一
‘น่าเบื่อ’ ควันบุหรี่ลอยตัวขึ้นเหนือศีรษะของร่างสูงที่ยืนพิงอยู่ตรงระเบียงของร้านอาหารแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม อารมณ์หงุดหงิดแสดงออกผ่านสีหน้าจนคนอื่นก็ไม่กล้าชวนคุย เว้นแต่...
“ทาคาอากิซังงง ทำไมมายืนตรงนี้ละจ๊ะ” เสียงหวานอย่างคนดัดจริตจนเกินงามเรียกชายหนุ่มร่างสูงให้หันมาสนใจ เจ้าของเสียงเป็นหญิงวัยป้าที่มีอายุอานามปาเข้าไป 56 ปี พ่วงด้วยตำแหน่งแม่สื่อที่มีชื่อเสียงเลื่องลือว่าสามารถจับคู่ได้สำเร็จมาไม่ต่ำกว่าร้อยคู่
“คุณป้ามิตซึโกะ ผมบอกแล้วนี่นา ว่าจะไม่มาไอ้งานดูตัวอะไรนี่อีก” สายตาคมปลาบของชายหนุ่มทำให้หญิงสูงวัยนาม
มิตซึโกะต้องลอบกลืนน้ำลายแล้วพูดต่อ
“แหม ถ้าทาคาอากิซังไม่ให้ความร่วมมือ ป้าก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหนเลยนะจ๊ะ เพราะว่าคุณหนูของทางฝ่ายโน้นเขาก็มารอเก้อแล้ว” มิตซึโกะยังคงจีบปากจีบคอพูดเหมือนเดิม พอชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงส่ายหัวอย่างระอาแล้วตอบกลับไป
“คุณป้ามิตซึโกะ ผมอุตส่าห์เห็นแก่คุณลุงอาคิฮิสะ ถึงได้ยังยอมทำตามที่คุณป้าพูด แต่ถ้าเกิดว่าคุณป้ายังคงไม่ใส่ใจความรู้สึกของผมแบบนี้ เห็นทีผมต้องขอทำตามใจตัวเองบ้างแล้ว” ร่างสูงโยนบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้เท้าขยี้ เสื้อสูทผ้าเนื้อดีถูกหยิบมาพาดบ่าอย่างลวกๆ
“เดี๋ยวสิทาคาอากิซัง ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายละนะ ถือว่าช่วยป้าเถอะ ป้ารับค่าแม่สื่อมาแล้ว” ชายหนุ่มชะงักกึกเมื่อได้ยินคำว่า ‘ค่าช่วยเหลือ’ สายตาคมตวัดไปมองป้าสะใภ้อย่างผิดหวัง
“หึ ผมกะแล้ว ทำไมครับ เงินกองกลางที่ผมโอนให้ทุกเดือนไม่พอให้ป้าใช้ ถึงต้องเอาผมมาขายกินแบบนี้” ทาคาอากิสะบัดหน้าหนีและเดินออกมาอย่างรวดเร็ว แต่จู่ๆก็มีเงาร่างเล็กโผล่พรวดมาจากมุมทางเดิน
“โอ๊ะ!!” เสียงใสๆเปล่งออกมาจากปากของคนที่ลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่กับพื้น ทาคาอากิจ้องมองร่างในชุดกิโมโนนั้นอย่างหงุดหงิดที่เจ้าตัวเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ
“เป็นอะไรหรือเปล่า” แม้จะไม่พอใจ แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ล้มลงไปแล้ว ในฐานะสุภาพบุรุษที่ดีจึงต้องแสดงน้ำใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่เดินไม่ดูทาง” เมื่อหญิงสาวนิรนามในชุดกิโมโนเงยหน้าขึ้นมาก็ทำให้ทาคาอากิชะงักไปครู่หนึ่ง กิโมโนสีแดงลายดอกโบตั๋นช่างขับผิวขาวเนียนนั้นให้ผุดผาด เครื่องหน้าที่รับกันเหมาะเจาะ ปากเรียวเล็ก จมูกโด่งตรงปลายงุ้มพองาม ดวงตากลมโตและนัยตาสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งเพียงเท่านั้นคงทำให้ทาคาอากิอึ้งไม่ได้แน่นอน แต่เป็นเพราะสเน่ห์บางอย่างที่เขายังไม่เคยรู้สึกจากผู้หญิงคนไหน ทำให้ไมโกะคนนี้ช่างดูน่าสนใจเหลือเกิน
“เกิดอะไรกันจ๊ะทาคาอากิซัง” มิตซึโกะที่เดินตามมาก็เห็นฉากที่ทาคาอากิกำลังยื่นมือให้ไมโกะ จึงหรี่ตามองและถามอย่างสงสัย
“อุบัติเหตุนิดหน่อยครับ” ทาคาอากิตอบอย่างไม่ใส่ใจแล้วหันไปพูดคุยกับไมโกะต่อ
“ฉันต้องขอโทษอีกครั้งด้วย”
“ค่ะ ไม่เป็นไร ดิฉันผิดเองด้วย” ไมโกะกล่าวอย่างสุภาพ จนทาคาอากิแอบชื่นชมอยู่ในใจ ความขุ่นเคืองค่อยมลายหายไป
“ถ้าไม่เป็นไรแล้วก็ไปซะทีสิยะ พวกเรามีธุระต้องคุยกันต่อ” มิตซึโกะเดินเข้ามาแทรกระหว่างทั้งคู่แล้วจิกสายตาเหยียดหยามมองไมโกะสาว
“คุณป้าครับ ผมไม่ได้ขอให้คุณป้าออกความเห็นเลย” ทาคาอากิพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิด เขาเกลียดนิสัยนี้ของมิตซึโกะที่สุด ไอ้การเหยียดหยามดูถูกคนอื่นเนี่ยละ
“ต๊าย ทาคาอากิซัง ทำไมพูดกับป้าแบบนั้นละจ๊ะ”
“เอ่อ ดิฉันขอโทษนะคะ ถ้าเกิดว่าทำให้พวกคุณต้องลำบากใจกัน ดิฉันขอตัวละค่ะ” ขณะที่วี่แววของการถกเถียงกำลังจะเกิด ไมโกะสาวก็รีบบอกขอโทษละล่ำละลักแล้วรีบเดินจากไป โดยที่ทาคาอากิก็ไม่ทันรั้งไว้ด้วยซ้ำ
“งั้นผมขอตัวก่อนแล้วกัน วันนี้มีประชุมที่บริษัทด้วย” ทาคาอากิพูดทิ้งท้ายแล้วส่งสายตาอาฆาตให้มิตซึโกะ ก่อนจะชิ่งเดินหนีมา
ฮายาบุสะ ทาคาอากิคือชายหนุ่มลูกหลานของตระกูลเก่าแก่แห่งโตเกียว ชายหนุ่มอายุ 29 ปีคนนี้มีดีกรีเป็นถึงเจ้าของบริษัทอัญมณีระดับข้ามชาติ หลังจากบิดาและลุงแท้ๆต้องเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาก็มารับช่วงดูแลกิจการต่อ
“เอ็นโด คุณช่วยหาข้อมูลของสำนักเกอิชาทั้งหมดที่อยู่ในเกียวโตให้ผมหน่อยสิ” ทาคาอากิสั่งเลขาหน้าห้อง
“ฮายาบุสะซังจะจ้างไปทำอะไรหรือคะ”
“ผมอยากจะจ้างไมโกะมาแสดงในงานครบรอบร้อยสองปีของบริษัทน่ะ คุณหาข้อมูลและหน้าตาของแต่ละคนมาให้ผมเลือกก่อนนะ”
“ได้ค่ะ ดิฉันจะรีบจัดการให้”
เอ็นโด ฟุมิกะลงมือหาข้อมูลตามคำสั่งเจ้านายอย่างรวดเร็ว เลขาสาวท่าทางเคร่งขรึมคนนี้ไม่เคยทำให้ทาคาอากิผิดหวังสักครั้ง ไม่นานนัก เอกสารเกี่ยวกับไมโกะทั่วเกียวโตก็ถึงมือทาคาอากิ หน้ากระดาษที่มีรูปของไมโกะและข้อมูลอื่นๆอย่างละเอียดทำให้ชายหนุ่มพอใจไม่น้อย
“ขอบใจมากเอ็นโด เดี๋ยวถ้ามีอะไรแล้วผมจะเรียกอีกที” ทาคาอากิรับเอกสารจากเลขสาวมาดู เอกสารหนานิ้วครึ่งคงใช้เวลาไม่น้อย แต่ใบหน้าหวานนั้นก็ไม่อาจทำให้ทาคาอากิตัดใจได้จริงๆ
‘สาวน้อย หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกนะ’
“ฟูจิมัตสึ แวะไปหาอะไรดื่มก่อนมั้ย” ‘ฟูจิมัตสึ’ หันไปยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้าอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ยเสียงสดใสไพเพราะออกมาชัดถ้อยชัดคำ
“วันนี้คงต้องขอปฏิเสธ เพราะว่าดิฉันต้องกลับไปซ้อมชงชาต่ออีกค่ะ”
“เฮ้อ เธอนี่จะขยันไปถึงไหนนะ อีกตั้งหลายปีกว่าจะเป็นเกอิชา ก็ค่อยๆฝึกไปก็ได้นี่” รุ่นพี่ไมโกะอีกคนพยายามพูดโน้มน้าว
“ขอโทษที่เสียมารยาทจริงๆค่ะเน่ซัง แต่ดิฉันขอตัวก่อน” ฟูจิมัตสึก็ลุกขึ้นยืนและโค้งตัวบอกลารุ่นพี่ที่เหลือ ก่อนจะเดินออกมาจากโรงแรมและกลับไปฝึกต่อที่สำนัก
ภายในอาณาเขตบ้านพักอันร่มรื่นชานเมืองเกียวโต ย่านพักอาศัยที่อยู่ในเขตของผู้มีอันจะกินและคนดังในสังคม ฟูจิมัตสึเปิดประตูรั้วเข้าไปภายในสำนักเกอิชาที่มีสถาปัตยกรรมแบบทรงยุโรปที่ดูเงียบสงบ แต่เสียงพูดคุยที่เล็ดลอดออกมาตรงทางเดินภายในบ้านทำให้ไมโกะสาวต้องเดินไปหาต้นเสียง
“แล้วคุณต้องการให้จัดการแสดงอะไรบ้างละคะ”
“เรื่องนั้นขอให้ทางคุณกำหนดมาเลยค่ะ ทางเราขอระบุแค่เรื่องของระยะเวลาในการแสดงก็พอ” ฟูจิมัตสึยืนแอบฟังคร่าวๆก็พอจับประเด็นได้ว่ามีคนจะมาจ้างงานนั่นเอง
“ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายของแต่ละคนก็ตามที่ตกลงไปว่าห้าแสนเยนนะคะ” ฟูจิมัตสึทำตาโตเมื่อได้ยินเรื่องค่าจ้าง อะไรจะแพงขนาดนั้น
“ขอบคุณมากค่ะ” บทสนทนากำลังจะจบลงเมื่อทั้งสองคนในห้องรับแขกกำลังร่ำลากัน ฟูจิมัตสึรีบแอบเข้าไปในห้องข้างๆกันทันที
“อิจิโกะ ไม่รู้เหรอจ๊ะว่ามันเสียมารยาทที่แอบฟังคนอื่นคุยกัน” เสียงเข้มงวดแฝงความใจดีทำเอาฟูจิมัตสึสะดุ้งเฮือก
“เอ่อ คือว่าบังเอิญได้ยินพอดี..ค่ะ..” ฟูจิมัตสึยิ้มให้เกอิชาสูงวัยที่เป็นทั้งอาจารย์ของเธอและคุณยายที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก
“เฮ้อ ช่างเถอะจ้ะ แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้าง” เกอิชาสูงวัยนั่งลงบนโซฟาโดยมีไมโกะสาวเดินลงไปนั่งเคียงข้าง
“ชิราโทริเน่ซังมีงานต่อค่ะ ตอนนี้คงกำลังเดินทาง” ฟูจิมัตสึตอบพลางบีบนวดให้คุณยายของตัวเอง
“อืม แล้วเรื่องของเจ้าล่ะ ยังหาดันนะซังไม่ได้เลยนะ”
“...” ฟูจิมัตสึนิ่งเงียบ เรื่องการหาดันนะเนี่ยมีปัญหากับเธอมานานแล้ว เพราะว่าตั้งแต่ได้เป็นไมโกะเต็มตัวก็ยังไม่มีดันนะผู้อุปถัมภ์เป็นของตัวเองเสียที
“ถ้าเสร็จงานที่รับมาล่าสุดนี้ ยายคงต้องหาดันนะให้เจ้าเสียที จะมัวแต่รอคนที่เจ้าพอใจไม่ได้หรอกนะ” ในที่สุดคำตัดสินชะตาชีวิตของฟูจิมัตสึก็มาถึง คราวนี้คงปฏิเสธไม่ได้แล้วจริงๆ
“เจ้าไปพักผ่อนเถอะอิจิโกะ เดี๋ยวตอนเย็นๆจะได้มาซ้อมชงชาต่อ”
“ค่ะ คุณยาย” ฟูจิมัตสึเดินห่อเหี่ยวขึ้นไปชั้นสอง ประตูไม้สีขาวเคลือบน้ำมันเงาวับบ่งบอกถึงการดูแลอย่างดี การตกแต่งภายในสำนักเกอิชาแห่งนี้ช่างหรูหรา แสดงว่าคงเป็นสำนักที่รุ่งเรืองดี แต่ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ต่อให้ดีแค่ไหน ก็มักจะต้องมีจุดบกพร่องซ่อนอยู่เสมอ เช่นเดียวกับสำนักของฟูจิมัตสึนี้...
เมื่อประตูบานสีขาวถูกปิดลง ร่างบอบบางที่ก้าวเข้ามาในห้องส่วนตัวของตนเองค่อยๆปลดกิโมโนออกทีละส่วน ผิวนวลเนียนทาสีขาวตั้งแต่คอลงมาถึงอกปรากฎแก่สายตาเมื่อกิโมโนปลดลงมาจนถึงเอว มือเรียวหยิบสำลีมาเช็ดแป้งบนใบหน้าออก ผ่านไปครู่ใหญ่ใบหน้าหวานจึงเกลี้ยงเกลา
อิจิโกะถอดทาบิออกแล้วโยนลงตะกร้าผ้าที่ใส่แล้ว ถุงเท้าธรรมดาคู่สีขาวเรียบๆถูกหยิบออกมาจากลิ้นชักแล้วสวมลงไปแทน
ทาบิ เครื่องแต่งกายก็เปลี่ยนจากกิโมโนมาเป็นเสื้อยืดสีขาวสะอาดตาและกางเกงยาวถึงแข้ง เมื่อฟูจิมัตสึถอดกิโมโนออกออก และเปลี่ยนมาเป็นชุดธรรมดา เขาก็จะเปลี่ยนฐานะจากไมโกะสาวนามฟูจิมัตสึ มาเป็นโฮโจ อิจิโกะ.......คุง..
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
คุยกันนอกรอบสักหน่อย~
คราวนี้เป็นเรื่องแนวญี่ปุ่นอีกแล้วค่ะ
แต่จะอิงศิลปะและวัฒนธรรมเข้ามาเกี่ยว
คือเรื่องราวเกี่ยวกับเกอิชาที่บีคลั่งไคล้นั่นเอง!!!
และทีนี้ ก็จะมาอธิบายคำศัพท์เจ้าค่ะ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยนะคะ ว่าเกอิชานั้นไม่ขาย...
ซึ่งพวกเรามักจะเข้าใจผิดว่าเกอิชาคือนางคณิกา
แต่ที่จริงแล้วโออิรันต่างหากที่ขายเรือนร่าง
ดังนั้นจำไว้ให้แม่นๆนะคะ ว่าโออิรันต่างจากเกอิชา และทั้งสองอาชีพต่างก็หยิ่งทะนงและและภูมิใจในอาชีพของตัวเองที่สุด
โออิรัน --> ขายศิลปะความบันเทิงและเรือนร่าง
เกอิชา --> ขายศิลปะความบันเทิง
ทีนี้คงพอจะเข้าใจแล้วสินะคะ
ต่อมาก็เป็นเรื่องของตัวเอกนามฟูจิมัตสึ,ไมโกะ,หรืออิจิโกะ
ทุกคนที่ไม่รู้อาจจะงงว่าทำไมชื่อเยอะเหลือเกินนนนน
ก็จะอธิบายง่ายๆสั้นๆว่า
ฟูจิมัตสึ คือ ฉายา
ไมโกะ คือ คำเรียกแทนเกอิชาที่ยังอายุไม่ถึงเกณฑ์จะเป็นเกอิชาได้
อิจิโกะ คือ ชื่อจริงของตัวเองของเรานั่นเอง
สรุปคือ ในฐานะไมโกะซัง จะมีฉายาว่าฟูจิมัตสึ แต่เมื่อถอดกิโมโนออก และเปลี่ยนมาเป็นคนธรรมดา ก็จะมีชื่อเสียงเรียงนามว่า โฮโจ อิจิโกะค่ะ
ต่อไปคือคำว่า ดันนะ
อย่างที่บอกไปว่าตอนแรก เกอิชานั้นไม่ขายเรือนร่าง
แต่มีหน้าที่ให้ความบันเทิง ผ่อนคลายแก่บุรุษ
ดังนั้นจึงไม่แปลกหากจะมีใจปฏิพัทธ์กับชายหนุ่มสักคน
แต่ข้อห้ามหนึ่งของเกอิชาคือจะไม่ได้รับอนุญาตให้มีสามีระหว่างทำงาน หากจะแต่งงานก็ต้องลาออกไป
นั่นคือกรณีที่ต้องการแต่งงานค่ะ และถ้าไม่แต่ง ก็ไม่ใช่ว่าไม่สามารถมีสัมพันธ์กับบุรุษได้
โดยบุรุษที่สามารถมีสัมพันธ์กับเกอิชารวมไปถึงให้การสนับสนุนอุปถัมภ์ค้ำชูเหมือนสามี (เพียงแต่ไม่ได้แต่งงาน) จะเรียกว่าดันนะซังนั่นเอง
ปรกติแล้วเมื่อเลื่อนขั้นจากไมโกะฝึกงาน(เรียกอีกอย่างว่าชิโกมิซัง) มาเป็นไมโกะ ก็จะต้องมีดันนะผู้อุปถัมภ์หนึ่งคน แต่อิจิโกะของเราดันไม่มีน่ะสิ!!
ปล.ดันนะซังจะเป็นหนุ่มโสด หรือมีครอบครัวแล้วก็ได้ค่ะ
สุดท้ายคือ เน่ซัง จะใช้เวลาที่เราเรียกไมโกะหรือเกอิชาที่เป็นรุ่นพี่ค่ะ เช่น เกอิชาฉายาชิราโทริ ก็จะใช้ เน่ซังต่อท้าย เพื่อแสดงความนับถือในฐานะรุ่นพี่
อ้อ! ต้องแจ้งข่าวเรื่องเก่าคือ Love Desire ด้วยสินะคะ
ว่าบีจะไม่อัพแย้วด้วยเหตุขัดข้องบางประการ
แจ้งกับผู้ดูแลเว็บให้ลบทิ้งได้เลยนะค้า
ขอบคุณมากค่ะ
二
“ไมโกะซังที่ได้รับไหว้วานมาใช่มั้ยคะ” ฟูจิมัตสึหันไปมองคนที่เข้ามาทักแล้วพยักหน้ารับ หญิงสาวท่าทางสุขุมที่ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่ดูแลการจัดงานนี้จึงพาฟูจิมัตสึไปที่ห้องพัก
“ดิฉันเอ็นโดนะคะ ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมก็เรียกใช้ได้เลยค่ะ” เอ็นโดบอกกับฟูจิมัตสึแล้วจึงขอตัวไปดูแลความเรียบร้อยในงาน วันนี้คือวันงานครบรอบบริษัทของทาคาอากิ ซึ่งในที่สุดชายหนุ่มก็ได้รับรู้ว่าไมโกะสาวที่ชนกันในวันนั้นอยู่สำนักไหน
“ขอบคุณมากค่ะ” ฟูจิมัตสึค้อมตัวขอบคุณเอ็นโดได้อย่างอ่อนช้อย จนหญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าไมโกะคนนี้ช่างดูงดงามทั้งกิริยาและใบหน้า
“เป็นไงบ้างเอ็นโด” ทาคาอากิเงยหน้าถามเมื่อรับรู้ว่าเลขาสาวเข้ามาในห้อง
“เรียบร้อยดีค่ะ ดิฉันให้คนดูแลเรื่องสถานที่แทนแล้ว ส่วนไมโกะและเกอิชาที่เราจ้างมาวันนี้ก็กำลังเตรียมตัวอยู่ในห้องพักค่ะ อีกประมาณสามสิบนาทีก็จะเริ่มงานแล้ว”
“งั้นผมขอไปเดินดูรอบๆก่อนแล้วกันนะ คงไปเจอกันที่งานเลยละ ไม่ต้องตามหา” ทาคาอากิลุกขึ้นและคว้าสูทมาสวมทับ
“ได้ค่ะ” เอ็นโดพยักหน้ารับคำและแอบคิดในใจ ว่าเจ้านายตัวเองต้องแอบสนใจไมโกะหรือเกอิชาคนไหนที่จ้างมาแน่ๆเลย
“นี่ๆ ฟูจิมัตสึจัง เธอนี่ผิวสวยจริงๆนะ” ชิราโทริเน่ซังที่อยู่สำนักเดียวกันเอ่อยขึ้นมาหลังจากนั่งมองผิวเนียนๆของฟูจิมัตสึมาพักใหญ่
“นั่นสิ ขนาดทาแป้งทั้งหน้ายังเดาได้เลยว่าผิวจริงๆเนียนขนาดไหน” โอริฮิเมะเน่ซังก็เขยิบเข้ามาจ้องหน้าของฟูจิมัตสึด้วยอีกคน
“เอ่อ ไม่หรอกค่ะ ผิวของเน่ซังก็สวยมากเหมือนกัน” ฟูจิมัตสึค่อยๆขยับหนี การที่มาถูกจ้องหน้าแบบนี้ทำให้รู้สึกหวั่นๆเหมือนกัน
“เฮ้อ สาวๆก็ดีแบบนี้ละ ชั้นละไม่อยากจะแก่เล้ย”
“เอ้อ ดิฉันคงต้องขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวจะรีบกลับค่ะ” ฟูจิมัตสึลุกพรวดและออกจากห้องไปก่อนที่จะถูกจดจ้องมากไปกว่านี้
“เฮ้อ พวกเน่ซังนี่ช่างน่ากลัวจริงๆ เอะ..ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าพวกผู้หญิงน่ากลัวต่างหาก” ฟูจิมัตสึเดินบ่นพึมพำคนเดียวหลังเดินออกมาจากห้องพัก ใบหน้าหวานขมวดมุ่นเมื่อนึกถึงความเอาจริงเอาจังเรื่องความสวยความงามของผู้หญิง
“โอ๊ะ!!” เพราะว่าไม่ทันระวังตัว พอเดินออกมาพ้นจากมุมตึก ฟูจิมัตสึก็เดินชนกับคนจนตัวเองล้มลงไปกองที่พื้น
“เป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงทุ้มนุ่มและมือใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้าทำให้ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าเป็นคนที่เคยเจอ
“หึหึ ดูท่าเธอจะชอบเดินชนคนอื่นเป็นปรกติสินะ” ใบหน้าหวานแดงซ่านเมื่อรู้สึกว่าถูกเหน็บแนมซึ่งหน้า
“ขอโทษนะคะ ดิฉันไม่ทันระวังค่ะ”
“หืม? ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเธอสักนิด” ใบหน้าหล่อเหลานั้นยิ้มมุมปากยั่วเย้า ฟูจิมัตสึเองก็ไม่รู้ว่าทำไมพอเห็นแล้วต้องหลบสายตาทันควัน
“เสียมารยาทจริง ไอ้การหลบสายตาของคู่สนทนาน่ะ” ทาคาอากิลองแกล้งว่าอีกครั้งเพราะอยากเห็นปฏิกิริยา
“อะ..เอ่อ..ดิฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ” แล้วก็เป็นไปดังคาด ไมโกะสาวระล่ำระลักขอโทษอีกครั้ง ทาคาอากิจึงอดคิดไม่ได้ว่าอาจจะเป็นเพราะอาชีพของเธอ ทำให้มีความนอบน้อมเป็นนิสัยติดตัวแน่ๆ
“อ้าว โอบิเธอหลุดเสียแล้ว” เมื่อพยุงหญิงสาวลุกขึ้นมาได้ก็เห็นว่าโอบิที่ด้านหลังหลุดออกมาเล็กน้อย ฟูจิมัตสึหันไปมองด้านหลังก็เห็นว่าเป็นอย่างที่ชายหนุ่มว่า
“ตายละ ดิฉันต้องขอตัวก่อนนะคะ” ตั้งท่าจะเดินกลับไปในห้องพัก ทว่ามือใหญ่นั้นก็รั้งแขนเอาไว้ไม่ให้ไป
“เดี๋ยวผูกให้ก็ได้ มาทางนี้สิ” ไม่ทันให้ทักท้วง แรงช้างของชายหนุ่มลากแขนฟูจิมัตสึให้ไปอีกทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ฟูจิมัตสึมองไปรอบๆห้องทำงานที่สุดแสนจะหรูหราอย่างอึ้งๆ ดูท่าว่าผู้ชายตัวโตคนนี้คงจะไม่ใช่ระดับธรรมดาแน่นอน และในขณะที่กำลังอึ้งอยู่นั้นเองก็รู้สึกได้ว่ามีคนมายืนประชิดจากด้านหลัง
“อยู่นิ่งๆสิ” เสียงทุ้มกำชับเมื่อเห็นว่าฟูจิมัตสึตั้งท่าจะขยับออกห่าง ใบหน้าหวานลอบกัดริมฝีปากอย่างว้าวุ่นใจ ฟูจิมัตสึไม่นิยมเข้าใกล้ใครมากเกินไปแต่ไหนแต่ไร เว้นแต่จะเป็นเรื่องงานเท่านั้นละ
“เธอเป็นไมโกะมากี่ปีแล้ว” ทาคาอากิถามทำลายความเงียบ
“เอ่อ..ตอนนี้กำลังจะครบปีแล้วค่ะ”
“แล้วเธอมีดันนะหรือยัง”
“...ยังค่ะ..ทำไมหรือคะ” ฟูจิมัตสึหาเหตุผลไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขาถามเรื่องดันนะทำไม หรือว่าบนใบหน้าของฟูจิมัตสึจะมีคำว่า ‘ฉันไม่มีดันนะ’ เขียนอยู่บนหน้าผากกันแน่
“ไม่ทำไมหรอก ถ้าเธอยังไม่มี งั้นฉันจะเป็นดันนะซังให้เธอเองนะ” เพียงเท่านั้นใบหน้าหวานของฟูจิมัตสึก็หันควับมาจ้องหน้าของทาคาอากิอย่างตกตะลึง ชายหนุ่มหัวเราะในใจพลางนึกว่างานนี้คงจะได้เพชรเม็ดงามมาไว้ในมือเสียแล้ว
“เอ่อ...” ฟูจิมัตสึอยากจะคัดค้าน แต่ถ้อยคำปฏิเสธก็ไม่ยอมหลุดจากปาก
“แล้วเธอใช่ชื่อว่าอะไรล่ะ ฉันจะได้เรียกถูก”
“..ฟะ..ฟูจิมัตสึค่ะ...” สุดท้ายก็พูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธใบหน้าคมและท่าทีทรงอำนาจได้อย่างไร
“พอจบงานนี้ฉันจะเข้าไปที่สำนักของเธอและคุยเรื่องนี้กับนายของเธอ” ชายหนุ่มถือวิสาสะที่ฟูจิมัตสึยังคงอ้ำอึ้งจูบลงที่ริมฝีปากแดงสดอย่างแผ่วเบา มือใหญ่โน้มเอวของไมโกะร่างบอบบางมาแนบชิด
“ฉันถูกใจเธอเหลือเกิน” ถ้อยคำอ่อนโยนดังก้องในหูของฟูจิมัตสึ หรือว่าเขาจะเป็นคนที่เธอรอคอยมาตลอด...
“ฟูจิมัตสึ กำลังจะถึงเวลาเริ่มงานแล้วนะ หายไปไหนม- ....” ชิราโทริเน่ซังร้องทักเมื่อเห็นฟูจิมัตสึโผล่หน้าเข้ามาในห้อง แต่ก็ต้องชะงักและพูดไม่จบประโยคเพราะเห็นร่างเจ้าของมือใหญ่ที่โอบเอวของฟูจิมัตสึอยู่ด้วย
“เอ่อ..ขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ รีบไปเตรียมตัวให้พร้อมดีกว่า ว่าแต่คุณคนนี้...” ตามประสาเพศหญิงย่อมหลงใหลชายหนุ่มรูปงาม พอเห็นหน้าของทาคาอากิ ก็อยากรู้อยากเห็นขึ้นมาว่าชายหนุ่มที่โอบประคองรุ่นน้องของตนเองเป็นใคร
“ตอนเย็นเจอกันนะ” ทาคาอากิไม่สนใจคำถามของเกอิชาคนอื่นๆ กลับก้มลงกระซิบข้างหูไมโกะสาว ความใกล้ชิดทำเอา
ฟูจิมัตสึหน้าแดงแปร๊ดทันที
“ค่ะ...”
หลังจากที่ทาคาอากิเดินออกไปคงไม่ต้องบอกว่าเกิดอะไรขึ้น ที่แน่ๆคือฟูจิมัตสึไม่สามารถตอบคำถามของบรรดาเน่ซังได้เลย กลับเอาแต่ทำหน้าตาเหม่อลอยอย่างเดียว โชคยังดีที่มีสติพอทำงานได้...
“คุณหรือคะที่อยากจะมารับเป็นดันนะซังให้ฟูจิมัตสึของทางเรา” โฮโจ ยูริ หรือฉายาในวงการว่าฟูจิโกะ ผู้เป็นยายของฟูจิมัตสึมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างแปลกใจ เมื่อจู่ๆหลานรักที่ไม่ยอมมีดันนะสักที กลับพาชายหนุ่มหน้าตาดีมาในเย็นวันหนึ่ง แถมหนุ่มนั่นยังบอกว่าอยากจะเป็นดันนะให้หลานของตนอีกต่างหาก
“ใช่ครับ แล้วผมต้องทำอย่างไรบ้าง” บทสนทนาที่ฟูจิมัตสึรับรู้ได้หยุดลงแค่ตรงนั้น เพราะหลังจากที่เจอเรื่องเซอร์ไพรส์มาทั้งวัน ตอนนี้คงสติหลุดลอยไปไกลแล้วจริงๆ
“เจ้าไปเจอเขาที่ไหนหืม? อิจิโกะ” ยูริลูบผมนุ่มของหลานรักอย่างแผ่วเบา ทาคาอากิกลับไปแล้ว สองยายหลานจึงมานั่งคุยกันตามลำพัง
“ผมเคยเจอเขาที่โรงแรม XX เมื่อหลายวันก่อนครับ แล้ววันนี้ก็บังเอิญเจอเขาอีกที่งานฉลองของบริษัทอัญมณี เขาบอกว่าถูกใจผม..”
“แล้วเขารู้หรือยัง เรื่องที่เจ้าเป็นผู้ชาย”
“ไม่ครับ ผมไม่กล้าบอกหรอก...” เสียงอ่อนเศร้าของหลานชายสุดที่รักยิ่งกว่าดวงใจทำให้ผู้เป็นยายรู้สึกหดหูตาม
“อิจิโกะ เจ้าก็โตแล้ว อยากจะทำอะไรก็แล้วแต่การตัดสินใจของตัวเองเถอะนะ”
“คุณยาย! ผมไม่ได้ชอบเขานะครับ” อิจิโกะแทบเต้นเมื่อได้ยินสิ่งที่ยูริพูด แต่พอเห็นใบหน้ายิ้มล้อๆของหญิงชราจึงรู้ว่าตัวเองตกหลุมพรางเสียแล้ว
“เจ้าชอบเขาจริงๆสินะอิจิโกะ..”
“ผมขอไปนอนก่อนนะครับ นอนดึกเดี๋ยวผิวจะโทรมลง” อิจิโกะเดินจ้ำขึ้นห้องนอนของตัวเอง พอล็อกห้องได้ก็ล้มตัวลงนอนบนที่นอนนุ่ม แขนเรียวยืดออกเบื้องหน้าแล้วจ้องมองเนิ่นนาน พอเลิกจ้องแขนตัวเองก็ลุกมานั่งมองเรียวขายาว เมื่อมองจนพอใจก็ลุกไปที่หน้ากระจก เงาที่มองตอบกลับมาดูเหมือนกับเด็กสาวบอบบางที่ไว้ผมสั้น วิกผมที่เอาไว้ใช้กับกิโมโนวางอยู่ตรงหน้า เหตุที่อิจิโกะไม่ได้ไว้ผมยาวก็เพราะว่ายังเรียนม.ปลายอยู่ แต่ปีนี้ก็เป็นปีสุดท้าย หลังเรียนจบม.ปลายเขาก็ต้องมาสืบทอดกิจการแบบเต็มตัว ถึงตอนนั้นคงต้องไว้ผมยาวจริงๆแหละ
“ถ้าคุณรู้ว่าผมไม่ใช่เด็กสาวอย่างที่คิด คุณจะยังถูกใจผมอยู่มั้ย...ฮานาบุสะซัง..”
อีกมุมหนึ่งของเมืองก็ยังคงมีคนที่เอาแต่นั่งจ้องมองวิวด้านนอกของคอนโดสูงเสียดฟ้าอยู่ แก้วบรั่นดีในมือโยกเอนไปตามการขยับตัว ทาคาอากิกลับมาถึงที่พักตั้งแต่ตอนเย็น แต่ก็ยังคงนึกฝันถึงใบหน้าหวานของฟูจิมัตสึอยู่
“ชื่ออิจิโกะ คนละแนวกับฟูจิมัตสึเลยแฮะ..”
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
三
เสียงจักจั่นเรไรในฤดูร้อนแบบนี้อาจทำให้คนเราหงุดหงิดมากขึ้นก็เป็นได้ ยิ่งหากสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาหลายดิฉันก็คงยิ่งทำให้ทวีความร้อนระอุขึ้นไปอีก ฟูจิมัตสึเดินอย่างเชื่องช้า ร่มสีขาววาดลวดลายดอกเบญจมาศสีสดเข้ากันกับชุดกิโมโนโทนสีส้ม มืออีกข้างถือกระเป๋าใบเล็กที่ปักคริสตัลแวววาว ทุกสิ่งดูสวยงามเหมาะสมกันดี เว้นเพียงแต่...
“ฟูจิมัตสึจัง ทำไมทำหน้าหงิกแบบนั้นล่ะ” ชิราโทริเน่ซังหันมาถามไมโกะรุ่นน้องเสียงใส ฟูจิมัตสึเหลือบมองรุ่นพี่แล้วถอนหายใจ
“เน่ซังไม่ร้อนหรือคะ ดิฉันเนี่ยร้อนจนจะบ้าอยู่แล้ว”
“ก็ร้อนสิจ๊ะ แต่ด้วยอาชีพอย่างเราเนี่ยไม่เหมาะกับการทำหน้าบูดบึ้ง เราพยายามยิ้มเข้าไว้นะ” แต่เหมือนว่าวันนี้คงเป็นวันหม่นหมองของฟูจิมัตสึ เพราะไม่ว่าจะยังไงก็ทำตัวสดใสไม่ไหว
“อะไรกันฟูจิมัตสึจัง วันนี้ดูไม่สดใสเอาซะเลย” ท่านประธานบริษัทผ้าทอเดินมาแตะที่ไหล่ของฟูจิมัตสึเบาๆ ไมโกะสาวหันไปมองแล้วพยายามยิ้มให้อย่างอ่อนหวานที่สุด แม้ว่าไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศจะไม่ช่วยอะไรเลยก็ตาม
“อากาศร้อนค่ะ ดิฉันเลยรู้สึกไม่ค่อยดี..” ท่านประธานคนนี้เป็นคนที่ใจดีกับเธอเสมอ ฟูจิมัตสึจึงต้องทำดีกับเขาให้มากที่สุด
“เอาน่าๆ เดี๋ยวก็จะได้ฟังข่าวดีแล้ว น่าจะอารมณ์ดีได้นะ ฮ่ะๆ” ฟูจิมัตสึขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ ข่าวดีอะไรกัน วันนี้ไม่ใช่วันพิเศษอะไรนี่นา เธอก็แค่ออกมาทำงานนอกสถานที่ตามปรกติ
“ข่าวดีอะไรหรือคะ ดิฉันพลาดอะไรไปหรือเปล่า”
“ฮ่าๆ บอกไม่ได้หรอก ไม่งั้นก็จะไม่เซอร์ไพรส์” แล้วท่านประธานก็เดินจากไป ทิ้งฟูจิมัตสึให้ยืนงงคนเดียว
“ฟูจิมัตสึจัง มาทางนี้เร็ว มัวยืนเหม่ออะไรอยู่” ชิราโทริเน่ซังดึงแขนฟูจิมัตสึไปในห้องรับรองทั้งที่ไมโกะสาวยังคงทำหน้างงอยู่ แต่พอเข้ามาภายในห้องรับรองที่มีแขกอยู่เต็มจึงต้องรีบปรับสีหน้าให้ดี
“เดี๋ยวเธอจะต้องรำโนะ ส่วนดิฉันจะเล่นซามิเซ็นเองนะ” ฟูจิมัตสึรับคำโดยการพยักหน้าและแอบนึกในใจว่าเธอจะรำได้หรือ การรำที่ต้องใช้ความอ่อนช้อย แต่ตอนนี้เธอหงุดหงิดเหลือเกินจะแสดงการรำที่แสนอ่อนช้อย
แต่ก็ไม่มีเวลาให้ฟูจิมัตสึคิดได้นานนัก พอเสียงซามิเซ็นดังขึ้น เธอก็เตรียมร่ายรำ แขกทุกคนที่กำลังพูดคุยจึงหันมาสนใจการแสดงแทน ทุกสายตาที่จับจ้องมามีบางอย่างที่ทำให้ฟูจิมัตสึใจเต้นตึกตัก ช่วงจังหวะท่าที่ต้องยกชายกิโมโนขึ้นเพื่ออวดลวดลายงดงามที่แขนชุดกิโมโน ทุกสายตาจับจ้องเหมือนต้องมนต์สะกด แม้ว่าจะวุ่นวายใจเพียงใด แต่เมื่อถึงเวลาแสดง ก็ต้องทำให้ดีที่สุด
“ยอดเยี่ยมมาก!” เสียงปรบมือและเสียงชมอื้ออึง ฟูจิมัตสึโค้งคำนับอย่างอ่อนช้อย และเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็ได้สบตากับคนที่เธอไม่คิดว่าจะอยู่ที่นี่มาก่อน
“ฮานาบุสะซัง...” ฟูจิมัตสึครางเสียงอ่อน... เขานั่นเองสาเหตุที่ทำให้เธอฟุ้งซ่านแม้จะยังไม่เห็นหน้า..
“ฟูจิมัตสึจัง มานั่งข้างว่าที่ดันนะของเธอสิ” ท่านประธานบริษัทผ้าทอตบเบาะรองนั่งข้างทาคาอากิเบาๆ ฟูจิมัตสึหันไปสบตากับชิราโทริและเห็นรอยยิ้มบอกว่าให้ไปนั่งสิ ฟูจิมัตสึก้มหน้างุดและนั่งลงข้างทาคาอากิ สายตาคมระยิบระยับของชายหนุ่มทำให้ฟูจิมัตสึนั่งไม่ติดที่
“ทำไมนั่งยุกยิกล่ะ กลัวอะไรหืม?” น้ำเสียงอ่อนโยนและนิ้วมือที่ไล้ข้างแก้มทำให้ฟูจิมัตสึใจสั่นไม่รู้ตัว
“ไม่มีอะไรค่ะ วันนี้ดิฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย..”
“ขนาดฟูจิมัตสึจังไม่ค่อยสบาย ยังรำได้สวยที่สุดเลยนะ ฮ่ะๆ” ท่านประธานบริษัทผ้าทอยกสาเกขึ้นมาจิบแล้วชมฟูจิมัตสึเสียงดัง
“นั่นสิครับ ผมเองละมองตาค้างเลย”
“สงสัยวันหลังต้องจ้างฟูจิมัตสึจังมาบ่อยๆเสียแล้ว”
เสียงชื่นชมจากบรรดาผู้บริหารทั้งหลายดังอึง ฟูจิมัตสึได้แต่ก้มหน้าขอบคุณไปตามมารยาท แต่พอเอื้อมมือจะรับถ้วยสาเกจากท่านประธานบริษัทผ้าทอมาจิบก็มีมือหนึ่งขัดขวางเสียก่อน
“ขอโทษนะครับบันโดซัง เธอจะรับสาเกจากผมได้เท่านั้น” แล้วทาคาอากิก็ดื่มสาเกแทนเสียเอง บันโด หรือท่านประธานบริษัทผ้าทอหัวเราะเสียงลั่นอย่างถูกใจ
“แหมๆ ที่แท้ฮายาบุสะซังก็หวงไมโกะของตัวเองใช่ย่อย เอาละพวกเรา จริงๆวันนี้ก็เป็นวันฉลองที่ฟูจิมัตสึจังได้ดันนะผู้อุปถัมภ์เป็นตัวเป็นตนสักที งั้นเราก็มาฉลองให้ฮายาบุสะซังด้วยแล้วกัน ฮ่ะๆ” คงไม่ต้องบอกว่าฟูจิมัตสึจะตกใจแค่ไหน เพราะในตอนแรกที่ยายของเธอตกลงวันฉลองเอาไว้ไม่ใช่วันนี้ แต่กลับเลื่อนมาเป็นวันนี้โดยไม่บอกเธอเสียนี่
“ตกใจหรือ?” เสียงนุ่มกระซิบแผวเบาชวนให้วาบหวิว แต่ในตอนนี้ฟูจิมัตสึกลับรู้สึกเหมือนว่ามีไฟสุมอกมากกว่า
“ทำไมถึงไม่เป็นไปตามกำหนดการละคะ ดิฉันคิดว่าอีกสองสัปดาห์เสียอีก”
“ก็...ฉันอยากเป็นเจ้าของเธอเร็วๆ...”
“ด้วยเรื่องแค่นั้นเองหรือคะ...” น้ำเสียงอ่อนหวานเจือเศร้ารำพันเสียงเบา แค่เพียงเพราะอยากเป็นเจ้าของตัวเธอ จึงยอมเลื่อนวันมาให้ไวขึ้นอีก...
“เธอว่าอะไรนะ?” ทาคาอากิได้ยินไม่ชัดจึงถามซ้ำ แต่ไมโกะสาวเพียงแค่ยิ้มอ่อนหวานและส่ายหัวน้อยๆ
“เปล่าค่ะ ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ ยังอยู่ในเวลาทำงาน” ชั่วขณะที่ฟูจิมัตสึลุกขึ้นและเดินจากไป ทาคาอากิรู้สึกเหมือนว่าใบหน้าหวานนั้นเศร้าสร้อยเกินจะพรรณนา
“ฮานาบุสะซัง วันนี้ก็ขอให้โชคดีนะ” ท่านประธานบันโดตบไหล่ทาคาอากิและหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะกระซิบประโยคถัดมาเสียงเบา
‘ฟูจิมัตสึจังเขายังเด็ก อย่าทำให้กลัวละ’ น่าแปลกใจที่ทาคาอากิรู้สึกเขินขึ้นมาวูบหนึ่ง และยิ่งเผลอหันไปสบตากับไมโกะสาวที่กำลังร่ำลากับรุ่นพี่ก็ยิ่งรู้สึกวูบวาบเหมือนเป็นวัยรุ่นกำลังมีความรักยังไงยังงั้น
“เอาละ ผมไปก่อนนะ” แล้วท่านประธานบันโดผู้อารมณ์ดีเสมอก็เดินจากไป ทาคาอากิเห็นไมโกะสาวเดินตรงมาที่เขา ใบหน้าหวานนั้นเดาอารมณ์ไม่ถูกเลย
“จะไปกันหรือยังคะ”
“อะ...อืม” ทาคาอากิพยักหน้าให้ไมโกะสาวเดินตามมาที่รถสปอร์ตของตัวเอง ตอนนี้เป็นเวลาเริ่มมืด แต่ก็คงไม่เหมาะที่จะเปิดหลังคา เพราะอาจจะทำให้ผมและเสื้อผ้าของหญิงสาวยุ่งเหยิงได้
“เราจะไปไหนกันคะ” ทาคาอากิหันไปมองไมโกะสาวที่นั่งบนเก้าอี้ข้างคนขับ รถแบบยุโรปเบาะหนังสีดำช่างเข้ากับหญิงสาวในชุดกิโมโนลายดอกเบญจมาศสีสดอย่างไม่น่าเชื่อ และถ้าหากเป็นร่างเปลือยขาวนวลล่ะ จะงดงามเพียงไหน...
“เอ่อ...บ้านของฉันน่ะ พอดีเพิ่งได้เหล้าญี่ปุ่นอายุเกือบร้อยปีมา อยากให้เธอได้ชิม” ทาคาอากิสะบัดศีรษะไล่อารมณ์ชั่ววูบไป ไม่รู้ว่าทำไมแค่เพียงคิดก็ยังทำให้ฟุ้งซ่านได้ขนาดนี้
ทาคาอากิขับรถมาตามถนนในเมืองที่ยังคงมีผู้คนพลุกพล่าน จนออกมาเขตชานเมืองที่เงียบสงบ ฟูจิมัตสึรู้จักที่นี่ มันคือหมู่บ้านของพวกเศรษฐีที่มีความร่ำรวยติดอันดับของประเทศ ภูมิทัศน์ที่เงียบสงบและร่มรื่น บ้านหลังใหญ่โตหรูหรายิ่งกว่าบ้านของเธอบ่งบอกถึงความต่างดิฉันระหว่างเจ้าของบริษัทแบบเขาและคนทำงานบริการแบบเธอได้เป็นอย่างดี
“ลงมาสิ” ฟูจิมัตสึหันไปมองประตูรถที่เปิดออกและมือของชายหนุ่มที่ยื่นมาแบบงงๆ เธอคิดเพลินจนไม่ทันได้สังเกตข้างทางเลยหรือนี่...
“คุณอยู่คนเดียวหรือคะ?” ฟูจิมัตสึรู้สึกสงสัยเมื่อเห็นความเงียบงันรอบบ้าน ไม่มีแม้กระทั่งวี่แววของสิ่งมีชีวิต
“อืม พวกเมดอยู่บ้านพักถัดไปน่ะ” ทาคาอากิวางมือลงบนช่องที่เป็นกระจกใสตรงประตูหน้าบ้าน ระบบอิเล็กทรอนิคส์บอกสถานะว่ากำลังสแกนมือของชายหนุ่ม
‘ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ ฮานาบุสะซัง’ เสียงระบบตอบรับจากเครื่องสแกนมือทำให้ฟูจิมัตสึรู้สึกทึ่ง พอชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้าน ไฟทุกดวงก็เปิดเองอัตโนมัติ
“นั่งรอที่นี่สิ เดี๋ยวฉันไปเอาแก้วก่อน”
“ให้ดิฉันไปช่วยนะคะ” ฟูจิมัตสึวางกระเป๋าและตั้งท่าจะไปช่วย แต่ชายหนุ่มกลับยกมือห้ามและสั่งให้เธอนั่งลง
ฟูจิมัตสึนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาที่หรูหรา โซฟากำมะหยี่ที่เมื่อนั่งลงไปจะนิ่มเหมือนปุยนุ่นสมราคาแพงระยับ กระจกบานโตตรงกำแพงเรียกร้องให้ฟูจิมัตสึเดินไปยุดมองเงาตัวเอง มือเรียวยกขึ้นลูบที่กระจกแผ่วเบา เรียวปากสีแดงแย้มเผยอหยอกล้อกับกระจก ฟูจิมัตสึคิดเสมอมาว่าสวรรค์คงกลั่นแกล้งเธอให้มีร่างกายที่แท้จริงเป็นผู้ชายขัดกับรูปลักษณ์ภายนอก
“เธอชอบทำหน้ายั่วยวนกับกระจกแบบนี้ด้วยหรือ?” ฟูจิมัตสึสะดุ้งเฮือก เสียงนุ่มที่มากระซิบติดใบหูของเธอกับลิ้นนุ่มที่หยอกล้อคลอเคลียทำเอาขาอ่อนยวบ
“มะ ไม่ใช่นะคะ...” ฟูจิมัตสึอยากจะดำดินหนีเสียเหลือเกิน ไม่รู้ทำไมตั้งแต่ได้รู้จักกับทาคาอากิ เธอถึงชอบทำท่ายั่วยวนแบบนี้อยู่บ่อยๆ
“ฉันเห็นอยู่...ยังจะโกหกอีกนะ...” มือใหญ่ลามมาโอบที่รอบเอวบาง ร่างกายท่อนล่างของทาคาอากิขยับมาบดเบียดกับสะโพกของไมโกะสาว ชายหนุ่มที่ยกเหล้าจากในครัวมาและได้เห็นหญิงสาวกำลังทำท่ายั่วยวนหยอกล้อกับกระจกย่อมต้องอารมณ์กระเจิงอยู่แล้ว หนำซ้ำดีกรีของเหล้าญี่ปุ่นในตัวยังช่วยจุดอารมณ์ให้คุโชนขึ้นมาอีก
“หันมาสิ” ทาคาอากิจับร่างบางให้หันมาเผชิญหน้าและมอบจูบลึกล้ำให้ มือใหญ่บีบที่คางของไมโกะสาวเพื่อให้เผยอปากออก ลิ้นอุ่นสอดเข้าไปเก็บเกี่ยวความหอมหวานของฟูจิมัตสึอย่างเพลิดเพลิน
“อือ...” ร่างบางส่ายหน้าหนีจูบรุกรานจากร่างสูง แต่อิริยาบถของฟูจิมัตสึกลับยิ่งกระตุ้นให้อารมณ์ของชายหนุ่มโหมกระพือ
“ฮืม...เธอนี่มัน...” ทาคาอากิแหวกกิโมโนเข้าไปสัมผัสกับขาเรียวด้านใน กิโมโนหนากว่า 5 ดิฉันไม่ทำให้ชายหนุ่มหงุดหงิด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกตื่นเต้นเหมือนเด็กที่กำลังแกะของขวัญด้วยซ้ำ
“อ๊ะ!” วูบเดียวที่ร่างบางลอยหวือและถูกเหวี่ยงลงบนโซฟา ฟูจิมัตสึเห็นเพียงเนคไทที่ถูกเหวี่ยงลงบนพื้น และชายหนุ่มที่กำลังแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตอย่างรีบร้อน
“อะ..อย่า อย่าเพิ่งค่ะ..” เสียงหวานสั่นระรัว มือเรียวรวบชายกิโมโนเข้าหากันแล้วพยายามกระถดกายหนีชายหนุ่ม ทาคาอากิจึงได้สติ
“เอ่อ...ขอโทษที..ผมลืมตัวไปหน่อย..” ทาคาอากิขยับไปนั่งอีกฝั่งของโซฟาและเอามือเสยผมที่ตกลงมาปรกใบหน้า ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ขนาดนี้
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ..” ฟูจิมัตสึจัดกิโมโนให้เข้าที่ด้วยท่าทางเขินอาย ก็เธอเองดันไปทำท่ายั่วยวนที่หน้ากระจกนี่นะ จะว่าอะไรเขาได้ล่ะ...
“ลองชิมนี่สิ เหล้าญี่ปุ่นรสดีที่ฉันอยากให้เธอลองชิม” ทาคาอากิเลื่อนแก้วคริสตัลสีดำทึบมาตรงหน้า กลิ่นเหล้าที่ผ่านการหมักบ่มชวนให้ละเลียดไปกับรสชาติเหล้าดิฉันดี
“ขอบคุณมากค่ะ” ฟูจิมัตสึจิบเหล้าที่มีรสสมราคาคุย อาชีพอย่างไมโกะหรือเกอิชามีความจำเป็นให้ต้องคอแข็ง
แม้แต่ฟูจิมัตสึเองยังได้ฉายาว่าคอทองแดง แต่เหล้าญี่ปุ่นนี้มีดีกรีแรงจริงๆ เพียงแค่อึกเดียวลำคอขาวก็รู้สึกร้อนผ่าว
“รสดีมากค่ะ แต่แรงเอาเรื่อง..”
“นั่นละจุดเด่นของมัน เหล้าเนี่ยฉันเอามาจากคนรู้จักอีกที” ทาคาอากิพูดแล้วก็หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ
“...” ทั้งสองคนเอาแต่นั่งดื่มเหล้ากันโดยไม่พูดจา จนแก้วเหล้าในมือหมดไป ทาคาอากิตั้งท่าจะเติมเหล้าให้ แต่ฟูจิมัตสึก็ยกมือห้ามไว้ก่อน
“ดิฉันคิดว่าเราจะต้องคุยกัน...บางเรื่องค่ะ..”ฟูจิมัตสึก้มมองเท้าตัวเอง มือทั้งสองกุมกันไว้แน่น ท่าทางบ่งบอกว่าเรื่องที่จะคุยนั้นสำคัญเพียงใด
“..ดิฉันอยากขอให้ยกเลิกเรื่องที่คุณจะเป็นดัน-” ฟูจิมัตสึพูดยังไม่ทันจบทาคาอากิก็ตอบเสียงเข้ม
“ไม่มีทาง!” ชายหนุ่มมองหน้าไมโกะสาวตรงหน้าอย่างขุ่นเคือง
“เธอมีอะไรไม่พอใจกัน ฉันมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย สามารถอุปถัมภ์เธอไปได้ทั้งชาติ หรือเธอกลัวว่าฉันจะทิ้งเธองั้นเหรอ ไม่ต้องกลัวไปหรอก!” ทาคาอากิลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและจ้องหน้าไมโกะสาว เรือนร่างบอบบางและใบหน้าหวานนั้นหันหน้าหนีไม่สบตา ทาคาอากิได้แต่กัดฟันกรอดเพราะไม่อยากใช้กำลัง
“งั้นดิฉันจะบอกบางอย่างกับคุณ บางทีมันอาจช่วยให้คุณเปลี่ยนใจ..” ฟูจิมัตสึเดินผ่านทาคาอากิไปปิดม่านตรงหน้าต่างและระเบียงจนหมด ไหล่บอบบางดูสั่นระริก เธอรวบรวมความกล้าและหันมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม
“เธอ..จะทำอะไรน่ะ..” น้ำเสียงทรงพลังของทาคาอากิต้องกลับมาสั่นไหวอีกครั้งเมื่อเห็นว่าไมโกะสาวลงมือปลดเชือกและโอบิลายดอกไม้สีน้ำตาลอมทองให้ร่วงลงสู่พื้น ส่งผลให้กิโมโนแยกออกจากกัน ซับในผ้าลูกไม้บางเบากำลังกระพือหยอกล้อกับสายลม
มือเรียวค่อยๆปลดกิโมโนออกจากไหล่ ผิวขาวเนียนละลานตาปราศจากแป้งขาวไล่เรื่อยลงมาจนถึงแผ่นอกเรียบเนียน
จุดกึ่งกลางอกสีแดงสดสองจุดตัดกับสีผิวขาวสล้าง ฟูจิมัตสึเงยหน้ามองสบตาชายหนุ่มอย่างแกล้วกล้า แม้ว่าขาทั้งสองข้างจะสั่นเทาจวนล้มลงกับพื้นเมื่อเห็นสายตาตกใจของทาคาอากิ
“เธอ...เป็นผู้ชาย..งั้นเหรอ..”
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
四
ฟูจิมัตสึพยายามสะกดกลั้นน้ำตาที่จวนรินไหลและดึงกิโมโนมาสวมกลับเหมือนเดิม ในเมื่อตัดสินใจบอกความจริงไปแล้ว ก็ต้องทำใจยอมรับความรังเกียจและโกรธเกรี้ยวจากเขาให้ได้
“!!” แต่มือแกร่งที่รั้งไว้ไม่ให้ฟูจิมัตสึสวมกิโมโนกลับ และสายตาคมแฝงความดีใจที่สั่นระริกนั้นทำให้เธอแปลกใจจนมองตอบกลับชายหนุ่มไปแบบงงๆ
“ลางสังหรณ์ของฉันไม่ผิดจริงๆ ” ประโยคบอกเล่าที่ไม่ทำให้ฟูจิมัตสึหายงงและจูบเร่าร้อนจากชายหนุ่มมาไล่เลี่ยกัน จูบที่เร่งเร้ายิ่งกว่าตอนแรก แขนแข็งแรงตวัดร่างของฟูจิมัตสึมาแนบชิดกว่าเดิม ลิ้นอุ่นฉกฉวยชิมความหวานอย่างมัวเมา อีกมือที่ว่างก็ลูบไล้เข้าไปภายในกิโมโนและเขี่ยยอดอกสีสดรุนแรง
“อา..อ๊ะ..” ทั้งที่เป็นเพศเดียวกัน แต่เรี่ยวแรงกลับต่างกันลิบลับ เรื่องนี้หากจะโทษก็คงต้องโทษที่ดีเอ็นเอของฟูจิมัตสึ เพราะดันสร้างมาให้เขามีความเป็นชายแค่เพียงอวัยวะบางส่วน แต่สิ่งอื่นกลับสมหญิงยิ่งกว่าผู้หญิงบางคน...
“ปละ...ปล่อยผมนะ..” ถ้าจำไม่ผิดฟูจิมัตสึจะบอกให้ชายหนุ่มปล่อย แต่ทำไมตอนนี้ทาคาอากิกลับอุ้มร่างบางพาดบ่าแล้วเดินขึ้นชั้นบนของบ้าน ประตูห้องนอนใหญ่เปิดออกตามด้วยประตูกระจกบานเลื่อนที่เปิดเข้าไปสู่ห้องน้ำใหญ่โต
“จะทำอะไรน่ะ!” ฝักบัวมีน้ำอุ่นไหลซู่ ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ชุบน้ำจนชุ่มและถูกโปะลงมาบนหน้าของฟูจิมัตสึ เอวบางถูกรั้งให้นั่งแหมะลงมาบนตักแข็งแรง มือใหญ่ออกแรงเช็ดแป้งออกจากใบหน้าหวานจนเกลี้ยง
“ชุดผมเปื้อนหมดแล้ว นี่มันแพงมากนะ!” หยดน้ำผสมแป้งหล่นลงบนกิโมโนราคาแพงระยับ ฟูจิมัตสึที่เปลี่ยนสรรพนามแล้วโวยวายเสียงดัง
“เอาน่ะ เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่ ล้านเยนฉันก็ซื้อให้เธอได้..” น้ำเสียงของชายหนุ่มแฝงแววเริงร่าอย่างน่าหมั่นไส้
“นี่ไง...ตัวจริงของเธอ...อิจิโกะ..” ทาคาอากิมองผลงานตัวเองด้วยความพอใจ ใบหน้าหวานไร้แป้งสีขาวเจือสีเรื่อจากน้ำอุ่นและแรงเช็ด เรียวปากสีอ่อนยื่นเพราะไม่พอใจดวงตากลมโตเองก็มีแววโกรธเคืองไม่น้อย
“คุณทำบ้าอะไรของคุณน่ะ มันเจ็บนะ” อิจิโกะกอดอกแน่นโดยลืมไปว่าตัวเองนั่งอยู่บนตักของชายหนุ่ม
“ฉันก็แค่อยากเห็นตัวจริงของเธอ” ทาคาอากิกระชับเอวบางเข้ามามากขึ้น จมูกโด่งกดลงบนแผ่นอกเนียน กลิ่นหอมจากเครื่องหอมแบบโบราณติดตรึงยากที่จะตัดใจ
“ผมเป็นผู้ชายนะ...”
“อืม แล้วไง”
“ผมไม่ใช่ผู้หญิง...”
“นั่นแหละดี หึหึ”
“อ๊ะ! อะ..ไอ้บ้า โรคจิต!!” อิจิโกะหายสงสัยในที่สุดเมื่อได้ยิน ที่แท้ทาคาอากิเป็นพวกไบเซ็กช่วลนั่นเอง ถึงได้ไม่มีทีท่ารังเกียจสักนิด
“แหม บังเอิญว่าฉันเป็นไบเซ็กช่วลที่ค่อนข้างจะเอนเอียงไปทางหนุ่มน้อยหน้ามนเสียด้วย เพราะเหตุนี้แหละฉันถึงไม่แต่งงานสักที” ทาคาอากิยักคิ้วยั่วล้อ อิจิโกะได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเพราะคิดว่าจะหนีพ้น แต่กลับกลายเป็นว่าเขาพอใจเสียอีก
“ไม่เอาน่า อย่าใช้ใบหน้าหวานๆทำหน้าหงิกงอสิ...”
“คุณมัน...โรคจิตสิ้นดี...ใครจะคิดว่าท่านประธานที่หล่อรวยเพอร์เฟคท์จะมีรสนิยมแบบนี้กัน...”
“หึหึ อันที่จริงแล้วฉันยังมีรสนิยมชอบใช้ความรุนแรงด้วยนะ” พอพูดจบมือเล็กก็กำหมัดแล้วระดมทุบไปที่อกแกร่งนั้น ร่างสูงใหญ่หัวเราะในลำคอแบบคนที่กำลังอารมณ์ดีสุดขีด อิจิโกะจึงยิ่งหมั่นไส้และทุบแรงขึ้นอีก
“เอาเลย ทุบให้พอ เดี๋ยวเธอจะต้องทุบแรงกว่านี้อีก”
“อ๊า!! ปล่อยนะ ผมเดินเองได้ไม่ต้องอุ้ม” อิจิโกะดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดของชายหนุ่ม แต่ร่างสูงนั้นก็ยังคงมุ่งหน้าไปยังเตียงนอน เสียงร้องห้ามไม่ได้ทะลุโสตประสาทที่ตั้งใจอย่างแน่วแน่ของทาคาอากิเลยแม้แต่น้อย พอหลังเนียนสัมผัสกับที่นอน ร่างสูงก็ทาบทับมาไม่ให้เสียเวลา กิโมโนชิ้นนอกถูกเหวี่ยงลงข้างเตียงพร้อมกับแรงขัดขืนของอิจิโกะ
“ไม่เอา...อย่า!” ริมฝีปากเย็นเยียบกดจูบลงมาที่ซอกคอ ฟันคมขบเม้มเนื้อเนียนหลายครั้ง ฝ่ามือบีบคลึงยอดอกเบาๆ ใบหน้าหวานเม้มปากกลั้นเสียงร้อง เรียวขาถูกแยกออกด้วยหัวเข่าก่อนที่ร่างสูงทั้งร่างจะแทรกเข้ามา ไออุ่นจากร่างท่อนบนที่กดลงมาแนบชิดทำให้รู้สึกร้อนรุ่ม ปลายลิ้นโลมเลียทั่วตัวสลับกับมือที่หยอกเย้าไปทุกสัดส่วนเพื่อกระตุ้นอารมณ์ ฝ่ามือเลื่อนลงสัมผัสสัดส่วนที่ตื่นตัวอย่างห้ามไม่ได้ เด็กหนุ่มได้แต่พยายามปัดป้องอย่างไม่เห็นผล ทั้งที่กิโมโนยังถูกปลดออกไม่หมดแต่ดูเหมือนว่าทาคาอากิจะไม่สนใจและยังคงรุกล้ำร่างกายหอมหวานนี้ได้ไม่ติดขัด
“อ้าปากหน่อยสิอิจิโกะ...” เสียงทุ้มกระซิบแหบพร่าพร้อมออกแรงบีบที่สะโพกมน ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้อิจิโกะเผยอปากออกโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้เรียวลิ้นอุ่นลัดเลาะเข้ามาภายในโพรงปากนุ่มชื้นอีกครั้ง ทาคาอากิมัวเมากับความหอมหวานจนลืมตัวออกแรงกัดริมฝีปากบางหลายครั้งจนห้อเลือด
“อึ๊ก! เธอ!” ร่างสูงผละริมฝีปากออกทันควันเมื่อรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ปลายลิ้น เลือดสีแดงสองสามหยดติดอยู่ที่ริมฝีปากของอิจิโกะ ดวงตากลมโตสั่นระริกเพราะความหวาดหวั่นว่าจะต้องถูกดุ
“อ๊ะ!” ใบหน้าหล่อกดริมฝีปากกับลำคอระหง ฟันคมขบเนื้ออ่อนตรงซอกคอแรงๆสลับกับแผ่วเบา แต่แล้วแรงกัดก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนอิจิโกะน้ำตาเล็ด
“ห้ามกัดอีก เข้าใจไหม?” เสียงทุ้มสั่นเครือที่ข้างหู ไม่ต้องหันไปมองก็คงบอกได้ว่าชายหนุ่มนั้นต้องการสิ่งใด อันเดอร์แวร์ชั้นในของอิจิโกะถูกปลายนิ้วแกร่งเกี่ยวกระหวัดให้รูดลงมาตามขา แม้อยากจะร้องห้าม แต่ดวงตาคมและใบหน้าของทาคาอากิทำให้เด็กหนุ่มพูดไม่ออก และเมื่อรับรู้ว่าทางด้านหลังของตัวเองกำลังถูกบุกรุกโดยนิ้วเรียวยาว ลมหายใจขาดช่วงเมื่อรับรู้ได้ว่าเจ็บเพียงใด
“มะ...ไม่เอา...อย่านะครับ..” ทาคาอากิเหลือบมองร่างที่กำลังสั่นระริก น้ำตาคลอดวงตากลมโต เห็นแล้วยากจะห้ามใจ...
“ฉันจะทำเบาๆ ตกลงไหม? ไม่ร้องนะ..” เสียงทุ้มพยายามปลุกปลอบโดยที่ไม่ยอมละนิ้วยาวออกจากช่องทางที่คับแน่นเพราะหวังจะให้ร่างบางเคยชิน
“ฮะ...ฮายาบุสะ...ฮายาบุสะซัง...” แขนเรียวเกี่ยวกระหวัดเข้ากับบ่ากว้าง เล็บสีอ่อนจิกลงบนผิวเนื้ออย่างไม่รู้ตัว
“ฮืม..เรียกชื่อฉันสิ” พอเห็นอิจิโกะส่ายหน้าปฏิเสธก็รู้สึกหงุดหงิดกับความว่ายาก ทำไมกันนะ ทั้งที่ตอนเป็นไมโกะออกจะว่าง่ายน่ารัก แต่พอกลับมาเป็นอิจิโกะกลับดื้อรั้นเสียอย่างนั้น
“อึ๊อ...มะ...ไม่..” อิจิโกะยกสองมือขึ้นมาปิดปากตัวเองแน่น จะไม่ยอมเด็ดขาด ไม่ยอมคล้อยตามเขาเด็ดขาด
“เฮ้อ... ดื้อจริงเชียว..” เสียงทุ้มบ่นแกมหงุดหงิด ไม่อยากจะทำรุนแรงแท้ๆ แต่เพราะความดื้อรั้นนั้นทำให้ต้องออกแรงจนได้
นิ้วยาวชักออกจากช่องทางเพื่อจะได้ถอดเสื้อของตัวเองออก ก่อนจะสอดเข้าไปใหม่ถึงสองนิ้ว ใบหน้าหวานกัดริมฝีปากจนห้อเลือด ทั้งเจ็บ ทั้งแน่น ทั้งเสียวซ่าน สารพัดอารมณ์ปนเปกันมั่วซั่วจนจะเป็นลม...
“ฮะ เฮ้! อิจิโกะ อะไรกัน..” ทาคาอากิต้องประหลาดใจเมื่อจู่ๆอิจิโกะก็หลับตาและคอพับคออ่อนไป ใบหน้าหวานแดงซ่านเหมือนคนเป็นลม ใช่แล้ว...พอเห็นว่าความรู้สึกมันพลุ่งพล่านเกินทนไหว ร่างบางจึงชิงเป็นลมไปเสียก่อน ก่อนที่อะไรๆจะเลยเถิดไปกว่านี้...
“ฮึ่ม...” อา...ทั้งๆที่ดูเหมือนว่าใจจะตรงกันแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังมีอุปสรรคจนได้ ทาคาอากิมองร่างบางใบหน้าแดงเหมือนผล
สตรอว์เบอร์รี่สุกตรงหน้าด้วยความเอ็นดูปนหมั่นเขี้ยว ดูท่าค่ำคืนกับหนึ่งเดียวคนนี้ของเขาคงจะต้องผ่อนผันกันไปอีกนาน...
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
ถามนิดนึงค่ะ...
ใจจริงกะว่า จะให้จบแค่นี้..
แต่คนอ่าน...อยากอ่านต่อไหมคะ?
五
--- 20% เจ้าค่ะ ---
“พิธีมิซึอาเงะเหรอคะคุณยาย...” ฟูจิมัตสึรำพึงเสียงอ่อน การตัดสินใจของยูริคราวนี้เรียกสีหน้าตะลึงได้จากทุกคนในสำนัก ใครจะคาดคิดว่าโอกาซังผู้เป็นคุณยายของไมโกะสาวฟูจิมัตสึจะตัดสินใจทำพิธีมิซึอาเงะหรือการประมูลพรหมจรรย์หลานสาวตัวเองทั้งๆที่มีชายหนุ่มยื่นข้อเสนอเรื่องการเป็นดันนะมาแล้ว
“ใช่ ยายมาคิดดู ยังมีอีกหลายคนที่ปรารถนาในตัวของเจ้าอย่างแรงกล้า การที่จะยกเจ้าให้กับชายคนใดคนหนึ่งทันทีนั้นอาจจะไม่ยุติธรรม” ฟูจิมัตสึอยากจะเถียงใจแทบขาด แต่ก็พอรับรู้ได้ในน้ำเสียงว่าคงมีบางสิ่งอยู่ภายใต้การตัดสินใจของยูริในครั้งนี้...
“มีอะไรหรือคะคุณยาย ทำไมจู่ๆถึงคิดจัดพิธีนี้ขึ้นมา” ฟูจิมัตสึรวบชายกิโมโนแล้วนั่งลงบนโซฟาข้างยูริ เกอิชาสูงวัยมองกิริยาของหลานรักแล้วก็ยิ้มอ่อนโยน
“เจ้าช่างงดงามทั้งใบหน้าและกิริยามารยาทจริงๆนะอิจิโกะ” ยูริลูบแก้มเนียนของหลานรักแล้วถอนหายใจ เพียงเท่านั้นฟูจิมัตสึก็เดาได้ทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“มีคนไม่พอใจหลานใช่ไหมคะ มีคนเอาหลานไปนินทาว่าใช้อภิสิทธิ์ของเจ้าสำนักเพื่อหาดันนะรวยๆใช่ไหมคะ”
“เจ้าอย่าไปสนใจเลย แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงด้วยนะว่าคนที่ประมูลเจ้าได้จะไม่ใช่ฮายาบุสะซัง” ยูริหันมายิ้มกรุ้มกริ่มให้หลานรักที่เริ่มโมโห ทำเอาเจ้าตัวหน้าแดงแจ๊ดขึ้นมาทันที
“คุณยายละก็ หนูไม่ได้คิดแบบนั้นเสียหน่อย...”
“โฮะโฮะ เอาเถอะ เจ้าไม่ต้องคิดมาก ยายมีวิธีที่จะทำให้คนพวกนั้นเงียบปากได้แหละ เจ้าไปทำงานเถอะ ยายขอพักสายตาสักหน่อย” ฟูจิมัตสึหันมามองยายตัวเองอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป
เกอิชาสูงวัยเหลือมองให้แน่ใจว่าหลานตัวเองออกไปแล้วจริงๆก็รีบคว้าโทรศัพท์มากดโทรออก
“สวัสดีค่ะ ดิฉันโฮโจนะคะ...”
“โอ้โห ฟูจิมัตสึจัง กิโมโนชุดนี้สีสวยมากเลย โอกาซังเอาออกมาใช้เพื่อวันสำคัญนี้โดยเฉพาะเลยสินะ” ชิราโทริยกมือทาบอกแล้วอุทานเสียงดังเมื่อเห็นกิโมโนที่แขวนไว้ในห้องแต่งตัว ฟูจิมัตสึตวัดสายตามองเน่ซังแบบเคืองๆ
“เน่ซังคะ ทำดิฉันถึงรู้สึกว่าน้ำเสียงเน่ซังฟังดูล้อๆยังไงไม่รู้”
“แหมๆๆ ฟูจิมัตสึจังอย่าคิดมากสิจ๊ะ ชั้นก็แค่หยอกเธอเล่นๆนะ ไหนดูสิ ให้ชั้นช่วยแต่งตัวไหม” ชิราโทริยิ้มหวานแล้วเดินมาช่วยจัดแต่งทรงผมให้ฟูจิมัตสึ
หลังจากที่ชิราโทริเดินเข้ามาแล้ว เกอิชากับไมโกะคนอื่นๆก็ตามเข้ามา และทุกคนต่างก็ให้ความสนใจกับกิโมโนของฟูจิมัตสึ มาก เพราะว่าลวดลายที่งดงามและสีสันที่ย้อมมาอย่างดี ไม่นับรวมเนื้อผ้าที่ราคาแพงระยับแล้วก็ยังน่าทึ่งเกินบรรยาย
“สวยมากเลยฟูจิมัตสึจัง”
“ชั้นอยากลองใส่กิโมโนสวยๆแบบนี้บ้างจัง”
“น่าอิจฉาจังเลยน้า~”
เสียงสาวๆเจี๊ยวจ๊าวกันในห้องแต่งตัวเรื่องกิโมโนที่ดูล้ำค่านั้น ฟูจิมัตสึเองไม่ได้ใส่ใจละยังคงแต่งหน้าต่อไป ชิราโทริก็ช่วยจัดทรงผมให้เรียบร้อย แต่ในขณะที่ทุกคนให้ความสนใจกับกิโมโนของฟูจิมัตสึนั้น เธอก็ยังแอบเหลือบตาดูด้วยความสงสัยว่าใครกันนะที่เอาเธอไปพูดไม่ดีอีก
‘คนเรานี่ดูแต่หน้าไม่ได้จริงๆนะ...’ ไมโกะสาวถอนใจเฮือกใหญ่
“เอ้าๆ พวกเธอ อย่าเผลอทำกิโมโนที่ฮายาบุสะซังอุตส่าห์ส่งมาเป็นของกำนัลให้ฟูจิมัตสึเสียหายนะจ๊ะ” ยูริเดินเข้ามาภายในห้องแต่งตัวและเตือนบรรดาสาวๆที่กำลังฮือฮา ทุกคนพอเห็นโอกาซังเดินเข้ามาก็แยกย้ายกันไปแต่งหน้าคนละมุม
“ทำไมยังไม่ใส่กิโมโนอีกล่ะฟูจิมัตสึ” ฟูจิมัตสึหรุบสายตาลงต่ำเพราะไม่กล้าตอบคำถามยายของตนเอง
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ฮายาบุสะซังเขาก็รอเจ้าอยู่นะ อย่าชักช้าเสียเวลาเลย” ยูริกล่าวกับหลานรักเสียงอ่อนโยน ฟูจิมัตสึพอ
ได้ยินดังนั้นแก้มก็ซับสีเลือดจางๆก่อนจะลุกไปหยิบกิโมโนมาสวม
“ชั้นช่วยนะจ๊ะฟูจิมัตสึจัง” ชิราโทริเน่ซังลุกไปช่วยรุ่นน้องด้วยความกระตือรือร้น ยูริทรุดตัวลงนั่งบนเบาะพลางมองหลานชายด้วยสายตาที่แสนรักใคร่
‘ขอให้อิจิโกะได้มีเรื่องที่สมหวังกับสิ่งที่เขาเลือกบ้างเถอะนะซัตสึคิ...‘
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
บีเป็นพวกใจอ่อนเป็นบ้า :m31: