ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17
เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
***********************************************************************************สวัสดีค่า มาม๊ะ เอาเรื่องใหม่มาเสิร์ฟจ้า พอดีพี่ซาวน์น้องหอมเดินทางมาเกินครึ่งแล้ว เราเลยได้โอกาสเปิดเรื่องใหม่ บอกเลยว่าห่างหายจากการแต่งนิยายไปหลายปีมากเนื่องจากปัญหาด้านการเรียน แต่พอมาอยู่ต่างประเทศคนเดียวก็เหงาจับใจ เลยหวนกลับมาทำอะไรๆที่ใจรักอีกรอบ
เรื่องนี้อาจไม่ใช่นิยายในกระแส ตัวละครอาจขัดใจใครหลายๆคน เพราะพระเอกไม่ใช่หนุ่มหล่อล่ำกล้ามใหญ่ชอบไล่ปล้ำคนอื่นอีกแล้ว ส่วนนายเอก...เอิ่ม ไม่รู้จะใช้คำนี้ได้หรือเปล่า แต่เราอยากแต่งนิยายเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว แต่ก็กลัวโดนด่า 5555 กลัวคนไม่อิน ไม่เข้าใจความรักของสองคนนี้ เพราะแม้แต่เจ๊พิชกับอิตาร์ก็ยังไม่เข้าใจตัวมันเอง แต่พอเวลาผ่านไปเริ่มโตขึ้นเลยคิดได้ว่า จะกลัวอะไร ลองดูก็ไม่เสียหายนี่...เอาเป็นว่าขอฝาก 'เจ๊พิช' กับ 'อิตาร์' ไว้ในอ้อมกอดอ้อมใจนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ
OMG
เอาไงดี ผมมีสามีเป็นตุ๊ด!
#เมียตุ๊ด
บทนำ
All the world’s a stage, and everyone merely players.
“อืม”
“อือ อ๊ะ”
ร่างกายเบาโหวงแต่ก็ร้อนรุ่มกับสัมผัสที่ได้รับ ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ไหลตีวนอยู่ในร่างกายจนรู้สึกร้อนท้องร้อนคอแต่คงไม่เท่ากับสัมผัสเร่าร้อนที่ไต่สัมผัสไปตามลำตัวจนต้องแอ่นตัวขึ้นโค้งเป็นลำธนู โอบลำแขนไปยังร่างแข็งแกร่งแต่นุ่มมือที่คร่อมทับอยู่ ปัดป่ายจิกเล็บระบายความเสียวซ่านบนผิวนั้น
“ฮ้า”
โอ๊ย แล้วผมก็สะดุ้งเฮือก ขนลุกตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมายันต้นคอเมื่อความอุ่นร้อนเข้าครอบครองส่วนอ่อนไหว กรีดร้องครางกระเส่าอย่างห้ามไม่อยู่ เลื่อนมือทั้งสองข้างมาขยุ้มเส้นผมที่อยู่กลางลำตัว
“มะไหว อึก ไม่ไหวแล้ว...”
เมื่อผมครวญครางอย่างอดรนทนไม่ไหวอีกฝ่ายก็เร่งความเร็วขึ้นจนไม่นานผมก็รู้สึกถึงลำแสงที่สว่างวาบขึ้นในหัว กระตุกตัวเกร็งก่อนปลดปล่อยความทรมานออกมาอย่างแสนสุข
และวินาทีต่อมาก็ต้องปรือตาขึ้นมองเมื่อรู้สึกถึงขาทั้งสองข้างที่ถูกจับอ้าออกกว้าง หืม มองไม่ชัดเลยอ่ะ ดวงตาพร่าเลือนจากความสุขสมเมื่อครู่ ทั้งยังปวดหัวตุบจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ อือ คิดอะไรไม่ออกเลยอ่ะ
แล้วสติก็ถูกกระชากออกอีกครั้งกับจุมพิตร้อนระอุ เกลียวลิ้นที่แทรกเข้ามาทำให้ผมมัวเมาอีกครั้ง สัมผัสที่ถูไถเข้ากับช่องทางด้านหลังจนมันเต้นตุบอย่างเรียกร้องก็ทำให้ผมหยุดคิดทุกสิ่งและรับทุกอย่างตามสัญชาตญาณของร่างกาย
ถ้ามันจะทำให้ผมสุขสมเจียนคลั่ง ผมยอม...
เช้าวันใหม่
โอ๊ย ปวดตัวจัง
แล้วใครเปิดม่านแต่เช้าอ่ะ แสบตาเว้ย
“ตื่นแล้วก็ลุกอีเก้งกลูต้า”
เสียงใครมาหึ่งๆข้างหูวะ
สักพักก็รู้สึกถึงแรงจิ้มแรงๆที่หน้าผาก
“ลุก มาคุยให้รู้เรื่อง จะมาปล่อยให้กูบ้าตายแบบนี้คนเดียวไม่ได้ ลุกๆๆ”
แล้วแรงจิ้มก็เพิ่มแรงขึ้นเรื่อยๆจนผมขมวดคิ้วมุ่น โอ๊ย กูเจ็บ จิ้มอยู่ได้
แล้วรู้สึกเหมือนเล็บจะจิกมาที่ผิวหน้าด้วยระหว่างจิ้มมาเนี่ย เป็นแผลเป็นรอยขึ้นมารักษาหลายบาทนะ กว่าหน้าจะใสแบบนี้เสียไปกี่แสนรู้ไหม!
“โอ๊ยยย อะไรนักหนา คนจะนอน!”
แล้วผมก็ทนแรงก่อกวนไม่ไหว ขมวดหัวคิ้วอย่างหงุดหงิด ตลบผ้าห่มพร้อมเด้งตัวลุกนั่งทั้งที่ตายังลืมไม่ขึ้น ปวดหัวโว้ยยยย
ปลุกขึ้นมาถ้าไม่มีสาระนะจะด่าให้หาทางกลับบ้านไม่เจอเลย โอ๊ย ทำไมปวดสะโพกจังวะ
ผมกระถดตัวถอยหลังไปพิงหัวเตียงเมื่อรู้สึกปวดแปลบไปทั้งร่างเหมือนโดนสิบล้อทับมา โดยเฉพาะส่วนนั้น ซ้ำยังปวดหัวตุบๆจากอาการแฮงค์จนต้องยกมือขึ้นมาคลึงขมับ
“มึงจะหลับตามโนฝันอีกนานไหมอีกลูต้า!”
เสียงแหลมติดทุ้มแหวขึ้นพร้อมกับบางอย่างที่กระแทกหน้าอย่างจัง โอ๊ย คนยิ่งปวดหัวอยู่ขว้างอะไรมาวะ จับดูถึงรู้ว่าเป็นหมอนอิง แล้วคนที่เรียกผมว่าอีกลูต้ามีอยู่ไม่กี่คนหรอก
“อิเจ๊?”
ก็กลุ่มอิตุ๊ดรุ่นพี่ปีสี่คณะเดียวกันนี่แหละ
คนที่ผมเรียกไม่ใช่ใคร หน้าขาวใสแม้แต่สิวสักเม็ดก็ไม่มี ผิวเนียนแบบสาวเกาหลียังอาย ผมตรงยาวดำขลับประหนึ่งนุ่นวรนุชพรีเซนเตอร์แพนทีน ไหนจะหุ่นยาวเพรียวที่นั่งไขว่ห้างที่แม้ไม่มีหน้าอกหน้าใจแต่ก็ดูเซ็กซี่ขยี้ใจจนผมเจ้าของความสูงเพียง 164 เซนติเมตรอิจฉา
นี่คือยังไม่มีหน้าอกและยังไม่ได้ผ่าตัดแปลงเพศนะ ไม่งั้นนี่เวทีมิสทิฟฟานี่ยูนิเวิร์สมีสะเทือน!
“เออ กูเอง”
“เจ๊มาอยู่ห้องกูได้ไงอ่ะ”
ถึงจะรู้จักกันเพราะอยู่คณะเดียวกันแต่ก็ไม่ได้สนิทกันป่ะ มีพูดคุยกันบ้างตอนทำงานสาขางานคณะ แล้วเจ๊มันรู้จักห้องผมได้ไงวะ แต่เมื่อคืนผมเมามาก เจ๊มันคงเป็นลากมาส่งห้องมั้ง
ก็นะ เมื่อคืนเละเหมือนหมา อกหักจากน้องอิ๊งค์เดือนสาขาปีนี้ ผู้ชายตัวเล็ก(กว่าผม) แก้มป่อง ปากแดง สเป๊กผม ตามจีบอยู่หลายเดือน แม่งถูกเดือนมอคาบไปแดก!
เจ็บกว่าโดนทิ้งก็ตรงประโยคที่น้องมันปฏิเสธนี่แหละ ‘พี่ตาร์ดีเกินไป’
สัด! นี่มันปี 2018 แล้วโว้ย เมื่อไหร่จะเลิกใช้มุกกากๆแบบนี้สักที บอกมาเลยกูเตี้ย! กูไม่รวยเหมือนไอ้เดือนมอนั่น! บอกเหตุผลจริงๆที่มึงบอกกับเพื่อนมึงอ่ะ!
ส่วนอิเจ๊ตรงหน้า ผมบังเอิญไปเจอที่ร้านพร้อมกลุ่มแก๊งค์ดอกขจรของอิเจ๊มันนั่นแหละ โต๊ะมันเต็มผมกับเพื่อนอีกสองคนไม่มีที่นั่ง เจ๊ๆเห็นเป็นรุ่นน้องในคณะเลยแบ่งๆที่ให้นั่งด้วย
“มึงจะเหม่ออีกนานไหม ฟังอยู่อยู่ป่ะนิ” แล้วหมอนอิงก็ลอยมาอัดหน้าผม สองครั้งแล้วนะอิเจ๊ อย่าคิดว่าสวยแล้วกูไม่กล้าเตะนะโว้ยยยย
กูจะเหม่อ กูกำลังอกหัก ซ้ำตื่นมายังเจ็บตูด ปวดตัว ปวดหัว เข้าใจบ้างเซ่!
“เจ็บก้นว่ะเจ๊ เหมือนโดนเย่อมาเลย” โอย เป็นริดสีดวงอีกหรอวะ เพิ่งรักษาหายไป ขี้กูก็ไม่แข็งนี่หว่าช่วงนี้
“เรื่องนี้แหละที่กูจะคุยกับมึง”
“ห๊ะ”
“เรื่องที่มึงโดนเอานี่ไง!”
เยที่ลอยกระแทกหน้ากูเต็มๆจนอดคลำก้นตัวเองไม่ได้ ห๊ะ คือกูโดนเย่อหรอวะ
“เฮ้ย พูดไรอิเจ๊”
“กูพูดไรล่ะ ตูดระเบิด หน้าซีดไปหมดแล้วยังมาโง่อยู่อีก!”
ผมลองขยับตัวดู แต่ความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วกายทำให้ต้องนิ่วหน้า ทิ้งตัวพิงหัวเตียงเหมือนเดิม
บอกกูทีว่าแค่ริดสีดวงกูแตก T^T
“คะใครมันทำกูวะอิเจ๊ มันอยู่ไหน ระหรือหนีไปแล้ว เจ๊มึงจำหน้ามันได้มั้ย แม่งกูเป็นรุกนะเว้ยยย มาระเบิดตูดกูได้ไง!” คิดแล้วจะร้องไห้ ถึงคิดว่าสายรุกจะไม่ค่อยเหมาะกับตัวเองก็เถอะเพราะหาทาร์เก็ตที่เหมาะกับเรายากเหลือเกิน และพวกที่เข้าหาก็หวังแอ้มตูดกูทั้งนั้น แต่ก็อยากเดินทางสายนี้ให้สุดก่อนนะเว้ย...แล้วอนาคตมันไม่เวิร์คจะเทิร์นเป็นรับก็ค่อยว่ากัน
แต่ไม่ทัน กูโดนทะลวงไส้แล้ว ฮืออออ
“มึงเลิกโวยวายได้ไหมอิกลูต้า...” เสียงอิเจ๊เริ่มกดเสียงต่ำอย่างหมดความอดทน
“ก็พี่มึงไม่ได้มาโดนอย่างกูนี่!”
“กูขอเป็นฝ่ายโดนแบบมึงยังรู้สึกดีกว่า” อิเจ๊ตวัดสายตาคมมองมา
“อย่าบอกนะว่าคนที่เยผมคือผัวเจ๊น่ะ!”
“โอ๊ย มึงแย่งผัวกูยังไม่เสียใจเท่านี้เลย ที่ใครเค้าบอกว่ามึงโง่กูเพิ่งเข้าใจวันนี้แหละ!”
“อะไรของเจ๊วะ!”
“มึงคิดว่ากูมานั่งอยู่ตรงนี้ทำไมห๊ะ!!”
“...”
กะก็มา...
เออ นั่นสิ อิเจ๊มันมานั่งสวยลอยหน้าลอยตาบนโซฟาห้องผมได้ยังไง
แล้วพอสังเกตเรือนร่างเพรียวสูงยาวเกิน 180 แต่ดูดีสมส่วนในชุดคลุมอาบน้ำลายริลัคคุมะที่ปกติผมใส่เป็นประจำ
แล้ว....
เพ่งสายตามองดีๆ ต้นคอที่โผล่พ้นเนื้อผ้าก็มีรอยจ้ำแดงหลายจุด
ระหรือว่า....
มะไม่นะ...
นะนี่...
ผมค่อยๆยกนิ้วที่สั่นเทาขึ้นชี้หน้าสวย
“สะสามพีหรอ!”
“โอ๊ย อิดอก กูจะไม่ทน!”
#เมียตุ๊ด
ตอนที่ 1
คนแพ้ก็ต้อง(ยอม)ให้ตุ๊ดดูแล
‘ตาร์ มึงเป็นไงบ้าง’
เสียงในสายเรียกให้ผมพยายามกรอกเสียงที่ปกติที่สุดลงไป
“เออ ดีขึ้นแล้ว อีกไม่กี่วันก็ไปเรียนได้ละ”
‘พรุ่งนี้วันศุกร์ พวกกูว่าจะไปเยี่ยมเนี่ย’
“เฮ้ย มาทำไม กูไม่เป็นไรมาก”
ไปที่บ้านแล้วไม่เจอก็ตายโหงสิ!
ผมลนลานลุกลนจนเผลอขยับตัวมากไปทำให้ต้องนิ่วหน้าออกมาด้วยความเจ็บปวด ฮือออ น้ำตาจะไหลเลยกู
แล้วอิเจ๊ มึงอ่ะตัวดี ไม่ต้องมาถลึงตาใส่กูเลย!
เพราะความผิดพลาดจนพาลมาเป็นความบัดสีแปดเปื้อน เรียกได้ว่าเป็นราคีคาวที่สุดในชีวิตกูเลยก็ได้ แม่งเอ้ย! เสียตูดว่าชอกช้ำระกำใจพอแล้ว ยังจะมาเสียให้กับตุ๊ดที่ขึ้นชื่อว่าหน้าสวยที่สุดในมหาวิทยาลัยนี้ด้วย
‘กูนี่แหละ คนที่เอาตูดมึงเมื่อคืน’
ประโยคที่ทำผมอึ้งขากรรไกรค้าง มือไม้สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เป็นประโยคที่ตามหลอกหลอนรีเพลย์ซ้ำๆอยู่ในหัว และสุดท้ายก็ปล่อยโฮโผกอดกันร้องไห้กระซิกๆ
คนนึงร้องไห้เพราะเสียตูด
อีกคนคร่ำครวญเพราะได้ตูด
อนาถชิบ...
แง้ แม่กูจะต้องเป็นลมอีกกี่รอบ!
สาบานเลยว่าชาตินี้จะไม่แตะเหล้า น้ำเมาหรือยาดองอีก มีเรื่องเสียใจจะเข้าตบเท้าเข้าร้านบิงซูแดกให้เบาหวานขึ้นตากันไป ยอมตัดนิ้วโป้งเท้าทิ้ง ฮือออ
และเพราะคืนอันน่าอัปยศอดสูส่งผลให้ตอนนี้กระผมนาย ‘กรชวิน’ หรือ ‘ไอ้ตาร์’ ของเพื่อนๆต้องมานอนซมหยอดน้ำข้าวต้มอยู่บนเตียงสีฟ้าพาสเทลกับเหล่าบรรดาเจ้าหญิงดิสนีย์ที่แสนสยดสยอง เอลซ่า...ขอร้อง ไปสร้างปราสาทน้ำแข็งไกลๆ ขนผมสีทองเรืองรองของมึงแหย่จมูกกู๊วววว
“อิเจ๊ เอาบรรดาตุ๊กตาเจ้าหญิงไปไว้ที่อื่นได้ป่ะวะ กูนอนไม่ถนัด เกะกะ!” หลอนด้วยชิบหาย
ผมบ่นใส่คนที่เดินถือชามข้าวต้มเข้ามา ใบหน้าที่มีแผ่นมาร์กแปะอยู่กรอกตามองบนพลางวางถาดอาหารบนโต๊ะญี่ปุ่นก่อนยกขึ้นมาวางบนเตียง ตรงหน้าผม
“มึงก็แค่คนอาศัยมีสิทธิ์อะไรมาไล่เจ้าของเตียง แดกซะ”
จะบอกว่าเหล่าเอลซ่า อันนา ออโลล่า นางซินเป็นเจ้าของเตียงสินะ กูต้องสำนึกบุญคุณสร้างหอคอยลอยฟ้าตอบแทนเลยมั้ย....
อิเจ๊ดอกขจร! ที่กูต้องมานอนเป็นผักกระดิกตัวไม่ได้เหมือนคนเป็นอัมพาตนี่ไม่ใช่เพราะเจ๊มึงหรอกหรออออออ
ใช่ครับ ตอนนี้ผมย้ายสารร่างมาอยู่ห้องอิเจ๊ เมื่อปรับจูนสมองได้ว่าเสียเอกราชให้กับตุ๊ดสวยตรงหน้าไปแล้วเพราะน้ำเมาจากเราทั้งสอง ตกลงกันได้ว่าจะเหยียบเรื่องนี้ไว้สุดตีน ให้มันเป็นรอยดำจุดเล็กๆในชีวิต แล้วต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับไปใช้ชีวิตของใครของมัน
แต่ก่อนจะถึงวันนั้น...ฮือออ ตูดกูฉีก ฉีกแบบจริงๆครับไม่ได้สำออยออเซาะแต่อย่างไร ไม่รู้ว่าบ้องตันที่ยัดเข้ามามันใหญ่ขนาดไหน แต่มันขนาดที่ผมต้องเข้าโรงพยาบาลอ่ะครับ ไม่ได้เข้าแบบธรรมดา ต้องให้ตุ๊ดสวยเค้าแบกขึ้นหลังไปเลยเพราะไม่สามารถลุกเดินได้ ความเจ็บปวด ณ ขณะนั้นยังจำได้ดี...แม้แต่แรงหายใจยังแทบไม่มี ชีวิต...
‘อิกลูต้า อย่าลุก!’
‘กูปวดเยี่ยว’
‘กูบอกว่าอย่าขยับ!’
‘อะไรขะ...อะอิเจ๊...เลือด...’
‘กรี๊ดดดด มันไหลมาตามขา ลูกมึงไหลแล้ววววววว’
‘อิเจ๊! กูไม่ได้แท้ง แต่เลือดเต็มเลย ทะทำไงดี’
‘หมอ...มึงต้องไปโรง’บาล!’
‘ไม่! กูอาย!’
‘อิดอก ใช่เวลาหน้าบางหรอ ห่วงชีวิตมึงก่อนมั้ย ถ้าตายไปแล้วแผ่นดินมันไม่ได้สูงขึ้น ก็เก็บชีวิตผลาญเงินพ่อแม่มึงต่อไป อร๊าย กุญแจรถกูไปไหน ขึ้นหลังกูมา เอาผ้านี่ซับเลือดก่อน ยังจะยืนนิ่ง เดี๋ยวกูตบจมูกเบี้ยวเลย!‘
‘อะอิเจ๊ มึงจะไปชุดนี้หรอ’
‘ชุดไหนกูก็สวย คนตูดย้วยแถม*วยสั้นอย่างมึงน่ะหุบปาก’
ถ้าสองสามวันก่อนคุณไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งแล้วเจอตุ๊ดร่างสูงในชุดคลุมอาบน้ำริลัคคุมะกับสลิปเปอร์ลายเดียวกันวิ่งหัวฟูแบกคนหน้าหล่อๆคล้ายๆต่อ ธนภพ มาก็อย่าตกใจนะครับ กำลังถ่ายละครอยู่ กำลังยุ่งมากอาจไม่มีเวลาแจกลายเซ็นต์หรือถ่ายรูปด้วย ก็ขออภัย แต่ติดตามผลงานกันได้ทางช่องไลน์กากี ถุย!
พอมาถึงโรงพยาบาลหมอก็ซักประวัติ ตรวจอาการ แม่งโคตรอายหมอเลย ฮือออ โดนหมอด่าไปสามบรรทัด แปดวรรค สองพันตัวอักษรได้เมื่อหมอเห็นแผลฉีกขาดที่รูทวาร มันเหวอะจนหมอรับไม่ได้ ได้ยาแก้อักเสบ ยาทา นัดดูแผลใหม่อีกหนึ่งสัปดาห์ แล้วก็ใบนัดตรวจเลือดด้วย
กูจะไม่ติดโรคตายใช่มั้ย...
เอาชีวประวัติผมไว้เป็นบทเรียนนะครับ
เซ็กส์ = ป้องกัน
ถุงยาง สารหล่อลื่น ต้องพร้อมนะครับ ช่องทางข้างหลังไม่เหมือนช่องคลอดผู้หญิงไม่มีน้ำหล่อลื่นธรรมชาติ ยิงตรงเลยไม่ได้ ฮือออออออ
และเพราะร่างกายที่ชอกช้ำระกำทรวงผมจึงต้องหยุดเรียน โดยมีอิเจ๊เป็นคนเอาใบรับรองแพทย์ไปยื่นให้กับอาจารย์ประจำวิชา
ส่วนผมก็โกหกไอ้ทะโมนสองตัวเพื่อนสนิทว่าป่วยหนักติดไวรัสสายพันธุ์ใหม่สองพันยี่สิบเก้า แม่มารับกลับไปดูแลที่บ้าน ซึ่งความจริงคือถูกหิ้วสารร่างมาอยู่คอนโดอิเจ๊ชั่วคราว
หนึ่งคือ กูกลับบ้านไปให้แม่เห็นสภาพนี้ไม่ได้
สอง ถ้าอยู่หอตัวเองเผื่ออยู่ดีๆพวกทะโมนโผล่มาเห็นสภาพผมต้องรู้แน่ว่าโดยตีค่ายแตกมา
ดังนั้น อิเจ๊ มึงทำ มึงรับผิดชอบ!
ซึ่งอิเจ๊มันก็ดีครับ ดูแลผมดีทุกอย่าง เช้ามาเช็ดตัวให้(ตอนนี้แผลโดนน้ำไม่ได้) เอาแปรงสีฟันมาให้ขัดถึงเตียง ก่อนออกไปเรียนก็หาข้าวหายาเตรียมไว้ให้ เย็นกลับมาก็มาเตรียมอาหารมื้อเย็นพร้อมยาให้ต่อ ตบท้ายด้วยเช็ดตัว ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า พานอน
เรียกได้ว่าบริการถึงเตียง แทบไม่ต้องกระดิกตัว
เนื่องด้วยรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำ เลยขอชดใช้เวรกรรมที่ทำไว้เพื่อวันข้างหน้าจะได้ผัวตามที่หวัง ไม่ใช่อยู่ดีๆก็ได้บทผัวแบบนี้
พี่มึงก็เป็นเวรกรรมของกูไม่ต่างกันนั่นแหละ!
จะมีก็แต่เยี่ยวที่ตอนนี้พอเดินไปเข้าห้องน้ำเองได้ แรกๆนี่ต้องเยี่ยวใส่ขัน
ใช่...ขันครับ ขันน้ำร้านทุกอย่างยี่สิบ ฮือออ ชีวิต
“อิเจ๊ โจ๊กอีกแล้วหรอ เบื่ออ่ะ”
“อย่าเรื่องมาก หมอบอกให้กินของอ่อนๆจะได้ขี้ง่ายถ่ายคล่อง”
“แต่กูเบื่อ กินโจ๊กมาสามวันแล้วนะ” ห้ามื้อแล้วอ่ะ แม่งกินแต่โจ๊กปลา เปลี่ยนเป็นหมูเป็นไก่ให้บ้างก็ไม่ได้
“กลั้นใจแดกๆเข้าไปจะได้กินยา ไว้หายกูจะพาไปเลี้ยงหม้อไฟ เครื่องในตุ๋นเลยดีม๊ะห๊ะ แดกควายทั้งตัวก็ไม่มีใครว่า แต่ตอนนี้มึงต้องทนต้องฝืนบ้าง ตดออกมามึงยังเจ็บจนร้องไห้ กินตามใจอยาก ขี้ทีนึงไม่ขาดใจตายไปเลยหรือไง จะให้กูขนศพไปไว้วัดไหนก็สั่งเสียมา”
เท้าเอวด่าขนาดนี้ ก็จับกูเผานั่งยางเลยเถอะ นั่นปากหรือระฆังวัดแจ้ง เดี๋ยวกูร้องถึงสำนักงานเขตเลย T^T
แล้วผมเอาแรงที่ไหนไปสู้รบปรบมือได้ ก้มหน้าตักโจ๊กเข้าปากเงียบๆสิ
“ต้องให้ด่า แดกดีๆไม่ชอบ แล้วดูซิ แผ่นมาร์กกูเลื่อนไปหมด หน้ากูจะมีริ้วรอยมั้ย โอ๊ยยยย” แล้วเสียงก่นด่าก็ลากยาวไปอีกครึ่งชั่วโมงพร้อมกับร่างสูงเพรียวที่ผลุบหายไปในห้องน้ำ
บอกกูทีว่านี่เป็นแค่ฝันร้าย หยิกแรงๆ เอารถแบคโฮมาบดร่างกูให้ตื่นเลยก็ได้
อย่าทำร้ายด้วยเรื่องที่ว่าได้อิเจ๊พิชชี่สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำสปีชีส์ด่าสี่วันสามคืนไม่เหนื่อยนี่เป็นผัวคนแรกเลย...
ผมจัดการกินโจ๊กอ้วกหมาเสร็จก็ยกโต๊ะญี่ปุ่นวางลงข้างเตียง นิ่วหน้าเมื่อตอนเอี้ยวตัวแล้วรู้สึกเจ็บแปลบที่แผล เป็นจังหวะที่อิเจ๊เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี พอเห็นจากที่เพิ่งหยุดบ่นได้ไม่ถึงสิบวิก็บ่นยาวไปอีกร่วมสิบนาที เพราะมันกลัวแผลผมจะอักเสบขึ้นมาอีก
อ่ะนะ ไข้ผมเพิ่งลด สองวันที่ผ่านมาไข้ขึ้นตลอด เป็นอิเจ๊ที่ไม่ได้หลับได้นอนต้องเฝ้าไข้ จับเช็ดตัว ป้อนยาทั้งวันทั้งคืน
มันเลยขยาดกลัวผมจะไข้ขึ้นอีก
เพราะการอดนอนทำหน้าอิเจ๊มันโทรม!
แล้วไข้เพิ่งจะลดลงวันนี้นี่เอง
หลังจากที่อิเจ๊จัดการเอาถาดอาหารออกไปเก็บในครัวแล้ว มันก็เดินเข้ามาพร้อมอาวุธที่ทำให้ผมหน้าซีดเซียวทุกครั้งที่พบเห็น
ช่วงเวลานี้มาถึงอีกแล้วหรอวะ
ฮืออออ
“กะกูว่ากูเริ่มไม่เจ็บแล้วล่ะ” ผมคว้าเอาตุ๊กตาข้างตัวมากอดไว้แน่น
ฮือ มู่หลาน ปกป้องเราด้วย T^T
อิเจ๊นางมารสาวเท้าเข้ามาหาช้าๆ มือสองข้างกำลังค่อยๆใส่ถุงมือยาง
มันไม่ได้ดูเหมือนคุณหมอ แต่เหมือนฆาตกรโรคจิตชำแหละศพ! กูกลั๊ววววว
“ทำไมมึงต้องทำตัวมีปัญหาตอนจะทายาทุกที”
มึงไม่ได้มาโดนจับแหกขา โดนจ้องโดนควักรูตูดเหมือนกูนี่
“กูหายแล้วจริงๆ แค่กินยาน่าจะพอ”
อีกฝ่ายที่ขึ้นมานั่งพับขาอยู่ปลายเตียงหรี่ตามอง
“จริงหรอ...”
“อืม” ผมพยักหน้าแข็งขัน
วันนี้กูจะไม่ยอมให้อิเจ๊เอานิ้วควานทวารได้อีก!
“ก็ได้…”
เหย เหย
“ได้จริงหรอ...มึงไม่หลอกกูนะเจ๊” ไม่ใช่ผมเผลอแล้วทะลวงเข้ามานะ
“ได้สิ...”
ทะทำไมรู้สึกขนลุกกับรอยยิ้มหวานวะ
แต่คงไม่มีอะไรหรอก เจ๊มันถอดถุงมือออกแล้วเดินออกไปข้างนอกแล้วนี่
พอร่างอวตารเดินหายไปจากห้อง ผมก็ปล่อยลมหายใจพรู เลื่อนตัวลงนอนราบบนเตียง
แต่ผมลืมบางอย่างไปได้ยังไงนะ...
ผมลืมได้ยังไงว่ากูกำลังอยู่กับอิเจ๊พิชชี่นางมารร้ายปี 2018!
มันจะยอมปล่อยกูไปเพียงแค่อ้อนวอนประโยคสองประโยคหรอ ไม่มี๊!
“อะอิเจ๊ เอาถาดมาทำไร”
ตาผมเบิ่งโตแทบถลนเมื่อเห็นอิเจ๊เดินถือถาดกลมสแตนเลสอันใหญ่เท่าล้อรถมอเตอร์ไซด์เข้ามา ริมฝีปากเหยียดยิ้มหวานอาบยาพิษให้ผมขยุ้มผ้านวมหนาในมือแน่น
ผมรู้สึกไม่ปลอดภัย ขนตูดยังลุกอย่างรู้สึกถึงอันตรายที่คืบคลานเข้ามา!
“พิสูจน์ไง”
“พะพิสูจน์ไร...”
“ก็หายแล้วนิ ไม่เจ็บแล้ว ขอฟาดก้นสักที”
“เฮ้ย อิเจ๊!” ผมยึดผ้านวมที่อีกฝ่ายเอื้อมมือมารั้งออกตรงปลายตีนแน่น มึงจะบ้าหรออิเจ๊ ไม่ใช่มึงสวยมึงรวยแล้วจะทำยังไงกับกูก็ได้นะเว้ย อยู่ๆเดินมาจะเอาถาดฟาดก้นกูแบบนี้ไม่ด๊ายยยย รับรองแม่งฟาดมาทีไส้กูไหลหลากเป็นน้ำป่าหน้าฝนแน่ๆ
กูไม่ยอมมมมมมม
“เอาน่า หายแล้วไม่ใช่หรอ กูขอฟาดเบาๆ ถ้าไม่เจ็บคืนนี้กูจะได้ทาสลิปปิ้งมาร์กแล้วหลับได้อย่างสบายใจ”
“มะไม่”
“มาม๊ะ เจ๊พิชชี่จะขอแตะเบาๆ”
“มะไม่อิเจ๊ กูป่วยอยู่นะ!”
“ไหนเมียที่รักของเจ๊บอกว่าหายแล้วไง”
ยะอย่าง้างมือเตรียมฟาดขนาดนั้น กูขอร้อง T^T
“มะไม่หาย”
“ว่ายังไงนะ” แววตานางมารร้ายหรี่มอง “อีกทีซิ”
แล้วยกถาดขึ้นสูงเตรียมฟาด จนผมต้องละล่ำละลักตะโกนความจริงออกไป
“ยังไม่หาย ยังเจ็บอยู่ ตูดนะเว้ยไม่ใช่ดินน้ำมัน ปั้นถูๆแล้วมันจะกลับมาเรียบเหมือนเดิม!”
พอจบประโยคอิเจ๊มันก็ทิ้งถาดลงเกิดเป็นเสียงถาดกระทบพื้นเสียงดัง ยกมือท้าวเอวชี้หน้า
“ก็แค่นี้อิดอก ต้องให้กูใช้กำลัง นอนลง อ้าขา กูจะทายาให้ แล้วถ้ายังแผลงฤทธิ์ กูจะเอาหลอดยายัดตูดมึงอิกลูต้า!”
#เมียตุ๊ด
น้องตาร์ของพี่ จนกว่าจะหาย รอดน้ำมือนางมารร้ายให้ได้นะลูก โถวว
[/color]
ตอนที่ 3
Tonight that I’m crazy
ผมนั่งดูทีวีไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็ได้ยินเสียงปลดกลอนประตูห้องน้ำ
พอร่างในชุดคลุมอาบน้ำสีฟ้าอ่อนเดินซับผมออกมา ผมก็เดินถือผ้าเช็ดตัวหน้ามึนสวนเข้าไปอาบน้ำต่อโดยไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย โอ๊ยยยย กูจะเกร็งไปไหน เจ็บกล้ามเนื้อหน้าไปหมดแล้วเนี่ย
ก็แค่โดนอิเจ๊ทุ่มทับจับโยน
โดนหมาบ้ากัดน่องขบขา
โดนบดบี้หน้าจนหายใจไม่ออก
แล้วก็โดน...เอ่อ...เอ่อ...
โอ๊ย! จะอะไรกันนักหนาวะ! มันก็เหมือนๆตอนอิเจ๊ยืนเท้าเอวชี้หน้าด่านั่นแหละ! แค่เปลี่ยนอวัยวะจากนิ้วชี้เป็นหางพญาหงส์แค่นั้นเอง!
ไม่คิดอะไรแล้ว! อาบน้ำดีกว่า ร้อนโว้ยยยย คอนโดนี่แม่งไม่ดีเลย ร้อนจะตายทำไมห้องน้ำไม่ติดแอร์!
ผมใช้เวลาในการล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำไม่ถึงสิบนาที และทายาในที่ลับอีกสองนาทีถ้วน(ตั้งแต่ผมขยับตัวและเดินเหินเองพอได้ ผมก็ขออิเจ๊ทายาเอง) พอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยผมก็ควรออกไปใช่มั้ย
แต่ไม่! ผมพยายามมองหาแอคติวิตี้ทำต่อไป พยายามเค้นเยี่ยวเป็นรอบที่สามทั้งที่ไม่ปวดสักนิด พยายามนั่งเบ่งขี้แม้ปกติผมจะถ่ายหนักแค่รอบเดียวในตอนเช้าก็ตาม
หรือแม้แต่ล้างพื้นห้องน้ำ ขัดส้วม เช็ดอ่าง! แม้จะยังขยับตัวค่อนข้างลำบากเพราะยังเสียดๆช่องทางด้านหลังอยู่บ้าง
แต่ไม่รู้ทำไมถึงโคตรขยัน วันนี้กูรักห้องน้ำรักโถสุขภัณฑ์ม๊ากมาก
ก๊อกๆ
พรืด
“โอ๊ย”
ผมที่กำลังพยายามแงะฝาปิดช่องระบายน้ำออกมาเพื่อเก็บเส้นผมที่คาอยู่ล้มพรืดหงายท้องจนก้นจ้ำเบ้าพื้นเพราะตกใจกับเสียงเคาะประตูที่แม้ไม่ได้ดังมากแต่หัวจิตหัวใจผมก็อ่อนแอเกินกว่าจะรับไหว งือออ แม่จ๋า ลูกเจ็บ T^T
“อิกลูต้า! แดกขี้หมดคลังแล้วก็ออกมาสักที กูปวดเยี่ยว! แล้วร้องทำไม เป็นอะไรหรือเปล่า”
เป็นเพราะมึงแหละอิเจ๊ ทุกเรื่องเลย T^T
ปังๆ
พรืด
“โอ๊ย”
กูกำลังจะลุก มึงจะทุบประตูทำไมอี๊กกก เลยสะดุ้งล้มอีกรอบเลย เจ็บตูด แง้
“พาชู้ไปเอาในนั้นหรอ! ตกลงเป็นอะไร! ถ้าไม่เปิดกูไม่พังเข้าไปหรอกนะ กูไม่มีเงินซ่อม!”
ปังๆ ปังๆ
โอ๊ยยยยยยยยยย
“มะไม่เป็นไร กูแค่ล้ม...”
โครม!
ไหนมึงจะไม่พังเข้ามาง๊ายยยย แล้วอีพลังเท้าเบอร์สิบที่ถีบเข้ามาจนประตูเปิดผางนี่มันคืออะร๊ายยยย
“ทำไมโง่ล้ม เป็นไงบ้างเนี่ย!”
“โอ๊ยๆ อย่าแหกขากู!”
อะไรคือการพังประตูเข้ามาแล้วพุ่งเข้ามาจับแหกขาดูรูก้น แล้วผมที่ยังอยู่ในผ้าเช็ดตัวสีขาวพันเอวผืนเดียวก็หน้าเหวอทำตัวไม่ถูก
กว่าจะได้สติก็โดนจับแหกโดนจ้องไปถึงไหนต่อไหน
“จะเจ๊...” ผมพยายามหุบขาสองข้างเข้าหากัน
“มันเหมือนจะบวมๆ”
นอกจากสองมือจะยันต้นขาผมไม่ให้หุบลงแล้ว ปากยังพึมพำอย่างไม่สนใจฟังคำร้องของผู้ถูกกระทำ แล้วยังจะช้อนตัวผมขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวอย่างไม่ถามความสมัครใจของผมเลย
“เฮ้ยเจ๊ กูไม่เป็นไร”
ตกใจสิความเดิมยังไม่ทันหายความอายใหม่ก็มาอีกแล้ว ฮือ ชีวิต
ฟุ่บ
อิเจ๊อุ้มผมมาวางบนเตียง พอผมจะดีดตัวขึ้นก็ถูกชี้หน้าถลึงตาใส่ ก่อนอิเจ๊จะหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วเดินกลับออกมาพร้อมหลอดยาในมือ
ทำไมเหตุการณ์นี้มันคุ้นๆ T^T
“กะกูทาแล้ว...”
“ทาใหม่ มันบวม แล้วเมื่อกี้กูดูไม่เห็นคราบยาเลย อ่านออกมั้ยว่ายาใช้ภายนอก ให้ทาไม่ใช่ให้ละลายน้ำแดก”
“กูไม่ได้โง่มั้ยอ่ะเจ๊” ต้องมองผมโง่แค่ไหนอ่ะถึงคิดว่าบีบยาหลอดไปละลายน้ำกินอ่ะ
“หุบปาก อย่าเถียง ทาใหม่คือทาใหม่”
แล้วภาพจำของพี่ป๊อบปองกูลก็มา โดนจับแหกขา ป้ายยาลงบนรูตูด ฮือ อิเจ๊ มึงจะเที่ยวไปควานรูก้นคนอื่นจนเป็นเรื่องปกติเหมือนถักเปียให้เพื่อนแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย นี่รูก้นไม่ใช่ถ้ำผานางคอยที่จะเข้าไปเดินสำรวจเมื่อไหร่ก็ได้น่ะ T^T
พอฝาของหลอดยาถูกปิดลงก็เกิดเดดแอร์ขึ้น ผมที่จ้องหน้าอีกฝ่ายได้ไม่เต็มตา และอิเจ๊ก็ไม่ได้พ่นคำด่าอีกต่อไป ไม่รู้จะทำยังไงเลยได้แต่ดึงผ้าห่มหนาขึ้นมาห่มและพลิกตัวนอนตะแคงข้าง
“จะหลับก็กินยาก่อนด้วยล่ะ”
เหมือนจะรู้ว่าผมอึดอัด(เพิ่งจะรู้ตัวหรอวะ T^T) อิเจ๊เลยหมุนตัวเดินหันหลังไปหน้ากระจก รวบผมขึ้นก่อนใช้กิ๊บหนีบผมไว้ แอบมองจากมุมนี้แม่งโคตรเซ็กซี่อ่ะ ถ้าอิเจ๊เตี้ยกว่านี้อีกสักสิบยี่สิบเซ็นต์ผมก็โอเคนะที่จะมีอิเจ๊เป็นเมีย
ดึ๊งดึ่ง
เสียงไลน์มือถือผมดังขึ้นให้อิเจ๊หันหน้ามาปรายตามองแว๊บนึง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้สนใจและเดินออกจากห้องไป
ผมเอื้อมมือไปหยิบมือถือขึ้นมาดูไฟหน้าจอที่สว่างวาบ เป็นข้อความไลน์ในกลุ่ม ‘สามเฟี้ยวกุเจี๊ยวยาว’
Card12
*ส่งรูป 2 รูป*
งานวิชาอิ๊งสื่อสาร ส่งวันจันทร์นะเว้ย
Iydg,T
โอ๊ยยย ของชั่วโมงที่แล้วกูยังปั่นไม่ทันเลย ล้อจะหลุดแล้วเนี่ย
Guitar
ให้อธิบายกราฟหรอ
ผมมองเห็นสไลด์พาวเวอร์พอยท์ที่ถ่ายมาไม่ชัดเลยพิมพ์ถามกลับไป
Card12
เออ เห็นชัดมั้ย
*ส่งรูป*
แล้วไอ้การ์ดก็ส่งรูปที่ซูมมากกว่าเดิมมาให้ เป็นกราฟแท่งแสดงสถิติของจำนวนประชากรของเด็กที่เกิดในปี 2550-2560 ให้เขียนอธิบายพร้อมวิจารณ์เป็นภาษาอังกฤษ โฮ...ภาษาไทยกูยังไม่รู้จะเขียนอะไรลงไปเลย T^T
Guitar
เห็นละๆ ขอบใจเว้ย
แต่เหี้ยยยยยยย อะไรคือเขียนอธิบาย 300 คำ
Iydg,T
งานเก่าที่ให้หา synonym กูยังเผาไม่เสร็จเลยยยยยย
Guitar
มีทูววว
การ์ดที่ร๊ากกกก
Iydg,T
การ์ดที่ร๊ากกกกกกก
Card12
พวกมึงสองตัวไม่ต้องเลย
ทำเอง คราวนี้กูไม่ให้ลอก
ครั้งที่แล้ว อ.จับได้คะแนนหารสาม
ครั้งนี้แดกไข่นะโว้ยย
Guitar
ไข่กินละดีมีโปรตีนนะ T^T
Card12
ตีนกูนิ
ทำเอง เดี๋ยวกูช่วยตรวจ
Iydg,T
ไปให้มึงตรวจคือไร กูเผาทันก่อนส่งห้านาทีก็เก่งละ
Guitar
มีทูววววว
Card12
พวกมึงชอบดองงานไง
มึงอ่ะตัวดีเลยไอ้แฟ้ม
ไอ้ตาร์ด้วย เป็นไงบ้าง
Guitar
ก็ดี วัน จ.ก็ไปเรียนละ
Card12
แล้วกลับมาหอยัง
Guitar
ยังๆกลับวัน อา.
Iydg,T
ของฝากกูด้วย ข้าวหลามหนองมน
Guitar
กูป่วยมั้ยล่ะสัด ไม่ได้มาเที่ยว
แล้วจริงๆคือกูอยู่ปราสาทเจ้าหญิงดินแดนดิสนีย์ ไม่ได้กลับบ้าน จะเอาข้าวหลามที่ไหนไปฝากมึง T^T
Card12
กูไปทำงานละ หายเร็วๆมึง
มีไรให้ช่วยก็บอก
Guitar
ทำการบ้านอิ๊งให้กูที
Card12
ตีนนิ
แค่กูปั่นรายงานสื่อสารฯ กับวิวัฒฯ ให้มึงก็มือหงิกละ
วิชานี้ทำเองโว้ยยยย
Guitar
คนน่ารักมักใจร้าย T^T
Iydg,T
ข้าวหลามๆ
Guitar
olo
แล้วกลุ่มก็เงียบไปไม่มีข้อความอะไรตอบกลับมาอีก ผมเข้าไปไถทวิต เช็คเฟส เช็คไอจี ฮืออ อยากลงรูปอ่ะ ห่างหายไปหลายวันคันไม้คันมือ แต่ไม่กล้า กลัวพลาดแล้วเพื่อนจับได้ว่าไม่ได้กลับบ้าน ตอนนี้ไอจีสตอรี่ผมเลยเงียบเหงาได้แต่นั่งส่องของคนอื่นเขาไปทั่ว
เข้าไปเจอสตอรี่ของน้องอิ๊งพอดีก็อยากจะปาโทรศัพท์ทิ้ง หวานกันเหลือเกินกับเดือนมอเนี่ยยย สตอรี่ไอจีแม่งอยู่ได้ 24 ชั่วโมงแล้วจะหายไปใช่มั้ยครับ แต่กูไม่เคยเห็นไอ้เดือนนี่หายไปจากสตอรี่มึงเลยยย ขอสาปแช่งให้แม่งเลิกกัน ฮือ!
เอาจริงๆผมก็ไม่ได้เจ็บมากแล้วหรอก ตั้งแต่เกิดเรื่องวุ่นวายโดนตุ๊ดจิ้มในชั่วข้ามคืน สมองก็ไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นอีกเลย จากที่คิดว่าจะต้องนั่งเศร้าเคล้าเหล้าไปอีกหลายเดือน ก็หายในพริบตาเพราะต้องเอาเวลามานั่งรักษาตูดและพร้อมตั้งรับกับอิตุ๊ดแก๊งค์ดอกขจรที่เหมือนเป็นเมนส์ฮอร์โมนพลุ่งพล่านตลอดเวลา ฮือ ชีวิต
ไม่ใช่ผมโอเคกับเรื่องที่เกิดขึ้นหรอกนะ แต่แค่คิดว่าผิดพลาดไปแล้ว คิดมากไปก็เรียกร้องอะไรกลับคืนมาไม่ได้ จะข้ามประตูโดเรมอนไปแก้ไขอะไรก็ไม่ได้อีก ก็ต้องยอมรับอ่ะ
แล้วอิเจ๊มันก็ไม่ได้มีท่าทีดูถูกหรือล้อเลียน ซ้ำยังดูแลรับผิดชอบอย่างดี ถึงจะปากร้ายไปหน่อยก็เถอะ
ในข้อเสียก็ยังมีข้อดีล่ะนะ
ติ๊ง!
ใครทักมาอีกวะ
หรือมีงานไรอีก แค่นี้ก็ปั่นไม่ไหวละเว้ยยยย
Tanawat PT
การ์ดบอกว่าตาร์ไม่สบาย
เป็นไงบ้างครับ ดีขึ้นยัง
พี่เต้...
Guitar Kornchawan
ดีขึ้นละครับ
Tanawat PT
หายไวๆนะครับ
พี่เป็นห่วง
คิดถึงเราด้วย ไม่เจอหน้าหลายวันเลย
Guitar Kornchawan
ครับ
Tanawat PT
แล้วจะกลับมาเรียนวันไหน
ให้พี่ไปรับได้นะ
Guitar Kornchawan
น่าจะวันจันทร์อ่ะครับ
ไม่รบกวนดีกว่า ผมไปได้
Tanawat PT
อ่อเค
งั้นพักผ่อนเถอะ
พี่ไม่กวนละครับ
Guitar Kornchawan
ครับ
Tanawat PT
ฝันดีครับ
*สติ๊กเกอร์เป็ดส่งจูบ*
Guitar Kornchawan
*สติ๊กเกอร์ลิงยิ้ม*
เฮ้อ ผมวางมือถือลงบนโต๊ะหัวเตียง พี่เต้เรียนอยู่คณะแพทย์ ตามจีบผมตั้งแต่ค่ายรับน้องมอละ แต่ยังไงอ่ะ ผมยังมั่นใจว่าตัวเองเป็นรุกเกิดมาเพื่อบุกไม่ใช่รับอ่ะ เลยพยายามหนีพี่แกมาตลอด แกก็ดีอ่ะนะ แต่เคยมั้ยอ่ะ มีคนมาพูดหวานๆเพราะๆใส่แล้วขนลุกอ่ะ
แล้วยิ่งสายตาที่พร้อมจะแดกเราเข้าไปทั้งตัว บอกเลยครับผมไม่สู้ ไม่ใช่ทองหยิบทองหยอด ไม่พร้อมโดนกิน!
แล้วตอนนั้นผมก็รักปักใจกับน้องอิ๊งค์อยู่ด้วย แต่สุดท้ายก็เดือนมอสอยไป ฮือ ชีวิต
เฮ้อ
คิดไรมากมายให้ปวดหัววะ
ขอลาหลับก่อนละกัน
ผมเอื้อมมือไปดึงตุ๊กตาผ้านุ่มตัวนึงมากอด
คืนนี้น้องซินนอนกับพี่แล้วกันนะคะ
วันนี้เป็นวันเสาร์
ผมตื่นมาตอนแปดโมงกว่าๆ เข้าไปล้างหน้าแปรงฟัน เดินออกมาก็ไม่เจออิเจ๊อยู่ในห้องนั่งเล่น แต่เห็นร่างแว๊บๆนั่งอยู่ที่ระเบียงเลยเดินเข้าไปเกาะประตูกระจกมอง จะทักทายอรุณสวัสดิ์ยามเช้าแต่พออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นจากแมคบุ๊คมาสบตากันเท่านั้นแหละ
เชร้ดดดดดดด นี่มันคนหรือซอมบี้วะ จะไม่กระโดดกัดคอกูใช่ป่ะ
อิเจ๊มันไม่ต้องไปเรียนก็จริง จะมานั่งจิบกาแฟริมระเบียงยามเช้าก็ไม่แปลก
แต่ทำไมสภาพเหมือนโดนรุมโทรมมาทั้งหมู่บ้านขนาดนี้
“เจ๊ มึงไหวป่ะวะ”
“ขอกาแฟดำแก้วนึง”
ผมปรายตามองแก้วกาแฟเปล่าสามแก้วบนโต๊ะ
“ยังจะกินอีกหรอ”
“บอกไรก็ทำ อย่าขัดได้มั้ยห๊ะ”
ผีบ้าตลอดอ่ะ
“ใส่ครีมกี่ช้อน”
“มึงเข้าใจคำว่ากาแฟดำมั้ยห๊ะ!”
เกรี้ยวกราด เกรี้ยวกราดดดดดด กาแฟใส่ครีมใส่น้ำตาลมันก็ยังเป็นสีดำมั้ยล่ะ ก็ไม่ได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวสีเหลืองสักหน่อย บู่ววว
และถึงแม้ถึงขอบตาจะดำ หน้าจะเบลอ แต่ปากนี่ด่ากูได้เสมอต้นเสมอปลายจริงๆ
“เออๆ รอแป๊บ”
ผมเปิดประตูระเบียงทิ้งไว้ก่อนเดินเข้าครัวมาชงกาแฟดำให้อิเจ๊และโอวัลตินให้ตัวเอง แถมขนมปังปิ้งทาแยมสตอเบอรี่อีกคนละสองแผ่น
“ช้า”
“แหม กูไม่ได้เสกเอามั้ยล่ะเจ๊”
“ขม”
“เอ๊า ก็กาแฟดำ”
นี่กลัวดำไม่พอใส่กาแฟมาห้าช้อนเพียวๆเลยนะ
อิเจ๊ยกแก้วขึ้นจิบอีกที เบ้หน้าก่อนวางแก้วลงแล้วคว้าขนมปังไปกินต่อ ก่อนเริ่มจ้องหน้าจอคิ้วขมวดอีกครั้ง
ผมที่นั่งอยู่อีกฝั่งจ้องคนที่เข้าโหมดทำงานทั้งตาแดงก่ำอย่างสงสัย
“ได้นอนบ้างยังเนี่ย”
“ยัง”
“เหยย เก้าโมงแล้วนะเจ๊ ไปนอนเหอะ”
“อีกแป๊บ”
“แป๊ปมึงยาวกี่เมตรอ่ะ”
“อย่ากวนตีน”
อุ่ย บอกดีเฉยๆก็ได้ ไม่ต้องถีบเก้าอี้ เดี๋ยวกูหงายหลัง!
“จริงนะเจ๊ หน้าแย่มากอ่ะ ดูดิขอบตาดำ หน้าโทรม เหมือนหน้าผากมีสิวขึ้นด้วยอ่ะ หวายๆไม่สวย”
“ถ้ามึงยังไม่หยุด คราวนี้กูถีบหงายหลังจริงๆ”
มึงไม่กล้าหรอก แบร่ แต่ไม่กล้าพูดออกไป กลัวโดนถีบจริง แฮร่ เลยเลือกพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใยแล้วเก็บความกวนตีนไว้ในใจแทน
“งานเร่งหรอ”
“นิดหน่อย”
“นิดหน่อยแสดงว่าไม่รีบมาก”
สายตามารปรายมองซึ่งถอดความได้ว่าถ้าผมยังไม่หุบปาก ผมจะโดนดี
“แล้วแต่เลย อยากทำไรก็ตามใจ” ผมเก็บจานกับแก้วเปล่าแล้วลุกขึ้น “ก็แค่กลัวมาตายในห้องหรอก กลัวผี!”
แล้วผมก็วิ่งหนีออกมา รองเท้าที่ลอยมาไม่ได้แตะตัวผมหรอก
กูโดนมาเยอะครับ ไม่ได้เล่นกูร๊อกก กูรู้ทัน ครึ
หลังจากที่มั่นใจว่าจะไม่มีโต๊ะ เก้าอี้ หรือกระถางต้นไม้ลอยมากระทบหัว ผมหอบงานมานั่งทำในห้องนั่งเล่น เอาหลังพิงโซฟา มือกำลังร่างแผนผังการเขียนอธิบายกราฟเป็นภาษาไทยก่อนว่าจะเขียนอะไรดีบ้าง ไอ้ผมมันคนเสมอต้นเสมอปลายครับ อิ๊งเกรดหนึ่งเกรดสองมาตั้งแต่ประถมยันขึ้นมหาลัย เรียกได้ว่าความพยายามอยู่ที่ไหนกูไม่ไปที่นั่นครับ เลยดักดานมาจนถึงมาทุกวันนี้
ก็นะ งานก็ยากแต่ก็อดหันไปมองร่างซอมบี้ตรงระเบียงไม่ได้
เฮ้อ
ทำงานแบบน่าเรียกพญายมมารับไป
แต่งานคงรีบจริงแหละ ไม่งั้นคนรักสวยรักงามอย่างอิเจ๊คงไม่อดหลับอดนอนให้หนังหน้าเหี่ยวหรอก
ที่ลุกมาต้มข้าวต้มนี่คือหิวเองนะและหมูมันเยอะไงเลยทำเผื่อเจ้าของห้องด้วยเดี๋ยวจะมาด่ากูไม่มีน้ำใจอีก
แต่วืดครับ! เพราะพอทำเสร็จ ตักใส่ถ้วยเดินถือออกมาให้ก็ไม่เห็นร่างขาวนั่งอยู่ที่เดิมแล้ว
มะไม่นะ!
อิเจ๊! ฮือออออออออ
ผมรีบวางชามข้าวต้มบนโต๊ะที่ตอนนี้ยังมีแมคบุ๊ควางอยู่ ก่อนถลาเข้าไปจับราวระเบียงแล้วชะโงกศีรษะออกไปกวาดตาดูข้างล่าง
ไม่มี
ฮู่ววว
นึกว่าเครียดจนโดดตึกตายไปแล้ว ตกใจหมด เอ๊ะ หรือกู้ภัยมาเก็บศพไปแล้ว
โฮวว อิเจ๊ อย่าเพิ่งตายนะ ยังไม่ได้ถามเลยว่าอยากอยู่วัดไหน T^T
เมื่อไม่เห็นศพสมองเละเลือดสาดของอิเจ๊ที่พื้นคอนกรีตด้านล่าง เลยเดินเข้าไปดูในห้องนอนก็เห็นสารร่างของซอมบี้ตอนคว่ำหน้าตายอยู่บนเตียง
ค่อยๆย่องเข้าไปเอานิ้วอังจมูกก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่รินรดปลายนิ้วอย่างสม่ำเสมอ ฟู่ววว ยังไม่ตาย
พอพิสูจน์ได้ว่าไม่ต้องเรียกกู้ภัย ไม่ต้องเคลื่อนย้ายศพ ก็หันไปหยิบรีโมทมาเปิดเครื่องปรับอากาศเพราะผมปิดไปตั้งแต่ตอนเช้าที่ตื่นมาแล้ว
คิดดูดิเหนื่อยแค่ไหน คนขี้ร้อนอย่างอิเจ๊ถึงไม่มีแรงแม้แต่จะกดเปิดแอร์อ่ะ
เมื่อจัดการเปิดแอร์ให้ห้องเย็นฉ่ำ ใช้ผ้าห่มคลุมร่างบนเตียงแต่เว้นเท้าเอาไว้ให้
พ่อแม่จะต้องภูมิใจในตัวกรชวินที่เป็นคนดีได้ขนาดนี้ ยืดอกตบสามทีอย่างภูมิใจในตัวเอง
เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ
#เมียตุ๊ด
ท่ามกลางความเกรี้ยวกราดของอิเจ๊ และความกวนบาทาของน้องตาร์ มันมีความห่วงใยซ่อนอยู่ ผิดผีๆ ง่อวววววว >O<
ตอนที่ 4
กูว่า...กูชอบมึง
ผมนั่งทำงานเขียนๆลบๆจนเวลาล่วงไปยังบ่ายสองท้องก็เริ่มครวญครางประท้วงว่าเลยเวลามื้อเที่ยงมานานแล้ว ไม่สามารถทนได้ไหวอีกต่อไปแล้ว ต้องหาบางอย่างมาใส่ท้องให้น้ำย่อยทำงานได้แล้ว ดังนั้นผมจึงบิดขี้เกียจคลายความเมื่อยขบและลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัวเปิดตู้เย็นเพื่อหาของประทังชีวิต
บนเตามีข้าวต้มเหลืออยู่ในหม้อนิดหน่อย แต่คาดว่าน่าจะไม่พอกิน
ในตู้เย็นก็มีแต่ของที่ไม่สามารถทำให้อิ่มท้องได้เลย จำพวกโยเกิร์ต นมจืด ผลไม้ตระกูลเบอรี่
มันจะเป็นตู้เย็นที่ดูมีประโยชน์เกินไปแล้ว ร่างกายผมต้องการโปรตีนจำพวกเนื้อสัตว์ ฮือ
เอาไงดีวะ จะเข้าไปปลุกอิเจ๊ตอนนี้ต้องโดนงับหัวตายแน่เลย ปลุกเจ้าหญิงตอนกำลังนิทราโทษคือตายสถานเดียว และผมยังไม่อยากตาย ทุกวันนี้กว่าจะเอาชีวิตรอดในดินแดนยมทูตได้ก็แย่ละ ผมจะไม่เดินเข้าไปในปากจระเข้เองแน่นอน
กินข้าวต้มประทังชีวิตไปก่อนก็ได้วะ
คิดได้ดังนั้นผมเลยจัดการเปิดเตาแก๊สอุ่นข้าวต้มเครื่องที่เหลือในหม้อ เอ ตอกไข่ใส่ลงไปด้วยดีกว่า แล้วก็จะแซ่บขนาดถ้าได้พริกป่นอีกสักนิด น้ำส้มสายชูกับน้ำตาลอีกสักหน่อย อืม อยู่ไหนน้า
“เอ๊ะ”
ขณะที่ผมกำลังเปิดตู้หาเครื่องปรุง รื้อของเข้าๆออกๆกระดาษแข็งๆก็ตกลงมา พอหยิบมาดูเท่านั้นแหละ...
โอวก็อด ชีวิตรอดแล้ว!!
มีใบสั่งอาหารอยู่ในห้องก็ไม่บอก!
ผมหยิบกระดาษขนาดเอสี่ที่เคลือบแข็งขึ้นมาก่อนกวาดสายตาอ่านบรรดาเมนูอาหารที่เรียงรายอยู่พร้อมราคา ‘ร้านตามบอก’ แหม มีบริการเดลิเวอรี่พร้อมราคาน่าคบหาแบบนี้มีหรือที่นายกรชวินจะพลาด!
ผมเดินพลางกระโดดอย่างอารมณ์ดีไปหยิบมือถือในห้องนั่งเล่นแล้วจัดการโทรไปตามเบอร์ที่ให้ไว้ แล้วทันทีที่เสียงสำเนียงอิสานของปลายสายดังขึ้น ผมก็จัดการสั่งรายการอาหารให้สมกับร้านตามบอก บอกพริกแกงได้พริกเผา สั่งกระเพราได้ฉู่ฉี่ ง่อววว
เอาเถอะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องที่อยู่จัดส่งเพราะเพียงแค่บอกว่าส่งห้องเจ๊พิชชี่คนสวย คุณป้าก็จำคอนโดได้ทันที ฮู่วเร่! คราวนี้ก็นอนตีพุงรอกันไป อิอิ
ผมนอนตีป้อมรอได้ประมาณครึ่งชั่วโมงเสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังลั่นห้อง
“ครับ?”
“มีคนมาส่งอาหาร ให้ขึ้นไปเลยมั้ยคะ”
“ขึ้นมาเลยครับ”
ผมรับคำก่อนที่จะวางหูลง เดินย่องๆไปหยิบกระเป๋าสีน้ำตาลแบรนด์ไฮสตรีทที่วางอยู่โต๊ะข้างหัวเตียงในห้องนอน ก่อนควักแบงค์สีม่วงออกมาหนึ่งใบ และค่อยๆปิดเบาๆและวางไว้ที่เดิม
ก็ไม่ได้สั่งมากินคนเดียวเนอะ สั่งมาเผื่อคนที่หลับอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นไม่ถือว่าขโมยเนอะ แชร์ๆกัน ผมเป็นคนออกแรงสั่ง อิเจ๊เป็นคนออกตังก็แล้วกัน แฟร์ๆ ครึ
ปิ๊งป่อง
เสียงสวรรค์ พี่มารอรับออเจ้าแล้วจ้า
“มาแล้วค้าบบบ”
แอ๊ด
“อาหารที่สั่งมาสะ...อ้าว”
“...!!”
“ไหนว่าอยู่บ้านไง”
“อะไอ้แฟ้ม”
ชิบหายแล้ว! ช่วยผมหาหน่อย ไม่ใช่หาชิบนะ ไม่ได้เล่นมุก หมายถึงหาที่ซ่อนเนี่ย ขอวาบเลยได้มั้ย ฮือออ
ฟึ่บ
ปัง
ก่อนสมองจะประมวลผลหาข้อแก้ตัวอะไรได้ สัญชาตญาณก็สั่งให้เด้งตัวออกมาจากห้องและปิดประตูเพื่อไม่ให้ไอ้สายตาที่สาดส่องเข้าไปด้านในมองเห็นอะไร
“เอ่อ...”
ผมยืนเก้ๆกังๆอย่างไม่รู้จะเอ่ยทักหรืออธิบายอย่างไร มือไม้ก็ไม่รู้จะต้องจัดวางตรงไหนได้แต่ยกขึ้นๆลงๆ อย่ามามองกูด้วยสายตาจับผิดแบบนั้นสิ สมองกำลังประมวลผล มันไม่สั่งงาน อย่ากดดันกู T^T
“ทั้งหมด 259 บาท”
“หะหา?” อยู่ๆก็โพล่งขึ้น คนที่กำลังเค้นสมองเพื่อตอบคำก็ได้แต่อ้าปากเหวอทำตาปริบๆอย่างตามไม่ทัน แต่พอเห็นถุงอาหารที่ยื่นมาก็เริ่มเข้าใจ “อ่อ”
ผมยื่นมือไปรับพร้อมส่งเงินให้
“ไม่ทอนนะ ทิป”
นั่นแบงค์ห้าร้อยนะโว้ยยยยย
เป็นเวลาปกติคงไม่ยอม แต่นี่ต้องเอาตังทอนสองร่อยกว่าบาทปิดปากมันสินะ T^T
“ทำงานได้สองวันก็เจอของดี หึ อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะมึง”
“ระรู้อะไร”
“ก็นี่ห้องใครล่ะ”
“อะเอ่อ...”
มึงรู้แล้วเร้อออออออออ
“มึงอย่าบอกใครนะ กูขอ T^T” ผมกระโจนไปกอดแขนมันไว้ ส่งสายตาอ้อนวอนให้ไอ้เพื่อนสนิท นี่ถ้าเป็นไอ้การ์ดจะไม่หนักใจเท่านี้เลย
แต่นี่เป็นไอ้แฟ้มปากรั่ว แฟ้มรู้สามโลกรู้ มนุษย์ต่างดาว นักอวกาศที่ไปสำรวจดาวอังคารยังรู้เลย ฮือ
“หึๆไม่ได้กลับบ้านสินะมึงอะ” มันเอาฝ่ามือยันศีรษะผมออกจากการถูไถต้นแขนมันพลางมองด้วยสายตารู้ทัน เออ กูพลาด “แล้วที่ป่วยนี่...”
สายตาเจ้าเล่ห์กวาดมองไปทั่วร่างกายพลางยิ้มเหยียด “ไวไฟนะมึงอะ ไหนว่ารุก”
นี่แฟ้มเพื่อนรักหรือเจนญาณทิพย์ จะมองทะลุปรุโปร่งเกินไปแล้ว หมดกันตาร์ฉลามบุกในตำนาน T^T
“กะกู...คือ...”
คิดสิ เค้นสิ แก้ตัวสิ เถียงมันไปซี้!!
“แล้วโกหกพวกกูสองคนด้วยนะ” มันยังจี้ต่อ “แหมกลับบ้าน แหมป่วย แหมไข้ป่าแดก แหมตอแหล”
“ฮือออ อย่าโกรธกูเลยน้า กูขอโทษ T^T” กูต้องคุกเข่าสำนึกผิดมั้ยอะ ไม่อยากให้มันโกรธเลย แล้วดูมันดิ หน้านิ่งได้อีก กูจะร้องแล้วนะ “ขอโทษจริงๆนะเว้ย คะคือๆๆๆคือกู...เอ่อ...อาย”
ในที่สุดผมก็ยอมรับออกไป มาถึงขั้นนี้ปิดบังอะไรคงไม่ได้แล้ว ท่าทางมันก็ดูไม่ตกใจอะไรมากที่ผมกับ...เอ่อ...อิเจ๊บั่มบั๊มกัน คิดในแง่ดีอย่างน้อยก็เพื่อนสนิทละวะ คงไม่เอาไปโพทนาให้ขายขี้หน้ากัน
แต่อย่าตีหน้านิ่งใส่กูงี้สิ ใจคอไม่ดี
ผมจะร้องแล้วจริงๆนะ
ผมแคร์เพื่อนนะเว้ย แต่ก็อยากให้มันเข้าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องดินฟ้าอากาศที่จะเล่าให้ฟังกันได้ง่ายๆ มันลำบากใจ ฮือ
“มะมึง...T^T”
“เออ กูเข้าใจ ก็ลุ้นๆอยู่ เดี๋ยวไปส่งอาหารต่อก่อนค่อยมาสำเร็จโทษที่มึงโกหก” มันยีผมจนฟู ผลักใบหน้าออกแล้วชี้คาดโทษ ก่อนก้มลงไปหยิบกระเป๋าเก็บความร้อนใบใหญ่ที่ใส่อาหารไว้
ผมเดินหน้าหงอยตามหลังไปส่งมันที่ลิฟท์
แต่ขณะที่มันก้าวเข้าไปและประตูลิฟท์กำลังจะปิดลงผมก็เข้าใจท่าทีที่ดูไม่ตกใจของมันได้อย่างชัดเจน
“ดีใจกับมึงและพี่เต้ด้วยนะ ลงเอยกันสักที หึ”
“...!!”
หะหือ
อะไรนะ!
ผมกับพี่เต้!?
ว็อท!?
นั่นล่ะ สุดท้ายก็เดินกลับห้องไปแบบมึนๆ คืออะไร กูงงไปหมดแล้ว พี่เต้เกี่ยวอะไรด้วย หรือยังไง แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปนะ ปล่อยให้ประตูลิฟท์ปิดลงและเลขชั้นเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ
ตอนนี้กรชวินต้องการเวลาตั้งสติและคิดแป๊บ
แอ๊ด
“หิว”
นั่นไง อยู่เงียบๆได้ที่ไหนล่ะ เปิดประตูเข้ามาก็เจอผีหน้าขาวนั่งโพกหัวในชุดคลุมอาบน้ำสีฟ้านั่งหน้าหงิกอยู่บนโซฟาละ
ผมไม่ตอบอะไรเพียงแค่ชูถุงอาหารในมือขึ้นให้ดูแล้วเดินลอยๆเข้าไปในครัว
แต่ยังไม่ทันได้จัดการเทลงจาน อีกฝ่ายก็เดินตามหลังมาติดๆ
“เป็นไร”
เฮือก
จะยื่นหนังหน้ามาถามก็ไปล้างเอาไอ้โคลนขาวๆบนหน้าออกก่อนไหม เหมือนจะเข้ามาสิงกันมากกว่าอะ มาร์กได้ทุกวันแล้วผมก็ตกใจได้ทุกวันด้วย ยังกะผีจูออน
วันดีคืนดีตื่นมาหัวใจจะวายคิดว่าใครขโมยลูกนิมิตที่วัดมา แม่งเหมือนเอาทองคำเปลวมาแปะหน้า ไม่ชินโว้ยยยย
“เปล่า”
“ทำหน้าเหมือนโดนดูดวิญญาณ โดนผีเข้าสิงป่ะวะ เฮ้! นี่ใคร มาเข้าสิงอิกลูต้าระวังมันจับย่อยไม่ได้ไปผุดไปเกิดนะ”
“อย่ากวนตีนได้ป่ะ?”
กำลังใช้สมองเว้ย อย่ามาทำเป็นอารมณ์ดีแหย่กันตอนนี้ได้ป่ะ ใช่สิ ได้นอนหลับเต็มตื่นแล้วนี่ เมื่อเช้าแทบจะแดกหัวกัน
แล้วเหมือนผมจะแหย่เท้าหาเสี้ยน เพราะอีกฝ่ายตอนนี้หยุดหยอกผมแล้วแต่หรี่ตามองแทน
พลั่ก
“ปากดีนะ” ผลักหัวผมจนเกือบโขลกข้างฝาตู้เย็น แล้วก็สะบัดตูดเดินเข้าห้องนอนไป
แง้ เมื่อกี้เห็นนะว่าจะยกเท้าถีบ ต้องขอบใจมั้ยที่ยังยั้งเท้าแล้วใช้มือแทน ดูมีมารยาทจัง T^T
พอผมจัดอาหารลงจานเสร็จก็ยกออกไปวางบนโต๊ะกระจกตัวเล็กในห้องนั่งเล่น ยังไม่ทันจะจุดธูปเรียกนางมารร่วมห้องก็เดินเฉิดฉายออกมาในชุดกางเกงขาสั้นสีชมพูพาสเทลโชว์เรียวขากับเสื้อกล้ามสีขาวโชว์ผิวเนียนสวยกับผมยาวตรงพริ้วสลวย
มันจะดูออร่าจับอะไรขนาดนั้นวะ
“ขอน้ำส้มคั้นสดด้วยนะ”
ฮึ่ย นางมารก็คือนางมารล่ะวะ ไม่น่าไปเผลอเชยชม
ผมเดินกระแทกเท้าเข้าไปในครัวเทน้ำส้มคั้นเย็นๆในเหยือกลงในแก้วใส ก่อนนำมาวางให้กับอีกฝ่ายแล้วนั่งลงบนพื้นพรมเพื่อกินข้าวบ้าง
แล้วพอได้พริกแกงเครื่องในไก่ไข่ดาวกรอบๆกับต้มจืดเต้าหู้หมูสับก็เหมือนความตึงเครียดในสมองจะผ่อนเบาลง สมองโล่งขึ้นเยอะเลย ถามว่ายังมีความกังวลเรื่องโป๊ะแตกอยู่มั้ยก็กังวล แต่มันก็โล่งขึ้นเมื่อปริมาณอาหารเต็มกระเพาะ
สรุปที่หงุดหงิดเพราะกูหิวสินะ
“เอิ๊ก”
“ทุเรศ”
“โทษๆฮ่าๆ”
ไม่ได้ตั้งใจนะ มันกลั้นไม่ได้เลยเผลอเรอออกมานิดนึง อย่าทำหน้ารังเกียจน้องขนาดนั้น ครึ
“หึ อิ่มแล้วก็อารมณ์ดี ที่เมื่อกี้ทำหน้าเป็นตูดหมาแก่ ตกลงมีเรื่องไร ถ้ายังยึกยักกูจะไม่ถามแล้วนะ จะจับโยนลงระเบียงไปเลย”
นี่คนนะ คนหล่อมากด้วย ทำไมพูดง่ายเหมือนปล่อยแมลงปอแบบนั้นอะ
“ก็...”
ผมตัดสินใจเล่าให้อิเจ๊ฟัง อย่างน้อยก็ช่วยกันคิดช่วยกันตัดสินใจ ลงเรือลำเดียวกันแล้วก็ต้องช่วยกันแจวช่วยกันพาย อย่างน้อยอิเจ๊มันก็ผ่านโลกมามากกว่าผมตั้งสามปี เผื่อจะคิดหาทางออกอะไรได้
“สรุปคือเพื่อนมึงมาเป็นคนส่งอาหาร มาโป๊ะเจอมึง เลยคิดว่ามึงหอบผ้าหอบผ่อนมาเป็นผัวเมียให้ไอ้เต้ไรนั่น?”
ผัวเมีย....น่าเกลียดชิบ
“อือ ทำไมเจ๊ไม่บอกผมวะว่าไอ้แฟ้มมันเป็นคนส่งอาหารอะ”
“เอ้า นั่นมันร้านเพื่อนกู ทุกทีเพื่อนกูไม่ก็น้องมันมาส่ง มึงอะเป็นเพื่อนสนิทกันภาษาอะไรถึงไม่รู้ว่าเพื่อนทำงานที่ไหน”
“ก็ปกติมันทำงานเสิร์ฟที่ร้านกาแฟ เป็นพนักงานร้านถ่ายเอกสาร ล้างจานร้านข้าวต้ม ส่งพิซซ่า คอลเซนเตอร์ เล่นดนตรีตอนกลางคืน...”
“พอๆกูพอจะรู้ละ”
นี่ยังไม่ถึงครึ่งเลยนะของงานที่ไอ้แฟ้มทำ
“แล้วเอาไงดีอะเจ๊”
“ก็อยากเป็นเมียกูหรือไอ้เต้ไรนั่นล่ะ แต่เอ๊ะ ผู้ชายสูงๆตี๋ๆดีกรีเดือนแพทย์ปีที่แล้วใช่มั้ย”
“ก็...อืม”
“อะแฮ่ม โอเคเอาใหม่ อยากเป็นเมียกูหรือน้องเต้ล่ะ”
แหม รู้ว่าหล่อก็ดัดเสียงหวานละมุนเชียวนะอิเจ๊ เก็บนอ! เขตปลอดสัตว์สงวน!
“ก็แล้วทำไมมันถึงเข้าใจว่าผมกับพี่เต้...”
“ก็น้องเต้เขาพักอยู่ที่นี่ ชั้น 16”
หะหา...
ซวยแล้วไง ดีนะเดี้ยงอยู่ ไม่ไปเดินเพ่นพ่านให้ใครเห็นมาก
“แล้วเอาไงดีวะเจ๊” ถ้าไอ้แฟ้มมันไปแซวพี่เต้ความต้องแตกแน่
“อยากเป็นของใครก็บอกเพื่อนไปแบบนั้น พี่เต้อะไรนั่นก็ดูชอบมึงนิไม่น่ายากอะไร นอกเสียจากว่ามึงอยากเป็นเมียกูมากกว่า”
เมีย...
อีกแล้ว...
ทำไมอิเจ๊พูดง่ายจังวะ ให้เดินไปบอกไงอะ ‘เฮ้ มึงเข้าใจผิดนะ กูอะไม่ได้เป็นเมียพี่เต้ แต่เป็นของอิเจ๊พิชชี่ปีสี่ตุ๊ดสวยๆที่เคยมาจับหรรมมึงอะจำได้มั้ย’ แบบนี้ก็ได้หรอ T^T
“เจ๊...ขอถามไรหน่อยดิ”
ผมมีเรื่องคาใจยันหัวใจยิบๆ พออีกคนเลิกคิ้วประมาณว่ามีอะไรผมก็ค่อยๆถามออกมา
“คือ...มึงอะเจ๊ ชอบพูดว่าเราเอ่อ...เป็นผัวๆเมียๆอะ ไม่รู้สึกกระดากไรเลยหรอวะ...”
เนี่ย มันแปลกๆอะ คืออิเจ๊มันก็ตุ๊ดป่ะวะ คือถึงแม้จะยังไม่ได้ทำนม ตัดงวงและพวงไข่ แต่ดูรวมๆแล้วมันก็คือตุ๊ดสวยๆคนนึงเลยนะเว้ย ตุ๊ดที่มีจริตจะก้าน ตุ๊ดที่เห็นผู้ชายหล่อๆแล้วนอโผล่เหมือนที่พูดถึงไอ้พี่เต้เมื่อกี้อะ
แต่ยังไงอะ มันกลับพูดว่าเราเป็นผัวเมียกันได้แบบหน้าตาเฉย
หรือมันอยากได้ผมเป็นผัววะ ลำบากใจจริงๆเกิดมาหล่อเนี่ย ก็รู้ตัวอะนะว่ามาดแมนแฮนด์ซัมแค่ไหน แต่เหตุการณ์ในคืนนั้นมันก็ตามหลอกหลอนว่ะ แล้วไหนจะขนาดตัวที่เอิ่ม...ผมไม่อยากแหงนหน้าคุยกับเมียตัวเอง แล้วก็ไม่อยากโดนเมียอุ้มไปไหนมาไหนด้วย
แต่เมื่อกี้อิเจ๊มันพูดว่า...เมียกู
“กูก็แค่พูดเรื่องจริงอะ ไม่เห็นต้องคิดไร”
“ไม่เอาดิเจ๊”
“เอาไปแล้วไง”
“ใช่เรื่องล้อเล่นหรอวะ”
“ที่ใส่เข้าไปคืนนั้นไม่ใช่ท่อรถมอเตอร์ไซค์นะเผื่อเข้าใจผิด”
“อิเจ๊พิช!!”
นอกจากปากจะจัดกว่าเครื่องกินเหรียญแล้ว ก็ยังสัปดนได้อีกนะเจ๊ อ่อนใจว่ะ แล้วใครเอาฮีทกันมาเป่าหู ร้อนโว้ยยยย
“มึงจะคิดไรมากอะ จะรูปลักษณ์เป็นไงมันสำคัญขนาดนั้นเลยหรอ” อิเจ๊เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง สายตาที่มองตาทำให้ผมรู้สึกวูบวาบนั่งไม่ติดที่ “แค่เรารู้สึกดีๆให้กันมันก็พอป่าวอะ”
“เฮ้ยเจ๊ เรามันแค่ผิดพลาดเว้ย”
“มึงคิดงั้นหรอ”
“เออดิ เมาทั้งคู่ป่ะ หรือเจ๊ตั้งใจ...”
“โอ๊ย!! อย่ามโน! คืนนั้นถ้าไม่เมาเอาเงินมาฟาดหัวล้านนึงก็ไม่ได้เห็นขาอ่อนกูหรอก!”
“ถ้าสิบล้านอะ”
“ร่างสัญญามาเลย กันเบี้ยว”
ขอยาดกรอกตาสามที
“ดอกขจรสมชื่อกลุ่มจริงๆ”
“ฮ่าๆ ที่กูหมายถึงคือหลังจากนั้นต่างหาก”
กึก
งงอะ เจ๊ต้องการสื่ออะไรวะ หลังจากนั้นคืออะไร หลังจากคืนนั้นก็เจ็บไง เจ็บโคตรๆ ขี้ลำบากไปหลายวัน ต้องให้อิเจ๊มาคอยป้อนข้าวป้อนน้ำป้อนยา เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า ทายาเช้าเย็น หนักๆเข้าต้องอุ้มไปขี้ในห้องน้ำเลยก็มี เรียกได้ว่าเป็นผู้ป่วยติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ไปหลายวัน และถึงแม้จะยังพอเดินได้อิเจ๊ก็ยังเป็นโรคหวาดระแวงกลัวแผลในที่ลับผมอักเสบ ยังจิกหัวด่าทุกครั้งที่เคลื่อนตัว เลยต้องยอมให้อิเจ๊มันอุ้มไปมา
บางทีก็น่าเบื่อเนอะนอนอยู่แต่ในห้องนอน อีกฝ่ายก็ด่าไปงั้นแหละสุดท้ายก็ยอมใจอ่อนพาออกมานั่งเล่นดูทีวีที่โซฟาบ้าง นั่งรับลมริมระเบียงบ้าง
แต่พออาการผมดีขึ้นก็อย่างที่เห็นอะ โดนใช้โดนกดขี่เยี่ยงทาส เดินได้หน่อยก็โดนใช้ช่วยงานใช้ทำกับข้าว ทำงานบ้าน นี่ยังไม่รวม...
เอ๊ะ...เดี๋ยวนะ
มันแปลกๆป่ะวะ
มะมันเหมือนกับว่าเราสองคนเป็น เอ่อ เป็น...
“ก็แค่...เอ่อ...รับผิดชอบปะ ตะต่อไปก็ใช้ชีวิตของใครของมันตามที่ตกลงกันไว้ไง”
อย่างมองกันด้วยสายตากดดันแบบนี้ดิ กูไม่มีทางคิดอะไรกับเจ๊หรอก แล้วเจ๊ก็ไม่ต้องมารู้สึกอะไรกับกูด้วย มันผิดที่ผิดทางมาตั้งแต่เริ่ม…
...แล้วมันจะเดินต่อไปได้ดียังไงวะ
“งั้นลองมั้ย”
“ละลองอะไร”
“ก็ลองไง ว่าตอนนี้น่ะ...”
จุ๊บ
“...!”
ไวกว่าความคิดริมฝีปากบางสีชมพูก็ฉกวูบลงมา ใบหน้าเนียนใสของอีกฝ่ายที่โคลสอัพเข้ามาใกล้จนมองเห็นเป็นภาพเบลอให้ผมเบิกตากว้างและเสี้ยววินาทีต่อมาก็ยกมือขึ้นเพื่อดันอีกฝ่ายออก แต่ก็ถูกรั้งข้อมือทั้งสองข้างไว้ด้วยมือเดียว และมืออีกข้างได้ยึดต้นคอผมไว้เพื่อไม่ให้หันใบหน้าหนี
รสชาติสตอเบอรี่หวานๆของลิปกลอสบนริมฝีปากนุ่มหยุ่นของอีกฝ่ายทำให้สติผมเริ่มเลือนลาง สมองขาวโพลนเมื่อปลายลิ้นนิ่มค่อยๆไล้ลงบนริมฝีปากของผมอย่างหยอกล้อและล่อลวงให้ผมเผยอริมฝีปากให้ความอุ่นนุ่มนั้นเข้ามาซุกซนไปตามแนวฟัน
ก่อนแทรกเข้ามาเกี่ยวพันเกลียวลิ้นให้ร่างกายเกร็งไปทุกสัดส่วนสวนทางกับหัวใจกลับเต้นระรัวกับความวาบหวามที่กำลังได้ลิ้มลอง
สมองผมตีรวนอย่างสับสนและคัดค้านสิ่งที่เป็น
แต่...
ยิ่งอีกฝ่ายละเลียดและอ่อนโยน ร่างกายก็โอนอ่อนคล้อยตาม...จังหวะการเต้นของหัวใจก็เพิ่มขึ้นจนกลายเป็นจังหวะกลองหนักๆที่อื้ออึงอยู่ในหัว
คิดอะไรไม่ออกเลย...
ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...ที่ลิ้นและริมฝีปากตอบโต้สัมผัสของอีกฝ่าย
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน...กับการบดเบียดแลกเปลี่ยนชิมรสชาติของน้ำบ่อน้อยของกันและกัน
และไม่รู้ว่าเพราะอะไร...ผมถึงรู้สึกดี อยากได้อีก อยากจูบต่อไปเรื่อยๆ
“กูว่า...กูชอบมึง”
#เมียตุ๊ด
ง่อววววว ฟ้าผ่า ฟ้าผ่าจ้าาาา >O<
ตอนที่ 9
ฺBlue tone
“ตื่นแล้วหรอ”
ผมมองไปยังคนที่เอ่ยทักด้วยสายตานิ่งๆ ปวดหัวจัง ปวดตาด้วย รู้สึกได้เลยว่าตาต้องบวมมากแน่ๆ หนักเป็นวงล้อรถสิบล้อขนาดนี้
เมื่อคืนผมร้องไห้แล้วเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
แล้วนี่...ยังไม่กลับไปอีกหรอ
ผมเบือนหน้าหนีเมื่ออีกคนยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กที่ชุบน้ำอุ่นบิดหมาดมาให้ จนสุดท้ายก็ได้ยินเสียงถอนหายใจก่อนผ้าจะถูกโยนลงมาจนปิดหน้า
เฮ้ย นอกจากหน้าด้านแล้วยังจะใช้ความรุนแรงไม่เลิก ฮุ่ย
“ลุกมาคุยกันหน่อยไหม”
ผมหันไปสบตากับคนที่สภาพดูแย่ไม่ต่างกัน ผมยังจำได้ดี เมื่อคืนผมร้องไห้แล้วพูดประโยคแย่ๆออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมรับ...ว่ามันคือความจริง เป็นความรู้สึกจริงๆของผมที่ระเบิดออกมา จนเผลอไปทำร้ายความรู้สึกอีกฝ่ายเข้า จนพอได้สติผมก็รู้สึกผิด
ซ้ำยังรู้สึกผิดหนักกว่าเก่าเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ตะคอกหรือทำรุนแรงกลับมาอย่างที่ชอบทำเลย แค่ผละออก แต่ไม่หนีไปไหน ทำเพียงล้มตัวลงนอนข้างๆและกอดปลอบผมที่สะอื้นจนตัวโยนไว้ทั้งคืน
“ไปอาบน้ำล้างหน้า กูไปซื้อโจ๊กมา เดี๋ยวเทใส่ถ้วยไว้ให้”
ผมเม้มปากอย่างชั่งใจ อยากดื้อดึงแต่สุดท้ายก็ยอมลุกเดินไปยังห้องน้ำแต่โดยดี
ไม่รู้สิ แค่ไม่อยากให้ดวงตาหม่นคู่นั้นดับแสงลงไปมากกว่านี้
น้ำตาคลออีกแล้วกู จะอ่อนแอไปไหน
ถ้าพ่อรู้ว่ามึงร้องไห้ง่ายแบบนี้ โดนกระทืบตายเลย!
พอแปรงฟันล้างหน้าเสร็จ ผมก็เดินซับหน้าออกมา เอาผ้าเช็ดตัวไปตากที่ราว ก่อนจะไปเปิดตู้เย็น หยิบน้ำเปล่ามารินลงแก้ว แล้วเดินไปนั่งขัดสมาธิตรงโต๊ะญี่ปุ่นกลางห้องที่มีโจ๊กหนึ่งถ้วยวางอยู่
ทุกอย่างเป็นไปอย่างเชื่องช้า ไม่รู้สิ แค่รู้สึกว่าถ้าเดินแรงกว่านี้อีกนิด ขยับตัวเร็วกว่านี้อีกหน่อย ร่างกายผมจะแตกสลายอะไรแบบนั้น
เวอร์เนอะ
“ไม่กินหรอ” ผมเงยหน้าถามคนที่นั่งตรงข้ามเมื่อเห็นชามโจ๊กแค่ชามเดียว อิเจ๊ส่ายหน้า
“ไม่หิว มึงกินเถอะ มีเรียนสิบโมงนี่”
“แล้วเจ๊อ่ะ”
“กูปีสี่ ไม่มีตัวเรียนแล้ว”
อืม ปีสี่เข้าสู่เทอมสองช่วงฝึกงานแล้วนี่นา
พูดถึงพี่ๆปีสี่ก็เริ่มทยอยไปฝึกงานกันบ้างแล้ว มีแต่อิเจ๊นี่แหละยังเห็นวนเวียนอยู่ในมหาวิทยาลัย
“กินเข้าไป เดี๋ยวหายร้อนจะไม่อร่อย”
“อืม”
ผมค่อยๆตักโจ๊กขึ้นมาเป่าก่อนนำเข้าปาก พอตักกินไปได้สักพักก็รู้สึกสำนึกบุญคุณคนขาย ฮึก ทำไมถึงทำอร่อยจัง ดูสิ หมูเด้งก็นุ่มกลมกล่อม ตับก็สุกกำลังดี หอมขิงอ่อนๆไม่ฉุนเกินไป
ฮึก อร่อยจัง ฮืออ
“ไม่ต้องร้อง”
ไม่ได้ร้อง! แค่กำลังตื้นตันโจ๊กที่แสนอร่อย!
แล้วอย่ามาใช้นิ้วปาดน้ำตาให้นะ! ไม่รู้หรอว่ามันยิ่งทำให้ร้องมากขึ้นน่ะ
“ตาบวมเป็นตูดหมาแก่ น่าสมเพชจริงๆ”
ถ้าจะด่าก็แสดงท่าทีขี้เหยียดเหมือนเดิมเซ่ มาด่าด้วยเสียงอ่อนโยนแบบนี้จะให้กูทำยังไงกัน!
“เจ๊”
“หืม”
“กู...ขอโทษนะ” ผมยังก้มหน้ามองมือที่จับช้อนคนโจ๊กในถ้วยอยู่ “ที่ เอ่อ...พ่นน้ำลายใส่เจ๊เมื่อวาน”
จะใช้คำว่าถุยก็ดูจะสะเทือนใจไปหน่อย
“อืม ช่างมันเถอะ กูทดไว้ในใจแล้ว มึงโดนเอาคืนแน่”
ขวับ
เงยหน้ามองทันทีแบบกระดูกคอแทบเคลื่อน แล้วก็ได้เห็นมุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ช่างไม่เข้ากับลิปกลอสแวววาวสีหวานที่อยู่บนริมฝีปากอิ่มเลยสักนิด
ทำไมเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นแบบนี้วะ
มึงต้องพูดว่า ไม่เป็นไร คนที่รักต่อให้ขี้ใส่มือก็ไม่โกรธแบบนี้ดิ ฮุ่ย
อ้าว แล้วอะไร ผมยังขมุบขมิบปากด่าไม่ทันจบหนึ่งบทสวด สีหน้าทำไมเปลี่ยนเป็นจริงจังอีกแล้วอ่ะ
สายตาก็ทำไมต้องหมองลงอีกแล้ววะ
จะทำให้กูใจชื้นสักห้านาทีได้มั้ย ตาปูดๆยังไม่ทันยุบดี แค่นี้ก็รู้สึกแย่ที่ทำให้นางมารร้ายกลายร่างเป็นผักเฉาจะแย่แล้วนะเว้ยยย
ขอก้มหน้าแดกโจ๊กหนีสายตาต่อแล้วกัน
“อิตาร์...”
“ว่า?”
“...กู...จะเลิกยุ่งกับมึงตามที่มึงขอนะ”
กึก
ก็ดีแล้วนิ
“อืม”
แล้วทำไมมือที่จับช้อนต้องหมดลงเสียดื้อๆด้วยนะ
“…”
“ขอบคุณนะ”
“อืม ก็มึงร้องไห้ขนาดนั้นนี่นะ กูจะทนได้ยังไง...”
ทำไมวะ ทำไมถึงอึดอัดหัวใจจนอยากร้องไห้ออกมาดังๆ
“ดีใจไหม ต่อไปจะไม่ได้เห็นหน้ากูแล้วนะ”
“จะเจ๊...” ผมเงยหน้ามองใบหน้าขาวใสไร้รอยสิวที่ยิ้มขื่นส่งมาให้ “...เป็นพี่น้องกันไม่ได้หรอ...”
ผมกลืนน้ำลายที่จุกอยู่ตรงคอก่อนจะพูดต่อ
“...ผมยังอยากเจอหน้าเจ๊อยู่นะ”
ปลายประโยคแผ่วพร้อมกับตาที่หลุบลงอย่างสู้ความวูบไหวในนัยน์ตาอีกฝ่ายไม่ไหว เสไปตักโจ๊กเละๆเข้าปาก
แม้ผมจะอยู่ในสถานะที่เจ๊อยากให้เป็นไม่ได้...แต่ผมก็ยอมรับนะ ว่ายังอยากเจอ อยากต่อปากต่อคำ อยากได้ความห่วงใยที่ทำให้อบอุ่นไปทั้งใจเหมือนเดิม
“ไม่เจอน่ะถูกแล้ว” มือขาวเอื้อมมาเช็ดมุมปากที่เลอะให้ “กูกำลังจะไปเยอรมันน่ะ”
เคร้ง
ผมเงยหน้ามองอีกฝ่ายแทบจะทันที
“ยะเยอรมัน...” ผมมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา หูอื้อไปหมด “จะบ้าหรอ!!”
ผมลุกขึ้นยืน เท้าเอวชี้หน้าอิเจ๊อย่างที่มันชอบทำ จะต่างก็ตรงที่นิ้วผมนั้นมันสั่นไปหมด
“เป็นบ้าอะไรอิกลูต้า”
ไม่ต้องมาทำหน้าเหวอ!
“แค่อกหัก แค่คนกากๆอย่างกูไม่รับรัก ถึงกับต้องหนีไปพักใจต่างประเทศเลยหรือไง ดูละครมากไปหรอ” ตอนนี้ความสั่นไหวของปลายนิ้วลามไปทั่วกายแล้ว “แล้วเรื่องเรียนล่ะ อีกเทอมเดียวก็จะจบแล้ว ยะอย่าบอกนะว่าจะดร็อป ไม่ได้นะเว้ย อย่ามายึดติดกับกูได้มั้ยวะ ทำไรก็นึกถึงพ่อแม่บ้าง”
“เดี๋ยวนะ...”
“ละแล้วที่นัดถ่ายรูปชุดครุยกับแก๊งดอกขจรล่ะ พวกเจ๊ๆคงเสียใจน่าดูถ้าเจ๊ไม่จบพร้อมกัน”
“นี่…”
“ที่ผมไม่เห็นเจ๊ไปฝึกงานเหมือนคนอื่นก็เพราะแบบนี้ใช่มั้ย ทำไมทำแบบนี้วะ จะทำให้กูรู้สึกผิดไปถึงไหน ถ้าคนอื่น...อ่ะ อื้อๆ”
ผมดิ้นเต็มแรงเมื่อฝ่ายที่นั่งอยู่เริ่มทนไม่ไหว ฉุดผมให้ล้มลงเข้าหาและ...
โนว นี่ไม่ใช่ชีวิตจริงแต่อิงนิยายวายฉบับสายฮา ต่อให้ดราม่าอิเจ๊มันก็ไม่ออมมือง่ายๆ ไม่มีหรอกดึงมาแล้วจูบปิดปาก มันโรแมนซ์ไป อย่างมันนะแอดวานซ์กว่านั้นเยอะ
อิเจ๊! มึงจะเอาสลิปเปอร์ริลัคคุมะสุดคิวท์มาอุดปากกูแบบนี้ไม่ได้นะเว้ยยยยยยยยยยยย
“อื้อๆ”
กูเพิ่งซักอ่ะ ยังหอมฉุยกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มไฮยีนกลิ่นอะโรเวอราอยู่เลย
เห็นมั้ยว่ารองเท้ามันจะเปื้อนน้ำลายกู! แง้!
“อยู่นิ่งๆ” หลังจากมันยัดสลิปเปอร์เข้ามาในปากผมแล้วก็เอามืออุดไว้ไม่ให้ผมบ้วนออก ก่อนจับร่างผมนั่งตรงกลางระหว่างขาจนแผ่นหลังผมแนบกับแผ่นอกแล้วใช้อ้อมแขนข้างที่เหลือรัดตัวผมไว้แน่น
ฮืออออ นี่มันอัลไลลลล ความดราม่าที่อบอวลหายไปไหน ทำไมความจัญไรถึงเข้ามาแทนที่ นี่หรือโชคชะตาของกีตาร์สุดหล่อ ฮือ ชีวิต
“อย่าดิ้นสิ” กูต้องฟังคนที่เอารองเท้ายัดปากกูมั้ยอ่ะ ไม่โว้ยยยย “นิ่งและฟังพี่”
กึก
ผมไม่ได้นิ่งตามที่มันสั่งหรอกนะ แต่น้ำเสียงนุ่มหูและความชื้นแฉะตรงใบหูต่างหากที่ทำให้ผมตัวแข็งเกร็ง
นั่งนิ่งหุบปากเผลอกัดสลิปเปอร์ในปากแน่นเพียงเพราะมันเลียหูกูนี่แหละ
ฮือ
ไหนจะเลิกยุ่ง ลวนลามกูอีกแล้วอ่ะ
“กูไปฝึกงาน”
ไว้ใจไม่ได้เลย เผลอทีไร…
หืม
เมื่อกี้อิเจ๊ว่าไงนะ
“ที่ไปเยอรมันน่ะ ไปฝึกงานค่ะ”
เพล้ง
หนังหน้ากูสงสัยจะมีหลายชั้นเหมือนวงปี เพราะแม่งแตกบ่อยแค่ไหนก็ยังมีให้แตกอยู่เรื่อยๆ
คุณแม่บ้านครับ ช่วยมาเก็บเศษหน้าผมที ค่อยๆโกยอย่างระมัดระวังด้วยนะครับเพราะมันแตกละเอียดมาก
อะไรดลใจให้กูคิดว่าอิเจ๊มันจะหนีรักไปพักใจต่างประเทศวะ
คนที่ดูละครมากไปไม่ใช่อิเจ๊หรอก กูเอ๊งงงงงงงง
และทันทีที่อิเจ๊ปล่อยมือที่อุดอยู่ สลิปเปอร์ก็ล่วงลงสู่พื้นเป็นภาพสโลโมชั่น ริลัคคุมะลูกรักได้ตายไปพร้อมกับใจกู ฮือ T^T
“ทะทำไมไม่บอกเร็วๆล่ะ” ไม่ได้ กูจะต้องกู้ศักดิ์ศรีและวงปีบนหนังหน้ากูขึ้นมา ผมไม่ผิด มันต่างหากที่บอกช้า
“ก็แมวตัวไหนมัวแต่ร้องโวยวายล่ะ มีช่องไฟให้กูได้เข้าแทรกมั้ย”
ไม่มี T^T
“กะก็...”
“หึ ห่วงกูล่ะสิ อ๊ะๆ ไม่ต้องมาแก้ตัวทำปากเก่ง กูมองตาก็เห็นไปถึงสำไส้ติ่งที่กำลังจะอักเสบละ” แช่งกันทำไม และถึงจะปล่อยปากผมเป็นอิสระ แต่วงแขนกลับโอบกระชับมากขึ้น “คิดถึงกูบ้างนะ อย่าลืมกัน”
“ปะไปนานหรอ”
“ถ้านานล่ะ”
“ของแปลกอย่างเจ๊ใครจะลืม” ไหนจะอ้อมกอดอุ่นนี่อีกล่ะ “แล้วตกลงไปนานหรอ”
“สามเดือน”
“แค่สามเดือนเอง ตดยังไม่ทันหายเหม็นก็กลับมาแล้ว”
“อืม นั่นสิ”
งุ้ย ใจหายหมด นึกว่าไปเป็นปี แค่สามเดือนเอง แป๊บๆเดี๋ยวก็กลับมาวอแวให้ผมร้องไห้งอแงอีก
“สามเดือนนี้ กูจะลืมมึงให้ได้นะ”
“…”
“กูจะพยายามเลิกรัก แล้วรู้สึกกับมึงในแบบพี่น้องอย่างที่มึงขอ หวังว่าระยะทางที่ห่างคนละซีกโลกจะช่วยกูได้ไม่มากก็น้อยล่ะนะ”
“ทำไมอยู่ๆก็...ใจดีล่ะ” ทุกทีผมขออะไรก็ไม่เห็นจะให้ผมได้เลย ทั้งดื้อรั้นเอาแต่ใจ ชอบเอาชนะจะตายแล้วอยู่ๆทำไมถึงได้...
“หึ ใจดีหรอ ไม่หรอก” อิเจ๊เอนหลังพิงเตียงแล้วดึงผมให้เอนพิงจมไปในอ้อมกอดด้วย ก่อนยกมืออีกข้างขึ้นมาลูบศีรษะผมเบาๆ มันอบอุ่นนะ แต่ก็เจือด้วยความหน่วงหัวใจไปกับน้ำเสียงของอีกฝ่าย “มึงต่างหากที่ใจร้าย...ที่มองความเจ็บปวดของกูเป็นความใจดี...”
“…”
“ขออยู่แบบนี้สักพักนะ”
ผมนั่งนิ่งจมอยู่ในอ้อมกอดอุ่น อ้อมกอดที่ไม่ได้เต็มไปด้วยมัดกล้ามเหมือนพระเอกในนิยาย ไม่ได้ตัวใหญ่ให้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแมวน้อย ตรงข้ามเจ้าของอ้อมแขนตัวนุ่มนิ่มยิ่งกว่าผมเสียอีกซ้ำยังมีความหอมอ่อนๆจากโลชั่นที่ใช้ชะโชมผิว
แต่นั่นแหละ...ไม่ว่ายังไงผมก็รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้
แม้แต่ตอนนี้ที่ความเจ็บปวดอบอวลไปทั่วบริเวณ อ้อมกอดนี้ก็ยังให้ความรู้สึกดีอยู่
สัมผัสแนบชิดที่ไม่ได้ทำให้ความเจ็บลดน้อยถอยลง มันยังเจ็บเท่าเดิม...แค่ทำให้ผมรู้ว่าไม่ใช่แค่ผมหรือเขา แต่เรากำลังเจ็บเท่าๆกัน
“นี่”
“ครับ”
ผมตอบรับเสียงเรียกหลังจากที่เรากอดกันเงียบๆไปพักใหญ่
“ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย”
“อะไรหรอ”
“ขอความจริงนะ ถือว่ากูขอ ยังไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้จะได้คุยกันอีกหรือเปล่า”
“ทำไมล่ะ” ก็ไหนว่าไปสามเดือนแล้วก็กลับ....
“ไม่รู้สิ ถ้ามันทำใจเป็นพี่น้องไม่ได้...ก็คงไม่มีหน้ามาเจอมึงหรอก”
“จะถามอะไรล่ะ”
แล้วถ้ายอมตอบความจริงไปจะพอให้มาเจอกันอีกได้หรือเปล่า
…
…
“ชอบกูบ้างมั้ย”
“…”
“ว่าไงตาร์ รักกูบ้างหรือเปล่า”
.
.
.
“อืม”
………………………………………………………………..
อิเจ๊ไปเยอรมันได้สามวันแล้ว...
วันที่บิน ผมก็ได้ไปส่งอิเจ๊เหมือนกัน
เจ๊ไม่ได้ขอ ผมก็ไม่ได้เอ่ยปากว่าจะไปส่ง
แต่พอถึงวันก็เกาะติดไอ้แฟ้มเพราะรู้ว่ามันต้องตามพี่อ้อนน้อยไปส่งอิเจ๊...
หรือไม่...ที่มันยอมตามพี่อ้อนน้อยไปอาจเป็นเพราะผม
แต่ก็นั่นแหละ ถือซะว่าเพราะไอ้แฟ้ม ผมถึงได้ตามไปส่งเจ๊ขึ้นเครื่องได้
ไม่ได้คุยกัน ไม่ได้เอ่ยลา ได้แต่ยืนมองเจ๊ร่ำลาครอบครัวกับเพื่อนๆแก๊งค์ดอกขจร รวมถึงผู้ชายชื่อพอร์ชที่เพิ่งรู้ว่าเป็นพี่น้องกันจากบทสนทนาที่ได้ยินจากการที่ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ห่างๆข้างๆไอ้แฟ้ม
และก่อนที่เจ้าของเรือนผมยาวตรงดำขลับจะเดินเข้าไปในอาคารผู้โดยสาร อีกฝ่ายก็เพียงแค่หันมาสบตา ส่งยิ้มบาง และหันหลังเดินจากไป
ผมมองตามแผ่นหลังนั้นจนลับสายตาด้วยภาพเลือนลางจากม่านน้ำตาที่เข้ามาบดบังการมองเห็น
ไอ้แฟ้มไม่ได้เอ่ยแซวหรือถามซอกแซก แค่นั่งเงียบๆและกอดไหล่ผมไว้อย่างให้กำลังใจเพียงเท่านั้น
“มึงสองคนมีเรื่องปิดบังกูหรือเปล่า”
“ไม่นิ”/ “เปล่า”
“มีพิรุจชัดๆ”
“ตรงไหน”/ “ตรงไหน”
“ตรงนี้นี่แหละ!”
พอไอ้การ์ดถลึงตาใส่ ผมกับไอ้แฟ้มก็ยกน้ำปั่นขึ้นมาดูดพร้อมกันแก้กระหาย
“หึ ดูแลกันดียิ่งกว่าผัวเมีย ไอ้ห่านี่ก็ทำตัวเหมือนผัวตาย ส่วนมึงไอ้แฟ้ม ประคบประหงมมันเหมือนคนท้องอ่อนๆ” มันยกกระดาษเอสี่ที่ม้วนอยู่ในมือชี้หน้าเราสองคน “นี่ถ้าไม่ติดว่ามึงจีบพี่อ้อนน้อยอยู่นะ กูคิดว่าแดกกันเอง”
“เฮ้ย”
พูดเชี่ยไรไอ้การ์ด กูขนลุก!
“สรุปมีเรื่องอะไร”
“ไม่มี” ผมส่ายหน้าหวืออีกรอบ พอมันตวัดสายตาไปที่ไอ้แฟ้ม ไอ้ห่านั่นก็ทำเป็นมองนกมองไม้ไปเรื่อย
“โอเค กูก็มีประโยชน์แค่คอยช่วยงาน คอยติวให้พวกมึง ไม่ใช่เพื่อน ถูกกันเป็นคนนอกก็ไม่แปลก”
“เฮ้ย ไอ้การ์ด ไม่ใช่แบบนั้นนะเว้ย”
“แล้วแบบไหน ทุกทีเราไม่มีเรื่องปิดบัง ถ้าไอ้แฟ้มรู้ กูต้องรู้ หรือกูรู้ พวกมึงสองคนก็ต้องรู้ แต่นี่อะไรมุบมิบกันอยู่สองคน มึงก็เอาแต่นั่งซึม ทำตัวเหมือนคนวิญญาณออกจากร่าง”
“กะกูแค่...”
“ถ้าจะโกหกก็เงียบไปดีกว่า”
กริบเลย หุบปากงับแมลงวันแทบไม่ทัน
“เอาเถอะ เห็นกูเป็นเพื่อนเมื่อไหร่ก็ค่อยบอก มาติวกันต่อแล้วกัน” แล้วมันก็เปิดชีทเรียน ผมแอบสบตากับไอ้แฟ้มก่อนจะโดนดุให้สนใจเนื้อหาที่ไอ้การ์ดจะติวให้ตรงหน้า
ขอโทษนะไอ้แฟ้ม ที่ทำให้มึงซวยไปด้วย
กูเห็นเรื่องทุกอย่างมันจบลงแล้ว เลยไม่อยากรื้อฟื้นหรือพูดอะไรอีก
ส่วนมึงไอ้การ์ด ขอโทษที่ทำให้รู้สึกไม่ดี
สัญญาเลยว่าถ้าพร้อมเมื่อไหร่จะเล่าให้มึงสองคนฟังแน่นอน
แต่ขอเวลาหน่อยนะ...
เพราะตอนนี้ วันนี้...ที่กูรู้หัวใจตัวเอง
ไม่สิ...รู้ใจน่ะ รู้มาตั้งนานแล้ว
แต่ยอมรับหัวใจน่ะ...เพิ่งจะยอมรับได้…
ในวันที่สายไป...
แต่มันก็ดีแล้วล่ะ ให้มันจบไปแบบนี้แหละดีแล้ว
มันอาจจะปวดใจหน่อย แต่เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น
ก็นี่มันชีวิตปกติอย่างที่ผมอยากได้คืนนี่นา
มันดีแล้ว...
#เมียตุ๊ด
ตอนที่ 11
- again -
“การ์ด กูขอยืมเงินสี่หมื่นสิ”
“เฮ้ย เอาไปทำไร”
“ซื้อตั๋วเครื่องบิน”
ผั้วะ
“โอ๊ย ตบกูไมเนี่ย”
“ตบให้ตื่นไง มโนไรอีกมึงอะ”
มึงไม่เข้าใจอะ ทำไมต้องว่ากู ทำไมต้องทำร้ายร่างกาย
กูไม่เจ็บหรอกนะ ไม่สะเทือนเลย
เพราะโดยบล็อกไลน์ เฟส และไอจีน่ะ มันเจ็บกว่าเยอะเว้ยยยย
กล้าดียังไง ไหนว่ารักกู หลงกูไง ทำไมถึงบล็อกกัน!
ผมจะไปเยอรมัน ไปตามด่าถึงที่เลย แง้
ติดแค่ผมไม่มีเงินไง เออ กูมันคนกาก นี่ตัวเอกนะเว้ย ทำไมสร้างมาแค่หล่อลากแต่ไม่มากเงิน อยากรวยอะ แบบคิดถึงอยากไปหาก็ซื้อตั๋วไปได้เลย ไม่ก็มีเครื่องบินส่วนตัวงี้
วีซ่าอะไรไม่ต้องกังวล ออกคำสั่งทีเดียวทุกอย่างก็ได้ดั่งใจ
ทำไมกูถึงไม่เป็นงั้นวะ อย่าว่าแต่ต่างประเทศเลย จะไปต่างจังหวัดยังไม่มีปัญญา โกรธเว้ย
“ตกลงว่าไง เป็นไร กูเห็นมึงยืมตังไอ้การ์ดมาแต่เช้าละ” ไอ้แฟ้ม อย่ามาเคาะหัว เดี๋ยวกูกัดคอเลย แง่ง
“ยืมแล้วมันให้มั้ยล่ะ ไอ้ขี้งก”
“กูไม่ได้งก เงินแค่สามสี่หมื่น”
“งั้นก็เอามาสิ”
“แต่มึงมันเพ้อเจ้อไง กูเห็นงอแงตั้งแต่เช้าละ ถามจริง ถ้ากูให้ยืมจริงมึงจะไปมั้ย”
“...”
...ไม่ไป
ไม่สิ
ไปไม่ได้ต่างหาก
ก็จะสอบมิดเทอมอยู่แล้วผมจะปลีกตัวไปไหนได้ล่ะ
แล้วติดหนี้เพื่อนสามสี่หมื่น มีหวังพ่อรู้โดนตีน่องลายแน่
แต่ทำไมอะ กูไม่โอเค กูอยากงอแง ทำไมต้องขัดกู!
“ฮึก”
“อ้าวเชี่ย น้ำตาก็มา”
ยังไม่ไหลเว้ย แค่คลอๆ
ก็พวกมึงอะ ขัดใจกู
“มันบล็อกกู”
“...”
“มึง...” เบะแล้ว กูไม่ไหวแล้ว พอเป็นเรื่องมันกูโคตรอ่อนไหวเลย “มันเทกู...”
“เฮ้อออ”
“มันทิ้งกู”
“สาวแตกไปอีกเพื่อนกู ไหนแมนนักแมนหนา เจอดุ้นตุ๊ดเข้าไปที จบเห่เลย”
“มันทำให้กูเป็นแบบนี้ แล้วมันก็เทกู!”
“เห้ย เบาๆ คนอื่นมองแล้ว”
แล้วยังไง! ใครกล้ามองมาบวกเลย แต่เลขอย่าเกินสามหลักนะ กูคิดไม่ออก!
“ช่างคนอื่นสิ กูไม่สนใจคนอื่นแล้ว เพราะกูสนใจคนอื่นกูถึงทำเรื่องโง่ๆไปไง กูไล่หัวใจตัวเอง ผลักไสคนที่กูรัก กูมันโง่ หน้าบางไม่เข้าเรื่อง เอาฆ้อนมากูจะทุบปูนที่หน้ากูออก” ผมเอาหน้าผากโขลกโต๊ะหินอ่อนแรงๆได้สองทีไอ้แฟ้มก็เอาฝ่ามือมารองไว้
รองทำไม กูจะเอาเลือดโง่กูออก
“โอ๊ย มึงนี่ปกติก็บ๊องอยู่แล้ว อกหักทีเป็นบ้าไปกันใหญ่”
“กูไม่ได้อกหัก!”
“แล้วที่ร้องไห้นี่?”
“กูใจสลาย...”
“โว๊ะ!!”
ตึง ตึง โป๊ะ
แง้! อย่ามาจังหวะซิทคอม กำลังดราม่าโว้ยยยย
“พากูมาที่นี่ทำไม”
หลังจากนั่งดราม่ากลางคณะจนเต็มที่ มีเพื่อนหน้าเหี้ยสองตัวนั่งเฝ้าพร้อมจกหมูย่างข้าวเหนียวไปด้วย มึงช่วยอินกับความเศ้ราโศกของกูหน่อย มานั่งขบหมู ทำเอาน้ำตากูเหือดแห้ง แต่น้ำย่อยกะเพาะหลั่งริน
หิวโว้ยยยยยย
สุดท้ายความตะกละก็ชนะทุกอย่าง เลยลากไอ้เพื่อนสองตัวไปร้านอาหารตามสั่ง จัดข้าวผัดหมูพิเศษหมูยอทอดไปเน้นๆ สองจาน แต่หลังจากนั้นไอ้การ์ดมันก็พามาที่คอนโดหนึ่ง ซึ่งไม่คุ้นเลย แอบซ่อนกิ๊กไว้ที่นี่หรอ
“คอนโดอ้อน”
ผมหันไปมองไอ้แฟ้มที่นั่งอยู่เบาะหลัง
“พามาทำไม”
“ก็อยากคุยกับใครล่ะ”
ผมตีหน้าบึ้ง
“มันบล็อกกู”
“แต่ไม่ได้บล็อกอ้อนนิ”
“ถ้าโทรไปแล้วมันเห็นกู แล้วตัดสายทิ้งล่ะ”
“ก็อดคุยไง”
“เพื่อนเหี้ย”
“เอาน่า อย่าเพิ่งคิดไปเอง ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ลองก่อน”
“...”
“เอาไง ถ้ามึงไม่โอกูให้ไอ้การ์ดออกรถไปส่งมึงที่หอตอนนี้เลย แล้วก็ไปนอนร้องไห้ขี้มูกโป่งต่อ แล้วพรุ่งนี้จะซื้อหมอนมาเปลี่ยนให้”
“เกี่ยวไรกับหมอน”
“ก็ป่านนี้เปียกน้ำตาจนราขึ้นละมั้ง”
“สัด”
“มึงก็อย่าไปแหย่มัน ไอ้ตาร์ ครั้งนี้มึงผิดนะ มึงต้องง้อ แค่เค้าบล็อกมึงก็ท้อแล้วหรอ พี่มันพยายามกับมึงมาตั้งหลายเดือน กูไม่เห็นมันจะยอมแพ้เลย”
“แต่ตอนนี้มันยอมแล้ว...”
“เพราะใครล่ะ”
“เพราะกู”
“เออ ทำตัวเองทั้งนั้น ก็สู้หน่อย”
“อืม...”
“ก็แค่นั้น ป่ะลง กูบอกอ้อนไว้ละว่าจะมา”
แล้วพวกเราสามคนก็ยกโขยงกันไปบุกห้องพี่อ้อนที่เปิดรอต้อนรับอยู่แล้ว โห ห้องกว้างมากเลย เฟอนิเจอร์ส่วนมากตกแต่งด้วยสีขาวตามสีของห้อง ดูสบายตา จะว่าไปก็คล้ายๆคอนโดอิเจ๊คือเข้ามาเป็นห้องโถงนั่งเล่น ฝั่งซ้ายเป็นครัว ฝั่งขวาคือห้องนอน ห้องอิเจ๊ส่วนมากก็ตกแต่งด้วยสีขาวนี่แหละ จะคัลเลอร์ฟูลตรงบรรดาตุ๊กตาและของสะสมของเหล่าเจ้าหญิง
แง้ คิดถึงอีกแล้ว
“เดี๋ยวรอแป๊บนะ เมื่อกี้ทักไปพิชเพิ่งถึงห้องน่ะ”
ผมเหลือบตามองไปยังนาฬิกาบนผนังห้อง สี่ทุ่มกว่าแล้ว ที่นู่นก็สี่โมงเย็นกว่าๆ
“เลิกงานเร็วจังครับ”
“อืม ที่นู่นมืดไว้น่ะ เห็นพิชว่าบ่ายสามครึ่งฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว หนาวด้วย เลยกลับห้องเร็วหน่อย”
“อ่อ”
“แล้วสบายดีใช่มั้ยครับ” อากาศหนาวขนาดนั้นคงไม่ป่วยหรอกนะ
“เอาไว้คุยกันเองนะ แต่เท่าที่เห็นก็ดูโทรมๆ” พี่อ้อนหันมายิ้มดวงตาแพรวพราว “ไม่รู้เพราะสภาพอากาศหรือสภาพจิตใจ”
แซวซะผมสำนึกผิดไม่ทันเลย T^T
ครืด ครืดดด
“อ๊ะ โทรมาแล้ว”
พี่อ้อนหยิบโทรศัพท์ยื่นให้ผม ผมมองเครื่องมือสื่อสารที่กำลังสั่นและหน้าจอปรากฏภาพของคนที่โคตรคิดถึง
มือยื่นออกไปรับมันมา ก่อนจะถูกดันตัวเข้าไปในห้องนอนแล้วประตูก็ปิดลง ท่ามกลางสายตาให้กำลังใจของเจ้าของห้อง
ผมจ้องหน้าจอ พลางสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกดปุ่มสีเขียวที่ขึ้นรูปกล้องวิดีโอ
‘รับช้า นั่งขบหูกะ...เฮ้ย’ คนที่กำลังคุ้ยยางมัดผมอยู่พร้อมเอ่ยปากบ่นทันทีที่ผมกดรับ ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่าเป็นผมไม่ใช่พี่อ้อนน้อย มือข้างหนึ่งที่รวบผมไว้ก็คลายออกจนผมตรงสยายลงมาเคลียบ่า ใบหน้าตกใจนิ่งอึ้งแล้ววินาทีต่อมาสายก็ตัดไป
“ฮึก” แล้วไอ้น้ำตาเวรก็ไหลทันที
ทั้งบล็อก ทั้งตัดสาย
มันเทผม เทจริงๆด้วย
ครืดดด ครืดดด
แต่ก่อนจะปล่อยโฮก๊อกสอง ไอ้เครื่องสี่เหลี่ยมสีโรสโกล์วในมือก็สั่นอีกรอบ เป็นคนเดิมที่โทรมา ผมรีบปาดน้ำตาทิ้งแล้วกดรับสาย
‘โทษที เมื่อกี้ตกใจไปหน่อย’
“…”
‘ร้องไห้หรอ ใครแกล้ง...’ ไม่ต้องมาเสียงอ่อน มึงนั่นแหละ เพราะมึงคนเดียวเลย
“บล็อกกูทำไม”
‘หืม’
“ไม่ต้องมา มึงบล็อกกูทุกทางเลย! แล้วยังจะมาตัดสายทิ้งอีก!”
‘ก็บอกว่าตกใจ มือมันลั่น’
“แล้วบล็อกทำไม”
‘...’
“เจ๊...กูถามว่าบล็อกกูทำไม” ผมกัดฟันถาม คอยดูนะ จะไปเผาตุ๊กตาเจ้าหญิงมันให้หมดเลย!
‘แล้วมีอะไร ทำไมเอามือถืออ้อนมาได้’
“ก็กูติดต่อเจ๊ไม่ได้!”
‘แล้วมีอะไรล่ะ’
.
.
.
ผมกัดริมฝีปากแน่นอย่างไม่รู้จะเริ่มตอบคำถามอย่างไร
“สะสบายดีมั้ย” เป็นการถามที่เหี้ยมาก แต่พอมองเต็มๆตาดูผอมกว่าเดือนก่อนเยอะเลย
‘อืม’
“หนาวมากรึเปล่า”
‘อืม’
“ฝึกงานเป็นไงบ้าง”
‘ก็ดี’
“ดีกว่าที่ไทยอีกหรอ”
‘อืม’
แล้วผมขบริมฝีปากจนเจ็บจี๊ด คิดว่าตอนนี้มันคงห้อเลือด
‘ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...’
“จะเจ๊...”
‘…’
คลายแรงกัดออกแล้วเม้มปากแน่น หลุบสายตามองต่ำ ถึงจะผ่านหน้าจอ แต่ผมก็สู้สายตานั้นไม่ไหวหรอก ถ้าต้องเอ่ยสิ่งนี้ออกไป
“...คิดถึง”
‘…’
“เจ๊...ตาร์ขอโทษ ยกโทษให้ตาร์นะ”
‘...’
“ตาร์ขอโทษที่ผลักไส ที่ทำให้เจ๊เสียใจ ตอนนี้รู้แล้วว่าเจ๊สำคัญแค่ไหน ระเรากลับมาเหมือนเดิมได้หรือเปล่า ตาร์คิดถึง...”
‘…’
“โคตรคิดถึงเจ๊เลย...”
.
.
.
แล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมทั่วบริเวณ ความจริงแล้วผมไม่ควรได้ยินเสียงอะไร แต่ไม่...หูสองข้างผมอื้ออึงไปหมดเพราะเสียงหัวใจตัวเองที่รัวกระหน่ำ
พูดออกไปแล้ว...
คำพูดที่ส่งตรงมาจากหัวใจ ไม่ได้ไตร่ตรองหรือกลั่นกรองจากสมองเลย
เพราะกลัวว่าถ้ามัวแต่คิดนานไป อีกฝ่ายจะตัดสายไปซะก่อน
เพราะแค่เมื่อกี้ที่อีกฝ่ายเผลอวางสาย ผมก็เจ็บจะแย่แล้ว
เจ็บจนกลัว ว่าถ้าช้ากว่านี้เพียงนาที ก็ไม่มีโอกาสอีก...
“ทะทำไมเงียบล่ะ”
ซ้ำยังหายไปจากหน้าจอด้วย
ตอนนี้ผมเห็นแต่เพดานห้องสีเหลืองมัสตาร์ด
เฮ้ย คืออะไร ที่ผมกลั้นใจพูดไป มีแค่ผมที่อินคนเดียวหรอ แล้วนี่หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่
ที่ผมบอกไปเมื่อกี้ได้ยินหรือเปล่าเนี่ย
“เจ๊...อิเจ๊!”
ผมยื่นริมฝีปากไปใกล้ๆลำโพงแล้วตะโกนเรียก มาวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ให้ผมจ้องตากับฝ้าเพดานไม่ได้นะเฟ้ย
แต่ก่อนที่ผมจะตะโกนใส่ลำโพงอีกรอบ น้ำเสียงแปร่งๆก็แทรกขึ้นมาจากลำโพง
‘อืม ยังอยู่...’
อยู่แล้วไม่โผล่หน้ามาล่ะ
แต่เสียงที่ได้ยินก็ยืนยันได้ว่าเจ้าตัวยังอยู่ใกล้ๆไม่ได้ไปไหน
“เมื่อกี้ได้ยินที่พูดมั้ย” ผมถามออกไปอย่างไม่แน่ใจ ให้พูดครั้งที่สองนี่ก็ไม่รู้จะรวบรวมความกล้าได้อย่างครั้งแรกมั้ย
‘ได้ยิน’
อ่อ โล่งใจไปที
“ละแล้ว...” ผมขยับตัวอย่างอึดอัด
ยังไงอะ ถึงจะไม่เห็นหน้า แต่ผมก็รู้อะว่าอีกฝ่ายฟังอยู่
“…แล้วเจ๊ว่าไงอะ”
‘เรื่องอะไร’
อ้าว เพิ่งพูดไป แกล้งทำลืมหรอวะ
ไม่เอา เราง้ออยู่ เราจะไม่เกรี้ยวกราด
“กะก็เรื่องเราไง...กลับมาเหมือนเดิมได้มั้ย” ผมเสพติดการมีอิเจ๊อยู่ข้างๆไปแล้ว
‘เฮ้อ...มึงนี่ขยันทำให้กูประสาทแดกซะจริง’ แล้วอีกฝ่ายก็โผล่ใบหน้าเข้ามาในกล้อง หลังจากที่ให้ผมดูเพดานห้องซะนาน
‘แล้วที่ว่าเหมือนเดิมน่ะเหมือนแบบไหน’
“กะก็...”
‘กูน่ะ...ไม่อยากเป็นเหมือนเดิมแล้ว....’ สายตาอีกฝ่ายจ้องลึกผ่านกล้องสบลึกเข้ามาในนัยต์ตาของผม ‘พยายามฝ่ายเดียวมันเจ็บนะ’
“เจ๊”
‘อีกสองเดือนกูจะกลับ ช่วงนี้มึงเก็บไปคิดนะ ว่าอยากให้เราเป็นแบบไหนกันแน่’
“ไม่เอา”
ผมไม่อยากเหงา ไม่อยากเศร้าเพราะคิดถึงอีกแล้ว
‘ทำไมดื้อ’
“กะก็...” ผมเม้มปาก มองใบหน้าที่ผมคิดถึงด้วยดวงตาสั่นไหว รู้ว่ามันเห็นแก่ตัว แต่ก็ทนกับสภาพนี้ไม่ไหวแล้ว “กะกูโทรหาได้มั้ย”
‘ตาร์ ทำแบบนี้ ถ้าสุดท้ายแล้วคำตอบคือ ‘ไม่’ กูจะเจ็บมากนะ’
“ขอโทษ”
ก้มหน้าเม้มปากกับความเห็นแก่ตัวของตัวเอง
.
.
.
‘เฮ้อ เลิกทำหน้าเป็นหมาหงอยสักที รู้ว่าทำตาตก หูลู่ รู้ว่าทำแบบนี้แล้วจะใจอ่อนก็ทำจัง อยู่ใกล้ๆกูจะเอารองเท้าตบหน้าให้’
“ทำไมต้องเกรี้ยวกราด” เบะปากแล้วนะ
‘ก็มึงน่ะ เอ้ออ เดี๋ยวกูปลดบล็อกให้’
“จะจริงเหรอ”
‘เออ แล้วจำใส่กระโหลกไว้ ว่ากูปล่อยมึงแล้ว แต่มึงน่ะเป็นคนเอากุญแจมาคล้องเราไว้อีก เพราะงั้นจะทำอะไรก็นึกถึงกูที่โดนล่ามไว้กับมึงด้วย กระตุกเบาๆน่ะพอรับได้ แต่กระชากแรงมันเจ็บนะยะ แล้วอีกอย่างให้รู้ไว้...’
“…”
‘ที่กูบล็อกไม่ใช้เพราะโกรธเกลียด แต่เพราะถ้ายังเห็นมันห้ามใจไม่ได้ที่จะติดต่อไป’
“…”
‘ยังไงก็...ถนอมใจกูหน่อยนะ’
“…”
‘ลูกกุญแจอยู่ในมือมึง ขอร้องอย่าหลอกพากูไปไกลๆจนกูหลงทาง แล้วปลดแม่กุญแจออก ทิ้งกูไว้ เพราะไม่รู้ว่าครั้งนี้กูจะหาทางกลับเจอหรือตายอยู่กลางป่า’
.
.
.
‘ถึงหน้าตามึงจะทุเรศ หุ่นเหมือนฮอบบิทขาดสารอาหาร แต่เชื่อเถอะ...หัวใจกูน่ะ อยู่ในมือมึงแล้ว...’
จบคำด่าสายก็ตัดไป
ทิ้งให้ผมเหวอกับถ้อยคำมากมายที่รัวมาเป็นชุดกับสายตาอ้อนวอน
และเมื่อผมตั้งสติได้ก็กำลังจะกดโทรไปหาใหม่ เสียงสั่นของมือถือก็ดังระรัวในกระเป๋ากางเกง ให้ต้องวางมือถือพี่อ้อนน้อยลงและหยิบมือถือเจ้าปัญหาของตัวเองขึ้นมา
หน้าจอแจ้งเตือนเป็นชื่อของคนที่เพิ่งวางสายไป
ผมกดเข้าไปในช่องแชทของโปรแกรมสีเขียว
ก่อนที่สติ๊กเกอร์พร้อมเสียงมาดามมดจะทำให้ผมหัวเราะทั้งน้ำตา
‘สวัสดีค่ะ’
‘ตอแหลมมม’
‘น่ารักอ่ะ’
‘มิสยูววว’
ลูกกุญแจน่ะ ผมโยนทิ้งไปแล้ว จะไม่ปลดมันออกอีก
Pitchy’s part
ครืด ครืดดดด
“มาแล้วววว”
นี่มันจะสั่นตั้งแต่แก้ผ้า แปรงฟัน อาบน้ำ ยันสระผมเสร็จเลยรึไงนะ ให้เวลากูขัดตัวหน่อยก็ไม่ได้ใช่มั้ย ลงทุนแบกมะขามพะเยามาจากไทยเลย ยังไม่ได้แกะใช้เลยนะยะ
นี่รีบเอาผ้าซับผมที่เปียกชุ่มไว้ แล้วรีบเช็ดตัววิ่งออกมารับโทรศัพท์ทั้งที่ยังไม่ได้ผูกเชือกชุดคลุมอาบน้ำให้เรียบร้อย หนาวววว
“ฮัลโหล่วววว อะไรของมึงห๊ะ เป็นไก่หรือไง จิกๆๆๆ จิกกูอยู่นั่น” พอกดรับได้ผมก็ว๊ากออกไปทันที
ตั้งแต่ปรับความเข้าใจกันได้ เราก็วิดีโอคอลคุยกันทุกวัน
‘โมโหไรมาอะ’
โอ๊ยยยย โมโหมึงนั่นแหละอิกลูต้า! แต่พอเห็นตากลมแบ๊วๆแล้วด่าไม่ลง! กูเกลียดความแพ้นี้!
“หัดยิงปืนกลหรือไง กูอาบน้ำอยู่”
‘อ้าวหรอ โทษทีๆ จะนอนแล้วอะ เลยโทรมาหาก่อน ฮ้าว’ หน้าตาไม่ได้มีความสำนึกผิด ซ้ำจะยังมาหาวน้ำตาคลออีก โอ๊ย น่ารักโว้ย
“ง่วงก็ไปนอน ที่ไทยตีสองแล้ว”
‘งืม วันนี้เหนื่อยมั้ย’ เสียงคนถามเสียงงัวเงียพลางบี้หน้าลงบนหมอนจนใบหน้าครึ่งซีกจมหายไป
“นิดหน่อย เจอเพื่อนร่วมงานหมาบ้า มีแก๊สเปิดค้างไว้มาหาว่ากูลืมปิด พอกูบอกไม่ได้ทำก็ไม่เชื่อ ด่ารัวมาเป็นชุด กูนี่ฟังไม่ทัน”
‘แล้วเจ๊ทำไง’
“กูคนดีไม่เถียงสักคำ”
“ยอม?”
“ตบสิ รออะไร”
เด็กในจอตาเบิ่งโต ลุกพรวดขึ้นจนผมที่กำลังลงเซรั่มบำรุงผิวหน้าหลุดขำ
‘แล้วจะผ่านฝึกงานมั้ยเนี่ย’
“ผ่านสิ เพราะกูไม่ได้ตบคน แค่ตบโต๊ะ แค่นั้นก็หลบหลังตู้เย็นกันไม่ทันแล้ว”
‘โว๊ะ’
แล้วไอ้เด็กหน้าขาวก็ยู่ปาก มองบนแล้วล้มตัวลงไปนอนต่อ
“นอนได้แล้ว ดึกแล้ว พรุ่งนี้มีเรียนเช้านิ”
‘อืม’
“อืมแล้วก็วาง”
‘อีกแป๊บนึง’ พอลงครีมตัวสุดท้ายเสร็จใช้ฝ่ามือตบหน้าเบาๆสองทีก็หันมามองเด็กหน้าขาวเต็มตา ตาจะปิดอยู่แล้วยังงอแงอีก
“อ้อนอะไร หืม”
‘คิดถึง’
อึก
พอยอมรับหัวใจตัวเองได้ ก็เปิดเผยซะ พูดตรงซะใจกูสั่นไปหมด
ไอ้เด็กตูดหมึกเอ้ย
“หึ ไปนอนไป เดี๋ยวเช้ามาโยเยไม่ยอมตื่น ลำบากเพื่อนต้องมาลากอีก”
‘ตั้งนาฬิกาปลุกแล้ว’
“เคยปลุกได้ด้วยหรอ”
‘จิ๊ ไม่ได้ขี้เซาขนาดนั้นมั้ยล่ะ’
“น้อยไปสิ สัญญาณไฟไหม้ก็ปลุกมึงไม่ได้” มีครั้งนึงที่อิกลูต้าไปค้างคอนโดผม แล้วมีเด็กพิเรนทร์ไปกดสัญญาณไฟไหม้ ทำเอาคนในคอนโดแตกกระเจิง ขนของวิ่งหนีกันวุ่น
ยกเว้นอิกลูต้าที่หลับเหมือนซ้อมตาย ถ้าไฟไหม้จริงก็ตายในกองเพลิง สิ้นชื่ออิลิงหน้าขาว เป็นลิงตอตะโก
‘ชอบเอาความจริงมาพูดเล่น ไปนอนก็ได้’
“ลดแอร์ก่อนนอนด้วย อย่าลืมห่มผ้า แล้วล็อคห้องดีหรือยัง”
‘ล็อคแล้ว เป็นห่วงหรอ’ ไม่ต้องมายิ้มแฉ่งเลย อยู่ใกลๆจะจับบี้ปากแม่ง
โอ๊ยยย อยากจะบ้าตาย พออยู่ใกล้ๆจะโดนเนื้อต้องตัวทีโดนข่วนไปทั้งตัว
แต่พอเจ้าตัวยอม ทำไมฉันต้องอยู่ไกลด้วยเนี่ย
“อืม ห่วงสิ หน้ายิ่งโง่ๆอ๋องๆ อยู่”
‘ห่วงก็รีบกลับมา’ อย่ามาเสียงเล็กเสียงน้อยใส่
กระเทยอยากฟัดเมียยยยยยย
สุดท้ายก็ต้องเป็นผมที่กดวางเมื่ออีกฝ่ายบ่ายเบี่ยงไม่ยอมวาง ผมที่ต้องขึ้นพรีเซนต์รายงานความก้าวหน้าของงานพรุ่งนี้ก็ฟังไปนั่งทำงานไป มีตอบคำถามบ้าง แต่ส่วนมากจะเป็นอิกลูต้าที่เล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังว่าวันนี้ไปเจออะไรมาบ้าง
จนผ่านไปเป็นชั่วโมงเสียงก็เงียบไป
เลยละสายตาจากหน้าจอคอมพ์ไปดูหน้าจอมือถือ ก็เห็นแค่ซีกหน้ากับใบหู กับเสียงหายใจที่ดังสม่ำเสมอ
หึ จ้อจนลิงหลับ
มันอะจ้อเอง แล้วก็หลับเอง ตลกจริงๆ
ผมไม่อยากปลุกเพราะตีสามกว่าแล้ว เลยหยิบมือถือที่วางพิงกับหน้าจอคอมพ์ขึ้นมาแล้วกดจูบลงไปเบาๆ
“กู๊ดไนท์ อิลิงเผือก”
มันเป็นความธรรมดาที่โคตรมีความสุขเลย
ถึงจะทรมานด้วยความห่างไกล แทบขาดใจด้วยความคิดถึง
แต่มันก็ดีมากจริงๆ เหมือนเราเริ่มที่จะศึกษาและเรียนรู้กัน
มันอาจดูเป็นความสัมพันธ์ที่ดูเรียงไทม์ไลน์ผิดตำแหน่ง
ที่ได้กันก่อน อยู่ด้วยกัน จบความสัมพันธ์ แล้วค่อยมาเริ่มเรียนรู้กันใหม่
แต่ช่างมันเถอะ ถึงจะยุ่งเหยิง มั่วซั่ว แต่ทุกวันนี้มันทำให้รู้สึกดีมาก ผมก็ถือว่าคุ้ม
ผมไม่รู้หรอกว่าอิกลูต้าจะเปิดใจยอมรับได้กี่เปอร์เซ็นต์ วันข้างหน้ามันจะปลดแม่กุญแจที่คล้องเราสองคนไว้ แล้วทิ้งผมไปอีกมั้ย
แต่ผมอยากให้มันสู้นะ สู้และผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน
เพราะผมเชื่อว่าเราไม่ได้ผิดปกติ ไม่ได้ผิดแผก
เราไม่ใช่สัตว์ประหลาดสปีชีส์ใหม่ ไม่ต้องมาคลาสซิไฟซ์ให้ว่าผมควรจัดอยู่ในหมวดหมู่ไหน ผู้หญิง ผู้ชาย ตุ๊ด เกย์ กระเทย โบ๊ท โบน คิง ควีน
ผมแค่เป็นตัวของตัวเอง ที่สังคมจัดให้ว่าเป็นตุ๊ด...ก็โอเค เป็นตุ๊ดก็ได้
แต่กับเรื่องความรัก มันกะเกณฑ์อะไรให้แน่ชัดไม่ได้หรอก
เพราะครั้งหนึ่งสังคมก็เคยตั้งบรรทัดฐานไว้ว่า...ผู้หญิงต้องคู่กับผู้ชาย
แต่แล้วยังไงล่ะ
ก็เห็นแล้วนี่ว่า ผู้ชายกับผู้ชาย หรือผู้หญิงกับผู้หญิงก็คู่กันได้
แม้แต่ทอมรักกับกระเทยจนมีลูกออกมาเป็นโซ่ทองคล้องใจก็ยังมี
เพราะงั้นมันไม่ใช่เรื่องของเพศ เรื่องของรูปร่างหน้าตา
แต่มันคือเรื่องของหัวใจ
....เราแค่รักกัน
แค่นั้นเอง
#เมียตุ๊ด
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
อย่าถามหาความโกรธเกรี้ยวจากอิเจ๊ นางเป็นตุ๊ดที่เข้าใจหัวใจตัวเองและแมนที่สุดในสามโลกแล้ว
เชื่อเถอะ หาอีกสามชาติอิกลูตาร์ก็หาใครทั้งรักทั้งหลง ใจอ่อนให้ขนาดนี้ไม่ได้ >O<
:-[