พิมพ์หน้านี้ - ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: NooDangzz ที่ 26-04-2018 18:42:28

หัวข้อ: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 26-04-2018 18:42:28
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะค่ะ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะค่ะ
สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้าม มิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอ ให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่ นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อ ความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


******************************************************

รูปก็ชั่ว ตัวก็ดำ นามก็ไม่เพราะ อีกทั้งเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็กๆ ศักดินาต้อยต่ำ

จึงต้องสูญเสียนางอันเป็นที่รักไปให้กับศัตรูหัวใจ มิหนำซ้ำยังถูกตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวร้าย’ อีก

 ‘จรกา’ ผูกใจเจ็บมาตั้งแต่ชาติก่อน เมื่อเกิดใหม่ในชาตินี้เป็น ‘จิระ’ หนุ่มน้อยรูปงาม นามเพราะ เสน่ห์เหลือร้าย

เขาจึงได้รับพรให้ระลึกถึงผู้เป็นที่รักในอดีตได้เพื่อครองคู่กับนางบุษบาในชาตินี้

แต่ทว่า...ดูเหมือนสวรรค์จะไม่เมตตาเขาถึงที่สุดสักเท่าไร เพราะนอกจากจะส่งเขากับบุษบามาเกิดแล้ว

ยังส่งเจ้าตัวร้ายอย่าง ‘อิเหนา’ มาในคราบเดือนมหาวิทยาลัยอย่าง ‘อินทรา’ ด้วย

จะจองเวรจองกรรมกันมากเกินไปแล้ว!

ไม่รู้ล่ะ ไม่ว่ายังไงชาตินี้เขาก็ต้องได้ครองนางบุษบาให้จงได้!



TALK

คิดอยู่นานแล้วว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีมั้ย เพราะเพิ่งเขียนแนววรรณคดีจบไป แล้วพล็อตเรื่องก็ไม่ลงตัวสักที

ตอนแรกว่าจะเอาเค้าโครงทศกัณฑ์กับพระราม แต่ดูเหมือนจะมีเยอะแล้ว งั้นเอาอิเหนากับจรกาก็แล้วกัน

ฟีลกู้ดสบายๆ ค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ


ติดแท็ก #จรกาคนงาม แล้วไปหวีดนะคะ

******************************************************

★C H 00★จรกา บุษบา และอิเหนา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3822939#msg3822939)
★C H 01★ อิเหนาตัวร้าย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3822940#msg3822940)
★C H 02★ น้องจรกา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3823381#msg3823381)
★C H 03★ ไม้กันหมา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3823968#msg3823968)
★C H 04★ เมียอิเหนา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3824364#msg3824364)
★C H 05★ ทำไมจิระไม่อ่อนโยน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3824802#msg3824802)
★C H 06★ นว้องจิของปี้ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3825531#msg3825531)
★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3826036#msg3826036)
★C H 08★ เด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3826253#msg3826253)
★C H 09★ ได้เสียเป็นคู่สอง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3826804#msg3826804)
★C H 10★โปรดระวังอิเหนาดุ! (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3827278#msg3827278)
★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3827706#msg3827706)
★C H 12★เกลียดเข้าไส้[1]  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3828290#msg3828290)
★C H 12★เกลียดเข้าไส้[2]  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3828291#msg3828291)
★C H 13★อิเหนาคาเฟ่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3828765#msg3828765)
★C H 14★ใจอิเหนาเป็นของจรกา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3829216#msg3829216)
★C H 15★เปล่งรัศมี (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3829559#msg3829559)
★C H 16★หากไม่ดูเป็นการรบกวน ก็จะชวนเธอมา...กัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3829947#msg3829947)
★C H 17★สัตย์สาบาน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3830108#msg3830108)
★C H 18★คู่ตุนาหงัน[1] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3830694#msg3830694)
★C H 18★คู่ตุนาหงัน[2] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3830695#msg3830695)
★C H 19★ระลึกรัก[1] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3831075#msg3831075)
★C H 19★ระลึกรัก[2] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3831079#msg3831079)
★C H 20★จรกาคนงาม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3831833#msg3831833)
★C H 21★ศึกชิงนาย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3832242#msg3832242)
Chapter 22: ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง[1] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3832658#msg3832658)
Chapter 22: ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง[2] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3832660#msg3832660)
★C H 23★อิเหนาของจรกา[1] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3833132#msg3833132)
★C H 23★อิเหนาของจรกา[2] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3833133#msg3833133)
★C H 24★โรคผิวหนัง[1] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3833608#msg3833608)
★C H 24★โรคผิวหนัง[2] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3833611#msg3833611)
★C H 25★ตระบัดสัตย์[1] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3833896#msg3833896)
★C H 25★ตระบัดสัตย์[2] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3833897#msg3833897)
★C H 26★คำสาบานมีไว้ให้รักษา[1] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3834503#msg3834503)
★C H 26★คำสาบานมีไว้ให้รักษา[2] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3834504#msg3834504)
★C H 27★พี่หึงเจ้า[1] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3835056#msg3835056)
★C H 27★พี่หึงเจ้า[2] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3835061#msg3835061)
★C H 28★อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[1] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3835454#msg3835454)
★C H 28★อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[2] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3835457#msg3835457)
★C H 29★ฝากรัก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3835952#msg3835952)
★C H 30★ถอนสาบาน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3836983#msg3836983)
★C H 31★นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3837654#msg3837654)
★C H 32★จิระคือผ้าขาว (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3839206#msg3839206)
★C H 33★พ่อดอกชบา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3840221#msg3840221)
★C H 34★กามเทพแผลงศร (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3840832#msg3840832)
★C H 35★รักแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3841518#msg3841518)
★C H 36★สิ้นวาสนา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3841997#msg3841997)
★C H 37★คืนใจ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3842359#msg3842359)
★C H 38★เสือโคร่งVS เสือดาว (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3843311#msg3843311)
★C H 39★เมียเอก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3844850#msg3844850)
★C H 40★บ่วงจินตะหราวาตี (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3846156#msg3846156)
★C H 41★อิเหนาไม่ได้เป็นของจรกา[1] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3847397#msg3847397)
★C H 41★อิเหนาไม่ได้เป็นของจรกา[2] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3847398#msg3847398)
★C H 42★หากอิเหนาไม่ได้จบดั่งในวรรณคดี (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3849753#msg3849753)
★Epilogue★ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3850080#msg3850080)
★Special C H 01★ชุดนอนไม่ได้นอน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3851321#msg3851321)
★Special C H 02★ทายาทอสูร (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67033.msg3854910#msg3854910)
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 26-04-2018 18:43:07
Chapter 00: จรกา บุษบา และอิเหนา

 

ในลักษณ์นั้นว่าจรกา                     รูปชั่วต่ำช้าทั้งศักดิ์ศรี

ทรลักษณ์พิกลอินทรีย์                    ดูไหนไม่มีจำเริญใจ

เกศานาสิกขนงเนตร                      สมเพชพิปริตผิดวิสัย

เสียงแหบแสบสั่นเป็นพ้นไป              รูปร่างช่างกระไรเหมือนยักษ์มาร

เมื่อยิ้มเหมือนหลอกหยอกเหมือนขู่     ไม่ควรคู่เคียงพักตร์สมัครสมาน

ดังกากาจชาติช้าสาธารณ์               มาประมาณหมายหงส์พงศ์พระยาฯ

 

เป็นความขุ่นเคืองอย่างถึงที่สุดของผมเลยหลังจากได้อ่านบทประพันธ์เรื่องอิเหนาถึงตอนที่อิเหนาวิจารณ์หน้าตาของจรกาให้บุษบาได้อ่านโดยการเขียนบรรยายรูปลักษณ์ไว้บนดอกลำเจียก ผมคว่ำชีทในมือลงบนโต๊ะอย่างหัวเสีย

ให้ตายเถอะ! ทำไมถึงต้องมานั่งเรียนบทประพันธ์ที่พร่ำพรรณนาด่าตัวเองกันด้วยนะ!

ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ พยายามทำความเข้าใจว่าเพราะผมเป็นเรียนเอกภาษาไทย มันหนีไม่พ้นที่จะต้องเรียนพวกวรรณคดีไทยอะไรแบบนี้อยู่แล้ว

ส่วนเรื่องที่ทำให้ผมหัวเสียน่ะเหรอ? อย่างที่บอกว่าผมหงุดหงิดที่ต้องมาอ่านบทประพันธ์บริภาษรูปร่างหน้าตาตัวเอง และใช่...

...ผมคือจรกา

อาจจะฟังดูงงๆ หรือน่าเหลือเชื่อไปหน่อย แต่จรกาคือตัวผมในชาติที่แล้ว ถึงแม้ว่าวรรณคดีเรื่องอิเหนาจะเป็นเรื่องที่ถูกประพันธ์ขึ้นมาในภายหลัง แต่เดิมทีก็มีเค้าโครงมาจากนิทานปันหยี ซึ่งเป็นวรรณคดีของชาวชวาในสมัยครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี

อิเหนาปันหยีรัตปาตี...

ถูกต้อง ผมหมายถึงเรื่องนี้นี่แหละ และอย่างที่บอก...ผมเป็นตัวร้าย

มันอาจจะดูเหลือเชื่อไปหน่อยที่ผมบอกว่าตัวเองเป็นจรกากลับชาติมาเกิด แต่ใครจะรู้บ้างว่าทุกตำนานที่ถูกเล่าต่อกันมาสืบลูกสืบหลานกันเนี่ย ส่วนใหญ่ล้วนมีเค้าโครงมาจากเรื่องจริงเท่านั้น เรื่องอิเหนาก็เช่นกัน

อันที่จริงการถูกใส่ความว่าเป็นตัวร้ายมันไม่ใช่เพราะนิสัยหรือผมไปทำชั่วอะไรมาหรอกนะ กลายเป็นตัวร้ายเพราะเหตุผลเดียวเท่านั้น...ไม่หล่อ

รูปชั่ว ตัวดำ นามไม่เพราะ ตัวใหญ่เป็นยักษ์เป็นมาร ขนดกดำ เสียงแหบแห้ง เท่านี้ก็ทำให้ผมดูเป็นคนชั่วไปแล้ว ยิ่งผมไปหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยแม้แต่จะชายตามองผมด้วย ความชั่วช้าของผมก็ทวีมากขึ้นเข้าไปใหญ่

ถูกรังเกียจเพราะขี้เหร่ไม่ว่า ดันเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็กๆ เทียบเท่ากับอิเหนาที่อยู่ในราชวงศ์ใหญ่โตไม่ได้ พอถูกกลั่นแกล้งทีก็โดนคนนั้นรุมคนนี้รุม ลุกขึ้นสู้ขึ้นมาบ้าง จุดจบก็เลยไม่ค่อยสวยเท่าไรนัก และแน่นอนว่าผู้ชนะย่อมเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์ ผมเลยได้กลายมาเป็นตัวร้ายอย่างที่เห็น

เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นความผิดของอิเหนา ผมเลยผูกใจเจ็บข้ามภพข้ามชาติ โชคดีที่สวรรค์เห็นใจ ให้ผมมาเกิดใหม่พร้อมกับให้พรหนึ่งประการ... พรที่ทำให้ระลึกชาติได้ และทำให้ผมจำทุกคนในชาติที่ผมเป็นจรกาได้

มีประโยชน์มากกก เพราะมันจะทำให้ผมได้เจอกับบุษบาอีกครั้ง ส่วนอิเหนา... ช่างหัวมันเถอะ ในเมื่อชาตินี้ผมไม่ได้เป็นจรกาอีกต่อไปแล้ว รูปก็ไม่ชั่ว ตัวก็ไม่ดำ มิหนำซ้ำยังหล่อน่าลาก ต่อให้มาใส่ไฟบุษบาว่าหน้าตาอย่างโน้นอย่างนี้ ผมก็ไม่สนใจแล้ว ก็ตอนนี้น่ะ ผมคือ...

“น้องจิ”

...จิระ เฟรชชี่น้องใหม่ของคณะศิลปะศาสตร์ ซึ่งได้ชื่อว่าน่ารักน่าชังที่สุดในไตรมาสนี้

“ครับ”

ผมหันไปขานรับรุ่นพี่คนหนึ่งที่เทียววนเวียนมาหาผมที่คณะทุกวี่ทุกวัน ขณะที่พี่... เอ่อ ชื่ออะไรก็ไม่แน่ใจนักยิ้มหวานให้

“กินอะไรหรือยังครับ เห็นนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว พี่กลัวหิว ก็เลยซื้อขนมมาฝาก”

ถามผมแท้ๆ ยังไม่ทันตอบก็สรุปเองเออเองเสร็จสรรพพร้อมกับยื่นขนมจากร้านเบเกอร์รี่ในมหา’ลัยมาให้ตรงหน้า ผมยิ้มรับ ขอบคุณไปตามมารยาท ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าที่เขาบอกว่าเห็นผมนั่งอยู่ตรงนี้นานแล้ว คงเป็นเพราะแอบดูผมมาตั้งแต่เมื่อครู่

แต่...แค่คนเดียวมันจะไปสมกับคำเลื่องลือว่าผมน่ารักน่าชังได้ยังไง มันต้องมีอีก

ไม่ทันไรก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น

“น้องจิ ไม่เห็นไปที่โรงอาหารเลย ไม่กินข้าวเหรอครับ”

คนนี้ก็...ชื่ออะไรก็ไม่รู้ ผมจำไม่ได้หรอก วันๆ มีรุ่นพี่ผู้ชายทั้งจากคณะตัวเองและคณะอื่นมาเกาะแกะอยู่หลายคน มากหน้าหลายตาขนาดนี้ใครจะไปจำได้ แต่สองคนนี้ผมจำได้อยู่อย่างหนึ่งนะ... ทั้งคู่เป็นรุ่นพี่คณะผม

“พอดีจิต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบควิซคาบบ่ายน่ะครับ”

“ขยันจังเลย~”

สองคนนั้นขานรับ สีหน้านี่ดูออกเลยว่าเอ็นดูผมสุดฤทธิ์ ขณะที่ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ

ไม่ให้หัวเราะแห้งๆ ได้ยังไงล่ะ ทั้งที่ชาตินี้เกิดมามีรูปงามแท้ๆ ทำไมถึงได้มีแต่ผู้ชายมาติดพันวะ! ผู้หญิงไปไหนกันหมด!

ออกตัวเลยว่าผมไม่ได้มีรสนิยมอย่างนั้น ไอ้เรื่องที่รุ่นพี่ผู้ชายมาเจ๊าะแจ๊ะทั้งวี่ทั้งวันนี่ก็ชวนให้รำคาญใจเหมือนกัน แต่จะไปโวยวายก็ไม่ได้ ผมต้องคีพลุคน้องใหม่น่ารักนิสัยดีเข้าไว้ จะได้เป็นที่น่าเอ็นดูของพวกรุ่นพี่ เพราะในอนาคต ผมคงต้องพึ่งพาเจ้าพวกนี้เรื่องเรียนแน่ๆ

“ควิซวิชาอะไรล่ะ” หนึ่งในนั้นร้องถามขึ้นมา ไม่ทันที่ผมจะตอบ ก็ถือวิสาสะหยิบเอาชีทบนโต๊ะไปพลิกดูแล้ว “เอ๋ วิชาวรรณคดีไทยเหรอ ให้พี่ติวให้ไหม เรื่องอิเหนานี่พี่โปรฯ นะ”

“ให้พี่ติวให้ก็ได้ พี่โปรฯ กว่า ไม่ได้โปรฯ แค่เรื่องอิเหนาด้วย เรื่องอื่นก็โปรฯ”

“ตลกละครับคุณ ผมมาก่อนนะครับ”

แล้วสองคนนั้นก็แขวะกันไปมาตามประสา พวกรุ่นพี่คณะผมส่วนใหญ่จะรู้จักกัน ถึงจะไม่ได้เป็นเพื่อน อยู่คนละชั้นปี แต่ก็จำหน้าค่าตากันได้เพราะผู้ชายคณะผมน่ะ...มีน้อยเหลือเกิน แล้วไอ้ส่วนน้อยนี่ก็นั่นแหละ...ถ้าไม่มีแฟนแล้ว ก็มาเกาะผมเป็นตังเมอย่างที่เห็นเนี่ย

“ไม่เป็นไรครับ จิอ่านเองดีกว่า”

ผมแย่งชีทจากมือรุ่นพี่คนนั้นมาถือ อยากจะลุกไปจากตรงนี้เต็มแก่ แต่ทั้งสองคนก็ไม่ยอมให้ผมลุก มิหนำซ้ำคนหนึ่งยังถามผมด้วยน้ำเสียงเง้างอดตัดพ้อ

“เมื่อไรจิจะยอมใจอ่อนกับพี่สักที พี่ตามจีบจิมานานแล้วนะ”

สาบานเลยว่าไม่นาน แค่เข้าเดือนที่สองตั้งแต่เปิดเทอมมา

“นั่นสิ พี่เปย์ให้จิได้หมดเลยนะถ้าจิยอมเป็นแฟนพี่ จะดูแลเป็นอย่างดีเลย”

เปย์แต่ขนมน่ะสิ

ผมยิ้มฝืนๆ ออกมา อึดอัดใจอยู่ไม่น้อย ก่อนที่คิดจะปฏิเสธเหมือนเดิม แต่ทว่า...

“อ๊ะๆ ห้ามปฏิเสธ ตอบมาก่อนว่าทำไมถึงไม่ใจอ่อนสักที”

“ใช่ๆ เลิกหนีพี่เถอะ ชอบหรือไม่ชอบก็บอกมาเลยตามตรง พี่จะได้ทำใจไว้ล่วงหน้า”

ความจริงควรทำใจตั้งแต่คิดมาจีบผู้ชายที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือไม่เป็นเกย์แล้วโว้ย!

แต่จะให้พูดตรงๆ ผมก็ลำบากใจ ได้แต่อึกๆ อักๆ

“คือ...จิไม่ได้ชอบผู้ชาย”

ตรงได้แค่เรื่องนี้แหละ คำพูดนี้ทำเอาทั้งสองคนตีหน้าเรียบ

“ลองเปิดใจหน่อยไหมน้องจิ”

“บางทีมีแฟนเป็นผู้ชายอาจจะดีกว่าผู้หญิงก็ได้นะ”

ไม่เอาโว้ย! ถ้าจะเป็นแฟนกับผู้ชายนะ มีคนเดียวเท่านั้นแหละที่ผมจะยอมเป็นแฟนด้วย คนนั้นน่ะคือ...

“เอ้า จิ พี่ก็หาตั้งนาน มาอยู่นี่เอง”

...บุษบา

ผมมองตามเจ้าของเสียง พอเห็นว่าเป็นพี่รหัส ผมก็ยิ้มกว้างออกมา

“พี่บุศย์~”

ร้องเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงระรื่นมากด้วย ทำเอารุ่นพี่สองคนนั้นเบ้หน้าเป็นการใหญ่ ก็ทุกครั้งที่พี่บุศย์โผล่มา ผมมักแสดงท่าทางระริกระรี้นี่นา ทำไงได้ล่ะ ก็พี่บุศย์น่ะ ชาติก่อนเขาคือบุษบา ผู้หญิงที่ผมรักนี่

ตอนแรกก็ไม่คิดหรอกว่าจะได้เจอกับบุษบาเร็วขนาดนี้ เหมือนสวรรค์จะช่วยผมยังไงก็ไม่รู้ สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ตั้งใจได้ไม่พอ ยังจะได้พี่รหัสเป็นบุษบาอีก เพียงแต่ชาตินี้...บุษบาเป็นผู้ชาย

ผู้ชายก็ช่างมันเถอะ ไอ้ที่ว่าไม่ได้เป็นเกย์ จะยอมเป็นก็ได้ถ้าได้คนตรงหน้ามาเป็นแฟน

ผมยิ้ม มองผู้ชายใส่แว่น เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน หน้าตาท่าทางเรียบร้อยด้วยความชื่นใจ

จริตมารยาทยังคงงดงามอ่อนช้อยเหมือนเดิมแม้ว่าจะเป็นผู้ชาย ดีงามจริงๆ

“ส่งข้อความหาพี่ มีอะไรหรือเปล่า”

พี่บุศย์ถามเมื่อมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะ ผมยิ้มกว้างให้มากกว่าเดิม

“จิอยากให้ช่วยติวก่อนเข้าควิซให้หน่อยนะครับ”

“วิชาวรรณคดีไทยใช่ไหม” พอผมพยักหน้า พี่บุศย์ก็ตอบรับ “ได้สิ”

พอพี่บุศย์พูดอย่างนี้ ผมก็ไม่รอช้ารีบหันไปบอกรุ่นพี่ทั้งสองคนนั้นที่นั่งทำหน้าเซ็ง

“จิขอตัวก่อนนะครับ”

ทั้งสองพยักหน้า เหมือนเป็นเรื่องที่คุ้นชินไปแล้วว่าถ้าพี่บุศย์โผล่มา พวกเขาก็จะตกกระป๋องทันที อยากจะขอโทษเหมือนกันนะ แต่มันช่วยไม่ได้จริงๆ นี่นา

“แล้วจะไปนั่งติวที่ไหนดีครับ”

พอลุกมาได้ ผมก็ร้องถามพี่บุศย์ เขาทำท่าครุ่นคิดไปเล็กน้อย

“ร้านกาแฟหลังตึกคณะไหม พี่ตั้งใจจะไปที่นั่นพอดี”

ผมพยักหงึกหงัก เดินตามเขาไป ระหว่างทางก็ชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย พี่บุศย์ฟังพลางกลั้วหัวเราะเป็นระยะ รอยยิ้มที่มอบให้ผมในชาตินี้เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่เคยได้เห็นเลยในชาติที่เป็นจรกา

น่าดีใจอะไรอย่างนี้นะ...

ไม่นานนักเราก็เดินมาถึงร้านกาแฟ ภายในร้านไม่ค่อยมีคนสักเท่าไรนัก ร้านนี้มักเป็นอย่างนี้ประจำเพราะตัวร้านตั้งอยู่ในซอกหลืบ แต่เรื่องนั้นก็ไม่ได้สำคัญ ดีเสียอีกที่ไม่ค่อยมีคนด้วย เพราะการใช้เวลาอยู่กับพี่บุศย์จะได้ไม่วุ่นวาย ผมวาดฝันไว้ว่าจะใช้เวลาช่วงพักเที่ยงกับพี่บุศย์ให้เต็มที่ แต่ทว่าเสียงของพี่บุศย์ที่เปล่งเสียงออกมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยนั้นก็ทำให้ผมต้องชะงัก

“โทษทีมึง รอนานไหม”

เขาร้องทักผู้ชายคนหนึ่งในชุดไปรเวทซึ่งนั่งอยู่ด้านในสุดของร้าน ผู้ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมา พยักหน้ารับส่งๆ ไป ส่วนหน้าตาของเขา...จัดว่าหล่อขั้นเทพ ขนาดผมที่เป็นผู้ชายยังอดมองนานไม่ได้

ผมยาวระต้นคอ เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนขาดๆ รองเท้าผ้าใบ เป็นการแต่งตัวที่ธรรมดาแต่โคตรน่ามองเลย เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมตะลึงงันได้เท่ากับตอนที่เดินเข้ามาใกล้แล้วได้เห็นหน้าเขาชัดๆ

“นี่จิระ น้องรหัสกู เรียกสั้นๆ ว่าจิ ส่วนนี่อินทรา จิจะเรียกว่าอินทร์ก็ได้ รูมเมทพี่เอง”

นะ...นี่มัน...อิเหนา!

แสงรัศมีเปล่งประกายออกจากร่างกายของเขา ภาพใบหน้าของอิเหนาในอดีตชาติเผยขึ้นทับซ้อน สิ่งนี้เป็นพรที่ทำให้ผมรู้ว่าใครเป็นใครจากในอดีตชาติ

ผมนิ่งงัน ทำอะไรไม่ถูก ขณะที่ไอ้อิเหนาหรืออินทราอะไรในชาตินี้พยักหน้าให้ผมทีหนึ่ง

“หวัดดีจิ”

ไม่ต้องมาญาติดีกับกูเลยไอ้อิเหนา! ยังเคืองเรื่องชาติที่แล้วอยู่นะเว้ย!

ให้ตายเถอะ ทำไมฟ้าส่งผมมาเจอบุษบาแล้ว ยังจะส่งไอ้ตัวร้ายนี่มาด้วย

ไม่ตลกเลยนะ!

--------------------------------------

ใช่ค่ะ เรื่องนี้พระเอกคืออิเหนา ส่วนนายเอกคือจรกา 555

ฟีลกู้ดเรื่อยๆ ค่ะเรื่องนี้ ไม่ได้เขียนแนวนี้นานมากละ อ่านคลายเครียดเนอะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 26-04-2018 18:43:23
Chapter 01: อิเหนาตัวร้าย

เพลานั้น กษัตริย์วงศ์เทวาทั้งสี่พระองค์ซึ่งมีพระนามตามนครที่ครอง อันได้แก่ ท้าวกุเรปัน ท้าวดาหา ท้าวกาหลัง และท้าวสิงหัดส่าหรี มีนครซึ่งปกครองด้วยท้าวหมันหยา เกี่ยวดองเป็นเครือญาติกับนครเหล่านี้

อิเหนา...เป็นโอรสที่เกิดจากพระมเหสีเอกของท้าวกุเรปัน ท้าวกุเรปันและท้าวดาหาทรงตกลงปลงพระทัยกันว่าให้อิเหนาได้เป็นคู่ตุนาหงันกับบุษบา อันเป็นราชธิดาที่เกิดจากพระมเหสีเอกแห่งนครดาหา

ทว่า...เมื่อเติบใหญ่ อิเหนากลับตระบัดสัตย์ ปันใจให้กับนางจินตะหราวาตี ธิดาของท้าวมันหยาเมื่อครั้งเดินทางไปร่วมงานปลงพระศพของพระอัยกี ทำให้ตัดสินใจถอนหมั้นกับนางบุษบา

ท้าวดาหาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หลุดปากว่าหากผู้ใดมาขอบุษบาเป็นชายาก็จะยกให้ เรื่องถึงหูจรกาซึ่ง ‘รูปชั่วตัวดำ’ ฝ่ายนั้นก็มาขอตุนาหงัน ท้าวดาหาทรงยินยอมเพราะโกรธแค้นอิเหนา

ฝ่ายองค์ปะตาระกาหลา หรืออีกนามหนึ่งคือองค์อสัญแดหวา ต้นวงศ์เทวาของอิเหนาซึ่งขณะนั้นเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์รับรู้ก็ไม่พอพระทัยอิเหนา จึงบันดาลให้วิหยาสะกำ โอรสของท้าวกะหมังกุหนิงหลงใหลในรูปโฉมของนางบุษบาทันทีที่ได้เห็นภาพวาดของนางที่เก็บได้ในป่า ครั้นบิดาไปทูลขอนางจากท้าวดาหาให้ไม่ได้ จึงพากันยกทัพไปรบแย่งชิงตัวนาง

ท้าวดาหาแจ้งข่าวขอให้ท้าวกุเรปันและจรกายกทัพมาช่วย อิเหนาถูกแต่งตั้งเป็นแม่ทัพ ไปช่วยรบจนชนะ สังหารท้าวกะหมังกุหนิงและวิหยาสะกำจนสิ้น เสร็จศึกก็หมายจะกลับไปพบนางจินจะหราวาตียอดดวงใจ แต่ทว่าเมื่อได้พบพานกับบุษบา ก็ตะลึงงันหลงรูปด้วยนางมีโฉมงดงาม

เมื่อเป็นฝ่ายขอถอนหมั้น แต่กลับมาหลงรักนาง จะช่วงชิงกลับคืนมาก็ต้องใช้เล่ห์เพทุบาย มะเดหวีอันเป็นมารดาของบุษบาวุ่นพระทัยว่าบุษบาจะลงเอยกับผู้ใดระหว่างจรกาและอิเหนา จึงได้ชวนบุษบาไปเสี่ยงทายกับองค์พระปฏิมา ใช้เทียนสามเล่มเสี่ยงทาย

เล่มหนึ่งปักตรงหน้าคือตัวนาง

เล่มทางขวาคืออิเหนา

และเล่มทางซ้ายคือจรกา

อธิษฐานตั้งจิต...

 

แม้นจะได้ข้างไหนแน่                      ให้ประจักษ์แท้จงหนักหนา

แม้จะได้ข้างระตูจรกา                    ให้เทียนพี่ยานั้นดับไป

 

แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากปฏิมา...

 

อันนางบุษบานงเยาว์                     จะได้แก่อิเหนาเป็นแม่นมั่น

จรกาใช้วงศ์เทวัญ                         แม้นได้ครองกันจะอันตราย

 

จากนั้นอิเหนาก็ต้อนค้างคาวให้เทียนดับ อาศัยความมืดรุดข้ากกกอดบุษบา กระทั่งพี่เลี้ยงของนางเอาคบเพลิงมาถึงประจักษ์ว่าเสียทีให้แก่อุบายของอิเหนา ทั้งที่โกรธแสนโกรธ แต่มะเดหวีก็ยอมสัญญาว่าจะหาทางให้อิเหนาได้เสียกับบุษบา ขณะที่อิเหนาเห็นทีว่าคงจะไม่ได้ครอบครองนางแต่โดยดีจึงวางอุบายร้ายแรง

...เผาโรงมหรสพในพิธีอภิเษกของจรกาและบุษบา ก่อนจะลักพานางไปไว้ในถ้ำทองที่ตระเตรียมไว้

รู้ถึงองค์ประตาระกาหลา อิเหนาก็ถูกโกรธกริ้วเป็นหนักหนา ดลบันดาลให้พายุใหญ่หอบรถนางบุษบาและพี่เลี้ยงไปตกที่ชายเมืองประมอตัน แปลงกายนางให้เป็นชายนามว่า อุณากรรณ

อิเหนาตามหาแทบพลิกแผ่นดิน บุษบาก็หลบลี้หลีกหนี้สิ้น  ครั้นสิ้นเวรกรรมแล้ว กษัตริย์วงศ์เทวาทั้งหมดก็ได้พบพานกันอีกครา อิเหนาผู้ได้ครอบครองนางบุษบากลับสู่เมือง ปรับความเข้าใจกับนางจินตะหรา ร่วมกันครองเมืองกุเรปันอย่างมีความสุข

...พร้อมกับเมียๆ นอกจากนางจินตะหราวาตีและนางบุษบาอีกเป็นโขยง นี่ยังไม่รวมสังคามาระตา น้องชายบุญธรรมที่ควบตำแหน่งน้องชายเมียอย่างมาหยารัศมี กับ สียะตรา ที่เป็นน้องชายต่างมารดาของบุษบาอีกนะ

และนั่นคือเรื่องราวคร่าวๆ ของอิเหนาในตำราที่เคยเรียนมา

ส่วนจรกา...ถูกบิดาของอิเหนาไปสู่ขอนางจินดาส่าหรี ธิดาของท้าวสิงหัดส่าหรีมาให้เข้าพิธีแต่งงานกับตนแทนบุษบาเสียอย่างนั้น

ในตำนานคงคิดว่าจรกาจะมีความสุขล่ะสินะ แต่ตำนานก็คือตำนาน เพราะในความเป็นจริงน่ะ...มันใช่อย่างนั้นเสียที่ไหนล่ะโว้ย!

ได้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก มันจะไปมีความสุขอะไร แต่ในชาตินั้น ผมปฏิเสธไม่ได้ไง เป็นเพียงเจ้าเมืองนครเล็กๆ ใครมันจะไปกล้าปฏิเสธเจ้าเมืองนครใหญ่เบ้อเร่อเบ้อเทิ่มอย่างนั้นกันเล่า ได้แต่เก็บงำความไม่พอใจเอาไว้ โชคดีที่จินดาส่าหรีเข้าใจ เราเลยเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขกันแทนที่จะเป็นสามีภรรยา

ซึ่งนั่นแหละ...จุดจบอันแสนเศร้าของผม

เป็นพรหมจรรย์ไปชั่วชีวิตเพราะตัดใจจากบุษบาไม่ได้ อะไรไม่ว่า เรื่องวุ่นๆ พวกนั้นดันกลายมาเป็นตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาอีก มิหนำซ้ำผมยังถูกยัดเยียดให้เป็นตัวร้ายทั้งที่ถูกกระทำทั้งสิ้น

ก็แค่หลงรักบุษบาแล้วไปขอจากพ่อ แต่ดันรูปชั่วตัวดำ เกิดมาไม่หล่อมันผิดด้วยเหรอวะ!

และใช่ เทวดาที่ให้พรผมก็หนีไม่พ้นใครที่ไหนหรอก องค์ประตาระกาหลา ต้นวงศ์เทวาของอิเหนานั่นแหละ เพราะท่านเห็นว่าลูกหลานตัวเองทำผิดมหันต์ จึงได้ชดเชยให้ผมในชาตินี้

เรื่องชาติก่อนก็ว่าหงุดหงิดแล้ว แต่ตอนนี้หงุดหงิดยิ่งกว่า ผมมองหน้าอิเหนา...เออ ไอ้อินทราหรืออินทร์อะไรนี่ที่พี่บุศย์แนะนำนั่นแหละ มอง...จนหัวเสีย ขณะที่หมอนั่นไม่สนใจผมที่นั่งหัวโด่ กินเค้ก ดูดกาแฟ เล่นโทรศัพท์หน้าตาเฉย

หน็อย...ชาติที่แล้วทำอะไรกับกูไว้บ้าง ไม่สำนึกเลยนะ ยังมีหน้ามานั่งเล่นสบายใจอีก!

อยากจะโวยวาย เอาหัวมันจุ่มแก้วกาแฟนัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งมองมันเขม็ง เพราะระลึกไว้ว่าชาตินี้มันไม่รู้เรื่อง

ไม่รู้เรื่องถือว่าเรื่องนั้นไม่เคยเกิดขึ้น... ผมบอกกับตัวเองอย่างนั้นแต่ก็ละสายตาออกจากใบหน้าหล่อๆ ของอิเหนาไม่ได้เลย

ชาติที่แล้วก็หล่อ ชาตินี้ก็หล่อ สวรรค์แม่งไม่เคยยุติธรรมเลย!

เผลอขบฟันอย่างขุ่นเคืองในโชคชะตาของตัวเอง ตาก็ยังจ้องอยู่ที่อิเหนา จนกระทั่งพี่บุศย์สังเกตเห็น

“มีอะไรหรือเปล่าจิ มองไอ้อินทร์ซะน่ากลัวเลย”

ผมรู้สึกตัวในตอนนี้ หันไปมองหน้าพี่บุศย์พลางรีบปรับสีหน้า

“อะ...อ๋อ พอดีเห็นพี่อินทร์หล่อน่ะครับ ผมเลยเผลอจ้องนานไปหน่อย แหะๆ”

ไม่ได้อยากจะแก้ตัวอย่างนี้หรอก แต่ก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่าอิเหนามันหล่อ มันเท่ มันโคตรไอดอลเกาหลี และที่สำคัญ...ไม่ได้อยากเรียกมันว่าพี่อินทร์ด้วย!

“มิน่าล่ะ แต่ก็ไม่แปลกใจหรอก ไอ้อินทร์มันหล่อจริงๆ นี่เนอะ”

พี่บุศย์เออออไปกับผม ส่วนอิเหนาก็เงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์ขึ้นมามองผม

“หืม? พูดจริงดิ”

ส่ายหน้าได้ไหมล่ะ! แต่ก็ไม่ได้ทำอะ พยักหน้าไปเสียอย่างนั้น เท่านั้น อิเหนาก็ยกยิ้มขึ้นมา

“น้องรหัสมึงพูดจาน่าเลี้ยงข้าวว่ะ ตาถึงๆ”

สีหน้าท่าทางเหมือนกับในชาติก่อนเป๊ะๆ กวนๆ อย่างนี้นี่ใช่เลย ยิ่งมองก็ยิ่งเห็นหน้าตาของมันในชาติก่อนทับซ้อนขึ้นมา ความขุ่นแค้นของผมก็ทวีคูณมากกว่าเดิม ทำให้ผมต้องสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วตั้งสติ

โอเค เรื่องของชาติก่อนก็ปล่อยมันไป ชาติก่อนเป็นรอง เวลามันพูดอะไร ผมก็เกรงใจ แต่ชาตินี้จะไม่ยอมเป็นรองอีกแล้ว ดังนั้นจะไม่เรียกมันว่าอิเหนาให้ตอกย้ำตัวเองอีก

พี่อินทร์...พี่อินทร์...พี่อินทร์...

เรียกว่าพี่อินทร์ก็แล้วกัน

“อยากกินอะไร เดี๋ยวเลี้ยง”

ไม่ได้มาเล่นๆ พูดจริง เลี้ยงจริง ผมยิ้มฝืนๆ ออกมาทันที

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่หิว”

พี่อินทร์ยักไหล่ ท่าทางไม่ยี่หระเท่าไร “แล้วแต่นะ ถือว่าปฏิเสธเอง”

เออ! กูก็ไม่อยากกินของที่มึงซื้อให้หรอกเว้ย! ไม่เผาผี!

ผมบริภาษในใจ แต่พอพี่บุศย์โพล่งขึ้นมา

“แต่จิยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ เห็นรอพี่ตั้งแต่เลิกเรียนช่วงเช้าแล้วนี่”

ผมก็หันไปยิ้มหวาน

“แค่ได้เจอพี่บุศย์ จิก็ไม่หิวแล้วครับ”

อิ่มอกอิ่มใจน่าดู อารมณ์เปลี่ยนไวเหมือนเป็นไบโพลาร์ พี่บุศย์มองผมอย่างงุนงงแวบหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะ

“พูดอะไรของเรา ไม่ต้องเลยนะ ไม่หิวก็ต้องกิน เอาอาหารไปเลี้ยงสมองหน่อย เดี๋ยวก็ทำควิซไม่ได้หรอก แซนด์วิซก็ยังดี เดี๋ยวพี่ซื้อให้”

“แต่ว่า...”

“ไม่แต่ ต้องกิน”

พี่บุศย์ว่าแกมบังคับ ซึ่งผมชอบมากกก ชอบให้เขาแสดงออกว่าเป็นห่วง ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นห่วงในฐานะน้องรหัสก็ตามทีเถอะ และเพราะเขาเป็นแบบนี้ มันเลยทำให้ผมชอบเขามากขึ้นไปอีก

แม่บุษบาของพี่จรกา~

“งั้นรอแป๊บ พี่ไปซื้อให้”

พี่บุศย์ลุกไปที่เคาน์เตอร์ ปล่อยให้ผมนั่งอยู่กับพี่อินทร์สองคน เท่านั้นเสียงของผู้ชายอีกคนก็ดังขึ้น

“ไหนว่าไม่หิว”

ผมหันขวับไปมองก็เห็นว่าเป็นพี่อินทร์เอียงคอถามด้วยท่าทางกวนๆ ผมยืดตัวขึ้น แสร้งยิ้มหวาน

“ก็พี่บุศย์บังคับนี่ครับ”

“ปฏิเสธก็ได้นี่ ทีกับพี่ยังปฏิเสธเลย”

เรียกแทนตัวเองว่าพี่หน้าตาเฉย ผมไม่อยากจะเรียกแทนตัวมันอย่างนั้นหรอก อยากจะมึง-กูด้วยซ้ำ แต่ช่างมันเถอะ เนียนๆ ไปแล้วกัน

“ผมไม่กินของจากคนแปลกหน้า”

“หืม?”

พี่อินทร์เลิกคิ้วสูง ก็ทำไมล่ะ เขาเป็นคนแปลกหน้าจริงๆ นี่ ผมเพิ่งรู้จักเขาเมื่อกี้ด้วยซ้ำ ทั้งที่รู้จักกับพี่บุศย์มาสักพักแล้ว แต่เพิ่งรู้ว่ามีรูมเมตเป็นผู้ชายคนนี้ แบบนี้จะไม่ให้เรียกว่าเป็นคนแปลกหน้าได้ยังไง

“ผมไม่รู้จักพี่นี่ครับ”

ผมว่าออกไป พี่อินทร์ร้องอ๋อยาว ก่อนจะตอบกลับ

“ทั้งที่พี่ก็ได้ยินเรื่องเรามาพักนึงแล้วแท้ๆ เห็นไอ้บุศย์บอกว่าเราตามติดมันเป็นตังเม เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเราไม่รู้จักพี่”

ก็เออสิวะ! มีแต่มึงรู้จักกูอยู่คนเดียวเนี่ย!

ผมได้แต่ตอบโต้ในใจ ไม่อยากจะเสวนาด้วยสักเท่าไร ไม่เถียงด้วยว่าผมตามติดพี่บุศย์เป็นตังเม เพราะนั่นมันก็เรื่องจริง ถึงจะพยายามทำให้เนียนแค่ไหน แต่ก็หลุดโป๊ะแตกว่าเป็นแผนเพราะทุกครั้งที่เจอหน้าเขา ผมก็เผลอระริกระรี้จนเก็บอาการไม่อยู่ทุกที ส่วนพี่อินทร์...แค่เห็นหน้าไม่กี่ชั่วโมงก็คันคะเยอไปทั้งตัวแล้ว

พี่อินทร์เลิกคิ้วอีกครั้ง รอให้ผมพูดอะไรกลับไปบ้าง แต่ผมไม่พูด นั่งนิ่ง ก้มหน้าก้มตาอ่านชีทบนโต๊ะต่อ สายตาเหลือบไปมองพี่บุศย์บ้างเล็กน้อย ภาวนาขอให้เขากลับมาเร็วๆ เพราะผมไม่อยากจะอยู่กับพี่อินทร์ตามลำพังนานๆ สักเท่าไร ไม่ค่อยสะดวกใจ แต่แล้วพี่อินทร์ก็โพล่งขึ้น

“ว่าแล้วก็สงสัย อยากถามอะไรสักหน่อย”

ผมหันไปมอง พี่อินทร์จ้องหน้าผม ว่าเสียงเรียบ

“เรื่องส่วนตัวนิดนึง โอเคนะ”

ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าคำพูดของเขาฟังดูไม่ชอบมาพากลเลย แต่ก็พยักหน้าไปให้เขาถามได้

“ถามจริงๆ ตอบจริงๆ นะ”

ผมย่นคิ้วอย่างรำคาญ “อะไรล่ะครับ ถามมาสักที”

พี่อินทร์เอียงตัวเข้ามาใกล้ผมก่อนกระซิบ “เราน่ะ...ชอบไอ้บุศย์เหรอ”

เท่านั้นผมก็รู้สึกร้อนฉ่าที่ใบหน้าขึ้นมา มองหน้าคนถามอย่างอึ้งงัน

ดะ...ดูออกด้วยเหรอ!?

จริงๆ ถ้าดูไม่ออกก็โง่แล้ว ผมแสดงออกขนาดนี้น่ะ จะมีก็แต่พี่บุศย์เท่านั้นแหละที่น่าจะดูไม่ออก ขนาดผมพูดหยอดเขาตั้งหลายครั้ง เขายังตามมุกไม่ทันเลยด้วยซ้ำ แต่กับพี่อินทร์...ไอ้อิเหนาตัวร้าย เจ้าเล่ห์เพทุบายที่กลับชาติมาเกิดคนนี้ ดูไม่ออกก็คงจะไม่ใช่อิเหนาแล้วล่ะ

“ว่าไง ตกลงชอบไอ้บุศย์?”

จะบอกว่าใช่ก็ไม่ได้ด้วย เพราะอีกฝ่ายเป็นอิเหนากลับชาติมาเกิด ไม่รู้ว่าชาตินี้จะเจ้าเล่ห์ร้ายกาจเหมือนชาติที่แล้วหรือเปล่า ถ้าเกิดบอกว่าใช่ไปแล้วมาแย่งบุษบากับผมอีกล่ะ ไม่เอาหรอก ไม่บอกจะดีกว่า ขืนปากสว่างไปบอกพี่บุศย์โดยที่เขาไม่ทันตั้งตัวขึ้นมา ผมจะมองหน้าเขาไม่ติดเอา

“เปล่า”

ก็เลยปฏิเสธไป ขณะที่พี่อินทร์มองหน้าผมนิ่ง สายตาบ่งบอกชัดเจนเลยว่าไม่เชื่อ

“พูดจริง?”

“อะ...อื้ม”

ผมพยักหน้ารับรัวๆ เขาหรี่ตาลง

“ถ้าพูดจริง แล้วจะหน้าแดงทำไม”

ไม่ได้ตั้งใจหรอกเว้ย มันเป็นไปเอง!

ผมรีบหันหนี ไม่อยากถูกจับพิรุธไปได้มากกว่านี้ ก่อนจะต้องหันกลับไปทางเดิมเมื่อพี่อินทร์ยื่นมือมาจับหน้าผมไป

“สารภาพมาตามตรง ชอบไอ้บุศย์ใช่ไหม”

จ้องหน้านิ่ง สายตาจริงจังมาก ขณะที่ผมได้แต่เลิ่กลั่ก

“คะ...คือ...”

“ใช่ไหม” เขาถามเสียงต่ำ

ผมขมวดคิ้ว ส่งเสียงแข็งออกมาทันที

“ทำไมต้องบังคับด้วยล่ะครับ!”

“ก็ไม่ยอมตอบเองนี่หว่า”

“แต่ก็ไม่เห็นต้องบังคับเลยนี่ แล้วมืออะ เอาออกไปได้แล้ว!”

ผมสะบัดหน้าหนี พี่อินทร์ยอมปล่อยมือออกจากหน้าผมจนได้ แต่ก็ยังตอแยไม่เลิก

“ตกลงชอบไอ้บุศย์หรือเปล่า”

ผมหันขวับไปมอง โคตรจะรำคาญเลย แต่เขาไม่รู้สึกรู้สา

“ไม่ต้องมาทำหน้ากระรอก ตอบคำถามมา”

“หน้ากระรอก?” แทนที่จะตอบ ผมดันเลิกคิ้วสูงถามด้วยสงสัย

หน้ากระรอกมันเป็นยังไง

ไม่ถาม พี่อินทร์ก็รู้ว่าผมสงสัยอะไร ยื่นนิ้วมาจิ้มๆ แก้มผมไม่ให้ตั้งตัว

“ก็ไอ้ที่ทำอยู่นี่ไง หน้ากระรอก คิดว่าทำแก้มป่องแล้วน่ารักเหรอฮะ”

จิ้มๆ...จิ้มไม่หยุด สุดท้ายผมก็ต้องสะบัดหน้าหนีอีกที

เฮอะ! ก็น่ารักน่ะสิ จรการูปชั่วตัวดำไม่มีอีกแล้ว มีแต่จรกาคนงามแล้วเว้ย! อีกอย่างนะ ผมไม่ได้ทำแก้มป่อง แก้มผมมันตุ่ยอย่างนี้อยู่แล้วต่างหาก

ผมเลี่ยงที่จะไม่ตอบเพราะไม่อยากต่อปากต่อคำ แต่กลายเป็นว่าถูกพี่อินทร์จิ้มแก้มไม่เลิกจนต้องหันไปแหวใส่เขาอีก

“โอ๊ย พอแล้ว!”

“อยากให้พอก็ตอบมาว่าชอบไอ้บุศย์หรือเปล่า”

สุดท้ายก็วกกลับเข้าคำถามเดิมจนได้ ผมเลยตอบฉะฉานเลยคราวนี้

“ไม่ได้ชอบ!”

“แน่ใจนะ?”

“เออ!”

“ไม่ชอบจริงๆ นะ?”

“เออ!”

“ถ้าไม่ชอบไอ้บุศย์แล้วตามติดมันทำไม ตามตั้งแต่รู้ว่ามันเป็นพี่รหัสแล้วเนี่ย ยิ่งกว่าตังเมอีก”

นี่ก็พยายามเค้นอยู่ได้ ผมแสร้งทำมึน ตอบกระแทกเสียงด้วยคำเดิม

“เออ!”

“พี่ถามว่าถ้าไม่ชอบไอ้บุศย์แล้วตามมันทำไม ตอบให้ตรงคำถาม”

“เออ!”

พี่อินทร์เงียบไป มองผมเขม็ง ดูท่าทางจะรู้แล้วว่าผมกำลังเล่นสงครามประสาทด้วยอยู่ ก่อนเขาจะถามออกมาอีก

“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอถามอีกนิดนึง”

“เออ!”

“ไม่ชอบไอ้บุศย์ใช่ไหม”

“เออ!”

“ถ้าอย่างนั้นก็ชอบพี่ล่ะสินะ”

“เออ!”

พอกระแทกเสียงออกไปก็พลันได้สติ ผมมองหน้า พี่อินทร์ก็ทำหน้าตกใจแบบโอเวอร์แอ็คติ้ง ยกมือกุมหน้าอกข้างซ้าย ส่งเสียงออกมาประมาณว่าเหลือเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน

“อุ๊ยตาย...”

มึงมันกวนตีนไอ้อิเหนา! จะหาเรื่องกันสินะ!

ผมมุ่ยหน้า ขณะที่พี่อินทร์ยังแกล้งผมไม่เลิก

“ความรักมาทักทายแบบไม่ทันตั้งตัว”

สะดีดสะดิ้งแรดมากจนอยากจะตบด้วยชีทเรียนสักที แต่ผมก็ทำแค่สูดหายใจเข้าลึกๆ ทำเป็นไม่สนใจก็เท่านั้น

ทว่า...พี่อินทร์กลับไม่หยุด เห็นผมไม่ยอมตอบโต้ก็เอียงตัวเข้ามาใกล้ กระซิบเสียงเบา

“ถ้าไม่ได้ชอบไอ้บุศย์ก็ดีไป เพราะถ้าชอบ พี่ก็จะบอกให้เลิกคิดซะ”

ผมเหลือบไปมองหน้า มีคำถามมากมายอยากจะถาม แต่ไม่ต้องเอ่ยปาก พี่อินทร์ก็รู้แล้วว่าผมอยากถามอะไร

“ที่ห้ามชอบไอ้บุศย์น่ะ เพราะ...”

“เพราะ?”

“มันเป็นผัวพี่”

หา!?

ชีทในมือหล่น ปากอ้าค้างทันที

บะ...บุษบาของพี่ สะ...เสร็จไอ้อิเหนาไปอีกแล้วเหรอ!?

“ไม่อยากนั้นจะอยู่หอเดียวกันทำไมอะเนอะ”

พี่อินทร์ว่ามาอีก ผมประมวลผลทันควัน

จะ...จริงด้วย ไม่งั้นจะอยู่หอเดียวกันทำไม

“อยู่หอเดียวกัน ห้องเดียวกัน เตียงเดียวกันก็สบายดี เวลาอยาก...ก็ทางสะดวก ไม่มีใครรบกวน”

พี่อินทร์ว่ามาอีก ผมคิดลึกไปเรื่อยแล้วเรียบร้อย แค่นั้นมือไม้ก็สั่นทันที ดวงตาร้อนผะผ่าว จังหวะเดียวกันกับที่พี่บุศย์เดินกลับมาพอดี พอเขาเห็นผมตาแดงๆ เขาก็ถามด้วยความตกใจ

“เฮ้ยจิ เป็นอะไรน่ะ”

บุษบาของพี่...เสียท่าไอ้อิเหนาอีกแล้ว

ผมหันไปมอง น้ำตาเอ่อคลอจนกลั้นไม่ไหว ปล่อยให้ไหลอาบใบหน้าทันที พี่บุศย์รีบนั่งลง ลูบหลังลูบไหล่ผมเป็นการใหญ่

“จิ เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม”

ผมมองหน้าพี่บุศย์ ในใจรวดร้าวไปหมด ก่อนจะถามออกมาด้วยน้ำเสียงสะอื้น

“พะ...พี่บุศย์...”

“หืม?”

“เป็นผัวอิเหนาเหรอครับ”

“หา?”

คนฟังมีสีหน้ายุ่งเหยิงไปหมด ผมก็อยากจะอธิบายอยู่หรอกนะว่าเรื่องมันเป็นมายังไง แต่ก็สะอื้นจนพูดไม่เป็นประโยค ได้แต่ชี้นิ้วไปที่พี่อินทร์ซึ่งทำเป็นไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ เท่านั้นพี่บุศย์ก็รับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นพลันว่าเสียงต่ำออกมา

“ไอ้อินทร์...ไอ้ตัวร้าย”

ใช่ๆ ไอ้อิเหนาตัวร้าย!



---------------------------------

อิเหนามันกวนติ๊งงง 555 สงสารจรกา ชาตินี้แบ๊วเชียว XD

ถ้าชอบก็กดหัวใจ ฝากฟีดแบ็กให้กันด้วยนะคะ หรือไปหวีดกันในทวิต แท็ก #จรกาคนงาม

นะ เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ ^^

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - Chapter 01: อิเหนาตัวร้าย[26.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-04-2018 19:48:05
 :m20:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - Chapter 01: อิเหนาตัวร้าย[26.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 26-04-2018 20:09:26
น้องน่ารักจังเลยค่าาา  :hao7:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - Chapter 01: อิเหนาตัวร้าย[26.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: xexezero ที่ 26-04-2018 21:30:25
ชอบจรกา น้องน่ารักเฟ่อร์ ชอบแนวนี้จังเลยค่ะ อยากอ่านต่อแล้วอ่าาา :hao7:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - Chapter 01: อิเหนาตัวร้าย[26.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 26-04-2018 22:37:35
จรกาน้อยสะอื้นไห้น่ารักเชียวชี้นิ้วฟ้องเหมือนเด็กเล็กๆเลย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - Chapter 01: อิเหนาตัวร้าย[26.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-04-2018 00:29:57
มันต้องมีตัวไม้กันหมามาช่วย หนูจิต้องไปตามหาตัวจินตหรามาให้ได้ จะได้ให้จินตหราตามไปสิงอิเหนาไม่ใช้ตามติดพี่บุษบาไงล่ะ ดีไหมล่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - Chapter 01: อิเหนาตัวร้าย[26.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 27-04-2018 01:17:07
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - Chapter 01: อิเหนาตัวร้าย[26.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 27-04-2018 02:04:30
น้องจรกาลูกกกกกกก
ชอบมากเลยค่ะ เรื่องน่ารักมาก มาต่อตอนต่อไปเร็วๆนะคะ เลิฟๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - Chapter 01: อิเหนาตัวร้าย[26.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-04-2018 05:31:17
มันต้องมีตัวไม้กันหมามาช่วย หนูจิต้องไปตามหาตัวจินตหรามาให้ได้ จะได้ให้จินตหราตามไปสิงอิเหนาไม่ใช้ตามติดพี่บุษบาไงล่ะ ดีไหมล่ะ  :laugh:

นอกจากจินตรา บรรดาเมียๆของอิเหนา ก็น่าจะออกมาให้หมดเลย
มาก่อกวนอินทร์ตัวป่วน ให้ปวดหัวก็น่าจะทำให้จิพอใจ  :katai2-1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - Chapter 01: อิเหนาตัวร้าย[26.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: W2P5 ที่ 27-04-2018 05:44:07
ทำไมพี่อินทร์ไม่อ่อนโยนกับน้องงง
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - Chapter 01: อิเหนาตัวร้าย[26.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 27-04-2018 07:40:29
55555555
แค่ตอนแรกก็ฮาแล้ว
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - Chapter 01: อิเหนาตัวร้าย[26.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 27-04-2018 19:27:15
Chapter 02: น้องจรกา

“แน่ใจนะว่ามึงไม่ได้ทำอะไรน้องรหัสกู”

พี่บุศย์ถามประโยคนี้เป็นครั้งที่สิบแล้วเห็นจะได้ ทำเอาพี่อินทร์ที่ถูกเค้นอยู่หลายรอบถึงกับมุ่ยหน้า

“มึงถามกูหลายรอบแล้วไอ้บุศย์ น้องรหัสมึงก็บอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าที่ร้องไห้เป็นเพราะอะไร”

ว่าพลางหรี่ตามองมาทางผมที่เช็ดน้ำหูน้ำตาซึ่งเหือดไปแล้วอย่างขุ่นเคือง ขณะที่ผมได้แต่เม้มริมฝีปาก ก้มหน้านิ่งด้วยรู้สึกผิดขึ้นมาน้อยๆ ที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้

ก็ใครมันจะไปควบคุมได้วะ จู่ๆ ก็มาได้ยินว่าคนที่รักข้ามภพข้ามชาติมาตั้งนาน หวังว่าจะได้ครองรักกันในชาตินี้ถูกไอ้ศัตรูหัวใจคาบไปกินอีก เป็นใครก็ทำใจไม่ได้ทั้งนั้นแหละเว้ย!

แต่พอพี่บุศย์ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็ไม่กล้าบอกความจริง ซึ่งแน่ล่ะว่ามันหมายถึงเรื่องที่เขาเป็นบุษบาในชาติก่อน แล้วก็เรื่องที่ผมถูกพี่อินทร์แกล้งบอกว่าพี่บุศย์เป็นผัวเขา ผมเลยโกหกไปว่าร้องไห้เพราะพี่อินทร์แช่งให้ผมสอบตกควิซตอนบ่าย

มัน...ฟังดูแล้วปัญญาอ่อนมากมาย คนบ้าอะไรถูกแช่งให้สอบตกแล้วร้องไห้เป็นเผาเต่า

ส่วนเรื่องที่เผลอหลุดปากถามเขาไปว่าเป็นผัวอิเหนาเหรอ ผมก็แก้ตัวไปว่าเพราะใจไม่ดีจากคำแช่งของพี่อินทร์ หัวสมองผมก็เลยตีกันมั่วไปหมด ถึงได้พูดออกไปแบบนั้น บอกตามตรง ผมโคตรอายเลยนะ แต่ก็ต้องยอมเนียนไปเพราะไม่อยากให้พี่บุศย์รู้ว่าผมร้องไห้เพราะพี่อินทร์บอกว่าเขาเป็นผัว ส่วนพี่อินทร์ก็ทำเนียนเออออห่อหมกไปเลย แน่นอนว่าพอพี่บุศย์ได้ยิน เขาก็ไม่เชื่อหรอก เพราะถ้าเชื่อ เขาจะมาเค้นถามพี่อินทร์ทำไมตั้งหลายรอบ

“มึงแน่ใจนะว่าไม่ได้โกหกอะไรกูหรือขู่น้องรหัสกูไม่ให้พูด?”

พี่บุศย์ยังคงคาดคั้น ทำเอารูมเมทของเขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“มึงอยากรู้นักก็ไปเค้นถามจากน้องรหัสมึงเถอะไป รำคาญ”

พออีกฝ่ายแสดงท่าทางหงุดหงิดน้อยๆ ออกมาอย่างนี้ พี่บุศย์เลยหันมามองหน้าผมแทน ผมเหลือบมองเขา ว่าเสียงแผ่ว

“มีแค่เรื่องที่ผมเล่าให้พี่บุศย์ฟังแค่นั้นจริงๆ ครับ”

สายตาเขาบอกตรงๆ เลยว่าไม่เชื่อ แต่คงกลัวว่าจะทำผมลำบากใจล่ะมั้ง เขาเลยเลิกจับผิดแต่โดยดี

“เอาเถอะ อย่าไปสนใจเลยจิ ไอ้อินทร์มันก็ปากพล่อยอย่างนี้อยู่แล้ว สันดานไม่ดี พี่ติวให้จิ จิผ่านควิซฉลุยอยู่แล้ว”

ด่าเพื่อนไม่พอ ตบท้ายด้วยการปลอบผมด้วย พร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่ลูบหัวผมป้อยๆ ผมใจชื้นขึ้นมา แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าก็ดีนะที่พี่อินทร์ทำผมร้องไห้ เพราะนั่นทำให้พี่บุศย์แตะเนื้อต้องตัวผม

หูย...ฟินไปสามชาติแปดชาติ อยากให้แตะเนื้อตัวมากกว่านี้จัง

ได้แค่คิดเท่านั้นแหละ กว่าจะไปถึงขั้นนั้น ผมจะต้องทำให้พี่บุศย์ชอบผมเสียก่อน ส่วนไอ้คนต้นเหตุที่ทำผมเสียน้ำตาก็ได้แต่มองแล้วเบ้ปาก

“โอ๋เหลือเกินนะ น้องรหัสคนแรกในชีวิตเนี่ย”

ผมค้อนอย่างเสียไม่ได้ ขณะที่พี่บุศย์ดุออกมา

“เงียบไปเลยมึงน่ะ ยังจะปากไม่ดีอีก พูดมากปากหมาจริงนะมึง”

เออ สมน้ำหน้า โดนด่าเลย ด่าอีกครับพี่บุศย์ จิชอบ

แต่พี่อินทร์กลับไม่สะทกสะท้านกับคำก่นด่าเลยแม้แต่น้อย มองหน้าพี่บุศย์ด้วยสายตาตัดพ้อ ทำท่าจะดีดสะดิ้ง

“ทำไมคุณบุศยาไม่อ่อนโยนกับอินทราเลย~”

จีบปากจีบคอจนน่าถีบ บังอาจมาเรียกชื่อจริงของพี่บุศย์อีก ขณะที่สีหน้าดุๆ ของพี่บุศย์มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา

“ยังไม่หยุดอีก เดี๋ยวปั๊ด”

พลางยกกำปั้นขึ้นเป็นเชิงว่าจะทุบ พี่อินทร์แสร้งหลบ ก่อนจะพากันหัวเราะ เป็นอันให้ผมรู้ว่าที่พี่บุศย์ทำเป็นดุนั้นไม่ได้ดุจริงจังหรอก เป็นการดุเพื่อโอ๋ผมมากกว่า มันก็ดีอยู่หรอก แต่พอเห็นอย่างนี้ มันก็ทำให้ผมรู้สึกว่า...ทั้งสองคนสนิทกันจังเลยนะ

ในใจปวดหนึบขึ้นมาน้อยๆ ไม่อยากให้พี่บุศย์ไปสนิทกับพี่อินทร์เลย ผมเบือนหน้าหนีจากภาพนั้น อึดอัดใจไม่เบา เพราะการที่พี่บุศย์กับพี่อินทร์สนิทกันมันหมายความว่าโอกาสในการที่อิเหนากับบุษบาจะได้ครองคู่กันอีกครั้งในชาตินี้ก็ยังมีอยู่

อาจเป็นเพราะความผูกพันฉันท์สามีภรรยากันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน...

ผมไม่อยากคิดอย่างนั้นหรอก แต่เรื่องพวกนี้มันมีอยู่จริง ขนาดผมไม่ได้ผูกพันเป็นเครือญาติหรือสามีภรรยา มีเพียงความแค้นกับความห่วงหา ผมยังวนเวียนกลับมาเจอทั้งสองคนในชาตินี้เลย

ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากให้บุษบาของผมสนิทสนมกับอิเหนาแหละนะ...

แต่แล้วความรู้สึกชวนให้อึดอัดนั้นก็มลายหายไปเมื่อจู่ๆ พี่อินทร์ก็โพล่งขึ้น

“เดี๋ยวกูไปแล้ว จะหมดเวลาพักละ มีเรียนบ่ายที่คณะ”

พี่บุศย์พยักหน้า มองอีกฝ่ายที่เก็บข้าวของลงในกระเป๋าสะพายข้างครู่หนึ่ง ก่อนจะถาม

“แล้ววันนี้มึงจะกลับห้องไหม”

พี่อินทร์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนส่ายหน้า

“ไม่ล่ะ กูมีนัดซ้อมมอบตำแหน่งดาวเดือนที่ลานหน้าหอสมุด เดี๋ยวไปนอนห้องเพื่อนทูตกิจกรรมแทน น่าจะซ้อมดึก”

“ใกล้งานประกวดดาวเดือนแล้วสินะ”

พี่อินทร์พยักหน้า ทำเอาผมอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้

“งานประกวดดาวเดือนเหรอครับ”

“อืม มีทุกปีนั่นแหละ”

เรื่องนั้นผมรู้อยู่แล้ว มหาวิทยาลัยไหนก็มีทั้งนั้นแหละ แต่ที่สงสัยน่ะก็คือ...

“แล้วพี่อินทร์เกี่ยวอะไรด้วยเหรอ”

เรื่องนี้แหละที่ผมอยากรู้ คำถามนี้ทำเอาพี่บุศย์มองหน้าผมอย่างงุนงงทันที

“อย่าบอกนะว่าจิไม่รู้ว่าใครเป็นเดือนของ ม.เรา?”

ผมพยักหน้า เอาจริงๆ ก็เคยเห็นผ่านๆ ในโปสเตอร์ที่แปะตามอาคารต่างๆ เหมือนกัน แต่ไม่ได้ใส่ใจก็เลยจำเค้าโครงหน้าไม่ค่อยได้สักเท่าไร และการตอบไปอย่างนั้นก็ทำให้พี่บุศย์ชี้นิ้วไปทางพี่อินทร์

“เดือนมหา’ลัยเราน่ะ นี่ไง นั่งหัวโด่อยู่นี่”

ผมว่าผมหูฝาดแหงๆ

ไอ้อิเหนาเนี่ยนะเดือนมหา’ลัย!?

ผมชี้นิ้วไปทางพี่อินทร์ด้วยสีหน้าไม่เชื่อสักเท่าไร ทำให้พี่บุศย์ต้องพยักหน้า ย้ำคำมาอีกที

“อื้อ มันนี่แหละเดือนมหา’ลัย”

เท่านั้นผมก็อ้าปากกว้าง

มึงจะวาสนาดี รูปงาม นามเพราะ ชีวิตดี๊ดีไปหมดเกินไปแล้วไอ้อิเหนา!

แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรหรอก พี่อินทร์ก็หล่อสมกับตำแหน่งเดือนจริงๆ นี่ เพียงแค่ตอนนี้ผมยาวกว่าในโปสเตอร์ที่เห็น แล้วการแต่งตัวก็ดูเซอร์ๆ ขณะที่ในโปสเตอร์แต่งชุดนักศึกษาถูกระเบียบเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะได้สติกลับมาเมื่อเสียงของพี่อินทร์ดังขึ้นอีกครั้ง

“เป็นคนหล่อนี่ยุ่งจริงๆ เลยน้า”

เนี่ย แล้วจะไม่ให้ผมเหม็นหน้าได้ยังไง หลงตัวเองจริ๊ง!

“รีบไปเลยไป มีเรียนไม่ใช่เหรอ”

พี่บุศย์ตัดบทด้วยเห็นว่าถ้ายังปล่อยให้พี่อินทร์นั่งอยู่ตรงนี้ มีหวังกวนประสาทผมไม่เลิกแน่ ส่วนคนถูกไล่ก็ทำเป็นแสร้งบ่นพึมพำ

“คุณบุศยาไม่อ่อนโยนเลยจริงๆ อยู่ต่อหน้าคนอื่นทำเป็นเก่งใหญ่เลยนะ ระวังเถอะ เดี๋ยวอินทราจะไม่ให้คุณนอนร่วมเตียงด้วย”

ยังคงพูดจาสองแง่สองง่ามให้ผมคิดครุ่นวุ่นวาย ถึงจะรู้ว่าเขาตั้งใจหยอกผม แต่ผมก็ไม่ชอบเลย เผลอค้อนประหลับประเหลือกใส่ให้พี่อินทร์ได้หัวเราะ

“เอ้า รีบไปเร็วๆ เข้า มัวเล่นอยู่ได้”

พี่บุศย์ออกปากไล่อีกที คราวนี้พี่อินทร์ยอมไปตามที่บอก พอลุกขึ้นยืน จะเดินผ่านผมก็โน้มตัวลงมากระซิบข้างหู

“เมื่อกี้พี่ล้อเล่น”

สิ้นเสียงก็เดินออกจากร้านกาแฟไป ปล่อยให้ผมนั่งงุนงง

ล้อเล่น? หมายถึงเรื่องที่พี่บุศย์เป็นผัวเขาน่ะเหรอ

ไม่รู้เลยว่าเรื่องไหนที่เขาบอกว่าล้อเล่น เพราะทุกอย่างที่ออกมาจากปาก แม่งเป็นเรื่องล้อเล่นทั้งนั้น แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านี้เพราะพี่บุศย์เอ่ยปากขึ้นมาก่อน

“ไอ้อินทร์มันบอกอะไรเหรอ”

ผมหันใปมองหน้า ยิ้มบางๆ ให้ “บอกให้ผมตั้งใจทำควิซครับ”

โกหกไปดีกว่า ขืนบอกไปตามจริง มีหวังคงต้องอธิบายกันยาวแน่ ดีที่พี่บุศย์ไม่ได้สงสัยอะไร ได้แต่พยักหน้าแล้วส่งยิ้มให้

“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ขอให้จิทำควิซได้ผ่านฉลุยก็แล้วกันนะ”

แค่เห็นรอยยิ้มของพี่บุศย์เท่านั้น ใบหน้ายียวนของผู้ชายที่เพิ่งลุกจากโต๊ะไปเมื่อครู่นี้ก็หายวับไปทันที

บุษบาของพี่จรกาน่ารักที่สุดในโลกเลย~

 

เรื่องสอบควิซอะไรนั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผมหรอก เรื่องของอิเหนาอะไรนั่น ผมรู้ดีกว่าใครว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไงเพราะเป็นอีกหนึ่งคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ถ้าไม่นับรวมพวกสถานการณ์เว่อร์วังเกินจริงที่เสริมเติมแต่งเข้ามาแล้วล่ะก็ ต่อให้หลับตาทำ ผมยังทำได้เลยเชื่อสิ แต่ก็นั่นแหละ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเรื่องใหญ่กว่านั้นก็คือผมยังตะขิดตะขวงใจอยู่นิดๆ

ที่พี่อินทร์บอกว่าล้อเล่นนั่นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?

ถ้าเป็นคนอื่นพูด ผมอาจจะเชื่อ แต่เพราะเป็นศัตรูหัวใจจากในอดีตชาติพูด ผมเลยทำใจเชื่อยาก พอเลิกเรียนก็มารออยู่ที่หน้าลานกว้างฝั่งตรงข้ามหอสมุดด้วยได้ยินว่าเดี๋ยวเขาจะมาทำกิจกรรมที่นี่ กลับหอช้ากว่าปกติสักหน่อยก็คงไม่เป็นอะไร เพื่อความสบายใจ ผมยอมนั่งรอก็ได้

รอ...อยู่หลายชั่วโมงจนกระทั่งฟ้ามืดถึงได้เห็นว่าที่ลานกว้างนั้นเริ่มมีนักศึกษามารวมตัวกัน เดาว่าคนพวกนั้นคงจะเป็นพวกดาวเดือนหรือไม่ก็ทูตกิจกรรมที่พี่อินทร์ต้องมาฝึกซ้อมงานอะไรนี่ด้วยนั่นแหละ ผมชะเง้อมองหาคนที่อยากเจออยู่หลายรอบ ถอนหายใจทิ้งก็หลายครั้ง ผ่านไปพักใหญ่ถึงได้เห็นผู้ชายท่าทางคุ้นตาปรากฏอยู่ไม่ไกล เท่านั้นผมก็ลุกพรวด ก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปหาเขาทันที

“พี่อินทร์”

คนถูกทักดูแปลกใจไม่น้อยที่เห็นผม คงไม่คิดว่าจะเจอล่ะมั้ง

“มาทำอะไรเนี่ย”

“มารอพี่อินทร์นั่นแหละครับ”

“เห? อย่าบอกนะว่ามาดักรอ?”

คราวนี้ทำหน้าตากวนประสาทมาก ผมไม่ชอบใจเท่าไรแต่ก็พยักหน้า เท่านั้นแหละ พี่อินทร์ก็สะดีดสะดิ้ง

“ต๊าย~ สตอล์กเกอร์”

ต๊อกพ่อง...

ผมสูดหายใจเข้าปอด เวลานี้ไม่ใช่เวลามาหัวเสีย รีบเอาคำตอบแล้วรีบไปดีกว่า

“ผมมีเรื่องอยากจะถามพี่อินทร์น่ะครับ”

“เรื่องอะไร” กลับมาวางท่าทางปกติแบบเดิมละ

“เรื่องพี่บุศย์”

พอบอกไปเท่านี้ พี่อินทร์ก็ย่นคิ้ว ก่อนจะ...

“ไว้ถามทีหลังนะ พี่ไม่ว่าง รีบไปซ้อมละ สายกว่าชาวบ้านเขาแล้วเนี่ย วู้ว ยุ่งจริงๆ”

แล้วก็ทำท่าจะเดินหนีผมไปหน้าตาเฉย ผมเห็นแล้วก็รีบก้าวตามไปคว้าชายเสื้อพี่อินทร์ไว้ก่อนเขาจะเดินไป

“พี่อินทร์”

พี่อินทร์หันมามอง เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“ผมแค่อยากจะถามอะไรให้แน่ใจหน่อย คำถามเดียว ไม่รบกวนเวลานานหรอกครับ”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็ยืดตัวตรง ยกมือขึ้นกอดอก รอให้ผมถาม ผมอึกอัก อยากจะรู้อยู่หรอกแต่ก็กลัวว่าถ้าถามไปแล้ว คำตอบจะทำให้ผมบ่อน้ำตาแตกเหมือนวันนั้นอีก ใจแป้วไปขั่วขณะ แวบหนึ่งก็คิดว่าไม่ถามแล้ว ไม่อยากรู้ก็ได้ แต่พี่อินทร์ก็โพล่งขึ้นมาก่อน

“เอ้า ไหนว่าจะถาม ไม่เห็นถามเลย”

ผมมองหน้าเขา สูดหายใจเข้าลึกๆ

เอาวะ ถามก็ได้!

“คือ...ผมอยากรู้ว่า...”

“ว่า?”

“พี่บุศย์ไม่ได้เป็นผัวพี่อินทร์จริงๆ ใช่ไหมครับ”

พี่อินทร์นิ่งไปครู่ ก่อนที่ใบหน้านิ่งเรียบของเขาจะดูควบคุมได้ลำบาก

ก็แหงล่ะ แม่งกำลังกลั้นหัวเราะอยู่นี่หว่า!

ถามไปแล้ว ผมก็รู้สึกอิหลักอิเหลื่อพอสมควร ขณะที่พี่อินทร์กลั้นหัวเราะได้แล้วก็เชิดหน้าขึ้น ถามผมกลับ

“ทำไมถึงไม่มั่นใจล่ะ บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าพี่ล้อเล่น”

“ก็...”

ถ้ามึงไม่ใช่อิเหนากลับชาติมาเกิด กูก็มั่นใจอยู่หรอกเว้ย แต่นี่...ไอ้อิเหนา ไอ้ตัวร้าย เจ้าเล่ห์เพทุบาย ใครมันจะไปเชื่อคำพูดได้สนิทใจล่ะวะ!

แต่สิ่งที่ผมตอบกลับเป็น...

“ผมก็แค่อยากถามให้ชัวร์เฉยๆ”

ยิ่งถามก็ยิ่งเสียงเบาลง ขณะที่พี่อินทร์ยิ้มเผล่ขึ้นมา

“ฮั่นแน่ ชอบไอ้บุศย์จริงๆ ด้วย”

ผมไม่เถียงแล้ว ไม่ปฏิเสธด้วย รู้ก็ไม่เป็นไรหรอก ขอแค่พี่บุศย์อย่าเพิ่งรู้ก็พอ ผมยังไม่พร้อมจะบอกตอนนี้

“แล้วตกลงพี่บุศย์เป็นผัวพี่อินทร์จริงปะครับ”

ผมกลับเข้าเรื่องก่อนที่จะโดนล้อเลียนไปมากกว่านี้ พี่อินทร์เอียงคอน้อยๆ

“อยากได้คำตอบแบบไหนล่ะ”

“อยากได้ความจริงครับ”

เพราะรู้ว่าเดี๋ยวจะต้องโดนเล่นลิ้นแน่ ผมเลยแสร้งว่าเสียงแข็งไปน้อยๆ พี่อินทร์มองหน้าผม คงรู้ว่าผมจริงจัง เขาเลยขยับเข้ามาใกล้ โน้มหน้าลงมาใกล้ กระซิบเสียงแผ่ว

“บอกแล้วอย่าไปบอกใครนะ”

“อืม”

“ไอ้บุศย์...”

“...”

“เป็นผัวพี่”

ผมเหลือบมองหน้าหล่อๆ นั่น ใจสั่นหวิวขึ้นมาน้อยๆ รู้อยู่หรอกว่าโดนแกล้งอีกแล้ว แต่พอเห็นดวงตาคมที่ดูจริงจังของพี่อินทร์แล้ว ผมก็ชักไม่มั่นใจ ขณะที่พี่อินทร์เริ่มสาธยายสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยินออกมา

“เห็นไอ้บุศย์มันเนิร์ดๆ แบบนี้นะ แต่ตอนอยู่บนเตียง หูย...โคตรเผ็ด ทำพี่ครางแบบนี้เลย”

แล้วก็ขยับเข้ามาใกล้ผมอีก ก่อนจะส่งเสียงประหลาดๆ

“อ๊ะ...อือ อ๊า บุศย์ เบาๆ หน่อย อูย...เสียวจังเลยผัวจ๋า อื้อ...เอ๋งๆ”

กูว่าเอ๋งๆ นี่มันไม่ใช่แล้ว!

ตอนนี้คำตอบชัดเจนมากกว่าที่พูดๆ มา แม่งเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด ผมก้าวถอยหลังออกมา พอได้จังหวะก็เอานิ้วแหย่ปากพี่อินทร์ทันที พี่อินทร์ชะงักทันควัน ทำหน้าปูเลี่ยนเมื่อสัมผัสได้ถึงความเค็มจากปลายนิ้วของผม

“เล่นอะไรเนี่ย โคตรเค็มเลย ถุ่ด!”

ถุยน้ำลายออกมาเป็นการใหญ่ ผมได้ทีก็เอาคืนบ้าง

“สม อยากเล่นดีนัก แทนที่จะตอบดีๆ แกล้งอยู่ได้”

พี่อินทร์ทำหน้ามุ่ย เขาก็ยังดูหล่อแหละ แต่ผมเหม็นขี้หน้า ยิ่งพอตอนนี้ผมเป็นต่อด้วยแล้ว ผมก็เลยรีบเอาคืนทันควันด้วยการชูมือข้างซ้ายที่เอาป้ายปากเขาเมื่อกี้ขึ้นมาแล้วว่าด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ

“ลืมบอกไปว่าเมื่อกี้ผมเพิ่งไปเข้าส้วมมา มันจะเค็มกว่าปกตินิดนึงนะครับพี่อินทร์”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็ชี้หน้าผมทันที

“ไอ้...!”

แล้วผมจะอยู่ทำไมล่ะ รีบเผ่นด้วยการวิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะผลุบหายเข้าไปในห้องสมุด ปล่อยให้พี่อินทร์ยืนอยู่ที่เดิม พอแอบมองดูก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังหัวเสียเต็มที่ ก่อนจะกระดกขวดน้ำที่อยู่ในกระเป๋าเป้มาบ้วนปากทิ้งเป็นการใหญ่

ดี! สมน้ำหน้า บังอาจมาแกล้งจรกาคนนี้ก็ต้องเจอแบบนี้แหละ

จรกาขี้แพ้ที่หัวหดกลัวอิเหนาไม่มีอีกแล้ว จรกาจะไม่อ่อนโยน จะก้าวร้าวแล้วนะ!

กระหยิ่มยิ้มย่องเป็นที่พอใจแล้วว่าได้เอาคืนสักทีหลังจากรอมาชาติเศษ ก่อนที่ผมคิดจะกลับหอซึ่งอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยไปมากพอสมควร พูดง่ายๆ ก็คือต้องนั่งรถเมล์กลับนั่นแหละ ผมไม่มีปัญญามากพอจะเช่าหอแถวนี้อยู่หรอก แพงจะตาย ครอบครัวผมในชาตินี้ไม่ได้รวยขนาดนั้น...ชาติก่อนก็เช่นกัน เป็นแค่โอรสของเจ้าเมืองเล็กๆ ไม่ได้ร่ำรวยเท่าเมืองกุเรปันและผองเพื่อน เลยต้องอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว

ผมออกจากห้องสมุด เดินไปขึ้นรถเมล์ที่ แต่ทว่าเมื่อป้ากระเป๋ารถเมล์เดินไล่เก็บตังค์ผู้โดยสารมาเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงผม ผมก็ชะงักงันไปพร้อมกับเหงื่อกาฬที่ไหลพรากเมื่อเอื้อมมือไปล้วงกระเป๋าตังค์ในกระเป๋ากางเกง

มะ...ไม่มี!

กระเป๋าตังค์หาย!

หายไปไหน!? หายได้ยังไง!?

ผมเลิ่กลั่ก ทำอะไรไม่ถูก เลยรีบขอลงจากรถก่อนที่จะถูกเก็บตังค์ อ้างเพื่อไม่ให้เสียหน้าว่าขึ้นผิดสาย แต่จริงๆ แล้วไม่มีตังค์จะจ่ายค่าโดยสารต่างหาก

ลงมาได้ ผมก็ยืนตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง

คิดให้ดีๆ เผลอเอาไปวางทิ้งไว้ที่ไหนหรือเปล่า...

แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าผมไม่ได้หยิบกระเป๋าตังค์ออกมาเลย แม้แต่ตอนอยู่ในห้องสมุดนั่นก็ด้วย

หรือว่าจะทำตกไปโดยไม่รู้ตัว?

ต้องเป็นอย่างนั้นแหละ เพราะไม่งั้นจะหายไปไหนได้

ผมถอนหายใจออกมาด้วยระอากับความซุ่มซ่ามของตัวเอง มิหนำซ้ำพอหยิบโทรศัพท์ออกมาจะโทรขอความช่วยเหลือจากพี่บุศย์...แบตฯ ก็ดันหมดอีก

โอ๊ย! ซวยซ้ำซวยซ้อนอะไรอย่างนี้ แล้วจะไปขอให้ใครที่ไหนช่วยได้ล่ะเนี่ย!

ผมยีหัวตัวเองตรงป้ายรถเมล์ จนปัญญาถึงขั้นคำนวณเส้นทางเดินกลับไปหอด้วยตัวเองแล้วนะ ประมาณสิบห้ากิโล...

คงเดินไม่ไกล...

เสียที่ไหนกันเล่า! ใครมันจะไปเดินได้วะ! ถนนสายหลักอย่างนั้นมันไม่มีฟุตปาธให้เดิน!

เริ่มยีหัวตัวเองอีกครั้ง อับจนหนทาง ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ แต่แล้ว...ภาพใบหน้าของใครบางคนก็โผล่ขึ้นมา
สงสัยคงต้องไปขอความช่วยเหลือแล้วล่ะ...
ใครบางคนคนนั้นก็คือ...อิเหนา

ผมเดินกลับมาที่ลานว่างหน้าหอสมุด มองไปยังกลุ่มคนสิบกว่าชีวิตด้วยใจที่เต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ และยิ่งเต้นหนักเข้าไปอีกเมื่อสายตาจับจ้องไปยังผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรูหัวใจ ที่เต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ ไม่ใช่เพราะกลัวหรืออะไร แต่เป็นเพราะละอายแก่ใจเหบือเดินที่ต้องมาขอยืมเงินมันยี่สิบบาทเป็นค่ารถเมล์กลับหอเนี่ย!

ไม่อยากทำเลย แต่ดูเหมือนผมจะไม่มีตัวเลือกอื่นเลยรอจังหวะอยู่ครู่ ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปแล้วออกปากเรียกเสียงเบา

“พะ...พี่อินทร์”

เขาไม่ได้ยินหรอก คนอื่นได้ยินแล้วสะกิดเรียกให้ พี่อินทร์หันมามอง พอเห็นผมก็ขมวดคิ้วมุ่นให้ผมได้กวักมือเรียกหย็อยๆ พี่อินทร์ยอมเดินเข้ามาหา พลันถามด้วยสงสัย

“มีอะไรอยากถามอีกหรือไง ถึงได้มายืนหน้าจ๋อยอยู่ตรงนี้เนี่ย”

ผมส่ายหน้า ไม่มีอะไรอยากถามแล้ว แต่ว่า...

“เอ้า แล้วมาทำไม”

...แต่ว่ากระเป๋าตังค์หายไง จะมาขอยืมตังค์ง่ะ

อยากจะบอกไปตามตรงเหมือนกัน แต่ดูท่าทางเขาไม่ค่อยสบอารมณ์ที่ถูกผมเอานิ้วแหย่เข้าไปในปากก่อนหน้านั้น ผมเลยไม่กล้าพูด ได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ ให้พี่อินทร์ได้กอดอก

“ถ้าไม่พูด พี่จะกลับไปซ้อมแล้วนะ”

“พูดๆ พูดแล้วครับ”

ผมโพล่งออกไป พี่อินทร์ยืดตัวเล็กน้อย พยักหน้าเป็นเชิงให้ผมรีบพูดออกมาเร็วๆ ก่อนที่ผมจะตัดสินใจว่าออกมา

“คือว่า...เมื่อกี้ผมขึ้นรถเมล์จะกลับหอ”

“แล้ว?”

“พอจะจ่ายค่ารถ กระเป๋าตังค์ก็หาย”

“...”

“ทีนี้ก็แบบว่า...อยากจะขอยืมตังค์พี่อินทร์ยี่สิบบาทเป็นค่ารถน่ะครับ แหะๆ”

เป็นการหัวเราะและยิ้มโง่ๆ ที่สุดในชีวิตผมเลย ขณะที่พี่อินทร์ฟังแล้วก็ย่นคิ้วกว่าเดิม

"เดินมาตั้งไกลจากป้ายรถเมล์คือตั้งใจมายืมตังค์เนี่ยนะ"

ผมพยักหน้าให้พี่อินทร์ได้พึมพำออกมา

"เชื่อเขาเลย"

เออ! กูก็ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันเว้ยว่าวันหนึ่งจรกาจะมายืมตังค์อิเหนายี่สิบบาทเพราะไม่มีค่ารถเมล์กลับหอเนี่ย!

ทุเรศตัวเองจริงๆ เล้ย!

แต่ไม่มีทางเลือกแล้ว ต้องยอมเสียหน้านั่นแหละ ผมก้มหน้าลง แกว่งเท้าไปมา เขี่ยดินแก้เก้อ ปากก็พึมพำเบาๆ

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมคืนให้”

พี่อินทร์ไม่ตอบอะไร พอผมเหลือบขึ้นมองก็เห็นว่าเขายกยิ้มน้อยๆ

“ได้ แต่จะมาขอยืมตังค์น่ะ ไหนทำหน้ากระรอกให้ดูหน่อย”

รู้เลยว่าเขาจะเอาคืนที่ผมเอานิ้วไปแหย่ปากเขาแล้วล่ะ ผมก็ไม่อยากทำหรอก แต่ก็ช่วยไม่ได้ ทำปากยื่นๆ ใส่ไปเล็กน้อย ซึ่งก็ดูเหมือนพี่อินทร์จะพอใจเป็นอย่างมาก ทว่ามันยังไม่พอที่เขาจะยอมเอาเงินให้ เพราะพอผมทำปุ๊บ เขาก็พูดออกมาอีก

“ขอยืมเงินใหม่อีกทีด้วย พูดเพราะๆ”

“พี่อินทร์ ผมขอยืมตังค์ยี่สิบบาทครับ”

แต่แทนที่จะพอใจ พี่อินทร์กลับสวนคืนมา

“ทีกับไอ้บุศย์เรียกแทนตัวเองว่าจิอย่างโน้นอย่างนี้ ทีกับพี่ เรียกแทนตัวเองว่าผม อย่าสองมาตรฐานสิ”

กูก็ต้องสองมาตรฐานสิวะ! มึงเป็นใคร แล้วพี่บุศย์เป็นใคร อย่ามายกตนเทียบเท่านะเว้ย!

คิดในใจเท่านั้นแหละ ในความเป็นจริงแล้ว...

“จิขอยืมตังค์ยี่สิบบาทครับพี่อินทร์”

...ยอมแม่งไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวไม่ได้กลับหอ

พี่อินทร์หัวเราะออกมา ผมก็กำมือแน่น ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ทั้งที่อุตส่าห์หมายมั่นปั้นมือแล้วว่าจะไม่ยอมก้มหัวให้อีกต่อไป แต่สุดท้ายก็ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับเงินยี่สิบบาท

มันเรื่องบ้าบออะไรกันวะเนี่ย!

แล้วแทนที่จะยอมควักเงินให้ผมง่ายๆ ก็ไม่ทำด้วยนะ หัวเราะจนพอใจแล้ว พี่อินทร์ก็ว่าพลางยกยิ้มมุมปาก

“ไทป์น้องโคตรๆ ...น้องจิ~”

ไม่อยากให้มึงมาเรียกว่าน้องหรอกเว้ย!

ผมลอบถอนหายใจ ขณะที่พี่อินทร์ชี้นิ้วไปยังม้านั่งตัวหนึ่งไม่ไกลจากบริเวณที่ยืนอยู่

“เดี๋ยวไปนั่งรอตรงนั้นก่อน ไว้จะเอาตังค์ไปให้”

พูดจบ เขาก็ทำท่าจะเดินไป ผมก็ยอมเดินไปนั่งแต่โดยดีเพราะคิดว่าเขาคงจะกลับไปเอาเงินในกระเป๋าสะพายหรืออะไรแบบนี้ แต่ทว่า...กลับไปซ้อม

อะไรของมึงเนี่ย!

ผมมองพี่อินทร์ด้วยความงุนงง ส่วนเขาก็ไม่สนใจผมเลยสักนิด ซ้อมโน่นนี่หน้าตาเฉย ปล่อยให้ผมนั่งตบยุงมองด้วยความขุ่นแค้น

มันเอาคืนจริงๆ ด้วย ถ้าไม่เห็นแก่เงินยี่สิบบาทล่ะก็ วิ่งไปกระโดดถีบยอดหน้าแล้ว แต่สิ่งที่ผมทำได้คือนั่งส่งเสียงฮึดฮัดรอให้อีกฝ่ายเอาเงินมาให้

อนาถจริงๆ เลย กลายเป็นน้องจรกาไม่พอ ยังจะต้องมานั่งจ๋องรอตังค์ยี่สิบบาทจากอิเหนาอีก รู้ถึงไหน อายถึงนั่นเลยจริงๆ!

----------------------------------

เต็มตอนแล้ว พี่อินทร์ก็ขี้แกล้งจัง น้องจิก็ไทป์น้องมาก อุตส่าห์ฮึดขึ้นมาแล้ว เสียท่าเพราะต้องมาขอยืมตังค์ยี่สิบบาท 555

ถ้าชอบก็ฝากกำลังใจให้กันด้วยนะคะ หรือไปหวัดกันที่แท็ก #จรกาคนงาม เน้อ

พรุ่งนี้เจอกันตอนใหม่จ้า

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 02★ น้องจรกา[27.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: xexezero ที่ 27-04-2018 20:26:56
สงสัยพี่อินทร์คงรอให้กลับพร้อมกันเลย//มโนค่ะ555

รอตอนต่อไปนะคะ o13
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 02★ น้องจรกา[27.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Toxic ที่ 27-04-2018 21:44:47
เรื่องน่าสนใจ แล้วก็น่ารักมากๆเลยค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 02★ น้องจรกา[27.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 27-04-2018 22:11:04
ไทป์น้องจริงๆด้วยยยยย ฮือออ
น่าย้ากกกกกก
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 02★ น้องจรกา[27.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-04-2018 04:03:08
หรือจริง ๆ อีตาพี่อินทร์จะไปส่งน้องจิหลังเลิกซ้อมกันนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 02★ น้องจรกา[27.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-04-2018 09:41:52
อินทร์ชอบกระรอกจิ แล้ว   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 02★ น้องจรกา[27.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 28-04-2018 10:02:19
พี่อินทร์อย่าแกล้งน้องงงงง
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 02★ น้องจรกา[27.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 28-04-2018 10:14:18
น้องจิน่ารักมาก พี่อินทร์ก็กวนสุดๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 02★ น้องจรกา[27.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 28-04-2018 10:31:23
อินทร์มีความกวนประสาทมาก
เนื้อเรื่องน่ารัก
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 02★ น้องจรกา[27.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 28-04-2018 10:57:54
อร้ายยยย ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 02★ น้องจรกา[27.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 28-04-2018 12:30:57
น้องจิน่ารักน่าแกล้งจริงๆ อิพีอินทร์ก็กวนเหลือเกิน
รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 02★ น้องจรกา[27.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-04-2018 13:44:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 02★ น้องจรกา[27.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 28-04-2018 15:37:47
โอ้ยดีงามมาก นิยายเรื่องนี้55555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 02★ น้องจรกา[27.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-04-2018 18:37:08
น่ารัก  ชอบจิอ่า
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 02★ น้องจรกา[27.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 28-04-2018 20:31:10
 :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 02★ น้องจรกา[27.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 28-04-2018 20:37:27
Chapter 3: ไม้กันหมา

รอจนแทบหลับกว่าที่พี่อินทร์จะซ้อมบ้าซ้อมบออะไรนั่นเสร็จ ผมมองเขาตาขวางเชียวล่ะตอนเขาเดินหน้าระรื่นเข้ามาหา

“ปะ เสร็จละ กลับได้”

ผมแสร้งเหลือบมองนาฬิกาข้อมือที่เข็มสั้นชี้เลขสิบสองแล้วก็ค้อนเขาขวับ

“คงต้องเปลี่ยนจากขอยืมยี่สิบบาทเป็นสองร้อยแล้วล่ะครับ”

พี่อินทร์แสร้งทำหน้าประหลาดใจ

“อ้าว ทำไมล่ะ”

ผมรู้นะว่าเขารู้อยู่แล้วว่าทำไม

ก็ตอนนี้มันจะไปมีรถเมล์ได้ยังไงเล่า! ไอ้บ้าเอ๊ย! หลอกให้นั่งรออยู่ได้ตั้งนาน ที่แท้จะให้ยืมเงินเพิ่มนี่เอง!

ผมอยากจะโวยใส่นัก แต่ก็ทำเพียงบอกเขาไปตามตรงเท่านั้น

“รถเมล์หมดเที่ยวแล้ว ผมจะขึ้นแท็กซี่กลับ ค่ารถมันร้อยกว่าบาท”

คนฟังแสร้งร้องอ๋อทันที ก่อนที่จะทำท่าเหมือนนึกอะไรหรอก

“แต่เอ... ถ้าจะขึ้นแท็กซี่ มันต้องเดินออกไปขึ้นที่หน้า ม.นะ ไม่มีรถเข้ามาแล้ว”

เรื่องนั้นผมก็รู้อยู่หรอก แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ มีทางเลือกอื่นเสียที่ไหน

“จะเดินเหรอเรา จากตรงนี้ไปหน้า ม.มันไกลน้า”

พี่อินทร์แสร้งว่ามาอีก ผมตอบกระฟัดกระเฟียดกลับไปทันที

“แล้วมันเพราะใครล่ะครับ รีบเอาตังค์มาเร็วๆ เข้า รอจนยุงกันเต็มตัวไปหมดแล้วเนี่ย” จากนั้นก็อดพึมพำไม่ได้ “ถ้ารู้ว่าต้องรอนานขนาดนี้นะ เดินกลับเอง ป่านนี้ถึงไปนานแล้ว”

ทำเป็นพูดประชดแดกดันไปอย่างนั้นแหละ เอาเข้าจริงผมก็ไม่เดินหรอก ถนนมันไม่เอื้อต่อการเดินกลับหอที่อยู่ไกลขนาดนั้นเสียหน่อย

แต่พี่อินทร์ก็ไม่ได้สนใจที่ผมประชดเลยแม้แต่น้อย คว้าแขนผมที่มีรอยยุงกัดแดงๆ ไปจับหน้าตาเฉย

“หูย โดนกัดเต็มตัวเลยจริงด้วย เอายาหม่องไหม เดี๋ยวพี่ไปเอาให้”

กูไม่อยากได้หรอกยามงยาหม่องเนี่ย! เอาตังค์มายืมเร็วเข้า!

ผมส่ายหัวพรืด อยากจะบอกเหลือเกินว่าอยากกลับหอเต็มแก่แล้ว ทว่าพี่อินทร์ก็ดันแทรกขึ้นมาก่อน

“แต่ยาหม่องอยู่ที่รถพี่นะ จอดอยู่ตรงโน้น”

ผมมองตามปากยื่นๆ ของพี่อินทร์แล้วก็ได้แต่ย่นคิ้ว รู้สึกเหมือนคนตรงหน้าวางแผนอะไรบางอย่าง แต่กว่าจะคิดออก พี่อินทร์ก็ยิ้มร่าแล้วเรียบร้อย

“พอไปเอายาหม่องแล้ว พี่ก็ขับรถไปส่งที่หอเลยแล้วกันเนอะ ดึกแล้ว กลับคนเดียวมันอันตราย”

นั่นปะไร กูว่าแล้ววว! มิน่าล่ะ ทำไมถึงได้หลอกให้ผมนั่งรอ ที่แท้ก็ล่อให้ติดกับนี่เอง ไอ้อิเหนา! ไอ้จอมเจ้าเล่ห์!

ไม่รู้หรอกว่าอยากจะไปส่งผมที่หอทำไม แต่จิตใต้สำนึกของผมบอกเลยว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ผมเลยรีบปฏิเสธทันควัน

“ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ เอาตังค์มาแล้วกลับเองดีกว่า”

แบมือออกไปขอเงินเลย ทว่าพี่อินทร์กลับปฏิเสธ

“บอกแล้วว่าเดี๋ยวไปส่ง”

“แต่ผม...”

“ไม่ไปก็ตามใจนะ คืนนี้ก็นอนที่นี่แล้วกันเนอะ”

“ก็ผมจะขอยืมตังค์...”

“ไม่ให้”

พูดจบก็ลอยหน้าลอยตาให้ผมได้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

มึงมันกวนตีนไอ้อิเหนา!

ผมหมดคำพูดทันที จะมีก็แต่พี่อินทร์นี่แหละที่ยังคงพล่ามไม่เลิก

“ตกลงจะกลับไม่กลับ ง่วงแล้วเนี่ย ฮ้าว~” แสร้งทำเป็นหาวด้วย

ไม่มีทางเลือกแล้วสินะพับผ่า ให้ไปส่งก็ได้วะ

“โอเคครับ ไปส่งก็ไปส่ง”...แต่หน้าปากซอยพอนะ

ประโยคหลังไม่บอกหรอก ขืนบอกไป มีหวังคงได้ยืนเถียงกันยาวอยู่ตรงนี้แน่ๆ ผมรู้สึกว่าถ้าผมมีข้อต่อรอง เขาคงจะไม่ยอมขยับเขยื้อนจากตรงนี้ ตอนนี้รีบๆ ไปจากที่นี่จะดีกว่า พรุ่งนี้มีเรียนเช้าด้วย เดี๋ยวตื่นไม่ไหวกันพอดี

“งั้นก็กลับกันเลย”

พอตกลงง่ายๆ อย่างนี้ ความง่วงงุนของพี่อินทร์ก็อันตรธานหายไป เหลือแต่รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าหล่อนั่น ก่อนที่ผมจะเดินตามเขาซึ่งเดินไปยังลานจอดรถที่อยู่ไม่ไกล

ยืมตังค์อิเหนาไม่พอ ยังให้อิเหนาขับรถไปส่งที่หออีก เอน็จอนาถอะไรแบบนี้นะ...

 

ตอนแรกที่กะว่าจะให้ไปส่งแค่ที่หน้าปากซอยพอ แต่พอผมขอลงทั้งที่ยังไม่ถึงหน้าหอ พี่อินทร์ก็ไม่ยอมให้ลง จากนั้นก็เกิดสงครามน้ำลายกันเพราะผมดึงดันจะลงให้ได้ เสียเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็พบว่าผมพ่ายแพ้ให้แก่อิเหนาอย่างราบคาบ เพราะความง่วงและความเหนื่อย ไปๆ มาๆ เลยกลายเป็นว่าถูกอิเหนามาส่งถึงหน้าห้องอีกด้วย

เดี๋ยวกูจะย้ายหอ!

ถูกอิเหนารู้ที่อยู่แล้ว ต้องรีบย้ายหอหนี รอมีเงินก่อนเถอะ ย้ายแน่ๆ เพราะถ้าเกิดมีเรื่องอะไรขึ้นมา หรือผมได้ครองรักกับบุษบาในชาตินี้ มีหวังพี่อินทร์ได้ตามมาเผาห้องเหมือนกับที่เผาโรมโหรสพในวันแต่งงานของผมแล้วลักพาตัวพี่บุศย์ไปแน่ๆ

เรื่องนั้นผมยอมไม่ได้!

เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วไม่ทนคือจารกาคนนี้ ชาตินี้ผมจะไม่มีวันให้ใครมาแย่งพี่บุศย์ไปจากอ้อมอกผมอีกเป็นอันขาด!

หมายมั่นปั้นมือไว้เป็นอย่างดี แต่พอเช้าวันใหม่ก็เกิดสำนึกในบุญคุณอิเหนาที่อุตส่าห์ขับรถมาส่งที่หอเสียอย่างนั้น ถึงจะไม่ชอบหน้าอะไรสักเท่าไร ทว่าผมก็ไม่ใช่คนที่จะลืมบุญคุณใครง่ายๆ

อย่างน้อยก็ไปขอบคุณหน่อยก็แล้วกัน...

คิดได้ดังนั้น พอพักเที่ยง ผมก็รีบส่งข้อความหาพี่บุศย์ทันที โดยมีเนื้อความว่า...ขอเบอร์โทรของพี่อินทร์

พี่บุศย์ค่อนข้างแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ ก็ไปขอเบอร์ของรูมเมตเขา พอผมเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวาน เขาก็เข้าใจ ยอมให้เบอร์มาแต่โดยดี และที่ผมขอเบอร์ไปก็ไม่ใช่อะไร จะเลี้ยงข้าวนั่นแหละ

ส่วนกระเป๋าตังค์ผมที่หายไปเมื่อวานน่ะเหรอ? เออ ไม่ได้หายหรอก ไปค้นเจอเมื่อเช้าจากในแฟ้มชีทเรียน ดันลืมไปว่าไม่ได้พกใส่กระเป๋ากางเกงเพราะกางเกงที่สวมมาเมื่อวานนั้นมันกระเป๋าตื้น

ไอ้บ้าจิระเอ๊ย ไม่ดูให้ดีๆ จนต้องบากหน้าไปขอยืมเงิน เสียหน้าเลยเห็นไหมเนี่ย!

แต่ในเมื่อพี่อินทร์อุตส่าห์ไปส่งผม และผมก็ไม่ใช่คนเนรคุณใครได้ง่ายๆ มีแค้นก็ต้องชำระ มีบุญคุณก็ต้องตอบแทน ดังนั้นพอได้เบอร์โทรของพี่อินทร์มา ผมก็โทรหาเขาทันที รออยู่อึดใจหนึ่ง ปลายสายก็มีเสียงตอบรับ ผมกรอกเสียงลงไปทันที

“พี่อินทร์ครับ นี่ผมเองนะ...จิระ”

[จิระ?]

“จิ น้องรหัสพี่บุศย์น่ะครับ”

อีกฝ่ายส่งเสียงร้องอ๋อมาให้ได้ยินเล็กน้อยก่อนตามมาด้วยคำถาม

[มีอะไรเหรอ โทรหาพี่แบบนี้...คิดถึง?]

แหม... น่าคิดถึงตายล่ะมึง ทำไมหลงตัวเองได้ขนาดนี้วะ

“เปล่าครับ ผมแค่จะโทรมาขอบคุณเรื่องเมื่อวานน่ะ”

ผมเลยรีบแก้คำพูดไป ฝ่ายนั้นร้องอ๋อมาให้ได้ยินอีกครั้ง ก่อนที่จะพูดประโยคที่ทำให้ผมต้องย่นคิ้วยู่

[ถ้าอยากจะขอบคุณพี่จริงๆ นะ มาบอกกันต่อหน้าดีกว่า]

แม่ง...ได้คืบจะเอาศอก โทรมาขอบคุณก็ดีนักหนาแล้วเว้ย!

ทว่า...

“แล้วพี่อินทร์อยู่ไหนเหรอครับ”

...กลับตอบไปแบบนี้

เอาวะ ไปขอบคุณต่อหน้าก็ได้ จะได้จบๆ ไป ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก

[พี่อยู่ที่โรงอาหารคณะวิทยาฯ มาหาหน่อยสิ]

“อ้าว พี่อินทร์ไม่ได้เรียนสินกำเหรอครับ”

[เรียนสินกำนั่นแหละ]

“แล้วทำไม...”

[วันนี้ย้ายที่กินข้าวเที่ยง]

ผมถามยังไม่ทันจะจบประโยคดีเลย พี่อินทร์ก็ตอบกลับมาแล้ว ผมออกจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกันนะว่าทำไมถึงต้องถ่อไปกินข้าวที่นั่น เพราะคณะวิทยาศาสตร์กับคณะศิลปกรรมศาสตร์นี่ ตึกมันห่างกันคนละฟากฝั่งของมหาวิทยาลัยเลยนะ แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรให้มันยุ่งยากหรอก ได้แต่รับปากไป เรื่องจะได้จบๆ สักที

“ได้ครับ ไว้เจอกันนะ”

วางสายได้ ผมก็มุ่งหน้าไปยังที่หมายทันที โรงอาหารของคณะวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้ต่างหรือพิเศษกว่าโรงอาหารของคณะอื่นสักเท่าไรหรอก ร้านอาหารก็หน้าตาเหมือนๆ กัน จะแปลกตาไปบ้างก็แค่นักศึกษาที่ผมไม่คุ้นหน้าเท่านั้น

ผมเดินดุ่ยๆ ฝ่านักศึกษาของคณะนี้ที่พากันมองผมเป็นตาเดียว บางคนก็ชี้ชวนเพื่อนให้มองมาที่ผมด้วย จริงๆ แล้วมันก็เป็นเรื่องปกติแหละ เพราะผมก็มักจะถูกจ้องมองด้วยความสนใจแบบนี้บ่อยๆ แต่มันจะดีมากกว่าถ้าคนที่มองน่ะ...เป็นผู้หญิง และใช่...ไอ้ที่มองมาเป็นผู้ชายหมดเลยเว้ย!

ผมแสร้งทำเป็นไม่มองใคร รีบปรี่เข้ามาหาพี่อินทร์ทันทีเมื่อเห็นเขาโบกมือเรียก ก่อนจะรีบทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขา

“ว่าไง อยากเจอพี่ถึงขนาดนั้นเลยเหรอหืม?”

เห็นหน้าผมได้ก็กวนประสาททันที ผมย่นคิ้วน้อยๆ ตอบกลับเสียงขุ่นระคนรำคาญ

“ใช่ที่ไหนล่ะครับ ผมแค่จะมาขอบคุณเรื่องเมื่อวานต่างหาก ก่อนหน้านี้ก็บอกไปแล้วไง”

“ว้า~ เสียใจจัง นึกว่าคิดถึง”

“เอาเป็นว่าขอบคุณนะครับที่ไปส่งที่หอ”

แต่ไม่ขอบคุณเรื่องที่หลอกให้นั่งรอจนยุงกัดเต็มตัวหรอกนะ

“อุตส่าห์ไปส่งถึงที่หอ นึกว่าจะชวนขึ้นไปดื่มโอวัลตินบนห้อง ไม่มีน้ำใจเลยเนอะ แต่เอ๊ะ ไม่ได้สิ ถ้าเกิดชวนพี่ขึ้นห้องไปแล้วไอ้บุศย์รู้ เดี๋ยวมันจะลงโทษพี่...แบบรุนแรง”

พี่อินทร์สัพยอกมาอีก ท้ายประโยคนี่ยักคิ้วหลิ่วตาจนผมเข้าใจชัดแจ้งแดงแจ๋เลยว่า ‘ทำโทษ’ ที่ว่ามันหมายถึงอะไร

ก็จะหมายถึงอะไรล่ะ หื่นกามเมียเยอะอย่างไอ้อิเหนาก็ต้องหมายถึงเรื่องบนเตียงอยู่แล้ว!

 ผมอยากจะแสร้งทำหูทวนลมอยู่หรอกนะ แต่มันก็อดหงุดหงิดไม่ได้เลย จนต้องถามออกไปเสียงขุ่น

“ถามจริงๆ เถอะพี่อินทร์ ทำไมถึงชอบแกล้งผมนัก”

“หืม? แกล้งอะไร” คนถูกถามทำเป็นไม่เข้าใจ

“ก็แกล้งพูดว่าตัวเองเป็นเมียพี่บุศย์อะไรแบบนี้อะ ทำไมจะต้องทำตัวเป็นไม้กันหมาด้วย คิดว่าผมชอบพี่บุศย์เหรอ”

พอถามไปแบบนี้ พี่อินทร์ก็นิ่งแล้วพยักหน้า

“ใช่ พี่คิดว่าเราชอบไอ้บุศย์”

ก็จริงนั่นแหละ ผมชอบพี่บุศย์...ไม่สิ รักเลยดีกว่า รักมาตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว ทว่าผมไม่พูดออกไป นอกจากจะถามไปตามตรงอีกครั้ง

“สรุปแล้วที่พี่อินทร์แกล้งผมเป็นเพราะคิดว่าผมชอบพี่บุศย์ เลยทำตัวเป็นไม้กันหมา อ้างตัวเองว่าเป็นเมียพี่บุศย์ว่างั้น?”

ดูท่าทางผมจะเดามาถูกทางแล้ว ถึงพี่อินทร์จะไม่ตอบ ทำเป็นชี้โบ๊ชี้เบ๊ไม่หือไม่อือไปเรื่อย แต่ผมก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดอ่านท่าทางเขาไม่ออก

“ทำไมถึงต้องทำตัวเป็นไม้กันหมาด้วยล่ะ”

เห็นเขาไม่พูดสักที ผมเลยเป็นฝ่ายทำลายความเงียบออกมา พี่อินทร์เอียงคอมองหน้าผม ตอนนี้สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าปรับเข้าสู่โหมดจริงจังแล้ว

“ก็เห็นติดไอ้บุศย์หนึบเลย จะไม่ให้คิดว่าชอบมันได้ยังไง”

“ก็เลยทำตัวเป็นไม้กันหมาว่างั้น?”

ผมส่งเสียงขึ้นจมูก พี่อินทร์ก็เชิดหน้าขึ้น

“มันก็ช่วยไม่ได้ พี่ต้องปกป้องเพื่อนตัวเองไว้ก่อน ถ้าเกิดว่าเรามาเป็นแบบสตอล์กเกอร์เหมือนไอ้เวรนั่นขึ้นมา ไอ้บุศย์มันจะปวดหัวเอา”

พูดมาอย่างนี้ ผมก็พอจะเข้าใจเหตุผลของเขา แต่เดี๋ยวนะ...สตอล์กเกอร์เหมือนไอ้เวรนั่น แสดงว่ามีคนอื่นนอกจากผมชอบพี่บุศย์เหมือนกันเหรอ?

ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าลางสังหรณ์ไม่ดีแปลกๆ ขึ้นมา แต่ก็พยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่าคงจะไม่มีอะไร ทว่าพี่อินทร์ก็ดันเหลือบเห็นใครบางคน พลันพยักพเยิดให้ผมหันไปมอง

“นั่นไง ไอ้เวรนั่นนี่แหละที่ตามสตอล์กเกอร์ไอ้บุศย์”

ผมหันไปมอง ก่อนสายตาจะปะทะเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง รูปร่างท่าทางภายนอกก็ดูเป็นผู้ชายปกติดี หน้าตาก็ดีนะ รูปร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำแดดดูสุขภาพดี ดูร่าเริงดีด้วย สังเกตจากการที่เขาพูดคุยกับเพื่อนที่เดินมาด้วยกัน แต่ทว่า...เขากลับทำให้ผมตกตะลึงจนต้องหันไปหาพี่อินทร์อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“พี่อินทร์หมายถึง...คนที่สะพายกระเป๋าสีดำคนนั้นเหรอ”

พี่อินทร์พยักหน้า เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“เออ ไอ้บ้านั่นน่ะแหละ เห็นหน้ามันแล้วของขึ้น ล่าสุดเพิ่งดักรอไอ้บุศย์ที่หน้าหอเมื่อไม่กี่วัน โดนพี่ไล่ตะเพิดไปเนี่ย ตามมาแม่งตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว”

เท่านั้นผมก็ใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที ก็เมื่อกี้ที่ผมมองไปน่ะ จู่ๆ ก็มีแสงสีทองสว่างวาบประกายออกมาจากร่างของเขา ฉับพลันก็มีใบหน้าของใครบางคนที่ผมคุ้นดีปรากฏออกมาให้เห็น

คนคนนั้น...

...วิหยาสะกำ!

มือไม้สั่น ปากก็สั่น ผมทำอะไรไม่ถูก คำถามมากมายตีกันวุ่นในหัวเต็มไปหมด ขณะที่พี่อินทร์ยังคงพูดต่อ

“ไม่รู้แม่งเป็นบ้าอะไร ตามตื๊อไอ้บุศย์ไม่เลิก มันก็ปวดหัวจะแย่ที่มีผู้ชายมาตามติดเป็นตังเมเนี่ย ถึงได้ขอให้พี่ช่วยสอดส่องดูแลให้ ไม่รู้เป็นบ้าอะไรของมัน ทำตัวเหมือนพวกโรคจิต”

ผมเม้มริมฝีปาก พลันความทรงจำในอดีตชาติก็ผุดพรายขึ้นมา

เมื่อครั้งที่ผมยังเป็นจรกา ตอนที่ไปทูลขอนางบุษบาจากท้าวดาหาซึ่งเป็นบิดาเพราะอิเหนาได้ถอนหมั้นไป องค์ปะตาระกาหลา เทวดาต้นวงศ์เทวาของอิเหนาทรงกริ้วอิเหนามาก จึงบันดาลให้วิหยาสะกำ โอรสของท้าวกะหมังกุหนิงหลงใหลในรูปโฉมของนางบุษบาทันทีที่ได้เห็นภาพวาดของนางที่เก็บได้ในป่า ซึ่ง...ภาพวาดนั้นก็เป็นผมเองนั่นแหละที่สั่งให้ช่างเขียนไปวาดรูปมาให้ แต่เจ้าช่างเขียนเซ่อซ่าคนนั้นดันทำรูปตกอยู่ในป่าเสียอย่างนั้น

ดังนั้นวิหยาสะกำเลยอ้อนพ่อให้ไปทูลขอบุษบาจากท้าวดาหา พอไม่ได้เพราะบุษบาหมั้นหมายกับผมแล้ว ก็พากันยกทัพมาหมายจะแย่งชิง ผมซึ่งขณะนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็กๆ จะไปสู้อะไรได้ เลยต้องเดือดร้อนว่าที่พ่อตาให้ไปขอความช่วยเหลือจากสหายทั้งสี่แคว้นมา อิเหนามาช่วยรบในฐานะแม่ทัพใหญ่แห่งเมืองกุเรปัน จนสุดท้าย...วิหยาสะกำก็ถูกสังหารโดยทวนของสังคามาระตา น้องชายบุญธรรมของอิเหนา

นั่นแหละ...ที่มาที่ทำให้ผมหันไปเห็นแล้วขนหัวลุกซู่ล่ะ

ทั้งกลัวเพราะในอดีตชาติถูกข่มขู่ด้วยทัพศึก ทั้งเกรงเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองเป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้วิหยาสะกำถูกฆ่าตาย แต่อะไรไม่ว่า ผมไม่เข้าใจเลยสักนิด...

ทำไมสวรรค์ถึงจะต้องให้ไอ้พวกนี้มาเกิดใหม่แล้ววนเวียนอยู่ใกล้ๆ ตัวผมด้วย!

พอจะเข้าใจเรื่องหลักการของกงเกวียนกำเกวียนอยู่ว่าผู้ที่มีความผูกพันทั้งรักและแค้นแต่ชาติปางก่อน หากละทิ้งความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้ก็จะวนเวียนมาบรรจบกันในชาติใหม่ แต่ประเด็นก็คือ...พวกมึงไม่ต้องมาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับกูก็ได้!

ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ พยายามบอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไร ก่อนที่ความสนใจจะถูกดึงไปเมื่อจู่ๆ พี่อินทร์ก็พูดขึ้น

“เสียดาย หน้าตาก็ดี ไม่น่าเป็นพวกโรคจิตเลย”

เท่านั้นความทรงจำอีกอย่างก็ผุดพรายขึ้นมาในภวังค์ของผมฉับพลัน

 

ตรัสพลางย่างเยื้องยุรยาตร                          องอาจดังไกรสรสีห์

สองระตูตามสเด็จจรลี                          ไปที่วิหยาสะกำตาย

มาเห็นศพทอดทิ้งกลิ้งอยู่                      พระพินิจพิศดูแล้วใจหาย

หนุ่มน้อยโสภาน่าเสียดาย                    ควรจะนับว่าชายโฉมยง

ทนต์แดงดั่งแสงทับทิม                           เพริศพริ้มเพรารับกับขนง

                เกศาปลายงอนงามทรง                  เอวองค์สารพัดไม่ขัดตา

            กระนี้หรือบิดามิพิศวาส                  จนพินาศด้วยโอรสา

            แม้นว่าระตูจรกา                           งามเหมือนวิหยาสะกำนี้

            จะมิได้ร้อนรนด้วยปนศักดิ์               น่ารักรูปทรงส่งศรี

            ตรัสแล้วลีลาขึ้นพาที                      กลับไปยังที่พลับพลาพลัน

 

ใช่แล้ว อิเหนาชมโฉมศพวิหยาสะกำ พร่ำเพ้อพรรณนาประมาณว่าวิหยาสะกำมีรูปโฉมงดงาม เป็นหนุ่มน้อย ปากแดง จมูกหน่อย คิ้วคมเข้ม เส้นผมหยักศกเป็นทรงสวย เอวบางอ้อนแอ้นอรชรน่ารักน่าชัง เสียดายที่ต้องมาตายแบบนี้

เหอะ! ว่าเขาอย่างโน้นอย่างนี้ ถ้ารู้ว่าชาติก่อนตัวเองเคยชมเขาว่ายังไงบ้าง เดี๋ยวมีร้อง!

อะไรไม่ว่า ตอนนั้นมีเปรียบเทียบกระทบกระทั่งผมว่าถ้าน่ารักเหมือนวิหยาสะกำ ก็คงจะไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของตัวเอง

แม่ง ขนาดชมคนอื่นยังไม่วายมาแขวะผมอะ ผมเลยโคตรชังน้ำหน้าอิเหนาตั้งแต่ตอนนั้น แต่ขอโทษเถอะ วิหยาสะกำที่มาเกิดใหม่ในชาตินี้ไม่ได้เอวบางร่างน้อยเหมือนชาติก่อนแล้ว ตัวสูงบึกบึนเหมือนพวกนักกีฬาเลยด้วยซ้ำ ทว่าก็ต้องยอมรับแหละว่าหน้าตาดี ไม่อย่างนั้นพี่อินทร์จะโพล่งออกมาทำไม

“อย่าบอกนะครับว่าที่พี่อินทร์มานั่งกินข้าวที่นี่เพราะจะมาส่องดูวิหยา... เอ่อ...ผู้ชายคนนั้น?”

เกือบจะหลุดพูดชื่อในชาติก่อนออกไปแล้ว ดีที่พี่อินทร์ไม่ได้สนใจ นอกจากจะพยักหน้า

“ใช่ มาดูว่าช่วงนี้มันคิดจะทำอะไรแปลกๆ กับไอ้บุศย์หรือเปล่า”

“แล้วเขาดูเหมือนมีแผนอะไรไหมล่ะครับ”

“ก็ไม่มีนะ ปกติดี”

พี่อินทร์ว่าด้วยท่าทางสบายๆ ผมก็ไม่เข้าใจหรอกว่าไอ้ที่ว่าปกติมันหมายถึงยังไง แล้วตอนที่ไม่ปกติมันเป็นยังไง แต่ก็ไม่คิดจะถามเมื่อเห็นว่าพี่อินทร์คว้าแก้วน้ำที่แทบจะเหลือแต่น้ำแข็งมาดูด ก่อนจะว่าเร็วๆ

“เดี๋ยวพี่ต้องไปละ นัดเพื่อนไว้ อย่าลืมกินข้าว”

จู่ๆ ก็ลุกพรวดไปเลย ทิ้งให้ผมนั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียวอย่างงงๆ

เอาเถอะ ถือเสียว่าภารกิจวันนี้จบสิ้นแล้ว ขอบคุณไปแล้วก็จบกัน ต่อจากนี้ผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวหรือสนใจอะไรเขาอีกแล้ว เพราะต่อไปนี้น่ะ...จะมีแต่จรกากับบุษบาเท่านั้น!

ผมเก็บท้องไว้ ตั้งใจจะหิ้วกลับไปกินที่โรงอาหารของคณะกับพี่บุศย์ แต่ทว่าตอนลุกขึ้นจากเก้าอี้ จะเดินกลับออกไปนอกโรงอาหาร สายตาก็ดันเห็นวิหยาสะกำกับเพื่อนๆ ยืนกันอยู่ตรงหน้าทางเข้านั้น

ผมกลืนน้ำลายลงคอเอื้อก ใจสั่นขึ้นมาอีกครั้ง

ความรู้สึกนี้มัน...

...กลัว

ยอมรับตามตรงเลยว่าวิหยาสะกำคืออีกคนหนึ่งที่ผมกลัวรองลงมาจากอิเหนา ทั้งกลัวว่าเขาจะมาแย่งพี่บุศย์ในชาตินี้กับผม แล้วก็กลัวว่าเขาจะมาแก้แค้นที่ผมเป็นต้นเหตุทำเขาถูกฆ่าตาย

แต่...คงจะจำผมไม่ได้หรอกมั้ง ก็มีเพียงแค่ผมเท่านั้นที่จำอดีตชาติได้นี่

จะยังไงก็แล้วแต่ ผมไม่อยู่ที่นี่นานให้ตัวเองเสียสุขภาพจิตหรอก รีบก้มหน้าก้มตาก้าวเดินผ่านหน้าไปให้จบๆ จะดีกว่า

คิดได้เท่านั้นก็จ้ำพรวดๆ ไปทันที ทว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะพอผมเดินผ่านหน้าของศัตรูในอดีตชาติไปปุ๊บ จู่ๆ เสียงพูดคุยกับเพื่อนของวิหยาสะกำก็เงียบลง มีเพียงเสียงของเพื่อนเขาที่ดังขึ้น

“มีอะไรวะไอ้วิญ”

“นั่น...”

นั่นอะไรก็ไม่รู้ ผมรีบก้าวยาวกว่าเดิมแล้ว แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อร่างใหญ่ของใครบางคนมาดักหน้าไว้ พอผมหยุดฝีเท้า เงยหน้าขึ้นมามองก็ต้องเหงื่อกาฬแตกซิกไปทั่วทุกซอกหลืบเมื่อเห็นว่าตรงหน้าผมน่ะคือ...

วะ...วิหยาสะกำ

ผมเลิ่กลั่กขึ้นมาทันที ขณะที่มันมองหน้าผมด้วยสายตาที่ยากจะอ่าน ดูโกรธแต่ก็ไม่แน่ใจนัก ดูเหมือนสนใจแต่ก็ไม่เชิงสักเท่าไร ผมเลยตัดสินใจรีบโพล่งออกไปเพื่อเอาตัวรอดก่อน ไอ้นี่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่น่าไว้ใจพอๆ กับอิเหนาเช่นกัน

“ขะ...ขอทางด้วยครับ ผมรีบไป”

ผมว่าเร็วๆ จนลิ้นแทบพันกัน แต่วิหยาสะกำก็ไม่หลีกทางให้ ยืนแข็งทื่อเป็นหิน ผมเลยเบี่ยงตัวหมายจะหลบแทน ทว่าเขาก็เอ่ยขึ้นมาก่อน

“โคตร...”

ผมนิ่งงัน มองหน้าอีกฝ่ายด้วยใจเต้นระทึก ก่อนคำพูดหลังจากนั้นจะดังออกมา

“...น่ารักเลย”

เอ๋?

งุนงงไปชั่วขณะ เหมือนจะได้ยินอะไรผิดไปอยู่นิดๆ

เมื่อกี้วิหยาสะกำพูดว่า...

“ชื่ออะไรเหรอครับ”

เอาล่ะ คราวนี้ชัดเจน ไม่ได้ฟังผิดไปอย่างแน่นอนเมื่อเขารัวคำพูดออกมาเร็วๆ ยิ้มกว้างโปรยเสน่ห์ใส่ผมสุดชีวิต

“หรือถ้าไม่อยากบอกตอนนี้ แลกไลน์กันไว้ก็ได้นะ ไว้ค่อยไปบอกเราในไลน์ก็ได้”

ไม่พูดเปล่า คว้าโทรศัพท์ขึ้นมารอแลกไลน์กับผมแล้วเรียบร้อย ขณะที่ผมยังคงมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตาอยู่

ดะ...เดี๋ยวนะ

วิหยาสะกำจะมาจีบจรกาด้วยการหลอกขอไลน์ไม่ได้นะโว้ย!

-----------------------------

ชาติก่อนคนชัง ชาตินี้คนชอบ วิหยาสะกำยังหลงหนูเลยนว้องงงจิ #ทำเสียงสอง

ฝากกำลังใจหรือแวะไปหวีดกันที่ทวิตเตอร์ แท็ก #จรกาคนงาม ได้นะคะ

พรุ่งนี้เจอกันตอนใหม่เต็มๆ ตอนจ้า

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 03★ ไม้กันหมา[28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-04-2018 21:31:54
จากเคยเกลียด
กลายเป็นชอบซะงั้น
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 03★ ไม้กันหมา[28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 28-04-2018 22:17:46
อิเหนาจอมวางแผน ตอนนี้รู้ที่อยู่รู้เบอร์โทรศัพท์น้องจรกาแล้ว
สงสัยว่าที่เรียกน้องมาหา จะเป็นแผนให้เจอกับวิหยาสะกำหรือเปล่า
 ตัวละครยังออกมาไม่ครบ รอตัวอื่นๆต่อไป
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 03★ ไม้กันหมา[28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: xexezero ที่ 28-04-2018 22:30:03
ชอบความอินจัดในบทบาทของพี่อิเหนา เอาล่ะสิน้องจรกาโดนรู้ที่อยู่แล้ว :-[
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 03★ ไม้กันหมา[28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 28-04-2018 22:35:57
ชาติก่อนน้องจิโดนศัตรูชังมาชาติศัตรูเก่ามาลุมรักชะงัน
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 03★ ไม้กันหมา[28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 28-04-2018 22:36:31
ฮอตจริงๆเลยน๊าหนูจิ

 :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 03★ ไม้กันหมา[28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Toxic ที่ 28-04-2018 22:45:31
อินทร์ทำอะไรก็ดูจะมีแผนตลอดเวลา :ruready ดูเจ้าเล่ห์
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 03★ ไม้กันหมา[28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 28-04-2018 22:49:29
สวรรค์คงไม่ได้คาดคิดว่าใครๆจะรักจรกาแน่ๆ5555555525
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 03★ ไม้กันหมา[28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-04-2018 23:01:07
 o13 o13
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 03★ ไม้กันหมา[28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 28-04-2018 23:11:44
จรกาคนเนื้อหอม
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 03★ ไม้กันหมา[28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 29-04-2018 01:20:19
บุษบาคนงามก็ยังแพ้จรกา aka น้องจิ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 03★ ไม้กันหมา[28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 29-04-2018 01:21:43
พี่อินทร์ต้องมาเป็นไม้กันหมาให้น้องจิแทนแล้วล้ะม้างงงงง
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 03★ ไม้กันหมา[28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-04-2018 01:59:51
เวรแล้ว หนูจิ ถ้าเจ้าวิหยาฯ เลิกหลงเจ้บุษ มาหลงหนูจิแทน  สงสัยเจ้าอินทร์จะตัวติดหนูจิแทนเจ้บุษแล้วละมั่ง  o18
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 03★ ไม้กันหมา[28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-04-2018 02:44:29
จรกาคนงาน
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 03★ ไม้กันหมา[28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 29-04-2018 05:07:16
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 03★ ไม้กันหมา[28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: R.michi ที่ 29-04-2018 05:53:42
ง่ะ น้องจิน่ารัก
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 03★ ไม้กันหมา[28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 29-04-2018 08:22:43
น้องจิของทุกคน
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 03★ ไม้กันหมา[28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 29-04-2018 13:43:26
กลายเป็นหนุ่มฮอตเฉยเลยค่ะ จรกา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 03★ ไม้กันหมา[28.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 29-04-2018 19:29:50
 

Chapter 04: เมียอิเหนา

เรื่องที่จู่ๆ ก็ถูกวิหยาสะกำขอไลน์นั่น แน่นอนว่าทำให้ผมอึ้งงันทำอะไรไม่ถูกไปเหมือนกัน แต่เรื่องที่ทำให้อึ้งมากกว่าก็คือหลังจากที่ผมเอาตัวรอดด้วยการชิงวิ่งหนีในวันนั้นแล้ว ไม่กี่วันให้หลัง ผมก็ได้พบเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อนเลยในชีวิต

“ช่วงนี้มึงยังเห็นไอ้เวรนั่นมาตามดูอยู่อีกไหม”

พี่อินทร์ถามขณะที่พวกเรากำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆ หน้ามหาวิทยาลัย วันนี้ผมมากินข้าวกับพวกเขาด้วยเพราะพี่บุศย์ตั้งใจจะเลี้ยงต้อนรับในฐานะน้องรหัส ไม่สิ ต้องบอกว่าผมตั้งใจมากินกับพี่บุศย์แค่สองคนต่างหาก ส่วนพี่อินทร์น่ะกาฝาก ไม่รู้โผล่มาจากไหน พอผมกับพี่บุศย์เข้ามาในร้านปุ๊บ ไม่กี่อึดใจหลังจากนั้นก็โผล่มาปั๊บอย่างกับว่าถูกนัดไว้

ซึ่ง...จริงๆ ก็นัดแหละ แต่เป็นพี่บุศย์นัดให้มาเอากุญแจห้อง เลยกลายเป็นว่าความฝันที่จะได้กินมื้อกลางวันกับพี่บุศย์สองต่อสองของผมเป็นอันพังพินาศ

ไอ้อิเหนา...ไอ้มารคอหอย!

แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับเรื่องที่กำลังพูดคุยกันอยู่ในตอนนี้แล้ว พอพี่อินทร์ถามจบปุ๊บ คนถูกถามก็ทำหน้าคิด

“เอ...ช่วงนี้ไม่เห็นเลยนะ”

“สองสามวันมานี้ไม่ได้ไปดักรอที่หน้าตึกคณะ?”

“อืม ไม่มี”

“ที่หน้าหอก็ไม่มี?”

“ไม่เห็นเลยแม้แต่เงา”

“น่าแปลก” ทั้งที่เป็นเรื่องที่ควรจะสบายใจ แต่พี่อินทร์กลับทำหน้าเหมือนสงสัยอะไรบางอย่างขึ้นมา “ปกติแล้วมันเกาะมึงแจเลยไม่ใช่หรือไงวะ”

พี่บุศย์พยักหน้าเห็นด้วย ดูท่าทางจะสงสัยเหมือนกัน ผมก็พอจะเดาได้ว่าผู้ชายคนนั้นตามติดพี่บุศย์ขนาดไหน ถึงขั้นออกปากให้พี่อินทร์มาคอยเป็นไม้กันหมาให้ แบบนี้มันไม่ธรรมดาแล้ว แล้วก็ไม่แปลกเลยถ้าสองคนนี้จะ เพราะที่จู่ๆ ไอ้เวรที่ตามพี่บุศย์เป็นสัมภเวสีมาเป็นปีหายหัวไปน่ะ ตั้งแต่ที่เจอผมวันนั้น...ตอนนี้มันมาตามเกาะติดผมแล้วนี่ไงโว้ย!

ผมนึกถึงหน้าคร้ามคมของผู้ชายตัวใหญ่เหมือนหมีขึ้นมาแล้วก็ขนลุกซู่ ผมกลัววิหยาสะกำมาตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว ถึงแม้ในชาตินั้นจะมีเอวบางร่างน้อย ผมก็กลัวเพราะความบ้าดีเดือดของมัน ยิ่งมาเจอกันในชาตินี้ในขนาดตัวที่ไม่ต่างอะไรจากหมีกริซลีย์ มีเหรอที่ผมจะไม่กลัวมากกว่าเดิมน่ะ

คิดแล้วก็หน้าซีดเผือด ผมยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้เลยว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นตามมาเจอผมได้ยังไง หมายถึง...รู้ทั้งชื่อ ทั้งคณะที่ผมเรียน แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว ผมว่าก็คงจะหาตัวไม่ยากสักเท่าไรว่าผมเป็นใคร ที่มหาวิทยาลัยมีการจัดอันดับคิวท์บอยอะไรนี่อยู่ ซึ่งผมก็หนีไม่พ้นที่จะมีรูป รวมถึงชั้นปีและคณะถูกเอาไปโพสต์ลงโซเชียลบ่อยๆ

เหตุนี้แหละถึงได้ถูกตามตัวเจอได้ง่ายๆ น่ะ

ครั้งแรกก็มาดักรอที่หน้าคณะ พอผมเริ่มรู้ตัว ผมก็หลบ เขาก็เลยย้ายที่ดักรอ เพิ่งเจอสดๆ ร้อนๆ เมื่อวานนี้ก็...ไปดักรอที่หน้าห้องเรียน

รู้ลึกถึงขนาดว่าผมเรียนวิชาอะไร ตึกไหน วันไหนบ้างแบบนี้ กูว่ามึงเป็นสตอล์กเกอร์โดยสมบูรณ์แล้วไอ้วิหยาสะกำ!

ความกลัวของผมพุ่งพล่านยิ่งกว่าเดิมเมื่อออกจากห้องเรียนมาแล้วเจอเขายืนรออยู่ ตอนแรกผมจะชิ่งหนีแล้ว แต่ทว่าเขากลับดักหน้าไว้ก่อน พร้อมกับแนะนำตัวเสร็จสรรพ

“พี่ชื่อวิญญู ปีสอง คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา เรียกพี่วิญญูก็ได้ถ้าน้องจิสะดวก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

แล้วผมจะไปทำอะไรได้ล่ะ นอกจากมองหน้าเขาเลิ่กลั่ก ตอบรับรอยยิ้มนั้นด้วยคำพูดโง่ๆ

“ยะ...ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

เท่านั้นแหละ ไอ้วิหยาสะกำที่ชาตินี้คือวิญญูก็ตามติดผมแจแทนพี่บุศย์เป็นที่เรียบร้อย

คิดแล้วผมก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ โชคดีที่วันนี้มีเรียนบ่าย ตอนเช้าผมเลยไม่ได้เจอเขาให้อารมณ์เสียก่อน และดูเหมือนท่าทางหนักใจของผมที่เผลอแสดงออกมาจะทำให้พี่บุศย์สังเกตเห็น

“เป็นอะไรหรือเปล่าจิ เห็นถอนหายใจหลายครั้งแล้ว”

ผมเหลือบมองหน้าเขา ระบายยิ้มน้อยๆ ก่อนส่ายหน้า

“ไม่มีอะไรครับ จิแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”

“ไม่เชื่อหรอก ถ้าคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจะถอนหายใจทำไม มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกมาได้นะ พี่ยินดีช่วย”

โอ้...แม่บุษบาของพี่จรกา ชาตินี้ก็ช่างอ่อนหวานยิ่งนัก

แต่ผมไม่อยากให้เขาต้องมากังวลเรื่องผม ผมก็เลยโกหกไป

“ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ จิแค่เหนื่อยๆ น่ะ”

“ไม่สบายหรือเปล่า”

พอสิ้นเสียงก็มีมือใหญ่เอื้อมมาแตะหน้าผากผมทันควัน ผมจะดีใจมากถ้าเจ้าของมือนั้นเป็นพี่บุศย์ ไม่ใช่พี่อินทร์ที่เสล่อมาวัดอุณหภูมิร่างกายผมโดยที่ผมไม่ได้อนุญาตเนี่ย!

“ก็ปกติดีนี่หว่า”

พี่อินทร์ว่าหลังจากที่เทียบกับอุณหภูมิร่างกายตัวเองแล้ว ผมสะบัดหน้าหนี ว่าเสียงขุ่นน้อยๆ

“ไม่ได้บอกว่าไม่สบายสักหน่อยนี่ครับ”

“แน้! คนอุตส่าห์เป็นห่วง ยังจะมาทำหน้ากระรอกใส่อีก”

คราวนี้ทำเสียงสูงใส่ให้ผมเบ้ปาก

ก็ใครให้มาเสนอหน้าเป็นห่วงกันเล่า!

ไม่เถียงกับเขาหรอก ค่อนขอดในใจก็พอ ตอนนี้ผมกังวลมากกว่าว่าถ้าเข้าไปเรียนแล้ว ตอนเลิกเรียนจะเจอพี่วิญญูมาดักรอไหม

กังวล...จนเผลอแสดงสีหน้าออกมาอีกแล้ว

“จิแน่ใจนะว่าไม่มีเรื่องอะไร”

พี่บุศย์ถามอีกครั้ง สีหน้าดูเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย ผมไม่อยากให้เขาเป็นกังวลเรื่องผมเลย ผมควรจะเป็นคนปกป้องเขา คอยเป็นห่วงเป็นใยเขามากกว่า ชดเชยที่ชาติที่แล้วไม่ได้ทำในฐานะสามี

“ครับ จิแน่ใจ”

ดังนั้นจึงตอบไปแบบนี้ แต่พี่บุศย์ก็ไม่วายพูดออกมาอีก

“ถ้าจิบอกว่าไม่มีอะไร พี่ก็จะเชื่อแล้วกัน แต่อย่าลืมนะว่าถ้ามีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้ จิก็ยังมีพี่รอให้คำปรึกษาอยู่ ถ้าหาพี่ไม่เจอ ก็ปรึกษาไอ้อินทร์มันก็ได้ เดี๋ยวมันก็เอาเรื่องมาเล่าให้พี่ฟังเอง”

น่าดีใจอยู่หรอกที่เขาเป็นห่วงผม แต่ไม่น่าดีใจเลยที่ลากอิเหนาเข้ามาเอี่ยวด้วย

ไม่ต้องเอามันมาแทรกกลางระหว่างเราได้ไหมเนี่ย น้องบุษบา!

ผมมองไปยังพี่อินทร์ที่ยักคิ้วหลิ่วตาให้อย่างทะเล้นแล้วก็ได้แต่เสมองไปทางอื่น เอาเถอะ ถือเสียว่าอิเหนาในชาตินี้ก็ไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไรก็แล้วกัน

อย่างน้อยก็ดีกว่าวิหยาสะกำที่กลับมาเกิดเป็นสตอล์กเกอร์ล่ะวะ

 

หลังจากกินมื้อกลางวันเสร็จ พวกเราก็แยกย้ายไปเรียน ผมเรียนไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไร เพราะเอาแต่กังวลว่าเย็นนี้พี่วิญญูจะมาดักรออีกหรือเปล่า

คิดไป คิดมา คิดวุ่นวายไปหมด รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่อาจารย์สอนจบคลาสแล้ว ผมเก็บข้าวของ ค่อยๆ ย่องออกมาจากห้องเรียน มองซ้ายมองขวา พอเห็นว่าปลอดคนก็หายใจโล่งเป็นปลิดทิ้ง

วันนี้ไม่มาแฮะ สงสัยจะไม่ว่าง

ความดีใจพร่างพราย ไม่โผล่หัวมาแบบนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะกลับไปตามพี่บุศย์เหมือนเดิมแล้วล่ะมั้ง ก็ตามรายนั้นมาเป็นปี จู่ๆ จะเปลี่ยนใจมาเป็นผมก็ดูเร็วไปหน่อย

วิหยาสะกำคงไม่รักง่ายหน่ายเร็ว เจ้าชู้ประหนึ่งขุนแผนเหมือนอิเหนาหรอก

คิดแล้วก็เดินออกจากห้องเรียนอย่างสบายใจ ทว่าพอกำลังจะเลี้ยวลงบันได ผมก็เบรกจึ้กทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังวิ่งสวนขึ้นมานั้นคือ...

“อ้าว น้องจิ เลิกเรียนแล้วเหรอ”

อะ...ไอ้วิหยาสะกำ!

จะถอยหลังก็ไม่ได้แล้ว ผมได้แต่มองผู้ชายตรงหน้าที่มีร่องรอยเหงื่อชื้นน้อยๆ แล้วอึกอัก จะอ้างว่าอะไรได้ล่ะทีนี้

“โทษทีนะ พี่มาช้าไปหน่อย วันนี้อาจารย์ปล่อยช้า”

เรียกแทนตัวเองว่าพี่อย่างสนิทสนมอีกด้วย ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ

“คือ...จิ...”

แล้วก็พูดไม่ออก ผมเลยตัดสินใจในชั่วแวบหนึ่งนั้นเลยว่า...

...หนี!

กูต้องหนี!

ถ้าไม่อยากให้ตามก็ต้องแสดงออกให้ชัดเจนไปเลยล่ะว่ารังเกียจหรืออะไรแบบนั้น เท่านั้นผมก็รีบหันหลัง เดินขึ้นกลับไปชั้นบนอย่างรวดเร็วโดยมีพี่วิญญูวิ่งตามขึ้นมา

“เดี๋ยวสิน้องจิ จะไปไหนน่ะ”

หนีมึงไง จะตามมาทำไมเนี่ย!

เดินเร็ว จ้ำพรวดๆ จนเกือบจะเป็นวิ่งแล้ว ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังตามหลังมาราวกับว่าเข้าใจสถานการณ์แล้วว่าตอนนี้เป็นยังไง

“เดี๋ยวสิน้องจิ ขอพี่คุยด้วยก่อน”

เขาพุ่งดักหน้าผมหน้าตาเฉย ผมเชะงักขาอีกครั้ง มองใบหน้าคร้ามที่ดูเคร่งเครียดด้วยความหวั่นใจ

ให้ตายเถอะ! มันชื่อวิญญูหรือวิญญาณกันแน่วะ ตามติดเป็นสัมภเวสีเลยเนี่ย!

แต่นั่นแหละ คีพลุค...ต้องคีพลุค...

“จะ...จินึกขึ้นได้ว่าลืมของไว้ในห้องเรียน แหะๆ”

ยิ้มแห้งๆ ยิ้มโง่ๆ คำแก้ตัวก็โง้โง่ สาบานได้เลยว่าคนตรงหน้าไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดหรอก ซึ่งนั่นก็จริง เพราะนอกจากเขาจะไม่เสนอตัวช่วยเหลือเหมือนอย่างที่เคยทำ ยังเอาแต่มองผมนิ่งๆ เหมือนกับจะคาดคั้นอะไรสักอย่างจนผมกระสับกระส่าย ก่อนที่เขาจะเปล่งเสียงออกมา

“พี่ขอคุยแป๊บเดียว ไม่นานหรอก มีอะไรอยากจะถามสักหน่อย”

ผมไม่อยากคุยกับเขาเลย อย่างที่บอกว่าผมกลัว ถึงชาตินี้เขาจะจำไม่ได้ว่าผมคือใคร แต่ยังไงผมก็กลัวอยู่ดี ผมเลยรีบพูดขึ้น

“แต่เดี๋ยวป้าแม่บ้านจะมาปิดห้องเรียนแล้ว จิว่าจิรีบไปเอาของก่อนดีกว่า”

พูดเสร็จ ผมก็รีบเดินสวนเขาไป

ไม่ว่ายังไงก็ต้องรีบไปจากตรงนี้ก่อน ขืนอยู่นานกว่านี้ นักศึกษาคนอื่นๆ ลงอาคารไปหมด เหลือแต่ผมกับเขา มันจะทำให้หนียากขึ้น ตอนนี้ก็แทบจะไม่มีใครเหลืออยู่บนตึกคณะแล้วเนี่ย

แต่พอผมก้าวผ่านเขาไป ต้นแขนถูกรั้งไว้ด้วยมือใหญ่ทันที ผมหันไปทำหน้าเหวอ ในขณะที่เขาเรียกชื่อผมเสียงเรียบ

“น้องจิ”

ปล่อยกู๊!

เดาได้เลยว่าสีหน้าของผมในตอนนี้คงดูตื่นสุดชีวิต ป่านนี้ปากคงเผลอเบ้จะร้องไห้ไปแล้วด้วยมั้ง ส่วนพี่วิญญูไม่รู้สึกรู้สาเลยสักนิด ตีหน้าเศร้า ถามผมเสียงอ่อน

“ไม่อยากคุยกับพี่มากขนาดนั้นเลยเหรอ”

เออสิวะ ถ้าเกิดมึงจำได้ขึ้นมาว่ากูเป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้มึงตายหองเมื่อชาติที่แล้ว กูจะทำยังไงล่ะเว้ย!

ผมไม่พูด พี่วิญญูเลยว่าออกมาอีก

“เอาจริงๆ นะ พี่ขอถามจิคำถามเดียว ขอคำตอบจริงๆ”

“ครับ?”

“น้องจิมีใครในใจแล้วใช่ไหมถึงได้ไม่สนใจพี่เลย”

น้ำเสียงเศร้าเชียว หน้าก็เศร้า เห็นแล้วนึกถึงหมีอดข้าว อยากจะบอกเหมือนกันว่าไม่มีหรอก แต่ถ้าบอกไปอย่างนั้น มีหวังคงโดนตามไม่เลิกแน่ ผมควรจะบอกว่าใช่ ผมมีใครในใจแล้ว ซึ่งใครคนนั้นก็คือพี่บุศย์ ทว่าก็คิดขึ้นมาได้ว่าถ้าบอกไปอย่างนั้น เดี๋ยวความซวยจะไปตกอยู่กับพี่บุศย์เอา

ก็ก่อนหน้านั้น ไอ้หมอนี่ก็ตามพี่บุศย์แจอยู่นี่หว่า ผมก็ต้องปกป้องบุษบาของผมไว้ก่อนล่ะ

“คือ...”

แต่ก็ไม่รู้ว่าจะตอบว่ายังไงดี ได้แต่อึกอักจนถูกคาดคั้นมาอีก

“ว่าไงน้องจิ ตกลงมีใครในใจแล้วใช่ไหม”

“จิ...”

“ถ้าไม่มี พี่จะขอจีบนะ แล้วก็เลิกหนีพี่ได้แล้ว”

เนี่ย! กูบอกแล้วไงว่าวิหยาสะกำจะมาจีบจรกาไม่ได้!

ผมพูดไม่ออก ตอบไม่ถูกเลย ก่อนที่จู่ๆ จะรู้สึกเหมือนมีมือของใครอีกคนกระชากแขนข้างที่ว่างอยู่ของผมไป ผมลอยหวือไปกระแทกกับร่างของใครบางคน พอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นพี่อินทร์ หัวคิ้วผมก็ย่นยู่ทันควัน

ทำไมพี่อินทร์ถึงมาที่คณะได้...

ยังคิดไม่ทันจะจบดี พี่อินทร์ก็ส่งยิ้มหวานให้ผม ก่อนว่าด้วยน้ำเสียงระรื่น

“อยู่นี่เองที่รัก เค้าก็ตามหาตั้งนาน คิดถึงตัวจังเลย”

ระริกระรี้เป็นปลากระดี่ได้น้ำมาก ทำปากยื่นๆ ส่งเสียงดังจ๊วบมาให้ผมได้ยินด้วย ผมมองแล้วก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าเขากำลังช่วยผม แต่ท่าทางอินเกินเบอร์นี่ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้เลย

นี่อิเหนาหรืออิแรด ตอแล้ตอแหล

ผมก็ไม่ได้พูดอะไรหรอก ได้แต่เหวออยู่ ขณะที่พี่อินทร์ยังสะดีดสะดิ้งไม่เลิก

“แล้วนี่จะกลับรังรักของเราหรือยังจ๊ะฮันนี่ เค้าอยากจะแช่แว้บกับตัวเองแล้วนะ งื้อ~”

ขนลุกชันไปทั่วทั้งตัวเลย สาบานเลยว่าไอ้ตัวที่น่ากลัวกว่าวิหยาสะกำก็อิเหนานี่แหละ

แช่แว้บอะไรของมึ้ง!

แต่ไม่ทันไร พี่อินทร์ก็ทำเป็นเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีใครอีกคนอยู่ตรงนั้น พลันโพล่งออกมา

“แล้วคุณ...มีธุระอะไรกับแฟนผมเหรอครับ”

พี่วิญญูตีหน้าเข้มทันที เรียวคิ้วขมวดเข้าหากัน ว่าเสียงต่ำ

“คุณอีกแล้ว...”

“หืม?”

“ไหนว่าเป็นแฟนบุศย์ไม่ใช่หรือไง”

พูดมางี้ ผมก็รู้เลยว่าตอนที่พี่อินทร์เป็นไม้กันหมาให้พี่บุศย์ เขาอ้างว่าอะไร

ไม่ชอบอะ ไม่ชอบเลย แต่ทำได้แค่มุ่ยหน้าใส่เท่านั้น

“ก็ใช่ แต่คนนี้ก็แฟนผมเหมือนกัน”

พี่อินทร์ทำท่าไม่ยี่หระ อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของผมหน้าตาเฉย และนั่นก็ทำให้พี่วิญญูทำหน้าเครียดมากไปอีก

“หมายความว่าอะไร หรือ...คุณจะจับปลาสองมือ?”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็ส่งเสียงสูง “เปล๊า แค่คนละสถานะ”

สีหน้าของคนฟังบ่งบอกชัดเจนว่าคนละสถานะคืออะไร ไม่ต่างจากผมที่มองหน้าพี่อินทร์แล้วก็ได้แต่สงสัยด้วยคิดไม่ออกว่าเขามีแผนการอะไรอยู่ ก่อนที่พี่อินทร์จะว่าหน้าระรื่นในอีกไม่กี่วินาทีให้หลัง

“กับไอ้บุศย์น่ะ อันนั้นมันเป็นผัว” จากนั้นก็ปล่อยมือออกจากต้นแขนผมมาโอบกระชับให้เข้าไปแนบชิดกับลำตัวเขา “แต่หนุ่มน้อยคนนี้น่ะ เมียจ้า~”

ผมเบิกตาโตเลย พี่วิญญูก็เบิกตาโต ก่อนที่จะกลับมาเป็นสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนเดิม ไม่สิ...ยิ่งกว่าเดิมอีก พลันถามผมด้วยน้ำเสียงคาดคั้นอีกครั้ง

“จริงหรือเปล่าน้องจิ?”

“คะ...คือ...”

ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง ถ้าตอบว่าไม่จริง รับรองเลยว่าเขาได้ตามเกาะติดผมแจเหมือนเดิมแน่ แต่ถ้าตอบว่าจริง มีหวังคงต้องเข้าใจผิดกันไปยกใหญ่ อะไรไม่ว่า แค่คิดว่าตัวเองเป็นเมียอิเหนา ผมก็คันคะเยอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าแล้ว!

“จริง”

ไม่ต้องให้ผมตอบ พี่อินทร์ก็ตอบแทนแล้ว ผมหันไปถลึงตาใส่ ไม่อยากให้เขาพูดอะไรให้ชวนเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนจะหยุดเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

“หรือจะต้องให้พิสูจน์ความรักหืม?”

ยังไม่ทันจะมีใครตอบตกลง พี่อินทร์ก็ฝังปลายจมูกลงมาบนแก้มผมแล้ว ผมสะดุ้งโหยงเมื่อริมฝีปากนุ่มๆ ประทับลงมา หัวสมองมึนงงไปหมด ได้ยินแต่เสียงสูดลมหายใจดังฟอด ตามมาด้วยเสียงเจ้าคนขโมยหอมแก้มหน้าตาเฉยคนนั้น

“ชื่นใจ~ ว่าไง เชื่อหรือยังว่าเป็นเมีย หรือจะต้องให้พิสูจน์อีก?”

หะ...หอมแก้ม

อิเหนามันหอมแก้มผม!

ประโยคหลังถามพี่วิญญู ส่วนผมก็ใบ้กินไปแล้ว แต่ก็ยังพอจะมีสติที่จะเห็นว่าสีหน้าของพี่วิญญูในขณะนี้ดูตะลึงงันอยู่ไม่น้อย

“อ้อ ยังไม่ชัดสินะ งั้นเดี๋ยวจูบโชว์”

เฮ้ย! เดี๋ยวๆๆ

อันนี้ได้สติ ผมเตรียมจะห้ามเลย มือยกจะดันหน้าหล่อๆ นั่นออกห่างแล้ว แต่ก็ไวไม่เท่าพี่อินทร์ก็หันมาได้ปุ๊บ ก็จับผมไปจูบปั๊บ

ผมทำอะไรไม่ถูก สั่นระริกไปทั้งตัว สัมผัสได้แต่เพียงว่าริมฝีปากนุ่มๆ นั่นกำลังดูดกลืนเรียวปากของผมอยู่ อะไรไม่ว่า...แม่งสอดลิ้นเข้ามาด้วย

มึงจะสมบทบาทเกินไปแล้วไอ้อิเหนา!

พี่วิญญูคงจะทนดูเห็นภาพบาดตาบาดใจนี้ไม่ได้มั้ง ทำท่าฮึดฮัดแล้วเดินหนีลงบันไดไปทันที ปล่อยให้ผมกับอิเหนาจูบกันดูดดื่มอยู่อย่างนั้น

จูบ...ไม่ปล่อย จนผมต้องเป็นฝ่ายทุบคนตรงหน้าดังอั้ก ตอนนั้นเองที่พี่อินทร์รู้ตัว ยอมผละริมฝีปากออกไป

“อุแหม่ เพลินไปหน่อย ยาวเลย”

แต่กูไม่ได้เพลินเลยเว้ย!

ผมมองหน้าพี่อินทร์ที่ดูไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งใดพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่ผุดพราย

ความรู้สึกนั้น...เสมือนเสียพรหมจรรย์ที่เก็บไว้มานานไป

จูบแรกในชีวิตของผม ผมตั้งใจจะทำมันกับพี่บุศย์ต่างหาก ไม่ใช่กับไอ้เวรนี่!

พี่อินทร์เพิ่งจะรู้สึกตัวมั้งว่าทำอะไรลงไปโดยไม่ได้ถามความสมัครใจของผมก่อน ยื่นมือไปตบบ่าปุๆ ว่าด้วยท่าทางไม่ยี่หระ

“ผู้ชายเหมือนกัน ไม่เป็นไรหรอกเนอะ แค่จูบเอง”

สำหรับกูมันไม่ใช่ไง!

เท่านั้นขอบตาก็ร้อนผะผ่าว น้ำตาหยดใสไหลอาบหน้า เผลอส่งเสียงสะอื้นออกมาด้วย

“ฮึก...”

พี่อินทร์ดูตกใจไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ยินดียินร้ายอะไรเท่าที่ควร ตบบ่าผมมาอีกที

“เฮ้ย ไม่ต้องซาบซึ้งขนาดนั้น เรื่องแค่นี้เอง ผัวเมียกัน ช่วยๆ กันไป ไม่เป็นไรหรอก”

ยังไม่สำนึกอีก ที่สำคัญนะ...กูใช่เมียมึงที่ไหนกันเล่าไอ้อิเหนา นี่จรกานะเว้ย จะเอาบุษบาเป็นผัว แล้วเอาจรกาทำเมียไม่ได้!

ไม่ใช่อิเหนาแล้ว อิแรดชัดๆ เลย!

------------------------------

สงสัยอิเหนาชาตินี้จะสติไม่ค่อยดี 555

ฝากกำลังใจกันไว้ด้วยนะคะ ตอนหน้าเจอกันพรุ่งนี้จ้า



หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 04★ เมียอิเหนา[29.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: MmBb ที่ 29-04-2018 19:50:34
พี่อินมีดีแค่หล่อนะเราน่ะ สมองต๊องจริงๆเลย
ไปจูบน้องจิได้ไงนิสัยไม่ดีนะถึงจะบอกว่าช่วยก็เถอะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 04★ เมียอิเหนา[29.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 29-04-2018 20:02:03
คืออิเหนาชาตินี้เกินบาทแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 04★ เมียอิเหนา[29.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 29-04-2018 20:04:03
บางทีอิเหนาก็ควรได้พบแพทย์บ้าง

 :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 04★ เมียอิเหนา[29.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 29-04-2018 20:21:02
ทำไมอิเหนาติ๊งต๊องขนาดนี้ น้องจิก็น่าเอ็นดู้น่าเอ็นดู
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 04★ เมียอิเหนา[29.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 29-04-2018 20:37:58
นี่คือพระเอกจริงๆหรือนี่ หล่อแต่สติไม่ดีสินะ
ตอนนี้ตลกมาก อ่านไปหัวเราะไป ขอบคุณคนเขียนค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 04★ เมียอิเหนา[29.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 29-04-2018 20:38:44
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 04★ เมียอิเหนา[29.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-04-2018 21:45:11
มาโอ๋ๆนะน้องจิ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 04★ เมียอิเหนา[29.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-04-2018 22:37:24
 นี่หรือคืออิเหนา 555 รั่วมาก
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 04★ เมียอิเหนา[29.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 29-04-2018 22:37:42
 :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 04★ เมียอิเหนา[29.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 29-04-2018 23:02:01
 :m20:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 04★ เมียอิเหนา[29.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 29-04-2018 23:35:58
น้องจิก็ช่างขี้แงจริงๆ
ชาติที่แล้วเสียทีให้เพทุบายอิเหนาชาตินี้มาเสียทีให้อินทราสุดต๊องอีกจนได้
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 04★ เมียอิเหนา[29.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 30-04-2018 00:52:59
อิเหนานี่ลืมไปรับยารึเปล่าคะ??5555555555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 04★ เมียอิเหนา[29.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-04-2018 01:10:11
หรือว่าพี่อินทร์ ชาตินี้มีความสามารถในการอ่านใจคนได้ เลยรู้ว่าใครเป็นอย่างไร ที่ดูต๊อง ๆ ทำเพื่อกลบเกลี่อนก็ได้นะ  o17
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 04★ เมียอิเหนา[29.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: xexezero ที่ 30-04-2018 09:09:54
สงสัยว่าชาตินี้บุษบาคงจะแมนจริงๆ555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 04★ เมียอิเหนา[29.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 30-04-2018 15:09:16
เรื่องนี้คือแหวกแนวมากๆ ชอบมากเลยค่ะ
ชอบจรกาที่ป้ำๆเป๋อๆ 5555555555
ปล. เราไม่ตั้งใจเรียน อิเหนา เลย ไม่รู้เนื้อเรื่อง 555555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 04★ เมียอิเหนา[29.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-04-2018 16:06:12
ฮ่าๆๆๆๆๆ.......อิเหนา คือ อิแรด    :m20: :laugh: :pigha2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 04★ เมียอิเหนา[29.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 30-04-2018 16:14:47
ทำไมอิเหนามันรั่วแบบเน้
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 04★ เมียอิเหนา[29.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 30-04-2018 17:14:26
Chapter 05: ทำไมจิระไม่อ่อนโยน

หากไม่นับชาติที่แล้ว เรื่องที่สะเทือนใจผมที่สุดในชาตินี้ก็คือการถูกอิเหนาขโมยจูบในฐานะเป็นเมียมันนี่แหละ

ไอ้บ้าเอ๊ย! มาพรากพรหมจรรย์จูบไปซึ่งๆ หน้าได้ยังไง!

ตั้งแต่วันนั้น ผมก็ซึมไปเลย รีบกลับหอไปนอนร้องไห้อยู่ทั้งคืนจนหมอนแฉะ วันรุ่งขึ้นตาบวมก็เลยไม่ไปเรียน แต่จริงๆ แล้วเหตุผลนั้นมันก็แค่ข้ออ้างแหละ เพราะความจริงผมละอายแก่ใจที่จะเจอหน้าพี่บุศย์มากกว่า

จุมพิตแรกอันสะอาดและบริสุทธิ์ของผมที่ตั้งใจจะมอบให้แก่นางบุษบา บัดนี้โดนอิเหนาหน้าด้านพรากเอาไปแบบไม่ถามสุขภาพสักคำ

โอ้น้องบุษบาของพี่... ต้องขออภัยอย่างยิ่งที่พี่จรกาผู้นี้ไม่สะอาดบริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว

ผมพร่ำเพ้ออยู่อย่างนั้นหลายวัน พอได้สติว่าถ้าไม่ไปเรียน เอาแต่เก็บตัวอุดอู้อยู่ในหอเพราะเสียซิงจูบไป มีหวังจรกาได้ติดเอฟแน่นอน ผมเลยตั้งหลักแล้วออกไปใช้ชีวิตตามปกติ แต่ทว่า...ก็ยังหลบหน้าพี่บุศย์อยู่ดี

หลบ...เป็นอาทิตย์

จากปกติที่เอาแต่ส่งข้อความหาเขาบ้าง โทรหาเขาบ้าง ตอนนี้ไม่แม้แต่จะคิดเลยด้วยซ้ำ มีบ้างที่ผมกดเบอร์เขาหรือหน้าต่างแชทขึ้นมา แต่พอจะโทรหรือพิมพ์ไป ผมก็ต้องเปลี่ยนใจด้วยยังคงละอายแก่ใจไม่เลิก

เนื้อตัวแปดเปื้อนอย่างนี้ จะมีหน้าไปพลีกายให้น้องยาบุษบาได้ยังไงกัน

สุดท้ายก็ไม่ได้ติดต่อกับพี่บุศย์อยู่ดี เลิกเรียนปุ๊บก็รีบนั่งรถเมล์กลับหอด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวไม่เลิก

แต่ขุ่นมัวได้ไม่เท่าไรก็หิวข้าว... เออ กองทัพมันต้องเดินด้วยท้อง ตอนกลางวันก็ไม่ได้กินอะไรเท่าไรด้วย มัวคิดแต่เรื่องจูบเลยพานกินไม่ลง พอถึงหน้าหอ ผมก็ไม่รอช้า พุ่งเข้าร้านอาหารตามสั่งข้างใต้หอก่อนเป็นอันดับแรก

“ป้าครับ เอาผัดกระเพราหมูสับ ไข่ดาวไม่ต้องสุกมาก”

เมนูโปรดถูกสั่งออกไปอย่างเคย ผมเดินไปหยิบน้ำอัดลมในตู้ไปเปิดแล้วเลือกโต๊ะนั่ง ไม่นานนัก ข้าวผัดกระเพราหน้าตาน่ากินก็ถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ ผมคว้าโหลพริกน้ำปลามาเตรียมจะตักมาเหยาะลงบนไข่ดาว ทว่ามือก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ สายตาก็เห็นรถคันหนึ่งเลี้ยวเข้ามาจอดที่ลานจอดรถหน้าหอ

รถคันนั้น... คุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก

ความจริงแล้วรถรุ่นนี้ก็มีคนใช้กันทั่วไปนั่นแหละ แต่ไม่รู้ทำไมพอผมเห็นรถคันนั้นแล้วถึงได้รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาแปลกๆ ซึ่ง...ก็จริงเสียด้วย เพราะไม่กี่อึดใจต่อมา เจ้าของรถคันนั้นก็โผล่หน้ามาให้เห็น

“ฮาย~ คุณจิระ”

ไอ้ – อิ – เหนา!

ถึงกับถือช้อนตักพริกน้ำปลาค้างเลย ขณะที่พี่อินทร์ในชุดนักศึกษาเดินหน้าระรื่นมานั่งยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามผม

“กลับเร็วจังเลยนะ”

มาถึงก็พล่ามๆๆ ผมก็ได้แต่อ้าปากค้าง หัวสมองประมวลผลแทบไม่ทัน

มะ...หมายความว่ายังไงที่ว่าไปดักรอหน้าคณะ

“บังเอิญว่าไม่เห็นหน้าเห็นตาหลายวัน ถามไอ้บุศย์แล้วมันก็ไม่รู้เรื่อง พอโทรหาก็ไม่รับ พี่คิดว่าเป็นอะไร ไปดักรอที่หน้าคณะหลายวันแล้วเนี่ย ไม่เจอสักที วันนี้นึกครึ้มอกครึ้มใจเลยลองขับไปดูที่ป้ายรถเมล์ เห็นขึ้นรถเมล์พอดี ตามมาหาที่หอซะเลย แต่บังเอิญพี่มาถึงก่อนเลยรอที่หน้าหอ เห็นเดินมากินข้าวก็เลยแวะมาคุยเลยแล้วกัน”

ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถาม พี่อินทร์ก็ร่ายยาวให้ผมรู้ว่าเขาเจอตัวผมได้ยังไง ผมอดอึ้งกับคำพูดของเขาไม่ได้

ไอ้ที่เคยว่าวิหยาสะกำเป็นสตอล์กเกอร์น่ะ ขอถอนคำพูดก่อน เพราะสตอล์กเกอร์ตัวจริงเนี่ย อิเหนาชัดๆ เลย!

ตั้งแต่วันที่ถูกขโมยจูบแล้วนะ รู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่ไหนเนี่ย!

“นั่นๆ ทำหน้าตาสงสัย อยากรู้ล่ะสิว่าวันนั้นพี่ไปช่วยเราได้ยังไง พอดีว่าไอ้บุศย์มันเป็นห่วงแต่มันติดประชุมโปรเจ็กต์ตอนเย็น พี่ก็เลยอาสามาดูแทน แล้วเหตุการณ์ต่อจากนั้นก็อย่างที่เห็น”

ผมพอจะเข้าใจได้ นึกขอบคุณพี่บุศย์ที่เป็นห่วงผมด้วย แต่มันจะดีกว่ามากและผมจะดีใจมากด้วยถ้าเขามาด้วยตัวเอง ไม่ใช่ส่งไอ้บ้านี่มาน่ะ!

แต่ถึงตอนนี้จะเป็นยังไงก็ไม่สำคัญแล้ว ผมมองหน้าผู้ชายที่ยิ้มระรื่นให้ก่อนจะถามเสียงแข็งน้อยๆ

“แล้วพี่อินทร์อยากเจอผมทำไมครับ”

พี่อินทร์ยกยิ้ม ว่าอย่างไม่ยี่หระ “น้ำเสียงเหินห่างจัง นี่ผัวนะ”

ผมแทบจะคว้าโหลพริกน้ำปลาขว้างใส่

ผัวเผออะไรกันเล่า! ถ้าคนอื่นได้ยินแล้วเข้าใจผิดจะว่ายังไง!

ผมก็เลยเงียบ จ้องหน้าเขาเขม็ง ขณะที่เขายืดตัวขึ้น ว่าออกมาอีกครั้ง

“คืองี้ พี่จะมาดูว่าจิเป็นอะไรหรือเปล่า เห็นหายเงียบไปเลย ตกลงเป็นอะไรปะ ไม่สบายตรงไหนอะไรไหม”

“ผมสบายดี”

“แล้วทำไมหายเงียบไป ปกติต้องตามติดไอ้บุศย์แจนี่”

ผมก็อยากจะบอกเหตุผลเหมือนกันว่าเป็นเพราะละอายแก่ใจต่อพี่บุศย์เรื่องที่ถูกเขาขโมยจูบนี่แหละ ทว่าไม่พูดดีกว่า พูดไปแล้วก็เหมือนเป็นการตอกย้ำตัวเองให้รู้สึกผิดอีกที่ไม่ระวังตัวให้ดีกว่านี้ อย่างที่บอกว่ามันสะเทือนใจ

และถึงผมจะไม่บอก ก็เหมือนกับว่าพี่อินทร์จะพอเดาได้ว่าที่ผมหายหัวไปนี่เป็นเพราะอะไร

“เอ...หรือว่าเป็นเพราะถูกพี่...อื้ม...วันนั้น?”

ไม่ยอมพูดคำว่า ‘จูบ’ เว้นว่างเหมือนอยากให้ผมเติมคำให้ ผมมองหน้าเขา ถามเสียงขุ่นอีกระลอก

“อื้มอะไรครับ”

พี่อินทร์โน้มใบหน้าเข้าใกล้ ว่ากระซิบ “ถูกพี่จูบดูดดื่ม เม้มริมฝีปากบนและล่าง สอดลิ้นเกี่ยวกระหวัดรัดรึงเสียวซ่านซาบซ่ารัญจวนใจไง”

มึงบอกแค่จูบเฉยๆ ก็พอเว้ย! จะมาเสียวซ่านซาบซ่าอะไร!

ผมขยับออกห่างเขาเลย ส่วนเขาก็หัวเราะน้อยๆ เมื่อเห็นผมทำหน้าบึ้ง

“เป็นอะไร หรือจะไม่ชอบ?”

แน่นอนว่าไม่ชอบอยู่แล้ว ใครมันจะไปชอบกันล่ะ บอกตรงๆ นะ พอเขามาพูดเรื่องนี้ต่อหน้าอีกครั้ง ผมก็โกรธเขาแบบจริงจังขึ้นมาเลย แต่พี่อินทร์ดูจะไม่สนใจเท่าไร นอกจากจะถามเรื่องที่ตัวเองอยากรู้

“ตกลงคือไม่ชอบจริงๆ อะ?”

ผมไม่ตอบ เหลือบมองแล้วเมินหนี ทำให้พี่อินทร์พูดต่ออยู่คนเดียว

“อ้ะๆ ทำหน้ากระรอก ส่งสายตารังเกียจเหยียดหยามมางี้ ไม่ชอบอย่างรุนแรงแน่”

เพิ่งจะรู้ตัวหรือไง

ผมไม่อยากไปตอบโต้เสวนาให้เปลืองน้ำลายหรอก แค่เห็นหน้าก็ไม่อยากเห็นแล้ว

หน็อย บังอาจเอาจูบแรกของผมไป คนอื่นอาจจะคิดว่าเป็นผู้ชายเหมือนกัน คิดมากอะไรเรื่องนี้ แต่ผมบอกได้เลยว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะ การกระทำของไอ้เวรนี่เรียกได้ว่าเข้าข่ายล่วงละเมิดทางเพศเลยเถอะ ที่สำคัญ...ผมจะเก็บจูบแรกไว้ให้บุษบา ไม่ใช่ให้อิเหนาช่วงชิงไปในฐานะผัวสักหน่อย!

“แน่ะ งอนนานเว่อร์วัง”

“...”

“ฮั่นแน่ ยังไม่ยอมพูดด้วยอีก ปากหนักนักนะพ่อหนุ่มหน้ากระรอก”

ยังมีหน้าเอามือมาจิ้มแก้มผม ผมค้อนขวับ เท่านั้นพี่อินทร์ก็ยกมือกุมหน้าอกข้างซ้าย ทำสีหน้าเจ็บปวด

“เอื้อ... สายตาทิ่มแทง”

ชาติก่อนเป็นอิเหนา แต่ชาตินี้นอกจากจะเป็นอิแรดแล้วยังเป็นอิบ้าด้วย ไม่มีใครสั่งใครสอนหรือไงว่าให้เขย่าขวดก่อนกินยาน่ะ!

พอผมเมิน พี่อินทร์ก็ยื่นมือมาหมายจะจับแก้มผม ผมเห็นก่อนเลยปัดมือเอาออกเต็มแรง เสียงดังเพียะทำให้ผมตกใจอยู่ไม่น้อย พี่อินทร์ทำหน้าเหมือนเจ็บปวดมาก แต่พออ้าปากขึ้น...

“ทำไมจิระไม่อ่อนโยน~”

...ผมก็รู้ทันทีว่าแม่งไม่ได้เจ็บหรอก ตอแหลล้วนๆ

“ยังๆ ยังเงียบอยู่ ยังไม่พูด สงสัยง้อไม่โดนใจ”

เห็นผมยังเงียบเหมือนเดิมทั้งที่พยายามชวนผมคุยแล้วก็ว่าออกมา ก่อนจะเท้าคางลงบนโต๊ะ มองหน้าผมพลางอมยิ้ม ตอนนี้เองที่ผมตัดสินใจว่าเขาอยากจะทำอะไรก็ทำไป ผมจะเอาความเงียบเข้าสู้ แต่ทว่า...

“งั้นไหนจิลองบอกพี่ซิว่าพี่ต้องง้อยังไง จิถึงจะหายโกรธ”

...พี่อินทร์กลับถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ต่างไปจากครั้งก่อนๆ

ผมชำเลืองมองเขาแล้วก็ได้แต่คิดในใจ

ใครจะไปหายโกรธง่ายๆ โดนขโมยจูบแรกนะเว้ย คนมันสะเทือนใจ ไม่ต้องมายุ่ง ไม่อยากคุย ไม่อยากเห็นหน้า ไม่ต้องมาง้อให้เสียเวลาหรอก ไม่ให้อภัยเว้ย!

แล้วผมก็เมินอีกครั้งด้วยการก้มหน้าก้มตาเขี่ยใบกระเพราในจานไปไว้ข้างๆ เห็นผมไม่ยอมพูดด้วยนานๆ เข้า เดี๋ยวก็เลิกตอแยไปเองแหละ

แต่...ในความเป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้นเลย พอผมไม่พูดด้วย พี่อินทร์ก็พยายามหาเรื่องชวนคุย

“ไม่กินใบกระเพราเหรอเรา”

ผมเหลือบมองหน้าเขาแล้วพยักหน้า

“ไม่กินใบกระเพราแล้วสั่งผัดกระเพรามาทำไม”

แล้วสั่งผัดกระเพราแบบไม่ใส่ผัดกระเพราได้ไหมล่ะ ผมชอบกินผัดกระเพรา แต่ไม่ชอบกินใบกระเพรานี่นา

ทว่าก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาเถียงอะไรอย่างนั้น ผมนั่งเงียบเหมือนเดิม ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนต่อ แล้วก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อจู่ๆ พี่อินทร์ก็คว้าเอาช้อนในตะกร้าช้อนส้อมมาตักใบกระเพราที่ผมเขี่ยไว้ข้างจานหน้าตาเฉย ผมเลยรีบร้องท้วง

“เดี๋ยวพี่อินทร์”

เขาชะงักเล็กน้อย พลันรอยยิ้มก็ผุดพรายขึ้นมาบนใบหน้า

“ถ้าพี่กินเบากระเพราให้แล้ว จิต้องหายโกรธพี่นะครับ”

เป็นครั้งแรกที่พี่อินทร์พูดจาเหมือนคนปกติ ไม่หยอกล้อ ไม่ล้อเล่น ก่อนจะอ้าปากกินใบกระเพราให้โดยปล่อยให้ผมนั่งมองเงียบๆ ชั่ววินาทีนั้นเองก็ทำให้ผมรู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมา

พี่อินทร์...ตอนไม่เพี้ยนนี่โคตรจะหล่อเลย

ผมมองหน้าเขาที่เคี้ยวใบกระเพราตุ้ยๆ พร้อมส่งยิ้มมาให้ด้วยความรู้สึกแปลกๆ

นอกจากจะรู้สึกว่าเขาหล่อมากแล้ว ผมยังรู้สึก... เขาก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ

แต่ทว่าไม่นานนัก ความคิดเมื่อครู่ของผมก็อันตรธานหายไปเมื่อเขาเริ่มเอาช้อนมาตักข้าวเข้าปาก ตักหมูไปคลุก คว้าขวดพริกน้ำปลามาเหยาะ และล่าสุด...เอาช้อนมาเจาะไข่แดงของผมจนไหลเยิ้ม

นี่มึงตลกแดรกสินะ!

ปรี๊ดเลย ถึงกับปรี๊ดเลย ผมรีบดึงจานข้าวตัวเองกลับคืน ทำให้พี่อินทร์ซึ่งกำลังจะเหยาะพริกน้ำปลาลงบนไข่แดงที่ไหลเยิ้มชะงัก พอเห็นหน้ามุ่ยๆ ของผมแล้ว เขาก็ว่าหน้าระรื่นออกมา

“อุ๊บส์ โทษที เผลอเจาะไข่แดงน้องจิไปเฉยเลย” จากนั้นก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ กระซิบเย้า “แต่ไม่ต้องห่วงนะจิระ พี่อินทราคนนี้จะรับผิดชอบความบริสุทธิ์ที่ถูกพรากไปเอง”

คนละไข่แดงแล้วเว้ย!

ผมทนไม่ไหวแล้ว ตีมือลงบนโต๊ะดังปึง ทำเอาคนในร้านหันมามองกันหมด ดีนะที่คนไม่เยอะเลยไม่ได้สนใจอะไรมาก พี่อินทร์ก็หันไปโปรยยิ้มให้คนอื่นไปทั่วเป็นการไกล่เกลี่ยสถานการณ์ พร้อมกับบอก...

“ไม่มีอะไรครับ ผมกำลังเคลียร์กับน้องเขาอยู่ พอดีเผลอตัวเผลอใจไปเจาะไข่แดงน้องเขานิดหน่อย ผมเป็นลูกผู้ชายพอ กำลังเสนอตัวรับผิดชอบครับ ไม่ต้องสนใจๆ”

กูบอกแล้วไงว่ามันคนละไข่แดง ไอ้ที่มึงเจาะน่ะมันไข่แดงของไข่ดาวในจานข้าวกูเว้ย!

แทนที่จะทำให้คนอื่นเลิกสนใจ กลายเป็นว่าสนมากกว่าเดิมอีก บางคนก็พากันหัวเราะคิกคักด้วย ส่วนผมก็แทบมุดจานข้าวผัดกระเพราหนีอายแล้ว

อิเหนามึงเป็นบ้าเหรอ! โอ๊ย!

ผมเองก็บ้าที่ดันไปเห็นเขาหล่อ แถมยังมองว่าเป็นคนดีตอนเขาเสนอตัวกินใบกระเพราให้ ภาพลวงตาชัดๆ เลย!

“เอาล่ะจิ พี่จะจริงจังละ”

“ควรจริงจังตั้งนานแล้วล่ะครับ”

ผมโพล่งออกมา ชักรำคาญแล้ว อยากให้เรื่องมันจบๆ ไปสักที พี่อินทร์ก็คงเห็นผมเริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้วล่ะมั้งถึงได้เข้าโหมดจริงจังสักที

“สรุปแล้วจิโกรธพี่เพราะถูกพี่จูบจริงๆ ใช่ไหม”

ผมพยักหน้า ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ

“ทำไมล่ะ”

“ยังจะถามอีกเหรอครับว่าทำไม ผมไม่ได้เต็มใจนี่”

ผมว่าไปตามตรง พี่อินทร์พยักหน้า ก่อนอธิบายออกมา

“สถานการณ์มันพาไปน่ะนะ ก็ความผิดพี่แหละ อันนี้ไม่เถียง แต่พี่อยากจะอธิบายอะไรให้จิฟังหน่อย จะฟังไหม”

ผมพยักหน้าส่งๆ พี่อินทร์ก็พูดต่อ

“พี่กลัวว่าถ้าไม่แสดงออกไปตามตรงว่าเราเป็นอะไรกัน เดี๋ยวไอ้เวรนั่นจะมาตามติดจิเหมือนกับที่ตามไอ้บุศย์ ก็เลยต้องสมบทบาทหน่อย”

“แสดงว่าพี่อินทร์ก็จูบพี่บุศย์เหมือนกันเหรอครับ”

ผมย่นคิ้วยู่เลย ทว่าพี่อินทร์ส่ายหน้าพรืด

“ไม่อะ เดี๋ยวก็ได้คันคะเยอพอดี แค่อ้างตัวว่าเป็นเมียมันเฉยๆ แต่ไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไร”

ได้ยินดังนั้น ผมก็โล่งใจเป็นปลิดทิ้ง ดูจากท่าทางของพี่บุศย์ที่แสดงออกต่อพี่อินทร์แล้ว ดูท่าในชาตินี้พวกเขาคงลืมกันไปแล้วล่ะว่าชาติก่อนเป็นผัวเมียร่วมเคียงกัน

“ไม่ได้ผลยังไงเหรอครับ”

“ก็...ไอ้หมอนั่นมันไม่เชื่อไง เลยมาตามติดไอ้บุศย์แจเหมือนเดิม จะให้พี่ไปสวมบทบาทเป็นเมียมัน ถูกมันจูบไรงี้ก็ไม่ไหวอะ ขยะแขยง”

ผมว่าพี่บุศย์สมควรขยะแขยงเขามากกว่า เผลอเบ้หน้าออกมาเลย แล้วก็อดค่อนแคะไม่ได้

“สวมบทบาทเป็นเมียแล้วขยะแขยง แต่พอเป็นผัวนี่อินเกินเบอร์เลยนะครับ”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็พยักหน้าเร็วๆ “ถึงได้เจาะไข่แดงน้องจินี่ไง”

บอกแล้วไงว่ามันคนละไข่แดงแล้วเว้ย!

“พูดให้มันถูกๆ หน่อยพี่อินทร์ ไข่แดงของไข่ดาวต่างหาก ไม่ใช่ไข่แดงของผม”

“ไข่แดงของไข่ดาวของน้องจิ เรียกสั้นๆ ว่าไข่แดงน้องจิ มีอะไรผิดไปเหรอ”

ไม่เถียงกับคนบ้าแล้วดีกว่า ผมรวบช้อนส้อมเข้าหากันทั้งที่ยังไม่ได้กินสักคำ กะว่าจะหนีขึ้นห้องแล้ว แต่พอร้องเรียกป้าเจ้าของร้าน...

“ป้าครับ ค่าข้าว...”

พี่อินทร์ก็ลุกพรวดไปชิงจ่ายค่าข้าวให้เรียบร้อย พอรับเงินทอนเสร็จ ก็หันมายักคิ้วให้ผม

“พี่บอกแล้วไงว่าพี่จะรับผิดชอบ”

ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงอะไร ผมเลยว่าห้วนๆ ไป

“ขอบคุณครับ”

แล้วก็รีบเดินออกจากร้าน ตรงไปที่ประตูทางเข้าหอ หยิบคีย์การ์ดขึ้นมาจะเข้าไปข้างใน ทว่าก็ยังไม่เปิดประตูด้วยเห็นว่าพี่อินทร์เดินตามมา ผมไม่อยากให้เขาเดินตามขึ้นไปข้างบนก็เลยยืนรอก่อน ดูว่าเขาจะเดินเข้ามาหาไหม ซึ่งก็จริง...เขาเดินมาหา

“มีอะไรอีกล่ะครับ”

ผมหันไปกระชากเสียงถาม พี่อินทร์เดินมาหยุดหน้าผม ส่งยิ้มกว้างให้

“แล้วเราจะหายโกรธพี่ได้หรือยัง”

“เรื่องอะไร”

“เรื่องที่พี่...เราไง” เอานิ้วแตะที่ริมฝีปากตัวเองเป็นการบอกให้ผมรู้ว่าเรื่องอะไร

ผมว่าผมควรบอกเขาไปตามตรงว่าผมไม่โอเคกับเรื่องนี้ จะให้มายกโทษกันง่ายๆ มันไม่ใช่เรื่อง

“บอกตามตรงนะครับพี่อินทร์ ผมสะเทือนใจมากอะ ยกโทษให้ง่ายๆ ไม่ได้หรอก”

พอบอกไปอย่างนั้น พี่อินทร์ก็ทำปากยื่น

“ทำไมจิระไม่อ่อนโยนกับอินทราเลย”

ก็มึงมันกวนตีนอย่างนี้ ใครมันจะไปอ่อนโยนด้วยลงวะ!

ผมพ่นลมหายใจแรงๆ ใส่ ก่อนที่พี่อินทร์จะโพล่งขึ้นมาอีก

“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ยกโทษให้ใช่ไหม”

ผมนิ่งไปครู่ อยากจะตะโกนใส่หน้าเหลือเกินว่า ‘ใช่! ไม่มีวันโว้ย!’ แต่ดูแล้วถ้าตอบไปอย่างนั้น สงสัยเรื่องจะไม่จบ เขาไม่ยอมกลับไปง่ายๆ แน่ เลยตอบไปอีกอย่าง

“อือ แต่ขอเวลาผมหน่อย”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็ยิ้มกว้างจนเห็นฟัน ยื่นมือมาบิดปลายจมูกผมเบาๆ

“ก็ยังดีกว่าไม่ยอมยกโทษให้เนอะ”

ความอุ่นร้อนจากปลายนิ้วสากแล่นผ่าน เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกว่าคนตรงหน้าผมโคตรจะหล่อเลย ไม่แปลกใจสักนิดว่าทำไมเมื่อชาติที่แล้ว ใครต่อใครก็ได้หลงรักเขานักหนา

หล่อแบบนี้ อ่อนโยนแบบนี้ กะล่อนแบบนี้ ทะลึ่งทะเล้นแบบนี้ สงสัยจะเป็นสเปกหนุ่มๆ สาวๆ มาตั้งแต่โบราณกาลล่ะมั้ง

แต่...

...ไม่ใช่ผมเว้ย!

ผมสะบัดหน้าหนี พี่อินทร์หัวเราะให้กับท่าทางนั้น ก่อนจะโดนผมไล่

“กลับไปได้แล้วครับ ผมจะขึ้นห้องแล้ว”

ดีที่พี่อินทร์ไม่ตอแยอะไรอีก

“ไว้เจอกันที่ ม.พรุ่งนี้”

โบกมือบ๊ายบายแล้วเดินไปขึ้นรถตัวเอง ขับออกไป ปล่อยให้ผมมองตามพร้อมกับใบหน้าที่ค่อยๆ ร้อนผะผ่าวขึ้นมาเมื่อนึกถึงสัมผัสเมื่อครู่

สงสัยจะเป็นไข้...

คิดเข้าข้างตัวเองไปอย่างนั้นแหละ ผมรู้ดีว่าอาการนี้มันคืออะไร

ไม่ได้ครั่นเนื้อครั่นตัว แต่หน้าร้อน...

ยิ่งพอหันกลับมาเห็นเงาตัวเองที่สะท้อนบนกระจกเงาบานใหญ่ที่เจ้าของหอแขวนเอาไว้ไล่สิ่งชั่วร้ายตามความเชื่อของคนจีน ผมก็ต้องเม้มริมฝีปากแน่น

หน้าแดงแจ๋เลย...

พอได้สติ ผมก็รีบใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเข้ามาด้านใน ในหัวบอกกับตัวเองเป็นพัลวัน

จรกาจะเผลอไผลไปกับความอ่อนโยนของอิเหนาไม่ได้ บุษบา...บุษบา...บุษบา... ใจของผมมีแต่บุษบาคนเดียวต่างหากเล่า!

แต่...ก็บังคับให้หัวใจของตัวเองหยุดเต้นแรงไม่ได้เลย ให้ตายสิ...

--------------------

เมื่อวานอัปนิยายแล้วก็ลืมขอบคุณไป

ขอบคุณนักอ่านในทวิตที่ช่วยคิดชื่อในชาติปัจจุบันของวิหยาสะกำกับสังคามาระตานะคะ สังคามาระตายังไม่โผล่มา แต่เดี๋ยวมาแน่นอน สียะตราก็ไม่รอดจ้า

ขอบคุณน้องนนท์ที่คิดมุกอิเหนาอิแรดให้ ฮามากจริง 555

แวะไปหวีดกันได้ที่ #จรกาคนงาม ในทวิตเตอร์นะคะ

พรุ่งนี้เจอกันตอนใหม่จ้า

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 05★ ทำไมจิระไม่อ่อนโยน[30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-04-2018 17:33:04
จิจ๋า หนูยังไม่ได้ทานข้าวเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 05★ ทำไมจิระไม่อ่อนโยน[30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 30-04-2018 18:03:59
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 05★ ทำไมจิระไม่อ่อนโยน[30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-04-2018 18:12:21
ตอนดึกต้องหิวอีกรอบแน่ๆ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 05★ ทำไมจิระไม่อ่อนโยน[30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 30-04-2018 19:01:34
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 05★ ทำไมจิระไม่อ่อนโยน[30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 30-04-2018 19:10:07
อิพี่ก็หน้าด้านน่าทนเหลือเกิน 5555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 05★ ทำไมจิระไม่อ่อนโยน[30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 30-04-2018 21:45:21
อิเหนาจะเอาฮาไปถึงไหนคะ

 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 05★ ทำไมจิระไม่อ่อนโยน[30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 30-04-2018 22:21:38
อิเหนานี่คงไม่แค่คิดเจาะไข่แดงจากไข่ดาวอย่างเดียวแน่  :ruready
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 05★ ทำไมจิระไม่อ่อนโยน[30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 30-04-2018 22:37:08
ตอนแรกเป็นแค่อิแรด วันนี้อัพเกรดเป็นอิบ้า อนาคตได้เป็นอิปัญญาอ่อนแน่ๆเลย
สงสารอิเหนาเค้านะคะ ทำไมไม่มีคนเตือนเค้าให้กินยาเลย เฮ้อออออ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 05★ ทำไมจิระไม่อ่อนโยน[30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-04-2018 22:44:32
หมั่นไส้อิพี่อินมากจ้า อยากจิข่วนหน้า
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 05★ ทำไมจิระไม่อ่อนโยน[30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 01-05-2018 12:15:38
อิเหนาหรืออิบ้า ฮามาก ถึงจะบ้าแต่เราโคตรชอบ รอบรรดาเมียๆของอิเหนาออกมาให้ครบ อยากรู้ว่าชาตินี้เป็นคนแบบไหน รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 05★ ทำไมจิระไม่อ่อนโยน[30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 01-05-2018 19:36:53
,555555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 05★ ทำไมจิระไม่อ่อนโยน[30.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 01-05-2018 23:37:36
Chapter 06: นว้องจิของปี้

หลังจากวันนั้น ผมก็ไม่ค่อยได้เจอพี่อินทร์สักเท่าไร รวมถึงวิหยาสะกำด้วย คนแรกนี่ได้ยินพี่บุศย์บอกว่าติดซ้อมงานอะไรเกี่ยวกับดาวเดือนของมหาวิทยาลัยนี่แหละ ซึ่งก็ดี เพราะผมก็ไม่ได้อยากเจอเขาสักเท่าไรนัก เจอทีไรประสาทจะกินทุกที ส่วนคนหลัง เดาเอาว่าน่าจะเพราะเห็นพี่อินทร์จูบผมในวันนั้นก็เลยเลิกตอแย

นับว่าเป็นผลดีแหละนะ แต่พอคิดถึงเรื่องจูบนั่นทีไร ผมก็อดไม่ได้ที่จะหงุดหงิดใจทุกที

เป็นผู้ชายคนอื่นนอกจากพี่บุศย์ไม่ว่า แต่เป็นไอ้มารความรักอย่างอิเหนานี่ สะเทือนใจไม่หายเลยเนี่ย!

ทว่าพอไม่เจอหน้าพี่อินทร์หลายวันเข้า และผมได้ใช้เวลากับพี่บุศย์สองต่อสองบ่อยขึ้น ความสะเทือนใจก็ค่อยๆ มลายหายไปทีละนิดราวกับว่าความน่ารักของพี่บุศย์ค่อยๆ เยียวยาเรื่องร้ายๆ นั่น เหมือนกับวันนี้ที่พี่บุศย์เป็นฝ่ายโทรมาชวนผมไปกินข้าวกลางวันเองเนื่องจากมีธุระจะคุยด้วย เท่านั้นแหละ ผมดีใจเนื้อตัวเต้นจนเรียนไม่รู้เรื่องเลยล่ะ

ส่วนเรื่องที่พี่บุศย์อยากจะคุยด้วยก็ไม่มีอะไร เขาแค่ขอให้ผมเอาตารางเรียนมาให้เขาดู แล้วเขาจะได้เช็กว่าเมื่อตอนปีหนึ่งได้ลงเรียนวิชาอะไรไปบ้าง จะได้ยกพวกหนังสือกับชีทเรียนให้

“ถ้าจิไม่ถือสาอะไร พี่ก็อยากจะยกให้นั่นแหละ แต่อาจจะรำคาญตาหน่อยนะ พี่เป็นพวกชอบจดน่ะ บนหนังสือกับชีทเรียนจะมีรอยปากกาเยอะหน่อย”

เขาว่ามาอย่างนี้ ผมก็ยิ้มรับกว้างเลย

“จิยินดีมากเลยครับพี่บุศย์ ขอบคุณที่ใจดีกับจินะครับ”

ใครจะไปรังเกียจลงได้ล่ะแม่บุษบายาใจของพี่ ได้หนังสือกับชีทเรียนเป็นมรดกตกทอดแบบนี้สิดีจะตาย ยิ่งมีลายมือของพี่บุศย์อยู่ด้วยก็ยิ่งดี เพราะนอกจากจะมีพวกทิปหรือรายละเอียดยิบๆ ย่อยๆ ที่ผมอาจละเลยไปแล้ว ยังทำให้ผมรู้สึกว่าพี่บุศย์อยู่ข้างๆ ผมตลอดเวลาด้วย

ผมชอบอยู่ใกล้ๆ พี่บุศย์มากที่สุดเลย!

“งั้นเย็นนี้ถ้าจิไม่รีบกลับก็แวะไปที่หอพี่แล้วกันนะ ไปช่วยพี่ค้นหน่อย จะได้เอาไปไว้อ่านเลย”

เสนอมาอย่างนี้ มีเหรอที่ผมจะปฏิเสธ รีบพยักหน้ารับรัวๆ

“จิไม่รีบกลับ ไม่รีบเลย”

“ถ้าอย่างนั้นเลิกเรียนแล้วมารอพี่ที่หน้าคณะนะ ไว้ไปที่หอพร้อมกัน”

ผมพยักหน้ารับรัวๆ ไปอีกที ในใจดีใจเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ไปหอของพี่บุศย์เป็นครั้งแรก

หอ... หมายถึงเข้าไปในห้อง ไม่ได้อยู่แค่หน้าหอด้วย

ดีใจจนเก็บรอยยิ้มไว้ไม่อยู่ ข้าวเขิ้วก็ลืมกิน เอาแต่ยิ้มให้พี่บุศย์จนเขาหัวเราะออกมา

“เอ้า มองหน้าพี่อยู่ได้ กินข้าวเร็ว มีเรียนบ่ายไม่ใช่เหรอเรา”

“ครับ”

เท่านั้นผมก็คว้าช้อนส้อมมาตักข้าวใส่ปาก มองหน้าพี่บุศย์ที่ยังคงหัวเราะกับท่าทางของผมไม่เลิก

“แค่ได้หนังสือกับชีทเรียนแค่นี้ ดีใจจนเก็บสีหน้าไว้ไม่มิดเลยนะ”

เขาแซว แต่...ไม่หรอก ไม่ใช่ ที่ผมดีใจมันไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก แต่เป็นเรื่องที่จะได้ไปเห็นห้องของพี่บุศย์ต่างหาก

ได้แต่ภาวนาในใจว่าสักวันผมจะได้กลายเป็นอีกคนหนึ่งที่อยู่ห้องนั้น

อยู่ห้องเดียวกับพี่บุศย์ ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน แค่คิดก็ฟินแล้ว...

 

ทว่า...พอเลิกเรียนก็เพิ่งตระหนักขึ้นได้ว่าจริงๆ พี่บุศย์ไม่ได้อยู่หอคนเดียว แต่มีรูมเมทที่ชื่ออินทรา แถมยังเป็นอิเหนากลับชาติมาเกิดอยู่ด้วยทั้งคน ตอนแรกผมก็ไม่ฉุกใจหรอก จนกระทั่งไปรอพี่บุศย์หน้าคณะจนผ่านไปเกือบยี่สิบนาที ผมก็เลยโทรหาเขา แล้วก็ได้คำตอบว่า

‘อาจารย์ยังไม่ปล่อยสักที สงสัยจะสอนเกินเวลา เดี๋ยวมีคุยงานกับเพื่อนต่ออีก จิเข้าไปที่หอพี่ก่อนได้เลยนะ พี่บอกไอ้อินทร์ไว้แล้ว ถ้าไม่รีบกลับก็รอก่อน พี่เลิกแล้วจะรีบไป’

ได้ยินแค่นี้ ความดีใจที่ระริกระรี้ก่อนหน้ามาตลอดทั้งวันก็อันตรธานหายวับ

อุตส่าห์คิดว่าจะได้อยู่กับพี่บุศย์ในห้องสองต่อสอง ดันกลายเป็นว่าต้องไปอยู่กับพี่อินทร์สองต่อสองเพื่อรอพี่บุศย์กลับหอเสียอย่างนั้นอะ บ้าชะมัด

แล้วถามว่าผมไปไหม... ไปสิ ไหนๆ ก็รับปากไปแล้ว ผมเองก็อยากจะเห็นห้องของเขาด้วยก็เลยไม่ได้ขัดอะไร เพราะไม่อย่างนั้น พี่บุศย์บอกว่าเขาจะขนหนังสือมาให้ผมที่มหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้แทน ซึ่งมันจะหมายความว่าผมอดเห็นห้องเขาแน่ๆ

เรื่องอะไรจะยอมกันล่ะ!

ผมก็เลยเดินดุ่ยๆ ไปยังหอพักหน้ามหาวิทยาลัยที่พี่บุศย์บอก ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึง ผมมองอาคารด้านนอกก็พอจะรู้แล้วว่าเป็นหอพักราคาแพงหูฉี่ที่สุดในย่านนี้ เพราะมีทั้งระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม บรรยากาศก็ดี มีลานจอดรถกว้างขวาง ไม่ต้องถามเลยว่าที่บ้านของพวกนักศึกษาที่เช่าหอนี้อยู่มีเงินขนาดไหน

มาถึงแล้ว ผมก็โทรเข้าหาพี่อินทร์ตามที่พี่บุศย์บอก อีกฝ่ายรับสาย ผมก็กรอกเสียงลงไป

“ผมมาถึงแล้วครับ”

บอกแค่นั้นก็วางสาย อีกอึดใจหนึ่งต่อมา พี่อินทร์ในชุดนักศึกษาก็เดินหน้าระรื่นมาเปิดประตูด้วยคีย์การ์ดให้ บอกตามตรงว่าผมไม่อยากจะเข้าไปกับเขานักหรอก แต่ก็ท่องไว้ว่าอดใจไว้รอเจอพี่บุศย์ เลยทำให้พอจะทำใจได้

ขึ้นลิฟต์มาเกือบชั้นสิบก็ถึงห้องของพวกเขา ผมเดินเข้ามาด้านในแล้วก็ประหม่าหน่อยๆ เมื่อเห็นว่าบรรยากาศภายในห้องดูแตกต่างจากที่ผมคาดการณ์ไว้พอสมควร ตอนแรกผมคิดว่าผู้ชายอยู่ด้วยกัน สภาพภายในห้องน่าจะรกรุงรัง แต่ผิดคาดมากๆ เมื่อเห็นว่าข้าวของทุกอย่างถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

โคตรผิดคาดเลย ดูท่าทางไม่น่าจะรักสะอาด โดยเฉพาะพี่อินทร์เนี่ย

แต่แล้วความคิดของผมก็ต้องยุติลงเมื่อพี่อินทร์โพล่งขึ้น

“หิวน้ำไหม”

ไม่พูดเปล่า เดินไปเปิดตู้เย็นด้วย ผมส่ายหน้า

“ไม่เป็นไรครับ”

พี่อินทร์เหลียวมองผมเล็กน้อย “งั้นกินขนมไหม”

ผมส่ายหน้าอีก พี่อินทร์ก็เลยยักไหล่

“ถ้างั้นไปนั่งรอตรงนั้นก่อนแล้วกัน เดี๋ยวไอ้บุศย์ก็กลับมา”

พยักพเยิดไปยังโซฟาที่อยู่ไม่ไกล ผมก็ไม่ได้พูดอะไร ยอมเดินไปนั่งแต่โดยดี ในใจอยากให้พี่บุศย์กลับมาเร็วๆ เพราะจู่ๆ ผมก็รู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่กับพี่อินทร์แบบสองต่อสองขึ้นมาแปลกๆ

โอเค บอกตามตรงว่ามันมีลางสังหรณ์แปลกๆ น่ะ กลัวว่าเดี๋ยวเขาจะแกล้งผมอย่างที่เคยทำอีก ยิ่งไม่เจอหน้ากันมาหลายวันอย่างนี้ รับรองเลยว่าต้องมีเรื่องแกล้งเยอะแยะแน่ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะดูปกติก็เถอะ

แต่ทว่า...นั่งตัวเกร็งอยู่ประมาณสิบนาทีก็ยังไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนไป พี่อินทร์คว้าไม้กวาดกับที่โกยผงมากวาดพื้นทั้งที่แทบไม่มีเศษฝุ่นเลยอยู่พักหนึ่งแล้ว ผมก็ได้แต่มองเขาเงียบๆ อยู่พักหนึ่งเช่นกัน ทุกอย่างดูปกติมาก จนกระทั่ง...

“ร้อนจังเลย”

จู่ๆ พี่อินทร์ก็โพล่งขึ้นมา มือที่ถืออุปกรณ์ทำความสะอาดอยู่วางของพวกนั้นลง แล้วเปลี่ยนมาเขย่าคอเสื้อตัวเองประหนึ่งว่าในห้องนี้มันร้อนเสียเต็มประดา ผมเหลือบไปมองเครื่องปรับอากาศที่ตั้งไว้ที่อุณหภูมิยี่สิบห้าองศาเซลเซียส

ร้อนตรงไหนวะ เย็นกว่านี้อีกนิดก็ขั้วโลกเหนือแล้วนะ

คิดไม่ออกเลยว่าเขาคิดจะทำอะไร รู้แต่ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน เพราะพอพูดจบ พี่อินทร์ก็หันมาหาผม

“ร้อนอย่างนี้ สงสัยคงต้องอาบน้ำคลายร้อน”

ไม่ได้บอกกับผมหรอก พูดกับตัวเองนั่นแหละ แต่ชม้อยชม้ายชายตามากมาย เท่านั้นผมก็รู้เลยว่า...

...ไอ้เวรนี่มันคิดจะทำอะไรแผลงๆ อีกแล้ว!

จะห้ามก็ไม่ทัน พูดจบปุ๊บ พี่อินทร์ก็ค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อตัวเองทีละเม็ด จงใจหันหน้ามาให้ผมเห็น พลันก็มีเสียงเพลงประหลาดๆ ดังออกจากปากเขา

“แต่แดแดแด๊~ แด๊แดแด๊แดแด่แด้~”

เป็นเพลงจังหวะ Cherry pink อะ ผมถึงกับเบ้หน้าเลยเมื่อเห็นว่าเขาแกะกระดุมเสื้อไม่พอ ยังยักย้ายส่ายสะโพกประหนึ่งว่าตัวเองเซ็กซี่เสียเต็มประดา

เออ! หุ่นแม่งก็ดีอยู่หรอก กล้ามเป็นมัดๆ แบบคนออกกำลังกาย ผิวก็เนียนผุดผ่องเป็นยองใย คนอื่นเห็นรับรองได้เลยว่ามีน้ำลายไหลอะ แต่ไอ้ที่มองผมตาเยิ้มแล้วกัดปากยั่วไปยั่วมาเนี่ย มันทำให้ผมมีอารมณ์เลยนะ

อารมณ์โมโห!

ผมสูดหายใจเข้าปอด พยายามจะสงบสติอารมณ์ ไม่อยากจะโวยวายใส่เขาที่เขาหาเรื่องแกล้งผม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะโพล่งออกไปเมื่อเห็นว่าพี่อินทร์โยนเสื้อที่ถอดออกจากตัวแล้วเรียบร้อยทิ้ง เอื้อมมือลงมาดึงเข็มขัดออก ก่อนที่จะทำท่าเหมือนปลดตะขอกางเกง

มึงหยุดเดี๋ยวนี้เลย!

“พี่อินทร์!”

ผมเรียกเขาเสียงดัง พี่อินทร์ก็ชะงักมือ มองหน้าผมด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน

“มีอะไรเหรอ”

ยังจะมีหน้ามาถามอีกว่ามีอะไร มึงจะมาเต้นจ้ำบ๊ะโชว์กระโป๊วให้กูดูอย่างนี้ไม่ได้!

แต่จะบอกตามตรงอย่างนั้นก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ผมเลยพูดประโยคอื่นแทน

“ทำไมต้องแกล้งผมด้วย”

“หืม? แกล้งอะไร”

“ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่องเลย ก็เนี่ย ไอ้ที่เต้นเปลื้องผ้าเนี่ย แกล้งผมอยู่ชัดๆ”

“พี่ไม่ได้แกล้ง พี่จะอาบน้ำ”

พี่อินทร์แก้ตัว แต่ดันหัวเราะร่วนออกมา เด็กอนุบาลดูยังรู้เลยว่าแม่งแกล้งอะ

ผมหงุดหงิดขึ้นมาน้อยๆ ไม่เข้าใจเขาเลยว่าทำไมเวลาเจอผม ต้องแกล้งผมทุกที ถ้าเป็นเมื่อชาติก่อนตอนที่ยังเป็นจรกาอยู่ก็พอจะเข้าใจว่าเขาอยากกลั่นแกล้งเพราะเห็นผมขี้เหร่อัปลักษณ์ แต่ในชาตินี้ผมน่ารักแล้วนี่ ทำไมยังแกล้งกันอยู่อีกล่ะ!

“แน่ะ พูดแล้วทำหน้าไม่เชื่ออีก พี่จะอาบน้ำจริงๆ ทำไมเหรอ หรือเห็นพี่แก้ผ้าแล้วจะมี...” พี่อินทร์แสร้งมองผมด้วยสายตาหยอกเย้า จากนั้นก็ว่าต่อ “...มีอารมณ์”

บอกแล้วไงว่าอารมณ์โมโห มึงนี่มันหลงตัวเองเหลือเกินนะ!

อะไรไม่ว่า พูดเองเออเองแล้วก็ยกแขนทั้งสองข้างปิดหน้าอกเป็นการใหญ่

“ต๊าย บัดสีบัดเถลิง เห็นหน้าใสซื่ออย่างนี้ พี่ไม่คิดเลยว่าน้องจิจะเป็นคนลามกแบบนี้นะฮ้า”

สะดีดสะดิ้งเหลือเกินอิแรด! เห็นแล้วอยากทุบ!

ถึงกับต้องสูดหายใจเพื่อสงบสติอารมณ์อีกระลอกใหญ่ พอตั้งสติได้ ผมก็ว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ไม่ตลกนะครับพี่อินทร์ ผมถามตรงๆ เลย ทำไมถึงชอบแกล้งผมนัก”

พอเห็นผมจริงจัง พี่อินทร์ก็เลิกทำท่าแรด เปลี่ยนมาเป็นกอดอกแล้วครุ่นคิดแทน

“อืม... นั่นสิ ทำไมน้า” เสร็จแล้วก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรออก “อ้อ ใช่แล้วๆ”

ผมก็รอฟังเต็มที่เลย แต่ทว่า...

“เพราะจิไม่เรียกแทนตัวเองว่าจิกับพี่ไง พี่เลยชอบแกล้ง”

มันใช่เหตุผลหรือไงวะนั่น!

แน่นอนว่าไม่ใช่เหตุผลหรอก พี่อินทร์ก็แถแท่ดๆ ไปเรื่อยแหละ ซึ่งมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อเขาว่ามาอีก

“ถ้าไม่อยากให้พี่แกล้ง จิก็เรียนแทนตัวเองว่าจิเหมือนกับที่พูดกับไอ้บุศย์บ้างสิ”

ยักคิ้วหลิ่วตามาให้ด้วย นี่ไง ผมถึงได้บอกว่ามันไม่ใช่เหตุผลที่เขาชอบแกล้งผมน่ะ

“เอาดีๆ พี่อินทร์ ทำไมถึงต้องชอบแกล้งผมทุกครั้งที่เจอหน้าด้วย”

“แน่ะ ไม่เรียกแทนตัวเองว่าจิอีกละ”

แทนที่จะตอบคำถาม พี่อินทร์ดันพูดไปเรื่องอื่น ทำปากยื่นๆ เหมือนน้อยใจมาอีก ผมก็ไม่ยอมหรอก ดึงดันจะให้เขาตอบให้ได้

“ก็บอกผมมาก่อนว่าทำไมถึงชอบแกล้งผม ไม่งั้นไม่เรียกแทนตัวเองว่าจิกับพี่อินทร์หรอก”

เหมือนครั้งนี้ผมจะชนะ พี่อินทร์เงียบไป หน้าตาดูฮึดฮัดก่อนจะตอบออกมา

“ก็แกล้งเรามันสนุกนี่”

ได้ยิน ผมก็ไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรง

“พี่อินทร์สนุกอยู่คนเดียวเถอะ ผมไม่สนุกด้วย”

โดยเฉพาะที่จู่ๆ ก็มาถอดเสื้อผ้าที่ละชิ้นในห้องหับรโหฐานเนี่ย พอนึกได้ว่าเขาคืออิเหนากลับชาติมาเกิด ผมก็ขนลุกขนพองเลยนะ

คลำเจอหัว ไม่มีหาง อันนี้นิสัยอิเหนา ถ้าผมเผลอเมื่อไรแล้วเขาคิดอะไรไม่ดีขึ้นมา เดี๋ยวก็ได้เป็นเมียอิเหนาจริงๆ เลยคราวนี้

พอผมกระฟัดกระเฟียดใส่ พี่อินทร์ก็ให้เหตุผลเพิ่ม

“จริงๆ ก็เพราะว่ามันเขี้ยวด้วย”

“แล้วมันใช่เรื่องที่จะต้องมาแกล้งผมไหมล่ะ”

“ก็เรามันน่าเอ็นดูนี่นา จิไม่รู้ตัวหรอกว่าตัวเองน่าฟัดขนาดไหน”

พูดมาถึงตรงนี้ ผมก็รู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้าขึ้นมา ไม่ต้องบอกก็พอเดาได้เลยว่าตอนนี้แก้มผมเรื่อแดงมากแค่ไหน ปกติแล้วผมมักจะคุ้นชินกับคำชมประมาณนี้ในชาติใหม่นี่นะ แต่พอเป็นผู้ชายที่เมื่อชาติก่อนได้ชื่อว่าหล่อเหลาประหนึ่งเทวดาเดินดินมาชม ผมก็อดที่จะภูมิใจระคนเขินอายหน่อยๆ ขึ้นมาไม่ได้

ทว่า...เพราะอีกฝ่ายคืออิเหนากลับชาติมาเกิด ผมเลยพยายามไม่คล้อยตาม จ้องหน้าพี่อินทร์ที่ยิ้มระรื่นนิ่ง ขณะที่อีกฝ่ายก็ยิ้มกว้าง

แม่ง...โคตรหล่อ เข้าใจแล้วว่าการเปรียบเปรยว่า ‘รูปงามปานอิเหนา’ มันมีที่มาที่ไปยังไง

“ยิ่งทำแก้มป่องๆ ตุ่ยๆ เหมือนกระรอกแล้ว ยิ่งโคตรมันเขี้ยวเลย”

ผมได้สติขึ้นมาในตอนนี้ ส่วนพี่อินทร์ก็ยังคงยิ้มไม่หยุด

“พี่ตอบคำถามเราแล้ว เมื่อไรจะเรียกแทนตัวเองว่าจิกับพี่ล่ะ”

คงจะเลี่ยงไม่ได้แล้ว ผมระบายลมหายใจออกมา ก่อนจะว่าเสียงเบา

“เรียกก็ได้ แต่ถ้าจิเรียกแทนตัวเองแบบนี้แล้ว ต่อไปนี้พี่อินทร์ห้ามแกล้งจิอีกนะครับ”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็ยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมา ขยำขยี้อะไรก็ไม่รู้ในอากาศ พลันน้ำเสียงก็แปรเปลี่ยน อะไรไม่ว่า ถลาเข้ามาหาผม ส่วนไอ้มือที่ไม่รู้ว่าขยำขยี้อะไร ตอนนี้มาบีบแก้มผมทั้งสองข้างไปมาแล้ว

“นว้องงง~ เนี่ย มันน่ายักตะมุตะมิอย่างเนี้ย จะไม่ให้พี่อดใจได้ยังไงไหว หนูแจ้มป่องจังเรยรูก ตุ่ยๆ สีตมปู เจ้าตัวน่ายักของป่าปี๊~”

มึงพูดภาษาคนได้ไหมล่ะ!

พอเข้าใจอยู่นะว่าเวลาเห็นอะไรน่ารักๆ เช่นเด็กเล็กๆ หรือสัตว์ตัวน้อยๆ บางครั้งมันก็เกิดอาการมันเขี้ยว อยากจะน้วยอะไรแบบนี้ แต่คือนี่จรกาไง อิเหนามาน้วยจรกาอย่างหนักหน่วงไม่ได้เว้ย!

“นว้องจิของปี้~”

พี่อินทร์ยังคงดัดเสียงเป็นเสียงสอง บีบแก้มผมจนเริ่มเจ็บแล้วด้วย ผมเลยสะบัดหน้าหนี รีบลุกขึ้นจากโซฟาทันทีที่หลุดพ้นจากสองมือนั้น ก่อนจะชี้หน้าพี่อินทร์อย่างเอาเรื่อง

“บอกแล้วไงว่าห้ามแกล้งจิน่ะ!”

มืออีกข้างก็ลูบแก้มตัวเองป้อยๆ พี่อินทร์ทำปากยื่น ว่ากระเง้ากระงอด

“เห็นแล้วอดใจไม่ไหว นว้องจิของปี้น่ายักมากเยย ตัวเย็กๆ น่าบีบเหมือนตาหนูมุมิ”

แล้วก็ขยำขยี้บ้าบออะไรไม่รู้ในอากาศ ดัดเสียงเป็นเสียงสองไม่เลิก เรียกผมว่าตาหนูอีกต่างหาก ฟังแล้วผมก็อดเบ้หน้าออกมาไม่ได้

กูว่าต้องมีอะไรผิดพลาด สงสัยตอนกลับชาติมาเกิดจะลืมเอาสมองมาด้วย

แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ผมคิดว่าผมอยู่ในห้องสองต่อสองกับพี่อินทร์ต่อไปไม่ได้ละ ถ้าจะรอพี่บุศย์ล่ะก็ ผมลงไปรอข้างล่างดีกว่า ไว้เขากลับมาแล้วค่อยขึ้นมาที่ห้องใหม่

คิดเท่านั้น ผมก็เตรียมจะเดินไปใส่รองเท้าแล้วลงไปด้านล่าง ทว่าพี่อินทร์ก็มาขวางหน้าเอาไว้ ส่งเสียงสองใส่ผมไม่หยุด

“นว้องจิจะไปไหนฮับ อยู่กับปี้ในห้องนี่แหละ เดี๋ยวป่าปี๊จะดูแยหนูเองยัยตัวเย็ก”

มึงเกินบาทไปไกลแล้วโว้ย!

เกินบาทไม่พอ ทำหน้าทำตาดูหื่นกาม ทำมือขยำขยี้ให้ผมเหงื่อกาฬแตกพลั่กอีก บอกตามตรง ตอนนี้กลัวอิเหนามากกว่าวิหยาสะกำที่เป็นสตอล์กเกอร์อีก โดยเฉพาะตอนที่มันใส่แค่กางเกงตัวเดียวเนี่ย

ไม่ได้การละ ยังไงก็ต้องออกไปจากห้องนี้ก่อน อันตราย...อันตรายมากๆ!

“ถอยไปนะพี่อินทร์ จิจะลงไปรอพี่บุศย์ข้างล่าง”

ไม่ไล่เปล่า ผมยังผลักพี่อินทร์ที่ขยับเข้ามาใกล้ หมายจะมาบีบแก้มผมให้ออกห่างอีกด้วย และในจังหวะที่ถูกผมผลักนั้นเอง พี่อินทร์ก็เซถลาแท่ดๆ พร้อมกับร้องออกมา

“โอ๊ยๆๆ”

เซไปพอ ดันคว้าแขนผมไปแล้วเซไปทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา ส่งผลให้ผมถูกฉุดลงไปนอนด้วยอย่างไม่ทันตั้งตัว แรงกระแทกที่ปะทะเข้ามายังริมฝีปากพร้อมกับสัมผัสอุ่นร้อนผมทำให้ผมต้องเบ้หน้าเพราะเจ็บนิดๆ แต่พอเงยหน้าขึ้นมามอง ความเจ็บเมื่อครู่ก็หายไปเป็นปลิดทิ้งเมื่อผมพบว่าสัมผัสอุ่นร้อนเมื่อครู่มันมาจาก...

สายตาจับจ้องไปยังแผงอกของคนตรงหน้า ตุ่มไตเล็กๆ สีชมพูเรื่อจดจ่ออยู่ที่ปากผมอย่างพอดิบพอดี เท่านั้นก็ประจักษ์...

หัวนม!

เมื่อกี้ล้มปากกระแทกกับหัวนมอิเหนา!

แม่จ๋า ปากจิมีมลทินแล้ว!

ยิ่งกว่าถูกพี่อินทร์จูบอีกนะที่ล้มเอาปากไปประทับกับหัวนมเขาเนี่ย ผมเบ้หน้าทันที ขณะที่พี่อินทร์เหลือบมองแล้วว่าออกมา

“อุต๊ะ” พลันก็ทำหน้าตาราวกับว่าผมกำลังจะขืนใจเขา “อ่อนโยนกับพี่หน่อยนะจิ พี่ยังไม่เคย”

มึงก็ยังจะเล่นอยู่อีก!

อายก็อาย โกรธก็โกรธ ตกใจก็ตกใจ ผมทำอะไรไม่ถูกอยู่หลายวินาที พอได้สติก็รีบตั้งท่าจะลุกด้วยรู้ว่าอยู่ในท่านี้ต่อไปคงไม่เป็นการดีแน่ แต่...ฟ้าคงไม่เป็นใจให้ผมสักเท่าไร พอผมทำท่าจะลุกปุ๊บ ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาด้วยฝีมือของใครบางคนปั๊บ

“โทษทีนะจิ รอนาน...ไหม”

พะ...พี่บุศย์!

หันไปมองก็ยิ่งตกใจกว่าเดิม พี่บุศย์เองก็ตกใจไม่แพ้กัน หน้างี้เหวอเลยที่เห็นผมคร่อมพี่อินทร์ในสภาพกึ่งเปลือยอยู่บนโซฟาอย่างนั้น ผมรีบกระโดดผลุงออกห่างพี่อินทร์อย่างรวดเร็ว แก้ตัวเป็นพัลวัน

“มะ...ไม่ใช่อย่างที่พี่บุศย์คิดนะครับ คะ...คือว่า...”

ยังอธิบายไม่ทันจบ มัวแต่ละล่ำละลัก ทันใดนั้น พี่อินทร์ก็ลุกขึ้นมานั่งหนีบๆ เหนียมๆ อายๆ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นทำเหมือนซับน้ำตา

“ทำไมจิถึงทำกับพี่แบบนี้ กระซิกๆ”

ทำอะไรเล่า! ไม่ได้ทำอะไรเลยโว้ย!

แต่ก็ยังไม่ทันได้แก้ตัว พี่อินทร์ก็โพล่งออกมาอีกแล้ว

“ถึงเขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก ยิ้มข้างนอกช้ำใน...”

ทำท่าทางประหนึ่งถูกผมพรากพรหมจรรย์ สะดีดสะดิ้งไม่เลิก ส่วนพี่บุศย์ก็ย่นคิ้วขมวดจนหน้าตาดูน่ากลัว ผมซึ่งไม่เคยเห็นพี่บุศย์ทำหน้าแบบนี้มาก่อนก็ใจหายไม่น้อย ยิ่งเขาถามออกมา

“มีใครจะบอกได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น”

สิ้นเสียง พี่อินทร์ก็ชิงพูดก่อนทันที

“กูถูกข่มเหงน้ำใจ น้องรหัสมึงมัน...”

แล้วก็ไม่พูดต่อ ทำเป็นซับน้ำตา มืออีกข้างที่ว่างก็กอดร่างเปล่าเปลือยช่วงบนของตัวเองไว้ พอพี่บุศย์มองมายังผมอย่างขอคำอธิบาย ผมก็บ่อน้ำตาแตกทันที

“จะ...จิไม่ได้ตั้งใจ สถานการณ์มันพาไป พี่บุศย์... จิไม่ได้ตั้งใจทำพี่อินทร์นะครับ ฮือ...”

ไปกันใหญ่แล้ว!

-----------------------------

นว้องจิของมี้รูกกกก ไหนๆ ใครแกล้งหนู เดี๋ยวมี้ตีให้ #ทำเสียงสองตามพี่อินทร์ 555

ไอ้นี่ก็ขยันแกล้งน้องเหลือเกิน ทำน้องร้องไห้อีกแล้ว โถลูก เขียนเองเอ็นดูเอง ฮา

ตอนหน้าเจอกันพรุ่งนี้จ้า ไปหวีดกันที่ #จรกาคนงาม ได้นะคะ



หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 06★ นว้องจิของปี้[1.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: xexezero ที่ 02-05-2018 00:14:23
อีพี่อินทร์5555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 06★ นว้องจิของปี้[1.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-05-2018 00:44:16
อิเหนา อิบ้า  :hao5:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 06★ นว้องจิของปี้[1.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-05-2018 01:32:30
ไม่มีอะไรมาก นอกจากเรียกสตินังเหนา  :z6:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 06★ นว้องจิของปี้[1.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 02-05-2018 01:36:37
โอ้ย อิเหนา อิบ้า นอกจากลืมสมองมาจากชาติที่แล้ว สติก็คงลืมเอามาด้วย อะไรมันจะบ้าจะบวมขนาดนี้
สงสารน้องจิ ขวัญกระเจิงไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 06★ นว้องจิของปี้[1.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-05-2018 03:56:00
อีนี่มันบ้า o22  หนูจิอย่าไปใกล้นะลูก  :กอด1: โดนแกล้งน้ำตาตกอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 06★ นว้องจิของปี้[1.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 02-05-2018 07:04:13
โว้ย อิบ้า ทำเสียงสองอะไรเนี่ย ขำจนปวดท้องแล้ว  มาต่อเร็วมากๆ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 06★ นว้องจิของปี้[1.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 02-05-2018 07:21:51
น้องจิอย่าไปยุ่งกับมันลูก อินี่มันบ้า อิบ้าาา โอเวอร์โดสมาหรอหรือยังไงเนี่ย โอ้ยยยย
ตลกมากตอนน้องบอกอินี่มันเกินบาทไปไกลแล้ว 555555555 :m20:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 06★ นว้องจิของปี้[1.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 02-05-2018 08:24:06
สมองลืมเอามาจากชาติที่แล้วแน่
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 06★ นว้องจิของปี้[1.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 02-05-2018 08:44:37
ลูกจิของแม่ ต้องทนเจอกับอิเหนาแบบนี้ไปอีกนาน
ทน ๆ เอานะลูก แม่เป็นกำลังใจให้

 :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 06★ นว้องจิของปี้[1.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 02-05-2018 09:36:21
น้องจิลูกกกกก
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 06★ นว้องจิของปี้[1.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 02-05-2018 10:33:42
บ้าบอที่แท้จริง
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 06★ นว้องจิของปี้[1.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 02-05-2018 13:12:02
อินเนี่ยช่างกะล่อนตอแหลได้รางวัล
ออสก้าร์เลยนะ ส่วนน้องเราขี้แงได้น่าเอ็นดูจริง
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 06★ นว้องจิของปี้[1.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-05-2018 18:20:54
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 06★ นว้องจิของปี้[1.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 02-05-2018 18:48:49
มีรางวัลพระเอกตอแหลแห่งปีไหมคะ อยากยกให้พี่มันจริงๆ5555 แต่น้อนร้องไห้ที่ไรป้าเอ็นดูทุกที หนู้รู้กตัวเย็กๆน่ายัก *ติดเชื้อพี่อินมา*
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 06★ นว้องจิของปี้[1.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 03-05-2018 00:04:12
อีพี่อินทร์ตอแหลมากกกกก เสียงสองอารายยยยย ตล๊กกกกกก :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 06★ นว้องจิของปี้[1.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 03-05-2018 00:09:33
Chapter 7: เจ้ากรรมนายเวร



บัดนั้น                            ฝูงสนมนารีศรีใส

ทั้งเถ้าแก่ชะแม่กำนัลใน                  ต่างไปชิงช่องมองเมียง

ครั้นเห็นจรกาเข้ามาเฝ้า                  บรรดาเหล่าชะแม่แซ่เสียง

บ้างตำหนิติว่าหน้าเพรียง                ดูดำดังเหนี่ยงน่าชังนัก

ไม่มีทรวดทรงองค์เอวอ้วน               พิศไหนเลวล้วนอัปลักษณ์

ใส่ชฎาก็ไม่รับกับพักตร์                   งามบาดตานักขี้คร้านดู

บ้างว่าเสียงเพราะเสนาะเหลือ         แหบเครือเบื่อฟังรำคาญหู

รูปร่างอย่างไพร่ใช่ระตู                    ไม่ควรเคียงคู่พระบุตรี

กระนี้หรือช่างมาตุนาหงัน                เห็นเกินหน้าไกลกันทั้งศักดิ์ศรี

ดังเอาปัดขี้ร้ายราคี                                    ปนมณีจินดาค่าควรเมือง

ลางคนว่าระคูจะคู่ครอง                  ดั่งเพชรผูกเรืองรองด้วยทองเหลือง

เหมือนทองคำธรรมชาติรุ่งเรือง         มารู่กับกระเบื้องไม่ควรกัน

ลางนางบ้างโกรธแล้วพาที              เสียดายพระบุตรีสาวสวรรค์

ถ้าได้กับอิเหนากุเรปัน                    น่าชมสมกันข้าชอบใจ

อันระตูผู้นี้บัดสีนัก                         จะร่วมเรียงเคียงพักตร์หาควรไม่

บ้างห้ามว่าอย่าอื้ออึงไป                  บ้างบ่นพิไรไปมาฯ

 

เฮือก!

ผมลุกพรวดขึ้นนั่งด้วยอารามตกใจ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นระส่ำ พอมองไปรอบๆ กายแล้วตระหนักได้ว่าอยู่ในห้องของตัวเอง ก็พอจะจับต้นชนปลายได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้มันคือความฝัน แต่ดันเป็นความฝันที่มาจากความทรงจำในชาติที่แล้ว

เสียงของเหล่านางกำนัลพวกนั้นที่บริภาษรูปร่างหน้าตาผมเมื่อครั้งยังเป็นจรกาและเดินทางไปทูลขอนางบุษบาจากท้าวดาหายังคงดังแว่วขึ้นอยู่ในหู และเพราะเรื่องนั้นเองก็เป็นเหตุที่ทำให้ผมโดนใครต่อใครรังแกมาโดยตลอด โดยเฉพาะ...อิเหนา

ใช่ ผลพวงของการฝันร้ายเมื่อกี้นั้นมันมาจากการที่ถูกพี่อินทร์แกล้งในวันนั้นนั่นแหละ ตอนที่พี่บุศย์เข้ามาเจอ กว่าที่ผมจะอธิบายให้เขาเข้าใจเหตุผลที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ก็เล่นเอาเสียเวลาไปเกือบชั่วโมง เพราะกว่าพี่อินทร์จะเลิกเล่น กว่าผมจะเลิกร้องไห้ กว่าจะอธิบายเสร็จ ใช้เวลานานเลยทีเดียว เรียกได้ว่าสถานการณ์ในตอนนั้นมั่วซั่ววุ่นวายสุดๆ ไปเลย

และพอทุกอย่างเคลียร์เรียบร้อยลงตัว ผมก็ได้ข้อสรุปว่า...

ต่อไปนี้จะไม่ไปเจอพี่อินทร์อีก!

ไม่สมควรไปเจอเป็นอย่างยิ่ง โคตรขี้แกล้งเลย มันทำให้ผมหวนคิดถึงความหลังฝังใจจนฝันร้ายอยู่หลายคืนแล้วเนี่ย

ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชาตินี้เกิดมาหน้าตาน่ารักแล้วถึงยังได้ชอบกลั่นแกล้งอยู่อีก ไปทำอะไรให้วะเนี่ย!

คิดแล้วก็หงุดหงิดนะ น้องรหัสตัวเองก็มีแต่ไม่แกล้งอะ มาแกล้งแต่ผม ขนาดพี่บุศย์ยังออกปากเลยว่าให้เพลาๆ แกล้งผมลงหน่อยเพราะเขาเองก็ไม่พอใจเหมือนกัน ครั้งล่าสุดนี่พี่อินทร์แกล้งผมแรงเกินไป

แรงไม่แรงก็คิดดู ถึงขั้นจุ๊บกับหัวนมเขาอะ คิดแล้วขนลุกซู่ อยากเอาเป็ดโปรฯ ราดปากฉิบเป๋ง

แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลสักเท่าไรนัก เพราะนอกจากพี่อินทร์จะไม่ฟังแล้ว ยังทำลอยหน้าลอยตา

‘ก็น้องรหัสมึงมันน่าแกล้ง’

เจ้ากรรมนายเวร...

แบบนี้เป็นเจ้ากรรมนายเวรแน่ๆ

ว่ากันว่าหากเคยมีความรักหรือความแค้นใดๆ ที่ปล่อยวางไม่ได้มาจากชาติก่อน ก็จะได้พบกันในอีกชาติ แต่เท่าที่เห็น ผมควรจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรเขามากกว่า ไม่ใช่เขามาเป็นเจ้ากรรมนายเวรผมแล้วก็มาตามรังแกไม่เลิกราอย่างนี้!

แต่ถึงจะคิดว่าจะไม่ไปเจอเขาอีก ในชีวิตจริงมันเลี่ยงได้เสียที่ไหนในเมื่อเขาเป็นรูมเมตของพี่รหัสผม ยิ่งผมทำหลบหน้า ก็ร้อนถึงพี่บุศย์ที่ไม่สบายใจจนต้องโทรมาเรียกให้ผมไปหาในช่วงพักกลางวัน

“จิโกรธไอ้อินทร์เรื่องวันนั้นมากถึงขนาดนี้เลยเหรอ”

เจอหน้าผม ทักทายพอเป็นกระษัยได้ก็เข้าเรื่องเลย ผมอยากจะบอกอยู่หรอกว่าใช่ แต่พอเห็นสีหน้าอึดอัดใจของพี่บุศย์แล้ว ผมก็ไม่กล้าพูดขึ้นมา

“จริงๆ จิก็ไม่ได้โกรธมากขนาดนั้นหรอกครับ”

“พี่ว่าไม่มั้ง ถึงขั้นหนีหน้า ได้ยินชื่อก็วิ่งปรู๊ดแบบนี้ น่าจะโกรธมาก”

ไม่ได้โกรธมาก...จริงๆ นะ แต่กลัวต่างหาก กลัวว่าจะถูกแกล้งอีกง่ะเลยต้องหนีไว้ก่อน

“จิไม่ได้โกรธ...มากขนาดนั้นจริงๆ ครับ”

แต่ก็ยอมรับว่าอีกใจหนึ่งก็โกรธแหละ พอพูดแค่นั้น พี่บุศย์ก็ถอนหายใจออกมา

“พี่เข้าใจนะ แต่จิอย่าคิดอะไรมากเลย ไอ้อินทร์มันก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบแกล้งคนโน้นคนนี้ไปเรื่อย แม้แต่พี่เอง มันยังแกล้งเลย แต่กับจิจะมากเป็นพิเศษหน่อย สงสัยเห็นเราน่ารักมั้ง มันเลยเอ็นดู”

พูดพลางระบายยิ้มน้อยๆ ผมก็ยิ้มรับแหยๆ

เอ็นดูแบบนี้ไม่ต้องหรอกเว้ย!

แล้วพูดได้ไหมล่ะ ได้แต่หัวเราะแห้งๆ

“แต่แกล้งจิบ่อยๆ แบบนี้ จิก็ไม่ไหวเหมือนกันครับ แหะๆ”

“ไม่ต้องห่วง พี่ด่าไอ้อินทร์ให้แล้ว แล้วก็เตือนมันแล้วด้วยว่าอย่าแกล้งจิมาก เราก็อย่าคิดมากเลยนะ”

คราวนี้ลูบหัวผมเบาๆ ผมที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเหลือบมองแล้วก็ร้อนผะผ่าวที่ใบหน้าขึ้นมาเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังส่งยิ้มให้ผมอยู่

“อย่าถือสาคนบ้าอย่างไอ้อินทร์เลย”

ผมหัวเราะให้กับคำพูดนั้น ก็ยังดีที่พี่บุศย์คิดว่าพี่อินทร์เป็นบ้าเหมือนกับผม

แล้วหลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นมาอีก

“จริงๆ แล้วที่พี่โทรเรียกให้จิมาหา พี่มีอะไรจะถามหน่อยน่ะ”

“อะไรเหรอครับ”

“เย็นนี้จิว่างไหม หมายถึง...เลิกเรียนแล้วไปไหนหรือเปล่า”

“ไม่ครับ พี่บุศย์จะชวนจิไปไหนเหรอ”

ผมแกล้งถาม ในใจก็ลุ้นอยู่ไม่น้อยว่าให้เขาชวนผมไปไหนสักที่ แล้วก็ต้องลิงโลดเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมา

“พี่อยากพาจิไปกินบิงซูน่ะ มีร้านเปิดใหม่อยู่หน้า ม. อยากไปไหม”

มีเหรอที่ผมจะปฏิเสธ พยักหน้ารับรัวๆ เลย “ไปสิครับ ไปๆ”

“งั้นก็ดีเลย เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”

ผมก็อยากจะเลี้ยงเขาบ้างเหมือนกันนะ แต่ในเมื่อพี่บุศย์เป็นคนออกปากก่อน ถ้าปฏิเสธก็เสียน้ำใจแย่ ผมเลยพยักหน้ารับไปอีกครั้ง แต่แล้วก็รู้ตัวว่าพลาดที่ตกปากรับคำไปเมื่อพี่บุศย์มีสีหน้าเจื่อนขึ้นมาน้อยๆ

“แต่ว่า...เราไม่ได้ไปกันสองคนนะ”

“เอ๋?”

“ไอ้อินทร์มันไปด้วยน่ะ”

รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนหน้าผมแห้งไปทันตา

แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกว่าไอ้บ้านั่นก็ไปด้วย!

“ความจริงไอ้อินทร์มันอยากจะเลี้ยงขนมจิเป็นการขอโทษที่แกล้งเกินเหตุวันนั้นน่ะ แต่มันไม่กล้ามาชวนเอง กลัวจิจะไม่ไป พี่เลยอาสามาชวนให้ อย่าโกรธพี่ไปอีกคนนะ”

ผมจะไปโกรธเขาลงได้ยังไงกันล่ะ ยิ่งพี่บุศย์ทำหน้าเหมือนสำนึกผิดแบบนี้ด้วยแล้ว ผมก็ไม่กล้าพูดความในใจออกไปทั้งนั้นแหละ ได้แต่หัวเราะโง่ๆ

“อ๋อ แหะๆ ไม่เป็นไรครับ พี่อินทร์ไปด้วยก็ได้”

แต่ใจจริงโคตรไม่อยากไปเลย ต่อให้พี่บุศย์ไปด้วยก็เถอะ ดันรับปากไปแล้วนี่สิ

“งั้นเลิกเรียนแล้ว ไปรอที่ร้านเลยนะ ไว้เจอกันนะจิ”

พอผมรับปาก พี่บุศย์ก็รีบรวบรัดตัดตอนจบบทโดยไม่ถามไถ่ผมสักคำ แถมพอพูดเสร็จก็โบกมือบ๊ายบาย หายต๋อมไปอีกทางอย่างรวดเร็ว

สงสัยกลัวผมจะเปลี่ยนใจล่ะมั้ง

ก็อยากจะเปลี่ยนใจนั่นแหละ แต่หาช่องไม่ได้เลย ปล่อยเลยตามเลยไปก่อนแล้วกัน

 

พอเลิกเรียน ผมก็ไปยืนหัวโด่ที่หน้าร้านบิงซูเปิดใหม่ที่นัดกับพี่บุศย์ไว้ เขาส่งข้อความมาบอกว่าร้านอยู่ตรงไหน ผมว่าผมก็มาถูกร้านนะ แต่มองซ้ายมองขวาก็ยังไม่เห็นเขาโผล่มาเลยแม้แต่น้อย ยกเว้น...

“ฮาย~ จิระ”

...ไอ้อิเหนา

โผล่มาคนแรกพร้อมกับสีหน้าดี๊ด๊าสุดชีวิต ผมเก็บอาการไม่ให้แสดงความเหม็นเบื่อออกทางสีหน้าอย่างเต็มที่ แต่ถึงจะเก็บอาการนี้ได้ ทว่าไม่สามารถยิ้มรับเขาได้เลย ได้แต่มองผู้ชายที่เดินเข้ามาหาผมแล้วว่าอย่างเอือมๆ

“หวัดดีครับพี่อินทร์”

พี่อินทร์มาหยุดตรงหน้า ยิ้มระรื่นจนน่ารำคาญ

“ปะ เข้าไปข้างในกัน เดี๋ยวคนเยอะ”

พอเขาชวนเข้าร้าน ผมก็รีบถามหาใครอีกคนที่ยังไม่โผล่มาทันที

“แล้วพี่บุศย์ล่ะครับ”

“เห็นมันบอกว่าติดประชุมโปรเจ็กต์ เดี๋ยวตามมา อาจจะช้าหน่อย”

แค่นี้ ผมก็ขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้

น้องบุษบานะน้องบุษบา หรือว่านี่จะหลอกให้พี่จรกามาเผชิญหน้ากับไอ้อิเหนาสองต่อสองเนี่ย!

คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ ดูท่าทางพี่บุศย์อยากจะให้ผมหายโกรธพี่อินทร์ เลยเปิดโอกาสให้พี่อินทร์ได้มาคุยกับผมล่ะมั้ง

“เอ้า เข้ามาสิ จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม”

เขาว่าขึ้นมาอีก ถึงตอนนี้ผมคงจะหนีหน้าเขาไม่ได้แล้ว ก็เลยยอมเดินตามเข้าไป ก่อนพี่อินทร์จะเลือกโต๊ะมุมในสุดของร้านเป็นที่นั่ง ผมมองไปรอบๆ ร้านที่ตกแต่งสไตล์มินิมอล ค่อนข้างดูโปร่งและสบายตา แต่พอเห็นคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผม เท่านั้นก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที

“อยากกินอะไร จิสั่งเลยนะ พี่เลี้ยงเอง”

ว่าแล้วก็ยื่นเมนูที่พนักงานเอามาให้มาตรงหน้าผม

เฮอะ! คิดว่าจะเอาบิงซูมาล่อให้ผมหายโกรธล่ะสิ แต่ฝันไปเถอะ ผมไม่เห็นแก่กินหรอก

“ยังไม่สั่งดีกว่าครับ จิรอพี่บุศย์มาก่อนดีกว่า จะรอกินพร้อมกับพี่บุศย์ ถ้าพี่อินทร์หิวก็สั่งมากินก่อนเลย”

ผมว่าอย่างไม่ยี่หระเท่าไร ทำให้พี่อินทร์ว่ากระเง้ากระงอดออกมา

“จะบ้าเหรอ สั่งบิงซูมากินคนเดียวเนี่ยนะ ถ้วยเบ้อเร่อขนาดนั้น ใครจะกินคนเดียวหมด ไม่เอาอะ งั้นรอไอ้บุศย์ก่อนก็ได้”

จะทำอะไรก็ทำไปเลย ผมไม่สนใจหรอก หันหน้าไปมองนอกร้านผ่านกระจกข้างๆ กะว่าจะไม่คุยกับเขาให้อารมณ์เสียหรือเปิดช่องทางให้เขาได้แกล้ง แต่ทว่า... พอผมไม่สนใจ พี่อินทร์ก็เอื้อมมือมาจิ้มแก้มผมจึ้กๆ

จึ้กๆ...

จึ้กๆ...

ผมเหลือบสายตาไปมองก็เห็นพี่อินทร์นั่งเท้าคาง ใช้มืออีกข้างจิ้มแก้มผมไม่หยุด ผมเลยสะบัดหน้าหนี ออกปากปราม

“อย่าครับ”

แล้วฟังไหมล่ะ หึ! ไม่ฟังเลยสักนิด เอื้อมมือมาจะจิ้มอีก ผมเลยปัดมือเขาออก

“พี่อินทร์ จิบอกว่าอย่า”

ยังไม่ฟังอีก วอแวเร้าหรือไม่หยุด จิ้มมาอีกจนได้ เท่านั้นแหละ ผมก็หงุดหงิดเลย

มึงจะแหย่อะไรนักหนา!

“พี่อินทร์! อย่าทำแบบนี้!”

ผมชักจะรำคาญจนถึงขีดสุดแล้ว สะบัดหน้าหนีพร้อมกับปัดมือเขาออกอีกครั้ง พี่อินทร์ก็แทนที่จะสำนึกว่าทำให้ผมอารมณ์เสียอีกแล้วดันหัวเราะร่วน

“จับแก้มหน่อยไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้ครับ”

“ทำไมล่ะ”

“จิไม่ชอบ”

“ไม่ชอบหรืออาย?”

“ทั้งคู่นั่นแหละ อย่าทำอีกนะ รำคาญ”

ตอนนี้ไม่ไว้หน้าอะไรทั้งนั้น ผมค้นพบแล้วว่าทางที่ดีที่สุดของการหลีกเลี่ยงการถูกแกล้งคือบอกไปตรงๆ ว่าไม่ชอบ แต่เหมือนจะไม่ได้ผลเลยสักนิดเมื่อพี่อินทร์เริ่มส่งเสียงออกมา

“โอ้นวลลออ น้องจะเหนียมอายไปทำไม หันมาใกล้ๆ ซิ จะอายไปไหนกัน”

จู่ๆ ก็ร้องเพลงจูบเย้ยจันทร์ขึ้นมาเฉยเลย ผมย่นคิ้วยู่ มองเขาที่ทำท่าสะดีดสะดิ้งจับแก้มตัวเอง ร้องเพลงไม่หยุด

“อุ๊ย ไม่เอา อุ๊ย ไม่เอา เค้ารู้ทัน น้องอายพระจันทร์ ดูสิท่านกำลังมอง”

ร้องแบบสลับเสียงหนึ่งกับเสียงสองด้วย ท่อนผู้ชายก็ร้องเสียงเข้มๆ พอเข้าท่อนผู้หญิงก็ดัดเสียงสอง ผมว่านะ ถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่าง แม่งร้องไปยันจบเพลงแน่ๆ แค่ตอนนี้ก็ร้องไปเรื่อยจนถึงกลางเพลงแล้ว แถมโต๊ะอื่นก็เริ่มมองมาทางเราพลางหัวเราะคิกคักแล้วด้วยเถอะ ผมเลยต้องรีบเรียกสติเขาก่อนที่จะสะดีดสะดิ้งไปมากกว่านี้

“พี่อินทร์”

“จันทร์ไม่มองแล้วจันทร์ไม่มอง”

“พี่อินทร์”

“จันทร์ไม่มองน้องก็ไม่ให้”

“พี่อินทร์ครับ”

“จันทร์ไม่มองน้องอายอะไร”

“พี่...”

“อายแก่ใจเห็นดาวยังจ้อง”

“จิว่าหยุด...”

“แน่ะเมฆมาทับ ดับแล้วดวงดารา มาหอมหน่อยขวัญตา น้องเอยอย่ากลัวท่านเหลียวมอง”

“…”

“อุ๊ยว้าย! ดูซิช้ำไปเป็นกอง”

ถึงท่อนนี้ ท่าทางดูตอแล้ตอแหล ชม้อยชม้ายชายตาให้ผม เอามืออังแก้มดิ้นแด๊ะแด๋สุดชีวิต เห็นแล้วอยากเอาเมนูฟาดหน้า

มึงก็หยุดแรดสักนาทีนึงได้ไหมเล่า! กูหาจุดพูดแทรกไม่ได้เลยเนี่ย!

“ถ้าพี่อินทร์ไม่หยุด จิจะโกรธแล้วจริงๆ นะ”

พอผมพูดออกมาแบบนี้ พี่อินทร์ก็หยุดจนได้ แต่ก็ไม่วายหัวเราะออกมาด้วยขำกับสีหน้าของผม

“พี่แค่ร้องเพลงแค่นี้เอง ทำไมต้องโกรธด้วย”

กูจะไม่โกรธเลยถ้ามึงร้องแล้วไม่ทำท่าแรดขนาดนี้น่ะ เดี๋ยวสลับเสียงชายหญิงไปมา มึงเป็นไบโพล่าร์เหรอไอ้อิเหนา!

ผมไม่พูด ได้แค่ค้อนประหลับประเหลือก พี่อินทร์ก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าคางบนโต๊ะอีกครั้ง มืออีกข้างเอื้อมมาจับแก้มผมอีกแล้ว

“โอ๋ๆ ไม่งอนนะพ่อหนุ่มหน้ากระรอก”

ผมปัดมือเขาทิ้ง ว่าเสียงแข็ง “เลิกเล่นได้แล้ว จิบอกแล้วไงว่าไม่ชอบ”

พี่อินทร์ชะงัก “ไม่ชอบให้พี่แกล้ง หรือไม่ชอบให้พี่จับแก้ม”

“ทั้งสองอย่างนั่นแหละครับ เลิกถามได้แล้ว”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็ยืดตัวขึ้น ว่าอย่างไม่ยี่หระ

“งั้นก็ช่วยไม่ได้ ร้องเพลงต่อแล้วกัน โน่นแน่ะนกเขาคูจุ๊ก จุ๊กกรูนกมันเฝ้าคูหาชู้มัน~”

มึงจะมาเป็นแฟนบอยวงสุนทราภรณ์แบบนี้ไม่ได้!

ผมรีบเอื้อมมือไปปิดปากเขาเลย เพราะไม่อย่างนั้นพี่อินทร์ได้ร้องเพลงใหม่ออกมาแน่ ก่อนผมจะรีบว่าเร็วๆ

“รู้แล้วๆ จับก็จับ แต่ห้ามร้องเพลงอีกนะ ไม่งั้นจิกลับจริงๆ ด้วย พี่บุศย์ก็จะไม่รอแล้ว”

ดวงตาของพี่อินทร์ดูมีรอยยิ้มขึ้นมา ท่าทางจะขำผมมาก แต่ก็ยอมพยักหน้า พอผมปล่อยมือออก เขาก็ว่าหน้าระรื่น

“ยอมแบบนี้ตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่องแล้ว”

แล้วก็ใช้มือมาบีบๆ จับๆ แก้มผมเป็นการใหญ่ โดยไม่สนใจว่าผมจะหน้ามุ่ยแค่ไหนเลย

ไอ้อิเหนานี่เจ้ากรรมนายเวรของจรกาที่แท้ทรู

แล้วพูดอะไรได้บ้างไหมล่ะ แม่ง เหมือนสีซอให้ควายฟังอะ ไม่ได้มีประโยชน์อะไรขึ้นมาเลยสักนิด

และพอผมยอมให้เขานั่งจับแก้มจนหนำใจพร้อมกับทำหน้าบูดใส่เขาตลอดเวลา จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีบางอย่างมาเสียบที่ใบหู สายตาเหลือบเห็นเงาสะท้อนรางๆ ของตัวเองในกระจกร้านพอดี พลันก็พบว่าไอ้ที่รู้สึกเมื่อกี้เป็นเพราะพี่อินทร์เอาดอกไม้มาทัดหูผม

ดอกไม้...

เป็นดอกชบาสีชมพู…

ผมหันไปมองหน้าเขา กะจะแหวใส่เขานั่นแหละว่าเล่นอะไร แต่พี่อินทร์ก็พูดขึ้นมาเสียก่อน

“ทำแบบนี้แล้วน่ารักดี”

“แต่จิไม่ชอบ”

ผมว่าไปอีก เดาได้เลยว่าตอนนี้คิ้วแทบจะขมวดกันเป็นปมแล้วมั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้พี่อินทร์สนใจอะไร เขายิ้มให้ผมแล้วว่าเสียงเรียบ

“แต่พี่ชอบ”

“เฮอะ ก็แน่ล่ะสิ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพี่อินทร์ชอบแกล้งจิ”

ผมว่า เขาหัวเราะแล้วก็ส่ายหน้า

“ใครบอกว่าพี่ชอบแกล้งจิ”

“ไม่ต้องมีใครบอก จิก็รู้ เจอหน้าทีไรก็แกล้งทุกที อย่างนี้จะบอกว่าไม่ชอบแกล้งเหรอ”

เขาไม่ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ยอมรับ ได้แต่พูดประโยคอื่น

“ถ้าจิไม่ชอบให้พี่แกล้ง พี่ก็จะแกล้งน้อยลงนะ”

“ก็ยังแกล้งอยู่ดีไม่ใช่เหรอ”

ผมพึมพำ พี่อินทร์ได้ยินเต็มสองหูนั่นแหละ แต่เขาทำเป็นหูทวนลม

“แต่ที่พี่บอกว่าไม่ชอบแกล้งจิน่ะ เรื่องจริงนะ”

ใครเชื่อก็กินหญ้าแล้ว!

แต่เขาก็ทำให้ผมต้องนิ่งงันไปเมื่อพูดออกมาอีก

“เพราะจริงๆ แล้ว พี่มีอย่างอื่นที่ชอบมากกว่า”

อย่างอื่นที่ชอบมากกว่า... อะไรน่ะ

ทว่าเขาก็ไม่ให้คำตอบผมแล้ว ได้แต่หันไปหยิบดอกไม้อีกดอกมาทัดหูผม คราวนี้เหมือนจะเป็นดอกดาวเรืองเพราะเห็นสีเหลืองๆ พลันผมก็ฉุกใจขึ้นมา

“พี่อินทร์”

“หืม?”

“เอาดอกไม้มาจากไหน”

เขาพยักพเยิดใบหน้าไปยังกลางโต๊ะ เท่านั้นผมก็รู้เลย

มึงจะเอาดอกไม้ที่ใส่แจกันประดับโต๊ะมาทัดหูกูแบบนี้ไม่ได้!

ผมรีบดึงดอกไม้ออกแล้วปักคืนไปในแจกันเหมือนเดิม ขณะที่พี่อินทร์เห็นแล้วก็ทำหน้าตาเหมือนตัดพ้อ

“คนใจร้าย~”

เออ! กูจะใจร้ายให้มากกว่านี้ด้วยถ้ายังเอาดอกไม้มาปักชำที่หัวกูเนี่ย!

เจ้ากรรมนายเวรจริงๆ เล้ย!

----------------------------------

มาแล้วค่า วันนี้มาดึกนิดนึง เพิ่งเขียนจบตอน 555

พี่อินทร์นี่อะไรยังไง แลดูมีลับลมคมในนะฮ้า~ แต่น้องจิยังคงเก้วกาดเหมือนเดิม 55

ฝากฟีดแบ็กไว้ด้วยน้า พรุ่งนี้เจอกันตอนใหม่ค่า

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: xexezero ที่ 03-05-2018 00:19:57
ผมนี่เปิดเพลงประกอบเลย5555 :hao7:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 03-05-2018 00:30:36
อยากกราบใจคนแต่ง มาเร็วมากกกกกกก
คือน้องจิภายนอกดูข่มอารมณ์แต่ภายในเกรี้ยวกราดมาก รำคาญแทนน้อง5555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 03-05-2018 00:53:24
พี่ไม่ได้ชอบแกล้งจิ แต่พี่ชอบจิ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-05-2018 01:35:20
ใครก็ได้เอาอีบ้านี้ไปเก็บที ฉันไม่ไหวแล้ว  :ling2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-05-2018 01:39:09
ถ้าหนูจิรำคาญ จะทำแบบนี้กับนังเหนาซักทีสองทีดูซิ  :fcuk:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 03-05-2018 02:01:41
เอ็นดูน้องงงงงงง
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-05-2018 03:29:32
 :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 03-05-2018 06:49:47
 :m20: :m20:
ไหวมั้ยพี่อินทร์
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 03-05-2018 07:23:36
คือพี่อินทร์กวนเบอร์แรง ระวังน้องจะชังน้ำหน้าจนกู่ไม่กลับนะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-05-2018 07:38:33
โอ้ย พระเอกเรื่องนี้ขี้แกล้งอ่ะ เป็นเรา
 เราจะแกล้งคืนหนักๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 03-05-2018 08:26:11
เขาว่าถ้าคนขี้แกล้งเราแสดงว่าเขาแอบชอบแอบรักเรานะหนูจิ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 03-05-2018 09:26:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 03-05-2018 09:27:26
ทำไมตลก5555555 นี่คิดสโลแกนให้พี่อินทร์
-หน้าตาดีแต่สติไม่ต้องมีก็ได้-
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 03-05-2018 10:08:32
มาเร็วมาก  :กอด1. อิพี่อินทร์ยังคงบ้าเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 03-05-2018 10:33:26
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-05-2018 11:15:17
 :laugh:



 :L2: :pig4: :L2:


 o13
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 03-05-2018 11:16:30
อิพี่เลื่อนขั้นไปเป็นไบโพล่าแล้วววว รับยาด่วนนนน
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 03-05-2018 11:26:49
อิพี่อินทร์มันต๊อง
เพราะน้องจิระคนงาม
งุ้ยๆๆๆ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 03-05-2018 11:37:09
เป็นคนที่ชอบแกล้งคนที่ชอบใช่ไหม อิเหนา!!
แต่นี่ก้อบ้าบอเกิ๊นนนนน 555555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 03-05-2018 15:58:29
พี่อินทร์ไม่คิดว่าตัวเองต้องคีพลุคบ้าง อะไรบ้างหรือคะ แบบว่าเราคือเดือนมหาลัยนะ
ทำตัว ตอแล้ตอแหล เหมือนที่จิพูดเลย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 03-05-2018 19:25:22
อิพี่อินท์มันน่าโดนน้องจิตบสักทีเถอะน่าาา
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 07★ เจ้ากรรมนายเวร[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 03-05-2018 19:45:21
 

Chapter 8: เด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบ

ผมไม่ชอบพี่อินทร์จริงๆ ทุกครั้งที่ถูกเขาแกล้งก็รู้สึกเหมือนกับว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยยังไงก็ไม่รู้ ชาตินี้ผมเกิดมาหน้าตาดี มีคนรัก มีคนหลงแล้ว เรื่องอะไรจะยอมกลับไปให้อิเหนามันกลั่นแกล้งกันอีกเล่า!

เพราะอย่างนั้นผมเลยยื่นคำขาดกับพี่บุศย์ว่าต่อจากนี้ ถ้ามีพี่อินทร์ จะต้องไม่มีผม ผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก พี่บุศย์ก็เข้าใจแหละ แต่ก็ลำบากใจอยู่ไม่น้อยเพราะวันที่นัดไปกินบิงซูกัน เขาอยากให้ผมได้ปรับความเข้าใจกับรูมเมตของเขา แต่เอาเข้าจริงก็กลายเป็นว่าผมถูกพี่อินทร์แกล้งอีก

มันปรับความเข้าใจบ้าบอคอแตกอะไร นัดไปให้ถูกแกล้งมากกว่าเดิมมากกว่า!

หลังจากนั้นพี่บุศย์ก็ไม่พูดเรื่องพี่อินทร์กับผมอีกเลย ผมเองก็ไม่พูดถึงเช่นกัน แม้แต่นึกถึงก็ไม่อยากนึกด้วย

อยู่กันคนละโลกนั่นแหละดีแล้ว ขืนเจอหน้ากันอีก รับรองได้เลยว่าผมกระโดดกัดหูเขาแน่ คนบ้าอะไร แกล้งอยู่ได้ แกล้งจนหงุดหงิด!

ทว่า...ถึงแม้จะหลีกเลี่ยงที่จะเจอหน้าเขา แต่พี่อินทร์ก็มาให้เห็นหน้าอยู่ดี

วันนี้บังเอิญผมกลับช้าหน่อยเนื่องจากต้องคุยงานกลุ่มกับเพื่อนร่วมวิชา ผมก็เพิ่งจะรู้สึกตัวในตอนนี้แหละว่าผมก็มีสังคมของตัวเองเหมือนกัน ไม่ใช่ไปตามติดพี่บุศย์อยู่ตลอด แต่...ไอ้คนที่มีสังคมของตัวเองเหมือนกับผม ทว่าไม่สนใจและไม่ใส่ใจ เอาแต่มาตามติดผม มันมายืนหัวโด่อยู่ที่หน้าคณะแล้ว

ผมมองผู้ชายร่างสูงที่ยืนโปรยยิ้มให้กับคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ทักคนนั้นบ้าง คนโน้นคนนี้ทักเขาบ้างด้วยความหงุดหงิดใจ

ทำไมไอ้อิเหนาจะต้องมายืนดักรออยู่ตรงนี้ด้วย!

จะเดินอ้อมไปออกประตูหลังของคณะก็ไม่ได้ กลับเย็นเกิน ป้าแม่บ้านปิดประตูหลังไปแล้ว ยังไงก็ต้องเดินผ่านประตูหน้าอย่างเดียว

เอาวะ กลั้นใจ หลับหูหลับตารีบๆ เดินผ่านไปจะได้จบๆ

แต่...มันดันไม่จบง่ายๆ เพราะพี่อินทร์หันมาเห็นผมนี่สิ

“ฮาย~ จิระ”

ทักมาแล้ว ทักมาแพทเทิร์นเดิมเด๊ะๆ แล้วเดี๋ยวหลังจากนี้คงจะเริ่มแกล้งผมล่ะสินะ ไม่รู้ล่ะ ตอนนี้ผมไม่สนใจแล้ว เดินหนีไว้ก่อน ทำเป็นไม่ได้ยิน ทำให้พี่อินทร์รีบก้าวตามมาอย่างรวดเร็ว

“โห เดี๋ยวนี้หยิ่งเหรอจ๊ะ ไม่พูดไม่จา ไม่ทักไม่ทาย เป็นคนฮ็อตแล้วหยิ่งเลยนะ”

ตามมาแซวก่อนเลยเป็นอันดับแรก ผมก็ยังไม่สนใจเขาอยู่ดี เอาแต่เดินจ้ำพรวดๆ ขณะที่พี่อินทร์ยังพูดไม่หยุด

“ได้ยินว่าจิมีหนุ่มๆ ในคณะมาชอบเยอะเหรอ เมื่อกี้พี่เจอเพื่อนรุ่นเดียวกับเราเลยลองถามดู มีแต่คนบอกใครๆ ก็รู้จักจิ โดยเฉพาะพวกผู้ชาย”

ผมไม่พูด ไม่สนอยู่เหมือนเดิม พี่อินทร์ก็เลยพล่ามต่อ

“ผู้ชายชอบกันเยอะขนาดนี้นี่น่าตกใจจริงๆ นะ เป็นผู้ชายเหมือนกันแท้ๆ นี่เฮเลนคนงามแห่งคณะสินสาดปะเนี่ย”

พูดหอยหลอดอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะ พอเห็นผมไม่พูดด้วย เขาก็เลิกแซว แต่...ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เลิกแกล้ง พอเห็นว่าผมเมินใส่เขา เขาก็เปลี่ยนมาจิ้มแก้มผมแทน ผมปัดมือเขาออก เขาก็มาจับเส้นผม พอถูกปัดมืออีก ก็ย้ายลงมาจับแก้ม

เป็นแบบนั้นสลับไปมาอยู่สองสามรอบ จนในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว หยุดเดินทันทีแล้วหันไปแหวใส่เขาด้วยความเหลืออด

“พี่อินทร์! จิจะทนไม่ไหวแล้วนะ! เลิกแกล้งจิได้แล้ว!”

พี่อินทร์เองก็ชะงัก แต่สีหน้าไม่ได้ดูตกใจหรือสำนึกผิดใดๆ เลยสักนิด มีแต่ยิ้มร่า ยื่นหน้ามาถามผมอย่างยียวน

“ทนไม่ไหวแล้วจิจะทำอะไรพี่”

“...”

“เอ้า ว่ายังไง จิจะทำอะไรพี่หืม?”

“...”

“ถ้าไม่ตอบ พี่แกล้งอีกนะ”

แล้วก็ยื่นมือมาจะจับปลายจมูกผม ผมเลยรีบปัดออกอย่างรวดเร็วก่อนจะว่า

“จิก็จะ...”

จะทุบสักที หมั่นไส้นัก!

แต่ยังไม่ทันจะได้พูดจบ พี่อินทร์ก็ทำหน้าตาตกใจ ดีดดิ้นกระแด่วๆ มาแล้ว

“ไม่! จิระ! จิจะทำกับพี่แบบนี้ไม่ได้ ม่ายยย!”

กูยังพูดไม่จบ!

แล้วแม่งก็แด๊ะแด๋ๆ ดิ้นๆ เหมือนถูกผมขืนใจอยู่ตรงนั้นแหละ ผมมองอย่างระอา ไอ้ที่อยากจะระเบิดอารมณ์ใส่นั้น ตอนนี้เหมือนปลงชีวิตอะ

เออ เอาเลยมึง เอาให้เต็มที่ จะไม่สนใจแล้ว!

ผมหันหลังขวับให้ รีบเดินหนีทันที รู้อยู่หรอกว่าเดี๋ยวพี่อินทร์ก็ต้องเดินตาม ซึ่งก็จริงเมื่อมีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง

“แกล้งนิดเดียวเอง จะอารมณ์บูดไปทำไมหืมเจ้ากระรอก”

“...”

ไม่...ไม่พูดด้วยคือทางที่ดีที่สุด เพราะถ้าพูด เดี๋ยวมันจะกลายเป็นต่อความยาวสาวความยืดให้ผมได้ถูกแกล้งอีก

“จิ โกรธเหรอ”

พอผมไม่พูด เขาก็ส่งเสียงแผ่วมา ผมเลยหันไปมอง กระแทกเสียงใส่ทันควัน

“โกรธ!”

พี่อินทร์ทำปากยู่ ว่ากระเง้ากระงอด “อย่าโกรธพี่เลย ก็บอกแล้วไงว่าเห็นเราน่ารักดีเลยมันเขี้ยว ใจจริงวันนี้ไม่ได้อยากมาแกล้งจินะ จะมาง้อต่างหากที่วันนั้นแกล้งไม่เลิก มาแก้ตัวน่ะ”

ผมเข้าใจ แล้วไหนง้อล่ะ แก้ตัวบ้าบอคอแตกอะไร ไม่มี้! เห็นหน้าปุ๊บ แม่งก็แกล้งปั๊บเลย

“เรามันน่ามันเขี้ยวจริงๆ พี่อดใจไม่ไหวอ้ะ”

เห็นผมไม่พูด พี่อินทร์ก็แก้ตัวขึ้นมา ตอนนี้แหละที่ผมตีหน้ายักษ์ใส่เขา

“แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะแกล้งจิตลอดทุกครั้งที่เจอหน้าไหมล่ะ!”

อดเสียงดังไม่ได้ด้วย มันสุดจะทนแล้ว โคตรรำคาญเลย แต่พี่อินทร์ก็ยังตอบคำตอบเดิมอยู่

“มันเขี้ยวนี่นา ให้ทำไงได้”

ผมออกเดินอีกครั้ง คราวนี้เดินไปก็เถียงกันไป ผมเห็นเขาเดินตามไม่เลิกราก็เลยตะโกนใส่

“ไม่ต้องตามมาแล้ว ถ้าตามมาอีก จิจะโกรธมากกว่านี้แล้วด้วย!”

“ต๊าย จิระคนก้าวร้าว”

เออ! กูจะก้าวร้าวแล้ว!

ไอ้บ้านี่ก็ไม่เข้าใจสถานการณ์เลยสักนิดว่ายิ่งล้อเล่นก็จะยิ่งทำให้ผมโกรธ ไม่สำนึกเลยสักนิด แต่ผมก็ไม่มีอารมณ์จะไปอธิบายเหมือนกัน เอาแต่เดินหนีซอกแซกไปมา พี่อินทร์ก็เดินตามมาติดๆ ผมเลยพุ่งเข้าไปในซอกระหว่างเสาของป้ายบอกทางไปตึกต่างๆ ตรงหน้า พี่อินทร์เดินตามเข้ามาด้วย แล้วก็...

ปัง!

“โอ๊ย”

หัวชนเข้ากับป้ายเข้าเต็มๆ ผมหันไปมองก็เห็นเขากุมใบหน้าที่แดงเถือกแล้วนั่งยองๆ ลงไป ผมลังเลอยู่เล็กน้อยว่าจะกลับไปดูเขาดีไหม หรือใช้จังหวะนี้ชิ่งหนีไปเลยดี แต่พอพินิจดูดีๆ แล้ว

สงสัยจะเจ็บจริงแฮะ...

ผมก็เลยเดินเข้าไปนั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าเขา

“แล้วจะเดินตามจิมาทำไมเล่า ทางอื่นก็มีตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่เดิน”

“พี่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเดินลอดไม่ผ่านนี่”

“สูงเป็นเปรตขนาดนี้ มองก็ต้องรู้แล้ว”

พอถูกผมบ่น พี่อินทร์ก็สวน

“ใครมันจะไปรู้ว่าจิจะเตี้ยม่อต้อกันเล่า เห็นเดินลอดผ่านได้ พี่ก็เลยตามไปมั่ง”

ผมถึงกับถลึงตาใส่เขาเลย

เขาไม่ได้เรียกเตี้ยม่อต้อ เขาเรียกไซส์กะทัดรัดพกพาสะดวก!

ใช่ ในชาตินี้ถึงจะเกิดมามีหน้าตาน่ารัก เป็นชายหนุ่มรูปงามอย่างใครๆ เขา แต่ความสูงดั๊นนนไม่อำนวยเอาเสียเลย แทนที่จะให้สมส่วนกับหน้าตาหน่อย ดันสูงแค่ร้อยเจ็ดสิบ ความจริงผมว่าก็ไม่ได้เตี้ยอะไรหรอก มาตรฐานชายไทยนี่แหละ แต่พี่อินทร์ดันสูงเกินมาตรฐานชาวบ้านต่างหาก

“เงียบไปเลย ยังจะปากมากอีก” ผมว่า ก่อนจะเอียงคอมองหน้าผากของเขา “ไหนขอจิดูหน่อยสิว่าเลือดออกไหม เมื่อกี้กระแทกซะเต็มแรงเลย”

พี่อินทร์ค่อยๆ คลายมือออก พอผมเห็นหน้าผากปูดโปนมีเลือดซิบๆ ของเขาแล้วก็อดสูดปากด้วยความเจ็บปวดแทนไม่ได้

“โห หัวโนเลยอะ มีเลือดไหลนิดๆ ด้วย”

พี่อินทร์ทำปากยื่น มองผมด้วยสายตาออดอ้อนทันใด

“เจ็บที่หัวไม่เท่าเจ็บที่ใจ จิโกรธพี่ ใจพี่ก็ปวดร้าวเหลือเกิน”

ยังแด๊ะแด๋ไม่เลิกอีก!

ผมพยายามแสร้งเมินคำพูดนั้น ก่อนจะออกปาก

“พี่อินทร์ไปนั่งตรงนั้นก่อนดีกว่า เดี๋ยวจิไปซื้อพลาสเตอร์ในเซเว่นมาแปะให้”

ผมชี้ไปยังคอมมอนรูมของตึกคณะหนึ่งใกล้ๆ ที่ไม่มีคนหลงเหลือแล้ว เขาพยักหน้ารับแต่โดยดี แต่พอจังหวะที่จะลุกขึ้น เขาก็คว้าข้อมือผมเอาไว้ก่อน

“จิ”

“ครับ?”

ผมเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม พลันก็เห็นว่าสีหน้าของพี่อินทร์ดูจริงจังกว่าปกติ

“พี่จะบอกเหตุผลที่ชอบแกล้งจิให้ฟัง อยากฟังไหม คำตอบแบบจริงจังน่ะ ไม่ล้อเล่นแล้ว”

ทำไมจะไม่อยากล่ะ พอผมรู้สาเหตุ ผมก็จะได้เลิกพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงที่จะโดนเขาแกล้งไง

และพอผมพยักหน้า พี่อินทร์ก็ยิ้มออกมา

“ก่อนที่พี่จะบอก พี่ขอถามอะไรจิคำถามนึง”

“อะไรครับ”

“จิเคยได้ยินที่เขาว่ากันว่าเด็กผู้ชายมักชอบแกล้งคนที่ชอบหรือเปล่า”

ผมนิ่งงันไปครู่ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ พร้อมกับความรู้สึกไม่ชอบมาพากลแปลกๆ ขณะที่พี่อินทร์หัวเราะออกมาน้อยๆ ดวงตาพราวระยับอย่างเจ้าเล่ห์ให้ผมได้นิ่วหน้า

อะไร... มีอะไรอีก หวังว่าจะไม่ได้แกล้งผมอีกนะ

ผมเตรียมตัวรอตั้งรับเต็มที่ แต่พี่อินทร์ก็ไม่ได้อธิบายอะไรต่อจากนี้ ได้แต่พูดไปเรื่องอื่นเท่านั้น

“พี่เจ็บแผลแล้ว รีบไปทำแผลกันดีกว่า”

สิ้นเสียงก็ลุกจากตรงนั้น เดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่ผมชี้ไปตอนแรก ปล่อยให้ผมมองตามหลังด้วยใบหน้าที่ร้อนวูบขึ้นมาเมื่อพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าเขาหมายถึงอะไร

เด็กผู้ชายมักชอบแกล้งคนที่ชอบ...

พี่อินทร์ชอบแกล้งผม...

งั้นก็หมายความว่า...

“เอ้า รีบไปซื้อพลาสเตอร์มาเร็ว เดี๋ยวพี่ก็เลือดหมดตัวก่อนหรอก ไปเร็วเข้า”

ไม่ทันจะได้คิดออก พี่อินทร์ก็ส่งเสียงมาแล้ว ผมเลยพยักหน้ารับ เดินไปหาเขาแล้วแบมือออกไปตรงหน้า พี่อินทร์มองด้วยสายตาสงสัย

“อะไรเหรอ”

“ตังค์อะครับ จิไม่ออกตังค์ให้หรอกนะ”

“พลาสเตอร์แผ่นละบาทเองมั้ง”

“แต่ในเซเว่นขายเป็นกล่อง ไม่ได้เป็นแผ่น กล่องละสิบห้าบาทครับ เอาตังค์มาด้วย”

“เจ้ากระรอกขี้งก”

พี่อินทร์หยอกอย่างไม่จริงจังเท่าไร แต่ก็ยอมหยิบเงินมายื่นให้โดยดี ผมมองแบงก์เทาในมือแล้วก็ได้แต่มุ่ยหน้า

ดี! เอาแบงก์พันมาให้แบบนี้ กูจะซื้อขนมให้หมดเลย!

 

ผมซื้อขนมนมเนยตามที่คิดจริงๆ แต่ไม่ใช่เพราะอยากจะเอาคืนเขาเล็กๆ น้อยๆ หรอก เพียงแค่คิดว่าใช้แบงก์พันซื้อของที่ราคาไม่ถึงยี่สิบบาท มันดูไม่ดียังไงก็ไม่รู้ เลยหยิบน้ำหยิบขนมอื่นๆ ติดมือมาด้วยไม่ให้น่าเกลียด พอซื้อเสร็จก็กลับมาที่เดิม บริเวณที่พี่อินทร์นั่งอยู่ตอนนี้มืดแล้ว มีไฟเปิดอยู่ไม่กี่ดวง ผมอดหัวเสียไม่ได้เลยที่กลายเป็นว่าจะต้องกลับหอมืดด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง แค่ได้กลับเย็นกว่าปกติก็อารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่แล้วนะ ตอนนี้หงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัวเลย

แต่ก็เอาเถอะ รีบๆ จัดการให้เสร็จแล้วรีบกลับดีกว่า

ผมเดินมาหยุดตรงหน้าพี่อินทร์อีกครั้งพร้อมขนมถุงใหญ่ ก่อนยื่นเงินทอนให้ พี่อินทร์เบิกตาโตขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นถุงขนมที่ผมหิ้วมา

“โห ไหนว่าไปซื้อพลาสเตอร์ นี่เหมาขนมมาหมดเซเว่นแล้วมั้ง”

พูดพลางคุ้ยถุงขนมเป็นการใหญ่ ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เขา พลางให้เหตุผล

“ก็ให้แบงก์พันจิมาอะ ซื้อของแค่สิบห้าบาท เอาแบงก์พันจ่ายมันน่าเกลียด จิเลยซื้ออย่างอื่นมาด้วย แล้วนี่เงินทอนครับ รับไปสักที”

พี่อินทร์หันมายิ้มให้ “จิเก็บไว้เถอะ ค่าเดิน”

ผมถึงกับส่ายหน้าพรืด “ค่าเดินบ้าบออะไรตั้งหลายร้อย พี่อินทร์อย่าแกล้งจิอีกนะ”

บอกตามตรงเลยว่าระแวง ทว่าครั้งนี้เขาไม่น่าจะแกล้งมั้ง เพราะพอสิ้นเสียงผม เขาก็ว่าออกมา

“พี่ตั้งใจให้แบงก์พันจิไปซื้อขนมอยู่แล้ว ที่เหลือก็ถือว่าเป็นค่าเดิน”

“แต่ว่ามัน...”

“แล้วก็เป็นค่าทำแผลให้พี่ กับค่ารถกลับหอแล้วกันเนอะ”

พูดมาอย่างนี้ ผมก็หวานหมูสิครับ ความเกรงจงเกรงใจอะไรไม่มีละ จรกาในชาตินี้ค่อนข้างกินแกลบ ถ้าให้ก็เอาล่ะ

“ขอบคุณครับ”

อดยกมือไหว้เขาไม่ได้ถึงแม้จะไม่ชอบสักเท่าไรก็เถอะ ในใจก็คิดว่าพี่อินทร์ก็เป็นคนดีเหมือนกัน เพราะผมซื้อของไปแค่ร้อยกว่าบาทเอง เหลืออีกตั้งหลายร้อยแต่เขาให้ผมหมดแบบนี้...เป็นคนดี๊คนดีจังเลย

แต่ก็คิดว่าเขาเป็นคนดีได้ไม่เท่าไรหรอก เพราะหลังจากนั้นพี่อินทร์ก็ส่งเสียงกระเง้ากระงอดมา

“ว่าแต่พี่เจ็บแผลจังเลย ทำแผลให้พี่หน่อยสินว้องจิ”

มาทำเสียงสองใส่ ผมก็มองเขาด้วยสายตารังเกียจนิดๆ

จะแกล้งกันอีกแล้วสินะ

“เอ้า เร็วเข้า ป่าปี๊เจ็บไปหมดแย้วนะ หัวโนๆ เหมือนแจ้มป่องๆ ของหนูเยยยัยตัวเย็ก”

นั่นไง มันเริ่มอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ผมไม่ยอมหรอกนะ ส่งสายตาเขียวๆ ให้เขาทันที

“ถ้าพี่อินทร์แกล้งจินะ จิจะทุบอีกข้างให้มันโนเหมือนกันเลยคอยดู”

พี่อินทร์หัวเราะให้กับคำขู่นั้น ไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยสักนิด แต่ก็ยอมผมโดยดี

“ก็ได้ๆ ไม่แกล้งแล้ว ทำแผลให้พี่หน่อยครับ”

ผมคว้ากล่องพลาสเตอร์ออกมาแกะรอเอาไว้ เอาแอลกอฮอล์ชุบกับสำลีเช็ดรอบๆ บริเวณหน้าผากเขาที่โนอย่างเบามือ พยายามจะไม่สนใจสายตาพี่อินทร์ที่มองผมมาอย่างมีเลศนัย แต่ก็อดไม่ได้เลยว่าเขาจะหาเรื่องแกล้งอีก

แต่แล้ว...ผมก็คิดผิด เพราะเขาไม่ได้แกล้งอะไรเลยสักนิด นั่งนิ่งๆ เงียบๆ ให้ผมทำแผลให้จนเสร็จ มีแต่ยิ้มอย่างเดียวเท่านั้น และพอผมแปะปลาสเตอร์เรียบร้อย เขาก็ยิ้มกว้าง

“เสร็จแล้วครับ”

พี่อินทร์ไม่พูดอะไร ได้แต่มองหน้าผม ยิ้มยังไม่หยุดเหมือนเดิม ทำเอาผมอดอึดอัดขึ้นมาน้อยๆ ไม่ได้

“มีอะไรครับ มองหน้าจิแล้วก็ยิ้มอยู่ตั้งนานแล้วเนี่ย”

พลันก็รีบคิดหาวิธีรับมือเขาอย่างรวดเร็ว ไม่แน่หรอกว่าที่ทำเป็นนิ่งๆ ก่อนหน้านั้นก็เพื่อรอจะแกล้งผมในตอนนี้ ตอนทำแผลให้อยู่ ผมมีแผลเขาเป็นตัวประกันไง ถ้าเกิดแกล้งปุ๊บ ผมก็กะจะจิ้มหัวโนปั๊บ ดังนั้นเขาเลยไม่ทำอะไร

ทว่าเขาก็ไม่ได้แกล้ง นอกจากจะถามออกมาเท่านั้น

“จิคิดว่าพี่บ้าไหม”

ผมย่นคิ้วให้กับคำถาม “พี่อินทร์หมายถึงอะไรครับ”

“ที่พี่ทำตัวบ้าๆ บอๆ น่ะ”

ถามมาอย่างนี้ แล้วผมจะปฏิเสธเหรอ พยักหน้ารับรัวๆ เลย

เออ! มึงมันบ้า โคตรบ้าเลย เหมือนกลับชาติมาเกิดแล้วลืมเอาสมองกับสติกลับมาด้วยอะ คนบ้าอะไร มีดีแค่หน้าตาอย่างเดียวล้วนๆ

พอผมเออออ พี่อินทร์ก็หัวเราะร่วน ตั้งหลักได้ก็พูดขึ้นมา

“จริงๆ แล้วที่พี่ทำตัวบ้าๆ บอๆ กับจิน่ะ เป็นเพราะว่า...”

“พี่อินทร์แกล้งบ้า?”

ผมสวนขึ้นก่อนเพราะคิดว่าเขาจะแก้ตัว แต่ไม่ใช่เมื่อพี่อินทร์ส่ายหน้า

“เปล่า บ้าจริงๆ”

เรื่องนี้ไม่ต้องบอกก็รู้เว้ย!

พี่อินทร์หัวเราะใหญ่เลยตอนที่ผมเบ้หน้าใส่เขา เขาสนุกที่ได้แหย่ผม แต่สำหรับผม คุยด้วยแล้วปวดประสาทอะ เหมือนผมถามเขาว่า ‘กินข้าวหรือยัง’ แล้วเขาตอบกลับมาว่า ‘อ๋อ วันนี้อากาศดี’ อะไรประมาณนี้ คุยกันไม่รู้เรื่องสักหัวข้อ!

“ถ้าบ้าจริงๆ ก็ไม่ต้องมาบอกจิหรอกครับ จิรู้แล้ว” ผมว่าไปอย่างนั้น แล้วก็อดบ่นไม่ได้ “ไม่งั้นจะมาแกล้งจิทำไมนักหนา”

พอสิ้นเสียงผมก็พบว่ากำลังถูกสายตาของพี่อินทร์จับจ้องนิ่ง ผมประหม่าขึ้นมาในตอนนี้เพราะสายตาของเขามันไม่ได้ดูปกติ มันเป็นแบบว่า...เอ่อ... อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน รู้แต่ว่าทำให้ผมรู้สึกมีลางสังหรณ์แปลกๆ ขึ้นมายังไงก็ไม่รู้

ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองหรอกว่าเป็นสายตาเหมือนกับที่พวกผู้ชายที่มาจีบผมใช้ ก็คนข้างหน้ามันคืออิเหนา อิเหนาจะมามีจิตพิศวาสจรกาไม่ได้!

แต่ไม่ทันจะได้แน่ใจว่าถูกมองด้วยสายตาอย่างนั้นจริงไหม พี่อินทร์ก็ขยับเข้ามาใกล้แล้ว ผมผงะไปเล็กน้อย

“มี...อะไรครับ”

พี่อินทร์ยกยิ้ม คว้าแขนผมเอาไว้เมื่อเห็นว่าผมกำลังจะหนี พอผมหยุด เขาถึงพูดขึ้น

“พี่ก็บอกแล้วไงว่าเด็กผู้ชายชอบแกล้งคนที่ตัวเองชอบ”

พูดแล้ว ดวงตาก็พราวระยับขึ้นมา

เอาล่ะ คราวนี้ชัดเลยว่ามันคือสายตาแบบเดียวกันกับที่พวกผู้ชายที่มาเจ๊าะแจ๊ะผมใช้ ในใจผมตีกันอย่างรุนแรง ปฏิเสธเป็นพัลวันถึงความผิดชอบชั่วดีด้วย

อย่างที่บอกว่าอิเหนาจะมาหลงเสน่ห์จรกาไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้!

ทว่าพี่อินทร์จะไปสนใจอะไร ยิ่งผมเงียบก็ยิ่งขยับเข้ามาใกล้จนผมต้องออกปาก

“พะ...พี่อินทร์...”

หมายจะเรียกสติเขานั่นแหละ แต่พี่อินทร์ก็ยังไม่หยุด ต้อนผมเข้ามาใกล้เรื่อยๆ กระทั่งแผ่นหลังของผมชนเข้ากับผนังของเสาที่อยู่ข้างๆ เก้าอี้ ผมประหม่าถึงขีดสุดไปเลย ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขา ได้แต่หลุบตาลงต่ำ ในใจก็สับสนเหมือนกันว่าทั้งที่สถานการณ์ดูอันตราย เสี่ยงต่อการถูกแกล้งแบบนี้ ทำไมผมถึงไม่หนี?

อะไรไม่ว่า สถานการณ์อย่างนี้มันสุ่มเสี่ยงให้เกิดความผิดพลาดทางเทกนิกเป็นอย่างมากด้วย

แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น ผมก็ยังไม่ยอมหนีอยู่ดี ได้แต่นิ่ง ปล่อยให้พี่อินทร์ได้เอียงคอมอง

“จิระ”

ไม่เรียกเปล่า มือใหญ่ช้อนปลายคางของผมขึ้นให้สบตาเขาด้วย ขณะที่เขามองหน้าผมแล้วอมยิ้ม

“เข้าใจความหมายที่ว่าเด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบหรือยัง”

ผมไม่ตอบ คิดอะไรไม่ออกหรอกตอนนี้ หน้าพี่อินทร์ก็ไม่กล้ามอง ได้แต่ปล่อยให้เขาใช้ปลายนิ้วโป้งลากไล้ไปบนกลีบปากล่างของผมเบาๆ ผมควรจะพูดอะไรไปสักอย่าง หรือไม่ก็ห้ามปรามไม่ให้เขาทำแบบนี้ ทว่า...หัวใจก็เต้นเร็วแรงจนจับจังหวะไม่ได้ ใจหนึ่งก็กลัวเหลือเกินว่าริมฝีปากนี้ที่ตั้งใจจะเก็บไว้ให้บุษบาเพียงคนเดียวจะถูกช่วงชิงไปอีกเพราะสถานการณ์และบรรยากาศมันเข้าเค้ามาก แต่พอได้เหลือบขึ้นมาสบตากับพี่อินทร์แล้วเห็นว่าเขามองผมด้วยสายตา...เอ่อ เอ็นดู

ใช่ สายตาที่เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ ที่เขาใช้มองผม มันเป็นสายตาที่มองมาอย่างเอ็นดูนี่แหละ ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ เพราะแวบหนึ่งที่เหลือบมอง ผมก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นแปลกๆ ที่มันไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย

มันเย้ายวน... ชวนให้ลุ่มหลงเหมือนต้องมนตร์...

ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน...

ยังคงคิดไม่ออกหรอก ความสับสนตีกันในหัวมั่วไปหมด ทำได้แต่มองหน้าเขาที่ระบายรอยยิ้มให้ผม เข้าใจในวินาทีนี้เลยว่าเสน่ห์ของอิเหนาที่ทำให้ใครต่อใครทั้งรักทั้งหลงโดยง่ายดายตั้งแต่ชาติก่อนนั้นมันเป็นยังไง

มันเป็นอย่างที่ผมเป็นอยู่นี่ไงล่ะ...

เขามีเสน่ห์เหลือล้นแบบนี้นี่เอง

“ถ้าจิไม่ตอบ สงสัยพี่คงต้องให้คำตอบเองแล้วมั้ง”

พี่อินทร์ทำลายความเงียบขึ้นอีกครั้ง ผมมองหน้าเขาพร้อมกับใจที่เต้นแรงยิ่งกว่าเดิม อยากจะพูดอะไรสักอย่างก็พูดไม่ออก จะมีก็แต่เขาที่พอพูดจบก็ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงต่ำมาเรื่อยๆ จนกระทั่งใบหน้าของเราห่างกันเพียงคืบ จากนั้นก็ชะงัก

“เพราะเด็กผู้ชายแสดงออกไม่เก่ง พอชอบใครสักคนมากๆ แล้วก็แสดงออกด้วยการแกล้งแทนยังไงล่ะ”

วินาทีนั้น หัวสมองผมขาวโพลนไปเลย

มะ...หมายความว่า...

...พี่อินทร์ชอบผมเหรอ!?

ใช่แล้วล่ะ ต้องใช่แน่ๆ แล้วล่ะ เพราะพอผมคิดได้อย่างนั้น พี่อินทร์ก็เคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้อีกจนกระทั่งลมหายใจของเราสัมผัสกัน ผมแทบจะหยุดหายใจ ส่วนเขาก็ว่าเสียงแผ่วราวกระซิบ

“ถ้าพี่ทำอะไรลงไป จิอย่าโกรธพี่นะครับ”

ไม่รอให้ผมตอบหรือคิดทบทวนอะไรทั้งนั้น ริมฝีปากหยักก็ค่อยๆ ประทับลงมาบนเรียวปากผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะค่อยๆ ทาบทับแนบแน่น ผมไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวแม้สักนิด แล้วมันก็เหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ชายตรงหน้าได้กระทำตามใจมากกว่าเดิม

ริมฝีปากขบเม้มกลีบปากผม ดุนดันปลายลิ้นอ่อนนุ่มเข้ามาด้านใน เกี่ยวกระหวัดอย่างอ่อนโยนราวกับว่าจะทำให้ผมตกใจ วินาทีนี้ ในช่องท้องของผมปั่นป่วนไปหมด รู้สึกเหมือนหน้ามืดขึ้นมาด้วย ขณะที่เหงื่อกาฬก็แตกพลั่ก ฝ่ามือเย็นเยียบไปหมด

นะ...นี่มันอะไรกัน?

ผมตัวแข็งค้างไปเลย รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พี่อินทร์ถอนริมฝีปากออกไปแล้ว แต่เหมือนสติผมจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไร ได้แต่มองหน้าเขาด้วยความรู้สึกที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ขณะที่พี่อินทร์ก็ยังคงยิ้มเหมือนเดิม

“ชอบไหม”

“...”

ชอบไหมเหรอ...ไม่รู้สิ

“จิ โกรธพี่เหรอ”

“...”

ผมว่า...ไม่ได้โกรธนะ แต่มึนหัว

“ถ้าไม่โกรธ พูดอะไรสักคำสิ”

“...”

หน้ามืดวิงเวียนเหมือนโลกหมุนด้วย

“จิ”

“...”

ผมว่าผมไม่ไหวแล้วล่ะ เหมือนจะเป็นลม

ไม่ไหวจริงๆ หน้ามืดมากมาย ก่อนจะรู้สึกวูบขึ้นมา ทิ้งตัวให้โงนเงนไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือสีหน้าแตกตื่นของพี่อินทร์ พร้อมกับเสียงร้องโหวกเหวกด้วยความตกใจ

“จิ เฮ้ย! จิระ!”

ตึง!

---------------------------------

เป็นตอนแรกที่พี่อินทร์มีออร่าผัว แต่น้องจิก็ดันเป็นลมไปซะนี่ 555

เจอกันใหม่ตอนหน้าจ้า มาพรุ่งนี้หรือเปล่าไม่แน่ใจ ถ้าเขียนทันจะเอามาลงให้เน้อ



หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 08★ เด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบ[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 03-05-2018 20:12:23
โหพี่ มาถึงพอมีสมองก็ทำน้องเป็นลม เฮอะ...เหนื่อยแทนจิ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 08★ เด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบ[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 03-05-2018 20:26:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 08★ เด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบ[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 03-05-2018 20:40:01
น้งจิเป็นลมไปซะแล้ว

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 08★ เด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบ[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: xexezero ที่ 03-05-2018 20:50:09
ในที่สุด ก็ได้เห็นมุมปกติของพี่อินทร์ซะที o13
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 08★ เด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบ[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Toxic ที่ 03-05-2018 21:33:45
แหม รักแรกพบเจอหน้าปุ๊บแกล้งปั๊บเลย :hao3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 08★ เด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบ[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-05-2018 21:55:47
ฮือๆๆ สงสาร นว้องจิ เป็นลมไปซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 08★ เด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบ[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 03-05-2018 22:01:11
พี่อินทร์ตอนไม่บ้า โคตรมีเสน่ห์เลย  o13
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 08★ เด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบ[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 03-05-2018 22:19:35
ในที่สุดก็สารภาพว่าแอบชอบอินทร์เริ่มรุกจริงจังทำให้จิลังเลแล้วแทรกไปในใจแทนให้จิลืมพีบุศย์. ร้ายนะอินทร์
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 08★ เด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบ[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 03-05-2018 22:39:33
พี่เค้ารุกหนักจังคะ ถถถ ล้มตึงไปนี่ต้องทำให้ชินเนอะ :o8:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 08★ เด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบ[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 03-05-2018 23:08:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 08★ เด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบ[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: MissM ที่ 04-05-2018 00:01:55
เชิญพี่อินทร์รับยาที่ช่องสองเลยค่ะ 5555555 :m20:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 08★ เด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบ[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: MissM ที่ 04-05-2018 00:26:44
โอ๊ยยย!!!!ดีต่อใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก กอไก่อีกล้านตัว ละมุนมาก ลงตัวมาก น่ารักมาก  มาต่อเร็วๆนะค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 08★ เด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบ[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-05-2018 01:11:56
สมควรที่หนูจิจะเป็นลม ก็ต้องรับมือกับสติของคนที่อยู่ตรงหน้าทุกวัน ๆ สมองและร่างกายมันก็ล้านิ แต่มันจะเป็นปัญหาอีตอนหนูจิฟื้นนี่สิ นังเหนาจะปู้ยี่ปู้ยำร่างกายหนูจิไปมากน้อยเท่าไหร่น่ะ  o12
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 08★ เด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบ[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 04-05-2018 11:07:15
วรั้ยยยยยยยยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 08★ เด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบ[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 04-05-2018 13:46:16
เพราะกลิ่นปากไม่ใช่เรื่องตลก #ผิด
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 08★ เด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบ[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 04-05-2018 19:04:34
แหม่พอเป็นคนมีสติขึ้นมาออร่าผัวก็ทำน้องเป็นลมเลยนะอิพี่5555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 08★ เด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบ[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-05-2018 19:31:34
 :laugh:



 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 08★ เด็กผู้ชายมักแกล้งคนที่ชอบ[3.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 04-05-2018 22:34:03
Chapter 09: ได้เสียเป็นคู่สอง

เมื่อครั้งดวงจิตสุดท้ายใกล้จะดับสูญ ระตูจรกา เจ้าเมืองเล็กๆ ผู้เฒ่าชราก็ยังมิอาจปล่อยวางความแค้นดั่งไฟสุมทรวงลงได้ ทุกครั้งที่หลับตา ภาพใบหน้าของนางอันเป็นที่รักก็พร่างพราย ก้อนดวงใจพองโตทุกครั้งที่นึกถึงดวงหน้าแฉล้มยามยิ้มสรวล แต่แล้วก็ห่อเหี่ยวดั่งบุปผชาติร่วงโรยเมื่อมีภาพของหนึ่งบุรุษคลอเคล้าคลอเคลียปรากฏให้เห็น

จรกาขบกรามแน่น อดตัดพ้อไม่ได้ว่าแม้ตนใกล้จะสิ้นใจอยู่รอมร่อ เจ้าศัตรูหัวใจที่ช่วงชิงนางอันเป็นที่รักไปก็ยังมิวายมาตามราวี

แค้น...

แค้นอย่างแสนสาหัส...

ความแค้นนี้บันดาลให้เกิดเป็นแผลพุพองในใจมาตลอดหลายสิบปี แม้ใคร่จะตายก็คงตายตาไม่หลับเป็นแน่แท้ หากไม่ได้ชำระแค้นแล้วเอานางบุษบากลับคืนมาแล้วไซร้ เห็นทีดวงวิญญาณคงไม่ได้ไปผุดไปเกิดกระมัง

อิเหนา... เจ้ากับข้า ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจอยู่ร่วมโลกกันได้ แม้ว่าชาตินี้ข้าจะถูกเจ้าช่วงชิงน้องบุษบาไป แต่ชาติหน้าฉันใด ขอให้กงเกวียนกำเกวียนหนุนนำให้ข้าได้นางกลับคืน

โอ้...องค์เทวดาเจ้าขา หรือปีศาจอสุรกายตนใด หากได้ยินคำขอของข้าแล้วไซร้ โปรดเห็นใจดลบันดาลให้ข้าได้สมปรารถนา

จรกาตั้งจิตอธิษฐาน ความแค้นอาฆาตทำให้เหล่าเทวดาทั่วไท้มิอาจประทับบนประแท่นอย่างเป็นสุขได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์ประตาระกาหลาอันเป็นต้นวงศ์เทวาของอิเหนา เมื่อครั้นถูกรบกวนกายาก็เสด็จลงมาประทับข้างร่างกายของชายชราที่กำลังหายใจรวยริน

‘ความปรารถนาของเจ้า ขอให้สมดั่งใจในชาติหน้า เกิดชาติหน้าฉันใดขอให้เจ้าจำนางได้ ต่อให้ไม่ได้พบพานในชาติใหม่ ลูกหลานสืบสันดานของเจ้าก็จะสานต่อปณิธาน ไปเถิดจรกา เบื้องหน้าจะมีเทวดาแนะนำเจ้าว่าควรทำเช่นไร’

สิ้นเสียงก็นำน้ำอมฤตป้อนให้ระตูจรกาดื่ม

หยดน้ำหลั่งไหลลงสู่ลำคอ หยาดน้ำตาของจรกาก็หลั่งริน ก่อนที่ลมหายใจห้วงสุดท้ายจะหายไปดั่งเปลวเทียนที่ถูกพระพายพัดไหวจนดับสิ้น

สิ้นแล้วระตูจรกา...

เกิดชาติหน้าฉันใดขอให้ได้สมปรารถนาดั่งใจ

 

เฮือก!

ผมผวาเฮือกลุกขึ้นมานั่ง มองไปรอบๆ กาย พลันประมวลผลก็พอจะเข้าใจได้ตอนนี้ตัวเองมาอยู่ในห้องของพี่อินทร์ เออ ห้องของเขากับพี่บุศย์นั่นแหละ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ผมกำลังทบทวนความจำอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น

ก่อนหน้านั้นพี่อินทร์เดินชนป้าย ผมทำแผลให้ แล้วก็...

…ถะ...ถูกจูบ!

คิดถึงตรงนี้ ใบหน้าก็ร้อนผะผ่าวขึ้นมา ผมมั่นใจด้วยว่าการถูกจูบครั้งนี้ไม่ใช่การแสร้งทำเพื่อให้คนอื่นเข้าใจผิด แต่เป็นความรู้สึกที่มาจากใจของพี่อินทร์จริงๆ

ความรู้สึกอะไรน่ะเหรอ?

ก็เขาชอบผมไง! เขาบอกว่าชอบผมอ้ะ!

ถึงจะไม่บอกตรงๆ แต่ผมก็ไม่ได้โง่พอที่จะไม่เข้าใจ เพราะหลังจากนั้น ผมก็ตกใจจนเป็นลม

แม่ง เป็นใครจะไม่ตกใจวะ จู่ๆ คนที่โคตรจะเกลียดขี้หน้าเลยมาบอกชอบไม่พอ ยังจะจูบอีก เป็นใครก็ต้องช็อกแหละ แต่ตอนนี้ผมว่าผมควรไปตั้งหลักก่อน เหมือนว่าจะนอนอยู่บนเตียงด้วย

ไม่เหมือนอะ มันใช่เลย เดาว่าตอนผมเป็นลม พี่อินทร์คงจะพากลับมานอนพักที่หอก่อน พอตั้งสติได้ ผมก็รีบลุก กะว่าจะวิ่งลงไปตั้งหลักข้างล่างก่อนแล้วค่อยคิดต่อว่าจะทำยังไงต่อดี แต่ยังไม่ได้ขยับตัว ก็มีเสียงร้องทักดังมาจากทางห้องน้ำแล้ว

“เอ้า รู้สึกตัวแล้วเหรอจิ”

พะ...พี่อินทร์

ผมมองเขาที่สวมเสื้อกล้ามและกางเกงบอลขาสั้น เดาว่าเขาน่าจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ขณะที่เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ส่วนผมก็มองเขาด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่รู้ว่าควรจะทำสีหน้ายังไงดี

ก็คนมันเพิ่งจูบกันมานะเว้ย จะทักทายหรือพูดคุยแบบปกติ มันทำได้ที่ไหนกันเล่า!

ผมเลยหลุบตาลงต่ำ ตอบรับเสียงแผ่วไปก่อน “คะ...ครับ”

“นอนซะนานเลย ก็นึกว่าเป็นอะไรหนัก เกือบจะพาตัวไปส่งโรง’บาลแล้วเนี่ย”

เขาว่าขำๆ แต่ผมไม่ขำด้วย ได้แต่เหลือบมองเขาที่เดินไปยังตู้เย็น

“ดื่มอะไรไหม”

“ไม่...ไม่ครับ”

“หิวหรือเปล่า”

“มะ...ไม่ครับ”

ผมปฏิเสธลูกเดียว พี่อินทร์ก็เลยปิดประตูตู้เย็น เดินกลับมายืนกอดอกอยู่ที่ปลายเตียง

“แล้วจะกลับหอเลยไหม พี่จะได้ไปส่ง หรือจะนอนค้างที่นี่ ถ้านอนค้าง พี่จะได้โทรบอกไอ้บุศย์ไว้ว่าน้องรหัสมันจะมาค้างด้วย”

ผมเพิ่งรู้สึกตัวเอาในตอนนี้ว่าพี่บุศย์ยังไม่กลับห้อง แต่มันจะสำคัญอะไรล่ะนอกจากการที่ในหัวผมยังคงคิดถึงเรื่องจูบก่อนหน้านั้นไม่หยุดเลย

ลมหายใจอุ่นๆ...

ริมฝีปากนุ่มๆ...

รสจูบที่แค่สัมผัสก็รู้ว่าเชี่ยวชาญแค่ไหน...

มันทำให้ผมแทบจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว!

สาบานเลยว่าไม่ได้บ้าเพราะหลงเสน่ห์มัน อาจจะมีนิดๆ แต่สิ่งที่ทำให้ผมบ้ายิ่งกว่าก็คือ...หลังจากจูบ ผมถูกไอ้อิเหนามันปู้ยี่ปู้ยำทำระยำตำบอนอะไรไว้หรือเปล่านี่สิ!

คิดแล้วก็เสียวสันหลังวูบวาบ เผลอตัวเอื้อมมือไปคลึงๆ กดๆ ที่สะโพกตัวเองเพื่อพิสูจน์ว่าเจ็บหรือเคล็ดขัดยอดตรงไหนไหม

เออ...ไม่เจ็บ แต่ก็ไม่น่าไว้วางใจอะ ยิ่งพี่อินทร์มองมาที่ผมอย่างขำๆ แล้วทรุดตัวนั่งยังปลายเตียงแล้วด้วย ผมก็เผลอถอยกรูดไปติดหัวเตียงด้วยความระแวง

“เฮ้ย ไม่ต้องตกใจขนาดนั้น พี่ไม่ทำอะไรเราหรอกน่า” เขาก็ดูท่าทางน่าจะรู้ว่าผมหวาดระแวงอะไรถึงได้พูดแบบนี้ ยิ่งพอถูกผมมองหน้า เขาก็ว่าออกมาอีก “จูบไปครั้งเดียวเอง ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้”

ครั้งเดียวที่ไหน นับตอนอยู่ต่อหน้าไอ้วิหยาสะกำด้วยก็สอง มีหอมแก้มด้วยอีกหนึ่ง รวมเป็นสามแล้วโว้ย!

แต่ผมกล้าพูดไหมล่ะ? หึ ไม่กล้าอะ กลัวมันบอกว่า ‘สามแล้วก็เอาให้ครบสิบไปเลยเนอะ’ อะไรแบบนี้ ยิ่งไม่ใช่คนปกติเหมือนชาวบ้านอยู่ด้วย ผมเซฟตัวเองไว้ก่อนดีกว่า และที่สำคัญต้องรู้ให้ได้ก่อนว่า...นอกจากจูบ ผมถูกทำอะไรอย่างอื่นไปหรือเปล่า

“พี่อินทร์”

“หืม?”

“จิมีเรื่องจะถามหน่อยครับ”

ตัดสินใจพูดออกไปจนได้ พี่อินทร์เลิกคิ้วสูง ยืดตัวขึ้นเล็กน้อย

“ว่ามาสิ”

“คือพี่อินทร์...จูบจิไปครั้งเดียวใช่ไหม”

คนถูกถามพยักหน้า ผมเม้มริมฝีปากแน่น คำถามเมื่อกี้ ผมก็รู้คำตอบอยู่แล้วล่ะ แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่คำถามถัดไปมากกว่า

“ละ...แล้ว...”

“แล้ว?”

“หลังจากที่จิเป็นลม พี่อินทร์ได้ทำอะไรต่อไหมครับ”

ผมกลั้นใจถาม ในใจก็ลุ้นระทึกเป็นอย่างยิ่ง กลัวเหลือเกินว่าจะได้ยินคำตอบ ‘อ๋อ เสร็จพี่เป็นคู่ผัวตัวเมียแล้วเรียบร้อย’ อะไรทำนองนี้เป็นอย่างมาก ขณะที่พี่อินทร์ร้องอ๋อยาว

“ก็นึกว่าจะถามอะไร ที่แท้ก็กังวลเรื่องนี้”

ผมพยักหน้ารับรัวๆ

ใช่ๆ ผมกังวลเรื่องนี้แหละ แค่เผลอตัวเผลอใจไปจูบกับอิเหนาเข้า แถมครั้งนี้ปฏิเสธไม่ได้ด้วยว่าเต็มใจเพราะผมดันไม่หนีและเขาก็ไม่ได้บังคับ ผมก็รู้สึกผิดกับบุษบาจนไม่มีหน้าไปเจออยู่แล้ว ขืนมีอะไรเกินเลยไปกว่านี้อีก มีหวังผมคงไม่กล้าไปเจอหน้าพี่บุศย์อีกแน่ ได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้มีอะไรนอกจากจูบนั่นเลยก็แล้วกัน

แต่ทว่าคำตอบของพี่อินทร์กลับทำให้ผมย่นคิ้ว

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก จิไม่พลาดโอกาสทองอย่างแน่นอน เพราะพอจิเป็นลม พี่ก็จัดการต่อเลย พามาขึ้นรถ ถอดเสื้อผ้า ซุกไซ้ซอกคอ โลมเลียไปทั่วทุกสัดส่วน โอบรัดกอดกระหวัด ส่งเสียงครางอย่างสุขสม อื้อ... เยี่ยมสุดๆ ไปเลย อื้อ...อร๊าง~”

กูกังวลว่าจะได้เสียกับมึงนี่แหละ ไม่ได้กังวลว่าจะไม่ได้โว้ยไอ้บ้า!

ผมถึงกับปวดหัวตุ้บๆ เลย สุดท้ายก็หนีไม่พ้นถูกแกล้งอีกจนได้ พี่อินทร์ก็หัวเราะใหญ่เลยเมื่อเห็นว่าผมเบ้หน้า

“แน่ะๆ ทำหน้ากระรอกเหม็นบูด สงสัยจะอารมณ์ไม่ดี”

“...”

“ฮั่นแน่ เงียบๆ ยังเงียบอยู่ หงุดหงิดแน่ๆ ใช่ไหมคนดี?”

“...”

ผมไม่ตอบ ไม่อยากคุยด้วยแล้ว แต่เหมือนจะไม่ช่วยอะไร เพราะจู่ๆ พี่อินทร์ก็คว้าเอาโทรศัพท์ไปเปิดเพลงแดนซ์แนวๆ รถบั๊มพ์ จากนั้นก็ลุกขึ้นไปยืน

“ไหนๆ ขอเสียงคนหนีผัวมาเที่ยวหน่อยเร็ววว! เฮ้ๆๆ!”

แล้วก็เต้นๆๆ ผมย่นคิ้วมองพี่อินทร์ที่จู่ๆ ก็สวมวิญญาณดีเจไทบ้าน ขณะที่เขายังคงพากย์ไม่หยุด

“เอ้า~ ส่ายไปๆ ส่ายเอวได้ผัว ส่ายหัวได้กิ๊ก ส่ายทั้งเอวทั้งหัว ได้ทั้งผัวทั้งกิ๊ก วู้ววว~”

มึงไปเที่ยวมาบ่อยสินะ ก่อนจะมาเป็นเดือนมหา’ลัย มึงเคยเป็นเด็กแว้นซ์ใช่ไหม!

ไม่ใช่แค่ทำท่าเหมือนดีเจเปิดแผ่นอย่างเดียว ยังเต้นบ้าเต้นบอไม่หยุด พากย์ก็ไม่หยุด เอาตรงๆ มันก็ขำอยู่หรอก ผมก็พยายามกลั้นหัวเราะอยู่ที่เห็นเขาทำแบบนี้ เกือบจะหายหงุดหงิดแล้ว แต่พอมาถึง...

“ไหนๆ ใครมีผัวแล้ว ครางชื่อผัวหน่อยซิ”

จากนั้น...

“อื้อ~ จิ...จิระ...คุณจิระขา อร๊างงงง~”

ผมก็แทบจะลุกขึ้นไปกระโดดถีบยอดหน้า

มึงมันกวนตี๊น!

ครางชื่อใครไม่คราง ครางชื่อผมเสียอย่างนั้นอะ จากที่ว่าจะไม่หงุดหงิดแล้วนะ ตอนนี้หมดไปละไอ้อารมณ์นั้น มีแต่หัวเสียอย่างเดียวจนผมต้องแหวขึ้นมาเมื่อเห็นพี่อินทร์เดินไปเกาะตู้เย็นแล้วก็เต้นด๊อกๆ แด๊กๆ อยู่ตรงนั้น

“พอได้แล้วพี่อินทร์ จิตาจะบอดแล้ว!”

พี่อินทร์ชะงัก หันมาหัวเราะร่วน “เอ้า ก็เห็นอารมณ์เสียเลยทำให้อารมณ์ดีขึ้น”

แต่มึงจะมาเป็นดีเจรถบั๊มพ์อย่างนี้ไม่ได้!

ผมยกมือขึ้นลูบหน้าเลย พี่อินทร์ยิ่งหัวเราะใหญ่ เดินมานั่งที่ปลายเตียงเหมือนเดิม

“ตกลงหายโกรธพี่แล้วเนอะ”

“จะหายโกรธก็ได้ แต่พี่อินทร์ปิดเพลงสักทีครับ จิปวดหัว”

พี่อินทร์ยอมปิดเพลงในโทรศัพท์แต่โดยดี พลันยิ้มกว้างให้ผม “ปิดแล้ว”

เออ ค่อยยังชั่ว แล้วมึงก็อย่าลุกขึ้นไปเต้นครางเรียกชื่อผัวอีกนะ ชาตินี้ชาติไหนก็อย่าทำอีก โดยเฉพาะชื่อผัวมันเป็นชื่อกูเนี่ย!

“แล้วตกลงพี่อินทร์กับจิได้ทำอะไรกันนอกจาก...เอ่อ...”

ผมกลับเข้าเรื่องอีกครั้ง แต่ก็ไม่กล้าพูดว่าเราทำอะไรกันออกไปอีก มีแต่พี่อินทร์ที่เสริมให้อย่างหน้าชื่นตาบาน

“จูบ”

เท่านั้นผมก็ร้อนวูบที่ใบหน้า ไม่กล้ามองหน้าเขาอีกแล้ว ปล่อยให้เขาขยับเข้ามาใกล้ ตะแคงหัวมองหน้าผมที่กำลังก้มอยู่

“เขินเหรอ”

ผมเหลือบมองเขาแล้วเบนสายตาหนี

มะ...ไม่ได้เขินสักหน่อย แต่มันประดักประเดิดต่างหากเว้ย ลองคิดดูนะ จรกาจูบกับอิเหนา... แม่งเอ๊ย ขนลุกซู่เลย

แต่พี่อินทร์คงไม่รู้ว่าผมคิดอะไร เขาว่าออกมาหน้าตาเฉย

“ไม่เห็นจะต้องเขินเลย จิไม่เคยได้ยินเหรอว่าอายครูไม่รู้วิชา อายภรรยาไม่มีบุตร ฉะนั้นก็ไม่ต้องอายพี่หรอก”

ตกลงมึงจะเป็นภรรยาใช่ไหม โพสิชันเปลี่ยนบ่อยจังนะมึง!

แต่ว่านะ ใครมันจะไปทำเรื่องอย่างนั้นกับมึงกันเล่าไอ้พี่อินทร์!

ผมถลึงตาใส่เขาเลย พี่อินทร์ก็ยังคงยิ้ม...ยิ้มอยู่นั่นแหละ ไม่รู้ว่ายิ้มอะไรนักหนา เหมือนกับว่าพอเห็นผมโกรธแล้ว เขารู้สึก...

“น่ารัก”

...รู้สึกว่าผมน่ารัก

เอ๊ะ เดี๋ยว...

ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ มือของเขาก็มาบีบๆ จับๆ ที่แก้มผมแล้ว

“เวลาโกรธแล้วทำหน้าเหมือนกระรอก จิโคตรน่ารักเลย”

ผมมองหน้าเขา พยายามจะจับต้นชนปลายว่าเขาคิดจะทำอะไร แต่ไม่ทันไรก็ต้องหยุดคิดเมื่อพี่อินทร์ว่าออกมาอีก

“เข้าใจหรือยังว่าทำไมพี่ถึงชอบแกล้งเรา” แล้วก็ใช้มืออีกข้างมาดึงแก้มผมให้ยืด “น่ารักแบบนี้ ใครจะอดใจไม่แกล้งได้ไหว”

“อี้อินทร์อ่อยอิอ๊ะ อิเอ็บ! (พี่อินทร์ปล่อยจินะ จิเจ็บ!)”

ผมร้องท้วง พี่อินทร์คลายแรงออก แต่ก็ไม่หยุดหัวเราะ ปล่อยให้ผมได้ลูบแก้มตัวเองป้อยๆ

“น่ายักกิงๆ ยัยตัวเย็ก”

เสียงสองมาอีกแล้ว ผมค้อนเขาขวับเลย แม่ง แกล้งตลอด แกล้งไม่หยุดเลย จากหงุดหงิดจะกลายเป็นปลงชีวิตแล้วนะ

แต่แล้วก็หายหงุดหงิดทันควันเมื่อจู่ๆ พี่อินทร์ก็พูดออกมา

“แต่ถ้าจิไม่ชอบให้พี่แกล้ง พี่ก็จะไม่แกล้งแล้ว ขอโทษนะ”

หะ...หา?

ใช่ ยอมรับว่าผมตกใจที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้

อิเหนาบอกว่าจะไม่แกล้งผมเนี่ยนะ หูฝาดไปหรือเปล่า?

“ใครจะไปกล้าแกล้งคนที่ตัวเองชอบได้อะเนอะ น่าสงสารจะตาย”

มึงนั่นแหละตัวดีเลย คำพูดในตอนนี้ย้อนแย้งกับการกระทำก่อนหน้ามากเลยนะไอ้อิเหนา!

ทว่าผมก็ไม่ได้ดีใจหรอกที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ตกใจยิ่งกว่าเดิมมากกว่าที่ได้ยินเขาย้ำคำ

ชอบผม...

ชอบจริงๆ แบบว่าในเชิงชู้สาวน่ะเหรอ?

“พะ...พี่อินทร์หมายความว่ายังไงครับที่ว่าชอบจิ”

ผมค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นไปในเชิงชู้สาว แต่เอาเพื่อความชัวร์ก็ต้องถามอีกครั้ง

“ก็หมายความว่าชอบไง” พี่อินทร์ว่า ก่อนถามต่อ “ไม่เชื่อเหรอ”

ก็ไม่ใช่ไม่เชื่อหรอก แต่อิหลักอิเหลื่อแปลกๆ ผมก็พูดด้วยไม่ได้ใช่ไหมล่ะว่าอิเหนาจะมามีใจให้จรการไม่ได้ ถ้ามีใจให้ แล้วบุษบาล่ะ ลืมไปแล้วเหรอว่าเคยรัก?

จริงๆ คิดดูอีกมุมมันก็ดีอยู่นะที่เขามาชอบผม ไม่มีใจให้บุษบาอีก เพราะผมจะได้ช่วงชิงเอาบุษบากลับคืนมา แต่ก็นะ...ชอบผม แม่งเอ๊ย กลับตาลปัตรไปหน่อยแล้ว!

พอเห็นผมไม่พูดอะไร พี่อินทร์ก็ขยับเข้ามาใกล้ รู้สึกตัวอีกที เขาก็มานั่งอยู่ตรงหน้าแล้ว ผมมองหน้าเขาด้วยความตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว ขณะที่พี่อินทร์ถามอีกครั้ง

“หืม? ว่าไง ไม่เชื่อที่พี่บอกเหรอ”

ผมส่ายหน้ารัวทันที “มะ...ไม่ใช่อย่างนั้นครับ”

“แล้วถามทำไม”

“กะ...ก็...”

“กลัวโดนแกล้งอีก?”

ผมพยักหน้ารับ พี่อินทร์หัวเราะในลำคอ ก่อนใช้สองมือมาประคองหน้าผมเอาไว้ให้สบตากับเขา

“งั้นพี่จะบอกช้าๆ ชัดๆ อีกทีโอเคไหม เราจะได้เชื่อ”

ไม่...ไม่โอเคเลย เพราะผมรู้ว่าเขากำลังจะบอกอะไร

แต่ก็ไม่ทันแล้ว เขาพูดออกมาก่อนแล้ว

“พี่ชอบเรานะ...จิระ”

เท่านั้นก็เสมือนมีฟ้าผ่าดังเปรี้ยงดังเข้ามาในหัว ผมเงอะงะทำอะไรไม่ถูกไปในทันที ยิ่งสายตาของพี่อินทร์ดูจริงจังด้วยแล้ว ผมก็มั่นใจเลยทีเดียวว่าเขาไม่ได้โกหกอย่างแน่นอน ถึงมันจะเป็นเรื่องที่ดีเพราะผมจะได้ไม่ต้องมีคู่แข่งแย่งนางบุษบา แต่มันไม่ดีเมื่อพี่อินทร์พูดจบก็เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ แวบเดียวปลายจมูกเขาก็ฝังลงมาที่แก้มผมแล้ว

มึงจะมาตีเนียนหอมแก้มไม่ได้นะเว้ย!

“พะ...พี่อินทร์”

ผมดันไหล่เขาให้ออกห่าง ทว่าพี่อินทร์กลับไม่ขยับเลยสักนิด ได้แต่เหลือบมองผมอย่างกรุ้มกริ่ม

“ชู่ว์ ไม่เป็นไร ไม่แกล้งๆ”

แค่คำพูดประโยคเดียวกับน้ำเสียงนุ่มๆ ฟังดูอบอุ่นเท่านั้น ก็ทำให้ผมตัวแข็งเป็นหินไปเลย สายตาของเขาที่มองมามันมีอำนาจมหัศจรรย์จริงๆ ถึงผมจะไม่ชอบเขา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอิเหนามีเสน่ห์เหลือล้น

ตอนนี้เขากำลังหว่านเสน่ห์ให้ผมหลงใหลเขาล่ะ แล้ว...ดูเหมือนจะได้ผลเสียด้วย เพราะหลังจากนั้น พี่อินทร์ก็ทำลายความเงียบ

“ขอแก้ตัวอีกครั้งได้ไหม แต่จิห้ามเป็นลมนะ”

ผมไม่ได้ตอบเป็นคำพูด ไม่ได้พยักหน้า ทำแค่กะพริบตาปริบๆ จากนั้น...ริมฝีปากของผมก็ถูกทาบทับ

ริมฝีปากของพี่อินร์อบอุ่นมาก รสจูบเหมือนจะดุดันแต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน ผมเผลอตัวเผยอริมฝีปากตอบรับการรุกรานของเขา เกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นอย่างเงอะงะเมื่อเขาดุนดันลิ้นอ่อนนุ่มเข้ามา

มีเสียงหัวเราะน้อยๆ ดังขึ้นเมื่อผมเริ่มหายใจไม่ทัน แต่ก็ยังไม่ถอนริมฝีปากออกไป ละเลียดกลืนกินริมฝีปากผมอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งผมเริ่มทนไม่ไหวถึงได้ทุบหน้าอกเขาเบาๆ เขาผละออกเล็กน้อย ว่าด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ

“ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยเป็นค่อยไป เดี๋ยวพี่สอน”

แล้วเราสองคนก็จูบกันอีกครั้ง ผมสับสนอยู่ไม่น้อยที่ยอมให้เขาจูบอีกในรอบนี้ ความรู้สึกผิดต่อบุษบาอะไรนั่นก็ยังมีอยู่ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถผลักไสความปรารถนาที่จะถูกคนตรงหน้าสัมผัสได้เลยแม้แต่น้อย

มันเรื่องบ้าอะไร...

ไม่มีใครให้คำตอบได้ทั้งนั้น แม้แต่ผมก็ให้คำตอบตัวเองไม่ได้เลย ได้แต่ปล่อยให้เขาสอนจูบอยู่อย่างนั้น จนพี่อินทร์พอใจ เขาถึงเป็นฝ่ายผละออกมา เอาหน้าผากโนๆ ของตัวเองมาชนกับหน้าผากผม ว่าพลางยิ้มกว้าง

“จิน่ารักมาก”

“...”

“พี่ชอบจินะ ชอบมากๆ”

“...”

ถึงจะไม่พูดอะไร แต่เดาได้เลยว่าตอนนี้หน้าผมคงแดงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ไม่รู้ด้วยว่าจะทำยังไงต่อไปดีที่ปล่อยให้เลยเถิดมาขนาดนี้ ขณะที่จู่ๆ พี่อินทร์ก็เม้มปาก แล้วก็...

“ชักจะอดใจไม่ไหวแล้วสิ”

ฮะ?

ผมเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามเขา เขาไม่ตอบด้วยคำพูด แต่จับผมเอนลงนอนบนเตียงแทน

เฮ้ย! เดี๋ยวๆๆ ไอ้ที่บอกว่าไม่ไหวนี่เรื่องนี้เองเรอะ!?

ไม่ต้องให้ใครมาอธิบายแล้วว่าอดใจไม่ไหวเรื่องอะไร ยิ่งเขาโถมตัวมาคร่อมไว้ ถอดเสื้อกล้ามตัวเองออก โชว์ซิกส์แพ็คให้เห็นเต็มๆ สองตา แค่นี้ก็ชัดเลย

ได้เสียเป็นคู่สองกับมันแน่ๆ มึงคืออิเหนานะ ไม่ใช่อิหื่น ตั้งสติหน่อยโว้ย!

จรกาได้ฟันดาบโช้งเช้งกับอิเหนาก็ครั้งนี้แหละ!

----------------------------------

นอกจากจะเป็นอิเหนาแล้ว พี่อินทร์ยังเป็นอิแรด อิบ้า ล่าสุดเป็นอิหื่นด้วย 555 อย่าทำน้องงงง พี่อินทร์อย่าทำน้องโว้ยยยย XD

ใครอ่านเรื่องนี้อยู่ อยากติดตามพูดคุยในช่องอื่นๆ หนูแดงมีแฟนเพจกับทวิตนะคะ ตามไปที่นี่ได้เลยเน้อ

แฟนเพจ: https://www.facebook.com/NooDangzzz/

ทวิตเตอร์: https://twitter.com/NooDangzz

ใครอยากหวีดเฉยๆ ก็ไปที่แฮชแท็ก #จรกาคนงาม นะคะ
ตอนหน้ารอก่อนเน้อ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 09★ ได้เสียเป็นคู่สอง[4.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 04-05-2018 23:26:12
 :mew3: หวายยยยย 
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 09★ ได้เสียเป็นคู่สอง[4.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 04-05-2018 23:49:55
พี่อินทร์ใจเย็นๆน้องจิขวัญหนีหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 09★ ได้เสียเป็นคู่สอง[4.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 04-05-2018 23:53:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 09★ ได้เสียเป็นคู่สอง[4.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 04-05-2018 23:56:08
เดี๋ยวววววๆๆๆ เร็วไปป  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 09★ ได้เสียเป็นคู่สอง[4.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: xexezero ที่ 05-05-2018 00:25:15
พี่บุศย์อยู่ไหน555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 09★ ได้เสียเป็นคู่สอง[4.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 05-05-2018 01:11:30
พี่มันเอาความหล่อเข้าแลกคารมเข้าสู้หน่อยเดียวไปไม่เป็นเลยนะลูก อย่าใจง่ายยยยยย ปล. ทายว่าพี่บุศย์จะมาก่อนพี่อินทร์จะล่อลวงน้องแน่55555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 09★ ได้เสียเป็นคู่สอง[4.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-05-2018 01:44:20
น้องจิโดนไปหลายทัแล้วนะลูก
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 09★ ได้เสียเป็นคู่สอง[4.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-05-2018 01:57:31
หนูจิรีบเตะผ่าหมาก แล้วออกจากห้องด่วน อยู่กับนังเหนานาน ๆ มันเปลืองตัว  :angry2:

ปอลอ   ผู้ใดเอา + เป็ด ไป รบกวนเอามาคืนด้วยจ้า   :m5:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 09★ ได้เสียเป็นคู่สอง[4.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-05-2018 06:03:32
พี่อินทร์นี่ตัวหื่นเลย 
ทำไมปุ่ม+เป็ดมันหายไปอ่ะ?
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 09★ ได้เสียเป็นคู่สอง[4.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 05-05-2018 06:25:17
จากไม่มีสมองกลายเป็นหื่นตัวพ่อเหรอ?
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 09★ ได้เสียเป็นคู่สอง[4.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 05-05-2018 09:57:13
 :pigha2:  พี่อินทร์มีทุกอย่าง ยกเว้นสติตอนแกล้งน้อง ฮาไปสิค่ะ ยังไงละเนี้ย จรกาจะโดนอิเหนากินซะแล้ว  :m20:
แล้วบุษบาจะคู่ใครน่อ
 :3123:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 09★ ได้เสียเป็นคู่สอง[4.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 05-05-2018 10:25:40
ตลกอะ55555555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 09★ ได้เสียเป็นคู่สอง[4.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 05-05-2018 21:36:07
Chapter 10: โปรดระวังอิเหนาดุ!

“กูว่ากูมีคำถาม”

จู่ๆ พี่บุศย์ก็โพล่งขึ้นมาขณะที่เรานั่งกินข้าวกลางวันกัน วันนี้ผมก็ติดสอยห้อยตามเขามาเหมือนเคย ไม่ใช่ว่าอยากตามมาหรอก แต่พี่บุศย์บอกว่ามีหนังสือจะให้ผมอีกเลยเรียกให้ไปเอา แล้วก็เจอกับพี่อินทร์ซึ่งถ่อมากินข้าวถึงคณะผมโดยอ้างว่านัดเจอพวกเพื่อนๆ กลุ่มเดือนคณะอื่นๆ ที่ทำกิจกรรมด้วยกันไว้ที่นี่

 สิ้นเสียงพี่บุศย์ ทั้งพี่อินทร์ทั้งผมก็เหลือบมองหน้าพี่บุศย์อย่างพร้อมเพรียง พลันเห็นว่าเขากำลังจ้องหน้าพี่อินทร์ซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนิ่ง พอพี่อินทร์เลิกคิ้ว อีกฝ่ายก็ถามทันที

“หน้ามึงไปโดนอะไรมา ทำไมช้ำงี้”

เอานิ้วจิ้มๆ ที่โหนกแก้มตัวเองให้รู้ว่ารอยตรงนั้น ผมเห็นแล้วก็เม้มปากแน่นทันควัน

ก็รอยนั่นมันมีสาเหตุมาจากผมนี่นา ส่วนพี่อินทร์น่ะเหรอ

“กูเดินชนป้าย”

ก็โกหกไปอีกตามเคยอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้ ไม่มีใครกล้าบอกหรอกว่า ‘อ๋อ รอยนี้น่ะเหรอ ได้มาจากน้องรหัสมึง เมื่อวานกูจะปล้ำน้องเขา น้องมันเลยถีบเอาเข้าให้’ ขืนบอกไปอย่างนั้น มีหวังพี่บุศย์ได้ตีหน้ายักษ์มารแน่ๆ และผมก็ไม่อยากให้พูดอย่างนั้นด้วย

จรกาโดนอิเหนาปล้ำ ฟังยังไงมันก็ไม่โอเคง่ะ!

โอเค ย้อนความกันหน่อย หลังจากที่เขาจูบกับผมแล้วสถานการณ์ก็เลยเถิดเหมือนจะถูกปล้ำ ผมก็เลยดิ้นจนหลุดแล้วถีบเข้าที่หน้าที่อินทร์จังๆ ส่งผลให้โหนกแก้มของเขาในวันนี้มีรอยช้ำเขียวๆ ม่วงๆ ปรากฏให้เห็นเล็กน้อย บอกตามตรงว่าผมก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ เพราะตอนแรกคิดว่าเดี๋ยวพี่บุศย์ก็ต้องโผล่เข้ามาเหมือนหนังการ์ตูน

ทว่า...ไม่โผล่จ้า ผมก็เลยจัดเต็มไป...เอ่อ...ฝ่าเท้านึง พี่อินทร์ถึงหยุดได้ แล้วก็ไปนั่งสะดีดสะดิ้งตัดพ้อเป็นโสรญาในจำเลยรักว่าผมประทุษร้ายเขา แต่ขอโทษเถอะ สมควรแล้วไอ้บ้า! ใครให้มากดผมลงบนเตียงอย่างนั้นเล่า!

อะไรไม่ว่า ไอ้การที่เขาทำท่าเหมือนจะปล้ำผมน่ะ จริงๆ ก็ไม่ได้ปล้ำหรอก กะจะแกล้งให้ผมตกใจแล้วจั๊กจี้ผมเล่น แต่ดันแกล้งหนักไปหน่อย ผมเลยจัดหนักให้เลย

สมน้ำหน้าแล้วล่ะ ขี้แกล้งดีนัก!

และแน่นอนว่าคำโกหกนั้นก็ไม่ได้ทำให้พี่บุศย์เชื่อ เขาใช้ช้อนที่ถืออยู่ในมือชี้หน้าพี่อินทร์

“แต่โหนกแก้มมึงก็ไม่น่าจะสูงเท่าป้ายหรือเปล่าวะ ไอ้หน้าผากชนยังเข้าใจได้ แต่โหนกแก้มนี่ไม่น่ามั้ง ไปโดนส้นเท้าใครที่ไหนมา”

 ตาผมหลุกหลิกขึ้นมาทันที ชำเลืองมองไปยังพี่อินทร์อย่างลุ้นระทึกว่าเขาจะตอบยังไง

“โดนอะไรมาก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรือเปล่าวะ”

“มันจะสำคัญถ้ามึงไม่ได้เป็นเดือนมหา’ลัย แล้วจะต้องขึ้นเวทีอีกไม่กี่วันนี้เนี่ย”

พอพี่บุศย์ว่าอย่างนั้น ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันงานเฟรชชี่ไนท์แล้ว มันเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นให้กับนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งของทุกคณะในมหาวิทยาลัยให้นักศึกษาใหม่ได้มาทำความรู้จักกันกับเพื่อนต่างคณะ เรียกง่ายๆ ว่าเป็นงานที่รวมตัวและต้อนรับน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยนั่นแหละ ผมเองก็ไม่ค่อยได้สนใจสักเท่าไรหรอก แม้แต่เพื่อนในเอกตัวเองยังไม่ค่อยสนใจเลย สนใจแต่พี่บุศย์เนี่ย ตอนนี้ก็มาสนใจพี่อินทร์แล้วเพราะกังวลว่ารอยช้ำบนหน้าที่ผมทำจะทำให้เขาเดือดร้อน

“ไม่เห็นจะเป็นอะไร แต่งหน้าก็ไม่เห็นแล้ว”

พี่อินทร์ว่าสบายๆ หันมายักคิ้วให้ผมทีหนึ่ง ผมก็โล่งใจได้ไปเปลาะ ขณะที่พี่บุศย์เออออตาม

“ก็จริง” แต่สายตายังดูไม่เชื่อใจคนตรงหน้าสักเท่าไร “แต่กูก็ยังข้องใจอยู่ดีกว่ามึงไปโดนอะไรมา”

“มึงไม่ต้องมาสนใจหรอกน่า รีบๆ กินเข้าไปข้าวน่ะ วุ่นวายจริง วู้ว”

พี่อินทร์บ่ายเบี่ยงอีกรอบแล้ว ดูท่าทางเขาก็ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้สักเท่าไร ให้เดานะ เขาคงจะเคืองๆ ผมอยู่เหมือนกัน แต่ที่ไม่ยอมบอกพี่บุศย์ก็เพราะเกรงใจเพื่อนตัวเองอยู่ ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิดจริง ผมก็รู้สึกผิดกับเขาอยู่ไม่น้อยเลยนะที่ทำให้หน้าหล่อๆ มีรอยช้ำเนี่ย

ผมเลยยังไม่ไปไหน กินข้าวเสร็จแล้วก็รอให้พี่บุศย์ลุกจากโต๊ะไปก่อน พอถูกถาม...

“เอ้า แล้วจิไม่มีเรียนบ่ายเหรอ ไม่ยอมลุกเนี่ย”

ผมก็อ้าง... “ไม่มีครับ แต่จิอยากกินขนมเลยว่าจะอยู่กินก่อน”

“เห็นผอมๆ ตัวเล็กๆ งี้ กินเก่งเหมือนกันนะเราเนี่ย แล้วอยู่กับไอ้อินทร์ไม่เป็นไร?”

ผมส่ายหน้าพรืด “เดี๋ยวจิลุกไปนั่งโต๊ะอื่นครับ”

บอกไปงี้แล้วกัน พี่บุศย์จะได้ไม่เป็นห่วง เพราะเขารู้ดีว่าผมไม่ค่อยชอบพี่อินทร์เท่าไร ส่วนพี่อินทร์ก็ชอบแกล้งผมซึ่งพี่บุศย์ก็ไม่รู้ว่าทำไม

ดีแล้วล่ะที่ไม่รู้ ถ้ารู้เดี๋ยวได้มีช็อกแน่ เพราะมันจะไม่ใช่แค่เหตุผลที่พี่อินทร์ชอบแกล้งผม แต่จะรู้ยันเรื่องที่พวกเราจูบกันตอนเขาไม่อยู่ด้วย เดี๋ยวเป็นเรื่อง

“งั้นพี่ไปก่อนแล้วกัน เพื่อนโทรตามละ ไว้เจอกันจิ”

สิ้นเสียง พี่บุศย์ก็เดินออกจากโรงอาหารไป ปล่อยให้ผมนั่งอยู่กับพี่อินทร์สองคน เท่านั้นพี่อินทร์ก็โพล่งขึ้นมา

“ใจร้ายจังนะ จะหนีไปกินขนมแล้วทิ้งให้พี่อยู่คนเดียวเนี่ย”

หันมาทำปากยู่ใส่เป็นที่เรียบร้อย ก็กะไว้อยู่แล้วว่าจะต้องมาอีหรอบนี้ ผมเลยรีบหันไปบอก

“ใช่ที่ไหนล่ะครับ จิไม่ได้อยากกินขนมสักหน่อย”

“เอ้า แล้วทำไมไม่ไปพร้อมกับไอ้บุศย์ล่ะ”

“จิอยากคุยกับพี่อินทร์น่ะครับ”

สิ้นเสียง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ผุดพรายขึ้นยังใบหน้าของพี่อินทร์ พลันน้ำเสียงหยอกเย้าก็ดังขึ้น

“ฮั่นแน่ คิดอะไรกับพี่อยู่ล่ะสินะ งู้ย เขินจัง อยากอยู่ด้วยกันตามลำพังก็ไม่บอก”

เนี่ย มันไม่น่าโดนถีบได้ยังไง กวนประสาทอย่างนี้เนี่ย!

“จิไม่อยากพูดต่อหน้าพี่บุศย์เพราะกลัวพี่บุศย์จะรู้ว่ารอยที่หน้าพี่อินทร์มาจาก...เอ่อ...”

“ว่า?”

รู้ว่ากูจะโดนมึงปล้ำไงเล่า! เรื่องอะไรจะต้องไปบอกบุษบาด้วยล่ะ!

“ว่าอะไรก็ช่างเถอะครับ เอาเป็นว่าจิขอโทษแล้วกันที่ทำให้หน้าพี่อินทร์มีรอย จิไม่ได้ตั้งใจ”

ผมรีบพูดออกไปตามที่คิด เรื่องที่ค้างคาใจจะได้จบๆ พี่อินทร์เอียงคอเล็กน้อย มองผมราวกับว่า ‘แล้วไงต่อ?’ ผมเลยพูดขึ้นมาอีก

“พี่อินทร์โกรธจิหรือเปล่าครับ”

ถามเสียงแผ่วเชียว สำนึกผิดก็ใช่ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งกลัวเขาโกรธแล้วไปปั่นหัวพี่บุศย์ว่าผมเป็นอย่างนั้นอย่างนี้มากกว่า ก็ชาติที่แล้ว เขายังไปยุยงว่าผมหน้าตาไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้กับบุษบาเลย แล้วชาตินี้ทำไมเขาจะไม่ทำกันล่ะ

แล้วเขาก็ดูจะมีแผนอะไรในใจอยู่ด้วย เพราะทันทีที่ผมพูดจบ เขาก็ยกยิ้มขึ้นมาน้อยๆ

“ถ้าพี่บอกว่าโกรธล่ะ จิจะทำยังไง”

ทำยังไงน่ะเหรอ ก็...

“จิขอโทษครับ”

...ขอโทษแค่พูดอย่างเดียวคงไม่พอ ยกมือไหว้ด้วย เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเขายิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย

“แค่นี้ไม่พอหรอกนะ ยังไม่หายโกรธหรอก”

ผมมุ่ยหน้า “แล้วจิต้องทำยังไง พี่อินทร์ถึงจะหายโกรธ”

“งั้นตอบคำถามพี่หน่อย”

“ครับ”

“ทำไมต้องกลัวว่าพี่จะโกรธด้วย”

คำถามนี้ดูจริงจังด้วย ผมคิดไปเล็กน้อยว่าควรจะตอบแบบจริงจังเหมือนกันไหม พอเหลือบเห็นสายตาที่เขามองมา ผมก็ตัดสินใจ

เอาวะ ในเมื่อถามแบบจริงจัง ผมก็ควรจะตอบแบบจริงจังแล้วกัน

“จิกลัวว่าพี่อินทร์จะไปฟ้องพี่บุศย์ครับ”

“ฟ้องไอ้บุศย์เหรอ ทำไมล่ะ ฟ้องก็ไม่เห็นเป็นไรนี่”

เป็นแน่ๆ ถ้าไปฟ้องแล้วพี่บุศย์พานมาโกรธผมด้วยเนี่ย พี่อินทร์โกรธน่ะไม่เท่าไรหรอก ไม่อยากสนใจด้วย แต่ถ้าพี่บุศย์โกรธขึ้นมาล่ะก็ เรื่องใหญ่เลยนะมึง

“หรือว่า...” พอเห็นผมไม่ตอบในทันที พี่อินทร์ก็หรี่ตาลงแบบจับผิด “จิจะชอบไอ้บุศย์จริงๆ?”

ผมรีบส่ายหน้าเร็วๆ เลย ให้รู้ไม่ได้ เรื่องนี้ให้อิเหนารู้ไม่ได้!

“ใครว่าล่ะครับ จิแค่ไม่อยากให้พี่รหัสเคืองเฉยๆ”

เขาหรี่ตามองผมอยู่อีกครู่ ทำท่าเหมือนไม่เชื่อ ผมก็จ้องเขาเขม็ง ทำท่าเหมือนพูดจริง ผ่านไปครู่หนึ่ง พี่อินทร์ถึงได้เลิกทำท่าอย่างนั้น

“งั้นถ้าจิอยากให้พี่หายโกรธ ก็ต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยน”

“อะไรเหรอครับ”

สิ้นเสียง พี่อินทร์ก็ทำปากยื่นๆ มาทางผม ผมเห็นแล้วก็รู้เลย...

กูไม่จูบมึงหรอกเว้ย!

“เนี่ย จู๊บๆๆ~”

ยัง...ยังไม่หยุดอีก ผมเบ้หน้า อดไม่ได้ที่จะยกมือไปตีปากเขาไม่แรงนัก

“เรื่องเถอะพี่อินทร์ จิไม่ทำหรอก ถ้าจะให้ทำงี้ อยากโกรธก็โกรธไปเลย”

ผมรีบว่าเร็วๆ พี่อินทร์ก็ต่อรอง

“ถ้าอย่างนั้น พี่ฟ้องไอ้บุศย์มันนะ”

ผมตวัดมองขวับ “ฟ้องไปเลย จิก็จะฟ้องเหมือนกันว่าพี่อินทร์ทำอะไรจิ”

แค่นี้ผมก็ชนะโดยสมบูรณ์ เพราะพี่อินทร์ส่งเสียงตัดพ้อกระเง้ากระงอดขึ้นมา

“กระรอกก้าวร้าว~”

เออ! กูจะก้าวร้าวแล้ว! ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ!

“แต่ไม่เป็นไร ถึงจิจะไม่จุ๊บพี่ตอนนี้ เดี๋ยวไว้โอกาสหน้าก็ได้เนอะ”

ยังพูดสองแง่สองง่ามไม่เลิก ผมรู้สึกได้ทันทีเลยว่าโคตรจะคิดผิดเลยที่มานั่งขอโทษเขาอยู่อย่างนี้ คิดได้ก็จะลุกไปจากที่นี่ แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นก่อน

“เฮ้ย ไอ้อินทร์”

เป็นเสียงของผู้ชายคนหนึ่งที่เดินมากับอีกคน ผมหันไปมอง เห็นออร่าและความหน้าตาดีของพวกเขาก็พอจะเดาได้

พวกแก๊งเพื่อนเดือนคณะของพี่อินทร์แน่ๆ

พี่อินทร์ก็พยักหน้ารับ พอทั้งสองนั่งลงยังฝั่งตรงข้าม พี่อินทร์ก็โพล่งขึ้นทันที

“นี่จิระ น้องรหัสรูมเมตกู”

ไอ้ที่ผมตั้งใจจะลุกหนี ตอนนี้เลยไปไหนไม่ได้แล้ว นอกจากจะยิ้มรับแล้วทักทายตามมารยาท

“สวัสดีครับ”

ในใจก็ค่อนขอดไอ้ตัวข้างๆ ที่นั่งยิ้มหน้าบานเพราะรั้งผมเอาไว้ได้

หน็อย คอยดูนะ เดี๋ยวจะแกล้งไม่มาเจอหน้าเป็นเดือนๆ เลย ดูซิว่าจะแกล้งใครได้ถ้าไม่ได้เจอผมเนี่ย!

แต่แล้วความหงุดหงิดน้อยๆ ของผมก็มลายหายไปเมื่อพี่สองคนนั้นมองหน้าผมพลางเบิกตาโต ก่อนจะเบนความสนใจมาที่ผมทันที

“คนนี้เหรอน้องจิที่มึงพูดถึง โห สมคำร่ำลือเลยนี่หว่า น่ารักมาก”

หนึ่งในนั้นทักผมแล้วก็ตามด้วยชมทันที ถึงผมจะค่อนข้างชินเวลามีคนมาพูดแบบนี้ใส่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเขินอยู่หน่อยๆ เหมือนกัน ยิ่งคนที่ชมมีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะ อีกทั้งยังเป็นทูตกิจกรรมของมหาวิทยาลัยด้วย

“ปกติไม่มีรสนิยมชอบผู้ชายนะ แต่จิระนี่ต้องยอมให้จริงๆ โคตรน่ารัก”

พี่อีกคนที่เป็นเดือนคณะเหมือนกันเสริมขึ้นมา ผมรู้สึกร้อนวูบๆ ที่แก้มทั้งสองข้าง พลันยกมือขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองแก้เขิน

“แหะๆ ขอบคุณครับ”

รู้สึกดีสุดๆ ไปเลย เหมือนปมด้อยในอดีตถูกชำระล้างไป

แล้วผมก็คุยกับรุ่นพี่พวกนั้นด้วยความหรรษาลั้นลาสุดชีวิต ลืมไปเลยว่ายังมีใครอีกคนนั่งอยู่ข้างๆ พอผมหันไปเห็น รอยยิ้มกว้างบนหน้าตัวเองก็รู้สึกได้ทันทีว่าค่อยๆ เจื่อนลง

หน้าตาพี่อินทร์โคตรน่ากลัว สีหน้าทะเล้นที่มีในตอนแรกหายไปประหนึ่งไม่เคยเกิดขึ้น สภาพตอนนี้เหมือนพร้อมจะกระโดดงับคอทุกคนที่อยู่บริเวณนี้ยังไงยังงั้นอะ

ผมพอจะเดาได้เลยว่าเขาต้องไม่พอใจแน่ๆ ที่เห็นพวกเพื่อนเขาชมผม แล้วผมก็ดันระริกระรี้ชอบถูกชมด้วย ก็เขาบอกว่าชอบผมนี่ ไม่แปลกหรอกถ้าจะเกิดอาการแบบนี้ เพราะผู้ชายคนอื่นที่มาติดพันผมก็เป็นเหมือนกันเวลาเห็นผมดี๊ด๊าตอนได้เจอพี่บุศย์

และก็ไม่ใช่ผมคนเดียวด้วยนะที่สังเกตเห็น เพื่อนเขาก็เห็นจนคนหนึ่งร้องทัก

“เป็นอะไรของมึงวะไอ้อินทร์ ทำหน้าเหมือนโกรธ”

“หรือว่า...จะไม่พอใจที่พวกกูเจ๊าะแจ๊ะกับน้องจิ?”

อีกคนก็แซวเป็นลูกคู่ใหญ่ ซึ่งก็ดูเหมือนจะแทงใจดำพี่อินทร์เข้าอย่างจังด้วย เพราะพอพูดจบ พี่อินทร์ก็ทำหน้าตาถมึงทึงยิ่งกว่าเดิม แต่สองคนนั้นก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย หันมาคุยกับผมกันใหญ่

“ว่าแต่น้องจิครับ เย็นนี้รีบกลับหรือเปล่า ถ้าไม่รีบกลับ เดี๋ยวพี่พาไปกินไอติมนะ”

“มีเจ้าอร่อยอยู่หน้า ม.เจ้านึง พี่ก็ไปกินบ่อย ไปด้วยกันเนอะ”

ผมก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ ไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้สักเท่าไร เพราะมันเป็นการยั่วให้พี่อินทร์โกรธยิ่งกว่าเดิม บอกตามตรงว่าผมก็กลัวเขาจะโกรธนี่แหละ ไม่รู้กลัวทำไม แต่เพราะไม่เคยเห็นเขาทำหน้าตาแบบนี้ ผมเลยหวั่นใจแปลกๆ ได้แต่ตอบไปอย่างกระมิดกระเมี้ยน

“คือว่าจิ...”

กะจะปฏิเสธนั่นแหละ แต่พี่คนหนึ่งก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้ผม

“ไม่ต้องเกรงใจน่าน้องจิ พี่เลี้ยง”

“นะๆ ไปเถอะ พี่เองก็อยากให้เราไป”

แล้วแบบนี้จะปฏิเสธได้ยังไง อย่ามาคะยั้นคะยอนะเว้ย ลำบากใจ!

ผมก็กระอักกระอ่วนได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ เพราะหลังจากนั้น พี่อินทร์ก็คว้าผมไปกอดด้วยสองแขนแน่นแบบไม่ทันตั้งตัว ผมก็ตกใจอยู่เหมือนกัน ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้ในที่สาธารณะ แต่พอจะหันไปโวยวาย ก็มีเสียงประหลาดๆ ดังมาให้ได้ยินเสียก่อน

“แง่ง...”

เอ๊ะ... เสียงนี้มันคุ้นๆ

“น่านะจิ ตกลงไปกับพี่นะครับ”

แต่แล้วก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ผมเห็นแหละว่าเป็นเพื่อนเขา ส่วนพี่อินทร์น่ะเหรอ...

“แง่ง...”

ขู่...

ผมหันไปมองก็เห็นพี่อินทร์แยกเขี้ยว

เขาส่งเสียงขู่เพื่อนตัวเองอ้ะ!

เพื่อนเขาก็ดูท่าทางจะสนุกกันใหญ่ที่เห็นพี่อินทร์เป็นแบบนี้ ได้ทีก็เอาใหญ่เลย

“ไปเถอะนะครับ เราจะได้รู้จักกันให้มากขึ้นไง”

“แง่ง!”

“ไม่ต้องอยู่กับไอ้อินทร์มากหรอก ลองไปกับพวกพี่ดู เผื่อจะชอบกว่า”

“แง่ง!”

“ไอ้อินทร์มันไม่เหมาะกับน้องจิหรอก บ้าๆ บอๆ อย่าไปยุ่งกับมัน”

“แง่งๆๆ!”

“เออ ใช่ๆ มันเต็มซะที่ไหน มีดีแต่หน้าตา สมองไม่พัฒนามาหลายปีแล้ว”

“แง่งๆๆๆ!”

จากนั้นเพื่อนเขาก็หัวเราะกันใหญ่ ส่วนพี่อินทร์ก็ส่งเสียงขู่ใส่เพื่อนทั้งสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามสลับกันไปมา ปล่อยให้ผมได้เหลือบมองเขาอย่างเอือมๆ

เห็นขู่แบบนี้แล้วอยากเอาตะกร้อมาครอบปากสักที มึงก็หวงแบบปุถุชนคนทั่วไปได้ไหมเล่า!

กลายร่างจากอิเหนามาเป็นอิบ้าอีกแล้ว โอย...เป็นสารพัดอิ เป็นทุกอิ ยกเว้นอิเหนา จิปวดหัว!

“ฮื่อๆ แฮ่~!”

เห็นว่าเพื่อนเขาไม่มีท่าทีจะหยุด พี่อินทร์ก็ขู่ใหญ่ ผมชักเริ่มจะอายขึ้นมาบ้างแล้วเพราะโต๊ะอื่นๆ เริ่มมองมาที่เรา แต่เพื่อนเขาก็ดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร เห็นแบบนี้ผมเลยพอจะรู้ว่าพี่อินทร์ไม่ได้ทำตัวบ้าๆ บอๆ เวลาอยู่กับผมอย่างเดียวหรอก อยู่กับเพื่อนก็เป็น แต่ผมเข้าใจผิดไปเล็กน้อยเพราะว่า...

“แหม ไอ้อินทร์! กูอยากจะแหมไปให้ถึงดาวอังคาร หวงจริงนะน้องจิมึงเนี่ย พูดถึงทีไร ขู่แฮ่ๆ ตลอด”

“ก็ไม่เห็นต้องแปลกใจเลยว่าทำไมถึงหวง น่ารักขนาดนี้ ไม่หวงก็แปลก กูไม่สงสัยละว่าทำไมมึงเพี้ยนๆ ทุกครั้งเวลาพูดถึงน้องจิ เออ ก็สมควรใช้เสียงสองเวลาพูดถึงอยู่”

เพื่อนเขาคุยกันเอง ผมก็หน้าร้อนวูบขึ้นมา เข้าใจได้ทันทีว่าที่พี่อินทร์บ้าๆ บอๆ ต่อหน้าเพื่อนเขาน่ะ ไม่ใช่เรื่องปกติของเขาหรอก แต่เป็นเพราะผมต่างหาก

เป็นเพราะผม...

เหมือนโลกหยุดหมุนไปครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจะต้องใจเต้นแรงเพราะเรื่องนี้ด้วย ได้สติอีกทีก็ตอนที่เพื่อนๆ ของเขาลุกไปซื้อข้าว ปล่อยให้พี่อินทร์กับผมอยู่กันสองต่อสอง ก่อนจะมีเสียงแปลกๆ มาให้ได้ยินอีก

“งื้ดๆ~”

เป็นเสียงของพี่อินท์ พอผมหันไปมองก็เห็นว่าเขาทำตาละห้อย อมยิ้มน้อยๆ แล้วก็เอาหัวมาถูๆ ไถๆ กับแก้มผม

“พี่อินทร์ อย่า...”

ผมร้องปราม แต่พี่อินทร์ก็ไม่หยุด ทำแบบเดิมอีกจนเส้นผมของเขาแยงหน้าแยงตาผมไปหมดแล้ว

“จิบอกว่าอย่าไงพี่อินทร์! แล้วก็ปล่อยได้แล้ว อึดอัด!”

คราวนี้ถึงยอมเอาหัวออกไปได้ แต่มือก็ยังกอดผมไม่ปล่อยอยู่ดี

“หงิง~”

นี่มึงเป็นคนยังไงวะ!

ส่งเสียงเว้าวอนมาอีก แต่ผมไม่เล่นละ เรียกเขาเสียงแข็งเลย

“พี่อินทร์!”

พี่อินทร์ก็เลยหยุดส่งเสียงประหลาดๆ มองผมที่สูดหายใจเข้าปอดก่อนพูด

“จิขอล่ะ เป็นคนปกติกับเขาบ้างได้ไหม”

พี่อินทร์หัวเราะขึ้นมาทันที “ทำไมล่ะ ไม่ชอบเหรอ”

“อื้อ ไม่ชอบ”

ผมก็ตอบรับไปตามตรง พี่อินทร์เลยยืดตัวขึ้นเล็กน้อย

“ไม่ชอบอะไร ไหนบอกชัดๆ”

“ไม่ชอบให้พี่อินทร์ทำตัวบ้าๆ บอๆ แบบนี้ จิรำคาญ”

เขาก็ไม่สำนึกนะ หัวเราะออกมาอีก “งั้นก็แสดงว่าถ้าพี่ไม่ทำตัวบ้าๆ บอๆ ก็หวงได้สินะ”

ตอนนี้เองที่ผมสำนึกขึ้นมาได้ว่าลืมบอกเรื่องนี้ไป

หวงก็ไม่ได้เว้ย! ไม่ได้เป็นอะไรกัน จะมาหวงทำไม!

แต่สายไปแล้ว เพราะพี่อินทร์คลายอ้อมแขนออก ยกมือขึ้นมาดึงแก้มทั้งสองข้างของผมแล้วเป็นที่เรียบร้อย

“งั้นก็...ห้ามไปเจ๊าะแจ๊ะทำหน้ากระรอกกับใครที่ไหนอีก พี่หวงนะ เข้าใจไหมตาหนู~”

ดึงแก้มอย่างเดียวไม่พอ ยังส่ายไปส่ายมาอีก ดูท่าว่าถ้าผมไม่ตอบรับแล้วล่ะก็ มีหวังคงโดนดึงจนแก้มย้วยแน่ๆ ผมเลยต้องพยักหน้ารับ ตอบด้วยเสียงอู้อี้ฟังไม่ชัด

“อิเอ้าใอแอ๊วอั๊บ โอย เอ็บแอ๊ว! (จิเข้าใจแล้วครับ โอย เจ็บแล้ว!)”

พี่อินทร์เลยปล่อยได้ ผมลูบแก้มตัวเองป้อยๆ มองเขาอย่างเคืองๆ

“แต่เมื่อกี้จิก็ไม่ได้เจ๊าะแจ๊ะกับใครสักหน่อย แค่คุยเฉยๆ”

“คุยเฉยๆ แต่ยิ้มหน้าบานแบบนั้น ถือว่าเจ๊าะแจ๊ะหมด”

เขาเถียงกลับมา ผมมาคิดๆ ดูแล้วนะ มันมีสิทธิ์อะไรมาสั่งห้ามผมอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ทำตัวเหมือนเจ้าข้าวเจ้าของเข้าไปทุกทีแล้วนะ

ไม่ได้การล่ะ ผมต้องหยุดเรื่องนี้ก่อนที่มันจะกลายเป็นความเคยชิน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวมันจะส่งผลกระทบตอนที่ผมได้ครองคู่กับน้องบุษบาเอา

“แต่จิไม่ได้เป็นอะไรกับพี่อินทร์นะครับ ไม่ต้องมาหวง แล้วก็ไม่ต้องมาสั่งอะไรจิด้วย จิไม่ชอบ”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็หันมามองขวับ เลิกคิ้วสูงเล็กน้อย “หืม? พูดจริงดิ?”

พูดจริง! ถ้าพูดไม่จริงจะพูดทำไม!

ผมพยักหน้ารับรัวๆ เลย ตาจ้องตา ไม่ยอมแต่โดยดีแน่ ยังไงก็ต้องให้เขารู้ว่าเขาไม่มีสิทธิ์มาหวงอะไรผม ทว่า...ทำได้อยู่ครู่ ผมก็ค่อยๆ สลดลงเมื่อจู่ๆ สายตาของพี่อินทร์ก็ดูจริงจังขึ้นมา

อะ...อะไรน่ะ

อะไรก็ไม่รู้ล่ะ รู้แต่ว่าพอผมหดคอลง พี่อินทร์ก็ขยับเข้ามากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูผมว่า...

“ถ้าอย่างนั้นมาลองเป็นอะไรกันดูไหมล่ะ พี่จะได้หวงเราได้แบบไม่ต้องตะขิดตะขวงใจ”

ไม่ใช่แค่พูดอย่างเดียวด้วย พอจบประโยคก็อ้าปากงับลงมาที่ใบหูผมเบาๆ ผมสะดุ้งเฮือก ขนแขนลุกชันไปหมด ผงะถอยออกจากเขาทันที ก่อนจะเห็นว่าพี่อินทร์กำลังยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่โดยไม่พูดอะไร ปล่อยให้ผมได้ร้อนรนคว้าข้าวของแล้วลุกพรวดจากตรงนั้น จังหวะเดียวกันที่เพื่อนเขาเดินกลับมาพอดี พลันพากันส่งเสียงถามอย่างพร้อมเพรียง

“อ้าว ไปแล้วเหรอน้องจิ”

ผมไม่ตอบ ก้าวพรวดๆ ไปอย่างเดียว พ้นจากโรงอาหารได้ก็อดยกมือขึ้นจับใบหูที่ถูกพี่อินทร์งับเข้าอย่างเสียไม่ได้พร้อมกับความร้อนที่เห่อลามไปทั่วไปหน้า

บะ...บ้าชะมัด ทำไมต้องมาใจเต้นกับคนอย่างนี้ด้วยวะ

ตอนนี้เองที่ผมตระหนักได้ว่านอกจากจะต้องระวังเสน่ห์ของอิเหนาที่มากมายเหลือร้ายแล้ว ยังต้องระวังเวลาถูกอิเหนาหึงหวงอีกด้วย เพราะไม่อย่างนั้น ผมเองนี่แหละที่จะแย่เอา

คงต้องเตือนใจตัวเองไว้ให้มั่นแล้วล่ะเจ้าจรกาว่าต่อจากนี้จะทำอะไร จะคุยกับใครที่ไหน...

...‘โปรดระวังอิเหนาดุ!’

-----------------------------------

ปี้อินทร์จะมีออร่าผัวอย่างนี้อีกนานแค่ไหนนั้นนนน ให้นว้องจิร้าทายกัน~ 555

มีวลีว่า "จะร้ายกับคนทั้งโลก ยกเว้นเธอคนเดียว" แต่สำหรับพี่อินทร์นี่คงเป็น "จะเป็นคนปกติกับคนทั้งโลก ยกเว้นกับเธอคนเดียว" เพราะแม่มบ้าๆ บอๆ ตลอดเลย ไม่ใช่แค่จิปวดหัวรูกกก แม่ก็ปวด แม่ๆ คนอื่นๆ ก็ปวด พระเอกเมิงเอาเงินซื้อตำแหน่งมาใช่มั้ย 555

ฝากกำลังใจให้กันด้วยนะคะ ^^

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 10★ ★C H 10★โปรดระวังอิเหนาดุ![5.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-05-2018 22:02:23
มันต้องทำป้ายเพิ่ม "เขตปลอดอิเหนา" พกติดตัวไว้นะหนูจิ  o18
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 10★ ★C H 10★โปรดระวังอิเหนาดุ![5.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 05-05-2018 22:08:14
+เป็ดไปไหนน่อ
พี่อินทร์ค่ะ รุกหนัก รุกแรง น้องจิตั้งตัวไม่ทัน ระวังน้องเตลิดนะ  :m20:
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 10★ ★C H 10★โปรดระวังอิเหนาดุ![5.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 05-05-2018 22:19:50
อิพี่อินทร์ เป็นอิแรด อิบ้า อิหื่น ตอนนีกลายเป็นหมาไปแล้ว บทพระเอกนี่ ซื้อมาใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 10★ ★C H 10★โปรดระวังอิเหนาดุ![5.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 05-05-2018 22:37:38
จิเลิกคิดเถอะว่าจะได้ครองคู่กับบุษบาเพราะจะไม่มีวันนั้นเชื่อพี่
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 10★ ★C H 10★โปรดระวังอิเหนาดุ![5.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 05-05-2018 22:37:48
5555555555 อีพี่อินนนทร์ พยายามคิดว่าเออ นางก็อาจมีมุมคูลๆบ้างไรบ้าง แต่ยิ่งอ่านล่ะยิ่งเจอว่าคนบ้านี่หว่า5555

ชอบมากก รักเลยมาต่อทุกวันแบบนี้นะคะ ขอบคุณค่าา
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 10★ ★C H 10★โปรดระวังอิเหนาดุ![5.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 05-05-2018 22:59:47
พี่อินทร์นี่เป็นหลายอิเลยค่ะ เลือกไม่ถูก5555 เข้าใจเลย เจอคนน่ารักก็ต้องง้องแง้ง :o8:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 10★ ★C H 10★โปรดระวังอิเหนาดุ![5.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-05-2018 23:18:17
ดูท่าจรกาจะแพ้ทางอิเหนานะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 10★ ★C H 10★โปรดระวังอิเหนาดุ![5.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-05-2018 00:09:41
 :m20:

 :L2: :pig4: :L2:

 o13
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 10★ ★C H 10★โปรดระวังอิเหนาดุ![5.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-05-2018 01:47:03
สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 10★ ★C H 10★โปรดระวังอิเหนาดุ![5.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 06-05-2018 02:54:11
เป็นอิบ้า อิแรด อิช่างตื๊อ อิขี้แกล้ง เป็นทุกอิให้เธอแล้วยกเว้นเป็นอิเหนา5555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 10★ ★C H 10★โปรดระวังอิเหนาดุ![5.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 06-05-2018 06:11:13
เป็นพระเอกคนแรกที่รู้สึกกลัว คือแบบแกรรรรรร เขาเป็นอะไร เป็นคนปกติแค่ตอนเปิดตัวนอกนั้นคือบ้าหมด คือแบบ5555555 ถ้านี่เป็นน้องจิมีตบกันทุกวันแน่ๆ อ่ะ กวนประสาทสุด
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 10★ ★C H 10★โปรดระวังอิเหนาดุ![5.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 06-05-2018 08:21:13
กลับมาสมองหายเหมือนเดิมอีกแหละ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 10★ ★C H 10★โปรดระวังอิเหนาดุ![5.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 06-05-2018 10:20:21
ตลกที่บอกว่าเป็นหมดทุกอิแล้วยกเว้นอิเหนา5555555555555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 10★ ★C H 10★โปรดระวังอิเหนาดุ![5.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 06-05-2018 11:15:59
อายแทนน้องงงงงงงงงง อิพี่อินทร์ทำอารายเนี่ยยยยยย
555555555555555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 10★ ★C H 10★โปรดระวังอิเหนาดุ![5.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 06-05-2018 17:00:30
ฮาาาาาา เป็นทุกอิแล้ว ยกเว้นอิเหนา! ชอบอันนี้
พี่อินทร์เป็นบ้าจริงๆ ด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 10★ ★C H 10★โปรดระวังอิเหนาดุ![5.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 06-05-2018 19:33:55
Chapter 11: ใจจะขาดแล้วเอย

การเผชิญหน้ากับพี่อินทร์เริ่มยากเย็นขึ้นทุกวัน แรกๆ ผมไม่อยากเจอหน้าเขาเพราะกลัวว่าจะถูกเขาแกล้ง แต่หลังจากที่ทั้งถูกจูบ ทั้งถูกกอด แถมยังถูกขอคบเป็นแฟน...

เออ ผมว่าผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ ที่เขาบอกว่าให้ลองมาเป็นอะไรกันนั่น มันเป็นการขอคบชัดๆ ถึงจะไม่รู้ว่าเขาพูดเล่นหรือพูดจริง แต่มันก็ทำให้ผมกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อย จากที่กลัวว่าจะถูกแกล้งอย่างเดียว ตอนนี้เลยกลายเป็นว่ากลัวทั้งถูกแกล้ง กลัวทั้งถูกขอคบเป็นแฟนด้วยแล้ว

ก็บอกแล้วไง... อิเหนาจะมาชอบจรกาไม่ได้เว้ย!

ไม่ใช่แค่อิเหนา คนอื่นๆ ที่เคยมีอดีตชาติร่วมกันก็เหมือนกัน แน่นอนว่ารวมถึงวิหยาสะกำที่ตอนนี้ไม่รู้หายหน้าหายหัวไปไหนแล้ว เว้นเสียแต่บุษบาที่ผมยินดีและเต็มใจถ้าชาตินี้จะมีใจให้

หัวใจของพี่จรกาผู้นี้จะมอบให้แก่น้องบุษบาผู้เดียวเท่านั้น...

ผมได้ให้สัตย์สาบานไว้ตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว ไม่ว่ายังไงก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจ

ส่วนอิเหนา... ผมคงจะต้องห่างๆ มันไว้จะดีที่สุด ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ได้ปวดหัวทุกครั้งที่เจอหน้าแน่ๆ

แต่ทว่า...หนียังไงก็หนีไม่พ้นตราบใดที่ผมยังเกาะติดพี่บุศย์แจเป็นตังเมอย่างนี้ ผมอดแปลกใจไม่ได้เหมือนกันนะว่าทำไมพี่บุศย์ถึงได้สนิทกับรูมเมตของเขามาก แต่ก็ไม่กล้าไปถามเพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวเกินไป จริงๆ แล้วผมก็กลัวคำตอบที่จะได้รับเหมือนกัน ถ้าคำตอบออกมาประมาณว่า 'อ๋อ พี่กับไอ้อินทร์เป็นคู่ขากันน่ะ ก็เลยสนิทกัน' ผมไม่ช็อกหงายหลังไปเลยเหรอ ชาติก่อนยิ่งเป็นคู่ผัวตัวเมียกันอยู่ด้วย เรื่องแบบนี้โคตรจะมีความเป็นไปได้เลย

ผมพยายามไม่คิดอะไร บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เลยวางตัวปกติ ตามติดพี่บุศย์อย่างเคย แต่วันนี้แปลกไปหน่อยตรงที่เขาเป็นฝ่ายโทรมาหาผมเอง พอผมรับสาย เขาก็โพล่งขึ้นทันที

[จิระ พี่ขอถามอะไรหน่อย]

“ครับพี่บุศย์?”

[จิร้อยมาลัยเป็นไหม]

ผมนิ่งไปครู่ “พี่บุศย์หมายถึงร้อยพวงมาลัยที่ใช้ไหว้พระแบบนั้นน่ะเหรอครับ”

[อืม ใช่ ทำเป็นใช่ไหม เหมือนตอนที่รับเพื่อนใหม่แล้วให้บอกความสามารถพิเศษ จิบอกว่าร้อยมาลัย]

ผมนึกถึงวันนั้นทันที และใช่... ตอนนั้นมีรุ่นพี่ให้แนะนำตัวพร้อมกับบอกความสามารถพิเศษ ผมบอกไปว่าร้อยมาลัย ซึ่งผมก็ทำได้จริงๆ มันเป็นความสามารถที่ติดตัวมาตั้งแต่ชาติก่อนน่ะ เพราะดันหลงรักคนชื่อบุษบา บุษบามีความหมายว่าดอกไม้ ก็เลยบ้าคลั่งดอกไม้ เก็บมาร้อยเป็นมาลัยอยู่ช่วงหนึ่ง

“ครับ จิทำเป็น”

พอผมตอบไปอย่างนั้น น้ำเสียงของพี่บุศย์ก็ฟังดูดีใจทันที

[เหรอ ดีจังเลย งั้นช่วยอะไรพี่หน่อยได้ไหม]

“อะไรเหรอครับ”

[ช่วยสอนพี่ร้อยมาลัยหน่อยสิ]

ขอร้องมาอย่างนี้ มีเหรอที่ผมจะปฏิเสธ รีบตอบรับทันควัน

“ได้สิครับ เมื่อไรดี”

[วันนี้เลยได้ไหม รีบกลับหรือเปล่า ถ้าไม่รีบ ไปสอนพี่ที่ห้องหน่อย พอดีต้องรีบใช้]

เท่านั้นผมก็เบิกตาโตทันที

“ได้เลยครับ งั้นเดี๋ยวเลิกเรียนแล้ว ให้จิรอที่หน้า...”

[ไปที่หอเลย พี่อาจจะไปช้าหน่อย ต้องแวะไปซื้อของก่อน เดี๋ยวให้ไอ้อินทร์ลงมารับนะ]

เป็นแบบนี้อีกแล้ว...

เป็นครั้งแรกที่อยากจะปฏิเสธ แต่พี่บุศย์ก็พูดอยู่คนเดียวแล้วก็ตัดสายไป ปล่อยให้ผมมองหน้าจอโทรศัพท์นิ่งๆ แล้วถอนหายใจออกมา

ช่างเถอะ คิดเสียว่าเป็นโอกาสทองที่จะได้อยู่กับพี่บุศย์แล้วกัน อย่าไปใส่ใจอะไรมากเลย

 

แต่...ผมว่าผมควรใส่ใจ เพราะเอาเข้าจริง ไอ้ที่พี่บุศย์โทรมาขอร้องให้ผมช่วยสอนร้อยมาลัย มันคือการสอนให้พี่อินทร์ร้อยต่างหาก ไม่ใช่เขา เพราะอาทิตย์หน้า พี่อินทร์มีสอบควิซร้อยมาลัยในวิชาอะไรสักอย่างของคณะที่เขาเรียน ผมเพิ่งรู้ในตอนนี้ว่าเขาเรียนสาขาวิชาการละคอน และการร้อยมาลัยก็เป็นส่วนหนึ่งของวิชาเลือกในคณะซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันยังไง ผมก็ไม่ได้สนใจเรื่องที่เขาอธิบายหรอก ขุ่นใจมากกว่าที่พี่บุศย์ไม่ยอมบอกว่าที่ขอให้ผมมาสอนคือสอนพี่อินทร์ ไม่ใช่เขา

ก็พอจะเดาได้อยู่หรอกนะว่าเป็นเพราะถ้าเอ่ยชื่อพี่อินทร์แล้วผมจะไม่มาสอน ส่วนผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งจุ้มปุ้ก สอนให้พี่อินทร์ร้อยมาลัยในห้องของเขาแบบสองต่อสอง

ใช่! สองต่อสอง พี่บุศย์บอกว่าจะไปซื้อของ จริงๆ คือนัดเพื่อนไปคุยงานกลุ่มแล้วหลอกให้ผมมาที่นี่

น้องบุษบานะ น้องบุษบา ทำไมทำกับพี่จรกาอย่างนี้!

เป็นครั้งแรกเลยที่เคืองพี่บุศย์ แต่ก็พยายามเก็บอาการเพราะคนตรงหน้าทำให้ผมเคืองกว่า

คือ...จริงๆ พี่อินทร์ก็ยังไม่ได้ทำอะไรหรอก นั่งฟังผมอธิบายอย่างตั้งใจนั่นแหละ แต่แค่ผมเห็นหน้าเขาแล้วก็หงุดหงิดอะ

เอาเถอะ รีบสอนๆ ให้จบๆ จะได้รีบกลับหอ

“มาลัยกลมมันมีอยู่สองแบบครับพี่อินทร์ มีมาลัยเกลี้ยง คือแบบที่ไม่มีลาย กับมาลัยกลมยกดอก อันนี้จะมีลาย จิจะสอนทำแบบเกลี้ยงนะเพราะง่ายกว่า พี่อินทร์ต้องเลือกเอาดอกให้ขนาดเท่าๆ กันก่อน เวลาร้อยมันจะได้สวย ก้านดอกก็ต้องยาวให้เท่ากันด้วย ส่วนเวลาร้อยก็ร้อยแถวแรกให้เป็นวงกลมก่อน เว้นระยะห่างแต่ละดอกให้เท่ากัน เรียงจากซ้ายวนไปขวา”

ผมอธิบายพลางหยิบเข็มร้อยมาลัยกับดอกพุดตูมที่คัดไว้แล้วมาร้อยให้ดู พอร้อยเสร็จก็ยื่นไปตรงหน้า

“แบบนี้น่ะครับ เห็นไหมว่ามันจะเรียงกัน”

พี่อินทร์เหลือบมองแล้วพยักหน้า ก่อนจะหยิบดอกพุดตูมขึ้นมาร้อยบ้าง แล้วยื่นให้ผมดู

“แบบนี้เหรอ”

ผมคว้ามาวางในอุ้งมือแล้วพินิจ “ครับ แบบนี้แหละ สวยแล้วล่ะ”

พี่อินทร์ยิ้มน้อยๆ ก้มหน้าร้อยมาลัยต่อ ผมเห็นแล้วก็โล่งใจอยู่เหมือนกันที่วันนี้เขาดูจริงจังกว่าปกติ ไม่แกล้งหรือทำอะไรบ้าๆ บอๆ แต่ทว่า...เหมือนผมจะมองโลกในแง่ดีไปหน่อยล่ะมั้ง เพราะพอเขาร้อยไปได้อีกสักพัก พอเริ่มคล่องมือ ก็มีเสียประหลาดๆ ดังมาให้ได้ยิน

“อื้อ...”

ผมเหลือบมองก็เห็นว่าเอาค่อยๆ เอาเข็มแทงก้านดอกพุดตูมช้าๆ ทำหน้าทำตาเหยเก พอร้อยเข้าไปได้ก็ส่งเสียง

“อา...”

จากนั้นก็ทำแบบเดิมอีก

“อ๊ะ...อือ...”

พอเข็มทะลุก็มีเสียง...

“อืม...”

กับดอกไม้ มึงก็เล่นสัปดนได้เนอะ!

ผมเห็นแล้วก็รำคาญ อดไม่ได้ที่จะพูด

“ทำดีๆ ได้ไหมพี่อินทร์ อย่าเล่น”

แล้วเขาฟังไหมล่ะ เหอะ! ฟังกับผีอะไร มองหน้าผมได้ก็ยิ้มกว้าง ส่งเสียงประหลาดๆ ออกมาอีก คราวนี้มีชื่อผมด้วย

“อื้อ...จิ...จิระ อ้าส์”

“พี่อินทร์ อย่าครับ”

ผมปราม ไม่ชอบให้เขาทำแบบนี้ แต่ไม่ได้ผลเลยสักนิด

“อ๊าง...จิระ ไม่นะ อือ...อา...”

“พี่อินทร์ พอ...”

“อื๊อ อิคึๆ”

กูบอกให้หยุดไงเว้ย!

ยิ่งแกล้งก็ยิ่งสนุกเขาล่ะ แต่อย่างที่บอกว่าผมไม่สนุกด้วย ถ้ารู้ว่ามาแล้วจะถูกแกล้งแบบนี้อีก ผมก็ไม่มาหรอก ก่อนจะเผลอส่งเสียงดังอย่างลืมตัวเมื่อเห็นว่าเขายังหยอกไม่หยุดสักที

“พี่อินทร์! จิบอกให้พอได้แล้ว!”

พี่อินทร์ก็หุบปากฉับทันที เขาดูตกใจไปนิดๆ เหมือนกันที่จู่ๆ ผมก็ตะคอกใส่ แต่ก็ไม่ยอมหยุด

“โหดร้าย เจ้ากระรอกก้าวร้าว~ พี่อุตส่าห์รักอุตส่าห์หลง ทำไมใจร้ายกับพี่อินทร์อย่างนี้”

แล้วที่มึงทำมันน่าใจดีด้วยไหมเล่า!

ตัดพ้อต่อว่า ทำท่าสะดีดสะดิ้ง ผมเห็นแล้วเส้นความอดทนที่เต้นตุ้บๆ อยู่ข้างขมับถึงกับขาดดังผึง พลันวางเข็มร้อยมาลัยลงแล้วมองหน้าเขานิ่งอย่างเอาจริง

“แต่จิไม่ได้ชอบพี่อินทร์”

พูดไปอย่างนี้ก็หวังว่าเขาจะหยุดน่ะนะ แต่เขากลับทำหน้าระรื่น ว่าอย่างไม่รู้สึกรู้สา

“ไม่ชอบตอนนี้ เดี๋ยววันข้างหน้าก็ชอบ”

ไม่มีทางหรอกเว้ย! เพราะกูน่ะ...

“จิชอบพี่บุศย์ ไม่มีวันชอบพี่อินทร์หรอกครับ!”

ผมเผลอตัวโพล่งออกไปเพราะกลัวว่าเดี๋ยวเขาจะยอกย้อนแล้วต่อปากต่อคำอีก แล้วก็มาสำนึกขึ้นได้ว่าหลุดปากพูดอะไรไปตอนที่เห็นสีหน้าอึ้งงันของพี่อินทร์ ชั่วขณะนั้นผมก็รู้สึกผิดขึ้นมาที่พูดความจริงออกไป

“จิ...ชอบไอ้บุศย์จริงๆ เหรอ”

เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะไม่อยากเชื่อ ผมเองก็ไม่อยากตอบ แต่ในเมื่อหลุดปากออกไปแล้ว ก็คงจะต้องปล่อยให้เลยตามเลยแล้วล่ะ

“ครับ จิชอบพี่บุศย์”

ยิ่งพูด เสียงก็ยิ่งแผ่ว ผมไม่กล้าสบตาเขาเลยเพราะรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก

ไม่ได้รู้สึกผิดต่อบุษบา ไม่ได้กลัวว่าจะถูกแย่งบุษบาไป แต่เป็นเพราะ...สงสารคนตรงหน้ามากกว่า ก็พี่อินทร์น่ะ สลดไปเลยนี่นา สลดแบบว่าจ๋อยไปทันตาเห็น ใบหน้าที่ยิ้มๆ กับท่าทางทะเล้นในตอนแรก ตอนนี้ไม่มีให้เห็นเลยแม้แต่น้อย แม้แต่แววตาก็หม่นแสงลง ดูก็รู้เลยว่าเจ็บปวดแค่ไหน

ทำไมผมถึงเข้าใจน่ะเหรอ?

ก็ผมเคยรักคนที่ไม่เคยแม้แต่จะเหลียวมองผมมาก่อนนี่นา ทำไมผมจะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้กัน

พลันก็รู้สึกผิดขึ้นมาเต็มอกยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นมือทั้งสองข้างของพี่อินทร์ดูไร้เรี่ยวแรง ทิ้งเข็มร้อยมาลัยลงพื้น ก่อนที่เขาจะนั่งก้มหน้านิ่ง

ปะ...เป็นเรื่องแล้วมั้งเนี่ย

“พี่อินทร์ครับ...”

ผมเลยร้องเรียกออกไป เขายังคงก้มหน้าเหมือนเดิมอยู่ ทำให้ผมรีบคิดหาคำปลอบใจเขาเป็นพัลวัน

“ถึงจิจะชอบพี่บุศย์ แต่จิก็ไม่ได้รังเกียจพี่อินทร์หรอกนะครับ ถึงพี่อินทร์จะชอบแกล้งจิ แต่เราก็ยังเป็นพี่น้องกันได้นะ”

เท่านี้พี่อินทร์ก็เหลือบตาขึ้นมามองผม ทวนคำพูดที่ผมพูดไปเมื่อกี้ออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“พี่น้อง?”

ผมเม้มริมฝีปากแน่น...

คำว่า ‘พี่น้อง’ ก็เจ็บปวดพอๆ กับได้ยินว่าผมชอบพี่บุศย์นั่นแหละ ผมเลยรู้ตัวว่าพูดอะไรที่ไม่สมควรออกไป เลยขยับเข้าไปใกล้ หมายจะปลอบใจเขา

“พี่อินทร์...”

ทว่าพี่อินทร์ก็ล้มฮวบลงไปนอนกองกับพื้น ผมเห็นแล้วก็ตกใจสุดขีดเลย รีบถลาเข้าไปประคองเขาอย่างรวดเร็ว

“พี่อินทร์! เป็นอะไรไหม!”

รีบพยุงให้เขานอนหงายด้วย ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเขานอนหนุนตักผมอยู่ สีหน้าดูไม่ดีเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าจะไม่ซีดก็เถอะ

“เดี๋ยวจิโทรเรียกพี่บุศย์ให้นะ”

ผมลุกลี้ลุกลน ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ตั้งใจว่าจะให้พี่บุศย์มาช่วย แต่พอผมพูดประโยคนั้น พี่อินทร์ก็กระอักลมออกมาเฮือกใหญ่

“เอื้อ~”

แล้วผมก็เอะใจ... เอ๊ะ ทำไมสถานการณ์แบบนี้มันคุ้นๆ

พอผมเหลือบมองคนที่นอนตักอยู่ เขาก็เอื้อมมือขึ้นมาประคองซีกหน้าผม พึมพำอะไรบางอย่าง พอผมเงี่ยหูฟัง ก็ได้ยินว่า...

“มองเขาดับไฟนอน กอดหมอนนึกแล้วนอนหลับตา”

“...”

“ตรงนั้นนวล ตรงนี้นิ่ม ตรงนั้นขาว โอ๊ย ใจจะบ้า แล้วต่อมาจะมีอะไร”

“...”

“ใจจะขาดแล้วเอ๊ยยย~”

“...”

“ใจจะขาดแล้วเอยยย~”

จู่ๆ ก็ร้องเพลง ใจจะขาด ของ ศรเพชร ศรสุพรรณ ขึ้นมา เท่านี้ผมก็รู้เลย...

ที่มึงทำเป็นจะตายแหล่ไม่ตายแหล่นี่แกล้งเหรอไอ้อิเหนา!

แกล้งแน่นอน ไม่งั้นจะมาร้องเพลงโหยหวนทำไม ผมเห็นแล้วก็อยากจะทุบ

เดี๋ยวมึงได้ขาดใจตอนนี้แหละ!

ผมโมโหแล้ว ผลักหัวเขาออกจากตัก ส่งผลให้หัวพี่อินทร์โขกกับพื้นดังตึงเบาๆ พี่อินทร์ร้องโอ๊ยออกมา ดันตัวขึ้นนั่ง ลูบท้ายทอยตัวเองป้อยๆ

“เจ็บนะเนี่ย เล่นแรงนะเรา”

ผมค้อนเขาขวับทันที “แล้วใครใช้ให้มาแกล้งจิแบบนี้ล่ะ คนอุตส่าห์เป็นห่วง มัวแกล้งอยู่ได้ พี่อินทร์เป็นแบบนี้นี่ไง จิถึงได้ไม่ชอบ คิดว่าแกล้งจิแบบนี้แล้วจิจะชอบเหรอ มันโคตรน่ารำคาญเลยรู้ไหม หัดทำตัวดีๆ เหมือนพี่บุศย์บ้างเถอะครับ!”

แล้วก็ดันเผลอตัวโพล่งออกไปด้วยความหงุดหงิดอีก คราวนี้พี่อินทร์ไม่ได้ทำหน้าสลด เขายังยิ้มอยู่ แต่ประโยคที่หลุดออกจากปากเขาแผ่วลงอย่างเห็นได้ชัด

“พี่ขอโทษนะ”

ผมชะงัก ค่อยๆ ผ่อนความโกรธลง ขณะที่พี่อินทร์ว่ายิ้มๆ

“งั้นต่อไปนี้ พี่จะไม่แกล้งแล้ว”

ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกว่าแววตาของเขาดูเจ็บปวดแปลกๆ ผมไม่อยากคิดหรอกว่าเป็นเพราะผมพูดไปอย่างนั้น เขาถึงได้สลด แต่ดูจากทรงแล้วคงจะใช่ เพราะหลังจากนั้น เราสองคนก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกเลย นอกจากนั่งร้อยมาลัยกันเงียบๆ

ผมเหลือบมองเขาเป็นระยะ พี่อินทร์มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้ดูทะเล้นเหมือนอย่างเคย แต่พอเขาจับได้ว่าผมแอบมองอยู่ เขาก็ยิ้มให้ จนเป็นผมเองที่ต้องหลบสายตา

บรรยากาศแบบนี้มันโคตรจะน่าอึดอัดเลย...

อึดอัดจริงๆ นะ มันอึดอัดเพราะผมรู้ว่าตัวเองทำอะไร แล้วก็รู้ด้วยว่าพี่อินทร์รู้สึกยังไง จะให้ทำตัวตามปกติก็ทำไม่ได้ พี่บุศย์ก็ไม่กลับมาสักที จนผมแทบจะเป็นฝ่ายขาดใจตายเพราะอึดอัดเกินจะรับไหวแล้ว!

“ถ้าจิอยากกลับ ก็กลับได้นะ” จู่ๆ พี่อินทร์ก็โพล่งขึ้นมา ผมเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเขายิ้มให้อยู่ “พี่ร้อยเป็นแล้ว ไม่ต้องสอนแล้วล่ะ”

ผมชำเลืองมองมาลัยในมือเขา เขาก็...ร้อยเป็นแล้วอย่างที่บอกนั่นแหละแม้ว่ามันจะไม่เนี้ยบสักเท่าไรก็เถอะ

“แต่ว่าจิยังไม่ได้สอนให้เก็บปลาย...”

“ไม่เป็นไร พี่รบกวนเวลาเรามามากแล้ว รีบกลับเถอะ เดี๋ยวมันจะดึก”

ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ผมก็รู้สึกไม่สบายใจเลย ถึงจะอยากกลับแต่ก็เกรงใจพี่อินทร์ขึ้นมาแปลกๆ เลยอึกๆ อักๆ อยู่อย่างนั้น

“แต่ว่า...”

“ไม่เป็นไรครับจิระ พี่โอเค”

‘พี่โอเค’…หมายถึงเรื่องร้อยมาลัยหรือเรื่องที่ผมพูดแรงๆ ใส่เขาก็ไม่รู้ ที่รู้ๆ คือผมว่าผมควรจะกลับดีกว่า ขืนอยู่ต่อ มีหวังสถานการณ์มันจะอึดอัดมากกว่านี้

“งั้นเดี๋ยวจิกลับก่อนนะครับ”

พี่อินทร์พยักหน้า ลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าตังค์ ควักเอาแบงก์ห้าร้อยมายื่นให้ผมขณะที่ผมกำลังเก็บข้าวของของตัวเองอยู่

“อะไรครับ”

พอเห็นก็อดถามอย่างแปลกใจไม่ได้

“ค่าเหนื่อย จิจะได้เอาไว้ขึ้นแท็กซี่ ตอนนี้มันมืดแล้ว รอรถเมล์นาน”

ปกติแล้วถ้าเขาถ่วงเวลาให้ผมกลับมืดๆ แบบนี้ เขาจะเสนอตัวไปส่ง แต่ครั้งนี้เอาค่ารถมาให้แทน

หรือว่าจะไม่อยากเห็นหน้าผม?

แหงอยู่แล้ว ใครมันจะไปอยากเห็น เพิ่งหักอกเขาไปสดๆ ร้อนๆ นี่

“ไม่เป็นไรครับ จิ...”

ผมตั้งใจจะไม่รับ ไม่อยากให้มีอะไรติดค้างกัน แต่พี่อินทร์ก็คว้ามือผมไปจับก่อนจะยัดเงินลงมา

“รับไว้เถอะ ถือซะว่าเป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ”

ใจจริงผมไม่อยากรับเลย แต่ถ้าไม่รับ ดูท่าคงจะต้องต่อปากต่อคำกันอีกยาวแน่ ผมไม่อยากอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้นานสักเท่าไร คงต้องปล่อยเลยตามเลย

“ขอบคุณครับ”

ผมยกมือไหว้ สะพายกระเป๋า เตรียมจะออกจากห้อง แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อทันทีที่คว้ามือไปจับลูกบิด พี่อินทร์ก็คว้าข้อมือผมอีกข้างไว้ พอผมหันไปมอง ก็เห็นว่าเขายืนจ้องอยู่

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

พี่อินทร์ไม่ตอบ ขยับเข้ามาใกล้จนผมต้องถอยหลังหนี

ถอย...จนแผ่นหลังไปติดกับประตู ใบหน้าของพี่อินทร์ก็อยู่ห่างแค่คืบ ผมพอจะรู้ว่าอีกเดี๋ยวจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็พูดอะไรไม่ออก จะผลักไสก็ไม่กล้าด้วยเพราะสายตาของเขาที่มองมายังผมในตอนนี้ มันดู...

...เจ็บปวด

ผมรู้สึกแย่ขึ้นมากกว่าเดิม ขณะที่พี่อินทร์ขมวดคิ้วน้อยๆ ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้จนกระทั่งลมหายใจอุ่นๆ ของเขาโลมเลียที่ใบหน้าผม วินาทีนี้ผมตัดสินใจขึ้นมาในชั่วแวบหนึ่งว่าจะยอมให้เขาทำตามใจอีกสักครั้งหนึ่ง เป็นการชดเชยที่ผมทำร้ายความรู้สึกเขาไปเมื่อกี้

แต่แล้ว...เขาก็ไม่ทำอะไรต่อ นอกจากจะว่าเสียงเบา

“กลับดีๆ นะจิระ”

จากนั้นก็ผละออกไป มือก็คลายออกจากข้อมือผม ปล่อยให้ผมมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

“พี่อินทร์...”

เขาไม่พูดอะไร เอื้อมมือไปเปิดประตูให้ก่อนยกยิ้มบางๆ

“ขอบคุณที่มาช่วยสอนพี่ครับ”

เขาตัดบทอย่างนี้ แล้วผมจะไปพูดอะไรอีกได้ นอกจากจะพยักหน้าแล้วเดินออกมาจากห้อง เสียงปิดประตูดังตามหลังมา เขาไม่แม้แต่จะลงมาส่งผมที่ข้างล่างหอพักด้วย

ผมหันไปมองประตูที่ปิดสนิทแล้วก็ใจไม่ดีแปลกๆ

หวังว่าพี่อินทร์คงจะไม่เป็นอะไรนะ...

-------------------------------------

ปี้อินทร์โหมดจริงจัง+สลดค่ะ 555 โดนนว้องจิระเบิดตู้มเป็นโกโก้ครันช์ซะ สมควรโดนแล้ว (มั้ง?)

คนบ้าก็เจ็บปวดเป็นนะแกรรร ขอกำลังใจให้พี่เค้าหน่อยค่ะ XD

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: xexezero ที่ 06-05-2018 19:53:09
โหวงเลยทีเดียว :hao5:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-05-2018 20:00:29
พี่มันแกล้งทำอีกหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 06-05-2018 20:01:14
สงสารพี่อินทร์นิดหน่อย

ถึงจะคิดว่ารู้อยู่แล้วว่าน้องจิชอบพี่บุศย์ แต่ได้ฟังจากน้องชัดๆ ก็น่าจะเสียศูนย์อยู่เนอะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 06-05-2018 20:08:30
นี่เตรียมตบหน้าเรียกสติเต็มที่ กลัวเจออิบ้า555555
ตอนนี้กลายเป็นอิเศร้าซะงั้น
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 06-05-2018 20:49:47
คนบ้าก็มีหัวใจปะวะ  :hao4: :hao5: :ling2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 06-05-2018 20:51:16
เศร้าเลยพี่อินทร์ :mew6:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 06-05-2018 21:04:31
อิพี่หงอยไปเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 06-05-2018 21:29:08
ไงล่ะ โดนน้องระเบิดใส่ ก็เล่นซะน้องรำคาญ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 06-05-2018 21:32:50
สงสารพี่อินทร์นะ แต่ถ้ามีคนมาแกล้งเราแบบนี้ก็รำคาญเหมือนกัน ต่อจากนี้เลิกทำตัวบ้าๆ แล้วมาจีบน้องแบบจริงจังได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 06-05-2018 21:42:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 06-05-2018 22:33:31
อิเหนา เป็น1ใน3วรรณคดีที่โคตรเกลียด จริงๆ พระเอกในวรรณคดีสันดานก็คล้ายๆ กัน แต่อิเหนานี่ น่าจะรวมความเกลียดนางเอกตอนดูถูกนางจินตราวดีเข้าไปด้วย
แต่มาแต่งแบบนี้แล้ว พออ่านได้ ตอนเห็นชื่ิอก็ยังงงๆ ว่าคนเขียนจะเขียนแนวไหน ถ้าอิชั้นเป็นนางบุษบา(และนางในวรรณคดีอื่นๆ) จะอธิฐานให้ชาติหน้าไม่เกิดเป็นหญิง เพราะยังไงผู้หญิงเราคงไม่มีความสุขหรอกหากต้องใช้ผัวร่วมกะคนอื่น รวมถึงไม่ต้องเกิดมาคู่กะผัวอีก เพราะเมียอื่นๆ ก็จะตามมาเป็นพรวน แค่คิดก็เซ็งแหละ
ไม่ว่าอย่างไร อย่ายึดติดดีที่สุด วเวรกรรมมันจะผูกพันกันไม่จบไม่สิ้น เช่นน้องจิคนน่ารักกะพี่อินทร์คนบ้า
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-05-2018 23:01:18
โถๆๆ พ่ออิเหนาของฉัน น่าสงสารจริงๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 06-05-2018 23:15:11
สาขาการแสดงนี่เอง มันถึงได้ตอนักหนา หักอกเค้าแล้วเดี๋ยวพอเค้าไม่สนใจ ไม่แกล้ง จะมานั่งรู้สึกขาดอะไรไป พี่บุศย์บอกจิไปเลยว่าไม่ชอบ ชอบอินทร์เพื่อนรัก ใครจะช้ำกว่ากันนะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-05-2018 00:20:23
สติมา ปัญญามี น้องจิคิดซิ ๆ นังเหนามันเรียนอะไร อย่าหลงกลเด็ดขาด  :angry2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 07-05-2018 00:43:53
ถึงว่าทำไมพี่อินทร์มันต่อแหลเก่งนัก ชิชะที่แท้ก็เรียนการแสดงมา จริงๆรอฉากนี้นะ ฉากที่น้องจิบอกความจริงในใจไปจะได้ตัดรำคาญซะที แต่ทำไมสงสารอิพี่มัน พอหายบ้าแล้วกลายเป็นคนน่าสงสารเฉยเลย ฮื่ออออออ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 07-05-2018 02:23:09
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ เกลียดความผีบ้าของอิพี่อินทร์มันมากจริงๆ บ้าเหมือนลืมเอาสติมาแบบที่น้องจิบอกนั่นแหละ เออเจอน้องจิด่าไปให้พี่มันสลดบ้างก็ดีไม่งั้นคงไม่ไหวน้องจิคงประสาทกินก่อนแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-05-2018 08:05:37
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 07-05-2018 17:20:04
เลยไม่รู้เลยว่า อิพี่อินทร์นางหงอยจริง รึแกล้งทำ
นางเล่น ไร้สติไว้เยอะะะะะะ
แต่ตอนนี้อาจจะหงอยจิงจังก็ได้ เชื่อนาง เอ็นดูนาง 55555555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 07-05-2018 22:52:54
Chapter 12: เกลียดเข้าไส้[1]

ดีแล้วล่ะที่พูดไปอย่างนั้น บอกไปตามตรงเลยนั่นแหละดีแล้ว เขาจะได้รู้สักทีว่าผมน่ะ...เกลียดเขาเข้าไส้!

ผมพยายามบอกตัวเองอย่างนี้มาหลายวันแล้วเพื่อกลบความรู้สึกผิดที่ผุดขึ้นมาในใจของตัวเอง ก็ตอนที่ผมบอกว่าชอบพี่บุศย์และจะไม่มีวันชอบเขาน่ะ พี่อินทร์ดูสลดมากๆ เลยนะ ถึงแวบแรกผมจะคิดว่าเขาแกล้ง แต่พอเห็นแววตาของเขาแล้ว ผมว่าเขาคงจะไม่ได้แกล้งหรอก

ถูกคนที่ชอบพูดใส่หน้าอย่างนั้น ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ต้องจุกทั้งนั้นแหละ ไม่เว้นแม้แต่อิเหนาเองก็ตาม

ผมก็เหมือนเป็นไบโพล่าร์นะ ครึ่งหนึ่งก็รู้สึกสะใจที่ทำให้อิเหนาที่หลงตัวเองว่ารูปงามนามเพราะ ใครเห็นก็รักก็หลงเสียหน้าได้ แต่อีกครึ่งหนึ่ง... อย่างที่บอกแหละว่ารู้สึกผิด ไม่อย่างนั้นผมจะมาคิดวุ่นวายเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำไม

หลังจากวันนั้น ผมก็ไม่ได้เจอหน้าพี่อินทร์เลยด้วย ต่อให้ตามติดพี่บุศย์ก็ไม่เห็นพี่อินทร์มาวุ่นวายเลยแม้แต่น้อย ความผิดปกตินี้ทำให้ผมไม่สบายใจ แต่จะให้ถามพี่บุศย์ก็ไม่กล้า กลัวว่าถ้าถามไปแล้ว เขาเกิดถามว่ามีเรื่องอะไรกัน นั่นแหละเป็นเรื่องที่ผมไม่กล้าบอกไปล่ะ

ใครจะไปกล้าบอกล่ะว่าผมหักอกรูมเมตเขาเพราะผมชอบเขาน่ะ

แต่...ทั้งๆ ที่มีเวลาอยู่กับพี่บุศย์สองต่อสองแล้ว ผมกลับฟุ้งซ่านไม่หยุดหย่อน เอาแต่คิดถึงเรื่องพี่อินทร์ อยากจะถามเหลือเกินว่าเขาเป็นยังไงบ้าง ทว่าก็ปากหนักเกินกว่าจะพูดไป ผมเลยระงับความฟุ้งซ่านนั้นด้วยการเลิกตามติดพี่บุศย์สักระยะ ไปกินข้าว ทำกิจกรรมอื่นๆ กับเพื่อนฝูงในเอกบ้าง เพื่อนๆ ผมก็ดูจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ผมเป็นฝ่ายเข้าหาพวกเขาเอง ปกติแล้วเวลาใครชวนไปไหน ผมจะปฏิเสธตลอด

ใจจริงก็ไม่ได้ว่าอยากจะเกาะกลุ่มไปกับเพื่อนหรอกนะ เพราะเพื่อนเอกผมชอบไปไหนมาไหนกันกลุ่มใหญ่ๆ ทั้งหญิงและชายปนๆ กันไป เวลาจะไปไหนแต่ละทีก็ต้องรอกันก่อน ซึ่งอันนี้มันน่ารำคาญสำหรับผมมาก แต่เหมือนช่วงนี้จำเป็นต้องพึ่งพาจริงๆ แหละ ไม่งั้นคิดวุ่นวายน่าดู

วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมมากินข้าวกลางวันกับพวกเพื่อนๆ ระหว่างที่กินข้าวและพูดคุยกันออกรสอยู่นั้น จู่ๆ ใครบางคนในกลุ่มก็กระซิบกระซาบขึ้น

“มึงๆ พี่คนนั้นใช่คนที่เป็นเดือนมหา’ลัยหรือเปล่าวะ”

ผมชะงักช้อนที่กำลังเขี่ยใบกระเพรา เงยหน้าขึ้นมองตามจุดที่เพื่อนพยักปลายคางไป

“เออ ใช่ ตัวจริงโคตรหล่อเลยว่ะ”

แล้วผมก็เห็นว่าผู้ชายคนที่เพื่อนๆ พูดถึงกันนั้นคือพี่อินทร์ เท่านั้นผมก็รีบก้มหน้างุด ไม่ใช่ว่าไม่สนใจ แต่ไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไงถ้าจู่ๆ เขาปรี่เข้ามาหาผมน่ะ

ก้มไปได้ครู่หนึ่งก็เหลือบมองเล็กน้อย เหมือนว่าวันนี้พี่อินทร์จะไม่ได้มากินข้าวที่นี่แต่อย่างใด ทว่ามาแจกอะไรสักอย่างกับกลุ่มเพื่อนๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร จนกระทั่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่มากับเขาเดินมาที่โต๊ะเรา

“น้องอยู่ปีหนึ่งกันปะครับ”

“ใช่ค่า”

เพื่อนผู้หญิงพากันร้องรับประสานเสียงให้รุ่นพี่คนนั้นได้ยิ้มกว้าง

“งั้นดีเลย คืองี้ ที่คณะสินกำมีการแสดงละครเวทีให้น้องๆ ปีหนึ่งเข้าไปดูฟรีวันพรุ่งนี้ พี่เอาบัตรมาให้ เผื่อจะสนใจไปดูกันนะ”

แล้วก็แจกกระดาษในมือให้ทุกคนเป็นพัลวัน ผมเลยได้รู้ว่าจริงๆ แล้ว พี่อินทร์มาแจกบัตรดูการแสดงนั่นเอง คงจะเป็นโปรเจ็กต์ประจำปีของพวกเด็กปีสองคณะนี้ล่ะมั้ง เหมือนเป็นการต้อนรับเพื่อนใหม่อะไรงี้

ผมเลยไม่ได้สนใจ ได้แต่ภาวนาขอให้พวกเขารีบไปจากที่นี่สักที กลัวเหลือเกินว่าพี่อินทร์จะเดินมาที่โต๊ะนี้ ขณะที่สายตาก็มองเขาแจกบัตรฟรีให้กับนักศึกษาปีหนึ่งโต๊ะอื่นๆ อยู่

แต่ทว่า...เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างผมเลยเมื่อบัตรที่อยู่ในมือรุ่นพี่คนที่มาโต๊ะพวกผมไม่พอ

“เอ้า ไม่พอแฮะ”

ซึ่งคนที่ไม่ได้บัตรก็คือผมนี่แหละ

“เดี๋ยวพี่เอามาให้นะ เฮ้ย ไอ้อินทร! บัตรไม่พอ เอามาใบนึง”

ผมเบิกตาโพลง รีบออกปากทันใด

“มะ...ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เอาก็ได้”

รุ่นพี่คนนั้นหันมามองทันใด “เฮ้ย ไม่ได้ มาแจกแล้ว ต้องได้ทุกคนครับ อะนั่น มาละ เอาไปอีกใบนึง”

ไม่ทันแล้วเรียบร้อย พี่อินทร์เดินมาที่โต๊ะตามเสียงเพื่อนเรียกเป็นที่เรียบร้อยเช่นกัน ผมนั่งตัวแข็งเลยเมื่อเขามาหยุดยืนที่โต๊ะ

“ไหน ใครยังไม่ได้”

เพื่อนผู้หญิงของผมแทบจะโยนบัตรในมือมาให้ผมทันทีที่เห็นหน้าเขา แต่เพื่อนพี่อินทร์ก็ชี้มาที่ผมแล้ว

“น้องคนนี้ยังไม่ได้”

ผมเหลือบมอง รู้สึกอิหลักอิเหลื่อแปลกๆ ขณะที่พี่อินทร์ก็ดูนิ่งไปเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ยื่นบัตรให้ผม

ไม่สิ...ไม่ได้ยื่นให้ เขาวางลงบนโต๊ะโดยไม่พูดอะไร ไม่มีรอยยิ้มอย่างเคยด้วย ทำให้ผมเผลอหลุดปาก

“พี่อินทร์...”

ไม่รู้ทำไมถึงได้เผลอเรียกออกไปอย่างนั้น แต่เขาน่าจะไม่ได้ยินล่ะมั้งเพราะหลังจากนั้นก็หมุนตัวไปยังโต๊ะอื่นแทน ปล่อยให้ผมได้มองตามหลังพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ

อึดอัด...

ทำไมมันน่าอึดอัดจังวะ

ความจริงผมเองก็รู้คำตอบว่าทำไม มันเป็นเพราะผมเองแหละ เป็นคนไปบอกเขาเองนี่ว่าไม่ชอบให้มาวุ่นวายหรือแกล้ง เขาเลยทำตัวเฉยๆ กับผม แต่...ไม่รู้ทำไม อีกใจหนึ่งก็รู้สึกหวิวๆ แปลกๆ กับท่าทางเป็นปกติของเขา

เออ ไอ้ท่าทางปกตินี่แหละที่มันไม่ปกติสำหรับผมล่ะ ปกติแล้วเวลาเขาเจอหน้าผมจะต้องทำอะไรบ้าๆ บอๆ นี่นา พอนิ่งๆ แบบนี้ ผมก็ไม่ชินยังไงก็ไม่รู้

หรือเขาจะเกลียดผมเข้าให้แล้ว?

เผลอคิดไปแบบนั้น แต่แล้วก็ต้องสลัดความคิดนั้นทิ้ง คิดในแง่บวกแน

ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกัน ห่างๆ กันแบบนี้นั่นแหละดีแล้ว จะเกลียดก็เกลียดไปเลย ดีแล้วล่ะ!

 

ดีหรือไม่ดีก็ไม่รู้ล่ะ รู้แต่ว่าผมตั้งใจว่าจะไม่ไปดูการแสดงของคณะศิลปกรรมเพราะละครเวทีที่เพิ่งได้บัตรมา มันเป็นการแสดงละครเรื่องอิเหนานี่นา อะไรไม่ว่า เป็นตอนบวงสรวงที่จรกาถูกรุมแกล้งด้วย

เรื่องอะไรจะไปดูเล่า!

แต่พวกเพื่อนผมกลับคะยั้นคะคอให้ผมไปให้ได้ โดยเฉพาะเพื่อนผู้หญิง ประเด็นก็คือพวกนั้นรู้ว่าผมสนิทกับพี่อินทร์พอสมควร เพราะหลังจากที่พี่อินทร์เอาบัตรมาให้ในวันนั้น ผมก็โดนรุมถามกันใหญ่ว่ารู้จักพี่อินทร์ได้ยังไงเพราะแปลกใจที่จู่ๆ ผมก็เรียกชื่อเขา พอเล่าว่าเป็นรูมเมตของพี่รหัส เท่านั้นแหละ อยากให้ผมแนะนำเขาให้รู้จักกันเป็นการใหญ่

มันใช่เรื่องที่กูจะต้องมาเป็นพ่อสื่อพ่อชักให้ไหมล่ะ!

หงุดหงิดขึ้นมาน้อยๆ เลย ไม่อยากไปด้วย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ พอถึงวันเวลาที่เริ่มการแสดง ผมก็มานั่งจุ้มปุ้กอยู่ในโรงละครของคณะศิลปกรรมศาสตร์จนได้

ไม่นานนัก เสียงบรรเลงดนตรีไทยก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงประกาศของคนพากย์อย่างฮึกเหิมว่าจะแสดงอะไร

อิเหนา ตอนบวงสรวง...

...เป็นตอนที่ผมจำเนื้อหาได้ดีเลยทีเดียว

ไม่ใช่จำได้เพราะบทเรียนที่อ่าน แต่เป็นเพราะเนื้อหาในตอนนี้ มันเป็นหนึ่งในประสบการณ์เลวร้ายที่ผมได้ประสบมาก่อนเลยนะ เรื่องมันมีอยู่ว่าหลังจากที่เสร็จศึกกับวิหยาสะกำแล้ว ผม...ในชาติที่เป็นจรกาก็ถือโอกาสขอแต่งงานกับบุษบา แต่ท้าวดาหาบอกว่าให้ทำพิธีบวงสรวงแก้บนที่ชนะศึกก่อน ในพิธีบวงสรวงนั้น ท้าวดาหาก็เชิญเจ้าชายจากทุกเมืองที่มาช่วยรบมาร่วมกันร้องรำให้สำราญเป็นการสักการะเหล่าเทพยาดาทั้งหลาย เหล่าเจ้าชายพากันขับรำสลับไปมา เมื่อถึงตอนที่อิเหนาต้องร้องรำ อิเหนาก็ขับรำด้วยลำนำที่มีเนื้อหาเสียดสีผม พอถึงคราวผมขับรำบ้าง อิเหนาก็ไปตีกลองให้เสียจังหวะจนร้องรำไม่ได้ ท้าวดาหาเห็นท่าไม่ดีก็เลยให้ยุติการขับรำ

พอไร้ซึ่งการขับรำแล้ว อิเหนาก็ชวนเจ้าชายทุกพระองค์ไปเที่ยวชมป่า รวมถึงชวนผมด้วย ผมรู้แหละว่าเขาไม่ได้อยากให้ผมไปสักเท่าไร แค่ชวนไปอย่างนั้นเพื่อไม่ให้เสียมารยาท และขณะที่ชมป่ากันอยู่นั้น ขบวนฝ่ายในขององค์มะเดหวีและบุษบาก็เสด็จผ่านมา ทุกคนหลบทางให้กันหมด แต่อิเหนากลับถลาเข้าไปช่วยบุษบาประคองพานผ้าที่ถือมา ทำให้เหล่าเจ้าชายพากันยลโฉมและชมบุษบาไม่หยุดหย่อน ตอนนั้นผมเห็นแล้วก็ทนไม่ได้ เลยพลั้งปากต่อว่าอิเหนากับพวกเพื่อนของเขาไปว่าทำแบบนี้ไม่มีมารยาท ไปมองบุษบาของผมด้วยความพิศวาสแบบนี้ได้ยังไง จากนั้นก็ถูกยอกย้อนกลับมาว่าเป็นแค่คู่หมั้น ไว้ตบแต่งเป็นฝั่งเป็นฝากันก่อนค่อยมาทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของตามหึงหวง ตบท้ายด้วยการหัวเราะใส่

และมันก็เป็นอีกหนึ่งความเจ็บใจจากการถูกอิเหนากลั่นแกล้ง ยิ่งพอกลายมาเป็นการแสดงแบบประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัย ผสมผสานความตลกโปกฮาเข้าไปด้วยแล้ว ก็ยิ่งตอกย้ำให้ผมรู้สึกว่าจรกาช่างโง่เง่าสิ้นดี

ผมมองขึ้นไปบนเวทีตอนที่อิเหนาโผล่ออกมา เสียงร้องกรี๊ดวี้ดว้ายเมื่อเห็นว่าใครเล่นเป็นอิเหนานั้นทำให้ผมต้องย่นคิ้วยู่

จะเป็นใครเสียอีกล่ะถ้าไม่ใช่อิเหนาตัวจริงเสียงจริง

พี่อินทร์...

พอมาสวมชุดไทยแบบนี้ ภาพใบหน้าของอิเหนาในอดีตชาติก็มาซ้อนทับทันที ถึงใบหน้าจะมีบางส่วนที่แตกต่างกันอยู่บ้างตามยุคสมัย แต่ความงามนั้น...ไม่ต่างเลย

อิเหนา...ไม่ว่ายังไงก็คืออิเหนา รูปงาม นามเพราะ ใครเห็นก็รักก็หลง เป็นคุณสมบัติที่อิเหนาพึงมีอยู่แล้ว ขณะที่คนซึ่งรับบทเป็นจรกานั้น... แต่งตัวตลกโปกฮา ตัวดำ ผมหยิก แถมยังอ้วนใหญ่

ผมรู้อยู่หรอกว่าเป็นการแต่งตัวแต่งหน้าให้สมบทบาท แต่พอการแสดงเล่นไปจนถึงฉากที่อิเหนากำลังร้องเพลงเสียดสีจรกาแล้ว ผมก็ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น

แค่รูปชั่วตัวดำ ไม่หล่อเหลาเหมือนอิเหนาแค่นี้ ทำไมจะต้องกลั่นแกล้งด้วย จรกาไม่ได้ผิดสักหน่อย ก็แค่รักบุษบาเท่านั้นเอง!

เพราะแบบนี้ไง ผมถึงได้แค้น แล้วก็เกลียดขี้หน้าอิเหนามาจนถึงชาตินี้ด้วย ยิ่งเห็นแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ผมตอกย้ำตัวเองว่าเกลียดเขาเข้าไส้แค่ไหน

เกลียด… เกลียดมาก

เกลียดเข้าไส้จริงๆ!

แต่พอเห็นพี่อินทร์เริ่มรำต่อจากนี้ ความเคียดแค้นเมื่อครู่ก็ค่อยๆ มลายหายไปเมื่อเห็นแสงทองเรืองรองประกายเจิดจ้าน้อยๆ ออกมาจากร่างของเขา ไม่แน่ใจนักว่าเป็นเพราะไฟจากเวทีหรืออะไร แต่ภาพที่เห็นนั้นก็ทำให้ผมเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่าทำไมใครๆ ถึงได้อยากถูกเปรียบเปรยว่ารูปงามดั่งอิเหนา

ก็อิเหนาตัวจริงรูปงามแบบนี้นี่ไง...

หล่อมาก... พี่อินทร์หล่อสะกดทุกสายตาจริงๆ ใครจะรักจะหลงก็ไม่แปลก เพราะแม้แต่ผมเองก็ยังละสายตาจากเขาไม่ได้เลย แต่...มันทำให้ผมอดน้อยใจไม่ได้เหมือนกัน

จรกา...ไม่ว่ายังไงก็คือจรกา ต่อให้เกิดใหม่อีกกี่ชาติ จะศัลยกรรมอีกสักกี่หน้า ยังไงก็สู้อิเหนาไม่ได้

มันคือความจริงที่ผมต้องยอมรับ ต่อให้เกิดใหม่มีรูปงาม แต่ไม่ว่าอย่างใน ภายใต้เปลือกนี้ก็ยังเป็นจรกาคนเดิม...

ผมดูไม่รู้เรื่องสักเท่าไรหรอกว่าเขาเล่นอะไรกัน เอาแต่นั่งมองพี่อินทร์จนกระทั่งพวกเขาแสดงจบ พอจะรู้ว่ามันคงสนุกมากเพราะมีเสียงหัวเราะดังมาเป็นระยะ แต่ผมไม่สนุกด้วยเลยสักนิดนอกจากรู้สึกห่อเหี่ยวยังไงก็ไม่รู้ ใจจากจะกลับหอเต็มแก่ แต่ทว่าก็ถูกเพื่อนรั้งไว้ก่อน

“คืนนี้มีเฟรชชี่ไนท์นะจิ จะไม่อยู่ต่อเหรอ”

ผมเลยนึกขึ้นมาได้ว่างานมันมีวันนี้

“เราไม่ค่อยชอบคนเยอะๆ น่ะ”

และพอผมอ้างไปอย่างนี้ เพื่อนทุกคนก็เบ้หน้าทันที

“ครั้งเดียวในชีวิตนะจิ ต่อให้ปีหน้ามางาน มันก็ไม่เหมือนเดิมแล้วนะเพราะไม่ใช่ปีหนึ่งแล้ว อยู่ต่อเถอะ ถ้ามันดึกก็ไปนอนค้างหอเพื่อนก็ได้ เพื่อนมีเยอะแยะ”

ใช่ มีเยอะแยะ เพื่อนผู้ชายก็ด้วย ไปขอนอนค้างสักคืนก็ไม่มีปัญหาหรอก พวกนั้นเองก็เออออเห็นดีด้วยเหมือนกันเพราะผมได้ยินแว่วๆ ว่าหลังงานเฟรชชี่ไนท์ก็มีแพลนกันต่อ

พวกนั่งกินเหล้ากินเบียร์อะไรกันตามประสานั่นแหละ...

ผมไม่ชอบกิจกรรมพวกนี้สักเท่าไร แต่พอจะปฏิเสธ

“คือว่าเรา...”

“น่านะจิ ครั้งเดียวในชีวิตนะ”

“แต่เรา...”

“วง xxx มาเล่นเลยนะ ซื้อบัตรไปดูคอนฯ แพงนะเว้ย แต่งานนี้ดูฟรี”

แล้วก็เอ่ยชื่อวงดนตรีที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ ผมอยากจะบอกเหมือนกันว่าไม่ได้ชอบหรือสนใจอะไรพวกนี้สักเท่าไร แต่ก็ทนการคะยั้นคะยอของเพื่อนๆ ไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องอยู่ยาวจนกระทั่งงานเริ่ม

 

งานเฟรชชี่ไนท์เริ่มในช่วงหัวค่ำ ผมถูกเพื่อนๆ ลากมายังหอประชุมที่จัดงาน พอแสดงบัตรนักศึกษาที่มีรหัสสองตัวหน้าบ่งบอกว่าเป็นเด็กปีหนึ่งเรียบร้อย ก็เป็นอันได้รับอนุญาตให้เข้าไปในงานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

ข้างในค่อนข้างมืดและอึกทึกครึกโครมพอสมควรเพราะเป็นงานรวมตัวเด็กปีหนึ่งทุกคณะเอาไว้ด้วยกัน จริงๆ ไม่ได้มีแค่เด็กปีหนึ่งด้วย ปีอื่นๆ ก็มี มิหนำซ้ำ ยังมีเด็กจากมหาวิทยาลัยอื่นด้วย ซึ่งพวกนี้ก็จะมีเพื่อนที่เรียนอยู่ที่นี่นั่นแหละ แล้วก็แอบลอบเข้ามากัน

แต่จะยังไงก็ช่างเถอะ ตอนนี้ผมโคตรอึดอัดเลย ไม่ชอบคนเยอะๆ แบบนี้จริงๆ

ทว่าหลวมตัวเข้ามาแล้ว จะออกก็ออกไม่ได้ ได้แต่ยืนดูการแสดงต่างๆ โชว์หน้าตาดาวเดือนปีที่แล้วของมหาวิทยาลัยและคณะ แน่นอนว่าตอนนี้พี่อินทร์ก็อยู่บนเวทีนี้ด้วยเช่นกัน แต่อยู่ในชุดนักศึกษาเต็มยศ ผมเพิ่งสังเกตเห็นในตอนนี้ว่า...วันนี้เขาตัดผมใหม่

เป็นผมทรงเดิมนั่นแหละ แต่สั้นขึ้นกว่าเดิมพอสมควร ถึงอย่างนั้น...ก็ดูดีไปหมดทุกกระเบียดนิ้ว

พอเขาแนะนำตัวที เสียงกรี๊ดก็หวีดดังทั่วทั้งหอประชุม รอยยิ้มของเขาผุดพรายขึ้นเมื่อพิธีกรบอกให้พูดอะไรฝากให้น้องปีหนึ่งสักอย่าง

“ขอให้สนุกกันให้เต็มที่นะครับน้องๆ”

เป็นรอยยิ้มที่...ปกติแล้วเขาจะมอบให้ผมตลอด ยกเว้นวันที่เจอเขาหลังจากที่ผมหักอกเขาเป็นที่เรียบร้อย

ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกไม่ดีขึ้นมา มิหนำซ้ำยังรู้สึกไม่พอใจด้วยที่เขายิ้มให้คนอื่นที่ไม่ใช่ผม

เป็นความรู้สึกที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยสักนิด แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรต่อเพราะสิ้นเสียงเขาปุ๊บ ก็มีเสียงกรี๊ดกลบปั๊บ ก่อนจะตามมาด้วยวงดนตรีที่ได้รับเชิญมาซึ่งโผล่มาตอนไหนก็ไม่รู้ วินาทีนี้ รอบข้างผมดังอื้ออึงไม่หมดจนมึนหัวไปหมด พี่อินทร์หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ผมเองก็อยากจะหายไปจากตรงนี้บ้าง แต่พอทุกคนรอบตัวออกสเต็ปวาดลวดลายกัน ผมก็ไปไหนไม่ได้ ได้แต่ยืนตัวตรงแหน็วอยู่ตรงนั้นเพราะพื้นที่ถูกเบียด

เฟรชชี่ไนท์นี่มันคืนปล่อยผีจริงๆ!

เพื่อนๆ ที่มาด้วยกันก็ไม่รู้ดิ้นไปอยู่ทิศทางไหนแล้ว ผมทนอยู่ต่ออีกสักพักก่อนจะรู้สึกว่าทนไม่ไหวแล้ว เลยตัดสินใจในชั่ววินาทีนั้นว่าจะชิ่งกลับก่อน พลันค่อยๆ ลัดเลาะหมายจะออกไปข้างนอก แต่ยังไม่ทันจะถึงประตูก็ไปอยู่กลางกลุ่มของพวกผู้ชายที่ดิ้นเบียดเสียดกันอยู่ แล้วผมก็...ติดหนึบ

ขยับไปไหนไม่ได้เลยอ้ะ!

ร้องขอทางก็แล้ว พยายามแทรกก็แล้ว แต่เหมือนจะไม่เป็นผลเลย จะมุดก็ไม่ได้ด้วย พวกนี้ตัวใหญ่ปิดทางหมด ผมเลยกะว่ารอให้ถึงเพลงช้าก่อนแล้วค่อยขอทางไปอีกที ทว่า...ฉับพลันก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างแตะลงมาที่ก้น

เดี๋ยวนะ... ไม่ใช่มั้ง

คิดเข้าข้างตัวเองว่าคงจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่พอยืนไปอีกสักพัก ก็รู้สึกเหมือนมีมือมาลูบ

ลูบไม่พอ แม่งขยำด้วย

กูว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้ว!

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 07-05-2018 22:53:30
★C H 12★เกลียดเข้าไส้[2]

ผมหันไป ตั้งใจจะมองว่าใครเป็นคนทำ แต่ก็มืดจนมองไม่เห็น แถมยังคนเยอะยั้วเยี้ยมั่วไปหมดด้วย อะไรไม่ว่า ตอนนี้เหมือน...เอ่อ...ไม่ได้มีแค่มือเดียวแล้วด้วย เหมือนมีมากกว่านั้น

ไม่รู้ว่ามือใครต่อใครวุ่นวายไปหมดแล้วเนี่ย!

ผมมองไปรอบตัวด้วยความตระหนก มืดก็มืดๆ ไฟก็สลัว มองไม่เห็นเลย เกือบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วเพราะทำอะไรไม่ถูก ไม่เคยโดนทำอะไรแบบนี้มาก่อน แต่จู่ๆ ก็มีมือของใครบางคนคว้าต้นแขนผมแล้วกระชากออกมาจากจุดนั้น

แวบหนึ่งผมคิดว่าคงจะเป็นมือของเพื่อนที่มาด้วยกัน แต่พอหลุดออกมาจากตรงนั้นได้และเห็นหน้าของเจ้าของมือจังๆ ผมก็ต้องชะงักงันไปเมื่อเห็นว่าเป็น...ผู้หญิง?

ใช่ ผู้หญิง แต่งตัวแต่งหน้าจัดจ้านกร้านโลก ท่าทางดูเอาเรื่องไม่เบา ที่สำคัญ ตอนนี้หน้าสวยๆ ของเธอที่มีเครื่องสำอางเติมแต่งจนเต็มดูไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง พอลากผมออกมาข้างนอกห้องประชุมได้แล้ว เธอก็ไม่รอช้า แหวใส่ผมทันที

“ปล่อยให้พวกมันยืนล้วงอยู่ได้ ชอบหรือไงฮะนายอะ”

น้ำเสียงฟังดูค่อนข้างหงุดหงิด ผมสาบานเลยว่าไม่เคยเห็นหรือรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน แต่พอผ่านไปเพียงชั่ววินาทีเดียวที่ได้สบตากับเธอเท่านั้น แสงทองเรืองรองก็ส่องไสว ภาพของผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ผมรู้จักดีปรากฏให้เห็นทับซ้อนกับดวงหน้าสวยนั่น เท่านั้นผมก็รับรู้ได้ทันทีว่าเธอคือ...

“สะ...สังคามาระตา!?”

ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วมุ่นที่จู่ๆ ผมก็โพล่งออกไปอย่างนั้น พลันมองผมอย่างหัวเสีย

“พูดอะไรของนาย สังคามาระตาอะไร”

ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ ขณะที่ในใจตะโกนก้อง

ทำไมมันถึงได้กลับมาเกิดใหม่แล้วเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันทั้งก๊กเลยวะเนี่ย!

ไม่เข้าใจเลยว่าองค์ประตาระกาหลาทรงเล่นสนุกอะไรอยู่ แต่ผมก็รับรู้ได้เลยว่าการที่ใครต่อใครในชาติที่แล้วมารวมตัวกันอยู่ใกล้ๆ ผมแบบนี้ มันจะต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ แต่เป็นเรื่องไม่ดียังไงนั้น...ผมเองก็เดาไม่ถูกเหมือนกัน

แล้วก็ไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อด้วยเมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

“สรัล ไม่เข้าไปในงานเหรอ”

พอหันไปมองเจ้าของเสียง ผมก็ต้องตระหนกเป็นรอบที่สอง

จะไม่ให้ตระหนกได้ยังไง ก็เจ้าของเสียงนั่นคือ...

“อ้าว พี่อินทร์ ไหนว่าจะกลับ ทำไมยังอยู่ล่ะ”

ทำตัวไม่ถูกเลย ทำหน้าก็ไม่ถูก ยิ่งผู้หญิงคนที่ชื่อสังคา... เอ่อ ในชาตินี้คือสรัลน่ะนะ ถามพี่อินทร์กลับด้วย ผมก็ก้มหน้างุดลงไปอย่างรวดเร็วทันที

“กำลังจะกลับแล้ว” พี่อินทร์ตอบ จากนั้นก็เบือนหน้ามาทางผม “แล้วนี่...รู้จักกัน?”

สรัลหันมามองผมด้วยอีกคนพลันส่ายหัวพรืด “หึ ไม่อะ เมื่อกี้เห็นโดนรุมล้วงตูดอยู่ก็เลยลากออกมา”

ผมถึงกับเบิกตาโพลง

ล้วงตูดบ้าบอคอแตกอะไร โดนจับก้นเว้ย ชาตินี้เป็นสาวเป็นนาง พูดจาให้มันดีๆ หน่อยไอ้สังคามาระตา!

แต่จะไปมีประโยชน์อะไรล่ะ ร้องตะโกนในใจไปก็เท่านั้น มิหนำซ้ำ คำว่า ‘ล้วงตูด’ ทำให้พี่อินทร์ขมวดคิ้วยู่ด้วย

“ล้วงตูด?”

ผมตั้งใจจะแก้ตัวว่าไม่ใช่ แต่สรัลก็พูดออกไปก่อนแล้ว

“อือ โดนพวกเด็ก ม.อื่นล้วงเมามันส์เลย ไอ้นี่ก็ยืนให้เขาล้วงด้วยนะ ไม่ทำอะไรสักอย่าง เหมือนจะชอบ”

แล้วก็เหลือบมามองผมด้วยสายตาตำหนิ ส่วนผมก็ทำได้แค่ย่นคิ้วแข่งกับพี่อินทร์

ไม่ได้ชอบด้วยเว้ย! ก็พูดเกินไป!

จากนั้นความเงียบก็เข้าครอบคลุม ทำให้สรัลรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ มองผมกับพี่อินทร์สลับกันไปมา ก่อนเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ

“ทำไม พี่อินทร์รู้จักไอ้หน้าอ่อนนี่เหรอ”

พี่อินทร์พยักหน้า พลางอธิบาย “อือ น้องรหัสไอ้บุศย์มันน่ะ”

สรัลร้องอ๋อออกมาทันที พลันหันมาหาผม “เออ บังเอิญจังเลยนะ เราเป็นน้องรหัสพี่อินทร์”

สังคามาระตาชาตินี้เป็นน้องรหัสอิเหนาเรอะ!?

ผมเหวอไปนิดหน่อย ในใจคิดไปแล้วว่าเดี๋ยวจะต้องมีมาหยารัศมี พี่สาวของสังคามาระตาโผล่มาแน่ เพราะรายนั้นก็เป็นหนึ่งในเมียของอิเหนา แต่ก็ไม่ทันจะได้พูดอะไร สรัลก็โพล่งออกมาแล้ว

“แล้วพี่อินทร์จะกลับยังเนี่ย”

“อืม จะกลับแล้ว”

“อ๋อ เคๆ งั้นหนูไปละ นัดเพื่อนไว้ บายค่ะ”

พูดจบก็เดินลิ่วๆ ไปอีกทางเฉยเลย ปล่อยให้ผมยืนประจันหน้ากับพี่อินทร์อยู่อย่างนั้น

อย่าทิ้งเราไปแบบนี้ สรัลเอ๊ย! กลับมาก๊อนนน!

แล้วกลับไหมล่ะ...หึ ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเรียกในใจของผมด้วยซ้ำ ปล่อยให้ผมได้แต่ทำหน้าไม่ถูก ขณะที่พี่อินทร์ดู...โกรธ ผมคิดว่าเขาโกรธนะ โกรธเรื่องอะไร ผมเดาได้เลย

มันจะเรื่องอะไรล่ะถ้าไม่ใช่เรื่องที่ผมโดนจับก้นน่ะ แล้วสถานการณ์มันก็แย่ลงกว่าเดิมด้วยเมื่อพี่อินทร์ว่าขึ้น

“จะกลับหรือยัง พี่จะไปส่ง”

“มะ...ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวจิกลับเองดีกว่า”

“เดี๋ยวไปส่งหน้า ม. จะได้หารถขึ้นง่ายๆ”

เขาว่ามาอย่างนี้ ผมก็ปฏิเสธต่อไม่ออก

เอาเถอะ ก็ยังดีกว่าไปส่งถึงที่หอล่ะนะ

ผมเดินตามเขาไปยังลานจอดรถที่อยู่ไม่ไกล สายตาก็เหลือบมองแผ่นหลังของคนตรงหน้าไปด้วย เพราะรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรที่มันมีอะไรบางอย่างมากั้นกลางระหว่างเราแบบนี้

อะไรบางอย่างที่...น่าจะเป็นกำแพงซึ่งเกิดจากผมเอง

ผมเดินตามเขามาจนกระทั่งถึงรถ อึดอัดอยู่ไม่น้อยที่เห็นพี่อินทร์เอาแต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่พูดไม่จา พอเขาปลดล็อครถแล้วเปิดประตูให้ผม ผมก็อดถามขึ้นมาไม่ได้เมื่อเห็นว่าเขายังไม่แสดงสีหน้าอะไร นอกจากสีหน้าน่ากลัวเท่านั้น

“พี่อินทร์โกรธเหรอ”

สิ้นเสียง เขาก็หันขวับมามองหน้าผมทันที

“ใช่ พี่โกรธมาก”

ไม่ปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย รู้อยู่เหมือนกันว่าโกรธ แล้วก็กลายเป็นผมที่รู้สึกผิดเสียอย่างนั้น

“ก็จิไม่รู้”

ก้มหน้าก้มตา ว่าเสียงแผ่วอย่างลืมตัว ขณะที่พี่อินทร์กอดอกมองผมอย่างเอาเรื่อง

“ไม่รู้อะไร”

“ไม่รู้ว่าพวกนั้นจะจับ...เอ่อ...”

“ก้น”

เป็นพี่อินทร์ที่พูดออกมาแทน ผมทั้งอาย ทั้งรู้สึกแย่ แต่ก็พยักหน้ารับไป ปล่อยให้พี่อินทร์ได้พูดออกมาอีก

“ถึงจะไม่รู้ว่าพวกมันจะจับ แต่ถ้าจิไม่ชอบก็ควรรีบพาตัวเองออกมาจากตรงนั้น ไม่ใช่ยืนให้พวกมันจับ ร้องขอความช่วยเหลือก็ได้”

“ก็จิเห็นว่าเป็นผู้ชายเหมือนกัน คงไม่เป็นไร”

พอผมพูดไปอย่างนั้น สีหน้าของพี่อินทร์ก็ดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมอีก

“มันเป็นการคุกคามทางเพศนะจิ จะผู้ชายหรือผู้หญิงก็เป็นทั้งนั้นแหละ บอกว่าไม่เป็นไรไม่ได้”

“ก็ทีตอนพี่อินทร์...เอ่อ...ทำจิ ยังไม่เป็นไรเลย”

“เอาพี่ไปเปรียบเทียบกับไอ้เวรพวกนั้นเหรอ”

ถูกถามมาอย่างนี้ ผมก็เม้มริมฝีปากแน่น หน้าตาของพี่อินทร์ดูน่ากลัวกว่าเดิมอีก ทำให้ผมต้องพึมพำออกมา

“จิขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจจะหมายความว่าอย่างนั้น”

พี่อินทร์ถอนหายใจออกมาสุดแรง “ถ้าจิคิดอย่างนั้น พี่ก็ขอโทษแล้วกันที่คุกคาม”

“จิไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น...”

เขากำลังประชดประชันอยู่ล่ะ ผมรู้ แล้วก็ไม่ชอบเลยที่เป็นแบบนี้ จากที่รู้สึกไม่ดีที่ทำให้เขาอกหักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้รู้สึกไม่ดีมากขึ้นไปใหญ่ ผมก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว ตอนนี้ใจอยากจะเดินไปเองมากกว่า ไม่อยากไปกับเขาเลย ร้ายกว่านั้นคือชั่วแวบหนึ่งผมก็รู้สึกกลัว

...กลัวว่าเขาจะเกลียดผมที่ใจร้ายกับเขาแบบนี้

ผมสำนึกผิดเสียอย่างนั้นอะ ก้มหน้าอีกนิดก็จะมุดดินไปแล้ว ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจเต็มแรงของพี่อินทร์ดังมาอีกที พอผมเหลือบมอง เขาก็พูดออกมา

“ขอร้องล่ะจิ อย่าทำให้พี่เป็นห่วงได้ไหม”

“ครับ?”

“ถ้าไม่อยากให้พี่ดูแล จิก็ดูแลตัวเองหน่อย”

ตอนนี้มีรอยยิ้มบางๆ ปรากฏให้เห็นแล้ว ถึงสีหน้าของพี่อินทร์จะยังดูยุ่งเหยิงอยู่ แต่เขาก็พยายามยิ้มให้ผม คงเพราะเห็นว่าผมจ๋อยไปนั่นแหละ ส่วนผม...พอเห็นแล้วก็อุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด ความอึดอัดที่แบกรับมาตลอดหลายวันที่ผ่านมาจนถึงเมื่อครู่เหมือนถูกยกออกไป ขอบตาร้อนผะผ่าวขึ้นมาฉับพลัน มองหน้าพี่อินทร์แล้วก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว

“ฮึก...”

พี่อินทร์ดูตกใจไปเล็กน้อย “เป็นอะไรจิระ”

“จะ...จิ...” สูดหายใจเข้าปอดเพื่อตั้งสติและกลั้นก้อนสะอื้น ก่อนจะว่าออกมาอีกครั้ง “จิคิดว่าพี่อินทร์จะเกลียดจิซะแล้ว”

เท่านั้นใบหน้าของพี่อินทร์ก็มีรอยยิ้มกว้างทันที หัวคิ้วไม่ย่นเหมือนเดิมแล้ว พลันตามมาด้วยหัวเราะน้อยๆ

อยากจะแหวใส่เขาเหมือนกันว่ามีอะไรให้ตลกนักหนา ก็ผมกลัวเขาเกลียดจริงๆ นี่ ถึงจะไม่ชอบหน้าเขา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอยากถูกเกลียดหรอกนะ

แต่แล้วผมก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อปลายนิ้วอุ่นร้อนลูบไล้เข้ามาที่ใต้ตา พอเหลือบมองก็เห็นพี่อินทร์กำลังซับน้ำตาให้ผมอยู่

“พี่ไม่เกลียดจิหรอก ไม่เคยเกลียดเลย... ถึงจิจะหักอกพี่ก็เถอะนะ”

พี่อินทร์...

เป็นคนดีอะไรแบบนี้วะ จิตใจโคตรจะดีเลยพ่อคู๊ณณณ

ผมมองเขาผ่านม่านน้ำตา ขณะที่เขายังคงหัวเราะอยู่

“ดูๆ ทำหน้ากระรอกอย่างเดียวไม่พอ ยังเบะปากอีก ทำหน้าแบบนี้ เดี๋ยวก็ถูกพี่แกล้งอีกหรอก”

ตอนนี้ถ้าเขาอยากจะแกล้ง ผมก็จะให้แกล้งเลย แต่ผมก็ไม่ได้พูดออกไป ได้แต่มองหน้าเขานิ่งเท่านั้น

“หืม มีอะไร มองหน้าพี่แบบนี้ อยากได้อะไรจากปี้จ๊ะนว้องจิ~”

แล้วพี่อินทร์ก็อดทำเสียงสองใส่ผมไม่ได้ เหมือนเขาลืมตัวอะ พอพูดจบก็ทำหน้าตกใจนิดนึง ก่อนจะลูบท้ายทอยตัวเองป้อยๆ

“โทษที มันเคยชิน”

ผมหัวเราะให้กับท่าทางนั้น พลันก็รู้สึกว่าเขา...โคตรน่ารักเลย!

ไม่รู้ผีห่าซาตานตัวไหนดลใจให้รู้สึกไปอย่างนั้น แต่ที่แน่ๆ ผมรู้สึกดีมากๆ ที่เขายังคงเป็นบ้าเหมือนเดิม

พี่อินทร์ที่บ้าๆ บอๆ นี่แหละ ดีที่สุดแล้ว

พลันอดใจไม่ไหว โผเข้าหาเขาอย่างลืมตัว กอดเขาแน่นด้วย ปากก็พูดพร่ำไม่หยุด

“ถึงจิจะชอบพี่บุศย์ แต่พี่อินทร์อย่าเกลียดจินะ”

ผมว่าเขาดูงงๆ ไปเหมือนกันที่เห็นผมทำอย่างนี้ แต่แล้วก็หัวเราะออกมา ลูบหลัง ลูบหัวผมเป็นการใหญ่

“ได้ๆ ไม่เกลียด แต่ถ้าบอกว่าชอบไอ้บุศย์อีกครั้งนึง คราวนี้จะเกลียดจริงๆ ละ”

เขาพูดทีเล่นทีจริง ผมก็พยักหน้ารับหงึกหงัก ปล่อยให้เขาโอ๋อยู่อย่างนั้น พร้อมกับขัดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย

สงสัยเขาจะทำให้ผมเสพติดการแกล้งของเขาแล้วล่ะ

เพราะแบบนี้ไงถึงได้บอกว่าเกลียดอิเหนาเข้าไส้ ทั้งที่เกลียดแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้มีอิทธิพลกับความรู้สึกผมมากมายขนาดนี้นะ!

-----------------------------

ตอนแรกกะว่าไม่มาแล้ว คิดว่าไม่น่าจะเขียนจบวันนี้ แต่ดันจบ อัปให้เลยแล้วกันค่ะ

ตอนนี้พี่อินทร์มีออร่าผัวทั้งตอนนะ ถึงจะหลุดเพี้ยนๆ มานิดหน่อย เอาความผัวมาเรียกคะแนนหน่อยหลังจากบ้าๆ บอๆ มาแล้วทั้งเรื่อง 555

ฝากกำลังใจไว้ด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 07-05-2018 22:55:25
เป็นพระเอกที่บ้าที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา :katai2-1: สมควรละที่แกล้งน้องเกินเบอร์ แต่ก็ใจหายแทน สงสารคนบ้า :katai1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 11★ใจจะขาดแล้วเอย[6.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 07-05-2018 23:06:12
โอ้ออร่าพระเอกมาแล้วววว
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 12★เกลียดเข้าไส้[7.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 07-05-2018 23:51:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 12★เกลียดเข้าไส้[7.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 08-05-2018 00:22:14
ในที่สุดพี่อินทร์ก็เป็นผู้เป็นคนกับเขาได้สักที ฮือ น้องอ้อนแค่นี้ใจอ่อนเลยนะพี่มึง
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 12★เกลียดเข้าไส้[7.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 08-05-2018 01:10:25
นี่ก็ไม่คุ้นกับพี่อินทร์เวอร์ปกติเลย เอาพี่อินทร์คนบ้าคืนมาเถอะนะคะ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 12★เกลียดเข้าไส้[7.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 08-05-2018 01:43:43
ตอนพี่อินทร์เป็นคนปกตินี่โคตรหล่อ เผลอใจสั่นไปแวบนึงเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 12★เกลียดเข้าไส้[7.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: shannara ที่ 08-05-2018 02:19:57
มีมาหยารัศมีแล้ว คนต่อไปก็น่าจะจินตหลา

มันจะพีคมากถ้าถึงจุดกดดันแล้วนายเอกสารภาพเรื่องชาติก่อน แล้วระบายความในใจใส่นังอิเหนา สะใจจจจ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 12★เกลียดเข้าไส้[7.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-05-2018 02:44:35
นึกว่าจะเลิกบ้าแล้วซะอีก
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 12★เกลียดเข้าไส้[7.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-05-2018 02:48:05
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 12★เกลียดเข้าไส้[7.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-05-2018 03:17:23
ุุถ้ามีคนอื่นที่มองเห็นว่าใครเป็นใครในอดีต นอกเหนือจากหนูจิ จะเป็นอย่างไรนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 12★เกลียดเข้าไส้[7.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 08-05-2018 03:31:57
ฮือออ พี่อินทร์ ค่ดดีเลยยยย เอ็นดู
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 12★เกลียดเข้าไส้[7.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 08-05-2018 05:59:29
พี่อินทร์ตอนนี้หล่อมากค่ะ มีตัวละครใหม่มาแล้ว แต่ตัวเก่าอย่างพี่บุศย์ กับวิหยาสะกำ เป็นยังไงกันบ้างนะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 12★เกลียดเข้าไส้[7.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 08-05-2018 06:28:38
ผมรู้สึกดีมากๆ ที่เขายังคงเป็นบ้าเหมือนเดิม <<<<นว้อง555555555 ฮือรู้สึกดีที่พี่เป็นบ้าเหมือนเดิม จิระลูก ขำอะไรไม่รู้ สงสัยนี่บ้าตามพี่อินทร์

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 12★เกลียดเข้าไส้[7.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-05-2018 09:48:21
จรกาเปิดใจสักทีเถอะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 12★เกลียดเข้าไส้[7.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-05-2018 10:46:52
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:

 o13
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 12★เกลียดเข้าไส้[7.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 08-05-2018 23:09:21
Chapter 13: อิเหนาคาเฟ่

ทุกอย่าง...เหมือนจะดีขึ้น

ใช่ ผมใช้คำว่า ‘เหมือน’ เพราะหลังจากวันที่ได้คุยกับพี่อินทร์อีกครั้ง เขาก็ไม่ทำตัวเหินห่างกับผม แต่ก็ใช่ว่าจะมาทำตัวบ้าๆ บอๆ ใส่เหมือนเดิม เวลาเจอหน้าผม เขาก็ยิ้มให้ คุยด้วยตามปกตินั่นแหละ แต่เป็นความปกติที่ไม่ปกติ คนอย่างพี่อินทร์ต้องบ้าๆ บอๆ ต่างหากถึงจะเรียกว่าปกติ ทว่าก็ไปโทษอะไรเขาไม่ได้ที่เขารักษาระยะห่างจากผม เป็นผมเองนี่นาที่บอกให้เขาทำแบบนั้น

ก็...ดีแล้วล่ะมั้ง ผมรำคาญที่เขามาคอยก่อกวนนี่ เว้นระยะห่างกันหน่อยนั่นแหละดีแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้น มันก็น่าอึดอัดแปลกๆ ตรงที่รู้สึกเหมือนยังมีกำแพงบางๆ กั้นกลางระหว่างเรา ผมทำเป็นไม่สนใจ คิดเอาว่าเป็นโอกาสดีแล้วที่สลัดอิเหนาให้หลุดไปได้ เพราะผมจะได้คอยตามเกี้ยวน้องบุษบาให้สมใจ

ทว่า...รู้สึกแปลกๆ จังเลยนะ

“จิ ได้ยินไหม”

“ครับ?”

ผมสะดุ้งน้อยๆ หลังจากนั่งเหม่อได้พักหนึ่ง ก่อนจะเห็นสีหน้ายุ่งเหยิงของเจ้าของเสียงตรงหน้า

“พี่เรียกตั้งนาน เหม่ออะไรอยู่ ไม่สบายหรือเปล่า”

พี่บุศย์ถามด้วยความเป็นห่วง วันนี้เป็นอีกวันที่เขาเป็นฝ่ายโทรเรียกผมให้ไปหา พูดง่ายๆ ก็คือเป็นฝ่ายเข้าหาผมเองนั่นแหละ ความจริงก็น่าดีใจอยู่ แต่ไม่รู้ทำไมพอเจอหน้าเขา ผมกลับเอาแต่คิดฟุ้งซ่านไปถึงรูมเมตของเขาเสียนี่

“จิสบายดีครับ”

ผมรีบตอบรับ ก่อนจะได้รับสายตาจับพิรุธของพี่บุศย์คืนมา

“แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร”

“ครับ จิแน่ใจ ว่าแต่เมื่อกี้พี่บุศย์จะบอกอะไรจิเหรอครับ”

พยักหน้าหงึกหงักเร็วๆ พี่บุศย์เลยไม่ได้ว่าอะไร กลับมาพูดเรื่องเดิมแทน

“พี่ถามเราว่าเย็นนี้ว่างไหม จะชวนไปกินหมูกระทะ”

“หมูกระทะเหรอ?”

“ใช่ แต่เป็นแถวบ้านพี่นะ ว่าจะชวนไปนอนค้างที่บ้านด้วย”

ผมค่อนข้างงุนงงเล็กน้อยที่ได้ยินคำพูดนี้ แต่ไม่ทันจะได้ถาม พี่บุศย์ก็อธิบายออกมาแล้ว

“วันนี้วันเกิดพี่น่ะ”

เท่านั้นผมก็เบิกตาโต “วันเกิดพี่บุศย์เหรอครับ! ทำไมจิไม่เห็นรู้!?”

ก็แน่ล่ะ เขาไม่เคยบอกผมนี่ พี่บุศย์หัวเราะน้อยๆ เมื่อเห็นท่าทางตื่นตกใจของผม ก่อนเอื้อมมือมาตบบ่า

“ไม่ต้องตื่นเต้นไป ใครๆ ก็มีวันเกิดกันทั้งนั้นแหละ”

“จิไม่ได้ตื่นเต้นครับ จิตกใจเพราะไม่ได้เตรียมของขวัญให้พี่บุศย์มากกว่า”

พอพูดไปอย่างนี้ พี่บุศย์ก็มองผมด้วยสายตาเอ็นดูทันที

“ของขวัญเป็นสิ่งของน่ะไม่ต้องหรอก แค่จิไปกินหมูกระทะกับพี่ พี่ก็ดีใจแล้ว ตกลงเราจะไปไหมล่ะ”

แล้วมีเหรอที่ผมจะปฏิเสธ รีบพยักหน้ารับทันที

“ไปสิครับ ไป!”

“แต่ไปค้างบ้านพี่ด้วยนะ เพราะตอนกลางคืนอาจมีกินกันต่อ”

ผมก็พยักหน้าอีกที “เรื่องนั้นไม่มีปัญหาครับพี่บุศย์ จิไปได้”

พี่บุศย์ก็เลยยิ้มกว้าง “งั้นก็ดีเลย เดี๋ยวเลิกเรียนแล้ว จิมารอที่นี่นะ ไว้ไปรถไอ้อินทร์กัน”

ผมก็ลืมไปเลยว่างานวันเกิดของพี่บุศย์จะขาดผู้ชายคนนั้นไปไม่ได้ ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้เขาไปหรอก แต่พอนึกถึงหน้าของพี่อินทร์แล้ว ผมก็เกิดรู้สึกประดักประเดิดขึ้นมาน้อยๆ

คงอีกสักพักใหญ่ๆ เลยล่ะมั้งถึงจะทำใจให้ชินกับความอึดอัดนี้ได้...

 

แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้น่าอึดอัดขนาดนั้น เพราะถึงพี่อินทร์จะไม่ได้ทำตัวบ้าๆ บอๆ กับผม มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ทำตัวบ้าๆ บอๆ กับคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่มีน้องรหัสเขาอย่างสรัลไปด้วยอย่างนี้ ผมเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าสรัลก็ไป เปิดประตูรถฝั่งเบาะหลังได้ก็เห็นเธอนั่งแป้นแล้นอยู่แล้ว ตอนนี้เลยกลายเป็นว่า...ผม...จรกา อิเหนา บุษบา และสังคามาระตา...

...ไปกินหมูกระทะกัน

มันเรื่องบ้าบอคอแตกอะไรวะเนี่ย!

เมื่อชาติก่อนนี่ ผมกับอิเหนาแล้วก็สังคามาระตาเป็นไม้เบื่อไม้เมากันเลยนะ อิเหนาชอบแกล้งผมโดยมีสังคามาระตาเป็นลูกล้อคอยช่วยทับถม เอาตรงๆ ผมก็เกลียดขี้หน้าสังคามาระตาพอๆ กับอิเหนานั่นแหละ

ทว่าตอนนี้...ดันมานั่งปิ้งหมูด้วยกัน

อิเหนาเอามันหมูทากระทะ สังคามาระตาหักผักใส่รอบๆ หม้อ บุษบาคอยรินเครื่องดื่มให้ทุกคน ส่วนจรกาอย่างผมนั่งรอเอาหมูสามชั้นหมักซอสคีบลงย่าง เป็นโมเมนต์ที่ awkward โคตรๆ

แต่...ก็สนุกดีนะ ทำเอาผมลืมความแค้นในอดีตไปได้ครู่หนึ่ง ยิ่งตอนเห็นพี่อินทร์กับสรัลคุยกันจ้อไม่หยุด ผมก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาที่บรรยากาศไม่ได้น่าอึดอัดอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้ แต่ไม่ทันไรมันก็เริ่มอึดอัดตอนที่พี่อินทร์เริ่มคีบหมูที่สุกแล้วใส่ในจานผม

ชิ้นแล้ว...ชิ้นเล่า...

ผมเหลือบมอง เขาแทบไม่คีบลงจานตัวเองสักชิ้น ผมเลยอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

“พี่อินทร์ไม่ต้องคีบให้จิก็ได้ครับ เดี๋ยวจิคีบเอง”

พี่อินทร์ยิ้มรับ ว่าอย่างไม่ยี่หระ “ไม่เป็นไร พี่อยากดูแล”

ผมเม้มริมฝีปากแน่น อึดอัดขึ้นมาน้อยๆ อีกแล้วที่เขาทำตัวดีกับผมแบบนี้ อะไรไม่ว่า ทำต่อหน้าพี่บุศย์ ถ้าเกิดผมยอมปล่อยให้พี่อินทร์ทำตามใจ ผมก็กลัวว่าพี่บุศย์จะเข้าใจผิดว่าผมชอบพี่อินทร์ เลยต้องออกปากปรามไว้ก่อน

“แต่จิชอบคีบเองมากกว่า”

แต่ก็ไม่กล้าพูดเสียงดังแหละนะ ได้แต่กระซิบเบาๆ เพราะเกรงใจพี่บุศย์ วันนี้เป็นวันเกิดเขา ผมไม่อยากให้เขาต้องมาลำบากใจเพราะเห็นน้องรหัสทะเลาะกับรูมเมตตัวเองหรอกนะ

“พี่บอกแล้วไงว่าพี่อยากดูแล”

แล้วพี่อินทร์ฟังไหมล่ะ ไม่ฟังไม่พอ ยังจะคีบหมูใส่จานให้ผมอีก ผมเลยหันไปย่นคิ้วใส่เขา

“เรื่องแค่นี้ พี่อินทร์ไม่ต้องดูแลจิก็ได้ จิทำเองได้ครับ ไม่เป็นไรจริงๆ”

เขาก็ยังไม่สนอีก ทำหูทวนลม จะคีบหมูใส่จานผมอีกครั้ง ผมเลยรีบร้องออกมา

“ไม่ต้องครับ พี่อินทร์กินไปเถอะ จิจะกินเอง”

พูดอย่างเดียวคงไม่พอ คว้าจานหนีด้วย พี่อินทร์เลยชะงัก คีบหมูใส่จานตัวเองด้วยสีหน้าเศร้าๆ

เนี่ย เป็นแบบนี้แล้วจะไม่ให้ผมรู้สึกผิดได้ยังไง สลดจนผมต้องรีบแก้ต่างให้ตัวเองเป็นพัลวัน ลืมไปหมดเลยว่าฝั่งตรงข้ามมีพี่บุศย์กับสรัลนั่งมองอยู่

“จิแค่เห็นว่าพี่อินทร์คีบให้แต่จิ ตัวเองไม่ได้กินเลย จิก็เลยอยากให้พี่อินทร์กินครับ”

แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ มาก พี่อินทร์หันมามองผม ยิ้มบางๆ ให้

“พี่ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร พี่อยากดูแล”

“แล้วพี่อินทร์อยากจะมาดูแลจิทำไม”

ถามถึงตรงนี้ พี่อินทร์ก็จ้องหน้าผมนิ่ง ว่าออกมาช้าๆ พลางอมยิ้ม

“เพราะพี่เชื่อว่าน้ำหยดลงหินทุกวัน...”

“มันไม่กร่อนหรอกครับ หยดทุกวันก็ไม่กร่อนหรอก เชื่อจิ!”

ผมรีบโพล่งขึ้นมาเลยด้วยรู้ว่าเขาจะพูดอะไรต่อจากนี้ ไม่อยากให้เขามาพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนอื่นเท่าไรนักหรอก แต่พอผมโพล่งไปอย่างนั้น พี่อินทร์ก็ส่ายหน้า

“หึ ไม่ใช่”

ผมเองก็ทำหน้างง “อ้าว แล้วอะไรอะ”

“น้ำหยดลงหินทุกวัน...” เขาว่า จากนั้นก็ทำหน้าเศร้าอีกครั้ง “หินรำคาญ หินไม่คุย”

แล้วมึงจะยอมรับความจริงทำไมเนี่ย!

สรัลถึงกับหัวเราะก๊ากหลังจากมองอยู่นาน หมูเหมอในปากกระเด็นกระดอนหมด ก่อนจะแทรกขึ้นมาบ้าง

“นี่มุกหรือเปลือกหอยเนี่ยพี่อินทร์”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็หันไปมองหน้าน้องรหัสตัวเอง พูดสั้นๆ “ไป”

“ไปไหนคะ อิ่มแล้วเหรอ”

“เปล่า”

“อ้าว”

“ไปเล่นตรงโน้นเลยนะมุกเปลือกหอยของแกเนี่ย”

จากนั้นทั้งพี่บุศย์ทั้งสรัลก็พากันฮาครืน แล้วดูเหมือนจะไม่หยุดด้วยเพราะสรัลเริ่มสนุกแล้ว จู่ๆ เธอก็ถามขึ้นมาอีก

“วันก่อน หนูเห็นพี่อินทร์กลับหอดึก ไปไหนมาคะ”

“อ๋อ พี่ทำงานเป็นกะน่ะ”

“กะกลางคืนเหรอ”

“เปล่า กะree” แล้วก็ทำสะดีดสะดิ้ง ยกมือขึ้นอังแก้มทำท่าคิด “จะว่าไป เมื่อคืนนี้ยังไม่ได้แขกเลยนะฮ้า~”

พอกลับมาเป็นปกติแล้ว มึงนี่ก็แรดจริงจังเลยนะ!

ส่วนพี่บุศย์ก็ขำใหญ่ ขำจนหน้าดำหน้าแดง กลายเป็นว่าทำให้พี่รหัสน้องรหัสสองคนนี้เล่นกันไม่หยุด ล่าสุดสรัลชี้นิ้วไปยังไก่ทอดที่อยู่บนโต๊ะแล้ว

“พี่อินทร์ๆ นี่อะไร”

พี่อินทร์เหลือบมองก่อนตอบ “น่องไก่”

จากนั้นสรัลก็ชี้ไปที่ขาของตัวเอง “นี่ล่ะ”

“น่องหมู”

ถ้าผมเป็นสรัล ผมจะตบพี่อินทร์หน้าหันเลยนะ

มาบอกว่าขาผู้หญิงเป็นน่องหมูนี่ หาเรื่องโดนตบแท้ๆ

แต่สรัลก็ไม่ได้ว่าอะไร ชี้นิ้วไปยังหมาจรจัดที่อยู่หน้าร้าน

“แล้วนั่นล่ะ”

“น่องหมา”

จากนั้นก็ชี้มาที่ผม “แล้วเนี่ย”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็ยิ้มร่า ยื่นมือมาจับแก้มผมทั้งสองข้าง ยืดออกเบาๆ แล้วส่ายไปมา

“น่องจิของป่าปี๊~”

ไอ้อิเหนากับสังคามาระตา! มึงสองคนเป็นตลกคาเฟ่ร้านหมูกระทะเหรอ เลิกเล่นกันได้แล้ว!

แต่คงจะหยุดยาก ติดลมกันไปแล้วทั้งคู่ สรัลเอาตะเกียบที่ถืออยู่ชี้ไปที่หอมหัวใหญ่ในจานยำปลาหมึกที่ตักมาเป็นที่เรียบร้อย

“แล้วอันนี้เรียกว่าอะไรพี่อินทร์”

“อันนั้นเรียกว่าหอมหัวใหญ่”

พี่อินทร์ว่า ผมมองทั้งสองคน รอดูว่าจะเล่นมุกอะไรกันต่อ ขณะที่สรัลเอาตะเกียบมาชี้หน้าผมแล้ว

“แล้วนั่นล่ะ”

เท่านั้นแหละ พี่อินทร์ก็โผเข้ามาหาผม แล้วก็...

จุ๊บ~

...จูบลงมาที่หน้าผากผมหน้าตาเฉย

“อันนี้...หอมหัวจิ”

มึงจะมาเล่นมุกฟายกันหน้าด้านๆ อย่างนี้ไม่ได้!

ผมเหวอไปเลย อ้าปากค้าง จับหน้าผากตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตาว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้กลางร้านหมูกระทะ ขณะที่สรัลกับพี่บุศย์หัวเราะร่วน ส่วนพี่อินทร์ก็ชูนิ้วโป้งให้น้องรหัสตัวเอง

“มุกดีๆ”

ดีพ่อง! มึงวางแผนกันมาใช่ไหม!

วางแผนจริงๆ แหละ เพราะจากนั้นพี่อินทร์ก็ว่าขึ้นมา

“สรัลนี่เวลาไปกินอะไรที่ไหนต้องให้นั่งใกล้ๆ ชั้นวางเครื่องดื่มนะ”

“ทำไมอะ” คราวนี้พี่บุศย์ถาม

“ชงเก่ง”

พอพี่อินทร์ตอบก็พากันฮาครืนอีกระลอก สรัลก็ยืดใหญ่ มีแต่ผมเท่านั้นแหละที่นั่งหน้ามุ่ย

ชงไม่เก่งจะเรียกว่าสังคามาระตาเหรอ ก็แม่งชงมุกให้มึงตบมาตั้งแต่ชาติที่แล้วนี่หว่า!

แต่ก็โวยวายอะไรไม่ได้ไง อย่างที่บอกว่าวันนี้วันเกิดพี่บุศย์ ผมเลยได้แต่ระบายอารมณ์ด้วยการ...

“แน่ะๆ กินหมูแก้เขินอย่างเก้วกาด”

เออ! เกรี้ยวกราดแล้ว! กูเกรี้ยวกราดแล้ว!

ผมเคี้ยวตุ้ยๆ หันไปมองพี่อินทร์อย่างเคืองๆ แต่พอเห็นเขายิ้มกว้าง ส่งสายตาที่เหมือนว่าเอ็นดูมาให้ผม ผมก็ได้แต่สูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วได้แต่ก้มหน้าก้มตากิน ก่อนจะต้องหันขวับไปมองเมื่อจู่ๆ เขาก็คีบหมูมาใส่จานให้ผมอีกครั้ง

“พี่อยากดูแล ให้พี่ดูแลสักครั้งนะ”

รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อนั่น ทำเอาผมต้องถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้

เอาเถอะ ก็ยังดีกว่านั่งอึดอัดเพราะเขาไม่ทำตัวบ้าๆ บอๆ เหมือนปกติก็แล้วกัน

 

กว่าเราจะกินหมูกระทะกันเสร็จก็มืดค่ำ พี่บุศย์พาเพื่อนๆ ไปนอนค้างที่บ้านตามที่บอกเพราะมีกินเลี้ยงวันเกิดกันต่อ ผมค่อนข้างตื่นเต้นที่ได้ไปบ้านเขาครั้งแรก แต่เหมือนพี่อินทร์กับสรัลไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเท่าไรนัก

ก็แน่ล่ะ ถามไปถามมา ปรากฏว่าสองคนนั้นเคยมาบ้านพี่บุศย์บ่อยแล้ว กับพี่อินทร์นี่ ผมไม่แปลกใจเท่าไรเพราะเขาเป็นเพื่อนกัน ยังไงก็ต้องเคยมาเที่ยวหากันอยู่แล้ว แต่สรัล...ผมอดแปลกใจไม่ได้เลยว่าเคยมาตอนไหน หรือว่าจะสนิทกันมากกว่าที่ผมรู้?

คงอย่างนั้นแหละ เพราะพอเข้ามาในบ้านได้ สรัลก็เดินซอกแซกไปทั่วอย่างกับรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนของบ้าน ส่วนผมก็ได้แต่ปรายตามองสำรวจไปรอบๆ

บ้านพี่บุศย์...แม่งโคตรรวยอะ บ้านเดี่ยวหลังใหญ่ในหมู่บ้านจัดสรร มีสนามหญ้า มีน้องหมาราคาแพงตัวโตๆ รถก็ตั้งหลายคัน วาสนาดีจริง!

ก็ไม่น่าแปลกหรอก วงศ์ขัตติยะของท้าวดาหาก็เป็นหนึ่งในราชวงศ์ที่ร่ำรวย ผลพวงความรวยมันจะตกมายังชาตินี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจ เพียงแต่ผมเห็นแล้วก็อดย้อนมามองดูตัวเองไม่ได้

ชาติก่อนเป็นจรกาก็เป็นเจ้าเมืองเล็กๆ ไม่ได้ร่ำรวยหรือวิเศษวิโสอะไร เกิดใหม่ก็เกิดมาในครอบครัวชนชั้นกลางธรรมดาๆ มิหนำซ้ำ พ่อแม่ก็ยัง...

คิดมาถึงตรงนี้ ผมก็หยุดคิด ไม่อยากจะให้ตัวเองน้อยใจในโชคชะตาวาสนาไปมากกว่านี้ เลยเบนความสนใจไปที่สรัลซึ่งกำลังขนพวกขวดเครื่องดื่มออกมา

“มาๆๆ คืนนี้ไม่เมาไม่เลิก!”

เธอโวยวายเสียงดัง ผมมองไปก็เห็นว่ามันเป็นขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สารพัดยี่ห้อ ผมเห็นพี่อินทร์กับพี่บุศย์นั่งล้อมวงก็อดสงสัยขึ้นมาไม่ได้

“แล้วเรามาดื่มกันในบ้านแบบนี้ พ่อแม่พี่บุศย์ไม่ว่าเหรอครับ”

ทั้งสามคนหันขวับมามองผมเป็นตาเดียว ขณะที่พี่บุศย์ส่ายหน้า

“ไม่หรอก พี่ขออนุญาตไว้แล้ว พ่อแม่พี่บอกว่าดีกว่าไปกินที่ร้านเหล้า แบบนั้นมันอันตรายกว่า ถ้าจะเมาก็เมาที่บ้านนี่แหละ ปลอดภัยที่สุดแล้ว”

ผมร้องอ๋อ เห็นด้วยกับที่พ่อแม่เขาบอกอยู่ แต่เอ...

“แล้วพ่อแม่พี่บุศย์ไปไหนเหรอครับ”

...นั่นแหละที่ผมสงสัย ยังไม่เห็นพวกท่านเลย มีแต่ป้าแม่บ้านที่มาทำความสะอาดแล้วผมเข้าใจผิดว่าเป็นแม่พี่บุศย์เลยจัดการยกมือไหว้เป็นที่เรียบร้อย กระทั่งพี่บุศย์บอกว่าไม่ใช่นั่นแหละ ถึงได้รู้ตัวว่าไหว้ผิดคน

“ไปทำธุระที่โรงเรียนน้องน่ะ เห็นว่ามีงานแสดงโรงเรียนประจำปีอะไรสักอย่าง”

ถึงตรงนี้ ผมก็ชะงัก “พี่บุศย์มี...น้อง?”

พลันพี่บุศย์ก็พยักหน้า “อืม น้องชายน่ะ”

เท่านั้นผมก็รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมา

อย่าบอกนะว่าน้องชายของพี่บุศย์...เป็นสียะตรากลับชาติมาเกิดอีก!?

ถ้าใช่จะบันเทิงมาก เพราะผมรู้ดีว่าอิเหนากับสียะตราเคยมีความสัมพันธ์กันยังไง ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ข่าวลือ แต่ก็ไม่ใช่ว่าข่าวลือจะไม่มีเค้าโครงความจริง ไม่อย่างนั้นจะมีคนเล่าปากต่อปากกันมาได้ยังไงจริงไหมล่ะ

ส่วนข่าวลือนั่นน่ะเหรอ เออ ก็เรื่องที่อิเหนากิ๊กกั๊กกับน้องชายบุษบาเพราะอดใจคิดถึงนางไม่ไหว เลยชวนน้องเขามานอนกอดจูบลูบคลำต่างพี่สาวนั่นแหละ

 

[1]ครั้นพระกุมารหลับสนิท                พระโอบอุ้มจุมพิตขนิษฐา

โลมเล้าลูบไล้ไปมา                                สำคัญว่าบุษบานารี
พิศพักตร์พักตร์ผ่องดังเดือนฉาย         พิศทรงทรงคล้ายนางโฉมศรี
พิศปรางเหมือนปรางพระบุตรี              รัศมีสีเนื้อละกลกัน
ทั้งโอษฐ์องค์ขนงเนตรนาสา             ละม้ายเหมือนบุษบาทุกสิ่งสรรพ์
พระกอดจูบลูบไล้เกี้ยวพัน               จนบรรทมหลับสนิทไป
 

จู่ๆ ก็นึกถึงเสียงเล่าลือเมื่อครั้งอดีตชาติขึ้นมา เห็นไหมล่ะ ผมบอกแล้วว่าคนอย่างอิเหนาน่ะ แค่คลำเจอหัว ไม่เจอหางก็เสร็จเรียบวุธ แม้แต่น้องชายของผู้หญิงที่ตัวเองอยากได้เป็นเมียยังไม่รอดเลย

เผลอเบ้หน้าไม่หยุดหย่อน รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่พี่บุศย์ทักแล้ว

“มีอะไรเหรอจิ ทำหน้าปูเลี่ยนแบบนั้น”

ผมรีบปรับสีหน้าทันที “อะ...อ๋อ ไม่มีอะไรครับ จิแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย กินกันเถอะ”

ดีที่ไม่มีใครสงสัยอะไร ต่างพากันตั้งหน้าตั้งแต่กินเบียร์กับขนมนมเนยเป็นพัลวัน ก็มีเป่าเค้ก ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ตามประสานั่นแหละ หลังจากนั้นก็ร้องรำทำเพลงบ้าง พี่อินทร์กับสรัลพากันเล่นมุกแป้กบ้าง ตลกบ้างสลับกันไป ผมก็เพลินดีอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้ดื่มอะไรกับเขาหรอก แค่เห็นสรัลดื่มคนเดียว ผมก็เมาแทนแล้ว

เป็นผู้หญิงที่ดื่มโคตรจะเก่งเลย...

กว่างานเลี้ยงจะเลิกราก็เกือบเที่ยงคืน สรัลเมาคอพับคออ่อน คุยไม่เป็นภาษาคนไปเรียบร้อยแล้ว ผมเองก็นั่งผงกไปผงกมาเพราะใกล้เวลานอนเหมือนกัน พี่บุศย์เลยเป็นฝ่ายออกปากยุติงานเลี้ยงนี้

“เดี๋ยวไปอาบน้ำกันนะ ห้องน้ำมีข้างบนห้องนึง แล้วก็ข้างล่างห้องนึง ส่วนเสื้อผ้าก็เอาของพี่ใส่ไปก่อน”

ผมพยักหน้า แต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้ “แล้วจินอนที่ไหนดีครับ โซฟาได้ไหม”

ชี้นิ้วไปที่โซฟาที่ตัวเองนั่งอยู่ประกอบคำพูด พี่บุศย์ก็ส่ายหน้าพรืดเลย

“เฮ้ย จะมานอนอะไรที่โซฟา ไปนอนในห้องนู่น”

“ห้องไหน ห้องรับแขกเหรอวะ”

เป็นพี่อินทร์ที่ถาม แต่พี่บุศย์ก็ส่ายหน้าอีกครั้ง

“ห้องรับแขกไว้ให้สรัลไปนอน เป็นผู้หญิง ไปนอนที่นั่นคนเดียวแหละดีแล้ว เดี๋ยวมึงไปนอนที่ห้องกู”

ผมเลยคิดไปว่าสงสัยเขาจะให้ผมไปนอนรวมกันอยู่ในห้องเขาด้วย ก็ไม่ได้อะไรหรอก นอนได้ ไม่มีปัญหา แต่ทว่า...

“แล้วเดี๋ยวกูจะไปนอนที่ห้องน้อง ช่วงนี้น้องติด ไม่ไปนอนด้วย เดี๋ยวงอแง”

แล้วจะให้ผมนอนกับพี่อินทร์สองคนเนี่ยนะ!?

ผมเบิกตาโตอย่างลืมตัว ทำให้พี่บุศย์ต้องออกปากถามผม

“จินอนกับไอ้อินทร์สองคนได้ใช่ไหม”

ผมเหลือบมองหน้าพี่อินทร์ที่จ้องผมนิ่ง สีหน้าไม่แสดงออกใดๆ ผมก็กระอักกระอ่วนขึ้นมา

บอกว่า ‘ไม่ได้’ ได้ไหมล่ะ โว้ย!

“ถ้าจินอนไม่ได้ เดี๋ยวกูขับรถกลับบ้านก็ได้”

เป็นผมไม่ตอบสักที พี่อินทร์ก็โพล่งขึ้นมา เท่าที่ผมจำได้ ก่อนหน้านี้เขาดื่มไปเยอะพอสมควรเหมือนกัน จะให้ขับรถกลับตอนเมาแบบนี้ มันได้ที่ไหนกันล่ะ

“จินอนได้ครับ”

ผมเลยต้องตอบไปอย่างนั้น เท่านั้นพี่บุศย์ก็ยิ้มออก

“งั้นเตรียมตัวไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวพี่เอาเสื้อผ้ามาให้”

ผมพยักหน้ารับ ทำอะรไม่ได้ก็ต้องทำใจยอม ได้แต่เดินตามพี่บุศย์กับพี่อินทร์ขึ้นไปยังชั้นบนหลังจากพากันแบกสรัลเข้าไปนอนที่ห้องนอนแขกเป็นที่เรียบร้อย

ดูท่าทางคืนนี้คงจะทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ นอนก็นอน...แค่นอนอย่างเดียวคงไม่เป็นไร

 

เหมือนโกหกตัวเองอะว่าไม่เป็นไร จริงๆ แล้วเป็นมาก!

ผมใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานเลยทีเดียว ไม่ใช่อาบน้ำหรือพิถีพิถันอะไรหรอก แต่แค่ไม่รู้ว่าออกมาเจอพี่อินทร์ที่ห้องนอนพี่บุศย์แล้วจะทำหน้ายังไงดี ก็ห้องนอนของพี่บุศย์น่ะดันเป็นเตียงเดี่ยวขนาดควีนไซส์ จะให้ผมไปบอกว่าเดี๋ยวผมนอนบนพื้นข้างเตียง จะได้ไม่เบียดก็ไม่ได้ เพราะเห็นกันอยู่ทนโท่ว่ายังไงก็นอนพอ อีกอย่าง ผมไม่อยากรบกวนพี่บุศย์ให้หาที่นอนหมอนมุ้งมาให้เพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เขาเองก็ดูเพลียๆ เหมือนกัน ความเกรงใจของผมเลยมากกว่าปกติ

แต่เกรงใจมากไปก็ไม่ส่งผลดีกับตัวผมเองเท่าไรมั้ง พอทำใจออกมาจากห้องน้ำ เดินกลับมาที่ห้องนอนได้ ก็เห็นพี่อินทร์กึ่งนั่งกึ่งนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง เขาเองก็ใส่เสื้อผ้าของพี่บุศย์เหมือนกัน อันที่จริงการได้ใส่เสื้อผ้าของคนที่แอบชอบ มันต้องเป็นอะไรที่ผมควรดีใจนะ ทว่าตอนนี้กลับไม่รู้สึกถึงอารมณ์นั้นเลยนอกจากประหม่าอย่างเดียว

“เสร็จแล้วเหรอ จะนอนเลยไหม”

พอเห็นผมเดินเข้ามาในห้อง พี่อินทร์ก็ร้องถาม ผมเม้มริมฝีปากพลางพยักหน้า

“งั้นก็ขึ้นเตียง เดี๋ยวพี่จะได้ปิดไฟ”

คำพูดดูแหม่งๆ เหมือนกัน ผมพยายามไม่คิดอะไร ปีนขึ้นเตียง หลบไปมุมหนึ่ง ก่อนที่ไฟในห้องจะถูกปิด

ความเงียบเข้าครอบคลุมเราทั้งสองคน ผมนอนนิ่งๆ อยู่ครู่ รอดูว่าพี่อินทร์จะพูดอะไรไหม พอเห็นเขายังคงเงียบอยู่ ผมก็ค่อยๆ คลายความประหม่าลง

น่าจะนอนได้ ไม่มีปัญหาอะไรมั้ง

แต่แล้วพี่อินทร์ก็โพล่งขึ้นมา

“อึดอัดไหม”

“ครับ?”

“พี่ถามเราว่าอึดอัดไหม”

ผมส่ายหน้าในความมืด “ไม่ครับ เตียงพี่บุศย์ก็กว้างดี นอนสองคนก็ไม่อึดอัดนะ”

มีเสียงหัวเราะดังมาให้ได้ยินเล็กน้อย พอผมหันไปมองก็มีเสียงของพี่อินทร์ดังอีกครั้ง

“พี่ไม่ได้หมายถึงอึดอัดอย่างนั้น”

“...”

“แต่พี่หมายถึงอยู่กับพี่ จิอึดอัดหรือเปล่า”

ที่แท้เขาก็หมายถึงเรื่องนี้ ผมคิดทบทวนดูครู่หนึ่ง...ใช่ มันอึดอัด เขาเองก็คงจะรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน วันนี้ถึงได้พยายามทำตัวบ้าๆ บอๆ ให้ดูเป็นปกติเพื่อไม่ให้ผมรู้สึกอย่างนั้น ถึงเขาจะไม่บอกว่าพยายาม แต่ผมก็รับรู้ได้...ในวินาทีนี้แหละ

“ถ้าพี่ทำให้จิอึดอัด พี่ขอโทษนะ”

เขาว่าออกมาอีกแล้ว คราวนี้เสียงแผ่วเชียว ผมเลยรีบบอกเขา

“จิไม่ได้อึดอัดครับพี่อินทร์”

“แน่ใจเหรอ”

“อื้ม”

“ต่อให้พี่ทำตัวบ้าๆ บอๆ จิก็ไม่อึดอัดใช่ไหม?”

“ไม่เลยครับ วันนี้ก็สนุกดีนะ พี่อินทร์เล่นมุกกับสรัลตลกดี”

สาบานว่าผมไม่ได้แกล้งพูดเพื่อให้เขารู้สึกดี มันเป็นความผ่อนคลายที่ค่อยๆ พร่างพรายเข้ามาหลังจากตระหนักได้ว่าเขาพยายามให้ผมรู้สึกดีแค่ไหน และพอผมพูดไปอย่างนั้นแล้ว ก็ไม่มีเสียงอะไรตอบรับกลับมาอีก ผมเลยเดาเอาว่าบางทีเขาอาจจะเมาจนผล็อยหลับไปแล้ว เลยกะว่าจะนอนบ้าง

แต่ทว่า...จู่ๆ หลังมือก็สัมผัสได้ถึงไออุ่นบางอย่าง

พอนอนนิ่งอยู่อีกครู่ ไม่ขยับเขยื้อนอะไร มือของผมก็ถูกมือของพี่อินทร์คว้าไปจับเสียอย่างนั้น ผมเลยหันไปหาเขาอีกครั้ง

“พี่อินทร์...”

“คร่อก...”

แกล้งหลับเฉยเลย ผมลังเลขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะโกรธหรือจะขำดี รู้แต่ว่าตอนนี้หลุดยิ้มออกมากับความหน้ามึนของเขาแล้ว

พี่อินทร์เป็นคนบ้าๆ บอๆ ที่น่ารักดี...

ผมจะยอมวางทิฐิระหว่างอิเหนากับจรกาในอดีตชาติลงสักวันก็ได้ ยอมปล่อยให้เขาได้จับมืออยู่อย่างนั้นแล้วปิดเปลือกตาลง ทว่า...ได้ไม่นาน พี่อินทร์ก็ทำลายความเงียบขึ้น

“ถ้าจิไม่ห้ามพี่ พี่อาจจะไม่ทำแค่จับมือนะ”

“ครับ?”

“ขัดขืนโวยวายสิ บอกให้พี่อย่าโดนเนื้อต้องตัว”

ผมยังประมวลผลไม่ทัน แต่ก็ยังไม่ได้ขยับเขยื้อนอะไร...เป็นอยู่อย่างนั้นอีกครู่หนึ่ง พี่อินทร์เลยพลิกตัวมาทางผม ปล่อยมือออกแล้วเปลี่ยนมาตวัดวงแขนรวบร่างผมเข้าไปกอดแทน

ผมไม่รู้หรอกว่าเราใกล้กันแค่ไหน แต่พอจะจินตนาการได้ว่าใกล้มากเพราะใบหน้าสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเขา ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นถี่รุนแรงไปหมด ยิ่งได้ยินเสียง...

“ถ้าไม่ห้ามพี่ตั้งแต่ตอนนี้...”

...แล้วตามมาด้วยริมฝีปากนุ่มๆ ที่แตะพรมลงมาบนปลายจมูก ก่อนลากไล้ไปยังแก้มข้างหนึ่งแล้วก็มาจรดลงบนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง เท่านั้นผมก็ใจเต้นแรงจนควบคุมไม่ได้ หัวสมองมึนงงไปหมด มีแต่เสียงของพี่อินทร์เท่านั้นที่ดังก้องเข้ามาในหู

“...พี่ทำอะไรเกินเลยไปกว่านี้แน่ๆ

จากนั้นก็ประกบปากจูบแนบแน่นกับริมฝีปากผม จูบย้ำๆ ซ้ำๆ ผมก็นอนนิ่งตัวแข็งให้เขาทำ ก่อนเขาจะถอนริมฝีปากออกไป กระซิบเสียงพร่า

“ห้ามพี่เดี๋ยวนี้เลย จิระ...รีบห้ามเดี๋ยวนี้เลย”



[1] บทชมโฉม ตอนอิเหนารับสียะตราไปเลี้ยง บทละครอิเหนาฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ บทที่ 12



ตัดจบเข้าโคมไฟจย้า #โดนทุบ 555

ยังๆ มันยังไม่จบแค่นี้ to be continue นะจ๊ะ หวีดกันไปก่อน ตอนหน้าอิเหนาจะเป็นอินกหรือไม่นั้น... ให้คนเขียนทำนายกันนนน XD

ฝากกำลังใจไว้ด้วยจ้า

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 13★อิเหนาคาเฟ่[8.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 08-05-2018 23:23:21
ขอให้พี่อินทร์โดนถีบ5555555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 13★อิเหนาคาเฟ่[8.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-05-2018 23:43:17
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 13★อิเหนาคาเฟ่[8.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 08-05-2018 23:46:07
ทำไมเรารู้สึกเหมือนพี่บุศย์รู้ว่าพี่อินทร์ชอบจิเลยช่วยหาทางให้อินทร์ได้ใกล้ชิดจิตลอด
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 13★อิเหนาคาเฟ่[8.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-05-2018 00:04:13
เพี้ยงงงงง ขอให้มีบุคคลที่ 3 เข้าห้องมาบัดเด๋วนี้  :m5:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 13★อิเหนาคาเฟ่[8.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-05-2018 00:14:28
จรกาน่าจะเป็นลม555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 13★อิเหนาคาเฟ่[8.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 09-05-2018 00:16:53
 มีแววว่าน่าจะโดนตรีนนอีกรอบ5555  :m20: :laugh:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 13★อิเหนาคาเฟ่[8.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 09-05-2018 01:07:52
สิ่งที่เรารู้สึกขัดมาตลอดคือจิชอบพูดโกหกอะ เวลาใครถามอะไรจิโกหกตลอดเลย คือมันพอรับได้นะถ้าไม่กี่ครั้ง แต่นี่ทุกครั้งเลย มันทำให้เสียความรู้สึกทุกครั้งที่อ่าน แบบว่าพอถามอะไรขึ้นมาปุ๊บ จิโกหกปั๊บ ทั้งๆที่ความคิดมันสวนทาง เข้าใจแหละว่าแต่งให้จิถนอมน้ำใจอีกฝ่าย แต่แบบนี้ตอนต่อๆไป จิก็โกหกไปเรื่อยๆงี้หรอ? ตัวละครตัวนี้มันเลยดูย้อนแย้งมากๆนะตอนนี้ :katai1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 13★อิเหนาคาเฟ่[8.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 09-05-2018 02:23:10
อิเหนาจะเป็นอินกมั้ยน๊าาาา
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 13★อิเหนาคาเฟ่[8.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 09-05-2018 02:49:00
โดนถีบอีกแน่
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 13★อิเหนาคาเฟ่[8.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 09-05-2018 03:06:20
สิ่งที่เรารู้สึกขัดมาตลอดคือจิชอบพูดโกหกอะ เวลาใครถามอะไรจิโกหกตลอดเลย คือมันพอรับได้นะถ้าไม่กี่ครั้ง แต่นี่ทุกครั้งเลย มันทำให้เสียความรู้สึกทุกครั้งที่อ่าน แบบว่าพอถามอะไรขึ้นมาปุ๊บ จิโกหกปั๊บ ทั้งๆที่ความคิดมันสวนทาง เข้าใจแหละว่าแต่งให้จิถนอมน้ำใจอีกฝ่าย แต่แบบนี้ตอนต่อๆไป จิก็โกหกไปเรื่อยๆงี้หรอ? ตัวละครตัวนี้มันเลยดูย้อนแย้งมากๆนะตอนนี้ :katai1:


ตั้งใจเขียนแบบนี้ค่ะ เป็นพื้นฐานนิสัยของตัวละครอยู่แล้ว ตอนนี้มีความย้อนแย้งเพราะตัวละครกำลังต่อสู้กับความรู้สึกตัวเอง
ถ้าอ่านแล้วรำคาญก็ใจเย็นๆ ก่อนจ้ะ ขอเวลาให้ไคลแม็กซ์เข้ามาพัฒนาลักษณะตัวละครก่อนเน้อ เนื้อเรื่องยังไปไม่ถึงไหนเล้ยยย  :katai4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 13★อิเหนาคาเฟ่[8.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 09-05-2018 03:08:47
ออร่าผัวตอนท้ายน้านนนนน
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 13★อิเหนาคาเฟ่[8.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-05-2018 03:14:40
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 13★อิเหนาคาเฟ่[8.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 09-05-2018 05:47:23
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 13★อิเหนาคาเฟ่[8.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 09-05-2018 06:24:24
อิบ้าจะทำอะไรลูกอิฉันนนน :katai4: //ตีปาก
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 13★อิเหนาคาเฟ่[8.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 09-05-2018 07:21:39
น่องจิ คือแคร์พี่อินทร์มากเลยน๊าาาาาาา
ดันไม่รู้ตัวซะอย่างนั้น~~~
พี่อินทร์รวบหัวรวบหางน่องจิไปโลด 555555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 13★อิเหนาคาเฟ่[8.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: พันวา ที่ 09-05-2018 08:16:16
ไม่เคยอ่านแนวนี้เลย แปลกดี ตอนเด็กๆพ่อเคยเล่าให้ฟัง เรื่องของ จรกา กับอิเหนา 

ตอนนั้นยังเด็ก แต่จำได้ว่า เกลียดอิเหนา  แม้รูปจะงาม แต่นิสัยไม่ดีเอาเสียเลย  ตอนนั้นไม่ได้คิดถึงจรกาเท่าไหร่นัก แต่คิดว่าบุษบาเองก็น่าสงสาร

พอตอนนี้มาอ่านในมุมของจรกา  เข้าใจความรู้สึกของคำว่าแค้นใจมากเลย เพราะทำอะไรอิเหนาไม่ได้ ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็สู้อิเหนาไม่ได้เลย

ถ้าอิเหนาเป็นคนดีจริงๆ ก็ไม่อะไรหรอก นี่อยากให้อิเหนาหลงรักจรกาให้มากๆ  แล้วจรกาก็ยึดมั่นในการรักบุษบาต่อไปนานๆเลย

ให้สมกับไปแย่งของรักเขามา เชอะ  :z6: ทีมจรกาค่ะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 13★อิเหนาคาเฟ่[8.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 09-05-2018 09:52:01
อิเหนาจะปล้ำจรกา 

 :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 13★อิเหนาคาเฟ่[8.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 09-05-2018 09:53:42
ก็คาดว่าน่าจะโดนถีบเหมือนคราวก่อนโน้น ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 13★อิเหนาคาเฟ่[8.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 09-05-2018 10:00:38
อ่านทันแล้วเย้ อย่าเทเค้านะไรท์ 555+
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 13★อิเหนาคาเฟ่[8.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 10-05-2018 01:10:59
Chapter 14: ใจอิเหนาเป็นของจรกา

“ห้ามพี่สิ...จิระ”

เสียงของพี่อินทร์แหบแห้ง ฟังดูเหมือนเขากำลังพยายามใช้ความอดทนอย่างยิ่งยวดอยู่ ผมเองก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่พูดอะไรออกไป ทั้งที่ควรจะห้ามเขาอย่างที่เขาบอก แต่ลำคอกลับตีบตัน พูดอะไรไม่ออกสักคำ

ไม่ใช่ตกใจจนพูดไม่ออก แต่...

แต่อะไร ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้เพียงแค่ว่าในใจตอนนี้สับสนเป็นอย่างมาก ความรู้สึกมากมายแล่นผ่านเข้ามาตีกับความผิดชอบชั่วดีต่างๆ ในสมองจนยุ่งเหยิงไปหมด

ผมมีใจให้บุษบาและสาบานต่อสวรรค์ไว้แล้วว่าจะรักมั่นสืบไป ชาตินี้ไม่ว่าอย่างไรก็จะครองคู่ให้จงได้ แต่...พอได้เห็นหน้าอิเหนาที่นอนอยู่ข้างๆ ผมในชาตินี้ แวบหนึ่งผมก็ลืมบุษบาไปเสียหมดสิ้น

ในสายตาของผมตอนนี้มีแต่อิเหนาเท่านั้น...

ผมกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่ความหวั่นไหวชั่วขณะออกไป ผมจะตระบัดสัตย์ ผิดคำสาบานเพราะหวั่นไหวกับเสน่ห์ของอิเหนาไม่ได้

หากแต่ก็ไม่เป็นผลสักเท่าไรนักเมื่อพี่อินทร์เอื้อมมือมาประคองซีกหน้าของผมไว้ ก่อนจะจูบพรมลงมาบนริมฝีปาก ผละออกมาได้ก็คลอเคลียอย่างอ้อยอิ่ง

“จิระ...ห้ามพี่...”

เขากระซิบเสียงพร่ามาอีกครั้ง และใช่ ผมควรห้าม ควรบอกให้เขาหยุดเดี๋ยวนี้ ทว่าผมก็ทำได้แต่จ้องมองเขาผ่านความมืด ไร้ซึ่งเสียงใดๆ เล็ดลอดออกจากลำคอ มีแต่เสียงหัวใจที่เต้นเร็วแรงเท่านั้นที่ดังมาให้ได้ยิน

ผม...

ผมอยากให้เขาสัมผัสมากกว่านี้

อยากให้เข้าใกล้มากกว่านี้

อยากให้เขา... หลงใหลผมมากกว่านี้

เหมือนเป็นการแก้แค้นที่ทำให้อิเหนามาหลงรูปผมได้ สมองบอกกับผมว่ามันสมควรแล้ว เพราะหลังจากนั้นผมจะได้หาโอกาสหักอกเขาอีกที ถ้าทำได้ มันจะเป็นเรื่องที่ชวนให้สะใจที่สุด แต่หัวใจกลับบอกกับผมว่า...จริงๆ แล้วผมไม่ได้อยากจะแก้แค้นอะไรเขาหรอก ผมแค่อยากให้เขาทำอะไรก็ได้ที่เขาอยากทำกับผมเท่านั้น

ผมอยากให้เขาทำ...

สุดท้ายก็เลยนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไป ทว่าแวบหนึ่งก็เหมือนพี่อินทร์จะรู้สึกตัว เขาลุกพรวดพราดไปเปิดไฟ ยืนลูบหน้าลูบตา สบถอะไรบางอย่างที่ผมจับใจความไม่ได้ออกมา แต่ท่าทางนั้นก็ทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังพยายามที่จะระงับความต้องการของตัวเองอยู่

ผมดันตัวขึ้นนั่ง ยังคงสับสนกับความรู้สึกของตัวเองเหมือนกัน ไม่แน่ใจว่าจะทำยังไงต่อจากนี้ดี ก่อนจะออกปากเรียกเขา

“พี่อินทร์...”

พี่อินทร์ชะงัก ปรายตามองผมพลางอมยิ้ม “ครับ?”

ผมก็ไม่รู้ทำไมถึงเรียกเขาเหมือนกัน พอเขาขานรับก็ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น พี่อินทร์เลยเดินกลับมาทรุดตัวลงนั่งบนเตียงตรงหน้าผม คลี่ยิ้มพร้อมกับถามเสียงอ่อน

“เรียกพี่ทำไมเหรอจิ”

ผมไม่ได้ตอบ ได้แต่มองหน้าเขาหลุกหลิก สถานการณ์แบบนี้ก็ชวนให้อิหลักอิเหลื่อดีเหมือนกัน ขณะที่พี่อินทร์หัวเราะออกมาน้อยๆ

“ทำหน้ากระรอกใส่พี่แบบนี้ พี่จะทนไม่ไหวเอานะ”

ผมพูดได้ไหมล่ะว่า ‘ถ้าทนไม่ไหวก็ไม่ต้องทน’ น่ะ ตอนนี้เหมือนจิตใต้สำนึกของผมกำลังบังคับผมอย่างเต็มที่เหมือนกันว่าให้ยุติสถานการณ์อย่างนี้ได้แล้ว ภาพใบหน้าของบุษบาในชาติก่อนกับใบหน้าของพี่บุศย์ฉายวาบเข้ามาในหัวสลับกันไปมาเต็มไปหมด ราวกับกำลังตอกย้ำให้ผมตระหนักไว้

ผมรักบุษบา...

ผมรักพี่บุศย์...

ชาตินี้ยังไงก็จะต้องครองคู่กับเขา...

แต่ทว่าพอพี่อินทร์คว้ามือผมไปจับพลางกระซิบเสียงพร่า

“บอกให้พี่หยุดสิจิ ไม่งั้นพี่ทนไม่ไหวแล้ว”

จากนั้นก็ยกมือผมขึ้นไปจูบที่หลังมืออย่างแผ่วเบา เท่านั้นภาพสับสนต่างๆ ในหัวผมก็มลายหายไปทันที มีแต่ภาพใบหน้าของพี่อินทร์ที่ปรากฏให้เห็นอยู่ตรงหน้า พร้อมๆ กับความวูบไหวบางอย่างที่แล่นพล่านไปทั่วช่องท้องเมื่อเขาอ้าปากงับเอาปลายนิ้วชี้ของผมเข้าไปดูดดุนเบาๆ สลับกับใช้ปลายลิ้นชุ่มชื้นไล้เลียไปตามซอกนิ้วและฝ่ามือ

ผะ...ผม...

ผมก็จะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน!

“ถ้าจิไม่อยากให้พี่ทำ พี่หยุดก็ได้นะ”

ทำอย่างนั้นได้ครู่หนึ่ง พี่อินทร์ก็ถามออกมาอีก ท่าทางเขาก็คงจะต่อสู้กับความรู้สึกและความผิดชอบชั่วดีของตัวเองอยู่เหมือนกันถึงได้ทำๆ หยุดๆ แบบนี้ ผมมองหน้าเขาที่จับจ้องผมอยู่ ในหัวคิดถึงความถูกต้องต่างๆ นานาขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งเรื่องที่จรกาเกลียดชังอิเหนา ทั้งเรื่องที่เขารวมหัวกับพวกเพื่อนๆ กลั่นแกล้งผมตั้งแต่ชาติปางก่อนจนผมเจ็บแค้นเจียนตาย ไหนจะเรื่องที่แย่งชิงบุษบาไปจากผมอีก มันไม่ควรจะเป็นเรื่องที่น่าให้อภัยได้เลย แต่ทว่า...ผมไม่สามารถบังคับความรู้สึกตัวเองได้อีกแล้ว

ยิ่งดวงตาสีเข้มจ้องมองผมอย่างลึกล้ำมากเท่าไร ผมก็ยิ่งด่ำดิ่งลงสู่ห้วงเสน่หาของผู้ชายตรงหน้า พลันความรู้สึกหนึ่งก็พร่างพรายขึ้นมาบีบคั้นให้ผมต้องยอมรับความรู้สึกนั้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

ผมชอบเขา...

ผมชอบพี่อินทร์... ใช่ คนที่เป็นอิเหนากลับชาติมาเกิดนี่แหละ

ชอบจัง...ชอบมากๆ

ชอบจนทนไม่ไหวแล้ว!

และพอเขาถามมาอีก...

“ว่าไง อยากให้พี่หยุดไหม”

ผมก็ส่ายหน้าพรืด ไม่ใช่ลืมตัวด้วย แต่เป็นการตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะยอมวางทิฐิลงในวินาทีนี้แล้ว

ก็ผมชอบเขาเข้าให้แล้ว จะให้ผมฝืนใจตัวเองได้ยังไงอีกล่ะ ถึงตลอดมาจะรำคาญที่เขาแกล้ง แต่พอคิดว่าถ้าเขาทำตัวเฉยชาอย่างที่เคยทำในวันนั้น ผมก็คงทนไม่ไหว เป็นแบบนี้แล้วจะไม่ให้บอกว่าไม่ชอบพี่อินทร์ได้ยังไง

ผมชอบพี่อินทร์จะตายอยู่แล้ว...

ฉับพลันรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาทันที

“จิระ...” จากนั้นก็ถลามารวบร่างผมไปกอดไว้ในอ้อมแขนแน่น กระซิบเสียงแผ่วอยู่ข้างหู “ใจของพี่เป็นของจิหมดแล้ว”

พอเขาผละออกมามองหน้าผม ดวงตาของเขาก็พราวระยับราวกับว่ามีความสุขมาก ก่อนที่เขาจะพูดในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดขึ้นมา

“พี่รักจินะครับ”

พี่อินทร์...

จิก็...

ยังไม่ทันจะได้คิดจบ ริมฝีปากของผมก็ถูกฉกฉวยไปครอบครองอีกครั้ง จูบของเขาในครั้งนี้ร้อนแรงและดุดัน ราวกับว่าเขาจะกลืนกินผมเข้าไปทั้งตัวยังไงยังงั้นแหละ ผมก็ไม่ห้ามหรอก ได้แต่นั่งตัวแข็ง มือทั้งสองข้างไม่รู้ว่าจะเอาไปวางไว้ตรงไหน พี่อินทร์เหมือนรู้ก็เลยดึงไปโอบรอบคอเขาเอาไว้ ปล่อยริมฝีปากผมให้เป็นอิสระเล็กน้อย ถามด้วยเสียงกระซิบ

“ตกลงไม่ห้ามจริงๆ นะ?”

เหมือนเขาจะยังไม่แน่ใจ ผมเลยพยักหน้าให้อีกที เท่านั้นเขาก็ยิ้มกว้าง

“งั้นพี่หยุดไม่ได้แล้วนะจิระ”

หยุดไม่ได้ก็...ไม่เป็นไร

ใช่ คิดว่างั้นนะ แต่ดูเหมือนจะคิดผิดเมื่อพี่อินทร์จูบผมอีกครั้ง ละเลียดขบเม้มกลีบปากหนักหน่วงและแผ่วเบาสลับกันไปมา ขณะเดียวกันก็ค่อยๆ เอนตัวผมให้ลงนอนราบบนเตียง หัวสมองของผมตื้อตันไปหมดเมื่อปลายลิ้นอ่อนนุ่มสอดแทรกเข้ามาเกี่ยวกระหวัดข้างในโพรงปาก

รสจูบของเขา...หวาน

มันหวานมากจนทำให้ผมเผลอไผลปล่อยตัวปล่อยใจให้ทุกอย่างดำเนินไปตามธรรมชาติ

เสื้อยืดที่สวมอยู่ถูกถลกขึ้น ฝ่ามือสากและอุ่นร้อนค่อยๆ ลูบจากหน้าท้องไล่ขึ้นไปยังแผ่นอก ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อศูนย์รวมความอ่อนไหวถูกปลายเล็บคมสะกิด พอผมส่งเสียง...

“อ๊ะ...”

พี่อินทร์ก็เหลือบมองหน้าผมพลางยิ้มเผล่

“ไม่ต้องกังวลนะ พี่จะอ่อนโยน”

ผม...ผมว่าผมรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ผมไม่ได้คิดจะให้มันไปไกลถึงขั้นนั้นหรอก แต่กับพี่อินทร์คงไม่แน่ เพราะทันทีที่สิ้นเสียง เขาก็จูบพรมไปทั่วใบหน้า ใบหู ไล่ต่ำลงมายังลำคอ และไปจบที่ตุ่มไตบนหน้าอกข้างหนึ่ง

ผมสะดุ้งเฮือกอีกครั้ง มือที่ถูกพี่อินทร์จับให้โอบรอบคอเขาไว้คลายออก ตอนนี้กลายเป็นว่าผมกำผ้าปูที่นอนหรือไม่ก็ผ้าห่มแน่นไปแล้ว ยิ่งถูกปลายลิ้นไล้วนยั่วเย้า ผมก็แทบจะทนไม่ไหว ร้องเรียกเขาเสียงกระเส่าด้วยความผวา

“พะ...พี่อินทร์...”

เขาคงรู้ว่าผมกลัวอะไร พี่อินทร์ถอนริมฝีปากออกมา จูบที่หน้าผากผมแผ่วเบา

“ไม่ต้องกลัวนะจิ พี่จะไม่ทำให้จิเจ็บ”

เรื่องนั้นผมรู้ แต่ผมว่าผมไม่พร้อมมากกว่า

เกิดจะเปลี่ยนใจอยากให้เขาหยุดขึ้นมาในตอนนี้ แต่พอสบตาเขาแล้ว ผมก็ต้องนิ่งงันไปอีกครั้ง

สายตาของเขา...กำลังบอกว่ารักผมมากแค่ไหน แต่มันคงไม่พอที่จะทำให้ผมเชื่อล่ะมั้ง พี่อินทร์เลยพูดออกมาอีก

“พี่รักจิระนะครับ”

ผม...

ผมว่าผมก็รักเขา...

สิ้นเสียง พี่อินทร์ก็เริ่มทุกอย่างใหม่อีกครั้ง ความหวามไหวจากปลายลิ้นและฝ่ามือของเขาทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเองในอีกไม่กี่อึดใจให้หลัง ร่างกายบิดเร่า กระตุกเฮือกตอบรับการสัมผัสอย่างไม่อาจควบคุม

กางเกงของผมถูกดึงออกไปกองอยู่ที่ข้อเท้าแล้ว ผมเหลือบมองสภาพของตัวเองในตอนนี้ก็พลันร้อนวูบที่ใบหน้าขึ้นมา ยิ่งพี่อินทร์ซึ่งคร่อมอยู่เหนือร่างผมจับจ้องร่างกายเปล่าเปลือยไม่วางตา ผมก็ยิ่งร้อนผะผ่าวที่ใบหน้ามากขึ้นไปใหญ่

“น่ารัก”

เขาว่าออกมาคำเดียวแล้วก็ยิ้มล้อเลียนผมน้อยๆ สายตาของเขาในตอนนี้โคตรจะเจ้าเล่ห์เลย ผมก็เลยบิดตัวหนีเล็กน้อย ทว่าก็ต้องถูกรั้งเอาไว้เมื่อพี่อินทร์ยึดสะโพกผมไว้แน่น

จากนั้น...ทุกอย่างก็เหมือนจะปั่นป่วนไปหมด

ริมฝีปากหยักหนาจูบละเรื่อยลงมายังหน้าท้อง ก่อนค่อยๆ ลงต่ำไปยังจุดศูนย์รวมความรู้สึกทั้งหมด ผมขยับตัวหนีเมื่อความวูบวาบบางอย่างแล่นพล่านเข้ามาที่ช่องท้องระลอกใหญ่ แต่ก็ไม่เป็นผลสักเท่าไรนักเมื่อพี่อินทร์ยึดสะโพกผมไว้มั่น ตอนนี้เองที่ผมหลุดส่งเสียงประหลาดออกมา ไม่รู้หรอกว่าตัวเองส่งเสียงแบบไหนบ้าง รู้เพียงแต่เรียกชื่อเขาไม่หยุด

“พะ...พี่อินทร์... พี่อินทร์...”

เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผ่านไปครู่หนึ่ง ผมก็กระตุกเฮือกพร้อมกับวาบหวามอย่างรุนแรง เสียงหายใจหอบหนักหลุดออกจากปากพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลรินออกจากหางตาโดยไม่รู้ตัว

พี่อินทร์ยังคงง่วนอยู่ตรงหน้าขาผมอีกครู่ ส่วนผมก็รีบตั้งสติเพื่อรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในลำดับต่อไป

มันจะต้องเป็นเรื่องอย่างนั้นอยู่แล้ว มาถึงขั้นนี้แล้ว อิเหนาอย่างพี่อินทร์จะปล่อยให้หลุดมือไปเหรอ

แต่ทว่า...ผมคิดผิดเมื่อพี่อินทร์ขยับกายขึ้นมาหยักยิ้มอยู่ตรงหน้าผม

“จิระ...”

“คะ...ครับ”

“พี่อยากให้จิจำเอาไว้อย่างนึง”

“...”

“หัวใจของพี่...เป็นของจิหมดแล้ว”

ผมนิ่งงัน ทำอะไรไม่ถูก ทำหน้าก็ไม่ถูก มีแต่พี่อินทร์เท่านั้นที่ยิ้มกว้างออกมา พลันจูบผมที่ริมฝีปาก เลื่อนไปที่ใบหน้า ใบหู และลำคอ จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ตระกองกอดและวนเวียนพรมจูบอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ผมงุนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ครู่หนึ่ง

“พะ...พี่อินทร์ครับ”

พอร้องเรียก เขาก็ชะงักไปเล็กน้อย “หืม?”

“คือว่า...” ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะถามดีไหม แต่พอสถานการณ์มันผิดจากที่ผมคิดไป ผมก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ “พี่อินทร์จะไม่...เอ่อ...”

‘ไม่ทำมากกว่านี้เหรอ’ ไอ้นี่แหละที่ผมจะถาม ไม่ใช่ว่าผมอยากให้เขาทำนะ แต่รู้สึกว่ามันไม่น่าจบแค่นี้เฉยๆ สำหรับอิเหนาน่ะ

ถึงผมจะพูดไม่จบ แต่พี่อินทร์ก็เข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร เขาหัวเราะ ยื่นมือมาบิดปลายจมูกผมเล็กน้อย

“อยากให้พี่ทำต่อเหรอ”

ผมเม้มริมฝีปากแน่น ไม่รู้ว่าควรตอบแบบไหน

อยาก... ไม่ๆ ไม่อยาก ต้องไม่อยากสิ!

“เอาไว้จิชอบพี่เมื่อไร ค่อยทำมากกว่านี้เนอะ”

ผมพยักหน้า ในใจก็นึกว่าเรื่องคงจะจบแค่นี้แล้ว แต่ทว่า...พี่อินทร์ก็ถามอีก

“แล้ว...จิชอบพี่ไหมครับ”

กระซิบมาข้างหู สีหน้าก็ทั้งทะเล้น ทั้งจริงจังในคราวเดียวกัน ผมใจเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง ลังเลอยู่เหมือนกันว่าควรจะตอบไปว่ายังไง

ต้องบอกว่าไม่... ผมรักบุษบาๆๆๆ

เป็นการสะกดจิตตัวเองที่โคตรจะโง่เง่าเลย เพราะจริงๆ แล้วใจของผมตอนนี้มีแต่คนตรงหน้ามากกว่า แพอเห็นผมไม่ยอมพูดสักที พี่อินทร์ก็ทำหน้าตาเหมือนเสียใจ ว่าด้วยน้ำเสียงจ๋อยๆ

“ถ้าจิไม่ได้ชอบพี่ พี่ก็ขอโทษนะที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ต่อไปนี้พี่จะไม่โดนตัวจิอีกแล้ว”

ไม่พูดเปล่า คลายอ้อมกอดด้วย ผมมองตามก็เห็นว่าเขาพลิกตัวไปอีกทาง หันหลังให้ผมเสียอย่างนั้น ถึงจะดูรู้ว่าเขาแกล้ง แต่พอคิดว่าถ้าหากเขาทำตัวเฉยชาใส่ผมเหมือนครั้งนั้นอีก ผมคงทนไม่ได้ ก็เลยเผลอตัวโพล่งออกไปทันควัน

“ชอบครับชอบ จิชอบ!”

พี่อินทร์หันมามอง มีรอยยิ้มผุดพรายที่มุมปาก “ชอบอะไรหืม?”

ตอนนี้สีหน้าดูโคตรเจ้าเล่ห์เลย ผมหมั่นไส้ขึ้นมาน้อยๆ พอไม่ยอมตอบ เขาก็ขยับเข้าหา ถามด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า

“ว่าไงคนดี ชอบอะไรหืม บอกพี่ให้ชัดๆ หน่อย”

ไม่บอก...ผมไม่บอก

พี่อินทร์ก็เลยวางมือลงบนหน้าอกผม ลูบไล้แผ่วเบาตัดผ่านยอดอกให้ผมได้สะดุ้งนิดๆ

“ชอบให้พี่แกล้งตรงนี้” จากนั้นก็เลื่อนมือลงไปที่ท้องน้อย ว่าด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “หรือตรง...”

ผมรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร ถึงจะยอมให้เขาแตะเนื้อต้องตัวไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะทำใจให้ชินให้เขาต่ออีกรอบได้หรอกนะ มันน่าอายนะเว้ย!

ผมรีบตะครุบมือเขาไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะโพล่งออกไปเพราะกลัวว่าจะถูกแกล้งอีก

“ชอบพี่อินทร์ครับ! จิชอบพี่อินทร์!”

เท่านั้นผมก็ตกหลุมพรางที่เขาขุดไว้อย่างจังเลย เพราะพอสิ้นเสียงผม พี่อินทร์ก็หยักยิ้มกว้างออกมา

“บอกอย่างนี้แต่แรกก็สิ้นเรื่องแล้ว” พลันก็รวบผมไปกอดแน่น กระซิบข้างหู “นึกว่าพี่จะต้องใช้กำลังอีกรอบซะแล้ว”

ใช้กำลังยังไง ไม่ต้องให้เขาบอก ผมก็รู้ ตอนนี้มันโคตรจะหน้าอายเลย

ไอ้อิเหนา! ไอ้คนเจ้าเล่ห์! จะชาติไหนๆ ก็วางกับดักให้ผมติดกับได้เสมอเลย!

“ในเมื่อชอบพี่แล้ว จิอยากเป็นแฟนพี่ไหม”

พอได้คำตอบที่ต้องการ เขาก็ถามมใหม่ คำถามนี้...บอกตรงๆ ว่าผมก็ยังไม่ได้คิดเลย มันกะทันหันไปหน่อย ผมคิดไม่ออกหรอก

“จิ...”

“จิทำไม”

“จิ...”

...ไม่รู้สิ สองจิตสองใจ ถึงจะชอบเขาแต่ก็ยอมรับตามตรงว่าผมยังสับสนอยู่ ตลอดมาผมคิดว่าตัวเองรักบุษบามาโดยตลอดก็เลยฝังใจกับพี่บุศย์คนเดียวเท่านั้น ทว่าพอบางอย่างมันเปลี่ยนไป ผมก็อยากได้เวลาคิดทบทวนอะไรๆ สักหน่อย

“จิยังไม่ต้องตัดสินใจตอนนี้ก็ได้”

เขาว่าเมื่อเห็นผมอึกๆ อักๆ พอผมมองหน้า พี่อินทร์ก็จูบลงมาที่ริมฝีปาก

“เพราะจิมีเวลาคิดทั้งคืน...”

มีเวลาคิดทั้งคืน... ผมว่าคงไม่ได้เป็นการนอนคิดเฉยๆ แน่ เพราะตอนนี้พี่อินทร์พลิกตัวมาคร่อมร่างผมไว้อีกครั้งแล้ว และดูท่าทางคงจะต้องมีเรื่องน่าอายเกิดขึ้นอีกรอบ...ไม่สิ หลายรอบแน่ๆ ดูพี่อินทร์คึกคักประหนึ่งดีดยาตัวไหนมาสักตัวยังไงก็ไม่รู้

ใจของอิเหนาเป็นของจรกา แต่จรกาเองก็พลาดท่าเสียทีให้อิเหนาเข้าอย่างจังแล้วล่ะ...

 

[Intara’s Part]

ผมนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน...

ไม่ใช่เพราะนอนกับจิระแล้วนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะมีความสุขมากจนข่มตานอนไม่ลงเลยต่างหาก เพราะหลังจากที่ผมเผลอไปล่วงเกินจิระเข้า ทุกอย่างก็เหมือนจะเป็นการบีบบังคับให้เขาต้องเปิดเผยความรู้สึกตัวเอง และแน่นอน... จิระชอบผม

คิดถึงตอนใบหน้าจิ้มลิ้มนั่นบอกว่า ‘จิชอบพี่อินทร์’ แล้ว ผมก็ยังหุบยิ้มไม่ได้เลยจนถึงตอนนี้

อย่าว่าแต่หุบยิ้มไม่ได้เลย หยุดที่จะหยอกล้อกับร่างกายของเจ้ากระรอกน้อยนั่นไม่ได้ด้วย ไม่รู้กี่ครั้งเหมือนกันที่ผมทำเขาเกือบร้องไห้ มันช่วยไม่ได้ เห็นหน้าตาน่ารักนั่นแดงเรื่อเพราะเลือดสูบฉีดจากการกลั่นแกล้งของผมแล้ว มันก็มันเขี้ยวนี่นา ไปหยุดได้ก็ตอนที่เขาผล็อยหลับไปขณะที่กำลังถูกผมแกล้งอยู่นั่นแหละ

ถึงมันจะชวนให้อารมณ์เสียระคนเสียดายอยู่บ้างก็เถอะ แต่ผมก็มีความสุขล่ะนะที่เราใจตรงกันแบบนี้

แค่จิระบอกว่าชอบผม ต่อให้เราไม่ได้ทำอะไรกันไปมากกว่านี้ ผมก็กระอักความสุขจะตายอยู่แล้ว!

กระอักความสุข อิ่มอกอิ่มใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าอิ่มท้อง เพราะนอนไม่หลับ และก็เห็นว่าเช้าแล้ว ผมเลยปล่อยให้จิระนอนอยู่ในห้อง ส่วนตัวเองก็ออกมาหาอะไรกิน บ้านของไอ้บุศย์ก็เหมือนบ้านผมเพราะผมมาบ่อย อันที่จริงผมกับมันรู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็กแล้ว แต่จิระไม่รู้ ที่รู้จักกันก็ไม่มีอะไรมาก แค่ครอบครัวของเราสองคนเป็นหุ้นส่วนบริษัทแห่งหนึ่งด้วยกัน ผมกับมันเลยเลี่ยงที่จะเจอหน้ากันไม่ได้

แต่อะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้บุศย์ รีบหาอะไรกินแล้วรีบกลับไปนอนกกกระรอกน้อยของผมต่อดีกว่า

ผมเดินเข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นแล้วคว้าขวดนมมาเปิดดื่มก่อนเป็นอย่างแรก ระหว่างที่ดื่มๆ อยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงใครบางคนดังขึ้นจากทางด้านหลัง

“พี่อินทร์”

หันไปมองก็เห็นสรัลยืนกอดอกพิงขอบเคาน์เตอร์อยู่ ใกล้ๆ กันนั้นก็มีไอ้บุศย์ยืนกอดอกอยู่เช่นกัน ผมแสร้งทำเป็นไม่สนใจ กระดกขวดนมในมือขึ้นดื่มต่อ

“แน่ะๆ ทำเป็นเมิน เหมือนรู้ว่าน้องจะถามอะไร”

ผมดึงขวดนมออกจากปาก หันไปถามสรัลด้วยสีหน้าที่คิดว่าใสซื่อบริสุทธิ์สุดชีวิต

“ถามอะไร”

“ยังจะมาถามหนูคืนอีก”

“ก็พี่ไม่รู้ว่าแกจะถามอะไรนี่หว่า”

จริงๆ ผมว่าผมรู้นะ แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ ก่อนที่สรัลจะปรายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าพลางวิเคราะห์

“เสื้อไม่ใส่อย่างนี้ หัวเหอยุ่งเหยิง ที่หลังมีรอยเล็บข่วนนิดๆ...”

ผมเลิกคิ้ว พลันสรัลก็ถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า

“ตกลงได้ไม่ได้?”

นี่ไง ผิดจากที่ผมคิดเสียที่ไหน กะไว้อยู่แล้วว่ายัยเด็กนี่ต้องถามเรื่องนี้ แต่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะการที่สรัลมาอยู่ที่นี่ มันเป็นแผนที่เกิดจากความร่วมมือของพวกเรา

ใช่... ยอมรับตรงๆ เลยว่ามันเป็นแผน ไอ้บุศย์มันรู้ว่าผมชอบน้องรหัสมัน มันก็เลยจัดฉากช่วยให้ผมได้เจอกับจิระบ่อยๆ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นผลเท่าไรด้วยทั้งผมทั้งมันรู้ว่าจิระชอบใคร และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมต้องทำตัวบ้าๆ บอๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ

เออ เป็นวิธีที่โง่ ผมรู้ แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้น จิระจะสนใจผมไหมล่ะ ไม่ใช่ว่ามีหน้าตาหล่ออย่างเดียวแล้วจะมัดใจใครต่อใครได้สักหน่อย

ซึ่ง...ก็ไม่ค่อยเป็นผลอยู่ดี เพราะนอกจากจะไม่ทำให้จิระสนใจแล้ว ยังจะทำให้เกลียดขี้หน้าผมไปอีก ตอนได้ยินเขาบอกว่าชอบไอ้บุศย์นะ ผมแทบอยากจะปรี่ไปชกหน้ารูมเมตตัวเองเลย แต่สุดท้ายก็ได้สรัลมาช่วยอีกแรง ส่วนการที่ไอ้บุศย์ชวนไปกินหมูกระทะแล้วมาต่อที่บ้านมันจนเลยเถิดมาถึงขั้นนอนค้างน่ะเหรอ?... ใช่แล้วล่ะ มันเป็นแผน แต่เป็นแผนที่ได้ผลลัพธ์ดีงามนะ

“เอ้า ว่าไงพี่อินทร์ อยากรู้จนตัวสั่นแล้วเนี่ย รีบบอกมาเร็ว”

สรัลว่าขึ้นอีกครั้ง สีหน้าท่าทางอยากรู้อยากเห็นสุดๆ จริงๆ ผมเลยตอบไปตามตรง

“ไม่ได้”

เท่านั้นสรัลก็ส่งเสียงออกมาอย่างเสียดาย

“เอ้า อะไรวะ โธ่”

ผมรอให้เสียงนั้นเงียบครู่หนึ่ง จากนั้นถึงได้ว่าเสริม

“แต่ก็แจ่มแมวอยู่”

สิ้นเสียง สรัลก็ยิ้มร่าออกมาทันที ชี้หน้าผม ทำท่าทางล้อเลียนเป็นการใหญ่

“ฮั่นแน่ ก็จัดว่าเด็ดอยู่ล่ะสินะ พี่อินทร์แม่งกั๊กว่ะ เล่นตัวนะ กว่าจะบอกได้ สงสัยต้องเรียกค่าสินสอดน้องรหัสแพงๆ แล้วล่ะพี่บุศย์”

ไอ้บุศย์หัวเราะ สีหน้าเคร่งเครียดของมันดูผ่อนคลายขึ้นทันตาเห็น

“ลีลาฉิบหายกว่าจะบอกได้ กูก็ลุ้นไปเถอะ”

ผมขำกับท่าทางของมัน ก่อนจะยิ้มให้ทั้งคู่

“ระดับนี้แล้ว จะปล่อยให้พลาดเหรอ”

สรัลถึงกับเบ้หน้าออกมาทันที

“จ้า รู้แล้วจ้าว่าเป็นใคร พ่อคนเสน่ห์แรง”

ผมหัวเราะน้อยๆ วางขวดนมที่ดื่มไปเกือบครึ่งลงแล้วว่าออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เรื่องทั้งหมดเนี่ย กูขอบใจมึงมากไอ้บุศย์ แกด้วยสรัล พี่ขอบใจมาก”

ทั้งคู่พยักหน้ารับ เหมือนบทสนทนาทั้งหมดน่าจะยุติกันเพียงแค่นี้ แต่ทว่าไอ้บุศย์กลับมีข้อสงสัยขึ้นมา

“แล้วมึงจะเอาไงต่อหลังจากนี้”

“ก็ไม่เอาไง กูก็จะขอจิเป็นแฟน”

มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว บอกว่าชอบผมแล้วนี่ แค่นี้ก็เท่ากับว่าทางสะดวก

แต่ทว่า...เอาไงต่อในความหมายของไอ้บุศย์มันไม่ใช่เรื่องนั้น กลับเป็นเรื่องอื่น

“กูหมายถึง...มึงจะบอกให้จิรู้ไหม”

“รู้เรื่อง?”

“เรื่องนั้นน่ะ”

ผมมองหน้าไอ้บุศย์นิ่ง สรัลเองก็นิ่งไปเหมือนกัน ไม่ต้องมีใครพูดก็ราวกับรู้ว่ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนบอกออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

“เหยียบไว้ให้มิด เรื่องนี้จะเป็นเรื่องเดียวที่จิรู้ไม่ได้”

“แต่ว่า...”

สรัลทำท่าจะพูด ทว่าผมก็แย้งขึ้นมาแล้ว

“ยังไงก็ให้รู้ไม่ได้เด็ดขาด ขอล่ะ อย่าบอก”

ไอ้บุศย์กับสรัลมองหน้ากัน ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียงราวกับว่ายอมจำนนในการตัดสินใจของผม

“เฮ้อ ช่วยไม่ได้ แล้วแต่ละกัน”

สรัลว่าอย่างนั้น ไอ้บุศย์ก็ไม่พูดอะไรต่อ พยักหน้ารับแล้วเบี่ยงไปพูดเรื่องอื่น

“จิตื่นแล้วก็พามากินข้าวนะ แม่บ้านเตรียมไว้ให้แล้ว อยู่ที่ห้องนั่งเล่น”

ผมพยักหน้ารับ มองสองคนนั้นเดินออกไป ก่อนจะระบายลมหายใจกับตัวเอง

มีแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียวจริงๆ ที่บอกจิระไม่ได้ ต่อให้ผมรักเขามากเท่าไร เรื่องนั้นก็บอกไม่ได้เด็ดขาด...

---------------------------

วันนี้มาดึกนิดนึงค่ะ เพิ่งคุยงานเสร็จ เพิ่งเขียนเสร็จด้วย โฮรววว งานเยอะมากวันนี้

ตอนนี้พี่อินทร์ไม่นกจ้า ถึงจะแค่ภายนอกก็ถือว่าไม่นกนะ 555

ตัวอย่างตอนหน้าเจอกันพรุ่งนี้เน้อ วันนี้หนีไปนอนแหล่ว ไม่ทำอะไรละจ้า คร่อกกก

ฝากฟีดแบ็กไว้ด้วยนะคะ ^^

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 14★ใจอิเหนาเป็นของจรกา[10.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-05-2018 02:17:44
ปริศนาอะไรคะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 14★ใจอิเหนาเป็นของจรกา[10.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-05-2018 02:30:24
นี่ อย่าบอกนะว่า ความสามารถพิเศษที่ติดตัวหนูจิมา มันใช้ได้หมดกับทุกคนที่ชาติที่แล้วอยู่ในเรื่องอิเหนา  o22
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 14★ใจอิเหนาเป็นของจรกา[10.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 10-05-2018 04:14:06
พี่อินทร์กับทุกคน ก็รู้อดีตชาติหมดเหรอ ยังไงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 14★ใจอิเหนาเป็นของจรกา[10.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 10-05-2018 06:27:26
อะไรยังไง อยากรู้แล้ว
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 14★ใจอิเหนาเป็นของจรกา[10.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 10-05-2018 07:49:32
หืออออออ มีความลับอะไรกันเนี่ย?
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 14★ใจอิเหนาเป็นของจรกา[10.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-05-2018 08:37:23
เอ๊ะ!!ทำไมทุกคนดูมีความลับ :hao3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 14★ใจอิเหนาเป็นของจรกา[10.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 10-05-2018 08:38:08
 :hao3: :hao3: :hao3:
 :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 14★ใจอิเหนาเป็นของจรกา[10.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-05-2018 09:39:50
 :z1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 14★ใจอิเหนาเป็นของจรกา[10.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 10-05-2018 10:57:16
 :-[ :-[ แกล้งน้องทำไม
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 14★ใจอิเหนาเป็นของจรกา[10.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 10-05-2018 11:05:06
นั่นสิ ปริศนาอาราย
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 14★ใจอิเหนาเป็นของจรกา[10.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 10-05-2018 12:05:50
ความลับประมาณว่า ทุกคนก็ระลึกชาติได้รึเปล่าน๊าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 14★ใจอิเหนาเป็นของจรกา[10.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 10-05-2018 12:28:36
สนุกมากกกกก ชอบ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 14★ใจอิเหนาเป็นของจรกา[10.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 10-05-2018 12:39:16
โถ่ววว นี่ก็อุตส่าห์รอพี่อินทร์โดนถีบ ฮ่าๆๆ แล้วเรื่องอะไรที่บอกไม่ได้อะ อย่าบอกนะว่าพี่อินทร์ก็รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอิเหนาและจิเป็นจรกา
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 14★ใจอิเหนาเป็นของจรกา[10.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 10-05-2018 13:36:51
พี่อินทร์มีความลับ

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 14★ใจอิเหนาเป็นของจรกา[10.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 10-05-2018 17:07:25
มีคดีพลิกแน่ๆ หรือว่าอิเหนาชอบจรกาตั้งแต่ชาติที่แล้ว (ประมาณว่าชอบของแปลกไปอีก) เลยแกล้งได้แกล้งดี (เพราะลองรับด้วยทฤษฏีที่ว่าเด็กผู้ชายชอบแกล้งคนที่ตัวเองชอบ) หึหึ  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 14★ใจอิเหนาเป็นของจรกา[10.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-05-2018 19:07:27
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 14★ใจอิเหนาเป็นของจรกา[10.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 10-05-2018 20:12:24
โออ้ยยยยยยย อยากรู้ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 14★ใจอิเหนาเป็นของจรกา[10.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 11-05-2018 00:18:49
พี่อินทร์... ก็ความรักไม่ใช่ความลับถ้าอยากจะรักทำไมต้องปิด พี่ต้องเมกอิทแฮพเพ่นะคะ มีความลับอะไรคายออกมาเดี๋ยวนี้!!!
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 14★ใจอิเหนาเป็นของจรกา[10.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 11-05-2018 00:25:43
Chapter 15: เปล่งรัศมี

รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นพี่อินทร์อยู่ในห้อง ทว่าภาพความทรงจำที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็ประดังประเดเข้ามาในหัวผมเป็นการใหญ่ ผมไม่กล้าลุกออกจากเตียงด้วยไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไงตอนเจอหน้าพี่อินทร์

ก็จะให้ทำหน้ายังไงล่ะ เมื่อวานเผลอตัวเผลอใจให้เขาล้วงเขาจับตั้งหลายครั้งอย่างนั้นน่ะ!

คิดแล้วก็ได้แต่ยกมือลูบหน้าพลางก่นด่าตัวเองเป็นพัลวัน

จรกาเอ๊ยจรกา ทำไมอยู่ดีๆ มันถึงได้กลับตาลปัตรมามีใจปฏิพัทธ์กับอิเหนาได้เนี่ย

รู้ตัวนะว่าผิดคำสาบานที่เคยลั่นไว้ก่อนตายเมื่อชาติที่แล้วว่าจะรักมั่นแต่น้องบุษบา แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดนี่หว่าว่าพอมาเกิดใหม่อีกชาติ ใจจะเปลี่ยนผันไปรักไปชอบคนอื่นแบบนี้ อะไรไม่ว่า ไอ้คนอื่นนั่นดันเป็นอิเหนาเสียด้วย

ตายไปคงได้ตกนรกหมกไหม้เป็นแน่แท้...

ระหว่างที่คิดวุ่นวายอยู่ จู่ๆ ประตูก็เปิดผางเข้ามา พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าเป็นพี่อินทร์ที่ยิ้มร่ามาทรุดตัวนั่งตรงหน้าผม

“ตื่นนานแล้วเหรอ”

สายตาที่มองผมกรุ้มกริ่มมาก ผมไม่กล้าสบตาเขาเลย ได้แต่กระชับผ้าห่มมาคลุมร่างกายเปล่าเปลือยของตัวเองแล้วพยักหน้า

“ครับ”

“หิวหรือยัง แม่บ้านไอ้บุศย์ทำอาหารเช้าไว้ให้แล้ว พี่จะได้พาไปกิน”

ผมรู้สึกดีนะที่เขาพยายามทำตัวปกติเพื่อไม่ให้สถานการณ์ระหว่างเราอึดอัด แต่ว่า...ผมทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้ไง เสื้อผ้าก็ไม่ได้ใส่แบบนี้ ทำตัวปกติไม่ได้!

“เอ่อ...พี่อินทร์ครับ”

“หืม?”

“เมื่อคืน...”

อยากจะพูดว่า ‘เมื่อคืนนี้ เรื่องระหว่างเรามันคืออะไร’ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป กลัวว่าเขาจะหาว่าผมสมยอมเขาเอง เรื่องมันถึงได้เลยเถิด แต่ทว่าพี่อินทร์ก็ยิ้มกว้างออกมาแล้วโพล่งแทรกเสียก่อน

“เมื่อคืนนี้พี่มีความสุขมาก” ผมมองหน้าเขาทันที ขณะที่พี่อินทร์ขยับมาใกล้ “จิไม่มีความสุขเหรอ”

ถามมาอย่างนี้ แล้วจะให้ผมอย่างไหนได้อีกล่ะนอกจากพยักหน้า และพอพยักหน้าไป พี่อินทร์ก็ถามเย้า

“ถ้าอย่างนั้น คำตอบล่ะ”

ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย “คำตอบอะไรครับ”

“ลืมแล้วเหรอ เมื่อคืนพี่ถามจิไงว่าอยากเป็นแฟนพี่ไหม”

ผมนึกขึ้นมาได้ในตอนนี้ จริงสินะ เมื่อคืนก่อนที่ผมจะผล็อยหลับไป เขาบอกว่ามีเวลาให้ผมคิดทั้งคืนว่าจะยอมตกลงเป็นแฟนเขาไหม เขาก็ถามอยู่หลายรอบเหมือนกัน แต่ใครมันจะไปคิดออกกันล่ะ พอจะคิด เขาก็จับตรงนั้นบ้าง จูบตรงนี้บ้าง ทำเอาผมปั่นป่วนไปหมดอย่างนั้น ใครมันจะไปคิดอะไรออก!

พอผมไม่ตอบ พี่อินทร์ก็ทำปากยื่น

“เมื่อคืนนี้ก็หลับหนีพี่ไปทีนึงแล้วนะ พี่รอคำตอบอยู่นะรู้ไหม”

เขาโคตรจะน่ารักเลย ปกติผมจะรำคาญเขานะถ้าเขาทำกระเง้ากระงอดแบบนี้ แต่พอมาถึงตอนนี้...ผมกลับชอบเสียอย่างนั้น

“ว่าไงจิระ อยากเป็นแฟนพี่ไหม”

“จิ...”

อยากสิอยาก มาถึงขั้นนี้ก็ต้องอยากอยู่แล้ว แต่ทว่าพอจะตอบรับไปก็ฉุกใจคิดขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง

คนตรงหน้าคืออิเหนา...

พลันภาพความทรงจำในอดีตชาติก็ผุดพราย รวมถึงภาพใบหน้าของบรรดาเมียๆ หลักของอิเหนาที่โผล่มาทีละคนๆ จนทำให้ผมต้องนิ่งงัน

มีเมียสิบคนอย่างนั้น ไหนจะเหล่าสนมน้อยใหญ่ พวกผู้ชายหน้าสวยที่กิ๊กกั๊กอีก เจ้าชู้เข้ากมลสันดาน แล้วชาตินี้จะไม่มีเหรอ!

ผมเลยล้มเลิกความคิดที่จะตอบตกลงเป็นแฟนเลย พลันมองหน้าเขาอย่างขุ่นข้อง

“มีอะไรเหรอจิ”

พี่อินทร์ก็คงจะรู้สึกเหมือนกันว่าผมเอะใจอะไรบางอย่างถึงได้ถาม

“จิกำลังคิดว่าทำไมหล่อๆ อย่างพี่อินทร์ถึงไม่มีแฟน”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็หัวเราะร่วน “ก็เพราะพี่รอจิตอบตกลงเป็นแฟนพี่อยู่ไง ทำไม ไม่เชื่อเหรอว่าพี่ไม่มีใคร”

ก็ต้องไม่เชื่ออยู่แล้ว เป็นอิเหนากลับชาติมาเกิด ไม่มีทางเลยที่จะไม่เจ้าชู้น่ะ

ทว่าพอผมไม่พูดอะไร เอาแต่มองหน้าเขา พี่อินทร์ก็ขยับเข้ามาสวมกอดผมเอาไว้ ก่อนที่จะว่าเสียงหวาน

“พี่ไม่มีใครจริงๆ ครับจิระ ถ้าจะมีแฟนก็อยากได้จินี่แหละ เป็นแฟนพี่เถอะนะครับ อย่าคิดอะไรมากเลย นะๆๆ”

อ้อนเสียจนผมแทบจะทนไม่ไหว ยิ่งสบสายตาเว้าวอนของเขาด้วยแล้ว ผมก็ใจอ่อนยวบขึ้นมาทันที

“พี่รักจินะครับ สารภาพไปหมดเปลือกแบบนี้แล้ว จิจะใจร้ายกับพี่ได้ลงคอเหรอ”

อ้อนได้ครั้งหนึ่งก็อ้อนมาอีก ผมเหลือบมองหน้าเขา ถามด้วยความไม่มั่นใจ

“พี่จิไม่มีใครจริงๆ เหรอครับ”

“อื้ม”

“ผู้หญิงก็ไม่มี?”

“ช่าย”

“ผู้ชายก็ไม่ได้กิ๊กกั๊กด้วย”

“ไม่มี้ ไม่มี มีแต่จิคนเดียว ไม่เคยรักใครเท่าจิร้า~”

ไม่ทันไรก็ทะเล้นทะลึ่งมาแล้ว ท่าทางของเขาน่ารักดี ยิ่งมาง้องอนให้ผมเชื่อใจเขาแบบนี้แล้ว ผมก็ยิ่งใจอ่อนมากขึ้นไปใหญ่

ก็ไม่แน่นะว่าชาตินี้ เขาอาจจะไม่ได้เอากมลสันดานเดิมมาใช้ก็เป็นได้ บางทีผมอาจจะคิดมากไปเอง

“แล้วตกลงจิอยากเป็นแฟนพี่ไหม”

เขาถามออกมาอีกแล้วเมื่อเห็นว่าผมไม่ตัดสินใจสักที ผมสบสายตาเขาแล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดไปตามตรง

“ก็...อยากครับ”

“แล้วมัวลังเลอะไรอยู่หืม? ไม่ตอบรับพี่สักที”

“จิแค่อยากมั่นใจว่าพี่อินทร์ไม่มีใครมาก่อนก็แค่นั้น”

เรื่องนี้สำคัญ ถึงผมจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยเหมือนผู้หญินะ ใครมันอยากจะไปแย่งของของคนอื่นกันล่ะ อีกอย่าง ผมก็ไม่อยากจะไปเป็นตัวสำรองของใครด้วย ถ้าจะรักกันล่ะก็ ขอให้รักแค่ผมคนเดียวดีกว่า

และพอผมพูดออกไปอย่างนี้ พี่อินทร์ก็ชูนิ้วขึ้นสามนิ้ว

“สาบานด้วยเกียรติของอินทราเลยครับ กระผมไม่มีใครมาก่อนแน่นอน คุณจิระเชื่อใจได้เลย”

ท่าทางแบบนี้น่ารักมากกก

ยอมแล้ว ยอมเชื่อก็ได้ ผมยิ้มกว้างออกมา พี่อินทร์ก็ถลาเข้ามากอดผมไว้แน่นอีกครั้ง

“เป็นแฟนกับพี่เถอะนะจิระ”

ปลายจมูกดอมดมที่ข้างแก้ม ถูไถคลอเคลียออดอ้อนอย่างกับแมวเหมียว ผมชอบนะที่เขาทำแบบนี้ เกือบจะตอบรับไปแล้วด้วย แต่ทว่า...

“พี่อินทร์!”

ปัง!

ประตูก็เปิดผางเข้ามาเสียก่อนพร้อมกับเสียงเรียกของใครบางคน ผมผลักพี่อินทร์ออกห่าง ถอยหลังกรูดไปจนติดเตียงด้วยนึกว่าเป็นพี่บุศย์หรือไม่ก็สรัล แต่ทว่าก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นว่าคนที่เปิดประตูเข้ามา แท้จริงแล้วคือ...

“อ้าว ศิลา กลับมาแล้วเหรอ”

ศิลา... เด็กผู้ชายอายุไม่น่าจะเกินสิบขวบ

“ศิกลับมาแล้ว~”

พอพี่อินทร์ทัก ศิลาก็โผเข้ากอดคอเขาอย่างสนิทสนม ปล่อยให้ผมมองด้วยความสงสัย จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อมีแสงสีทองสว่างวาบออกมาจากตัวของเด็กคนนั้นพร้อมกับภาพทับซ้อนในอดีตชาติ

ที่แท้ก็คือสียะตรา น้องชายของบุษบานั่นเอง!

หัวสมองประมวลผลทันที จำได้ขึ้นมารางๆ ว่าพี่บุศย์บอกว่าตัวเองมีน้อง แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นสียะตรากลับชาติมาเกิดอย่างที่เดาไว้เล่นๆ แบบนี้ อะไรไม่ว่า ชาตินี้ก็ดูสนิทสนมกับพี่อินทร์เหมือนชาติที่แล้วไม่มีผิดเพี้ยน

อย่าบอกนะว่าพี่อินทร์กับศิลาจะ...

เฮ้ย! ไม่ได้ๆ! คุกนะเว้ย!

“ศิ! พี่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้รออยู่ข้างนอกก่อน”

ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ เสียงของพี่บุศย์ก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของเขาที่ปรากฏอยู่หน้าประตู ผมรีบกระชับผ้าห่มให้คลุมร่างตัวเองไว้มั่น ก่อนที่จะมองหน้าพี่บุศย์ด้วยความอิหลักอิเหลื่อเพราะตระหนักขึ้นมาได้ว่าไอ้ที่ผมทำกับพี่อินทร์เมื่อคืนนี้น่ะ...มันทำบนเตียงของพี่บุศย์เขา!

“โทษทีนะจิ เดี๋ยวพี่พาน้องออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”

พี่บุศย์น่าจะเดาสีหน้าผมได้ว่ากำลังตกอยู่ในอารมณ์ไหน หันมาบอกเร็วๆ แล้วมาดึงแขนน้องชายตัวเองออกไป ขณะที่ศิลามีท่าทีขัดใจเล็กน้อย แต่พอพี่อินทร์พูดว่า...

“ไว้พี่ตามออกไปเล่นด้วยนะ”

ศิลาก็ยิ้มกว้าง ยอมเชื่อฟังแต่โดยดี “ได้ครับ มาเร็วๆ นะ ศิคิดถึงพี่อินทร์”

ถึงจะเป็นเด็ก แต่เป็นสียะตรากลับชาติมาเกิด พอผมได้ยินศิลาพูดอย่างนั้น ในอกก็บีบรัดทันที

อิเหนา... ไม่ว่ายังไงก็คืออิเหนา ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหนก็คืออิเหนา ทั้งกะล่อน ทั้งเจ้าชู้ ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้นแหละ แล้วพอมาคิดดูดีๆ แล้วนะ ทั้งบุษบา สังคามาระตา สียะตรา ในอดีตก็ล้วนเป็นทั้งเมีย เป็นทั้งตัวแทนเมียให้อิเหนาได้กอดจูบลูบคลำทั้งนั้น

นี่กูมาอยู่ท่ามกลางฝูงเมียและกิ๊กอิเหนาเลยนี่หว่า เป็นแบบนี้แล้วจะให้ตกปากรับคำเป็นแฟนได้ยังไงกัน

ไม่เอาโว้ย!

 

สุดท้ายก็ไม่ได้ตอบรับเป็นแฟน พี่อินทร์ก็ไม่เข้าใจสักเท่าไรว่าทำไมจู่ๆ ผมก็เปลี่ยนใจ ผมเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าเหตุผลมันเป็นเพราะเขาคืออิเหนากลับชาติมาเกิด ไอ้ที่บอกว่ามีผมคนเดียวหรือไม่มีใครอะไรนี่ เป็นเรื่องที่เชื่อไม่ได้ทั้งสิ้น

คิดดูสิ ทั้งๆ ที่ให้สัจจะกับจินตะหราวาตีว่าจะรักมั่น แต่นางยังไม่มั่นใจเลยว่าอิเหนาจะรักมั่นแต่ตัวเอง ผมเคยได้ยินนะตอนที่ท้าวดาหาขอกำลังไพร่พลจากกุเรปันให้มาช่วยรบ ว่าจินตะหรากังวลว่าอิเหนาจะปันใจให้บุษบา ถึงขั้นตัดพ้อน่าสงสาร...

 

[1]แล้วว่าอนิจจาความรัก                  พึ่งประจักษ์ดั่งสายน้ำไหล

ตั้งแต่จะเชี่ยวเป็นเกลียวไป              ที่ไหนเลยจะไหลคืนมา

สตรีใดในพิภพจบแดน                    ไม่มีใครได้แค้นเหมือนอกข้า

ด้วยใฝ่รักให้เกิดพักตรา                  จะมีแต่เวทนาเป็นเนืองนิตย์

 

ขนาดจินตะหรามาก่อน สามวันจากนารียังเป็นอื่นเลย แล้วประสาอะไรกับจรกาอย่างผมล่ะ ไม่เอา ผมไม่ไปเสี่ยงด้วยหรอก ขอเวลาคิดทบทวนดีๆ อีกสักหน่อยก่อนดีกว่า

นอกจากจะไม่ได้ตอบรับเป็นแฟนกับพี่อินทร์แล้ว ผมก็เพิ่งมารู้ทีหลังด้วยว่าที่ผมได้มาค้างที่บ้านพี่บุศย์ แท้จริงเป็นแผนของพวกเขาสามคน ใช่...ผมหมายถึงพี่อินทร์ พี่บุศย์ กับสรัล แล้วก็ไม่ใช่ว่าเป็นแผนครั้งแรกด้วยนะ ทุกครั้งที่ผมได้เจอกับพี่อินทร์ ล้วนแล้วเป็นแผนการของพี่บุศย์ทั้งสิ้น ผมเลยได้รู้อีกอย่างว่าจริงๆ แล้วพี่อินทร์แอบชอบผมมานานแล้ว ซึ่งอันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่านานของเขามันนานแค่ไหน พีคไปกว่านั้นก็คือตอนที่พี่อินทร์บอกว่า...

“ยังไม่ตอบรับเป็นแฟนก็ไม่เป็นไร พี่ให้เวลาจิคิดก่อน จิรอพี่อยู่ที่นี่ก่อนแล้วกันนะ พี่กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านแล้วจะพาไปส่งหอ”

...ผมก็สงสัยขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเขาไม่หยิบกุญแจรถไปด้วยตอนจะเดินออกจากบ้านพี่บุศย์

“พี่อินทร์ครับ ลืมกุญแจรถ...”

“ไม่ต้องหรอกจิ บ้านพี่อินทร์อยู่แค่นี้”

เป็นสรัลที่โพล่งขึ้น พอผมหันไปมอง พี่บุศย์ที่นั่งอยู่ข้างๆ กันก็ให้คำตอบแทน

“บ้านอยู่ข้างกันน่ะ เดินไปก็ได้”

เท่านั้นก็รู้เลย...พวกแม่งรวมหัวกันต้มกูจนเปื่อยเลยนี่หว่า! แล้วไอ้อิเหนา... บ้านอยู่ข้างๆ ทำไมไม่กลับไปนอนที่บ้านตัวเอง มานอนกับผมจนเกือบได้เสียเป็นผัวเป็นเมียแบบนี้ทำไม!

จากนั้นก็มารู้อย่างละเอียดว่าครอบครัวของพี่อินทร์กับพี่บุศย์เป็นหุ้นส่วนทำธุรกิจร่วมกัน ตัวพ่อของพวกเขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย และเพราะสนิทกันมาก ก็เลยทำให้พี่อินทร์กับพี่บุศย์สนิทกันตามไปด้วย ตอนนี้เลยไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเขาถึงมาเป็นรูมเมตกันทั้งที่ไม่ได้เรียนคณะหรือวิชาเดียวกันแม้แต่น้อย และที่อยู่ด้วยกันก็เป็นเพราะกลัวว่าจะไม่มีเพื่อนตอนเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆ พออยู่ด้วยกันแล้วไม่มีปัญหาอะไรก็เลยอยู่ยาว

ก็นะ โตมาด้วยกันแบบนี้ ไม่สนิทกันก็แปลกแล้ว

ส่วนเรื่องที่ผมถูกล่อให้มาติดกับนี่ โทษใครก็ไม่ได้แล้ว ผมพลาดท่าเอง แต่อย่างหนึ่งที่ได้รู้ก็คือ...พี่อินทร์แม่งโคตรจะเจ้าเล่ห์เลย ตอนนี้มั่นใจแล้วว่านิสัยของอิเหนาในชาติก่อน มันติดตัวมาที่ชาตินี้ด้วยล้านเปอร์เซ็นต์ แน่นอนว่าเรื่องเจ้าชู้ก็ด้วย ผมไม่เชื่อง่ายๆ หรอกว่าเขาไม่มีใครน่ะ

มันต้องมี... ยังไงก็ต้องมี ไม่มีตอนนี้ก็ต้องมีตอนหน้า มีแน่นอน!

ก็ไม่ได้โกรธพวกเขาหรอกนะที่รวมหัวกันล่อลวงผม แต่ผมค่อนข้างจะหงุดหงิดเรื่องสันดานของอิเหนาที่ติดตัวมาจากชาติที่แล้วมากกว่าที่ทำให้ผมหวาดระแวงเรื่องความเจ้าชู้ของเขาเนี่ย พอกลับไปเรียน ผมก็เลี่ยงที่จะไม่เจอหน้าพี่อินทร์ และใช่ หมายรวมถึงพี่บุศย์กับสรัลด้วย เพราะถ้าเจอสองคนนั้นเมื่อไร ไม่วายเป็นนกต่อล่อผมไปให้พี่อินทร์อีกแน่

และเพราะผมไม่ยอมไปเจอหน้าพวกเขา ไม่ยอมติดต่อ พี่อินทร์ก็มาหาเองถึงที่ วันนี้ผมมีเรียนวิชาพื้นฐานที่ตึกเรียนรวม นักศึกษาปีหนึ่งทุกคณะของมหาวิทยาลัยจะมาเรียนด้วยกันที่นี่ พอเรียนเสร็จผมก็ออกจากห้องเรียนใหญ่ ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าพี่อินทร์ยืนรออยู่ด้านหน้า พอเขาเห็นผมก็ยิ้มร่า ส่งเสียงทักทันที

“ฮาย~ จิระ”

ได้ยินเมื่อไร เป็นอันต้องมีเรื่องชวนปวดหัวมาให้เมื่อนั้น ผมก็เลยแสร้งทำเป็นเมินเขา หันเดินหนีไปทางอื่น แต่เขาก็รีบพุ่งเข้ามาเดินตาม

“พี่ให้เวลาคิดหลายวันแล้ว วันนี้พี่จะมาทวงคำตอบ”

เข้ามาเดินขนาบข้างได้ก็พูดเลย ผมชำเลืองมองเขานิดหน่อยพลางถาม

“คำตอบอะไรครับ”

“แน่ะ ทำเป็นลืม” พลันเดินมาดักหน้าผมให้ผมหยุดเดิน “ก็ที่พี่ถามไงว่าอยากเป็นแฟนกับพี่ไหม พี่ว่าพี่ให้เวลาเราคิดนานแล้ว วันนี้ก็เลยมาทวงคำตอบ”

ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะว่าเขาอยากได้ยินอะไร แต่เมินเสียเถอะ ถึงผมอยากจะเป็นแฟนเขา แต่ถ้าเขายังไม่ทิ้งกมลสันดานเดิมของอิเหนาแบบนี้ ผมก็ทำใจตกลงยากอะ ต้องรอดูกันไปอีกสักนิด

“จิยังคิดไม่ออก”

ก็เลยเลี่ยงที่จะตอบไป เดินหลบไปอีกทางด้วย พี่อินทร์ก็ก้าวฉับๆ ตามมาส่งเสียงกระเง้ากระงอด

“ต้องคิดให้ออกแล้วนะจิระ พี่ทนไม่ไหวแล้ว เห็นเราไปที่ไหนก็มีผู้ชายเดินตามติดเป็นแมลงวันแบบนี้ พี่ไม่สบายใจ”

ปกติก็มีแหละ แต่วันนี้มีแต่มึงคนเดียวเนี่ย แล้วไอ้ที่ว่าผู้ชายพวกนั้นเป็นแมลงวัน หาว่ากูเป็น...

“พี่อินทร์หาว่าจิเป็นขี้เหรอ”

ผมหันขวับไปถามเลย พี่อินทร์ก็ส่งเสียงสูง

“เปล๊า! พี่หมายถึงแมลงวันตอมดอกไม้”

แมลงวันไม่ตอมดอกไม้เว้ย อย่ามาแถ!

ผมชะงักฝีเท้า หันไปมองพี่อินทร์พลางย่นคิ้ว

“พี่อินทร์ จิขอพูดตรงๆ นะครับ”

“ว่า?”

“เรื่องที่จะเป็นแฟนพี่อินทร์อะ จิขอเบรกไว้ก่อน”

“ทำไมล่ะ”

“จิว่าจิยังไม่พร้อม ไว้ก่อนนะครับ”

พูดแค่นั้น ผมก็เดินหนีทันที พี่อินทร์ก็ดูมึนๆ งงๆ เหมือนกัน คงรู้สึกเหมือนถูกเสยคางอะเพราะผมก็ไม่ได้ตอบปฏิเสธไปตามตรง อย่างที่บอก ผมก็อยากเป็นแฟนเขา ไม่ใช่ไม่อยากเป็น แต่ขอเวลาคิดทบทวนอะไรต่อมิอะไรมากกว่านี้อีกสักหน่อย

แต่...ดูเหมือนพี่อินทร์จะไม่ให้เวลาผมแล้ว เพราะพอผมเดินหนีปุ๊บ เขาก็ตะโกนไล่หลังมาปั๊บ

“จิระ! พี่จะทนไม่ไหวแล้วนะ!”

ผมหันขวับไปมองทันที ขณะเดียวกันก็อายด้วยเพราะตอนนี้กลายเป็นว่าเราสองคนตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นแล้ว แต่พี่อินทร์ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เดินมาหยุดตรงหน้าผม สีหน้าก็ขึงขัง

“พี่ต้องทำยังไง จิถึงจะยอมเป็นแฟนพี่”

ไม่ต้องทำอะไรเลย อยู่เฉยๆ เดี๋ยวผมมั่นใจเมื่อไรว่าเขามีแค่ผมคนเดียว ผมจะไปบอกเขาเองแหละ

ทว่าไม่ทันจะได้พูด เขาก็ว่าเสียงแข็งมาอีก

“หรือจะต้องให้พี่พิสูจน์ว่าพี่เหมาะสมกับจิก่อน จิถึงจะยอมเป็นแฟนพี่”

ใช่ ถ้าพิสูจน์ได้ก็พิสูจน์เลย ทำให้ผมมั่นใจสิว่าจะมีแค่ผมน่ะ

ผมเลยเชิดหน้าขึ้น ถามด้วยความอยากรู้

“แล้วพี่อินทร์จะพิสูจน์ยังไงครับ”

พี่อินทร์พยักหน้าราวกับจะบอกว่า ‘อ๋อ ที่แท้ก็รอเรื่องนี้ใช่ไหม ได้! คอยดู!’ ก่อนที่จะ...

“อึ๊!~”

...ส่งเสียงประหลาดๆ ออกมา

ผมย่นคิ้ว มองเขาด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจเท่าไรว่าเขาคิดจะทำอะไร ส่วนเขาก็กางแขนทั้งสองข้างออก หงายมือ มือทั้งสองข้างจับจีบ จากนั้นก็มีเสียงออกมาอีก

“อึ๊!~”

เป็นเสียงเดิมนั่นแหละ แต่รอบนี้มี...

“ไฮ่ย่าห์!~”

อะไรของมึงเนี่ย!

ผมขมวดคิ้วมุ่น ขณะที่พี่อินทร์ก็ยังทำท่าเบ่ง... เออ เบ่งเลย เหมือนเบ่งอึอะ แล้วก็ส่งเสียงประหลาดๆ ออกมาไม่เลิก

“อิ๊! ย่าห์!~”

เหมือนองค์ผีบ้าประทับ ถึงตอนนี้ผมไม่ทนละ ออกปากถามไปจนได้

“พี่อินทร์ทำอะไรครับ”

เขาชะงักไปเล็กน้อย มองผมด้วยสีหน้าจริงจัง

“เปล่งรัศมีผัว”

“ฮะ?”

“เผื่อว่าจิจะยอมเป็นแฟนพี่”

จากนั้นก็ทำท่าเบ่งอีก คราวนี้ไม่ได้เบ่งกับส่งเสียงประหลาดๆ อย่างเดียว เงยหน้าขึ้นพร้อมกับส่งเสียงดังออกมาว่า...

“เป็น – แฟน – พี่ – นะ - จิ - ร้า!~ ย่าห์!”

ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาหมด พี่อินทร์ร้องจนพอใจแล้วก็เหยียดตัวตรง ส่งยิ้มให้ผมพลางถามหน้าระรื่น

“ไง เห็นรัศมีผัวของพี่เปล่งประกายหรือยัง”

กูไม่เห็นรัศมีผัวของมึงเลย เห็นแต่ความผีบ้าเนี่ย! ตอบตกลงเป็นแฟน เดี๋ยวก็ได้เข้าไปอยู่ศรีธัญญาด้วยกันหรอก จะขอเป็นแฟนก็ขอดีๆ สิเว้ย!

“อ๊ะๆ ยังเฉย สงสัยต้องเปล่งรัศมีอีกรอบ”

จะเปล่งหรือจะเบ่งก็ไม่ต้องแล้วเว้ย!

ผมรีบคว้าแขนเขาเอาไว้ทันทีก่อนที่เขาจะเชิญองค์ประทับร่าง พี่อินทร์หันมายิ้มแป้นให้ผมขณะที่ผมก้มหน้างุดเพราะอายสายตาคนรอบข้าง

“ไม่ต้องเปล่งรัศมีแล้วครับ พอเถอะ”

“จิเห็นรัศมีผัวของพี่แล้วล่ะสินะ”

ไม่เห็นเว้ย!

แต่ไม่บอกหรอก เดี๋ยวแม่งเปล่งรัศมีอีก ผมว่าพี่อินทร์ควรพอ

“ถ้าอย่างนั้นก็พิสูจน์ได้แล้วว่าพี่มีความผัวพอที่จะเป็นแฟนจิ”

เมื่อกี้นี้มันไม่มีเลยเว้ย!

ผมไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับเขาตรงนี้หรอก รีบลากเขาออกมาเดี๋ยวนั้นเลย พี่อินทร์ก็ไม่ได้แย้งอะไร หัวเราะร่วน ยอมเดินตามหลังผมมาแต่โดยดี จนกระทั่งออกมาข้างนอกอาคารเรียนรวมและไปในที่ปลอดคน ผมถึงได้ปล่อยมือออกจากเขา

“อย่าทำอะไรแบบนี้กี้อีกนะครับ”

“ทำอะไรเหรอ”

“ก็ที่ทำเหมือนเบ่งอึอะ”

“เปล่งรัศมีผัว”

“นั่นแหละ จะเบ่งอึหรือเปล่งรัศมีผัวก็อย่าทำอีกนะ จิอายเขา”

พี่อินทร์หัวเราะอย่างอารมณ์ดี จากนั้นก็เอามือมาวางไว้บนหัวผม ออกแรงขยี้เบาๆ

“พี่ก็แค่ไม่อยากเห็นจิทำหน้าเหมือนกระรอกท้องผูกแค่นั้นเอง ยิ้มๆ นะ”

มันน่ายิ้มๆ ไหมล่ะ ทำให้ผมอับอายขายหน้าคนอื่นอย่างนั้นน่ะ

แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรหรอก ได้แต่มุ่ยหน้าใส่เขา ปล่อยให้พี่อินทร์ได้พูดออกมา

“ส่วนเรื่องเป็นแฟนพี่ ถึงจิจะไม่รับรักพี่ตอนนี้ก็ไม่เป็นไร”

“...”

“ศรีทนได้ ศรีจะยอมรับความเจ็บปวดนี้ไว้เอง ฮึก...”

แล้วก็ทำเป็นซับน้ำตาทั้งๆ ที่มันไม่มี เลียนแบบโสรญาในจำเลยรักสุดชีวิต ผมเห็นแล้วก็ได้แต่เบ้หน้า

ศรีนี้ทนได้ แต่ศรีธัญญาทนไม่ได้โว้ย! เลิกทำตัวบ้าบอสักทีพี่อินทร์ ไม่งั้นมึงได้แอดมิดเป็นผู้ป่วยในจริงๆ แน่!

“จิก็บอกแล้วไงว่าขอเวลาจิหน่อย จิยังไม่มั่นใจ”

ใช้เหตุผลคุยกับเขาดีกว่า ถึงจะบ้าๆ บอๆ แต่ผมก็เชื่อว่าพี่อินทร์จะต้องฟังเหตุผลของผม ซึ่งก็จริง เพราะหลังจากนั้นเขาก็พยักหน้า

“อืม พี่รู้ว่าจิไม่มั่นใจว่ามีจะมีจิคนเดียวไหม”

ผมพยักหน้า เขาก็ยิ้มออกมาอีก

“แต่พี่ก็อยากให้จิเข้าใจพี่เหมือนกันนะว่าที่พี่อยากให้จิเป็นแฟนจนต้องมาคาดคั้นแบบนี้น่ะ พี่ก็มีเหตุผลเหมือนกัน”

“เหตุผลอะไรเหรอครับ”

ผมเลิกคิ้วสูง เขาก็เลยโน้มหน้าลงมาพูดใกล้ๆ

“ก็เพราะพี่ไม่อยากให้ใครมายุ่ง”

พูดมาอย่างนี้ ผมก็ไปต่อไม่ถูกเลย ยิ่งถูกสายตาหวานฉ่ำของเขาจับจ้องด้วยแล้ว ผมก็วางตัวไม่ถูกขึ้นมา

“แต่จิก็ไม่ได้ยุ่งกับใครนะครับ”

“ถึงจิจะไม่ได้ยุ่ง แต่คนอื่นยุ่งนี่ ไอ้บุศย์มันเล่าให้ฟังบ่อยๆ ว่าปกติมีรุ่นพี่ในคณะมาตามติดหนึบเลยไม่ใช่เหรอ”

“จิไม่สนใจซะอย่าง ตามก็ตามสิ ไม่เป็นไรหรอก”

“ก็พี่ไม่ชอบให้แมลงรำคาญมาเกาะแกะ” พี่อินทร์ว่า ก่อนที่สีหน้ายิ้มแย้มจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นตึงเครียดขึ้นมา “เพราะถ้าพี่รำคาญไปมากกว่านี้ พี่อาจจะทำอะไรไม่คาดคิดขึ้นมาก็ได้”

ผมถึงกับกลืนน้ำลายในตอนนี้

ทำอะไรไม่คาดคิด... จินตนาการไม่ออกเลยว่าพี่อินทร์จะทำอะไร ดักกระทืบผู้ชายพวกนั้นเหรอ หรืออะไรยังไง

คิดไม่ออกเลย จนกระทั่งพี่อินทร์เป็นฝ่ายบอกเอง

“พี่จะ...”

จะ...

“สาป”

หือ?

“จะสาปๆๆๆ ใครมาจีบจิ พี่จะสาปให้เป็นหมันให้หมด!”

แล้วก็ทำท่าทางสะดีดสะดิ้ง ทำปากยื่นๆ ส่งเสียงกระเง้ากระงอดใส่ผม

“หึงแล้วนะ”

ผมมองเขาตอบ ขณะที่เขาเอื้อมมือมาจับมือผมเอาไว้แล้วก็ดิ้นๆๆ

“หึงแล้วๆๆ พี่หึงจิแล้ว~”

แด๊ะแด๋ซะไม่มี คิดว่าทำแบบนี้แล้วน่ารักหรือไงฮะ!

“หึงแล้วนะ หึงจิแล้ว อย่าให้ใครมายุ่งนอกจากอินทราได้ไหมครับคุณจิระ”

ไม่พูดเปล่า ช้อนสายตาอ้อนวอนมาให้ผมด้วย เท่านี้ผมก็ใจอ่อนยวบเลย

เออ! น่ารักก็ได้

พี่อินทร์โคตรน่ารักเลย!

ไอ้ที่วางมาดทำเป็นเฉยเมยใส่เขา ตอนนี้ผมเก็บอาการไว้ไม่อยู่แล้ว หลุดหัวเราะออกมา ยิ้มกว้างด้วย พี่อินทร์เลยได้ใจใหญ่เลย

“ฮั่นแน่ ยิ้มแล้ว”

แล้วผมก็หุบยิ้มไม่ได้ด้วย ได้แต่ปล่อยให้เลยตามเลย

“ก็พี่อินทร์ทำตัวบ้าๆ บอๆ ทำไมล่ะครับ”

เสียฟอร์มอยู่เหมือนกันที่เก๊กแตก แต่มันคงไม่สำคัญแล้วเมื่อพี่อินทร์คว้ามือผมไปจับไว้มั่น

“บ้ารัก” มุกเชยมาก “งั้นพี่ไม่ทำตัวบ้าๆ บอๆ แล้ว พี่จริงจังก็ได้”

ผมยืดตัวขึ้นเล็กน้อย มองหน้าเขา รอให้อีกฝ่ายได้พูด ขณะที่พี่อินทร์เองก็สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะว่าออกมา

“จิระ เป็นแฟนกับพี่เถอะนะครับ”

สายตาที่เขามองมาดูจริงจังมาก ผมก็ยังลังเลอยู่ แต่พอสิ้นเสียงแล้วเขาดึงมือผมขึ้นไปจูบเบาๆ ที่หลังมือ ผมก็นิ่งงันไปทันที

แล้วความร้อนก็แล่นวูบวาบไปทั่วร่างกายผมตั้งแต่ใบหน้าจรดปลายเท้า ไม่กล้าสู้สายตาเขาด้วยเมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่จ้องผมด้วยสายตาจริงจัง

นี่แหละ รัศมีผัวที่แท้ทรู เจอแบบนี้ ผมก็ต้านทานไม่ไหวเหมือนกันนะ

“จิ...”

กะจะบอกว่าขอเวลาเหมือนเดิม แต่พี่อินทร์ไม่ให้เวลากับผมแล้ว พอผมพูดขึ้นมา เขาก็แทรกทันที

“ไม่ให้เวลาแล้ว ถ้าจิไม่รับรักพี่ พี่ว่าพี่ต้องตายแน่ๆ จะตายลงตรงหน้าจินี่แหละ ขอร้องนะครับจิระ เป็นแฟนกับพี่เถอะนะ”

คราวนี้มีช้อนตามองผมด้วย อ้อนเป็นลูกแมวแบบนี้ แล้วจะให้ผมทำยังไงได้อีกกันล่ะ ไอ้ความลังเลไม่แน่ใจอะไรนั่น ตอนนี้หายไปหมดเลย

เข้าใจแล้ว...

เข้าใจแล้วว่าทำไมเมียๆ ของอิเหนาถึงได้ยอมให้เขามีเล็กมีน้อยเยอะแยะไปหมด นั่นก็เพราะเขาเสน่ห์เหลือร้ายแบบนี้นี่เอง

“จิระ...”

เห็นผมไม่ตอบ พี่อินทร์ก็ร้องเรียก ผมเม้มริมฝีปากแน่น มองหน้าเขาก่อนจะตัดสินใจออกไป

“แล้วพี่อินทร์ต้องมีแค่จิคนเดียวด้วย”

คำตอบชัดเจนแล้วว่าผมโอเค พี่อินทร์ยิ้มกว้างจนแทบจะเห็นฟันครบทุกซี่ ก่อนจะถลาเข้ามากอดผมแน่น

“นว้องจิของปี้~ ป่าปี๊จะมีแค่หนูตัวเย็กๆ คนเลียว ป่าปี๊สัญญางับ~”

แล้วรัศมีผัวก็หายไปเมื่อเขาพูดเสียงสอง

แต่ก็เอาเถอะ เขาสัญญาก็ดีแล้ว

อย่าผิดคำสัญญาก็แล้วกัน...พี่อินทร์

 


[1] จินตะหราวาตีตัดพ้ออิเหนา ตอนศึกกระหมังกุหนิง บทละครอิเหนาฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ



วันนี้มาดึกนิดนึงค่ะ แอบยาวแล้วก็เพิ่งจะเขียนเสร็จด้วย มัวแต่หนีเที่ยว 55

เรื่องนี้ถามว่าดราม่ามั้ย เห็นหลายคนกลัวใจดราม่า ลองให้นักเขียนทำนายกันนนน #โดนตบ 555

จริงๆ ก็ไม่ดราม่าหรอกค่ะ คิดว่านะ จะมีนิดหน่อยตรงที่เป็นปมของเรื่องนี่แหละ ส่วนใหญ่จะรอมคอมน่ารักกุ๊กกิ๊กไป อ่านสบายๆ ไม่ต้องคิดเยอะจ้าเรื่องนี้

ฝากกำลังใจไว้ด้วยนะ พรุ่งนี้ถ้าเขียนทันก็เจอกันตอนใหม่จย้า

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 15★เปล่งรัศมี[11.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 11-05-2018 00:39:29
 :pig4:
รู้สึกปวดหัวแทนจิระสุดๆ
แต่แอบอยากรู้ความลับของพวกเขาจริงๆเลย :katai1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 15★เปล่งรัศมี[11.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-05-2018 00:42:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 15★เปล่งรัศมี[11.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 11-05-2018 01:03:02
ถ้าจิปล่อยวางอารมณ์จากอดีตได้คงจะดีไม่น้อย   
แบบว่าตัวละครทุกตัวตามมาเกิดกันเกือบหมด  แต่ละตัวก็ต่างไปจากอดีต แต่ดูจิชอบเอาอดีตมากำหนดความคิดและตัดสิน  อ่านมากเข้าเลยพาลจะเบื่อๆจิ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 15★เปล่งรัศมี[11.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-05-2018 01:25:34
บ้าไม่หยุดไม่หย่อน
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 15★เปล่งรัศมี[11.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-05-2018 03:14:29
ิีปวดตับกับอารมณ์ของอีพี่อิน  :a6:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 15★เปล่งรัศมี[11.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 11-05-2018 06:28:09
รัศมีผัวมันไม่ได้หายไปแต่มันไม่มีตั้งแต่แรกแล้ว5555 อิบ้าาาาาาา ทำไมจิระต้องเจอคนแบบนี้
ฮือนว้องจิของปี้น่าฉงฉานยัยตัวเย็ก
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 15★เปล่งรัศมี[11.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-05-2018 07:39:38
ยังอยากรู้ความลับ ของอิเหนา บุษบา
และสังคามาระตา อยู่นะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 15★เปล่งรัศมี[11.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 11-05-2018 09:02:18
ความบ้าของอิพี่นี่นะ....
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 15★เปล่งรัศมี[11.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 11-05-2018 09:17:05
น้องสีของพี่ยาก็มา
จรกาคนงามไม่ต้องเครียดนะ
ให้อิพี่อินทราขาต๊องรั่วคนเดียวพอ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 15★เปล่งรัศมี[11.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 11-05-2018 11:08:38
อีพี่อินทร์แกมันบ้า


 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 15★เปล่งรัศมี[11.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-05-2018 13:14:45
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 15★เปล่งรัศมี[11.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 11-05-2018 21:03:22
สมใจแล้วสินะพี่อินทร์ถึงได้กลับมาบ้าเหมือนเกิมแล้วเนี่ย แต่ก็ยังสงสัยความลับที่ปิดจิไว้อยู่นะ จะใช่อย่างที่คิดรึเปล่า
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 15★เปล่งรัศมี[11.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 11-05-2018 23:08:02
Chapter 16: หากไม่ดูเป็นการรบกวน ก็จะชวนเธอมา...กัน

 

เป็นแฟนกับพี่อินทร์... ถ้าไม่นับเรื่องที่เขาคืออิเหนากลับชาติมาเกิดก็ถือว่าเขาเป็นแฟนที่ดีเลยล่ะ ผมไม่รู้หรอกว่าเป็นเพราะยังอยู่ในช่วงโปรโมชันหรือเปล่า เขาถึงได้ดูแลผมดีขนาดนี้ แต่ที่รู้ๆ คือตอนนี้เขาแทบจะเป็นเงาตามตัวผมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนก็จะต้องมีเขาอยู่ด้วยทุกครั้ง ตอนนี้ทั้งมหาวิทยาลัยเลยรู้กันถ้วนหน้าเลยว่าเดือนมหาวิทยาลัยปีก่อนมีแฟนเป็นผู้ชาย

ลือสะพัดไปทั่วจริงๆ ในเพจคิวท์บอยอะไรหรอกมหาวิทยาลัยก็มีพูดถึงเรื่องนี้ บอกตามตรงว่าผมรู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกันกับสายตาของคนอื่นที่มองมา แต่สำหรับพี่อินทร์แล้ว เขาไม่แคร์อะไรทั้งนั้น แถมยังบอกผมด้วยว่า...

‘รู้กันทั้งมหา’ลัยก็ดี จะได้ไม่มีคนมายุ่งวุ่นวายกันยัยตัวเย็กของป่าปี๊อีก’

ผมก็เลยต้องทำเฉยตามเขาไปด้วย แต่...มันก็มีความสุขดีนะ

ตอนนี้เพื่อนเขาอย่างพี่บุศย์กับน้องรหัสอย่างสรัลก็รู้แล้วด้วยว่าผมกับพี่อินทร์เป็นอะไรกัน สองคนนั้นดีใจกันยกใหญ่ พูดไม่หยุดด้วยว่าไม่เสียแรงเปล่า ผมก็รู้อยู่หรอกว่าสองคนนั้นเป็นลูกทีมคอยช่วยให้พี่อินทร์จีบผมติด ทว่าพอได้เห็นหน้าพี่บุศย์แล้ว ผมก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กๆ

ชาติก่อนได้ให้สัตย์สัญญาไว้ก่อนตายว่าจะรักมั่นเพียงบุษบา แต่น้ำคำกลับไหลย้อน จรกาไปมีใจให้อิเหนา เป็นแบบนี้แล้วจะไม่ให้รู้สึกผิดได้ยังไง

พอมีโอกาสได้อยู่กับพี่บุศย์สองต่อสอง ผมก็อดไม่ได้ที่จะสารภาพความจริงไปกับเขา

“คือ...จริงๆ แล้วจิเคยชอบพี่บุศย์นะครับ”

ใช้คำว่า ‘เคย’ เพราะตอนนี้ผมรู้ตัวว่าไม่ได้รักเขาในแบบที่มันควรจะเป็น แต่ยังคงรักและชอบในฐานะพี่น้อง หรือไม่ก็คนที่ผูกพันด้วย

พี่บุศย์มองหน้าผมพร้อมกับยิ้มให้ประโยคนั้นก่อนตอบเสียงเรียบ

“พี่รู้อยู่แล้วล่ะ”

“เอ๋?”

“รู้มาตั้งแต่ที่เจอหน้ากันครั้งแรกแล้ว”

ผมนิ่งงันไป ตอนนี้เลยเข้าใจทันทีว่าตลอดมา เขาทำเป็นไม่รับรู้ความรู้สึกผมมาโดยตลอด แล้วก็เข้าใจเหตุผลของเขาได้หลังจากนั้น

“แต่ไอ้อินทร์มันก็ชอบจิมานานแล้วเหมือนกัน ดีแล้วล่ะที่จิยอมเป็นแฟนมัน ไม่อย่างนั้นพี่คงถูกมันกวนใจให้หาทางพาจิไปเจอมันทุกวันแน่”

พี่อินทร์ชอบผมมานาน... เดาว่าคงตั้งแต่เจอกันที่ร้านกาแฟวันนั้น แต่ทว่า...

“รักไอ้อินทร์มันมากๆ นะจิ มันรอจิมานานมากจริงๆ”

พี่บุศย์พูดขึ้นมาอีก ผมเลยอดสงสัยไม่ได้

“ตั้งแต่ที่เจอหน้ากันที่ร้านกาแฟเหรอครับ”

“เปล่า”

“เห?”

“นานกว่านั้น”

“หรือจะเคยเจอจิก่อนหน้านั้น?”

พี่บุศย์ยิ้มให้ผม “ใช่ มันชอบจิมานานจริงๆ นาน...เกินกว่าที่จิจะคาดเดาได้อีก”

ผมสงสัยหนักขึ้นกว่าเดิมอีก แต่ก็ไม่คิดจะถามอะไรต่อ แค่นี้ก็กวนเวลาพี่บุศย์มากพอแล้ว อีกอย่าง พี่อินทร์ก็มารับผมพอดี บทสนทนาของเราจึงยุติแต่เพียงเท่านี้ อย่างที่บอกว่าพี่อินทร์ตามติดผมเป็นเงา วันนี้เลยเป็นอีกวันที่เขาไปใช้เวลากับผมที่หอ

ใช่...หอของผมนี่แหละ วันดีคืนดีก็มาค้างด้วย หลังๆ ค้างคืนแทบทุกวัน อีกนิดเดียวก็จะเก็บเสื้อผ้าเสื้อผ่อนมาอยู่กับผมแล้ว

แต่ก่อนจะกลับมาที่หอ พี่บุศย์ขอให้พี่อินทร์ขับรถพาไปส่งที่โรงเรียนสอนพิเศษของน้อง เพราะวันนี้เขาต้องกลับบ้านตามด้วยนัดไปกินข้าวกับครอบครัวไว้ แต่รถของเขาส่งไปซ่อมที่ศูนย์ แล้วก็ไม่อยากนั่งแท็กซี่ไปเอง พี่อินทร์เลยตอบรับคำขอนั้นเป็นการตอบแทนที่ช่วยเรื่องผม

ส่วนน้องของพี่บุศย์ก็ศิลา... ครับ ผมหมายถึงสียะตรา

เรื่องที่สียะตรากับอิเหนาเคยมีซัมธิงกันมาเมื่อชาติก่อน อันนั้นผมก็กังวลเหมือนกันนะ แต่พอเห็นว่าสียะตราเพิ่งจะอยู่แค่ ป.4 ผมก็เลยคลายความกังวลลงไป ทว่าก็มีบ้างที่อดหงุดหงิดใจไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนเห็นศิลาสนิทสนมกับพี่อินทร์มากเกินไป

“พี่อินทร์ ศิคิดถึงจัง!”

เจอหน้าปุ๊บก็กระโดดกอดพี่อินทร์ปั๊บ แทนที่จะกระโดดกอดพี่ตัวเอง ผมยืนมองแล้วก็ได้แต่ย่นคิ้ว

เอาน่า นั่นมันเด็กนะ พี่อินทร์คงไม่คิดอะไรหรอก

แต่ทว่า...

“พี่อินทร์ก็คิดถึงศิครับ”

กอดแน่นเชียวนะมึง!

ผมถึงกับเบือนหน้าหนี พยายามจะบอกตัวเองแหละว่าอีกฝ่ายยังไม่ถึงสิบขวบเลย แต่เพราะข่าวลือในอดีตชาติของอิเหนากับสียะตรามันวนเวียนอยู่ในหัวผม ผมเลยอดไม่ได้ที่จะหัวเสีย

เออ หึง!

ผมหึงพี่อินทร์กับเด็ก ป.4 เนี่ย!

ดีที่โมเมนต์นั้นเกิดขึ้นไม่นานนัก คนขับรถบ้านพี่บุศย์มารับพอดี พี่อินทร์ก็เลยชวนผมกลับ แล้วผมก็ได้รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่อินทร์กับศิลาตอนเขาขับรถกลับว่าตอนที่ศิลายังเด็ก ด้วยความที่พี่บุศย์กับน้องมีอายุห่างกันมาก เขาเลยเข้ากับน้องได้ไม่ดีสักเท่าไร พี่อินทร์ไปเล่นกับพี่บุศย์ที่บ้านบ่อยๆ ก็เลยพลอยเล่นกับศิลาไปด้วย พูดง่ายๆ ว่าพี่น้องสองคนนั้นสนิทกันขึ้นมาได้ก็เพราะพี่อินทร์เป็นกาวใจนี่แหละ ผมก็ไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมศิลาถึงติดพี่อินทร์

ก็บ้าๆ บอๆ ต๊องๆ แบบนี้ ดูไม่มีพิษมีภัย เด็กๆ คงจะชอบล่ะนะ

ทว่า...ถึงจะเข้าใจ ผมก็ยังหงุดหงิดใจอยู่ดี พอกลับมาถึงหอแล้ว ผมก็ยังคิดวนเวียนอยู่แต่เรื่องนั้น ยิ่งต้องมานั่งทำเปเปอร์ชีตวิเคราะห์ตัวละครในเรื่องอิเหนาที่เป็นหนึ่งในบทเรียนของเทอมนี้ด้วยแล้ว ผมก็ยิ่งหัวเสียมากขึ้นไปใหญ่

ทำไมไอ้อิเหนามันถึงได้เจ้าชู้จังวะ!

นั่งจ้องชีตเรียนตรงหน้าแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น จนพี่อินทร์ที่เพิ่งเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ บนโซฟาเมื่อกี้นี้

“เป็นอะไรน่ะ ทำหน้ากระรอกงี้ การบ้านยากเหรอ”

ผมหันไปมองเขาพลันส่ายหน้า

“แล้วทำหน้ากระรอกทำไมหืม?”

บอกว่าเป็นเพราะหึงเขากับศิลาได้ไหมล่ะ! ก็ไม่ได้ไง ผมเลยได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วมองชีตเรียนอย่างรำคาญใจอีกครั้ง

“อ้าว ถอนหายใจใส่ซะงั้นอะ เป็นอะไรครับคนดี ไหนๆ ใครทำให้จิอารมณ์เสีย ฟ้องพี่สิครับ”

พี่อินทร์ขยับเข้ามากอดเอวผม เอาคางเกยที่ไหล่ ว่ากระเซ้าน้อยๆ ผมเหลือบไปมองแล้วก็เอ่ยปากออกมา

“พี่อินทร์ไม่ชอบพระเอกในวรรณคดีไทยเรื่องไหนที่สุดครับ”

พี่อินทร์เลิกคิ้วสูงทันควัน “หืม? จู่ๆ ถามอะไรเนี่ย”

“จิแค่อยากจะชวนพี่อินทร์คุยน่ะ”

พอผมพูดไปอย่างนี้ พี่อินทร์ก็ยิ้มน้อยๆ

“อย่าบอกนะว่าที่ทำหน้ากระรอกเป็นเพราะการบ้านยาก? อยากให้พี่ช่วยทำการบ้านเหรอ”

พลางพยักพเยิดไปยังชีตเรียนกับโน้ตบุ๊กที่อยู่บนโต๊ะตรงหน้าผม ผมเลยพยักหน้ารับ ความจริงเปเปอร์ชีตวิเคราะห์ตัวละครในวรรณคดีอะไรนั่น มันไม่เหนือบ่ากว่าแรงผมหรอก ผมทำเองโดยไม่ต้องมีใครมาช่วยได้ แต่ที่ถามออกไปอย่างนั้นเพราะยังตะขิดตะขวงใจมากกว่า

ใช่... ตะขิดตะขวงใจเรื่องวันนี้แหละ ยอมรับตามตรงเลยก็ได้ ถ้าไม่พูดออกไป มีหวังอกแตกตายแน่นอน ต่อให้พูดตรงๆ ไม่ได้ พูดอ้อมๆ ก็เอาวะ

“อืม... พี่ไม่ชอบขุนแผน”

พี่อินทร์ตอบ ผมก็เลยหันไปมองหน้าเขา

“ทำไมอะครับ”

“ขุนแผนเจ้าชู้”

มึงก็เจ้าชู้!

ผมยอกย้อนเขาในใจ ขุ่นใจขึ้นมาอีกนิดด้วย ก่อนที่พี่อินทร์จะย้อนถาม

“แล้วเราล่ะ ไม่ชอบใครหืม?”

ผมก็ตอบโดยไม่ต้องคิดเลย “อิเหนา”

“ทำไมล่ะ”

“เจ้าชู้ นิสัยน่ารังเกียจ”

พอย้อนไปแบบนี้ พี่อินทร์ก็ย่นคิ้ว “เจ้าชู้นี่เป็นเรื่องปกติของผู้ชายสมัยก่อนมั้ง พี่เคยได้ยินว่าในสมัยก่อน ถ้าผู้ชายมีเมียเยอะ มันจะแสดงถึงอำนาจบารมีว่ามีมากพอที่จะดูแลบรรดาเมียๆ ได้ เป็นการโชว์ให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองมีอำนาจวิธีหนึ่ง”

ก็ใช่ พี่อินทร์พูดถูก มันเป็นเรื่องอุดมคติทางเพศของคนสมัยก่อนนั่นแหละ แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะค่อนขอดไง

“แต่ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปที่ไหน ได้เมียที่นั่นอะ คลำเจอหัว ไม่เจอหางก็เอาเป็นเมียหมด แบบนี้จิว่าไม่ไหวมั้ง”

“อิเหนาเจ้าชู้ พี่ไม่เถียงเพราะมีเมียเยอะจริง”

“ใช่ มีหลักๆ เลยสิบคน”

ผมสวนขึ้น พี่อินทร์ก็ทำหน้าตาประหลาดใจอีกครั้ง

“สิบเลยเหรอ”

“ครับ” จากนั้นผมก็เริ่มร่าย “มีจินตะหราวาตีเป็นประไหมสุหรี[1]ฝ่ายขวา ตอนแรกอิเหนาหมั้นอยู่กับบุษบา แต่ไปงานพิธีถวายพระเพลิงพระอัยยิกาแล้วเจอกัน ก็เลยเอาเขามาเป็นเมีย อีกคนก็บุษบาหนึ่งหรัดเป็นประไหมสุหรีฝ่ายซ้าย คนนี้ถอนหมั้นไปแล้ว แต่พอไปเจอหน้าก็ดันชอบ เลยเอาเขามาเป็นเมียอีก ไปแย่งมาตอนที่บุษบาเป็นคู่หมั้นคนอื่นไปแล้วด้วย”

คนอื่นที่ว่าก็คือผมในชาติก่อนนี่แหละ พี่อินทร์ก็แอคติ้งตอบรับคำพูดผมใหญ่เลย

“ต๊าย คนเจ้าชู้~”

ผมล่ะหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ

มึงนั่นแหละ! มึงเลย!

แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร นอกจากเล่าต่อเท่านั้น

“นอกจากนั้นก็ยังมีสะการะวาตีกับมาหยารัศมีก็เป็นมะเดหวี[2]ฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย สองคนนี้ได้เป็นเมียตอนที่ปลอมเป็นโจรป่าที่ชื่อว่ามิสารปัณหยี ตอนนั้นตัวเองกำลังกลับไปหาจินตะหราด้วยซ้ำ มาหยารัศมีนี่เป็นพี่สาวของน้องชายบุญธรรมคนสนิทอิเหนาด้วยนะ ก่อนจะเจอพี่สาวก็มีซัมธิงกับน้องชายด้วย พูดได้ว่าเอาทั้งพี่ทั้งน้อง”

พี่อินทร์ยิ้มแหยออกมา ไม่รู้ทำไมผมถึงได้สะใจขึ้นมานิดๆ เล่าต่อเป็นการใหญ่

“แล้วก็มีบุษบาวิลิศ เป็นมะโต[3]ฝ่ายขวา คนนี้เป็นธิดาของเจ้าเมืองประหมัยที่เป็นน้องชายคนสุดท้องของท้าวกระหมังกุหนิง พอพี่ชายแพ้รบให้อิเหนาก็เลยยกธิดาให้บุษบากันจะหนาเป็นมะโตฝ่ายซ้าย คนนี้ได้มาเพราะเห็นว่าหน้าตาคล้ายกับบุษบาหนึ่งหรัดด้วยนะ อิเหนาถึงอยากได้ ได้มาตอนปลอมเป็นโจรป่าเหมือนกัน”

“โอ้...”

“มีรัตนาระติกา เป็นลิกู[4]ฝ่ายขวา เป็นธิดาของน้องชายของท้าวกะหมังกุหนิงเหมือนกัน พอรบแพ้ก็เลยยกธิดาให้ ลิกูฝ่ายซ้ายก็คืออรสา คนนี้เป็นธิดาท้าวปะตาหลัง ยกให้อิเหนาตอนอิเหนาปลอมตัวเป็นโจรป่า ตอนปลอมเป็นโจรป่านี่ได้เมียสี่คนละนะ”

“...”

“ส่วนสองคนสุดท้ายคือสุหรันกันจาส่าหรี เป็นเหมาหลาหงี[5]ฝ่ายขวา ท้าววะลาหงิดยกให้ตอนอิเหนาขึ้นครองกุเรปัน คนสุดท้ายหรือหายาหยา เหมาหลาหงีฝ่ายซ้าย ธิดาท้าวประตาหลังที่เข้าถวายตัวตอนอิเหนาขึ้นครองราชย์แล้ว”

“...”

“ไหนจะมีพวกที่ยังไม่ได้พูดถึง แล้วก็มีพวกผู้ชายรูปงามด้วยนะ ไหนจะสังคามาระตา ไหนจะสียะตา แล้วก็...”

“จิระ พี่ว่าพอก่อน ปวดหัวมาก หลางๆ หยางๆ หลีๆ หลาๆ เต็มไปหมดเลยเนี่ย”

พี่อินทร์แทรกขึ้นก่อนที่ผมจะพูดจบ ผมเลยได้แต่ยกยิ้มที่มุมปาก นี่ถ้าเขารู้ว่าตัวเองเป็นใครในอดีตชาตินะ ผมจะคิดว่าท่าทางนี้คือการเบี่ยงประเด็น ไม่อยากพูดถึงความจริง ไม่งั้นไม่เบรกผมอย่างนี้หรอก

“แต่ยังไงพี่ก็ว่าขุนแผนนิสัยน่ารังเกียจกว่านะ อิเหนาถึงจะมีเมียเยอะก็จริง แต่ก็ไม่ได้ฆ่าเมียท้องแก่แล้วควักลูกตัวเองออกมาทำกุมารหรอกเหมือนขุนแผนสักหน่อย”

เรื่องนั้นก็จริงอยู่ ผมไม่เถียงหรอก แต่เพราะผมเป็นจรกาไง ผมเลยอดที่จะค่อนขอดไม่ได้ ส่วนพี่อินทร์ก็ทำปากยื่น เปลี่ยนเรื่องเสียอย่างนั้น

“พี่ว่าคุยเรื่องอื่นดีกว่า คุยเรื่องนี้แล้วพี่ไม่สันทัดเลย ปวดหัว”

“แล้วเมื่อกี้ใครบอกจะช่วยจิทำการบ้าน”

“พี่นี่แหละ อยากช่วยนะ แต่ถ้าเจอหลาๆ หงาๆ อีก พี่คงต้องขอกราบทูลลา”

ผมหัวเราะออกมากับสีหน้าปูเลี่ยนเวลานึกถึงชื่อในภาษาชวาของเขา ก่อนที่จะขยับตัวเล็กน้อยเมื่อพี่อินทร์ยังคงกอดผมแน่นไม่ปล่อย

“แล้วพี่อินทร์อยากคุยเรื่องอะไรกับจิเหรอครับ”

พูดมาอย่างนี้ พี่อินทร์ก็เหลือบมองหน้าผม

“พี่อยากจะถาม”

“ถามว่า?”

“จิอยู่กับพี่ จิมีความสุขหรือเปล่า”

ถ้าไม่นับเรื่องชวนให้ขุ่นใจเล็กน้อยวันนี้ ก็มีความสุขแหละ

ผมพยักหน้ารับทันที พี่อินทร์ก็ยิ้มกว้าง

“แล้วจิอยากอยู่กับพี่ไหม”

ผมพยักหน้าไปอีก แต่พี่อินทร์ก็แย้งขึ้นมาก่อน

“อ๊ะๆ พี่ไม่ได้หมายถึงอยู่ด้วยกันแบบนี้นะ แบบมาเจอกันอะไรอย่างนี้น่ะ”

ผมก็เลยเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “พี่อินทร์หมายถึงอยู่ด้วยกันแบบไหนล่ะครับ”

“ก็...” เขายิ้มกริ่มออกมา กระชับอ้อมกอดแน่น กระซิบข้างหูผม “อยู่ด้วยกันแบบใช้ชีวิตด้วยกันน่ะ ห้องเดียวกันอะไรงี้ จิอยากอยู่กับพี่ไหม”

เดี๋ยวนะ… เขากำลังชวนผมให้ไปอยู่กับเขาเหรอ?

ผมเบิกตาโตอย่างไม่เชื่อหู ขณะที่พี่อินทร์พยักหน้าหงึกหงักราวกับรู้ว่าผมคิดอะไร

“อื้อ พี่ชวนจิมาอยู่ด้วย ถ้าจิโอเค พี่จะย้ายหอเลย ย้ายไปอยู่กับจิ”

ได้ยินแล้วผมก็ใจเต้นแรงขึ้นมาทันควัน ดีใจก็ดีใจอยู่หรอกที่เขาอยากอยู่กับผม แต่ว่า...

“พี่บุศย์ล่ะครับ”

เออ นี่แหละ ถ้าจู่ๆ พี่อินทร์ย้ายออกมา แล้วพี่บุศย์ล่ะจะทำยังไง

“รายนั้นไม่ต้องห่วงหรอก มันไล่ให้พี่แยกไปอยู่ตั้งนานละ ถ้ารู้ว่าพี่ย้ายออก มันคงปิดหมู่บ้านเลี้ยงโต๊ะจีน”

ผมหัวเราะกับคำแดกดันของเขา แต่ก็พอจะเข้าใจพี่บุศย์อยู่นะว่าทำไมถึงอยากให้พี่อินทร์ย้ายออก

ก็มีรูมเมตบ้าๆ บอๆ แบบนี้ มันก็ไม่ไหวมั้ง ชวนให้ปวดหัวทุกวันอะ

“แล้วจิก็จะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย มีคนมาแชร์ด้วยน่ะ พี่ว่าจะอยู่หอเดิมนั่นแหละ อาจจะห้องข้างๆ ห้องเดิมด้วย เห็นยังว่างอยู่”

“แต่จิอยู่หอแถว ม.ไม่ไหวหรอกนะครับ มันแพง”

“จิไม่ต้องจ่ายอะไรเลยก็ได้ แค่ย้ายมาอยู่กับพี่เฉยๆ พี่ก็โอเค”

ถึงตรงนี้ ผมก็ลังเลขึ้นมา ไม่ใช่ว่าไม่อยากอยู่กับเขาหรอก แต่ถ้าไปอยู่ด้วยแล้วต้องเอาเปรียบล่ะก็ ผมก็ไม่ค่อยอยากทำน่ะ ทว่า...เงินก็ไม่ค่อยจะมีจริงๆ นะ

“ขอจิคิดดูก่อนได้ไหม”

พอพูดอย่างนี้ พี่อินทร์ก็ย่นคิ้วยู่ทันควัน ก่อนส่งเสียงกระเง้ากระงอด

“ทำไมเหรอจิระ ขอให้มาอยู่กับพี่แค่นี้ต้องคิดหนักเลยเหรอ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น...”

“อยู่กับพี่มันไม่ดีตรงไหน”

ผมยังไม่ทันจะได้อธิบาย พี่อินทร์ก็โวยวายตัดพ้อแล้ว ก่อนจะให้เหตุผลยาวเป็นหางว่าว

“หอที่อยู่ก็หรูหรา ระบบรักษาความปลอดภัยก็ดี อยู่ใกล้ ม.อีกต่างหาก พี่ขับรถไปรับไปส่งก็ได้ ไม่มีตังค์ช่วยแชร์ค่าห้อง มาอยู่กับพี่เฉยๆ ก็ยังได้เลย สะดวกสบายขนาดนี้ ดีจะตายไป”

“ก็ใช่ครับ แต่ว่า...”

“อีกอย่างนั้น เวลาอยากจะ... ก็ทำได้ง่ายๆ เลย ไม่ต้องนัดกันก่อน ไม่ต้องเดินทาง ดีจะตาย”

ไอ้ที่เว้นว่างไปไม่ยอมพูดนี่หมายถึงอะไร

ไม่ต้องถาม พี่อินทร์ก็ให้คำตอบแล้วด้วยการจู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาร้องเพลง

“หากไม่ดูเป็นการรบกวน ก็จะชวนเธอมาเย้กัน ถูกใจเธอมาตั้งนานรู้ไหม~”

ไม่ร้องเปล่า มือก็ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าตัวเองออกทีละชิ้น พอผมเห็นเขาถอดกางเกงตัวเองเหลือแต่บ็อกซ์เซอร์ ผมก็รีบถลึงตาใส่เขาเลย

เดี๋ยวๆๆ! ไอ้พี่อินทร์! มึงจะมาเต้นลีลาประกอบเพลงด้วยการถอดเสื้อผ้าเตรียมรบอย่างนี้ไม่ได้!

แล้วมาชวนเย้นี่หมายความว่าไงเนี่ย!

“พี่อินทร์! อย่าถอดบ็อกเซอร์นะ!”

ผมรีบร้องบอกเมื่อเห็นเขาจับขอบกางเกงบ็อกซ์เซอร์ของตัวเอง พี่อินทร์หัวเราะเสียงดังเลย ทิ้งตัวนั่งลงมาข้างๆ ผมอีกครั้ง ถลาเข้ามากอดผมไว้เหมือนเดิมด้วย

“ก็พี่อยากทำอะ”

ทำอะไร ไม่ต้องขยายความ ผมก็เข้าใจ พลันใบหน้าก็ร้อนผะผ่าวขึ้นมา ยิ่งหันไปเห็นสายตาแพรวพราวของพี่อินทร์ด้วยแล้ว ผมก็อดที่จะหลบสายตาไม่ได้ พี่อินทร์เห็นผมเขินก็เอาใหญ่เลย

“อยากทำกับจิ อยากทำทุกวันเลย ถ้าได้อยู่ด้วยกัน ได้เห็นหน้าตาน่ารักๆ ของจิทุกวันก็คงดีเนอะ”

แล้วก็จูบพรมที่ซีกแก้มกับใบหูของผมเป็นการใหญ่ ผมเสียววูบที่ช่องท้องเล็กน้อย ก่อนจะบิดตัวหลบริมฝีปากเขา

“ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่พี่อินทร์ก็ทำบ่อยนี่ครับ มาห้องจิ หรือจิไปห้องพี่อินทร์ พี่อินทร์ก็ทำตลอดนี่”

ผมว่าเสียงเบา พูดไปแล้วก็อดอายไม่ได้ ก็เขาทำบ่อยจริงๆ อะ ทำแบบที่ทำที่บ้านพี่บุศย์วันนั้นนั่นแหละ

ทว่าคำพูดของผมกลับทำให้พี่อินทร์ทำปากยื่นทันที

“อันนี้ไม่ได้เรียกเย้ง่ะ”

“แล้วเรียกว่าอะไรล่ะครับ”

“ว้าว”

เขาตอบพลางยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย ผมมองเขาแล้วก็ย่นคิ้วด้วยไม่เข้าใจ

“ว้าว?”

“ต้องให้พี่พูดตรงๆ เหรอ”

พี่อินทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์มาทันที ก่อนจะวางมือลงบนขาข้างหนึ่งของผมแล้วค่อยๆ เลื่อนเข้ามาใกล้...อะ...เอ่อ...เป้ากางเกง

“ว้าวก็แปลงโทนเสียงมาจาก...”

“ไม่ต้อง! เข้าใจแล้วๆ! ไม่ต้องพูดแล้ว!”

ผมโวยวาย พี่อินทร์ก็หัวเราะร่วน

มึงนี่ก็หื่นจริงๆ เล้ย!

หื่นจริงๆ อย่างที่ผมบริภาษในใจนั่นแหละ เพราะหลังจากนั้นเขาก็กระซิบข้างหูผม

“คืนนี้ลองสบู่เหลวไหม”

“ครับ?”

“เวลาฟอกให้มีฟอง มันก็ลื่นๆ ดีนะ”

เอ๊ะ?

“หรือถ้าไม่ชอบเปียกๆ ในห้องน้ำ จะเอาเบบี้ออยล์ก็ได้”

เดี๋ยวนะ...

“จริงๆ แล้วใช้ให้ถูกจุดเลยดีกว่า KY ก็โอเค” จากนั้นก็ยิ้มเผล่ออกมา “จิชอบกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่หรือบลูเบอร์รี่ล่ะหืม?”

พูดอะไรของมึงเนี่ย!

“กีวีก็มีนะ”

พอได้แล้ว!

ผมทำหน้าปูเลี่ยนใส่พี่อินทร์ทันที ขณะที่เขาหัวเราะเจ้าเล่ห์ออกมา

“น่าเย้...เอ้ย น่ารักจริงๆ”

มึงหม่ต้องมาแกล้งพูดผิดเลย!

“ถ้าพี่อินทร์พูดอีก จิจะไล่ออกจากห้องแล้วนะ!”

ผมโวยเข้าให้ พี่อินทร์ก็หัวเราะใหญ่ ไม่ได้มีท่าทีสำนึกสักนิด ยังดีที่เขาไม่พูดเรื่องเย้หรือว้าวต่อ เปลี่ยนกลับไปคุยเรื่องเดิม

“แล้วตกลงจะย้ายมาอยู่กับพี่ไหม”

“ก็จิบอกแล้วว่าขอคิด...”

“พี่อยากให้จิมาอยู่ด้วยจริงๆ นะ” พูดยังไม่ทันจบ เขาก็แทรกขึ้นมาแล้ว ก่อนจะตามมาด้วยสีหน้าจริงจัง “มาอยู่กับพี่เถอะจิ ...นะครับ”

ไม่ใช่แค่สีหน้า สายตาก็จริงจังแม้ว่าจะมีแววอ้อนวอนอยู่นิดๆ ก็ตาม แล้วผมก็แพ้ทางเวลาเขาทำแบบนี้ทุกที ถอนหายใจออกมาน้อยๆ แล้วตอบตกลงไป

“ก็ได้ครับ แต่เรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องแชร์กัน เราคุยรายละเอียดกันอีกทีนะ”

“หืม? พี่บอกแล้วไงว่าไม่ต้อง มาอยู่เฉยๆ ก็ได้” เขาซุกใบหน้าเข้ามาที่ซอกคอผม จูบพรมเบาๆ “มาอยู่กับพี่ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”

ทำตัวเป็นป๋าเฉยเลย ก็ดีอยู่หรอก แต่ผมเกรงใจเขาน่ะ

“ไว้คุยกันอีกทีดีกว่า อย่างน้อยก็ให้จิออกค่าน้ำค่าไฟก็ได้”

พี่อินทร์ไม่ได้ว่าอะไร เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม

“แล้วนี่ต้องบอกพ่อแม่จิก่อนหรือเปล่าว่าจะย้ายไปอยู่กับพี่”

พูดมาถึงตรงนี้ ผมก็ได้แต่ยิ้มแหย

“ไม่ต้องบอกหรอกครับ”

“เอ้า แล้วจะไม่มีปัญหาเหรอ”

“อืม ไม่มี”

“ทำไมล่ะ พี่ว่าบอกพ่อแม่หน่อยก็ดีนะ เขาจะได้ไม่เป็นห่วง”

ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี เลยได้แต่หัวเราะออกมาน้อยๆ

“ไม่บอก พ่อแม่จิก็คงรู้เองครับ”

“มีคนฟ้อง?”

“เปล่าครับ เห็นจากบนนั้นน่ะ”

ผมชี้นิ้วขึ้นไปบนเพดาน พี่อินทร์เงยหน้ามองตาม ครู่หนึ่งก็เข้าใจได้ว่าผมไม่ได้หมายถึงว่าพ่อแม่อยู่ชั้นบน แต่ว่าเป็น...สวรรค์ต่างหาก

สีหน้าของพี่อินทร์เปลี่ยนไปทันที เขาดูตกใจไปเหมือนกันที่รู้เรื่องนี้ ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มโง่ๆ ความจริงผมไม่ค่อยอยากบอกเรื่องครอบครัวให้ใครรู้สักเท่าไรหรอก แต่เพราะเห็นว่าเขาเป็นแฟนผม ผมเลยคิดว่าไม่เห็นจะต้องปิดบังอะไร

“พ่อแม่ของจิตายตั้งแต่จิยังอยู่ประถมน่ะครับ ลุงกับป้าฝั่งพ่อของจิก็เลยรับจิไปเลี้ยงเป็นลูก คือ...ก็ไม่ใช่ลุงกับป้าแท้ๆ หรอกนะ ลุงเขาเป็นลูกติดของแม่เลี้ยงพ่อจิน่ะ”

ผมขยายความ พี่อินทร์ก็ยิ่งมีสีหน้าเจื่อนลงเรื่อยๆ

“หมายความว่าจิไม่มีครอบครัวเหรอ พี่หมายถึง...ครอบครัวที่ร่วมสายเลือดน่ะ”

ผมเม้มริมฝีปากแน่นก่อนพยักหน้า

ใช่ ไม่มี... ไม่เหลือเลยสักคน พ่อแม่ของผมก็ไม่ได้มีพี่น้อง ปู่แท้ๆ กับตายายก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่ลุงกับป้าที่เลี้ยงดูผมมาเท่านั้น ถึงจะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน ผมก็นับว่าเขาเป็นครอบครัวแหละนะ

พี่อินทร์มองผมอย่างไม่เชื่อว่าผมจะมีภูมิหลังครอบครัวเป็นแบบนี้ ผมเห็นแววตาเห็นใจระคนเป็นห่วงของเขาแล้วก็รีบโพล่งขึ้น

“พี่อินทร์ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เขาดูแลจิดีเลยล่ะ ส่งเสียให้เรียนด้วย ให้ค่าใช้จ่ายด้วย ถึงจะไม่ได้เยอะ แต่เขาก็รักจินะ”

“แล้วจิใช้พอเหรอ มันไม่ได้มีแค่ค่าใช้จ่ายประจำเดือนนี่ มันมีค่าเทอมด้วย”

“จิขอทุนที่กองกิจฯ เป็นเทอมๆ เอาน่ะครับ ที่คณะก็มีทุน พี่อินทร์ไม่ต้องห่วง จิพอใช้”

กองกิจการนักศึกษาของมหาวิทยาลัยและคณะมักจะมีทุนการศึกษาให้เปล่าทุกเทอม ผมก็ไปยื่นเรื่องขอตามคำแนะนำของอาจารย์ที่สัมภาษณ์ผมตอนเข้าเรียน ผมเลยว่ามันไม่ลำบากหรอกถ้าจะขอทุกเทอม

แต่พี่อินทร์คงไม่คิดแบบนั้นมั้ง เพราะพอผมพูดไป สีหน้าเขาก็ดูแย่ลงเรื่อยๆ ผมไม่ชอบเห็นเขาทำหน้าแบบนี้เลย มันดูไม่ใช่เขาน่ะ ก็เลยว่าจะพูดอะไรสักอย่างให้เขารู้สึกดีขึ้น

“พี่อินทร์...”

“จิระ”

พูดขึ้นมาจังหวะเดียวกันพอดี ผมเลยเลือกที่จะเงียบ ขณะที่พี่อินทร์จับผมให้หันหน้ามามองเขาตรงๆ

“พี่จะดูแลเราให้ดีตราบเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำเพื่อใครสักคนได้ พี่จะรัก จะมีแต่จิ จะไม่ทำให้จิเสียใจ”

“...”

“เพียงแต่ถ้ามีอะไร ขอให้จิบอกพี่ พี่พร้อมที่จะอยู่ข้างๆ จิเสมอ ขอให้จิรู้ไว้ว่าจิไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว”

“พี่อินทร์...”

ผมเอ่ยชื่อของเขาออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและแหบแห้ง ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยรู้สึกตื้นตันใจอะไรขนาดนี้มาก่อน ผมมองหน้าเขาที่กำลังส่งยิ้มให้ก่อนขอบตาจะร้อนผะผ่าว

“พี่ขอสาบาน พี่จะรักจิตลอดไป”

ตอนนี้ผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม โผเข้ากอดเขาแน่น ว่าเสียงพร่าปนก้อนสะอื้น

“ขะ...ขอบคุณครับ”

พี่อินทร์ก็กอดผมตอบแน่น จนกระทั่งผมหยุดร้อง เขาถึงมาจูบซับน้ำตาให้ รอยยิ้มบนใบหน้าเขาทำให้ผมอุ่นวาบในอกที่สุด สายตาที่เคยมองว่าเขาเป็นอิเหนาจอมกะล่อน ตอนนี้เขากลายเป็นพี่อินทร์ของผม... พี่อินทร์ที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยที่สุดในโลก

แต่ทว่า...

“แล้ว...จะเย้กันเมื่อไรดี”

...แล้วก็ยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยให้ผมได้มุ่ยหน้าใส่เขา

มึงอย่ามาตัดอารมณ์ด้วยความบ้าๆ บอๆ แบบนี้สิเว้ยไอ้พี่อินทร์! มันใช่เวลาไหมเนี่ย!

ผมเลยทุบไหล่เขาไปที พี่อินทร์หัวเราะร่วน รวบผมไปกอดอีกครั้ง

“พี่รักจินะครับ”

“รักก็ดี แต่ขอล่ะ อย่าทำให้เสียมู้ดอีกนะ จะซึ้งก็ซึ้งให้สุดหน่อยเถอะครับ จิปรับอารมณ์ไม่ทัน”

พูดไปอย่างนี้ พี่อินทร์ก็หัวเราะมากขึ้นไปอีก ก่อนเขาจะจูบลงมาที่หน้าผากผมเบาๆ

“เอาเป็นว่ามาอยู่กับพี่นะ พี่จะดูแลเราเอง” แล้วก็เลื่อนมาจูบที่ริมฝีปากผม สบตานิ่ง ว่าออกมาช้าๆ “จะดูแลจากนี้...และตลอดไป พี่สาบาน”

 


[1] ประไหมสุหรี เป็นตำแหน่งของพระมเหสีลำดับที่ 1 หรืออัครมเหสีของกษัตริย์ชวาในวงศ์อสัญแดหวาจากเรื่องอิเหนา

[2] มะเดหวี เป็นตำแหน่งของพระมเหสีลำดับที่ 2 ของกษัตริย์ขวา

[3] มะโต เป็นตำแหน่งของพระมเหสีลำดับที่ 3

[4] ลิกู เป็นตำแหน่งของพระมเหสีลำดับที่ 4

[5] เหมาหลาหงี เป็นตำแหน่งของพระมเหสีลำดับที่ 5

-------------------------------------

จริงๆ วันนี้กะว่าจะไม่อัปค่ะ แต่ดันเขียนจบพอดีก็เลยอัปแล้วกัน

พรุ่งนี้เจอตัวอย่าง ไม่แน่อาจจะได้ตอนใหม่ด้วย เริ่มเข้ากลางเรื่องแล้วค่ะ (แต่ก็ยังไม่เข้านะ อีกนิด) เนื้อเรื่องจะเข้มข้นขึ้น ความผีบ้าของพี่อินทร์ก็เข้มข้นขึ้นเช่นกัน 555

ฝากกำลังใจไว้ด้วยจ้า

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 16★[11.5.61][ตอนใหม่!!]
เริ่มหัวข้อโดย: mkooo ที่ 11-05-2018 23:32:19
สนุกมากค่า รักคุณหนูแดงนะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่า เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 16★[11.5.61][ตอนใหม่!!]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 12-05-2018 00:07:52
เรียกว่าเรียนเรื่องอิเหนาอีกรอบเลยก็ได้นะ  :laugh:
อิเหนารีบเปลี่ยนเรื่องเลยนะ ตอนขุดเรื่องเมียๆของเธอมาหน่ะ :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 16★[11.5.61][ตอนใหม่!!]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 12-05-2018 00:24:09
หรือพี่อินทร์จะจำอดีตชาติของตัวเองได้กันแน่ แล้วก็เหมือนพี่บุศย์ก็รู้เหมือนกัน แต่ในฐานะบุษบาที่เป็นคู่ผัวตัวเมียกันมาก่อน จะไม่รู้สึกอะำรกันเลยรึ555 ปล. พระเอกเรื่องนี้เป็นบ้า
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 16★[11.5.61][ตอนใหม่!!]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-05-2018 00:52:23
มีเถียงเนอะนังเหนา ว่าตัวเองไม่เจ้าชู้  เชื่อไม่ลงอ่ะ ก็ความหื่นมันโผล่มาให้เห็นๆ ซะเต็มตา  :m22:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 16★[11.5.61][ตอนใหม่!!]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 12-05-2018 01:34:32
ไม่อยากจะบอกเลยค่ะว่าอิเหนาทำให้เราสอบตกตอนเรียนปวช. ต้องมานั่งคัดกลอนน่าจะ50บทเพื่อแก้เกรด :hao5:

คิดๆแล้วก็ฝังใจนะ รู้มั้ยคะว่าข้อสอบคืออะไร? มันคือการที่ให้นร.ในห้องเล่าเรื่องอิเหนาต่อกันตั้งแต่ต้นจนจบโดยการสุ่มเรียกเลขที่ ต้องเล่าต่อๆกัน ไอ้เราตอนนั้นก็เกเรไง คือครูจะเล่าให้ฟังทุกคาบเลยนะ เล่าปากเปล่านี่แหละเพราะในหนังสือมีแต่โคลงกลอน เราเริ่มโดดเรียนตอนกลางเรื่องเป็นต้นไป55555 เลวมากตอนนั้น ได้แต่ตอนต้นไปถึงกลางเรื่อง พอสอบปลายภาคนี่นั่งลุ้นขอให้ถึงเลขที่ตัวเองเร็วๆจะได้ต่อจากเพื่อนได้ แล้วกรรมก็ตามทัน ได้เกือบท้ายเรื่องพังเลยจ้า ตก :ling3: :ling3:

พอมาอ่านเรื่องนี้ความทรงจำย้อนมาเลย แต่จำเนื้อเรื่องไม่ได้ละค่ะ คุ้นแต่ชื่อตัวละคร :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 16★[11.5.61][ตอนใหม่!!]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-05-2018 02:06:16
ต้องมีใครได้พรวิเศษมาด้วยอีกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 16★[11.5.61][ตอนใหม่!!]
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 12-05-2018 02:22:09
 :pig4:
  เอาจริง (ม่ะได้หมายถึง เย้ นะ)
แม้จะบอกรักใคร เอ้ย รักจิ ~จากปากของ Eบ้า เอ้อ อิเหนาอินทร์

แต่นี่จะคิดดีด้วยไม่ได้เลย ..รู้สึกไม่ไว้วางใจ  o18
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 15★เปล่งรัศมี[11.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 12-05-2018 02:35:31
รัศมีผัว? 55555

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 16★[11.5.61][ตอนใหม่!!]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 12-05-2018 04:57:31
แหม กำลังจะหวาน
เอาซะติงต๊องเลยนะพี่อินทร์

เดาว่า...อินทร์กับบุศย์น่าจะจำได้ว่ามาตามคำสั่งขดใช้กรรมในชาตินี้ให้กับจิ
ไม่ก็  ชาติก่อนอิเหนาแอบรักจรกาถึงได้แกล้ง  อ้างจากบทที่อินทร์บอกจิว่า ผช.ชอบแกล้งคนที่ตัวเองชอบ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 16★[11.5.61][ตอนใหม่!!]
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 12-05-2018 07:13:44
ทุกคนจำอดีตได้หมดเลยเหรอ ชาติก่อนอิเหนาคงให้สัตย์สาบานอะไรไว้แน่ๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 16★[11.5.61][ตอนใหม่!!]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 12-05-2018 07:16:19
ตอนเรียนเรื่องอิเหนานี่ก็บ่นเหมือนพี่อินทร์เย หวีๆ หลาๆ อีหยังวะปวดหัว5555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 16★[11.5.61][ตอนใหม่!!]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 12-05-2018 08:14:55
 ตอนแรกจำได้ว่าอิเหนาเมียเยอะแต่พอน้องจิบอกพึ่งรู้ว่าโครตเยอะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 16★[11.5.61][ตอนใหม่!!]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 12-05-2018 09:05:24
Chapter 17: สัตย์สาบาน

พอผมตกปากรับคำว่าจะย้ายไปอยู่กับเขา พี่อินทร์ก็ดำเนินการทุกอย่างด้วยความรวดเร็วปานจรวด อย่างกับว่ากลัวผมจะเปลี่ยนใจอย่างนั้นแหละ เผลอแวบเดียว เขาก็ไปวางมัดจำห้องว่างข้างๆ พี่บุศย์แล้วเป็นที่เรียบร้อย จัดการขนข้าวของไปไว้แล้วด้วย เหลือแต่ข้าวของของผมนี่แหละที่จะต้องจ้างรถกระบะไปขนเพราะของเยอะพอสมควร

แต่ถึงจะของเยอะแค่ไหน พี่อินทร์ก็ไม่หวั่น ยังจะมีหน้ามาชวนผมไปซื้อของเข้าหอเพิ่มอีก ตอนแรกผมจะปฏิเสธเพราะเดือนนี้มีเงินไม่พอสำหรับซื้อข้าวของเครื่องใช้แล้ว แต่พี่อินทร์กลับชูบัตรเดบิตแล้วบอกว่า...

“นี่ใคร นี่ป๋าอินทรานะครับ หนูจิอยากได้อะไร บอกป๋าได้เลย ป๋าซื้อให้จ้ะ”

...ทำตัวเป็นป๋าเลี้ยงอีหนูจริงๆ มันก็ตลกดีอยู่หรอก แต่ตลกไม่ออกก็ตรงที่ผมต้องใช้เงินพ่อแม่เขาซื้อของใช้ส่วนตัวของตัวเองนี่แหละ

ทว่า... พอผมท้วงไปว่าให้เขาเก็บเงินไว้ใช้จ่ายสำหรับตัวเองเพราะเกรงใจพ่อแม่เขา พี่อินทร์กลับสวนคืนมา

“นี่เงินพี่”

“หมายความว่ายังไงครับที่ว่าเงินพี่อินทร์ พ่อแม่ให้แล้วก็ถือว่าเป็นเงินตัวเองงี้เหรอ”

“เปล่า”

“อ้าว”

“พี่ทำงานมา”

ผมสงสัยหนักขึ้นไปใหญ่ แล้วก็มารู้ตอนนี้ว่าเพราะเป็นเดือนมหาวิทยาลัย พี่อินทร์เลยมีชื่อเสียงในโลกโซเชียลพอสมควร ทำให้มีคนมาจ้างเขารีวิวสินค้าต่างๆ ถ่ายแบบก็มี ถ่ายโฆษณาก็มา ถึงจะเป็นงานเล็กๆ น้อยๆ แต่รับงานบ่อยๆ ก็ทำให้มีเงินเก็บก้อนใหญ่อยู่เหมือนกัน ผมเลยมองเขาใหม่อีกที

จริงๆ แล้วอิเหนาก็ไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้เสเพลไปวันๆ มีทำงานทำการเหมือนกันนะ

ไม่ใช่มองใหม่หรอก มองเปลี่ยนไปเลยล่ะ ยิ่งพี่อินทร์ดูแลผมดี เอาใจเก่งด้วยแล้ว ผมก็ไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อยว่าทำไมเมื่อชาติก่อน ใครต่อใครก็อยากจะเป็นเมียเขา

แต่...ในชาตินี้มีแค่ผมไง ก่อนที่เขาจะเอาเงินไปเปย์ใคร ผมจะต้องให้เขาเปย์ให้จนหนำใจก่อน

ในเมื่อออกปากว่าจะซื้อข้าวของเครื่องใช้เข้าหอให้ ผมก็แกล้งทำเป็นไม่เกรงใจ เลือกหยิบชิ้นนั้นชิ้นนี้ใส่รถเข็นโดยมีพี่อินทร์เข็นตาม

“พี่อินทร์เอาขนมปังไปไว้ที่ห้องด้วยไหมครับ เผื่ออ่านหนังสือดึกๆ แล้วหิว”

ผมร้องถามเมื่อเราเดินผ่านชั้นขายพวกขนมปัง พี่อินทร์พยักหน้า

“ถ้าจิอยากซื้อก็หยิบใส่รถเลย”

ผมก็เลยคว้าเอาขนมปังคว้าเอาขนมปังแถวที่มีลูกเกดกับรสช็อกโกแลตอย่างละแถวไปใส่รถ ก่อนจะมองหน้าเขาที่มองผมแล้วแกล้งบ่นอุบเมื่อเห็นว่าในรถเข็นมีขนมมากกว่าข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นเสียอีก

“ระวังเถอะ เอาขนมใส่รถเยอะขนาดนี้ สักวันจะเป็นกระรอกอ้วน” จากนั้นก็เอื้อมมือมาดึงแก้มผม “อ้วนแก้มแตกแน่ๆ”

ผมสะบัดใบหน้าออกเล็กน้อย ทำปากย่นใส่เขา

“จิไม่ได้กินเยอะสักหน่อย แค่กินบ่อยเท่านั้นเอง”

“อีกหน่อยจะไม่ใช่กระรอกละ จะกลายพันธุ์เป็นหมูอ้วน”

แกล้งว่ามาอีก ผมเลยค้อนเขาเข้าให้

“ทำอย่างกับว่าตัวเองไม่กินอย่างนั้นล่ะ”

พี่อินทร์ก็เชิดหน้าขึ้น “ใช่ ไม่กินหรอกขนมน่ะ” พลันดึงผมเข้าไปใกล้แล้วกระซิบเสียงแผ่ว “เพราะพี่ชอบกินจิมากกว่า”

กินอะไร กินแบบไหน ผมรู้ดี รีบดันหน้าเขาออกห่างอย่างรวดเร็วเลยก่อนที่จะถูกขโมยหอมแก้มกลางห้าง

“อย่าทำอะไรในนี้นะครับ จิอายคนอื่นเขา”

“ขี้งก~”

ทำเป็นตัดพ้อไปอย่างนั้นแหละ พี่อินทร์แค่จะหยอกผมเท่านั้น ผมเองก็ชินแล้วกับการที่เขาพูดคำหนึ่ง แกล้งทีหนึ่ง สลับกันไปมาอย่างนี้ แล้วผมก็ชอบเสียด้วย เพราะมันทำให้ผมมีความสุขที่สุดในโลกเลย

“ซื้อของครบแล้วก็กลับกันเถอะ จะได้ไปช่วยกันเก็บของที่ห้องจิต่อ”

พี่อินทร์ออกปาก ผมเห็นว่าไม่มีอะไรจำเป็นต้องซื้อแล้วก็ทำตามเขาแต่โดยดี ใช้เวลาไม่นานก็จ่ายเงินค่าสินค้าเสร็จ พี่อินทร์กับผมช่วยกันเข็นรถเข็นไปที่ลานจอดรถ หยิบเอาถุงต่างๆ ใส่ไว้ในกระโปรงท้าย ก่อนที่ตั้งท่าจะขึ้นรถ แต่ทว่าจู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งเข้ามาจอดข้างๆ

จอดอย่างเดียวไม่พอ ยังจะจอดเสียชิดฝั่งข้างคนขับ ผมเลยเปิดประตูขึ้นไปบนรถไม่ได้ พี่อินทร์เห็นก็ร้องบอกผม

“จิไปยืนรอตรงนั้นก่อนนะ เดี๋ยวพี่ถอยรถออกไป”

เขาดูไม่พอใจเล็กน้อยที่เจ้าของรถคันนั้นไร้มารยาท ทั้งที่เห็นว่าผมจะขึ้นรถอยู่แล้ว ก็ดันขับเข้ามาเสียบจอด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร นอกจากจะเปิดประตูรถของตัวเองเท่านั้น ผมเองก็ถอยไปยืนยังจุดที่เขาบอก จังหวะเดียวกับที่เจ้าของรถคันข้างๆ ถอยหลังพอดี ผมเลยชะงัก รีบกระโดดหลบทันทีที่เห็นว่ารถคันนั้นทำท่าเหมือนจะถอยมาชน

ให้เดานะ เขาคงจะเปิดประตูไม่ได้น่ะเพราะจอดเสียชิด แต่ไอ้การที่จู่ๆ ก็ถอยทั้งที่เห็นผมยืนอยู่นี่มันก็น่าหงุดหงิดเหมือนกันนะ พี่อินทร์เองก็เห็นเหมือนกับที่ผมเห็น เขาปิดประตูรถ ชักสีหน้าแล้วเดินมาหาผมอย่างรวดเร็ว

“เป็นอะไรไหมจิ”

ผมส่ายหน้า เท่านั้นพี่อินทร์ก็ย่นคิ้วยู่

“ขับรถยังไงของมันวะ เหมือนตั้งใจกวนตีน”

ผมล่ะกลัวมีเรื่องเหลือเกิน เคยเห็นในข่าวบ่อยๆ ว่าพักนี้คนชอบมีเรื่องกันเพราะเรื่องขับรถไร้มารยาทนี่แหละ เลยรีบปรามพี่อินทร์ทันที

“ช่างเถอะครับ กลับกันเถอะ เดี๋ยวต้องไปช่วยจิเก็บของอีกไม่ใช่เหรอ จะไม่มีเวลาเอานะ ไปๆ กลับกันๆ”

ว่าพลางดันหลังเขาให้กลับไปที่รถ พี่อินทร์ก็ยอมทำตามแต่โดยดี ทว่าในจังหวะที่เขาเดินไปยังฝั่งคนขับ เจ้าของรถคันนั้นก็เปิดประตูลงมาพอดี

ถ้าลงจากรถเฉยๆ ผมจะไม่สนใจหรอก แต่นี่ลงมาแล้วมองพี่อินทร์นิ่ง จากนั้น...

“อินทร์”

...เรียกพี่อินทร์หน้าตาเฉย

พี่อินทร์หันขวับไปมอง ส่วนอีกฝ่ายก็ร้องทักออกมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“ไม่เจอกันนาน ยังดูดีเหมือนเดิมเลยนะ”

เสียงนั้นทำให้ผมหันไปมองเจ้าของเสียงให้ชัดๆ บ้าง ก่อนจะเห็นว่าเป็นผู้ชายหน้าตาดี ท่าทางสำอางเย่อหยิ่ง แต่งตัวเนี้ยบกริบตั้งแต่หัวจรดเท้า พูดง่ายๆ ว่าเขาดูดีมาก หน้าตาก็ดี ผมมองเขาตาค้างไปเลย แต่ก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นตกใจเมื่อจู่ๆ ก็มีแสงสีทองประกายวาบออกมาจากตัวเขาพร้อมกับใบหน้าทับซ้อนจากอดีตชาติ

ผู้ชายคนนี้...

จะ...จินตะหราวาตี!?

ผมหันขวับไปมองพี่อินทร์ทันควัน ขณะที่พี่อินทร์ขมวดคิ้วยู่ ปากเรียกชื่อของอีกฝ่ายออกมา

“จิณห์”

ชื่อในชาตินี้ก็ไม่แตกต่างจากชาติก่อนสักเท่าไรนัก แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือ...พี่อินทร์ดูไม่ยินดีสักเท่าไรที่เจอหน้าอดีตคนรักคนแรกอย่างจินตะหราวาตี ส่วนอีกฝ่ายก็ยกยิ้มขึ้นมุมปากเมื่อเห็นท่าทางของพี่อินทร์

“อุตส่าห์บังเอิญเจอกันแท้ๆ แต่ทักทายกันแค่นี้เองเหรอ ห่างเหินกันจังนะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”

พี่อินทร์ไม่พูดอะไร ได้แต่มองอีกฝ่ายอยู่อีกครู่ ก่อนจะเปล่งเสียงออกมาในตอนท้าย

“เราก็ไม่ได้สนิทสนมกันอยู่แล้ว”

“โอ้...” จินตะหราไม่ได้มีท่าทางตกใจอย่างที่อุทานออกมา ดูก็รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ ก่อนที่จะเหลือบมองมาทางผม “แล้วนี่ใครน่ะ อย่าบอกนะว่า...”

แสร้งทำเป็นเว้นไป รอให้พี่อินทร์ตอบ แต่พี่อินทร์ไม่พูด ได้แต่จ้องหน้าเขม็ง อีกฝ่ายก็เลยหัวเราะออกมาน้อยๆ

“สเปกไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”

ผมเหลือบมองหน้าพี่อินทร์ ตอนนี้เขาเดินกลับมาจับมือผมไว้ แล้วก็บีบมือผมแน่นมากด้วย ผมไม่รู้หรอกว่าสองคนนี้รู้จักกันมาก่อนหรือรู้จักกันได้ยังไง แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว พี่อินทร์ไม่ยินดีเท่าไรที่ได้เจอหน้าอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเห็นอีกฝ่ายยกยิ้มมากเท่าไร พี่อินทร์ก็มีสีหน้าน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น ก่อนจะว่าขึ้นมา

“ไปกันเถอะจิ”

แล้วก็จะลากผมออกไปจากตรงนั้น ทว่าจินตะหราก็โพล่งขึ้นมาก่อน

“ได้ใหม่แล้วลืมเก่า”

แค่นั้นพี่อินทร์ก็ชะงักขา สีหน้าน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมอีก ผมพอจะเข้าใจว่าจินตะหรา...เอ่อ...จิณห์ในชาตินี้น่ะ เขาหมายถึงอะไร

ก็จินตะหราวาตีเป็นเมียคนแรกของอิเหนานี่นา ไม่แปลกหรอกถ้าจะพูดอย่างนี้ แต่มันแปลกตรงที่มาพูดแบบนี้ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายไม่รู้อดีตชาติของตัวเองเหมือนกับที่ผมสามารถรู้ได้

หรือว่าพี่อินทร์กับผู้ชายคนนี้จะมีความสัมพันธ์บางอย่างที่ผมไม่รู้?

ผมเลยอดไม่ได้ที่จะถามพี่อินทร์เบาๆ

“ใครเหรอครับพี่อินทร์”

สงสัยคงจะเบาไม่พอ คนตรงหน้าผมได้ยินเป็นที่เรียบร้อย พลันก็ตอบแทน

“แฟนเก่าน่ะ”

แล้วก็ยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มที่...เห็นแล้วผมไม่ชอบเลย

มันยังไงกันเนี่ยพี่อินทร์!?

ทว่าพอจะขอคำตอบจากพี่อินทร์ ผมก็ต้องปิดปากสนิทเมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาแทบจะกินหัวคนที่ชื่อจิณห์ได้อยู่แล้ว

“ไม่ใช่!”

จู่ๆ ก็เสียงดังออกมาด้วย ผมสะดุ้งเล็กน้อย ตกใจที่เห็นเขาโกรธจริงจังเป็นครั้งแรก แต่อีกฝ่ายไม่ยี่หระใดๆ ได้แต่หัวเราะในลำคอ

“ก็ไม่เห็นจะต้องปฏิเสธเสียงแข็งขนาดนั้นเลยนี่”

“อย่ามาพูดอะไรไร้สาระ เราไม่เคยเป็นอะไรกัน”

พี่อินทร์เถียงออกไปในทันที จิณห์ร้องอ๋อยาวออกมา

“เพิ่งจะรู้นะเนี่ยว่าไม่เคยเป็นอะไรกัน คำตอบน่าผิดหวังจังนะ ไม่คิดว่ากลับมาเจอกันอีกทีจะได้ยินคำพูดนี้”

ยิ่งพูด ผมก็ยิ่งจับต้นชนปลายไม่ถูก ส่วนพี่อินทร์ก็มองคนตรงหน้าเขม็ง ตอนนี้น้ำเสียงก็แข็งตามสายตาไปแล้วด้วย

“ถ้ายังพูดอะไรไร้สาระอยู่ อย่าหาว่าไม่เกรงใจก็แล้วกัน”

ดูโกรธมาก...

ทำไมกัน?

แต่ผมไม่กล้าถามเขาหรอก เพราะสิ้นเสียง เขาก็ออกคำสั่งแล้ว

“จิ ขึ้นรถ”

แล้วผมจะกล้าตอแยเหรอ รีบก้าวฉับๆ ไปขึ้นรถทันที พี่อินทร์เข้ามาในรถได้ก็สตาร์ตเรื่องแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้จิณห์มองตามพร้อมกับโบกมือบ๊ายบาย ผมเห็นแล้วก็ไม่เข้าใจเลยสักนิด

ไม่เข้าใจเลย... ถ้าจิณห์ไม่ใช่แฟนเก่าพี่อินทร์ แล้วทำไมถึงต้องพูดอะไรให้ชวนเข้าใจผิดกันด้วยล่ะ

ผมก็ยังไม่ถามอยู่ดี รอให้พี่อินทร์เป็นฝ่ายอธิบายแทน ทว่าเขาก็ไม่พูดอะไรสักคำ ได้แต่ขับรถพร้อมกับสบถอย่างหัวเสียมาเป็นระยะ ท่าทางของเขาแปลกไปมาก ผมเห็นแล้วก็อึดอัดจนกระสับกระส่ายไปหมด และคงจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่ พี่อินทร์ถึงได้ทำลายความเงียบขึ้น

“ไม่สบายใจใช่ไหม”

ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธ ผมเลยพยักหน้าไป พี่อินทร์เหลือบมองผมเล็กน้อย ก่อนหันไปมองทางเหมือนเดิม

“พี่ก็ไม่สบายใจ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะบังเอิญเจอ”

ผมเหลือบมองเขา สีหน้าเขายังคงดูยุ่งเหยิงเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน ผมเองก็เดาไม่ถูกเหมือนกันว่าเขากับจินตะหราในชาตินี้ไปมีเรื่องขุ่นใจอะไรกันไว้ แต่พี่อินทร์บอกว่าไม่ใช่แฟนเก่า...

ถ้าไม่ใช่แฟนเก่า ไม่เคยเป็นอะไรกัน แล้วทำไมถึงไม่อธิบายอะไรสักทีล่ะ

ผมก็ไม่กล้าถาม นอกจากจะเอะใจเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ขับรถไปในเส้นทางที่มุ่งตรงไปยังหอพักของผม แต่ไปอีกเส้นทางหนึ่งที่มุ่งหน้าไปมหาวิทยาลัยแทน

“พี่อินทร์จะไปไหนเหรอครับ”

อดไม่ได้ที่จะถาม พี่อินทร์ตอบออกมาโดยไม่หันมามอง

“ไปหาไอ้บุศย์”

“เอ๋?”

“เรื่องนี้ถ้าพี่เป็นคนพูดไป จิคงจะไม่เชื่อ พี่จะให้ไอ้บุศย์อธิบายว่าจิณห์เป็นใคร ไม่โทรบอกมันก่อนด้วยเพื่อความบริสุทธิ์ใจ ไปแบบเซอร์ไพรส์นี่แหละ มันจะได้ไม่ต้องคิดคำตอบล่วงหน้า”

“ทำไมต้องให้พี่บุศย์เป็นคนอธิบายด้วยล่ะครับ พี่อินทร์อธิบายเองไม่ได้เหรอ”

สิ้นเสียง พี่อินทร์ก็หันมามองผมด้วยแววตายากจะอ่าน

“ถ้าพี่พูดแล้วจิจะเชื่อพี่เหรอ”

ผมนิ่ง... ตอบไม่ได้เลยว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ยอมรับตามตรงว่าผมก็หวั่นใจกับคำพูดของผู้ชายคนนั้นเหมือนกัน ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่อิเหนารักมากมายจนถึงกับยอมถอนหมั้นบุษบาด้วยแล้ว ผมก็หวั่นใจแปแลกๆ แล้วก็ไม่มั่นใจตัวเองด้วยว่าจะเชื่อใจพี่อินทร์ได้มากสักแค่ไหน

ก็อีกฝ่าย...คืออิเหนา

สุดท้ายก็เชื่อใจพี่อินทร์ได้ไม่เต็มร้อยสักที ผมนั่งเงียบ ไม่รู้จะตอบยังไงไม่ให้เขาเสียใจ แต่พอเขาเห็นผมไม่ตอบ พี่อินทร์ก็ยิ้มขึ้นมาบางๆ

“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ไอ้บุศย์เป็นคนอธิบายนั่นแหละ ดีที่สุดแล้ว”

หลังจากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นระหว่างเราอีกจนกระทั่งถึงยังที่หมาย

 

พี่บุศย์ดูค่อนข้างงุนงงพอสมควรที่จู่ๆ ผมกับพี่อินทร์ก็โผล่พรวดมาที่ห้องเขาโดยไม่ได้โทรบอกก่อนล่วงหน้า แต่พอเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของพี่อินทร์แล้ว เขาก็ไม่ได้ถามซักไซ้อะไรนอกจากเปิดประตูให้พวกเราเข้าไปในห้อง พอผมกับพี่อินทร์ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาได้ พี่อินทร์ก็โพล่งออกมาทันที

“จิณห์กลับมาแล้วนะ”

พี่บุศย์ที่กำลังยืนรินน้ำใส่แก้วอยู่หน้าตู้เย็นชะงัก หันมามองด้วยสีหน้าตกใจ

“ว่าไงนะ”

“กูบอกว่าจิณห์มันกลับมาแล้ว”

เท่านั้นพี่บุศย์ก็ดูเคร่งเครียดตามพี่อินทร์ไปด้วย ทำให้ผมประหลาดใจมากขึ้นไปใหญ่

จินตะหราในชาตินี้นอกจากจะมีอะไรขุ่นใจกับอิเหนาแล้ว ยังมีเรื่องขุ่นใจกับบุษบาอีกเหรอ?

คิดๆ ดูแล้วมันก็คงจะไม่แปลกนะ จินตะหรากับบุษบาก็ไม่ลงรอยกันอยู่แล้วเพราะอิเหนาปันใจจากจินตะหราไปหาบุษบานี่ บางทีการกลับมาเกิดใหม่ ถึงจะจำอดีตชาติไม่ได้ แต่ก็อาจจะมีความแค้นฝังลึกอยู่ในดวงจิตติดตามกลับมาด้วยก็เป็นได้

แต่จะอะไรก็ช่าง พี่บุศย์เดินมาหยุดตรงหน้า ถามเสียงเครียด

“แล้วเจอกับจิด้วยไหม”

พี่อินทร์พยักหน้าให้เป็นคำตอบ เท่านั้นพี่บุศย์ก็สบถออกมา

“ฉิบหาย”

ผมขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้น พี่บุศย์ก็หันมาหาผมทันที

“ฟังพี่นะจิ อะไรก็ตามที่ไอ้เวรนั่นมันพูดกับจิ ไม่ใช่เรื่องจริง โอเคไหม”

ผมมองหน้าเขา พี่บุศย์ออกตัวเข้าข้างเพื่อนตัวเองสุดแรงจนผมต้องเอ่ยปากถาม

“ทำไมถึงบอกว่าไม่ใช่เรื่องจริงล่ะครับ”

“ก็ไอ้เวรนั่นมัน...” แล้วเขาก็ชะงักไป สบตากับพี่อินทร์เล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจ “โอเค งั้นเดี๋ยวพี่เล่าเท้าความให้ฟังก่อนแล้วกัน คืองี้ ไอ้จิณห์กับไอ้อินทร์ แล้วก็พี่ เคยเป็นเพื่อนกัน หมายถึงเพื่อนสมัยเด็กน่ะ แต่มีเรื่องบางอย่างทำให้ต้องเลิกคบกัน”

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

“จิณห์มันผิดคำสัญญา”

คำสัญญา...

“ระหว่างพี่ ไอ้อินทร์ แล้วก็มัน มีข้อตกลงบางอย่างร่วมกัน ซึ่งข้อตกลงนี้พวกพี่ไม่ได้บังคับใคร ทุกอย่างเป็นไปด้วยความสมัครใจ ตอนแรกไอ้จิณห์มันก็สมัครใจ แต่สุดท้ายมันก็ผิดคำพูด มันเลยเป็นเรื่องใหญ่โตนิดหน่อย เราค่อนข้างทะเลาะกันรุนแรงถึงขั้นเลือดตกยางออกน่ะ ก็เลยเลิกคบกัน”

“เลือดตกยางออกเหรอครับ”

พี่บุศย์พยักหน้าแล้วเหลือบไปมองพี่อินทร์ “มันแทงไอ้อินทร์”

ผมหันขวับไปมองคนข้างกายทันที พี่อินทร์ก็พยักหน้าให้เช่นกันก่อนจะเลิกเสื้อขึ้นแล้วชี้ที่หน้าท้องให้ดู ผมเห็นรอยแผลเป็นขนาดสองข้อนิ้วก้อยตรงท้องน้อยแล้วก็อ้าปากค้าง ไม่คิดมาก่อนเลยว่ารอยที่เห็นบ่อยๆ มันจะเกิดจากการถูกแทง

ทำไมจินตะหราในชาตินี้ถึงได้เลวร้ายขนาดนี้ มันเกิดอะไรขึ้น!

“พ่อแม่ไอ้อินทร์ไม่แจ้งความเพราะก็สนิทกับบ้านของไอ้จิณห์ แต่สั่งห้ามไม่ให้เข้าใกล้อีก แต่ไอ้จินห์มันก็ไม่หยุด มาตามสตอล์กเกอร์ไอ้อินทร์ คอยหาเรื่องอยู่บ่อยๆ บ้านไอ้อินทร์เลยขู่ว่าถ้าไม่หยุดจะเอาจริง บ้านของไอ้จินห์ก็เลยส่งไปเรียนเมืองนอกเป็นการตัดปัญหา”

เขาอธิบายเพิ่ม ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าอะไรที่ทำให้พวกเขาทะเลาะกันรุนแรงแบบนี้ แต่ก็ไม่กล้าถามแล้ว พอจะเดาได้ว่าคงจะเป็นเรื่องเชิงชู้สาวแน่

ถ้าไม่ใช่...แล้วจิณห์จะอ้างตัวเองว่าเป็น ‘แฟนเก่า’ ทำไมล่ะ

“มันกลับมาอย่างนี้ พี่ว่าเดี๋ยวมันจะต้องมาสร้างเรื่องกวนใจให้จิกับไอ้อินทร์แน่ พี่เลยจะขอเตือนจิไว้อย่าง”

พี่บุศย์ว่าขึ้นมาอีกแล้ว ผมพยักหน้ารับให้เขาก่อนที่เขาจะพูดต่อ

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้เชื่อใจไอ้อินทร์ เชื่อใจมันนะจิ ไม่มีใครหวังดีและรักจิได้เท่ามันอีกแล้ว”

ผมเม้มริมฝีปากแน่น หันไปมองพี่อินทร์ที่กำลังจ้องผมอยู่ สายตาของเขาดูเป็นกังวลไม่แพ้พี่บุศย์เลย ถึงผมจะยังมีหลายเรื่องที่สงสัย แต่ผมก็เห็นว่าคงไม่เหมาะที่จะถามอะไรเพิ่มเติมในตอนนี้ สถานการณ์มันเครียดมากจนผมไม่อยากจะทำให้แย่ลงไปกว่าเดิมอีก อีกอย่าง...พี่อินทร์สาบานกับผมแล้วนี่ว่าจะรัก จะดูแลผมเป็นอย่างดี ทำไมผมถึงจะไม่เชื่อใจเขาล่ะ

“ครับ จิจะเชื่อใจพี่อินทร์”

เท่านั้นก็เรียกรอยยิ้มบางๆ จากพี่อินทร์ขึ้นมาได้ เขาคว้ามือผมไปจับแล้วออกแรงบีบเบาๆ

“ขอบใจนะจิ”

ผมยิ้มให้เขา ไม่อยากเห็นเขากังวลใจ ขณะที่พี่บุศย์ทิ้งตัวลงนั่งบนขอบเตียงแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ตามมาด้วยว่าสั้นๆ

“ระวังตัวด้วย”

พี่อินทร์ตอบรับ หลังจากนั้นก็คุยอะไรกันอีกนิดหน่อยซึ่งไม่ใช่เรื่องของผู้ชายคนนั้น ปล่อยให้ผมได้แต่นั่งขบคิดเพียงลำพัง

จินตะหราแทงอิเหนา ผิดคำสัญญา บุษบาบอกให้ระวังตัว แถมยังบอกให้ผมเชื่อใจอิเหนาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก

มันต้องเป็นเรื่องใหญ่ที่ผมคาดคิดไม่ถึงแน่ๆ แต่...มันเรื่องอะไรกันล่ะ?

 

ผมคงจะไม่ได้คำตอบง่ายๆ ถ้าพี่อินทร์ไม่เป็นคนพูดเอง ส่วนพี่บุศย์ ถึงเขาจะยอมเล่าแต่ก็ไม่ได้เล่าทั้งหมด ราวกับว่าได้รับอนุญาตให้พูดได้แค่นี้อย่างไรอย่างนั้น ผมก็เลยไม่อยากเซ้าซี้ ไว้พี่อินทร์หายเครียดเมื่อไร ค่อยตะล่อมถามเอาก็ได้

เขาพาผมขับรถกลับไปที่หอ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปเส้นทางที่มุ่งหน้าไปหออีกจนได้ ผมหันไปมองเขาด้วยความประหลาดใจ พี่อินทร์ก็ตอบออกมาโดยที่ผมยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถามด้วยซ้ำ

“พี่อยากแวะที่นึงทำธุระสักแป๊บ”

ผมก็เลยไม่ท้วง จนกระทั่งเห็นเขาเลี้ยวเข้ามาในวัดแห่งหนึ่ง เท่านั้นผมก็ถามเขาทันที

“พี่อินทร์มาวัดทำไมครับ”

เขาขับรถไปจอด ดับเครื่องแล้วถึงได้หันมาตอบ

“จิเชื่อใจพี่ไหม”

ไม่สิ ไม่ใช่ตอบ เป็นถามคืนต่างหาก ผมเลิกคิ้วสูง ไม่เข้าใจว่าเขาจะมาถามเรื่องนี้ทำไม

“จิก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ”

ใช่ ผมบอกไปแล้ว ในห้องของพี่บุศย์น่ะ แต่พี่อินทร์ดูไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไร เขามองผมอย่างครุ่นคิดก่อนถามออกมาอีก

“ต่อให้มีคนอื่นมาอ้างตัวว่าเป็นแฟนเก่าพี่ หรือเป็นอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเราสั่นคลอน จิก็จะเชื่อใจพี่ใช่ไหม”

ผมรู้ว่าเขาถามอ้อมๆ จริงๆ แล้วเขาหมายถึงตอนที่จินห์บอกว่าตัวเองเป็นแฟนเก่าเขาน่ะ ซึ่งพอถูกถามอย่างนี้ ผมก็ชะงักงันไปอีกครั้ง

เชื่อใจเหรอ... เอาตรงๆ นะ มันทำใจยากมากเลยในเมื่อผมรู้ดีแก่ใจว่าอีกฝ่ายคืออิเหนากลับชาติมาเกิด ต่อให้เขาจำอดีตชาติของตัวเองไม่ได้ แต่เพราะผมจำได้และรู้ว่าเขามีความสัมพันธ์กับใครต่อใครมามากหน้าหลายตา มันเลยทำให้ผมชั่งใจไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจตอบว่า ‘เชื่อ’ เพื่อให้เขาสบายใจ

“จิ...”

แต่พี่อินทร์ก็แทรกขึ้นมา

“ลงรถ”

“ครับ?”

“ลงรถจิระ เราจะเข้าไปข้างในกัน”

สิ้นเสียง พี่อินทร์ก็ลงจากรถทันที ไม่รอให้ผมพูดอะไรทั้งนั้น ผมไม่ชอบสถานการณ์กับความรู้สึกกระอักกระอ่วนแบบนี้เลย แต่ต้องทำตามเพราะก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาคิดจะทำอะไร

พี่อินทร์เดินนำผมเข้าไปที่โบสถ์ หยอดเงินใส่ตู้รับบริจาค บูชาดอกไม้ธูปเทียนมาสองชุด ก่อนจะคว้ามือผมให้เดินตาม มาปล่อยอีกทีก็ตอนที่เรามาถึงตะเกียงสำหรับจุดธูป

พี่อินทร์จุดธูปแล้วส่งให้ผมสามดอกพร้อมกับดอกบัวอีกดอก มือข้างหนึ่งก็ถืออีกสามดอกกับดอกบัวสำหรับตัวเอง พอเสร็จสิ้นก็คว้ามือผมอีกครั้งแล้วจูงให้ไปนั่งอยู่ตรงหน้าพระประธาน

ผมมองเขาด้วยความงุนงงว่าเขาคิดจะทำอะไร

ไม่สบายใจเลยแวะมาไหว้พระเหรอ การได้เจอกับจินตะหราในชาติใหม่ มันทำให้เขาจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างนี้เลยหรือไง?

ผมว่าผมอยากรู้เบื้องลึกเบื้องหลังระหว่างพี่อินทร์กับผู้ชายคนนั้นมากแล้วนะ แต่ตอนนี้อยากรู้มากกว่าว่าพี่อินทร์คิดหรือรู้สึกอะไรอยู่กันแน่ ทว่า...ทุกอย่างที่ผมคิดก็ผิดพลาดไปหมด มาเข้าใจได้ว่าเขาแวะมาที่วัดทำไมก็ตอนที่พี่อินทร์เปล่งเสียงออกมา

“ขอเทพยาดาผู้รักษาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์จงรับรู้การกราบสักการะของข้าพเจ้า...นายอินทรา ในครั้งนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลที่ได้สร้างสมข้ามภพข้ามชาติมาแด่ทวยเทพเทวาผู้รักษา ผู้สถิต ผู้ดูแล พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เพื่อให้เป็นประจักษ์พยานแก่คำสัตย์สาบานของข้าพเจ้า...”

เขาเว้นไปชั่วครู่ ก่อนจะเหลือบมามองผมแล้วยกยิ้มขึ้น

“...ข้าพเจ้าขอสาบานได้ด้วยชีวิตว่าจะรักและภักดีกับนายจิระ ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างข้าพเจ้าในขณะนี้ตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ จะปกป้อง จะดูแล จะทำทุกอย่างเพื่อให้จิระมีความสุขไปชั่วชีวิต หากผิดคำสาบาน ขอให้ข้าพเจ้ามีอันเป็นไป ขอให้ท้าวเวสสุวรรณลงทัณฑ์ให้ตกนรกหมกไหม้ ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป”

ได้ยิน ผมก็เบิกตาโพลง ปากจะห้ามเขาสาบานสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้ แต่ก็ไม่ทันแล้วเมื่อเขาเอ่ยประโยคสุดท้ายออกมา

“ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงเป็นพยาน...”

ที่แท้ที่แวะมาวัดก็เพื่อจะมาสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อผมเหรอ!?

แทบไม่อยากเชื่อว่าเขาจะทำแบบนี้ ต่อให้สมัยนี้ไม่มีใครเชื่อคำสาบานอะไรสักเท่าไรแล้วก็ตาม แต่สำหรับผมที่ยังมีดวงจิตผูกติดกับอดีตชาติอยู่ การสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาพูดเล่นๆ ได้ คนโบราณเขาถือกันจะตาย ยิ่งเมื่อชาติก่อน ถ้าใครเอ่ยคำสาบานขึ้นมาแล้วล่ะก็ เป็นเรื่องใหญ่เลยที่เดียวนะ ยิ่งเมื่อกี้ผมเห็นแสงสว่างวาบประกายเรืองรองออกมาจากตัวของพี่อินทร์ทันทีที่เขาพูดจบ ผมก็ใจไม่ดีเลย

ก็นั่นมันเป็นเครื่องหมายของการประทับตราคำสัตย์สาบานนี่นา ปวงเทพทั้งมวลรับรู้คำสาบานด้วยชีวิตนั่นไว้แล้ว ถ้าเขาผิดคำสาบานล่ะก็ ต่อให้ไม่ตาย ชีวิตก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างแน่นอน แล้วผมก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นด้วย

“พี่อินทร์ไม่น่าสาบานแบบนี้นะครับ มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ จิถือ”

อดหงุดหงิดขึ้นมาน้อยๆ ไม่ได้ด้วยที่เขาทำอะไรไม่ถามผมก่อน หงุดหงิดเพราะเป็นห่วงเขานั่นแหละ มันเป็นไปได้ยากมากเลยนะที่เขาจะรักผมไปตลอดชั่วชีวิต เราสองคนอายุแค่นี้เอง อนาคตยังอีกตั้งยาวไกล ขนาดผมยังที่รักบุษบานักหนาจนกลายเป็นแค้นสุมอกยังเปลี่ยนใจมารักเขาได้เลย แล้วทำไมพี่อินทร์จะเปลี่ยนใจบ้างไม่ได้ล่ะ

แต่พอผมพูดไปอย่างนั้น พี่อินทร์ก็ยิ้มออกมา

“พี่ก็ไม่ได้เล่น พี่พูดจริงๆ ที่พี่ทำแบบนี้ก็เพราะอยากให้จิสบายใจ สาบานแค่ลมปากที่พี่เคยพูดน่ะ มันยังไม่พอหรอก”

“...”

“แต่อะไรที่พี่สาบานไป พี่ก็จะทำตามนั้นจริงๆ”

ผมพูดอะไรต่อไม่ออกเลย ตอนนี้มีความดีใจพร่างพรายขึ้นมา ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะถึงขั้นมาให้สัตย์สาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ มันเหนือความคาดหมายมากๆ ก่อนที่เขาจะแบมือมาตรงหน้า

“เอาธูปมาสิ พี่ไปปักให้”

ผมยื่นให้เขา เขาคลานไปปักธูปลงกระถาง ผมเลยขยับเอาดอกบัวไปวางในพานตรงหน้า พอเรียบร้อยก็ถอยมาก้มกราบสามครั้ง พอเงยหน้าขึ้นมา พี่อินทร์ก็คว้ามือผมไปจับไว้แน่นพร้อมกับยิ้มกว้าง

“พี่สาบานไว้แล้ว พี่จะรักและภักดีแค่จิคนเดียว...ตลอดไป”

พี่อินทร์...

ถึงจะไม่เห็นด้วยเท่าไรกับการสาบานในครั้งนี้ แต่ก็ต้องบอกตามตรงว่าการกระทำของเขามันทำให้ผมเชื่อใจเขาขึ้นมาอย่างสนิทใจ ถ้าเขาไม่มั่นใจก็คงไม่พูดอย่างนี้ ต่อให้เขาไม่เชื่อเรื่องสิ่งลึกลับหรืออำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เถอะ แต่มันก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นมากจริงๆ จนอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างตอบรับเขา

“จิรักพี่อินทร์นะครับ”

เป็นครั้งแรกที่ผมบอกรัก ผมคิดว่าเขาควรจะได้ยินสักที และทันทีที่สิ้นเสียง พี่อินทร์ก็ยิ้มกว้างออกมา ดวงตาเป็นประกายสดใส เหมือนกับว่าดีใจจนเก็บไม่อยู่ที่ได้ยินผมพูดประโยคนี้ ก่อนจะบีบมือผมแน่นมากขึ้นไปอีก

“จิต้องรักพี่ตลอดไปนะครับ”

ผมพยักหน้า ไม่เคยสุขใจอะไรเท่านี้มาก่อนในชีวิตเลย ในใจก็ตอบรับคำพูดของเขาไปแล้วด้วย

จิก็ขอสาบานว่าจะรักพี่อินทร์ตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่เหมือนกัน

จิรักพี่อินทร์ที่สุดเลย...

 --------------------------------

วันนี้อัปเร็วค่ะ อัปแต่หัววันเลยเพราะเขียนจบพอดี เห็นว่าเป็นวันหยุดด้วย ตื่นมาแล้วจะได้อ่านกันเลย ตอนนี้ยาวนิดนึง กำลังเข้ากลางเรื่องแล้ว ปมต่างๆ จะเริ่มมาละ จินตะหราวาตีชาตินี้ออกมาซะตัวร้ายเลย แต่จะร้ายจริงๆ หรือเปล่านั้นนนนน...ให้คนเขียนทำนายกันนนน #โดนตบ 555

ใครที่กลัวใจว่าจะมาม่า ขอให้พนมมือแล้วนึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วไว้ให้ดี ใคร DM หรืออินบ็อกซ์มาถามเยา เยาก็จะไม่ฉะปอย เพราะ...ยังคิดตอนต่อไปไม่ออก ฮา #ผิดๆ

จริงๆ วางโครงไว้จบเรื่องแล้วค่ะ เรื่องนี้เหมือนจะไม่ยาวแต่ก็แอบยาว ไปๆ มาๆ ปมเยอะซะงั้น รออ่านกันนะทุกคนนน XD

 

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 17★สัตย์สาบาน[12.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 12-05-2018 09:55:56
ตั้งสัตย์สาบายกันขนาดนี้ นว้องจิแก้วตายาพี่ก็ม้วนอ่ะดิ
จะย้ายไปอยู่กับอิผีบ้า ก็อย่าให้พี่มันเย้ง่ายๆ นะ นว้องจิ

อริ้ววววว อยากเป็นหมอนข้างห้องนอนอิพี่อินทร์
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 17★สัตย์สาบาน[12.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 12-05-2018 09:57:25
คำสัตย์สาบานของจินตหรา อิเหนา และ บุษบา
จะประมาณว่า จะไม่กิ๊กกันเองรึเปล่าน๊าาา
แต่ก้อหวังว่าจรกาจะไม่หวั่นไหวกับอะไรต่อจากนี้นะ...เริ่มต้มมาม่า..TT
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 17★สัตย์สาบาน[12.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 12-05-2018 10:33:44
ฮา จะเย้ จะว้าวกัน
รอพี่อินทร์ได้เย้้้้้  :o8:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 17★สัตย์สาบาน[12.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 12-05-2018 10:46:17
แน่ๆเลย ทั้งสามคนอาจจะทำสัญญาว่าจะไม่รู้สึกเกินเลยกันแน่ๆ ยัยจินตะหราวาตีผิดสัญญาละซี่
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 17★สัตย์สาบาน[12.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-05-2018 11:50:49
ด้วยใฝ่รักให้เกินพักตรา 
จึงมีแต่เวทนาเป็นเนืองนิตย์


หล่อนพูดเองนะแม่จินตะหราวาตี จะมาจองเวรอะไรอีก
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 17★สัตย์สาบาน[12.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 12-05-2018 13:08:43
จินตะหรานายร้ายช่ายยยม่ายยยยตอบ มีแทงพี่อินด้วย โห้ยยยย :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 17★สัตย์สาบาน[12.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 12-05-2018 14:39:16
รู้สึกถึงความปั่นป่วน
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 17★สัตย์สาบาน[12.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 12-05-2018 14:41:27
เห็นเรื่องปวดหัวมาแต่ไกลเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 17★สัตย์สาบาน[12.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-05-2018 14:45:30
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 17★สัตย์สาบาน[12.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-05-2018 15:30:35
วุ่นดีแท้ หนูจิปวดหมองยังเนี่ย  :really2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 17★สัตย์สาบาน[12.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 12-05-2018 18:05:49
  :pig4:
อยากรู้ที่มาที่ไป  จะเป็นอย่างไรถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นกลับตาลปัต สลับตำแหน่ง เปลี่ยนตัวตนกันไปหมดแบบนี้
 :z10:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 17★สัตย์สาบาน[12.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-05-2018 20:11:27
 :hao7:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 12-05-2018 20:33:18
พล็อตน่าสนใจค่ะ ติดตามเลย ใครนะจะได้คู่กับจรกา
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 17★สัตย์สาบาน[12.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 12-05-2018 22:02:26
เหมือนเห็นความวุ่นวายกำลังจะมา เอาใจช่วยทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 02★ น้องจรกา[27.4.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 13-05-2018 00:45:02
ฮาอ่ะ   :laugh: แต่ก็นะ ไม่ใช่ว่าฮาไปฮามาม่าชามเบ้อเริ่มนะคะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 17★สัตย์สาบาน[12.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 13-05-2018 01:15:15
พี่อิททร์ตอนสาบานนี่โคตรพระเอกอ่ะ แบบหล่อภจนลบภาพบ้าๆของนางได้ ตัดภาพไปตอนหน้าบ้าจนอยากเรียกรถโรง'บาลมารับอ่ะ 55555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 14★ใจอิเหนาเป็นของจรกา[10.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 13-05-2018 03:13:27
เรื่องอะไรรรรรรที่บอกน้องไม่ได้ เรื่องระลึกชาติน่ะเหรอ

หรือเรื่องอะไร ถ้าไม่รีบบอกระวังไว้ให้ดีนะพ่ออิเหนา
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 17★สัตย์สาบาน[12.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 13-05-2018 03:36:32
เหมือนคดีจะพลิกนะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 17★สัตย์สาบาน[12.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 13-05-2018 04:53:58
นั่นสิ  มีเรื่องอะไรที่เล่าให้จิหรือจรกาฟังไม่ได้
นี่ก็ชาติใหม่แล้ว อะไรๆก็เปลี่ยนไปเยอะ ทำไมไม่มุ่งหน้าทำปัจจุบันให้มันดี  ยิ่งอ่านยิ่งงง
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 17★สัตย์สาบาน[12.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 13-05-2018 14:09:02
Chapter 18: คู่ตุนาหงัน[1]

ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ พี่อินทร์ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไร ตั้งแต่ที่เจอกับจิณห์...อันที่จริงผมควรเรียกว่าพี่เพราะอีกฝ่ายอายุมากกว่า แต่ก็ช่างเถอะ รู้แต่ว่าตั้งแต่ที่พี่อินทร์ได้เจอกับผู้ชายคนนั้น เขาก็ดูหงุดหงิดไปทุกสิ่งอย่าง แม้ว่าจะไม่ได้หงุดหงิดใส่ผมหรือโวยวายอะไร ทว่ารอยย่นระหว่างหัวคิ้วและสีหน้าบึ้งตึงทุกครั้งที่ลืมตัวนั่นก็ทำให้ผมรับรู้ได้ว่าเขาไม่สบายใจเท่าไรที่ได้เจอกับอดีตเพื่อนสนิท

ผมก็ไม่กวนใจเขาหรอก เห็นเขาอารมณ์ไม่ดีก็อดไม่ได้ที่จะทำตัวให้น่าแกล้ง เผื่อว่าได้แกล้งผมแล้ว พี่อินทร์จะอารมณ์ดีขึ้น ซึ่งมันก็ได้ผลพอสมควร ยิ่งผมย้ายเข้ามาอยู่กับเขาแล้ว เขาก็ดูเกือบจะเป็นปกติ

ใช่ แค่เกือบน่ะ...

“จิ”

กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ดีๆ พี่อินทร์ที่เพิ่งจะกลับเข้าห้องมาก็โพล่งขึ้น วันนี้เขามีเรียนบ่ายเลยกลับเย็น ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้าเลยกลับมานอนขลุกอยู่ที่ห้อง และเสียงนั้นก็ทำให้ผมละสายตาไปมองเขา

“ครับ?”

“เสาร์-อาทิตย์นี้มีนัดเพื่อนไปไหนหรือเปล่า”

“ทำไมเหรอครับพี่อินทร์”

ผมลุกขึ้นนั่ง พี่อินทร์ปิดประตูแล้วบอกกับผมเสียงเรียบ

“ถ้าไม่มี พี่จะชวนไปเที่ยว”

ผมค่อนข้างแปลกใจพอสมควรที่จู่ๆ เขาก็มาชวนผมไปเที่ยวแบบนี้ แต่พอหันไปเห็นสีหน้าของเขาที่มีรอยยิ้มประดับพรายน้อยๆ แล้ว ผมก็เลิกสงสัย

“เครียดน่ะ อยากไปคลายเครียดหน่อย ยังไม่เคยไปเดตกับจิด้วย อยากไป”

เครียดเรื่องอะไร ผมรู้อยู่แก่ใจ แล้วผมจะปฏิเสธเหรอ เขาขอมา ผมก็พยักหน้ารับทันที

“ไม่มีครับ แล้วพี่อินทร์จะพาจิไปไหนเหรอ”

ผมว่าด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ทำเหมือนตื่นเต้นหน่อย เขาจะได้อารมณ์ดีขึ้น

“ไปจันทบุรี”

“เอ๋?”

“บ้านพี่มีสวนผลไม้อยู่ที่นั่น มีบ้านทรงไทยด้วย อยากพาจิไปนอนเล่น”

พี่อินทร์ตอบเมื่อเห็นผมสงสัยประมาณว่าทำไมถึงจะไปเที่ยวที่นั่น พอเขาตอบแล้ว ผมก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ รู้อยู่หรอกว่าบ้านพี่อินทร์มีตังค์ ก็เลยไม่แปลกใจว่าทำไมถึงมีสวนผลไม้ที่จังหวัดนั้นด้วย มันก็คงเป็นหนึ่งในธุรกิจครอบครัวของเขานั่นแหละ

“ว่าไง อยากไปไหม”

เขาถามเมื่อเห็นผมเงียบ ผมอยากให้เขาอารมณ์ดีก็เลยยิ้มแฉ่งให้

“อยากไปสิครับ จิก็อยากไปเดตกับพี่อินทร์เหมือนกัน”

พี่อินทร์ก็ยิ้มรับ “แต่ไปเดตแบบนอนค้างคืนนะ”

“จะค้างหรือไม่ค้างก็ไม่เห็นต่างกันเลย ปกติจิก็นอนกับพี่อินทร์อยู่แล้ว”

นอนที่ว่า หมายถึงนอนจริงๆ ไม่ได้มีความหมายอื่นแอบแฝงเลยสักนิด แต่พี่อินทร์กลับยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยออกมา วางกระเป๋าเอกสารแล้วตรงมาทรุดนั่งลงข้างๆ ผม

“แต่ครั้งนี้ไปนอนกับพี่ พี่ไม่ได้อยากทำแค่นอนเฉยๆ”

ผมสบตาเขา ในอกวูบไหวขึ้นมาพร้อมกับความร้อนที่แล่นมายังใบหน้า

ไม่ได้อยากทำแค่นอนเฉยๆ หรือพี่อินทร์จะหมายถึง...

“อยากชวนเธอไปเยอีเยอีเยอีเย้~”

นั่นไง! กูว่าแล้ว คิดอกุศลจริงๆ ด้วย!

แล้วก็ระริกระรี้มากอดผมใหญ่เลย ลืมไปหมดว่าก่อนหน้านี้ดูซีเรียสอยู่ คือเอาจริงๆ เรื่องนี้เนี่ย พี่อินทร์ก็ถามผมแล้วหลายรอบเหมือนกันว่าเมื่อไรจะได้ทำกัน แต่เพราะผมไม่เคย แล้วก็กลัวๆ อยู่ว่าจะเจ็บ ก็เลยไม่ได้ตกลงปลงใจสักที เห็นทีที่ชวนผมไปเที่ยวบ้านสวนของเขาคราวนี้ ผมคงหนีไม่รอดแล้วมั้ง

“แต่ถ้าจิไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรนะ พี่ไม่บังคับ”

พี่อินทร์ว่าเมื่อเห็นผมขมวดคิ้วเคร่งเครียด เขาก็พูดแบบนี้ทุกทีแหละเวลาขอแล้วเห็นผมคิดนาน ผมมองหน้าเขาพลางคิด

ถ้าผมยอมเป็นของเขา เขาจะอารมณ์ดีขึ้นกว่านี้หรือเปล่า?

คงจะอารมณ์ดีขึ้นแหละ ได้ทำในสิ่งที่อยากทำน่ะ ในฐานะแฟน ถ้าจะมีอะไรกันมันก็คงไม่เป็นไรมั้ง อีกอย่างผมก็บรรลุนิติภาวะแล้ว ดูแลตัวเองได้ ผมรักเขา เขาก็รักผม คงไม่เป็นไรจริงๆ ...

“แล้ว...มันต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้างครับ”

ถึงจะไม่ตอบรับไปตามตรง แต่ถามอย่างนี้ พี่อินทร์ก็เข้าใจได้ว่าผมยอมตกลงปลงใจแล้ว เขายิ้มกว้างออกมาจนหน้าแป้น กอดผมแน่นกว่าเดิมอีก

“จิไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพี่เตรียมให้ เตรียมตัวเตรียมใจอย่างเดียวก็พอ”

เตรียมตัวเตรียมใจ...

ไม่รู้ทำไมผมถึงเป็นกังวลขึ้นมาน้อยๆ แต่พอเห็นพี่อินทร์ร้องเพลงอะไรก็ไม่รู้ออกมาอย่างอารมณ์ดีแล้ว ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ

ไม่เป็นไรน่า ใครๆ ก็ต้องมีครั้งแรกกันเท่านั้นแหละ ไม่ต้องกลัว...

ถึงจะบอกตัวเองว่าไม่ต้องกลัว แต่ผมก็กลัวอยู่ดีแหละ คิดเล็กคิดน้อยจนนอนไม่หลับ กระทั่งพี่อินทร์พามาถึงบ้านสวนของครอบครัวที่จันทบุรีในวันรุ่งขึ้นนั่นแหละ ผมถึงได้ลืมความกลัวนั้นไปจนหมดสิ้น

บ้านเรือนไทยหลังใหญ่ในสวนผลไม้ บรรยากาศดี แมกไม้ร่มรื่น ผลไม้ก็อร่อย ทำเอาผมลืมความกังวลไปจนหมดสิ้น พี่อินทร์ก็ใจดีกับผมมาก ทั้งพาผมไปสอยมะม่วงมากิน ชวนผมไปช่วยแม่บ้านทำน้ำปลาหวาน พาผมเดินเที่ยวเล่นในสวน เรียกได้ว่ากิจกรรมที่ทำระหว่างวันนี้ทำเอาเขาอารมณ์ดีขึ้นผิดหูผิดตาจากวันก่อนๆ เลยล่ะ

ก็ดีแล้วที่เป็นแบบนั้น เห็นเขาบ้าๆ บอๆ ขี้เล่นขี้แกล้งแบบนี้ยังจะดีกว่าทำหน้าเครียด แบบนั้นผมไม่ชิน

แต่ทว่า...ความสนุกที่สุดของวันเหมือนจะไม่ใช่การพาผมไปทำกิจกรรมต่างๆ แต่เป็นกิจกรรมที่เขาเฝ้าตั้งตารอมาตั้งแต่เมื่อวาน หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ ผมก็มานั่งเล่นในห้องนอน บ้านไม้ทรงไทยนี่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ดีเหมือนกันนะ แต่ที่แปลกใหม่ยิ่งกว่าก็คือ... ความระริกระรี้ของพี่อินทร์ที่ดูเหมือนจะมีมากกว่าเดิมเป็นพิเศษ

“จิระ~”

พี่อินทร์ในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเตรียมอาบน้ำโผมากอดผมหมับ เป็นสัญญาณให้รับรู้ทันทีว่าเขาเตรียมจะทำอะไร ก่อนที่เสียงเบาราวกระซิบจะดังขึ้นที่ข้างหูผม

“พร้อมหรือยังหืม?”

เท่านั้นผมก็รู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนผะผ่าวทันที ยิ่งหันไปเห็นเขาส่งยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยให้ด้วย ผมก็เก็บงำความเขินอายไว้ไม่ไหว ชั่วแวบหนึ่งผมก็นึกอยากจะเปลี่ยนใจเอาในตอนนี้เพราะจู่ๆ ก็ใจฝ่อขึ้นมา แต่พอคิดขึ้นมาได้ว่าถ้าเปลี่ยนใจ พี่อินทร์จะต้องสลดแน่ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาก็ใช้ความอดทนในการรอผมค่อนข้างมากเหมือนกัน ถ้าเกิดว่าวันนี้ไม่ได้เป็นไปตามแผน ปล่อยให้เขาเป็นพ่อสายบัวรอเก้อล่ะก็ คิดไม่ออกเลยว่าหน้าตาเขาตอนที่ทั้งสลด ทั้งเครียดมันจะเป็นแบบไหน

ผมสบตาที่เป็นประกายสดใสอย่างมีความหวังของพี่อินทร์แล้ว พลันก็ถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้

มาถึงขั้นนี้แล้วคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติแล้วล่ะ แต่ว่านะ...ก็ยังลังเลอยู่

“พี่อินทร์อยากทำมากเลยเหรอครับ”

พอผมถาม เขาพยักหน้ารับเร็วๆ ยิ้มแป้นแล้นจนตาหยีเลย

น่ารัก...

น่ารักแบบนี้จะลังเลอะไรอีกเล่า เลิกคิดมากได้แล้วจิระ ใครๆ ก็ต้องมีครั้งแรกกันทั้งนั้นแหละ!

“งั้นพี่อินทร์...”

“...”

“เบามือหน่อยนะครับ จิกลัวเจ็บ”

พอพูดไปอย่างนี้ พี่อินทร์ก็หัวเราะออกมา ผมเม้มริมฝีปากแน่น หน้าง้ำไปเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นความกังวลของผมเป็นเรื่องตลก แต่ก็หัวเราะได้แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ เขาก็กระซิบมาที่ข้างหูผมแล้ว

“เตรียมอุปกรณ์มาพร้อมแล้ว ไม่ต้องห่วง พี่จะอ่อนโยนนะ”

สิ้นเสียง พี่อินทร์ก็เลยลุกไปคว้ากระเป๋าเป้มาเปิด ก่อนจะหยิบของออกมาทีละชิ้น

“อันนี้ถุงยาง อันนี้เจลหล่อลื่น มีหลายกลิ่น เอาไว้ให้จิเลือก ตอนบอกให้เลือกก็ไม่ยอมเลือก พี่เลยกวาดมาทุกสีทุกกลิ่นเลย”

จริงๆ ของพวกนี้เป็นของที่เราไปซื้อด้วยกันหลังจากที่ผมรับปากเขาว่าจะทำนั่นแหละ แต่ตอนที่บอกให้ผมเลือกเนี่ย ผมไม่เลือกหรอกนะ แค่ไปยืนกันสองคนตรงหน้าชั้นขายของพวกนี้ ผมก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ไม่รู้หรอกว่าเขาหยิบอะไรมาบ้างจนกระทั่งพี่อินทร์คว้าเอาขวดเจลหล่อลื่นทรงยาวขนาดพอดีมือขึ้นมา แล้วทำเสียงกระเส่าๆ ใส่ผม

“ลองสูตรเย็นดีไหม รับรองแล้วว่าเย็นซาบซ่านถึงทรวงใน”

เอาแบบธรรมดาก็พอเว้ย! สูตรเย็นไม่เอา!

“ครั้งแรกของจิ จิขอแบบไม่พิสดารนะครับพี่อินทร์”

ผมรีบออกตัวเลย กลัวเขาจะใช้สูตรเย็นจริงๆ พี่อินทร์หัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล ปากก็ว่าไปเรื่อย

“พี่แค่ซื้อมาเผื่อ ไม่เอาสูตรเย็นก็ไม่เอาสิ เอาเบสิกๆ กลิ่นสตรอว์เบอร์รี่ก็แล้วกันเนอะ”

ผมพยักหน้า ตอนนี้หน้าร้อนเห่อมากมาย เดาได้เลยว่ามันจะต้องแดงมากแน่ๆ ขณะที่พี่อินทร์มองผมแล้วก็มาคุกเข่าอยู่ตรงหน้า เอื้อมมือมาดึงแก้มผมทั้งสองข้าง

“อายเหรอยัยตัวเย็ก ทำหน้าน่ายัก แจ้มตุ่ยๆ แบบนี้ ไหนบอกป่าปี๊ซิว่าหนูอายเหยอ”

เสียงสองใส่ผมเฉยเลย สงสัยเอ็นดูกับท่าทางในตอนนี้ของผม ผมเหลือบมองเขาแล้วก็ได้แต่ว่าอุบอิบ

“ก็จิไม่เคย”

“เดี๋ยวก็เคยแล้ว”

พี่อินทร์ว่ายิ้มๆ ระรื่นจนน่าหมั่นไส้มากๆ แต่เขาเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ

“จิต้องทำยังไงบ้างครับ”

ถามไป ใจก็เต้นแรงไป มือทั้งสองข้างที่จับกันอยู่บิดไม่เป็นรูปเลย พี่อินทร์ยิ้มพร้อมกับแววตาพราวระยับ

“ไม่ต้องทำอะไรมากมาย จิแค่ทำตามที่พี่บอก ที่เหลือพี่จะจัดการเองโอเคไหม”

ผมพยักหน้า ไม่ประสาเรื่องแบบนี้นี่นา เขาว่ายังไง ผมก็ต้องว่าตามล่ะ พลันก็มองไปยังพี่อินทร์ที่คว้าอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า ก่อนที่ยื่นให้ผม

“อันดับแรก...จิไปใส่อันนี้มาก่อน”

ผมมองของที่อยู่ในมือเขา มันเป็นผ้าบางๆ เหมือนมุ้ง พอรับมาแล้วคลี่ดู ผมก็ต้องถลึงตาใส่เขาทันทีที่เห็นว่ามันเป็นชุดกระโปรงสายเดี่ยวซีทรูบางๆ ของผู้หญิง ตรงชายด้านล่างมีขนเฟอร์ปลอมสีดำประดับ ดูท่าทางจะเป็นไซส์ใหญ่ที่สุดด้วยมั้ง ไม่รู้ว่าไปซื้อมาตอนไหน สงสัยตอนที่ผมจ่ายเงินอยู่ที่เคาน์เตอร์แน่ๆ ตอนนั้นเห็นแวบๆ ว่าเขาไปเดินป้วนเปี้ยนอยู่หน้าร้านชุดชั้นในสตรีแถวๆ นั้น แต่ก็ไม่สำคัญอะไรแล้วเมื่อพี่อินทร์กระซิบมาอีก

“ชุดนอนไม่ได้นอน เห็นแล้วเซ็กซี่เร้าใจ”

มึงมีรสนิยมอย่างนี้เองเหรอไอ้อิเหนา! ใส่เองเถอะไอ้ชุดมุ้งเนี่ย!

ผมคว้าปาทิ้งลงพื้นทันทีประหนึ่งว่าชุดนั่นเป็นของร้อน ความอายที่มีอยู่ก่อนหน้าอันตรธานหายไปทันตา ก่อนหันไปแหวใส่เขา

“จะบ้าเหรอพี่อินทร์ จิไม่เอาด้วยหรอกนะ ไม่ใส่!”

พี่อินทร์ทำหน้าง้ำตอบรับฉับพลัน “แต่ปี้อินทร์อยากเห็นง่ะ”

แล้วก็กระเง้ากระงอดเป็นการใหญ่ ดีดดิ้นแด๊ะแด๋ด้วย แต่รอบนี้ผมไม่ใจอ่อนหรอกนะ ปฏิเสธเสียงแข็งเลย

“ไม่เอา! ถ้าพี่อินทร์อยากเห็นก็ใส่เองเถอะ จิไม่เอา!”

ดื้อแล้ว ไม่ยอมแล้ว พี่อินทร์ทำหน้ามุ่ยพร้อมกับปากยื่นๆ พลันลุกขึ้นไปหยิบชุดที่ผมขว้างทิ้งเมื่อกี้มาถือ ก่อนตัดพ้อ

“คนใจร้าย”

เออ! กูจะใจร้ายแล้ว! ให้กูใส่ชุดมุ้งแบบนี้ จะเอาไม้หน้าสามฟาดด้วย!

ผมแกล้งไม่พูดกับเขา ทำเมินไปเลย พี่อินทร์ก็ไม่ง้อผมด้วยนะ เดินหายไปไหนไม่รู้ ได้ยินเสียงดังก๊อกแก๊กอยู่พักหนึ่งถึงได้หันกลับไปมอง

“จิระ หันมานี่ๆ”

แล้วผมก็ต้องตกใจจนพรึงเพริด

จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง ก็พี่อินทร์แม่งเอาชุดนั้นไปใส่เองแล้วเรียบร้อย อะไรไม่ว่า ตอนนี้ยืนโพสต์ท่าที่คิดว่าเซ็กซี่สุดชีวิตแล้วด้วย

“คุณจิร้า~”

ปรือตาจือปากมาให้เต็มที่ ดัดเสียงสองด้วย ผมเห็นแล้วก็ได้แต่เบ้หน้า

ทำไมทุเรศงี้!

แล้วแทนที่เห็นผมเบ้หน้า พี่อินทร์จะหยุดนะ ดันไม่หยุด ถามผมมาอีก

“เซ็กซี่ไหมฮ้า~”

เซ็กซ์เสื่อมน่ะสิไม่ว่า! เลิกทำตัวแด๊ะแด๋สักที!

“พี่อินทร์ไปถอดออกเถอะครับ”

“ทำไมล่ะฮ้า~”

“จิคลื่นไส้”

อันนี้พูดจริง ไม่ได้พูดเล่นเลย ถึงเขาจะหล่อแค่ไหน แต่เอาชุดนอนไม่ได้นอนที่เหมือนมุ้งมาใส่แบบนี้ มันไม่โอเค!

พี่อินทร์หัวเราะใหญ่ที่เห็นผมทำหน้าปูเลี่ยน ก่อนจะถลาแท่ดๆ มากอดผมไว้

“อินทราอยากให้คุณจิระถอดให้จังเลย”

“จิจะฉีกทิ้งเลย”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็ทำหน้าตกใจ

“อุ๊ยตาย ชอบแบบรุนแรงก็ไม่บอก”

แล้วกูก็จะตามด้วยกระทืบซ้ำ อย่าทำอะไรแบบนี้อีกนะเว้ย!

แต่พี่อินทร์สนผมไหมล่ะ หึ... ไม่สนเลยสักนิด ยังมีหน้ามาพูดอีก

“แต่น่าเสียดายจังเลยน้าที่จีสตริงมันเล็กไปหน่อย ใส่ไม่ได้เลย ปิดไม่มิด”

ผมเบ้หน้ามองเขาทันที ขณะที่เขาเอาจีสตริงเข้าชุดมาแกว่งๆ ไว้ในมือ

“ใส่ไม่ได้ก็อย่าใส่สิครับ”

พูดไปเท่านั้น พี่อินทร์ก็เลิกดัดเสียงสองทันที

“พี่ก็ไม่ได้ใส่นะ”

เอ๊ะ? อย่าบอกนะว่า...

ยังไม่ทันที่จะคิดออก พี่อินทร์ก็โพล่งขึ้นมาแล้ว

“ลมข้างล่างเย็นดีจังเลย”

ผมเหลือบมองลงต่ำทันที แล้วก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่ทันได้สังเกตในตอนแรก

ไอ้อิเหนา! มึงจะมาเดินโทงเทงกระเปี๊ยวต่องแต่งไม่อายฟ้าดินแบบนี้ไม่ได้!

ตาแทบบอด จู่ๆ หนอนยักษ์ก็โผล่มาจ๊ะเอ๋ ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเห็นเขาแก้ผ้าเพราะเวลาที่ทำอะไรกันแต่ภายนอก เขาก็ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน แต่ว่านะ มันไม่ได้เห็นชัดขนาดนี้นี่ แบบนี้มันชัดเกินไป ไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจ ผมตั้งรับไม่ทันเหมือนกันนะเว้ย!

“แน่ะ หน้าแดง จ้องไม่วางตาเลยคนทะลึ่ง”

พี่อินทร์ดูสนุกกับความเขินอายของผมใหญ่ ผมก็เบือนสายตาหนีไปทางอื่น ทั้งอาย ทั้งขำ ทั้งอิหลักอิเหลื่อกับสภาพอุบาทว์ของคนตรงหน้า ไม่คิดเลยว่านอกจากจะเป็นแฟนอิเหนาแล้ว ยังจะมีแฟนปัญญาอ่อนด้วย เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าพลาดไปแล้ว แต่จะถอยหลังกลับตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วด้วย ดันรักไปแล้ว บ้าชะมัด!

“โอเคๆ พี่ไม่แกล้งละ ไม่โป๊แล้ว จิหันกลับมาเร็ว”

พี่อินทร์กลั้วหัวเราะ ผมหันกลับไปมองก็เห็นเขาเอาผ้าเช็ดตัวมาพันช่วงล่างแล้วเรียบร้อย แต่ช่วงบนก็ยังใส่ชุดนอนไม่ได้นอนอยู่นั่นแหละ ก่อนผมจะว่าเสียงขุ่นใส่เขา

“เล่นอะไรไม่เข้าเรื่องอยู่ได้ เสียมู้ดหมดเลยเนี่ย แล้วชุดนั้นน่ะ พี่อินทร์ทิ้งไปเลยนะ อย่าให้จิเห็นอีก”

อารมณ์เสียจริงๆ ไอ้ที่ตั้งใจว่าจะเป็นหนึ่งเดียวกับเขา ตอนนี้บิวท์อารมณ์กลับมาไม่ได้แล้ว ทว่าพี่อินทร์ก็ไม่ยี่หระเท่าไร เขาทรุดตัวนั่งลงที่ปลายเตียง ถอดชุดนั้นโยนทิ้งลงพื้น ตบตักข้างหนึ่งของตัวเองแล้วร้องเรียกผม

“มานี่สิจิ”

ผมเดินไปหาเขา พลันก็ถูกรวบเอวเข้าไปกอดแล้วบังคับให้นั่งลงบนตักเขา ผมเหลือบมองหน้า พี่อินทร์ก็ว่ายิ้มๆ

“ถ้าจิไม่อยากทำก็ไม่ต้องฝืนก็ได้นะ”

จู่ๆ ก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ผมเลิกคิ้วมองเขาด้วยความสงสัย พี่อินทร์ก็ว่าต่อ

“พี่รู้ว่าที่จิยอมให้พี่ทำตามใจเป็นเพราะเห็นว่าช่วงนี้พี่เครียดๆ ล่ะสิ อยากให้พี่อารมณ์ดีใช่ไหมถึงได้เอาใจแบบนี้”

เขาอ่านผมออกอย่างละเอียดเลย ผมเบิกตาโตเล็กน้อย คิดจะปฏิเสธเหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องพยักหน้ายอมรับเมื่อเห็นรอยยิ้มอบอุ่นของเขา

“ครับ จิไม่อยากให้พี่อินทร์เครียด”

“ไม่เห็นจะต้องทำแบบนี้เลย”

พี่อินทร์หัวเราะน้อยๆ ไม่ได้โกรธหรือเสียดายอะไรทั้งนั้น ค่อนข้างไปทางเอ็นดูผมมากกว่า ดูจากสายตากับฟังน้ำเสียงน่ะนะ

“ไม่ทำตอนนี้ วันข้างหน้าก็ต้องทำอยู่ดีแหละครับ ไม่เป็นไร”

พอผมพูดแบบนี้ เขาก็ซบหน้าลงบนไหล่ผม ว่าพึมพำออกมา

“จิรู้อะไรไหม พี่ดีใจมากเลยนะที่เห็นจิแคร์ความรู้สึกพี่อย่างนี้ แต่มันจะดีกว่าถ้าการที่จิยอมเป็นหนึ่งเดียวกับพี่ด้วยความเต็มใจ แล้วก็เป็นความสมัครใจของตัวจิเอง ไม่ใช่เพื่อให้พี่อารมณ์ดีขึ้นจากเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องของเรา”

ผมนิ่งงัน หันไปมองหน้าเขาแล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมาน้อยๆ ที่ดูเหมือนจะทำให้เขาไม่สบายใจมากกว่าเดิม

“จิขอโทษครับ”

พอขอโทษไป พี่อินทร์ก็ยกยิ้ม จูบลงมาบนริมฝีปากผมแผ่วเบา

“ไว้จิยินยอมพร้อมใจจะเป็นหนึ่งเดียวกับพี่ด้วยตัวเองเมื่อไร เราค่อยมาทำกันนะ”

ผมพยักหน้า แล้วพี่อินทร์ก็ตัดบท

“เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อน เหม็นเหงื่อจะแย่ละ พี่จะลงไปอาบข้างล่าง จิอาบข้างบนแล้วกันนะ อาบเสร็จแล้วจะได้นอนกัน”

สิ้นเสียง ผมก็ลุกจากตักเขา ปล่อยให้เขาเดินออกจากห้องนอนไป เสียงประตูปิดลง ผมถอนหายใจออกมา ทั้งโล่งใจที่ไม่ได้ทำตามแผน ทั้งลำบากใจที่ถูกพี่อินทร์จับได้ว่าทำไมผมถึงตกปากรับคำเขา พอเขามาพูดแบบนี้แล้ว มันเหมือนกับว่าผมไม่เต็มใจที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับเขาเลยนะ

หรือว่าผมจะไม่อยากเป็นหนึ่งเดียวกับเขาจริงๆ?

ผมยืนนิ่ง คิดทบทวนความรู้สึกตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง อันที่จริงก็พอจะเข้าใจ ถึงผมจะพยายามปล่อยวางเรื่องราวในอดีต แต่เพราะความทรงจำในอดีตชาติที่คอยตามติดผมเป็นเงามันทำให้ผมย้ำเตือนตัวเองโดยไม่รู้ตัวอยู่บ่อยๆ ว่าเมื่อครั้งที่เป็นจรกา ผมโกรธแค้นอิเหนาแค่ไหน

แค้น...ถึงขนาดให้สัตย์สาบานว่าจะไม่ร่วมโลก

แค้น...แม้กระทั่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิตก็ยังนึกแค้น

ต่อให้รักเขาแล้ว มันก็อดไม่ได้ที่จะมีความทรงจำนั้นขึ้นมา ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากปล่อยวาง ผมพยายามแล้ว แต่มันก็เผลอตัวทุกที

เหมือนกับว่าถูกเทพเทวาสาปไปแล้วว่าผมจะต้องแค้นเขาทุกชาติไป...

ผมถอนหายใจยาว ไม่ชอบความรู้สึกสับสนของตัวเองสักเท่าไรนัก อยากจะรู้เหมือนกันว่าเมื่อไรตัวเองจะปล่อยวางความแค้นในชาติก่อนได้สักที มันเหนื่อยที่จะต้องต่อสู้กับความรู้สึกตัวเองระหว่างสองชาตินะ

คิดแล้วก็เดินไปยังตู้ที่เก็บกระเป๋าเสื้อผ้าไว้อยู่ ผมคุ้ยหาชุดนอนที่เตรียมมา ก่อนจะต้องชะงักเมื่อจู่ๆ ก็ทำกระเป๋าของพี่อินทร์ที่วางไว้ข้างๆ กันหล่นลงพื้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ข้าวของข้างในหล่นกระจัดกระจาย ผมทรุดตัวนั่งยองเก็บของเข้าที่ให้เหมือนเดิม แต่แล้วก็ต้องเอะใจเมื่อเห็นสมุดบันทึกหล่นอยู่ตรงหน้า

มันเป็นสมุดที่พี่อินทร์ใช้บ่อยๆ รู้สึกว่าจะเป็นสมุดจดไอเดียต่างๆ เกี่ยวกับวิชาเรียนของเขา พอเปิดดูก็เห็นว่าเป็นบทละครเวที ดูไม่มีมารยาทสักเท่าไรหรอกที่จะเปิดดู แต่ก็ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเปิดมันอ่านทีละหน้า อ่านไปก็หัวเราะออกมากับไอเดียแปลกๆ หลายๆ อย่างของเขา จนกระทั่งเปิดมาถึงหน้าหนึ่งที่มีกลอน

กลอน...

เป็นกลอนที่เป็นบทพูดเมื่อครั้งที่เขาแสดงละครเวทีต้อนรับเพื่อนใหม่ประจำคณะ ผมรู้ว่าใช่เพราะเห็นเขาเขียนหัวข้อว่าอิเหนา ผมไล่อ่านไปเรื่อยๆ มันก็เป็นเนื้อหาที่ผมเรียนในเอกนั่นแหละ จนกระทั่งเปิดมาถึงหน้าหนึ่งที่ทำให้ผมนิ่งงันไปได้ทันตาเห็น

มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับบทละครอิเหนาตอนบวงสรวงแน่นอน ผมมั่นใจ เพราะกลอนนั้นมันมีเนื้อหาว่า...

เขาเขียนหัวข้อว่า ที่มีกลอนันทึกความทรงจำว่าว

สักวาจูบจรดรักแต่เจ้า ช่างยั่วเย้าเจรจารื่นหวานหู

พี่ก็นึกรักเจ้าด้วยเอ็นดู ใคร่เทียบคูคู่ครองเป็นยาใจ

รักพี่เถิดเจ้าน้องจรกา อย่าพรากพาใจพี่ด้วยผลักไส

รักเถิดหนารักพี่เป็นดวงใจ พ่อประไพเมตตาพี่เถิดเอย

กลอนนี้เป็นกลอนสักวา เดาว่าพี่อินทร์จะต้องเป็นคนแต่งเองเพราะเห็นมีวงเล็บในข้างท้ายว่า ‘เปเปอร์ re-telling มุมมองตัวละครจากเรื่องอิเหนา วิชา xxx’ ดูก็รู้ว่าเป็นการบ้านที่มีโจทย์ให้จับตัวละครในบทประพันธ์นี้มาปรับมุมมองใหม่ ส่วนเนื้อหาก็ตีความได้ว่าเป็นการร้องขอความรัก แต่ไม่ได้ขอความรักจากหญิงสาว ทว่าเป็น...

“จรกา...”

ผมครางออกมา ก้อนเนื้อข้างซ้ายเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาในใจ

เหมือนเขาขอความรักจากผมเลย...

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 17★สัตย์สาบาน[12.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 13-05-2018 14:09:35
Chapter 18: คู่ตุนาหงัน[2]

ผมกลั้นยิ้มไว้ไม่ไหว ก่อนจะรีบเก็บข้าวของคืนที่ แล้วก้าวเร็วๆ ไปหยุดอยู่หน้าห้องน้ำชั้นล่าง สูดหายใจเพื่อเตรียมใจอยู่ครู่หนึ่งก็ยกมือเคาะ คนด้านในเปิดประตูออกมาพลันชะโงกหน้าถาม

“เอ้าจิ มีอะไรเหรอ”

ผมไม่บอกเขาในทันที แต่ยิ้มกว้างให้ พี่อินทร์ที่อยู่ในสภาพน้ำเกาะพราวไปทั่วใบหน้ามองผมอย่างสงสัย

“เอ๊ะ หรือว่าอยากอาบน้ำกับพี่?”

สีหน้าทะเล้นโผล่มาให้เห็นทันที ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อเห็นผมพยักหน้าเร็วๆ

“เอาจริงดิ?”

จริงไม่จริงไม่รู้ล่ะ ผมก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว พี่อินทร์ก็ดูตกใจเหมือนกันเมื่อเห็นผมทำอย่างนั้น แล้วก็ตกใจหนักกว่าเดิมอีกทันทีที่ผมโผกอดเขา

“จิรักพี่อินทร์นะครับ รักมากๆ เลย”

ถึงจะยังดูงุนงง แต่พี่อินทร์ก็หัวเราะออกมาพลางกอดผมตอบ

“ทำแบบนี้ พี่จะอดใจไม่ไหวเอานะ”

ผมซุกใบหน้าลงบนอกเขา ไม่พูดอะไร ปล่อยให้ความร้อนแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย ขณะที่พี่อินทร์เองก็เลิกหยอกเล่นแล้ว เขาถามด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเดิม

“จิระ เอาจริงใช่ไหมเนี่ย”

ผมพยักหน้าไปอีกครั้ง พี่อินทร์สบถออกมาเล็กน้อย ก่อนจะดันผมไปชิดกำแพง เชยปลายคางผมขึ้นให้สบตาเขา

“ถ้าพี่เริ่มแล้ว พี่หยุดไม่ได้นะ”

ผมไม่พูดอะไร ได้แต่มองใบหน้าคร้ามที่มีหยดน้ำเกาะพราว เส้นผมเปียกชื้นที่ถูกเสยขึ้นไปจนเห็นกรอบหน้ามันทำให้ผมรู้ตัวว่ารักเขามากแค่ไหน

รัก...รักมาก รักที่สุด

พี่อินทร์สูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะขยับใบหน้าเข้ามาใกล้จนริมฝีปากของเราชิดกัน

“ถือว่าจิยินยอมพร้อมใจแล้วนะ เป็นของพี่แล้วจะไปจากพี่ไม่ได้แล้วนะ”

สิ้นเสียง เขาก็ไม่รอคำตอบจากผม บดจูบลงมาทันที ท่อนแขนใหญ่รวบร่างผมไปแนบชิดกับร่างกายเปล่าเปลือยของเขา ริมฝีปากละเลียดชิมรสกลีบปากผมทีละน้อย ก่อนจะทวีเป็นดุดันเมื่อผมเผยอริมฝีปากจูบตอบ

ฝ่ามือใหญ่ถลกชายเสื้อของผมขึ้น พริบตาเดียวก็ถูกทิ้งลงบนพื้น พี่อินทร์ผละจากริมฝีปาก จูบละเลื่อยไปทั่วใบหน้า ใบหู และลำคอ ก่อนค่อยๆ กระถดถอยต่ำลงมาเรื่อยๆ ยังแผงอก

ผมจับไหล่เขาแน่นเมื่อจุดศูนย์รวมความรู้สึกบนหน้าอกถูกรังแกด้วยริมฝีปากนุ่มเบาๆ ก่อนจะต้องแอ่นรับเมื่อปลายลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัด เสียงประหลาดเล็ดลอดออกจากลำคอผมจนได้ จะกลั้นก็กลั้นไว้ไม่ไหว แต่ผมรู้ว่าพี่อินทร์ชอบที่จะได้ยิน เพราะเขากระตุ้นให้ผมส่งเสียงนั้นมากขึ้นอีกด้วยการไล้ฝ่ามือลงต่ำไปยังกลางลำตัวจนอะไรต่อมิอะไรตอบรับการสัมผัสของเขา จากนั้น...เขาก็กระถดตัวลงต่ำ ผมเองก็เปลี่ยนจากจับไหล่เขามาเป็นขยุ้มเส้นผมอ่อนนุ่มแทน

อารมณ์ปรารถนาโชติช่วง ผมหายใจหอบกระเส่าอย่างห้ามไม่ได้ ยิ่งพี่อินทร์ปรนเปรอให้ด้วยทุกสิ่งที่เขามี ผมก็กระตุกเฮือกในท้ายที่สุด ช่วงท้องวูบไหว หัวสมองขาวโพลนเมื่อมีความรู้สึกหนึ่งซัดถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง

แต่มันยังไม่พอ... เขาไม่หยุดเพียงแค่นี้ ตอนนี้เขาลุกขึ้นยืน ประคองผมที่ขาอ่อนยวบไร้เรี่ยวแรงไว้ในอ้อมแขน

“ไปที่ห้องกันเถอะ”

ผมพยักหน้า เท่านั้นเขาก็อุ้มผมมุ่งหน้าตรงไปยังห้องนอนทันที

เตียงนุ่มถูกใช้รองรับร่างของเราทั้งคู่ พี่อินทร์ไม่สนใจแม้แต่จะเช็ดตัวเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ไม่ได้สำคัญอะไรในเมื่อหยดน้ำที่เกาะอยู่บนตัวเขาถูกร่างกายเปล่าเปลือยของผมซับไปจนหมดสิ้นแล้ว

เขากอดผม ลูบไล้ไปทั่วทุกส่วนราวกับว่าปรารถนาจะทำอย่างนี้มานานแล้ว ผมปล่อยให้ตัวเองเป็นไปการนำของเขา ก่อนที่จะผวาเฮือกน้อยๆ เมื่อรู้สึกราวกับว่ามีสิ่งแปลกปลอมบางอย่างแทรกเข้ามาในร่างกายพร้อมกับความเปียกชื้นและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเจลหล่อลื่น พอเหลือบมองก็เห็นว่าพี่อินทร์กำลังใช้มือของเขาเคลื่อนไหวไปมาอยู่

“ไม่ต้องกลัวนะจิ พี่จะอ่อนโยน”

ผมยังคงผวา ความรู้สึกนี้มันประหลาดเกินไป ทำให้เขาต้องจูบผมเบาๆ ที่หน้าผากเป็นการปลอบใจ

“ไม่เป็นไรจิระ... ไม่เป็นไร” จากนั้นก็จูบลงบนริมฝีปากแผ่วเบา “เชื่อใจพี่นะ”

เพียงประโยคเดียวก็ทำให้ความกลัวของผมหมดสิ้น ผมพยักหน้า พี่อินทร์ก็ยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่...ดูมีความสุขที่สุดเลย

ผมชอบที่จะได้เห็นเขายิ้มแบบนี้ให้ จึงเชื่อใจเขาโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ไม่นานนัก ทุกสิ่งก็ดำเนินไปอย่างที่มันควรจะเป็น ผมโผเข้ากอดร่างใหญ่ที่ทาบทับลงมาแน่น ความรู้สึกประหลาดที่พร่างพรายขึ้นมานั้น ผ่านไปครู่เดียวก็รู้สึกราวกับว่ามีผีเสื้อนับล้านตัวบินว่อนอยู่ในท้อง

ท่อนแขนแกร่งที่โอบกอดผมอยู่...

เสียงหายใจหอบกระเส่าของผมและเขาที่ดังระคนกัน...

เสียงบอกรัก...

การสัมผัส...

รสจูบของเขา...

ผมชอบ...ชอบที่สุด

การที่ผมยอมตกลงปลงใจมันไม่ใช่การทำเพื่อให้พี่อินทร์อารมณ์ดีขึ้นจากเรื่องเครียดๆ แล้ว แต่เป็นการมีความสุขร่วมกัน ผมถึงเข้าใจได้ในวินาทีนี้เองว่าทำไมพี่อินทร์ถึงยอมอดทนรอให้ผมยินดีพร้อมใจที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับเขาอย่างเต็มใจ นั่นก็เพราะเซ็กซ์ที่เกิดจากความยินดีของทั้งสองฝ่ายมันทำให้มีความสุขอย่างนี้นี่เอง มันไม่ใช่แค่กิจกรรมทางกาย แต่มันเป็นการสื่อสารระหว่างกันว่ารักกันมากแค่ไหน

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผมผวากอดเขาแน่นพร้อมกับความหวามไหวที่พุ่งทะยานจนถึงขีดสุด สิ่งนั้นทำให้ผมแทบจะหลอมละลายเป็นขี้ผึ้ง ทุกอย่างจบลงเมื่อเขาทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ผมมองหน้าเขาด้วยความเหนื่อยอ่อน ขณะที่พี่อินทร์ลูบหัวผมเบาๆ พลางกระซิบบอกประโยคเดิมไม่หยุดหย่อน

“พี่รักจินะ”

ผมยิ้มให้เขา แล้วก็อดแซวไม่ได้ “บอกจิจนจำได้ขึ้นใจแล้วครับ ไม่ต้องพูดแล้ว”

พี่อินทร์หัวเราะ เหมือนเขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าบอกรักผมมากเกินไปเหมือนกัน พลันก็เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น

“พี่มีอะไรจะให้จิด้วยล่ะ”

“อะไรเหรอครับ”

พี่อินทร์ไม่ตอบเป็นคำพูด แต่จู่ๆ ก็ลุกไปหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเป้ กลับมาที่เตียงได้ก็คว้ามือผมไปจับไว้แน่น ผมเบิกตาโตขึ้นเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงความเย็นเยือกของโลหะ พอดันตัวขึ้นนั่งก็เห็นว่าที่นิ้วนางข้างซ้ายมี...

“แหวน?”

ใช่ เป็นแหวนสีทองแกะสลักลวดลายรอบวง ตรงกลางมีนิลเม็ดใหญ่ประดับอยู่ ดูเผินๆ แล้วก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่ของใหม่ ถึงจะลงยาขัดให้มันวาว ผมก็รู้ว่ามันเป็นของเก่า ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นของโบราณต่างหากเพราะตัวแหวนไม่ได้ดูเก่า แต่ดูเหมือนเป็นของมรดกตกทอดมามากกว่า ที่น่าแปลกใจก็คือ...มันพอดีกับนิ้วของผมเป๊ะเลย

“พี่อินทร์...”

ผมจะถามเขาว่าให้แหวนผมอย่างนี้มันหมายความว่าอะไร แต่พี่อินทร์ก็แทรกขึ้นมาก่อนแล้ว

“ทองแท้”

“ฮะ?”

ผมตกใจที่ได้ยินอย่างนั้น เตรียมตัวจะถอดคืนเขาเลยเพราะไม่อยากได้ของมีราคาเท่าไร แต่พี่อินทร์ก็คว้ามือผมไปจับไว้เป็นเชิงให้หยุด

“แต่เป็นของพี่เอง พี่อยากให้ อย่าถอดนะ”

ผมเลยชะงัก มองหน้าเขาแล้วถามออกมาแทน

“ให้ทำไมครับ”

พี่อินทร์ยิ้มบางๆ ยกมือผมที่สวมแหวนขึ้นมาจูบลงไปเบาๆ ก่อนช้อนตามอง

“เป็นเครื่องหมายว่าพี่จองแล้ว”

เท่านั้นความสงสัยใดๆ ของผมก็มลายหายไปทันที มีแต่ความเขินอายที่ขึ้นมาแทนที่ ผมมองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อสายตา เขาเองก็หัวเราะผมที่ทำหน้าตกใจไม่เลิก กระทั่งผมคลำหาเสียงตัวเองเจอ

“พะ...พี่อินทร์หมายถึง...”

“ขอหมั้นไว้ก่อน พี่กลัวคนอื่นมาแย่ง”

เขาเติมประโยคให้เต็ม เท่านั้นผมหลุดยิ้มกว้างออกมาเลย

เขาอยากให้ผมเป็นคู่ตุนาหงันเหรอ?

เป็นอย่างนั้นแหละ เพราะพอเห็นผมเงียบ เขาก็โพล่งขึ้นมา

“รับหมั้นพี่นะ...ได้ไหม”

แล้วเรื่องอะไรที่ผมจะไม่ตอบรับล่ะ โผเข้ากอดเขาแน่นทันที

“ได้สิครับ ไม่ต้องถาม จิก็รับอยู่แล้วล่ะ”

“ตกลงปลงใจแล้ว ห้ามเปลี่ยนใจนะ”

ผมส่ายหน้ารัวๆ “ไม่เปลี่ยนใจครับ จิรักพี่อินทร์ จะเปลี่ยนใจได้ยังไง”

พี่อินทร์หัวเราะร่วน เขาดูดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่มิด โผเข้ากอดผมไว้แน่นเช่นกัน

“จิรักพี่แบบนี้ พี่มีความสุขที่สุดเลย”

จิก็มีความสุขมากๆ เหมือนกัน

มาก...จนไม่สามารถพรรณนาออกมาเป็นคำพูดได้อีกแล้ว ได้แต่ซุกใบหน้าลงบนไหล่แกร่งของเขาพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้

ผมเป็นของเขาแล้ว เขาเองก็เป็นของผม

จรกากับอิเหนาเป็นของกันและกัน เป็นคู่ตุนาหงันด้วย

ถึงจะฟังดูแปลกๆ แต่ที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว

ผมรักเขามากเลย...

รัก...

รักอิเหนาที่สุดเลย...

----------------------------

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หนูแดงเขียนไวมากเหมือนกันนะ แป๊บๆ เข้ากลางเรื่องแล้ว ปลายเดือนคงเขียนจบ กำลังใจดีเลยเขียนไวกริ๊บเลย ฮาใครอ่านแล้วชอบ กดให้กำลังใจ ฝากกำลังใจ แนะนำบอกต่อ ฯลฯ กันตามสะดวกเลยค่า

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 18★คู่ตุนาหงัน[13.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 13-05-2018 15:10:16
อั๊ยยยยย แสดงว่าพี่อินทร์รู้ว่าชาติที่แล้วเป็นใครใช่มั้ยนิ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 18★คู่ตุนาหงัน[13.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 13-05-2018 15:11:34
เขินเด้อ ตอนนี้หวานขนาดนี้ไม่อยากนึกถึงตอนมีมาม่าเล้ย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 18★คู่ตุนาหงัน[13.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 13-05-2018 15:20:14
ยินดีด้วย เตรียมตัวไปงานแต่ง :mc4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 18★คู่ตุนาหงัน[13.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-05-2018 15:30:51
ทางเรียบๆสวยๆแบบนี้ทำเอาเรากลัวพวกกลุมพวกบ่อใหญ่จังเลย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 18★คู่ตุนาหงัน[13.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-05-2018 15:37:56
 :mc4:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 18★คู่ตุนาหงัน[13.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-05-2018 15:43:56
อย่าบอกนะว่าอิเหนาแอบรักจรกามาแต่ชาติที่แล้ว?
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 18★คู่ตุนาหงัน[13.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 13-05-2018 16:21:00
บางทีเราก็กลัวใจเหมือนกัน มันหวานจนเราใจไม่ดี.   ตอนบ้าๆของพี่อินทร์เราไม่นับ555555 หวังว่าดราม่าจะไม่แรงจนน้ำตาไหลพราก คิดว่าทุกคนน่าจะรู้อดีตของตัวเอง แล้วอิเหนาอาจจะรักจรกาก็ได้แต่ด้วยความที่แกล้งจรกาไว้เยอะเลยโดนเกลียดจนไม่ได้บอกรัก ชาตินี่เลยบอกรักจิบ่อยๆและใบ้ว่าผช.ชอบแกล้งคนที่ตัวเองชอบ เดาแบบนี้ก็กลัวแหกเหมือนกันนะถ้าอิงจากวรรณคดีมันเป็นไปไม่ได้เลยแต่ในโลกนิยายวายอะไรก็เป็นไปได้ 555555555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 18★คู่ตุนาหงัน[13.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-05-2018 16:28:24
นังเหนารู้อดีตแน่ๆ  :pigha2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 18★คู่ตุนาหงัน[13.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 13-05-2018 17:29:34
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 18★คู่ตุนาหงัน[13.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 13-05-2018 17:42:25
พี่อินทร์จะบอกน้องไหมน้อ แต่ว่าๆ เค้าได้กันแล้ววว เขิน :-[
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 18★คู่ตุนาหงัน[13.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 13-05-2018 18:15:21
อินทร์ระลึกชาติได้เหมือนกันแน่ๆ คนอื่นๆก็ด้วย แง้

ม่าต้องมาจากจิณณ์แน่ๆ ชาติที่แล้วอาจเสียใจมากเลยแค้น

เหมือนสาปแช่งเกิดมาชาตินี้เลยจะเอาคืนอิเหนา

 แล้วอิเหนารู้สึกผิด? เลยขอให้ชาตินี้ตนได้เป็นคู่กับจรกาหรอ

หรือเป็นคำอธิฐานของบุษบา? เอ้า เดาไปหมดล่ะงานนี้

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 18★คู่ตุนาหงัน[13.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 13-05-2018 18:36:01
อิเหนาจำอดีตได้ล่ะสิ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 18★คู่ตุนาหงัน[13.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-05-2018 20:55:34
ช่วงแรกเป็นเอ็นซีที่อ่านแล้วขำหนักมากเกลียดความผีบ้าของพี่อินทร์มันจริงๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 18★คู่ตุนาหงัน[13.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 13-05-2018 21:39:25
ชอบเรื่องนี้ แปลกแหวกแนวดี อิเหนาคงรักจรกา มาตั้งกะชาติที่แล้วสินะ ขอให้มาม่าไม่หนักหน่วงนะ สงสารทุกคน :mew6:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 18★คู่ตุนาหงัน[13.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nov9th ที่ 14-05-2018 09:04:19
 
Chapter 19: ระลึกรัก[1]

จะมีแคว้นใดเล่าที่จะเรืองรองได้เท่ากับแคว้นทั้งสี่อย่างกุเรปัน ดาหา กาหลัง และสิงหัดส่าหรี ที่เกี่ยวดองเป็นสหายกันมาแต่ช้านาน เมื่อแคว้นยิ่งใหญ่ทั้งสี่สนิทสนมเช่นสหายรัก แคว้นน้อยใหญ่ก็ต่างเข้าภักดีด้วยหวังพึ่งบุญบารมี ไม่เว้นแม้แต่แคว้นเล็กๆ แห่งหนึ่งที่เพิ่งจะเปลี่ยนชื่อเรียกขานตามองค์ยุพราช

แคว้นจรกา...

เพลานั้นองค์ยุพราชแห่งจรกายังเยาว์วัยนัก แต่ด้วยต้องขึ้นสืบบัลลังก์สันติวงศ์ต่อไปในกาลหน้า ระตูจรกาผู้รั้งบรรดาศักดิ์ยุพราชแห่งแคว้นได้เดินทางติดสอยห้อยตามพระราชบิดามาร่วมงานบวงสรวงองค์เทพไท้ ณ นครกุเรปัน ตมมคำเชิญของท้าวกุเรปัน หากแต่การมาเยือนในครานี้นั้น หาได้เป็นไปด้วยความเต็มใจนัก เพราะจรกาชิงชังองค์ยุพราชแห่งกุเรปันเสียเหลือเกิน

แม้ไม่เคยพบหน้า แต่ได้ยินว่ารูปงาม นามเพราะ ใครต่อใครก็พากันรักใคร่ชมเชย ไม่เว้นแม้แต่พระราชบิดาและพระราชมารดาของเขาที่มักจะเอาตนไปเปรียบเทียบกับองค์ยุพราชผู้นั้นอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะเรื่องรูปร่างหน้าตาที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว

อิเหนากุเรปันมีรูปงามดั่งเทพเทวา ส่วนเขา...ดำคล้ำกล้ำแดดราวกับยักษาจากอเวจี

จรกาขุ่นใจนัก ยิ่งมาเยือนยังท้องพระโรงแห่งกุเรปันก็ยิ่งขุ่นใจ เพราะใครต่อใครก็พากันชมเชยรูปโฉมของอิเหนาตั้งแต่ที่ปรากฏตัวให้เห็น

เนื้อทองผ่องแผ้ว ดวงหน้าสมมาตร กลีบปากแดงชาด รูปร่างสะโอดสะองสมบุรุษวัยแตกพาน มองอย่างไรก็เทวดาลงมาเดินดินชัดๆ...

กระไรไม่ว่า บางคนบางผู้มีติฉินนินทาเปรียบเทียบเขากับอิเหนาอย่างไร้ซึ่งมารยาท จรกาได้ยินก็ได้แต่ขบกรามแน่น ขุ่นข้องที่ถูกเปรียบเทียบ ไม่เว้นแม้แต่พระราชบิดาของเขาเองที่ยังอดตรัสขึ้นมาไม่ได้ว่าอิเหนาช่างรูปงามดั่งทองคำ ต่างจากเม็ดนิลดำมะเมื่อมเช่นพระราชโอรสของตนนักด้วยพระอารมณ์ขัน

หากแต่คนถูกดูแคลนเช่นจรกาหาได้ขบขันไปด้วย!

ความแค้นเคืองทำให้จรกามิอาจวางตาจากการจ้องมองอิเหนาได้เลย ขณะที่อิเหนาซึ่งออกมาต้อนรับราชอาคันตุกะพร้อมกับพระราชบิดาเองก็มองอีกฝ่ายตอบเช่นกัน ทว่าเป็นคนละความรู้สึก

ผู้หนึ่งแค้นเคือง แต่อีกผู้หนึ่งกลับขบขันที่ถูกจ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อตนอยู่นานสองนานแล้ว...

รอยยิ้มหยักบนดวงหน้าคร้ามของชายหนุ่มแรกรุ่นทำให้จรกาหลงเข้าใจไปว่านั่นคือรอยยิ้มเย้ยหยัน พลันในใจก็เป็นปริปักษ์กับอีกฝ่ายทันใด

อิเหนากุเรปัน...กล้าดีนักที่มายิ้มเย้ยข้า!

แต่ก็หาทำสิ่งใดได้ ได้แต่ค่อนขอดในใจเป็นระลอกแต่ผู้เดียวเท่านั้น ครั้นได้ยินพระสุรเสียงของท้าวกุเรปันแนะนำพระราชโอรสของตนให้ราชอาคันตุกะได้รู้จักอย่างเป็นทางการ จรกาก็เบ้ปาก
 
[1]ชื่อหยังหยังหนึ่งหรัดอินดรา            อุดากันสาหรีปาตี
อิเหนาเอ็งหยังดาหลา                    เมาะตาริยะกัดดังสุรศรี
ดาหยังอริราชไพรี                          เอ็งกะนะกะหรีกุเรปัน
 
เป็นเพียงปุถุชนคนเดินดิน เหตุใดเล่าถึงได้มีนามเลิศล้ำราวกับเทพเทวาจุติลงมา ช่างเกินหน้าเกินตานัก!

จะไม่ให้เบ้หน้าได้เช่นไร ในเมื่ออิเหนากุเรปันเองก็เป็นองค์ยุพราชเช่นเดียวกับเขา ทว่านามกลับมีความหมายยิ่งใหญ่กว่าผู้ใด...

เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองของพระอินทร์ เชษฐาผู้ทรงเกียรติอันยิ่งใหญ่ องค์ยุพราชแห่งเทพผู้สูงส่ง สุริยันผู้เกรียงไกรของแผ่นดิน ผู้ชนะศัตรูทั้งปวงแห่งนครกุเรปัน...

ฟังแล้วก็อยากถ่มน้ำลาย!

หมั่นไส้จนไม่อาจกักเก็บอาการไว้ได้ไหว เบ้หน้าเบ้ตาจนบูดเบี้ยวไปหมด หารู้ไม่เลยว่าการกระทำนั้นอยู่ในสายตาของอิเหนากุเรปันทั้งสิ้น ก่อนอีกฝ่ายจะหัวเราะในลำคออีกครั้งเมื่อเห็นเจ้าเด็กแคระแกร็นทำหน้าเหม็นเบื่อออกมาเช่นนั้น

น่าเอ็นดู...

แต่คงจะมีเพียงอิเหนากระมังที่เห็นเช่นนั้น จรกา...ผู้ซึ่งใครต่อใครก็ว่าอัปลักษณ์เหลือแสนผู้นั้น ในสายตาของอิเหนา เขากลับเห็นว่าหาใช่อย่างที่หลายคนบริภาษเลยแม้แต่น้อย

รูปร่างเล็กกระจิ๋วหลิว ดวงหน้าน่ารักน่าชัง มองอย่างไรก็ไม่เห็นจะอัปลักษณ์เลยแม้แต่น้อย เพียงแต่สีผิวดำคล้ำกล้ำแดด หาได้ผุดผ่องเฉกทองคำตามความงามอันเป็นที่พึงปรารถนา อิเหนาเข้าใจดีว่าเพราะเหตุใด ก็เมืองมาตุภูมิของจรกานั้นเป็นดินแดนที่สุริยันสาดทอแสงตลอดทุกฤดู ไม่แปลกหากผู้คนจะมีผิวกายดำคล้ำ

กระนั้นก็หาได้สลักสำคัญแก่อิเหนากุเรปันไม่ เขารู้แต่เพียงว่าเพียงพบพักตร์สบตาครั้งแรก ฤทัยก็ถูกช่วงชิงไปเป็นของจรกาแล้วหมดสิ้น

นี่น่ะหรือรักแรกพบเมื่อสบตา?

ตั้งแต่แตกพานหนุ่ม อิเหนาเพิ่งประจักษ์ในครานี้ว่าความรักเป็นเช่นไร สายตามิอาจละออกจากดวงหน้าดื้อรั้นของคนผู้นั้นได้เลย
ครั้นเสร็จพระราชพิธีสิ้นก็เดินตามเจ้าจรกาตัวน้อยออกมายังสวนพฤกษาด้วยหมายอยากคุยด้วย ก่อนจะพบอีกฝ่ายชมนกชมไม้แต่เพียงผู้เดียว ไร้ผู้อื่นเล่นด้วยเช่นเดียวกับบุรุษคนอื่นๆ อิเหนาไม่แปลกใจเท่าไรนักหรอกที่เห็นเช่นนั้น ก็จรกาเอาแต่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ ผู้ใดเล่าจะอยากเล่นด้วย

เขาอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหา ร้องทักให้อีกฝ่ายหันมามอง

“มาชมแมกไม้เพียงลำพังเช่นนี้ คงจะเหงาล่ะสิเจ้า”

เอามือไขว้หลัง เชิดหน้าขึ้น ว่าอย่างมีมาด คนถูกทักหันขวับ สีหน้ารื่นเริงที่ได้หยอกเจ้าหนอนแก้วบนใบไม้เมื่อครู่อันตรธานหายไป กลายเป็นบูดบึ้งเช่นเดียวกับที่เห็นในท้องพระโรง

“หากเจ้าเหงา ข้าจะเป็นเพื่อนเล่นให้เจ้าก็ได้”
ได้ยินแล้ว จรกาก็เบ้หน้าอีกครั้ง

ช่างอวดดีนัก ผู้ใดเหงากัน!

ระตูจรกาผินหน้าหนี ไม่ใคร่จะสนใจ หากแต่อิเหนากุเรปันกลับเดินเข้ามาใกล้ มือเอื้อมเด็ดดอกชบาสีแดงสดมาทัดหูให้คนผู้น้อง ครั้นถูกสายตาแข็งๆ ตวัดมองก็ยิ้มเผล่

“ชบาดอกนี้ พี่ให้เจ้า”

แทนตนว่า ‘พี่’ โดยถือวิสาสะอีก จรกาหงุดหงิดใจยิ่งนัก ร้องแหวออกมา

“ผู้ใดเป็นน้องของเจ้ากัน!”

มือคว้าเอาดอกชบาโยนลงพื้น เพลานี้เองที่เห็นว่าดอกชบาที่อิเหนาเด็ดให้คือสีแดง หากผู้อื่นเห็นแล้วล่ะก็ คงได้มีหัวร่องอหายที่จรกาซึ่งมีผิวกายดำคล้ำทัดดอกชบาสีแดงตัดกับสีผิวเช่นนี้ เขาถือว่าการกระทำของอิเหนาหาใช่ความหวังดี

นี่เป็นการดูแคลนโดยอ้อมมิใช่หรือ?

แต่อิเหนาก็หาได้ยี่หระกับท่าทางกระด้างกระเดื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย หันไปเด็ดดอกชบาจากอีกต้นมาทัดหูให้ใหม่อีกครั้ง

“หากเจ้าไม่ชอบดอกนั้น พี่ก็หวังว่าเจ้าจะชอบดอกนี้”

ครานี้เป็นสีชมพู แต่จะสีอะไร จรกาก็หาได้ชื่นชอบทั้งสิ้น สายตาแข็งกร้าวจับจ้องยังดวงหน้าผุดผ่องของอีกฝ่ายเขม็ง

“เจ้าต้องการสิ่งใด”

อิเหนายกยิ้มเล็กน้อย “หาได้ต้องการสิ่งใด”

“แล้วมาวุ่นวายกับข้าเพื่อการใด!”

ไม่เพียงแต่สายตาแข็งกร้าว น้ำเสียงก็แข็งกร้าวเช่นกัน บ่งบอกให้รู้อย่างชัดเจนว่าไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายสักเท่าไรนัก อิเหนาเองก็พอรู้ เขาได้ยินผู้อื่นติฉินนินทาจรกาเปรียบเทียบกับตนเช่นนั้น เหตุนั้นกระมังที่ทำให้จรการังเกียจเดียดฉันท์เขา

อิเหนายิ้มบางๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับชายผ้าแพรที่คล้องคอของจรกาไว้มั่น จรกาเหลือบมองด้วยไม่ไว้ใจ แต่ก็หาได้กระถดถอยหนี ปล่อยให้อิเหนาเข้ามาใกล้ ใจคิดว่าคงจะถูกหาเรื่อง แต่ทว่าก็ต้องเบิกตาโตเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย

“พี่เพียงอยากให้เจ้าอารมณ์ดี”

พลันก็โน้มใบหน้าลงสูดกลิ่นหอมจากชายผ้าแพร กลิ่นมวลบุปผาจากน้ำปรุงโชยเข้านาสิก กลิ่นนั้นตราตรึงใจยิ่ง ผู้ใดจะว่าจรกาอัปลักษณ์ แต่สำหรับเขาแล้ว คนตรงหน้าคือบุปผาบอบบางที่เขาใคร่จะทะนุถนอมยิ่ง ยิ่งได้กลิ่นก็ยิ่งได้ใจ ไม่เพียงแต่จะดอมดมกลิ่นหอมจากชายผ้าแพร ยังลามปามมาคลอเคลียที่ข้างแก้มนุ่ม

หอมยิ่งกว่ามวลดอกไม้ใดก็คือกลิ่นกายของเจ้าน้องจรกาผู้นี้...

การกระทำนั้นทำให้จรกาพรึงเพริด เขากระโดดถอยหนีอย่างรวดเร็วจนผ้าแพรหลุดติดมืออิเหนาไป แต่ก็หาได้สนใจแล้ว ชี้หน้าบริภาษอีกฝ่ายทันควัน

“เจ้าอิเหนากุเรปัน! อย่าคิดว่าตนเป็นองค์ยุพราชแล้ว ข้าจะไม่กล้า ข้าเองก็เป็นองค์ยุพราชเช่นกัน บรรดาศักดิ์เทียมเท่ากัน อย่าได้คิดจะรังแกหรือดูแคลนข้าได้ง่ายๆ!”

อิเหนาใคร่อยากบอกเหลือเกินว่าหาได้รังแก เพียงแต่ได้ใกล้ชิดแล้วก็อดใจที่จะคลอเคลียไว้ไม่ไหว ทว่าก็มิอาจพูดสิ่งใดออกไปได้เมื่อเห็นว่าจรกาโกรธเสียจนหน้าดำหน้าแดง น้ำตาคลอเบ้าด้วยแค้นใจนัก ก่อนที่จะหุนหันวิ่งหนีไปอีกทาง ทิ้งให้อิเหนามองตามด้วยเอ็นดู

ดวงตาคมเลื่อนมองลงต่ำไปยังผ้าแพรในมือ

ระตูจรกาผู้นั้นชิงชังเขามากถึงขนาดทิ้งผ้าแพรไว้ให้เขาเลยหรือไร?

ไม่หรอก อิเหนาไม่คิดเช่นนั้นแน่ เขาถือว่าน้องน้อยมีใจให้ มิเช่นนั้นคงไม่ทิ้งของไว้ให้ดูต่างหน้า พลันก็ยกขึ้นจรดปลายจมูก สูดดมกลิ่นหอมหวานอีกครั้ง

ระตูจรกา... เพียงพบหน้าเจ้า เจ้าก็ขโมยดวงใจพี่ไปหมดสิ้นแล้ว

พ่อชบาดอกน้อยของพี่...
 

ผมตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงงเล็กน้อย เมื่อคืนจู่ๆ ก็ฝันถึงเรื่องราวในอดีตชาติเมื่อครั้งที่ผมได้พบหน้ากับอิเหนาเป็นครั้งแรก ความจริงก็ไม่น่าประหลาดใจนักหรอก บางครั้งผมก็ฝันถึงเรื่องนี้เช่นกัน และทุกครั้งมักเป็นไปด้วยความแค้น หากทว่าฝันในคราวนี้กลับแตกต่างออกไป

ผมฝันเห็นอิเหนามองจรกาด้วยสายตาที่...

ที่อะไรนั้นก็ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองสักเท่าไรนัก เพราะเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ หลังจากนั้นแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถคิดได้เลยว่ามันเป็นไปเพราะอิเหนาเอ็นดูจรกา

ถ้าเอ็นดู ทำไมจะต้องกลั่นแกล้งให้อับอายถึงขนาดไม่มีหน้าไปเจอคนอื่นด้วย!

แต่เรื่องของชาติที่แล้วก็คือเรื่องของชาติที่แล้ว ผมเหลือบมองคนข้างกายที่ยังคงหลับอยู่สลับกับแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเองก่อนจะยิ้มออกมา

อิเหนาในชาตินี้สิถึงเอ็นดูจรกาของจริง...

ผมทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง ตวัดแขนไปกอดเขา ทำให้พี่อินทร์ปรือตาขึ้นมามองผม

“อือ...จิตื่นแล้วเหรอ”
“ครับ แต่พี่อินทร์นอนต่อก็ได้นะ จิแค่อยากกอดเฉยๆ ไม่ได้ตั้งใจกวน”

ผมแก้ตัวเพราะรู้ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาตื่นจากฝันหวาน พี่อินทร์ยกยิ้มขึ้นน้อยๆ รวบผมไปกอดแน่น

“แค่มานอนน่ารักข้างๆ พี่ก็ถือว่ากวนแล้ว”

พลันก็ประทับจูบลงบนหน้าผาก ส่งเสียงอือออบิดขี้เกียจตามมา มือก็ลูบไล้ไปบนแขนผมที่กอดเขาอยู่ก่อนจะไปจับที่มือและสัมผัสเข้ากับแหวน เขาเหลือบมองก่อนจะร้องถาม

“ชอบไหม”

เขาคงหมายถึงแหวน ผมเลยพยักหน้า แต่คำตอบของผมหมายถึงชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเรา

“พี่ตั้งใจให้ช่างทำให้เลยนะ”

จู่ๆ เขาก็ว่าออกมา ผมเลิกคิ้วสูงเล็กน้อย
“สั่งทำเลยเหรอครับ”

พี่อินทร์มองผมพลางยิ้ม ไม่ตอบคำถามให้ นอกจากจะเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น

“วันนี้อยากไปเที่ยวไหนไหม”

ผมส่ายหน้า เขาก็ว่ามาอีก

“ถ้าไม่อยากไป จิไม่ได้ลุกจากเตียงแน่ๆ”

เป็นสัญญาณบอกว่าเขาคงจะทำเรื่องที่ทำให้รู้สึกดีทั้งวันอย่างแน่นอน ผมเองก็ยินดีแหละ เขาอยากทำก็ทำ เพราะผมเองก็อยากให้เขากอดเช่นกัน แต่ดูเหมือนพี่อินทร์จะพูดเล่นไปอย่างนั้น เพราะหลังจากนั้นเขาก็ตีลงมาที่ก้นผมเบาๆ

“เจ้าตัวหื่น ไม่ต้องมาทำเป็นคล้อยตามพี่เลยนะ ลุกไปอาบน้ำเลย พี่จะพาไปเที่ยว”

“ใครกันแน่ที่หื่น พี่อินทร์ต่างหาก”

ผมมุ่ยหน้าใส่เขา เขาก็หัวเราะร่วน ก่อนจะพลิกตัวขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้

“มาว่าพี่หื่น สงสัยจะต้องหื่นให้สมกับที่โดนว่าละ เดี๋ยวไม่สมจริง”

จากนั้นก็ซุกใบหน้าลงมาที่ซอกคอ แกล้งจูบให้ผมจั๊กจี้เป็นการใหญ่ เขาไม่ได้คิดจะทำอะไรหรอก แค่อยากจะหยอกผมเท่านั้น ผมเลยเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ตีไปที่ต้นแขนเขาไม่แรงนัก ก่อนจะรีบร้องบอก

“จิไปอาบน้ำแล้ว พี่อินทร์อย่าแกล้ง”

คราวนี้เองที่พี่อินทร์ยอมปล่อย เขาว่ายิ้มๆ “เชื่อฟังแต่แรกก็สิ้นเรื่อง”

ก็ใครจะรู้ว่าเขาจะแกล้งผมแบบนี้ล่ะ รอบนี้ผมไม่ยอมหรอกนะ ฉุดเขาลุกจากเตียงไปด้วยเลย

“พี่อินทร์ก็ไปอาบด้วย ไม่ต้องนอนแล้ว แกล้งจิแบบนี้ จิไม่ให้นอนต่อแล้ว”

เขาก็ลุกขึ้นตามมาแต่โดยดี ร่างกายเปล่าเปลือยที่อยู่ใต้ผ้าห่มนั้นทำให้ผมต้องเม้มริมฝีปากไปเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ใบหน้าคงจะแดงด้วยล่ะมั้ง พี่อินทร์ถึงได้ยิ้มเผล่ เดินเข้ามาหาแล้วรวบร่างผมไปกอด

“ทำหน้าตาน่ารักแบบนี้ สงสัยคงจะไม่ได้แค่อาบน้ำด้วยกันล่ะมั้ง”

ผมซบใบหน้าเข้ากับไหล่เขา ว่าพึมพำ

“จะทำอะไรก็ทำเถอะครับ แต่อย่ารุนแรงนะ ถึงจะเคยแล้วแต่จิก็ยังไม่ชิน”

ผมไม่ได้อ้อนหรืออะไร แค่พูดไปตามที่รู้สึกจริงๆ แต่เหมือนจะทำให้พี่อินทร์เอ็นดูมากเลยล่ะมั้ง เขาเชยคางผมขึ้นมา ก่อนว่ากระเซ้า

“พี่บอกแล้วไงว่าจะอ่อนโยน” พลันก็จูบลงมาบนริมฝีปากแผ่วเบา “พี่จะทะนุถนอมจิตลอดไป ไม่ต้องห่วงนะ”

เรื่องเที่ยวคงต้องพักไว้ก่อน เช้านี้มีเรื่องที่สำคัญกว่าให้จัดการแล้วล่ะ



 
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 18★คู่ตุนาหงัน[13.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nov9th ที่ 14-05-2018 09:06:53
Chapter 19: ระลึกรัก[2]

กว่าจะทำภารกิจเสร็จสิ้น กว่าจะอาบน้ำกินข้าว เก็บข้าวเก็บของออกมาจากบ้านสวนก็ใช้เวลาไปเกือบเที่ยง เพราะพี่อินทร์ไม่ได้ยุติการเอ็นดูผมแค่ในห้องน้ำ ยังจะอุ้มผมกลับมาที่ห้องนอน ซุกไซ้คลอเคลียไม่หยุดจนผมแทบหมดแรงและร้องท้วงเขาว่าไหนจะพาผมไปเที่ยว เขาถึงได้หยุดมือ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ คงไม่ได้กลับกรุงเทพฯ กันแน่ๆ

ระหว่างทางกลับไปเมืองที่ไม่เคยหลับใหล เขาก็แวะพาผมเที่ยวอย่างที่ปากพูด มีแวะสวนดอกไม้ที่เขาบอกว่าเป็นหนึ่งในกิจการของครอบครัวด้วย ผมอดแปลกใจไม่ได้เลยว่าบ้านพี่อินทร์ทำอะไร ทำไมถึงได้มีสวนเยอะขนาดนี้ เขาเล่าให้ฟังว่าบ้านของเขาเป็นเจ้าของสวนผลไม้และดอกไม้รายใหญ่ทางภาคใต้ บ้านของพี่บุศย์เองก็เช่นกัน แต่ครอบครัวพี่บุศย์มีการทำประมงด้วย ส่วนธุรกิจที่ทั้งสองครอบครัวเป็นหุ้นส่วนกันก็คือบริษัทส่งออกสินค้าพวกนี้ ผมเลยไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมครอบครัวของพวกเขาถึงได้รวยนัก

ผมเดินดูดอกไม้ไปเรื่อยๆ บรรยากาศร่มรื่นทำให้ผมผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ขณะที่พี่อินทร์ที่เดินอยู่ข้างๆ ผมชะงักขา ก่อนที่จะร้องเรียกผม

“จิระ”

พอหันไป เขาก็เอาอะไรบางอย่างมาทัดหูให้ ผมอดไม่ได้ที่จะร้องถาม

“อะไรน่ะครับพี่อินทร์”

ผมยกมือขึ้นจับที่ข้างหูของตัวเอง พี่อินทร์ยิ้มน้อยๆ ให้

“ดอกชบา”

ผมหยิบมาดูก็เห็นว่าเป็นดอกชบาสีชมพู ก่อนที่หูอีกข้างจะถูกเขาเอาดอกไม้ทัดอีก พอหยิบมาดูก็พบว่าคราวนี้เป็นสีแดง พี่อินทร์มุ่ยหน้าเล็กน้อยที่เห็นผมไปวุ่นวายกับดอกไม้ของเขา

“อย่าเอาออกสิ ทัดหูไว้น่ารักดี”

แล้วเขาก็เด็ดดอกใหม่มาทัดหูให้ผมอีกครั้งทั้งสองข้าง กลายเป็นผมที่มุ่ยหน้าบ้างแล้วเมื่อเห็นว่าเขาหัวเราะออกมา

“รู้ไหมว่าในสมัยโบราณ ผู้ชายที่เริ่มแตกหนุ่มจะเอาดอกไม้ทัดหูเพื่อให้ผู้หญิงมาสนใจ คนที่เจ้าชู้หน่อยก็จะทัดทั้งสองข้าง จิทัดสองข้างแบบนี้ แสดงว่าเจ้าชู้”

ผมเบ้หน้ามองเขาเลย เรื่องนี้ผมรู้ แต่เรื่องเจ้าชู้น่ะ พี่อินทร์เมื่อครั้งเป็นอิเหนาต่างหาก ไม่ใช่ผม

“เล่นอะไรครับ จิไม่เห็นสนุกเลย”

ผมบุ้ยปากใส่เขา พี่อินทร์ก็หัวเราะใหญ่

“พี่ก็ไม่ได้สนุก”

“แล้วพี่อินทร์หัวเราะทำไม”

“พี่แค่กำลังคิดว่าทำไมจิถึงน่ารักขนาดนี้”

พลันคำพูดที่ตั้งใจจะต่อว่าเขาก็หายไปสิ้น ผมเม้มริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นยิ้มแต่ก็กลั้นไม่ไหวจนต้องก้มหน้าลงมองพื้นแทน

“ถ้าจิน่ารัก แล้วพี่อินทร์รักจิไหม”

ผมไม่ค่อยอ้อนเขาหรอก แต่ครั้งนี้อยากอ้อน พอช้อนตามอง พี่อินทร์ก็เอาหน้าผากมาชนกับหน้าผากผม

“รักสิ รักจิจัง”

ผมยิ้มกว้างออกมา มีความสุขที่สุดแล้ว

ทว่า...จู่ๆ ความทรงจำจากความฝันเมื่อคืนก็แล่นเข้ามาในหัวโดยไม่ทันตั้งตัว ทำเอาผมยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง

‘ชบาดอกนี้ พี่ให้เจ้า’

เสียงนั้นดังก้องอยู่ในหัวผม ทำเอายืนนิ่งไปครู่จนพี่อินทร์ต้องร้องถาม

“มีอะไรเหรอจิ”

ผมได้สติ รีบส่ายหน้า “ไม่มีอะไรครับ”

“ไม่มีอะไรแล้วทำไมจู่ๆ ถึงเงียบไป”

พี่อินทร์ทำหน้าสงสัย ผมเลยเอาดอกชบาในมือไปทัดหูให้เขาบ้าง พอเขาเลิกคิ้วสูง ผมก็ว่าออกมา

“ชบาดอกนี้ พี่ให้เจ้า”

คนตรงหน้าผมทำหน้างุนงงมากขึ้นไปอีก ส่งเสียงดัง ‘หืม?’ ออกมา ผมเลยยิ้มให้

“พูดอะไรน่ะ”

พอเขาถาม ผมก็บ่ายเบี่ยง

“ไม่มีอะไรครับ”

พี่อินทร์ก็ไม่ได้ถามอะไร นอกจากจะเด็ดดอกชบาอีกดอกมาทัดหูตัวเองบ้าง

“จะได้เป็นเพื่อนกัน”

ผมก็เลยเอาดอกชบาในมือทัดหูเขาอีกข้าง

“ทัดข้างเดียว พี่อินทร์ก็เสียเปรียบจิสิ พี่อินทร์ต้องทัดสองข้างเหมือนกัน”

เขาหัวเราะ ก่อนจะดึงแก้มผมเบาๆ

“ถ้าเป็นจิแล้ว อะไรพี่ก็ยอมทั้งนั้นแหละ เสียเปรียบก็ไม่เป็นไร แต่มีเรื่องเดียวที่พี่ยอมไม่ได้”

“เรื่องอะไรครับ”

“ถ้าจิรักพี่น้อยกว่าที่พี่รักจิ” พลันก็ทำหน้าสลดขึ้นมา “เรื่องนี้พี่ยอมไม่ได้จริงๆ”

ก็เพราะเขาน่ารักแบบนี้ไง ผมจะไม่รักเขาได้ยังไงล่ะ...

ผมจับมือเขาที่ดึงแก้มผมอยู่มั่น ว่าออกมาด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าจริงใจที่สุด

“พี่ไม่รักพี่อินทร์น้อยกว่าที่พี่อินทร์รักจิหรอก จิสัญญา”

พี่อินทร์อย่าเปลี่ยนใจไปจากจิก็แล้วกัน...



 
เราสองคนกลับมาถึงหอในช่วงหัวค่ำ ระหว่างที่กำลังจะเข้าห้องก็เจอพี่บุศย์กำลังจะออกไปหาข้าวกินพอดี เขาเลยชวนให้ไปกินด้วยกัน ผมกับพี่อินทร์ยังไม่ได้กินอะไรเลยตกปากรับคำ ก่อนที่จะโทรชวนสรัลด้วยอีกคนเพราะรายนั้นก็อยู่หอเดียวกับพวกเราเหมือนกัน

ระหว่างกินข้าว พี่บุศย์ก็ถามออกมาด้วยสงสัยว่าพวกเราหายไปไหนกันตั้งแต่เมื่อวาน พอพี่อินทร์บอกว่า...

“กูพาจิไปเที่ยวบ้านสวน”

เท่านั้นพี่บุศย์ก็เบิกตาโต

“อย่าบอกนะว่ามึงให้ไปแล้ว?”

พี่อินทร์พยักหน้า คว้ามือของผมที่สวมแหวนอยู่ขึ้นมาโชว์พลางยิ้มร่า

“เรียบร้อยโรงเรียนอินทรา เดี๋ยวจะร่อนการ์ดงานแต่งให้นะครับ”

สรัลถึงกับส่งเสียงสูงออกมาเลยทีเดียว

“ง่อววว์ ไวไฟแท้หลาว เดี๋ยวนี้ไม่ต้องให้น้องช่วยชงเลยนะ ดีเลย หนูโยนไม้พายทิ้งละ เรือแล่นเอง ไม่ต้องมีกัปตัน”

แล้วก็พูดอะไรก็ไม่รู้ที่ผมไม่เข้าใจสักเท่าไร แต่ก็เรียกเสียงหัวเราะให้กับคนอื่นๆ ได้ดี ผมเองก็เพิ่งจะรู้ในตอนนี้ว่าพี่บุศย์กับสรัลรู้อยู่แล้วว่าพี่อินทร์จะมีแผนจะพาผมไปเที่ยวบ้านสวน ส่วนเรื่องที่เราเป็นหนึ่งเดียวกัน เรื่องนั้น...

“แล้ว...ได้บ๊ะๆ กันปะ?”

สรัลถามขึ้นมาแล้ว หน้าตางี้เจ้าเล่ห์สุดๆ เลย พี่บุศย์ก็ดันจ้องหน้าผมกับพี่อินทร์สลับกัน รอคำตอบอย่างตั้งใจ ส่วนพี่อินทร์น่ะเหรอ...

“จะเหลือเร้อ!”

ตอบเสียงสูงเชียว ผมเลยได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำเป็นกินข้าวเพราะทนกับสายตาล้อเลียนของทั้งสองคนฝั่งตรงข้ามไว้ไม่ไหว สรัลนี่ตัวดีเลย สิ้นเสียงก็หันมาพูดกับผมใหญ่

“ฮั่นแน่ อัปเกรดจากเพื่อนต่างคณะมาเป็นเพื่อนสะใภ้แล้วว่ะ ร้ายกาจ”

“แล้วนี่...ใครรับใครรุก”

พี่บุศย์ก็เอากับเขาบ้าง ผมก็เบิกตาโตด้วยไม่คิดว่าคนเรียบร้อยอย่างพี่บุศย์จะมีมุมทะเล้นทะลึ่งกับเขา ส่วนพี่อินทร์ก็สวมอินเนอร์ภรรยา เอนตัวมาซบไหล่ผม ส่งเสียงสองกระเง้ากระงอด

“ถึงอิชั้นจะตัวใหญ่บึกบึน แต่อิชั้นก็ชอบถูกกระทำนะฮ้า~”

ตอแหลมาก สะดีดสะดิ้งจนผมอยากจะฟาดสักที แต่ก็หัวเราะผสมโรงไปกับพี่บุศย์และสรัลที่พากันขำน้ำหูน้ำตาไหล ผมหันไปหาพี่อินทร์ เขาก็ส่งเสียงบ้าๆ บอๆ ออกมาไม่หยุด

“สามีอิชั้นเด็ดดวงสุดยอดเลยฮ่ะ อิชั้นร้องครวญครางไม่หยุดเลย อื้อ...คุณจิร้า~ อร๊าง~”

ผมเลยทุบไปที หมั่นไส้นัก พี่บุศย์ยังหมั่นไส้เลย อดไม่ได้ที่จะดักคอ

“ครางหรือหอน มึงเอาดีๆ ไอ้อินทร์ แล้วก็เลิกแกล้งจิได้แล้ว หน้าแดงไม่ไหวแล้วน่ะ”

พยักพเยิดมาทางผมเป็นการใหญ่ด้วย ผมก็เขินจริงๆ แหละ หน้าร้อนผะผ่าวไปหมด พี่อินทร์ก็เลยกระซิบลงมาที่หูผม

“พี่อยากกินชาไข่มุกจังเลย จิไปซื้อให้พี่หน่อยได้ไหม”

รู้ว่าเขาคงอยากให้ผมไปสงบสติอารมณ์ก่อน เพราะดูท่าทางแล้ว พี่บุศย์กับสรัลคงจะคุยเรื่องนี้กันอีกยาว แล้วผมจะต้องเขินอายจนตัวแตกไปอีกเรื่อยๆ แน่ ผมก็เลยพยักหน้า รับกระเป๋าตังค์จากเขามาพลันลุกจากเก้าอี้

“จิไปซื้อของให้พี่อินทร์ก่อนนะครับ”

แล้วก็เดินจ้ำๆ ไปเลย

บุษบากับสังคามาระตา ไม่ว่าชาติไหนก็อยู่ฝ่ายอิเหนา แถมยังแกล้งจรกาอย่างผมไม่เลิกด้วย

แต่...แกล้งแบบนี้ผมก็ชอบนะ

ใจพองดีจังเลย



 
[Intara’s Part]

จิระลุกออกจากโต๊ะไป พอคล้อยหลัง ผมก็อดไม่ได้ที่จะพูดกับสองคนตรงข้าม
“ล้อน้องจิกูให้มันน้อยๆ หน่อย เขินตัวแตกบึ้มไป จะทำยังไง”

เท่านั้นสรัลก็ส่งเสียงสูง “แหม๊! แตะไม่ได้เลยน้า ข้าวใหม่ปลามัน ไอ้คนหวงของ”

ไอ้บุศย์หัวเราะกับคำพูดของสรัลใหญ่ ผมก็ไม่เถียงหรอกว่าผมหวงจิระจริงๆ จนกระทั่งสรัลเหน็บแนมมาอีก

“ไม่ว่าตอนไหนๆ ก็หวงจริ๊งงง หมั่นไส้”

ผมหัวเราะในลำคอ คำพูดของสรัลทำให้ไอ้บุศย์คิดอะไรออกขึ้นมา

“แล้วนี่มึงจะไม่บอกน้องมันจริงๆ เหรอ”

“เรื่องอะไร”

“อย่าทำมาเป็นไม่รู้หน่อยเลยว่ะ ให้แหวนไปซะขนาดนั้นแล้ว มึงเลิกอ้อมค้อมสักที”

“แล้วมันเรื่องอะไร”

“เรื่องที่มึงเป็นใคร”

“ใครล่ะ”

“อิเหนา”

เพราะผมมัวแต่ยอกย้อน ไอ้บุศย์ก็เลยพูดออกมาจนได้ ผมถอนหายใจ เลิกอ้อมค้อมก็ได้ ผมก็ขี้เกียจเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องนี้แล้ว พลันตอบไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“กูก็กำลังบอกอยู่นี่ไง”

บอกยังไง บอกแบบไหน ไอ้บุศย์กับสรัลเข้าใจดี มันสองคนมองหน้ากัน แล้วก็พากันถอนหายใจออกมาโดยพร้อมเพรียง

“ไอ้อินทร์ มึงนี่น้า” ไอ้บุศย์ทำท่าระอา ก่อนจะขยายความ “กูหมายถึงให้มึงบอกกับจิด้วยตัวเอง บอกจากปากตัวเองน่ะ มึงไม่คิดจะพูดเหรอ”

ผมชะงัก มองหน้ามันแล้วส่ายหัวน้อยๆ ทำให้สรัลต้องเสริมขึ้นมา

“แต่หนูว่าสมควรบอกได้แล้วนะพี่อินทร์”

แล้วผมก็ต้องถอนหายใจยาว

“แล้วจะให้บอกยังไง”

“ไม่เห็นจะยาก” สรัลว่า

“แค่บอกว่ามึงคือใครก็แค่นั้น” ประโยคนี้เป็นไอ้บุศย์ที่พูด

ผมนิ่งงัน มองสองคนนั้นอย่างจริงจัง ในที่สุดพวกมันก็พูดในสิ่งที่ผมไม่อยากให้พูดออกมาจนได้ พลันความหนักใจก็พร่างพรายไปหมด

“ไม่ใช่ว่ากูไม่อยากบอกนะ แต่ก็เข้าใจใช่ไหมว่าเพราะอะไร”

ทำไมสองคนนั้นจะไม่เข้าใจ พวกมันทั้งเห็น ทั้งอยู่ในเหตุการณ์ พวกมันเข้าใจความอึดอัดของผมดีอย่างแน่นอน และก็เป็นไอ้บุศย์ที่ถอนหายใจออกมา

“มึงก็เลยเลือกที่จะให้แหวนนั่นแทนสินะ”

ผมพยักหน้า เท่านั้นทั้งสองก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

“งั้นกูก็คงจะไม่แนะนำอะไรมึงอีกแล้ว แล้วแต่มึงเลย ถือว่าช่วยตามที่สัญญาแล้ว แต่มึงรอช้าไม่ได้เข้าใจใช่ไหม เพราะถ้าไอ้เวรนั่นมันมายุ่ง ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่”

ผมพยักหน้า รู้ว่าไอ้เวรนั่นที่ไอ้บุศย์หมายถึงคือใคร เรื่องนี้สรัลก็รู้แล้ว ไอ้บุศย์เป็นคนเล่าให้ฟังเอง ขณะที่สรัลก็นึกอะไรออกขึ้นมา

“แล้วไอ้เวรที่ตามสตอล์กเกอร์พี่บุศย์ล่ะ ยังตามอยู่อีกไหม”

ไอ้บุศย์ส่ายหน้า “ไม่ตามแล้ว แต่ไปตามจิแทน”

สรัลทำหน้าตกใจ ร้องเรียกผมทันที “พี่อินทร์...”

“จัดการแล้ว ไม่ต้องห่วง”

ผมรีบบอกก่อนที่น้องคนสนิทจะมีสีหน้าเป็นห่วงไปมากกว่านี้ แต่ก็ไม่ช่วยอะไรสักเท่าไรนัก เพราะสรัลไม่ได้มีสีหน้าดีขึ้นเลย

“ระวังตัวนะพี่อินทร์ ไม่รู้ว่าสองคนนี้จะมาดีหรือมาร้าย”

“พี่รู้ แกไม่ต้องห่วง”

ผมรับปาก ก่อนที่บทสนทนาของเราจะยุติลงเมื่อจิระเดินกลับมาที่โต๊ะเหมือนเดิม

“พี่อินทร์ ชาไข่มุกครับ”

ผมยิ้ม รับแก้วเครื่องดื่มนั้นมา ก่อนที่เจ้าตัวเล็กของผมจะทำหน้าสงสัยเมื่อรู้สึกได้ว่าบรรยากาศที่โต๊ะตึงเครียดขึ้นมาพิกล

“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ ทำไมดูเครียดๆ”

ถึงจะยิ้ม แต่คงจะอ่านสายตาผมออกล่ะมั้ง พลันไอ้บุศย์ก็โพล่งขึ้นทันที

“ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่แซวมันหนักไปหน่อย กินข้าวต่อเถอะ”

จิระมองผมอย่างขอคำตอบว่าใช่หรือเปล่า ผมเลยยิ้มกว้างให้ ทำเสียงกระเง้ากระงอดใส่เล็กน้อย

“ก็ปี้อินทร์หวงหนูง่ะ ไม่อยากให้หนูถูกใครล้อเลียน”

เท่านั้นจิระก็เชื่ออย่างสนิทใจ ก้มหน้าก้มตาซ่อนใบหน้าที่แดงเป็นพัลวัน

“ขอบคุณครับ”

ทำตัวบ้าๆ บอๆ แบบนี้ทีไร จิระสบายใจทุกที สงสัยในสายตาเขา การทำตัวปกติของผมคงจะเป็นท่าทางแบบนี้ล่ะสินะ แต่ให้เขาเข้าใจอย่างนี้แหละดีแล้ว ผมลอบถอนหายใจ มองหน้าไอ้บุศย์กับสรัลที่พากันทำตัวปกติแล้วก็ได้แต่ขอบคุณพวกมัน พลันคว้ามือของจิระมาจับไว้ เขามองผมอย่างงุนงง ขณะที่ผมยิ้มให้เขา เผลอใช้ปลายนิ้วลูบเม็ดนิลบนแหวนอย่างเบามือ

บอกเรื่องนั้นเหรอ?...ผมก็กำลังบอกอยู่นี่ไง

กำลังบอกอยู่... แล้วก็หวังว่าจิระจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดได้ในเร็ววัน

พี่จะรอวันนั้น... วันที่เจ้าระลึกได้

...ระตูจรกา

[1] ชื่อของอิเหนาที่ได้จากอง์ประตาระกาหลา เทวดาประจำตระกูลที่มาอวยพรและประทานนามให้เมื่อแรกเกิด เป็นภาษามลายู



เฉลยปมแรกแล้ว ส่วนใหญ่ก็เดาถูกกันเนอะ แต่!!! หลังจากนี้มันลึกลับซับซ้อน  พี่บุศย์กับจิณห์เคยเป็นเมียอิเหนามาก่อนหรือไม่นั้นนน ให้คนเขียนทำนายกัน 555

วิหยาสะกำยังไม่หายไปไหนนะคะ กำลังจะกลับมาละ เป็นตัวละครสำคัญอีกตัวนึงเลย ส่วนใครอ่านแล้วกลัวดราม่า ทำใจให้สบายค่ะ ไม่ม่าขนาดนั้น ฟีลกู้ดจ้าฟีลกู้ด (เชื่อได้มั้ยเนี่ย ฮา)

เย็นๆ มืดๆ ไว้มาอัปตัวอย่างตอนหน้าให้จ้า XD



ป.ล.เรื่องทำเล่ม ใครสนใจ หนูแดงรบกวนทำแบบสอบถามประเมินความต้องการหน่อยนะคะ ยังไม่เปิดจองเน้อ น่าจะอีก 2-3 เดือน แต่ถ้าเปิดจองแล้วจะส่งเมลให้คนที่ทำแบบสอบถามค่ะ เข้าไปทำที่นี่นะ https://goo.gl/forms/SrRySdDem1s5ST8a2
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 19★ระลึกรัก[14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 14-05-2018 09:19:44
คือแบบฮือออออ อิเหนารักจรกามานานแล้ว แล้วพวกนางทุกคนก็ระลึกชาติได้อ่ะ แต่ที่อยากรู้ตอนนี้คือความสัมพันธ์ของบรรดาเมียๆของอิเหนา เพราะในเมื่อนางรักจรกาแล้วทำไมแต่งเมียเยอะจังหรือมันคือนิสัยเจ้าชู้ แต่บุษบานี่ที่เป็นเพื่อนกันได้เพราะนางไม่ได้รักกันแน่ๆเลย แต่กันท่าไม่ให้ได้กับจรกาเพราะหวงน้อง สุดท้ายน้องเลยเกลียดเข้าไส้จนได้แต่รอชาติหน้าเอา ฮิฮิ :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 19★ระลึกรัก[14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 14-05-2018 09:41:41
 o13


 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 19★ระลึกรัก[14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-05-2018 10:34:36
อร้ายย เดาถูกด้วย ว่าอิเหนาแอบรักจรกาตั้งแต่ชาติที่แล้ว  แล้วจินตะหรา จะมาทำไรอีกละในชาตินี้ วิหยาสะกำด้วย 
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 19★ระลึกรัก[14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 14-05-2018 11:11:48
 :katai3:  กริส จริงด้วย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 19★ระลึกรัก[14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 14-05-2018 12:31:47
อย่ามาเปล่งรัศมีผัวแบบนี้นะพี่อินทร์ เราไม่ชินนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 19★ระลึกรัก[14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 14-05-2018 13:12:28
ตั้ลล้ากกกก
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 19★ระลึกรัก[14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-05-2018 13:16:09
นังเหนา แกจะกลัวอะไรหนักหนาฟ่ะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 19★ระลึกรัก[14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 14-05-2018 13:32:19
 :pig4: ขอบคุณค่ะ ขยันมาก มาต่อทุกวันเลย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 19★ระลึกรัก[14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 14-05-2018 14:37:28
คิดแล้วอิเหนารักจรกาและทุกคนระลึกชาติได้หมดเหมือนท่านเทวดาต้นตระกูลจะให้ทุกคนกลับมาแก้ไขปัญหารักอิรุงตุงงังเก่าในชาตินี้
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 19★ระลึกรัก[14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-05-2018 16:14:10
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 19★ระลึกรัก[14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-05-2018 16:15:06
ระลึกชาติกันได้ทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 19★ระลึกรัก[14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 14-05-2018 17:43:01
นี่เรากำลังจะเริ่มต้มมาม่าแล้วรึเปล่า!!
วังหรใจเบาๆ~~~
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 19★ระลึกรัก[14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 15-05-2018 22:45:07
Chapter 20: จรกาคนงาม

เพียงพบพานแค่ครั้งเดียว ดวงใจของอิเหนาก็ถูกพรากไปจากกุเรปันเสียสิ้น เห็นทีดวงใจไม่รักดีดวงนั้นคงจะตั้งหลักปักฐานอยู่ยังเมืองจรกาแล้วเป็นแน่...

อิเหนาเฝ้าพร่ำเพ้อถึงชายหนุ่มวัยแตกพานผู้นั้นไม่เว้นทิวาและราตรี ครั้นมีโอกาสได้รับเชิญไปร่วมงานสำคัญยังเมืองอื่น ก็ไม่รอช้าที่จะขันอาสาพระราชบิดาไปร่วมงานด้วยเมื่อได้ยินว่าองค์ยุพราชแห่งจรกาก็ไป

ร่วมปีทีเดียวที่ไม่เห็นหน้ายอดชายผู้เป็นที่รัก จรกาในวันนี้เติบใหญ่เป็นชายหนุ่มเต็มตัว กระนั้นความน่ารักน่าเอ็นดูก็หาได้ลดน้อยถอยลงไปแม้เพียงกระผีก ดวงหน้าน่ารักเช่นไรในวันวาน วันนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น อิเหนายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พินิจอีกฝ่ายที่นั่งหน้าบึ้งถมึงทึงอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความยินดี

ยินดีเหลือเกินที่ได้พบพานกันอีกครั้ง... พานทำให้ความคิดถึงพลุ่งพล่าน ใคร่อยากเจรจาพาทีด้วยเป็นอย่างยิ่ง

ครั้นเสร็จราชพิธีสำคัญ เหล่าองค์ยุพราชและเจ้าชายต่างเมืองก็พากันชวนไปสรวลเสเฮฮาตามประสาหนุ่มฉกรรจ์ ผู้หนึ่งเสนอความคิดให้ตั้งวงเตะตะกร้อ ผู้อื่นก็พากันเห็นดีด้วย ย่อมแน่ว่าอิเหนาเป็นตัวตั้งตัวตีในครั้งนี้ เพราะฝีมือการเตะตะกร้อของเขาไม่เป็นรองผู้ใด และย่อมแน่ว่าจรกาไม่เป็นที่รับเชิญเฉกเช่นเดิม

ไม่ว่าจะยังเยาว์หรือเติบใหญ่ ใครต่อใครก็พากันรังเกียจเดียดฉันท์ จรกาหาได้สลักสำคัญที่จะเชิญเข้าร่วมสมาคม...

แต่เพราะอิเหนาเป็นตัวตั้งตัวตี จึงหาได้มีผู้ใดห้ามเมื่อเขาเอ่ยปากชวนองค์ยุพราชเมืองนั้น จรกาเองก็กลัวจะเสียหน้าหากปฏิเสธ

ปฏิเสธเท่ากับหวาดเกรงฝีมือของอิเหนา...

จึงตอบรับแต่โดยดี แต่การพยายามเอาชนะผู้ที่มีฝีมือเหนือกว่านั้นหาใช่เรื่องง่าย ครั้นเตะตะกร้อหมายจะให้อิเหนาเพลี่ยงพล้ำ ก็กลายเป็นว่าอีกฝ่ายรับได้เสียทุกลูก แล้วก็กลายเป็นว่าตนพลาดเองเสียอย่างนั้นเมื่อองค์ยุพราชคนอื่นๆ ใช้ลูกเล่นกลวิธีล่อลวงให้อิเหนาได้ชัย

จรกาถูกรุกไล่โดยไม่ทันตั้งตัวจนหงายหลังลงไปในบ่อบัว เสียงหัวเราะเย้ยดังขึ้นขรมเมื่อโคลนตมเกาะตามร่างกายให้ผิวคล้ำดูทะมึนมากขึ้นไปอีก

จรกาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ประจักษ์ได้ในเพลานี้ว่าแท้จริงที่อิเหนาชวนตนมาร่วมวงเตะตะกร้อนั้นหาใช่การชวนจากใจ แต่เป็นชวนเพื่อมาให้ถูกรุมแกล้งต่างหาก!

เมื่อลุกขึ้นได้ก็รีบหุนหันไปจากบริเวณนั้น ปล่อยให้เสียงหัวเราะดังไล่หลัง ขณะเดียวกันก็มีสายตาคู่หนึ่งมองตามด้วยความไม่สบายใจนัก

พี่ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนี้...

เสียงนั้นดังก้องในใจของอิเหนา เขาชวนจรกามาร่วมวงด้วยก็เพราะไม่อยากเห็นนั่งโดดเดี่ยวเปล่าเปลี่ยวเฉกเช่นที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ยักรู้ว่าใครต่อใครจะมารุมแกล้ง คราแรกก็คิดว่าเล่นด้วยตามประสา แต่เมื่อต่างคนต่างรุกไล่ เขาก็หมายจะห้ามปรามนั่นแล ทว่าไม่ทันการณ์เมื่อจรกาพลาดท่าล้มจ้ำเบ้า

นั่นเป็นความผิดของเขาเอง... เป็นความผิดที่ไม่สามารถปกป้องยอดดวงใจให้พ้นจากเหล่าคนพาลได้

อิเหนาผละออกจากวงตะกร้อทันที ไม่สนใจเสียงร้องเรียกด้วยสงสัยในอากัปกิริยาแต่อย่างใด สองขาก้าวไปทั่วทุกทิศ มองหาจรกาตัวน้อยด้วยใจที่ร้อนรน ก่อนจะมาพบเข้าในสวนพฤกษาขณะที่จรกากำลังร่ำไห้อยู่ในศาลา

“น้องจรกา...”

เสียงเรียกแผ่วเบาทำให้จรกาต้องรีบเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็ว พอหันไปเห็นว่าเจ้าของเสียงคือผู้ใด สีหน้าเศร้าสร้อยก็พลันแข็งข้องขึ้นทันควัน

“มีธุระสิ่งใดกับข้า”

น้ำเสียงกระด้างกระเดื่องบ่งบอกชัดเจนว่าหาได้อยากสนทนาด้วย มิหนำซ้ำดวงตาแดงช้ำนั่นก็ช่างดูน่าสงสารเหลือทน เขามิอาจทนอยู่เฉยได้ ก้าวเข้าหา ขณะที่จรกามองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนัก

“มีสิ่งใด!”

น้ำเสียงเกรี้ยวกราดหลุดลอดจากริมฝีปากบาง อิเหนาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะว่า

“พี่เพียงมาดูว่าเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง”

แล้วก็ปราดมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

สภาพเปียกปอนเช่นนี้ คงจะหนาวไม่น้อยกระมัง

แต่ก็หาได้กล้าพูดออกไปเมื่อจรกาเอาแต่มองเขาตาขวาง

“จะมาดูข้าว่าเป็นเช่นไรเพราะหมายจะเยาะเย้ยล่ะสินะ!”

มีเพียงความอคติเท่านั้นที่พร่างพรายเต็มอกของจรกา อิเหนาจะพูดสิ่งใดได้เล่า พอจะเข้าใจอยู่หรอกว่าเพราะเหตุใด จรกาถึงได้ไม่เคยมองเขาในแง่ดีเลย

ก็ขนาดไม่เคยพบหน้า จรกายังถูกเปรียบเทียบรูปลักษณ์กับเขาเสียมากมายเพียงนั้น มิหนำซ้ำเมื่อเจอหน้าก็มิวายถูกติฉินนินทา มาคราวนี้ก็ยังถูกกลั่นแกล้งด้วยเจ้าพวกโง่งมเหล่านั้นหมายจะเอาใจประจบประแจง โดยหารู้ไม่เลยว่าอิเหนาไม่ได้ต้องการเช่นนั้น ที่เขาต้องการคือทำให้คนตรงหน้าแย้มยิ้มด้วยความสุขมากกว่า

ทว่า...ทุกสิ่งกลับตรงกันข้าม

“พี่หาได้มาเยาะเย้ย พี่เพียงจะมาดู...”

“ดูเพื่อหาเรื่องรังแกข้าอีกล่ะสิ!”

ความใดก็มิอาจรับฟัง สิ่งใดที่อิเหนาหมายจะพูดล้วนแล้วกลายเป็นแง่ร้าย เขาเลยยับยั้งปากไว้เพียงเท่านั้น มีแต่จรกาเท่านั้นที่ตะเบ็งเสียงออกมาอย่างเหลืออด

“เพราะข้าอัปลักษณ์ รูปก็ชั่ว ตัวก็ดำใช่หรือไม่ เจ้าถึงได้ใคร่รังแกข้าเช่นนี้!”

คนฟังได้ยินแล้วก็ปฏิเสธในใจเป็นพัลวัน

ไม่ใช่...

ไม่ใช่เช่นนั้นเลย...

ผู้ใดจะบริภาษว่าระตูจรกาเป็นชายแสนอัปลักษณ์ เขา...อิเหนาผู้นี้ก็หาได้สนใจ ในเมื่อสายตาของเขามองเห็นแต่เพียงชายรูปงามเท่านั้น

ต่อให้ใครต่อใครว่าจรกาเป็นก้อนดินไร้ค่า หาใช่ทองคำผ่องแผ้วหรืออัญมณีเม็ดงาม แต่สำหรับอิเหนา จรกา...คือคนงามที่สุดในโลกหล้า

ใจอยากจะบอกไปนัก หากแต่ก็มิกล้าจะเอื้อนเอ่ย เกรงเหลือเกินว่าจะทำให้อีกฝ่ายระคายใจไปมากกว่านี้ ขณะที่หยาดน้ำตาร่วงพรูจากเบ้าตาคู่สวยของคนตรงหน้า

“ข้า...ข้าแค้นใจนัก หากข้าเกิดมามีรูปงามเช่นเจ้าแล้วไซร้ เจ้าคงไม่คิดรังแกข้าร่ำไปเช่นนี้ ฮึก...”

สะอึกสะอื้นเสียจนคำบริภาษที่หลุดจากปากฟังไม่ได้ศัพท์ อิเหนารู้สึกผิดเหลือเกินที่เป็นต้นเหตุให้จรกาถูกกลั่นแกล้ง เขาเองก็หาได้หมายใจจะให้เรื่องลงเอยเช่นนี้ พลันก้าวเข้าไปหา ยกมือขึ้นแล้วชะงักค้างไว้ในอากาศ ลังเลอยู่ครู่ว่าควรจะทำตามใจตนหรือไม่ หากแต่หยดน้ำตาเม็ดโตที่พร่างพรูอาบแก้มไม่หยุดนั้นก็ทำให้เขามิอาจทนฝืนใจตนเองได้

มือเอื้อมไปดึงผ้าแพรที่คล้องคอของตนออก ก่อนยื่นไปซับน้ำตาให้อีกฝ่าย ระตูจรกาเหลือบมอง สะอื้นไห้ไม่หยุด ดวงตาแดงก่ำช่างน่าสงสาร กอปรกับสภาพมอมแมมในเพลานี้ก็ยิ่งทำให้อิเหนาเศร้าใจมากขึ้นไปใหญ่ ใจของเขามีคำพูดมากมายใคร่ปลอบประโลมนัก

ผู้ใดว่าเจ้าอัปลักษณ์กัน รูปชั่วตัวดำนั้นล้วนเป็นเจ้าที่คิดไปเองทั้งสิ้น

อย่าฟังคำใคร... โปรดเถิดน้องรัก เจ้าอย่าได้ฟังคำผู้ใด สำหรับพี่แล้ว เจ้างามที่สุด

น้องคนงามของพี่...

แต่ก็หาได้กล้าพูดออกไปแม้แต่คำเดียว ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายจ้องตนเขม็ง

ดวงตาประสานสบ พลันก็ดึงดูดให้อิเหนามิอาจละสายตาจากดวงหน้าของจรกาได้เลยแม้แต่น้อย

งาม... เจ้างามที่สุด...

เผลอไผลเสียจนลืมตัว ความกลัวใดๆ ที่มีอยู่ก่อนหน้ามลายไปสิ้น อิเหนาขยับเข้าใกล้ เชยปลายคางมนขึ้นแล้วประทับจูบลงไปซับน้ำตาให้ที่พวงแก้มนุ่มแผ่วเบา ก่อนเสียงกระซิบพร่าจะดังตามมา

“สำหรับพี่ ไม่มีผู้ใดงดงามได้เท่าเจ้าอีกแล้ว... น้องจรกาคนงาม”

พลันก็เผลอไผลกอดตระกองในอ้อมแขนด้วยรักใคร่ ริมฝีปากคลอเคลียไปยังซอกคอและใบหู สัมผัสนั้นเต็มไปด้วยความรักยิ่ง หากแต่ผู้ถูกกระทำกลับหน้าม้านขึ้นมาทันตา อีกทั้งยังอับอายสุดขีดเมื่อตระหนักได้ว่าการกระทำของอิเหนาช่างไม่อายฟ้าดิน

กระทำเช่นนี้หมายจะกลั่นแกล้งข้าอีกล่ะสิ!

มือทั้งสองผลักร่างอีกฝ่ายออกห่างเต็มแรง อิเหนาชะงัก ระลึกได้ในเพลานี้ว่าพลั้งเผลอกระทำสิ่งใดไป ครั้นเห็นสีหน้าโกรธขึ้งของอีกฝ่าย ใจก็หล่นวูบไปยังตาตุ่ม

“น้องจรกา พี่ไม่ได้...”

คำพูดขาดช่วงไปเมื่อเห็นจรกาสูดหายใจเข้าปอด มือทั้งสองกำแน่น ร่างกายสั่นระริก ระคนน้ำตาที่เอ่อปริ่มขอบตาแดงก่ำ

แค้น...

สีหน้าและท่าทางนั้นคือความโกรธแค้น ก่อนน้ำเสียงดุดันจะเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน

“ต่อให้ข้า...จรกาผู้นี้จะอัปลักษณ์ แต่สักวันข้าจะเอาชนะเจ้าให้จงได้ ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง ข้าจะต้องอยู่เหนือเจ้า!”

พูดจบก็หุนหันไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว อิเหนาเห็นแล้วก็ปวดใจยิ่ง เขาไม่ได้ตั้งใจจะข่มเหง แต่กลิ่นหอมและผิวเนื้อนวลนั้นทำให้เขาเผลอตัวเผลอใจกระทำการโง่งม แต่สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดใจยิ่งกว่าคือการถูกเข้าใจผิดเสียเต็มรัก

จรกาจะรู้บ้างหรือไม่ว่าดวงใจของอิเหนารวดร้าวเพียงใด...

หากเจ้าอยากจะอยู่เหนือพี่นัก พี่จะยอมทั้งสิ้น แต่โปรดเถิด อย่าได้คิดว่าตนด้อยค่าเช่นนั้นเลย

ต่อให้ทั้งโลกปฏิเสธเจ้า แต่เจ้ามีค่าสำหรับพี่เสมอ...

 

เหตุการณ์ในวันนั้นรบกวนจิตใจของอิเหนายิ่ง ครั้นกลับมายังกุเรปันก็เอาแต่คิดครุ่นว่าจะทำการใดให้จรกาได้ตระหนักรู้ว่าเขาไม่ได้อัปลักษณ์ดั่งเช่นคำที่ใครต่อใครดูแคลน

จะทำอย่างไร จะทำเช่นไร จรกาถึงจะรับรู้ว่าเขามีรูปงามล้ำค่าดุจอัญมณี?

บัดนั้นอิเหนาก็นึกขึ้นได้...

จรกาที่ใครต่อใครปรามาสว่ารูปชั่วตัวดำ แม้นไม่ได้มีเรือนกายเรืองรองเฉกเช่นทองผ่องแผ้ว หรือสว่างกระจ่างดุจเม็ดทับทิมงาม ทว่าก็หาใช่ก้อนดินไร้ราคา

เช่นนั้นคงต้องทำให้น้องได้ประจักษ์...

พลันอิเหนาก็รับสั่งให้พ่อค้าอัญมณีมาเข้าเฝ้าเพื่อเสาะหาอัญมณีที่เหมาะสมแก่จรกาไปทำเครื่องประดับเป็นของแทนใจ ใช้เวลาเลือกอยู่นานสองนาน สุดท้ายก็คว้าเอานิลก้อนหนึ่งขึ้นมาพินิจ ก้อนนิลก้อนนั้นสีดำขลับเนียนเป็นเนื้อเดียวตลอดทั้งก้อน ส่องประกายวาววับจับตาก็พลันยินดี

นี่ล่ะน้องจรกา เจ้าหาใช่ก้อนดิน หากแต่เป็นนิลเม็ดงามที่พี่นี้ใคร่จะเจียระไนยิ่งนัก

เมื่อเลือกได้ก็แย้มยิ้มอย่างมิอาจปกปิด ก่อนจะออกคำสั่ง

“ไปเรียกช่างเครื่องถมมาประเดี๋ยวนี้”

ข้าราชบริพารแลพี่เลี้ยงพากันกุลีกุจอทำตามคำสั่ง ไม่นานนัก ช่างเครื่องถมประจำวังก็มากราบเข้าเฝ้าอยู่เบื้องหน้า อิเหนายื่นนิลก้อนนั้นให้พร้อมคำสั่ง

“ข้าอยากได้แหวน ตัวเรือนเป็นทองคำพิสุทธิ์ ส่วนยอดให้ประดับด้วยนิลก้อนนี้” จากนั้นก็ยื่นเชือกป่านเล็กๆ เส้นหนึ่งให้ “นี่คือขนาดรอบวงของแหวน อาจจะไม่ตรงกับขนาดนิ้วของผู้สวมนัก เจ้าเผื่อให้ใหญ่กว่านี้สักหน่อยก็แล้วกัน”

ได้เชือกเส้นนี้มาเพราะไปติดสินบนพี่เลี้ยงของจรกาไว้ตั้งแต่งานพระราชพิธีวันนั้นว่าให้ไปวัดขนาดรอบนิ้วนางของจรกามาให้ ช่างเครื่องถมรับของทั้งสองสิ่งมา

“องค์ยุพราชทรงใคร่อยากได้ไว้เองหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ทว่าอิเหนากลับส่ายหน้า “เปล่า ข้าจะมอบให้ยอดดวงใจของข้า”

คนฟังออกจะประหลาดใจอยู่ไม่น้อย จะมอบแหวนให้กับนางอันเป็นที่รัก เหตุใดเล่าถึงได้เลือกนิลสีดำสนิทแลไม่ชวนให้มอง เพราะสตรีส่วนใหญ่ล้วนแล้วชอบเครื่องประดับสีสันสดใส สีดำทึบเช่นนี้เหมาะกับบุรุษมากกว่า หากแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถามใดๆ เมื่ออิเหนาออกคำสั่งอีกครั้ง

“ใช้เวลาให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ข้าอยากให้มันถึงมือผู้รับให้เร็วที่สุด”

คนถูกสั่งก้มกราบ พาตนเองออกไปด้านนอก รีบเร่งดำเนินการพลัน ปล่อยให้อิเหนานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จินตนาการว่าเมื่อมอบแหวนวงนี้ให้ จรกาจะยินดีเพียงใด

คงมิแคล้วยิ้มแฉ่งเป็นแน่ แล้วพี่จะทำให้น้องรู้ว่าแท้จริงน้องงดงามเพียงใด

...จรกาคนงามของพี่

 

[Intara’s Part]

หลังจากวันที่ผมกับจิระเป็นหนึ่งเดียวกัน ชีวิตของพวกเราก็เหมือนจะราบรื่นไปเสียทุกอย่าง ราบรื่นเสียจนผมแอบหวั่นใจเล็กๆ ว่าสักวันความสุขที่มีอยู่ในมือตอนนี้จะมลายหายไป ทุกครั้งที่มองหน้าเขา ผมจะอดขอร้ององค์ประตาระกาหลา เทพเทวาต้นวงศ์ตระกูลไม่ได้เลยว่าขอให้ผมได้เห็นหน้าจิระอย่างนี้ไปทุกวัน

จิระ...คนที่เป็นจรกากลับชาติมาเกิด

ใช่ ผมอยากเห็นหน้าผู้ชายคนนี้ทุกวัน ตั้งตอนตื่นและตอนนอน ผมอยากให้เขาอยู่ข้างผมอย่างนี้ตลอดเวลา ชดเชยที่ในชาติที่แล้วเราไม่ได้คู่กันอย่างที่มันควรจะเป็น

...อันที่จริงต้องบอกว่าเป็นความคิดของผมคนเดียวที่ว่ามันควรจะเป็นอย่างนั้น เพราะจริงๆ แล้วในชาติก่อน จิระเมื่อครั้งยังเป็นจรกาไม่เคยคิดอยากจะครองคู่กับผมเลยด้วยซ้ำ

เขาเกลียดผม... เกลียดเข้ากระดูกดำ เกลียดจนถึงขนาดป่าวประกาศไปทั่วทั้งแคว้นว่าต่อให้เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็จะไม่เผาผีกับผมเด็ดขาด ส่วนสาเหตุนั้นก็เป็นอันรู้ๆ กันว่าเพราะเขาแค้นเคืองที่ผมแย่งบุษบา นางอันเป็นที่รักของเขาไป

แต่...จรกาจะรู้บ้างไหมนะว่าเหตุผลที่ผมแย่งบุษบาคืนมา ไม่ใช่เพราะหลงรักนางเมื่อพบหน้าอย่างที่ใครต่อใครเข้าใจ ทว่าเป็นเพราะเหตุผลอื่นต่างหาก และเหตุผลนั้น...ก็คือเขา

คือเขา...เป็นเพราะเขาคนเดียว...

“แล้วมึงออกมาอย่างนี้ จิไม่ถามเหรอวะว่าไปไหน”

ขณะที่นั่งเหม่ออยู่ ไอ้บุศย์ก็ร้องถามขึ้นมา ผมเหลือบมองหน้ามันที่ตอนนี้กำลังถือช้อนตักบิงซูค้างไว้อยู่ โดยข้างๆ มีสรัลนั่งจ้วงน้ำแข็งเข้าปาก ผมส่ายหน้าน้อยๆ ให้

“หลับไปแล้ว วันนี้ตื่นไปเรียนแต่เช้า กลับมาถึงห้องเห็นบ่นว่าเหนื่อยกับปวดหัว กูก็เลยให้กินยานอน แต่ทิ้งโน้ตไว้แล้วล่ะว่าออกมากินข้าวกับพวกมึง”

ไอ้บุศย์พยักหน้ารับ ความจริงแล้วผมไม่ได้จะออกมากินข้าวอะไรกับพวกมันหรอก อยากจะอยู่ดูแลจิระมากกว่า เห็นเขามีสีหน้าซูบเซียวหลังจากกลับมาถึงห้องอย่างนั้น ใครจะไปมีกะจิตกะใจออกมากินข้าวกับเพื่อนได้ล่ะ แต่เพราะไอ้บุศย์มันดันส่งข้อความมาหา แล้วบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญ ผมเลยต้องออกมา เพราะเรื่องสำคัญที่มันว่าคือเรื่องที่ผมมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเต็มๆ

“ดีละ ไม่งั้นกูก็ไม่รู้จะหาโอกาสคุยกับมึงตอนไหนดี” ไอ้บุศย์ว่าขึ้นมาอีก ก่อนมันจะวางช้อนลงบนโต๊ะแล้วยืดตัวเล็กน้อย “แล้วตกลงมึงจะเอายังไงเรื่องจิ จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปจริงๆ เหรอ”

ซึ่งเรื่องที่ผมมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยก็หนีไม่พ้นเรื่องที่ผมไม่ยอมบอกจิระว่าผมเป็นใครกลับมาเกิดนี่ล่ะ พอมันถามมา ผมก็ว่าด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

“กูก็บอกแล้วไงว่ากำลังบอกอยู่”

“แต่มึงไม่ได้บอกเอง”

“แหวนนั่นก็บอกได้เหมือนกัน”

พอพูดไปอย่างนี้ มันก็ถอนหายใจ หันไปมองหน้าสรัลที่ถอนหายใจออกมาเหมือนกัน ราวกับว่าสิ่งที่ผมตัดสินใจทำนั้นเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างนั้นแหละ แล้วก็เป็นไอ้บุศย์อีกที่ถามออกมา

"ถามจริงๆ ไอ้อินทร์ ทำไมไม่บอกจิไปเลยวะว่ามึงเป็นใคร ทำไมต้องรีรอ มึงก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าจิระลึกชาติได้ ในเมื่อจิรู้ว่าตัวเองคือจรกา แล้วก็รู้ด้วยว่ามึงคืออิเหนา มึงก็แค่บอกไปเลยว่ามึงเองก็ระลึกชาติได้เหมือนกัน จะได้เคลียร์เรื่องที่มันค้างคาใจเมื่อชาติที่แล้วไปเลย จะได้จบๆ"

ผมเหลือบมองหน้า ตอนนี้มันอึดอัดแทนผมแล้ว ผมก็ไม่ใช่ว่าไม่อึดอัดนะ ผมเองก็อยากทำตามที่มันบอกเหมือนกัน แต่เรื่องนี้มันจะรีบร้อนไม่ได้

“สงสัยมึงจะลืมไปแล้วมั้งว่าชาติที่แล้ว จรกาเกลียดอิเหนาแค่ไหน”

“แต่มันน่าอึดอัดนะเว้ย ตอนที่จิถามกูว่าเป็นผัวอิเหนาเหรอ กูนี่สะดุ้งเลย”

“สะดุ้งที่เป็นผัวกู?”

“เดี๋ยวกูทุบ สะดุ้งที่น้องมันเอ่ยชื่ออิเหนาต่างหาก”

ไอ้บุศย์ไม่พูดเปล่า ทำท่าจะทุบผมด้วยจริงๆ สรัลเห็นก็หัวเราะ พลันว่าเสริมบ้าง

“หนูก็เสียวๆ เหมือนกันนะตอนที่จิมันเรียกว่าสังคามาระตาอะ แล้วต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องนี่โคตรจะยากเลย นี่โคตรกลัวเลยว่าจะโป๊ะแตก โป๊ะแตกเมื่อไร ถูกจับได้ขึ้นมาล่ะก็ งานงอกแน่ๆ”

ผมเองก็เห็นด้วยกับสองคนนี้นะ เวลาที่ต้องทำเป็นเหมือนไม่เข้าใจอะไรที่จิระพูดทั้งๆ ที่รู้ดี มันโคตรน่าอึดอัด นอกจากนั้นก็ยังเสียวสันหลังวูบๆ วาบๆ ด้วย อย่างของสองคนนี้คงไม่เท่าไร แต่ของผมนี่แทบจะหายใจไม่ออกเลยนะตอนที่จิระไล่ชื่อบรรดาเมียๆ ทั้งสิบคนของผม

แล้วก็ดูท่าไอ้บุศย์เองก็คงจะคิดแบบเดียวกับผมอยู่ มันเลยถามขึ้น

“แล้วแหวนนั่นมันทำให้จิระลึกเหตุผลว่าทำไมมึงถึงมีเมียเป็นสิบได้ไหม”

ผมชะงักก่อนจะส่ายหน้า

ใช่ มันทำให้ระลึกไม่ได้ เพราะมันจะทำให้จิเข้าใจได้เฉพาะแค่ความรู้สึกของผมที่มีต่อจิระในชาติที่แล้วตามคำอธิษฐานของผมเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องก็จะระลึกไม่ได้ทั้งสิ้น

ไอ้บุศย์ถึงกับหัวเราะหึทันที ก่อนสรัลจะร้องแซวขึ้นมา

“จะมาเกลียดหนักก็ตรงนี้แหละพี่อินทร์ อิเหนาจอมเจ้าชู้~”

“เรื่องนั้นพี่ก็มีเหตุผล แกเองก็รู้ว่าทำไม ไม่ต้องมาทำเป็นแซวให้หวั่นใจ”

ไอ้บุศย์กับสรัลหัวเราะครืนทันที พลันไอ้เพื่อนตัวดีก็ยอกย้อนอีก

“กูถึงบอกให้รีบบอกไป โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา”

“บอกไปตอนที่จิยังไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมด มีหวังได้เกลียดกูหนักกว่าเดิม เห็นอย่างนี้กูก็กลัวเหมือนกันนะ”

“กลัวอะไรวะ”

“กลัวว่าพอจิรู้ว่ากูคือใคร ชาตินี้ก็จะเกลียดกูอีก”

พอผมสวนไปอย่างนี้ ไอ้บุศย์ก็เงียบ ไม่เว้นแม้แต่สรัล ก็แน่ล่ะ ทำไมสองคนนี้จะไม่รู้ว่าจรกาเกลียดอิเหนาแค่ไหน อย่างที่ผมบอก เกลียดเข้าไส้... เกลียดเข้ากระดูกดำ... เกลียดชนิดประกาศกร้าวว่าจะไม่เผาผี ขนาดวาระสุดท้ายของชีวิตยังไม่ให้ใครมาบอกข่าวผมเลยแม้แต่น้อย เป็นอย่างนี้แล้วจะให้ผมบอกไปได้ยังไงว่าตัวเองเป็นใคร

“มึงก็เลยไม่กล้าบอก?”

“อืม”

“กะให้แหวนค่อยๆ ทำให้จิระลึกชาติในฝั่งของมึงได้แทนการบอกด้วยตัวมึงเองว่างั้น?”

“อืม”

ผมยอมรับโดยดุษณี ไอ้บุศย์ก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

“มึงนี่น้า กลัวไม่เข้าเรื่อง”

“ก็กูไม่อยากให้น้องมันเกลียดกูไปมากกว่านี้ กูกลัวก็ไม่แปลกไหมล่ะ”

“แต่ตอนนี้จิรักมึงแล้วนะ”

“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพอรู้ว่ากูจำอดีตชาติได้แล้วจะไม่เกลียดนี่หว่า ให้แหวนทำให้ระลึกชาติในฝั่งของกูได้นั่นแหละดีแล้ว กูอยากให้จิค่อยๆ เข้าใจว่าทำไมกูต้องทำอย่างนั้น ดีกว่าบอกไปเลยทีเดียว ให้ใช้เวลาทำความเข้าใจหน่อย ถ้ากูรีบร้อนแล้วจิไม่เข้าใจ พานมาเกลียดอีกในชาตินี้ กูคงรับไม่ไหว”

ผมสารภาพไปตามตรง อิเหนาอย่างผมเองก็มีเรื่องให้ต้องกลัวเช่นกัน ไอ้บุศย์ก็เลยไม่ตอแย มีแต่สรัลเท่านั้นที่เท้าคางว่าด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

"ก็แหงล่ะ ใครจะไม่เกลียด ไปเผาโรงมหรสพในงานแต่งเขาอย่างนั้นน่ะ เป็นหนู หนูก็เกลียด จะแช่งชักหักกระดูกด้วย"

พลันผมก็เหลือบมองหน้าสรัลทันที "นั่นเราเป็นคนเผาไม่ใช่หรือไง"

เหยียดตัวตรง ร้องเสียงสูงเลย "เอ๊า ก็พี่อินทร์สั่งอะ ขัดได้ไหมล่ะ ตัวเองก็เผาด้วยเถอะ ไม่ใช่แค่หนูคนเดียว เร่งยิกๆๆ กลัวจะได้ฤกษ์แต่งก่อนอยู่นั่นแหละ”

จริงอย่างที่สรัลพูด ถ้าผมไม่สั่ง มีหรือที่สังคามาระตาน้องรักอย่างมันจะกล้าทำเรื่องอุกอาจอย่างนั้น แต่ทั้งหมดมันก็เพื่อขัดขวางไม่ให้จรกาไปเป็นของผู้ใด

...เพราะจรกาเป็นของผมเพียงคนเดียว

“พี่บุศย์ก็ลีลา ต้องให้พี่อินทร์แสร้งปลอมเสียงเป็นจรการ้องเรียก ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าพวกเราจะไปล่มงาน พิรี้พิไรอยู่ได้"

“มันก็ต้องให้เนียนหน่อย” ไอ้บุศย์ว่า ก่อนจะถามออกมาอีกครั้ง "ถามเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อความแน่ใจ แล้วกูจะไม่ตอแยละ ตกลงมึงจะไม่บอกด้วยตัวเองจริงๆ?"

ผมพยักหน้ารับ "อือ กูไม่กล้า ใจบาง"

พอบอกไปอย่างนั้น สรัลก็ดันโพล่งขึ้นมา

"บางมากไหม"

"บางมาก"

"แค่ไหน"

"ฮู~ หัวใจกระดาษ เบาๆ ก็ขาด เบาๆ ก็ปลิว~"

พอผมร้องเป็นเพลงออกไปอย่างนั้น ไอ้บุศย์ก็ทำหน้าเอือมใส่ทันที

"เออ กูจะไม่แปลกใจเลยถ้าชาตินี้น้องมันก็เกลียดมึง เล่นไม่เข้าเรื่อง"

สรัลหัวเราะก๊ากหน้าดำหน้าแดงเป็นการใหญ่ที่ผมโดนค่อนแคะ ผมก็ลืมตัวดันตบมุกมันไปเสียอย่างนั้น

ไอ้สังคามาระตานี่ก็มาชงมุกได้ไม่รู้เวลาเล้ย!

“กูก็ไม่อยากให้เครียดมะ”

ไอ้บุศย์เบ้หน้าทันควัน “เรื่องของมึง มึงจะไม่เครียดก็แล้วแต่มึง”

พูดอย่างนี้ ผมจะไปทำอะไรได้ล่ะ นอกจากจะทำหน้ามุ่ยใส่มัน ก่อนที่ไอ้บุศย์จะขยับแว่นตา

 “แต่พอพูดถึงเรื่องนี้ก็พอเข้าใจมึงนะว่าทำไมถึงไม่กล้าบอกจิไปตรงๆ ว่าตัวเองก็ระลึกชาติได้ ตอนที่งานแต่งถูกล่ม จิระ...ไม่สิ จรการ้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดเลยเหมือนกันนะที่เห็นว่าคู่หมั้นหายไป สาปแช่งมึงแทบเป็นแทบตาย โคตรน่าสงสาร”

ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาหลังจากนั้น ก็แน่ล่ะ ภาพใบหน้าของจรกาในวันนั้นยังติดตาผมอยู่เลย เขาทรุดตัวลงไปบนพ้น ก่นด่าฟ้าดิน บริภาษผมสาดเสียเทเสีย ร้องไห้จนไม่เป็นผู้เป็นคน ดูก็รู้ว่าแค้นและเสียใจมาก ทำไมจะไม่น่าสงสารกันล่ะ แล้วมันก็เลยกลายเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผมไม่กล้าบอกเขาด้วยว่าตัวเองก็ระลึกชาติได้

ถ้าเกิดความทรงจำในวันวานทำให้เขาเกลียดผมขึ้นมาอีกครั้ง ไม่อยากคิดเลยว่าจะเป็นยังไง...

“งั้นแผนของพี่อินทร์ที่ว่าจะให้แหวนค่อยๆ ทำให้ระลึกชาติในฝั่งอิเหนาได้นั่นก็ดีแล้วล่ะ”

สรัลเห็นด้วยในท้ายที่สุด ไอ้บุศย์ก็เหมือนจะเห็นดีด้วยในคราวนี้

“แต่ไม่คิดเลยนะว่าจะได้ใช้แหวนในโอกาสนี้แทน”

ผมยิ้มน้อยๆ นึกถึงเมื่อวันวาน

นั่นสินะ ผมเองก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าแหวนวงนั้นมันจะกลายมาเป็นสิ่งที่บอกเล่าความรู้สึกของผมในชาติที่แล้วในลักษณะนี้ เพราะตอนแรกผมตั้งใจจะให้มันแทนความรู้สึกผมในลักษณะอื่นต่างหาก

ให้มันแทนความรู้สึก...ว่าเขาสำคัญกับผมแค่ไหน

สำคัญมาก...

สำคัญกว่าชีวิต...

ถ้าระลึกได้เมื่อไร ผมก็หวังว่าเขาจะเข้าใจว่าทำไมผมถึงทำแบบนั้น

ทุกอย่าง...ล้วนแล้วเป็นเพราะผมรักเขามากก็เท่านั้น ถึงแม้ว่ามันจะเห็นแก่ตัว แต่ผมก็อยากให้เขาเข้าใจว่าผมรักเขามากจริงๆ

บทสนทนาดำเนินต่อไปอีกเล็กน้อย ก่อนที่มันจะยุติลงเมื่อผมขอตัวกลับมาที่ห้องด้วยกังวลว่าจิระจะตื่นมาแล้วหิว

 

ผมหิ้วข้าวกล่องกลับขึ้นห้อง จิระยังไม่ตื่น ผมเปิดไฟ วางข้าวของลงบนโต๊ะแล้วตรงไปที่เตียง มองใบหน้าน่ารักที่กำลังหลับอุตุแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม

ชาตินี้น่าตาน่ารัก แต่จะรู้ตัวไหมนะว่าชาติก่อนก็หน้าตาน่ารักแบบนี้แหละ เพียงแต่ผิวกายดำคล้ำ ไม่ตรงตามอุดมคติของยุคสมัยนั้น ใครต่อใครก็เลยพากันล้อเลียน รวมถึงก่นด่าว่าอัปลักษณ์ ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่สำหรับผม... ที่ไปยุให้คนอื่นมองว่าเขาอัปลักษณ์เป็นเพราะหวง ไม่อยากให้ใครมามองเขาว่าน่ารักเหมือนผมก็เท่านั้น

ผมยื่นมือไปลูบแก้มใสเบาๆ จิระย่นคิ้วน้อยๆ ก่อนจะบ่นพึมพำออกมา

“ข้าเกลียดเจ้า...อิเหนา...เกลียดเจ้า...”

ฟังดูก็รู้ว่าเป็นการละเมอ แต่มันกลับทำให้ผมปวดแน่นอยู่ในอกขึ้นมาน้อยๆ ยิ่งเห็นหยดน้ำตาที่ไหลจากหางตาด้วยแล้ว มันก็ยิ่งตอกย้ำให้ผมรู้ว่าเมื่อชาติก่อน ผมทำร้ายจิตใจเขาไว้มากเพียงใด แม้ว่าการละเมอของเขาจะเป็นเพราะนิมิตจากฤทธานุภาพของแหวนก็เถอะ

ผมยกมือของเขาข้างที่สวมแหวนขึ้นมาจูบจรดเบาๆ

ที่พี่ร้ายกับเจ้า นั่น...ก็เป็นเพราะว่ารัก

แต่จิระจะเข้าใจหรือยังนั้นก็ไม่รู้ ผมได้แต่ภาวนาขอให้แหวนได้ทำหน้าที่ของมันให้เร็วที่สุด พลันก็นึกถึงคำอธิษฐานที่เคยได้ร้องขอต่อองค์ประตาระกาหลา ต้นวงศ์เทวาเอาไว้

‘ข้าขอ...ขอให้แหวนนี้รักษาทุกความรู้สึกของข้าที่มีต่อจรกา...รักษาไว้จนกว่าน้องจรกาจะได้รับรู้...’

พอละริมฝีปากออกมา ก็เห็นว่าจิระยังคงละเมอร้องไห้ ผมกัดริมฝีปากล่างของตัวเองไม่แรงนัก ก่อนจะว่าเสียงแผ่วออกมา

“ชาตินี้อย่าเกลียดพี่นะจิ”

โน้มใบหน้าลงไปประทับจูบลงบนพวงแก้มนุ่มเบาๆ ปลายนิ้วก็ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าให้จิระด้วย

ชาติที่แล้วจะเกลียดผมยังไงก็ช่าง แต่ชาตินี้...ขอเถิดอย่าเกลียดกันอีกเลย...

ชาตินี้ขอให้เจ้ามีเพียงแต่รัก...

ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ โอบกอดร่างเล็กไว้ในอ้อมแขน ขณะที่จิระยังคงละเมอไม่หยุด

“เกลียดเจ้า...อิเหนา...ข้าเกลียดเจ้า...”

อย่าเลย...อย่าเกลียดกันอีกเลย พ่อคนงามของพี่

ผมจูบจรดไปทั่วใบหน้าของจิระ ดึงร่างของเขามากอดไว้แน่น

ความหวาดกลัวนี้ ผมต้องผ่านมันไปให้ได้

จนกว่าเขาจะเข้าใจทุกการกระทำของผม... ผมจะต้องก้าวผ่านความกลัวนี้ไปให้ได้

พี่จะรอจนกว่าจะเลิกเกลียดพี่...จรกา

-------------------------------

ตัวอย่างตอนหน้ามาพรุ่งนี้นะคะ วันนี้ต้องนอนก่อน ไม่ไหวแล้ว ฮืออ

ส่วนตอนนี้ค่อยๆ ปมทีละน้อย มีเรื่องแหวนเข้ามา แต่!!! มันไม่ใช่แค่นี้นะคะ เฉลยเต็มๆ จะตามมาอีกที ใจเย็นๆ รอกันก่อนเน้อ กำลังเล่าแฟลชแบ็กแล้วค่ะ แต่ตอนนี้เล่าถึงที่มาของชื่อเรื่องแล้วนะว่า "จรกาคนงาม" มีที่มาจากไหน

ฝากกำลังใจไว้ให้ด้วยนะ พรุ่งนี้เจอกันตอนใหม่จ้ะ ฝันดีล่วงหน้ากันค่าทุกคน XD

ป.ล.เผื่อใครสงสัย แฟลชแบ็กอันนี้เป็นอันที่แต่งขึ้นมาเอง ไม่มีในวรรณคดีของจริงนะคะ เพราะอิเหนากับจรกาในของจริงไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่อันนี้ทำให้ย้อนไปว่าเจอกันตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นอะไรงี้ ต่อไปเรื่อยๆ ถึงจะเริ่มเข้าปมขัดแย้งเรื่องบุษบาอะไรพวกนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 20★จรกาคนงาม[15.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 15-05-2018 23:03:54
สงสารทั้งคู่เลยนะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 20★จรกาคนงาม[15.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 15-05-2018 23:10:01
ฮืออออ น้องจรกาเมื่อชาติที่แล้วช่างน่าสงสารยิ่ง อ้ายอีพวกนั้นช่างใจไม้ไส้ระกำเหลือเกิน น้องก็ตัวแค่นั้น
ฮือออออ อินมากค่ะ55555
สงสารน้องจริงๆ TvT
แค่น้องตัวดำทำไมต้องรุมแกล้ง
ส่วนอินพี่ปกป้องน้องได้เท่านั้นเองรึ!!!
อินทร์นี่กลัวไปแล้วนะ
นานกว่านี้ถ้าหากน้องจิรู้ด้วยตัวเองก่อนละก็งานหยาบเลยนะพ่อ
รออ่านตอนต่อไปค่าา
ป.ล.ชอบตอนย้อนความมากๆ เลย ปาทัยจัยยยย :L1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 20★จรกาคนงาม[15.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-05-2018 23:29:17
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 20★จรกาคนงาม[15.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 15-05-2018 23:30:31
แงงงง สงสารรร
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 20★จรกาคนงาม[15.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 15-05-2018 23:55:30
อ่านมาถึงตอนนี้ก็แอบสงสารพี่อินทร์อยู่นะ

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 20★จรกาคนงาม[15.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-05-2018 00:44:30
 :o8:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 20★จรกาคนงาม[15.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-05-2018 01:20:50
อ่านแล้วมันก็ยังอินส์ในเรื่องวรรณคดีอยู่นะ เลยทำให้มองความรักของนังเหนาที่มีต่อน้องกาก๋าไม่ออก รักอีท่าไหนฟ่ะปากหนักปานนั้น แต่กับหญิงเนี้ย ไวทั้งปากทั้งมือ  :serius2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 20★จรกาคนงาม[15.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 16-05-2018 02:25:11
สงสารอิเหนาอ่ะ รักแต่ทำอะไรไม่ได้ ทำอะไรก็ผิดไปหมด ขอให้ชาตินี้น้องจิลืมความแค้นทั้งหมดแล้วคริงคู่กับพี่อินทร์ที่ถึงแม้จะไม่มีสติแต่รักน้องหมดหัวใจ :mew1: :mew1: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 20★จรกาคนงาม[15.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 16-05-2018 04:46:50
สงสารทั้งคู่จัง
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 20★จรกาคนงาม[15.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 16-05-2018 06:26:58
คนพี่ก็กลัวน้องจะโกรธเนอะ กล่อมน้องไปก่อนนะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 20★จรกาคนงาม[15.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 16-05-2018 08:35:55
อิคนน่าสงสาร มากอดๆ เนอะคุณอินทรา
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 20★จรกาคนงาม[15.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 16-05-2018 12:54:56
โหหหห ไม่ได้เข้ามาอ่านนานมากเพราะติดสอบ อิเหนาของเราน่าสงสารมาก ฮือออ นว้องจิอย่าเกลียดพี่ท่านเลยนะะะะะะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 20★จรกาคนงาม[15.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 16-05-2018 16:14:20
แต่ก็รู้สึกว่าอิเหนารักจรกาไม่มากพอที่จะไฝว้ให้น้องมาอยู่กับตัว ไม่ปกป้องตอนน้องถูกรังแก
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 20★จรกาคนงาม[15.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 16-05-2018 17:00:00
ทั้งหมั่นไส้ ทั้งสงสารอีพี่
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 20★จรกาคนงาม[15.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-05-2018 20:17:25
 :man1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 20★จรกาคนงาม[15.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 16-05-2018 21:43:09
Chapter 21: ศึกชิงนาย

ครั้นถูกเกลียดชังเข้าไส้ อิเหนาฤาจะอยู่อย่างเป็นสุขได้ ทุกทิวาคิดหาหนทางให้จรการับรู้ความนัย ทุกราตรีวนเวียนหาวิธีที่จะขจัดความโกรธแค้นในใจของอีกฝ่ายเสียให้สิ้น

จะต้องทำอย่างไร...

ต้องทำเช่นไรจรกาถึงจะประจักษ์แจ้งแก่ใจว่าทุกสิ่งที่เขากระทำนั้นหาใช่การกลั่นแกล้ง หากแต่เป็นความรักใคร่โดยแท้?

คิดวุ่นวายเสียจนไม่เป็นอันกินอันนอน ข้าวปลากระยาหารก็แทบไม่ตกถึงท้อง ในโลกหล้านี้จะมีผู้ใดน่าเวทนาได้เท่ากับชายหนุ่มผู้ซึ่งหลงใหลมัวเมาในรักจนหูตามืดบอดเช่นเขาบ้าง?

อิเหนาอับจนหนทาง ไม่รู้เลยว่าจะทำการใดให้จรกาเข้าใจ เพราะไม่ว่าจะเข้าหาด้วยวิธีใด ล้วนแล้วถูกมองในแง่ร้ายทั้งสิ้น กระทั่งวันหนึ่งได้รับข่าวเรื่องคู่ตุนาหงันจากเหล่าเสนาอำมาตย์ว่าถึงเวลาอันสมควรแล้วที่จะอภิเษกชายา

...พระราชธิดาแห่งเมืองดาหา พระสหายของพระราชบิดามีนามว่าระเด่นบุษบาหนึ่งหรัด

นามนั้นคุ้นเคยเป็นอย่างดีด้วยได้ยินมาตั้งแต่เยาว์วัยว่าสตรีนางนี้คือคู่ตุนาหงัน แต่สำหรับอิเหนาแล้ว การอภิเษกกับบุษบานั้นเป็นเรื่องที่ชวนให้ขนลุกขนพองอยู่ไม่น้อย

ก็นางบุษบานั่นรู้จักมัดจี่กันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ผู้ใดเล่าจะตบแต่งกับสหายของตนเองได้!

แม้ว่าจะไม่เคยได้พบเจอกันต่อหน้าธารกำนัลด้วยบุษบานั้นเป็นหญิง จะก้าวย่างไปไหนมาไหนแต่ละครั้งละคราก็ต้องมากพิธีรีตอง ทว่าบุษบาหาใช่สตรีที่จะกระทำตามแบบแผนจารีตสักเท่าไรนัก เพราะถูกกักขังอยู่แต่ในวังดั่งนกในกรงทอง หลายครั้งนางจึงปลอมเป็นชาย ลอบหลบหนีออกจากตำหนักไปเที่ยวเล่นกับเหล่าสหาย และหนึ่งในสหายนั้น...ก็คืออิเหนาผู้นี้

อิเหนาหาได้เคยมองนางเป็นหญิงแม้แต่น้อย กระโดกกระเดก ห้าวหาญเยี่ยงชายชาตรี ขณะเดียวกันบุษบาก็หาได้ใคร่อยากจะอภิเษกกับอิเหนา...ไม่สิ ไม่ว่ากับบุรุษใด นางก็ไม่ใคร่จะอภิเษกทั้งนั้น ด้วยนางเบื่อหน่ายกับชีวิตดุจปักษาในกรงทองเสียเหลือเกิน หากเลือกเกิดได้ นางก็อยากเกิดเป็นบุรุษ อิสระใดที่ถูกลิดรอนไปจะได้กลับคืนมาไว้ในอุ้งมือเสียที

พลันอิเหนาก็คิดขึ้นมาได้...

หรือว่าบางทีการที่ครองตนเป็นพรหมจรรย์จะพิสูจน์ให้จรกาเห็นได้ว่าเขาจริงใจกับอีกฝ่าย?

เท่านั้นก็ไม่รอช้า ไหว้วานให้สังคามาระตาน้องบุญธรรมส่งสาส์นไปหาบุษบาเพื่อมาลอบเจอ ครั้นได้พบหน้าก็ไม่รอช้าที่จะเข้าเรื่อง

“ข้าเรียกเจ้ามาพบในครานี้ด้วยมีเรื่องจะขอร้อง”

บุษบาในอาภรณ์บุรุษชำเลืองมองสหาย นางพอจะเดาได้อยู่หรอกว่าที่อิเหนารีบร้อนเรียกตนมาเช่นนี้เป็นเพราะมีเรื่องเดือดร้อน

“มีสิ่งใดก็จงพูดมาสหายข้า”

“เรื่องนี้อาจจะทำให้เจ้าขุ่นข้องใจสักหน่อย”

“เรื่อง?”

คนถูกถามสูดหายใจเข้าปอด ก่อนจะว่าออกมาตามตรง

“ข้าใคร่อยากถอนหมั้นกับเจ้า”

บุษบาชะงัก มองหน้าสหายอย่างไม่เข้าใจนัก ทำให้อิเหนาต้องรีบรี่อธิบาย

“เจ้ากับข้าถูกจับหมั้นหมายเป็นคู่ตุนาหงันด้วยพระบิดาทรงตกลงปลงพระทัยกันเอง แต่ข้ากลับเห็นเจ้าเป็นเพียงสหายเท่านั้น ข้าจึงอยากจะถอนหมั้นกับเจ้า”

บุษบาพยักหน้า ไม่ได้กระโตกกระตากหรือโวยวายพาโลใด นางเองก็เคยคิดจะถอนหมั้นกับอีกฝ่ายเช่นกัน แต่เพราะเป็นหญิงจึงมิอาจพูดไปได้ ในเพลานี้ฝ่ายชายเป็นผู้ขอถอนหมั้น เรื่องราวทุกอย่างก็กระทำได้โดยง่าย

แต่...เพราะเหตุผลใดล่ะ?

“ที่เจ้าอยากถอนหมั้นกับข้าคงไม่ใช่เพราะเรื่องที่เห็นข้าเป็นสหายแน่ เจ้ามีเหตุผลอื่นใดใช่ไหม”

นางถามอย่างรู้ทัน อิเหนายกยิ้มเล็กน้อย ไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด

“แท้จริงใจข้าเป็นของผู้อื่นไปแล้ว มิอาจรักผู้ใดได้อีก แต่คนผู้นั้นเกลียดชังข้า ข้าจึงหมายจะครองตัวเป็นพรหมจรรย์เพื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่าข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อพิสูจน์ตน”

“พิสูจน์ตน? แล้วเกี่ยวข้องสิ่งใดกับการครองตัวเป็นพรหมจรรย์”

บุษบาไม่เข้าใจ พิสูจน์ตนว่าจริงใจมีตั้งหลายวิธี หากครองตนเป็นพรหมจรรย์เพื่อพิสูจน์ตน เป็นเช่นนี้แล้วจะลงเอยกับยอดรักได้อย่างไร

อิเหนาพอจะรู้ว่านางคิดสิ่งใดอยู่จึงว่าออกมาด้วยน้ำเสียงฟังดูแล้วปลดปลง

“เพราะข้ามิอาจครองคู่กับคนผู้นั้น”

“นางคือผู้ใดกัน เหตุใดเจ้าถึงครองคู่กับนางไม่ได้”

อิเหนายิ้มบางๆ “เพราะคนผู้นั้นหาใช่ ‘นาง’ น่ะสิ”

บุษบาเอะใจ หรือว่า...

“อย่าบอกข้านะว่า...”

“คนผู้นั้นเป็นบุรุษ” อิเหนาโพล่งออกมาก่อนที่สหายจะกล่าวจบ เห็นสีหน้าของบุษบาตะลึงงันก็ได้แต่หัวเราะ “ถึงได้บอกอย่างไรเล่าว่ามิอาจครองคู่ มิหนำซ้ำอีกฝ่ายยังเป็นองค์ยุพราชเฉกเช่นเดียวกับข้า ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้”

คนฟังเข้าใจได้ทันควัน เป็นเช่นที่อิเหนาว่านั่นแล เพียงแค่เป็นบุรุษเหมือนกันก็ว่าแย่แล้ว นี่เป็นองค์ยุพราชเช่นเดียวกัน ผู้ใดจะไปเห็นดีด้วย ผิดจารีต ผิดประเพณี เฉกเช่นเดียวกับที่สตรีห้าวหาญเยี่ยงบุรุษเช่นนางนั่นล่ะ ล้วนแล้วผิดทั้งสิ้น

พลันก็นึกเห็นใจอิเหนาขึ้นมาที่มีชะตากรรมไม่ต่างจากตนเท่าไรนักที่มิอาจกระทำสิ่งใดตามใจได้ แต่ดูทว่าอิเหนาจะน่าอดสูกว่าเมื่อนางถาม...

“แล้วคนผู้นั้นคือใคร”

“จรกา... ข้ามีใจปฏิพัทธ์แก่จรกา”

เท่านั้นบุษบาก็ทำหน้าราวกับอมบอระเพ็ด

“ใครต่อใครก็รู้ว่าเจ้านั่นเกลียดชังเจ้าเข้ากระดูกดำ ชาตินี้ชาติไหนก็อย่าได้หวังเลยว่าระตูจรกาจะชายตาแลเจ้า”

“เพราะข้ารู้อย่างไรล่ะ เขาถึงได้มาขอความช่วยเหลือ” อิเหนาว่า “ขอร้องล่ะบุษบา ถอนหมั้นกับข้า ให้ข้าได้พิสูจน์ว่าจะครองพรหมจรรย์เพราะรักจรกาอย่างแท้จริง แล้วข้าจะตอบแทนบุญคุณเจ้า”

“เจ้าจะมอบสิ่งใดให้ข้า”

“อยากไปท่องเที่ยวแห่งหนใด ข้าจะพาเจ้าไป จะติดปีกให้เจ้าได้โบยบินอย่างเสรี”

ข้อต่อรองนี้ช่างเย้ายวนใจบุษบายิ่งนัก ปักษาถูกเด็ดปีกเช่นนางมีหรือที่จะไม่ตอบรับผู้ที่เอาปีกคู่ใหม่มาเสนอ นางแทบไม่หยุดคิดใคร่ครวญสิ่งใดแม้แต่น้อย ตกปากรับคำทันที

“เช่นนั้นก็ขอให้เป็นไปตามประสงค์ของเจ้า แต่เจ้าจะถอนหมั้นไปง่ายๆ ข้าว่ามันดูพิลึกพิลั่นอยู่ พระบิดาของเจ้ากับข้าไม่ทรงยินยอมโดยง่ายแน่ เจ้าต้องสร้างเรื่องเป็นข้ออ้างสักอย่างหน่อย”

“เรื่องอะไรรึ”

“ย่อมแน่ว่ามิอาจบอกว่าเพราะเจ้าตกหลุมรักจรกา” บุษบาว่าด้วยน้ำเสียงขบขัน จากนั้นก็พูดต่อ “ลองหาจ้างวานสตรีสักนางมาสวมรอยว่าเป็นสตรีที่เจ้าตกหลุมรักจนหมายจะถอนหมั้นข้าแล้วกัน บุรุษที่หน้ามืดตามัวในรักเช่นนี้แหละ ผู้ใดก็ย่อมมิอาจขัดขวางได้”

พอบุษบาเสนอ อิเหนาก็เห็นดีด้วยทันควัน

“ปัญญาเจ้าช่างล้ำเลิศนัก ข้าก็ไม่ทันคาดคิด”

คนถูกชมแย้มยิ้มที่มุมปาก “และถ้าหากเจ้าหาผู้ใดไม่ได้ ข้าก็มีคนผู้หนึ่งจะเสนอ”

“ใครอย่างนั้นหรือ?”

“เป็นสหายของข้า เจ้าเองก็รู้จัก”

“คนผู้นั้น...”

“พระธิดาท้าวหมันหยาและพระนางจินดาส่าหรีประไหมสุหรี”

ว่าเพียงเท่านั้น อิเหนาก็นึกออกทันใด

“จินตะหราวาตี”

“ใช่ นางผู้นั้นล่ะที่จะมาช่วยเจ้าอีกแรง”

 

เมื่อตกลงกับบุษบาได้ นางก็ขันอาสาไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้กับจินตะหราวาตีฟัง คราแรกจินตะหราก็หาได้เห็นด้วยหรอก ปฏิเสธไร้เยื่อใยไปโดยสิ้นเพราะไม่อยากข้องเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายชวนปวดหัว แม้ว่าจะเป็นสหายกันเพราะเมืองหมันหยาของพระบิดานางเป็นเมืองพระญาติของกุเรปันและดาหา แต่หากจะต้องให้นางมาร่วมกระทำเรื่องพิลึกพิลั่นไม่สมกับสิ่งที่สตรีกระทำแล้ว นางไม่เอาดีกว่า ต่อให้มีเพชรนิลจินดามากมายมาล่อลวงให้หลงกลก็เถอะ

และเพราะปฏิเสธบุษบา อิเหนาจึงจำต้องเร่มาขอร้องด้วยตนเอง มีโอกาสได้พบพานกับนางเมื่อครั้งเดินทางไปถวายพระเพลิงพระอัยยิกาแห่งหมันหยา เขาก็ลอบพบกับนางและออกปากขอร้อง จินตะหราวาตีก็หมายใจจะปฏิเสธอีกเช่นกัน แต่เมื่อได้พบกับอิเหนาอีกครั้งเมื่อเป็นบุรุษฉกรรจ์ ดวงใจของนางก็ถูกช่วงชิงไปเสียหมดสิ้น

ให้แสร้งว่าเป็นสตรีที่อิเหนามาหลงหัวปักหัวปำจนไม่ยอมกลับกุเรปันและขอถอนหมั้นบุษบาอย่างนั้นหรือ? ย่อมได้ ในเมื่อนางเองก็ใคร่อยากให้เป็นเช่นนั้น ผู้ใดเล่าจะรู้ว่าบุรุษที่พบพานเป็นสหายกันมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย ครั้นเติบใหญ่จะมีรูปงามได้ถึงเพียงนี้

กระนั้นนางก็รู้ดีว่าทุกสิ่งล้วนแล้วเป็นเรื่องลวง อิเหนาได้ย้ำกับนางแล้วว่า...

“เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเจ้ากับข้าและบุษบา ล้วนเป็นเรื่องไม่จริง เจ้าอย่าได้เผลอไผลมีใจให้ข้าเป็นอันขาด และก็จงรักษาสัญญาว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ไม่เช่นนั้นแล้วข้ากับเจ้าคงต้องขาดกัน”

แล้วจินตะหราจะกล้ากระทำสิ่งใดได้เล่า แม้จะรักยิ่งแต่ในเมื่ออีกฝ่ายหาได้มีใจให้กับตน ตนก็ขอเจียมเนื้อเจียมตัว เสแสร้งแกล้งทำว่าร่วมมือกับอิเหนาเพื่อที่จะได้ชิดใกล้เพียงเท่านั้น ขณะเดียวกันในใจก็มีความหวังพร่างพรายขึ้นมาเมื่อรู้ว่าอิเหนาแสร้งทำเป็นตกหลุมรักนางเพื่อตบตาพระราชบิดาเพราะผู้ใด

จรกา...

เป็นบุรุษเหมือนกัน ต่อให้รักเพียงใดก็มิอาจได้ครองคู่ เมื่ออิเหนาท้อถอยถอดใจเมื่อไร นางซึ่งอยู่ชิดใกล้ที่สุดนี่ล่ะจะขึ้นมาแทนที่

เป็นความหวังที่นางหมายมั่นปั้นมือว่าสักวันจะให้มันสมประสงค์ให้จงได้

ขณะเดียวกัน อิเหนาก็ไม่ยอมกลับเมืองหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิง แสร้งว่าตกหลุมรักจินตะหราจนหูตามืดบอด ถ่วงเวลาให้บุษบาได้หลบหนีไปเที่ยวเล่นให้สมใจตามที่ตกลงกันไว้ หากแต่แผนการเหมือนจะผิดพลาดไปเสียหมดเมื่อท้าวดาหาทรงกริ้วว่าที่พระราชบุตรเขยเป็นอย่างมาก ถึงขั้นประกาศกร้าวว่าหากผู้ใดมาสู่ขอบุษบาเป็นคู่ตุนาหงัน ก็จะยกให้ทันทีโดยไร้ซึ่งเงื่อนไข

ข่าวลือแพร่ไวดั่งไฟลามทุ่ง ระตูจรกาทราบเรื่องก็เห็นว่านี่เป็นโอกาสของตน...

โอกาสที่จะได้มีชัยอยู่เหนืออิเหนาเรื่องหนึ่งก็คือการได้ครอบครองบุษบา

แล้วจะรอช้าอยู่ไย จรกาเร่งรี่ไปสู่ขอนางทันที ส่วนบุษบานั้นก็มิทันได้หนี ถูกจับหมั้นเป็นคู่ตุนาหงันของจรกาแล้วเรียบร้อย

อะไรไม่ว่า ยังมีเหล่าเมืองเล็กเมืองน้อยแห่แหนกันมาอีกโขยงใหญ่ เป็นเช่นนี้แล้ว นางจะทำอย่างไรได้เล่า!

 

ร้อนถึงอิเหนาที่คิดว่าแผนการของตนจะเป็นไปด้วยดี เมื่อได้ยินว่าหลังจากที่ตนถอนหมั้นกับบุษบาแล้วจรกาไปสู่ขอทาบทามเป็นคู่ตุนาหงันแทน ตนก็เต้นผางเสียจนเมืองหมันหยาแทบพินาศ

แสร้งทำเป็นหลงรักนางจินตะหราหัวปักหัวปำจนไม่กลับเมืองเพื่อการใด

ถอนหมั้นบุษบาเพื่อการใด

พิสูจน์ตนด้วยการเป็นพรหมจรรย์หมายให้ยอดดวงใจเห็นอกเห็นใจเพื่อการใด

ในเมื่อจรกาจะอภิเษกชายาเช่นนี้ ทั้งหมดทำไปเพื่อการใด!

โทสะครอบงำเสียจนผู้ใดก็เข้าหน้าไม่ติด แม้แต่จินตะหราที่คอยพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจก็มิอาจเข้าหาได้แม้แต่น้อย มีเพียงสังคามาระตา อนุชาบุญธรรมเท่านั้นที่เข้าใกล้ได้ แต่ก็มิวายถูกตะคอกบ้าง ตวาดบ้างเป็นระยะ

แต่...ผู้ใดจะทำอะไรได้เล่า พูดสิ่งใดออกมาก็เท่ากับว่าราดน้ำมันบนกองไฟทั้งนั้น อิเหนาหัวเสียเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้ คงต้องปล่อยไว้จนกว่าเขาจะคิดหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ได้นั่นล่ะ

ทว่าต่อให้คนใกล้ตัวระมัดระวังจะทำให้อิเหนาระคายใจเพียงใด ท้าวกุเรปันก็ส่งน้ำมันถังใหญ่มาเทรดบนศีรษะของพระโอรสแล้วเป็นที่เรียบร้อยด้วยการออกคำสั่ง

...จงนำทัพไปช่วยปกป้องไม่ให้ผู้ใดมาช่วงชิงตัวนางบุษบาเพราะลำพังเพียงเมืองดาหาและเมืองจรกานั้น มิอาจรับศึกหนักจากรอบด้านได้ จงไปเป็นแม่ทัพนำชัยให้ดาหาเสีย

ได้ฟังแล้วก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

มารดานางบุษบาเถิด! จะถูกชิงตัวไปก็เรื่องของนาง ไม่เกี่ยวกับเขา!

ถึงกับมองเมินสหายที่ครั้งหนึ่งเคยช่วยกันวางแผนชั่วเลยทีเดียว ยิ่งเห็นราชทูตจากกุเรปันที่นำข่าวมาให้หมอบกราบอยู่ตรงหน้าในตำหนักก็ยิ่งหัวเสียเป็นการใหญ่

“ข้าไม่ไป เรื่องอันใดจะต้องพรากจากนางอันเป็นที่รักเช่นจินตะราวาตีไปด้วย จากนางแล้วไซร้ ข้าจะอยู่ได้อย่างไร”

อิเหนาแสร้งว่าถึงชายาจอมปลอมทั้งที่ปกติไม่แม้แต่จะอยากเอ่ยชื่อ แต่ครั้งนี้ยอมพูดปดด้วยไม่ต้องการไปยุ่งวุ่นวายกับอดีตคู่ตุนาหงันเช่นบุษบาและเรื่องวุ่นวายในครั้งนี้ ขณะที่ราชทูตจากกุเรปันมีสีหน้าหนักใจยิ่งเพราะกราบทูลก็แล้ว คะยั้นคะยอก็แล้ว บีบบังคับก็แล้ว อิเหนาก็ไม่หือไม่อือ ไม่มีท่าทีว่าอยากจะไปช่วยเลยแม้แต่น้อย

“แต่เป็นพระบัญชาของพระราชบิดาของพระองค์ พระองค์ทรงปฎิเสธไม่...”

“ข้าไม่ไป!”

อิเหนาแผดเสียง ชักมีน้ำโหขึ้นมาบ้างแล้วที่ถูกตอแยไม่เลิก ทำให้อีกฝ่ายต้องลอบถอนหายใจ

“กระหม่อมก็มิอยากทำให้พระองค์ทรงขุ่นพระทัย แต่สิ่งที่กระหม่อมกราบทูลคือพระบัญชาของท้าวกุเรปันที่หมายพระทัยให้พระองค์ดำรงตำแหน่งแม่ทัพ ยกพลไปช่วยท้าวดาหา ลำพังเพียงท้าวจรกาคงมิอาจต้านศึกไว้ได้ไหว หากเป็นเช่นนั้นพระราชธิดาบุษบาคงได้ถูกชิงตัวไปเป็นแม่นมั่นพ่ะย่ะค่ะ”

ถูกชิงก็ถูกชิงสิ จรกาพ่ายทัพสิดี เขาก็อยากให้เป็นเช่นนั้นถึงได้แสร้งทำเป็นไม่รับรู้สิ่งใด ในใจก็นึกขุ่นเคืองบุษบาที่รับปากเขาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะหลบลี้หนีไปเที่ยวตามประสาดั่งที่เคยตกลงกันไว้ แต่ไฉนเล่าถึงได้รับหมั้นกับจรกาเสียอย่างนั้น เป็นเช่นนี้แล้ว เขาจะถอนหมั้นนางเพื่อการใดกันเล่า! จะหนีออกจากวังก็ไม่หนีให้พ้น โง่งมนัก!

ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเสียจนใบหน้าคร้ามแลน่ากลัว ราชทูตเห็นแล้วก็เสียวต้นคอตนเองวาบเสียเหลือเกินว่าจะหลุดออกจากบ่า แต่ก็จำต้องพูดไป

“ศึกครั้งนี้นอกจากจะมีทัพจากมากมายหลายแคว้นแล้ว ทัพใหญ่จากกระหมังกุหนิงก็เข้าร่วมด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่ายนั้นหมายจะช่วงชิงพระราชธิดาบุษบาให้เป็นดองกับองค์ยุพราชวิหยาสะกำ เป็นทัพที่น่าเกรงขามที่สุดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

วิหยาสะกำ...

อิเหนาคุ้นเคยนามนั้นดี ได้ยินมาบ่อยครั้งนักว่าเป็นบุรุษมีรูปร่างหน้าตางดงาม อีกทั้งยังเป็นที่รักใคร่สุดสวาทของผู้เป็นบิดา หากต้องการสิ่งใดแล้วจะต้องได้ไปทุกสิ่งอัน เฉกเช่นครั้งนี้ที่หมายปองนางบุษบา จึงเป็นเหตุให้ท้าวกระหมังกุหนิงยกพลมาบีบบังคับเอา

แต่ทว่า... อิเหนาก็หาได้สนใจ นอกจากจะแสดงสีหน้าขุ่นเคืองเท่านั้น

“นางบุษบาจะงดงามเพียงใดกัน เมืองเล็กเมืองน้อยถึงได้ต้องเร่งรี่มาแย่งชิงถึงเพียงนี้”

นั่นก็เป็นการแสร้งว่าเช่นกัน หลายผู้หลายคนต่างเข้าใจว่าเขาหาได้เคยพบพานกับบุษบามาก่อน แต่แท้จริงแล้วหาใช่เช่นนั้น ก็ในเมื่อเป็นสหายกัน จะไม่เคยพบหน้าค่าตากันได้เช่นไร ส่วนเรื่องความงามของบุษบานั้น เขาก็หาได้ใคร่เถียงหรอกว่าไม่งาม นางงาม... แต่หาใช่สำหรับเขาเพราะในสายตาเขานั้นมีผู้อื่นที่งามกว่า

ราชทูตเองก็อับจนปัญญา ทำเอาสังคามาระตาที่นั่งฟังอยู่ด้วยต้องโบกมือไล่เป็นเชิงให้ออกไปก่อนด้วยหมายจะเกลี้ยกล่อมเชษฐาบุญธรรมด้วยตนเอง ครั้นราชทูตออกไปจากตำหนัก สังคามาระตาก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่รอช้า

“ทูลเจ้าพี่ กระหม่อมเห็นว่าศึกครานี้ เจ้าพี่คงต้องไปช่วยพ่ะย่ะค่ะ”

อิเหนาชำเลืองมอง สายตาไม่พอใจนัก

“เหตุใดข้าจำเป็นต้องไป ในเมื่อระเด่นบุษบาผู้นั้นไม่ระมัดระวังตัว เป็นเหตุให้น้องจรกาของข้าเร่งรี่ไปขอหมั้นเช่นนั้น ก็ปล่อยให้พินาศไปเถิด ดีเสียอีกหากนางถูกชิงตัวไป น้องจรกาจะได้ไร้ซึ่งคู่หมาย อยู่โดดเดี่ยวรอเพียงแต่ข้า”

สังคามาระตาถอนหายใจ เขาเข้าใจดีว่าบุรุษตรงหน้าหมายจะให้สถานการณ์เป็นเช่นใด เขาก็อยากจะให้ดำเนินไปตามแผนเล่ห์เพทุบายของอิเหนานั่นแหละ แต่ทว่า...

“กระหม่อมได้ยินว่าวิหยาสะกำผู้นั้นหาได้หมายปองบุษบา ที่ใครต่อใครว่ากันว่าวิหยาสะกำไปเก็บภาพวาดของบุษบาในป่าพงไพรได้แล้วตกหลุมรักถึงขั้นขอให้พระบิดาไปทูลขอจากท้าวดาหานั้น ล้วนเป็นเรื่องพดเท็จ”

ได้ยิน อิเหนาก็ชะงักงัน เรียวคิ้วสวยย่นยู่ฉับพลัน

“เจ้าหมายความเช่นไร”

“กระหม่อมหมายความอย่างที่พูดไป หลงรักภาพวาดของบุษบานั้นเป็นเพียงข้ออ้าง” สังคามาระตาเงียบไปครู่ เหลือบมองเชษฐาบุญธรรมอย่างชั่งใจว่าจะบอกหรือไม่บอกดี ก่อนที่จะตัดสินใจ “เพราะแท้จริงแล้ว ผู้ที่วิหยาสะกำหลงรักก็คือเจ้าของภาพวาด”

ในใจของคนฟังวูบไหว

เจ้าของภาพวาด... อย่าบอกนะว่า..

“ศึกครั้งนี้ที่วิหยาสะกำยกทัพไปประชิดเมืองดาหา...”

“...”

“เป็นเพราะหมายปองจรกา ใคร่จะนำตัวไปฟูมฟักอุ้มชูด้วยรักใคร่เสน่หาหลังจากพบพานกันในพนาพ่ะย่ะค่ะ”

เท่านั้นดวงตาของอิเหนาก็เบิกโต จากที่ทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวก็หุนหันลุกขึ้นเต้นผาง

ไอ้วิหยาสะกำ! เห็นทีจะอยู่ร่วมปฐพีเดียวกันไม่ได้แล้ว!

“บอกกับราชทูตไปว่าข้าจะเข้าร่วมทัพ! ไปประเดี๋ยวนี้!”

ชี้นิ้วสั่ง ส่งเสียงดังพาโลโวยวาย พลันใบหน้าก็โกรธเกรี้ยวเสียเป็นยักษ์มาร ทำเอาสังคามาระตารีบกุลีกุจอออกจากท้องพระโรงไป ปล่อยให้อิเหนากรุ่นโกรธอยู่เพียงลำพัง

อยู่ดีไม่ว่าดี มาหาเรื่องเอาเลือดออกจากหัว

บังอาจมายุ่มยามกับพ่อดอกชบาของข้า เจ้าไม่ได้ตายดีแน่ไอ้วิหยาสะกำ!

 

ไม่กี่ทิวากี่ราตรี กองทัพจากกุเรปันโดยการนำของอิเหนาซึ่งดำรงตำแหน่งแม่ทัพก็ไปถึงยังกรุงดาหา สมทบเข้ากับกองทัพของท้าวดาหาและจรกา เบื้องหน้านั้นคือกองทัพใหญ่จากกระหมังกุหนิง แต่สิ่งใดก็มิอาจทำให้อิเหนาขุ่นใจได้เท่ากับการเห็นจรกาคนงามทรงเครื่องพร้อมออกศึก นั่งตระหง่านอยู่บนหลังอาชา มือถือดาบเล่มเขื่องที่ใหญ่กว่าท่อนแขนตน

ถึงกับต้องมาออกทัพจับศึกด้วยตนเองเช่นนี้... บุษบาหนึ่งหรัด! สงสัยอยากจะถูกกักขังเป็นนกในกรงทองตลอดชีวิตกระมัง!

ยิ่งคิดก็ยิ่งขุ่นเคืองนางผู้เป็นสหาย ขุ่นเคืองกว่าก็คือไอ้วิหยาสะกำที่นั่งหน้าขาวปากแดงอยู่บนหลังอาชาศึก

ไอ้นี่ก็อยู่ดีไม่ว่าดี หาเรื่องเอาชีวิตมาทิ้งไว้เสียอย่างนั้น ได้! ในเมื่อแส่หาเรื่อง ข้าก็จะสนองเสียให้สมใจ!

อิเหนาดูจะคึกคักกว่าผู้ใด ใครต่อใครก็เข้าใจกันว่าเขาฮึกเหิมในการทำศึก ถึงขั้นออกแนวทัพหน้าเพื่อประจันกับทัพกระหมังกุหนิงก่อนเป็นทัพแรก โดยหารู้ไม่ว่าที่ให้ทัพของจรกาอยู่รั้งเป็นทัพหลังนั้น เป็นเพราะเกรงว่าพ่อจรกาตัวน้อยจะได้รับอันตราย

ก็ดูสิ แต่งองค์ทรงเครื่องทำศึกเสียเต็มยศ แต่สีหน้าซีดเผือด อีกทั้งท่าทางก็มะงุมมะงาหราขนาดนี้ ให้ออกไป ประเดี๋ยวก็โดนไอ้วิหยาสะกำหิ้วกลับกระหมังกุหนิงหรอก แล้วใครมันจะไปยอมให้ใครหน้าไหนมาเด็ดพ่อดอกชบาของเขาไปกัน!

พุ่งทะยานเข้าตะบันกับทัพของอริราชย์ ได้ปะมือกับวิหยาสะกำก็อดไม่ได้ที่จะแผดเสียง

“คิดการใดอยู่ก็จงเลิกคิดเสียวิหยาสะกำ! ไม่เช่นนั้นเจ้าจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่!”

“ไม่มีทาง! ข้าอยากได้สิ่งใดก็ต้องได้ รวมถึงคนผู้นั้นด้วย!”

คนผู้นั้น... หมายถึงใคร อิเหนารู้ดี แต่ก็ตะเบ็งเสียงออกไปด้วยหวังว่าตนและวิหยาสะกำจะเข้าใจผิดเรื่องข่าวลือไปเอง

“หากเจ้าหมายจะเอาตัวบุษบาหนึ่งหรัดไป ก็จงไปเอาเสีย! อยากได้ก็เอาไป!”

แล้วรีบๆ ไสหัวกลับเมืองไปเสียที!

ทว่าวิหยาสะกำกลับยิ้มเย้ย แผดเสียงตอบกลับมา

“ผู้ใดหมายปองนางบุษบา เจ้าก็ยกให้ผู้นั้นไปเถิด เพราะข้าไม่ได้มาเพื่อนาง แต่มาเพื่อระตูจรกา!”

ได้ยินแล้ว อิเหนาก็แทบจะจุดไฟเผาธรณีให้เป็นทะเลเพลิง

พูดจาไม่เข้าหูเช่นนี้ สงสัยไม่ต้องเอาหัวกลับเมืองแล้ว!

กรีฑาทัพเข้าฟาดฟันกันราวเกลียดแค้นชิงชังมาหลายสิบชาติ อิเหนาไม่รามือ วิหยาสะกำก็หมายจะเอาให้ได้

เช่นนั้นก็คอยดูว่าผู้ที่หมายจะแตะต้องยอดดวงใจของเขามีจุดจบเช่นใด!

แต่อิเหนาก็หาใช่ว่าจะไม่พลาดพลั้ง เพราะออกศึกด้วยโทสะ ปัญญาจึงไม่เกิดสักเท่าไรนัก ครั้นวิหยาสะกำเห็นทีว่าอิเหนาจะพลาดพลั้งให้กับตนก็กระหยิ่มยิ้ม หมายจะฟาดฟันอีกฝ่ายให้บรรลัย โดยหารู้ไม่ว่าข้างกายของอิเหนานั้นมีสังคามาระตาคอยระแวดระวังให้อยู่ เมื่อเห็นว่าเชษฐาบุญธรรมตกอยู่ในอันตราย สังคามาระตาก็ควบม้าห้อตะบึงเข้าสังหารวิหยาสะกำเสียสิ้น

เห็นพระโอรสสิ้นใจตายไปต่อหน้า ท้าวกระหมังกุหนิงก็พลาดท่าเสียที ถูกสังหารตายตกไปตามกัน เป็นอันว่ากระหมังกุหนิงพ่ายศึกเสียราบคาบ อิเหนาสะใจเป็นยิ่งนัก ทิ้งตัวจากหลังม้ามาสำรวจร่างไร้วิญญาณของวิหยาสะกำ ก่อนจะว่าอย่างเวทนา

“รูปรึก็งาม นามก็เพราะ อายุอานามก็ยังน้อยนัก ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัว”

ชมโฉมนั้นชมจากใจจริง วิหยาสะกำมีรูปโฉมงดงาม หากเปรียบเทียบกับเขาแล้ว ย่อมพูดได้ว่างดงามเท่าเทียม ขนาดเป็นเพียงศพเย็นชืดอาบไปด้วยเลือด ยังคงงดงามเฉกเช่นเดิม

เช่นนั้นก็ดีแล้วล่ะที่สิ้นไป ไม่อย่างนั้นเขาคงมีคู่แข่งเป็นแน่

ในสามโลกนี้ให้เขามีรูปงามเพียงผู้เดียวก็พอ ระตูจรกาจะได้มองเพียงแค่เขาเท่านั้น!

คิดแล้วก็ผินหน้าไปมองยังจรกาที่ยืนตัวสั่นเทาอยู่ไม่ไหว แม้จะเป็นเจ้าเมืองแต่ก็ใช่ว่าจะชำนาญการศึก ด้วยอายุที่ยังน้อย พอจะเดาได้ว่านี่เป็นศึกครั้งแรกเป็นแน่

สีหน้าซีดเผือด ตัวสั่นงันงก เห็นแล้วอิเหนาก็เอ็นดูยิ่ง ใคร่อยากดึงมากอดปลอบประโลมแล้วกระซิบบอกที่ข้างหูเหลือเกินว่าตราบใดที่เขามีชีวิตอยู่ จะไม่ยอมให้ผู้ใดมาแตะต้องแม้แต่ปลายผม แต่ก็หาได้กล้ากระทำสิ่งใด นอกจากกลับขึ้นหลังม้าแล้วสั่งให้ทุกคนออกจากบริเวณนั้น

ได้เห็น ได้กลิ่นคาวเลือดมากไปคงจะไม่เป็นการดีกับน้องจรกา...

ถึงจะปลอบประโลมไม่ได้ดั้งใจนึก แต่อย่างน้อยก็ขอให้เขาได้ปกป้องจากภาพอันน่าอดสูนี่แล้วกัน

น้องจรกายอดรักของพี่... เจ้าจะรู้บ้างหรือไม่ว่าที่พี่ยอมมาร่วมศึกกระหมังกุหนิงในครานี้หาใช่เป็นเพราะบุษบา

แต่เป็นเพราะเจ้า... เป็นเพราะกลัวผู้อื่นจะช่วงชิงเจ้าไปจากอกพี่...

น้องจรกา... ต่อให้มิได้ครองคู่ แต่เจ้าจะเป็นของพี่แต่ผู้เดียวตลอดไป...

 

ผมตื่นขึ้นมากลางดึกก่อนลุกขึ้นนั่งด้วยความรู้สึกที่...

ที่ยังไงดีล่ะ เรียกว่าเหลอหลาได้ไหม หรือเหวอดี แต่อะไรก็ช่างเถอะ ที่รู้ๆ คือผมฝันโคตรประหลาดเลย ก็เมื่อกี้น่ะ ผมฝันว่า...เอ่อ...วิหยาสะกำกับอิเหนาทำศึกกันเพราะแย่งจรกา

เออ ไม่ได้พูดผิดเลย แย่งจรกาจริงๆ ไม่ได้แย่งบุษบาอย่างที่ผมหรือใครต่อใครเข้าใจ ผมนั่งลูบหน้าลูบตาตัวเองอยู่พักใหญ่ด้วยสับสนกับความฝันที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะรู้สึกตัวเมื่อคนข้างกายผมร้องทักขึ้นเบาๆ

“อืม...จิ มีอะไรหรือเปล่า ทำไมตื่น”

ผมหันไปมองก็เห็นพี่อินทร์คว้าโทรศัพท์มาเปิดไฟฉาย หน้าตางัวเงียของเขาทำให้ผมเม้มริมฝีปากแน่น

“ว่าไงจิ มีอะไรหรือเปล่า”

เขาลุกขึ้นมานั่ง คว้าผมไปโอบ ผมก็เลยต้องตอบไปเพราะสีหน้าเขาดูเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย

“จิฝันร้ายน่ะครับ”

“ฝันร้าย?”

“อืม”

ผมพยักหน้าหงึกหงัก เขาเลยถามมาอีก

“ฝันว่าอะไร”

จะให้บอกได้ยังไงล่ะว่าฝันเห็นอิเหนากับวิหยาสะกำแย่งจรกากัน ผมเลยบ่ายเบี่ยง

“ไม่มีอะไรหรอกครับ”

แต่พี่อินทร์ไม่เชื่อ ทำปากยื่นๆ มาให้ กอดผมแน่นขึ้นพลางวางคางลงบนไหล่

“ไม่เชื่อหรอก ไม่มีอะไรจะตื่นขึ้นมาทำไม ไหนเล่าให้พี่ฟังหน่อยซิว่าใครทำหนูฝันร้าย~”

น้ำเสียงออดอ้อนทำให้ผมใจอ่อนยวบ ก็แพ้ทางเวลาเขาเป็นแบบนี้ทุกที สุดท้ายก็เลยต้องบอกไป

“พี่อินทร์จำพี่วิญญูได้ไหมครับ”

“วิญญู... ไอ้บ้าสตอล์กเกอร์นั่นน่ะเหรอ”

ผมพยักหน้า พลันพี่อินทร์ก็มีสีหน้าเครียดทันที

“ทำไม มันทำอะไรจิ อย่าบอกนะว่ามาตามจิอีกแล้ว”

คราวนี้ผมส่ายหน้า ก่อนจะรีบบอก “จิฝันว่าพี่วิญญูกับพี่อินทร์ทะเลาะกันเพราะจิน่ะครับ”

บอก...แต่ไม่บอกตรงๆ บอกอ้อมๆ แล้วกัน กลัวเขาจะคิดว่าผมบ้าถ้าบอกเรื่องจริง

พี่อินทร์ได้ยินแล้วก็หัวเราะ “ก็เลยว่าฝันร้ายเหรอ”

“อื้ม”

“เห็นหน้าไอ้บ้านั่นก็ต้องฝันร้ายอยู่แล้ว โอ๋ๆ นะคนดี ไม่ต้องคิดมาก ลืมมันไป เพี้ยงๆ เดี๋ยวพี่จะกล่อมให้ฝันดีนะ”

พอเห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ พี่อินทร์ก็ค่อยๆ ดึงตัวผมลงนอนเหมือนเดิม ผมก็นอนแต่โดยดีในอ้อมแขนเขา ปล่อยให้เขาลูบท้ายทอยลูบหลังไปตามประสา

“เอ่เอ๊~” มีกล่อมผมด้วย แต่ได้พักเดียวเท่านั้นแหละ จากนั้นก็... “คร่อก~”

หลับไปหน้าตาเฉยเลย ผมเหลือบมองหน้าเขาใต้แสงไฟฉายจากโทรศัพท์ก่อนจะหัวเราะออกมาน้อยๆ

พี่อินทร์น่ารักกับผมตลอดเลย แล้วก็เผลอคิดไปว่าถ้าความฝันของผมเมื่อครู่นี้เป็นเรื่องจริงมันก็คงจะดีไม่น้อย

ถ้าอิเหนาไม่ได้ทำศึกกระหมังกุหนิงเพราะบุษบา แต่เป็นเพราะจรกา...

ถ้าอย่างนั้นก็เป็นศึกชิงนายล่ะสินะ..


ยิ่งคิดก็ยิ่งยิ้ม พลันผมก็ซุกใบหน้าเข้าไปอกเขา ดีใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็คงจะต้องเรียกว่าฝันดีมากกว่าฝันร้ายมากกว่า

งั้นผมก็ขอฝันพิลึกๆ แบบนี้ไปทุกวันเลยก็แล้วกัน...

---------------------------------

ปมค่อยๆ เฉลยค่ะ แต่ยังไม่หมด อันนี้เพิ่งส่วนหนึ่ง และขอย้ำ!!! ห้ามน้องๆ หนูๆ เอาไปตอบข้อสอบเป็นอันขาด! 555555

พรุ่งนี้เดี๋ยวมาอัปตัวอย่างให้นะคะ คืนนี้ต้องนอนก่อน วันนี้ไปต่างจังหวัดมาทั้งวันเลย ตอนนี้สภาพไม่ไหวละ

ฝากกำลังใจไว้ให้ด้วยจ้า ไปหวีดกันที่ #จรกาคนงาม ในทวิตได้เน้อ XD

 

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 21★ศึกชิงนาย[16.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 16-05-2018 22:32:13
เขาว่าฝันร้ายกลายเป็นดีนะจิระ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 21★ศึกชิงนาย[16.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 16-05-2018 22:42:07
เรื่องมันเป็นอย่างนี้เอง ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 21★ศึกชิงนาย[16.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 16-05-2018 23:13:25
ขำอ่ะ ดีว่าเราผ่านช่วงเรียนอิเหนามาแล้ว ไม่งั้นได้มีคำตอบให้อาจารย์ว่าศึกกะมังกุหนิงเกิดเพราะแย่งจรกาแน่เลย5555 #วงการวรรณคดีไทยต้องสั่นสะเทือน
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 21★ศึกชิงนาย[16.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-05-2018 23:18:46
 :laugh: ความพังพินาศทั้งปวง
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 21★ศึกชิงนาย[16.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-05-2018 23:19:25
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 21★ศึกชิงนาย[16.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 17-05-2018 00:18:40
ชอบความกลับมุมมองเรื่องอิเหนา 5555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 21★ศึกชิงนาย[16.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 17-05-2018 08:07:40
น้องจิก็ดูรับได้นะ พี่อินทร์บอกไปเลยยย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 21★ศึกชิงนาย[16.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-05-2018 09:33:08
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 21★ศึกชิงนาย[16.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 17-05-2018 09:45:40
ชิงนายกันสะบั้น
อิเหนาสู้ๆ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 21★ศึกชิงนาย[16.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 17-05-2018 12:21:02
อะไรคือจะกล่อมเขาแต่ตัวเองหลับเองวะพี่อิน555555 อิบ้านี่
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 21★ศึกชิงนาย[16.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 17-05-2018 13:30:11
ผูกเรื่องเก่งมาอ่ะ สุดลิ่มจริงเรื่องนี้ บอกเลย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 21★ศึกชิงนาย[16.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-05-2018 17:41:19
อิเหนา ภาคไหนเนี่ย น่าสนๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 21★ศึกชิงนาย[16.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 17-05-2018 21:06:18
Chapter 22: ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง[1]

ครั้นเสร็จศึกและอิเหนาเป็นผู้กุมชัยชนะ ความยินดีก็พร่างพรายไปทั่วทุกแว่นแคว้นที่มาเข้าร่วมศึกในครานี้ ผู้ที่ยินดีกว่าใครเพื่อนเห็นจะเป็นจรกาที่คู่ตุนาหงันไม่ถูกผู้ใดพรากไปจากอก แต่หารู้ไม่ว่าผู้ที่ดีใจมากกว่าเขานั้นคืออิเหนาผู้นั้น

จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไรล่ะ ก็กำจัดคนที่หมายจะมาช่วงชิงยอดดวงใจของเขาไปอย่างนั้นก็ต้องดีใจอยู่แล้ว

ท้าวดาหาทรงยินดียิ่ง มีรับสั่งให้บุษบามาเข้าเฝ้าอิเหนาเพื่อขอบคุณที่ได้ช่วยเหลือ ในพระทัยก็หมายมั่นไว้ว่าอิเหนาคงต้องตานางในครานี้ อิเหนายิ้มรับเมื่อนางบุษบาก้มกราบ รอยยิ้มนั้นราวกับเป็นนัยน์ว่าถูกตาต้องใจ โดยผู้อื่นหารู้ไม่เลยว่าแท้จริงแล้วเป็นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมที่หมายจะแล่เนื้อบุษบาหนึ่งหรัดไปตากแห้งเสียเต็มแก่

ไหนว่าจะรีบเร่งหนีไป แล้วเหตุใดถึงได้มาเป็นคู่ตุนาหงันของจรกา!

อยากถามใจแทบขาด หากแต่ก็หาได้มีโอกาส ครั้นไปตามติดก็ถูกเข้าใจว่าใคร่อยากได้นางบุษบากลับคืนเป็นคู่หมั้น ทำเอาใครต่อใครพากันล้อเลียนว่า ‘ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง’ ทำเป็นพูดว่าไม่สน ไม่ชอบบุษบา แต่เมื่อพบหน้าก็ตกหลุมความงดงามของนาง

อิเหนาอยากจะตะเบ็งเสียงใส่เจ้าคนปากมากพวกนั้นนักว่าใช่เสียที่ไหน คนที่เขามองมีเพียงแต่จรกาผู้เดียวต่างหาก!

ทว่าทำสิ่งใดได้ล่ะ นอกจากต้องเออออไปตามเรื่อง กระทั่งท้าวดาหามีรับสั่งให้เหล่าเจ้าชายทุกพระองค์ที่มาช่วยเหลือรำบวงสรวงเหล่าเทพยาดาเพื่อขอบคุณที่ช่วยอรชัยให้ชนะศึก เหล่าเจ้าชายต้องพากันร้องรำบวงสรวงเทวดา เรื่องนั้นอิเหนาไม่ได้มีปัญหาหรอก จะร้องหรือรำ เขาก็ทำได้ทั้งสิ้น แต่ปัญหาบังเกิดก็เมื่อตอนที่เขาตระหนักขึ้นได้ว่าหากจรกาออกไปร้องรำ ทุกสายตาก็จะจับจ้องไปยังน้องน้อยของเขาผู้นั้น

เป็นเช่นนี้แล้วเขาจะยอมให้ผู้อื่นจ้องมองได้อย่างไร!

หึงหวงขึ้นหน้าเสียจนขัดขวางจรกาทุกวิถีทางไม่ให้ร้องรำต่อหน้าผู้ใด ครั้นตนออกไปร้องรำก็กล่าวเนื้อร้องค่อนแคะจรกาให้อับอาย ใจหวังว่าหากทำให้อับอายแล้ว จรกาจะได้ล้มเลิกและออกจากประรำพิธีไป ทว่ากลับไม่เป็นผลเมื่อถึงคราวของตน จรกาก็ออกมาร้องรำ อิเหนาวางแผนชั่ว ไปเคาะตีกลองจนเสียจังหวะให้จรการ้องรำไม่ได้

วิธีการชั่วช้าเหล่านั้น จรกาจะรู้บ้างไหมหนอว่าเป็นเพราะอิเหนาหึงหวงตนทั้งสิ้น...

ย่อมแน่ว่าไม่รู้แม้เพียงกระผีก เห็นแค่ว่าตนถูกกลั่นแกล้งก็เท่านั้น พลันก็โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เนื้อตัวสั่นระริก ท้าวดาหาทรงเห็นท่าไม่ดีก็สั่งให้ยุติแล้วเสด็จหนีกลับพลับพลา ปล่อยให้อิเหนาและเหล่าเจ้าชายพระองค์อื่นๆ ได้ใช้เวลาร่วมกัน

อิเหนาหาได้อยากเที่ยวเล่นหรือพบปะกับผู้ใดนักหรอก อยากจะเอาใจจรกาเสียมากกว่าเพราะบัดนี้สีหน้าของระตูจรกานั้นหาได้ดูมีความสุขเลยแม้แต่น้อย บูดบึ้งถมึงทึงเสียจนน่ากลัว ขณะเดียวกันก็น่าสงสารยิ่งเมื่อน้ำตาคลอหน่วยด้วยแค้นใจที่ถูกรังแก

พี่จะทำเช่นไรให้เจ้าเข้าใจว่าที่ทำไปก็เพราะรักใคร่และหึงหวงเจ้า?

อิเหนาได้แต่ครุ่นคิด จะให้ไปบอกด้วยตนเองก็เห็นว่าไม่สมควรนัก ตำแหน่งองค์ยุพราชที่ค้ำคอ อีกทั้งยังเป็นบุรุษทั้งสองฝ่าย ทำให้มิอาจเอ่ยออกไปได้ ยิ่งจรกาเกลียดชังเขาเพียงนี้ด้วยแล้วก็เกรงเหลือเกินว่าหากบอกไปจะถูกชิงชังกว่าเดิม จึงทำได้แต่เอ่ยปากชวนให้เหล่าเจ้าชายทุกพระองค์ไปเที่ยวชมนกชมไม้ในสวนพฤกษาแทน หมายจะให้จรกาได้อารมณ์ดีขึ้นหากได้เห็นพืชพรรณไม้สวยงาม

ทว่า...เหล่าเทวดาไม่เป็นใจให้เขาได้กระทำเช่นนั้นสักเท่าไรนัก ขณะชมสวนกันอยู่นั้น ขบวนฝ่ายในของพระนางมะเดหวีก็เสด็จผ่านมา บุษบาเองก็ติดตามพระมารดามาด้วย

ครั้นเห็นบุษบาหนึ่งหรัดถือประคองพานผ้ามากับขบวนฝ่ายในของพระนางมะเดหวีด้วย เพียงดวงตาสบประสาน อิเหนาก็ปรี่เข้าไปช่วยนางประคองทันทีด้วยร้อนใจเพราะก่อนหน้านั้นหาได้สบโอกาสพูดคุยเรื่องวุ่นวายที่บังเกิดนี้เลยแม้แต่น้อย การปรี่เข้าไปช่วยประคองก็คือการแสร้งทำ แท้จริงแล้วเขามีคำถามมากมายจะถามต่างหาก

ใบหน้าของอิเหนายิ้มแย้มเมื่อเสียงร้องแซวของเหล่าเจ้าชายองค์อื่นดังขึ้น หากแต่แท้จริงแล้ว อิเหนากำลังกัดฟันลอบถามบุษบาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองทันทีที่เข้าประชิดตัว

“ไหนว่าจะหนีไปอย่างไร แล้วเหตุใดถึงได้มารับหมั้นน้องจรกาเช่นนี้”

บุษบารู้อยู่แล้วว่าประเดี๋ยวจะต้องถูกถามเช่นนี้ นางเห็นอิเหนามาด้อมๆ มองๆ หาโอกาสลอบพบอยู่หลายครั้งหลายคราแล้ว นางจึงแสร้งทำท่าเอียงอาย ยกมือขึ้นปิดหน้าปิดปากชม้อยชม้ายชายตา ทว่าเสียงที่เล็ดลอดออกจากปากกลับฟังดูหงุดหงิดไม่แพ้กัน

“หากข้าหนีพ้น ข้าจะรับหมั้นรึ ถูกจับได้ตั้งแต่ยังไม่ทันจะปีนกำแพงวังเลย”

อิเหนายิ้มแฉล้ม กัดฟันว่าเสียงเบา “โง่เง่า ทำไมไม่รีบหนีเล่า”

บุษบาก็ยิ้มเอียงอาย “ง่ายขนาดนั้น เจ้าก็ไม่เห็นข้ายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้แล้ว พูดมากนัก ประเดี๋ยวข้าก็ไม่ช่วยต่อจากนี้เลยดีกระมัง”

ต่างฝ่ายต่างบริภาษกันไปมา ทว่าสีหน้ากลับตรงกันข้าม เป็นที่งดงามให้คนรอบกายมองด้วยความเอ็นดู พลางชมมิหยุดปากว่าเหมาะสมกันดียิ่ง จรกาซึ่งยืนดูเหตุการณ์นั้นอยู่นานก็หัวเสีย เขาอุตส่าห์คิดแล้วว่าชีวิตนี้คงจะมีเรื่องที่จะเอาชนะอิเหนาได้เรื่องหนึ่งคือการอภิเษกกับบุษบา แต่เมื่ออิเหนามาพบพานนางเข้าก็ต้องใจจนอยากได้กลับคืนเป็นคู่ตุนาหงันเช่นนี้ ไม่แปลกหาใครต่อใครพากันพูดในเชิงล้อเลียนว่า ‘ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง’ กันไม่หยุดหย่อน

เฮอะ! ทำเป็นว่าเมืองโน้นเมืองนี้ว่าแย่งชิงบุษบาประหนึ่งว่านางงดงามมาก ทีตัวเองล่ะ มาพบหน้านางก็อยากได้นางเช่นกัน เป็นอย่างนี้แล้ว ผู้ใดกันที่สมควรต้องละอาย!

คิดแค้นเสียจนอดรนทนไม่ไหวต้องแผดเสียงขึ้นมา

“ปล่อยมือออกจากพานของน้องบุษบาประเดี๋ยวนี้อิเหนา นางเป็นของข้า เจ้ามาทำกะลิ้มกะเหลี่ยอย่างนี้ หาใช่สิ่งที่สมควร พวกเจ้าเองก็เช่นกัน มาล้อเลียน ชม้อยชม้ายชายตามองคู่ตุนาหงันของผู้อื่นอย่างจาบจ้วงเช่นนี้ ช่างต่ำตมนัก!”

ด่ากราดไม่ไว้หน้า อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จะรังแกกันไปถึงไหน ไม่ด่าเพียงอิเหนาด้วย ลามไปยังพวกเจ้าชายผองเพื่อนของอิเหนา ทำเอาอิเหนากับบุษบาที่กำลังกัดฟันส่งเสียงพึมพำงึมงำบริภาษกันไปมาหยุดชะงัก ก่อนที่หนึ่งในสหายของอิเหนาจะยอกย้อนกลับ

“เป็นเพียงคู่ตุนาหงัน จะมากล่าวอ้างว่าเป็นของตนได้อย่างไร ไว้อภิเษกเสียก่อนค่อยมาหึงหวงก็ยังทันกระมัง เจ้าจรกา”

สิ้นเสียงก็มีเสียงหัวเราะร่วนดังขึ้น พากันเข้าข้างอิเหนาอย่างพร้อมหน้า จรกาหน้าม้านด้วยอับอายยิ่ง อีกทั้งยังโกรธเสียจนตัวสั่นเทิ้ม

หน้าด้าน! เจ้าพวกหน้าด้าน! ประจบประแจงอิเหนากันเหลือเกินนะ!

หน้าด้านที่สุดก็คืออิเหนาที่ยังประคองพานผ้าอยู่ข้างบุษบา มิหนำซ้ำยังยิ้มเย้ยมาให้เขาอีกด้วย ทั้งที่จริงแล้วอิเหนาหมายจะปลอบใจ ใจจริงตนอยากต่อว่าพวกสหายปากพล่อยที่ไปยอกย้อนจรกาเช่นนั้นด้วย แต่ก็เกรงพระทัยของพระนางมะเดหวีที่อยู่ในขบวนจึงไม่กล้าพูดสิ่งใดออกไป ได้แต่ปล่อยให้บุษบาชำเลืองมองแล้วค่อนขอด

“มีเรื่องให้โกรธเจ้าเพิ่มอีกหนึ่ง เกลียดเข้ากระดูกดำมากกว่าเดิมแล้วล่ะ”

อิเหนาค้อนขวับทันที

เขารู้แล้ว! ไม่ต้องมาตอกย้ำหรอก!

สีหน้าท่าทางขุ่นเคืองของอิเหนานั้นทำเอาบุษบายิ้มเยาะขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะว่าตบท้าย

“ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง”

เห็นทีว่าคำค่อนขอดนี้คงจะไม่ใช่เพราะอิเหนาแสร้งค่อนแคะนางว่างามเพียงใด เมืองเล็กเมืองน้อยถึงอยากได้ แล้วสุดท้ายเขาก็มาอยากได้เองเสียกระมัง แต่แท้จริงเป็นเพราะคำบริภาษของสหายที่ต่อว่าจรกาว่าหึงหวงนางทั้งที่ไม่ได้อภิเษกกัน

สหายของเขาต่อว่าจรกาไว้อย่างไร บัดนี้ย้อนกลับเข้าตัวอิเหนาเสียอย่างจัง

ไม่ได้เป็นคู่ตุนาหงัน แม้แต่สหายก็หาใช่ จรกาก็เกลียดชังเสียจนมองหน้าไม่ติด แต่ก็ดันไปหึงหวงเขาถึงขนาดยกทัพมาปราบวิหยาสะกำเสียหน้าดำหน้าแดง

นี่สิถึงเรียกว่า ‘ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง’ อย่างแท้จริง

ระตูจรกาเดือดดาลเสียจนไม่มีหน้าอยู่ต่อ แสดงท่าทางกระฟัดกระเฟียดโกรธขึ้งเต็มแก่แล้วก็รีบก้าวออกไปจากสวนพฤกษาทั้งน้ำตาคลอเบ้า ปล่อยให้เหล่าเจ้าชายพระองค์อื่นหัวเราะเย้ยไล่หลัง มีแต่บุษบาเท่านั้นที่มองตามด้วยนึกสงสาร ส่วนอิเหนา...รู้สึกผิดเต็มแก่

ไม่ว่าเขาจะทำอะไร คิดสิ่งไหน ล้วนแล้วก็สร้างความขุ่นเคืองระคายใจให้กับจรกาทั้งสิ้น ความเกลียดชังที่จรกามีต่อเขา เห็นทีจะทวีคูณมากขึ้นทุกวันเสียด้วย เขาชักคิดมากแล้ว...คิดมากเสียจนหยุดยืนนิ่งอยู่ครู่ ทำเอาบุษบาต้องกระซิบถาม

“แล้วเจ้าจะทำเช่นไรต่อไป หากอยากให้จรกายินดีก็ให้อภิเษกกับข้าไหมล่ะ”

อิเหนาเหลือบมอง ถอนหายใจออกมา

“ไม่มีวันเสียหรอก”

บุษบาก็พอจะรู้คำตอบอยู่หรอก คนอย่างอิเหนาไม่มีวันยกจรกาให้เป็นของผู้ใดแน่แม้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นสตรี และเขาเองก็จะไม่เป็นของผู้ใดเช่นกัน

“แล้วเจ้ามีแผนการใด”

ครั้นถูกถามมาอีก อิเหนาก็ชำเลืองมอง พลันว่าเสียงเรียบ

“ข้าจะลักพาตัวเจ้า”

“เอ๊ะ?”

“ในวันอภิเษก เมื่อนั้นเจ้าก็ถือโอกาสหนีไปเสีย เจ้าจะต้องทำเช่นไรบ้าง ข้าจะบอกอีกครั้งหลังจากหารือกับสังคามาระตา”

เพียงเท่านั้นก็ยุติการสนทนา เป็นอันว่าเข้าใจกันอย่างถี่ถ้วนว่าหลังจากนี้อิเหนามีแผนอีกครา

แผนนั้นเป็นแผนชั่ว...

อิเหนาหาได้สนใจ เขาจะทำทุกอย่างไม่ให้จรกาได้เป็นของผู้ใดนอกจากเขา ต่อให้เหล่าเทพยาดาหรืออสุรกายตนใดกล่าวหาว่าเขาชั่วช้า เขาก็หาได้ใส่ใจไม่ เขาจะทำทุกทางเพื่อรักษาระตูจรกาให้บริสุทธิ์ผุดผ่องไว้

ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ให้ผู้ใดแตะต้อง...

ดอกชบาดอกนั้นต้องเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว...

 

[Intara’s Part]

“อิเหนา!”

จู่ๆ จิระที่นอนหลับไปตั้งแต่หัวค่ำก็ลุกขึ้นพรวด ร้องออกมาเสียงดังเสียอย่างนั้น ทำเอาผมที่กำลังจะล้มตัวลงนอนเล่นโทรศัพท์ชะงักกึก ก่อนจะจับไหล่ให้อีกฝ่ายหันมาหาอย่างรวดเร็ว

“เป็นอะ...”

“ข้าเกลียดเจ้า!”

ขุ่นพระ!

พูดยังไม่ทันจบ จิระก็ตะคอกใส่ผมอีก ผมเหวอกินไปเลย ก้อนเนื้อในอกซ้ายเต้นระส่ำจนบีบรัด มือก็เผลอยกขึ้นทาบอกโดยอัตโนมัติ

นะ...น้องจิของพี่...เอื้อ~ ปวดร้าว

แล้วก็เหมือนจิระจะรู้สึกตัว ก่อนรีบปรับสีหน้าแล้วว่าเร็วๆ

“คือจิละเมอน่ะครับพี่อินทร์ ขอโทษที่เสียงดังใส่ครับ”

ผมเลยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ถึงจะรู้ว่าเป็นเพราะความฝันในอดีตชาติเพราะแหวนที่ผมให้กับจิระไว้จะทำหน้าที่ทุกคืน แต่ผมก็อดช็อกไม่ได้เหมือนกันที่จู่ๆ เขาก็มาตะคอกใส่ว่าเกลียดแบบนี้ ไม่รู้หรอกว่าจิระฝันถึงตอนไหนแล้ว แต่สำหรับผม คนมันฝังใจน่ะ ยิ่งกลัวๆ อยู่ด้วยว่าชาตินี้เขาจะเกลียดผมอีก ยังไงก็ต้องช็อกอยู่แล้ว

พอเห็นว่าจิระแก้ตัวอย่างนั้น ผมเลยรีบยิ้มกว้าง ถลาเข้าไปกอดคนตรงหน้า ว่ากระเง้ากระงอดเพื่อกลบเกลื่อนความตกใจของตัวเอง

“หนูจิฝันร้ายอีกแล้วเหรอจ๊ะ ไหนๆ ฝันว่าอะไร เล่าให้ป่าปี๊ฟังหน่อยซิ”

ทำตัวบ้าๆ บอๆ ไปก่อน ต้องพูดเสียงสองด้วย ถ้าพูดเสียงปกติ เดี๋ยวจะมีพิรุธเอา บอกตามตรง เวลาที่มีเรื่องอะไรที่ผมคิดว่ารับมือไม่ไหวหรือไม่ทันเกี่ยวกับจิระ ผมจะต้องทำตัวบ้าๆ บอๆ ออกไปก่อนเพื่อให้เขารู้สึกว่าผมเป็นปกติ ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่ปกติเลยแม้แต่น้อย

เพื่อความสบายใจของคนที่ผมรัก ผมต้องทำแบบนั้น ส่วนเรื่องเกี่ยวกับความรู้สึกผมก็ค่อยเอาไว้ทีหลัง เหมือนอย่างครั้งนี้ที่พอจิระเห็นผมกระเซ้าเย้าแหย่แล้ว เขาก็ยิ้มขึ้นมา

“จิไม่ได้ฝันร้ายหรอกครับ”

“เอ้า แล้วเมื่อกี้เห็นโวยวายเสียงดัง”

“จิฝันแปลกต่างหาก”

“งั้นบอกพี่ได้ไหมว่าฝันอะไร”

ผมแกล้งกระเซ้า กอดกระชับเขาแน่นขึ้นทั้งๆ ที่รู้ว่าจิระฝันอะไร พลันเขาก็ยิ้มออกมาน้อยๆ

“พี่อินทร์ไม่อยากฟังหรอก ฝันเพี้ยนๆ สงสัยจิกินก่อนนอนเยอะเลยฝันเยอะ”

พูดมาอย่างนี้ ผมก็รู้เลยว่าเขาไม่อยากเล่าให้ผมฟังสักเท่าไร และเพื่อความสบายใจของเจ้าตัวเล็ก ผมเลยไม่ตอแยอะไร ซุกใบหน้าลงบนซอกคอหอมกรุ่น แหย่เล่นไปเรื่องอื่นให้เขาสบายใจแทน

“ถ้าอย่างนั้น ไหนขอพี่ดูหน่อยว่ากินเยอะจริงไหม ลงพุงหรือยัง”

แล้วก็ดึงเขาไปนั่งบนตัก มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปใต้เสื้อ บีบๆ จับๆ ที่หน้าท้องของเขาเป็นการใหญ่ จิระก็หัวเราะร่วน บิดตัวหนี

“พี่อินทร์ จิจั๊กจี้”

หน้าตาตอนหัวเราะคิกคักน่ารัก... น่ารักมากๆ

น่ารักมากจนอยากจะจับกินสักที

แล้วก็กลายเป็นว่าผมอดไม่ไหว ไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงเขาล้มตัวลงนอน ถลกชายเสื้อของเขาขึ้นสูงในระดับหน้าอก จิระมองหน้าผมเหมือนกับจะถาม

“จะทำเหรอครับพี่อินทร์ ดึกแล้วนะ มีเรียนเช้านี่”

ผมยิ้มกริ่มให้ “เรียนเช้าก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”

“เดี๋ยวพี่อินทร์ง่วง”

“แต่ตอนนี้พี่ไม่ง่วง”

ว่าพลางยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย เท่านั้นจิระก็หน้าแดงเรื่อขึ้นมา สีหน้าตอนเขินอายเป็นหน้าตาที่ผมชอบมากที่สุดไม่ว่าชาติที่แล้วหรือชาตินี้ ต่อให้พวงแก้มไม่มีสีเรื่อแดง ผมก็ชอบมากที่สุด

อะไรที่เป็นจิระ ผมชอบที่สุด ชอบไปหมด...

เห็นแล้วก็อดใจไม่ไหว ประทับจูบลงไปบนหน้าท้องแผ่วเบา จิระสะดุ้งเฮือก มือบีบแขนผมแน่นทันควัน ผมก็ไล้ริมฝีปากไปตามผิวเนื้ออุ่นๆ อย่างได้ใจ กระทั่งขึ้นมาถึงหน้าอก พลันก็แกล้งจูบฉวัดเฉวียนไปยังยอดตุ่มไตเล็กๆ จิระสะดุ้งขึ้นมาน้อยๆ อีกสองสามครั้ง ก่อนจะมองหน้าผมเคืองๆ เมื่อเห็นว่าผมหัวเราะ

“พี่อินทร์อย่าแกล้งจิสิ”

“ก็พี่ชอบ”

ชอบจริงๆ ชอบทุกอย่าง... จิระทำปากยื่น ว่าเสียงขุ่น

“ชอบแกล้งจิทุกที แกล้งตลอดเลย คนนิสัยไม่ดี”

ไม่แน่ใจว่าจิระหมายถึงเฉพาะชาตินี้หรือรวมชาติที่แล้วด้วย แต่เดาว่าน่าจะทั้งสองชาติเลย ผมอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่าชาติที่แล้วนั้น ผมไม่ได้แกล้งเลย เป็นเขาที่เข้าใจไปเองทั้งสิ้น แล้วจะให้ผมอธิบายได้ยังไงในเมื่อชาติก่อนเข้าหน้าเขาไม่เคยติด จะให้อธิบายตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องในเมื่อผมกำลังให้แหวนทำหน้าที่ของมันอยู่ ผมเลยได้แต่พูดถึงเรื่องในชาตินี้เท่านั้น

“ก็จิน่ารักมาก พี่เห็นแล้วมันเขี้ยว อดหยอกไม่ได้ ทำไม จิไม่ชอบเหรอหืม?”

จิระไม่ตอบ เอาแต่ทำหน้าง้ำ ผมเลยอ้อนเข้าให้

“ไม่ชอบให้พี่แกล้ง ไม่ชอบให้พี่หยอก แล้วชอบอะไรพี่บ้างเนี่ย”

แสร้งทำเป็นงอนๆ ด้วย จิระเหลือบมองผมก่อนจะยิ้มบางๆ คว้ามือผมไปอังข้างแก้มนุ่ม

“จิไม่ชอบพี่อินทร์ทั้งหมดนั่นแหละ” ผมย่นคิ้ว เขาก็ว่ามาอีก “แต่จิรักพี่อินทร์มากเลยครับ รักๆๆ”

เวลาที่จิระอ้อนมันน่ารักที่สุดเลย ผมชอบให้เขาอ้อนบ่อยๆ นะ แต่เขาไม่ค่อยอ้อนสักเท่าไร เวลาอ้อนทีก็ทำให้ผมยิ้มกว้างออกมาจนหน้าแทบบานเป็นจานดาวเทียม แล้วผมก็อดใจไม่ไหวที่จะจูบลงไปบนกลีบปากบาง กระซิบเสียงแผ่วเมื่อถอนริมฝีปากออกมา

“พี่ก็รักจิมากเหมือนกัน”

รักมาก... รักมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ไม่เคยเปลี่ยนใจไปจากเดิมเลยสักนิด ความรักที่มีให้ก็ไม่เคยน้อยลงสักวัน มีแต่จะมากขึ้นเท่านั้น

ผมเป็นของจิระคนเดียว และจะเป็นตลอดไป...

จิระไล้ปลายนิ้วไปบนท่อนแขนผม ก่อนพึมพำ “เส้นเลือดพี่อินทร์ชัดดีจังเลย”

ผมเหลือบมองบ้าง ก็เห็นว่าท่อนแขนตัวเองมีเส้นเลือดขึ้นปูดโปนเด่นชัดอย่างที่จิระบอก พลันเขาก็ว่าออกมาอีก

“จิอยากให้พี่อินทร์กอดจิด้วยแขนคู่นี้ไปนานๆ”

ส่งสายตาออดอ้อนมาให้ผมด้วย ดาเมจรุนแรงขนาดนี้ มีหรือที่ผมจะไม่กระอักความรัก ผมมองเขาแล้วก็รวบร่างมากอดไว้แน่นทันควัน

“พี่จะกอดจิแน่นๆ ไปตลอดชีวิตเลย พี่รักจิ...รักมากเลย”

ผมบอกรักเขาไม่หยุดหย่อนราวกับว่าจะเป็นการชดเชยที่ชาติที่แล้วไม่เคยพูดออกไป ต่อให้จรกาจะไม่รับรู้ความรู้สึกที่อิเหนาอย่างผมมีให้ แต่ชาตินี้ ทุกความรู้สึกที่มี เขาจะได้รับรู้

อ้อมกอดของผม

ลมหายใจของผม

ชีวิตของผม

เป็นของเขาทั้งหมด...

ผมอุทิศทั้งชีวิตเพื่อรักเขาแล้ว ใครจะพูดถึงเขายังไง จะเป็นจรกาหรือจิระ ผมก็รัก... รักทั้งหมดที่เป็นเขา

รักจิที่สุด...รักทั้งจรกาและจิระ รักจนไม่สามารถบอกได้แล้วว่ารักมากแค่ไหน

จิระกอดผมตอบแน่น พอผมผละออกมาก็เห็นสายตายั่วยวนกำลังมองผมอยู่

“แล้วพี่อินทร์ เอ่อ...”

ทำท่าเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูด ผมเลยส่งเสียงดัง ‘หืม?’ ในลำคอเพื่อให้เขาได้พูดต่อ จิระดูอึกๆ อักๆ ก่อนจะหลบตาแล้วว่าเสียงเบาออกมา

“แล้วพี่อินทร์จะรักจิไหมครับ หมายถึง...รักที่ไม่ใช่บอกรักง่ะ”

ผมยิ้มกว้างออกมาทันที เข้าใจความหมายที่เขาจะสื่อ พลันจูบประทับที่หน้าผาก ปลายจมูกและลงต่ำมายังริมฝีปากแดงเรื่อ

“รักสิ... จะรักจิให้มากๆ ทั้งคืนเลย”

เห็นทีพรุ่งนี้คงต้องโดดเรียนกันแล้วล่ะ แต่ไม่เป็นไร เพราะคืนนี้ผมจะทำให้จรกาได้ประจักษ์ว่าอิเหนาผู้นี้รักใคร่เขามากเพียงใด

เจ้าน้องจรกา... ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอย่างไร พี่ก็รักเจ้า... รักตราบนิรันดร์

 
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 21★ศึกชิงนาย[16.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 17-05-2018 21:08:29
ช่วงนี้ผมชอบฝันอะไรแปลกๆ...

ความจริงก็ไม่ใช่ฝันแปลกอะไรหรอก ฝันเรื่องอดีตชาตินั่นแหละ บางครั้งผมก็ฝันถึงเหมือนกัน แต่ระยะนี้เหมือนกับว่าฝันบ่อยขึ้น...ไม่สิ ฝันทุกคืนเลยมากกว่า แล้วเนื้อหาก็ค่อนข้างจะ...แปลก

แปลกจริงๆ เพราะในฝันมันเป็นมุมมองของอิเหนา แทนที่จะเป็นมุมมองของจรกาอย่างที่ผมเคยฝัน แต่การที่ฝันแบบนี้มันก็ทำให้ผมมองพี่อินทร์เปลี่ยนไปจากเดิมเหมือนกันนะ

เปลี่ยนไปอย่างไหนน่ะเหรอ? ก็...ผมรักเขามากขึ้นไง เพราะถ้าชาติที่แล้ว อิเหนาอย่างเขาทำทุกอย่างเพราะรักผมจริงอย่างที่ฝันเห็น มีเหตุผลอะไรล่ะที่ผมจะไม่รักเขามากขึ้น แม้ว่าในชาตินั้นผมจะเกลียดเขาก็เถอะ

และเพราะฝันถึงเรื่องนั้น ผมก็อารมณ์ดีอย่างถึงที่สุด ยิ่งตอนเที่ยงนัดกินข้าวกลางวันกับเขาที่โรงอาหารคณะด้วยแล้ว ผมก็แทบจะเหาะไปยังที่นัดหมายทันที

อยากเจอพี่อินทร์เต็มแก่แล้ว คิดถึง~

แต่แทนที่ผมจะได้เจอกับพี่อินทร์เป็นคนแรก ผมดันเจอกับ...

“เอ้านั่น น้องจิหรือเปล่า”

...วิหยาสะกำที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าโรงอาหารเมื่อกี้ พร้อมกับร้องทักเมื่อเห็นผม

อารมณ์ดีๆ ก่อนหน้านี้ของผมอันตรธานหายไปทันที พลันผมก็เงอะงะทำอะไรไม่ถูกด้วยไม่เห็นเขามาระยะหนึ่งแล้ว พอมาเจออีกครั้งก็เหวออยู่เหมือนกัน

“มากินข้าวเหรอ”

ไม่รู้จะรับมือยังไง พอถูกถามก็เลยพยักหน้าขณะที่เขาลงจากมอเตอร์ไซค์ ก้าวเข้ามาใกล้

“แล้วเพื่อนล่ะ ไม่มีเพื่อนมากินด้วยเหรอ”

มีสิ มีพี่อินทร์ไง แต่ไม่ใช่เพื่อน คนนั้นแฟน

ผมกำลังจะตอบ ทว่าพี่วิญญูก็ยิ้มออกมาแล้ว

“งั้นพี่ไปกินเป็นเพื่อน กำลังหิวเลย แวะมาปริ๊นท์งานที่ร้านตรงนี้ก็เลยว่าจะแวะกินข้าวด้วย”

เขาพูดเองเออเองเสร็จสรรพ ผมก็ได้แต่เงอะๆ งะๆ

“คือว่าจิ...”

“ปะ เข้าไปข้างในกัน”

ไอ้นี่ก็ไม่ฟังเลยสักนิด คะยั้นคะยอจะให้ผมไปกินข้าวด้วยให้ได้ แล้วผมจะไปไหมล่ะ หึ! ไม่มีทางเลย เพราะผมเองก็ไม่ได้สนิทอะไรกับเขา ออกจะกลัวเขาด้วยซ้ำ อย่างที่บอก ผมเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาตาย... ไม่ใช่ หลังจากฝันไปเมื่อหลายวันก่อน ถ้าวิหยาสะกำไม่ได้หมายปองบุษบา แต่หมายปองจรกา นั่นก็เท่ากับว่าผมเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาตายเต็มๆ เลย

แล้วมาชวนกูไปกินข้าวด้วย กูจะกล้าเหรอ!

อะไรไม่ว่า ผมนัดกับพี่อินทร์ไว้แล้วด้วย เรื่องอะไรจะไปล่ะ

“เอ้าจิ มาสิ มัวรออะไรอยู่”

เห็นผมไม่ยอมเดิน เขาก็หันมาเร่ง ผมเลยตัดสินใจว่าจะบอก

“คือว่าจินัดกับ...”

“นั่นรอยอะไร”

ไม่ทันไร เขาก็พูดแทรกมาอีก พลางชี้มาที่หน้าอกของผม ผมก้มลงมองก็เห็นสาบเสื้อเปิดออกนิดๆ เพราะกระดุมเสื้อเม็ดแรกหลุดโดยไม่รู้ตัว แวบแรกใจหายเลยนะ คิดว่าเป็นรอยคิสมาร์กของพี่อินทร์ที่ทำไว้เมื่อคืน แต่พอก้มลงมอง ปรากฏว่ามันไม่ใช่ แต่เป็นรอยแดงเล็กๆ เหมือนเล็บข่วน ผมเลยรีบติดกระดุมแล้วบ่ายเบี่ยง

“รอยอะไรก็ช่างเถอะครับ เมื่อกี้จิบอกว่าจินัดกับ...”

พูดยังไม่ทันจบก็มีอีกเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาแล้ว

“มีธุระอะไรกับจิครับคุณ”

ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ ก็ถูกแขนของใครบางคนตวัดมากอดคอ พอหันไปก็เห็นว่าเป็นพี่อินทร์ที่ทำหน้าตาน่ากลัวอยู่ ผมก็เบิกตาโตน้อยๆ

ตายหอง! เป็นเรื่องแน่ๆ พี่อินทร์โผล่มาอย่างนี้ สงสัยโดนจูบในที่สาธารณะอีกแหง

แต่...ดูๆ ไปแล้ว รอบนี้คงไม่มั้ง เพราะถ้าพี่อินทร์จะทำอย่างนั้น เขาคงไม่ทำหน้าตาน่ากลัวแบบนี้ กลัวว่าเขาจะต่อยพี่วิญญูมากกว่าที่มายุ่มย่ามกับผม ยิ่งพี่วิญญูเคยมีคดีตามสตอล์กเกอร์พี่บุศย์มาด้วย มีหวังเป็นเรื่อง

พี่วิญญูเองก็สีหน้าเปลี่ยนเมื่อเห็นว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญเป็นใคร ก่อนจะขมวดคิ้วว่าออกมา

“คุณอีกแล้ว”

พี่อินทร์เลิกคิ้วสูงเล็กน้อย ตอบกลับอย่างยียวน

“ผมต้องเป็นฝ่ายพูดมากกว่านั้นประโยคนั้นน่ะ ว่าแต่คุณเถอะ มีธุระอะไรกับ ‘ของ’ ของคนอื่นไม่ทราบ”

เขาจงใจเน้นคำนั้นเพื่อให้พี่วิญญูรู้ว่าผมเป็นของเขา ความจริงแล้วผมชอบนะที่พี่อินทร์แสดงอาการหึงหวงผมแบบนี้เพราะเขามักไม่ค่อยหงุดหงิดอารมณ์เสียใส่ใครสักเท่าไร ถึงจะรู้ว่าเขารักผมมาก แต่ผมก็อยากให้เขาแสดงอาการหึงหวงบ้างอยู่ดี

หมายถึง...หึงหวงแบบไม่ปัญญาอ่อนน่ะ

แต่ผมคงจะอยากในเรื่องที่ผิดไปสักหน่อย เพราะพอพี่วิญญูไม่ตอบคำถาม พี่อินทร์ก็ขึ้นเสียงน้อยๆ

“กูถามว่ามายุ่งอะไรกับแฟนกู”

แทบไม่เคยเห็นพี่อินทร์พูดจาในลักษณะนี้มาก่อนเลย เวลาเขาแทนตัวด้วยภาษาพ่อขุนรามฯ ก็จะพูดกับเพื่อนเท่านั้น ไม่ใช่มาพูดกับคนที่ไม่สนิทแบบนี้ พลันภาพบางอย่างในความทรงจำก็ผุดพราย

อิเหนาเร่งรี่ยกทัพมารับศึกกระหมังกุหนิงเพราะหึงหวงที่วิหยาสะกำหมายปองจรกา...

คิดอย่างนั้นแล้ว ผมก็กลัวเหลือเกินว่าเขาจะมีเรื่องกับพี่วิญญู ผมเลยจับมือเขาที่กอดผมอยู่เบาๆ เป็นการเตือนสติ

“พูดดีๆ สิพี่อินทร์ พี่วิญญูเขาก็พูดกับพี่อินทร์ดีนะ”

พี่อินทร์เหลือบมองผมทันที สายตาแข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน บ่งบอกให้รู้ชัดเจนเลยว่าเขากำลังโกรธมาก ผมอดกลืนน้ำลายดังเอื้อกไม่ได้

คะ...โคตรน่ากลัว

ไม่อยากให้เขาหึงโหดแบบนี้แล้ว ผมไม่ชอบสายตาแบบนี้ ไม่อยากให้เขามีเรื่องด้วย

“พะ...พี่อินทร์...ใจเย็นๆ นะ”

“...”

ไม่เป็นผลอีก สายตายังคงแข็งกระด้าง ผมเลยรีบว่าออกไปอีกครั้ง

“ทำหน้าตาแบบนี้ จิกลัวนะครับ”

เท่านั้นสายตาของพี่อินทร์ก็อ่อนลงทันควัน ปากก็ยื่นๆ ออกมาด้วย ก่อนที่เขาจะหันไปมองพี่วิญญูที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่

“เห็นแก่ที่แฟนกูกลัว กูจะพูดจาดีๆ กับมึงก็ได้” เขาว่า หลังจากนั้น... “คนนี้ของเก๊า ห้ามยุ่งนะ”

ใบหน้านิ่วๆ ของพี่วิญญูกลายเป็นเหลอหลาทันควันเมื่อได้ยินเสียงสองกระเง้ากระงอด ผมเองก็หันขวับเหมือนกัน ก่อนจะต้องเบ้หน้าเมื่อเห็นว่าสีหน้าน่ากลัวเมื่อกี้กลายเป็นแด๊ะแด๋ตอแล้ตอแหล

กูให้มึงพูดจาดีๆ ไม่ได้ให้พูดจาตอแหลเว้ย!

แต่พี่อินทร์สนใจไหมล่ะ หึ! กอดผมแน่นยิ่งกว่าเดิม ว่าด้วยเสียงสอง

“มาทางไหน รีบกลับไปทางนั้นเลยนะ เดี๋ยวปั๊ด!”

มือข้างที่ว่างง้างขึ้นทำท่าเหมือนจะตี ฟิลเตอร์แม่กับลูกเล็กๆ ทาบทับเขากับพี่วิญญูทันที พี่วิญญูเบ้หน้าแล้วเบ้หน้าอีก แล้วก็กลายเป็นผมที่อายขึ้นมาจนต้องออกปาก

“พี่วิญญูไปกินข้าวเถอะครับ จินัดกับแฟนไว้น่ะ”

พอผมพูดไปอย่างนั้น พี่วิญญูก็ทำหน้าเหมือนสงสัยในรสนิยมผม แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร นอกจากถอนหายใจใส่ผมกับพี่อินทร์เต็มแรงแล้วก็เดินกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ ขึ้นคร่อมแล้วขี่ออกไป

ให้เดานะ เขาคงหมดอารมณ์กินข้าวอะ ส่วนพี่อินทร์ก็ยังสวมบทแด๊ะแด๋ไม่เลิก

“เดี๋ยวเถอะเดี๋ยววว มายุ่งกับนว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊ เดี๋ยวจะโดนนนน”

ทำน้ำเสียงเหมือนมันเขี้ยวพี่วิญญูมาก ผมหันไปมองแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว ขณะที่พี่อินทร์เหลือบมองผมพลางยิ้ม

“หายกลัวพี่หรือยังหืม?”

เข้าใจได้ทันทีเลยว่าที่เขาทำตัวบ้าๆ บอๆ ขึ้นมากะทันหันแบบนี้เป็นเพราะผมนี่แหละ

“จิบอกว่ากลัว แต่ไม่ได้หมายถึงให้พี่อินทร์ทำตัวอ๊องๆ แบบนี้นะครับ”

ผมบ่น พี่อินทร์ก็เลิกคิ้วสูง

“อ๊องๆ?”

“มีความหมายเหมือนต๊องนั่นแหละ พี่อินทร์อ๊อง”

พี่อินทร์ทำปากยื่น ดีดดิ้นสะบัดสะบิ้งใส่

“ไม่อ๊องสักหน่อย พี่อินทร์หึงน้องจิไม่อ๊อง”

ไม่อ๊องอะไรล่ะ ยิ่งทำท่าอย่างนี้ยิ่งอ๊องเลย ผมเลยเถียงไปอีก

“พี่อินทร์อ๊อง”

พี่อินทร์ก็ดิ้นๆ ส่ายๆ เถียงกลับ “ไม่อ๊อง”

ผมก็ชักเริ่มสนุกแล้ว ยิ้มออกมา “อ๊อง พี่อินทร์อ๊อง”

พี่อินทร์ก็เถียง “ไม่อ๊อง”

“อ๊อง”

“ไม่อ๊อง”

“อ๊อง!”

“เอ้า อ๊องก็อ๊อง อ๊องๆ อร๊าง อื้อ...คุณจิระ อิคึ~”

ไม่ใช่แล้วเว้ย!

ผมรีบยกมือปิดปากเขาก่อนที่เสียงของเขาจะดังไปเข้าหูใคร พี่อินทร์ก็ขำใหญ่เลยที่เห็นผมทำท่าอย่างนั้นก่อนจะดึงมือออก

“ก็พี่อ๊องไง ยอมให้จิชนะแล้วนะเนี่ย ยังจะมาประทุษร้ายพี่อีก”

“อ๊องก็ส่วนอ๊อง แต่อร๊างๆ อิคึๆ นี่ไม่ใช่อะ อย่ามาทำเสียงประหลาดๆ ในที่สาธารณะสิ”

เขาก็ขำใหญ่ ขำไม่หยุด ให้ผมได้ทำหน้างอนๆ ใส่เขา แต่แล้วก็ต้องหายเมื่อเขาจับมือผมไว้แล้วกระซิบลงมาที่ข้างหู

“งั้นไว้เย็นนี้ค่อยกลับไปอ๊องๆ อร๊างๆ กันที่ห้องเนอะ ตอนนี้กินข้าวกันก่อนเถอะ พี่หิวแล้ว”

พูดมาอย่างนี้ ผมจะไปทำอะไรได้ นอกจากจะพยักหน้าหงึกหงักแล้วเดินตามเขาเข้าไปในโรงอาหาร พลางคิดไปด้วยว่าถึงเขาจะอ๊อง แต่ผมก็รักเขาที่สุด พลันก็นึกถึงอดีตชาติขึ้นมา

ถ้าในชาติก่อน ผมรู้ว่าอิเหนาเป็นคนอ๊องๆ แบบนี้ แล้วก็รู้เหตุผลในการกระทำของอิเหนาว่าทำไมถึงได้กลั่นแกล้งผม ผมคงไม่เกลียดเขาอย่างนั้น

ก็เพราะความจริงแล้วน่ะ คนอ๊องๆ คนนี้น่ารักที่สุดในโลกเลยนี่นา

อิเหนาอ๊องๆ น่ารักที่สุดเลย!

-------------------------------------

คำเตือน!!! ที่มาของสำนวน "ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง" ไม่ใช่เพราะอิเหนาหึงจรกาเด้อ ใจเย็นๆ นะเด็กๆ ห้ามเอาไปเถียงกับครูนะ 555

รู้นะว่าช่วงนี้หนาวๆ ร้อนๆ กันว่าดราม่าจะมาเมื่อไหร่ 555 ใกล้แล้วค่ะ แต่คิดว่าไม่มากหรอก เบาๆ เหมือนมดกัดนิดเดียว

พรุ่งนี้มาอัปตัวอย่างตอนหน้าให้นะคะ ฝากกำลังใจไว้ด้วยเน้อ

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 22★ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 17-05-2018 21:39:43
หมั่นไส้คนมีความรักค่ะ จะหวานกันไปไหนคะ
จิเข้าใจอิเหนาแล้ว คงไม่มีมาม่าละ สบายใจ :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 22★ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-05-2018 23:56:41
จินตรา จะมาอีกรอบใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 22★ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 18-05-2018 00:32:39
“เห็นแก่ที่แฟนกูกลัว กูจะพูดจาดีๆ กับมึงก็ได้” เขาว่า หลังจากนั้น... “คนนี้ของเก๊า ห้ามยุ่งนะ” <------- นี่จังหวะซิทคอมเหรอคะ55555555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 22★ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-05-2018 01:51:11
 :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 22★ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 18-05-2018 01:59:21
“เห็นแก่ที่แฟนกูกลัว กูจะพูดจาดีๆ กับมึงก็ได้” เขาว่า หลังจากนั้น... “คนนี้ของเก๊า ห้ามยุ่งนะ” <<<ตรงนี้คือฮาลั่นบ้านเลย55555555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 22★ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-05-2018 03:13:18
การที่จะคบกับอินทร์ มันต้องใช้สติ + ความอดทน + ความอดกลั้น + สมาธิ + ปัญญา มากขนาดไหนนะ  :เฮ้อ: สงสารหลานจิจริง ๆ เลย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 22★ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 18-05-2018 10:27:13
กดบวกและเป็ดให้เลย
วรรณกรรมอิเหนาพลิก Y สะบั้น
สนุกมาก
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 22★ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 18-05-2018 12:43:52
อร๊ายยยยยยยย อิเหน่าอิคึแค่ก-----อ๊องๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 22★ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 18-05-2018 18:45:15
คนเขียนเก่งจัง ปรับอิเหนาที่อิชั้นรังเกียจให้น่ารักไปเลย
ดีนะที่คนเขียนเอาจรกาเป็นชื่อเรื่อง ไม่งั้นคงไม่เข้ามาอ่านแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 22★ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 18-05-2018 20:03:54
ดูจากการกระทำหลายๆอย่างพี่อินทร์คงต๊องมาตั้งแต่เป็นอิเหนาแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 22★ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 18-05-2018 22:49:21
Chapter 23: อิเหนาของจรกา[1]

ผมฝันแปลกๆ มาได้ระยะหนึ่งแล้ว ความจริงผมก็สับสนแล้วก็งุนงงอยู่เหมือนกันนะที่จู่ๆ ก็มาฝันอะไรแบบนี้ เพราะความฝันของผม มันเหมือนกับว่าอิเหนากำลังบอกเรื่องราวอดีตชาติในมุมมองของเขาให้ผมรับรู้อยู่อย่างไรอย่างนั้น มันแปลกเพราะว่าไม่มีเหตุผลเลยที่ผมจะมาฝันแบบนี้ แต่...ผมกลับไม่คิดจะให้ความฝันนั้นหายไป อยากจะฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า อยากรู้ว่าสายตาที่อิเหนามองจรกานั้นเป็นยังไง

อยากรู้... อยากรู้ทุกอย่างที่อยู่ในใจของอิเหนาในชาตินั้น

จากความโกรธแค้นเกลียดชังที่เคยมี มันอันตรธานหายไปราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้น ผมไม่ประหลาดใจหรอก นั่นเป็นเพราะตอนนี้ผมรักอิเหนาในชาติใหม่แล้ว และถ้าเกิดว่าสิ่งที่ผมฝันมันเป็นความจริง ผมก็อยากจะให้พี่อินทร์จำอดีตชาติของตัวเองได้ด้วย

ทำไมน่ะเหรอ?

ก็ผมจะได้ให้เขารักผมให้มากขึ้นกว่านี้

มากขึ้น...มากขึ้น...รักให้มาก รักให้ผมกระอักความสุขตายไปเลย!

ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะกลายเป็นคนโลภ แต่ผมก็พอจะเข้าใจว่าทำไมตอนเห็นหน้าเขาโผล่เข้ามาในห้องของเรา พร้อมกับรอยยิ้มที่เหมือนกับว่าจะมีไว้ให้ผมแค่คนเดียว

“วันนี้จิกลับเร็วจัง”

เขาทักทันทีที่เห็นหน้าผม ผมก็เลยยิ้มให้เขาบ้าง

“จิก็เพิ่งกลับมาถึงเมื่อกี้เองครับ ว่าแต่พี่อินทร์เถอะ วันนี้สอบร้อยพวงมาลัยมาเป็นไงบ้าง”

ใช่ วันนี้เขามีสอบปฏิบัติว่าด้วยการร้อยพวงมาลัยที่เคยให้ผมสอนไปเมื่อครั้งนั้นน่ะแหละ แต่การสอบในครั้งนั้นจำเป็นต้องเลื่อนเพราะอาจารย์ประจำวิชามีภารกิจจะต้องไปต่างจังหวัดกะทันหัน เลยมาสอบเอาในวันนี้แทน

พอผมถาม พี่อินทร์ก็ยกถุงพลาสติกในมือขึ้นให้ผมดู

“อันนี้คือพวงมาลัยที่พี่อินทร์ร้อยเหรอ” เขาพยักหน้า ผมคว้าไปดู จากนั้นก็ตามต่อ “แล้วพี่อินทร์ได้คะแนนเต็มหรือเปล่าครับ”

พี่อินทร์ส่ายหน้าพรืด ผมก็งงสิ พอมองพวงมาลัยที่เขาร้อย ผมว่ามันก็ประณีตอยู่นะ เห็นเขาซ้อมทำอยู่ตั้งหลายวัน ถึงจะไม่ได้เนี้ยบอย่างพวกมืออาชีพ แต่ก็ถือว่าดีเลยทีเดียวล่ะ ถ้าไม่บอกก็ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเป็นฝีมือของผู้ชาย แต่ทำไมไม่ได้เต็มล่ะ

“สงสัยอาจารย์พี่อินทร์ต้องตาถั่วแน่ๆ ร้อยดีขนาดนี้ ให้ไม่เต็มได้ยังไง” ผมคว้าพวงมาลัยที่เขาร้อยขึ้นมาพลิกไปพลิกมาดู พลางพินิจ “ก็ร้อยเรียงตัวสวย ดอกไม่ช้ำ ก้านไม่แตก เก็บปลายก็ดี ทำไมถึงไม่ให้คะแนนเต็มกันนะ”

อย่างน้อยก็ต้องได้คะแนนพิศวาสช่วยดันบ้างล่ะ ก็พวงมาลัยพวงนี้น่ะ ดูก็รู้ว่าพวงนี้เขาตั้งใจทำสุดๆ

แต่แล้วผมก็ต้องชะงักเมื่อเขาแทรกขึ้นมา

“ก็เพราะพวงที่พี่ส่งมันไม่ได้สวยเหมือนอันที่จิถืออยู่น่ะสิ”

ผมหันไปมอง ส่งเสียง ‘เอ๊ะ?’ ออกมา พี่อินทร์ก็ยิ้มกริ่ม

“พวงที่พี่ร้อยส่งอาจารย์คือพวงนี้”

เขาคว้าอะไรบางอย่างออกมาจากถุงพลาสติกในกระเป๋าเอกสาร พอผมรับมาถือก็เห็นว่ามันคือพวงมาลัยช้ำๆ พวงหนึ่ง ผมเลยเลิกคิ้วให้เขาอย่างสงสัย พี่อินทร์ไม่ตอบในทันที ทว่ายิ้มให้แล้วเดินเข้ามาหา

“แต่พวงที่จิถืออยู่น่ะ” พลันจับมือผมที่ประคองพวงมาลัยพวงสวยๆ นั้นไว้อยู่ แล้วก็กระซิบที่ข้างหู “พี่ตั้งใจร้อยให้จิต่างหาก เป็นค่าสอน”

ผมเบิกตาโตทันที ก้มลงมองพวงมาลัยที่ถืออยู่ในมือ พลันสายตาก็ปะทะเข้ากับรอยแผลเล็กๆ เต็มนิ้วของพี่อินทร์ ผมคว้ามือข้างหนึ่งของเขาขึ้นมาดูพลางถาม

“นิ้วพี่อินทร์ก็เลยพรุนแบบนี้เหรอครับ”

พี่อินทร์พยักหน้า “ไม่ถูกใจก็ร้อยใหม่น่ะ ร้อยจนกว่าจะสวย ลูกผู้ชายมันต้องมีบาดแผล~”

เขาทำเป็นเล่น ยิ้มกว้างจนผมใจเต้นแรงขึ้นทันควันด้วย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะดุเขาไปนิดๆ ที่ทำให้ตัวเองเจ็บตัว

“ไม่เห็นจะต้องทำถึงขนาดนี้เลย ไม่สวยก็ให้จิได้ เอาสวยๆ ส่งอาจารย์สิถึงจะถูก ของจิเป็นยังไงก็ได้หมดแหละ แค่พี่อินทร์ให้ จิก็ดีใจแล้ว”

ทว่าพี่อินทร์กลับพูดในสิ่งที่ทำให้ผมต้องใจเต้นระส่ำมาอีก

“ไม่ได้หรอก ส่งอาจารย์น่ะแบบไหนก็ได้ ขอแค่ได้คะแนนก็พอ แต่สำหรับที่จะให้จิ จะต้องสวยที่สุดเท่าที่พี่จะทำได้เท่านั้น” พลันก็เปลี่ยนมาจับมือผมแทน จากนั้นก็ดึงไปจรดที่ริมฝีปากของตัวเองเบาๆ “เพราะจิเป็นคนสำคัญของพี่ ทุกอย่างที่พี่ทำให้จิต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด”

ผมเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกว่าใบหน้าร้อนผะผ่าวขึ้นทีละน้อย ขณะที่พี่อินทร์เอาแต่ยิ้ม

รอยยิ้มแบบนี้ผมชอบที่สุดเลย พานคิดไปถึงรอยยิ้มของเขาเมื่ออดีตชาติที่เคยยิ้มให้ผม

บางที...มันอาจจะไม่ใช่รอยยิ้มเย้ยหยันอย่างที่ผมคิด แต่เป็นรอยยิ้มที่มาจากความเอ็นดูผมอย่างที่เขาเป็นอยู่ในชาตินี้ก็ได้

อิเหนา...หรือเจ้าจะมีใจปฏิพัทธ์ต่อจรกาจริงๆ เช่นในความฝัน?

เขาสบสายตาผมนิ่งไม่ยอมมองไปทางไหนจนผมร้อนผ่าวไปทั้งตัวแทนที่จะร้อนแค่ใบหน้าแล้ว พลันแวบหนึ่งผมก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยของใครบางคนดังเข้ามาในภวังค์

‘...จรกาคนงามของพี่’

เสียงของอิเหนา... ผมจำได้ จำได้ดีเลย

แล้วเสียงนั้นก็ดังวนเวียนไปมาในหัวผมไม่หยุดหน่อย กระทั่งพี่อินทร์เปิดปากขึ้น เสียงในภวังค์ถึงได้หายไป

“ดอกไม้งามๆ ก็ต้องเหมาะกับคนงาม”

“...”

“จิระคนงามของพี่...”

อิเหนา...

หรือว่าเขาจะจำได้!?

แวบหนึ่งผมก็เห็นภาพทับซ้อนของอิเหนาขึ้นมา รอยยิ้มบนใบหน้าคร้ามของพี่อินทร์ในตอนนี้เป็นรอยยิ้มเดียวกับอิเหนาในอดีตชาติเลย ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของผมก็เต้นระส่ำทันควัน ชั่ววูบหนึ่งก็ภาวนาขอให้เขาจำอดีตชาติได้เช่นเดียวกันกับผมขึ้นมาอีกครั้ง เพราะในตอนนี้ผมอยากได้ความรักทั้งจากเขา แล้วก็จากอิเหนาในชาติก่อน

ไม่ว่าจะเคยโกรธเคยเกลียดแค่ไหน ชาตินี้จะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น วินาทีนี้ผมอยากให้เขารักผม อยากให้รักมากๆ รักเท่าที่เขาจะรักได้ ไม่ว่าจะเป็นอิเหนาหรือพี่อินทร์ ผมก็อยากให้เขารักผม...รักให้มากๆ

อยากให้ใจอิเหนาเป็นของจรกาทุกชาติไป...

แต่ทว่าความหวังของผมก็มลายหายไปเมื่อพี่อินทร์ว่าขำๆ ขึ้นมา

“อยากลองพูดแบบโบราณๆ ดูบ้าง เผื่อจะเข้ากับอารมณ์ตอนนี้”

โธ่เอ๊ย ก็นึกว่าจะจำได้!

ผมเผลอมุ่ยหน้า บ่นพึมพำเบาๆ

“ไม่ต้องพูดแบบโบราณ มันก็โบราณอยู่แล้วครับ”

“อะไรโบราณเหรอ”

พี่อินทร์ทำหน้างง ผมได้ทีก็เลยค่อนขอดเข้าให้อย่างไม่จริงจังนัก

“หน้าตาพี่อินทร์อะ โบราณแล้ว ไม่ต้องพูดแบบโบราณหรอก”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็ทำหน้าง้ำทันที

“นว้องจิว่าป่าปี๊แก่ ป่าปี๊โกรธแย้ว”

เสียงสองดัดจริตเชียว แต่ท่าทางแบบนี้น่ารักที่สุดเลย ทำเอาผมยิ้มกว้างออกมาได้ ก็เลยดึงแก้มทั้งสองข้างของเขาด้วยความมันเขี้ยว พี่อินทร์ส่ายหน้าไปมา ปากก็ส่งเสียงสองไม่หยุด

“โกรธแย้ว~ ป่าปี๊โกรธนว้องจิแย้ว~”

ทำไมน่ารักอะไรขนาดนี้นะ ชาติก่อนผมเกลียดเขาลงได้ยังไง ไม่เข้าใจตัวเองเลย

พอผมหยุดดึงแก้มเขา เขาก็มองหน้าผมด้วยแววตาที่...ยิ้มได้

จริงๆ นะ สายตาที่เขามองผมมามันหยักยิ้มจริงๆ แล้วก็อมยิ้มอยู่นั่นแหละ ไม่พูดอะไรสักที ผมสบตาเขา ยิ่งมองก็ยิ่งอยากให้เขาจำอดีตได้จนอดทนไม่ไหว ออกปากขึ้นมา

“พี่อินทร์ จิมีเรื่องอยากจะถาม”

“อะไรเหรอ”

“ถ้าจิถามแล้ว พี่อินทร์ห้ามว่าจิไร้สาระนะ”

“อื้ม ไม่ว่า ถามมาสิ”

พี่อินทร์ยืดตัวขึ้น รอฟังคำถามอย่างใจจดใจจ่อ เหมือนหมาตัวใหญ่ๆ ที่รอขนมจากเจ้านายเลย ผมเห็นท่าทางนั้นแล้วก็สบายใจ สูดหายใจเข้าปอดก่อนถามออกมา

“พี่อินทร์เชื่อเรื่องการระลึกชาติไหมครับ”

เขาเลิกคิ้วสูงขึ้นทันที “หืม? ทำไมจู่ๆ ถึงมาถามเรื่องนี้ล่ะ”

“จิถามก็ตอบมาเถอะน่า จิอยากรู้”

ผมว่า พี่อินทร์ก็มีท่าทีครุ่นคิดไปนิด

“แล้วจิเชื่อไหม”

แทนที่จะตอบ ดันมาถามผมคืนเสียอย่างนั้น ผมเลยตอบไปตามตรง

“เชื่อครับ จิเชื่อ”

พี่อินทร์มีสีหน้าประหลาดใจ แต่พอถูกผมจ้องนิ่งๆ เขาก็ค่อยๆ มีสีหน้าที่เรียบยิ่งขึ้น

“จิถามพี่แบบนี้ มีอะไรอยากบอกพี่เหรอ”

เหมือนเขาอ่านใจผมได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็บอกเขาไปตรงๆ ไม่ได้ว่าผมจำอดีตชาติได้ เพราะถ้าหากว่าเขาจำไม่ได้ จะกลายเป็นว่าผมพูดเพ้อเจ้อไร้สาระ ผมเลยบอกกับเขาอ้อมๆ

“จิแค่อยากให้พี่อินทร์รักจิให้มากๆ สมมติว่าถ้าชาติที่แล้ว พี่อินทร์ก็รักจิเหมือนกัน จิจะดีใจมาก”

พูดไปเท่านั้น สีหน้าของพี่อินทร์ก็ดูแปลกไป เขาหัวเราะในลำคอ ยิ้มออกมาบางๆ

“จริงเหรอ”

“อื้ม ถ้าไม่จริง จิจะพูดทำไม จิมีความสุขจะตายที่ได้รับความรักจากพี่อินทร์ จินตนาการไม่ออกเลยนะว่าถ้าพี่อินทร์รักจิมากๆ แบบนี้ไปทุกชาติ จิจะมีความสุขแค่ไหน”

พูดจบ ผมก็ยิ้มแฉ่ง ไม่ใช่การแกล้งยิ้ม แต่เป็นความรู้สึกจากใจจริงของผม พอสบตาพี่อินทร์ เขาก็เม้มริมฝีปากแน่นไปครู่ พอคลายออกก็ถามอีก

“แล้วสมมติว่าชาติก่อน จิเกลียดพี่ล่ะ”

“ตอนนี้จิรักพี่อินทร์แล้ว จิไม่เกลียดพี่อินทร์หรอก ต่อให้เคยเกลียดมามากแค่ไหน จิก็จะลืมไปให้หมด ขอแค่พี่อินทร์รักจิให้มากๆ ก็พอครับ”

เขาสูดหายใจเข้าเต็มปอด ท่าทางดูอึดอัด ผมไม่แน่ใจว่าที่เขาอึดอัดเป็นเพราะผมไปเค้นถามเรื่องไร้สาระกับเขาหรือเปล่า ผมก็เลยรีบแก้ตัวเป็นพัลวันเพราะไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดี

“ถ้าพี่อินทร์ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบก็ได้นะครับ จิก็พูดไปเรื่อยตามประสา อยากชวนพี่อินทร์คุยง่ะ แหะๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะครับ ตัวเหนียวไป...อ๊ะ”

พูดยังไม่ทันจบ พี่อินทร์ก็ดึงไหล่ผมเข้าไปใกล้ พอผมมองหน้า เขาก็ถามผม

“อยากรู้ใช่ไหมว่าพี่เชื่อเรื่องการระลึกชาติหรือเปล่า”

ผมพยักหน้ารับน้อยๆ เขาหลับตาลง สูดหายใจเข้าปอด ทำท่าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จากนั้น...

“จิระ” ก็เรียกชื่อผม แล้ว... “พี่...”

ก๊อกๆๆ

ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น สีหน้าของพี่อินทร์ดูหงุดหงิดขึ้นฉับพลัน เหลียวไปมองประตูแล้วก็มุ่ยหน้า ทว่าก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน นอกจากหันมาหาผมแล้วว่าอีกครั้ง

“พี่จะบอกจิว่าพี่...”

ปังๆๆ!

“ไอ้อินทร์! อยู่หรือเปล่า!”

เป็นเสียงของพี่บุศย์...

คราวนี้ไม่ได้เคาะด้วย ทุบประตูเลยเถอะ พี่อินทร์ทำหน้าหงุดหงิดขึ้นมาทันควัน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเต็มแรงแล้วเดินไปกระชากประตูเปิดออก พลันก็เห็นพี่บุศย์กำลังยกมือเตรียมทุบประตูค้างไว้อยู่ ข้างหลังมีสรัลยืนรอ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พี่อินทร์สนใจ ได้แต่ว่าอย่างหัวเสียใส่เพื่อน

“ถ้ามึงไม่มีเหตุผลดีๆ ที่มาเคาะประตูห้องกู กูเตะโด่งมึงกลับห้องแน่”

ได้ยินอย่างนั้น สรัลก็ส่งเสียงสูงเลย

“แน้! หงุดหงิด ถูกขัดจังหวะล่ะสิ แล้วทำอะไรกันอะถึงมาเปิดช้า จะเย้กันเหรอ”

ไม่พูดเปล่า ยังชะเง้อชะแง้มองเข้ามาในห้องด้วย ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้

เย้เย้อบ้าบออะไรเล่า! กำลังคุยกันต่างหาก!

ไม่ต้องให้ผมเป็นฝ่ายแก้ตัว พี่อินทร์ก็โพล่งขึ้นมาแล้ว

“เกือบแล้วเชียว”

“เกือบได้เย้เหรอ”

สรัลถาม พี่อินทร์ก็ว่าเสียงเขียว

“เกือบเตะแกเนี่ย ถามอะไรไม่มีความเป็นกุลสตรี”

พี่บุศย์ถึงกับหัวเราะที่สรัลถูกพี่อินทร์ดุอย่างนั้น ก่อนเขาจะต้องหุบยิ้มเมื่อเป็นฝ่ายถูกดุบ้าง

“แล้วมึงมีอะไร มาเรียกทำไม”

นึกขึ้นได้ล่ะมั้งว่าต้องเข้าเรื่อง พลันสีหน้าก็ดูเคร่งเครียดขึ้นทันตา เดินเข้ามาในห้องโดยที่พี่อินทร์ไม่ได้บอกอนุญาต สรัลตามหลังมาปิดประตูปุ๊บ เขาก็พูดขึ้น

“มึงมีปัญหาแล้วว่ะ”

เรียวคิ้วสวยของพี่อินทร์ขมวดเข้าหากัน “หมายความว่าไง”

พี่บุศย์ไม่ได้เป็นคนตอบ แต่เหลือบไปมองสรัลให้เธอตอบแทน

“เมื่อกี้ตอนหนูกลับหอมา เห็นใครบางคนมาด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าหอ”

ใครบางคนมาด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าหอ... หรือว่า...

“ไอ้วิญญูเหรอ”

พี่อินทร์คิดเหมือนผมเลย เพราะนอกจากพี่วิญญูแล้ว ก็คงไม่มีใครมาตามด้อมๆ มองๆ ด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ แบบนี้หรอก

แต่ทว่าทั้งผมและพี่อินทร์กลับคิดผิดเมื่อพี่บุศย์สวนขึ้น

“มันไม่ได้มาด้อมๆ มองๆ จิ แต่มาด้อมๆ มองๆ มึงต่างหาก”

ผมเอะใจทันควัน ขณะที่พี่อินทร์มีสีหน้าน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ

"จินห์"

เท่านั้นพี่บุศย์ก็พยักหน้าก่อนจะเปล่งเสียงออกมาในตอนท้าย

“สรัลเห็นมันมาจอดรถอยู่พักนึงแล้วก็ไป ยังดูไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่กูก็ห่วง กูว่ามันคงไม่ได้มาดี ไม่รู้มันคิดอะไรอยู่ เลยอยากบอกให้มึงระวังตัวด้วยเพราะท่าทางมันคงไม่ทำแบบนี้แค่ครั้งเดียวแน่”

พี่อินทร์พยักหน้า สีหน้าดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม ขณะที่ผมก็ใจเต้นระส่ำด้วยมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีบางอย่างผุดพรายขึ้นมา

หวังว่าการกลับมาของจินตะหราวาตี...คงจะไม่ได้เลวร้ายเสียจนผมคาดคิดไม่ถึงนะ

 

เมื่อตกลงปลงใจร่วมแผนการชั่วกับอิเหนา บุษบาหนึ่งหรัดก็ยอมกระทำตามที่สังคามาระตาได้ส่งข่าวมาบอกแต่โดยดีว่าในวันอภิเษกสมรสกับจรกา จะมีกลอุบายให้คนของอิเหนามาวางเพลิง ณ โรงมหรสพเพื่อสร้างความอลหม่านและจะลักพาตัวนางบุษบาหนี

หนีในที่นี้นั้นหาใช่หนีไปเป็นคู่ผัวตัวเมียกันกับอิเหนา แต่เป็นการที่อิเหนาจะช่วยนางหนีไปจากกรงทองและมอบอิสระกลับคืนให้สู่ชีวิตนางต่างหาก ในเมื่อข้อเสนองามล่อใจเช่นนี้ มีหรือที่นางจะปฏิเสธ แทบจะรอให้ถึงวันอภิเษกเสียไม่ไหวด้วยซ้ำ ต่างจากจรกาที่นั่งนับวันคอยด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง

ได้สมรสกับหญิงสาวที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในปฐพี นั่นก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้วสำหรับบุรุษซึ่งอัปลักษณ์ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเช่นเขา และน่ายินดียิ่งขึ้นไปอีกเมื่อคิดว่าการได้นางบุษบาตบแต่งเป็นเมียคือชัยชนะหนึ่งที่ทำให้ตนอยู่เหนืออิเหนา

อิเหนา...ในที่สุดข้าก็มีชัยเหนือเจ้า

คิดแล้วก็กระหยิ่มยิ้มในใจ นึกรักบุษบาขึ้นมาจับใจด้วยขอบคุณที่นางยอมรับหมั้นเป็นคู่ตุนาหงันเสียอีก แม้ว่าอันที่จริงแล้วการรับหมั้นของนางจะเป็นไปเพราะถูกท้าวดาหาทรงบีบบังคับก็ตามที

และวันนี้ก็ได้ฤกษ์งามยามดีของงานอภิเษก โรงมหรสพใหญ่แสดงการร้องรำอย่างยิ่งใหญ่อลังการ เสียงฆ้องร้องป่าวว่าวันนี้จะมีการอภิเษกระหว่างท้าวจรกาและพระธิดาบุษบาดังก้องเป็นระยะ วันนี้ย่อมต้องเป็นวันที่จรกามีความสุขที่สุดตั้งแต่ถือกำเนิด

ทว่า...หาได้เป็นเช่นนั้นมีอาเพศอุบัติ โรงมหรสพลุกไหม้เป็นทะเลเพลิง เสียงหวีดร้องของหญิงสาว ผู้เฒ่าผู้แก่ แลลูกเด็กเล็กแดงที่วิ่งหนีตายกันอลหม่านนั้นสร้างความปั่นป่วนไปทุกหย่อมหญ้า

จรกาเองก็ตกใจยิ่ง ร้อนรนออกจากพลับพลามาทั้งที่สวมอาภรณ์เจ้าบ่าว ก่อนจะร้องถามหาบุษบาจากข้าราชบริพารเมื่อเห็นว่านางหายไปในหมู่ผู้คนทั้งที่ควรจะพำนักอยู่ในพลับพลาดั่งเช่นตน มิหนำซ้ำ คนที่ควรจะต้องอยู่ในพลับพลาของราชอาคันตุกะซึ่งเป็นแขกในงานอภิเษกก็หายหน้าไปอีกพร้อมกับพวกพ้อง

อิเหนา...

อิเหนาหายไปเช่นนี้คงจะไม่เป็นการดีแน่

ลางสังหรณ์บอกให้เขาร้อนรนตรงไปยังพลับพลาของเจ้าสาว ก่อนจะเห็นฉุดกระชากนางกำนัลนางหนึ่งมาเค้นคอถาม

“บุษบาอยู่ไหน! น้องบุษบาของข้าอยู่ไหน!”

แม้ว่าจรกาจะหาได้ดูน่ากลัวเพราะไม่ได้ดูน่าเกรงขามเฉกเช่นบุรุษอื่น แต่ก็หาใช่ว่าจะกล้าทูลเท็จด้วยอีกฝ่ายก็เป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ พลันก็ตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและน้ำตานองหน้า

“พะ...พระธิดา...”

“นางอยู่ไหน!”

เห็นหญิงตรงหน้าอึกๆ อักๆ จรกาก็แผดเสียง จากนั้นก็ต้องใจหล่นร่วงไปอยู่ยังตาตุ่มเมื่อได้ยินคำตอบ

“พระธิดาหายไปแล้วเพคะ”

หายไป!?

หายไปไหน! หายไปได้อย่างไร!?

จะต้องถามเพื่อการใดอีกกัน นางหายไปก็ต้องย่อมมีผู้ลักพา และผู้ลักพานั้นก็หาใช่ใครที่ไหน นอกจากอิเหนาและพวกพ้องที่วางแผนกันล่มงานอภิเษกของเขาให้พังไม่เป็นท่า

ความแค้นพวยพุ่ง อัดแน่นเต็มอกเสียจนจรกามิอาจกักเก็บหยาดน้ำตาไว้ได้ไหว เสียงร้องไห้โฮดังเล็ดลอดออกจากปากขณะที่เขาวิ่งพล่านตามหาบุษบาไปทั่วบริเวณ

“บุษบา! น้องบุษบา! ฮึก...เจ้าอยู่ไหน! อยู่ที่ใดกัน!”

เมื่อไม่พบนางก็ทรุดตัวลงกับพื้น ร้องไห้เสียปริ่มใจแทบขาด ทั้งแค้นทั้งเสียใจจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ตีอกชกหัวตนเองราวกับวิปลาส โดยหารู้ไม่เลยว่าไม่ไกลกันนั้น ผู้ก่อเหตุได้แต่ลอบแอบมองด้วยความช้ำใจที่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องร่ำไห้เสียจนไม่เป็นผู้เป็นคนอย่างนี้

“เจ้าพี่ รีบไปกันเถิด”

เสียงของสังคามาระตาดังขึ้น ทำให้อิเหนาจำต้องรีบควบม้าลอบหนีออกไปโดยมีบุษบาซึ่งปลอมเป็นชายตามแผนที่วางไว้แล้วควบห้อตะบึงตามหลังมา

จรกา... ความผิดของพี่ในยามนี้ เมื่อเหตุการณ์สงบเมื่อใด พี่จะกลับมาให้เจ้าทุบตีจนหนำใจ ให้สมกับความผิดของพี่

มือกุมยังแหวนทองประดับนิลที่ห้อยคอของตนอยู่มั่น

สักวัน...

สักวันหนึ่งเขาจะกลับมาและมอบแหวนนี้ให้กับยอดดวงใจพร้อมวิงวอนขอความรัก...

 

สักวาจูบจรดรักแต่เจ้า                    ช่างยั่วเย้าเจรจารื่นหวานหู

พี่ก็นึกรักเจ้าด้วยเอ็นดู                   ใคร่เทียบคูคู่ครองเป็นยาใจ

รักพี่เถิดเจ้าน้องจรกา                     อย่าพรากพาใจพี่ด้วยผลักไส

รักเถิดหนารักพี่เป็นดวงใจ               พ่อประไพเมตตาพี่เถิดเอย

 

กลอนนี้พี่แต่งให้เจ้า ทุกความรู้สึกที่พี่มีต่อเจ้า หวังว่าเจ้าจะเมตตา...

พลันก็ควบม้าจากเมืองดาหาไป โดยหารู้ไม่ว่าความหวังของตนนั้นเป็นการยากยิ่ง ต่อให้อิเหนาจะร้องขอความเมตตาเพียงใด ก็คงจะไร้ซึ่งประโยชน์เมื่อในใจของจรกาแหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลีเมื่อตระหนักได้ว่าความหวังของตนพังทลายด้วยน้ำมือของเขาไม่มีชิ้นดี

อิเหนา...

ข้าขอสาบาน... ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน ข้าก็จะไม่มีวันญาติดีกับเจ้า หากข้าผิดคำพูดแล้วไซร้ ขอให้องค์เทพเทวาลงทัณฑ์ด้วยอสุนีบาตจนสิ้นใจ

ขอสาบานด้วยชีวิตของข้า

ขอสาบาน!

เปรี้ยง!

 

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 22★ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 18-05-2018 22:50:18
Chapter 23: อิเหนาของจรกา[2]

เฮือก!

ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาหลังจากที่นอนหลับสนิทไปได้ครู่ใหญ่ ผมฝันประหลาดอีกแล้ว แต่คราวนี้ไม่ใช่เพียงในมุมมองของอิเหนาอย่างเดียว แต่เป็นมุมมองของจรกาด้วย มันก็คือความฝันแบบแต่ก่อนที่ผมเคยฝันนั่นแหละ ทว่าคราวนี้มันแปลกไปเพราะหลังจากสิ้นเสียงสาบานของผม ก็มีเสียงคล้ายฟ้าผ่าดังกัมปนาทตามมาด้วยจนทำให้ผมตกใจตื่น

และตกใจหนักกว่าเดิมด้วยเมื่อควานมือไปหาคนข้างๆ แล้วกลับพบเพียงที่นอนว่างเปล่า ผมใจไม่ดีเลยแม้แต่น้อย เสียงของผมในชาติที่เป็นจรกานั้นดังก้องอยู่ในหูไม่หยุด

‘ขอสาบานด้วยชีวิตของข้า’

‘ขอสาบาน!’

ชั่วแวบหนึ่งก็ตัวสั่นเทิ้ม เกิดหวาดกลัวขึ้นมาโดยที่ผมก็ไม่รู้ว่ากลัวอะไร ก่อนจะร้องเรียกพี่อินทร์เสียงหลงเพราะตั้งสติไม่ได้

“พี่อินทร์”

เรียกครั้งแรกไม่มีเสียงตอบรับ ผมก็ใจไม่ดีหนัก คราวนี้ขอบตาร้อนผ่าว ปล่อยให้น้ำตารินไหลอาบแก้มพร้อมกับร้องเรียกเขาขึ้นอีกครั้ง

“พี่อินทร์! ฮึก...พี่อินทร์!”

พี่อินทร์ไปไหน! เขาอยู่ไหน!

ผมยอมรับว่าผวามาก ความฝันเมื่อครู่นี้ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเลย ทั้งเสียงของผมในชาติที่เป็นจรกากล่าวคำสาบาน ทั้งเสียงเหมือนฟ้าผ่าดังเปรี้ยงที่ไม่รู้ว่ามาจากทิศทางไหน มันทำให้ผมอกสั่นขวัญแขวนมากทีเดียว แต่คนที่ผวายิ่งกว่าก็คือพี่อินทร์ที่พุ่งพรวดออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าเช็ดตัวพันช่วงล่างไม่เรียบร้อยดี เนื้อตัวก็มีหยดน้ำเกาะพราวพร้อมกับใบหน้าเหลอหลา

“จิ! มีอะไร! เป็นอะไร!”

“พี่อินทร์! ฮือ...พี่อินทร์ครับ...”

ได้ยินเสียงเขา ผมก็อุ่นใจวาบ ร้องเรียกหาอย่างรวดเร็ว พี่อินทร์ก็รีบก้าวจากห้องน้ำไปเปิดไฟทั้งที่ตัวเปียกๆ อย่างนั้นแหละ ไม่ได้กลัวเลยว่าไฟจะช็อตตัวเอง พอไฟสว่างแล้วเห็นผมตัวสั่นงันงกพร้อมกับน้ำตาไหลอาบหน้า เขาก็ยิ่งมีสีหน้าตกใจกว่าเดิม

“จิเป็นอะไร”

รีบถลาเข้ามานั่งอยู่ตรงหน้าผมด้วย ผมเห็นเข้าก็โผเข้ากอดแน่น

“พะ...พี่อินทร์...”

“เป็นอะไรจิ ใครทำอะไร ไหนบอกพี่เร็ว”

เขาก็ลูบหัวลูบหลังผมเป็นการใหญ่ ผมก็พูดอะไรไม่ออก แถมไม่รู้จะบอกเขายังไงด้วยว่าผมฝันร้าย

“ไม่เป็นไรนะจิ พี่อยู่นี่แล้ว ไม่เป็นไร...”

ในเมื่อผมให้คำตอบไม่ได้นอกจากจะร้องไห้สะอึกสะอื้นเท่านั้น พี่อินทร์ก็ปลอบผมจนกระทั่งผมสบายใจขึ้น พอหยุดร้อง เขาก็ผละออกจากผมเล็กน้อย ยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้

“ไม่ร้องแล้วนะคนดี พี่อยู่นี่แล้ว”

ผมพยักหน้าหงึกหงึก สูดหายใจเข้าปอด กระทั่งสงบสติอารมณ์ได้แล้ว พี่อินทร์ถึงได้ยิ้มออกมาบางๆ ถามผมอีกครั้ง

“ไหนลองเล่าให้พี่ฟังหน่อยซิว่าใครทำอะไรจิ เดี๋ยวพี่จัดการให้”

พูดจาเหมือนผมเป็นเด็กเล็กๆ ที่กำลังฟ้องพ่อว่าถูกเพื่อนที่โรงเรียนแกล้ง แต่มันก็ทำให้ผมอุ่นใจขึ้นมามาก ก่อนจะยอมเปิดปากบอกเขา

“จิฝันร้าย”

พี่อินทร์เลิกคิ้วสูง “ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ”

ผมก็พยักหน้า เท่านั้นเขาก็ครางเสียงแผ่วออกมา

“ช่วงนี้ฝันร้ายบ่อยจังเลยเนอะ”

จริงๆ ก็ไม่ใช่ฝันร้ายอะไรหรอก ส่วนมากเป็นฝันดีด้วยซ้ำ ยกเว้นคืนนี้ที่ฝันไม่ค่อยดีเท่าไร

“แล้วฝันว่าอะไร บอกพี่ได้ไหม”

ดูเขาจะเป็นห่วง ผมก็เลยไม่รอช้า รีบบอกเขาออกไป

“จิฝันเห็นอิเหนาลักพาตัวนางบุษบาไปจากจรกา จากนั้นก็ฟ้าผ่า”

พอเล่าไปอย่างนี้ พี่อินทร์ก็นิ่ง ผมก็นิ่ง...นิ่งกันจนน่าอึดอัด อันที่จริงผมคาดหวังให้เขาหัวเราะหรือบอกว่าความฝันของผมมันไร้สาระอะไรเทือกนั้น แต่เขากลับไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว ผมเลยเหลือบมองเขา พี่อินทร์ปั้นหน้านิ่ว คิดอะไรอยู่ ผมก็อ่านไม่ออกหรอก รู้แต่ว่าไม่ชอบที่เห็นเขาทำสีหน้าแบบนี้เลย

“พี่อินทร์ครับ...”

เพราะไม่ชอบก็เลยเรียกออกไป พี่อินทร์ดึงผมเข้าไปกอดโดยไม่ทันได้ตั้งตัวในจังหวะนั้น และก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร เขาก็ลูบหลังผมมาแล้ว

“ไม่มีอะไรหรอกจิ ก็แค่ฝันร้ายน่ะ ไม่ต้องคิดมากนะ”

พลันก็จูบหน้าผาก จูบกระหม่อมผมเป็นพัลวัน ผมผงกหัว ซบหน้าเข้ากับแผ่นอกเขา ปล่อยให้เขาปลอบใจเงียบๆ

“ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น พี่อยู่นี่แล้ว... อยู่กับจิแล้ว”

ผมค่อยๆ ผ่อนคลายความกลัวลง ตอนนี้ใจไม่สั่นแล้ว เริ่มกลับเข้าสู่สภาพปกติ พี่อินทร์เห็นว่าผมหยุดร้องไห้ก็ผละออกมาแล้วยิ้มบางๆ

“ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเนอะ มอมแมมไปหมดแล้ว เดี๋ยวพี่ชงโกโก้ให้ ดื่มแล้วจะได้รู้สึกดีขึ้น”

ผมพยักหน้า เขาก็ลุกขึ้นจะไปชงโกโก้ให้ผม ทว่าผมก็คว้าแขนเขาเอาไว้ พอพี่อินทร์หันมา ผมก็โพล่งไป

“พี่อินทร์ต้องรักจิมากๆ นะ อยู่กับจิไปนานๆ”

ไม่รู้ทำไมถึงพูดไปอย่างนี้ รู้แต่ว่าอยากพูด พี่อินทร์ก็ดูเหมือนจะงุนงงเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง แล้วจูบเบาๆ ที่หน้าผากผม

“พี่ไม่ผิดคำสาบานหรอก เชื่อพี่สิ”

นึกถึงวันที่เขาพาผมไปสาบานต่อหน้าองค์พระประธานที่วัดวันนั้นขึ้นมาฉับพลัน เท่านั้นผมก็สบายใจขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่เขาจะยีเส้นผมของผมเล็กน้อย

“ไปล้างหน้าได้แล้วตัวเล็ก จมูกแดงหมดแล้ว พี่ชงโกโก้ให้นะ”

ผมพยักหน้า ลุกไปเข้าห้องน้ำตามที่เขาบอก พอปิดประตูได้ ผมก็ถอนหายใจกับตัวเองหน้ากระจก

บ้าบอชะมัด จู่ๆ ก็กลัวความฝันของตัวเองจนทำให้พี่อินทร์ป่วนไปหมด

ไม่รู้จะด่าตัวเองยังไงดีให้สมกับที่โวยวายตีโพยตีพายเป็นเด็กเล็กๆ ไปก่อนหน้า แถมยังทำให้พี่อินทร์อาบน้ำค้างไว้อีก เห็นแปรงสีฟันที่ยังมีฟองฟ่อดอยู่ถูกทิ้งในอ่างล้างหน้าก็รู้เลยว่าเขาตาลีตาเหลือกพุ่งออกจากห้องน้ำแค่ไหน

ผมถอนหายใจ คว้าเอาแปรงสีฟันของเขามาล้างให้ แต่ก็พลาดทำน้ำจากก๊อกกระเด็นใส่เสื้อเสียเปียก ผมก็เลยจะถอดเสื้อออก ตั้งใจว่าจะเปลี่ยนตัวใหม่

ทว่า...พอเลิกชายเสื้อขึ้นมาจนถึงแผงอก ผมก็ต้องชะงักเมื่อสังเกตเห็นรอย...

“รอยอะไรเนี่ย”

ผมวางนิ้วลงไปบนรอยแดงๆ คล้ายกับรอยข่วนกลางหน้าอก มันเป็นรอยเดียวกับที่พี่วิญญูทักในวันนั้น แต่ในวันนี้...มันกลับใหญ่ขึ้น

เป็นรอยข่วนสีแดงที่ใหญ่ขึ้นและแตกแขนงออกไปหลายทิศทางเหมือนกับรากต้นไม้

รอยอะไรกันนะ?

“จิ เสร็จหรือยัง”

ยังไม่ทันจะได้คำตอบให้กับตัวเอง พี่อินทร์ก็ร้องเรียกมาแล้ว ผมเลยรีบดึงชายเสื้อลงอย่างเดิม เดินออกจากห้องน้ำไปหาเขาอย่างรวดเร็ว

คงจะไม่มีอะไรหรอก สงสัยเป็นรอยที่ผมเผลอไปเกาโดยไม่รู้ตัวล่ะมั้ง...

--------------------------------

อ่านตอนนี้แล้ว เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะแบบ เอ๊ะ อะไร 555 ใช่ค่ะ เรากำลังเข้าสู่ปมที่สองของเรื่อง ซึ่งมันคืออะไรนั้นนนน ให้คนเขียนทายกันนน~ (อีกแล้ว ฮา)

เป็นเรื่องที่เขียนแล้วสนุกมาก สนุกตรงเห็นคนอ่านช่วยกันเดาเนื้อเรื่องนี่แหละค่ะ XD เรื่องนี้ตอนแรกหนูแดงก็ไม่ได้ตั้งใจจะวางปมซับซ้อนเหมือนกันค่ะ กะว่าเอาอ่านง่ายๆ สบายๆ เขียนไปๆ มาๆ รู้สึกตัวอีกที โอ...ซับซ้อนมาก เลยจะมากระซิบบอกกันก่อนว่าถ้าทำเล่มเมื่อไหร่ มันจะเป็น 2 เล่มจบนะคะ ไม่สามารถบีบให้เป็นเล่มเดียวจบได้ ลองแล้ว ฮือออ

ใครอยากได้รูปเล่ม ขอให้หยอดปุกหมูกันตั้งแต่วันนี้ ขอแบงค์พันใบเดียว รวมส่ง EMS มีบ็อกซ์ไม่เกินนี้แน่นอนค่า รายละเอียดอื่นๆ เอาไว้ค่อยมาบอกอีกทีนะ อีก 2-3 เดือนเจอกัน ยังไม่ออกเร็วๆ นี้ ไม่ต้องตกใจ 555

ฝากกำลังใจไว้ให้กันด้วยค่า

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 23★อิเหนาของจรกา[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 19-05-2018 00:02:11
ดวง จิระคือ ดวงซยนะคะ มีผัว ผัวก็เป็นบ้า  พอจะแฮปปี้ๆ  ก็มีอะไรไม่รุ้แปลกๆเข้ามาในชีวิตอีก แค่ผัวก็แปลกพอแล้วนะ  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 23★อิเหนาของจรกา[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 19-05-2018 00:03:41
คำสาบานกำลังตามมาเอาชีวิตนว้องจิของป่าปี๊สินะ โธ่... มีทางแก้คำสาบของจรกาหรือเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 19★ระลึกรัก[14.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 19-05-2018 01:10:08
 :a5: โอ้ พีคมาก สรุปอิเหนารักจรกามาตั้งแต่ชาติที่แล้ว

แล้วทั้งหมดก็ต่างระลึกชาติได้ แต่จรกาเข้าใจอิเหนาผิดอยู่

เอาละเหวยม่ากำลังก้าวเข้ามา
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 20★จรกาคนงาม[15.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 19-05-2018 01:24:37
โอย ว่าจรกาน่าสงสารแล้วมาเจอฝั่งอิเหนาเข้าก็น้ำตาซึม :monkeysad:

แต่ว่าชาตินี้นะ เราคงจะร้องไห้สงสารอิเหนามากแน่ๆ

เพราะคำว่ากลัวน้องเกลียดตัวเองอีกถึงไม่กล้าบอก

แต่ไอ้ไม่กล้าบอกนี่แหละจะเป็นตัวทำม่าหนักเลย

เดี๋ยวก็โดนจิณห์มาป่วนอีกแน่ๆ ฮือ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 23★อิเหนาของจรกา[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-05-2018 01:43:12
คำสาบาน กับ รอยข่วน เกี่ยวข้องกันอย่างไรเนี่ย  :hao4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 22★ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 19-05-2018 01:46:07
ช่วยเราด้วย ที่ว่าอิเหนารักจรกาว่าพีคแล้ว มาเจอวิหยาสะกำ

เข้าไปอีกนี่มึนไปหมด แล้วไหนจะรอยที่ตรงอกจิอีก แง้

จิต้องไม่ตายนะ ฮือ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 23★อิเหนาของจรกา[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-05-2018 02:40:37
รอยฟ้าผ่า
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 23★อิเหนาของจรกา[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 19-05-2018 05:15:55
น่าจะเป็นเรื่อง การแก้คำสาบานของจิไหม
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 23★อิเหนาของจรกา[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 19-05-2018 21:09:06
 :o :o :o
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 23★อิเหนาของจรกา[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 19-05-2018 22:25:23
ทั้งคำสาบาน และรอยข่วน
น่ากลัวอ่ะ!!
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 23★อิเหนาของจรกา[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 19-05-2018 22:57:35
Chapter 24: โรคผิวหนัง[1]

แต่เดิมก็ชิงชังเสียจนไม่ใคร่จะมองหน้า แต่เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น ความชิงชังอิเหนาในใจของระตูจรกานั้นก็เพิ่มพูนมากเท่าทวี ทั้งที่เขาคิดว่าพอจะมีสิ่งหนึ่งให้ตนได้ถูกพูดถึงในทางที่ดีบ้างว่าได้ครอบครองหญิงงามด้วยการอภิเษกกับบุษบา ทว่าสิ่งนั้นก็พังทลายลงไปสิ้นราวกับฝุ่นละอองต้องพายุโหมกระหน่ำตนหายไปกับตา

ต้องใช้เวลายาวนานเพียงใด ความแค้นนี้ของเขาจะได้รับการชำระ!

จรกาคิดแค้นเสียจนแทบหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือด ถึงแม้ว่าเขาจะหวังผลประโยชน์ในการอภิเษกเป็นคู่ครองกับนางบุษบา แต่ในใจเขาก็นึกรักบุษบาอยู่บ้างเพราะตั้งแต่ที่นางรับหมั้น นางก็หาได้มีท่าทางรังเกียจเดียดฉันท์เลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังพูดคุยสนทนาด้วยอย่างเป็นมิตร ไม่เหมือนสตรีนางอื่นที่คอยจะดูแคลนเขาอยู่ร่ำไป แม้ว่านั่นจะเป็นการกระทำที่นางแสดงออกไปเพราะเอ็นดูเจ้าจรกาที่เยาว์วัยกว่าและเป็นคนที่สหายของนางแอบมีจิตปฏิพัทธ์ด้วยก็ตาม

หากแต่จรกาไม่รู้ และไม่ใคร่จะรู้ด้วย เพลานี้คิดแต่จะล้างแค้นเท่านั้น

จะต้องทำสิ่งใด! ต้องทำอย่างไร ข้าถึงจะชำระความแค้นนี้กับเจ้าได้! อิเหนา!

ครุ่นคิดไม่ตก สุดท้ายก็ได้คำตอบว่าตนหาได้กระทำสิ่งใดกับอิเหนาได้ ด้วยอิเหนานั้นเป็นถึงองค์ยุพราชแห่งวงศ์อสัญแดหวา วงศ์กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มีต้นวงศ์เทวาเป็นถึงเทพยาดาบนสรวงสวรรค์ ต่างจากเขาซึ่งเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็กๆ เท่านั้น

แค้น...แค้นนัก...

ระตูจรกาได้แต่เก็บงำความแค้นนี้ไว้กับตัว ขณะที่อิเหนาและบุษบาหายไปจากเมืองดาหาตั้งแต่วันนั้น หาได้มีผู้ใดพบพานนับแรมปีแม้ว่าท้าวกุเรปันจะส่งเหล่าไพร่พลออกตามหาพระโอรสมาโดยตลอดก็ตาม

แต่นั่นก็หาใช่สิ่งที่จรกาจะสนใจ นอกเสียจากเก็บตัวอยู่แต่ยังเมืองของตน ไม่พบหน้าพบตาผู้ใดด้วยเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้นนัก จากที่ถูกผู้คนล้อเลียนให้เจ็บช้ำ มาบัดนี้กลายเป็นว่าเป็นที่เวทนาอยู่ไม่น้อย อิเหนาซึ่งเป็นตัวต้นเรื่องถูกประณามว่าไร้ยางอาย อีกทั้งยังตระบัดสัตย์ กลืนคำพูดของตนที่เป็นฝ่ายถอนหมั้นแต่สุดท้ายก็มาลักพาตัวบุษบาไป

เรื่องนี้ทำให้ท้าวกุเรปันร้อนพระทัยเป็นอย่างยิ่ง ในเมื่อทรงรู้ดีว่าพระโอรสของตนกระทำผิด จึงหมายจะไถ่โทษให้อิเหนาไม่ถูกบริภาษด้วยการไปขอนางจินดาส่าหรี พระธิดาของท้าวสิงหัดส่าหรี พระญาติของตนให้มาเป็นมเหสีของจรกาแทน

เรื่องราวเหมือนจะจบ แต่ทว่า...ดวงใจอันบอบช้ำของจรกานั้นหาได้รับการเยียวยาเลยแม้แต่น้อย ครั้นอิเหนาและบุษบากลับมายังกุเรปันและอภิเษกสมรสเป็นคู่ครอง จรกาก็ยิ่งใจร้าวรานดั่งแก้วร้าวที่ไม่มีวันสมาน

เวลาผ่านไปชั่วชีวิต ความแค้นนี้ก็หาได้รับการบรรเทาเลยแม้แต่น้อย กระทั่งเรือนผมดำขลับแปรเปลี่ยนเป็นสีขาว ผิวหนังเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลา ดวงตาฝ้าฟางมองสิ่งใดไม่ชัดเจนอีกต่อไป กระนั้นความแค้นก็ยังคงอยู่ตราบจนลมหายใจเฮือกสุดท้ายของชีวิต

อิเหนา... เจ้ากับข้า ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจอยู่ร่วมโลกกันได้ แม้ว่าชาตินี้ข้าจะถูกเจ้าช่วงชิงน้องบุษบาไป แต่ชาติหน้าฉันใด ขอให้กงเกวียนกำเกวียนหนุนนำให้ข้าได้นางกลับคืน

โอ้...องค์เทวดาเจ้าขา หรือปีศาจอสุรกายตนใด หากได้ยินคำขอของข้าแล้วไซร้ โปรดเห็นใจดลบันดาลให้ข้าได้สมปรารถนา

ขอให้สมปรารถนา...

ชาติหน้าฉันใดขอให้สมปรารถนา...

ระตูจรกา...

 

เมื่อคืนก็ฝันอีกแล้ว แต่รอบนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีกับความฝันสักเท่าไรเลย ตั้งแต่ที่ฝันจนตกใจตื่น ร้องเรียกหาพี่อินทร์เสียงหลงในวันนั้น ผมก็ไม่รู้สึกดีกับความฝันที่เกี่ยวข้องกับอดีตชาติอีก แต่ที่รู้สึกไม่ดียิ่งกว่าก็คือรอยแดงๆ บนหน้าอกของผมที่ตอนนี้ดูเหมือนจะค่อยๆ แผ่ขยายพื้นที่มากขึ้น

ตอนแรกก็มีแค่รอยเหมือนเล็บข่วนที่พี่วิญญูเห็น จากนั้นก็เริ่มแตกกิ่งก้านสาขามากขึ้นเรื่อยๆ จนดูเหมือนรากต้นไม้ ผมก็ไม่ได้นิ่งนอนใจหรอกนะ รีบไปหาหมอตั้งแต่ที่เห็นว่ามันเริ่มลามจนมีความกว้างขนาดเท่าฝ่ามือ หมอก็ไม่สามารถวินิจฉัยได้เหมือนกันว่าผมเป็นอะไร ได้แต่บอกว่าอาจจะแพ้อะไรสักอย่าง ซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแพ้อะไร ตัวผมเองก็ไม่เคยแพ้อาหารหรือฝุ่นละอองใดๆ ที่มีผลกระทบกับผิวหนังมาก่อนด้วย สุดท้ายเลยกลายเป็นสรุปว่าผิวแตกลายแทนเสียอย่างนั้น

ผมก็เลยได้ยาทากลับมาหลายขวด วันนี้ก็ครบอาทิตย์หนึ่งแล้วที่มีอาการนี้ แต่ทายาไปก็ไม่ช่วยอะไรทั้งนั้น เพราะนอกจากจะไม่ทำให้รอยมันลด ยังแตกลายมากขึ้นจนลามไปยังหัวไหล่ และตอนนี้ก็เริ่มลามลงมาที่ต้นแขนแล้ว

ผมมองร่างกายเปล่าเปลือยของตัวเองหน้ากระจกแล้วก็ได้แต่กลุ้มใจ ผิวเนียนๆ ที่พี่อินทร์ชอบลูบ ตอนนี้แม้แต่มองก็ยังไม่น่ามองเลย แน่นอนว่าผมไม่บอกให้เขารู้หรอกว่าผมเป็นอะไรแบบนี้ กลัวว่าถ้าหากเขาเห็นว่าผมไม่น่าดูเหมือนเมื่ออาทิตย์ก่อนแล้ว เขาจะไม่อยากแตะต้องตัวผมขึ้นมา

ยังไงก็ต้องเก็บเป็นความลับ ส่วนในระหว่างนี้ก็ต้องหาวิธีรักษาให้ได้...

ผมสวมเสื้อแล้วออกจากห้องไปยังโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยตามที่หมอนัด ซึ่งผลก็ออกมาเป็นอย่างเคยคือไม่สามารถวินิจฉัยได้ และก็ได้ยากลับมาทาอีกเช่นเคย แต่มันไม่เหมือนเดิมตรงที่ระหว่างเดินออกจากโรงพยาบาล ผมก็เจอคนที่ไม่สมควรจะเจอเข้า

“อ้าวน้องจิ มาทำอะไรที่โรง’บาลเหรอ”

...พี่วิญญู

เขาถามผมพร้อมกับรอยยิ้ม ผมอดแปลกใจไม่ได้เหมือนกันนะว่าทำไมเขาถึงยังกล้าทักทายผมอยู่ทั้งที่รู้ว่าพี่อินทร์หึงหวงผมอย่างกับอะไรดี คงเป็นเพราะตอนนี้พี่อินทร์ไม่ได้อยู่ด้วยล่ะมั้ง เขาถึงได้ทักทาย

“จิมาทำธุระครับ”

ผมก็ตอบไปตามมารยาท ไม่บอกรายละเอียดเพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่เขาควรรู้ ทว่าสายตาของพี่วิญญูกลับมองไปยังถุงยาที่ผมถือไว้ในมือแล้วเป็นที่เรียบร้อย

“ไม่สบายเหรอ เป็นอะไรล่ะ”

ผมรีบดึงถุงยาไปซ่อนไว้หลังตัวเองทันที ไม่ใช่แค่พี่อินทร์หรอกที่ผมไม่อยากให้รู้ คนตรงหน้าหรือใครๆ ก็เหมือนกัน ผมไม่อยากให้ใครรู้ทั้งนั้น

“ไม่มีอะไรครับ จิขอตัวก่อนนะ”

ผมตัดบทแล้วรีบเดินออกจากตรงนั้นทันที แต่เพราะรีบร้อนเกินไปเลยทำให้ถุงยาหลุดมือหล่นลงบนพื้น ผมหันไปทิ้งตัวลงนั่งยองเก็บของถุงอย่างกลับเข้าไปในถุงตามเดิม พี่วิญญูที่เห็นเหตุการณ์อยู่ก็เข้ามาช่วย

“ไม่เป็นไรครับ จิเก็บเอง”

ผมรีบบอก มือก็รีบเก็บ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิดเมื่อพี่วิญญูหยิบยาหลอดหนึ่งขึ้นมาอ่าน

“เป็นโรคผิวหนังเหรอ”

ผมเงยหน้ามองเขาทันควัน ก่อนแย่งยาในมือเขาคืนมาโดยไม่พูดอะไร

ต้องรีบไป...

ต้องรีบไปจากที่นี่...

ทว่าพี่วิญญูกลับคว้าข้อมือผมเอาไว้ พอผมเหลือบมองหน้า เขาก็ถือวิสาสะมาเลิกแขนเสื้อผมขึ้น รอยแดงที่ต้นแขนปรากฏให้เขาเห็นเต็มสองตา ก่อนเขาจะเบิกตาโต ครางออกมาเบาๆ

“นั่น...”

ดูท่าทางเขาตกใจมาก ผมเองก็ตกใจ รีบดึงแขนตัวเองกลับ ผุดลุกพรวด

“จิมีธุระ ไปก่อนนะครับ”

“เดี๋ยวสิน้องจิ”

เขาพยายามจะรั้งผมไว้ แต่ผมไม่อยู่แล้ว แค่พี่วิญญูเห็น ผมก็รู้สึกอับอายขึ้นมาจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ความรู้สึกเดียวกับตอนที่จรกาถูกใครต่อใครถ่มถุยเรื่องหน้าตาฉายวาบเข้ามาในจิตใต้สำนึกของผม ความอับอายนั้นทำให้ผมต้องเม้มปากแน่น น้ำตาคลอเบ้าอย่างไม่อาจห้าม ตอนนี้ชัดแล้ว...ชัดเลยว่ายังไงผมก็ให้พี่อินทร์รู้ไม่ได้

ไม่ว่าใครก็จะรู้เรื่องนี้ไม่ได้ทั้งนั้น!

 

ตอนนี้เข้าอาทิตย์ที่สอง ยาที่หมอให้มาหมดอีกแล้ว ปกติแล้วยาจะใช้ได้ประมาณหนึ่งเดือน แต่เพราะรอยบนตัวผมมันมีมากเกินไป แล้วผมก็วิตกจริตกลัวว่ามันจะไม่หายด้วย เลยโบกยาลงบนตัวแทนที่จะทา ตอนนี้นอกจากยาแล้ว โลชั่นลบรอยแตกบนผิวหนังอะไรที่เขาว่าดี ผมก็ไปซื้อมาใช้หมดจนพี่อินทร์แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมผมถึงได้ลุกขึ้นมาดูแลผิวพรรณตัวเอง ซึ่งก็แน่ล่ะว่าผมบอกเขาไปว่า...

“จิอยากให้พี่อินทร์แตะต้องตัวจิเยอะๆ”

...ผมอยากให้เขาทำอย่างนั้นจริงๆ แต่ไม่ใช่ช่วงนี้ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมพยายามหลีกเลี่ยงอยู่ เวลาที่เขาทำท่าเหมือนจะอยากทำอะไรกับผมตามอย่างเคย ผมมักจะแกล้งหลับ หรือไม่ก็อ้างเหนื่อยบ้าง ทำการบ้านบ้าง อ่านหนังสือบ้างไปตามเรื่อง จนเขาแปลกใจอยู่หน่อยๆ แต่ดีที่ไม่ได้ตอแยอะไร เพราะช่วงนี้พี่อินทร์เองก็มีโปรเจ็กต์วิชาหนึ่งที่เขาต้องทำเหมือนกัน และที่ผมดีใจที่สุดก็คือ...เขาไม่ค่อยได้กลับหอเพราะโปรเจ็กต์นี้

รู้สึกว่าจะต้องไปซ้อมการแสดงที่ตึกคณะกับเพื่อนจนดึกดื่น ผมก็ไม่ตามเขาหรอก อยู่ห่างๆ กันไว้อย่างนี้แหละดีแล้ว ตราบใดที่รอยพวกนี้ยังไม่หายไป อยู่ใกล้กันมันไม่เป็นการดีเลย สักวันเขาจะต้องเห็นแน่

วันนี้ก็เช่นกันที่เขายังไม่กลับหอ ผมกลับมาที่ห้องหลังจากแวะไปซูเปอร์มาร์เก็ตที่ห้างแถวมหาวิทยาลัยเพื่อซื้อของใช้จำเป็น ก่อนจะแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาออก

ช่วงนี้...ผมใส่เสื้อนักศึกษาแบบไม่พับแขน แทบจะเรียกได้ว่าแต่งกายถูกระเบียบเลยเถอะ ส่วนเหตุผลน่ะ ก็เพราะว่า...

สายตามองไปยังเงาสะท้อนของตัวเองที่ปรากฏอยู่บนกระจกเงาในตู้เสื้อผ้า รอยแดงๆ เหมือนรากต้นไม้กระจายจากหน้าอกไปยังต้นแขนทั้งสองข้าง และตอนนี้ก็ลามเลยลงมายังข้อพับแขนแล้ว

...นี่ล่ะ เหตุผลที่ผมต้องใส่เสื้อแขนยาวปกปิดมันเอาไว้

ผมคว้าเอาเสื้อแขนยาวที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตมาตัวหนึ่งแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ชำระล้างร่างกายอย่างเคย พอทายาและแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกจากห้องน้ำ จากนั้นก็ต้องผงะไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าพี่อินทร์กลับเข้าห้องมาพอดี

“วันนี้กลับเร็วจังเลยครับพี่อินทร์”

ผมทักเขาเพื่อลดความประหม่า รีบซ่อนหลอดยาลงในกระเป๋ากางเกงด้วย ปกติแล้วผมจะเอาไปเก็บไว้ตามกระเป่ากางเกงในตู้เสื้อผ้า แต่พี่อินทร์ดันโผล่พรวดเข้ามาแบบนี้ คงต้องหาจังหวะเอาของไปเก็บใหม่อีกที

“อื้ม วันนี้ซ้อมเสร็จเร็วน่ะ พี่เลยรีบกลับ”

เขาตอบ ก่อนจะถอดรองเท้าผ้าใบเก็บเข้าชั้น ให้ผมได้ยืนเงอะๆ งะๆ แล้วถามเขาขึ้นอีก

“แล้วพี่อินทร์กินอะไรมาหรือยัง”

ทำเป็นถามไปอย่างนั้นแหละ ดึกขนาดนี้แล้ว เขาน่าจะหาอะไรกินมาแล้ว

แต่เขากลับตอบในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความคิดผมเสียอย่างนั้น

“ยังหรอก พี่ไม่หิว อยากเจอจิมากกว่า”

คำพูดนั้นทำให้ผมยิ้มออก พี่อินทร์น่ารักกับผมเสมอถึงแม้ว่าช่วงนี้ผมจะไม่ให้เขาแตะเนื้อต้องตัวเลย เอาจริงๆ ผมก็รู้สึกผิดกับเขาอยู่เหมือนกันนะ แต่ก็นั่นแหละ ผมไม่มั่นใจว่าถ้าเขาเห็นแล้วมันจะเป็นไปในแง่ดีหรือแง่ร้าย ผมเลยไม่ให้เขาโดนเนื้อตัวเลยดีกว่า จะว่าผมกังวลไร้สาระก็ได้ แต่คนที่ถูกใครต่อใครดูถูกมาทั้งชาติอย่างผม ผมทนไม่ได้หรอกถ้าเกิดว่ารอยนี้ไม่หาย แล้ววันหนึ่งพี่อินทร์จะไปจากผมเพราะเรื่องนี้

ถ้าผมไม่ใช่จิระคนงามอีกต่อไป แล้วผมต้องสูญเสียเขา ผมทนไม่ได้จริงๆ...

ผมได้แต่ยิ้มบางๆ ให้เขา พี่อินทร์ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น นอกจากจะถอดเสื้อนักศึกษาออก พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นข้าวของเครื่องใช้ที่ผมซื้อมาบนโต๊ะใกล้ๆ พอดี

“วันนี้จิไปห้างมาเหรอ”

ผมพยักหน้า ลืมไปว่าไม่ได้บอกเขาก่อน ปกติเวลาไปไหน ผมจะบอกเขาทุกครั้ง ยกเว้นช่วงนี้ที่ไม่อยากให้เขาไปด้วย

“อืม จิไปซื้อของมานิดหน่อย”

พี่อินทร์ขมวดคิ้ว เดินไปแหวกๆ ถุงที่ผมซื้อมาดู ก่อนจะหยิบโลชั่นขึ้นมา

“ท้องเหรอจิถึงต้องใช้ของแบบนี้”

มันเป็นโลชั่นสำหรับผิวแตกลายงาของคุณแม่ตั้งครรภ์น่ะ ผมยกมือขึ้นลูบหลังคอตัวเอง แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ

“เห็นบล็อกเกอร์รีวิวว่ามันทำให้ผิวนุ่ม จิก็เลยลองซื้อมาใช้”

พี่อินทร์ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ พวกโลชั่นพวกนี้ เขาเห็นมาพักหนึ่งแล้ว ดูท่าทางน่าจะเริ่มชิน แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่ผมซื้อโลชั่นสำหรับผิวแตกลายงามา เขาเลยคงอดถามไม่ได้

“แล้วทำไมจิซื้อแขนยาวมาเยอะแยะเลย”

พี่อินทร์รื้อถุงอีกใบดู แต่อันนี้พอผมเห็นแล้วก็รีบพุ่งพรวดไปแย่งถุงคืนเพราะเสื้อที่ซื้อมามันเยอะเสียจนน่าสงสัย อะไรไม่ว่า ในนั้นมีถุงยาจากโรงพยาบาลด้วย ให้เขาเห็นไม่ได้หรอก!

การกระทำนั้นทำให้เขามองผมอย่างงุนงงทันควัน ผมเลิ่กลั่กไป ก่อนคิดคำแก้ตัวได้

“คือ...ช่วงนี้จิขี้หนาวน่ะครับ เลยซื้อเสื้อแขนยาวมาไว้ใส่นอน”

โกหกคำโต ร้อนขนาดนี้ ใครมันจะไปขี้หนาว ถ้ารอยพวกนั้นไม่ลามไปตามแขนอย่างนั้น ผมก็ไม่ใส่หรอก ส่วนพี่อินทร์...ตอนนี้เรียวคิ้วเขาขมวดมุ่นเข้าหากันเลย ผมกลืนน้ำลายเอื้อก กลัวเหลือเกินว่าเขาจะจับพิรุธได้ หรือสงสัยในอะไรที่ผมไม่อยากให้เขารู้ กระทั่งเขาเอ่ยปากขึ้น

“หรือจิจะไม่สบาย?”

ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจที่เขาเข้าใจไปแบบนั้น ก่อนจะพยักหน้า

“นิดหน่อยครับ”

ผมไม่สบายจริงๆ อันนี้ไม่ได้โกหก แต่ไม่ได้เป็นไข้อะไรอย่างนั้น เป็นโรคผิวหนังต่างหาก แต่พี่อินทร์เข้าใจอย่างนั้นเพราะเขาเดินมาเอาหลังมืออังที่หน้าผากผมแล้ว

“เอ...ตัวก็ไม่ร้อนนี่”

ผมเม้มริมฝีปากแน่น เขาก็มองหน้าผมนิ่งเช่นกัน

“หรือจะเป็นหวัด?”

แกล้งไอตอนนี้ทันไหม คงไม่ทันแล้วสินะ ผมเลยได้แต่อึกๆ อักๆ

“คือจิ...”

ไม่รู้ว่าจะอ้างว่าอะไร แต่พี่อินทร์ก็ว่าออกมาก่อนแล้ว

“ถ้าจิหนาว พี่ปิดแอร์ก็ได้นะ คืนนี้เปิดพัดลมนอน”

ผมส่ายหน้าพรืดเลย เรื่องอะไรล่ะ ร้อนจะตาย ที่ต้องมาใส่เสื้อแขนยาวแบบนี้ก็เพราะไม่อยากให้เขาเห็นรอยน่าเกลียดพวกนั้นต่างหาก

“จิไม่เป็นไรครับ ถ้าปิด พี่อินทร์ก็ร้อนสิ”

“พี่ก็ไม่เป็นไร พี่กลัวจิหนาวมากกว่า”

“เดี๋ยวจิห่มผ้าหนาๆ นอนก็ได้”

พอผมออกอาการดื้อ พี่อินทร์ก็ไม่ตอแย เขายกยิ้มขึ้นมา ว่าอย่างกะลิ้มกะเหลี่ย

“ถ้างั้น...เดี๋ยวพี่ช่วยห่มอีกแรงนะ”

จากนั้นก็ดึงผมไปที่เตียง ดันตัวผมลงนอนหน้าตาเฉย รู้ตัวอีกที เขาก็มาขึ้นคร่อมเอาไว้แล้ว

“จิเคยได้ยินไหมว่าหนาวเนื้อต้องห่มเนื้อ”

หน้าตาก็กะลิ้มกะเหลี่ย ผมรู้เลยว่าเขาคิดจะทำอะไร ก็ทำอย่างที่เขาเคยทำทุกทีนั่นแหละ ปกติผมก็จะยอม แต่ไม่ใช่ในครั้งนี้ พอเขาล้วงมือเข้ามาสัมผัสที่หน้าท้องใต้เสื้อ ผมก็เบิกตาโพลง ดิ้นหนีอย่างรวดเร็ว

“พี่อินทร์อย่า...”

แต่พี่อินทร์ไม่ฟัง ฝังใบหน้าลงมายังซอกคอผม

“ไหนๆ ไม่สบายตรงไหน เดี๋ยวพี่หมออินทร์จะรักษาให้นะจ๊ะ”

แล้วก็พรมจูบไปทั่ว ทั้งที่ผมเคยสนุกกับการหยอกล้อแบบนี้ของเขาแท้ๆ แต่ครั้งนี้ไม่สนุกเลยสักนิด ผมดันเขาออกเป็นพัลวัน

“ไม่เอาพี่อินทร์ วันนี้จิไม่เล่น”

พี่อินทร์ก็ไม่หยุดอีก จับข้อมือทั้งสองข้างของผมไปขึงพรืดไว้เหนือหัว

“วันนี้อยากเล่นบทขัดขืนเหรอ”

เขาว่าขำๆ แต่ผมไม่ขำแล้ว เห็นหน้าเขา ผมก็รู้สึกไม่ดี แต่ไม่ใช่เพราะเขา ผมกำลังกลัวต่างหาก

กลัว... ถ้าเขาเห็นว่าผมไม่ได้เป็นจิระคนงามอีกแล้ว เขาจะรักผมน้อยลง

ถึงใครจะคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ แต่สำหรับผมที่ชาติก่อนถูกใครต่อใครประณามว่าอัปลักษณ์ มันทำให้ผมฝังใจมาก ในเมื่อชาตินี้เกิดมาหน้าตาดีแล้ว ผมก็อยากดูดีในสายตาเขาตลอดเวลา อยากเป็นจิระคนงาม ไม่ใช่จิระที่มีรอยแดงๆ ทั้งตัวแบบนี้

“เอ้า ขัดขืนก็ขัดขืน วันนี้เล่นบทจำเลยรักก็แล้วกันเนอะ”

พี่อินทร์ยังคงว่าด้วยน้ำเสียงระรื่น โน้มใบหน้าลงมาจูบเข้าที่ซอกคอผมแล้วด้วย มือก็ดึงคอเสื้อผมลงต่ำเพื่อพรมจูบ ผมใจหายวาบ ก่อนจะตะเบ็งเสียงออกมา

“พี่อินทร์! จิบอกว่าอย่า! ถอยออกไป!”

ไม่ใช่แค่ตะโกน ยังทั้งดิ้นทั้งถีบ พี่อินทร์คงคิดว่าผมเล่นในตอนแรก แต่พอผมเสียงดังขึ้น

“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้! พี่อินทร์!”

เขาก็ตระหนักขึ้นมาได้ทันทีว่าผมไม่ได้เล่นแล้ว พอเขาชะงัก ทำท่าเหมือนจะถามอะไรผมสักอย่าง ผมก็ผลักเอาออกสุดแรง เขาแทบไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด ได้แต่มองผมด้วยสายตางุนงง

“จิเป็นอะไร”

“ออกไป!”

ผมผลักเขาอีกครั้งสุดแรง เขาก็พยายามจะจับผมให้อยู่นิ่ง

“จิ... จิระใจเย็นๆ เป็นอะ...”

“จิบอกแล้วไงว่าให้หยุด!”

เพียะ!

จังหวะนั้นผมลุกขึ้นนั่งได้พอดี พลันก็สะบัดมือออกไปฟาดกับซีกแก้มของเขา เสียงดังของฝ่ามือกระทบกับใบหน้าทำให้ทั้งผมทั้งเขาชะงักงันไป วินาทีนี้เองที่ผมรู้สึกตัวว่าพลั้งมือทำอะไรลงไป พลันในใจก็พรั่นพรึงยิ่งกว่าเดิม

ผะ...ผมตบเขา...ตบหน้าเขา

ซีกหน้าข้างนั้นของพี่อินทร์แดงเรื่อขึ้นมาทีละน้อย เขาเองก็มองผมอย่างไม่เชื่อสายตาเช่นกัน

“พะ...พี่อินทร์...” ผมครางเรียก เขายังคงนิ่ง ผมเลยรีบพูดออกมา “จะ...จิไม่ได้ตั้งใจ จิขอโทษ...”

น้ำตาก็พลันไหลออกมาเป็นสายด้วย ผมเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะพลั้งมือไปแบบนี้ ขณะที่เขายกมือขึ้นลูบแก้มข้างที่ถูกตบของตัวเอง ผมเลยถลาเข้าไปหาเขา พูดประโยคเดิมๆ ซ้ำๆ ไม่หยุด

“จิไม่ได้ตั้งใจ ฮึก...พี่อินทร์ จิขอโทษ...”

ไม่ได้ตั้งใจ...

ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ...

มือผมสั่นระริก ตัวก็สั่น ทั้งตกใจ ทั้งเสียใจ ช็อกด้วยเช่นกัน พี่อินทร์ก็คงจะช็อกไม่ต่างกัน เขาคงไม่คิดว่าผมจะตบหน้าเขาเต็มแรงขนาดนั้น แต่เขาก็ได้สติก่อนเป็นคนแรก

“จิ... ไม่เป็นไร โอ๋ๆ นะ พี่ไม่เป็นไร”

เขาดึงผมไปกอดอย่างรวดเร็ว ลูบหัวลูบหลังเป็นการใหญ่ ส่วนผมเองก็ร้องไห้โฮยิ่งกว่าเดิม

“จะ...จิขอโทษครับพี่อินทร์ ฮือ...”

“พี่ไม่โกรธๆ พี่รู้ว่าจิไม่ได้ตั้งใจ พี่ผิดเองที่เล่นไม่เลิก”

เขากระซิบ จูบขมับ จูบหน้าผากผมเป็นการปลอบประโลม ผมรู้ว่าเขาไม่ได้โกรธเลยแม้แต่นิดเดียว แต่การที่ผมพลั้งมือไปทำร้ายเขาอย่างนั้นมันทำให้ผมรู้สึกแย่

แย่...แย่มาก ทั้งรู้สึกแย่กับรอยบนตัว แย่กับการกระทำของตัวเอง แย่ที่ทั้งๆ ที่ผมเป็นฝ่ายผิด เขาก็ยังดีกับผมแบบนี้

รู้สึกแย่มากเลย...

“จิขอโทษ...”

“พี่ไม่โกรธครับคนดี ไม่ต้องร้องแล้วนะ ยิ้มๆ”

พี่อินทร์ผละออกมา ใช้นิ้วเช็ดน้ำตาให้ผมเป็นการใหญ่ เขายิ้มกว้าง สีหน้าไม่ได้ดูผิดแผกไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย จะมีก็แต่ผมนี่แหละที่ใจไม่ดีเลย

“แต่จิ...”

“จิไม่ต้องขอโทษแล้ว พี่ไม่โกรธ ยังรักจิเหมือนเดิมนะ นิ่งซะๆ”

เหมือนเขารู้เลยว่าผมกลัวอะไร พอพูดมาอย่างนั้น ผมก็ค่อยสงบลงได้ แต่ก็ไม่วายเหลือบมองซีกแก้มของเขาที่ยังมีรอยนิ้วระเรื่อ

“จิไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะพี่อินทร์”

พี่อินทร์ยิ้มมาอีกครั้ง “พี่รู้ พี่เล่นไม่เลิกเอง สมควรโดนแล้ว จิบอกแล้วนี่เนอะว่าไม่สบาย ยังจะไปแหย่อีก”

กลายเป็นว่าเขาโทษตัวเองเสียอย่างนั้น ถึงจะสงบลงแล้ว แต่ผมก็ไม่สบายใจเลย ทว่าพี่อินทร์กลับยิ้มออกมา

“นอนนะจิ เดี๋ยวพี่กล่อม ไม่ต้องคิดมากนะ”

พลันดึงตัวผมเอนลงนอน ตระกองกอดไว้ ลูบหลังลูบไหล่เบาๆ ในช่วงแรกผมก็ยังเกร็งๆ อยู่ แต่พอผ่านไปสักพักแล้วเห็นว่าพี่อินทร์ทำตัวเหมือนปกติทุกอย่าง ผมก็ค่อยๆ สบายใจขึ้นมา ก่อนจะซุกหน้าลงบนอกเขา พึมพำเสียงเบา

“ขอบคุณที่ไม่โกรธจินะครับ”

“พี่รักจิมากขนาดนี้ จะโกรธลงได้ไงหืม?” เขาว่ายิ้มๆ ก่อนจูบลงมาบนริมฝีปากผม “นอนนะคนดี คืนนี้พี่ขอให้ฝันดีนะครับ”

พี่อินทร์...

ผมโผเข้าหา กอดกระชับเขาแน่น นอกจากพ่อแม่ที่ตายไป แล้วก็ลุงกับป้าที่เลี้ยงดูผมมา ในชีวิตนี้คงไม่มีใครรักผมได้มากเท่าพี่อินทร์อีกแล้วล่ะ

ขอบคุณ... ขอบคุณครับ...

ขอบคุณที่ยังรักจิเหมือนเดิมทั้งที่จิทำตัวงี่เง่า

ขอบคุณพี่อินทร์จริงๆ...

 
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 23★อิเหนาของจรกา[17.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 19-05-2018 22:58:18
Chapter 24: โรคผิวหนัง[2]


[Intara’s Part]

จิระหลับไปแล้ว คืนนี้ดูหลับยากเป็นพิเศษ ผมทั้งกล่อมทั้งโอ๋อยู่เป็นชั่วโมงกว่าที่เขาจะสบายใจแล้วผล็อยหลับไป ผมก็รู้อยู่หรอกว่าทำไมเขาถึงหลับยาก ก็เล่นตบหน้าผมเต็มแรงขนาดนั้น เขาคงจะทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วข่มตาหลับลงได้หรอก จริงๆ หลับไปทั้งน้ำตาด้วยซ้ำ ผมเห็นแล้วก็สงสาร ความเจ็บแปลบบนใบหน้านี่หายไปเลยตอนเห็นน้ำตาของเขา

จิระไม่ได้ตั้งใจ...ผมรู้ เขาพลั้งมือ เป็นเพราะผมไปหยอกเขาเล่นไม่เป็นเรื่องเองแหละ เลยโดนฟาดเข้าให้ ก็สมควรแล้วล่ะ จิระก็บอกอยู่ว่าไม่เล่นๆ

แต่ว่า... การที่ผมเล่นไม่ดูตาม้าตาเรืออย่างนั้น มันก็ทำให้ผมเห็นอะไรบางอย่างที่จิระปิดบังมาตลอดช่วงนี้ ความจริงผมสังเกตมาพักหนึ่งแล้วว่าจิระมีอะไรปิดบังผม ซึ่งการที่เขาทำเหมือนกับว่าไม่อยากให้ผมรู้ ผมเลยแสร้งทำเป็นไม่รู้มาโดยตลอดทั้งที่อยากรู้ใจแทบขาด ที่ทำแบบนั้นก็เพราะกลัวว่าถ้าผมไปคาดคั้นเอาคำตอบจากเขา เดี๋ยวเขาจะโกรธผมเข้าให้

และวันนี้...ผมก็ได้รู้แล้วว่าเขาปิดบังอะไรไว้

รอยแดงบนหัวไหล่และแนวไหปลาร้า...

ไม่รู้หรอกว่าเป็นรอยอะไร แต่มันดูน่ากลัวมาก ถ้าผมไม่ไปดึงคอเสื้อเขาอย่างนั้นก็คงไม่เห็น และที่คิดว่ามันเป็นสิ่งที่จิระปิดบังนั่นก็เพราะว่าช่วงนี้เขาซื้อโลชั่นบำรุงผิวมาใช้มากพิเศษ ไม่สิ...บอกว่ามากเป็นพิเศษไม่ได้ เขาไม่เคยใช้ของอะไรพวกนี้เลยดีกว่า ตอนผมเห็นขวดโลชั่นไซส์บิ๊กวางอยู่บนขอบอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ ผมก็แปลกใจจนอดถามไม่ได้เหมือนกัน แต่พอเขาตอบว่าอยากให้ผมสัมผัสเขาบ่อยๆ ผมก็ไม่ถามอะไรต่อ นอกจากจะดีใจเท่านั้นที่เขาคิดถึงผม

ทว่า...ความจริงแล้วไม่ใช่ เขาไม่ได้อยากให้ผมสัมผัสเลย ทุกครั้งที่แตะต้องเนื้อตัว เขาก็จะบ่ายเบี่ยงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตอนแรกผมก็หวั่นใจเหมือนกันว่าเขาจะเบื่อผมแล้ว แต่พอมารู้ความจริงแบบนี้ ผมก็ค่อยเบาใจหน่อย

เบาใจจากเรื่องกลัวเขาจะเบื่อผมมาหนักใจเรื่องผิวของเขาแทน

รอยนั่นมันเป็นรอยบ้าอะไร...

หนักใจไม่พอ กังวลใจด้วย เพราะดูก็รู้ว่าจิระกังวลใจ ตอนเขาหลับไปเมื่อกี้ ผมลูบๆ ตามตัวเขาก็เจอเข้ากับหลอดยาในกระเป๋า

มันเป็นยารักษาโรคผิวหนัง...

ไม่รู้หรอกว่ารักษาอาการอะไรที่เกี่ยวกับผิวหนัง รู้แต่ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ที่เขาปิดบังผมอย่างนี้ พอเขาหลับสนิท ผมก็ย่องออกจากห้องไปเรียกไอ้บุศย์ บอกมันว่าชวนไปกินข้าว แต่จริงๆ แล้วมีเรื่องอยากปรึกษามันมากกว่า ไอ้บุศย์ก็ทำท่าจะด่าผมอยู่เหมือนกันที่ไปเรียกมันดึกๆ ดื่นๆ อย่างนั้น ทว่าพอเห็นสีหน้าผมแล้ว มันก็โทรตามสรัลมาด้วย ก่อนที่เราทั้งสามจะไปนั่งหัวโด่อยู่ในร้านข้าวต้มกุ๊ยใกล้ๆ หอ

ผมวางหลอดยาลงบนโต๊ะ ถามพวกมันด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“คิดว่าไง”

สรัลเป็นคนแรกที่คว้าหลอดยานั่นไปดู ก่อนจะถามผมกลับ “ยารักษาโรคผิวหนัง จิเป็นขี้กลากเหรอพี่อินทร์”

ผมถอนหายใจ สวนกลับด้วยน้ำเสียงเครียด “ถ้าเป็นขี้กลากก็ดีสิ รักษาไม่ยาก แต่รอยที่พี่เห็นมันไม่ใช่”

ไอ้บุศย์นิ่วหน้า วางตะเกียบลงบนโต๊ะ “แล้วมันเป็นรอยยังไง”

“ก็เป็น...” ผมนิ่งคิดไปครู่ “รอยแดงๆ เหมือนรอยผิวแตก แต่มันเหมือนรากต้นไม้”

ว่าตามที่เห็นนั่นแหละ และนั่นก็ทำให้สองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผมขมวดคิ้วมากขึ้นไปอีก

“เป็นยังไงวะรอยเหมือนรากต้นไม้”

ไอ้บุศย์ถาม ผมก็ไม่รู้จะอธิบายให้มันฟังยังไงเหมือนกัน เลยคว้าเอากระดาษกับปากกาสำหรับจดเมนูอาหารมาวาดให้ดู

“เป็นรอยแตกแขนงแบบนี้อะ กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร รู้แต่ว่ารอยแม่งโคตรน่ากลัวเลย แล้วเป็นเต็มหน้าอกกับหัวไหล่จิด้วย ไม่รู้ว่ารอยมันลามไปถึงไหน กูไม่กล้าขอดู”

จริงอย่างที่ปากว่า ผมไม่กล้าขอดูเพราะเขาทำท่าเหมือนไม่อยากให้ผมรู้ สรัลหยิบกระดาษที่ผมวาดไปดู จากนั้นก็ขมวดคิ้ว

“ถ้าเป็นอย่างที่พี่อินทร์ว่า หนูว่าควรรีบพาจิไปรักษานะ เผื่อเป็นอะไรร้ายแรง”

ผมก็คิดแบบนั้นนั่นแหละ แต่จิระไม่อยากให้ผมรู้นี่สิ

“มีวิธีอะไรเกลี้ยกล่อมให้จิบอกพี่เรื่องนี้บ้างไหมล่ะถ้าพี่ไม่ไปพูดเอง”

สรัลนิ่งไป ทำท่าเหมือนคิด ไอ้บุศย์ก็ถอนหายใจออกมา มันก็คงเป็นห่วงน้องรหัสตัวเองเหมือนกัน แต่ทว่าขณะที่พวกเรากำลังคิดหาทางช่วยจิระอยู่นั้น แขกไม่ได้รับเชิญก็ปรากฏตัวขึ้นโดยที่ไม่มีใครสักคนตั้งตัว

“ไม่คิดเลยนะว่าจะตั้งวงกินข้าวกันดึกขนาดนี้”

หันไปตามเสียง ผมก็ต้องไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรงเมื่อเห็นว่าคนที่โผล่มานั้นคือ...

“จิณห์”

นี่มันคงจะมาดักรออยู่แถวๆ หอผมอีกแล้วล่ะสินะ!

รู้อยู่หรอกว่ามันมาดักรอ แต่ไม่เคยเห็นด้วยตัวเองสักที มีแต่ไอ้บุศย์กับสรัลคอยมาบอกตลอด แต่วันนี้มันกลับโผล่มาหาเองซึ่งๆ หน้า ทำให้ผมอดระแวงไม่ได้เลย ขณะที่มันไม่ยี่หระอะไรแม้แต่น้อย ยกยิ้มแล้วเดินมานั่งยังเก้าอี้ว่างข้างๆ ผมอย่างถือวิสาสะ

“คุยอะไรกันอยู่เหรอ ดูน่าสนุกนี่”

ฉับพลันสีหน้าของไอ้บุศย์กับสรัลก็ดูตึงเครียดขึ้นทันตา มันสองคนก็ดูไม่ค่อยสบอารมณ์เหมือนกันที่เจอไอ้จิณห์ในตอนนี้ แต่คนที่ดูจะรำคาญใจมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นผมนี่แหละ

“มาทำไม”

ถามออกไปก็ไม่ได้คำตอบ จิณห์เหลือบมามองผม ว่ายิ้มๆ

“ห่างเหินกันจังเลยนะ ทั้งๆ ที่ชาติที่แล้วเป็นผัวเมียกันแท้ๆ”

คำนี้แหละที่ทำให้ผมหัวเสีย ผมโคตรเกลียดเวลามันพูดอย่างนี้เลย เพราะผมกับมันน่ะ ไม่ได้เป็นอะไรกันแม้แต่น้อย ที่อิเหนาอภิเษกกับจินตะหราวาตี มันเป็นความผิดพลาดจากการตัดสินใจของอิเหนา ใครๆ ก็รู้!

แต่ใครๆ ที่ว่าหมายถึงทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ พอผมไม่พูดอะไร ได้แต่มองหน้าจิณห์อย่างขุ่นเคือง มันก็เอื้อมมือไปคว้าเอาหลอดยาบนโต๊ะมาดู

“แล้วนี่ใครเป็นขี้เรื้อน”

ผมขบกรามแน่น ไม่มีใครตอบ แต่จิณห์ก็เหมือนจะรู้แล้วว่ายาหลอดนั้นเป็นของใคร

“อ้อ ที่แท้ก็เป็นของหมาขี้เรื้อนจรกา”

ผมถึงกับทนไม่ไหว กระชากคอเสื้อมันมาไว้ในมือแล้วถามเสียงแข็ง

“มึงต้องการอะไร”

“พี่อินทร์อย่า...”

สรัลรีบปราม เช่นเดียวกันกับไอ้บุศย์ที่ลุกขึ้นมาคว้าไหล่ผม

“ใจเย็นก่อนไอ้อินทร์ ปล่อยมัน”

ผมไม่ยอมปล่อยในทันที แต่สุดท้ายก็ยอมคลายมือเพราะไอ้บุศย์บีบไหล่เป็นการเตือนให้ผมสงบสติอารมณ์ ผมพ่นหายใจออกมาเต็มแรง

ยิ่งอารมณ์ไม่คงที่เพราะเป็นห่วงจิระอยู่ ยังจะมาเจอไอ้เวรนี่ให้อารมณ์เสียอีก มันต้องการอะไรของมัน!

แต่จิณห์ไม่คิดที่จะตอบคำถามผมสักนิด พอเป็นอิสระ มันก็จับคอเสื้อให้เข้าที่ ว่าออกมาอย่างไม่ยี่หระ

“สามวันจากนารีเป็นอื่นก็ว่าแย่แล้ว ไม่คิดเลยว่าชาติใหม่ก็ลืมสิ้นว่าเคยเป็นอะไรกันด้วย”

มันยังคงพูดพล่ามไม่เลิก คราวนี้ไม่ได้ค่อนขอดแค่ผม แต่หมายถึงการที่ผมไปแย่งชิงบุษบาอย่างไอ้บุศย์จากจรกามาด้วย ผมว่าผมจะทนไม่ไหวกับมันแล้ว อยากรู้นักว่ามันจะเอาอะไรจากผมกันแน่ แต่ก็คงจะไม่ได้คำตอบเช่นเคยเพราะมันพลิกหลอดยาไปมาแล้วพึมพำอยู่คนเดียว

“ยาทาแผลเป็น”

มันว่า จากนั้นก็คว้าเอากระดาษที่ผมวาดรูปขึ้นมาดู

“อันนี้คงเป็นรอยแผลเป็นสินะ...” พลันหันมามองผม ยกยิ้มขึ้นอย่างมีเลศนัย “แต่ไอ้รอยนี่รักษาไม่หายหรอก ทิ้งไปเถอะไอ้ยานี่น่ะ ไร้ประโยชน์”

แล้วมันก็โยนหลอดยาทิ้งลงบนโต๊ะเหมือนเดิม ปล่อยให้ผมต้องถามเสียงเครียด

“หมายความว่าไง”

จิณห์ไม่บอก หัวเราะในลำคอออกมา พลันทุกสายตาจับจ้องไปยังมันเป็นตาเดียว และท่าทางกวนประสาทของมันก็ทำให้ผมหัวเสียหนัก

“กูถามว่าหมายความว่าอะไร”

ผมเดือดดาลขึ้นมาอีกแล้ว มือกำแน่นทันควัน ขณะที่ไอ้บุศย์กับสรัลก็มองผมสลับกับไอ้จิณห์เพราะกลัวว่าผมจะตะบันหน้ามันเข้าให้ แต่ไอ้คนตรงหน้าผมไม่ได้ดูกลัวเลยแม้แต่น้อย เอาแต่หัวเราะเย้ย

“อยากรู้เหรอ”

เออ! อยากรู้! อยากรู้ว่ามันเป็นรอยอะไร ทำไมถึงรักษาไม่หาย อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจิระ อยากรู้ทุกอย่างที่มันรู้ เพราะผมจะได้หาทางช่วยจิระได้

แต่ไอ้จิณห์ก็ยียวนเสียจนผมแทบจะทนไม่ไหว

“ถ้าอยากรู้นักก็ทำตัวให้สมกับเป็นพระสวามีหน่อยสิ”

“จิณห์!”

“เรียกประไหมสุหรีจินตะหราวาตีทำไมเหรอ”

ทนไม่ไหวแล้ว...

ผมทนไม่ไหวแล้ว!

โผล่หน้ามาก็เอาแต่พูดในเรื่องที่ผมไม่อยากได้ยิน ผมเลยทุบโต๊ะดังปัง ทำเอาคนรอบข้างสะดุ้งโหยงไปตามๆ กัน แต่ผมไม่สนใจ เอาแต่จับจ้องจิณห์เขม็ง ก่อนจะถามเสียงต่ำ

“ถ้ามึงยังเล่นลิ้นอีก กูต่อยมึงคว่ำแน่ๆ”

ใครๆ ก็ดูรู้ว่าผมกำลังใช้ความอดทนอย่างถึงที่สุด จิณห์ยกยิ้มมุมปาก เอื้อมมือมาแตะลงเบาๆ ที่ซีกหน้าผมข้างที่โดนจิระตบ

“ไม่คิดเลยว่าจะใจร้ายกับมเหสีเอกได้ถึงขนาดนี้”

“เลือกเอาว่าจะบอกหรือจะไปจากที่นี่”

พอผมพูดไปอย่างนั้น จิณห์รู้ทันทีว่าถ้าไม่ยอมตอบคำถามในสิ่งที่ผมอยากรู้สักที ผมจะโยนเขาออกไปนอกร้านแน่ เขาก็เลยชักมือกลับ เปลี่ยนมาเท้าคางลงบนโต๊ะ ถอนหายใจ

“เฮ้อ...”

“จิณห์” ยังคงเล่นลิ้นอยู่ ผมเลยเรียกมันเสียงเรียบ พอมันเหลือบมามอง ผมก็ว่าต่อ “อยากได้อะไรก็จะให้ แต่บอกกูมาว่าที่มึงพูดมันหมายความว่าอะไร”

เท่านั้นจิณห์ก็ยิ้มกว้าง เหมือนกับว่ารอให้ผมพูดคำนี้อยู่นานแล้ว จากนั้นก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ผมเสียจนแทบชิด พลันกระซิบเบาๆ

“เคยได้ยินสำนวนที่ว่า ‘สาบานขอให้ฟ้าผ่าตายไหม’”

ผมชะงัก ไอ้บุศย์กับสรัลก็ชะงัก ขณะที่จิณห์ส่งเสียงหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นว่าผมเริ่มเข้าใจอะไรๆ ขึ้นมาได้

สาบานขอให้ฟ้าผ่าตาย...

อย่าบอกนะว่า...

จิระ!

---------------------------------------

ปมที่สองเริ่มมาแล้ว ตอนนี้ข้อยตั้งหม้อต้มน้ำเตรียมหย่อนมาม่าแล้วก้ะ 555

ตอนหน้าม่าแน่นอน แต่ไม่นาน ใจบางๆ เป็นกระดาษ เบาๆ ก็ขาด เบาๆ ก็ปลิวก็อ่านได้ อ่านๆ ไปเถอะ ไม่ปวดร้าวมาก แค่มดกัดนิดๆ บอกเลยว่าไม่ต้องกลัวมาม่าหรอกค่ะ กลัวนังคนเขียนมันดองดีกว่า พอเข้าดราม่าทีไร เขียนช้าหรือไม่ก็ดองไปเขียนเรื่องอื่นทุกที ผีมาก 555

พรุ่งนี้ไว้มาลงตัวอย่างตอนหน้าให้นะคะ

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 24★โรคผิวหนัง[19.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 19-05-2018 23:15:28
 อยากจะพูดว่าหรออออออออออออ
ไปให้ถึงดาวอังคาร ขอให้มาม่าซองนี้เป็นหมูสับเลายังไม่พร้อมกับต้มยำน้ำข้น5555 ปมต่อไปต้องเกี่ยวข้องกับจิณแน่ๆเลย ก่อนคิดปมต่อไปแก้ปมนี้ก่อนดีกว่า//เตือนตัวเอง555555 อินโว้ยยย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 24★โรคผิวหนัง[19.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 19-05-2018 23:22:27
 :pig4:

นี่อยากจะเป็นทั้งโคนัน ทั้งโดราเอมอน คืออยากรู้ไปทั้งเรื่องแล้วอ่ะ
 :ling1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 24★โรคผิวหนัง[19.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-05-2018 23:25:35
 :ling3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 24★โรคผิวหนัง[19.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-05-2018 00:11:52
โอ้ยยยยยย น้องจิมันจะมีวิธีแก้มั๊ยเนี้ย :katai1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 24★โรคผิวหนัง[19.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 20-05-2018 01:39:49
พี่อินทร์ช่วยน้องด้วยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 24★โรคผิวหนัง[19.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 20-05-2018 02:26:05
 :ling3: ม่ามาแล้ว ฮืออ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 24★โรคผิวหนัง[19.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 20-05-2018 02:44:34
ทายว่าอินทร์กลัวจิตาย  เลยจะทำตัวตีห่างเพื่อให้จรกาไม่ผิดคำำสาบานมารักอิเหนา
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 24★โรคผิวหนัง[19.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 20-05-2018 04:24:01
ออหือ น่ากลัวนะ คำสาบานเนี่ย :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 24★โรคผิวหนัง[19.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 20-05-2018 07:58:01
มาม่าน้ำข้น
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 24★โรคผิวหนัง[19.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 20-05-2018 09:41:15
ไม่นะนว้องจิของปี้
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 24★โรคผิวหนัง[19.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 20-05-2018 10:15:06
แล้วจะแก้ยังไงเนี่ย ลุ้นมาก เดาว่าน่าจะมีคนช่วยได้
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 24★โรคผิวหนัง[19.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 20-05-2018 11:36:37
รำคาญนังจินตะหรามาก :katai1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 24★โรคผิวหนัง[19.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-05-2018 11:49:38
นี่มันคำสาบาน หรือ คำสาบแช่งกันแน่ฟะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 24★โรคผิวหนัง[19.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 20-05-2018 15:51:12
 :hao7:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 24★โรคผิวหนัง[19.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 20-05-2018 17:25:46
ยิ่งอ่านนี่ยิ่งอินว่าเป็นวรรณคดีต้นฉบับแล้วนะเนี่ย ฮ่าๆ ปมสองมาแล้วจิณห์ก็มาด้วยเรื่องยุ่งๆจะตามมาอีกเท่าไหร่เนี่ย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 24★โรคผิวหนัง[19.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 20-05-2018 18:44:57
 เป็นเพราะจรกาผิดคำสาบานใช่ไหม
จิระถึงเป็นแบบนี้
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 24★โรคผิวหนัง[19.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 20-05-2018 18:49:04
ทางพุทธ มีสอนว่าอย่ากล่าวคำสาบานใดๆ เพราะมันจะติดไปทุกชาติทุกภพ กรณีจินี่เหมือนกัน แค้นมาก รักมาก ล้วนทำให้จิตผูกมัด ยิ่งวาจาไปตอกย้ำยิ่งไปกันใหญ่ แต่มันก็มีวิธีแก้ง่ายๆ นะ ถอนคำสาบานให้หมดไง ง่ายเพียงพลิกผ่ามือ พระอาจารย์เคยให้ถอนคำสาบานใดๆ ที่ไปเผลอสาบานไว้ไม่ว่าในชาตินี้หรือชาติไหน ตั้งจิตให้มั่นกล่าวถอนเลย จบ

หวังว่าจิและอินทร์ที่อุตส่าห์ระลึกชาติได้จะเอาสติ ความมีวัยวุฒิมาแก้ปัญหานะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 24★โรคผิวหนัง[19.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 20-05-2018 19:04:14
Chapter 25: ตระบัดสัตย์[1]

[Intara’a Part]

“เคยได้ยินสำนวนที่ว่า ‘สาบานขอให้ฟ้าผ่าตายไหม’” พอผมไม่ตอบอะไร จิณห์ก็ส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะว่าต่อ “เคยสินะ”

ผมใจไม่ดีไปแล้ว ไม่รู้ว่าชาติก่อนจิระไปสาบานอะไรเอาไว้ ผลกรรมมันถึงส่งมาในชาตินี้ ผมนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง พยายามจับต้นชนปลายหาเรื่องที่มีแนวโน้มว่าจิระน่าจะเอาไปเป็นเรื่องสาบาน

ชาติก่อนจิระคือจรกา...

จรกาเกลียดอิเหนา ขุ่นแค้นมาตลอดทั้งชาติ

หรือว่า...การสาบานของจรกาจะเกี่ยวข้องกับผม!?

ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ เพราะนอกจากอิเหนาแล้วก็ไม่มีใครทำให้เขาขุ่นเคืองใจจนประกาศกร้าวไปทั่วว่าจะไม่เผาผีด้วยนี่นา ถ้าให้เดา มันคงเป็นเรื่องที่ผมลักพาตัวบุษบาและพังงานอภิเษกของเขาแน่ๆ

ถึงพอจะเดาได้ว่ามันเกี่ยวกับผมในชาติก่อน ทว่าผมก็ไม่รู้ว่าเขาสาบานไว้ว่าอะไร ถ้ารู้ว่าเขาสาบานอะไรไว้ บางทีผมอาจจะช่วยเขาได้

ไม่ใช่แค่ผมเท่านั้นที่คิดอย่างนี้ แม้แต่ไอ้บุศย์กับสรัลเองก็คิดเหมือนกัน ก่อนที่สรัลจะโพล่งขึ้นมา

“พี่อินทร์รีบไปถามจิแล้วพาไปถอนคำสาบานด่วนๆ เลย”

ไม่ต้องบอก ผมก็ต้องทำแน่ๆ ถ้าเป็นไปได้ จะทำมันตอนนี้เลยด้วย

แต่พอสิ้นเสียงของสรัล จิณห์ก็หัวเราะออกมา

“อะไร”

เป็นไอ้บุศย์ที่ถามอย่างหัวเสีย มันคงไม่ชอบเสียงหัวเราะของจิณห์พอๆ กับผมนั่นแหละ เพราะนอกจากจะฟังไม่รื่นหูแล้ว ยังรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่ามันเต็มไปด้วยความไม่น่าไว้ใจ ขณะที่จิณห์ไม่สนใจที่จะฟังเลยแม้แต่น้อย หัวเราะจนพอใจก็เท้าแขนลงบนโต๊ะ คว้าแก้วน้ำของผมที่ยังไม่ได้ดูดเลยสักอึดไปใช้หลอดคนเล่น

“ถ้าคิดว่าถอนคำสาบานแล้วจะจบก็ลองดู แต่ขอบอกก่อนนะ ชักช้าไม่ทันการ ตายอย่างเดียว”

ได้ยินแล้วผมก็ใจหายวาบ

ตายเหรอ? ทำไมล่ะ ในเมื่อถอนคำสาบานแล้ว ทำไมถึงตาย?

แต่ผมไม่ควรจะตื่นตูม คนที่กำลังพูดอยู่คือจิณห์ คนที่ผิดคำสัญญาและทำร้ายผมเกือบตายมาครั้งหนึ่ง ไม่ว่ายังไงก็ไว้ใจไม่ได้ โผล่มาอย่างนี้ยิ่งไว้ใจไม่ได้เข้าไปใหญ่ และดูท่าจะไม่ใช่แค่ผมด้วยที่ไม่ไว้ใจมัน ไอ้บุศย์เองก็มีสีหน้าน่ากลัวขึ้นมาก่อนมันจะถามแทนผม

“มึงรู้ได้ยังไง”

จิณห์หยักยิ้ม ว่าอย่างไม่ยี่หระ “เรื่องของพวกมึง ไม่เชื่อก็ตามใจ”

เป็นการยั่วประสาทที่ทำให้ผมกับไอ้บุศย์ต้องหายใจแรงพร้อมๆ กัน จนสุดท้ายก็เป็นไอ้บุศย์ที่ทนไม่ไหว

“ถ้ามึงไม่คิดจะช่วยก็ไสหัวไปจากตรงนี้เลย”

ปกติแล้วไอ้บุศย์เป็นคนใจเย็น มันจะไม่โกรธใครง่ายๆ ถ้าไม่เหลืออดจริงๆ ซึ่งคนที่ทำให้มันเหลืออดตลอดก็คือจิณห์นี่แหละ

...เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว

จู่ๆ ผมก็คิดถึงเรื่องในอดีตชาติขึ้นมา ก่อนจะได้สติกลับมาอีกครั้งเมื่อจิณห์ว่าขึ้น

“มึงก็ใจร้ายกับกูไม่เคยเปลี่ยน”

“คนที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรอย่างมึง ไม่จำเป็นต้องถนอมน้ำใจนักหรอก”

ไอ้บุศย์ว่า ดูท่าทางคงจะต้องเถียงกันอีกนานแน่เพราะสองคนนี้ก็ไม่ค่อยจะลงรอยกันมาตั้งแต่เมื่อชาติก่อน และใช่ ผมหมายถึงหลังจากที่ผมถูกพ่อในชาตินั้นบังคับให้แต่งงานกับทั้งสองคนเพราะไปทำเรื่องเสื่อมเสียเอาไว้ แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ตอนนี้ผมอยากรู้มากกว่าว่าจิณห์มันรู้ได้ยังไงว่าคำสาบานนั้นถอนคำสาบานไม่ได้

“ตกลงแล้วมึงรู้ได้ยังไง”

ในที่สุดผมก็ถาม จิณห์เอียงคอมามองผม ยกยิ้มบางๆ

“อยากรู้เหรอ” แล้วก็ถามด้วยน้ำเสียงยียวน “ลองพูดเสียงหวานๆ กับกูก่อนสิ”

ผมกำมือแน่น รำคาญใจอยู่ไม่น้อยที่ถูกต่อรองอย่างนี้ แต่ตอนนี้ผมยอม

“จิณห์ บอกมาว่ารู้ได้ยังไง”

จะว่าหวานก็ไม่ใช่ เพียงแต่ไม่ได้กระโชกโฮกฮากอย่างเคย จิณห์ยกยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง

“หวานได้เท่านี้เหรอ น่าผิดหวังจังนะพระสวามี”

“ถ้ามึงไม่บอกอีก กูต่อยมึงแน่ๆ”

ผมชักจะหมดความอดทนแล้ว จิณห์ยืดตัวขึ้น กลั้วหัวเราะในลำคอ

“ใจร้อนเหลือเกิน เออ บอกก็ได้ ที่กูรู้น่ะ เป็นเพราะ...” มันเว้นจังหวะไปครู่ พลันเหลือบมองหน้าผมอย่างมีเลศนัย “กูเคยมีรอยฟ้าผ่ามาก่อนน่ะสิ”

ผม ไอ้บุศย์ และสรัลมองหน้ากันทันที เรื่องนี้ไม่เคยมีใครรู้ และแน่นอนว่าผมไม่เชื่อมัน

“มึงรู้ไหมว่าทำไมกูถึงแทงมึง”

ผมนิ่งที่จู่ๆ มันก็เปลี่ยนเรื่องขึ้นมา เงียบไปได้ครู่ มันก็ว่าออกมาอีก

“เวลาคนที่ไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่รู้ว่าตัวเองจะตายเมื่อไร จะได้กลับมาเกิดอีกไหม มันก็จะมีความคิดชั่ววูบขึ้นมา”

“มึงกำลังจะบอกว่า...”

“กูผิดคำสาบาน คำสาบานที่เต็มไปด้วยความแค้นนี่มันน่ากลัวจริงๆ”

ผมนิ่งงัน... จิณห์ไม่ได้ผิดคำสาบาน แต่ผิด...

“มึงผิดคำสัญญา”

ไอ้บุศย์เป็นคนตอบแทน และใช่ มันแค่ผิดคำสัญญา ระหว่างผม ไอ้บุศย์ สรัล และมัน ไม่เคยสาบานอะไรร่วมกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว มีแค่การสัญญาเท่านั้นเมื่อก่อนที่ผมจะตายในชาติที่แล้วว่าจะกลับมาเกิดใหม่และขอให้พวกมันร่วมมือกันช่วยเหลือผมให้ได้ครองรักกับจรกา

มีแค่นั้น... แค่นั้นจริงๆ

หากแต่จิณห์กลับพูดในสิ่งที่พวกเราไม่เคยรู้

“กูก็ไม่ได้หมายความว่าสาบานร่วมกับพวกมึงสักหน่อยนี่”

“มึงหมายความว่า...”

“ก่อนตาย กูสาบานไว้ว่าชาตินี้ยังไงก็จะทำให้มึงเลิกรักจรกาก่อนที่มึงจะได้เจอมัน”

จิณห์หันมาตอบผมทั้งๆ ที่คำถามคำถามเมื่อกี้คือไอ้บุศย์ ผมนิ่งงันไป ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันจะเคยสาบานอะไรแบบนี้ไว้ด้วย ก่อนที่สายตาของมันที่มองผมจะดูหม่นลงไป

“องค์ประตาระกาหลาตรัสว่าเมื่อถึงเวลาอันสมควร พวกเราทุกคนจะได้พบกันใหม่ในชาตินี้ แต่กูก็ไม่คิดว่ามึงจะเจอจรกาเร็วขนาดนี้ ถ้ามึงเจอช้ากว่านี้อีกสักหน่อย กูมั่นใจว่าคนที่มึงรักจะต้องเป็นกู ไม่ใช่ไอ้เด็กเวรนั่น”

ผมนึกย้อนไปถึงตอนที่ผมถูกมันแทง ตอนนั้นเป็นช่วงก่อนเปิดเทอมปีการศึกษาใหม่ ไอ้บุศย์มาบอกกับผมว่าน้องรหัสมันคือใคร ตอนนั้นเองที่จิณห์เริ่มห่างหายไปกับพวกเราเพราะพ่อแม่มันบอกว่ามันป่วยหนัก ซึ่งพวกผมก็ไม่รู้ว่ามันป่วยเป็นอะไร แต่วันหนึ่งมันก็โผล่มา จากนั้นพวกเราก็ทะเลาะกันอย่างรุนแรงเพราะจู่ๆ จิณห์ก็มาบอกว่ามันจะไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้ว แต่จะทำทุกอย่างให้ผมไปเป็นของมัน ยอมรับเลยว่าตอนนั้นมันดูบ้ามาก และบ้ามากขึ้นไปอีกเมื่อจู่ๆ มันก็พุ่งเข้ามาแทงผมด้วยมีดปอกผลไม้ที่พกมา

และนั่น...ก็เป็นจุดสิ้นสุดความสัมพันธ์ระหว่างมันกับผม อันที่จริงผมก็รู้ว่ามันคิดอะไรกับผมมาโดยตลอด แต่ก็พูดมาตลอดเช่นกันว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะใจผมเป็นของจรกา ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนก็จะเป็นของจรกาตลอดไป ถ้ามันยอมรับไม่ได้ ก็อย่าสัญญาให้ได้มาพบพานกันในชาติใหม่ แต่สุดท้ายก็ลงเอยอย่างที่เห็น

ผมได้ยินความลับของมันก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไรหรอกที่มันจะทำอย่างนี้ ยิ่งได้ยินมันอธิบายเพิ่ม...

“ใครจะไปรู้ว่าการตระบัดสัตย์ ผลมันจะร้ายแรงถึงขนาดนี้ ตอนนั้นกูคิดว่ายังไงก็ตาย กูเลยจะเอามึงไปด้วย ในเมื่อกูไม่ได้มึง ใครก็ต้องไม่ได้มึงทั้งนั้น”

...ผมก็เข้าใจในความสิ้นหวังของมันทันที

“มึงมันโคตรเลวเลยไอ้จิณห์!”

ไอ้บุศย์ถึงกับลุกพรวด สรัลคว้าแขนมันไว้แทบไม่ทัน

“พี่บุศย์ใจเย็นๆ”

แล้วผมก็ต้องหันไปปรามมันด้วยอีกคน เพราะถ้าหากเรื่องที่จิณห์พูดเป็นความจริง ผมคงต้องพึ่งพามัน

“ไอ้บุศย์ ใจเย็นก่อน กูจัดการเอง” ไอ้บุศย์ยอมนั่งลงตามเดิม ผมเลยหันไปหาคนข้างๆ “แล้วทำไมมึงถึงรอด”

มันยกยิ้มขึ้นทันควัน “อยากรู้เหรอ” ผมไม่พูด จิณห์ก็ว่าต่อ “ถ้าอยากรู้ ก็ทำตามที่พูดไว้ก่อนสิ”

ทำตามที่พูด...

‘อยากได้อะไรก็จะให้ แต่บอกกูมาว่าที่มึงพูดมันหมายความว่าอะไร’

นึกถึงคำพูดก่อนหน้าของตัวเองขึ้นมาทันที วินาทีนี้เองที่ผมรู้ตัวทันทีว่าพลาดไปแล้วที่พลั้งปากออกไปอย่างนั้น ไอ้บุศย์กับสรัลมองหน้าผม พากันส่งสายตาเป็นเชิงว่า ‘ห้ามรับปากเชียว’ แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงผมก็ต้องรู้ให้ได้

ชีวิตของจิระสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ไม่ว่าเรื่องอะไร ผมก็จะทำทั้งนั้น

“แล้วมึงอยากได้อะไร”

“กูอยากให้มึง...”

“แต่กูจะไม่เลิกกับจิเด็ดขาด”

ผมโพล่งอย่างรู้ทัน จิณห์มองหน้าผม แสยะยิ้มออกมา

“พูดดักคอกันอย่างนี้ กูก็แย่สิ”

อย่างที่ผมบอก ผมยอมทำอะไรก็ได้เพื่อช่วยชีวิตจิระ แต่ต้องไม่ใช่เลิกกับเขาอย่างนั้น จิณห์ก็คงรู้ว่าต่อให้พูดยังไง ผมก็คงไม่ยอมเลิกกับจิระแน่ มันเลยเบี่ยงไปเรื่องอื่น

“ถ้าอย่างนั้น...มึงก็ลองหาวิธีเอาใจให้กูยอมบอกมึงแล้วกันว่าต้องทำยังไง จรกาถึงจะไม่ตาย”

“...”

“แต่อาจจะยากสักหน่อย เพราะกูเป็นคนใจแข็ง มึงอาจจะต้องมาตามเอาใจกูทุกวัน เข้าใจใช่ไหมพระสวามี”

ประโยคนี้ไม่เข้าหูผมที่สุดเท่าที่คุยกับมันมา ผมขบกรามแน่น เหมือนจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

ได้! แค่เอาใจใช่ไหม ผมจะทำ...จะใช้เวลาให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้!

“ตกลง กูยอมรับเงื่อนไข”

เท่านั้นจิณห์ก็ยกยิ้มขึ้น “พรุ่งนี้กูจะไปรับมึงตอนหกโมงเย็น เตรียมตัวไว้ให้พร้อมล่ะ หาวิธีเอาใจดีๆ ด้วยนะ...อิเหนา”

พูดจบ มันก็ลุกไปจากโต๊ะ ปล่อยให้ผมนั่งนิ่วหน้าอยู่อย่างนั้น ขณะที่ไอ้บุศย์กับสรัลอดเป็นห่วงไม่ได้

“มึงคิดดีแล้วเหรอที่ไปตอบรับอย่างนั้น”

“นั่นสิพี่อินทร์ หนูเป็นห่วงนะ พี่จิณห์ไม่ยอมบอกง่ายๆ หรอก ให้พี่อินทร์ไปตามเอาใจอย่างนั้นมันก็แค่การถ่วงเวลาให้จิต้องเดือดร้อนมากขึ้นเท่านั้นแหละ”

“พี่รู้” ผมว่า สบตาพวกมันทั้งสองคนทันควัน “แต่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ไหมล่ะ ถ้าในเมื่อถอนคำสาบานแบบปกติไม่ได้ จะต้องทำแบบไหนมันถึงจะได้ผล”

ไม่มีคำตอบจากทั้งสองคนนั้น พวกมันได้แต่มองหน้ากัน ผมเลยถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้กูได้ลองก่อน อะไรที่ช่วยจิได้ กูจะทำ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม”

จะทำ...

จะทำทุกอย่าง...

รอพี่นะจิระ พี่จะไม่ยอมให้เราเป็นอะไรแน่

จิระของพี่...

 

ช่วงนี้พี่อินทร์ดูเครียดแปลกๆ...

ผมสังเกตเขามาระยะหนึ่งแล้ว ปกติเขาจะเป็นคนร่าเริงแทบตลอดเวลา แต่หลังจากที่ผมตบหน้าเขาในวันนั้น เขาก็ดูพูดน้อยลง พอเผลอก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ ผมเองก็ไม่กล้าถาม กลัวว่าถ้าถามไปแล้ว มันจะกลายเป็นการทำให้ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่แย่ลงกว่าเดิม เพราะแค่นี้ผมก็อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว

อึดอัดเพราะไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร อึดอัดที่เหตุการณ์ในวันนั้นคอยหลอกหลอนให้ผมกลัวไปหมดว่าจะทำอะไรไม่ถูกใจเขา ที่อึดอัดยิ่งกว่าก็ตอนที่ส่องกระจกมองร่างกายเปล่าเปลือยของตัวเอง ตอนนี้รอยแดงๆ พวกนั้นไม่ได้มีแค่หน้าอกกับหัวไหล่อีกแล้ว มันเริ่มลามลงไปเกือบถึงข้อมือ หน้าท้อง และต้นขา อีกไม่นานคงจะลุกลามไปทั้งตัว...

ผมยืนร้องไห้เงียบๆ อยู่หน้ากระจกตรงอ่างล้างมือในห้องน้ำ มือก็ชโลมโลชั่นไปตามผิวเนื้อเสียจนเปียกโชก

จะต้องทำยังไงมันถึงจะหาย...

ต้องทำยังไง!?

ผมทนรับสภาพแบบนี้ของตัวเองจะไม่ไหวแล้ว อีกนิดเดียวต้องเป็นบ้าแน่ๆ มือทาโลชั่นไป ในหัวก็คิดถึงความรู้สึกของจรกาในชาติก่อนที่หมุนเวียนมาพร่างพรายในใจผมอีกครั้ง จนผมชักจะทนไม่ไหว ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น กอดเข่าร้องไห้เงียบๆ อยู่คนเดียว

หรือผมควรจะบอกเรื่องนี้ให้พี่อินทร์รู้?

แต่...ถ้าบอกไปแล้ว เขารับไม่ได้แล้วทิ้งผมไปล่ะ?

ความลังเลสับสนตีกันในหัวมั่วไปหมด ผมมืดแปดด้าน ไม่รู้จะทำยังไงดี ช่วงนี้ผมใช้เวลาในห้องน้ำนานขึ้นทุกวันราวกับวิตกจริตไปแล้ว เนื้อตัวก็ไม่ให้พี่อินทร์ได้สัมผัสแม้แต่น้อย ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เขาคงต้องเบื่อผมแน่ๆ

ทว่าผมก็พยายามไม่คิดอะไรมาก พอสงบสติอารมณ์ได้ก็แต่งตัวแล้วออกจากห้องน้ำ

วันนี้พี่อินทร์กลับเร็ว สีหน้าของเขายังคงดูเครียดๆ เหมือนเดิม ผมออกมาเจอเขาพอดีก็ร้องทักออกไป พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด

“วันนี้กลับเร็วจังนะครับพี่อินทร์”

เขาเหลือบมองผม ยิ้มให้บางๆ “พี่ไม่มีซ้อมโปรเจ็กต์อะไรน่ะ ก็เลยกลับเร็ว”

“อ๋อ แล้วพี่อินทร์กินอะไรมาหรือยัง”

“ยังเลย กำลังจะออกไปกิน แต่วันนี้พี่จะไปกินกับเพื่อนนะ พอดีนัดคุยธุระกันเอาไว้”

ผมพยักหน้า ไม่ได้ถามอะไรต่อ ถ้าเขาบอกมาอย่างนี้ก็แสดงว่าคงจะเป็นเรื่องงานในวิชาเรียนของเขานั่นแหละ ช่วงนี้เขาก็ออกไปกินข้าวกับเพื่อนบ่อย บ่อยเสียจนผมอดน้อยใจไม่ได้เหมือนกัน แต่ก็พยายามจะไม่ทำให้เขาขุ่นใจเพราะไม่อยากจะทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้ และอันที่จริงผมก็อยากคุยกับเขาต่อนะ คุยเรื่องอื่น คุยเรื่องอะไรก็ได้เหมือนที่เราเคยคุยกัน แต่ก็รู้สึกเหมือนกับว่าระหว่างเรามีกำแพงบางๆ คั่นอยู่ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร จึงได้แต่เงียบ ทำกิจกรรมของใครของมันไป จนกระทั่งพี่อินทร์เปลี่ยนชุดนักศึกษามาเป็นชุดไปรเวท จากนั้นก็บอกผมเร็วๆ

“เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะจิ จิอย่าลืมหาอะไรกินนะ พี่อาจจะกลับดึกหน่อย”

“ครับ”

ผมยิ้มให้เขา เบาใจเล็กน้อยที่เห็นเขาพูดจาเป็นปกติ ทว่าพอเขาออกจากห้องไป ผมก็ต้องย่นคิ้วเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นว่าเขาลืมเอาโทรศัพท์วางไว้บนโต๊ะหนังสือ

ผมคว้าโทรศัพท์มาไว้ในมือ รีบออกจากห้อง ตั้งใจจะวิ่งลงเอาไปให้เขา แต่พอมาถึงหน้าหอพัก ผมก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้เดินไปที่ลานจอดรถเหมือนอย่างเคย แต่กลับเดินไปยังรถคันหนึ่งที่มีคนขับรออยู่ แวบแรกผมคิดว่าคงจะเป็นเพื่อนเขามารับ แต่พอเห็นเขาหยุดยืนและคนขับรถลงจากรถมา ผมก็ต้องชาวาบไปทั้งตัว

นั่นมัน...จินตะหราวาตีไม่ใช่เหรอ

ไม่รู้ทำไมผมถึงก้าวต่อไม่ออก ได้แต่มองสองคนนั้นคุยอะไรบางอย่างที่ผมไม่ได้ยินอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่ทั้งสองจะขึ้นรถและขับออกไป ปล่อยให้ผมยืนมองจนรถคันนั้นหายไปสุดสายตา

อย่าบอกนะว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมา พี่อินทร์จะไปกับจินตะหราวาตีตลอด?

ผมพยายามจะบอกตัวเองว่าคงไม่ใช่แบบนั้น มันอาจเป็นความระแวงของผมไปเอง แต่ผมก็ดันเหลือบมองโทรศัพท์ของเขาในมือ กดๆ จิ้มๆ ดูข้อความกับพวกสายที่โทรเข้าโทรออก จากนั้นก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายของตัวเองไร้เรี่ยวแรง

ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้... เขาติดต่อกับจินตะหราวาตีมาโดยตลอด

มะ...มันหมายความว่ายังไงกัน?

 

ผมกลับมาที่ห้อง คิดวุ่นวายถึงเรื่องที่เห็นไม่หยุด ใจอยากจะพุ่งไปถามพี่บุศย์ด้วย แต่ก็คิดว่าเรื่องนี้ผมควรถามกับพี่อินทร์โดยตรงดีกว่า พลันก็รอการกลับมาของเขาอย่างกระสับกระส่าย

ตอนนี้สี่ทุ่มแล้ว...

พี่อินทร์กลับเข้ามาหลังจากนั้นไม่นานนัก เขามีสีหน้าเคร่งเครียดเช่นเคย ส่วนผมก็พยายามจะฝืนยิ้มเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาในห้อง

“พี่อินทร์ไปไหนมาเหรอครับ”

และมันคือคำถามแรกที่ผมถามออกไป

“ก็ไปกินข้าวไง”

เขาตอบโดยไม่หันมามองหน้าผม ล้วงกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกงเอาของข้างในมาวางไว้บนโต๊ะ ผมเม้มริมฝีปากแน่น ไม่แน่ใจว่าควรจะพูดไปหรือเปล่า แต่ภาพที่เห็นนั้นมันทำให้ผมไม่สบายใจเลย

เขาบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกับจินตะหราวาตีในชาตินี้ แต่จู่ๆ ก็ไปเจอกับอีกฝ่าย ไม่ใช่แค่วันเดียวด้วย เป็นทั้งอาทิตย์เลยต่างหาก ผมว่ามันดูแปลกๆ

แปลกมาก... แปลกจนผมหวั่นใจ

เขาบอกว่าไม่ใช่แฟนเก่า แล้วทำไมถึง...

ยืนคิดอยู่ครู่ก่อนจะตัดสินใจว่าจะพูด

พูด! ยังไงก็ต้องพูด พูดให้รู้กันไปเลยว่าเขาไปทำอะไร

“แต่ตอนที่จิตามลงไป จิเห็นพี่อินทร์ไปกับพี่จิณห์”

ผมเรียกจินตะหราวาตีว่าพี่เพราะเขาอายุมากกว่าแน่นอน แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับการที่พี่อินทร์หันขวับมามองผมอย่างรวดเร็วพร้อมกับสีหน้าตกใจ

“จิตามพี่ไปเหรอ”

ผมพยักหน้ารับ เท่านั้นก็ดูเครียดยิ่งกว่าเดิมอีก

“ตามพี่ไปทำไม”

ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนกับว่าเขาไม่พอใจ ผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติ ถามเขาด้วยน้ำเสียงที่นิ่งที่สุดทั้งที่ในใจไม่ได้นิ่งตามน้ำเสียงเลย

“จิเห็นพี่อินทร์ลืมเอาโทรศัพท์ไปก็เลยรีบวิ่งตามไปให้ แต่ก็เห็น...”

“เห็น?”

“เห็นพี่อินทร์ขึ้นรถไปกับพี่จิณห์น่ะครับ”

สิ้นเสียงผม พี่อินทร์ก็ไม่พูดอะไรออกมา เอาแต่จ้องหน้าผมนิ่ง ผมเองก็อ่านสีหน้าเขาไม่ออกเหมือนกัน ความอึดอัดบางอย่างครอบงำเราสองคนเมื่อไม่มีใครพูดอะไร แล้วก็เป็นผมที่อดรนทนไม่ไหว อยากรู้ให้ชัดว่าเขาไปทำอะไรกับพี่จิณห์กันแน่

“แล้ว...พี่อินทร์ไปไหนกับพี่จิณห์เหรอครับ กินข้าวเหรอ”

ทำเป็นถามไปอย่างนั้นแหละ รู้หรอกว่าเขาคงไม่ไปกินข้าวแน่ แต่พี่อินทร์กลับพยักหน้า

“อืม ก็บอกแล้วนี่ว่าไปกินข้าวกับเพื่อน”

“ทำไมต้องไปกับพี่จิณห์ล่ะ ปกติจิเห็นไปกินกับพี่บุศย์ หรือไม่ก็สรัล”

เขาชำเลืองมองผมเล็กน้อย ไม่ตอบ คว้าผ้าเช็ดตัวแล้วทำท่าจะเดินหนีไปที่ห้องน้ำ ผมเห็นแล้วก็รีบเดินไปดักหน้า เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ผมก็ถามต่อ

“บอกจิหน่อยว่าพี่อินทร์ไปไหนกับพี่จิณห์มา”

“ก็บอกแล้วไงว่าไปกินข้าว”

เหมือนเขาคิดว่าผมโง่ที่ดูไม่ออก ถึงผมจะไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่ผมก็ไม่ได้ไร้สมองถึงขนาดดูไม่ออกหรอกนะว่าเขาคิดจะทำอะไร

“จิรู้ว่าพี่อินทร์ไม่ได้ไปกินข้าว บอกจิมาเถอะว่าไปทำอะไรมา”

พอถูกเค้นถาม พี่อินทร์ก็ดูหงุดหงิดขึ้นมา ถามผมเสียงแข็งน้อยๆ

“จิจะมาเค้นเอาอะไรกับพี่ พี่บอกว่าไปกินข้าวก็กินข้าวสิ”

ผมก็หงุดหงิดเลย พูดอย่างนี้ได้ยังไง โกหกกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ คิดว่าผมจะเชื่อเหรอ

“ถ้าไปกินข้าว ทำไมไม่ไปกับพี่บุศย์หรือสรัล จิก็ยังไม่ได้กินข้าว ทำไมไม่ชวนจิไป ไปกับพี่จิณห์ทำไม ไปไหนมา บอกจิมานะ!”

ผมเสียงดังขึ้นทีละน้อย พี่อินทร์ถอนหายใจออกมาเต็มแรง เบี่ยงหน้าไปด้านข้าง หลบสายตาด้วย เหมือนกับว่าเขาไม่อยากพูด และพอผมเรียก...

“พี่อินทร์”

...เขาก็ว่าอย่างหัวเสีย

“ทำไมต้องตามพี่ไปด้วย”

เส้นความอดทนของผมขาดสะบั้นลงในตอนนี้ทันที

ทำไมเหรอ!?

“ก็จิเป็นแฟนพี่อินทร์ ทำไมจิจะตามพี่อินทร์ไปไม่ได้ ทำไมจะรู้ไม่ได้ว่าพี่อินทร์ไปไหนกับใคร บอกจิมาสักทีว่าไปไหนกับพี่จิณห์!”

กลายเป็นว่าผมเป็นเด็กงอแงไปแล้ว พี่อินทร์ก็นิ่ง รอให้ผมหยุดโวยวาย แต่ก็ไม่คิดจะพูดอะไรออกมา ทำให้ผมต้องถามไปอีก

“ทำไมต้องไปกับพี่จิณห์ จิอยากรู้แค่นี้”

เขามองผมนิ่ง ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูดสักที ดูท่าทางเขาก็อึดอัดเหมือนกัน แต่คนที่อึดอัดกว่าก็คือผม เพราะผมรู้ดีว่าจินตะหราวาตีคืออดีตคนรักของอิเหนาในชาติก่อน เป็นรักแรกของอิเหนาด้วย ถ้าชาตินี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนยังอยู่ มันจะต้องเป็นปัญหาสำหรับผมแน่ๆ

ก็เพราะผมเป็นจรกา... เป็นคนที่เรียกได้ว่าคือศัตรูคู่อาฆาตของเขามาตลอดทั้งชีวิต ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้ล้วนทำให้ผมหวั่นใจในความสัมพันธ์ของเราอยู่แล้ว

“พี่อินทร์ บอกจิมา”

แล้วก็กลายเป็นว่าผมเค้นถามเขาอีก พี่อินทร์ถอนหายใจออกมาเต็มแรง สุดท้ายก็ยอมพูด

“แล้วทำไมพี่จะไปกับแฟนเก่าตัวเองไม่ได้”

เท่านั้นผมก็นิ่งงัน แต่พี่อินทร์คงยังไม่พอใจล่ะมั้ง เขาถึงได้พูดขึ้นมาอีก

“อย่าวุ่นวายหน่อยเลยจิ เลิกซักไซ้สักที เราไม่ใช่พ่อแม่พี่นะ”

พี่อินทร์...

ผมตัวชาวาบไปหมด ไม่คิดเลยว่าเขาจะพูดกับผมแบบนี้ ก่อนที่ก้อนบางอย่างจะแล่นขึ้นมาจุกอก ทำให้ผมพูดประโยคต่อไปได้ยากลำบากกว่าเดิม

“จิ...ก็แค่ถามพี่อินทร์ ทำไมถึงจะต้องพูดจาแบบนี้กับจิด้วย”

เขามองหน้าผมนิ่ง ยิ่งเขานิ่งมากเท่าไร ผมก็ยิ่งสติแตก จู่ๆ ทำนบน้ำตาก็พังทลายลงมาโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าอะไรทั้งนั้น

“จิก็แค่อยากรู้ว่าทำไมพี่อินทร์ต้องไปกับเขา ทำไมต้องไปกับคนที่อ้างตัวเองว่าเป็นแฟนเก่า แล้วไหนพี่อินทร์บอกว่าเขาไม่ใช่แฟนเก่าไง ทำไมตอนนี้ถึงมาบอกจิว่าเป็นแฟนเก่า ทำไมล่ะ ทำไมต้องแอบไปกันลับหลังจิด้วย...ฮึก...”

ผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว หลายๆ เรื่องมันรุมเร้าให้ผมที่อ่อนแออยู่แล้วอ่อนแอมากกว่าเดิม ผมสะอึกสะอื้นอยู่ตรงหน้าเขา มองเขาอย่างไม่เข้าใจ พี่อินทร์ก็มองผมด้วยสายตาที่ยากจะอ่าน ก่อนที่เขาจะครางออกมา

"จิ..."

“พี่อินทร์ทำกับจิแบบนี้ทำไม...”

ผมตัดพ้อ ในใจมีความรู้สึกนี้จริงๆ เขาเป็นทุกอย่างของผม ตั้งแต่วันที่ปล่อยวางทุกสิ่งจากในอดีตชาติแล้วมอบทุกอย่างให้กับเขา ผมก็ไม่มีที่พักพิงใจอื่นอีกแล้วนอกจากเขา แต่ว่าเขา... แต่เขา...

“จิระ...”

พี่อินทร์ไม่อธิบายอะไรทั้งนั้น ถลาเข้ามาดึงผมไปกอดไว้แน่น ซุกใบหน้าลงมาที่กระหม่อมของผม ยิ่งผมร้องไห้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งกอดแน่นมากขึ้นเท่านั้น ผมอุ่นใจขึ้นมาในวินาทีนั้นเอง ดีใจขึ้นมาแวบหนึ่งที่เห็นเขายังเป็นเหมือนเดิม แต่ทว่าทุกอย่างก็หายไปทันตาเมื่อเขาพึมพำเบาๆ

“พี่ว่าบางทีการเราคบกันมันอาจจะไม่ส่งผลดีอะไรเลยก็ได้ พี่พยายามทำทุกอย่างที่จะรักษาจิแล้ว แต่พี่ก็ทำไม่ได้ บางทีเราอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อกันและกัน”

มะ...หมายความว่ายังไง

ผมอยากจะถามเขา แต่ฉับพลันร่างกายก็ไร้เรี่ยวแรง ในใจวูบไหวจนสั่นระริกไปทั้งตัว ได้แต่ปล่อยให้เขากอดอยู่อย่างนั้น พลันก็มีอีกเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหัว

“ถ้าในเมื่อเราคบกันแล้วไม่มีอะไรดี เราเลิกกันเถอะ”

พะ...พี่อินทร์...

เขาผละออกจากผม ผมนิ่งงัน หัวสมองอื้ออึงไปหมด ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากจนผมตั้งตัวไม่ทัน ได้แต่มองหน้าเขาที่จ้องผมนิ่งด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ก่อนเขาจะบีบมือผมแน่นๆ ครั้งหนึ่ง

“ดูแลตัวเองดีๆ นะจิ”

สิ้นเสียง เขาก็คว้ากระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์แล้วหุนหันออกจากห้องไปทันที ปล่อยให้ผมไม่เข้าใจทุกอย่างยืนอยู่ตรงนั้น

พี่อินทร์บอกเลิกผม...

จู่ๆ ก็บอกเลิกผม...

มันเรื่องอะไรกัน!?

“พะ...พี่อินทร์...”

ผมครางเรียกชื่อเขาเสียงแผ่ว เรี่ยวแรงที่มีอยู่มันไม่มีอีกแล้วในวินาทีนี้ ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง ปล่อยให้น้ำตาที่เกือบจะเหือดแห้งไปแล้วทะลักไหลอาบใบหน้าออกมาอีกครั้ง

ผมไม่เข้าใจ...

ไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!?
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 24★โรคผิวหนัง[19.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 20-05-2018 19:04:53

 

[Intara’s Part]

ผมทนเห็นจิระเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว แค่เห็นเขาต้องพยายามฝืนยิ้มทำตัวเป็นปกติทุกวัน ซ่อนความลับใต้เสื้อผ้าไม่ให้ผมรู้ ผมก็แทบจะทนไม่ไหว ยังต้องมาทำให้เขาร้องไห้แบบนี้ ผมจะทนได้ยังไงอีก

เวรเอ๊ย! ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าจิระจะไปเห็นผมกับไอ้เวรนั่นเข้า เพราะมันแท้ๆ เลยที่เอาเงื่อนไขบ้าๆ มาต่อรอง ผมเองก็โง่ที่ไปตอบรับอย่างนั้น ถึงจะบอกว่าทำเพื่อปกป้องชีวิตของคนที่ผมรัก แต่การทำให้เขาร้องไห้อย่างนั้น ผมก็รับไม่ไหวเหมือนกัน อีกอย่าง การไปตอบรับข้อเสนอมันอย่างนั้นก็เป็นการถูกมันถ่วงเวลาจริงอย่างที่ไอ้บุศย์กับสรัลว่า เพราะนี่ก็จะครบอาทิตย์แล้วที่ผมยอมไปกินข้าวกับมัน พยายามฝืนเอาใจมันเพื่อให้มันยอมปริปากบอกเรื่องการถอนคำสาบานให้รอยฟ้าผ่านั่นหายไป ทว่าทุกอย่างก็ล้มเหลว มันไม่มีท่าทีว่าจะบอกเลยแม้แต่น้อย เอาแต่เล่นลิ้นไปมา และในวันนี้...

...ผมก็หมดความอดทนแล้ว!

เกมนี้มันต้องจบ ผมจะไม่เล่นอีกต่อไป!

ในเมื่อจิณห์มันอยากให้ผมเลิกกับจิระ ผมก็จะเลิก แต่แค่ชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีใครเข้าใจผมหรอกว่าตอนที่เห็นจิระเจ็บปวดเพราะคำพูดทำร้ายจิตใจของผมนั่นมันทรมานผมแค่ไหน ทว่าในเมื่อตัดสินใจที่จะจบเรื่องนี้แล้ว ผมต้องรีบทำให้มันจบอย่างรวดเร็ว

ผมรีบขึ้นรถ เหยียบบึ่งไปที่บ้านของจิณห์อย่างรวดเร็ว พ่อแม่ของมันไม่อยู่บ้าน ซึ่งก็เป็นแบบนี้ประจำ แต่ถึงจะอยู่ ผมก็ไม่สนใจหรอก ผมจอดรถได้ก็พุ่งพรวดเข้าไปในบ้านมัน ไม่สนใจแม่บ้านที่ทักทายผมด้วย พอเข้ามาในบ้านได้ ผมก็เห็นมันกำลังนั่งเอกเขนกอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น

“เอ้า เพิ่งแยกกันเมื่อกี้ คิดถึงเหรอหืม? ถึงได้กลับมาหาเร็วขนาดนี้”

มันยียวนทันทีที่เห็น ซึ่งก็เป็นปกติ ผมมองมันด้วยความโมโห แต่ก็พยายามจะเก็บอารมณ์ บอกออกไปเสียงเรียบ

“กูเลิกกับจิแล้ว”

“หืม?” จิณห์เลิกคิ้วสูงทันที ก่อนจะถามซ้ำ “เมื่อกี้ว่าอะไรนะ”

“กูบอกว่ากูเลิกกับจิแล้ว”

“โอ้ น่าตกใจมาก ไม่คิดเลยว่าจะเลิกง่ายขนาดนี้ ไหนบอกว่าให้ตายยังไงก็ไม่เลิกไม่ใช่เหรอ”

ใช่ ผมบอกอย่างนั้น แต่ที่เลิกนี่ก็เพื่อจะมาเค้นเอาคำตอบนี่แหละ

“กูทำตามที่มึงต้องการแล้ว บอกมาสักทีว่าจะทำยังไงถึงจะช่วยจิได้”

จิณห์ร้องอ๋อออกมา รู้ทันทีว่าทำไมผมถึงเลิกกับจิระ ก่อนที่มันจะว่าด้วยสีหน้าไม่ยี่หระ

“โทษทีนะ ถ้าเลิกกันเพราะจะเอาใจกูแบบนี้ กูไม่ปลื้ม”

ผมหมดความอดทนทันที กระชากมันไปกระแทกผนัง จิณห์ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเพราะผมไม่เบามือเลย แต่ผมไม่สน กระชากคอเสื้อเต็มแรง

“ชาตินี้มึงไม่ใช่ผู้หญิงแล้ว อย่าคิดว่ากูจะเกรงใจมึงอีก”

ผมว่าเสียงต่ำ เท่านั้นจิณห์ก็หัวเราะ

“ก็เอาสิ คิดว่าถ้าต่อยกูแล้ว กูจะยอมบอกก็ลองดู”

มันไม่ยอมบอกหรอก ผมรู้ ต่อให้ทำดีแค่ไหน มันก็ไม่ยอมบอก จนกว่ามันจะพอใจเท่านั้น ผมถึงจะได้คำตอบ ผมรู้ว่าใช้ไม้แข็งกับมันคงไม่ได้แน่ ผมเลยพยายามสงบสติอารมณ์ ปล่อยมือออกจากคอเสื้อมันแล้วว่าเสียงแผ่ว

“ขอร้องล่ะจิณห์ บอกทีว่าต้องทำยังไง”

ผมยอมลดทิฐิลงแล้ว อะไรก็ได้ ขอให้บอกว่าต้องทำยังไงถึงจะช่วยจิระได้

จิณห์กระชับคอเสื้อให้เข้าที่ ว่าออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ทีอย่างนี้ล่ะมาขอร้อง ทีตอนกูขอร้องให้มึงรักกูบ้าง มึงเคยเห็นหัวกูบ้างไหม”

ผมไม่พูดอะไร ปล่อยให้มันพล่าม ความเงียบเข้าครอบงำเราอยู่ครู่ ผมถึงได้โพล่งขึ้นอีก

“ขอร้อง... บอกกูเถอะ”

จิณห์แสยะยิ้ม เป็นการยิ้มเย้ยให้ผม พลันก็ว่าออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยันพอกันกับรอยยิ้มที่ผุดพรายบนหน้า

“อยากรู้ขนาดนั้นก็กราบขอร้องกูสิ”

ผมนิ่งงัน มันก็จ้องผมอย่างท้าทาย

คงคิดสินะว่าผมไม่กล้า...

ถ้าเป็นเวลาปกติ ผมจะสวนมันคืนด้วยหมัดหลุนๆ ด้วย แต่ตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปเพื่อจิระ ผมยอม... ยอมทุกอย่างถ้ามันทำให้ผมได้จิระกลับคืน

ผมทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่า สองมือยกขึ้นประนมที่ระหว่างอกก่อนก้มลงไปติดพื้น เสียงหัวเราะของจิณห์ดังขึ้น ก่อนมันจะตามมาด้วยน้ำเสียงดูแคลน

“บางทีกูก็อยากรู้นักว่าไอ้จรกามันมีอะไรดี มึงถึงรักปักใจขนาดนี้”

ผมเงยหน้าขึ้น สีหน้าของจิณห์ไม่ได้ยิ้มตามเสียงหัวเราะเลยแม้แต่น้อย มันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเคียดแค้น ก่อนที่มันจะพูดขึ้นมาอีกประโยคให้ผมต้องเหนื่อยใจ

“เลิกให้มันจริงอย่างที่ปากพูดเถอะ ถ้าทำให้กูเชื่อได้ว่ามึงเลิกกับเด็กนั่นจริงเมื่อไร กูจะบอกวิธีว่าต้องทำยังไง”

สิ้นเสียง มันก็เดินหายขึ้นไปบนบ้าน ปล่อยให้ผมนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างนั้น

นี่ผม...ยังจะต้องอดทนอีกถึงเมื่อไรกัน!?

-------------------------------

เป็นตอนที่พอลงตัวอย่างไป ปี้อินทร์ถูกด่าเยอะมาก ใจเย็นเย้นนนน อ่านตอนเต็มๆ ก่อน มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด 555

ตอนนี้รู้เลยนะว่านว้องจิมีแม่เยอะแค่ไหน ทุกคนพร้อมใจหอมหัวลูกจิมาก ปี้อินทร์นี่ถ้าตอนหน้าไม่มาทำคะแนนคืน โดนริบลูกกลับคืนแน่ ฮา

 พรุ่งนี้เจอกันตอนเต็มนะ

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 20-05-2018 19:21:43
 :serius2: นี่ไงมันมาแล้ว  :o12: แด่จิณห์  :z6:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-05-2018 19:40:02
 :z6:  :z6:  มีสิทธิ์ร้อยรอบพันรอบแกก็จะโดนแบบนี้
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 20-05-2018 19:52:11
คือบั่บ ในใจขอให้พี่อินทร์ต่อยจิณสักเปรี้ยงก่อนแล้วค่อยว่ากัน แม่มหมั่นไส้ตั้งแต่ตอนที่แล้วอ่ะ จะพูดทีลีลาฉิบหาย แบบพี่อินทร์หาทางอื่นที่ไม่ต้องพึ่งอินี่ได้ไหม หมั่นไส้โว้ยยยยยย :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: อินมากอ่ะ แล้วมาทำแบบนี้นว้อจิของม่ามี๊ก็ต้องเสียใจสิ พี่อินทร์หาทางแก้ด่วนๆ ไม่งั้น :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 20-05-2018 20:32:23
โอ๊ยยยยยยยยยย คุยกันเซ่ ช่วยกันแก้ปัญหาหนะ รู้จักมั้ยๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 20-05-2018 20:58:30
:hao5:  สงสารจิ

ถ้าพี่อินทร์เลือกที่จะเปิดใจ นั่งคุยกับน้องตรงๆ มันน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่ารึเปล่า
อย่างน้อยจิจะได้รู้ว่าที่มา ที่ไปคืออะไร ทำไมต้องทำแบบนี้
มันทำให้ได้ทั้งคำตอบจากจิณห์ และ น้องกับพี่ก็ไม่ต้องมานั่งเสียใจด้วย
ยิ่งทำแบบนี้เหมือนซ้ำเติมจิทางอ้อมเลย จิตใจก็กังวลเรื่องร่างกายแล้ว กำลังใจที่พอจะช่วยได้ก็เหมือนมาซ้ำเติมให้แย่ลงอีก
รอดูว่าเมื่อความจริงเปิดเผย น้องจะเข้าใจพี่อินทร์มั้ย หรือว่าจะยิ่งฝั่งใจมากกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-05-2018 22:31:14
ทำไมไม่คุยกันดี ๆ ช่วยกันแก้ปัญหา ทำไมๆๆๆๆๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 20-05-2018 23:22:30
แล้วอีพี่อินทร์ก็พึ่งสัญญากับน้องไปว่าจะรักจะดูแลตลอดชีวิต สุดท้ายคือก็ต้องติดโรคไปอีกคน? คำสาบานบางทีถ้ามันทำไม่ได้มันก็จะไม่มีประโยชน์อะไรเลยนะ ความเชื่อใจมันจะไร้ค่าไปเลย ถ้าไม่พูดกันให้เข้าใจตั้งแต่ปมชาติที่แล้วแต่เลือกที่จะให้น้องรับรู้ความรู้สึกด้วยตัวเองแค่นี้ก็ไม่แมนพอแล้วนะพี่อินทร์ นี่ยังผิดคำสาบานง่ายๆแบบนี้ขอให้เลิกกันยาวๆแล้วกันนะ จนกว่าจะไปรีเซ็ตความคิดตัวเอง
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 20-05-2018 23:23:06
สงสารน้องจิ :mew6:เป็นแฟนกันก็น่าจะคุยปรึกษากันนะทั้งอินทร์กับจิทั้งคู่ไม่น่าปิดความลับต่างคนต่างแก้ปัญหาแบบนี้
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 20-05-2018 23:30:36
จริงๆเรื่องนี้มันเกี่ยวกับความเป็นความตาย น้องจิกับพี่อินทร์น่าจะเปิดใจคุยกัน เฮ้อ สองคนนี้ทำให้เรื่องทุกอย่างมันยากเอง
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 20-05-2018 23:40:46
โอ้ยยยยอิพี่อินทร์โว้ยยยยยมันมีวิธีมากกว่านี้นะที่จะช่วยจิน่ะ ทำไมไม่บอกจิไปละหาว่ารู้ความจริงแล้วจะได้มาคุยกันเพื่อหาทางออก เหอะๆแล้วมาบอกเลิกจิแบบนี้เตรียมตัวโดนจิเกลียดอีกได้เลย ยิ่งถ้าต้องมาทำให้จิณห์เชื่ออีกว่าเลิกแล้วจริงๆน่ะ จิคงหมดใจแล้วเกลียดเข้าให้แน่ๆ รอสมน้ำหน้าดีกว่า
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Aeflizm ที่ 21-05-2018 00:24:00
ถ้าจิไม่โกธรนี้จะโกธรมาก การที่พี่อินคิดว่าบอกเลิกแค่ชั่วคราวแม่งเป็นการแก้ปัญหาโครตเห็นแก่ตัวเลย คนโดนบอกเลิกไม่รู้อะไรเลยซักนิด คาวมรู้สึกตอนโดนบอกเลิก ความรักที่มี มันเหมือนหัวใจมันแตกสลายไปแล้ว พี่อินพูดออกมาแบบนั้นได้คงเพราะคิดว่าเออ ไม่เป็นไร เลิกแปปเดี๋ยวหาทางแก้ได้ค่อยกลับมาง้อ แล้วความรู้สึกของจิที่เสียไปตอนนั้นละ พี่อินจะรับผิดชอบยังไง เรามองว่าการหาทางแก้ปัญหากับการทำร้ายจิตใจแม่งเอามาเจ๊ากันไม่ได้อ่ะ ถ้าจิไม่โกธรแล้วหายโกธรง่ายไๆ จะโกธรจิมาก ฮือ ชั้นอิน ชั้นร้องไห้
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 21-05-2018 00:36:26
 :pig4:

 โอ้ความดรามม่า  อิเหนา ระตูจรกาลำไยไฉน

  อีกทั้งบุษบา(ไม่เกี่ยว?) จินดาส่าหรีขิงข่าร่ำไร   

   ขอวานคุณwriterนั้นไซร้รีบไขข้อข้องใจwildridereaderเอย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 21-05-2018 00:37:53
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-05-2018 00:40:54
บ้านจิณห์อยู่แถวไหน ขอพิกัดด่วน  :pigangry2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 21-05-2018 01:56:22
อยากโดดถีบหน้าจิณห์  ท่ามากนัก

แค่เฉลยง่ายๆออกไปก็ไม่ทำ   วางฟอร์มขนาด

ถึงพี่อินทร์จะทิ้ง แต่ถ้าจิเลิกรักพี่อินทร์ไม่ได้ คำสาบานไม่หายนะ   
ดีไม่ดีจิคิดสั้นไปฆ่าตัวตายขึ้นมา จะทำไง

ที่จริงแค่ถามจิว่าตอนเป็นจรกาสาบานอะไรไว้  แล้วไปถอนสาบานจะง่ายกว่าไหม
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-05-2018 02:12:53
 :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 21-05-2018 06:21:44
ทำไมไม่พูดกันตรงๆ น้องจิก็บอกพี่อินไปสิว่าเป็นนี่นะ พี่อินก็บอกจิไปสิว่าพี่รู้แล้ว ทำไมไม่พูดกันนนนนน เดี๋ยวเจอดีเหม่งเรียกสติทั้งคู่เลย :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 21-05-2018 10:03:40
เลิกกับน้องเฉย
อิเหนาาาาาาาา ทำไมทำงี้
รอยแดงคือคำทวงจากสัตย์สาบานเมื่อชาติก่อน ชีวิตน้องจิเชียว
แฟนกันทำไมไม่เฉลยซะ จะได้หาทางช่วยเหลือกัน
 :hao5:
เป็นตอนที่อยาก  :z6: จินตะหรามาก เยอะเกิ๊น
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 21-05-2018 10:53:20
โว้ย อ่านตอนนี้ละหงุดหงิด บอกน้องไปสิ

บอกความจริงไป ช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ปัญหา

พี่อินทร์ของนว้องจิ แค่นี้คิดไม่ได้รึไง !!! :hao7:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 21-05-2018 15:22:22
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 21-05-2018 22:02:45
Chapter 26: คำสาบานมีไว้ให้รักษา[1]

ผมนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมมานานเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ น้ำตาเหือดแห้งไปแล้ว แต่ผมยังคงงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่

พี่อินทร์...บอกเลิกผม?

เรื่องอะไร ผมก็ไม่แน่ใจนัก เป็นเพราะช่วงนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเหรอ? หรือเป็นเพราะผมปิดบังเรื่องรอยบนร่างกายตัวเองกับเขา? หรือเป็นเพราะว่าเขาจะกลับไปหาแฟนเก่า?

คิดถึงตรงนี้ ผมก็จุกขึ้นมาในอก แต่น้ำตากลับไม่ไหลออกมาอีกแล้ว รู้แต่ว่าชีวิตผมเคว้งคว้างขึ้นมาทันตาเห็น

ไหนเขาบอกว่าจะรักผมคนเดียวตลอดไปไง แล้วทำไม...

ก๊อกๆๆ

คิดยังไม่ทันจะจบ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผมมองไปยังต้นเสียงครู่หนึ่ง ก่อนที่เสียงนั้นจะดังขึ้นมาอีก

ก๊อกๆๆ

หรือพี่อินทร์จะกลับมา?

ผมรีบลุกพรวดไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว ความดีใจพร่างพรายขึ้นมาฉับพลัน แต่แล้วมันก็ต้องมลายหายไปเมื่อเห็นคนที่มาเคาะเรียก

“พี่...บุศย์...”

ผมครางชื่อเขาออกมา พี่บุศย์หอบหายใจน้อยๆ เสื้อที่สวมเปียกชื้นด้วยเหงื่อ เดาว่าเขาคงรีบวิ่งมาจากที่ไหนสักที่ พอเขาเห็นหน้าผม ความกังวลใจก็ปรากฏให้เห็นบนสีหน้าอย่างไม่ปกปิด

“จิ... ไหวไหม”

คำถามที่เขาถามออกมา ไม่ต้องให้ผมถามเขาหรอกว่าหมายความว่าอะไร แค่มองหน้าเขา ผมก็รู้แล้วว่าเขารู้เรื่องระหว่างผมกับพี่อินทร์เป็นที่เรียบร้อย ผมเลยส่ายหน้าช้าๆ ให้เขาเป็นคำตอบ พี่บุศย์ถอนหายใจออกมา ก่อนถามเสียงเบา

“พี่เข้าไปข้างในได้ไหม”

ผมพยักหน้า ถอยให้เขาได้เดินเข้ามา ทันทีที่ประตูปิด ความเงียบก็เข้าเกาะกุมเราทั้งสองคน เขาเอาแต่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าคล้ายกับว่าพินิจอะไรบางอย่าง สีหน้าก็ไม่ได้ดูดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งความอึดอัดนั้นทำให้เขาทนไม่ไหว ทำลายความเงียบขึ้นมาจนได้

“พี่รู้เรื่องของเรากับไอ้อินทร์แล้วนะ”

ผมพยักหน้าไปอีกที เหมือนเป็นการตอกย้ำให้ผมรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงยังไงก็ไม่รู้ น้ำตาก็พานจะไหลออกมาอีกครั้ง เท่านั้นเขาก็เดินเข้ามาคว้ามือผมไปแล้วจูงไปนั่งที่ปลายเตียง

“จิ ไม่ต้องร้อง”

คำว่า ‘ไม่ต้องร้อง’ นี่แหละที่ทำให้ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ร้องไห้ออกมาอีกจนได้ ในอกข้างซ้ายก็ปวดหนึบเสียจนชาไปหมดทั้งตัว พลันผมก็มองหน้าพี่บุศย์อย่างไม่เข้าใจ

“จิไม่เข้าใจ จิทำอะไรผิด ทำไมพี่อินทร์ถึงต้องเลิก ฮึก...จิ...จิไม่เข้าใจ...”

แล้วก็พูดอะไรต่อไม่ออก ได้แต่สะอึกสะอื้น พี่บุศย์ก็ลูบหลังลูบหัวผมเป็นการใหญ่

“ชู่ว์ จิ ใจเย็นๆ ไม่ต้องร้อง พี่รู้แล้ว ไม่ต้องพูดแล้วนะ”

ผมโผเข้ากอดเขา ระบายความอัดอั้นออกมาราวกับสติแตก ใช้เวลานานพอควรเลยทีเดียวกว่าที่ผมจะสงบลงได้ ตอนนั้นเองที่พี่บุศย์เริ่มพูดขึ้นมาอีกครั้ง

“พี่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ไอ้อินทร์โทรมาบอกพี่หมดแล้ว พี่เลยรีบมาจากหอเพื่อนมาดูจินี่แหละ”

ได้คำตอบแล้วว่าทำไมเขาถึงได้หายใจหอบน้อยๆ และเสื้อที่สวมก็เปียกชื้น ผมได้แต่พึมพำเสียงเบา

“ขอโทษครับ”

“เฮ้ย ขอโทษทำไม ไม่ต้อง เราเป็นน้องรหัสพี่ พี่ก็ต้องดูแลสิถูกแล้ว”

เขาว่ายิ้มๆ พยายามทำให้ผมสบายใจ แต่ผมไม่ได้สบายใจขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงจะหยุดร้องไห้แล้ว ในหัวก็ยังคิดวกวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับพี่อินทร์ก่อนหน้า คาดว่าพี่บุศย์น่าจะดูออกว่าผมคิดอะไรหลังจากเห็นผมนิ่งไป เขาจึงถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

“จิ จำได้ไหมว่าครั้งนึงพี่เคยบอกอะไรจิ” ผมหันไปมอง เขาก็ยิ้มให้ก่อนพูดต่อ “พี่เคยบอกจิว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้เชื่อใจไอ้อินทร์ เพราะไม่มีใครหวังดีและรักจิได้เท่ามันอีกแล้ว จำได้หรือเปล่า”

ผมพยักหน้า คำพูดที่เขาเคยบอกตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมได้เจอพี่จิณห์ผุดพรายขึ้นมาในหัว พี่บุศย์ยิ้มตอบ ยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ

“ครั้งนี้...พี่ก็อยากให้จิเชื่อใจมันเหมือนกัน ถึงการกระทำของมันจะดูโคตรโง่เลย แต่พี่เชื่อว่ามันมีเหตุผล จิจะโกรธมันยังไงก็ได้ แต่จิช่วยอดทนหน่อยได้ไหม”

พอเขาพูดมาอย่างนี้ ผมก็ยิ่งไม่เข้าใจ

“พี่บุศย์หมายความว่าอะไรครับ”

“พี่ก็อยากจะบอก แต่...” เขาทำท่าเหมือนครุ่นคิดอะไรไปบางอย่าง ผมก็รอฟัง สุดท้ายก็ไม่พูดออกมา ได้แต่เบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น “เอาเป็นว่าอดทนรอมันหน่อยนะ ขอเวลาให้มันหน่อย ถือซะว่าพี่ขอ”

“แต่...พี่อินทร์บอกเลิกจิแล้ว”

พี่บุศย์พยักหน้า เขาลูบหัวผมโดยไม่พูดอะไรออกมา ผมก็ไม่เข้าใจว่าตกลงมันเป็นเรื่องอะไรกันแน่ ในใจสับสนวุ่นวายไปหมด

พี่อินทร์บอกเลิกผม แต่ก็โทรเล่าให้พี่บุศย์ฟัง แล้วก็ให้เพื่อนตัวเองมานั่งปลอบผม มิหนำซ้ำพี่บุศย์ยังมาบอกให้ผมอดทนแล้วรอพี่อินทร์อีก

รอทำไม รออะไร... ผมไม่เข้าใจเลย

“จะต้องให้จิอดทนรออะไร ในเมื่อพี่อินทร์บอกเลิกจิแล้ว จิก็แค่อยากได้คำตอบว่าเลิกเพราะอะไร มีเหตุผลอะไรถึงไม่รักกันแล้วแบบนี้”

ผมเริ่มโวยวาย ความเจ็บปวดมันทำให้ผมกลายเป็นคนนิสัยไม่ดีสักเท่าไร เริ่มพาลพี่บุศย์ที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย พี่บุศย์ก็ได้แต่มองผมด้วยสายตา...สงสาร?

เขาบอกให้ผมอดทนรอ แต่แค่คิดว่าพี่อินทร์ไม่รักผมแล้ว ผมก็เจ็บเสียจนปวดร้าวไปหมดทั้งร่าง

ทำไมล่ะพี่อินทร์ ทำไมความรักที่พี่อินทร์มีให้จิมันถึงได้หมดไวขนาดนี้...

ผมตัดพ้อเขาอยู่ในใจ น้ำตาก็ค่อยๆ ไหลออกมาอีกครั้ง และดูท่าว่ามันจะไม่มีสิ้นสุดด้วย

แต่แล้ว...ผมก็ต้องชะงักงันไปเมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังก้องเข้ามาในหัว

‘ขอเทพยาดาผู้รักษาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์จงรับรู้การกราบสักการะของข้าพเจ้า...นายอินทรา ในครั้งนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลที่ได้สร้างสมข้ามภพข้ามชาติมาแด่ทวยเทพเทวาผู้รักษา ผู้สถิต ผู้ดูแล พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เพื่อให้เป็นประจักษ์พยานแก่คำสัตย์สาบานของข้าพเจ้า...’

‘...ข้าพเจ้าขอสาบานได้ด้วยชีวิตว่าจะรักและภักดีกับนายจิระ ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างข้าพเจ้าในขณะนี้ตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ จะปกป้อง จะดูแล จะทำทุกอย่างเพื่อให้จิระมีความสุขไปชั่วชีวิต หากผิดคำสาบาน ขอให้ข้าพเจ้ามีอันเป็นไป ขอให้ท้าวเวสสุวรรณลงทัณฑ์ให้ตกนรกหมกไหม้ ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป’

‘ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงเป็นพยาน...’

เสียงนั้น...เป็นคำสัตย์สาบานต่อหน้าองค์พระประธานของพี่อินทร์ที่มีให้ผม

ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ถึงได้คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วก็ไม่ได้คิดถึงในอารมณ์ตัดพ้อด้วย แต่...มันเหมือนมีใครบางคนกำลังย้ำเตือนให้ผมจำเหตุการณ์นี้อยู่

พี่อินทร์สาบานว่าจะปกป้อง จะดูแล และทำทุกอย่างเพื่อให้ผมมีความสุข...

แล้วที่เขาทำอยู่ตอนนี้ล่ะ มันคือ...

“จิ”

ผมได้สติกลับมาในคราวนี้ หันไปมองพี่บุศย์ที่บีบมือผมแน่น

“ต่อให้เกิดอะไรขึ้น ขอร้อง เชื่อใจไอ้อินทร์นะ พี่เองก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะคอยดูแลจิแทนมันอย่างนี้ อดทนหน่อย ไม่นานหรอก พี่สัญญา”

“อดทนเรื่องอะไรครับ”

ในที่สุดผมก็ถามออกไปจนได้ พี่บุศย์ย้ำคำนี้บ่อยเสียจนผมเริ่มเอะใจ ก่อนที่พี่บุศย์จะว่าออกมา

“อดทน...อย่าเพิ่งเกลียดไอ้อินทร์มันเลยนะ”

สิ้นเสียงก็ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกจากปากของเขาและผมมาอีก ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำเราทั้งสองพร้อมกับความสับสนในใจผมอีกครั้ง

 

พี่บุศย์บอกให้ผมอดทนและรอ...

ประโยคนี้ผมตีความเอาเองเลยว่าพี่อินทร์จะต้องกลับมาอย่างแน่นอน แต่มันก็เป็นความหวังลมๆ แล้งๆ ของผมเท่านั้น เพราะหลังจากที่พี่อินทร์ออกจากห้องไปวันนั้น วันนี้ก็เข้าอาทิตย์ที่สองแล้วที่ไม่เห็นเขาโผล่มาให้เห็นแม้แต่เงา

เสื้อผ้าก็ไม่เอาไป อุปกรณ์การเรียนทุกอย่างก็ยังคงอยู่ที่เดิม...

เขาไม่อยากเจอหน้าผมถึงขนาดนี้เลยเหรอ?

ผมพยายามจะทำความเข้าใจเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรขึ้นมาเลยเพราะผมไม่เข้าใจการกระทำของเขา รวมถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นด้วย และก็ไม่เข้าใจพี่บุศย์เช่นกันว่าทำไมต้องมาบอกให้ผมรอ

รออะไร! ต้องให้ผมรออะไรอีก! ผมเจ็บจนทนไม่ไหวแล้วนะ!

วันหนึ่งๆ ต้องเสียน้ำตากี่ครั้ง ผมยังไม่รู้เลย รู้แต่ว่าทุกครั้งที่กลับเข้าห้องมาแล้วเห็นทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่ต่างจากตอนที่พี่อินทร์ยังอยู่ ผมก็น้ำตาไหลอย่างอดไม่ได้ทุกที

จะต้องให้ผมใช้ชีวิตเหมือนหายใจทิ้งไปวันๆ ไปถึงไหน อย่างน้อยถ้าจะเลิกกันก็บอกเหตุผลหน่อยได้ไหมว่าผมทำอะไรผิด ผมไม่น่ารัก ไม่น่าดึงดูดเหมือนช่วงแรกๆ แล้วเหรอ เขาถึงทิ้งกันไปง่ายๆ แบบนี้!?

ทั้งโกรธทั้งเสียใจในคราวเดียว ใจก็อยากจะเกลียดเขาเหมือนกัน แต่ผมก็ทำไม่ได้ทุกที

เหมือนเป็นสิ่งเดียวที่ผมทำกับอิเหนาในชาตินี้ไม่ได้...

ทำยังไงผมก็เกลียดเขาไม่ได้...

เกลียดไม่ลงไม่พอ ผมยังจะอดรนทนไม่ไหว ไปแอบลอบมองหาเขาที่หน้าคณะศิลปกรรมศาสตร์บ่อยๆ อีก ผมรู้ว่าเขาเรียนวิชาอะไรที่ไหนบ้างเพราะเราเคยแลกตารางเรียนกัน เป็นข้อตกลงกันว่าจะได้หาเวลามาเจอกันในมหาวิทยาลัยตอนว่างๆ ได้ถ้ารู้ว่าใครว่างเมื่อไร

ที่ต้องไปแอบมองเขาทุกวันก็เพราะ...อย่างน้อยผมจะได้ไม่ฟุ้งซ่านที่ไม่เห็นหน้าเขา อีกเหตุผลก็คือถ้ามีโอกาส ผมก็อยากคุย...อยากรู้ว่าทำไมเขาถึงต้องเลิกกับผมด้วย

ผมไปยืนด้อมๆ มองๆ อยู่หลายวันแล้ว บางวันก็เห็น...บางวันก็ไม่เห็น วันที่ไม่เห็นก็ไม่รู้ว่าเขาไปไหน เดาเอาว่าคงไปกับพี่จิณห์ แต่ก็ถือว่ายังโชคดีที่ผมไม่เห็นภาพนั้นตำตาอีกเป็นครั้งที่สอง

วันนี้...ก็เป็นอีกวันที่ผมมาแอบลอบมองเขา ผมเลิกเรียนเร็วกว่าปกติ เลยรีบมาด้วยกะว่าจะไปจองที่แอบอย่างเคย รวบรวมแรงฮึดด้วยว่าถ้าวันนี้เจอพี่อินทร์ ผมจะเข้าไปถามเขาถึงเหตุผลที่เราเลิกกัน ผมรู้สึกว่าตัวเองทนอยู่กับความเคว้งคว้างแบบนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ถ้าจะเลิกกัน อย่างน้อยก็ช่วยทำให้ผมเข้าใจอะไรๆ หน่อยเถอะ

แต่ทว่าสวรรค์ดูเหมือนอยากให้ผมเคลียร์กับเขาเร็วเกินไปหน่อย เพราะทันทีที่ผมไปถึงหน้าคณะ ผมก็เจอเข้ากับเขาที่เดินออกมาจากอาคารพอดี

ร่างสูงในชุดนักศึกษานั่นมองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าคือพี่อินทร์ เขาเดินออกมากับกลุ่มเพื่อน สีหน้าดูเคร่งเครียดเหมือนทุกวัน... ทุกวันในช่วงนี้ เขาไม่ยิ้มเลยแม้แต่น้อยถึงพวกเพื่อนๆ เขาจะชวนคุยตลกโปกฮาก็ตาม

ทว่านั่นไม่สำคัญเท่ากับที่ผมเห็นเขาแล้วก็สะดุ้งโหยง จะหนีไปไหนก็ไม่ทันเมื่อเพื่อนเขาที่เดินมาด้วยกันร้องทักขึ้นมาพอดี

“นั่นน้องจิแฟนมึงหรือเปล่าวะ”

พี่อินทร์มองมายังผมทันควัน ผมก็ชะงักกึกราวกับถูกสั่งให้หยุด

“แฟนมาหาแล้ว ไปกับแฟนไปมึงอะ ไว้เจอกันที่หอ”

ได้ยินอย่างนั้นผมก็รู้เลยว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมาที่เขาไม่อยู่หอนั้น เขาไปนอนที่ไหน

หอเพื่อนในคณะ... มิน่าล่ะ ทำไมผมถึงไม่รู้ ก็เพื่อนของเขาคนนั้นผมไม่รู้จักสนิทสนมนี่ รู้จักแค่ผ่านๆ ว่าเป็นเพื่อนในคณะของเขาก็เท่านั้น

แต่สิ่งที่สำคัญกว่าการที่พี่อินทร์ไปนอนหอเพื่อนในคณะก็คือตอนนี้เขากับผมกำลังยืนประจันหน้ากัน สายตาของเขาที่มองมายังผมมันเย็นชา

เย็นชา...จนผมรู้สึกราวกับว่าผมกลายเป็นคนอื่นสำหรับเขาไปแล้ว

ผมเห็นแล้วก็ใจหายวาบ แรงฮึดอันน้อยนิดที่รวบรวมมาก่อนหน้านี้ที่ตั้งใจว่ายังไงวันนี้ก็ต้องคุยกับเขาให้ได้อันตรธานหายไปหมด เหลือแต่ความท้อใจผสมปนเปกับความอิหลักอิเหลื่อที่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ชวนให้อึดอัด ดูจากท่าทางเขาแล้ว เขาคงไม่อยากเห็นหน้าผมหรอก ถ้าอยากเห็น เขาคงไม่หนีหายไปแบบนี้ ผมมันดันทุรังเองแหละที่คิดเข้าข้างตัวเองว่าเขายังรักผมอยู่และเชื่อพี่บุศย์ที่บอกให้อดทนรอ

รออะไรกันล่ะ เขาไม่ได้เป็นคนพูดเองสักหน่อยว่าให้ผมรอ แล้วจะให้ผมรออะไร...

ผมยืนนิ่งราวกับเป็นซากสัตว์ถูกสตัฟฟ์ ในใจภาวนาขอให้พี่อินทร์เมินแล้วเดินหนีไปทางอื่นหรืออะไรก็ได้ ไม่ต้องสนใจผมเลยจะดีกว่า เพราะวินาทีนี้ผมรู้ตัวแล้วว่ายังไม่พร้อมที่จะรับมือกับความเจ็บปวดอีกระลอกถ้าหากว่าเขาพูดอะไรทำร้ายจิตใจผมอีก

แต่พี่อินทร์กลับเดินเข้ามาใกล้จนมาหยุดอยู่ตรงหน้า ระหว่างห่างระหว่างเขากับผมมีเพียงหนึ่งช่วงแขนเท่านั้น ผมทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ก้มหน้ามองปลายเท้า ก่อนว่าเร็วๆ เพื่อกลบเกลื่อนความน่าอึดอัดนี้

"จะ...จิบังเอิญผ่านมาน่ะครับ ก็เลยแวะมาดูว่าพี่อินทร์เป็นยังไงบ้าง เห็นพี่อินทร์ไม่กลับไปเอาของพี่ห้องเลย จิก็เลยมาดู เผื่อว่าพี่อินทร์อยากจะกลับไปเอาอะไร"

เป็นข้ออ้างโง่ๆ ที่แม้แต่เด็กอนุบาลก็ไม่เชื่อ รอยยิ้มที่ฝืนยิ้มอยู่นี่ก็ดูโง่ เพราะยิ่งฝืนเท่าไร ขอบตาผมก็ร้อนผะผ่าวมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งพอเงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกฝ่าย ความอัดอั้นที่กักเก็บไว้มานานก็ถูกระบายออกมาเป็นหยาดน้ำตา
ผมไม่สามารถเก็บงำความเจ็บปวดนี้ไว้ได้อีกแล้ว สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมาต่อหน้าเขา พร้อมกับพูดในสิ่งที่คิดอย่างไม่อาจหักห้ามไหว
"พะ...พี่อินทร์... ทำไมทำกับจิแบบนี้...ฮึก...”

“...”

“จิทำอะไรผิด ทำกับจิแบบนี้ทำไม ฮึก... ขอร้องล่ะ อย่าทำกับจิแบบนี้..."

พี่อินทร์ยังคงนิ่ง เขามองผมด้วยสายตาที่ยากจะอ่าน แต่ผมไม่อยากรู้หรอกว่าเขาคิดอะไรอยู่ คงจะรำคาญ หรือไม่ก็สมเพชที่ผมยังเฝ้าตามตื๊อเขา

ทั้งๆ ที่รู้ว่าร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ผมก็หยุดตัวเองไม่ได้

หยุดไม่ได้แล้ว... มันเจ็บปวดเกินไป ผมรับไม่ไหวแล้ว

"อย่าใจร้ายกับจิแบบนี้สิครับ จิทนไม่ไหวแล้วนะ..."

ผมยังคงร้องไห้และตัดพ้อพร้อมๆ กัน แล้วก็เป็นอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง กระทั่งเริ่มได้สติสัมปชัญญะ ผมก็ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา พลางว่าเสียงแผ่ว

"จิขอโทษ..."

ขอโทษที่รบกวน ขอโทษที่มาทำให้รำคาญใจ...

“จิขอโทษ...ฮือ...จิขอโทษ...”

ผมพูดประโยคเดิมวกไปวนมาเหมือนคนบ้า รู้ตัวว่าบ้าแต่หยุดการกระทำของตัวเองไม่ได้เลย ยิ่งมาอยู่ต่อหน้าเขา ผมก็เหมือนจะสูญเสียความควบคุมไปหมด

ผมรักเขา... ผมไม่อยากให้เขาทิ้งผมไปแบบนี้...

พี่อินทร์...จิต้องทำยังไง พี่อินทร์ถึงจะรักจิเหมือนเดิม

ผมสะอึกสะอื้นเป็นบ้าเป็นหลัง พักหนึ่งก็ได้สติว่าไม่ควรมากวนใจเขาอยู่ตรงนี้ พลันก็จะหันหลังกลับไปตามทางที่ผมมา พร้อมกับสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มารบกวนให้เขาลำบากใจอีก การที่เขานิ่งเฉย ไม่พูดอะไรออกมาสักคำมันก็ชัดแล้วว่าผมกำลังทำให้เขาอึดอัด

ผมรักเขา ผมไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดี ต่อให้เขาไม่รักผมแล้ว ผมก็ยังอยากให้เขารู้สึกดีๆ กับผม...

บางทีการปล่อยวางอาจจะดีกว่า...

ทว่ายังไม่ทันจะได้ขยับ พี่อินทร์ก็เปล่งเสียงขึ้นมาเสียก่อน

"จิระ"

น้ำเสียงของเขาแหบแห้ง แต่ก็ทำให้ผมเงยขึ้นมองหน้าเขาผ่านม่านน้ำตาได้ แวบหนึ่งเห็นแววตาปวดร้าวของเขา ผมไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมเขาถึงมองผมด้วยสายตาแบบนี้ รู้ตัวอีกทีก็ถูกพี่อินทร์ถลาเข้ามาดึงร่างผมไปกอดไว้แน่นแล้ว

"พี่ก็ทนไม่ไหวแล้วจิ...ให้เป็นแบบนี้ต่อไป พี่ทนไม่ไหวแล้ว"

เขาพูดอะไรบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ และผมก็ไม่พร้อมที่จะเข้าใจอะไรด้วยเมื่อเขาพูดประโยคต่อมา

"พี่เลิกกับจิไม่ได้ จิระ... พี่ไม่เลิก... ไม่เลิก...พี่ขอโทษ...”

ของเหลวอุ่นร้อนหล่นเผาะลงบนหัวไหล่ผม ผมรับรู้ได้ทันทีว่าคนที่โอบกอดผมอยู่ก็ร้องไห้ แต่ชั่ววินาทีนั้นมันก็มีความยินดีบางอย่างผุดพรายขึ้นมา

พี่อินทร์ยังรักผมอยู่ใช่ไหม

ใช่หรือไม่ก็ไม่รู้ล่ะ รู้แต่ว่าตอนนี้ผมปล่อยโฮลั่นเป็นเด็กเล็กๆ เรียบร้อยแล้ว

“พี่ขอโทษนะจิ... พี่ขอโทษ...”

ยิ่งผมร้องไห้ เขาก็ยิ่งพูดพร่ำขอโทษไม่เลิก กระซิบอยู่ข้างๆ หูผมวนไปมาไม่หยุด ตอนนี้ทั้งผมและเขาต่างไม่อายสายตาของคนอื่นที่มองมาแล้ว ผมรู้สึกราวกับว่าทุกอย่างที่แบกรับอยู่บนบ่าถูกปลดเปลื้องลงในวินาทีนี้ ก่อนจะปล่อยโฮออกมาลั่น

"พี่อินทร์อย่าทิ้งจิไปแบบนี้อีกนะ ฮือ... อย่าทำแบบนี้อีก! อย่าทำแบบนี้! ได้ยินไหมว่าอย่าทำแบบนี้!"

ผมทั้งกอดเขาแน่น ทั้งทุบหลังเขาด้วยความโกรธ ทุบย้ำๆ ซ้ำๆ จนรู้สึกว่าแขนตัวเองเริ่มไม่มีแรง ขณะที่เขาเองก็กอดผมแน่นมากกว่าเดิมเช่นกัน

"พี่ขอโทษนะจิ... พี่ขอโทษ"

ผมจะให้อภัยหมดทุกอย่าง...ทุกอย่างเลย ขอแค่กลับมา

กลับมาหาจินะพี่อินทร์...

กลับมา...

กลับมารักจิอย่างเดิมนะ...

 

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 25★ตระบัดสัตย์[20.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 21-05-2018 22:03:47
★C H 26★คำสาบานมีไว้ให้รักษา[2]


ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนผมสับสนไปหมด เขาเลิกกับผมไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ไม่กลับมาที่ห้องให้เห็นหน้าเลยแม้แต่วันเดียว ข้อความหรือโทรศัพท์อะไรก็ไม่โทรมาหา ให้แค่พี่บุศย์มาคุยและคอยดูแลผมอย่างเดียวเท่านั้น แต่วันนี้...เรากลับมานั่งมองหน้ากันอยู่บนเตียง

หลังจากที่ผมร้องไห้โวยวายหน้าตึกคณะเขาไปเป็นที่เรียบร้อย พี่อินทร์ก็ปลอบผมให้สงบลงแล้วรีบพาผมกลับมาที่หอ พร้อมกับบอกว่า...

“พี่มีเรื่องจะสารภาพ”

...และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เรานั่งนิ่งกันอยู่อย่างนี้

ผมรอเขาพูดอยู่พักหนึ่งแล้ว เขาก็ไม่พูดอะไรออกมาสักทีจนบรรยากาศที่รายล้อมรอบตัวเราดูน่าอึดอัด กระทั่งผมเรียกเขา

“พี่อินทร์...”

เขาก็สวนขึ้นมา “จิจำได้ไหมว่าจิเคยถามพี่ว่าเชื่อเรื่องระลึกชาติหรือเปล่า”

ผมงุนงงไปเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้า จำได้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยถามเรื่องนั้นกับผม และพอผมพยักหน้า เขาก็ถอนหายใจออกมา เอื้อมมือมาจับมือผมไว้แน่น

“ก่อนที่พี่จะบอกอะไรจิ พี่ขออะไรอย่างนึงได้ไหม”

“ครับ?”

“จิจะโกรธพี่ยังไงก็ได้ แต่อย่าเกลียดพี่เลยนะ”

แววตาที่เขามองมาเต็มไปด้วยความหวั่นใจ เขาดูไม่มั่นคง ดูระแวง ดูอะไรก็แล้วแต่ที่เหมือนกันว่ากลัวผม ผมก็ไม่เข้าใจหรอกว่าเขากลัวอะไร ก่อนเขาจะพูดขึ้นมาอีก

“โกรธพี่มากแค่ไหนก็ได้ จะตีพี่ยังไงก็ได้ แต่พี่ขอร้อง...ถ้าพี่พูดอะไรออกไป จิอย่าเกลียดพี่...”

น้ำเสียงของเขาสั่นเครือในตอนท้าย ไม่รู้ทำไมผมสัมผัสได้ถึงความปวดแปลบจากเขา และสิ่งนั้นก็ทำให้ผมพยักหน้า

“จิจะไม่เกลียดพี่อินทร์ครับ”

ตอบรับไปอย่างนั้น เขาก็ยิ้มขึ้นมาบางๆ พลันเม้มริมฝีปากไปครู่ แล้วว่าเสียงแผ่ว

“ที่จิเคยถามว่าพี่เชื่อเรื่องการระลึกชาติหรือเปล่า คำตอบของพี่คือเชื่อ แล้วพี่ก็รู้...”

“...”

“...ว่าจิระลึกชาติได้”

ได้ยินเท่านั้น ผมก็ชาวาบไปทั้งสันหลัง พอสบตาเขาก็รู้ว่าเขาไม่ได้พูดเล่นแน่ สายตาที่เขามองมามันจริงจังเสียจนผมเรียบเรียงความคิดไม่ถูก

พี่อินทร์บอกว่าเขารู้ว่าผมระลึกชาติได้ งั้นก็แสดงว่า...

“พะ...พี่อินทร์...”

“พี่ก็ระลึกชาติได้เหมือนกัน...ระตูจรกา”

สิ้นเสียง ผมก็เบิกตาโต

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขารู้มาตลอดเลยเหรอว่าผมคือจรกากลับชาติมาเกิด!?

ต้องรู้แน่ล่ะ เพราะคิดดูดีๆ แล้ว การกระทำบางอย่างของเขาก็ทำให้ผมคิดถึงอิเหนาในชาติก่อนเหมือนกัน เช่นการเอาดอกชบามาทัดหูให้ผม ส่วนตอนนี้ ผมไม่แน่ใจว่าความรู้สึกที่แล่นพล่านขึ้นมาถึงหน้าอกนั้นเป็นความยินดีหรือความตกใจกันแน่ แต่มันทำให้ผมนิ่งงันไปเลย จะมีก็แต่พี่อินทร์เท่านั้นที่ถามผมเสียงแผ่ว

“จิเกลียดพี่หรือเปล่า”

ผมได้สติในตอนนี้ เห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวั่นใจนั่นแล้วก็รีบตอบออกไป

“จิไม่เกลียด ชาตินี้จิไม่เกลียดอิเหนาแล้ว” สิ้นเสียง พี่อินทร์ก็ยิ้มออกมา แต่แล้วก็กลายเป็นรอยยิ้มเจื่อนๆ เมื่อผมพูดไปอีก “แต่จิโกรธมาก ทำไมถึงต้องทำจิเสียใจขนาดนี้ด้วย พี่อินทร์เป็นบ้าเหรอ ทำบ้าอะไรอยู่!”

ยิ่งพูดก็ยิ่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ พี่อินทร์ก็ไม่เถียงอะไร ได้แต่ถามเท่านั้น

“อยากตีพี่ไหม”

ผมก็เลยง้างมือขึ้นมา ทำท่าเหมือนจะตบหน้าเขา เขาก็ไม่หนี มองหน้าผมนิ่งเหมือนกับกำลังบอกว่าเขายอมรับโทษทุกอย่าง ซึ่งนั่นทำให้ผมต้องนิ่งค้าง แล้วลดมือลง

“จิทำพี่อินทร์ไม่ลงหรอก”

จะโกรธแค่ไหน ผมก็ไม่กล้าตบหรือตีเขาอีกแล้ว ในเมื่อผมรักเขา ทำไมผมจะต้องทำให้เขาเจ็บกัน

“พี่ขอโทษ” พี่อินทร์ก็พึมพำออกมา แล้วก็ดึงผมเข้าไปกอดแน่น พูดพร่ำไม่หยุด “พี่ขอโทษนะจิ...ขอโทษ ชาตินี้พี่ก็ทำให้จิต้องเสียใจอีกแล้ว พี่ขอโทษ...”

ผมกอดเขาตอบนิ่ง เขาก็ดูอึดอัดมากเหมือนกันที่ต้องเก็บงำเรื่องที่เขาเป็นอิเหนาและระลึกชาติได้มาตลอด ผมพอจะเข้าใจเขาอยู่หรอกว่าทำไม

ก็ชาติก่อนผมเกลียดเขาเสียขนาดนั้น ถ้าเขารักผมมาตั้งแต่ชาติก่อน ชาตินี้พอมารักกัน ก็ไม่แปลกหรอกถ้าเขาจะกลัวผมเกลียดถ้าผมรู้ว่าเขาคือใคร

“จิไม่เกลียดพี่อินทร์หรอกครับ ชาตินี้ไม่เคยเกลียดเลย”

พอบอกไปอย่างนั้น พี่อินทร์ก็ตั้งสติขึ้นมาได้ เขาหยุดพูดขอโทษแล้ว แต่ก็ยังไม่ปล่อยผมออกจากอ้อมแขน ได้ทีผมเลยถามต่อ

“แต่ถ้าไม่บอกจิว่าทำไมถึงบอกเลิกจิ จิเกลียดแน่ๆ”

พี่อินทร์ผละออกมา เขาจับไหล่ทั้งสองข้างของผมแล้วยิ้มเศร้าๆ

“พี่มีเหตุผล”

“อะไรล่ะครับ บอกจิสิ มีเหตุผลอะไรถึงต้องทำให้จิเสียใจแบบนี้”

เขาไม่พูดในทันที ปรายตามองมาที่ผมแล้วถอนหายใจ

“พูดมาสิครับ”

น้ำเสียงของผมออกจะรำคาญนิดๆ ที่เขาเอาแต่อมพะนำ พี่อินทร์เลยยอมปริปาก

“วันนี้จิแต่งตัวถูกระเบียบอีกแล้วนะ”

แทนที่จะบอก แต่กลับพูดถึงเรื่องชุดนักศึกษาที่ผมใส่เสียอย่างนั้น พอผมขมวดคิ้ว เขาก็ว่าออกมาอีก

“ช่วงนี้มีอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงชอบใส่เสื้อกับกางเกงขายาว”

เป็นคำถามที่...ผมก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองก็มีเรื่องปิดบังเขาอยู่เหมือนกัน พลันรีบเฉไฉไปเป็นเรื่องอื่น

“ไม่มีอะไรหรอกครับ จิแค่อยากแต่งตัวถูกระเบียบ”

ดวงตาก็เผลอทำหลุกหลิกไปด้วย แน่นอนว่าพี่อินทร์จับพิรุธได้

“พี่จะไม่ปิดบังจิอีกต่อไปแล้ว แต่จิก็อย่าปิดบังพี่ด้วยได้ไหม เรื่องอะไรที่ทำให้ทุกข์ใจอยู่ บอกพี่เถอะ ให้พี่ช่วยเถอะนะ”

ผมนิ่ง... ทำไมเขาถึงพูดเหมือนรู้ล่ะ ก็ผมไม่เคยให้เขาเห็นรอยบนตัวพวกนั้น แล้วทำไมถึง...

จู่ๆ ก็นึกถึงวันที่ผมตบหน้าเขาได้ขึ้นมา

หรือว่า...จะเห็นเมื่อวันนั้น!?

คงเป็นอย่างนั้นแหละ คิดอย่างนั้นแล้วผมก็ใจไม่ดีเลย ความกังวลที่ลืมไปชั่วขณะหนึ่งผุดพรายขึ้นมาเกาะกุมจิตใจอีกครั้ง ผมส่ายหน้า ไม่อยากให้เขาเห็นว่าบนเนื้อตัวผมเกิดอะไรขึ้น แต่พี่อินทร์ก็จับมือผมไว้แน่น

“พี่จะบอกจิทุกอย่างว่าทำไมพี่ถึงใจร้ายกับจิแบบนี้ แต่จิก็ต้องบอกพี่ด้วยนะว่าปิดอะไรพี่ไว้อยู่”

“...”

“ตกลงนะครับ”

ผมไม่พูดอะไรต่อจากนั้น ไม่ได้ให้คำตอบเขา แต่พี่อินทร์ก็ถือเอาเองว่าผมตอบรับไปแล้ว เขาค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อผมออกทีละเม็ด พอแกะกระดุมเม็ดที่สอง ผมก็รีบตะครุบสาบเสื้อเอาไว้ก่อนที่มันจะแยกออกจากกันด้วยเกิดกลัวขึ้นมา

กลัว...

กลัวว่าถ้าเขาเห็นว่าผมไม่ได้มีผิวพรรณสวยงาม แต่มีรอยอะไรก็ไม่รู้เต็มไปทั้งตัวอย่างนั้น เขาจะหาว่าผมรูปชั่วเหมือนที่ใครต่อใครปรามาสไว้ในชาติก่อนอีก

ชาติก่อนเขาจะเห็นผมเป็นยังไงก็ช่าง แต่ชาตินี้... ถ้าชาตินี้เขารังเกียจผม ผมคงเป็นบ้าตายแน่

ทว่าเขาก็ไม่หยุด เริ่มแกะกระดุมอีกครั้ง ทำให้ผมต้องออกปากห้าม

“พะ...พี่อินทร์อย่า...”

พี่อินทร์ชะงักมือไว้ เหลือบมองหน้าผมด้วยสายตาปลอบประโลม

“ไม่เป็นไรนะจิ ไม่ต้องกลัว” ราวกับเขารับรู้ว่าผมกังวลอะไรอยู่ ผมก็ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากสาบเสื้อกระทั่งเขาพูดขึ้นอีกครั้ง “ไม่เป็นไรจริงๆ เชื่อใจพี่นะ พี่ไม่ทำให้จิเสียใจแน่ๆ เชื่อพี่...”

เขาดึงมือผมให้พ้นทางอย่างช้าๆ ก่อนจะแกะกระดุมเสื้อผมทีละเม็ดอีกครั้งจนมาถึงเม็ดสุดท้าย พี่อินทร์ค่อยๆ ดึงเสื้อออกจากหัวไหล่ผม พลันรอยแดงๆ เป็นลายรากต้นไม้ก็ปรากฏให้เห็น เขามองรอยนั้นนิ่ง ผมเองก็อับอายที่ต้องมาเปิดเผยรอยพวกนี้ให้เห็นเช่นกันเลยเบือนหน้าไปทางอื่น แต่สุดท้ายก็ต้องเหลือบกลับมามองจนได้เมื่อเห็นว่าพี่อินทร์มองนานเกินไป

นานไม่พอ ดวงตาทั้งสองข้างของเขายังแดงก่ำ ก่อนที่หยาดน้ำตาสีใสจะเอ่อท้นและทะลักไหลอาบใบหน้าคร้ามออกมา พี่อินทร์ส่งเสียงสะอื้นไห้อย่างไม่ปกปิด

“จิ...ฮึก...”

แล้วเขาก็ดึงผมไปกอดแน่น จากที่ผมกลัวว่าเขาเห็นแล้วจะไม่รักผมเหมือนเดิม กลายเป็นว่าผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ตอนที่เขากอดผมหน้าคณะแล้วร้องไห้นั่น ผมก็ใจไม่ค่อยดีแล้ว มาเห็นเขาร้องไห้ต่อหน้าอย่างนี้ ผมยิ่งใจไม่ดีไปกันใหญ่

“พี่อินทร์ร้องไห้ทำไม” และมันก็คือคำถามในใจผม เขาไม่ยอมเขยื้อนเลยสักนิด เอาแต่กอดผมแน่นจนผมต้องดึงเขาออก “พี่อินทร์...ร้องทำไมครับ”

ผมก็รู้สึกร้อนผะผ่าวที่ดวงตาเหมือนกันเมื่อเห็นเขาร้องไห้ไม่หยุดสักที พี่อินทร์ยอมผละออกมา แต่ดวงตาก็ยังมีน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด เขาพยายามกลั้นก้อนสะอื้น ถามผมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“จิรู้ไหมว่ารอยนี้มันคือรอยอะไร” ผมส่ายหน้า พลันพี่อินทร์ก็ว่าออกมา “มันเป็นรอยฟ้าผ่าเพราะจิผิดคำสาบาน”

ผมนิ่งงันไปทันที ขณะที่เขาสูดหายใจเข้าปอด พยายามจะหยุดน้ำตาที่ยังคงไหลออกมาไม่เลิก

“ไปสาบานอะไรไว้เมื่อชาติก่อน จำได้หรือเปล่า”

คำถามนั้นทำให้ผมฉุกใจคิดถึงเรื่องในอดีตชาติขึ้นมาฉับพลัน

‘อิเหนา... ข้าขอสาบาน... ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน ข้าก็จะไม่มีวันญาติดีกับเจ้า หากข้าผิดคำพูดแล้วไซร้ ขอให้องค์เทพเทวาลงทัณฑ์ด้วยอสุนีบาตจนสิ้นใจ ขอสาบานด้วยชีวิตของข้า ขอสาบาน!’

ยะ...อย่าบอกนะว่ารอยนี้คือผลของการที่ผมสาบานไว้ในตอนนั้น!?

เป็นอย่างนั้นแน่นอน เพราะไม่อย่างนั้นรอยพวกนี้คงไม่ปรากฏขึ้นมาเอง ผมผิดคำสาบานที่ว่าจะไม่ญาติดีกับอิเหนา แต่ชาตินี้ผมกลับรักเขาสุดหัวใจ

ผิดคำสาบานก็ต้องแลกด้วยชีวิต... มันจะเป็นอย่างนั้นใช่ไหม

“สาบานอะไรไว้ จำได้หรือยัง”

ผมไม่แน่ใจว่าควรจะบอกเขาดีหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ยอมพูดออกไปเมื่อเห็นว่าแววตาที่เขามองมามันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

“จิสาบานว่า...ชาตินี้หรือชาติไหนก็จะไม่มีวันญาติดีกับอิเหนา หากผิดคำสาบาน...ขอให้ฟ้าผ่าตาย”

สิ้นเสียง พี่อินทร์ก็มีสีหน้าเศร้า “ชาติก่อนเกลียดพี่มากขนาดนั้นเลยเหรอ”

ผมไม่ตอบ ไม่อยากทำร้ายจิตใจเขา แต่ถึงจะไม่บอก พี่อินทร์ก็คงรู้เพราะเขาเอ่ยขอโทษออกมาแล้ว

“พี่ขอโทษนะ แต่จิรู้ไหมว่าทุกการกระทำที่พี่ทำในชาติก่อนมันเป็นเพราะอะไร”

ผมรอฟัง เขาก็คว้ามือผมข้างที่สวมแหวนที่เขาให้ขึ้นมา

“ตอนนี้ยังฝันอะไรแปลกๆ อยู่อีกไหม ฝันแปลกๆ...ว่าอิเหนาหลงรักจรกา” ผมเบิกตาโตขึ้น เขาก็ยิ้มออกมา  “แหวนนี้ทำให้จิฝันอย่างนั้น”

คำตอบของเขาทำให้ผมแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

เดี๋ยวนะ แหวนนี้ทำให้ผมฝันถึงอดีตชาติเหรอ งั้นก็แสดงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในความฝันมันคือเรื่องจริง!?

อิเหนารักจรกา...รักมาตลอด มันคือเรื่องจริง ผมไม่ได้คิดไปเอง!

ผมไม่รู้จะแสดงความรู้สึกออกมายังไงดี จะดีใจ ตกใจ หรือประหลาดใจ ผมไม่รู้เลย ได้แต่ปล่อยให้พี่อินทร์ใช้ฝ่ามือลูบที่หัวไหล่ผม

“พี่ขอโทษ...”

เขาดูเศร้ามาก ถ้าชาติก่อนเขารักผมจริง แต่ผมเกลียดเขาทั้งชาติ ซึ่งเขาก็รู้ดีว่าผมเกลียดเขามากแค่ไหน ยิ่งมารู้ว่าผมเกลียดถึงขนาดสาบานว่าจะไม่ญาติดีด้วย ยอมแลกทั้งชีวิต เขาคงจะทรมานมาก...

“พี่อินทร์... ไม่เป็นไรนะครับ ชาตินี้จิไม่ได้เกลียดพี่อินทร์แล้ว จิรักพี่อินทร์นะ”

ผมก็เลยปลอบเขาออกไป แต่ดูท่าทางจะไม่ช่วยสักเท่าไร เขายังมีสีหน้าไม่ดีขึ้น แถมยังพูดว่า...

“ถ้าชาตินี้จิจะเกลียดพี่อีก พี่ก็จะไม่ว่า เพราะพี่ทำให้จิเสียใจ”

ผมเลยฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าจริงๆ แล้วกำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่

“แล้วพี่อินทร์จะบอกจิได้หรือยังว่าเลิกกับจิทำไม”

เขาพยักหน้าพลันว่า “มันเป็นเพราะคำสาบานของจิ วันนั้นพี่เห็นรอยนี้บนตัวจิ ก็เลยเอาไปปรึกษากับไอ้บุศย์แล้วก็สรัล แต่ก็เจอเข้ากับไอ้จิณห์พอดี มันบอกกับพี่ว่ารอยนี้คือรอยฟ้าผ่าที่ผิดคำสาบาน ที่มันรู้ก็เพราะว่ามันเองก็เคยมี แต่ของมันไปถอนคำสาบานแล้วหาย”

“งั้นจิจะไปถอนคำสาบานบ้าง”

ผมรีบบอก ทว่าพี่อินทร์กลับส่ายหน้าน้อยๆ

“ถ้ามันถอนคำสาบานแบบปกติแล้วหาย พี่จะไม่ใจร้ายกับจิแบบนี้เลย”

“พี่อินทร์หมายความว่าไง”

“ที่พี่เลิกกับจิ...” เขาเว้นจังหวะไปเล็กน้อย บีบมือผมแน่นกว่าเดิม “เป็นเพราะพี่ต้องการคำตอบจากไอ้จิณห์ว่ามันทำยังไงถึงหาย มันอยากให้พี่เลิกกับจิ ตอนแรกพี่ไม่ยอมเลิก มันเลยให้ไปเอาใจมัน แต่พอจิไปเห็นพี่กับมันวันนั้น พี่เลยตัดสินใจว่าจะรีบจบเกมเพราะไม่อยากให้จิอึดอัดใจ”

“ก็เลยวานให้พี่บุศย์มาบอกให้จิอดทนรอจนกว่าพี่จิณห์จะยอมบอกวิธีถอนคำสาบานเหรอ”

เขาพยักหน้า เท่านั้นผมก็อดไม่ได้ที่จะว่าเขา

“ทำไมพี่อินทร์โง่แบบนี้ มาตัดสินใจแทนจิทำไม ทำไมทำอะไรไม่ถามจิก่อน”

“พี่แค่อยากช่วยจิ ไม่งั้นจิต้องแย่แน่ พี่ทนไม่ได้ถ้าต้องเสียจิไป”

“แล้วจิทนได้เหรอ จิไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้นนะ จู่ๆ พี่อินทร์ก็มาบอกเลิกอย่างนั้นน่ะ ถามจิก่อนสิว่าอยากให้พี่อินทร์เลิกกับจิไหม ทำไมไม่ถาม ชาติก่อนตอนเป็นอิเหนาก็ทำอะไรไม่เคยถามจิ แล้วก็ให้ไอ้แหวนนี่มาบอกว่าทำไปเพราะรักอย่างนั้นอย่างนี้ มันใช่เหรอพี่อินทร์ เห็นความรู้สึกจิเป็นอะไร ทำไมมีอะไรถึงไม่พูด!”

“พี่คิดว่าการกระทำมันน่าจะพิสูจน์ได้ว่าพี่รักจิ...”

“การกระทำพิสูจน์ได้ แต่มันไม่ใช่ทั้งหมดไหมพี่อินทร์ ใครจะไปตรัสรู้กับพี่วะว่ารักจิน่ะ ทำให้จิเสียใจแบบนี้เรียกว่ารักเหรอ! ชาติก่อนก็ทำแบบนี้ ชาตินี้ก็ยังทำแบบนี้อีก คิดแทนจิอยู่ได้ เป็นบ้าหรือไง!”

ยิ่งพูด ผมก็ยิ่งเสียงดัง ชักจะโกรธขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว เหมือนเป็นไบโพลาร์ยังไงก็ไม่รู้ ก็รู้แหละว่าเขาทำไปก็เพราะรัก แต่เรื่องแบบนี้มันควรเป็นเรื่องของคนสองคนไม่ใช่เหรอ เขาไม่ควรตัดสินใจคนเดียวแบบนี้ ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่า ‘คู่’ ทำไม ในเมื่อคิดเองอยู่ฝ่ายเดียว

พี่อินทร์ยอมจำนนทุกอย่าง เขาพยักหน้ายอมรับความผิด พึมพำเบาๆ

“พี่ขอโทษ พี่แค่ไม่อยากเสียจิไปอีก”

ประโยคนี้ทำให้ผมใจเย็นลง เขาดูน่าสงสารมาก เอาจริงๆ แล้วชาติก่อนเขาก็น่าสงสาร รู้ทั้งรู้ว่าผมเกลียดเข้าไส้ตั้งแต่แรกทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เขาก็ไม่ยอมตัดใจจากผมจนทำเรื่องบ้าๆ สารพัดอย่างนั้น มาชาตินี้เขาก็ยังทำเรื่องบ้าๆ เพราะรักผมอีก

ผมควรให้อภัยเขา...

คิดได้ ผมก็ใจเย็นลง บอกกับเขาเสียงอ่อน

“ทีหลังถ้าคิดจะทำอะไรที่เกี่ยวกับจิ บอกจิก่อนได้ไหม อย่าตัดสินใจคนเดียวอีก”

“แล้วจิก็อย่าเก็บเรื่องทุกข์ใจไว้คนเดียวเหมือนกันนะ มีอะไรก็ขอให้บอกพี่ จะหนักหนาแค่ไหนก็บอกพี่เถอะ อย่าให้พี่รู้เองแบบนี้เลย เพราะพี่ก็ไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับจิ พี่ก็ทำอะไรโง่ๆ ตลอด”

ผมรู้ตัวในตอนนี้ว่าผมเองก็ผิดเหมือนกัน ผมเลยพยักหน้ารับ เท่านั้นเขาก็รวบผมไปกอดแน่นอีกครั้ง

“แต่ครั้งนี้ที่พี่ทำแบบนี้ พี่อยากให้จิเข้าใจว่าพี่กำลังรักษาคำสาบานของพี่อยู่” เขาเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะว่าต่อ “พี่สัญญาว่าจะปกป้อง จะดูแลและรักจิตลอดไป ครั้งนี้พี่ปกป้องแต่ไม่ได้คิดถึงใจจิ แต่วันนี้พี่จะขอสาบานเพิ่มอีกอย่าง...”

“อะไรเหรอครับ”

“พี่ขอสาบาน...” พลันเขาก็ผละอ้อมกอดออกมามองหน้าผม “พี่จะไม่ทำให้จิเสียใจอีก จะไม่มีวันทำให้จิร้องไห้เพราะการกระทำโง่ๆ ของพี่อีก ขอสัญญาไว้ด้วยชีวิต...”

“จิไม่อยากให้พี่อินทร์สาบานแบบนี้เลย”

แต่เขากลับไม่ยี่หระ ยิ้มออกมา

“คำสาบานมีไว้ให้รักษา... พี่จะรักษาคำมั่นสัญญาของพี่” จากนั้นก็ว่าติดขำๆ “แต่คำสาบานของจิ ไม่ต้องรักษาแล้วนะ พี่ไม่อยากให้จิเกลียดพี่แล้ว”

ผมหัวเราะน้อยๆ เห็นพี่อินทร์แบบนี้ก็เอ็นดูเขาขึ้นมา

“ถ้าอย่างนั้นต้องช่วยให้จิหายด้วย”

เขาพยักหน้าหงึกหงัก รวบผมไปกอดอีกครั้ง

“เราจะหาวิธีด้วยกัน แต่อันดับแรก...กลับมารักพี่เหมือนเดิมก่อนนะ พี่ไม่อยากเลิกแล้ว”

เอาแต่ใจเหมือนเด็กเล็กๆ เลย แต่ผมก็...

“อื้ม จิก็ไม่อยากเลิก ห้ามบอกเลิกจิอีกเข้าใจไหม”

พี่อินทร์ครางรับว่า ‘ครับ’ เบาๆ เพียงแค่นี้ความขุ่นเคืองและความสับสนก่อนหน้าก็มลายหายไปราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น

ผมจะไม่ถือโทษโกรธเขาแล้ว จะถือว่าเขารักษาสัญญา...

อย่าทิ้งจิไปไหนอีกนะพี่อินทร์...

----------------------------

หลังจากที่ลงตัวอย่างไป ปี้อินทร์ก็เละเป็นอิเหนากวน 555555

เป็นเรื่องที่เขียนแล้วสนุกมากค่ะ สนุกอ่านคอมเมนต์ ทุกคนคือแม่ๆ นว้องจิตัวเย็กๆ ปกป้องลูกสุดไรสุด ฮา

ตอนหน้าก็จะกลับมาเฮฮาปาจิงโกะเหมือนเดิมแล้วค่ะ เหลือเคลียร์ปมสุดท้ายของเรื่องก็จะจบละ คิดว่าน่าจะมีประมาณ 35 ตอนจบนะ แอบยาวเหมือนกัน ส่วนใครคิดว่าปี้อินทร์จะต้องได้รับผลกรรมอย่างสาสมนั้นนนนนน...ให้คนเขียนทำนายกันนนน (เอาอีกแล้ว XD)

ไว้มาลงตัวอย่างตอนหน้าให้ค่ะ ฝากกำลังใจไว้ด้วยเน้อ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 26★คำสาบานมีไว้ให้รักษา[21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-05-2018 22:46:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 26★คำสาบานมีไว้ให้รักษา[21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 21-05-2018 23:58:37
 :katai2-1: มาม่าหมดหมดถ้วยหล่ะเย้ๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 26★คำสาบานมีไว้ให้รักษา[21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 22-05-2018 00:12:30
ขอให้หาวิธีถอนคำสาบานได้เร็วๆนะจิระ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 26★คำสาบานมีไว้ให้รักษา[21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 22-05-2018 00:29:16
 o13
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 26★คำสาบานมีไว้ให้รักษา[21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-05-2018 01:31:21
รีบ ๆ ไปหาวิธีถอนคำสาบานเร็ว ๆ นะ ก่อนตัวหนูจิจะเป็นลายแทงไปเสียก่อน  :hao5:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 26★คำสาบานมีไว้ให้รักษา[21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-05-2018 02:58:21
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 26★คำสาบานมีไว้ให้รักษา[21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: aha_aha ที่ 22-05-2018 06:18:32
น้ำตาซึม...
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 26★คำสาบานมีไว้ให้รักษา[21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 22-05-2018 06:38:06
นึกว่าจะได้ดีดเหม่งเรียกสติซะแล้ว นี่มันยำยำช้างน้อยห่อเล็กๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 26★คำสาบานมีไว้ให้รักษา[21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 22-05-2018 09:38:57
เราจะสู้ไปด้วยกัลลล
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 26★คำสาบานมีไว้ให้รักษา[21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 22-05-2018 10:21:04
หมดมาม่าแล้ว


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 26★คำสาบานมีไว้ให้รักษา[21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 22-05-2018 15:13:05
ถ้าตอนนี้ยังไม่ดีกันจะเอาสากไปฟาดพี่อินทร์แล้วนะเนี่ย มาทำลูกของเดี๊ยนได้5555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 26★คำสาบานมีไว้ให้รักษา[21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-05-2018 15:50:04
 :katai2-1: o13 :katai2-1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 26★คำสาบานมีไว้ให้รักษา[21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-05-2018 21:49:12
สู้ไปด้วยกันนะพี่อินทร์ น้องจิ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 26★คำสาบานมีไว้ให้รักษา[21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 22-05-2018 22:29:25
Chapter 26: พี่หึงเจ้า[1]

หลังจากที่เรากลับมาคบกันเหมือนเดิม ผมก็ได้รู้ความจริงหลายๆ อย่างจากปากเขา

อิเหนาหลงรักจรกามาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้าในวัยเยาว์แล้ว แต่เป็นเพราะจรกาตั้งแง่ตั้งแต่ต้น เขาเลยไม่สามารถทำอะไรได้ พูดอะไรไป จรกาก็คิดว่าเป็นการกลั่นแกล้งทั้งสิ้น และเพราะแบบนี้จึงทำให้เขาเข้าหาผมไม่ได้เลย

ชาติที่แล้วจะโทษว่าเป็นความผิดของเขาแต่ฝ่ายเดียวว่าเอาแต่ทำอะไรโง่ๆ มีอะไรก็ไม่ยอมพูด ไม่ยอมอธิบายก็ไม่ได้ ต้องโทษผมด้วยที่ไม่มีท่าทีว่าจะฟังเขาเลยสักครั้ง มีทิฐิอัตตาที่อยากจะเอาชนะเขาอย่างเดียวเท่านั้น

สรุปแล้วก็ผิดกันทั้งคู่นั่นแหละ แถมยังรู้ด้วยว่าปัญหาของเราทีเรื้อรังมายังชาตินี้คืออะไร นั่นก็คือ...การที่เรามีอะไรก็ไม่ยอมคุยกันนั่นเอง

พี่อินทร์ก็กลัวผมจะเกลียดเขามาก ดูท่าทางฝังใจมาจากชาติก่อน พอๆ กับที่ผมกลัวว่าเขาจะเห็นผมอัปลักษณ์นั่นแหละ ผมก็เลยอ้อนเขามากกว่าปกติเพื่อให้เขาสบายใจว่าผมไม่ได้เกลียดเขาแล้ว ชาตินี้รักเขาจะตาย

พี่อินทร์ก็ดูเหมือนจะสบายใจขึ้น เขากลับมาเกาะผมหนึบเหมือนเดิมละ มิหนำซ้ำยังพาไปถอนคำสาบานอีก คือ...มันก็ไม่ใช่วิธีการถอนคำสาบานที่ถูกต้องหรอก แต่ในวินาทีนี้ วิธีไหนทำได้ก็ลองมันหมดทุกวิธี ตั้งแต่ไปถอนคำสาบานกับพระประธานที่วัด ท่องบทสวดมนตร์ ให้หลวงพ่อรดน้ำมนตร์ และอีกจิปาถะสารพัดวิธีเท่าที่จะเสิร์ชหาในกูเกิลได้ มันก็ไม่ได้ผลหรอก แต่อย่างน้อยก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นมาได้บ้าง

สบายใจขึ้นมาได้...บ้าง

อย่างที่บอก มันก็แค่นิดเดียว ผมก็ยังกังวลอยู่ โดยเฉพาะเวลาที่พี่อินทร์เห็นรอยพวกนี้ ถึงเขาจะบอกว่ารับได้ แต่ผมก็ยังไม่กล้าเปิดเผยให้เขาเห็นอยู่ดี ยังหลบๆ ซ่อนๆ จนพี่อินทร์เลิกพูดถึงเรื่องนี้ไป ทำตัวตามปกติเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมรู้ว่าเขาอยากให้ผมสบายใจ ส่วนเรื่องของพี่จิณห์ พี่อินทร์ก็ยังไม่รามือหรอก เขาให้คำมั่นว่าไม่ว่ายังไงก็จะเค้นเอาคำตอบมาให้ได้ว่าทำยังไงถึงจะทำให้ผมหายได้ ผมไม่อยากให้เขาไปยุ่งกับพี่จิณห์นักหรอก แต่เพื่อรักษาชีวิตตัวเองก็ต้องทำ

ส่วนวันนี้เรามีนัดกับพี่บุศย์และสรัลไปกินหมูกระทะตอนเย็นเนื่องในโอกาสที่ผมกับพี่อินทร์กลับมาคืนดีกัน ผมกลับมาถึงห้องพร้อมกันกับพี่อินทร์พอดี เขาทิ้งตัวลงนอนทั้งชุดนักศึกษาพลันร้องเรียกผม

“จิ มานี่เร็วๆ”

กระดิกนิ้วยิกๆ เลย เห็นก็รู้ว่าอยากน้วยผมแน่ๆ แต่ผมส่ายหน้า

“ไม่เอาอะพี่อินทร์ จิจะไปอาบน้ำ”
“หืม? อาบทำไม เดี๋ยวก็ไปกินหมูกระทะ หัวเหม็นตัวเหม็นก็ต้องมาอาบอีก”
“จิตัวเหนียวน่ะ ข้างนอกมันร้อน อยากอาบน้ำก่อน”

ผมให้เหตุผล พี่อินทร์ก็ไม่ได้ตอแยอะไร แต่พอผมเข้าห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้าเสื้อผ่อนเรียบร้อย เสียงเคาะประตูก็ต้องขึ้น

“มีอะไรเหรอครับ”

ผมเปิดประตู ชะโงกหน้าออกไปถามก็เห็นว่าพี่อินทร์ยืนยิ้มแป้นแล้นอยู่ อะไรไม่ว่า ไหล่ก็มีผ้าเช็ดตัวพาด แถมเสื้อผ้าก็ไม่ใส่อีก

“พี่อาบด้วยคนสิ”

เท่านั้นผมก็ลืมตาโพลงเลย มะ...ไม่ได้!

“ไม่เอาพี่อินทร์ จิจะอาบคนเดียว”

ผมรีบผลักประตูปิดเพราะรู้ว่าถ้าตกอยู่ในสภาพนี้แล้ว ห้ามยังไงก็ห้ามไม่ได้แน่นอน แต่พี่อินทร์รู้ทัน รีบดันประตูเอาไว้ก่อนที่มันจะปิด

“ทำไมพี่ถึงอาบด้วยไม่ได้ เราก็เคยอาบน้ำด้วยกันบ่อยๆ นี่”
“แต่วันนี้จิอยากอาบคนเดียวอ้ะ!”

ใช่! อยากอาบคนเดียว เพราะไม่งั้นพี่อินทร์...

“อายที่พี่จะเห็นรอยฟ้าผ่าเหรอ”

...ใช่

ผมชะงักไปทันที พอเหลือบมองหน้าเขา พี่อินทร์ก็ยิ้มออกมา

“ไม่ต้องอายหรอก ไม่เห็นมีอะไรต้องอายเลย ให้พี่เข้าไปนะ”

ผมลังเลไปนิด จังหวะที่เผลอไม่ได้ดันประตู ตอนนี้แหละที่พี่อินทร์แทรกตัวเองเข้ามา พลันผมก็อึกๆ อักๆ มือทั้งสองข้างยกขึ้นปิดรอยบนผิวตัวเองทันที ขณะที่พี่อินทร์รวบเอวผมเข้าไปชิดกับลำตัวเขา กระซิบเสียงแผ่วพลางอมยิ้ม

“ไม่เห็นต้องอายเลย จะมีรอยหรือไม่มีรอย ยังไงจิก็ยังเป็นคนงามของพี่... จิระคนงาม”

คำพูดนี้ทำให้ผมนึกถึงอดีตชาติที่ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเรียกผมว่า ‘จรกาคนงาม’ ขณะที่คนอื่นๆ เอาแต่พากันว่าและล้อเลียนเรื่องรูปร่างหน้าตาผม

หรือผมจะเป็นคนงามตั้งแต่ชาติที่แล้วจริงๆ?

พี่อินทร์ไม่ให้คำตอบเป็นคำพูดหรอก พอเห็นผมนิ่ง เขาก็ประทับจูบลงมาบนหน้าผาก ไล่ลงไปยังแก้มทั้งสองข้าง ก่อนจะมาจบที่ริมฝีปาก พึมพำแผ่วเบา

“งามมาก...งามจริงๆ ชาตินี้หรือชาติไหนก็งาม”

ผมเชื่อคำพูดของเขาไปแล้วว่าผมเป็นอย่างนั้น ก่อนที่จะต้องประหม่าขึ้นมาเมื่อเขาดันผมไปชิดกับผนัง แล้วค่อยๆ ไล่จูบลงต่ำไปยังซอกคอและช่วงไหปลาร้า

“พี่อินทร์...”

มือรั้งไหล่เขาไว้ไม่ให้เข้าใกล้ กลัวว่าเขาจะเห็นรอยพวกนั้นชัดเจนเกินไป แต่พี่อินทร์ก็ดึงมือผมออก

“ไม่ต้องกลัวนะ ไม่เป็นไร”

เหมือนกับว่าเขารู้ว่าผมกลัวอะไรอยู่ ผมก็อยากจะบอกเหมือนกันว่าผมไม่มั่นใจเวลาต้องเผยรอยพวกนี้ให้เขาเห็น แต่ทว่า...

“จะเป็นจรกาหรือจิระ ก็น่ารักสำหรับพี่ที่สุดในโลก”

ดวงตาสบประสาน แววตาของเขาหยักยิ้มและแฝงไปด้วยความเอ็นดูรักใคร่อย่างที่ปากพูดจริงๆ เท่านั้นผมก็ใจอ่อนยวบ อีกทั้งยังสบายใจขึ้นด้วยเมื่อเขาว่าตามมาอีกครั้ง

“พี่รักจิทั้งชาติที่เป็นจรกา ทั้งชาตินี้ ไม่ว่าจิจะเป็นยังไง พี่ก็รัก”

แล้วผมจะไม่สบายใจได้ยังไงล่ะ...

“ให้พี่รักจิเถอะนะ”

พอเขาพูดมาอย่างนั้น ผมก็พยักหน้า ยืนนิ่งให้เขาได้ทำตามใจ

มือใหญ่ลากลูบไปตามแผงอกของผม ฉวัดเฉวียนเฉียดตุ่มไตเม็ดเล็กไปมา ผมเกร็งตัวเล็กน้อยเมื่อเขาย่อตัวลงต่ำเพื่อไปครอบครองพวกมันด้วยริมฝีปาก ความหวามไหวทำให้ผมครางเสียงแผ่วออกมา ขณะที่พี่อินทร์ไม่หยุดซุกซุนเพียงแค่นี้ เลื่อนมือลงต่ำไปกอบกุมส่วนอ่อนไหวยังกลางลำตัวผมอีก

คลึงเคล้นไม่เท่าไร มันก็เกิดปฏิกิริยาตอบสนอง พี่อินทร์เหลือบมองหน้าผม อมยิ้มเป็นเชิงหยอกเย้าให้ผมได้รู้สึกร้อนผะผ่าวที่ใบหน้า ก่อนจะค่อยๆ ทิ้งตัวลงไปนั่งคุกเข่า กลืนกินสิ่งนั้นราวกับว่ากลัวผมจะหนีหายไป

ขาทั้งสองข้างสั่นระริกจนแทบยืนไม่อยู่ ผมเกาะไหล่ของพี่อินทร์ไว้แน่น นอกจากส่วนกลางลำตัวถูกรุกรานแล้ว มือของเขาก็กำลังวุ่นวายอยู่กับก้อนนุ่มๆ ทางด้านหลังของผม ขาถูกจับแยกออกเล็กน้อย ปลายนิ้วก็ค่อยๆ ชำแรกดุนดันเข้ามายังส่วนลึกของร่างกาย

ผมกระตุกเฮือกในวินาทีนั้น ความรู้สึกราวกับว่าใกล้จะล่องลอยเต็มทีแผ่ซ่าน หากทว่าพี่อินทร์ก็ไม่ยอมปล่อยให้ผมเป็นอิสระ ทั้งปรนเปรอด้วยปาก ทั้งขยับปลายนิ้วเข้ารุกรานจนผมต้องร้องเรียกเขาเสียงพร่า

“พะ...พี่อินทร์... อือ...พี่อินทร์...”

จากนั้นหัวสมองก็ขาวโพลน ร่างกายกระตุกพร้อมกับความหวามไหวอย่างรุนแรงพร่างพรายไปทั่วร่าง ผมเหลือบมองลงต่ำพร้อมกับหอบหายใจน้อยๆ ก็เห็นว่าพี่อินทร์กำลังยิ้มอย่างพอใจ ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืน โอบกอดผมที่ร่างกายไร้เรี่ยวแรงพลางกระซิบ

“เกาะพี่ไว้นะ”

ผมกอดเขาไว้อย่างที่บอก ก่อนมันจะกลายเป็นการกอดแน่นเมื่อสิ่งแปลกปลอมบางอย่างที่จะหลอมเราทั้งคู่ให้เป็นหนึ่งเดียวกันแทรกเข้ามา

เสียงหายใจหอบสะท้านดังก้องไปทั่วห้องน้ำทุกครั้งที่พี่อินทร์เคลื่อนไหว ริมฝีปากถูกครอบครองครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับว่าเขาอยากจะกลืนกินผมลงไปทั้งตัว แต่สิ่งที่ทำให้ผมแทบขาดใจกลับไม่ใช่รสรักที่เขาปรนเปรอให้ ทว่าเป็นเสียงกระซิบประหนึ่งเสียงสวรรค์ที่ดังขึ้นข้างหูผมมากกว่า

“พี่รักจินะ...รักคนเดียว...ตลอดไป”

ผมเป็นของเขาหมดทั้งตัวและหัวใจแล้ว...

“จิ...ก็รักพี่อินทร์ครับ”

สิ้นเสียงก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก นอกจากเสียงลมหายใจของกันและกัน เสียงครวญครางไปด้วยมธุรสแห่งรักที่จะร้อยหัวใจของเราสองคนไว้ตลอดไป

อิเหนารักจรกาฉันใด จรกาก็จะรักอิเหนาฉันนั้น...มั่นคงสืบไปชั่วนิรันดร์

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 26★คำสาบานมีไว้ให้รักษา[21.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 22-05-2018 22:32:55
Chapter 26: พี่หึงเจ้า[2]


“ทำไมมาช้า”

สรัลถามขึ้นเมื่อเห็นหน้าพวกเราหลังจากที่เธอยืนรออยู่หน้าหอนานสองนาน ผมไม่กล้าสบตาเลย ไม่รู้จะตอบยังไงด้วย จะให้บอกว่ามัวแต่เย้เฮกันในห้องน้ำจนเกินเวลานัดก็ใช่เรื่อง ได้แต่ปล่อยให้พี่อินทร์ตอบไปแทน

“ทำธุระอยู่”

“เย้กันก็บอกว่าเย้ ทำมาอ้างธุรงธุระ”

ข้ออ้างนั่นไม่ได้ช่วยอะไรเลย สรัลรู้ทันอีก แถมยังหรี่ตาเบ้หน้าว่าด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้เต็มแก่ ผมก็ร้อนวูบที่หน้าเลย ขณะที่พี่อินทร์มองสรัลตาเขียว

“เป็นสาวเป็นนาง ทำไมพูดจาโผงผางอย่างนี้วะ”

สรัลแคร์ไหมล่ะ หึ... ยังว่าซ้ำด้วย

“ก็พี่อินทร์ผิดนัดทำไมล่ะ กินเสร็จแล้วค่อยกลับมาทำไม่ได้หรือไง หนูหิวจะตายแล้วเนี่ย”

ไม่เอาแล้ว ผมไม่คุยแล้ว เอาหน้ามุดหลังพี่อินทร์เลย พี่อินทร์ก็ทำตาเขียวใส่สรัลไม่เลิก ครั้งนี้มีดีดหน้าผากด้วย

“โอ๊ย เจ็บนะพี่อินทร์”

“เออ เจ็บสิดี ถ้าพูดอีก เดี๋ยวจะเอารองเท้าตบปาก”

สรัลเลยยอมเงียบได้ แต่ก็ไม่วายทำหน้าง้ำ ทว่าก็แค่แวบเดียวเท่านั้นเพราะพี่อินทร์ถามไปเรื่องอื่น

“แล้วไอ้บุศย์ล่ะ ไม่เห็นมันโผล่หัวมาเลย”

“นั่นสินะ นี่ก็อีกคน ช้ากันจริ๊งงง”

สรัลบ่นอุบ มือก็ลูบท้องตัวเองไปด้วยให้รู้เลยว่าหิวมากจริงๆ แต่พอบ่นถึงพี่บุศย์ พี่บุศย์ก็มาให้เห็น น่าแปลกหน่อยตรงที่เขาไม่ได้ลงมาจากชั้นบนอย่างพวกผม ทว่าดันมาจากทางลานจอดรถ

“นั่นไง มาแล้ว” สรัลว่าอย่างดีใจเป็นคนแรก แต่แล้ว... “เอ๊ะนั่น...”

ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าด้านหลังมีใครตามมาด้วย

“ไอ้นั่นมัน...”

พี่อินทร์ครางออกมา พอผมมองตามไปก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นว่าคนที่มากับพี่บุศย์คือ...

วิหยาสะกำ!

ใช่เลย พี่วิญญูตัวเป็นๆ เดินมากับพี่บุศย์เสมือนว่ารู้จักกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน พอพี่บุศย์มายืนตรงหน้าพวกเรา พี่อินทร์ก็คว้าผมหมับไปกอดทันที ขณะที่สรัลก็มีสีหน้าเครียดขึ้นมา

“พี่บุศย์ นี่มัน...”

ดูตกใจด้วย ก็แน่ล่ะ เมื่อชาติก่อน สังคามาระตาเป็นคนสังหารวิหยาสะกำนี่ มาเจอกันชาตินี้ก็ไม่แปลกหรอกที่จะตกใจ แต่พี่บุศย์ไม่ยี่หระอะไรเลยแม้แต่น้อย ไม่สนใจพี่วิญญูที่ดูอึดอัดขึ้นมานิดๆ ด้วย ได้แต่พูดในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจไว้

“วันนี้หมอนี่จะไปกินหมูกระทะกับเราด้วย”

เท่านั้นทั้งผม พี่อินทร์ สรัล ก็ร้องเป็นเสียงเดียว

“ว่าไงนะ!?”

พี่บุศย์ก็ย้ำอีกที “วิญจะไปกินหมูกระทะด้วย ตกใจอะไร เอ้า ไปกันได้แล้ว”

สิ้นเสียงก็เดินย้อนกลับไปทางเดิมโดยมีพี่วิญญูเดินตามไปติดๆ ทิ้งให้คนที่เหลือมองตามอย่างไม่เชื่อสายตาและงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย!?

 

มารู้อีกทีว่าเรื่องอะไรก็ตอนอยู่ที่ร้านหมูกระทะแล้ว พี่บุศย์เล่าให้ฟังว่าพี่วิญญูตามสตอล์กเกอร์เขามาหลายวัน จนวันนี้เขารำคาญใจก็เลยเข้าไปถามตรงๆ ว่ามีเรื่องอะไร พี่วิญญูบอกว่าอยากช่วยผม พูดจาเหมือนรู้ว่าผมเป็นอะไร พี่บุศย์ก็เลยลากให้มากินหมูกระทะด้วยเพื่อว่าจะได้คุยกัน

พอบอกอย่างนี้ บรรยากาศอึมครึมระหว่างพวกเราก็ดูจะลดน้อยลงทันตาเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสรัลที่อึดอัดกว่าใครเวลาถูกพี่วิญญูมอง ผมก็พอเข้าใจอยู่หรอกว่าเพราะอะไร แต่ที่น่าอึดอัดสำหรับผมก็คือตอนนี้พวกเรา...อิเหนา บุษบา สังคามาระตา วิหยาสะกำ และผม...จรกา

...กำลังนั่งปิ้งหมูกระทะด้วยกัน

ไอ้นี่มันน่าอึดอัดกว่าเรื่องอื่นอีกเว้ย!

ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะต้องมานั่งอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ขาดศิลา น้องพี่บุศย์ที่เป็นสียะตรากลับชาติมาเกิด และถ้าพี่จิณห์ จินตะหราวาตีในอดีตชาติยังเป็นเพื่อนกับพวกพี่อินทร์พี่บุศย์อยู่ รับรองเลยว่าครบแก๊งวรรณคดีไทยเรื่องอิเหนาอย่างแน่นอน

แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่พี่วิญญูพูดขณะกำลังปิ้งเบค่อน

“เห็นรอยแปลกๆ บนตัวน้องจิหลายครั้งแล้ว คิดว่ามันจะต้องเกี่ยวพันกับคำสาบานอะไรเมื่อชาติก่อนแน่ เลยเข้าหาบุศย์ อยากจะช่วยน่ะ”

เขาว่า และพอพูดมาอย่างนี้ก็รู้เลยว่าเขาเองก็ระลึกชาติได้เหมือนกัน ผมค่อนข้างงงกับองค์ประตาระกาหลาอยู่หน่อยๆ นะว่าทำไมถึงให้ใครต่อใครกลับมาเกิดแล้วระลึกชาติได้ ทั้งที่ผมเป็นคนเดียวที่อธิษฐานขอพรก่อนตายแท้ๆ

ทว่าก็ไม่มีคำตอบให้ผมหรอก มีแต่คำถามที่หลุดจากปากของพี่อินทร์

“มึงก็เลยลากมันมาด้วยว่างั้น?”

ไม่ได้ถามพี่วิญญูด้วย ถามพี่บุศย์ พี่บุศย์ที่กำลังเทพริกกระเทียมลงในถ้วยน้ำจิ้มตัวเองครางรับเบาๆ

“อืม”

“ทำไมไม่ถามกูก่อนวะว่าอยากให้มันช่วยไหม”

เท่านั้นพี่บุศย์ก็ส่งสายตาเขียว “เรื่องความเป็นความตายของจิยังจะต้องรอถามมึงก่อนอีกเหรอวะ ไหนบอกว่าวิธีไหนช่วยได้ก็จะยอมทำไง วิญมันบอกว่ามันมีวิธีช่วยได้ แบบนี้จะให้กูปฏิเสธเหรอ”

พี่อินทร์ก็เงียบกริบเลย ไม่กล้าเถียง ได้แต่บ่นพึมพำไม่เป็นภาษาอยู่ข้างๆ ผม ดูท่าทางไม่สบอารมณ์มาก ซึ่งก็แน่ล่ะ ก็เมื่อชาติก่อน พี่วิญญูยกทัพมาทำศึกเพื่อแย่งผมกับเขาเลยนี่ ไม่เคืองกันมายันชาตินี้ก็แปลกล่ะ

“แล้วจะลีลาอีกนานไหม จะทำอะไรก็ทำเร็ว เปิดทางให้แล้ว”

พี่บุศย์หันไปบอกพี่วิญญู เท่านั้นคนถูกถามก็ยิ้มให้ผม

“งั้นขอพี่ดูรอยหน่อยนะน้องจิ”

พี่วิญญูยื่นมือมาตรงหน้า ผมก็ยื่นแขนไปให้เขา ใจคิดแต่ว่าอยากหายเลยยอมทำตามแต่โดยดี ทว่าพี่อินทร์ก็พุ่งพรวดมาดึงมือผมไปเสียอย่างนั้น ไม่ดึงแค่มือเฉยๆ ด้วยเถอะ ตอนนี้คว้าผมไปกอดแล้วเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะว่าเสียงเขียว

“ไม่ให้!”

ผมหันขวับมองเขาเลย เสียงดังอย่างนี้เดี๋ยวคนก็หันมามองกันทั้งร้านหรอกเว้ย!

“แค่ให้มันดูแป๊บเดียวน่าไอ้อินทร์ จะอะไรนักหนาวะ”

พี่บุศย์เห็นแล้วก็คงรำคาญมั้ง เขาเลยช่วยพูดขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ทำให้พี่อินทร์ยอมปล่อยผมเลย กอดแน่นกว่าเดิมอีก กอดหัวหอมหัวมั่วซั่วนัวเนียไปหมดแล้วเนี่ย!

มิหนำซ้ำ เขายังแหวขึ้นมา

“ลูกใคร ใครก็รัก ไม่ให้จับเว้ย!”

แล้วกูใช่ลูกมึงไหมเล่า! อย่าลีลาได้ไหมไอ้อิเหนา!

หลุดด่าพี่อินทร์ในใจอีกแล้ว พอกลับมาปกติแล้ว เขาก็กวนตี๊นกวนตีนอะ ผมเลยต้องดันเขาออกก่อนที่เขาจะโวยวายไปมากกว่านี้

“แป๊บเดียวเองพี่อินทร์ แค่จับมือเอง”

“ไม่ได้ นั่นแหละไม่ได้ใหญ่เลย”

เขายืนกรานเสียงแข็ง ทำเอาสรัลที่ปิ้งหมูอยู่มองอย่างเอือมๆ

“พี่อินทร์อยากให้จิมันหายปะเนี่ย”

เขาพยักหน้า เท่านั้นพี่บุศย์ก็ว่าเสียงเขียว

“ถ้าอยากให้น้องมันหายก็เอาให้วิญดู จะลีลาอะไรนักหนา”

“กูใจจะขาด”

พี่อินทร์ทำหน้าง้ำ และพอพูดประโยคนี้ คนอื่นๆ ก็เบ้หน้าใส่ทันควันราวกับว่าเอียนกับความโอเวอร์ของพี่อินทร์เต็มประดา ก่อนที่เขาจะมองมาที่ผมแล้วทำเสียงกระเง้ากระงอด

“ถ้าต้องให้คนอื่นแตะเนื้อต้องตัวน้องจรกาของกู กูคงทนไม่ได้”

“แต่วิญมัน...”

“น้องน่ารักน่าจับแดรกขนาดนี้ กูจะทำใจได้ยังไง”

พี่บุศย์ที่พูดค้างไว้อยู่ชะงักเลย มีแต่พี่อินทร์ที่พูดพล่ามไม่เลิก

“นว้องจิตัวเย็กๆ น่ายักมากเลอ~ ป่าปี๊หยักจับปั้นเป็นก้อนๆ แล้วกลืนลงท้องจุง~”

แล้วก็มุ้งมิ้งกุ๊งกิ๊งอยู่ข้างหัวผมเนี่ย ไม่ได้ดูสถานการณ์เลยว่าคนอื่นเอือมแค่ไหน ทุกคนทำหน้าเหมือน ‘เออ เรื่องของมึง’ แบบว่าจะไม่สนใจแล้วอะไรงี้ ผมเลยต้องพูดออกมาจนได้

“พี่อินทร์ ให้พี่วิญญูดูหน่อยนะครับ นิดเดียว”

“แต่พี่หึงอ้ะ”

พี่อินทร์ทำปากยื่น ผมก็เลยต่อรอง

“แต่จิก็อยากหายเหมือนกัน พี่อินทร์ทนได้เหรอถ้าจิต้องตายน่ะ”

เท่านั้นเขาก็ทำปากยื่นมากกว่าเดิม ฮึดฮัดเล็กน้อยแต่ก็ยอมปล่อยผม

“ก็ได้ แป๊บเดียวนะ”

ผมยิ้มให้ทันควัน “ครับ แป๊บเดียว” แล้วก็หันไปหาพี่วิญญูพร้อมยื่นแขนให้ “นี่ครับ”

พี่วิญญูจับข้อมือผมไปพลิกให้หงายขึ้น มือเลิกแขนเสื้อผมขึ้น รอยแดงนั่นปรากฏให้เห็น แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นแล้ว

“เอื้อ~”

หันไปมองก็เห็นว่าเป็นเสียงของคนข้างๆ ผมเอง พี่อินทร์ยกมือขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้ายแล้วทำท่ากระอักเลือด พอพี่วิญญูถลกแขนเสื้อผมขึ้นอีก เขาก็ทรุดลงไปหมอบอยู่บนโต๊ะ

“อึ่ก! อ๊อก!”

จากนั้น...

“เอื้อ~ อั่ก!”

แม่งดิ้นทุรนทุรายอยู่นั่นแหละ จนพี่บุศย์ต้องร้องถาม

“เป็นอะไรของมึง”

“กู...” พี่อินทร์ว่าเสียงแหบ “...กระอักความหึง”

พลันก็ดิ้นทุรนทุรายเอาหัวมาสีกับต้นแขนผม

“หะ...หึง...”

“...”

“หึงแล้ว...”

“...”

“หึงจะตายอยู่แล้ว เอื้อออ~”

เล่นใหญ่ไฟกะพริบปิ๊บๆๆ พี่วิญญูแสร้งทำเป็นไม่เห็น ผมก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจเหมือนกัน แต่พี่อินทร์ก็ไม่หยุด หาวิธีเรียกร้องความสนใจใหม่ด้วยการคว้าตะเกียบขึ้นมาแล้วชี้ไปที่หมูบนกระทะซึ่งพี่วิญญูเพิ่งเอาลงเมื่อกี้

“ชิ้นนี้ของมึงใช่ไหม”

พอพี่วิญญูพยักหน้า พี่อินทร์ก็คีบหมับไปจิ้มน้ำจิ้ม เอาเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ จากนั้น...

“กูจะแดรกหมูมึงให้หมดไอ้วิหยาสะกำ! ถ้ามึงไม่ปล่อยน้องจรกาของกู กูจะแดรกให้หมดเลย!”

นี่มึงตลกแดรกตลอดเลยนะ! มันลุกขึ้นไปตักใหม่ที่ไลน์อาหารได้เว้ย!

ไม่มีใครสนใจ พี่อินทร์ก็จ้วงหมูเอาๆ ยิ่งเรียกความสนใจของใครไม่ได้ เขาก็ฟุบนอนลงบนโต๊ะ ตะแคงหัวมาให้ผม เบ้ปากเบ้หน้าทำเหมือนร้องไห้

“ฮือ...”

ผมอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร มีแค่สรัลเท่านั้นที่ร้องถาม

“เป็นอะไรอะพี่อินทร์”

เข้าทางเขาทันที พี่อินทร์ครางกระซิก

“พะ...พี่...”

“...”

“พี่หึงเจ้า น้องจรกา...”

“...”

“หึงเจ้า...ฮือ...หึงเจ้า...หึงๆๆๆ ฮือ...หึงจะตายอยู่แล้ว...”

เออๆ! กูไม่ให้มันจับแล้ว พอใจหรือยัง!?

จะดราม่าไปไหน ไอ้บ๊องเอ๊ย!

“พอหรือยังครับ”

ผมถามพี่วิญญูออกไปจนได้ วินาทีนี้ต้องยอมก่อน ไม่อย่างนั้นพี่อินทร์ไม่ยอมวางถุงกาวอย่างแน่นอน พี่วิญญูก็พยักหน้า คงไม่อยากจะมีปัญหาด้วย พลันปล่อยมือจากผม และหลังจากนั้น...

หมับ!

...พี่อินทร์ก็คว้าผมไปกอดแน่น

“โอ๋ๆ ขวัญเอ๊ยขวัญมาลูก” แล้วก็หันไปคว้าทิชชูเปียกจากกระเป๋าสะพายข้างของตัวเองมาเช็ดแขนข้างที่พี่วิญญูขับเป็นการใหญ่ พอผมมองหน้า เขาก็บอก... “ฆ่าเชื้อ”

เว่อร์ไป๊!

“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้มั้งครับพี่อินทร์”

ผมว่า แต่พี่อินทร์กลับมุ่ยหน้าใส่

“ถ้าเอาไปจุ่มแอลกอฮอล์ได้ พี่ทำไปแล้ว”

เล่นใหญ่รัชดาลัยเธียร์เตอร์จริงๆ

ทั้งพี่บุศย์ ทั้งสรัลพากันถอนหายใจออกมา ดูท่าทางเหนื่อยใจกับความขี้หึงของพี่อินทร์มาก ก็พอรู้หรอกว่าชาติที่แล้วก็หวงผมอย่างนี้ แต่ชาตินี้ ผมว่ามันมากเกิ๊น!

พี่วิญญูมองแล้วก็ส่งเสียงดัง ‘หึ’ ในลำคอ มันดังพอที่จะทำให้พี่อินทร์ได้ยิน เขาก็เลยชะงัก ถามเสียงเขียว

“หึอะไรของมึง”

ทำท่าเหมือนหาเรื่องอะ ขณะที่พี่วิญญูก็ว่าลอยๆ ขึ้นมา

“ทำเป็นหวงนักหวงหนา ทั้งที่ตัวเองก็มีเมียเป็นสิบ”

จู่ๆ ก็พูดถึงอดีตชาติขึ้นมาเฉยเลย ทุกคนหันไปมองหน้าเขาทันควัน

“รักมาก รักเหลือเกิน แต่ไม่ได้รักเดียวใจเดียว”

เหมือนกับว่าพอเชื้อไฟมาแล้วก็ต้องรีบก่อให้ไฟลุกกระพือ ยิ่งพี่วิญญูพูดอย่างนั้น พี่อินทร์ก็ยิ่งทำหน้าง้ำ ก่อนจะชี้หน้าเขาด้วยตะเกียบ

“ปากดีนักนะไอ้วิหยาสะกำ ชาติก่อนทำเป็นกร่าง ยกทัพมาหมายจะแย่งชิงน้องจรกา คิดเหรอว่าจะทำได้ง่ายๆ ไอ้ยุพราชแห่งกระหมังหนุงหนิง!”

กระหมังกุหนิงเว้ย!

ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเลย ดูก็รู้ว่าพี่อินทร์จงใจแกล้งพูดผิด แต่ประเด็นคือ...ทำไมจะต้องมาพูดภาษาสำนวนโบราณๆ กันด้วยฮะ!

แล้วไม่ใช่แค่พี่อินทร์ด้วยนะ พี่วิญญูเห็นก็เอาบ้าง

“คิดว่าเป็นยุพราชแห่งกุเรปันแล้วยิ่งใหญ่นักหรือไง แท้จริงก็แค่เด็กถูกพ่อแม่สปอยล์ล่ะวะ”

“ชิชะบังอาจ! สงสัยคงอยากถูกสังคามาระตา น้องบุญธรรมข้าเอาง้าวสับเป็นหมื่นๆ ชิ้นอีกกระมัง!”

ใครเดินผ่านไปผ่านมาคงต้องมองโต๊ะเราอะ ผมเชื่อได้เลย แม่งพูดจาภาษาไม่เหมือนชาวบ้านอย่างนี้ ใครต่อใครคงคิดว่าหลุดมาจากโรงลิเก แต่ทั้งพี่อินทร์และพี่วิญญูก็ไม่สนใจ เถียงกันคอเป็นเอ็นไม่เลิก

“อ้อ อย่างนั้นเหรอ ภูมิใจมากสินะที่เป็นองค์ยุพราชแห่งกุเรปัน”

“หากไม่ภูมิใจแล้วไซร้ จะมีหน้าเอาตะเกียบมาชี้หน้าเจ้าอย่างนี้รึ! กุเรปันยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น กระหนุงกระหนิงก็เทียบเทียมไม่ได้หรอก!”

กูบอกแล้วไงว่ากระหมังกุหนิง!

ไม่แก้คำผิดให้แล้ว ได้แต่มองพี่อินทร์ที่เอาตะเกียบชี้หน้าชี้หน้าคนตรงข้ามไม่เลิก ขณะที่พี่วิญญูยิ้มเยาะขึ้น

“มิน่าล่ะถึงได้มีเมียเยอะ ว่ากันว่าชายใดมีสตรีในครอบครองเยอะ แสดงว่ามีอำนาจบารมีเยอะ อิเหนาแห่งกุเรปันมีเมียเป็นสิบ ดูท่าว่าจะมีอำนาจเยอะกระมัง ใช่หรือไม่...บุษบา”

หันไปถามพี่บุศย์ที่กำลังนั่งกินอยู่ด้วย พี่บุศย์ที่จู่ๆ ก็ถูกลากเข้าไปเกี่ยวย่นคิ้วทันควัน แต่ก็ไม่พูดอะไร นอกจากปล่อยให้พี่วิญญูได้พูดต่อ

“อ้อ แต่ข้าได้ยินมาว่านอกจากอิเหนาแห่งกุเรปันจะมีเมียเยอะแล้ว ยังชื่นชอบชายงามอีกด้วยนี่ ตอนที่ข้าตาย รู้สึกว่าจะไปยืนชมโฉมอยู่ตั้งนานสองนาน”

พี่อินทร์นิ่ง ไม่พูดอะไร พี่วิญญูก็เอาใหญ่

“มาเห็นศพทอดทิ้งกลิ้งอยู่ พระพินิจพิศดูแล้วใจหาย หนุ่มน้อยโสภาน่าเสียดาย ควรจะยับว่าชายโฉมยง...”

จู่ๆ ก็ร่ายกลอนบทหนึ่งออกมา พี่อินทร์ขมวดคิ้วยู่ เขาก็ยิ่งยิ้มเยาะ ก่อนจะว่าออกมาอีก

“เอ้อ ได้ยินว่าเจ้าเองก็มีซัมธิงกับสียะตรา น้องชายของบุษบาด้วยนี่ ว่ากันว่าไงนะ...” ทำเป็นคิดไป จากนั้น... “เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีเกษมสานต์ กอดประทับรับขวัญพระกุมาร แสนสำราญภิรมย์ชมเชย พาไปให้บรรทมบนแท่นทอง เอนแอบแอบประคองเคียงเขนย เสสรวลชวนพลอดกอดก่ายเกย พระชื่นเชยชมต่างนางบุษบา”

แต่เท่านี้เหมือนจะไม่พอ พี่วิญญูก็หันไปหาสรัล

“น้องชายบุญธรรมของเจ้า สังคามาระตาก็ไม่รอด”

สรัลสะดุ้งโหยง หันไปมองพี่วิญญู ทำหน้าตาเหมือนอยากจะห้ามแต่ก็ไม่ทันแล้ว

“ได้ยินว่าบางวันสียะตราไม่อยู่ ก็ชวนสังคามาระตา น้องชายเมียอีกคนไปนอนด้วย พอเผลอก็...พิศดูรูปทรงส่งศรี เหมือนมาหยารัศมีไม่เพี้ยนผิด พระเชยปรางพลางอุ้มขึ้นจุมพิต ฤทัยคิดสำคัญว่ากัลยา เอวองค์อรชรอ้อนแอ้น เหมือนแม้นพี่นางเป็นหนักหนา พิศทรงขนงเนตรอนุชา ละม้ายเหมือนนัยนานางเทวี สัพยอกแย้มสรวลชวนพาที จนเข้าที่บรรทมหลับไป”

“ไม่ใช่! ไม่เคย! อย่าพูดอะไรแบบนี้ออกมาอีกนะ หนูขนลุกขนพองไปหมดแล้วเนี่ย”

สรัลว่าหน้าดำหน้าแดงทันควัน ยังลูบแขนตัวเองที่มีตะปุ่มตะป้ำขึ้นไปมาอีกด้วย ขณะที่พี่อินทร์ก็โพล่งขึ้นมาเหมือนกัน

“นั่นมันเรื่องแต่งเว้ย! เคยยุ่งกับใครที่ไหนเล่า! มีแต่น้องจรกาเนี่ย! กูบริสุทธิ์ผุดผ่องเว้ย!”

เดี๋ยวนะ พี่อินทร์หมายถึง...?

ผมหันไปมองเขา ตั้งใจว่าจะถามว่ามันหมายความว่ายังไง แต่ก็ดันเห็นว่าพี่อินทร์กำลังพนมมืออยู่ ผมเลยอดถามเรื่องนี้ก่อนไม่ได้

“พี่อินทร์พนมมือทำไมครับ”

พลันเขาก็ยิ้มแห้งๆ “ปางห้ามเมียจ้ะ”

ห้ามทำไม กูไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อย!

ผมดึงมือเขาลง บ่นอุบอิบ “จิไม่ได้จะทำอะไรพี่อินทร์สักหน่อย ไหว้ทำไม”

“ไม่รู้สิ ไหว้ไว้ก่อน เผื่อเมียเห็นใจ”

พี่วิญญูหัวเราะหน้าดำหน้าแดงเลย พี่บุศย์กับสรัลก็เอากับเขาด้วย ผมก็ว่ามันตลกดีเหมือนกันนะเวลาเอาเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมาล้อเลียนเนี่ย แต่ว่านะ ที่เขาบอกว่ายังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ มันทำให้ผมสงสัยไม่หาย

“แล้วที่พี่อินทร์บอกว่ายังบริสุทธิ์อยู่ หมายความว่า...”

“อืม พี่รอจิมาทั้งชาติเลยไม่ยุ่งกับใคร”

“งั้นก็...”

“พี่ยังซิง”

หา!?

เป็นอีกเรื่องที่ทำเอาผมอ้าปากค้างเลย ที่ทำหื่นๆ มาตลอดนี่คือบริสุทธิ์เหรอ ถ้าอย่างนั้นผมก็...เป็นคนแรกของเขาเหมือนกับที่เขาเป็นคนแรกของผม?

จะดีใจดีไหมก็ไม่แน่ใจนัก ความรู้สึกมากมายผสมปนเปกันไปหมด ที่แน่ๆ คือคนอื่นๆ หัวเราะกันท้องแข็งไปแล้ว โดยเฉพาะพี่วิญญูที่ดูเหมือนจะสะใจมากเป็นพิเศษ

“ไม่ต้องมาหัวเราะกูเลยไอ้วิหยาสะกำ มึงก็ตายตั้งแต่เพิ่งแตกหนุ่ม ยังซิงเหมือนกันล่ะวะ”

“รู้ได้ไงว่าซิง นางในมีไว้ทำอะไร”

พี่วิญญูว่า เท่านั้นก็เป็นที่ชัดเจนเลยว่าคนที่ชณะการประลองฝีปากในครั้งนี้น่ะ คือพี่วิญญู

“มึง...มึง...” พี่อินทร์ดูแค้นมาก เขาเอาตะเกียบชี้หน้าพี่วิญญูไม่เลิก ขณะที่พี่วิญญูไม่สนใจแล้ว คีบหมูบนกระทะไปจิ้มน้ำจิ้มพลันเอาเข้าปาก ซึ่งหมูชิ้นนั้น... พี่อินทร์เพิ่งเอาลงเมื่อกี้

“ไอ้วิหยาสะกำ! ชาติที่แล้ว มึงก็มาแย่งเจ้าน้องจรกากับกู! ชาตินี้ยังจะมาแย่งหมูกูอีก ความแค้นนี้ กูจะ...กูจะ...!”

ทุกคนเงียบ รอดูว่าพี่อินทร์จะพูดอะไรอย่างตั้งใจ ก่อนที่พี่อินทร์จะประกาศกร้าว

“กูจะไม่ปิ้งหมูกระทะเดียวกันกับมึง!”

ก็ไปขอเด็กเสิร์ฟเขามาใหม่อีกกระทะสิเว้ย!

“เฮ้อ~ เหนื่อย”

แล้วเขาก็ว่าออกมาหลังจากที่เล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์มาพักใหญ่ กระดกน้ำในแก้วขึ้นดื่มอึ้กๆ ปล่อยให้ผมมองเขาด้วยสายตาเอือมระอา

เออ ก็สมควรเหนื่อยอะ แค่พี่วิญญูจับมือผมแค่นี้ เล่นใหญ่มากเว่อร์จนแทบอยากให้รางวัลออสการ์

ทุกอย่างกลับเข้ามาเป็นปกติอีกครั้งก็ตอนที่พี่บุศย์ถามขึ้นนี่แหละ

“แล้วตกลงมีวิธีช่วยจิยังไง”

“ถ้าเป็นวิธีอะไรแปลกๆ มึงโดนแน่”

พี่อินทร์ก็ไม่วายไปแง่งๆ ใส่เขา ผมเลยตีเข้าให้ที่แขนไม่แรงนักทีหนึ่ง พี่วิญญูถอนหายใจออกมา ก่อนจะว่า...

“มันก็ไม่ยากหรอก แต่ต้องมีตังค์เท่านั้น”

“ทำไมล่ะครับ”

คราวนี้ผมถาม เขาสบตาผม ก่อนจะว่าออกมา

“เอาไว้ซื้อตั๋วเครื่องบินกับค่าที่พัก”

เห?

สีหน้าของผมในตอนนี้คงจะดูแปลกใจว่าคนอื่นๆ เลย ขณะที่คนอื่นๆ เหมือนจะเข้าใจอะไรๆ ได้ ทว่าพี่วิญญูก็พูดออกมาให้กระจ่างชัดอีกครั้ง

“เพราะคำสาบานนี้...สาบานไว้ที่ไหน ก็ต้องไปถอนคำสาบานที่นั่น”

ถ้าอย่างนั้น ผมก็ต้องไป...

...เมืองดาหาเหรอ!?

 --------------------------------


ตอนนี้พี่อินทร์กลับมาเป็นปกติละ พี่อินทร์กลับมาบ้าๆ บอๆ เหมือนเดิมละ 555 เริ่มเข้าช่วงท้าย คาดว่าอีกไม่กี่ตอนก็คงจะจบแล้วค่ะ ฝากกำลังใจไว้ให้กันด้วย



หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 27★พี่หึงเจ้า[22.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 22-05-2018 22:47:39
เฮีอ เหนื่อนแทนนว้องจิ :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 27★พี่หึงเจ้า[22.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 22-05-2018 23:16:54
แล้วดาหาอยู่ที่ไหน อินโดเหรอ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 27★พี่หึงเจ้า[22.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-05-2018 23:28:11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 27★พี่หึงเจ้า[22.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 23-05-2018 00:51:15
เหนื่อยใจแทนทุกคนที่อยู่รอบข้างพี่อินทร์ ฮื่อ55555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 27★พี่หึงเจ้า[22.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 23-05-2018 00:54:01
เลสโกทูเดอะดาหาทาวน์จ้าาา
อิเหนานี่พอมันไม่มีเรื่องเครียดก็กลับมาเป็นบ้าอีกแล้วววว
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 27★พี่หึงเจ้า[22.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-05-2018 01:25:05
สงสัยงานนี้ นังเหนาเปย์แน่ ๆ สบายน้องจิไป  :laugh:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 27★พี่หึงเจ้า[22.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 23-05-2018 03:48:05
เก๋ไปอี๊ก เรียกกันทีนี่คนอื่นจะมอว
งยังไงเนี่ย5555  พี่อินทร์กลับมาบ้านแล้วก็ดีใจและเหนื่อยใจแทนน้องจิในคราวเดียว555555 คือพี่อินทร์เป็นยังไงก็โดนด่าอ่ะ บ้าก็ด่า โง่ก็โดนด่า กว่าคนจะหวีดทีก็ตอนเปล่งออร่าผัวซึ่งมีไม่ถึง5วิ วงวารรรร  แล้วทีนี้จะไปหาเมืองดาหาที่ไหนละทีนี้ สู้ๆนะนว้องจิตัวเย็กๆของม่ามี๊
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 27★พี่หึงเจ้า[22.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-05-2018 09:34:21
 :laugh:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 27★พี่หึงเจ้า[22.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 23-05-2018 09:51:26
 เย้ๆๆๆ ไปแก้คำสาบานกัน
แต่ตามเรื่อง ท่านปู่สาปไว้ จะต้องมีสี่คนญาติพี่น้องอยู่ครบหน้าถึงคลาย
อิเหนาหนึ่งหรัด
เกนหลงหนึ่งหรัด
แล้วก็ใครอีกหว่า...จำมะได้
ข้อนี้จะเกี่ยวด้วยมั้ยหนอ
 :hao4:

+ และเป็ด อิเหนาเล่นใหญ่
ชายใดเจ้าชู้มักมีนิสัยขึ้หึงหวง และเป็นโรคเกียมัวหนักหนา
ถึงกับพนมมือปางห้ามเมียกันเลย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 27★พี่หึงเจ้า[22.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 23-05-2018 12:35:54
น้องจิไปเถอะอินโดนีเซียเองใกล้มาเลเซียพี่อินทร์พร้อมเปย์ค่าตั๋ว+ที่พักสบายๆแค่นี้จนหน้าแข้งไม่ร่วง  :z1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 27★พี่หึงเจ้า[22.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: nittanid33333 ที่ 23-05-2018 16:10:41
 :katai2-1: ติ่งคนบ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 27★พี่หึงเจ้า[22.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-05-2018 20:33:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 27★พี่หึงเจ้า[22.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 23-05-2018 21:32:27
Chapter 28: อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[1]

สาบานไว้ที่ไหนก็ต้องไปถอนคำสาบานไว้ที่นั่น...

เมื่อครั้งที่ผมยังเป็นจรกา ผมสาบานเอาไว้ว่าจะไม่ญาติดีกับอิเหนาที่เมืองดาหาเมื่อครั้งที่ถูกลักพาตัวนางบุษบาไป ดังนั้นผมจึงต้องไปถอนคำสาบานที่นั่นอีกครั้ง

ว่าแต่...เมืองดาหาในตอนนี้มันอยู่ที่ไหน

แต่ก็ไม่ต้องไปเสียเวลาค้น เพราะพี่วิญญูรู้อยู่แล้วว่ามันคือที่ไหน

“เดิมทีอิเหนาคือนิทานปันหยีของชาวชวาที่แต่งขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติของกษัตริย์ชวาพระองค์หนึ่งที่เป็นทั้งนักรบและนักปกครอง แล้วก็เป็นผู้ที่สร้างหลักปักฐานให้กับชาวชวา กษัตริย์พระองค์นี้มีพระนามว่าไอรลังคะ ครองเมืองตาฮา ซึ่งก็คือเมืองดาหานั่นแหละ ภายหลังพระองค์ได้ทรงแบ่งอาณาจักรออกเป็นสองส่วน คือกุเรปันกับดาหา เมื่อสิ้นพระชนม์ก็ใช้พระโอรสองค์โตครองกุเรปัน ส่วนองค์เล็กครองดาหา เหมือนจะเป็นเรื่องเล่าตำนานเก่าแก่นะ แต่นั่นแหละ ต้นกำเนิดต้นวงศ์เทวาของอิเหนากับบุษบาล่ะ”

พี่วิญญูอธิบายหลังจากที่เรานัดมาคุยกันอีกครั้งเพราะวันที่ไปกินหมูกระทะดูจะไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวสักเท่าไรด้วยพี่อินทร์เอาแต่งอแง ผมเลยต้องลากเขากลับไปทำความเข้าใจกันก่อนว่าพี่วิญญูมาช่วยจริงๆ ไม่ได้มาร้าย พี่อินทร์ก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อใจสักเท่าไรหรอก เพราะชาติก่อนตัวเองไม่ชอบหน้าพี่วิญญูเท่าไร แถมยังช่วยกันกับสรัลหรือสังคามาระตาสังหารเขาอีก เลยไม่เชื่อว่าพี่วิญญูจะมาดี แค่พี่บุศย์ยืนยันแล้วว่ามาดีแน่ ผมเองก็อยากหายเลยต้องกล่อมพี่อินทร์อย่างนั้น

สุดท้าย...พวกเราก็มายืนหน้าสลอนกันอยู่ในห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ มหาวิทยาลัย แน่นอนว่าวันนี้มากันครบแก๊งเช่นเคย และก็กำลังมุ่งหน้าไปยังร้านชาบูบุฟเฟ่ต์ด้วย

ใครจะไปรู้ว่าพออิเหนามารวมตัวกับแก๊งแล้วจะเป็นสายแดรกกันอย่างนี้ แต่ผมก็ชอบนะ อิ่มท้องแถมได้เรื่องได้ราวอีกต่างหาก ขนาดกำลังเดินกันอยู่ พี่วิญญูยังเล่านู่นเล่านี่ให้ฟังไม่หยุดเลย ผมเองก็ถามไม่หยุดเช่นกัน

“แต่ว่าตอนนี้เมืองดาหากับกุเรปันไม่มีอยู่แล้วใช่ไหมครับ”

พี่วิญญูส่งเสียงอืมในลำคอ

“ก็ไม่เชิงนะ พอเวลาผ่านไป สองเมืองมันก็ผนวกรวมเป็นเมืองเดียว แต่ก็ยังอยู่ในชวาเหมือนเดิม”

ผมย่นคิ้ว เขามัวแต่เกริ่นอยู่นั่นแหละ สุดท้ายผมก็ต้องถามออกไปจนได้

“แล้วตกลงมันอยู่ที่ไหนกันแน่ครับ”

“ดาหา ตอนนี้เรียกว่าโดโฮ อยู่ในเคดิริ ชวาติเมอร์ ประเทศอินโดนีเซีย” ผมทำหน้างงหนัก เขาเลยว่ายิ้มๆ ออกมา “จังหวัดชวาตะวันตกนั่นแหละ เรียกให้มันทันสมัยขึ้น”

ผมพยักหน้า ค่อนข้างงุนงงอยู่เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรู้ละเอียด แต่คนอื่นๆ ก็ไม่ได้มีท่าทีแปลกใจอะไรสักเท่าไรนัก ราวกับว่ารู้กันอยู่แล้วว่าเมืองดาหาในปัจจุบัน เรื่องนั้นผมก็สงสัย แต่ที่น่าสงสัยกว่าก็คือ...

“ว่าแต่มึงรู้ได้ยังไงว่าคำสาบานนี่ถ้าสาบานที่ไหน ต้องไปถอนคำสาบานที่นั่น”

นั่นแหละที่ผมสงสัย สงสัยเหมือนกับพี่อินทร์เลย เท่านั้นพี่วิญญูก็ตอบเสียงเรียบ

“ก็กูไปแก้คำสาบานที่นั่นมา”

หือ?

ทุกคนเลิกคิ้วสูงอย่างพร้อมเพรียง พี่วิญญูถอนหายใจ

“เออ กูก็โดนคำสาบานเล่นงานเกือบตายเหมือนกัน” เขาว่า แล้วก็อธิบายต่อ “ก่อนที่กูจะสิ้นใจเมื่อชาติก่อนได้สาบานไว้ว่าชาติหน้าจะตามมาฆ่ามึงให้ได้” พลันก็มองหน้าพี่อินทร์ แล้วถอนหายใจอีกครั้ง “แต่พอมาชาติใหม่แล้ว การฆ่าคนมันไม่ได้ง่ายๆ เหมือนตอนนั้นแล้วไง กูก็เลยปล่อยวาง แต่คำสาบานดันไม่ปล่อยวางด้วย ก็มีรอยขึ้นตามตัวเหมือนน้องจินั่นแหละ”

“เรื่องนั้นไม่ได้อยากรู้ กูอยากรู้แค่ว่าทำไมมึงถึงรู้ว่าต้องไปถอนคำสาบานที่นั่น”

พี่อินทร์ถามย้ำ ผมก็รอฟังอย่างตั้งใจ ขณะที่พี่วิญญูเหลือบมองหน้าคนถามแล้วก็ว่าเนิบๆ

“มึงคงลืมไปแล้วมั้งว่าเคยถูกสั่งสอนว่าอะไร ชาวชวาเชื่อว่าเกิดจากที่ไหน จิตก็จะผูกอยู่ที่นั่นจนตาย ความแค้นที่ก่อเกิดเป็นคำสาบาน ถูกลั่นจาวาไว้ที่ไหน ดวงจิตก็จะผูกอยู่ตรงนั้น อีกอย่าง คนที่สาบานด้วยก็คือต้นวงศ์เทวาไม่ใช่เหรอ ต้นวงศ์เทวาอยู่ที่ไหนล่ะ ประเทศไทยหรือไง”

ตอนนี้เองที่ผมเข้าใจได้อย่างถ่องแท้...ที่แท้ก็เพราะคำสาบานเมื่อชาติก่อนมันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในทางศาสนาพุทธ แต่เป็นเรื่องความเชื่อและขนบธรรมเนียมของชาวชวาล้วนๆ ก็ไม่แปลกถ้าหากว่าวิธีการถอนคำสาบานจะไม่เหมือนกัน เหล่าเทพเทวาของชาวชวาไม่ได้รับรู้ถ้าหากไปขอถอนคำสาบานจากพระพุทธรูป จะต้องไปยังถิ่นกำเนิดของต้นตระกูลตัวเองอย่างเดียว

แต่นั่นก็ทำให้ผมยิ้มออกที่หาทางแก้ได้ ขณะที่พี่วิญญูว่าอีกครั้ง

“กูถึงบอกว่าต้องมีเงินกับค่าที่พักไง เพราะไปทีต้องไปหลายวัน”

คิดถึงเรื่องนั้น ผมก็ฉุกใจขึ้นมาได้ว่าลำพังตัวเองไม่ได้มีเงินเก็บมากมายถึงขนาดจะไปต่างประเทศหลายๆ วันได้อย่างนั้น แต่ทว่า...

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ป่าปี๊รวย ป่าปี๊จ่ายให้หนูได้อยู่แล้ว”

...พี่อินทร์ก็คว้าผมไปกอดแล้วว่างุ้งงิ้งๆ ผมก็โล่งใจขึ้นมา

“งั้นจิยืมพี่อินทร์ก่อน ไว้จิจะหามาคืนนะครับ”

พี่อินทร์ก็ทำปากยื่น “ป่าปี๊บอกแล้วไงว่าจะจ่ายให้ ถ้าหนูอยากจ่ายก็จ่ายคืนด้วยร่างกายเนอะ”

แล้วก็วกเข้าเรื่องนี้ตลอด แต่ผมก็ไม่อะไรหรอก ออกจะสบายใจมากกว่าที่ลายพวกนี้จะหายไปสักที ทว่าสรัลที่นั่งฟังอยู่นานแล้วก็ย่นคิ้วมากขึ้นกว่าเดิม

“มันฟังดูน่าเหลือเชื่อนะพี่อินทร์ สาบานที่ไหนก็ไปแก้คำสาบานที่นั่น แล้วทำไมพี่วิญญูถึงต้องไปแก้คำสาบานที่เมืองดาหาล่ะ เป็นองค์ยุพราชแห่งกระหมังกุหนิง ทำไมไม่ไปแก้ที่เมืองตัวเอง”

“ก็ตอนตาย มันตายอยู่หน้ากำแพงเมืองดาหานี่หว่า ก็ต้องไปแก้ที่นั่นแหละ”

เท่านี้ก็รู้เลยว่าพี่วิญญูเองก็เคยไปที่นั่นมาแล้ว งานแต่งของผมกับบุษบาก็เคยจัดที่นั่น ถ้าต้องไปอีกครั้งก็คงจะไม่ยาก ให้พี่วิญญูนำทางไปก็ได้

“งั้นคงต้องขอให้วิญไปด้วย พวกเราไม่ได้กลับไปเยือนถิ่นเดิมนานแล้ว จำไม่ได้หรอก”

พี่บุศย์เองก็คิดแบบเดียวกันกับผมถึงได้โพล่งออกมาแบบนั้น พี่วิญญูมีสีหน้าหนักใจเล็กน้อย

“ไปด้วยก็ไม่มีปัญหาหรอกถ้าไม่มีคนกวนตีนน่ะนะ”

ซึ่งความหนักใจนั่นก็คือพี่อินทร์นี่แหละ พูดแล้วก็เหลือบมามองทางพี่อินทร์ด้วย พี่อินทร์ก็อ้าปาก ทำท่าเหมือนจะพูดว่า ‘เออ กูก็ไม่อยากให้มึงไปเหมือนกัน’ แต่ทว่าก็สบเข้ากับสายตาของผมก่อน พลันเขาก็หุบปากฉับเมื่อผมร้องขอ

“ให้พี่วิญไปด้วยนะครับ จิอยากหายไวๆ จิจะได้ไม่อายเวลาให้พี่อินทร์กอดไง”

พูดเสียงเบาเลย ไม่กล้าให้คนอื่นได้ยิน แต่วินาทีนี้ก็ต้องอ้อนก่อนล่ะ ไม่อย่างนั้นเขาไม่ยอมแน่ และผมก็รู้ด้วยว่าเขาแพ้ทางเวลาผมอ้อนแบบนี้ ซึ่งก็ใช่ เพราะเขาถอนหายใจแล้วตกปากรับคำ

“เออๆ ไปก็ไป ขอแค่ให้จิหาย อะไรกูก็ยอม”

ผมยิ้มกว้างออกมา พี่อินทร์ก็เป็นแบบนี้ น่ารักที่สุดในโลกเลย!

“แล้วถ้าไม่หายล่ะพี่อินทร์”

ก็มีแต่สรัลเท่านั้นแหละที่ยังกังวลไม่เลิก ถามแล้วก็ถามอีกให้ผมหวั่นใจอยู่ได้ พี่อินทร์ก็เลยว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ถ้าวิธีนี้ไม่หาย มันก็ต้องมีวิธีอื่นที่ทำให้จิหาย”

“พี่อินทร์คิดบวกจังเลยนะ”

สรัลว่าด้วยน้ำเสียงชื่นชม อันนี้ไม่ได้ประชดด้วย ชื่นชมจริงๆ ส่วนพี่อินทร์ก็ยืดใหญ่

“อื้ม พี่เป็นคนคิดบวก” พลันก็ยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยออกมา “บางทีก็ 18+ บางทีก็ 20+” จากนั้นก็มากระซิบข้างๆ หูผม “จิอยากคิด 25+ กับพี่ไหม”

คนละคิดบวกกันแล้วเว้ย!

ผมดันหน้าพี่อินทร์ออกห่าง ไม่อยากให้เขามาทำยุ่มย่ามอะไรต่อหน้าคนอื่น และพอทำอย่างนั้น เขาก็ส่งเสียงกระเง้ากระงอด

“โธ่ นว้องจิง่ะ ป่าปี๊เอ็งลูหนูหน่อยก็ม่ายล่ายเหยอ หนูตัวเย็กๆ น่ายัก ป่าปี๊อดใจไม่ไหว หยักจะบวกๆๆ ด้วยง่ะ งื้อ~”

แต่มึงจะมาบวกๆๆ ข้างนอกห้องไม่ได้เว้ย! พอสักที!

พี่วิญญูเห็นแล้วคงหมั่นไส้มั้ง หลุดปากค่อนขอดออกมาจนได้

“เป็นโรคลิ้นเปลี้ยเหรอมึงน่ะ นว้องจิมุ้งมิ้งกุ๊งกิ๊งอะไรอยู่ได้”

พี่อินทร์ก็หันขวับเลย แถมยังเอาไอติมโคนที่เพิ่งซื้อจากร้านที่เดินผ่านเมื่อกี้ไปจิ้มแขนพี่วิญญูอีก ไม่สนใจด้วยว่าผมกำลังจะอ้าปากเลีย

“เจือก”

ทำเสียงแบ๊วใส่พี่วิญญูด้วยนะ พี่วิญญูก็เบ้หน้าเลย ส่วนพี่บุศย์ก็หันไปดุเขาเป็นการใหญ่

“เล่นอะไรของมึงเนี่ย ทำตัวเป็นเด็กๆ เลยนะ” บ่นไป มือก็หยิบเอาทิชชูออกจากกระเป๋าเสื้อพลางร้องเรียก “ส่งแขนมาสิวิญ”

พี่วิญญูส่งแขนให้ พี่บุศย์ก็เช็ดคราบไอติม ท่าทางนั้นทำเอาผมคิดไปชั่วแวบหนึ่งเลยว่าสองคนนี้...ดูเหมาะสมกันดีพิลึก

พี่วิญญูถึงจะดูตัวใหญ่ มีกล้ามเป็นมัดๆ ตามประสานักกีฬา แต่พอเทียบกับพี่บุศย์แล้ว เขากลับดูตัวไม่ใหญ่เท่าไร อาจเป็นเพราะพี่บุศย์เองก็สูงพอๆ กันด้วยล่ะมั้ง ถึงได้ดูไม่ต่างกันนัก อะไรไม่ว่า ท่าทางเนิร์ดๆ สุภาพเรียบร้อยของพี่บุศย์ตอนดุๆ นี่ดูดีเป็นบ้าเลย เหมือนกับคุณพ่อกำลังดูแลลูกชายวัยกำลังซนอย่างไรอย่างนั้น

และดูท่าว่าคงจะไม่ใช่ผมคนเดียวล่ะมั้งที่คิดแบบนี้ เพราะจู่ๆ เสียงของสรัลก็ดังขึ้นมาแล้ว

“นายคิดเหมือนที่เราคิดหรือเปล่าบีหนึ่ง”

พี่อินทร์ก็ว่าขึ้นมาโดยที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่ทั้งสองคน

“เราก็คิดเหมือนนายแหละบีสอง” จากนั้นก็หันมามองผม “แล้วนายล่ะบีสาม”

ไม่ต้องลากกูเข้าไปเป็นพวกเดียวกันเลย!

ถึงผมจะไม่อยากเข้าพวก แต่ผมก็สงสัยในท่าทางของพี่บุศย์กับพี่วิญญูนะ แล้วก็ดันเป็นหน่วยกล้าตาย ถามออกไปด้วย

“เอ่อ...พี่บุศย์ครับ”

“หืม?”

“พี่บุศย์กับพี่วิญ แบบว่า...”

ผมไม่พูด แต่ใช้นิ้วชี้ทั้งสองข้างชนๆ กันเป็นสัญญาณให้รู้ว่าพวกเขาเป็นคู่กันหรือเปล่า เห็นเท่านั้น พี่บุศย์ก็หัวเราะ

“เปล่าหรอก ไม่ได้เป็นอะไรกัน”

“โธ่!”

สรัลโพล่งออกมาก่อนเลยเป็นคนแรก ส่วนพี่อินทร์ก็ทำหน้าเหมือนโล่งใจ แต่แล้วพี่บุศย์ก็พูดต่อ...

“แต่พี่ก็ว่าวิญน่ารักดี”

หา!?

ทุกคนหันไปมองเขาเป็นตาเดียว ส่วนพี่วิญญูก็เบิกตาโต มองพี่บุศย์อย่างไม่เชื่อสายตาเช่นกัน ขณะที่คนถูกมองไม่มีท่าทางอะไรผิดแผกไปเลย ยังดูสบายๆ เหมือนเดิม

“ก็บอกว่าวิญน่ารักดี ตกใจอะไรกัน เอ้า ไปกันได้แล้ว”

พูดจบก็เดินนำออกไป ทิ้งให้พวกผมมองตามหลัง คนที่อึ้งงันที่สุดดูเหมือนจะเป็นพี่วิญญู แต่คนที่เล่นใหญ่ที่สุดก็ไม่พ้นพี่อินทร์อยู่ดีเมื่อเขายกมือขึ้นปิดปาก ส่งเสียงครางเบาๆ ออกมา

“คุณพระ” จากนั้นก็หันไปหาพี่วิญญู “ขอต้อนรับสะใภ้เพื่อนนะฮ้า~”

สะภงสะใภ้อะไร เขายังไม่ได้เสียเป็นผัวเมียกันเว้ย!

แล้วพี่อินทร์ก็ดันไม่จบด้วยนะ กระแซะเข้าไปหาพี่วิญญูแล้วถามเสียงเบา

“แล้ว...มึงเป็นรุกหรือเป็นรับ”

พี่วิญญูย่นคิ้วยู่เลย “ถามอะไรของมึงเนี่ย”

เออ นั่นสิ ถามอะไรของมึงวะพี่อินทร์

แต่ผมก็เงี่ยหูฟังนะ

“กูก็แค่อยากรู้แมะ อยากรู้ว่าคุณบุศยา สามีกูจะเทิร์นรุกอยู่รับก็แค่นั้นเอง”

มีอ้างว่าพี่บุศย์เป็นสามีอีก ผมนึกถึงตอนก่อนหน้านั้นที่พี่อินทร์เป็นไม้กันหมาด้วยการอ้างว่าตัวเองเป็นเมียพี่บุศย์ขึ้นมาได้เฉยเลย แล้วก็ขำตัวงออีกด้วยนะพอนึกถึงตอนนั้น แต่พี่วิญญูคงไม่ขำด้วย มุ่ยหน้าเป็นการใหญ่

“พูดจาไร้สาระ”

“ถามก็ตอบสิวะ ลีลา” พี่อินทร์โวยวายขึ้นมาแล้ว จากนั้นก็แสร้งทำท่าเหมือนคิด “หรือว่า...ไอ้บุศย์จะเป็นรับ?”

“...”

พี่วิญญูไม่ตอบ ทำเป็นไม่ได้ยิน พี่อินทร์ก็เอาอีก

“เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นรุกด้วยกันทั้งคู่?”

“...”

พี่วิญญูไม่ตอบอีก ทำเหมือนคนข้างๆ เป็นอากาศธาตุน่ะ แต่หารู้ไม่ว่ามันเป็นเหมือนการทำให้พี่อินทร์ได้ใจมากขึ้นไปอีก เพราะตอนนี้เขาทำท่าตกใจแล้ว

“หรือว่า! ...จะเป็นรับด้วยกันทั้งคู่!?”

เสียงดังด้วยเถอะ จากนั้นก็ยกมือขึ้นทาบอก อ้าปากค้าง ทำท่าเหมือนได้รู้เรื่องที่น่าเหลือเชื่อมา

“ตายแล้ว นี่พวกมึงใช้ตูดดูดกันเหรอ”

ตูดดูดกันบ้าบออะไร เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว!

แล้วก็เป็นผมที่ต้องหยิกสีข้างพี่อินทร์ให้เขาหยุดแกล้งพี่วิญญูสักที พี่อินทร์ร้องโอ๊ยๆ อู๊ยๆ หันมาทางผมใหญ่

“หยิกพี่ทำไมอะจิ เจ็บนะเนี่ย”

“ก็พี่อินทร์ไปแกล้งพี่วิญญูทำไมล่ะครับ”

“แกล้งอะไร พี่ก็แค่อยากรู้เองว่าพวกมันฟันดาบกันหรือเอาตูดดูดกัน”

พอได้แล้ว!

ขมับพี่วิญญูเต้นตุ้บๆ เลย สรัลก็ขำใหญ่ ขณะที่พี่บุศย์เดินกลับมาว่าเสียงดุ

“จะฟันดาบหรือเอาอะไรดูดกันก็ไม่เกี่ยวกับมึง เอ้า แล้วนี่ก็สะพายกีตาร์ดีๆ จะหล่นแล้ว”

ว่าพลางประคองกีตาร์บนไหล่พี่วิญญูให้เข้าที่ด้วย ผมเพิ่งสังเกตในตอนนี้ว่าพี่วิญญูพกกีตาร์มา เห็นว่าจะเอามาซ่อมอะไรสักอย่างที่ร้านในห้าง และแทนที่ทุกอย่างจะจบลงแค่นั้น พี่อินทร์ก็พล่ามออกมาอีก

“ผู้ชายเล่นดนตรีเป็น เขาว่ามีเสน่ห์ แล้วนี่เล่นอะไรเป็นบ้างล่ะ”

“ก็หลายอย่าง”

พี่วิญญูตอบแบบขอไปที คนข้างกายผมก็ถามขึ้น

“ดีด สี ตี เป่า?”

“ดีดก็กีตาร์ ซอเคยเล่นตอนมัธยม กลองพอได้ ตอนประถมเรียนขลุ่ย”

พี่อินทร์พยักหน้า จากนั้น...

“เขย่า อม ดูด?”

กูว่ามันไม่ใช่เครื่องดนตรีแล้ว!

“ไอ้อินทร์”

พี่บุศย์ทำท่าเหมือนจะดุแต่ก็ไม่ดุ ดันหลุดหัวเราะออกมา ส่วนพี่วิญญูก็ขมวดคิ้วมุ่นเลยที่ถูกกวนอย่างนั้น

“ชาติก่อนก็กวนตีนแบบนี้ไหม”

เขาถาม พี่บุศย์ก็พยักหน้า

“อืม กวนตีนแบบนี้แหละ”

แล้วสรัลก็สมทบ “แต่ชาติก่อนดำรงตำแหน่งองค์ยุพราชไง เลยต้องรักษาฟอร์มหน่อย ชาตินี้ฟอร์มเฟิร์มช่างแม่ง”

พี่อินทร์ก็ดันยืดอกเหมือนภาคภูมิใจด้วยนะ ไม่ได้มีท่าทีว่าจะสำนึกอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ทำให้ผมได้รู้ขึ้นมาอีกอย่างว่าชาติที่แล้วเขาเป็นคนยังไง

ก็เป็นคนน่ารักอย่างนี้ไง!

ทว่าอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่จู่ๆ พี่บุศย์ก็คว้าแขนพี่วิญญูหมับ

“มาวิญ รีบหนีไอ้บ้านี่ดีกว่า เดี๋ยวโดนมันแกล้งอีก ตามมาเร็ว”

สิ้นเสียงก็พาพี่วิญญูก้าวพรวดๆ ไปที่ร้านชาบูก่อนเลย ทิ้งให้คนอื่นๆ มองตามหลัง ก่อนที่พี่อินทร์กับสรัลจะเหล่มองกันอย่างมีนัยยะ

“เสร็จแน่ๆ”

“ใครเสร็จ”

“พี่วิญเสร็จพี่บุศย์แน่ๆ”

พี่อินทร์หัวเราะเมื่อได้ยินสรัลว่าอย่างนั้น ผมเองก็คิดเหมือนสองคนนี้เหมือนกัน

วิหยาสะกำเสร็จบุษบาก็ชาตินี้แหละ...

แต่เหนือสิ่งอื่นใด... อิเหนาอย่ารวมตัวกับเดอะแก๊งแบบนี้บ่อยๆ นะ เห็นแล้วปวดหัวมาก

เหมือนจับปูใส่กระด้งเลยเนี่ย!

 
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 27★พี่หึงเจ้า[22.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 23-05-2018 21:34:58
Chapter 28: อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[2]


‘อิเหนา... เจ้ากับข้า ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจอยู่ร่วมโลกกันได้ แม้ว่าชาตินี้ข้าจะถูกเจ้าช่วงชิงน้องบุษบาไป แต่ชาติหน้าฉันใด ขอให้กงเกวียนกำเกวียนหนุนนำให้ข้าได้นางกลับคืน’

‘โอ้...องค์เทวดาเจ้าขา หรือปีศาจอสุรกายตนใด หากได้ยินคำขอของข้าแล้วไซร้ โปรดเห็นใจดลบันดาลให้ข้าได้สมปรารถนา’

สิ้นแล้วซึ่งระตูจรกา ครั้นลมหายใจห้วงสุดท้ายดับสูบ ข่าวการสวรรคตของท้าวจรกาก็แพร่สะพัดไปทั่วทุกหัวระแหง เหล่าแคว้นน้อยใหญ่ต่างมาร่วมพระราชพิธีปลงพระศพของท้าวผู้นี้กันอย่างพร้อมเพรียง เว้นเสียแต่อิเหนาที่หารู้ไม่เลยว่ายอดดวงใจที่ตนเฝ้ารักอย่างซื่อตรงมาตลอดชั่วชีวิตของตนได้จากไปสู่โลกหน้าแล้ว นั่นเป็นเพราะจรกาได้สั่งไว้

ไม่ว่าอย่างไร ชาตินี้ก็จะไม่เผาผีกับอิเหนา...

บอกกล่าวข้าราชบริพารอย่างหนักแน่น ความขุ่นแค้นในชาตินี้ทำให้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถพบหน้ากับอิเหนาได้อีก เว้นเสียแต่นางจินดาส่าหรีซึ่งเป็นพระญาติของอิเหนา และนางเองก็รู้ดีว่าอิเหนาคิดเช่นใดกับพระสวามีของนาง ก่อนวันถวายพระเพลิงศพไม่กี่วัน นางก็อดรนทนไม่ไหว จำต้องส่งข่าวให้ญาติผู้พี่ทราบ

อิเหนารักจรกา...แม้ว่าจะถูกรังเกียจเดียดฉันท์เพียงใด ทว่าก่อนตายก็ควรที่จะได้ร่ำลา

ฝ่ายอิเหนา ครั้นได้ยินข่าวการตายของจรกาก็ตระหนกตกใจจนขวัญเสีย ร้อนรนพาร่างกายที่เป็นไปตามวัฏจักรสังขารกาลเวลามายังที่หมายอย่างรวดเร็ว

การพระราชพิธีถูกรั้งรอไว้... เขาได้เข้าพบกับจรกาครั้งสุดท้ายเป็นการส่วนตัวจากการดูแลของจินดาส่าหรี เรื่องนั้นก็น่าขอบคุณยิ่ง แต่เรื่องที่สำคัญกว่าในเพลานี้คือ...เขาจะได้ชมโฉมของระตูจรกาเป็นครั้งสุดท้าย

กษัตริย์เฒ่าแห่งกุเรปันค่อยๆ ก้าวเหยียบไปบนพื้นโดยมีบุษบา จินตะหราวาตี และสังคามาระตาช่วยประคอง แม้แต่จะเดินเหินด้วยตนเองยังทำไม่ไหว แต่กระนั้นสังขารที่เฒ่าชราก็หาได้ทำให้ใจที่รักใคร่ในตัวจรกานั้นแปรเปลี่ยนไปได้เลย

ไม่ว่าเดือนปีจะผันแปรไปนานเท่าไร ดวงใจนี้ก็นึกรักเพียงแต่ระตูจรกา...

ครั้นมาถึงยังแท่นพระศพ ร่างกายเย็นเยียบและเฒ่าชราของระตูจรกาปรากฏสู่สายตาฝ้าฟาง หยดน้ำตาเม็ดใสก็ไหลริอาบใบหน้าเหี่ยวย่น มืออันสั่นระริกยื่นไปกอบกุมมือของอีกฝ่ายที่ประสานกันอยู่ช่วงหน้าอก ก่อนเสียงแหบแห้งจะดังขึ้นแผ่วเบา

“นะ...น้องจรกา...”

อิเหนาครวญด้วยปวดใจร้าวรานยิ่งที่ชาตินี้เขากับจรกาสิ้นบุญพาวาสนา นึกแค้นตนเองนักที่หลังจากช่วงชิงบุษบาไปจากงานอภิเษก ตนก็ไม่กล้าแม้แต่จะไปพบหน้าจรกา ยิ่งเมื่อกลับมายังกุเรปันและได้ข่าวว่าจรกาอภิเษกับจินดาส่าหรีตามข้อเสนอของพระบิดาตนแล้ว เขาก็เกรงว่าหากไปพบหน้า จะทำให้จรกาเกลียดชังมากขึ้นไปอีก เพราะหลังจากเรื่องวุ่นวายในครั้งนั้น เขาก็ถูกบังคับให้อภิเษกกับบุษบา เหตุเพราะไปทำนางเสื่อมเสียเกียรติ ไหนจะจินตะหราวาตีที่ตนได้แอบอ้างว่าตกหลุมรักไปอีก เรียกได้ว่าก่อกรรมใดขึ้น เขาได้รับผลกรรมนั้นอย่างครบถ้วนทุกกระเบียด มิหนำซ้ำยังมิอาจปฏิเสธเหล่าสตรีที่ถูกถวายให้ด้วยเป็นธรรมเนียมของเหล่ากษัตริย์

จรกาจึงเหมือนถูกลืมสิ้น...

แต่แท้จริงแล้ว ในใจของอิเหนากลับรักมั่นเพียงแต่ชายผู้นี้ ได้มาบรรจบพบกันในครั้งสุดท้ายก็น่าเป็นเรื่องยินดี ทว่าก็เพียงความเพ้อพกของตนเท่านั้นเพราะเขารู้ดีว่าคำสั่งเสียของจรกาคือสิ่งใด

‘ห้ามไม่ให้อิเหนามาเหยียบเมืองจรกาหากข้าสิ้นลมหายใจ ต่อให้ตายก็ไม่เผาผี’

ชิงชังถึงเพียงนั้น จะให้ทำใจยอมรับได้อย่างไรว่าเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ในเพลานี้ก็หาได้แก้ไขสิ่งใดได้ ถ้อยคำมากมายที่หมายจะบอก บอกไปตอนนี้ จรกาจะรับรู้สิ่งใดได้อีกเล่า

กระนั้น...อิเหนาก็ยังว่าออกมาด้วยน้ำเสียงอันสั่นเทา

“สักวาสักวาจูบจรดรักแต่เจ้า ช่างยั่วเย้าเจรจารื่นหวานหู พี่ก็นึกรักเจ้าด้วยเอ็นดู ใคร่เทียบคูคู่ครองเป็นยาใจ…”

หยดน้ำตาร่วงหล่น อิเหนาใช้มือข้างหนึ่งไปคว้าเอาแหวนประดับเม็ดนิลที่ห้อยกับสร้อยบนลำคอตนออกมา ก่อนจะสวมเข้ากับนิ้วนางเย็นเยียบข้างซ้ายของร่างไร้ชีวิตทีละน้อย

“รัก...ฮึก...รักพี่เถิดเจ้าน้องจรกา อย่าพรากพาใจพี่ด้วยผลักไส รักเถิดหนารักพี่เป็นดวงใจ พ่อประไพเมตตาพี่เถิดเอย…”

แต่ผู้ใดเล่าจะได้รับรู้ กลอนใดที่ได้เคยแต่งพร่ำพรรณนาไว้ หมายจะให้จรกาได้ฟังสักวัน บัดนี้เป็นเพียงพระพายที่พัดผ่านไปอย่างไม่มีวันหวนคืน กว่าอิเหนาจะรู้ตัวว่าสายไปก็ตอนที่อีกฝ่ายไม่มีชีวิตอยู่ฟังอีกแล้ว

เขาลูบใบหน้าของจรกา คร่ำครวญไม่หยุดหย่อน

“จรกา...น้องจรกา...พี่รักเจ้าจรกา...รัก...รักมาตลอด...”

“...”

“ตื่นมาฟังคำพี่หน่อยได้หรือไม่...ได้โปรด...จรกา...ฮึก...”

ร่ำไห้เสียปริ่มจะขาดใจ เป็นที่ให้เวทนาแก่ผู้ที่พบเห็นยิ่งนัก ทว่าคำปรารถนาใดๆ ของอิเหนาก็มิอาจเป็นจริงได้ เพราะร่างของจรกานิ่งงันไม่ไหวติง จนสุดท้ายเขาก็ต้องยอมรับว่ายอดดวงใจของเขาได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว

“ชาตินี้พี่ทำผิดต่อเจ้ามากนัก แต่พี่จะขอสาบาน...ขอสาบานว่าชาติหน้าฉันใด ขอให้ได้พบเจอเจ้า เมื่อนั้นพี่จะรักและดูแลเจ้ายิ่งชีพ จะทำให้เจ้าพบเจอแต่ความสุขเกษม พี่สาบาน...พี่ขอสาบาน...ฮือ...”

ฟุบหน้าลงไปบนร่างของจรกา ครวญครางร่ำไห้ออกมาไม่เป็นภาษา สังคามาระตาเห็นแล้วก็ดูท่าไม่ดี พยักพเยิดกับบุษบาให้รู้กันว่าสมควรแก่เวลาพาอิเหนาออกไปจากที่แห่งนี้ ทว่าเมื่อเข้าไปประคอง อิเหนาก็หันมามองสองสหายด้วยใบหน้าอาบน้ำตา

“แล้วพวกเจ้าสองคนจะสัญญาหรือไม่ว่าหากเกิดใหม่ในชาติหน้า จะช่วยให้ข้าทำให้น้องจรกามีความสุข...ฮึก...ทำให้ยอดรักของข้าไม่ต้องทนทุกข์เช่นนี้”

แล้วมีหรือที่สองสหายจะปฏิเสธ ไม่ใช่เพียงจรกาหรอกที่ทนทุกข์ อิเหนาเองก๊อกช้ำระทมเพราะรักมาตลอดทั้งชีวิตเช่นกัน จึงไม่รีรอที่จะรับปาก

“ข้าสัญญา หากเกิดชาติหน้าฉันใด ข้าจะช่วยเจ้า”

“ดุจดั่งสหาย ดุจดั่งพี่น้อง กระหม่อมก็จะช่วยพ่ะย่ะค่ะ”

บุษบาและสังคามาระตารับปาก พลันดวงตาฝ้าฟางของอิเหนาก็ชำเลืองไปมองยังใครอีกคนซึ่งอยู่ทางเบื้องหลัง

“แล้วเจ้าล่ะจินตะหราวาตี เจ้าจะสัญญาหรือไม่”

นางไม่ปริปาก ได้แต่ชำเลืองมองหน้าพระสวามีสลับกับร่างกายเย็นเยียบบนพระแท่น ความเงียบงันทำให้อิเหนาว่าขึ้น

“หากเจ้าไม่สัญญาก็ไม่เป็นไร ข้าหาได้บังคับ วาสนาเราคงสิ้นสุดกันแค่นี้”

วาสนาสิ้นสุดกันแค่นี้อย่างนั้นหรือ? นางไม่ยอมปล่อยให้เขาพรากจากนางไปตลอดกาลหรอก ดังนั้นจึงรับปาก

“ข้าสัญญา...”

ความเงียบครอบคลุมเข้ามาอีกครั้ง อิเหนาบีบมือแข็งทื่อของจรกาไว้มั่น ก่อนจะใช้ปลายนิ้วลูบที่เรือนแหวนบนนิ้วของจรกาพลันร้องเรียกจินดาส่าหรี

“ญาติผู้น้องของข้า...”

“เพคะ?”

“เมื่อเสร็จสิ้นงานถวายพระเพลิงแล้ว ข้าขอฝากฝังให้เจ้านำแหวนวงนี้ส่งคืนข้าที่กุเรปัน”

“ทำไมหรือเพคะ”

“ข้าจะให้ช่างเครื่องถมประจำราชวงศ์เก็บรักษา” พลันก็เหลือบมองหน้าจรกา ว่าด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกว่ารักยิ่ง “เพื่อนำไปมอบให้ยอดรักของข้าในชาติหน้า”

จินดาส่าหรีรับคำโดยดุษณี จากนั้นก็ไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงรบกวนอีก ปล่อยให้อิเหนาได้ล่ำลายอดรักของตนเงียบๆ

ต้นวงศ์เทวา...องค์ประตาระกาหลา ชาตินี้ข้ากระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เอาแต่ใจตน ไม่เคยเห็นความเจ็บช้ำของผู้ใด แต่โปรดเถิดพระองค์...ทรงโปรดเมตตา ชาตินี้ข้าทำน้องจรกาทุกข์ทน ฉะนั้นชาติหน้าข้าขอสาบาน...

เจ้าจรกา...จะมีความสุข...ข้าจะทำให้ระตูจรกามีความสุข

จะรักมั่น...แต่เจ้า...เพียงผู้เดียว...

ปริ่มจะขาดใจลงไปรอนๆ น้ำตายังคงไม่หยุดไหล และเป็นเช่นนั้นตลอดการเดินทางกลับสู่กุเรปัน

มีคำกล่าวว่าเมื่อต้องสูญเสียสิ่งที่รักยิ่งสุดใจ ก็เป็นไปได้ว่าบางคนอาจจะตรอมใจตาย บัดนี้ได้บังเกิดแก่กษัตริย์แห่งกุเรปันผู้เฒ่าชราแล้ว

อิเหนาปวดร้าวในอกขึ้นมาฉับพลันด้วยโรคชราที่กำเริบขึ้นกะทันหันขณะประทับอยู่ในรถม้า หากแต่ก็หาได้ร้องเรียกให้ผู้ใดช่วย ปล่อยให้ความเจ็บปวดนั้นกัดกินตนราวกับเป็นการลงโทษที่ชาตินี้ได้กระทำการชั่วร้ายไว้กับจรกามากมาย

ลมหายใจสุดท้ายใกล้ดับสิ้น หูทั้งสองข้างก็พลันได้ยินเสียงของผู้หนึ่งดังขึ้นในโสต

‘ลูกหลานข้า...สิ่งใดที่เจ้าปรารถนา เจ้าจะได้รับมันในชาติหน้า ผู้ใดที่ให้คำสัญญากับเจ้าไว้จะได้ไปร่วมทุกข์ร่วมสุขกันอีกครั้ง หมดห่วงเสียเถิด เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม เจ้าจะได้พบกับระตูจรกาอีกครั้ง...ไปเถิด...จงไป...และรักษาคำสาบานของเจ้าไว้ให้จงดี...’

สิ้นแล้วอิเหนาแห่งกุเรปัน แต่ความรักมั่นยังคงอยู่ และจะตามติดไปยังชาติหน้าสืบไป

จนกว่าจะได้พบ...

จนกว่าจะได้รักมั่นดังตั้งใจ...

พี่จะรอเจ้าหวนคืนสู่อ้อมอกอีกครั้ง...ระตูจรกา

 

ผมลุกขึ้นนั่ง เป็นอีกครั้งที่ตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะฝัน ผมฝันแปลกๆ อีกแล้ว แต่ครั้งนี้กลับทำให้ผม...ร้องไห้

ร้องไห้ออกมาไม่หยุด ห้ามยังไงก็ห้ามไม่ไหว น้ำตาไหลออกมาเป็นสายจนเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา ทำเอาพี่อินทร์ที่หลับอยู่ข้างๆ รู้สึกตัวตื่น คว้าโทรศัพท์มาเปิดไฟฉาย ก่อนลุกขึ้นมาดึงผมไปกอด

“เป็นอะไรจิ ฝันร้ายเหรอ”

ผมส่ายหน้า พอหันไปมองพี่อินทร์ เขาก็ยิ้มให้

“ไม่ได้ฝันร้ายแล้วร้องไห้ทำไมคนเก่ง ไหนฝันว่าอะไร เล่าให้พี่ฟังหน่อยได้ไหม”

เขาก็รู้ทั้งรู้แหละว่าที่ผมฝันเป็นเพราะผมสวมแหวนที่เขาให้ แต่ก็ยังถาม ผมเองก็บอกเหมือนกัน

“จิ...จิเห็น...” ผมชะงัก จ้องหน้าเขานิ่ง “จรกาตาย”

เขาก็พลันนิ่ง และพอผมพูดขึ้นมาอีกประโยค เขาก็ยิ่งนิ่งงันขึ้นไปใหญ่

“และจิก็เห็นอิเหนามาล่ำลาจรกา ให้สัตย์สาบานว่าชาติหน้าจะมาเจอกันใหม่”

“...”

“เพราะอย่างนี้ใช่ไหม จิถึงได้มาเจอกับพี่อินทร์ในชาตินี้?”

ผมเข้าใจอะไรๆ ได้ในตอนนี้ เข้าใจหมดแล้วว่าทำไมถึงฝัน เข้าใจว่าทำไมทั้งบุษบา จินตะหรา และสังคามาระตาก็หวนคืนมาบรรจบ ทั้งหมดล้วนแล้วรักษาคำสัญญาที่ให้ไว้กับอิเหนาในชาติก่อนนั่นเอง เว้นเสียแต่วิหยาสะกำที่กลับหวนคืนมาเพราะความแค้นที่มีต่ออิเหนา ไม่ได้เกี่ยวกับผม

พี่อินทร์ได้ยินก็ยิ้มออกมา ประคองใบหน้าผม ใช้นิ้วซับน้ำตาให้

“เพราะพี่จะมาบอกเจ้าว่ารักเจ้ามากเพียงใดในชาตินี้...”

เขาไม่พูดด้วยสำนวนภาษาแบบปกติ แต่พูดด้วยสำนวนโบราณ ผมสบตาเขานิ่ง พี่อินทร์ก็จูบประทับลงมาเบาๆ ยังริมฝีปาก ผละไปได้ก็กระซิบแผ่ว

“พี่รักเจ้า...ระตูจรกา รักมาตลอด...รักเจ้า...”

ผมปล่อยให้อาบตาไหลอาบใบหน้าอีกครั้ง ผมไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกเต็มตื้นที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งกายนั้นมันคืออะไร รู้แต่ว่าผมดีใจ...

ดีใจที่ชาตินี้ได้เกิดมาเจอกับอิเหนาอีกครั้ง...

“จิก็รักพี่อินทร์...ฮือ...จิรักพี่อินทร์นะ รักเหมือนกัน...ชาตินี้ไม่เกลียดแล้ว...ฮึก...ไม่เกลียดอิเหนาแล้ว...”

ร้องโยเยเป็นเด็กๆ เลย พี่อินทร์ก็กอดผมแน่น ปลอบประโลมให้ผมได้อุ่นใจอย่างนั้นโดยไม่พูดอะไรออกมา

บางทีการกลับมาของอิเหนาและเดอะแก๊ง...ก็อาจจะเป็นเรื่องดีมากกว่าเรื่องชวนให้น่าปวดหัวก็ได้

ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ...

------------------------------

วันนี้อัปไวกว่าปกติเล็กน้อยเพราะเขียนจบไว ฮา

ตอนหน้าจะไปดาหากันแล้วค่ะ ใครอ่านแล้วถูกใจแต่ขี้เกียจเมนต์ก็กดหัวใจให้กันหน่อยเน้อ ใครอยากหวีดอยากเมนต์ก็ตามสบายจ้า อ่านทุกคอมเมนต์เลย

พรุ่งนี้มาอัปตัวอย่างตอนหน้าให้นะคะ

 
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 28★อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[23.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 23-05-2018 21:55:52
อยากรู้จังจะแก้คำสาบานได้มั้ยแล้วจินตะหราวาตีจะยังไงต่อ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 28★อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[23.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-05-2018 22:00:50
 o13
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 28★อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[23.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-05-2018 22:12:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 28★อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[23.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 23-05-2018 22:45:43
  :pig4:
                                       โอ้ละหนอ     พอนี่อ่านอิเหนาfeatระตูจรกายามไหน
แล้วทำไมต้องรู้สึกเหมือนนี่เป็นไบ(โพลาร์)     บัดเดี๋ยวซึ้งใจเดี๋ยวหัวร่องอหายสลับไปสลับมา
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 28★อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[23.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 23-05-2018 23:02:27
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมาก ชอบๆๆๆ  อิเหนาชาตินี้ตลกมาก อ่านแล้วทั้งขำทั้งอึ้ง ทำเอาลืมภาพอิเหนาที่เราเคยเรียนมาเลย :m20: :pigha2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 28★อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[23.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 24-05-2018 00:59:11
ช่วงแรกขำกลิ้ง แต่ข่วงหลังร้องไห้น้ำมูกไหลเลย ซึ้งมาก ชาติที่แล้วไม่มีโอกาสได้บอกรักชาตินี้เลยตามมาเพื่อบอกน้อง :hao5:

ปล. พี่อินทร์ลิ้นเปลี้ย แบร่ๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 28★อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[23.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-05-2018 01:37:21
 :L1: o13 :L1:




 :L2: :3123: :pig4: :pig4: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 28★อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[23.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-05-2018 02:07:49
พอรู้สาเหตุในการสาบานของแต่ละคน เลยอยากรู้ว่าเจ้จินสาบานว่าไง ถึงกลับต้องไปถอนคำสาบาน นังเหนาถามก็ไม่ตอบ มันต้องเกี่ยวกับการทำตามคำสาบานแต่ไม่สำเร็จ แล้วมันคืออะไรหว่า อยากรู้ ๆๆๆๆๆๆๆๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 28★อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[23.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-05-2018 02:11:49
บอกเลยว่าเก็บเงินรอซื้อแน่นอน
งืออ เก๊าชอบ นว๊อง จวิ มากกเยย 555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 28★อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[23.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 24-05-2018 02:18:27
อ่านละขำ  พี่อินทร์คิดบวก 
กับหัวเราะพวก2บี
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 28★อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[23.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 24-05-2018 05:24:38
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 28★อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[23.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 24-05-2018 12:52:13
แรกๆก็ฮานะ อิเหนาชาตินี้รั่วมาก พอตอนท้ายซึ้งมากน้ำตาจะไหล สนุกมากเลย
วิญญูเสร็จพี่บุศย์แน่นอน o13
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 28★อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[23.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 24-05-2018 13:09:15
ร้องไห้ตามอิเหนา
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 28★อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[23.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 24-05-2018 13:33:24
ชอบเดอะแก๊งค์มากมาย 5555+
รอตามไปเมืองดาหาด้วยคนนะฮะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 28★อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[23.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 25-05-2018 00:19:54
Chapter 29: ฝากรัก

พอรู้ว่าวิธีที่จะทำให้ผมหายจากผลข้างเคียงของคำสาบานทำได้ยังไง พี่อินทร์ก็ไม่รอช้าที่จะหาตั๋วเครื่องบินเที่ยวที่บินได้เร็วที่สุดทันที แน่นอนว่าการบินลัดฟ้าไปเมืองดาหา หรือโดโฮที่อยู่ในชวาติมอร์อะไรนี่ จะส่งใบลาให้อาจารย์แต่ละวิชา แล้วใส่เหตุผลในการขอลาว่าไปถอนคำสาบานไม่ได้ ผมก็เลยต้องหยุดเรียนเอาดื้อๆ ซึ่ง...หยุดยาวไปเลยเป็นอาทิตย์ เพราะพี่อินทร์บอกว่า...

‘ถอนคำสาบานเสร็จแล้วก็อยู่รอดูผลก่อน ถ้าไม่ได้ผลยังไงจะได้แก้ไขทัน’

…เลยกลายเป็นว่าต้องอยู่ยาวอย่างที่เขาว่า ผมก็ไม่แย้งอะไรหรอก ไม่อยากตายเพราะคำสาบานงี่เง่าในชาติก่อนเหมือนกัน ชาตินี้ได้รักกับเขาแล้ว เรื่องอะไรที่จะต้องตายหนีเขาไปอีกล่ะ

ส่วนพวกคนอื่นๆ ก็ต้องหยุดยาวเช่นกันกับผม ตอนแรกที่ว่าจะมีพี่วิญญูตามติดไปคนเดียว ตอนนี้กลายเป็นว่ามากันครบทีมเลย

และแล้ว...อิเหนาแอนด์เดอะแก๊งก็บินลัดฟ้ากันสู่เกาะชวา

จังหวัดที่เรามุ่งหน้าไปนั้นคือบันดุง ผมเพิ่งจะรู้ว่าแท้จริงแล้วในยุคนี้ เมืองดาหาก็คือตำบลหนึ่งในบันดุง และไม่ไกลกันนั้นก็มีเมืองกุเรปัน ซึ่งปัจจุบันเรียกว่ากุราวัน อยู่ในตำบลเมดวน ทั้งสองเมืองอยู่ไม่ห่างกันมาก ผมเองก็จำไม่ได้สักเท่าไรหรอกเพราะกาลเวลามันก็ผ่านมานานมากแล้ว เว้นก็แต่พี่อินทร์ที่ดูเหมือนจะจำทุกอย่างได้ดี

ไม่สิ...ไม่ใช่แค่พี่อินทร์ คนอื่นๆ ก็เช่นกัน พอเราบินตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิตรงมาลงยังบันดุง และนั่งรถที่ทางโรงแรมส่งมารับต่อมาถึงยังที่พักปุ๊บ ผมก็ยื่นเอกสารที่เป็นหลักฐานการจองให้กับทางรีเซปชัน พร้อมกับพูดภาษาอังกฤษแบบกระท่อนกระแท่นๆ

“เอ่อ...ไอแฮฟทูบุ๊กอะรูมอินยัวร์โฮเทล...”

ไวยากรณ์ถูกหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่าต้องทำให้อีกฝ่ายเข้าใจให้ได้ แต่ทว่าก็มีใครพูดภาษาพื้นเมืองขึ้นมา ผมหันไปก็เห็นว่าคนพูดมายืนอยู่ข้างๆ ผมแล้ว และคนคนนั้นก็คือ...

“พี่อินทร์...”

ผมครางออกมาอย่างไม่เชื่อหูว่าเขาจะพูดภาษาอินโดนีเซียได้ แถมคุยกันกับพนักงานรู้เรื่องด้วยนะ

หรือว่าพี่อินทร์จะเคยเรียนภาษามลายู?

จำได้ว่าภาษามลายูคือภาษาประจำชาติอันดับที่สองของอินโดนีเซียรองจากอังกฤษ ที่สำคัญคือไม่ใช่แค่เขาพูดได้ คนอื่นๆ ก็พูดได้ มีแต่ผมเท่านั้นที่ยังคงงุนงงอยู่ แต่ทว่าอึดใจเดียวก็เริ่มฟังรู้เรื่องขึ้นมา

เอ๊ะ... หรือว่าจะคุยภาษาไทย?

ผมสาบานเลยว่าไม่เคยเรียนภาษาอื่นนอกจากภาษาไทยกับอังกฤษมาก่อน พอหันไปมองหน้าทุกคนอย่างงุนงง พี่บุศย์ก็หัวเราะออกมา

“ไม่ใช่ภาษาไทยหรอกจิ ไม่มีใครพูดไทยทั้งนั้น ไม่ต้องทำหน้างง”

ไอ้ที่บอกไม่ต้องให้ผมทำหน้างงนี่สิ ผมยิ่งงงเข้าไปใหญ่ จากนั้นสรัลก็ว่าขึ้น

“ภาษาชวาน่ะ”

ผมยิ่งทำหน้าเหลอหลาเข้าไปใหญ่ ทำให้พี่วิญญูซึ่งมองดูอยู่พูดขึ้นเป็นคนสุดท้าย

“ปัจจุบันภาษาชวามันคือภาษาท้องถิ่นของที่นี่ ในเมื่อกลับชาติมาเกิดแล้ว ทำไมจะพูดภาษาเดิมของตัวเองไม่ได้กันล่ะ จริงไหม”

ตอนนี้ผมเลยเข้าใจเลยว่าทำไมพวกเขาพูดกันคล่องปร๋อ ที่แท้ก็เป็นภาษาดั้งเดิมที่พวกเราเคยใช้เมื่อชาติก่อนนั่นเอง แล้วที่จู่ๆ ผมก็ฟังออกเป็นเพราะความทรงจำในอดีตชาติเพิ่งจะกลับมาแหง แต่ว่านะ ที่พวกเขารู้กันอยู่แล้วก็ดูน่าแปลก แต่แล้วก็มีคนอธิบายเพิ่มอีก

“พวกพี่มาเที่ยวบ้านเมืองเดิมกันบ่อยน่ะ มาตั้งแต่เด็กๆ เลยรู้ จิไม่ต้องแปลกใจหรอก”

เป็นพี่บุศย์นั่นแหละที่อธิบาย ส่วนคนอื่นๆ ก็พยักหน้า ผมก็เลยไม่แปลกใจ พร้อมๆ กับได้รู้พื้นเพฐานะทางบ้านของทุกคนด้วย

เออ บ้านมีตังค์กันทั้งนั้นเลย ก็สมกับที่เป็นลูกหลานของเจ้าเมืองใหญ่ๆ นั่นแหละ เว้นก็แต่ผมที่เป็นเจ้าเมืองเล็กๆ ไม่ได้ร่ำรวยอะไรยังไง เกิดมาชาติใหม่ก็ยังเป็นอย่างนั้น

“อย่ามัวยืนคุยกันอยู่เลย รีบเอาของขึ้นไปเก็บเร็ว เหนื่อยจะแย่”

พี่อินทร์ว่าขัดขึ้นมาก็ไม่มีใครค้าน แต่ขณะที่กำลังขึ้นลิฟต์ไปยังห้องพัก จู่ๆ เขาก็โพล่งออกมา

“แต่เดี๋ยวเก็บของเสร็จ กูจะไปข้างนอกกับจิสักหน่อย”

ทุกคนหันมองหน้าเขา ไม่เว้นแม้แต่ผม แล้วก็เป็นผมด้วยที่ถาม

“ไปไหนเหรอครับ”

เขายิ้ม “เดี๋ยวก็รู้เอง”

พูดมาอย่างนี้ก็ไม่มีใครถามต่อ ได้แต่ปล่อยให้พี่อินทร์ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ส่วนผมก็ขมวดคิ้วมุ่นเพราะอยากรู้ว่าเขาจะพาผมไปไหนเท่านั้น

 

ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น ความสงสัยของผมก็ได้รับการไขจนกระจ่าง พี่อินทร์พาผมนั่งรถไปยังแขวงหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดศูนย์กลางของบันดุงสักเท่าไรนัก แต่ก็นับว่าไกลพอสมควรเพราะนั่งรถเป็นชั่วโมงเลย ก่อนที่จะมาหยุดยังที่หมายซึ่งเป็นตลาดร้านรวงชาวบ้านธรรมดาๆ มองเผินๆ เหมือนเป็นพวกตลาดค้าของเก่า แต่ก็ดูแล้วไม่น่าจะใช่แหล่งท่องเที่ยวสักนิด

พี่อินทร์จ่ายเงินเสร็จก็เดินมาหาผมที่ยืนรออยู่ ก่อนผมจะออกปากถาม

“พาจิมาที่นี่ทำไมเหรอครับ”

เขายกยิ้มพลันคว้ามือผมข้างที่สวมแหวนอยู่ขึ้น

“อยากรู้ไหมว่าทำไมแหวนวงนี้ถึงอยู่มาจนตอนนี้”

แน่สิ ผมต้องอยากรู้ พยักหน้าทันที เขาก็หัวเราะน้อยๆ

“ตามพี่มาสิ พี่จะมาไปดูอะไร”

พี่อินทร์จับมือผมแน่นแล้วออกเดิน ผมก็ก้าวตามไปติดๆ เลย ก่อนที่เราจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าร้านขายของเก่าร้านหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นกึ่งบ้านคน

“ที่นี่แหละ”

ผมยังไม่ทันจะได้ถามอะไรต่อ เขาก็ก้าวเข้าไปด้านในแล้ว ผมเลยต้องก้าวตามพลางมองสำรวจร้านไปด้วย ร้านนี้เป็นร้านขายของเก่าเต็มรูปแบบ มองไปทางไหนก็มีข้าวของเครื่องใช้สมัยก่อนประดับประดาไปทั่วทุกมุมของร้าน ผมปรายตามองไปทั่วก่อนที่สายตาจะหยุดที่เจ้าของร้านซึ่งเป็นคุณลุงวัยห้าสิบกว่าๆ

เขาทักทายพวกเราด้วยภาษาอังกฤษเพราะมองหน้าพวกเราแล้วก็รู้ว่าไม่ใช่คนละแวกนี้ แต่พี่อินทร์ดันตอบกลับเป็นภาษาชวา เท่านั้นก็ทำให้เจ้าของร้านชะงักกึก ก่อนที่ผมจะได้ยินเขาพูดว่า...

“อิเหนา...”

ครางออกมาเท่านั้น เขาก็เบิกตาโต มือประนมที่หน้าอกทันควัน

“คุณคือ...คนเมื่อวันนั้น...”

เขาครางออกมาอีก พี่อินทร์ก็ยิ้มรับ

“วันนี้จะมาขอบคุณ” ก่อนที่จะดึงผมให้มาประจันหน้ากับคุณลุงเจ้าของร้านแล้วว่าขึ้นอีก “ข้าได้พบกับยอดดวงใจของข้าแล้ว ขอบน้ำใจวงศ์ตระกูลของเจ้ามากที่ทำหน้าที่เก็บรักษาแหวนวงนี้ให้ข้าเป็นอย่างดี”

ผมมองพี่อินทร์อย่างไม่เข้าใจที่จู่ๆ เขาก็พูดออกมาเป็นภาษาชวา...แบบโบราณด้วย อะไรไม่ว่า คุณลุงตรงหน้าจะงงเอาน่ะสิที่จู่ๆ ก็มาพูดจาสำนวนลิเก ผมเลยรีบกระตุกเสื้อพี่อินทร์เป็นการใหญ่

“พี่อินทร์ครับ...”

เรียกเขาด้วยเพื่อให้เขารู้ตัว แต่แล้วก็ต้องเงียบไปเมื่ออีกฝ่ายยิ้มออกมา

“ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าสิ่งที่บรรพบุรุษตระกูลผมสอนสั่งสืบรุ่นลูกรุ่นหลานมาจะเป็นเรื่องจริง คุณคืออิเหนาแห่งกุเรปันจริงๆ ด้วย”

ผมหันขวับ เบิกตาโพลงกับสิ่งที่ได้ยิน แต่พี่อินทร์ก็ไม่พูดอะไร นอกจากจะยิ้มเท่านั้น

“วันวานได้ฝากฝังไว้ วันนี้ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงจึงมาเพื่อขอบคุณ ขอบน้ำใจพวกเจ้ามากที่รักษาคำสัตย์ไว้เป็นอย่างดี”

จากนั้นพี่อินทร์กับคุณลุงคนนั้นก็พูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อย คุยไปคุยมา คุณลุงก็ร้องไห้ออกมาราวกับว่าตื้นตันใจอะไรบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจเลย กระทั่งพวกเขาคุยกันเสร็จและพี่อินทร์พาผมออกจากร้าน ตอนนั้นแหละที่ผมได้มีโอกาสถาม

“มันเรื่องอะไรครับพี่อินทร์ จิไม่เข้าใจเลย”

“จิจำวันที่จิฝันว่าจรกาตายได้ไหม” ผมพยักหน้า พี่อินทร์ก็ว่าขึ้นอีก “หลังจากจรกาตาย จินดาส่าหรีก็นำแหวนวงนี้ส่งคืนสู่กุเรปัน บุษบาและสังคามาระตาได้นำคำสั่งเสียสุดท้ายของพี่ไปบอกแก่เครื่องช่างถมที่ทำแหวนว่าให้รักษาแหวนวงนี้สืบลูกสืบหลานไปจนกว่าวันหนึ่งจะมีเจ้าของแหวนไปเอา”

“ซึ่งเจ้าของแหวนก็คือ...”

“พี่”

ได้ยินอย่างนั้น ผมก็ขมวดคิ้วมุ่น

“แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าพี่อินทร์คืออิเหนากลับชาติมาเกิด ระลึกชาติได้เหมือนกันเหรอครับ”

“ไม่ได้หรอก” พี่อินทร์ว่า “แต่องค์ประตาระกาหลาได้ประทานพรให้มีตาทิพย์ มองเห็นรัศมีเรืองรองของอิเหนาในชาติใหม่ ลูกหลานของตระกูลนี้ ไม่ว่าใครก็จะสามารถมองเห็นแสงเรืองรองจากตัวพี่ได้ทั้งนั้น แต่หลังจากนี้คงไม่เห็นแล้วล่ะ ภารกิจเสร็จลุล่วงแล้ว”

ผมเข้าใจอะไรๆ ขึ้นมาได้ แต่ปากก็อดว่าอุบอิบนิดๆ ไม่ได้

“ดีจังเลยนะ มีต้นวงศ์ตระกูลเป็นเทวดา ขออะไรก็ได้สมปรารถนาไปหมด”

“แต่ก็ต้องแลกมากับความเจ็บปวดจากการรอคอยนะ”

พี่อินทร์แทรกขึ้น นั่นสิ...ผมก็ลืมเรื่องนี้ไป พอหันไปมองหน้าเขา เขาก็ยิ้มกว้างออกมาพลางจับมือผมไปกระชับแน่น

“แต่ว่าตอนนี้พี่ได้ความรักที่ฝากความภพข้ามชาติไว้คืนแล้ว รอคอยนานแค่ไหนก็ไม่สำคัญแล้วล่ะ”

ผมอดยิ้มกว้างให้กับคำพูดน่ารักๆ ของเขาไม่ได้เลย

“ถ้างั้น...รักจิไปทุกๆ ชาติเลยนะครับพี่อินทร์”

มือใหญ่ที่กระชับมือผมแน่นนั่นคือคำตอบรับแล้ว ไม่มีใครพูดอะไรอีก มีแต่ความตื้นตันที่แผ่ซ่านเข้ามาโอบอุ้มหัวใจผมไว้

หวังว่าผมจะถอนคำสาบานได้โดยไม่มีอุปสรรคใดๆ แล้วรักกับอิเหนาแบบมีความสุขสักทีนะ...

 

กลับมาถึงโรงแรมอีกครั้งก็ช่วงเย็นของวันนั้น พี่อินทร์โทรเรียกให้พี่บุศย์ พี่วิญญู แล้วก็สรัลลงมากินมื้อเย็นที่ร้านอาหารของโรงแรม พี่บุศย์ไม่ได้ถามหรอกว่าพวกเราไปไหนมา แต่ออกตัวบอกว่าไม่ได้ออกไปไหนตั้งแต่มาถึงที่โรงแรม เพราะเหนื่อยจากการเดินทางก็เลยนอนพักกับพี่วิญญูในห้อง ทั้งที่จริงแล้วการขึ้นเครื่องบินจากประเทศไทยมาอินโดนีเซียมันใช้เวลาแค่สองชั่วโมงกว่าๆ เอง และใช่... มันคือข้ออ้าง เพราะพอพี่บุศย์พูดอย่างนั้น สรัลก็โพล่งขึ้นมาเลย

“นอนหรือทำอะไร บอกมาตรงๆ เถอะพี่บุศย์ ไม่มีใครว่าหรอก ขนาดพี่อินทร์เย้ยังบอกว่าเย้เลย ไม่งั้นทำไมถึงไม่หือไม่อือตอนหนูไปเคาะเรียก”

พี่วิญญูที่กำลังยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอยู่ถึงกับสำลักพรืด ขณะที่พี่บุศย์คว้าเอาทิชชูมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ แล้วขว้างใส่สรัลจังๆ

“ดูพูดจาเข้า ตอนเป็นสังคามาระตานี่ ปากไม่มีหูรูดยังไง ชาติใหม่ก็ปากไม่มีหูรูดอย่างนั้น”

สรัลทำหน้าง้ำ สังเกตจากอาการของสรัลแล้ว ดูท่าทางที่พูดมาเมื่อกี้ก็น่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะหลังจากนั้นพี่บุศย์ก็หันไปยื่นทิชชูแผ่นใหม่ให้พี่วิญญูแล้ว

“เป็นอะไรไหม”

พี่วิญญูพยายามกลั้นสำลัก ปฏิเสธเป็นพัลวัน

“แค่ก...ไม่เป็นไร เราโอเค”

พลันสรัลก็เบ้หน้าเบ้ตาเป็นการใหญ่

“ห่วงกันจริ๊งงง ใช่ซี่ มีคู่แล้ว น้องนุ่งก็ไม่สำคัญหรอก ให้นอนคนเดียวไม่พอ ยังไม่สนใจน้องอีก”

พี่บุศย์ก็เลยว่าเข้าให้ “แล้วจะให้เรามานอนด้วยได้ยังไง เป็นผู้หญิงนะ มานอนกับผู้ชายมันไม่ดี”

“แต่พี่บุศย์ก็ไม่ได้คิดอะไรกับหนูไม่ใช่เหรอ”

“เออ ไม่ได้คิดอะไรมันก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ แกเป็นผู้หญิงแล้ว จะมาทำตัวตามสบายอย่างนี้ไม่ได้ หัดระวังตัวบ้าง”

สรัลก็ทำหน้าง้ำไปตามระเบียบ บ่นอุบอิบด้วย ส่วนพี่บุศย์พอเหลือบมาเห็นสายตาจับผิดของพี่อินทร์ เขาก็รีบแก้ตัวใหญ่

“แล้วที่ว่าเหนื่อยน่ะ กูพูดจริง ก็เลยชวนวิญนอนพักก็แค่นั้น ไม่ได้ทำอะไร”

“กูก็ไม่ได้ว่าอะไร้~”

พี่อินทร์แกล้งพูดเสียงสูง แต่สายตาก็ยังจ้องจับผิดไม่เลิก ตอนนี้กลายเป็นว่าพี่บุศย์ออกอาการกระอักกระอ่วนแล้ว พี่วิญญูก็หลบสายตาคนอื่นเป็นการใหญ่ ผมหรี่ตามองยังจับพิรุธได้เลยว่าสองคนนี้ต้องมีซัมธิงอะไรกันแน่ แต่ก็ไม่อยากจะไปคาดคั้นอะไรให้พวกเขาอึดอัด มันเป็นเรื่องส่วนตัวนี่เนอะ เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า

“จิอยากถามอะไรทุกคนหน่อย ถามได้ไหมครับ”

ผมโพล่งขึ้นมา เท่านั้นทุกสายตาก็จับจ้องมาทางผมทันที

“อะไรเหรอ”

พี่บุศย์เป็นคนแรกที่ถามขึ้น ผมก็เลยถามเขาเป็นคนแรกเช่นกัน

“พี่บุศย์ช่วยพี่อินทร์เพราะอะไรเหรอครับ จิหมายถึง...ช่วยให้พี่อินทร์มาเจอกับจิในชาตินี้น่ะ”

ถามไปแบบนั้น ทุกคนก็มองหน้ากัน ทำเหมือนไม่อยากพูด แต่ผมก็อ้อนออกมาจนได้

“บอกหน่อย จิอยากรู้”

พี่บุศย์ถอนหายใจ แล้วก็ยอมตอบจนได้

“เพราะพี่ติดค้างอิเหนาไว้...” เขาว่า “ผู้หญิงในสมัยก่อนไม่มีปากมีเสียงมากหรอกนะ มีสิทธิ์เป็นแค่สมบัติของผู้ชาย ก่อนแต่งงานก็เป็นสมบัติของพ่อ พ่อให้แต่งกับใคร จะยกให้เป็นเมียใครก็ต้องทำ แต่การได้ตบแต่งกับอิเหนาก็ทำให้พี่ได้ชีวิตที่อิสระ เหมือนจะเป็นนกน้อยในกรงทองนะ แต่ไม่ใช่ อิเหนาตามใจพี่ดี อยากไปไหนก็ได้ไป ชีวิตที่อิสระและเป็นของเรามันเป็นยังไง พี่ก็ได้รู้ตอนแต่งกับอิเหนานี่แหละ จิไม่ต้องห่วง เราอยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อน ไม่ได้มีอะไรกัน”

พี่บุศย์อธิบายแล้วก็ดักคอไว้ด้วยเหมือนรู้ทันว่าผมจะถามอะไรต่อ ผมก็เลยหันไปถามสรัลที่กำลังนั่งจ้วงของกินเข้าปากแทน

“แล้วสรัลล่ะ ทำไมถึงช่วยพี่อินทร์”

“ก็...” สรัลวางช้อนลง ยืดตัวขึ้น “สังคามาระตาเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับอิเหนา เป็นถึงน้องชายบุญธรรม ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกันตั้งแต่อ้อนแต่ออก โตมาด้วยกัน มีสิ่งใด อิเหนาก็แบ่งปัน ไม่เคยลืมสังคามาระตาสักครั้ง พอเดือดร้อนอะไรก็ย่อมต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว ในฐานะน้อง สังคามาระตาทนเห็นพี่ชายทนทุกข์มาตลอดชีวิตไม่ไหวหรอก ยังไงก็ต้องช่วย”

“แล้วสียะตรา...”

พูดยังไม่ทันจบ พี่บุศย์ก็โพล่งขึ้นแล้ว

“นั่นไม่เกี่ยว เป็นแค่เลือดเนื้อเชื้อไขในวงศ์อสัญแดหวา ใครๆ ก็ได้มาเกิดใหม่ มีจิตผูกพันกันตามเดิม แต่ระลึกชาติไม่ได้ ไม่เหมือนพวกพี่ที่ระลึกชาติได้เพราะคำสัญญา จิไม่เคยได้ยินเหรอที่ว่ากันว่าเคยผูกพันกันมาแต่ชาติก่อน ชาติใหม่ก็จะได้มาพบกันอีก”

ผมก็เข้าใจได้ทันควัน ถ้าอย่างนั้นพ่อแม่ของพวกเขาก็คงจะเป็นเหล่ากษัตริย์ลูกหลานของวงศ์อสัญแดหวากลับชาติมาเกิดเหมือนกันล่ะมั้ง แต่แค่ระลึกชาติไม่ได้เท่านั้นเอง

พลันผมก็นึกถึงใบหน้าของใครอีกคน จากนั้นก็โพล่งขึ้นมาไม่ทันคิด

“ถ้าอย่างนั้นที่จินตะหราวาตีกลับมาเกิดแล้วระลึกชาติได้ เหตุผลก็คงเป็นเพราะรักอิเหนาล่ะมั้ง ชาตินี้ถึงตามมาอีก”

เท่านั้นทุกคนก็เงียบกริบ ไม่มีใครพูดอะไร ได้แต่มองหน้ากันแล้วจับจ้องมาที่ผม ผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อครู่หลุดปากพูดอะไรออกมา

แย่ละ ดันทำบรรยากาศเสียจนได้...

ผมก็เลยเฉไฉด้วยการว่าแห้งๆ

“คือ...จิหลุดปากน่ะครับ ไม่ต้องตอบก็ได้นะ แหะๆ”

แต่พี่บุศย์ก็ตอบให้อยู่ดี

“จินตะหราวาตีกลับมาเกิดใหม่เพราะได้ให้สัญญากับอิเหนาไว้ว่าจะช่วยเหลือ” จากนั้นก็ถอนหายใจ “แต่มันก็ดันผิดคำพูดซะก่อน เลยไม่ได้ไปกันต่อ”

“เพราะผิดสัญญาก็เลยมีรอยฟ้าผ่าเหมือนกับจิเหรอครับ”

ผมถามเพราะนึกขึ้นได้ว่าพี่จิณห์ก็เลยต้องมาถอนคำสาบานเหมือนกัน แต่พี่วิญญูที่นั่งฟังอยู่ก็โพล่งขึ้น

“คำสัญญาแรงปรารถนามันไม่เท่ากับคำสาบานหรอก ผิดสัญญาไม่ทำให้มีผลข้างเคียงถึงชีวิต แต่จินตะหราวาตีคงจะไปสาบานอะไรเอาไว้อีกอย่าง เลยทำให้มีรอยแบบที่จิกับพี่มีน่ะ”

ผมพยักหน้า จากนั้นพี่อินทร์ที่นั่งเงียบอยู่นานก็โพล่งขึ้น

“มันไปสาบาน...” พลันหันมามองหน้าผม “ว่าชาตินี้จะทำให้พี่รักมันให้ได้ก่อนเจอจิ แต่มันทำไม่ได้ก็เลยแพ้ให้กับคำสาบานของตัวเอง”

ผมเม้มริมฝีปาก พยักหน้าน้อยๆ พอจะเข้าใจขึ้นมาแล้วว่าทำไมพี่จิณห์ถึงได้รู้เรื่องการถอนคำสาบาน ทว่า...คำพูดของพี่อินทร์เมื่อครู่ก็ทำให้ผมเอะใจขึ้นมา

“แล้วพี่อินทร์รู้ได้ยังไงว่าจะเจอจิเมื่อไร”

เขายิ้มให้น้อยๆ “ไม่รู้หรอก”

“อ้าว”

“แต่องค์ประตาระกาหลาได้ตรัสไว้กับดวงจิตของพี่ว่าเมื่อถึงเวลาอันสมควร พี่จะได้เจอกับจิเอง ซึ่งนั่นก็คือตอนจิเข้ามหา’ลัย แล้วได้เป็นน้องรหัสของไอ้บุศย์”

เท่านั้นผมก็เข้าใจเลย... องค์ประตาระกาหลารอให้ผมอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์ก่อนนี่เอง คงกลัวว่าลูกหลานตัวเองจะถูกข้อหาพรากผู้เยาว์ล่ะสินะ

คิดเองก็หัวเราะเองอยู่คนเดียว พี่อินทร์ย่นคิ้ว ถามผมเสียงขุ่นอย่างไม่จริงจังนัก

“หัวเราะอะไรน่ะ ให้พี่รู้ด้วยสิ”

ผมไม่บอกเขาหรอก ความคิดเมื่อกี้น่าอายจะตาย เฉไฉไปถามพี่วิญญูแทนแล้วกัน

“พี่วิญญูล่ะครับ ทำไมชาตินี้ถึงกลับมาเกิดแล้วระลึกชาติได้ล่ะ”

พี่วิญญูชะงักมือที่กำลังจะตักอาหารเข้าปาก พลันยิ้มกว้างออกมา

“ก็เพราะพี่ต้องตาต้องใจจรกาไง ชาตินี้เลยจะมาเอาเป็นคู่ให้จงได้ ไม่อย่างนั้นจะไปตามสตอล์กเกอร์บุศย์ทำไม ที่ไปตามก็เพราะรู้ว่าจิเป็นน้องรหัสนี่แหละ เลยจะหาทางเข้าหา”

พี่อินทร์หันขวับอย่างรวดเร็ว คว้าผมไปกอดแน่น ปากก็ขู่พี่วิญญูไปด้วย

“หาเรื่องไม่ได้กลับไทยแล้วมึงน่ะ พูดจาแบบนี้อยากโดนฝังกลบอยู่บนเกาะชวาล่ะมั้ง”

ทุกคนหัวเราะออกมากับความขี้หึงของพี่อินทร์ทันที รู้ก็รู้กันอยู่ว่าพี่อินทร์พูดเล่น ต่อให้ชาตินี้เขาตั้งใจมาตามผม แต่ตอนนี้คงจะเปลี่ยนใจแล้วล่ะ เพราะพอพี่อินทร์ขู่จบ พี่วิญญูก็ส่งสายตาหยอกล้อไปให้พี่บุศย์ที่ทำหน้าดุน้อยๆ แต่ก็อมยิ้ม

ยังไงสองคนนี้ก็มีซัมธิงกันแน่ๆ

บุษบากับวิหยาสะกำ...ไม่ได้กันในวรรณคดี ไม่ได้กันในชาติที่แล้ว แต่ต้องได้กันในชาตินี้แน่ๆ จิระฟันธง!

 

กว่าจะกินข้าวกันเสร็จ กว่าจะเมาท์มอยหอยสังข์ ไหนจะถูกชวนไปเล่นไพ่ที่ห้องพี่สรัลอีก ผมก็แทบหมดแรง กลับเข้าห้องตอนหัวค่ำหน่อยๆ สรัลก็ดันวางแพลนไว้ว่าจะชวนทุกคนไปนั่งรถแท็กซี่เที่ยวดูเมืองตอนกลางคืนอีก พี่บุศย์แย้งว่าออกไปไหนตอนกลางคืนมันอันตราย แต่สรัลก็อยากจะไปให้ได้ มีแรงสนับสนุนจากพี่อินทร์อีกที่อ้างว่าไปกันหลายคนไม่เป็นไร สุดท้ายพี่บุศย์ก็ต้องพ่ายแพ้ ยอมแต่โดยดี

ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก ถึงจะมาถอนคำสาบานของผม แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะไม่อยากเที่ยวนะ ได้ออกนอกประเทศพร้อมกับเดอะแก๊งทั้งที ยังไงก็ต้องอยากเปิดหูเปิดตากันอยู่แล้ว

“ล้างเท้าด้วยนะจิ ใส่ผ้าใบทั้งวัน เท้าเหม็นแล้วมั้ง”

พี่อินทร์ร้องบอกหลังจากเห็นผมทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ผมทำปากยื่นใส่เขา

“แต่จิเมื่อยแล้วอะ อยากจะนอนแล้ว”

พี่อินทร์เลยเดินมาบีบจมูกผมไม่แรงนัก “ไม่ยอมล้างเท้า เดี๋ยวจะโดนตี จะล้างไม่ล้าง?”

“พี่อินทร์อยากให้จิล้าง พี่อินทร์ก็อุ้มจิไปที่ห้องน้ำสิ”

ผมแกล้งว่าอย่างนั้น เขาก็ยิ้มกว้างเลย

“ได้ ดื้อนักใช่ไหม เดี๋ยวจะโดนดี หาเรื่องไม่ได้ออกจากห้องน้ำแบบเดินตรงๆ ซะแล้ว”

สิ้นเสียง เขาก็ทรุดตัวลงนั่งยองๆ ถอดถุงเท้าให้ผม ก่อนจะถลกขากางเกงขึ้น ผมก็สนุกนะที่ได้แกล้งเขาแบบนี้ แต่แล้วความสนุกนั้นก็หายไปเมื่อจู่ๆ พี่อินทร์ก็โพล่งขึ้นมา

“จิ...”

“ครับ?”

“รอยพวกนี้มันลามมาถึงหน้าแข้งแล้วนี่”

พอผมเหลือบมองก็เห็นว่ารอยฟ้าผ่ามันเกือบจะถึงข้อเท้าอยู่แล้ว ก่อนที่ผมจะรีบพูดเมื่อเห็นว่าสีหน้าของพี่อินทร์ไม่สู้ดีนัก

“ไม่ต้องห่วงนะพี่อินทร์ จะไปถอนคำสาบานกันอยู่แล้ว เดี๋ยวจิก็...”

...หาย

ตั้งใจจะพูดแบบนี้ แต่จู่ๆ ก็เกิดหน้ามืดขึ้นมา เลยต้องรีบเงยหน้าขึ้น พี่อินทร์เองก็เหลือบมองผมทันควันเหมือนกัน

“เป็นอะไรน่ะจิ”

“จิ...หน้ามืดน่ะครับ”

ผมบอกไปตามตรง ก็มันหน้ามืดจริงๆ ตาก็ลายด้วย เพดานที่กำลังมองอยู่ตอนนี้หมุนวิ้งๆ เลย เท่านั้นพี่อินทร์ก็ลุกขึ้นมานั่งข้างผมอย่างรวดเร็ว

“นอนลงก่อน พักแป๊บนึง จะได้หายมึนหัว”

เขาจับผมเอนตัวลงนอนราบไปบนฟูก ผมหลับตา ความรู้สึกหมุนเคว้งเหมือนบ้านหมุนยังคงอยู่ ขณะที่หูก็ได้ยินเสียงพี่อินทร์ดังขึ้นจากข้างๆ

“หน้าซีดมากเลยนะจิ ไหวไหมเนี่ย”

“อื้อ จิไหว...”

ผมครางแผ่ว แต่พี่อินทร์ไม่เชื่อหรอก สิ้นเสียงผม หน้าผากก็มีฝ่ามืออุ่นๆ มาวางทาบทับไว้แล้ว

“ตัวร้อนด้วยแฮะ สงสัยจะเป็นไข้ เดี๋ยวพี่เอายาให้กินนะ”

ผมพยักหน้า พี่อินทร์ก็รีบลุกไปค้นกระเป๋าสัมภาระหายาปฏิชีวนะที่พกมา พอได้ยามาอยู่ในมือเรียบร้อย เขาก็รีบมาประคองผมให้ลุกขึ้นนั่ง

“กินยาก่อนนะ แล้วค่อยนอน วันนี้ไม่ต้องไปไหนแล้ว พักก่อน”

ผมยอมเชื่อฟังเขาแต่โดยดี รับยากับแก้วน้ำจากมือเขาเรียบร้อย พี่อินทร์ก็คว้าผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ไปที่ห้องน้ำ ให้เดานะ เขาคงจะเอาไปชุบน้ำแล้วมาเช็ดตัวผมนั่นแหละ แต่ทว่าพอผมกำลังจะเอายาใส่ปาก พลันก็มีของเหลวบางอย่างหยดแหมะลงมาบนฝ่ามือพอดี

ผมชะงักมือ เหลือบมองแล้วก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นว่ามันเป็นสีแดง

นี่มัน...เลือด!?

“พี่อินทร์...”

ผมร้องเรียกพี่อินทร์ทันที เขาหันมาแล้วก็ทำหน้าตกใจสุดขีด รีบเข้ามาประคองผมโดยเร็ว

“จิ นี่มัน...”

ผมตั้งสติได้ก็รีบปลอบเขาเพราะกลัวว่าจะทำให้เขาตื่นตูมไปมากกว่านี้

“น่าจะเป็นเลือดกำเดาไหลธรรมดา จิไม่สบายนี่เนอะ กินยาแล้วนอนคงหาย”

แต่พี่อินทร์ไม่คิดว่ามันคือเลือดกำเดาไหลธรรมดา เขามีสีหน้าเครียดก่อนจะแย่งเอาแก้วน้ำกับยาในมือผมไปวางไว้ยังโต๊ะข้างเตียง จากนั้นก็ถลกเสื้อผมขึ้นสูง เท่านั้นก็มีสีหน้าเคร่งเครียดมากกว่าเดิม

“นี่มันไม่ใช่เลือดกำเดาไหลธรรมดาแล้วจิ”

เขาว่า พลันหันไปเก็บสัมภาระข้าวของ ปล่อยให้ผมมองตามอย่างงุนงง

“พี่อินทร์ทำอะไรครับ”

“เราจะไปถอนคำสาบาน...เดี๋ยวนี้!”

ไม่รอให้ผมตอบรับอะไรทั้งนั้น เขารีบพยุงผมให้ลุกขึ้นแล้วหันหันออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็ว พี่บุศย์กับพี่วิญญูที่อยู่ข้างห้องได้ยินเสียงตึงตังก็เปิดประตูออกมาดู พอเห็นว่าพี่อินทร์กำลังประคองผมอยู่ก็รีบร้องถามทันควัน

“เฮ้ยๆ มึงจะไปไหน”

พี่อินทร์หันไปมองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“รอไม่ได้แล้ว”

“รออะไรไม่ได้”

พี่บุศย์ย่นคิ้วถาม ตอนนี้สรัลที่อยู่ห้องถัดไปก็โผล่หน้าออกมาดูด้วยแล้วเช่นกัน ก่อนที่สรัลจะร้องขึ้นด้วยความตกใจ

“เฮ้ยจิ!”

คราวนี้ทั้งพี่บุศย์กับพี่วิญญูก็พากันตกใจเมื่อเห็นว่าหน้าผมมีเลือดกำเดาไหลเปรอะ

“จิ! เป็นอะไรน่ะ”

กลายเป็นว่าแตกตื่นกันทั้งคณะ ผมก้มหน้าไม่ให้เลือดมันไหลย้อนกลับเข้าไปพลางว่าเสียงแผ่ว

“จิเลือดกำเดาไหลน่ะครับ”

“ไอ้อินทร์ พาน้องมันไปเช็ดหน้าเช็ดตาก่อน”

พี่บุศย์รีบร้องบอก พี่วิญญูก็จะเข้ามาช่วยประคองผมด้วย แต่พี่อินทร์กลับกอดผมไว้แน่น มือข้างหนึ่งคว้าแขนพี่วิญญูที่ก้าวเข้ามาแล้วว่าเสียงดัง

“กูรอไม่ได้แล้ว ไอ้วิญ พากูไปที่เมืองดาหาเดี๋ยวนี้!”

---------------------------------------

วันนี้มาดึกนิดนึง

แจ้งไว้ล่วงหน้านะคะว่าพรุ่งนี้หนูแดงไม่อัปเน้อ พอดีได้รับเชิญไปเป็นวิทยากร Creative writing ให้น้องๆ นศ.ที่มหา'ลัยแห่งนึงเลยจะไม่ว่างทั้งวัน อาจจะได้อัปแค่ตัวอย่าง

ตัวอย่างมาพรุ่งนี้นะจ๊ะ



หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 29★ฝากรัก[25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-05-2018 00:42:30
งานเข้าชาวแก๊งค์แล้วจ้า~
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 29★ฝากรัก[25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 25-05-2018 00:56:48
 :hao7:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 29★ฝากรัก[25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 25-05-2018 01:54:16
แงงงง น้องจิ จะหายแล้ว อดทนอีกนิดนึงนะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 29★ฝากรัก[25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-05-2018 02:06:06
 :serius2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 29★ฝากรัก[25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-05-2018 02:47:03
รีบพาหนูจิไปดาหาด่วนเลย ว่าแต่ว่า ดาหานี่ ไกลไหมอ่ะ  :angry2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 29★ฝากรัก[25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-05-2018 05:35:11
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 29★ฝากรัก[25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 25-05-2018 06:04:53
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 29★ฝากรัก[25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 25-05-2018 06:34:39
จะทันม้ายยยยยย   :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 27★พี่หึงเจ้า[22.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-05-2018 06:46:15
แด่อิพี่อินทร์ในตอนนี้ ...  :z6: นี่แหน่ะ  :laugh: นับวันชักจะเยอะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 28★อิเหนาแอนด์เดอะแก๊ง[23.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-05-2018 06:56:21
โอยย ตอนนี้น้ำตาซึมตามอิเหนา  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 29★ฝากรัก[25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 25-05-2018 08:34:30
จะแก้ได้ไหมเนี้ย อย่าเป็นอะไรไปนะลูก
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 29★ฝากรัก[25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: เฉื่อย ที่ 25-05-2018 09:45:46
เพิ่งเข้ามาอ่านได้แค่ไม่กี่ตอนแต่สนุกมากค่ะ
จรกาแบ๊วๆขั้นสุด
เมียสาธารณะที่แท้ทรู
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 29★ฝากรัก[25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 25-05-2018 10:56:19
อ่านได้6-7ตอน
แต่รำคาญความแด๊ะแด๋ของพระเอกขั้นสุด...แบบสุดๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 29★ฝากรัก[25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 25-05-2018 11:30:52
ม่ายยยยย
น้องจิคนงามของเค้าต้องไม่เป็นอะไร
รีบเลยอิเหนา รีบๆๆๆๆๆ
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 29★ฝากรัก[25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 25-05-2018 11:33:33
 :a5: งานเข้าเดอะแก๊งแล้วจร้าาาา
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 29★ฝากรัก[25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 25-05-2018 16:06:03
หวังว่าจะถอนคำสาบานได้สำเร็จนะ ลามมาถึงข้อเท้าขนาดนี้แล้วกลัวว่าจิจะอาการหนักก่อนไปถึงเมืองดาหาจริงๆ

ปล.อิพี่อินทร์นี่พอปกติแล้วก็บ้าเหมือนเดิม ไม่สิต้องบอกว่าบ้ามากกว่าเดิมมากกว่า
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 29★ฝากรัก[25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 25-05-2018 20:47:12
นว้องจิทนไว้ก่อนนน อย่าพึ่งเป็นอะไรนะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 29★ฝากรัก[25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 25-05-2018 22:32:52
 ขอให้ถอนคำสาบานได้อย่างราบรื่นนะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 29★ฝากรัก[25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-05-2018 23:14:54
น้องจิๆๆๆๆ ไม่นะ :serius2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 29★ฝากรัก[25.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 27-05-2018 06:05:31
 

Chapter 30: ถอนสาบาน

“ไป! พาจิไปเดี๋ยวนี้เลย!”

พี่อินทร์โวยวายเสียงดังลั่นไปหมด สองแขนก็กอดผมไว้แน่น ทำท่าจะอุ้มไปลงลิฟต์ให้ได้ เสียงของเขาดังขนาดที่ว่าห้องอื่นๆ ต้องเปิดประตูออกมาดูกันหมด พี่บุศย์เห็นท่าไม่ดีเลยเข้ามารั้งเขาเอาไว้

“แต่อันดับแรก มึงต้องพาน้องมันไปเช็ดหน้าเช็ดตาก่อน”

ผมก็คิดเหมือนกับเขาเหมือนกัน ตอนนี้หน้าผมเปียกชื้นไปด้วยเลือดกำเดาหมดแล้ว ส่วนสรัลก็รีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องตัวเอง ก่อนจะออกมาพร้อมกับม้วนทิชชูให้ผมได้เช็ดหน้า

“กูรอไม่ได้แล้วไอ้บุศย์” พี่อินทร์ท้วง สีหน้าเขาดูไม่ดีเลย

“กูรู้ แต่ตั้งสติก่อนได้ไหมไอ้อินทร์ พาจิเข้าห้องก่อน”

พี่อินทร์ทำท่าเหมือนจะไม่ฟัง ผมก็เลยหันไปมองเขา

“พาจิเข้าห้องก่อนนะพี่อินทร์ จิอยากเช็ดหน้าก่อน”

สายตาที่เขามองมายังผมดูลังเลไปเล็กน้อย ผมรู้ว่าเขาไม่ฟังหรอก เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับผม พี่อินทร์ไม่รอช้าที่จะทำอยู่แล้ว ผมเลยต้องขอร้องเขาอีกครั้ง

“นะพี่อินทร์ จิเริ่มหน้ามืดแล้ว ขอเข้าไปนั่งพักก่อนนะครับ”

พอบอกไปอย่างนี้ พี่อินทร์เลยต้องยอมพาผมกลับเข้าไปนั่งพักในห้องจนได้ ตอนนี้ก็เลยกลายเป็นว่าภายในห้องของผมกับพี่อินทร์มีคนอื่นๆ อยู่ด้วยพร้อมหน้าพร้อมตา พี่อินทร์ช่วยเอาน้ำแข็งห่อผ้าขนหนูมาประคบที่ดั้งจมูกให้ผม ส่วนพี่บุศย์ก็กอดอกมองอย่างครุ่นคิดเมื่อถูกเพื่อนสนิทตัวเองถาม

“แล้วพวกมึงจะให้กูพาจิไปได้เมื่อไร”

“บางทีกูว่าที่จิเลือดกำเดาไหลอาจจะไม่ใช่เพราะผลข้างเคียงของคำสาบานก็ได้นะไอ้อินทร์ น้องมันอาจจะไม่สบาย แทนที่จะพาไปถอนคำสาบาน ตอนนี้กูว่าพาน้องมันไปหาหมอก่อนดีไหม ทั้งหน้ามืด ทั้งเวียนหัว แถมตัวร้อนอีกไม่ใช่หรือไง กูกลัวว่าน้องมันจะตายเพราะไม่สบายมากกว่าคำสาบานอีกนะตอนนี้”

พี่วิญญูกับสรัลพยักหน้ารับเป็นลูกคู่ ผมเองก็อยากจะคิดว่ามันเป็นเพราะร่างกายผมอ่อนแอเลยไม่สบายเหมือนกัน แต่พอพี่อินทร์ได้ยินอย่างนั้น เขาก็หันไปมองหน้าเพื่อนตัวเองพร้อมกับว่าเสียงเครียด

“มึงคิดว่าที่จิเป็นอย่างนี้เพราะไม่สบายธรรมดาเหรอ คิดว่าไอ้รอยฟ้าผ่าที่มันลามมาจนจะถึงข้อเท้านี่เป็นเพราะไม่สบายหรือไง!”

ยิ่งพูดยิ่งเสียงดัง ดูก็รู้เลยว่าหัวเสียมาก เพราะเขาไม่พูดเปล่า ยังวางผ้าห่อน้ำแข็งในมือลงกระแทกบนโต๊ะเต็มแรง มิหนำซ้ำยังมาถลกขากางเกงผมขึ้นให้คนอื่นๆ ดูอีก

“แต่ถึงอย่างนั้นมึงก็ต้องใจเย็นๆ ก่อน มันไม่ใช่ว่าจู่ๆ นึกจะไปก็ไปได้ เราจองรถกันไว้พรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ ใจเย็นๆ ไอ้อินทร์ นอนพักก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปกันแต่เช้า”

พี่บุศย์พยายามปลอบให้ใจเย็นลง ซึ่งผมก็เห็นด้วยเพราะในความเป็นจริงแล้ว พวกเราได้วางแผนกันว่าจะให้ไกด์ส่วนตัวที่ได้ดีลไว้เป็นคนขับรถพาไปที่เมืองดาหาในวันพรุ่งนี้ แต่พี่อินทร์คงไม่อยากรอแล้ว ทันทีที่พี่บุศย์พูดจบ สีหน้าของเขาก็ดูเต็มไปด้วยหลายๆ อารมณ์มากกว่าเดิม

“มึงจะต้องให้กูรออะไรอีก จิไม่ไหวแล้วนะเว้ย”

พี่บุศย์เหลือบมามองทางผมเป็นเชิงถามว่า ‘ไม่ไหวเหรอ’ ผมก็เลยรีบโพล่งขึ้น

“จิยังไหวนะพี่อินทร์ พี่อินทร์ใจเย็นๆ ก่อน”

พูดเท่านั้น พี่อินทร์ก็ตวัดดวงตามามองผมขวับเลย สีหน้าเขาในตอนนี้ทั้งดูโกรธ ทั้งดูก็รู้ว่าเป็นห่วงผม ก่อนที่เขาจะว่าเร็วๆ

“จิไม่ไหวแล้ว เชื่อพี่”

ผมรู้ว่าเขาเป็นห่วงมากเลยพูดแบบนั้น แต่ผม...

“จิยังไหว...”

“ไม่ไหวแล้วจิ รอยที่หน้าอกมันไม่ใช่รอยแดงๆ แล้วนะ มันเริ่มดำแล้ว!”

พอผมทำท่าจะดื้อ พี่อินทร์ก็เสียงดังใส่เลย ผมสะดุ้งไปเล็กน้อย ตกใจที่ถูกเขาดุแบบนี้ แต่ที่น่าตกใจกว่าก็คือสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่

รอยมันเริ่มดำ...

หมายความว่า...?

ผมถลกชายเสื้อของตัวเองขึ้นเพื่อดูรอยที่หน้าอกทันที ก่อนจะเห็นว่ารอยฟ้าผ่าซึ่งปกติจะเป็นรอยสีแดง ตอนนี้กลายเป็นสีดำแล้ว มันไม่ได้ดำแบบมีใครมาขีดเขียนด้วย ดำเหมือนกับว่ามันฟกช้ำจากข้างใน และนั่นก็ทำให้ทั้งผม รวมถึงคนอื่นๆ พากันเบิกตาโต

“จิ...”

สรัลครางออกมา สีหน้าตกใจยิ่งกว่าใคร ขณะที่พี่บุศย์กับพี่วิญญูมีสีหน้าเครียดไปฉับพลัน

“พี่อินทร์...”

ผมเองก็ตกใจ ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน แต่สัญชาตญาณของผมก็ทำให้ต้องเรียกชื่อเขาออกไป พี่อินทร์ทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่าบนพื้นตรงหน้าผม สีหน้าเกรี้ยวกราดเมื่อครู่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นวิตกกังวลอย่างชัดเจน

“แล้วแบบนี้ จิจะให้พี่รอได้ยังไงอีก”

ผมเข้าใจเขาขึ้นมาในตอนนี้ รู้ตัวเองทันทีเลยว่ารอไม่ได้แล้วเหมือนกัน ทุกคนไม่พูดอะไรอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง ก่อนที่พี่บุศย์จะทำลายความเงียบ

“วิญ ตอนที่วิญผิดคำสาบาน อาการมันเป็นยังไงบ้าง”

ไม่ได้พูดกับพี่อินทร์ แต่หันไปถามพี่วิญญู

“มันก็...มีรอยฟ้าผ่าสีแดงๆ ขึ้นแบบจินี่แหละ เริ่มจากหน้าอกแล้วมันก็ลามไปที่แขนที่ขา”

“แล้วมันมีอาการอื่นๆ อีกไหม”

“อาการอื่นๆ ยังไง”

“เหมือนกับที่จิเป็นเนี่ย มีไข้ เลือดกำเดาไหล รอยเปลี่ยนสี”

พี่วิญญูส่ายหน้าน้อยๆ “ไม่มี ตอนที่เรารู้ตัวว่ามีรอยพวกนี้ก็รีบหาสาเหตุเลย ไม่ได้ปล่อยให้มันนานจนลามไปทั้งตัวแบบนี้”

ผมเม้มริมฝีปาก เหลือบมองหน้าพี่อินทร์ที่กำลังส่งสายตาดุมาให้ผมเล็กน้อย มองดูก็รู้ว่าเขากำลังตำหนิที่ผมมีอะไรแล้วไม่ยอมบอก จนสุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่เงียบและรอฟังพี่วิญญูเท่านั้น

“แล้ววิญรู้ได้ไงว่าตอนนั้นเป็นเพราะคำสาบาน”

“เรื่องบางอย่างที่คนเฒ่าคนแก่พูด ถ้าไม่มีเค้าโครงความจริงก็คงไม่มีคำกล่าวกันมาถึงปัจจุบันหรอก ครอบครัวเราถึงจะระลึกชาติกันไม่ได้ แต่ก็เชื่อเรื่องการรักษาสัจจะนะ ปู่กับย่าชอบพูดบ่อยๆ ว่าอย่าไปสาบานอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า โดยเฉพาะการสาบานให้ฟ้าผ่าตายหรือมีอันเป็นไปอะไรแบบนั้น เราเลยจะเชื่ออะไรแบบนี้มากหน่อยน่ะ”

เท่านี้ก็รู้แล้วว่าทำไมพี่วิญญูถึงรู้ว่าตัวเองเป็นอะไรได้เร็ว แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับอาการของผมแล้ว เพราะตอนนี้นอกจากจะตัวร้อน ผมยังรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ สลับกันขึ้นมาเหมือนเป็นไข้ไม่มีผิดเพี้ยน การที่จู่ๆ ก็นั่งสั่นงันงกนั่นทำให้พี่อินทร์รีบคว้ามือผมไปจับอย่างรวดเร็ว

“จิเป็นอะไร”

“จิ...หนาว”

หนาว...แต่ตัวร้อนและฝ่ามือทั้งสองข้างมีเหงื่อออกจนเปียกชื้น พี่อินทร์รีบเดินไปคว้าผ้าห่มมาห่อตัวผมทันที ก่อนจะกอดไว้แน่น ผมเม้มริมฝีปาก พยายามไม่ให้ฟันกระทบกัน แต่ก็ทำได้ไม่ดีสักเท่าไรนัก อาการแบบนี้สร้างความกังวลใจให้คนอื่นๆ อีก

“กูรอให้ถึงเช้าไม่ไหวแล้ว กูจะพาจิไปถอนคำสาบานเดี๋ยวนี้”

พี่อินทร์ว่าออกมาอีกครั้ง คราวนี้รู้เลยว่าใครก็ห้ามเขาไม่ได้ทั้งนั้น พี่บุศย์มองหน้าผมแล้วถอนหายใจออกมา

“กูก็รอไม่ได้แล้วเหมือนกัน”

“งั้นเดี๋ยวเราบอกรีเซปชันให้เรียกแท็กซี่ให้”

พี่วิญญูโพล่งขึ้น ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้พี่บุศย์หันไปบอกกับสรัล

“สรัล เตรียมข้าวของที่จำเป็นที พวกผ้าห่มที่เราพกมา เราเอาผ้าห่มของโรงแรมออกไปไม่ได้ หยูกยาอะไรพวกนี้พกมาด้วยนะ เดี๋ยวพี่จะช่วยไอ้อินทร์พาจิลงไปข้างล่าง เตรียมเสร็จแล้วรีบตามลงมา”

สรัลพยักหน้ารับคำแล้วหายออกจากห้องไป ปล่อยให้พี่บุศย์พยักหน้าเรียกพี่อินทร์ซึ่งยังคงกอดผมแน่น

“ไปไอ้อินทร์ ไม่ต้องรอแล้ว รีบพาจิไปถอนคำสาบานเดี๋ยวนี้เลย”

 

ไม่แน่ใจว่าเหล่าเทวดาบนสวรรค์ไม่อยากให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อหรือเปล่า เพราะพี่วิญญูที่ลงไปติดต่อรีเซปชั่นให้เรียกรถแท็กซี่ให้อยู่นานสองนานไม่สามารถเรียกรถได้สักที ไม่ว่ารีเซปชั่นจะติดต่อไปยังศูนย์ไหนๆ ก็ไม่มีรถขับรถยอมรับงานนี้สักคน จะว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจนัก เพราะคนขับทุกคนไม่ให้เหตุผลเลยว่าทำไมถึงไม่ไป ทั้งที่เมืองดาหาก็ไม่ได้ไกลจากบริเวณที่เราพักมากนัก ใช้เวลาขับรถไม่นานก็ถึง

พี่อินทร์ดูจะเครียดมากกว่าใคร เพราะพอเรียกแท็กซี่ไม่ได้ พี่บุศย์ก็ขอจ้างรถของโรงแรมให้ไปส่ง แต่รถก็ดันเสียกะทันหัน พอจะไปเช่ารถก็ปรากฏว่าร้านเช่ารถต่างๆ ปิดแล้ว บางร้านยังไม่ปิด แต่ถ้าจะเช่า รถที่ได้เร็วที่สุดก็คือรุ่งเช้า พูดง่ายๆ ว่าไม่มีหนทางไหนที่จะพาผมไปที่นั่นได้เลยนอกจากเดิน และแน่นอนว่าผมเดินไม่ไหว

พี่อินทร์กอดผมที่ห่อผ้าห่มปิกนิกของสรัลไว้แน่น ตาก็มองนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือไปด้วย ขณะที่พี่บุศย์กับพี่วิญญูพยายามเสิร์ชหาข้อมูลร้านเช่ารถและติดต่อไป พวกเขาบอกว่าไม่ว่ายังไงคืนนี้ก็จะต้องพาผมไปที่นั่นให้ได้

ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว ความหวังของพวกเราที่จะไปที่เมืองดาหาก่อนเช้าแทบเป็นศูนย์ ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันนอกจากพยายามจะแข็งใจไว้ ก่อนที่เสียงของพี่บุศย์ที่เพิ่งวางสายไปเมื่อครู่จะดังขึ้น

“มีรถให้เราเอาไปใช้คืนนี้ได้อยู่คันนึง แต่ไม่มีแอร์ กูตอบตกลงไปแล้ว”

เท่านั้นความหวังอันริบหรี่ของพวกเราก็ประกายวาบขึ้นมาอีกครั้ง

“แล้วจะได้รถเมื่อไร”

พี่อินทร์ถามอย่างร้อนรน พลันพี่บุศย์ก็สวนขึ้นมา

“อีกครึ่งชั่วโมง เตรียมตัวออกเดินทางกันได้เลย”

 

สี่ทุ่ม... พวกเราออกจากโรงแรมกันตอนสี่ทุ่มพอดี

รถที่ได้มาเป็นรถแวนเจ็ดที่นั่ง พี่วิญญูรับหน้าที่เป็นคนขับเพราะเขาพอจะรู้ทางอยู่บ้าง ตอนที่เขามาถอนคำสาบาน เขาก็ไปที่หน้าเมืองดาหาและขับรถไปเองเหมือนกัน พี่บุศย์นั่งข้างๆ เพื่อช่วยดูทาง ผมกับพี่อินทร์นั่งอยู่ที่เบาะผู้โดยสารตอนกลาง ส่วนสรัลนั่งอยู่ด้านหลังสุดพร้อมอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น คอยช่วยพี่อินทร์ดูแลผมอย่างเต็มที่

ในตอนนี้...ผมเวียนหัวอยู่ตลอดเวลา บางครั้งก็หน้ามืดจนไม่สามารถนั่งตัวตรงได้ พี่อินทร์จับให้ผมนอนตักเขา สองแขนก็กอดผมไว้แน่นเพราะผมสั่นเทาไปทั้งร่าง...มากกว่าเดิม

ใช่ มันมากกว่าเดิม ขณะเดียวกัน พี่อินทร์ก็เอาไฟฉายจากโทรศัพท์คอยส่องดูรอยบริเวณหน้าแข้งผมไปด้วย

“อีกคืบนึงจะถึงข้อเท้าแล้ว”

เขาพึมพำเหมือนพูดคนเดียว แต่จริงๆ แล้วได้ยินกันทั้งรถ ผมใจไม่ดีเอาเสียเลย แต่ก็รู้ว่าคนที่ใจไม่ดียิ่งกว่าคือพี่อินทร์ เขากระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด ทำให้พี่วิญญูต้องโพล่งขึ้นมา

“ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงแล้ว”

เหมือนจะใกล้ แต่ก็ไม่เชิงสักเท่าไรนัก ตอนนี้แค่วินาทีเดียวก็นานมากแล้วสำหรับความรู้สึกของพี่อินทร์

“มึงขับเร็วกว่านั้นได้ไหมวะ”

“ขับเร็วกว่านี้ก็เหาะแล้วไอ้อินทร์ ใจเย็นๆ”

พี่บุศย์พูดแทนพี่วิญญู พี่อินทร์ก็เลยเงียบไป แต่ก็ยังกระสับกระส่ายอยู่ดี ขณะที่ผมก็ชักจะเริ่มเปิดตาไม่ไหว พอปิดเปลือกตาลง พี่อินทร์ก็เขย่าตัว

“อย่าหลับนะจิ”

“...”

“อย่าหลับนะขอร้อง พี่ใจไม่ดี”

เขาคงกลัวว่าถ้าผมหลับแล้ว ผมจะหลับตลอดไป ผมก็เลยฝืนตัวเองไว้พลางบอกเขาเสียงแผ่ว

“จิไม่หลับครับ พี่อินทร์ไม่ต้องห่วง”

เขาบีบมือผมแน่น แต่ถึงผมจะพูดอย่างนั้น เอาเข้าจริงการฝืนตัวเองไม่ให้หลับมันก็เป็นเรื่องที่ยากมากๆ เลย เพราะตอนนี้ร่างกายของผมไม่ปกติเลยสักอย่าง พอเริ่มนิ่งไป พี่อินทร์ก็จะเขย่าตัวผมให้ตื่นทุกครั้ง แล้วก็เป็นแบบนี้มาตลอดทางจนกระทั่งพี่วิญญูว่าขึ้น

“เข้าเขตเมืองดาหาแล้ว”

“มึงจอดเลยไอ้วิญ รีบจอด จิจะได้ถอนคำสาบาน”

พี่อินทร์รีบโพล่งขึ้น แต่พี่วิญญูก็ไม่จอดเลยสักนิด

“จอดไม่ได้”

“ทำไม” คนข้างตัวผมกระชากเสียง

“จอดตรงนี้ก็ถอนคำสาบานไม่ได้ สาบานไว้ที่ไหนก็ต้องไปถอนคำสาบานที่นั่น จำได้ไหม”

ทุกคนเงียบ พยายามตีความหมายที่พี่วิญญูพูด แล้วก็เป็นพี่บุศย์ที่เข้าใจเป็นคนแรก

“วิญหมายความว่า...”

“ต้องไปถอนคำสาบานตรงจุดที่จิสาบานไว้”

เท่านั้นพวกเราก็รู้สึกถึงเรื่องยุ่งยากขึ้นมาทันที

ไปถอนคำสาบานยังจุดที่ผมเคยสาบานไว้ มันผ่านมาหลายร้อยปีแล้วนะ ใครจะไปจำได้กัน!

แล้วก็พี่อินทร์ที่โวยวายขึ้นมาเป็นคนแรก

“งั้นมึงรีบหาเลยไอ้วิญว่าจิสาบานไว้ตรงไหน!”

พี่วิญก็กระชากเสียงกลับ “กูจะไปรู้เหรอ เรื่องแบบนี้ต้องให้เจ้าตัวดูเอง”

“แล้วแฟนกูจะไปรู้ไหม ตอนนี้แค่จะลืมตาขึ้นก็ไม่ไหวแล้ว ตอนมึงไปถอนคำสาบาน มึงรู้ได้ยังไงว่ามึงสาบานไว้ตรงไหน!”

“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“เอ้า! แล้วมึงรู้ได้ยังไงว่าหน้าประตูเมืองดาหาที่มึงนอนตายอยู่ที่ไหน”

“กูก็ขับรถวนๆ แบบนี้แหละ แล้วมันก็จะมีความรู้สึกนึงขึ้นมาว่าคือที่ตรงนี้ ไอ้นั่นแหละที่กูบอกว่าน้องจิจะต้องดูเอง”

พี่อินทร์สบถคำหยาบคายออกมาสารพัด ไม่ว่าอะไรๆ ในตอนนี้ก็ดูจะขัดใจเขาไปเสียหมด จนพี่วิญญูพูดขึ้นมาอีกครั้งนั่นแหละ เขาถึงพอจะสงบสติอารมณ์ลงได้

“แต่ไม่ต้องห่วง เจ้าตัวจะรู้เอง ดวงจิตมันจะผูกพันอยู่กับสถานที่ ถ้าจิรู้สึกว่าตรงไหนทำให้เอะใจก็รีบบอกพี่เลยนะ พี่จะได้จอด”

ผมครางรับเสียงแผ่ว พี่อินทร์เลยพยุงผมให้ลุกขึ้นนั่งพิงเขาไว้ ส่วนผมก็พยายามจะเปิดเปลือกตาขึ้นมอง สายตาในตอนนี้พร่าเลือนไปหมด ผมเห็นภาพข้างนอกรถไม่ชัดเลยสักนิด พี่วิญญูก็ขับรถไปเรื่อยๆ กระทั่งพวกเราเริ่มออกห่างจากเขตเมือง รอบข้างเป็นที่ดินรกร้าง มีหญ้ามีป่าเป็นระยะ จนกระทั่งถึงบริเวณหนึ่ง ผมก็รู้สึก...

“เมืองดาหา...”

ผมครางออกมา เท่านั้นพี่วิญญูก็เบรกรถทันที

“เมื่อกี้จิว่าอะไรนะ”

“งานอภิเษก...จัดตรงนี้”

ผมบอก ทุกคนมองออกไปนอกรถ มันเป็นถนนที่มีแต่ที่ดินรกร้างทั้งสองฝั่ง ผมเห็นไม่ชัดหรอก แต่พอจะรับรู้ได้ และพอบอกไปอย่างนั้น สรัลที่นั่งอยู่ข้างหลังก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก

“นายแน่ใจเหรอว่าที่นี่”

ผมพยักหน้า เมื่อกี้นี้จู่ๆ มันก็มีความรู้สึกหนึ่งแล่นวาบเข้ามาในหัว พร้อมกับเสียงบางอย่างที่กระซิบบอกกับผมว่าบริเวณนี้แหละที่เป็นสถานที่ซึ่งเคยใช้จัดงานอภิเษกสมรสระหว่างจรกาและบุษบาล่ะ

“รีบพาจิลงจากรถเร็ว”

ไม่มีใครถามอะไรต่ออีกแล้ว พี่บุศย์เร่งปุ๊บ พี่อินทร์ก็รีบพยุงผมลงจากรถปั๊บ แต่ในจังหวะนั้นเองที่จู่ๆ ผมก็เจ็บหน้าอกขึ้นมา ทำให้ส่งเสียงครางขณะที่พี่อินทร์กำลังประคองผมอยู่

“ไหวไหมจิ”

ผมส่ายหน้าน้อยๆ “จิเจ็บ...”

เจ็บ...

เจ็บที่หน้าอก เจ็บจนจุก มันแน่น หายใจไม่ออก

ผมยกมือกุมที่หน้าอกตัวเอง ก่อนที่จะไอโขลกออกมาระลอกใหญ่ ของเหลวบางอย่างเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก มันเป็นน้ำลายผสมกับเลือดที่กระเด็นมาเปรอะเปื้อนผ้าห่มซึ่งห่อตัวผมอยู่จนเกิดเป็นรอยดวงๆ

พี่อินทร์เห็นแล้วก็กอดผมไว้แน่น กระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงสั่นนิดๆ

“แข็งใจไว้นะจิ อีกนิดเดียวจะหายแล้ว”

ผมพยายามฝืนตัวเอง ก้าวตามการประคองของพี่อินทร์ ก่อนที่จะร้องบอกเขาว่าตรงนี้...

ตรงนี้...แผ่นดินตรงนี้แหละที่ผมคุกเข่าสาบานตนต่อเหล่าเทวดาว่าจะไม่ญาติดีกับอิเหนาล่ะ

พี่อินทร์พยุงผมลงนั่งให้แผ่นหลังพิงเขาเอาไว้ จังหวะที่นั่งลงไป พลันเสียงหนึ่งก็ดังลั่นในหัวผม

‘อิเหนา...ข้าขอสาบาน... ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน ข้าก็จะไม่มีวันญาติดีกับเจ้า หากข้าผิดคำพูดแล้วไซร้ ขอให้องค์เทพเทวาลงทัณฑ์ด้วยอสุนีบาตจนสิ้นใจ ขอสาบานด้วยชีวิตของข้า ขอสาบาน!’

มันคือเสียงลั่นวาจาของผมในอดีตชาติ ผมเหม่อมองไปยังความมืดเบื้องหน้า ขณะที่พี่อินทร์ช่วยจับผมยกมือขึ้นพนม

“ถอนคำสาบานเร็วเข้าจิ เร็ว”

เขาเร่งมา ผมเลยพยายามตั้งสติ ว่าออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่ว

“ผม...ระตูจรกา บัดนี้ได้เกิดชาติใหม่และได้กระทำผิดคำสาบานที่ว่าจะไม่ญาติดีกับอิเหนา แต่ตอนนี้รักอิเหนาเข้าให้แล้ว จึงอยากขอ...แค่ก!”

จู่ๆ ก็ไอออกมาอีกครั้ง แล้วก็หยุดไม่ได้เลย ไอจนหน้าดำหน้าแดง เจ็บหน้าอกไปหมด พี่อินทร์ร้องเรียกผมเป็นการใหญ่

“จิ...อดทนไว้จิ ตั้งสติ...ตั้งสติไว้”

จริงๆ แล้วคนที่ควรตั้งสติควรเป็นเขามากกว่า เขาร้อนใจยิ่งกว่าผมเสียอีก ผมเลยพยายามที่จะกลั้นไอแล้วพูดต่อ

“ผม...แค่กๆ อยากขอ...แค่ก...ขอวิงวอนให้เหล่าเทวาเมตตา ผมขอ...ขอ...”

พูดได้ถึงตรงนี้ ผมก็รู้สึกทั้งร้อนวูบ ทั้งเย็นวาบขึ้นมาตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างกายเริ่มทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จู่ๆ ก็วูบพิงพี่อินทร์ไปแวบหนึ่ง แต่เขาก็เขย่าตัวผมให้รู้สึกตัวอีกครั้ง

“ขอถอนคำสาบาน พูดเร็ว!”

ไม่ใช่แค่เขย่าด้วย เขาร้องเร่ง ผมเลยกัดฟัน พยายามจะพูด

“ขะ...ขอ...แค่กๆ”

แล้วก็ไอออกมา พี่อินทร์กอดผมไว้แน่น มือก็ถึงขากางเกงผมขึ้นก่อนจะสบถออกมา

“ฉิบ! จิรีบพูดเร็ว!”

ให้เดานะ รอยฟ้าผ่ามันคงลามไปทั่วทั้งตัวผมแล้ว ผมก็พยายามจะพูด แต่ตั้งสติไม่ได้เลย ร่างกายก็อ่อนแรงยิ่งกว่าเดิมจนควบคุมไม่ได้ วินาทีนั้นเองที่ผมได้ยินเขาพึมพำอะไรบางอย่าง

“แลกด้วยอะไรก็ได้ จะยอมแลกทุกอย่าง ให้เขาเลิกรักผมก็ได้ แต่ขอให้จิระมีชีวิตอยู่ ได้โปรด...องค์ประตาระกาหลา จะผีห่าซาตานที่ไหนก็ได้ ช่วยคนรักของผมด้วย...อย่าให้เขาตาย ช่วยเขาด้วย...”

พี่อินทร์เริ่มพูดไม่เป็นภาษา ละล่ำละลักไปหมด ผมเลยสูดหายใจเข้าปอด ฝืนเปล่งเสียงออกมาในวินาทีนั้น

“ขอ...ถอนคำสาบานว่าจะไม่ญาติดีกับอิเหนา ผมรักเขา...อยากอยู่ด้วยกันตลอดไป...”

พูดมาถึงตรงนี้ ดวงตาก็พร่าเลือนทันควันเหมือนมีแสงสว่างวาบประกายเข้ามาในดวงตาจนทำให้มองอะไรไม่เห็น และไม่ใช่แค่ดวงตาเท่านั้นที่พร่าเลือน หัวของผมก็เลือนรางไปหมด เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินคือเสียงของพี่อินทร์ที่ร้องโวยวายขึ้น

“จิ! จิระ! อย่าหลับนะ!”

พี่อินทร์...

จิไม่ไหว...แล้ว

 

กลิ่นยาและกลิ่นเฉพาะตัวของโรงพยาบาลเป็นสิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้หลังจากที่ลืมตาตื่นขึ้นมา ผมยังคงงุนงงกับภาพที่เห็นอยู่

เพดานสีขาว... บรรยากาศรอบข้างที่เปลี่ยนไป...

พอพลิกตัวก็เห็นว่าที่แขนของตัวเองมีสายห้อยระโยงรยางค์อยู่ มันเป็นสายน้ำเกลือ...

โรงพยาบาลจริงๆ ด้วย...

มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

นอนนิ่งคิดไปชั่วครู่ แต่เหมือนสมองจะไม่ทำงานสักเท่าไรเพราะผมจำไม่ได้เลยว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ตอนนี้รู้แต่เพียงว่าลำคอแห้งผากไปหมด

ผมค่อยๆ ดันตัวขึ้น อยากจะดื่มน้ำเต็มแก่ แต่ไม่เป็นผลสักเท่านักเพราะร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงเลยสักนิด ทว่าพอผมนิ่งไป พลันก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น

“พี่บุศย์! พี่วิญ! จิรู้สึกตัวแล้ว!”

“จิระ!”

จากนั้นก็มีเสียงของผู้ชายดังขึ้นมา พริบตาเดียว รอบตัวผมก็มีคนมายืนรายล้อม ผมมองหน้าแต่ละคนก่อนที่จะนึกสงสัย

พี่บุศย์... พี่วิญญู… สรัล...

เกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่?

แต่ไม่มีใครให้คำตอบผมเลย ทุกคนดูอลหม่านไปหมด แถมเสียงพี่วิญญูก็ดังขึ้นแทรกความคิดผมด้วย

“รู้สึกตัวแล้วจริงๆ ด้วย! รีบเรียกหมอเลยบุศย์ สรัลรีบโทรไปบอกไอ้อินทร์ด่วนเลย ไม่ต้องกินแล้วข้าวน่ะ รีบกลับมาก่อน”

ทั้งสองคนรีบทำตามที่เขาว่าอย่างรวดเร็ว แต่ผมก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ได้แต่นิ่งงัน กะพริบตาปริบ มองคนนั้นทีคนนี้ทีด้วยความงุนงง ก่อนที่พี่บุศย์ซึ่งยืนอยู่ใกล้ผมมากที่สุดจะเป็นคนทำลายความเงียบขึ้น

“จิ! ได้ยินที่พี่พูดไหม”

ผมพยักหน้าช้าๆ เท่านั้นสีหน้าตื่นตระหนกของพี่บุศย์ก็ดูโล่งใจขึ้น แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ที่นี่จนสุดท้ายก็ต้องโพล่งออกไปจนได้

“จิ...อยู่ที่ไหนเหรอครับ”

“โรง’บาลน่ะ”

“โรง’บาล?”

“อืม”

“แล้วป้ากับลุงจิ...”

คิดว่าถ้าผมเข้าโรงพยาบาล ป้ากับลุงของผมจะต้องมาเฝ้าเหมือนกันเพราะมันไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่พี่บุศย์กลับส่ายหน้า

“ป้ากับลุงจิอยู่ที่ไทย ใจเย็นๆ นะจิ อาจจะสับสนหน่อยๆ เพราะจิหลับไปหลายวัน พักก่อนนะ”

ผมก็อยากจะพักอยู่หรอก แต่ที่เมื่อกี้เขาบอกว่าลุงกับป้าผมอยู่ที่ไทย มันหมายถึงอะไร

“ที่นี่ไม่ใช่ประเทศไทยเหรอครับ”

พอถามไปอย่างนั้น พี่บุศย์ก็พยักหน้า

“อืม โรง’บาลที่อินโดนีเซีย”

โรงพยาบาลในอินโดนีเซียงั้นเหรอ? นี่มันเรื่องอะไรกัน?

ผมย่นคิ้วไปเล็กน้อย มองภาพทั้งสามคนกระโดดโลดเต้นดีใจกันไปมาไม่หยุด ในหัวก็มีคำถามเต็มไปหมด ก่อนที่ประตูห้องจะถูกผลักเข้ามาด้วยฝีมือของ...

“จิ!”

...ใครบางคน

แวบแรกผมนึกว่าหมอเพราะเมื่อกี้พี่บุศย์กดปุ่มเรียกไป แต่คนที่โผล่เข้ามานั้นก็ทำให้ผมต้องย่นคิ้ว ขณะที่เขาพุ่งพรวดมาที่ผม ก่อนคว้าแขนไปจับพลางเลิกแขนเสื้อขึ้น

“หายแล้ว!”

เขาว่าด้วยน้ำเสียงดีใจสุดกำลัง และก่อนที่ผมจะได้ถามอะไร ท่อนแขนใหญ่ก็รวบตัวผมเข้าไปกอดแน่น

“จิหายแล้ว! คำสาบานหายไปแล้ว!”

ผมเกร็งตัวแข็ง ดวงตาเบิกโพลงโดยอัตโนมัติด้วยความตกใจ พอตั้งหลักได้ก็ดันร่างของคนตรงหน้าออก มองใบหน้าหล่อที่ระบายยิ้มจนเต็มก่อนจะแทรกขึ้น

“พี่...”

“ว่าไงจิ ว่าไง”

เขารีบถามก่อนที่ผมจะพูดจบด้วยซ้ำ ขณะที่ผมได้แต่ย่นคิ้วยู่จนรู้สึกตัวเลยว่าตอนนี้คิ้วเป็นปมไปแล้ว เห็นเขาดีใจที่ผมรู้สึกตัวขนาดนั้น ผมก็ไม่กล้าพูดอะไร กระทั่งเขาจับไหล่ผมทั้งสองข้างให้หันไปมองแล้วถามซ้ำ

“ว่าไงจิ มีอะไรครับตัวเล็ก”

ตัวเล็ก...

คำนั้นทำให้ผมชะงักไปครู่ คำสรรพนามแทนตัวนี้ทำให้ผมไม่แน่ใจว่าจะถามออกไปไหม แต่สุดท้ายก็อดทนเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหว เอ่ยเสียงแหบแห้งถามออกไปจนได้

“พี่...”

“...”

“...เป็นใครครับ”

“แน่ะ ตื่นมาปุ๊บก็เล่นมุกปั๊บเลย เล่นมุกเป็นคนความจำเสื่อมนี่เอาท์มากนะจิ ไม่เอาๆ เลิกเล่น”

เขาว่ายิ้มๆ แต่ผมสาบานเลยว่าผมไม่ได้เล่นมุก ผมไม่รู้จักเขาจริงๆ และพอผมนิ่ง รอยยิ้มบนหน้าของเขาก็ค่อยๆ เจื่อนลง

“เอาจริงดิ”

“...”

“จำพี่ไม่ได้จริงๆ เหรอ”

ผมส่ายหน้า เขาดูเหมือนจะมีสีหน้าดีขึ้น แต่ทว่าสิ่งที่ผมพูดออกไปหลังจากนั้นก็ทำให้เขาต้องนิ่งงัน

“ไม่ใช่จำไม่ได้นะครับ แต่...”

“...”

“ผมไม่รู้จักพี่เลยต่างหาก”

เขา...เป็นใครกันนะ

--------------------------------

เมื่อวานว่าจะอัป แต่สังขารไม่ไหวมากๆ เลยยกยอดมาวันนี้แทนนะคะ

อ่านแล้วไม่ต้องใจบาง มันก็ไม่ได้ดราม่าขนาดน้านนน มีคอเมดี้สลับกันไปเป็นระยะค่ะ มันกำลังเข้าปมสุดท้ายของเรื่องละ แม่ๆ คนไหนที่หมั่นไส้ปี้อินทร์ที่บอกเลิกนว้องจิไปคราวโน้น ตอนนี้ถึงเวลาเอาคืนแล้วค่ะ 555

ฝากกำลังใจไว้ด้วยเน้อ

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 30★ถอนสาบาน[27.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 27-05-2018 06:56:09
เอ้า งานเข้าแล้วละพี่อินทร์เอ้ย น้องจำทุกคนได้หมดยกเว้นตัวเองนี่คงไม่ใช่เพราะตอนนั้นพูดไปหรอกนะว่าขอให้จิหาย จะยอมแลกกับการที่น้องไม่รักก็ได้น่ะ แต่ก็ยังดีนะที่ถอนคำสาบานได้แล้วหลังจากนี้คงขึ้นกับฝีมือของอิพี่อินทร์ล้วนๆแล้วละ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 30★ถอนสาบาน[27.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 27-05-2018 07:32:39
เอ้า พี่อินทร์งานเข้าละเหวย สู้ๆเข้านะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 30★ถอนสาบาน[27.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 27-05-2018 08:40:26
เราว่าองค์ประตาระกาหลา แกล้งลูกหลานตัวเองเล่นซะมากกว่า 555 พี่อินทร์จีบน้องใหม่ซิ เริ่มต้นใหม่นะจะได้ไม่ต้องทำอะไรอ้อมโลกอีก
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 30★ถอนสาบาน[27.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 27-05-2018 09:15:37
เอาแล้วไง อินทร์ดันไปพูดว่าแลกกับอะไรก็ได้ให้จิเลิกรักก็ได้ ก็เลยเป็นอย่างนี้ไง
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 30★ถอนสาบาน[27.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 27-05-2018 09:22:20
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 30★ถอนสาบาน[27.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-05-2018 10:28:20
ปวดตับอีกแล้ว น้องจิหาย นังเหนา แกนั่นแหละ รีบไปถอนสาบานด่วนเลย  :m16:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 30★ถอนสาบาน[27.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-05-2018 11:05:57
นว๊องจวิ รอดแล้ว~ :hao5:  ตอนนี้คือเวลาแกล้งพี่อินทร์คืนแล้ว~ อิอิ :hao7:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 30★ถอนสาบาน[27.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 27-05-2018 11:42:55
แง่ะ ก็พี่อินทร์ดันพูดไปว่าจะยอมแลกทุกอย่าง
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 30★ถอนสาบาน[27.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-05-2018 11:45:36
 :hao7:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 30★ถอนสาบาน[27.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-05-2018 13:40:07
เริ่มต้นกันใหม่
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 30★ถอนสาบาน[27.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 27-05-2018 15:28:37
 :pig4:

ต้องเหนื่อยใจกว่าจะได้รัก
แต่ต้องทุกข์ใจหนัก ..ไม่ใช่แค่เพียงไม่รัก  แต่ยังไม่รู้จักแม้ได้พบหน้า

..เอ๊า สู้ๆ เพ่อินทร์สายเปย์ เทมาให้หมด
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 30★ถอนสาบาน[27.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 27-05-2018 17:31:24
จะเลิกรักได้ ก็ต้องลบความทรงจำสิน้อ

มาๆๆ  มาเริ่มกันใหม่
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 30★ถอนสาบาน[27.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-05-2018 22:27:01
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 30★ถอนสาบาน[27.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 28-05-2018 08:59:43
ไม่นะ  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 30★ถอนสาบาน[27.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 28-05-2018 20:53:00
Chapter 31: นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊

หลังจากที่ผมถามคำถามนั้นไป ห้องทั้งห้องก็เข้าสู่ภาวะเดดแอร์ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ แต่คนที่ดูจะช็อกหนักที่สุดเหมือนจะเป็นพี่คนนั้น...ใช่ คนที่ผมบอกว่าไม่รู้จักเขานั่นแหละ

“จิ ไม่รู้จักไอ้อินทร์มันจริงๆ เหรอ”

พี่บุศย์ทำลายความเงียบขึ้นมาจนได้ ผมหันไปมองเขาพลันพยักหน้า

“แต่รู้จักเรา?”

เป็นสรัลที่แทรกพลางชี้นิ้วไปที่ตัวเอง ผมเลยพยักหน้าอีกครั้ง

“แล้วก็รู้จักพี่วิญญูด้วย?”

ผมพยักหน้าอีก เท่านั้นทั้งสี่คนก็มองกันด้วยสายตาที่...ดูสับสนและมึนงง แต่คนที่ดูท่าจะสับสนมากกว่าใครเพื่อนน่าจะเป็นผมมากกว่า ใครจะบอกผมได้บ้างว่านี่มันเรื่องอะไรกัน

“เอางี้จิ พี่ขอถามอะไรหน่อยเพื่อความแน่ใจ ตอบตามความจริงโอเคไหม รู้สึกยังไงให้ตอบอย่างนั้น”

พี่บุศย์พูดขึ้นมาอีกแล้ว ผมยืดตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อรอคำถามจากเขา พลันเขาก็ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

“จิรู้จักพี่ได้ยังไง”

“พี่บุศย์เป็นพี่รหัสจิ รู้จักกันตั้งแต่ตอนรับเพื่อนใหม่แล้วครับ”

จากนั้นเขาก็ชี้ไปทางคนข้างๆ “แล้วสรัลล่ะ”

“รู้จักตอนงานเฟรชชี่ไนท์ ตอนนั้นสรัลมาช่วยดึงผมออกจากกลุ่มคน ก็เลยคบกันเป็นเพื่อนต่างคณะ”

พูดถึงตรงนี้ ทุกคนก็มองหน้ากันด้วยอารมณ์แบบว่า ‘ไม่จริงน่า’ จากนั้นพี่บุศย์ก็ชี้ไปที่พี่วิญญู

“แล้ววิญล่ะ รู้จักได้ยังไง”

“คนนี้...ตามสตอล์กเกอร์จิเพราะจะจีบจิ”

ผมว่าไปตามตรง ซึ่งก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา กระทั่งพี่บุศย์ถามอีก

“จิสนิทกับวิญไหม”

ผมนิ่งคิดไปเล็กน้อย ความรู้สึกเหมือนกับว่า...

“สนิทนะครับ”

ใช่ ผมรู้สึกอย่างนั้น แต่พอเจออีกคำถาม

“สนิทกันได้ยังไง จำได้ไหม”

ผมกลับตอบไม่ได้...

นั่นสิ สนิทกับพี่วิญญูได้ยังไง ผมนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ยิ่งถูกถามว่า...

“แล้วรู้หรือเปล่าว่าพี่รหัสของสรัลคือไอ้อินทร์?”

ผมก็ได้แต่ส่ายหน้าพรืด... ไม่รู้เลย ไม่เคยรู้มาก่อนเลย

“รู้หรือเปล่าว่าทำไมตัวเองถึงมาที่อินโดนีเซีย”

ผมส่ายหน้าอีก พี่บุศย์เลยว่าด้วยสีหน้าจริงจัง

“คำถามสุดท้ายนะจิ... รู้จักอิเหนากับจรกาไหม แล้วรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้?”

จู่ๆ เขาก็ถามอะไรแปลกๆ ออกมา อันนี้ผมจำได้นะ จำได้แม่นเลย!

“จิรู้” พูดเท่านี้ ทุกคนก็ดูมีสีหน้าดีขึ้น แต่พอผมบอกว่า “มันเป็นเนื้อหาที่จิเรียนเทอมนี้น่ะครับ ตามเนื้อหาในวรรณคดีคืออิเหนากับจรกาไม่ถูกกัน อิเหนาไปแย่งบุษบากลับคืนจากจรกาที่ไปขอหมั้นหมายกับนางบุษบา อดีตคู่หมั้นตัวเองไว้ พี่บุศย์ถามทำไมเหรอ”

ทั้งสี่คนมองหน้ากัน แล้วทั้งห้องก็เงียบไปอีกครั้ง ผมเห็นแล้วก็สับสนที่อารมณ์ของพวกเขาเปลี่ยนไปไวขนาดนี้ อีกทั้งยังสับสนเรื่องที่จู่ๆ ก็ไปสนิทกับพี่วิญญูโดยไม่รู้เหตุผล ไม่รู้ว่าผู้ชายคนที่ผมไม่รู้จักคือพี่รหัสของสรัลทั้งที่ความรู้สึกมันบอกว่าผมสนิทกับสรัล แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองมาที่อินโดนีเซียยังไง มันดูแปลกมากที่ความทรงจำในระหว่างนั้นหายไป หายแบบหายไปเลย ไม่รู้สึกเลยว่ามันคุ้นเคยแต่อย่างใดด้วย

จนในที่สุดก็เป็นผมบ้างที่อดรนทนไม่ไหว ต้องถามออกไปบ้าง

“ใครพอจะบอกจิได้บ้างครับว่านี่มันเรื่องอะไร”

“จิ...จำเรื่องของเราไม่ได้เลยจริงๆ เหรอ”

คนที่ให้คำตอบผมไม่ใช่พี่บุศย์เหมือนเคยแล้ว แต่เป็นพี่คนที่ผมบอกว่าไม่รู้จัก เขาเดินมาหยุดข้างเตียง มองหน้าผมด้วยสายตาที่...ที่เจ็บปวด?

ผมมั่นใจว่าเขามองผมด้วยสายตานั้น ยิ่งเขาเอื้อมมือมาจับมือผมแล้วบีบแน่น ผมก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของเขามากขึ้น ไม่อยากตอบเลยนะว่าใช่...ผมจำอะไรเกี่ยวกับเขาไม่ได้ ความจริงแล้วต้องบอกด้วยว่าผมไม่รู้จักเขาเลยด้วยซ้ำ แต่คำตอบที่ถนอมน้ำใจที่สุดก็คงจะเป็นการพยักหน้า

“ชื่อพี่ก็ไม่รู้จักเหรอ” เขาถามยิ้มๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูเศร้า ผมจำใจพยักหน้าไปอีกครั้ง เขาเลยว่าเสียงแผ่ว “พี่ชื่ออินทร์ คุ้นไหม”

คำตอบของผมคือการพยักหน้าอย่างเดียวแล้วล่ะทีนี้ คนอื่นๆ ดูมีสีหน้าแย่ยิ่งกว่าพี่...พี่อินทร์ใช่ไหม อือ นั่นแหละ แต่คนตรงหน้าผมยังคงยิ้มให้อยู่

“ไม่เป็นไร จำพี่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เรามาเริ่มกันใหม่ก็ได้”

เริ่มกันใหม่ เขาพูดอย่างกับว่าผมกับเขา...

“เราเป็นแฟนกันเหรอครับ”

ถึงผมจะจำเขาไม่ได้แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่เข้าใจอะไรๆ รูปแบบการพูดและการปฏิบัติต่อผมมันพิเศษมากจนใครๆ ก็ดูออก พี่อินทร์พยักหน้าให้ ผมก็ต้องหันไปหาพี่บุศย์เพื่อขอคำยืนยัน

“จริงเหรอครับพี่บุศย์”

พี่บุศย์พยักหน้า ก่อนที่สรัลจะรีบเอาโทรศัพท์มาให้ดู

“พี่อินทร์เป็นเดือนมหา’ลัย ส่วนนายเป็นคิวท์บอย ตอนคบกันมีแต่คนโพสต์รูป นี่ไง หลักฐานยืนยัน”

เป็นรูปคู่ของผมกับพี่อินทร์ในอิริยาบถต่างๆ ผมไม่อยากจะเชื่อนักหรอก แต่พอพี่อินทร์ยื่นโทรศัพท์มือถือของผมให้

“ในโทรศัพท์ของจิก็มีรูปเรานะ”

ผมก็ต้องเชื่อแล้วล่ะ เพราะนอกจากเขาจะรู้รหัสปลดล็อกโทรศัพท์ของผมแล้ว ยังมีรูปเซลฟี่ของเขากับผม แล้วก็รูปอื่นๆ ที่ดู...ค่อนข้างจะสนิทสนมกันมากอยู่เต็มแกลลอรี่ไปหมด

ผมเป็นแฟนกับเขาจริงๆ...

“จริงๆ แล้ว เราอยู่ด้วยกันด้วยนะ”

พี่อินทร์ว่ามาอีก ใบหน้าหล่อๆ ของเขายังคงมีรอยยิ้มบางๆ ผมมองแล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมาจนต้องว่าเสียงแผ่ว

“ขอโทษนะครับ ผมจำอะไรไม่ได้เลย”

เหมือนจะได้ยินเสียงหายใจของทุกคนดังออกมาพร้อมๆ กัน ผมรู้ว่าการที่ผมไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเขามันทำให้คนอื่นๆ หนักใจ แต่ผมยังคงสงสัยอยู่อีกเรื่อง

“แล้วเรามาทำอะไรกันที่อินโดนีเซีย เที่ยวเหรอ”

คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละ ไม่อย่างนั้นเราจะมาที่นี่ทำไม

“น้องจิ จริงๆ แล้วพวกเราพาน้องจิมาถอนคำสา...”

พี่วิญญูทำท่าเหมือนจะพูดอะไรขึ้นมาสักอย่าง แต่พี่อินทร์ก็แทรกขึ้นเสียก่อน

“ใช่ เรามาเที่ยว พี่บอกเราว่าจะพามาเที่ยว แต่จิไม่สบายหนัก สลบไปตอนกำลังไปเที่ยวกันอยู่ เลยมาอยู่ที่นี่”

ผมพยักหน้ารับ พอจะเข้าใจอะไรๆ ขึ้นมาได้ แต่ก็อดกังวลขึ้นมาไม่ได้

“ผมไม่ได้หัวกระแทกพื้นหรือประสบอุบัติเหตุร้ายแรงใช่ไหมครับ”

พี่อินทร์พยักหน้ารับ ผมเลยถามต่อ

“แล้วทำไมผมถึงจำพี่ไม่ได้”

ไม่มีใครให้คำตอบผมแล้ว มีแต่ความเงียบเข้าครอบงำ กลายเป็นว่าคำถามของผมเป็นหมัน และดูท่ามันจะไม่ได้รับคำตอบอีกแล้ว

 

ผมพักอยู่ในโรงพยาบาลอีกไม่กี่คืนก็กลับไปพักที่โรงแรม หมอบอกว่าผมเป็นไข้ แล้วก็ร่างกายอ่อนแอเท่านั้น ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หัวของผมก็ไม่ได้กระแทกด้วย สมองทำงานปกติดีทุกอย่าง ดังนั้นความทรงจำของผมเกี่ยวกับพี่อินทร์ที่หายไปจึงไร้สาเหตุว่ามันหายไปได้ยังไง และดูท่าก็ไม่มีใครอยากจะเล่าให้ผมฟังด้วย พอผมเปิดปากพูดทีไร ใครต่อใครก็มักจะถามผมด้วยคำถาม ‘จิเชื่อเรื่องการระลึกชาติได้หรือกลับชาติมาเกิดไหม’ ทุกที

โอเค ไม่ถามแล้วก็ได้ถ้าทุกคนจะเฉไฉไปคุยเรื่องไร้สาระแบบนั้น ระลึกชาติหรือกลับชาติมาเกิดใหม่อะไรกัน มันก็แค่ความเชื่อของคนกลุ่มหนึ่งไม่ใช่เหรอ ซึ่งแน่นอนล่ะว่าไม่ใช่ผม

ที่น่าตกใจยิ่งกว่าการที่รู้ว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชายซึ่งเป็นเดือนมหาวิทยาลัยชื่ออินทร์ ก็คือการที่ผมย้ายจากหอเก่ามาอยู่หอใหม่สุดหรูหรา...กับเขา

แม่เจ้าโว้ย! ค่าเช่าเดือนเท่าไรเนี่ย!

ต้องมานั่งคำนวณเงินที่ได้สำหรับใช้จ่ายแต่ละเดือนเลย จริงๆ ก็รู้มาตั้งแต่แรกแล้วล่ะว่าผมอยู่กับเขา แต่ไม่คิดว่าจะอยู่หอราคาแพงหูฉี่แบบนี้ไง มาโล่งใจก็ตอนที่เขาบอกว่า...

“ไม่ต้องห่วง พี่เป็นคนจ่ายค่าห้องอยู่แล้ว เราตกลงกันแต่แรกอย่างนี้”

ถึงจะเกรงใจเขาที่เป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอย่างนั้น แต่ก็ยอมรับเลยว่ามันทำให้ผมสบายใจไปเยอะ ที่ไม่สบายใจในตอนนี้ก็คือ...ผมเริ่มอึดอัดแล้วล่ะ

ทันทีที่เครื่องแลนด์ดิ้งถึงสนามบินสุวรรณภูมิ พวกเราก็มุ่งตรงกลับหอทันที ตอนแรกมันก็ไม่อึดอัดหรอกเพราะตอนเรากลับมามันมากันหลายคน แต่พอแยกเข้าห้องใครห้องมันปุ๊บ อึดอัดทันที

ผมกับพี่อินทร์...ในฐานะแฟนทั้งที่ผมไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเขา แล้วก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาด้วย มันแบบ...น่าอึดอัดนะ

“ไม่ต้องเกร็งหรอกจิ ทำตัวตามสบายเหมือนตอนที่จิเคยอยู่คนเดียวได้เลย ตอนนี้อาจจะรู้สึกแปลกๆ แต่เดี๋ยวก็ชินเองแหละ คิดว่าพี่เป็นรูมเมทคนนึงก็ได้”

พี่อินทร์โพล่งขึ้นทำลายความเงียบ หมายจะให้ผมสบายใจ ผมวางกระเป๋าลง พยักหน้าให้เขาพร้อมกับตอบรับเสียงแผ่ว เขาหัวเราะน้อยๆ ให้ผมที่ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ตรงส่วนไหนของห้องดี ก็รู้แหละว่าผมอยู่กับเขาจริงๆ เพราะข้าวของเครื่องใช้ของผมอยู่ในห้องนี้เพียบเลย แต่ความรู้สึกคือ...มันไม่ใช่ห้องผมน่ะ

“เอางี้ อันดับแรก จิเอาของไปเก็บก่อนแล้วกัน”

เขาพยายามทำให้ผมผ่อนคลาย พอผมพยักหน้า เขาก็ยื่นถุงซิปที่บรรจุของบางอย่างมาให้

“อันนี้เป็นของของจิ หมอให้ถอดออกตอนนอนอยู่โรง’บาล”

ในนั้นมันเป็นนาฬิกาข้อมือกับ...แหวน?

เป็นแหวนทองโบราณๆ น่ะ อันนี้ผมก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าได้มาตอนไหน แต่ก็รับมาถือไว้แล้วตรงไปที่หน้าตู้เสื้อผ้า จากนั้นก็ยืนงกๆ เงิ่นๆ อยู่ครู่

“เอ่อ...พี่อินทร์ครับ”

“หืม?”

“ตู้เสื้อผ้าของผมตู้ไหนเหรอ”

ผมไม่มั่นใจ เขาก็เลยทำท่าจะชี้ แต่ก็ไม่ชี้ เล่นลิ้นเสียอย่างนั้น

“เรียกแทนตัวเองว่า ‘ผม’ พี่ไม่บอกหรอกนะ”

เท่านั้นผมก็หันมองขวับเลย ขณะที่เขาเลิกคิ้วสูง

“สงสัยอะไรเหรอ”

“คือผม...”

“หืม? ผมอีกแล้ว”

เขาพูดมาอย่างนี้ ผมก็เลยอดไม่ได้ที่จะถาม

“ปกติแล้วผมเรียกแทนตัวเองกับพี่อินทร์ว่าอะไรเหรอครับ”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็ว่าหน้าระรื่นออกมา “ปกติแล้วจิจะเรียกแทนตัวเองว่า ‘หนู’”

หา?

“แล้วก็เรียกแทนพี่ว่า ‘ป่าปี๊’”

ใช่เรอะ!?

ผมเผลอทำหน้าไม่เชื่อใส่เขามั้ง พี่อินทร์ก็เลยยกนิ้วชี้ขึ้นมาพลางว่า

“เอางี้ ฟอร์เอ็กแซมเปิ้ล” เขาเว้นไปเล็กน้อย สูดหายใจเข้าปอด แล้วก็... “นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊หิวข้าวหรือยังกั๊บ ป่าปี๊หิวแย้ว อยากกินนว้องจุง งื้อ~”

ทำเสียงสองแล้วก็เอาทำท่าแด๊ะแด๋ๆ ผิดจากท่าทางปกติที่ผมเห็นแบบลิบลับเลย ทำเอาผมอดเบ้หน้าออกมาไม่ได้ ขณะที่เขากลับมาทำท่าทางปกติ

“ปกติแล้วเราคุยกันแบบนี้”

กูว่าไม่ใช่มั้ง!

แต่เขาทำสีหน้าจริงจังเลย ผมก็ชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าตกลงเราคุยกันแบบนี้จริงหรือเปล่า แต่บอกตามตรงนะ สายตาที่เขามองมามันดูก็รู้อะว่าเขาไม่ได้โกหกแน่ๆ แต่...ไม่รู้ทำไมว่าผมไม่มั่นใจ

“แล้ว...ผมก็เรียกแทนตัวเองว่าหนูเหรอ”

พี่อินทร์พยักหน้า ผมก็เลยลองพูดออกไปบ้างเผื่อว่าจะคุ้น

“ป่าปี๊...”

“หืม?”

“หนูหิวข้าวแล้ว”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็ยกมือขึ้นกุมหน้าอก เงยหน้าพลางว่ายิ้มๆ

“ฟิน~”

เอ๊ะ?

“อยากให้จิเรียกพี่แบบนี้มานานแล้ว”

เอ้า! ตกลงปกติไม่ได้เรียกกันแบบนี้เรอะ!?

รับรองได้เลยว่าตอนนี้หน้าผมมีเครื่องหมายคำถามอันโตแปะอยู่ ผมว่าผมไม่น่าจะเรียกแทนตัวเขากับตัวเองแบบนี้อะ คิดว่านิสัยตัวเองไม่น่าจะมุ้งมิ้งแบบนี้ แต่พี่อินทร์กลับทำให้ผมรู้สึกผิดด้วยการถามออกมา

“จิคิดว่าพี่โกหกเหรอ”

“คือ...”

“อืม ไม่เป็นไรหรอก พี่เข้าใจ จิจำพี่ไม่ได้นี่เนอะ จำไม่ได้ว่าเราเคยรักกันมากแค่ไหน จำไม่ได้ว่าพี่กับจิรักกันยังไง จำไม่ได้ที่...”

“ตู้เสื้อผ้าหนูอยู่ไหนเหรอครับป่าปี๊”

เออ เอาก็เอา ไม่งั้นก็พูดให้ผมรู้สึกผิดอยู่นั่นแหละ และพอพูดไปอย่างนั้น พี่อินทร์ก็ชี้นิ้วไปที่ตู้ข้างๆ

“ตรงนั้นครับ”

ผมเลยได้รู้สักทีว่าตู้เสื้อผ้าของตัวเองอยู่ตู้ไหน เฮ้อ... ยุ่งยากจริงวุ้ย!

 

พอจัดข้าวของเสร็จเรียบร้อย ท้องก็เริ่มหิว พี่อินทร์ชวนผมไปกินข้าว แต่จะให้ไปกับเขาสองคน ผมก็อึดอัด ยังปรับตัวไม่ได้น่ะ ผมก็เลยบอกเขาไปตามตรงว่าอยากให้คนอื่นๆ ไปด้วย เขาก็ไม่ขัด โทรชวนทุกคนให้ไปกินข้าวด้วยเหมือนกับระหว่างเขาและผมไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ผมกับพี่อินทร์ลงไปหาพี่บุศย์กับสรัลที่รออยู่ข้างล่างของหอ พี่อินทร์นึกขึ้นได้ว่าลืมกระเป๋าตังค์ก็เลยบอกผม

“เดี๋ยวป่าปี๊ขึ้นไปเอากระเป๋าตังค์ก่อนนะครับ หนูรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ”

ผมพยักหน้า พี่อินทร์หายไปจากตรงนั้น แต่สิ่งที่ดูผิดแปลกไปก็คือ...สีหน้าของพี่บุศย์กับสรัล

“เมื่อกี้ไอ้อินทร์มันเรียกแทนตัวเองว่าอะไรนะ”

แล้วเขาก็ถามขึ้นมาด้วย ผมก็เลยตอบให้

“ป่าปี๊ครับ”

เรียวคิ้วสวยของเขาย่นยู่เลย ก่อนที่สรัลจะถามขึ้นมา

“แล้วเรียกแทนนายว่าอะไรนะ”

“หนู...”

ผมว่าไปอย่างนี้ ทั้งสองคนก็มองหน้ากันด้วยสีหน้าที่ยากจะอ่าน ผมก็อยากจะถามเหมือนกันว่ามีอะไรแปลกเหรอ แต่ไม่ทันจะได้ถาม พี่อินทร์ก็กลับลงมาแล้ว

“ปะ ไปกันเถอะ หิวจะแย่แล้ว มาครับหนู ป่าปี๊พาข้ามถนนนะ”

คว้ามือผมไปจับเสียอย่างนั้นอะ ผมก็เกร็งอยู่ไม่น้อย แต่สายตาก็ดันเหลือบไปเห็นสีหน้าแปลกๆ ของพี่บุศย์กับสรัลที่ดูเหมือน...ไม่รู้สิ ดูแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ ผมก็ไม่ได้ถามอะไรจนกระทั่งมาถึงร้านข้าว พวกเรานัดเจอพี่วิญญูกันที่นั่น เขามาถึงก่อนใครเพื่อน พอพวกเรานั่งประจำที่กันเรียบร้อย พี่อินทร์ก็คว้าเมนูมาให้ผมดู

“หนูอยากกินอะไรครับ ป่าปี๊สั่งให้ หนูกินกระเพราะหมูสับไข่ดาวไม่สุกมากไหม ของชอบหนูนี่”

ของชอบผมจริงๆ แต่ไม่ต้องเอาใจผมขนาดนี้ก็ได้นะ อึดอัดมากเลย แต่ผมก็เกรงใจเขา เพราะเขาบอกว่าเรารักกันมาก ถ้าผมพูดอะไรออกไปมันจะเป็นการทำร้ายจิตใจเขา แค่ผมจำเขาไม่ได้มันก็น่าสงสารมากพออยู่แล้ว ผมก็เลยปล่อยไปตามอย่างที่มันควรจะเป็น

“ว่าไงครับ ตกลงกินอะไรดี”

“งั้นหนูเอาที่ป่าปี๊สั่งให้ก็ได้ครับ”

ผมตอบรับไป พี่อินทร์ก็หันไปเขียนรายการอาหารยุกยิกลงในกระดาษทันที จังหวะนี้เองที่ผมสังเกตเห็นสายตาแปลกๆ ของคนอื่นๆ ที่มองมา

พี่บุศย์กับสรัลน่ะมองแปลกๆ มาตั้งแต่อยู่ที่หอแล้ว แต่คนที่มองด้วยสายตาแปลกๆ ระคนสีหน้าเหยเกคือพี่วิญญู มิหนำซ้ำไม่มองเปล่าด้วย ยังจะโพล่งขึ้นมา

“เมื่อกี้เหมือนได้ยินอะไรแหม่งๆ เรียกแทนตัวเองกันว่าอะไรนะ”

พูดมาอย่างนี้ ผมก็เอะใจขึ้นมา

เอ...หรือว่าผมจะไม่ได้เรียกเขาแบบนั้น?

“งงอะไรของมึง ก็เรียกกันตามปกติ ทำเป็นไม่ชินไปได้”

พี่อินทร์โพล่งขึ้นมาอย่างนี้ เท่านั้นพี่วิญญูก็ขมวดคิ้วมุ่น

“แต่กูรู้สึกเหมือนกับว่ามึงกับน้องจิไม่ได้...”

“แล้ววิญจะกินอะไรเหรอ สั่งเร็วเข้า สรัลจะได้สั่ง”

พี่บุศย์แทรกขึ้นมาทั้งที่พี่วิญญูยังพูดไม่จบเฉยเลย แถมสรัลก็สำทับ

“ใช่ๆ รีบสั่งเร็วพี่วิญ หนูหิวจะตายอยู่แล้ว”

พี่วิญญูเลยต้องรับเอากระดาษกับปากกามาจากพี่อินทร์แล้วจดรายการอาหารลงไปแล้วบ่นพึมพำ

“เป็นผ้าขาวแท้ๆ” จากนั้นก็หันมามองพี่อินทร์ “ไอ้ตอแหล”

ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ด่าพี่อินทร์อย่างนั้น พี่อินทร์ก็ดูไม่มีท่าทีสะทกสะท้านด้วย ลอยหน้าลอยตาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกได้ว่าคนพวกนี้กำลังรวมหัวกันปิดบังอะไรผมอยู่ แล้วความคิดของผมก็มลายหายไปเมื่ออาหารมาเสิร์ฟ ผมคว้าช้อนกับส้อมมาเตรียมจะเขี่ยใบกระเพราะออก ทว่าพี่อินทร์ก็ดึงจานของผมไปแล้ว พอหันไปมองก็เห็นว่าเขากำลังตักใบกระเพราจากจานผมไปใส่จานตัวเองอยู่ ผมเลยอดถามไม่ได้

“ป่าปี๊ทำอะไรครับ”

“หนูชอบกินผัดกระเพราแต่ไม่กินใบกระเพราไม่ใช่เหรอ ป่าปี๊ก็เอาออกให้อยู่นี่ไง”

ผมชะงัก มองหน้าเขาที่กำลังส่งยิ้มให้ผมอยู่

เขารู้... แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เขาก็รู้ แต่...ผมกลับจำเขาไม่ได้เลย

“อะ เอาออกหมดละ”

เขาเลื่อนจานคืนมาให้ผม ผมได้แต่พึมพำเบาๆ

“ขอบคุณครับ”

ตักข้าวเข้าปากได้คำหนึ่ง มือใหญ่ก็วางแหมะลงมาบนหัวผมเบาๆ

“กินเยอะๆ นะนว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊”

ทำเสียงสองแสลงหูมาก แต่ไม่รู้ทำไมตอนได้ยินเขาพูดประโยคนี้ ในใจผมกลับรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาอย่างประหลาด

ถึงอย่างนั้น...ผมก็จำเขาไม่ได้อยู่ดี จำไม่ได้ว่าเคยรัก จำไม่ได้ว่าเคยผูกพัน แม้แต่ความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาก็ไม่มี นอกจากความอุ่นวูบวาบที่แล่นพล่านขึ้นมาเมื่อครู่ แต่แทนที่จะทำให้ผมรู้สึกดี มันกลับทำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก

เรากินข้าวเสร็จในอีกหนึ่งชั่วโมงให้หลัง ผมกลับเข้าห้องมาพร้อมพี่อินทร์ เขาเดินไปวางข้าวของที่พกติดตัวไปด้วยลงบนโต๊ะ ทำท่าเหมือนจะไปอาบน้ำ แต่ผมก็เรียกเขาไว้ก่อน

“ป่าปี๊”

เขาหันมามอง เลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม ผมอึกอักไปครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจพูดออกไป

“ขอโทษนะครับที่หนูจำอะไรไม่ได้เลย”

“จำอะไรไม่ได้เหรอ”

“จำไม่ได้ว่า...เอ่อ...” ไม่แน่ใจว่าควรพูดดีไหม แต่พอเขาเดินมาหยุดตรงหน้าพร้อมกับยิ้มบางๆ ผมก็จำต้องตอบ “จำไม่ได้ว่าป่าปี๊กับหนูรักกัน”

พูดไปก็รู้สึกไม่ดีไป ผมรู้ว่าเขาเองก็รู้สึกไม่ดีด้วย แต่สิ่งที่เขาแสดงออกมากลับเป็นทางตรงกันข้าม

“จำป่าปี๊ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ” พลันก็ประคองใบหน้าผมขึ้นให้สบตาเขา ขณะที่เขาว่าออกมาทีละประโยค “ถ้าหนูจำป่าปี๊ไม่ได้ ป่าปี๊ก็จะจีบหนูใหม่ ถ้าหนูจำไม่ได้ว่ารักป่าปี๊ ป่าปี๊ก็จะทำให้หนูรักใหม่เหมือนกัน ไม่ต้องห่วงนะ ไม่ต้องเครียดด้วย ไม่มีอะไรน่ากังวลเลย ทำใจให้สบายนะครับ”

ผม...สบายใจจังเลย ได้ยินเขาพูดอย่างนี้ ผมก็สบายใจขึ้นมาก

ความจริง...เป็นนว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊ก็ไม่ได้เลวร้ายเหมือนกัน

ผมพยักหน้ารับ เขาก็ถามออกมา

“ขอป่าปี๊กอดหนูหน่อยได้ไหม”

คงจะรู้ว่าถ้าผลีผลามกอดผมคงจะโดนผมผลักอีกแน่ ผมก็เลยอนุญาตเขา เท่านั้นอ้อมแขนใหญ่ก็โอบรัดร่างผมไว้แน่น พลันก็มีเสียงกระซิบเบาๆ ดังขึ้นข้างหู

“เรามาเริ่มกันใหม่ก็ได้ ขอแค่หนูไม่เป็นอะไรก็พอ”

ไม่เป็นไร... เขาหมายความว่ายังไง

จะยังไงก็ไม่รู้ล่ะ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมตะขิดตะขวงใจเพราะในตอนนี้ผมรู้สึกได้เลยว่าคนตรงหน้าผมเป็นคนยังไง

เขา...เป็นผู้ชายที่อบอุ่นมาก แล้วก็คงจะรักผมมากเหมือนกันถึงได้ไม่ยอมแสดงท่าทีเป็นกังวลใดๆ ที่ผมจำเขาไม่ได้ออกมาอีกเลยตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล

ผม...จะพยายามไม่ทำให้เขาเสียใจ

พลันความคิดของผมก็มลายหายไปเมื่อจู่ๆ เขาก็หัวเราะออกมา

“มีอะไรเหรอครับป่าปี๊”

พี่อินทร์ใช้เวลากลั้นหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะผละจากอ้อมกอดมามองหน้าผม

“จริงๆ แล้วเวลาเรียกพี่ว่าป่าปี๊ แล้วจิเรียกแทนตัวเองว่าหนูมันก็น่ารักดีนะ”

เห?

“แต่พอแล้วดีกว่า ตอนนี้จิเป็นผ้าขาวอย่างที่ไอ้วิญมันบอก เลิกแกล้งแล้ว เรียกแทนตัวเองว่าจิ เรียกพี่ตามปกติเถอะเนอะ”

เอ้า! ตกลงไม่ได้เรียกป่าปี๊กับหนูจริงๆ ใช่ไหม!

ก็ว่าแล้วว่าทำไมมันแปลกๆ ก็หลงเรียกหนูๆ ป่าปี๊ๆ อยู่ตั้งนาน โธ่เอ๊ย! ตอแหลอย่างที่พี่วิญญูว่าจริงๆ ด้วย

แฟนผมเป็นคนแบบนี้เหรอวะเนี่ย!

-----------------------------------

ตอนเต็มมาแล้วววว ใครว่าดราม่า ไม่มี้!!!

ใช่ ไม่มีตอนนี้ แต่เดี๋ยวก็มา ดราม่าสุดท้ายละค่ะ เดี๋ยวก็จบเรื่องละ 555

ช่วงนี้หนูแดงไม่ค่อยสบายนะคะ เป็นหวัด อาจจะมาช้าบ้าง รอกันก่อนเน้อ

ฝากกำลังใจไว้ให้กันด้วยนะจ๊ะ

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 31★นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊[28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-05-2018 21:03:41
เรื่องนี้เกิดจากแก นังเหนา ไป ไปอินโดอีกรอบ  :angry2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 31★นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊[28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-05-2018 21:20:58
มาม่่่่าใกล้พร้อมเสริ์ฟละฮับ~555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 31★นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊[28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 28-05-2018 21:21:18
ไม่มีแล้วใช่มั้ยดราม่า หวั่นใจลึกๆ   
ในมุมของเรา เราว่าจิลืมไปก็ดีนะ จะได้เริ่มต้นใหม่กับอินทร์ เริ่มต้นแบบที่ไม่มีเรื่องชาติที่แล้วมาเกี่ยว แล้วจิจะกลับมารักอินทร์ก็เพราะอินทร์ยังมั่นคง

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 31★นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊[28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-05-2018 21:35:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 31★นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊[28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-05-2018 21:40:37
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 31★นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊[28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-05-2018 21:41:30
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 31★นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊[28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 28-05-2018 22:04:01
หนูจิ ผ้าขาวที่ใส่อะไรลงไปก็จะได้อย่างนั้นนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 31★นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊[28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 28-05-2018 22:15:20
ก็อย่างที่คนเขาพูดกันจากเป็นดีกว่าจากตาย อีกอย่างจิแค่ลืมแต่ไม่ได้เกลียด หลังจากนี้ก็ร่วมกันสร้างแต่ความทรงจำดีๆขึ้นมาใหม่
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 31★นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊[28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 28-05-2018 22:25:34
เกลียดการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสของอิพี่อินทร์มาก น้องจำไม่ได้ก็เอาข้อมูลผิดๆมาใส่หัวน้อง สมกับที่พี่วิญด่าตอแหลจริงๆนั่นแหละ ฮ่าๆๆ แต่แบบนี้ก็ดีนะเหมือนเริ่มต้นกันใหม่หมด จิจะได้ไม่มานั่งยึดกับอดีตว่าเมื่อก่อนอิเหนาเคยทำยังงั้นยังงี้แล้วก็เกิดความลังเลใจอีกจีบกันใหม่หมดก็ดี ก็หวังว่าดราม่าสุดท้ายจะไม่หนักเท่าไหร่น้า

ปล.หายไวๆนะคะหนูแดง
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 31★นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊[28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-05-2018 23:10:30
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 31★นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊[28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 28-05-2018 23:38:12
เห็นน้องจำไม่ได้ ได้ทีเอาใหญ่เลยนะป่าปี๊ แต่ก็ดีแล้วที่ให้น้องลืม มาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 31★นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊[28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 29-05-2018 02:34:42
หมั่นไส้ป่าปี๊ แหม มีฟิน
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 31★นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊[28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 29-05-2018 05:21:43
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 31★นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊[28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 29-05-2018 11:15:46
มองบนแล้วอยากจะพูดแบบเดียวกะวิญ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 31★นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊[28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 31-05-2018 02:45:56
น้องจิหายไปไหน :m15:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 31★นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊[28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 31-05-2018 18:15:41
เอ่อ ถ้าได้นั่งร่วมโต้ะกินข้าว คงจะมองบนจนตากลับ แน่ๆเลย อิป่าปี๊เอ้ยยย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 31★นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊[28.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 31-05-2018 22:25:06
Chapter 32: จิระคือผ้าขาว

ตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาหลังจากที่เรากลับมาไทย ผมก็พยายามจะเรียนรู้ตัวตนของพี่อินทร์นะ เพราะดูจากท่าทางแล้ว ก่อนที่ผมจะจำอะไรไม่ได้ ผมกับเขาคงจะรักกันมากทีเดียว ไม่อย่างนั้นใครต่อใครในมหาวิทยาลัยคงไม่พูดถึงเรื่องนี้กันหรอก ยิ่งผมค้นดูพวกโพสต์ต่างๆ จากสื่อโซเชียลมีเดียของกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกันบางกลุ่มก็พบว่าช่วงนั้นผมกับพี่อินทร์ค่อนข้างเป็นคู่ที่หวานกันมากคู่หนึ่งเลยทีเดียว

ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมต้องจำให้ได้ว่าเคยรักเขามากแค่ไหน แม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยเลยก็ตาม

แต่ก็ใช่ว่าผมจะฝืนหรือกดดันตัวเองให้จำเขาได้ แบบนั้นมันยากไป ผมเริ่มจากการเรียนรู้ลักษณะนิสัยของแฟนตัวเองก่อนมากกว่า

พี่อินทร์เป็นผู้ชายที่ทั้งป็อปปูล่าร์ แล้วก็มีเพื่อนฝูงเยอะ คนมาชอบก็เยอะ นิสัยดี ใจดี มนุษยสัมพันธ์ดี เอาใจแฟนเก่ง ขี้เล่น เรียกได้ว่าเป็นแฟนที่ดีเลยล่ะ

ยอมรับนะว่าอยู่กับเขาแล้วผมสบายใจ เวลาหงุดหงิดมาจากไหน พอมาเจอหน้าเขา ความหงุดหงิดก็หายไปเพราะความร่าเริงขี้เล่นของเขาทุกที อีกอย่างที่เขาทำให้ผมสบายใจมากๆ ก็คือการที่เขาไม่เคยกดดันผมเรื่องที่ผมจำเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แทบไม่พูดถึงเลยด้วยซ้ำ มีแต่ผมนี่แหละที่เป็นฝ่ายพูดขึ้นมา และพอผมขอโทษที่จำเขาไม่ได้เมื่อไร เขาก็มักจะบอกว่า...

“พี่เคยบอกแล้วไงว่าขอแค่จิไม่เป็นอะไร พี่ยอมได้ทั้งนั้น ไม่ต้องคิดมากหรอก เริ่มต้นกันใหม่ก็ได้”

...ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจหรอก แต่คำว่า ‘เริ่มต้นกันใหม่ก็ได้’ มันทำให้ผมสบายใจทุกครั้งเลย

พี่อินทร์...เป็นผู้ชายที่นิสัยน่ารักดีนะ

และเพราะเขาใจดีแบบนั้น ผมเลยไม่อยากทำให้เขาต้องเสียใจ พยายามรื้อฟื้นความทรงจำตัวเองด้วยการสำรวจสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ในห้องทุกวัน เผื่อว่าไปเห็นอะไรบางอย่างเข้าแล้วจะจำขึ้นมาได้บ้าง

วันนี้ผมเห็นอะไรบางอย่างที่ดูผิดปกติตอนอาบน้ำ...

ที่อ่างล้างหน้าจะมีตู้สำหรับใส่ของใช้เล็กๆ อยู่ตู้หนึ่ง ผมเปิดออกมาดูเพราะจะหายาสีฟันหลอดใหม่ พี่อินทร์บอกว่าพวกข้าวของเครื่องใช้จำเป็นสำหรับใช้ในห้องน้ำจะเก็บไว้ในตู้นี้ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่ามันไม่ได้มีแค่ของที่พี่อินทร์บอก แต่ดันมี...

“ถุงยาง?”

ผมหยิบกล่องเล็กๆ นั่นมาถือไว้ในมือแล้วขมวดคิ้วยู่ ก่อนจะเหลือบไปมองขวดพลาสติกบรรจุน้ำสีใสข้างใน แค่เห็นชื่อยี่ห้อสินค้า ผมก็รู้แล้วว่ามันคือเจลหล่อลื่น เท่านั้นความร้อนบางอย่างก็แล่นพล่านไปทั่วใบหน้าผมทันที

ผะ...ผมกับพี่อินทร์เคยมีอะไรกัน?

มันต้องอย่างนั้นแน่นอนอยู่แล้ว ไม่งั้นจะมีของแบบนี้ติดห้องไว้ทำไม อะไรไม่ว่า ทั้งสองอย่างมันแกะใช้แล้วด้วยเถอะ

แล้วแบบนี้...ใครอยู่บน ใครอยู่ล่างล่ะ?

จริงๆ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมากังวลเลยนะ ผมเป็นแฟนกับเขา อยู่ด้วยกันแบบนี้ ยังไงก็ต้องหนีไม่พ้นเรื่องนี้อยู่แล้ว เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่อีก เรื่องธรรมดาจะตายไป

แต่ผมก็สลัดความสงสัยนั้นออกจากหัวไม่ได้เลย โคตรอยากรู้ว่าใครอยู่ตำแหน่งไหน เลยรออยู่ห้องจนกระทั่งเขาเลิกเรียนแล้วกลับมาถึง พอเห็นเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยจนมานั่งเล่นที่โซฟา ผมเลยออกปากชวนคุยด้วยเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหวจริงๆ

“พี่อินทร์ จิขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

ตอนนี้รู้แล้วว่าจริงๆ ผมเรียกแทนตัวเองกับเขาว่ายังไง ไม่ใช่ ‘ป่าปี๊’ กับ ‘หนู’ อย่างที่เคยถูกหลอกแน่นอน ส่วนพี่อินทร์ก็เหลือบมอง เลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามว่ามีอะไร ผมก็อึกๆ อักๆ ไป ไม่รู้จะถามดีไหม จนเขาต้องเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้น

“มีอะไรเหรอจิ”

เอาวะ ถามก็ถาม อยากรู้ก็ต้องถามสิ!

“เราคบกันมานานเท่าไรแล้วครับพี่อินทร์”

แต่ดันเปิดเรื่องขึ้นมาแบบนี้แทน พี่อินทร์ก็ตอบมาตามตรง

“อืม ก็เกือบจะครบเทอมแล้วเหมือนกันนะ ประมาณสามสี่เดือนได้ ทำไมเหรอ”

ผมนิ่งไป ไม่แน่ใจว่าควรถามต่อไหม หรือจริงๆ ไม่ควรจะถาม ควรปล่อยเบลอไปดี แต่ก็สงสัยอะ อุปกรณ์มันพร้อมอยู่อย่างนั้น ผมว่ายังไงๆ ก็ต้องมีอะไรกันแน่นอน ไม่ได้คบกันเป็นแฟนแค่สถานะเฉยๆ แน่

“แล้วเราแบบว่า...มีอะไรกันด้วยหรือเปล่าครับ”

ในที่สุดก็ถามออกไปจนได้ พี่อินทร์เลิกคิ้วสูงกว่าเดิมเลยที่จู่ๆ ก็เจอคำถามที่ไม่คาดคิด เขาวางโทรศัพท์ในมือลงทันที จ้องหน้าแล้วถามผมกลับ

“ทำไมจู่ๆ ถึงถามเรื่องนี้”

“ก็จิเห็นถุงยางอนามัยกับเจลหล่อลื่นอยู่ในตู้ข้างกระจกที่ห้องน้ำ”

ผมบอกไปตามตรง เท่านั้นพี่อินทร์ก็หัวเราะออกมา

“อ๋อ ที่แท้ก็เพราะของพวกนั้น” พอหยุดหัวเราะก็ตอบเสียงดังฟังชัด “อืม เรามีอะไรกัน”

ผมใจเต้นระส่ำเลย นึกภาพไม่ออกเลยว่าผมกับเขาจะ...ทำกันยังไง

เออ ถึงจะรู้ว่าเป็นแฟนกัน แต่เพราะผมจำไม่ได้ ผมก็นึกไม่ออกนะเรื่องนี้ แล้วก็ไม่คิดจะพูดถึงอีกแล้วด้วย ทว่าดูเหมือนพี่อินทร์อยากจะพูดถึงมั้ง เขายิ้มขำๆ ออกมาแล้วถามผม

“ให้ทายว่าใครรุกใครรับ”

เป็นเรื่องที่ผมอยากรู้เหมือนกัน ผมนิ่งไปครู่ ดูจากกายภาพแล้ว ท่าทางน่าจะ...

“จิน่าจะเป็นรับไหมครับ”

...คิดว่างั้นนะ พี่อินทร์เขาตัวใหญ่กว่าผม โดยคอมมอนเซ้นส์แล้ว คนตัวใหญ่กว่าจะต้องเป็นฝ่ายรุกถูกไหมล่ะ

ทว่าพอผมพูดไปอย่างนั้น พี่อินทร์ก็ยกนิ้วชี้ขึ้นเป็นเชิงบอกให้ผมรอ ก่อนจะเดินไปคุ้ยอะไรบางอย่างจากตู้เสื้อผ้า พลันกลับมาพร้อมกับ...

“ชุดนอนไม่ได้นอน”

อะ...อะไรวะนั่น?

ผมมองชุดมุ้งๆ มีชายพลิ้วๆ ลูกไม้ระบายแล้วก็หลุดเบ้หน้าออกมา ขณะที่พี่อินทร์ถามผมอีก

“ให้ทายว่าใครใส่ชุดนี้”

ผมค่อนข้างมั่นใจในตัวเองเลยว่าไม่ใช่ผมที่ใส่แน่ ผมเลยส่ายหน้ารัวๆ

“จิคิดว่าจิไม่น่าจะใส่นะครับ”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็ส่งเสียง “ปิ๊งป่อง~ ถูกต้องนะคร้าบ เพราะชุดนี้น่ะ พี่ใส่เอง”

หา!?

ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหม เขาบอกว่าเขาใส่เหรอ?

ทำหน้าไม่เชื่อออกไปเลย พี่อินทร์ก็ร้องบอกผมใหญ่

“ไม่ต้องตกใจๆ ไม่ต้องอ้าปากหวอด้วย จิบอกเองไม่ใช่เหรอว่าชอบแบบนี้”

ใช่เหรอวะ? ไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่าตัวเองมีรสนิยมแบบนี้

“เท่านี้ก็รู้แล้วเนอะว่าใครรุกใครรับ“

เขาทำให้ผมต้องอึ้งงันไปอีกระลอก งั้นก็แสดงว่า...ผมรุกเหรอ?

เหวอกินไปเลย พี่อินทร์ก็หัวเราะใหญ่

“ไม่เชื่อเหรอ ให้พี่ลองใส่ให้ดูไหม”

ถึงจุดนี้แล้ว อะไรๆ ก็ต้องลองแล้วล่ะ เผื่อจะจำขึ้นมาได้บ้าง

และพอผมพยักหน้า พี่อินทร์ก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ผมมองเขา...แบบ...ผู้ชายร่างใหญ่อะ มีกล้ามเป็นมัดๆ เลย แต่ใส่ชุดนอนไม่ได้นอน เห็นแล้วก็...โลกนี้มันเป็นอะไรไปหมดแล้ววะ

ผมค่อนข้างงุนงงกับรสนิยมของตัวเองด้วยเหมือนกันนะ งงกว่าก็คือพี่อินทร์นี่แหละ ยอมตามใจรสนิยมผมไปได้ยังไง แต่ยังไม่ทันจะได้ถามอะไร พี่อินทร์ก็มาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้ว

“เวลาที่เรามีอะไรกัน จิก็จะชอบทำแบบนี้กับพี่ตลอด”

“ทำอะไรเหรอครับ”

“มานี่สิ เดี๋ยวพี่บอก แต่ต้องโดนเนื้อโดนตัวกันหน่อยนะ”

โดนเนื้อโดนตัว... คงไม่เป็นอะไรมั้ง ยังไงผมก็เคยมีอะไรกับเขาอยู่แล้ว นี่มันก็แค่การสาธิต ไม่ใช่จะทำกันจริงๆ สักหน่อย ผมก็เลยคลานเข้าไปหาเขา เขาคว้าตัวผมให้เข้าไปใกล้

“คร่อมพี่ไว้แบบนี้ ส่วนมือก็จับตรงนี้”

พลันรั้งเอวผมให้แทรกเข้าไปกลางหว่างขาของเขา จากนั้นก็ดึงมือของผมไปจับกับชุดตรงช่วงหน้าอก

“แล้วยังไงต่อครับ”

“จากนั้นพี่ก็จะดิ้น”

หา!?

“แล้วจิก็จะฉีกทึ้งอย่างทารุณ”

เรื่องจริงเรอะ!?

ชักไม่แน่ใจแล้วว่าใช่หรือเปล่าเพราะก่อนหน้านั้นเขาก็แกล้งหลอกผมเรื่องคำเรียกแทนตัวเองมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่พอเขาพูดขึ้นมา

“อยากลองทำดูไหม เผื่อจะจำได้นะ”

ผมจะไปปฏิเสธได้ยังไงล่ะ แต่ประเด็นคือยังไม่ทันที่จะได้ตอบรับเลย เขาก็ดิ้นพล่านๆ ทำเป็นขัดขืนแล้ว

“อั๊ย! อย่านะคุณจิระ~ อร๊าง~ คุณจิระ ม่าย~”

ท่าทางแด๊ะแด๋ส่ายไปส่ายมา ท่าทางตอแล้ตอแหลของเขาทำให้ผมนิ่งงันไปชั่วครู่ ผมก็ตั้งใจจะฉีกทึ้งชุดนอนไม่ได้นอนแหละ แต่พอเห็นแล้วก็...

“พี่อินทร์ครับ”

“หืม?”

เขาชะงักบ้าง มองหน้าผม ขณะที่ผมพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดก่อนจะบอกเขา

“หยุดสักแป๊บได้ไหมครับ”

“ทำไมเหรอ”

“จิจะอ้วก”

คลื่นไส้ฉิบหาย อะไรของแม่งวะเนี่ย กูว่าพอเถ๊อะ!

พี่อินทร์หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังเลย ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่ากำลังถูกเขาแกล้งหรือเปล่า ก่อนหน้านี้ก็แกล้งผมไปทีหนึ่งแล้ว ตอนนี้ชักไม่ไว้ใจแล้วล่ะ

“พี่อินทร์พูดจริงปะเนี่ย จิทำแบบนี้กับพี่อินทร์จริงเหรอ”

เขาเบาเสียงหัวเราะลง พยักหน้ารัวๆ “อื้ม ทำจริงสิ”

“แน่ใจเหรอครับ จิว่าไม่มั้ง”

ไม่แน่นอน ผมว่าผมไม่ทำอะไรบ้าๆ อย่างนี้แน่นอน แต่ทว่าพี่อินทร์ก็ดันว่าด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

“ถ้าจิไม่ทำแล้วจะมีชุดนี้อยู่ในห้องเราได้ยังไง จิเป็นคนบอกพี่เองว่าอยากให้พี่ใส่ มันถึงมาอยู่ในห้องของเราเนี่ย”

“แต่จิว่าจิไม่น่ามีรสนิยมแบบนี้...”

“เพราะจิจำไม่ได้ไงเลยคิดว่าไม่ใช่ แต่พี่จำได้นะ”

เขามีเหตุผล ผมเลยเถียงต่อไม่ออก

หรือว่า...ผมจะมีรสนิยมแบบนี้จริงๆ?

ชักไม่แน่ใจตัวเองแล้ว อยากรู้ขึ้นมาเลยว่าอะไรดลใจให้ผมมีรสนิยมแบบนี้ขึ้นมา

ให้เขาใส่ชุดนอนไม่ได้นอนแล้วผมก็ไปดึงทึ้งเนี่ยนะ เอาจริงดิ!?

ผมเหลือบมองพี่อินทร์ พยายามจะจับพิรุธเขานะว่าเขาหลอกผมหรือเปล่า แต่เขาดันนิ่งอะ...นิ่งมากจนผมเชื่อไปแล้วเรียบร้อยว่าผมมีรสนิยมอย่างนี้จริงๆ

“อยากลองฉีกทึ้งไหม”

แล้วเขาก็ถามขึ้นมาอีก ผมกลืนน้ำลายเอื้อก ลังเลไปครู่

เอาไงดีวะ...

แต่แล้วก็...

“อื้อ ลองอีกทีก็ได้ เผื่อจิจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็...

“อร๊าย~ คุณจิร้า~ ม่าย~”

กูว่ากูไม่ไหว!

ผมจับไหล่เขาแล้วรีบบอกเร็วๆ

“พี่อินทร์ จิจะอ้วกจริงๆ พอเถอะครับ”

ไหว้แล้ว ขอร้อง อย่าทำอะไรแบบนี้อีก กูรับไม่ได้!

พี่อินทร์ก็หัวเราะร่วนเลย คราวนี้หัวเราะน้ำหูน้ำตาไหลด้วย ผมมองหน้าเขา เขาก็เอามือมาบีบๆ แก้มผม

“หนูคลื่นไส้จนต้องทำหน้ากระรอกใส่พี่เลยเหรอครับตัวเล็ก” ก่อนจะเฉลยออกมา “จริงๆ แล้ว จิไม่ได้มีรสนิยมแบบนี้หรอก พี่แกล้ง”

หา!?

ผมเบิกตาโต เขาก็อธิบายต่อ

“ชุดนี้พี่ซื้อมาตอนที่เราจะมีอะไรกันครั้งแรก ตอนแรกกะว่าจะให้จิใส่ แต่จิไม่ยอมใส่ พี่ก็เลยเอามาใส่เล่น”

รสนิยมแปลกๆ นี่สรุปแล้วเป็นของมึงสินะ!

หลุดด่าเขาในใจเสียอย่างนั้นอะ ผมเลยมุ่ยหน้าใส่เขาเป็นการใหญ่

“แล้วมาหลอกจิเนี่ยนะ”

“พี่เห็นว่าเวลาเราเชื่อที่พี่พูดแล้วมันน่ารักดี”

“นิสัยไม่ดี ไม่กลัวจิโกรธหรือไง”

“กลัวสิ แต่ก็อดใจไม่ให้แกล้งไม่ไหว ใครจะไปรู้ว่าจิจะเชื่อพี่ล่ะ”

คราวนี้เอามืออีกข้างมาดึงแก้มผมด้วย จากนั้นก็ส่ายไปส่ายมา บอกตามตรงว่าผมก็หงุดหงิดน้อยๆ เหมือนกัน แต่พอเห็นท่าทางอารมณ์ดีของเขาแล้ว ผมก็หลุดยิ้มออกมา

ถึงเขาจะขี้แกล้ง แต่มันก็ตลกดีเหมือนกันนะ

“จิจำอะไรไม่ได้ก็เหมือนจิเป็นผ้าขาวอย่างที่พี่วิญญูว่านั่นแหละครับ พี่อินทร์พูดอะไร บอกอะไร จิก็เชื่อหมดนั่นแหละ ตอนนี้ไม่ใช่ผ้าขาวแล้วมั้ง ขมุกขมัวเลอะเทอะเพราะพี่อินทร์ป้อนข้อมูลมั่วๆ ใส่หัวจิหมดแล้วเนี่ย”

พอตัดพ้อไปอย่างนี้ พี่อินทร์ก็หยุดบีบแก้มผม ว่ายิ้มๆ ให้เท่านั้น

“ถึงพี่จะทำจิเปื้อนเพราะข้อมูลต๊องๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่พี่จะไม่ป้อนให้จิเด็ดขาด”

“อะไรเหรอครับ”

“พี่จะไม่ป้อนข้อมูลว่าจิรักพี่แค่ไหน เพราะถ้าจิจะรักพี่อีกครั้ง พี่ก็ขอให้จิรู้สึกกับพี่ด้วยตัวของจิเอง”

พูดมาอย่างนี้ ผมก็นิ่งงัน นี่แหละที่ทำให้ผมสงสารเขา ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้นะว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลย เขารู้... รู้อยู่เต็มอกด้วย แต่ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันเลยเป็นสิ่งที่ทำให้ผมพยายามจะค้นหาความรู้สึกที่มีต่อเขาก่อนหน้านี้ว่ามันเป็นยังไง เพราะผมรู้ตัวเองดีว่าผมไม่ได้อยากทำให้เขาเจ็บปวด

“แล้ว...อยากลองทำอย่างที่เคยทำจริงๆ ไหม”

จู่ๆ เขาก็โพล่งขึ้นมา เรียกให้ผมหลุดออกจากภวังค์

“ทำอย่างที่เคยทำคือทำแบบไหนเหรอครับ”

รู้สึกไม่ไว้ใจเขาขึ้นมา พี่อินทร์คงรู้ทันความคิดผมมั้ง เขาถึงได้รีบดักคอ

“ไม่ใช่ว่าพี่ชวนให้เรามามีอะไรกับพี่ในตอนนี้หรอกนะ”

“แล้ว?”

“พี่แค่อยากจะถามจิว่าอยากลองจูบกับพี่ดูไหม”

สิ้นเสียง ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของผมก็เต้นระส่ำ รู้สึกตัวขึ้นมาในตอนนี้ว่าผมยังคงอยู่ในท่าเดิม ยังไม่ได้ขยับตัวไปไหน อันที่จริงแล้วผมควรจะตอบปฏิเสธ แต่สายตาที่เขามองมามันทำให้ผมคล้อยตามอย่างไม่น่าเชื่อ

“ว่าไงจิ อยากจูบกับพี่ไหมครับ”

ผมพยักหน้าช้าๆ เท่านั้นพี่อินทร์ก็ยิ้มออกมา

“พี่จะอ่อนโยนนะ”

สิ้นเสียง เขาก็ประคองใบหน้าผมให้โน้มลงไปหาเขา ลมหายใจอุ่นๆ ของเราสัมผัสซึ่งกันและกันก่อนที่ริมฝีปากจะเคลื่อนไปแนบสนิท

เขาค่อยๆ ขบเม้มริมฝีปากผมอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนที่จะใช้ปลายลิ้นแทรกเข้ามาด้านใน เกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นผมอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเวลาผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง

ผมยังจำไม่ได้อยู่ดีว่าเราเคยทำอะไรแบบนี้กัน แต่จูบครั้งแรกหลังจากที่ผมสูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับเขาไปมันช่าง...ดีมากเหลือเกิน มันทำให้ช่องท้องของผมปั่นป่วนวูบวาบไปหมดเหมือนกับมีผีเสื้อนับร้อยๆ ตัวบินว่อนอยู่ในนั้น

ผมยังไม่ได้ตกหลุมรักเขานะ แต่จูบนี้มันรู้สึกดีจริงๆ...

พอริมฝีปากของเราสองคนผละออกจากกัน ผมก็พบว่าเขากำลังมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู ไม่นานนัก ผมก็ได้ยินในสิ่งที่ไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมา

“พี่รักจินะ”

“...”

“รัก... รักมาตลอด ไม่ว่าจะเกลียดพี่หรือไม่รู้สึกอะไรกับพี่ พี่ก็รักจิเสมอ”

ฉับพลันผมก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา...

แน่ล่ะว่าต้องเศร้าเรื่องที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาดูน่าสงสารละเรื่องหนึ่ง แต่อีกเรื่อง...ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่ามีความรู้สึกหนึ่งแวบขึ้นมา

เขารอผมมานานแล้ว...

ไม่มีเหตุผลเลย แต่รู้สึกแบบนี้ เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น นอกเสียจากจะยิ้มบางๆ

“ลุกไหม ถ้าไม่ลุก จะดึงทึ้งชุดนอนไม่ได้นอนก็ได้นะ เผื่อจิอยากจะเปลี่ยนรสนิยม”

เท่านั้นผมก็กระเด้งตัวผึงเลย เขาหัวเราะใหญ่ ส่วนผมก็อดไม่ได้ที่จะร้องบอกเมื่อเห็นเขาถอดชุดนอนไม่ได้นอนออกจากตัว

“เอาชุดมุ้งไปทิ้งเลยนะพี่อินทร์ อย่าให้จิเห็นอีก”

“ทำไมล่ะ ไม่เซ็กซี่เหรอ”

“เซ็กซ์เสื่อมล่ะสิไม่ว่า ถ้าพี่อินทร์ไม่เอาไปทิ้ง จิจะเอาไปทำผ้าขี้ริ้ว”

พอบอกไปอย่างนี้ พี่อินทร์ก็เดินมาหาผม กระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู

“รับทราบครับ”

พลันฝังจมูกลงมาที่แก้มผมเบาๆ จากนั้นก็ผละไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ปล่อยให้ผมมองตามหลังเขาพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่ผุดพรายขึ้นมา

ผูกพัน...

ทำไมถึงได้รู้สึกว่าตัวเองผูกพันกับเขาขนาดนี้กันนะ?

-----------------------------------

กลับมาแว้ววว ช่วงนี้หายไปหลายวันเพราะไม่สบายหนักค่ะ ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะเป็นหนัก ที่ไหนได้ ซมเลย ;w;

ตอนนี้ยังไม่หายดี แต่พรุ่งนี้จะมาอัปตัวอย่างตอนหน้าให้เน้อ อย่าเพิ่งหนีหายกันปายยย อยู่ด้วยกันก่อนนะคะ

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 32★จิระคือผ้าขาว[31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-05-2018 22:41:02
เล่นใหญ่ตลอด
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 32★จิระคือผ้าขาว[31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-05-2018 23:01:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 32★จิระคือผ้าขาว[31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 01-06-2018 01:12:09
โฮกกกกกกกก สงสารพี่อินทร์อ่ะ ทำไมจากคนบ้ากลายเป็นคนน่าที่น่าเห็นใจขนาดนี้ไปได้ ;-;
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 32★จิระคือผ้าขาว[31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 01-06-2018 01:27:51
โว้ยยยยย นี่ซึมจริงๆรึเปล่าคะพี่อินทร์ทำไมแด๊ะแด๋ขนาดนี้หาา เกลียดความผีบ้าของอิพี่มันจริงๆโว้ย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 32★จิระคือผ้าขาว[31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-06-2018 01:39:58
จิจะจำได้ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 32★จิระคือผ้าขาว[31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-06-2018 02:05:32
ข้อมูลแต่ละอย่างที่ป้อนเข้าหัวหนูจิ  :z3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 32★จิระคือผ้าขาว[31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 01-06-2018 03:56:10
พี่อินทร์ ก็ยังคงความเป็นพี่อินทร์
เข้าใจเลยว่า ทำไมสมัยจิเป็นจรกาถึงได้เกลียดพี่อินทร์  พี่เล่นเพี้ยนซะขนาดนี้

แต่ชอบพี่อินทร์นะ  ไม่ค่อยฉวยโอกาสน้อง
ชาติก่อนก็รอให้น้องรักจนต้องตายจากกัน
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 32★จิระคือผ้าขาว[31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 01-06-2018 06:55:04
ทั้งตลก และสงสารพี่อินทร์
ยังมีดราม่าใหญ่รออยู่อีกด้วย

 :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 32★จิระคือผ้าขาว[31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 01-06-2018 07:38:05
เอ้อ พี่อินทร์   น้องจะอ้วกแล้ว55555  :angry2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 32★จิระคือผ้าขาว[31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 01-06-2018 07:41:54
 พี่อินทร์เล่นซะหมดอารมณ์
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 32★จิระคือผ้าขาว[31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 01-06-2018 10:01:30
ความรัชดาลัยอันนี้ยอมใจ
แต่เจอ ...พี่รักจินะ
ละลัยยยยยยยยยย
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 32★จิระคือผ้าขาว[31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-06-2018 11:24:15
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 32★จิระคือผ้าขาว[31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 01-06-2018 16:18:01
เนี่ยยย ก็พี่อินทร์ชอบแกล้งน้องแบบนี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 32★จิระคือผ้าขาว[31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 01-06-2018 20:53:26
เกลียดความตอแหล ดีดดิ้นเล่นใหญ่ของอิพี่อินทร์ :laugh:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 32★จิระคือผ้าขาว[31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 01-06-2018 23:16:26
 :3123:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 32★จิระคือผ้าขาว[31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 02-06-2018 03:39:26
กว่าจะจำได้คงยาก แต่เริ่มสร้างความสัมพันธ์ใหม่รักกันใหม่ ง่ายกว่านะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 32★จิระคือผ้าขาว[31.5.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 02-06-2018 20:32:23
Chapter 33: พ่อดอกชบา

สิ่งที่ยากที่สุดในการเป็นตัวเองก็คือการเป็นตัวเองนี่แหละ

ฟังแล้วอาจจะงงๆ หน่อย แต่เพราะผมต้องเห็นพี่อินทร์ทำดีกับผมทุกวันในฐานะแฟนแล้ว ผมก็ยิ่งรู้สึกผิดกับเขา มิหนำซ้ำยังรู้สึกแย่กับตัวเองอีกที่จำเขาไม่ได้ ถึงเขาจะบอกอยู่บ่อยๆ ก็ตามว่าเราเริ่มต้นกันใหม่ได้ก็เถอะ

ใช่ เริ่มต้นกันใหม่ได้ สถานะแฟนหรืออะไรก็แล้วแต่ มันเริ่มต้นใหม่ได้ทั้งหมดนั่นแหละ ยกเว้นความรู้สึกว่ารักเขาที่ผมเริ่มต้นไม่ได้สักที

ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากรักเขานะ แต่ผมพยายามแล้ว มันไม่รู้สึกอะไรกับเขานอกจากความเป็นพี่เป็นน้องเท่านั้นจริงๆ ต่อให้วันนั้นได้จูบกันแล้วก็รู้สึกดีเอามากๆ ทว่าพอเอาเข้าจริง จูบนั่นมันก็แค่ความรู้สึกดีจากการได้สัมผัสกันตามสัญชาตญาณของมนุษย์น่ะ ผมก็ยังไม่รู้สึกรักเขาอยู่ดี

ผมต้องทำยังไงถึงจะกลับมารักพี่อินทร์ได้เหมือนเดิม?

ก็ได้แต่ถามคำถามนี้กับตัวเองคนเดียว ไม่กล้าถามใคร ไม่กล้าปรึกษาใครด้วย กลัวว่ามันจะไปเข้าหูพี่อินทร์แล้วจะทำให้เขาเศร้าไปมากกว่านี้ ผมรู้ว่าภายใต้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มนั่นน่ะ เขาเศร้าแค่ไหน

เศร้าจะตาย... เพียงแต่เขาไม่เผยให้ผมเห็นก็เท่านั้น ถ้าผมตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขาล่ะก็ ป่านนี้คงนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่ง ทำอะไรไม่ถูกไปแล้ว

ดังนั้นสิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุดในเวลานี้ก็คือการปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนตอนที่ผมยังรักเขา แต่ผมก็รู้สึกนะว่าการกระทำของพี่อินทร์มันไม่ค่อยธรรมชาติสักเท่าไร เวลาเขาจะทำอะไรก็ตามแต่ที่มีผมมาเกี่ยวข้องด้วย เขามักจะขออนุญาตก่อนเสมอ คนเป็นแฟนกันมันไม่ควรจะต้องมาพิธีรีตองอะไรมากมายใช่ไหมล่ะ โดยเฉพาะถ้ายิ่งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้ว แบบนี้มันโคตรแปลกเลย

ไม่ให้แปลกได้ไง ดูอย่างตอนนี้สิ จู่ๆ เขาก็ส่งข้อความมาบอกว่า...

‘พี่ขออนุญาตหึงจิได้ไหม’

...เรื่องแบบนี้มันต้องขออนุญาตกันด้วยเหรอ!?

พอมองไปที่หน้าตึกคณะซึ่งไม่ห่างจากบริเวณโต๊ะที่ผมนั่งอยู่เท่าไรก็เห็นเขายืนถือโทรศัพท์ด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างก็ถือกระเป๋าแฟ้มเอกสารการเรียนไว้ ใบหน้าระบายรอยยิ้มส่งให้ผม เป็นรอยยิ้มเหมือนหมาโกลเด้นท์รีทรีฟเวอร์เวลาอ้อนเจ้านายเลย พอจะรู้อยู่หรอกว่าเพราะผมจำไม่ได้ว่าเป็นแฟนกับเขา เขาเลยไม่กล้าแสดงออกอะไรกับผมมากอย่างที่เคยทำก่อนหน้านั้น คงจะเพราะเกรงใจผม หรือไม่ก็กลัวว่าผมจะอึดอัดนั่นแหละ ผมเห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนก้มหน้าก้มตาส่งข้อความกลับไป

‘อยากหึงก็หึงสิ จิไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย’

‘งั้นพี่เดินเข้าไปหาแล้วไล่ผู้ชายที่นั่งล้อมจิอยู่ออกได้ไหม’

ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา เขาจ้องมาที่ผมทั้งที่ยิ้มอยู่อย่างนั้น ผมเลยเหลือบมามองยังบรรดาผู้ชายที่นั่งหน้าสลอนอยู่รอบข้าง

คนพวกนี้...เป็นรุ่นพี่คณะผม ก็มาจีบผมนั่นแหละ เหมือนกับว่าพวกเขากลับมาเกาะแกะผมอีกครั้งเพราะเห็นพี่อินทร์ไม่ได้ตัวติดกับผมสักเท่าไร ก่อนหน้านั้นได้ยินมาว่าพี่อินทร์เกาะติดผมจนใครเข้าใกล้ไม่ได้เลยน่ะ แต่อันนี้ผมจำไม่ได้

‘ถ้าจิไม่อยากให้ไล่ พี่ไม่ไล่ก็ได้ แต่พี่ขอไปนั่งข้างๆ ได้ไหม’

ยังไม่ทันจะพิมพ์อะไรตอบเลย พี่อินทร์ก็ส่งข้อความมาก่อนแล้ว ผมเลยตอบรับทันทีด้วยไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ

‘ได้สิครับ มาเลย’

พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นว่าพี่อินทร์พุ่งพรวดมานั่งข้างๆ ผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การปรากฏตัวของเขาทำเอาคนอื่นๆ ที่นั่งเอาอกเอาใจผมอยู่ถึงกับชะงัก รุ่นพี่คนหนึ่งรีบคว้าชีตเรียนขึ้นมาแล้วว่าเร็วๆ ทันที

“ติวควิซให้น้องจิน่ะ ไม่ได้มีอะไรในกอไผ่”

พี่อินทร์ยังไม่ได้ถามอะไรด้วยซ้ำ ส่วนรุ่นพี่คนอื่นๆ ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยให้คู่แข่งตัวเองรับหน้าพี่อินทร์ไป แต่พี่อินทร์ไม่สนใจ หันมาถามผม

“ต้องติวอีกนานไหมจิ”

ผมเหลือบมองก่อนจะตอบตามความจริง

“พอสมควรครับ พี่อินทร์รอจิได้ไหม อยู่เป็นเพื่อนจิหน่อย”

ผมไม่ไล่เขาให้ไปที่อื่น แต่บอกให้เขานั่งรออยู่ข้างๆ อย่างน้อยก็น่าจะทำให้เขาสบายใจได้ เขาก็พยักหน้ารัวๆ ขณะที่รุ่นพี่คนอื่นๆ หน้าเจื่อนลง บางคนก็ทำหน้าเหม็นเบื่อ ก็พอเดาได้อยู่หรอกว่าเป็นเพราะแฟนผมมานั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ด้วย ไม่เหม็นเบื่อสิแปลก

การติวควิซก็ดำเนินต่อไป เทอมนี้วิชาวิเคราะห์วรรณคดีไทยที่ผมเรียนเป็นเรื่องอิเหนา แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงจำเนื้อหาอะไรไม่ค่อยได้เลยทั้งที่เคยเรียนมาตอน ม.ปลาย มิหนำซ้ำก็เรียนเรื่องนี้ไปตั้งครึ่งเทอมแล้ว

มันเลือนรางมาก... รู้สึกว่าผมจะทำคะแนนได้เต็มในควิซครั้งก่อนด้วย แต่ทำไมถึงจำเนื้อหาไม่ค่อยได้สักเท่าไรกันนะ

ผมใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเลยทีเดียวในการจำชื่อตัวละครแต่ละตัว ติวไปได้สักพัก พี่อินทร์ก็เริ่มเลื้อยลงบนโต๊ะ ผมเหลือบไปมองก็เห็นเขาส่งสายตาละห้อยให้ผมอยู่ ตอนแรกมองแค่แวบเดียวแล้วไม่ได้สนใจ แต่พอหันไปมองอีกทีก็เห็นเขาเบะปากทำเหมือนจะร้องไห้

“เป็นอะไรเหรอพี่อินทร์”

แล้วในที่สุดก็เป็นผมที่อดถามไม่ได้ เขาเบะปากมากกว่าเดิมอีก ผมเลยกระซิบถามเขา

“พี่อินทร์เป็นอะไรครับ”

เขาไม่ตอบ แต่คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ทั้งที่ยังตะแคงหัวแนบอยู่กับโต๊ะอย่างนั้น พอผมหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาดูก็พบว่า...

‘พี่หึงจิอะ’

‘หึงจะตายอยู่แล้ว’

‘ไม่อยากให้ใครมารุมล้อมแบบนี้เลย หวงงง’

‘ใจจะขาดอยู่แล้ว ฮือ...ไล่ไปได้ไหม ไม่ไหวแล้ว แงงง จิร้า~ พี่หึงไม่ไหวแล้วน้า~’

แล้วก็ตามมาด้วยการส่งสติ๊กเกอร์ตัวการ์ตูนร้องไห้มาอีกหลายตัว ผมเหลือบมองหน้าเขาก็เห็นว่าเขาเบะปากเบ้หน้าทำเหมือนจะร้องไห้ตามตัวการ์ตูนเลย

เขา...น่ารักมากๆ เลย

น่ารักจนผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้ แล้วก็...

“พอดีว่าจินัดกับพี่บุศย์ไว้น่ะครับ ติวกันแค่นี้ดีกว่า ขอบคุณที่มาติวให้จินะครับ”

...ไล่คนอื่นๆ ไปเสียเลย

รุ่นพี่พวกนั้นดูจะงงๆ หน่อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร คงจะเดาได้แหละว่าที่ผมตัดบทอย่างนั้นเป็นเพราะพี่อินทร์ ทว่าก็ไม่ได้ถามอะไร ยอมลุกจากโต๊ะไปแต่โดยดี ที่ยอมง่ายๆ คงเป็นเพราะผมไม่ได้ร้องขอ พวกเขามาเองนี่แหละ ถึงได้พูดง่ายนัก

พอคนอื่นๆ ลุกไป เหลือแต่ผมกับพี่อินทร์สองคน เขาก็ลุกพรวดขึ้นมา ส่งเสียงออดอ้อนมาให้

“จะตายอยู่แล้ว...”

ไม่ใช่แค่พูดอย่างเดียว สายตาก็ออดอ้อนมากเลย พอผมยิ้มแล้วยื่นมือไปจับมือเขา เขาก็กระเถิบเข้ามาหาทั้งๆ ที่หน้ายังคงนอนอยู่บนโต๊ะอย่างนั้น จากนั้นก็ส่งเสียงกระซิกๆ

“ฮือ... คนใจร้าย ปล่อยให้หึงอยู่ได้ ใจร้าย~ คุณจิระใจร้ายที่สุด!”

เป็นคำตัดพ้อที่ฟังดูไม่จริงจังเลย แล้วก็ไม่ได้ดูขัดตาด้วย ผมเห็นแต่ความน่ารักของเขา จนกระทั่ง...

“เป็นอะไรของมึงน่ะไอ้อินทร์ กำลังอ้อนเมีย?”

...พี่วิญญูมาถึง

ไม่ใช่แค่พี่วิญญู พี่บุศย์กับสรัลก็มาด้วยอย่างพร้อมหน้า ผมมองหน้าพวกเขาอย่างงุนงงนิดหน่อย ส่วนพี่อินทร์ก็เบ้ปากเงยหน้าขึ้นไปมองพี่วิญญู

“อิจฉาที่ไม่มีคนให้อ้อนล่ะสิมึงน่ะ”

เท่านั้นพี่วิญญูก็ส่งเสียงดังฮึในลำคอ

“ใครว่ากูไม่มีคนให้อ้อน”

“แล้วไหนล่ะ”

พี่วิญญูเหลือบมองไปทางพี่บุศย์เล็กน้อย แค่นี้ก็รู้กันชัดเจนเลยว่า...

“ตกลงพวกมึงเอาตูดดูดกัน?”

ไม่ใช่! รู้ชัดเจนเลยว่าคนที่พี่วิญญูอ้อนคือพี่บุศย์ต่างหาก! พี่อินทร์พูดบ้าอะไรของเขาวะเนี่ย!

พี่บุศย์กับสรัลหัวเราะกันร่วนเลย มีแต่พี่วิญญูเท่านั้นแหละที่ปั้นหน้าบูดบึ้ง ทิ้งตัวลงนั่งอย่างหัวเสีย

“กวนตีนตลอดเวลาเลยนะมึง”

พี่อินทร์ก็ยืดตัวขึ้นนั่งหลังตรง ก่อนจะคว้าเอาน้ำแข็งในแก้วน้ำอัดลมของผมที่วางอยู่ปาใส่พี่วิญญู

“มึงก็เจือกตลอดเวลาเลยนะ”

“เฮ้ย เลอะเทอะ อย่า!”

พออีกฝ่ายโวยวายก็แทนที่พี่อินทร์จะหยุด เขาดันดูดน้ำอัดลมเข้าปาก และ...

“คร่อกๆๆ”

กลั้วปากอะ พอกลั้วจนเป็นพี่พอใจแล้วก็อมเอาไว้ ทำท่าจะพ่นใส่พี่วิญญู ผมเห็นก็รีบยื่นมือไปตะครุบปากเขาเอาไว้ พี่อินทร์เลยต้องกลืนน้ำลงไป ก่อนจะหันมามองผมด้วยสายตาขัดใจ

“คุณจิระ จะมาห้ามอินทราทำไม มันว่าอินทรา อินทราไม่ยอมนะฮ้า~”

กลายเป็นนางร้ายในละครหลังข่าวเฉยเลย ทำท่าสะดีดสะดิ้งมากระแซะข้างแขนผมเป็นการใหญ่ด้วย ผมหลุดขำออกมาบ้างแล้ว เขาน่ารักดีอะ ตลกดีด้วย ถึงแม้ว่าจะเกินเบอร์ไปหน่อยก็ตาม

“ทำไมพี่อินทร์ทำตัวไม่ค่อยปกติตลอดเลย หลุดออกมาจากศรีธัญญาปะเนี่ย”

ผมบอกไปอย่างนั้น พี่อินทร์ก็สวนขวับเลย

“พี่ก็ทำตัวปกติอยู่”

“นี่ปกติแล้วเหรอ”

ที่ดูๆ มันไม่ปกติอะ โคตรเพี้ยนเลยเถอะ แต่พี่บุศย์ พี่วิญญู แล้วก็สรัลที่นั่งฟังอยู่กลับพากันพยักหน้ารัวๆ

“ปกติแล้ว แบบนี้แหละปกติ”

“ปกติอะไร ติ๊งต๊องชัดๆ”

ผมเผลอทำปากยื่นใส่เขา ส่วนพี่อินทร์ก็เท้าคางลงบนโต๊ะแล้วถามผมพร้อมกับรอยยิ้ม

“แล้วจิรู้ไหมว่าทำไมพี่ถึงชอบทำตัวบ้าๆ บอๆ ให้จิเห็นบ่อยๆ”

ผมส่ายหน้า เท่านั้นเขาก็ให้คำตอบ

“เพราะป่าปี๊อยากเห็นนว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊ยิ้มบ่อยๆ ไงครับ ยิ้มๆ น้า ไม่ทำหน้ากระรอกเนอะ”

มือยื่นมาบีบๆ แก้มผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำตัวมุ้งมิ้งกุ๊งกิ๊งใส่ผมชนิดไม่อายสายตาใครทั้งสิ้น พอผมเหลือบมองคนอื่นๆ พี่บุศย์ก็ทำเป็นหันไปคุยกับพี่วิญญู เอาอะไรก็ไม่รู้ในโทรศัพท์ให้ดูเป็นการใหญ่ ส่วนสรัลก็นั่งจ้วงขนมที่หยิบมาจากบนโต๊ะนั่นแหละ พลันแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

เออ ทีมเวิร์กดีมาก

ผมเลยให้ความสนใจกับพี่อินทร์อีกครั้ง และพอเห็นรอยยิ้มเขาแล้ว ผมก็อดมันเขี้ยวเขาไม่ได้

“น่าจับฟาด”

“ว้าย~ คนซาดิสม์”

“บางทีก็น่ากระทืบอะครับ จิว่าบางจังหวะ พี่อินทร์ก็กวนตีนอย่างที่พี่วิญญูว่าจริงๆ”

เท่านั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นขรม คนที่ดูสะใจมากกว่าใครเพื่อนดูเหมือนจะเป็นพี่วิญญู ขณะที่พี่อินทร์ทำหน้ากระเง้ากระงอด

“ใช่ซี่ พี่มันไม่ได้น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนนว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊นี่”

กอดอกทำแก้มป่องเหมือนเด็กเล็กๆ งอนเสียอย่างนั้น

เห็นท่าทางแบบนั้นแล้ว ผมก็รู้สึกได้ทันทีว่า...

“พี่อินทร์น่ารักมากๆ เลยครับ”

พูดงึมงำพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัว ไม่ได้ตั้งใจให้เขาได้ยินด้วย แต่เขาดันได้ยินเต็มสองหู ใบหน้ามีรอยยิ้มประดับพรายอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็กระซิบบอกกับผม

“พี่ทำตัวน่ารักกับจิคนเดียวเท่านั้นแหละ พ่อดอกชบาน้อยของพี่”

ดอกชบา...อะไรน่ะ

ผมเอะใจขึ้นมาฉับพลัน มีความรู้สึกแปลกๆ กับคำนี้ แต่พี่อินทร์ก็ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ มิหนำซ้ำพี่บุศย์ยังคว้าชีตเรียนผมไปดู

“แล้วนี่อ่านอะไรอยู่”

“อิเหนาครับ ตอนศึกกระหมังกุหนิง จิมีควิซ”

“รู้ไหมว่าศึกนี้ใครแย่งใคร”

จู่ๆ พี่บุศย์ก็ถาม ผมก็ตอบเสียงดังฟังชัดเลย

“วิหยาสะกำมาแย่งบุษบาจากจรกาครับ พอชนะศึกแล้วก็เป็นอิเหนาที่แย่งบุษบาจากจรกาอีกที”

พี่บุศย์ชะงักทันควัน คนอื่นๆ ก็ชะงักไปด้วย พลันมองหน้าผมสลับกับมองหน้ากันไปมาเป็นการใหญ่ ท่าทางนั้นทำให้ผมสงสัยอยู่ไม่น้อย

“มีอะไรเหรอครับ”

“ไม่คิดบ้างเหรอว่าบางทีศึกครั้งนี้จะไม่ได้เกิดเพราะแย่งบุษบา”

เป็นสรัลบ้างแล้วที่ถามขึ้นมา ผมเลยถามเธอกลับ

“ถ้าไม่แย่งบุษบาแล้วจะแย่งใครล่ะ”

“อย่างเช่น...จรกาอะไรงี้”

พี่วิญญูพูดลอยๆ ผมนิ่วหน้าไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะ

“จรการูปชั่วตัวดำอย่างนั้น ใครจะไปแย่งกันครับ อีกอย่างนะ เป็นผู้ชายด้วย เขาไม่แย่งผู้ชายกันหรอก”

“แต่อิเหนาก็มีบทร่ายที่ไปในทางมีสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกันนะ บางทีอิเหนาอาจจะไม่ได้อยากได้บุษบา แต่อยากได้จร...”

“รสวรรณคดีมั้งพี่บุศย์ คนแต่ก็เสริมเติมเข้าไปแหละ จิว่านะ” พอผมสวนไปอย่างนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรมาอีกเลย เอาแต่มองผมกับพี่อินทร์สลับกันไปมา ผมเลยต้องร้องถาม “มีอะไรเหรอครับ ทำหน้าลำบากใจกันใหญ่”

แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบผม เหมือนทุกสายตาจะมองไปยังพี่อินทร์ ขณะที่พี่อินทร์ยังคงยิ้มร่าเหมือนเดิม

“จิอยากกินอะไรไหม เห็นติวมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว หิวหรือยัง ให้พี่พาไปกินอะไรไหม”

“จิไม่...”

“ฮือ...หิวข้าวจังเลย อยากมีเพื่อนไปนั่งกินข้าวด้วยจังเลยน้า”

ผมกำลังจะตอบว่าไม่หิว แต่พี่อินทร์ดันสวนขึ้นมาด้วยประโยคนี้ ผมจะกล้าบอกได้ยังไงล่ะว่าไม่หิว เลยต้องตอบรับไป

“ไปก็ไปพี่อินทร์ ไม่ต้องอ้อนจิแล้ว วันนี้อ้อนจังเลยนะครับ เป็นไรเนี่ย”

พี่อินทร์ไม่ตอบ เอาแต่ยิ้ม พลันหันไปบอกเพื่อนๆ ตัวเอง

“กูพาจิไปกินข้าวก่อน ไว้ค่อยคุยกัน”

แค่นั้นก็พาผมออกจากโต๊ะมาเลย ปล่อยให้ทั้งสามคนที่เพิ่งมามองตามเราสองคน ส่วนผม...ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรหลังจากนี้ นอกจากจะเดินตามพี่อินทร์ไปยังโรงอาหารหลังตึกคณะเท่านั้น

 

เพราะไม่ได้มีควิซแค่คาบเดียวแล้วจบ แต่มันเป็นเหมือนสอบเก็บคะแนนย่อยกลายๆ ผมเลยต้องอยู่อ่านหนังสือดึกสักหน่อย

พี่อินทร์หลับไปนานแล้ว ผมเหลือบมองนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์ เห็นมันบอกเลขหนึ่งของวันใหม่ก็เลยลุกไปจะปิดไฟแล้วเข้านอน แต่ทว่าพอเดินผ่านเตียง ผมก็เห็นพี่อินทร์นอนกระสับกระส่ายไปมา อะไรไม่ว่า เหงื่อกาฬแตกพลั่กทั้งที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ผมอดที่จะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ไม่ได้ ก่อนจะต้องร้องถามเมื่อเห็นเขานิ่วหน้า ส่ายไปมา พึมพำอะไรบางอย่างที่ฟังไม่ได้ศัพท์

“พี่อินทร์ เป็นอะไรไหมครับ”

ผมเขย่าตัวเขาเบาๆ เพราะเห็นเขาพลิกหน้าไปมาไม่เลิก แต่พอสัมผัสตัวเขาแล้ว ผมก็ต้องตกใจขึ้นมาน้อยๆ เมื่อรู้สึกถึงไอร้อนผะผ่าวจากกายเขา

ไม่สบายนี่...

ผมเลยรีบจับที่หน้าผากของเขาดู

ตัวร้อนจริงๆ ด้วย ไปทำอะไรมาน่ะ จู่ๆ ถึงได้ไม่สบายแบบนี้...

เป็นห่วงเขาขึ้นมาเลย บางทีผมอาจจะต้องปลุกเขาขึ้นมากินยาก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยให้ไปหาหมอ

แต่พอผมจะลุกจากเตียง จู่ๆ พี่อินทร์ก็ส่งเสียงแห้งผากออกมา

“พะ...พ่อ...”

ผมหันไปมองก็เห็นว่าที่หางตาของเขามีหยดน้ำตาไหลออกมา ตอนแรกผมก็คิดว่าเขาคงฝันหรือละเมอถึงพ่อตัวเองไรงี้ แต่พอเขาเอ่ยประโยคใหม่ออกมา

“พ่อดอกชบาของพี่...”

ผมก็นิ่งงันไป...

ไม่ได้หมายถึงพ่อตามความหมายตรงๆ แต่หมายถึงใครบางคนที่เขาใช้สรรพนามนั้นแทนตัว

ผมไม่รู้หรอกว่าเขาหมายถึงใคร รู้แต่ว่าพอเขาพูดออกมาได้ประโยคหนึ่ง น้ำตาของเขาก็ไหลออกมาเป็นสาย ก่อนจะกลายเป็นสะอึกสะอื้นเสียยกใหญ่

“พะ...พ่อดอกชบา...ดอกชบา...ฮึก...”

ไม่รู้ทำไมในอกผมถึงได้ปวดแปลบขึ้นมา แล้วก็เศร้าขึ้นมาฉับพลันด้วย

ทั้งที่เขาหมายถึงใครก็ไม่รู้ แต่ผมกลับเจ็บปวดจนน้ำตาตัวเองก็ไหลเหมือนกัน ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากจะช่วยซับน้ำตาบนใบหน้าคร้ามของเขาพร้อมกับปล่อยให้น้ำตาไหลอาบหน้าตัวเองเงียบๆ

ที่ร้องไห้...ไม่ได้แปลว่าผมหึงเขา ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาด้วยซ้ำ มีแต่ความรู้สึกเป็นพี่เป็นน้องไม่ต่างจากพี่บุศย์หรือพี่วิญญูเท่านั้น แต่ทำไมถึง...

...ทำไมพอเขาละเมอคำนี้ออกมา มันถึงทำให้ผมเศร้าได้ขนาดนี้

 ผมเลยเขย่าตัวเขาแรงขึ้น ปลุกให้เขาตื่น

“พี่อินทร์...ฮึก พี่อินทร์ตื่น”

เขาตื่นขึ้นมาจนได้ ปรือตามองผมครู่หนึ่งก็ร้องถามด้วยสีหน้าเหลอหลา

“จิร้องไห้ทำไม”

ถามทั้งๆ ที่เขาเองก็ยังมีน้ำตาไหลออกจากหางตาไม่หยุด ผมเลยสวนคืน

“จิต้องถามพี่อินทร์ต่างหากว่าพี่อินทร์ร้องไห้ทำไม แล้วนี่ไปทำอะไรมา ทำไมเป็นไข้ได้”

เขาได้สติขึ้นมาในตอนนี้ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่หางตาตัวเองก่อนจะลุกขึ้นนั่ง

“สงสัยนอนน้อยหลายวันติดน่ะ ช่วงนี้พี่นอนไม่ค่อยหลับ”

นอนไม่ค่อยหลับเหรอ... ไม่เห็นเคยรู้เลยว่านอนไม่ค่อยหลับ ปกติก็เห็นเขาหลับทุกที

ไม่สิ ไม่เคยเห็นหรอก ผมเข้านอนก่อนเขาตลอด แต่ตอนตื่นดันตื่นหลังเขา ไม่รู้หรอกว่าเขาหลับสนิทหรือเปล่า แต่นั่นคงไม่สำคัญแล้วเพราะพี่อินทร์ยื่นมือมาซับน้ำตาให้ผม

“แล้วจิร้องไห้ทำไมคนดี บอกพี่ซิว่าใครแกล้ง”

ผมส่ายหน้า ตอบเสียงแผ่ว “จิก็ไม่รู้เหมือนกัน มันร้องออกมาเอง”

เขานิ่งไปครู่ก่อนจะยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไรนะคนเก่ง นอนได้แล้ว เดี๋ยวพี่จะนอนต่อแล้วเหมือนกัน”

ผมอยากจะพยักหน้าอยู่หรอก แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้รั้งเขาเอาไว้ พอเขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถามให้ผม ผมก็เปิดปากออกมา

“จิอยากถามอะไรพี่อินทร์สักอย่าง”

“หืม?”

“เป็นแบบนี้ พี่อินทร์มีความสุขเหรอครับ”

“จิหมายความว่ายังไง”

“จิหมายถึง...” สูดลมหายใจเข้าปอดเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ “...ที่พี่อินทร์แสร้งทำเป็นไม่พูดถึงเรื่องที่จิจำไม่ได้ว่าเราเคยรักกัน ทำดีกับจิ ทำตัวเป็นปกติทุกอย่างทั้งๆ ที่รู้ว่าจิลืมความรู้สึกนั้นไป พี่อินทร์มีความสุขเหรอ”

ผมเลี่ยงที่จะพูดว่า ‘ลืมว่าเคยรัก’ เพราะไม่อยากทำให้เขาเสียใจไปมากกว่านี้ ไม่รู้ทำไมยิ่งเห็นน้ำตาของเขา ผมก็ยิ่งสงสาร อะไรบางอย่างทำให้ผมรู้สึกว่า ‘พ่อดอกชบา’ ที่เขาละเมออกมา มันคือผมนี่แหละ

มันมีความหมายอะไร ผมก็ไม่รู้ ไม่มีความทรงจำนี้เลย รู้แต่ว่านั่นทำให้ผมสงสารเขามากขึ้นเข้าไปใหญ่ที่ผมเป็นแบบนี้ ผมรู้ว่าเขาเจ็บปวด รู้ด้วยว่าเขาทรมาน แต่เขากลบเกลื่อนทุกอย่างด้วยความบ้าๆ บอๆ และรอยยิ้ม

เขาเจ็บ...ทำไมผมจะไม่รู้

ทว่าพี่อินทร์กลับตอบด้วยรอยยิ้มเหมือนเคย

“มีความสุขสิ ได้อยู่กับจิแบบนี้ เห็นจิก่อนนอน ตื่นมาก็เห็นหน้าเป็นคนแรก เป็นแบบนี้ทุกวัน พี่มีความสุขจะตาย”

“แต่จิ...จิจำพี่อินทร์ไม่ได้”

“พี่รอได้”

เขาพูดมาแบบนี้ ผมก็นิ่งไปครู่

“แต่จิไม่รู้ว่าเมื่อไรจิจะจำเรื่องของเราได้”

“พี่รอได้จริงๆ นะจิ” เขาว่า พลันดึงผมเข้าไปหาแล้วว่าเสียงแผ่ว “พี่รอเก่งจะตาย เชื่อพี่สิว่าพี่รอได้”

ไม่แน่ใจนักว่าเขารออะไร รอให้ผมจำเรื่องระหว่างผมกับเขาได้ หรือรอให้ผมกลับไปรักเขาใหม่อีกครั้ง แต่ผมก็ไม่คิดจะถามอะไรเพิ่มเติมแล้วเมื่อสองมือใหญ่ประคองซีกแก้มผมเอาไว้

“ไหนๆ ก็รอมาตั้งนานแล้ว จะรออีกหน่อยคงไม่เป็นอะไรหรอก จิไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องห่วงอะไรเลย พี่รอเก่ง พี่รอได้”

เขาย้ำไปย้ำมาว่ารอได้ ที่เขาว่ารอมาตั้งนาน ผมไม่รู้หรอกว่ารออะไร ตอนนี้มีแต่พยักหน้าเร็วๆ พลันโผกอดเขา ไม่มีคำพูดใดจะพูดเหมือนกัน มันจุกที่ลำคอไปหมด อยากจะทั้งขอโทษเขาที่ผมไม่เหมือนเดิม อยากจะปลอบเขา แต่ดันปลอบตัวเองยังไม่ได้ เลยได้แต่เงียบให้เขาลูบหัวลูบหลังไปตามเรื่อง

“พี่จะรอ...จนกว่าชบาดอกตูมจะผลิบานอีกครั้ง”

เขาพึมพำอะไรสักอย่างออกมา ผมได้ยินไม่ชัดนักหรอก แต่รู้ว่าเขาพูดถึงดอกชบาอีกแล้ว คราวนี้ชัดเจนแล้วล่ะว่ามันหมายถึงผม

ทว่ามันคืออะไร ทำไมเขาถึงเปรียบเทียบผมกับดอกชบาอย่างนั้น

สักวัน...ผมจะต้องรื้อฟื้นความทรงจำเรื่องนี้ขึ้นมาให้ได้เลย

รอจิก่อนนะพี่อินทร์...

--------------------------------

หายไปหลายวัน อาการดีขึ้นแล้วค่ะ ยังเป็นภูมิแพ้นิดหน่อยแต่นั่งเขียนนิยายได้ละ 55

เต็มตอนแล้วเน้อ พรุ่งนี้มาอัปตัวอย่างตอนหน้าให้ค่า

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 33★พ่อดอกชบา[2.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 02-06-2018 20:52:59
 :katai1: อึดอัดแทน ฮืออออ เมื่อไหร่นว้องชิจะจำได้

สงสารป่าปี๊ :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 33★พ่อดอกชบา[2.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 02-06-2018 21:21:33
สงสารพี่อินทร์จนน้ำตาไหลเลยเนี่ย ไอ้ประโยคพี่รอเก่งพี่รอได้นี่มันโคตรลูซเซอร์ แบบทำอะไรไม่ได้นอกจากรอไปวันๆขอแค่ได้อยู่กับน้อง สงสารอ่ะ แล้วน้องจิก็ไม่ได้รู้สึกอะไรนอกจากความเป็นพี่เป็นน้องไปอี๊ก ได้โปรดให้มาม่าหมดเร็วๆด้วยค่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 33★พ่อดอกชบา[2.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-06-2018 21:35:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 33★พ่อดอกชบา[2.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 02-06-2018 22:49:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 33★พ่อดอกชบา[2.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-06-2018 23:09:45
สงสารพี่อินทร์ของนว๊อง :hao5:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 33★พ่อดอกชบา[2.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 03-06-2018 00:14:33
ฮือออออ ไม่เอาแล้วววว อ่านตอนพี่อินทร์นอนละเมอร้องไห้แล้วเราร้องตามเลยอ่ะ มันเจ็บปวดไปหมด
น้องจิจำพี่เค้าให้ได้เถอะนะ ทรมานมากเลย สงสาร ฮือออออออออออ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 33★พ่อดอกชบา[2.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-06-2018 00:31:45
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 33★พ่อดอกชบา[2.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-06-2018 02:19:12
นังเหนา จำได้ซักทีซิ ว่าปากพล่อยพูดอะไรไว้นะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 33★พ่อดอกชบา[2.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 03-06-2018 06:07:31
เศร้าอ่ะ พี่อินทร์รอน้องนะ เมื่อไหร่จะหมดดราม่า อยากให้มีความสุขกันทั้งสองคนได้แล้ว :impress3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 33★พ่อดอกชบา[2.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 03-06-2018 22:58:45
ตอนนี้ไม่ดราม่าค่ะ อ่านได้ ใจไม่บาง แค่เป็นการเปิดปมบางอย่างเฉยๆ เน้อ 





Chapter 34: กามเทพแผลงศร

[Intara’s Part]

“ตกลงมึงจะไม่บอกน้องมันจริงๆ ใช่ไหมว่าชาติก่อนเกิดเป็นใคร”

เสียงของไอ้บุศย์ดังขึ้นขณะที่มันมานั่งเป็นเพื่อนรอหมอเรียกเข้าไปตรวจอาการของผม ผมเหลือบมองมัน จากนั้นก็พยักหน้า

“อืม”

“ทำไมวะ น้องมันจำไม่ได้ ทำไมถึงไม่บอก”

มันว่าออกมาอย่างหงุดหงิด ก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่มันถามผมอย่างนี้ ตั้งแต่ที่จิระฟื้นขึ้นมา ผมก็ไม่พูดถึงเรื่องอดีตชาติเลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่ว่าไม่อยากบอกหรอกนะ แต่จะให้บอกยังไงล่ะ ในเมื่อจิระจำไม่ได้ แล้วจู่ๆ ผมไปบอกว่าเขาคือจรกากลับชาติมาเกิด ส่วนผมคืออิเหนา แบบนี้มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ ขนาดบอกแค่ว่าเขาเป็นแฟนกับผม เขายังใช้เวลาพอสมควรเลยกว่าจะยอมรับเรื่องนี้ได้

ไอ้บุศย์ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจ มันถอนหายใจออกมาแล้วถามผมด้วยน้ำเสียงระอา

“แล้วนี่ยังไง ไปทำอะไรมา ทำไมถึงไม่สบายได้”

“นอนน้อยหลายวันติดกันน่ะ ร่างกายมันเลยอ่อนเพลียมั้ง”

“ทำไมนอนน้อย”

ผมเหล่มอง ไม่ตอบ มันเลยสวนเข้าให้

“นอนน้อยหรือนอนไม่หลับ”

“อย่างหลัง”

“นานเท่าไรละ”

“ก็ตั้งแต่ที่กลับมาไทย”

“นอนไม่หลับเพราะเรื่องของจิล่ะสิ”

มันก็รู้ทันผมทุกทีแหละ ผมก็ไม่ปฏิเสธด้วย พยักหน้ารับไป ไอ้บุศย์ตบบ่าผมเบาๆ

“กูก็ไม่รู้จะช่วยมึงยังไงเหมือนกันนะเรื่องนี้ บางทีกูก็ขัดใจที่มึงไม่ยอมพูดถึงเรื่องชาติก่อน แต่กูก็เข้าใจเหมือนกัน ใครมันจะไปเชื่อว่าตัวเองเป็นจรกากลับชาติมาเกิด”

“กูเลยทำได้แค่รอให้จิรักกูอีกครั้งนี่แหละ”

ผมเสริมไปอย่างนี้ ไอ้บุศย์ก็มองหน้าผมอย่างเข้าใจ

“กูก็หวังให้เป็นอย่างนั้น เห็นมึงรอมานานแล้ว กูอยากให้มึงสมหวังสักที บางทีการเริ่มต้นใหม่อาจจะง่ายกว่า แล้วมึงคิดว่าจิจะรักมึงอีกครั้งไหม”

นั่นก็เป็นสิ่งที่ผมสงสัยเหมือนกันนะ เพราะผมรู้สึกตลอดเลยว่า...

“กูว่าจิคิดกับกูแค่พี่น้องว่ะ”

“หืม?”

“ที่อยู่ด้วยทุกวันนี้คงเป็นเพราะรู้สึกผิดที่จำอะไรไม่ได้ กูรู้ว่าจิก็พยายามที่จะจำความรู้สึกที่เคยมีให้กูอยู่ กูเองก็พยายามอยู่เหมือนกัน”

“...”

“กูจะรอจนกว่าจิจะรักกูเหมือนเดิม”

“ไอ้อินทร์...”

ไอ้บุศย์ถอนหายใจ ตบบ่าผมแรงๆ หลายครั้งติดกัน มันคงอึดอัดแทนผม แต่สำหรับผมแล้ว บอกเลยว่าความอึดอัดของผมไม่เท่ากับการที่จิระอึดอัด ผมรู้ว่าเขากำลังพยายาม ผมเองก็ต้องพยายามเหมือนกัน ถึงมันอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย แต่ผมก็เชื่อว่ามันคงไม่นานเกินกว่าทีจะรอไม่ได้

เพราะผมก็รอเขามาตั้งนานแล้ว จะรออีกหน่อยคงไม่เป็นไร...

 

บทสนทนาของผมกับไอ้บุศย์จบลงแค่นั้น พอหาหมอเสร็จ มันก็ขอแยกตัวไปเรียนในช่วงบ่าย ผมกลับหอไปพักผ่อนเพราะดูท่าแล้ววันนี้คงจะทำอะไรไม่ไหว จิระมีเรียนตอนบ่ายเช่นกัน ตอนเช้าก็มีเรียน เขาถึงไม่ได้ไปหาหมอเป็นเพื่อนผม

ผมกลับขึ้นไปที่ห้อง เอาคีย์การ์ดปลดล็อกประตู พอเปิดประตูเข้าไปก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ ก็มีใครบางคนพุ่งเข้ามาผลักหลังผมให้เข้าไปในห้องเต็มแรง ผมรีบกระโดดออกห่างไปตั้งหลัก ใจคิดไปแล้วว่าถ้าไม่ใช่เพื่อนก็ต้องเป็นพวกมิจฉาชีพ แต่พอหันไปมองคนที่กำลังปิดประตูล็อกก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเป็น...

“ไอ้จิณห์...”

มันเข้ามาในหอได้ยังไง!?

ไม่ได้หมายถึงเข้ามาในห้องนะ แต่ผมกำลังสงสัยอยู่ว่ามันเข้ามาในตัวอาคารได้ยังไงต่างหาก เพราะคนนอกที่จะเข้ามาในอาคารได้จะต้องมีเพื่อนที่อยู่ที่นี่ลงไปรับ หรือไม่ก็ต้องมีคีย์การ์ด แล้วทำไมถึง...

“ใช้ทริคนิดหน่อย บอกกับคนที่อยู่ที่นี่ว่าขอติดเข้าไปด้วย จะไปหาเพื่อนก็เข้าได้ละ”

มันตอบทั้งๆ ที่ผมไม่ได้ถามอะไรเลยสักนิด อย่างกับอ่านใจผมได้ แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญเท่ากับการที่จู่ๆ มันก็โผล่หัวมาแบบนี้

“มึงต้องการอะไร”

การปรากฏตัวของมันไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน และผมก็เดาได้ว่าจะต้องเกี่ยวกับเรื่องของผมหรือไม่ก็จิระนี่แหละ

“ไม่เป็นมิตรเลยนะ ต้อนรับแขกกันแบบนี้เหรอ”

“ถ้ามึงไม่บอกก็ไสหัวออกไป”

“อืม เย็นชากับเมียเก่ามาก”

“อย่าให้กูต้องพูดซ้ำ”

ผมไม่ชอบเลยเวลามันพูดจาในลักษณะนี้ ถึงเมื่อชาติก่อนมันกับผมจะตบแต่งกันเป็นสามีภรรยา แต่มันก็เพียงในนามเท่านั้น มันเองก็รู้ว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับมันเลยนอกจากเพื่อน ซึ่งตอนนี้ความเป็นเพื่อนนั้นก็ไม่มีหลงเหลือแล้ว ในเมื่อมันกวนประสาทอย่างนี้ ผมก็เลยเงียบ สุดท้ายจิณห์ก็ต้องเอ่ยออกมาเพราะถ้ามันไม่พูด ผมจับมันโยนออกไปแน่

“กูได้ข่าวว่าระตูจรกาความจำเสื่อม” ผมยังไม่ทันตอบ มันก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “เอ๊ะ ไม่ใช่ความจำเสื่อมสิ ต้องบอกว่าจำอะไรที่เกี่ยวกับมึงไม่ได้เลยมากกว่า ไม่รู้จักว่าอินทราเป็นใคร ไม่รู้ว่าตัวเองในอดีตชาติเป็นใคร หรืออิเหนาเป็นใคร น่าแปลกจังเลยนะ”

“ใครเป็นคนไปบอกมึง”

ผมถามเสียงต่ำ จิณห์ก็หัวเราะออกมา

“เรื่องแบบนี้ไม่ต้องให้มีใครมาบอกหรอก กูตามดูมึงอยู่ตลอด รู้เองก็ได้มั้ง”

ผมก็น่าจะรู้นะว่ามันต้องเป็นแบบนี้ แต่จะอะไรก็เอาเถอะ ผมไม่ค่อยโอเคกับการที่มันมายืนเสนอหน้าอยู่ในห้องของผมกับจิระเท่าไร อยากจะคุยอะไรก็รีบพูดๆ มา

“ตกลงมึงต้องการอะไร”

จิณห์ยกยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่ค่อยชอบสักเท่าไรนัก ก่อนมันจะเดินเข้ามาใกล้

“กูจะมาบอกให้มึงเปลี่ยนใจ”

“...”

“ไหนๆ ระตูจรกาก็ไม่ได้รักมึงแล้ว มึงจะรอไปอีกทำไม รักคนที่รักมึงมาตลอดไม่ดีกว่าเหรอ”

ผมลอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่น่าถามมันหรอกว่ามาหาผมทำไม ควรจะเดาได้ว่ามันต้องพูดเรื่องนี้

“จิจะรักกูหรือไม่รักยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่มึงจะมาสนใจ กลับไปซะ แล้วอย่าโผล่มาให้เห็นอีก ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เกรงใจ”

ผมเดินไปจะเปิดประตูให้มันกลับออกไป เหนื่อยใจจะคุยด้วย ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่ผมบอกว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับมันนอกจากความเป็นเพื่อน ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีเหลือแล้วด้วย แต่มันก็ยังตอแยไม่เลิก คงจะเหมือนผมนั่นแหละที่ตอแยจรกาไม่เลิก แต่สำหรับผมกับจิณห์มันเป็นไปไม่ได้เลย ต่อให้ผมรู้ว่ามันรักผมมากแค่ไหน แต่ใจผมเป็นของจิระไปแล้ว ไม่ว่าชาติไหนก็เป็นของจิระ ต่อให้เขาไม่รักผม ผมก็ยังรักเขา

และเพราะเดินไปทำท่าจะเปิดประตู ไม่สนใจคนตรงหน้าอีกต่อไป จิณห์ก็ปั้นหน้าถมึงทึง ถลาเข้ามากระชากแขนผมเต็มแรง

“มึงจะมองกูหน่อยไม่ได้เลยหรือไงไอ้อินทร์ จะใจแข็งไปถึงไหนวะ!”

แล้วก็แผดเสียง ผมรู้แหละว่ามันคงจะอึดอัดเต็มทนแล้ว ไม่อยากพูดทำร้ายจิตใจมันหรอกนะ เห็นแก่ที่สงสารที่มันเองก็ทรมานกับการรักผมข้างเดียวเลยทำเป็นไม่สนใจ แต่ครั้งนี้คงต้องพูดให้ชัดเจนอีกครั้ง

“อย่าพยายามเลยไอ้จิณห์ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน กูก็ไม่รักมึง”

“แต่จรกาไม่ได้รักมึงแล้ว...”

“ต่อให้จิไม่รักกู กูก็ไม่รักมึง พอได้แล้ว”

ผมว่าเสียงขุ่น จิณห์ก็ยิ่งมีสีหน้าเกรี้ยวกราด มือที่จับแขนผมอยู่บีบแน่นขึ้น ปลายเล็บจิกลงมาบนผิวเนื้อจนผมเจ็บแปลบขึ้นมา ผมตั้งท่ารอเผื่อว่ามันคิดจะทำอะไรบ้าๆ ทว่า...มันกลับไม่ทำอะไรร้ายแรงอย่างที่เคยทำกับผม แต่กลับดันให้ผมไปทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาใกล้ๆ จากนั้นก็ขึ้นมานั่งคร่อมทับบนหน้าขา ใช้แขนทั้งสองข้างยันกับกำแพงทางด้านหลังเพื่อไม่ให้ผมหนีไปไหน

“มึงนั่นแหละต้องพอได้แล้ว เลิกรักคนอื่นที่ไม่ใช่กูได้แล้ว พอสักที ต่อจากนี้มึงจะเป็นของกู”

พูดแล้วมันก็พยายามที่จะจูบผม ผมดันมันออก จังหวะนั้นเองที่เราชุลมุนกัน กลิ่นโคโลญจน์จากตัวมันโชยเข้าจมูกจนผมปวดหัวและทำให้หงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม ถึงจะเอะใจว่าทำไมมันถึงใส่น้ำหอมมากขนาดนี้ เพราะปกติแล้วตอนยังคบหากันเป็นเพื่อน มันเป็นพวกที่ไม่ชอบน้ำหอมน้ำอบเลย แม้แต่ตอนที่เป็นจินตะหราวาตี มันก็ไม่ชอบกลิ่นน้ำปรุงพวกนี้ อะไรไม่ว่า กลิ่นที่ลอยเข้าจมูกมันไม่ใช่กลิ่นสังเคราะห์ของน้ำหอมยุคปัจจุบัน แต่เป็นกลิ่นเหมือนน้ำปรุงที่ผมคุ้นเคยดีในชาติก่อน

ทำไมถึงพรมน้ำปรุงบนตัวกัน?

ทำไมก็ช่างเถอะ ผมต้องไล่มันไปก่อน อึดใจนั้นผมออกแรงผลักมันเป็นแรงจนมันกระเด็นลงไปกองอยู่กับพื้น ก่อนผมจะพรวดพราดลุกขึ้น ส่งเสียงแข็งด้วยความโมโห

“หยุดดันทุรังสักทีไอ้จิณห์ เรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้หรอกนะเว้ย! ไม่รักก็คือไม่รัก ต่อให้ตายแล้วเกิดอีกสักกี่ชาติ กูก็ไม่รักมึง เลิกทำตัวงี่เง่าสักที!”

คำพูดของผมแรงพอที่จะทำให้ไอ้จิณห์หน้าม้านไปทันตา มันลุกขึ้นยืน เชิดหน้าขึ้นแล้วส่งเสียงหัวเราะหยัน

“มึงบอกว่าบังคับกันไม่ได้งั้นเหรอ... ใช่ กูอาจจะบังคับมึงไม่ได้ แต่กูอาจจะบังคับคนอื่นได้”

ไม่รู้ทำไมผมถึงเอะใจขึ้นมาว่าคำว่า ‘คนอื่น’ ของไอ้จิณห์จะหมายถึงจิระ

“กูจะให้โอกาสมึงตัดสินใจอีกครั้ง” จิณห์ว่า ก่อนเดินเข้ามาใกล้ผม กลิ่นน้ำปรุงลอยโชยเข้าจมูกจนผมเวียนหัว เผลอเบือนหน้าหนีไปเล็กน้อย ได้สติอีกครั้งก็ตอนที่มันว่าเสียงต่ำออกมา “มึงจะรักกูได้หรือยัง”

“ไม่...”

“...”

“ไม่มีวัน... กูไม่มีวันรักมึง”

ผมตอบแบบไม่คิดเลย จิณห์ส่งเสียงดังฮึออกมาจากลำคอ

“กูมีคติอยู่อย่างนึง มึงอยากรู้ไหมว่าอะไร” พอผมไม่พูด มันก็ว่าออกมา “อะไรที่กูอยากได้ กูต้องได้ ถ้ากูไม่ได้ คนอื่นก็ไม่ต้องได้ทั้งนั้น”

“อย่ายุ่งกับจิระ ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน”

ผมขู่ แต่มันดูจะไม่สนใจเลยเพราะเอาแต่ยิ้มหยัน ผมจ้องหน้ามันนิ่ง มันก็จ้องหน้าผมตอบนิ่ง ในแววตาของมันเต็มไปด้วยความแค้น ความเจ็บปวด ความรู้สึกต่างๆ ผสมปนเปกันไปหมดจนผมแยกแยะไม่ได้แล้วว่าอะไรบ้าง ผมเองก็ไม่สนใจแล้วด้วยนอกจากจะหันไปเปิดประตู แล้วโยนมันออกจากห้อง

“อย่ากลับมาอีก อย่ายุ่งกับจิ ไม่งั้นมึงกับกูเห็นดีกันแน่”

จิณห์ไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้มเย้ยให้ พลันหันหลังเดินจากไป ปล่อยให้ผมมองตามหลังมันด้วยความรู้สึกที่ไม่ดีสักเท่าไรนัก

มันขึ้นมาหาถึงห้องขนาดนี้ มันต้องมีแผนอะไรแน่ เห็นทีผมคงต้องหาเรื่องพาจิระย้ายหอเพื่อความปลอดภัยแล้วล่ะ

 

ผมไม่ค่อยชอบเรียนเต็มวันสักเท่าไรเพราะมันทำให้เพลีย ยิ่งวันนี้นอกจากจะมีเรียนเต็มวันแล้ว ผมยังมีประชุมโปรเจ็กต์กับเพื่อนด้วย ฝนก็ดันมาตกอีก กว่าจะกลับถึงหอก็ดึก เลยต้องส่งข้อความมาบอกพี่อินทร์ก่อนว่าวันนี้กลับดึก เขาก็ดึงดันจะมารับผมที่หอเพื่อนให้ได้ พอผมปฏิเสธ เขาก็ตื๊อ ผมรู้ว่าเขาไม่สบาย ไม่อยากให้เขาลุยฝนมารับอย่างนั้น ตอนขากลับก็เลยไม่บอกเขาว่าจะกลับ ได้เวลากลับก็กลับเลย ไว้ถึงห้องแล้วค่อยขอโทษเขาอีกที

ทว่าพอเดินมาถึงหน้าหอ สายตาของผมก็เหลือบเห็นใครบางคนยืนอยู่ที่ลานจอดรถ ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจหรอก แต่พอเห็นว่าใครคนนั้นคือ...

“พี่จิณห์...”

ไม่แน่ใจนักว่าทำไมผมถึงเอ่ยชื่อนี้ออกมา แต่ผู้ชายท่าทางสำอางคนนั้นที่ผมเห็นอยู่ มองปราดเดียวก็จำได้ทันทีว่าเขามีชื่อนั้น อะไรไม่ว่า ผมเห็นเขาแล้วค่อนข้างตกใจมากด้วย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นเขา ผมเห็นเขามาด้อมๆ มองๆ อยู่ที่หน้าหอหลายวันแล้ว ซึ่งใช่...เขามาดักรอผม ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ความทรงจำเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้ผมไปรู้จักเขามันไม่มีเลย แต่สัญชาตญาณบอกกับผมว่าเขาคือคนที่ไม่น่าเข้าใกล้

พอเห็นอย่างนั้น ผมก็รีบก้าวเร็วๆ เข้าไปในหอก่อนที่เขาจะเห็น แต่คงไม่ทันแล้ว เขาเห็นผมเป็นที่เรียบร้อย พลันก็เดินเข้ามาหาด้วยความรวดเร็วเหมือนกัน ผมก็ไม่หยุดเดิน เขาเลยตวาดไล่หลังจนผมสะดุ้งโหยง

“จะรีบเดินไปไหนเล่า!”

ก็ไม่ทำให้ผมหยุดเดินได้อยู่ดี ก้าวจ้ำพรวดๆ หนีเลย จนแทบจะกลายเป็นวิ่งแล้วด้วยซ้ำ ก่อนที่ขาจะก้าวพลาดไปเหยียบแอ่งน้ำที่มีขี้ตะไคร่แล้วก็ลื่นพรืดก้นจ้ำเบ้าเต็มแรง

จะ...เจ็บมาก... เจ็บก้นกบมาก เจ็บจนน้ำตาเล็ด ลุกเองไม่ขึ้นเลย

พี่จิณห์ถอนหายใจใส่ผมเต็มแรงจนได้ยินเสียงชัดเจน เขาหยุดเดิน กอดอก ทำท่าเหมือนหัวเสียสุดกำลัง สีหน้าก็บ่งบอกชัดเจนด้วยว่าไม่สบอารมณ์ที่เห็นผมสักเท่าไร ยิ่งเปิดปาก...

“โง่”

...ก็ยิ่งชัดว่าเขาไม่ชอบหน้าผม แต่ผมก็ไม่เข้าใจนะว่าทำไมไม่ชอบผมแล้วถึงมาดักรอเจอ ทำอย่างนี้ทุกวันด้วย แต่วันอื่นไม่ได้มาดักรอดึกแบบนี้ มีวันนี้นี่แหละที่เห็นเขาตอนดึก ผมก็ไม่ได้ฟ้องพี่อินทร์เพราะคิดว่าบางทีเขาอาจจะเป็นหนึ่งในผู้ชายที่มาตามจีบผม

แต่ทำไม...เขาถึงดูไม่ค่อยชอบหน้าผมกันล่ะ?

อะไรก็ช่าง ตอนนี้ต้องลุกก่อน ผมพยายามจะดันตัวขึ้นยืน แต่ก็ต้องเซถลาเพราะความเจ็บแปลบที่แล่นเข้ามาจู่โจมยังบริเวณก้นกบ วินาทีที่เซ ผมคิดว่าคงจะต้องล้มไปอีกรอบแล้ว หากทว่าก็มีมือของใครบางคนยื่นมาประคองผมเอาไว้ก่อน พอหันไปมองก็เห็นว่าเป็น...

“อยากโดนด่าว่าโง่ซ้ำสองหรือไง”

...เป็นพี่จิณห์

เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เขาสวมเปื้อนคราบน้ำขังตามผมไปแล้วเรียบร้อย เขาพยุงผมไปยังม้านั่งใกล้ๆ แล้วก็เหวี่ยงออกห่างจากตัวเขาแบบไม่สนใจสักเท่าไรนัก ผมขบกรามแน่นเพราะแรงที่เขาเหวี่ยงมามันก็แรงพอที่จะทำให้เจ็บมากกว่าเดิมอยู่เหมือนกัน

จะเรียกว่าเขาช่วยหรืออะไรดีนะ จะอะไรก็ไม่รู้ล่ะ ผมขอบคุณไปก่อนก็แล้วกัน

“ขอบคุณครับ”

พูดไปอย่างนั้น เสียงสบถดังฮึก็ลอยมาให้ได้ยินอีก ดูท่าทางแล้วไม่น่าจะใช่ผู้ชายที่มาตามจีบผมแล้วล่ะ คนพวกนั้นปฏิบัติกับผมดีกว่านี้ แต่...ก็ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้มีท่าทางอย่างนี้กับผม เท่าที่จำได้เขากับผมก็ไม่ได้รู้จักมัดจี่อะไรกันเท่าไร คลับคล้ายคลับคลาว่าเขาจะเป็น...

...เป็นอะไรนะ

หยุดอยู่ที่ตรงนี้ทุกที นึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขาไม่ออกเลย ไม่รู้ว่ารู้จักกันได้ยังไง รู้แต่ว่าผมรู้จักเขา เขาก็รู้จักผม ผมไม่ถูกชะตากับเขาเท่าไร เขาเองก็ไม่ค่อยชอบผม แต่ก็ดันมาตามติดผมทุกวัน

มันดูแปลกๆ เนอะ...

ทว่ายังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรต่อ ผมก็ต้องสะดุ้งโหยงอีกครั้งเมื่อจู่ๆ เขาก็โยนเสื้อคลุมของตัวเองมาพาดหัวผม

“เอามัดเอวซะ”

“ครับ?”

“ถ้าไม่อยากเดินโชว์กางเกงตูดขาดกลับเข้าหอก็ทำตาม ไม่ต้องถามมาก!”

เขาขึ้นเสียงมาอีกแล้ว ผมเม้มริมฝีปาก พยักหน้ารับคำเขาอย่างเร็วๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน เอาเสื้อคลุมของเขามามัดเอวตัวเองอย่างทุลักทุเล เขาเห็นแล้วคงรำคาญมั้ง ส่งเสียงฮึดฮัดแล้วก็ถลาเข้ามาแย่งแขนเสื้อในมือผมไป

“งุ่มง่ามมะงุมมะงาหรา น่ารำคาญ!”

ถึงปากจะว่า แต่มือกลับมัดแขนเสื้อคลุมเข้ากับเอวผม ผมยืนตัวแข็งทื่อเมื่อกลิ่นหอมของโคโลญจน์ผู้ชายอ่อนๆ จากตัวเขาลอยเข้าจมูก ก่อนที่ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายจะเต้นแรงเมื่อเหลือบมองซีกหน้าของเขาซึ่งอยู่ใกล้ผมเพียงคืบ

ความรู้สึกร้อนผะผ่าวที่ใบหน้านี่มัน...

ไม่อยากจะคิดเลยว่าผมกำลังรู้สึกอะไรบางอย่างที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้น ยิ่งได้กลิ่นโคโลญจน์มากขึ้น ผมก็ยิ่ง...

...ยิ่งใจเต้น

ไม่สิ กลิ่นนั้นเหมือนจะไม่ใช่กลิ่นโคโลญจน์ เหมือนกลิ่นน้ำอบน้ำปรุงอะไรสักอย่าง แต่ผมก็ไม่สนใจจะหาคำตอบหรอก รู้แต่ว่าตอนนี้ผมต้องรีบสงบสติอารมณ์เพราะยิ่งพี่จิณห์เข้าใกล้ผมมากเท่าไร ก็เหมือนกับว่าผมจะเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง

ใบหน้าร้อนผะผ่าว ใจเต้นแรง มือไม้สั่นเทา... ความรู้สึกแปลกๆ นี่มันเหมือนกับ...

...กับคนกำลังมีความรักเลย

“มองหาอะไรไม่ทราบ รีบไสหัวไปได้แล้ว!”

จู่ๆ เขาก็ขึ้นเสียง ผมสะดุ้งอีกครั้ง พยักหน้ารับเขาเร็วๆ จากนั้นก็รีบหุนหันเข้าหอ ปล่อยให้เขายืนทำท่ากระฟัดกระเฟียดอยู่อย่างนั้น โดยที่ไม่เข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวเองเลย

มันเรื่องบ้าอะไรกัน...

 

“ไหนบอกว่าจะโทรให้พี่ไปรับไง”

ทันทีที่เข้าห้องมาได้ พี่อินทร์ที่นั่งๆ นอนๆ อยู่บนเตียงก็ถามอย่างรวดเร็ว ผมเหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของเขาแล้วก็ได้แต่ตอบไปตามความจริง

“จิเป็นพี่อินทร์ไม่สบายก็เลยไม่อยากให้ตากฝนน่ะครับ”

“ตากฝนอะไร พี่ขับรถไปรับอยู่แล้ว กางร่มไปก็ได้ จิกลับคนเดียวดึกๆ แบบนี้ พี่เป็นห่วงนะ”

ผมรู้ แต่ผมเองก็...

“จิก็เป็นห่วงพี่อินทร์เหมือนกัน ไม่อยากให้พี่อินทร์ไม่สบายหนักกว่าเดิมครับ”

...ใช่ ผมก็เป็นห่วงเขา แต่มันก็เป็นความเป็นห่วงแบบพี่น้องแหละนะ ต่างจากพี่จิณห์เมื่อกี้นี้...

ให้ตาย! หยุดคิดถึงเขาไม่ได้เลย ทั้งที่ก็เห็นเขาตั้งหลายครั้ง แต่ทำไมวันนี้ถึงได้มีความรู้สึกบ้าๆ นี่โผล่มานะ ทำไมจู่ๆ ถึงได้สนใจเขาขึ้นมากัน

ผมไม่เข้าใจตัวเองเลย ได้แต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งพี่อินทร์สังเกตเห็นแล้วถามขึ้น

“มีอะไรหรือเปล่าจิ ทำหน้ากระรอกเหม็นบูดใหญ่เลย ไหนใครแกล้ง ฟ้องพี่สิครับ”

พี่อินทร์ทำท่าจะลุกจากเตียงมาหาผม ผมหันไปมองก่อนก็เลยเป็นฝ่ายเดินไปนั่งที่เตียงแทน แต่นั่งแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองหน้าเขาจนเขาเลิกคิ้วสูง

“หืม? มีอะไรเหรอ”

ผมก็ไม่พูดอยู่ดีเพราะกำลังทบทวนความรู้สึกของตัวเองอยู่

โอเค ผมไม่ได้รักพี่อินทร์แบบคนรัก รักแบบพี่แบบน้อง แต่ถึงจะบอกอย่างนั้น เขาก็มีความพิเศษกว่าคนอื่น แน่นอนว่าพิเศษกว่าพี่บุศย์มากๆ เพราะผมทั้งรู้สึกผูกพัน ทั้งเป็นห่วงเขา เหมือนเขาเป็นครอบครัวเดียวกันกับผม ทว่าจะให้มีอะไรกัน มันก็กระอักกระอ่วน

ก็ผมไม่ได้รู้สึกกับเขาในลักษณะนั้น ไม่ได้รักเขาแบบนั้นนี่นา...

แต่ครั้งนี้ผมอยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จู่ๆ ผมจะตกหลุมรักพี่จิณห์ในชั่ววินาทีอย่างนั้น ถ้าเป็นกับพี่อินทร์ ผมจะไม่แปลกใจเลย

“ว่าไงจิ มีอะไร”

เขาถามขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นผมไม่พูดสักที ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ตัดสินใจพูดออกมาจนได้

“พี่อินทร์ จิอยากขอลองทำอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

“ทำอะไรเหรอ”

ผมไม่ได้ให้คำตอบเป็นคำพูด พอสิ้นเสียงเขา ผมก็ขยับเข้าหาแล้วปีนขึ้นไปนั่งบนตักเขา พี่อินทร์เบิกตาโพลง รั้งเอวผมไว้ทันที

“เฮ้ยๆ จิ เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ มีอะไรหรือเปล่า”

แต่ก็ไม่ได้ดันผมออกแบบจริงจังหรอกนะเพราะตอนนี้ผมนั่งตักเขาเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว ก่อนที่ผมจะประคองใบหน้าของเขา

“จิขอลองดมพี่อินทร์หน่อยได้ไหมครับ”

พี่อินทร์ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกเลย ผมก็ไม่รอให้เขาอนุญาตหรอก ซุกปลายจมูกลงบนซีกแก้มของเขา จากนั้นก็ไล่ต่ำลงไปยังลำคอ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำยาปรับผ้านุ่มบนเสื้อของเขาทำให้ผมอุ่นใจเหมือนเคย แต่...มันไม่ได้ทำให้ผมใจเต้นเหมือนกับได้กลิ่นของพี่จิณห์

ทำไม...

ทำไมของเป็นผู้ชายคนนั้น!

ผมผละออกมาพร้อมกับนิ่วหน้า พี่อินทร์ทำหน้าเหลอหลาทันควัน

“พี่เหม็นเหรอ ไม่ได้อาบน้ำวันเดียวเองนะ แต่เช็ดตัวแล้ว”

แล้วก็ยกแขนดมรักแร้ตัวเองใหญ่เลย ผมหลุดหัวเราะออกมากับท่าทางส่งเสียงฟุดฟิดของเขา ก่อนจะประคองหน้าเขาเอาไว้

“ไม่ได้เหม็นสักหน่อย จิยังไม่ได้พูดอะไรเลย”

พี่อินทร์ชะงัก ทำปากยู่ “แล้วจิทำไมทำหน้าเหมือนเหม็นเปรี้ยวพี่ง่ะ”

ไม่ได้เหม็นเปรี้ยว ผมหัวเราะร่วนจนได้ แต่ก็ไม่ได้บอกเขาหรอกว่าเพราะอะไร กลัวเขาจะคิดมาก ได้แต่ขอทำอย่างอื่น

“จิขอลองทำอีกอย่างได้ไหม”

“อะไรล่ะคราวนี้ อยากดมตรงไหนอีก”

“ไม่ได้อยากดมสักหน่อย”

“แล้วอยากทำอะไรหืม?”

“จิขอจูบหน่อยครับ”

พี่อินทร์ทำหน้าเหลอหลาหนักกว่าเดิมอีก คราวนี้ไม่ได้เป็นการแสร้งทำด้วย แต่เขาเหลอหลาจริงๆ ผมหัวเราะให้กับความน่ารักของเขา ขณะที่เขารีบบอกเร็วๆ

“พี่ไม่สบายอยู่นะ เดี๋ยวจิก็ติดไข้ไปด้วยหรอก”

“ไม่เป็นไรครับ”

ไม่เป็นไรจริงๆ ตราบใดที่ทำให้ผมมั่นใจได้ว่าความรู้สึกที่เกิดกับพี่จิณห์มันเป็นความบังเอิญหรือเรื่องบ้าๆ อะไร ผมก็ยินดีติดหวัดนะ

สิ้นเสียง ผมก็โน้มใบหน้าจูบลงไปบนริมฝีปากเขา พี่อินทร์ทำท่าเหมือนจะไม่ให้ผมจูบในตอนแรก ตอนนี้กลายเป็นว่าพลิกตัวมาจับผมลงนอนเสียอย่างนั้น แล้วก็เป็นฝ่ายดุนดันปลายลิ้นมาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นผมในโพรงปากด้วย

เนิ่นนานทีเดียวกว่าที่เราจะผละออกจากกัน จูบของพี่อินทร์ยังคงให้ความรู้สึกดีเหมือนเคย ผมสบตากับเขาที่ตอนนี้หยักยิ้มให้ผมแล้วก็รู้สึกดีมากๆ แต่แล้วก็มีใบหน้าของใครบางคนทับซ้อนขึ้นมา

พี่จิณห์...

ไม่เข้าใจ... ไม่เข้าใจเลยว่าทำไม

ผมเม้มริมฝีปาก อึดอัดใจกับความรู้สึกแบบนี้มาก แต่ก็อดคิดถึงเขาไม่ได้ จนคนตรงหน้าผมเป็นฝ่ายถาม

“พี่รุกจิมากเกินไปหรือเปล่า”

เขาคงคิดว่าที่ผมนิ่วหน้าเป็นเพราะเขาแหละ ผมเลยรีบส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่ใช่หรอกครับ”

“แล้วจิทำหน้าเป็นกระรอกเหม็นเบื่อทำไมหืม?”

“จิแค่คิดว่าจะติดไข้พี่อินทร์หรือเปล่าแค่นั้นเอง”

เขาร้องอ๋อยาว จากนั้นก็หอมแก้มผมลงมาฟอดใหญ่

“ติดไข้แน่นอน ไหนๆ ก็จะติดแล้ว เอาให้เต็มที่ไปเลยเนอะ พี่ขอจูบอีกทีนะ”

ผมไม่ปฏิเสธหรอก จูบกับเขาอีกครั้ง รสจูบของเขาให้ความรู้สึกดีจริงๆ แต่พอหลับตา... คนที่ผมคิดถึงกลับไม่ใช่เขา

พี่จิณห์อีกแล้ว...

แล้วก็พานจินตนาการไปว่าจูบกับเขาด้วย จนทำให้ผมต้องผลักพี่อินทร์ออกห่าง พี่อินทร์ทำหน้าตกใจ ก่อนรีบพูดเร็วๆ

“พี่ขอโทษนะจิ ไม่โกรธนะ”

เขาคิดไปแล้วว่าผมผลักเขาเพราะเขาคุกคาม แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย ผมไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดีด้วย จึงโผเข้ากอดเขา ทำให้เขางุนงงกับอาการผีเข้าผีออกของผมมากขึ้นไปใหญ่ ทว่าผมไม่พูดอะไรแล้ว ได้แต่พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้คิดฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้เพราะเริ่มแน่ใจแล้วว่าสิ่งที่ผมรู้สึกกับพี่จิณห์ มันคือ...

แม่ง ไม่อยากพูดเลย แต่ต้องยอมรับว่ามันคืออาการตกหลุมรัก ซึ่งมันไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างผมกับพี่อินทร์

ทำไมกามเทพจะต้องมาแผลงศรใส่คนที่ไม่ใช่ด้วย ทำไมถึงไม่เป็นพี่อินทร์กัน

ทำไมถึงไม่เป็นคนตรงหน้าผมกันล่ะ! บ้าชะมัด!

---------------------------

อ่านมาถึงตรงนี้ แม่ๆ อาจจะหวั่นใจแทนพี่อินทร์ แต่เดี๋ยวพอเข้าดราม่าแรงๆ ทำใจบางแล้วจะเตือนก่อนล่วงหน้าค่ะ

ต้องขออภัยสำหรับใครที่รำคาญดราม่านะคะ เพราะเรื่องนี้ยังไงช่วงนี้ก็ต้องดราม่า ไม่งั้นปมจินตะหราวาตีจะจบยังไงคะคุณณณณ ข้อยต้องเก็บปม เข้าใจข้อยด้วยก้ะ จะให้ปล่อยปมนี้ไปเฉยๆ เรอะ มันม่ายช่ายยยย 55 ผ่านมันไปให้ได้นะทุกคน แต่โดยปกติก็ไม่ค่อยเขียนอะไรดราม่าสักเท่าไหร่หรอกค่ะ มีนิดๆ หน่อยๆ พอกรุบกริบ อรรถรสเนอะ XD

พรุ่งนี้เจอตัวอย่างตอนหน้าเด้อ ฝากกำลังใจไว้ให้กันด้วยนะคะ ^^

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 34★กามเทพแผลงศร[3.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 03-06-2018 23:42:33
 :pig4:
 เอาละเว้ย  ปวดเฮดกันไปยาวววววววว

 เรานะเรา  อิเหนา แล ระตูจรกา

ใยฟากฟ้ากลั่นแกล้งแสร้งเล่นตลก

สลับรักรวนอารมณ์ปั่นปมเหินระหก

หน้ายิ้มยกในอกร้าวร่ำไรหาใช่เวลา

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 34★กามเทพแผลงศร[3.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Aeflizm ที่ 03-06-2018 23:53:06
ขอน้ำร้อนด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 34★กามเทพแผลงศร[3.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-06-2018 00:23:17
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 34★กามเทพแผลงศร[3.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 04-06-2018 00:34:39
เห้ยยยยยยยยยยยย  สงสารพี่อินทร์เลย อย่างงี้มันเกินไปอะะะะะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 34★กามเทพแผลงศร[3.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 04-06-2018 00:36:50
โอ้ยยยยยอ่านแล้วปวดหัวเลย จิณห์ทำไมถึงได้ทำแบบนี้ นี่คิดว่าจิณห์จงใจทำให้จิหลงรักนะเพื่อจะให้พี่อินทร์เสียใจใช่ไหม และคืดว่าต้องเกี่ยวกับกลิ่นน้ำปรุงแน่ๆ ยาเสน่ห์เหรอหรืออะไร รอตอนหน้าไม่ไหวแล้วเรื่องยุ่งๆควรจบสักทีเถอะ สงสารอิพี่อินทร์มัน
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 34★กามเทพแผลงศร[3.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 04-06-2018 00:53:31
นี่คิดไว้สองทาง หนึ่งคือนังพี่จินพรมน้ำปรุงมาเพื่อให้น้องจิที่กลับมาห้องได้กลิ่นน้ำหอมคนอื่น และดักเจอน้องจิหน้าหอเพื่อให้รู้ว่าคนๆนั้นเป็นตัวเอง สองคือน้ำปรุงที่ว่าคือยาเสน่ห์อะไรหรือเปล่า แต่สมมติฐานแรกแทบตัดทิ้งไปได้เลยเพราะนังพี่จินรู้อยู่แก่ใจว่าน้องมันความจำเสื่อม จะมาหึงมาหวงพี่อินทร์ทำไม นังนี่มันร้ายยยยยยยยยยย แค่นี้พี่อินทร์ก็เสียใจไม่พอใช่มะ ออกไปนะ ชิ้วๆ *สาดข้าวสารเสก*
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 34★กามเทพแผลงศร[3.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-06-2018 01:09:15
กลิ่นน้ำปรุงอะไรอ่ะ มีผลกับคนอย่างไงเนี่ย อีกคนเหม็น อีกคนหอม  :m28:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 34★กามเทพแผลงศร[3.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-06-2018 02:38:49
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 34★กามเทพแผลงศร[3.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 04-06-2018 04:41:12
Ohhh....nooooooo  :ling1:  :ling1:  :ling1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 34★กามเทพแผลงศร[3.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 04-06-2018 07:47:54
นี่มันอะไรกันเนี่ย คิดไม่ถึงเลยว่าคนเขียนจะแต่งให้น้องจิตกหลุมรักจิน  o13
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 34★กามเทพแผลงศร[3.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 04-06-2018 08:03:54
กลิ่นน้ำปรุงอะไรอ่ะ มีผลกับคนอย่างไงเนี่ย อีกคนเหม็น อีกคนหอม  :m28:


นั่นสิ   ยาเสน่ห์เลือกคนได้ด้วยเหรอ  ก็ได้กลิ่นทั้งพี่อินทร์ ทั้งจิ

ที่จริง ถ้าจิณห์ทำยาเสน่ห์ก็อยากให้กรรมสนองนะ  สงสารพี่อินทร์แค่จิลืมพี่อินทร์ ก็ว่าแย่แล้ว
ยังมาซ้ำเติมด้วยการทำเสน่ห์ให้จิไปหลงรักอีก
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 34★กามเทพแผลงศร[3.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 04-06-2018 10:45:53
ม่ายยยยยยย
 :z3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 34★กามเทพแผลงศร[3.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 04-06-2018 11:45:53
โอ้มาม่ายาวรึเปล่าแอบข้างตึก
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 34★กามเทพแผลงศร[3.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-06-2018 16:11:09
เอาแล้ววว
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 34★กามเทพแผลงศร[3.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 04-06-2018 23:39:51
WARNING

 ตอนนี้ไม่ม่า แต่หน่วงใจเล็กน้อย ตอนที่ 36 ม่าแน่นอน ใครไม่ไหวให้รออ่านทีเดียวตอนอัปตอนที่ 37 แล้วนะคะ ตอนนั้นจะหมดม่าละ



Chapter 35: รักแรก

ความฟุ้งซ่านเรื่องพี่จิณห์วุ่นวายอยู่เต็มหัวผมตลอดอาทิตย์ ผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย มันดูขัดแย้งไปหมด

ทั้งที่เขาไม่ชอบผม ผมเองก็ไม่ค่อยถูกชะตากับเขา แต่ผมดันไปมีความรู้สึกแปลกๆ ให้ มันโคตรจะไม่เมคเซ้นส์ และเพราะเหตุนี้ ผมก็เลยเกาะติดพี่อินทร์หนึบเพื่อไม่ให้คิดฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ เขาก็ดูแปลกใจอยู่เหมือนกันนะที่จู่ๆ ผมก็ไปเกาะเขาแจ แต่ดูท่าเขาจะชอบเพราะไม่ได้ว่าอะไรสักคำ แล้วก็ดูมีความสุขมากขึ้นด้วย ก่อนที่จะดูประหลาดใจเมื่อจู่ๆ ผมก็ถามขึ้น...

“เรามีอะไรกันครั้งแรกเมื่อไรครับ”

พี่อินทร์ที่กำลังดื่มน้ำอยู่ตรงหน้าตู้เย็นถึงกับสำลักพรวด หันมองหน้าผมอย่างรวดเร็ว

“ทำไมจู่ๆ ถึงถามล่ะ”

“จิอยากรู้”

“อยากรู้... ไม่ใช่ว่าอยากทำกับพี่เหรอ”

ก็ถามด้วยสีหน้าและท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยทุกทีแหละ ซึ่งเขาก็ไม่เคยทำจริงๆ หรอก  ได้แต่ทำเป็นถามผมแบบหมาหยอกไก่ไปอย่างนั้นแหละ เพราะจบท้ายจะเป็นการที่ผมมุ่ยหน้าใส่เขาทุกที แต่สำหรับวันนี้มันไม่ใช่ ผมพยักหน้าให้เป็นคำตอบ ทำเอาเขาต้องเบิกตาโตขึ้นมา

“พูดจริงดิ?”

สีหน้าของพี่อินทร์ดูตะลึงงันมากเลย แต่ที่ผมบอกไปเมื่อกี้เป็นเรื่องจริงนะ บางทีการที่ผมมีอะไรกันกับเขา มันอาจจะทำให้ผมหยุดคิดฟุ้งซ่านถึงพี่จิณห์ได้ ไม่อย่างนั้นผมก็อยากจะเจอเขา คิดถึงเขาอยู่นั่นแหละ

เรื่องบ้าๆ นี่ไม่ควรเกิดขึ้น โดยเฉพาะกับคนที่ผมไม่รู้จักดีอย่างนั้น แล้วก็การมีอะไรกันกับพี่อินทร์ บางทีอาจจะทำให้ผมจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง

พี่อินทร์เดินมานั่งข้างๆ ผม สีหน้ายังคงอึ้งงันไม่หาย ขณะที่ผมถามเขาอีกครั้ง

“ตกลงแล้วเรามีอะไรกันครั้งแรกเมื่อไรเหรอครับ”

“พี่ก็จำไม่ได้ว่าเมื่อไรเหมือนกัน แต่จำได้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น” เขาว่า สายตายังไม่ละไปจากใบหน้าผม

“แล้ว...มันเกิดอะไรขึ้น”

ที่ถามไม่ใช่ว่าเพราะไม่รู้ว่าเรามีอะไรกันยังไง แต่อยากรู้รายละเอียดน่ะ พี่อินทร์เอื้อมมือมาจับมือผม ออกแรงบีบก่อนจะว่าออกมา

“พี่ชวนจิไปเที่ยวที่บ้านสวน จากนั้น...เราก็มีอะไรกัน”

“บ้านสวน?”

“อืม บ้านสวนของครอบครัวพี่ที่จันทบุรี”

ผมคุ้นกับบ้านสวนนะ ในหัวมีภาพรางๆ ผุดพรายขึ้นมาด้วย แต่จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่นหรือบ้านนั้นเป็นของใคร แต่ตอนนี้จะเป็นยังไงก็ช่าง ผมพูดในสิ่งที่คิดออกไปแล้ว

“พาจิไปที่บ้านสวนอีกครั้งได้ไหมครับ”

“ทำไมถึงอยากไปล่ะ”

“จิอยากจำพี่อินทร์ได้”

“...”

“อยากจำได้ว่าเรารักกันมากแค่ไหน จิอยากจำได้ครับ”

พูดไปอย่างนี้ พี่อินทร์ก็คลี่ยิ้มออกมา เขาดึงผมเข้าไปกอดไว้

“พี่ก็อยากให้จิจำได้”

ผมรู้...

“แต่ถ้าจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เริ่มต้นกันใหม่ก็ได้”

จบท้ายด้วยการที่เขาพูดอย่างนี้ทุกที ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะรู้ว่าเขาอยากให้ผมสบายใจ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ผมไม่สบายใจ ผมไม่อยากให้ความรู้สึกที่มีต่อคนอื่นมารบกวนจิตใจตัวเอง หรือแม้แต่กระทั่งรบกวนใจพี่อินทร์จนทำให้เขาต้องเสียใจ

ความรู้สึกที่มีต่อพี่จิณห์ ผมจะต้องกำจัดมันออกไปให้ได้

ไม่ว่ายังไงก็ต้องเอาออกไปให้ได้...

 

หลังจากที่เราตกลงกันว่าจะไปเที่ยวบ้านสวนอีกครั้ง พี่อินทร์ก็เตรียมพร้อมทุกอย่างจนกระทั่งวันเดินทางมาถึง แน่นอนแหละว่าการไปบ้านสวนของเราในครั้งนี้มันคือการตกลงไปมีความสัมพันธ์ทางกายแบบลึกซึ้งเหมือนกับครั้งแรกที่เขาเคยพาผมไป ผมก็ไม่รู้หรอกว่าครั้งแรกระหว่างผมกับเขานั้นเกิดขึ้นได้ยังไง จนพี่อินทร์เล่าให้ฟังอย่างละเอียด ผมถึงได้รู้

“เป็นพี่เองแหละที่อยากมีอะไรกับจิก็เลยขอ จิก็ไม่เชิงว่ายอมหรอก ตอนนั้นจิมีอะไรบางอย่างคาใจอยู่เลยทำให้รักพี่เต็มร้อยไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจ สุดท้ายจิก็ยอม ความจริงแล้วเป็นฝ่ายรุกพี่เองด้วย พี่อาบน้ำอยู่ก็ไปหาถึงในห้องน้ำเลย ไม่คิดว่าจะเป็นคนใจร้อน”

เขาว่าขณะที่เราทั้งคู่นั่งเล่นกันอยู่ริมระเบียงในบ้านสวน ความจริงแล้วพวกเรามาถึงกันตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วล่ะ แต่ตอนนั้นพี่อินทร์พาผมไปเที่ยวเล่นกินผลไม้ไปทั่ว ตกเย็นถึงได้กลับมานั่งๆ นอนๆ ที่บ้านสวนซึ่งเป็นบ้านไม้ทรงไทย ภาพเลือนรางในความทรงจำของผมฉายชัดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นบ้านหลังนี้ ทว่าก็ยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ไม่ได้อยู่ดี

ผมฟังพี่อินทร์เล่าแล้วก็ยิ้มออกมาบางๆ อึ้งเหมือนกันที่ได้ยินอย่างนั้น นึกว่าเขาจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเสียอีก

“แล้วยังไงต่อเหรอครับ”

“พี่ก็ถามจินั่นแหละว่าจะทำจริงไหม ถามเหมือนกับที่ถามในตอนนี้ว่าจะทำจริงไหม”

“แล้วพี่อินทร์ได้ใส่ชุดนอนไม่ได้นอนให้จิฉีกทึ้งด้วยไหมครับ”

พี่อินทร์หัวเราะร่วนเลย “ใส่สิ”

“เห?”

“แต่จิไม่ได้ฉีกหรอกนะ ไล่ให้พี่ไปถอดออก จิบอกคลื่นไส้อะ”

ผมหัวเราะออกมาบ้าง แต่แล้วเขาก็ถามย้ำอีกครั้ง

“ตกลงจะทำจริงๆ ใช่ไหม”

ผมพยักหน้าให้ “จิอยากลอง”

ถึงผมจะไม่ได้รักเขาเหมือนคนรัก มีแต่ความรู้สึกแบบพี่น้อง ทว่ามันก็เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมไม่สามารถไปจากเขาได้

เหมือนกับ...ผมถูกล่ามโซ่ไว้กับที่ทั้งๆ ที่ข้างหน้ามีกำแพงกั้นระหว่างผมกับเขา ไม่ให้เราเข้าหากันได้ หลายครั้งที่ผมคิดว่าบางทีผมอาจจะรักเขามากกว่าพี่น้อง แต่สุดท้ายมันก็ไม่ใช่ ทุกครั้งที่ความรู้สึกเหมือนจะเกินกว่าที่เป็นอยู่ อีกวันความรู้สึกนั้นก็จะหายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นทุกที ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมทรมานอยู่ไม่น้อยทีเดียว

“แน่ใจนะ?”

เขาย้ำมาอีกครั้ง ผมก็หัวเราะเบาๆ

“แน่ใจสิครับ พี่อินทร์ไม่ต้องถามจิแล้ว เริ่มอายแล้วเนี่ย”

คนตรงหน้าผมหัวเราะตอบรับบ้าง เขาจูงผมเข้าไปในห้องนอน ก่อนพาเดินมานั่งที่เตียง มองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่งก็ยิ้มออกมา

“จะเริ่มกันเลยไหม”

พอเขาถาม ผมก็พยักหน้า รู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้าขึ้นมาทันที ความรู้สึกนี้ไม่ได้เหมือนกับตอนที่ผมรู้สึกกับพี่จิณห์ มันเป็นความเขินอาย แต่เป็นอะไรที่ให้ความรู้สึกดีมากๆ

พี่อินทร์ประทับริมฝีปากลงมาบนหน้าผากผม ลากเรื่อยไปยังแก้มแล้วจรดที่ริมฝีปากเป็นที่สุดท้าย พอผละออกมาได้ เขาก็กระซิบ

“ไม่ต้องเกร็งนะ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำให้จิเจ็บ”

ผมรู้ว่าเขาไม่ทำให้ผมเจ็บหรอก ผมเลยผ่อนคลายมากขึ้น ปล่อยให้เขาได้ปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่ปกคลุมตัวผมอยู่ออก ไม่นานนัก ร่างกายของเราทั้งคู่ก็เปล่าเปลือย ถึงผมจะเคยเห็นเขาถอดเสื้อเดินในห้องหลายต่อหลายครั้ง แต่สำหรับในสถานการณ์อย่างนี้ มันทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเองเลย

เขา...เซ็กซี่มาก

ยิ่งเขายิ้มแล้วขยับเข้ามาใกล้ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของผมก็เต้นแรงมากขึ้นกว่าเดิม

“พี่รักจินะ”

จิก็รักพี่อินทร์...

ผมอยากพูดประโยคนี้บ้างเหมือนกัน แต่ความรู้สึกกลับไม่ได้รักเขาอย่างคนรักเลย จะให้พูดออกไปก็กลับว่าจะเป็นการทำร้ายความรู้สึกเขาเพราะผมไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นกับเขาจริงๆ ผมจึงได้แต่พยักหน้า ก่อนค่อยๆ เอนตัวลงนอนเมื่อถูกพี่อินทร์ดันให้ทิ้งตัวนอนราบ

ร่างกายเปล่าเปลือยของเขาขึ้นมาแทรกกลางระหว่างขาทั้งสองข้างของผม จูบประทับที่ริมฝีปาก กระหวัดเกี่ยวกับปลายลิ้นอยู่ภายใน ปล่อยให้ฝ่ามือหยาบกร้านลูบไปตามแขนและขา สัมผัสหวามไหวทำให้ผมคล้อยตามไปชั่วขณะ การถูกเขาสัมผัสไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจเลยแม้แต่น้อย มันเป็นสิ่งที่...

...ที่ผมคุ้นเคย

ใช่ ความรู้สึกมันเป็นอย่างนั้น อบอุ่นและอ่อนโยน...สิ่งนี้คือสิ่งที่เป็นพี่อินทร์เสมอ

แต่แล้วผมก็ต้องชะงักเมื่อส่วนลึกสุดของร่างกายถูกรุกรานด้วยปลายนิ้ว ความเพลิดเพลินก่อนหน้าหดหายไปหมด ผมดันตัวเขาออกอย่างรวดเร็ว พี่อินทร์ก็ชะงักเช่นกัน ก่อนเขาจะมีสีหน้าไม่ดีสักเท่าไร

“ถ้าไม่ไหว อย่าฝืนนะจิ”

ผมลังเลไปเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าตัวเองไหวไหม เลยลองให้เขารุกล้ำอีกครั้ง แต่แล้วในหัวก็สับสนอลหม่าน ความรู้สึกดีๆ ที่มีกับเขาก่อนหน้ามลายหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น

ผมไม่ไหว...

ไม่ไหวจริงๆ...

“จิไม่ไหวครับ”

ผมบอกไปตามตรง เท่านั้นพี่อินทร์ก็หยุดมือ

“พี่ก็คิดอยู่แล้วว่าต้องไม่ไหว”

เขายิ้มบางๆ รอยยิ้มนั้นทำให้ผมรู้สึกผิด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะขอโทษ

“จิขอโทษนะ”

“ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้ว่าอะไรจิเลย ไม่ต้องคิดมาก”

เขาดึงผมไปกอดปลอบ พอผละออกไป เราทั้งสองก็ดันตัวขึ้นนั่ง มองหน้ากันด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน ความเงียบทำให้เราอึดอัดไปตามๆ กัน แต่พี่อินทร์ก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้นด้วยการชวนคุยขึ้นมา

“จิรู้ไหมว่าจิมีพี่เป็นคนแรก?”

ถึงจะไม่รู้แต่ผมก็เดาได้ เพราะตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยมีแฟนเลย เหตุผลก็คือ...

คือ...

...นึกไม่ออก

จำไม่ได้เลยว่าทำไมถึงไม่มีแฟน แต่รู้สึกเหมือนกับว่าผมมีอะไรค้างคาอยู่ในใจจนไม่สามารถคบหากับใครได้ ซึ่งนั่นไม่ใช่เพราะพี่อินทร์ด้วย รู้สึกเหมือนจะเป็นเพราะพี่บุศย์ แต่...ผมกับพี่บุศย์เคยเป็นอะไรกันอย่างนั้นเหรอ

นึกไม่ออกเลย แต่ผมก็ไม่อยากจะนึกต่อสักเท่าไรเมื่อเห็นสายตาทะเล้นของพี่อินทร์ ทำให้ผมต้องถามบ้าง

“ทำเป็นดีใจที่จิเป็นคนแรก แล้วพี่อินทร์ล่ะ จิเป็นคนที่เท่าไรของพี่อินทร์”

ย้อนถามกลับไปก็เพราะอยากจะแกล้งให้เขาหน้าม้านนี่แหละ ทว่าคำตอบของเขากลับทำให้ผมต้องนิ่งงัน

“จิเป็นรักแรกของพี่”

ผมเบิกตาโตมองเขาเลย

“หืม?”

ดูแล้วไม่น่าจะเป็นแบบนั้น พี่อินทร์หล่อจะตาย นิสัยก็ดี ไม่น่าจะไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่พี่อินทร์ดันพยักหน้าหงึกหงัก

“อื้ม เป็นคนแรกของพี่ด้วย”

นั่นยิ่งทำให้ผมตกใจมากขึ้นไปใหญ่

“จริงเหรอ”

ผมถามเสียงดัง พี่อินทร์ก็หัวเราะใหญ่ มิหนำซ้ำยังบอกว่า...

“แล้วก็จะเป็นรักครั้งสุดท้ายของพี่”

ถึงตอนนี้ ผมกำผ้าห่มที่อยู่ข้างๆ แน่น ไม่อยากให้เขาพูดแบบนี้เพราะผมรับปากไม่ได้ว่าผมจะรักเขาเป็นรักสุดท้ายหรือเปล่า อะไรไม่ว่า ผมจะรักเขาแบบคนรักอีกครั้งได้หรือเปล่า ผมยังไม่รู้เลย และมันก็ทำให้ผมต้องพูดออกมา

“แต่จิไม่รู้ว่าจะต้องทำให้พี่อินทร์รอไปอีกถึงเมื่อไร”

“ไม่ต้องห่วงจิ พี่เคยบอกไปแล้วไงว่าพี่รอได้ พี่รอเก่งจะตาย”

เขายิ้มทั้งที่เก็บความเศร้าบนใบหน้าไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ผมเองก็อึดอัดใจ สงสารเขาก็ด้วย ที่สำคัญ...ผมเจ็บในใจขึ้นมา

ผมไม่อยากทำให้เขาเป็นแบบนี้ ถึงผมจะไม่ได้รักเขาแบบคนรัก แต่ผมก็มีเยื่อใย มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมไม่กล้าไปจากเขาสักที ทว่าบางที...การอยู่แบบนี้อาจจะไม่ช่วยอะไร

“แต่จิรักพี่อินทร์แบบพี่น้อง”

ในที่สุด ผมก็ตัดสินใจพูดออกไป บางทีการทำให้เขารู้ไว้สักหน่อยอาจจะเป็นการดี เผื่อเกิดอะไรขึ้นมา เขาจะได้มีเวลาทำใจไว้ล่วงหน้า เพราะทั้งที่ผมพยายามจะลองมีอะไรกับเขาเหมือนตอนที่รักกัน แต่ผมกลับทำไม่ได้ทั้งที่เตรียมใจมาอย่างแน่วแน่แล้วว่ายังไงก็จะทำ ทว่าเขากลับตอบกลับเสียงแผ่ว

“พี่รู้อยู่แล้ว รู้...ว่าจิไม่ได้คิดอะไรกับพี่เลย” ผมก้มหน้านิ่ง พี่อินทร์เอื้อมมือมาจับมือผมไว้ พลันว่าเสียงเบา “แต่พี่ก็ยังรักจิเหมือนเดิมนะ”

ผมเองก็รู้อยู่แล้วเหมือนกัน แต่...เราจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปจริงๆ เหรอ

“พี่อินทร์ครับ บางทีจิว่าพี่อินทร์ไม่ต้อง...”

ผมจะบอกให้เขาไม่ต้องรอแล้ว แต่เขาก็ดันสวนขึ้นมา

“ไม่จิ อย่าบอกให้พี่เลิกรอ อย่าพูด”

เขาไม่ได้ตะคอกหรืออะไร พูดในน้ำเสียงปกติ แต่กลับทำให้ผมต้องปิดปากสนิท พอสบตาเขาแล้ว ผมก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดในแววตานั้น

“อย่าพูดแบบนั้น ขอร้อง อย่าบอกให้พี่หยุด พี่บอกแล้วไงว่าพี่รอได้ พี่รอเก่ง”

“...”

“ให้พี่รอเถอะนะ ให้รอไปเถอะ รอแบบหวังลมๆ แล้งๆ หรืออะไรก็ได้ แต่อย่าบอกให้พี่หยุด พี่ทำไม่ได้”

“...”

“พี่รักจิแล้ว ต่อให้จิไม่รักพี่ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าไล่พี่ไป ให้พี่อยู่แบบนี้ มีความสุขไปวันๆ แบบนี้ พี่ก็พอใจแล้ว”

“พี่อินทร์...”

ผมครางออกมา ในใจปวดร้าวจนกลั้นน้ำตาไม่ไหว ผมไม่อยากให้เขาเป็นแบบนี้ ไม่อยากเห็นเขาพยายามทำตัวเข้มแข็งอีกแล้ว ผมพยายามจะรักเขาแล้ว... พยายามสุดๆ แล้ว แต่มันก็ไม่เทียบเท่ากับความรู้สึกที่ผมมีให้พี่จิณห์ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาเลย

“จิต้องทำยังไง...ฮึก พี่อินทร์ จิต้องทำยังไงถึงจะรักพี่อินทร์ได้เหมือนเดิม...”

ผมทนไม่ไหวอีกแล้ว ปล่อยโฮออกมาจนได้ การที่เราอยู่กันอย่างนี้มันทรมานทั้งเขาทั้งผมเลย ถึงผมจะไม่ได้รักเขา พอมีความรู้สึกหนึ่งขึ้นมาเหมือนว่าจะรัก มันก็มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ความรู้สึกนั้นแตกสลายและหายไป ราวกับว่ามีใครบางคนไม่อยากให้ผมรักเขายังไงก็ไม่รู้ แต่ขณะเดียวกันก็มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมไม่สามารถปล่อยมือจากเขาได้

ผมต้องทำยังไงล่ะ ต้องทำยังไงถึงจะกลับมารักเขาเหมือนเดิมได้สักที ผมอยากรักเขา อยากจะหยุดสถานการณ์อย่างนี้แล้ว ไม่ใช่ไปมีใจให้กับคนที่ไม่สมควรอย่างนั้น!

พี่อินทร์ดึงผมเข้าไปกอดแน่น กระซิบเสียงแผ่วที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ไม่ต้องทำอะไรเลย จิไม่ต้องทำอะไร แค่อยู่ข้างๆ พี่ก็พอแล้ว ไม่ต้องทำอะไร...”

“แต่จิ...”

“พี่รอได้ รอเก่งจะตาย...รอได้...พี่ไหว...”

เขาพร่ำพูดคำนั้นไม่หยุด ผมก็ร้องไห้ไม่หยุด จนกระทั่งเขาพึมพำออกมา

“พี่รอเจ้ามาชาตินึงแล้ว ไยจะรอเจ้าอีกสักหน่อยไม่ได้...พี่รอเจ้าได้เสมอ ระตูจรกา...”

ระตูจรกาอะไร...

ผมชะงัก มองหน้าเขาอย่างขอคำตอบ ทั้งที่ไม่พูดแต่พี่อินทร์ก็เหมือนจะเข้าใจว่าผมสงสัยอะไร เขาถอนหายใจออกมาแล้วจับผมให้นั่งตัวตรง

“จิรู้ไหม นิสัยไม่ดีของพี่คืออะไร”

“ครับ?”

“คือการที่มีอะไรแล้ว พี่ไม่เคยบอกหรือถามจิ ทุกครั้งที่เราทะเลาะหรือมีปัญหาเข้าใจผิดกัน ทั้งหมดเป็นเพราะพี่คิดอะไรก็ไม่เคยพูด เอาแต่คิดเองเออเอง ทำเองโดยไม่ถามจิสักคำ”

“...”

“แต่วันนี้พี่จะพูด พี่จะเล่าทุกอย่างให้จิฟัง ทุกอย่าง...ที่เป็นเรื่องของเรา”

ผมเข้าใจว่าเขาเล่าให้ผมฟังหมดแล้วนะ แต่ก็ไม่ได้แย้งอะไร ได้แต่นั่งนิ่ง รอให้เขาเปิดปาก ทว่าเขากลับถามผมว่า...

“จิเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดหรือระลึกชาติได้ไหม”

ไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี ผมเลยได้แต่นิ่ง ปล่อยให้พี่อินทร์พูดต่อ

“เรื่องที่พี่จะบอกหลังจากนี้มันอาจจะฟังดูไร้สาระ แต่พี่ขอยืนยันว่าทุกสิ่งที่พี่พูด มันคือเรื่องจริง”

เขาดูกังวลมากเลยที่จะเล่า ใช้เวลานานพอสมควรทีเดียวในการสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะเปิดปากเล่า

“พี่คืออิเหนากลับชาติมาเกิด ส่วนจิก็คือระตูจรกา”

“...”

“อิเหนาแอบหลงรักระตูจรกามาตั้งแต่ชาติที่แล้ว แต่จรกาเกลียดอิเหนาเข้าไส้ ชาตินี้เกิดใหม่แต่จำอดีตชาติกันได้เพราะวิงวอนต่อองค์ประตาระกาหลา องค์เทวาต้นวงศ์อสัญแดหวาของพี่ จรกามาเกิดใหม่เพื่อจะมาครองคู่กับบุษบา ซึ่งก็คือไอ้บุศย์ ส่วนพี่มาเกิดใหม่ก็เพื่อจะตามมารักจรกาในชาตินี้”

“...”

“ส่วนสรัลก็คือสังคามาระตา ไอ้วิญคือวิหยาสะกำ...”

ผม...พูดอะไรไม่ออกเลย พอเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมพี่อินทร์ถึงได้ดูเป็นกังวลนักที่จะพูดเรื่องนี้ ก็มันดูไม่น่าเป็นไปได้เลยนี่นา อิเหนากับพวกคนอื่นๆ มันเป็นตัวละครในวรรณคดีไทยไม่ใช่เหรอ กลับมาเกิดใหม่อะไร!

แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรหรอกนะ ได้แต่ฟังสิ่งที่พี่อินทร์พูดต่อ

“ชาติก่อนพี่ทำผิดกับจรกาไว้มาก ชาตินี้เลยตามมาขอแก้ตัว กว่าที่จิจะยอมปล่อยวางความแค้นในอดีตจนยอมมารักพี่ก็ใช้เวลานาน พี่ต้องทำให้จิเข้าใจว่าเมื่อชาติก่อนที่อิเหนาแกล้งจรกาไม่ใช่เพราะความตั้งใจ แต่เป็นเพราะความรักต่างหาก พี่เลยให้แหวนจิไป”

แหวน...

ผมนึกถึงแหวนทองที่ประดับนิลเม็ดใหญ่ในตู้เสื้อผ้าได้ขึ้นมา ทว่ายังไม่ทันจะได้ถามอะไรต่อ พี่อินทร์ก็สวนขึ้นมาแล้ว

“พอจิรักพี่แล้ว ดันกลายเป็นว่าจิผิดคำสาบานที่ว่าจะไม่ญาติดีกับอิเหนาในชาติที่แล้ว ทำให้ถูกลงโทษให้ฟ้าผ่าตาย”

“ฟ้าผ่าตาย?”

“ก็ไม่ใช่ฟ้าผ่าเปรี้ยงๆ หรอก เป็นรอยฟ้าผ่าผุดขึ้นที่ตัวน่ะ นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เราต้องไปอินโดนีเซีย”

“ทำไมเหรอครับ”

“ไอ้วิญบอกว่าสาบานไว้ที่ไหน ให้ไปถอนคำสาบานที่นั่น จิสาบานว่าจะไม่ญาติดีกับพี่ที่เมืองดาหา ตอนนี้เมืองดาหาคือตำบลหนึ่งในบันดุง ประเทศอินโดนีเซีย เราเลยไปที่นั่นกัน”

ผมพยักหน้า ก็ยังไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูดหรอกนะ อย่างที่บอกว่ามันเหลือเชื่อเกินไป แต่ผมก็ตั้งใจฟัง แถมยังมีคำถาม

“แล้วจิถอนคำสาบานได้ไหม”

“ได้” พี่อินทร์ว่ายิ้มๆ ซึ่งเป็นรอยยิ้มเศร้าๆ “แต่พอฟื้นขึ้นมา ความทรงจำของจิที่เกี่ยวกับพี่ รวมถึงอดีตชาติก็หายไป”

“ทำไมเหรอครับ”

“พี่เองก็อยากรู้” เขาว่า “แต่ให้พี่เดา พี่คิดว่าคงเป็นเพราะความปากพล่อยของพี่”

ผมขมวดคิ้วมุ่น “ยังไงเหรอครับ”

“ตอนนั้นจิอาการไม่ดีแล้ว เป็นตายเท่ากัน ขนาดจะพูดขอถอนคำสาบานเอง ยังพูดแทบไม่ไหว พี่ก็เลยบนบานไปว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ได้ ให้จิไม่รักพี่ก็ได้ แต่ขอให้จิมีชีวิตรอด”

“...”

“เรื่องที่พี่ยังไม่เคยเล่าก็มีเท่านี้แหละ จิเชื่อพี่ไหม”

ผมตอบไม่ได้อยู่ดีว่าเชื่อไหม มันยากที่จะเชื่อ อีกอย่าง ที่เขาเล่ามา ผมไม่คุ้นเลยสักอย่าง จะให้คิดว่าพี่บุศย์คือบุษบา สรัลคือสังคามาระตา พี่วิญญูคือวิหยาสะกำ มันก็ยากที่จะจินตนาการทั้งนั้น แต่สายตาที่พี่อินทร์มองผม มันก็บ่งบอกชัดเจนว่าเขาไม่ได้โกหกอย่างแน่นอน

ผมเชื่อว่าเขาไม่ได้โกหก แต่เชื่อสิ่งที่เขาเล่าไม่ลง...

เพราะเงียบ พี่อินทร์ก็เลยยิ้มออกมา บีบมือผมแน่น

“ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ถือซะว่าพี่เล่านิทานให้ฟังก็แล้วกันนะ”

กลายเป็นอย่างนี้เสียได้ ผมเลยเบี่ยงประเด็นไปคุยเรื่องอื่นเพื่อไม่ให้บรรยากาศเสีย

“เมื่อเย็นจิเห็นพี่อินทร์เก็บดอกชบาที่หน้าบ้านมาตั้งหลายดอก เอามาทำไมเหรอครับ”

พยักพเยิดไปที่ดอกชบาซึ่งพี่อินทร์เอาในถาดวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ เขาลุกขึ้นไปหยิบมา จากนั้นก็เอามาทัดหูผมเสียอย่างนั้น ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เขาก็พูดออกมา

“พ่อดอกชบาของพี่”

คำนี้...หมายถึงผมจริงๆ ด้วย

“เมื่อชาติก่อนที่อิเหนาเจอกับจรกาครั้งแรก พี่เห็นจรกาเล่นอยู่เพียงลำพัง ก็เลยเข้าไปเล่นด้วย แล้วก็เก็บดอกชบาทัดหูให้ ถึงได้เรียกจรกากับจิว่าพ่อดอกชบา”

ทัดข้างหนึ่งเสร็จแล้ว ก็หยิบอีกดอกมาทัดให้อีกข้าง

“วันนั้นที่ละเมอก็เพราะฝันถึงจินี่แหละ”

เท่านั้นผมก็ชัดแจ้งทันทีว่าเขาเจ็บปวดแค่ไหน

ถึงขั้นน้ำตาไหล... ผู้ชายที่เข้มแข็ง อดทนเก่งอย่างพี่อินทร์ต้องเจ็บปวดแค่ไหนกันถึงหลั่งน้ำตาได้

ผมกำผ้าห่มแน่นกว่าเดิม ความรู้สึกผิดถาโถมจนผมเริ่มเกลียดตัวเองขึ้นมาแล้ว

ทำไมผมถึงไม่รักพี่อินทร์เหมือนเดิมสักที...ทำไม...

“พี่อินทร์... จิอยากรักพี่อินทร์นะ อยากรักจริงๆ...”

น้ำตาไหลอาบแก้มอีกครั้ง ประโยคที่บอกกับเขามันทำให้ผมเจ็บที่หน้าอกมากๆ

รักเขาไม่ได้ แต่กลับไปจากเขาไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลย ได้แต่มองเขาเจ็บปวด เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ได้แต่ทำทุกอย่างเป็นปกติทั้งที่มันไม่ปกติ

ทำไมเราสองคนจะต้องฝืนให้ต่างฝ่ายต่างทรมานกันขนาดนี้ด้วย...

ผมอยากจะถามเขาเหมือนกัน แต่คงถามไม่ได้แล้ว พี่อินทร์ไม่อยากฟังแน่ ผมจึงได้แต่เงียบ ปล่อยให้พี่อินทร์ดึงผมเข้าไปกอดแน่น กระซิบเสียงพร่าที่ข้างหู

“พี่ก็อยากให้จิรักพี่เหมือนกัน...รักแรกของพี่ พี่อยากให้มันเป็นรักครั้งสุดท้าย พี่จะรอ ไม่ว่านานแค่ไหนก็จะรอ...”

เป็นครั้งแรกที่เขาบอกความต้องการที่แท้จริงออกมาตามตรงหลังจากที่แสร้งทำเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่นาน และประโยคนั้นก็ทำให้ผมต้องกอดเขาแน่นกว่าเดิม

ความรู้สึกที่โอบล้อมเราสองคนอยู่ ไม่มีใครรับรู้ได้หรอกว่ามันทั้งเจ็บปวด ทั้งทรมานแค่ไหน

ผมอยากรัก เขาอยากให้ผมรัก แต่ต่างฝ่ายต่างทำให้มันเป็นไปตามนั้นไม่ได้ ยิ่งมีความรู้สึกของผมที่เกิดขึ้นกับพี่จิณห์เข้ามาแทรก อะไรๆ ก็ดูเหมือนจะเลวร้ายไปหมด

ต้องทำยังไงถึงจะยุติสถานการณ์แบบนี้ได้...

ผมจะต้องทำยังไงกันถึงจะยุติความเจ็บปวดของเขาได้สักที...

------------------------------

บอกแล้วว่าหน่วงใจเล็กน้อย 555

จริงๆ ไม่ค่อยอยากมาชี้แจงอะไร แต่ต้องชี้แจงหน่อยเพราะช่วงนี้จะมีนักอ่านบางคนมา Blame หนูแดงเพราะเส้นเรื่องนิยายไม่โดนใจ (คือเขียนดราม่าขยี้ปมนี่แหละ พอมีช่วงดราม่าปุ๊บ เอ้า Blame คนเขียนเฉ้ย)

คืออย่างนี้ค่ะ งานหนูแดงเนี่ยมักไม่ค่อยไปในโทนเดียวกันทั้งเรื่อง จะมีธีมหนึ่งคลุมโทน แล้วเส้นเรื่องจะขึ้นๆ ลงๆ ตามปมและสถานการณ์ในเรื่อง อย่างเรื่องนี้ คลุมโทนคอเมดี้ หมายความว่า 70-80% จะเป็นคอเมดี้ แต่พอมาถึงปมหลักของพล็อต ยังไงก็ต้องดราม่าค่ะ แล้วก็จะเป็นแบบนี้ทุกเรื่องเพราะมันไม่ใช่แนว Slice of life หรือคอเมดี้ที่ไม่มีปมอะไรเลย จริงๆ แล้วมันคือสไตล์การเขียนน่ะนะ ใครที่เคยอ่านงานหนูแดงมาก่อนก็น่าจะพอคุ้นกันว่างานหนูแดงส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้ ไม่ใช่โทนดราม่า แต่จะมีปมของเรื่องที่เป็นดราม่า ซึ่งเรื่องนึงก็จะมีประมาณ 1-3 ตอน แล้วแต่ความยาวของเรื่อง (แต่มีเรื่องแรกพบสบรักนะคะที่ไม่มีอะไรเลย คอเมดี้ทั้งเรื่อง มีดราม่าอยู่ครึ่งตอนแค่นั้นเอง XD) อันนี้จะเป็นสไตล์งานเขียนของหนูแดง

เลยอยากจะบอกกันว่าการที่อ่านงานหนูแดงแล้วไม่คลิกหรือไม่ถูกจริต มันไม่ใช่ปัญหาของหนูแดงที่จะต้องมาแก้เส้นเรื่องเพราะว่าใครสักคนอ่านแล้วไม่ชอบง่ะ ยิ่งการมา Blame เพราะว่าหนูแดงเขียนไม่ตรงใจ ยิ่งไม่ใช่ใหญ่เลยเน้อ เอาเป็นว่าขอความร่วมมือไม่ Blame นักเขียนไม่ว่าจะเรื่องไหนเพียงเพราะเขียนไม่ถูกใจเรานะคะ (แต่อินได้ ด่าตัวละครได้ ไม่ว่ากัน 555)

ช่วงนี้หนูแดงโดนทุกเรื่องเลย เดี๋ยว Blame ที่อัปช้า หรือไม่ก็อะไรทำนองนี้แหละ ซึ่งถ้อยคำที่ใช้ก็ไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่อะเนอะ ส่วนตัวหนูแดงก็รับได้ค่ะเพราะเจ็บบ่อยๆ ค่อยๆ ชิน แต่บ่อยไปก็ไม่ดี อยากให้รักษาบรรยากาศดีๆ ร่วมกันนะคะ

ขอให้ทุกคนใจเย็นๆ ผ่านดราม่าตอนสองตอนไป มันก็คอเมดี้เหมือนเดิมละจ้า XD



หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 35★รักแรก[4.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 05-06-2018 00:08:37
เลยไม่กล้าเม้นท์  เพราะไม่รู้ว่าจะกลายเป็นเบลมหรือไม่เบลม
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 35★รักแรก[4.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 05-06-2018 00:19:22
เลยไม่กล้าเม้นท์  เพราะไม่รู้ว่าจะกลายเป็นเบลมหรือไม่เบลม

เคยเห็นเมนต์ตัวเอง เมนต์แบบนั้นไม่เบลมค่า เมนต์แบบเบลมต้องไปไล่ดูในเด็กดี มาจริงจังมาก 555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 35★รักแรก[4.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-06-2018 00:25:37
เข้าใจไรท์เตอร์นะ  เป็นกำลังใจให้ 
อย่าเพิ่งทิ้งเรื่องนี้ล่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 35★รักแรก[4.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 05-06-2018 00:39:52
เลยไม่กล้าเม้นท์  เพราะไม่รู้ว่าจะกลายเป็นเบลมหรือไม่เบลม

เคยเห็นเมนต์ตัวเอง เมนต์แบบนั้นไม่เบลมค่า เมนต์แบบเบลมต้องไปไล่ดูในเด็กดี มาจริงจังมาก 555


ขอบใจจ้าหนูแดง 
ปวดใจแทนพี่อินทร์มาหลายบทแล้ว  จะทนปวดอีกสักบทสองบท
เชียร์วอลเล่ย์ทีมรักก็แพ้  อ่านนิยายพระเอกก็อกร้าว ผู้อ่านน้ำตาไหลนอง   :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 35★รักแรก[4.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 05-06-2018 01:29:17
  :pig4:

 นี่เป็นคนชอบอ่านคำเขียนของwriterและcommentsก่อน
 
 แล้วก็นั่นแหละ อ่านแค่นี้ก็เกิดป อากร ป๊อด แ ห ก

 เป็นคน ขี้ใจง่าย และ ขี้อินมาก นะ ถ้างัยรอพาร์ทเพิ่มแล้วอ่านรวดเดียว (ขี้ กาก ด้วย... ยอมรับ)
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 35★รักแรก[4.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-06-2018 01:48:09
 o13
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 35★รักแรก[4.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-06-2018 02:10:58
นังเหนา จะบอกว่าใครกลับชาติมาเกิด ขาดใครไปหรือเปล่า ไม่เอ่ยถึงจินต์ อีน้องก็ไม่กล้าพูดซิ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 35★รักแรก[4.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 05-06-2018 05:59:36
อย่าไปสนเขา เราชอบอ่านงานของคุณ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 35★รักแรก[4.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 05-06-2018 09:59:56
ถ้าตามท้องเรื่อง พี่น้องแลคู่รักต้องมาเจอะกันครบครัน ครบหน้า
อิเหนา บุษบา น้องชาย น้องสาว ถึงจะแฮปปี้เอ็นดิ้ง
น้องจรการักแรกของพี่ยา สู้ต่อไป

ปล. เบลมน่าจะเพราะอ่านแล้วอินจัด
คิดอีกด้านคือเค้าชอบเรื่องนี้กันนะ
โอ๋ๆ  ไม่ต้องนอยด์
กดบวกเป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 35★รักแรก[4.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 05-06-2018 14:38:36
เราชอบนะ เพราะรักมันซับซ้อนแต่บางทีก็ง่ายๆงี้แหละ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 35★รักแรก[4.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 05-06-2018 15:34:49
สาดมาเลยทีเดียวได้มั้ย สงสารอินทร์แล้ว ขอบคุณนักเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 35★รักแรก[4.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 05-06-2018 16:07:04
มารอลุ้นว่า จิ จะรักพี่อินทร์ได้อีกมั้ย แต่จินต์ทำอะไรทำไมจิถึงคนึงหาได้ขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 35★รักแรก[4.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: aha_aha ที่ 05-06-2018 20:35:08
เป็นกำลังใจให้นะคะ งานเขียนของแต่ละคน มีเอกลักษณ์ มีวิธีเขียน วิธีเล่าเรื่องต่างกันไปตามสไตล์ของแต่ละคน จะลงช้า เร็ว ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัย หลายๆ อย่าง ความสะดวก หรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้อ่านต้องเคารพ

ถ้าใครอยากได้อะไรที่ตรงใจ.. ไปแต่งเองดีมั้ยคะ ^^

สำหรับเรา บางช่วงบางตอนที่อ่าน ก็แอบขัดใจ แต่ก็ต้องเข้าใจทางเดินของเรื่องที่คนเขียนวางไว้ แต่ถามว่าชอบเรื่องนี้มั้ย? บอกเลยว่าชอบมาก เนื้อเรื่องปูทางไว้ให้ค่อยๆ แก้ปม ตัวละครมีความลื่นไหล จนถึงขั้นตอแหลสำหรับพี่อินทร์ (อันนี้ชมนะพ่อพระเอก พี่อินไปนิด 555) เนื้อเรื่องก็น่าสนใจ ที่ชอบมากก็คือ ช่างเอาพล็อตอิเหนาดั้งเดิม มาสอดแทรกแง่มุมตามจินตนาการได้แนบเนียนมากๆ...

ใครจะว่าอะไร ถ้าอ่านแล้วช่วยพัฒนาสมอง พัฒนางานเขียนเราได้ ก็เก็บเอาไว้เป็นครู อันไหนอ่านแล้วบั่นทอน ก็คิดซะว่า  มันคือบทเรียนที่ทำให้เรารู้จักอีกแง่มุมของความคิดมนุษย์

ทุกอย่างที่เกิดขึ้น คือประสบการ์ณค่ะ ^^

สู้ๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 35★รักแรก[4.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 05-06-2018 22:02:26
เจ็บปวดไปกับพี่อินทร์ ไม่น่าปากพร่อยพูดไปแบบนั้นเลยแต่ก็อย่างว่าช่วงความเป็นความตายของน้องจิเนอะนึกอะไรได้ก็พูดไม่ทันคิดถึงผลที่ตามมา ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะพี่อินทร์ :กอด1:

นิยายทุกเรื่องคนเขียนก็ต้องวางพล็อตมาแล้วว่าจะมีคอมเมดี้ ดราม่า เศร้าเคล้าน้ำตาช่วงไหนเนอะ ต้องมีมารยาทในการอ่านนิดนึงนะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 35★รักแรก[4.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 05-06-2018 23:02:07
 
WARNING
ตอนนี้แบ่งเป็นสองพาร์ตนะคะ ช่วงแรกม่านิดนึง ช่วงหลังคลายปมละ
ตอนหน้าไม่ม่าแล้ว สบายใจได้ ที่เหลือก็จะเป็นคลายปมจิณห์แล้วค่ะ


Chapter 36: สิ้นวาสนา
ยิ่งนานวัน ผมก็ยิ่งฟุ้งซ่าน ปล่อยให้ความคิดล่องลอยทีไร ผมก็จะคิดถึงแต่ใบหน้าของพี่จิณห์ จนทำให้ผมเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือกระสับกระส่ายอยากเจอหน้าพี่จิณห์ทุกวัน
อยากเจอ อยากเห็น อยากอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา...
เป็นความรู้สึกที่ทำให้ผมปวดหัวเป็นอย่างมาก แรกๆ ก็พยายามฝืน แต่ช่วงนี้ชักจะไม่ไหวเพราะยิ่งฝืนเท่าไร ความรู้สึกนั้นก็ยิ่งทวีมากขึ้นและเหมือนจะกัดกินผมไปทีละน้อยจนเริ่มจะประสาทเสียและแสดงออกมาด้วยอาการหงุดหงิดงุ่นง่าน
แน่ล่ะว่าคนที่โดนผมระเบิดอารมณ์ใส่บ่อยครั้งก็คือพี่อินทร์นี่แหละเพราะเขาอยู่ใกล้ชิดผมตลอดเวลา ถึงจะเป็นการหงุดหงิดใส่เขาโดยไม่มีเหตุผล แค่เห็นก็ขวางหูขวางตาแล้ว แต่พี่อินทร์ก็ไม่ว่าอะไรสักคำ มิหนำซ้ำยังเอาอกเอาใจจนผมรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ ไม่ดีทั้งกับตัวผม ทั้งกับเขา ไม่ดีกับใครทั้งนั้น
ผมใช้เวลาคิดทบทวนอยู่หลายวันว่าจะทำยังไงดีกับความสัมพันธ์ที่ไม่รู้ว่าจะมีจุดจบยังไงแบบนี้ ตอนแรกก็คิดเหมือนกับพี่อินทร์นั่นแหละว่าทนได้ รอได้ จนกว่าผมจะรักเขาได้เหมือนเดิม มันเป็นไปได้ ทว่าเอาเข้าจริง ความเป็นไปได้ดูเหมือนจะเท่ากับศูนย์เลย นอกจากผมจะไม่รักเขาแบบคนรักแล้ว ยังจะไปรักคนอื่นอีก
รักคนอื่น... กล้าที่จะใช้คำนี้แล้วเพราะความฟุ้งซ่านถึงพี่จิณห์มันมากจนผมชักแน่ใจความรู้สึกตัวเอง ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าพี่อินทร์รู้ขึ้นมา มันจะเลวร้ายขนาดไหน
ผมจินตนาการไม่ออกสักเท่าไร แต่ก็พอจะเดาได้ว่าสิ่งที่ผมทำมันต้องไปทำร้ายเขาอย่างรุนแรงแน่
ถ้าไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว เขาก็เจ็บ งั้นสู้ผมยุติเรื่องนี้ไปเลยดีกว่า อย่างน้อยเขาก็อาจจะไม่ต้องเจ็บมากถ้ารู้เรื่องนี้เร็วขึ้น...
ดังนั้นผมจึงตัดสินใจว่าจะบอกเขาว่าผมมีใจให้คนอื่นไปแล้ว ไม่ว่ายังไงก็คงจะกลับไปรักเขาไม่ได้แม้ว่าอยากจะให้มันเป็นเหมือนเดิมแค่ไหนก็ตาม
แต่...การบอกความจริงก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้น ผมเลือกที่จะตีตัวออกห่างจากเขาทีละน้อยก่อน การสนิทกันมากแบบนี้มันดูรุนแรงไปถ้าเราเลิกกันกะทันหัน  ทว่าก็นั่นแหละ เป็นความคิดที่ค่อนข้างโง่เง่า เพราะคนอย่างพี่อินทร์ แค่ผมมีท่าทีเปลี่ยนไปหน่อยเดียว เขาก็รับรู้ได้แล้ว การที่ผมเลี่ยงที่จะพูดคุยกับเขาหรือเจอหน้าเขาน้อยลง มันทำให้เขาต้องมาดักรอผมที่หน้าตึกคณะหลังเลิกเรียนเสร็จ โดยที่ข้างหลังเขานั้นมีคนอื่นๆ มาด้วยอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
“วันนี้พี่มาชวนไปกินหมูกระทะ”
พี่อินทร์ยิ้มหน้าบานเมื่อเห็นผมเดินเข้าไปหา ผมเลิกคิ้วสูงเล็กน้อย เขาก็อธิบายออกมาอีก
“ช่วงนี้ดูจิเครียดๆ พี่เลยชวนพวกไอ้บุศย์ไปกินหมูกระทะกัน อยากให้จิไปด้วย จะได้หายเครียดนะ”
เป็นเหมือนเดิมทุกที เขาเป็นห่วงผม คิดถึงแต่ความรู้สึกผมทุกที แต่ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกตัวเองเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่ผมเริ่มทำตัวไม่ปกติกับเขาแล้ว ผมเชื่อว่าเขาก็รู้ แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้
“จิไม่ไปดีกว่าครับ พี่อินทร์ไปเถอะ”
ผมไม่อยากให้เขาต้องแกล้งทำตัวปกติอีกเลยปฏิเสธไป แต่พี่อินทร์กลับทำหน้าสงสัย
“ทำไมล่ะ”
“จิไม่อยากกินหมูกระทะ”
“ถ้าไม่อยากกินหมูกระทะ เราไปกินอย่างอื่นกันก็ได้นะ ชาบูไหม”
ยังคงยิ้มและเอาใจผมเหมือนเคย เห็นทีผมคงจะต้องหยุดหนีแล้วบอกไปตามตรง
“จิไม่อยากกินอะไรทั้งนั้นแหละ”
“แล้วทำไมจิ...”
“จิแค่ไม่อยากไปกับพี่อินทร์”
บอกไปอย่างนั้น เขาก็นิ่ง กระนั้นก็ยังคงยิ้มค้าง
“จิเป็นอะไรหรือเปล่าช่วงนี้ เครียดอะไร เรื่องเรียนเหรอ”
ผมสูดหายใจเข้าปอด ตัดสินใจว่ายังไงก็ต้องพูด ยื้ออีกไม่ได้แล้ว
“จิเครียดเรื่องของเรา พี่อินทร์ไม่รู้สึกบ้างเลยเหรอว่าช่วงนี้จิตีตัวออกห่าง”
เท่านั้นเขาก็เงียบ รอยยิ้มหายไปแล้ว เขาจะปฏิเสธก็ไม่ได้ อย่างที่ผมบอกว่าเขารู้สึก ผมเปลี่ยนไปทำไมเขาจะไม่รู้ เขาไม่พูดอะไร ผมก็เลยเป็นฝ่ายพูดแทน
“ตอนแรกจิก็ไม่คิดจะบอกพี่อินทร์ตอนนี้หรอกนะ กะว่าจะรออีกสักพัก”
“อย่าพูดนะจิ” ผมยังไม่ทันจะได้บอกอะไรเลย เขาก็โพล่งขึ้นมาอย่างนี้ สีหน้าดูไม่ดีเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่ารับรู้ได้แล้วว่าผมจะบอกอะไรเขา “อย่าพูดมันออกมา”
แต่จะให้ผมเก็บงำยังไงได้ไหวล่ะ ต้องเห็นเขาเจ็บปวดอย่างนี้ไปอีกถึงเมื่อไร ผมทนไม่ไหวแล้ว
“จิว่าเราคงต้องห่างกันสักพักแล้วล่ะครับ จิไม่ไหวกับการที่เราเป็นอยู่อย่างนี้แล้ว”
สิ้นเสียง ทั้งผมทั้งเขาก็พากันเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ผมไม่ได้โล่งใจเลยที่ได้พูดมันออกไป ในใจหวาดหวั่นไปหมด อีกทั้งยังวิตก กลัวว่าเขาจะเจ็บปวดเกินกว่าที่ผมคาดเดาไว้ ทว่าชั่ววินาทีหนึ่ง พี่อินทร์ก็ฝืนยิ้มออกมาให้เห็น
“พี่บอกแล้วไงจิว่าพี่รอได้ นานแค่ไหนก็รอได้ จิอย่าคิดมาก”
เขาพูดประโยคเดิมซ้ำๆ ผมได้ยินเขาพูดว่ารอได้แบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่ผมนี่สิ จะให้เขารอแบบไร้จุดหมายอย่างนี้อีกนานได้แค่ไหนกัน บางทีการยุติความสัมพันธ์มันอาจจะเป็นหนทางที่ทำให้เขาเจ็บปวดน้อยที่สุด
“แต่จิไม่ไหวแล้วพี่อินทร์ จิทนอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้ว ให้จิทนเห็นพี่อินทร์เจ็บเพราะจิจำไม่ได้ ให้จิต้องพยายามรื้อฟื้นความทรงจำตัวเอง พยายามที่จะรักพี่อินทร์แบบเดิม มันทรมานนะ”
ในที่สุดผมก็บอกไปจนได้ พี่อินทร์ยิ้มเจื่อนไป ก่อนจะพึมพำออกมา
“จิ ขอร้อง พี่รอไหว รอได้จริงๆ นานแค่ไหนก็รอได้...”
เขาแทบจะก้มลงไปกราบผมอยู่แล้ว ผมก็ไม่อยากจะพูดหรอก แต่ผมไม่ไหวแล้ว ผมทนเห็นเขาเจ็บปวดเพราะผมไม่รักเขาไม่ได้อีกแล้ว ยังไงวันนี้ผมก็ต้องพูด
“อย่ารอเลยพี่อินทร์ จิไม่อยากให้รอแล้ว”
“อย่าพูด!”
เขาเสียงดังออกมา ทำเอาผมสะดุ้งไปเล็กน้อย พอมองหน้าเขาก็เห็นสายตาปวดร้าว
“อย่าบอกให้พี่เลิกรอ อย่าไล่พี่ไป...ขอร้อง”
“...”
“อย่าพูดนะจิ...อย่าพูด”
จากนั้นก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ผม คว้ามือผมไปจับก่อนบีบแน่น
“พี่บอกแล้วไงว่าพี่รอไหว พี่รอเก่งจะตาย”
“แต่พี่อินทร์จะเจ็บมากกว่านี้นะครับ...”
“พี่ไหว พี่ไม่เคยบอกว่าไม่ไหวเหรอ เคยคาดคั้นจิเหรอ ไม่เคยเลย... พี่ยังไงก็ได้ แต่อย่าบอกให้พี่เลิกรอนะ”
ผมถึงกับต้องเม้มริมฝีปาก แวบหนึ่งเกือบจะเปลี่ยนใจอยู่แล้ว กระทั่งเห็นดวงตาของเขามีน้ำตาคลอน้อยๆ
“ให้พี่อยู่แบบนี้ อย่าให้พี่ไปไหนเลย ขอร้อง...”
ผมคิดว่าสิ่งที่ผมตัดสินใจมาบอกเขามันคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ในเมื่อเขายังบอกผมหมดทุกอย่าง ผมก็จะบอกเขาหมดทุกอย่างเหมือนกัน
“จิไม่อยากให้พี่อินทร์อยู่ด้วยแล้วครับ”
เท่านั้น พี่อินทร์ก็มีสีหน้าเจ็บปวดอย่างชัดเจน เขาละล่ำละลักถามผมเป็นการใหญ่
“ทำไมล่ะ พี่ก็บอกแล้วไงว่าพี่รอได้ พี่รอเก่ง พี่ไปทำอะไรให้จิไม่พอใจ จิถึงไม่อยากให้พี่รอ”
“พี่อินทร์ไม่ได้ทำอะไรให้จิไม่พอใจเลย ดีกับจิมาก ดีทุกอย่าง จิโชคดีแล้วที่มีแฟนอย่างพี่อินทร์”
“แล้วไล่พี่ทำไม”
“เพราะจินี่แหละ จิเป็นสาเหตุ...” พูดมาถึงตรงนี้ ผมก็สูดหายใจเข้าปอด ก่อนว่าออกมาตามตรง “จิไม่ได้รักพี่อินทร์แล้ว ทำยังไงมันก็ไม่รัก มีแต่ความรู้สึกแบบพี่แบบน้อง จะให้คิดแบบคนรักกัน จิทำไม่ได้”
“พี่รู้ พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ เราก็ยังอยู่กันแบบนี้ได้”
เขายังคงดึงดัน แต่สำหรับผมมันไม่ใช่ มันอยู่ไม่ได้ตราบใดที่...
“แต่จิรักคนอื่นที่ไม่ใช่พี่อินทร์ไปแล้ว”
...ตราบใดที่ใจผมเอาแต่พะวงคิดถึงคนอื่นที่ไม่ใช่เขาอย่างนั้น
“จิรักคนอื่นไปแล้ว...”
ผมพึมพำ ไม่กล้าพูดเต็มปากสักเท่าไร ขณะที่คนตรงหน้าผมนิ่งงัน ดูช็อกกับสิ่งที่ได้ยินมากทีเดียว ความน่าอึดอัดลอยเข้ามาปกคลุมเราสองคน ผมบอกเขาไปอย่างนั้นก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นมาเลย ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันถูกต้องหรือเปล่า รู้เพียงแต่ว่าความเจ็บปวดของเขาต้องยุติเสียที
“จิขอโทษนะครับ...”
ผมดึงมือออกจากการเกาะกุมของเขา ก่อนรีบก้าวออกจากอาคาร ทนมองเขาส่งสายตาเจ็บปวดให้อีกไม่ไหวแล้ว หน้าอกผมแน่นมาก... แน่นจนหายใจไม่ออก ทั้งๆ ที่ไม่ได้รักเขา แต่ทำไม...
ทำไมผมถึงได้เจ็บปวดมากขนาดนี้...
ชั่วแวบหนึ่งก็มีความคิดประหลาดพร่างพรายเข้ามาในหัวฉับพลัน
ผม...อยากอยู่กับเขา
อยากอยู่ด้วยตลอดไป...
แต่แล้วมันก็มลายหายไปราวกับเป็นละอองฝุ่นที่ถูกลมพัด
ผมเกลียดความรู้สึกโลเลไปมาแบบนี้ที่สุด เมื่อไรมันจะหายไปสักที...
 
[Intara’s Part]
พี่รักจินะ!
ผมร้องตะโกนก้อง...ในใจ
บอกรักเขาแค่ในใจ
ในวินาทีนี้...ผมทำได้แค่เท่านี้ สิ่งที่อยากจะพูดมีอยู่ในใจมากมาย แต่กลับพูดไม่ออกสักคำเมื่อได้ยินจิระบอกว่าไม่อยากให้ผมรอแล้ว
จะไม่ให้ผมรอได้ยังไง ผมรอมาตั้งชาติหนึ่งแล้ว ยังไงผมก็จะรอ
จะรอ... ใครจะว่ายังไงก็ช่าง ผมจะรอ!
แต่จะทำตัวดื้อดึงได้ยังไงกันเมื่อเขาเดินจากผมไปอย่างนั้น ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าสักวันเหตุการณ์แบบนี้มันต้องเกิดขึ้นถ้าเขาจำเรื่องของเราไม่ได้สักที แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ ทั้งที่ผมก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ กลับทำใจไม่ได้เลย ยิ่งเขาบอกว่าเขารักคนอื่นที่ไม่ใช่ผมแล้ว มันก็...
...บรรยายความรู้สึกตัวเองไม่ออก ได้แต่ตัดพ้อบรรพบุรุษตัวเองที่ดูเหมือนจะสนุกกับการลงโทษผมที่ก่อเรื่องวุ่นวายเมื่อชาติก่อนเหลือเกิน
ทำไมองค์ประตาระกาหลาถึงได้ไม่เห็นใจผมสักนิด ผมเป็นลูกหลานสืบต่อสันติวงศ์แท้ๆ ทำไมถึงกลั่นแกล้งรังแกกันไม่หยุดไม่หย่อนอย่างนี้!
สิ่งที่ทำได้ก็คือการทอดมองตามแผ่นหลังเขาที่เดินจากไปเงียบๆ กระทั่งพวกไอ้บุศย์ที่ยืนรออยู่ไม่ไกลเดินเข้ามาหา
“ไหวไหมไอ้อินทร์”
แล้วก็เป็นไอ้บุศย์ที่ร้องถามผม ดูท่าทางมันคงจะได้ยินว่าเมื่อครู่นี้ผมคุยอะไรกับจิระบ้าง ผมหันไปมองหน้ามันก่อนพยักหน้ารับน้อยๆ ทว่ามันกลับถอนหายใจออกมา จากนั้นสรัลที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ยื่นทิชชูส่งให้
“แต่หนูว่าพี่อินทร์ไม่ไหว”
ผมมองด้วยความรู้สึกว่างเปล่า จากนั้นถึงได้รู้สึกตัวว่าที่ซีกแก้มของผมทั้งสองข้างมีน้ำตาไหลอาบอยู่
จริงๆ แล้วผม...ไม่ไหว
ไม่ไหว...ไม่ไหวเลย
ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว...
ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเป็นสายพร้อมกับความปวดร้าวที่ท่วมท้น
หมดสิ้นความทรงจำก็เท่ากับว่าผมกับจิระหมดสิ้นวาสนากันไปด้วย เขาไม่ได้รักผมอีกต่อไปแล้ว...
ความสุขมันเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้นเหลือเกิน...
หรือวาสนาจะชักพาให้เรามาพบกันแค่นี้ ระตูจรกา...
จะถามใครได้ล่ะนอกจากองค์เทพเทวาบนฟ้า ผมได้แต่ร้องตะโกนก้องในใจ ขณะที่วิญญูตบบ่าผมเป็นการปลอบใจ
“พักก่อนไหมไอ้อินทร์”
ผมมองหน้ามัน ไม่พยักหน้าหรือส่ายหน้า แต่คำตอบมันชัดเจนกับอาการนิ่งงันของผมว่าผมไม่ยอมปล่อยมือจากจิระอย่างแน่นอน
เท่านั้นคนอื่นๆ ก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน ก่อนจะเป็นไอ้บุศย์ที่ถาม
“แล้วมึงจะเอายังไงต่อ”
“กูจะรอ”
“...”
“กูเชื่อว่าจิจะต้องกลับมา”
 “แต่กูว่า...”
“กูจะรอ! กูบอกแล้วไงว่าจะรอ! นานแค่ไหนก็จะรอ!”
ผมเผลอตวาดใส่เพื่อนตัวเองจนได้ จากนั้นเลยไม่มีใครพูดอะไร ได้แต่ตบบ่าตบไหล่ผมเป็นการปลอบประโลมแทน
ใครจะว่าผมโง่เง่าหรืออะไรก็ช่าง แต่ผมเชื่ออย่างนั้น... จิระจะต้องกลับมา ยังไงก็ต้องกลับมาแน่ แต่อาจจะต้องให้เวลาเขาสักหน่อย สิ่งที่ผมทำได้ก็คงมีแค่การรอเท่านั้น
จะรอจนกว่าจิระคนเดิมจะกลับมา...
 
ตั้งแต่วันนั้น พี่อินทร์ก็ไม่กลับห้องมาอีกเลย...
ผมพอจะรู้ว่าเขาไปอยู่ที่ห้องของเพื่อนคนไหน แต่ก็ไม่ได้ติดต่อเขาไป ไม่ใช่ว่าไม่เป็นห่วง แต่ผม...ไม่มีหน้าที่จะไปพบเขาแล้ว
ตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาที่ผมใช้ชีวิตอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมซึ่งเป็นห้องของผมกับเขาคนเดียว มันทำให้ผมชัดเจนในความรู้สึกหลายๆ อย่างที่ตอนนี้พอจะแบ่งได้ว่ามันมีอะไรบ้าง
ผมกระสับกระส่ายรุนแรงกว่าเดิมเพราะอยากเจอพี่จิณห์ แต่ขณะเดียวกัน... ผมก็กระสับกระส่ายอย่างรุนแรงเช่นกันที่ไม่ได้อยู่กับพี่อินทร์
ความรู้สึกทั้งสองอย่างมันรุนแรงมากจนผมแทบจะสติแตกอยู่แล้ว พี่บุศย์ที่อยู่ห้องข้างๆ แวะมาดูผมบ้างเป็นครั้งคราวเพราะเป็นห่วงที่เห็นผมดูอาการไม่ค่อยดีเช่นกัน แน่ล่ะว่าผมก็บอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร ทั้งที่ในใจแทบจะคลั่งตายเพราะความสับสนนี้
ผมต้องการใครกันแน่!?
เหมือนจะเป็นพี่อินทร์ แต่ทุกครั้งที่อยากเจอเขา ก็จะมีความรู้สึกที่มีต่อพี่จิณห์ทับซ้อนขึ้นมาทันที มีความกระเหี้ยนกระหือรืออยากเจอเขาสุดๆ ด้วย ดีที่ช่วงนี้เขาหายหน้าหายตาไป ไม่ได้มาตามดูผมอย่างเคย ไม่อย่างนั้นผมคงไม่รอช้า ไปกับเขาอย่างแน่นอน
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมฟุ้งซ่าน ในเมื่อไม่มีเรียน เป็นวันว่าง ผมก็เลือกที่จะอยู่ห้องทั้งวัน แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสักเท่าไรนัก เพราะยิ่งอยู่ว่างๆ ผมก็ยิ่งคิดวุ่นวายไปหมด จึงตัดสินใจลุกขึ้นมาจัดห้องหับเพื่อให้มีกิจกรรมอะไรทำไม่ให้คิดวุ่นวาย
ผมเก็บเสื้อผ้าที่ตากจนแห้งมากองบนเตียง พับเสื้อผ้าบางส่วนแล้วเปิดตู้เสื้อผ้าเตรียมจะจัด ทว่าด้านในก็รกเกินกว่าจะใส่ของใหม่เข้าไปได้ ผมเลยต้องมานั่งจัดของเดิมก่อน หากแต่ขณะที่กำลังจัดเสื้อผ้าอื่นๆ อยู่นั้น มือก็ควานไปเจอเข้ากับถุงซิปที่พี่บุศย์เอามาให้ตั้งแต่ที่ออกจากโรงพยาบาลในครั้งนั้น
ในถุงนั้นมันมี...
“แหวน...”
ผมครางออกมา จำได้ว่ามันคือแหวนที่พี่อินทร์ให้ ก็ไม่ใช่จำตอนที่เขาให้ได้หรอก จำที่เขาเล่าให้ฟังได้น่ะ และอะไรไม่รู้ดลใจให้ผมหยิบแหวนวงนั้นออกมาพินิจ ตัวเรือนสีทองแกะสลักเป็นลวดลายสวยงาม ที่หัวแหวนมีนิลเม็ดโตประดับอยู่ มันไม่ใช่แหวนที่สวยร่วมสมัย แต่อะไรบางอย่างกลับทำให้ผมชอบมันในแวบแรกที่เห็น
ผมหยิบมันออกมาจากถุงซิป ลองใส่ทีละนิ้วก่อนจะพบว่ามันใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายได้ แต่นั่นไม่น่าแปลกใจเท่ากับการที่มีแสงสว่างสีทองประกายวาบออกมาเมื่อผมสวมแหวนนั้นลงไปบนนิ้วตัวเอง
นั่นมัน...อะไรน่ะ?
ไม่มีใครให้คำตอบผมได้หรอก ผมเองก็ให้คำตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่ามันเป็นแสงอะไร รู้แต่ว่าทันทีที่สวมแหวน หัวผมก็เกิดมึนงงไปหมด สายตาเริ่มพร่าเลือนจนมองอะไรได้ไม่ชัดเจน พลันในหัวผมก็มีเสียงของใครบางคนดังก้องเต็มไปหมด
 
‘ชบาดอกนี้ พี่ให้เจ้า’
 
‘สักวาสักวาจูบจรดรักแต่เจ้า ช่างยั่วเย้าเจรจารื่นหวานหู พี่ก็นึกรักเจ้าด้วยเอ็นดู ใคร่เทียบคูคู่ครองเป็นยาใจ…’
‘รัก...ฮึก...รักพี่เถิดเจ้าน้องจรกา อย่าพรากพาใจพี่ด้วยผลักไส รักเถิดหนารักพี่เป็นดวงใจ พ่อประไพเมตตาพี่เถิดเอย…’
‘จรกา...น้องจรกา...พี่รักเจ้าจรกา...รัก...รักมาตลอด...’
‘ตื่นมาฟังคำพี่หน่อยได้หรือไม่...ได้โปรด...จรกา...ฮึก...’
‘ชาตินี้พี่ทำผิดต่อเจ้ามากนัก แต่พี่จะขอสาบาน...ขอสาบานว่าชาติหน้าฉันใด ขอให้ได้พบเจอเจ้า เมื่อนั้นพี่จะรักและดูแลเจ้ายิ่งชีพ จะทำให้เจ้าพบเจอแต่ความสุขเกษม พี่สาบาน...พี่ขอสาบาน...ฮือ...’
 
ผมพยายามที่จะสลัดเสียงนั้นออก แต่ไม่ช่วยอะไรเลยสักนิด เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ จนผมรับรู้ได้ว่ามันคือเสียงของใคร
 
‘ขอเทพยาดาผู้รักษาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์จงรับรู้การกราบสักการะของข้าพเจ้า...นายอินทรา ในครั้งนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลที่ได้สร้างสมข้ามภพข้ามชาติมาแด่ทวยเทพเทวาผู้รักษา ผู้สถิต ผู้ดูแล พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เพื่อให้เป็นประจักษ์พยานแก่คำสัตย์สาบานของข้าพเจ้า...’
‘...ข้าพเจ้าขอสาบานได้ด้วยชีวิตว่าจะรักและภักดีกับนายจิระ ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างข้าพเจ้าในขณะนี้ตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ จะปกป้อง จะดูแล จะทำทุกอย่างเพื่อให้จิระมีความสุขไปชั่วชีวิต หากผิดคำสาบาน ขอให้ข้าพเจ้ามีอันเป็นไป ขอให้ท้าวเวสสุวรรณลงทัณฑ์ให้ตกนรกหมกไหม้ ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป’
‘ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงเป็นพยาน...’
 
‘เพราะพี่จะมาบอกเจ้าว่ารักเจ้ามากเพียงใดในชาตินี้...’
‘พี่รักเจ้า...ระตูจรกา รักมาตลอด...รักเจ้า...’
 
เสียง...ของพี่อินทร์...
ตอนนี้ไม่ได้มีแค่เสียงแล้ว ภาพต่างๆ ก็เริ่มประดังประเดเข้ามาในหัว ภาพพี่อินทร์...ในชุดแปลกๆ ภาพผม ภาพผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ที่ให้ความรู้สึกว่าเธอคือพี่บุศย์ ภาพผู้ชายที่น่าจะเป็นสรัล ภาพพี่วิญญู ภาพของพี่จิณห์ และใครต่อใครที่ผมไม่เคยเห็นหน้า ทว่ากลับรู้จักดี แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับภาพที่พี่อินทร์ประคองผมซึ่งมีรอยอะไรก็ไม่รู้เต็มตัว ก่อนเสียงของเขาจะดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
 
‘แลกด้วยอะไรก็ได้ จะยอมแลกทุกอย่าง ให้เขาเลิกรักผมก็ได้ แต่ขอให้จิระมีชีวิตอยู่ ได้โปรด...องค์ประตาระกาหลา จะผีห่าซาตานที่ไหนก็ได้ ช่วยคนรักของผมด้วย...อย่าให้เขาตาย ช่วยเขาด้วย...’
 
และหลังจากนั้นก็ตามด้วยเสียงแห้งผากของผม...
 
‘ขอ...ถอนคำสาบานว่าจะไม่ญาติดีกับอิเหนา ผมรักเขา...อยากอยู่ด้วยกันตลอดไป...’
 
ภาพที่เห็นในหัวชัดเจนมากแม้ว่าดวงตาจะพร่ามัว พลันน้ำตาไหลอาบใบหน้าโดยที่ไม่รู้ตัวเมื่อความทรงจำที่ขาดหายไปกลับคืนมาอีกครั้ง
ผม...
ผมจำได้...
จำได้แล้วว่าตัวเองคือใคร
ระตูจรกา! ผมคือระตูจรกา!
รีบดันตัวขึ้นทันทีแต่ก็เวียนหัวจนต้องทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น ทว่าผมก็ไม่สนใจแล้วว่าตัวเองเป็นยังไง ได้แต่พยายามกระเสือกระสนเอาตัวเองออกไปนอกห้อง
ในเวลานี้ผมต้องเจอเขา...ยังไงก็ต้องเจอให้ได้
ไม่ใช่พี่จิณห์หรือใคร แต่เป็นพี่อินทร์คนเดียวเท่านั้น
พี่อินทร์...จิจำได้แล้ว
จำได้แล้ว... จำได้ทั้งหมดแล้ว!
แต่นั่นกลับเป็นสติสัมปชัญญะสุดท้ายที่ผมมี ก่อนที่มันจะขาดห้วงไปโดยไม่ทันตั้งตัว มีเพียงเสียงสุดท้ายของพี่อินทร์เท่านั้นที่ดังขึ้นในภวังค์
 
‘พี่รอเจ้ามาชาตินึงแล้ว ไยจะรอเจ้าอีกสักหน่อยไม่ได้...’
‘พี่รอเจ้าได้เสมอ ระตูจรกา...’
------------------------------
เห็นมะ ม่านิดเดียวเองคู๊ณณณ หัวใจกระดงกระดาษอะไร ไม่มี้~ XD ตอนหน้าก็กลับมาปกติละ ส่วนดราม่าแบบนี้ไม่มีแล้วค่ะ เหลือปมของจิณห์เป็นปมสุดท้ายก็จบเรื่องละ



หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 35★รักแรก[4.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 05-06-2018 23:12:28
ปกติไม่ชอบอ่านนิยายที่อ้างอิงมาจากวรรณกรรม หรือแฟนฟิคเท่าไร
เพราะรู้สึกว่าเอาตัวละครที่เขาสร้างมายำ เลยไม่ค่อยอิน
แต่อิเหนาเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจริงๆ เลยเอามาเขียนต่อ
อ่านแล้วสนุก มีพล็อตพลิกไปมา ให้ลุ้นให้ติดตาม ไม่ใช่เปิดอ่านมา เดาได้หมด ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 36★สิ้นวาสนา[5.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-06-2018 23:25:15
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 36★สิ้นวาสนา[5.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 05-06-2018 23:32:44
โอ   เห็นเพียงชื่อตอนก็เจ็บปวด
แอบเลื่อนเมาส์รัวๆลงไปอ่านตอนจบ
ว้าวดีใจ  จิจำพี่อินทร์ได้แล้ว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 36★สิ้นวาสนา[5.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-06-2018 23:42:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 36★สิ้นวาสนา[5.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-06-2018 00:29:06
 :L1: :pig4: :L1:



 o13
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 36★สิ้นวาสนา[5.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 06-06-2018 00:53:25
กลับมาเหมืิอนเดิมเสียทีเนอะน้องจิสงสารพี่อินทร์แย่แล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 36★สิ้นวาสนา[5.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-06-2018 01:40:49
จำได้แล้ว ก็รีบไปหานังเหนาเลยนะ ไม่รู้ป่านนี้ไปนอนเน่าอยู่ห้องใคร  :angry2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 36★สิ้นวาสนา[5.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 06-06-2018 02:21:13
ก่อนจะอ่านตอนนี้แบบเกียมใจมามาก แต่อ่านไปไม่ได้หนักหน่วงอย่างที้คิด หลุดพ้นแล้วววววววว นี่ถ้าพี่อินทร์จับน้องใส่แหวนแต่แรกก็จบแล้วป้ะเนี่ย5555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 36★สิ้นวาสนา[5.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 06-06-2018 08:29:19
แล้วยังไงต่อล่ะทีนี้ บอกเลิกไปซะแล้ววววววว พี่อินทร์ใจขาดแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 36★สิ้นวาสนา[5.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 06-06-2018 09:30:30
ใจขาดตามพี่อินทร์แล้วววว
รีบไปหาพี่ยาด่วนเบย
เหลือปมจิณอีกหนึ่ง
กดบวกรัวๆ อยากอ่านต่อ
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 36★สิ้นวาสนา[5.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 06-06-2018 13:07:24
น้องจิจำได้แล้ว มาม่าหมดชามแล้ว เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ :3123:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 36★สิ้นวาสนา[5.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-06-2018 13:25:56
คลายปมแล้วแล้ว :hao5:
ทำไมไม่ให้ใส่แหวนตั้งแต่แรกเนี่ย :hao4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 36★สิ้นวาสนา[5.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 06-06-2018 15:55:19
ก็ถือว่าชดใช้ตอนที่ตัวเองหลอกน้องว่ารักจิณห์แล้วกันนะ หลังจากนี้ก็คงได้ครองรักกันตลอดไปแล้วแต่งงานกันซักทีนะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 36★สิ้นวาสนา[5.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 06-06-2018 20:01:58

หมดม่าแล้ว ใครรออ่านลากยาวอยู่ อ่านได้เลยเน้อ



Chapter 37: คืนใจ

“จิ! ได้ยินพี่ไหมจิ!”

สติสัมปชัญญะของผมกลับคืนมาอีกครั้งเมื่อได้ยินน้ำเสียงร้อนรนนั่น ตอนแรกผมคิดว่าเป็นเสียงของพี่อินทร์ แต่พอลืมตาขึ้นมามองก็พบว่าเสียงนั้นเป็นของพี่บุศย์ที่กำลังประคองผมอยู่ต่างหาก

“พี่บุศย์...ทำไม...”

“ไอ้อินทร์มันทิ้งกุญแจไว้ให้พี่ เผื่อไว้เวลาฉุกเฉินแบบนี้แหละ พี่เห็นเราไม่ออกจากห้องมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ก็เลยเข้ามาดู”

เขาตอบราวกับรู้ว่าผมจะถามอะไรอย่างนั้นแหละ แต่คำพูดของเขาก็ทำให้ผมรู้ได้ว่าผมหมดสติไปนานมากทีเดียว

“ตอนนี้กี่โมงแล้วครับ”

“แปดโมงเช้า เรามีเรียนเช้าหรือเปล่า ไปไหวไหม ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องไปนะ”

ผมพยักหน้า มีเรียนเช้ามันก็มีนั่นแหละ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ผมจะไปสนใจเรื่องนั้น ผมมองหน้าพี่บุศย์นิ่งก่อนจะเรียกเขา

“พี่บุศย์...”

“หืม? ว่าไง”

“บุษบา...”

พอพูดคำนี้ คนตรงหน้าผมก็มีสีหน้าตะลึงงัน ก่อนที่เขาจะว่าด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

“จะ...จิจำได้แล้วเหรอ”

ผมพยักหน้า เท่านั้นพี่บุศย์ก็ยิ้มกว้าง

“จำได้แล้วจริงๆ ใช่ไหม จิจำได้แล้วจริงๆ นะ!?” เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบจากผมหรอก เพราะหลังจากนั้นเขาก็รีบคว้าเอาโทรศัพท์ตัวเองออกมา พึมพำอยู่คนเดียว “ต้องรีบโทรบอกไอ้อินทร์”

จากนั้นก็สบถอย่างหัวเสีย “เวลาแบบนี้ปิดเครื่องทำไมวะไอ้เวรนี่”

ผมก็เลยต้องรีบบอกก่อนที่เขาจะหัวเสียไปมากกว่านี้

“พี่บุศย์พาจิไปหาพี่อินทร์หน่อย”

“ไม่ต้องบอก พี่ก็จะพาไปเดี๋ยวนี้แหละ”

เขาพยุงผมให้ลุกขึ้น ถามไถ่ผมด้วยความเป็นห่วงว่าเดินไหวไหม ผมยังคงมึนงงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่สำคัญอะไรเท่ากับการรีบไปหาพี่อินทร์

ทว่า...หอของเพื่อนที่พี่อินทร์ไปนอนด้วยอยู่หลายคืนนั้นไม่มีเขาอยู่ เรียนก็ไม่ได้ไปเรียน ไปหาที่ห้องเพื่อนคนที่เขาน่าจะสนิทด้วยก็ไม่มีเลยสักคน แถมโทรศัพท์ก็ยังปิดเครื่องอีก กลายเป็นว่าพี่บุศย์กับผมใช้เวลาช่วงครึ่งเช้าไปกับการตามหาตัวเขา ตอนนี้เรานั่งกันอยู่ในรถที่ลาดจอดรถข้างตึกคณะของพี่อินทร์ ก่อนที่พี่บุศย์จะบ่นออกมา

“หายหัวไปไหนของมันวะไอ้บ้านั่น ไปนอนเน่าอยู่ที่ไหน ทำไมไม่บอกกันก่อน”

ร้อนใจกว่าผมก็พี่บุศย์นี่แหละ ดูเขาจะจนปัญญาตามหาแล้ว แต่ผมกลับฉุกคิดถึงสถานที่หนึ่งขึ้นมาได้

“พี่บุศย์รู้จักบ้านสวนของครอบครัวพี่อินทร์ไหมครับ”

เขาหันมามองทันทีก่อนพยักหน้าให้ผมได้พูดต่อ

“พาจิไปที่นั่นหน่อยสิ”

“จิคิดว่าไอ้อินทร์อยู่ที่นั่นเหรอ”

ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ลางสังหรณ์บางอย่างบอกกับผมอย่างนั้น ผมก็เลยพยักหน้าให้เขาไป เท่านั้นพี่บุศย์ก็ไม่พูดอะไรต่อแล้ว สตาร์ตรถแล้วออกตัวทันที

 

ใช้เวลาเพียงสองสามชั่วโมงให้หลัง พวกเราก็มาถึงที่หมายกันในช่วงบ่าย พี่บุศย์ยังคงไม่แน่ใจว่าพี่อินทร์อยู่ที่นี่จริงไหม เขาขับรถเข้าไปจอดในโรงจอดรถพลางบ่นพึมพำขึ้นมาหลังจากที่เราเงียบกันมาตลอดทาง

“ขอให้มันอยู่ที่นี่ทีเถอะ จะได้จบเรื่องสักที”

ผมไม่พูดอะไร ลงจากรถแล้วรีบเดินนำพี่บุศย์ไปยังบ้านสวนที่อยู่เบื้องหน้า ทุกย่างก้าวที่เดินไปมันหนักอึ้งจนแทบทำให้ผมถอดใจหันหลังกลับ

ถ้าเขาไม่อยู่ที่นี่ล่ะ ผมจะไปตามหาเขาที่ไหน

อยากให้พี่อินทร์รู้ อยากให้เขารู้สักทีว่าจิระคนเดิมกลับมาแล้ว อยากจะบอกเขาว่าไม่ต้องรอผมแล้ว คราวนี้ไม่ต้องรอจริงๆ เพราะผมกลับมารักเขาเต็มหัวใจเหมือนเดิมแล้ว...

องค์เทพเทวาคงเห็นสมควรแล้วล่ะมั้งว่าควรหยุดกลั่นแกล้งชะตาชีวิตของผมกับเขาเสียที เพราะพอผมก้าวเข้าใกล้ตัวบ้านมากขึ้นเท่าไร ผมก็เห็นภาพด้านหน้าชัดเจนมากขึ้น

ที่ชานหน้าบ้านซึ่งมีเก้าอี้สำหรับนั่งเล่น... มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งทอดสายตามองไปยังสวนอย่างเหม่อลอยอยู่

ผู้ชายคนนั้นก็คือ...

“พะ...พี่อินทร์...”

ผมร้องเรียกออกไป ขอบตาร้อนผะผ่าวที่ได้เห็นเขา ขณะที่เขาหันมามองผมด้วยสายตาตะลึงงัน

“จิจำได้แล้ว...” พอบอกไปอีกครั้ง น้ำตาผมก็ไหลพราก “จิจำได้แล้ว...ฮึก...จำพี่อินทร์ได้แล้ว จำเรื่องของเราได้แล้ว...”

กลายเป็นว่าละล่ำละลักออกมาจนได้ ขาที่กำลังก้าวอยู่ก็ก้าวไม่ออก ได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้พี่อินทร์ซึ่งมีสีหน้าตะลึงงันยิ่งกว่าเดิมรีบลุกพรวดพราดเข้ามาโผกอดผมไว้แน่น

“จะ...จิ...” เขาเรียกผมเสียงเครือ “จำพี่ได้แล้วเหรอ จำได้แล้วจริงๆ ใช่ไหม”

น้ำเสียงเขาฟังดูไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ผมพยักหน้า เท่านั้นเขาถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“ฝันไปหรือเปล่า...พี่ฝันหรือเปล่า จิ...นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม”

ผมกอดเขาตอบแน่น ก่อนรีบส่ายหน้าเร็วๆ

“ไม่ได้ฝัน... พี่อินทร์ไม่ได้ฝันครับ...ฮึก...”

เขาเหมือนจะไม่เชื่อ ผละออกมามองหน้าผมด้วยสีหน้าเหลอหลา มือที่กอดผมอยู่ลูบใบหน้าผมไปมาราวกับว่าผมไม่ใช่ตัวจริงอย่างนั้นแหละ

“แล้วรักพี่เหมือนเดิมแล้วใช่ไหม ใช่หรือเปล่า”

เป็นคำตอบที่เขาต้องการรู้มากที่สุด ผมเองก็อยากจะบอกกับเขามากที่สุดเหมือนกัน

“จิรักพี่อินทร์...รักครับ รักที่สุด...”

วินาทีนี้เองที่น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกจากเบ้าตาของคนตรงหน้า จากนั้นเขาก็ปล่อยให้ร่วงพรูออกมาเป็นสาย กอดผมแน่นราวกับกลัวว่าผมจะหายไปไหนอีก

“จิ...จิระของพี่ ฮึก...คนดีของพี่...”

“พี่อินทร์...จิขอโทษ...ขอโทษ...”

เราต่างคนต่างพูดพลางสะอื้นไห้จนฟังไม่ได้ศัพท์ ก่อนที่พี่บุศย์จะเดินตามมาถึงและกอดอกมองเราสองคนอยู่ข้างหลัง กระทั่งพี่อินทร์เหลือบไปเห็น ผมถึงได้รู้ว่าเขายืนมองพวกเราอยู่

“ขอบใจมึงมากไอ้บุศย์...ขอบใจมาก...”

พี่บุศย์พยักหน้าให้น้อยๆ จากนั้นก็ปล่อยให้เราสองคนได้ซึมซับเอาความรู้สึกซึ่งขาดหายไปช่วงเวลาหนึ่งมอบแก่กันและกัน

ความรักที่ขาดไปในช่วงเวลานั้น...ผมจะเอามันกลับคืนให้พี่อินทร์ให้หมด

จากนี้จะไม่ลืมอีกแล้วว่ารักผู้ชายคนนี้เพียงใด...

จะไม่ลืมพี่อินทร์อีกแล้ว...

 

ทั้งๆ ที่การที่ความทรงจำกลับคืนมาน่าจะเป็นเรื่องยินดี แต่เอาเข้าจริงมันก็กระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะผมจำได้เต็มๆ เลยว่าก่อนหน้านั้น ผมทำร้ายจิตใจพี่อินทร์ไปมากแค่ไหน พี่อินทร์เองก็ยังคงดูไม่เชื่อสักเท่าไรว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องจริง เขาให้ผมตบหน้าเขาเรียกสติอยู่ตั้งหลายครั้งเพราะกลัวว่าตัวเองจะฝันไป บอกตามตรง เขาโคตรน่าสงสารเลย และแน่นอนว่าผมไม่ตบเขาหรอก แต่เรียกสติเขาด้วยการบอกแทน

“จิรักพี่อินทร์ครับ”

พี่อินทร์ก็มองหน้าผมแล้วครางออกมา

“อันนี้ความฝันหรือความจริง จิตบหน้าพี่ที”

ผมหัวเราะน้อยๆ ส่ายหน้าปฏิเสธ แต่เขาก็คว้ามือผมไปจับตบหน้าเขาเบาๆ

“ตบหน่อย ตบเร็ว พี่จะได้รู้ว่าไม่ได้ฝัน”

“ไม่เอา เดี๋ยวพี่อินทร์เจ็บ”

ผมขืนตัวไว้ ก่อนจะกลายเป็นว่าพี่อินทร์แกล้งเอาหน้าตัวเองมาชนกับฝ่ามือผมใหญ่เลย

“ตบหน่อย ตบเร็วเข้า”

ท่าทางนั้นทำเอาคนอื่นๆ ที่มองอยู่ถึงกับทำหน้าเหม็นเบื่อ...ใช่ครับ ตอนนี้เรามาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกแล้ว พอมีเรื่องดีๆ เดอะแก๊งของอิเหนาก็จะพากันไปจบที่ร้านหมูกระทะทุกที การที่ผมได้ความทรงจำของอดีตชาติกลับคืน แล้วก็จำพี่อินทร์ได้เหมือนเดิมก็เท่ากับว่าเป็นเรื่องดีๆ เหมือนกัน แต่ท่าทางดีใจเกินเหตุของพี่อินทร์ก็ทำให้พี่วิญญูซึ่งนั่งมองอยู่นานอดพูดขึ้นมาไม่ได้

“น้องจิไม่ตบ เดี๋ยวกูช่วยตบให้เอง เห็นแล้วรำคาญ”

ไม่พูดเปล่า ง้างมือมาแล้วด้วย พี่อินทร์เลยชะงักทันใด

“เจือกจริงๆ นะมึงอะ เห็นคนเขารักกันหน่อยไม่ได้ ไอ้มารความรัก”

หันไปด่าพี่วิญญูหน้าตาเฉย ทำเอาผมกับคนอื่นๆ หัวเราะกันร่วน เว้นก็แต่พี่วิญญูที่ยังดูหมั่นไส้พี่อินทร์ไม่เลิก

“ตอนน้องจิจำไม่ได้ก็ทำจะเป็นจะตาย พอจำได้ก็ทำเป็นไม่เชื่ออยู่ได้ว่าเป็นเรื่องจริง ดัดจริตจนน่ารำคาญ”

อันนี้ก็เรื่องจริงแหละ แต่ผมก็เข้าใจเขานะ ถูกทำร้ายจิตใจมาตั้งนาน จะมีอาการเพี้ยนๆ อย่างนี้สักหน่อยก็ไม่แปลก พี่อินทร์ทำแก้มป่องงอนๆ เหมือนเด็กเล็กๆ ไม่โต้เถียงอะไร ก่อนที่สรัลจะโพล่งขึ้น

“แล้วเป็นไงมาไง นายถึงไปชอบพี่จิณห์ได้ยะ คิดไม่ถึงเลยนะว่าที่บอกเลิกพี่อินทร์เพราะไปรักคนอื่นจะเป็นพี่จิณห์น่ะ โคตรช็อก”

เรื่องนี้ผมก็เล่าให้ทุกคนฟังไปแล้ว เล่าแบบละเอียดด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้ทุกคนเคร่งเครียดขึ้นมาทันตาโดยเฉพาะพี่อินทร์ที่ดูจะเครียดเป็นพิเศษ

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่รู้เหมือนกัน ก่อนหน้านี้แค่เห็นเขามาตามดู แต่พอเจอกันครั้งสุดท้ายก็ดันไป...เอ่อ...”

ตกหลุมรัก... จะพูดคำนี้แหละ แต่เกรงใจคนนั่งข้างๆ พี่อินทร์ก็มองผมตาเขียว

“ห้ามพูดนะ พี่แสลงใจ”

ผมยิ้มเจื่อนๆ พยักหน้ารับ ไม่พูดก็ไม่พูด ผมเองก็ไม่อยากพูดเหมือนกัน

ท่าทางของเราสองคนทำเอาพี่วิญญูเบ้ปากเป็นการใหญ่

“เฮอะ เป็นไงล่ะ ทำมาเป็นว่ากูกับบุศย์จะเอาตูดดูดกัน โน่น เมียมึงเลยที่จะไปเอาตูดดูดกับจินตะหราวาตีน่ะ”

“อ่อก!”

พี่อินทร์ที่ยกแก้วเป๊ปซี่ขึ้นไปดื่มเมื่อกี้ถึงกับสำลักน้ำเมื่อถูกค่อนขอดอย่างนั้น ผมก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ ขณะที่พี่วิญญูค่อนแคะไม่เลิก

“ดีนะที่น้องจิรู้ตัวเร็ว เอาแหวนทองครองพิภพมาใส่ก่อน ความทรงจำถึงได้กลับคืน ไม่งั้นได้เอาตูดดูดกันสมพรปากมึงแน่”

ดูท่าจะหมั่นไส้พี่อินทร์มาก ได้ทีเอาคืนเป็นการใหญ่ ผมไม่ชอบหรอกที่เขาพูดอย่างนี้ แต่ก็ต้องยอมรับแหละว่ามันคือเรื่องจริง ก็ผมคลั่งพี่จิณห์เสียขนาดนั้นน่ะ มันมีความเป็นไปได้อยู่แล้วที่จะเผลอหลวมตัวถ้าหากว่าได้เจอกับเขาอีกครั้งก่อนจะสวมแหวน

ผมหันไปหาพี่อินทร์ กะว่าจะบอกให้เขาไม่ต้องคิดมาก แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วแทนเมื่อเห็นเขาปล่อยให้น้ำเป๊ปซี่ที่ดูดเข้าไปเมื่อกี้ไหลออกจากปาก

“พี่อินทร์เป็นอะไรน่ะครับ”

“กระอักน้ำเป๊ปซี่...”

พูดทั้งๆ ที่น้ำยังไหลออกจากปากด้วย อะไรของมึงเนี่ย!

หันมาบอกผมด้วยสีหน้าแบบเด็กเอ๋ออีกต่างหาก ส่วนพี่วิญญูก็เอาคืนไม่เลิก

“จริงๆ น้องจิไม่น่าจำได้เร็วเลยนะ น่าจะเอาตูดไปดูดกันกับจินตะหราวาตีก่อน ไอ้อินทร์มันจะได้สำนึก อวยพรให้กูเอาตูดดูดกับบุศย์ดีนัก”

“อั่ก...”

พี่อินทร์กระอักน้ำเป๊ปซี่ที่ยังคั่งค้างอยู่ในปากออกมาอีกแล้ว น้ำเป๊ปซี่ไหลย้อยลงคอลงเสื้อหมดอะ ผมเลยต้องดุพี่วิญญูไปทีหนึ่งเพราะไม่งั้นพี่อินทร์ทำตัวเป็นเด็กเอ๋อไม่เลิกแน่

“พอแล้วพี่วิญญู อย่าแกล้งพี่อินทร์สิครับ”

พูดจบก็หันไปคว้าทิชชูมาให้เขาเช็ด แต่เขาก็ดันเบะปากทำหน้าเหมือนจะร้องไห้มาให้ผมเสียอย่างนั้น แถมยังส่งเสียงออดอ้อนด้วย

“คุณจิระอย่าไปเอาตูดดูดกับใครนะงับ”

กูจะไปเอาตูดดูดกับใครเล่า! พูดมาได้!

“จิไม่ทำแบบนั้นหรอกน่า”

ผมตอบไปตามตรง เท่านั้นพี่อินทร์ก็ทำปากยื่นๆ ว่ากระเง้ากระงอด

“ดีมาก เพราะคุณจิระต้องเอาตูดดูดกับอินทราคนเดียว”

กับมึง กูก็ไม่เอาตูดไปดูดด้วยเว้ย!

หายเศร้าก็บ้าเลยนะไอ้อิเหนา! ไหวไหมมึงเนี่ย!

“น่าเกลียด พี่อินทร์อย่าพูดแบบนี้อีกนะครับ”

คนอื่นๆ หัวเราะกันร่วนเลย พี่อินทร์ก็หัวเราะ คว้าผมไปกอดโยกๆ ใหญ่

“ก็เผื่อว่าจิอยากสัมผัสประสบการณ์ใหม่ไรงี้”

ประสบการณ์อุบาทว์ๆ ไม่ต้องเอามาให้กูสัมผัสเลย!

จะมีก็แต่พี่บุศย์เท่านั้นแหละที่ไม่ได้ร่วมหัวเราะอะไรมากมาย เขากอดอก ปั้นหน้าเครียดก่อนที่จะโพล่งถามออกมา

“จิ พี่สงสัยอยู่อย่างนึง”

“ครับ?”

“ตอนที่จิรู้สึกรักไอ้จิณห์ มันมีอะไรแปลกๆ หรือรู้สึกว่ามีพิรุธอะไรหรือเปล่า”

“พิรุธยังไงเหรอครับ”

“แบบว่าเห็นภาพหลอนหรือได้กลิ่นอะไรแปลกๆ”

ไม่เข้าใจนักหรอกว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ผมก็นิ่งคิดทบทวนไปครู่หนึ่ง

“ก็...มีกลิ่น”

“กลิ่น?”

“พี่จิณห์ใส่น้ำหอมค่อนข้างแรงน่ะครับ”

พูดมาถึงตรงนี้ก็กลายเป็นพี่อินทร์บ้างแล้วที่ทำหน้าเครียด

“กลิ่นน้ำหอม... ไม่ใช่น้ำหอมสังเคราะห์ เป็นกลิ่นคล้ายน้ำอบน้ำปรุง”

ผมหันไปมองเขาทันที ส่งสายตาเป็นเชิงถามว่ารู้ได้ยังไง พี่อินทร์ก็ตอบมาทันควัน

“มันมาหาพี่ก่อนที่จะเจอจิน่ะ บุกเข้าห้องมาแบบไม่ทันตั้งตัว แต่พี่ไม่ได้เป็นคนเปิดให้มันเข้านะ ไม่ได้ทำอะไรกันด้วย สาบาน”

รีบแก้ตัวเฉยเลย ยังไม่ทันจะว่าอะไรสักหน่อย แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญแล้วเมื่อพี่บุศย์ส่งเสียงเครียด

“หรือว่าจะเป็น...ยาเสน่ห์”

เท่านั้นทุกคนก็เงียบ มีเพียงเสียงถ่านในเตาเท่านั้นที่ส่งเสียงดังเป๊ะป๊ะมาให้ได้ยิน ก่อนพี่บุศย์จะเปิดปากอธิบาย

“เมื่อชาติก่อนในหมู่นางกำนัลนางในมีความเชื่อกันอยู่ว่าน้ำอบน้ำปรุงบางอย่างสามารถใช้เป็นยาเสน่ห์ให้พวกผู้ชายมารักหลงชมชอบได้ พวกนางกำนัลมักจะปรุงให้เจ้านายของตัวเองใช้เพื่อมัดใจพระสวามี มันเป็นเรื่องของพวกวังหลังที่แข่งกันเป็นคนโปรดน่ะ”

ไม่แปลกแล้วว่าทำไมพี่บุศย์ถึงรู้ นั่นก็เพราะเมื่อชาติก่อน นางบุษบาเป็นหนึ่งในชายาวังหลังของอิเหนานั่นเอง

“แต่วังหลังของอิเหนาไม่ค่อยมีเรื่องนี้เท่าไร เพราะพวกผลหมากรากไม้วัตถุดิบที่ใช้ปรุงยาเสน่ห์ไม่ได้รับอนุญาตให้ปลูกในเมืองกุเรปัน อีกอย่าง อิเหนาก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับชายาคนไหนเลย มีอะไรก็ให้ข้าราชบริพารไปบอกกล่าว การเข้าถึงตัวยากก็เท่ากับว่าใช้ยาเสน่ห์ด้วยยาก กูว่าไอ้จิณห์มันตั้งใจเอามาใช้กับมึงมากกว่า ไม่ใช่กับจิ แต่มันดันไม่ได้ผลกับมึง”

ตอนนี้เข้าใจอย่างถ่องแท้เลยว่าทำไมจู่ๆ ผมก็ไปใจเต้นแรงกับพี่จิณห์ ส่วนที่เขาพูดเมื่อกี้มันก็น่าสงสัย

ทำไมใช้ไม่ได้ผลกับพี่อินทร์ล่ะ?

“หรือเพราะว่ากูเป็นหวัดเลยได้กลิ่นไม่ชัด?”

เหตุผลก็เข้าเค้าอยู่นะ ทว่าสรัลกลับสวนขึ้น

“หนูว่าไม่น่าใช่อะ น่าจะเป็นเพราะเหตุผลอื่น”

“เหตุผลอื่น?”

“น่าจะเกี่ยวกับอดีตชาติ ดูอย่างจิดิ พอจำอดีตชาติขึ้นมาได้ ก็หายหลงเสน่ห์พี่จิณห์ไปซะอย่างนั้นอะ มันน่าจะมีอะไรเชื่อมโยงกัน”

ก็จริงนะ เพราะพอผมจำพี่อินทร์ จำอดีตชาติได้ ความรู้สึกที่มีต่อพี่จิณห์ก็หายวับไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบไขข้อสงสัยนี้ได้เลยแม้แต่น้อย มีแต่คำเตือนเท่านั้น

“เอาเป็นว่าจนกว่าเราจะรู้ว่าเป็นเพราะอะไร ห้ามจิเข้าใกล้ไอ้จิณห์มันเด็ดขาด ดูแลตัวเองดีๆ มันไม่ยอมจบเรื่องแค่นี้แน่”

ผมพยักหน้าให้กับพี่บุศย์ ก่อนที่เขาจะหันไปบอกกับพี่อินทร์

“ดูแลน้องมันดีๆ ด้วย ได้คืนมาแล้ว อย่าปากพล่อยอีก”

“รู้แล้วน่า”

พี่อินทร์ว่าอย่างรำคาญ ผมก็หัวเราะน้อยๆ เพราะนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งเหมือนกันที่ทำให้ผมความทรงจำขาดหาย ทุกคนเดากันไว้ว่าที่จริงผมอาจจะต้องตายเพราะคำสาบาน แต่เป็นเพราะพี่อินทร์ไปบนบานไว้อย่างนั้น ผมเลยความทรงจำขาดหาย ส่วนผมก็ไปอธิษฐานว่าอยากอยู่กับเขาตลอดไป เลยทำให้ไปจากเขาไม่ได้สักทีแม้ว่าจะไม่ได้รักเขาในช่วงนั้น

ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีแหละนะที่ทุกอย่างคลี่คลาย ไม่อย่างนั้นทั้งผมและเขาคงทรมานกันไปจนตายอีกชาติแน่

 

หลังจากกินหมูกระทะกันเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายกลับห้องใครห้องมัน แต่ผมกับพี่อินทร์แวะไปที่ห้างใกล้ๆ หอเพื่อซื้อของใช้เข้าห้อง ช่วงที่พี่อินทร์ไม่ได้อยู่หอด้วย ผมไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองรวมถึงห้องหับสักเท่าไร ของใช้เลยขาดไป พอจ่ายเงินเสร็จ พี่อินทร์ก็รีบเข้ามาแย่งถุงข้าวของในมือผมไปถือ

“ไม่ต้องพี่อินทร์ จิช่วยถือถุงนึง”

แต่เขาไม่ยอม แย่งไปจนได้ทั้งที่ในมือตัวเองก็ถือตั้งหลายถุงแล้ว

“ไม่เป็นไร จิจะได้เอามือไว้จับมือพี่”

แล้วก็ถือวิสาสะจับมือผมด้วย ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเขาหรอก ยิ้มให้เขาที่ยิ้มแป้นแล้นอยู่

“ถือว่าชดเชยที่จิทำตัวไม่ดีกับพี่อินทร์ไปนาน จิจะยอมตามใจก็แล้วกันครับ”

“หืม? ตามใจจริงเหรอ”

เขาเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม ผมก็พยักหน้า

“อืม ตามใจจริงๆ”

“ทุกเรื่องเลยปะ”

“ทุกเรื่องเลย จิจะให้พี่อินทร์ทำตามใจตัวเองทุกเรื่องเลย”

บอกไปอย่างนั้น พี่อินทร์ก็ทำสายตากะลิ้มกะเหลี่ย

“ถ้าอย่างนั้น...”

พลันสายตาของเขาก็เหลือบมองไปทางด้านหลังผม พอผมหันไปมองก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นว่าจุดที่เขามองไปมันคือร้านเสื้อชั้นในผู้หญิงที่มีชุดนอนไม่ได้นอนขายด้วย

ตามใจได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้ไม่เอาโว้ย!

ผมส่ายหน้าพรืดเลย พี่อินทร์ก็ทำปากยู่ทันที

“ไหนว่าจะตามใจทุกเรื่องไง คนขี้ฮก”

ทุกเรื่องแต่ต้องไม่ใช่เรื่องนี้ไง!

ผมไม่พูดอะไร ได้แต่มองหน้าเขาเป็นเชิงบอกว่า ‘ให้ตายก็ไม่เอา’ พี่อินทร์ก็ปั้นหน้าเศร้าทันที แถมตัดพ้อไม่เลิก

“อืม ถ้าจิไม่อยากก็ไม่เป็นไร ตามใจกันมันก็ต้องมีขอบเขตแหละเนอะ ไม่เป็นไรหรอก ความเจ็บปวดที่จิมอบให้พี่ที่ผ่านมา พี่จะเยียวยามันเอง ถึงมันจะยาก แต่พี่จะพยายาม...”

เออๆ! ยอมแล้ว!

“เอาก็เอาพี่อินทร์ จิยอมก็ได้”

สิ้นเสียง พี่อินทร์ก็ยิ้มกว้างทันที

“งั้นจะชักช้าอยู่ไย รีบไปเลือกกันเร็ว~”

ลั้นลาระริกระรี้ต่างจากเมื่อวินาทีก่อนมาก ผมมองตามหลังเขาที่วิ่งปรู๊ดเข้าร้านนั้นไปพลางหยิบชุดมุ้งขึ้นมาทาบทับบนตัวผมอย่างเริงร่าแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

มีโอกาสเมื่อไร กูจะเผาทิ้งให้หมดเลยไอ้โรงงานทำชุดมุ้งเนี่ย!

 -----------------------------------

ไม่ม่าแล้ว อ่านไปเต๊อะ พี่อินทร์กลับมาอ๊องเหมือนเดิมละ อีกนิดก็ขมวดปมจบแล้วค่ะ

 เรื่องนี้รูปเล่มออกงานหนังสือ ต.ค.กับ สนพ.รักคุณ นะคะ

มีคนถามว่าจินดาส่าหรี เมียของจรกาในชาติที่แล้วจะโผล่มามั้ย มานะคะ แต่มาในตอนพิเศษตอนนึง ตอนพิเศษนี่จัดเต็มหลายตัวละครแน่นอน ใครอยากอ่าน รอเปย์รูปเล่มเน้อ

ฝากกำลังใจให้ด้วยค่า

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 37★คืนใจ[6.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 06-06-2018 20:23:35
 o13 o13
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 37★คืนใจ[6.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-06-2018 20:38:39
ปวดตับกับ 2 คนนี้จัง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 37★คืนใจ[6.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-06-2018 20:49:50
 o13
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 37★คืนใจ[6.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 06-06-2018 21:10:49
ลุ้นจนไม่กล้าอ่านตอนมาม่าเลย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 37★คืนใจ[6.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 06-06-2018 21:17:45
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 37★คืนใจ[6.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-06-2018 21:24:28
 :man1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 37★คืนใจ[6.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 06-06-2018 21:29:29
พอหมดม่สอิพี่อินทร์ก็กลับไปบ้าเหมือนเดิม สมกับที่ว่าชาติที่แล้วเป็นอิเหนาชาตินี้เป็นอิบ้าเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 37★คืนใจ[6.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 06-06-2018 21:37:01
 :pig4:

สแกนเห็นคำโปรยปลดม่าแว๊บๆ ขอว๊าบไปอ่านให้ถ้วนทั่ว ว่าชดเชยการที่ยกซดม่ากะละมังใบโตที่ผ่านมาได้เปล่า
 ว่าแต่...
  -คืนใจ-  นี่เหมือน –ทะเลใจ-  มั้ย??
 ไม่เกี่ยวสินะ  :mew5: เอ๊า ..ก็หยอกมั้ยล่ะ บางที
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 37★คืนใจ[6.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 06-06-2018 21:47:38
พอจิกลับมาเป็นคนเดิม ความผัวของอิพี่ก็หายไป ฮือ ต้องดีใจสินะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 37★คืนใจ[6.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-06-2018 21:54:50
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 37★คืนใจ[6.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-06-2018 21:55:48
ดีใจกับพี่อินทร์ที่น้องจิจำได้เหมือนเดิมแล้ว พอคืนดีกันก็ต๊องเหมือนเดิมเลยนะพี่อินทร์ :laugh:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 37★คืนใจ[6.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-06-2018 00:12:49
กลิ่นน้ำปรุงมันคือยาเสน่ห์นี่เอง 
จินตะหรา มันก็สรรหาเนอะ 555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 34★กามเทพแผลงศร[3.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: พันวา ที่ 07-06-2018 08:33:34
WARNING

 

เลยอยากจะบอกกันว่าการที่อ่านงานหนูแดงแล้วไม่คลิกหรือไม่ถูกจริต มันไม่ใช่ปัญหาของหนูแดงที่จะต้องมาแก้เส้นเรื่องเพราะว่าใครสักคนอ่านแล้วไม่ชอบง่ะ ยิ่งการมา Blame เพราะว่าหนูแดงเขียนไม่ตรงใจ ยิ่งไม่ใช่ใหญ่เลยเน้อ เอาเป็นว่าขอความร่วมมือไม่ Blame นักเขียนไม่ว่าจะเรื่องไหนเพียงเพราะเขียนไม่ถูกใจเรานะคะ (แต่อินได้ ด่าตัวละครได้ ไม่ว่ากัน 555)

ช่วงนี้หนูแดงโดนทุกเรื่องเลย เดี๋ยว Blame ที่อัปช้า หรือไม่ก็อะไรทำนองนี้แหละ ซึ่งถ้อยคำที่ใช้ก็ไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่อะเนอะ ส่วนตัวหนูแดงก็รับได้ค่ะเพราะเจ็บบ่อยๆ ค่อยๆ ชิน แต่บ่อยไปก็ไม่ดี อยากให้รักษาบรรยากาศดีๆ ร่วมกันนะคะ

ขอให้ทุกคนใจเย็นๆ ผ่านดราม่าตอนสองตอนไป มันก็คอเมดี้เหมือนเดิมละจ้า XD

เข้าใจเลยค่ะ เราเองก็เขียน จะชอบอ่านคอมเม้นท์มากๆ ยิ่งด่าตัวละครเรายิ่งชอบนะหมายถึงคนอ่านอิน 55555

แต่พอเบลมนักเขียนปุีบ เราเริ่มเฟลละ  มีบอกผิดหวังในตัวเราที่เขียนเรื่องไม่เป็นอย่างที่เขาคิด  โอ๊ยยย พันวาเครียดจนหยุดเขียนเลยค่ะ

แต่เราชอบอ่านของหนูแดงนะ สู้ๆ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 37★คืนใจ[6.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 07-06-2018 09:21:12
ชอบๆ อิพี่กลับมาอํองเหมือนเดิมแว้ววววว
ปอลิง...เค้ารอฉาก จุด จุด จุด อยู่น้า
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 37★คืนใจ[6.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 07-06-2018 10:17:33
อยากจะกรี๊ดดีใจสัก10ที น้องจำได้แล้ว

แต่อิชุดเนี่ย พี่อินจะให้น้องใส่จนได้ใช่ไหมมม :-[ 
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 37★คืนใจ[6.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 07-06-2018 13:21:11
จิจำได้ซะที~~~~~ TT
อิเหนาเว่อร์ชั่นไม่บ้าๆบอๆ หงอยเหงา อ่านแระเศร้ามาค่ะ
แบบว่ามันไม่ชิน 5555555555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 37★คืนใจ[6.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 07-06-2018 13:51:17
หมดมาม่าแล้ว

 :call: :call:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 37★คืนใจ[6.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: แมว ที่ 08-06-2018 02:03:36
ชอบที่พี่อิเหนาปัญญาอ่อนเหมือนเดิม 555555 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 37★คืนใจ[6.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 08-06-2018 15:17:06
 :L2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 37★คืนใจ[6.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 08-06-2018 17:54:05

Chapter: เสือโคร่ง VS เสือดาว

ตามใจพี่อินทร์เรื่องอื่นไม่ยากเท่ากับการตามใจให้เขาได้เลือกชุดนอนไม่ได้นอนมาให้ผมใส่นี่เลย ไอ้เรื่องใส่มันไม่เท่าไร แต่ไอ้ที่ต้องไปยืนเลือกชุดกับเขาในร้านด้วย มันไม่ใช่เรื่องที่ผมจะยิ้มออกเลยนะ

เดชะบุญที่ห้างใกล้จะปิดแล้ว เลยมีคนอยู่ละแวกนั้นไม่เยอะเท่าไร แต่ถึงอย่างนั้นการที่ผู้ชายสองคนมายืนหัวโด่ในร้านชุดชั้นในสตรีมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะทำตัวเป็นปกติได้เลย จะมีก็แต่พี่อินทร์นี่แหละที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เอาชุดนั้นชุดนี้มาทาบบนตัวผมเป็นพัลวัน จนสุดท้ายผมต้องแหวใส่เขาเบาๆ ว่าจะเอาชุดไหนก็เอามาเถอะ แล้วรีบๆ กลับกันสักที อับอายขายขี้หน้าชาวบ้านจะตายอยู่แล้ว

พี่อินทร์ก็เลยซื้อมาเป็นกุรุส...

เออ เรียกได้ว่าแทบจะกวาดมาทั้งแผง ส่วนตอนแรกที่ผมคิดว่าเรื่องยากไม่ใช่การใส่ชุด แต่เป็นการยืนเลือกซื้อชุดกับเขา ผมขอกลับคำหน่อย

ไอ้ที่ต้องมาใส่ชุดนอนไม่ได้นอนนี่ก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันเว้ย!

ทันทีที่กลับถึงห้อง พี่อินทร์ก็พุ่งพรวดเข้าไปอาบน้ำก่อนเป็นคนแรก ปล่อยให้ผมยืนเลือกชุดที่จะใส่เอาใจเขาในคืนนี้ แต่จนกระทั่งเขาอาบน้ำเสร็จ ผมก็ยังเลือกไม่ได้

ก็จะให้เลือกได้ยังไง ดูแต่ละลายที่แม่งเลือกมาเสียก่อน ไหนจะลายเสือดาว สีชมพูบานเย็น สีเขียวสะท้อนแสงยังมี

รสนิยมบ้าบอคอแตกอะไรของมึงเนี่ย!

สุดท้ายเลยกลายเป็นว่าพี่อินทร์เลือกให้ เขาคว้าชุดสีที่เหมือนจะเรียบๆ มายัดใส่มือผม ก่อนคะยั้นคะยอให้ผมไปอาบน้ำสระผมเอากลิ่นหมูกระทะออกเป็นการใหญ่

สีที่เหมือนจะเรียบๆ ...เหมือนจะ...ย้ำว่าเหมือนจะ...

มันเป็นสีดำสลับกับสีโทนเหลือง แต่ลายของมันนี่แบบ...

...ลายเสือดาว

มันเรียบตรงไหนเนี่ย!

ใช้เวลานานมากทีเดียวกว่าที่ผมจะทำใจใส่ไอ้ชุดบ้าๆ นี่หลังจากอาบน้ำเสร็จได้ แล้วก็ใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าที่จะทำใจกล้าเดินออกจากห้องน้ำในสภาพมีชุดนอนไม่ได้นอนสวมอยู่บนตัวเช่นกัน

ก็นี่มันไม่ใช่แค่ชุดมุ้งที่ผมต้องใส่นี่หว่า ดันมีกางเกงในจีสตริงด้วย

รสนิยมมึงแปลกเกินไปแล้วไอ้อิเหนา!

ดันใส่ได้พอดีอีกต่างหาก เห็นตัวเองในกระจกแล้ว ผมก็ต้องรีบเบือนหน้าหนีเลย ขนลุกอีกต่างหาก โคตรอยากฉีกทิ้งเลย แต่ทำไงได้ รับปากไปแล้วว่าจะตามใจ ถือว่านี่เป็นการไถ่โทษที่ผมทำเขาเสียใจไปตั้งนานด้วย ผมก็เลยสูดหายใจแล้วออกจากข้างนอกจนได้ มือก็ดึงชายชุดให้ปิดช่วงกลางลำตัวของตัวเอง ขณะที่พี่อินทร์ซึ่งกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงมองผมอย่างตะลึงงัน จากนั้นก็...

“นางเสือดาว~ นี่แหละนางเสือดาว~”

มึงจะร้องเพลงประกอบทำด๋อยอะไร!

แต่ชุดมันก็ลายเสือดาวจริงๆ นั่นแหละ แม่ง ลายอื่นก็มีตั้งเยอะดันไม่เลือก มาเลือกชุดนี้ แล้วมึงจะซื้อกลับมาเป็นโหลทำไม!

เห็นแล้วก็รู้ชะตากรรมเลยนะว่าผมจะต้องได้ใส่ชุดพวกนั้นจนกว่าจะครบทุกลายแน่ แต่บางทีเขาอาจจะไม่ได้ให้ผมใส่ทุกชุด เพราะไม่ใช่แค่ผมเท่านั้นที่ใส่ชุดนี้ เขาก็...

“พี่อินทร์ใส่ชุดนอนไม่ได้นอนทำไมครับ”

...เขาก็ใส่อ้ะ! โอ๊ย! ตกลงมึงซื้อมาใส่เองใช่ไหม!

สถานการณ์บ้าๆ บอๆ นี่มันอะไรวะเนี่ย!

ผมมองพี่อินทร์ที่ใส่ชุดมุ้งสีเดียวกันกับผม มีลายเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ลายเสือดาว ดูแล้วเหมือนเสือโคร่งมากกว่า แล้วก็ขนลุกซู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย ขณะที่เขายืดตัวขึ้นมา

“อ๋อ นี่น่ะเหรอ จะได้เข้าคู่กันกับจิไง”

ไม่เข้าคู่เลยสักนิด มันคนละลายกันเว้ย!

แต่พี่อินทร์ไม่สนหรอก ยืนแล้วก็โพสต์ท่ายั่วใส่ผมเป็นการใหญ่

“ลายนางเสือดาวนี่เซ็กซี่ไหมฮ้าคุณจิระ~”

เอาดีๆ เสือดาวหรืองูเหลือม! ถึกๆ อย่างมึงใส่นี่ กูนึกว่าถูกงูเหลือมแดรก!

ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเลย ก่อนรีบเบือนหน้าหนี

“พี่อินทร์...จิจะอ้วก”

คลื่นไส้ฉิบหาย! อะไรของแม่งเนี่ย!

แต่พี่อินทร์สนใจไหมล่ะ หึ! ไม่สนใจไม่พอ ยังเสนอหน้าแด๊ะแด๋เข้ามารวบเอวผมไปกอด

“คลื่นไส้อะไร คนใจร้าย~”

กูจะใจร้ายกว่านี้ด้วยการอ้วกใส่มึงด้วย!

ทว่าพี่อินทร์ก็คือพี่อินทร์ ไม่สน ไม่หือไม่อืออะไรทั้งนั้น ทำปากยื่นๆ ใส่ผมแล้ว

“ไม่เอา ไม่อ้วกนะคนดี อึ๊บไว้ อึ๊บ~”

ผมสูดหายใจเข้าปอด มองหน้าเขาที่ยิ้มแป้นอยู่ จากนั้นพี่อินทร์ก็ยิ้มกว้างมากขึ้นไปใหญ่

“เก่งมากนว้องจิของป่าปี๊ ฮึบไว้นะครับคนเก่ง”

ได้ๆ ยอมก็ได้ วันนี้จะยอมทุกอย่างเลย แต่สงสัยอยู่ข้อเดียวเท่านั้น

“ไหนพี่อินทร์บอกว่าซื้อมาให้จิใส่ไงครับ แล้วทำไมพี่อินทร์ใส่เองอะ”

พี่อินทร์เบิกตาโตขึ้นเล็กน้อย “หืม ใครบอกว่าพี่จะซื้อให้จิใส่”

เห?

“พี่ซื้อมาใส่เองต่างหาก” จากนั้นก็ทำท่าดัดจริตบิดเบี้ยว “ว่าไงฮ้าคุณจิระ อินทรายั่วสวาทคุณจิระได้หรือยังฮ้า~”

สรุปว่ามึงเอากูมาเป็นข้ออ้างเพราะอยากใส่เองใช่ไหมไอ้ชุดมุ้งเนี่ย!

ผมมุ่ยหน้าใส่เขาเลย พี่อินทร์ก็หัวเราะใหญ่

“ล้อเล่นๆ อยากเห็นจิใส่ต่างหาก”

ก็รู้หรอกว่าล้อเล่นน่ะ แต่เมื่อกี้ผมก็เกือบจะเชื่อไปแล้วนะ

“รสนิยมเพี้ยนๆ นะครับพี่อินทร์ ให้จิใส่ชุดเสือดาวแบบนี้ ทำไมไม่เอาหูกับหางมาให้ด้วยเลยล่ะ”

“ได้เหรอ งั้นพี่สั่งจากเน็ตมาให้นะ”

กูประชด!

พี่อินทร์ก็รู้ว่าผมประชด แต่ทำเป็นดี๊ด๊าให้ผมได้มุ่ยหน้าเข้าไปใหญ่ แล้วก็ต้องทวีมากขึ้นเมื่อเขาส่งเสียงสองออกมา

“นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊จะได้เป็นยูกแมวเหมียวตัวเย็กๆ ไง มีหู มีหาง มีหรรมตลอดตัว~”

มีหรรมอันเดียวก็พอแล้วเว้ย! ตลอดตัวนี่เกินไป๊!

โอย...ปวดหัวมาก พอกลับมาเป็นปกติ พี่อินทร์ก็ต๊องใหญ่เลย แต่ผมก็เข้าใจนะว่าเป็นเพราะเขาดีใจที่ได้ผมคนเดิมกลับคืนมา ผมก็เลยไม่ได้ว่าอะไร นอกจากหัวเราะไปกับเขาด้วย

“จิเป็นแมวที่ไหน เป็นเสือดาวต่างหาก”

รับมุกไปหน่อยแล้วกัน พี่อินทร์จะได้อารมณ์ดีขึ้น

“เสือดาวก็เป็นสัตว์ในตระกูลแมวนะ”

“งั้นพี่อินทร์ก็ต้องเป็นแมวด้วยเหมือนกัน เพราะพี่อินทร์เป็นเสือโคร่ง”

ตอนนี้เองที่เขาเพิ่งรู้ตัวว่าใส่ชุดลายอะไรอยู่ ผมได้จังหวะก็เลยถามอีกครั้ง

“สารภาพมาตามตรงเถอะครับ จิไม่ว่าอะไรหรอก ทำเป็นมาบอกว่าอยากเห็นจิใส่ชุดนอนไม่ได้นอน ตกลงตัวเองอยากใส่เองใช่ไหม”

“ว้าย รู้ทัน” พี่อินทร์แกล้งว่า พอเห็นผมจ้องเขาเขม็ง เขาก็หัวเราะ “ใช่ที่ไหนล่ะ อยากเห็นจิใส่นั่นแหละ แต่พี่กลัวว่าถ้าจิใส่คนเดียว จิจะอาย ก็เลยใส่เป็นเพื่อน”

พูดไป มือก็ลูบคลำตามลำตัวผมไป ก่อนที่จะไปวางแหมะอยู่ที่บั้นท้าย

“ว่าแต่...จิใส่จีสตริงได้ด้วยเหรอ”

ใบหน้าผมร้อนวูบขึ้นมาทันทีเลย ก่อนผมจะพยักหน้า

“ดีจังเลยเนอะ พี่ใส่ได้แค่ชุดนอนไม่ได้นอนเอง จีสตริงใส่ไม่ได้เหมือนเดิม ไม่มีไซส์”

ถึงตรงนี้ ผมก็ชะงักทันควัน

อย่าบอกนะว่า...

สายตาก็หลุบมองลงต่ำ พลันก็ต้องเบิกตาโพลง

มึงมาเดินต่องแต่งหรรมแกว่งไกวอย่างนี้อีกแล้วเรอะ!

ตาแทบบอดถึงจะเห็นบ่อยก็เถอะ ผมรีบเงยหน้ามองพี่อินทร์เลย ก่อนจะรีบบอกเขา

“จิใส่คนเดียวก็พอ พี่อินทร์ไม่ต้องใส่หรอก”

“เอ้า ทำไมอ้ะ”

“ทุเรศลูกตาง่ะ”

บอกไปอย่างนั้น พี่อินทร์ก็หัวเราะ กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ก่อนกระซิบข้างหูผม

“พี่ถอดแน่ๆ แต่ขอไปถอดบนเตียงได้ไหม”

ใบหน้าร้อนวูบขึ้นมาอีกครั้ง ผมเข้าใจได้ทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร พลันพยักหน้าให้พี่อินทร์ได้ดึงผมไปเอนตัวนอนที่เตียง ถึงตอนนี้ เขาก็ถอดชุดนอนไม่ได้นอนออก เหลือแต่ลำตัวเปล่าเปลือยที่ผมมองแล้วก็ใจเต้นทุกที ขณะที่เขาปรายตามองมายังผมแล้วก็อมยิ้ม

“วันนี้จิน่ารักมากเลย”

“น่ารักเพราะใส่ชุดลายเสือดาวเหรอครับ”

เขาหัวเราะพรืดพลางส่ายหน้า “เปล่าหรอก”

“งั้นเพราะอะไรล่ะ”

“เพราะจิกลับมารักพี่เหมือนเดิมแล้วไง” สิ้นเสียงก็โน้มใบหน้าลงมาจูบแผ่วเบาที่หน้าผากผม จากนั้นก็ว่าออกมา “ที่พี่อยากให้จิใส่ก็เพราะอยากให้จิหัวเราะเฉยๆ ไม่ได้มีรสนิยมแบบนี้หรอก”

ผมก็เลยถลึงตาเข้าให้ “ถ้างั้นจิถอดนะ”

ไม่พูดเปล่า มือก็จะถอดด้วย ให้อยู่ในชุดนี้นานๆ แล้วผมรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองยังไงก็ไม่รู้ แต่พี่อินทร์ก็คว้ามือผมไปเสียก่อน พลางว่าด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์

“ถ้าจิอยากถอดขนาดนั้น เดี๋ยวพี่ถอดให้นะ”

ไม่รอให้ผมตอบรับ เขาก็ลูบไล้ฝ่ามือไปตามเนื้อตัวผมแล้ว สัมผัสอุ่นร้อนจากฝ่ามือที่ซึมซาบผ่านเนื้อผ้าซีทรูทำให้ผมต้องเกร็งตัวแข็ง รู้สึกราวกับว่านานเหลือเกินที่ไม่ได้ถูกเขาสัมผัสอย่างนี้

อันที่จริงผมไม่ค่อยชอบให้เขาเล้าโลมสักเท่าไรเพราะทุกครั้งที่ถูกทำแบบนี้ทีไร ผมมักจะไปก่อนเขาอย่างน้อยหนึ่งครั้งทุกที แต่ในครั้งนี้ ผมกลับโหยหาสัมผัสจากเขามากเป็นพิเศษ ยิ่งถูกเขาตะโบมลูบไปทั่วหน้าอกและหน้าท้อง ผมก็อดไม่ได้ที่จะร้องเรียกเขา

“พี่อินทร์...”

เป็นสัญญาณให้เขารู้ว่าเขาควรจะทำอะไรมากกว่านี้ พี่อินทร์จึงประทับจูบลงมาบนริมฝีปากผม แลกเปลี่ยนปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดราวกับว่าจะหลอมรวมพวกเราให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ก่อนที่เขาจะถอนริมฝีปากไปพรมจูบยังใบหู ลากไล่ลงต่ำไปยังซอกคอ และระเรื่อยลงมาผ่านเนื้อผ้า

ริมฝีปากที่ทาบทับลงมายังตุ่มไตเม็ดเล็กที่อยู่ในผ้าซีทรูนั้นทำให้ผมหวามไหวไปทั่วทั่งสรรพางก์กาย แรงดูดดุนและปลายลิ้นเฉอะแฉะสร้างความวูบวาบในช่องท้องอย่างประหลาด

ถูกทำแบบนี้มันให้ความรู้สึกที่ชัดเจนมากกว่าสัมผัสโดยตรงเสียอีก!

ผมถึงกับบิดตัวเร่า ยิ่งเขาใช้มือข้างหนึ่งลูบไปยังต้นขา ก่อนจะวางทาบลงมายังส่วนกลางลำตัวที่ขยายออกเล็กน้อย ผมก็ยิ่งต้องควานหาอะไรสักอย่างมายึดไว้ และแน่นอนว่ามันคือพี่อินทร์

ผมกอดเขาแน่น ขณะที่เขาหยอกเย้าร่างกายผมไม่หยุดหย่อน ไม่นานนัก จีสตริงตัวจิ๋วก็ถูกแหวกออก เปิดช่องทางให้ปลายนิ้วร้ายได้รุกรานยังบริเวณลึกสุดของร่างกาย สัมผัสของเจลหล่อลื่นเย็นๆ ทำให้ผมเผลอครางออกมาทีหนึ่ง จากนั้นก็ต้องส่งเสียงอีกเมื่อปลายนิ้วค่อยๆ ชำแรกดุนดันเข้าไป

พี่อินทร์จูบหน้าผากผมเป็นการปลอบประโลม พอผมเรียกเขา...

“พี่อินทร์...”

...เขาก็เลื่อนลงมาจูบที่ริมฝีปากแทน

รสจูบในครั้งนี้หอมหวานและชวนให้วาบหวิวเป็นอย่างมาก เพราะรู้ตัวอีกที ปลายนิ้วของเขาก็ชำแรกเข้ามาในตัวผม เคลื่อนไหวอย่างซุกซนเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว

ผมบิดกายสะท้านเมื่อเขาขยับไปถูกจุดหนึ่งเข้า และก่อนที่เขาจะทำให้ผมต้องถึงฝั่งฝันไปก่อน ผมก็ต้องร้องปราม

“พี่อินทร์หยุดก่อน”

“หืม? ทำไมเหรอ เจ็บเหรอจิ”

เขาชะงักทันที หากแต่ผมส่ายหน้า

“จิไม่ได้เจ็บ”

เท่านั้นสีหน้าของเขาก็มีเครื่องหมายคำถามแปะหรา ก่อนที่เขาจะรีบพูดเร็วๆ

“ถ้ายังไม่พร้อม เรายังไม่ต้องทำก็ได้นะ”

เขาเป็นห่วงผมเสียอย่างนั้นอะ แต่ผมส่ายหน้าให้

“ไม่ใช่ จิไม่ได้ไม่พร้อม”

“แล้วมีอะไรเหรอ”

“แต่จิ...” เงียบไปครู่ ไม่รู้ว่าจะพูดดีไหม แต่สุดท้ายก็ต้องพูดเมื่อเขายังคงเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม “จิอยากทำเอง...”

พี่อินทร์อ้าปากค้างไปเลย พอได้สติ เขาก็พูดรัวยิ่งกว่าเดิมอีก

“หมายถึงจิจะออนท็อป?”

หน้าผมร้อนฉ่าไปแล้วตอนนี้ แต่นี่แหละคือสิ่งที่ผมต้องการ ผมเลยพยักหน้า ส่วนพี่อินทร์ก็พนมมือมองเพดานเสียอย่างนั้น

“ขอบคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่ทำให้ลูกช้างมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ ขอบพระคุณคุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงดูอุ้มชูมาก กราบแทบเท้าครูบาอาจารย์ที่อบรมสั่งสอน ต่อไปนี้อินทราจะเป็นเด็กดี...”

แค่กูจะออนท็อปครั้งแรก มึงไม่ต้องเว่อร์ขนาดนี้ก็ได้!

ผมหยิกพุงเขาไปทีหนึ่งข้อหาหมั่นไส้ พี่อินทร์ร้องโอ๊ย จากนั้นก็หัวเราะเมื่อได้ยินผมขู่

“ทำตัวต๊องอย่างนี้ เดี๋ยวจิก็ไม่ทำซะเลยนี่”

“แหม ก็พี่ดีใจ”

“ไม่ต้องมายิ้มเลย มานอนเร็วครับ จิอยู่ข้างบนเอง”

ผมเร่ง พี่อินทร์ก็ยอมทำตามแต่โดยดี เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ผมอยู่ข้างบนแทนที่เขาแล้ว เคอะๆ เขินๆ อยู่ครู่หนึ่งเลยทีเดียวเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน พี่อินทร์ก็เลยช่วยไกด์ให้

“โน้มตัวมานี่สิ”

ผมทำตามที่เขาบอก เขาจูบผมครั้งหนึ่ง จากนั้นก็กระซิบเสียงพร่า

“แล้วจิก็ค่อยๆ จูบไล่ต่ำลงไปนะ”

ทำเหมือนอย่างที่เขาทำกับผม ผมเข้าใจแล้วล่ะ พลันก็พรมจูบไปตามแผงหน้าอกของเขา ก่อนไปลากปลายลิ้นวนไล้ที่ยอดอกเล็กๆ

พี่อินทร์ส่งเสียงในลำคอออกมาอย่างพอใจ ผมเพิ่งเข้าใจในตอนนี้เองว่าเวลาได้ยินเสียงครางของคนที่เรากระทำมันเร้าอารมณ์แค่ไหน โดยเฉพาะถ้าคนคนนั้นคือคนรัก ยิ่งพี่อินทร์ส่งเสียงออกมามากเท่าไร ผมก็ยิ่งได้ใจมากขึ้นเท่านั้น พรมจูบไล่ลงต่ำไปกระทั่งถึงยังส่วนอ่อนไหว

ถึงจะเคยเห็นมาหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ใช่ว่าจะเคยเห็นชัดๆ สักที ผมปรายตาสำรวจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะครอบครองส่วนปลายด้วยริมฝีปาก พลันดุนดันเข้าไปด้านใน เคลื่อนไหวเข้าออกทีละน้อยจนรู้สึกได้ว่าร่างกายของพี่อินทร์เกร็งไปหมด

เสียงครางฮืมในลำคอดังมาให้ได้ยินเป็นระยะ กระทั่งมีคำพูดหนึ่งลอยเข้ามาในหู

“พี่ไม่ไหวแล้วจิ...”

รู้สึกตัวอีกที ผมก็ถูกเขาดึงให้ถอนริมฝีปากออก จากนั้นเขาก็คว้าเอาถุงยางอนามัยที่อยู่ข้างๆ หัวเตียงมาสวม จับผมขึ้นไปนั่งคร่อมจนผมต้องรีบร้องบอก

“พี่อินทร์ไม่ต้อง จิทำเอง”

เท่านั้นเขาก็มีสีหน้าไม่แน่ใจ “จิมั่นใจนะว่าจะเอาแบบนี้?”

ผมพยักหน้า เขาก็ยังคงดูกังวล คงกลัวว่าผมจะทำตัวเองบาดเจ็บนั่นแหละ ผมเองก็กลัว แต่ก็อยากทำให้เขา ชดเชยที่ทำให้เขาเสียใจอย่างที่บอก ก่อนที่จะตั้งหลักแล้วค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งทีละน้อย

ความคับแน่นที่ผุดพรายเข้ามาทำให้ช่องท้องของผมวูบไหวไปหมด พี่อินทร์รั้งบั้นท้ายผมไว้ ไม่ยอมให้ผมขยับ จนผมต้องดึงมือเขาออก

“พี่อินทร์... จิไหว”

บอกไปอย่างนี้ เขาถึงยอมปล่อยมือออก แต่ก็ไม่วายร้องแซวเมื่อผมเริ่มเคลื่อนไหวทีละน้อย

“ไอ้เธอมันคือนางแมวยั่วสวาท~ ไอ้เธอมันคือปีศาจสุดเซ็กซี่~”

“จิจะหมดอารมณ์ก็เพราะพี่อินทร์ร้องเพลงนี่แหละ”

เขาหัวเราะร่วนทันที “พี่ไม่อยากให้จิเครียด ดูซิ แค่เป็นฝ่ายอยู่ข้างบนถึงกับคิ้วชนกันเลย”

ว่าแล้วก็ใช้ปลายนิ้วมาคลี่หัวคิ้วผมให้ออกจากกัน

ก็นะ คนมันไม่เคยนี่นา มันก็ต้อง...

“จิตั้งใจทำนี่ครับ”

ใช่ ต้องตั้งใจทำกันหน่อย

พี่อินทร์ยิ้มให้กับคำพูดของผม ก่อนที่จะร้องบอกเมื่อผมเริ่มขยับตัวอีกครั้ง

“ช้าๆ นะ ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ ทำให้ชินก่อน พี่รอได้”

พี่รอได้...เหมือนจะเป็นคำพูดติดปากของเขาไปแล้ว ผมโน้มหน้าลงไปจูบเขาเบาๆ พลางกระซิบ

“แต่จิไม่อยากให้พี่อินทร์รอแล้ว พี่อินทร์รอจิมานานแล้วครับ เลิกรอได้แล้วนะ เพราะหลังจากนี้จิจะรักพี่อินทร์ให้มากๆ สมกับที่พี่อินทร์รอคอยจิมาตั้งนาน”

“...”

“พี่อินทร์รักจิมากๆ ด้วยนะครับ”

พูดจบ พี่อินทร์ก็รวบผมไปกอดแน่น

“พูดจาน่ารักแบบนี้ พี่จะอดใจไหวได้ยังไงเนี่ย”

แล้วก็กลายเป็นว่าคนที่ควรขยับกลายเป็นเขาเสียอย่างนั้น ขยับทั้งที่ผมยังอยู่ด้านบนนั่นแหละ

ความเสียวซ่านจู่โจมให้ผมไม่สามารถกักเก็บความปรารถนาไว้ได้ไหว ความหวามไหวกระอักออกมาเป็นสาย ครั้งแล้วครั้งเล่า...ราวกับเป็นเครื่องหมายของการหลอมรวมเราทั้งคู่ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

“พี่รักจินะครับ...”

เสียงหายใจหอบกระหืดของเราสองคนดังระคนเสียงบอกรักของพี่อินทร์ไม่หยุดหย่อน ผมเองก็เช่นกัน...ที่บอกรักเขาไม่หยุดประหนึ่งว่าชาตินี้จะไม่มีโอกาสได้บอกอีกแล้ว

“จิก็รักพี่อินทร์เหมือนกัน...พ่อเสือโคร่งของจิ”

เสียงหัวเราะของเขาดังขึ้น ผมถูกจับพลิกตัวให้ลงไปนอนแทน ก่อนพี่อินทร์จะงับใบหูผมเบาๆ

“งั้นขอเสือโคร่งกินยูกแมวตัวเย็กๆ อีกรอบนะครับ”

กินเลย...จะกินอีกกี่รอบก็เอาเลย ผมยอมหมดแล้ว

อะไรที่ทำให้พี่อินทร์สบายใจหลังจากนี้ ผมจะยอมเขาทุกอย่างเลย...

ยอม...เพราะจิรักพี่อินทร์ที่สุดเลยครับ

-------------------------

พี่อินทร์นี่ก็เอาใหญ่ น้องตามใจแล้วเอาใหญ่ 555

ฝากกำลังใจไว้ให้กันด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 38★เสือโคร่ง VS เสือดาว[8.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 08-06-2018 17:58:20
โอ้ยยยยยยยเขินนนนน มันดีมากกกกกก กรี๊ดดดด  :o8:

กินให้หมด กินนว้องตัวเย้กๆๆให้หมดเลยนะพี่อินทร์
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 38★เสือโคร่ง VS เสือดาว[8.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Fal2_Away ที่ 08-06-2018 18:07:44
ปลื้มปริ่ม   :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 38★เสือโคร่ง VS เสือดาว[8.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-06-2018 18:21:00
กินมากๆ ระวังจุกนะ นังเหนา  :hao6:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 38★เสือโคร่ง VS เสือดาว[8.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-06-2018 18:30:01
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 38★เสือโคร่ง VS เสือดาว[8.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-06-2018 18:36:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 38★เสือโคร่ง VS เสือดาว[8.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 08-06-2018 18:42:27
เหอะๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 38★เสือโคร่ง VS เสือดาว[8.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-06-2018 19:09:01
พี่อินทร์น่ารักอ่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 38★เสือโคร่ง VS เสือดาว[8.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 08-06-2018 19:54:42
   :pig4:
 
 เห็นชื่อตอนก็ว่าคงไม่มีรัย แค่ เสือโคร่ง VS เสือดาว คงไปเดตเที่ยวธรรมชาติงี้

  พออ่านจบเท่านั้นแหละ  อุทานในใจให้ลั่นว่า ... เ -ี้ ย !! (สัตว์ที่ไม่ต้องอยู่ในสวนสัตว์)

ทำไมไม่มีใครเตือนก่อน ..นี่เป็นคนใสไสยฯ งัย  :ling2:



หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 38★เสือโคร่ง VS เสือดาว[8.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 08-06-2018 20:48:42
แย้วยูกแมวตัวเย็กๆ ก็โดนพ่อเสือโคร่งกินจนขยับตัวไม่ได้ :laugh: หวานไปเรื่อยๆนะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 38★เสือโคร่ง VS เสือดาว[8.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Jadd ที่ 08-06-2018 20:53:58
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 38★เสือโคร่ง VS เสือดาว[8.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 08-06-2018 22:46:40
555555เกลียดการพนมมือไหว้เพดาน ประสาทมากพี่อินทร์ :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 38★เสือโคร่ง VS เสือดาว[8.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 08-06-2018 22:49:23
กำลิังฟินขณะอ่านพอมาท่อนเพลงไอ้เธอคือนางแมวยั่วสวาทนี่ทำเอาหมดอารมณ์ตามจิเลยขำก๊ากเลย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 38★เสือโคร่ง VS เสือดาว[8.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 09-06-2018 00:38:48
แบบนว้องจิโดนอิพี่ผีบ้าเบรกไปสามที รอบแรกเปิดมาพี้ใส่ชุดเสือโคร่งเป็นเพื่อน รอบสองพนมมือไหว้เพดาน รอบสามร้องเพลง เป็นนี่นี่หนีออกจากห้องไปแล้ว ทนอยู่กับคนบ้าไม่ได้555555 แต่แหมน้องรักผัว นว้องจิจะทน
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 38★เสือโคร่ง VS เสือดาว[8.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-06-2018 02:00:36
 :z1: :haun4: :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 38★เสือโคร่ง VS เสือดาว[8.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 10-06-2018 17:11:16
เพิ่งมาอ่านนนน เล็งไว้ตั้งแต่เปิดเรื่อง แต่ไม่มีโอกาสอ่านสักที แงงง เสียใจทำไมเพิ่งมาอ่านตอนนี้
สนุกมากเลยค่ะ น้องน่ารักมากๆๆๆ แต่ยอมใจพี่เค้า นี่พระเอกที่แรดที่สุดที่อ่านมาเลยมั้งคะ 55555555555
ขำอะ เครียดแทนน้องเลยยยย ตอนฟีลกู้ดก็ฟีลกู้ดจนนุเขินไปหมด แต่บทจะดราม่านุก็น้ำตาไกลเปงสัยยย
คุณหนูแดงหลอกนุ แงงงง นุร้องไห้ไปเรยยยย เขินพ่อเขินแม่ไปโม้ดดดดด นั่งกระซิกๆอยู่ แงงงง
ดีกันแล้วนะตอนนี้ อย่าให้มีเรื่องอะไรอีกเลยนะะะ แงงงง นิยายสนุกมากๆเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะตัวเอง
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 38★เสือโคร่ง VS เสือดาว[8.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 10-06-2018 18:08:06
ส่ายหัวให้กับความย้าของอิพี่อินทร์จริงๆ พี่อินทร์โว้ยยยยย จะมีสักฉากมั้ยที่เท่ๆเหมือนพระเอกปกติทั่วไปน่ะ หือ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 38★เสือโคร่ง VS เสือดาว[8.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 11-06-2018 17:50:24


Chapter 39: เมียเอก

ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างผมและพี่อินทร์เมื่อคืนนี้เป็นวันแรกของอิเหนากับจรกาที่ได้ครองรักกันอย่างมีความสุขที่สุดแล้ว ผมไม่เคยรักพี่อินทร์ได้มากเท่าเมื่อคืนมาก่อน และมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าเราสองคนจะตายจากกันอีกชาติ

ผมปรือตาขึ้น ยิ้มน้อยๆ ให้กับคนข้างกายที่ตอนนี้ใส่ชุดนอนไม่ได้นอนลายเสือโคร่งอีกแล้ว เห็นเมื่อคืนก่อนนอนบ่นว่าแอร์หนาว พอผมจะลดแอร์ลง เขาก็ดันคว้าเสื้อมาใส่ ซุกตัวใต้ผ้าห่ม นอนกอดกับผมแน่นๆ แทนเสียอย่างนั้น เขาบอกว่าปล่อยให้แอร์หนาวแล้วได้กอดกัน ดีกว่าร้อนแล้วต่างคนต่างนอนไรงี้ ดูจะเป็นเหตุผลต๊องๆ หน่อยๆ แต่ผมก็ยอมตามใจเขา ช่วงนี้ต้องตามใจเขาให้หมดทุกอย่างเลย ชดเชยที่ผมทำให้เขาเสียใจแบบไม่ได้ตั้งใจ

มองซีกหน้าคร้ามของพี่อินทร์ที่ยังจมอยู่ในห้วงนิทรา มือก็เอื้อมไปปัดปอยผมที่ปรกหน้าเขาอย่างลืมตัว พี่อินทร์ลืมตาขึ้นในตอนนี้ ก่อนจะร้องทักผมด้วยน้ำเสียงแหบแห้งน้อยๆ

“จะลักลับพี่เหรอ”

“ใครว่า จิปัดผมออกจากหน้าให้ต่างหาก”

ผมแกล้งทำแก้มป่อง เขาเลยเอื้อมมือมาดึงเป็นการใหญ่

“ว้า เสียดายจัง นึกว่าจะลักหลับพี่ซะอีก อุตส่าห์นอนรอ”

เนี่ย ก็เป็นเสียอย่างนี้ พอกลับมาปกติได้ ก็ทั้งต๊องทั้งหื่นเลย

“จิไม่ลักหลับพี่อินทร์หรอก เมื่อคืนก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ทำไม่ไหวแล้วครับ”

“แต่พี่ยังทำไหวนะ”

ไม่พูดเปล่า ยังพลิกตัวมาคร่อมผมหน้าตาเฉยอีกด้วย ผมเลยรู้ว่าเขาไม่ได้หลับอยู่หรอก แค่นอนหลับตาเฉยๆ เท่านั้น จริงๆ คงตื่นมาตั้งนานแล้ว

“พอก่อนไหมพี่อินทร์ เดี๋ยวจิก็เดินไม่ได้หรอก”

“ถ้าจิเดินไม่ได้ พี่จะอุ้มเอง อยากไปไหนบอกเลย พี่จะอุ้มไปทุกที่ แต่ขอพี่กินอีกรอบนะเจ้าแมวเหมียวตัวเย็กๆ”

พูดจบก็แกล้งซุกใบหน้าลงมาที่ซอกคอผมเสียอย่างนั้น ผมรู้ว่าเขาไม่ทำจริงๆ หรอก แค่หยอกให้ผมหัวเราะเท่านั้น ผมก็ชอบให้เขาทำแบบนี้นะถ้ามันไม่ชวนให้จั๊กจี้จนเกินไป

“พี่อินทร์ พอแล้ว จิจั๊กจี้”

เริ่มจั๊กจี้มากละ ผมเลยร้องห้าม แต่พี่อินทร์ก็ไม่หยุด รั้งสองมือของผมขึ้นเหนือหัว จากนั้นก็ว่ากะลิ้มกะเหลี่ย

“ไหนๆ ขอดูหน่อยซิว่ายูกแมวตัวเย็กๆ ของป่าปี๊สึกหรอตรงไหนบ้าง เดี๋ยวป่าปี๊รักษาให้นะ”

พลันก็หยอกเย้าผมอีก เสียงหัวเราะของผมดังขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ได้แค่ครู่เดียวเท่านั้นเพราะระหว่างที่ถูกพี่อินทร์ซุกไซ้ยังลำคอ จู่ๆ ประตูห้องก็เปิดผลัวะเข้ามา ทั้งผมทั้งพี่อินทร์พากันสะดุ้งโหยง ก่อนจะรีบมองไปยังต้นเสียงอย่างรวดเร็ว

“เรียกตั้งนาน นึกว่าเป็นอะไร ที่แท้ก็เล่นจ้ำจี้”

พอเห็นว่าคนที่เข้ามาโดยไม่บอกไม่กล่าวคือพี่บุศย์กับพี่วิญญู ผมก็รีบผลักพี่อินทร์ให้ลงไปจากร่างตัวเองทันทีพร้อมกับใบหน้าร้อนฉ่าด้วยไม่คิดว่าจู่ๆ พวกเขาจะเข้ามาในห้องอย่างนี้ ประเด็นคือ...

แม่งเข้ามาได้ยังไงวะ ไม่ใช่ห้องของตัวเองนะเว้ย!

พี่อินทร์ก็คงคิดเหมือนผมนั่นแหละ เพราะตอนนี้หัวคิ้วเขาย่นยู่เลย

“เอาคีย์การ์ดมาคืนน่ะ เมื่อกี้เคาะเรียกแล้ว ไม่เห็นมาเปิด นึกว่าเป็นอะไรก็เลยเปิดเข้ามาดู เป็นห่วง”

พี่บุศย์เปิดปากอธิบายก่อนที่จะมีใครได้ถามด้วยซ้ำ แถมคำว่าเป็นห่วงก็ทำให้ผมพูดอะไรต่อไม่ออกด้วย มีแต่พี่อินทร์เท่านั้นที่ว่าเสียงเขียว

“อย่างน้อยก็โทรเข้ามาหาก่อนสิวะ ไม่ใช่โผล่พรวดเข้ามางี้”

พี่บุศย์พยักหน้า จากนั้น...

“มึงปิดเครื่อง”

พี่อินทร์หันไปคว้าโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดู หน้าจอดำสนิทอย่างที่เพื่อนเขาบอก

ปิดเครื่องจริงๆ นั่นแหละ เห็นพี่อินทร์บอกว่าไม่อยากให้ใครมากวนเวลาส่วนตัวของเราสองคนก็เลยปิดเครื่องไว้น่ะ

แต่ผมว่าการที่พี่บุศย์กับพี่วิญญูโผล่พรวดเข้ามาแบบนี้ คงไม่ใช่แค่เรื่องเอาคีย์การ์ดมาคืนแน่ คงมีเรื่องสำคัญ ทว่ายังไม่ทันที่ผมจะได้ถาม พี่วิญญูก็จ้องมายังผมเขม็ง ตอนนี้เองที่ผมรู้สึกตัวว่ากำลังสวมอะไรไว้อยู่

ก็สวมชุดนอนไม่ได้นอนไงเล่า! ไอ้บ้าเอ๊ย! เขารู้รสนิยมมึงกันหมดเลยเนี่ยไอ้อิเหนา!

มองอย่างเดียวก็ทำให้ผมอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีแล้วนะ พี่วิญญูดันถามออกมาอีก

“มึงให้น้องจิใส่ชุดเชี่ยไรเนี่ย!”

พี่วิญญูถึงกับสบถหยาบคายออกมาทั้งที่ปกติแล้วเขาไม่ค่อยพูดจาอย่างนี้เท่าไร มิหนำซ้ำยังไปคว้าเอาชุดอื่นๆ ที่วางกองอยู่บนโซฟาขึ้นมาดูพร้อมกับเบ้หน้า

“รสนิยมมึงนี่น่าขนลุกจังวะ”

รสนิยมเรื่องอะไร ไม่ต้องให้เขาอธิบายก็รู้กันโดยถ้วนหน้า พี่บุศย์ก็หัวเราะแห้งๆ เลย ส่วนพี่อินทร์ก็ถลึงตาใส่เป็นพัลวัน ก่อนคว้าเอาผ้าห่มมาคลุมตัวผมอย่างรวดเร็ว

“มองนว้องจิตัวเย็กๆ ของกูทำไม อยากถูกควักลูกตาเหรอไอ้วิหยาสะกำ!”

ทั้งห่อ ทั้งกอด หายใจไม่ออกแล้ว!

เดชะบุญที่พี่อินทร์ยอมคลายมือเมื่อเห็นผมดิ้นขลุกขลัก ผมเลยโผล่เฉพาะหัวออกมา ขณะที่พี่อินทร์ยังเอาเรื่องพี่วิญญูไม่เลิก

“ถ้ามึงอยากดูนักก็ดูกูนี่!”

จะห้ามก็ห้ามไม่ทัน พี่อินทร์ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นพร้อมกับชุดนอนไม่ได้นอนลายเสือโคร่งบนลำตัว ผมเกือบหลุดกรี๊ดสาวแตกเพราะคิดว่าพี่อินทร์ปล่อยให้หรรมต่องแต่งแกว่งไกว จากนั้นก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าเขาสวมกางเกงบ็อกเซอร์อยู่ คงจะไปเอามาสวมตอนผมยังไม่ตื่นนั่นแหละ แต่ถึงจะสวมอะไรปิดท่อนล่าง ก็ไม่อาจทำให้พี่วิญญูหยุดเบ้หน้าได้เลย ตอนนี้ทำหน้าตาคลื่นเหียนสุดจะทน ก่อนหันไปเกาะไหล่พี่บุศย์

“ขอเกาะแป๊บนะบุศย์”

“เป็นอะไรน่ะวิญ”

“เราจะอ้วก”

ผมถึงกับหัวเราะพรืดเลย

เห็นไหม ไม่ใช่มีแค่กูจะอ้วกอะ คนอื่นก็จะอ้วก มึงไปถอดชุดมุ้งออกเดี๋ยวนี้!

พี่บุศย์ก็หัวเราะออกมายกใหญ่ ลูบหลังลูบไหล่พี่วิญญูจนอาการดีขึ้น พี่วิญญูถึงได้ครางออกมา

“แถวนี้มีวัดใกล้ๆ ไหม”

“ก็มีอยู่นะ ทำไมเหรอ”

“เราอยากไปอาบน้ำมนต์” จากนั้นก็ลูบหน้าลูบตาตัวเองเป็นการใหญ่ “ทำไมกูจะต้องมาเห็นภาพอะไรแบบนี้ด้วย ทุเรศลูกตาฉิบ ขนลุกเลยเนี่ย”

แล้วเขาก็ตัวสั่นแบบขนลุกขนพองไปแป๊บหนึ่ง ลูบแขนตัวเองเป็นการใหญ่ให้รู้ว่าขนลุกจริงๆ ผมก็เห็นด้วยกับที่พี่วิญญูพูดแบบไม่มีข้อโต้แย้งเลย

พี่อินทร์! อย่าเป็นภาระของสังคม เอาชุดมุ้งไปเผาทิ้งเดี๋ยวนี้!

“ถ้ามึงจะมีรสนิยมแบบนี้นะ ทำไมไม่สั่งซื้อหูกับหางแมวแบบปลั๊กมาให้น้องจิใส่เลยวะ เอาแบบสั่นได้ด้วย ตอบโจทย์รสนิยมมึงเลย”

หูแมวพอเข้าใจได้ แต่หางแมวแบบปลั๊กกับสั่นได้นี่นี่ มันใช่ไอ้ที่แบบว่าเสียบ...เอ่อ...เข้าไปในก้นแล้วก็เป็นไวเบรเตอร์ด้วยใช่ไหม

ใช่แน่นอนเพราะพอพี่อินทร์ได้ยิน เขาก็เบิกตาโต ทำหน้าตาน่ากลัว ชี้หน้าพี่วิญญูทันใด

“กำเริบเสิบสานมากเกินไปแล้วไอ้วิหยาสะกำ กล้าพูดจาล่วงเกินน้องจรกาของกูถึงขนาดนี้ บอกมาเลยนะว่า...”

ว่า?

“...ไปสั่งซื้อที่ไหน”

เสียงอ่อนเสียงหวานเลย โอ๊ย! มันใช่ไหมล่ะโว้ย!

“ถามไรมึงเนี่ย” พี่วิญญูเบ้หน้า

“เอาน่า บอกกูหน่อย” พี่อินทร์ก็คะยั้นคะยอ

“มึงก็เสิร์ชๆ หาเอาในกูเกิล มีเยอะแยะ เสิร์ชว่าหางแมวแบบสั่น เข้าไปเว็บแรกเลย”

“เว็บนี้เหรอ” พี่อินทร์คว้าโทรศัพท์ผมไปเสิร์ชแล้วชูให้พี่วิญญูดู

“เออ เว็บนี้แหละ ส่งของจริง ราคาไม่แพง”

พี่อินทร์พยักหน้า จากนั้นก็หรี่ตา

“ว่าแต่...ทำไมมึงรู้ว่าส่งของจริง ราคาไม่แพงหืม?”

พี่วิญญูถึงกับสะอึก ปล่อยให้พี่อินทร์ได้เอาคืน

“หรือว่า... รสนิยมแปลกๆ ดีเนอะไอ้บุศย์”

หันไปถามพี่บุศย์เสียอย่างนั้น ขณะที่พี่วิญญูก็เอาแต่อึกๆ อักๆ พลันหน้าแดงขึ้นมา แค่นี้ผมก็รู้เลยว่าสองคนนี้มีซัมธิงกันอย่างแน่นอน ไม่ใช่ซัมธิงธรรมดาด้วย แต่ต้องลึกซึ้งถึงขนาดที่ผมเองก็จินตนาการไม่ออกแน่

“ถึงวิงยูจะไม่ล่ายเป็งเหมือนนว้องจิตัวเย็กๆ แต่ก็น่ายัก เป็นวิงยูตัวยักษ์ๆ แทนก็ได้เนอะ ใช่ไหมไอ้บุศย์”

พี่อินทร์หันไปว่าเสียงสองใส่พี่บุศย์กับพี่วิญญูเสียอย่างนั้น ได้ทีก็ไล่ต้อนใหญ่เลย ทำเอาพี่วิญญูที่ตอนแรกปากดีค่อนขอดหน้าแดงมากขึ้นไปใหญ่ ตอนนี้เม้มปากแน่นแล้วด้วย ผมดูก็รู้ว่าเขากำลังเขินอายสุดกำลัง พอตั้งสติได้ เขาก็สวนคืน

“มึงไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย อย่ามายัดเยียดรสนิยมแปลกๆ ให้กูนะเว้ย”

“กูไม่ได้มีรสนิยมแปลกๆ สักหน่อย”

“แค่ใส่ชุดนอนไม่ได้นอนลายเสือด้วยกันทั้งคู่ก็แปลกแล้ว”

รอบนี้พี่วิญญูได้แต้ม พี่อินทร์ทำหน้ามุ่ยบ้าง ส่วนผมก็ซุกหน้าลงไปในผ้าห่ม

โอ๊ย! พี่อินทร์อย่ายอมแพ้ แพ้แบบนี้ไม่ได้ โดนไล่ต้อนแล้วอายนะเว้ย!

“กูถามหน่อย ทำไมต้องลายเสือวะ”

แล้วพี่วิญญูก็อดถามขึ้นมาไม่ได้อีก เพราะนอกจากรสนิยมเพี้ยนๆ ของเขาแล้ว ก็มีเรื่องเซ้นส์แฟชั่นนี่แหละที่ฉูฉาดเหลือเกิน

พี่อินทร์มองหน้าคนถามพลางขมวดคิ้ว

“มึงไม่เคยได้ยินสุภาษิตโบราณเหรอวะ”

“สุภาษิตอะไรวะ”

เป็นพี่บุศย์ที่เงียบอยู่นานถามขึ้นบ้าง พี่อินทร์ยืดตัวขึ้นเล็กน้อยให้เห็นชุดนอนไม่ได้นอนลายเสือโคร่งชัดๆ ก่อนตอบ

“เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวแล้วได้กัน”

เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้โว้ย! เสือได้กันนี่มันสุภาษิตประเทศไหนของมึงเนี่ย!

มิหนำซ้ำยังจะมีหน้ามาพูดอีก

“อีกอย่างนะ กูถือคติว่า...”

ว่า?

“ไก่เห็นตีนงู กูเห็นนมจิ”

ไม่ใช่โว้ย!

จากนั้นก็ผ่อนเสียงลงเล็กน้อย ว่าด้วยสีหน้าทะลึ่งตึงตัง

“หรรมก็เห็น”

ไม่ต้องบอก ชาวบ้านเขาก็รู้!

โอเค ตอนนี้กลายเป็นว่าผมอายเพราะพี่อินทร์ละ ยื่นยาออกจากผ้าห่ม ถีบเข้าไปที่สะโพกพี่อินทร์ไม่แรงนักเป็นการเตือนให้เขาหุบปากเสียที พี่วิญญูก็หัวเราะกิ๊กเลย ส่วนพี่บุศย์ก็เห็นชัดเจนอะว่ากำลังกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ พลันก็แสร้งตีหน้าขรึม ว่าเสียงขุ่นเสียอย่างนั้น

“คุยอะไรไร้สาระกันอยู่ได้ กูไม่ได้เอาคีย์การ์ดมาคืนมึงอย่างเดียวหรอกนะ กูจะมาคุยธุระ”

อยากจะกราบจตุรทิศ ในที่สุดก็เปลี่ยนเรื่องคุยกันได้สักที

“แล้วมึงมีธุระอะไร”

“กูจะมาคุยเรื่องไอ้จิณห์”

พูดมาแค่นั้น ความครื้นเครงก่อนหน้าก็หายวับไปกับตา ไม่ใช่แค่พี่บุศย์แล้วที่ดูเครียด พี่อินทร์ก็ดูเครียดเช่นกัน

“มีอะไรวะ”

“ช่วงนี้ไอ้จิณห์มันมาแอบดักเจอมึงบ้างไหม”

พี่อินทร์ส่ายหน้า “เท่าที่เห็นก็ไม่มีนะ ทำไม”

“กูกับวิญคุยกันเรื่องที่ไอ้จิณห์มันรู้เรื่องต่างๆ ที่เราไม่รู้ แล้ววิญก็สงสัยขึ้นมาอย่างนึงน่ะ”

“เรื่อง?”

“สงสัยว่าบางทีไอ้จิณห์มันอาจจะมีตำรามนตร์อยู่”

คำพูดนั้นทำให้ผมกับพี่อินทร์มองหน้ากัน ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร ก่อนที่พี่บุศย์จะเริ่มอธิบายขึ้น

“กูเคยบอกใช่ไหมว่าในวังหลังจะมีความเชื่ออะไรแปลกๆ ทั้งเรื่องยาเสน่ห์อะไรต่างๆ ที่ทำให้พระสวามีรักหลง เรื่องการกำจัดศัตรูหัวใจอะไรเทือกนี้ จริงๆ แล้วของพวกนี้มีแต่ปุโรหิตเท่านั้นที่ทำให้ได้ แต่ที่กุเรปันสั่งห้ามเรื่องเหล่านี้อย่างเด็ดขาด ใครฝ่าฝืนมีโทษถึงตาย มันก็เลยต้องใช้ตัวช่วยกันหน่อย”

“อย่าบอกนะว่า...”

“ใช่ ตำรามนตร์ รวมสารพัดสูตรมนตร์ขาวมนตร์ดำว่าด้วยเรื่องของการทำให้ลุ่มหลง”

ทุกคนเงียบนิ่งไปทันที ผมก็ไม่เคยเอะใจมาก่อนเหมือนกัน คาดไม่ถึงด้วยว่ามันจะมาเกี่ยวโยงกันแบบนี้ แต่ก็พอจะเข้าใจเพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ชายจะสนใจสักเท่าไรนัก แต่เมื่อชาติก่อน พี่บุศย์เกิดเป็นหญิงและใช้ชีวิตอยู่ในวังหลังมาก่อน ก็ไม่แปลกที่จู่ๆ เขาจะคิดขึ้นมาได้

“กูปรึกษากับวิญมาหลายวันแล้ว ตอนแรกก็ไม่กล้าบอกมึงเพราะไม่แน่ใจ แต่พอวิญบอกว่าที่รู้ว่าต้องไปถอนคำสาบานที่ไหนเพราะที่บ้านของวิญรับซื้อของโบราณ แล้วก็มีตำราภาษาชวานี่เป็นมรดกตกทอดอยู่ด้วย กูก็เลยคิดว่าไอ้จิณห์ก็น่าจะต้องมีเหมือนกัน ถึงจะไม่รู้ว่ามันมีจริงๆ หรือเปล่าก็เถอะนะ ส่วนที่มึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับยาเสน่ห์ ตอนนี้กูรู้แล้วว่าเพราะอะไร วิญไปค้นข้อมูลมาให้”

“ตกลงเป็นเพราะอะไร”

“เพราะมึงไม่ใช่คนของชาตินี้ พูดง่ายๆ ก็คือมึงระลึกชาติได้ ถือว่าเป็นคนมาจากอดีตชาติ ยาเสน่ห์จะมีผลต่อคนที่มีจิตผูกพันอยู่ในชาติที่มันถูกปรุงขึ้นเท่านั้น ดังนั้นตอนที่จิจำอดีตชาติไม่ได้ถึงได้โดนฤทธิ์ของยาเสน่ห์เข้าไปยังไงล่ะ”

ค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อย แต่ผมก็เข้าใจนะ มิน่าล่ะ พอความทรงจำในอดีตชาติกลับมา ความลุ่มหลงในตัวพี่จิณห์ของผมก็อันตรธานหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นทันที

“แล้วกูต้องทำยังไงกับมันต่อ”

พี่อินทร์มีสีหน้าเครียดยิ่งกว่าเดิมอีก เพราะพวกเราพอจะรู้ได้ว่าพี่จิณห์คงไม่หยุดแค่นี้แน่ๆ คำถามของเขาไม่มีใครให้คำตอบได้เลยสักนิด พวกเราเงียบกันไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว ก่อนที่พี่บุศย์จะว่าออกมา

“เอาเป็นว่าระวังตัวไว้แล้วกัน ไอ้จิณห์มันถือว่าตัวเองเป็นเมียเอก จู่ๆ มึงมามีคนอื่นที่ไม่ใช่มันเหมือนเคย มันกัดไม่ปล่อยแน่”

พี่บุศย์ว่าอย่างรู้ทันว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ถึงเขาไม่บอก ทุกคนก็น่าจะพอเดาได้

 

หลังจากที่พี่บุศย์กับพี่วิญญูออกจากห้องไป ผมก็อดไม่ได้ที่จะนั่งขบคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พอมาคิดดูดีๆ แล้ว เมื่อชาติก่อน คนที่น่าสงสารนอกจากจรกาที่ทนทุกข์กับการถูกดูแคลนมาทั้งชีวิต กับอิเหนาที่ต้องถูกคนรักเกลียดชังยันเงาทั้งชาติ ก็มีจินตะหราวาตีนี่แหละที่น่าสงสารอีกคน

การเงียบไปของผม ทำให้พี่อินทร์ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ โพล่งขึ้น

“คิดอะไรอยู่เหรอจิ”

“คิดเรื่อยเปื่อยน่ะครับ”

“คิดเรื่องไอ้จิณห์เหรอ”

ถึงจะไม่ตอบไปตามตรง แต่พี่อินทร์ก็รู้ทันผมอยู่ดี ผมไม่มีอะไรจะต้องปิดบังก็เลยพยักหน้ารับ และพอผมตอบรับไปอย่างนั้น เขาก็ดึงผมเข้าไปกอดแน่น

“จิไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องเป็นห่วงด้วย พี่ไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรจิอีกเป็นครั้งที่สองแน่ ถ้ามันมายุ่มย่ามกับจิอีก พี่จะ...”

จากนั้นเขาก็เงียบไป ให้ผมได้ถามขึ้น

“พี่อินทร์จะทำไมครับ”

“พี่จะฆ่ามันทิ้ง”

เขาสบตาผม แววตาที่มองมาบ่งบอกชัดเจนว่าไม่ได้ล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย ผมรู้ว่าเขาไม่ใช่คนจะทำเรื่องโหดร้ายได้ง่ายๆ แต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผมแล้วล่ะก็ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น และแน่นอนว่าผมไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่

“พี่อินทร์ จิขอพูดอะไรหน่อยได้ไหม”

“หืม? ว่าไง”

“ลองคิดดูดีๆ แล้ว จิว่าที่พี่จิณห์เป็นอย่างนี้ สาเหตุที่แท้จริงก็มาจากพี่อินทร์นะ”

เขามีสีหน้างุนงงไป ก่อนจะครางออกมา

“จิกำลังจะบอกว่าทั้งหมดเป็นความผิดของพี่?”

ผมพยักหน้าทันควัน “ถ้าพี่อินทร์ไม่วางแผนทำเรื่องบ้าๆ เมื่อชาติที่แล้ว ไม่ให้พี่จิณห์มาร่วมมือกับแผนต๊องๆ จนเรื่องมันเลยเถิด ไม่ขอให้พี่จิณห์สัญญาว่าให้ตามมาช่วยในชาติใหม่ จิว่าเรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นหรอก”

“...”

“ลองคิดดูดีๆ สิครับว่าจริงๆ แล้วเป็นความผิดใครกันแน่”

พี่อินทร์ระบายลมหายใจออกมา เขาเข้าใจสิ่งที่ผมพูดแล้ว ก่อนครางเสียงแผ่ว

“พี่ขอโทษ”

“จริงๆ แล้วคนที่พี่อินทร์ควรขอโทษ ไม่ใช่จิหรอกนะ แต่เป็นพี่จิณห์ต่างหาก เพราะพี่อินทร์ไปสร้างบ่วงคล้องเขาเอาไว้ มันถึงส่งผลกระทบอย่างนี้”

“แล้วจิอยากให้พี่ทำยังไง”

เขาถามออกมาราวกับว่าจนปัญญาแล้ว ผมยิ้มให้เขาบางๆ

“จิอยากให้พี่อินทร์คุยกับพี่จิณห์ครับ”

“พี่ก็คุยแล้ว คุยตั้งหลายครั้งแล้วด้วย...”

“หมายถึงให้คุยดีๆ ไม่ใช่เอะอะก็ตั้งท่าจะต่อยเขาน่ะ” พี่อินทร์ชะงัก ผมก็เลยว่าต่อ “อย่างน้อยเขาก็เป็นเมียเอกของพี่อินทร์นะครับ”

ดูท่าทางผมคงพูดไม่เข้าหูเขาล่ะมั้ง พี่อินทร์มีสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมาน้อยๆ ก่อนจับไหล่ผมให้หันไปมองเขาตรงๆ

“จิฟังพี่นะ ไม่มีใครเป็นเมียเอกพี่ทั้งนั้น เพราะเมียของพี่มีแค่คนเดียว” พลันก็แย้มยิ้มขึ้นมา “คนนั้นก็คือจิ แค่จิคนเดียวเท่านั้น ใครต่อใครที่จิเคยได้ยินว่าเป็นเมียพี่ นั่นก็แค่ในนาม หัวใจของพี่ไม่เคยมอบให้ใคร มีแต่น้องจรกากับจินั่นแหละ”

จากนั้นก็ประทับจูบลงมาเบาๆ ที่ริมฝีปากผม ผละออกไปได้ก็กระซิบเสียงแผ่ว

“จิระ...เมียเอกและเมียคนเดียวของพี่”

ทั้งที่ไม่ควรจะรู้สึกดีในเวลาเคร่งเครียดอย่างนี้ แต่คำพูดของเขากลับทำให้หัวใจผมเต้นแรงขึ้นมาเสียได้ มิหนำซ้ำยังยิ้มหน้าบานให้กับเขาอีก ก่อนจะพึมพำเสียงเบาตอบรับ

“จิรู้แล้ว”

“เป็นเมียของพี่ตลอดไปนะ”

ได้เลย...และก็จะรักตลอดไปด้วย

เป็นเมียเอกแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ...

 ---------------------------

มีหลายคนสงสัยเรื่องเรือพี่บุศย์กับพี่วิญญูว่าใครจะรุกจะรับ ถ้าอ่านดีๆ จะเห็นหนูแดงใบ้มาตลอดว่าใครรุกใครรับนะ ฮินท์คือใครผัวกว่า คนนั้นแหละรุก 555

ในเล่มกับอีบุ๊กจะมีตอนพิเศษของคู่นี้ยาวๆ แน่นอนค่ะ เป็นการเท้าความว่ามาเจอกันได้ยังไงกระทั่งมาเป็นแฟนกัน ส่วนตอนพิเศษอื่นๆ ก็เป็นเรื่องจิปาถะ รวมๆ แล้วน่าจะ 10 ตอนได้ ซึ่งหนูแดงจะลงแค่ตัวอย่างให้อ่านนะคะ ใครอยากอ่านเต็มๆ ต้องไปสอยรูปเล่มหรืออีบุ๊กเอาเน้อ

ฝากกำลังใจไว้ให้ด้วยจ้า อีก 2-3 ตอนก็จบละ ใครยังอยู่ ชูมือให้รู้หน่อยว่ายังอยู่ จะได้รีบปั่นมาลงให้อ่านจ้า


หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 39★เมียเอก[11.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 11-06-2018 18:07:26
จะอ้วกตามคูมวิงยู55555555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 39★เมียเอก[11.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 11-06-2018 18:13:50
เพราะรักจึ่งทำทุกอย่างไม่เลือกวิธี
แต่ใจใครก็ใจมัน รักใครเข้าแล้วมันห้ามได้ที่ไหน
อินทราควรคุยแหละ จะได้เข้าใจ แลให้อภัย
เรื่องราวจะแฮปปี้เอ็นดิ้ง เอเวอร์ แอนด์ อาฟเตอร์ นับจากชาตินี้เป็นตันไป อย่างจริงๆ จังๆ ซะที

กดบวกขอบคุณ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 39★เมียเอก[11.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-06-2018 18:17:25
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 39★เมียเอก[11.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-06-2018 19:10:39
 :m20:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 39★เมียเอก[11.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 11-06-2018 19:33:52
 :katai2-1: สำนวนบ้าบอของอิเหนา
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 39★เมียเอก[11.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-06-2018 19:49:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 39★เมียเอก[11.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-06-2018 20:08:18
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 39★เมียเอก[11.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-06-2018 00:53:54
งานนี้รอพรีออเดอร์ รัวๆๆๆจ้ะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 39★เมียเอก[11.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 12-06-2018 02:07:10
เชียร์ให้อินทร์คุยกับจินห์แบบจริงจังเหมือนกัน เรื่องราวจะได้จบ น้องจิตัวเย้กๆจะได้ปลอดภัย เนอะนว้องจิเนอะ /ขยำแจ้มนุ่มๆของนว้อง
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 39★เมียเอก[11.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-06-2018 03:43:50
ไก่เห็นตีนงู กูเห็นนมจิ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 39★เมียเอก[11.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 14-06-2018 00:02:47
Chapter 40: บ่วงจินตะหราวาตี

ถึงจะรับปากผมว่าจะคุยกับพี่จิณห์ดีๆ แล้วคุยให้รู้เรื่อง เอาเข้าจริงมันก็ดันเป็นเรื่องยากสำหรับพี่อินทร์เสียอย่างนั้น ยิ่งช่วงนี้ที่พี่จิณห์เริ่มกลับมาด้อมๆ มองๆ ตามผมบ้าง ตามพี่อินทร์บ้างอีกแล้ว พี่อินทร์ก็ดูจะหัวเสียอย่างเห็นได้ชัด อย่างเช่นเมื่อคืนนี้ที่ผมกลับห้องทีหลังแล้วเจอพี่จิณห์ดักรออยู่หน้าหอ เขาก็แทบจะพุ่งลงไปข้างล่างเพื่อไปยำพี่จิณห์เลย ผมจึงต้องรีบแก้ตัวให้เป็นการใหญ่ว่าพี่จิณห์ไม่ได้ทำอะไร แค่มายืนด้อมๆ มองๆ แล้วก็ไม่ได้เห็นผมเพราะผมหลบเข้าหอมาก่อน พูดไปอย่างนั้น พี่อินทร์ถึงจะอารมณ์เย็นขึ้น

ก่อนหน้านี้ที่ผมเคยคิดว่าอิเหนากับจรกาคงไม่สามารถปรองดองกันได้ แต่ตอนนี้ผมคิดแล้วล่ะว่าคนที่ไม่สามารถปรองดองกันได้คืออิเหนากับจินตะหราวาตีต่างหาก

บอกตรงๆ ผมสงสารพี่จิณห์มากเลยนะ ทั้งที่รู้ว่าไม่มีวันที่อิเหนาจะมารักเพราะใจของอิเหนามอบให้จรกาหมดแล้ว แต่ก็ยังขอตามข้ามชาติมาด้วยเพราะหวังในใจลึกๆ ว่าตัวเองจะถูกเหลียวมองบ้าง

ความรักที่ไม่ได้รับการตอบรับเป็นเรื่องที่ทรมานให้คนเจ็บปวดปางตายมากที่สุด ผมรู้ดี และเชื่อว่าพี่อินทร์ก็ต้องรู้ดีด้วยเพราะเขาเองก็สัมผัสมาทั้งชาติแล้ว

และเพราะเหตุนี้ผมจึงพยายามอธิบายให้พี่อินทร์ฟังว่าทำไมผมถึงอยากให้คุยกับพี่จิณห์ดีๆ

ถ้าไม่คุย เรื่องก็ไม่จบ

ถ้าไม่คุย ทุกอย่างมันก็จะคาราคาซังอย่างนี้ต่อไปอีก ทีเขายังพยายามอธิบายทุกอย่างให้ผมรับรู้ด้วยการใช้แหวนเป็นสื่อกลางเลย แล้วทำไมเขาจะบอกกับพี่จิณห์ไม่ได้ล่ะว่าทุกอย่างมันควรมีจุดหยุดที่ตรงไหน

พอให้เหตุผลอย่างนี้ พี่อินทร์ก็ใจเย็นขึ้นมาได้บ้าง แต่ก็ไม่วายตัดพ้อกระเง้ากระงอด

“เป็นห่วงจินตะหราวาตีกันเลยนะ เห็นอกเห็นใจที่พี่ไม่รักอย่างโน้นอย่างนี้ ทีตอนไม่รักพี่นี่ไม่เห็นเป็นห่วงที่พี่ถูกจิกระทำให้เจ็บช้ำน้ำใจบ้างเลย”

ทำปากยู่ๆ มาอีก เขาน่ารักมากเลย แต่ก็น่าเหยียบด้วยในคราวเดียวกัน

“ก็ตอนนั้นพี่อินทร์ทำจิเข้าใจผิดนี่ จิจะไปเห็นใจได้ยังไงล่ะ”

“จิระคนลำเอียง~”

ทำเป็นดิ้นๆ แด๊ะแด๋ ผมก็เลยทุบเข้าให้ไม่แรงนัก ก่อนจะกลั้วหัวเราะ

“มัวแต่เล่นอยู่ได้ เอาเป็นว่ารับปากจิแล้วนะว่าถ้าเจอกับพี่จิณห์ พี่อินทร์จะคุยกับเขาดีๆ ตกลงไหมครับ”

พี่อินทร์ทำท่าฮึดฮัดเหมือนไม่อยากรับปากเท่าไร ผมก็เลยเรียกไปอีกครั้ง

“พี่อินทร์”

“ก็ได้ๆ แต่จิต้องชดใช้ให้พี่ด้วยนะที่ชาติก่อนเกลียดพี่เข้าไส้แบบนั้น ไม่งั้นพี่ไม่ยอมจริงๆ ด้วย นว้องจิคนใจร้าย~”

“รู้แล้วน่า จิสัญญาครับ เลิกแด๊ะแด๋แล้วพาจิไปกินข้าวได้แล้ว หิวจนสั่นแล้วเนี่ย”

พอบอกไปอย่างนั้น พี่อินทร์ก็หยุดเล่น พาผมลงมาด้านล่างหอ เตรียมตัวจะไปกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งในละแวกนั้นกัน แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อสายตาของพวกเราเหลือบมองไปเห็นใครบางคนที่โผล่มาด้อมๆ มองๆ พวกเราเกือบทุกวัน

“นั่นมัน...”

เป็นพี่อินทร์ที่ครางออกมา สีหน้าและแววตาทะเล้นของเขาเมื่อครู่แปรเปลี่ยนไปเป็นตึงเครียดทันที ผมรีบจับมือเขาไว้เป็นการเตือนสติว่าให้ใจเย็นๆ เพราะคราวนี้พี่จิณห์ไม่ได้มายืนด้อมๆ มองๆ อยู่ที่รถตัวเองในที่จอดรถเหมือนเคยแต่อย่างใด แต่กลับมายืนดักอยู่หน้าทางเข้าหอเลย มิหนำซ้ำยังจะหันมาเห็นพวกเราทั้งที่ยังไม่ทันจะได้หลบอีก

เป็นเรื่องแน่ๆ เลยวันนี้...

“กลับขึ้นห้องกันเถอะ”

พี่อินทร์ออกปาก สายตายังคงมองไปที่พี่จิณห์ซึ่งทอดสายตามาทางเราพลางยิ้มเยาะ ผมไม่เห็นเลยว่ามันจะเป็นรอยยิ้มที่น่ามองตรงไหน มันเหมือนการเย้ยหยันตัวเองที่มาเห็นภาพบาดตาบาดใจมากกว่า ซึ่งในการเอ่ยปากชวนของพี่อินทร์ในครั้งนี้ ผมก็ไม่ได้ขัดอะไร ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว คงยังไม่เหมาะที่จะคุยอะไรสักเท่าไรนัก

แต่พอเราสองคนหันหลังให้ พี่จิณห์ก็เดินมาทุบประตูกระจกดังปังๆๆ จากนั้นก็ทุบไม่หยุด จนใครต่อใครในละแวกนั้นหันไปมองเป็นตาเดียว

ผมสะดุ้งโหยงน้อยๆ ด้วยความตกใจ หันไปมองแล้วก็ได้แต่หวั่นในใจน้อยๆ เมื่อเห็นว่าลุง รปภ.ที่อยู่ตรงนั้นเข้ามาห้ามปรามพี่จิณห์เป็นพัลวัน

ที่หวั่นใจไม่ใช่เรื่องที่เขาจะถูกลุง รปภ.ลากตัวไปหรอก แต่หวั่นใจว่าถ้าวันนี้เราไม่คุยกันกับเขา มีหวังวันหน้าคงจะมีเรื่องชวนให้ปวดหัวมากกว่านี้แน่ ผมก็เลยกระตุกมือพี่อินทร์ที่จูงผมไปที่ลิฟต์ พอเขาหันมามอง ผมก็เอ่ยปาก

“พี่อินทร์ จิว่าเราคงต้องคุยกับเขาแล้วล่ะ”

“คุยอะไร” พี่อินทร์ถามเสียงเครียด

“คุยว่าทุกอย่างมันควรจบน่ะครับ”

พอบอกไปอย่างนี้ คนตรงหน้าผมก็เงียบนิ่งไปครู่ สายตาบ่งบอกชัดเจนเลยว่าไม่อยากทำ ผมเลยต้องร้องขอเขา

“นะพี่อินทร์ จิว่ามันควรจบได้แล้ว คุยกับพี่จิณห์เถอะนะครับ”

“แต่พี่...”

“จิขอร้อง คุยกับเขาดีๆ แค่ครั้งเดียว เรื่องจะได้จบ ไม่งั้นเขาก็ไม่หยุดทรมานตัวเองสักที ถือว่าจิขอนะครับ”

“...”

“นะพี่อินทร์”

“ก็ได้ พี่จะคุย แต่แค่ครั้งเดียวนะ แล้วพี่จะไม่คุยอีกเพราะคนอย่างมัน คุยไปก็เสียเวลาเปล่า ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาหรอก มันไม่ฟัง”

“ได้ครับ แต่คุยดีๆ นะ”

ผมเป็นห่วงอยู่เรื่องเดียวนี่แหละ กลัวว่าพี่อินทร์จะใช้อารมณ์อีกถ้าอีกฝ่ายยียวนกวนประสาทเหมือนเคย ยิ่งเขาตอบรับด้วยการเงียบแล้วหมุนตัวเดินกลับไปที่ทางออก ผมก็เกิดใจไม่ดีขึ้นมา ทว่าพี่อินทร์ก็กระชับมือผมแน่นราวกับกำลังบอกให้ไม่ต้องกลัว

กระทั่งเขาเปิดประตูแล้วร้องบอกลุง รปภ.ว่าพี่จิณห์เป็นเพื่อนเขานั่นแหละ ทุกอย่างก็เข้าสู่โหมดเครียดยิ่งกว่าเดิม

“นึกว่าจะทำเหมือนกูเป็นอากาศธาตุซะแล้ว”

เป็นประโยคแรกที่พี่จิณห์พูดขึ้น ใบหน้าหล่อยังคงมีรอยยิ้มเย้ยหยันเช่นเคย แต่พี่อินทร์ไม่หือไม่อืออะไร นอกจากจะว่าเสียงเรียบ

“กูมีเรื่องจะคุยด้วย”

“หืม? นึกยังไงอยากคุยกับกู คิดถึงเมียเอกขึ้นมาหรือไงพ่ออิเหนา”

ว่าพลางเหล่มองมาทางผม ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้านิ่ง ปล่อยให้พี่อินทร์จัดการ

“ไปนั่งคุยกันที่ร้านกาแฟแล้วกัน เรื่องจะได้จบสักที”

 

ไม่กี่นาทีให้หลัง พวกเราสามคนก็มานั่งประจันหน้ากันในร้านกาแฟใต้หอพัก ถึงบรรยากาศในร้านจะน่านั่ง กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นๆ ลอยมาแตะจมูกชวนให้ผ่อนคลาย ทว่าบรรยากาศที่โต๊ะของพวกเราไม่ผ่อนคลายเลยสักนิด มีแต่ความกดดันที่ดูเหมือนจะทวีมากยิ่งขึ้นเมื่อพี่อินทร์กับพี่จิณห์ต่างจ้องหน้ากันอย่างไม่ลดละ

คนหนึ่งจ้องด้วยความเหนื่อยหน่าย อีกคนจ้องด้วยความรักระคนเคียดแค้น... ผมซึ่งอยู่ตรงกลางโคตรจะอึดอัดเลย

“ว่าไงพระสวามี อยากจะคุยอะไรหืม?”

เป็นพี่จิณห์ที่ทำลายความเงียบขึ้นมาหลังจากที่ยกแก้วกาแฟร้อนขึ้นดื่ม พี่อินทร์ขมวดคิ้วมุ่น ดูไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไรนักที่ถูกเรียกอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ นอกจากจะพูดสิ่งที่ควรพูดเท่านั้น

“กูอยากจะคุยกับมึง...เรื่องของเรา”

“เรื่องของเรา?”

พอพี่จิณห์เลิกคิ้วสูง พี่อินทร์ก็ขยายความ

“เรื่องที่มึงคอยตามรังควานกูกับจิแบบนี้ไง กูคิดว่ากูต้องคุยกับมึงจริงๆ จังๆ สักที”

เพราะน้ำเสียงเขาเครียดเกินไป ผมเลยบีบมือพี่อินทร์ที่จับมือผมอยู่ใต้โต๊ะเบาๆ เป็นสัญญาณให้รู้ว่าเขาต้องใจเย็นและคุยกับอีกฝ่ายดีๆ พี่อินทร์ก็ใช้ความพยายามเป็นอย่างมากนะในการเก็บอารมณ์ ผมรู้ว่าเขากำลังพยายามเพื่อผม ผมสัมผัสได้

ส่วนพี่จิณห์ พอได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าที่มีรอยยิ้มหยันระบายอยู่ในตอนแรกก็มลายหายไป เหลือเพียงแต่สีหน้าเคร่งเครียดเท่านั้น

“มึงอยากจะบอกอะไร”

พี่อินทร์สูดหายใจเข้าปอด “กูอยากให้มึงเลิกรักกูสักที”

คำพูดนี้เหมือนกับสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางกระหม่อมของผู้ชายอีกคนซึ่งไม่ใช่ผม เขาหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะว่า

“มึงกำลังจะบอกกูว่ากูต้องหยุดรักมึงเพราะมึงรักไอ้เวรนี่งั้นเหรอ!”

ชี้นิ้วมาที่หน้าผมอีก พี่อินทร์ดูไม่พอใจมากเลยแต่ผมไม่ถือสา ได้แต่บีบมือเขาเป็นการบอกให้ใจเย็นๆ ขณะที่พี่อินทร์ใช้เวลาครู่หนึ่งเลยทีเดียวกว่าจะตอบรับ

“ใช่ กูอยากให้มึงเลิกรักกูเพราะกูไม่มีวันรักมึงได้”

                เท่านั้นพี่จิณห์ก็มีสีหน้าสับสน เขาคงไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าจะต้องมาได้ยินเรื่องแบบนี้ ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าเขามาดักรอพวกเราทำไมก็เถอะ แต่ได้ยินพี่อินทร์พูดอย่างนั้นก็คงจะช็อกไปเหมือนกัน

“ที่ผ่านมา มึงไม่รู้เลยเหรอว่ากูรักมึงมากแค่ไหน จู่ๆ มาบอกให้กูเลิกรักมึงเพราะมึงรักคนอื่นแบบนี้ มึงเป็นบ้าไปแล้วเหรอไอ้อินทร์! มึงเห็นความรักของกูเป็นอะไร!”

เขาเริ่มโวยวาย คนรอบข้างหันมามองเราแล้ว ผมอยากจะบอกให้เขาใจเย็นๆ อีกคนแต่คงจะไร้ประโยชน์ ที่สำคัญ พี่อินทร์คงไม่ยอมให้ผมทำอย่างนั้นด้วย เขาจึงรีบว่าขึ้น

“ความรักของมึงก็คือความรักของมึง กูรู้ว่ามึงรักกู แต่เรื่องของความรู้สึก มันบังคับกันไม่ได้หรอกนะ ต่อให้มึงมาขอให้กูรัก กูก็ทำไม่ได้”

“แต่มึงมาบอกให้กูเลิกรักมึงเนี่ยนะ ในเมื่อมึงรู้ว่ามันทำไม่ได้ แล้วมึงมาบอกให้กูเลิกรักทำไม!”

สีหน้าของพี่จิณห์เริ่มดูไม่ดีแล้ว ทั้งเสียใจ ทั้งโกรธเกรี้ยวในคราวเดียวกัน ขณะที่พี่อินทร์เอ่ยเสียงเรียบเหมือนเดิม

“งั้นก็ถือซะว่ากูขอร้อง กูอยากให้มึงเข้าใจสักทีไอ้จิณห์ ว่าการที่กูไม่รักมึง มันหมายความว่าไม่รัก ขอร้องล่ะ เข้าใจกูหน่อยเถอะ เป็นแบบนี้มันทำให้กูเหนื่อยใจ”

น้ำเสียงบ่งบอกชัดเจนเลยทีเดียวว่ารู้สึกอย่างที่พูด พี่จิณห์กำมือที่วางอยู่บนโต๊ะแน่น จากนั้นก็ว่าเสียงเรียบเช่นกัน

“ไม่ใช่กูไม่รู้ว่าไม่รักคือไม่รัก แต่มึงเข้าใจไหมว่ากูรักมึง ถ้าไม่มีไอ้เวรนี่อยู่สักคน อย่างน้อยมึงก็ต้องหันมามองกูบ้าง!”

ขึ้นเสียงนิดๆ ในท้ายประโยค ที่น่าตกใจคือตอนนี้ใบหน้าหล่อๆ มีน้ำตาไหลอาบ ผมอึดอัดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก รู้สึกผิดขึ้นมาที่ขอให้พี่อินทร์มาเคลียร์กับคนตรงหน้า

บางที...การพูดให้ชัดเจนแบบนี้มันก็อาจจะไม่ช่วยอะไรก็ได้ ผมอาจตัดสินใจผิดที่ให้พี่อินทร์คุยให้เด็ดขาดในวันนี้

เว้นก็แต่พี่อินทร์ที่ไม่แสดงสีหน้าอะไรเลย นอกจากจะจับมือผมใต้โต๊ะไว้แน่นราวกับปลอบใจว่าไม่เป็นอะไร ราวกับว่าสิ่งที่ผมขอร้องให้เขาทำมันคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

“มึงรู้เอาไว้ไอ้จิณห์ ต่อให้ไม่มีจรกาหรือจิ ไม่ว่ายังไงกูก็ไม่รักมึง”

“แต่มึงก็ต้องมองกู! อย่างน้อยก็ต้องมองกูบ้าง!”

เขาเหมือนคนไม่ยอมรับความจริงยังไงก็ไม่รู้ ผมรู้ว่าพี่อินทร์ใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการอดทนไม่โวยวายใส่คนตรงหน้า ก่อนว่าออกมาอีกครั้ง

“จิณห์ ฟังกูนะ” พลันจ้องหน้าพี่จิณห์เขม็ง “ต่อให้ไม่มีจิระ กูไม่รักมึงก็คือไม่ได้รัก เรื่องของความรัก มันบังคับกันไม่ได้อย่างที่มึงบอกนั่นแหละ เข้าใจหรือเปล่า แล้วก็ไม่มีใครแทนที่ใครได้ด้วย ที่กูมาคุยกับมึงตรงๆ แบบนี้ กูแค่อยากให้มึงเข้าใจสถานการณ์ เข้าใจทุกอย่างว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ เลิกทรมานตัวเองสักที”

เท่านั้นพี่จิณห์ก็เหมือนจะหมดความอดทน เขาส่งเสียงสะอื้นออกมา ไม่อายสายตาใครทั้งนั้น

“แล้วมึงจะปล่อยให้กูเป็นแบบนี้เหรอ เป็นมึงไม่ใช่เหรอที่เริ่มเรื่องทั้งหมด ถ้ามึงไม่ให้บุษบามาชวนกูเข้าร่วมแผนบ้าๆ ของมึง กูจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า ถ้ากูไม่เคย...ฮึก...ไม่เคยเจอมึง กูจะรักมึงไหม ความผิดกูเหรอที่รักมึงหมดหัวใจแบบนี้ กูถามว่าเป็นความผิดกูเหรอ!”

“กูขอโทษ”

พี่อินทร์คงทำอะไรดีไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เขาถึงได้พูดแค่นี้ พี่จิณห์สะอื้นไห้อยู่พักหนึ่งก็หันมามองผม ก่อนจะว่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“พวกมึง...ฮึก...พวกมึงจะรับผิดชอบยังไง จะรับผิดชอบความรู้สึกกูยังไง!”

สายตาที่เขามองพวกเรา...มันดูอาฆาตแค้นเป็นอย่างมาก ผมสั่นเทาขึ้นมาน้อยๆ เมื่อสบดวงตาคู่นั้น อะไรบางอย่างในแววตาของเขาทำให้ผมหวั่นเกรง ยิ่งถูกเขาถามเสียงขุ่น

“ว่าไง กูถามว่าจะรับผิดชอบความรู้สึกกูยังไง”

พลางหันมามองทางผม ผมก็ยิ่งสั่นเทาหนัก มิหนำซ้ำยังอึกอักอีกด้วย

“อะ...เอ่อ...”

“อย่ายุ่งกับจิ เรื่องนี้จิไม่เกี่ยว”

พี่อินทร์รีบออกตัวเมื่อเห็นว่าพี่จิณห์จะมาเอาเรื่องกับผม แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาละสายตาไปจากการจ้องหน้าผมเขม็งได้เลย ผมจึงสูดลมหายใจเข้าปอด รวบรวมความกล้าพูดออกไป

“จิก็ไม่รู้จะรับผิดชอบยังไงนะครับพี่จิณห์ เพราะเรื่องนี้ก็เกินความสามารถของจิจริงๆ จิบังคับให้ใครไปรักใครไม่ได้”

“ถ้างั้นมึง...”

“แล้วจิก็เลิกกับพี่อินทร์เพื่อรับผิดชอบความรู้สึกของพี่จิณห์ไม่ได้ด้วยเหมือนกันครับ จิเลิกรักพี่อินทร์ไม่ได้ คงรับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ได้ ขอโทษด้วยครับ”

ผมสวนขึ้นมาราวกับรู้ว่าเขาจะพูดอะไร พี่จิณห์เม้มริมฝีปากแน่น เบนสายตาไปทางพี่อินทร์แทน

“อย่างน้อย...ฮึก...อย่างน้อยก็รักกูบ้างเถอะ จะเศษเสี้ยวความรักอะไรก็ได้ มองกูบ้าง...”

เขาน่าสงสารมากเลยในความรู้สึกผม ตอนนี้เขาอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ถึงขั้นขอร้องให้พี่อินทร์มอบเศษเสี้ยวความรักให้แล้ว ผมก็รู้ทันทีว่าเขายอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้พี่อินทร์มองเห็นเขาบ้าง ผมก็รอดูว่าคนข้างกายผมจะตอบว่าอะไรอย่างใจจดใจจ่อ คิดว่าเขาคงจะใจอ่อนเหมือนกับที่ผมรู้สึกในตอนนี้ แต่ทว่า...

“คนไม่รัก ต่อให้เป็นแค่เศษเสี้ยวของความรัก มันก็ไม่มีให้ ตัดใจเถอะไอ้จิณห์ กูไม่ได้รักมึง...ไม่เคยเลยสักนิด”

เป็นคำพูดที่ใจร้ายที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินจากปากของเขา พี่จิณห์น้ำตานองหน้ายิ่งกว่าเดิม ว่าเสียงเครือ

“แต่กูรักมึงนะ ทำทุกอย่างได้เพื่อมึง บอกมาสิว่าอยากให้กูทำอะไร มึงบอกมา กูจะทำ...ฮึก กูจะทำให้...”

ผมบีบมือพี่อินทร์น้อยๆ เป็นสัญญาณให้เขาทำอะไรสักอย่าง ตอบรับไปก็ได้ แค่แบ่งเศษเสี้ยวความรักให้ ผมไม่ถือสาหรอก พี่จิณห์น่าสงสารจนผมเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว

หากแต่พี่อินทร์ก็คือพี่อินทร์ ถึงจะบ้าๆ บอๆ แต่เขาก็เป็นคนยึดมั่นถือมั่น รักผมมั่นคงยังไงก็รักอย่างนั้น ไม่รักพี่จิณห์ยังไงก็ไม่รักอย่างนั้น

“มึงไม่ได้รักกูหรอก” เขาว่า “มึงรักตัวมึงเอง เพราะถ้ามึงรักกูจริงๆ มึงคงไม่คิดฆ่ากูตอนที่มึงผิดคำสาบานแล้วคิดว่าตัวเองจะตายหรอก จริงไหม”

จู่ๆ ก็พูดถึงตอนที่เขาถูกพี่จิณห์แทงขึ้นมา พี่จิณห์ก็ชะงักกึกเลย มองหน้าอีกฝ่ายที่ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงโทนเดิม

“ทุกอย่างที่เกิดขึ้น กูยอมรับแต่โดยดีว่าเป็นความผิดของกูเอง ถ้ากูทำให้มึงเจ็บปวด กูขอโทษ”

“มันไม่พอ...”

“กูรู้ว่าแค่คำขอโทษมันไม่พอ แต่กูขอโทษ... ตัดใจเถอะไอ้จิณห์ มึงจะได้มีความสุขสักที อย่างที่กูบอก เลิกทรมานตัวเองสักที นี่ไม่ใช่ความเป็นห่วงหรืออะไร กูแค่อยากให้มึงหลุดจากบ่วงที่กูเป็นคนคล้องเอาไว้ กูอยากให้มึงมีความสุข”

สิ้นเสียงก็ไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงแววตาปวดร้าวของพี่จิณห์เท่านั้นที่กำลังบอกกับทุกคนว่าเขาทรมานมากแค่ไหน ก่อนที่ครู่หนึ่งน้ำตาจะเหือดแห้ง จากนั้นเขาก็ว่าเสียงต่ำ

“กูเคยบอกมึงแล้ว...ถ้ากูไม่ได้ ใครหน้าไหนก็ต้องไม่ได้มึงทั้งนั้น” จากนั้นก็ปราดสายตามามองผม “ไม่มีวัน...มึงไม่มีวันได้ไอ้อินทร์ไปจากกู”

ผมเม้มริมฝีปากแน่น เป็นครั้งแรกที่ผมกลัวคนตรงหน้า ก่อนจะได้สติเมื่อพี่อินทร์ตัดบท

“กูว่าคุยกับมึงไม่รู้เรื่องละ ไร้ประโยชน์” พลันก็ลุกขึ้นยืนแล้วกระตุกมือเป็นสัญญาณให้ผมลุกขึ้น “ไปกันเถอะจิ พี่ถือว่าพี่ทำในสิ่งที่พี่ควรจะทำแล้ว ต่อจากนี้จะไม่มีการคุยอะไรกันอีก”

แน่ล่ะว่าเขาไม่ได้บอกพี่จิณห์คนเดียว แต่บอกผมเป็นนัยด้วยว่าห้ามขอร้องให้เขามาคุยกับพี่จิณห์อีก ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ลุกขึ้นตามพี่อินทร์ แต่ก่อนที่เราจะออกจากร้านไป พี่อินทร์ก็ทิ้งท้าย

“บ่วงที่คล้องคอมึงอยู่ เอาออกสักที มึงจะได้มีความสุข...จินตะหราวาตี”

สิ้นเสียงก็ปล่อยให้พี่จิณห์นั่งร้องไห้อยู่คนเดียวที่โต๊ะตัวเดิมโดยที่เราสองคนก็ไม่ได้คุยอะไรกันหลังจากนั้นอีก

 

หลังจากวันนั้น ผมก็ไม่กล้าพูดเรื่องพี่จิณห์กับพี่อินทร์อีกเลย ไม่กล้าแม้แต่จะคุยเรื่องเหตุการณ์วันนั้นด้วย ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ ซึ่งพี่อินทร์ก็ทำตัวตามปกติทุกอย่าง แต่ในใจลึกๆ แล้ว ผมเชื่อว่าสิ่งที่พี่อินทร์กระทำวันนั้นมันไม่จบแค่นั้นแน่

คนอย่างจินตะราวาตี... มีเหรอที่จะยอมง่ายๆ

ผมเชื่ออย่างนั้น พี่อินทร์ก็เชื่ออย่างนั้น ใครๆ ก็เชื่ออย่างนั้น เพียงแต่ไม่มีใครพูด มีแค่การเตือนให้ผมระวังตัวเท่านั้นเพราะต่างคนต่างไม่ไว้ใจเพราะไม่รู้ว่าพี่จิณห์จะมาไม้ไหนอีก แต่ก็นับว่าพอจะสบายใจขึ้นได้เปลาะหนึ่ง ด้วยพี่จิณห์ไม่มาโผล่หน้าให้พวกเราเห็นแล้ว เรียกได้ว่าหายไปจากสารบบชีวิตเลยก็ว่าได้

ทว่า...นั่นเป็นเพียงความคิดที่ผิด เขาไม่ได้มาดักรอพวกเราที่หน้าหอก็จริง แต่มาดักรอผม...ที่หน้าตึกคณะ

เสียงซุบซิบของผู้หญิงกลุ่มข้างหน้าที่เห็นผู้ชายหน้าตาดีทำให้ผมเสียวสันหลังวาบ และรู้สึกไม่ดีกว่าเดิมเมื่อตระหนักได้ว่าคนที่พวกเธอกรี๊ดกร๊าดนั้นคือใคร

พี่จิณห์ยังคงแต่งตัวดีตามสไตล์ของเขา แต่ที่ดูไม่ดีก็คือดวงตาบวมเป่งที่ดูก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้มา และสีหน้าเรียบนิ่งจนดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ ร้ายไปกว่านั้นก็คือการมาดักรอผมนี่แหละ

เขาต้องการอะไร...

แน่นอนว่าผมไม่โง่พอที่จะไปถามเขาตรงๆ แน่ พอเห็นปุ๊บ ผมก็เตรียมตัวจะเลี้ยวกลับเข้าตึกคณะแล้วโทรให้พี่อินทร์มาหาเลย ผมไม่เสี่ยงไปเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ หรอก แต่ถ้าคิดว่าผมจะหนีเขาได้ มันคือความคิดที่ผิด เพราะทันทีที่ผมหันตัวหนี เขาก็พุ่งเข้ามาหาแล้วเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะจับแขนผมไว้แน่นเมื่อเห็นผมทำท่าจะเดินหนี

“คิดว่าจะหนีไปไหน ระตูจรกา”

“พี่จิณห์มีธุระอะไรกับจิเหรอครับ”

ผมถามพลางแสร้งทำเป็นไม่รู้ เขาก็ไม่สนที่จะอธิบายเหมือนกัน พูดในสิ่งที่อยากพูดเท่านั้น

“ไปด้วยกันหน่อย กูมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”

ผมส่ายหัวพรืด พยายามบิดแขนออกจากการเกาะกุม

“พอดีจิมีนัดกับเพื่อนไว้น่ะครับ คงไปด้วยไม่ได้ ต้องขอตัวก่อน...”

เขาไม่ปล่อย อีกทั้งยังกระชับฝ่ามือที่จับแขนผมอยู่แน่นขึ้นอีก ก่อนจะออกแรงกระชากเข้าหา ว่าเสียงต่ำใส่ทันทีที่ผมถลาเข้าไปใกล้

“กูบอกให้ไปด้วยกันหน่อย”

“แต่จิ...”

“ไปกับกู”

พูดยังไม่ทันจบ เขาก็ใช้มืออีกข้างป้ายอะไรบางอย่างมาที่ปลายจมูกผม

กลิ่นนั้น...หอม แล้วก็ชวนให้มึนงงเป็นอย่างมาก สิ่งที่ผมตั้งใจจะพูด เรื่องที่ตั้งใจจะปฏิเสธ มลายหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น ผมมองหน้าเขาด้วยความมึนงงครู่หนึ่ง กระทั่งเขาพูดขึ้นอีกครั้ง

“ขึ้นรถไปกับกู...เดี๋ยวนี้”

ทั้งที่รู้ดีว่าควรปฏิเสธ แต่ผมกลับควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ริมฝีปากเผยออ้าออกไป ตอบกลับเขาเสียงแผ่วราวกับถูกมนตร์สะกดเสียอย่างนั้น

“ครับ”

พลันตรงไปที่รถของเขาที่จอดเอาไว้ ขึ้นนั่งบนเบาะโดยสารข้างคนขับให้เขาได้สตาร์ตรถแล้วขับออกไปโดยที่ผมไม่รู้เลยว่าเขาจะพาไปที่ไหน

ตอนนี้ผม...ไม่เป็นตัวของตัวเองไปแล้ว

-------------------------

มาอัปแล้วววว คิดว่าตอนหน้าก็อาจจะเป็นตอนสุดท้าย แล้วก็เป็นบทส่งท้ายแล้วค่ะ จบละถ้าแก้ปมทุกอย่างหมดนะ

ฝากกำลังใจไว้ให้กันล่วยเน้อ

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 40★บ่วงจินตะหราวาตี[14.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-06-2018 00:44:25
โดนยาอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 40★บ่วงจินตะหราวาตี[14.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-06-2018 00:45:45
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 40★บ่วงจินตะหราวาตี[14.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: por_pla4u ที่ 14-06-2018 01:01:20
รักนว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊ กับอิพี่อินทร์อ๊องๆ ใกล้จบแล้วสินะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 40★บ่วงจินตะหราวาตี[14.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-06-2018 01:06:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 40★บ่วงจินตะหราวาตี[14.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-06-2018 01:38:28
เลิกรักอินทร์ แล้วไปเปิดสำนักยาเสน่ห์เถอะ
รวยกว่าเยอะ!!! 55555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 40★บ่วงจินตะหราวาตี[14.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 14-06-2018 01:59:11
เลิกตอแยพี่อินทร์แล้วไปเปิดตำหนักหมอจิณห์น่าจะรุ่งกว่าเยอะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 40★บ่วงจินตะหราวาตี[14.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-06-2018 02:26:08
สงสัยจิณห์ต้องการตายคา teen นังเหนาแน่ ๆ วอนซะแล้ว  :katai1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 40★บ่วงจินตะหราวาตี[14.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: พันวา ที่ 14-06-2018 08:24:41
เลิกตอแยพี่อินทร์แล้วไปเปิดตำหนักหมอจิณห์น่าจะรุ่งกว่าเยอะ

น่าจะเปิดไปแล้วนะต้นตำหรับ ยาป้ายปลดทรัพย์ที่เลื่องลือ  :t2: :t2: :t2: :t2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 40★บ่วงจินตะหราวาตี[14.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 14-06-2018 08:46:16
 :เฮ้อ:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 40★บ่วงจินตะหราวาตี[14.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 14-06-2018 19:49:41
ถ้าไม่ปล่อยวางก็ยิ่งเป็นทุกข์นะ จินต์
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 40★บ่วงจินตะหราวาตี[14.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-06-2018 23:36:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 40★บ่วงจินตะหราวาตี[14.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 15-06-2018 20:14:01
โอ้ยยยย จิณห์อย่าทำอะไรน้องจินะ ทำไมไม่รักตัวเองบ้างอิเหนาไม่รักก็หันกลับมารักตัวเองดิ เลิกทำร้ายคนอื่นซักที
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 40★บ่วงจินตะหราวาตี[14.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 16-06-2018 18:34:20
 

Chapter 41: อิเหนาไม่ได้เป็นของจรกา[1]

ผมบังคับตัวเองไม่ได้เลย พี่จิณห์สั่งให้ทำอะไรก็ทำตามหมด ตอนนี้ก็เลยมานั่งอยู่บนรถเขาขณะที่เขามุ่งหน้าพาผมไปที่ไหนก็ไม่รู้ ผมเหลือบมองเขาเป็นระยะด้วยความหวั่นใจ ในใจรู้แล้วล่ะว่าการที่เขาโผล่มาอย่างนี้จะต้องคิดทำอะไรไม่ดีกับผมแน่ แต่จะเป็นอะไร ก็สุดที่ผมจะคาดเดาได้เหมือนกัน

บทสนทนาของเราไม่มีเลยสักนิด จนกระทั่งขับรถมาได้ระยะหนึ่ง พี่จิณห์ก็ทำลายความเงียบขึ้น

“ไม่ต้องนั่งเกร็งขนาดนั้น กูไม่ได้จะทำอะไรมึงหรอก ส่วนไอ้ที่ป้ายจมูกมึงมันก็ไม่ได้อันตราย ไม่ต้องทำหน้าเหมือนกูจะฆ่ามึงขนาดนั้น”

ผมเหลือบมอง ไม่ไว้ใจเขาเลยสักนิดแม้ว่าเขาจะพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ก็ตาม

“แล้วพี่จิณห์เอาอะไรป้ายจิครับ”

ผมถามเพราะรู้ทันทีว่ามันต้องเป็นยาอะไรสักอย่างที่มีผลในทางไสยศาสตร์ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ขึ้นรถมากับเขาง่ายๆ ทั้งที่สติสัมปชัญญะรับรู้เรื่องราวทุกอย่างครบถ้วนอย่างนี้หรอก ซึ่งก็ใช่เมื่อเขาว่าออกมา

“ยาสั่ง” พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ด้วยซ้ำ “ไม่ทำแบบนี้ มึงคงไม่ขึ้นรถมากับกูหรอก จริงไหม”

ผมไม่ตอบ แต่ความเงียบคือการตอบว่าใช่ พี่จิณห์ก็ไม่ได้พูดอะไร มีแต่ผมเท่านั้นที่ถามออกมา

“พี่จิณห์จะพาผมไปไหนเหรอครับ”

เขาไม่ตอบในทันที เหลือบมองก่อนจะว่าเสียงเรียบ

“อยากคุยอะไรด้วยหน่อย”

“คุยกันตอนที่พี่อินทร์อยู่ก็ได้”

“อยากคุยกับมึงแค่สองคน อย่าถามมาก เงียบๆ ปากไป กูไม่มีสมาธิขับรถ”

เขาขัดแทบจะในทันที ผมก็เงียบตามที่เขาสั่ง ไม่ใช่ว่าอยากเงียบ แต่เพราะฤทธิ์ยาที่ทำให้ผมไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้

 

หลายชั่วโมงทีเดียวที่พี่จิณห์พาผมขับรถไปตามถนน เขาไม่มีจุดหมายอะไรเป็นพิเศษ ขับวนไปวนมาอยู่ในกรุงเทพฯ จนกระทั่งฟ้ามืด ผมเหลือบมองนาฬิกาที่วิทยุหน้ารถก็เห็นว่ามันเกือบจะสี่ทุ่มแล้ว พี่อินทร์โทรมาหาหลายสายแล้วเช่นกัน แต่ผมไม่มีแรงมากพอที่จะฝ่าฝืนคำสั่งคนข้างๆ ที่บอกว่าห้ามรับไปกดรับสายคนที่โทรมาได้เลย จนกระทั่งแบตเตอร์รี่หมด ตอนนั้นเองที่พี่จิณห์พาผมไปจอดยังข้างถนนแห่งหนึ่งซึ่งผมก็ไม่แน่ใจนักว่าที่ไหน แต่มองไปข้างหน้า ผมก็เห็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เท่านั้นผมก็ใจไม่ดี แต่จะถามเขาก็ถามไม่ได้เพราะถูกสั่งให้เงียบ เลยได้แต่มองเขาทอดสายตามองไปข้างหน้า แสงสีส้มจากไฟข้างถนนทำให้เขาดูเหงายังไงก็ไม่รู้ ทว่านั่นไม่สำคัญเท่ากับการที่เขาพูดขึ้นมา

“ลงจากรถ”

ผมเบิกตาโตมองเขาทันที

“ไปเดินเล่น เป็นเพื่อนคุยกับกูหน่อย”

ตอนนี้เองที่ผมเปิดปากขึ้นมาได้

“คุยกันตรงนี้ก็ได้นี่ครับถ้าพี่จิณห์มีธุระอยากคุย”

“กูบอกให้ลงจากรถ”

เขาไม่ได้ตะคอกหรือตวาด แต่น้ำเสียงกลับทำให้ผมหวั่นใจขึ้นมา ผมลงจากรถโดยง่าย เดินตามเขาที่ก้าวขึ้นไปตามทางฟุตปาธที่เลียบไปกับสะพาน ก่อนที่เราจะมาหยุดตรงจุดที่สูงสุดบนสะพานนั้น

เขาไม่พูดอะไร เอาแต่เงียบ ปล่อยให้ลมเย็นๆ จากแม่น้ำพัดเส้นผมปลิวไปด้านหลังจนเห็นกรอบใบหน้าชัดเจน

จริงๆ แล้วพี่จิณห์เป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมาก เมื่อครั้งที่เป็นจินตะหราวาตี ก็เป็นหญิงที่มีรูปงามมากเช่นกัน เกิดมาในชาติตระกูลที่ดี พรั่งพร้อมด้วยทุกสิ่งอัน เสียอย่างเดียวตรงที่เขามีใจรักคนที่ไม่มีทางมอบใจให้เขา ผมไม่อยากพูดแบบนี้หรอกนะ แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

“กูอยากคุยกับมึงเรื่องไอ้อินทร์”

เงียบกันอยู่นาน ในที่สุดเขาก็เอ่ยปากออกมา ผมเลิกคิ้วสูง

“พี่อินทร์ทำไมเหรอครับ”

ให้เดานะ ผมคิดว่าเขาจะต้องสั่งให้ผมเลิกกับพี่อินทร์แน่ หรือไม่ก็อะไรที่ทำให้ผมต้องพรากจากเขา

ทว่า...ผมก็คิดผิดเมื่อพี่จิณห์พูดขึ้นมาอีกครั้ง

“จริงๆ ที่ไอ้อินทร์บอกกับกูวันนั้น กูก็ไปคิดดูเหมือนกัน ที่มันพูดมาก็ถูก คนไม่รักก็คือไม่รัก กูไปบังคับอะไรมันไม่ได้”

ผมเหลือบมองหน้าเขา สายตาของพี่จิณห์ดูเศร้าสร้อยเกินกว่าที่ผมจะบรรยายได้ ยิ่งเขาพูดมาอีกว่า...

“แต่การที่กูรักมันไปแล้ว จะบังคับให้ไม่รัก มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ เหมือนกัน มึงเข้าใจใช่ไหมว่าการที่รักใครสักคนปักใจมันเป็นยังไง”

ผมเงียบ พยักหน้า ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ตัวอย่างก็มีให้เห็น พี่อินทร์นี่ไง ต่อให้ผมโกรธเกลียดเขาแค่ไหน เขาก็ยังรักผมอยู่ดี รอข้ามชาติจนกระทั่งได้รักกันจริงๆ เพียงแต่การแสดงออกของเขากับพี่จิณห์ไม่เหมือนกันก็เท่านั้น

พี่อินทร์รักผม...แบบยอมสละให้ได้ทุกอย่าง

แต่พี่จิณห์รักพี่อินทร์...โดยที่จะเอาทุกอย่างมาเป็นของตัวเองโดยที่ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะคิดยังไง

พอผมตอบไปอย่างนั้น เขาก็เงียบ ครู่หนึ่งเขาก็หันมามอง

“ถ้ามึงเป็นกู มึงจะทำยังไงกับความรู้สึกเวรๆ นี่ มึงจะทำยังไงต่อไปถ้ามึงรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ว่าจะทำอะไร เขาก็ไม่รักมึง?”

“จิคง...ปล่อยวางแล้วไปใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุขโดยไม่มีคนคนนั้นครับ”

ผมตอบไปตามตรง ไม่ได้เสแสร้งหรืออะไรทั้งนั้น ผมอยากให้คนตรงหน้าผมมีความสุขจริงๆ พี่จิณห์เองก็ยิ้มออกมาน้อยๆ

“นั่นสินะ ในเมื่อทำยังไง มันก็ไม่รัก ปล่อยวางคงจะเป็นเรื่องดีที่สุด”

ตอนนี้ดวงตาของเขามีน้ำใสๆ เอ่อคลอ ทว่าไม่ได้ร้องไห้ ผมเห็นแล้วก็สงสารขึ้นมาจับใจ ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าเขาจะคุยกับผมรู้เรื่องในคราวนี้ทั้งที่ตอนแรกดูแล้วไม่ได้มาดีเท่าไร ดีแล้วล่ะที่ผมมาด้วย เพราะไม่อย่างนั้นคงจะต้องมีเรื่องคาราคาซังไม่จบสิ้นแน่ ได้คุยกันแบบเปิดอก คุยกันเหมือนคนธรรมดาคุยกันสักที ผมว่าก็ดีเหมือนกัน

ผมปลอบใจเขาด้วยการเอื้อมมือไปจับมือเขาที่จับราวสะพานอยู่ บีบเบาๆ เป็นการบอกว่าเขาจะไม่เป็นอะไร ขณะที่เขาว่าเสียงแผ่ว

“กูจะตัดใจจากไอ้อินทร์แล้ว กูรู้สึกว่ากูไม่ไหว ควรพอ ถ้าทำยังไงมันก็ไม่รัก...กูก็ควรจะพออย่างที่มันบอก”

เป็นประโยคแรกที่ผมได้ยินจากปากพี่จิณห์แล้วเข้าหูที่สุด

ใช่ เขาควรตัดใจได้แล้ว เขาควรมีความสุขสักที...

ทว่าจู่ๆ เขาก็ว่าขึ้นมาอีก

“แต่มึงจำได้ใช่ไหมว่ากูเคยพูดอะไรไว้อย่างนึง”

“อะไรครับ”

“ถ้ากูไม่ได้ ใครก็ต้องไม่ได้มันทั้งนั้น”

ผมชะงัก มองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ

“พี่จิณห์หมายความว่ายังไงครับ”

เขาหันมามองผม

“กูไม่ได้รักกับมัน มึงก็ต้องไม่ได้รักกับมัน”

ผมใจหายวาบขึ้นมาในตอนนี้ มือที่จับเขาอยู่ค่อยๆ คลายออก ขณะที่สันหลังก็เริ่มเสียววาบขึ้นมาเมื่อเห็นใบหน้าเรียบเฉยของเขา

“แล้ว...พี่จิณห์คิดจะทำอะไร”

“บางทีการไม่มีมึงอยู่ มันน่าจะดีกว่า ถึงกูจะบอกว่าตัดใจ แต่กูก็ทนเห็นคนอื่นไปมีความสุขกับมันไม่ได้หรอกนะ ในเมื่อมันทำให้กูทรมาน มันก็ต้องทรมานเหมือนกับกู”

ผมเสียวสันหลังวาบขึ้นมาในคราวนี้ คิดผิดไปเลยที่เข้าใจว่าเขาจะปล่อยวางแล้ว จริงๆ ไม่ได้ปล่อยวางเลยต่างหาก ยังคงอาฆาตแค้นกับทุกอย่าง โทษทุกคนที่ทำให้เขาเจ็บปวด ที่สำคัญ...ตอนนี้เหมือนเขาจะมาลงที่ผมแล้ว

“พี่จิณห์...จะฆ่าจิเหรอ”

ผมกลั้นใจถามไปอย่างนั้น เขาไม่ตอบคำถาม แต่กลับถามผมพลางยิ้มเย็นแทน

“คิดว่ายังไงล่ะ... ระตูจรกา”

มือทั้งสองข้างของผมถึงกับเย็นเยียบ ไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต เดาว่าหน้าผมคงซีดเผือดด้วยเพราะพี่จิณห์เห็นแล้วก็หัวเราะใหญ่ ก่อนที่เขาจะว่าขึ้นมาช้าๆ

“สตรีใดในพิภพจบแดน ไม่มีใครได้แค้นเหมือนอกข้า ด้วยใฝ่รักให้เกินพักตรา จะมีแต่เวทนาเป็นเนืองนิตย์...”

“...”

“มึงรู้จักกลอนบทนี้ไหม”

ทำไมผมจะไม่รู้จักล่ะ... รู้จักดีเลยล่ะ

นี่เขากำลังจะบอกว่าทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นและจะเกิดหลังจากนี้คือผลพวงจากความอาฆาตแค้นของเขาใช่ไหม

ผมตัวสั่นขึ้นมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ คนข้างกายเหลือบมองผมแล้วหัวเราะในลำคอ

“ไม่ต้องกลัวขนาดนั้น กูไม่ฆ่ามึงหรอก”

ผมลอบถอนหายใจออกมา จะว่าโล่งอกก็ไม่ใช่ จะสบายใจขึ้นก็ไม่เชิง แต่ก็รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อยเพราะสัมผัสได้ว่าเขาพูดจริง

“ถ้ากูทำอะไรมึง มีหวังไอ้อินทร์ได้เกลียดกูไปมากกว่านี้แน่ แค่นี้มันก็มองหน้ากูไม่ติดแล้ว”

ถูกต้อง คิดได้แบบนั้นก็ดีแล้ว... ผมไม่อยากจะเห็นดีเห็นงามกับเขาเท่าไรหรอกนะ แต่ต้องเห็นดีด้วยล่ะ เพราะผมก็รักชีวิตตัวเองเหมือนกัน

“ถ้างั้นเรากลับ...”

“แต่กูไม่ได้ มึงก็ต้องไม่ได้นั่นแหละ กูทรมานยังไง มันก็ต้องทรมานอย่างนั้น”

เขาแทรกขึ้น ผมก็ไม่กล้าชวนเขากลับ ได้แต่มองหน้าเขา ขณะที่เขามองไปยังเบื้องล่างของสะพานแล้วถามขึ้นมาลอยๆ

“มึงว่าถ้าโดดลงไปจะตายไหม”

ผมไม่ตอบ รู้แต่ว่าตัวสั่นขึ้นมาน้อยๆ ก่อนที่เขาจะผินหน้ามามองผม

“ที่มึงถามว่ากูจะฆ่ามึงไหม กูไม่ทำหรอก เพราะกูจะให้มึงทำเอง ฆ่าตัวตาย... ทำให้เข้าใจแบบนี้น่าจะง่ายกว่า”

เข้าใจแล้ว...

ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงได้บังคับให้ผมมากับเขาที่นี่

ทำไมถึงจะต้องจองล้างจองผลาญกันไม่จบไม่สิ้นอย่างนี้ด้วย หยุดได้แล้ว! หยุดสักที!

“พี่จิณห์หยุดสักทีครับ! พอได้แล้ว! ต่อให้จิตายไป พี่อินทร์ก็ไม่รักพี่จิณห์หรอกนะ! มันไม่มีประโยชน์!”

ผมตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออดกับความไม่มีเหตุผลและไม่รับฟังอะไรของเขา พี่จิณห์มีสีหน้ากรุ่นโกรธขึ้นมาน้อยๆ จากนั้นก็แสยะยิ้ม

“มีหรือไม่มี กูเป็นคนตัดสินใจเอง ไม่ใช่มึง” จากนั้นเขาก็เดินมาจับไหล่ผม ดันตัวให้ผมไปชิดกับขอบสะพาน พลันกระซิบที่ข้างหู “กูอยากรู้ว่าถ้าโดดลงไปแล้วจะตายไหม ไหนมึงลองโดดให้กูดูหน่อย”

ผมส่ายหน้าพรืด น้ำตาเอ่อคลอเบ้า ใจอยากจะหนีไปจากตรงนี้เต็มแก่ตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ทว่าในความเป็นจริงกลับยืนนิ่งอยู่กับที่โดยที่หูยังคงได้ยินเสียงของคนข้างหลังชัดเจน

“มึงรู้เอาไว้... อิเหนาไม่ได้เป็นของกู แล้วก็ไม่ได้เป็นของจรกาเหมือนกัน เพราะงั้นอย่าลีลา”

“พี่จิณห์...”

“โดดซะจิระ”

“มะ...ไม่...”

“กูบอกให้โดดลงไป!”

 


หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 40★บ่วงจินตะหราวาตี[14.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 16-06-2018 18:34:47
Chapter 41: อิเหนาไม่ได้เป็นของจรกา[2]

[Intara’s Part]

ผมไม่เคยเชื่อว่าตัวเองจะมีลางสังหรณ์เหมือนกับคนอื่นเขาเลยแม้แต่น้อย แต่วันนี้ต้องบอกเลยว่ามีอะไรบางอย่างรบกวนใจผมจนทำให้กระสับกระส่ายทั้งวัน เรียกได้ว่าแทบไม่มีสมาธิจะทำอะไรเลยดีกว่า ใจเอาแต่อยากจะเจอจิระเร็วๆ เท่านั้นด้วยเป็นห่วงเขาขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ผมทั้งส่งข้อความ ทั้งโทรหาเขาตั้งแต่ตอนเรียนคาบบ่าย แต่...ไม่ได้รับการตอบรับจากอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

มันแปลก... ปกติแล้วต่อให้เรียนอยู่ ถ้าผมส่งข้อความหรือโทรไปถี่ๆ แบบนี้ จิระจะหาเวลาหลบมาตอบหรือรับสายผมนี่ ที่สำคัญ วันนี้จิระมีเรียนแค่คาบเช้า แล้วตอนนี้ก็เลิกเรียนแล้วด้วย ทำไมถึง...?

แน่ล่ะว่าผมไม่รอให้เลิกเรียนก่อนแล้วค่อยกลับไปเจอกันที่หอ เพราะเป็นห่วงมากจนระงับความรู้สึกตัวเองไว้ไม่อยู่ ผมเลยเก็บข้าวของแล้วโดดเรียนเอาวินาทีนั้นเลย ไม่สนคำขู่ของอาจารย์ประจำวิชาด้วยว่าผมอาจจะพลาดคะแนนในคาบเรียนนี้ไป

พลาดก็พลาดสิ สนใจที่ไหน จิระสำคัญกว่าคะแนนเข้าเรียนเยอะ!

ผมรีบกลับหอด้วยความเร็วแสง พอเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วพบแต่ความว่างเปล่า ผมก็ใจเสียขึ้นมา รีบกลับไปหาจิระที่ตึกคณะของเขา เผื่อว่าเขาจะยังอยู่คุยกับเพื่อนที่นั่น ทว่าพอไปถึงแล้ว กลับไม่เห็นเพื่อนของเขาเลยสักคน ยิ่งไปกว่านั้น ผมเพิ่งสำนึกได้ว่าจิระไม่ค่อยมีเพื่อน เพื่อนของเขา ผมก็ไม่ค่อยรู้จัก สุดท้ายผมก็โทรหาไอ้บุศย์เพื่อให้มันไปช่วยถามพวกน้องปีหนึ่งคณะมันให้หน่อย รวมถึงโทรตามสรัลและวิญญูมาด้วย เพราะดูท่าทางแล้วคงจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับจิระแน่

และใช่...ผมหาจิระไม่เจอ

ไม่เคยเป็นห่วงเขาขนาดนี้มาก่อนเลย ผมยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าจะเอายังไงต่อดีหลังจากที่ไอ้บุศย์มาบอกว่าไม่มีใครเห็นจิระตั้งแต่เลิกเรียนแล้ว และจิระเองก็บอกกับคนอื่นๆ ว่าจะกลับหอ แต่ที่หอมันไม่มีเขา

“มึงแน่ใจเหรอว่าจิไม่ได้กลับหอ”

ได้สติอีกครั้งก็ตอนที่ไอ้บุศย์ถามขึ้น ผมพยักหน้า

“ไม่ได้ออกไปหาข้าวกินเหรอพี่อินทร์” เป็นสรัลที่ถามขึ้นบ้าง

“ห้องไม่มีร่องรอยว่าจิกลับมาเลยนะ ปกติกลับมาแล้ว จิต้องเปิดแอร์เป็นอันดับแรก รายนี้ขี้ร้อนจะตาย”

ผมว่า เท่านั้นทุกคนก็เงียบ มีวิญญูที่คิดไปครู่ จากนั้นก็ว่าขึ้นมา

“จิไม่ได้รับโทรศัพท์ใช่ไหม” ผมพยักหน้า มันเลยพูดต่อ “แล้วโทรศัพท์จิเช็กตำแหน่งได้หรือเปล่า”

ผมตระหนักขึ้นมาได้ตอนนี้ว่าหลังจากที่ได้คุยกับจิณห์ไปวันนั้น ผมก็ไม่ไว้ใจไอ้บ้านั่นขึ้นมา บังคับให้จิระติดตั้งแอพฯ ตามตัวลงไปในโทรศัพท์ เผื่อมีอะไร ผมจะได้เช็กได้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เท่านั้นผมก็รีบคว้าโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา เปิดแอพฯ นั้นดู ก่อนจะเห็นว่าเขาไม่ได้อยู่ในตัวมหาวิทยาลัย ทว่ากำลังมุ่งหน้าไปที่ไหนก็ไม่รู้

“พวกมึงขึ้นรถเลย มีคนพาจิไปไหนก็ไม่รู้”

ผมว่าอย่างนั้น พลันออกวิ่งไปที่ลานจอดรถ คนอื่นๆ ยังไม่ทันได้ถามอะไร มองหน้าผมอย่างสงสัยแต่ก็วิ่งตามมากันเป็นพรวน พอขึ้นรถได้ ผมก็เหยียบคันเร่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต ทำเอาทุกคนในรถร้องกันเสียงหลง

“ใจเย็นๆ หน่อยไอ้อินทร์ เดี๋ยวก็ได้ตายก่อนไปเจอจิหรอก!”

ไอ้บุศย์ที่นั่งข้างผมร้องบอกลั่น ผมไม่ทันได้ฟังมันเท่าไร ได้แต่โยนโทรศัพท์ตัวเองให้มัน

“ถ้าไม่อยากตายก็คอยบอกทางให้กูดีๆ ก็แล้วกัน คาดเข็มขัดด้วย”

พูดอย่างนั้นก็ไม่มีใครไม่กล้าขัดคำสั่งผม คาดเข็มขัดกันแต่โดยดี ก่อนที่วิญญูจะถามขึ้น

“ตกลงมีใครพาจิไป ใครพาไป แล้วไปไหน”

“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่กูพอจะเดาได้ว่าใครพาไป”

“ใครวะ”

“ไอ้จิณห์”

สิ้นเสียง ความเงียบก็ครอบงำพวกเราไปครู่หนึ่ง มีแต่สรัลเท่านั้นที่ครางออกมา

“งานเข้าแล้ว”

“ตกลงมันไปไหนไอ้บุศย์”

ผมร้องถามอีกครั้งเมื่อเห็นไอ้บุศย์ก้มหน้าก้มตาดูแผนที่จากแอพฯ ในโทรศัพท์

“กูก็ไม่รู้ มันขับวนๆ อยู่บนถนนเส้นที่มึงขับอยู่เนี่ย”

“อยู่ไกลกันมากไหม”

“ไม่มากนะ แต่ก็ห่างพอสมควร”

“โทรหาจิด้วย เอาโทรศัพท์กูนั่นแหละโทร โทรจนกว่าจะรับนะ”

ไอ้บุศย์ทำตามแต่โดยดี ไม่รู้ว่าผมควรจะโล่งใจที่เอะใจแล้วรีบร้อนตามมาติดๆ ได้ทันเวลา หรือควรเป็นกังวลหนักเพราะไม่รู้ว่าไอ้บ้านั่นคิดจะพาจิระไปที่ไหนดี ที่รู้ๆ ตอนนี้ผมไม่สบายใจเลย อีกทั้งยังโกรธที่เรื่องระหว่างผมกับไอ้จิณห์ไปลงที่จิระแบบนั้น

มีอะไรทำไมไม่มาลงที่กู ไปยุ่งกับจิทำไม!

ทั้งโกรธ ทั้งโมโห จนขับรถเริ่มทุเรศขึ้นทุกทีๆ ทำให้วิญญูต้องร้องลั่น แล้วบังคับให้ผมจอดรถเพื่อที่จะมาขับเอง เพราะขืนปล่อยให้ผมขับต่อไป มีหวังคงได้ตายกันหมดทั้งคันรถก่อนจะหาตัวจิระเจอแน่นอน

ผมถูกย้ายมานั่งยังเบาะผู้โดยสารด้านหลัง ในใจก็ภาวนาไปด้วยว่าขอให้จิระปลอดภัย ขณะที่ภาวนาอยู่นั้น พลันก็มีเสียงทุ้มดังขึ้นมาในภวังค์

‘สิ่งที่ตนเป็นผู้ก่อ ตนต้องชดใช้ด้วยตนเอง’

เสียงนั้น... องค์ประตาระกาหลา

ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ก็เข้ามาในนิมิตผม แต่พอจะเดาได้ว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกับการกระทำของผมในอดีตชาติแน่

จะอะไรก็เถอะ ขอแค่ให้จิระปลอดภัยเท่านั้น ผมยอมหมดทุกอย่าง

 

เราขับรถวนอยู่ในกรุงเทพฯ พักใหญ่ ท่าทางเหมือนไอ้จิณห์จะใช้เวลาชั่งใจอยู่นานทีเดียวกว่าจะตัดสินใจได้ว่าควรพาจิระไปที่ไหน ส่วนโทรศัพท์ของจิระแบตฯ หมดไปแล้ว ครั้งล่าสุดที่โทรหาไม่สามารถติดต่อได้แล้ว โชคดีที่แอพฯ ตามตัวยังคงทำงานได้ดีอยู่แม้ว่าโทรศัพท์จะแบตฯ หมด ผมนึกขอบคุณคนสร้างเทคโนโลยีพวกนี้ขึ้นมาในวินาทีนี้เลยทีเดียว

กระทั่งฟ้าเริ่มมืด ไอ้จิณห์ถึงจอดรถยังสถานที่แห่งหนึ่ง พวกเราไปถึงที่นั่นหลังจากมันประมาณครึ่งชั่วโมงให้หลัง เบื้องหน้าคือสะพานข้ามแม่น้ำแห่งหนึ่ง วิญญูจอดรถ พลันทำลายความเงียบ

“แน่ใจเหรอว่ามันมาที่นี่”

ไอ้บุศย์ก้มหน้าดูสัญญาณจีพีเอสที่ยังคงกะพริบอยู่ “เห็นล่าสุดผ่านตรงนี้ แล้วตอนนี้ก็อยู่แถวนี้”

ปลายนิ้วของมันชี้ขึ้นไปบนสะพานมืดๆ ผมมองตามก็ไม่รู้หรอกว่ามันชี้ไปตรงไหน แต่สายตาที่มองออกไปยังนอกตัวรถก็ทำให้ผมรู้ได้ว่าเรามาถูกที่แล้ว

“นั่น...รถไอ้จิณห์!”

ใช่ รถของมัน จอดดับเครื่องอยู่ข้างถนนตรงหน้า ผมรีบลงจากรถ ก้าวมาเปิดประตูฝั่งไอ้บุศย์แล้วแย่งโทรศัพท์จากมือมันมาดูว่าจิระอยู่ตรงไหน จากนั้นก็ออกวิ่งไปโดยไม่สนอะไรอีก

และ...ผมก็ได้เห็นจิระกับไอ้จิณห์อยู่บนจุดสูงสุดของสะพาน

ถ้าเห็นจิระกับไอ้เวรนั่นยืนกันอยู่เฉยๆ ผมจะไม่ตกใจอะไรมากเท่านี้เลย แต่นี่จิระ...กำลังปีนขึ้นราวสะพานโดยมีไอ้จิณห์อยู่ใกล้ๆ

มันเรื่องอะไรกัน!?

ไม่มีสติจะคิดไตร่ตรองอะไรแล้ว ผมออกวิ่งสุดฝีเท้า ก่อนพุ่งเข้าไปคว้าจิระลงมาจากราวเหล็กนั่น

“จิ!”

เราสองคนล้มกลิ้งไปบนพื้น จิระเงยหน้าขึ้นมองผม ดวงตากลมโตฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตา ขณะที่ตัวสั่นเทาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พอเขาเห็นผมก็ครางออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นระริก

“พะ...พี่อินทร์...”

ผมไม่ปล่อยเขาออกจากอ้อมแขนเพราะดูเหมือนว่าเขาจะพยายามขืนตัวเองออกห่างจากผม ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ผมรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล

ก็แน่ล่ะ อยู่กับไอ้จิณห์แบบนี้ มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่แล้ว

ผมดันตัวลุกขึ้นทั้งที่ยังกอดจิระอยู่ ซึ่งเขาเองก็ตัวสั่นงันงก น้ำตาไหลอาบใบหน้าเหมือนเดิม ผมอยากจะกอดปลอบเขาให้ใจเย็นลง แต่ยังไงก็ต้องจัดการกับไอ้เวรตะไลตรงหน้าก่อน

“มึงทำอะไรจิ บอกกูมาเดี๋ยวนี้!”

ตวาดไปอย่างนั้น ไอ้จิณห์ที่มองอยู่ก็แค่นหัวเราะออกมาเล็กน้อย

“ทำอะไรเหรอ กูต้องถามมึงมากกว่าว่ามึงนั่นแหละทำอะไร ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดคือมึงเองไม่ใช่เหรอ อิเหนา!”

ว่าแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องนี้ ผมสูดหายใจเข้าปอดเต็มแรงคล้ายกับว่าพยายามระงับสติ แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยเลยเมื่อคนตรงหน้าส่งสายตาอาฆาตแค้นมาให้ผม

“หยุดสักทีไอ้จิณห์ กูก็บอกชัดเจนไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าระหว่างมึงกับกูมันไม่มีทางเป็นไปได้”

“ใช่! กูรู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ทำยังไงมึงก็ไม่รักกู กูก็จะตัดใจจากมึงแล้วนี่ไง!”

“ตัดใจจากกู แล้วลากจิมาเกี่ยวด้วยทำไม!”

“กูจะตัดใจ แต่ไม่ได้หมายความว่ากูจะยอมเห็นมึงมีความสุข ในเมื่อกูไม่ได้มึง ใครก็ต้องไม่ได้ เข้าใจไหมว่าถ้ามึงไม่รักกู ใครก็รักมึงไม่ได้ทั้งนั้น!”

ถึงตอนนี้ ไอ้จิณห์ร้องไห้น้ำตาอาบใบหน้า ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมจู่ๆ ถึงเห็นจิระปีนขึ้นไปบนราวสะพาน มิหนำซ้ำตอนนี้ยังดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดผม ทำท่าจะกลับขึ้นไปปีนราวสะพานให้ได้ ทว่าสายตาที่เขามองผมกับเสียงที่เล็ดลอดออกจากปากมานั้นไม่ใช่สิ่งเดียวกับที่ร่างกายเขาจะกระทำเลย

“พะ...พี่อินทร์ ช่วยจิด้วย จิโดนยาสั่ง”

ผมกำมือแน่น เข้าใจแล้ว... เข้าใจแล้วว่าทำไมจิระถึงเป็นอย่างนี้

“กูบอกแล้วไงว่าอย่ายุ่งกับจิ!”

“มึงก็บอกตัวเองสิว่าอย่ายุ่งกับมัน!”

ผมตะคอกไป มันก็ตะคอกกลับ ทำเอาผมถึงกับเดือดดาลจนทนไม่ไหว

“กูจะไม่ยุ่งได้ยังไงในเมื่อกูรักจิ กูเป็นแฟนกับจิ มึงนั่นแหละอย่ามายุ่ง แล้วก็เลิกรักกูสักที บอกกี่ครั้งแล้วว่ายังไงมันก็เป็นไปไม่ได้! โกรธกูก็โกรธไป ทำไมมึงจะต้องมาทำร้ายจิด้วย! มึงมันบ้าไปแล้ว!”

“ใช่ กูมันบ้า! เพราะมึงนั่นแหละที่ทำกูเป็นแบบนี้!” หยดน้ำตาของจิณห์ร่วงพรู หากแต่ก็พยายามจะขืนยิ้มฝืดๆ ออกมา ก่อนที่มันจะพึมพำบอกกับผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ทีมึงยังตัดใจจากจรกาไม่ได้เลย รักยังไงก็รักอย่างนั้น แต่มึงกลับมาบอกให้กูตัดใจจากมึง กูผิดเหรอที่รักมึงไม่น้อยกว่าที่มึงรักคนอื่นเลย...”

“...”

“กูผิดเหรอที่ไม่อยากเห็นมึงรักใคร ผิดเหรอที่กูบังคับใจตัวเองไม่ได้ ผิดเหรอที่กูรักมึงมากเกินไปแบบนี้!”

ผมไม่ตอบอะไร เข้าใจดีว่าการรักข้างเดียวโดยที่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะมอบความรักกลับมาเลยมันทรมานแค่ไหน ผมเองก็เคยผ่านมันมาแล้ว แต่ว่า...

“แต่ความรักของมึงมันผิดไอ้จิณห์...”

“...”

“สำหรับกู ถึงกูจะตัดใจไม่ได้ แต่กูก็ไม่เคยเอาความรักของตัวเองไปสร้างความลำบากใจให้คนที่กูรัก กูยินดีถ้าได้เห็นคนที่กูรักมีความสุข แต่สำหรับมึงไม่ใช่”

“...”

“ถ้ามึงรักกูจริงๆ ช่วยฟังคำขอร้องกูสักอย่าง”

“...”

“มึงช่วยใช้ชีวิตให้มีความสุขหน่อยได้ไหม กลับไปรักตัวเองซะ รักตัวเองให้มากๆ เอาความรักที่ให้กูกลับไปรักตัวเองเถอะ มันไม่มีประโยชน์ที่จะมอบให้กูแล้ว เพราะยังไงกูก็รักใครอีกไม่ได้ ต่อให้จิตายไป หัวใจของกูก็จะเป็นของจิตลอดไป”

จิณห์ไม่ตอบอะไร ได้แต่มองผมผ่านม่านน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย มันเป็นเรื่องยากมากที่ต้องมายืนฟังคนที่ตัวเองรักบอกให้เลิกรัก ผมผ่านมาแล้ว ผมเข้าใจดี แต่สำหรับผมกับคนตรงหน้ามันควรที่จะจบสักที คนคนนี้ควรมีความสุขได้แล้ว

“แต่กูทนไม่ได้...ฮึก...ทนเห็นมึงมีความสุขกับคนอื่นไม่ได้...”

จิณห์ร้องไห้ละล่ำละลักออกมา สภาพของมันในตอนนี้ดูเหมือนคนหมดสิ้นทุกอย่าง ไม่ใช่ว่าผมไม่สงสารหรอก แต่ตราบใดที่จิระตกอยู่ในอันตรายแบบนี้ เห็นทีผมกับมันคงจะญาติดีกันไม่ได้

“อะไรที่กูทำให้มึงอาฆาตแค้น กูจะชดใช้ให้ แต่เลิกยุ่งกับจิ ขอร้อง...เป็นคำขอสุดท้ายจากกูแล้ว”

จิณห์มองหน้าผม ครู่หนึ่งที่ความเงียบเข้ามาครอบคลุมพวกเรา ก่อนที่มันจะแสยะยิ้มขึ้น

“ขอร้อง... มึงขอร้องจากกูมาตลอด ขอให้ช่วยขัดขวางการแต่งงานของมึงกับบุษบาเพื่อที่มึงจะได้ไปรักกับจรกา แถมยังขอให้กูข้ามภพข้ามชาติมาทำให้มึงสมหวัง ตอนนี้ก็ยังขอให้กูเลิกยุ่งกับมึง เลิกรักมึง เลิกยุ่งกับคนที่มึงรักอีก...” จากนั้นก็เว้นจังหวะไปครู่ สูดหายใจเข้าปอด พลันกดเสียงต่ำออกมา “ไอ้อินทร์...กูว่ามึงขอมากไปแล้ว”

ไม่รู้ทำไมผมถึงใจไม่ดีขึ้นมา เห็นแววตาของมัน ผมก็เผลอหรี่ตาลงอย่างระแวง ซึ่งก็ควรจะต้องระแวง เพราะหลังจากนั้นมันก็พูดกับจิระ

“ระตูจรกา... ชาตินี้ของมึงหมดสิ้นวาระแล้ว ทำตามที่กูบอก โดดซะ!”

“ไม่!”

จิระร้องลั่น พยายามจะขืนร่างกายตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ดิ้นขลุกขลักจะออกจากอ้อมแขนผมให้ได้ เป็นฤทธิ์ของยาสั่ง ผมรู้ ผมเลยกอดเขาไว้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่จิระในตอนนี้กลับมีแรงมากมายเหลือเกิน ถึงจะตัวเล็กกว่าผมอยู่เยอะ ทว่าดูท่าแล้วผมจะยับยั้งเขาไว้ไม่ไหว

“จิ! ตั้งสติไว้! ตั้งสติ!”

ผมร้องบอก จิระพยายามอย่างสุดความสามารถเหมือนกัน ผมรู้ แต่มือเขาก็คว้าเข้ากับราวสะพานแล้วเรียบร้อย โชคดีที่ไอ้บุศย์กับวิญญูวิ่งมาถึงพอดี พวกมันเลยช่วยดึงจิระไว้ ทว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะทันทีที่แผนการชั่วของไอ้จิณห์ถูกขัดขวาง มันก็ถลาเข้ามาฉุดกระชากจิระออกจากอ้อมกอดผมขณะที่ผมกับพวกเพื่อนคนอื่นๆ ช่วยกันรั้งจิระไว้

“กูบอกแล้วไงว่าถ้ากูไม่ได้! คนอื่นก็ต้องไม่ได้!”

จังหวะนั้นเองที่ผมส่งตัวจิระให้กับไอ้บุศย์ พลันก็หันไปหาคนที่ถลาเข้ามา

“มึงเลิกบ้าสักทีไอ้จิณห์!”

พลั่ก!

ตามด้วยกำปั้นหลุนๆ ที่ประเคนใส่หน้ามัน มันผงะถอยหลังไป ดูจะอึ้งไปเล็กน้อยที่เห็นผมลงมือกับมันอย่างนั้น

“ชาตินี้มึงไม่ใช่ผู้หญิงแล้ว กูก็ไม่มีความจำเป็นต้องเกรงใจ”

ผมว่า ไอ้จิณห์แค่นหัวเราะ เช็ดคราบเลือดที่มุมปาก

“ได้! กูก็อยากจะรู้ว่ามึงจะทำกูได้แค่ไหนเหมือนกัน!”

มันบ้าไปแล้ว!

พุ่งเข้ามาหาจิระ พยายามจะดึงคนของผมออกจากพวกไอ้บุศย์ ผมก็ซัดหน้ามันไปหลายครั้ง แต่ดูเหมือนมันจะไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าปากจะแตกหรือใบหน้ามีรอยช้ำ มันก็ร้องตะโกนไม่หยุด

“โดด! โดดลงไป! กูบอกให้โดด!”

ยิ่งมันร้องสั่ง จิระก็ยิ่งมีกำลังมากขึ้น ทำเอาไอ้บุศย์กับวิญญูต้องร้องบอกผม

“ไม่ไหวแล้วไอ้อินทร์! ทำอะไรสักอย่าง! สรัลด้วย! อย่ามัวยืนตกใจ รีบหาวิธีเร็ว!”

สรัลที่เพิ่งมาถึงเงอะๆ งะๆ ไปครู่ ก่อนจะโทรศัพท์ออกหาใครบางคน ผมเดาว่าน่าจะเป็นตำรวจ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไรนักเมื่อเห็นว่าไอ้จิณห์ถลาเข้ามาอีก

พลั่ก!

“กูบอกแล้วไงว่าถ้ามึงแค้นมากนัก ให้มาลงที่กู”

“ลงที่มึง… แล้วมึงจะให้กูทำอะไร! ฮะไอ้อินทร์! มึงจะให้กูทำอะไรมึง!”

มันตะโกน ผมเลยว่าเสียงเรียบ

“กูจะชดใช้ให้”

มันไม่ฟัง เอาแต่แค่นหัวเราะ จากนั้นก็ถลาเข้ามาอีก ไม่นานก็กลายเป็นการตะลุมบอนขนาดย่อม ผมต่อยมัน มันต่อยผม จิระก็ดิ้นออกจากอ้อมแขนไอ้บุศย์กับวิญญูที่พยายามจะลากลงจากสะพาน สรัลก็ร้องโวยวายไม่หยุด กลายเป็นสถานการณ์บ้าๆ ขึ้นมาจนได้ และบ้ายิ่งกว่าเดิมด้วยเมื่อจิระดิ้นหลุดจากการฉุดรั้งของเพื่อนผม ปีนขึ้นไปบนสะพานอย่างร้อนรน ขณะที่ไอ้จิณห์ร้องสั่ง

“โดดลงไป!”

ผมหันไปมอง พุ่งไปกระชากจิระลงจากสะพาน จังหวะเดียวกันกับที่ไอ้จิณห์โผล่พรวดเข้ามาหมายจะฉุดจิระไปจากมือผมพอดี วินาทีนั้น...เกิดอะไรขึ้นก็ไม่แน่ใจนัก แต่ผมรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ตัวเองลอยคว้างอยู่ในอากาศ ก่อนที่จะรู้สึกเหมือนกำลังร่วงลงจากที่สูง

ผมพลัดตกสะพาน...

และเสียงสุดท้ายที่ได้ยินก็คือเสียงของคนที่ผมรักที่สุด รวมถึง...คนที่รักผมอย่างไร้สติเช่นกัน

“พี่อินทร์! / ไอ้อินทร์!”

ก่อนที่จะมีเสียงผิวน้ำแตกกระจายดังตูมเข้ามาแทนที่ จากนั้น...สติสัมปชัญญะของผมก็ดับวูบไป…

-----------------------

แอบเกเรไปนิดนึง แต่มาอัปเต็มตอนให้แล้วค่า

อ่านตอนนี้แล้วไม่ต้องเครียดกัน ตอนหน้าก็ตอนสุดท้ายละ

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 41★อิเหนาไม่ได้เป็นของจรกา[16.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 16-06-2018 19:29:05
เหอะๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 41★อิเหนาไม่ได้เป็นของจรกา[16.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 16-06-2018 19:45:45
เฮ้ออออ วุ่นวายจนวินาทีสุดท้ายเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 41★อิเหนาไม่ได้เป็นของจรกา[16.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 16-06-2018 19:51:19
จินตะหราวาตี หล่อนเลวมาก
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 41★อิเหนาไม่ได้เป็นของจรกา[16.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: พันวา ที่ 16-06-2018 20:05:57
 :angry2:  :z6: :ling1: :ling3: :fire: :m31: :m16:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 41★อิเหนาไม่ได้เป็นของจรกา[16.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-06-2018 20:55:01
 :ling3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 41★อิเหนาไม่ได้เป็นของจรกา[16.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 16-06-2018 20:57:55
นี่หรือคือความรัก
โอยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 41★อิเหนาไม่ได้เป็นของจรกา[16.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-06-2018 21:01:05
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 41★อิเหนาไม่ได้เป็นของจรกา[16.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 16-06-2018 21:23:12
 
 :pig4:

 L O V E can mess with human mind & behavior for real

 moreover, Writer leaves me speechless; I have no words left.
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 41★อิเหนาไม่ได้เป็นของจรกา[16.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 16-06-2018 23:32:36
ก็เข้าใจว่ารักมากมันตัดยาก แต่ก็ต้องรักตัวเองให้มากๆด้วยนะจินต์
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 41★อิเหนาไม่ได้เป็นของจรกา[16.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 17-06-2018 00:33:25
พอใจแกหรือยังอีจินนนนนนนนน โอ้ยพี่อินทร์ของนุ :sad4:  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 41★อิเหนาไม่ได้เป็นของจรกา[16.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-06-2018 01:09:15
ทั้งรัก ทั้งอาฆาต หลอนเลยซิ  :ling3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 41★อิเหนาไม่ได้เป็นของจรกา[16.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 17-06-2018 07:39:56
 :ling3: ความรักของจินณ์ไม่น่าจะเรียกว่าเป็นความรัก เรียกความเห็นแก่ตัวน่าจะถูกกว่า
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 41★อิเหนาไม่ได้เป็นของจรกา[16.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 17-06-2018 07:45:54
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 41★อิเหนาไม่ได้เป็นของจรกา[16.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 17-06-2018 09:36:07
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 41★อิเหนาไม่ได้เป็นของจรกา[16.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-06-2018 23:09:05
รอจนจะลงแดงตายแล้ว
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 41★อิเหนาไม่ได้เป็นของจรกา[16.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 21-06-2018 12:57:28
เฮ้อมาทำให้จินตหราเป็นคนเลวซะขนาดนี้ :katai1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★C H 41★อิเหนาไม่ได้เป็นของจรกา[16.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 21-06-2018 23:12:53
Chapter 42: หากอิเหนาไม่ได้จบดั่งในวรรณคดี

การค้นหาตัวพี่อินทร์เป็นไปด้วยความยากลำบาก ทั้งฟ้ามืด ทั้งกระแสน้ำค่อนข้างแรง ผมได้แต่ยืนภาวนาอยู่ใกล้ริมฝั่ง จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไรนัก คิดอยู่อย่างเดียวว่าขอให้เขาปลอดภัย ขณะที่พี่จิณห์เองก็ตื่นตระหนกไม่แพ้กัน เขาคลั่งกว่าผมมาก ตั้งแต่ที่พี่อินทร์ตกลงไปในแม่น้ำ เขาก็โวยวายไม่หยุดจนกระทั่งหน่วยกู้ชีพ รถพยาบาล และตำรวจมา พี่บุศย์กับพี่วิญญูให้การคร่าวๆ ว่าพวกเราทะเลาะต่อยตีกัน พี่อินทร์ก็เลยพลัดตกลงไป ซึ่งความจริงมันก็เป็นอย่างนั้น ส่วนอำนาจมนตร์จากยาสั่งที่ผมถูกป้ายนั้นถูกชำระล้างด้วยน้ำมนตร์ที่พี่วิญญูร้องขอให้หน่วยกู้ชีพนำติดรถมาด้วย

ถึงมันจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่เพียงแค่ล้างหน้าด้วยน้ำมนต์ ฤทธิ์ยาสั่งก็หายไป แต่อะไรมันก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่พี่อินทร์ปลอดภัย ผมยืนรอด้วยใจไม่สู้ดีนักร่วมชั่วโมงกระทั่งนักประดาน้ำกู้ร่างของพี่อินทร์ขึ้นมาได้ ตอนนั้นเองที่ผมสัมผัสได้ว่าการสูญเสียคนที่เรารักไปมันรู้สึกยังไง แต่โชคดีที่...

“ยังมีสัญญาณชีพ!”

ใช่! พี่อินทร์ยังไม่ตาย!

หน่วยกู้ชีพคนหนึ่งร้องตะโกน จากนั้นความอลหม่านก็เข้ามาครอบงำพวกเราทันที พี่อินทร์ถูกหามขึ้นรถพยาบาลอย่างเร่งด่วน ผมเองก็กระโดดขึ้นไปด้วย แต่ไม่ได้สัมผัสตัวเขาเลยสักนิดเพราะถึงจะยังมีสัญญาณชีพ ทว่าชีพจรเขาก็อ่อนมาก อีกทั้งหัวใจยังหยุดเต้นกลางคัน ทำให้เขาต้องได้รับการปั๊มหัวใจไปตลอดทางที่เรามุ่งหน้าไปโรงพยาบาล

ผมเจ็บใจ...

เจ็บใจตัวเองมากที่ทำอะไรไม่ได้เลย ช่วยเขาก็ไม่ได้ แถมยังจะสร้างปัญหาอีก การที่เขาต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นเพราะผมคนเดียว หรือว่า...จะเป็นบทลงโทษจากองค์ประตาระกาหลาที่เมื่อชาติก่อน ผมทรมานให้เขาต้องเสียใจตลอดชีวิตอย่างนั้น?

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมก็พร้อมที่จะชดใช้ให้เขาในชาตินี้ ขอแค่เขาไม่เป็นอะไรก็พอ

ขอให้เขาไม่เป็นอะไร... ผมสัญญาว่าจะดูแลเขาเป็นอย่างดี และรักเขาให้มากเท่าที่ผมจะทำได้

ขอให้พี่อินทร์ไม่เป็นอะไร...

พี่อินทร์...

ผมถูกห้ามไม่ให้เข้าไปในห้องฉุกเฉินด้วย สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายมาก เขาหัวใจหยุดเต้นเป็นครั้งที่สองแล้วหลังจากที่ถูกปั๊มขึ้นมาได้ในรถพยาบาล หมอบอกว่าอาการเป็นตายเท่ากัน ซึ่งผมตีความได้ว่ามันค่อนไปทาง ‘น่าจะไม่รอด’ มากกว่า

ผมได้แต่มองผ่านประตูกระจกเข้าไป ไม่เห็นเขาหรอกเพราะเตียงที่เขานอนอยู่มีผ้าม่านปิดไว้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากจะเห็นเขา

ทั้งอยากเห็น... อยากคุย... อยากให้เขาลุกขึ้นมากวนใจผม... อยากกอด อยากจูบ อยากทำทุกอย่างเหมือนเคย

พี่อินทร์...ฟื้นขึ้นมานะ

ผมยืนเกาะประตูอยู่อย่างนั้นได้ครู่หนึ่ง พี่บุศย์ พี่วิญญู และสรัลก็มาถึง แน่นอนว่าทุกคนรู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้จึงไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา นอกจากจะภาวนาให้พี่อินทร์ปลอดภัยอย่างเดียว ผมไม่ได้ว่าอะไร แต่ออกจะไม่สบอารมณ์สักหน่อยที่หลังจากนั้นไม่นานนักก็เห็นใครบางคนโผล่มา

พี่จิณห์...

เขาจะมาที่นี่ทำไมอีก!

น้ำตานองหน้า เนื้อตัวสั่นเทา เขาโผล่พรวดเข้ามาไม่สนใจใครทั้งนั้น มาเกาะประตูห้องฉุกเฉินอยู่ข้างๆ ผม ก่อนจะครางออกมาไม่หยุดหย่อน

“อินทร์...ไอ้อินทร์...”

ผมเหลือบมองเขา จะว่าสงสารก็...ไม่รู้สิ ผมว่าตอนนี้ผมเริ่มจะโกรธขึ้นมาแล้วมากกว่า

รักพี่อินทร์ประสาอะไร บอกว่ารักนักรักหนา ไม่พยายามฆ่า ก็พยายามทำลายความสุข เขาคิดอะไรอยู่กัน!?

ผมอยากจะตะคอกถามเขานัก แต่พี่จิณห์ดูสติแตกไปแล้ว ร้องไห้ออกมาเสียงดัง ทุบประตูห้องฉุกเฉิน ร้องเรียกคนในนั้นเป็นการใหญ่

“อินทร์! ไอ้อินทร์! ได้ยินกูไหม! ได้ยินหรือเปล่า!”

สภาพของเขาดูไม่โอเคแล้ว ผมได้แต่มองแล้วก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้

หากอิเหนาไม่ได้จบดั่งในวรรณคดี เรื่องที่เกิดขึ้นนี่จะจบลงยังไง

อิเหนาตาย?

จินตะหราวาตีเป็นบ้า?

บุษบา วิหยาสะกำ กับสังคามาระตาได้แต่ยืนโง่ๆ มองหน้ากันไปมาเพราะทำอะไรไม่ได้?

หรือเป็นระตูจรกาที่ต้องระทมทุกข์เพราะสูญเสียคนรักไปอีกชาติ?

ผมไม่สามารถหาบทสรุปของเรื่องนี้ได้เลย ทำได้แค่มองคนต้นเหตุที่ตอนนี้ผ่อนเสียงลงมาเป็นพึมพำคนเดียวแล้ว

“อินทร์...ไอ้อินทร์...กูขอโทษ...ฮึก...ขอโทษ...”

เขากำลังร้องเรียกพี่อินทร์ เรียกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรียกไม่หยุด ผมเห็นแล้วก็กำมือแน่นพร้อมกับโทสะที่ค่อยๆ เดือดดาลขึ้นมาทีละน้อย

น้ำตาของเขาที่ไหลออกมามันมาจากความเสียใจจริงๆ เหรอ?

เสียงเรียกชื่อของพี่อินทร์ที่หลุดออกจากปาก มันเป็นสิ่งที่เขาสำนึกจากใจจริงๆ หรือเปล่า?

“อินทร์...กูรักมึงนะ...รักมึง...”

ไม่รู้... ผมไม่มีทางรู้ได้เลย แล้วก็ไม่สนใจที่จะค้นหาคำตอบด้วย เพราะตอนนี้ที่ผมกำมือแน่นขึ้นมาจนปลายเล็บจิกลงบนอุ้งมือ

รักเหรอ... รักประสาอะไรถึงทำร้ายคนที่รักขนาดนี้!

ผมไม่ทนอีกต่อไปแล้ว ก้าวพรวดๆ เข้าไปหาขณะที่พี่บุศย์ร้องถามขึ้น

“จิจะไปไหน เฮ้ย! จิ!”

พลั่ก!

ผมพุ่งไปต่อยหน้าพี่จิณห์เข้าอย่างจัง ใบหน้าบวมช้ำของเขาที่มีร่องรอยบาดแผลจากการชกต่อยกับพี่อินทร์ปูดบวมมากขึ้นกว่าเดิมอีก

พี่จิณห์ล้มลงไปกองบนพื้นเมื่อจู่ๆ ก็ถูกผมพุ่งเข้าไปต่อยโดยไม่ทันตั้งตัว แต่แค่หมัดเดียวมันไม่ทำให้ผมหายกรุ่นโกรธกับสิ่งที่เขาทำได้หรอก พอเขาล้มลงไปอย่างนั้น ผมก็ถลาไปคร่อมเขาไว้ จากนั้นก็กระหน่ำตะบันหน้าเขาไม่หยุด

“สะใจมึงหรือยัง! เห็นคนที่มึงรักจะตายแบบนี้ สมใจมึงหรือยัง!”

ทั้งต่อย ทั้งร้องไห้ในคราวเดียว

ไม่ทนอีกแล้ว... ผมไม่ทนอีกแล้ว ใครจะสงสารเขายังไงก็ช่าง แต่สำหรับผมมันหมดแล้ว

ถ้าพี่อินทร์เป็นอะไร...

ถ้าเขาเป็นอะไรไป คอยดูว่าระตูจรกาคนนี้จะทำอะไรได้บ้าง! จินตะหราวาตี!

“จิ! ตั้งสติหน่อย! จิ!”

พี่บุศย์เข้ามาห้ามผม ก่อนที่พี่วิญญูจะมาช่วยดึงไปอีกคน ส่วนสรัลก็พยุงพี่จิณห์ซึ่งตอนนี้มีเลือดไหลที่มุมปากให้ลุกขึ้น ก่อนพาไปนั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆ ผมยังคงระงับโทสะตัวเองไม่ได้ เป็นครั้งแรกเลยที่โกรธคนอื่นจนควบคุมตัวเองไม่ได้ขนาดนี้ พี่บุศย์กับพี่วิญญูก็เลยไม่ยอมปล่อยผมเพราะรู้ว่าถ้าปล่อย ผมคงปรี่เข้าไปชกหน้าพี่จิณห์อีกแน่

“พอใจหรือยัง! มึงทำลายคนที่มึงบอกว่ารักนักรักหนาสมใจหรือยัง!”

ผมตะโกนถาม พี่จิณห์ไม่ตอบอะไร ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบใบหน้า ผมเองก็น้ำตาไหลเหมือนกัน ไม่เคยรู้สึกเลยว่าโลกจะถล่มได้ถึงขนาดนี้มาก่อนเลย

ผมสูญเสียเขาไปไม่ได้... ให้ตายยังไง ผมก็เสียพี่อินทร์ไปไม่ได้

ผมรักเขา... รักเกินกว่าที่จะอยู่บนโลกนี้คนเดียวได้ไหวอีกแล้ว

“พี่อินทร์ก็ชัดเจนมาตลอดว่ามึงอยู่ได้แค่ตรงไหน ทำไมมึงถึงดึงดัน ในเมื่อมึงรู้ว่าตัวเองถูกใช้ อีกฝ่ายไม่มีวันที่จะรักมึงได้เลย ทำไมมึงไม่เดินออกมา ทำไมไม่เลิกยุ่ง จะไปเรียกร้องขอเศษเสี้ยวความรักอะไรจากคนที่ไม่ได้รักมึงเลย พอไม่ได้แล้วก็มาทำลายชีวิตเขา มึงทำแบบนี้ทำไม!”

ทำลายจิตใจพี่จิณห์หรือเปล่าผมไม่สนใจหรอก เอาแต่ก่นว่าด่าทอเขาสารพัด มันสุดแล้ว...สุดจริงๆ...

“เห็นพี่อินทร์กำลังจะตายแบบนี้ มึงสะใจแล้วใช่ไหม! เอาชีวิตเขาไปได้แล้ว มีความสุขแล้วใช่ไหม จินตะหราวาตี!”

“จิ พอได้แล้ว”

พี่บุศย์พยายามเตือนผมให้สงบสติอารมณ์เพราะคนเริ่มมองเรากันแล้ว ผมสูดหายใจเข้าปอด พยายามตั้งสติแต่มันยากเหลือเกิน เพราะผมเอาแต่พูดออกมาน้ำเสียงสั่นเครือ

“พี่อินทร์ชดใช้ให้ด้วยชีวิตแล้ว... มึงก็หยุดได้แล้ว...หยุด...ฮึก...หยุดสักที”

ผมไม่มีเรี่ยวแรงอีกต่อไปแล้ว ทิ้งตัวไปตามแรงโน้มถ่วงโลก ให้รุ่นพี่ทั้งสองคนประคองไว้ สายตาพร่ามัวมองไปยังพี่จิณห์ มีคำถามมากมายอยู่ในใจ อยากถามเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าทำไมต้องทำแบบนี้ แต่ก็พูดไม่ออกอีกแล้ว จนกระทั่งเขาเป็นฝ่ายผุดลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตูห้องฉุกเฉินอีกครั้ง เขาเหมือนคนสติหลุด ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เอาแต่พูดพึมพำออกมา

“กูจะชดใช้ให้มึ...ไอ้อินทร์...กูจะชดใช้ให้” จากนั้นก็เริ่มสะอื้น “อะไรก็ได้...แลกกับ...ฮึก...แลกกับอะไรก็ได้ ขอให้มึงปลอดภัย อินทร์...กูรักมึง...ได้ยินไหมว่ารักมึง...”

ผมสับสนในตัวเองไม่น้อยว่าจะโกรธหรือสงสารเขากันแน่ แต่พี่จิณห์ก็ไม่ให้เวลาผมคิดอีกแล้ว พูดจบเขาก็เดินออกจากตรงนั้นไปด้วยท่าทางเหม่อลอย พี่บุศย์ร้องเรียกก่อนจะผละจากผมไปคว้าไหล่ของอดีตเพื่อนตัวเอง

“มึงจะไปไหนไอ้จิณห์”

พี่จิณห์หันมามอง ดวงตาของเขาไม่มีแววประกายเลยแม้แต่น้อย มีแต่ความเหม่อลอย ก่อนที่จะเปล่งเสียง

“กูจะชดใช้ให้ไอ้อินทร์”

“มึงคิดจะทำอะไร”

พี่บุศย์ถามอย่างไม่ไว้ใจ แต่พี่จิณห์ไม่ตอบ หมุนตัวเดินออกจากตรงนั้นไป ปล่อยให้อีกฝ่ายร้องเรียกตามหลัง

“จิณห์! ไอ้จิณห์! อย่าทำอะไรโง่ๆ อีกนะเว้ย เข้าใจไหม! จิณห์!”

เข้าใจหรือเปล่าไม่รู้หรอกเพราะเขาเดินจากไปไกลแล้ว ผมเองก็ขอให้เขาอย่าคิดทำอะไรโง่ๆ อย่างที่ผ่านมาเหมือนกัน

ทว่า...พอเขาจากไปได้ไม่ถึงห้านาทีดี ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ๆ ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกเปิดออกมาด้วยฝีมือของหมอเจ้าของไข้ ก่อนที่เขาจะบอกข่าวดี

“คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ”

พี่อินทร์!

 

ไม่มีอะไรน่ายินดีเท่านี้อีกแล้ว พี่อินทร์กลับมาหายใจได้อย่างมหัศจรรย์ แม้แต่ทีมแพทย์เองยังแปลกใจเลยที่คนซึ่งไม่คาดคิดว่าจะกู้ชีพขึ้นมาได้กลับมามีหายใจเหมือนเดิม มิหนำซ้ำยังฟื้นตัวเร็วราวกับว่าเจออุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ มา ไม่ได้ตกจากสะพาน กระดูกอะไรก็ไม่หัก ร่างกายปกติดีทุกอย่าง มีแค่รอยฟกช้ำตามตัวเท่านั้น

ปาฏิหาริย์เกินไปแล้ว!

แต่ก็ดีแล้วล่ะที่เขาไม่เป็นอะไร ผมรู้สึกเหมือนกับยกภูเขาออกจากอก ตอนนี้เลยเอาใจเขาเป็นการใหญ่ ดูแลเป็นอย่างดีตามที่เคยสัญญาเอาไว้ ส่วนพี่อินทร์ได้ทีก็อ้อนผมเป็นการใหญ่เช่นกัน

“จิร้า~ ป่าปี๊หิวแย้ว~”

เขาร้องบอกหลังจากที่เจ้าหน้าที่ยกอาหารเที่ยงมาให้ ผมซึ่งกำลังนั่งๆ นอนๆ เล่นเกมในโทรศัพท์อยู่เหลือบมองเขา

“หิวก็กินสิ”

“แต่ป่าปี๊อยากให้นว้องจิตัวเย็กๆ ป้อนง่า”

“พี่อินทร์ไม่ได้เป็นง่อยสักหน่อย กินเองก็ได้นี่ครับ จิติดตีป้อมอยู่”

ผมบอกทั้งที่ไม่มองหน้าเขา เขาเลยทำปากยู่ ดีดดิ้นอยู่บนเตียง

“แต่ป่าปี๊อยากให้นว้องจิป้อน อยากให้นว้องจิป้อน อยากให้นว้องจิป้อน~”

ดีดดิ้นจนน่าตบ แล้วก็ดันเป็นทุกครั้งด้วยนะ อ้อนไม่มีใครเกินเลย ผมแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็เหลือบมองอยู่ว่าเขาจะทำอะไรต่อ เขาหยุดดีดขา ทำหน้าปั้นปึ่งแล้วตัดพ้อออกมาแทน

“ใช่ซี่ พี่ไม่ได้สำคัญเท่ากับป้อมที่จิกำลังตีนี่ อุตส่าห์ต่อยกับพญายม ไม่ยอมตายเพื่อกลับมาจิแท้ๆ แล้วดูสิ ทิ้งให้พี่โดดเดี่ยวเดียวดาย เปล่าเปลี่ยววังเวงวิเวกโหวงเหวงแบบนี้ ได้...พี่มันไม่สำคัญ ได้!”

เออๆ รู้แล้ว! ขี้ประชดจริงเว้ย!

“พอเจ็บหน่อยก็เอาแต่ใจใหญ่เลยนะ จิลุกแล้ว ไม่ต้องแดกดันแล้ว”

ผมวางโทรศัพท์ ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ เตียงเขาแล้วจัดการตักข้าวป้อนให้ พี่อินทร์ยิ้มกว้างออกมาจนตาหยี

“แหม ก็เอาใจพี่หน่อยได้ไหมล่ะ อยากจะอ้อนนว้องจิตัวเย็กๆ บ้างอะ อยากเอาแต่ใจด้วย อยากถูกตามใจ”

ผมหัวเราะ ยื่นช้อนที่มีข้าวไข่เจียวไปตรงหน้าเขา

“รู้แล้ว ตามใจก็ตามใจ ตามใจหมดทุกอย่างเลย”

พี่อินทร์ยิ้มน่ารัก อ้าปากกินข้าว เคี้ยวตุ้ยๆ

“ที่บอกว่าตามใจหมดทุกอย่างนี่พูดจริงปะ”

ผมชะงัก มองหน้าเขาก่อนจะรู้สึกไม่ชอบมาพากล

“ถ้าตามใจหมดทุกอย่างจริง ถ้างั้น...”

งั้น?

“ลองเย้กันในโรง’บาลดีไหม”

ทุบแม่งสักที!

ทุบเลยล่ะ ทุบไปที่อกเขาไม่แรงนัก พี่อินทร์ก็หัวเราะใหญ่ ขณะที่ผมว่าเสียงเขียว

“พูดอะไรพี่อินทร์ จะบ้าเหรอ”

“ไม่บ้า พี่พูดจริง เย้แล้วแบบ...ใส่ชุดนอนไม่ได้นอนด้วยได้ไหม อยากใส่สีชมพูบานเย็นมีขนฟรุ้งฟริ้ง”

นึกหน้าตาชุดบ้าๆ นั่นออกได้ทันที ผมก็เลยส่ายหน้าพรืด

“ไม่เอา จิไม่ใส่”

“พี่ก็ไม่ได้บอกให้จิใส่สักหน่อย พี่จะใส่เอง” จากนั้นก็ทำท่าทางดีดดิ้นแด๊ะแด๋ “ชุดคนไข้ไม่เซ็กซี่เร้าใจเลยฮ่ะคุณจิระ ดูอินอรสิคะ เป็นอีเพิ้งหมดแล้ว”

มึงชื่ออินทรา ไม่ใช่อินอรเว้ย!

คงแผลงเสียงมาจากเอมอร ชื่อยอดนิยมของนางเอกนางร้ายละครหลังข่าวล่ะมั้ง แต่อะไรก็ช่างมันเถอะ เขากลับมาบ้าๆ บอๆ เหมือนเดิมแบบนี้ได้ ผมก็สบายใจแล้ว เลยหลุดหัวเราะออกมากับท่าทางของเขาไม่ได้

“ตกลงเย้กันที่นี่ได้ไหม”

ผมไม่พูด มองหน้าเขา เขาก็ส่งสายตาอ้อนเป็นการใหญ่

“หืม... ได้ไหม”

“กินข้าวให้เสร็จก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันครับ”

เปลี่ยนเรื่องเลยแล้วกัน พี่อินทร์จะได้เลิกเซ้าซี้สักที แต่เขากลับชี้หน้าผมแล้วส่งเสียงสูงออกมา

“ฮั่นแน่ ไม่ปฏิเสธแบบนี้ แสดงว่าตอบรับแล้ว งั้นพี่โทรบอกไอ้บุศย์ให้เอาชุดนอนไม่ได้นอนที่ห้องเรามาเลยนะ” ไม่พูดเปล่า คว้าโทรศัพท์มาแนบหูแล้วด้วย “โหลๆ ไอ้บุศย์ เอาชุดนอนไม่ได้...”

“พี่อินทร์! กินข้าว!”

ผมลุกพรวดไปแย่งโทรศัพท์เขามา ก่อนพี่อินทร์จะหัวเราะลั่นเมื่อผมทำหน้าบึ้งที่เห็นว่าจอโทรศัพท์มันยังถูกพักไว้ ไม่ได้กดโทรออกอะไรใดๆ ทั้งสิ้น

หน็อย พออาการดีขึ้นหน่อยก็แกล้งกันใหญ่เลยนะ

“แน่ะ ทำหน้ากระรอก งอนที่ถูกพี่แกล้งเหรอ”

ผมไม่พูดอะไร เขาก็ง้อเป็นการใหญ่

“อย่างอนเลยนะคนดี พี่รักจิมาก ก็เลยอยากแกล้งเยอะๆ”

“รักมากเลยอยากแกล้งมาก ตรรกะอะไรเนี่ยพี่อินทร์ มีใครชอบทำให้คนที่ตัวเองรักรู้สึกไม่ดีกันบ้าง”

“มีสิ อย่างน้อยก็ไอ้จิณห์ละหนึ่งคน”

เท่านั้นบรรยากาศในห้องก็เงียบงันทันที ผมนึกขึ้นมาได้ว่าหลังจากวันนั้นก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย แม้แต่ข่าวคราวก็ไม่ได้ยินด้วย เรียกได้ว่าหายสาบสูญไปเลยก็ว่าได้ และพอผมมองหน้าพี่อินทร์ เขาก็ถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะว่าเสียงแผ่ว

“ถ้าพี่พูดอะไร จิอย่าโกรธพี่นะ”

“ไม่โกรธหรอกครับ พูดมาสิ”

“คือพี่...” เขาสูดหายใจเข้าปอดไปครู่ จากนั้นก็ว่า “ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องวันนั้น พี่ก็คิดทบทวนเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น จริงๆ แล้วที่มันเลวร้ายแบบนี้ มันเป็นความผิดของพี่เองแหละจิ พี่ใช้ความรักของจินตะหราวาตีเป็นเครื่องมือทำให้ตัวเองสมหวัง”

ผมเงียบ ไม่แน่ใจนักว่าเขาจะพูดอะไร จึงได้แต่รอฟังขณะที่เขาว่าต่อ

“พี่รู้อยู่แก่ใจว่าจินตะหราวาตีต้องใจพี่ แต่แทนที่พี่รู้แล้วจะหยุดหรือไม่ให้มาเกี่ยวข้อง พี่กลับไม่สนใจ ลากให้มายุ่งเกี่ยว เพราะเห็นว่าจินตะหราวาตียอมทำทุกอย่างให้พี่ได้ด้วยความรัก แรกๆ ก็จินตะหราวาตีก็คงจะทนได้ อยู่ได้ด้วยความหวังว่าอย่างน้อยก็ได้อยู่ใกล้พี่ แต่พอนานวันเข้า ไม่เคยได้รับความรักกลับ มันก็คงเกิดเป็นความรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม ก็ไม่แปลกว่าทำไมไอ้จิณห์ในชาตินี้มันถึงได้ปักใจนัก”

“...”

“จะบอกว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจทำให้มันเจ็บปวดก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะพี่รู้ว่ามันคิดยังไง แต่พี่ก็ยังจะร้องขอให้มันช่วย ตอนนั้นพี่ไม่เคยคิดหรอกว่ามันเจ็บปวดหรือต้องฝืนใจแค่ไหน พี่คิดแต่จะทำยังไงให้ได้ใจจากจิเท่านั้น”

“...”

“ถ้าพี่จะบอกว่าพี่สงสารไอ้จิณห์มัน เรื่องวันนั้นทำให้พี่คิดได้ พี่อยากขอโทษมัน อยากให้มันให้อภัย จิจะยอมให้พี่เจอมันอีกครั้งไหม”

“...”

“พี่คิดว่าบางทีเราสามคนควรต้องนั่งคุยกันดีๆ อีกที มันถึงเวลาต้องปรับความเข้าใจกันได้แล้ว ถ้ามีอะไรที่พี่ทำให้มันรู้สึกดีขึ้นได้ พี่ก็อยากจะทำให้ แต่จิไม่ต้องห่วงนะ มันต้องไม่เกี่ยวกับชีวิตใครหรือการทำร้ายใครทั้งนั้น”

ผมรู้ทันทีเลยว่าทำไมเขาต้องถามผมก่อนทั้งที่ความจริงแล้ว เขาจะไปหาพี่จิณห์โดยไม่ถามผมก็ได้

นั่นก็เพราะเขาให้เกียรติผมในฐานะคนรักยังไงล่ะ อีกอย่างคือเขารู้ด้วยว่าผมต่อยพี่จิณห์เพราะโกรธมาก มันเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องถามความเห็นของผมก่อน

แน่ล่ะว่าต่อให้ผมโกรธพี่จิณห์แค่ไหน แต่พอพี่อินทร์ฟื้นขึ้นมาเป็นปกติ ผมก็ลืมความโกรธในตอนนั้นไปหมดแล้ว คำตอบของผมในตอนนี้ก็เลย...

“ครับ ไปคุยเถอะ จิก็อยากให้พี่จิณห์มีความสุขสักที”

พี่อินทร์คว้ามือผมไปจับแล้วบีบเบาๆ ดวงตาจ้องมองมาที่ผมราวกับจะบอกขอบคุณ เขาคว้าโทรศัพท์ออกมาโทรหาพี่จิณห์แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากปลายสาย ก่อนที่พวกเราจะพร้อมใจกันหันไปทางประตูเมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงเคาะขึ้น

เป็นฝีมือของพี่บุศย์ พี่วิญญู และสรัลที่มาเยี่ยมในวันนี้ มาถึงได้ก็ส่งเสียงเฮฮาปาจิงโกะกันตามเคย ก่อนที่ผมจะสบโอกาสพูดขึ้นมาv

“เอ้อพี่อินทร์ ไหนๆ พี่บุศย์ก็มาแล้ว ถามเลยสิครับว่าพี่จิณห์อยู่ที่ไหน เมื่อกี้โทรไปหาแล้วไม่เห็นรับ”

“เออ ไอ้จิณห์มันไปไหนวะ ตั้งแต่กูฟื้นขึ้นมายังไม่เห็นมันเลย ไม่ใช่ว่าโดนตำรวจจับข้อหาทำกูตกสะพานไปแล้ว?”

พี่อินทร์ว่าติดตลก พวกเรารู้กันดีว่าจริงๆ แล้วมันเป็นอุบัติเหตุ พี่จิณห์ไม่ได้ทำพี่อินทร์ตกสะพาน จึงไม่มีการดำเนินคดีอะไรทั้งนั้นแม้ว่าพ่อแม่ของพี่อินทร์จะอยากเอาเรื่องแค่ไหนก็ตามที นั่นเป็นเพราะคำขอของพี่อินทร์ที่ไม่อยากให้มีเรื่องบาดหมางต่อกันอีก

แต่พอถามไปอย่างนั้น ทุกคนก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ผมรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ไม่เว้นแม้แต่พี่อินทร์ที่ต้องร้องถาม

“มีอะไรที่กูไม่รู้ไหม”

พี่บุศย์พยักหน้า พลันถอนหายใจออกมา “มี”

“เรื่องอะไร”

“ไอ้จิณห์”

ผมใจหายวาบ ไม่อยากคิดในแง่ไม่ดีสักเท่าไร แต่เมื่อพี่บุศย์พูดออกมา ผมกับพี่อินทร์ก็นิ่งค้างไปตามๆ กัน

“ไอ้จิณห์ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์วันเดียวกับที่มึงตกสะพาน”

 

ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์น่ะใช่... แต่ไม่ตาย!

พี่บุศย์แม่งก็พูดเหมือนกับว่าตายแล้วเลย จริงๆ แค่รถชนกับเสาไฟฟ้าเพราะรีบขับรถกลับบ้าน หัวฟาดกับพวงมาลัย สลบไป มีแผลฟกช้ำ กับขาหักแค่นั้น ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงอย่างที่พวกเราคิดตั้งแต่แรก ที่สำคัญคือพี่จิณห์พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเดียวกับพี่อินทร์นี่แหละ แต่ที่ผมกับพี่อินทร์ไม่รู้เป็นเพราะพี่บุศย์ปิดเอาไว้ เขาบอกว่า...

“กูกะจะบอกทีหลังตอนมึงออกจากโรง’บาลแล้ว กลัวว่าอยู่ที่เดียวกันแล้วจะตีกันอีก ก็เลยไม่ได้บอก”

ผมเข้าใจเขานะว่ากลัวจะมีปัญหา ผมเองก็เห็นด้วย แต่พอรู้ความจริงอีกอย่างว่า...

“แต่ถ้ามึงไปหามันแล้วมันดูงงๆ ที่เห็นมึง มึงก็ไม่ต้องตกใจนะ เพราะมัน...”

“มันทำไมวะ”

“มันเป็นเหมือนจิตอนนั้นเลย”

“มึง...หมายความว่าไง”

“ไอ้อินทร์... ไอ้จิณห์มันระลึกชาติไม่ได้แล้ว”

“...”

“จำกูไม่ได้ วิญญู สรัล จำใครไม่ได้เลย ไม่รู้ด้วยว่าเป็นเพื่อนกันในชาตินี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะหัวกระแทก สมองเลยมีปัญหา แต่หมอวินิจฉัยออกมาแล้วว่าไม่มีอะไรผิดปกติ กูเลยคิดว่าน่าจะเป็นเหมือนจิในตอนนั้น”

ได้ยินอย่างนั้น ผมเลยคิดว่าไม่น่ามีอะไรน่าเป็นห่วง แต่เอาเข้าจริง ผมก็อดใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ ไม่ได้เหมือนกัน

เขาจะจำพี่อินทร์ได้ไหม... จะจำผมได้หรือเปล่า... กังวลไปหมดจนกระทั่งผมเข็นรถวีลแชร์ที่พี่อินทร์นั่งเข้าไปในห้องพักของคนที่เราตั้งใจมาหา

พี่จิณห์กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง สายตาทอดมองไปยังนอกหน้าต่าง ใบหน้าเขามีร่องรอยฟกช้ำหลายแห่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงดูดี แถมยังดูมีน้ำมีนวลกว่าปกติเสียด้วย เขาหันมามองเมื่อพี่อินทร์ส่งเสียงทัก

“จิณห์...”

พลันหัวคิ้วของเขาก็ย่นยู่น้อยๆ มองพี่อินทร์ด้วยความงุนงง ก่อนจะมองมายังผม จากนั้นก็ถามเสียงแผ่ว

“พวกคุณคือ...?”

เขา...จำพี่อินทร์ไม่ได้จริงๆ ด้วย จำผมก็ไม่ได้

ผมเข็นรถให้พี่อินทร์ไปอยู่ข้างเตียง ส่วนตัวเองถอยออกมานั่งที่โซฟาทางด้านหลัง ความเงียบครอบคลุมพวกเราอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่พี่อินทร์จะถามขึ้น

“มึงจำกูไม่ได้เหรอ” อีกฝ่ายไม่ตอบ พี่อินทร์เลยว่าขึ้นอีกครั้ง “อินทร์... อินทรา... อิเหนา... คุ้นบ้างไหม”

พี่จิณห์ส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ เขาเลยถูกถามอีก

“แล้วจิล่ะ จิระ ระตูจรกา... รู้จักหรือเปล่า”

“รู้จัก”

ผมใจหายวาบ ใจเต้นแรง ขณะที่พี่จิณห์ว่าออกมา

“รู้จักทั้งอิเหนาทั้งจรกานั่นแหละ แต่ไม่รู้จักพวกคุณ แปลกดีนะ ก่อนหน้านี้ก็มีคนมาถามเหมือนกันว่ารู้จักบุษบา สังคามาระตา วิหยาสะกำไหม จะไม่รู้จักได้ยังไง เคยเรียนมาตอนมัธยม”

เขาหัวเราะตบท้ายราวกับว่าสิ่งที่พูดเป็นเรื่องน่าขำอะไรอย่างนั้น ผมกับพี่อินทร์มองหน้ากัน ก่อนจะพร้อมใจมองหน้าพี่จิณห์

“หืม? มีอะไรเหรอ”

เขา...ดูไม่เหมือนพี่จิณห์คนเดิมเลย ดูมีน้ำมีนวล ดูสดใส และ...ดูมีความสุข

พลันผมก็ฉุกใจคิดขึ้นมาได้

หรือว่า...นี่จะเป็นการชดใช้ให้กับอิเหนาที่เขาได้เคยลั่นวาจาไว้

แลกกับการระลึกอดีตชาติได้ แลกกับความรักที่มีให้อิเหนา แลกกับการรู้จักกันและกัน...เพื่อคืนชีวิตให้พี่อินทร์

คงต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ผมกำมือแน่น ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงดีระหว่างดีใจกับสงสารเขา

ทั้งที่รักมากขนาดนั้น แต่ไม่มีความสุขเลยสักวินาทีเดียว บางทีองค์ประตาระกาหลาคงจะทอดพระเนตรเห็นแล้วว่าการยึดเอาพลังอำนาจในการระลึกชาติได้กลับคืน แล้วมอบความสุขให้พี่จิณห์แทน บางทีการที่พี่จิณห์ไม่รู้จักใครที่ร่วมอดีตชาติกันมาจะทำให้เขามีความสุขมากกว่า

พี่อินทร์ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะว่าออกมา

“ถึงมึงจะจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่วันนี้กูมีเรื่องอยากจะบอกมึง”

พี่จิณห์ทำหน้างุนงงหนักกว่าเดิม แต่พี่อินทร์ไม่สนใจ พูดในสิ่งที่อยากพูดเท่านั้น

“ที่ผ่านมาเป็นความผิดกูเอง กูขอโทษ”

“...”

“กูรู้ว่ามึงคิดยังไง แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ ขอร้องให้มึงทำในสิ่งที่ต้องฝืนใจ กูผิดเอง”

“...”

“แล้วกูก็ขอโทษที่ทำให้มึงสมหวังไม่ได้ ไม่เคยตอบแทนอะไรมึงสักอย่าง มีแต่ร้องขอจากมึง จิณห์...ต่อจากนี้ มึงรักตัวเองมากๆ ได้ไหม”

“...”

“รักให้เหมือนที่มึงเคยรักกู”

“คุณพูดอะไรเนี่ย”

สีหน้าของคนบนเตียงยุ่งเหยิงไปใหญ่แล้ว พี่อินทร์ยังคงไม่สนเช่นกัน เขาเอื้อมมือไปจับมือพี่จิณห์ บีบเบาๆ ก่อนพูดประโยคสุดท้าย

“หลังจากนี้ กูอยากให้มึงมีความสุข... มีความสุขมากๆ นะจิณห์ มีความสุขกับชีวิตมึงเองให้ได้ แล้วก็...ยกโทษให้กูนะ”

“...”

“กูขอโทษที่เห็นแก่ตัว ขอโทษนะ...”

“ทำไมผมไม่เข้าใจที่คุณพูดเลย คุณพูดเหมือนกับพวกที่มาหาผมก่อนหน้านี้เลย แต่ทำไม...ทำไมผมถึงได้...”

พี่จิณห์ว่าเสียงเครือ น้ำตาไหลอาบหน้า เขาดูไม่เข้าใจจริงๆ พูดอะไรต่อไม่ออกด้วย พี่อินทร์หันมามองผมเล็กน้อย ผมก็เลยพยักหน้าให้เป็นเชิงว่าเขาอยากทำอะไรก็ทำเถอะ พี่อินทร์จึงลุกขึ้นยืน ก่อนจะโผกอดคนบนเตียง

“กูขอโทษ... จากนี้ขอให้มีความสุข จินตะหราวาตี”

ว่าจบก็ผละออกมา ผมลุกไปอยู่ข้างเตียง ยิ้มให้กับพี่จิณห์ที่ปาดน้ำหูน้ำตาของตัวเอง

“จิอยากให้พี่จิณห์มีความสุขนะครับ พี่จิณห์รักตัวเองมากๆ นะ”

เขาไม่เข้าใจหรอกมั้งว่าทำไมใครต่อใครถึงได้ย้ำให้เขามีความสุขมากๆ แต่เขาก็พยักหน้า ขานรับพลางหัวเราะในลำคอ

“ดูแปลกๆ กันเนอะ แต่โอเค ผมจะมีความสุขมากๆ พวกคุณไม่ต้องห่วง ฮะๆ บ้าจริง ผมซาบซึ้งเรื่องอะไรอยู่เนี่ย ยังไม่เข้าใจเลยว่ามันเรื่องอะไร”

ไม่ต้องเข้าใจแหละดีแล้ว...

ผมกับพี่อินทร์ยิ้มให้เขา พวกเราคิดแบบเดียวกันเด๊ะ

เขาหลุดจากบ่วงบาศที่คล้องคอตัวเองจนมันรัดแน่นได้แบบนี้ก็ดีแล้ว

หากอิเหนาไม่ได้จบดั่งในวรรณคดี มันก็ควรจะต้องจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งแบบนี้แหละ

“งั้นไปก่อนนะครับ หายไวๆ นะพี่จิณห์”

ผมบอกเขา เข็นรถพี่อินทร์เตรียมจะออกนอกห้อง พลันพี่จิณห์ก็ส่งเสียงตอบรับ

“อืม พวกคุณก็เหมือนกัน หายไวๆ แล้วก็...มีความสุขมากๆ นะ”

ผมกับพี่อินทร์พยักหน้า ก่อนจะผลุบหายออกจากห้องของเขาไป

ออกมาอยู่ด้านนอกได้ พี่อินทร์ก็เอื้อมมือมาจับมือผมที่เข็นรถวีลแชร์อยู่ พลางพึมพำเสียงแผ่ว

“จากนี้ไปพวกเราทุกคนจะต้องมีความสุขจนกระอักตายแน่ๆ”

ผม...ก็หวังให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน

มันควรจะจบลงอย่างมีความสุขแบบนี้แหละ บทเรียนจากการกระทำที่โง่เขลาของอดีตชาติ พวกเราเรียนรู้จากมันและได้รับบทลงโทษจากองค์เทวามากพอแล้ว

ต่อจากนี้ขอให้ทุกอย่างราบรื่นสักที

ส่วนผม... มีความสุขไปวันๆ กับคนที่ผมรัก แค่นี้ก็พอแล้ว

--------------------------

เดินทางกันมาถึงตอนสุดท้ายแล้วค่ะ ปมทุกอย่างเคลียร์ละ เหลือบทส่งท้ายเป็นบทสรุปสั้นๆ ของเรื่องทั้งหมดอีกนิดนึง พรุ่งนี้จะมาอัปให้นะคะ ก่อนหน้านี้หายไปหลายวันไม่ใช่อะไร ไม่ค่อยสบาย แงงง

พรุ่งนี้เจอกันค่ะ



หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 42★หากอิเหนาไม่ได้จบดั่งในวรรณคดี[21.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: por_pla4u ที่ 21-06-2018 23:26:08
ใจจริงก็ไม่อยากให้จบอ่ะเนอะ แต่เค้าก็แฮปปี้เอ็นดิ้งกันแล้วนี่นา จะเอาอะไรอีก ถถถถ :katai5:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 42★หากอิเหนาไม่ได้จบดั่งในวรรณคดี[21.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 21-06-2018 23:29:50
   :pig4:

 ฉันเหมือนคนกำลังจะ เป็น ไบโพลาร์ รึอาจเป็นไปแล้ว (รึอาจติดเชื้อจากนายอินทร์อิเหนาได้นะบางที)

 แบบ พาร์ทที่ผ่านมาอย่างเครียดเลย แล้วมาถึงตอนนี้ก็อมยิ้มได้แล้ว


 ...ขอให้writer สุขภาพแข็งแรง สมองเปล่งปลั่งสดใส (อ่ะ ไม่ใช่แล่ว)
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 42★หากอิเหนาไม่ได้จบดั่งในวรรณคดี[21.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-06-2018 23:37:28
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:   จบสวยงาม  :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 42★หากอิเหนาไม่ได้จบดั่งในวรรณคดี[21.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 21-06-2018 23:59:25
งื้อไม่อยากให้จบเลยยยย

ตอนแรกก็คิดว่าจินจะหลุดจากบ่วงนี้ยังไงไม่ให้คนอื่นเจ็บปวดอีก และวิธีก็ดีจริงๆ ให้จินลืมไปซะให้หมด จะได้ไม่ทรมานตัวเองอีกต่อไป
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 42★หากอิเหนาไม่ได้จบดั่งในวรรณคดี[21.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 22-06-2018 00:03:29
ยังดีจินณ์ไม่ตายไม่พิการ ขอให้จินณ์มีความสุขกับความทรงใหม่ไม่ต้องระลึกชาติจดจำเรื่องชาติการให้เจ็บปวดอีก
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 42★หากอิเหนาไม่ได้จบดั่งในวรรณคดี[21.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 22-06-2018 01:04:34
จบได้ดี  มีความสุขทุกคน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 42★หากอิเหนาไม่ได้จบดั่งในวรรณคดี[21.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-06-2018 02:06:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 42★หากอิเหนาไม่ได้จบดั่งในวรรณคดี[21.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-06-2018 03:10:53
จบไปคู่หนึ่งแล้ว เหลืออีกคู่รบกวนช่วยเคลียร์ด้วยนะ หลานคนแต่ง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 42★หากอิเหนาไม่ได้จบดั่งในวรรณคดี[21.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-06-2018 04:48:02
ก็สงสารจิณห์นะ แต่แบบนี้ก็ดีแล้ว
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 42★หากอิเหนาไม่ได้จบดั่งในวรรณคดี[21.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-06-2018 09:51:33
ดีแล้วที่เป็นแบบนี้ อยากให้จิณห์มีความสุขได้แล้ว รักตัวเองมากๆ แล้วก็อยากให้ทุกคนมีความสุขจริงๆซักที :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 42★หากอิเหนาไม่ได้จบดั่งในวรรณคดี[21.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 22-06-2018 11:12:22
ดีใจกับพี่จิณห์ ตัดบ่วงหมดสิ้นก็มีความสุข
ต่อไปหว้องจิ๊ต้องปวดหัวกับชุดนอนไม่ได้นอนกันล่ะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★C H 42★หากอิเหนาไม่ได้จบดั่งในวรรณคดี[21.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 22-06-2018 17:25:09


Epilogue

ว่ากันตามตรง ถึงทุกอย่างจะคลี่คลายเป็นไปด้วยดีแล้ว ผมกับพี่อินทร์ก็ยังไม่วางใจอะไรทั้งนั้น กระทั่งเขาออกจากโรงพยาบาลและพี่จิณห์ก็ออกจากโรงพยาบาลเช่นกัน ตอนนั้นเองที่วางใจได้ว่าทุกอย่างราบรื่นแล้วจริงๆ พี่จิณห์บินกลับไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรติดค้างกับพวกเราทั้งนั้น แม้ว่าพ่อแม่ของเขาจะเล่าให้เขาฟังอยู่สักหน่อยเหมือนกันว่าเขากับพี่อินทร์และพี่บุศย์เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก แต่ในเมื่อเขาจำไม่ได้และไม่มีความทรงจำพวกนี้อยู่ในหัวเลย ดังนั้นจึงไม่มีใครไปคาดคั้นหรือเล่าอะไรให้ฟังอีก ทุกคนต่างอยากให้เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่เหมือนกัน ผมรู้ดี

ส่วนพี่อินทร์ พอหายดีแล้วก็กลับไปเรียน ใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม พาผมไปเที่ยวเล่นบ้างในบางครั้ง ซึ่งวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เขาพาผมมาเที่ยวบ้านสวน แต่ครั้งนี้ไม่ได้มากันแค่สองคน พ่วงคณะตลกอิเหนาคาเฟ่มาด้วย การมาบ้านสวนในครั้งนี้เลยต่างออกไปจากทุกครั้ง แน่นอนว่ามื้อเย็นของพวกเราก็ไม่พลาดที่จะทำอาหารประจำแก๊งกินกัน

ปาร์ตี้หมูกระทะอีกเช่นเคย...

ถึงมันจะไม่ได้อร่อยอย่างที่ร้านทำเท่าไรนัก แต่ก็เป็นมื้อที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ พวกเราพูดคุยกันสัพเพเหระไปเรื่อย หยอกกันบ้าง ล้อกันบ้าง ส่งเสียงครึกครื้นจนบริเวณที่เงียบดังก้องไปด้วยเสียงของพวกเรา

แต่...มีเพียงพี่บุศย์เท่านั้นที่ดูไม่ค่อยพูดค่อยจา นั่งกินเงียบๆ ยิ้มรับบ้าง หัวเราะตบมุกคนอื่นๆ บ้างนิดหน่อย ท่าทางของเขาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะออกปากถาม

“พี่บุศย์เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เงียบผิดปกติ”

เท่านั้นแหละ ทุกสายตาก็เหลือบไปมองพี่บุศย์ทันที เขาส่ายหน้าเล็กน้อย

“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”

“แต่จิเห็นพี่บุศย์ไม่ค่อยคุยเลย”

“พี่ก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วล่ะ เป็นน้องรหัสพี่ยังไม่รู้จักนิสัยพี่ดีอีกเหรอ”

รู้จักดีสิ เขาเป็นคนพูดน้อย จริงๆ การที่เขาไม่พูดแล้วหัวคิ้วดันย่นยู่ตามไปด้วยแบบนี้ นี่แหละที่ผิดปกติล่ะ

“จิเห็นพี่บุศย์ดูเครียดๆ น่ะครับ เหมือนมีอะไรติดอยู่ในใจ”

พี่บุศย์มองหน้าผม ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“จริงๆ แล้วมีอะไรอยากพูดอยู่เหมือนกัน”

“อะไรวะ”

พี่อินทร์เป็นฝ่ายถาม พี่บุศย์ไม่ตอบในทันที หันไปมองพี่วิญญูเล็กน้อย ตอนนี้เองที่พี่วิญญูก็เงียบ แถมยังก้มหน้างุด คีบหมูเข้าปากทำไม่รู้ไม่ชี้เป็นการใหญ่ พี่บุศย์ก็เลยหันมามองพวกเรา พลันว่าออกมา

“กูมีอะไรจะบอก”

“พูดมาสิ”

“กูกับวิญเป็นแฟนกัน”

พรู่ด!

ทั้งพี่อินทร์ ทั้งสรัลพากันพ่นของกินในปากออกมาอย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย แล้วมันเดือดร้อนใครล่ะ

เดือดร้อนกูที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างพวกมันเนี่ย! โว้ย!

แต่ไม่มีใครสนใจผมเลย เอาแต่มองหน้าพี่บุศย์กับพี่วิญญูสลับกันไปมาอย่างอึ้งๆ ขณะที่พี่บุศย์มีสีหน้าปกติ ส่วนพี่วิญญูก็ก้มหน้าก้มตาจ้วงของกินเข้าปากเป็นการใหญ่

“นี่มึงหมายความว่า...” แล้วก็เป็นพี่อินทร์ที่ทำลายความเงียบออกมา “พวกมึงเอาตูดดูดกันจริงๆ เหรอเนี่ย!?”

พรู่ด!

เป็นพี่วิญญูบ้างแล้วพี่พ่นของกินพรวด

“เอาตูดดูดกันบ้าบอคอแตกอะไร!”

“ก็เอาตูดดูดกันแบบเนี้ย มาจิ มาสาธิตให้พวกมันดูหน่อย”

สาธิตคนเดียวสิเว้ย! ไม่ต้องเอากูไปเกี่ยวด้วยเลย!

ผมทุบต้นขาเขาไปที พี่อินทร์เบ้หน้าเหยเก ก่อนพี่บุศย์จะหัวเราะออกมา

“ไม่มีใครเอาตูดดูดใครทั้งนั้นแหละ”

“เอ๊ะ ถ้างั้นใครรุกใครรับล่ะพี่บุศย์”

เป็นสรัลที่ถามบ้างแล้ว พี่วิญญูที่ปั้นหน้าขึงขังเมื่อครู่แก้มแดงกว่าเดิมอีก ทั้งที่ผิวเขาเข้มแท้ๆ ทำไมหน้าถึงได้ออกสีจัดเหลือเกินนะ

“มึงเป็นรับแน่นอนไอ้บุศย์”

พี่อินทร์ว่าอย่างมั่นใจ ชี้หน้าพี่บุศย์ด้วย อารมณ์แบบว่า ‘มึงแน่ มึงเป็นรับแน่ๆ’

พี่บุศย์ไม่ได้ตอบในทันที โน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหูพี่วิญญู

“เราพูดได้ไหม”

พี่วิญญูเม้มปากแน่น

“ถ้าไม่อยากให้พูด เราไม่พูดก็ได้นะ”

“ไม่เป็นไร พูดก็ได้”

พี่วิญญูตอบอึกอัก แต่ก็ตอบ ก่อนที่พี่บุศย์จะพยักหน้าแล้วยืดตัวขึ้น

“จริงๆ แล้ว คนที่เป็นรับน่ะ...วิญ”

พี่อินทร์ถึงกับทิ้งช้อนที่อยู่ในมือลงจานทันที ยิ่งพี่บุศย์บอกมาอีกว่า...

“ส่วนกู...เป็นรุก”

พี่อินทร์ก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นทาบหน้าอก อ้าปากค้าง ทำท่าโอเวอร์แอ็คติ้งมาก ก่อนจะร้องครางออกมา

“โอ้...มาย...ก็อดดด!” แล้วก็หันไปบอกพี่วิญญูเร็วๆ “ยินดีต้อนรับสู่สมาคมแม่บ้านนะฮ้าวินนี่~”

ท่าทางตอแล้ตอแหล แล้วนี่ไปเปลี่ยนชื่อเขาอีก เดี๋ยวพี่วิญญก็ลุกขึ้นมาเตะก้านคอสลบหรอกเว้ย!

“มึงก็โอเว่อร์ไป แค่เป็นแฟนกัน ทำไมจะต้องโอเว่อร์ขนาดนี้”

พี่บุศย์ยังเห็นด้วยกับผมเลย แม้แต่สรัลเองก็พยักหน้า แต่พี่อินทร์ก็มีคำแก้ตัวให้ตัวเอง

“กูไม่ได้โอเว่อร์เพราะพวกมึงเป็นแฟนกัน แค่เห็นก็พอจะเดาได้อยู่” จากนั้นก็หรี่ตาลง “แต่ที่กูตกใจเพราะรู้ว่ามึงเป็นรุกต่างหากไอ้บุศย์” พลันหันไปมองพี่วิญญูแล้วก็ทำท่าตุ้งติ้ง “ใครจะไปรู้ว่าวินนี่ตัวใหญ่หัวใจยูนิคอร์นฟรุ้งฟริ้งแบบนี้ล่ะฮ้า~”

กูว่าอีกเดี๋ยวมึงได้โดนเตะก้านคอจริงๆ แน่ อย่าไปล้อเลียนสิเว้ย!

พี่วิญญูคว้าผักในกะละมังใกล้ๆ มาขว้างใส่พี่อินทร์แล้ว ทำเอาสรัลต้องปราม

“ไม่ต้องมาทำเป็นโกรธพี่รหัสหนูกลบเกลื่อนเลยพี่วิญ แหม ใครจะไปรู้ล่ะว่าวิหยาสะกำกับบุษบาหนึ่งหรัดจะมาได้เสียกันชาตินี้ แถมคนเป็นผัวดันเป็นบุษบาด้วย”

“สงสัยอยากโดนผักปาใส่อีกคน ทำมาเป็นล้อพี่ ว่าแต่เราเถอะ เมื่อไรจะมีแฟน หาได้หรือยังสังคังมาระตา”

สังคาเว้ยสังคา!

รู้เลยว่าพี่วิญญูเอาคืน สรัลค้อนประหลับประเหลือกทันที

“ไม่ต้องมาเป็นห่วงหนูหรอก ถ้าจะมีก็มีเองแหละ หนูเลือกมาก”

“เลือกมากหรือไม่มีให้เลือก เอาดีๆ สรัล อย่างแกเนี่ยมีใครคิดเอาไปเป็นแฟนบ้างไหม”

พี่อินทร์ว่า เลยโดนสรัลค้อนขวับไปอีกคน

“เอ๊ะ นี่หนูเข้าข้างพี่อินทร์นะ น้องรหัสนะเนี่ย ไปช่วยพี่วิญรุมทำไม”

“ฝ่ายไหนดูจะชนะก็อยู่ฝั่งนั้นแหละ”

พี่อินทร์ว่าขำๆ จากนั้นเสียงหัวเราะดังขึ้นไม่หยุด ผมมองคนนั้นที คนนี้ทีแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมา

มีความสุข...

มีความสุขมาก...

อยากให้เป็นแบบนี้ตลอดไป...

หลังจากกินอะไรกันเสร็จ พี่อินทร์ก็ชวนผมไปเดินเล่นย่อยอาหารในสวนหย่อมหน้าบ้าน ผมสังเกตเห็นในตอนนี้ว่ามีต้นชบาที่มีดอกสีแดงบานสะพรั่งต้นหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ ก่อนจะร้องถามพี่อินทร์

“พี่อินทร์ ปกติแล้วมันไม่มีนี่?”

ใช่ ปกติไม่มี ไม่เคยเห็นเลยว่ามี ขณะที่พี่อินทร์ยิ้มรับ

“อืม พี่เพิ่งให้คนย้ายจากสวนดอกไม้มาลงที่นี่”

ผมเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามว่าทำไม เขาไม่ตอบในทันที เดินเข้ามาหาผมแล้วเด็ดดอกชบาออกมาดอกหนึ่ง

“เพราะเวลามาเที่ยวบ้านสวน พี่จะได้เด็ดเอามาทัดหูให้เจ้าง่ายๆ” พูดพลางทัดหูให้ผมทั้งสองข้าง

ผมยิ้มกว้างออกมาที่จู่ๆ เขาก็พูดสำนวนโบราณ อดไม่ได้ที่จะพูดขำๆ “แต่ถ้าทัดหูออกไปเดินข้างนอกแบบนี้ มีหวังถูกคนมองว่าเพี้ยนแน่ๆ เลย”

พี่อินทร์หัวเราะรับเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผมไว้

“แต่สำหรับพี่แล้ว ไม่ว่าผู้ใดจะมองเจ้าอย่างไร เจ้าก็จะเป็นจรกาคนงามสำหรับพี่เสมอ”

ผมนิ่งไปในจังหวะนี้ สบตาเขาที่ส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้ นึกถึงเรื่องราวในอดีตแล้วก็ได้แต่ขำตัวเอง ขำเขา ที่ต่างคนต่างโง่เขลากับการกระทำของตัวเอง แต่ในตอนนี้ทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นมันคงไม่สำคัญแล้วล่ะมั้ง ในเมื่อผมรู้แล้วว่าสิ่งที่อิเหนากระทำทั้งหมดในชาติก่อนเป็นเพราะอะไร

มันเป็นเพราะรัก...

เพราะอิเหนารักระตูจรกามากยิ่งชีวิต...

ถ้าอย่างนั้น ผมก็...

“พี่อยากให้เจ้าเป็นจรกาคนงามของพี่ตลอดไป”

...จะเป็นจรกาคนงามของเขาตลอดไป

ผมเขย่งปลายเท้าดีดตัวขึ้นประทับจูบลงไปบนริมฝีปากเขา ก่อนว่าด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเต็มใจสุดๆ

“จิจะเป็นจรกาคนงามของพี่อินทร์ตลอดไปครับ”

พี่อินทร์อมยิ้มแก้มตูมเลย พลันดึงผมเข้าไปกอดแน่น ซึมซับเอาความรักจากผมไปจนหมด ก่อนผมจะได้ยินเสียงกระซิบดังขึ้นข้างหู

“แต่ตอนนี้เป็นนว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊ก่อนได้ไหม นว้องจิน่ายักเกินไป ป่าปี๊ไม่ไหว อยากกลับห้องไปเย้แย้ว”

แล้วก็ทำเสียมู้ดทุกที ไอ้บ๊องเอ๊ย!

ทว่าผมก็หัวเราะให้กับคำพูดนั้น พยักหน้าหงึกหงัก ทำเสียงสองใส่เขาบ้าง

“เย้ก็เย้ ป่าปี๊เลี้ยงนว้องจิดีๆ ด้วยนะฮับ”

พี่อินทร์ถึงกับแสดงสีหน้าออกมาชัดเจนว่ามันเขี้ยวผมแค่ไหน พลันดึงแก้มผมทั้งสองข้างให้ยืดออก

“ทำตัวน่ารักอย่างนี้ ไม่ได้นอนทั้งคืนแน่ นว้องจิตัวน่าเย็ก เอ้ย ตัวเย็กๆ”

ไม่ต้องมาแกล้งพูดผิดเลย!

ผมหัวเราะกับความเพี้ยนของเขา ก่อนจะประทับจูบบนริมฝีปากเขาอีกที ผละออกมาก็ส่งเสียงออดอ้อน

“ถ้าอย่างนั้นก็ทำให้จรการู้หน่อยว่าอิเหนารักจรกามากแค่ไหน”

พี่อินทร์ยิ้มกริ่ม สายตาแพรวพราว

“แล้วจะรู้ว่าอิเหนารักจรกามากเกินกว่าที่ใครจะคาดเดาได้อีก”

ผมรู้... รู้อยู่แล้ว และผมเองก็รักเขามากเกินกว่าที่ใครจะคาดเดาได้เช่นกัน

“ปะ อย่ามัวเสียเวลา ขึ้นห้องๆ”

พี่อินทร์จูงมือผมเดินกลับไปที่บ้านแล้วเรียบร้อย ผมมองตามหลังเขา กระชับฝ่ามือใหญ่ที่จูงผมอยู่ด้วยความสุขใจที่สุดในชีวิต

ไม่ว่าใครจะเคยเรียนวรรณคดีเรื่องอิเหนามาอย่างไร อิเหนาจะเจ้าชู้อย่างไร ท้ายที่สุดจะลงเอยกับสตรีหรือบุรุษคนไหน แต่สำหรับอิเหนาฉบับนี้ คนที่ได้ครอบครองหัวใจอิเหนาแต่เพียงผู้เดียวก็คือผม...จรกาผู้นี้

อิเหนากับจรกา...

ขอให้ความรักของเรางดงามอย่างนี้ตลอดไป...

____________________

จบอย่างเป็นทางการค่ะ เย่~

ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ในการขอบคุณนักอ่านทุกท่านทั้งหน้าเก่า-หน้าใหม่ที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะวางพล็อตซับซ้อนหรือยาวขนาดนี้เหมือนกันค่ะ ขอบคุณนักอ่านหลายๆ ท่านที่ช่วยชี้จุดบกพร่อง ในฉบับจริงคงจะมีการแก้ไขขนานใหญ่และตัดบางฉากที่ยืดเยื้อออกไปเหมือนกัน

ขอบคุณๆๆ แล้วก็ต้องขออภัยที่ในบางครั้งหนูแดงก็มีช่วงไม่น่ารักเหมือนกัน อาจมีช่วงนอยด์บ้างอะไรบ้างให้ขัดอารมณ์ก็ขออภัยกันมา ณ ที่นี้นะคะ

ส่วนเนื้อเรื่องต่อจากนี้จะเป็นในส่วนของตอนพิเศษซึ่งหนูแดงจะไม่ลงให้อ่าน อยากอ่านต้องไปตามเล่มหรือ Ebook เน้อ ออกประมาณงานหนังสือ ต.ค.2561 กับ สนพ.รักคุณค่ะ แน่นอนว่าจะมีพาร์ทของพี่บุศย์พี่วิญญูที่เท้าความตั้งแต่สองคนนั้นรู้จักกันจนเป็นแฟนกัน (ซึ่งไม่ได้ลงรายละเอียดในตอนหลัก แต่ในตอนพิเศษก็จะมีอ้างอิงไทม์ไลน์กันค่ะ) แล้วก็จะมีตอนพิเศษทั่วๆ ไป เน้นตลกโปกฮา ไม่มีดราม่าแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ 555

สำหรับตอนพิเศษที่ลงบนเว็บ (มันมีในหนังสือด้วยนี่แหละ) หนูแดงจะลงให้อ่าน 2 ตอนเป็นการขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ จะมีตอนนึงที่เป็นการโคตัวละครข้ามเรื่อง ซึ่งก็คือ คชา+มาวิน จากแรกพบสบรักค่ะ ถ้าใครเคยอ่านเรื่องนี้จะจำได้ว่าคชานางก็บ้าๆ บอๆ เหมือนพี่อินทร์นี่แหละ เอามาโคกันสักหน่อย เผื่อบันเทิง 555

สุดท้ายแล้ว หนูแดงขอแปะงานที่มีแพลนจะเขียนต่อหลังจากนี้หน่อยค่ะ เผื่ออยากติดตามกัน

Like Daddy, Like Baby #แด๊ดดี้ครับ - เป็นแนวแด๊ดดี้ อีโรมานซ์ ฟีลกู้ด มีแพลนจะออกกับ สนพ.รักคุณ งาน Gen Y เดือน ก.ย.2561 นี้

ณ โชซอน - เรื่องนี้แนวพีเรียดเกาหลี มีแพลนออกกับ สนพ.Deep แต่ยังไม่มีกำหนดการ

ทั้งสองเรื่องจะอัปจนจบเรื่อง แต่บางเรื่องอาจจะต้องมีการปิดตอนตามนโยบาย สนพ.นะคะ

ขอฝากฝังผลงานใหม่ด้วยน้า เสิร์ชหาไปเกาะกันไว้ก่อนได้เลยค่ะ

แล้วเจอกันในตอนพิเศษออนไลน์อีกสองตอนนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Epilogue★[22.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-06-2018 17:47:53
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Epilogue★[22.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 22-06-2018 18:28:29
ชอบๆพี่บุศย์กะไว้แล้วเชียว
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Epilogue★[22.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-06-2018 18:28:52
สุขีกันถ้วนหน้า  :mc4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Epilogue★[22.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 22-06-2018 19:01:39
  :pig4:

 ลงเอยกันด้วยดีแล้วสินะ สุดป่วนก๊วนอิเหนา&จรกา

 ขอให้รู้ไว้ว่า คนอ่านชอบมากเลย เล่าเรื่องได้แบบสอดคล้องโยงใยอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้

[[ แต่เจ้าของเรื่องคงขิงว่า โอ๊ย นี่ทามดามสำหรับwriterมากเลย ขอบอก ]]

 :katai2-1:

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Epilogue★[22.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-06-2018 21:52:45
เย้ๆๆ จบแบบมีความสุขทุกคน ชอบเรื่องนี้สนุก ตลก เศร้า ลุ้น มีครบทุกรสชาติ ใครจะไปคิดว่าอิเหนาแอบรักจรกามาตลอดจนต้องตามมาจนปัจจุบัน แล้วใครจะคาดคิดว่าพี่บุศย์จะเป็นรุกแล้วพี่วิญญูเป็นรับ :really2:  แต่คู่นี้ก็น่าจะหื่นพอๆกับพี่อินทร์นะ เห็นว่าเคยใช้หางแมวด้วยนิ :impress2: รอตอนพิเศษค่ะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Epilogue★[22.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-06-2018 23:03:59
 :man1:

 :กอด1: :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2: :กอด1:


 o13
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Epilogue★[22.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 22-06-2018 23:06:28
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีเรื่องนี้นะคะ สนุกมาก ได้แง่มุมความคิดใหม่ๆเยอะเลย
สนุกมากจริงๆ ขอบคุณที่สร้างสรรค์ผลงานเรื่องนี้ขึ้นมานะคะ ติดตามต่อไปน้าา  :mew1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Epilogue★[22.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-06-2018 23:18:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Epilogue★[22.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 22-06-2018 23:31:04
 :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Epilogue★[22.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 22-06-2018 23:42:36
เย่จบแล้ว เป็นนิยายที่ทำให้เราชอบเรื่องอิเหนามากขึ้นไปอีก ส่วนคู่พี่บุศย์นี่กะไว้แล้วแหละก็พี่บุศย์ออกจะหลัวซะขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Epilogue★[22.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 23-06-2018 00:55:14
จินต์จำอดีตไม่ได้ก็ดีแล้ว จะได้มีความสุขกันซักที บอกเลยว่าตอนแรกที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้เพราะคำว่าอิเหนา
แต่พออ่านไปมันก็เป็นอีหนาวที่เป็นเวอร์ชั่นตลกปนเศร้าซึ่งเราประทับใจมากค่ะขอบคุณคนเขียนที่เขียนเรื่องดีๆมานะคะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Epilogue★[22.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-06-2018 01:24:09
ปั๊มตังรอพรีเล่มจ้า
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Epilogue★[22.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 23-06-2018 04:49:58
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Epilogue★[22.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-06-2018 08:40:15
พี่บุศย์เป็นรุกนี่ผิดคาดนิดหน่อย แต่ก็นะ 555  :hao7:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Epilogue★[22.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-06-2018 08:57:06
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Epilogue★[22.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-06-2018 10:59:54
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Epilogue★[22.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 23-06-2018 11:26:53
พี่บุศย์เป็นรุกไม่แปลกใจเลย การแสดงออกมันบอกชัดอยู่แล้วเพราะเวลาพูดถึงคู่นี้คนที่เขินอายมักจะเป็นพี่วิญ5555

ขอบคุณมากเลยนะคะที่แต่งนิยายสนุกๆให้อ่าน ตอนแรกที่เข้ามาก็เพราะชื่อเรื่องนี่แหละ แปลกดี เอ๊ะ จรกามันรูปชั่วตัวดำไม่ใช่เหรอ แล้วถ้าจรกาที่เป็นคนงามละจะเป็นยังไง แล้วพอรู้ว่าพระเอกเป็นอิเหนาใจเราเลยยิ่งอยากรู้ เพราะอิเหนาเป็นหนึ่งในพระเอกวรรณคดีที่เราเกลียดมากที่สุดเพราะความเจ้าชู้ของเขา แต่พอได้อ่านจริงๆแล้วคือน่ารักมาก หลงไปกับความบ้าๆบอๆของพี่อินทร์ ประทับใจความรักที่มีให้จรกาเพียงผู้เดียวถึงขนาดถนอมเวอร์จิ้นข้ามชาติ555 ส่วนน้องจิก็ทำให้เราเอ็นดูเหลือเกิน คณะตลกที่เหลือก็ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะถ้าไม่มีพวกเขาความสัมพันธ์สองคนนี้คงไม่สามารถดำเนินนมาถึงจุดนี้ได้ รู้เลยว่าคำว่าเพื่อนสำหรับพวกเขามันยิ่งใหญ่จริง และสุดท้ายจินตะหราวาตี เกลียดสุดแต่ไม่สงสารสุด(เพราะสงสารอิเหนาที่สุดไปแล้ว555) จริงๆเราไม่มองว่าเป็นความผิดของพี่อินทร์หรอกแต่ก็ไม่พูดไม่ได้ว่าพี่อินทร์ก็มีส่วน คนที่ตัดสินใจขับเคลื่อนให้มันเลวร้ายคือตัวจิณห์เอง ความรักของจิณห์คือความเห็นแก่ตัว ข้าไม่ได้คนอื่นก็ต้องไม่ได้ มันเลยทำให้เขาปล่อยวางไม่ลง เรารู้สึกดีมากเลยค่ะที่ทางออกของเรื่องนี้คือจิณห์ลืมทุกอย่างแล้วเริ่มต้นใหม่ มีความสุขในชีวิต ต่อให้เกลียดนังยังไงก็ไม่อยากให้นางเป็นอะไรไป โอ้โหเม้นซะยืดยาว พอแค่นี้ละกัน
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Epilogue★[22.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 23-06-2018 11:59:09
ชอบบบบบ  ลุ้นมากกลัวจบแบบหักมุม แบบว่า ตลกมาทั้งเรื่องแล้วพระเอกตายตอนจบไรงี้
 :o8:  "พ่อชบาดอกน้อยของพี่"   เป็นคำพูดของอิเหนาที่เราชอบมาก รู้สึกถึงความรักความเอ็นดูที่อิเหนามีให้จรกาทุกครั้งที่อิเหนาพูดเลย
อ่านแล้วก็อยากเป็น ชบาดอกน้อย ของใครสักคน ถึงแม้นว่ารูปลักษณ์ของเราจะออกไปทางหมามุ่ยมากกว่าก็เถอะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Epilogue★[22.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 24-06-2018 23:48:59
 

Special Chapter 01: ชุดนอนไม่ได้นอน

เรื่องชุดนอนไม่ได้นอนกับผมค่อนข้างจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน ผมไม่ค่อยเข้าใจรสนิยมของพี่อินทร์หรอก แม้ว่าเขาจะบอกว่าที่เขาอยากให้ผมใส่จะเป็นการแกล้งเล่นก็ตามที แต่ดูๆ ไปแล้ว ผมว่าเขาไม่น่าจะแกล้งเล่นอย่างที่ปากพูดสักเท่าไรหรอก เพราะพอเวลาเราจะมีอะไรกันทีไร คำถามประจำของเขาก็คือ...’จิใส่ชุดนอนไม่ได้นอนได้ปะ’ ทุกที

แรกๆ ผมก็รำคาญนะ แต่หลังๆ ค่อนข้างชิน จากที่ปฏิเสธบ่อยๆ ก็เริ่มปล่อยๆ ละ และเพราะปล่อยนี่แหละ มันเลยเริ่มมีออฟชันเสริมต่างๆ เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ทั้งหูแมว หางแมว ไข่สั่น และเอ่อ... อะไรก็ตามแต่เท่าที่พี่อินทร์จะหามาได้ แต่แน่นอนว่าพวกเราไม่เคยใช้... ไม่สิ ผมไม่เคยใช้ต่างหาก

ก็จะให้ใช้ได้ยังไง มันจะพิสดารมากขึ้นทุกทีๆ แล้วนะเว้ย!

จบท้ายด้วยการซื้อมาทิ้งๆ ขว้างๆ ไว้เพราะผมไม่กล้าเอาของพวกนั้นใส่เข้ามาในตัวเองนอกจากหูแมวที่เป็นเหมือนที่คาดผมนั่นแหละ

ส่วนไอ้ของพวกนี้ไปได้มาจากไหนน่ะเหรอ... อ๋อ เขามีคนกลางรับของมาให้ ซึ่งคนคนนั้นก็คือ...

“วันนี้มึงเอาของที่กูอยากได้มาปะไอ้วิญ”

พี่วิญญู... เอเย่นต์ของเล่นผู้ใหญ่รายสำคัญของพี่อินทร์

พี่วิญญูพยักหน้า ก่อนจะหยิบกล่องผลิตภัณฑ์ที่พี่อินทร์ฝากสั่งซื้อออกมาจากกระเป๋าเป้แล้ววางบนโต๊ะ

“อันนี้รุ่นใหม่ จะใส่เข้าไปในตัวง่ายหน่อย แต่ทางที่ดีมึงควรใช้เจลหล่อลื่นร่วมด้วย จิจะได้ไม่เจ็บ”

กูไม่ได้บอกสักคำเลยว่าจะใช้เนี่ย!

ผมที่นั่งอยู่บนเตียงได้แต่เบ้หน้าเบ้ปาก ส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากพี่บุศย์ที่นั่งหัวเราะอยู่ตรงโซฟา แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยแม้แต่น้อยเพราะบทสนทนานั้นยังคงดำเนินต่อ

“มันเป็นแบบหัวแหลม ตรงนี้มีจุดล็อก พอสอดเข้าไปแล้วมันไม่หลุดง่ายๆ ใช้ไม่ยาก พอเอาเข้าไปแล้วมึงก็กดปุ่มนี้ให้มันสั่น”

พี่วิญญูหยิบรีโมตแบบยูเอสบีมาสอนวิธีการใช้ให้พี่อินทร์เป็นการใหญ่ พี่อินทร์ก็พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนหันมาหาผม

“ชอบไหมจิ”

กูบอกแล้วไงว่าไม่ใช้!

อยากจะปาหมอนใส่นักแต่ทำอะไรไม่ได้ ถึงจะไม่ชอบใจ อย่างน้อยก็ต้องให้เกียรติเขาเวลาอยู่ต่อหน้าเพื่อนบ้าง ผมเลยแสร้งทำเมินใส่ พี่อินทร์เลยตัดบท

“เออ ขอบใจมาก กูไม่มีอะไรสงสัยละ”

อันที่จริงบทสนทนาควรจะจบลงแค่นี้ แล้วพี่วิญญูกับพี่บุศย์ก็ควรจะกลับออกจากห้องของพวกเราไป ทว่าทั้งคู่กลับไม่ไป แถมพี่วิญญูยังมีสีหน้าลำบากใจขึ้นมาอีก

“มีอะไรวะ”

แม้แต่พี่อินทร์ยังสังเกตเห็นท่าทางแปลกๆ ของพี่วิญญูได้เลย พลันอีกฝ่ายก็ว่าอึกอัก

“กูมีเรื่องอยากให้มึงช่วยนิดหน่อย”

“เรื่อง?” พี่อินทร์ขมวดคิ้ว พี่วิญญูก็ยิ่งอึกอักมากขึ้นไปอีก

“ก็เรื่อง...” จากนั้นก็เหลือบไปมองยังพี่บุศย์ที่นั่งอมยิ้มอยู่ราวกับจะขอความช่วยเหลือ แต่พี่บุศย์ก็เงียบเหมือนกับตอนที่เงียบใส่ผมเช่นกัน พี่วิญญูเลยสูดลมหายใจเข้าปอด พลันว่า “เรื่องบนเตียง”

ทั้งผมทั้งพี่อินทร์พากันเลิกคิ้วสูงพร้อมกัน

มาขอให้ช่วยเรื่องบนเตียง อย่าบอกนะว่า...

“ไม่ๆ กูไม่หมู่ ไม่มีวันเด็ดขาด นว้องจิตัวเย็กๆ ของกูจะให้ใครดูไม่ได้!”

พี่อินทร์โวยวายทันที แต่มันใช่เรื่องนี้ที่ไหนล่ะเว้ย!

พี่วิญญูถึงกับชักสีหน้า คว้าเอาหางแมวขึ้นมาฟาดพี่อินทร์ไม่แรงนัก

“มึงก็พูดไปเรื่อย กูแค่อยากมาถามมึงต่างหากว่าทำยังไงให้เรื่องบนเตียงไม่น่าเบื่อก็แค่นั้น”

พอพูดมาอย่างนี้ พี่อินทร์ก็ยกมือขึ้นทาบอก

“ค่อยยังชั่ว กูก็นึกว่าพวกมึงคิดจะมาย่ำยีนว้องจิตัวเย็กๆ ของกู”

มีแต่มึงคิดอกุศลไปเองคนเดียวเนี่ย!

“ว่าแต่ชีวิตรักบนเตียงของพวกมึงน่าเบื่อเหรอวะ”

พี่อินทร์กลับเข้าเรื่องจนได้ และพอเขาพูดไปอย่างนั้น พี่วิญญูก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วนขึ้นมา หันไปมองหน้าพี่บุศย์เพื่อขอความช่วยเหลืออีกครั้ง แต่พี่บุศย์ก็คือพี่บุศย์ นิ่งสงบสยบทุกความเคลื่อนไหว มีแค่ยักไหล่น้อยๆ ให้ทุกคนรู้ว่าเขาไม่ได้เป็นคนเริ่มคิดเรื่องนี้

“เอ้าว่าไง กูถามเนี่ย จะตอบไม่ตอบ ถ้าไม่ตอบก็ช่วยอะไรไม่ได้นะเว้ย รีบๆ ถามมาเร็ว เดี๋ยวสรัลมาแล้วจะไม่ได้ถาม”

ลืมไปว่าจริงๆ แล้วพวกเรานัดกันไปกินบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นที่ห้างแถวมหาวิทยาลัยด้วย ผมนี่อยากจะขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทันทีที่รู้ว่าเราไม่ต้องไปกินหมูกระทะทุกครั้งที่เจอหน้ากันอีกแล้ว

“คือกูอยากรู้เรื่องความพิเศษของคู่มึง”

พี่วิญญูพูดขึ้นมาจนได้ แต่ไม่มีใครเข้าใจที่เขาพูดเลย

“ความพิเศษอะไรวะ”

“ก็...” เขาลังเลไปเล็กน้อย สูดหายใจเข้าปอดพลันว่าออกมา “ก็ที่พวกมึงใส่ชุดนอนไม่ได้นอนไง กูอยากรู้ว่ามันช่วยกระตุ้นให้ตื่นเต้นมากกว่าเดิมหรืออะไรไหม”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็ทำหน้าตาตกใจ ยกมือขึ้นทาบอก

“วินนี่ หนูใจแตกเหรอลูก”

มันน่าฟาดสักที พี่วิญญูก็ง้างมือขึ้นมาแล้วด้วย พี่อินทร์หลบวืดก่อนจะหัวเราะร่วน

“ถามดีๆ อย่ากวน”

“เออ ตอบดีๆ ก็ได้” พี่อินทร์หัวเราะ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มันก็ช่วยอยู่หรอก สำหรับกูมันก็ตื่นเต้นนะ ยิ่งเวลาเห็นจิใส่นะ ฮู้ยยย อยู่ในปาร์ตี้ฮ็อตยังกะไฟเออร์”

ผมคว้าหมอนมากอด ซุกหน้าตัวเองลงไปแล้ว

ไอ้บ้าเอ๊ย! เรื่องแบบนี้เอามาคุยกันโต้งๆ ได้ยังไง!

“แล้ว...กูขอดูตัวอย่างหน่อยได้ไหม”

พี่วิญญูถามงุบงิบ ทำเอาทั้งผมทั้งพี่อินทร์พากันขมวดคิ้วยู่

“ตัวอย่างยังไงวะ”

“ใส่ให้ดูหน่อย”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็มีสีหน้าตะลึงตะลาน แต่แน่นอนแหละว่าเป็นการแกล้งทำ

“ตายแล้ว ใจแตกจริงๆ ด้วยวินนี่ลูก! นว้องจิตัวเย็กๆ ของป่าปี๊อย่าเอาตามเยี่ยงอย่างนะ ป่าปี๊รับไม่ได้”

มึงอะตัวเสี้ยมให้คนอื่นเขาใจแตกเลย รู้ตัวเอาไว้ด้วย!

“ถ้ามึงไม่อยากใส่เป็นตัวอย่างก็ไม่ต้อง กูไม่รบกวน”

รู้เลยว่าพี่วิญญูเขินอะ เขารีบพูดเร็วๆ โบกมือไหวๆ ทันที แต่พี่อินทร์ไม่ฟัง เดินแท่ดๆ ไปค้นตู้เสื้อผ้า เอาชุดนอนไม่ได้นอนกองหนึ่งออกมาวางอยู่บนโต๊ะแล้วเรียบร้อย

“อะ ว่ามา ชุดไหนมึงเลือก กูใส่ให้ดู”

เฮ้ย! เอาจริงเหรอวะ!

พี่วิญญูมีท่าทางอึกอักยิ่งกว่าเดิมอีก หันไปมองพี่บุศย์เป็นระยะด้วย แต่พี่บุศย์ก็ไม่พูดอะไร เอาแต่นั่งยิ้มเหมือนกับรอดูเหตุการณ์ต่อจากนั้น ใจจริงแล้วผมอยากห้ามนะ กลัวพี่วิญญูติดใจแล้วจะเพี้ยนๆ เหมือนพี่อินทร์ไปอีกคน ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย

เรื่องทุเรศๆ แบบนี้ ไม่เอาตัวเองไปเกี่ยวข้องจะเป็นการดีที่สุด

“เอ้า เลือกเร็ว เดี๋ยวสรัลก็มาก่อนหรอก”

“ชุดนี้แล้วกัน” ถูกเร่งอย่างนั้น พี่วิญญูก็หลับหูหลับตาหยิบชุดนอนไม่ได้นอนขึ้นมาชุดหนึ่ง

“มึงแน่ใจนะว่าเอาชุดนี้?”

พี่วิญญูพยักหน้า พี่อินทร์ก็เลยพยักหน้าตาม

“เคๆ แต่เดี๋ยวนะ จะใส่ชุดนี้ กูขอเวลานอกแป๊บนึง” จากนั้นพี่อินทร์ก็พนมมือขึ้น หลับตา พลางส่งเสียง “โอม...”

อะไรน่ะ

“โอมมม!” จู่ๆ ก็ร้องเสียงดังขึ้นมา ลืมตาโพลง ทำหน้าขึงขัง กวาดดวงตาเกรี้ยวกราดมองไปยังทุกคน ผมมองเขาแล้วก็ตกใจ พอยื่นมือไปสะกิด

“พี่อินทร์ เป็นอะไรไหม”

เขาก็หันขวับมามองผม ทำปากเบี้ยวๆ หน้าบึ้งๆ ดวงตากลอกไปมา ผมสะดุ้ง ชักมือออกจากเขาทันที ในใจตกใจอยู่ไม่น้อย ก่อนที่จะสะบัดหน้าพรึ่บไปทางพี่วิญญู และ...

“แม่มาแล้วลูก ไหนๆ มีอะไรจะให้แม่ช่วย บอกแม่อินอรซิลูก”

...แม่งแด๊ะแด๋ตอแหลทันที นี่มึงเชิญองค์แม่อินอรประทับร่างเหรอไอ้อิเหนา!

แบบที่ผมคิดนั่นแหละ เพราะหลังจากนั้นเขาก็ถอดเสื้อ สวมชุดนั้น พลันยกสองมือขึ้นวิ่งตุ้งติ้งไปหาพี่วิญญู ก่อนจะคว้าเอาชุดนอนไม่ได้นอนอีกชุดที่อยู่บนโต๊ะมา

“ว้าย ตายแล้ว ชุดนี้แม่ชอบมาก สีนี้แม่ก็ชอบ แม่ชอบหวานๆ สีช็อกกี้พิงค์”

แล้วก็เอาชุดมาทาบๆ บนตัวใหญ่ ผมเห็นแล้วก็ได้แต่เบ้ปาก

มึงจะมาสาวแตกกว่ากูไม่ได้นะเว้ย!

บอกไปก็เท่านั้น สาวแตกไปเรียบร้อยแล้ว ผมก็รู้แหละว่าเขาแกล้ง พี่บุศย์นี่ขำใหญ่เลย มีแต่พี่วิญญูที่ทำหน้าตาเหยเกไม่เลิก

“มาฮ่ะน้องวินนี่ อินอรจะใส่ให้ดู ไม่ยากฮ่ะไม่ยาก ใส่แบบนี้นะฮ้า”

พูดพลางก็ถอดเสื้อยืดตัวเองออก สวมชุดนอนไม่ได้นอนลงไป สวมเสร็จก็หมุนตัว ทำชายเสื้อให้สะบัดๆ

“เป็นไงฮ้า สวยใสฟรุ้งฟริ้ง คุณจิระเห็นแล้วมีอารมณ์”

อารมณ์โมโห!

ผมอยากตะโกนใส่แบบนั้นนะ แต่พี่อินทร์ไม่เปิดช่องให้ผมเลย ใส่ให้ตัวเองเสร็จก็คว้าเอาชุดนอนไม่ได้นอนทรงกี่เพ้ามาให้ผมใส่

“อ้ะคุณน้อง ใส่เลยฮ่ะ เป็นรุ่นพี่ที่ดีให้วินนี่หน่อย ใส่เป็นเพื่อนกันหลายๆ คน วินนี่จะได้ไม่อาย”

มึงไม่ต้องลากกูไปเป็นส่วนหนึ่งของทีมมึงเลยนะ!

แล้วถามว่าผมใส่ไหม... แม่ง ไม่อยากใส่ก็ต้องใส่อะ พี่วิญญูส่งสายตามาด้วยอารมณ์แบบว่า ‘ใส่เถอะ ใส่เป็นเพื่อนพี่หน่อย’ ผมก็เลยต้องจำใจถอดเสื้อแล้วสวมชุดมุ้งทรงกี่เพ้าลงไป สวมแล้วก็ได้แต่ยืนกระมิดกระเมี้ยน

ไอ้บ้าเอ๊ย! ใส่ให้พี่อินทร์ดูคนเดียวก็อายจะตายอยู่แล้ว นี่ยังมีพี่บุศย์กับพี่วิญญูอีก จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!

แต่พี่บุศย์กับพี่วิญญูไม่แสดงอาการอะไรเลยนะ ได้แต่มองเฉยๆ จากนั้นไม่นานพี่วิญญูก็มีสีหน้าลำบากใจเพราะ...

“ส่วนของวินนี่ก็เป็นลายนี้แล้วกันฮ่ะ เซ็กซี่เร้าใจ คึกเป็นม้าฮี้ๆ~”

พี่อินทร์แม่งยื่นลายม้าลายให้อะ โอ๊ย!

“กูต้องใส่จริงๆ เหรอวะ”

พี่วิญญูถามเสียงเครียด สายตามองชุดมุ้งในมือสลับกับหน้าพี่อินทร์ ขณะที่พี่อินทร์กอดอกพ้อยท์เท้าข้างหนึ่ง ทำท่าเหมือนเจ้แม่เล้ากำลังดูแลเด็กในสังกัด

“ต้องใส่สิฮ้าน้องวินนี่ เชื่อเจ้แล้วจะรุ่ง ผัวรักผัวหลงแน่นอน”

เชื่อมึงนี่รุ่งแน่ รุ่งริ่งอะชัวร์แน่นอน อีกอย่างนะ เมื่อกี้มึงเป็นแม่อยู่ดีๆ ไหงตอนนี้เป็นเจ้แล้ววะ!

พี่อินทร์สนุกเขาล่ะ เล่นไม่เลิกเลย แต่ผมอยากถอดชุดจะแย่อยู่แล้ว ส่วนพี่วิญญูก็อึกอักอยู่อย่างนั้น

“แต่กู...”

“ถ้าวินนี่ไม่อยากใส่ก็แล้วแต่นะ แล้วแต่เลย ผัวไม่แตะแล้วอย่าหาว่าเจ้ไม่เตือน”

พี่วิญญูที่กำลังจะหาข้ออ้างถึงกับหุบปากฉับ ก่อนถอนหายใจออกมาเต็มแรงด้วยอารมณ์ประมาณว่า ‘เอาก็เอาวะ!’

เขาถอดเสื้อยืดตัวเองออก พลันสวมชุดนอนไม่ได้นอนลงไป ทุกสายตาจับจ้องที่เขา ก่อนที่จะมีเสียง...

แคว่ก!

...ขาด

ผมมองปราดไปยังลำตัวของพี่วิญญูทันที ก่อนจะเห็นว่าชุดมุ้งที่เขากำลังดึงชายลงนั้นมันขาดตรงหน้าอกพอดีเป๊ะ หัวนมสีน้ำตาลอ่อนๆ โผล่ลอดมาให้เห็นเลย

ตัวถึกขนาดนี้มันก็สมควรขาดแหละเว้ย!

เท่านั้นพี่อินทร์ก็หัวเราะพรวดออกมาทันทีเลย ไม่เก็บอาการ ไม่ไว้หน้าอะไรทั้งนั้น ผมก็ได้แต่กลั้นหัวเราะ แต่ก็กลั้นไม่ค่อยไหวเท่าไรเพราะพี่อินทร์ดันพูดออกมา

“แหม นมแหลมทะลุชุด”

ผมเลยหัวเราะออกมาจนได้ กลายเป็นว่าเราสองคนหัวเราะกันหน้าแดงไปแล้ว พี่วิญญูก็หน้าแดง แต่ไม่ใช่เพราะหัวเราะ เป็นเพราะอายต่างหาก พี่บุศย์พยายามกลั้นขำเต็มที่ ก่อนจะออกเสียงปราม

“ไอ้อินทร์ มึง...คิก...มึงอย่าแกล้งวิญสิวะ”

กว่าจะพูดได้จบประโยคก็กลั้นหัวเราะแล้วกลั้นหัวเราะอีก พี่วิญญูตวัดหางตาไปมอง พี่บุศย์ก็กระแอมก่อนจะหุบยิ้ม แต่หุบได้ไม่นานก็อมยิ้มเสียแก้มตุ่ย พี่วิญญูเลยตัดพ้อเข้าให้

“เออ หัวเราะกันเข้าไป ไม่ตัวเล็กน่ารักเหมือนน้องจิบ้างก็ให้มันรู้ไป อุตส่าห์เอาใจ ดันเห็นเป็นเรื่องตลกซะงั้น”

เขางอนแล้ว ผมรีบชิงหยุดหัวเราะก่อนเป็นคนแรก เผื่อทะเลาะอะไรกันขึ้นมา ผมจะได้ไม่เกี่ยว แต่พี่อินทร์ยังไม่หยุดหัวเราะ ปล่อยให้พี่วิญญูฮึดฮัดอยู่อย่างนั้น

โกรธจริงๆ แล้วมั้งนั่น...

ผมพยายามจะสะกิดพี่อินทร์ให้หยุด แต่สายไปแล้ว พี่บุศย์ทำหน้าที่พระเอกเรียบร้อย

“เราจะบอกอะไรให้อย่างนะวิญ”

“อะไร”

“ไม่ต้องพยายามอะไรเพื่อเราขนาดนี้ก็ได้ เราก็บอกแล้วนี่ว่าไม่ต้อง เรื่องอะไรแบบนั้นไม่ต้องเลย แค่ธรรมดาๆ เราก็พอแล้ว”

“แต่เราเห็นบุศย์ดูไม่ค่อยตื่นเต้น”

“...”

“เราใส่หูแมวก็แล้ว หางแมวก็แล้ว บุศย์ก็ดูเฉยๆ เราอยากให้บุศย์ดีใจเวลาเห็นเราทำเพื่อบุศย์อย่างนั้น”

กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกับพี่อินทร์รู้กันหมดเลยว่าชีวิตรักบนเตียงของทั้งคู่เป็นยังไง พี่อินทร์ถึงกับครางออกมา

“คอลัมน์ผัวเมียละเหี่ยใจที่แท้”

พลันมานั่งข้างๆ ผม รอดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ ขณะที่พี่บุศย์พูดขึ้นมาบ้าง

“เราบอกเหรอว่าไม่ตื่นเต้น”

พี่วิญญูนิ่ง อาการฮึดฮัดหายไปแล้ว เหลือแต่ท่าทางสงสัย

“ก็เราเห็นบุศย์ทำหน้าเฉยๆ ทุกครั้ง บุศย์ก็รู้ว่าเราอยากทำอะไรพิเศษๆ ให้บุศย์ ที่เราทำ มันไม่ใช่การพยายามหรอก เราเต็มใจ”

พี่บุศย์ยิ้มรับ “แต่สิ่งที่ทำให้เราตื่นเต้นน่ะ มันไม่ใช่การที่วิญใส่ชุดอะไรพวกนี้หรอกนะ”

“...”

“แต่เราชอบให้วิญใส่ชุดอื่นมากกว่า”

“ชุดอะไรเหรอ”

ใช่ๆ ผมก็อยากรู้ว่าชุดอะไร

พี่บุศย์ไม่ตอบในทันที เอื้อมมือไปจับข้อมือพี่วิญญูแล้วดึงมาใกล้ๆ ก่อนว่าด้วยสายตาแพรวพราว

“เราชอบให้วิญใส่ชุดวันเกิด”

ชุดวันเกิด... มันไม่ได้ใส่อะไรเลยนี่!

ผมเข้าใจฉับพลัน พี่อินทร์กับพี่วิญญูก็เข้าใจ พี่วิญญูหน้าแดงไปแล้วเรียบร้อย ก่อนจะอึกๆ อักๆ พูดต่อไม่ออก ปล่อยให้พี่บุศย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยสักครั้ง

เพิ่งจะรู้ว่าเรียบร้อยๆ แบบพี่บุศย์ เวลาเอาเข้าจริงก็ร้ายไม่หยอกเหมือนกัน

ส่วนพี่อินทร์น่ะเหรอ...

“ง่อว์~ ร้ายว่ะบุษบา ร้ายยย~”

มึงนี่ก็ขยันปากเปราะจริงเล้ย! แถมมีหน้าหันมาทำปากยื่น ส่งเสียงสองใส่ผมด้วยนะ

“นว้องจิตัวเย็กๆ ป่าปี๊ก็หยักเปลี่ยนรสนิยมแล้ว หยักเห็นชุดวันเกิดของนว้องจิตัวเย็กๆ มั่ง”

มึงไม่ต้องมาเลียนแบบคนอื่นเลย ถึงไม่อยาก มึงก็ได้เห็นทุกวันอยู่แล้วเว้ย!

ผมเอามือป้ายปากเขาไปที พี่อินทร์ก็หัวเราะใหญ่ ส่วนตอนนี้พี่บุศย์กับพี่วิญญูเหมือนจะเข้าใจกันแล้วมั้งเพราะพี่วิญญูหน้าแดงเป็นการใหญ่ อึกอักพูดอะไรต่อไม่ออกด้วย ได้แต่ปล่อยให้พี่บุศย์ที่เงียบก่อนหน้านั้นอยู่นานพูดบ้าง

“เอาเป็นว่าไม่ต้องใส่หรอกชุดนอนไม่ได้นอนเนี่ย ไม่ใส่อะไรเลยก็ไม่ได้นอนเหมือนกัน”

“บะ...บุศย์...”

“แต่ใส่แล้วก็ดูแปลกตาไปอีกแบบเหมือนกันนะ”

อดที่จะล้อพี่วิญญูบ้างไม่ได้ มิหนำซ้ำยังจะเอามือไปดึงผ้าส่วนที่ขาดบริเวณหน้าอกของแฟนตัวเองอีก เลยถูกพี่วิญญูตีมือไม่แรงนักไปที

“มาทะลึ่งอะไรตอนนี้ ไม่เห็นหรือไงว่าไอ้อินทร์กับน้องจิก็อยู่ด้วย”

“ทีตัวเองใส่ชุดนี้ยังไม่อายเลย ตอนนี้จะมาอายอะไร” พี่บุศย์ว่าขำๆ ให้แฟนตัวเองหน้าแดงมากขึ้นอีกแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้แกล้งอะไรต่อ ได้แต่ตัดบท “รีบเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเร็ว เดี๋ยวสรัลก็มาแล้ว เผื่อน้องมันมาเห็น มันจะตกใจ”

ผมพยักหน้าเห็นด้วยทันที อยู่ในสภาพนี้นานๆ ไม่ดีหรอก แทบจะเป็นคนแรกที่ถอดชุดนี้ออกแล้ว แต่พี่อินทร์ดันว่า...

“มันจะมาเห็นได้ยังไง ประตูห้องก็ล็อก มันจะเข้ามาก็ต้องเคาะก่อนแหละ”

“แต่ตอนที่พวกกูเข้ามา กูไม่ได้...”

พี่บุศย์ทำเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าพูดยังไม่ทันจบ เสียงประตูก็ดังมาให้ได้ยิน พร้อมกับเสียงแหลมๆ ของผู้หญิงหนึ่งเดียวในกลุ่ม

“ฮะสรัลมาแล้ววว ไปกินกันเร็ว หนูหิวจะ...เชี่ย!”

สรัลถึงกับอุทานหยาบเมื่อเห็นผู้ชายตัวล่ำๆ สองคน รวมผมด้วยอีกหนึ่งใส่ชุดนอนไม่ได้นอนนั่งหน้าสลอนอย่างพร้อมเพรียง ใบหน้าของเจ้าหล่อนซีดเผือดไปเล็กน้อย พร้อมกับดูปูเลี่ยนคล้ายขยะแขยงก็ไม่เชิง ขณะที่พี่บุศย์ที่พูดค้างไว้เมื่อกี้เอ่ยประโยคเต็มๆ ออกมา

“กูบอกว่ากูไม่ได้ล็อกประตู”

แค่นี้ก็รู้กันเลย

โว้ย! แล้วทำไมไม่ล็อกประตูล่ะพี่บุศย์!

ส่วนสรัลก็ทำหน้าแหยงเป็นการใหญ่ “ไม่คิดเลยนะว่าจะมีรสนิยมกันแบบนี้ จิก็เอากับเขาอีกคนด้วย อิเหนาเวอร์ชั่นนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดเนี่ย”

ถูกเข้าใจผิดไปไกลแล้ว พี่วิญญูทำตัวเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อหนีอายแล้ว ผมเองก็ได้แต่หันไปหาพี่อินทร์ก่อนจะว่าเสียงดังใส่เขา

“เอาชุดนอนไม่ได้นอนไปเผาทิ้งให้หมดเลยนะพี่อินทร์! จิไม่ใส่ให้ดูแล้ว!”

ส่วนพี่อินทร์ก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นประคองหน้าตัวเองพลางส่งเสียงครวญคราง “ไม่น้าจิร้า~ ม่าย~”

มึงไม่ต้องมาทำท่าจะเป็นจะตายเลย ซื้อมาอีก กูจะเผาทิ้งให้หมดเลยคอยดู!

----------------------------

ตอนพิเศษตอนแรกค่ะ มาดึกหน่อย แหะๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Special C H 01★ชุดนอนไม่ได้นอน[24.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 25-06-2018 00:28:51
555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
สงสารสรัล!!!!!!
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Special C H 01★ชุดนอนไม่ได้นอน[24.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-06-2018 00:47:10
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Special C H 01★ชุดนอนไม่ได้นอน[24.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-06-2018 00:58:04
 :m20: โอ้ย..... ปวดไปหมด ปาก กราม ท้อง  :pigha2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Special C H 01★ชุดนอนไม่ได้นอน[24.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-06-2018 01:55:03
ปวดแก้มอ่าาาาาาา  หยุดขำไม่ได้!!! พีคในพีค
 :jul3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Special C H 01★ชุดนอนไม่ได้นอน[24.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-06-2018 02:08:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Special C H 01★ชุดนอนไม่ได้นอน[24.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-06-2018 03:40:40
 :jul3: ไม่ไหวแล้ว หยุดขำไม่ได้
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Special C H 01★ชุดนอนไม่ได้นอน[24.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 25-06-2018 07:39:40
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Special C H 01★ชุดนอนไม่ได้นอน[24.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 25-06-2018 08:06:55
 :laugh: :laugh: :m20:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Special C H 01★ชุดนอนไม่ได้นอน[24.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 25-06-2018 10:19:13
ยื่นน้ำยาล้างตาให้สรัล สงสาร~~~~
5555555555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Special C H 01★ชุดนอนไม่ได้นอน[24.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 25-06-2018 13:42:22
พระเอกเรื่องนี้มันเพี้ยนจริงๆ กลายเป็นอินอรได้ด้วย
เรื่องนี้คนที่สติดีสุดคือพี่บุศย์สินะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Special C H 01★ชุดนอนไม่ได้นอน[24.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 25-06-2018 14:40:01
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆนะฮะ เป็นมุมมองใหม่กับเรื่องอิเหนาเลยทีเดียว 5555+
ชอบทุกๆตัวละคร โดยเฉพาะก๊วนอิเหนา รับ-ส่งกันสุดยอดมากกกกกกก
ได้หัวเราะเกือบทุกตอนเลย เป็นอะไรที่ชอบมากๆ รอติดตามผลงานต่อๆไปนะฮะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Special C H 01★ชุดนอนไม่ได้นอน[24.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 25-06-2018 19:13:45
ขำมากๆๆๆๆ   เลยต้องไปหารูปชุดนอนไม่ได้นอนมาดู เป็นยังไงพี่อินทร์ถึงชอบนัก  :hao6:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Special C H 01★ชุดนอนไม่ได้นอน[24.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 25-06-2018 22:25:32
ปวดตับกับคุณแม่อิงอร5555 จะมีพระเอกไหนในโลกนี้ที่มีจริตกะเทยเท่าพี่บ้างคะ555555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Special C H 01★ชุดนอนไม่ได้นอน[24.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 25-06-2018 23:06:14
เกลียดความบ้าบอของอิพี่อินทร์คือพี่มึงเสมอต้นเสมอปลายมาก อ่านแล้วปวดหัวแทนจิเลยจริงๆ อิบ้า
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Special C H 01★ชุดนอนไม่ได้นอน[24.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 26-06-2018 09:54:44
กดบวกมอบแม่เล้าอินทรารัวๆๆ
ขำตรงพอยท์เท้า จิกตาทั้งชุดมุ้งนี่ล่ะ
วินนี่กะหว้องจิ๊ได้ปวดหัวไปนาน
ชอบเรื่องนี้ ขอบคุณที่พาอิพี่อิน พระเอกหลุดโลกมาให้ฮา
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Special C H 01★ชุดนอนไม่ได้นอน[24.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 26-06-2018 12:51:39
 :m20: :m20: ชุดนอนไม่ได้นอนนี่ของล้ำค่าของพี่อินทร์เค้าเลยนะ พี่วิญอย่าเลียนแบบในสิ่งที่ไนม่ดีดิ ชอบความในใจของน้องจิ ต่อหน้านี่เงียบๆ ในใจเกรี้ยวกราดมาก
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Special C H 01★ชุดนอนไม่ได้นอน[24.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mayyiyi ที่ 01-07-2018 06:55:27
หนักจ๊ายยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★Special C H 01★ชุดนอนไม่ได้นอน[24.6.61]
เริ่มหัวข้อโดย: NooDangzz ที่ 02-07-2018 20:41:17
Special Chapter 2: ทายาทอสูร

ปกติเวลาพี่อินทร์ชวนไปเที่ยวต่างจังหวัด ผมไม่เคยปฏิเสธเขาเลย แต่มีครั้งนี้แหละที่ผมไม่อยากไป เพราะการไปเที่ยวในรอบบนี้ เขาไปกับทริปของพวกแก๊งดาวเดือนมหาวิทยาลัยของเขา รวมไปถึงพวกเหล่าทูตกิจกรรมด้วย อารมณ์คล้ายๆ กับการรับเพื่อนใหม่ของมหาวิทยาลัยนั่นแหละ แต่แค่เจาะจงเฉพาะกับพวกคนที่ทำกิจกรรมเป็นหน้าเป็นตาให้มหาวิทยาลัยเท่านั้น

สาเหตุที่ผมไม่ไปก็ไม่มีอะไรมาก ผมแค่รู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนพวกเดียวกับกับพวกนี้น่ะ ถึงชาตินี้จะเกิดมาหน้าตาดีแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะมั่นใจในตัวเองอะไรมากมายสักหน่อย ทว่าพอผมปฏิเสธ พี่อินทร์ก็งอแงไม่หยุด จนสุดท้ายผมก็ต้องเก็บเสื้อผ้า นั่งรถทัวร์มากับเขาถึงจังหวัดเพชรบุรี โดยมีจุดมุ่งหมายคือชะอำ

โอเค...สุดท้ายก็มากับเขาจนได้

แรกๆ ก็เกร็งอยู่เหมือนกัน แต่พอเริ่มปรับตัวได้ก็พบว่าความจริงแล้วก็สนุกดีเหมือนกัน เพราะพวกเพื่อนๆ ในกลุ่มนี้ของพี่อินทร์ก็รู้จักผม พอผมคุยด้วยเล่นด้วย พวกเขาก็ตีซี้เสมือนว่าสนิทกับผมมากเป็นการใหญ่ แน่ล่ะว่าทำให้พี่อินทร์หึงไปหลายรอบ จนตอนนี้ผมเลยเพลาๆ ที่จะคุยเล่นกับคนอื่นลงแล้ว เดี๋ยวเขาแสดงท่าทางเพี้ยนๆ ออกมา ผมจะเป็นฝ่ายที่อายเอา

และตอนนี้พวกเราก็ถึงที่หมาย พวกรุ่นพี่ปีอื่นๆ ให้รุ่นน้องดาวเดือนและทูตกิจกรรมหน้าใหม่ไปนั่งเรียงแถวกันที่ชายหาด พวกเด็กปีหนึ่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรแต่ติดรถมาเที่ยวด้วยอย่างพวกผมก็ไปนั่งเล่นรอพวกเขาทำกิจกรรมกันที่เก้าอี้ผ้าใบใกล้ๆ รู้สึกเหมือนว่าพวกเขากำลังจะจับสลากเลือกบัดดี้ให้คู่กับพวกปีสองกัน

บรรยากาศเป็นไปด้วยความครื้นเครง พี่อินทร์ถูกเรียกไปโน่นแล้วหลังจากที่งอแงเกาะแกะผมอยู่นาน เขาล้วงมือลงไปหยิบสลากในถ้วยก่อนชูขึ้นสูง

“และน้องบัดดี้ของเดือนมหา’ลัยสุดหล่อของเราได้แก่...!”
เพื่อนๆ พี่อินทร์รัวกลองเป็นการใหญ่ ขณะที่พี่อินทร์คลี่กระดาษสลากในมือออกแล้วประกาศ
“คชา!”
“เฮ้ๆ!”

ต่างคนต่างส่งเสียงดังเป็นการยินดี ผมมองหาเด็กปีหนึ่งที่ได้มาเป็นบัดดี้คู่กับพี่อินทร์ ก่อนที่ผู้ชายคนหนึ่งจะลุกขึ้น ผมมองไปปราดเดียวก็จำได้ว่าเขาเป็นทูตกิจกรรมของมหาวิทยาลัยที่มีรูปโปสเตอร์รณรงค์อะไรบางอย่างแปะอยู่ทั่วอาคารเรียนไปหมด เรียกได้ว่าคุ้นหน้าคุ้นตาดีเลยล่ะ แล้วเขาก็หล่อเอามากๆ ด้วย ทำเอาผมอดมองอยู่นานไม่ได้ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่พี่อินทร์ตวัดหางตามามอง แล้วชี้นิ้วมา

“ตาวิเศษเห็นนะ”
เขาร้องขู่ ทำปากยื่นๆ ผมเลยรีบเบนสายตาไปทางอื่น ไม่งั้นเดี๋ยวเขาได้หึงหวงต่อหน้าคนอื่นให้ผมได้อายแน่
คชาเดินออกมาจากกลุ่มเพื่อน คำนับซ้ายทีขวาทีประมาณว่าขอบคุณทุกเสียงร้องโห่ให้การต้อนรับ ก่อนเดินมาหาพี่อินทร์แล้วยกมือไหว้

“คชาครับพี่อินทร์”

พี่อินทร์ก็พยักหน้าตอบ “ยินดีที่ได้เป็นบัดดี้กันนะ เดี๋ยวพี่ดูแลเป็นอย่างดีแน่นอน ไม่ต้องห่วง”
ผมมองแล้วก็ไม่ค่อยวางใจสักเท่าไรนัก คือคชาดูเป็นคนปกติ๊ปกติน่ะ แต่พี่อินทร์เป็นยังไง เอาเป็นว่ารู้กัน ผมกลัวว่าเขาจะไปถ่ายทอดความบ้าให้น่ะ

เอางี้ ผมไม่พูดอะไรดีกว่า กลัวว่าถ้าพูดไปแล้วเดี๋ยวภาพลักษณ์พี่อินทร์จะเสีย พอจับบัดดี้ได้ พี่อินทร์ก็เดินนำพาคชาไปเอากระเป๋าที่รถเพื่อที่จะไปห้องพัก คชาหันไปร้องเรียกใครบางคนให้รีบเดินตามมา พอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นผู้ชายอีกคนที่มีความสูงเท่าๆ กับผม

“นี่มาวิน แฟนผมเอง มาค่ายด้วย”

เคยเห็นเพจคิวท์บอยของมหาวิทยาลัยพูดถึงอยู่เหมือนกันว่าเขามีแฟนเป็นผู้ชาย แต่ไม่เคยเห็นรูปมาก่อนเลย ตัวจริงก็น่ารักเรียบร้อยดีเหมือนกันนะ

“อ๋อ โอเค เอาแฟนมาด้วยก็ดี นว้องจิตัวเย็กๆ ของพี่จะได้มีเพื่อน แล้วนี่ครบสี่คนพอดี ดีเลย จะได้ไม่ต้องหาใครเป็นเศษมานอนให้ครบ”

พี่อินทร์ว่า เห็นเขาบอกว่าบัดดี้จะต้องนอนด้วยกัน ปกติแล้วจะนอนห้องละสองคู่ แต่เพราะพี่อินทร์พาผม แล้วคชาก็พาแฟนมาด้วย พวกเราเลยได้นอนด้วยกันทั้งหมด

มาวินยกมือไหว้พี่อินทร์พลันหันมายิ้มให้ผม ผมเองก็ยิ้มให้เหมือนกัน

“อะ อย่ามัวยืนคุยกัน รีบไปเอากระเป๋า จะได้ไปดูห้องกัน”

จากนั้นพี่อินทร์กับคชาก็ไปคุ้ยหากระเป๋าของตัวเองและของแฟนเป็นการใหญ่ คนที่ยืนดูแฟนตัวเองไปค้นเอากระเป๋าให้อย่างพวกเราจึงคุยกันเล็กๆ น้อยๆ ฆ่าเวลา

“จิเรียนคณะอะไรเหรอ”
เป็นมาวินที่เปิดฉากชวนผมคุย ผมหันไปมองเขาแล้วตอบ
“เรียนศิลปศาสตร์น่ะ แล้วมาวินล่ะ”
“อ๋อ เราเรียน...เอ๊ะ คชา นายไม่ได้รูดซิปกระเป๋า”

ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบ มาวินก็สังเกตเห็นกระเป๋าเป้ที่สะพายบนหลังของคชาเสียก่อน มันไม่ได้ปิดอย่างที่มาวินว่านั่นแหละ คชาเลยเหวี่ยงเป้มาหมายจะรูดซิป ทว่าในจังหวะนั้นเอง กระเป๋าดันร่วงตกลงพื้น ข้าวของข้างในหล่นออกมากระจัดกระจาย

“มา พี่ช่วยเก็บ”

พี่อินทร์ทำหน้าที่รุ่นพี่ที่ดี ทรุดตัวลงไปนั่งยองช่วยเก็บของก่อนเป็นคนแรก ผมก็กะจะช่วยนั่นแหละถ้าสายตาไม่บังเอิญเห็นกระเป๋าใส่ซีดีที่แผ่ออกมาให้เห็นเต็มสองตาเสียก่อน และจะไม่อะไรด้วยถ้ามันเป็นซีดีธรรมดา ไม่มีสกรีนลายเอ่อ...ผู้ชายนุ่งน้อยห่มน้อยบนแผ่นเต็มไปหมด

“นั่นมัน...”

มาวินครางออกมา ถึงกับใบหน้าซีดเผือด ส่วนผมก็ครางตบท้าย

“ซะ...ซีดีหนังโป๊เกย์เหรอ”
พี่อินทร์เงยหน้าขึ้นพรึ่บมอบคชาอย่างรวดเร็ว ขณะที่คชาทำท่าตกใจ และ...
“กรี๊ดดด!”
แล้วพี่อินทร์ก็ดัน...
“ว้ายยย! คนผีทะเล!”

พวกมึงเป็นอะไรกันเนี่ย! เงียบๆ สิเว้ย แตกตื่นกันทำไม เดี๋ยวชาวบ้านก็รู้หรอกว่ามีหนังโป๊เกย์อยู่ในดงพวกกูเนี่ย!

มาวินเป็นคนแรกเลยที่กระโดดผลุงไปตะครุบปากคชา ส่วนผมก็ทุบพี่อินทร์เข้าให้เมื่อเห็นว่าเขายังคงวี้ดว้ายไม่เลิก

“ตีพี่ทำไมเนี่ยจิ”
“แล้วพี่อินทร์จะตื่นเต้นทำไมล่ะครับ”
“เอ้า ก็พี่ไม่เคยดูหนังแนวนี้นี่ ตื่นเต้นก็เป็นเรื่องธรรมดา”

ผมงี้เบ้ปากให้เลย ขนาดไม่เคยดูยังช่ำชองขนาดนี้ ถ้าเคยดูจะเชี่ยวชาญขนาดไหน แต่พี่อินทร์ก็ไม่ได้ว่าอะไร นอกจากจะหัวเราะให้กับท่าทางของผมกับมาวินที่กระอักกระอ่วนขึ้นมา ก่อนส่งซีดีส่งคืนให้คชา

“เก็บเอาไว้ดีๆ อย่าให้ใครเห็นล่ะว่าเอามาด้วย เดี๋ยวแตกตื่นกันทั้งบาง”

เห็นมีแต่พวกมึงนี่แหละที่แตกตื่นกันน่ะ

คชาพยักหน้ารับ มาวินก็รีบคว้าเอาไปใส่กระเป๋า จัดการรูดซิปให้เสร็จสรรพท่ามกลางความขุ่นใจ
“เราบอกแล้วไงว่าอย่าเอามา เอาออกจากกระเป๋าไปแล้ว จะใส่เข้ามาทำไมอีก”
ผมได้ยินมาวินบ่นพึมพำ ขณะที่คชาลอยหน้าลอยตา
“กูก็กลัวว่าน้องๆ ของกูจะเหงานี่หว่า”
“น้องๆ ไหน”
“น้องๆ ในหนังพวกนี้เนี่ย”

มาวินเลยเอามือป้ายปากไปที โทษฐานพูดจาไร้สาระ ส่วนผมก็มองคชาใหม่เลย

คนหล่อๆ นี่มันเพี้ยนกันหมดเลยหรือไงวะ!

แต่โชคดีที่พี่อินทร์ไม่ถึงขั้นทั้งหล่อ ทั้งเพี้ยน ทั้งหื่นเหมือนคชา ทว่า...ดูเหมือนจะครบเครื่องใกล้ๆ นี้ล่ะเมื่อพี่อินทร์ว่าขึ้น

“แล้ว...น้องๆ ของเอ็งแจ่มปะวะ”

ผมถึงกับย่นคิ้วเลย ถามอะไรวะน่ะ
จากนั้นคชาก็ยิ้มเผล่ ซู้ดปาก
“หูยพี่ เด็ด”
“เด็ดเท่าคนจริงปะ”

ว่าพลางพยักพเยิดไปทางมาวินที่อยู่ไม่ไกล คชามองตาม พลันว่า
“แซ่บอย่าบอกใคร บทเรียนชั้นดีเลยพี่อินทร์”
เท่านั้นพี่อินทร์ก็ทำตาโต “จริงดิ งั้นเอามายืม...”
“พี่อินทร์! จิอยากไปที่ห้องแล้ว!”

ผมรู้ว่าเขาจะพูดอะไรก็เลยรีบโพล่งขึ้นมาก่อน พี่อินทร์หัวเราะร่วนก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง

“เคๆ ไปที่ห้องกัน นว้องจิตัวเย็กๆ เหนื่อยแล้ว ส่วนซีดีนั่นน่ะ ว่างๆ ไว้เอามายืมบ้างนะ อยากเรียนวิชาเพศศึกษา”

มันน่าเอากระเป๋าฟาดหน้าสักทีไอ้หื่นเอ๊ย!



 
หลังจากนั้นพี่อินทร์กับคชาก็ไปทำกิจกรรมกัน มีแค่ผมกับมาวินที่ไม่ได้เป็นอะไรกับกลุ่มพวกนั้นเดินเตร็ดเตร่ไปมาสองคนตลอดทั้งวัน ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องดีเหมือนกันเพราะผมจะได้ถือโอกาสทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ไปด้วยเลย กระทั่งตอนเย็น กิจกรรมทั้งหมดถึงได้ยุติและปล่อยให้พักผ่อนตามอัธยาศัย คนอื่นๆ เลือกที่จะไปเดินเล่นแถวชายทะเล แต่พี่อินทร์กับคชากลับมาที่ห้องเพื่อพักก่อน เพราะตอนกลางคืนจะมีเลี้ยงรับเพื่อนใหม่อีกรอบ และสองคนนั้นก็เลย...

“อื้อ...อา...เยสแมน...โอ้ว...”

...ชวนกันดูหนังโป๊บนโน้ตบุ๊ก

มันใช่เวลามาทำเรื่องพวกนี้เหรอไอ้พวกบ้า!

ผมกับมาวินซึ่งเพิ่งกลับมาถึงห้องยืนมองสองคนนั้นกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนฟูกขนาดยาวสำหรับนอนสี่คนแล้วได้แต่ทำหน้าปูเลี่ยน ขณะที่ผมเป็นหน่วยกล้าตาย ออกปากถามเป็นคนแรก

“พี่อินทร์ทำอะไรอะครับ”
“เรียนวิชาเพศศึกษา”
“เรียนทำไมครับ”
“จะได้เอาท่าไปใช้กับนว้องจิตัวน่าเย็ก...เอ้ย ตัวเย็กๆ ไง”

มึงไม่ต้องมาแกล้งพูดผิดเลย! แล้วตอนพูดกับกูนี่มองหน้าด้วย มองแต่จอโน้ตบุ๊กมันหมายความว่าอะไร!

มาวินคงทนไม่ได้มั้ง เดินไปพับฝาโน้ตบุ๊กปิดท่ามกลางสายตาขุ่นๆ ของคชา

“ไรเนี่ยไอ้เอ๋อ ดูอยู่ มาปิดทำไม”
“เราไม่อยากให้ดู”

พอบอกไปอย่างนี้ คชาก็ยิ้มกริ่ม “ฮั่นแน่ หึงเหรอจ๊ะมาวิน”

หึงหรือไม่หึงไม่รู้ล่ะ รู้แต่ว่าตอนนี้มาวินอยากจะเอาโน้ตบุ๊กฟาดหน้าจะแย่อยู่แล้ว พอโน้ตบุ๊กถูกยึด พี่อินทร์กับคชาก็เหมือนปลาขาดน้ำ ดิ้นกระแด่วๆ งอแงกันใหญ่

“ป่าปี๊อยากดูง่า อยากฉึกฉาไว้ใช้กับนว้องจิง่ะ”

“เก๊าก็อยากจะฉึกฉาอ้ะ มาวินใจย้าย คนใจย้าย~”

มึงเป็นทายาทอสูรกันเหรอ! จะเลียนแบบกันทำไม!

แค่พี่อินทร์อ๊องคนเดียวก็ว่าน่าปวดหัวแล้วนะ เจอคชาไปด้วยอีกคน ผมถึงกับไมเกรนกิน ตอนนี้งงใจกับพระเจ้ามาก

ทำไมส่งคนหล่อมาเกิดแล้วถึงไม่ใส่สติมาให้สมกับหน้าตาด้วย ไหงเพี้ยนกันหมดงี้!

“ไม่ต้องมาเลียนแบบพี่อินทร์เลย รีบไปเตรียมตัวไป เดี๋ยวก็มีกินเลี้ยงกันแล้วไม่ใช่เหรอ”

มาวินตัดบท คชาก็ยังไม่หยุดกลิ้งเกลือก ทำให้ถูกมาวินลากไปอาบน้ำ ก่อนจะกลายเป็นว่าเขาเป็นฝ่ายถูกลากเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำด้วยเสียอย่างนั้น เหตุการณ์ในห้องน้ำจะเป็นยังไง ผมไม่ขอรับรู้หรอกนะ พอจะเดาได้อยู่ ก็แหม เพิ่งจะดูหนังโป๊มาสดๆ ร้อนๆ อย่างนั้น จะต้องเดาอะไรให้ยากอีกล่ะ

ตอนนี้เหลือแต่ผมกับพี่อินทร์สองคน พี่อินทร์เห็นทางสะดวกก็ยู่ปากใส่ผมเป็นการใหญ่ ช้อนสายตามองด้วยจนผมต้องขมวดคิ้ว

“มีอะไรครับพี่อินทร์”
“คุณจิระไม่อยากจะอื้อหือกับอินทราบ้างเหรอ ดูสิ พร้อมออกศึกเต็มที่แล้วเนี่ย อินทราเอาชุดนอนไม่ได้นอนมาด้วยนะ อยู่ในกระเป๋า”

แล้วก็หื่นใส่ผมทันทีด้วยการคว้ามือผมไปจับเป้ากางเกงเขาที่อยู่ใต้ผ้าห่ม ความแข็งขืนทำให้ผมต้องหน้าร้อนวูบขึ้นมาก่อนรีบชักมือกลับ

นอกจากคชาแล้ว ก็มีพี่อินทร์นี่แหละที่บ้าไม่แพ้กัน

พวกมึงจะเอาของแบบนี้มากันทำไมเนี่ย!?

“หยุดเลยพี่อินทร์ ไม่ได้มากันแบบส่วนตัวนะ จะมาทำกันได้ยังไง”
ผมโวยเข้าให้ แต่พี่อินทร์ก็ยังทำเป็นเล่น
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ทีคชากับมาวินยัง...”

ทำเป็นไม่พูดต่อ แต่ส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยมาให้ผม ผมไม่อยากจะสนใจหรอก ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะอาย

ไอ้พวกบ้าเอ๊ย ทำไรกันเนี่ย แล้วมาวินก็คล้อยตามแฟนไปทำไม!

ตอนนี้รู้เลยว่าคชากับมาวินรักกันแค่ไหน แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่พี่อินทร์ลุกไปคุ้ยกระเป๋า และ...
“นี่ไง ชุดนอนไม่ได้นอนลายเสือดาว”

มึงจะเอาออกมาทำไม!

ผมรีบปรี่ไปแย่งมาแล้วยัดมันลงกระเป๋าเหมือนเดิมทันที ก่อนหันไปแหว
“อย่าเอาออกมาสิ จะบ้าหรือไงพี่อินทร์”
“เอ้า ก็พี่อยากเห็นจิใส่” จากนั้นก็กระทืบเท้าดิ้นแด่วๆ “นะๆ ใส่หน่อยนะ ปี้อินทร์อยากเห็น~”
“ถ้ายังไม่เลิกเล่น จิโกรธจริงๆ แล้วนะ จะนั่งรถตู้กลับกรุงเทพฯ คนเดียวด้วย แอบหนีไปไม่บอกเลยคอยดู”
พูดไปอย่างนี้ พี่อินทร์ก็หยุดเล่นทันทีเพราะรู้ว่าผมเอาจริงแน่ พลันเขาก็ตัดพ้อออกมา
“แค่นี้ก็ต้องขู่ด้วย ไม่ทำก็ไม่ทำสิ ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”

ปากยื่นปากยู่น่าดีดให้เจ่อเหลือเกิน แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ตอแยอะไร จะมีก็แต่เสียงของคชากับมาวินที่ดังออกมาจากห้องน้ำ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เสียงอะไรชวนสยิวแบบนั้น แต่เป็นเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของคชาที่ถูกมาวินประทุษร้าย

“โอ๊ยๆ ไม่ทำก็ไม่ทำสิไอ้เอ๋อ อย่ามาบีบกันอย่างนี้ อู๊ย...ยอมแล้ว ยอมแล้วคร้าบ~”

รู้เลยว่าถูกทำอะไร แต่ก็ดีแล้วล่ะ ไม่งั้นก็หื่นกันไม่เลิกสักที

ไอ้พวกนี้นี่ เล่นกันไม่เลือกเวลาและสถานที่จริงๆ เลย



 
เพราะถูกปฏิเสธจากผมกับมาวิน พี่อินทร์กับคชาเลยดูเซ็งๆ ตลอดการเลี้ยงรับเพื่อนใหม่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่ทุกครั้งที่หันมามองผมกับมาวิน ทั้งสองคนก็จะค้อนประหลับประเหลือก ทำหน้างอนๆ บ้าง ปากยู่ๆ บ้าง ผมมองพี่อินทร์แล้วก็ขำอยู่เหมือนกันเพราะท่าทางแบบนั้นมันทำให้เขาดูน่ารักมาก แต่ขอโทษเถอะ ถึงจะน่ารักขนาดไหน ผมก็ไม่ยอมตามใจเขาหรอก ถ้ามากันเป็นการส่วนตัวก็ว่าไปอย่าง นี่มากับคนอื่นด้วย ยังไงก็ต้องเกรงใจชาวบ้านกันหน่อยล่ะ

พอเริ่มดึก งานเลี้ยงก็เริ่มมีเหล้าเบียร์เข้ามา ปกติแล้วพี่อินทร์ไม่ใช่คนชอบดื่มสักเท่าไร แต่พอมารวมกลุ่มกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ แบบนี้ เหมือนเขาจะเลี่ยงไม่ได้ ใครมาชนแก้ว ใครมาชงเหล้าให้ เขาก็ต้องยอมดื่ม ผมก็ไม่ว่าอะไรเขาหรอก เข้าใจดีว่ามันเป็นหนึ่งในวิธีการเข้าสังคม หากแต่พอเริ่มดึกมากจนกระทั่งทุกคนพากันแยกย้ายไปนอนนี่แหละ มันเริ่มเดือดร้อนผมแล้วล่ะ

ทำไมกูต้องมาแบกผู้ชายร่างใหญ่กลับห้องด้วยวะ!

แบกขึ้นหลังเป็นกระสอบข้าวสารเลย ไม่ต่างจากมาวินที่ต้องแบกคชากลับห้องเหมือนกัน สองคนนั้นเมาแอ๋ทั้งคู่ พูดก็ไม่รู้เรื่อง เพ้อเจ้อไปเรื่อยตามประสาคนเมามาก

หลังจากถอดเสื้อพวกเขาออกเพราะมีกลิ่นเหล้าติดเรียบร้อยแล้ว ผมกับมาวินตกลงให้พี่อินทร์กับคชานอนข้างกัน มาวินนอนด้านนอกสุด ผมก็มานอนด้านในติดผนัง ความเหนื่อยอ่อนที่สั่งสมมาทั้งวันทำให้พวกเราผล็อยหลับไปแทบจะในทันที รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนช่วงเช้ามืด ที่รู้สึกตัวตื่นนี่ไม่ใช่อะไรเลย

พี่อินทร์มาไซ้ซอกคอผมอ้ะ!

มือก็กอดก่ายเกาะแกะเป็นปลาหมึกด้วย ผมกระซิบบอกเขาเสียงแผ่ว
“พี่อินทร์...อย่า...”
แต่เขาไม่ฟัง ล้วงเข้าไปใต้เสื้อ ลูบหน้าอกผม พอผมดึงมือออก เขาก็เลื่อนไปลูบที่เป้ากางเกงแทน ผมเลยกระซิบบอกไปอีก
“บอกว่าอย่าไง คนอื่นอยู่ด้วย”
แน่ล่ะว่ามีคชากับมาวินนอนข้างๆ แต่พี่อินทร์ก็ส่งเสียงอ้อแอ้เหมือนกับว่ายังไม่สร่างเมาออกมา
“อื้อ นว้องจิของพี่...”

แกล้งเมาหรือเปล่าวะเนี่ย!

ผมลองนอนเฉยๆ พี่อินทร์ก็ไม่หยุดรุ่มร่าม ผมเลยผลักเขาออกแล้วลุกออกจากที่นอนเลย

ไม่นงไม่นอนมันแล้ว ไหนๆ ก็เช้าแล้ว ออกไปเดินเล่นรอเวลาแล้วกัน ไม่งั้นเขาละเมอทำรุ่มร่ามกับผมไม่เลิกแน่
แต่พอออกมาที่หน้าห้องพัก ผมก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนนั่งเล่นอยู่
“มาวิน ตื่นแล้วเหรอ ออกมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย”
เขาหันมามองผม ท่าทางยังดูงัวเงียอยู่เลย
“ก่อนจิออกมาประมาณครึ่งชั่วโมงน่ะ”
“เอ้า ทำไมอะ ไม่ง่วงเหรอ”

ผมนั่งลงข้างๆ เขา ขณะที่เขาส่ายหน้าพรืด บ่นพึมพำออกมา
“ง่วงจะตายอยู่แล้ว”
“ง่วงแล้วออกมาทำไม”
ผมไม่เข้าใจเลย แล้วก็พอจะเดาได้ด้วยว่าเขาคงออกมาตอนผมหลับสนิท ผมถึงไม่รู้ว่าเขาออกมานั่งที่นี่ มาวินหันมามองหน้าผมแล้วว่าด้วยน้ำเสียงเอือมๆ
“คชามันกวน”
“กวน? อย่าบอกนะว่า...”

มาวินพยักหน้าทั้งที่ผมยังพูดไม่จบ แค่นี้ก็รู้กันแล้วว่ากวนยังไง

ก็เหมือนกับที่พี่อินทร์ทำกับผมไงล่ะ บอกแล้วว่าไอ้พวกนี้มันเป็นทายาทอสูรกัน!

ผมหัวเราะแห้งๆ ตอบรับไป “เหมือนกันเลย ตื่นเพราะอย่างนี้แหละ”

มาวินมองหน้าผมแบบโคตรของโคตรเข้าใจอะ ผมก็นึกขำความเพี้ยนของทั้งสองคนนี้นะ แต่ก็พอเข้าใจว่าทำไมถึงได้งอแงเกาะแกะเราสองคนขนาดนี้ ก็ตอนพวกเขาอยากทำ พวกผมไม่ให้ทำนี่ จะงอแงงก็ไม่แปลก

“งั้นรอเช้ากว่านี้อีกหน่อย ค่อยเข้าไปปลุกสองคนนั้นไปหาอะไรกินกันเนอะ”
ผมว่า มาวินก็พยักหน้าแล้วเอียงตัวพิงกับเสาที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนที่พวกเราสองคนจะสะดุ้งเฮือกในอีกไม่กี่นาทีให้หลังเมื่อได้ยินเสียงดังออกมาจากในห้อง

“กรี๊ดดด!”

“อะไรน่ะ”
“ไม่รู้สิ รีบไปดูกัน”

ไม่มีใครพูดอะไรอีกแล้ว รีบร้อนกลับเข้าห้องอย่างรวดเร็ว ก่อนมาวินจะเปิดไฟ

“เกิดอะไรขึ้น!”

ไม่ต้องมีใครบอกก็พอจะเข้าใจเมื่อผมเห็นภาพตรงหน้าที่พี่อินทร์กำลังนั่งชันเข่างอตัวอยู่ที่ผนังห้อง ขณะที่คชายกมือขึ้นปิดหน้าอกตัวเอง พร้อมกับการประสานเสียงร้อง

“กรี๊ดดด! พี่อินทร์! พี่อิ๊นทร์!”
“คชา! ไม่นะ! ม่ายยยย!”

ดีดดิ้นแด่วๆ ทำท่าสะดิ้งทั้งคู่ ผมมองแล้วก็ได้แต่ทำหน้าระอา ไม่ต่างจากมาวินที่กลอกตาเล็กน้อย

ตื่นขึ้นมาได้ก็เพี้ยนกันเลยนะ! พวกมึงคิดว่าได้เสียกันเองใช่ไหม!

เป็นแบบนั้นแหละ เพราะพอพี่อินทร์เห็นผม เขาก็รีบกระโดดผลุงลงจากฟูกนอน ปรี่เข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว

“มะ...ไม่ใช่อย่างที่จิคิดนะ”
“จิคิดอะไรเหรอครับ”
“พี่ไม่ได้ทำอะไรคชา คชามัน...มัน...ทำพี่ พี่ไม่ได้จับมันเลยสักนิด”
“แล้วพี่อินทร์ร้องทำไม”
“ก็มัน...ฮึก...มัน...”

แล้วก็บิดตัวไปมา แด๊ดแด๋จนน่าโดนตบ ขณะที่คชายังคงหวีดร้องไม่เลิก

“เสียตัวแล้ว! เสียตัวให้พี่อินทร์แล้ว!”

ไม่มีใครเสียตัวให้ใครทั้งนั้นแหละเว้ย!

ผมกับมาวินเข้าใจกันได้ทันทีว่าเสียงร้องเมื่อกี้เกิดขึ้นเพราะอะไร สงสัยจะคงเผลอทำรุ่มร่ามใส่กันเพราะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นแฟนตัวเองแหง ซึ่งก็ใช่แบบนั้น เพราะพี่อินทร์ว่าออกมา

“จูบไปซะเต็มรักเลย คิดว่านว้องจิตัวเย็กๆ ฮือ... มิน่าล่ะว่าทำไมร้อนแรง ไอ้บ้าเอ๊ย จิ พาพี่ไปอาบน้ำมนตร์ที”
“ใครจะไปรู้ล่ะว่าเป็นพี่อินทร์น่ะ เห็นมันแข็งๆ ผมก็ตะปบเต็มที่เลย โอ๊ย! อยากตัดมือทิ้ง!”

นี่ไง ผิดจากที่คิดไปเสียที่ไหน ตอนนี้ผมกับมาวินหัวเราะกันท้องแข็งเลยเพราะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ขนลุกเลยเป็นไงล่ะพวกหื่นเอ๊ย! สมน้ำหน้า!

พี่อินทร์ทำหน้าแหยสุดๆ ก่อนเขาจะตัดพ้อเมื่อเห็นว่าผมหัวเราะไม่เลิก

“ไม่ต้องมาขำพี่เลย คนใจร้าย”
“ก็ใครใช้ให้พี่อินทร์หื่นล่ะ”
“ใครจะไปรู้ล่ะว่าจิจะทิ้งให้พี่อยู่กับคชาสองคนน่ะ โดนมันจับอินทราตัวน้อยเต็มรักเลยเนี่ย ต้องเอาเป็ดโปรล้างฆ่าเชื้อแล้วมั้ง”
“โห่ พี่อินทร์ งั้นผมก็ต้องเอาเป็ดโปรล้างหัวนมเหมือนกันอะ แม่งจูบเข้ามาเต็มที่เลย หยะแหยง”

คชาทำท่าขยะแขยงจริงๆ ผมกับมาวินเลยหัวเราะออกมาอีกเมื่อรู้ว่าจูบที่พี่อินทร์ว่ามันคือการจูบตรงไหน

“อยากเปลี่ยนบัดดี้ ฮือ...”
พี่อินทร์ซบหน้าลงบนไหล่ผม พึมพำงึมงำคนเดียว ผมก็ได้แต่ลูบหลังลูบไหล่เขาเป็นการปลอบ
“โอ๋ๆ นะพี่อินทร์ ขวัญเอ๊ยขวัญมานะครับ”
“คนใจร้าย จิระใจร้าย กลับไปแล้วต้องปลอบพี่ทั้งคืนด้วย”

ได้ที เขาก็อ้อนเป็นการใหญ่เลย ไม่ต่างจากคชาที่อ้อนมาวินเป็นการใหญ่เพราะขวัญเสียเหมือนกัน ผมมองแล้วก็ได้แต่ขำ

ไอ้พวกนี้เป็นทายาทอสูรกันจริงๆ ขนาดแค่ได้ใช้ชีวิตข้ามคืนเพียงคืนเดียวเท่านั้นนะ ใครจะไปรู้ว่าคนหล่อๆ จะเพี้ยนกันแบบนี้

“นะๆ กลับไปแล้วปลอบพี่หน่อยนะ”
พี่อินทร์อ้อนมาอีก คราวนี้ผมก็เลยตอบตกลง
“ได้ครับ แต่ต้องกลับไปก่อนนะ อยู่ที่นี่ห้ามทำรุ่มร่ามด้วย”
“อื้อ จะเป็นอินทราคนดีที่หนึ่งแล้ว”

เขายังคงซบหน้ากับไหล่ผม อ้อนงอแงเหมือนเดิม ผมได้แต่ยิ้มให้เขา

ถึงเขาจะมีทายาทอสูร แต่พี่อินทร์ของผมคนนี้ก็น่ารักมากๆ อยู่ดี

น่ารักจังเลย...

แต่ถ้าจะให้ดี อย่าได้มีทายาทอสูรโผล่มาอีกคนเลยนะ จิระปวดหัว แค่พี่อินทร์อ๊องๆ คนเดียวก็พอแล้วล่ะ

พระเจ้าครับ...ไม่ต้องส่งใครมาอีกแล้วนะครับ กราบสามครั้งแบมือ
--------------------
ตอนนี้เป็นตอนพิเศษตอนสุดท้ายที่จะลงให้อ่านบนเว็บนะคะ
ตอนพิเศษอื่นๆ จะลงให้แค่ตัวอย่าง ที่เหลือติดตามในเล่มหรืออีบุ๊กเอาเน้อ
ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ค่ะ เจอกันตอนออกเล่มงานหนังสือ ต.ค.2561 นี้นะคะ
ฝากด้วยน้า
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-07-2018 21:24:58
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-07-2018 01:44:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-07-2018 02:45:55
โอ้ย..... ปวดกราม ปวดเหงือก  :laugh:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 03-07-2018 02:49:24
พี่อินทร์... ถึงจะอ๊องแต่ก็น่ารัก ยอมแล้วววว
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 03-07-2018 02:51:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 03-07-2018 07:34:09
เหมือนกันจริงๆ ทายาทพี่อินทิรา
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 03-07-2018 10:35:15
ฟ้าส่งอินอรมาได้ ก็ส่งมาวินมาได้เช่นกัน
ไทป์เดียวกันชัดๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 03-07-2018 17:40:42
ทายาทอสูรจริงๆ คายตะขาบให้กันแล้ว เพลียแทนน้องจิกับน้องมาวินจริงๆ พี่อินทร์คนเดียวก็หมั่นไส้แล้วเพิ่มคชามาอีกนี่มองบนเลย เกลียดความแด๊ะแด๋ หื่นจนเกือบได้กันเองแล้วมั๊ยล่ะ สมน้ำหน้า :laugh: :laugh: แต่ถึงแรดยังไงก็รักพี่อินทร์นะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-07-2018 20:36:12
 :pigha2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 04-07-2018 00:44:50
ฮ่าๆๆๆๆความถอดแบบกันมานี้ สงสารจิเลยจริงๆแต่อ่านแล้วก็อยากรู้ควาทเป็นมาของคชากับมาวินนะ ดูๆไปก็เหมือนพี่อินทร์กับจิเวอร์ชั่นเด็กอะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Cappello ที่ 04-07-2018 00:53:22
ตล๊กกกกกกกก ชอบพี่อินทร์ตอนแด๊ะแด๋มากก ฮา5555555555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-07-2018 00:24:47
เหมือนเห็นอินทรา2 เลยจ้ะ555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 07-07-2018 10:33:57
จรกาคนงามมม .. เรื่องนี้ทำให้ภาพจำเรื่องอิเหนาที่เปลี่ยนไปเลย  :m20:
ขอบคุณที่เขียนนิยายสนุกๆ แบ่งปันมุมมองใหม่ๆ ในวรรณคดี ที่เราเรียนมาแต่เด็ก ให้น่าสนใจ น่าติดตาม มุขตลกที่ฮากระจาย อดไม่ได้ที่จะขำจนเหนื่อยกับอิเหนาเวอร์ชั่นนี้  :jul3: .. ขอบคุณจริงๆ คร่า  :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-07-2018 23:25:55
 :laugh:


 :กอด1: :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2: :กอด1:

 o13
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: kimhamwong ที่ 07-07-2018 23:48:52
วินนี่ตัวใหญ่หัวใจยูนิคอร์นฟรุ้งฟริ้ง~ โอ้ยย ขำอ่ะ อิพี่อินทร์นี่ แซวชาวบ้านเค้าไปเรื่อย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 08-07-2018 05:18:55
โอ้ยยย พวกบ้า  :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :m20:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 16-07-2018 22:30:35
อยากให้พี่อินทร์มีสติมากกว่านี้ 5555555555555 อ๊องจริงๆค่า
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 21-07-2018 01:15:16
ไม่คิดว่าชีวิตจะต้องมาร้องไห้จนแสบจมูกเพราะสงสารพี่อินทร์ค่ะ ฮือออ ยิ่งตอนเล่าไปฉากในอดีตที่จรกาตายคือใจมันหวิวไปหมด สนุกมากเลยค่ะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Maleewong ที่ 21-07-2018 19:42:19
 :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 21-07-2018 23:24:16
มุมมองเรื่องอิเหนาเปลี่ยนไปเพราะอ่านเรื่องนี้เลย อิอิอิ ดืใจที่จบแบบทุกคนมีความสุข เรื่องความรักมันก็พูดยากเนอะ จะชี้ชัดถูกผิดก็คงไม่ได้ มันก็อยู่ที่มองในมุมของใคร เป็นนิยายอีกเรื่องที่พอเริ่มอ่านก็วางไม่ลงเลยทีเดียว ขอบคุณมากๆนะครับที่มาลงนิยายสนุกๆให้อ่านกันนะครับ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 22-07-2018 09:51:30
ตลก ทายาท อสูร :pigha2:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 22-07-2018 20:48:10
พี่อินทร์! โว้ยยย 555555 ยอมจริงๆ น่ารักจังเลย ยัยหนูจิก็น่ารัก มองจรกากับอิเหนาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จากคนเจ้าชู้กลับรักเดียวใจเดียวซะงั้น แถมแอบรักเข้าข้างเดียวอีก พี่อินทร์ งื้อๆๆๆ
 :pig4:  :pig4:

หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 23-07-2018 18:47:02
เป็นสเปที่โหดมากก 5555 :hao7:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 28-07-2018 16:30:10
ชอบบบบบบบ น่ารัก เรารักจรกา นว้องจิของพี่~~~ นี่เราข้ามเรื่องนี้ไปได้ยังไงจนตอนนี้มีเล่ม แถมหมดรอบพรีไปแล้วด้วย :hao5: เราจะรอรอบสต๊อกไม่ก็รีปริ้นท์อีกที ตอนนี้ขออ่านในเล้าไปก่อน (เพิ่งอ่านได้ 3-4 ตอนเอง :o8:)
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 29-07-2018 14:46:37
สนุกมาก..กกกกก  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 31-07-2018 15:39:24
สนุกมากเลยค่า พี่ออินทร์อ๊องมา เพลียแทนจิเลย 5555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 01-08-2018 12:54:15
น้องจิปวดหัว..พี่ก็ปวดหัวเหมือนกัน  :mew5:

พี่อินทร์จอมสะดิ้ง  :ruready  พระเอกสุดสะเทือนใจ  :o12:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 01-08-2018 23:30:27
อ่านจบแล้วก็ได้แต่..
เฮ่อ
นี่มันเรื่องของคนบ้า 5555555555

สงสารนว้องจิตัวเย็กๆของป่าปี๊
เหมือนหนูเกิดมาชดใช้กรรมอะลูก
คำสาบานอะไรไม่มีหรอก
คือไม่มีใครเอาพี่อินทร์อยู่ไง
เค้าเลยส่งหนูมาให้คู่กัน 555555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: สิงหา ที่ 28-08-2018 01:48:06
จริงๆ ตัวละคร อิเหนา กับ ขุนแผน เป็นตัวละครที่เราเกลียด 2 ลำดับแรกเลยนะ ตอนเรียนคืออ่านไปเบ้ปากไปเลยทีเดียว
แต่อิเหนาฉบับนี้น่าเอ็นดูอยู่นะ? เอ็นดูในความบ้าๆบวมๆของนาง 5555
แล้วก็ยอมใจความรักมั่นจริงๆ ตรงข้ามกับในวรรณคดีซะงั้นเลย
ขอบคุณสำหรับนิยายค่า
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 02-09-2018 20:46:17
สารภาพเลยว่าเป็นคนทีาจำเรื่องราวเรื่องอิเหนาไม่ได้เลย ละพอมาอ่านเรื่องนี้ละแบบ เห้ยยยน มันน่ารักอ่ะ แล้วก็คิดตามที่ว่าอิเหนาทำศึกเพื่อแย่งจรกาาาาา โอ๊ยคือแบบ ดีงาม ชอบมากๆ เลย พอเฉลยปมนี่แบบอ๋อ ที่ทำไปทั้งหมดเพราะหึงน้องจออิจินี่เอง เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะนะ จะติดตามผลงานต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 19-09-2018 19:16:42
 :katai2-1:  :katai2-1: จบแล้วเย้ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวมีปีก ที่ 19-10-2018 03:35:09
โว้ยยย จะฆ่าปะตาระกาหลาาาา ทำไมต้องกลั่นแกลงลูกหลานนนนนนน  :hao7:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mu_mam555 ที่ 20-10-2018 08:27:32
สนุกมากเลยเรื่องนี้
เป็นอิเหนาที่น่ารัก ต่างจากในวรรณคดีที่เราแบบเกลียดมาก
มีม่านิดๆไม่นานสมเหตุผล
คนเขียนเก่งมากค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: noveeo ที่ 25-10-2018 09:34:04
อ่านแล้วมีความสุขมากมาย
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 25-11-2018 01:48:53
สนุกมาก
ชอบความผีบ้าของอินทร์
ว่าคชาเป็นหนักแล้ว
เจออินทร์ไปนี่ตกขอบไปเลย
ชอบแอนด์เดอะแก๊งค์ด้วย
มีความร่วมมือร่วมใจกันดีมาก
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02]
เริ่มหัวข้อโดย: MaidenQueen ที่ 07-08-2019 17:49:30
สนุกมากกกกกกกกก  ความบ้าพี่อินคือเกินเบอร์มากกกก กวนตีนและบ้าจนต้องกุมขมับอ่ะคิดดู ชอบน้องจิ น้องดูน่ายักตัวเย็กๆ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 09-08-2019 01:34:03
อิพี่อินทร์เป็นคนไร้สติ แถมยังชอบแกล้งน้อง
น้องก็น่าสงสาร น่าเอ็นดู
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 09-08-2019 01:35:04
 :z6:
กระโดดถีบอิพี่อินทร์ แกล้งน้องอะไรเยอะแยะ
โถน้อง น่าเอ็นดู น้ำตานองไปหลายรอบแล้ว
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Ramnoii ที่ 09-08-2019 14:34:58
ก็คือไม่ไหวกับอิพี่อินทร์

คือแกรรรรร อ่านไปปวดแก้มไป

ตอแล้ตอแหล แด๊ะแด๋มากกกกก
แรดมากกกก 5555
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 12:11:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: habanice ที่ 27-05-2021 22:49:48
 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 07-06-2021 15:19:13
จบแล้วววว สนุกมากกก น่ารักดีค่ะ  ชอบอ่ะ
ไม่เคยอ่านเรื่องไหนแล้วเจอพระเอกเพี้ยนได้ขนาดนี้  555555555+
อ่านไปขำไป สุดๆ
ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 06-08-2021 10:51:14
 :laugh: