หัวเราะเบาๆ เสียงที่ออกมานี่อย่างกับตัวร้ายในละคร แล้วดิวก็เป็นนางเอกที่โดนผมลักพาตัวมา

หนังเข้าตอนหกโมงสิบห้า มันมีรอบที่ใกล้เข้าแหละแต่ตำแหน่งที่ผมชอบมันไม่ว่าง ก็เลยเลือกรอบถัดไปซึ่งต้องรอนาน ผมเก็บบัตรใส่กระเป๋าอย่างดี พลางลากเจ้าเด็กดิวไปตามทาง ไม่มีจุดหมายอะครับ ไม่มีที่ไปตายตัวอะไร กะว่าเดินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็คงจะรู้เองว่าอยากไปไหน อยากได้อะไร

“เออ มึงมีที่ชอบไปมะ” ผมลองหันไปถามคนข้างๆ ที่เดินหน้ามุ่ย บอกบุญไม่รับ

“ที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีมึงอะ” อ่าว พูดจา...เดี๋ยวด่ากลับเลยไอ้เด็กนี่

“กูถามดีๆ อย่าทำให้หงุดหงิดได้ไหมวะ”

“แล้วคิดว่าหงุดหงิดคนเดียวเหรอ กูก็หงุดหงิดนะเว้ย มึงอยากทำอะไร ไปไหนก็ไปคนเดียวดิ มายุ่งกับกูทำไม” และแล้วเราก็หาเรื่องทะเลาะกันอีกจนได้ ผมมองหน้ามันตาขวาง เอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มเพื่อลดอาการหงุดหงิดของตัวเอง

“ถ้ากูไม่ยุ่ง...มึงคงโดนตบหน้าแหกอยู่ตรงหน้าไอ้โอมอะ”

“ก็ไม่ได้ขอปะวะ กูเอ่ยปากขอมึงเหรอต้น”

“ไม่ กูเสือกเอง โอเคไหม...กูเสือกเข้าไปยุ่งมึงทุกอย่างนั่นแหละ แต่ยังไงกูก็ช่วยมึง คำขอบคุณไม่มีสักคำมีแต่ด่าและหาเรื่องกูอยู่นี่ หาว่ากูปากหมา ไม่เคยพูดจาดีด้วย พอกูพูดดีแล้วมึงก็แบบนี้...มึงจะเอายังไงดิว พูดดิ้สัตว์พูด!” เสียงตะคอกของผมดังจนคนเริ่มหันมามอง ผมโมโห...ผมหงุดหงิดที่มันเป็นแบบนี้ เราจะเดินด้วยกัน ดูหนังด้วยกันดีๆ ไม่ได้เหรอ ไม่ได้อยากเอาเรื่องช่วยมันมาเป็นข้ออ้างหรอกนะ แต่มันเป็นแค่เรื่องเดียวที่ผมสามารถใช้เพื่อรั้งมันเอาไว้ใกล้ตัวได้

“ปล่อยกู...” มันตอบผมกลับได้แค่เสียงที่เบาหวิว ไม่เคยเจอผมโมโหใส่ขนาดนี้ก็เลยกลัวสินะ ผมก็ไม่ได้อยากโมโหใส่มัน แต่ดูมันทำตัว ความอดทนคนมันมีขีดจำกัดนะ

“กูไม่ปล่อย กูจะไม่มีวันปล่อยมึงดิว...” พอเห็นว่ามันกลัวหัวหด ผมก็ตะคอกมันอีกไม่ออก ได้แต่ลากมันเดินไปตามทางเรื่อยๆ ในเมื่อมันไม่มีที่ไป ผมเองก็ไม่มีเป้าหมาย งั้นก็เดินแม่งให้ทั่วห้างมันเลยเนี่ยแหละ ถือว่าออกกำลังกาย

ระหว่างเรามันมาคุมาก ไม่มีใครพูดอะไรกันอีกเลย ดิวไม่แม้แต่จะมองหน้าผมด้วยซ้ำ มันเอาแต่เดินก้มหน้าก้มตา ที่พื้นมีอะไรดีนักหนาอันนี้ผมไม่รู้ แต่คงดีกว่าได้มองหน้าผม คนที่มันเกลียดละมั้ง ผมปวดใจอยู่ลึกๆ ที่มันแสดงท่าทีแบบนี้ใส่...แต่ผมไม่อยากปล่อยมันไป มันเป็นความเห็นแก่ตัวที่ไม่ได้ทำให้ตัวเองรู้สึกดีเลย

ปกติได้อยู่กับคนที่เรารัก ไม่ว่าจะสถานะไหนมันก็น่าจะมีความสุขใช่ไหม แล้วหากต้องรู้ว่าคนที่เรารักเขาไม่เคยอยากอยู่กับเราเลย ช่วงเวลานั้นมันจะมีความสุขอยู่อีกหรือเปล่า เดินไป ผมก็ถามตัวเองไปว่าผมทำไปเพื่ออะไร ทุกอย่างบ้าบอไปตามอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของตัวเองทั้งนั้น ตอนนี้ก็ต้องมานั่งเสียใจว่ากูทำอะไรลงไป...จับมือเดินด้วยกันทั้งที่มันทำให้เขาทรมานใจน่ะเหรอ

ผมหันไปมองหน้าดิว เป็นจังหวะที่มันเงยหน้ามามองผมพอดี แววตาคู่นั้นมีความสับสน ส่วนมันจะเป็นเรื่องอะไรผมไม่รู้ ที่รู้คือมันไม่ได้อยากอยู่ตรงนี้ มันอยากกลับบ้านไปหาคนที่มันชอบ คนที่ใช้คำพูดหวานๆ ปลอบมันได้ ซึ่งคนนั้นไม่ใช่ผม

“เฮ้อ...ไปไหนก็ไปเหอะ” ผมตัดสินใจปล่อยมันไป ทนความอึดอัดและทรมานใจไม่ไหวแล้ว ทุกๆ ย่างก้าวมันเหนื่อยมันล้าไปหมด

อย่าทำหน้าแบบนั้นตอนอยู่ด้วยกันได้ไหม สีหน้าที่แสดงออกชัดว่ารังเกียจ ไม่อยากอยู่ใกล้ ไม่อยากมองหน้า อยากหนีไปไกลๆ ผมไม่กล้ามองดิวอีก...ได้แค่มองปลายเท้าของมัน รอดูเท้าเล็กๆ คู่นั้นเดินจากไป ทว่ารออยู่นานมันก็ยังอยู่ที่เดิม ผมก็เลยเป็นฝ่ายจะเดินไปเอง

ผมเริ่มออกเดินวนกลับไปทางเดิม ว่าจะไปนั่งเล่นมันที่โรงหนัง เล่นเกมมือถือโง่ๆ หรือโทรหาเพื่อนมาดูด้วยกัน อะไรก็ได้ที่ไม่ต้องคิดถึงสีหน้าอึดอัดใจของดิว เดินไปได้สักพัก หางตาดันเหลือบไปด้านหลัง ตั้งใจว่าจะหันไปดูดิวว่ามันไปหรือยัง แต่กลับโดนคนชนหลังเข้าเต็มๆ

“โอ้ย! หยุดทำไมวะไอ้หมาต้น” ดิวกุมจมูกตัวเอง ส่วนผมก็ยืนยิ้มๆ ให้กับความคาดไม่ถึงนี้

“ตามมาทำไม”

“โกรธอ่อวะ” อย่าช้อนตามองกันแบบนั้น ผมเกาจมูกแก้เก้อ ต้องเสหน้าไปทางอื่นเพียงเบี่ยงสายตา

“โกรธอะไร ใครโกรธมึง...”

“มึงไง”

“กูไม่เคยโกรธมึง” เพื่อย้ำให้มันรู้ เลยหันมาสบตากับมัน

“ไม้ก็บอกแบบนี้...” มันพูดเสียงเบามากจนผมไม่ได้ยิน ผมโน้มตัวลงเพื่อให้หน้าเราใกล้กัน

“มึงว่าอะไรนะ กูได้ยินไม่ชัด”

“ไอ้ห่า เอาหน้าออกไปไกลๆ เลย!” ดิวผลักหน้าผม ไม่ได้แรงมากเพราะผมขยับออกเอง

“ก็กูไม่ได้ยิน”

“ก็ไม่ต้องได้ยินไปสิ ตอนนี้กูหิว...มึงเลี้ยงข้าวด้วย” ง่ายๆ แบบนี้ก็ได้เหรอคนเรา?

ดิวเดินนำไปด้านหน้า เดินดุ่ยๆ เหมือนโกรธอะไรใครสักคนมานั่นแหละ มันไม่ได้รู้เลยว่าผมมีความสุขมากแค่ไหนที่มันไม่เลือกเดินจากไป แต่กลับยอมอยู่ด้วยกันต่อ ผมหุบยิ้มแทบไม่ลงอีกเลย ยกเว้นเวลามันหันมาดู ผมจะทำเป็นนิ่ง มองนู้นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อย กลัวเสียฟอร์มเป็นอะนะ

ดิวเลือกร้านอาหารญี่ปุ่น เจ้าตัวสั่งๆ ไม่เกรงใจคนจ่ายตังค์เลยสักนิดเดียว ผมเองสั่งไปแค่เบนโตะ เดาว่าไอ้ที่ดิวสั่งมันน่าจะกินไม่หมด ผมต้องกินส่วนเหลือนั้นอยู่ดี ดิวเอาถุงเสื้อวางไว้บนโตะ ตานี่จ้องมองอย่างกับมันสามารถพุ่งเข้าไปเห็นด้านในได้

“อยากรู้ว่าคืออะไรก็หยิบออกมาดูสิ” เท้าคางบอกมันยิ้มๆ

“ใครบอกกูอยากรู้ มั่ว...”

“สีหน้ามึงมันบอก เอาออกมาดูเหอะ...กูซื้อมาให้” เวร! ตั้งใจจะบอกว่าแม่ซื้อให้ หลุดไปแบบนี้แม่งต้องเอาเสื้อนี่ไปทิ้งแน่เลย

“มึงเนี่ยนะซื้อให้กู บอกกูอีกทีว่ากูไม่ได้หูฝาดไป”

“อืม กูซื้อมาให้ ลายเสื้อมันหน้าโง่เหมือนมึงดี” เราเอาความปากหมาเข้าสู้ ดิวขมวดคิ้ว มันเมินถุงเสื้อนั้นอย่างสิ้นเชิง

“งั้นกูไม่เอาหรอก เอาไปก็เอาไปทิ้งเปล่าๆ” ลอยหน้าลอยตานักนะ

“เนี้ย มีคนทำดีให้ก็ไม่เอา...อีกหน่อยคงไม่มีใครอยากทำดีให้ละมั้ง” พูดจบผมก็เมินดิวบ้าง หยิบมือถือขึ้นมาเล่น ไม่สนใจอีกฝ่าย ดิวลนลานและคิดหนัก ตัวเองเมินผมได้แต่พอโดนผมเมินบ้างกลับอยู่ไม่สุก

“เออ กูเอาก็ได้ แต่คราวหลังไม่ต้อง เสื้อกูเยอะแล้ว” หึหึ...เด็กโง่

.....100%.....

คนที่แอบรักก็ได้แต่ความขื่นใจนี้เอาไว้~
จุฟๆ.ช่วงนี้เรากำลังอยู่ในเทสกาลย้ายบ้าน อาจมาๆ หายๆ เพราะติดต้องย้ายเน็ต นี่อัปดึกเพราะไปทำความสะอาดบ้านมา ยังไงถ้าหายไปอย่าเพิ่งเทข้าเจ้าเน้อ เดี๋ยวข้าเจ้ามาอีปเช่นเดิมน้า ^^
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 9 - 100% [01/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 01-08-2017 23:19:36
ต้นก็เกิดในครอบครัวที่อบอุ่นแต่ทำไมไม่รู้จักแสดงออกให้เหมาะสม ปากร้ายแถมยังไม่รู้จักแสดงความรู้สึก สร้างกำแพงเองแล้วใครละจะก้าวข้ามไปได้ง่ายๆ  o22 :mew5:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 9 - 100% [01/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 01-08-2017 23:29:31
เริ่มรู้สึกดีแล้วป่ะ ดิว,,,
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 9 - 100% [01/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 01-08-2017 23:40:17
เริ่มดีละต้น เริ่มดีละ ทำดีต่อไป เลิกด่าเค้า

ส่วนดิว เปิดใจกว้างๆมองต้นดูบ้างนะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 9 - 100% [01/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 02-08-2017 12:24:22
อ่านถึงตอนแค่คลิป แต่อยากเมนต์ก่อนนนน จะออกไปข้างนอก


อยากกอดดิวอ่ะ กอดแบบให้กำลังใจ เมื่อไหร่หนูจะเจอคนที่รักจริง ที่ไม่ใช่แค่เปลือกและร่างกาย
ต้นก็นิสัย กวนทรีน แต่เจ็บแทนเลยอ่ะ ยอมเจ็บตัวเพื่อให้เขากลับมาคืนดีกัน คุ้มป่ะ แล้วตัวเองก็มาเสียใจเองงี้อ๋อ 
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 9 - 100% [01/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 06-08-2017 19:26:57
อยากอ่านต่อแล้วครับรบกวนมาต่อด้วยค้าบ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 9 - 100% [01/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: mamaree ที่ 06-08-2017 22:35:59
รออยู่น้าาาา :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 9 - 100% [01/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 08-08-2017 22:01:28
หายเลยเมื่อไหร่จะมาต่อครับ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 10 - 100% [12/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 12-08-2017 19:59:08
>>ตอนที่ 10 [100%]<<

ผมและดิวพยายามกินข้าวกันให้ช้าที่สุด กว่าหนังจะเข้าก็อีกนานเลยครับ มีโทรศัพท์ก็ฆ่าเวลาได้อยู่แต่ของดิวมันแบตหมดแล้ว ผมไม่มีทางเอามือถือตัวเองให้มันเล่นแน่ๆ เดี๋ยวมันจะดอดไปคุยกับไอ้รุ่นพี่มอหกคนนั้นอีก ทีผมอยู่ข้างๆ มันไม่เห็นจะสนใจ ชอบนักนะแหละคนปากหวานน่ะ

เฮ้อ...นึกแล้วก็หงุดหงิด

แต่ต่อให้กินช้าก็ยังต้องออกมาเดินเล่นฆ่าเวลาอีกนานเหมือนกันกว่าหนังจะเข้า ผมพยายามจะเดินตามหลังดิว เพื่อให้มันได้เดินไปในที่ที่มันอยากจะไป เจ้าตัวหันมามองผมเป็นพักๆ เหมือนถามว่าจะไปไหน ผมไม่ตอบ เสหน้ามองไปทางอื่นอีกต่างหาก เจ้าตัวชักสีหน้าหงุดหงิดนิดหน่อยแต่ก็ยอมต่อ เท่าที่สังเกต ดิวไม่มองอะไรเป็นพิเศษ เหมือนเดินไปครุ่นคิดไปมากกว่า

“ไปโรงหนังกัน หนังจะเข้าล่ะ” พอได้เวลา ผมก็เดินไปจับมือดิว เจ้าตัวพยายามยื้อมือออก แต่ผมไม่ยอมปล่อย

“ไม่ต้องจับมือก็ได้ปะ”

“ไม่ได้ เดี๋ยวเด็กหลง” พูดไปส่งๆ ได้ยินเสียงจิ้ปากขัดใจ ดิวไม่ได้รั้งมืออกอีก เดินตามเงียบๆ เหมือนที่เดินกันเงียบๆ มาตลอดนั่นแหละ

ผมฉวยโอกาสจับมือมันตลอด แกล้งขยับเข้าไปใกล้จนตัวแทบจะชิดกันระหว่างเดิน ดิวไม่ได้เอะใจเท่าไหร่นัก มันดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยเปื่อย ไม่มองมาทางผม ก็เข้าใจ ผมไม่ใช่สิ่งเจริญตาสำหรับมัน ก่อนเข้าโรงผมแวะซื้อขนมและน้ำเอาไว้สำหรับกินเล่นตอนดูหนัง ดิวเลือกสาหร่ายและน้ำชา ผมเป็นป๊อปคอนและน้ำอัดลม เราเข้ามาในโรงก่อนหลังเริ่มห้านาที ผมยังไม่ยอมปล่อยมือเจ้าตัวเลย ยึกเอาไว้เป็นหลักประกันว่ามันจะไม่วิ่งหนีไป...ซะเมื่อไหร่ ก็แค่อยากจับมือมันเอาไว้เท่านั้นเอง เป็นกำไรให้ตัวเองเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งดิวก็ไม่ได้ยอมง่ายนักหรอก ก็มีบ้างที่พยายามรั้งมือตัวเองกลับไป หรือด่าผมเบาๆ ไม่ให้เป็นที่สังเกตของคนรอบข้าง แต่ผมหน้าด้านสู้เข้าไว้

เมื่อหนังเริ่มฉาย ไฟถูกดับออกจนหมด ผมแทบจะดึงทั้งแขนของมันมาอยู่ในอ้อมกอด ยื้อกันอยู่พักใหญ่แบบไม่มีเสียง แล้วผมก็เป็นฝ่ายชนะได้แขนดิวมากอดแก้หนาว มันกัดกรามจ้องตาผมแทบถลน ตัวเองคงนั่งดูไม่ถนัดเท่าไหร่นักละมั้ง ผมก็เลยถือโอกาสดันหัวมันมาซบไหล่ ไม่ง่ายแบบ...ดันมาปุ้บซบปั้บหรอกนะ ก็ยื้อกันเหมือนมือมันนั่นแหละ สุดท้ายดิวยอมเพราะเหนื่อยจะต่อต้าน อีกทั้งผู้คนหันมาจ้องเราเยอะเกินไป

หนังก็สนุก คนดูด้วยก็เป็นคนที่เราชอบ...วันนี้ผมได้กำลังวังชามาเยอะเหมือนกันนะ เรียกว่าที่ลงทุนเจ็บตัวเพื่อมันไปตั้งมากายได้คืนเอาก็วันนี้เนี่ยแหละวะ โดนบึ้งตึงใส่ไปบ้างก็ช่างมัน มองข้ามเรื่องแย่ๆ ไปบ้างเพื่อให้เราได้มีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ผมเสพบรรยากาศและมองหน้าดิวมากกว่าหนังที่ฉาย เจ้าตัวอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่แล้ว พอได้ดูก็สนใจแต่หนังไม่ได้หันมาเห็นว่าผมจ้องมันอยู่ เฝ้ามองสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เครียดเอย กดดันเอยหรือแม้แต่มีความสุขกับตัวละคร เป็นช่วงเวลาที่ดิวเป็นตัวของตัวเองและเป็นธรรมชาติที่สุดตั้งแต่อยู่กับผมมาเลยละมั้ง

RrrrRrrrr

ยังไม่ทันได้ก้าวขาออกจากโรงหนัง เสียงมือถือของผมก็ดังขึ้นมาเสียอย่างนั้น ผมหยิบขึ้นมาดูว่าใครเป็นคนโทรเข้า เห็นเบอร์น้องแล้วก็แปลกใจ นี่เกือบจะสามทุ่มแล้ว มันโทรมาทำไมหรือว่าไม่เห็นผมอยู่บ้าน

“ว่าไง” ผมยังคงจับมือดิวเอาไว้ ไม่ปล่อยแม้มันจะทำหน้าหงิกใส่

(พี่อยู่ไหนอะ มารับหน่อยดิ...เหนื่อยวะ ไม่อยากกลับเองเลย) โห นี่ซ้อมกันหนักไปหรือเปล่าวะเนี่ย

“เพิ่งดูหนังจบ เดี๋ยวพี่ไปรับ ที่ยิมป่ะ...”

(ใช่พี่ เร็วนะ ผมอยากอาบน้ำนอนแล้วเนี่ย)

“ใครใช้ให้ซ้อมหนักวะ” ผมพาดิวเดินไปเรื่อยๆ คงไม่เดินเล่นต่อแล้ว ร้านต่างๆ ในห้างก็พากันปิดไปเยอะ

(ก็ผมกลัวพรุ่งนี้ทำได้ไม่ดีอะพี่ นี่ก็เครียดๆ...กังวลชะมัดเลย)

“เออ แต่ซ้อมหนักแบบนี้ระวังร่างกายบาดเจ็บแล้วพรุ่งนี้ลงแข่งไม่ได้นะมึง”

(ไม่ต้องห่วง ผมเซฟอย่างดีหน่า มารับได้แล้ว...เร็วๆ)

“เออ แค่นี้แหละ” ผมกดวางสาย หันไปมองหน้าดิว

“กลับพร้อมกูเลยละกันนะ เดี๋ยวแวะไปรับไอ้ไม้ก่อน มึงหิวปะ...กินไรก่อนไหม” คนตัวเล็กส่ายหน้า

“หิวบ้าอะไร ก่อนเข้าโรงเพิ่งกินไปเอง นี่อย่าบอกนะว่ามึงหิวแล้ว?” ดิวเลิกคิ้ว

“ไม่อะ ห่วงมึงเฉยๆ” ว่าลอยๆ แล้วเดินต่อไปยังที่จอดรถ

“เมื่อไหร่จะปล่อยมือกู” เราเดินมาใกล้จะถึงที่จอดรถผมแล้ว ดิวถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ คงเพราะผมจอดรถไว้ในจุดที่คนไม่ค่อยจอด มันก็เลยวังเวงไม่น้อย

“หวงเหรอของแค่นี้?” หันไปมองหน้า ดิวทำตาดุที่ไม่ได้ดูดุดันเลยสักนิด

“เออ กูหวง” ผมแกล้งบีบมือมันให้แรงกว่าเดิม

“ดี...ยิ่งหวงก็ยิ่งอยากจับ” ว่าแล้วก็ลากมันเดินต่อไวๆ ไปที่รถ

ดิวตั้งใจจะไปนั่งด้านหลัง แต่ผมดุแล้วบังคับให้มันมานั่งข้างๆ ไม่งั้นเราจะไม่ออกไปจากที่นี่ อยู่ค้างแม่งในชั้นจอดรถนี่แหละ ดิวก็เลยยอมแบบโคตรจะจำใจเลย ช่วงค่ำแบบนี้รถราบนถนนเริ่มไม่ค่อยมีเท่าไหร่นัก และห้างนี้ก็ไม่ไกลจากโรงเรียน ใช้เวลาแค่ยี่สิบนาทีผมก็มาถึงโรงยิมที่ไม้ใช้ซ้อมแบดมินตัน ลงไปรับน้องที่นอนแผ่หราอยู่บนพื้นกับเพื่อนๆ

“ช้าอะ...” เจ้าไม้บ่นเบาๆ แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นว่าดิวมากับผมด้วย

“ขยันซ้อมจัง พรุ่งนี้จะแข่งอยู่แล้วหนิไม้” ดิวเดินเข้าไปหาน้องชายผม เขาช่วยกันเก็บของแล้วปล่อยให้ผมยืนมองเฉยๆ

“เรากลัวทำได้ไม่ดี แม่ไปดูด้วยเครียดสุดๆ” ไม้กอดคอดิวเดินมา

“ไม้ทำได้อยู่แล้ว เพื่อนเราเก่งจะตาย” ดิวยิ้มกว้างใส่ไม้ เห็นแล้วเกิดความอิจฉาจนตาร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

“กากจะตาย ไม่เห็นเก่งตรงไหน”

“เอ้า อะไรของมึงเนี่ยไอ้น้น นี่น้องมึงกำลังจะแข่งนะ...แทนที่จะใหกำลังใจ ยังมีหน้ามาปากหมาใส่น้องอีก น่าเบื่อเนอะไม้ คนแบบนี้ไม่น่านับพี่นับน้องเลย” แค่เอ่ยออกไปอย่างกวนตีน ดิวก็สวนกลับมาทันที นี่หาโอกาสด่าผมอยู่แล้วป่ะ ก่อนหน้านี้อยู่ท่ามกลางผู้คนเลยด่าไม่ได้งี้เหรอ เฮอะ!

“เออ พี่แม่งปากเสีย ตบปากตัวเองสิบทีปฏิติบัติ!!” ไม้ออกคำสั่ง ไอ้นี่ก็เป็นไปด้วยกับดิว

“ได้ แต่พวกมึงกลับกันเองนะ” ผมทำท่าจะเดินหนี เจ้าไม้รีบวิ่งมากระโดดกอดคอผมเอาไว้

“ผมล้อเล่น นะนะ..ไม่โกรธน้องนะ” เห็นท่าทางง้องอนแล้วก็ขำ

“เออๆ ไมโกรธ ไปกันได้แล้ว...เหนื่อยแล้วไม่ใช่หรอ” เจ้าไม้พยักหน้า ผมเหลือบตาไปมองดิว เจ้าตัวมองทางเรายิ้มๆ มันมีความขมขื่นและเศร้าหมองอยู่ในนั้น...บ่อยครั้งที่ดิวทำได้แค่มองดูเราสองพี่น้องเล่นกันแล้วซ่อนความเจ็บปวดของตัวเอง ดิวพยายามจะยิ้มให้ พยายามจะไม่คิดอะไร แต่ผมก็พอจะรู้ว่าดิวน่าจะอิจฉาที่ครอบครัวของเขาไม่อบอุ่นเหมือนครอบครัวเรา

ผมกระทุ้งศอกใส่ไม้เบาๆ พยักเพยิดไปทางดิว ไม้หันไปมองก็รู้ทันทีว่าหน้าที่ของตัวเองคืออะไร น้องชายผมวิ่งไปกอดคอดิวเหมือนเดิม แสร้งทำเป็นเหนื่อยแล้วให้ดิวพยุงตัวเองเดินไปตามทาง ผมเลยจำเป็นต้องถือสัมภาระให้น้อง การที่ไม้ไปให้ความสำคัญกับดิวแบบนั้นบ้างจะลดความรู้สึกเป็นส่วนเกินออกไปได้ ผมรู้ว่าไม่ทั้งหมด แต่แค่ได้บ้างมันก็ยังดี ทั้งผม ไม้และแม่ก็พยายามทำแบบนั้นเสมอเมื่อเราอยู่ต่อหน้าดิว ไม่ได้ทำเพราะสงสารหรอกนะ...แต่เพราะแคร์มันถึงได้ทำแบบนั้น

ทว่าการกระทำของคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวมันไม่สามารถเยียวยาจิตใจของดิวได้มากนักหรอก พ่อแม่ของมันยังเมินมัน นั่นคือความเป็นจริงที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับลูกที่เคยได้รับความรักมาก ตอนนี้ไม่เหลือแล้ว...ทั้งพ่อและแม่

มาถึงรถ ไม้ขอให้ดิวนั่งหน้ากับผมเพราะมันอยากจะเอนหลังนอนพักหน่อย ดิวก็เข้าใจ ไม้มันซ้อมมาหนักก็อยากพักเป็นเรื่องธรรมดา ดิวยอมนั่งหน้าง่ายๆ ไม้นั่งหลังได้มันก็เอนหลังนอนราบลงไปทันที บ่นเหนื่อยๆ อยู่นั่นแหละ มือก็กดมือถือไปเรื่อย

“ผมบอกแม่ละว่าดิวไปกินมื้อเย็นด้วย พรุ่งนี้ดิวไปพร้อมเราเลยป่ะ...นะๆ” ที่เอาแต่มือถือนี่คือคุยกับแม่สินะ

“ไม้ไม่ต้องรีบไปเตรียมตัวก่อนเหรอ” ดิวเอี้ยวตัวไปถาม

“รีบดิ แต่เราจะไม่ยอมรีบคนเดียวไง ทุกคนต้องรีบไปพร้อมกับเราเลย” ไอ้ตัวดียิ้มแฉ่ง

“เลว” ผมด่าสั้นๆ

“เออ ผมเลว...มีไรป่ะครับคุณพี่ชายผู้แสนดี” นั่น มีแดกดันกันด้วย

ผมจับดิวเอาไว้ก่อนจะเบลกแรงๆ หนึ่งที เจ้าไม้ที่นอนอยู่บนเบาะถึงกับกลิ้งตกลงมาร้องโอดโอย ดิวตกใจ แต่พอมันรู้ว่าผมแกล้งน้องตัวเองมันก็หัวเราะเยาะคนเจ็บด้านหลัง ไม้ด่าเป็นชุด แต่พอเห็นว่ามันทำอะไรผมไม่ได้มันก็ดราม่าใส่ดิว หวังให้ดิวช่วยโจมตีผม ดูยังไงมันก็แกล้งอะ ดิวเองก็ดูรู้ มันแหน็บเนมไม้อยู่สองสามประโยคแล้วหันมาด่าผม ไม้มีพวกแล้ว....

เราโต้เถียงกันจนกระทั่งมาถึงบ้าน ลงรถแล้วก็ยังไม่ยอมหยุด ไม้นี่วิ่งโล่ไปฟ้องแม่ก่อนเพื่อน ผมยิ้มระรื่น อารมณ์ดีที่เห็นน้องงอแงเหมือนเด็กไม่รู้จักโต แต่ที่ทำให้ผมอารมณ์ดีมากจริงๆ คือดิวมันหัวเราะมาตลอดทางเลยต่างหาก

รอยยิ้มของมันคือต้นกำเนิดความสุขในวันนี้เลยล่ะ...

มื้อค่ำแม่ไม่ได้กินด้วย แต่ก็นั่งเล่นอยู่กับเด็กๆ อย่างเราสามคน ช่วยน้องซ้ำเติมผม ตอนนี้กลายเป็นผมโดนรุมต่อว่าอยู่คนเดียว ไม่น้อยใจหรอกไม่ต้องห่วง ต้นคนนี้ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ความกวนตีนมีมากพอจะทำให้ไม้และดิวหัวเสียได้ไม่ยาก มีแค่แม่คนเดียวที่ไม่หัวเสีย กลับหัวเราะเอิ้กอ๊ากสนุกดีด้วยซ้ำไป ก็นี่ไม่ใช่สงครามของแม่ แต่เป็นสงครามของผมกับเด็กน้อยทั้งสองนี่นา

กินเสร็จ ดิวอาสาล้างจานกับแม่ ปล่อยให้ผมกับไม้ไปอาบน้ำอาบท่า ไม้จะขอตัวนอนก่อนเลย แต่ผมนี่รีบอาบแล้วลงมาข้างล่าง กลัวไม่ทันดิวกลับบ้านก่อน ดีที่ดิวยังยืนล้างจานอยู่กับแม่ผมในครัว ผมนั่งเล่นรออยู่ห้องโถง

“อ่าว แม่นึกว่าเราจะนอนเลย” พอแม่ยังเห็นผมนั่งเล่นอยู่ก็เอ่ยทัก

“ต้นยังไม่ง่วงอะแม่ วันนี้นอนไปเยอะเหมือนกัน” อันนี้ไม่ได้โกหกนะ ผมนอนเยอะแล้ว วันนี้น่าจะนอนดึกอยู่แหละมั้ง

“งั้นไปส่งน้องด้วยนะ แม่ขึ้นห้องก่อน มีงาน”

“ครับแม่”

“ฝันดีนะครับคุณน้า ขอบคุณสำหรับอาหารอร่อยๆ ด้วย...อิ่มตื้อเลย” ดิวยิ้มหวานส่งให้แม่ ซึ่งแม่ผมก็ยิ้มตอบก่อนจะดึงดิวมากอด

“หนูก็ฝันดีนะลูก” แม่จูบหน้าผากดิวเบาๆ มันหน้าแดง ก้มหน้าเขินๆ กล่าวขอบคุณแม่เสียงเบา

แม่ยีหัวดิวเล็กน้อยก่อนจะแยกขึ้นชั้นสอง เหลือแค่ผมกับมันสองคนแล้ว ผมมองไปที่ถุงเสื้อ หยิบแล้วลุกขึ้นยืน มันคงไม่มานั่งเล่นอยู่ด้วยกันหรอก ท่าทางแบบนั้นพร้อมกลับบ้านตัวเองแล้วล่ะ

“ปะ กูไปส่ง”

“ไม่ต้อง” ชะงักเท้าทันที

“อย่าดื้อดิ้ไอ้เด็กโง่”

“มึงอะอย่าเสือกไอ้ปากหมา” ดูปากมัน น่าน่าโดนสักทีจริงๆ วะ

“อย่าทำให้กูอารมณ์เสียหน่าดิว ปะ...กูไปส่ง” ถือวิสาสะเดินไปจับมือมันมาจูง เจ้าตัวพยายามรั้งมือตัวเองออกเหมือนทุกครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จเหมือนทุกครั้งนั่นแหละ

เวลาแบบนี้อยากให้บ้านมันอยู่ไกลสักหน่อยจัง ผมจะได้เดินอยู่กับมันแบบนี้ไปเรื่อยๆ ขนาดเดินเล่นด้วยกันมาแทบทั้งวันยังไม่รู้สึกพอเลยด้วยซ้ำ ผมเดินเข้าไปส่งมันยันหน้าห้อง ทำหูทวนลมทุกคำคัดค้านการเข้าออกบ้านมันเหมือนบ้านตัวเอง ตีมึนเข้าไว้ ต้นหน้าด้านถ้าอยากจะทำอะไรอยู่แล้ว

“ล็อกห้องดีๆ ละ” ผมยัดถุงเสื้อยืดใส่มือดิว

“ยุ่ง ไปไหนก็ไปเลยไป” รีบไล่กันจังเนอะ

ผมทำเป็นไม่ได้ยินเสียงขับไล่ ตีมึนมองหน้ามันนิ่ง แค่ครู่เดียวดิวก็มีท่าทีลนลาน เหมือนเกร็งไปหมดไม่รู้จะทำอะไรดีหากโดนจ้องตาไม่กระพริบอย่างนี้ เห็นแล้วก็น่ารักดีอะ ผมอาศัยจังหวะที่มันเหลือบตาไปทางอื่น อ้าปากเตรียมไล่อีกรอบ ผมโน้มหน้าเข้าไปจูบปากเล็กนั่นเร็วๆ ดิวผงะหน้าเหวอ ต่างจากผมที่ยิ้มแก้มปริ

“ฝันดี...”

“ไอ้...!!!” ผมเดินลั้นลาลงมาก่อนที่มันจะด่าผมสาดเสียเทเสีย ไม่อยากฟังคำด่า...ผมจะเก็บเอาความนุ่มนิ่มของริมฝีปากมันไปฝันดีในคืนนี้ อย่างน้อยวันนี้เราก็มีเรื่องดีให้ชื่นใจอยู่บ้างละเนอะ

.....100%.....

มาแล้วๆ ขออภัยที่หายหัวไปนานมาก! เรารอเน็ตมาติดอยู่ คือย้ายบ้านใหม่แล้วเน็ตมือถือกากเกินจะแชร์เพื่ออัปนิยาย แฮ่ๆ ขอโทษจริงๆ จะมาบ่อยๆ แล้วไม่ต้องห่วง ^^
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 10 - 100% [12/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 12-08-2017 20:34:06
โอเคต้น เอ็งเริ่มดีละ 55555
จงทำดีต่อไป ชอบก็จีบ มันต้องอย่างเงี้ยยยย
ไม่ใช่ไปด่าเขา ถึงดิวจะน่าโดนด่าแค่ไหนก็เถอะ 55555

หนูดิว เปิดใจให้พี่ต้นนิดนึงนะลูกกกกก
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 10 - 100% [12/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 13-08-2017 11:25:49
เริ่มดีขึ้นละนะ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่,,,
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 10 - 100% [12/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 14-08-2017 12:18:48
ชอบตอนนี้จัง รู้สึกหัวใจชุ่มชื่นเหมือนที่พี่ต้นรู้สึก มันก็ดีนะ....ที่ได้กวนตีนเค้า ได้ลองเห็นแก่ตัวบ้างเพื่อที่ตัวเองจะได้มีแรงชอบเค้าต่อ ดีอ่ะ ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ เขินๆ -////-  :-[ :-[ :-[ :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 10 - 100% [12/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-08-2017 17:40:12
ดี รู้จักรุกเข้าหาบ้างแล้ว
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 10 - 100% [12/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 14-08-2017 17:59:00
อยากให้ไม้กล้าๆแบบนี้ทุกตอนเลยย

หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 11 - 100% [14/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 14-08-2017 22:11:13
>>ตอนที่ 11 [100%]<<

ผมปิดบ้านให้ดิว ดูว่ามันแน่นหนาพอแล้วถึงได้เดินกลับมาที่บ้านตัวเอง ปิดบ้านให้เรียบร้อยเหมือนกับที่ทำให้ดิวนั่นแหละ ขึ้นมาที่ห้องตัวเองก็มองไปยังห้องดิว ไฟที่ยังเปิดทำให้รู้ว่าเจ้าตัวยังไม่นอน อาจจะอาบน้ำอยู่ หรือกำลังเตรียมตัวไปอาบน้ำอะไรแบบนั้น ถึงมันจะปิดม่านเอาไว้แต่ม่านมันไม่ทึบถึงขนาดมองเงามันไม่เห็น ผมเดินไปลากเก้าอี้มานั่งมองมันริมหน้าต่าง

ประมาณครึ่งชั่วโมง ไฟห้องดิวก็ดับ ความรู้สึกของผมบอกว่ามันน่าจะยังไม่นอน อาจจะเล่นมือถืออยู่ก็ได้ ช่างมันแล้วกัน...อย่าไปนึกถึงมากนักเลย อะไรปล่อยผ่านได้ก็ปล่อยไป หากสิ่งนั้นสร้างความรู้สึกแย่ให้กับเรามากจนเกินไป

ผมนั่งมองหน้าต่างห้องตรงข้ามอีกสักพักก็ย้ายตัวเองไปนอนเล่นบนที่นอนบ้าง ผมไม่ใช่คนหลับง่ายนัก ต้องพลิกตัวไป พลิกตัวมาอยู่นานกว่าจะหลับได้ ตอนเช้าเสียงของไม้ดังลั่นบ้าน แม่ตื่นแล้วมันก็เลยปลุกผมแบบนี้ได้ ผมละอยากจะเขกหัวมันแรงๆ สักที ปลุกอะไรเสียงดังขนาดนั้น ผมจำใจลุกจากที่นอนทั้งที่อยากจะนอนต่ออีกสักครึ่งชั่วโมง ไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมากินข้าว ภาพโต๊ะอาหารวันนี้ทับซ้อนกับเมื่อวาน ดิว ไม้ แม่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“พี่มาคนสุดท้าย มาเสิร์ฟข้าวเสิร์น้ำให้พวกเราเสียดีๆ” เจ้าไม้วางอำนาจทันที แม่ก็นั่งยิ้ม

“เห็นแก่วันนี้มึงแข่งนะ...” ผมชี้หน้าไม้คาดโทษ นี่ถ้าวันนี้มันไม่ได้แข่งผมจะเขกหัวมันจริงๆ

ดิวคุยกับไม้บ้าง เล่นมือถือบ้าง เห็นว่าตอบแชตใครสักคน ผมเหลือบมองเป็นระยะๆ จนไม้มันรู้สึกได้ถึงได้เหลือบมองดิวบ้าง มีแค่แม่เท่านั้นที่ไม่รู้เรื่องอะไร หรือรู้แต่ทำเป็นไม่รู้อันนี้ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่

“คุยกับใครอะดิว” ไม้เอ่ยถาม เห็นว่าผมอยากเสือกก็เลยถามให้อะสิ ดีมากไอ้น้อง แบบนี้ค่อยน่าตักข้าวเสิร์ฟให้หน่อย

“พี่ชินไง รุ่นพี่มอหกโรงเรียนเราอะ เราชวนพี่เขาไปดูแบดด้วย เขาก็เลยถามว่าเราจะออกไปหรือยังเขาจะได้ออกจากบ้าน” ดิวเล่าให้ไม้ฟังแบบไม่ปิดบัง ชั่วแว้บหนึ่งไม้หันมามองผมด้วยสายตาเห็นใจ

“อ่อ เขารุกดิวเต็มที่เลยสิ” ดีมากน้อง ยิงคำถามเข้าไปอีก ส่วนแม่ผมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น น่งกินข้าวเงียบๆ แต่ก็มีเหลือบมอง

“ก็...ประมาณนั้น” ดิวหน้าแดงหน่อยๆ เพิ่งเลิกกับโอมแต่จะมีคนใหม่แล้ว

“อ่า...” ไม้ไม่พูดต่อ ผมเริ่มมาคุหน่อยๆ แต่แม่ก็ชวนคุยขึ้นมาทำให้บรรยากาศเช้านี้ไม่แย่นัก

วันนี้เราไปรถคันเดียว เอารถผมไปแล้วผมก็เป็นคนขับ ดิวกับไม้นั่งหลัง แม่นั่งหน้า แม่ผมนี่ตื่นเต้นที่จะได้ไปดูลูกแข่ง มีการพูดจาทับถมผมเล็กน้อยที่ผมไม่เคยเล่นกีฬาอะไรที่เอาดีได้เลยสักทาง เล่นแค่ผ่านๆ แล้วก็จบไป เอาสนุกไปวันๆ เท่านั้น ก็ผมไม่ชอบนี่นา...จะให้ทำยังไงได้ละจริงไหม

โรงเรียนวันนี้คนเยอะเป็นพิเศษ เพราะเป็นการแข่งขันระดับเขต ตอนเลี้ยวรถเข้ารั้วโรงเรียน ดิวก็โทรคุยกับรุ่นพี่มอหกคนนั้นเพื่อถามว่าอยู่ไหน มันมาถึงแล้ว ไม้คุยอยู่กับแม่ ส่วนผมมีสมาธิอยู่กับการเสือกฟังเรื่องของดิวเงียบๆ หาที่จอดรถได้ไม้ก็ขอตัวออกไปก่อน แต่ไม่วายบอกตำแหน่งที่นั่งดีๆ ให้ดิวพาผมและแม่ไป คือบอกผม ผมก็ไม่รู้เท่าดิวที่เรียนอยู่ที่นี่อะครับ

“คนเยอะน่าดู เจ้าไม้จะตื่นเต้นจนทำไม้แบดหล่นไหมเนี่ย” แม่พูดติดขำ ขณะเดินไปด้วยกัน ผมจับมือแม่เอาไว้ ไม่ได้กลัวแม่หายแค่อยากจับเหมือนที่ผมอยากจับมือดิวนั่นแหละ

มาถึงหน้ายิมขนาดใหญ่ ดิวก็โบกมือทักทายใครบางคน ผมมองตามสายตา ชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาออกไปทางลูกครึ่ง ผมสีน้ำตาลอ่อนและมีดวงตาสีเดียวกับเส้นผม เขาหล่อและน่าจะอายุไม่มาก นี่อาจเป็นชินที่ดิวพูดถึงก็ได้ เขาคนนั้นเดินเข้ามาทางเรา ยกมือไหว้แม่และผมก่อนจะทักทายดิว

“นี่พี่ชิน รุ่นพี่มอหกผมครับ ส่วนนี่คุณน่าลีลาแม่เพื่อนผม และนี่พี่ต้น...พี่ชายเพื่อนผม” ดิวเดินไปหยุดข้างมันแล้วแนะนำกันและกันให้รู้จัก

ผมไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่ ติดใจคำว่า ‘พี่ต้น’ แค่คำเดียวเท่านั้น ร้อยวันพันปีไม่เคยได้ยินคำนี้ พอจะมาได้ยินก็ต้องมาไม่ได้ยินตอนมันแนะนำให้ว่าที่แฟนคนใหม่ของมันรู้เสียอย่างนั้น ไม่รู้ว่าควรรู้สึกแบบไหนดี จะดีใจก็ไม่ใช่ จะเสียใจก็ไม่เชิง แต่ที่แน่ๆ ผมหงุดหงิด

แม่คุยกับชินและดิวอย่างเป็นกันเอง บอกให้ชินเรียกน้าหรือเรียกแม่ก็ได้ตามใจ ซึ่งไอ้เด็กนั่นเรียกน้าตามดิว สายตาเจ้าเล่ซุกซนคอยลอบมองดิวอยู่ตลอดเวลา ชินเป็นเด็กที่นับว่าตัวสูงใหญ่ไม่ใช่เล่น สูงกว่าผมด้วยซ้ำมั้งเนี่ย...อนาคตมันคงเท่าเสาไฟฟ้าอะ ผมได้แต่มองด้วยความชิงชัง เกลียดขี้หน้ามันไม่มีเหตตุผล เพราะมันเป็นอริทางใจล่ะมั้ง ก็เลยไม่ชอบทั้งที่น้องมันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย

ก็เหมือนที่ผมไม่เคยชอบคนที่เข้ามาคบกับดิวสักคนนั่นแหละ...เกลียดแม่งหมด ลึกๆ นี่อิจฉาด้วยซ้ำ ผมอยากเป็นคนนั้นแทนที่พวกมันทุกตัวเลย แถมทุกตัวที่ว่าก็มีแต่ทำให้ดิวร้องไห้เสียน้ำตาทั้งนั้น แต่คนที่ผมอยากกระทืบมีแค่โอม ไอ้แมทแฟนเก่านี่ไม่เท่าไหร่...โอมมันกระทืบผมไง มันกวนตีน เกลียดขี้หน้ามัน ดีแล้วที่เลิกกับดิวได้ แต่จะดีมากถ้าดิวโสดนานกว่านี้อีกหน่อย ยังไม่พ้นวันเสือกมีคนใหม่มาดามใจ

ดิวเดินนำเข้าไปที่แสตนด์ มันคุยกับแม่ผมและพี่ชินของมันระริกระรี้ เห็นแล้วหมั่นไส้ฉิบหาย อยากจะปล่อยมือแม่แล้วเดินเข้าไปจับมันเหวี่ยงออกห่างกัน ไม่ต้องเดินชิดกันขนาดนั้นก็ได้เหอะ พื้นที่มีตั้งเยอะ ถ้าจะไหล่ชิดไหล่ขนาดนั้นไม่สิงกันเลยละวะแม่ง

ไม่ดีๆ...อย่าคิดอกุศล เพราะเดี๋ยวแม่งจะเป็นจริง คนที่ผ่านมาเจาะดิวง่ายจะตาย ไอ้นี่ถ้าได้คบดิวอีกมีหวังใช้เวลาไม่นานผมก็ได้เห็นเงาเลือนรางผ่านหน้าต่างอีกเช่นเคย ผมต้องหันเหความสนใจไปที่อื่น เอาใจตัวเองออกจากตรงนี้ไม่งั้นผมจะเหวี่ยงคนใกล้ตัวได้

แต่ผมจะทำมันได้นานเท่าไหร่กันเชียว...

ความอดทนของผมไม่ได้มากมายขนาดนั้นเสียด้วยสิ ดูจากการต่อปากต่อคำกับดิว ผมพูดดีได้ไม่เกินสองประโยค พอมันสวนด้วยคำพูดไม่ดีมาผมก็ไม่อดทนอีก ปากไวกว่าสมองด้วยซ้ำในช่วงเวลาแบบนั้น ผมมองแม่แล้วมองดิวสลับกัน...บางทีแม่อยู่ผมอาจจะมีความอดทนมากขึ้นก็ได้นะ

ไม่นานการแข่งขันคู่แรกก็เริ่มต้นขึ้น ผมมีเป้าหมายเป็นการจับจ้องนักแข่งแทนที่จะเป็นดิวกับชินที่นั่งอยู่ข้างแม่ พวกเขากระซิบกระซาบกัน ป้องปากคุยกันและยิ้มแย้มให้แก่กัน มันเป็นภาพที่เจ็บปวดสำหรับผมครับ...ดีที่ไม่มีเสียงอ่อนเสียงหวานใกล้หู ไม่งั้นผมคงอาละวาดใส่พวกเขาทั้งคู่ แม่นั่งกุมมือผมเอาไว้ ช่วงเวลาที่เหลือบหันไปมองคู่นั้น ผมรู้สึกว่าแม่ลูบมือผมเบาๆ คล้ายปลอบโยน...

แม่คงไม่รู้หรอกเนอะ...ไม่หรอก ผมคิดไปเองเท่านั้นแหละ

การแข่งขันดำเนินไปแบบไม่มีพักหยุด แข่งพร้อมกันสามคู่ ลงแน่นทุกคอร์ดเพื่อให้การแข่งขันสามารถสิ้นสุดได้ภายในวันนี้ ส่วนผู้ชมอย่างเราๆ ถ้าหิวก็ต้องไปหาซื้ออะไรมานังนั่งเชียร์ที่เดิมเอา แต่เหล่ากรรมการและทีมงานเขามีคนพลัดเปลี่ยน ตอนเที่ยงผมเป็นคนไปซื้อข้าวมาฝากแม่และดิว โดยมีชินไปช่วยกันถือ ไม้กินกับพวกนักกีฬา อาหารการกินน้องผมดีกว่าเราสองแม่ลูกตรงนี้มาก

เจ้าชินเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใสและน่ารักไม่เบา เขาชวนผมคุย ถามนั่นถามนี้ อย่างผมเรียนอะไร เรียนมอไหน แล้วที่นั่นดีไหม อยากเข้าเหมือนกัน เผลอรู้สึกผิดที่ไปเกลียดขี้หน้ามัน แต่นึกถึงเวลาที่มันจับมือดิวแน่นแล้วส่งเสียร้องเชียร์ด้วยกัน ผมก็เกลียดมันอยู่เหมือนเดิม ต่อให้อัธยาศัยดีแค่ไหน แม่งจีบคนที่เราชอบมันเหม็นขี้หน้าทั้งนั้นแหละ ผมไม่ได้แสดงอะไรออกไปมากมาย ไม่อยากทำให้น้องมันรู้สึกแย่กับผมที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก

เจ้าไม้เอาชนะมาได้เรื่อยๆ จนถึงรอบตัดเชือกวัดที่หนึ่งหรือสอง ตอนนี้แม่และผมลุ้นกันมากว่าน้องจะสามารถคว้าที่หนึ่งมาให้เราได้ไหม เรียกว่าทุกการตบแทบหยุดลมหายใจเลยก็ว่าได้ ดิวและชินเองก็เชียร์น้องผมสุดตัวเช่นกัน แต่แล้ว...ที่หนึ่งก็หลุดมือน้องผมไปอย่างน่าเสียดาย เจ้าไม้แพ้แบบเฉียดฉิวมากๆ แต่ก็ไม่เป็นไร มันมาถึงขนาดนี้ได้ก็นับว่าเก่งมากแล้ว ผมและแม่ภูมิใจในตัวมันโคตรๆ

หลังรับรางวัล แม่รีบปรี่เข้าไปกอดและหอมแก้มเจ้าไม้เป็นใหญ่ ผมเดินตาม ล้วงกระเป๋ามองหน้าน้องยิ้มๆ มันเองฟัดแม่ไม่ปล่อย ถึงเจ้าตัวจะพลาดที่หนึ่งไป แต่มันก็ไม่เศร้าโศกเสียใจ การแข่งครั้งแรกของมันได้เป็นถึงรองแชมพ์ระดับเขต ไม่ธรรมดานักหรอกนะ ดิวก็เข้ามาชื่นชมกับสิ่งที่น้องผมทำได้ พวกเขาพูดคุยกันอย่างอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส่กันมาก

คงมีแค่ผมคนเดียวที่สังเกตเห็นมือของดิวและชินกุมกันอยู่...

และก็มีแค่ผมคนเดียวที่รู้สึกเศร้าในเวลานี้...

“เดี๋ยวต้นไปเข้าห้องน้ำก่อนนะแม่” ผมไม่อยากมองดูพวกเขาต่อไป ก็เลยขอเวลาไปพักหายใจหายคอเสียหน่อย

ผมไม่รู้ว่าห้องน้ำที่นี่มันไปทางไหน เดินสุ่มไปเรื่อยๆ เจอที่ปลอดคนก็ยืนพัก แทนที่จะไปห้องน้ำ ก็ไม่อยากทำธุระอะไร...แค่อยากสงบจิตใจตัวเองนิดหน่อย เดี๋ยวปากเสียทำงานเฉลิมฉลองของน้องผมพังไม่มีชิ้นดีเปล่าๆ

อีกอย่าง...ที่รู้สึกแย่ขนาดนี้ก็เพราะผมเห็นมันสวีตกันทั้งวันแล้วน่ะสิ!

“อื้อ...พี่ชิน” ผมสะดุ้งโหยง เผลอยืนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยดันได้ยินเสียงครางเบาๆ ออกมา ที่ผมยืนน่าจะเป็นหลังอาคาร มันมีมุมเงียบหลายมุม และเสียงนี้ก็มาจากมุมไหนสักมุมละมั้ง

ผมลองสอดส่ายสายตาดู ตรงมุมตึกมีร่างสองร่างกำลังกอดกัน คนตัวเล็กที่ยืนติดกำแพงเป็นดิวชัดๆ ชินค้ำมือทั้งสองข้าง กักขังดิวเอาไว้พร้อมทั้งป้อนจูบดูดดื่มให้กับคนตัวเล็ก นี่พวกมึงเพิ่งจะมาคุยกันจริงจังไม่ใช่เหรอ...ดิวเพิ่งเลิกกับแฟนเมื่อวานไม่ใช่หรือไง

ไอ้...โอ้ย หงุดหงิด ดิวแหงนหน้ารับจูบนั้นอย่างว่าง่าย ดวงตาปรือปรอยมองหน้าชิน แม่งเคลิ้มน่าดู...มีความสุขกันมากเลยล่ะสิ หรือว่าอดทนอยากดูดปากกันมานานแล้วถึงได้ดูโหยหากันขนาดนั้น

ผมเดินลิ่วๆ เข้าไปหาทั้งคู่ ไม่ใช่พวกหน้าบางพอที่จะเห็นคนที่ตัวเองชอบจูบกับคนอื่นแล้วจะวิ่งหนี กลับกัน...ผมหงุดหงิดก็เลยสาวเท้าเข้ามาป่วนพวกแม่งที่นี่นี่แหละ ผมหยุดอยู่ไม่ไกล ดิวเหลือบตามองมาทางนี้พอดี มันสะดุ้งนิดหน่อยแต่ก็ไม่หยุด

สายตาท้าทายของมันทำให้ผมเป็นฝ่ายหยุดเสียเอง ดิวตอบสนองกลับอีกฝ่ายดุเดือดขึ้น ไม่ใช่แค่จูบ แต่ตอนนี้เริ่มจะลูบไล้ร่างกายกันและกัน คิดจะเยาะเย้ยเหรอ...คิอจะท้าทายผมมากนักใช่ไหม ได้...ได้เลยดิว!

“เฮ้ย...นี่โรงเรียนนะ” ผมตรงเข้าไป ตะคอกเสียงเข้มเพื่อหยุดการกระทำของมัน ชินผงะ มันหันมามองผมแล้วก็ยิ้มแหย

“เสือกอะไรละต้น ไม่ใช่เรื่องของมึง” ดิวปากดี

“เอ่อ...ผมขอโทษครับ” ชินขอโทษอายๆ

“ขอโทษมันทำไมพี่ชิน ไม่ต้องไปสนใจหรอก...ไอ้นี่มันปากหมา ชอบเห่าชอบหอนก่อกวนคนอื่นเขาไปเรื่อยแหละ” ชินหน้าเหวอ ก็เมื่อเช้าดิวยังแนะนำผมว่าพี่อยู่เลย

‘แรด!’ ผมขยับปากด่าดิวตอนที่ชินหันไปมองหน้าดิวอย่างไม่เข้าใจ

“เสือกอะไรละ” ดิวตอกกลับทันที

“อืม...ก็ไม่อยากยุ่งนะครับ พี่แค่เห็นว่ามันไม่เหมาะ ห้องน้องดิวว่าง ไม่พาพี่ชินของน้องดิวไปทำที่ห้องละครับ ดีกว่านะ ไม่อนาจารณ์สายตาใครด้วย” ผมยิ้มหวานให้ดิวก่อนดันชินออกห่างเล็กน้อย

“เปิดม่านด้วยนะ...พี่อยากดูหนังสด” ผมกระซิบเสียยงแผ่วใส่หูคนตัวเล็ก เสร็จก็ยิ้มให้ชินแล้วเดินออกมา

เดินออกมาได้ครึ่งทาง ผมก็ต้องปรับสีหน้าที่เครียดขมึงของตัวเองให้มีรอยยิ้มเข้าไว้ น้องกับแม่กำลังมีความสุข ผมจะแบกความเจ็บช้ำนี้เข้าไปหาพวกเขาไม่ได้ ถึงมันจะยากและทรมานข้างไหนแค่ ก็ต้องอดทน ผมมันโชคร้ายเองที่ดันไปเห็นภาพนั้นเข้า ถ้าผมไม่เห็นจะๆ คาตา มันก็จะไม่ทำร้ายผมมากขนาดนี้

“ดิวอะพี่” มาถึงไม้ก็ถามหาเพื่อนตัวเอง แต่ผมไม่ทันได้ตอบ คนที่ถูกถามหาก็เดินจับมือกับแฟนใหม่มาพอดี

“มาพอดีเลย ปะ...เราไปฉลองให้กับความพ่ายแพ้ของน้องกัน” แม่พูดติดตลก ผมที่เครียดอยู่ขำออกมาเล็กน้อย ไม้หน้าบึ้ง งอนแม่ยกใหญ่ ดิวจ้องหน้าเอาเรื่องผม แต่ผมไม่เหลียวแลมัน

ชินถูกลากมาด้วย เป็นแขกที่ไม่ได้รบเชิญแต่ได้รับการต้อนรับจากแม่และน้องที่เป็นมิตรอย่างดี ผมเงียบกว่าปกติ ไม่พูดไม่จาอะไร ยิ่งอยู่ในรถ แม่ถามดิวว่าคบกันเหรอ...ผมยิ่งพูดไม่ออก คำตอบคือใช่ พวกเขาคบกันแล้ว วันนี้เอง แม่ว่าอย่างนี้ยิ่งต้องฉลอง แต่ไม่ได้ดูหน้าลูกแม่คนนี้เลยว่าอยากฉลองให้กับความรักของดิวไหม

แม่ให้เราทั้งหมดไปฉลองที่ร้านของแม่ อยากกินอะไร กินมากแค่ไหนแม่จะเลี้ยงเองทุกอย่าง ทุกคนตื่นเต้นและดีใจมาก โดยเฉพาะแขกที่ไม่ได้รับเชิญ แม่งยิ้มหน้าบาน กุมมือกับดิวอย่างกับว่าปล่อยมือแล้วดิวแม่งจะปลิวออกจากรถไป ผมต้องเก็บความหมั่นไส้เอาไว้ ไม่ให้หลุดออกมาจากปากแม้แต่คำเดียว ก็เลยกลายเป็นนั่งหุบปากเงียบคล้ายกัดฟันไปตลอดทาง

“ไหวปะวะพี่ชาย...” ไม้แอบกระซิบถามเมื่อเรามาถึงร้านและกำลังเดินเข้าไปด้านในกัน ผมส่ายหัว

“อยากกลับบ้าน” ผมตอบสั้นๆ ไม้ตบบ่าก่อนจะกอดคอ

“งอแงเป็นเด็กเลยวะ ผมจำได้ว่าเคยงอแงอยากกลับบ้านตอนอนุบาล...” พูดแบบนี้ต้องกินมะแหงกสักที

“คนละความรู้สึกกันปะวะ” ไม้ลูบหัวตัวเองป่อยๆ

“คล้ายกันแหละ” มันไม่คล้ายเลยสักนิด

แม่ให้ลูกน้องเลือกมุมร้านเงียบสงบให้เด็กๆ ส่วนตัวแม่เองทำหน้าที่เป็นพนักงานจดออเดอร์ ผมละอยากจดแทนมาก แต่แม่ก็ให้ผมสั่งอาหารได้ตามใจ ที่เหลือแม่ผมจัดการเอง วันนี้เป็นการฉลองให้เด็กๆ ทั้งที ผู้ใหญ่ต้องเป็นฝ่ายออกโรง ตรรกะอะไรของแม่ก็ไม่รู้ ว่าไม่มีใครกล้าขัดความต้องการของแม่ผมสักคน ยิ่งเจ้าไม้นี่วางมาดเป็นแม่งานเลยด้วยซ้ำ มันสั่งแต่ของโปรดมันทั้งนั้น ดิวและชินเองก็ด้วย ส่วนผม...คือมันสั่งกันเยอะแล้ว ผมก็เลยไม่เอาอะไรสักอย่างเดียว

เด็กวัยเดียวกันเริ่มบทสนทนากันไปตามประสา ผมเอาหูฟังมาเสียบแล้วเข้าเกม เล่นเกมฆ่าเวลามันไปนี่แหละ ไม่ต้องฟังดิวและชินมันสวีตกันด้วย แถมจะไปปากหมาเหมือนทุกทีเดียวก็เกิดเรื่องแบบคราวที่แล้ว ครั้งนี้อาจแย่กว่าเพราะทำให้งานฉลองของน้องชายผมแกร่ว

“พี่...” เล่นไปได้เกมเดียว ไม้ก็ดันมาดึงหูฟังผมออก

“อะไร?”

“ชินถามว่าพี่มีแฟนไหม...” ไม้พยักหน้าไปทางคนรอคำตอบ เจ้าตัวยิ้มเป็นมิตรส่งมา ผมมองมันสลับกับดิว

“ไม่มี คนที่ชอบเขาไม่ชอบกะ...ตอบ” เกือบหลุดกู ไม่ใช่เวลารักษามารยาทแต่ก็ไม่ควรพูดกูมึงเท่าไหร่

“อ่า แย่เลยสินะครับ แอบรักเขาข้างเดียว...มันรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่เลย” ชินมันพูดแล้วมองหน้าดิว ทำเอาคนถูกมองเขินหน้าแดง ถุยเถอะ...มาหยอดหวานกันตรงหน้ากูอีก เล่นเอาคำตอบกูไปหยอดเสี่ยว น่าหงุดหงิดฉิบ!

.....100%.....

ชื่นใจไปได้ตอนเดียว ช้ำใจอีกล่ะ...ทำใจเหอะ อนาถใจแทน เฮ้อ~
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 11 - 100% [14/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 14-08-2017 22:59:35
ไหวมั้ย ไม่ไหวเปลี่ยนตัวเหอะครับ,,,
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 11 - 100% [14/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 14-08-2017 23:06:37
สงสารต้นอะ ต้องทนไปจนเมื่อไหร่ ตัดใจเถอะ จริงๆ
ดิวตกลงคบกับคนอื่นง่ายมาก ยอมเค้าง่ายมากๆ

ต้น ถอยทัพเหอะ เขาไม่มีทางรักเอ็งแหงๆ
ดีเท่าไหร่ก็คงไม่เข้าตาอะดูท่าทาง

เมื่อตอนที่แล้วยังเชียร์อยู่เลยอะ 5555
นี่บอกให้ถอยทัพแล้วอะ
คนอ่านจะเป็นไบโพลาร์แล้วค่าาาาา

เปลี่ยนนายเอกก็ได้นะ เรายอม 55555555 เหมือนจะเชียร์ดิวให้เจอคนที่รักจริงไม่ไหวละอะ เง้ออออออ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 12 - 100% [16/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 16-08-2017 22:19:59
>>ตอนที่ 12 [100%]<<

“พี่ชินอะ...ตอนนี้ก็สมหวังแล้วนี่ครับ” ดิวมองหน้าชินเขินๆ ส่วนผมได้แต่เสหน้าไปทางอื่น ไม้วางมือบนบ่าผมเพื่อให้กำลังใจตามประสาพี่น้อง ผมพยักหน้าให้เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร

“ถ้าดิวไม่โสดก่อนพี่จะสมหวังก่อนเรียนจบไหมก็ไม่รู้ จริงๆ พี่แอบขอบคุณความโชคร้ายที่ดิวโดนทิ้ง ดิวไม่โกรธพี่ใช่ไหมครับ” ดิวคงไม่ แต่กูโกรธ ไอ้สัตว์ ไปจีบกันที่อื่นดิ้!

“ดิวไม่โกรธพี่หรอกครับ จะโกรธได้ยังไง...ก็พี่ชอบผม” เออดี ส่งตาหวานกันเข้าไป มึงจะจูบกันด้วยไหม กูจะได้ปิดตาให้

“ดีใจจัง พี่รักดิวนะครับ” ชินลูบหัวดิว และดิวก็ยิ้มตอบกลับหวานเยิ้ม

“ครับ...” มันเอนตัวซบไหล่ไอ้ชิน หวานกันต่อหน้าต่อตา...สวีตกันไม่เกรงใจพวกกูที่นั่งกันอยู่

“ฮ่าๆ....น่ารักกันจังเนอะ” ไม้หัวเราะแห้งๆ มันมองหน้า สีหน้าหวาดกลัวนั่นอะไร กูไม่ระเบิดลงตรงนี้หรอก ไม่ต้องห่วง

“เหรอครับ ทำให้ลำบากใจกันหรือเปล่า...พอดีผมดีใจมากเลย” ชินเกาท้ายทอยแก้เก้อ

“ไม่หรอกครับ ตามสบายเลย ยังไงนี่ก็เป็นการฉลองอยู่แล้วเนอะพี่เนอะ” อย่าหันมาขอความเห็นกูสิ

“อืม” นั่นแหละ ตอบได้แค่นั้น หงุดหงิดเกินกว่าจะอ้าปากพูดอะไร

“แต่พี่ต้นดู...ไม่สบายใจ” กูไม่ได้ไม่สบายใจเว้ยน้อง กูหงุดหงิดเว้ย...คนที่มึงกำลังสวีตด้วยแม่งคือคนเดียวกับที่กูชอบไง

อยากบอกอย่างนี้ฉิบหาย...แต่ทำไม่ได้

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก แค่เล่นเกมแล้วแพ้” แพ้ทั้งเกมและชีวิตจริงอะตอนนี้

“งั้นพี่ต้องเป็นคนหัวร้อนง่ายแน่เลย พี่เล่นเกมอะไรล่ะครับ...” ชินถามอย่างอารมณ์ดี ขัดกับอารมณ์ของผมอย่างสิ้นเชิง

“อาร์โอวีอะ”

“เฮ้ย ผมก็เล่น...เกมนี้เล่นแล้วหัวร้อนทุกคนพี่ ผมยังเป็นเลย ฮ่าๆ” ผมได้แต่กระตุกยิ้มแหย ไม่ขำด้วยเลยมึง...กูไม่ฮากับอะทั้งนั้นอะ

แต่ชินไม่ได้รับรู้ถึงความมาคุในตัวผมเท่าไหร่ มันหันไปชวนดิวคุยเรื่องเกม ถามว่าเล่นไหม เล่นกับพี่หรือเปล่า...เราจะได้ใช้เวลาว่างร่วมกันมากขึ้นอีก ถุย! ยังไม่หยุดสวีตกันอีก เดี๋ยวกูคว่ำโต๊ะทิ้งแม่งเลยไอ้ห่าเอ้ย!!

ผมก้มหน้าก้มตากดมือถือ เล่นอะไรก็หงุดหงิดแม่งไปหมด ไม้ก็ได้แต่มองด้วยความเห็นใจ ผมไม่อยากทำให้น้องมันลำบากใจมากนักก็เลยทำเป็นยิ้มให้กับมัน วันนี้เป็นวันที่ดีสำหรับเราทุกคน...แค่ไม่ใช่สำหรับผมเท่านั้นเอง

อาหารเริ่มทยอยออกมาเสิร์ฟ แต่ไม่มีใครกล้าแตะอะไรก่อน เราอยากรอแม่ออกมาแล้วค่อยเริ่มกินพร้อมๆ กัน ผมมองอาหารเรียงรายตรงหน้าด้วยสายตาเหม่อลอย ความอยากอาหารปลิวไป มีแต่ความเอียนเจียนอ้วกมวลอยู่ในท้องเท่านั้น เป็นไปได้ ผมก็อยากลุกจากตรงนี้แล้วกลับบ้านตัวเองไปก่อน

ผมภาวนาให้อาหารมื้อนี้ผ่านไปไวๆ ทุกวินาที ทว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น หนำซ้ำมันยังคึกครื้นมากเสียด้วย เมื่อแม่มาร่วมโต๊ะ เราทุกคนก็ร่วมฉลอง คุยเรื่องการแข่งขันกันอย่างเมามัน รวมถึงการนั่งซักไซ้ความหวานของคู่รักคู่ใหม่ ที่ดูเหมือนพรมลิขิตจะขีดเขี่ยให้แม่งเดินมาเจอกัน

ชินแอบชอบดิวมานานแล้วแต่ไม่กล้าจีบ น้องเขาน่ารักแล้วก็ค่อนข้างป๊อบ ลองสืบถามจากใครๆ ก็บอกว่าดิวน่ะมีแฟนแล้ว เป็นธรรมดาที่เด็กน่าตาน่ารักอย่างดิวจะมีเจ้าของ ตอนแรกกังวลใจมากว่าน้องจะไม่ชอบผู้ชาย แต่มีเพื่อนมาบอกว่าแฟนน้องก็เป็นผู้ชาย ชินเลยมีความหวังขึ้นมาบ้าง ขอให้ดิวโสดเขาจะรีบเข้าไปจีบทันที เขารักและชอบดิวมานาน ยิ่งวันนี้ดิวชวนมาดูไม้แข่งแบดมินตัน เขายิ่งดีใจ

ชินกล่าวปนขำว่าเมื่อเช้าเขาไม่รู้จะใส่เสื้อผ้าแบบไหนดีเลย มันกังวลและก็ตื่นเต้นไปหมด อย่างกับนี่เป็นเดตแรกของสองเรา ดิวเองก็นั่งฟังด้วยรอยยิ้ม มันดูมีความสุข ดวงตาเปร่งประกายคล้ายได้โลดแล่นอยู่บนสวรรค์ ตลกเหอะ...นี่มันเรื่องตลกร้ายสำหรับผมชัดๆ

ทำไมผมต้องมานั่งฟังพวกเขาบอกรักกัน มาสาวถึงความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกันแบบนี้ด้วย อย่างกับต้องการฆ่าผมให้ตาย...ใครหนอช่างอยากเห็นผมทุกข์ทรมานใจขนาดนี้ ผมได้แค่นั่งกัดฟันอดทน ทำเหมือนเรื่องที่ได้ยินเป็นเพียงเสียงนกเสียงกาที่แว่วเข้าหู ทว่ามันไม่ง่ายแบบนั้นเลย สมองผมมันจดจำรายละเอียดของคำบอกเล่านั้นได้เป็นอย่างดี จะเก็บเอาไว้ตอกย้ำตัวเองหรือไงก็ไม่รู้

ชินแม่งก็ดีเกิน...ยิ้มน่ารัก พูดจาดี เป็นมิตรกับทุกคน ไม้เคยบอกว่าชินค่อนข้างดังเหมือนกันในโรงเรียน คงเพราะมันดูเป็นสุภาพบุรุษแบบนี้ละมั้ง แต่ผมรู้สึกว่าดวงตาของชินมีความเจ้าเล่แฝงอยู่ เชื่อเหอะว่าผู้ชายร้อยทั้งร้อย แม่งมีความร้ายกาจอยู่ทั้งนั้นแหละ ผมไม่อยากคิดอะไรมาก...ไม่อยากอคติกับชินถ้าทำได้อะนะ

“ว่าแต่เมื่อไหร่ต้นกับไม้จะมีหวานใจบ้างน้า....” แม่เปรยขึ้นมาลอยๆ หลังยิ้มแก้มปริกับความรักของคู่นั้นที่ดูจะหวานชื่นเสียเหลือเกิน

“โอ้ย...ไม้ขอโสดก่อนนะแม่นะ” ไม้ยกมือเป็นพัลวัล มันยังไม่อยากมีแฟน อันนี้คุยๆ กันอยู่ เจ้าตัวไม่ขนขวายแล้วก็ไม่มุมานะอยากมี เพราะชอบเล่นกีฬาและมีความสุขกับเพื่อนๆ ของตัวเองมากพออยู่แล้ว

“ทำไมละลูก แม่อยากเห็นลูกแม่มีความรัก...” ไม้หันมามองผมเล็กน้อย คงเอาความรักที่เจ็บช้ำของผมเป็นตัวอย่างละมั้งเนี่ย

“ไม่รู้ดิแม่ ไม้ชอบที่เป็นอยู่แบบนี้นะ มีเพื่อนๆ และแม่กับพี่ มีความสุขจะตาย” มันทำหน้าทำตาเหมือนสบายใจจริงๆ

“ระวังแก่แล้วก็ยังโสดนะ” แม่เย้าแหย่ ชินกับดิวก็หัวเราะ

“นั่นสิไม้ ระวังเถอะ...แก่แล้วหาแฟนยากนา หนังเหี่ยวไม่มีใครเอา” ดิวแซ็ว เจ้าตัวเราะเอิ้กอ๊ากมีความสุข

“ไม่ขนาดนั้นมั้ง วันหนึ่งถ้ามันจะมี...มันก็คงเข้ามาเองนั่นแหละ” ไม้ไม่ทุกข์ร้อน แม่ยิ้มให้กับความคิดของลูกชาย

“แล้วเราละต้น...” แม่เบนความสนใจมาทางผม

“ไม่รู้...” ผมถอนหายใจ แม่คิ้วขมวด

“ดูเราไม่มีความสุขน้า อกหักมาหรือไง พอถามแล้วถอนหายใจเชียว”

“ใช่แม่...ต้นอกหัก ไปรักคนที่ไม่รักเรา” พูดพลางมองตาดิว เจ้าตัวไม่ได้มองผมตอบ มันเสหน้าไปทางแฟนหมาดๆ ของมัน

“อ่า...งั้นมองหาคนที่เขารักเราดีไหมละ”

“แม่ก็รู้ ถ้ามันไม่ใช่...มันก็คือไม่ใช่ แต่ถ้ามันใช่แล้ว มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะตัดใจ” ผมยิ้มขื่นให้ตัวเอง แม่ก็ส่งยิ้มมาให้เป็นกำลังใจ

“สู้ๆ นะพี่...วันหนึ่งพี่ต้องสมหวังแน่ครับ” ชินพูดขึ้น น้ำเสียงร่าเริงและมือที่กุมกับดิวทำให้ผมมองว่ามันน่าหมั่นไส้

“ขอบใจ” เลิกกันเมื่อไหร่บอกกูด้วย เผื่อจะสมหวังอย่างที่มันอวยพร

แม่ไม่ถามเรื่องความรักของผมอีก เห็นสีหน้าซังกะตายของผมแล้วแม่ก็คงหนักใจ ไม้เป็นคนเปลี่ยนเรื่องคุย ผมละอยากบอกให้มันหาเรื่องกลับบ้านชะมัดแต่ก็พูดไม่ได้อยู่ดี ผมต้องนั่งฟังพวกเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนานไปอีกสองชั่วโมงกว่า เสียงหัวเราะเฮฮาบ้าบออะไรน่าหงุดหงิดสิ้นดี ตอนที่แม่ชวนกลับ ผมแทบจะกระโดดชัยโยให้ดังๆ แต่ต้องเก็บอาการเอาไว้ ในที่สุด...วันที่แสนหนักใจของผมก็จะผ่านพ้นไปเสียที

ผมขับรถไปส่งชินที่หน้าบ้าน จากนั้นถึงได้วนรถกลับมาที่บ้านตัวเอง แม่ ไม้และดิวยังคุยกันไม่ขาดปาก ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรให้คุยสนุกได้ขนาดนั้น ผมไม่เห็นจะสนุกด้วยเลย น่าเบื่อจะตาย อยากกลับไปหลับเสียที...

“เดี๋ยวต้น” มาถึง จอดรถได้ผมก็รีบลงจากรถแล้วมุ่งหน้าไปที่ห้อง แต่แม่ลงมาเรียกดักไว้ก่อน

“ครับแม่?”

“ไม้ไปส่งดิวที่บ้านทีนะ น้องดิวก็ฝันดีนะลูก...” เรียกผมแล้วทิ้งไว้อย่างนี้ผมงอนเลยหนิ แม่เดินเข้าไปกอดดิว ลูบหัวเจ้าตัวเบาๆ ก่อนจะปล่อยดิวกลับบ้านไป เหลือแค่ผมกับแม่ยืนอยู่กันหน้ารถสองคน

“ต้นชอบน้องดิวใช่ไหมลูก...” ขณะที่คิดว่าจะงอนแม่นานๆ กลับต้องเกือบสำลักอากาศเมื่อเจอคำถามนี้เข้าไป ผมนิ่งไม่ได้อีกเลย เลิกลั่กไปหมด ก็พอเดาได้ว่าแม่น่าจะมองออก คราวที่แล้วผมถึงได้ชิ่งไง แต่แล้วผมก็หนีแม่ไม่พ้น...

“ต้นดูง่ายขนาดนั้นเลยเหรอแม่” ผมไม่กล้าสบตา

“ก็ไม่เชิงดูง่าย เพียงแค่วันนี้กับเมื่อวานมันเห็นชัดมากเลยล่ะ” นั่นสิ เมื่อวานผมมีความสุขกับการกินข้าวมาก มีแม่ มีไม้มีดิว แถมเมื่อวานมันยังโสด...โสดแบบโสดหมาดๆ เลยด้วย

“โกหกแม่บาปไหม” ผมูดแล้วก็ยิ้มแหย

“บาปมาก แล้วแม่ก็ไม่พอใจมากด้วยถ้าเราโกหก...มีอะไรเราจะพูดกันตรงๆ ต้นจำได้ใช่ไหม” แม่เดินเข้ามาจับมือผม พาผมเข้าบ้านของเรา

“จำได้ครับ”

“เราชอบน้องดิวมานานหรือยัง...” เรานั่งลงที่ห้องโถง

“เฮ้อ...นานแล้วแม่” ปิดไม่ได้ก็ต้องบอก ไม่อยากทำให้แม่โกรธหรอก เจ้าไม้เดินเข้ามา หน้ามันมีคำถามเมื่อเห็นว่าบรรกาศอึดอัดไป

“ไม้มาผิดจังหวะหรือเปล่า...” ไม้เก้ๆ กังๆ เหมือนหาที่ยืนของตัวเองไม่เจอ แม่ยิ้มแล้วส่ายหน้า กวักมือเรียกเจ้าไม้มานั่งด้วยกัน

“ไม้รู้ด้วยหรือเปล่าว่าพี่เราชอบน้องดิว” แม่หันไปถามไม้ด้วยอีกคน ไม้ถึงได้หันมามองผมพื่อปรึกษาว่าควรเอาไงกับสถานการณ์นี้ดี

“น้องมันรู้แม่” ผมตอบแทน

“รู้มาตลอดเลยสิ งี้แม่เป็นคนเดียวที่ไม่รู้เหรอ...” แม่มองหน้าผมกับน้องสลับกันไปมา ซึ่งเราสองพี่น้องก็ได้แต่ก้มหน้ารับผิดไปตามระเบียบ ไม่รู้แม่จะโกรธไหม หรือมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้ยังไง แต่ผมไม่คิดว่าแม่จะรังเกียจพวกรักเพศเดียวกันหรอก แม่ดูโอเคมากๆ กับเรื่องนี้ เห็นได้จากการที่ดิวมีแฟนเป็นผู้ชายแล้วแม่ยังยิ้มหน้าชื่นตาบานที่พวกเขารักกัน

“น้อยใจดีป่ะ ทั้งบ้านรู้กันหมดมีแค่แม่ที่ไม่รู้อยู่คนเดียว” ผมรีบคว้าร่างแม่กอดไว้ เจ้าไม้ก็ลงจากโซฟามากอดขาแม่

“ต้นขอโทษ ต้นไม่ให้ไม้บอกแม่เอง..”

“ทำไมละ”

“มันก็อาจเป็นแค่ความรู้สึกช่วงหนึ่ง วันหนึ่งมันก็อาจจะหายไป...ต้นคิดว่าได้คบกันเมื่อไหร่จะบอกแม่” ถึงจุดนั้นมันต้องบอกแน่นอนอยู่แล้วอะ

“ถ้าบอกว่าชอบมานานคงไม่แค่ช่วงหนึ่งแล้วมั้งต้น เฮ้อ...เรานี่น้า เคยสารภาพกับน้องเขายัง” ผมส่ายหน้า

“ไม่ครับ ดิวไม่เคยโสดให้ต้นสารภาพเลย”

“ก็เลยไปปากเสียใส่น้องเขาตอนนั้นใช่ไหม” ตอนนั้นคือตอนที่น้องทะเลาะกับแฟนใช่ไหมละครับแม่ อยากถามนะ แต่เดี๋ยวแม่รู้ว่าปากเสียใส่น้องมันตลอด

“ครับ ก็...มันหงุดหงิด” ผมรีบซบหน้ากับไหล่แม่เพื่ออ้อนทันที หวังว่าแม่จะไม่ด่าหรือว่าอะไรผม

“โอเค...แม่เข้าใจดีลูก เข้าใจทั้งหมดเลยว่าทำไมวันนี้เราถึงเอาแต่หน้าบึ้ง เวลาต้นไม่ยิ้มไม่หัวเราะ แม่ไม่สบายใจเลยนะลูก แล้ววันนี้ที่ต้องถามก็เพราะลูกเป็นแบบนั้น” แม่ลูบหัวเบาๆ อย่าอ่อนโยนตอนนี้สิ...จะร้องไห้

ผมว่าทุกคนอะ...ต่อให้เราโตแค่ไหน เมื่อเราอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ เราก็จะกลับไปเป็นเด็กได้อีกครั้ง พ่อแม่มองเราเป็นเด็กเสมอ เหมือนที่เรารู้สึกเราเป็นเด็กเวลาต้องอยู่กับพวกท่านนั่นแหละ

“ต้นขอโทษครับแม่” ผมบอกออกไปเบาๆ เสียงชักจะสั่นเหมือนกับอารมณ์ที่กำลังแกว่ง เราเข้มแข็งได้อยู่เรื่อยๆ นั่นแหละ ถ้าไม่มีใครสักคนมาปลอบเรา...คำปลอบโยนเหมือนสิ่งที่ทำลายกำแพงสูงและหนาให้พังทลายลงมา

“แล้วเราจะทำยังไงต่อไป...เราจะแอบชอบน้องต่อไปแบบนี้เหรอ ไม่เจ็บเหรอลูก”

“เจ็บดิแม่ แล้วจะให้ต้นทำยังไง...ต้นพยายามตัดใจแล้ว ต้นพยายาม...และพยายามอยู่”

“อืม แม่เข้าใจลูก...แม่เข้าใจต้นนะลูกนะ แม่คงบอกได้แค่แม่ไม่อยากลูกของแม่เจ็บนะ แม่ไม่อยากให้ลูกของแม่เสียใจ แต่เมื่อลูกเลือกทางของตัวเองแล้ว...แม่ก็ทำได้แค่เฝ้ามองและห่วงหนูอยู่ห่างๆ ถ้าหนูรักแม่ หนูก็ต้องรักตัวหนูเองมากๆ ดูแลทั้งร่างกายและความรู้สึกของหนูเอาไว้ เพราะทั้งหมดที่เป็นหนูคือหัวใจทั้งดวงของแม่นะ...ไม้ด้วยนะลูก” แม่เอื้อมมือไปลูบหัวเจ้าไม้ที่ซบหน้ากับตักของแม่ ส่วนผม...

ผมพยักหน้าทั้งน้ำตา...บอกแล้วว่าอย่าปลอบ ถ้าปลอบเมื่อไหร่ สิ่งที่อดทนอดกลั้นเอาไว้มันจะพังทลายทันที ผมว่าผมอ่อนแอไม่ใช่น้อยเลยกับเรื่องพรรณ์นี้ น่าอายไหมถ้าจะต้องพูดเรื่องนี้กับใคร คนอื่นรู้เขาจะมองว่าผมน่าสมเพชหรือเปล่า แต่ก็ช่างมันเถอะ...แค่แม่ไม่คิดว่าลูกคนนี้อ่อนแอจนน่าเกลียด ผมก็ขอยืมไหล่ของแม่ร้องไห้หน่อยคงไม่เป็นอะไร แล้วหลังจากร้องไห้ครั้งนี้...ผมต้องเลือกสักทีว่าจะเอายังไงกับความรักที่มีต่อดิว...

เพราะผมรักแม่...ผมจะไม่ทำให้สิ่งที่แม่รักที่สุดต้องเจ็บปวด นั่นก็คือตัวผมเอง

.....100%.....

ได้เวลาพระเอกเราตัดใจเสียทีมั้ง...งอแงมาหลายครั้งแล้ว  :hao5:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 12 - 100% [16/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 16-08-2017 22:50:31
โอเค มา!! เปลี่ยนตัวพระเอก หรือเปลี่ยนตัวนายเอกดี 555555

เขาไม่รัก ก็ปล่อย ทำถูกแล้วต้น ไม่สงสารต้น แต่ดีใจแทน อยากให้เจอคนที่ต้นรักและรักต้นเด้อออออ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 12 - 100% [16/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 16-08-2017 23:44:26
สนับสนุน 1 เสียงให้ตัดใจ,,,
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 12 - 100% [16/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-08-2017 01:14:25
ต้องเป็นแบบนี้อีกนานไหม
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 12 - 100% [16/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: Namwhankn ที่ 17-08-2017 03:11:39
อ่านรวดเดียวเลย แงงง สงสารพี่ต้นอ่ะ ถ้าดิวไม่เอาเราขอนะ ฮึ่ยยย เปลี่ยนนายเอกด่วนๆเลยค่า
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 12 - 100% [16/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 18-08-2017 00:05:54
เราอยากให้ต้นถอยออกมาจากชีวิตของดิวไม่ต้องไปกวนใจกวนตีนหรืออะไรเลยอ่านไปหน่วงไปเป็นกำลังใจให้นะครับรออ่านทุกวันเลย
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 12 - 100% [16/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 18-08-2017 11:30:22
เออ.. เรื่องนี้ไม่ขอดิวเป็นนายเอกได้ไหม ให้นางรื่นเริงกับบรรดาตัวผู้ต่อไป ขัดใจตั้งแต่เรื่องแมทละล่ะ นางทำตัวเองทั้งนั้น ขอนายเอกที่ไม่ดีเด่นไรมากมายแต่ไม่มั่วดีกว่า
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 12 - 100% [16/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 18-08-2017 12:05:34
ไม่ชอบนางตั้งแต่เรื่องนู้นแล้วเช่นกัน ดิวเอ้ยยย หวังว่าตอนจบคงจะไม่เป็นเอดส์ไปก่อนนะลูกกก ทำไมหนูมั่วขนาดเน้! สนับสนุนให้คนดีๆอย่างพี่ต้นหาใหม่ค่ะ!!  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 13 - 100% [18/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 18-08-2017 20:00:50
>>ตอนที่ 13 [100%]<<
ผมพยายามปล่อยวางเรื่องของดิวลง เริ่มจากการปิดผ้าม่านเอาไว้ ไม่เปิดมันเพื่อมองห้องตรงข้ามอีก ก็ทุกครั้งที่มองไปผมก็จะคิดนั่นคิดนี่ฟุ้งซ่านไปเรื่อย แล้วนั่นก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้รู้สึกแย่อยู่เหมือนกัน แต่ที่ผมยังคิดไม่ได้คือผมควรถอยหรือว่าควรจะบอกกับมันไปตรงๆ ดีละ

ผมอยากบอกมันนะ...ถ้าบอกแล้วมันไม่ชอบผม ผมก็จะตัดใจจากมันได้ใช่หรือเปล่า เกลียดขี้หน้ากันไปเลยงี้ ผมจะไม่เสียใจทีหลังใช่ไหม แล้วถ้าผมไม่บอกจนมันไม่มีทางจะบอกได้อีก ผมจะเสียใจทีหลังไหม...ต้องเสียใจแน่ๆ เลยละ

ผมพยายามหาทางให้ของรักของแม่ชิ้นนี้เจ็บปวดน้อยที่สุด คิดจนกระทั่งหลับ ตื่นมาก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะเอายังไง เป็นผู้ชายก็มีความลังเลและความกังวลเยอะนะ ผมสลัดเรื่องดิวออก ไปอาบน้ำอาบท่า วันนี้มีเทสย่อยตอนเช้า โอ้เอ้รับรองว่าต้องตกแน่นอน ลงมาด้านล่าง แม่ทำอาหารเช้าเอาไว้รอ น้องชายผมก็ระริกระรี้อยู่กับแม่ก่อนแล้ว

“ไปตามน้องมากินข้าวไปต้น” อ่า...ทำไมต้องเป็นผมละครับเนี่ย

“ไม่ไปได้ป่ะ”

“จะตัดใจหรอ?” แม่พูดงี้หมายความว่าไงอ่า

“งั้นมั้งแม่ จะได้ไม่เจ็บไง...” ผมเดินเข้าไปสวมกอดแม่ตัวเองและหอมแก้มเธอทั้งซ้ายขวาให้ชื่นใจ

“นึกว่าจะลองจีบสักตั้งก่อนแล้วค่อยถอดใจเสียอีก”

“ไหนแม่ว่าแม่ไม่อยากให้ต้นเสียใจไง ไหงมาแนะนำให้จีบน้องมันละ ตัดใจจากมันน่าจะเป็นทางเดียวที่ไม่ต้องเจ็บ...”

“ตัดใจทั้งที่ยังไม่เริ่มเลย แม่ว่ามันเจ็บใจยิ่งกว่าอีกนะ แต่แม่ก็ตามใจลูก งั้นไม้ไปตามน้องดิวมาปะ” ยังไงก็จะตามดิวมากินข้าวด้วยกันอยู่ดีอะนะ

ผมนั่งกินข้าวก่อนโดยไม่รอเจ้าไม้ที่กำลังเดินไปตามดิวบ้านตรงข้าม แม่ก็ไม่ได้พูดอะไร เอาแต่นั่งมองผมแล้วก็ยิ้ม อะไรอะแม่...ทำไมมองผมแล้วยิ้มแบบนั้น จะล้อที่ผมร้องไห้เมื่อคืนหรือไงล่ะ ไม่ดีเลยนะแบบนั้น อายเป็นนะครับเนี่ย

ผมรีบกินข้าวอย่างไว ดิวกับไม้เดินเข้าผมก็สะพายกระเป๋าเรียบร้อย ผมเข้าไปกอดและหอมแม่อีกครั้ง จากนั้นผมรีบออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปมหาลัยโดยไม่ได้ทักทายดิว ถ้าจะตัดใจก็ต้องเมินกันไปเลยแบบนี้ ดีกับผมที่สุดแล้วล่ะ ไม่เจอหน้ามันให้มากเข้าไว้ไม่นานความรู้สึกก็อาจจะเจือจางลง

ผมเริ่มทำให้ตัวเองยุ่งมากๆ ด้วยการไปลงเรียนเสริมทั้งที่เมื่อก่อนปฏิเสธมาตลอดว่าไม่อยากเรียน อยากกลับบ้านไปหาแม่ ไปนอนแอ้งแม้งอยู่ที่ห้อง พอเลิกเรียนวิชาเอกก็มุ่งหน้าไปเรียนเสริมต่อทันที ฝุ่นกับพิกค่อนข้างแปลกใจที่ผมดูขยันเรียนแบบนี้ แถมยังโดนไอ้พิกมันแซ็วด้วยว่าอกหักหรือไงถึงได้ขยันได้ ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเดาถูก ฝุ่นมันเลยบอกว่าคนอกหักมักทำให้ตัวเองยุ่งวุ่นวายเข้าไว้ จะได้ไม่คิดถึงคนที่หักอกเรา โอ้โห...เพื่อนกูสุดยอดไปเลย

ผมแค่ยิ้มบางๆ ให้พวกมัน บอกกับเพื่อนทั้งสองว่ามึงน่ะคิดกันไปเอง กูไม่ได้อกหักบ้าอะไรทั้งนั้น คนที่กูรักเขาแค่รักคนอื่นเอง ว่าจบก็ขำ เพื่อนผมไม่ยักจะขำด้วย ช่างมัน มึงไม่ฮากันกูฮาคนเดียวก็ได้

เรียนเสริมเลิกค่อนข้างจะเย็นมาก ประมาณหกโมงกว่าเลยตอนผมเดินออกมาจากห้อง เพื่อนผมกลับกันไปหมดแล้วเพราะไม่รู้จะอยู่ไปทำไมกัน ระหว่างเดินไปหน้ามหาลัยก็เจอกับไอ้พันและกลุ่มเพื่อนๆ มันเข้าพอดี

“อ่าพี่ต้น หวัดดีคร้าบ....”

“ก้มหัวต่ำขนาดนั้น ไม่ก้มกราบพี่ไปเลยวะ” ผมว่าปนขำ ก็ท่าทางมันตลก ยกมือไหว้แล้วโน้มตัวจนมือแทบติดเข่าตัวเองอยู่แล้ว คนอื่นเขาสวัสดีกันดีๆ ทั้งนั้น

“แหม่ พื้นมันไม่สะอาดอะ แล้วนี่พี่เพิ่งเลิกเรียนหรอ...ผมนึกว่าพวกปีสองเลิกกันหมดแล้ว”

“อืม พี่ลงเรียนเสริมวะ เบื่อๆ แล้วนี่เพิ่งเลิก?”

“ครับ เพิ่งเลิก ไอแมทมันจะกลับไปหาเมีย แต่ผมกับแก้วว่าจะไปดื่ม พี่สนใจไปด้วยกันไหมครับ” ทุกคนจ้องมาทางผมเพื่อรอคำตอบ แต่นอนว่าผมส่ายหน้า

“ไม่ละ พรุ่งนี้เรียนเช้า ไม่อยากแฮงก์มาเรียน”

“อ่อ งั้นกลับบ้านดีๆ พี่”

“เออ พวกมึงก็ด้วยนะ” เจ้าพันและเพื่อนขานรับคำ ผมก็เดินต่อออกไปทันที

ผมติดต่อหาแม่ก่อนจะไปหาที่ร้าน ไปช่วยแม่ทำงานอย่างเสิร์ฟอาหารหรือรับออเดอร์ ผมเล่าให้แม่ฟังว่าผมลงเรียนเสริมดนตรี ได้รับสายตาเห็นใจหน่อยๆ แต่ผมทำเป็นเมินมันแล้วก็เล่าเรื่องที่คลาสเรียนเสริมแทน ที่นั่นผมได้เพื่อนใหม่อีกสองสามคน เล่นเบสและกลอง ส่วนตัวผมเองเล่นเป็นแต่กีตาร์ คลาสสิกที่สุดแล้วก็หามาเล่นง่ายที่สุด ผมไม่ได้เก่งเรื่องดนตรีเท่าไหร่ พอเล่นได้สมัยเรียนมันเล่นเอาเท่ไงครับ เอาไว้จีบสาว แต่ไม่นานผมก็เบื่อแล้วก็เลิกเล่นมันไป

ตอนนี้กลับมาเรียนเสริมก็คงได้เล่นมันไปอีกสักระยะ คงฆ่าเวลาแล้วก็เรื่องทำให้ผมลืมเรื่องนั่นเรื่องนี่ไปได้บ้าง ผมตัดสินใจว่าจะเข้ามาช่วยงานที่ร้านเป็นประจำ ทั้งก่อนเข้าเรียนแล้วก็หลังเลิกเรียน เหมือนแม่จะรู้จุดประสงค์ดีแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาซ้ำเติมผมอีก ปล่อยให้ผมได้ทำตามความตั้งใจของตัวเองไปแบบนั้น

และแล้ว...ช่วงเช้าผมก็จะกินข้าวก่อนใคร ออกจากบ้านก่อนใคร ดิวจะมากินข้าวกับไม้และแม่ บางวันติดชินมาด้วยอีกคน ซึ่งผมไม่อยู่เจอหน้ามัน ตอนเย็นผมกลับบ้านดึกพร้อมกับแม่ เรียกว่าตัวติดแม่เป็นลูกแหง่เลยละครับตอนนี้ หน้าดิวก็ไม่ค่อยได้เจอ หน้าต่างห้องมันผมไม่ได้มองมันอีก แม้กระทั่งหน้าบ้านของมันผมก็ไม่มอง...

แรกๆ ก็เป็นเรื่องยากที่จะปรับเปลี่ยนสิ่งที่ทำเป็นประจำนี้ แต่พอยุ่งมากๆ ทำบ่อยเข้าก็เลยกลายเป็นเรื่องปกติ ผมเริ่มชินกับการกินมื้อเช้าเร็วๆ มีแค่แม่นั่งคุยด้วย ไปมหาลัยก่อนเวลาบ้างถ้าจำเป็น หรือไม่ก็กินเสร็จขึ้นห้องนอนเล่นรอเวลา พอไม่เจอดิวมากเข้า...ความรู้สึกที่เคยมีมันก็น้อยลง

ผมคิดถึงมัน...แต่ผมเจ็บกับความคิดของตัวเองน้อยลง ไม่ต้องเห็นมันมีคนอื่น ไม่ต้องเห็นมันสวีตกับใครหรือไม่ต้องฟังมันพูดจาไม่ดีใส่ สบายใจขึ้นเยอะ แต่ใช่ว่าผมจะทำใจได้มากขึ้น บางครั้งผมก็เล่นกีตาร์พร้อมกับคิดถึงรอยยิ้มของมันไปด้วย จะห้ามความคิดมันยากเกินไป ปล่อยให้มันได้เพ้อเจ้อบ้างเป็นบางครั้ง เอาแค่เราไม่เจ็บปวดกับมันก็พอแล้วล่ะ

“พี่...” เสียงเจ้าไม้ดังแว่วเข้าหู นี่เมื่อคืนผมไม่ได้ล็อกห้องหรือไงวะ วันนี้เป็นอาทิตย์...ไม่เจอดิวมาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ

“อะไรของมึงเนี่ยไม้” ดึงผ้าห่มมาคลุมโปง ยังง่วงอยู่เลย แม่ลองให้ทำบัญชีที่ร้าน ปวดหัวฉิบ ตัวเลขบานตะไท เมื่อคืนฝันเห็นตัวเลขเต็มไปหมด ผมหลอนโคตรๆ

“ผมมาตามไปกินข้าวเช้า”

“ปกติมึงตามกูแบบนี้ที่ไหน มีอะไรเจ้าไม้” ลดผ้าห่ม จ้องหน้าน้องเค้นความจริง

“จะชวนไปเล่นน้ำ...” นั่นไงล่ะ

“ไม่ไปอะ”

“โห วันหยุดทั้งที ไปกับน้องหน่อยดิ เนี่ยดิวมันมาชวน พี่ชินก็ไปด้วย” นี่ดูไม่ออกเหรอว่าผมไม่อยากเจอหน้าดิว

“ไม่เห็นเหรอว่าพี่พยายามหลบหน้าดิว”

“เห็น แต่พี่ชินบอกให้ชวน ผมก็ต้องชวน”

“เอาความจริง”

“ได้บัตรฟรีมา” เจ้าไม้ยิ้มแป้นแล้นพร้อมชูบัตรฟรีสองใบ

“ได้มาจากชิน”

“ใช่ ไปกัน มันฉลองที่คบดิวมาได้หนึ่งอาทิตย์” ตลกเหอะ คบกันได้หนึ่งอาทิตย์มึงต้องฉลองด้วยหรือไง

“มึงไปเองเหอะ พี่ไม่ไปอะ...ไม่ต้องบอกเหตุผลใช่ไหม” ว่าแล้วก็คลุมโปงอีกที ผมจะนอน

“อืม เสียดายบัตร”

“แม่ไง ชวนแม่” ผมตอบปัดๆ

“แม่ไม่ว่าง วันนี้แม่บินไปภูเก็ตเรื่องร้านอาหาร”

“เฮ้ ทำไมกูไม่รู้” ผมรีบลุกพรวดขึ้นมา แม่ไม่ได้บอกผมเลยอ่า

“เรื่องด่วน แม่รีบไปเมื่อเช้าอะ เลยไม่ได้บอกพี่ที่เอาแต่นอนอุตุอยู่บนที่นอน แต่ก็ช่างมัน ผมชวนเพื่อนผมไปก็ได้...”

“ไม้...” ไม้ยังไม่ทันพูดจบ เสียงดิวก็ดังมาจากด้านล่าง น้องผมมันขี้เกียจก็เลยตะโกนตอบ

“เราอยู่ข้างบน ขึ้นมาดิ!!!” นั่นแหละ จะชวนกันมาสิงห้องกูทำไมวะ เคยพูดว่าสงสารพี่ชายที่ต้องแอบรักเขาข้างเดียว ตอนนี้ผมตัดใจอยู่ยังจะเรียกมันเข้ามาหาอีก ตบให้หัวทิ่มดีไหม เห็นแก่ของฟรีนัก

“พี่ต้นไม่ไปอะดิว” ผมหันหลังให้ประตู เอาผ้าห่มห่อตัวเองให้เป็นดักแด้ ไม่หันไปเห็นก็ไม่เป็นไรแล้วเนอะ

“อ่า..ไอ้ต้น มึงอย่าเล่นตัวดิ้ พี่ชินอุตส่าห์ชวน” ทำอย่างกับพูดแบบนี้แล้วกูอยากไปมากขึ้น

“...” ผมเงียบไม่ตอบ พอดีพี่หยิ่งอะน้อง

“ไอ้ต้น อย่ามาแกล้งหลับนะ มึงลุกมาเลย...เราจะได้ไปกัน” ดิวส่งเสียงเรียกหนักขึ้น

“...” แต่ไม่เป็นผลหรอก ผมไม่สนใจ

“ช่างเหอะดิว พี่ต้นเหนื่อยอะ เราชวนคนอื่นไปด้วยก็ได้” ดีมากไม้ กล่อมแล้วลากมันออกไปจากห้องพี่ที

“แต่พี่ชินเขาอยากให้ไอ้ต้นไปนะ...” ขัดคำสั่งแฟนไม่ตายหรอกมึง

“บอกพี่ชินดีๆ พี่ชินไม่ว่าหรอก...พี่ต้นทำงานเยอะช่วงนี้”

“ทำงานเยอะหรือตั้งใจหลบหน้า...” ดิวแทรก ไม้ไปต่อไม่ถูกอีก ผมก็ไม่เห็นว่าแต่ละคนทำสีหน้ายังไง แต่ผมนอนหลับตานิ่งๆ เหมือนไม่รับรู้ใดๆ ทั้งสิ้น

“เฮ้อ...ออกไปให้หมดนั่นแหละ กูจะนอน” ความเงียบมันอยู่นานก็เริ่มอึดอัด ผมเลยจำเป็นต้องเอ่ยปากไล่ทุกคนให้ออกไปโดยไม่พลิกกายไปมองหน้าใครสักคน

“ไปเหอะดิว” ไม้บอกกับดิว แล้วทั้งคู่ก็ออกไปจากห้องผมอย่างที่ต้องการเสียที

นี่แหละเป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับผมแล้ว...

ถ้าไป ก็ต้องเห็นภาพบาดตาบาดใจอีกอะสิ มองดูดิวกับชินสวีตกันเนี่ยนะ...เห่อๆ ถ้าดิวมันโสดก็ว่าไปอย่าง ผมจะไม่มีทางปฏิเสธการชวนครั้งนี้เอาจริงๆ ผมคิดแล้วนะ ตอนนี้มันมีคนรัก มันมีคนอื่นผมก็ตัดใจไปก่อน แต่ถ้ามันโสดหรือผมมีโอกาสก็อาจจะลองดูสักตั้ง นั่นน่าจะดีที่สุด แต่ถ้าวันที่มันโสด เป็นวันที่ผมไม่รู้สึกอะไรกับมันอีก ผมก็จะหลุดพ้นจากการแอบรักข้างเดียวแบบนี้เสียที

ผมเลือกจะนอนต่อ ความง่วงกล่อมผมหลับได้ง่าย หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมเหนื่อยมากจริงๆ ไอ้การพยายามทำตัวเองให้ยุ่งเพื่อไม่คิดเรื่องดิวเป็นอะไรที่กินแรงไม่ใช่น้อยเหมือนกัน แต่ถือว่าผมประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ไม่หมกมุ่นเรื่องมันเหมือนเมื่อก่อน ไม่หงุดหงิดที่ต้องเห็นมันมีคนอื่นหรือไม่ต้องอิจฉาคนอื่นที่ได้ยืนข้างๆ กับดิว

ผมตื่นอีกทีก็เกือบเที่ยง หาข้าวกินก่อนจะอาบน้ำอาบท่าเสียอีก แม่งหิวมาก แถมยังต้องทำกินเองอีก ไม่มีแม่อยู่ก็เงี้ย ลำบากไปอีกหนึ่งมื้อ พอผมกินอิ่มก็ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนชุดมานั่งทำรายงานส่งอาจารย์ในวันจันทร์ นั่งทำได้ไม่นานไอ้ฝุ่นก็วิดีโอคอลมา มีเจ้าพิกอยู่ในสาย เราช่วยกันทำรายงานและคุยเล่นสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อย กว่างานจะเสร็จได้ปาไปนู้น...มืด

ป่านนี้เจ้าไม้ยังไม่กลับ ผมมองดูนาฬิกาล้วก็โทรหาเจ้าไม้ทันที มันไม่ยอมรับสายไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ได้ฟังเสียงรอสายนานๆ ผมหงุดหงิดเลยช่างมันไปก่อน ลงไปหาอะไรกินเองอีกหนึ่งมื้อ ไม่ได้ทำเผื่อเจ้าไม้เอาไว้เพราะคิดว่ามันคงกินจากข้างนอกมา

สามทุ่มกว่าไอ้น้องชายตัวดีถึงโพล่หัวเข้ามาในบ้าน ผมกำลังนั่งดูรายกายอะไรไปเรื่อยเปื่อยเพื่อรอมันเนี่ยแหละ มาถึงก็ยิ้มหน้าบาน ส่งเสียงแหะๆ คิดว่าจะทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากคำบ่นของผมได้เหรอ

“ทำไมกลับดึกวะ กี่โมงกี่ยามแล้วเที่ยวไม่ดูเวลาล่ำเวลาเลยนะมึง” ผมสวดทันที

“ก็...”

“ก็อะไรละ ไหนพูด”

“พี่ชินเขาชวนไปกินข้าวกันต่ออะ ผมไม่อยากปล่อยดิวไว้กับพี่ชินสองคนก็เลยตัดสินใจไปด้วย แบตมือถือก็หมดเลยไม่ได้โทรหาพี่” ไม้อธิบาย

“เขาแฟนกัน จะไปเป็นก้างขวางคอทำไม”

“ก็ไม่อยากเป็นก้างหรอก ถ้าไม่ได้ยินพี่ชินคุยกับเพื่อนว่าจะฟันดิวอะ...”

......100%.....

ต้องบอกไม้ว่า...ไม่อย่าไปสนใจเลย ดิวก็งี้แหละ เขาฟันทีสองทีไม่สึกหรอกลูกกกกก  :z2:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 13 - 100% [18/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-08-2017 20:58:51
 :z3:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 13 - 100% [18/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 18-08-2017 21:23:26
วัดพระบาทน้ำพุ เหอะดิว



ขอโทษ..ไม่ไปส่งนะ


+1 ให้คนแต่งเลย
แต่งให้เกลียดตัวเอกของเรื่องได้เก่งจริงๆ
เรื่องที่แล้วก็ทำให้เกลียดไอ่แมทฝังหุ่น
พอมาเรื่องนี้ โอ๊ยยยยย..มันจะอะไรกันนักหนาว่ะ อิดิว
ลำไยมันมากกกกกก ถึงมากสุด ไม่เคยรู้สึกรำคาญตัวเอกเรื่องไหนๆได้เท่ากับ "ดิว" เรื่องนี้

โว้ยยยยย...หงุดหงิด
ห่านจิก
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 13 - 100% [18/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 18-08-2017 21:30:21
อ่านตอนนี้แล้ว..แอบอดคิดไม่ได้ว่า..หรือจริงๆ ไอ่พี่ชินมันเล็งต้นกันแน่ว่ะ

หึหึ ดิว..ผัวน้องเหมือนอยากจะเป็นเมียต้น หรือเปล่าว้าาาาา ฮ่าฮ่า
ถ้าใช่..คงจะสะใจคนอ่านดีพิลึก

หุหุ
ผัวน้อง(ดิว) น่ะเมียพี่(ต้น)

กร๊ากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 13 - 100% [18/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: Namwhankn ที่ 19-08-2017 04:16:22
กว่าจะเจอรักแท้ หนูจะต้องเยินขนาดไหนอ่ะดิวลูกก คิดเยอะๆหน่อยนะลูกนะ ไม่ใช่เอาตัวเข้าแลกเพื่อให้เขาอยู่กับเรา หึ่ยย ขัดใจจริงๆ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 13 - 100% [18/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 19-08-2017 10:13:44
คนรอบข้างต้นน่ารำคาญมาก ทั้งแม่ทั้งน้อง จะตัดใจแล้วยังจะมาพูดนั่นพูดนี่จะให้ลูกตัวเองทรมานงั้นเหรอ แล้วจะให้ลองจีบดิว ถามหน่อยดิวมันมีค่าพอให้ไปเกลือกกลั้วเหรอ เป็นโรคแล้วมั้ง ก็ไม่รู้ ให้ต้นไปเจอคนที่ดีกว่านี้ไม่ดีกว่าเหรอ ขัดใจจริงๆ //อินจัด เหอๆ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 13 - 100% [18/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 19-08-2017 14:28:30
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
บักชินนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
สุดท้ายมึงก็เหี้ย พี่ต้นคะ พี่ต้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ออกโรงอีกครั้งเถอะค่ะ
แล้วเดินหน้าจีบแม่งเลยพี่ สู้ๆ :m31: :m31: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 13 - 100% [18/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 19-08-2017 17:27:45
พอเหอะ เอาจริงๆ ชีวิตดิวมันเลือกเอง ต้นก็ตัดใจให้เด็ดขาดซักที
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 13 - 100% [18/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: smog09 ที่ 19-08-2017 20:38:17
เอาจริงๆดูจากชื่อเรื่องกับคำโปรยแล้ว ยังไงต้นก็คงได้กับดิวอ่ะ  :ruready

แต่ไม่แน่ คนแต่งอาจจะมีพลิกพลงพลิกแพลงทีหลังก็ได้
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 13 - 100% [18/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: Jeyibee ที่ 20-08-2017 07:41:55
ตั้งแต่อ่านมามีตอนล่าสุดที่ต้นจะตัดใจเนี่ยแหละที่ถูกใจเรา นี่มองว่าไม่มีทางที่ต้นจะคบกับดิวรอดตราบใดที่ต้นยังไม่เปลี่ยนนิสัยพูดไม่คิดของตัวเองอ่ะ ต่อให้คบกันก็คงต้องเลิกกันอยู่ดี ใครมันจะทนกับคำพูดแย่ๆได้ ยิ่งดิวเป็นเด็กมีปัญหาคงไม่มานั่งทำความเข้าใจหรือบรรลุได้เองว่าถึงปากหมาต้นก็รักอ่ะ ดูจากที่นางยังหูเบาเชื่อเพื่อนและโหยหาความรักความอบอุ่นไปทั่วอยู่แบบนี้ คนที่จะรับมือกับดิวและอยู่กันได้น่าจะต้องเป็นพวกเข้าใจและมีจิตวิทยาในการพูดมากกว่าต้น เอาจริงๆต้นเองก็เก่งนะเจอขนาดนี้ยังอดทนมาได้และยังรักอยู่ได้เนี่ย แต่ถ้าไม่เปลี่ยนนิสัยเรื่องการพูดยังไงก็ไม่รอด ดูจากตอนต่อไปต้นก็คงกลับไปวงเวียนดิวเหมือนเดิม อยากให้เอาให้แน่ๆไปเลยว่าจะตัดใจหรือจะรุก ถ้าตัดใจก็ไม่ต้องไปยุ่ง ปล่อยให้เค้าไปทางของเค้า ดิวทำตัวแบบไหนก็ได้แบบนั้น เลือกที่จะเป็นก็ต้องรับสิ่งที่จะเจอให้ได้ ในเมื่อง่ายก็ต้องทำใจที่จะเจอกับเรื่องแบบนี้ แต่ถ้ารุกก็ต้องเปลี่ยนตัวเอง ควบคุมคำพูดให้ได้ และรุกให้สุดๆ บอกไปเลยว่าจะจีบ ดิวยังเด็กจะแก้ไขมันก็ยังทัน ถ้าหากไปดูแล เอาใจใส่ แสดงออกแบบอ่อนโยนเราว่าดิวแพ้ทางอยู่ละ เลือกสักทางเถอะ อยู่ตรงกลางก็มีแต่ปวดใจ นี่อ่านแล้วก็ขัดใจเหลือเกิน ปล.เป็นนี่จะรุกนะ ส่วนตัวสงสารดิว เหมือนเด็กหลงทางอ่ะ ปล่อยไปต้องเจอแต่เรื่องแย่ๆแน่นอน เรื่องที่เคยมีอะไรกับคนอื่นมันไม่ได้บั่นทอนคุณค่าของดิวได้หรอก มีแต่ตัวดิวเองที่บั่นทอนคุณค่าของตัวเอง
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 13 - 100% [18/08/60]ByGukakST
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 20-08-2017 09:58:42
เอาจริงๆ ต่อให้อันนี้ชินจะหลอกดิวอีกคนหรืออะไร
เราก็ไม่อยากเชียร์ดิวให้ต้นแล้วอะ
ส่วนต้น เราก็ว่าดีแล้วที่ทำแบบนี้ ไม่รับรู้ ไม่สนใจ
ปิดใจตัวเองไว้ แล้วความรู้สึกมันจะค่อยๆนิ่งขึ้น

อิชิน ทำไมต้องอยากให้จ้นไปอะ แอบชอบพี่ต้นปะ หรือยังไง หืมมมม คิดว่าจะดี ก็กลับแล้ว ขอให้ฟันดิวไม่สำเร็จ แต่โดนคนอื่นฟันแทน 55555555

ตัดใจดีแล้วต้น ปล่อยดิวมันไป ดิวมันอาจจะดีขึ้นได้
แต่อาจจะไม่ใช่เพราะต้นไง

สัมผัสไม่ได้เลยอะ ว่าจะรักกันยังไง ปวดหัวเบยยยยย
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 14 - 100% [21/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 21-08-2017 22:31:59
>>ตอนที่ 14 [100%]<<

“หมายความว่าไง...”

“คืองี้พี่ วันนี้ไปเล่นน้ำกันใช่ปะ แล้วมันมีช่วงหนึ่งที่พี่ชินแกไปคุยโทรศัพท์กับเพื่อนในห้องน้ำ ดิวมันเล่นน้ำอยู่แต่ผมอะไปเข้าห้องน้ำก่อนพอดี ก็เลยได้ยินที่เขาคุยกับเพื่อนเขา เขาบอกว่ากับเพื่อนเขาว่าเตรียมตัวจ่ายให้กูได้เลย ไม่เกินคืนนี้กูได้ฟันน้องดิวแน่” ได้ฟังแล้วผมถึงกับสั่น แม่ง...แต่ละคนที่เข้ามาคบ เหี้ยๆ อย่างนี้ทุกคนสิหน่า

“ผมจะบอกพี่แล้วแต่แบตมือถือผมหมด ไอ้จะบอกดิวก็...นั่นแฟนมันนี่พี่ บอกไปก็เท่านั้น ผมก็เลยพยายามอยู่เป็นก้างให้นานที่สุด”

“แล้วไง...”

“ไม่น่าสำเร็จ ดิวพาพี่ชินเข้าบ้านไปแล้ว” ไม้พยักเพยิดไปทางบ้านตรงข้าม ทั้งบ้านปิดไฟหมดยกเว้นห้องนอนของดิว ผมละสายตามาทันทีที่เห็นเงาตะคุ้มอยู่ตรงหน้าต่าง

“คราวหลังก็ปล่อยไปเหอะ มึงก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี แล้วนี่กินข้าวมาแล้วสินะ ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้า แม่ก็ไม่รู้จะกลับเมื่อไหร่...” ผมอยากจะโทรไปหาแม่ แต่กลัวแม่ไม่ว่างก็เลยไม่อยากรบกวน

ไม้พยักหน้า แต่ก็ยังยืนมองผมนิ่งเหมือนรอดูว่าผมจะมีอาการยังไง ทว่าผมกลับเดินขึ้นห้องไม่สนใจอะไร ไม่ต้องห่วง ผมไม่เห็นเงาเขาทั้งคู่เพราะผมปิดม่านหน้าต่างเอาไว้ ต่อให้ไอ้ชินมันเลว มันมาหลอกดิว ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ดิวกับมันคบกัน คนเป็นแฟนกันจะมีอะไรกันมันก็เรื่องปกติ อ้าปากพูดไปก็เหมือนสือกเรื่องของคนอื่นเขา ดีไม่ดีจะมีปัญหาเหมือนเรื่องไอ้โอมอีก

เรื่องที่โดนโอมกระทืบ หากแม่รู้แม่ต้องช้ำใจมาก คำพูดแม่วันนั้นยังก้องหัวผมอยู่เลย...ผมเป็นสิ่งสำคัญของแม่ ผมต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ แต่ผมดันเอาตัวเองไปเจ็บเพราะช่วยให้ดิวได้คนรักกลับมา น่าตลกแต่แม่งก็ขำไม่ออก

ผมนัดฝุ่นกับพิกมาเล่นเกมด้วยกันคืนนี้ เพื่อดึงสมาธิตัวเองให้อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ใช่ห้องฝั่งตรงข้าม ตอนนี้ค่อนข้างดึกแล้ว ชินคงไม่กลับบ้านมันแต่ค้างบ้านดิวแน่นอน บ้านนั้นก็มีแค่ดิวคนเดียว ไม่มีอะไรมาขัดขวางความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของพวกเขา...

“แม่...กลับมาเมื่อไหร่เนี่ย” ตอนเช้าผมลงมาเจอแม่กำลังยกอาหารมาเรียงที่โต๊ะ ด้วยความคิดถึง ผมเข้าไปกอดและหอมแก้มแม่ทันที

“เป็นลูกแหง่จริงๆ แม่กลับมาเมื่อคืน ดึกไปหน่อยเพราะเดินทางไกล”

“แล้วงานเป็นไงบ้าง”

“เรียบร้อยดี จริงๆ แม่ว่าจะค้างที่นู้นเหมือนกัน แต่ห่วงเด็กน้อยบ้านนี้ไม่มีใครดูแลเรื่องอาหารการกิน” แม่ทำสายตาเย้าแหย่ ผมก็เลยได้แต่ยิ้มเขิน

“ต้นทำเองไม่อร่อยเหมือนแม่ทำเลย นึกว่าวันนี้ต้องกินฝีมือตัวเองอีกซะแล้ว” กอดให้แน่น อ้อนให้มาก...คนนี้เป็นคนเดียวที่ผมอ้อนได้นี่นะ

“แม่.....” เจ้าไม้เพิ่งลงมา มันวิ่งโล่พร้อมเรียกแม่เสียงดังโอเวอร์มาแต่ไกล มาถึงก็ผลักผมออก สวมกอดแม่แทนผมซะอย่างนั้น ไอ้น้องเลว แย่งกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ได้ไง เดี๋ยวตบหัวทิ่มเลยไอ้นี่

“ฮ่าๆ แม่ไปทำงานแค่นี้เอง ทำอย่างกับไม่เจอแม่เป็นปี ติดแม่เกินไปแล้วนะพวกเราน่ะ แบบนี้จะเป็นฝั่งเป็นฝาได้ไหม”

“ไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นไร อยู่กันแบบนี้ไปจนตายนั่นแหละ” เจ้าไม้พูดก่อนจะหอมแก้มแม่แรงๆ แก้มแม่ช้ำหมดแล้วเฮ้ย!

“แน่ใจ? เดี๋ยวแม่จะรอดูตอนเรามีแฟน...” แม่พูดแบบนี้แสดงว่าแม่คิดว่าพวกเราทั้งคู่จะรักแฟนมากกว่าแม่ละสิ หึหึ ไม่มีทาง

“คงยังไม่มีง่ายๆ หรอก ทั้งผมทั้งพี่นั่นแหละ” ไม้กันมามอง ผมไหวไหล่เบาๆ

เรายังคงพูดคุยกันเรื่องที่แม่ทำงานมาเมื่อวาน ขณะเดียวกันก็กินมื้อเช้าไปพร้อมกันด้วย บ้านเราอาจกินช้า แต่มันแลกมาด้วยความสุขที่ได้รับ วันนี้แม่ไม่ได้ให้ไปชวนดิวมากินข้าวด้วย ไม่รู้ว่าทำไมผมไม่ได้ถาม กินเสร็จแม่อาสาไปส่งเราสองคนที่โรงเรียนและมหาลัย จากนั้นแม่งถึงได้แยกไปทำงานของตัวเอง

เรื่องเรียนของผมก็ดำเนินไปปกติ เรียนบ้างเล่นบ้าง แค่เอาตัวรอดไปแต่ละวิชาเท่านั้น มีคลาสหนึ่งวันนี้ เรียนไปแอบเล่นไปด้วย โอ้โหโคตรใจกล้า ผมชมตัวเองขำๆ ขณะที่กดท่าไม้ตายใส่ป้อมศรัตรู เราเกือบรอดแล้วนะ แต่ไอ้พิกแม่งดันดีใจเสียดังไปหน่อย อาจารย์เลยจับได้ นี้เป็นไง โดนด่าไปตามระเบียบน่ะสิครับ โถ่ๆ...ไอ้หมูเอ้ย!

พอไม่มีเรื่องดิว ชีวิตผมก็เป็นแบบนี้ วนไปเป็นสูตรตายตัว เรียนเสร็จก็เรียนเสริม จบเรียนเสริมก็ไปทำงานที่ร้านอาหารแม่ ปิดร้านนู้นสามสี่ทุ่มถึงได้กลับบ้านอาบน้ำแล้วนอน วันไหนงานเยอะหน่อย ผมก็นั่งทำมันในร้านของแม่ไปเลย คนยุ่งๆ ถึงได้วางงานตรงนี้แล้วไปช่วย

“พี่ต้น...” ผมเงยหน้าจากกองรายงานมองหน้าน้อง วันนี้ผมมีรายงานประมาณหนึ่งไม่มาก นั่งทำมันในร้าน แม่ที่แสนดีก็มีขนมมาให้ลูกกินเล่นระหว่างเขียนงานไปด้วย แต่ตอนนี้สิ เจ้าไม้มันทำหน้าห่อเหี่ยว นั่งตรงข้ามผมก่อนจะเอากระเป๋าตัวเองวางทับงานของผมเสียหมด

“อะไรของมึงไม้...”

“ไอ้พี่ชินมันทิ้งดิวแล้วพี่ มันบอกเลิกดิวต่อหน้าเพื่อนมันด้วย...” จากที่หงุดหงิดน้อง ตอนนี้ผมหยุดทุกอย่างมองหน้ามัน

“เล่าดิ”

“มัน...มันบอกกับดิวว่าที่มันคบกับดิวเพราะพนันกับเพื่อนเอาไว้ มันเอารูปถ่ายดิวนอนเปลือยให้เพื่อนมันดู ทุกคนหัวเราะเยาะ...แล้วทุกคนก็ยื่นเงินเดิมพันให้ไอ้ชินต่อหน้าต่อตาดิว ผมเห็นผมก็เข้าไปช่วย แต่ดิวมันผลักผมแล้วหนีไป ดิวไม่เข้าเรียนอีกเลย...ติดต่อไม่ได้” ไม้เล่าเหมือนจะร้องไห้ มันไม่สามารถช่วยเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ เอาไว้ได้

“ใจเย็นๆ...ไม่เป็นไรเว้ยไม่เป็นไร” ก่อนจะได้ปลอบใจตัวเอง ผมต้องปลอบไอ้ไม้ก่อน

“ทั้งที่ผมรู้อยู่แล้วว่ามันพนันกับเพื่อน แต่ผมไม่ยอมบอกดิว...”

“พูดเองหนิว่าบอกไปตอนนั้นมันก็ไม่มีประโยชน์อะไม้ มึงต้องอย่าคิดมาก...”

“แต่ผมสงสารดิว มันร้องไห้...มันร้องไห้นหนักมากเลยพี่” ผมนึกภาพนั้นออก ผมเคยเห็นมามาก่อนก็เลยรู้ว่ามันจะเลวร้ายแค่ไหน

“เดี๋ยวพี่ไปหามันเอง” เราสองพี่น้องมองหน้ากัน ผมตัดใจจากดิวอยู่ แต่พอรู้แบบนี้ผมก็อดเป็นห่วงมันไม่ได้อยู่ดี

ไม้เองก็รู้สึกผิดที่ตัวเองรู้เรื่องแต่ไม่ยอมบอกเพื่อน ผมเข้าใจความรู้สึกตอนนั้น จะไปบอกก็กลัวว่าจะเป็นสาเหตุให้พวกนั้นทะเลาะกัน เกิดชินมันอ้างแล้วดิวเชื่อ ไม้ก็จะกลายสภาพเหมือนผม คือต้นเหตุที่ทำให้ทั้งคู่มีปัญหากัน เรื่องของคนสองคนมันเป็นเรื่องเปราะบางมากๆ คนนอกยุ่งไปก็มีแต่เสี่ยงกับเสี่ยง

ผมลุกขึ้น เอากระเป๋าสตางค์และมือถือติดมือมา สั่งไม้ให้บอกแม่แล้วก็บอกไปเลยว่าผมไปไหน ความจริงเป็นยังไงให้แม่รู้ไปเถอะ ดีไม่ดี ถ้าดิวมันรู้สึกแย่มากเกินไป แม่ผมจะได้เข้าไปช่วยเหลือได้ ไม่รู้สิ...ผมว่าการที่ผู้ใหญ่รู้เรื่องปัญหาพวกนี้เอาไว้บ้างมันก็ไม่เสียหายอะไร เขาอาจช่วยเราได้มากกว่าที่เราคิดก็ได้ ไม้พยักหน้ารับรู้ สีหน้ายังคงย่ำแย่ ผมว่าตอนมันเล่าให้แม่ฟังมันต้องร้องไห้แน่นอน ไม่รู้ล่ะ...มโนไว้ก่อนว่ามันต้องอ่อนแอเหมือนพี่มันนั่นแหละ

ผมนั่งแท็กซี่กลับมาที่บ้านดิว คิดว่านี่เป็นที่ที่มันน่าจะอยู่ ผมตามชอบมันมาหลายปีก็จริงแต่ไม่เห็นมีที่ไหนที่มันชอบไปเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่ก็ไปเที่ยวกับแฟน ซึ่งตามใจแฟนมันนั่นแหละ จะพาไปไหนดิวก็ไปกับเขาหมด ผมจ่ายค่าแท็กซี่ให้เรียบร้อยถึงได้เดินมาชะโงกหน้ามองเข้าไปที่บ้าน กุซแจสำรองดิวไม่ได้อยู่ที่ตัวผมวันนี้ ดูก่อนว่ามันอยู่บ้านไหม ถ้าไม่อยู่ผมจะได้เข้าบ้านไปเอากุญแจรถเก๋งแทน

รองเท้านักเรียนมันอยู่ ถอดทิ้งไว้เละเทะ แสดงว่ามันกลับมาที่บ้านละมั้ง ผมขี้เกียจกลับบ้านไปเอากุญแจสำรองก็เลยปีนเข้าบ้านมันทั้งแบบนี้ ประตูหน้าไม่ได้ล็อก นี่ไม่กลัวขโมยขโจรเลยหรือไง ผมสลักความหงุดหงิดนั้นออก รีบขึ้นไปที่ชั้นสอง หวังว่าดิวจะอยู่แล้วก็ไม่ได้กำลังทำร้ายตัวเอง

“ดิว...” ผมเปิดประตูพร้อมเรียกเจ้าของห้อง แต่ไม่เห็นแม้เงาของมัน

เสื้อผ้านักเรียนถูกถอดทิ้งเอาไว้ ประตูตู้เสื้อผ้าเปิดอ้าซ่า เหมือนรีบเข้ามาเปลี่ยนชุดแล้วก็ออกไปเลย แล้วมันไปไหนล่ะ...เวลาอย่างนี้ดิวะไปที่ไหน ผมลองโทรไปหาไม้ ลองถามมันดูว่ามีที่ไหนที่ดิวจะไปได้ไหม

(ผมไม่รู้เลยพี่ ไม่สนิทกับมันแบบนั้น)

“งั้นมีคนที่รู้ไหม อย่างเพื่อนมัน”

(เพื่อนมันเหรอ...ผม...) ไม้ลังเล ผมรู้ว่าไม้ไม่ค่อยชอบเพื่อนดิว

“อย่ามาอึกอักสิวะ ไม่ต้องไปสนใจหรอกถามว่าดิวอยู่ไหนให้ได้ก็พอ หรือมึงไม่ห่วงดิว”

“(ต้นนี่แม่นะ...) อ่าว ไอ้น้องเวร คุยต่อไม่ออกก็ส่งมือถือให้แม่เลยเนี่ยนะ

“ครับแม่”

(ต้นอะต้องใจเย็นๆ ก่อนนะลูก น้องดิวอาจไม่เป็นอะไรก็ได้ รอดูก่อนว่าน้องจะกลับมาตอนไหน ส่วนทางนี้เดี๋ยวแม่ให้ไม้ลองถามเพื่อนๆ ดูว่ามีใครรู้ที่ที่ดิวชอบไปบ้าง ต้นอย่าวู่วามนะลูก...) อ่า...ผมไม่ได้วู่วาม แต่ผมใจร้อน

“ก็ได้ครับแม่ ต้นรออยู่นี่แหละ”

(ดี งั้นแค่นี้นะ มีอะไรเดี๋ยวให้น้องโทรไป)

“ครับ” ผมวางสาย เดินออกมาจากบ้านของดิว เจ้าตัวรีบออกไปไหนไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ แม่งรีบจนประตูบ้านก็ไม่ล็อกไว้

ไม่รักไม่หวงบ้านก็พอเข้าใจ บ้านหลังนี้มีแค่มันเท่านั้นที่อยู่คนเดียว แต่มันไม่น่าจะรีบแบบนั้น ผมเดินกลับบ้านตัวเองทั้งที่ไม่ได้สบายใจจะจากไป แต่ให้นั่งรอมันในบ้านมันเองก็ดูจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก

ระหว่างนั่งรออยู่ม้าหินหน้าบ้าน ผมก็คุยกับไม้ไปด้วยว่าได้ข่าวอะไรมาบ้าง ตอนนี้ดิวไปไหนแล้วติดต่อเพื่อนดิวได้บ้างไหม ไม้บอกว่าเพื่อนดิวยังไม่ตอบเขามาเลยสักคนเดียว แต่มีคนหนึ่งเช็กอินย่านสถานบันเทิงเมื่อไม่นานนี้ บอกว่า...ดื่มย้อมใจ อ่า...ผมละอยากได้แผนที่จริงๆ จะตามไปดูเดี๋ยวนี้แหละ นี่ยังไม่มืดเลยด้วยซ้ำ ไปกันตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดแบบนี้เนี่ยนะ...

การรอคอยจัดเป็นความทรมานในรูปแบบหนึ่ง ผมกล่อมตัวเองว่าดิวไม่เป็นอะไร มันช้ำใจหนักแต่ก็มีเพื่อนพามันไปเที่ยว คอยอยู่ข้างๆ มันไม่น่าทำร้ายตัวเองเหมือนครั้งก่อน แต่เฮ้ย...ล็อกอินย่านสถานบังเทิงเนี่ยนะ ผมจะใจเย็นกล่อมตัวเองไปได้กี่น้ำกัน มันไม่ทำร้ายตัวเอง แต่มันก็ไปเที่ยวในที่ที่เด็กไม่ควรเที่ยว แล้วมันก็อาจจะกินเหล้าเมามายและโดนคนอื่นหิ้วไปเข้าโรงแรม

ทำไมมึงคิดอะไรเลวอย่างนี้วะต้น...ดิวมันต้องไม่เหลวแหลกแบบนั้นสิ มันคงแค่ดื่มย้อมใจ เดี๋ยวก็กลับมา ผมเดินเข้าบ้าน หาน้ำเย็นๆ มาดื่มดับความหัวร้อนของตัวเอง แต่ยังไม่ทันอิ่ม แม่กับไม้ก็ขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน

“อ่าว ไมกลับกันมาแล้วละ” ปกติแม่มักจะกลับตอนร้านปิด

“มาอยู่เป็นเพื่อนเราไง ดิวคงไม่เป็นไร...” แม่เดินเข้ามาตบบ่าผมเบาๆ

“แต่ผมเป็นห่วงดิวอะแม่” สีหน้าไม้ยังไม่คลายความกังวล มันเองก็ห่วงดิวไม่ต่างจากผม บวกกับความรู้สึกผิด ตอนนี้ไม้น่าจะยิ่งกังวลมากกว่าใครๆ

“ไม่เป็นไรลูก...เดี๋ยวดิวก็กลับมา ไปอาบน้ำอาบท่ากันก่อนเถอะนะ” แม่ดันหลังไม้เบาๆ เจ้าตัวไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่แต่ก็จำใจเดินขึ้นชั้นสอง

ผมเดินออกไปนั่งม้าหินหน้าบ้านเหมือนเดิม แม่ตามมานั่งข้างๆ เท้าแขนบอบบางกับไหล่ของผม เรามองไปที่จุดเดียวกันคือบ้านฝั่งตรงข้าม ในความเงียบมีความเครียดและกดดัน ดูจากที่มันอกหักแล้วร้องไห้ฟูมฟายเหมือนจะเป็นจะตายแบบนั้น ทำให้ผมไม่มั่นใจอะไรในตัวดิวเลย ผมกลัวว่ามันจะเตลิดไปไกล โดนไอ้ชินทำเลวใส่ขนาดนั้น เป็นใครก็คงเป๋เหมือนกัน อุตส่าห์คิดว่าใจตรงกัน ได้รักกับรุ่นพี่ที่แอบรักเรามานาน ผมรู้ว่ามันคงมีความสุขกับช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่ยิ่งมีความสุขมากเท่าไหร่ ความทุกข์ใจก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น

“นึกว่าตัดใจได้แล้ว...” แม่พูดขึ้นมาลอยๆ

“แอบรักมันมาตั้งนาน แค่อาทิตย์เดียวคงลืมไม่ได้มั้งแม่...”

“นั่นสินะ แต่เราก็พยายามได้ดีเชียว แม่ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี อาจจะเพราะคำพูดแม่ทำให้เราเลือกหักใจ ไม่แอบรักต่อไปจะได้ไม่เจ็บปวด” ก็ใช่อะ ส่วนหนึ่งก็เพราะคำพูดแม่นั่นแหละครับ

“ก็...ต้นไม่ได้จะหักใจขาดขนาดนั้น แค่ยึดติดให้มันน้อยลง จะได้ไม่เจ็บปวดมาก ต้นไม่อยากให้แม่ทุกข์ใจเวลาต้องเห็นลูกตัวเองเสียใจ” แม่ลูบหัวผมเบาๆ รอยยิ้มเอ็นดูจางๆ ของแม่ผ่อนคลายความกังวลของผมได้มากทีเดียว

“ต้นคิดถูกแล้วล่ะ แต่เอาจริงๆ...แม่ก็อยากให้เราสมหวัง เพราะนั่นจะทำให้ลูกแม่มีความสุข แต่แม่ก็ตัดสินใจให้ไม่ได้หรอกนะว่า ระหว่างดันทุรังรักต่อไปกับตัดใจให้ขาดไปเลย อันไหนมันทรมานกว่ากัน”

“ต้นเข้าใจครับแม่” แม่โน้มหัวผมไปซบบนไหล่

ไม่ว่าไหล่ของแม่จะบอบบางแค่ไหน แต่มันก็ดูแข็งแกร่งเสมอเมื่อผมได้เอนซบมัน สำหรับผมมันเป็นเรื่องน่าทึ่ง ที่คนเป็นแม่อึดได้มากขนาดนี้ ต้องเลี้ยลูกชายสองคน ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องแบกรับสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาและต้องเป็นที่พึ่งพิงให้กับลูกที่ยังไม่รู้จักโต ต่อให้ผมและน้องพยายามแบ่งเบาภาระให้แม่มากแค่ไหน ผมก็ยังรู้สึกว่าแม่ยังเหนื่อยกับภาระที่แบกอยู่บนบ่าอยู่ดี

ผมยังไม่เข้าใจความลำบากของคนเป็นพ่อเป็นแม่ แต่ผมก็อยากทำทุกทางเพื่อให้แม่มีความสุขที่สุด แล้วถ้าแม่อยากให้ผมหักใจจากดิว...อยากให้ผมหยุดรักที่อาจไม่สมหวังนี้ ผมก็จะทำ ไม่ง่ายนักแต่การปล่อยวางบ้างก็ช่วยได้เยอะ

“ถ้าต้นฉวยโอกาสตอนนี้...ต้นจะเลวไหมอะแม่” ผมลองถามเสียงเบา

“ก็แล้วถ้าต้นไม่ฉวยโอกาสตอนนี้ ต้นจะรอจนกว่าจะหักใจได้งั้นเหรอ...ลูกแม่ไม่มีความอดทนขนาดน้นหรอก แม่รู้” อ่า...แม่อย่ารู้ทันผมสิ

“แล้วถ้าผิดหวังล่ะ”

“แม่ก็เจ็บไปกับลูก...”

.....100%.....

คือแบบ...อ่านฟีตแบ็กทีไรเราหวั่นไหวทุกที แฮ่ๆ มีหลายมุมมองเหมือนกันนะเรื่องนี้ เราชอบอ่านที่จะได้อ่านมุมองของทุกคนจังเลยค่ะ

แต่ว่า...ตอนนี้เครียดๆ คือเราไม่คุ้นเคยกับเล้าเลยน่ะค่ะ แล้วมาขอลบเรื่องโดยเรื่องของเราผ่านพิจารณาที่เว็บหนึ่ง ก็ได้ค่าตอบแทนอะเนาะ แต่ห้ามลงที่อื่น เราแจ้งลบ แต่พี่เราบอกว่าไม่ควรไปบอกเขาตรงๆ ว่าผ่านเว็บอื่น...เราใจแป้วเลย คือ...มาสเตอร์ที่นี่จะไม่แบนเราใช่ไหม กังวลมากๆ เลยตอนนี้ กลัวเขาจะไม่พอใจ... :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 14 - 100% [21/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 21-08-2017 23:26:38
คือบอกไม่ถูก

ก็เหมือนนเดิมนะ ยังไม่อยากให้ต้นไปยุ่งมากอะ
ทุกอย่างที่เกิดกับดิว มันก็เป็นผลมาจากการกระทำ การคิด การตัดสินใจ ความรู้สึกของตัวเองนั่นแหละ
เจอผู้ชายมากี่คนก็เป็นแบบนี้

ทางเลือกดิวมีอยู่ 2 ทางอะ จะง่ายแล้วก็โดนหลอกไปซ้ำๆ หรือว่าจะเข้มแข็งขึ้น หนักแน่นขึ้น แล้วก้าวผ่านมันไป

ต้นก็ดูๆห่างๆไปอะดีแล้ว เข้าไปยุ่งแล้วเขาไม่เห็นค่า ก็เจ็บอีกอะ เหอๆๆๆๆๆ

คนอ่านขอรอดูสถานการณ์ต่อไป ว่าเชียร์ไหวไหม

อิชิน เลวเว่อร์ๆ สูสีกะแมทเลย ฮึ่ยยยยย
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 14 - 100% [21/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 21-08-2017 23:51:36
เลวมาก,,,
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 14 - 100% [21/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: plearnly ที่ 22-08-2017 01:19:17
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก. สงสารต้นมากอยากร้องไห้เลย  :o12:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 14 - 100% [21/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-08-2017 01:54:15
 :z6:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 14 - 100% [21/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 22-08-2017 02:15:25
เราว่าต้นก็คงเป็นสภาวะเดียวกันกับเราที่อยากตัดใจแต่เวลาเห็นคนที่เรารักเดือดร้อนหรือเป็นอะไรไม่ได้หรอกอยากให้ต้นสมหวังแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 14 - 100% [21/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Namwhankn ที่ 22-08-2017 02:54:19
สุดท้ายก็ไม่ต่างจากเดิม เหมือนหนังม้วนเดิมที่ฉายซ้ำๆ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 14 - 100% [21/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 22-08-2017 07:49:56
สงสารดิว สงสารพี่ต้นนนนน งืออออออออ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 14 - 100% [21/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 22-08-2017 09:50:09
ไม่รู้ดิ ไม่สงสารดิวอ่ะ เลือกเองทั้งนั้น เอาจริงน่าจะชินได้แล้วนะ ใครเขาจะอยากจริงจังกับคนง่ายๆ นอนกับใครก็ได้ ส่วนต้นไม่พ้นอิรอบเดิม เฮ้อ วนลูปไป
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 14 - 100% [21/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 22-08-2017 11:41:16

เรื่องที่จะขอลบเรื่องแล้วโดนแบนหรือเปล่า เราไม่ทราบเลยค่ะ น่าจะคุยกับ admin โดยตรง

แต่กฎเล้าเป็ดที่เราเคยอ่าน  ลงเรื่องที่นี่แล้วห้ามลบกรณีจะรวมเล่ม แต่นี่ลงยังไม่จบแล้วขอลบ

ลองถามดูไหมคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ

โดยส่วนตัว แม้ไม่ค่อย comment แต่ชอบเรื่องนี้นะคะ

และเสียดายมากๆๆๆๆๆ เพราะเราคงไม่ตามไปอ่านที่อื่นค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 14 - 100% [21/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 22-08-2017 18:35:21


เราไม่ได้จะลบเรื่องนี้จ้า เราจะลบเรื่อง ปรานต์ นิยายอีกเรื่องของเรา ไม่ได้ลบเพราะรวมเล่ม แต่ติดสัญญาที่อื่นน่ะค่ะ ขอบคุณที่ชอบนะคะ ดีใจ ส่วนแอดมิจะว่ายังไง...ก็ต้องยอมรับตามนั้นค่ะ และเราจะไม่ลบเรื่องไหนอีกแล้ว ทรมานใน คอมเมนต์ที่รักหมายหมดเลย
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 14 - 100% [21/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 22-08-2017 23:58:47
มีคุณค่า เมื่อทำตัว ให้มีค่า
ไม่ใช่มา โหยหา เป็นบ้าหลัง
แต่ทำตัว น่ารังเกียจ เหลือกำลัง
ชีวิตพัง เพราะเจ้า ถ้าเข้าใจ

อย่าถามหา สายธารา ในหน้าแล้ง
อย่าถามหา ดินระแหง ใกล้น้ำไหล
อย่าถามหา ความรัก จากใครใคร
ตราบเท่าที่ มีหัวใจ ที่มืดมน
#เข้าใจตรงกันนะ ดิว

พูดมากไปก็เมื่อยปากกับคนพรรค์นี้
หุหุ

+1 ฮับ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 14 - 100% [21/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 23-08-2017 08:24:58


เราไม่ได้จะลบเรื่องนี้จ้า เราจะลบเรื่อง ปรานต์ นิยายอีกเรื่องของเรา ไม่ได้ลบเพราะรวมเล่ม แต่ติดสัญญาที่อื่นน่ะค่ะ ขอบคุณที่ชอบนะคะ ดีใจ ส่วนแอดมิจะว่ายังไง...ก็ต้องยอมรับตามนั้นค่ะ และเราจะไม่ลบเรื่องไหนอีกแล้ว ทรมานใน คอมเมนต์ที่รักหมายหมดเลย

อ้อค่ะ..ขอบคุณที่บอกค่ะ พอรู้ว่าคอมเมนต์ของคนอ่านเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้คนเขียนรู้สึกขนาดนี้

ต่อไปจะพยายามหาเวลาว่างคอมเมนต์มากขึ้นค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 15 -100% [23/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 23-08-2017 21:24:14
>>ตอนที่ 15 [100%]<<

พระอาทิตย์เริ่มหายลับไปจากท้องฟ้า แทนที่ด้วยดวงดาวอ่อนแสง ผม ไม้และแม่ยังคงนั่งอยู่หน้าบ้าน เจ้าไม้เป็นกังวลหนักมาก มันพยายามติดต่อเพื่อนดิวแทบทุกคน ลบอคติทุกอย่างเพียงเพื่อจะรู้ให้ได้ว่าดิวอยู่ที่ไหน แล้วดิวเป็นยังไงบ้าง ทว่าไม่มีใครตอบอะไรกลับมาเลยสักคนเดียว จนกระทั่งผ่านไปเกือบจะเที่ยงคืน แม่ก็ไล่เราสองคนขึ้นไปนอน บอกตัวเองว่าหลับให้ได้ พรุ่งนี้เราค่อยมาว่ากันใหม่...

ผมไม่โอเค ผมไม่อยากขึ้นห้องทั้งที่ดิวยังไม่กลับบ้านแบบนี้ แต่เมื่อเจอสายดุๆ ของแม่ ผมและไม้ก็ต้องยอมทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม่เองก็ขึ้นห้องนอนเหมือนกัน เราทุกคนเป็นห่วงดิว อยากจะออกไปตามหาด้วยซ้ำถ้าเป็นไปได้

คืนนั้นผมต้องข่มตานอนทั้งที่แม่งหลับไปลง ตอนเช้าทั้งผมและไม้ต่างก็ตาโหลกันทั้งคู่ เราพากันมาที่หน้าบ้านดิว มาดูว่าดิวกลับบ้านหรือยัง ทว่าก็ไม่เห็นแม้เงาของคนตัวเล็ก ไม้วิ่งโล่กลับบ้านไปกอดแม่ บอกแม่ให้แจ้งความคนหาย แต่กังวลว่าถ้าเราแจ้งความพ่อแม่ดิวก็จะรู้ว่าดิวหายตัวออกไป เราสามคนรู้ดีว่าบ้านนั้นมีปัญหากันอยู่แล้ว ถ้ามีเรื่องเข้ามาอีก บางทีมันอาจจะบานปลายและคนที่เจ็บปวดที่สุดก็จะเป็นดิว

บางครั้ง...เราก็หาทางออกที่ดีที่สุดไม่ได้ จะทำแบบนั้นคนนี้ก็เจ็บ จะทำแบบนี้คนนี้ก็จะเดือดร้อน ดังนั้นแม่ก็เลยสรุปให้เราไปเรียน เฝ้ารอข่าวจากแม่เพราะแม่จะอยู่เฝ้าให้ หากดิวกลับมา แม่จะรีบบอกพวกเราทันที แน่ละ...พวกเราไม่ยอมรับข้อเสนอของแม่ง่ายๆ คนเป็นแม่หนักใจ แล้วเมื่อคนที่เรารักที่สุดถอนหายใจพวกเราก็ยอมทำตาม

ผมไปเรียนพร้อมกับไม้ เจ้าน้องชายพร้ำเพ้อตลอดทางว่าเป็นเพราะผม เพราะผมคนเดียวดิวก็เลยเจ็บปวดแบบนี้ ถ้าผมบอกดิวตั้งแต่แรกมันก็อาจไม่เป็นแบบนี้ ผมก็พยายามอธิบายว่าไม่หรอก ต่อให้บอกหรือไม่บอก ดิวก็เจ็บอยู่ดี บางทีดิวอาจไม่ฟังเราเลยเหมือนที่ไม้พูดไว้ตั้งแต่แรกนั่นแหละ จิตใจที่อ่อนแอของน้อง คำอธิบายในตอนนี้ไม่อาจแทรกเข้าสู่ความรู้สึกของมันได้ มันกำลังรู้สึกผิด...และมันจะไม่หายง่ายๆ จนกว่าดิวจะกลับมาแล้วปลอดภัย

วันทั้งวันผมเฝ้ารอแต่เสียงเรียกเข้า ไม้ไลน์มาถามอยู่ตลอดว่าแม่โทรมาไหม ดิวกลับมาหรือยัง ผมก็ไม่ได้รับสายจากแม่ ไลน์ไปหาก็บอกว่าดิวยังไม่กลับ ไม้บอกว่าเพื่อนกลุ่มดิวก็ไม่มีใครมาโรงเรียนสักคน แม่ง...พากันไปเสียคนหมดแล้วหรือไง

จากที่กระวนกระวายกันอยู่แล้ว ตอนนี้อาการหนักกันขึ้นไปอีก ฝุ่นและพิกก็เป็นห่วง มันเห็นผมสีหน้าไม่ดีบวกกับเอาแต่เล่นมือถือ ผมเล่าเรื่องเด็กแถวบ้านหายไป เล่าเรื่องที่น้องมันโดนคนทำอะไรมาบ้าง พวกมันถึงได้กังวลเป็นเพื่อนผมด้วย...

“ทำไมเราไปตามหาที่ที่เด็กนั่นมันเช็กอินวะ” ฝุ่นถาม

“แต่กูว่าเราควรไปกระทืบไอ้เด็กเลวนั่นที่ทำแบบนี้” พิกหัวร้อน ขนาดเป็นผู้ชายด้วยกันยังไม่พอใจเลย ผมรู้มันคงเป็นความสนุก ทำได้แล้วแม่งเท่วะ แต่แม่งไม่ได้ดูเลยว่าคนที่โดนกระทำจะรู้สึกแย่แค่ไหน

“เออก็จริง พวกมึงมีหนิ...ไปลากคอมันกันไหม” ฝุ่นกอดคอพิก เจ้าหมูสีหน้าเอาเรื่อง ผมไม่ค่อยยุ่งเรื่องของมันนัก แต่ไอ้พิกมันมีรุ่นพี่สายโหดอยู่เยอะ

“อย่าเลยมึง ทำไปแม่งก็ได้แค่ความสะใจ” ผมเคยเกเรมาก่อน ผมรู้ดี เวลาอริมาทำเรา เราก็แค้นแล้วก็ไปเอาคืน มันวนเวียนอยู่แบบนี้แหละ กว่าจะหลุดพ้นมาได้ก็ตอนพ่อผมตายอะ ตอนนั้นแคร์แม่มากกว่าสิ่งใด ก็เลยเลิกเกเร ดีที่มันเป็นแค่เรื่องของเด็กๆ ไม่รุนแรงมาก ไม่เหมือนพวกอาชีวะยกพวกตีกัน

“แล้วมึงจะปล่อยมันลอยนวลแบบนี้อะนะ”

“มันเลวแบบนี้สักวันมันก็ต้องโดน ไม่ตีนพวกมึงก็ตีนคนอื่นนั่นแหละ” ผมบอกกับพิกเสียงเครียด ตอนนี้ก็ยังพิมพ์คุยกับแม่ว่าดิวมาหรือยัง...

“ก็จริงนะ แต่รอแบบนี้เมื่อไหร่จะมา...แจ้งความได้ปะวะ”

“ไม่ได้ แจ้งความพ่อแม่มันก็ต้องรู้ มันจะซวยซ้ำอะสิ” ผมตอบไอ้ฝุ่นก่อนจะถอนหายใจ แม่บอกว่าดิวยังไม่มาเลย แม่ก็เริ่มเป็นกังวลเหมือนกันตอนนี้

“แม่ง นั่นก็ไมได้ นี่ก็ไม่ได้ ทำได้แค่รอแบบนี้มันดีแล้วอ่อวะ” พิกของขึ้น ผมต้องบีบบ่ามันเบาๆ หวังให้มันใจเย็น

“ขอบใจที่เดือดร้อนแทน กูคุยกับแม่แล้ว ถ้าเย็นนี้ดิวไม่กลับมา เราจะไปแจ้งความ” แม่ตอบผมมาเมื่อกี้นี้

พิกและฝุ่นพยักหน้ารับรู้ แต่พวกมันก็ยังพูดถึงเรื่องไอ้ชิน ไอ้เด็กเลว ตอนแรกเกือบรู้สึกผิดแล้วที่มันดูเป็นคนดีแต่ผมยังหมั่นไส้มัน รู้งี้กีดกันแม่งสุดๆ ไปเลยน่าจะดีกว่า โกหกตอแหลหน้าตายฉิบหาย ผมเองก็แค้นมันนะ ที่มันทำแบบนี้กับดิว แต่ผมเป็นห่วงดิวมากกว่าจะไปเอาเรื่องมันตอนนี้

ผมนั่งเรียนต่อแบบรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แม่ก็คอยอยู่ตอบคำถามของผมกับไม้ตลอด น่าจะรำคาญกันมั้งละ อะไรจะถามบ่อยขนาดนั้น แต่แม่ก็ยังมานะตอบคำถามของผมกับไม้ไม่หายไปไหนเลย จริงๆ รู้สึกผิดเหมือนกันที่ทำให้แม่ไม่ได้ไปทำงาน เมื่อเช้าว่าจะโดดเรียนแล้วเฝ้าอยู่ที่บ้านเองแล้วด้วยซ้ำ แม่กลับยืนยันจะอยู่เองก็เลยต้องมานี่แหละ...

คลาสสุดท้ายเลิกตอนสามโมง ผมตรงกลับบ้านทันที ไม่ได้เอารถมา ผมกับน้องเลยแยกกันกลับ วินมอเตอร์ไซก์เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วก็สะดวกรวดเร็วสุดแล้ว แม่ทำอาหารรอผมกับน้องอยู่บ้าน มาถึงก็ให้ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วลงมากินข้าว ทั้งที่เวลาแบบนี้เราไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งนั้น

“ไอ้ชินแม่งไม่สะทกสะท้านอะไรเลย วันนี้ผมเห็นมันไปหลีหญิงห้องอื่นด้วยพี่ หมั่นไส้มันอะ อยากจะเข้าไปต่อยมันให้หน้าหงายเลย!” พอเรามานั่งรวมโต๊ะกินข้าว ไม้ก็ระบายความอัดอั้นตันใจ แม่ต้องคอยลูบไหล่เป็นเชิงปลอบให้ใจเย็น ผมเองได้ฟังแล้วก็ของขึ้นเหมือนกัน เป็นไปได้ก็อยากกระทืบมันให้สาสมกับสิ่งที่มันทำ

“ทำคนแบบนั้นไปมันจะได้อะไร คนเลวส่วนใหญ่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกต้อง...หนูจะเอามือเอาเท้าไปแตะต้องคนแบบนั้นเนี่ยนะ สกปรกจะตาย” แม่พยายามพูดเตือนสติ

“แต่มันทำดิวเป็นแบบนี้...”

“ใช่ น้องดิวโดนหลอก โดนมันทำร้าย เหตุการณ์ร้ายที่เข้ามาทำให้เรารู้ว่าเราควรจะรับมือกับสิ่งเหล่านั้นยังไงเมื่อมันวกกลับมาอีก เราต้องเรียนรู้จากมันนะลูก อย่าเอาแต่โทษมัน นั่งโทษคนนั้นทีคนนี้ทีไม่มีอะไรดีเลย มันไม่ได้ทำให้เราเห็นความจริง...มันทำให้เราเห็นแค่ความโชคร้าย” ผมกับไม้พยักหน้า พยายามคิดตามแม่แล้วบอกให้ตัวเองใจเย็น เราต้องอดทนอีกหน่อย พระอาทิตย์ตกดินดิวยังไม่กลับมา พวกเราจะไปแจ้งความ ต่อให้มันมีปัญหาตามมา แต่เราทนเป็นห่วงดิวไปมากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว

สามคนเราย้ายมานั่งหน้าบ้านกันด้วยความอึมครึมเหมือนเมื่อวาน ที่แตกต่างคือความกังวลที่มากกว่าเดิมมาก ไม้ไม่สามารถนั่งอยู่เฉยได้ มันยังส่งข้อความไปหาคนพวกนั้น ไม่มีใครยอมอ่านมันก็ยังส่งไปเรื่อยๆ แถมมันยังเดินไปเดินมา ผมเองก็กังวล นั่งเขย่าขาเป็นพวกสันนิบาตอยู่เนี่ยแหละ นั่งเฉยๆ นิ่งๆ ไม่ได้เลย ในขณะที่เรากำลังปรึกษากันว่าควรไปแจ้งความเสียที รถแท็กซี่ก็แล่นเข้ามาที่หน้าบ้านดิว มีคนลงมาจากรถ เป็นคนที่ทำให้เราเป็นห่วงแทบแย่...ไอ้ดิว
“น้องดิว...เดี๋ยวลูก!” ดิวมันเตรียมจะเดินเข้าบ้าน ไม่มองเราสามแม่ลูก มันใส่เสื้อยืดคอกลมสีขาวและขากางเกงขาสั้น สภาพมันดูมอมหน่อยๆ...เสื้อยับยู่และกางเกงค่อนข้างเปรอะ แต่พอมันได้ยินเสียงแม่ผมเรียก มันก็หยุดเท้าแล้วหันมา

“คุณน้า...” เสียงเจ้าตัวเบาหวิวมาก ร่องรอยบนลำคอและรอยแดงจ้ำบนแขนขา ดูยังไงก็เหมือนโดนทำลายหรือโดนโทรมมาชัดๆ

แม่ผมแทบจะอุทานออกมาเมื่อเห็นสภาพดิวจะๆ เต็มคาตา ผมและไม้ก็เหมือนกัน...เราก้าวขาไม่ออก ยกเว้นแม่ที่เดินเข้าไปคว้าร่างของดิวมากอดเอาไว้ ดิวซบหน้าลงที่อกแม่แล้วร้องไห้ออกมา ปล่อยความเสียใจใส่คนที่เอ็นดูมันมาตลอดอย่างไม่ปิดบัง

ผมสงสารมัน อยากเข้าไปปลอบเหมือนที่แม่เข้าไปกอดมันนั่นแหละ แต่ตอนนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่ผมจะดีกว่า คนที่ดิวเคารพแล้วก็นับถือมากที่สุดน่าจะเป็นคนที่ดิวเปิดใจให้มากที่สุดในตอนนี้ แม่พาดิวเข้ามาในบ้าน เจ้าตัวยังร้องไห้น้ำตาอาบใบหน้าไปหมด

“ต้นไปเอาเสื้อผ้าน้องมาซิลูก เดี๋ยวดิวอาบน้ำอาบท่าที่นี่นะ น้าทำอาหารเอาไว้ให้...อยู่กินกับน้านะลูก” แม่สวมกอดดิวเอาไว้อีกครั้ง ลูบไล้แผ่นหลังบางสั่นสะท้านนั้นด้วยความห่วงใย

“ครับ...” ดิวขานตอบเสียงเบา

ไม้มันเข้าไปกอดดิวด้วยอีกคน ไปขอโทษที่มันรู้เรื่องแต่มันไม่ได้บอก แล้วมันก็เข้าไปช่วยดิวเอาไว้ไม่ได้ ดิวส่ายหน้า พูดแค่ไม่เป็นไรซ้ำๆ ผมเดินไปยังบ้านฝั่งตรงข้าม ไม่ลืมเอากุญแจสำรองมาด้วยเพื่อเปิดบ้านหลังนี้ ตรงขึ้นไปที่ห้องของมัน หากางเกงขายาวและเสื้อแขนยาวใส่สบาย ไม่ลืมที่จะเอาชั้นในมาให้มันด้วย ก่อนออกจากบ้านดิว ผมก็ล็อกให้อย่างดิบดี คืนนี้บางทีดิวอาจไม่กลับมานอนคนเดียว

แม่ให้ดิวอาบน้ำที่ห้องแม่ ผมก็เลยต้องเอาเสื้อผ้าไปให้แม่ในห้อง อยากจะนั่งรอน้องมันเหมือนกัน อยากจะถามอยากจะคุยเรื่องที่มันหายไปไม่ยอมบอกใคร แล้วก็เรื่องสภาพของมันในวันนี้ แต่แม่ขอให้ผมออกไป

“น้องเปราะบางมากลูก แม่ดูน้องเอง ต้นช่วยเอาข้าวกับข้าวขึ้นมาให้แม่ที่ห้องทีนะ เอายาทากับยากินแก้อักเสบมาด้วย”

“ครับ” ถ้าผมอยู่เองก็คงจะปากหมาใส่อีก ไม่ได้ตั้งใจหรอกบางทีอะ มันหลุดไปเอง

ผมกับไม้ช่วยกันเอาข้าวเอาน้ำและยาที่แม่สั่งขึ้นไปให้ วางไว้ที่โต๊ะคอมพ์แม่เสร็จแล้วก็ถูกให้ออกมา ทว่าผมกับไม้ไม่ยอมไปไหน นั่งลงมันหน้าห้องแม่เนี่ยแหละ กะว่าแอบฟังจะได้รู้ว่าดิวกับแม่คุยอะไรกันบ้าง

“พี่ว่าสภาพแบบนั้น...” ไม้พูดเสียงเบา เดี๋ยวเสียงมันจะรอดเข้าห้อง

“ถ้าไม่สนุกสุดเหวี่ยงก็โดนข่มขืน” ก็ไม่ได้อยากคิดไปแบบนั้นหรอกนะ แต่รอยช้ำบนตัวดิวทำให้คิดไปอย่างอื่นได้มาก หากโดนกระทืบมันน่าจะช้ำแบบอื่น นี่ที่ปากมันมีแค่บวมเจ่อ มีรอยดูดเต็มคอ ส่วนแขนขามันเป็นรอยช้ำๆ โดนบีบหรืออะไรนี่แหละ ผมก็แยกแยะไม่ค่อยออก

“ผมไม่อยากให้เป็นแบบไหนสักข้อเลยอะพี่”

“เหมือนกันแหละ...ไม่ดีเลยสักข้อเดียว” พูดจบเราก็พากันเงียบ

มีเสียงเปิดประตูในห้องของแม่ ดิวคงออกมาจากห้องน้ำแล้ว แม่บอกให้ดิวเอาชุดไปเปลี่ยนซะ ใส่ชุดใหม่จะได้สบายตัว น้ำเสียงของแม่อ่อนโยนและปลอบประโลมอยู่ในที ดิวทำตามอย่างง่ายดาย รับคำแล้วก็ได้ยินเสียงปิดประตู เปลี่ยนชุดเสร็จแม่ชวนดิวกินข้าว บอกกับดิวว่าแม่เป็นคนทำเองกับมือเลยนะ ดิวชอบไหม...นี่ของชอบดิวไง ดิวมันตอบได้แค่ครับ ขอบคุณครับ ถึงจะอยู่นอกห้อง แต่ก็รับรู้ได้ว่าเสียงมันสั่นไปหมดเลย

“คืนนี้นอนกับน้าเนาะ...” แม่บอกกับดิว

“แต่...”

“น้ารู้ว่าหนูเจอเรื่องร้ายๆ มา ให้น้าได้อยู่เป็นเพื่อนสักคืนนะจ้ะ” มันต้องลังเลมากแน่ อยู่ๆ แม่ผมจะให้มันนอนด้วยแบบนี้ ถึงตอนเด็กๆ เราสามคนจะเคยนอนด้วยกันกับแม่ผม แต่นั่นมันก็เรื่องเมื่อนานมาแล้ว

“ครับ..ฮึก...”

“โอ๋ๆ...เด็กน้อยของน้า” ผมเดาว่าแม่ต้องกำลังกอดดิว แล้วก็ลูบหลังที่แสนจะเปราะบางนั้นเบาๆ

“ถ้าหนูอยากจะระบายก็พูดมันออกนะลูก ร้องไห้เอาความเสียใจช้ำใจออกมาให้หมด แล้วหนูจะรู้สึกดีเองนะ...” เสียงร้องไห้ของดิวดังขึ้นกว่าเดิม คนฟังอย่าผมและไม้รับรู้ถึงความเจ็บช้ำผ่านน้ำเสียงมันได้ดี

“ทำไม...ฮึก...ทำไมพวกเขาถึงทำกับผมแบบนี้ ฮื่อๆ ทำไมละครับ...” ผมและไม้ต่างเอาหัวพิงประตู รับรู้ความทรมานของดิวไปพร้อมๆ กัน

“ผมไม่มีหัวใจเหรอครับ...ผมมันน่ารังเกียจเหรอ ทำไมต้องทำกับผมแบบนี้ด้วยละ ฮื่อ...ทำไมละ...ผมทำอะไรให้เหรอ ฮึ้ก ผมก็แค่...อยากให้มีคนรักผมบ้างเท่านั้นเอง ฮื่อๆ ฮื่อๆ” เจ้าไม้เอนหัวซบไหล่ผม

“โอ๋ๆ...มีคนรักหนูนะคะลูก คนรักหนูยังมี เด็กน้อยของน้า...” เสียงของแม่เหมือนเสียงกล่อมเด็กให้นอนหลับ มันอ่อนโยนต่อเราสองพี่น้อง แต่กับดิวที่กำลังบอบช้ำ มันจะได้ผลไหม

“ไม่จริง...พ่อแม่ยังไม่รักผมเลย คนพวกนั้นก็ไม่รักผม...ผมเกิดมาทำไม ฮึ้ก...ผมเกิดเพื่ออะไรฮื่อๆ ผม...ผมไม่น่าเกิดมาเลย ฮื่อ...ผมอยากตาย...” คำพูดของดิวทำให้ผมจุกไปไม่น้อย ตอนที่มันอกหักจากแมท มันก็ทำร้ายตัวเอง...

ทฤษฎีน่ะผมรู้ พอเราเจ็บปวดมากๆ เราก็อยากจะหาทางหลุดพ้น แต่ยังไม่ทันได้เจอทางก็ดันมาเจอแต่ปัญหา เจอแต่ความทุกข์ทรมานใจ ไม่มีที่พึ่งพิงหรือยึดเหนี่ยว เราก็จะคิดว่าเราไม่มีค่า ความหมดหวังสิ้นหวังทำให้คนเราอยากตายให้พ้นๆ ยิ่งคิดว่าไม่มีใครรักเรา ก็ยิ่งไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้

ผมรู้แค่นั้น...แต่ผมไม่เคยเข้าใจมันอย่างจริงจัง ผมไม่เคยรับรู้ว่าแท้จริงแล้วคนที่เจอเรื่องแบบนี้อย่างดิวต้องทนทุกข์ทรมานกับความโดดเดี่ยวมากแค่ไหน เราแค่สงสารเขา เราแค่เห็นใจเขา แต่เราช่วยกลับไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเขา เห็นเขาตัดพ้อ เห็นเขาทำร้ายตัวเองเราก็คิดว่ามันไร้สาระ คนอื่นที่รักเขายังมีแต่ในสายตาเขา เขากลับไม่เห็นใครเลย...

มันน่าเศร้าเมื่อต้องรู้แบบนี้ ผมนึกโทษตัวเองอยู่เหมือนกัน เพราะผมเป็นคนหนึ่งที่เอาแต่ด่ามัน ว่ามัน คิดว่าทำดีแล้วแต่ไม่เลย...มันไม่เคยดีจริงๆ สำหรับดิว ไม้เองก็คงไม่ต่างกับผมเท่าไหร่ มันเป็นเพื่อนที่ให้ค่าคำว่าเพื่อนแค่ที่บ้าน มันไม่สนใจดิวเวลาที่ดิวอยู่ที่โรงเรียนเพราะเพื่อนรอบตัวดิวไม่ถูกกับมัน เราต่างเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่เราไม่เคยลองเข้าใจเขาให้ลึกซึ้งกว่านี้

การกระทำของเราล้วนทำร้ายคนๆ หนึ่ง...คนที่เราเรียกว่าเพื่อน คนที่เราเรียกว่าน้อง คนที่เราบอกว่ารัก ผมมาตระหนักอีกครั้งหลังตระหนักเรื่องทำให้แม่เสียใจหลังจากพ่อตาย ก็ตอนที่ได้ยินคำที่แสนเจ็บปวดจากปากของดิว ผมไม่เห็นหน้ามันแต่ผมรู้ว่าหน้าตาของมันจะน่าสงสารมากขนาดไหน

“น้าเข้าใจ...น้าเข้าใจหนูนะลูก แต่อยากให้หนูอดทน น้ารู้ว่าเหนื่อย...มันลำบาก น้ารู้ว่าความตายมันสบายกว่าการอยู่ต่อ แต่น้าเชื่อว่าถ้าหนูตายไป...มันจะมีคนอีกหลายคนที่เสียใจกับการจากไปของหนู หนูอาจไม่สนใจน้ากับลูกๆ ของน้า แต่พ่อแม่หนูต้องเสียใจมากแน่ๆ ลูก สู้อีกสักหน่อยนะ...สู้เพื่อน้าก็ได้ อย่าพูดว่าอยากตายแบบนั้นอีกเลยลูก...” ผมหวังให้คำปลอบโยนของแม่ช่วยบรรเทาความเสียใจของดิวได้บ้าง

“แต่ผมไม่อยากอยู่อีกต่อไปแล้ว...”

“น้าเข้าใจ...น้าเข้าใจหนูนะ แต่น้าขอเห็นแก่ตัว ขอร้องให้หนูอยู่ต่อได้ไหมละลูก...อยู่ต่อเพื่อความเห็นแก่ตัวของน้าเอง ได้ไหมคะ”

“ผม...”

“น้าอาจไม่ใช่พ่อแม่หนู ความรักของน้าทดแทนในส่วนที่หนูขาดไม่ได้ทั้งหมด แต่น้าจะช่วยทดแทนให้เท่าที่น้าจะทำได้ เพราะน้าก็รักและเอ็นดูหนูเหมือนลูกของน้า...” ความเงียบโรยตัวลงมาปกคลุมเราทั้งสี่คน ภายในห้องเกิดอะไรขึ้นผมอยากรู้มาก แต่ที่อยากรู้ที่สุดก็คงเป็นคำตอบของดิว

ผมและไม้นั่งรอฟังมันอย่างใจจดจ่อ หวังจะได้คำตอบว่าครับหรือไรก็ได้ที่ทำให้คนข้างนอกรับรู้มันได้บ้าง ทว่ารอคอยอยู่นานก็ไม่มีเสียงขานรับ มีแต่เสียงสะอื้นไห้ที่ค่อยๆ เจือจางและหายไป ผมกับไม้นั่งมองหน้ากัน ปรึกษาผ่านความเงียบว่าควรจะเอายังไงต่อไปดี...

เราสองพี่น้องตัดสินใจยืนขึ้นแทบจะพร้อมๆ กัน ดิวยังไม่ตอบคำถามในแบบที่เราได้ยิน แต่คิดว่าแม่น่าจะได้คำตอบแล้ว การที่ดิวเงียบไปแบบนี้เป็นไปได้ที่มันจะหลับหรือไม่ก็อาการดีขึ้นจนไม่น่าเป็นห่วง ผมและไม้แยกย้ายกันกลับห้องใครห้องมันอย่างรู้กัน

พรุ่งนี้เราทั้งคู่น่าจะได้คำตอบจากปากแม่ วันนี้ปล่อยให้ดิวได้นอนหลับในอ้อมกอดของคนที่พอจะทดแทนคำว่าแม่ได้ไปก่อน หวังว่าในค่ำคืนนี้ จะเป็นค่ำคืนที่อบอุ่นสำหรับมัน และขอให้มันหลับฝันดีจนถึงรุ่งเช้า

ผมเปิดผ้าม่านหน้าต่างห้องตัวเองออก รับแสงจันทร์ข้างนอกพลางมองไปที่บ้านอีกหลังฝั่งตรงข้าม บ้านที่ไม่ว่ามองกี่ทีมันช่างโดดเดี่ยวเสียเหลือเกิน แต่คืนนี้...ผมเห็นแค่บ้านธรรมดาหลังหนึ่ง บ้านที่ไร้คนอยู่อาศัย เพราะคนที่ร้องนอนคนเดียวทุกคืนกำลังอยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาวอีกคนที่รักเขาคล้ายกับลูกชายอีกคนหนึ่ง ผมยิ้มบางๆ ให้กับตัวเอง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม...ผมแค่รู้สึกดีที่รู้ว่ามันไม่ต้องนอนเหงาอยู่คนเดียว...

.....100%.....

ขอแทรกความคิดเห็นเราหน่อย...จุดความคิดเรื่องนี้ของเรามาจากเด็กสก๊อยล่ะ เด็กบางคนเสียคนเพราะเพื่อน เพราะสังคมที่เขาเอาตัวเองเข้าไปอยู่ มองเผินๆ ก็น่าสมเพชนะ ใช้ชีวิตแบบ...ไม่ค่อยให้คุณค่าของตัวเอง แต่เพราะพวกเขาไม่มีใครสอนไงว่า อะไรคือคุณค่าของตัวเอง อะไรคือการรักตัวเอง ถ้าเกิดว่า...เราสามารถยื่นมือเข้าไปช่วยเขาได้ แล้วเขาดีขึ้น เราจะยินดีช่วยเขาไหม... เราเอาคำถามนี้เป็นที่ตั้งของเรื่อง แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่ามันโอเคแล้วหรือยังในสายตาคนอื่น

คอมเมนต์ที่เห็นต่างในหลายมุมเป็นเรื่องเกินความคาดหมายของเรา และเราชอบที่จะอ่านควาคิดเห็นเหล่านั้นมากเลยล่ะค่ะ ^^ และการที่เราชอบอ่านคอมเมนต์มากกว่าดูยอดวิว เพราะว่า...เราได้เห็นอีกหลายๆ มุมมอง หลายความคิด ทั้งจากแนวคิดที่เราเขียนและจากฝีมือของเราด้วย

และไม่ว่าคอมเมนต์นั้นจะติเรื่องของเรา จะด่าจะชม เรารักหมดเลยค่ะ...
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 15 -100% [23/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 23-08-2017 22:27:59
อ่านตอนนี้แล้วสงสารดิว

เราพอจะนึกออกว่าดิวคงรู้สึกหมดค่ามากๆในตอนนี้
และดิวก็ยังเด็กมาก มากเกินกว่าที่จะมีกำลังพาตัวเองออกมาจากจุดนั้น แล้วยิ่งไม่มีคนคอยให้คำปรึกษาหรืออยู่ข้างๆ ดิวคงรู้สึกดำดิ่งมากๆ

แต่เราอยากให้ตรงนี้เป็นจุดเปลี่ยนของดิว
อยากให้ดิวกล้าที่จะก้าวออกมาจากกลุ่มเพื่อนพวกนั้น
เราเชื่อว่าถ้าดิวใกล้ชิดกับบ้านต้น ซึ่งมีพื้นฐานความอบอุ่นมากๆ ดิวจะทำได้ เข้มแข็งด้วยตัวเองได้

เรื่องที่ว่าโหยหาความรักความอบอุ่น ถ้าดิวเข้มแข็ง มันจะผ่านไป

อยากให้ดิวเปลี่ยนตัวเองจังเลยอะ มีครอบครัวต้นอยู่ข้างๆ น่าจะทำให้ดิวผ่านไปได้นะ

เรื่องรักๆใคร่ๆ ก็ปล่อยๆไปก่อน ใช้ชีวิตตัวเองให้ดีก่อน
เลิกตั้งคำถาม ว่าทำไมตัวเองไม่มีค่า คนจะมีค่า มันต้องเห็นคุณค่าของตัวเองก่อนสิลูกเอ้ยยยย

เอาใจช่วยดิวแล้วกันนะ

/ทำไมอินล่ะ 555555555
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 15 -100% [23/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 23-08-2017 23:51:25
เป็นอะไร มากไหม ใคร่อยากถาม
ร้องงอแง ทุกโมงยาม ตามใจขอ
เมื่อไม่ได้ ก็โยเย เห่โห่รอ
กล่าวโทษพ่อ ว่าร้ายแม่ แย่พอกัน

อย่าสงสัย ว่าใครใคร ก็ไม่รัก
ทุกคนผลัก ไล่ไสส่ง ลงที่ฉัน
หัดแหกหู ดูด้วยตา ว่าใครกัน
เอาแต่ใจ ตัวเองนั้น มันไม่พอ

เฮ้ออออออออ...
เจอคนแบบนี้เข้าไป คงเหนื่อยตายเปล่า 
หึหึ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 15 -100% [23/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 24-08-2017 00:07:41
เสียน้ำตาเลยครับ,,,
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 15 -100% [23/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-08-2017 00:10:34
อะไรมันจะแย่ขนาดนี้จะ น่าสงสารหลานดิวจังเลย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 15 -100% [23/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-08-2017 00:32:57
ถึงจะก้าวพ้นมาได้ แต่เชื่อเถอะ อดีตเหล่านั้นได้ตามมาหลอกหลอนดิวต่อแน่ๆ ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 16 -100% [25/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 25-08-2017 19:52:23
>>ตอนที่ 16 [100%]<<

(ดิว)
หลังจากเจอเรื่องร้ายๆ มา ผมคิดว่าตอนนี้ผมมีความสุขมากที่มีคนรักอย่างพี่ชิน พี่เขาเป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดีมาก ชวนผมคุยและสามารถทำให้ผมหัวเราะได้เสมอ ผมอยู่กับพี่เขาแล้วผมมีความสุข ลืมเรื่องราวร้ายๆ ไปได้เยอะ

ผมไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถหลุดพ้นจากพี่แมทได้ ผมคบกับเขานานที่สุด รักเขามากที่ยอมและเชื่อใจเขามากที่สุด เมื่อเขาทิ้งผมไป ผมเหมือนลอยคว้างอยู่บนที่สูง ร่างกายกำลังดิ่งมาข้างล่างเพื่อจะตายจากโลกนี้ไป แต่เพราะเพื่อนแนะนำให้รู้จักกับพี่โอม พี่โอมเป็นคนดี เขาน่ารักแล้วก็พูดจาเพราะ เขาคล้ายพี่แมทมากจนบางครั้งผมก็เผลอคิดว่าเขาเหมือนพี่แมทเหลือเกิน นั่นทำใหผมรักเขาและอยากอยู่กับเขาไปนานๆ ทว่าเขาคงเหมือนพี่แมทมากไป รวมถึงมีผมไว้เป็นของแก้เหงาเหมือนพี่แมทด้วย

ผมเป๋...ผมหาทางไปต่อให้ชีวิตตัวเองไม่ถูก รักใคร เขาคนนั้นก็ไม่เคยรักเรา ผมระบายความรู้สึกตัวเองลงเฟซบุ๊กส่วนตัว พี่ชินไม่ได้เมนต์หน้าโพสต์แต่อินบ็อกเข้ามาหา ผมรู้สึกอยากระบายความเจ็บปวดนี้ให้ใครสักคนฟัง แล้วพี่ชินก็เป็นคนๆ นั้นที่ผมไว้ใจ

ผมคงจะดูใจง่ายไปหน่อย...แต่พอพี่ชินบอกกับผมว่าเขาแอบชอบผมมานานแล้ว หัวใจเจ้ากรรมก็ดันพองโต การมีคนมารักเรามันเป็นความรู้สึกดีที่บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้จริงๆ ผมตอบตกลงจะคบกับพี่ชินทันที ไม่มีความลังเลอะไรเพราะคิดว่าการได้อยู่กับคนที่รักเราเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุด

แต่แล้ว...พี่ชินกลับทำร้ายผมยิ่งกว่าใครๆ

“คืองี้นะน้องดิว...” พี่ชินปล่อยมือผมเมื่อเดินมาถึงโต๊ะกินข้าว เพื่อนๆ ของเขาจับจ้องมาทางเรา มันสร้างความเก้อเขินให้ผมไม่น้อย ปกติผมกับพี่ชินจะแยกไปกินข้าวกันสองคน สวีตไม่สนใจว่าใครจะมองยังไง พี่ชินเองก็ไม่แคร์ใครด้วย เขาแสดงความรักผมต่อสายตาทุกคน

“ครับ?” รู้สึกตื่นเต้นจัง พี่ชินพาเรามาที่โต๊ะเพื่อนเขาทำไมกัน

“พี่น่ะพนันกับเพื่อนเอาไว้ ว่าพี่...สามารถฟันน้องได้ภายในหนึ่งอาทิตย์” สมองประมวลผลไม่ทัน เพื่อนพี่ชินโห่แซ็ว แล้วพี่เขาก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดรูปที่ผมหลับแล้วไม่ได้ใส่เสื้อผ้าให้เพื่อนเขาดู

เพื่อนเขาแต่ละคนเริ่มหยิบเงินส่งมาให้พี่ชิน กล่าวชื่นชมว่ามึงเก่ง มึงเจ๋ง มึงทำได้ดีมากเพื่อน กูยอมแพ้เลยจริงๆ เสน่ห์แรงไม่เปลี่ยนแบบนี้ มิน่าใครๆ ก็หลงมึงหัวปักหัวปำ พี่ชินยิ้มกว้าง วางท่าว่าเออกูแน่กูเจ๋ง ในขณะที่ผมทำได้แค่ยืนโง่ๆ เป็นตัวตลกให้พวกเขาหัวเราะเยาะ

“แล้วเป็นไง...ลีลาดีปะวะ”

“ก็ต้องดีสิวะ สมราคาคุยอะมึง...” พี่ชินกวาดสายตามองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

“ข้างนอกว่าขาวแล้ว ข้างในขาวกว่าเยอะมึง ใช้ปากเก่งด้วย...” เขาเลียริมฝีปากตัวเอง เพื่อนๆ ก็ส่งเสียงโห่ร้อง

ผมเริ่มเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างช้าๆ ไม่ใช่โง่จนไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่บางครั้งผมก็ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน ได้รู้และได้เห็น พวกเขาเริ่มเข้ามาสำรวจร่างกายผม พูดเรื่องข่าวลือว่าผมมันร่าน บ้างละ น่าลองบ้างล่ะ บางคนชวนผมไปมีอะไรกันในห้องน้ำโรงเรียน จับเนื้อตัวผม พลิกไปพลิกมาเหมือนผมเป็นสิ่งของ

ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่า...พี่ชินที่บอกรักผมนักรักผมหนาจะทำกับผมแบบนี้ได้ ผมไม่รู้ว่าผมไปทำอะไรให้พวกเขาไม่พอใจถึงต้องทำกับผมอย่างนี้ ผมรับมันไม่ได้...ไม่อยากเชื่อว่าทุกอย่างนี้คือเรื่องจริง แต่มันก็ต้องเชื่อ

ผมค่อยๆ สาวเท้าออกมาจากวล้อม ดวงตาฉ่ำน้ำจ้องมองรอยยิ้มขำขันของพี่ชิน มันยิ่งกว่าโดนตบ มันยิ่งกว่าโดนกระทืบ ความเจ็บร้าวเกิดในอกรุนแรงมากเหลือเกิน ร่างกายคล้ายจะอ่อนแรง ผมต้องฝืนตัวเองมากในแต่ละก้าวที่ถอยออกมา

“เฮ้ย หยุดเลย...อย่ามาทำอะไรเพื่อนผม!” ไม้เข้ามาพลักชายคนหนึ่งที่กำลังลากมือลวนลามผมอยู่ให้ออกไป มันหันมามอง...ผมไม่ชอบแววตาสงสารนั่น

ผมตั้งท่าจะวิ่งหนี แต่ไม้ก็รั้งข้อมือของผมเอาไว้ มันจะพาผมไปไหนสักทีแต่ผมไม่ยอมไป ผมดิ้นให้แรงที่สุดเท่าที่กำลังตอนนี้จะทำได้ เพื่อหนีไปจากตรงนี้ ตรงที่ทุกคนเอาแต่หัวเราะเยาะผม เห็นผมเป็นตัวตลก เป็นคนไร้ค่า...เป็นเหมือนขยะที่น่าตาน่าชัง

ผมวิ่งไปเอากระเป๋าของตัวเองแล้วมุ่งหน้ากลับบ้าน...บ้านที่ไม่เคยมีใครอยู่เลย ผมมักจะเอามือลูบบานประตูห้องพ่อกับแม่ทุกครั้งที่เดินผ่าน แต่วันนี้แค่มองมันผมก็ร้องไห้อย่างกับจะเป็นจะตาย เพราะมันตอกย้ำลงมาในความรู้สึกของผมว่า...ผมไม่มีใคร

ผมเอาแต่ร้องไห้แล้วถามว่าทำไม...ทำไม...ทำไมอยู่อย่างนั้นซ้ำๆ ผมเชื่อว่าทุกคนเจออย่างผมก็คงตั้งคำถามเดียวกัน ผมแค่ต้องการความรักจากใครสักคน อยากเป็นคนพิเศษสำหรับใครบ้าง ต่อให้ต้องเอาตัวเข้าแลกเพื่อได้สิ่งนั้นมา ผมก็ยินดี พี่ชินเป็นคนที่ไม่เคยลวนลามอะไรผมเลย ไม่เคยพูดขอด้วยซ้ำ ผมเลยคิดว่าเขาช่างเป็นคนดี ไม่เหมือนที่ผ่านมา ทั้งพี่แมทและพี่โอมขอนอนกับผมตั้งแต่วันแรกที่เราคบกัน และผมก็ยอม

เพื่อนของผมบอกว่า...เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมดา เขาอยากมีอะไรกับเราแสดงว่าเขารักเรา ยิ่งเราทำให้เขาชอบใจหรือพอใจในลีลามากเท่าไหร่ เขาก็จะรักจะหลงเรามากเท่านั้น ผมก็เลยพยายาม ทั้งดูคลิป ทั้งศึกษาและถามเพื่อนๆ ต่อให้อายหน้าแทบไหม้ผมก็ทำให้พวกเขามีคงวามสุข ช่วงเวลาเหล่านั้น...สีหน้าที่มองผมอย่างหลงใหลและรักใคร่ ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีค่า...

และเมื่อคืนพี่ชินก็ทำให้ผมรู้สึกมีค่ามากที่สุดในชีวิต เขาช่างอ่อนโยน คำพูดปลอบประโลมไม่ให้ผมกลัวในสิ่งที่จะเกิดขึ้น แม้ว่าผมจะบอกเขาว่าผมเคยแล้วแต่พี่เขาก็ยังอ่อนโยนกับผม มันเป็นการทะนุถนอมที่ผมไม่ได้รับมันนานมากแล้ว

เหมือนล่องลอยอยู่ในฝัน...จนกระทั่งเที่ยงวันนี้ พี่ชินใจร้าย พี่ชินดับลมหายใจของผมต่อหน้าต่อตาคนอื่น ผมรู้ว่ามีข่าวลือเสียๆ หายมากมายในโรงเรียน เพราะผมคุยกับคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยและยอมคนอื่นง่ายๆ เขาไม่เป็นผม..เขาไม่เข้าใจผม เพื่อนผมมักพูดเสมอว่าพวกนั้นก็แค่อิจฉาที่ไม่มีคนมาสนใจได้มากเท่ากับผม ผมก็เลยจุดนั้นมาทำให้ตัวเองสู้ๆ บอกตัวเองว่าช่างมัน แค่ข่าวลือไร้สาระ

วันนี้มันคงมีข่าวลือมากขึ้นอีก และต่อไปทุกคนจะมองผมด้วยสายตาหยามเหยียด พวกเขาอาจพูดได้ว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผมเลย แต่พวกเขาก็ผลักไสผมออกไปจากสังคมเหล่านั้นด้วยการมองเหยียด และพูดจาถากถางใส่ ไม่ใช่ผมไม่เคยโดนแต่ผมอยู่ได้เพราะเพื่อนๆ ของผมโต้เถียงกับคนเหล่านั้นไม่ยอมแพ้ ผมถึงรักพวกมัน...และเชื่อว่าพวกมันคือเพื่อนที่ดีที่สุดที่ผมมี

“ดิว!” เสียงเรียกแว่วๆ หน้าบ้านคุ้นว่าเป็นเสียงเพื่อน ผมปาดน้ำตาตัวเองทิ้งแล้วเดินไปดูคนเรียกที่หน้าต่าง

“คิง กาน” เพื่อนขอผมมาหาผมถึงนี่เลย พวกมันเป็นคนดีจัง...

ผมรีบลงไปหาพวกมัน คว้าร่างของเพื่อนทั้งสองเอาไว้เต็มอ้อมแขน พวกมันก็กอดผมเอาไว้ ลูบหลังปลอมให้ผมใจเย็นๆ อย่าร้องไห้ อย่าไปเสียใจกับคนเลวๆ อย่างไอ้ชินนั่นเลย ดิวก็แค่มีคนใหม่ที่ดีกว่ามันมาอวดมัน เท่านี้ก็แก้แค้นได้แล้ว

คิงกับกานไม่ยอมปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว มันไม่อยากให้ผมเอาแต่เศร้าแล้วก็ร้องไห้ เดี๋ยวหมดหล่อคนจะไม่สนใจ ก็เลยพาผมไปเที่ยว ให้ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าให้น่ารักที่สุด คิงรับรองอย่างดิบดีว่าคืนนี้จะทำให้ผมลืมเรื่องราวบัดซบในวันนี้ให้หมดไป

คิงกับกับกานพาผมมาเที่ยวที่ที่หนึ่ง สองข้างทางเป็นตึกที่ตกแต่งไว้อาร์ตๆ และมีผับบาร์มากมายเรียงอยู่ เพื่อนอีกสามคนของผมตามมา พวกมันแต่งตัวกันสุดๆ ใส่ขาสั้นเท่าที่จะใส่ได้แล้วก็ใส่เสื้อน่ารัก ทำหน้าแบ๊วๆ แกล้งให้ผมขำ แต่ผมก็แค่ยิ้มอ่อนให้ความติงต๊องของพวกมันเท่านั้น พวกเราเป็นกลุ่มที่คนทั่วไปเรียกว่าตุ๊ด ผมเคยปฏิเสธว่าผมไม่เหมือนพวกมันแต่ผมก็ปฏิเสธไม่ออก ผมอาจจะไม่ตุ้งติ้งอย่างเพื่อนๆ แต่ผมก็ชอบผู้ชาย อีกอย่าง...พวกมันน่ารักดี เป็นเพื่อนที่ดีแตกต่างจากเพื่อนคนอื่นๆ ในห้องที่มองเราเหมือนตัวประหลาด

เราเดินเล่นกันไปตลอดทาง แวะซอกนั้นซอกนี้ไปเรื่อยเปื่อย เพื่อนคนหนึ่งบอกว่ามีร้านเด็ดเปิดอยู่ในซอก เป็นร้านที่เกย์เขาไปเที่ยวกัน จริงๆ พวกเราอายุไม่ถึง เขาห้ามต่ำกว่ายี่สิบเข้าสถานบังเทิงประเภทนี้ แต่เพื่อนผมมันหาทางเข้าได้ เรารอจนร้านเปิด จากนั้นเพื่อนผมก็ไปคุยกับคนคุม พวกเขาเปิดทางให้เราเข้าซ้ำยังเลือกโต๊ะที่ดีมากๆ ให้เราโต๊ะหนึ่ง กานเป็นคนสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาที่โต๊ะ

ผมเคยดื่มตอนอยู่กับพี่แมท แต่รู้ว่าตัวเองจะคออ่อนมาก ดื่มไม่เท่าไหร่ก็เมา แต่นอกจากเหล้ายังมีอย่างอื่นอีกด้วย เพื่อนผมบอกให้ผมลองกินดู มันไม่ใช่ยาเสพติดหรอกแต่มันจะทำให้เรามึนเบลอ คืนนี้ดิวจะมีความสุขยิ่งกว่าตอนขึ้นเตียงกับไอ้สารเลวชิน ผมไม่กล้าหรอก แต่พอโดนเชียร์มากเข้า...ผมก็กินมันเข้าไป

“ขอนั่งด้วยได้ไหมครับเนี่ย...” ผมกลืนยาลงไป ผู้ชายกลุ่มหนึ่งก็เข้ามา

”เชิญเลยฮะ” เพื่อนผมผายมือเชื้อเชิญให้พวกเขานั่ง แต่ละคนหล่อมาก รูปร่างกำยำน่าเกรงขาม คนที่เข้ามาขอนั่งด้วยมองผมด้วยสายตาสื่อความหมาย ผมพอเดาได้...เวลาแฟนผมอยากได้ผมเขามักมองแบบนี้

“พี่ชื่อใหม่นะครับ น้องละชื่ออะไร” เขาถาม ผมเริ่มตาพร่าจากเหล้าและยาที่เพื่อนให้กิน ไม่รู้มันเป็นยาอะไร แต่มันทำให้ผมรู้สึกดีและมีความสุขขึ้นมาเรื่อยๆ

“ผมชื่อดิวครับ”

“ชื่อน่ารักเหมือนตัวน้องเลย” เขาขยับเข้ามานั่งใกล้ ผมเอาสายตาไปหยุดไว้ที่เขาจนไม่ได้มองดูว่าคนอื่นเขาคุยหรือทำอะไรกัน

“พี่ใหม่ก็ชมเกินไปครับ ดิวไม่ได้น่ารักขนาดนั้นเสียหน่อย”

“ไม่จริง น้องดิวน่ารักมาก เห็นปุ้บก็ตกหลุมรักปั้บเลยละครับ”

“ปากหวาน...” ผมว่าแล้วหลบตา คว้าเหล้ามาดื่มแก้ขัดเขิน เขาดูอายุมากกว่าคนอื่นที่ผมเคยคบ มีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ แค่นั่งใกล้ก็รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย

“เรามักจะปากหวานใส่คนที่เราชอบเสมอนั่นแหละครับ” ฝ่ามือหนาวางลงที่ขาอ่อนของผม เขาลูบมันเบาๆ แล้วผมก็ไม่ได้ชักขาหลบหลีกอะไร

“จริงเหรอครับ”

“จริงสิครับน้องดิว แต่น้องดิวเพิ่งเคยแบบเที่ยวที่แบบนี้แน่เลยใช่ไหม...แอบหนีแฟนมาเที่ยวหรือเปล่าเนี่ย” ผมรีบส่ายหน้า

“ผมไม่มีแฟนหรอกครับ”

“เพื่อนผมมันเพิ่งโดนทิ้ง พี่ใหม่ปลอบใจมันหน่อยนะครับ” เพื่อนๆ ข้างผมแทรกขึ้นมา

“อ่า...ใครช่างใจร้ายกับน้องดิวกันนะ มา เรามาดื่มให้ลืมมันไปเลยดีกว่าเนาะ” พี่ใหม่เอื้อมไปหยิบเหล้ามาชนแก้ว แม้ว่ารสชาติของเหล้าจะไม่อร่อยแต่ผมก็ยกมันจนหมดแก้วในรวดเดียว

“พี่ใหม่มาเที่ยวที่นี่บ่อยเหรอครับ” พี่ใหม่แย่งแก้วผมไปชงเหล้า เขาเอากลับมาส่งถึงมือเมื่อชงเสร็จ

“เปล่าครับ...นานมาที คนโสดอะครับ มันก็ต้องเหงาจนทนไม่ได้บ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่วันนี้พี่ว่าพี่โชคดีที่ออกมา เพราะว่าพี่ได้เจอน้องดิว...” พี่ใหม่โน้มหน้าเข้ามาใกล้

“พี่จีบน้องดิวได้หรือเปล่าครับ” เราสบตากันนในระยะประชิด ผมจะเบี่ยงหน้าหลบก็ไม่ได้ พี่เขาจับปลายคางของผมเอาไว้

“อื้ม...” ยังไม่ทันได้ให้คำตอบ พี่ชินก็จูบปากผมเสียแล้ว

ด้วยฤทธิ์เหล้าและฤทธิ์ยา ผมควบคุมตัวเองแทบไม่ได้เลย พอพี่เขาสอดลิ้นเข้ามา ตัวเองก็ตอบสนองเขากลับทันที ร่างกายของผมร้อนรุ่มและเต็มไปด้วยความอยากอย่างมาหาศาล ตัวเองเป็นคนขยับขึ้นไปนั่งคร่อมตักของพี่เขาเอาไว้ น่าอายมากๆ ข้างในมันร่ำร้องแบบนั้นแล้วสั่งให้ตัวเองหยุด แต่เหมือนสติของผมจะเตลิดไปไกลเกินควบคุม ผมไม่สามารถหยุดร่างกายของตัวเองได้

“อ่าห์...น้องดิวของพี่เร่าร้อนมาก แต่ใจเย็นก่อนนะครับ” พี่ใหม่เป็นฝ่ายระริมฝีปากออกก่อน ผมซบหน้าเข้าซอกคอแกร่ง จูบและหอมมันอย่างต้องการ พี่เขากอดผมเอาไว้แน่น ถึงสั่งให้พอแต่ก็ไม่ยอมปล่อยผมไป

“น้องดิวทำให้พี่ทนไม่ไหวนะครับ...” เสียงพี่เขากระเส่ามาก

“ผมก็ไม่ไหว...” ตอบก่อนจะงับเนื้อคอตรงคอ พี่ใหม่กระตุกเบาๆ เขาก้มหน้ามามองก่อนมอบจูบหวานๆ ให้กับผม

แต่มันก็แค่ครู่เดียว ผมมองหน้าพี่ใหม่อย่างเสียดาย ยังมีความอยาก ความต้องการอยู่มาก พี่เขายิ้ม ดึงผมให้ลุกขึ้นแล้วลากไปที่อื่น ผมก็เดินตามไปแบบมึนๆ เบลอๆ มองทางหรือแสงสีไม่ชัด ตอนนี้มีนักเต้นผู้ชายขึ้นไปบนเวที พวกเขากำลังรูดเสาและยั่วยวนคนดูอยู่ข้างล่าง ผมเหลือบมองถึงมันจะไม่ชัดก็ตาม แต่อะไรแบบนี้ในระยะประชิดผมเพิ่งเคยเห็นมาก่อน

พี่ใหม่ลากผมเข้ามาในห้องน้ำห้องในสุด คนเยอะแต่ก็ไม่เข้ามาเพื่อทำธุระอะไร ผมเห็นว่าแต่ละคนกำลังนัวเนียอยู่กับคู่ของตัวเองในมุมของตัวเอง เห็นแล้วหน้าร้อนผ่าวไปหมด ผมหลบสายตา ไม่กล้ามองพวกเขา กลัวว่าพวกเขาจะต่อว่าที่ผมยืนจ้อง พี่ใหม่ดึงผมเข้ามาในห้องน้ำด้านในสุด ร่างบอบบางโดนเหวี่ยงเข้าผนัง ไม่ได้รุนแรงจนเจ็บ กลับกันมันเพิ่มความต้องการให้ผมได้อย่างมากมาย

พี่ใหม่ไม่พูดพร่ำ เขากดจูบริมฝีปากของผมหื่นกระหายกว่าเดิม เรียวลิ้นซอกซอนเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของผมในโพรงปาก ขณะเดียวกันผมรู้ว่ากางเกงขาสั้นตัวเองกำลังโดนปลดออก ฝ่ามือร้อนชื้นไล่สัมผัสเนื้อหนังของผมแทบจะทั่วร่าง ก่อนที่จะหยุดแล้วก็เค้นคลึงจุดกลางกายของผมอย่างเอาอกเอาใจ

เหมือนเราต้องทำเวลา เป็นความเร่งรีบที่ตื่นเต้นและเร้าใจมาก พี่ใหม่คว้ามือผมไปวางที่เป้ากางเกงของเขา ผมปลดซิปและตะขอมันออกทันที มาขนาดนี้แล้วไม่ต้องบอกว่าผมควรทำอะไร ผมรู้หน้าที่ตัวเองดี

“พี่ไม่มีเจลเลยครับ...” พี่ใหม่กระซิบเสียงพล่าปากชิดปาก

“ไม่เป็นไรครับพี่” ด้วยคววามอยาก ยอมเจ็บหน่อยก็ไม่เป็นไร

“ทนหน่อยนะครับ”

“อื้อ...อ้ะครับ” พี่ใหม่สอดนิ้วเข้ามาในร่างของผม เขาวนนิ้วไปมาจนรู้สึกว่าส่วนนั้นหายฝืดไปบ้าง

พี่ใหม่จัดการสวมถุงยางให้น้องขนาดใหญ่ของตัวเอง จากนั้นสอดแขนเข้ามาใต้ข้อพับเข่าข้างหนึ่งของผมเอาไว้ ค่อยๆ สอดแทรกเจ้าส่วนนั้นเข้ามาในร่างผมช้าๆ ผมคงจะเมาและมีความต้องการมาก ถึงไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรกับการสอดใส่เข้ามา ซ้ำยังมีแต่ความต้องการไม้สิ้นสุด ผมได้ยินตัวเองร้องขอให้พี่ใหม่เข้ามาในตัวผมเร็วๆ ผมอยากมากแล้ว ผมควบคุมสติตัวเองไม่ได้เลย

“อ๊ะ อ๊ะ..อื้อพี่ใหม่” พี่เขาเริ่มขยับช้าๆ เน้นเข้ามาด้านในลึกๆ จนผมเสียววูบไปทั้งท้องน้อย

“จุ๊ๆ นะคนดี...” แรงส่งหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ผมจิกเสื้อของพี่ใหม่เอาไว้แน่นขณะเงยหน้ากลั้นเสียงครางแสนสยิวของตัวเอง

ผมมีความสุขมาก ร่างกายที่รับแรงกระแทกกระทั้นเหมือนจะล่องลอยไปบนฟากฟ้า ยิ่งพี่ใหม่เพิ่มแรงมากเท่าไหร่ ผมก็อยากจะเสร็จมากเท่านั้น พี่เขาช่างแรงดีไม่มีตกจริงๆ ผมชอบจนได้แต่ครางเรียกชื่อเขาและขอให้เขาทำกับผมแรงกว่านี้อีก เสียงร้องของผมดังไปหรือเปล่าผมไม่รู้ ห้องน้ำสั่นไหวมากแค่ไหนผมก็ไม่รู้ ผมรับรู้แค่ส่วนนั้นเข้ามากระแทกย้ำภายในหนักๆ พี่ใหม่ค่อนข้างทำเวลา และผมชอบอะไรที่มันหนักหน่วงอย่างนี้มากเหลือเกิน เพียงไม่นานทั้งผมและเขาก็ปลดปล่อยความต้องการอันร้อนแรงออกมาทั้งคู่ แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันยังไม่พอ...ผมอยากได้มากกว่าอีก


....100%....

แบบนี้เรียกเข้าขั้นมั่วแล้วนะลูก....
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 16 -100% [25/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 25-08-2017 20:06:44
เม้นท์ไม่ออก สงสารดิว
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 16 -100% [25/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 25-08-2017 21:50:32
เป็นถึงขนาดนี้คงต้องพาไปพบจิตแพทย์
บำบัดรักษาจิตใจเหอะ..ดิว

อาการนี้ไม่ธรรมดาแล้วล่ะ
จะได้กลับมาจิตปกติ..หายไง

ไปนะ..ไปรักษา
น่าเป็นห่วงอนาคต

+1 คนแต่ง
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 16 -100% [25/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 25-08-2017 22:13:34
ชีวิตดิวมันเป๋มาตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว... สงสารดิว  :hao5:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 16 -100% [25/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 25-08-2017 23:05:41
ดิวว มาถึงขนาดนี้ได้ไง เพื่อนก็นะ เฮ่ออ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 16 -100% [25/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Namwhankn ที่ 26-08-2017 00:02:23
ถ้าโดนทำมาขนาดนี้แล้วคิดไม่ได้ ยังเป็นแบบนี้อีกก็ไม่มีความสงสารใดๆให้ดิวเเล้วล่ะ ทำตัวไร้ค่าเป็นดอกไม้ข้างทางที่ใครจะเด็ดมาดมเเล้วทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ ดิวไม่มีค่าคู่ควรกับคนดีๆอย่างต้นเลย พระเอกควรได้เจอคนดีๆไม่ใช่คนไร้ค่าแบบนี้ กว่าจะถึงวันที่รักกันดิวคงเละจนไม่เกลืออะไรเเล้วล่ะ อ่านตอนนี้เเล้วโกรธมากอ่ะ น่าจะคิดได้เเล้วดิจะทำตัวให้เเย่กว่าเดิมทำไมวะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 16 -100% [25/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-08-2017 00:12:52
 :fcuk: ถ้าเป็นหลานคนแก่นะ จะตบกระโหลกให้นวมเลย  :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 16 -100% [25/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 27-08-2017 23:32:23
มั่วมากเลยดิว,,,
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 16 -100% [25/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 27-08-2017 23:55:20
อยากให้ต้นเจอคนที่ดีกว่าดิว ไม่อยากให้คู่กันเลย ต้นเป็นคนดีเกินไป ดิวก็โง่เกินไปคิดอะไรไม่เป็น เฮ้อเนื้อเรื่องเป็นยังไงต่อไปก็แล้วแต่คนเขียนละกันนะคะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 17 - 100% [28/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 28-08-2017 20:56:47
>>ตอนที่ 17 [100%]<<

“คืนนี้พี่จะทำให้น้องดิวมีความสุขทั้งคืนเลย แต่ตอนนี้เราต้องกลับไปรวมกับเพื่อนๆ กันก่อนนะ” พี่ใหม่พยายามกล่อมผมที่งอแงอยากทำต่อ

“ก็ได้...” ผมตอบกลับเสียงอ้อแอ้

มาถึงโต๊ะ ทุกคนมองเราด้วยสายตาล้อเลียน ผมไม่สนใจ นั่งดื่มและคลอเคลียยอยู่กับพี่ใหม่ เหล้าหมดไปหนึ่งกลมแล้ว เพื่อนพี่ใหม่ที่มานั่งข้างผมเมื่อไหร่ไม่รู้สั่งเหล้ามาเพิ่ม ผมเริ่มจำอะไรไม่ได้มาก รู้แค่ว่าคนข้างๆ ที่ไม่ใช่พี่ใหม่ลวนลามผมแล้วผมก็ดันตอบสนองเขาไป เหล้ากลมที่สองหมดลง เราตัดสินใจไปต่อกันที่โรงแรม เพื่อนๆ ของผมก้ไปด้วย

ร่างแทบไร้สติของผมถูกกอดตั้งแต่เดินเข้ามาในห้อง เพื่อนพี่ใหม่มอบจูบที่แสนดุดเดือดให้กับผมพร้อมกับกระชากกางเกงของผมออกไปจากตัว ร่างผมถูกดึงออกมาให้พ้นประตู ตามด้วยใครอีกคนที่เข้ามากอดด้านหลัง เขาคนนั้นระดมจูบไปที่ลำคอขาว ฟัดและกัดมันอย่างหมั่นเขี้ยว

“ถุงยางมีเยอะเปล่าวะ” ใครคนหนึ่งถามขึ้น

“มีเหลือเฝือเลยมึง”

“เยี่ยม...” เสื้อของผมถูกพรากไปจากกาย มือของใครต่อใรสัมผัสเนื้อตัวของผม

ผมได้ยินเสียงครางเบาๆ แว่วมาจากทั่วทุกทิศทาง ผมมองไม่เห็นอะไรรอบด้าน ตัวของผมโดนผู้ชายประกบทั้งหมดสองถึงสามคนได้ พวกเขาเริ่มโลมไล้ผมจนผมไม่มีแรงจะยืน ร่างผมทรุดลงกับพื้นพร้อมกับมีส่วนนั้นจ่อเข้าที่ปาก ผมอ้ารับมัน กลืนกินมันอย่างตะกรุบตะกราม ด้านหลังมีคนพยายามสอดแทรกส่วนนั้นเข้ามา ผมแทบจะคายของในปากออกเพื่อครางระบายความเสียซ่านที่ได้รับ

ผมไม่เคยเจออะไรอย่างนี้ แต่ผมรู้สึกชอบมันมาก ผมพร้อมปรนเปรอทุกคนที่เข้ามาเอาไอ้นั่นจ่อปากของผมเอาไว้ ผมไม่รู้ว่าผ่านไปทั้งหมดกี่คนแล้วที่ผมใช้ปากให้ ตอนนี้ร่างของผมนอนอยู่บนพื้น หัวหนุนอยู่ตกใครสักคนและปากกำลังดูดกลืนส่วนนั้นของคนที่ผมนอนหนุนอยู่ ร่างกายไหวโยกรุนแรง ภาพที่เห็นเบลอและพล่าเลือนไปเสียหมด คนกระทำส่งแรงมาไม่ยั้ง ผมไม่รู้ถึงความเจ็บ...ผมแค่สนุกและเมามันกับสิ่งนั้น

ภาพต่างๆ ค่อยๆ เลือนรางและหายไป ผมรู้สึกตัวอีกทีตอนเช้า แทบจะขยับร่างกายไม่ได้ ทำได้แค่ลืมตาเพื่อมองทุกสอ่งทุกอย่างรอบด้าน ผมไม่เห็นเพื่อนผมเลยสักคน มีแค่ผู้ชายที่ผมไม่คุ้นหน้านอกจากพี่ใหม่

เหตุการณ์ต่างๆ ไหลเข้ามาในหัว ผมไม่อยากเขื่อว่าตัวเองมั่วผู้ชายได้ขนาดนนี้ ร่างกายเหมือนถุกใช้งานมาหนัก ผมปวดระบมไปทั้ตัวแต่ก็พยายามจะลุกขึ้นเพ่อหนีคนพวกนี้ เมื่อคืนผมเมาทั้งเหล้าและยา ทว่าตอนนี้สติผมกลับมาแล้ว...

“น้องดิวตื่นแล้วเหรอครับ...” ผมสะดุ้งเมื่อมีคนเอ่ยทัก ผมรั้งร่างตัวเองขึ้นจากที่นอน กระเถิบถอยหลังหนี

คนอื่นๆ เริ่มตื่นตาม พวกเขายิ้มให้ผมเป็นสิ่งแรก พร้อมกับค่อยๆ เคลื่อนกายเข้ามาหา ดวงตาหิวกระหายพวกนั้นล้วนน่ากลัว ผมวาผหวาดกับสิ่งที่รายล้อมผมอยู่ตอนนี้ เมื่อคืนผมทำบ้าอะไรลงไป ถึงจะต้องการความรักจากใครสักคน แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากให้มันเกิดขึ้นเลย...

“เรามาสนุกกันต่ออีกหน่อยดีกว่าครับ” ขาของผมโดนกระชาก ผมพยายามดิ้นรน

“ปล่อยผมนะ ฮื่อ...ปล่อยผม...อย่าทำอะไรผมนะครับ”

“อ่าว นี่มันหนังคนละม้วนกับเมื่อคืนเลยนี่ครับน้องดิว ไม่เอาหน่า พวกเราสนุกกันไปทั้งคืน จะต่อรอบเช้าอีกหน่อยไม่เห็นเป็นไรเลย” คนที่ค่อมอยู่เอ่ยบอกยิ้มๆ

“ไม่ เมื่อคืนผมเมา...ผะผม...ผมไม่ชอบ”

“แน้ พูดแบบนี้ไม่น่ารักเลย สงสัยต้องทวนความจำ” มีคนส่งถุงยางให้ เขารับแล้วสวมมันอย่างชำนาญ ต่อให้ผมใช้แรงทั้งหมดเพื่อหนีจากเงื้อมมือคนตรงหน้า แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เขาสอดใส่เข้ามาอย่างรุนแรงและดุดัน ผมเจ็บ...

“ฮื่อๆ ผมเจ็บครับ...” เสียงร้องทรมานเปล่งออกมาจากลำคอ

“โอ๋ๆ เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้วครับ” แต่แทนที่พวกเขาจะสงสาร พวกเขากลับยิ้มแล้วยืนมองดูผมถูกกระทำ

ผมพยายามใช้มือผลักไสเขาออกไปจากตัว ถึงเขาจะสอดใส่เข้ามาแล้วแต่ผมก็อยากให้กิจกรรมบ้าๆ นี้หยุดลงเสียที ร่างกายผมบอบช้ำมาก ผมไม่รู้สึกมีความสุขอะไรกับมันเลย มีแต่เจ็บเสียบไปหมด ทว่าการดิ้นรนอันโง่เขลาทำให้เขาหงุดหงิด เขาพยามปัดมือผมออก มันสร้างความรำคาญมากเกินไป

“มึงเอาไรมามัดมันเอาไว้ดิ ทำกันดีๆ ไม่ชอบ อยากเล่นบทโหดบ้างก้ไม่บอกกันละครับน้องดิว” มันโน้มหน้าลงมากัดคอผมอย่างแรง ผมร้องจ้าเสียงสั่นเครือไปหดม

“ฮื่อๆ เจ็บครับเจ็บ...ฮื่อๆ” เขาไม่ยอมหยุดตามคำคขอ กลับกัดมันไปเรื่อยๆ จนผมปวดต้นคอไปหมด ส่วนล่างยัถูกปู้ยี่ปู้ยำรุนแรง เอาแค่ความสุขส่วนตนเอป็นหลัก ส่วนมือทั้งสองก็โดนใครอีกคนจับมัดิดกันไว้หน้าด้าน ไม่ให้ปัดป่ายอะไร

“มึงขยับหน่อยดิ กูจะใช้ปากน้องมันบ้าง” คนเดียวที่ผมรู้ชื่อคือใหม่ มันมาดันคนตรงหน้าผมให้ขยับออกหน่อย จากนั้นั่งคุกเข่า ช้อนหัวผมไปวางบนหน้าขาแล้วยัดส่วนนั้นของตัวเองเข้ามาในปากผมโดยไม่ขอก่อนสักคำ

ผมพยายามจะสะบัดหน้าหนี ใหม่จิกหัวของผมเอาไว้นิ่งแล้วกระแทกสะโพกเข้ามา ผมแทบอ้วก เพราะมันเข้ามาลึกเกินไป คนเบื้องล่างกำลังเร่งจังหวะ เขาใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว แต่ผมกลับไม่เห็นหนทางสิ้นสุดง่ายๆ เมื่อคนแรกออกไป ใหม่ก็ถอนขงสำคัญตัวเองออกจากปากผม เขาแทนที่คนเมื่อกี้นี้แล้วเร่งจังหวะดุดเดือดทันที

ผมนอนครวญครางด้วยความเจ็บปวด มันทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ ผมไม่รู้ว่าพระเจ้ารังเกียจอะไรในตัวผมนัก ทำไมถึงบันดานแต่เรื่องเลวร้ายมาให้ผมคนนี้อยู่เสมออ ผมคิดว่าเช้านี้อาจจะเป็นเช้าที่ดี ที่ผมได้หลงลืมเรื่องของชินไปได้บ้าง ทว่ากลับโดนคนเหล่านี้ข่มแหงรังแก ย่ำยีราวกับผมเป็นอีตัวข้างทาง

ถ้าผมเป็นสิ่งของ...ผมมันก็แค่ของเหลือที่มีไว้ทิ้งให้หมากินเท่านั้น

“น้องดิวอย่าร้องไห้สิครับ ครางดังๆ ให้พี่ฟังดีกว่านะ” ฝ่ามือตบกระตุ้นทีแก้มเบาๆ ผมสลบัดหน้าหนี ไม่ยอมทำตามที่มันต้องการ กัดปากตัวเองเอ่าไว้แน่นแล้วปล่อยให้น้ำตามันไหลลงไปเรื่อยๆ

ไอ้ใหม่สุขสมตามติดด้วยอีกคนแทนที่ มันจับผมคลานสี่ขาก่อนสอดใส่เข้ามา ถ้ามีความรู้เสียวซ่านบ้างผมจะผ่านเรื่องเลวร้ายนี้ไปได้ด้วยดีหรอเปล่า ผมกัดปากอดทน มันเจ็บร้าวไปถึงข้างใน ใครอีกคนเข้ามาคุกเข่าตรงหน้า ปากผมไม่ว่างเพราะต้องทำหน้าที่ปรนเปรอให้กับอีกฝ่าย

พวกเขากำลังมีความสุข สั่งอาหารมากินยามเช้าด้วยแก้แฮงก์ แต่ผมกำลังทุกข์ทรมาน อยากจะตายให้พ้นๆ โลกนี้ไปถถ้าเป็นไปได้ ไม่มีใครรัก เจอมันแต่เรื่องร้ายๆ แล้วจะมีชิวิตอยู่ไปทำไมทำละ

ผมปล่อยให้พวกเขาเสพสมกับร่างกายตัวเอง อยากจะตักตวงความสุขมากแค่ไหนก้เอาไป เอามันไปให้หมดนั่นแหละ ความเจ็บปวดที่ผมได้รับ...ถ้ามันรุนแรงจนสามารถลาโลกได้ผมจะขอบคุณพวกมันเป็นอย่างมาก ผมภาวนาให้ตัวเองหมดสตไปหรือไม่ก้เป็นบ้าหนีเรื่องบ้าๆ นี้ ทว่าคำขอของผมไม่เป็นผล ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น สียงครางชื่นชมร่างกายของผมดังออกมาจากปากของคนที่ผมไม่รู้จัก พวกเขาดูมีความสุข เดินทางขึ้นสวรรค์กันถ้วนหน้า ส่วนผม...ได้แค่มองหน้ะพวกมันด้วยสายตาที่เลื่อนลอย

พวกเขาเดินทางไปสวรรค์...แล้วผมก็ดิ่งลงนรกช้าๆ

ความเจ็บปวดที่ร่างกายส่วนต่างๆ ส่งมาที่สมองบอกกับผมว่าผมยังไม่ตาย ผมยังมีลมหายใจอยู่แม้ว่าจะอยากให้มันหมดลงแค่ไหนก็ตาม น้ำตาเหือดแห้งและหายไป มีแค่ความเจ็บร้าวบนใบหน้าที่แสดงออกว่าผมทรมานแค่ไหนกับการเสพสุขบนร่างกายผม อยากรู้เหมือนกันนะว่า...ไอ้ร่างกายสกปรกนี้มันจะทนไปได้สักเท่าไหร่

ข้าวถุกนำมาเสิร์ฟ พวกมันตัดสินใจหยุดการกระทำชำเราผมก่อน ไปมุงกินข้าวกันส่วนผมได้แค่น้ำขวดเดียว ใครคนหนึ่งเรียกผมให้ไปกินด้วย แต่ผมไม่กิน...ผมไม่อยากอาหาร ผมอยากให้พวกเขาปล่อยผมไปเสียที

“น้องดิวไม่กินจริงเหรอ เดี๋ยวต่อกันอีกน้องดิวจะหิวเอานา...”ต่ออีกเหรอ...ยังจะทำกับผมอีกเหรอ

“ปล่อยผมไปเหอะครับ อย่าทำผมเลย...ผมเจ็บไปหมดแล้ว”

“อ่า....ทำกันอีกคนละยกสองยกเดี๋ยวพวกพี่ปล่อยดีไหม พวกพี่ไม่ค่อยได้มาเจอคนที่ถูกอยางนี้เท่าไหร่ น้องดิวเข้าใจพวกพี่หน่อยนะ” ใหม่เดินเข้ามาใกล้ เชยคางผมพร้อมกับใช้รอยยิ้มเกลี่ยกล่อม ผมก้มหน้าหลบตา เมื่อคืนมันดูอบอุ่น ทว่าตอนนี้มันดูน่ากลัวและเต็มไปด้วยความคุกคาม

“พี่ใหม่...” ผมส่งเสียเรียกเขาเบาๆ

“ครับน้องดิว”

“เพื่อนผมละครับ” ผมถามสิ่งที่อยการู้แต่ไม่มีโอกาสได้ถาม กลุ่มคนเหล่านั้นกินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย พี่ใหม่ทำหน้าคิดก่อนจะยิ้มให้

“กลับไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ เขาทิ้งน้องดิวไว้ให้พวกพี่สนุกกันตามสบาย บอกว่าน้องดิวน่ะช้ำรักมา...อยากให้พวกพี่ช่วยปลอบโยน พวกพี่ก็กำลังทำอยู่ แต่เช้านี้น้องดิวไม่ให้ความร่วมมือเลยนะครับ” เขากดเสียงดุ ผมผวา อะไรก็น่ากลัวไปหมดตอนนี้

“ผะ...ผมเมา”

“ช่าย น้องดิวเมาด้วยนี่นะเมื่อคืน ร้อนแรงมากๆ เลย และไม่ใช่แค่เมาเหล้า...น้องดิวยังเมายาด้วย แต่ไม่ต้องห่วง พวกพี่ไม่บอกใครหรอกครับ ถ้าน้องดิวเป็นเด็กดี” ฝ่ามือหนาลูบแก้มคล้ายปลอบ ผมตัวแข็งค้างอยู่กับที่ แทบหายใจไม่ออกกับคำว่าเล่นยา...ผมไม่รู้ ผมไม่รู้จริงๆ ว่ามันเป็นอะไร

พี่ใหม่เดินไปกินข้าวกับเพื่อนๆ ต่อ ผมขดตัวอยู่กับมุมห้อง เนื้อตัวไม่มีอะไรมาปกปิด แอร์เย็นตกกระทบร่างกายบอบช้ำ ผมหนาวจับขั้วหัวใจ ซุกหน้าลงกับเข่าแล้วร้องไห้ออกมาเงียบๆ อยู่คนเดียว

เพื่อนๆ ผมทิ้งผมเอาไว้กับคนพวกนี้...ทิ้งให้ผมต้องเผชิญเรื่องบัดซบนี้เพียงลำพัง ทำไมมันถึงทำกับผมแบบนี้ พวกมันไม่ใช่เหรอที่พาผมมา พวกมันไม่ใช่เหรอที่ชวนผมดื่ม ชวนผมกินยาอะไรก็ไม่รู้ แล้วทำไมละ...แล้วทำไมต้องกับผมแบบนี้ด้วย

ไม่นานรนกบนดินก็เกิดขึ้นอีกครั้ง มีเสียงบอกให้ผมหยุดร้องไห้แล้วสนุกไปกับพวกพี่ ผมต้องหยุดร้อง ผมต้องทำตามมันอย่างเลี่ยงไม่ ทว่าร่างกายนี้ไม่อาจทนรับแรงกระแทกไปได้นานนัก เสร็จไปสี่คนผมก็ไม่รับรู้อะไรอีก...

ผมตื่นพบกับเงินจำนวนหนึ่งเรียงรายอยู่บนร่าง คราบน้ำกามจำนวนมากยังไม่แห้งและเงินเหล่าก็เปรอะเปื้อนสิ่งน่าขยะแขยงนั้น ผมยกแขนอ่อนล้าของตัวเองขึ้นมาปิดบังดวงตา น้ำสีใสไหลออกมาไม่อาจห้าม

ผมร้องไห้...ผมร้องไห้หนักขึ้นเรื่อย พยายามนอนขด กอดตัวเองไว้ด้วยอ้อมแขนที่แสนเดียวดาย ผมเจ็บปวดแค่ไหน ทรมานแค่ไหน ไม่เคยบอกเล่าให้ใครรู้ได้ ไม่เคยมีใครมาสนใจใยดีที่ผมเป็นแบบนี้ พวกเขาทิ้งให้ผมโดดเดี่ยว อยู่กับตัวเอง อยู่กับความเจ็บช้ำในหัวใจ

แม้กระทั่งพ่อและแม่ที่เคยรักผมนักหนา...พวกท่าก็ไม่เคยมาเหลียวแลลูกคนนี้เลย

“ต้นกับไม้ไปเรียนเถออะลูก เดี๋ยวแม่ดูแลน้องดิวเอง...ไม่ต้องห่วงน้องนะ” เสียงพูดคุยแผ่วเบาด้านนอกปลุกให้ผมตื่นจากฝันร้าย ผมหันไปทางประตู น้าลีลายืนอยู่ด้านในแค่ชะโงกหน้าไปคุยกับสองพี่น้องนั่น

หลังจากพยายามพาตัวเองกลับมาพร้อมความคิดที่จะตายที่บ้านของตัวเอง น้าลีลาและต้นกับไม้ก็เรียกผมเอาไว้ สีหน้าเป็นห่วงเป็นใยและอ้อมกอดแสนอบอุ่นได้โอบอุ้มความรู้สึกผมเอาไว้ไม่ให้ร่วงหล่น คำพูดของขอร้องอ้อนวอนให้ผมอยู่ต่อของน้าลีลาดึงสติของผมให้กลับคืน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมแทบไม่ได้ความรักความห่วงใยของคนในบ้านนี้ เอาแต่โหยหาความรักจากที่อื่นแล้วบอกตัวเองว่าเราโดดเดี่ยว ทั้งที่ผมเองเป็นคนเดินออกมาจากครอบครัวนี้

ในตอนนั้นผมคิดว่าไม้ไม่มีทางเข้าใจคนรักร่วมเพศอย่างผม เขาไม่น่าคบผมเป็นเพื่อนได้ก็เลยคบกับเพื่อนกลุ่มนี้ ไม้เองก็มีเพื่อนเป็นของตัวเอง ผมเข้าหาไม้ได้ แต่ผมไม่เข้าไปหามันเลย มีบ้างที่ไม้เข้ามาพูดคุย เข้ามาทักทาย แต่ผมก็มักจะไม่ใส่ใจแล้วให้ค่ากับเพื่อนปัจจุบันมากกว่าเพื่อนในวัยเด็ก

บางทีความคิดด้านลบของผมก็เป็นสิ่งที่พลักดันให้ผมพรากจากคนดีๆ ตอนนี้ผมอาจรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแต่ความโดดเดี่ยวภายในจิตใจยังคงอยู่ ถ้าพวกเขาดีต่อผมจริงๆ มันจะละลายความโดดเดี่ยวในจิตใจนี้ได้บ้าง ผมไม่ได้เชื่อว่าต้นกับไม้จะช่วยอะไรผมได้หรือรักผมจริงแค่ไหน แต่ผมอยากเชื่อในคำพูดของน้าลีลา คุณน้าข้างบ้านที่คอยดูแลผมแทนพ่อแม่มาตลอดตั้งแต่เด็ก

ยิ่งตอนที่คุณน้าชุมพลยังไม่เสีย บ้านนี้เป็นบ้านที่มีแต่ความอบอุ่นและปวดหัว ตอนนั้นผมไม่ได้มาสุงสิงด้วยมากนักเพราะพ่อแม่ยังคงกลับบ้านบ่อยๆ พวกท่านยังคงรักและห่วงหาอาทรณ์ผมอยู่เนืองๆ แต่ก่อนที่นุ้มพลจะเสีย ผมไม่แน่ใจว่านานเท่าไหร่ พ่อกับแม่ก็เริ่มระหองะแหงกัน บางวันมีปากเสียง น้าลีลาจะดอดเข้ามาเรียกผมไปนั่งเล่นที่บ้าน น้าชุมพลชอบชวนเล่นแบดมินตัน ไม้เล่นเก่งมาก แต่ต้นเกเร เป็นเด็กติดเกม

ความทรงจำของครอบครัวนี้มีผมมีส่วนใหญ่คือความสุขและความอบอุ่น ผมมาห่างออกไปตอนที่น้าชุมพลเสีย ตอนนั้นที่เต็มไปด้วยความเศร้า พ่อแม่ผมก็มีเรื่องระหองระแหง ผมเลยเลือกจะขังตัวเองไว้ในห้องนอน ทว่าทุกครั้งที่น้าลีลาเห็นผมอยู่ข้างล่างกับพ่อแม่ที่ทะเลาะกัน น้าจะกวักมือเรียกให้ผมไปหาเสมอ ต้นเริ่มกลับมาอยู่ติดบ้าน ติดแม่ ไม้ก็เหมือนกัน ผมไม่ได้สนใจพวกเขามากนัก...

ในขณะที่ลูกบ้านนี้พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อแม่ผู้เป็นที่รัก ผมกลับอยู่ในความโดดเดี่ยวขึ้นทุกวัน พ่อแม่เริ่มไม่กลับบ้านแล้ว ผมกลายเป็นคนเก็บตัวหน่อยๆ หาคนคุยในโซเชี่ยลบ้าง จนเมื่อขึ้นมอปลาย ผมกับไม้และครอบครัวนี้ก็ห่างกันออกไปอีก เวลาคุณน้าเรียกผมมักไม่เข้าไปหา เวลาไม้เรียกผมมักจะหลีกหนี ทั้งพ่อแม่ที่ร้าวฉานและตัวเองที่เบี่ยงเบน ทำให้ผมรู้สึกว่า...ผมมันไม่เหมือนใครและไม่มีใครต้องการ

เสียงงอแงขออยู่ดูแลผมด้วยของต้นและไม้ทำให้น้าลีลาถอนหายใจ เธอหันมามองผมแต่ผมกลับทำเป็นหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยทั้งนั้น ผมยังไม่กล้าเผชิญหน้า ถึงจะตอบตกลงว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อ แต่ผมก็ยังรู้สึกอับอายและเสียใจกับเรื่องราวที่เจอมา

“ตอนเย็นกลับมาค่อยอยู่ดูแลน้อง ตอนนี้น้องดิวไม่สบาย ต้นกับไม้อยู่น้องอาจจะไม่ได้นอนพักเลยก้ได้”

“แม่รู้ได้ไงอ่า...ต้นไม่กวนตีนน้องหรอก” น้ำหน้าอย่างมันเนี่ยนะไม่กวนตีนผม ห็นกวนตีนอยู่ประจำนั่นแหละ

“เอางี้ ไม้อยู่ด้วย พี่ต้นกวนตีนดิวปุ้บ ไม้เสยคางให้หลับไปเลย” ไม้ก็ไม่เคยทำอะไรพี่ชายได้นอกจากงอแงแล้วฟ้องแม่

“ไม่ได้ค่ะ ถือว่าแม่ขอนะ...ไปเรียนหนังสือให้แม่ชื่นใจที” น่าอิจฉาพวกมันที่ได้กำลังใจดีแบบนี้ทุกวัน

“อ่า...” ต้นกับไม้พูดไม่ออก พวกมันเงียบอยู่สักพักก็เข้ามากอดน้าลีลาพร้อมหอมแก้ม คงตัดใจไปเรียนได้แล้วมั้ง

ภาพพวกนี้บาดตาผมเสมอ ลึกๆ ผมอิจฉาต้นกับไม้มากแค่ไหนไม่รู้ใครรู้หรอก ผมก็อยากกอดแม่กับพ่อแล้วหอมแก้มท่านแบบนี้เหมือนกัน ยิ่งเห็นพี่น้องอยู่ด้วยกันเฮฮาแบบนั้นผมก็ยิ่งอิจฉา คุณน้าลีลาเป็นแม่ที่ดีเหลือเกิน...ถ้าผมได้เธอเป็นแม่ ผมจะมีความสุขมากกว่าที่เป็นอู่ใช่ไหมนะ

“ไงน้องดิว ตื่นแล้วเหรอลูก...” มัวแต่มองคุณน้าเพลิน ผมหลับตาหนีไม่ทันก้เลยสบตาเข้าเต็มๆ

“ครับ” รู้สึกทำตัวไม่ถูก...ผมรู้สึกอายและทำตัวไม่ถูก

.....100%.....

ถือว่าเป็นค่ำคืนที่โหดร้ายสำหรับดิวจริงๆ...
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 17 - 100% [28/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-08-2017 21:15:30
ไม่รู้จะปลอบหลานดิวอย่างไรดี  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 17 - 100% [28/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 28-08-2017 21:33:56
ไม่รู้จะอธิบายยังไง

ไม่ว่ายังไง ดิวก็ไม่ควรต้องเจออะไรแบบนี้
/กอดดิวแน่นๆ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 17 - 100% [28/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 28-08-2017 23:36:14
ดิวจะคิดได้หรือไม่นะ??
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 17 - 100% [28/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 29-08-2017 11:04:57
ดิวลูก  :mew2: :mew2: :hao5:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 17 - 100% [28/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Namwhankn ที่ 29-08-2017 15:18:04
ถ้ายังคิดไม่ได้นะดิวววว
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 17 - 100% [28/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 29-08-2017 21:17:48
อยากให้เจอคนที่ใช่กะดิวนะ ดิวแค่ต้องการใครสักคน
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 18 - 100% [31/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 31-08-2017 05:57:06
>>ตอนที่ 18 [100% - แก้คำผิดแล้ว]<<

คุณน้าลีลาเดินเข้ามาหา เธอนั่งลงริมเตียงก่อนจะลูบหัวผมแผ่วเบา สัมผัสอ่อนโยนเหล่านั้นมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ผมอดไม่ได้ที่จะเคลื่อนกายเข้าไปสวมกอดเอวเล็กๆ ของคุณหน้าเอาไว้ มันอาจเป็นการถือวิสาสะหรือไม่ควรทำ แต่ผมโหยหาความอบอ่นอย่างนี้มานานเหลือเกิน

“ฝันร้ายหรือเปล่าลูก” คุณน้าจับหัวผมให้นอนหนุนตักเธอดีๆ ผมเข้าใจเลยว่าทำไมต้นและไม้ถึงชอบนอนตักแม่ตัวเองเพราะมันมีความสุขอย่างนี้ไง

“ครับ...” ผมพยักหน้าเบาๆ

“โอ๋ๆ หนูตื่นแล้วนะลูก...หนูไม่ได้ฝันอยู่ ต่อให้ในนั้นมันโหดร้ายแค่ไหน แต่ความฝันก็คือความฝัน มันไม่มีทางอยู่กับหนูไปตลอดได้นะ ตอนนี้หนูมีน้ามีเจ้าต้นและไม้ ปล่อยวางทุกอย่างแล้วอยู่กับเราให้สบายใจนะลูก” มันเป็นแค่คำปลอบโยนธรรมดา แต่มันทำให้ผมหลั่งน้ำตาออกมาได้อย่างง่ายดาย

ผมซุกหน้าเข้ากับหน้าท้องของคุณน้าลีลา ร้องไห้งอแงเป็นเด็กเล็กๆ ที่เพิ่งตื่นจากฝันร้ายในค่ำคืนที่เหน็บหนาว มันก็แค่ฝัน...นี่สิความจริง ผมมีคุณน้าอยู่ด้วย มันแทนที่ความรักทั้งหมดที่ต้องการจากพ่อจากแม่ไม่ได้ แต่มันก็ทำให้ผมอุ่นใจและรู้สึกวางใจขึ้นมาก

“น้องดิวไปอาบน้ำไหวไหมลูก น้าเช็ดตัวให้ดีไหมคะ...” ผมส่ายหัว

“ไม่เอาครับ ผมอาบเองไหว” ให้คุณน้ามาเช็ดตัวให้มันดูเป็นภาระมากเกินไป ถึงจะเจ็บปวดระบมไปหมด แต่ผมเชื่อว่าผมไหว

“อายน้าละสิ น้าเข้าใจ...หนูโตแล้วนี่เนอะ งั้นไปอาบน้ำนะ น้าให้เจ้าต้นไปเอาเสื้อผ้าและของใช้หนูมาให้แล้ว ช่วงนี้อยู่กับน้าไปก่อน...”

“อยู่ตลอดได้ไหมครับ” อ่า...ผมเผลอพุดสิ่งที่อยู่ในหัวออกไป ผมเงยหน้ามองหน้าคุณน้า เธอส่งยิ้มหวานออบอุ่นมาให้

“ได้สิ จะอยู่ตลอดไปก้ได้...ทั้งน้าและลูกๆ น้ายินดีต้อนรับหนูอยู่แล้วล่ะจ้ะ” ทำไมเป็นคนดีแบบนี้นะ...ผมรู้สึกดีจัง อย่างน้อยๆ ในเรื่องร้ายที่เจอก็ยังมีเรื่องดีอยู่บ้าง

“ไม่จริงมั้งครับ ไอ้ต้นคงไม่ชอบเท่าไหร่” ผมเรียกไอ้ต้นเป็นประจำ เรียกต่อหน้าคุณน้าลีลาบ่อย แต่คุณน้าก็ไม่เคยว่าหรือบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี

“ใครว่า...เจ้านั้นอาจะเฮที่สุดก็ได้” คุณน้าพูดแบบนี้หมายความว่าไง

“ได้แกล้งผมสนุกไปเลยสินะครับ” ต้องเป็นเหตุผลนี้แน่นอน

“น้องดิวรู้ไหมว่า...ผู้ชายส่วนใหญ่ปฏิบัติกับคนที่ชอบยังไง” ผมเริ่มงง ทำไมคุณน้าพูดคนละเรื่องกับผมแบบนี้ ผมส่ายหัว เพราะผมไม่รู้...ปกติผมไม่เคยจีบใคร ส่วนใหญ่เข้ามาหาผมเองทั้งนั้น และคนเหล่านั้นก็เข้ามาเพื่อเรื่องอย่างว่า...

“ผมไม่รู้หรอกครับ”

“ผู้ชายส่วนใหญ่มักแกล้งคนที่ตัวเองชอบจ้ะ” รอยยิ้มของคุณน้าซุกซนกว่าเคย ผมแทบอ้าปากค้าง...นี่คุณน้าไม่ได้หมายความว่าไอ้ต้นนั่นมันชอผมหรอกครับ

“ไม่นับไอ้ต้นแน่นอน”

“น้องดิวรู้ได้ไงล่ะ...” ผมขยับตัวขึ้นนั่ง มีอาการปวดระบมตามเนื้อตัวแต่พอไหว

“มันชอบด่าผมจะตาย แกล้งผมก็บ่อย...แบบนั้นเกลียดกันมากกว่า”

“ไม่จริหรอก คนเกลียดกันที่ไหนมานั่งเป็นห่วงหนูแทบไม่หลับไม่นอน เจ้าต้นมันก็เป็นแบบนั้นมาตั้งแต่เด็กแล้ว...น้องดิวก็น่าจะรู้ว่าต้นไม่ใช่คนเลวร้าย” ก็รู้แต่ผมว่ามันปากหมาเกินรับไหว

“คำพูดมันอะเลวร้าย”

“งั้นคราวหลังมันพุดจาไม่ดีน้องดิวตบให้ปากแตกเลยดีไหม...” คุณน้าโน้มมาส่งยิ้มใกล้ๆ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กที่กำลังต่อรองกับคุณแม่อยู่ยังไงก็ไม่รู้

“ไม่เอาอะครับ มันต่อยสวนมาทำไง”

“ต้นไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ น้าการันตี” คุณน้ามั่นใจมาก แต่ผมไม่มั่นใจเลย

“ถ้าอย่างนั้น...คราวหลังมันพูดจาไม่ดีใส่ผม ผมจะตบปากมัน” ผมมองหน้าคุณน้า

“ดีมากลูก ต้องแบบนั้น” แต่ถ้ามันสวนผม...คุณน้าจะปกป้องผมไหมเนี่ย

ผมถอนหายใจปลงตก ที่พูดไปแบบนั้นก็เพื่อให้คุณน้าดูสบายใจขึ้น เอาเข้าจริง ถ้าไอ้ต้นมันปากเสียใส่ ผมก็ไม่กล้าตบปากมันหรอกครับ ผมกลัวมันสวนจะตาย กลัวมันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ต้นเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ ได้คุณน้าชุมพลมาเต็ม ทั้งหน้าตาและเห็นว่านิสัยด้วย ไม้เคยเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนพ่อมันเป็นคนห้าวๆ แบบนี้แหละ ปากหมาชอบว่าแหน็บแนมแม่ประจำ แต่แม่สมัยวัยรุ่นก็ไม่น้อยหน้าใคร เธอด่ามาฉันด่ากลับไม่โกง

ด่ากันอีท่าไหนแต่งงานกันได้ไม่รู้...

ตอนเด็กๆ ผมไม่เคยเอาคืนไอ้ต้นได้เลย ตัวใหญ่แล้วก็อ้วน มันเดินชนผม ผมก็กลิ้งเป็นลูกบอลแล้วครับ พอสู้ไม่ได้ก็ด่ามัน ต้นลอยหน้าลอยตาใส่ประจำที่ผมด่า แต่บางทีผมก็ร้องไห้เพราะทำอะไรมันไม่ได้เนี่ยแหละ คนอื่นเป็นไหมผมไม่รู้ แต่พอโกรธมากๆ ทำอะไรไม่ได้มันอยากร้องไห้ขึ้นมาทันทีเลยล่ะครับ ผมก็เลพยายามไม่ยุ่งกับไอ้ต้น แต่มันก็ชอบเข้ามาป้วนเปี้ยนแกล้งผมอยู่ได้ตลอด ผมสนิทกับไม้และก็ชอบมาเล่นบ้านหลังนี้ ก็เลยจำใจโดนไอ้ต้นแกล้งไปตามระเบียบ ถึงไม้พยายามปกป้องผมแล้ว แต่มันเป็นน้อง มันก็เลยทำอะไรพี่มันไม่ได้มากนัก

“เดี๋ยวน้องดิวอาบน้ำเลยนะ น้าลงไปอุ่นกับข้าวให้ หนูจะกินบนห้องหรือกินข้างล่างดีจ้ะ”

“กินข้างล่างดีกว่าครับ” ผมเกรงใจ แค่นี้ก็รบกวนมากแล้ว

“โอเค มีอะไรเรียกน้านะลูก”

“ครับ” หัวใจพองโตชะมัด ไม่ได้รับการใส่ใจแบบนี้มานานแล้วจริง

ผมพยายามลืมเรื่องเมื่อวานและเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อจะมีความสุขอยู่กับคุณน้าลีลา เพื่อไมให้คุณเห็นว่าผมเศร้าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้เล่าให้ฟังทั้งหมดว่าผมโดนอะไรบ้าง แต่ไม้น่าจะเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้คุณน้าฟัง บวกกับหายไปเป็นวันเต็มๆ กลับมาอีกทีก็มอมแมมแบบนี้ ยิ่งทำให้คุณน้าเป็นห่วงผมมากยิ่งขึ้นไปอีก

ผมออกมาสวมเสื้อผ้าตัวเองที่ต้นเอามาให้ มีเรื่องน่าอายอีกเรื่อง ไอ้กางเกงในที่ต้นมันเอามาให้เนี่ยน่าอายสุดๆ มีใครเขาเดินถือกางเกงในคนอื่นง่ายๆ แบบนี้ ผมกลัวมันจะล้อผมเหมือนกันที่ใส่กางเกงในไม่แมนเอาเสียเลย คือ...ผมใส่กางเกงในผู้ชายนะ แต่ไม่ใช่แบบยี่ห้อดังๆ ที่ผู้ชายชอบใส่กัน ผมว่าขอบมันแข็ง ชอบที่ชอบมันนุ่มๆ หน่อยก็เลยเหมือนกับกางเกงในผู้หญิง ไม่ค่อยมีใครรู้นอกจากแฟนของผม พวกเขาต้องเห็นสิเวลาเราทำอะไรกัน

ผมสวมกางเกงนอนขายาว ต้นมันเอามาให้ กับเสื้อยืดที่มันเป็นคนซื้อ ผมยืนจ้องหน้าตัวการ์ตูนอยู่นาน หน้าตาออกจะน่ารักทำไมมันต้องบอกว่าน่าโง่ด้วยก็ไม่รู้ มันจงใจด่าผมละมั้ง เห็นเป็นงั้นอยู่ทุกทีเลยนี่นา

คุณน้าลีลาจัดโต๊ะให้เรียบร้อย มีข้าวสองจานแสดงว่าคุณน้าจะกินข้าวกับผมด้วย ปกติคุณน้าจะกินข้าวกับลูกชายทั้งสองของเขาไม่ใช่หรือ แล้วนี่หมายความว่ายังไง ไม่ได้ลงมากินหือรอผม..

“เมื่อเช้าคุณน้าไม่ได้กินข้าวเหรอครับ” ผมนั่งแล้วลองถาม

“ใช่จ้ะ กะว่ารอกินพร้อมน้องดิว”

“พวกนั้นบ่นแน่”

“ไม่นะ ไม่มีใครบ่นเลย นี่เจ้าต้นก็เป็นคนทำทั้งหมด ของชอบของงหนูทั้งนั้นเลยนี่...” ผมมองอาหารตรงหน้า ใช่ มันเป็นของชอบของผมหมดเลย

“ไอ้ต้นมันทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอครับ” อันนี้ผมไม่รู้ ผมไม่เคยเห็นมันเข้าครัวถึงจะมาบ้านนี้บ่อยแค่ไหน ไม้เองยังไม่เคยพุดเรื่องพี่ชายมันทำกับข้าวเลย

“ใช่ เจ้าต้นทำได้แต่ไม่ชอบทำ สายขี้เกียจน่ะลุก” คุณน้าลีลาขำเบาๆ เธอตักกับข้าวมาใส่จานผมสองสามอย่าง ความใจดีนี้ผมรู้สึกอิ่มเอมใจยังไงบอกไม่ถูก

“ขอบคุณครับ ผมมาทำให้คุณน้าเดือดร้อนหรือเปล่าครับ...” ผมอดคิดไม่ได้ แล้วก้เผลอถามออกไปตรงๆ ปกติคุณน้าต้องเป็นคนทำมื้อเช้าแล้วกินกับลูกๆ ของเธอ แต่วันนี้ทุกอย่างมันผิดเพี้ยนไปเพราะผมเข้ามา

“อืม...เดือดร้อนสิจ้ะ” คำตอบทำให้ผมสะอึก ผมไม่กล้าจับช้อนอีก ได้แต่นั่งก้มหน้ามองจานข้าวตัวเอง

“เดือดร้อนมากเพราะเป็นห่วงหนู กลัวหนูเป็นอันตราย ไม่รู้หนูอยู่ไหนถามใครก็ไม่มีใครตอบ...มันเป็นความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นเพราะรักและห่วงใยนะลูก ถ้าหนูไม่อยากให้น้าเดือดร้อน หนูต้องอย่าหายไปแบบนี้อีกนะจ้ะ” อ่า...ผมน้ำตารื้นขึ้นมาอีกแล้ว ผมรีบปาดน้ำตาออก เงยหน้าสบสายตาอ่อนโยนของคุณน้าแล้วยิ้มบางๆ

“ครับ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้เดือดร้อนแบบนี้อีกแล้วครับ”

“ดีมากเลยคนเก่ง กินข้าวกันนะ...เจ้าต้นตั้งใจทำน่าดูเลยละ” ผมไม่อยากคิดว่าไอ้ต้นเป็นคนทำเลยอะ แต่ตอนนี้ข้าวกับข้าบนโต๊ะมันอร่อยมาก

เป็นอีกมื้อที่ผมมีความสุข...

คุณน้าลีลาไม่ถามผมสักคำว่าผมหายไปไหนมา ไปทำอะไรทำไมมีสภาพเป็นแบบนั้น ผมรู้สึกว่าคุณน้าไม่อยากทำให้ผมลำบากใจ เธอพยายามชวนผมคุยแต่เรื่องดีๆ ชวนกันทำความสะอาดบ้านและทำสวนเล็กๆ น้อยๆ ไม่ต้องนั่งพูดคำปลอบโยนกันทั้งวันก็ทำให้ผมรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้งได้ ลึกๆ ผมขอบคุณคุณน้าลีลาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง

ที่บอกว่าการขอให้ผมอยู่ต่อ ให้สู้กับความเลวร้ายที่ผมเจอเพื่อความเห็นแก่ตัวของเธอ ผมว่าไม่ใช่...คุณน้าก็แค่เอามันมาเป็นข้ออ้าง ทุกอย่างมันเพื่อตัวผมเอง ตอนนี้ผมไม่รู้หรอกว่ามีชีวิตอยู่ไปทำไมในเมื่อไม่มีใครต้องการผมแบบนี้ ทว่าการได้อยู่เล่นกับคุณน้าทั้งวัน ทำให้ผมหยุดคิดเรื่องอยากตายได้ ถ้าผมมีเป้าหมายเป็นคุณน้า...ผมอาจจะอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานๆ

ช่วงบ่ายๆ หลังอาหารมื้อเที่ยง ผมกินยาแล้วง่วงมาก ผมเลยพยายามฝืนตัวเองให้หายง่วงด้วยการเดินไปเดินมา ผมช่วยคุณน้าล้วงจานแล้ว และอยากจะหาอะไรทำอีก คุณน้าลีลามองผมแล้วก็ยิ้ม เธอเดินมาจูงมือผมไปบนห้องนอน พาเข้าไปแล้วนั่งลงบนเตียงด้วยกัน
“ง่วงไม่ใช่เหรอลูก นอนซะ น้านอนด้วย” อ่า...ผมไม่ปฏิเสธ ตัดสินใจนอนอีกฝั่งหนึ่งของเตียง คุณน้าลีลานอนข้างๆ เธอเห็นผมไม่ขยับไปกอดก็เลยจับมือของผมเอาไว้

เรียวนิ้วที่เคลื่อนไหวอยู่บนหลังมือเบาๆ เป็นเหมอนเครื่องกล่อมนอนชั้นดี ผมหลับโดยใช้เวลาไม่นานนัก แถมยังเผลอกำมือเล็กของคุณน้าเอาไว้แน่น ผมกลัวว่ามันจะหายไปในตอนที่ผมตื่น เหมือนอย่างที่พ่อกับแม่ผมหายไปในเช้าของวันใหม่แทบทุกครั้ง...

หลับไปประมาณสามชั่วโมงผมก็สะดุ้งตื่น คุณน้าปรือตามองก่อนจะยิ้มบางๆ ให้ ผมขอโทษที่ทำให้คุณน้ารู้สึกตัว แต่คุณน้าลีลากลับยิ้มแล้วบอกว่าไม่เป็นไร น้าจะตื่นอยู่แล้ว ช่วงบ่ายผมไปช่วยคุณน้าทำอาหาร เจ้าแสบสองตัวนั้นกำลังจะกลับมาที่บ้าน ผมก็ตั้งคำถามของผมไปเรื่อยเปื่อย ทำงานบ้านเหนื่อยไหม เป็นแม่บ้านเหนื่อยไหม แล้วเป็นแม่ไอ้แสบสองคนนั้นเหนื่อยหรือเปล่า คุณน้ามักตอบทุกคำถามของผมด้วยรอยยิ้มเสมอ เป็นคนที่มักมีรอยยิ้มเป็นเครื่องประดับอีกชิ้นหนึ่ง มันทำให้ผมอยากมองมันไม่รู้เบื่อ

เสียงรถดังมาจากหน้าบ้าน คุณน้ากำลังชิมแกงจืดเต้าหู้อยู่ ผมเลยอาสาไปดูให้ เป็นไอ้ต้นกับไม้ที่เพิ่งมาถึง ไม่ยักรู้ว่าวันนี้เอารถไป ผมไม่ได้สังเกตมันบ่อยหรอกนะ แต่ไอ้ต้นน่ะมันไม่ใช่อบใช้รถยนต์ มันเบื่อรถติด มันเลยชอบนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปมหาลัยมากกว่า ส่วนไม้ เมื่อพี่มันไม่ไปส่ง มันก็ต้องไปเอง

“เฮ้ย ทำไมหน้าเป็นงั้นอะ...” ผมร้องตกใจ ขอบตาไม้ช้ำเป็นรอยกำปั้น ปากก็แตก คุณน้าต้องโกรธมากแน่ๆ

“ทะเลาะกับเพื่อนดิวมา...” อ่า ผมพูดอะไรต่อไม่ออก เดินเข้าไปช่วยถือกระเป๋าให้แต่ไม้ไม่ยอม มันกอดคอผมแล้วเดินเข้ามาในบ้านแทน

“ตายแล้ว! เกิดอะไรขึ้นไม้...อธิบายมาซิ” พอคุณน้าออกมาเห็น บรรยากาศก็มาคุทันที ถึงคุณน้าลีลาจะไม่ได้ใช้น้ำเสียงดุดัน แต่ก็มีความตำหนิอยู่ในนั้น

“ก็...” ไม้ลังเล

“อะไร”

“พวกไอ้กานมันไปบอกคนในห้องว่า...” ไม้หันมามองหน้าผมแล้วเม้มปากแน่น ไอ้กานก็เพื่อนกลุ่มผม แล้วที่มองหน้าแบบนี้หมายความว่ามันเป็นเรื่องไม่ดีใช่ไหม

“เดี๋ยวมื้อเย็นไม่ต้องกิน” คุณน้าลีลาว่าเสียเฉียบ ไอ้ต้นต้องรีบเดินไปกอดเอวแม่เอาไว้

“ว่าดิวพามันไปเที่ยวแล้วก็ทิ้งพวกมัน” หึ...เพื่อนกัน นี่คือเพื่อนกันเขาทำกันสินะ

“หนูเลยไปต่อยเขา”

“เปล่า ไม้ไม่ได้เข้าไปต่อย แต่เข้าไปบอกมันว่าอย่าพูดถึงดิวไม่ดี พวกมันนั่นแหละพาดิวไป...มันก็เลยด่าว่าไม้หาว่าไม่รู้จริงก็อย่ามาพูด อย่ามาเสือก ดิวอะมันไปกับผู้ชายป่านนี้ยังไม่กลับเลย มันทิ้งพวกเรา แล้วไอ้กานมันก็ผลักไม้จนล้ม...” แล้วหลังจากนั้นมันก็ต่อยกัน ผมได้แต่มองหน้าไม้...พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ปกติมันไม่เคยยุ่งเรื่องข่าวลือของผม

“เฮ้อ...มานี้ซิ” แม่กวักมือเรียกไม้ให้เข้ามาใกล้ ไอ้ต้นเลยต้องปล่อยเอวแม่แล้วมายืนข้างผม

“โอ้ยแม่ ไม้เจ็บ” พอเดินเข้าใกล้ คุณน้าลีลาก็จิ้มแผลบนหน้าไม้ทันที ไม้มันเลยโอดโอยพลางกอดเอวแม่เอาไว้

“เราปกป้องเพื่อนน่ะมันก็ดีลูก แต่อย่าทำให้ตัวเองเจ็บแบบนี้สิ แม่ไม่ชอบเลย หนูดิวก็ไม่ต้องไปคบแล้วนะคนแบบนั้นน่ะ...น้าไม่อยากดุแต่ต้องดุ ห้าม! พวกเพื่อนที่ชอบด่าลับหลังคบไปมีแต่เสียกับเสียรู้ไหมจ้ะ” ผมพยักหน้าอย่างเร็ว ตอนนี้คุณน้าดูดุกว่าเดิมเล็กน้อย แค่เล็กน้อยก็เพิ่มความสยองให้เราได้แล้วครับ

ไม้มันแทบจะคุกเข่าลงไปกราบกรานของโทษแม่ คุณน้าลงโทษไม้ด้วยการไม่คุยกับไม้เป็นเวลาสามวัน...น่าสงสารสุดๆ ช่วยผมยังมาซวยโดนต่ยโดนแม่ทำโทษอีก ส่วนไอ้พี่ชายที่แสนดีก็หัวเราะเยาะน้องชายตัวเองเป็นบ้าเป็นหลัง คุณน้าเลยตีไหล่หนึ่งทีเป็นการลงโทษ คุณน้าลีลาเมินเจ้าสองพี่น้อง ทำเหมือนสองคนนั้นเป็นหมาหัวเน่า เข้ามากอดเอวพาผมไปยังโต๊ะกินข้าว ก็...รู้สึกพิเศษกว่าใครขึ้นมาทันทีเลยครับ

.....100%....

เรื่องนี้อาจไม่แสบทรวงเท่าชู้ แต่เราก็หวังว่ามันจะไม่น่าเบื่อเกินไปนะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 18 - 100% [31/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 31-08-2017 11:26:21
ฟ้าหลังฝนก็เริ่่มสวยงามแล้ว พี่ต้นเอาไงต่อไปดีน๊า....น้องดิวมาอยู่บ้านด้วยแล้ว
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 18 - 100% [31/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 31-08-2017 20:12:12
คืออ่านตั้งแต่แรกนะ แต่พอเจอความคิดของดิวไปเนี่ยแทบไม่อยากอ่านต่อเลย
แต่พอหลังจากเกิดเรื่องก็ได้แต่ภาวนาว่าดิวคงจะคิดได้สักที
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 18 - 100% [31/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PositiveLove ที่ 31-08-2017 21:07:45
มายกมือโหวตตอนนี้ทันมั้ยค่าาาาาาาาาาา โหวตให้ต้นได้พระเอกมาดามหัวไต? ถ55555
คือโคตรเหมาะอ่ะคนอย่างต้นต้องเจอคนที่แก่กว่าสุขุมกว่าแล้วจัดการปราบหมาในปาก คริๆ แบบรุ่นพี่ศิษย์เก่าไรงี้
คิดดูแล้วต้องเข้ากับแม่และน้องชายได้แน่ๆ แม่ก็คงหมดห่วงมีคนคอยดูแลลูกชายล่ะ 55555

มาเรื่องของดิวเรื่องราวของดิวที่อ่านมาน่าสงสารนะ แต่ ไม่น่าเห็นใจ
เพราะทั้งหมดเลยตัวดิวทำตัวเองทั้งนั้น โทษคนอื่นไปหมดแม้แต่โชคชะตา แต่ไม่เคยโทษตัวเองเลย
ถามหาความรักกับคนอื่น แต่ไม่เคยนึกรักตัวเอง แถมยังมีบทเรียนจากการทำตัวเองมาแล้วครั้งหนึ่ง
ก็ยังไม่เข็ด! อยากบอกว่าทำตัวยังไง ก็ได้แบบนั้นกลับมาอ่ะ ไปเที่ยวในที่อโคจรที่คนมาหาความสนุกสุขกาม?
มันไม่ใช่สถานที่จะไปหารักแท้เพราะเป็นที่ที่เค้ามาแวะมาปลดปล่อย พอได้ปลดก็ปล่อยแยกย้ายกันไป(อาจจะมีเจอได้มั้งแต่ก้น้อยมากเนอะ) อย่างง่ายให้เค้า เค้าก็เอาง่าย สุดท้ายเรื่องมันก็จบง่ายๆไงดิว ถ้าดิวอยากเจอรักจริงมันก็แค่อดทนให้ถึงเวลาที่เหมาะสมมันก็จะเจอคนที่ใช่ที่เหมาะสมเองแหละ แต่ถ้าเงี่ย-นมากอยากเย
ตัวดิวอ่ะมีโอกาสมากกว่าคนอื่นมากนะ ดิวมีการศึกษาได้ร่ำเรียนมีฐานะไม่ต้องลำบากมากมาย แต่ดิวก็มัวแต่โทษคนรอบข้างพ่อแม่ไม่รักหรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่คิดถึงตัวเอง ไม่คิดว่าเราควรทำหน้าที่ในตอนนี้คือการเล่าเรียนใช่มั้ย ควรมาตั้งใจกับตรงนี้ดีกว่ามั้ยตั้งใจเรียนไปเจอในสังคมใหม่ที่ดีกว่านี้คิดเพื่อตัวเองแล้วดิวจะเจอผู้ชายในวัยที่เค้ามักต้องการความรักความมั่นคงหรือคู่ชีวิต
อย่างที่ดิวเรียกร้องหาความรักนั้นได้แน่นอน แต่ดิวคิดสั้นจริงๆ และบอกเลยสิ่งที่ทำในวันนี้ก็จะเป็นอดีตที่เราอยากลืมแต่ลืมไม่ได้อยากแก้เปลี่ยนก็ทำไม่ได้เช่นกัน และมันจะอยู่กับดิวไปทั้งชีวิตติดอยู่ในใจ นานไปไม่เจ็บแต่มันก็ยังรู้สึกล่ะเนอะ
ถ้าให้เปรียบเทียบเด็กสก๊อยที่เราเจอเราว่าเด็กพวกนั้นคือเด็กที่ไม่ได้เรียนไม่มีโอกาสได้ศึกษามาขัดเกลาจิตใจ แต่ก็ไม่ทั้งหมดหรอกบางคนก็เนี้ยมีที่เรียนแต่ไม่ไปเรียน มันขึ้นอยู่กับตัวจริงๆ เพราะเด็กบางคนมันใฝ่ดีอ่ะ อย่างบางคนน่ะอยู่ในชุมชนฐานะยากจนพ่อแม่เมาเหล้าตบตีกันประจำแต่คนนี้เป็นพี่คนโตนางก็ไม่ทำตัวสำมะเรเทเมาที่ไหน กลับตั้งใจเรียนใส่เสื้อผ้าปอนๆแถมยังหางานพิเศษเลี้ยงตัวเองส่งน้องอีกโขยงอีกตะหาก เข็นจนจบมอหกก็สุดๆล่ะ แบบนี้เราเรียกว่าใฝ่ดีจริงๆ น้องบอกอยากทำงานดีๆอยากให้น้องๆมีชวิตที่ดีกว่านี้ ยังแนะนำเลยว่ากู้เรียนกยศไปด้วยทำงานไปด้วยเลย

แล้วแม่ของต้นกับไม้นั่น เราก็รำน่ะและตงิดใจอยู่ตอนที่แม่เรียกดิวว่าน้องดิวทั้งที่เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับไม้
มันไม่รู้สึกว่าดูพิเศษเกินลูกตัวเองเหรอ เพราะเพื่อนลูกนะถึงเอ็นดูแค่ไหน ก็ไม่ควรเรียกให้ดูเกินหน้าลูกป่ะ
แต่ถ้าปกติเรียกน้องไม้อยู่แล้วแล้วจะเรียกเพื่อนๆของลูกว่าน้องด้วยนี้ก็ไม่แปลกไร แต่นี่แม่เรียกไม้เฉยๆไง แต่พอดิว เรียกน้องดิวเฉย แหะๆมันแม่งๆอ่ะ
แล้วอีกอย่างเลยเรื่องที่ดิวมั่วนี้และเห็นสภาพมาขนาดนั้น แม่ควรพาไปหาหมอรับยาต้านไวรัสน่ะทำไมไม่นึกถึงจุดนี้กันเลย
ด้วยความมองว่าเป็นซิงเกิลมัมที่ดูเก่งเพราะจัดการธุรกิจแถมยังไม่ลืมบทบาทของแม่ลูกสองไปด้วยนี้เยี่ยมมากสุดๆเลยนนับถือจริงๆ แต่ก็นี้ล่ะมาติดเรื่องโรคและก็เชียร์ให้ลูกไปรักกับดิวอีกนั่นอ่ะ คือก็รู้ใช่มั้ยว่ารักร่วมเพศมีความเสี่ยงมากและแถมยังการที่ดิวยังมั่วได้ใจอีก :mew5: นอกจากตัวดิวที่มั่วแล้ว คู่ของดิวแต่ละคนก็ไม่ใช่มีดิวคนเดียวพวกนั้นก็มีคนอื่นอยู่แล้ว ถึงจะเซพด้วยถุงยางแต่ก็เสี่ยงด้วยโรคติดเชื้อทางเพศอื่นๆอยู่ดีในจุดที่ถุงยางห่อหุ้มไม่ถึงร่วมทั้งการออรัลด้วยสามารถมีเชื้อเป็นพาหะอยู่ในปาก
ได้เช่นกันและจะแพร่เชื้อให้ผู้อื่นต่อไป และที่ว่าแม้ใส่ถุงยางก็มีความเสี่ยงเพราะอาจเกิดถุงยางที่ไม่ได้คุณภาพเพราะส่วนนั้นเสียดสีมากเนอะ อาจขาดได้ หรือถุงยางที่หมดอายุแล้วและในจุดที่ถุงยางห่อหุ้มไม่หมด นี้ยังไม่คิดพวกไวรัสตับอักเสบทั้งหลายอื่นๆอีกที่ไปจูบแลกน้ำลายกับใครๆมา ซึ่งเรื่องมั่วคาวโลกีย์ของดิวเกิดในเวลาติดๆกันบอกเลยว่าพฤติกรรมนี้สุ่มเสี่ยงที่จะติดสุดๆ และสิ่งที่ดิวคิดว่าน่าเสียใจที่สุดแล้วคงไม่เท่าเรื่องนี้แน่ๆ เพราะเมื่อดิวไปเจอคนที่เค้ารักดิวจริงๆ จุดนี้คงทำให้ดิวคิดอะไรได้มากขึ้นน่ะ แต่สำหรับดิวเราว่าต้องให้เขาโตขึ้นกว่านี้เรียนรู้กับสิ่งผิดพลาดนี้เพื่อให้เดินต่อไปได้ และกับต้นเราคิดว่าถึงคบกันก็ไม่ยืดอ่ะ ทั้งสองคนไม่ใช่ทางของกันและกันเลยอ่ะ บางทีของเรื่องมันอาจจะไม่ใช่คู่กันแต่ดิวได้เจอกัลยาณิมิตรที่ดีแบบครอบครัวข้างบ้านนี้ก็ได้ อยากบอกดิวว่าการอยู่ได้ด้วยตัวเองได้มันไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากน่ะ อยากเป็นของเหลือที่อยากเก็บไปซ่อมแซมหรือจะเป็นแค่ของเหลือที่เอาไว้ทิ้งล่ะ
ปล.เรื่องขืนใจไม่มีใครสมควรได้เกิดขึ้นกับใครนะคะ พวกนั้นก้เลวและพวกนั้นย่อมได้รับผลของการกระทำรักสนุกนี้แน่นอนไม่ทางใดทางหนึ่ง

หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 18 - 100% [31/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-08-2017 22:58:50
ในเวลาทำคะแนนแล้วนะ หลานต้น  :hao3:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 18 - 100% [31/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 31-08-2017 23:44:12
เวลามาแล้วนะต้น. ทำคะแนนเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 18 - 100% [31/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 01-09-2017 09:14:10
อยากให้ดิวมีความสุขอ่ะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 18 - 100% [31/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 02-09-2017 07:03:13
เรายังอ่านต่อน้ะรอตลอดเลยเป็นอะไรเหรอหายเลย.
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 19 - 100% [02/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 02-09-2017 19:30:01
>>ตอนที่ 19 [100%]<<

ต้นพยายามง้อแม่ตัวเองด้วยการทำตัวงอแง ส่วนไม้ก็ได้แต่หน้างอเหมือนจะร้องไห้เมื่อแม่ไม่สนใจใยดีตัวเอง ผมกลับได้รับความเอาใจใส่ เหนือกว่าทุกคนก็วันนี้แหละครับ กินอาหารเย็นเสร็จ คุณน้าลีลาให้ผมไปขนของจำเป็นที่ห้อง ถึงต้นเอาของมาให้แล้วแต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่

“โอเคขึ้นไหมวะ...” ระหว่างเดินกลับมาที่บ้านตัวเอง ต้นมาด้วยเพราะต้องมาช่วยผมถือของ คุณน้าไม่ใช่ไม้ ลงโทษอยู่ก็เลยไม่พูดด้วย

“อืม...ก็ดี” ผมไม่ได้มองหน้า แปลกใจอยู่บ้างที่มันพูดจาดีขึ้น น้อยครั้งที่ไอ้นี่จะไม่ปากหมา

“ที่กู...พูดไม่ดีใส่อะ กูขอโทษนะ” เอ๊ะ...เมื่อกี้ผมหูฝาดหรือเปล่า หันไปมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไว ความฉงนแสดงออกผ่านสีหน้าผม

“จะบอกว่าไม่จำเป็นอีกดิ” ต้นเสหน้าไปทางอื่น

ผมนึกขึ้นได้ว่า ผมเคยปฏิเสธคำขอโทษของมัน ด่าว่ามันจนเป็นเหตุให้มันต้องมาเจ็บตัวในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ลึกๆ ผมก็รู้ว่าพี่โอมไม่ได้รักผมขนาดนั้น การที่เขาทิ้งผมไปง่ายไม่ใช่เพราะต้นแต่ผมก็ยังโยนความผิดทั้งหมดไปให้มันอยู่ดี ก็ผมไม่อยากยอมรับความจริงว่าต้องโดดเดี่ยว ต้องอยู่คนเดียวไม่มีใครรักเราอีกแล้ว ผมร้องไห้ฟูมฟาย ด่ามันไปสารพัด มันก็เลยหาทางให้พี่โอมกลับมา ยอมเจ็บตัว...เพื่อผม

ผมรู้สึกผิดกับเรื่องนี้นะ แต่จะให้พูดอะไรไปมันก็พูดไม่ออก ตอนเย็นวันนั้นผมพยายามจะเข้าไปพูดด้วยมันก็หนีผมมันปากหมาใส่ผมได้ก็คงไม่มีอะไรน่าห่วง ทว่ามันก็ไม่กลับมา ผมพยายามไม่คิดถึงมันอีก ก็ต้นมันเลือกแบบนี้เอง มันเจ็บตัวเพราะมันเองไม่ใช่เพราะผมเสียหน่อย ผมโยนความรู้สึกผิดใส่มัน แล้วอยู่กับแฟนตัวเองอย่างมีความสุข... สภาพมันย่ำแย่เหมือนกัน ไม่มองหน้ากันเลย ใจผมหายวาบ ไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้ผมถึงได้รอมันกลับมา

ผมเห็นแก่ตัวมากๆ เลย...

“อืม ไม่เป็นไร ระวังปากไว้หน่อยแล้วกัน” พูดเสร็จก็เดินขึ้นชั้นสอง ต้นเงยหน้ามอง มันยิ้มบางๆ แล้วไหวไหล่

“มึงก็ด้วยเหอะ” ถ้ามึงไม่ปากหมาก่อนผมจะปากหมาใส่มันไหมล่ะ เหอะ...ไอ้คนนิสัยไม่ดี

จะว่าไป…ผมไม่เคยถามอาการมันเลย ผมเหลือบไปมองคนเดินตามมาเงียบๆ นิดหน่อย มันคงไม่เป็นอะไรแล้วมั้ง วันนั้นมันโดนอัดเสียยับเลยนี่นะ เรื่องที่มันต้องเจ็บตัวผมเองก็ควรจะขอบคุณหรือขอโทษมันบ้าง มันเอาพี่โอมกลับมาให้ แต่สุดท้ายพี่โอมก็ทิ้งผมไปอยู่ดี เท่ากับมันเจ็บตัวฟรีเพื่อผม

เฮ้อ...ช่างมันเถอะ

ผมเอาข้าวของที่ต้องใช้ทั้งหมดมากองๆ ไว้กลางห้อง สำรวจอีกนิดหน่อยว่ามีอะไรที่ต้องเอาไปอีกไหม น้าลีลาจะให้ผมนอนห้องเดียวกับน้า ผมตื่นเต้นมากเลยล่ะ การได้นอนกับน้าเขามันรู้สึกดีอะ มันปลอดภัยและอุ่นใจ ผมก็เลยไม่อิดออด ส่วนหนึ่งก็เกรงใจแหละ...แต่อีกส่วนก็เอาแต่ดีใจอยู่ได้

“เออ เห็นโทรศัพท์กูไหม” ผมไม่แตะโทรศัพท์เลยตั้งแต่กลับมา ลืมหาด้วย

“ไม่เห็นนะ มึงทำหายเปล่า”

“สงสัย” ผมคงต้องขอพ่อซื้อเครื่องใหม่ เงินในบัญชีตอนนี้มีไม่พอเพราะผมเอาไปใช้จ่ายกับพี่ชินหมดแล้ว

“มีใช้ปะ กูมีเครื่องเก่าเอาไปใช้ก่อนมะ” ส่ายหน้าให้ไว

“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวมาทวงบุญคุณ” ผมไม่ให้อภัยมันง่ายหรอกนะ มันชอบแกล้งผมจะตาย วันดีคืนดีมันอาจจะลุกขึ้นมาแกล้งให้ผมรู้สึกเสียหน้าอีกก็ได้

“ไม่ทวงหรอก เอาไปเหอะ ยังดีอยู่ไม่ได้ใช้แล้วด้วย” หันไปมองหน้าคนพูด สีหน้าไม่ได้มั่นใจเลยกับเรื่องที่พูด แน่ใจว่าไม่ได้ใช้...

“งั้นเอามาสิ”

“เดี๋ยวเอาให้” มันบอกก่อนจะทำหน้าคิดหนัก

ไอ้ต้นเดินเข้ามารวบของของผมเอาไว้ในอ้อมแขน เดินนำไปบ้านตัวเอง ผมสำรวจข้าวของนิดหน่อย ดูว่ามีอะไรที่จำเป็นต้องใช้อีกบ้าง แล้วตัวเองไม่ได้ลืมอะไรใช่หรือเปล่า เห็นว่าทุกอย่างครบหมดก็เดินออกมา ไม่มีความลังเลหรือความหวนแหนบ้านหลังนี้ ที่นี่มีแต่ความเจ็บปวดอยู่ในทุกๆ ส่วน เมื่อก่อนมันมีแต่ความทรงจำดีๆ แต่พอโดนทิ้งเอาไว้ให้โดดเดี่ยวนานเข้า ความทรงจำดีๆ เหล่านั้นก็เริ่มจะกลายเป็นสิ่งที่เลวร้าย

ผมกลับมาที่บ้านน้าลีลาอีกครั้ง คุณน้าให้ผมขึ้นไปจัดของบนห้องได้เลย เดี๋ยวให้ไม้ไปช่วย ผมก็ทำตามที่เธอบอก ส่วนคุณน้ายังคุยอยู่กับไอ้ต้น ผมไม่รู้หรอกว่าคุยเรื่องอะไร ไม่ทันได้ฟังไม้มาดึงผมขึ้นไปชั้นสองก่อน ต้นมันเอาของมาวางไว้บนนี้ให้แล้ว

“เจ็บแผลปะ” ขณะที่จัดเสื้อผ้าใส่ตู้ คุณน้าเคลียจนเหลือพื้นที่ว่างฝั่งหนึ่งให้ ผมก็ถามไม้ หน้ามันมีกอเอี้ยะแปะเป็นจุดๆ

“ก็เจ็บนะ แต่เจ็บใจมากกว่า...”

“ก็ไม่น่าไปยุ่ง เรื่องพวกนั้นไม้ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ” เมื่อก่อนไม้ก้ไม่ยุ่งเรื่องข่าวลือของผมอยู่แล้ว ผมไม่กล้าบอกว่าไม้ไม่ใส่ใจผมหรอกแต่คิดว่าไม้คงไม่อยากโดนด่าเหมารวมไปด้วย ซึ่งมันก็ทำถูกต้องแล้วล่ะ ผมมีแต่เรื่องเสียๆ หายๆ ไม่มีเรื่องดีเข้ามาเท่าไหร่ ส่วนไม้ เจ้านั้นเขาเป็นนักกีฬา มีแต่ข่าวดีๆ และเพื่อนดีๆ รายล้อม

“เมื่อก่อนเราเคยไม่ใส่ใจมัน แต่เพิ่งมารู้ว่านั่นทำให้เรายิ่งห่างกัน...เราขอโทษนะ” ไม้มองผมอย่างสำนึกผิด คำขอโทษของมันผมไม่เคยอยากได้ เพราะผมไม่เคยคิดว่าสิ่งที่มันทำเป็นเรื่องที่ผิด

“ไม้ไม่จำเป็นต้องขอโทษเราเลย เราทำตัวเราเองต่างหาก...”

“แต่เราก็ทำเป็นเมิน”

“ไม้ทำถูกแล้ว” ผมหันไปใส่ใจตู้เสื้อผ้าต่อ

“ไม่ เราทำไม่ถูก...เราเป็นเพื่อนกัน เราควรจะปกป้องเพื่อนเรา แต่เราก็เอาแต่คิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ดิวเลือกเอง พูดไปห้ามไปดิวก็คงไม่ฟัง ทั้งที่เรายังไม่เคยลงมือทำอะไรเลย” ไม้กำลังรู้สึกผิดในเรื่องที่ไม่น่าไปรู้สึก ผมไม่เคยโทษไม้เลย...ผมพูดจริงว่ามันทำสิ่งที่ถูกต้องและควรทำที่สุดแล้ว

“พอไม้ทำแล้วก็เจ็บตัวแบบนี้ไง เราว่าไม้เป็นเหมือนเดิมอะดีแล้ว...”

“ไม่อะ...” อ่า พูดแบบนี้คือจะไม่ยอมทำตัวเหมือนเดิมงั้นเหรอ

“ยังไง”

“ต่อไปดิวต้องอยู่กับเราตลอดนะ ไม่ให้คบเพื่อนแบบนั้น เราจะไม่ทิ้งดิวไว้กับพวกนั้นอีกแล้วล่ะ อะไรไม่ดีก็ห้ามทำ....” จากซึมเศร้าเมื่อครู่กลายเป็นดุผมเสียอย่างนั้น เพื่อนผมไม่ปกติหรือเปล่า

แต่ว่า...ผมรู้สึกดีจังเลยนะ

“อืม รู้แล้วคร้าบ...” ผมยิ้มให้ ไม้ยิ้มตอบแล้วเข้ามากอดคอผมแน่น

“ดีมาก ต้องเป็นเด็กดีนะ เดี๋ยวแม่เราดุ”

“ฮ่าๆ เห็นแล้ว ดุน่ากลัวมาก” ผมกับไม้หัวเราะเบาๆ อยู่สองคนในห้องกล้าวของคุณน้าลีลา

คุณน้าแบ่งพื้นที่เอาไว้ให้เสร็จสรรพ ผมสามารถเอาของต่างๆ วางได้โดยไม่เบียดพื้นที่ส่วนตัวของคุณน้า โคตรเกรงใจแต่ก็โคตรรู้สึกดี เหมือนตัวเองได้กลับไปเป็นเด็กเล็กๆ อีกครั้ง ได้นอนกับแม่ ไม่ต้องนอนคนเดียว

พอจัดห้องเสร็จ ผมกับไม้ก็พากันมาลงมาข้างล่าง คุณน้าตบโซฟาข้างตัวเรียกผมไปนั่ง ส่วนไม้โดนเมินเต็มๆ เจ้าตัวพยายามงอแงเรียกร้องความสนใจแล้ว แต่คุณน้าลีลาไมให้ความสนใจเจ้านั้น แค่เปลายตามองเท่านั้น

“พี่ต้นไปไหนละแม่” ไม้ถามหาพี่ชาย เหมือนหลอกให้แม่พูดด้วย คุณน้าไม่ตอบ

“....” เงียบใส่แบบนี้น่าอึดอัดแหะ ผมเอนหัวพิงไหล่คุณน้าแบบกล้าๆ กลัว

“ไอ้ต้นไปไหนเหรอครับ” นี่ถามให้แล้วนะเพื่อน คุณน้ายกแขนขึ้นมาคล้องคอผมพลางลูบหัว

“ต้นไปซื้อของ เดี๋ยวคงมาแหละลูก” เห่อๆ ตอบผมแต่ไมกตอบไม้ โดนเมินรุนแรงมากเลยเพื่อน

ไม้จำต้องเบี่ยงหน้าเศร้าๆ ของตัวเองไปที่หน้าจอทีวี ฟังเสียงผมกับคุณน้าคุยกันอย่างมีความสุขด้วยความทรมานใจ ผมอยากจะเอื้อมมือไปลูบหัวปลอบโยนมันจริงๆ เห็นแล้วโคตรสงสารเลยให้ตาย มิน่าละ คนในบ้านนี้ถึงไม่อยากทำให้คุณน้าโกรธหรือไม่พอใจนักเท่าไหร่ เวลามีคนไม่พูดกับเราด้วยเนี่ยมันรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย

ไอ้ต้นมันกลับมาค่อนข้างค่ำ นั่งวินมอเตอร์ไซก์กลับมาด้วย เจ้าตัวเดินขึ้นห้องไปไม่ได้นั่งเล่นอยู่กับเราทั้งสามคน ไม้มันเรียกแล้วแต่ไอ้ต้นบอกแค่ว่าเดี๋ยวมา ไม้อยากจะตามพี่ชายมันขึ้นไปข้างบน ไปฟ้องว่าแม่ใจร้ายกับมันแค่ไหน แต่ไอ้ต้นไม่ยอม มันจะอาบน้ำ ตามขึ้นไปอาบด้วยกันหรือไง ผมเห็นพี่น้องทะเลาะกันแล้วก็ขำ ไม้เวลานี้เหมือนเด็กเล็กๆ เรียกร้องความสนใจสุดๆ

ไม้นั่งรอพี่ชายหน้าเศร้า ชะเง้อคอยืดคอยาวเพื่อดูว่าพี่มันจะลงมาหรือยัง คุณน้านินทาลูกตัวเองให้ฟัง ผมก็เลยขำคิกคักๆ อยู่กันสองคน ได้อยู่ร่วมกับครอบครัวเนี่ยดีจังเลยครับ ไม่เหงา ไม่ว้าเหว่เลย ถึงพวกเขาจะรู้สึกว่ามันก็แค่เรื่องธรรมดาเรื่องหนึ่ง เป็นสิ่งเล็กๆ ที่เราทำร่วมกันทุกวันอยู่แล้ว ทว่าผมกลับรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่วิเศษ เพราะไม่ได้มีแบบนี้นานมากแล้ว พอมามีมันอีก...มันเลยอิ่มเอมใจมาก

“อะ” ไอ้ต้นลงมาถึงก็ส่งมือถือให้ มันบอกว่าเครื่องเก่ามัน แต่ผมรู้สึกว่านี่มันเป็นเครื่องใหม่มาก

“แน่ใจว่าเครื่องเก่ามึง”

“เออ เครื่องเก่ากูนี่แหละ กูไม่ชอบไอโฟน แม่งเรื่องมาก ซื้อมาเลยไม่ได้ใช้” จริงดิ ผมรับมาสำรวจ...ใหม่มากอย่างกับเพิ่งซื้อมาเลยแหะ แต่เคสมึงเนี่ยจะสีสดใสไปไหน เป็นลายอกโคเวอร์สีเขียว

“ลายเคสมึงตุ๊ดมากนะ” ผมวิจารณ์ เจ้าตัวนั่งลงอีกข้าง กอดแม่ตัวเองไว้

“ตุ๊ดตรงไหนวะ ดอกโคเวอร์สี่กลีบเป็นเครื่องรางความโชคดีเลยนะมึง มึงอะควรพกไว้ตลอด เพราะมึงมันชอบโชคร้าย” แต่ผมไม่เคยเห็นต้นมันใช่เครื่องนี้จริงๆ นะ ไอ้เคสแบบนี้ก็ไม่เคยเห็นผ่านตาเลย

“ถามจริงๆ ของมึงแน่นะ” ผมชะโงกหน้ามองมันทั้งที่ผมเองก็อิงน้าลีลาอยู่เหมือนกับมัน

“เออ ของกู อ่อ ซิมกูซื้อมาให้ใหม่นะ” ผมกดเปิดเครื่อง ทดสอบคร่าวๆ แล้วซบไหล่น้าลีลาเหมือนเดิม

“อืมๆ ขอบคุณ” เหลือบเห็นไอ้ต้นมันยิ้ม คุณน้าเองก็ยิ้มพลางยีหัวมันเล่นเหมือนกัน

รู้สึกว่ามันเป็นรอยยิ้มที่แฝงอะไรบางอย่าง แค่ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรเท่านั้น ไม้ผู้เป็นหมาหัวเน่าในที่นี้เงยหน้ามองพวกเราด้วยสายตาตัดพ้อ ไอ้ต้นผู้รักน้องโคตรก็เริ่มแขวะน้องตัวเอง ไม้เคืองมาก มันทำท่าจะพูดเรื่องที่ต้นเองโดนพี่โอมกระทืบ ไอ้ต้นก็เลยต้องรีบลุกไปนั่งปลอบน้องชายตัวเอง ประหนึ่งเป็นพี่ที่แสนดีขึ้นมา นั่นแหละ...ผมเห็นภาพแบบนี้ประจำ สองพี่น้องคู่นี้ชอบทะเลาะกันแล้วก็โอ๋กันเอง เมื่อก่อนผมอิจฉา ตอนนี้ก็ยังมีความอิจฉาอยู่ลึกๆ...

นั่งดูทีวีไปสักพักผมก็เริ่มจะง่วงๆ หนังตาปรือลงจนแทบจะปิดอยู่รอมร่อ ผมแอบมองทุกคนดูอีกนิด พวกเขากำลังลุ้นกับหนังที่ระทึกมากๆ แต่ผมไม่ชอบหนังแนวนี้ก็เลยถือโอกาสแอบงีบกับไหล่ของน้าลีลา

“บัตรแม่ละต้น” เสียงคุณน้าแว่วเข้ามาเบาๆ ผมไม่ตื่น แต่ก็สลึมสลือ พอรู้ตัวอยู่

“นี่ครับ”

“ต้นซื้อมาเครื่องเดียวเหรอ”

“อื้อ” อะไรคือซื้อมาเครื่องเดียวนะ

“อ่าวทำไมละ หน้าจอมือถือต้นแตกนี่ลูก”

“ไม่เป็นไรแม่ ของต้นยังใช้ได้ ต้นใช้ไปก่อนนี่แหละ...” อ่า มันโกหกผมเรื่องมือถือ นี่ไม่ใช่เครื่องเก่าจริงด้วย ไอ้หมาต้น

“เป็นพ่อบุญทุ่มจังเลยน้า ป๋าขนาดนี้...ไม่จีบน้องให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยละ” เสียงของคุณน้าท้าทายมาก คนฟังอย่างผมเกร็งไปหมด จีบเจิบอะไร ไอ้ต้นเนี่ยนะ...บ้าไปแล้ว

“มันป๋าแต่ป๊อดแม่” ไม้ว่าพี่ชายแล้วก็ขำ

“ตลก...ใช่เวลาที่ไหนละ” ต้นมันว่าเบาๆ

“รอนาน หมาคาบไปแดกอีก....” ไม้ลากเสียงกวนตีน ผมได้แต่แกล้งหลับ แอบฟังเรื่องที่เขาคุยกันด้วยหัวใจที่เต้นระทึกโคตรๆ

“เออ รู้แล้ว...เดี๋ยวจีบ โอเคปะ แซะกูจังไอ้น้องคนนี้” อ่า...เดี๋ยวจีบ....ปากหมาอย่างมันจะจีบผมเหรอ ไม่หรอก ผมละเมอไปเองแน่ๆ ต้องใช่ มันไม่มีทางหรอกที่ไอ้ต้นมันจะชอบผม ก็มันแกล้งผมอยู่ตลอดอะ

“แม่เอาใจช่วยนะลูก แต่ตอนนี้ต้นอุ้มน้องขึ้นไปนอนหน่อยปะ”

“นอนเตียงผมใช่ป่ะแม่..โอ้ย ต้นเจ็บ” คุณน้าตีไอ้ต้นดังเพี้ยะ ไม่รู้ว่าตีตรงไหน ฟังจากเสียงร้องมันต้องเจ็บมากแน่นอน

คุณน้าขยับตัวออกเบาๆ ให้ไอ้ต้นมันสอดแขนขึ้นมาอุ้มผม มันไม่ใช่คนอ่อนโยน แต่ผมรู้สึกว่ามันกำลังพยายามทำทุกอย่างให้แผ่วเบา ผมถูกอุ้มขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขน มันค่อยๆ พาผมขึ้นไปยังชั้นสอง ผมต้องพยายามตัวให้เนียนที่สุดเพื่อไมให้มันรู้ว่าผมตื่นอยู่ แถม...ยังรู้สึกใจเต้นแรงมากอีกด้วย ผมไม่ได้เขินนะ ผม...ผมแค่ตกใจ

......100%.....

เราไม่มั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ เรื่องนี้อาจไม่มีสีแสบสันอย่างบอมแมท แต่เราก็พยายามเต็มที่นะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 19 - 100% [02/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 02-09-2017 20:40:31
ไม่แสบสันเท่าแมทบอมเราโอเคอะ

หลังจากนี้อยากเห็นดิวได้เจออะไรที่ดีบ้างๆ
อยากให้ต้นทำตามหัวใจตัวเอง แต่อย่าปากหมานะเอ็งงง

ดิวเริ่มคิดได้ละ อย่าไปหลงผิดคบเพื่อนชั่วอีกหนู
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 19 - 100% [02/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-09-2017 20:47:08
 :o8: :o8: love ๆ กันจะทีซิ คนแก่ลุ้นอยู่
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 19 - 100% [02/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-09-2017 20:53:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 19 - 100% [02/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 02-09-2017 22:01:07
 :กอด1: เริ่มเข้าใจกันเเล้ววว
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 19 - 100% [02/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 04-09-2017 01:13:46
ใกล้ความจริงอีกนิดแล้วนะครับ,,,
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 20 - 100% [04/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 04-09-2017 21:42:39
>>ตอนที่ 20 [100%]<<

ตอนเช้าของวันใหม่คุณน้าและไอ้ต้นค่อนข้างเป็นห่วงเมื่อผมตัดสินใจไปโรงเรียน สภาพร่างกายผมยังไม่ดีเท่าไหร่ ถึงจะไม่มีอาการไข้ขึ้นแต่ก็ยังปวดระบมอยู่ พวกเขายังไม่รู้ว่าผมโดนข่มขืน และผมก็ยังไม่พร้อมจะบอกความจริงข้อนี้ ไม่อยากพูดถึง ไม่อยากนึกถึงมันเลยด้วยซ้ำ ผมอยากจะลบมันออกไปจากสมองแต่ก็ทำไม่ได้ ผมคิดว่าที่มันเป็นอยู่ตอนนี้ดีแล้ว ถ้าบอกไปคุณน้าอาจจะเดือดร้อน

ผมยืนยันว่าผมไปเรียนไหว ผมไม่อยากอยู่บ้านให้เป็นภาระคุณน้า คุณน้าลีลาอุตส่าห์หยุดงานมาดูแลผม ผมรู้สึกขอบคุณมากแล้วก็เกรงใจมากเช่นกัน อย่างน้อยก็อยากทำตัวให้ดีเพื่อให้คุณน้าจะสบายใจ เมื่อผมยืนยันความตั้งใจของตัวเอง คุณน้าก็ยอมให้ผมไปเรียนได้ ถ้าเป็นอะไรหรือเรียนไม่ไหวให้โทรมาหาคุณน้าหรือไอ้ต้น จะได้ไปรับกลับบ้านเรา

คำว่าบ้านเราทำให้ผมตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก...

ส่วนไม้ คุณน้ายอมพูดด้วยแล้ว แม้จะบอกว่าจะไม่พูดด้วยเป็นเวลาสามวัน แต่พอเห็นสีหน้าเศร้าของลูก คุณน้าก็ยอมอ่อนข้อให้แต่บอกว่าอย่าทำแบบนี้อีก แถมยังหันมาดุผมด้วยว่าเพื่อนไม่ดีก็อย่าไปคบ ผมพยักหน้ารับอย่างไว โดนดุบ้างมันก็รู้สึกดีนะ แต่ถ้าคุณน้าดุมากจริงๆ ผมก็หวาดกลัวเหมือนกันน่ะ

แต่ว่า...วันนี้ผมมองหน้าต้นไม่ค่อยติดเท่าไหร่

รู้สึกเก้อๆ ยังไงบอกไม่ถูก ดันไม่หลับสนิทเองเมื่อคืนนี้อะสิ ถึงไปได้ยินเขาคุยกัน แล้วเหมือนผมจะบอกตัวเองว่ามันแกล้งไม่ค่อยได้ ทั้งคุณน้าและไม้ก็รู้เรื่องนี้เหมือนกันนี่นา รู้กันทั้งบ้าน ไอ้ต้นคงไม่ทำเป็นเรื่องแกล้งกันเล่นแน่อะ ผมไม่อยากเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง...แค่หาเหตุผลมาปฏิเสธไม่ค่อยออก

ไอ้ต้นมันเอารถตัวเองออก อาสาไปส่งไม้กับผมที่โรงเรียนทั้งที่ตัวเองเกลียดการขับรถแล้วเจอรถติด ไม้ลั้นลาหน้าบานมาก แม่หายงอนและมีพี่ไปส่งเรียนอีก เจ้าตัวกอดคอผมเดินขึ้นรถด้วยท่าทางเหมือนเจ้านาย พี่ชายเป็นแค่ทาสของมันเท่านั้น ไอ้ต้นก็ไม่ได้ใส่ใจ มันเอาแต่กอดและหอมแม่ก่อนจะออกมา

“ดูแลกันดีๆ นะลูก” คณน้าลีลาบอกพลางโบกมือให้ เดี๋ยวคุณน้าจะทำงานบ้านอีกหน่อยแล้วไปทำงาน

“คร้าบ” ผมกับไม้โบกมือหย่อยๆ ให้คุณน้า ส่งเสียงกันเริงร่าขณะที่ต้นขับรถออกจากบ้าน

ผมนั่งหน้ากับไอ้ต้น ส่วนไม้หนีไปนั่งหลัง มันว่าวันนี้เป็นวันของมัน เมื่อวานนี้ผมเป็นนายไปแล้ว วันนี้มันต้องได้เป็นนายบ้าง ผมเบะปากใส่ เป็นนายบ้าอะไรช่างคิดจริงๆ ไอ้เพื่อนคนนี้ ผมก็เป็นเหมือนมันนั่นแหละ แค่ไม่ได้โดนทำโทษเท่านั้นเอง

“วันนี้พี่เลิกกี่โมง” ไม้ขยับมานั่งเท้าเบาะคนขับกับคนนั่งหน้า แทรกตัวไว้ตรงกลางแล้วหันไปมองพี่ชาย ต้นมันตั้งใจขับรถมาก วางแขนไว้บนขอบประตูแล้วเท้าคางตัวเอง

“เลิกเที่ยง”

“อ่า...งั้นก็มารับไม่ได้ดิ” ต้นหันมามองหน้าผม มันมองเลยผ่านไปเหมือนไร้ตัวตน

“อยากให้มารับปะละ” ไม้ขยับไปด้านหลัง ยิ้มเล็กน้อยขณะมองผมกับพี่ชายมันสลับกัน ผมเองก็สบตาต้น ท้าทายตัวเองนะไม่ใช่มัน ผมไม่กล้าสบตามันเลยตั้งแต่เช้านี่นา...ผมไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น ผมต้องการที่จะมองตอบสิถูกไหมละ

“ไม่...”

“อืม ได้ยินปะไม้” ต้นยิ้มมุมปาก หันมองน้องชายตัวเอง แล้วเกี่ยวอะไรกับคำตอบของผมล่ะ น้องมันอยากให้มันมารับมันก็ต้องมาสิ

“อ่า....มาเหอะ”

“คนแถวนี้เขาไม่อยากให้มารับ กูจะมาทำไม” ไม่ต้องพูดแล้วมองหน้าผมได้ไหมละ ผมรีบหันไปมองทาง เก้อขึ้นมาอีกแล้ว

“มันปากไม่ตรงกับใจ มาเหอะ...มารับน้องน้าคุณพี่ชาย” ไม้ทำเสียงออดอ้อน

“ดิวบอกพี่ดิ้ว่ามารับด้วย กลับกันเองมันอันตรายมาก...เกิดมีใครมาดักทำร้ายทำไงวะ” ใครเขาจะมาทำร้าย มึงบ้าไปแล้วเหรอไม้ ผมไม่ใช่คนที่มีอริทั่วบ้านทั่วเมืองนะเฮ้ย

“ตื่นทีไม้ ใครจะมาทำร้ายเรา”

“ก็เผื่อไว้...แบบ เกิดไอชินมันวกมาหาหรือเพื่อนดิวไม่พอใจ” ผมลืมเรื่องพวกนี้ไป ก็เพราะไม่อยากคิดถึงมันนั่นแหละเลยไม่ใส่ใจว่าเมื่อต้องเผชิญหน้าแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

“อืม ก็ได้...งั้นมึงมารับด้วยละ” ผมบอกอย่างจำยอม

“เรียกดีๆ ดิ ดูไอ้ไม้เป็นตัวอย่าง” หงิ ผมไม่อยากเรียกมันว่าพี่หนิ

“งั้นไม่ต้องมาล่ะ”

“อ่า...” ไม้หนีไปนั่งเบาะหลังเงียบๆ เช่นเคย

ต้นกัดปาก คิ้วขมวดด้วยความไม่พอใจ สักพักมันต้องปากหมาใส่ผมแน่ๆ แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่ผมคาดคิดเอาไว้ ไอ้ต้นเงียบไปตลอดทาง กัดปากไปตลอดด้วย ผมว่ามันต้องแดงไม่ก็ห้อเลือดไปแล้ว พอมาถึงไม้ก็รีบลงก่อนเป็นคนแรก ผมก้าวขาจะลงตามไปแต่โดนรั้งเอาไว้ก่อน ผมเกือบจะด่ามันแล้วล่ะ ถ้าไม่มีสติพอจะหยุดคำพูด ผมกะว่าจะลองพูดจาดีๆ ดูบ้าง...ไม่ทั้งหมดแต่ให้ดีขึ้น เผื่อเราจะทะเลาะกันน้อยลง

“มีอะไรโทรหากูนะ”

“อืม” มันเป็นแค่คำง่ายๆ แต่ผมไม่กล้ามองหน้ามัน ถ้าไม่ไปได้ยินเรื่องเมื่อคืนก็ไม่เป็นแบบนี้ ผมอาจสวนว่าอย่ามาเสือกเรื่องของกู อย่างที่พูดอยู่เป็นประจำ

“แล้วก็...เดี๋ยวมารับ” อ่า...

“อืม” ผมบิดมือตัวเองออกจากการเกาะกุม คว้ากระเป๋าแล้วก็จะเดินออกจากรถ

“เดี๋ยวดิว”

“อะไรอีกละ” อย่ารั้งไว้นานมากได้ไหม เก้อไปหมด ทำอะไรจะไม่ถูกแล้วเนี่ย

“สู้ๆ มึง” บ้า...มันต้องบ้าแน่ๆ!

คนอย่างไอ้ต้นไม่มีทางพูดอะไรน่าเอียนแบบนั้นใส่ผมอะ ผมเหลือบไปมอง มันส่งยิ้มมาให้...ผมรีบหนีเลย ไม่รู้จะต้องทำตัวยังไงต่อไป เกลียดมันนะ ไม่ชอบขี้หน้ามันเพราะมันเป็นคนที่แกล้งผมอยู่ประจำ แล้วไหงตอนนี้มันถึงได้มาพลิกจากหลังตีนเป็นหน้ามือแบบนี้ได้ ผมทำตัวไม่ถูก...ผมเปลี่ยนอารมณ์ตัวเองไม่ทันด้วย

มันชอบผม...มันชอบผม

โอย คุณน้าก็รู้ ไม้ก็รู้ แบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หรอก แล้วไอ้ที่ผ่านมาปากหมาใส่กันเพื่ออะไรวะ ใช่เรื่องปะ ชอบกันจริงมันจะมาปากหมาใส่ผมทำไมล่ะ มันคงแกล้ง...แกล้งบ้าอะไร คุณน้ารู้แบบนี้ไม่แกล้งหรอก ต้นไม่มีทางโกหกคุณน้าหรือหลอกคุณน้าแน่ๆ เพราะมันรักคุณน้ามาก ทั้งรักทั้งเทิดทูน

ถามมันเลยสิ...บ้า บ้าไปกันใหญ่แล้ว ให้ถามคนอย่างมันเนี่ยนะ เดี๋ยวมันก็มากวนตีนใส่อีก ปากหมาแบบมันพูดทีนี่อยากจะเอาเท้าขึ้นลูบสักทีสองที ผมไม่ชอบเลย บางทีพูดจาถากถางซะผมไปไม่เป็น ได้แต่กัดฟันทนกับคำพูดเสียดแทงของมันอยู่แบบนั้น แถมบางคำก็ยังหลอกหลอนผมอีกต่างหาก

“เป็นไร หน้าเครียดเลย กังวลอ่อ” ไม้เดินเข้ามากอดคอ ผมสะดุ้ง ปาดเหงื่อบนหน้าส่ายหัวไปมา

“เปล่า คิดอะไรนิดหน่อย”

“เราอยู่นี่...อย่าเครียดนะ” ไม้ยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มสดใสที่น่าหมั่นไส้ไม่ธรรมดา ด้วยที่มันเหมือนพี่มันมากพอดูเนี่ยแหละ

ปกติผมกับไม้นั่งค่อนข้างห่างกัน ไม้มันนั่งหลังห้องกับเพื่อนผู้ชายของมันแล้วผมกับกลุ่มผมนั่งหน้าห้อง  มาถึงมันก็ลังเล อยากจะย้ายให้ผมไปนั่งกับมันซึ่งผมไม่รู้จะไปนั่งตรงไหน ใครจะยอมย้ายให้ผมละ

“ที่ปกป้องกันเพราะเป็นแฟนกันนี่เอง...” เพื่อนกลุ่มผมแซะขึ้น

“จะเป็นอะไรกันก็ไม่เกี่ยวกับมึงอะนะ” เฮ้ ไม้ปากดีไม่แพ้พี่ชายเลยนี่นา

“ก็ไม่อยากเกี่ยวด้วยหรอก แต่แน่ใจเหรอที่จะเอามันน่ะ...” ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเพื่อนจะมองผมด้วยสายตาเหยียดหยามแบบนี้ ผมรู้สึกตัวเล็กลง ทุกคนกดดันจนหายใจแทบไม่ออก ไม้เอื้อมมือจับมือผม

“ของเหลือมันไม่อร่อยหรอกมึง” ไม้กำมือผมแน่นจนผมเจ็บแปล๊บ ผมไม่ได้บอกเพราะลึกๆ ก็เจ็บกับคำพูดของคิง มันเป็นคนบอกให้ผมคบคนนั้นคบคนนี้ เลิกกับคนนี้ให้ไปคบคนนั้น

แรงยุจากคิงทำให้ผมรู้สึกว่าการมีคนใหม่ทั้งที่เรายังทำใจกับรักครั้งเก่าไม่ได้ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เราแค่หาคนใหม่มาดามใจเอง กานเองเป็นคนพูดว่าถ้าแฟนอยากได้เราก็ต้องให้ เพราะมันหมายถึงเขารักเรามากเขาอยากได้เรา บางส่วนในความรู้สึกผมแย้งสิ่งที่เพื่อนพูด ทว่าผมก็เชื่อเมื่อโดนกล่อมอยู่บ่อยครั้ง พวกมันเองก็เปลี่ยนแฟนบ่อยๆ คิงขี้เบื่อและกานขี้รำคาญ ยังไม่รวมเพื่อนสามคนของผมที่นิสัยคล้ายคิงกับกาน

จะว่าผมโง่ก็ได้ที่เชื่อพวกมัน แต่พวกมันก็คือเพื่อนที่ผมมี...

“ของเหลือที่ยังแดกได้ก็ดีกว่าของเน่าๆ อย่างพวกมึงอะ” ไม้ด่ากลับ ผมทึ่งในความปากดีนี้นิดหน่อย

“อ่าว อยากแดกตีนอีกเหรอไม้” คิงลุกขึ้น ท่าทางไม่อ้อนแอ้นอย่างตอนแรกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่ตัวเองเกลียด

“ไม้...” ผมดึงเพื่อนตัวเองให้หลบจากคิง

“อะไร ปกป้องเหรอ...ตายละ น้ำหน้าอย่างดิวปกป้องใครได้ด้วย”

“พอเหอะคิง” กานเดินเข้ามารั้งไหล่คิงเอาไว้

“มึงห่วงมันเหรอ มันพาเราไปซวยนะ” ผมไม่ได้พาใครไปซวยทั้งนั้น พวกมันต่างหากที่พาผมไปที่แบบนั้นแล้วก็ทิ้งผมเอาไว้

“ดิว พวกเราขอโทษ คิงมันโกรธที่ดิวหายไปน่ะ ดิวอย่าถือสาคิงมันเลยนะ”

“ไอ้พวกสองหน้า ลิ้นสองแฉกจริงๆ ไม่ต้องมายุ่งกับเพื่อนกูเลย” ไม้ลากผมออกห่างจากกานทันที ผมยังไม่ทันเข้าใจสิ่งที่พวกมันพูดด้วยซ้ำ ผมหันไปมองหน้ากาน สายตาเหยียดหยามมองตรงมาที่ผม เมื่อกี้...มันก็แค่พูดโกหกไปเรื่อยใช่ไหม

ผมมั่นใจว่าคืนนั้นผมไม่ได้หายไป พวกมันไปกับผมด้วย ผมอาจประครองสติตัวเองไม่ได้มากแต่พวกมันก็อยู่ด้วยในคืนนั้น ตอนเช้าพวกมันก็หายไป ทิ้งผมเอาไว้คนเดียว ผมต้องตกนรกทั้งเป็นก็เพราะพวกมัน แล้วทำไมถึงมาพูดว่าผมเป็นคนผิดไปได้ล่ะ

“ไม้ ให้ดิวนั่งนี่ก็ได้ เดี๋ยวเรานั่งแทนที่ดิวเอง” พิมพ์ เพื่อนผู้หญิงในห้องที่ผมไม่ค่อยได้คุยด้วยลุกขึ้น เธอเก็บของให้ผมได้นั่งข้างไม้

“ไม่เป็นไรเหรอพิมพ์”

“ไม่ เพื่อนเราก็นั่งตรงนั้น” พิมพ์ยิ้มหวานให้ไม้ เธอต้องชอบไม้แน่ๆ

ไม้แย่งกระเป๋าผมไปวางไว้ที่โต๊ะก่อนจับผมนั่งลง ผมยังหน้าเสียไม่หายจากคำพูดของเพื่อนตัวเอง ไม้นั่งลงข้างๆ ทักทายเพื่อนของมัน ผมยังคงนั่งเหม่อมองกลุ่มกาน ผมอยากถามว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นกับผม ผมไปทำอะไรให้คิงไม่พอใจกันแน่ แล้วเรื่องคืนนั้นมันยังไงแต่ผมไม่มีความกล้ามมากพอจะเข้าไปพูด

“อยากเล่าเรื่องคืนนั้นเมื่อไหร่บอกเรานะ” ไม้บอกเสียงเบา ผมยิ้มแล้วพยักหน้าให้

เพื่อนๆ ของไม้ชวนผมคุยเรื่องเรียน ถามว่าผมเก่งวิชาไหน ผมเพิ่งรู้ว่าเพื่อนๆ ของไม้และไม้เองเรียนไม่เก่งเอาเสียเลย และผมคิดว่าพวกเขารังเกียจผมเสียอีก แต่กลับไม่มีท่าทีแบบนั้นให้ผมเห็น ผมอาจจะไม่กล้าแสดงออกอะไรมากมาย มันไม่ชิน เราเรียนด้วยกันมาสองปีก็จริง แต่ผมก็ไม่ค่อยได้คุยกับกลุ่มนี้เท่าไหร่ ส่วนใหญ่มีแค่ไม้ที่เข้ามาคุย เข้ามาทักเวลาเดินผ่านหรือเจอกัน

ตอนเที่ยงผมไปกินข้าวกับเพื่อนๆ ของไม้ กลุ่มนี้คุยกันเรื่องกีฬาเป็นหลัก ผมเลยชอบก้มหน้าเล่นมือถือ ผมไม่รู้เรื่องที่เขาคุยกันเท่าไหร่ ไม่เล่นกีฬาแบบพวกเขานัก พอเข้าเฟซบุ๊กระหว่างรอไม้ไปซื้อข้าวมาให้ ข้อความจากกานก็เด้งขึ้นมาที่แจ้งเตือน มันเรียกผมไปหาที่ห้องน้ำหลังอาคาร ให้มาคนเดียว มีเรื่องจะคุย เป็นเรื่องเมื่อคืนนั้น คิงมันเข้าใจผิดว่าผมทิ้งพวกมันไปก็เลยอยากจะคุยให้เคลียร์

ผมเองอยากรู้เรื่องนี้อยู่แล้วก็เลยแอบออกไปโดยไม่ได้บอกใคร เพื่อนของไม้ชื่อโอ๊ตถามผมก็แค่บอกว่าไปเข้าห้องน้ำเท่านั้น เขาพยักหน้าให้ ผมเดินไปตามทาง บอกกับกานว่ากำลังเดินไปหานะ ผมไม่กลัวพวกนี้เท่าไหร่ แค่เสียใจที่พวกมันพูดลับหลังผมไม่ดีแล้วยังทิ้งผมไปอีก

“ดิว...” มาถึงกานก็เข้ามาสวมกอด ผมตกใจแต่ก็ไม่ได้ผลักออก

“เราทำอะไรให้โกรธ บอกเราได้ไหม...” คิงยืนหน้ามบึ้งอยู่ใกล้ๆ

“ก็วันนั้นน่ะ ตอนเราตื่นมาเราก็ไม่เห็นดิวแล้ว มีแต่พวกพี่ๆ พวกนั้นนอนอยู่...พวกเรากลัวกันมาก เล่นเมาแล้วไปมั่วกับคนพวกนั้นได้ยังไงก็ไม่รู้ แล้วยิ่งไม่เห็นดิวอีกก็เลยคิดว่าดิวทิ้งพวกเราไปแล้ว พวกเราโกรธ ไม่คิดว่าดิวจะทำแบบนั้น แต่สถานการณ์แบบนั้นทำให้เราพวกเรารีบหนีออกไป ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นเป็นคนดีไหม...วันนั้นดิวทิ้งพวกเราไปทำไม” ผมฟังแล้วก็ส่ายหัว

“เราไม่ได้ออกไป เราอยู่ในห้อง เราตื่นมาก็ไม่เจอใครแล้ว...” ผมไม่กล้าพูดต่อว่าคนพวกนั้นทำอะไรผมบ้าง

“จริงเหรอ...นายโกหกเราหรือเปล่าดิว เราไม่เห็นนายเลย” ผมนอนอยู่บนเตียง จะไม่เห็นผมได้ยังไง

.....100%....

เพื่อนแบบนี้...ดิวคบเพื่อนลิ้นสองแฉกแบบนี้เหรอคะ?

จุฟๆ.วันวายเดย์ที่ผ่านมาใครไปร่วมสมรภูมิบ้างเอ่ย ได้เล่มที่อยากได้สมใจไหม เราไป เราได้มอง เศร้า...เงินบ่มี
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 20 - 100% [04/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 04-09-2017 22:06:21
อยากให้เจอคนดีๆมีความสุขและตัดขาดกับเพื่อนลิ้นสองแฉงสักที
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 20 - 100% [04/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-09-2017 23:15:39
 :beat: :z6: :13223: เพื่อนแบบนี้มันต้องได้รับกรรมที่มันทำกับหลานดิว หลานคนแต่งช่วยจัดการให้คนแก่ด้วยนะ  :m31:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 20 - 100% [04/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 05-09-2017 00:04:02
แล้วดิวก็ยังจะเชื่ออีกหรอ???
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 20 - 100% [04/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 05-09-2017 04:36:00
 :z3: เกลียดทุกคนที่ทำร้ายดิว
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 20 - 100% [04/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 06-09-2017 07:47:04
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยย ปาเกิบใส่หน้าเพื่อนดิวผิดไหมคะ :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 20 - 100% [04/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-09-2017 08:00:38
 :z6:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 21 - 100% [06/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 06-09-2017 21:11:04
>>ตอนที่ 21 [100%]<<

“จริงๆ เราอยู่บนเตียง...เราไม่ได้ออกไปไหนเลย” ผมมองหน้าคิงจริงจัง

“บนเตียงเราเห็นแค่พี่ๆ พวกนั้น สงสัยพวกเราจะไม่ทันดูให้ดี ตื่นมาไม่เจอดิว แถมยังอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นอีก ก็เลยรีบจนไม่ดูให้ดี...มึงอะคิง ตีโพยตีพายไปเอง” กานหันไปว่าคิง ซึ่งคนโดนว่าก็ทำหน้าสลด มันเดินเข้ามาจับมือผม

“กูขอโทษ...กูนึกว่ามึงทิ้งพวกกู พวกกูก็กลัวว่าคนพวกนั้นจะทำอะไร” พอรู้เรื่องทั้งหมด ผมก็เบาใจ โกรธพวกมันต่อไม่ลง แค่น้อยใจนิดๆ ที่พวกมันไม่ดูผมให้ดีก่อน แต่ก็เข้าใจ...เป็นผม ผมก็คงอยากหนีไปเหมือนกัน

“อืม...”

“พวกเขาไม่ได้ทำอะไรมึงใช่ไหมดิว” คิงสวมกอด

“ไม่ กูไม่เป็นอะไร” ผมเลือกที่จะโกหกออกไป ไม่อยากพูดหรือนึกถึงมันอีก

“กูดีใจที่มึงปลอดภัย ขอโทษที่เข้าใจผิดแล้วก็ไม่ถามมึงก่อน กูติดต่อมึงไม่ได้ ทักไปก็ไม่ตอบอะไรเลย กูคิดว่ามึงทิ้งพวกกูแล้วไม่กล้าสู้หน้า”

“มือถือกูหาย เพิ่งได้มาใหม่” คิงเสียงสั่น มันคงรู้สึกผิดจริงๆ

“เหรอ กูขอโทษจริงๆ นะ”

“อืม ไม่เป็นไรเว้ย...ไม่เป็นอะไร” ผมลูบหลังปลอบเพื่อนตัวเอง กานยิ้ม

“เข้าใจกันก็ดีแล้ว เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่นะดิว”

“อืม” ผมขานตอบกาน

เราสามคนกอดกันอยู่ในนั้นสักพักก็ออกมา พอเดินมาถึงโต๊ะกินข้าวก็เจอไม้ยืนหน้าเป็นยักษ์รออยู่ ผมลืมไปว่าผมมากินข้าวกับไม้ คิงมองไม้ตาขวาง ดูจะไม่ถูกกันอย่างรุนแรง ไม้เองก็ไม่พอใจมาก มันมองหน้าคิงอย่างกินเลือดกินเนื้อ

“ดิวมากินข้าว”

“คือ...” ผมว่าจะไปกินกับพวกนี้สักหน่อย อยู่กับเพื่อนๆ ของไม้แล้วผมไม่รู้จะคุยอะไร

“เราซื้อข้าวมาให้แล้ว”

“เราเอาข้าวไปกินกับเพื่อนเราได้ไหม...” ผมลองบอก

“...” ไม้ไม่พูด สายตาผิดหวังของมันทิ่มแทงเข้ามาที่ผมอย่างจัง ผมไม่กล้าสบตาของมันเลยได้ต่าเสมองไปทางอื่น

“ไปกินกับไม้เหอะ เขาอุตส่าห์ไปซื้อมาให้” กานผลักผมไปทางไม้เบาๆ

ผมพยักหน้า เดินเข้าไปนั่งกินกับไม้ที่ตอนนี้หน้าบึ้ง ไม่พูดไม่จาอะไรเลย โอ๊ตเพื่อนไม้ก็นิ่งไปเหมือนกัน บรรยากาศแบบนี้อึดอัดใจชะมัด ผมนั่งเล่นมือถือไปกินข้าวไป กะว่ากินเสร็จจะไปหากานกับคิงที่โต๊ะ

“จำที่แม่เราบอกได้ไหม...” จู่ๆ ไม้ก็พูดขึ้น ผมนั่งทบทวนอยู่สักพักก็พยักหน้า คุณน้าให้ผมเลิกคบเพื่อนพวกนี้ แต่เราทำความเข้าใจกันแล้ว มันแค่เรื่องเข้าใจผิดเอง

“เราแค่เข้าใจผิดกันเฉยๆ ไม้ พวกเขาไม่ใช่คนไม่ดี...”

“เราจะฟ้องพี่กับแม่” อ่าว ไหงต้องเป็นเรื่องไปฟ้องสองคนนั้นล่ะ

“คุณน้านี่พอเข้าใจนะ แต่ไอ้ต้นเกี่ยวอะไรด้วย”

“พี่ต้องโกรธดิว...จะให้พี่ลงโทษดิวเยอะๆ ให้ดิวเลิกคบเพื่อนแบบนั้นเลย” ไม้พูดเสียงเย็นชา ผมไม่เข้าใจว่าจะเอาไอ้นมาขู่ผมทำไม มันต้องเป็นคุณน้าสิ

“ไอ้ต้นมันจะทำอะไรเราได้ ไม้บอกเองว่ามันไม่มีทางโกรธเรา”

“เฮ้อ...ก็ใช่ ขู่ไปงั้นแหละ เราแค่ไม่อยากให้ดิวไปคบกับคนกลุ่มนั้น เลิกคบเลยตรงๆ ไม่ได้ก็ค่อยๆ ออกห่างดีกว่า เรากับโอ๊ตก็กำลังจะไปตีแบด เราไม่ได้ตีแบดด้วยกันนานแล้ว...ไปตีแบดกันนะ” อ่า ก็ใช่ ผมกับไม้ไม่ได้เล่นด้วยกันนานแล้วนี่นะ

“ก็ได้ เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องเลิกคบกับคิงแล้วก็กานด้วย แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อยเอง”

“แม่เราห้ามไง” อย่างนี้ละเอาคุณน้ามาอ้าง

เมื่อไม้อ้างมาแบบนั้นผมก็ต้องทำตามไปกินเสร็จไม้กับโอ๊ตก็ไปตีแบดกัน มีเพื่อนไม้อีกหลายคนที่รออยู่ที่นี่แล้ว พวกนี้เป็นเพื่อนคนละห้อง ไม้มีเพื่อนห้องอื่นมากกว่าเพื่อนในห้องตัวเองละนะ

มาถึงเจ้าตัวก็ส่งไม้แบดมาให้ผมทันที นี่กะไม่ให้ผมได้พักเลยใช่ไหม ผมกับไม้ตีแบดกันเยาะๆ เป็นการวอมอัพ สักพักชักเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความที่ไม่ได้ออกกำลังกายเลยทำให้ผมเหนื่อยง่าย วิ่งไปวิ่งมาครู่เดียวก็หอบรับประทานเสียแล้ว

แต่ว่า...มันโคตรสนุกเลยครับ

นอกจากไม้ ตอนนี้ผมเริ่มพูดคุยกับโอ๊ตได้อย่างเป็นธรรมชาติแล้ว เวลาโอ๊ตเล่นกับไม้ พวกเขาจะตีกันรุนแรงประหนึ่งฆ่ากันให้ตายไปข้าง ผมนั่งเชียร์ระหว่างพัก เพื่อนๆ ของไม้ห้องอื่นมาเห็นผมนั่งเชียร์อยู่คนเดียวก็มาชวนไปตีด้วยกัน คนพวกนี้คุยกันด้วยภาษากีฬาจริงๆ เห็นผมเหนื่อยง่ายหน่อยก็ล้อก็แซ็ว แต่ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวตลก ผมงอนหน่อยๆ หงุดหงิดนิดหนึ่งจนเผลอบอกไปว่าผมจะเก่งขึ้นให้ได้ เห่อๆ เอาเข้าไป...ผมไม่ได้ชอบเล่นแบดขนาดนั้น

คาบบ่าย ไม้กับโอ๊ตแทบจะขอลอกงานที่อาจารย์สั่งให้ทำ สองคนนั้นชะโงกหน้ามาคอยลอกอยู่เรื่อย เล่นกีฬานี่แหละเก่งนัก พอมาอย่างนี้ล่ะเทิดทูนบูชาผมขึ้นมาทันทีทันใด ผมก็คอยแกล้งพวกเขา ไม่ให้ลอกบ้าง บอกคำตอบผิดบ้างไปตามเรื่องตามราว รู้สึกแกล้งคนมันมีความสุขแบบนี้นี่เอง ถึงว่า...ต้นมันชอบแกล้งผมจัง

เลิกเรียนไม้ยังลากผมไม่เลิก ไม่ได้บอกลากลุ่มกานเลยด้วยซ้ำ ผมต้องมาวิ่งเหยาะๆ รอบสนามในโรงยิม ไม้ขึ้นแท่นโค้ชอย่างรวดเร็ว ผมไม่ได้ขอให้มันมาสอนผมเลยนะ อาสาเอง สถาปณาตัวเองเสร็จสรรพ แถมทุกคนอย่างมารุมมาตุ้มสอนผมอีกต่างหาก เฮ้...ผมเหนื่อยเป็นนะนี่นะ

“พี่ต้น หวัดดี” เสียงของไม้ทำให้ผมตบลูกพลาด ไอ้ปากหมาขาประจำเดินหล่อเข้ามาในโรงยิม เจ้าตัวใส่เสื้อยืดสีดำและกางเกงยีนส์สีดำ จริงๆ ต้นเป็นคนหล่อ..เอาแค่หน้าตาผมก็ชอบมันนะ ตัดลิ้นมันทิ้งก็จะดีมาก

“สอนลูกหมาเล่นแบดเหรอ” นั่นไง ไอ้เลว

“ปากหมานะมึงอะ ไม่เห่าไม่หอนสักวันจะตายปะ” ผมตะโกนว่ากลับ

“ไม่ตายแค่นอนไม่หลับ...” ดูมันลอยหน้าลอยตาตอบ

ผมเสิร์ฟลูกแบดเข้าหน้ามันเต็มๆ ไอ้ต้นถึงกับเหวอที่ผมทำร้ายร่างกายมัน แล้วไอ้คนที่ผมเพิ่งมารู้ว่ามันชอบผมก็ไม่อยู่เฉยครับ ชอบภาษาไหนไม่รู้ มันวิ่งเข้าใส่ผมทันที ผมก็หนีสิ เรื่องไรจะอยู่ให้ไอ้ต้นมันเตะเอา ตัวผมยิ่งบางๆ ขาดสองท่อนขึ้นมาหมอไม่รับเย็บแน่ๆ

“หึหึ...หนีกูเหรอดิว คิดว่าหนีได้เหรอ” ยังวิ่งไม่เท่าไหร่ ร่างผมก็โดนรวบด้วยสองแขนของมันทันที

“ปล่อยกูเลยนะ แฮ่กๆ...เหนื่อยฉิบเป๋ง” ผมหอบแดก ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายก็งี้

“เรื่องไรกูต้องปล่อย มึงตีแบดใส่หน้ากูมึงต้องถูกลงโทษเว้ย” ต้นแม่งหัวเราะหึหึข้างหู ขนลุกขนชันหมด จะมาไม้ไหนอีกละเนี่ย

“โดนเบาๆ เองมึงอะสำออย ปล่อยกูเลยนะ...”

“ขอร้องดีสิ พี่ต้นครับ...น้องดิวขอโทษ” ยี๋ เสียงดัดโคตรขนลุก

“ไม่ กูไม่พูดอะไรแบบนั้นแน่ๆ มึง ปล่อยกูเลยไอ้หมาต้น!” ผมเริ่มดิ้นด้วยการกระโดดขึ้นลงแล้วสะบัดตัวไปซ้ายทีขวาที ตอนเด็กๆ โดนล็อกแล้วทำแบบนี้มันจะหลุดออกไปได้ครับ

ผมคงลืมไปว่าตอนนี้ไม่ใช่ตอนนเด็ก แล้วแรงของไอ้ต้นก็เยอะมาก ผมกระโดดจนเหนื่อยไม่หลุดเสียที ไอ้ต้นแม่งกระโดดตามผมอีก คนอื่นมองแล้วก็ขำ เสียงไม้ตะโกนถามว่านั่นทำอะไรกัน ไม่มีอะไรเล่นกันแล้วหรือถึงได้พากันกระโดดเหยงๆ เป็นหมาแบบนั้น ไอ้ต้นก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะครับ มันหัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจ

“ฟอด...” ผมที่กำลังทำหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับถึงกับนิ่งงันไป ทั้งที่เหนื่อย หอบหายใจอยู่ก็ยังลืมไปเลย

ก็...มันเล่นหอมแก้มผม!

“ในที่สุดก็โดนลงโทษ หึหึ อย่าดื้อกับพี่อีกนะจ้ะน้องดิว ไม่งั้นพี่จ้ะไซ้ตั้งแต่หน้าผากน้องลงไปยัน...” ปากมึงนี่นะ ใครเป็นแฟนต้องปวดกะบาลแน่ๆ!

ผมเตรียมจะเอาหัวตัวเองโหม่งคางมันซะ ทำผมแค้นมาก คนอื่นมองเราเป็นตาเดียวหมดแล้ว ถึงผมจะมีข่าวลือแย่ๆ แต่ผมก็ไม่ได้หน้าด้านนะเว้ย ทว่ากลับโหม่งไม่โดน ไอ้ต้นปล่อยมือแล้วหลบด้วยการย่อตัว ผมเซเกือบล้มหงายหลัง มันรับร่างของผมเอาไว้ก่อนพลางหัวเราะชอบใจ ผมหมั่นไส้มัน...จะเอาคืนมันต้องทำยังไง

ต้นแกล้งผมจนหนำใจมันก็ปล่อยให้ผมและไม้เล่นแบดกันต่อ ไม้มันเข้าไปโม้ว่าผมเล่นแบดดีเลยจะชวนเข้าชมรมด้วยกัน พี่น้องกันอะ แม่งเห็นดีเห็นงามกันหมดเลย แล้วที่ผมไม่โต้เถียง เพราะคิดว่ามันก็ดีเหมือนกันถ้ามีงานอดิเรกไว้ให้ทำบ้าง

จากที่เราต้องกลับบ้านกันตอนสี่โมงกว่าๆ กลายเป็นเกือบทุ่มหนึ่งเพราะเล่นแบด ต้นมันคอยมองผมอยู่ตลอด เหลือบไปทีไรก็สบสายตากับมันทุกที เสียงพูดคุยเมื่อคืนมันชอบแว้บเข้ามาในหัว แล้วผมมักจะรู้สึกเก้อๆ ไปทุกที ทำตัวไม่ถูก เกร็งๆ จนตีพลาดไปหลายหน ผมเป็นคนที่พักบ่อยกว่าคนอื่นๆ เขา รุ่นพี่บอกว่าเพิ่งมาฝึกก็แบบนี้แหละ ยังไม่อึดพอ ผ่านไปสักระยะมันก็จะดีขึ้นเอง

“เหนื่อยเจียนตายเลยสิมึง...” ต้นเดินเข้ามารับพร้อมกับน้ำเย็น มันแย่งกระเป๋าผมไปถือ

“เฮ้ๆ ของผมด้วยดิ ถือให้ด้วย น้ำผมด้วยนะน้ำผม” คนเป็นน้องได้แต่เรียกร้องหาความยุติธรรม

“ไม่มีอะไรสำหรับมึงทั้งนั้น” แล้วดูพี่มันปฏิบัติกับน้องชาย

“โห่...ไอ้พี่เลว สองมาตรฐานชัดๆ เลยวะ มันเพื่อนน้องนะ ส่วนนี่น้องนะน้อง” ชักเริ่มสงสารไม้ขึ้นมานิดหน่อย เมื่อวานคุณน้าก็เมิน วันนี้พี่ชายยังเมินอีก

“โทษที...พอดีพี่ชอบเพื่อนน้อง” เอิ่ม...ผม...ผม...หันหน้าหลบแป๊บ จู่ๆ มาบอกชอบเพื่อนน้องแล้วมองหน้าผมนี่นะ ไม่...ภาพลวงตา แม่งภาพลวงตาชัดๆ ไอ้ต้นแม่งต้องแกล้งผมอยู่แน่นอน

“ไม่ๆ พี่ต้องรักและหลงน้องตัวเองที่สุด” ว่าจบไม้ก็แย่งน้ำจากมือพี่ชายมันไปดื่ม มันไม่ได้กินจนหมดหรอก คนละครึ่งกับผมนี่แหละ

ไอ้ต้นมัมองหน้าผมนิ่งๆ เห็นว่าผมทำเป็นไม่สนใจผมก็ถอนหายใจแล้วเอากระเป๋าผมและไม้ไปถือเอง ต้นเดินนำไป ไม้กอดคอผมแล้วเดินตาม เพื่อนผมบ่นหาของกิน ถามทั้งผมและพี่ชายว่าวันนี้มีอะไรกิน หรือว่าวันนี้จะกินอะไรดี ผมเองก็หิวมากเหมือนกัน เลยสมทบอาหารที่อยากกินลงไป ไม้บอกให้พี่มันคอยจดรายการอาหารซะ แต่ไอ้ต้นมันแค่ส่ายหน้าแล้วก็ไม่สนใจอีก

มาถึงบ้านเกือบสองทุ่ม คุณน้าไล่ผมกับไม้ไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย ผมชอบตรงที่มาถึงเธอก็สวมกอดไม้และผมคนละที หอมแก้มด้วย ชื่นใจบอกไม่ถูก เคยเห็นเขาทำกันบ่อยๆ เวลามองมาจากบ้านฝั่งนู้น ครั้งนี้ได้รับมันเองบ้าง ผมรู้สึกว่ามันอิ่มเอมหัวใจดีเหมือนกันนะ

ไม้เสียสละให้ผมอาบน้ำก่อน ผมไม่ขัดศรัธราเพื่อนอยู่แล้วครับ รีบเอาเสื้อผ้ามาอาบน้ำเปลี่ยนทันที รอยแดงตามตัวยังชัดและร่างกายของผมก็ยังระบม ทว่าไอ้ความอยากเล่นแบดมันทำให้ผมหลงลืมมันไป ตอนเล่นนี่ก็ปวดเมื่อยมากนะ เล่นไปเล่นมาอาการมันหายไปได้ไงไม่รู้ เคยได้ยินที่เขาว่าเวลาไม่สบายให้ออกกำลัง ขยับร่างกายมากๆ แล้วมันจะดีขึ้นท่าจะจริง ไม่ยักรู้ว่าการออกกำลังกายก็พอจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บช้ำตามร่างกายได้เหมือนกัน

“พรุ่งนี้ระบมแน่มึง...” ไอ้ต้นยืนกอดอกรออยู่หน้าห้องน้ำ พอผมโพล่ออกมามันก็พูดขึ้นทันที

“ยุ่ง”

“เป็นห่วงหาว่ายุ่ง เออดี คราวหลังไม่ต้องเป็นหงเป็นห่วงมันละเนอะ” อารมณ์ไหนอีกละเนี่ย มาน้อยจงน้อยใจอะไร ไอ้ต้นมันหันหลังจะเดินหนี ผมรีบคว้าแขนมันเอาไว้

“โกรธอ่อ” หน้าบึ้งอย่างนี้โกรธกันไหมเนี่ย ผมแค่พูดไปเพราะรู้สึกเก้อๆ เท่านั้นเอง

“ใครโกรธ ไม่มี...บอกแล้วไงไม่เคยโกรธ” ต้นหันมาสบตา

“แล้ว...”

“งอนน่ะ” ไอ้หมาเอ้ย มางมางอนอะไรเป็นผู้ชายปะเนี่ย

“ผู้ชายที่ไหนขี้งอนวะ”

“ผู้ชายที่รักมึงมั้ง...” มันพูดจบ เราทั้งคู่ก็อ้าปากค้าง เหมือนมันไม่คิดว่าตัวจะเล่นมุกนี้แต่เสือกเล่นมาแล้ว ผมเองก็ไม่คิดจะได้ยินคำนี้จากมันเหมือนกัน เรามองหน้ากันเก้อๆ เป็นมันที่หันหลังวิ่งลงบันไดไปก่อน ถึงมันไม่ไปผมก็ตั้งใจจะหนีเข้าห้องไปเหมือนกัน

ถ้าบอกว่ามันกำลังแกล้งผมอยู่...มันก็แกล้งผมได้อย่างร้ายกาจมากๆ อ่า...หัวใจจะเต้นแรงไปไหนนะ?

.....100%.....

สายรุกตัวจริง ต้องพี่ต้นเองครับน้องดิว พี่จะรุกจนน้องลุกไม่ขึ้นเลยละครับ~
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 21 - 100% [06/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-09-2017 21:27:22
 :m1: ดีมาก หลานต้น หยอดมุกเข้าไว้เยอะ ๆ เลยลูก
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 21 - 100% [06/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 06-09-2017 21:34:11
มีปุ่มดีลีทกานกับคิงไหมอ่ะดีลีทให้เราหน่อยเราเกลียดคนแบบนี้ตอแหลจังแล้วดิวก็ซื่อเนอะอยากให้ต้นจับดิวกดแม่งเลย5555
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 21 - 100% [06/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-09-2017 21:56:25
คิงกับกานเป็นเพื่อนที่ซุงแหลมาก
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 21 - 100% [06/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 07-09-2017 00:46:41
โมเม้นต์ที่รอคอยย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 21 - 100% [06/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 07-09-2017 18:16:44
โมเม้นที่รอคอย
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 22 - 100% [07/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 07-09-2017 22:09:12
>>ตอนที่ 22 [100%]<<

ผมพยายามทำตัวให้ปกติหลังแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ไม้เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เราดินลงมาพร้อมกัน ต้นกับคุณน้ากำลังคุยกันเรื่องงาน เห็นว่าไอ้ต้นมันอยากจะไปช่วยงานเป็นประจำที่ร้านอาหาร คุณเองก็ไม่อยากให้ลูกเหนื่อย ไหนจะเรียนไหนจะกิจกรรม ไม้เข้าร่วมวงสนทนาขณะตักข้าวใส่จานให้ผมและตัวเอง ผมกำลังตั้งใจฟังไอ้ต้นกับคุณน้า คิดไปคิดมาผมก็อยากลองไปช่วยงานที่ร้านเป็นประจำดูบ้าง คุณน้าให้ความช่วยเหลือและเอ็นดูผมขนาดนี้ ผมควรทำตัวให้มีประโยชน์

“เอางั้นก็ได้ ถ้าหนูคิดว่าไม่เหนื่อยเกินไป แต่ถ้าหนูไม่ไหว หนูก็ต้องบอกแม่นะลูก” คุณน้าสรุป ไอ้ต้นมันยืนกรานว่าอยากไปทำ เดี๋ยวจะออกจากชมรมที่เข้าเพื่อให้เวลากับการทำงานที่ร้านอาหารมากขึ้น

“ผมไปด้วยได้ไหมครับ” เขาคุยกันเสร็จผมก็พูดขึ้นมาบ้าง ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว

“เหนื่อยน้าน้องดิว”

“อ่า...ผมอยากช่วย” คุณน้าฟังแล้วก็ยิ้มบางๆ

“ว่าไงละต้น ให้น้องไปช่วยไหม”

“ก็ได้ครับ แต่คิดจะทำงานอย่าหือกับพี่นะน้อง” เฮอะ มนไม่ใช่หัวหน้างานของผมสักหน่อย ทำมาเป็นวางท่า

“ถ้าหือแล้วจะทำไม...”

“พี่จะลงโทษ” ต้นว่าเสียงเรียบ ดวงตาเจ้าเล่แบบนั้น่าหมั่นไส้เป็นที่สุด

ผมเชิดใส่ หันไปสนใจคุณน้าแทนมัน เราเริ่มทานอาหารพร้อมพูดคุยไปด้วยกัน ไม้เล่าเรื่องที่ผมไปเล่นแบดกับคนที่ชมรมให้คุณน้าฟังด้วยความตื่นเต้น แต่ก็ไม่วายมีเสียงแหน็บแนมจากไอ้หมาต้นมาเป็นระยะ หาว่าผมอ่อนบ้างล่ะ หาว่าผมไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงบ้าล่ะ ผมก็เถียงนะ เรื่องอะไรผมจะยอมให้มันทับถมอยู่ฝ่ายเดียว การโต้เถียงเล็กๆ สร้างความสนุกสนานให้ไม้และคุณน้า พวกเขาไม่ช่วยแถมยังนั่งหัวเราะผมกับไอ้ต้นอีกต่างหาก

“เถียงกันอย่างกับแฟนกันแหนะ...” คุณน้าพูดมาเท่านั้นแหละ ผมก็หุบปากฉับ ไม่กล้าพูดอะไรต่ออีกเลยสักคำเดียว ไอ้ต้นมันส่งยิ้มเจ้าเล่มาให้ ยักคิ้วอีกหนึ่งทีเพื่อกวนโมโห

“ปากอย่างไอ้ต้นหาแฟนไม่ได้หรอกครับ” ผมไม่ได้อยากว่าลูกคุณน้าเขานะ แต่ก็แบบ...พูดความจริงอะ

“ไม่แน่หรอก บางคนแถวนี้อาจจะกลายเป็นแฟนกูในอนาคตก็ได้เนอะแม่เนอะ” ไอ้ต้นหันไปหาพวก

“จ้าๆ จะคิดแบบนั้นก็ตามใจลูกเลย” ถ้าพูดภาษาเด็กอย่างเราก็คงจะเป็น ตามใจมึงเลย เอาที่มึงสบายใจนั่นแหละ

“ว่าแต่ดิวมีใครมาจีบอีกปะเนี่ยช่วงนี้” ไม้หันมาถาม

“ไม่อะ...”

“จริงดิ เรตติ้งตกอ่อวะ” ไอ้ต้นเยาะเย้ยทันที

“ไม่เว้ย แค่ไม่ได้สนใจ” จริงๆ มีคนทักมาหาผมเหมือนกัน ก็ทำนองจีบแต่ผมไม่ได้อ่าน ไม่ได้คุย

ผมรู้สึกว่าตอนนี้การได้อยู่กับคุณน้าที่นี่มันมีความสุขดี ผมเองก็ยังรู้สึกแย่กับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยไม่ได้ใส่ใจคนพวกนั้นเท่าไหร่ ผมเอาแต่อยู่กับตัวเอง อยู่กับเจ้าไม้ อีกอย่างวันนี้ก็เล่นแบดจนไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่ด้วย

“มึงจะไม่สนใจหาแฟนไปได้สักเท่าไหร่ว้า...”

“พูดแบบนี้หมายความว่าไง” เงยหน้าสบตาไอ้คนกวนตีน

“ไม่รู้สิ คิดเอาเอง” ถ้าเป็นก่อนหน้านี้คงมีคำพูดเจ็บแสบทิ่มแทงผมเข้าอกไปหลายดอก แต่ที่มันไม่พูดตอนนี้น่าจะเพราะคุณน้าอยู่นี่ด้วย

ผมแลบลิ้นใส่มัน หันมาสนใจกินข้าวต่อ ผมกับไม้ช่วยกันล้างจานเก็บโต๊ะ ส่วนต้นมันมีงานมันเลยขอตัวขึ้นไปทำรายงานที่ห้องก่อน ระหว่างไม้ล้างจานด้วยน้ำยาล้าง ผมยืนรอรับเพื่อเอาจานเหล่านั้นคว่ำบนซิงก์ ผมก็คิดไปด้วยว่าควรจะถามไม้ดีไหม เรื่องที่เผลอได้ยินเมื่อคืน ผมอยากมั่นใจว่าต้นมันแกล้งผมอยู่ ผมจะได้เตรียมตัวตั้งรับให้มันดีกว่านี้

“ไม้...”

“หือ” เจ้าของชื่อหันมาหา

“ไอ้ต้นมันแกล้งเราอยู่ใช่ป่ะ” ไม้ทำหน้างง มองไปรอบๆ แล้วหันมามองผมอีกที

“แกล้งอะไรอะ พี่ต้นขึ้นห้องไปแล้วหนิ...” ผมพูดไม่เคลียสินะ

“ก็ที่มันบอกชอบ...มันแกล้งเราอยู่ใช่ปะ” ไม้นิ่งคิดไปสักพัก มันก็ร้องอ๋อออกมาเบาๆ

“ที่บอกว่าชอบเพื่อนน้องใช่มะ หอมแก้มดิวด้วยนี่นะ คนเห็นทั้งยิมเลย” พูดแล้วก็ขำ อะไรวะ...นี่รวมหัวกันแกล้งหรือไง

“ร่วมมือกับพี่ชายแกล้งเราด้วยอะสิ” ไม้ลั้นลาไม่ทุกข์ร้อนที่โดนว่าแบบนั้น

“เปล่า เราไม่ได้ร่วมมือแกล้งดิวเลยนะ พี่เราก็ไม่ได้แกล้ง”

“หมายความว่าไง ไอ้ต้นอะมันแกล้งเราชัดๆ แกล้งแบบนี้เราไม่โอเคด้วยหรอกนะ เล่นกับความรู้สึกเรา...”

“ฮ่าๆ ดิวเห็นเป็นแบบนั้นเหรอ ก็นะ...พี่เรามันชอบแกล้งดิวนี่ แต่เชื่อเราเหอะว่าที่พี่มันทำอยู่ตอนนี้มันไม่ได้แกล้งดิวเล่นหรือเล่นความรู้สึกของดิวหรอก” ไม้ส่งจานใบสุดท้ายมาให้ เจ้าตัวล้างมือจนสะอาด

“แต่พี่เราเอาจริงโคตรๆ...” ไม้ทำหน้าจริงจัง ผมไม่กล้าสบตา..ไม่กล้ามองอะไรนอกจากจานในมือตัวเอง

“ไม่จริงหรอก”

“ดิวไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่พี่จริงจังมาก...แม่ก็รับรู้ ถ้าพี่ไม่จริงจังพี่ไม่มีทางให้แม่รู้เรื่องนี้หรอก” ไม้ตบบ่าผมเบาๆ มันเอาผ้าชุบน้ำไปเช็ดโต๊ะกินข้าวให้สะอาด

คุณน้าเดินเข้ามาถามว่าเราคุยอะไรกันงุ๊งงิ๊งอยู่ ไม้เดินไปกระซิบกับคุณน้าเบาๆ แล้วคุณน้าก็ยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้ ผมคิดว่าจะต้องโดนล้อหรือโดนแซ็วอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่เป็นแบบนั้น คุณน้ามาชวนเราไปนั่งดูหนังด้วยกัน ไม้กับผมดันมีการบ้าน เราสองคนเลยเอาการบ้านมานั่งทำอยู่ตรงหน้าคุณน้า

กิจวัตของบ้านนี้ ทุกเช้าเด็กๆ ทุกคนในบ้านจะเข้าไปกอดคุณน้า บอกอรุณสวัสดิ์แล้วก็หอมแก้มกัน ผมกลายเป็นหนึ่งในนั้นที่ทำเช่นเดียวกับพวกเขา ผมไม่กล้าขนาดนั้นหรอก ถ้าคุณน้าไม่มาดึงผมเข้าไปกอดและหอมแก้ม แม่ผมยังไม่ทำให้ขนาดนี้ ผมอายอยู่บ้าง แต่ในความอายมีความรู้สึกดีมากๆ ซ่อนอยู่ นี่อาจจะเป็นเคล็ดลับว่าทำไมคนในบ้านนี้ถึงรักกันจัง ขนาดบางครั้งไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเนื่องจากคุณน้ามีงาน

“วันนี้มีกิจกรรมชมรมใช่ปะ” ไอ้ต้นขับรถมาส่งเราที่โรงเรียน ก่อนแยกย้ายเจ้าตัวก็ถาม

“ใช่พี่ พี่จะไปที่ร้านก่อนเลยปะล่ะ เดี๋ยวผมกับดิวไปเองก็ได้ ไม่ต้องมารับหรอก”

“อืม เอางั้นก็ได้ มีอะไรโทรมานะ” ไม้พยักหน้ารับคำ มันโบกบือลาพี่ชายส่วนผมยืนหน้าบึ้งใส่ไอ้ต้น

ใช่...เมื่อเช้ามันขโมยอมแก้มผมตอนผมเผลอด้วยแหละ จะตบมันก็ตบไม่ทัน ไม่เล่นกีฬาแล้วทำไมวิ่งหนีไวนักก็ไม่รู้ ผมนี่ยืนเก้อทำอะไรไม่ถูกเลย รู้สึกว่าตัวเองไม่ชินเอาเสียเลย ที่จู่ๆ ก็โดนทำแบบนี้ทั้งที่เมื่อก่อนมันโคตรจะปากหมาและหาเรื่องแกล้งผมอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน นี่ก็จัดเป็นการแกล้งนะ แค่มันเป็นการแกล้งที่ทำให้ผมรู้สึกหวั่นใจ...

วันนี้ทั้งวันผมไม่ได้ไปยุ่งกับพวกของกานกับคิง ไม้เอาแต่ชวนทำนั่นทำนี่ โอ๊ตก็ร่วมด้วยช่วยกัน แถมผมยังชอบคุยกับพวกนี้มากขึ้น ตอนเที่ยงกินข้าวเสร็จก็ไปซ้อมแบบไม่หนักมากอยู่ที่โรงยิม กานกับคิงตามมานะ มาดูผมซ้อมแล้วก็หาโอกาสมาคุยกันอยู่ ผมจะหนีก็ใช่เรื่อง เลยคุยกันไปบ้าง ชวนมันมาเล่นแบดด้วยกันแต่พวกมันไม่เอา แค่มาดูผมเล่นเท่านั้นไม่ได้คิดจะเล่นด้วย

เพื่อนๆ ของไม้ไม่คุยกับเพื่อนผมเลย ผมค่อนข้างวิตกกังวลว่า เพื่อนของไม้เห็นผมอยู่กับกลุ่มคิงกาน พวกเขาอาจจะไม่คุยกับผมหรือไม่เล่นกับผมเหมือนเมื่อก่อนที่พวกเขาทำ แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ผมคาดเดาผิดไป พวกเขายิ้มแย้มแจ่มใสใส่ผมดี ไม่ทำท่ารังเกียจรังงอนอะไร แค่ไม่คุยกับเพื่อนผมเท่านั้นเอง

ตอนเย็นผมกับไม้อยู่ซ้อมแบดที่ชมรมจนถึงห้าโมง ออกมานั่งรถเมล์ไปที่ร้านอาหารของคุณน้า ไม้ชมผมเรื่องวันนี้ที่ผมสามารถเล่นได้นานขึ้นแล้วก็เล่นได้ดีขึ้น รุ่นพี่คนหนึ่งบอกให้ผมกับไม้เล่นคู่ดู เราก็เลยลอง ทำได้ดีนะ...แต่ผมยังไม่เข้าขากับไม้เท่าไหร่ ไม้มันเก่งผมมันเด็กหัดเล่น แต่มันก็ยังให้กำลังใจ ยีหัวผมจนยุ่งแล้วบอกให้ฝึกต่อไปนะ ไม่ชินกับคำพูดเลี่ยนๆ เท่าไหร่ ปกติได้ยินจากแฟนผมก็ดีใจพอแล้ว ตอนนี้มาได้ยินจากไม้อีก...ผมรู้สึกอิ่มใจบอกไม่ถูก

“ยินดีต้อนรับครับ...” เสียงสุภาพของไอ้ต้นดังขึ้นตอนเราทั้งคู่เดินเข้าร้าน มันใส่ผ้ากันเปื้อนสีดำทับชุดนักศึกษาของตัวเอง เจ้าตัวเดินไปรับออเดอร์ที่โต๊ะ คือพูดต้อนรับเพราะได้ยินเสียงกระดิ่งว่างั้นเถอะ

“แม่ล่ะพี่” เดินเข้าไปถาม

“แม่ไปดูงานครัวที่โรงแรม” บ้านนี้เขาทำกิจการประเภทอสังหาริมทรัพย์กับร้านอาหารนะรู้สึก แต่ผมไม่รู้ว่าอสังหาริมทรัพย์เนี่ยหมายถึงอะไร บ้าน ที่ดิน โรงแรมหรือหมู่บ้านจัดสรร แต่รู้ว่าต้นมันเรียนบริหารเพื่อเอาวิชามาดูแลกิจการของบ้าน

“อ่อ ผมหิวอะ...ผมกินก่อนเดี๋ยวมาช่วยนะ”

“ไม่มีการบ้านกันเหรอ” ต้นมันเดินมาพร้อมไม้ ผมนั่งรออยู่ที่โต๊ะว่างใกล้เคาน์เตอร์ได้สักพักแล้ว ถึงจะบอกว่าอยากมาช่วยงานที่ร้าน แต่มาเวลานี้มันจะช่วยได้สักเท่าไหร่วะเนี่ย

“มี” ไม้บอกแล้วยิ้มแหย

“งั้นก็ทำการบ้านกันไป ไว้วันหยุดค่อยมาช่วยก็ได้...แค่ตั้งใจเรียนแม่ก็ภูมิใจแล้ว” อยากจะลองแคะหูดู เผื่อว่าจะได้ยินคำพูดที่เคยคุ้นหู ไม่ใช่อะไรที่ดูเป็นทางการแล้วก็อ่อนโยนอย่างตอนนี้ แถมยังมามองหน้าผมอีก...

“ฮุ่ยยยยยย สื่อความหมายถึงใครน้า” ไม้เอียงคอล้อเลียนพี่ชาย

“แน่นอนว่าไม่ใช่มึงอะไม้ ฮ่าๆ” ไม้โดนไปหน่งดอก พี่ชายหักหน้ากลางร้านแลยเป็นไงละมึง

“เฮอะ พูดลอยๆ แบบนั้นมันไม่รู้หรอก...” ไม้เบะปากใส่พี่แล้วเดินไปเอาเมนูมาสั่งอาหาร

“มันรู้ เชื่อหรือไม่นั่นอีกเรื่องหนึ่ง” ต้นยีหัวผมแล้วเดินกลับเข้าไปในครัว การกระทำที่เกินคาดหมายของมันทำให้ผมไม่มีโอกาสได้ปฏิเสธ

“ดูมีความสุขจังนะไม้...” ในเมื่อทำอะไรพี่ชายมันไม่ได้ก็แขวะตัวน้องแทน

“ก็เรามีความสุข...”

“เห็นเราโดนแกล้งแล้วมีความสุขเหรอ” ผมว่ามันแล้วก้มหน้าอ่านเมนูอาหารเพื่อสั่งบ้าง

“เปล่า ได้เห็นพี่จีบคนแถวนี้สักทีแล้วมันแฮปปี้ยังไงบอกไม่ถูกน่ะ” ความคิดของผมว่างโล่งทันที ผมเลือกอาหารโง่ๆ มาหนึ่งอย่าง ไม้เล่นพูดแบบนี้ผมจะไปต่อยังไงถูก

ผมชวนไม้คุยเรื่องอื่น เพราะประเด็นนี้มันล่อแหลมต่อความรู้สึกยังไงไม่รู้ ประเด็นสำคัญคือผมไม่อยากจะเชื่อมันเท่านั้นแหละ คนที่คอยแกล้งผมมาตลอดอย่างมันจะมาชอบผมจริงๆ เหรอ ผมนึกว่าผมฝันอยู่ด้วยซ้ำ หรือมันหัวกระแทกสมองกลับอะไรแบบนั้น

ที่น่าตกใจคือผมก็ไม่ได้รังเกียจที่มันเป็นแบบนี้ ทั้งที่คิดว่าเกลียดมันจริงๆ เสียอีก แต่ไม่เลย...ผมไม่ได้เกลียดมันอย่างที่เคยพูดเอาไว้ ต้นเองก็เป็นคนที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ถึงมีความไม่ประทับใจในตัวมันมาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลามันพูดจาดีๆ มันก็น่ามองเหมือนกัน ผมแพ้ทางคนที่ปฏิบัติตัวดีด้วย พูดจาดีเอาใจเก่งแบบนั้น ต้นไม่ได้พูดดีมากหรือเอาใจเก่งมาก แต่ถ้ามองเป็นกลางๆ มันก็เป็นคนที่ใช้ได้คนหนึ่ง

แต่ว่า...นอกจากหยอดแล่นๆ มันก็ไม่เคยพูดกับผมจริงจังเลยนะ

หรือว่าที่มันพูดจาดีด้วยนี่หมายถึงบอกผมอย่างจริงจังแล้วกันล่ะ สังเกตดีๆ มันก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะหลังจากผมหายไป ไม่แหน็บกันด้วยคำแรงๆ อีก หรือไม่พูดจาหมาไม่รับประทานใส่ ส่วนการทำตัว..ผมว่าต้นก็เหมือนเดิม

“เอาแต่นั่งเหม่อ ข้าวไม่ระเหยเข้าปากหรอกนะ” ผมหลุดจากอาการคิดมาก เงยหน้ามองไอ้ต้น มันถือถาดเอาไว้คงไปเสิร์ฟโต๊ะไหนมาละมั้ง

“เรื่องของกู...”

“โอเค เรื่องของมึง” มันไหวไหล่แล้วเดินไปทำงานต่อ ผมมองข้าวที่ถูกวางไว้ตรงหน้าเมื่อไหร่ไม่รู้ ความอยากอาหารไม่ค่อยมีเท่าไหร่ สงสัยเพราะคิดมากเรื่องไอ้ต้นแน่ๆ

แม่งต้องรับผิดชอบนะเนี่ย...ความผิดมันคนเดียวเลยที่ทำอะไรก่ำกึ่ง จนผมลังเลและวุ่นวายใจอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ไม้นั่งกินข้าวพลางเขียนการบ้านไปด้วย มันไม่ได้เงยหน้ามาถามผม แต่เชื่อว่าอีกไม่นานมันต้องถามแน่ๆ ไม้เป็นคนเรียนไม่เก่ง เพราะงั้นการทำการบ้านต้องพึ่งผม

กินข้าวไปมองไอ้ต้นมันทำงานไป เวลามันรับลูกค้า มันยิ้มอ่อนโยนแล้วก็ดูเป็นมิตรมาก ผมเคยเห็นมันยิ้มบ่อยๆ แต่เป็นรอยยิ้มเย้ยหยันเสียมากกว่าดูเป็นมิตรแบบนั้น ลูกค้าสาวๆ มองมันแทบเหลียวหลัง เห็นแล้วหงุดหงิดใจ คนหล่อทำอะไรก็เป็นที่ชวนมองไปหมดหรือไง ข้าวนี่ไม่กินกันเหรอแม่คุณทั้งหลาย เดี๋ยวเย็นชืดไม่อร่อยจะมาโทษว่าทางร้านทำอาหารไม่ได้เรื่องไม่ได้นะเว้ย เฮอะ..ไอ้นั่นก็โปรยเสน่ห์อยู่ได้ ปล่อยให้เขารีบกินรีบไปเหอะ จะยืนยิ้มการค้าแบบนั้นไปอีกนานแค่ไหนกันอยากรู้จริงๆ

.....100%....

มันก็จะยุ่งเหยิงทางความคิดหน่อยๆ อะนะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 22 - 100% [07/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-09-2017 22:44:37
อาการหลานดิว มันฟ้องว่า "หึง" หรือเปล่านะ  :-[
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 22 - 100% [07/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 07-09-2017 22:57:03
ขอฝากผลงานเรื่องใหม่ด้วยนะคะ

เรื่อง ก๊อกๆ ขอโทษครับ เห็นความรักไหม?

แนวน่ารักๆ สดใส ไร้ดราม่าาาา ปาลิงก์!!
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61709.0
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 22 - 100% [07/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 08-09-2017 01:59:46
ต้นนี่น่าตีจริงๆ ดิวจะไม่มั่นใจก็ไม่แปลกเล้ย
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 22 - 100% [07/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 08-09-2017 12:48:14
พี่ต้นนนนนนน ฮรืออออออ มาเป็นผัวหนูเถอะ 55555 ดิวเริ่มสับสนละ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 22 - 100% [07/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 08-09-2017 13:24:10
ชักจะมีหึง  :hao3:  เอาใจช่วยนะดิว
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 22 - 100% [07/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 08-09-2017 23:40:35
เอาละสิ ดิวหึงแล้ววว
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 22 - 100% [07/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 08-09-2017 23:49:37
ยิ่งอ่าน ยิ่งเสียดาย

ได้แต่นั่งถอนหายใจ เฮ้อออออออ+++++++

เสียดายยยยยยยยยยย

เสียดาย"ต้น" ไอ่หล่อ..ไม่น่าเล๊ยยยยยย


เฮ้อออออออ++++++++
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 22 - 100% [07/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 09-09-2017 06:56:33
แรก ๆ ก็ว่าดิวน่าสงสารนะ พ่อแม่ก็ทิ้งเวอร์มากค่ะ แบบว่าทิ้งจริง ๆ
แต่พอเป็นเรื่องแฟน ทำไปทำไม ก็ทำตัวเองน่ะ เข้าใจว่าต้องการความรัก โหยหา แต่ทำไมไม่เลือกบ้าง
แค่เค้ามาบอกว่ารัก ก็พลีกายแล้ว ก็เหมือนของที่ได้มาง่าย ก็ทิ้งง่ายเหมือนกัน
แต่ดิวกลับไม่แคร์คนที่รักจริง กลับมองว่าเค้าหลอก เอออ ชีวิต
แถมเชื่อคนง่ายด้วย ใจเปราะบางมาก เชื่อเพื่อนแบบว่าเชื่อมากเวอร์น่ะ
รู้ว่าเพื่อนไม่ดีก็ยังคบ พาตัวเองไปเจอเรื่องร้ายด้วย ... รอดูกันต้อไป คนพวกนั้นคงไม่มีตลิปหลุดออกมาหรอกนะ

ต้นบ้ามาก บื้อมากจริง ๆ แต่ทำไงได้ คนมันรักไปแล้ว ทำใจเลิกยาก เจ็บก็ยอมทน
ต้นคือที่สุดจริง ๆ ชายสายสตรอง

ไม้ก็ยังวัยซนอะนะ ที่ห่างดิวแล้วไม่ยุ่ง ก็ไม่แปลกน่ะ เพราะคิดว่าดิวเลือกแล้ว

แม่ลีลาเป็นคนอบอุ่นมาก ใจดีมาก ทำลูกชายบ้านนี้อ่อนไหว

ขอให้ทุกอย่างสงบ และผ่านไปด้วยดีนะคะ คือนาทีสงสารต้นมากน่ะ อยากให้สมหวัง
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 22 - 100% [07/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 09-09-2017 20:46:18
รออออ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 23 - 100% [09/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 09-09-2017 21:36:27
>>ตอนที่ 23 [100%]<<

“เฮ้อ...” ประมาณทุ่มหนึ่ง ไอ้ต้นเดินมานั่งถอนหายใจอยู่ข้างๆ มันถือแก้วน้ำมาด้วยและท่าทางก็ค่อนข้างเหนื่อยอ่อน

“เหนื่อยอ่อพี่”

“นิดหน่อยวะ วันนี้คนเยอะมากเลย...ไม่รู้มาจากไหนกัน” เขาก็มาจากบ้านของเขาไง หรือไม่ก็จากที่ทำงาน ถามบ้าอะไรโง่ๆ

“มาดูคนหล่อเปล่า นี่อาจจะโดนแอบถ่ายรูปแล้วไปขึ้นแฮชแท็ก พนักงานเสิร์ฟหล่อบอกต่อด้วย ฮ่าๆ” ไม้หัวเราะ พี่ชายังทำหน้าเอือม

“กูหล่อแล้วอ่อวะ ไม่จริงอะ ถ้าหล่อคนแถวนี้ลากกูเข้าห้องไปนานแล้ว” ต้นพูดพลางมองหน้าผม

“หล่อแต่ปากหมาก็ไม่มีใครเขาอยากเอาหรอก” ผมบ่นลอยๆ

“ถ้าเลิกปากหมาจะได้เอาใช่ปะ...” ต้นเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ผมเหวอรีบขยับถอยห่าง

“จะไปรู้เหรอ”

“อ่าว ทำไมมึงไม่รู้ละ...” ดันหน้ามันออกไปห่างๆ แล้วขยับมานั่งดีๆ เหมือนเดิม

“เกี่ยวไรกับกูละ”

“ก็กูถามมึง” อ่า...ผมไปต่อไม่ถูก เลือกเบนสายตาไปมองอย่าอื่น

“ฮุ่ย....จีบกันไม่เกรงใจผมเลย” เรียกจีบแล้วเหรอไม้ บ้านผมไม่เรียกว่านี่คือการจีบนะ เรียกกวนตีนไปวันๆ

“ตลกแล้วไม้ ใครจีบใคร ไม่มีทั้งนั้นอะ” ผมรีบพูด

“มีดิ...” หันไปมองหน้าไอ้ต้นอย่างไว

“ไหน...กูไม่เห็นมีเลย มีแต่หมาเห่าหอนอยู่เนี่ยหนึ่งตัว” แล้วปากก็พาไป ต้นไหวไหล่ไม่ใส่ใจคำพูด

“มึงเห็น มึงรู้ มึงแค่ไม่สนใจ...” ต้นดื่มน้ำในแก้วให้หมด มันลุกแล้วไปทำงานของมันต่อ

“ใจร้ายชะมัด” อ่าวไม้ ทำไมว่าเราแบบนั้น

“เราเนี่ยนะใจร้าย”

“ใช่สิ พี่เรากลับบ้านไปร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่” พูดแบบนั้นมันน่าขำมากกว่าน่าสงสารนะ

“ฮ่าๆ ให้มันร้องไปเลย” ว่าจบก็หันมาสนการบ้านต่อ

ผมสอนการบ้านไม้ในข้อที่มันไม่รู้จะทำยังไง กว่าเราจะทำการบ้านกันเสร็จ ร้านก็เริ่มไม่มีคนแล้ว ตอนนี้พยักงานเริ่มทยอยออกมาเก็บโต๊ะเก็บอะไรให้เข้าที่เข้าทาง บ้างก็กวาดร้านถูร้านทำความสะอาดรอคนที่เหลือ ไอ้ต้นมันเดินไปพลิกป้ายปิดร้าน จากนั้นเอาไม้ถูมาถูพื้นช่วยคนอื่นๆ ผมมมองดูมันพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน หัวเราะเฮฮากันไปตามประสาผู้ชาย ฟังไปฟังมา มันคุยเรื่องเกมกันอยู่ ไอ้ต้นเป็นคนอย่างนี้แหละ...ชอบเล่นเกมไม่ก็ไปกินเหล้ากับเพื่อนๆ

“พี่ชายไม้ไม่มีงานอดิเรกเลยจริงดิ ไม่เคยเห็นทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่าง” มองเพลินๆ เลยถามคนที่น่าจะรู้ที่สุด

“ก็มีนะ พี่ต้นเคยเล่นกีตาร์โปร่ง ก็ดูเหมือนชอบแต่ไม่เอาดี” มันเล่นกีตาร์ด้วยแหะอันนี้เพิ่งรู้

“เล่นตอนไหนไม่เคยเห็น”

“เล่นในห้องอะ พี่แกไม่ค่อยเล่นข้างนอก หรือเล่นแค่แป๊บเดียวอันนี้ลังเล...จำไม่ค่อยได้เพราะมันนานแล้ว อ่อ แต่มีงานหนึ่งพี่ชอบทำมาก” ผมเบี่ยงสายตามาที่ไม้ทันทีด้วยความสนใจ

“อะไร”

“ถ้ำมอง ฮ่าๆ” แล้วมันก็ขำเป็นบ้าเป็นหลัง ผมรู้ได้เลยว่าที่ไม้พูดมันหมายถึงอะไร

ผมจำได้ว่าต้นเคยพูดว่าเห็นมีอะไรกับแฟนตรงหน้าต่าง ที่ไม้บอกแบบนี้ก็แสดงว่าต้นมันถ้ำมองผมที่หน้าต่างนั่นแหละ ห้องของเราอยู่ตรงข้ามกันพอดี มองจากห้องผมก็เห็นห้องมัน บางครั้งผมก็ชอบไปนั่งเล่นริมหน้าต่าง เห็นไอ้ต้นนั่งเล่นคอมพ์หรือทำรายงานอยู่ที่โต๊ะเป็นประจำ มันไม่ชอบปิดม่าน เปิดเอาไว้รับลมอยู่บ่อยๆ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจแอบมองมันนะ แค่มองออกไปด้านนอกแล้วมันเห็นเอง...

“เอาจริงๆ ไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างมันจะชอบเรา” ผมไม่พูด ไม่กล้ามองหน้าไม้

“อืม...จริงพี่เขาชอบดิวมานานแล้วล่ะ” ฮะ พูดจริงพูดเล่น อย่ามาตลกนะไม่เชื่อหรอกเอาจริงๆ

“เห่อๆ อมทั้งวัดมาพูดยังไม่เชื่อเลย”

“เราก็ไม่อยากเสือกเรื่องนี้หรอกนะ แต่เห็นพี่แอบชอบดิวมานานแล้วก็อดสงสารไม่ได้...ดิวไม่เชื่อ ดิวก็ลองพิสูจน์เอาสิ เราไม่โกหกหรอกพูดจริงๆ” สีหน้าไม้จริงจังมาก แล้วผมก็พอจะเข้าใจ ผมมีแฟนอยู่ตลอด มีคนคุยอยู่เรื่องๆ ต้นมันไม่เคยพูดเองนี่ว่ามันชอบผม มันเอาแต่ปากหมาใส่อยู่แบบนั้นมีแต่ทำให้เกลียดมากกว่าชอบปะละ

“พิสูจน์ยังไง...” ผมถามอย่างสนใจ

“ไม่รู้สิ เราไม่เคยมีความรักแหะ” ทีงี้ละมาหนักใจ

“ทำการบ้านเสร็จยัง...” ต้นโพล่งขึ้นมากลางปล้อง ผมกับไม้หันไปมองมันที่กำลังถอดผ้ากันเปื้อน

“เสร็จแล้ว พี่อะปิดร้านแล้วเหรอ” ไม้พูดก่อนหันไปมองรอบร้าน ผมก็มองเหมือนกัน ยังมีคนทำความสะอาดร้านอยู่เลย แต่ก็แค่บางจุดเท่านั้น

“อืม เหลือนิดหน่อย เดี๋ยวให้พนักงานคนอื่นทำ นี่สี่ทุ่มแล้วกลับกันเหอะ” ต้นมันนวดต้นคอตัวเอง

“ครับๆ ปะดิวเก็บของกันเหอะ” ผมทำตามไม้ เก็บข้าวของใส่กระเป๋าตัวเองอย่างไว ไม่ได้มีอะไรมากก็เลยเร็วหน่อย

ต้นมันช่วยถือกระเป๋าของผมและไม้ให้ เดินนำหน้าไปที่รถก่อน ไม้แย่งนั่งหลังอีกเช่นเคย ดูเหมือนจะพยายามเปิดทางให้พี่ชายตัวเองได้รุกผมอยู่ ผมก็ไม่อยากว่าเพื่อนตัวเอง มันทำเพื่อพี่มันอะถูกแล้ว อีกอย่างก็ไม่ได้ยัดเยียดผมมากเกินไป ผมเลยไม่อึดอัดใจเท่าไหร่ที่ต้องอยู่อย่างนี้

เอาจริงๆ...ผมไม่ค่อยอึดอัดเลยเวลาอยู่กับต้น แค่ไมชอบขี้หน้า ไม่ชอบเวลามันอ้าปากพ่นคำหยาบใส่ หรือไม่ก็หาเรื่องแกล้ง ผมฝังใจกับสิ่งเหล่านั้นจนกลายเป็นความลังเลแบบนี้ ผมคิดนะ ทีคนอื่นที่เข้ามาจีบผมให้โอกาสพวกเขาได้ง่ายดาย แต่กับต้นมันมีความลังเลและไม่แน่นอนอยู่เต็มไปหมดเลย

หรือผมควรพิสูจน์ดูอย่างที่ไม้บอก แต่วิธีไหนละ...วิธีไหนที่จะทำให้ความลังเลของผมมันหายไปได้บ้าง เอาตามคำพูดของกานกับคิง มันชอบบอกว่าถ้าผู้ชายรักเขาจะอยากได้เรามาก นั่นหมายถึงเรื่องบนเตียง...

อ่า นึกถึงภาพที่ไอ้ต้นมันซุกไซ้ผมวันนั้นที่บ้าน วันที่มันพยายามทำให้พี่โอมกลับมาหาผม ท่าทางคุกคามและพยายามควบคุมตัวเองของมันผมรับรู้ได้อยู่บ้าง ถึงจะตกใจไปหน่อยกับสิ่งที่มันทำอย่างกระทันหัน ยิ่งตอนผมอาบน้ำเสร็จออกมากินข้าว มันกอดผมแล้วก็หอมแทบจะทั้งซอกคอ

ตอนนั้นมันดูสติหลุดมากๆ เลย...

แต่ว่า...ผมไม่ซิงนะ ผมผ่านผู้ชายมาตั้งหลายคน แถมยังโดน...แบบนั้นอีก มันจะชอบผมอยู่ต่อจริงเหรอ มันอาจไม่คิดมากที่ผมมีอะไรกับแฟนไม่กี่คนที่ผ่านมา แต่ถ้ามันรู้ว่าผมมั่วสุมแบบนั้น มันคงบ่ายหน้าหนีไป

ผมนั่งมองเสี้ยวหน้าคนขับรถ ดวงตาของมันค่อนข้างเหนื่อยล้า เป็นห่วงนะ...แต่ไม่รู้จะทำยังไงดีเหมือนกัน ระหว่างที่มองอยู่ ผมคิดว่าถ้าผมถามออกไปตรงๆ หรือบอกสิ่งที่ผมผ่านมาตรงๆ มันจะยังรับได้อยู่ไหม...

ผมมันเป็นแค่ของเหลือๆ...เป็นของที่ไม่ได้มีค่าอะไรเลยอย่างนี้

“เป็นอะไร มองหน้าแล้วทำหน้าเครียด...คิดมากอะไรหรือเปล่า” จู่ๆ ไอ้ต้นก็ถามขึ้นเสียงนุ่ม ผมชะโงกไปมองไม้เผื่อว่ามันพูดกับน้อง ปรากฏว่าไม้หลับไปแล้ว เด็กกีฬาก็อย่างนี้ เพลียง่ายเพราะออกกำลังกายเยอะ

“พูดกับกู...”

“เห็นกูพูดกับใครละ” ต้นหันมามอง ผมเลยหันหนี

“เปล่า ไม่มีอะไร”

“เอาดีๆ ดิว มีอะไรก็พูด” เพราะมันไม่ได้ใช้น้ำเสียงเย้ยหยันหรือเปล่า ผมถึงอยากจะลองถามมันดู

“ไม่...” แต่ก็ไม่กล้า เกิดมันหัวเราะเยาะเย้ยผมขึ้นมา ผมคงรู้สึกแย่มากแน่ๆ

“มึงคิดว่าที่กูทำคือแกล้งมึงใช่ไหม...” อ่า มันพูดถูก นั่นเป็นสิ่งที่ผมคาใจที่สุด ผมหันไปมองหน้ามันอีกครั้งก่อนจะพยักหน้า

“ก็มึงชอบแกล้ง แล้วถ้านี่มึงแกล้งกูอยู่...กูอยากให้มึงหยุด” ถ้าผมหวั่นไหวไปกับมัน เผลอรู้สึกไปกับมัน ผมกลัวว่าตัวเองต้องเจ็บ...กับคนที่ผ่านมาผมไม่คิดมากขนาดนี้ แต่ต้นไมใช่เลย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม หรือเพราะมันคุ้นหน้ากันมาตั้งแต่เด็ก บ้านอยู่ตรงข้ามกันอีกต่างหาก ผมไม่มีทางหนีมันไปตั้งหลักพ้น มีแต่ต้องเจอหน้าแล้วช้ำใจไปเรื่อยๆ

“ไม่ ครั้งนี้กูไม่ได้แกล้ง...นี่จีบมึงอยู่จริงๆ นะ” พอเจอมันพูดตรงๆ ผมกลับหาคำพูดตัวเองไม่เจอ

“รอมึงโสดมาตั้งนานแหนะ...” ต้นยิ้มบางๆ

“มึงโกหก”

“โกหกแล้วได้อะไร นี่กูพูดจริงนะ...ที่ปากหมาใส่ก็แค่หงุดหงิด กูไม่เคยเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างมึงอะ” มันต้องบ้าแน่ๆ ที่พูดกับผมตรงไปตรงมาแบบนี้ แล้วผมก็บ้าไม่แพ้กัน หัวใจมัน...เต้นแรงไปหมดเลย

“ไม่ต้องเชื่อก็ได้ แค่เฝ้าดูไปเรื่อยๆ...” ต้นเอื้อมมือยีหัวผม เราเดินทางมาถึงบ้านแล้ว คุณน้านั่งรออยู่ที่ห้องโถง พอเห็นรถก็รีบออกมาต้อนรับ

ผมได้หนีจากความรู้สึกแปลกๆ เสียที หัวใจเต้นแรงแล้วกเก้อไปหมด ทำอะไรไม่ถูก แค่หายใจผมยังรู้สึกว่ามันผิดจังหวะไปหมดเลย ผมไม่เคยเป็นเอามากขนาดนี้ หรือเพราะเจอเรื่องร้ายมา พอเจอคนดีๆ ทำแบบนี้ด้วยมันก็เลยยิ่งหวั่นไหว

ไอ้ต้นฉวยโอกาสที่ผมอ่อนแอชัดๆ...

ผมกอดน้าลีลา หอมแก้มเธอซ้ายขวาก่อนเธอจะหอมผมตอบ ตามด้วยลูกชายทั้งสอง ผมได้อาบน้ำก่อนใคร ในห้องของคุณน้ามันมีห้องน้ำอยู่แล้ว ส่วนต้นกับไม้ต้องสลับกันอาบ ไม้เป็นน้องชายที่ดี มันเสียสละให้พี่ชายตัวเอง แต่คุณพี่มันกลับไม่ยอมอาบก่อน ปล่อยไม้น้องอาบแล้วให้น้องไปนอน มันเห็นว่าไม้หลับมาในรถ วันนี้คงเพลีย ทั้งที่มันเองก็เหนื่อยจากการทำงานมาเหมือนกัน

ต้นมันรอไม้อาบน้ำด้วยการนอนหนุนตักแม่ ถามว่าวันนี้เป็นยังไงแล้วทำงานเหนื่อยไหม ผมนั่งข้างๆ คุณน้า เอนหัวพิงไหล่บอบบางแล้วนั่งฟังพวกเขาคุยกัน คุณน้าเธอไม่เหนื่อยกับการทำงาน แค่ปวดหัวกับเอกสารนิดหน่อย ส่วนต้นมันโกหก มันบอกว่ามันไม่เหนื่อยเลย ทำงานสนุกมาก แต่คุณน้าก็รู้ทัน ตีหัวเจ้าต้นไปหนึ่งทีเพราะต้นโกหก

พวกเขาเป็นครอบครัวที่ดีจัง มองตาก็รู้ใจ เข้าอกเข้าใจกันเสมอ ในความอิ่มเอมใจมันก็มีความอิจฉาซ่อนอยู่ จริงที่คุณน้าเคยบอกว่าความรักของคุณน้าทดแทนความรักของพ่อแม่ผมไม่ได้ ยังไงซะ...เราก็ยังโหยหาความรักจากครอบครัวที่แท้จริงของเราอยู่ดี

คุณน้าลีลารู้ถึงจุดโหว่งนั้น เธอถึงได้พยายามให้ความสำคัญและสิทธิพิเศษกับผมมากกว่าใครๆ ผมอุ่นใจได้เพราะส่วนนี้นี่แหละครับ นี่ถ้าคุณน้ากลายเป็นแม่ผมจริงๆ ผมคงมีความสุขมากเลยนะ

เราไมได้นั่งเล่นข้างกันนานนัก วันนี้ดึกแล้วและทุกคนต้องการการพักผ่อน พอต้นมันได้ขึ้นไปอาบน้ำ คุณน้าก็ส่งไม้เข้านอนก่อนจะมานอนกอดผมบนเตียง มันดูเหมือนผมเป็นแค่เด็กเล็กๆ ไม่รู้จักโต แต่มันทำให้ผมรู้สึกดี แต่ก่อนจะได้นอน ผมตัดสินใจถามคำถามหนึ่งออกไป

“น้าครับ..”

“จ้ะน้องดิว” คุณน้าตอบกลับเสียงหวาน

“ไอ้ต้นมันชอบผมจริงเหรอครับ”

“ต้นสารภาพแล้วเหรอ” ที่ไม่บอกผมกันก่อนเพราะรอต้นมันพูดเปิดใช่ไหมนะ

“ครับ...บอกวันนี้”

“อืม...ใช่จ้ะ ต้นเขาชอบหนู” เหมือนได้รับการยืนยันความจริง ผมปิดเปลือกตาลงพร้อมกับความหนักอึ้งในใจค่อยๆ หายไปทีละน้อยคำพูดคนอื่นมันเชื่อยากไปหน่อยในความรู้สกึผม แต่กับคุณน้าลีลา...ผมมั่นใจในคำพูดของเธอ

แล้วถ้าต้นชอบผมจริง...ที่เหลือก็อยู่ที่ผมจะชอบมันตอบไหม ไม่หรอก...เอาเข้าจริงๆ มันต่างหากที่จะรับของเหลือชิ้นนี้ได้ไหม

.....100%....

ด้วยคสามที่ต้นมันแกล้งดิวมาตั้งแต่เด็กไง ดิวมันเลยระแวงกลัวโดนแกล้งอีกงี้ ดิวไม่ได้เล่นตัวเลยนะ จริ๊งงง ไม่มีอะไรให้เล่น อุ้ยยย แรงไปขออภัยน้องดิวนะคร้าบ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 23 - 100% [09/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-09-2017 21:47:25
 o13 สุดยอดหลานต้น หมั่นขยันบอกรักไปเรื่อย ๆ นะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 23 - 100% [09/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 09-09-2017 22:19:41
เราชอบที่คนเขียนบอก ดิวไม่น่ามีอะไรให้เล่นตัว 55555
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 23 - 100% [09/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 10-09-2017 00:01:00
อีกนิดนะต้น ใกล้แล้วลูก
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 23 - 100% [09/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 10-09-2017 11:03:18
ของเหลือแต่มีคนรอนะ

ดิวไม่ต้องคิดแทนหรอก แค่เห็นสภาพ บ้านฝั่งนี้เค้าก็ดูออกแล้ว
ไม่งั้นไม่พามาอยู่ด้วยหรอก

ต้นรุกแล้วนะ บอกชัดแล้วด้วยว่าจะจีบ ดิวอย่ามึนค่ะ

ไม้คือเชียร์มากน่ะ แม่ก็ชงนะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 23 - 100% [09/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 10-09-2017 12:33:16
ใกล้แล้ว. อีกนิดนะต้น,,,
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 23 - 100% [09/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 10-09-2017 21:33:23
โหยหาความรักอยู่ไหน
ตามหามาซะนาน

จริงแท้มันอยู่ใกล้ๆนี่เอง
คนข้างบ้านชื่อ"ต้น" คนนี้ล่ะ

ความรักที่ไม่ใช่ความใคร่
ดิวเรียนรู้จากต้นได้เลย

Have sex กับ Make love
มันคนละเรื่องเลย
อีกไม่ช้า ต้นจะทำให้ดิวรับรู้ได้
อิอิ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 23 - 100% [09/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 10-09-2017 23:36:54
เสียดายอ่ะ อ่านมาบทนี้ก็ยังเสียดายอยู่ ต้นเอ้ยยยย เจอคนที่ดีกว่านี้เถอะ ก็ต้องยอมรับอ่ะนะว่าเป็นเรื่องแรกที่อ่านแล้วไม่อยากให้ตัวเอกเขาได้กัน 555
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 23 - 100% [09/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 11-09-2017 07:33:05
อ่านรวดเดียวเลย ชอบต้นมาก ชอบผู้ชายแบบนี้
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 23 - 100% [09/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PositiveLove ที่ 11-09-2017 17:59:05
อ่านความคิดดิวแล้วก็เห้อก็ยังจะโทษคนอื่นรอบตัวไปหมดเลย
อยากบอกว่าถ้าศีลไม่เสมอกันอ่ะไม่คบกันมาได้ขนาดนี้หรอกเพื่อนคบมาก็นานจะไม่รู้นิสัยกันเลยเหรอ
ถ้าไม่ก็แสดงว่าคิดไม่ได้ ไม่มีที่ว่างในสมองเหลือไว้ให้คิดอย่างนอกจากผู้ชายแล้วสิน่ะงั้น
มาอ่านดูดีๆจริงๆดวก็แค่หาข้ออ้างให้ตัวเองคบผู้ชายได้ไม่ต้องคิดไรมากป่ะ
เพราะถ้าบอกขาดรักจนต้องหาใครมารัก แต่ก็ไม่เคยคิดจะรักตัวเองเลยสักนิด
ผิดและพลาดมาแล้วก็ยังวนลูปทำพฤติกรรมเช่นเดิม ล้วนมาจากตัวเองทั้งนั้น แค่มีใครมาบอกรักหน่อยก็พร้อมพลีกายอ้าขา
แล้วมาถึงคิวต้นบ้าง ก็เหมือนเดิมแหละ บอกรักหน่อยก็ทำเป็นหวั่นไหว คือตลกมากจริงๆแค่อยากได้อะไรกันแน่ดิว :katai4:
ส่วนครอบครัวต้นไม้ ก็ยังรำคาญแม่ต้นอยู่ดี ชงลูกแปลกๆแปลกมากเลยล่ะ แทนที่จะบอกให้ดูๆกันไปก่อนตอนนี้มีหน้าที่เรียนให้ตั้งใจในส่วนนี้ไป ไม่ใช่ส่งให้จีบ คือไม่กลัวลูกติดโรคเลยสิน่ะ อยากจะคิดบวกน่ะ... บวกแม่งเลยเนี้ย!!!
แล้วการที่ครอบครัวต้นไม้มาพะเน้าพะนอดิวแทนที่จะคอยชี้แนะให้คำแนะนำยืนข้างๆเพื่อให้โตและคิดได้ด้วยตัวเองบ้าง
ก็ไม่แล้วกลายเป็นว่าดิวก็ยังเป็นเหมือนเดิมไม่สามารถลุกขึ้นและคิดได้ด้วยตัวเอง มันก็จะกลับมาเหมือนเดิม วนไปเรื่อยๆ
ไม่ว่ากับต้นก็เหมือนกันเพราะดิวไม่ได้ขาดรักดิวแค่ใจแตก แล้วตอนนี้อย่ามาทำอ่อยต้นหน่อยเลย
ไม่เรียกพี่พอว่านี้เรียกไอ้ต้นทุกครั้งต่อหน้าแม่ต้นก็เรียก คือไม่ละอายเลยเหรอ หรือแม่ต้นถือหางให้
จุดนี้แม่ต้นก็แปลกค่ะ ไม่ว่าไม่อะไร อ่อก็รักลูกไม่เท่ากันเนอะ บางทีก็รักมากกว่าลูกในไส้ซะอีก
ยังคงยืนกระต่ายขาเดียวเชียร์ต้นให้คนอื่น ถึงแม้จะรู้ว่าไม่ได้แล้วก็ตามที
ปล.ไม่ใช่รับไม่ได้เรื่องผ่านมาหลายคนน่ะ คิดดูดิ การที่เราเอาเชื้อไปติดคนที่เรารักอ่ะ
คิดว่ามันทรมานน่ะต้องดูแลตัวเองมากๆและรับยาตรงเวลา ทำอะไรไม่อิสระเท่าที่ควรต้องระวังคนรอบข้างด้วย
ในเมื่อนักเขียนมีพล้อตมาจากสก๊อย เรื่องพวกนี้ก็คงได้รับฟังมาบ้าง แถมยังไม่ไปตรวจและฉีดยาป้องกันไวรัสอีก :mew5:
ตอนนี้ดิวไม่ใช่แค่ของเหลืออ่ะแต่คือของเสียสำหรับเรา นอกจากว่าจะคิดได้ด้วยตัวเองไปทำให้ตัวเองมีคุณค่า
ไปได้ไกลๆ ดูแลตัวเองได้ยืนได้ด้วยตัวเอง อยู่ในจุดที่ใครๆก็อิจฉาในความพยายามบากบั่นของเรางี้ค่อยน่าเก็บมาซ่อมแซมสักหน่อย
 
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 23 - 100% [09/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 11-09-2017 18:49:44
รอทุกวันเลยนะมาต่อทุกวันได้ไหมอยากอ่านทุกวันเลย
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 24 - 100% [12/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 12-09-2017 20:47:53
>>ตอนที่ 24 [100%]<<

ตอนเช้า ผมตื่นมาพร้อมคุณน้า ลงไปช่วยคุณน้าทำอาหารให้สองหน่อที่ยังไม่ตื่น ผมทำไม่เป็นหรอกครับ แค่ช่วยหยิบช่วยจับเท่านั้นเองไม่เก่งกาจขนาดแสดงฝีมืออะไรออกมาได้ ทำกันยังไม่เสร็จ กลิ่นแกงกะหรี่สูตรเผ็ดน้อยก็ลากเจ้าไม้ลงมาข้างล่าง ตาปรือหัวฟูอยู่เลยครับ คุณน้าต้องไล่ให้มันกลับขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย เรียกพี่ชายลงมากินข้าวด้วยกันได้แล้ว

ผมว่านะ...มื้อเที่ยงวันนี้เอาแกงกะหรี่นี่ไปกินที่โรงเรียนดีกว่ามะ กลิ่นมันทั้งหอมแล้วก็น่ากินมากๆ ที่จริงคุณน้าบอกว่าถ้าให้ดีต้องเคี่ยวทิ้งเอาสักคืนสองคืน มันจะอร่อยกว่านี้มากๆ แกงกะหหรี่เป็นอาหารที่ยิ่งทำนานก็จะยิ่งอร่อย นี่ทำแค่แป๊บเดียว รสชาติดีจริงแต่ยังไม่ถึงแก่น ผมไม่สนอะ ผมว่านี่สุดยอดแล้ว

“ต้นละลูก...” คุณน้าเห็นไม้เดินติดกระดุมลงมาคนเดียวก็เลยถาม

“ไม้เรียกแล้ว แต่พี่ไม่ยอมตื่นอะ” พูดแล้วเหล่มองมาทางนี้คือยังไงครับเพื่อน

“งั้นเดี๋ยวผมไปตามให้” ต้องการแบบนี้ใช่ไหมครับ เป็นน้องชายที่แสนดีเกินไปละนะ

“ดีจัง...ขี้เกียจพอดีเลย” หนอย ทำหน้าทำตา หมั่นไส้จริงๆ

ผมเคาะประตูห้องต้นอยู่หลายที แต่ไม่มีเสียงตอบรับ เรียกมันก็แล้วยังไม่ขานอีก ก็เลยลองเปิดประตูเข้าไป ต้นไม่ได้ล็อกห้อง ผมถือวิสาสะเข้ามา ก็เคยเข้ามาก่อนแหละไม่ใช่ไม่เคย ยิ่งตอนเด็กๆ นี่เข้ามาบ่อยเลยครับ เข้ามาเล่น แอบรื้อของๆ มันด้วย จำได้ว่าในลิ้นชักคอมพ์มีหนังสือโป๊ เดี๋ยวนี้ไม่น่ามีมั้ง...ดูในคอมคงสะดวกกว่า

“ไอ้ต้น ตื่นได้แล้ว” เจ้าตัวขี้เกียจนอนขดกลมอยู่บนเตียง ผ้าห่มคุมถึงหัว โพล่มาแค่เส้นผมกระหย่อมหนึ่ง

“....” แมงไม่กระดิกตัวเลยวะ จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนวะ

“ไอ้ต้นเว้ย ลุก!!!” ผมตัดสินใจดึงผ้าห่มมันออก ต้นไม่ได้ใส่เสื้อนอน มันใส่แค่กางเกงขาสั้นตัวเดียว แถมรอยช้ำจ้ำบนตัวมันก็ยังไม่หายดี เหลือล่องรอยเอาไว้เยอะอยู่ ดูแล้วรู้สึกผิดเหมือนกัน ต้นขยับตัวนิดหน่อย มัพยายามเอาหน้าซุกหมอนหนี อ่อ..แสงไง

ผมเดินไปเปิดผ้าม่านออก แสงอาทิตย์สาดเข้ามาเต็มๆ ไม่พอ ยังขึ้นไปนั่งข้างๆ ตัวมันแล้วจับหัวหนักๆ ให้หันไปรับแสงแดดยามเช้าด้วย ต้นมันรีบเอามือขึ้นมาบังแสงทันที ครางงึมงำบ่นอะไรในคอก้ไม่รู้

“ตื่นโว้ย!!! จะสายแล้วเนี่ย ลงไปกินข้าวได้แล้วไอ้หมาต้น” เห็นมันพยายามนอนต่อ ผมก็ตีไหล่มันมันแรงๆ หวังว่าเจ็บแล้วมันจะตื่น

“กูเจ็บ...” นั่น ก็รู้สึกตัวนี่

“ตื่นสิวะ คุณน้ารอกินข้าวอยู่นะ” ซ้ำเข้าไปอีก

“อื้อ...ตื่นแล้วๆ” มันพลิกตัวนอตะแคงมาฝั่งที่ผมนั่ง ปรือตามองหน้าผมก่อนจะยิ้ม

“ยิ้มเหี้ยไร ลุก!”

“มีความสุขก็ต้องยิ้มดิ”

“ความสุขมึงคือการได้ป่วนประสาทกูอะสิ ปลุกยากฉิบ อะไรจะขี้เซาขนาดนั้นวะ” ผมขยับเพื่อจะลงไปข้างล่าง แต่ติดมือไอ้ต้นเสียก่อน เล่นรวบเอวผมเอาไว้กะทันหัน ผมก็หงายหลังไปนอนหนุนอกมันพอดีอะสิ

“เปล่า มีมึงมาปลุกอะกูมีความสุข...เห็นหน้ามึงคนแรกเลย แฮปปี้ฉิบหาย” อ่า...กลับไปปากหมาแบบนเดิมเหอะ
“ขนลุก” ผมตั้งท่าจะดิ้นแล้วลุกอีกครั้ง

“ฟอด...” แต่ก็โดนมันขโมยหอมแก้มเสียก่อน

“ชื่นใจ” มันปล่อยผมไปอย่างง่ายดายหลังหอมแก้มผมแล้ว

“มึงนี่จอมฉวยโอกาสเหมือนกันนะ”

“แน่นอน กูรอโอกาสมานานแล้ว...มีเข้ามาก็ต้องฉวยเท่าที่ฉวยได้” ว่าจบมันก็ขโมยหอมแก้มผมอีกฃ้าง ผมคว้าหมอนจะปาใส่ไอ้ต้น แม่งเสือกวิ่งเร็วไง หนีออกไปอาบน้ำโคตรไว หมอนผมกระแทกประตูห้องมันเต็มๆ แทนที่จะเป็นหลังมัน

เดินหน้าหงิกลงมาข้างล่าง แทนที่ไม้จะถามว่าเป็นอะไร มันกลับหัวเราะเหมือนเดาเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้โดยที่ผมจำเป็นต้องบอกอะไร คุณน้าลีลาเองก็ยิ้มๆ รู้ทันกันหมดแบบนี้ ผมเริ่มเหมือนไม่มีพรรคพวกเลยนะ พวกเขารุมผมอะ แกล้งผมชัดๆ เลยแบบนี้

ต้นเดินผิวปากลงมา สบายอกสบายใจมากๆ มันไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาแต่เป็นชุดไปรเวท เสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์สีดำเข้าชุดกัน เจ้าตัวเข้ามากอดแม่ตัวเองก่อนจะนั่งลง ต้นมองมาทางผมยิ้มๆ ก่อนจะหันไปให้ความสนใจมื้อเช้าที่แสนอลังการวันนี้

“ไม่ไปเรียนเหรอลูก...” คุณน้าถามขณที่เอาจานที่จัดเอาไว้แล้วเสิร์ฟให้

“ครับ วันนี้ต้นไม่มีเรียน อาจารย์ยกเลิกคลาสเมื่อคืน ก็เลยนัดกับเพื่อนว่าจะไปซื้อของมาทำโครงงาน อาจจะรกบ้านหน่อยนะแม่...ต้นต้องใช้ที่นี่ทำงานแหละ”

“อ่อ เอาสิ...แกงกะหรี่มีเยอะพอดีเลย ชวนเพื่อนกินด้วยกันนะ”

“ครับ”

ต้นไปส่งผมกับไม้ไปโรงเรียน ระหว่างทางมันโทรหาเพื่อนตัวเอง บอกว่ากูออกมาแล้ว ตื่นได้แล้วจะไปรับอะไรพวกนี้แหละ ผมได้ยินเสียงบ่นแว่วมาตามสาย พวกนั้นด่าไอ้ต้นยับเลยที่รีบปลุกมันแต่เช้า ก็นี่ยังไม่เจ็ดโมงครึ่งเลยนี่ครับ อาจารย์สั่งเลิกคลาสทั้งทีก็คววรจะได้ตื่นสายนี่นาเนอะ

ผมกับไม้หอบหิ้วเอาปิ่นโตแสนน่ารักมาด้วยในวันนี้ ข้าวแกงกะหรี่แม่งอร่อยมากจนผมอยากเอามากินที่โรงเรียน ไม้เห็นผมเอามันก็เอาบ้าง เรียกว่าทำตามๆ กันไป แต่เราเอามาเยอะมากครับ เผื่อคนอื่นอยากกินกับเราด้วย นี่แค่หิ้วปิ่นโตเข้าห้อง โอ๊ตก็แซ็วมาเลยว่ากลิ่นอะไรน้าหอมจังเลย ผมกับไม้พากันขำ แล้วอวดข้าวเที่งวันนี้ให้เพื่อนดู ผมเห็นว่ากลุ่มกานคิงหันมาทางผมเหมือนกัน แต่ผมไม่ได้ทักทายพวกนั้น มัวแต่สนใจความอยากอาหารของโอ๊ตอยู่ มันตลกมากๆ อ้อนวอนขอกินใหญ่เลยเห็นไหม ผมบอกแล้วว่าเราควรเอามายเอะๆ หน่อยเผื่อคนที่อยากจะกิน อ่อ...ที่เอามาเยอะมากไม่ได้คือเพื่อนไอ้ต้นจะไปทำรายงานที่บ้าน เดี๋ยวพวกนั้นไม่มีอะไรกิน

ตอนเที่ยง โอ๊ตส่งข้อความไปหาเพื่อนๆ ชมรมแบดมินตันชั้นปีเดียวกันแต่คนละห้องมารวมตัวกันที่โต๊ะเรา เพื่อแย่งแกงกะหรี่กลิ่นหอมยั่วนี่แหละ ดีนะผมให้เอามาเยอะหน่อย เลยสามารถซื้อข้าวเปล่ามาแล้วตักแกงแบ่งๆ กันไปได้ เหล่าพวกผู้ชายกระหายหิวออกปากชมอาหารมื้อนี้ ไม้ยืดอกอวดตัวเองใหญ่ นี่แม่กูทำนะ ฮ่าๆ เห็นแล้วก็ขำ ไม่ใช่แค่ผม แต่ทุกคนก็คำในความโอ้อวดของมันทั้งนั้น

ผมแทบไม่รู้ตัวเลยว่า ระยะเวลาไม่กี่วันมานี้จะทำให้ผมออกห่างจากเพื่อนกลุ่มเดิมมาได้มาก ตอนแรกคิดว่ามันจะยากแล้วก็ชวนอึดอัดใจกว่านี้เสียอีก แต่พอเอาเข้าจริง เพื่อนๆ กลุ่มใหม่ของผมก็มีเรื่องตลกโปกฮาหรือกิจกรรมเล่นกันอยู่ตลอด จนผมไม่มีเวลาไปใส่ใจส่วนของกานกับคิงเลยแม้แต่น้อย แล้วพวกนั้นเองก็เลือกที่จะไม่เข้าหาผมด้วย

ข่าวลือเกี่ยวกับผมเข้าหูมาบ้าง มันแย่เหมือนทุกครั้งที่มีข่าวลือนั่นแหละ หาว่าผมคบกับไม้ เป็นแฟนกันแล้วทิ้งเพื่อนกลุ่มเดิม ไม่เห็นหัวเพื่อนอีกเลยตั้งแต่ถูกรายล้อมด้วยหนุ่มๆ นักกีฬา ว่าผมเป็นเมียของทุกคนในชมรมไปแล้ว แม้กระทั่งอาจารย์ผมก็อาจจะหมายตาเอาไว้เหมือนกัน ไม่รู้อาจารย์เสร็จมันไปหรือยัง

เรื่องราวด้านลบถูกปล่อยออกมาตลอด พี่ชินเองก็ผสมโรงไปกับเขาด้วยเหมือนกัน เขาหาว่าผมร่าน เขาถึงได้เอาเรื่องพนันมาพูด ดิวมันแกล้งอ่อนแอไปงั้น หนีไปร้องไห้งั้นงี้เพื่อเรียกร้องวามสนใจ ที่จริงตอนผมกลับมาเรียนเมื่อวันพุธ ทุกคนยังเห็นใจผมอยู่บ้างที่พี่ชินทำแบบนั้นกับผม แต่ตอนนี้มันกลายเป็นหน้ามือกับหลังเท้าไปเลย ทุกคนเห็นดีเห็นงามกับพี่ชินไปหมด เข้าข้างพี่ชินแล้วผมก้กลายเป็นคนเลวในสายตาทุกคน

เพื่อนกลุ่มใหม่ของผมรู้ข่าวพวกนี้อยู่ตลอด พวกเขาแค่ไม่พูดแล้วก้ไม่สนใจมันเท่านั้น ไม้เองอ่านแล้วก็เฉยๆ ผู้หญิงมาพูดใส่มันก็แค่เออแล้วก็เงียบไป ผมสังเกตทุกคนเหมือนกันนะว่าจะมีปฏิกิริยาอะไรกับเรื่องราวพวกนี้บ้าง พวกเขาจะเกลียดผมไหม หรือจะว่าร้ายผมลับหลังหรือเปล่า แต่ก็ไม่...ผมรู้สึกดีที่มันไม่เป็นอย่างที่กลัว

“มันก็แค่ข่าวลือ วันหนึ่งมันก็จะหายไปเมื่อมีเรื่องใหม่ที่น่าสนใจกว่ามาให้ทุกคนพูดถึง...” ไม้พุดแบบนั้นตอนที่ผมอ่านไทมไลน์ของเพื่อนๆ ในห้องเรียน ไม้สนใจแค่ผม เรียนและกีฬาเท่านั้น เขาไม่ค่อยแคร์ข่าวพวกนี้

“ขอบคุณนะ...”

“ไม่เป็นไร เราเพื่อนกันไงดิว” ไม้กอดคอผมแล้วจับเอนไปเอนมา ผมขำกับการปลอบที่ดูจะเด็กน้อยเหลือเกิน
ตอนเย็นเรากลับบ้านกันเอง หลังเลิกชมรม อาทิตย์นี้ไม่มีซ้อมเพราะผ่านฤดูกาลแข่งขันไปแล้ว ไม้ดูจะสบายใจขึ้นมาเพราะไม่ค่อยได้พักอยู่ช่วงหนึ่ง โหมซ้อมแบด กลัวจะทำให้แม่ผิดหวังถ้ามาดูแล้วเขาดันแพ้ ผมมองดูไม้แล้วก็คิด...ผมไม่เคยพยายามเพื่ออะไรได้เท่ากับไม้เลย ไอ้เรื่องที่ทำลงไปก้มีแต่เรื่องชวนเสียหายมากกว่าเรื่องดีอีก

เริ่มต้นใหม่ได้...ผมบอกกับตัวเองแบบนั้น ตอนนี้ผมถึงพยายามเล่นแบดให้ได้ดีถึงจะไม่ชอบมัน แต่มันก็สนุกแล้วก้เป็นงานอดิเรกที่ดีเหมือนกัน ได้อยู่กับกลุ่มเพื่อนดีๆ กับเขาบ้าง ได้ใช้ชีวิตอย่างที่เด็กวัยเราได้ใช้

“โอ้ย....กุไม่ไหวแล้ว กูจะนอน” เสียงโอดครวญของคนในบ้านดังออกมาแว่วๆ ผมกับไม้มองหน้ากันก่อนเปิดประตูไปเห็นสภาพห้องโถงที่เละเทะ กระดาษเอย คอมพ์เอย เครื่องเขียนต่างๆ กระจัดกระจายไปหมด ต้นมันนั่งก้มหน้าคีย์งานอยู่ ส่วนเพื่อนๆ ของมันนอนแอ้งแม้งหมดสภาพ

“สัตว์ อย่ายกเลิกคลาสเลยแบบนี้” เพื่อนคนหนึ่งของต้น ตัวอ้วนๆ ใหญ๋ๆ ผมเคยเห็นเขาแว้บๆ ตอนที่มีแฟนอยู่ในมหาลัยเดียวกับต้น ผมมารู้ทีหลังว่าไอ้นต้นเองก็เรียกคณะเดียวกันกับแฟนเก่าของผม

เฮ้อ...นึกถึงพี่คนนั้นแล้วผมยังเสียใจไม่หาย เขาเป็นรักแรกและผมก็รักเขามากเลยครับ เป็นผู้ชายคนแรกของผมด้วย ไม่คาดคิดเอาไว้เลยว่าตัวเองต้องมาโดนทิ้งเหมือนหมูเหมือนหมาแบบนั้น

“กลับมาแล้วอ่อ กี่โมงแล้ววะเนี่ย...” ต้นเห็นพวกผมเป็นคนแรก คนอื่นๆ หันมองเพราะเสียงทักทาย

“พี่ทำบ้านรก พี่ต้องเก็บนะเว้ย” ไอ้ไม้บอกกับพี่ชชาย

“เออ กุเก็บอยู่แล้วหน่า เรียนเป็นไงมั้ง...” ต้นยืดเส้นยืดสาย มันลุกแล้วบิดตัวไปซ้ายทีขวาที เสื้อก็ไม่ใส่ บ้านไม่ร้อนขนาดนั้นเลยเหอะไอ้นี่

“ก็ดีพี่ รำคาญข่าวลือดิวนิดหน่อย ไอ้พี่ชินแม่งเลว...แม่งปล่อยข่าวมั่วแล้วกลายเป็นคนดีขึ้นมาทันที” พูดถึงพี่ชิน คนนี้ก็ทำผมเจ็บไม่น้อยเลย

“ช่างหัวแม่งเหอะ มึงไม่เป็นไรใช่ไหมดิว” อ่า...ผมส่ายหัว

“ไม่อะ”

“ดีแล้ว ไปอาบน้ำอาบท่าไป เบื่อแกงกะหรี่กันหรือยัง ถ้าไม่เบื่อจะอุ่นให้ แต่ถ้าเบื่อก็บอกมาจะกินอะไร” มันไม่ได้พูดจาดีนัก พูดห้วนๆ ตามนิสัยมัน แต่ก็ทำให้ผมยิ้มได้...นี่อาจดีสุดแล้วก็ได้สำหรับมัน

“ถามคนนี้สิ...” ไม้ชี้มาที่ผม

“แน่นอน กูไม่ได้ถามมึงอยู่แล้วไม้” หน้างอไปเลยสิไอ้ไม้ พี่ชายไม่เห็นหัวอีกแล้ว

“กินแกงกะหรี่นั่นแหละ จะได้ไม่ต้องทำ กลัวกินที่มึงทำแล้วจะท้องเสีย” ผมว่าลอยหน้าลอยตาตอบ ไอ้ต้นหน้าหงิกไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

ผมกับไม้เดินกะย่องกะแย่งขึ้นห้อง แยกย้ายไปอาบน้ำ ตอนขึ้นบันไดมาเห็นไอ้ต้นเดินเข้าไปในครัว มันให้เพื่อมันทำงานส่วนของมันแทนไปก่อน เดี๋ยวมันจะมานั่งทำต่อเอง ได้มาอยู่ใกล้แบบนี้ มันเองก็งานเยอะเหมือนกันนะ เมื่อก่อนมักเห็นมันนั่งอยู่หน้าบ้านตลอด กลับมาจากโรงเรียนทีไรก็เจอทุกที เรียกว่าเจอเป็นประจำ ถ้าวันไหนผมออกมาส่งแฟนกลับหรือควงแฟนมา ก็มักจะได้ยินเสียงแขวะแว่วมาตามลมเสมอ ก็ไม่ได้ใส่ใจหรอก คิดว่าเป็นเรื่องปกติของมันนั่นแหละ ไอ้นี่ปากหมาเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มองย้อนกลับไป...มันทำแบบนั้นเพราะอิจฉาแฟนผมสินะ

ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก่อนไม้ เห็นต้นยืนคนแกงอยู่ในครัว เจ้าตัวหาววอดๆ มือเท้าเอว ตามองหม้อแกงแบบปรือปรอย ง่วงมากไปนอนไหมละ ไม่น่าฝืนตัวเองนะเอาจริงๆ ผมเดินเข้าไปใกล้ ไหล่เกือบโดนแขนของมัน ชะโงกหน้ามองเข้าไปในหม้อเพื่อดู ทว่าไอ้ต้นเสือกโอบไหล่ผมเอาไว้เสียอย่างนั้นอะ

“หอม...” มันโน้มหน้าลงมาตรงซอกคอ สูดลมหายแล้วก็กลับไปสนใจแกงในหม้อต่อ ผมนี่หน้าร้อนวูบขึ้นมาทันที เล่นบ้าอะไรไม่รู้เรื่อง

“ปล่อยกูเลย”

“ไม่ปล่อยได้ปะละ” ผมหันมามอง

“ไม่ได้”

“ไม่ได้นี่เพราะไม่ชอบหรือไม่ได้เพราะเขิน...” ไอ้นี่ ผมไม่เขินอะไรมันทั้งนั้นแหละ ผมรีบเบี่ยงหน้าหนีสายตาเจ้าเล่ห์ ดันตัวเองออกมาตักข้าวใส่จาน

“ไม่ชอบเว้ย”

“จริงดิ ไม่ชอบกูเลยงี้เหรอ...” คำถามนี้คาดหวังอะไรปะวะ ผมมองหน้าต้นไม่ได้ตั้งใจแต่มันหันไปสบตาเอง ความรู้สึกที่ได้รับคือการคาดหวังคำตอบ ถ้าผมปฏิเสธเด็ดขาดมันคงเสียใจแล้วมันก็คงจะขัดแย้งกับความรู้สึกของผมด้วย

งั้น...ผมไม่ตอบดีที่สุด

โชคดีที่ไม้เดินเข้ามาร่วมวง เจ้าตัวตักข้าวพูนจานแล้วเร่งพี่ชายตัวเองยิกๆ ให้ตักแกงราดจานข้าวมันได้แล้ว ไอ้ต้นบ่นน้องชายไปเรื่อยตามประสา ไม้ก้เถียงกลับไม่ยอมแพ้เหมือนทุกวัน สุดท้ายผมเป็นคนได้กินข้าวก่อน

“โทษที พอดีเป็นคนพิเศษอะ...” ผมตบไหล่ไม้ เยาะเย้ยมันพร้อมขำเบาๆ ในลำคอ ไม้หน้างอ หันไปมองหน้าพี่ชายตัวเองที่ก็ยิ้มอะไรไม่รู้คนเดียว ใกล้เป็นบ้าแล้วมั้งมันน่ะ

ไม่สิ...ทั้งผมและมันนั่นแหละ

ผมสะบัดหัวไล่ความคิดชวนเก้อออกไป เอาใจมาอยู่ที่อาหารเย็น ไม้ตามมา มันยังบ่นไม่เลิก กล่าวหาว่าผมแย่งความรักจากพี่มันไป แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรมาก ไม้มันบ่นไปเรื่อยตามประสามันนั่นแหละ ไม่จริงจังอะไร ขำๆ กันมากกว่า ยิ่งมันงอแง ผมก็ยิ่งเฮฮา...อารมณ์แกล้งคนอื่นได้มันมีความสุขแบบนี้สินะ

.....100%.....

เมื่อวานไปดูเรื่อง 'It' มาล่ะ เลยกลับดึก แถมยังหลอนมากด้วย คิดว่ามันเป็นหนังฆาตกรรมจนกระทั่งมันฉายได้สิบกว่านาที ฮื่อออ ตะมัยตอนเราอ่านรีวิวเราถึงยังคิดว่ามันเป็นหน้งฆาตกรรม เศร้า เฮากลัวปี๋~ :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 24 - 100% [12/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 12-09-2017 20:58:33
น่ารักอ่ะ เป็นแฟนคลับไม้ได้มั้ย :mew1:

ปล.เราก็ไม่ดูหนังผี กลัวว ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 24 - 100% [12/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-09-2017 22:15:36
หลานต้น หยอดไปเรื่อย ๆ นะหลาน  :m4:
ส่วนหลานไม้ น่ารักขึ้นนะเนี่ย  :m11:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 24 - 100% [12/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-09-2017 22:51:35
 o13
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 24 - 100% [12/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 12-09-2017 23:55:06
จีบให้ติดนะครับ,,,
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 24 - 100% [12/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 13-09-2017 11:54:33
ไม้.....มาเป็นแฟนเราเถอะนาย 55555
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 25 - 100% [13/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 13-09-2017 20:55:19
>>ตอนที่ 25 [100%]<<

กินข้าวกันเสร็จ ผมกับไม้ก็นั่งเล่นอยู่ข้างล่าง ทำการบ้านด้วยกันสองคนตรงโต๊ะอาหาร พวกของไอ้ต้นทำรายงานกันอยู่หน้าทีวี ไม่มีใครเปิดอะไร เพราะพวกเขาสลับกันนอน ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนกันก็ไม่รู้ ตัวไอ้ต้นก็หาววอดอยู่บ่อยๆ แต่ก็ยังก้มหน้าก้มตาพิมพ์งานของมันไปเรื่อยเปื่อย

ประมาณเกือบสองทุ่ม คุณน้ากลับมาบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผมกับไม้ทำการบ้านเสร็จพอดีก็เลยไปช่วยคุณน้าขนของกินลงมาจากรถ ส่วนใหญ่เป็นขนมนมเนยแบบกินเล่นเสียมากกว่า เพื่อนต้นคนตัวใหญ่ๆ มองของกินตาวาว คุณน้าลีลาเรียกทุกคนให้มากินข้าวกินขนมกันก่อน พักมือจากงานที่ทำสักแป๊บแล้วค่อยทำต่อก้ได้ ของกินมาอยู่ตรงหน้าขนาดนี้ ไม่มีใครกล้าปฏิเสธครับ ไอ้ต้นและเพื่อนๆ ของมันก็ยังไม่ได้กินอะไรตอนเย็น ท้องนี่ร้องกันโครกครากเลยทีเดียว

ผมกับไม้แค่นั่งกินขนม ส่วนต้นกับเพื่อนๆ กินข้าวแกงกะหรี่ที่เหลือโดยไม่ยอมอุ่น แถมยังมีไม่มากเท่าไหร่ พวกนั้นกินขนมเสริมเข้าไปหวังให้ตัวเองอิ่ม คุณน้าจะทำเพิ่มให้ก็ไม่เอา ไม่อยากรบกวน

“แล้วงานเหลือกันเยอะไหมล่ะต้น...” คุณน้าเดินไปที่กองกระกระดาษกลางห้อง บ้างก็หยิบขึ้นมาอ่านคร่าวๆ

“เยอะแม่...ทั้งคืนอะ” ต้นพูด มีเสียงโอดครวญของสองหนุ่มด้านหลังตามมาเป็นแบล็กกราว

“เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ ไหวเหรอลูก พรุ่งนี้หนูหยุดค่อยทำดีไหม พักผ่อนกันก่อน” ต้นมันส่ายหน้า เดินข้าไปกอดแล้วซบไหล่แม่ตัวเอง

“ต้นอยากทำให้เสร็จ....” เพื่อนทั้งสองเห็นมันแบบนั้นก็เงียบ ไม่กล้าส่งเสียงเรียกร้องความเห็นใจ

“ก็ได้ ตามใจ แต่ไม่ไหวต้องพักนะ”

“ครับแม่”

ผมกับไม้ต้องทำตัวเป็นน้องที่ดีของบ้าน เมื่อพวกผู้ชายกลุ่มนั้นกินข้าวกันเสร็จ การเก็บกวาดก็ตกเป็นของเรา คุณน้าขึ้นห้องก่อนเพราะมีงานต้องเคลียนิดหน่อย อีกอย่างไม่อยากอยู่ข้างล่างรบกวนหนุ่มๆ ด้วยแหละครับ ไม่เหมือนกับไม้ ทำทุกอย่างเสร็จแล้วยังไปแกล้งเปิดทีวีรบกวนสมาธิพวกเขาอีก

“ไม่มีไรทำกันแล้ว?” ต้นเงยหน้าจากคอมพ์มองไม้

“ไอ้ดิวมันอยากดูทีวี” อ่าว โยนมาให้กูเฉยเลย ผมไม่เกี่ยวนะเว้ย ผมไม่ได้อยากดูอะไรทั้งนั้นอะ

“ร้อยวันพันปีกูไม่เห็นมึงอยากดู” ไอ้นี่ก็เสือกรู้ดี ผมเล่นมือถือมากกว่ามาสนใจโทรทัศน์น่ะ

“ทำเป็นรู้ดี...” ไม้ส่งเสียงล้อเลียน

“อืม กูรู้เรื่องคนที่ตัวเองชอบมันก็ปกตินี่วะ” มันพูดตรงๆ แบบนี้อีกแล้ว เพื่อนมันมองผมเป็นตาเดียว...นี่ความรู้ใหม่ใช่ไหมครับทุกคน

“หยอดเข้าไป ไม้ไปนอนดีกว่า ฝันดีนะดิว” ไม้ตบบ่าผมเบาๆ แม่งเดินทิ้งผมไว้คนเดียว

ผมไม่รู้ว่าคุณน้าจะทำงานเสร็จหรือยัง ไม่กล้าขึ้นไปเพราะกลัวจะรบกวนคุณน้าเขา แล้วจะไปไหนได้นอกจากนั่งเล่นอยู่หน้าโซฟาตัวเดิม ผมเอื้อมไปเอารีโมตมากดลดเสียงแทนที่จะปิด ก็ถ้าปิดแล้วผมจะดูอะไรฆ่าเวลาล่ะ

“มึงไม่ง่วงเหรอ”

“ง่วง”

“แล้วไม่นอน?”

“กลัวรบกวนคุณน้าทำงาน”

“ไม่หรอก ง่วงก็ขึ้นไปนอน” สงสัยว่าการอยู่ตรงนี้จะรบกวนมันแฮะ ถึงได้ไล่ผมแบบนี้

ผมตัดสินใจปิดทีวี ไม่พอใจหน่อยๆ แต่ไปก็ได้ ไม่อยากให้อยู่ก็จะไม่อยู่ ผมเดินขึ้นมาชั้นสอง กล้าๆ กลัวๆ เกรงใจคุณน้ามากหากเธอยังทำงานอยู่ แต่พอเข้าไปในห้อง คุณน้าก็วางงานแล้วชวนผมนอนด้วยกันทันที ผมก็ถามแหละว่างานเสร็จแล้วหรือถึงได้นอน คุณหน้าส่ายหน้าแต่บอกว่าง่วงแล้ว โอเค ถ้าคุณน้าตัดสินใจนอน ผมก็นอนด้วยเหมือนกัน

ผมนอนกอดคุณน้าได้ไม่เท่าไหร่ ก็รับรู้ว่าคุณน้าลีลาดึงแขนตัวเองออกจากแขน เธอไม่ได้หายไปไหน แต่เอนหลังพิงหัวเตียงทำงานกับไอแพดของเธอ หวังว่าผมจะไม่รบกวนคุณน้ามากเกินไปนะ ผมยายามข่มตานอน บอกตัวไม่ต้องคิดมาก ทว่าคุณน้ากลับส่งมือมาลูบหัวผมเบาๆ ทั้งที่ผมทำเป็นหลับอยู่ ความอ่อนโยนแบบนี้ผมได้รับมันอีกแล้ว ความเพลิดเพลินทำให้ผมหลับลึกในเวลาไม่นาน

กลางดึก...ผมสะดุ้งตื่น ไม่ได้ฝันร้ายแต่อยากเข้าห้องน้ำ มองดูนาฬิกา นี่มันตีสองกว่าเข้าไปแล้ว ไม่น่าตื่นมาเวลานี้เลย ดีนะที่ในนี้มีห้องน้ำ ผมไม่ค่อยชอบควมมืดเท่าไหร่ มันน่ากลัว ตอนอยู่ห้องตัวเองผมเปิดไฟห้องน้ำไว้ตลอด อะไรเปิดได้ก็จะเปิดไว้ครับ ผมรีบลุกไปเข้าห้องน้ำ ทำธุระให้เสร็จ เตรียมจะเดินกลับไปนอนเหมือนเดิม กลับได้ยินเสียงพูดคุกันอยู่แว่วๆ

ป่านนี้ยังไม่นอนกันอีกเหรอ...

ผมเดินลงไปข้างล่าง ไม่ได้ตั้งใจแค่อยากดูว่าพวกขังไม่นอนกันจริงไหม ด้านล่างยังเปิดไฟเอาไว้ ผมเลยไม่กลัวเท่าไหร่ ก้าวลงบันไดไม่กี่ขั้นก็เห็นเงาคน ลงไปช่วยงานพวกนั้นดีไหมเผื่อจะเสร็จเร็ว ผมเคยช่วยแฟนเก่าทำรายงานบ่อยๆ แค่มันรวบรวมข้อมูลไว้ให้ผมก็พิมพ์ให้ได้นะเอาจริงๆ

“ยังไม่นอนกันอีกเหรอ...” ผมถามเสียงเบา จะว่าไม่นอนก็ไม่ได้ เพื่อนมันสองนอนเป็นศพทับกระดาอยู่บนพื้น

“อ่าว มึงลงทำไม...ไม่นอนวะ” ไอ้ต้นตกใจที่เห็น

“ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันก็เลยมาดู” คนตัวผอมสูงปรือตาขึ้น ยกมือทักทายแล้วหลับตาต่อ น่าจะเป็นคนที่คุยกับไอ้ต้นนะ

“ก็ไม่มีอะไรแล้ว ไปนอนเหอะ”

“ไม่ง่วงละ” ผมเดินหน้ามึนไปนั่งใกล้ๆ เหลือบตามองต้นพิมพ์งาน ลายมือพวกนี้ไก่เขี่ยชะมัด คุ้นๆ ว่ามันไม่ใช่ลายมือของไอ้ต้นอะ น่าจะเป็นของสองคนนี้

“มานั่งใกล้ๆ แบบนี้นี่เรียกอ่อยปะ” ตาก็ปรือขนาดนั้น ยังมาพูดจากวนประสาท

“แล้วคิดว่าไง”

“คิดว่าอ่อยมาก...” มันโน้มหน้าลงมาหอมแก้ม แต่ผมหลบทันก็เลยหวืดไปเต็มๆ

“กูพิมพ์งานให้ป่ะ กูพิมพ์เร็วนะ” ลองหยิบเอกสารของมันมาดู ผมทำให้ไม่น่านานคงเสร็จ ให้ไอ้ต้นงีบรอได้เลย

“ไม่อะ กูทำเองดีกว่า...เดี๋ยวมึงทำพลาดกูจะซวยนะ” ปากดี ถ้าพลาดก็พลาดที่พวกมันแหละ ผมแค่รับหน้าที่พิมพ์เองเหอะ

“ตามใจ เชิญทำต่อเลยครับ...” ผายมือเชื้อเชิญเต็มที่ แต่ตอนนี้ไอ้ต้นมันนั่งเท้าคางมองหน้าผมเสียแล้ว ไม่สนแล้วเหรองานอะ รีบไม่ใช่รหรือไง

“อยากช่วยเหรอ หรือว่าอยากก่อกวน...หรือว่าอยากมาปั่นป่วนกัน กันแน่” ถามมาขนาดนี้ ผมดูชั่วร้ายมากเหรอ

“ก็อยากช่วยไง สงสารหมาอดนอน” ต้นกระตุกยิ้ม

“งั้น..ชงกาแฟให้หน่อยสิ” ให้ช่วยแค่นี้เหรอ เอาจริงสิ

“ก็ได้” ผมรับคำทำให้ง่ายๆ สงสารจริงจังนะ เห็นง่วงขนาดนั้น

ผมชงกาแฟนมาให้ต้น ใส่น้ำตาลมากหน่อยเพราะคิดว่าหวานๆ จะทำให้ร่างกายตื่นตัวได้ดี ต้นมันรับไปจิบๆ ทั้งที่ผมไม่ได้ชงร้อนมาก เจ้าตัวเอ่ยขอบใจ สายตาจับจ้องงานบนจอ มันให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มีสมาธิไม่ลอกแล่กจนผมรู้สึกทึ่งไปเหมือนกัน ผมเท้าคางมองหน้าคนตั้งใจทำงานไปเรื่อย...

คนๆ นี้แอบชอบเรามานานแล้ว...

คนๆ นี้กำลังจีบเราอยู่ด้วย...

จากที่ได้รู้มันก็ดูเป็นคนมั่นคงมากนะ มากจนน่านับถือ มีแต่ผมเองที่งี่เง่า...อยากแน่ใจมันอยู่นั่นแหละ เล่นตัวอะไรนักหนาก็ไม่รู้ ทั้งระแวงทั้งกังวล ความรู้สึกของผมเองไม่ใช่ผมไม่รู้หรอก แต่...ต้นมันจะรับผมได้จริงๆ น่ะเหรอ

‘อยากรู้ก็พิสูจน์สิ...’

ผมไม่รู้ว่าจะพิสูจน์ยังไง มีแค่คำของเพื่อนที่บอกว่าที่ผู้ชายเขาอยากมีอะไรกับเราก็เพราะเขารักเรา งี้ผมต้องอ่อยต้นเหรอ ถ้ามันอยากได้ผม มันมีอะไรกับผมคือมันชอบผมจริงๆ สินะ แต่อ่อยผู้ชายที่เห็นกันมาตั้งแต่เล็กจนโตอย่างมันเนี่ย ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ...ผม...ผมทำไม่ถุกแหะ ในความรู้สึกอะ มันเกร็งกว่าการอ่อยแฟนตัวเองอีกนะ ยิ่งมองหน้ามันก็ยิ่งไปไม่เป็น...เอาวะดิว คนอื่นพูดไม่สู้พิสูจน์เอง

ผมตัดสินใจซบไหล่ไอ้ต้นทั้งที่มันกำลังพิมพ์งาน เจ้าตัวสะดุ้งนิดหน่อยแล้วหันมามองหน้าผมที่ทำเป็นมองหน้าคอมพ์มัน ผมเอื้อมมือไปดึงมือมันออกจากคีย์บอร์ด เปลี่ยนเป็นพิมพ์ให้ ทว่าไม่ใช่คำที่ควรพิมพ์ลงไป...

‘รักกูไหม...’ นั่นคือสิ่งที่ผมพิมพ์ ต้นมองสักพักก็พิมพ์ตอบ

‘รัก’ เห็นคำนั้นแล้วใจผมสั่นขึ้นมาทันที

‘ทั้งที่กูเป็นของๆ คนอื่นมาแล้วน่ะเหรอ’ ตั้งใจจะยั่ว แต่คิดว่าการถามผ่านตัวหนังสือแบบนี้มันก็ดีนะ ไม่ต้องสบตา ไม่ต้องกังวลว่าจะพูดผิดพูดถูก

‘เกี่ยวอะไรกันล่ะ’

‘กูไม่ซิงแล้วไง...เป็นแค่ของเหลือๆ มึงยังชอบอยู่อีกจริงดิ?’ ต้นปัดมือผมออกก่อนที่ปากผมจะโดนจูบหนักหน่วงกดทับ

สองแขนแข็งแรงของมันโอบรัดร่างกายของผมเอาไว้แนบแน่น มันทั้งอึดอัดและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน ผมเผลอสบตาโกรธเกรี้ยวนิดๆ ของต้น ซึ่งผมไม่รู้หรอกว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้มันรู้สึกแบบนั้น ประโยคเมื่อครู่กระตุ้นอะไรในความรู้สึกของมันงั้นเหรอ ความคิดต่างๆ นาๆ เริ่มกระเจิดกระเจิงเมื่อต้นสอดลิ้นเข้ามาในปาก มันกระหวัดเอาลิ้นของผมไปดูดกลืนเล่น ทั้งหิวกระหายและอ่อนโยน ผมไม่เคยได้รับสัมผัสแบบนี้จากใคร....

“แฮ่ก...อื้ม” ดูเหมือนมันเองก็เริ่มคุมสติตัวเองไม่อยู่ เป็นคนเริ่มเอง และหยุดเองกลางคันไม่ได้ ผมหอบหายใจอย่างหนัก เพราะมันเล่นตักตวงจากผมจนผมตอบสนองมันไม่ทัน สองแขนของผมบีบหัวไหล่เปล่าเปลือยของมันเอาไว้แน่น ความต้องการของร่ากายปะทุขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่

รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกจับให้นอนราบลงกับพื้นแข็งและเย็นเฉียบ ต้นค่อมทับแต่กลับไม่ปล่อยให้ระหว่างเรามีช่องว่างเกิดขึ้น มันไม่โถมน้ำหนักใส่เพื่อทำให้ผมอึดอัด รสจูบที่โหยหากระหายหิวจาบจ้วงมากยิ่งขึ้น พร้อมๆ กับที่ผมรับรู้ถึงความเป็นชายของมันริ่มพองนูนโดนหน้าท้อง ความร้อนแผดเผาทั้งใบหน้าและร่างกายผมอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ต้นมีความต้องการสูงมากและผมก็เสี่ยงจะเสียตัวตั้งแต่ยังไม่ตกลงปลงใจ

แล้วยังไงล่ะ...ผมเป็นคนอ่อยมันเอง เป็นกระตุ้นและต้องการสิ่งนี้เองนี่

เพราะรักถึงต้องการ หรือเพราะต้องการถึงทำเป็นรัก ความต่างที่ขั้นแยกด้วยเส้นบางๆ เกิดขึ้นในใจ ผมไม่รู้ว่าต้นเป็นแบบไหน แต่ถ้าผมเชื่อมันก็คงเป็นแบบแรก อ้อมแขนของมันสร้างความมั่นคงในความรู้สึกผมอย่างแปลกประหลาด พร้อมๆ กับความต้องการให้มันกระทำต่อจากการจูบจนถึงขั้นสุดท้าย...

ในขณะที่ทุกอย่างล่องลอยกระจัดกระจายในหัว ผมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่มันพยายามบอกผ่านการกระทำ ต้นไม่ใช่คนอ่อนโยนขนาดที่ผมชื่นชอบ แต่มันมีความใส่ใจอยู่ในนั้น ต้นไม่ได้ลวนลามร่างกาย ทว่ากลับสัมผัสสรีระของผมเบาๆ คล้ายปลอบขวัญอยู่ในที

ถ้าเป็นมัน...มันจะไม่ทิ้งผมแบบคนอื่นๆ ใช่ไหม

ถ้าเป็นมัน...มันจะไม่ได้หวังแค่ร่างกายผมหรือเปล่า

ผมไม่รู้ และไม่มั่นใจอะไรนัก แต่สิ่งหนึ่งที่กระจ่างในความคิดคือมันไม่ไดรังเกียจที่ผมเคยเป็นของใครมาก่อน ทว่ามันยังไม่ได้รับรู้เรื่องที่ผมไปมั่วในค่ำคืนนั้น จริงอยู่ที่ผมโดนข่มขืนในตอนเช้าของอีกวัน แต่คืนนั้น...ผมเสนอตัวให้พวกนั้นเอง

พอคิดถึงการกระทำบ้าๆ ของตัวเอง ผมก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา...ผมไม่น่าทำตัวแบบนั้น มันเป็นความผิดพลาดที่ตั้งใจให้เกิด ผมมันโง่ ผมมันร่านอย่างที่ใครๆ เขาว่า ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากเป็นแบบนั้นหรอกนะ...ถ้าผมเป็นตัวของตัวเองจริงๆ ผมจะได้รับความรักบ้างหรือเปล่าล่ะ

“ร้องไห้ทำไม...” ผมไม่รู้ว่าน้ำตากำลังไหล จนกระทั่งต้นทักด้วยสีหน้าตกใจ

“กูมันสกปรกนะต้น...กูเป็นแค่ของเหลือเดนจากคนอื่น มึงรับกูที่เป็นแบบนี้ได้จริงๆ น่ะเหรอ” ผมพูดปนสะอื้น ต้นถอนหายใจ มันปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของผมเบาๆ

“ของเหลือเหรอ...นั่นมันสำหรับคนอื่น ไม่ใช่กู มึงอาจเป็นของเหลือของคนพวกนั้น แต่มึงคือของสำคัญสำหรับกูเสมอนะดิว...ไม่จำเป็นหรอกว่ามึงต้องซิง ต้องบริสุทธิ์ผุดผ่องอะไร กูก็ไม่ซิงนะ...มึงซีเรียสปะละที่กูเคยมีอะไรกับคนอื่นมาก่อน” ผมส่ายหน้า

“มันไม่เหมือนกัน...กูมั่วผู้ชาย...” พูดแล้วเบี่ยงหน้าไปทางอื่น คิดว่ามันคงจะช็อกแล้วลุกหนีไป ทว่ามันกลับดันแก้มให้ผมกลับมาสบตาก่อนจะหอมแก้มผมเบาๆ

“แค่ความผิดพลาดเว้ย...กูไม่สนสิ่งเหล่านั้นหรอก สิ่งสำคัญที่สุดคือมึงรู้ว่าพลาดแล้วมึงก็เปลี่ยนตัวเอง ตอนนี้มึงทำอยู่นี่ ใช่ไหมล่ะ..เพราะงั้นอะไรที่มันพลาดไปแล้วมึงก็เอาไว้เป็นบทเรียน แล้วกูสัญญา...ว่ากูจะไม่ทำเหมือนคนที่ทำมึง กูจะไม่ทำให้มึงเสียใจ” ทำไมคำพูดของมันถึงอ่อนโยนในความรู้สึกผมแบบนี้นะ ผมห้ามน้ำตาตัวเองไม่อยู่ คว้าตัวต้นไว้แล้วร้องไห้เหมือนเด็กตัวน้อยที่โดนรังแกอยู่กับอกของมัน

“เป็นแฟนกันนะ...” คำขอแผ่วเบาข้างหู เป็นคำขอที่ไม่ต้องใช้สมองในการไตร่ตรอง ผมขานตอบรับในทันที แม้ว่ามันจะเคยเป็นคนที่ผมเกลียด...แต่ตอนนี้มันกลายเป็นคนที่ผมรู้สึกรักไปแล้ว


....100%....

เราได้อ่านคอมเมนต์ยาวๆ นั่นละ...อ่านละคิดตาม ซึ่งมันก็จริงในอีกมุมองล่ะนะ คือดิวเนี่ยไม่ได้บอกใครเลย คนในบ้านนี้ก็ไม่รู้หรอกว่าดิวไปโดนหรือเจออะไรมา ด้วยไม่อยากถามไม่อยากรื้อฟื้นหรือกดดันดิว กลัวดิวเตลิดประมาณนั้น แต่ก๋ขอบคุณมากๆ เลยล่ะค่ะ มีโอกาสจะลองทบทวนละรีไรท์ดู ส่วนตอนนี้เราเขียนเรื่องจบไปนานแล้วและยังพอใจกับเรื่องราวทั้งหมดอยู่ อาจได้เห็นมุมต่างและคิดตามว่าเออ...มันก็สมควรแก้ในส่วนนั้นส่วนนี้ แต่เราขอลงจนจบก่อนนะคะ จากนั้นเราถึงจะทบทวนเพื่อปรับแก้อีกที ขอบคุณสำหรับมุมต่างนะคะ...^^

จุฟๆ.เราจะมาอัปให้ทุกวันตามคำขอน้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 25 - 100% [13/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 13-09-2017 21:48:44
โมเม้นต์พิมพ์คอมตอบกันน่ารักมากเลยอ่ะะ :-[
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 25 - 100% [13/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-09-2017 21:51:03
 o13
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 25 - 100% [13/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 13-09-2017 23:14:29
ซึ้งมาก,, โรแมนติกมากต้น,,
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 25 - 100% [13/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-09-2017 01:21:41
พาร์ทนี้น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 25 - 100% [13/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-09-2017 03:03:32
 :mc3: ยินดีด้วย หลานทั้งสองเป็นแฟนกันแล้ว  :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 25 - 100% [13/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 14-09-2017 06:11:12
 :o8: โง้ยยยยยยยยยยยย รักกันแล้วค่าาาาาาา
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 26 - 100% [14/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 14-09-2017 21:46:05
>>ตอนที่ 26 [100%]<<

ผมร้องไห้งอแงเป็นเด็กอยู่กับต้นจนหลับไป ตื่นมาอีกตัวเองก็นอนอยู่บนเตียงของมัน แต่ตัวเจ้าของกลับไม่อยู่ข้างกายผมอย่างที่ควรจะเป็น ไม่ใช่ว่ามันทำงานยังไม่เสร็จหรอกนะ ผมไปกวนเวลาทำรายงานของมันเสียด้วย

ผมรีบลุกจากเตียง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเพื่อลงไปข้างล่าง สภาพห้องโถงยังเละเทะเหมือนเมื่อคืนนี้ไม่มีผิด เพื่อนของต้นหลับเป็นตายอยู่ตรงโซฟาและพื้นบ้าน ส่วนต้นมันฝุ่บหน้าหลับอยู่กับโต๊ะเล็กหน้าโซฟา

“อ่าวน้องดิว น้ากำลังสงสัยเลยว่าหนูหายไปไหน...ตื่นมานานหรือยังล่ะลูก” คุณน้าลีลาเดินลงมา เธอลูบหัวจัดทรงผมให้

“เอ่อ...สักพักแล้วฮะ” จะพูดว่าลงมาหาต้นเมื่อคืนก็แปลกประหลาดปาก จะบอกว่าไปนอนห้องไอ้ต้นมาก็ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่เลย

“อ่อ ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าก่อนเถอะจ้ะ อ้อ น้าวานปลุกเจ้าไม้ให้น้าหน่อยนะ” ผมพยักหน้ารับคำอย่างง่ายดาย

ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสร็จ ผมบุกเข้าห้องของไม้ มันไม่ได้ล็อก เหมือนพี่ชายมันเด๊ะเลย เวลานอนชอบไม่ล็อกห้องกัน แต่จะว่าไปคุณน้าลีลาเองก็ไม่ล็อกห้องนอนนะ ไม้ยังหลับอุตุอยู่บนที่นอน นี่มันเพิ่งเจ็ดโมงครึ่งเอง แถมยังเป็นวันเสาร์ด้วย ปกติผมต้องตื่นสายมาก ตื่นมาก็หาข้าวใส่ท้องเลย

ผมปลุกไม้แค่สองสามครั้ง มันตื่นไม่ยากแล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะนอนต่อ เจ้าตัวตาสว่างโร่อย่างไว คนบ้านนี้ตื่นเช้ากันจนเป็นนิสัยสินะ ไม้ลุกขึ้นมานั่งงัวเงียอยู่บนเตียงก่อน หัวฟูเป็นรังนกเหมือนผมเมื่อกี้นี้เลย

“นั่นคอมึงไปโดนอะไรมา..” ไม้ชี้มาที่คอของผม ซึ่งผมก็ค่อนข้างแปลกใจกับคำถาม ผมส่ายหัว

“ไม่หนิ...ทำไม”

“มีรอยแดง ชัดเชียว...พี่ทำเหรอ” ไม้ยิ้มเย้า ผมหน้าร้อนวูบขึ้นมา ไม่เห็นรู้ตัวเลยว่าไอ้ต้นมันทำรอยบนคอด้วย ก็หลังจากร้องไห้งอแงอยู่แบบนั้น มันก็แค่กอดผมเอาไว้ เราไม่ได้สานต่อเรื่องอย่างว่ากันเสียหน่อย

“เอ่อ...”

“พี่แกล้งหรือคบกันแล้วล่ะ” ทำไมไม้พูดเหมือนเรื่องธรรมดานักล่ะ แถมยังดูสนอกสนใจมากอีกด้วย

“ก็....คบกันแล้ว” ยอมรับออกไปตรงๆ ยังไงนั่นก็พี่ชายมันนี่ ถึงผมไม่พูด ไอ้ต้นต้องพูดแน่ๆ ไม้ได้ฟังแล้วยิ้มกว้าง.

“วันนี้เป็นวันดี ฉลองกันเย้!” เอิ่มไม้ ดูสภาพพี่มึงแล้วมึงจะฉลองไม่ออก

ไม้มันรีบคว้าผ้าขนหนูเดินออกจากห้อง มุ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วอย่างกับรีบไปเรียน อีกอย่างนี่ผมคบกับต้นเอง ไม่ได้กำลังจะแต่งงานกัน จะดีใจอะไรขนาดนั้น แล้วผมเองก็พลอยใจเต้นแรงไปด้วย ตื่นเต้นอะไรกันเรา...ไม่ใช่ป๊อปปี้เลิฟเสียหน่อยนะ

“พี่กับดิวคบกันแล้วแม่!!!” เฮ้ย...ตะโกนอย่างนี้เลยเร้อะ!

ผมสะดุ้งโหยง ได้ข่าวว่ามันไปอาบน้ำ แล้วไหงมาตะโกนบอกคุณน้าแบบนี้เล่า พวกต้นเองก็นอนอยู่ข้างล่าง ตื่นกันหมดแล้วไหมเนี่ย ตายๆ ผมจะทำยังไงดี...ลงไปมองหน้าใครไม่ติดแน่เลยกู แค่ไอ้ต้นคนเดียวก็เขินแย่ล่ะ...ร้องไห้เป็นเด็กน้อยเลยด้วยเมื่อคืนนี้อะ

ไม้อาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ลากผมลงไปข้างล่าง พี่ชายมันและเพื่อนยังหลับเป็นตายอยู่ที่เดิม คุณน้าทำได้แค่ยิ้มบางๆ เวลามองพวกนั้น จะปลุกก็ไม่กล้า เล่นทำงานกันมาทั้งคืนคงเพลียกันเป็นธรรมดา แต่ว่านั่นยิ่งทำให้ผมกลายเป็นเป้าสนใจของไม้และคุณน้าลีลา

ก็...ไม่เชิงโดนสอบสวนหรอก แต่ก็โดนถามถึงเรื่องที่ผมกับไอ้ต้นคบกัน ผมเล่าข้ามๆ นะ ไม่เล่าหมดทุกอย่าง น่าอายไปหน่อยทำใจไม่ได้ คุณน้าและไม้ยิ้มกันตลอด ราวกับมันมีความสุขมากเลยอย่างนั้นแหละ ผมเองก็พลอยยิ้มไปด้วย ก็แล้วจะให้ผมทำหน้าบึ้งหรือยังละครับ...มันเป็นสถานการณ์บังคับน่ะ

“เราไม่ปลุกแบบนี้จะดีเหรอแม่ เดี๋ยวพี่หิวนา...” หลังเรากินข้าวกันเสร็จ ไม้ก็เดินเข้าไปมองหน้าพี่มันใกล้ๆ ผมเองก็เป็นห่วง แต่ไม่กล้าปลุกเหมือนกัน

“ปล่อยพี่เรานอนไปเถอะ แม่ดูแผนรายงานแล้วยุ่งยากอยู่ ดีไม่ดียังไม่เสร็จด้วยนะ” คุณน้าลีลากอดอก มองสภาพลูกชายตัวเอง

“งั้นเดี๋ยววันนี้ไม้ไปช่วยงานแม่แทนพี่ที่ร้านนะครับ” ไม้กอดเอวแม่ตัวเอง

“ก็ดีนะ...ใช้งานเราได้บ้าง”

“ผมไปด้วยสิฮะ” ผมรีบทักท้วง อยากไปช่วยคุณน้าเหมือนกัน

“ไมต้องหรอก หนูดิวอยู่ดีดูแลเจ้าต้นดีกว่า เกิดทำงานโหมมากไปจะแย่เอา หนูก็ห้ามๆ เจ้าต้นหน่อยนะ” คุณน้าลูบหัว พูดเหมือนฝากฝังแบบนี้กดดันเหมือนกัน

“ก็ได้ครับ เอ่อ...แล้วปกติถ้าเป็นแบบนี้ใครดูไอ้ต้นล่ะฮะ” ผมว่ามันต้องไม่ได้หมดสภาพแบบนี้ครั้งแรกแน่นอน

“ก็เราไง ปกติเราดูพี่อะ” อ่อ เป็นไม้นี่เองที่คอยห้ามพี่ชายตัวเอง

ก็ตามนั้นเลยครับ ไม้ไปทำงานที่ร้านกับคุณน้า ส่วนผมอยู่ดูแลต้นที่บ้านแทนไม้ ก่อนไปไม้มีแซวๆ ด้วยว่าต่อจากนี้พี่จะมีคนอื่นดูแลเสียที ลำบากมันมาตั้งนาน โถเพื่อน...ดูแลต้นคงไม่ยากเท่าไหร่มั้ง เห็นมาตั้งแต่เด็ก มันก็เป็นคนง่ายๆ ไม่มีอะไรเยอะ ไม่จุกจิกแต่คงบ้างานไปหน่อย ดูจากสภาพมันตอนนี้สิ หลับแล้วเสื้อก็ไม่ใส่ ผมเดินเข้าไปนั่งข้าง จับมันมานอนหนุนตักตัวเองจะได้ไม่เมื่อยคอ

“อื้ม...” หวา นี่ทำเบามือที่สุดแล้วนะ ต้นดันรู้สึกตัวปรือตาขึ้นมอง

“กูทำมึงตื่นเหรอ...”

“เปลี่ยนคำเรียกดีมะ” ช่วยไปเรื่องเดียวกันที

“เปลี่ยนอะไรอ่า...”

“เปลี่ยนเป็นเรียกพี่ต้นแทนไงครับน้องดิว” หน้าร้อนไม่พอ รู้สึกขนลุกด้วย ไม่ชินกับคำพูดแบบนี้ของมันเลย ถึงจะไม่หวานหรือออดอ้อนเท่าแฟนเก่า แต่แบบ...มันก็หวานสำหรับต้นอะ

“ถ้าบอกว่าไม่...”

“งอนได้ปะละ” ดูหน้าเจ้าตัวสิ งอนได้น่าหมั่นเขี้ยวที่สุด

“ไม่ง้อนะถ้างอน”

“เออ ไม่งอน..ไม่เปลี่ยน ตามนั้น” แล้วต้นก็หลับตานอนต่อ หลับหนีกันง่ายๆ แบบนี้เรียกไม่งอนใช่ไหมครับเนี่ย

ผมไม่คิดจะปลุกมันขึ้นมาเถียงกันต่อ ปล่อยให้มันนอนหนุนตักอยู่อย่างนั้น ส่วนผมขยับเอาคอมพ์มันมาดู มีใบรายงานที่ถูกเขียนแผนผังไว้จำนวนหนึ่ง กับอีกกองหนึ่งที่อยู่ทางขวามือ ผมลองอ่านร่าวๆ กองขวามือนี่พิมพ์เสร็จแล้ว แต่กองซ้ายคือที่ยังไม่ได้พิมพ์ แถมไอ้ที่พิมพ์ไปนี่ก็ถูกบ้างผิดบ้าง คำตกคำหายมั่วไปหมด ทำงานจนตาลายไปแล้วหรือไง

ผมค่อยๆ ไล่แก้งานให้ต้นระหว่างที่มันหลับ ไหนๆ ก็ว่าง ไม่รู้จะทำอะไรก็ทำงานให้มันนี่แหละ ตื่นมาจะได้มีเวลาพักไปอีกสักหน่อย รู้สึกว่ามันดูยุ่งยากกว่าตอนทำให้แฟนเก่าเยอะเลย แฟนเก่าผมอยู่ปีหนึ่ง งานเลยมันเลยไม่วุ่นวายขนาดนี้ละมั้งเนอะ

ทำอยู่สี่ชั่วโมงกว่าๆ งานกองฝั่งซ้ายของมันก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ผมกดเซฟงาน คนตัวผอมๆ ที่นอนบนโซฟาก็สลึมสลือตื่น เขาแตะคนตัวอ้วนที่นอนข้างล่างก่อนเป็นอันแรก แทนที่จะลืมตามองสภาพเพื่อนๆ

“อืม...กูจะนอน” เสียงทุ้มใหญ่ของคนตัวอ้วนดังงึมงำ

“ตื่นเว้ย กูหิว” ถ้าไม่หิวพี่จะไม่ตื่นใช่ไหมครับ

“อืม...” ไอ้ต้นพลิกตัว เอาหน้าเข้าหน้าท้องผมหนีเสียงรบกวน

“อ่า...อรุณสวัสดิ์ครับน้องดิว” คนตัวผอมลืมตาแล้ว เขาลุกนั่งก่อนกล่าวทักทาย ผมส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

“ครับ อรุณสวัสดิ์ตอนเที่ยงครับพี่”

“ฮะ เที่ยงแล้วเหรอ...ตายๆ มิน่าหิวจัง” ตัวผอมๆ แบบพี่ไม่น่าบ่นหิวเป็นคำแรกเลยครับ ไม่เหมาะเลย

“มีข้าวกับข้าวอยู่ในตู้ฮะ พี่เอาไปอุ่นแล้วกินก่อนเลย” คือผมลุกไม่ได้ ไอ้ต้นนอนหนุนตักอยู่ พี่คนนั้นชะโงกมองร่างเพื่อนตัวเองก่อนจะพยักหน้า

“โอเค ขอบคุณมาก” เขาลุกเดินไปเข้าห้องน้ำก่อน น่าจะล้างหน้าล่าตาให้เสร็จแล้วถึงไปกินข้าวละมั้ง

ผมนั่งลูบหัวคนนอนหลับบนตักตัวเองฆ่าเวลา อยากปลุกก็อยากปลุก แต่ก็ไม่อยากรบกวนเท่าไหร่ มันน่าจะไม่ได้นอนเลยแทบทั้งคืน ผมชดใช้เรื่องลงมากวนด้วยการพิมพ์งานให้เรียบร้อยแล้วมันไม่น่างอนผมแน่นอน

กลิ่นอาหารที่ถูกอุ่นด้วยไมโครเวฟ ปลุกคนตัวอ้วนได้ดีมาก เขาค่อยๆ ลุก ไม่ได้มองมาทางผมแต่มองไปทางกลิ่นอาหาร แล้วสัญชาตญาณก็พาร่างใหญ่นั้นไปที่โซนครัว ไอ้ต้นเองก็ขยับตัวแล้วเหมือนกัน มันพลิกนอนหงายดีๆ ทำจมูกฟุดฟิดเพื่อดมกลิ่น นี่เป็นหมาจริงๆ เหรอไงครับ

“ตื่นได้ยัง ไปกินข้าวก่อนค่อยมานอนก็ได้นะ” ผมบอกแม้อีกฝ่ายจะยังไม่ลืมตาขึ้นมา

“กี่โมงแล้ว”

“เที่ยงแล้ว”

“กูนอนตักมึงตลอดเลยปะ ปวดขาไหมเนี่ย...” ต้นลืมตาขึ้นมาสบตาผม

“ปวดสิ แต่ไม่เป็นไร เออ...พิมพ์งานให้แล้วนะ เสร็จเรียบร้อย ตรวจทานให้แล้วด้วย” ผมเสนอผมงานตัวเองด้วยรอยยิ้ม

“โห แฟนใครเนี่ยเก่งชะมัดเลย” หืม...ทำมาปากหวาน

“ไม่ต้องมาหยอด ลุกไปกินข้าวกับเพื่อนเถอะ”

“มึงไม่กินเหรอ ไปกินกับกูดิ เที่ยงแล้วเนี่ย”

“ได้ ลุกสิ” แทนที่มันจะลุก มันกลับพลิกตัวกอดเอวของผมเสียแน่น

เกือบจะหงายหลังลงไปนอนทับกันบนพื้นบ้านอยู่แล้ว ดีที่เพื่อนของไอ้ต้นมันส่งเสียงแซวพวกเราเสียก่อน ไอ้ต้นก็เลยปล่อยผมแล้วเดินไปตบหัวเพื่อนร่างยักษ์ของมันเสียงดังลั่นบ้าน ผมก็อยากจะขำนะ แต่กลัวว่าขำไปแล้วจะกลายเป็นศพ พี่คนนั้นกระโดดทับผมทีเดียวผมคงไส้แตกแน่นอน

ผมมารู้ชื่อพวกเขาจริงๆ ก็ตอนที่ไอ้ต้นมันแนะนำ คนผอมชื่อฝุ่นและคนอ้วนชื่อพิกที่แปลว่าหมู พี่ฝุ่นบอกให้ผมเรียกพี่พิกว่าพี่หมูได้เลยมันไม่โกรธ แต่สายตาที่พี่พิกมองพี่ฝุ่นนี่คือ...พร้อมจะจับพี่ฝุ่นเชือดแล้วอะ กินเมื้อเที่ยงกันเสร็จ ผมอาสาล้างจานชามและเก็บโต๊ะให้ เผื่อพวกเขาจะไปทำรายงานกันต่อ ไอ้ต้นมันขอตัวไปอาบน้ำอาบท่าก่อน ส่วนเพื่อนเขาทั้งสองคนก็อยู่กันชุดเดิม เน่ากันไปข้างละวันนี้

ผมเลือกจะตามไอ้ต้นขึ้นไปข้างบน มีคำถามอยากจะถาม ไม่กล้าถามต่อหน้าคนอื่นอับอายเขาน่ะ มาถึง ไอ้ต้นมันก็อยู่ในห้องน้ำแล้ว ผมนั่งลงมันบนเตียงพลางสำรวจห้องของมันไปด้วย เมื่อเช้าผมรีบลงไปดูมันก็เลยไม่ได้สำรวจห้องนี้เท่าไหร่ ห้องของต้นไม่กว้างมากนัก มีตู้เสื้อผ้าขนาดกลางๆ กับเตียงนอนสองคนทั้งที่มันนอนคนเดียว แล้วก็โต๊ะคอมพ์สำหรับมันนั่งทำงาน พื้นที่ให้เดินมีไม่มาก เหมือนห้องผมนั่นแหละ หมู่บ้านเดียวกันก็เป็นแบบนี้แทบทุกหลัง

“อ่าว...มานอนอ่อยอยู่นี่ได้ไง” แค่เอนหลังรอเองเหอะ ไอ้ต้นใส่แค่ผ้าขนหนูพันเอวเข้ามาในห้อง

“มึงทำรอยบนคอกูทำไม” นี่แหละที่จะถาม ผมลุกขึ้นนั่งพลางมองหน้ามัน

“ทำสัญลักษณ์เอาไว้ไง ว่านี่...ของกู” เอ่อ...มันไม่มีอย่างอื่นที่เป็นตัวบ่งชี้แล้วหรือไงนะ

“อย่างอื่นก็ได้เหอะ” รู้สึกเก้ออีกแล้วเรา

“อย่างอื่น? อะไรวะ...นั่นมันตีสามได้ละมั้งมึง จะให้กูไปหาแหวนจากพงหญ้าหน้าบ้านหรือไง” ไอ้ต้นเดินเข้ามาผลักหัวเบาๆ ผมสวนกลับทันทีจนหลังมันเป็นรอยแดง

“หายกัน..” เป็นรอยเหมือนกันแล้วไง แค่ของมันเป็นรอยตี แต่ผมนี่เป็นรอยดูดคอ คุ้มไหมเนี่ย...

“เล่นแบบนี้เหรอ”

“ใครเล่น...กูไม่ได้เล่นเลยน้า” อย่าจ้องกันด้วยสายตาแบบนั้น หวั่นใจนะเนี่ย

ต้นย่างสามขุมเข้ามาใกล้ เสื้อผ้าก็ยังไม่ใส่แบบนี้ล่อแหลมสุดๆ ผมกระถดตัวหนีมันไปจนติดหัวเตียง ไม่มีทางไปต่อแล้ว ไอ้ต้นคลานมาคร่อมผมเอาไว้ก่อนจะประกบปากลงมาที่ปากของผม ไม่ได้นุ่มนวลแต่ก็ไม่รุนแรงจนน่ากลัว ผมตกใจนิดหน่อย ตั้งตัวไม่ค่อยจะทัน ไอ้ต้นมันดึงขา ลากผมให้ไปนอนอยู่ใต้ร่างของมัน มือที่ว่างจากการค้ำยันตัวเองถูกสอดเข้ามาในเสื้อยืดสีขาว มือต้นเย็นมาก...มันเล่นเอาผมขนลุกไปหมด

“อ๊ะ...อื้ม” เรียวนิ้วเย็นเฉียบสัมผัสเข้ากับยอดอก ผมถึงกับแอ่นร่างตอบสนองมันไปอย่างลืมตัว ไอ้ต้นยกยิ้มพอใจ ทั้งที่มันยังคงตะโบมจูบริมฝีปากของผมเหมือนหิว ผมเป็นฝ่ายสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของมัน จากตอนแรกที่หวาดๆ ตั้งตัวไม่ทัน ตอนนี้ผมเลือกจะคล้องแขนกับคอของมันเอาไว้ แล้วตอบสนองจูบที่เร่าร้อนนี้อย่างเต็มใจ

.....100%....

เฮ้ๆ นี่จะลากเข้าฉาก...ตั้มมมมม ปะเนี่ย น้องดิวเราก็ไม่ย่อยนะ เรื่องแบบนี้ดิวจะสู้ไม่ถอย พอดี...ไม่ใช่สายใส น่อว  :katai3:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 26 - 100% [14/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-09-2017 21:59:22
ชัดเจนไปอีก ต้นจีบแล้วนะดิว
ดิวก็น่ารักนะ แค่ไม่มีใครจูนทางที่ถูก เลยหลงผิด
ไม้ก็เชียร์หนักมาก 5555

แต่ดิวเชื่อเรื่องผิดๆ อยู่บ้างนะ พิสูจน์ว่าอยากทำน่ะ บอกไม่ได้หรอกว่ารักจริง

เป็นแฟนกันแล้ววว จัดพลุค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 26 - 100% [14/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-09-2017 23:17:27
 :ruready
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 26 - 100% [14/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 14-09-2017 23:33:45
หวานกันจังเลยนะครับ,,,
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 26 - 100% [14/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 14-09-2017 23:46:28
 :jul1: :jul1: :jul1: ต้ามมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมกัน -////-
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 26 - 100% [14/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 15-09-2017 00:51:23
ยังคงเป็นเอฟซีน้องไม้เหมือนเดิม ฮ่าๆ

น่ารักมากเลยอ่ะตอนนี้
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 26 - 100% [14/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-09-2017 00:52:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 26 - 100% [14/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-09-2017 02:49:51
เขากินตับกันแล้ว   :oo1: :impress2:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 27 - 100% [15/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 15-09-2017 21:49:17
>>ตอนที่ 27 [100%]<<

“ไอ้ต้นโว้ยยยย ลงมาทำงาน!!!” เสียงทุ้มของพี่พิกดังลั่นขึ้นมาจากชั้นล่าง ผมสะดุ้งหน่อยๆ แต่ไอ้ต้นนี่ถึงกับหัวเสีย

“ไอ้หมูอ้วน มึงจะไปกวนเขาทำไมวะ!” เสียงพี่ฝุ่นดังแว่วตามมา

“กวนอะไร นี่กูรอทำรายงานอยู่นะเนี่ย ไอ้เลวต้น!!! มึงลงมาทำงานเลยนะเว้ย!!!” คนชื่อพิกยังไม่หยุดเรียก

“กูว่ามึงลงไปเหอะ เดี๋ยวบ้านพังนะ” ผมยอมคลายมือออกจากลำคอของมัน

“กูจะลงไปฆ่ามัน” มันว่าเสียงเหี้ยม ลุกออกจากตัวผมไปนี่หน้าตาบอกบุญไม่รับมากๆ

ผมปล่อยให้ต้นแต่งตัว ไม่อยากอยู่มองเดี๋ยวอะไรๆ มันจะเลยเถิด แต่ผมก็ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก ยืนรอมันอยู่หน้าห้องเนี่ยแหละ ไม่นานต้นก็ออกมา มันสวมเสื้อวงร็อกแขนกุดสีดำและกางเกงขาสั้น เจ้าตัวดุ่มๆ ลงไปชั้นล่างไม่รอผมเลยครับ

“กูพยายามห้ามแล้วนะ” พี่ฝุ่นรีบออกตัวก่อนทันที

“ห้ามเพื่อ? มึงไม่รีบทำงานกันหรือไง พวกกูละอยากกลับไปนอนใจจะขาดแล้วเนี่ย” แต่พี่พิกก็ดูจะไม่เข้าใจอะไรเลย

“มึงอย่าอยู่เลยไอ้พิก!” ไอ้ต้นมันเดินเข้าใส่ กระโดดล็อกคอเพื่อนตัวเองแล้วจี้เอว

เออ...มันก็มีมุมแบบนี้เหมือนกันเนาะ

ผมรีบหลบไปอยู่ในจุดปลอดภัย ลากเก้าอี้กินเข้ามานั่งมองไอ้ต้นปราบยักษ์ พอมันล็อกคอแล้วจี้เอวพี่พิกแล้ว พี่พิกก็หัวเราะ เขาดิ้น สะบัดจนไอ้ต้นมันหล่นไปตรงโซฟา พี่พิกไม่รอช้า เข้าไปทิ้งร่างทับไอ้ต้นทันที โอย...ผมเจ็บแทน ไส้แตกไหมเนี่ย ถ้าเกิดไส้แตกม้ามแตกไรขึ้นมา พามันไปหาหมอเลยนะ ผมไม่รู้ไม่ชี้นะเว้ยเฮ้ย

“มึงหาเรื่องกูทำไมต้น” พี่พิกตามเสียงเข้ม

“มึงอะแหละ ขัดความสุขกู” ไอ้ต้นก็เค้นเสียงตอบ

“ขัดอะไรวะ? มึงแค่ขึ้นไปอาบน้ำ กูเห็นว่านานเลยตาม เป็นบ้าอะไรของมึง” คือพี่พิกไม่รู้นี่เอง

“ต้นมันสวีตกับแฟนอยู่...” พี่ฝุ่นส่งซิกมาทางผม

“แฟน?” พี่พิกงงใหญ่

“เออ เมื่อเช้ากูได้ยินแว่วๆ ใครตะโกนว่าดิวคบกับต้นแล้ว ใช่ปะวะ กูหูไม่ฟาดใช่ป่ะ” อ่อ เมื่อเช้าไม้มันตะโกนไง ผมนึกว่าหลับสนิทกันหมด

“งี้เมื่อกี้...” พี่พิกมองผมกับไอ้ต้นสลับกัน แล้วยิ้มกรุ่มริ่ม

“โทษทีเพื่อน กูไม่รู้ แฮ่ๆ” ท่าทีเปลี่ยนไปเลยครับแต่ไอ้ต้นยังโกรธอยู่ เรียกว่าพี่พิกแทรกเข้ามาตอนกำลังเข้าได้เข้าเข็มสุดๆ ไปเลยครับ ผมเองยังเซ็งหน่อยๆ เลยเอาจริง

ไอ้ต้นมันลงโทษเพื่อนด้วยการให้พี่พิกทำงานมากสุด ตามด้วยพี่ฝุ่นและมันสบายสุดๆ ชี้นิ้วสั่ง แต่พอเริ่มลงมือทำกันจริงๆ ก็เห็นว่างานในส่วนที่ต้องพิมพ์ลงคอมพ์เสร็จหมดแล้ว ไอ้ต้นมันเป็นคนบอกเพื่อนมันว่าผมทำ พี่เขาเลยแทบจะก้มกราบ แถมยังมาชวนผมไปช่วยทำงานอีก เห็นว่ามีอีกส่วนที่ต้องทำให้เสร็จ ผมก็ยินดีช่วยครับ ไม่มีปัญหาอยู่แล้วผมว่าง แต่ผมแค่ช่วยพิมพ์เท่านั้น ไม่ได้ช่วยหาข้อมูลแล้วทำสรุปอะไรให้ ความรู้ไม่ถึงอันนี้ต้องเขาใจกันนิดหนึ่งเนาะ

เราทำงานลากยาวไปยันพระอาทิตย์ตกดิน ทำไปเล่นไปเสียด้วยนะไอ้พวกนี้เนี่ย ผมไม่กล้าว่าอะไรพวกเขา ยังไงก็รุ่นพี่อะครับ โชคดีที่งานเหลือไม่เยอะมากก็เลยเสร็จเร็ว ไม่ต้องโต้รุ่งกันไปอีกหนึ่งคืน แต่แทนที่ทำงานเสร็จพวกเขาจะรีบพักผ่อน กลับควักมือถือออกมากดเข้าเกมพร้อมกันทั้งสามหน่อ ไอ้ต้นจับผมนั่งตักดูมันเข้าเกมที่กำลังฮิตอยู่ในขณะนี้ แต่สะกิดใจคือ...มึงจะเล่นเกมทั้งที่หน้าจอมึงแตกเนี่ยนะต้น ผมพอเดาได้ลางๆ แหละว่าทำไมถึงแตก...ถ้าคิดไม่ผิดก็คงตั้งแต่วันที่มันโดนพี่โอมกระทืบ มือถือที่ผมได้มาจากมันก็เงินแม่ แทนที่จะซื้อให้ตัวเองกลับซื้อให้ผมแทน...

“มึงติดเกม” ผมว่าเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน

“นิดดียวเอง เล่นเกมส์นี้แล้วเดี๋ยวเลิก” ว่าจบมันก็หอมแก้มผม

“เฮ้ยๆ อย่าหวานมาก คนโสดสองคนนี้อิจฉาสัตว์อะ” พี่พิกต่อว่าเข้าให้ แต่คนอย่างไอ้ต้นหรือจะสะทกสะท้าน มันกลับหอมแก้มผมรัวๆ ไปหลายฟอด แกล้งให้เพื่อนตัวเองอิจฉาตาร้อนผ่าว ไม่ใช่แค่เพื่อนมัน ผมก็ด้วย ไม่คิดเอาไว้เลยว่ามันจะเป็นคนอย่างนี้ เอะอะก็หอมเอะอะก็จูบตลอด

“เตะแม่งออกทีมดีไหม” พี่ฝุ่นว่าเสียงเขียว

“ใช่ๆ เตะแม่งออกทีม” พี่พิกก็ร่วมด้วย แต่ไอ้ต้นมันไม่สนใจ มันขำเป็นบ้าเป็นหลังที่เห็นว่าตัวเองสามารถแกล้งเพื่อได้ ขี้แกล้งจริงๆ เลย

เหมือนว่าพวกเขาจะนั่งรอคนเข้าทีมให้ครบกันอยู่สักพัก ไม่นานเกมก็เริ่ม ผมนั่งมองหน้าจอที่อยู่ไม่ไกลตา ไม่เข้าใจตัวเกม เล่นยังไงก็งง ได้แต่นั่งอยู่บนตักไอ้ต้นแบบนั้น มันส่งเสียงดังเมื่อทีมเข้าสู่ตัวเกมส์ ด่าเพื่อนด่าคนในทีมที่ทำหน้าที่ได้ไม่ดี แล้วใช่ว่าเพื่อนเขาจะเงียบ พี่พิกและพี่ฝุ่นด่ากลับไม่แพ้กัน ทว่าเมื่อคนในทีมออนไลน์คนหนึ่งตอบกลับมา พี่พิกเปลี่ยนเป็นเสียงหวาน เพราะเขาคนนั้นเป็นผู้หญิง

“หายนะแล้วไอ้ต้นเอ้ย” พี่ฝุ่นว่า ตายังไม่ละออกจากหน้าจอ

“ถ้ามึงตามแครรี่แต่ตัวนั้นนะ มึงตายไอ้พิก” ไอ้ต้นข่มขู่

“ไรว้า น้องเขาเพิ่งเล่นเองนี่มึง”

“อย่ามาอ้าง” เสียงไอ้ต้นโหดมาก นี่จริงจังกับเกมกันเกินไปหรือเปล่า ที่ตอนทำรายงานไม่เห็นจริงจังกันมากขนาดนี้เลยนะเว้ย

ผมนั่งมองเกมนิ่งๆ อยู่อย่างนั้นจนกระทั่งทีมแพ้ ต้นมันให้ผมลุกออกจากตัว แล้วการตะลุมบอลก็เกิดขึ้น พี่ฝุ่นและไอ้ต้นรวมหัวกันยำพี่พิก ผมไม่เข้าใจ รู้แค่พี่เขาทำให้ทีมแพ้ และสาเหตุก็เพราะพี่พิกเอาแต่ตามปกป้องผู้หญิง ไม่ยอมปกป้องป้อมของตัวเอง

ผมรีบพาตัวเองไปอยู่ให้ห่างจากพายุลูกนี้ พวกผู้ชายแกล้งกันรุนแรง เกิดผมซวยโดนลูกหลงไปด้วยมีหวังเจ็บหนักแหง แต่ถึงแม้ไอ้ต้นและพี่ฝุ่นจะรุมยำพี่พิก ทว่ากลับพ่ายแพ้ไปอย่างน่าอนาถ นั่งหอบเป็นหมาหอบแดดกันทั้งคู่ พี่ยักษ์เรายืนจังก้า หัวเราะให้กับชัยชนะของตัวเอง ผมก็พลอยขำกับเขาไปด้วยนั่นแหละ ตลกดีนะ

สนุกกันหอมปากหอมคอแล้วก็ช่วยกันเก็บข้าวของ ไอ้ต้นจะพาพี่พิกและพี่ฝุ่นไปกินข้าวที่ร้านก่อนจะพาไปส่งบ้าน พวกนี้ดีใจใหญ่ได้กินข้าวฟรี ระหว่างขับรถ ไอ้ต้นก็โทรไปบอกแม่ว่ากำลังจะไปที่ร้าน ทำรายงานเสร็จแล้วพาเพื่อนไปกิน ซึ่งคุณน้าก็ตอบรับกลับมาด้วยความยินดี

กว่าความสงบจะมาเยือนก็เกือบสามทุ่ม ตอนนี้กำลังกลับไปที่บ้านหลังส่งพี่ฝุ่นเป็นคนสุดท้าย ได้มองหน้าไอ้ต้นตอนเพื่อนๆ ไม่อยู่แล้วก็เห็นว่ามันค่อนข้างเพลียทีเดียว นอนไม่พอ แถมยังต้องทำงานหนักอีก

“เดี๋ยว มึงจะแวะไปไหนเนี่ย” เห็นมันเลี้ยวเข้าห้างแล้วผมก็งง นี่มันดึกแล้วนะ

“ไปหาซื้อของหน่อย” หาที่จอดไม่ยากเพราะนี่มันดึกแล้ว ห้างกำลังจะปิดอีกไม่นาน

ผู้คนแทบไม่มี ร้านต่างๆ แทบจะปิดกันหมด ไอ้ต้นรีบลากผมไปหาของที่มันต้องการโดยที่มันไม่ได้บอกอะไรผมเลย ผมก็ต้องเดินตาม ก้าวยาวๆ เพื่อให้ทันคนตัวสูงอย่างมัน เดินกันอยู่นาน ในที่สุดมันก็หยุดเสียที แต่ดันมาหยุดที่หน้าร้านทองเนี่ยนะ...

“มาทำอะไรกันที่นี่วะ” ผมเงยหน้ามอง ไอ้ต้นมันยิ้ม พาผมเข้าร้าน

“เอ่อ...ขอดูแหวนครึ่งสลึงค์หน่อยครับ” อย่าบอกนะว่าจะซื้อให้ เดี๋ยวนะ...ไม่เคยมีคนให้แหวนทองมาก่อน

“จะซื้อไปทำไร”

“ซื้อให้แฟน” ไอ้บ้า แฟนมึงก็กูนี่ไง ผมเม้มปาก รู้สึกเก้อจนทำหน้าไม่ถูก

พนักงานหยิบถาดแหวนขึ้นมา แค่บอกว่าตรงไหนคือครึ่งสลึงค์ ไอ้ต้นมันก็เอื้อมมือไปหยิบแหวนเกลี้ยงๆ ขึ้นมาดูทันที แต่ดูด้วยตาเปล่ามันไม่ได้เรื่องไง ต้องเอานิ้วนางข้างซ้ายของผมมาลองสวมด้วย พี่พนักงานก็ใจดี ช่วยดูขนาดให้ว่านิ้วผมใส่ประมาณไหน

“นี่ค่ะ เบอร์ห้าน้องน่าจะใส่ได้” หากันสักพัก พี่พนักงานก็ดูไซซ์ให้ผมจนได้

“ไหนลองดิ้” ต้นมันเอาแหวนเกลี้ยงที่เขาเรียกว่าลายปลอกมีดมาลองสวมนิ้วนางข้างซ้าย มันหลวมนิดหน่อย แต่ลองเบอร์สี่ไปแล้วมันคับเกิน

“เอาวงนี้ครับ” ตัดสินใจเองเสร็จสรรพด้วยเป็นไงล่ะ ต้นมันล้วงหยิบกระเป๋าตังขึ้นมานับเงินสดจ่ายพี่พนักงาน

ผมนี่ใบ้รับประทานมาก พูดอะไรไม่ออก คนเจ้ากี้เจ้าการคือร่างสูง ที่จริง...ผมเคยอยากสวมแหวนคู่กับแฟนตัวเอง แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครยอม แม้ผมจะซื้อให้อย่างดี แต่พวกเขาก็หาข้ออ้างมาตลอดว่าไม่ชอบบ้างล่ะ ไม่อยากใส่บ้างล่ะ แพ้โลหะบ้างล่ะ ถึงแม้พวกเขาจะซื้อแหวนให้ผม แต่พวกเขาไม่เคยยอมใส่คู่กัน ตอนนี้ต้นมันซื้อให้ ผมดีใจมาก ติดอยู่อย่างเดียว...

“ทำไมให้กูใส่แค่คนเดียวละ...” หรือมันไม่อยากใส่แหวนคู่กับผมเหมือนคนอื่นๆ

“ไม คิดว่ากูไม่อยากใส่คู่เหรอ” ผมพาเดินออกมาจากร้านที่กำลังปิด ผมเงยหน้ามองตามัน

“ใช่”

“เฮ้ย...ไม่ใช่แบบนั้น เงินไม่พอ” แล้วมันก็เปิดประเป๋าตัวเองให้ผมดู ตอนนี้มันเหลือเงินห้าร้อยบาทติดกระเป๋า

“ถ้ากูซื้อให้...มึงจะใส่ไหม” หัวใจผมเต้นระรัวมาก กลัวคำตอบอยู่หน่อยๆ หวังว่ามันจะไม่ปฏิเสธผมนะ

“ต้องซื้อให้ใหม่นะ ไม่เอาที่เคยให้คนอื่นมาให้กูนะ...”

“บ้าเหรอ ใครจะทำแบบนั้น”

“พูดไว้ก่อน กูเองก็กลัวเหมือนกัน...” หน้าตากวนตีนแบบนี้ไม่น่ากลัวได้

“กลัวอะไรวะ”

“กลัวมึงเห็นกูเป็นตัวแทนของใคร” แค่นี้อะเหรอที่กลัว ผมกอดแขนของมันก่อนจะช้อนตามอง

“ไร้สาระ มึงจะเป็นตัวแทนใครได้ แฟนเก่ากูไม่มีใครปากแบบมึงสักคน แต่มึงเหอะ...กูซื้อให้แล้วก็ช่วยใส่ด้วยนะ” พอพูดจบ ไอ้ต้นก็ยีหัวผม

“แน่นอน ต้องใส่อยู่แล้ว” เห็นหน้าตายิ้มแย้มของมันแล้วหมั่นไส้ชะมัดเลย

เรากลับมาถึงบ้านตอนสี่ทุ่มกว่าๆ ไอ้ต้นรีบเข้าไปบอกคุณน้าทันทีว่าผมจะซื้อแหวนให้ นี่เรื่องราวการคบของเราผู้ใหญ่รู้เลยอย่างนี้มันดีใช่ไหม แล้วผมก็เพิ่งรู้ว่าเงินที่ต้นมันเอามาซื้อแหวนให้เป็นเงินเก็บของมันเอง ถึงคุณน้าจะมีเงินเยอะ เป็นเจ้าของธุรกิจ แต่ไอ้ต้นก็ไม่ได้เอาเงินแม่ตัวเองมาใช้สุรุ่ยสุร่าย ต่างจากแฟนเก่าของผมทั้งหมด พวกเขามีเงินมาเลี้ยงดูผม ทว่าเงินพวกนั้นกลับเป็นเงินพ่อแม่ ผมก็ไม่ว่าหรอก ผมเองซื้อของให้แฟนก็ใช้เงินพ่อแม่เหมือนกัน...

“แม่คร้าบ…” ไอ้ต้นลากเสียงอ่อนเสียงหวาน เอาหัวถูไถไหล่คุณน้าราวกับอ้อนขอ ผมนั่งข้างไม้ เราสองคนมองผู้ชายร่างใหญ่แต่มุ้งมิ้ง

“อะไรครับคุณลูก”

“ให้ดิวมานอนกับผมนะ” เอิ่ม...เรื่องนี้ควรปรึกษาผมก่อนนะ คุณน้ายิ้มขำ ท่านเขกหัวลูกชายตัวดีไปหนึ่งที

“ไม่ได้ หนูดิวเป็นลูกแม่ ต้องนอนกับแม่เท่านั้น”

“ไรอ่า...แฟนกันต้องนอนด้วยกันสิครับแม่” ไอ้ต้นยังไม่ลดความพยายามในการอ้อนขอ

“โอ๊ะ ยิ่งไม่ได้เลย เดี๋ยวหนูไปอะไรน้องดิวทำไงล่ะ” อ่า...คุณน้าพูดตรงไปจนผมหน้าร้อนเลยแหะ

“ต้นไม่ทำหรอก แค่นอนกอดกัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนั้นเนี่ยนะ พูดไปใครจะเชื่อ

“เหรอ ไอ้นอนกอดกันเนี่ยตัวดี กอดไปกอดมา เสร็จกันเฉย” เอาเข้าไป ผมจะบึ้มตัวเองทิ้งได้แล้ว ไม้นี่ไม่ขงไม่เขินกับเขาบ้าง มันนั่งขำคิกคักคนเดียวเนี่ย

“แหงะ แม่ไม่เชื่อใจต้นเหรอครับ”

“ใช่ครับ แม่ไม่เชื่อใจต้นครับ” ชัดเจนครับผม ไอ้ต้นได้แต่หันมามองผมตาละห้อย เรื่องนี้ผมไม่รู้ไม่ชี้ครับ ไม่เกี่ยวข้องด้วยใดๆ ทั้งสิ้น

คุณน้าดึงผมมานั่งเคียงข้างอีกฝั่ง ผลักไสไอ้ต้นให้ลงไปอยู่ข้างล่าง แต่ไอ้ต้นก็งอแงไม่ยอมลงไปง่ายๆ มันยังอ้อนขอคุณน้าเรื่องให้ผมนอนกับมันอยู่นั่น มันเล่นใหญ่ขนาดลงไปนั่งที่พื้นแล้วเอาหัวถูไถขาแม่ตัวเองแล้ว

“ฝันไปได้เลยต้น...แม่ไม่ปล่อยเนื้อชิ้นงามให้เข้าไปอยู่ในอาณาเขตของเสือหรอก น้องดิวก็ต้องระวังนะลูก อย่าไปหลงคารมเจ้าต้นมัน เดี๋ยวเสร็จมันไม่รู้ตัว” ผมเกือบแล้วครับ..เกือบไปสองรอบสามรอบแล้วครับ

“โห่แม่...”

“ไว้น้องเข้ามหาลัยได้ค่อยนอนด้วยกัน...เอ๊ะ หรือควรเรียนจบก่อนดี ต้องเรียนจบก่อนสิเนอะ” ไอ้ต้นตาโต มันโอดครวญเหมือนจะตายให้ได้ อ้อนแม่ไม่เป็นผลเอาเสียเลย น่าสงสารอะ ไว้แม่ไม่อยู่แล้วผมจะปลอบใจนะ ฮิๆ

....100%....

ไม่ได้กินตับกันง่ายหรอก อิอิ สวีตหวานกันรอไปก่อนนะจ้ะหนุ่มๆ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 27 - 100% [15/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-09-2017 22:09:54
แม่ไม่ให้นอนด้วยกัน ก็มีที่ให้สวิตอีกหลายห้องนิหลานต้น  :m26: :m11:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 27 - 100% [15/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 15-09-2017 22:11:45
กว่าจะถึงตอนนั้น พี่ต้นคงทบต้นทบดอก ไปหลายรอบล่ะดิวเอ้ยยยย 555555
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 27 - 100% [15/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 15-09-2017 22:12:25
คุณแม่น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 27 - 100% [15/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-09-2017 22:21:31
มีความสุข
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 27 - 100% [15/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 15-09-2017 23:42:57
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

พี่ต้นอดค่ะงานนี้ ก้างชิ้นโตเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 28 - 100% [16/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 16-09-2017 20:37:23
>>ตอนที่ 28 [100%]<<

คุณน้าตัดรำคาญไอ้ต้นด้วยการพาผมขึ้นห้องนอน สั่งห้ามต้นเข้ามายุ่งเด็ดขาด จะสวีตกันอย่างไรไม่ว่า แต่ห้ามบุกรุกเข้ามาและห้ามผมออกไป ผมสังเกตว่าคุณน้าไม่ได้จริงจังในการสั่งลูกชายและผมเท่าไหร่นัก เหมือนแค่เล่นกันขำๆ แต่ก็ไม่รู้สิ...ผมอยากไปนอนกับไอ้ต้นเหมือนกันนะ

ระหว่างนอนเล่นอยู่ ผมก็คิดไปด้วยว่าจะแอบออกไปนอนห้องเจ้าต้นดีไหม ไปเคาะห้องมัน มันคงยืนดีต้อนรับผมอยู่แน่ๆ แต่มองหน้าคุณน้าแล้วผมก็ไม่อยากขัดคำสั่งเท่าไหร่ คุณน้าลีลาเห็นว่าผมยังไม่ยอมหลับ เธอเลยลูบหัวผมเบาๆ เหมือนกล่อมให้หลับได้แล้ว ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ความรู้สึกที่ได้รับจากคุณน้าสามารถปัดเป่าความฟุ้งซ่านของผมไปได้ และผมก็สามารถหลับลึกโดยใช้เวลาแค่ไม่นาน

ตอนเช้าคุณน้าลีลาไม่ได้ให้ใครไปปลุกไอ้ต้น โต๊ะอาหารในเช้าวันนี้เลยมีเราแค่สามคนเท่านั้น และวันนี้ไม้ก็จะไปช่วยงานคุณน้าที่ร้านอาหาร ผมอยากไปนะ แต่ก็อยากอยู่กับไอ้ต้นมันด้วย นี่ยังคิดเลยว่ากินเสร็จจะขึ้นไปนั่งเล่นในห้องมัน...

“น้องดิวอยู่บ้านเฝ้าเจ้าต้นมันละกันลูก” คำพูดที่รู้ใจมากๆ ทำเอาผมสะดุ้งไปหน่อย ตกใจน่ะครับ

“อ่า..ครับ”

“ระวังโดนกินนะดิว พี่เรามันเสือหิว..ไม่สิ มันโหยเลยแหละ” ผมหน้าแดงไปหมด พยักหน้ารับแกนๆ ไม่กล้าสบตาใคร

“ไม้นี่ก็ไปแซวเพื่อน  แต่น้าเห็นด้วยกับเจ้าไม้นะ น้องดิวก็ไม่ต้องไปหลงคารมมันหรอก เรื่องแบบนั้นไม่จำเป็นเสมอไป...”

“จริงเหรอครับ” ผมอายนะที่ต้องพูดเรื่องแบบนี้กับผู้หญิง แต่ดูเหมือนคุณน้าจะเป็นคนเดียวที่ผมพูดเรื่องนี้ด้วยได้

“จริงสิจ้ะ เซ็กส์เป็นเพียงองค์ประกอบของคู่รัก ไม่ใช่หลักของความรักนะลูก” เขินหนักเข้าไปอีก เพื่อนผมพูดตรงๆ แบบนี้บ่อย แต่เจอผู้ใหญ่พูดแบบนี้ผมไม่ชินเลย ไม้เห็นผมหน้าแดงมันก็ขำ มันน่าขำตรงไหน เรื่องแบบนี้เขาพูดกันตรงๆ อย่างนี้เหรอไง

“หนูเขินเหรอ ฮ่าๆ ธรรมดา แรกๆ เจ้าต้นเจ้าไม้ก็เขินน้า เดี๋ยวก็ชินไปเองลูก มันเป็นเรื่องธรรมชาตินะ อีกอย่าง การพูดเรื่องแบบนี้กันตรงๆ น้าว่ามันดี จะได้ไม่ต้องไปหาคำตอบเอาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ที่สำคัญ...น้าไม่ได้สั่งห้ามเด็ดขาดว่าอย่านะ ห้ามนะ แต่น้าแค่อยากให้เราให้ความสำคัญกับการดูแลเอาใจใส่กันและกันมากกว่าเรื่องอย่างว่า” คุณน้าลีลาพูดปกติมาก และไม้ก็นั่งฟังเฉยๆ ไม่มีอาการใดๆ มีแค่ผมคนเดียวที่เก้อเขินกับสิ่งที่คุณน้าพูด

“ครับ” ขานตอบเสียงเบาหวิว คุณน้าเอื้อมมือมายีหัวผมก่อนจะเก็บจานข้าวของตัวเอง

ผมและไม้ก็กินเสร็จกันแล้ว พวกเราแบ่งกันล้างจานและเก็บโต๊ะ ส่วนคุณน้าขึ้นไปเอากระเป๋า ผมส่งทั้งสองขึ้นรถ ยืนมองจนกระทั่งพวกเขาไปแล้วถึงได้ปิดรั้วบ้านให้ ตอนนี้ในบ้านมีแค่ผมกับไอ้ต้น ถึงจะรู้แปลกๆ ไปหน่อย ใจสั่นไปนิด แต่ผมก็เดินขึ้นมาที่ห้องของมันเสียแล้ว

ลองบิดลูกบิดดู ปากฎว่าต้นไม่ได้ล็อกห้อง เหมือนครั้งก่อนๆ ที่สามารถเปิดเข้าไปในได้เลย ผมเปิดมันเบาๆ ไม่ให้รบกวนคนตัวใหญ่ เจ้าต้นนอนคว่ำถอดเสื้ออยู่บนเตียง มากี่ทีก็ไม่เห็นมันใส่เสื้อนอนเลยแหะ ขี้ร้อนหรือก็ไม่ ดูมันห่มผ้าสิ แบบนั้นเรียกหนาวต่างหาก

ผมถือวิสาสะนั่งลงที่ข้างเตียง มองเสี้ยวหน้ายามหลับของมันยิ้มๆ ดูไปดูมาไรหนวดมันก็เริ่มจะขึ้นแล้วนะ ผมเคยเห็นต้นไว้หนวดสมัยตอนยังเรียนอยู่ประถม ผมนะประถม ไอ้ต้นมันเรียนมัธยมหนึ่ง ผมว่าตอนนั้นมีหนวดมันก็หล่อเข้มดีเหมือนกันนะ จำได้ว่ามันห้าวมาก ไม่ค่อยกลับบ้านตรงเวลานักหรอก ชอบไปสิงอยู่ตามร้านเกมกับเพื่อนๆ ที่ผมรู้ก็เพราะมาเล่นกับไม้ทุกวัน

ตอนนั้นนี่คุณน้าบ่นมันตลอด ทำไมเกเร ทำไมดื้อ ทำไมไม่ตั้งใจเรียน ไอ้ต้นก็ลอยหน้าลอยตา หอมแก้มแม่แล้วหนีขึ้นห้องทุกที เป็นประจำทุกวัน เรียกว่าภาพชินตาก็ได้ แล้วบางทีนะ ถ้าคุณน้าลีลาไม่อยู่ ไอ้ต้นมันจะอยู่แกล้งผมก่อนหนีขึ้นห้องทุกที

แต่ตอนนี้ผมมีโอกาสเอาคืนแล้วนี่นา...ไม่ดีกว่า ปล่อยให้มันนอนเถอะเนอะ อุตส่าห์ตั้งใจทำรายงานจนอดหลับอดนอนขนาดนั้น มันควรได้รับการตอนหลับเต็มตื่นเป็นรางวัล ผมค่อยๆ เอนตัวให้เบาที่สุดเพื่อจะได้นอนข้างมันแล้วมันไม่ตื่นขึ้นมา

“อ้ะ...” แต่มันคงเบาไม่พอ ไอ้ต้นถึงรวบร่างผมเข้าไปกอดได้เร็วขนาดนี้ หัวยังไม่ถึงหมอนเลย

“กี่โมงแล้ว...” เจ้าตัวครางถามเสียงยานคาง ไมลืมตามอง มันเล่นนอนคว่ำซุกหน้ากับซอกคอผม

“รู้ไปทำไมล่ะ นอนไปเหอะ” ตอนนี้หัวใจผมเต้นแรงมาก แค่หันหน้าไปด้านข้าง แก้มเราก็ชนกัน

“อยากรู้ไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้ นอนเลย” ผมทำอย่างที่คุณน้าลีลา คือลูบหัวไอ้ต้นมันเบาๆ มันปรือตามองนิดหน่อย

“กล่อมแฟนทุกคนแบบนี้ปะ” ส่ายหัวดิก

“เปล่า ไม่เคย” ไม่เคยได้อยู่กล่อมใครทั้งนั้น ทำอย่างว่ากันจนหลับกันไปข้าง ตื่นมาโชคดีก็เจอหน้ากัน โชคร้ายเขาก็กลับไปแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะโชคร้ายอะนะ

“รู้สึกพิเศษโคตรๆ” มันว่าแล้วก็นอนต่อ

ผมลูบหัวไอ้ต้นจนรู้สึกว่ามันหลับสนิทถึงได้หยุดมือ เอาแก้มตัวเองวางบนแก้มของมันแล้วหลับตาลงบ้าง ผมไม่ได้ง่วง ไม่รู้สึกอยากหลับแต่อยากนอนอยู่กับมันแบบนี้ไปนานๆ ถ้าผมบอกว่าผมชอบที่จะนอนกอดกันเฉยๆ มากกว่าทำกิจกรรมเข้าจังหวะ มันจะเบื่อผมไหม มันจะเชื่อหรือเปล่าดีกว่า ในเมื่อเห็นผมเอาแต่ทำแบบนั้นอยู่ตลอดกับเหล่าแฟนเก่า

อันที่จริงเราก็เกือบจะทำกันอยู่แล้วหลายครั้งนี่นะ แค่เกือบอะ มีเรื่องมาขัดขวางตลอดเลย ถ้าตื่นมามันคงมีแรงมากแน่ๆ แล้วผมก็ไม่น่าจะรอดพ้นเงื้อมมือของไอ้ต้นมัน ไม่มีใครมาขัดขวางเราเหมือนครั้งที่แล้วมา ทางสะดวกมากขนาดนี้ต้นไม่ปล่อยเอาไว้แน่นอนเลยล่ะครับ

อ่า...คิดแล้วก็ใจสั่นไปหมด

ไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าต้องมีอะไรกับไอ้ต้น คนที่เห็นกันมาตั้งแต่มันแก้ผ้ากระโดดน้ำสระในหมู่บ้าน โหย ตอนนั้นนี่คุณน้าต่อว่ามันยกใหญ่ เขาให้สุดว่ายน้ำก็ไม่ยอมใส่ บอกมันรัดไข่ไม่ชอบ นึกแล้วก็ฮา ปัญญาอ่อนจริงๆ มันในตอนนั้น ส่วนผมกับไม้ก็หัดว่ายน้ำด้วยกัน มองดูมันวิ่งเล่นอยู่รอบสระกับเพื่อนวัยเดียวกัน เมื่อก่อนผมกับไม้เป็นเด็กหงิมๆ ด้วยกันทั้งคู่ เราเลยอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติ ไอ้ต้นมันคอยปกป้องไม้เวลาเพื่อนมันจะมาแกล้ง แต่มันดันแกล้งผมเสียงเอง แถมยังมีหน้ามาบอกว่ามันมีสิทธิ์ผูกขาดในตัวผมคนเดียวเสียด้วย

ตอนนั้นผมไม่เข้าใจคำว่าสิทธิ์ผูกขาดคืออะไร แต่ก็ไม่มีใครแกล้งผมนอกจากมัน ที่จำแม่นมากคือตอนนั้นเราไปเล่นกันที่สวนสาธารณะ คุณน้าซื้อแฮมเบอร์เกอร์มาให้ละมันมีซอสพริก ผมเป็นคนกินเผ็ดไม่ได้เลยตอนเด็กๆ แต่ไอ้ต้นมันแอบใส่ซอสพริกลงไปในแฮมเบอร์เกอร์ของผมแล้วผมไม่รู้ ผมกินมันเข้าไป เผ็ดจนร้องไห้ แทนที่มันจะสงสาร มันกลับหัวเราะผมแล้วก็บังคับให้ผมกินให้หมด ผมไม่กิน วิ่งไปฟ้องคุณน้า มันก็เลยโดนตี ตอนมันโดนตีมันร้องไห้ขี้มูกโป่งเลยล่ะ ผมนี่หัวเราะเยาะมันจะเป็นจะตายเพราะหายเผ็ดแล้ว

นั่นยังน้อย มันแกล้งผมบ่อยมากจนจำแทบไม่หมด ผมรู้แต่เวลานึกถึงหน้ามันหรือได้ยินชื่อมัน ผมจะนึกออกแค่มันชอบแกล้ง แล้วก็ปากหมาโคตรๆ ไอ้ต้นมันดีกับน้องของมันแค่คนเดียวอะตอนเด็ก นอกนั้นมันไม่ยอมใครเลย หัวหน้ากลุ่มเนี่ยมันก็ต้องเป็น ไม่งั้นมันต่อยปากแตก ไม่มีใครกล้าหือกับมัน ทุกคนบูชามันและกลัวมันมาก แต่ก็นั่นแหละ...มันโดนตีบ่อยมากไม่แพ้ความกร่างที่ตัวมันมีเลย

ผมยังเคยคิดเลยนะว่า ชาตินี้คงไม่มีวันได้ญาติดีกับมันหรอก เกลียดขี้หน้ากันขนาดนั้น บางครั้งก็แปลกใจว่าทำไมต้องคอยเอาแต่แกล้งผมด้วย ผมไม่เคยทำอะไรให้มันเลยนะ จองล้างจองผลาญกันอย่างกับผมไปเผาบ้านมันทิ้ง ผมเคยถามด้วยว่าทำต้องแกล้ง แต่มันลอยหน้าลอยตาแล้วบอกสนุกดี น่าเกลียดมันไหมล่ะ คิดแล้วก็มองดูหน้ามันตอนนี้ เอาคืนสักทีผมจะโดนดีกลับไปนะ

“อื้อ!” จู่ๆ วงแขนของต้นก็รัดแน่นขึ้น พร้อมกับที่มันเงยหน้าขึ้นมาจูบปากผมด้วย

“นอนจ้องกันอยู่ได้...คิดอะไรไม่ดีเปล่าเนี่ย” คิด คิดเยอะมากด้วย

“ปล่อยดิ...แน่นไปอะ” ผมบอกเสียงเบา

“บอกมาก่อนว่าลืมตามามองหน้ากูนี่มีอะไร” นี่แสดงว่านอนมองมาตลอดหรือไง

“รู้ได้ไงล่ะ”

“ก็เห็น”

“เห็นอะไร หลับอยู่ไม่ใช่ไง” ต้นฉีกยิ้มเจ้าเล่

“หลับ...ซะทีไหนละ” แล้วมันก็ขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้ทั้งตัว แต่ไม่ได้เทน้ำหนักลงมามากให้อึดอัด

“อ่า...”

“บอกมาซิ ว่าจู่ๆ ลืมตามองกูนี่มีอะไร” รอยยิ้มเจ้าเล่กับใบหน้าที่อยู่ใกล้กันขนาดนี้ ทำเอาผมใจสั่นไปหมด ผมเม้มปาก พยายามจ้องหน้ามันตอบ

“ก็...คิดถึงเรื่องที่มึงเคยแกล้งกู”

“ยังโกรธอยู่ใช่ปะ” ผมส่ายหน้า

“เปล่า แค่หมั่นเขี้ยว อยากเอาคืนบ้าง” บอกไปแบบนั้นต้นก็หัวเราะ

“เอาหน่า อย่าถือสากูนักเลย หายๆ กันไปเหอะเนอะ”

“เรื่อง หายกันง่ายๆ ได้ไง” ต้นเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้จนปากเราเกือบชิดกัน

“น้า...ยกโทษให้กูเถอะ กูยอมทุกอย่างเลย” โอ้ย นี่มึงจะยั่วไปไหน ผมนี่หน้าร้อนไปหมด ทำอะไรไม่ถูก หาคำพูดตัวเองก็ยังไม่เจอ ไม่คิดว่าต้องมาเก้ๆ กังๆ ต่อหน้ามันแบบนี้

“งั้นลงไปจากตัวกูสิ”

“เอางั้นจริงเหรอ” ผมพยักหน้า อยู่ใกล้มากมันเขินน่ะ

“ลงไปแล้วจะยกโทษให้”

“ก็ได้ ลงแล้วๆ” ต้นกดปากลงบนปากผมหนักๆ หนึ่งทีแล้วกลิ้งลงไปนอนดีๆ บนเตียง

เรานอนเล่นกันเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรแต่ก็รู้ว่ามันนอนจ้องหน้าผมอยู่ไม่ละสายตาไปไหน นั่นเป็นเหตุให้ผมไม่กล้าขยับตัวเท่าไหร่ คนอื่นยังไม่เห็นต้องอายขนาดนี้เลยไอ้ดิว ทีงี้จะมาป๊อดต่อหน้าไอ้ต้นคนปากหมานี่นะ ไม่เอาสิ...มันต้องไม่ใช่แบบนั้น ผมพลิกร่างหันไปจ้องหน้ามันบ้าง ต้นมันนอนตะแคงกอดอกตัวเองไว้ พอผมหันไปสบตา มันก็ยิ้มบางๆ ต้อนรับ

“ถามอะไรหน่อยสิ” ผมเม้มปากแน่นขณะที่คิดคำถาม ด้วยความี่เกลียดขี้หน้ามัน ก็เลยไม่รู้เรื่องของมันเท่าไหร่นัก อย่างเช่น...เรื่องแฟน

“ได้สิครับ เชิญ” ทำหน้าทำตา จะทะเล้นไปไหน

“มีแฟนมากี่คนอะ” ต้นเลิกคิ้วเหมือนจะบอกว่าเอาจริงดิ ผมจ้องหน้ามันเพื่อรอคำตอบ

“ก็...สองคนมั้ง”

“รักปะ”

“ก็ต้องรักปะ”

“แล้วทำไมเลิกกันอะ” ไอ้ต้นมันสบายๆ นะ แต่ผมค่อนข้างเครียด... ไม่รู้เครียดทำไมแต่มันตื่นเต้นและกดดันแปลกๆ เป็นคนตั้งคำถามมันเองนะเนี่ย

“ไม่รู้ดิ จู่ๆ มันก็เลิกรักกันไปเอง”

“มันจะเกิดขึ้นกับกูด้วยใช่ปะ” เป็นคนถามแต่กลัวคำตอบ ผมว่ามันออกมาทางสีหน้าแน่ๆ ต้นยิ้มอ่อนโยน มันขยับเข้ามาใกล้แล้วสวมกอดผมเอาไว้

“ถ้ามันจะเกิดขึ้นกับมึงด้วย มันคงเกิดขึ้นนานแล้ว” ผมฝังหน้าตัวเองเข้าที่แผ่นอกเปล่าเปลือย คำถามที่อยากจะถามต่อมันน่าตื่นเต้นมาก รู้สึกว่าปากคอสั่นไปหมด

“เหรอ แล้ว...แล้วมึงชอบกูตั้งแต่เมื่อไหร่อะ” ผมไม่เคยถามแฟนคนไหนแบบนี้ แต่กับมันที่แตกต่างกว่าคนอื่น ผมอยากรู้เหตุผลที่มันชอบผม

“มารู้ตัวว่าชอบตอนมึงขึ้นมอปลายมั้ง แล้วก็แอบชอบมาเรื่อยๆ ให้ไอ้ไม้ตามดูให้ว่าตอนนี้มึงคบใครไหมอะไรแบบเนี้ย เอ้อ...พูดแล้วเขินเนอะ” ต้นมันขำ ผมไม่ขำตามแต่ก็มีความสุขที่ได้รู้

“มึงไม่รังเกียจกูใช่ไหม...”

“รังเกียจเรื่องไรวะ อย่าบอกนะว่าเรื่องที่มึงเป็นของคนนั้นคนนี้มาก่อน ช่างมันเหอะดิว...กูไม่เห็นสนใจเลย กูมีความสุขจะตายที่ได้คบมึงเนี่ย มึงก็ด้วย จงมีความสุขที่ได้คบกู ปล่อยเรื่องพวกนั้นทิ้งแม่งไปให้หมด เริ่มต้นใหม่กับกูแล้ว อะไรไม่ดีอย่าเอามาจำ รู้ปะ” ต้นกระชับอ้อมกอดแนบแน่นยิ่งขึ้น ผมเองก็โอบกอดมันเอาไว้ พยักหน้าเบาๆ รับรู้ทุกคำพูดของมัน

ผมเป็นฝ่ายขยับตัวออกมาจากวงแขนนั้น เคลื่อนเข้าไปจูบปากมันเบาๆ ต้นจับท้าทายทอยผมกดเอาไว้แล้วจูบตอบกลับหนักหน่วง ลิ้นนุ่มนิ่มเข้ามาในโพรงปากของผมช้าๆ แต่มันกลับเร่งเร้าอย่างประหลาด ต้นดูดดุนลิ้นของผมเล่นก่อนจะเอาลิ้นมันมาพัวพัน ผมพยายามตอบสนองมันกลับเท่าที่ความสามารถตัวเองมี พักเดียวก็กลายเป็นผมที่รุกรานมันบ้าง

แทบไม่รู้ตัวเลยว่าผมได้ขึ้นมาอยู่บนตัวของมัน ต้นใช้มือหนึ่งกอดเอวของผมเอาไว้และอีกมือก็ไล้ไปตามแผ่นหลัง จากด้านนอก คืบคลานเข้ามาสัมผัสผิวเนื้อที่ร้อนผ่าว ผมรู้ว่าตัวเองไล่ต้อนไอ้ต้นไม่ได้ มันแค่ทำตัวเป็นผู้ตามที่ดีปล่อยให้ผมได้มอบความสุขนี้ให้มันบ้าง ผมเองก็ชอบที่ได้เป็นฝ่ายจูบมันอย่างดูดดื่ม ความต้องการเพิ่มมากขึ้นจากทั้งสัมผัสด้วยมือและปาก ส่วนนั้นของต้นตื่นแล้วและผมก็เช่นกัน...

.....100%....

มันมีแต่ความล่อแหลม เมื่อมีช่วงเวลาให้คนสองคนที่เพิ่งคบกันอยู่ด้วยกันสองต่อสอง มันก็จะ... :haun4:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 28 - 100% [16/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-09-2017 21:09:26
คิดว่าจะรอดไหม  :hao7:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 28 - 100% [16/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 16-09-2017 22:22:15
ไม่รอดแน่   :hao6:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 28 - 100% [16/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-09-2017 22:50:14
ขอเวลานอกให้คนแก่ไปซับน้ำหมากแป๊ป  :m10: :m25:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 28 - 100% [16/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: duckool ที่ 17-09-2017 01:20:49
จะ จะ จะ มาหลายรอบละ
ถ้าครั้งนี้รอดอีกก็ไปบวชเถอะต้น
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 28 - 100% [16/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 17-09-2017 08:18:55
ต่อเถ้อออออออออะ :katai1:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 28 - 100% [16/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 17-09-2017 12:35:21
รอคอยยยยยย..เธอ นานแสนนาน
ทรมานนนนน..กาเจี๊ยว หนักหนา

หุหุ
ไอ่ต้นนะไอ่ต้น

กาฉูดเหอะ..ขอร้อง
ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 28 - 100% [16/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 17-09-2017 21:40:02
ตั้มไปเลยยยย โอ้ยยยย หนูดิวจะได้มีอะไรกันแบบคนรักกันซักทีเนอะ ให้ละลายไปเลยนะต้นนะ คึๆๆ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 28 - 100% [16/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 17-09-2017 21:54:46
รอค้าบบบ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 28 - 100% [16/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 17-09-2017 23:30:38
เรียบร้อยแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 28 - 100% [16/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PositiveLove ที่ 18-09-2017 13:27:09
อ่านถึงตอนล่าสุดก็มีแต่ฉากเกือบจะซั่มกันเลยงงหน่อยๆ
ว่าดิวที่โดนข่มขื่นไม่มีกลัวหรือขยาดการมีเซ็กส์เลยหรอ
แถมเป็นฝ่ายอยากอีก มันยิ่งให้ความรู้สึกว่าเหตุผลที่เม้นท์ไปก่อนนั่นมันเป็นแบบนั้นจริงๆ
มัวแต่ถามรังเกียจมั้ย ถ้ายูบอกไปตรวจโรคกันเถอะ โอยดิวเธอจะเวิคร์มากจ้ะ
แหมบอกว่าไม่ชอบร่วมรักแต่ชอบนอนกอดเฉยๆมากกว่าเหรอจ้ะๆ
มันสวนทางย้อนแย้งกับที่พูดและการกระทำไปหมดอ่ะดิว
อยากมอบสโลแกนให้ดิว แค่พี่บอกรักมา ผ้าหนูก็หลุด นาจา
จริงๆแล้วดิวมันแค่ใจง่ายค่ะ ก็ยังยืนกระต่ายขาเดียวไม่รอดหรอกเด้อ
ไปเจอคนใหม่เดี่ยวเดียวก็ติดล่ะจ้า คิดไปอีก10 20ปีนางก็เจอคนเยอะกว่านี้คนทิ้งก็ดิวนี้แหละไม่ใช่ต้น
และยังคงสติลรำแม่ลีลา ถ้าจะสอนความรักกับเซ็กส์ แล้วทำไมไม่สอน safe sex ไปด้วยละจ้ะ
เซ้กส์เรื่องธรรมชาติ แต่ควรให้ถึงเวลาที่เหมาะสม ทั้งวุฒิภาวะไรงี้จะได้ไม่ป่องไม่ติดโรคอะไรก็ว่าไป
ไม่งั้นเขาคงไม่เรียนไม่สอนกัน แต่มันก็ทำให้รู้สึกว่าการศึกษาไทยล้มเหลวจริงๆดูจากดิวและแม่ต้น
ที่รำแม่่ลีลาก็คือเป็นผู้ใหญ่สุดบอกอาบน้ำร้อนมาก่อนแล้วเหมือนจะดีแต่เหตุผลหรือวีธีการมันไม่สุด
แถมยังส่งเสริมแปลกๆอีก เช่นตอนล่าสุดให้อยู่ด้วยกันสองต่อสองในเคหะสถาน
กับคนที่มันจ้องจะเอาอยู่แล้วเปิดทางจุงเลยขุ่นแม่ หรือคิดว่าไม่ใช่ผญเลยไม่ต้องกังวลอะไรงี้เหรอ
ต้นไม่ได้ป่วยง่อยเด้อค่ะไม่ต้องเฝ้าก็ได้มั้ง ถ้าต้นติดโรคจงรู้ไว้มันเพราะแม่นะจงเสียใจให้หนักไปเลย
ต้นควรได้เจอคนที่ดีและรักต้นจริงๆ ไม่ใช่ดิวที่รักก็เพราะอยากได้เซ็กส์ของต้นเท่านั้นแหละ :serius2:  :z3:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 28 - 100% [16/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 18-09-2017 13:48:22
แต่งอ่านเองเลยไหมอ่ะติอะไรหนักหนาเป็นแบบนี้หรือป่าวที่คนเขียนไม่ค่อยมาต่อ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 28 - 100% [16/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PositiveLove ที่ 18-09-2017 14:53:31
ติไม่ได้ก็บอกค่ะ แต่เราคิดว่าเราแสดงความคิดเห็นของเราเฉยๆ
ไม่ได้มีเจตนาว่าใครหรือนักแต่งเองด้วย แต่ถ้าทำให้ไม่พอใจไม่สบายใจก็ขอโทษด้วยจริงๆค่ะ
แล้วคิดว่าที่คุณบอกนักแต่งไม่ต่อบ่อยคงไม่ใช่ที่เราค่ะ(เราขอโมเมเองว่าหมายถึงเรา)
เพราะนักแต่งก็ได้บอกไปแล้วว่าแต่งเสร็จหมดแล้ว
ไม่ได้จะเปลี่ยนพล้อตหรือแก้อะไร จะลงให้เสร็จจบก่อนด้วยซ้ำ ถึงได้บอกว่าอาจจะรีไรท์ ประมาณนั้นค่ะ
ซึ่งเวลามาลงคงเป็นส่วนตัวของนักแต่งเนอะ
ถ้าเราติไม่พอใจจริงคงบอกให้เขาแก้ไปนานแล้วค่ะ ส่วนนี้เราไม่ได้สนใจเลย
แค่เราสดคหแค่ไม่ชอบตัวละครตัวนี้ ยังงั้นยังงี้ ก็เหมือนอ่านไปว่าไปบ่นไปอ่ะค่ะ
ก็ขอให้คุณใจเย็นหน่อยเนอะ เราก็ไม่ได้อ่านทุกวันมาเล้าก็วันหยุดจากทำงานเช่นกันค่ะ :bye2: :L2:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 28 - 100% [16/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 18-09-2017 17:23:14
เราเห็นแล้วไม่สบายใจมากๆติแรงมากๆถ้าเราเป็นคนแต่เราคงนอยถึงขั้นแลกแต่งเลิกลงไปเลยน่ะติได้แต่บางทีแรงไปไหม
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 29 - 100% [18/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 18-09-2017 21:41:34
>>ตอนที่ 29 [100%]<<

ผมย้ายไปจูบและดูดลำคอของมัน จะว่าหน้าไม่อายที่ทำแบบนี้ก็ได้ ผมก็แค่รู้สึกว่าถ้าเรารักเขาเราก็ต้องทำให้เขามีความสุข เรื่องบนเตียงจะมาเกี่ยงมาอาย เขาก็หนีไปหาคนอื่นหมดสิ เราไม่ใช่ผู้หญิงนะ...เราเป็นผู้ชาย ผมพร้อมที่จะทำให้คนที่ผมรักมีความสุข ถึงแม้มันจะฝืนตัวเองมากไปหน่อยก็ตาม

เสียงพ่นลมหายใจหอบกระเส่าของต้นเป็นตัวผลักดันความเขินอายให้กับผม รับรู้ได้ว่ามันพึงพอใจมาก ผมก็รู้สึกดี...มันทำให้คึกคักและมีความอยากเพิ่มพูนขึ้นไป ถึงจะเป็นฝ่ายเล้าโลมมันก็ตาม ขณะที่ผมเลียลำคอของมันอยู่ ต้นก็หอมกกหูของผมทั้งยังเลียมันจนผมขนลุกไปหมด ปกติผมจะเจอแต่นอนเฉยรอให้ผมปรนเปรอ พอโดนทำทั้งที่เล้าโลมมันอยู่ ผมชักไปต่อไม่เป็น ร่างกายชะงักค้างไปชั่วครู่ ผมฮึ้ดขึ้นมาแล้วพยายามพรมจูบมันจนแทบทั่วลำคอ

“มึงอยากอ่อ...” เสียงต้นสั่นมาก มันดูเหมือนคนกำลังทรมานและอดทนอยู่ แต่คำถามของมันทำให้ผมนิ่ง เงยหน้ามองดวงตาเคลือบความต้องการ ต้นมันมองมาด้วยความเร่าร้อน ผมรู้...ผมเข้าใจดีว่าเรื่องแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้หรอก แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถามแบบนี้

“ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ” ผมถามมันออกไปตรงๆ ผมไม่ปฏิเสธว่าตอนนี้ก็อยาก แต่มากกว่าที่ตัวเองอยากคือผมอยากให้มันมีความสุข

“ก็...เฮ้อ” ถอนหายใจทำไม ผมกำลังจะถาม แต่ต้นมันดึงร่างผมเข้าไปกอดเสียก่อน

“มึงทำแบบนี้ให้กับทุกคนของมึงใช่ไหม” ทำไมรู้สึกว่ามันมีความเจ็บปวดซ่อนอยู่ในน้ำเสียง ไหนว่าไม่รังเกียจที่ผมเป็นแบบนี้ไง

“มึงรังเกียจใช่ไหม”

“ไม่ใช่ แค่อิจฉา” อ่า...จะอิจฉาทำไมกันล่ะ ก็กำลังจะทำให้อยู่นี่

“เดี๋ยวกู...ทะ...อื้อ” ต้นไม่ปล่อยให้ผมบอกให้จบ มันจูบปิดปากผมก่อนจะลูบหัวแล้วมองหน้า

“ฝืนตัวเองอยู่หรือเปล่าวะ” มึงจะทำให้กูไปไม่เป็นไปถึงไหน คนอื่นไม่เห็นถามแบบนี้เลย แล้ว...ผมต้องตอบว่ายังไง

“กู..”

“อายจนใกล้ตายยัง” เน้ อย่ามารู้ทันคนอื่นได้ปะ ผมมองค้อนไอ้ต้น แต่มันกลับขำผมจนไหล่สั่น

“หน้ามึงแดงไปหมดเลย แดงยันหูยันคอไปแล้วเนี่ย...ตื่นเต้นใช่ปะ” ผมพยักหน้า

“นิดหนึ่ง”

“ไม่นิดมั้ง กูถามตรงๆ ว่ามึงอยากไหม...” ถามตอนนี้ก็ต้องพยักหน้าสิ

“อื้ม...”

“มึงอะทะลึ่ง เป็นเด็กเป็นเล็ก” อ่าว ว่ากูอีก มึงถามกูก็ตอบแท้ๆ

“งั้นไม่อยากแล้ว” ผมพยายามจะดันตัวเองออก

“แม่รู้นะ แม่ต้องฆ่าแน่ๆ อีกอย่าง...กูไม่อยากเหมือนคนอื่นๆ ของมึงวะดิว” ผมมองหน้าต้น มองอย่างไม่เข้าใจ มันไม่เหมือนอยู่แล้วปะเพราะมันคนละคนกัน

“กูไม่อยากเหมือนพวกที่เข้ามาเพื่อฟันแล้วทิ้ง แต่บอกก่อนว่ากูไม่ได้รังเกียจ...กูก็อยาก มากด้วย แต่กูไม่อยากทำเหมือนมึงเป็นสิ่งของอะดิว ไม่อยากให้ความรักของเรามันเริ่มต้นด้วยคำว่าเซ็กเลยอะ มึงเข้าใจกูปะ” พอมันอธิบาย หัวใจของผมมันก็เต้นรัวแรงไปหมด รวมทั้งหัวใจของมันด้วย แววตาที่จริงจังและถ้อยคำที่มั่นคงเหมือนตอกลงมาในสมอง ผมโอบกอดมันแนบแน่น ฝังหน้าลงกับคอของต้นพร้อมกับน้ำตาแห่งความปลื้มใจ

ไม่รู้สิ...ไม่เคยมีใครให้คุณค่ากับผมขนาดนี้มาก่อน ทุกคนต้องตักตวงจากผมสิ...ต้องทำในสิ่งที่ร่างกายต้องการ ผมเชื่อว่าทำแบบนี้แล้วทุกคนจะรัก แต่กับต้นมันไม่ใช่ มันไม่ได้รักผมเพราะเรื่องแบบนี้ มันทำให้ผมรู้ว่า...ผมไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้าแลกก็สามารถได้ความรักจากคนอื่นได้ ลึกๆ ผมรู้สึกขอบคุณมัน ใช่ผมอยาก...ผมอยากให้มันมีความสุขและอยากให้มันรักผม หากเราทำกัน...มันต้องรักผม ผมคิดแบบนั้น แต่ไม่ใช่...ต้นคิดต่างออกไป

“กูแคร์มึงนะดิว…” ต้นจูบศีรษะของผมเบาๆ มันทำให้ผมสะอื้น

ไอ้ต้นปลอบผมยกใหญ่ แล้วยิ่งปลอบก็ยิ่งร้องไห้งอแงเป็นเด็กเล็กๆ เสียงสะอื้นของผมคลอไปกับเสียงหัวเราะแกมเอ็นดูของมัน ต้นพยายามเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าให้ก่อนจะจูบเบาๆ ที่หน้าผาก ดวงตาเย้าหยอกของมันทำให้ผมเขิน ผมหนีหน้าด้วยการกอดมันเอาไว้แน่นๆ แล้วซุกลงกับอก

ใช้เวลาอยู่นานกว่าผมจะหยุดสะอื้นได้ หน้าอกไอ้ต้นมันชุ่มน้ำตาผมไปหมด ผมอายมันเหมือนกันที่ต้องดูเหมือนเด็กไร้เดียงสาต่อหน้ามันแบบนี้ ทั้งที่ผ่านมาก็ทำเป็นกล้าแกร่งมาตลอด ต้นไม่ได้หยอดคำแซ็วอะไรให้ผมอาย มันจับผมนอนบนเตียงดีๆ เช็ดคราบน้ำตาให้สะอาดแล้วขอตัวไปอาบน้ำอาบท่าก่อน ก่อนไปยังมีหน้าจูบหน้าผากผมอีก

จะทำให้ใจหวิวไปถึงไหนนะ...

คิดแล้วก็เขินขึ้นมาดื้อๆ ผมดึงผ้าห่มที่มีแต่กลิ่นตัวของมันมาห่ม คลุมปิดหน้าไปเลยเพื่อซ่อนหน้าแดงๆ ของตัวเองจากอะไรก็ไม่รู้ ต้นมันต้องออกไปอาบน้ำข้างนอก ห้องมันกับห้องของไม้ไม่มีห้องน้ำในตัว มีแค่ห้องใหญ่ของแม่ เห็นว่าหยิบไปแต่ผ้าขนหนู เอ...งั้นผมเตรียมชุดให้มันดีไหมถ้าทำให้แล้วมันจะชอบหรือเปล่า ต้องชอบสิเนอะ...ผมเอาใจขนาดนี้มันต้องชอบแน่ๆ เพราะถ้ามีคนทำให้ผมแบบนี้บ้าง ผมคงรู้สึกดีมากเลย

ผมลุกไปเปิดตู้เสื้อผ้า ขนาดของมันไม่ใหญ่มากนักและลิ้นชักสองชั้นด้านล่าง ผมเปิดดูก็พบกับพวกบ็อกเซอร์และกางเกงในของผู้ชาย แบ่งเป็นชั้นบนบ็อกเซอร์และข้างล่างเป็นกางเกงใน พับเก็บระเบียบขัดกับนิสัยมันมาก ผมมองสำรวจ ชั่งใจอยู่ว่าผมจะเตรียมอันนี้ให้มันดีไหม อ่า...มันก็ชวนเขินอยู่นะ มันชอบใส่แบบไหนผมก็ไม่รู้ งั้นส่วนนี้เอาไว้ก่อน ดูเสื้อผ้าอย่างอื่นก่อนก็แล้วกัน

แล้ว...วันนี้ต้นจะไปไหนหรือเปล่า? ผมค้นๆ ตู้ของมันพลางคิดว่ามันน่าจะมีอะไรต้องไปทำไหม ถ้ามีก็ใส่ชุดลำลองธรรมดาไม่ได้ งั้นเอาเป็นอะไรที่มันดูออกนอกบ้านได้ด้วยก็แล้วกันเนอะ ผมหยิบเอากางเกงยีนส์ขาสั้นประมาณเข่าออกมา แล้วก็เสื้อยืดสีดำมีลายเสือใส่มงกุฎออกมาวางไว้ที่เก้าอี้โต๊ะคอมพ์ เตรียมตรงนี้แล้วยังมีชุดชั้นในมันอีกไง...อ่า เอาแค่กางเกงในก็พอมั้ง กางเกงขาสั้นมันเป็นแบบขาเดฟอะ ผมว่าใส่บ็อกเซอร์ต้องอึดอัดแน่ๆ ผมเลยหยิบเอาชั้นในสีดำมาวางไว้ด้านบนสุด

เขินมาก! ตอนนี้อาการร้อนลามไปทั่วหน้า ผมจะมองหน้าไอ้ต้นยังไงนะ...มันจะล้อผมไหม ถ้าสั่งไม่ให้มันล้อ มันจะทำใช่ปะ ผมเป็นแฟนมันนะ มันต้องไม่แกล้งผมสิเนอะๆ ผมหนีขึ้นไปนอนรอมันบนเตียง ห่มผ้าแทบมิดคอ เฝ้ารอมันเข้ามาด้วยหัวใจที่ระทึกโคตรๆ

“วันนี้มึงอยากไปไหนปะดิว” ต้นเดินเช็ดหัวเข้ามาในห้อง ท่อนบนเปลือยเปล่า ส่วนท่อนล่างใส่ผ้าขนหนูพันอวเอาไว้ มันเช็ดตัวมาแล้วด้วยก็เลยไม่ค่อยมีน้ำเกาะตามร่างกายเท่าไหร่ ต้นมองผมแล้วเบนสายตาไปที่ตู้เสื้อผ้า มันสะดุดกับชุดที่วางเอาไว้ให้ เจ้าตัวมองผมอีกทียิ้มๆ

“อย่าล้อนะ ถ้าล้อกูจะงอน” ผมรีบพูดดัก หน้าแดงก่ำไปหมด เคยทำแบบนี้ให้คนอื่น แต่ทุกครั้งที่ทำก็ตื่นเต้นหมดอะครับ

“โอเค ไม่ล้อก็ได้...ขอบใจนะ” มันเดินเข้ามาหอมแก้มผมก่อนจะไปแต่งตัว

จะว่าผมทะลึ่งก็ได้นะ แต่ผมนอนมองดูไอ้ต้นมันแต่งตัว มันไม่ได้หันหน้ามาอะ หันหลังให้ ต้นหยิบชุดเหล่านั้นขึ้นมาดูก่อนว่าผมเตรียมอะไรให้มัน ไม่เห็นสีหน้าหรอกว่าโอเคกับชุดที่ผมเตรียมไว้มากแค่ไหน แน่นอนว่าคนเราแต่งตัวก็ต้องใส่กางเกงในก่อน ผมอายมากนะ...แต่ก็มองอยู่อย่างนั้นแหละ

นี่เป็นอะไรไปเนี่ย ทำบ้าอะไรของเรานะ ใช่เรื่องที่ต้องมาส่องแฟนตัวเองเปลี่ยนเสื้อผ้าปะวะ ดูไปใจก็ระทึกไป ผมกลัวต้นมันหันมาเห็นว่าผมแอบดูมันอยู่ แล้วมันใส่กางเกงในเสร็จมันก็ทิ้งผ้าขนหนูลงไปเลยอย่างนั้นอะ ตายๆ...กางเกงในมันต้องรัดอยู่แล้วอะเนอะ รูปร่างมันดีชะมัดเลย เห็นแค่ข้างหลังนะเนี่ย ต้นผิวไม่ดำมาก ไม่เรียกว่าขาวเพราะต้นเป็นคนผิวคล้ำอมเหลือง เออ...ไม่ค่อยเห็นมันออกกำลังกาย ทำไมมันดูเฟิร์มจังเลย

“เฮ้....แอบดูเหรอ” ผมแทบสะดุ้ง ไอ้ต้นมันใส่เสื้อเสร็จก็เล่นหันมาส่งเสียงดังใส่

“ปะ..เปล่า” ต้นเดินเข้ามานั่ง โน้มหน้าจนเกือบจมูกเกือบชิดกัน

“เห็นอยู่ว่ามองอะ” อย่ามาทำหน้าเจ้าเล่ห์แบบนั้นใส่กันนะ ตื่นเต้นไปหมดแล้วเนี่ย

“ก็...ก็แค่สงสัย ไม่เห็นออกกำลังกายแล้วทำไมหุ่นดีจัง” เอาวะ ทางนี้รอดได้บ้างแหละดิว ไอ้ต้นได้ฟังแล้วก็ทิ้งตัวนอนหนุนท้องของผม

“ใครบอกไม่ออกกำลังกาย ว่างๆ กูชอบไปว่ายน้ำนะ...สนใจไปว่ายน้ำกับกูไหมละ”

“ตอนนี้อะเหรอ”

“เปล่า ไม่ต้องเป็นตอนนี้ก็ได้ เพราะตอนนี้อะกูหิวมากเลย”

“ฮ่าๆ...น่าหิวอยู่หรอก กี่โมงกี่ยามแล้ว ไป ลงไปกินข้าวก่อน” ผมดันไอ้ต้นขึ้นจากท้องตัวเอง มันกลับพลิกนอนคว่ำเพื่อจะได้จูบปากผม ไอ้นี่...พอจะทำกันก็ไม่ยอมทำ แต่ก็ดันตอดเล็กตอดน้อยตลอด

ไอ้ต้นไม่จูบรุนแรงดูดดื่มอะไร มันแค่จุ้บเบาๆ เท่านั้น เราลงมาข้างล่าง ผมอาสาอุ่นอาหารให้ ปล่อยมันนั่งเล่นมือถือรอไปก่อน ผมไม่ได้กินข้าวกับมันเพราะยังอิ่มอยู่ แค่นั่งอยู่เป็นเพื่อน รอเก็บโต๊ะหรือช่วยหยิบน้ำ

“รู้สึกแปลกๆ วะ..” อ่าว รู้สึกแปลกอะไรของมันอีกล่ะ?

“ยังไงวะ”

“ก็รู้สึกแปลกที่มึงมานั่งรอกูแบบนี้” ไอ้ต้นมันเกาท้ายทอย เสตามองไปทางอื่นเล็กน้อย

“นี่เขิน?”

“กูเขินไม่ได้?” ฮ่าๆ ตลกจัง คนอย่ามันเขินเป็นด้วยเหรอ

“เปล่านี่ ดีแล้ว...ทำกูเขินบ่อย ให้ทำมึงเขินบ้างก็แฟร์ดี” จริงไหมล่ะ ไอ้ต้นขำ

“อืมๆ ตามใจมึงเหอะ” แล้วมันก็ก้มหน้าก้มตากินข้าว

ต้นกินเร็วมาก เหมือนรีบไปไหนทั้งที่ก็ไม่ได้มีธุระอะไร ผมเก็บจานมันไปล้างและเอากับข้าวเก็บเข้าตู้เย็น แต่มันก็จะเก้ๆ กังๆ ไปหน่อย เพราะต้นยืนมองอยู่ไม่ยอมไปไหน เอาแต่อมยิ้มอะไรคนเดียวอยู่ได้

“หาไรดูกัน...” พอผมทำทุกอย่างเสร็จ ต้นก็จับมือผมพาไปนั่งเล่นที่โซฟากลางห้องโถง จะให้นั่งดีๆ ก็ไม่ได้ด้วยนะ ต้องนั่งตัก...พื้นที่มีน้อยนักหรือไง

“ทำไมต้องให้นั่งตัก”

“อยากนั่งกอด” ง่ายๆ เอาแต่ใจชะมัด

“แล้วจะต้องนั่งกอดกันดูหนังไปทั้งวันเลยหรือไง ไม่มีอะไรอย่างอื่นทำเหรอ อย่างปกติมึงอยู่บ้านมึงทำอะไร” ต้นละความสนใจจากการดูรายการหนังมาที่หน้าผม

“วันหยุดปกติจะเอาแต่นอน กินและเล่นเกม...” นี่คือวิถีชีวิตคนหล่อเหรอ?

“เอาจริงดิ”

“จริง มึงล่ะ วันหยุดมึงทำอะไร...” โดนถามกลับบ้างผมชักไม่อยากตอบ

“มึงไม่ค่อยอยู่บ้านวันหยุด ยกเว้นว่าแฟนมาหาที่บ้าน”

“รู้ดีขนาดนี้ นั่งเฝ้ากันตลอดหรือไง” เงยหน้ามองมัน ต้นเอาคางเกยไหล่แล้วพยักหน้า

“ก็ดูมึงจากหน้าต่างที่ห้อง” นั่นสินะ ก็ห้องเราอยู่ตรงข้ามกันพอดีเลยนี่นา

“อืม ไม่อยู่บ้านกับแฟนก็ไปเที่ยวกับเพื่อนในห้อง พวกนั้นชอบไปเดินเล่นที่ห้าง ซื้อของหรือไม่ก็โยนโบล” แหล่งวัยรุ่นเขาเที่ยวกัน ผมไม่อยากบอกด้วยว่าที่ๆ เพื่อนผมพาไปมักจะต้องนัดผู้ชายไปหาอยู่บ่อยๆ ผมไม่ได้ชอบนักหรอก แต่ไม่มีอะไรจะทำ อยู่บ้านคนเดียวผมเหงาจะตาย

“อ่อ ดูเป็นวันที่เปลืองเงินนะ กูอยู่แต่บ้านมึงจะเบื่อกูไหมเนี่ย” ต้นเอียงหน้านิดหน่อยเพื่อจ้องดูผมได้เต็มตาทั้งที่ยังวางคางไว้บนไหล่ผม

“ไม่รู้ดิ ก็ถ้าไม่ทำให้กูเหงากูก็ไม่เบื่อละมั้ง” จะพูดว่าไม่เบื่อไปตรงๆ ก็เขินๆ เลยเอาแบบนี้แหละ แถใส่บ้าง ไม่เป็นภาระต่อการเต้นของหัวใจเท่าไหร่

“งี้ต้องชวนมึงเล่นเกม” ไม่พูดเปล่า ต้นมันให้ผมไปเอาโทรศัพท์มาอีกต่างหาก

“เออกูว่าจะถามตั้งนานแล้ว มือถือมึงหน้าจอแตกได้ไง...แล้วทำไมเอาเครื่องหน้าจอดีมาให้กู” ผมหยิบมือถือเดินกลับมานั่งตักมันเหมือนเดิม ไม่นั่งหันไปทิ้ศทางเดียวกันแต่กลับนั่งคร่อมตักมัน ต้นตกใจ แต่ก็กอดเอวผมเอาไว้

“เออหน่า ไม่ต้องสนใจหรอก...”

“ไม่ตอบกูปล้ำนะ” นี่มุกบ้าอะไรของผมวะเนี่ย

“ฮ่าๆ กูกลัวแล้ว อย่าทำกูนะ หน้าจอแตกตอนโอมมันกระทืบแหละ แต่ที่ไม่เปลี่ยนเพราะมันยังใช้ได้ เลยเอาเครื่องดีให้มึงไป กูไม่เดือดร้อน โอ้ย!” ด้วยความหมั่นเขี้ยว ผมเอาหัวโหม่งหัวแม่งซะเลย ต้นกุมหน้าผากตัวเองที่โดนกระแทกไปเต็มๆ

“เสียสละไม่ใช่เรื่อง”

“อ่าว ต้องขอบคุณกูสิ เชิดชูความเสียสละของกู ไม่ใช่ทำร้ายกูแบบนี้” ต้นว่ากลับเสียงเครียด คิ้วนี่ขมวดมุ่นเป็นปมไปล่ะ

“จะไม่ขอบคุณตรงปากมึงเนี่ยแหละ” พูดจากวนส้นชะมัด

“งั้นลงโทษกูสิ” อะไร...ทำจู่ๆ มาทำหน้าเจ้าเล่แบบนั้น

“ลงโทษอะไรมึง?”

“ก็...ตบปากกูด้วยปากมึงไง” แหวะ เลี่ยน...เลี่ยนมาก!

แต่ก็...เขินอะ

.....100%.....

หวา...ตัวเองอย่าทะเลาะกันน้า เราเข้าใจทั้งสองฝ่ายจ้า ขอบคุณที่ออกโรงปกป้องเรานิสสสนุง แฮ่ๆ แต่ไม่ต้องห่วงน้า อัปช้าเป็นเพราะเราติดงานเองจ้า วันอาทิตย์เราก็ไม่อัปนิยายด้วยแหละ ส่วนคอมเมนต์ตินั้นถามว่านอยไหม ก็มีบ้างจ้า แต่ต้องยอมรับเพราะมันก็มีส่วนที่ถูกอยู่ในนั้นเนาะ เราไม่กล้าบอกหรอกว่าอย่าติงานเรานะ อย่าว่างานเรานะ แบบนี้...ทุกคนมีสิทธิ์คิดต่างเนอะ แต่ก็ขอบคุณจริงๆ ที่เป็นห่วงความรู้สึกเรานะคะ ขอบคุณมากๆ เลย
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 29 - 100% [18/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 18-09-2017 22:07:12
ต้น พระเอกมากกกกกก /ชูป้ายไฟ
ทำให้ดิวได้รู้จักคุณค่าของตัวเอง รู้จักคุณค่าของความรักให้ได้เน้อออ

to นักเขียน ขอบคุณนะคะสำหรับนิยาย
เราชอบนะ ถึงจะหงิกๆกับหลายๆสถานการณ์
แต่เข้าใจว่ามันเป็นพลอตที่กำหนดไว้แล้ว
รวมๆเราชอบเรื่องนี่ ไม่ต้องปวดตับแบบอิแมท
แต่ก็หน่วงๆอยู่ในใจ ขอบคุณน้าาาา เรารออ่านเสมอนะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 29 - 100% [18/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-09-2017 22:15:36
ตอนนี้มีรถขนอ้อยคว่ำแถวบ้านหลานต้นบ้างปะ รู้สึกคนแก่จะได้ไอความหวานอยู่นะเนี่ย  :haun5: :haun5:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 29 - 100% [18/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 18-09-2017 23:06:30
หวานๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 29 - 100% [18/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 19-09-2017 00:51:50
น่ารักทั้งสองคนเลยย :mew1:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 29 - 100% [18/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 19-09-2017 08:26:10
มดกัดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 30 - 100% [19/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 19-09-2017 21:27:35
>>ตอนที่ 30 [100%]<<

ถึงเขินแต่ผมก็กล้า ผมวางมือถือตัวเองลงเพื่อจะใช้สองมือประครองใบหน้าไอ้ต้นไว้ จากนั้นก็เป็นฝ่ายจูบมัน บดปากลงไปเบาๆ  ทำให้มันตายใจแล้วผมก็งับริมฝีปากล่างของมัน ต้นสะดุ้ง โอบเอวเล็กของผมเอาไว้แน่น ผมก็เลยยิ่งได้ใจงับมันแรงเข้าไปอีก แถมยังแหงนหน้าไปด้านหลังนิดหน่อยเพื่อดึงปากมันให้ยืด จะได้เจ็บๆ ผมคิดว่ามันเจ็บเดี๋ยวมันก็เอาคืน แต่ไม่...ต้นปล่อยให้ผมทำจนปากล่างมันเจ่อช้ำแดงไปหมด

“ฮ่าๆ น่ารัก” ผมหัวเราะเสียงใส มองปากมันแล้วอดขำไม่ได้จริงๆ

“จริงปะ”

“จริงดิ ปากแดง...” ผมเอนตัวไปซ้ายทีขวาทีอย่างอารมณ์ดี ไอ้ต้นมันก็กอดเอวแล้วยิ้มแป้นแล้น

“ไม่แดงเท่าปากมึงหรอก ไม่ใช่แค่ปากนะ หน้าด้วย” จมูกโดนจิ้มไปหนึ่งทีเบาๆ ผมย่นจมูกพร้อมเบะปากใส่ ไอ้ต้นมันคงหมั่นไส้บ้างล่ะ มันถึงได้กดท้ายทอยผมไปรับจูบของมัน รุนแรงจนฟันเรากระทบกัน แต่ดีที่ไม่มีใครปากแตก

“พอๆ จะสอนเล่นเกมไม่ใช่เหรอ นี่ถ้ากูกลายเป็นเด็กติดเกมมึงจะรับผิดชอบกูยังไง” ผมหลบสายตาซุกซนของไอ้ต้นด้วยการวางหัวไว้บนไหล่ แหงนหน้ามองมันจากตรงนี้ สบตากันห่างๆ ก็พอ

“อืม...ยังไงดีน้า” ต้นมองต่ำ รอยยิ้มเจ้าเล่อีกและ

“นั่นสิ...ยังไง”

“งั้นกูก็จะทำให้มึงเลิกติดเกมเองเพื่อป็นการรับผิดชอบ” หา...ทำให้ติดเกมแล้วก็ทำให้เลิกติดเกมเนี่ยนะ

“ทำยังไงอะ ยกตัวอย่างให้ฟังหน่อย พูดลอยๆ แบบนี้จินตนาการไม่ออกเลย” ผมกอดเอวไอ้ต้นเอาไว้หลวมๆ เราสบตากัน มันไม่ใกล้มากก็เลยยังชิลได้

“อืม...ชวนมึงทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่เกม”

“เช่น?”

“เช่นตีแบด...” โห่ คำตอบชวนผิดหวังวะ ผมเบะปากใส่

“ไม่เข้ากับหน้ามึงเลยอะต้น”

“หน้ากูทำไม”

“หน้ามึงดูหื่น” ว่าแล้วก็ขำ ไอ้ต้นก็หัวเราะหมือนกัน

“จริงๆ ก็มีวิธีหื่นๆ ในหัวแหละ แต่ไม่พูดดีกว่า พูดแล้วเดี๋ยวอยาก” อ่า...นั่นสิ พูดไปมันชวนสยิวอะเนอะ

“โอเคๆ งั้นก็ตีแบด” ในเมื่อมันล่อแหลม ผมก็ยินดีตัดจบง่ายๆ เราจะได้ไม่คิดอะไรในเรื่องแบบนั้น

ไอ้ต้นให้ผมนั่งตักมันดีๆ หันหน้าไปทางเดียวกันจะได้สอนผมเล่นเกมได้ ซึ่งจริงๆ แล้วตัวเกมมันก็มีระบบสอนผู้เล่นใหม่อยู่เหมือนกัน ต้นแค่คอยช่วยอธิบายเพิ่มเติม ผมยังเล่นกับมันไม่ได้ ต้องฝึกตามระบบมันไปก่อน ต้นรอจนกระทั่งผมสามารถเข้าเล่นกับมันได้ ตอนแรกคิดว่าเราจะได้เล่นกันสองคน ที่ไหนได้มีพี่ฝุ่นและพี่พิกเข้ามาแจมด้วย ไอ้ต้นโยกหัวผมแล้วบอกว่าเกมมันต้องเล่นเป็นทีม ดังนั้นจะมีแค่เราสองคนมันเริ่มเกมไม่ได้

ผมเล่นแบบเงอะๆ งะๆ ไม่เป็น ต้นมันก็ค่อนใจเย็น ค่อยๆ สอนให้ผมเล่นเพราะรู้ว่าผมยังงงๆ อยู่มันเล่นยังไงแบบไหน แต่พี่พิกนี่โวยวายไปเรียบร้อยแล้วครับ ไอ้ต้นน่ะแหละที่เอาแต่คอยตามดูแลผมจนไม่ได้ดูแลป้อม ทำให้ผมนึกถึงตอนที่พวกเขาเล่นกันเองขึ้นมา ตอนนั้นมันก็สนุกนะ แต่ตอนนี้สนุกกว่า

“หุบปากเลยไอ้หมู นี่แฟนกู...ห้ามด่า กูด่าได้คนเดียวเว้ย!” เป็นไงล่ะ เก่งจังกับเพื่อนน่ะ

(อ่าว น้องดิวเหรอ...โทษๆ พี่ไม่รู้ พี่ขอโทษนะครับ) พี่พิกหยอดเสียงหวานกลับมา

“ไม่ต้องมาเสียงหวานกับแฟนกู เดี๋ยวตบทิ่ม” กูว่าคนหัวทิ่มน่าจะเป็นมึงนะต้น ฮ่าๆ

(ใจเย็นนะทู้กโคนนนนน มันทะลวงเข้ามาแล้วเว้ย!!!) พี่ฝุ่นรีบห้ามทัพพวกผมก็เลยต้องหันกลับไปสนใจเกมกันอีกครั้ง

ในขณะที่ทุกคนเครียดกัน ผมกลับสนุกอยู่คนเดียว ผมเพิ่งเล่นเป็นอะ ผมว่ามันสนุกดีนะ มิน่าละคนอื่นเขาถึงติดเกมกัน พอดีว่าช่วงชีวิตของผม ผมไม่ค่อยได้เล่นเกมเท่าไหร่ ตอนที่พ่อแม่ยังอยู่บ้านบ่อยๆ ก็มักจะอยู่กับแม่แล้วก็นั่งคุยเล่นกับเสียมากกว่า คอยช่วยแม่ทำนั่นทำนี่อยู่เรื่อยๆ ที่บ้านก็ไม่มีเครื่องเกม พ่อไม่อยากให้เล่น กลัวว่าผมจะมีผลการเรียนที่ไม่ดี นี่เล่นเกมจริงจังครั้งแรก แถมยังมีเพื่อนเล่นด้วยแบบนี้....มีความสุขดีจังเลยครับ

“สนุกปะ” จบตาแรกต้นก็ถาม มันเอาปากมาคลอเคลียกับแก้มผม

“สนุกดี มิน่ามึงถึงติดเกม กูว่า...มึงต้องคิดเรื่องแก้อาการติดเกมกูอย่างจริงจังแล้วล่ะต้น” ว่าแล้วก็หัวเราะเอิ้กอ๊ากชอบใจ ต้นโยกหัวผมเบาๆ

“ก็เล่นเฉพาะตอนอยู่กับกูดิ เวลาไม่มีกูก็อย่าเล่น จะได้ไม่ติดมาก” ก็จริงนะ ผมก็อาจจะทำแบบนั้น แต่ว่า...ขอแกล้งหน่อย

“อะไรอ่า มึงไม่มีกูก็เล่นเกมได้ ติดเกมด้วย เรื่องไรกูต้อเล่นเฉพาะตอนอยู่กับมึงล่ะต้น” ผมพูดยิ้มๆ กดเกมไปเรื่อยเพื่อเตรียมตัวเล่นตาต่อไป

“เดี๋ยวโดนฟัดหรอกพูดงี้อะ”

“ฮ่าๆ กดเริ่มได้แล้วเหอะ ช้าวะ” เป็นไงล่ะ อาการติดเกมเริ่มมีเข้ามาแล้ว

“หมั่นเขี้ยว”

“โอ้ย ไอ้นี่หนิ” ไอ้ต้นแม่งงับคอผมซะแรงเขียว ตกใจและเจ็บด้วย

“โอ๋ๆ มาเดี๋ยวทำแผลให้” ไม่ทันได้ถามว่าอะไรคือการทำแผล ไอ้หมาบ้ามันก็เลียคอตรงที่มันกัดเสียแล้ว ผมขนลุกซู่พร้อมกับความหวิวที่กระจายตัวจากจุดนั้น

“เป็นหมาจริงๆ สินะ” พูดแล้วเม้มปาก ต้นมันยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ย ใจผมสั่นไปหมดแล้ว อยากปลุกความอยากได้ไหมล่ะ

“อยากให้เป็นก็เป็น...”

“ซะงั้น”

“ก็หมามันซื่อสัตย์ต่อเจ้าของไง ไม่ดีเหรอ...” หน้าร้อนวูบขึ้นมาเมื่อได้ฟัง ผมทำเป็นเบนสายตาไปมองเกม

“ให้มันจริงเถอะ”

“จริงดิ แล้วก็หวังว่าเจ้าของจะรักมันแค่ตัวเดียวนะ” ต้นหอมแก้มผมเบาๆ มันกดเริ่มเกมแล้วเราทุกคนก็เริ่มตาต่อไป

“กูไม่มีหมาตัวอื่นหรอก ในชีวิตกูอะ...มึงเป็นหมาอยู่ตัวเดียว” ฮ่าๆ ได้หลอกด่าไปอีกหนึ่งดอก

“ไม่ต้องเล่นแล้วมั้งเกมอะ” มันเล่นวางมือถือแล้วกอดเอวผมแน่น ไม่พอ ยังจะมาไซ้ซอกคอผมอีก ไอ้บ้าเอ้ย...

“พอแล้วไอ้ต้น! หยุดเลย...” ผมดันหน้ามันออกมองมันงอนๆ ทั้งที่รู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนไปหมด

“ทำไมอะ อยากอ๋อ”

“อืม” ผมไม่กล้ามองหน้ามันอีก ต้นเองก็คล้ายจะเก้อเขินไป

เรากลับมาอยู่กับเกมบนมือถืออีกครั้ง ไม่ค่อยหยอดกันอีกเพราะรู้สึกได้ว่ามันอาจจะเลยเถิด ไม่ว่าผมหรือมัน ไม่แปลกเลยถ้าใครคนใดคนหนึ่งจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ผมเองต่อให้อาย แต่ถ้ามันอยากแล้วต้นก็เอาด้วย ผมก็เริ่มได้นะ แล้วยิ่งไอ้ต้นไม่ต้องพูดถึงเลยล่ะ...

อ่า...พอเหอะ คิดอะไรของเรานักหนานะ! รู้สึตัวเองหมกมุ่นมากๆ ก็วันนี้แหละ ปกติกับคนอื่นผมไม่เคยหมกมุ่นแบบนี้นะ หรือว่าอยากก็ทำเลย ไม่อยากก็ทำอยู่ดี แต่กับไอ้ต้น เราทั้งคู่ต่างคอยระงับความต้องการพพวกนั้น มันเลยทำให้ผมฟุ้งซ่าน คิดนเรื่องแบบนั้นไปเรื่อยอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ เฮ้อ...น่าอายชะมัด

เรียกว่าวันนี้เป็นวันแห่งการติดเกมก็ไม่ผิดอะไรเลย ผมกับไอ้ต้นนั่งเล่นกันอยู่ในห้องนั่งเล่นตั้งแต่สายๆ จนกระทั่งบ่าย นี่ถ้าผมไม่บ่นหิวก็คงไม่ได้วางมือจากมือถือมาหาข้าวกินกัน กับข้าวที่เหลืออยู่มีมากนัก ไอ้ต้นเลยอาสาทำเพิ่มให้ ตู้เย็นบ้านนี้น่ะดีนะ มีของเตรียมเอาไว้พร้อมเสมอ ไม่มีทางหิวตายอย่างแน่นอน ผมนั่งดูไอ้ต้นเข้าครัวด้วยรอยยิ้ม เวลามันทำอาหารมันก็ดูมีเสน่ห์มากไม่หยอกเลย...
แต่นั่งดูอยู่ได้ไม่นาน มือถือของผมก็มีสายเข้า เป็นแม่ที่โทรมา ผมให้เบอร์โทรศัพท์ใหม่แม่ไปตอนที่ได้เครื่องใหม่มานี่แหละ ผมคุยกับแม่ทั้งที่ยังมองไอ้ต้นอยู่ ผมขยับปากบอกมันตอนมันหันมาตั้งคำถามทางสายตาว่าใครโทรมา พอมันรู้ก็หันไปทำต่อ

ตอนแรกนึกว่าแม่จะโทรมาถามว่าเป็นยังไง อยู่สบายดีไหมเหมือนปกติที่มักโทร แต่ที่ไหนได้ วันนี้แม่จะกลับบ้านผมเลยถามถึงพ่อ แม่ค่อนข้างอึกอักไม่อยากพูด ผมก็พอรู้ว่าเขาสองคนไปกันไม่รอด ถึงพยายามทำเหมือนยังรักกันดีตอนอยู่ต่อหน้าผม แต่มันก็ปิดบังความห่างเหินของพวกเขาไม่ได้

ผมจำได้ดีนะ...เมื่อก่อนครอบครัวผมก็อบอุ่นเหมือนครอบครัวไอ้ต้น อาจจะแย่กว่าตรงที่พ่อผมค่อนข้างคาดหวังให้ผมเป็นอย่างที่เขาต้องการ ยัดเยียดการเรียนหนังสือหนักๆ ให้ผม ตอนนั้นผมหงุดหงิด ผมไม่ชอบเรียนพิเศษเลย อยากกลับบ้านมาเล่นกันแม่มากกว่า แต่ตอนนี้ผมอยากให้พ่อกลับมาต่อว่าผมเสียด้วยซ้ำที่ผมทำตัวไม่ดี ความหมางเมินไม่ได้เกิดขึ้นต่อพวกเขาทั้งคู่ แต่มันเริ่มจากผมต่างหาก...

พ่อเริ่มไม่เข้ามาคุยกับผมตอนที่แม่อยู่ แม่เองถ้าเห็นผมอยู่กับพ่อก็จะไม่เข้ามาหา มันเป็นแบบนั้นซ้ำๆ แล้วสุดท้ายก็เริ่มไม่มีใครให้ความสนใจผม ถามบ้างว่าเป็นยังไง เงินพอใช้ไหม แม่กับพ่ออาจจะบอกรักผม แต่ผม...ไม่รู้สึกถึงมันเลย หลังมา...ตั้งแต่ผมเลิกกับพี่แมท แฟนเก่านั่นแหละ พ่อแม่ก็เริ่มไม่ค่อยกลับบ้าน บอกว่ามีงานต้องทำ ผมโตแล้ว อยู่คนเดียวได้ไม่น่ามีปัญหา จากตอนแรกที่อาทิตย์หนึ่งอยู่บ้านสามสี่วัน เดี๋ยวนี้กลับมากินข้าวด้วยกันแค่อาทิตย์ละวันสองวัน แล้วก็...ไม่กลับมาในที่สุด

ผมยิ้มขมขื่นให้ตัวเอง หูฟังสิ่งที่แม่บอกว่าพ่ออาจจะไม่กลับมากินข้าวกับเรา ก็แค่อาจ พ่อมีงาน พ่องานยุ่ง แม่ก็ยุ่งแต่แม่คิดถึงผม ผมรู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่แม่บอกหรอก แต่ให้ทำไงล่ะ...ผมอยากอยู่กับพวกเขานะ ผมรักพ่อแม่ ดังนั้นผมจึงทำเป็นไม่รับรู้การเปลี่ยนแปลง ไม่สนใจแม้พวกเขาจะทะเลาะกันบ้างต่อหน้าต่อตาผม ผมก็แค่เมินมันแล้วบอกกับตัวเองว่า ครอบครัวยังเหมือนเดิม...

แต่ทุกคนรู้ดีแหละนะ...ไม่มีอะไรเหมือนเดิมทั้งนั้น

พ่อแม่หย่ากันไม่ได้เพราะทางผู้ใหญ่ของทั้งพ่อและแม่ ปู่ย่ากับตายายค่อนข้างซีเรียสเรื่องการหย่าร้าง เอาผมมาพูดว่า...ดิวจะอยู่ยังไงถ้าพ่อแม่มันแยกทาง ผมไม่ได้รู้เรื่องนี้ตรงๆ ต่อหน้าหรอก ก็แค่แอบได้ยิน ไหนจะคำขู่อะไรบางอย่างอีก ทำให้พ่อแม่ยังอยู่กันแบบนี้

บางทีก็คิด...เราทำให้อะไรมันดีกว่านี้ไม่ได้เลยเหรอ

ผมเคยเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากานกับคิง มันทั้งคู่ลงความเห็นเหมือนกันว่าอย่าไปสนใจเลย เราโตแล้วเราต้องทำใจยอมรับสภาพไป คิดมากก็เท่านั้น ไม่ทำให้พ่อแม่กลับมาดีกันได้หรอก ผมก็เห็นด้วยนะ สนแต่ตัวเองก็พอ...อยู่ให้ได้ก็แค่นั้น

“มีอะไร...” ต้นถือกับข้าวที่ทำเสร็จแล้วมาที่โต๊ะ มันจูงมือผมมาด้วย ให้ผมนั่งแล้วตักข้าวใส่จาน ส่วนมันเองก็ขนกลับข้าวมาเรียงให้ครบ

“แม่จะกลับมาน่ะ แต่พ่อไม่รู้” ผมบอก บ้านนี้ก็น่าจะรู้เรื่องของครอบครัวผม เพราะผู้ใหญ่เองก็สนิทกัน

“มึงโอเคปะวะ” ผมส่ายหน้าอย่างไม่อาย ผมไม่โอเค ตอนพ่อไม่อยู่ ผมเหงา ผมคิดถึงวันเก่าๆ ที่เราอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวที่มีความสุข แต่มันจะยิ่งเลวร้ายลงทุกครั้งที่พ่อกับแม่กลับมา เพราะมันตอกย้ำว่าครอบครัวเรามันเป็นแก้วที่ร้าวใกล้แตกเต็มที

“กูก็อยากเจอนะ กูคิดถึงเลยแหละ...แต่มันก็เจ็บปวดอะ” ความอยากอาหารลดลงไปเยอะ ต่อให้กลิ่นมันหอมชวนกินแค่ไหน ผมก็แตะมันไม่ลง ไอ้ต้นเดินมานั่งข้างๆ ดึงผมเข้าไปกอดแล้วลูบแผ่นหลังปลอบ

“กูไม่เข้าใจมึงมากขนาดนั้น แต่กู...จะคอยอยู่ข้างมึงนะ” ขอบคุณที่ไม่ใช้คำสวยหรูเพื่อให้รุ้สึกดี เพื่อนผมชอบใช้บ่อย ทว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย

“อย่าทิ้งกูนะ”

“กูไม่ทิ้งมึงหรอกน่า รวมถึงครอบครัวกูด้วย แม่และไอ้ไม้ต่างก็แคร์มึงนะ”

“อืม...ขอบคุณนะ” มันเป็นเรื่องชวนอ่อนแอ ความรักส่วนนั้นคือส่วนที่ไม่มีใครแทนที่ได้ คุณน้าลีลาก็รู้ดี ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกว่าพวกเขาทำให้ผมอบอุ่นขึ้นมาได้บ้าง อย่างน้อยก็ไม่โดดเดี่ยว

“กินข้าวกันเถอะ เย็นแล้วมันจะไม่อร่อย กูตั้งใจทำมากเลยนะ อยากให้มึงติดใจแล้วหนีจากกูไปไหนไม่รอดเลยล่ะ นี่ถ้ามียาเสน่ห์กูใส่ลงไปหมดขวดแล้วอะ” คำพูดและท่าทางมึงจริงจังมากอะต้น

“ฮ่าๆ...โชคดีที่มึงไม่ใส่ยาเสน่ห์ลงไป แค่นี้ก็หลงจะแย่ล่ะ” พูดเองก็เขินเอง

“บ้า..ตัวพูดก็ไม่รู้อะ” ต้นใส่มาดดัดจริต ขัดตามากอะ แล้วก็ตลกมากด้วย

“ฮ่าๆ กร๊าก...ฮ่าๆ” ผมหัวเราะมันจนท้องแข็ง หายใจหายคอแทบไม่ทัน ปวดท้องไปหมดแล้วเหมือนจะขำค้างด้วยนะ ไอ้ต้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรผมมาก มันเสือกขำอยู่กับผมเนี่ยแหละ กับข้าวจะเย็นหมดก็เพราะพวกเราหยุดฮาไม่ได้อะ

ต้องหัวเราะจนเหนื่อยตัวโยน หายใจหายคอไม่ทันอยู่นานกว่าจะหายได้ หัวเราะมากไปมันก็ทรมานนะเนี่ย ผมกับต้นเริ่มกินมื้อเที่ยงตอนบ่ายเกือบบ่ายสองด้วยกัน มันเป็นคนชวนคุย ไม่ปล่อยให้โต๊ะอาหารของราเงียบเฉียบ ผมมีความสุขอยู่กับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้มาก เมื่อกี้ไม่อยากกิน ทว่าพอได้กินกลับกินไม่หยุด ต้นทำอร่อย และตัวมันเองก็ทำให้ผมเจริญอาหาร เรียกว่ากินเพลินๆ รู้ตัวอีกทีก็จานที่สองไปแล้ว...อ้วนทำไงเนี่ย!

.....100%.....

เรายังเติมความหวานให้แก่กัน...
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 30 - 100% [19/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-09-2017 21:35:22
 :กอด1: :กอด1: เลิฟ ๆ กันให้มาก ๆ นะหลาน ๆ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 30 - 100% [19/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-09-2017 21:44:09
 o13
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 30 - 100% [19/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 19-09-2017 23:30:30
หวานกันเชียว,,,
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 30 - 100% [19/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 20-09-2017 02:22:50
 :katai2-1: ชอบบ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 31 - 100% [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 20-09-2017 22:11:23
>>ตอนที่ 31 [100%]<<

ผมใช้เวลาอยู่เล่นเกมกับไอ้ต้นทั้งวัน จากตอนแรกเล่นกันอยู่ที่โซฟาชั้นล่างก็กลายเป็นนอนเล่นกันอยู่บนเตียง คุยกัน หัวเราะและก็ทะเลาะกันเวลาเล่นเกมแพ้ ต้นมักจะกอดเอวของผมเอาไว้เสมอหรือไม่ก็ให้ผมนอนหนุนแขนมัน หาความโรแมนติกไม่ได้แต่กลับมีความสุขอย่างที่สุด มันเป็นช่วงเวลาที่ดีนะสำหรับผม แล้วก็เชื่อว่าช่วงเวลาที่ดีสำหรับต้นเช่นกัน หลายครั้งที่เรามองตากันแล้วเรื่องแบบนั้นก็จะแว้บเข้ามาในหัว ต้นจะพยายามดึงให้บรรยากาศกลับมาอยู่ที่เกม

มันไม่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันรังเกียจที่ผมเป็นของเหลือจากใครๆ แต่มันทำเหมือนว่าถ้าเราเกินเลยกันไปมันจะไม่ดีไม่งาม บางทีผมก็แว้บคิดขึ้นมานะว่านี่มันยุคไหนแล้ว เราไม่จำเป็นต้องไปสนอะไรอย่างนั้นก็ได้ แต่ในเมื่อมันไม่อยากเหมือนใครๆ ที่ผ่านเข้ามา ผมเลยตามใจ...

แม่ผมโทรเข้ามาหาตอนเย็น ประมาณห้าโมงกว่าๆ ได้ ว่าเข้ามาที่บ้านแล้ว แม่ไม่เห็นผมในบ้านก็เลยโทรตาม ผมกับไอ้ต้นจึงแต่งตัวให้ดีขึ้นหน่อย...ถึงไม่ได้มีอะไรกันแต่ถึงเนื้อถึงตัวกันพอควร เสื้อผ้ายับไปหน่อยหนึ่งอ่านะ

ต้นพาผมมาส่งให้แม่ ส่วนตัวมันเองก็ยกมือไหว้อย่างมีมารยาท กลายเป็นผมเสียอีกที่โผเข้ากอดแม่ทั้งที่ยังไม่ทำความเคารพเลย ครั้งนี้พ่อกับแม่ไปนานมาก ผมต้องอยู่คนเดียว โดดเดี่ยวเดียวดายในบ้านหลังใหญ่ที่ไม่มีใครอยู่เลย แม่กอดผมตอบแน่นๆ บอกกับผมเบาๆ ว่าแม่คิดถึงผม...

แต่ก็ยังไม่ทันได้เข้าไปในบ้าน รถของพ่อก็เคลื่อนเข้ามาจอดหน้ารั้ว ที่น่าแปลกคือรถของคุณน้าลีลาก็มาแล้ว นี่เพิ่งช่วงเย็น ปกติคุณน้าจะกลับตอนร้านปิด ผมละความสนใจจากน้าลีลามาที่พ่อ อยากจะเดินเข้าไปกอดบ้าง แต่มันก็มีเส้นบางๆ คั่นกลางระหว่างเรา ผมเลยได้แค่ยกมือไหว้ เหมือนที่ต้นมันทำ

“ฉันไม่คิดว่าคุณจะมา” แม่ผมพูดกับพ่อ แต่ไม่ได้มองหน้าคู่สนทนาเลยแม้แต่หางตา

“ผมต้องมาสิ เราต้องคุยกัน” พ่อพูดเสียงเครียด

“เรื่องอะไรคะ?”

“เรื่องที่เราได้คุยกันไว้แล้วไงมณี...” แม่ผมหน้าซีด มองผมหวาดๆ แล้วมองหน้าพ่อ

“ฉันบอกคุณแล้วไงคะว่าเราจะยังไม่พูดเรื่องนี้กับ...” คำที่ขาดหายคือผมใช่ไหม แม่ปล่อยมือจากผม เดินเข้าไปหาพ่อแล้วพูดกันเสียงเบาแค่สองคน ผมหันไปมองหน้าต้น อยากจะเข้าไปหามันแล้วกอดมันเอาไว้

ผมรู้สึกว่าตอนนี้จุดยืดเพียงอย่างเดียวในชีวิตผมกำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ที่พ่อกับแม่พูดมามันหมายถึงเรื่องร้ายๆ แน่คงไม่ใช่เรื่องดี ผมเจ็บแปล๊บในอก มันรวดร้าวมากจนไม่รู้จะอธิบายให้ใครฟังยังไง

“ไม่ ยังไงก็ต้องพูด คุณจะอยู่อย่างนี้ต่อไปงั้นเหรอ...เราต่างก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้” จู่ๆ พ่อก็ขึ้นเสียงใส่ แม่สะดุ้งพร้อมกับน้ำตาที่ร่วงหล่น

“ฉันก็ไม่สนเหมือนกันแหละ เราจะยังไม่พูดเรื่องนี้ ปะ น้องดิวเข้าบ้าน” แม่เคืองพ่อ เธอเดินเข้ามากระชากแขนผมเข้าบ้าน ปล่อยให้พ่อยืนมองแม่แบบหัวเสีย

ผมไม่อยากตามแม่เข้ามา ก็ใช่...นี่แม่ผม แต่อยากอยู่กับต้น อยากอยู่ที่บ้านนั้นมากกว่า สถานการณ์น่าอึดอัดแบบนี้ทำร้ายจิตใจของผมแทบทุกครั้ง แล้วผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทนรับมันไปได้สักเท่าไหรเหมือนกัน

พ่อเดินตามเข้ามา สาวเท้าเร็วๆ ขวางหน้าแม่เอาไว้ไม่ให้ลากผมไปได้ ไม่ได้เห็นสีหน้าจริงจังแบบนี้ของพ่อนานแล้ว แม่พยายามดันผมให้พ้นสายตาของพ่อแล้วยืนเผชิญหน้าแทน ทั้งคู่เอาแต่ยืนจ้องหน้า ไม่ยอมลดราให้กัน

“ดิวขึ้นห้องไป!” พ่อขึ้นเสียงสั่ง ผมจะทำตาม แต่แม่ไม่ยอมปล่อยมือผมไป

“ให้มันน้อยๆ หน่อยนะคุณสุชาติ คุณจะมาตะคอกลูกเราแบบนี้ไม่ได้!” แม่ขึ้นเสียงตอบโต้ ผมยืนก้มหน้า ไม่กล้ามองสีหน้าของพ่อและไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น พวกเขาจะทะเลาะกันอีกแล้ว ผมไม่อยากอยู่ตรงนี้ ปล่อยผมไปเถอะ...อย่าเหนี่ยวรั้งผมเอาไว้แบบนี้เลยครับ

“ผมยังไม่ได้ตะคอกเจ้าดิวเลย ผมแค่สั่งให้ลูกขึ้นไป เราจะได้เคลียกันให้รู้เรื่อง คุณนั่นแหละที่อคติ เอะอะก็หาว่าผมตะคอก หาว่าผมไม่รักลูก” เสียงของพ่อแข็งกร้าว แม้ไม่เชิงตะคอกแต่ก็ดุดันจนผมกลัว

“ฉันไม่ได้อคติเลยค่ะ ต่อให้คนอื่นเขามาเห็นเขาก็ต้องคิดอย่างฉันทั้งนั้น คุณน่ะมันรักลูกไม่เท่ากัน...กับบ้านนั้นนี่ปากหวานจะตายไม่ใช่หรือคะ งั้นช่วยพูดจาดีๆ กับลูกของเราบ้าง”

“บ้านนั้น...บ้านนั้นหมายความว่าไงครับ?” ผมถามออกไปด้วยความช็อก ไม่รู้ตัวด้วยว่ากำลังจ้องตาพ่อด้วยความปวดร้าวขนาดไหน

“พ่อบอกให้ขึ้นห้องไป” พ่อสั่งอีกครั้ง แต่ทำไมไม่ตอบคำถามของผม

“เราขึ้นห้องกันเถอะน้องดิว” แม่ตั้งใจจะลากผมขึ้นห้อง แต่พ่อรั้งข้อมือแม่ไว้ แม่ก็ไม่ปล่อยมือจากผม

“เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อนคุณมณี!” เพราะแม่เอาแต่เลี่ยงที่จะคุยเรื่องที่ว่า พ่อก็เลยตะคอกขึ้นมาเสียงดัง

แล้วคำถามที่ผมถามไปล่ะ...ผมขอคำตอบได้ไหมครับ

“ไม่ค่ะ เราคุยกันไปแล้วและฉันจะไม่คุยซ้ำสอง เราจะอยู่กันไปแบบนี้แหละค่ะ” แม่ตะคอกกลับ

“ไม่! คุณจะไปอยู่กันอย่างนี้ได้ยังไง...คุณเองก็ตั้งท้องกับคนนั้นของคุณ แล้วคุณจะให้ผมเอาหน้าไปไว้ไหน เลิกๆ กันให้มันจบๆ กันไปเนี่ยแหละดีที่สุด!!!”

“หน้าก็เอาไว้ที่เดิมนั่นแหละค่ะ ทีคุณมีลูกกับบ้านนั้นฉันยังไม่เคยพูดเสียดแทงคุณแบบนี้เลยนะคะคุณชาติ! อีกอย่าง...ยังไงฉันก็ไม่หย่าให้พ่อแม่ฉันมายึดกิจการของฉันหรอกค่ะ คุณเองยังสบายกว่าเพราะยังไงเสียบ้านน้อยคุณก็เป็นเจ้าของกิจการครื่องสำอาง แต่ฉันรักงานของฉัน รักบริษัทของฉัน ฉันจะไม่ยอมเสียมันไปค่ะ” คำพูดของแม่ทำให้พ่อเดือดดาลอย่างที่สุด

“คุณมัน...ได้ๆ ผมจะไปเจรจากับผู้ใหญ่เอง ถ้าเขายอมยกกิจการให้ คุณต้องเซ็นใบหย่าให้ผม”

“ได้ค่ะ...”

ผมได้รับคำตอบแล้ว...ได้รับคำตอบสำหรับทุกๆ คำถามที่วนเวีนอยู่ในหัว อีกบ้านคืออะไร เรื่องพ่อจะคุยคืออะไร แม่ไม่กลับบ้านเพราะอะไร...ผมก็รู้ว่าพวกเขาเหมือนแก้วที่ร้าว มันรอแค่เวลาที่จะแตก แล้วตอนนี้ก็ไม่มีอะไรหยุดแก้วร้าวใบนั้นได้อีกแล้ว ผมเคยคิดว่าพวกเขาทั้งคู่จะกลับมารักกันได้อีก กลับมาเป็นเหมือนเดิมที่เคยเป็นๆ มา มันก็แค่ความฝันโง่เง่าอะเนอะ...แต่ก็ยังจะฝันอยู่ได้

นี่ไงความจริง อยู่กับมันสิ พ่อมีครอบครัวใหม่ แม่ก็มีครอบครัวใหม่และกำลังมีน้อง คิดว่าผมดีใจเหรอ...ผมดีใจจนน้ำตาจะไหลเป็นสายเลือดอยู่แล้ว พ่อมองหน้าผม มองดูผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเดินจากบ้านหลังนี้ไป แม่ก็ปล่อยมือเดินกลับขึ้นห้อง ผมคือผลผลิตที่ผิดพลาด เป็นของมีตำหนิก็เลยถูกทิ้งอาไว้อยู่ตรงนี้ ไม่มีใครมาเหลียวแล ไม่มีใครมารักมาสนใจ

ผมทรุดนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ตรงบันไดขั้นสุดท้าย เคยคิดว่าการโดนแฟนที่รักมากคนแรกทิ้งไปคือความเจ็บช้ำอย่างที่ของที่สุดของที่สุดแล้ว มาวันนี้ถึงได้รู้ ว่าผมมันโง่...นี่ต่างหากคือความเจ็บปวดอย่างที่สุดจริงๆ

เอามีดมาแทงผม บีบคอแล้วฆ่าผมให้ตายไปเลยได้ไหม...อย่าทำแบบนี้กับผมได้หรือเปล่า อย่าปล่อยให้ผมโดดเดี่ยวและรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นแบบนี้เลย ความรู้สึกชอกช้ำที่อบอวลอยู่ในอกมันทรมานเหลือเกิน พ่อไปทางแม่ไปทาง แล้วผมล่ะ...ผมจะต้องไปต่อทางไหน เพราะผมไม่ใช่ขยะ เพราะผมไม่ใช่สิ่งของ เลยเอาผมไปหมักห้องใต้บันไดไม่ได้ เอาไปทิ้งถังขยะไม่ได้

ไม่สิ...บ้านหลังนี้อาจเป็นถังขยะใบใหญ่ที่มีเอาไว้ทิ้งผมโดยเฉพาะ

ถ้าผมตายไป...ผมจะหายเจ็บปวดแบบนี้ไหม น้ำตาเยียวยาอะไรผมไม่ได้ ผมร้องไห้เสียงสะอื้นก้องในบ้าน ทว่ามันบรรเทาอะไรในใจผมไม่ได้เลย งั้นผมควรทำอย่างไร...ผมควรหาทางออกให้กับความเจ็บปวดนี้อย่างไร...

สมองของผมมันว่างเปล่า มีแต่ความแตกร้าวในใจเท่านั้นที่กำลังแผ่กระจายอยู่ ผมรู้แค่ผมเจ็บ...ผมเจ็บมากแล้วผมก็ไม่รู้จะทำใจรับเรื่องนี้ยังไง สิ่งเดียวที่ผมรู้ในตอนนี้คือผมอยากหายไปจากโลกใบนี้ โลกที่ทุกคนก็ต่างทอดทิ้งผมเอาไว้ข้างหลัง ไม่เว้นกระทั่งพ่อกับแม่

ผมเดินเหมือนคนไร้วิญญาณ เอาแต่ร้องไห้ มองทางก็ไม่เห็น พาตัวเองไปที่ครัว ผมเคยทำร้ายตัวเองและผมก็คิดว่ามันน่าจะดีถ้าผมตายๆ หนีปัญหาเหล่านี้ไปซะ ผมคว้ามีดเล่มที่คิดว่าคมที่สุดจากชุดมีด ทรุดกายลงกับพื้นครัวที่มองจากด้านนอกไม่เห็น จรดคมของมันไปที่ข้อมืออันสั่นเทา...

ถ้าผมตายไป...ผมจะไม่เจ็บอีก

ถ้าผมตายไป...จะไม่มีใครทอดทิ้งผมได้อีก

มือของผมสั่นไปหมด น้ำตามากมายไหล่ออกมาอย่างไร้การควบคุม ผมสะอื้นจนตัวโยน แค่กรีดมันลงไป...แค่ลากมันเป็นทางยาว แล้วก็รอให้เลือดมันออกจากตัวจนตายไปเอง มันแค่ของง่ายๆ....

แล้วทำไม...ผมถึงไม่ทำ

มีคำพูดของหญิงสาวคนหนึ่งก้องอยู่ในหัวผม ชั่วแว้บหนึ่งในความคิดอันว่างเปล่า ผมปามีดทิ้งแล้วลุกขึ้นวิ่งออกไปจากบ้านของตัวเอง น้ำตาอาจบดบังหลายสิ่งหลายอย่างตรงหน้า แต่ผมกลับเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงรั้วนั้นอย่างชัดเจน

เขาออกมาจากรั้ว อ้าแขนรับร่างของผมเอาไว้แล้วกอดแนบแน่น ผมซุกหน้าอยู่กับแผ่นอกของมันพร้อมกับร้องไห้โฮเสียงดัง ต้นค่อยๆ พาผมเข้ามาในบ้าน ไม้และคุณน้าเหมือนจะรออยู่ก่อนแล้ว แต่ผมก็ไม่คิดจะปล่อยแขนจากไอ้ต้น ยึดมันเอาไว้เป็นเสาหลักให้ตัวเองที่กำลังโงนแหงนไร้ทิศทาง

ไม่มีใครพูดอะไร แม้กระทั่งไอ้ต้น สิ่งที่มันทำไม่ใช่อะไรที่ยิ่งใหญ่ ก็แค่กอดผมเอาไว้แล้วไม่ปล่อยมือจากผมเท่านั้นเอง อย่างน้อยๆ...ผมก็มีคนที่คอยซับน้ำตาอยู่ตรงนี้ ผมไม่โดดเดี่ยวใช่ไหม ไม่ต้องตายไปก็ยังสามารถก้าวผ่านความเจ็บปวดนี้ไปได้หรือเปล่า...

ผมเงยหน้ามองไอ้ต้นทั้งน้ำตา มันยิ้มบางๆ ส่งมาให้ก่อนจะจุมพิตที่หน้าผากของผมอย่างนุ่มนวล คล้ายโดนกล่อม...ผมรู้สึกเบาใจลงบ้าง ซบหน้ากับอกของมันแล้วปล่อยให้ตัวเองหลับใหลหนีความเป็นจริงในวันนี้

แค่มีใครสักคนไม่ทิ้งผม...ผมขอแค่นั้นเอง

“พาน้องขึ้นไปนอนเถอะต้น” ลีลาสั่งกับลูกชาย เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยที่ตนเอ็นดูเริ่มนิ่งคาอกของลูกชายตัวเอง

“ครับแม่” ต้นช้อนตัวของดิวขึ้น อุ้มไปที่ชั้นสองห้องของตนเอง วางคนรักลงเบาๆ แล้วห่มผ้าให้

ต้นหาผ้าขนหนูผืนเล็กมาชุบน้ำเช็ดหน้าเช็ดตาให้กับดิว ดวงตาของอีกฝ่ายบวมและช้ำแดง แม้กระทั่งใบหน้าก็แดงก่ำไปหมด ต้นรู้ว่าดิวเจ็บปวดกับเรื่องของพ่อแม่ รู้ว่าดิวเสียศูนย์แค่ไหนในวันนี้ แต่ต้นก็ยังรู้สึกดีใจที่ดิวเลือกจะเดินเข้ามาหาเขาและครอบครัว แทนที่จะขังตัวเองและทำร้ายตัวเองเหมือนครั้งที่ผ่านมา

ต้นแปลกใจตั้งแต่คุณลุงสุชาติบรถเข้ามาพร้อมๆ กับแม่ของเขาแล้วล่ะ ยิ่งแม่เนี่ยยิ่งแปลก เพราะว่าปกติแม่จะทำงานแล้วเลิกค่ำๆ ไม่ก็จนร้านปิด แต่วันนี้กลับมาแต่หัววัน คุณลุงสุชาติกับแม่เขาเป็นเหมือนเพื่อนกันมานาน เห็นว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันสมัยเรียน คนที่มักมาไหว้วานให้ดูแลดิวก็คือคุณลุงนี่แหละ

สองคนนี้มักปรึกษากันหลายเรื่อง บางเรื่องคุณลุงสุชาติก็พูดกับใครไม่ได้นอกจากแม่ของเขาเอง แต่แม่ก็ไม่ได้เล่าให้เขาฟังหรอก มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ แต่ต้นคิดว่าการที่เขามาพร้อมกันแบบนี้ เป็นไปได้มากที่คุณลุงสุชาติจะไปหาแม่ที่ร้านแล้วปรึกษาอะไรบางอย่าง เมื่อครอบครัวดิวพากันเข้าไปด้านใน ต้นก็จำใจเดินออกมา อยากอยู่ข้างๆ ดิวนะ แต่มันเป็นเรื่องกาลเทศะ จะสอดมือเข้าไปในครอบครัวของดิวแบบไม่คิดหน้าคิดหลังไม่ได้

มาถึงบ้าน แม่ก็ดึงต้นเข้าไปกอด เสียงของแม่ที่บอกกับต้นยังชัดเจน เพราะเธอย้ำกับลูกชายอยู่หลายครั้งว่า...ต้องดูแลน้องนะลูก ต้นรู้สึกหวิวๆ ในใจตอนได้ยินคำนั้น ในสถานการณ์แบบนี้นี่มันหมายความว่ายังไง จะว่าต้นเสือกก็ได้ แต่เขาขอร้องให้แม่เล่าให้เขาฟังถึงสิ่งที่อาจจะหรือกำลังเกิดขึ้นในบ้านหลังนั้น

วันนี้ตอนบ่ายสุชาติเดินทางไปหาลีลาที่ร้านอาหาร ที่เขามาไม่ใช่มาปรึกษาธรรมดาหรือว่ามาถามว่าลูกชายเป็นอย่างไร แต่เขามาเพื่อฝากฝั่งดิวเอาไว้กับลีลาต่างหาก สุชาติรู้ดีว่าการทำแบบนี้หมายถึงการผลักภาระของตนและภรรยาออกให้พ้นตัว แต่ความสัมพันธ์ของสุชาติและมณีมันยากเกินเยียวยา ตอนนี้ภรรยาคนปัจจุบันของสุชาติค่อนข้างจะน้อยใจที่สามีตนเลิกกับภรรยาหลวงไม่ได้ สุชาติไม่อยากให้อีกฝ่ายช้ำใจเลยไปคุยกับมณีเรื่องการหย่าร้าง

แต่มณีก็ไม่ยอมเจรจา เธอยินดีที่จะอยู่แบบนี้เพราะการขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของสุชาติทำให้เธอยังได้ทำกิจการของทางบ้านและมีเงินซัพพอร์ทจากพ่อแม่บ้าง สามีใหม่ของเธอไม่ใช่คนมีเงินเยอะเหมือนภรรยาใหม่สุชาติ ดังนั้นเธอเสียกิจการนี้ไปไม่ได้ ไหนจะเด็กในท้องที่กำลังเกิดขึ้นมาอีก เธอจึงไม่ยอมอย่างเด็ดขาด เช่นกัน...สุชาติก็ไม่ยอม สุชาติจะบอกเรื่องนี้กับลูกก่อนเพราะเห็นว่าเขาปล่อยปละละเลยลูกมานานมากแล้ว ปล่อยให้ลูกไม่รู้อะไรเลยแบบนี้มันจะยิ่งเลวร้าย อย่างน้อยดิวก็น่าจะโตพอที่รับเรื่องนี้ได้แล้ว

ลีลาได้ฟังก็ถอนหายใจ เธอยื่นมือไปช่วยไม่ได้ แต่เห็นด้วยที่จะบอกดิวถึงความสัมพันธ์องครอบครัว ส่วนเรื่องการหย่าร้างก็ให้ผู้ใหญ่จัดการ เธอรับปากว่าจะดูแลดิวให้ ในขณะที่พวกเขาเคลียปัญหากันอยู่

ทว่า...ผลที่ออกมากลับเลวร้ายกว่าที่คาด

สุชาติและมณีทะเลาะกัน แทนที่จะได้อธิบายและปลอบโยนลูกชายของพวกเขา โทสะเข้ามามีบทบาทสำคัญและมันเป็นตัวทำให้เด็กที่ไม่ผิดอะไรต้องรับผลกระทบที่ตนไม่ได้ก่อ...

ต้นลงมาข้างล่างหลังจากเช็ดหน้าตาดิวจนคราบน้ำตาหายไป แม่และน้องหันมามองเขาเป็นตาเดียว ต้นฝืนยิ้มไม่ออก มันอาจไม่ใช่เรื่องของเขาเลย ไม่ใช่ปัญหาที่เขาต้องมานั่งหนักใจ แต่...เขาทุกข์ใจอย่างสาหัสที่เห็นดิวเป็นแบบนั้น

“น้องเป็นไงบ้างลูก” ลีลาเอ่ยถามพลางเขาไปลูบหลังลูกชายเพื่อปลอบโยน เพราะรักและเอ็นดู เธอถึงเศร้าใจที่เห็นเด็กน้อยคนหนึ่งต้องร้องไห้

“ดิวหลับไปแล้วแม่ ต้นเป็นห่วงดิว...” ทั้งห่วง ทั้งกังวล กลัวว่าดิวจะมีสภาพจิตใจที่แย่

“เราต่างเป็นห่วงดิวลูก แต่เราก็สอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องของครอบครัวเขามากไม่ได้ เราต้องดูแลน้องนะ...ต้องประคับประครองน้องเหมือนตอนที่ลูกๆ ประคับประครองแม่ที่เสียพ่อไป” ต้นเข้าใจความหมายนั้นดี การสูญเสียมันเป็นเรื่องน่าเศร้า ดิวหนักกว่าเขาเพราะดิวเหมือนเสียทั้งพ่อและแม่ไปพร้อมๆ กัน

“ครับ แล้วทางนั้นเขาจะทำยังไงกันต่อไป แม่พอรู้ไหม” ต้นไม่ได้อยากสู่รู้หรอก ถ้ามันไม่เกี่ยวข้องกับคนที่เขารัก เขาจะเมินมันเสีย

“พี่ชาติก็คงเข้าไปคุยกับพ่อแม่เขา ยังไงก็คงหย่าขาดอยู่ดี...แม่ไม่เห็นทางไหนเป็นทางที่ดีสำหรับดิวเลย แล้วแม่ก็ห่วงว่าถ้าหย่ากัน ดิวต้องไปอยู่กับครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง แม่ว่านั่นจะยิ่งทำร้ายน้องดิว” นั่นสิ...ถ้าต้องไปอยู่กับครอบครัวใหม่ มันจะยิ่งแย่และซ้ำเติมแผลของดิว

“เราทำอะไรไม่ได้เลยเหรอแม่” ต้นรู้สึกห่วงดิวจับใจ ทั้งที่ไม่อยากยุ่งเรื่องครอบครัวใคร แต่ครั้งนี้...สอดมือเข้าไปได้เขาอยากจะสอดเข้าไปเหลือเกิน

“แม่จะลองคุยกับพี่ชาติดู ถ้าขอให้ดิวอยู่กับแม่ได้...มันน่าจะดีกับน้องที่สุด” ต้นภาวนาในตอนนั้น ขอให้คุณลุงยินยอมเถอะ...ต่อให้ดิวจะสภาพจิตใจพังยับ แต่เขาจะฟื้นฟูมันให้ได้ ทั้งเขาและแม่กับน้องชายของเขาด้วย

.....100%.....

ปัญหาอะเรื่องแฟน เพื่อน คนที่ทำงาน บลาๆ มันจะดูด้อยมากเมื่อต้องมาเจอปัญหาของคนที่บ้าน เพราะปัญหากับคนอื่นอะ...มันก็คือคนอื่นไง แต่ครอบครัวมันคือคนที่เราอยู่ด้วยมาทั้งชีวิต...งานนี้ดิวเจ็บหน้กของจริง
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 31 - 100% [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-09-2017 22:18:54
เข้มแข็งไว้นะหลานดิว  คนแก่เอาใจช่วย หนูต้องผ่านมันไปได้  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 31 - 100% [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 20-09-2017 23:37:58
ปัญหาครอบครัว เป็นอะไรที่หนักสุดจริงๆ

แต่พ่อกับแม่ดิว ทำตัวได้แบบบ อืมมมมม
แคร์คนใหม่ของตัวเอง แคร์ความรู้สึกตัวเอง
แต่ไม่แคร์ความรู้สึกลูกตัวเอง จ้าาาาาา
เต็มที่เลยจ้า เลิกกันแล้วไปมีความสุขกับครแบครัวใหม่ไปเลย ไม่ต้องมาสนใจอะไรเด็กคนนึง ที่มันไม่ได้ผิดอะไรหรอก

อ้าววว ทำไมเราอินอีกแล้วววว 5555
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 31 - 100% [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-09-2017 00:07:37
 :mew4:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 31 - 100% [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 21-09-2017 20:22:07
บีบหัวใจเนาะ พ่อแม่อยู่ด้วยกันไม่ได้ แล้วพอมีครอบครัวใหม่ ลูกที่มีอยู่ไม่มีความหมายเลยหรอ
สงสารดิวมากเลยค่ะ คนอื่นยังรักมากกว่าอีก

ต้นก็พยายามมากเลยนะ พยายามไม่ล้ำเส้น
ดิวก็เคยชิน ถึงจะบอกว่าไม่อยาก แต่ความรู้สึกมันไปแล้วอะนะ
ไม้ก็ฮาไปอีก แซ็วไปอีก

แม่ลีลาเป็นคนดีมากค่ะ สำหรับการรักและดูแลลูกคนอื่น ไม่ต่างกับลูกตัวเอง
แค่นี้ก็ดีกว่าพ่อแม่แท้ๆ แล้วน่ะ

หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 32 - 100% [21/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 21-09-2017 21:08:08
>>ตอนที่ 32 [100%]<<

(ต้น)

มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดสำหรับดิว...

ตอนอกหัก มันร้องไห้มันฟูมฟายเหมือนจะเป็นจะตายก็จริง สภาพภายนอกน่ะมันดูไม่แตกต่างกันหรอกระหว่างอกหักกับครอบครัวแตกแยก แต่ลึกๆ ก็รู้ดีว่าอะไรที่เลวร้ายกว่ากัน ตอนนี้ดิวไม่ร้องไห้ฟูมฟาย แต่มันกลับนั่งเหม่อแล้วน้ำตาก็ไหลเอง มันเหมือนคนพร้อมที่จะลาจากโลกนี้ไปอย่างง่ายดาย มันเกินคำว่าเจ็บช้ำไปแล้วล่ะ มันคือการสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต

ผมกับแม่ลงความเห็นกันว่าวันนี้จะให้ดิวได้พักอยู่บ้าน ไม่ต้องไปเจอความวุ่นวายที่โรงเรียน ดิวไม่หือไม่อือเท่าไหร่ ตอนนี้มันก็เอาแต่นั่งมองไปที่บ้านฝั่งตรงข้าม สายลมอ่อนผสมความร้อนโกรกเข้ามาที่ร่างของเราทั้งคู่ ผมไม่รู้จะปลอบมันยังไง ก็เลยนั่งจับมือของมันเอาไว้ ถึงเหงื่อจะออกจนชุ่มผมก็ไม่คิดที่จะปล่อยมันไป

“มึงว่าพ่อกับแม่ยังรักกูอยู่ไหม” ดิวเอนหัวพิงไหล่ผม มันพยายามที่จะไม่สะอื้นใหผมได้ยิน ผมหันไปกอดมันเอาไว้

“รักสิ...พ่อแม่ต้องรักมึงอยู่แล้ว”

“แล้วทำไมเขาต้องทิ้งกูด้วยวะ ฮึ้ก..ฮื่อๆ” ผมรู้ว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจให้ความสัมพันธ์มันพังทลายอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่อะไรก็ตามเมื่อมันพังไปแล้วไม่มีทางกลับเป็นอย่างเดิมได้ โดยเฉพาะเรื่องของความรู้สึก

“เข้าใจนะว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับมึง...แต่กูอยกให้มึงลองใจกว้าง แล้วคิดว่ามันอาจเป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับพ่อกับแม่มึง” มันพูดง่าย แต่มันช่างทำยากเสียเหลือเกิน

“แล้วกูก็ต้องเป็นฝ่ายโดดเดี่ยวเหรอ” ดิวเงยหน้าที่มีแต่น้ำตาขึ้นมอง

“มึงไม่ได้โดดเดี่ยวนะ มึงยังมีพ่อและแม่มึงเหมือนเดิม พวกเขารักมึง...แต่พวกเขาแค่ไม่ได้รักกันแล้ว แม่มึงก็โทรมาหาบ่อยๆ นี่ใช่ไหม โทรมาถามว่ามึงเป็นยังไง สบายดีหรือเปล่า พ่อมึงก็รักมึง เขาคอยถามแม่กูประจำว่าดิวสบายดีไหม ดิวเป็นยังไงบ้าง เขาเป็นห่วงมึงมากและฝากฝังแม่กูอยู่เสมอ…”

“แล้วทำไมเขาไม่มาหากูล่ะ ฮึก…ทำไมเขาไม่มาหากู ฮื่อๆ…” ผมจับหัวดิวให้ซบลงกับบ่า ลูบแผ่นหลังสั่นสะท้านนั้นด้วยความอ่อนโยนเท่าที่ตัวเองมี

“มันอาจจะเจ็บ...แต่เพราะเขามีครอบครัวที่พวกเขาต้องดูแล แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รักมึงนี่ดิว มันก็แค่เปลี่ยนรูปแบบไปเท่านั้น มันยากที่ต้องรับการเปลี่ยนแปลงนี้ แต่ไม่ช้าก็เร็วมันก็ต้องมาอยู่ดี มึงก็รู้...ตอนนี้มึงมีกูนะ มีแม่กูและน้องกูอีกคน กูรู้ว่ามันแทนกันไม่ได้ กูแค่อยากให้มึงรู้ว่ามึงไม่ได้โดดเดี่ยวนะดิว” คำปลอบของผมมันอาจช่วยอะไรดิวแทบไม่ได้ แต่ผมอยากให้มันรับรู้จริงๆ ว่ามันยังมีคนที่คอยเคียงข้างมันนะ

รูปแบบในชีวิตมันก็แค่เปลี่ยนไป เราก็ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองตามสิ่งเหล่านั้นเพื่ออยู่รอดต่อไปเท่านั้นเอง ผมรู้...มันทำใจยาก มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ผมเข้าใจ ผมเคยเสียพ่อ ครอบครัวผมเคยเป๋มาก่อน มันเป็นความเศร้าที่ยากจะบรรยายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจ มันเกินกว่าคำว่าเจ็บปวด...มันล้ำลึกกว่านั้นมากจริงๆ

“เวลาดิว...เวลาจะเยียวยามึง แล้วจนกว่ามึงจะกลับมาเข้มแข็งได้ กูจะอยู่ข้างๆ มึง”

“ขอบคุณนะ...” ดิวบอกเสียงปนสะอื้น

ผมไม่คิดที่จะห้ามให้มันหยุดร้องไห้ ไม่ห้ามให้มันเลิกฟุ้งซ่าน ต้องปล่อยให้มันจมลงไปในความรู้สึกของตัวเองบ้าง ให้เวลามันทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดอย่างกะทันหันนี้ ผมว่าลึกๆ มันก็น่าจะรู้แหละว่าพ่อกับแม่มันไม่มีทางกลับมาเป็นแบบเดิมได้ตั้งนานแล้ว แต่ใครล่ะ...จะอยากยอมรับความจริงข้อนี้

ดิวเศร้าซึมอยู่หลายวัน มันกินได้น้อยลง นอนละเมอแล้วก็ร้องไห้อยู่บ่อยๆ ผมปวดใจมากที่เห็นมันเป็นแบบนั้น แต่เวลาเท่านั้นจริงๆ ที่จะทำให้มันดีขึ้น หน้าที่ที่สำคัญของผมคือการไม่ให้มันรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่มีคนอยู่ใกล้ ดิวหยุดเรียนเกือบทั้งอาทิตย์เพราะไม่มีกะจิตกะใจจะเรียน ผม แม่และไม้ก็ไม่มีใครว่าอะไร

ด้านพ่อดิว แม่ผมไปคุยแล้วและเขายังให้คำตอบอะไรไม่ได้ ลุงสุชาติยังต้องทำธุระเรื่องการหย่า ทั้งยังเจอปัญหาทางบ้านโวยวายและไม่พอใจที่เขาทำแบบนี้ ฟากแม่ดิวเองก็ไม่พูดอะไร ในเมื่อลุงสุชาติตัดสินใจจะเข้าไปเจรจากับพ่อแม่เองก็ปล่อยไป แม่ผมไม่ได้คุยกับคุณป้ามณี เพราะไม่ค่อยสนิทกันเท่ากับคุณลุงสุชาติ

เราทำทุกอย่างให้เป็นปกติ เพียงแต่เพิ่มการพูดคุยกับดิวแล้วก็อยู่กับดิวให้มากขึ้น ตอนนี้ดิวได้มานอนห้องผม แล้วผมก็กอดมันทุกคืน กล่อมมันให้หลับหลังจากปล่อยมันร้องไห้ ดิวจะกอดผมเอาไว้แน่นมาก เหมือนหาที่ยึดเหนี่ยวให้กับตัวเอง

มันเป็นช่วงเวลาที่ดิวอ่อนแอมาก...

อย่างน้อยๆ มันก็ร้องไห้น้อยลงในแต่ละวัน เข้าอาทิตย์ที่สองดิวสามารถกลับไปเรียนได้แต่มันไม่ร่าเริงเหมือนเดิม ดิวยิ้มให้ผมได้แค่บางๆ รวมถึงคนอื่นๆ ด้วย แล้วมันก็ต้องการความรักมากกว่าเดิม ต้องการการกอดและการหอมอยู่ทุกวัน และผมก็ป้อนให้มันไม่ขาด มันต้องเยียวยาได้อยู่แล้ว...สัมผัสของคนที่ตัวเองรักเปรียบเสมือนยาพิเศษ ผมเชื่อแบบนั้น และผมเคยก้าวข้ามห้วงแห่งความเศร้ามาได้ด้วยการทำแบบนั้น...

“กอดหน่อย...” ผมมารับดิวที่ชมรมแบด มันดีขึ้นก็มาออกกำลังกายทันที ไม้นี่แหละที่เป็นคนชวนดิวมา

“มากอด” ผมเดินเข้าไปกอดเจ้าตัวเล็กเอาไว้แน่น ท่ามกลางสายตาของคนอื่นที่จ้องมอง อาจมีสายตาที่ชื่นชมและรังเกียจปะปนกันไป แต่ผมไม่สนใจหรอก คนที่ผมสน คือคนในอ้อมแขนเท่านั้น

“ขี้อ้อนขึ้นเยอะเลย ปกติอ้อนคนอื่นแบบนี้ปะเนี่ย” คลายกอดแล้วจ้องหน้าถามยิ้มๆ ดิวเบะปาก ส่ายหน้า

“ไม่มีใครอ้อนขนาดนี้หรอก”

“แน่ใจ?”

“แน่ใจที่สุดอะ” เล่นกลับด้วยได้แบบนี้ก็ถือว่าดีขึ้นเยอะแล้วล่ะเนอะ

“ปลื้มใจจัง” ว่าแล้วก็ยีหัวมันเบาๆ

ผมเดินกอดคอดิวไปนั่งที่อัฒจัน เจ้าไม้ยังซ้อมอยู่และเดี๋ยวสักพักดิวก็ไปซ้อม นี่เป็นช่วงพักของมันพอดี ผมเอาหลังมือตัวเองเช็ดเหงื่อที่เกาะอยู่บนใบหน้าและไรผมให้คนตัวเล็ก ไม่มีผ้าเช็ดหน้า ไม่ชอบพก แต่มือสะอาดครับไม่ต้องห่วง

“ต้น...” ดิวจ้องตา

“หืม? มีอะไรหรือเปล่า ทำไมมองแบบนั้นล่ะ” ผมว่าแปลกๆ ก็เลยถาม

“วันนี้พ่อโทรมา บอกว่าวันศุกร์ให้เข้าไปที่บ้านใหญ่” พูดแล้วเจ้าตัวก็เม้มปาก น้ำตาคลอ ผมรีบดึงมัเข้ามากอดแล้วลูบหลังปลอบ

“กูไปส่งนะ”

“อยู่กับกูได้ไหม มึงอยู่กับกูนะ...” ดิวดันตัวออก มองหน้าผมทั้งที่น้ำตากำลังจะไหล

“ได้ดิ กูจะอยู่กับมึง สบายใจเถอะนะ” ดิวพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ มันเอาแขนเสื้อผมไปเช็ดหน้าและน้ำตาของมัน เสร็จก็ยิ้มแป้นแล้นใส่ ผมไม่ได้สนใจหรอกตอนแรกอะ เห็นมันยิ้มแบบนี้ก็รู้สึกดี แต่พอดูแขนเสื้อตัวเอง...

“เดี๋ยวโดน!” แขนเสื้อผมดำเป็นปื้นเลย เฮ้ นี่ผมต้องซักเองนะเว้ยเนี่ย

“ฮี่ๆ...” หัวเราะแบบนี้ชักหมั่นเขี้ยว ผมบีบจมูกเจ้าดิวแล้วหัวเราะเยาะใส่มันให้ดังกว่า

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

“โอ้ยเจ็บ...มึงรังแกกูอ๋อ ใจร้าย คนอะไรรังแกแฟนตัวเองรุนแรงแบบนี้ กูน้อยใจนะเนี่ย ทำกับกูแบบนี้ได้ไง...กูจะไปฟ้องคุณน้า ไม่นอนกับมึงแล้วด้วย ขนเสื้อผ้าออกไปนอนกับคุณน้าแล้วไม่เอาแล้ว” อ่าว แกล้งแค่นี้บ่นยาวเชียว ยังมามีหน้าขู่อีก ไม่เห็นว่านี่ที่สาธารณะพ่อจับจู่ให้ปากเจ่อเลยเหอะ

“หยอกเล่นเอง โอ๋ๆ ขอโทษๆ ไม่แกล้งแล้วคร้าบ....” เห็นผมขอโทษเสียงงุ้งงิ้งเจ้าตัวก็หัวเราะ

“ฮ่าๆ น่ารัก” อย่าๆ อย่ามาบอกกูน่ารักแบบนี้ เดี๋ยวของมันขึ้นนะน้อง

ผมยีหัวดิวด้วยความเอ็นดู เห็นมันดีขึ้นผมก็มีความสุข เรานั่งเล่นกันสักพักดิวก็ต้องลงสนามไปซ้อมแบด ไม้เปลี่ยนขึ้นมานั่งพัก มันก็บ่นเรื่องของมันไปตามเรื่องตามราวอะ ผมฟังมันพล่ามพลางมองดิวเล่นแบดไปด้วย ท่าทางคล่องแคล้วว่องไวใช้ได้ ดูเหมือนว่าเล่นจนร่างกายเริ่มชินกับการเคลื่อนไหวแบบนี้แล้ว ผมดูดิวเพลินจนไม่ได้ฟังเจ้าไม้บ่นอีกเลย แว่วๆ แค่ว่าจ้องดิวตาเป็นมันแล้ว...

เลิกซ้อมเราก็ไปที่ร้านอาหาร แม่ทำมื้อเย็นไว้รอพวกเราอยู่ก่อนแล้ว พอเดินเข้าร้าน แม่ก็ออกมาต้อนรับแล้วกอดดิวเอาไว้ ลูบแผ่นหลังเบาๆ พลางพาเดินไปที่โต๊ะประจำของเรา ดูไปดูมา เราชักจะเหมือนครอบครัวเดียวกันไปทุกที ไม่เหมือนเป็นแค่เด็กข้างบ้านเลย แต่ผมชอบนะ...อนาคตดิวมันก็สะใภ้บ้านนี้อะ ครอบครัวเดียวกันชัวร์ๆ อยู่แล้วถูกมะ

“น้าคุยกับพ่อหนูได้แล้วนะลูก...” อาหารมาเสิร์ฟครบ แม้เปิดประเด็น ผมตื่นเต้นมากที่แม่บอกมาแบบนี้

“ครับ?” อ่อใช่ ดิวยังไม่รู้ว่าผมคุยกับแม่ไว้

“ก็หลังจากหย่ากันแล้ว น้าขอให้หนูอยู่กับน้าแทนที่จะต้องเลือกไปกับใครคนใดคนหนึ่ง น้าตัดสินใจไปเอง...น้องดิวโกรธน้าไหม” เออ ผมก็ลืมเรื่องนี้ไป เราตัดสินใจกันโดยไม่สอบถามความสมัคใจของดิวเลย มันได้ฟังแล้วก็ยิ้มบางๆ

“ผมกำลังคิดเรื่องนั้นอยู่เลยครับ ผมกลัวว่าจะต้องเลือกไปอยู่กับใครสักคน...ผมไม่รู้จริงๆ ว่าผมจะไปอยู่กับพวกเขาได้ยังไง” ความเศร้าแผ่กระจายออกมาอีกเมื่อมันหวนกลับไปคิดเรื่องนี้ แต่ก็ไม่หนักมากเท่าช่วงแรก

“ใช่ น้าก็เป็นห่วง กลัวหนูจะลำบากใจถ้าต้องไปอยู่ในที่ที่ไม่เคยอยู่ น้าเลยเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาพ่อหนู แล้วพี่ชาติเขาก็โอเค แต่ที่รอนานก็เพราะต้องถามแม่หนูด้วย”

“แม่ผมยอมใช่ไหมครับ”

“ใช่จ้ะ วันนี้น้าเพิ่งได้คำตอบ”

“ขอบคุณนะครับ ผมรบกวนคุณน้ามากเลย” ดิวน้ำตาคลออีกครั้ง แม่ผมดึงดิวมากอดเอาไว้

“รบกงรบกวนอะไร ไม่เลยลูก...ว่าที่ลูกอีกคนในอนาคต” แม่พูดแล้วก็ขำ มีเหลือบมามองหน้าผมอีกแหนะ ดิวมันยิ้ม หน้าแดงหน่อยๆ แสดงว่าเขิน

“แต่ว่านะ…” จู่ๆ ไม้ก็แทรกขึ้นมา

“อะไรของมึง?” ผมหันไปถามไม้ที่นั่งข้างกัน

“ช่วยสนใจผมบ้างดิ ผมจะงอนแล้วเนี่ย...” ทำเป็นพูด แม่ผมยังดูแลไม้ดีเหมือนเดิม ดีขึ้นด้วยเพื่อให้เท่าเทียมกับดิว มันจะได้ไม่เกิดช่องว่างในความรู้สึก ส่วนผมไม่ต้องห่วง...แม่ไม่ดูแลผมก็อ้อนได้

“นี่แม่ทำของโปรดไม้ทั้งนั้นเลยนะ ไม้ยังว่าแม่ไม่สนใจอีกเหรอ งั้นแม่เอาไปเก็บดีกว่า”

“เดี๋ยวๆ! ไม้ล้อเล่นเอง...แค่เรียกร้องความสนใจ” เจ้าตัวเบะปาก แต่ไม่ได้น่ารักเท่าดิวทำ ก็เลยได้รับเสียงหัวเราะจากพวกเราแทน

มื้อเย็นเริ่มคึกครื้นขึ้นมาบ้าง กลบเกลื่อนความอึมครึมที่ดิวยังมีอยู่ในตัว สองอาทิตย์ฟื้นได้ขนาดนี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานมันจะผ่านเรื่องนี้ไป และมีความสุขกับสิ่งที่มันเป็นอย่างทุกวันนี้ได้แน่ๆ

จบมื้อค่ำก็ต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์ หมายถึงผมนะ ไม่ใช่ดิวกับไม้ สองคนนั้นมีการบ้าน พวกเขาต้องนั่งทำการบ้านกันไปก่อน ส่วนผมหาผ้ากันเปื้อนมาใส่ หยิบสมุดจดแล้วเดินร่อนเป็นเด็กรับออเดอร์บวกเสิร์ฟอาหาร

ดิวลอบมองผมอยู่ตลอด หันไปกี่ทีก็แทบจะสบตากันทุกที มันเอาแต่ยิ้มบางๆ มองผมเหมือนคนเพ้ออะไรสักอย่าง เห็นแล้วหมั่นเขี้ยวมากเลย อยากจะเข้าไปฟัดติดที่ทำงานและนี่มันร้านอาหารไม่ใช่ห้องนอน

ประมาณสองทุ่มกว่าๆ ไม้กับดิวก็ทำการบ้านเสร็จ ร้านอาหารใกล้ปิดแล้ว พวกนี้จะต้องช่วยกันทำความสะอาดร้าน ดีที่ไม่มีใครอิดออดให้ผมต้องดุ ผมเข้าไปที่เคาน์เตอร์ ช่วยแม่ทำบัญชี อนาคตผมต้องทำงานบริหาร เรื่องแบบนี้จะไม่รู้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ผมเลือกเก็บประสบการณ์จากแม่นี่แหละ แม่จะคอยบอกคอยสอน บางอย่างผมก็เรียนรู้หลักการมาจากมหาลัยแล้ว แต่พอได้มาทำจริงๆ มันค่อนข้างต่างกันเยอะทีเดียวนะ มันปวดหัวกว่าและตัวเลขก็ไม่แน่นอน

เมื่อทุกอย่างที่ร้านเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินทางกลับบ้านกัน รถสองคัน ของผมและแม่ที่ขับมาทำงานเองเมื่อเช้านี้ ไม้ไปกับแม่ส่วนผมกลับกับดิว วันนี้เรามีขนมหวานติดไม้ติดมือกลับไปที่บ้านด้วย พวกผมก็ไม่ได้ชอบของหวานนะ แค่ชอบทุกอย่างที่แม่ทำเท่านั้นเอง

ผมกับดิวนั่งพูดคุยกันไปตามทาง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่เรียนอยู่ ในหลักสูตรที่ดิวเรียนมันจะมีบางอย่างที่เจ้าตัวสงสัยแล้วก็ถาม ผมก็พลอยได้ทวนความรู้ที่เรียนไปกับดิว นั่งคิดนั่งวิเคราะห์ตอบคำถามมันจนกระทั่งถึงบ้าน ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่า แล้วลงมานั่งเล่นดูทีวีกันอีกสักพักนู้นแหละถึงจะไปนอนกัน คือบ้านผมทำแบบนี้กันจนติดเป็นนิสัยอะครับ บางบ้านอาจติดละคร แต่บ้านผมก็ติดรายการต่างๆ ที่มีในแต่ละวัน อย่างนี่ก็คนอวดผี แม่ชอบมาก ผู้ชายแมนๆ สามตัวนี่นั่งหงอเลย กลัวนะ แต่ดู

“น่ากลัววะ...ทำไมต้องเป็นผีในตู้วะ” ดิวบ่น เราขึ้นมาที่ห้องกันแล้วนั่งลงบนเตียง

“แหม่ ผีมันก็มีทุกที่ทุกอย่างนั่นแหละ” ผมบอก ฉวยโอกาสกอดมันพร้อมลากไปนอน

“จริงดิ แล้วมึงไม่กลัวมั้งเหรอ”

“หึ ไม่กลัวอะ ชอบด้วย...” ดิวเลิกคิ้วสงสัย จู่ๆ ผมบอกชอบผี ฮ่าๆ เห็นหน้ามันแล้วตลกอะ

“มึงชอบผีเหรอ?”

“ใช่ ผีผ้าห่ม...ชอบมาก” มันนิ่งไปอึดใจหนึ่ง จากนั้นหน้าก็เริ่มแดง...

ผมดันปลายคางดิวขึ้นเพื่อจะได้ละเลียดริมฝีปากมันได้ ดิวไม่อิดออด มันเงยหน้าตามแรงดันอย่างง่ายดาย เรายิ้มบางๆ ให้กันก่อนผมจะเป็นฝ่ายป้อนจูบให้ดิว เริ่มจากย้ำริมฝีปากบนและล่าง ย้ำมันลงไปซ้ำๆ เพื่อซึมซับความนุ่มละมุนจนกระทั่งพอใจ ดิวอ้าปากน้อยๆ ผมสอดลิ้นเข้าไปเพื่อช่วงชิงลมหายใจมันอย่างอ่อนโยน ก็รู้นะว่าพอทำแบบนี้แล้วจะเกิดความต้องการ แต่ผมก็ยังอยากทำมันทุกๆ วัน

“ฝันดีนะ...” แล้วก็ถึงเวลาห้ามใจ ผมย้ำจูบหนักๆ ที่ปากมันอีกครั้งก่อนนอนกอดมันเอาไว้

“อืม ฝันดี” ดิวขยับจูบปากผมแผ่วเบา ใจผมนี่ระรัวไปหมด...จับมันกดแม่จะตีหัวแตกไหม

.....100%.....

เรื่องความพีค ความดราม่าตีกันแบบผัวเมียคุ่นี้คงไม่มีมาให้ชม แล้วเราก็ได้แต่หวังว่า....มันจะไม่ทำให้คนอื่นเบื่อ ในตอนที่เราเป๋จากคนในครอบครัวมันยากจริงๆ นะ ที่จะก้าวผ่านปัญหาไป แต่ถ้ามีใครสักคนอยู่เคียงข้าง ไม่ทิ้งเราไว้ มันจะทำให้เรารู้สึกฮึ้ดขึ้นมาได้อีก...แล้วต้นก็เป็นคนนั้นของดิว
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 32 - 100% [21/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-09-2017 21:19:11
หลานไม้มีงอนแล้ว ขอคู่ให้หลานไม้ด่วน  :laugh3:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 32 - 100% [21/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-09-2017 21:57:13
เล่นผีผ้าห่มกันเถอะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 32 - 100% [21/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 21-09-2017 22:42:59
ดิวน่ารักขึ้นเยอะมากก
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 32 - 100% [21/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 23-09-2017 00:03:04
ดีแล้วที่ทีครอบครัวนี้ดูแล
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 32 - 100% [21/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 23-09-2017 12:34:51
ดิวโชคดีกว่าถูกหวย
ได้จวยต้นมานอนกอด
ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 33 - 100% [24/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 24-09-2017 20:38:25
>>ตอนที่ 33 [100%]<<

วันที่เราสามคนแม่ลูกรวมถึงดิวไม่อยากให้มาถึงก็มาจนได้ ทกคนเป็นห่วงความรู้ของดิวาก มันต้องไปที่บ้านใหญ่เรื่องที่พ่อกับแม่มันจะหย่ากัน ทางนั้นไม่ได้แจ้งอะไรเอาไว้ แค่กำชับว่ามันต้องไป เป็นเรื่องสำคัญที่เขาอยากให้ดิวเป็นคนตัดสินใจ

ดิวปฏิเสธไม่ให้พ่อกับแม่มารับ เพราะมันต้องการให้ผมไปด้วย รู้ว่ามันไม่ควรเพราะนี่มันเรื่องครอบครัวของมัน แต่ในเมื่อนี่คือสิ่งที่ดิวต้องการและมันสามารถทำให้ดิวก้าวข้ามเรื่องนี้ไปได้ ผมก็จะไปอยู่ข้างๆ มัน

เราเดินทางกันแต่เช้า แม่และไม้เป็น่วง คอยบอกว่าดิวต้องสู้ๆ และต้องผ่านมันไปให้ได้ ไม่วายกำชับผมด้วยว่าให้ดูแลน้องดีๆ ผมรับปากแม่เป็นหมั่นเป็นเหมาะก่อนจะเริ่มเดินทาง ดิวกระวลกระวาย นั่งไม่ค่อยติด น่าจะกำลังจินตนาการไปต่างๆ นาๆ ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันนี้

“มึงว่ากูจะโดนบังคับให้ไปอยู่ที่อื่นไหม กูไม่อยากไป” ในที่สุดดิวก็พูดออกมาเป็นคำแรกหลังจากเดินทางใกล้ถึงที่หมาย

“มึงสิบเจ็ดแล้วดิว กำลังจะสิบแปด...อีกไม่นานก็ต้องเลือกทางเดินในชีวิตตัวเอง เขาบังคับมึงไม่ได้มากขนาดนั้นหรอก” ผมพยายามให้กำลังใจ แต่ดิวกลับมองหน้าผมเศร้าๆ

“ไม่จริงหรอก เขายังบังคับให้พ่อกับแม่แต่งงานกันเลย แล้วพอจะหย่ากันก็ไม่ยินยอมด้วย กูจะรอดจากการบังคับขีดเส้นทางริงเหรอวะ” เออนั่นสิ ผมไม่ได้อยู่ในครอบครัวที่เข้มงวดแบบนั้นด้วย ก็เลยให้คำตอบที่ดีที่สุดไม่ได้ ผมเอื้อมมือไปกุมมือของดิวเอาไว้ บีบมันแน่นๆ

“อย่าเพิ่งคิดไปไกลเลย เผชิญหน้ากับมันก่อนแล้วเราค่อยหาทางออกดีกว่า คิดตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่ามันจะออกมาในแบบที่เราคิดหรือเปล่า ทำใจให้สบายนะ...ไม่ต้องเครียด” เจ้าตัวเล้กครางตอบอืมเบาๆ มันบีบผมตอบขณะทอดสายตาไปด้านนอก

รู้ว่ายังไงมันก็คิดแล้วเครียดอยู่ดี เข้าใจว่ามันทำไม่ได้ง่ายๆ หรอก ผมปล่อยให้ดิวอยู่กับตัวเองจนกระทั่งมาถึงที่หมาย ดิวบอกบ้านและเส้นทางเข้าสู่ที่จอดรถ เราเดินจับมือกันไปยังประตูใหญ่ พ่อกับแม่ของดิวยืนอยู่คู่กันตรงนั้น ดิวบีบมือผมแน่นขึ้นไปอีก

“อย่าปล่อยกูไว้คนเดียวนะ” มันเงยหน้ามามอง น้ำเสียงเจือความอ้อนวอนอยู่

“อยู่แล้วหน่า” ใช้อีกมือยีหัวดิว มันพยายามยิ้มบางๆ

เราทั้งคู่ยกมือไหว้สวัสดีพ่อกับแม่ของดิว ทั้งคู่มองมือที่กุมกันของผมก่อนมองมาที่ใบหน้า ดิวกระชับมือแน่น เหมือนไม่ต้องให้ผมปล่อยแม้ว่าคุณลุงคุณป้าจะมองด้วยสายตาอย่างไร ผมเข้าใจ ดิวในเวลานี้ต้องการความมั่นคงเพื่อให้ตัวเองมีที่ยึดเหนี่ยว ดังนั้นผมจึงกระชับมือตอบกลับ ไม่ปล่อยแม้จะโดนสายตาสงสัยทิ่มแทง

พวกเขาไม่ได้ยิงคำถามกลับมา แต่แม่ดิวจะเข้ามาดึงดิวออกไปจากผม ติดที่ดิวปฏิเสธจะเดินไปพร้อมแม่ตัวเอง คุณป้ามณีเลยต้องเดินนำเข้าบ้านไปพร้อมคุณลุง ปล่อยเราสองคนเดินตามหลังในระยะประชิด

บ้านหลังนี้ใหญ่มาก เป็นบ้านของครอบครัวฝั่งพ่อดิว แม่บ้านเดินกันขวักไขว่ ซึ่งที่ผมเห็นส่วนใหญ่ก็มีแต่แม่บ้านเนี่ยแหละ เราตรงไปที่ห้องโถงรับแขก ที่นั่นมีคนสูงอายุนั่งกันอยู่สี่คน สองคนบนโซฟาตัวยาวผมคิดว่าน่าจะเป็นพ่อแม่ของคุณลุงสุชาติ เพราะหน้าตาคล้าย พวกท่านยังดูแข็งแรงดี ไม่ได้อ่อนแอไปตามกาลเวลา ส่วนโซฟาฝั่งซ้ายมือก็คงเป็นพ่อแม่ฝั่งแม่ดิว สีหน้าพวกท่านไม่ดีเลย เหมือนโกรธเคืองกับสิ่งที่ลูกสาวเลือกจะทำ

พ่อกับแม่ดิวเดินไปนั่งโซฟาฝั่งขวา เราสองคนได้เก้าอี้จากแม่บ้านมาเพิ่ม จากตอนแรกที่ผู้หลักผู้ใหญ่มองพ่อแม่ดิว ตอนนี้พวกเขากลับจ้องมาที่มือของผมและหลานชาย เท่าที่รู้ ดิวไม่ใช่หลานชายเพียงคนเดียวของสองครอบครัวนี้ แต่อาจเป็นหลายชายคนเดียวที่รักชอบเพศเดียวกัน

“ปล่อยมือจากกันซะ” คุณปู่ของดิวชี้ไม้เท้ามาที่เราทั้งคู่ ท่าทางคุกคามและไม่พอใจ ดิวมองหน้าผมและผมก็มองหน้ามัน เราควรปล่อยมือจากกันก่อน

“เพราะพวกแกสองคนมันเหลวแหลก ลูกแกก็เลยผิดเพศแบบนี้” เสียงหยามหยันออกมาจากปากของคุณยายดิว เธอมองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

“ไม่เกี่ยวกับพ่อแม่หรอกครับ ผมเป็นของผมเอง” ดิวตอบ ท่าทางนอบน้อมและมันก็เป็นฝ่ายคลายมือของผม

“ไม่ต้องมาออกกตัวแทนแม่แกเลย ยายเลี้ยงแม่แกมา ใส่ใจแม่แกถนอมแม่แกไง แม่แกเลยไม่ผิดเพศ” ฟังความคิดแบบนี้ผมก็ฉุนนะ แต่ทำอะไรไม่ได้

“ค่ะ ความผิดณีเอง พอใจไหมคะคุณแม่” คุณป้ามณัดบทแม่เธอเอง

“ช่างมันเถอะ ไม่ฆ่าคนตายก็พอแล้ว” คุณย่าดิวปัดประเด็นนี้ให้ตกไป ท่าทางที่สง่างามและหยิ่งผยองในเวลาเดียวกันทำให้เธอดูเหมือนนางพญา แม้ว่าอายุจะเลยเลขหกแล้วก็ตาม

“แกรู้เรื่องพ่อแม่แกแล้วใช่ไหมดิว” คุณปู่เอ่ยถาม

“ครับ ผมทราบแล้ว”

“แล้วแกคิดว่ายังไง แกอยากให้พ่อแม่เลิกกันอย่างนี้จริงๆ ใช่ไหม” คำถามพุ่งตรงเข้าหาดิว แน่นอนว่าคำตอบคือไม่ ดิวเงยหน้ามองผมเล็กน้อย มันเม้มปากแน่นเหมือนไม่รู้จะเอายังไงดี ผมจะจับมือให้กำลังก็กลัวมันจะรุ่มร่ามเกินไปในสถานการณ์น่าอึดอัดแบบนี้

“ถ้าพ่อแม่แกเลิกกัน แกมันก็หมาหัวเน่าไม่มีใครเอา แกอยากให้เป็นแบบนั้นจริงเหรอดิว” ฝ่ายคุณยายดิวไซโคต่อ ผมละอยากหัวเราะ ที่เป็นอยู่ตอนนี้ดิวไม่ใช่หมาหัวเน่าเหรอไง

“ปู่ย่าและตายาย รวมถึงพ่อแม่แกยกให้แกตัดสินใจว่าจะยอมให้พวกเขาเลิกกันไหม แต่แกต้องคิดดีๆ นะดิว...โตมาแบบไม่มีพ่อแม่น่ะเหรอที่แกต้องการ” ฝ่ายตาดิวก็ทับถมลงมาอีก ผมรู้สึกว่าดิวอาจไม่แกร่งพอที่จะต้องรับความกดดัน ฝ่ายปู่ย่าตายายอยากให้ดิวตัดสินใจที่จะให้พ่อแม่อยู่ด้วยกัน แต่ฝ่ายพ่อแม่กลับอยากให้ดิวตอบในอีกรูปแบบเพื่อให้พวกเขาได้เดินทางจากกันไปเสียที

“คุณพ่อครับ อย่ากดดันดิวแบบนั้น” คุณลุงสุชาติกล่าวกับพ่อตาเสียงนุ่ม

“ฉันเนี่ยนะกดดัน ไม่มีใครกดดันอะไรดิวสักคน เราแค่หวังดีกับพวกแกแล้วก็ลูกของแก คิดดู...ดิวมันจะต้องอยู่อย่างไรถ้าไม่มีพ่อแม่...”

“มีเหมือนไม่มีก็ไม่ต้องมีดีกว่าครับ” จู่ๆ ดิวก็โพล่งขึ้นมากลาปล้อง ซึ่งมันเป็นคำพูดที่แม้แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะกล้าพูด

เกิดความเงียบขึ้นฉับพลัน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรในเวลานี้ พ่อแม่ของดิวเองก็ได้แต่ก้มหน้ารับคำต่อว่าของลูกตัวเอง ดิวเงยหน้ามองผม ดวงตาของมันถูกเคลือบไปหยาดน้ำ เอาวะ...ไม่ถูกไม่ควรไปหน่อยแต่เพื่อความรู้สึกมัน ผมเอื้อมมือไปกุมมือมันเอาไว้ ดิวยิ้มให้บางๆ แล้วมองหน้าทุกคน

“ปล่อยให้พ่อกับแม่เลือกทางของเขาเถอะครับ ผมไม่เป็นอะไร”

“ใช่สิ ริอาจมีผัวแต่น้อย มันก็พูดได้ว่าไม่เป็นอะไร วันหนึ่งแกโดนทิ้งมา แกจะยังมีหน้ามาพูดว่าไม่เป็นอะไรอีกไหม หือ...จะกลับมาซมซานหาปู่ย่าตายายล่ะสิ เฮอะ ฉันบอกเลยนะนังมณี ลูกผิดเพศของแกน่ะ...ฉันไม่เอาหรอกนะ” คุณยายของดิวกล่าวเหยียดเต็มที่ ไม่รู้โกรธอะไรใครมานักหนา จะเถียงก็ไม่ได้ ปากหมาใส่เดี๋ยวไม่ได้ออกจากบ้านอีก

“ไม่ต้องเอาก็ได้ครับ เราจะยังเลี้ยงลูกของเราเหมือนเดิม แค่เราต้องการจะหย่ากันเท่านั้น เรื่องของดิว ผมไม่ให้เขาเป็นภาระใครหรอกครับคุณแม่” คุณลุงสุชาติมองลูกตัวเองขณะพูดกับแม่ยาย

“ก็ดี ให้มันได้แบบนั้นก็ดี แค่นี้ก็ทำฉันอับอายขายขี้หน้าไปหมด ทั้งลูกสาวลูกเขย” อะไรคือความขายขี้หน้าวะครับ แค่เลิกรากันไปมันไปหนักส่วนไหนของหน้าคุณยายครับผมอยากรู้จริงๆ

“ตระกูลฉันไม่เคยมีเรื่องหย่าร้างเกิดขึ้น นี่มันอัปยศที่สุด ทั้งหย่า ทั้งลูกผิดเพศ แกนี่มัน...” คุณตาของดิวต่อว่าคุณป้ามณี ผมชักพอเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณป้าถึงไม่อยากหย่า กิจการที่ต้องสูญเสียมันก็ส่วนหนึ่ง แต่ต้องมาโดนพ่อแม่ตัวเองต่อว่าแบบนี้ก็เลวร้ายเหมือนกัน

ดิวนั่งกลั้นน้ำตาเอาไว้จนตัวสั่นเทาไปหมด มันก้มหน้ามองมือของเราไม่ยอมมองหน้าใครอีก ตากับยายของดิวชี้หน้าด่าลูกสาวตัวเองแล้วมองเหยียดหยามดิวก่อนจากไป ฝ่ายปู่ย่าที่เห็นนิ่งๆ ก็ลุกขึ้นมาบ้าง

“ฉันผิดหวังในตัวแกมากไอ้ชาติ” ปู่ของดิวตบหน้าคุณลุงสุชาติอย่างแรง เสียงมือกระทบใบหน้าทำให้คนตัวเล็กข้างกายผมสะดุ้งผวา มันไม่กล้าเงยหน้ามอง ส่วนผมตาค้างด้วยความตกใจ ผมไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้มันต้องตบต้องตีเลยเหรอ

“ผมขอโทษครับพ่อ”

“เอาคำขอโทษของแกกองไว้ตรงนั้นแหละ” แล้วคุณปู่ก็เดินจากไป คุณย่าดิวเองก็เดินตาม เธอมองหน้าลูกชายของเธอแค่แว้บเดียว เหมือนไม่สนใจว่าลูกจะรู้สึกอย่างไร ปล่อยไว้อย่างไม่ใยดี

ผมว่าผมไม่ควรมาอยู่ตรงนี้ ผมไม่ควรมานั่งหัวโด่ท่ามกลางสถานการณ์เลวร้ายนี้เลย มันเป็นเรื่องภายในโคตรๆ ซ้ำยังรู้สึกอย่างกับว่าตัวเองเป็นคนทำให้ป้ามณีและคุณลุงสุชาติโดนด่า โดนตำหนิเรื่องลูกชายด้วย

แต่หันไปมองดิว...ผมมาอยู่ตรงนี้เพื่อมันนี่นะ ถ้าไม่มีผมมันจะตอบว่ายังไง ถ้าผมไม่ได้อยู่ข้างมันในวันนี้ผมจะอดทนจนผ่านมาได้ไหม ผมคว้าร่างของดิวมากอด อาจจะไม่ค่อยเหมาะแต่ผมเห็นใจและสงสารมัน ดิวปล่อยโฮทันทีที่ผมโอบแขนรวบรัดร่างกาย เจ้าตัวซบหน้าแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น ผมไม่เห็นว่าคุณลุงกับคุณป้าจะมองอย่างไรแล้วรู้สึกแบบไหน ตอนนี้สิ่งสำคัญคือดิวต่างหาก

ดิวคือคนที่ต้องมารับผลกระทบในสิ่งที่ตนเองไม่ได้ก่อ เป็นบาปบริสุทธิ์จากการกระทำของคุณลุงคุณป้าโดยแท้ ผมได้แต่หวังว่าพวกเขาจะไม่มาต่อว่าหรือบังคับอะไรดิวอีก แค่นี้ดิวก็เจ็บช้ำมากพอแล้ว ต้องเสียทั้งพ่อและแม่ไปในเวลากัน...

“ต้นพาน้องกลับบ้านทีนะ ลุงฝากน้องด้วย...” คุณลุงเดินมาตบบ่าผมที่ยังกอดดิวเอาไว้ เขาลูบหัวลูกชายแล้วจากไป

“แม่จะติดต่อหาหนูนะลูก...” ดิวผละกอดจากผม มันโผเข้ากอดแม่ตัวเอง

มันคงอยากพูดอะว่า...มันไม่อยากให้ใครเดินจากมันไป ไม่ว่าจะพ่อหรือแม่มันก็ตาม แต่คำพูดของลูกอาจเป็นตัวเหนี่ยวรั้งให้เขายังฝืนอยู่ด้วยกันต่อไป แม่ดิวพยายามปลอบลูกชายด้วยความเป็นจริงที่มันไม่อาจเปลี่ยนไป เขาทั้งคู่ไม่ได้รักกันแล้ว จะฝืนต่อมันก็มีแต่ทรมานใจ เธอกล่าวโทษลูกชายที่ไม่สามารถมอบความรักให้เขาได้มากพอ เธอกล่าวโทษตัวเองที่เป็นแม่แย่ๆ ทั้งน้ำตา

ทั้งคู่กอดเข่ากันร้องไห้ เป็นภาพที่สะเทือนใจเพราะมันทำให้ผมนึกย้อนไปตอนที่เสียพ่อไป มันอาจจะแตกต่างกันที่เหตุผล แต่ความเจ็บปวดของคนเป็นลูกนั้นไม่ได้แตกต่างกันนักหรอก ผมอยากบอกดิวว่ามันโชคดีที่ทั้งคู่ไม่ได้ตายจากมันไป สถานะต่างหากที่เปลี่ยนไป วันหนึ่งในอนาคมันจะยอมรับสิ่งนี้ไปเอง และค่อยๆ เข้าใจในเหตุผลของผูใหญ่ได้มากกว่าตอนนี้

“ป้าฝากน้องด้วยนะต้น” คุณป้ามณีจูงมือดิวมาหาผม เธอเอามืออันสั่นเทาของคนตัวเล็กวางลงบนมือของผม และผมยินดีที่จะกอบกุมมือเล็กนี้เอาไว้

“ครับ ผมจะดูแลน้องอย่างดี ผมสัญญาครับ” เธอยิ้มบางส่งให้ก่อนจะตบบ่าผมเพื่อฝากฝังดิวเอาไว้

เราจับมือยืนมองคุณป้าเดินจากไปอีกคน ใบหน้าของดิวยังคงเต็มไปด้วยน้ำที่อาบไหล เมื่อคุณป้าหายลับสายตาไป ผมก็ดึงมันมากอด ปลอบมันด้วยสัมผัสอ่อนโยนที่แผ่นหลัง ดิวสะอื้นหนักมากจนน่าสงสาร เห็นมันทรมานผมก็พลอยทรมานไปกับมันด้วย ผมดึงมันออกจากอ้อมอก เช็ดน้ำตาหล่านั้นให้หมดไปจากใบหน้าก่อนจะบรรจงจูบที่หน้าผากมัน

“เรากลับบ้านกัน...” ดิวพยักหน้าโดยไม่ตอบอะไร

ระหว่างทางมันไม่พูดอะไรเลย เอาแต่สะอื้นไห้กับเหตุการณ์ที่ยังคงตราตรึงในใจ มันเป็นความเลวร้ายที่แสนเศร้าหมอง ต้องใช้เวลาเพื่อเยียวมันไปเรื่อยๆ ผมไม่สั่งให้หยุดร้อง ไม่ห้ามปรามแม้ว่าจะสงสารมันมากแค่ไหน ผมแค่พยายามกุมมือมันเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

หน้าที่ของผมคืออย่าทิ้งมัน...ยืนอยู่ข้างๆ มันในวันที่มันย่ำแย่ที่สุดนี้

แม่และไม้รอต้นรับเราที่บ้าน ผมต้องปล่อยมือจากมันเพื่อให้มันได้รับการปลอบโยนจากคนอื่นบ้าง วันนี้เป็นวันที่เลวร้ายอีกหนึ่งวัน เป็นวันที่มันต้องการความรักเพื่อชดเชยและเติมเต็มหัวใจที่ที่เจ็บช้ำ

พวกเราให้กำลังใจกันและกัน นั่งอยู่ด้วยกันไม่ยอมลุกจากไปไหน แม่พยายามทำเท่าที่ทำได้ด้วยการรังสรรค์ขนมขึ้นมาปลอบใจ ไม้พยายามชวนดิวเล่นเกมและผมก็พยายามที่เย้าหยอกให้มันรู้สึกดีขึ้น

แต่ความพยายามของเราในวันนี้ไม่ส่งผลเท่าไหร่นัก...

เมื่อเราขึ้นมาที่ห้อง ดิวก็กอดผมแล้วร้องไห้ออกมาอีก เสียงสะอื้นข้างใบหูกรีดหัวใจคนฟังอย่างผมไม่ต่างกับผมเป็นคนโดนเอง ไม่รู้จะเอาคำไหนมาปลอบโยนมัน ปล่อยให้มันร้อง...ปล่อยให้มันได้เสียใจให้เต็มที่

ไม่นานมันก็เพลียและหลับไป...

ผมหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาของมัน ก่อนจะค่อยๆ เช้ดเนื้อตัวให้ มันจะได้นอนหลับอย่างสบาย ก่อนจะผ่านคืนนี้...ผมกระซิบข้างหูของมันว่าฝันดี ผมสัญญาจะอยู่ข้างๆ มันแม้ว่าความรักของเราอาจจะต้องหยุดลง ผมจะเป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย และจะไม่ทอดทิ้งมันไปเหมือนที่คนอื่นๆ ทำ

“ต้น...” เสียงแม่เรียกเบาๆ ที่หน้าห้อง ผมละสายตาจากดิวเพื่อออกไปหาแม่

“ครับ” แม่ดึงมือผมให้ลงไปข้างล่างด้วยกัน

“เราไหวไหม...” ไม่แปลกใจกับคำถาม ผมยิ้มบางๆ ให้แม่

“ไหวดิ ต้นไม่เป็นอะไร ดิวต่างหากที่เป็น”

“แม่รู้ และแม่ก็รู้ว่าความเศร้าเสียใจองดิวจะมีผลกระทบต่อหนูด้วย แม่แค่อยากมั่นใจว่าหนูไหวจริงๆ เป็นห่วงนะ...ทั้งต้นและดิวเลย” เราหยุดเมื่อลงมาถึงชั้นล่าง แม่ดึงให้ผมหันไปมองหน้า แล้วผมก็สวมกอดแม่เอาไว้

“ต้นโชคดีที่มีแม่เป็นแม่ ต้นไม่รู้เลยว่าถ้าต้นต้องอยู่สถานการณ์เดียวกับดิวต้นจะเป็นยังไง แม่รู้ไหม วันนี้ปู่ย่าตายายของดิวต่อว่าดิวที่เป็นแบบนี้ พวกเขาพูดเหมือนกับว่าการที่ดิวรักเพศเดียวกันมันเป็นเรื่องผิดปกติ ผมฟังแล้วก็เจ็บแทน...ผมอยากตอบโต้” ผมระบายความอึดอัดใจของตัวเองให้แม่ฟัง

“แต่ต้นก็ไม่ได้ทำใช่ไหม” ผมพยักหน้า “ดีแล้ว เราเปลี่ยนความคิดคนไม่ได้หรอกลูก เขาไม่ชอบ เขารังเกียจ ก็ช่างเขาเถอะ...ไม่เห็นเป็นอะไรเลย เราแค่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน คุณค่าของเราก็เท่าเดิม อย่าเก็บมันมาใส่ใจนะลูกนะ...เป็นอย่างที่เป็นนี่แหละ” ผมพยักหน้ารับรู้อีกครั้ง

“ครับแม่...ต้นรักแม่นะ”

“แม่ก็รักลูก”

.....100%....

ตอนแรกว่าจะอัปจนจบเลย...ขอตอนสุดท้ายไว้พรุ่งนี้ละกัน เดี๋ยวมาให้อีกหนึ่งตอน รอสักครู่
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 34 - 100% [24/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 24-09-2017 21:11:19
>>ตอนที่ 34 [100%]

“!!!!”

ผมสะดุ้งตกใจ เพราะเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นดิวนอนคว่ำเท้าคางจ้องหน้าผมอยู่ ระยะประชิดอีกต่างหาก มิน่าถึงรู้สึกเหมือนมีลมเป่าโดนหน้าอยู่ตลอด พอมันเห็นผมสะดุ้ง เจ้าตัวก็ขำเบาๆ

“ตกใจอะไรกูขนาดนั้น ไม่ใช่ผีเสียหน่อย หรือว่าตอนนี้หน้ากูเหมือนผีไปแล้ว แน่ๆ เลยใช่ไหม ตากูต้องบวมแล้วหน้าก็บวมด้วยสินะ” มันคิ้วขมวดเป็นกังวล ผมรีบเอามือมายีหัวมันทันที

“ไม่เหมือนหรอกน่า กูแค่ตกใจ ไม่คิดว่ามึงจะมานอนมองหน้ากันแบบนี้”

“อ่าว ทำไมล่ะ นอนมองหน้ากูได้คนเดียวหรือไง” ทำมาเป็นรู้ดี ผมนี่ชอบนอนมองหน้ามันมาก ทั้งก่อนนอนและตื่นนอน

“ก็เปล่านี่ ดีขึ้นหรือยัง” ผมดึงให้มันมานอนุนแขน แต่ดิวไม่ยอม มันกระดื้บขึ้นมานอนบนตัวผมแทน

“จริงๆ ก็ยัง แต่ร้องไห้เหนื่อแล้วอะ ปวดหัวด้วย แล้วก็...” ดิวหลบตา เฉไฉไปมองอย่างอื่น

“แล้วก็อะไร?” ผมดันห้มันหันกลับมามองสบตา

“ก็...ทำให้มึงทุกข์ใจไปด้วย ทั้งมึงทั้งคุณน้าและไอ้ไม้เลย ไม่อยากให้ใครมารู้สึกแย่กับเรื่องนี้ ก็เลย...ช่างๆ มันไปเถอะ” เลิกคิ้วใส่ พูดเหมือนง่ายแต่มันไม่น่าทำได้ง่ายขนาดนั้น

“เอาความจริงสิ กูรู้มันช่างมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก” ดิวถอนหายใจ

“ก็ไม่ง่าย แต่พยายามบอกตัวเองว่าไม่เป็นไรหรอก มีมึงอยูทั้งคน” ปากหวานจริงๆ ผมดึงท้ายทอยของมันเพื่อจะได้จูบปากมันหนักๆ ได้

“ปากหวานแต่เช้าแบบนี้ ต้องการอะไรหรือครับคุณหนูดิว” ผมว่าอย่างเย้าแหย่ เจ้าตัวหน้าแดง เอนหัวไปมา

“ต้องการคุณต้น...คุณต้นจะว่าอย่างไรครับ” พูดแบบนี้ น้ำลายแตกฟองเลยทีเดียว ไม่อยากจะบอกว่าที่ผ่านมาก็อยากจะมันกดไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ แค่พยายามหักห้ามใจเพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นเหมือนคนอื่นๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตดิว

“พูดแบบนี้...ล่อแหลมเกินไปนะเนี่ย” ผมว่าไปตรงๆ ไอ้ดิวหัวเราะ

“ฮ่าๆ กูไม่เคยเห็นใครเก้อเวลากูชวนทำอย่างนั้นสักที มีแต่มึงเนี่ย ถามจริงๆ นะต้น...มึงไม่เคยแล้วก็อายชะปะ” มันทำหน้าเหมือนอยากรู้อยากเห็นเต็มที่ แต่ก็จริง ผมไม่เคยกับผู้ชาย แต่...แต่ครับแต่ ผมไปศึกษามาแล้ว มีขั้นตอนยุ่งยากกว่าผู้หญิงนิดหน่อย แต่ไม่ลำบากอะไรเท่าไหร่เลย

“ก็ไม่เคยกับผู้ชาย อีกอย่าง...ถ้ามึงไม่ได้สำคัญสำหรับกู กูก็คงกดมึงไปแล้ว” คนฟังหน้าแดง แต่ไม่ยอมหลบตา ผมเลยบดขยี้ริมฝีปากสีอ่อนของมันด้วยควมหมั่นเขี้ยว เช้าวันนี้ว่าจะไม่มีเรื่องให้รู้สึกหื่นแล้วเชียวน้า ดิวดันมายั่วยวนเสียดาย

แม่ครับ...ต้นรู้สึกล่อแหลมเหลือเกิน

จะให้ดิวกลับไปนอนกับแม่เพื่อไม่ให้เราเกินเลยกันมันก็ทำใจยาก ผมกับมันนอนด้วยกันมาขนาดนี้แล้ว ไม่มีมันผมเหงาตายเลยสิ หมอนข้างมีชีวิตเป็นสิ่งวิเศษสำหรับมนุษย์โลกเราเลยนะครับ ชอบที่ได้นอนกอดมันเอาไว้ ชอบที่ได้จูบมันก่อนนอนและตอนตื่นนอนแบบนี้ แม้ว่ามันจะอยู่ในสถานการสุ่มเสี่ยงแค่ไหนก็ตามที

จริงๆ ต้องบอกว่าเสี่ยงทุกคืนและทุกเช้าครับ...

“เพื่อนกูบอกว่าถ้าเครียดหรือเศร้ามากๆ ให้มีอะไรกับแฟน มันจะช่วยได้” ตอนแรกว่าจะไหลอารมณ์ไปกับจูบดูดดื่มนี่จนกว่าจะฉ่ำปอด แต่พอละปากออกหน่อยหนึ่งดิวกลับพูดขึ้นมาแบบนี้

“ใครเขาสั่งเขาสอนมึงวะ เพื่อนคนไหน...” ผมหงุดหงิดขึ้นมาทันที เพื่อนที่ดีสอนเพื่อนแบบนี้หรือไง ไอ้เลว

“ก็...” ดิวมันรู้แล้วล่ะว่าผมไม่พอใจ

“ก็อะไร เพื่อนคนไหน ทุกวันนี้คบอยู่ไหม จะเดินไปตบให้กะโหลกแตกเลย สอนห่าเหวอะไรแบบนี้วะ” ไม่ได้อยากจะก้าวร้าวนะ แต่ไม่พอใจจริงๆ อะ

“ไม่ได้คบแล้ว แต่มันก็จริงไม่ใช่เหรอ เคยอ่าในบทความด้วย” ดิวเสียงอ่อนลง มันซบหน้ากับอกเปล่าเปลือยของผม คือผมเป็นคนชอบนอนถอดเสื้อแล้วก็ไม่ใส่ซับใน เวลานอนอยากสบายเนื้อสบายตัวน่ะ

“เด็กทะลึ่ง” ผมดีดหน้าผากมันเบาๆ ความหงุดหงิดผ่อนลงหน่อยเมื่อมันบอกว่าเลิกคบเพื่อนกลุ่มนั้นแล้ว เจ้าตัวเบะปากคล้ายกับงอน

“ไม่ได้ทะลึ่งนะ ก็แค่พูดเฉยๆ” ดิวอ้อมแอ้มตอบ

“แล้วเคยทำไหมล่ะ?”

“ทำคลายเครียดอะเหรอ” ผมพยักหน้า “ไม่เคยอะ...ไม่เคยทำตามความต้องการของตัวเองหรอก ปกติ...มันจะอ่า...เอ่อยังดีล่ะ”

“ปกติพวกนั้นมันเรียกร้องใช่ไหม” ผมต่อให้จบ มันคงกลัวที่จะตอบ

“อื้อ”

“เฮ้อ...ดิวเอ้ย บอกมาตรงๆ ว่าตอนนี้อยากใช่ไหม” จ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง ผมเฝ้ารอคำตอบ เราถึงเนื้อถึงตัวกันบ่อย และมันเป็นเรื่องธรรมดามากๆ ที่พอถึงเนื้อถึงตัวกันแล้วจะมีความต้องการขึ้นมา เพศชายเป็นเพศที่ไฟติดง่ายและสะสมอยู่ร่างกายในง่ายมาก มีความต้องการเอาน้ำออกสูงประมาณนั้นเลย

“เปล่า” ดิวหน้าแดง ควบคุมระบบไหลเวียนเลือดให้ได้ก่อนแล้วค่อยตอบดีไหม

“เปล่าเหรอ แน่ใจ...”

“อืม ก็...กูเห็นมึงอดทนไม่ยอมทำแบบนั้น กูรู้นะว่ามึงต้องใช้ความพยายามมากอะ แล้วก็ต้องมาคอยปลอบกู มึงต้องเหนื่อยต้องเครียดแน่ๆ กูก็เลย...” โอเค เข้าใจแล้ว ผมกอดมันแน่นขึ้น กดจมูกลงกับกลุ่มผมดำขลับของมัน

“ก็เลยอยากคลายเครียดให้กู ไม่เอาน่า...กูตักตวงจากมึงด้วยการจูบ การหอมการกอดนี่ก็โอเคแล้วนะ”

“บางทีกูก็คิดว่ามึงอาจรู้สึกรังเกียจกูอยู่ลึกๆ ก็ได้ หรือไม่มึงก็กลัวอะไรสักอย่างที่กูไม่รู้...กูกังวลนะต้น” สีหน้ามันบอกผมแบบนั้นจริงๆ

“กูทำมึงคิดมาก...”

“ก็...ไม่เชิง แค่ไม่มั่นใจในตัวเอง กูทำให้มึงไม่มีความสุข กู...กลัวว่ามึงจะทิ้งกู” มองอ้อนขนาดนี้ เสียงอ่อยหนักมากขนาดนี้...

แม่...ต้นขอโทษ!!!

“ถ้างั้น...มึงจะมาโทษกูทีหลังไม่ได้นะ” ดิวคิ้วขมวด

“ยังไง...?”

“ก็ถ้ากูทำมึงลุกไม่ขึ้นไง” ว่าจบผมจัดการประกบปากจูบดิวอีกครั้ง พร้อมทั้งพลิกให้มันลงไปนอนอยู่ใต้ร่าง

มึงทำให้ความอดทนของกูหมดลงเอง...เวลาแบบนี้มันต้องโทษดิวคนเดียวเลยล่ะ ผมไม่ผิดนะที่มาตบะแตกเพราะมันอ้อนด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดแบบนี้ เอาแค่นอนกอดกันทุกวัน จูบกัดดูดดื่มทุกคืนนี่ก็ยากจะห้ามใจแล้ว นี่มาปูทางทอดยาวให้ขนาดนี้อีก...ทนได้ก็ผมตายด้านแล้วล่ะ!

อีกอย่างที่ไม่เคยบอกหรือพูดเลยคือ...ผมเตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว ทั้งเจลหล่อลื่นและถุงยาง! ผมไม่ได้หื่นขนาดนั้นนะ ก็แค่เตรียมไว้เฉยๆ แบบว่า...เผื่อวันไหนสถานการณ์มันพาไปแบบตอนนี้เนี้ย จะได้ไม่ต้องมาชะงักเพราะว่าไม่มีของเหล่านั้นไงครับ เป็นแค่คนรอบคอบไม่ใช่หื่นนะ

ถึงปากจะป้อนจูบดูดดื่มให้กับดิวไม่ผละจาก แต่มือของผมก็ใช่จะอยู่เฉย ค่อยๆ สอดใส่เข้าไปในเสื้อยืดสำหรับใส่นอนของดิวแล้วลูบไล้ผิวกายอ่อนนุ่ม ปกติผมแทบไม่อยากแตะต้อง ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี แต่กลัวห้ามใจเอาไว้ไม่ไหว ดิวมันเล่นกีฬามากขึ้น ช่วงนี้เลยมีกล้ามเนื้อบ้าง ทว่ามันไม่ได้ลดสัมผัสเนียนนุ่มของผิวมันเลยสักนิดเดียว

“อื้อ...” ผมละริมฝีปากออก ตามเลียหยาดน้ำลายมุมปาก มูมมามไปหน่อยก็เลยเลอะเทอะ แต่เดี๋ยวมันจะยิ่งเลอะมากกว่านี้

“อยากให้แม่ไม่อยู่จัง” ผมกระซิบเสียงเบาข้างหู เจ้าตัวเล็กหน้าแดงซ่าน สองมือโอบรอบลำคอของผมเอาไว้คล้ายจะไม่ยอมให้ผมลุกจากไป

“กูจะไม่เสียงดัง” น้ำเสียงอออดอ้อนไม่ได้สะเทือนใจเท่ากับดวงหน้าที่ยั่วยวน

ผมหันไปทางประตู ปกติเป็นคนที่นอนไม่ล็อกห้อง ทั้งผมแม่และไม้เลยครับ ดังนั้น...ผมต้องลุกไปปิดประตูก่อน เดี๋ยวแม่หรือไม้เปิดเข้ามาเห็นล่ะก็ ตายทั้งคู่ หรือว่าสวรรค์อาจจะล่มก่อนก็เป็นได้ ล็อกห้องเสร็จสรรพผมก็เดินไปหยิบอุปกรณ์ที่เตรียมเอาไว้ ผมไม่ชักช้ารีบกลับขึ้นเตียงเพราะดิวกำลังนอนรอผมอยู่

“ไม่ค่อยเลยนะ...” มันว่าอายๆ

“จะให้กูบอกว่ากูไม่หวังก็ไม่ได้อะนะ” วางของสองสิ่งนั้นไว้ข้างกาย ผมจับดิวถอดเสื้อออกซึ่งมันให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

ผมนั่งคร่อมเอวคอดเล็กแต่เทน้ำหนักไปที่เข่าทั้งสอง สายตาจับจ้องเรือนร่างของมันที่เริ่มมีกล้ามเนื้อนิดๆ ไม่มากมายเท่าไหร่ ผิวขาวนวลเนียนแบบนี้เพราะเป็นคนไม่ค่อยออกกำลังกายตอนเด็กล่ะสินะ ผมลูบไล้มันด้วยความเบามือ หัวใจสั่นไหวไม่ใช่น้อย เล่นเอาแทบจะควบคุมมือตัวเองไม่ให้สั่นตามหัวใจไม่ได้ มันตื่นเต้นอยู่ลึกๆ เพราะผมไม่เคยมาก่อน ทั้งยังมีความกังวลว่ามันจะไม่ดีอีก...

ทว่า...สิ่งเหล่านั้นอยู่รองความต้องการของผมไปมากโข

ดิวยื่นมือทั้งสองมาตรงหน้า ผมโน้มร่างให้มันสวมกอดพร้อมจูบที่ริมฝีปากของดิว ความนุ่มนิ่มนี้ชวนหลงใหลเป็นที่สุด ผมชอบที่จะย้ำปากตัวเองลงบนปากเล็กๆ ของมัน ที่ชอบมากกว่าคือลิ้นเล็กๆ แสนซนข้างใน ดิวเป็นคนมีประสบการณ์ และเรื่องแบบนี้มันผ่านมาแล้ว จึงไม่แปลกที่มันจะจูบตอบกลับได้ดีมาก ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องแย่หรือเอาความไม่ซิงของดิวมาเป็นอารมณ์

เพราะว่า...คนมีประสบการณ์ร้อนแรงทุกคนครับผม!

ฝ่ามือเล็กคอยลูบไล้แผ่นหลังและต้นคอของผมสลับกันไป ลิ้นเล็กเองก็ผลัดเข้ามาในปากผมบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งผมก็ยินดีที่จะให้ดิวได้เป็นฝ่ายโหมจูบผมอย่างมูมมาม ลิ้นเล็กๆ เข้ามาสำรวจโพรงปากของผมอย่างซุกซน มันว่องไวแว้บไปทางนั้นและทางนี้ สร้างความวาบหวิวให้กับผม แต่ว่า...เราจะอยู่แค่ตรงนี้ไม่ได้ ผมละริมฝีปากออกทั้งที่เสียดาย ไม่เป็นไร ลำคอขาวๆ นี่ก็น่าขบกัดไม่ใช่เล่น...

“อื้อ!” ร่างของคนตัวเล็กผวาสั่นขึ้นมาทันทีที่ผมงับลงไป ร่างกายที่แอ่นเข้าหาผมเนี่ย...ทำเอาผมรู้สึกอยากมากขึ้นเป็นเท่าตัว

ความสนุกหนึ่งของผู้ชายคือการทำให้คนรักดิ้นเร่าๆ ด้วยความเสียวซ่าน ฟังเสียงครางหวานๆ และมองท่าทางเขินอายเหล่านั้น ผมเป็นผู้ชายที่ชอบอะไรแบบนั้นเหมือนกัน ดังนั้นผมจึงไม่ลังเลที่จะสร้างความหวิวไหวให้กับร่างเล็กด้านใต้

ค่อยๆ พรมจูบผ่านลำคอมาที่หน้าอก ผมเงยหน้าสบตากับดิวขณะที่เรียวลิ้นสีแดงสดกำลังยื่นออกไปสัมผัสยอดอกเล็กๆ สีน้ำตาลอ่อน ดิวหอบหายใจอย่างหนัก มันมองตอบไม่ลดละ เมื่อผมแตะต้องจุดอ่อนไหวช่วงบน ร่างดิวก็สั่นไหวขึ้นมาเบาๆ ดิวรีบเอามือไปปิดปากตัวเอง ทั้งที่อีกมือยังคงอยู่บนหัวของผม

ดูท่าทางมันสิ ดูปฏิกิริยาตอบรับของมัน...น่ารักน่าชังจะตาย ผมฮึกเหิมมากกว่าเดิม ตัดสินใจครอบปากลงไปแล้วดูดจุดเล็กๆ ที่แสนอ่อนไหวนี้ ทั้งยังตวัดลิ้นขึ้นลงเล่นกับมันอีก สนุกปากไหมบอกเลยว่ามาก แต่ที่ยิ่งกว่าคือร่ากายของคนตัวเล็กกำลังบิดไปมาเบาๆ ดิวจิกหัวของผม แผ่นอกแอ่นขึ้นเล็กน้อยคล้ายกับอยากให้ผมทำมากขึ้นไปอีก ในขณะที่จุดน้อยๆ อีกฝั่งก็โดนนิ้วของผมบดขยี้ จากที่อ่อนโยนและเบามือ มันก็กลายเป็นความรุนแรงขึ้นอีกระดับ

เพราะความหมั่นเขี้ยวนั่นแหละนะ...

“พี่ต้นตื่นยัง!” ทว่าเสียงเรียกของไม้กลับหยุดการกระทำของเราชั่ววินาทีหนึ่ง หัวใจของผมและดิวเต้นแรงมาก ถ้ามันหลุดออกมาจากหน้าอกได้มันคงกะดอนไปทั่วห้องด้วยความตื่นเต้น

ไม่...ผมไม่หยุดหรอก

หลายครั้งแล้วที่ผมเกือบจะร่วงเกินแล้วมีคนเข้ามาขัดจังหวะ ครั้งนี้ผมไม่ยอม ผมดำเนินการต่อด้วยการย้ายริมฝีปากไปยังยอดอกอีกฝั่ง ดิวสะดุ้งเฮือกใหญ่ มันรีบเอามืออีกข้างไปช่วยกันอุดปากตัวเองเอาไว้กันเสียงร้องคราง ดวงตาของดิวเคลือบไปด้วยหยาดน้ำ มันไม่ใช่ความเศร้าเสียใจผมรู้...แต่มันเป็นความเสียวซ่านต่างหาก

ผมรุกคืบไปที่ดิวน้อยในกางเกงนอน มันตื่นเต็มตาและมีการแข็งค้าง ไอ้ไม้โดนปล่อยเบลอไป ผมไม่ฟังเสียงบ่นของมันที่ว่าผมตื่นสาย แต่กำลังลูบไล้ดิวน้อยด้วยฝ่ามือร้อนๆ ของตัวเอง เสียงหอบหายใจของดิวรุนแรงมากขึ้น พอๆ กับร่างกายที่เกร็งจนสั่นไปหมด...

“ฮึ้ก...อื้อ” ผมเริ่มให้ความสนใจสิ่งอื่นนอกจากยอดอกของมัน จูบซับผิวกายต่ำลงไปยังท้องน้อย ไม่ใช่แค่ประทับริมฝีปากลงไป แต่ยังขบและงับมันเบาๆ อีกด้วย

ดิวเกร็งหน้าท้องของตัวเอง ผิวเนื้อสั่นไหวไปหมด ผมยกยิ้มให้กับความทรมานอันหอมหวานที่ดิวเผชิญอยู่ รู้สึกดีมากที่ได้เป็นฝ่ายมอบความรัญจวนนี้ให้กับมัน เมื่อก่อนทำได้แค่มองเงาแล้วก็วาดฝันไปตามเรื่องตามราว แต่ตอนนี้สิ...นี่สิความเป็นจริงที่ผมได้มันมาอยู่ในมือแล้ว

ผมดึงขอบกางเกงนอนของมันออก เจอซับในสีอ่อนที่มีร่องรอยของหยาดน้ำเป็นจุด ผมไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย ที่จะเอาปากตัวเองวางลงบนส่วนปลายผ่านเนื้อผ้าบาง

“อ๊ะ...อื้อต้น...” กลั้นเสียงไม่ไหวเสียแล้ว ผมยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่ ขบและงับมันด้วยความสนุกปาก ดิวแทบดิ้นพล่าน มือหนึ่งปิดปากตัวเองไว้ส่วนอีกมือก็จิกที่นอนของเราจนยับยู่

“อ๊ะ..อ๊ะ...ฮื่อ...” ถึงแม้จะพยายามกลั้นเสียงเท่าไหร่ แต่ผมก้เร่งเร้ามันด้วยปากจนมันส่งเสียงออกมาจนได้

มันเพราะ...แล้วก็กระตุ้นอารมณ์อย่างรุนแรง ผมหน้ามืดตามัวไปหมด ลึกๆ อยากให้ดิวส่งเสียงครางออกมาให้เต็มที่เพราะผมอยากฟังเสียงของมัน อยากให้มันครางเป็นชื่อผมเยอะๆ แต่แม่กับน้องยังไม่ไป ตอนนี้คงกำลังกินมื้อเช้าอยู่ข้างล่าง ผมจะให้แม่รู้ไม่ได้ ยังไม่อยากหัวแตกหรือโดนแยกห้องนอน

.....100%.....

เอาอีกละ ทิ้งให้เคว้งคว้างกับความลุ้นระทึกอีกละ ฮ่า...น้องโดนแน่ๆ รอบนี้ แต่เราจะอัปต่อในวันพรุ่งนี้ คืนนี้รอวนไปจ้าาาา
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 34 - 100% [24/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-09-2017 21:21:11
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 34 - 100% [24/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 24-09-2017 21:37:18
ต้นนนนนนนน ต้องสำเร็จนะคราวนี้ 5555554
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 34 - 100% [24/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-09-2017 22:23:15
ลุ้นระทึก
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 34 - 100% [24/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 25-09-2017 00:39:07
จะรู้รึป่าว แม่น่ะ 555
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 34 - 100% [24/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-09-2017 00:55:53
ค้างงงอ่ะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 35 TheEnd - 100% [24/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 25-09-2017 20:45:24
>>ตอนที่ 35 TheEnd [100%]<<

“จุ้ๆ นะ” ผมกระซิบก่อนจะใช้ปากงับขอบชั้นใจของมันลง

ส่วนนั้นของดิวดีดผึ่งขึ้นมาทันที เกือบโดนหน้าเหมือนกัน ตอนนี้ดิวแทบจะแดงไปทั้งตัวด้วยความเขินอาย ไม่รู้คนอื่นปฏิบัติกับมันแบบไหนแต่ผมคิดว่าการที่ผมทำแบบนี้ให้มัน มันต้องชอบแน่ๆ

“ไอ้ต้น...”

“เรียกพี่ได้ปะ” ผมดึงกางเกงของมันออกจากขา เมื่อได้ฟังสิ่งที่ผมขอมันก็เม้มปากตัวเองแน่น

“พี่ต้น...” อื้อหือ มันต้องอย่างนี้สิ ผมยิ้มกริ่มด้วยความชอบใจ

“ดีมากครับน้องดิว

“อ๊ะ...ฮะ...ฮะอึ้ก...” ผมครอบปากลงไปที่ส่วนปลาย ดิวกระตุกเร่าๆ อย่างกับเสร็จไปแล้วแต่ก็ยัง

“อื้อ...พี่ต้น...พี่อ๊ะ...อื้อ...ฮึ้ก” เสียงครางของดิวเหมือนจะเป็นเสียงสะอื้นหนักอยู่ในลำคอ เพราะปล่อยเสียงออกมาเต็มที่ไม่ได้

ผมก็มีความเมามันอยู่ในตัวเอง ก็เลยรูดริมฝีปากขึ้นลง พร้อมกับเน้นจุดที่ดิวน่าจะชอบ ผมไม่รู้ว่าผู้ชายเขาทำกันแบบไหน ผมไม่ได้ใช้ปากเก่ง แค่รู้ว่าตัวเองชอบแบบไหนก็เท่านั้น ผมทำแบบที่ผมชอบให้แฟนคนเก่าทำกับมัน

ร่างกายของดิวเริ่มเหมือนคนอดรนทนไม่ไหว เดี๋ยวกลั้นหายใจเดี๋ยวเกร็งมั่วไปหมด ดิวดูทรมานแต่ก็ไม่ได้น่าสงสาร ผมลองเร่งจังหวะให้มันรัวเร็วยิ่งขึ้นไปอีกนิดและอีกนิด คงไปกระตุ้นมันมาก ดิวขยับสะโพกสั่นๆ ของตัวเองตามปากของผม

“ฮะ!...ฮึ้ก...ฮึ้ก....” เสียงสะอื้นหนักมาพร้อมกับบางสิ่งที่พุ่งเข้าปากดิวยังกระตุกสั่นไม่เลิก เจ้าตัวตะครุบปากตัวเองเอาไว้แน่นเพราะกลัวเสียงจะหลุดลอยออกมาดังเกินไป

ผมกลืนน้ำของดิวลงคอ เป็นครั้งแรกที่ได้กินน้ำนี่ของผู้ชายด้วยกัน ไม่รู้ว่าเพราะเป็นดิวหรือเปล่า...ผมถึงไม่ได้รู้สึกแย่หรือรังเกียที่จะกิน เมื่อกลืนมันลงคอไปแล้วผมก็เอื้อมมือไปหยิบเจล หมายจะเทลงไปที่จุดนั้นเพื่อจะได้เชื่อมตัวเองเข้าไปในร่างกายของดิว แต่ไอ้คนตัวเล็กลับคว้ามือของผมเอาไว้เสียก่อน

“ทำไม..” ผมถาม เจ้าตัวพยายามๆ ยันร่างสั่นไหวของตนขึ้นนั่ง มันแย่งเจลไปจากมือผม ทำท่าทางลังเลจนผมแปลกใจ

“ให้กูทำมั้ง...” ได้ยินที่มันต้องการแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ติดอย่างเดียว

“พูดใหม่ให้เพราะๆ ซิ” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ดิวเม้มปากชั่งใจอีกครั้ง

“ให้ผมทำให้พี่มั้ง” ดูมัน ไม่รู้จะน่ารักน่ากินไปไหน

พอผมพยักหน้า ดิวก็ขยับเข้ามาใกล้ๆ มันเป็นฝ่ายมอบจูบให้ผมพลางดันร่างกายของผมให้นอนนาบลงไป จะหัวเตียงท้ายเตียง เวลานี้ไม่มีใครสนใจส่วนนั้นเลย ผมปล่อยให้ดิวปรนเปรอผมด้วนริมฝีปาก แต่ดูท่าเด็กน้อยจะรีบร้อน เจ้าตัวเอาลิ้นมานัวเนียกับผมได้ไม่นานก็ละไปที่ลำคอ จูบต่ำลงไปเรื่อย ดิวแทบจะเก็บหมดทุกจุด ไมปล่อยให้ส่วนใดในร่างกายของผมผ่านไปโดยที่มันไม่ได้สัมผัส

ดิวถอดกางเกงนอนของผมออกอย่างไว มันไม่ได้รีบร้อนแต่ผมเองที่รีบถีบเจ้ากางเกงนอนให้พ้นตัว ด้วยความที่ไม่ใส่ชั้นในนอนอยู่แล้วก็เลยง่ายเข้าไปใหญ่ ดิวนั่งทับขาตัวเองกลางหว่างของผม หน้ามันแดงมาก ตาจ้องส่วนนั้นนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ผมเพลินที่ได้มองท่าทางของมัน สีหน้าของมัน ทั้งที่ความต้องการของผมเองก็มีมากไม่น้อย

ดิวเริ่มจูบช่วงเอวฝั่งขวา ลากปากไปสร้างความสยิวให้กับผมจนกระทั่งมาถึงส่วนสำคัญกลางกาย เจ้าตัวลังเลเล็กน้อย ช้อนตาวาวๆ มองผมก่อนจะแตะลิ้นลงที่ส่วนปลายยอด ร่างกายผมเกร็งเฮือกขึ้นมาทันที ยิ่งมันลากลิ้นลงไปตามความยาวแล้ววกกลับขึ้นมาใหม่ ผมก็แทบจะเสร็จเพราะได้เห็นสีหน้าเย้ายวนของมันควบคู่ไปด้วย

“อ่า...ดิว...” ปากเล็กๆ นั่นครอบลงมาที่ส่วนปลาย ดิวดูดหนักๆ ก่อนจะกลืนมันเข้าสู่โพลงปากช้าๆ

“อื้อม..ดี...จัง” ดีมากจนแทบจะปลดปล่อยออกไปเสีย แต่ผมพยายามอดทนที่จะตังตวงความอ่อนนุ่มของดิวเอาไว้

ในนั้นมันทั้งร้อนและนุ่มนิ่ม ลิ้นเล็กตวัดเฉียดไปเฉียดมา หัวใจเต้นแรงแทบจะวายตา ความเสียวซ่านเป็นตัวขับเคลื่อน่างกายให้ตอบสนองกลับ ผมไม่ฝืนเท่าไหร่นักเพราะก็บอากให้มันรู้ว่าผมชอบที่มันทำให้

ดิวไม่รีบเร่งทำให้ผมเสร็จ ไอ้ผมก็อยากจะไปเหมือนกันแต่ปล่อยให้มันได้ทำตามใจตัวเอง ดิวหยิบเอาเจลมาเทใส่มือตัวเองและก็เป็นฝ่ายเตรียมความพร้อมให้ตัวเอง ผมมองท่าทางของมันด้วยหัวใจที่ลุ้นละทึก ปากมันยังคงกลืนกินของผมอยู่แม้ว่านิ้วของมันจะกำลังหายเข้าไปในร่าง

“ดิวหันมาทางนี้สิ” ผมรีบหยุดดิวเอาไว้ก่อน เพราะส่วนนั้นเองผมก็อยากเป็นฝ่ายทำ

“แต่...”

“เถอะนะ ให้พี่ทำให้นะครับ” ผมลองหยอดคำพุดหวานหู ดิวพยักหน้าอย่างง่ายดาย มันหันช่วงล่างมาทางหัวของผม

ผมรีบจับขาทั้งสองของมันให้คร่อมช่วงหัว ดิวมันแดงไปทั้งตัว ยิ่งมันเขินอายมันก็ยิ่งทรมานน้องชายผมมากเท่านั้น ผมลองสอดนิ้วเข้าไปในร่างของมัน นี่เป็นสิ่งที่อยากลองทำกับมันตั้งแต่ศึกษาเรื่องแบบนี้เอาไว้แล้ว

เมื่อสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย มันก็ตอดรัดนิ้วผมทันที เผลอคิดไปว่าถ้าหาเป็นไอ้นั่นของผม มันจะรู้สึกยังไงนะ ปากดิวผมว่าร้อนแล้วแต่ข้างในนี้ร้อนรุ่มยิ่งกว่า ผมเอาเจลมาเทเพิ่มเพราะไม่อยากเกิดความเจ้บเสียดขึ้น นิดเดียวก็แทบไม่อยากให้เกิด

เสียงเฉอะแฉะดังอบอวลอยู่ในห้อง ผมเริ่มสอดนิ้วที่สองเข้าไป ดิวครางอื้ออ้าในลำคอตลอดเวลาที่ผมขยับนิ้ววนไปซ้ายทีขวาที สะโพกมลพยายามเบี่ยงหลบความเสียวซ่านที่ผมมอบให้ แถมเจ้าดิวน้อยก็ตื่นลืมตาขึ้นมาอีก

ผมกระทดตัวลงไปเพื่อให้ตัวเองเลียเจ้าดิวน้อยได้ แต่ตัวเจ้าของมันเนี่ยกลับชะงักทุกอย่างทันที ดิวหยุดากตัวเอง มันหันกลับมามองผม สีหน้าฉ่ำอารมณ์ของมันเป็นตัวเร่งให้ผมเดาะลิ้นใส่รัวๆ พร้อมกับนิ้วที่กระแทกเข้าออก

เสียงรถแล่นออกไปแล้ว...

“ครางให้พี่ฟังทีสิ...” ผมบอกกับมันเบาๆ ไม่มีคนอยู่บ้านแล้วกูได้ยินเสียงเต้มๆ แล้วโว้ย

“อื้อ...พี่มันเสียว อ๊ะ..อ๊ะอื้อฮะ!” ดิวไม่สามารถประครองร่างของตัวเองเอาไว้ได้อีกต่อไป เจ้าตัวล้มลงและซบหน้าอยู่กับหน้าขาฝั่งหนึ่ง

ดิวบิดเร่าๆ ด้วยความเสียวซ่านที่โจมตีอย่างรุนแรง ผมได้ใจ สอดนิ้วเพิ่มเป็นสามและเพิ่มจังหวะการเร่งเร้า เสียงครางกระท่อนกระแท่นดังคลอเคลีย ริมฝีปากพงาบของดินเฉียดส่วนนั้นของผมไปมา ผมกระตุกให้น้องชายเรียกดิว และเหมือนเจ้าตัวจเก่งพอที่รู้ความต้องการ ดิวฝืนคร่อมไม่ไหว มันนอนแต่ก็แลบลิ้นเลียส่วนนั้นของผมไม่ยอมแพ้

“พี่ต้น...”

“ครับ” ผมกำลังเพลิน ดิวกลับเรียกเสียงกระเส่าเสียก่อน

“ดิวอยากให้พี่เสร็จ...เสร็จใส่ปากดิวนะ” เหมือนโดนน็อกด้วยหมัดหนักๆ ผมแทบตายกับสีหน้าที่เย้ายวนและเรียวลิ้นสีฉ่ำหวาน

ดิวพยายามเร่งเร้าผมอีกครั้งด้วยจังหวะที่ช่ำชองกว่าเดิม ผมแทบทำอะไรดิวต่อไม่ได้ ร่างกายเกร็งจนปวดร้าวไปหมด รับรู้ถึงจังหวะการหายใจและลิ้นที่โรบเร้าความอ่อนไหวของผม

“อะ..ดิว....อื้ม!” เพียงไม่นานผมก็ปล่อยเข้าปากดิวไปเต็มๆ อย่าว่าผมมันความอดทนต่ำนะครับ ไม่ได้ทำนานแล้วแถมยังเจอลิ้นรัวๆ อีก ตายกับตายผมพูดเลย

ดิวดูดเลียทำความสะอาดมันจะเอี่ยม เจ้าตัวเคลื่อนไปนั่งคร่อมทับส่วนนั้นของผมที่ยังไม่ยอมลดขนาดลง ง่ายๆ คือมันยังไม่พอนั่นแหละครับ ดิวช่างใช้มือตัวเองลูบไล้ส่วนนั้นเอาไว้ ตามองผมอย่างต้องการ

“ดิวจะขึ้นให้พี่เหรอ”

“นะ...ดิวทำให้” ก็แปลกใจว่าทำไมถึงปรนเปรอให้ผมมากขนาดนี้

“ดิวอยากทำเหรอ”

“อืม อยากทำให้พี่ต้นมีความสุขไง” ผมไปต่อไม่เป็น อารมณ์อย่างว่าก็ยังไม่ยอมลดลงด้วย

ดิวจับส่วนนั้นของผมเอาไว้มั่นก่อนจะค่อยๆ กดสะโพกตัวเองลงมา ใบหน้าบิดเบี้ยวนั้นผมกลัวว่ามันจะเจ็บ แต่ก็ไม่กล้าห้าม ให้ดิวเป็นฝ่ายควบคุมเองนั่นแหละดีแล้ว มัจะได้รู้ว่ามันชอบแบบไหน แล้วอย่างไหนมันจะไม่เจ็บ

แต่คนนอนอย่างผมไม่ได้ดีเลยนะครับ... ความเสียวซ่านแล่นวาบจากส่วนนั้นขึ้นสู่สมองอย่างไว ผมจับเอาคอดของดิวไว้แน่นเมื่อมันนั่งทับผมทั้งตัว คนตัวเล็กผ่อนลมหายใจเบาๆ

“ชอบไหม...พี่ต้นชอบแบบนี้หรือเปล่า” อย่าถามด้วยสีหน้ามากอารมณ์ขนาดนั้น ไม่ไหว...อยากกระแทกเสียเองแล้วตอนนี้

“พี่ต้องถามเรามากกว่าว่าเราชอบไหม” แต่ถึงความต้องการจะพุ่งสูงแค่ไหน ผมก็อยากให้มันมีความสุขที่สุด

“ชอบสิ ดิวชอบมากเลย...ดิวรักพี่ต้นนะ” ดิวโน้มหน้าลงมาใกล้ มันจูบปากผมเบาๆ และมองผมด้วยสายตาสื่อความหมาย

“อืม พี่ก็รักดิวครับ...” ผมจูบตอบพร้อมกอดเอวเล้กเอาไว้

ดิวเริ่มขยับช้าๆ หลังมันนั่งแช่อยู่พักหนึ่ง เจ้าตัวคงปรับสภาพได้แล้วถึงได้เริ่มขยับ ผมเฝ้ามองดูใบหน้าของมัน เราสบตากันขณะที่ร่างกายกำลังสอดประสาน ถุงยงถุงยางอะไรเหมือนไม่มีอยู่ในโลก อันที่จริงมันไม่ควร แต่สดนี่ให้อารมณ์เราได้เต็มที่จริงๆ

ดิวชันขาขึ้น ค้ำมือทั้งสองข้างที่หน้าขาของผมก่อนยกสะโพกตัวเองขึ้น เห็นช่องทางสีอ่อนกับส่วนนั้นของผมมันวาวเต็มตา แต่ชอบหน้าตาของดิวมากกว่า หน้าหื่นๆ และดวงตาฉ่ำวาวนั้นมีเสน่ห์มากเหลือเกิน ดิวกระแทกสะโพกลงมาเป็นจังหวะหนักๆ

“อ๊ะ อ๊ะ..ฮะ..อื้ม” พร้อมครางเสียงอ่อนเสียงหวานไปหมด ผมรู้สึกดีมาก เฝ้ามองดูมันขยับร่างกายขึ้นลงอยู่บนตัวของตัวเองเนี่ย วิเศษสุดๆ

ไม่นานเจ้าตัวก็เหนื่อย ดิวเปลี่ยนมาวางมือที่หน้าท้องของผม โน้มตัวมาด้านหน้านิดหน่อยแล้วหมุนสะโพกตัวเองไปมา โอย...หัวใจหนอหัวใจ เต้นแรงสุดๆ ท่าทางของมันช่างเย้ายวนจนผมเหมือนคนเมาเข้าไปทุกที ส่วนนั้นเองก็ตอดรัดผมแนบแน่น เหมือนโหยหากันมานาน

เหงื่อเจ้าตัวไหลเยิ้มทั่วร่าง ดิวหายใจหนักๆ ด้วยความเหนื่อยอ่อน ผมอาศัยตอนมันหยุดพักครู่หนึ่งดันร่างมันนอนลงกับที่นอน ดิวตกใจ คว้าคอของผมเอาไว้ในขณะที่ผมยิ้มกริ่มก่อนจะสาวสะโพกกระแทกมันเอง

“ฮื่อ..พี่ต้น อื้อ อ๊ะ...อ๊ะ..อ๊ะๆ!” พอตัวเองคุมเกมได้ก็ใส่ไม่ยั้ง แล้วเพิ่งมาคิดได้ว่ามันอาจจะเจ็บก็เลยหยุดชะงักกลางคัน

“ดิวเจ็บหรือเปล่า...” เจ้าตัวส่ายหน้ายิ้มๆ

“ไม่ ดิวไม่เจ็บครับ พี่ทำต่อเถอะ...” มือของดิวลูบไล้อยู่ที่แผงอก เมื่อได้รับคำยืนยันว่าไม่เจ็บ ผมก็เริ่มทำการกระแทกกรั้นต่อทันที

“พี่รู้สึกดีจังเลยครับ ดิวรู้สึกดีไหม...” สะโพกสวนใส่ร่างด้านใต้ไม่หยุด ทว่าอยากรู้ความรู้สึกอีกฝ่ายก็เลยถาม

“ดี...ดีมาก อ๊า อ๊า...พี่...ดิวสะเสียว..เสียวมากอื้อ” ยิ่งได้ยินผมก็ยิ่กระหน่ำสะโพกเข้าไปอีก

“เรียกชื่อพี่สิ...” โน้มหน้าลงไปกอดอีกฝ่าย ดิวเอก็กอดตอบผมพรากรั้งร่างตัวเองให้รับสัมผัสหนักหน่วง

“พี่อ๊ะ...พี่ต้น พี่ต้น...อะ อ๊าๆ” เรียวนิ้วเด็กในอ้อมกอดกรีดไปตามแผ่นหลัง ควมเจ็บจี๊ดยิ่งทำให้ผมเสียวซ่านเข้าไปใหญ่

ผมยิ่งเร่งจังหวะเข้าไปอีกนิด คอนลอยสังเกตว่าดิวรู้สึกอย่างไร ดีที่ดิวเป็นพวกรู้สึกก็บอกเวลาที่เรามีอะไรกัน ผมอาจจะรุนแรงไปบ้าง ทว่าเมื่อได้ยินคำว่าชอบ คำว่าดีและท่าทีที่เหมือนจะทนไม่ไหว ผมก็ควบคุมสติสัมปชัญญะของตัวเองไม่ได้

ผมเหมือนคนอดอยากมานานกินดิวอย่างตะกรุบตะกราม แต่ก็ไม่ลืมที่จะถนอมเด็กคนนี้เอาไว้ คอยดูว่าเขามีความสุขกับเราไหมในเวลาที่เราเพิ่มจังหวะรักให้ร้อนแรงยิ่งขึ้น แล้วผมก็ได้รู้ว่าดิวเองสามารถตอบรับและสนองตอบต่อผมได้อย่างดีเยี่ยม เขาเหมือนต้องการมานานไม่ต่างจากผม

การได้รู้ว่าเราเองก็ใฝ่หากันและกันมันทำให้ผมรู้สึกดี และความรู้สึกดีนั้นทำให้อยากพาดิวไปถึงจดหมายปลายทางด้วยกัน ผมเอื้อมมือไปจับส่วนนั้นของดิวเอาไว้ กอบกุมมันเบาๆ ปล่อยให้จังหวะการกระแทกกระทั้นเป็นตัวนำให้ดิวรู้สึกดี

“พี่ต้น...พี่ต้นดิว..อ๊ะ อ๊ะอ๊า...ดิวจะเสร็จละแล้ว...” ร่างของคนตัวเล็กเกร็งเป็นจังหวะ แล้วผผมก็อดทนต่อได้ลำบากเมื่อมันบีบรัดผมอย่างกับอยากให้เราไปด้วยกัน

“อื้ม..พี่ก็ไม่ไหวแล้วครับ” ผมโหมความรุนแรงใส่ร่างเล้กอีกครั้ง ฟังเสียงครางหวานๆ และรับรู้ถึงปฏิกิริยาตอบรับ ดิวกำลังครวญครางและดิ้นเร่าๆ อยุ่อ้อมแขน

“อ๊า...พี่ต้น...พี่ต้นอื้อ!!!” ความอุ่นวาบมาพร้อมแรงกระตุกและตอดรัดหนักๆ ผมพยายามฝืนอดทนไม่ปลดปล่อย ทว่ามันเร่งเร้าจนเกินไป ผมไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

“อ่าห์...” ร่างผมกระตุกไม่ต่างกับดิว มันไม่ใช่แค่เสร็จแล้วปลดปล่อย แต่มันรู้สึกดีกว่านั้น เหมือนเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งว่าเราสามารถทำให้คนที่เรารักมีความสุขได้

ผมทิ้งตัวกอดดิวเอาไว้ด้วยอ้อมแขน ริมฝีปากคลอเคลียไปตามใบหน้าอ่อนวัย ดิวนอนหลับตา แต่ก็ยังตอบสนองเมื่อผมบดจูบลงไปที่ปากสีแดงเรื่อ ทั้งที่เหนื่อยอ่อนมากพอแล้ว แต่ผมกลับรู้สึกถึงความต้องการที่ยัไม่สิ้นสุด อ่า...สงสัยดิวจะลุกจากที่นอนไม่ได้แน่ๆ

“ผมทำให้พี่มีความสุขไหม” ดิวปรือตา

“พี่ต่างหากต้องถามว่าพี่ทำให้เรามความสุขหรือเปล่า” ผมจูบที่หน้าผากเนียน

“มีสิ ผมมีความสุข..มากๆ พี่ทำเพื่อผมเยอะมากเหลือเกิน ผมดีใจนะ...ขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่าง ขอบคุณที่ยังเห็นค่าของเหลือๆ อย่างผม” ดิวโอบกอดผมตอบแนบแน่น

“ของเหลือบ้าอะไร ดิวไม่ใช่ของเหลือ...ดิวเป็นของที่มีค่าต่างหากสำหรับพี่ พี่รักดิวนะครับ”

“ผมก็รักพี่”

เราเริ่มจูบกันอย่างดูดดื่มอีกครั้งป้อนความรักให้กันผ่านร่างกายบ้างนอกจากคำพูดและการกระทำ ที่สำคัญ...ผมเป็นพวกรักษาคำพูดตัวเองมาก ยิ่งกับเรื่องทำให้ดิวลุกไม่ขึ้นเนี่ยนะ ผมยิ่งถนัด...

ผมจะกอดมัน...ผมจะรักมัน และผมจะทำให้มันรู้ว่า...

มันเป็นของมีค่าสำหรับผมจริงๆ...

TheEnd

.....100%.....

เดี๋ยวมีบทส่งท้าย เราจะทอร์คในบทส่งท้ายละกันนะ หวังว่าเอ็นซีนี้จะทำให้ทุกคนฟิน~
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 35 TheEnd - 100% [24/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-09-2017 20:51:37
 :m25: ขอตัวไปเติมเลือดแป็ป  :z1:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 35 TheEnd - 100% [24/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-09-2017 21:17:26
 :jul1:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 35 TheEnd - 100% [24/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-09-2017 22:36:26
ตอนนี้ทางเรากำลังเปิดรับบริจาคเลือดนะคะ เพราะมีคนอ่านncตอนนี้แล้วเลือดไหลหมดตัว5555 :haun4:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 35 TheEnd - 100% [24/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 26-09-2017 09:12:00
จัดหนักเลยน้าาาาาาต้น /ปิดตา
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 35 TheEnd - 100% [24/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-09-2017 11:19:34
 :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 26-09-2017 19:59:57
>>บทส่งท้าย<<

“เฮ...!!!”

เสียงชัยโยของสองหนุ่มน้อยดังแว่วมาจากชั้นสอง ไม่ต้องบอกกับรู้ว่าเป็นเสียงใคร ลีลาเหรอ...ไม่ใช่หรอก เธอจะมาไชโยเป็นเด็กๆ เสียที่ไหน ต้นล่ะ บ้าเถอะ...เขาเลยวัยสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เพราะงั้นต้นตอของเสียงจึงมาจาก ดิวและไม้ ที่จับมือกันกระโดดโลดเต้น หลังการอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อสอบมหาวิทยาลัยเดียวกันต้น

“เสียงดังขนาดนี้ มีข่าวดีใช่ไหม?” ต้นที่เพิ่งกลับมาจากการเข้าส่งงานเปิดประตูห้องน้องชาย เขาถามทั้งสองยิ้มๆ ดิวปรี่เข้ามาสวมกอดเอวสอบของเขาเอาไว้แน่น ทั้งยังซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกกำยำ

ทางกายภาพ ต้นเปลี่ยนไปค่อนข้างมากเพราะเขาเริ่มจะออกกำลังกายบ้าง เหมือนชายหนุ่มคนอื่นๆ ในยุคนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากหล่อจนดิวไม่มีทางเหลียวหลังมองคนอื่น ตอนที่พูดอออกไป แม่ น้องหัวเราะเยาะเขา และว่ามันเป็นเรื่องแห่งปี แต่ต้นไม่สน ดิวหน้าแดงก่ำ ขวยเขินกับคำพูดที่หาความหวานไม่ได้แต่ก็สื่อนัยได้ชัดเจน

ดิวเองก็สูงขึ้นกว่าเมื่อก่อนนิดหน่อย มีร่างกายแข่งแรงจากการเล่นแบดมินตันเป็นชีวิตจิตใจ น่าน้อยใจนิดหน่อยเพราะว่าไม้กลับสูงได้เร็วกว่าเขา แต่ว่าดิวก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองมากมายนัก เขาชอบที่ตัวเองดูน่ารักหวานๆ แบบนี้ เหตุผลอีกประการก็ดูตลกไม่แพ้คนรักนั่นคือเขาจะน่ารักจนต้นไม่มีทางเหลียวหลังมองคนอื่น

เรื่องราวในสมัยมอห้าของดิว มรสุมชีวิตที่แสนสาหัสผ่านไปได้ด้วยดี เพราะกำลังใจจากคนหลายๆ คน โดยเฉพาะต้นที่คอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอ มานั่งคิดก็น่าแปลก...คนเรากำลังมีแรงฮึดเพื่ออยู่ต่อได้เพื่อใครสักคนเท่านั้นเอง

เขาทั้งคู่คบกันโดยอยู่ภายใต้การดูแลของลีลา อาจมีทะเลาะ มีงอนกันบ้างตามประสาคู่รักทั่วไป ทว่ามันไม่ใหญ่พอที่จะสั่นคลอนความรักของทั้งคู่ที่มีให้กัน ต้นรักดิวมานานแล้วและเขาก็ยังไม่มีรู้สึกหมดรักเด็กหนุ่มคนนี้ ในขณะที่ดิวเปรียบเสมือนต้นเป็นอีกครึ่งชีวิตไปเป็นที่เรียบร้อย

ถ้าให้ดิวพูดความรู้สึกมันก็คงดูโอเวอร์ แต่เพราะเขาไม่เหลือใครนอกจากครอบครัวนี้และต้นที่คอยรักและเอาใจใส่ เขาจึงไม่สามารถเผื่อใจไปให้ใครแม้กระทั่งตัวเอง ภายนอกดิวน่ารักร่าเริง ทว่าภายในก็ยังคงเปราะบางอยู่เสมอ ต้นรับรู้ถึงข้อนี้ดี รวมถึงลีลาและไม้ ดังนั้นพวกเขาจึงทั้งถนอมและผลักดันให้ดิวเข้มแข็งในเวลาเดียวกัน บางเรื่องโดยเฉพาะเรื่องของความรู้สึก ทั้งละเอียดอ่อนทั้งยังต้องอาศัยเวลาในการฟูมฟัก ปล่อยให้ต้นอ่อนของความเข้มแข็งและรักตัวเองค่อยๆ เติบโต

อย่างน้อยๆ...นอกจากต้น ดิวก็ยังกีฬาเป็นเป็นแรงผลักดันชีวิตอีกหนึ่งอย่าง

“อื้อ สอบติดแล้วล่ะ แต่ไม้นี่เกือบไม่ติดนะ อยู่ที่โหล่เลย ฮ่าๆ” ดิวเผาเพื่อนตนในระยะเผาขน เจ้าตัวหัวเราะจนไหล่สั่น

“อะไรเล่า ติดก็ดีกว่าไม่ติดอะแหละ โถ่...” ไม้หน้างอ เขาเรียนไม่เก่งเท่าดิว แต่เชื่อว่าเล่นแบดเก่งกว่าอย่างแน่นอน

“เข้ามหาลัยแล้วละทิ้งความโง่บ้างนะมึง รักษามันเอาไว้อย่างกับมันเป็นเมีย” ต้นซ้ำเติมน้องแบบไม่มีความปรานี ดิวหัวเราะหนักกว่าเดิม

“ชิ ไม่เคยอะ...ไม่เคยเข้าข้างน้อง” ไม้ทำท่างอน แต่ไม่ได้รับความสนใจ

ต้นก้มลงบรรจงจูบที่ศรีษะของดิวอย่ารักใคร่ ดิวยิ่งอิงแอบแนบซบเข้าไปใหญ่ สวีตกันแบบ...ไม่เกรงใจคนมอง ไม้จากที่หน้าหงิกอยู่แล้วก็ยิ่งหงิกเข้าไปใหญ่ ไม่อยากจะขัดหรอกนะ แต่ช่วยเห็นใจคนโสดหน่อย ปากบอกไม่สนเรื่องความรัก แต่เห็นมากๆ ก็อิจฉาเป็นนะเว้ยครับ!

“ไปสวีตกันที่อื่นได้ไหมครับ กูกราบล่ะ ไปเหอะ” ดูหน้าเจ้าไม้ มันหมดอาลัยตายอยากมาก แล้วก็แววตาเหมือนอ้อนวอนให้พวกเขาออกไปจากที่นี่ ไปจู๋จี๋ตรงไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ตรงหน้าเขาน่ะ

“โอ๋ๆ พอแล้วๆ ไม่สวีตแล้วโอเคไหม” ดิวคลายแขนจากต้น เขาเดินเข้าไปกอดคอเพื่อนที่ตัวใหญ่แทบทันพี่ชาย

“ไม่ต้องเลยมึง อิ่มหนำสำราญใจแล้วล่ะสิ”

“อย่ามาประชดประชัน เดี๋ยวกูไม่พาไปเลี้ยงหรอก” คนฟังเหมือนหูกระดิกได้ ทั้งคู่เลยนั่นแหละ ไอ้ต้นจะเลี้ยงเหรอ...ไม่ง่ายนะไม่ง่าย

“เสนอมาก่อนสิว่าจะเลี้ยงอะไร น่าสนใจแค่ไหน พูด!” ไม้หรี่ตามองพี่ชายตนเอง ราวกับตอนนี้พี่ชายกลายเป็นนักโทษของมันไปแล้ว

“เมื่อไม่นานนี้มึงบอกว่าอยากไปไหนล่ะ”

“ผับ?” คนน้องชักมีสีหน้าที่เอ๋อรับประทาน

“อ่าฮะ...”

“บ้า แม่ให้ไปที่ไหนล่ะ!” ยังไม่เคยขอแม่ แต่คิดว่าแม่ต้องไม่ยอมแน่ๆ

“กูขออนุญาตเรียบร้อย แม่ให้เต็มที่ได้หนึ่งวัน ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ถือว่าเปิดประสบการณ์” ไม้รู้สึกชื่นมื่นกับคำตอบที่ได้รับ

เมื่อหลายวันก่อน ตอนที่ผลสอบใกล้จะออกเข้าไปเต็มที ไม้บ่นว่าถ้าผ่านนะจะลองขอแม่ไปเที่ยวผับสักครั้ง ก็ไม่ใช่คนชอบเที่ยวชอบดื่ม เรียกว่าไม่เคยเฉียดเลย แต่เพื่อนบางคนก็เข้ามาเล่าให้ฟัง ก็เลยสนใจอยากจะไปกับเขาบ้าง นี่ก็อายุเยอะแล้ว...สิบแปดย่างสิบเก้านับว่าแก่ใช้ได้ ดิวแค่นั่งฟังเพื่อนพูดไปเรื่อย เพราะรู้ดีว่าถ้าคุณน้าไม่ให้ไป ไม้ก็ยินดีตัดใจจะไปเที่ยวสถานที่อย่างนั้น

ไอ้ต้นเนี่ยตัวดี...ตอกย้ำและซ้ำเติมจนไม้รู้สึกหดหู่ไม่อยากจะไปเที่ยวผับบาร์อะไรนั่นล่ะ แล้วดู มันดันเป็นคนไปขออนุญาตแม่ให้เสียอย่างนั้น โอ้โห...นี่มันของขวัญชั้นเลิศเลยนา

“แต่ผับมันยี่สิบบวกไม่ใช่เหรอพี่?” คนน้องฉุกคิดถึงข้อนี้ขึ้นมาได้

“ใช่ดิ แต่ไม่ต้องห่วง กูมีที่ ไปแต่งตัวกันได้แล้ว ส่วนดิว...ห้ามใส่ขาสั้นนะครับ” ต้นยีหัวคนรักเบาๆ ดิวพยักหน้าประดับรอยยิ้มของตัวเองแล้ววิ่งไปเปลี่ยนชุด

อันที่จริงต้นเพิ่งเคลียงานใหญ่ของตัวเองจบก็เลยอยากฉลองกับเพื่อนๆ เขาถือโอกาสเข้าไปบอกแม่แล้วขออนุญาตให้ไม้กับดิวไปด้วย ตอนแรกไม่ยอมให้ลูกชายพาน้องไป น้องอายุน้อย แต่มื่อเห็นลูกชายคนโตคะยั้นคะยอก็ใจอ่อนยอมให้ แต่ขอให้กลับไม่เกินเที่ยงคืน และต้นต้องห้ามเมา น้องๆ ต้องให้ต้นดูแลเพราะงั้นต้นเมาไม่ได้เด็ดขาด ซึ่งต้นยอมรับข้อเสนอนั้นของแม่ เขาเองก็ไม่ค่อยเที่ยวกลางคืน ถือว่าไปนั่งเล่นเก็บบรรยากาศที่ไม่ได้สัมผัสนาน

ร้านที่ต้นพาน้องๆ และเด็กไปเป็นร้านของรุ่นพี่ในคณะเขา อยู่ห่างจากมหาลัยแต่ไม่ได้ไกลมาก ที่นี่ถูกจัดเป็นร้านชั้นดี ลูกค้าส่วนใหญ่กระเป๋าหนักและการรักษาความปลอดภัยก็ดีเยี่ยม ต้นจองโต๊ะวีไอพีชั้นสองเอาไว้เพื่อจะได้มองเห็นฟลอเต้นรำด้านล่าง คนไม่เยอะ ไม่เบียดเสียด

ดิวใส่เสื้อโปโลสีชมพูอ่อนที่ต้นเป็นคนซื้อให้กับกางเกงยีนส์ขายาว ส่วนไม้เป็นเสื้อยืดและกางเกงยีนส์เช่นกัน แต่งตัวค่อนข้างเรียบร้อยไปนิด แต่ประมาณนี้แหละดีแล้ว ฝุ่นกับพิกไปถึงก่อน สองคนนั้นสั่งเครื่องดื่มรอท่า รสชาติไม่หนักแต่เมาเป็นหมาแน่นอน ดีกรีข้างขวดเป็นตัวรับประกัน

ดูเหมือนไม้จะตื่นเต้น และตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศโดยรอบมากๆ ตอนนี้ร้านยังไม่ค่อยมีคนเพราะเพิ่งจะเปิดได้แค่ครึ่งชั่วโมง ต้นรีบให้ทุกคนมาดื่ม ไม่งั้นจะมีเวลาอยู่ที่นี่ไม่นาน ไม่สามารถอยู่จนร้านปิดได้ ส่วนดิว เขาเดินจับมืออยู่กับต้น กวาดสายตามองไปรอบร้านทว่าไม่มีอาการตื่นเต้นอย่างที่ไม้มี เพราะเขาค่อนข้างจะชินแล้ว เคยมากับคิง กาน เพื่อนเก่าอยู่

เด็กๆ ยกมือไหว้ทักทายรุ่นพี่อย่างฝุ่นและพิก สองหนุ่มทักทายกลับพร้อมแสดงความยินดีที่สอบผ่านคณะที่อยากเข้า หมูอ้วนประจำกลุ่มเตรียมเหล้าเอาไว้รอ เขากะรับน้องเสียหน่อย ความมืดของสถานที่ทำให้ต้นไม่รู้แผนการนี้นอกจากฝุ่นที่นั่งร่วมมือกับพิก

“ดื่มๆ ฉลองกันหน่อย” พิกส่งแก้วให้น้องๆ ไม้ตื่นเต้นโคตร ดื่มเหล้าครั้งตอนอายุสิบแปด เดี๋ยวจะจดบันทึกเอาไว้เลย

“มาๆ หมดแก้ว ไม่หมดห้ามวางเว้ย” ด้วยความที่ไม่มีใครรู้ว่าเหล้าสองแก้วนั้นเข้มแค่ไหนนอกจากคนทำ พวกเขาจึงชนแก้วแล้วยกดื่มกันอย่างว่าง่ายและยินดีเป็นที่สุด

ด้วยความที่เหล้ามีรสและกลิ่นอ่อนมาก เด็กน้อยทั้งสองจึงดื่มกินกันง่าย หมดแก้วอย่างไวแถมขอเติมอีกเพราะมันค่อนข้างอร่อยดี แหงสิ ขวดหนึ่งแพงไม่ธรรมดา ดีนะที่รุ่นพี่เป็นเจ้าของ ได้มาในราคาพิเศษ ไม่งั้นก็ลงขันกันหอบเลยล่ะ

ความกินง่าย ความอร่อย เป็นสิ่งล่อลวง คนยังไม่ทันเต็มฟลอเต้นรำ ไม้ก็คอพับไปก่อนแล้ว ดิวกำลังโงนเงน ต่างจากต้น พิกและฝุ่นที่นั่งมองสภาพของเด็กน้อยด้วยความขำขัน ถึงต้นจะเป็นห่วงดิวอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็ปล่อยอิสระ

“ต้น...” เสียงอ้อแอ้ของคนรักเอ่ยเรียก ต้นต้องโน้มหน้าเข้าไปฟังใกล้ๆ เสียงเพลงมันดัง

“หืม...”

“พาไปห้องน้ำหน่อย” ดิวกระซิบ ริมฝีปากร้อนๆ เฉียดใบหูของต้นไปมา อยู่ๆ...ก็ร้อนวูบ

“ไปสิ มึงไปห้องน้ำปะไม้”

“ม่าย...ม่ายไหว...” สมน้ำหน้าน้องชายชะมัด อยากดื่ม อยากเที่ยวแบบผู้ใหญ่เขาทำกัน แล้วเป็นไง...ไม่ทันไรก็เมาปลิ้นเสียแล้วไหมล่ะ

“ไม่ไหวก็กลับบ้านไปไป๊”

“เห่อๆ เอิ๊ก...กลับบ้ากลับบออะไร มองทางยังไม่เห็นเลย” แล้วไม้มันก็ขำ

ต้นส่ายหน้าระอาใจกับอาการของน้องชาย ถือเสียว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาได้ในห้องเรียนแล้วกันนะไอ้น้อง การเมาแฮงก์นี่เป็นอะไรที่สุดติ่งมาก จำไปอีกนานแน่ต้นมั่นใจ เขาเมินน้องชายแล้วพาดิวไปห้องน้ำของชั้นสอง บนนี้เข้าได้เฉพาะพวกแขกวีไอพีที่จองโต๊ะชั้นนี้เท่านั้น เพราะงั้นมันเลยเงียบ

ดิวตรงไปที่ห้องน้ำห้องสุดท้ายหลังสำรวจดูแล้วว่ามันไม่มีใคร เขาไม่ยอมปล่อยมือคนรักของตัวเอง ต้นจึงต้องเดินตามอย่างไม่เข้าใจ เพราะดิวไม่พูดหรือบอกอะไรกับเขาเลย เมื่อดิวใช้แรงน้อยๆ ของตนดึงดันต้นให้เข้ามาในห้องน้ำด้วยกัน เขาได้พอจะเดาออกถึงสิ่งที่ดิวกำลังต้องการหรือจะทำ

ทว่า...เขาไม่มีสิทธิ์เอ่ยปากแซ็วคนตัวเล็กกว่า

“!!!” เจ้าตัวน้อยของเขาเป็นฝ่ายดันต้นติดกับผนังห้องน้ำด้านที่เป็นกำแพงหินอ่อน จากนั้นคล้องคอพร้อมทั้งบดจูบปากต้นอย่างกระหาย

ดิวดูภายนอกเป็นคนน่ารักใสๆ ร่าเริง แต่กับเรื่องนี้...ดิวเร่าร้อนมากๆ เด็กน้อยมักทำให้ต้นมีความสุขจากเรื่องแบบนี้เสมอไม่เคยขาด เพราะลึกๆ...ดิวอยากทำให้ต้นมีความสุขที่สุด

มันดูบ้าบอมากๆ...แต่ดิวชอบเวลาที่ต้นร่วมรักกับตัวเอง ชอบเวลาที่ต้นมองเขาด้วยสายตาเร่าร้อนและหยาดเยิ้ม ยามที่ต้นส่งเสียงครางเครือออกมาเบาๆ จากลำคอ มันทำให้ดิวรู้สึกร้อนรุ่มและหยุดตัวเองไม่ค่อยอยู่

แรกๆ มันน่าอาย...ทุกสิ่งทุกอย่างมันชวนเก้อเขินไปเสียหมด แต่ความจริงที่ว่าต้นไม่ใช่ผู้ชายคนแรก ทำให้ดิวสนองตอบกลับด้วยความเชี่ยวชาญ เขาเห็นต้นมีความสุข และต้นไม่เคยรังเกียจที่เขาเป็นแบบนี้...เขาเลยยิ่งชอบทำเรื่องแบบนี้กับต้น และยิ่งเวลาผ่านไป เขาก็แทบไม่หลงเหลือความอายที่จะแสดงความรักของตนผ่านร่างกายกับอีกฝ่ายอีก

“เบื่อผมไหม...” ดิวคลอเคลียอยู่ที่ลำคอ ถึงจะชอบทำเรื่องอย่างว่าหรือแสดงความเชี่ยวชาญกับต้นมาก แต่ลึกๆ ก็ยังกลัวว่าต้นจะมองเขาไม่ดี บางทีเขาไม่มั่นใจเลย

“ทำไมต้องเบื่ออะ” ต้นกอดเอวดิวเอาไว้ รั้งให้ร่างแนบชิด

ดิวเร่าร้อนเสมอ...และดิวชอบที่จะทำเรื่องแบบนี้กับเขา หนำซ้ำยังปรนเปรอเขาด้วยความสามารถที่อีกฝ่ายมี ต้นชอบมัน...และหลงใหลในสิ่งที่ดิวได้มอบให้ จริงที่เขารักดิวเพราะดิวเป็นดิว ไม่ใช่เพราะเซ็กส์ แต่ใครกล้าปฏิเสธเรื่องแบบนี้บ้างล่ะ เขาเห็นความพยายามที่ดิวทำ ทั้งเรื่องบนเตียงกับเขาหรือเรื่องงานบ้าน ดิวไม่ได้เอาใจต้นด้วยเซ็กซ์เพียงอย่างเดียว แต่เขาเอาใจต้นทุกทางเท่าที่ทำได้ และต้นปลื้มกับสิ่งที่ดิวทำ...

ทั้งฝึกทำอาหาร กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักเสื้อผ้า รีดเสื้อผ้า เก็บห้องจัดที่นอน งานแม่บ้านชัดๆ แต่ดิวก็ทำให้ต้นเสมอตั้งแต่เรามีอะไรกันครั้งแรก ไหนจะเรื่องเรียน ดิวอยากให้ต้นภูมิใจ ดิวก็เลยตั้งใจเรียนให้ได้เกรดดีอยู่เสมอ ทั้งเรื่องกีฬาก็ไม่แพ้กัน...ถึงดิวจะไม่เก่งถึงขั้นแข่งขันชนะทุกรายการ แต่ดิวก็เคยคว้าที่หนึ่งมาให้เขาได้

การได้เป็นเป้าหมายสูงสุดของใครสักคนน่ะ...มันรู้สึกดีมากเลยนะ

“ก็เอาแต่ทำเรื่องแบบนี้...” หน้าที่แดงนั้นไม่รู้แดงเพราะเหล้าหรือเพราะเขินอาย ต้นลูบไล้แก้มเนียนก่อนจะฝังจมูกลงไป

“แล้วที่ทำแบบนี้เพราะอะไรล่ะ?”

“ก็...อยากให้พี่ต้นชอบ” พี่ต้น..คำเรียกเบาๆ ที่เวลาดิวอ้อนเท่านั้นจะได้ยิน ทำให้คนฟังหุบยิ้มไม่อยู่

“พี่ชอบครับ พี่ชอบทั้งหมดที่เป็นดิวเลยนะ...”

“ไม่เบื่อใช่ไหม ไม่คิดว่า...ว่า...” ถึงเมาอยู่ แต่คำบางคำก็พูดยาก

“ว่าอะไร...” น้ำเสียงของต้นอ่อนโยน ดิวช้อนสายตาอ้อนขึ้นมอง

“ว่าผม...ร่านใช่ไหม” คนฟังคลี่ยิ้มหวาน

“ร่านกับพี่คนเดียวหรือเปล่าล่ะ” ดิวรีบพยักหน้ารัว

“คนเดียวสิ มีพี่คนเดียว” คนตัวเล็กเบียดกายเข้ามาแนบแน่นยิ่งกว่าเดิม

“หึหึ ก็ดีแล้วนี่...ไหน เมื่อกี้ดิวจะทำอะไรพี่ครับ” ต้นพูดเสียงยั่วเย้าข้างใบหู ดิวเอียงหน้าคล้ายจะให้ต้นซุกไซ้ลำคอของตัวเองได้ง่ายๆ

ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก รู้กันดีว่าคนข้างนอกกำลังรอนานและอาจเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องน้ำของผับ ช่างมันเถอะ...เราสนแค่ความเร่าร้อนของเราตอนนี้ก็พอแล้ว ดิวเล้าโลมด้วยด้วยมือและปาก ในพื้นที่จำกัดและมีคนเข้าออกแบบนี้น่าตื่นเต้นและเร้าใจอย่างบอกไม่ถูก

ดิวปรนเปรอต้นแบบจัดเต็ม จูบตั้งแต่ริมฝีปากหยักสวยไปจนถึงน้องชายในกางเกงยีนส์ขาเดฟสีซีด ทุกอย่างเหมือนจะเชื่องช้าทว่ารวดเร็ว ต้นไม่ได้ปล่อยให้ดิวรีดน้ำเขาออกในตอนนี้ เจ้าตัวดึงคนรักขึ้นมาจากพื้นก่อนเป็นฝ่ายปรนเปรอความหวานที่ร้อนฉ่าให้กับอีกคน ดิวแทบเก็บเสียงครางหวานของตนเองแทบไม่ไหว ต้องกัดแขนกันไหล่ของต้นเอาไว้

ถึงจะอยากเข้าไปข้างในมากเท่าไหร่ แต่การเตรียมความพร้อมเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ ต้นบรรจงทำให้ดิวพร้อมรับตัวตนของเขาอย่างนุ่มนวล อ่อนหวานที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ทุกครั้ง และครั้งนี้ต้องขอบคุณที่เขาดื่มไม่มาก เลยสามารถประครองสติของตนเองได้ดี ไม่นานคนตัวเล็กก็เรียกร้องหาสิ่งต้นเองก็ต้องการ ร่างสูงจับดิวหันหน้าเข้ากำแพง กอดรัดเอาไว้ด้วยมือหนึ่ง ในขณะที่อีกมือกำลังนำส่วนสำคัญเข้าสู่งร่างกายเล็ก

ไม่เชิงว่าพร้อมแต่ไม่มีทางหยุดอย่างแน่นอน กางเกงยีนส์ตรงเข่าทำให้ดิวอ้าขาได้ไม่กว้างนัก ซึ่งมันยิ่งเสริมเขาบีบรัดฝ่ายนำได้มากยิ่งกว่าเดิม ความเสียดเสียวเป็นตัวเร่งเสียงหอบคราง ต้นเลือกใช้วิธีจูบปากเพื่อกลืนกินเสียงของกันและกัน

มันเป็นอีกคืนที่เร่าร้อนของทั้งคู่ โดยเฉพาะวันพิเศษหรือเหตุการณ์พิเศษ ต้นสาวกายเข้าออกรุนแรงหนักหน่วง เหมือนเอาแต่ใจ ทว่าตรงกันข้าม เขากำลังทำให้ดิวมีความสุขเหมือนที่ดิวก็ทำให้เขามีความสุขนั่นแหละ

แอลกอฮอล์ผลักดันทั้งความตื่นเต้นและความต้องการร่างกายของกันและกัน ต้นเริ่มเร่งจังหวะ ซ้ำยังกดปากดิวด้วยปากเขาแน่น โดยที่เขาก็รู้ตัวว่าตอนนี้เขาได้บดขยี้ดิวจนร่างน้อยชิดกับกำแพงแสนเย็นเฉียบไปแล้ว ดิวน้อยได้รับการปกป้องอย่างดีด้วยฝ่ามืออุ่นร้อน มันทั้งปกป้องและย่ำยีอารมณ์เขาไปพร้อมๆ กัน

“ไม่...ฮื่อ..ไม่ไหวแล้ว” ดิวเปร่งเสียงกะเส่าของตนออกมา พยายามเบาให้มากที่สุดเพื่อต้องการให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาทนไม่ได้เต็มที

“อื้อ...เหมือนกันครับ” ต้นจูบเข้าที่ขมับของดิว กดย้ำไว้ที่จุดนั้นแล้วเร่งจังหวะทั้งเขาและคนรักไปยังฝั่งฝัน

มันใช้เวลาไม่นาน...แต่เหนื่อยและล้าอย่างน่าประหลาด

ต้นและดิวจูบคลอเคลียกันขณะแต่งตัวให้และกัน ในห้องน้ำมีทิชชู่ ถือว่ายังดีที่ไม่ต้องออกไปทั้งเปียกชื้นแบบนี้ เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยดี ดิวก็ยังไม่ปล่อยให้ต้นออกไปง่ายๆ เขาคล้องคนรักเอาไว้ บดจูบดูดดื่ม

“รักพี่นะครับ...” ไม่ใช่แค่คำพูด แต่แววตาของดิวยังสื่ออกไปแบบนั้นเช่นกัน ดิวชอบเวลาบอกรักแล้วได้มองตาต้น เพราะมันทำให้เขาได้เห็นคำว่ารักผ่านดวงตาอีกฝ่ายเช่นกัน ต้นยิ้มหวาน บดจูบเบาๆ นุ่มนวลทิ้งสัมผัสชวนฝันที่ริมฝีปากเล็ก

“พี่ก็รักเราครับ รักที่สุดเลย” ต้นเองก็ชอบเวลาที่บอกรักแล้วได้มองตาดิว อารมณ์เดียวกัน...สื่อสารกันด้วยดวงตา คำพูดและร่างกาย

ทุกอย่างต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันสิ...ไม่งั้นมันจะไปกันรอดได้ยังไง ถึงเรื่องปกติพวกเขาจะทะเลาะกันบ้าง อาจเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างถอดถุงเท้าเรี่ยราด ไม่ยอมเก็บจานที่กินแล้วหรือปิดฝาขวดน้ำไม่สนิท

คนเราไม่มีใครดีพร้อมใช่ไหม...ใช่ ไม่มีหรอกคนแบบนั้นบนโลกใบนี้ แค่เราปรับตัวเข้าหากันและแสดงออกให้อีกฝ่ายได้รู้ว่า เรายังรักกันและกันอยู่ ต่อให้มีเรื่อทะเลาะกันทุกวัน ต้องเก็บถุงเท้าให้ทุกเย็น ล้างจานให้ทุกเช้า หรือต้องมานั่งทนปลุกยากปลุกเย็นจนปวดหัว เขาก็ยังคงประครองความรักไปต่อได้

รับข้อเสียของกันได้บ้างไม่ได้บ้างไม่เป็นไร...แค่สายใยรักเราแน่นหนาพอ มันก็จะไม่มีคำว่าเลิกรา ต้นและดิวอาจทะเลาะกันอยู่เนืองๆ แต่มีร้อนก็ต้องมีเย็น พวกเขาขอโทษกัน อ้อนกัน เอาใจกัน มันเป็นเรื่องที่ดูน่าอายไปหน่อย...แต่ทั้งคู่ถนัดที่จะเอาใจกันบนเตียงมากกว่า ยิ่งทะเลาะกันลูกยิ่งดกใช่ไหมนะคู่เรา...น่าจะใช่ แม่ชอบพูดแบบนั้นในเช้าวันถัดไปของการทะเลาะกันเสมอ...

.....จบจ้า.....

อะไรดนใจให้เขียนบทส่งท้ายแบบนี้ไม่รู้ ฮ่าๆ ถือว่าเป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้กับทุกๆ คอมเมนต์ที่เราได้รับแล้วกันน้า บอกแล้วว่าเรามีแรงบรรดานใจมากจากสก๊อย ซึ่งจริงๆ มันตีความได้หลายแบบมาก แต่เราเลือกเอาแบบนี้มาเสนอเนอะ

ขอบคุณสำหรับคำติติงนะคะ ทำให้เรามองในมุมที่เราอาจจะไม่เคยมอง หรือมองได้ไม่ทั่วถึง มีโอกาสจะนำกลับมารีไรท์ค่ะ มันอาจทำให้เรารู้สึกว่านิยายตัวเองแย่ไปบ้าง แต่ว่าเรามองว่ามันให้ผลดีกับเรานะคะ ขอบคุณจริงๆ

ขอบคุณคำชมด้วยค่ะ เราเขียนนิยายเรากดดันเสมอ เรากลัวทำให้ทุกคนผิดหวัง เปิดเรื่องมาดีแต่โดยรวมไม่ได้เรื่องงี้ เรากังวลมาก ก็มีคำชมเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ให้เราได้คลายกังวลบ้าง

เรื่องนี้คงไม่เผ็ดร้อนเท่า เธอมีชู้ มันหนักหน่วงในเรื่องของครอบครัวหรือการใช้ชีวิตมากกว่า ต่างจากชู้มากที่เรื่องนั้นเล่นเรื่องครอบครัวน้อยถึงไม่เล่าเลย เราได้แต่หวังว่าจะไม่ทำทุกคนผิดหวังกับมันนะคะ...

สุดท้าย...ขอบคุณทุกๆ คนที่เข้ามาอ่านเข้ามาคอมเมนต์มากค่ะ เจอกันเรื่อง... ก็อกๆ ขอโทษครับ เห็นความรักไหม นะคะ มือใหม่หัดฟิวกู๊ด~ แฮ่ๆ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poommy_TY ที่ 26-09-2017 20:29:20
จบแล้วววววว

เราเป็นคนนึงที่ตามอ่านมาตั้งแต่แรก
และเราก็ชอบเรื่องนี้ื มันอาจไม่แซ่บเท่าเธอมีชู้
แต่เราว่ามันหน่วงในอีกแบบเลยอะ

รวมๆแล้วเราว่าเรื่องนี้ดีนะ ถึงจะทำให้เราสับสนตัวเอง
จะเชียร์ จะเลิกเชียร์ จะสมน้ำหน้าหรือว่าสงสาร 55555
แต่มันก็เป็นไปในแบบที่ควรจะเป็นแล้วแหละเนอะ
ได้แต่มโนต่อว่า หลังจากนี้ดิวคงมีความสุขขึ้น เห็นคุณค่าของตัวเองมากขึ้นนะ

ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องนี้ เลิฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-09-2017 20:36:30
จบแล้ว สุขสมหวังกันเสียที ขอให้มีความสุขเด้อจ้า เรื่องหน้าขอคู่หลานไม้นะ  :กอด1: :กอด1: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 26-09-2017 20:49:15
ถึงจะไม่ชอบดิว (คงเพราะไม่ชอบตั้งแต่เรื่องนู้น) แต่เราก็เข้าใจได้ค่ะ คนทุกคนก็มีด้านเทาๆของตัวเอง ไม่มีใครดี 100% และไม่มีใครชั่ว 100% บางคู่ก็มีนอกใจกัน แต่ถ้ารับได้และยังรักกันอยู่ก็ให้อภัยเลิกทำและปรับตัวเข้าหากันก็อยู่กันได้ยาวๆ  (ไม่พูดถึงเรื่องศีลธรรมนะคะอันนั้นผิดเต็มๆอยู่แล้วนอกใจคนรักตัวเองเนี่ย) ดิวนี่เหมือนเป็นตัวแทนของคนในสังคมบางพวกเลยนะ ที่แบบว่าโดนหลอกว่าไม่มีแฟนแล้วไปเป็นชู้โดยไม่ตั้งใจแต่จะเลิกก็ยากเพราะรักเงี้ยยย เอาเป็นว่าเรายินดีกับดิวด้วย ที่ในที่สุดก็มีความสุขสักที ขอบคุณนิยายดีๆที่ทำให้เราอินได้ขนาดนี้ค่ะ 55555

ปล. ฉากที่โดนจับได้ว่านอกใจของเรื่องนู้นยังติดอยู่ในความคิดเราอยู่เลยค่ะ ชอบนึกถึงตลอดๆ เอร้ยย  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-09-2017 21:15:06
จบแล้ว อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นนะ

สงสารดิว แต่เจอครอบครัวต้นไป คือพ่อแม่ของดิวดับเลยนะ
และดิวก็พอทำใจได้ ต้นดูแลดีมาก แม่กับไม้ ก็ไม่ทิ้ง

ที่ผ่านมา ถึงดิวจะคิดพลาดยังไง ทำตัวเองไปขนาดไหน
แต่ก็เพราะขาดคนเคียงข้าง ไม่มีใครคอยเข้าใจ
รู้สึกขาดความรัก เลยยิ่งต้องการคนมารัก

ต้นก็เป็นคนดีมาก ไม่คิดเรื่องอดีตของดิว แค่รักและเข้าใจ แล้วดิวรักตอบ แค่นั้นก็พอแล้ว

รู้สึกดี ดีอย่างน้อยครอบครัวยังมีกัน

ขอบคุณคนแต่งมากนะคะ เรื่องราวน่าติดตามทุกตอนเลยค่ะ ลุ้นไปกับต้นตลอดเลย
เป็นกำลังใจให้เขียนผลงานต่อไปนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 26-09-2017 21:22:47
ขอบคุณที่เขียนเรื่องนี้นะคะ จะคอยติดตามผลงานต่อไปจ้า o13
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-09-2017 21:33:30
 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 26-09-2017 23:36:37
จบแล้วว ขอบคุณมากครับ. สนุกมากครับ,,,
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-09-2017 19:02:29
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 27-09-2017 20:13:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 28-09-2017 01:15:50
อ่านตั้งแต่ต้น
ตายวมสุดฤทธิ์
แต่มันดีมาก
ขอบคุณต้นที่ทำให้ดิวยังอยู่ตรงนี้ได้
น้าลีลา เทอคือนางเอกจริงๆ
ถ้าไม่มีคนคนนี้ ไม่มีเรื่องนี้แน่นอน
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 28-09-2017 02:28:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 28-09-2017 14:59:04
ชอบมากกกกก เรื่องนี้สนุกมากๆครับ
ชอบดิวอะ ต้นก็โคตรพระเอกเลย แต่ช่วงแรกปากหมาไปหน่อย
ชอบคุณแม่ลีลา ชอบไม้ เรื่องนี้สนุกจริงๆ
ขอบคุณผู้แต่งมากๆครับ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 06-11-2017 13:18:02
 :pig4: :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 07-11-2017 13:28:15
 :pighaun:          :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nyxca ที่ 03-04-2018 20:53:29
เป็นเรื่องที่ดี สงเสริมสถาบันครอบครัว ระหว่างก็สงสารดิวปนหมันไส้ เข้าใจตัวดิวทะลุปรุโปร่งเลยแต่ก็ยังมีอารมณ์ที่ว่า ดีใจด้วยที่กลับตัวกลับใจได้ หลังจากผ่านอะไรมาเยอะแยะก็ยังดึงตัวเองกลับมาในทางที่ถูกต้อง ส่วนพระเอกของเรา แอบเชียร์ให้เทนายเอกตลอดเวลาเลย จนพักหลังก็ได้แต่ยอมใจในคุณลักษณะหมาๆของพี่เค้า  ซื่อสัตย์เหมือนหมาแถมยังปากหมาอีก><

ตัวอื่นที่มาทำเลวร้ายกับดิว แมท โอม ชิน ถ้าในชีวิตจริงก็คงอยากให้โดนเหมือนที่ตัวเองทำ คนพวกนี้ไม่ว่าจะเพราะคึกคะนองหรืออะไรก็ตามแต่ รับไม่ได้จริงๆที่เอาความรู้สึกคนมาเล่น
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ Original~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 12-07-2018 12:07:37
สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ Original~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 07-01-2021 06:38:52
ต้นดิว  ช่วงแรกที่กัดกัน สนุกมากครับ 5555
ตอนนี้อยากอ่านเรื่องไม้  มีไหมน้อออ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ Original~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 27-05-2021 11:55:39
 o13
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ Original~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Eakkadoor ที่ 29-05-2021 10:16:27
โคตรมีความสุข โคตรๆประทับใจเลยครับ
จะมีใครรักเรา ห่วงเรา รอเรา
ได้เท่าที่ต้นทำให้ดิวไหมนะ

เฮ้อออออ อยากมีรักดีๆแบบนี้บ้างจังครับ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ Original~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: BankkunG23 ที่ 03-06-2021 09:23:15
สนุกมากๆเลยครับ มีเรียลจริงๆนะ
เดียวนี้มีแบบนี้เยอะมากๆ

ขอบคุณคนเขียนนะครับ
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ Original~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 09-06-2021 14:31:55
 o13 สนุกจ้า กว่าจะลงเอยกันได้ :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ~ของเหลือ Original~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 25-03-2024 19:54:09
ดีแทค ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 803บ./90วัน กด *104*591*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,284บ./180วัน กด *104*592*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,926บ./365วัน กด *104*593*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,069บ./90วัน กด *104*594*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,498บ./180วัน กด *104*595*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 2,675บ./365วัน กด *104*596*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *104*388*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *104*389*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,711บ./90วัน กด *104*598*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 2,139บ./180วัน กด *104*578*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 3,745บ./365วัน กด *104*579*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *104*398*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,188บ./30วัน กด *104*597*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 139บ./7วัน กด *104*77*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 535บ./30วัน กด *104*97*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 246บ./7วัน กด *104*78*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 696บ./30วัน กด *104*98*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 375บ./7วัน กด *104*79*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) 95บ./8วัน กด *104*897*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 42บ./1วัน กด *104*68*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*798*8488034#
เน็ตดีแทค 2 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 380บ./30วัน กด *104*237*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 470บ./30วัน กด *104*236*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 193บ./7วัน กด *104*841*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*842*8488034#
ยกเลิกเน็ต  กด  *103*0# โทรออก
ดีแทค  เช็คเน็ต คงเหลือ กด *101*1# โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง กด *102# โทรออก
ยกเลิก SMS กินเงิน กด *137 โทรออก
เช็คเงิน คงเหลือ กด *101# โทรออก 
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ กด 1678 โทรออก
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดสปีด  โปรรวม
สมัครง่ายๆ กดตามได้เลยค่ะ
#โปรเน็ตสุดฮิต  DTAC
โปรที่คุ้มที่สุดของการใช้เน็ต
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด #โปรเน็ตดีแทค #เน็ตดีแทคเติมเงิน #โปรดีแทครายสัปดาห์ #โปรดีแทครายวัน #โปรแทครายเดือน #โปรเน็ตDTAC #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน #DTAC #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #โปรเสริมDTAC #โปรเสริมดีแทค
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368 (https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I (https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg (https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg (https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg)


ดีแทค ระบบเติมเงิน Dtac เน็ตไม่อั้น เร็ว 12 Mbps เม็ก หมดเขต 30 เมษายน 2567
https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc (https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc)


ดีแทค ระบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้น เร็ว 30 Mbps(เม็ก) นาน 30 วัน ราคา 350 บาท แถมโทรฟรีทุกค่าย
https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA (https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA)