พิมพ์หน้านี้ - Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: yai feel ที่ 10-11-2019 00:33:50

หัวข้อ: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: yai feel ที่ 10-11-2019 00:33:50
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็+ ตัวเลือกเพิ่มเติม...
shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง

 


ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

เรื่องย่อ
[Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ]

ใครๆก็รู้จักปีศาจตกสวรรค์อย่างลูซิเฟอร์อยู่แล้ว........หมายถึงเรื่องเล่าในตำนานอะนะ ใครๆก็รู้ว่าเขาคือปีศาจที่โคตรจะโลภมาก จนทำให้ต้องโดนขับไล่ออกจากสวรรค์

แต่ช้าก่อน หยุดคิดว่านิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแฟนตาซีเดี๋ยวนี้เพราะลูซิเฟอร์ที่ผมกำลังจะพูดถึงคือ

'เขา' ผู้ชายที่มีชื่อว่าลูซิเฟอร์ เป็นผู้ชายที่มีสายตาน่ากลัว น้ำเสียงและกิริยาน่าเกรงขามจนผมอดคิดไม่ได้ว่าเขาน่ากลัวจริงๆ
แต่ด้วยอุบัติเหตุบางอย่าง ทำให้ผมต้องกลายมาเป็นพี่เลี้ยงของลูกชายเขาอย่างงงๆ

ส่วน 'ผม' ก้านใบ เด็กมหา'ลัยอายุ 20ที่มีชีวิตที่แสนจะบัดซบชนิดที่ว่าเทวดาประจำตัวยังส่ายหน้าปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ
ชีวิตที่ไม่เหลืออะไรแล้วของผมกลับมี 'เขา' ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจนผมคาดไม่ถึง

ใครบอกว่าลูซิเฟอร์คือปีศาจแห่งความชั่วร้าย ก็อย่างว่าแหละปีศาจลูซิเฟอร์มีอยู่ในตำนานเท่านั้น ลูซิเฟอร์ที่เป็นคนเลยตรงกันข้ามสุดๆสินะ

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

สวัสดีค่ะฟิวเอง บางคนอาจจะเห็นว่ามาบ่อยจริ๊ง มาแล้วก็หายไป แฮ่
ขอโทษจริงๆที่นิยายบางเรื่องแต่งไม่จบ แต่เรื่องนี้สัญญาว่า "จะแต่งให้จบจริงๆ"
คือในเรื่อง พี่โหดครับ มารักกับผมไหม? (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49441.msg3205920#msg3205920) ฟิววางตัวละครไว้เยอะม๊ากกกก เพราะมีแผนจะแต่งนิยายซีรี่ย์นี่ยาวๆ แต่เพราะการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างทำให้สิ่งที่วางไว้ไม่เป็นอย่างที่คิด

แต่วันนี้ฟิวกลับมาแล้วค่ะทุกคน! มาพร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะแต่งเรื่องนี้ให้จบให้จงได้ เพราะมีความฝันที่จะรวมเล่มและมีนิยายเป็นของตัวเองค่ะ ฟิวจะสู้ เพราะงั้น....

คำชี้แจงสำหรับนิยายเรื่อง Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ
     
     1.นิยายเรื่องนี้ไม่ได้มีเนื้อหา พ่อxลูก ลูกxพ่อ ในความสัมพันธ์ชู้สาว (แต่ถ้าตีกันก็ไม่แน่) บอกเอาไว้ก่อนนะคะเผื่อใครเข้าใจผิดคิดว่าเป็นนิยายพ่อจับลูกทำเมียน๊า เป็นนิยายรักที่รักจริงๆ มีแก้แค้นมีดราม่าเล็กน้อยเรียกว่าฉากซึ้งๆแล้วกันเนอะ ออกแนวแด๊ดดี้หน่อยๆ ฟีลกู้ดมากกกก เพราะฟีลคนแต่งกู้ดตลอด อยากให้อ่านจริงๆ อิอิ
     2.ขอลงนิยายเรื่องนี้อาทิตย์ละตอนะคะ(บางอาทิตย์อาจจะลงแถม) เพราะว่าเวลาในการแต่งนิยายของฟิวมีน้อยมากเพราะต้องทำงานประจำด้วยค่ะ
     3.พูดคุยติชมได้ไม่ขัดนะคะ ฟิวยอมรับทุกความคิดเห็นอยู่แล้วแต่ขอเว้นถ้อยคำรุนแรงนิดนึงนะ อ่อนไหวมากจริงๆค่ะ
     4.ข้อสุดท้ายไม่มีอะไรค่ะ นึกไม่ออกแต่จะบอกว่าฟิวไม่เคยทิ้งความฝันที่อยากเป็นนักเขียนนิยาย พยายามที่จะสานต่อความฝันของตัวเองอยู่ค่ะ สู้โว้ย!!
หัวข้อ: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {บทนำ} 10/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: yai feel ที่ 10-11-2019 00:37:13
Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ
บทนำ

'เราจบกันด้วยดีครับ ผมเข้าใจน้องทุกอย่าง ไม่อยากให้ทุกคนโทษน้อง ตอนนี้ผมก็โอเคแล้วจริงๆ ขอบคุณสำหรับทุกๆความห่วงใยนะครับ ขอบคุณหลายๆคนที่อยู่เคียงข้างผมด้วย ขอบคุณครับ'

-นางคิดว่านางเป็นใครหรอ
-พี่นางเป็นถึงดาวมหาลัยยังไม่มั่นขนาดนี้เลยนะเอาจริง
-มันมีคนอื่นปะ ถึงได้ทิ้งพี่ฟานอะ ไม่งั้นมีเหตุผลอะไรอีกถามหน่อย
-ไม่มีใครชอบมันหรอก เพื่อนเลิกคบหลายคนแล้วจ้า มั่นเกิ๊นนน


ผมกดปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้วโยนมันออกไปอีกทาง นอนคว่ำกับเตียงแล้วหลับตาลงแน่นๆ.........เกิดอะไรขึ้นกันนะ ทั้งกับชีวิตผมและกับแอปฟ้าๆนั้นด้วย

ข้อความเมื่อกี้เป็นข้อความที่ใครบางคนเพิ่งโพสต์ไปไม่กี่นาทีที่แล้วแต่คอมเม้นท์ปาเข้าไปเกือบพัน สรุปรวมๆกันเลยก็คือ 'ไอ้ก้านมีคนอื่นแล้วทิ้งพี่ฟาน มั่นหน้าจังเลยนะขนาดพี่สาวมันเป็นดาวมหาลัย เรียนดี กิจกรรมเด่นยังไม่มั่นเท่ามันเลยจ้า'

ประมาณนี้

ผมไม่แน่ใจว่าการมั่นหน้าต้องทำยังไง เพราะส่วนตัวผมเป็นคนพูดน้อยมองโลกในแง่ดี….หรือนี่คือการมั่นหน้างั้นหรอ และตอนนี้ผมกำลังสับสนเพราะเมื่อ2วันที่แล้ว พี่ฟานกับผมก็นัดเจอกันปกติตามประสาคนเป็นแฟนกัน แต่ว่า.....

'ก้าน เราเลิกกันเถอะ'
เป็นประโยคเดียวที่ฟังแล้วหูอื้อไปเลย ถึงจะหลอกตัวเองว่าฟังผิดแต่ก็หลอกได้ไม่ถึง5วินาทีเท่านั้น

'เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าพี่ฟาน'
ผมถามน้ำเสียงสั่น ตัวชาตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาที่หน้า

'ไม่มีอะไร แต่คิดว่าควรพอได้แล้ว 1ปีกว่าๆนี่มันก็นานมากพอแล้วนะ'
แล้วไม่ได้คิดจะคบกันตลอดไปหรอ เป็นสิ่งที่ผมสงสัยแต่ไม่ถามดีกว่าเพราะกลัวคำตอบ

'ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า ถ้าไม่พอใจผมตรงไหนก็บอกสิ ผมพร้อมจะแก้ไขทั้งนั้น'
ผมพูดในขณะที่รู้อยู่แล้วว่าทุกอย่างมันจบสิ้นตั้งแต่ที่พี่ฟานบอกเลิกแล้ว แต่ผมยังไม่อยากจบ ผมรักพี่ฟานหมดใจไปแล้ว

'ก้าน คือเอาตรงๆกูไม่ได้เป็นเกย์ กูไม่ได้ชอบผู้ชาย'
ผมพูดอะไรไม่ออก รู้ดีแก่ใจตั้งแต่พี่ฟานขอคบว่าแกไม่ได้เป็นเกย์ แต่ผมก็เข้าข้างตัวเองมาตลอดว่าผมอาจจะเป็นผู้ชายคนเดียวที่พี่ฟานรัก

'แต่พี่บอกว่ารักผม'

'พูดก็จริง แต่ไม่ได้รู้สึกจริงๆ'
หัวใจของผมถูกทำร้ายอย่างหนัก มันถูกทุบตีด้วยคำพูดจากคนที่มันรักและไว้ใจ ตอนนี้หัวใจของผมใกล้จะตายแล้ว ผม.............ผมเจ็บ

'ทีนี้เข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมต้องเลิก นี่ก็อึดอัดจะตายอยู่แล้วเห็นใจกันบ้างสิ'

ตุบ...

ขาของผมหมดแรงจะยืนเมื่อเขายังคงพูดจาร้ายกาจใส่ผมไม่หยุด พอได้แล้ว...

'ไปละ อย่าเศร้านานล่ะเดี๋ยวคนอื่นรู้หมดว่ากูเป็นคนทิ้งมึง ทำตัวปกติด้วย'
จากนั้นเขาก็เดินจากไป ทิ้งให้ผมนั่งร้องไห้อยู่ที่เดิม

ในขณะที่ผมจริงใจ มอบความรักให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน แต่เขากลับมอบความรักจอมปลอมมาให้......คนสารเลวที่สมควรโดนลงโทษ


ตัดกลับมาตอนนี้ที่ผมนอนร้องไห้อยู่บนเตียง ผมไม่ได้บอกใครว่าพี่ฟานทิ้งผม พยายามไม่ร้องไห้ต่อหน้าเพื่อนๆเพราะกลัวเพื่อนรู้ว่าที่เราเลิกกันเป็นเพราะอะไร แต่พี่ฟานกลับโพสต์จุดประเด็นให้ทุกคนคิดว่าผมเป็นคนทิ้งพี่ฟานไป

ผู้ชายตอแหล

มีแต่คำนี้ที่มอบให้จริงๆ ทุกคนกำลังก่นด่าสาปแช่งที่ผมทิ้งผู้ชายดีๆอย่างพี่ฟานไป ผมกำลังถูกทำร้าย

Rrrrrrr Rrrrrr

“มายด์”

[เฮ้ย เกิดอะไรขึ้น เราเห็นโพสต์พี่ฟาน]
ผมไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้มากกว่านี้ ปล่อยให้มันไหลลงเปื้อนหมอน

“เราเลิกกันแล้ว”

[ก้าน พี่คิมบอกว่าพี่ฟานกินเหล้าเมาเหมือนหมาแถมร้องไห้ไม่หยุดเพราะแกทิ้งเขา แกทิ้งเขาทำไม]
ผมร้องไห้ด้วยความสังเวชตัวเองและความปลิ้นปล้อนของผู้ชายคนนั้น ไม่มีคำพูดให้กับคนที่ลงทุนเล่นละครเพื่อให้ตัวเองดูน่าสงสารขนาดนั้น

“มายด์  เราไม่โอเคเลยว่ะ”
ตอนนี้คงเหลือแค่เพื่อนเท่านั้นที่พอจะปลอบประโลมผมได้

[ไม่ต้องร้อง แกยังมีเรานะเว้ย]

“ขอบใจนะ คืนนี้คุยเป็นเพื่อนได้ไหม”

[ได้ดิ จะคุยด้วยจนกว่าแกจะหลับเลย]
อย่างน้อยในวันที่แย่ที่สุดผมก็ยังพอจะยิ้มออกมาได้บ้าง

‘ไม่ต้องร้อง แกยังมีเรานะเว้ย’

คำพูดของมายด์ในวันนั้น ผมไม่ได้เอะใจเลยว่ามันเป็นคำโกหก


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ขออนุญาตมาลงตอนแรกวันพรุ่งนี้ฮ่ะ จะตีหนึ่งแล้วหนูควรนอนนะฟิวลูก
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {บทนำ} 10/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 10-11-2019 00:57:01
ฟานเลวสุดๆมาหลอกให้รักพอเบื่อก็ทิ้งไปดื้อๆแล้วยังโยนขี้ให้ก้านอีก  :fire:
ประโยคสุดท้ายหมายความว่ายังไง มายด์ก็จะร้ายกับก้านอีกคนเหรอ :katai1:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {บทนำ} 10/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-11-2019 12:15:16
เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด
หัวข้อ: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {บทที่ 1} 10/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: yai feel ที่ 10-11-2019 15:43:00
ตอนที่ 1
ก้านใบบัญชีปี2

'ไม่อยากเห็นแกเศร้าแบบนี้เลยฟาน เลิกร้องได้แล้วเดี๋ยวเลี้ยงหนม โอเคไหม ^^ @fhan Chitnarong'

-พี่แก้วจะมาดามอกพี่ฟานใช่ไหมคะ

-เชียร์คู่นี้ค่าาา

-เกลียดน้องแต่ไม่เกลียดพี่น้า คบกันเลยๆ

-เอาให้ไอ้ก้านมันต้องเสียดายเลยพี่แก้ว


โลกโซเชียลมันน่ากลัวนะ มันลุกลาม ว่องไวยิ่งกว่าไฟเผาป่า ที่น่ากลัวกว่านั้นคือคนโง่ที่มีโซเชียล พวกเขาจะรู้เรื่องราวพวกนั้นจากตัวหนังสือและตัดสินว่ามันจริง แต่คนที่น่ากลัวที่สุดคือคนที่ไม่ไตร่ตรองใดๆทั้งสิ้นและมีโซเชี่ยล พวกนี้จะแชร์ทุกอย่างออกไปและบอกว่านี่เรื่องจริง

ผมโดนผลจากพวกมันทั้ง3อย่าง ถูกเกลียดและนินทา ถูกกลั่นแกล้งราวกับว่าทำความผิดมาทั้งชีวิต

เรื่องนี้มีพระเอกคือพี่ฟาน นักกีฬาคนเก่งของมหา'ลัยและแสนจะเพรียบพร้อมด้วยใบหน้า ฐานะ และจิตใจ ทำไมใครๆจะไม่หลงรักเทพบุตรล่ะจริงไหม

"ทำไมกลับเสียดึก"

เสียงดุโวยแทบจะลั่นบ้านเมื่อผมก้าวพ้นประตูเข้ามา เหลือบตามองนาฬิกาสักหน่อยว่าดึกอย่างที่แม่ว่าไหม...........ทุ่มครึ่งเนี่ยนะดึก

แต่ก็ได้แต่คิดในใจ

"มีกิจกรรมที่มหา'ลัยครับ"
ผมตอบเสียงเรียบแล้วกำลังจะเดินขึ้นห้อง

"กิจกรรมอะไรของแก ปี2แล้วยังมีกิจกรรมอะไรอีก"
ผมชะงักเท้าเมื่อมีอีกคนเดินมาจากห้องครัว ในมือเธอถือแก้วนมอยู่ในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้น

"ก็มีเรื่อยๆแหละครับพี่แก้ว"

ผมตอบเลี่ยงๆ ไม่ค่อยอยากจะเสวนาด้วยเท่าไหร่นักเพราะเถียงไปผมก็แพ้ ยังไงแม่ก็เข้าข้างพี่แก้ว

"ถ้าขยันเรียนเท่ากับทำกิจกรรมสักหน่อยเกรดคงจะดีกว่านี้ แต่พูดไปก็เท่านั้นเจ็บใจเปล่า ขนาดแก้วกิจกรรมเยอะกว่าแกตั้งหลายเท่ายังเกรดไม่เคยตกเลย ฉันล่ะยังสงสัยจริงๆว่าแก้วดีขนาดนี้ ฉันจะมีแกไปทำไม"

ผมก้มหน้ามองพื้นก่อนจะเอ่ยปากขอโทษเบาๆแล้วเดินขึ้นห้อง

นางเอกคือพี่แก้วนั่นเอง เรียนเก่ง กิจกรรมไม่เคยขาดแต่ก็ไม่บกพร่องในหน้าที่ของตัวเองสักเรื่อง ดาวมหา'ลัยที่ทั้งสวย นิสัยน่ารักเข้ากับคนอื่นได้ดี ใครๆก็รักพี่แก้ว รวมถึงแม่ที่รักพี่แก้วแบบไม่แบ่งความรักมาให้ผมเลย

พี่แก้วสนิทกับพี่ฟานพอสมควรเพราะเด็กกิจกรรมเหมือนกันร่วมงานกันบ่อย และผมรู้มาสักพักใหญ่ๆแล้วว่าทั้งคู่มีใจให้กัน เพราะพวกเขาก็ไม่ได้ปิดบังอะไรผมนักราวกับผมไม่มีตัวตน

ตอนโดนพี่ฟานบอกเลิกจึงรั้งอะไรไม่มาก เพราะรู้ว่าหัวใจของพี่ฟานเป็นของใครกันแน่

ละครเรื่องนี้เนื้อเรื่องสวยงามใช้ได้ ผมผู้เป็นตัวร้าย นิสัยไม่ดี ทั้งมั่นใจในตัวเองมากเกินไปและเจ้าชู้ทิ้งพี่ฟานไปมีคนใหม่พอดี ทำให้พี่แก้วที่เป็นเพื่อนสนิทต้องปลอบใจก่อเกิดเป็นความรัก

และหลังจากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็คบกันอย่างเปิดเผย ไม่มีข้อความว่าร้าย ไม่มีใครสาปแช่ง ทุกคนยินดีกับทั้งคู่ที่ได้คบกัน มีแต่ผมที่ต้องนอนร้องไห้คนเดียวจากผลที่ผมไม่ได้เป็นคนร่วมกระทำ


โดนทิ้ง โดนด่า โดนหักหลัง และไม่ได้รับความรักจากใครเลย


ผมโกรธ ผมเกลียด จนทำให้เกิดเป็นความแค้น ต้องพยายามอย่างมากเพื่อที่จะไม่สนใจไฟแค้นที่สุมอยู่ในใจ รู้สึกได้เลยว่ามันกำลังเผาไหม้ผม


หลังจากเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้น ผ่านมา2อาทิตย์แล้ว ผมโดนคนในมหา'ลัยแบน ข่าวลือปลอมๆแพร่สะพัดไปทั่วจนไม่มีใครไม่รู้จักผม

ยังดีที่เพื่อนสนิทของผมไม่เคยเปลี่ยนไป ไม่งั้นการมาเรียนคงกลายเป็นนรกขุมที่2ไปแล้ว ทุกวันนี้รู้สึกว่าไม่ว่าผมจะก้าวไปที่ไหน ตรงนั้นก็จะเป็นเหมือนนรกไปซะทุกที่

ผมเดินตรงไปยังตึกเรียนด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ ยิ่งผมมีปฏิกิริยาน้อยเท่าไหร่ พวกนั้นจะยิ่งร้อนรนมากเท่านั้น ผมเป็นคนเรียนรู้และปรับตัวเร็วอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้สบายมาก

สายตาของผมมองไปเห็นแผ่นหลังของเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะม้าหินอ่อนคนเดียว ผมคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย คิดในใจว่าจะแกล้งคนตรงหน้ายังไงให้ตกใจดี แต่ไม่นาน 'มายด์' ก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย

"อือว่าไง"

น้ำเสียงไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ มืออีกข้างที่ว่างของมายด์ก็พลิกสมุดไปมาฆ่าเวลาเล่น ผมแอบยืนอยู่ข้างหลังเพื่อนเพื่อรอเขาคุยโทรศัพท์ให้เสร็จค่อยแกล้งให้ตกใจ

"หน้าตึกเรียนเนี่ย.......อยู่คนเดียวสิวะมึงจะให้อยู่กับใคร"

แต่อีกไม่นานก็จะอยู่กับเพื่อนไง ผมยืนคิดคนเดียวเหมือนร่วมวงสนทนาไปด้วย

"เหอะ เดี๋ยวคงมาแหละมั้ง...........อย่าว่าแต่มึงงง กูยังงงเลยที่มันยังกล้าโผล่หน้ามาเรียนอีก โดนเกลียดทั้งม.ขนาดนั้น"
รอยยิ้มบนใบหน้าของผมค่อยๆจางหาย ขยับเข้าไปใกล้ขึ้นเพื่อได้ยินเสียงของมายด์ชัดๆ เมื่อกี้คง.....คงไม่ได้หมายถึงผมใช่ไหม

"เอาตรงๆกูก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นคนแบบนี้นะ เห็นหน้าซื่อๆทำตัวโง่ๆ ที่แท้ก็ร้ายลึก มิน่าพวกมึงถึงตีตัวออก"
หัวใจที่เหลืออยู่ดวงน้อยนิดของผมแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี มันร่วงลงกับพื้นเหมือนเศษแก้วที่โดนทุบก่อนทุกคนจะเดินเหยียบย่ำผ่านมันไป จริงอย่างที่มายด์พูดแหละ เมื่อก่อนผมมีเพื่อนหลายคนที่เรียนปีหนึ่งมาด้วยกัน แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไรทุกคนถึงเลิกคบกับผมไป ผมสงสัยแต่ไม่มีสิทธิ์ไปถามพวกเขาอยู่แล้ว

แต่ตอนนี้คนที่ผมเชื่อใจและไว้ใจคนสุดท้ายทำร้ายผมอีกครั้ง คราวนี้ผมโดดเดี่ยวของจริงและมหา'ลัยก็คือนรกไปแล้วเช่นกัน ผมคิดว่าไม่มีอะไรเจ็บไปกว่านี้แล้ว แต่ประโยคถัดมาของมายด์ทำให้ผมคิดผิด

"แต่ก็ต้องขอบคุณมันปะวะที่ทำให้กูได้ใกล้ชิดพี่ฟาน จนสมหวังไปครั้งนึง แอบเสียดายหน่อยๆที่พี่แกเฮิร์ทจากไอ้ก้านมากจนต้องให้พี่แก้วดามใจ ไม่งั้นกูนี่แหละจะไปเสนอตัวเอง"
ที่พี่ฟานบอกว่าไม่ได้ชอบผู้ชายก็โกหกอีกสินะ แม้หัวใจของผมจะสลายไปแล้วแต่ยังมีความรู้สึกอยู่ดี ผมเม้มปากกลั้นน้ำตาแน่นและค่อยๆเดินออกมาช้าๆก่อนจะวิ่งไปข้างหน้าโดยไร้จุดหมาย


พลั่ก


"เชี้ยไรวะ!"

ผมหลับหูหลับตาวิ่งโดยที่ไม่ได้สนใจว่าจะมีคนเดินไปเดินมามากมายแค่ไหน จนชนเข้ากับร่างของใครบางคน โอเคผมรู้ว่านี่คือวันที่แย่มากๆอีกวันนึง ไม่สิ ก็แย่ตั้งแต่เกิดล่ะนะ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าต้องมาเจอพี่คิมในวันนี้ด้วยนี่!

"อ๋อนึกว่าใคร ที่แท้ก็น้องก้านใบนี่เอง"

น้ำเสียงและท่าทางนั่น ไม่ใช่การทักทายแบบเป็นมิตรแน่ ไม่นะผมขอล่ะ ผมไม่พร้อมรับอะไรอีกแล้วในตอนนี้

"ที่วิ่งมาชนนี่จงใจหรือเปล่า เป็นวิธีการอ่อยเหยื่อคนใหม่หรอ"
ผมไม่ตอบ พยายามเดินเลี่ยงออกมาแต่ก็ถูกมือใหญ่คว้าศอกไว้

"มึงจำไว้เลยนะก้านกูขอให้มึงไม่มีความสุขเหมือนที่เพื่อนกูเป็น แต่ให้มึงเป็นหนักกว่าร้อยเท่าพันเท่า เพื่อนกูมันไปทำอะไรให้มึงถึงทำกับมันแบบนั้น"
ผมกัดริมฝีปากล่างอย่างแรงเพื่อข่มอารมณ์ ต่อให้เจ็บปวดรวดร้าวแค่ไหนผมก็ยังโกรธได้ ขนาดวิญญาณยังมีความแค้น ทำไมผมจะแค้นคนพวกนี้ไม่ได้

"ใครที่ทำร้ายหัวใจของผม ผมก็ขอให้มันเจ็บปวดกว่าผมเหมือนกัน ผมจะเอาคืนให้หมด"
ผมพูดแล้วจ้องตาพี่คิมนิ่ง

"มึงพูดเรื่องอะไรของมึง"
เสียงพี่คิมฟังดูตกใจและสับสน ผมดึงแขนกลับแต่อีกฝ่ายกลับบีบไว้แน่น

"ปล่อย!"
ผมขึ้นเสียงด้วยความโกรธ ยื้อแขนตัวเองกลับจนกลายเป็นการฉุดกระชากกัน และนี่เป็นพื้นที่หน้ามหา'ลัยจึงมีสายตาหลายคู่ให้ความสนใจเราเป็นอย่างมาก

"เฮ้ย"
พี่คิมร้องอย่างตกใจเมื่อผมยื้อตัวเองออกสุดแรงแต่เสียหลักล้มออกไปตรงถนน

เอี๊ยดดดดด


ปัง!


ถ้าหลับไปคราวนี้จะได้ตื่นขึ้นมาเป็นคนใหม่หรือเปล่านะ




"อึก"

ผมค่อยๆขยับตัวเบาๆแต่ความเจ็บก็แล่นไปทั่วร่าง อา.....ผมโดนรถชนสินะ แย่แล้ว อยู่ดีๆก็ล้มลงไปตรงถนนแบบนั้น คนที่ชนผมคงเดือดร้อนแย่

"ขมวดคิ้วใหญ่เลยนะ ฝันร้ายหรอ"
เสียงทะเล้นเหมือนคนอารมณ์ดีนั่นทำให้ผมเผลอลืมตาขึ้นทันที

อ่า นี่เทวดาหรือเปล่า.......ทำไมน่ารักแบบนี้

"ตกใจอะไร พี่เป็นคน"
เขาพูดขำๆเหมือนอ่านใจผมออก

"แต่ก็ไม่แปลกหรอกที่น้องจะเข้าใจผิด เพราะพี่หล่อซะขนาดนี้"
คำพูดพร้อมเสียงหัวเราะเล็กๆนั่นทำให้ผมผ่อนคลายขึ้นมานิดนึง ก็เรื่องจริงที่ว่าเขาหน้าตาดี ตัวไม่สูงนัก ใบหน้าจิ้มลิ้มแถมมีเขี้ยวอีกต่างหาก

"พี่ชื่อผ้าใบนะ เคยเรียนที่เดียวกับน้องนั่นแหละแต่จบมา2ปีแล้ว เราชื่ออะไร"
พี่เขาพูดแล้วรินน้ำเปล่าใส่แก้วยื่นมาให้ผม การกระทำดูเป็นธรรมชาติเหมือนดูแลคนอื่นบ่อยๆ

"ผมชื่อ กะ........ก้านใบครับ"
ผมตอบเขินๆ ไม่ค่อยชินเท่าไหร่ที่จะต้องตอบชื่อเต็มๆของตัวเอง แต่ก็ไม่อยากตอบว่าก้านห้วนๆ

"น้องก้านใบ ^^"
พี่ผ้าใบทวนด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า ยิ้มจนตาโตคู่นั้นปิดไปเลย

"ว่าแต่พี่ผ้าใบเป็นคนขับรถชนผมหรือเปล่าครับ ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เดือดร้อน พอดีมีเรื่องนิดหน่อยเลยทำให้เกิดอุบัติเหตุ"
ผมพูดไม่เว้นช่องให้พี่ผ้าใบแม้แต่นิด กลัวเหมือนกันว่าพี่เขาจะโกรธ

"เดี๋ยวๆค่อยๆนะ ประโยคแรกที่ก้านพูดไม่ใช่ประโยคคำถามหรอ ทำไมไม่รอให้พี่ตอบก่อน"
พี่ผ้าใบยังพูดพร้อมหัวเราะเหมือนเดิม เป็นคนอารมณ์ดีต่างจากผมอะไรขนาดนี้ บรรยากาศนี่ต่างกันลิบลับ

"พี่ไม่ได้เป็นคนชน แต่พอดีคนที่ชนน้องเขามีประชุมด่วนเลยให้พี่มาเฝ้าให้ก่อน ส้มไหม"
พูดจบก็ยื่นส้มที่ปอกเปลือกแล้วมาให้ผม

"ข....ขอบคุณครับ"
ผมยื่นมือไปรับแล้วขอบคุณเบาๆ

"แล้วก็ไม่ต้องขอโทษหรอกนะ โดนชนยังไงก็คือโดนชน ดีแล้วว่าไม่เป็นอะไรมากแต่ไม่ต้องห่วงยังไงพี่เขารับผิดชอบอยู่แล้ว"
พี่ผ้าใบพูดแล้วเคี้ยวส้มแก้มตุ่ย ผมก้มมองหลังมือตัวเองที่มีเข็มทิ่มอยู่ ร่างกายมีแผลถลอกปอกเปิกไปทั่วแต่ไม่ได้เป็นแผลใหญ่อะไรมาก มีแต่อาการปวดเนื้อปวดตัวที่พอจะทำให้ขยับตัวลำบาก

ผมเองตั้งแต่เล็กจนโตก็ไม่ค่อยได้เข้าโรงพยาบาลบ่อยนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่เคยป่วยนะ ป่วยแต่ต้องรักษาตัวเอง

"อีกไม่นานพี่เขาคงจะมาแล้วล่ะ เดี๋ยวพี่ขอตัวไปห้องน้ำแป๊บนะ"
พี่ผ้าใบพูดแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ ผมมองสำรวจไปทั่วห้องอย่างคนไม่เคยเห็น นี่สินะห้องผู้ป่วยในโรงพยาบาล เคยเห็นแต่ในละครวันนี้ได้เห็นของจริงสักที ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเท่าไหร่แต่ก็ตื้นตันใจมากที่มีคนพาผมมาโรงพยาบาล

ตอนเด็กๆผมเคยป่วยหนัก ไข้ขึ้นสูงและไม่มีแรงทำอะไรเลย ตอนที่พ่อยังอยู่พ่อดูแลผมดีมากจนอยากป่วยให้พ่อดูแลบ่อยๆ แต่หลังจากที่พ่อหายไปการป่วยของผมเป็นเรื่องที่ทุกข์ทรมาณ ไม่มีการถามอาการ ไม่มีการป้อนข้าว เช็ดตัว วัดไข้ ไม่มีอะไรเลย จนผมต้องเรียนรู้ที่จะหายป่วยด้วยตัวเอง

"เป็นยังไงบ้าง"
ผมสะดุ้งกับเสียงของผู้มาใหม่ คงเป็นเพราะผมมัวแต่เหม่อลอยเลยไม่ได้ยินเสียงเปิดประตู

ผมค่อยๆเงยหน้ามองชายที่ยืนอยู่ข้างเตียง ขายาวภายใต้กางเกงแสล็ค มือหนามีเส้นเลือดปูดดูแข็งแรง นิ้วเรียวยาวสวย และข้อมือมีนาฬิกาสีดำสนิทดูราคาแพงสวมอยู่ ไล่สายตาผ่านหน้าท้องของเขาไปถึงหน้าอก อกกว้างไหล่ตั้งตรง แม้จะมองผ่านชุดสูทแต่ก็รู้ว่าหุ่นเขากำยำแค่ไหน จนสายตาของผมไปหยุดที่ใบหน้าเขา

หล่อ........มีคำเดียวที่หลุดเข้ามาในความคิด แม้ใบหน้ารวมๆแล้วจะดูน่ากลัวมากก็เถอะ แต่เสน่ห์บางอย่างของเขาก็สามารถทำให้ผมมองข้ามความน่ากลัวไป

"ฉันถามว่าเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้ให้มาสำรวจฉัน"
น้ำเสียงเข้มขรึมตำหนิผมประกอบกับใบหน้าติดไม่พอใจนั่นทำผมหวาดกลัวจนต้องก้มหน้ามองพื้น

"ผ....ผมไม่เป็นอะไรครับ ขอโทษที่ทำให้คุณเดือดร้อน"
ผมตอบเสียงเบา อยู่ๆคอก็แห้งขึ้นมาซะอย่างนั้นทั้งๆที่เพิ่งดื่มน้ำที่พี่ผ้าใบรินให้ไป

"ทะเลาะอะไรกันข้างถนน ไม่รู้หรอว่ามันอันตราย"
ผมกำผ้าห่มไว้ในมือแน่น ไม่รู้จะตอบยังไงรู้แค่ว่าน้ำเสียงของเขาทำให้ผมกลัว

แกร๊ก

"สวัสดีครับคุณพ่อ"
ระหว่างที่ผมเงียบ เสียงประตูห้องผู้ป่วยก็เปิดออกตามมาด้วยเสียงเล็กๆของเด็กผู้ชาย

เห.....คุณพ่อ?

ผมเงยหน้าขึ้นจากมือตัวเอง หันไปข้างๆก็เห็นดวงตาใสแป๋วของเด็กน้อยจ้องมองมาที่ผม เล่นเอาผมทำสีหน้าไม่ถูก

"ไอ้ผ้าล่ะ"

มีผู้ชายอีกคนเดินตามเข้ามา เขาแต่งตัวด้วยชุดสูทเช่นกันแถมใบหน้ายังคล้ายกับผู้ชายข้างเตียงนี่มาก น่าจะเป็นพี่น้องกันล่ะนะ

"ตอนเข้ามาก็ไม่เห็น"

เขาตอบกลับไปนิ่งๆแล้วหันไปลูบหัวเด็กน้อยที่เรียกเขาว่าพ่อ เขามีลูกแล้วงั้นหรอเนี่ย มาดแบบนี้จะเลี้ยงลูกแบบไหนกันนะ ชักสงสัยซะแล้ว

"เห็นผ้าใบไหม"
เป้าหมายเปลี่ยนมาเป็นผมแทน ตอนนี้ผมกดดันขึ้นอีก1เท่าตัวเมื่อมีคนหน้าคล้ายๆกัน น้ำเสียงคล้ายกันหันมาถาม อึดอัดสุดๆ เหมือนเส้นเลือดในสมองจะแตก

"ย....อยู่ในห้องน้ำครับ"
ผมตอบตะกุกตะกัก ทำไมต้องมองผมด้วยสายตาน่ากลัวแบบนั้นด้วยเล่า! ผมไม่ได้ฆ่าหั่นศพพี่ผ้าใบหมกส้วมหรอก

"มากันแล้วหรอครับ"
บรรยากาศผ่อนคลายลงทันทีที่พี่ผ้าใบเดินออกมาจากห้องน้ำ ฟู่ว เกือบกลั้นหายใจตายไปแล้ว

"แล้วไม้กับเทียนล่ะพี่ ทำไมเห็นแต่เจ้าคิวปิดน้อย"
พี่ผ้าใบพูดกับชายผู้มาทีหลังก่อนจะนั่งลงจับแก้มของเด็กน้อยเบาๆ

"คิวปิดไม่น้อย คิวปิดโตแล้ว"
เด็กน้อยพูดงอนๆ พี่ผ้าใบหัวเราะคิกๆชอบใจที่ถูกงอน

"อยู่กับไอ้ติวข้างล่าง มันพาไปซื้อของเล่นเดี๋ยวพาขึ้นมาส่ง"
บรรยากาศที่ต่างจากเมื่อกี้ลิบลับนี่คืออะไรครับ เมื่อกี้คุยกับผมเหมือนจะแดก ทีอย่างนี้ทำมาส่งสายตา ขนาดพี่ผ้าใบไม่เห็นยังมองตาหวานเยิ้มขนาดนี้.......แปลกๆแฮะ

"เออพี่ลืมไป นี่คนที่ขับรถชนก้าน..."

"มันล้มลงมาตรงถนนต่างหาก"
คนถูกแนะนำตัวหันไปพูดอย่างไม่สบอารมณ์

"แล้วพี่ได้ชนน้องมันไหม"
พี่ผ้าใบท้าวเอวเงยหน้ามองอย่างเอาเรื่อง ทำคนดุเงียบไปเลย ไม่น่าเชื่อ

"พี่เขาชื่อลูซิเฟอร์"

"ผมชื่อก้านใบครับ"
ผมพูดพร้อมก้มหัวให้หน่อยๆ ชื่อน่ากลัวพอๆกับหน้าตาเลยนะเนี่ยพ่อแม่คิดอะไรอยู่ถึงได้ตั้งชื่อลูกแบบนี้ ขนลุกชะมัด

"เรียกฉันว่าลูฟก็พอ"
ชื่อคุณมันยาวเกินไป ผมไม่คิดจะเรียกชื่อเต็มๆของคุณอยู่แล้วล่ะน่า ผมคิดตอบในใจ

"ถ้างั้นผมกลับก่อนนะครับ คิวปิดกลับกับอาไหม"

"ไปอยู่กับสีเทียนกับสีไม้หรอ"
เด็กน้อยจ้องตาพี่ผ้าใบตาปริบๆ

"ไปอยู่กับพี่แยมไงครับ หรือคิวปิดอยากไปนอนบ้านอาผ้ากับอาซุส"
สีหน้าของเด็กน้อยเปลี่ยนไปทันที แขนเล็กๆกอดอกตีลมเข้าแก้มซะแก้มป่อง

"ไม่เอาพี่แยม คิวปิดไล่พี่แยมออก พี่แยมไม่สนใจคิวปิดสนใจแต่คุณพ่อ"
เสียงเด็กน้อยไม่พอใจมาก ฟึดฟัดๆจนอาการน่าเป็นห่วง น้องคงโกรธจริงๆ

"เสน่ห์แรงจริงๆ"
พี่ผ้าใบพูดหยอกล้อ ผมลอบมองสีหน้าของเขาว่าทำหน้ายังไงเมื่อถูกแซว แต่ก็คือยังนิ่งสนิทเหมือนไม่ได้ยินเสียงของพี่ผ้าใบด้วยซ้ำ ที่นิ่งนี่คือไม่รู้สึกอะไรหรือเก๊กไว้เพราะกลัวเสียฟอร์มก็ไม่รู้

และอยู่ๆคุณลูฟก็เลื่อนสายตามาสบตาผม ทำเอาผมสะดุ้งหลบสายตา ขนแขนลุกจนต้องใช้มือลูบแขนเบาๆ

"พวกนายพาคิวปิดกลับไปก่อน ฉันจะคุยกับเด็กนี่สักหน่อย"
ผมหันไปมองพี่ผ้าใบเพราะไม่ต้องการอยู่กับคุณลูฟแบบ2ต่อ2 น่ากลัวเกินไปผมรับไม่ไหวแน่ แต่ดูเหมือนเสียงของผมจะไปไม่ถึง

"โอเคๆ งั้นผมพาคิวปิดไปนอนด้วยละกัน จนกว่าพี่จะหาพี่เลี้ยงคนใหม่ได้ พี่ไปก่อนนะก้าน"
ผมจำใจก้มหัวให้พี่ผ้าใบเป็นการกล่าวลาแม้ว่าในใจจะร้องว่าอย่าไปก็เถอะ คนตัวเล็กก้มลงจะอุ้มเด็กน้อย

"มานี่มา"
แต่คนตัวใหญ่กว่าเป็นคนอุ้มน้องแทนและทั้ง3คนก็พากันเดินออกไป ห้องเงียบลงอีกครั้ง รู้สึกเหมือนจะเงียบกว่าตอนผมอยู่คนเดียวอีก

"ติดต่อพ่อแม่ของเธอหรือยัง"
ผมนั่งหลังตรงขึ้นมาอีกครั้งเมื่อคุณลูฟเริ่มยิงคำถาม

"ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมว่าผมจะกลับแล้ว"
ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรมากผมขอกลับบ้านดีกว่า ไม่งั้นคงโดนแม่บ่นยาวอีก

"ฉันถามให้ตอบ"
ผมเริ่มใช้ความคิดอย่างหนักเพื่อหาคำมาตอบจนเผลอกัดปากตัวเองแตก สัมผัสได้ถึงรสเลือดที่ปลายลิ้นและในที่สุดผมต้องจำใจต้องตอบ

"ผมไม่อยากให้แม่รู้"
ไม่รู้ว่าผู้ใหญ่จะคิดยังไงเมื่อได้คำตอบแบบนี้จากเด็กที่เพิ่งโดนรถเฉี่ยวมา แต่ความคิดผมคือเขาต้องมองว่าผมเป็นเด็กมีปัญหาแน่ๆ

"เงยหน้ามามองตาฉันสิ"
ผมกลัวถูกเขาดุอีก จึงค่อยๆช้อนตาขึ้นมอง คุณลูฟก้มตัวลงต่ำเพื่อมองเข้ามาในตาของผม มองอยู่แบบนั้นสักพักก็ถอยออกไป

“รู้สึกผิดไหมที่ทำให้ฉันเสียเวลาเพราะความทะเล่อทะล่าของเธอ”
ผมย่นหน้าเล็กน้อยเมื่อเริ่มถูกดุอีก แต่ก็พยักหน้าเพราะผมผิดจริงๆนี่นา

“ครับ ผมขอโทษ”
ทั้งห้องต้องอยู่ในความเงียบอีกครั้งก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ฉันจะจ้างเธอ”
ผมมองหน้าเขาเหมือนได้ยินอะไรที่ไม่ควรจะได้ยินเข้า แต่ใบหน้าของเขาก็นิ่งสนิทเหมือนเดิม

“คุณคุยโทรศัพท์หรือเปล่าครับ”
ผมถามเพราะเหมือนประโยคก่อนหน้านั้นเขาจะไม่ได้พูดกับผม แต่สายตาดุๆนั่นก็เป็นคำตอบว่าเขาคุยกับผมจริงๆ

“อย่างที่เธอได้ยินนั่นแหละ ลูกชายฉันไล่พี่เลี้ยงออกเพราะงั้นฉันจะจ้างเธอมาเป็นพี่เลี้ยงแทน”
ไล่ออกเพราะพี่เลี้ยงอ่อยคุณพ่ออะนะ ก็เขาไม่รู้ไงว่าผมเพิ่งเลิกกับแฟนที่เป็นผู้ชายมาไม่งั้นเขาจะไม่พูดแบบนี้แน่

“ผมไม่แน่ใจว่า…..”

“มีทางเลือกด้วยหรอ”
นี่เขามัดมือชกผมเพราะผมล้มใส่รถเขางั้นหรอ! ผู้ชายคนนี้นี่……….

“ผมไม่เคยเลี้ยงเด็ก”

“แล้วไม่เคยเป็นเด็กหรือไง”
เอ้า แล้วคุณไม่เคยเป็นเด็กหรือไงถึงไม่เลี้ยงลูกเองอะ เถียงด้วยแล้วหงุดหงิดชะมัดไม่พูดด้วยแล้ว

“หึ”
ชนะผมได้คงพอใจแล้วสินะ แต่ก็เอาเถอะ หางานเสริมทำก็น่าจะดีเหมือนกันนี่นา


TBC....
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 1} 10/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: P.PIM ที่ 10-11-2019 17:48:51
อ่านแล้วโกรธเพื่อนก้านมากโกรธแม่กับพี่มาก หงุดหงิดมากๆ แต่คงเพราะก้านไม่อยากมีปัญหาไม่มีคนซัปพอร์ตเลยไม่กล้า อยากไปกอดกล้าแน่นๆเลยอะ  :katai1:
ส่วนคุณลูซิเฟอร์นี่จะจ้างคนโดยไม่ถามไถ่อะไรสักหน่อยเหรอ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 1} 10/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-11-2019 18:57:37
น่าสงสัยเรื่องเพื่อนๆของก้าน
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 1} 10/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 10-11-2019 18:59:47
เนื้อเรื่องน่าติดตามมาก รอตอนต่อ จร้า
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 1} 10/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-11-2019 19:15:51
พี่ฟานร้ายอ่าาา
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 1} 10/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 11-11-2019 10:42:01
ลูฟมีพลังอ่านเรื่องราวภายใต้ดวงตาได้ด้วยเหรอ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 1} 10/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 11-11-2019 12:52:41
อยากกอดก้านแน่นๆสักที :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 1} 10/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-11-2019 20:36:56
น่าสนุก​ค่ะ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 1} 10/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: jpjiraporn ที่ 12-11-2019 21:51:11
น่าอ่านมากเราอยากอ่าน :ling1: :ling1: :impress2:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 1} 10/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 13-11-2019 00:10:25
ติดตามจ้า :pig4:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 1} 10/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 14-11-2019 14:35:39
ตาม
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 2} 17/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: yai feel ที่ 17-11-2019 13:50:20
ตอนที่ 2
มันคือความสัมพันธ์อันแปลกประหลาด


"ทำไมเมื่อวานไม่มาเรียน โดดหรอแก"
มายด์นั่งลงข้างๆผมแล้วใช้ไหล่กระแซะไหล่ผมเบาๆ ผมหันไปส่งยิ้มเหือดแห้งให้

"ไม่สบายนิดหน่อยอะเลยไม่อยากมาเรียน"
อีกฝ่ายยิ้มบางๆพร้อมกับส่ายหัว

"เหลวไหลตลอด"
ผมกัดริมฝีปากล่างตัวเองพยายามกลั้นน้ำตา มองใบหน้าของเพื่อนที่ผมคิดว่าเป็นเพื่อนรักอย่างอธิบายความรู้สึกไม่ถูก มายด์รู้อยู่แล้วล่ะว่าเมื่อวานผมเกิดอุบัติเหตุ แม้จะไม่ได้เป็นอะไรมากแต่ตามร่างกายของผมมีผ้าปิดแผลปิดอยู่หลายจุดและมายด์ไม่ได้ถามถึงมันเลย
อีกอย่าง ถ้าคนอย่างผมโดนรถชนที่หน้ามหาลัยยังไงทุกคนต้องพูดถึงอยู่แล้ว ผมหันกลับไปสนใจที่หน้าห้องเรียนเมื่ออาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามาในห้อง

เมื่อวานหลังจากที่พูดคุยกับคุณลูฟเสร็จเขาก็ให้คนมาส่งผมที่บ้าน ดีที่ตอนนั้นไม่มีคนอยู่ผมจึงแอบเข้าบ้านได้โดยไม่ต้องตอบคำถามใคร

"เออก้าน คืนนี้สาขาเรามีเลี้ยงกัน ไปสิ"
เมื่อจบการเรียนการสอน มายด์ก็หันมาพูดกับผมทันที ช่างเป็นการเชิญที่ทำให้รู้สึกสมเพชตัวเองจริงๆ ผมมั่นใจมากว่าไม่มีใครอยากให้ผมไปหรอก ทุกคนเกลียดขี้หน้าผมโดยที่ยังไม่เคยคุยกันด้วยซ้ำ

"ไปเถอะ เรามีงานต้องทำอะ"
มายด์ถอนหายใจเบาๆอย่างโล่งอก มันทำให้ผมกำมือแน่น ถ้าไม่อยากให้ไปแล้วมาชวนผมทำไมตั้งแต่แรกไม่ทราบ!

"เดี๋ยวนี้ทำงานพิเศษด้วยหรอ เดือดร้อนอะไรหรือเปล่า"
ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงซาบซึ้งใจที่เพื่อนเป็นห่วงเป็นใยขนาดนี้ แต่พอดีตอนนี้ผมรู้ว่ามันปลอม ที่ถามไปก็คงไม่พ้นเอาไปเม้ามอยกับเพื่อนๆตัวจริงสินะ พอได้รู้ความจริงแล้วก็มองสายตาของมายด์ออกทันทีเลยแหะ

"ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินหรอก แต่ต้องทำแค่นั้นเอง"
ผมตอบแล้วเก็บของลงกระเป๋า เตรียมตัวจะออกจากห้อง ส่วนมายด์ก็คงจะคิดเรื่องงานของผมไปร้อยแปด

"ไปก่อนนะ"
ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแล้วหันไปบอกลามายด์ เจ้าตัวหันมาตอบรับผมเบาๆเหมือนเพิ่งหลุดออกจากภวังค์

งานที่ผมว่าจะเป็นอะไรไปซะได้ล่ะ นอกจากงานที่โดนมัดมือชกจนน่าโมโหและน่ายินดีในเวลาเดียวกันอย่างพี่เลี้ยงเด็กของพ่อนักธุรกิจสุดหล่อแต่ไม่สามารถเลี้ยงลูกเองได้เนี่ย

“สวัสดีครับคุณก้าน ผมชื่อชัชเป็นคนดูแลคุณตั้งแต่นี้ไปครับ”
เมื่อเดินออกมาหน้ามหา’ลัยก็พบชายใส่สูทคนหนึ่งยืนรออยู่และพูดทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“สวัสดีครับ คนของคุณลูฟหรอครับ”
ผมยกมือไหว้แล้วถามตามมารยาทแต่เดาได้ไม่ยากเท่าไหร่ว่าเป็นคนของคุณลูฟ เพราะไม่มีใครมายุ่งย่ามกับผมแล้วล่ะ

“ใช่ครับ ผมต้องขับรถให้คุณเพื่อพาคุณไปรับคุณหนูและดูแลคุณด้วยเผื่อว่าขาดเหลืออะไร”
อะไรจะทำงานยุ่งยากดีแท้ มารับผมเพื่อไปรับลูกชาย แล้วทำไมไม่ให้คุณชัชไปรับลูกให้ซะเลยล่ะ แต่ก็เอาเถอะ เป็นเรื่องความสัมพันธ์แปลกๆของพ่อลูกล่ะนะ อย่าเข้าไปยุ่งเลยจะดีกว่า มีหน้าที่ทำก็ทำไป

ผมเดินขึ้นรถที่คุณชัชเปิดประตูรอไว้อยู่แล้วไม่ได้สนใจสายตาของคนอื่นเท่าไหร่ แอบคิดเองเล่นๆว่าพรุ่งนี้ชื่อไอ้ก้านต้องมีข่าวลือแปลกๆเพิ่มมาอีกแน่ ผมก็ไม่เคยคิดจะแก้ตัวอยู่แล้วด้วยเพราะพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ทุกคนเชื่อแบบที่พวกเขาอยากจะเชื่อเท่านั้นแหละ

“ปกติใครไปรับน้องหรอครับ”
ผมชะโงกถามคนที่ขับรถอยู่อย่างอารมณ์ดี อารมณ์ดีอะไรของเขารถก็ติดจะตาย

“ปกติจะเป็นพี่เลี้ยงครับ แต่คนล่าสุดเพิ่งจะโดนคุณหนูไล่ออกไป ถ้ามีปัญหาแบบนี้ปกติแล้วคุณผ้าใบจะดูแลคุณหนูแทน”
ผมพยักหน้าเป็นอันเข้าใจ

“แต่เมื่อวานที่คุณท่านขับรถชนคุณ คุณผ้าใบต้องมาเฝ้าคุณ คนที่ไปรับคุณหนูเลยเป็นคุณชายแทนน่ะครับ”
เชี้ยอะไรวะเนี้ย ผมผงะออกมาคิดกับตัวเองคนเดียว นึกว่าจะเป็นความสัมพันธ์แปลกๆแค่เฉพาะพ่อลูก แต่ฟังๆดูแล้วแปลกทั้งบ้านเลยนี่หว่า คุณท่าน คุณชาย คุณหนู คุณผ้าใบ คุณอะไรเยอะแยะก็ไม่รู้ งงไปหมดแล้ว

“หึหึ ไม่ต้องทำหน้าโมโหขนาดนั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวคุณมาทำงานให้คุณท่านแล้วก็จะชินไปเอง”
ผมคลายคิ้วที่ขมวดโดยไม่รู้ตัวออกทันที ผมเผลอแสดงสีหน้าออกไปงั้นหรอเนี้ย เสียมารยาทชะมัด

“ถึงแล้วล่ะครับ”
สติผมกลับมาอีกครั้ง เปิดประตูก้าวเท้าลงจากรถก็ต้องตกตะลึงกับความใหญ่โตของสิ่งก่อสร้างเบื้องหน้า โรงเรียนบ้าอะไรจะใหญ่ไปแล้ว! นี่มันวังชัดๆ

“มาช้า!”
มีเวลาตกตะลึงได้ไม่นานก็ต้องกลับมาสู่โลกแห่งความจริงด้วยเสียงเล็กๆที่ตวาดซะลั่น ก็สะดุ้งอยู่แหละ ตัวก็เล็กแต่เหวี่ยงน่ากลัวจริง

“ขอโทษครับๆ เพิ่งเลิกเรียนนี่นา”
ผมย่อตัวลงไปสบตากับเด็กน้อย เมื่อวานเห็นผ่านก็ว่าน่ารักแล้วแต่ตอนนี้ได้มามองใกล้ๆแบบนี้ก็เห็นได้ชัดเลยว่าตาเหมือนคุณพ่อปีศาจนั่นชะมัด อยากจะหลงในหน้าตาอันน่ารักมากอยู่หรอกถ้าไม่ติดว่าเจ้าตัวหน้าบึ้งจนน่าหมันไส้ขนาดนี้

“เป็นผู้ใหญ่แล้วยังจะเรียนอีก”
ผมเกือบจะหลุดหัวเราะกับประโยคน่าเอ็นดูนั่นแต่สายตาดุๆไม่ต่างจากคนพ่อก็ทำให้ผมต้องปิดปากอึบ คิวปิดน้อยอย่างที่พี่ผ้าใบว่าจริงๆ

“นั่นสินะ อยากกลับไปเป็นเด็กจังเลย”
ผมพูดแล้วยิ้มบางๆ ตอนเด็กๆผมไม่ได้เรียนโรงเรียนใหญ่โตแบบนี้หรอกแม่บอกว่าโรงเรียนวัดเหมาะกับผมที่สุดแล้ว ซึ่งก็คงจะจริงซะด้วย

“เอาล่ะ ตอนนี้ต้องกลับบ้านก่อนนะ วันนี้คิวปิดอยากทานอะไรเอ่ย”
ผมก็ถามไปอย่างนั้นแหละ เพราะยังไงหน้าที่ทำอาหารต้องเป็นหน้าที่ของแม่ครัวอยู่ดี

“อยากทานเบอร์เกอร์”
เป็นคำตอบที่ไม่ได้คาดไว้เลยแหะ ผมชำเลืองตามองคุณชัชก็เห็นว่าเขามองผมอยู่ก่อนแล้ว แถมยังส่ายหัวกันผมตามใจคิวปิดอีกต่างหาก…….อย่ามารู้ทันกันทีสิ

“ส่ายหัวอะไรชัช”
เจ้าของชื่อสะดุ้งกับเสียงเล็กๆอันแสนเกรี้ยวกราดนั่นก่อนจะรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน หูตาไวแถมดุอีกต่างหาก หรือนี่จะเป็นคุณลูซิเฟอร์เวอร์ชั่นไม่เก็บความรู้สึกกันนะ

“เอางี้ไหม เดี๋ยวพี่พาไปทานเบอร์เกอร์”
พอพูดจบตาเด็กน้อยก็เป็นประกายขึ้นมาทันที ท่าทางจะไม่ค่อยได้กินของที่ชอบสินะ

“แต่ว่าคุณก้านครับ ถ้าคุณท่านรู้ล่ะก็……”
พอคุณชัชพูดถึงคุณท่านเท่านั้นแหละ ตาที่เป็นประกายเมื่อครู่ก็หงอยลงทันที

“นั่นสิ ถ้าคุณพ่อรู้จะถูกทำโทษเอา คิวปิดไม่อยากโดนคุณพ่อโกรธ”
มาถึงตรงนี้เด็กน้อยคงลืมความโกรธเคืองที่ผมมารับช้าเมื่อครู่ไปแล้วแน่เลย ทำหน้าน่าเอ็นดูเชียว เห็นแล้วใจอ่อนไม่อยากขัดใจเลย

“ถ้าคิวปิดไม่พูด พี่ก้านไม่พูด คุณชัชไม่พูด คุณพ่อก็ไม่รู้นี่ครับ ใช่ไหมครับคุณชัช”
คิวปิดหันไปมองหน้าอีกคนที่เดินอยู่อีกข้างนึง คุณชัชทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะตกลงก็กลัวโดนทำโทษ จะปฏิเสธก็มีสายตาที่มีแรงกดดันมหาศาลทั้งสองคู่จ้องมองอยู่ เขาเงยหน้าจากคิวปิดมามองผม

“ก็ได้ครับ ผมยอมให้ครั้งเดียวนะ ถ้าคุณท่านรู้ว่าปล่อยให้คุณหนูไปกินอาหารไม่มีประโยชน์ล่ะก็ ผมโดนแน่ๆ”
แอบเสียวเหมือนกันนะเนี่ย เพราะขนาดผมเจอครั้งเดียวยังหลอนกับสายตาคู่นั้นไม่หาย คุณชัชที่เป็นลูกน้องต้องทำงานแบบใกล้ชิดคงจะกลัวคุณลูฟจนขึ้นสมอง

“เย้ๆ วันนี้คิวปิดจะได้ทานเบอร์เกอร์”
เด็กน้อยวิ่งร่าเริงไปที่รถ ผมเห็นแล้วอดยิ้มตามไม่ได้เพราะตอนเด็กๆผมก็ไม่ได้กินอะไรพวกนี้บ่อยนัก พ่อเคยพาผมไปทานบ้างแต่พอแม่รู้ก็โกรธใหญ่เลย แต่ไม่ได้โกรธที่กินของไม่มีประโยชน์หรอกนะ โกรธที่ไม่พาพี่แก้วไปต่างหาก พ่อบอกว่าแม่พาพี่แก้วไปหลายที่แล้วพ่อเลยอยากพาผมไปบ้างเท่านั้นแหละ ทะเลาะกันใหญ่โตเลย

จากนั้นมาผมก็ไม่ไปไหนกับพ่อตามลำพังอีกเพราะไม่อยากให้พ่อกับแม่ทะเลาะกัน พ่อจะร้องไห้ทุกครั้งที่ทะเลาะกับแม่ ผมไม่อยากเห็นพ่อร้องไห้

แต่ตอนนี้พ่ออยู่ไหนนะ คนๆเดียวบนโลกที่รักผม ตอนนี้จะทำอะไรอยู่

“คุณก้าน ขึ้นรถสิครับ”
คุณชัชที่กำลังจะขึ้นรถหันกลับมาเรียก ผมปาดน้ำตาที่คลอเบ้าตาอยู่แล้วรีบเดินขึ้นรถ

“คิวปิดอยากทานเฟรนฟรายซ์ด้วย จะทานให้หมดทั้งร้านเลย”
เด็กน้อยพูดอย่างอารมณ์ดี ขาสั้นๆนั่นตีไปมา บวกกับใบหน้าที่มีรอยยิ้มทำให้หัวใจผมฟูฟ่องไปหมด ผมไม่คิดว่าตัวเองจะชอบเด็กเพราะไม่ได้สุงสิงกับใคร ไม่คิดเลยว่าการได้ดูแลเด็กคนหนึ่งให้เขามีความสุขจะเยียวยาหัวใจผมขนาดนี้

ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีล่ะนะ เพราะอาจจะได้อยู่ด้วยกันอีกนาน

เมื่อเดินทางมาถึงที่ร้านเบอร์เกอร์ชื่อดังแห่งหนึ่งที่เป็นร้านระหว่างทางกลับบ้านพอดี คิวปิดก็วิ่งแจ้นเข้าไปสั่งอาหารทันที สั่งมาเยอะเสียด้วยจนผมกับคุณชัชมองหน้ากันเลิ่กลั่กไปหมด

“ปกติคิวปิดไม่ค่อยได้ทานของพวกนี้หรอครับ”
ผมถามเพื่อเพิ่มระดับความสนิทสนม ปากเล็กๆนั่นกัดฟิชเบอร์เกอร์คำโตแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งซอสทั้งเศษขนมปังเปื้อนแก้มไปหมดจนผมต้องคอยเช็ดให้…...น่ารัก

“คุณพ่อไม่ให้ทาน บอกว่าจะป่วย แต่อาเล็กแอบพาไปทานบ่อยๆครับ”
ผมเลิกคิ้ว หันไปหาคุณชัชทางสายตาเกี่ยวกับอาเล็ก

“คุณหนูจะเรียกคุณผ้าใบว่าอาเล็กครับ ส่วนอาใหญ่คือคุณซุส”
อ๋อ คุณซุสที่หน้าเหมือนกับคุณลูฟนั่นน่ะนะ พอพูดถึงพี่ผ้าใบกับคุณซุุสแล้ว…..

“คือมันอาจจะเสียมารยาทแต่ผมอยากรู้ว่าคุณลูฟกับคุณซุสแล้วก็พี่ผ้าใบนี่เป็นพี่น้องกันใช่ไหมครับ”
เพราะว่าทุกคนจะพูดถึงคุณซุสแล้วก็พี่ผ้าใบจนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกันใช่ไหม ผมดูไม่ออกว่าพี่ผ้าใบเป็นน้องชาย…….หรืออาจจะเป็นน้องบุญธรรม

“ไม่ใช่หรอกครับ”

“เอ๊ะ ไม่ใช่? คืออะไรครับ”
คุณชัชยิ้มบางๆให้กับสีหน้าอันงงงวยของผม

“คุณท่านมีน้องชายสองคนครับ คุณซุสเป็นน้องคนเล็กแต่คุณผ้าใบไม่ใช่…..”

๐๐๐๐๐๐๐

“วันนี้คุณท่านไม่น่าจะกลับดึก เชิญคุณก้านรอคุณท่านในบ้านก่อนนะครับ ท่านอยากมีจะคุยกับพี่เลี้ยงคนใหม่เสียหน่อย”
คุณชัชพูดพร้อมยิ้มแซว นี่บรรจุให้ผมเป็นพนักงานไปแล้วหรอ มั่นใจจังเลยนะว่าผมจะไม่ชิ่งน่ะ

แต่ก็อย่างที่ผมบอก หางานเสริมก็ดีเหมือนกันจะได้มีเงินซื้อของที่อยากได้บ้าง ทุกวันนี้จะทำรายงานทีก็ต้องไปอยู่ร้านเน็ตเพราะไม่มีคอมใช้ จนตอนนี้สนิทกับเจ้าของร้านไปแล้ว โทรศัพท์ที่ใช้อยู่ตอนนี้ก็เป็นเครื่องเก่าของพี่แก้ว ก็ไม่ใช่ว่าได้มาง่ายๆหรอก โชคดีที่ตอนนั้นโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดออกวางขายแล้วพี่แก้วอยากได้มาก จึงบอกว่าจะเอาเครื่องเก่าให้ผมเพราะงั้นแม่ต้องซื้อให้ใหม่เท่านั้น

จะว่าไปความสัมพันธ์ของครอบครัวผมก็แปลกประหลาดด้วยหรือเปล่านะ

แต่พอพูดถึงความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดจริงๆแล้วก็ต้องคิดถึงคุณซุสกับพี่ผ้าใบเลยจริงๆ

‘คุณผ้าใบกับคุณซุสเป็นแฟนกันครับ หรือลึกซึ้งกว่านั้นก็คือสามีภรรยากัน คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัย พอเรียนจบก็แต่งงานกัน ผมในตอนนั้นอยู่กับคุณท่านไม่ได้ไปร่วมงานด้วย แต่คุณผ้าใบส่งรูปมาให้คุณท่านด้วยนะครับ คุณท่านก็ดูรูปนั้นเสียบ่อย แถมยังยิ้มทุกครั้งที่ดูด้วย เป็นครั้งแรกที่คุณท่านยิ้มออกมาแบบนั้น ผมยังจำไม่ลืมเลยครับ’
คุณชัชเล่าเรื่องของพี่ผ้าใบไปก็ยิ้มจนตาปิด มันไม่ใชเรื่องแปลกใหม่สำหรับผม เพราะผมก็เพิ่งเลิกกับแฟนที่เป็นผู้ชายมา หนำซ้ำยังคบกันมาตั้งปีกว่าๆ

แต่ที่ผมแปลกใจคือคุณลูฟ เขาไม่น่าจะเป็นคนที่ยอมรับอะไรแบบนี้ได้ง่ายๆ แถมดูรูปแล้วยิ้มเนี้ยนะ รูปแบบไหนกันล่ะนั่น

“อ้าว ก้าน”
ผมหันไปตามเสียงเรียกของน้ำเสียงที่คุ้นเคยและรู้สึกสดใสทุกครั้งที่ได้ยิน

“สวัสดีครับพี่ผ้าใบ”
ผมหันไปยกมือไหว้พี่ผ้าใบที่เดินเข้ามาพร้อมกับเด็กสองคน เห……..เด็กสองคน

“นี่ลูกชายพี่น้องสีเทียนกับน้องสีไม้ พี่คนนี้ชื่อพี่ก้านใบนะครับ เป็นพี่เลี้ยงของพี่คิวปิด”
พี่ผ้าใบพูดกับผมก่อนจะก้มลงไปคุยกับเด็กน้อยทั้งสองคน……...เด็กผู้ชาย ที่มีพ่อสองคนอย่างนั้นหรอ แปลกเกินไปแล้ว

“ฉะหวัดดีฮับ”
เด็กน้อยพูดทักทายทั้งๆที่ยังเกาะชายเสื้อของพี่ผ้าใบอยู่ น่ารักจังเลย

“สวัสดีคร้าบ ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะ”
ผมยกมือลูบผมเด็กน้อยเบาๆ

“พี่รู้มาจากพี่ลูลู่ว่าได้พี่เลี้ยงเด็กคนใหม่ให้มาดูหน่อย เดาไม่ผิดว่าต้องเป็นก้านแน่ คุณคนนี้เขาเทคนิคแพรวพราว”
พี่ผ้าใบพูดแล้วหัวเราะคิกคัก เดี๋ยวนะ…….พี่ลูลู่อย่างงั้นหรอ

“อย่าไปเผลอเรียกให้เจ้าตัวได้ยินล่ะ อาจตายได้ ฮ่าๆ”
เหมือนรู้ว่าผมสะดุดกับคำนี้เลยนะ จะว่าไปก็น่ารักดีเหมือนกันนะ สงสัยต้องขออนุญาตแอบเรียกในใจบ้างแล้วจะได้คลายความน่ากลัวของคุณปีศาจลูซิเฟอร์ได้บ้าง

“ไปเข้าบ้านเถอะ อีกไม่นานสองพี่น้องคงจะกลับมาแล้วล่ะ”
พี่ผ้าใบดันหลังให้ผมเดินเข้าบ้าน เป็นบ้านที่หลังใหญ่มากที่สามารถสร้างเป็นโรงแรมขนาดเล็กได้เลย สาบานว่าสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาเพื่อครอบครัวครอบครัวเดียว

ภายนอกคือคฤหาสน์หลังใหญ่ แต่พอก้าวเข้ามาในตัวบ้านแล้วรู้สึกเงียบมากจนรู้สึกเหงาสุดๆ…….บ้านของครอบครัวที่มีความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกอันแปลกประหลาดสินะ ขนาดบรรยากาศบ้านยังแปลกประหลาดไปด้วยเลย

“ไม่มีคนอยู่เลยหรอครับ”
เงียบจนผมต้องหันไปถามคนข้างๆ พี่ผ้าใบยิ้ม

“ก็พี่น้องทะเลาะกันนี่เนอะ จะให้มาอยู่ด้วยกันได้ไง”
ทะเลาะอะไรกัน เมื่อวานยังคุยกันดีๆอยู่เลย ผมมองสำรวจไปทั่วบ้านก็ไปสะดุดที่บันไดทางขึ้น

ร่องรอยของรูปภาพ สีพื้นผิวของกำแพงที่ต่างกันทำให้ดูรู้ว่าเมื่อก่อนเคยมีรูปภาพขนาดใหญ่แขวนอยู่ แล้วทำไมต้องเอาออกด้วยนะ จะว่าไปทั้งบ้านก็ไม่มีรูปภาพครอบครัวอยู่เลย คงจะจริงอย่างที่พี่ผ้าใบว่านั้นแหละว่าพี่น้องทะเลาะกัน

“ฝากดูพี่ลูลู่หน่อยนะ”
ผมละสายตากลับมาหาพี่ผ้าใบที่นั่งมองเด็กๆทั้งสามคนเล่นกันอยู่

“พี่ผ้าใบหมายถึง ดูคิวปิดหรอครับ”
จะฝากให้ผมดูคุณลูฟก็จะแปลกๆแหละ รายนั้นไม่เห็นมีอะไรให้เป็นห่วงเลย กลับกันคนที่น่าเป็นห่วงคือผมเองต่างหาก

“คนลูกก็ต้องฝากด้วย แต่คนพ่อก็น่าเป็นห่วงไม่แพ้กันนะ พี่เขาเจอเรื่องหนักๆมาเยอะมากบอกตรงๆว่าพี่เป็นห่วง”
เป็นห่วงอะไร ผมไม่เข้าใจในคำพูดของพี่ผ้าใบนักและเหมือนว่าพี่เขาก็ไม่ได้จะอธิบายอะไรเพิ่มด้วย

“เคยอ่านตำนานของลูซิเฟอร์ไหม”
ผมทำสีหน้าไม่ถูกเมื่ออยู่ๆพี่ผ้าใบก็เปลี่ยนเรื่องเฉย

“เป็นเทพที่ถูกสร้างมาจากแสงมีความยิ่งใหญ่รองลงมาจากพระเจ้าแค่องค์เดียวเท่านั้น แต่ด้วยความหลงในอำนาจและความยิ่งใหญ่ของตนจึงมีใจเป็นกบฏต่อพระเจ้า ดังนั้นลูซิเฟอร์จึงถูกลงโทษโดยการขับไล่ออกจากสวรรค์เกิดเป็น The fallen Angel เทวดาตกสวรรค์ไง”
เนื้อเรื่องน่าสนใจดีจนผมนั่งฟังแล้วคิดตามไปอย่างสงสัยใคร่รู้

“พี่ลูลู่ก็ไม่ได้ต่างจากลูซิเฟอร์ในตำนานเท่าไหร่ เขาหลงในอำนาจจริงแต่ไม่เคยคิดเป็นกบฏกับใคร”
น่าสนใจเข้าไปอีกเมื่อพี่ผ้าใบพูดเสริมเกี่ยวกับคุณลูซิเฟอร์ในชีวิตจริง

“แต่สุดท้าย………...เขาก็ถูกขับไล่ออกจากสวรรค์อยู่ดี”

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
สวัสดีวันอาทิตย์นะคะ ก่อนอื่นต้องขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ให้ความสนใจนิยายเรื่องนี้นะคะ ย้ำอีกทีว่าไม่ใช่นิยายแฟนตาซีน๊าาาา แง
ถ้าใครได้ติดตามอ่านเรื่อง พี่โหดครับ มารักกับผมไหม? (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49441.msg3205920#msg3205920) จะรู้ว่าผ้าใบและพี่ซุสคือใครนะคะ
และแน่นอนค่ะว่านิยายเรื่องนี้จะเป็นปมเกี่ยวกับครอบครัว(อีกแล้ว) เพราะฟิวรู้สึกว่าเรื่องครอบครัวเป็นเรื่องที่เปราะบางมากสำหรับฟิว เพราะอกหักฟิวยังMove onได้อย่างรวดเร็ว แต่เรื่องบ้านแตกนี่ถึงจะไม่ได้เสียใจอะไรกับมันแล้วแต่พอคิดถึงทีไรก็รู้สึกแปลกๆกับมันตลอด
ยังไงก็ฝากติดตามนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ ขอบคุณมากงับบบ จุ้บๆ 
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 2} 17/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: jpjiraporn ที่ 17-11-2019 14:52:33
 o13 :katai2-1:เรารออ่านต่ออยู่นะ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 2} 17/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 17-11-2019 17:43:16
รอตอนต่อไปจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 2} 17/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 17-11-2019 21:34:09
ติดหนึบ o13
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 2} 17/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-11-2019 23:07:20
รอติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 2} 17/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 19-11-2019 17:56:14
รอออออ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 2} 17/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 20-11-2019 11:07:39
 :pig4:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 3} 24/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: yai feel ที่ 24-11-2019 23:52:00
ตอนที่ 3
คุณพ่อปีศาจ

“ขอบใจที่มาช่วยดูให้นะ”
คุณลูฟพูดพร้อมกับคลายเนคไทออกให้ตัวเองผ่อนคลายขึ้นแต่ใบหน้าของเขาก็ไม่ได้ทำให้คนนั่งมองอย่างผมรู้สึกว่าเขาผ่อนคลายเลยสักนิด หน้าคือจะเครียดไปไหน

“ไม่เป็นไรหรอกเพราะผมหวังสิ่งตอบแทนอยู่แล้ว”
พี่ผ้าใบพูดด้วยรอยยิ้ม

“เล่นลิ้นเก่งไม่เปลี่ยนเลยนะ”
เป็นการต่อว่าที่ไม่ได้จริงจังเท่าไหร่นัก ฟังๆดูเหมือนเป็นความเอ็นดูเสียมากกว่า

“แน่นอนสิครับ เดือนหน้าที่โรงเรียนมีงานวิชาการ แถมน้องคิวปิดก็ได้ขึ้นแสดงด้วย ไปด้วยนะครับ”
ไม่เหมือนประโยคบอกเล่าแต่เหมือนเป็นการบังคับมากกว่า คุณลูฟหยุดมือที่กำลังปลดกระดุมเสื้อออกแล้วหันกลับมามองพี่ผ้าใบ สายตาน่ากลัวมากแต่ก็ไม่ทำให้คนตัวเล็กหวาดกลัวได้

“งานยุ่งก็เห็นอยู่”
เป็นบทสนทนาที่ทำให้คนนอกอย่างผมอึดอัดไปเลย นี่เหมือนทะเลาะกันหรือเปล่านะ

“งานสำคัญกว่าทุกอย่างสินะครับ โอเคๆไม่ต้องมองแบบนั้น ไม่ใช่เรื่องของผมผมรู้ แต่วัยเด็กมีแค่ครั้งเดียวนะครับ แล้วแต่ว่าคุณพ่อจะให้น้องมีความทรงจำแบบไหน”
ผมเงยหน้ามองพี่ผ้าใบที่มองไปที่เด็กๆ สายตาแบบนั้น…..สายตาที่พ่อเคยมองมาที่ผม อยู่ๆผมก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมา

นั่นสินะ แล้วแต่ว่าพ่ออยากจะให้ผมมีความทรงจำวัยเด็กแบบไหน พ่อจึงพยายามมากที่จะทำให้ผมมีความสุข ขนาดวันแม่ที่แม่ไม่ไปหาผมที่โรงเรียนแต่พ่อไปแทน ไปนั่งบนเก้าอี้แล้วให้ผมไหว้…….ทำทุกๆอย่างเพื่อไม่ให้ผมรู้สึกขาด

ผมรักพ่อที่สุด และอยากให้คิวปิดรักพ่อด้วย

“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนละกันนะ พี่กลับก่อนนะก้าน ฝากด้วยนะ”
แล้วพี่ผ้าใบก็กลับไปกับน้องๆทั้งสองโดยมีผมกับคิวปิดไปยืนส่งที่หน้าบ้าน

“คิวปิดมีการบ้านหรือเปล่าครับ”
ผมก้มลงไปถามเด็กน้อยเมื่อเดินกลับเข้ามาก็ไม่เจอคุณลูฟแล้ว อะไรกัน เลิกงานมาจะไม่คุยกับลูกเลยหรือไง ใจร้ายไปแล้ว

“มีการบ้านครับ พี่ก้านจะสอนการบ้านคิวปิดหรือเปล่า”
ทำไมกลายเป็นเด็กน่ารักไปได้ล่ะเนี่ย ดูทำหน้าสินั่น

“สอนสิครับ การบ้านยากหรือเปล่าน้า”

“ยาก คิวปิดทำผิดบ่อยมากแต่ตอนนี้คิวปิดทำได้แล้ว”
พูดพร้อมกับค้นกระเป๋าแล้วดึงสมุดการบ้านออกมาเปิด

“โห ยากจริงด้วยนะเนี่ย คิวปิดจะทำได้จริงๆหรอ”
ไม่ได้พูดให้น้องมันภูมิใจเลยสักนิด การบ้านของคิวปิดเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด บ้าไปแล้ว นี่มันการบ้านของเด็กอนุบาลหรอเนี่ย

“คิวปิดทำได้”
ว่าแล้วเจ้าตัวเล็กก็ก้มลงไปขีดๆเขียนๆในสมุดแล้วยื่นมาให้ผมดู

“นี่ไง”
ผมรับสมุดการบ้านมาดู

“ว้าว ทำได้จริงๆด้วยเก่งจังเลย”
ผมพูดแล้วยื่นหน้าไปจุ๊บหน้าผากเด็กน้อยเป็นการให้รางวัลเหมือนที่พ่อชอบทำกับผมตอนเด็กๆ คิวปิดผงะถอยออกไปแล้วจับตรงหน้าผากที่โดนจุ๊บ

“ย…...อย่ามาจุ๊บแบบนี้สิ เอาไว้ให้คุณพ่อจุ๊บนะ”
เด็กน้อยพูดไปก็หน้าแดงไป น่ารักจริงๆ

“นั้นสินะ ต้องเอาไว้ให้คุณพ่อจุ๊บสิ”
ผมพูดแล้วระบายยิ้มบางๆออกมา คิดถึงพ่อบ่อยจังเลยนะช่วงนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าได้เจอกับเด็กๆบ่อยขึ้นล่ะมั้ง พี่ผ้าใบก็เป็นพ่อคน คุณลูฟก็เป็นพ่อคน ถ้าจะเหงาก็คงไม่แปลก

จุ๊บ

ผมผงะตกใจได้สติอีกครั้ง เมื่ออยู่ๆใบหน้าเล็กก็ยื่นเข้ามาจุ๊บที่แก้มของผม

“อย่าร้องไห้สิ คิวปิดยอมให้จุ๊บก็ได้”
ฮึก จะน่ารักเกินไปแล้วนะ แบบนี้ผมก็แย่น่ะสิ ผมยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

“ขอบใจนะ ถ้าคิวปิดไม่ยอมให้จุ๊บคงต้องเสียใจแน่ๆเลย”
ดวงตาเล็กๆจ้องมองมาที่ผมตาแป๋วก่อนที่เจ้าตัวจะยื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้

“พี่ก้านก็เหงาเหมือนคิวปิดใช่ไหมล่ะ”
คิวปิดขยับมานั่งข้างๆผมแล้วฟลุบหน้าลงไปกับโต๊ะแต่หันมาทางผม

“อืม เหงาสิ”
ผมเองก็ฟลุบหน้าลงไปบ้าง จ้องมองสายตาของเด็กน้อยที่มองมา ไม่ต่างกันเท่าไหร่เลยนะแววตาแบบนี้

“คิวปิดไม่มีคุณแม่แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะคิวปิดมีคุณพ่อ…….แต่คุณพ่อไม่รักคิวปิดเลย”
หัวใจของผมปวดร้าวอีกครั้งที่ได้ยินประโยคนี้จากเด็กน้อย คิวปิดไม่ใช่เด็กที่ไม่รูู้อะไรเลย ถึงจะแค่5ขวบแต่ก็ฉลาดกว่าเด็กทั่วไป มีการรับรู้ว่าพ่อแม่แยกทางกันและรู้ว่าคนเป็นพ่อไม่ได้ดูแลเขาดีเท่าที่ควรจะเป็น

“คุณพ่อต้องรักคิวปิดอยู่แล้ว เพราะว่าคุณพ่อบอกให้พี่ก้านดูแลคิวปิดดีๆ คุณพ่องานยุ่งมากเลยมาดูแลคิวปิดไม่ได้เพราะฉนั้นเลยฝากคิวปิดไว้กับพี่”
โกหกน่ะ ผมยังไม่ได้คุยกับคุณลูฟด้วยซ้ำ แต่คิดว่าคุณพ่อจอมดุคงจะคิดแบบนี้ล่ะนะ

“จริงหรอ”
ใบหน้าเศร้าหมองของเด็กน้อยหายไปแล้ว โล่งใจเลยแหะ

“จริงสิครับ เพราะงั้นพี่ก้านเลยไปรับคิวปิดที่โรงเรียนแล้วก็จะสอนการบ้านคิวปิดด้วย”
แต่พอผมพูดออกไปแบบนี้ ใบหน้าของเด็กน้อยก็ยู่ยี่ขึ้น

“ที่อยู่กับคิวปิดเพราะคุณพ่อสินะ”
แย่แล้วไอ้ก้าน เผลอพูดออกไปไม่คิดอีกแล้ว

“คนที่แล้วก็ทำหน้างอตอนที่ไปรับคิวปิดที่โรงเรียน เอาแต่เล่นโทรศัพท์ไม่สนใจคิวปิดเลย พอคุณพ่อมาก็เข้ามาอยู่กับคิวปิดแต่พอคุณพ่อเข้าห้องก็ไม่สนใจ”
เพราะงั้นเลยไล่ออกสินะ

“ไม่ใช่ซะหน่อย คุณพ่อคิวปิดน่ากลัวจะตาย ดุด้วย พี่ก้านไม่อยากเข้าใกล้เลย”
ผมพูดแล้วทำท่าขนลุกขนชันจนคิวปิดหลุดหัวเราะออกมาคิกคัก

“ใช่ๆ คุณพ่อน่ากลัว แต่คิวปิดอยากเป็นเหมือนคุณพ่อ”
ไม่ว่าจะยังไง เด็กก็มีพ่อเป็นไอดอลอยู่ดีสินะ ในสายตาของลูกน่ะพ่อเท่ที่สุดแล้ว

“ทำอะไรกัน”
เสียงดุๆที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินตอนนี้ทำเอาผมกับคิวปิดสะดุ้งโหยง รีบคว้าสมุดการบ้านมาเปิด

“ทำการบ้านครับ”
ผมเป็นคนตอบ ส่วนคิวปิดก็ก้มลงเขียนการบ้านยิกๆ……..พิรุธออกทั้งคู่จริงๆ

“ก้าน เสร็จแล้วมาหาฉันที่ห้องด้วย”
ผมเงยหน้าไปมองคุณลูฟ ก็เห็นเขาใส่ชุดเสื้อยืดกับกางเกงผ้าเตรียมนอน ทรงผมที่เคยเสยขึ้นตอนนี้มันถูกปล่อยลงมาปรกหน้า คุณพระ หล่อมากพ่อ

“ไม่ได้ยินที่พูดหรอ”

“ด….ได้ยินครับ เดี๋ยวเสร็จจากสอนการบ้านคิวปิดแล้วผมจะไปพบครับ”
ดุจริ๊ง ไม่รู้จะดุทำไมนักหนา

“คิกคิก พี่ก้านหน้าซีดเลย”
เมื่อคนพ่อเดินลับตาไป คนลูกก็หัวเราะคิกคักขึ้นมาทันที

“น่ากลัว”


๐๐๐๐๐๐

ก๊อก ก๊อก

“ขออนุญาตครับ”

“เข้ามา”
ผมเปิดประตูห้องของคุณลูฟเข้าไปเมื่อได้รับคำอนุญาต กว่าจะเจอนะห้องคุณลูฟเนี่ย เดินหาไปสิทั้งชั้น

“ช้า”
เมื่อเข้ามาก็ได้รับคำชื่นชมมา1คำถ้วน

“ขอโทษทีครับ แต่คิวปิดไม่ยอมปล่อยมาเลย”
ใครจะกล้าบอกว่าเดินวนอยู่ทั้งบ้านเพราะไม่รู้จักห้องของคุณพ่อเขา สายตาดุเหลือบขึ้นมองผมผ่านแว่นที่เจ้าตัวใส่อ่านหนังสือเหมือนจะถามอะไรบางอย่างแต่ไม่ได้ถามด้วยคำพูด

“ตอนนี้น้องหลับไปแล้วครับ”
ผมพูดขึ้นมาเมื่อโดนสายตากดดันมากเกินไป นี่คุณพ่อแกซึนเดเระรึไงทำไมไม่ถามออกมาเล่า

“สนิทกันเร็วจังนะ”
อิจฉาล่ะสิ ผมคิดขำๆ

“แล้วคุณล่ะ สนิทกับลูกแค่ไหน”

ตุบ

หนังสือในมือหนาถูกวางกระแทกลงกับเตียง มือเรียวยกถอดแว่นตาออกก่อนขาวยาวจะก้าวลงจากเตียงแล้วเดินเข้ามาหาผม

คงไม่ได้โกรธที่ผมพูดหรอกนะ ท่าทางเกรี้ยวกราดน่ากลัวเชียว

“ก็ดี ต่อไปนี้เธอมีหน้าที่ดูแลลูกชายของฉัน ถ้าตอนเช้าว่างก็มาปลุกแล้วพาไปส่งที่โรงเรียน ไปรับที่โรงเรียน ไปงานกิจกรรมที่โรงเรียนจัด สอนการบ้าน ทานข้าวเป็นเพื่อน อาบน้ำและพาเข้านอนด้วย อันนี้ฉันไม่ได้บังคับว่าเธอต้องทำทุกอย่าง ไปจัดเวลามาแล้วมาแจ้งฉันทีหลัง ฉันเข้าใจว่าเธอยังเรียนอยู่”
คนตัวใหญ่มาหยุดอยู่ตรงหน้าผมแล้วแจงหน้าที่ที่ผมต้องทำให้เสียยาวเหยียด ไม่พอนะสายตาดุๆจ้องมองมาที่ผมอย่างกดดันให้ตกลงด้วย โห หน้าที่เยอะขนาดนี้ไม่ให้ผมเป็นแม่คิวปิดไปเลยล่ะ แล้วถ้าอย่างงั้น.......

“หน้าที่ของคุณล่ะครับ”
ผมสะดุ้งตกใจเมื่อเผลอหลุดสิ่งที่คิดออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ มึงพูดอะไรออกไปเนี้ยไอ้ก้าน! มือใหญ่ที่ใหญ่เกือบเท่าหน้าผม(หรือเท่าเลยนี่แหละ ไม่เคยเทียบ)ยกขึ้นมาบีบที่ลำคอของผมแม้จะไม่แรงมากแต่ก็ทำให้ผมตื่นกลัวได้

“เธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนฉัน หุบปากแล้วทำหน้าที่ของตัวเองซะ”
เขากัดฟันพูดอย่างโมโห ถ้าเรื่องคิวปิดเป็นจุดอ่อนของเขาทำไมไม่ดูแลให้ดีกว่านี้เล่า งี่เง่าชะมัด

“รู้แล้วครับ ปล่อยได้แล้ว”
ชักจะหายใจไม่ออกแล้วนะ นี่มันไม่ใช่คุณพ่อจอมดุแล้ว คุณพ่อปีศาจชัดๆแง

“ถ้าเธอดูแลลูกฉันไม่ดีหรือลูกฉันเป็นอะไรไป........ฉันจะทำให้เธออยู่อย่างหวาดกลัวไปตลอดชีวิต”
ผมหอบหายใจเข้าเมื่อลำคอเป็นอิสระ มาทำร้ายร่างกายกันแบบนี้ เดี๋ยวก็แจ้งตำรวจจับซะดีไหม แต่ก็ดีหน่อยว่าที่ผมคิดไว้มันถูกต้อง คุณพ่อคนนี้หวงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนยิ่งกว่าอะไร แต่ทำไมถึงไม่แสดงออกอย่างที่รู้สึกก็ไม่รู้ เดือดร้อนไอ้คนปากไวแบบผมอีก T-T

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมก็เคยเป็นเด็กนะ ต้องรู้อยู่แล้วว่าน้องต้องการอะไร”
คุณลูฟไม่ได้พูดอะไรต่อทั้งๆที่ผมจงใจย้อนคำพูดของเขาตอนเจอกันครั้งแรก ผมเลยรีบชิ่งออกมาก่อนที่องค์พ่อจะลงอีกดีกว่า

ผมก็โกรธตัวเองนะที่ไปหลุดปากต่อว่าเขาแบบนั้น ทั้งๆที่เรื่องตัวเองยังเอาไม่รอดแท้ๆ ก็มันเผลอนี่นา พอเป็นเรื่องครอบครัวทีไรมันก็อ่อนไหวจนต้องเผลอพูดอะไรแปลกๆออกมาทุกที เฮ้อ ถ้ามีความกล้ากับคนที่มหา’ลัยสักหน่อยจะโดนบีบคอไหมนะ……...เท่าที่คิดคือไม่น่ารอด


ผมทำงานให้คุณลูฟมา3อาทิตย์แล้ว ดูแลคิวปิดอย่างดีตามที่คุณพ่อปีศาจฝากฝังไว้ ตอนนี้คิวปิดติดผมยิ่งกว่าอะไร แต่ละวันกว่าจะกลับบ้านได้ก็ต้องส่งเด็กน้อยเข้านอนก่อน เพราะงั้นผมเลยกลับบ้านดึกทุกวันเลย

วันนี้ผมมีเรียนช่วงเช้าเลยไม่ได้ไปปลุกคิวปิดให้ไปเรียน หน้าที่ส่วนนี้จะเป็นของคุณชัชไปก่อน พี่ผ้าใบมาช่วยเหลือมากไม่ได้เพราะส่วนตัวพี่เขาเองก็มีงานต้องทำ แถมดูแลลูกสองคนก็หนักมากพออยู่แล้ว

“ช่วงนี้เลิกเรียนแล้วหายตลอดเลยนะ ยังไม่เลิกทำงานนั้นอีกหรอ”
มายด์เข้ามากอดคอผมแล้วถาม ผมพยักหน้า

“อือ”
ผมไม่ได้บอกใครว่าทำงานอะไรเพราะไม่จำเป็นที่จะต้องบอกอยู่แล้ว แม้มายด์จะมากระแซะเรื่องงานพิเศษผมทุกวันประมาณว่าวันนี้ทำงานไหม ไปทำงานกี่โมง แต่ผมก็ไม่เคยอยู่ให้เขาถามต่อว่าผมทำงานอะไร

“งานอะไรทำไมเริ่มเร็วจัง บางวันสองโมงแกก็รีบออกแล้ว”
นึกว่าจะไม่โดนถามแล้วซะอีก พอคิดจบก็ถามเลยแหะ

“เลี้ยงเด็กน่ะ ต้องรีบไปรับตอนน้องเลิกเรียน”
ภาวนาให้มายด์เข้าใจแต่โดยดีไม่ตีความไปเป็นอย่างอื่นเถอะ แค่นี้ผมก็อึดอัดกับการใช้ชีวิตจะแย่

“อ่าว พี่คิม”
สันหลังผมเสียววาบเมื่อได้ยินมายด์เรียกชื่อของคนที่ผมไม่อยากเจอ มีพี่คิมก็ต้องมีพี่ฟานด้วยอยู่แล้ว ก็เพื่อนซี้กันนี่

“ว่าไง กำลังจะไปเรียนหรอ”
ไม่แปลกที่พี่คิมจะรู้จักมายด์ เพราะก่อนหน้าที่ผมจะเลิกกับพี่ฟานเราสนิทกันมาก ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดจนหลายๆคนแซวว่าเป็นการเดทคู่ พอมาเรียบเรียงเรื่องราวดีๆแล้ว มายด์อาจจะเข้าหาพี่คิมเพราะอยากได้พี่ฟานก็ได้ เหมือนตอนที่ได้กับพี่ฟานเพราะผมนั่นแหละ ขยะแขยง

นี่ก็อาจจะเป็นความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดด้วยแหงๆ

“กำลังไปเรียนครับ ง่วงมากเลยอะ เรียนซะเช้าเลย”
ผมไม่ได้สนใจพวกที่มาใหม่เท่าไหร่ จริงๆก็ไม่ได้สนใจใครเลยต่างหากล่ะ

“ต้องไปแอบนอนในห้องแน่เลย ไม่ต้องเลยนะเดี๋ยวเรียนไม่รู้เรื่อง”

“รู้ทันอีกแล้วอะ”

“แล้วไม่มีเพื่อนคนอื่นแล้วหรอถึงได้มาเดินกับคนนี้อะ”
อุตส่าเดินเงียบๆแล้วเชียว ไม่วายจะโดนเหน็บแนมอีก คนพวกนี้เห็นคนที่ไม่สู้เป็นเหยื่อจริงๆสินะ

“พี่คิมอย่าพูดแบบนี้สิครับ”
เป็นคำพูดที่เหมือนจะปกป้องแต่ก็กระแนะกระแหนไปในตัว อยากจะหายไปจากตรงนี้จัง อึดอัดจะแย่

“น้องๆ น้องอะ ก้านใบใช่ปะ”
ผมหยุดเท้าที่กำลังเดินทันทีเมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาขวางหน้า อะไรอีกล่ะทีนี้

“ครับ”
ผมตอบไปสั้นๆเพราะไม่รู้ว่าเจตนาของพี่เขาคืออะไร แต่ถึงไม่รู้ก็เดาได้ไม่ยากหรอก คนที่เข้ามาหาผมในช่วงนี้ก็มีแค่เรื่องเดียวแหละ

ผมเจอเหตุการณ์แบบนี้เมื่ออาทิตย์ก่อน ผู้หญิง3คนรุมตบผมซะยับโดยที่ไม่มีใครยื่นมือมาช่วยทั้งๆที่เรื่องแบบนี้มันผิด มีแต่คนยื่นมือมาถ่ายคลิป คิดว่าตอนนี้คลิปนั้นคงจะเผยแพร่อยู่ในเว็ปในสักเว็ป

“โอเค”
แล้วพี่เขาก็เดินออกไปเลย อะไรล่ะเนี่ย นี่เป็นการชี้ตัวงั้นหรอ ตลกร้ายจนขำแห้งเลยแหะ

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

“ไปไหนมา”
เหตุการณ์ซ้ำๆที่เกิดขึ้นในช่วงนี้คือเมื่อผมกลับบ้านช้าจะมีแม่ที่คอยถามเสมอว่าผมไปไหนมา ช่วงแรกๆก็ไม่มีการถามไถ่อะไรหรอก แต่พักหลังๆมานี้มานั่งรอถามทุกวันจนผมเกือบจะอบอุ่นใจอยู่แล้วว่าแม่ให้ความสนใจกับผมบ้าง

“ก็ทำงานครับ”
ผมตอบเหมือนทุกครั้งที่ถูกถาม แม่หันมามองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ

“งานอะไร”
ทำไมแม่ต้องดูโมโหขนาดนั้นด้วยล่ะ ก็แค่ทำงานเอง

“เป็นพี่เลี้ยงเด็กครับ”

“ฉันไม่เชื่อ บอกความจริงฉันมา!”
แม่เริ่มตวาดใส่ผมเสียงดังจนผมเผลอผงะถอยหลังออกมาอย่างตกใจ

“ผมทำงานเลี้ยงเด็กจริงๆครับ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมทำงานพิเศษ ทุกครั้งแม่ก็รับรู้ว่าผมทำงานแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วทำไมครั้งนี้อยู่ๆก็ไม่เชื่อขึ้นมา

“เขาลือกันทั้งมหา’ลัย ว่าแกขายตัวให้เสี่ย มีรถหรูมารับถึงหน้ามหา’ลัยแทบจะทุกวัน”
ผมอ้าปากค้าง ตกใจกับคำพูดของพี่แก้วมาก

“เดี๋ยวครับ ผมก็แค่ไปรับลูกของเจ้านายที่โรงเรียน”
คิดไว้อยู่แล้วตั้งแต่ก้าวขึ้นรถไปว่าต้องมีข่าวลือแปลกๆออกไปแน่ แต่ไม่คิดว่ามันจะแปลกขนาดนี้ อย่างน้อยเรื่องก็ควรจะเป็นผมไปมีเรื่องกับผู้มีอิทธิพลจึงโดนเรียกตัวไปอะไรแบบนี้หรือเปล่า

“คนอย่างแกไม่เคยพูดความจริงอยู่แล้ว ทำตัวเหลวไหลไม่เคยทำให้ฉันภูมิใจ นอกจากภาระแล้วแกก็เป็นอะไรให้ฉันไม่ได้เลย”
หน้าผมชาอีกครั้งเมื่อได้ยินคำนี้จากปากของคนที่ผมเรียกว่าแม่ ก็พอจะรู้อยู่ว่าผมน่ะเป็นภาระ แต่พอมาได้ยินกับหูตัวเองแล้วก็อดเสียใจไม่ได้อยู่ดี

“ปกติก็ฉาวไปทั่วมหา’ลัยอยู่แล้ว นี่แกยังจะเพิ่มความฉาวขึ้นอีกหรอ”
พี่แก้วพูดเสริมแล้วยิ้มเยาะ ผมเคยสงสัยว่าปกติมนุษย์จะมีความอดทนมากมายขนาดไหน
และผมล่ะมีความอดทนมากมายขนาดไหน

“ผมแค่……”

Rrrrr Rrrrr

ผมกำลังจะพูดอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจ มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นขึ้นมาซะก่อน ผมรู้ว่าในสถานการณ์แบบนี้ผมต้องเคลียร์กับเรื่องตรงหน้าให้จบก่อนแต่ผมกลับรู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องมีเรื่องกับพี่แก้ว…...กลัวจริงๆนั่นแหละ กลัวที่จะเจ็บปวดไปมากกว่านี้

“ลูกค้าโทรตามหรือไง”
ผมกำหมัดแน่น หยิบโทรศัพท์ออกมากดรับแล้วเดินขึ้นมาบนห้องตัวเองไม่สนใจเสียงที่ก่นด่ามาตามหลัง

[คุณก้าน...]

“ว่าไงครับ มีอะไรหรือเปล่า”
เกิดเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าทำไมคุณชัชโทรมาตอนนี้ทั้งๆที่เพิ่งแยกกัน

[คือผมรู้ว่ามันเป็นการรบกวนเวลาของคุณ แต่เมื่อสักครู่แม่บ้านโทรมาบอกว่าคุณหนูแกตื่นแล้วไม่ยอมนอนเลยครับ ร้องจะนอนกับคุณก้านอย่างเดียว]
ตื่นงั้นหรอ ปกติคิวปิดจะไม่ตื่นจนกว่าจะเช้านี่นา เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าหรือว่าจะฝันร้าย

“น้องฝันร้ายหรือเปล่า ลองให้แม่บ้านร้องเพลงหรือเล่านิทานให้ฟังได้ไหมครับ”

[คุณหนูอาละวาดใหญ่แล้วครับ ที่สำคัญคุณท่านกำลังกลับบ้าน ถ้าเจอคุณหนูโวยวายอยู่แบบนี้คุณท่านต้องลงโทษคุณหนูแน่ครับ]
ลงโทษงั้นหรอ อาจจะงดทานของหวานหรือขนมอะไรแบบนี้ล่ะมั้ง

[ล่าสุดคุณหนูโดนลงโทษให้เรียนภาษาฝรั่งเศสเสริม1อาทิตย์ งอแงจนหน้าสงสารเลยครับ]

“ว่าไงนะ! เรียนภาษาฝรั่งเศสหรอ คุณลูซิเฟอร์สติดีอยู่หรือเปล่าเนี่ยที่ให้เด็ก5ขวบเรียนหนักขนาดนี้”

[คุณก้านรีบลงมาเถอะครับ ผมรออยู่หน้าบ้านแล้ว]
ท่าทางจะยังกลับไม่ถึงบ้านแต่แม่บ้านโทรมาก่อนเลยวกรถกลับมาสินะ

“รอแป๊บนึงนะครับ ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วจะรีบลงไป”
ผมพูดแล้วโยนโทรศัพท์ลงบนเตียงทั้งๆที่ยังไม่วางสายก่อนจะรีบไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาใส่ลวกๆ

“นั่นแกจะไปไหนอีก”
อยู่ๆพี่แก้วก็เปิดประตูห้องผมเข้ามา ผมไม่ตอบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเดินผ่านพี่แก้วไป

“ฉันถามให้แกตอบ”
มือเล็กๆนั่นคว้าเข้าที่ข้อมือของผม

“พี่แก้ว ผมต้องรีบไปทำงาน”
ผมพูดแล้วพยายามดึงข้อมือตัวเองออก

“งานอะไรของแก2ทุ่มห๊ะ แล้วเพิ่งกลับมาจากทำงานเมื่อกี้ นี่จะไปทำงานอีกแล้ว ถ้าจะตอแหลก็ให้มันเนียนๆหน่อยเถอะ”
ด้วยความรีบบวกกับอารมณ์ที่โมโหก่อนหน้านี้อยู่แล้วเป็นทุนเดิม ทำให้ผมสะบัดข้อมือของตัวเองออก

“ว้าย”
พี่แก้วร้องออกมาอย่างตกใจเพราะเซล้มไปกับพื้น

“ผมไม่ได้มีสันดานตอแหลแบบพี่!”
เป็นครั้งแรกที่ผมพูดคำหยาบคายกับครอบครัว ไม่สิ….ครั้งแรกที่ผมกล้าที่จะโต้ตอบกับใครสักคนมากกว่า

“กรี๊ดดดดด ไอ้ก้านมึง มึงกล้าดียังไงมาด่ากูห๊ะ”
ผมไม่สนใจเสียงกรีดร้องของพี่แก้ว รีบวิ่งลงมาจากบ้าน สวนกับแม่ที่รีบขึ้นไปดูลูกสาวและไม่นานเสียงก่นด่าก็ตามมาจากทั้งแม่และพี่แก้ว

“คุณก้าน”
คุณชัชวิ่งเข้ามาหาผมโดยที่ยังถือโทรศัพท์อยู่ในมือและยังไม่ได้วางสายจากผม คงจะได้ยินหมดแล้วล่ะมั้ง

“รีบไปเถอะครับ ผมไม่อยากให้คิวปิดโดนทำโทษ”
ยอมรับว่าตอนนี้ห่วงคิวปิดมากกว่าห่วงตัวเองอีก

ในเมื่อความทรงจำในวัยเด็กของผมมันไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่นักและไหนๆก็ได้มาเป็นพี่เลียงเด็กทั้งทีก็ขอทำหน้าที่นี้ให้มันเต็มที่ไปเลยแล้วกัน

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 3} 24/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-11-2019 00:15:56
 :pig4:
 :3123:
 o13
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 3} 24/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-11-2019 00:40:57
ก้านสตรองมาก นับถือเลย
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 3} 24/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 25-11-2019 20:11:10
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 3} 24/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-11-2019 21:19:53
จะอะไรนักหนานะผู้หญิงบ้านนี้
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 3} 24/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 26-11-2019 06:06:28
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 3} 24/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: yai feel ที่ 01-12-2019 19:04:29
ขอบคุณสำหรับนักอ่านทุกท่านที่ติดตามและคอมเมนท์นะคะ (เรียกว่าคอมเมนท์แหละเนอะ) สำหรับตอนต่อไปฟิวอาจจะขอลงเป็นพรุ่งนี้แทนน้า เนื่องจากงานเร่งด่วนที่ต้องเร่งทำให้เสร็จวันนี้จ้า

ขออภัยจริงๆที่ต้องเลื่อน :o12: แต่ถ้างานเสร็จเร็วก็อาจจะลงเลยทันที ยังไงก็อยากให้ทุกคนติดตามกันไปจนจบเลยนะคะ

ขอบคุณงับบบ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 3} 24/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 01-12-2019 19:47:21
รับทราบค่าาา จะรอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 4} 02/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: yai feel ที่ 02-12-2019 22:31:24
ตอนที่ 4
คุณพ่อใจดี

“พี่ก้าน”
เมื่อเท้าผมแตะเข้ากับพื้นของบ้านหลังใหญ่ ร่างเล็กๆของคิวปิดก็วิ่งเข้ามากระโจนใส่ผมทันที…...ไหนเด็กที่กำลังอาละวาดกัน เกือบจะคิดว่าคุณชัชโกหกแล้วถ้าไม่หันไปเห็นแจกันที่แตกยับอยู่บนพื้นซะก่อน

อาละวาดจริงสินะ

“ทำไมไม่นอนครับ”
ผมพูดพร้อมกับลูบหัวเล็กๆนั่นเบาๆ แม่บ้านรีบออกมาเก็บกวาดซากความเสียหายกันยกใหญ่โดยมีคุณชัชยืนกำกับว่าให้ทำให้ไวเพราะคุณท่านกำลังจะถึงแล้ว

ผมอุ้มคิวปิดขึ้นแล้วพากลับเข้ามาในห้อง

“ไหนบอกพี่ก้านสิว่าทำไมไม่นอน”
ผมนั่งคุกเข่าให้สายตาของเราเสมอกันเพื่อจะได้สบตากันง่ายๆ

“คิวปิดนอนไม่หลับ”
พูดจบก็ปีนขึ้นไปบนเตียงของตัวเอง คว้าเอาตุ๊กตาหมีมากอดแน่นแล้วก็นั่งเหม่อลอยอยู่แบบนั้น

นี่อย่าบอกว่าเด็กกำลังมีเรื่องให้คิดนะ

“เล่าให้พี่ก้านฟังหน่อยสิ ว่าทำไมนอนไม่หลับ”
ผมเองก็ขยับเข้าไปนั่งข้างๆเตียงเพื่อจะได้คุยกับน้องให้ถนัดๆหน่อย

“ก็…….คิวปิดฝัน”
นั่นไง ฝันร้ายจริงๆด้วย

“ไหนฝันว่ายังไง มันน่ากลัวหรอครับ”
ผมยื่นมือไปจับมือน้องไว้แล้วลูบเบาๆ หัวเล็กนั่นส่ายไปมา

“ฝันดี คิวปิดฝันว่าที่โรงเรียนมีงาน คิวปิดได้แต่งตัวเป็นเทวดาแล้วก็เต้น”
อืมจริงสินะ งานวิชาการจะมีในวันศุกร์หน้าแล้วนี่นา แถมคิวปิดได้แสดงด้วย นี่น้องตื่นเต้นถึงขนาดเก็บไปฝันเลยหรอ

“ในฝันคุณพ่อมาดูด้วย”
วินาทีนั้นผมเข้าใจในทันทีว่าทำไมน้องถึงนอนไม่หลับ คงจะเสียใจอยู่สินะที่ในความเป็นจริงคุณพ่อไม่ได้ไปดู โถ่…….ทำไมจิตใจผมมันห่อเหี่ยวแบบนี้นะ

“แต่พี่ก้านจะไปดูนะ จะไปถ่ายรูปคิวปิดเยอะๆแล้วก็เอามาแปะให้เต็มห้องนี้เลย”
ผมพูดแล้วยื่นหน้าไปกุ๊บแก้มใสเบาๆ ยังดีที่มันสามารถเรียกรอยยิ้มของคิวปิดได้ ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย

“จริงนะ”

“จริงสิครับ”

“ลูกผู้ชายพูดแล้วห้ามคืนคำด้วย ถ้าไม่มาคิวปิดจะทำแจกันแตกแบบเมื่อกี้อีก”
ผมหุบยิ้มทำหน้าเศร้า

“ถ้าคิวปิดเกเรแบบนั้นอีก พี่ก้านต้องโดนคุณพ่อไล่ออกแน่ๆเลย”
เด็กน้อยรีบหันตัวมาทางผมและทำสีหน้าแตกตื่น

“ไม่ได้นะ พี่ก้านเป็นเพื่อนของคิวปิดคุณพ่อจะไล่ไปได้ไง”

“ได้สิครับ ก็คิวปิดอยู่กับพี่ก้านแล้วนิสัยไม่ดีนี่นา คุณพ่อไม่ชอบใจหรอกนะ”
เด็กน้อยเริ่มมีท่าทีสับสน ผมรู้มาจากคุณชัชแล้วว่าคิวปิดมีนิสัยยังไง เมื่อก่อนฤทธิ์เดชเยอะแค่ไหน พี่เลี้ยงนี่เปลี่ยนเดือนละคนได้ ถ้าไม่เจอความแสบของเจ้าเด็กนี่จนลาออกก็โดนเจ้านายตัวน้อยไล่ออกซะเอง เรื่องที่แจกันแตกวันนี้คงเทียบไม่ได้กับตอนอาละวาดใส่พี่เลี้ยงคนเก่านู้น ทำเอาทีวีเครื่องใหญ่แตกไปทั้งเครื่อง ก็ยังดีที่ไม่เป็นหัวของพี่เลี้ยงเองที่แตก

เพราะฉนั้นสิ่งที่ผมทำข้ามไปคือการละลายพฤติกรรมก้าวร้าวนี้ ดันสนิทกันก่อนผมเลยไม่เคยได้เห็นอาณุภาพของระเบิดลูกเล็กนี่จนลืมไปว่าน้องมีนิสัยเอาแต่ใจมากๆ

“แต่ว่าพี่ก้านไม่ผิด”
ผมยิ้มบางๆแล้วส่ายหัวไปมา

“เพราะว่าพี่ก้านอายุมากกว่า เป็นคนดูแลคิวปิดทุกอย่างเพราะงั้นถ้าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น คนที่รับผิดชอบต้องเป็นพี่ก้าน”

“.......”
เด็กน้อยมีท่าทีหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด

“พี่ก้านเต็มใจรับผิดชอบนะ แต่เราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกก็ได้ คุณพ่อดุขนาดนั้นถ้าไล่พี่ก้านครั้งเดียว พี่ก้านก็กลัวจนไม่กล้ากลับมาแล้วล่ะ”
แอบเอาความจริงมาใส่ด้วยนิดๆและเพราะนึกไปถึงคำขู่วันนั้นทำให้ใบหน้าของผมมันหวาดกลัวดูสมจริงขึ้นมา

‘ถ้าลูกฉันเป็นอะไรไป นายตายแน่’
กลัวแล้วครับคุณพ่อปีศาจ!

“ก็ได้ๆ ต่อไปนี้คิวปิดจะไม่เกเรแบบนั้นอีก จะไม่ผลักแจกันลงจากโต๊ะด้วย”
ผมเผยรอยยิ้มเมื่อมือเล็กๆนั่นบีบมือผมไว้แน่น แน่นเท่าที่เด็กคนนึงจะทำได้

“ขอบคุณนะที่ทำเพื่อพี่ก้าน พี่ก้านก็จะทำเพื่อคิวปิดอย่างเต็มที่เลย”
อย่างแรกที่ผมคิดจะทำเป็นการตอบแทนที่คิวปิดจะไม่ดื้อคือการไปขอร้องคุณพ่อปีศาจให้ไปโรงเรียนลูกก่อน ก็จะทำอย่างสุดความสามารถแหละแต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะออกมาแบบไหน

“พี่ก้านนอนกับคิวปิดนะ”
เอ่อ…...ตอนแรกก็คิดว่าจะได้มาแป๊บเดียวเลยไม่ได้เลือกเสื้อผ้าใส่ ตอนนี้ผมอยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำกับบ็อกเซอร์เตรียมนอน นั่นสิ ไหนๆก็ใส่ชุดเตรียมนอนแล้ว ก็นอนมันตรงนี้เลยแล้วกัน ถ้าขืนกลับไปบ้านตอนนี้จะไม่ได้นอนง่ายๆเพราะต้องทะเลาะกับคนที่บ้านยาวแน่ๆ

“โอเคๆ คิวปิดนอนลงไปเลยพี่ก้านจะอยู่ตรงนี้”
ผมพูดพร้อมกับยกรีโมทมากดปิดไฟห้อง เมื่อทั้งห้องมืดหมดผมก็ต้องหลับตาปรับสายตาสักพัก พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นเจ้าตัวน้อยมองมาที่ผมตาแป๋ว

“นอนได้แล้วคิวปิดน้อย”
ผมพูดแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้น้องถึงคอ

“คิวปิดโตแล้วนะ”
ว่าแล้วเชียวว่าต้องพูดแบบนี้แบบที่เคยพูดกับพี่ผ้าใบ

“เป็นเด็กดีกว่าเยอะเลย พี่ก้านก็อยากเป็นเด็ก”
เสียงของเราที่พูดคุยกันค่อยๆเบาลงจนกลายเป็นความเงียบและหลับไป



กริ๊งงงงง กริ๊งงงงงงง กริ๊งงงงงง

“งืม”
ผมงัวเงียตื่นเพราะได้ยินเสียงที่คุ้นเคยที่มักจะปลุกผมในทุกๆเช้า แต่ต่างจากเดิมเพราะเมื่อผมเริ่มจะได้สติผมก็รีบดีดตัวขึ้นทันที เผลอหลับไปจนเช้าเลยหรอเนี่ย แถมตัวเองยังมานอนบนเตียงของคิวปิดอีก นี่ผมละเมอเดินขึ้นมานอนบนเตียงเชียวหรอเนี่ย

“อ้าว อรุณสวัสดิ์ครับคุณก้าน”
เมื่อผมเดินออกมาจากห้องก็เห็นคุณชัชยืนคุยอยู่กับแม่บ้านที่ดูมีอายุคนหนึ่งก่อนที่เขาจะหันมาเห็นและทักทายผม

“อรุณสวัสดิ์ครับ ตื่นเช้าจังเลย”
ผมทักทายกลับด้วยอาการเขินๆ ก็แหม สภาพเพิ่งตื่นนอนของผมมันน่าชมเสียที่ไหน

“วันหยุดแบบนี้คุณท่านจะชอบตื่นเช้ากว่าปกติเพื่อไปออกกำลังกายน่ะครับ”
มิน่าล่ะหุ่นถึงได้ฟิตเปรี๊ยะขนาดนั้นมีระเบียบกับชีวิตแบบนี้นี่เอง ผมแอบคิดเล่นๆกับตัวเองว่าในขณะที่คุณลูฟกำลังวิ่งออกกำลังกายรอบหมู่บ้าน ก็อาจจะมีคุณหญิงคุณนายทั้งหลายยืนรดน้ำต้นไม้หรือให้อาหารนกอยู่หน้าบ้านแล้วได้เห็นชายรูปงามกล้ามแน่นวิ่งผ่านหน้าไปคงเป็นเช้าที่สดใสมากๆ แค่คิดก็เคลิ้มแล้ว.........อยากเห็นจัง ส่วนตัวผมไม่ได้แยแสการออกกำลังกายเลยแม้แต่นิด แค่คิดก็หน้ามืดแล้วให้ตายเถอะ อยากได้ยาดมชะมัด

“เมื่อคืนรอดตายแบบเฉียดฉิวเลยนะครับ พอคุณก้านพาคุณหนูเข้าห้องไปแล้วรถคุณท่านก็มาจอดพอดีเลย”
เส้นยาแดงผ่าแปดสินะ

“นั่นสินะครับ ถ้าผมช้ากว่านี้ต้องซวยแน่”

“ซวยอะไร”

“เฮือก!”
ผมกับคุณชัชสะดุ้งพร้อมกันเมื่อคุณลูฟเดินโผล่เข้ามาในระยะสายตาพร้อมกับถามเสียงเข้ม

“ปล…..เปล่าครับ แค่คุยเรื่องทั่วไป”
สายตาคมจ้องมาที่ผมเหมือนกำลังแสกนหาคำโกหกซึ่งผมรู้ตัวว่าไม่ได้โกหกเนียนขนาดนั้น เลิกจ้องได้แล้วครับ เข้าห้องไปอาบน้ำซะสิ ไป๊ๆ

“อย่าเพิ่งกลับ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
ว่าแล้วคนตัวใหญ่ที่ตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อก็เดินผ่านผมไป

“ฟู่ เผลอกลั้นหายใจไปเลยนะเนี่ย”
ผมพูดออกมาเบาๆเพราะกลัวคนหูดีจะได้ยินอีก

“นั่นสินะครับ แต่เราลงไปรอคุณท่านที่ห้องอาหารดีกว่า ผมให้แม่บ้านเตรียมอาหารไว้แล้ว”
ในสภาพแบบนี้อะนะ คือที่เดินออกมาตอนแรกผมกะจะกลับบ้านไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยมาใหม่ตอนสายๆ แต่ถ้ามาอีหรอบนี้ผมคงต้องอยู่คุยกับคุณลูฟก่อนถึงจะกลับได้สินะ

เพราะงั้นผมจึงต้องกลับเข้าไปปลุกคิวปิดมาอาบน้ำทานข้าวด้วยสภาพอันอนาถา…..เสื้อยืดกับกางเกงบ็อกเซอร์ที่ดูยังไงก็ไม่น่าดูเลย

“ชัชพาคิวปิดไปข้างนอกก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับก้าน”
มาแล้ววินาทีที่ทำให้อยู่ไม่สุข ผมเริ่มกัดริมฝีปากด้วยความกังวล

“ครับท่าน”
แล้วคุณชัชก็พาคิวปิดออกไปจากห้องทานอาหาร เด็กน้อยหันมาส่งสายตาละห้อยให้ผมคงเพราะมีชะนักติดหลังจากเรื่องเมื่อคืนเลยเป็นกังวลสินะ……..ผมก็กังวล! ให้ตายสิ

“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”
ชิบ……..คุณลูฟรู้ได้ไงวะ หรืออาจจะมีแม่บ้านสักคนที่อยู่ในเหตุการณ์ไปบอก แย่แล้วไอ้ก้าน ทำไงดีล่ะเนี่ย

“ค…..คือ เมื่อคืนคิวปิดนอนไม่หลับ…”

“ฉันหมายถึงนาย”
มือหนาวางแก้วกาแฟลงแล้วกอดอกมองมาที่ผม

“เอ๊ะ….”

“เมื่อคืนชัชบอกฉันว่านายทะเลาะกับที่บ้านเรื่องงาน”
อ๋อ ก็คุณชัชได้ยินหมดเลยนี่นา คงจะคิดมากเรื่องผมสินะ ผมก็ร้อนตัวไปก่อนดีที่ไม่เผลอสารภาพบาป

“ครับ แรกๆก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่ว่าอาทิตย์นี้เหมือนจะมีข่าวลือในมหา’ลัยว่าผมขายตัวให้เสี่ย แม่เลยโมโหน่ะครับ”
คิ้วเข้มๆนั่นขมวดเข้าหากันทันทีที่ผมพูดจบ

“ขายตัวให้เสี่ย?”
ผมพยักหน้าช้าๆ ใบหน้าของคุณพ่อเริ่มมีอาการหัวเสียจนเห็นได้ชัด

"ฉันคือเสี่ยงั้นหรอ?"
เขาถามซ้ำ ผมก็พยักหน้าอีกครั้ง คราวนี้คุณพ่อมีสีหน้าเหมือนปีศาจร่างต้นคือไม่ได้น่ากลัวมากแต่มีความโกรธอย่างเห็นได้ชัด ผมจึงรีบอธิบายต่อ

“ผมก็ไม่รู้ว่าข่าวลือมันเริ่มกระจายไปตอนไหนเพราะผมก็เพิ่งรู้เมื่อคืนเหมือนกัน”
อย่างว่าแหละ ผมไม่มีเพื่อนที่จะมาคอยเตือนว่าเริ่มมีข่าวลือแปลกๆแล้วนะให้ระวังตัวหน่อย คนมันลือกันมันก็คุยกันแค่กลุ่มตัวเอง เวลาผมเดินผ่านคงจะมีเรื่องราวให้พูดถึงสนุกปากเลยล่ะมั้ง

“จะเลิกทำไหมล่ะ”
คุณลูฟถามแล้วยกกาแฟขึ้นจิบ(เปลี่ยนอารมณ์ไวเหมือนสับสวิตช์) ผมรีบส่ายหน้าทันที

“ไม่มีทางครับ ตอนนี้คิวปิดเป็นความสุขเดียวของผม ถ้าไม่มีน้องผมก็ไม่มีใครแล้ว”
เกิดความเงียบขึ้นทันทีที่ผมพูดจบ ผมไม่กล้าสบตากับคุณลูฟไม่รู้ว่าเขามีอารมณ์แบบไหนอยู่ตอนนี้ ก็นั่นลูกชายของเขาแล้วผมมาโมเมเอาแบบนี้อาจจะไม่พอใจหรือเปล่า

"ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ วันนี้ฉันจะไปคุยกับแม่เธอให้"
อยู่ดีๆคนที่หน้าตาดีอย่างคุณลูฟก็หน้าตาดีขึ้นไปใหญ่จนออร่าพุ่งเข้าตา ฮืออออออ ไม่คิดว่าจะใจดีกับผมขนาดนี้

“ขอบคุณมากครับ ผมจะดูแลคิวปิดให้ดีที่สุดเลย”
ผมพูดจบแล้วรีบหันหลังกลับเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ แต่เอ๊ะ……..

“ให้ผมไปอาบน้ำที่ไหนนะครับ”
ผมหันหลังกลับไปหาคุณลูฟแล้วยิ้มแหยๆ ลืมไปว่าไม่ใช่บ้านตัวเอง

“ฉันให้แม่บ้านจัดไว้ให้แล้ว”
แหม คุณพ่อจอมดุนี่แอบใจดีจริงๆสินะ แปลกจังเลยนะที่ไม่ยอมแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาทั้งๆที่ก็มีความรู้สึกเหมือนกัน

พอได้รับความใจดีแบบนี้แล้วอยากได้อีกจัง ผมได้แต่คิดแล้วแอบยิ้มกับตัวเองบางๆ


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
เจอเรื่องแย่ๆมาก็มีนิยายนี่แหละที่ยังอยู่กับเรา รู้สึกสงบใจจัง ^^ ใครที่ยังเครียดหรือมีเรื่องที่คิดไม่ตกอยู่ตอนนี้ฟิวเป็นกำลังใจให้นะคะ
เลิกงานแล้วไม่คิดเรื่องงานแล้วจะคิดพล็อตนิยาย!
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 4} 02/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 02-12-2019 23:46:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 4} 02/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-12-2019 00:17:54
แม่จะอยากประเคนลูกสาวมาทำแทนหรือเปล่า หึ รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 4} 02/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-12-2019 03:11:15
แม่ต้องส่งพี่แก้วมาแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 4} 02/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 03-12-2019 17:49:54
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 4} 02/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: may5658 ที่ 03-12-2019 18:50:40
นิยายดีมากเลยนะคะ อยากติดตามต่ออยากอ่านเร็วๆแล้วด้วย
ช่วยให้ผ่านไปแต่ละวันได้ดีจริงๆนั้นแหละค่ะ  :เฮ้อ:
รอตอนที่5นะคะ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 5} 08/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: yai feel ที่ 08-12-2019 23:52:59
ตอนที่ 5
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณพ่อจะยังเป็นฮีโร่ของคุณ

LUCIFER'Part

ผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเด็กคนนั้น มันไม่ใช่เรื่องยากที่ผมอยากจะรู้เรื่องราวของใครสักคนจากเส้นสายที่ผมมีทั่วประเทศไม่ว่าจะขาวหรือดำ อยากรู้อะไรก็แค่ยกหูไม่กี่นาทีก็ได้ข้อมูลที่อยากรู้มากางตรงหน้า

ทำแบบนี้จนเคยตัว รู้ด้วยว่ามันเป็นนิสัยที่ไม่ดีเพราะคนทุกคนก็อยากมีความเป็นส่วนตัวทั้งนั้น แต่ที่ผมอยากรู้เกี่ยวกับเด็กคนนี้เพราะว่าตอนที่เขาถูกรถชน ไม่เห็นมีใครเข้ามาช่วยสักคน

"เด็กคนนี้ชื่อก้านใบครับ เป็นนักศึกษาปี2การบัญชี ช่วงนี้มีข่าวลือที่ไม่ดีทำให้เป็นที่รู้จักในเชิงลบครับ"
ผมสรุปในส่วนที่สำคัญมาเท่านี้ ที่ไม่มีคนเข้ามาช่วยเพราะไม่มีใครชอบสินะ พอเจอเหตุการณ์แบบนี้แล้วทำไมผมต้องนึกไปถึงผ้าใบทุกที

หมอนั่นมันตัวแสบ ไอ้อาเรสปล่อยข่าวลือให้เสียหายแทบตายแล้วมันแคร์ไหมล่ะ ก็ไม่แถมหนีไปขึ้นเรือจับปลาสบายใจอีก คนที่เดือดร้อนดันกลายเป็นน้องชายคนเล็กของผมซะเอง ยอมใจในความไม่สนโลกของผ้ามันจริงๆ

หลังจากที่ประชุมเครียดเรียบร้อยแล้วผมก็ส่งข้อความไปบอกผ้าใบว่ากำลังไปที่โรงพยาบาลและได้ไปเจอกับ 'ก้านใบ' ผู้ชายที่เป็นที่ชังของคนทั้งมหา'ลัย ซึ่งผมพยายามมองท่าทีของเด็กนี่หลายครั้งแล้วว่าส่วนไหนที่ทำให้คนเกลียด

การก้มหัวขอโทษคนที่ขับรถชนตัวเองนี่ก็ไม่ค่อยมีใครทำกัน เว้นแต่ว่าเด็กนี่จะรู้ตัวว่าผิดที่ไปยืนทะเลาะกันข้างถนนจนทำให้ตัวเองเกิดอุบัติเหตุ……..ไม่ได้ตั้งใจเลยรู้สึกผิด

ทำไมถึงเกลียดคนที่ขอโทษคนอื่นง่ายๆเพราะรู้ว่าตัวเองผิดกันล่ะ

บอกตรงๆว่าผมสนใจเด็กคนนี้ แววตาของก้านเป็นสายตาที่ผมเคยเห็นมาก่อนจากผู้ชายคนหนึ่ง เป็นความเหงาและต้องการความรักจากใครสักคน……...ซึ่งผมไม่เคยให้ในสิ่งที่เขาต้องการได้เลยจนเขาได้รับจากคนอื่น

เพราะงั้นผมจึงอยากจะช่วยทำให้แววตาคู่นี้เปลี่ยนไป

ระหว่างที่ก้านมาทำงานให้ผม ผมเองก็ตามสืบเรื่องที่บ้านของเขามากขึ้นจนรู้ว่าก้านมีพี่สาว1คนและไม่เคยเห็นพ่อในบ้านเลยด้วย

"คุณท่านครับ"
ผมเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อกลับมาถึงบ้าน2ทุ่มครึ่งชัชก็รีบปรี่เข้ามาหาผมตั้งแต่หน้าประตูด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล

"มีเรื่องอะไร"
ผมถามแล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งที่โซฟา ปกติชัชจะกลับหลังจากที่ไปส่งก้านที่บ้านแล้วแต่นี่ยังไม่กลับหมายความว่ายังไง เด็กนั่นยังไม่กลับหรือ

"เมื่อสักครู่ก่อนที่คุณท่านจะกลับมา คุณหนูแกตื่นแล้วนอนไม่หลับเรียกหาแต่คุณก้านอย่างเดียวผมจึงกลับไปรับคุณก้านที่บ้านครับ"
หือ……..เรียกหาแต่ก้านอย่างนั้นหรอ แอบปวดใจนิดๆที่ไม่ใช่คนที่ลูกเรียกหาแต่ก็เบาใจที่เข้ากับก้านใบได้ดี

"แล้วมาไหม"
ผมหันไปถาม รู้สึกสนใจจนตัวเองก็แปลกใจเหมือนกัน

"ตอนนี้อยู่ในห้องกับคุณหนูครับ"
มาสินะ เด็กคนนั้นตามใจลูกผมมากเกินไปแล้วเป็นเพราะผมขู่ไว้หรือเปล่า

“นี่หรอเรื่องที่จะบอกฉัน”
ไม่เข้าใจว่าชัชจะทำหน้าตาเป็นกังวลทำไมกับอีเรื่องแค่นี้

“คุณก้านทะเลาะกับคนที่บ้านรุนแรงมากเลยครับ เหมือนคุณก้านจะเป็นห่วงคุณหนูมากจนรีบออกมาทำให้คนที่บ้านไม่พอใจ”
ผมพยักหน้าเหมือนว่าไม่ใส่ใจเท่าไหร่ทั้งที่ในใจของผมกลับพึงพอใจจนน่าโมโห พยายามบอกตัวเองว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเพราะทำให้ก้านมีปัญหาแต่ความพอใจก็ชนะทุกอย่าง มุมปากของผมที่ยกขึ้นนี่แหละเป็นหลักฐาน เด็กคนนั้นคงจะให้ความสำคัญกับคิวปิดมาก แบบนี้แหละดีจะได้หมดห่วงไปอีกเปราะหนึ่ง

“พรุ่งนี้เช้านายไปคุยกับที่บ้านนั้นแล้วกันเรื่องงานของก้าน อย่าให้มีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นอีก ฉันเป็นเจ้านายพอรู้แบบนี้ก็ไม่สบายใจ”
แอบเอานิ้วไขว่กันแล้วทำเป็นปลดเนคไทเนียนๆ ตลกตัวเองชะมัด

“รับทราบครับ”
ชัชก้มหัวให้ผมเล็กน้อยเป็นการรับคำสั่งแต่สายตาของเขามองผมเหมือนแปลกใจและกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง

“เมื่อไหร่จะออกมา”
ผมพูดแล้วทำทีมองขึ้นไปที่ชั้นบน ชัชหรี่ตาลงอย่างจับผิดแต่ก็ต้องยอมแพ้เพราะคราวนี้ผมตีหน้าขรึมไปเลย

“เดี๋ยวผมไปตามให้ครับ”
คนสนิททำท่าว่าจะลุกขึ้น แต่ผมห้ามไว้

“ฉันไปเอง นายกลับได้แล้ว”
เลยเวลาเลิกงานของชัชมามากแล้วเพราะงั้นเรื่องแค่นี้ให้ผมจัดการเองจะดีกว่า

“ราตรีสวัสดิ์ครับคุณท่าน”
ทั้งบ้านตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งเมื่อชัชเดินหายออกไปจากบ้าน ผมคลายเนคไทออกอย่างจริงจังและปลดกระดุมเม็ดบนอย่างที่ชอบทำ เหมือนจะติดเป็นนิสัยมากกว่าทำให้ตัวเองรู้สึกสบาย ก่อนจะค่อยๆเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้าน ตรงไปยังห้องที่มีป้ายที่เขียนขึ้นมาเองด้วยสีเทียนติดตรงหน้าประตูว่า ‘Cupid’ เป็นป้ายที่ผมไม่ได้สังเกตว่ามีมาติดตั้งแต่เมื่อไหร่

ประตูถูกเปิดออกอย่างเบามือ แสงไฟจากข้างนอกส่องเข้าไปในห้องไม่ได้สว่างมากแต่ก็พอทำให้มองเห็นภาพตรงหน้าได้อย่างชัดเจน คิวปิดนอนหลับอยู่บนเตียงโดยที่มือน้อยๆนั่นกำนิ้วของก้านที่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างเตียง ใบหน้าของก้านฟลุบลงกับที่นอนเห็นได้ชัดว่าหลับทั้งคู่ เป็นภาพที่ไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่เพราะผมไม่ได้เข้ามาดูลูกบ่อยๆ

ไม่ได้เข้ามาดูเลยดีกว่า!

‘แล้วหน้าที่ของคุณล่ะครับ’
คำของก้านดังเข้ามาในหัว ครั้งแรกที่ได้ฟังยอมรับว่าฟีลขาดจริงๆเพราะทุกวันนี้ผมก็ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดไม่ให้ขาดตกบกพร่องสักอย่าง

………..หรือเปล่า

ผมขยับเข้าไปในห้อง ในตอนแรกว่าจะปลุกพี่เลี้ยงหน้าอ่อนนี่ให้ไปนอนอีกห้องนึงเพราะเวลานี้ถ้ากลับบ้านไปอาจจะไม่ได้นอนแน่ แต่มือเล็กๆที่กำนิ้วมือของก้านไว้แน่นก็ทำให้ผมเปลี่ยนใจเป็นอุ้มร่างผอมขึ้นไปนอนบนเตียงข้างๆกับคิวปิดแทน

ขอบใจนะที่ดูแลลูกชายของฉันเป็นอย่างดี ฉันแค่หวังว่าเขาจะโตขึ้นมาและไม่ใช้ชีวิตแบบฉันเท่านั้น ชีวิตที่ไม่มีความสุขเลย




“แย่แล้วครับคุณท่าน”
สีหน้าของชัชแย่อย่างที่เขาพูดจริงๆนั่นแหละ ผมกดปิดลู่วิ่งแล้วเดินลงมาคว้าน้ำขึ้นดื่ม

“เรื่องก้าน?”
ผมพูดพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย ถ้ามีเรื่องแต่เช้าแบบนี้ก็คงจะมีแค่เรื่องก้านเรื่องเดียว

“ครับ ผมไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นอีกหลังจากที่คุณก้านออกมาแล้ว แต่ตอนนี้ข้าวของของคุณก้านส่วนหนึ่งกองอยู่ที่หน้าบ้านแล้วครับ”
ผมหันไปสบตากับชัชด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก กล้าไล่ลูกชายของตัวเองออกจากบ้านเลยงั้นหรอ

“ฉันจะไปคุยเอง นายไปบอกแม่บ้านให้เตรียมอาหารเช้าเถอะ จากนั้นก็ไปพักได้”
เป็นการจบสนทนาช่วงเช้าระหว่างผมกับคนสนิท
มื้อเช้าผ่านไปด้วยดี ลูกชายของผมร่าเริงแจ่มใสกว่าปกติเมื่อพี่เลี้ยงคนโปรดอยู่ทานอาหารเช้าด้วย ถึงแม้จะมีหัวเราะกันคิกคักในเวลาทานอาหารแต่ผมก็ไม่กล้าจะไปขัดเวลาที่เห็นลูกมีความสุขแบบนี้เลย

เป็นเสียงหัวเราะที่ผมไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่ ผมทำเป็นนั่งนิ่งไม่สนใจทั้งๆที่แอบฟังเสียงเจื้อยแจ้วนั้นทุกคำ ใจผมเต้นแรงอีกครั้งบ่งบอกว่าผมกำลังมีความสุขแต่มีบางอย่างบอกผมว่าให้ผมนั่งอยู่เฉยๆ……..อย่าเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในบทสนทนาเลย




“เป็นอะไร”
ผมถามเมื่อสังเกตอาการคนข้างๆมาสักพัก ก้านเอาแต่นั่งกัดริมฝีปากตัวเองตั้งแต่ผมขับรถพาออกมาจากบ้าน มือเล็กบีบกันจนขึ้นรอยแดงดูออกได้เลยว่ากำลังคิดมากอยู่ แต่ผมก็เลือกที่จะถามทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าก้านเป็นอะไร

“แม่กับพี่แก้วต้องโกรธมากแน่เลยครับ”
น้ำเสียงเป็นกังวลจนไม่ต้องมองหน้าก็รู้ว่าตอนนี้เจ้าตัวทำสีหน้าแบบไหนอยู่ ผมยักไหล่มองตรงไปยังเส้นทางเบื้องหน้า อยากให้ถนนเส้นนี้มันยาวขึ้นอีกสักหน่อย………..ผมแค่อยากจะยืดเวลาที่จะต้องเห็นน้ำตาของก้านออกไปเท่านั้น

“ครอบครัวไม่ใช่ทุกอย่างหรอกนะ โดยเฉพาะครอบครัวห่วยๆ”
ผมพูดออกไปอย่างใจคิด เป็นคำพูดที่น้องชายคนเล็กพูดใส่หน้าผมตอนที่เขาตัดสินใจออกไปอยู่คนเดียวข้างนอก

ผมเคยไม่เข้าใจความคิดแบบนี้ แต่เวลาที่ผ่านมามันทำให้ผมเข้าใจอย่างลึกซึ้งเลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากบอกเหลือเกินว่าผมรักครอบครัวของผมแค่ไหน และถ้ามันพูดออกไปง่ายๆผมกับน้องคงไม่เป็นแบบนี้

“ผมแค่อยากเป็นที่รักบ้าง ถึงคนที่มหา’ลัยจะไม่ชอบผมแต่ก็อยากให้คนที่บ้านรัก”
เป็นเรื่องยาก เจ้าตัวเองก็รู้แต่แค่หวังว่าสักวันนึงจะเป็นที่ต้องการของบ้านหลังนั้น แน่นอนว่ามันไม่ใช่วันนี้แน่เพราะหากเป็นที่ต้องการจริงคงไม่มีข้าวของวางกองอยู่ตรงหน้ารั้วบ้านนั่น

ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าคนข้างตัวผมช็อคสุดขีดรีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งเข้าบ้านทันทีที่รถจอดสนิท ผมนั่งรออยู่ในรถเฉยๆคอยสังเกตการณ์ไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องของครอบครัวคนอื่นมากแต่พอคิดแบบนี้ก็แอบแปลกใจว่าผมจะมากับเด็กนี่ด้วยทำไมถ้าไม่อยากยุ่ง

ผมหลุดออกจากความคิดอีกครั้งเมื่อเห็นก้านโดนผลักออกมาจากบ้าน หญิงคนหนึ่งน่าจะเป็นแม่เดินออกมาตบก้านใบเสียหน้าหัน ผมตกใจจนรีบเปิดประตูรถลงไป

“อย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก แกมันน่าขายหน้า ชั่วช้าเหมือนพ่อแกไม่ผิด”
แอบหน้าชาหน่อยๆในฐานะที่เป็นพ่อคนแล้ว

“แล้วแม่รักผมได้เท่าที่พ่อรักผมไหม”
ผมเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างหลังของก้าน คนแม่เห็นผมแล้วแต่พูดอะไรไม่ออกท่าทางเดือดดานมากกว่าเมื่อกี้ ตอนนี้เธอคงกำลังคิดเรื่องบัดซบอยู่แน่ๆ ‘ขายตัวให้เสี่ย’ ลือกันออกมาได้ ท่าทางของผมเหมือนเสี่ยมากหรือไงหรือไม่ว่าใครจะมีตังค์ก็คือเสี่ยหมด?

“ถ้ามันรักแกแล้วทำไมไม่เอาแกไปด้วยล่ะ”
ลมหายใจของก้านสะดุดไปช่วงหนึ่งเหมือนเพิ่งคิดถึงความจริงข้อนี้ขึ้นมาได้
เหมือนผมมาอยู่ผิดที่ผิดทาง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะทำยังไงกับสถานการณ์ร้ายแรงตรงหน้านี้ดี

"ถ้าไม่มีผมแม่จะมีความสุขใช่ไหม ที่ผมยังอยู่ตรงนี้ผมก็เป็นแค่ภาระที่แม่ไม่ต้องการ ถ้างั้นแม่ทำให้ผมเกิดมาทำไม!"
ก้านพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น มือเล็กยกขึ้นปาดป้ายน้ำตาออกจากใบหน้าแต่ดูเหมือนยิ่งปาดน้ำตาก็ยิ่งไหลลงมาไม่หยุด คนเป็นพ่อคนแล้วแบบผมเห็นแล้วปวดใจจนต้องยกมือขึ้นไปจับไหล่บางนั่นเบาๆ อยากให้บทสนทนามันจบลงแค่นี้เพราะผมไม่อยากฟังประโยคร้ายแรงของผู้หญิงตรงหน้านี้เลย

แม้ใบหน้าของเธอจะนิ่งสงบแต่ผมคิดว่าเธอแค่พูดไม่ออกมากกว่า………….มีเหตุผลจำเป็นบางอย่างที่ต้องปล่อยให้ก้านเกิดมาสินะ เหตุผลบางอย่างที่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว

"พอเถอะ ไปได้แล้ว"
หัวใจของผมเจ็บปวดเพียงแค่คิดว่าผู้หญิงคนนี้กลายเป็นผมและก้านที่ยืนร้องไห้อยู่นี่คือคิวปิด ผมยกมือบีบไหล่เล็กที่ตอนนี้เหมือนกำแพงดินที่พังทลายจากการโดนน้ำซัดมาเป็นเวลาหลายปี ก้านใบหันกลับมาดึงแขนผมเข้าไปกอดแล้วปล่อยโฮออกมาเสียงดัง ตัวผมก็ตกใจแต่ก็ยืนให้เด็กมันกอด ในเวลาแบบนี้ก็คงต้องยอมไปก่อน

"แกมันหน้าไม่อาย วิปริต"
ผมละสายตาจากก้านไปมองคนแม่ที่ยืนตัวสั่นด้วยความโกรธ ผมส่ายหน้าเบาๆ

"คนที่เลี้ยงลูกเหมือนสัตว์เลี้ยงอย่างเธอต่างหากที่หน้าไม่อาย"
กับคนแบบนี้ผมไม่อยากเสวนาด้วยเยอะเพราะนอกจากจะไม่มีผลประโยชน์แล้วยังทำให้สุขภาพจิตเสียอีก ผมดึงก้านที่ยังร้องไห้ไม่หยุดให้กลับมาขึ้นรถก่อนจะโทรหาลูกน้องคนสนิทอีกคนให้มาขนของของก้านไปไว้ที่บ้านก่อน ยังไงซะเรื่องนี้ผมก็มีส่วนผิดด้วยนิดหน่อย(นิดหน่อยจริงๆ) เพราะงั้นเรื่องท้ังหมดที่เกิดขึ้นผมจะรับผิดชอบเอง

แต่ว่ายังไงก็คิดไม่ผิดตั้งแต่แรกที่อยากยื่นมือมาช่วย…………...

"ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผมถึงเจ็บปวดแบบนี้"
เมื่อเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ก้านก็พูดพึมพำออกมา

“ทำไมทุกคนถึงเกลียดผม ทำไมถึงโทษว่ามันเป็นความผิดของผม ผมพยายามแล้วคุณลูฟ พยายามจนเหนื่อยจนรู้สึกว่าควรพอได้แล้ว”
ผมปลอบคนไม่เก่ง ไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดไปจะทำให้ดีขึ้นหรือแย่ลงเพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมทำได้คือฟังเงียบๆและพาก้านออกมาจากตรงนั้น

“หิวหรือเปล่า”
คำถามที่โคตรไร้สาระเพราะว่าก่อนจะออกมาเราทานข้าวกันไปแล้ว ก้านถอนหายใจออกมาเบาๆทำให้ผมรู้สึกวุ่นวายใจเข้าไปใหญ่ มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันนะ

“ฉันหมายถึงเธออาจจะอยากทานของหวาน แบบชานมไข่มุกไหม ฉันเห็นวัยรุ่นสมัยนี้ชอบทานกัน”
ก้านหันมามองผมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ยังหม่นหมองอยู่แต่เห็นได้ชัดเลยว่าแปลกใจมากกว่า

“ทําไม?”
จนผมอดที่จะถามออกไปไม่ได้

“เปล่าครับ เอาอย่างที่คุณว่าก็ได้ แต่ว่าซื้อไปเผื่อคิวปิดด้วยนะครับเอาแบบไม่ใส่ไข่มุกก็ได้”
ผมไม่ค่อยปล่อยให้ลูกกินของแบบนี้เท่าไหร่เพราะกลัวว่าจะมีปัญหากับสุขภาพ อยากให้ลูกแข็งแรงมีชีวิตยืนยาว ซึ่งมองสายตาของก้านตอนนี้ผมอาจจะกังวลไปเกินเหตุก็ได้

“ก็ได้”
ใบหน้าของก้านเผยรอยยิ้มครั้งแรกหลังจากน้ำตาแห้งไป เรื่องที่โดนไล่ออกจากบ้านสามารถเยียวยาได้ด้วยชานมไข่มุกหรอเนี่ย แปลกคน

“คุณก็รักคิวปิดออกขนาดนั้น ทำไมไม่บอกน้องล่ะครับ”
ผมตอบอะไรไม่ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงไม่แสดงออกให้มากกว่านี้ว่ารักลูกชายคนเดียวจนหมดหัวใจ แต่วินาทีนั้นภาพของพ่อก็กลับเข้ามาในหัวของผม.........มันรู้สึกเจ็บปวด

“แม้โลกจะโหดร้ายกับผมแค่ไหนแต่สิ่งเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยคือพ่อนะครับ ผมพร้อมจะให้ความอบอุ่นกับคิวปิดแต่ผมอยากให้น้องได้รับมันจากคุณมากกว่า”
ผมหันไปจ้องตากับคนข้างๆ อยากจะบอกว่าพ่อของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่เหมือนสักนิดกับพ่อของผม

“ยังไงวันนี้ก็ขอบคุณมากนะครับ ต่อไปนี้คุณคงจะเป็นเซฟโซนหนึ่งเดียวของผม”
หรือว่าผมจะมีลูกชายเพิ่มมาอีกคนกันล่ะเนี่ย


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
เมื่อไหร่จะรักกันซักที!!! อย่าว่าแต่คนอ่านรอ คนเขียนก็รออยู่นะโว้ย
แฮ่ๆ ระหว่างนี้ความรู้สึกบางอย่างอาจจะกำลังก่อตัวนะคะ(ซึ่งก็คือความรู้สึกหมดแรงบันดาลใจของคนเขียนนั่นเอง) อดีตของแต่ละคนก็เย๊ออออ เยอะ ฮ่วยๆ
ปล.ไม่สายจ่ะวันนี้มาวันอาทิตย์จิมๆอิอิ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 5} 08/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-12-2019 01:34:42
จับปล้ำเลย จะได้รักกันสักที55555
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 5} 08/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 09-12-2019 09:19:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 5} 08/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 10-12-2019 17:31:17
รอตอนต่อไปจ้า

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 6} 22/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: yai feel ที่ 22-12-2019 16:35:45
ตอนที่6
สูญเสียทุกอย่างเพื่อได้บางอย่าง

ไม่เหลืออะไรอีกแล้วแม้กระทั่งบ้าน ภายในเวลาไม่กี่เดือนผมกลายเป็นผู้ชายอายุ20ที่ไม่เหลืออะไรเลย ล้มเหลวที่สุดในชีวิต ไม่มีเพื่อนที่จริงใจ ไม่มีครอบครัว ไม่มีบ้าน เหลือเพียงงานพี่เลี้ยงเด็กเท่านั้นที่พอจะทำให้ผมมีเงินใช้และมีที่อยู่

ต้องถือว่าเจ้านายของผมใจดีกับผมมากที่เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นกับผมในตอนนี้และให้ผมไปพักอยู่ที่บ้านของเขาก่อนได้ หากแม่ใจเย็นขึ้นเมื่อไหร่เขาจะพาผมไปที่บ้านหลังนั้นอีกครั้ง………...บางทีถ้าผมหายไปแม่อาจจะต้องการผมขึ้นมาบ้าง

ส่วนคุณลูฟเขาอาจจะใจดีกับพี่เลี้ยงเด็กทุกคนก็ได้แต่สำหรับผมมันยิ่งใหญ่มาก ผมจึงจะตอบแทนเขาด้วยการทำงานให้หนักเพื่อเป็นประโยชน์มากที่สุด

“น้อง”
ผมเดินออกมาจากตึกเรียนหลังจากเรียนเสร็จและกำลังจะเดินทางกลับบ้านแต่เสียงเรียกของบางคนทำให้ผมหันกลับไป

“หาตัวยากมากแม่ คือต้องดักรอหน้าตึกอะถึงจะเจอตัว”
พี่ผู้หญิงที่หน้าคุ้นมากๆคนหนึ่งเดินเข้ามากับพี่ผู้ชายอีกคน

“ครับ?”
ผมทำหน้างงเมื่อพี่เขาพูดเหมือนอยากจะเจอกับผมมาก แต่ก็อย่างที่พี่เขาพูดแหละว่าผมหายตัวเร็วยิ่งกว่านินจาโคโนฮะ เลิกเรียนแล้วก็กลับบ้านไม่ก็ไปรับคิวปิดที่โรงเรียน ทุกคนจะไม่มีวันได้เจอไอ้ก้านนอกจากในห้องเรียน

“จำพี่ได้ไหม”
ผมส่ายหัวทันทีไม่เสียเวลานึกด้วยซ้ำ ไม่ว่าพี่เขาจะเป็นใครก็ตาม ผมไม่อยากรู้จักและเสวนาด้วย

“เฮ้ยๆ อย่าเดินหนีพวกพี่สิ”
พี่ผู้หญิงวิ่งมาดักหน้าผม

“พี่ชื่อมิวนะส่วนนี่กันต์ศิลปกรรมปี4 เป็นรุ่นน้องพี่ผ้าใบ”
ผมพยักหน้ายังคงไม่ไว้ใจและเว้นระยะห่างอยู่ดี พี่ผ้าใบเป็นคนดีก็จริงแต่ไม่ได้หมายความว่าคนรอบข้างของเขาจะดีด้วย

“โหไรอะ มองแบบนี้ด่าพี่เลยเหอะ”
พี่กันต์พูดแล้วย่นจมูกงอนๆ น่ารักมากครับ…...น่ารักจนอยากเอาไม้กั้นประตูมาฟาดแต่ก็ทำได้แค่คิด

“ขอโทษด้วยครับพอดีผมไม่ไว้ใจคนอื่นเท่าไหร่”
ผมพูดขอโทษไปตรงๆแม้ว่าตัวเองจะไม่เคยได้รับคำขอโทษจากใครนักก็ตาม แต่การโดนกระทำจากสิ่งรอบข้าง ไม่ได้หมายความว่าผมมีสิทธิ์ไปกระทำคนอื่นนี่นา

“พี่เข้าใจ เราไปหาที่นั่งคุยกันเถอะ”
ผมถอยหลังมาโดยอัตโนมัติเมื่อแขนเล็กๆของพี่มิวจะยื่นมาจับแขนของผม เราทั้งสามคนทำสีหน้าไม่ถูก ผมเองก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกัน

“ขอโทษครับ ผมไม่ค่อยชินกับการโดนคนอื่นสัมผัส”
เพราะการได้รับสัมผัสจากคนอื่นคือความเจ็บปวด ทั้งฝ่ามือที่กระทบลงบนแก้มหรือเล็บที่ขีดข่วนลงบนตัวของผม

“พี่รู้ว่าเราโดนมาเยอะแต่เชื่อใจพวกพี่เหอะ เดี๋ยวพี่คอลหาพี่ผ้าเลย”
พูดจบพี่มิวก็หยิบโทรศัพท์ออกมากด

[ว่าไง]
เสียงพี่ผ้าดังออกมาจนทำให้ผมคลายกังวลลงนิดหน่อย

“มิวจะพาน้องไปกินติม แต่น้องไม่ยอมไปอะพี่ผ้า”
พี่มิวพูดแล้วทำเสียงงอแงดูน่ารัก

[ก็มึงมันน่าคบหาที่ไหนล่ะมิว นี่กูยังหลอนที่มึงตามถ่ายรูปกูอยู่เลย ไม่พอยังจะมาถ่ายรูปลูกกูอีก กูจะแจ้ง!]
ผมแอบหลุดขำออกมานิดหน่อยเมื่อเสียงพี่ผ้าคือเล่นใหญ่มาก

“พี่ผ้า มิวโทรมาให้ช่วยพูดไม่ได้ให้บอกข้อเสีย เดี๋ยวน้องกลัวกว่าเดิม”
ถึงพี่มิวจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็คลายกังวลเรื่องจะโดนหลอกไปตบแล้วล่ะ

[เออๆ ขอคุยกับน้องหน่อย]
พี่มิวยื่นโทรศัพท์ที่วิดิโอคอลกับพี่ผ้ามาให้ผม ผมยื่นมือออกไปรับอย่างเสียไม่ได้ พี่ผ้าใบอยู่ในสภาพที่หน้าเปื้อนสีเล็กน้อย เสื้อกล้ามสีขาวเปรอะไปด้วยสีเป็นหย่อมๆ เพิ่งเห็นในลุคนี้เหมือนกันนะเนี้ย ปกติจะดูเรียบร้อยหน่อยแต่แบบนี้ก็เข้ากับหน้าซนๆของพี่ผ้าดี

[น้องก้าน สองคนนี้เป็นรุ่นน้องของพี่สมัยเรียนมหา’ลัย ไว้ใจพวกมันได้ถึงจะดูแปลกๆก็เหอะ]
พี่ผ้าพูดแล้วพยายามป้ายสีออกจากหน้าโดยใช้กล้องที่เปิดอยู่เป็นกระจก แต่มันกลับเปื้อนไปเป็นทางหนักกว่าเดิม ใบหน้าน่ารักเริ่มยุ่งเหยิงด้วยความหงุดหงิด

“ครับๆ ผมไปกินไอติมกับพี่ๆเขาก็ได้ พี่ผ้าไปล้างหน้าเถอะครับ”
ผมรีบตัดบทก่อนที่เจ้าตัวจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้

[โอเคๆ เออพี่อยากจะบอกก้านอย่างนึงนะ]

“ครับ”
ผมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

[การเงียบบางทีก็ไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด พี่ยังอยากรู้ความจริงของก้านอยู่นะ]
ผมเม้มปากเมื่อพี่ผ้าพูดจบ หันไปมองพี่กันต์กับพี่มิวที่ยืนส่งยิ้มบางๆมาให้ก็พอจะรู้ว่าพี่ผ้าหมายถึงอะไร

“ถ้าทุกคนรู้ เรื่องที่เกิดกับผมจะเปลี่ยนไปไหม”
ผมถามด้วยความอยากรู้จริงๆ เพราะตอนนี้ผมก็เหมือนนักโทษที่ศาลตัดสินว่าเป็นคนผิดจริงไปแล้ว

[ไม่จำเป็นต้องให้เรื่องราวมันเปลี่ยนหรอกเพราะเราเปลี่ยนทัศนคติของใครไม่ได้ แต่เก็บไว้คนเดียวจะดีหรอก้าน]
ไม่มีความคิดว่าจะบอกใครเหมือนกันนะ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่ยอมพูดออกไป หรือเพราะรู้อยู่แล้วว่าจะไม่มีใครเชื่อผม

“พี่เป็นประธานอาวุโสในกลุ่มกระจายข่าวที่เร็วที่สุดในมหาลัยนะก้าน”
พี่มิวพูดแล้วยักคิ้วให้ผมเก๋าๆ

“พี่ว่าบอกความจริงให้ทุกคนรู้ดีกว่า คนไม่ผิดไม่จำเป็นต้องยืนรับก้อนหินที่คนอื่นปาใส่หรอก”
พี่กันต์พูดเสริม ผมแปลกใจเล็กน้อยที่พี่ๆเขาเชื่อว่าผมไม่ได้เป็นแบบที่เขาลือกัน ทำไมล่ะ? เพราะผมน่าสงสารหรือเปล่า

[ใช่ ก่อนหน้านี้ก้านไม่มีใครก็จริงแต่ตอนนี้ก้านมีพวกพี่และพี่จะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับใครก็ตามที่พี่รู้จัก เข้าใจไหม]
สีหน้าของพี่ผ้าดูจริงจังขึ้นจนแทบจะกลายเป็นคนละคน

“ขอบคุณพี่ๆมากนะครับ ขอบคุณจริงๆ”

[เออๆ ไปกินติมกับพวกนั้นเถอะ พี่จะทำงานต่อแล้ว]
ผมตอบรับนิดหน่อยก่อนสายจะถูกตัดไป

“ทีนี้จะไปกับพวกพี่ได้หรือยัง”
พี่กันต์ถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างหล่อๆ

พวกเราย้ายกลุ่มกันมานั่งที่คาเฟ่เล็กๆหน้ามหา’ลัย พี่กันต์กับพี่มิวคุยสนุกมาก รับส่งมุกกันสนุกสนาน ทำผมหัวเราะจนแทบหมดลมหายใจ……..ไม่ได้รู้สึกสนุกแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ ในวันที่ไม่ต้องกังวลว่ากลับบ้านช้าจะโดนแม่ด่าหรือเปล่า ในวันที่ไม่ต้องแคร์ว่าใครจะมองว่าผมเฟคหรือแกล้งทำตัวซื่อบื้อ ในวันที่ผมไม่เหลือทุกสิ่งทุกอย่างนี่อาจจะเป็นสิ่งดีๆที่เข้ามาในชีวิตก็ได้

“อ้าวพี่มิวพี่กันต์ สวัสดีค่ะ”
บทสนทนาที่กำลังสดใสถูกหยุดลงเมื่อมีนักศึกษาสาว3คนเดินผ่านแล้วหยุดทักทายรุ่นพี่ที่ร่วมโต๊ะกับผม

“หวัดดีค่าน้องดาว น้องกิ๊ฟ น้องเช่ เพิ่งมาหรือกำลังจะกลับเนี่ย”
พี่มิวถามกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เป็นคนมีสัมพันธไมตรีที่ดีกับคนอื่นมากจริงๆ

“กำลังจะกลับค่ะ แล้ว…….”
คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดหยุดพูดแล้วค่อยๆปรายตามามองผมที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับพี่กันต์

“น้องก้านบัญชีปี2 รู้จักไหม”
พี่กันต์เป็นคนตอบแทนเพราะพี่มิวนั่งท้าวคางส่งยิ้มให้พี่ๆเขาอย่างเดียวไม่ได้พูดอะไร

“รู้จักดีเลยค่ะพี่กันต์ แล้ว……..พี่มิวไม่รู้จักหรอคะ ก้านใบบัญชีปี2”
เธอตอบพี่กันต์ก่อนประโยคหลังจะหันมาพูดเน้นกับผม ผมเผลอกัดปากเมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่อึดอัด ผมกลัวว่าจะได้ยินประโยคใจร้ายจากพี่ๆทั้งสองคน

“พี่ก็เพิ่งได้คุยกับก้านนี่แหละ น้องคุยสนุกดี”
พี่มิวยังคงพูดไปยิ้มไปเหมือนเดิม

“ว่าแต่ดาวบอกว่ารู้จักก้านดีหรอ รู้ไหมว่าก้านเกิดวันที่เท่าไหร่”
พี่กันต์พูดต่อจากพี่มิว ทั้งคู่หันมาสบตากันแล้วยักคิ้วส่งซิกบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ

“นั่นสิ รู้หรือเปล่าว่าก้านชอบทานอะไร”
ดูเหมือนว่าสองเพื่อนซี้จะกำลังทำอะไรบางอย่างที่ดูสนุก เพราะยิ้มไม่หุบเลยทั้งคู่

“หนูจะไปรู้ได้ไงพี่ ไม่ได้สนิทขนาดนั้นปะ อีกอย่างข่าวของนางดังจะตายไม่มีใครไม่รู้หรอกว่านางทำวีรกรรมอะไรไว้”
ผมชักจะโมโหขึ้นมาซะแล้วสิ พูดอะไรหัดเกรงใจกันหน่อย ผมไม่ได้ต่อว่าอะไรพวกเธอเลยสักคำทำไมมาทำตัวเสียมารยาทกับผมอย่างงี้ล่ะ

“ดาว ถ้าข่าวนั่นมันไม่ใช่เรื่องจริงขึ้นมา ดาวจะรู้สึกยังไงที่ทำลายชีวิตน้องมันด้วยน้ำลายของตัวเอง”
พี่มิวพูดด้วยสีหน้าจริงจังขึ้น น้ำเสียงก็ดุขึ้นจนผมต้องหันกลับมามองหน้าพี่เขา ดุจริงๆแฮะ ไม่มีรอยยิ้มที่บ่งบอกว่าล้อเล่นเลยสักนิด

“แต่ใครๆก็พูดว่าก้านมันมีคนอื่นเลยทิ้งพี่ฟาน”
พี่อีกคนแย้งแทนเพื่อน

“แล้วไหนคนอื่นของก้านล่ะ”
พี่กันต์เองก็เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ผมเริ่มตื้นตันใจ พยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังคลออยู่ตรงกระบอกตา ความรู้สึกที่โดนปกป้องมันดีแบบนี้สินะ….มันดีจริงๆ

“ถ้าน้องมันพูดบ้าง พวกแกจะเชื่อน้องมันไหม”
ทั้งโต๊ะเกิดความเงียบขึ้นเมื่อพี่มิวพูดจบ รู้สึกถึงแรงกดดันที่ลอยอยู่ในอากาศ

“ก้าน พูดมาสิว่ามีคนอื่นจริงไหม”
พี่มิวหันมาถามผมเมื่อเห็นว่าบรรยากาศมันเริ่มจะเงียบและอึดอัดมากเกินไป

“เปล่าครับ”
ผมตอบไม่เต็มเสียงเพราะพยายามจะกลั้นน้ำตา

“พี่ไม่ได้ยินครับ”
พี่กันต์ทำท่าเอียงคอมาฟัง ผมใช้หลังมือปาดน้ำตาที่ไหลลงมาจนได้ออกจากแก้มลวกๆ

“ผมไม่ได้มีคนอื่นและไม่ได้เป็นคนบอกเลิกพี่ฟานด้วย”
แค่ประโยคเดียวจริงๆที่ไม่สามารถบอกใครได้เลยเพราะผมไม่รู้ว่าผลที่จะตามมาเป็นยังไงและผมจะสามารถรับมันไหวหรือเปล่า

“พวกแกจะไม่เชื่อก็ได้นะ แต่บอกเลยว่าพวกพี่เชื่อก้านว่ะ”
พี่กันต์พูดแล้วก้มลงดูดน้ำปั่นที่เหลืออยู่ครึ่งแก้ว เขาช้อนตาขึ้นมามองผมที่นั่งฝั่งตรงข้ามแล้วยักคิ้วให้ตามสไตล์ ทำเอาผมเขินจนไม่รู้จะเอามือไม้ไปไว้ตรงไหนเลย

“ไม่ต้องมารู้จักก้านดีก็ได้ ไปทำความรู้จักไอ้ฟานให้ดีก่อนแล้วพวกแกจะเข้าใจเรื่องที่มันกำลังเกิดขึ้นตอนนี้”
พี่มิวพูดจบก็ส่งยิ้มไปหนึ่งที

“ไอ้ฟานมันไม่ได้เป็นแบบที่พวกแกเห็นหรอกนะ จำคำพี่เอาไว้”

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

‘ไอ้ฟานมันไม่ได้เป็นแบบที่พวกแกเห็นหรอกนะ จำคำพี่เอาไว้’
ที่พี่กันต์พูดมันหมายถึงอะไรนะ พวกพี่เขารู้งั้นหรอว่าจริงๆแล้วพี่ฟานไม่ใช่คนดีหรือเทพบุตรอย่างที่คนอื่นเข้าใจ

“ก้านใบ”

“ครับ!”
ผมสะดุ้งเมื่ออยู่ๆก็มีใครมาเรียกข้างๆหู พอหันไปก็สบตากับเจ้านายอันเป็นที่รักยิ่งของผมเข้าเต็มๆ คุณลูซิเฟอร์นั่นเอง

“ฉันเรียกตั้งนานแล้ว เหม่ออะไร”
คนตัวใหญ่พูดพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนกำลังหงุดหงิด ก็แหงล่ะเขาบอกว่าเรียกผมตั้งนานนี่นา ผมเอาแต่คิดเรื่องเมื่อเย็นอยู่ได้

คนขี้หงุดหงิดทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาแล้วเริ่มยกมือขึ้นมานวดขมับตัวเองเบาๆ

“ผมแค่ทบทวนงานที่อาจารย์สั่งวันนี้ครับ”
ผมพูดยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้านาย

“ขออนุญาตนะครับ”
พูดจบไม่รอให้เขาอนุญาตด้วยซ้ำก็ยื่นมือไปคลายเนคไทออกให้เขาซะแล้ว
ผมเห็นเขาทำแบบนี้ประจำเวลาที่กลับมาถึงบ้าน

ดวงตาคมเปิดขึ้นอีกครั้งและมองมาที่ผมดุๆ

“ข…..ขอโทษครับ ผมแค่กลัวว่าคุณจะอึดอัด”
ผมพูดแล้วกำลังจะหดมือกลับแต่ก็ถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้

“ไม่เป็นไร รบกวนหน่อยแล้วกัน”
ผมเกือบจะหลุดหัวเราะเมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้น มีอย่างที่ไหนเจ้านายขอรบกวนลูกน้อง

“คุณเป็นคนยังไงกันแน่ครับ”
คิ้วของเขาเลิกขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

“ก็บางครั้งคุณก็ดุแล้วก็น่ากลัวมาก แต่บางครั้งคุณก็น่ารัก”

“เดี๋ยวนะ นายใช้คำว่าน่ารักกับฉันงั้นหรอ”
เขาจับมือผมให้หยุดการกระทำตรงหน้าลงเพื่อตอบคำถาม ผมเองก็เลิ่กลั่กเพราะไม่ได้ตั้งใจจะบอกว่าเขาน่ารัก ผมหมายความว่าอ่อนโยน ใจดี แต่รวมๆกันแล้วมันได้คำว่าน่ารักเฉยเลย แง

“เอ่อ…...ผมหมายถึง นิสัยของคุณน่ารัก”
ผมแก้ตัวอึกอักเพราะใบหน้าของคุณลูฟยื่นเข้ามาใกล้ผมเหมือนกดดันให้ผมถอนคำพูด

“หึ ยังไงคำว่าน่ารักก็ไม่เหมาะกับฉันหรอก…….”
เขายิ้มอย่างขบขัน ปล่อยข้อมือผมออกแล้วทำท่าชี้ว่าให้นวดไหล่ให้ ผมเดินอ้อมไปยืนด้านหลังแล้วลงมือนวดที่ไหล่กว้าง หุ่นของเขาสมส่วนและเท่มากจริงๆ

“ที่เธอถามว่าฉันเป็นคนยังไง”
บทสนทนาระหว่างเราเริ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อผมนวดไหล่ให้คุณลูฟไปสักพัก

“ครับ”
ส่งเสียงออกไปเพื่อบอกให้เขารู้ว่าผมฟังอยู่

“ฉันไม่ใช่คนดีหรอกแต่ก็ไม่ใช่คนที่แย่อะไร ฉันแยกออกว่าอันไหนควรหรือไม่ควรทำ”

“คุณใจดี”
ผมพูดยิ้มๆ

“ฉันไม่ได้บอกว่าฉันใจดี”

“ก็ผมนี่แหละที่บอก คุณอาจจะใจร้ายกับคนอื่นแต่คุณใจดีกับผมนี่นา”
ได้ยินเสียงกระแอมไอในลำคอของคุณลูฟนิดหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ด่าล่ะนะที่ผมพูดมากไป

“คุณลูฟครับ”
ผมเรียกเจ้านายเสียงเบาเมื่อจะเริ่มเข้าเรื่องที่ตั้งใจพูดในวันนี้ ต้องวันนี้เท่านั้น ไอ้ก้านแกทำได้เว้ย

“ไหนใครบอกว่าเธอเป็นคนไม่ค่อยพูด ตอนนี้ทำไมถึงพูดไม่หยุดเลยล่ะ”
ผมย่นจมูกลงเล็กน้อยแต่ไม่ได้เฟลอะไรเพราะน้ำเสียงเขาไม่ได้ดุ เหมือนเป็นการแหย่เล่นเสียมากกว่า

“คุณรู้ไหมว่าผมรักคิวปิดมากเหมือนผมเป็นพ่อของน้องซะเอง”
ผมพูดติดตลก

“แล้ว? จะมาขอลูกชายของฉันไปเลี้ยงหรือไง”
ผมแอบถอนหายใจเบาๆ ทำหน้าหน่ายๆลับหลังเจ้านายเสียหน่อย

“รู้ไหมว่าฉันมองเห็นนายผ่านเงาสะท้อนของทีวีด้วย”
ผมสะดุ้ง เงยขึ้นมองตรงไปข้างหน้าก็เห็นเงาที่มันสะท้อนจากทีวีจอใหญ่จริงๆอย่างที่คุณลูฟว่า และตอนนี้เจ้านายของผมก็นั่งไขว่ห้างกอดอกจ้องมองมาที่ผมด้วยใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ แถมเสื้อเชิ้ตของเขายังปลดกระดุมออกจนเห็นแผงอกล่ำๆนั่นอีก คุณพระ เซ็กซี่จนไอ้ก้านคิดบาปไปแล้วร้อยกว่าเรื่อง

“ก้านใบ”
เสียงทุ้มๆของเขาทำผมหลุดจากจินตนาการอีกครั้ง

“ข…..ขอโทษครับ”
ผมยกมือไหว้ขอโทษเจ้านายไป คุณลูฟไม่ได้พูดอะไรอีกผมจึงก้มหน้าก้มตานวดไหล่ต่อ

“คือพรุ่งนี้ที่โรงเรียนของคิวปิดมีกิจกรรมวิชาการครึ่งวันเช้าแล้วครึ่งวันบ่ายก็กลับบ้านได้เลย ผมอยากให้คุณไป…….”

“ฉันไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอกนะ”
ผมยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ คุณพ่อใจร้ายตอบเร็วมาก

“แต่แค่ครึ่งวัน…..”

“ก้านใบ เธอคิดว่าฉันมีทุกอย่างได้อย่างในทุกวันนี้เพราะอะไร เพราะฉันไปกิจกรรมของโรงเรียนหรอ”
เจอคำนี้เข้าไปไอ้ก้านถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก สมองกำลังประมวลหาวิธีที่มันพอจะเป็นไปได้ที่เขาจะยอมอ่อนให้ผม

ถึงคุณลูฟจะดูใจร้ายแต่มีความเป็นพ่อคนสูงมาก เขาพยายามทำให้คิวปิดมีความสุขแม้จะใช้วิธีกากๆและทำให้น้องเข้าใจผิดว่าพ่อไม่รักก็เถอะ เพราะงั้นสิ่งที่จะทำให้คนปากแข็งใจอ่อนลงคืออะไร

“ถ้าคิวปิดมาขอร้องคุณล่ะครับ”
มือของผมที่วางนิ่งอยู่บนไหล่กว้างค่อยๆขยับเลื่อนลงตามลาดไหล่ กลายเป็นว่าเหมือนผมโอบกอดรอบคอของเขาเอาไว้ ทำลงไปโดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำเพราะกำลังคิดว่าถ้าเป็นผม ผมจะขอร้องพ่อยังไงดี

“นี่เธออ่อยฉันงั้นหรอ”
น้ำเสียงติดไม่พอใจนั่นไม่สามารถทำให้ผมหลุดจากความคิดของตัวเองได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนดุพูดว่าอะไรแต่แค่รู้ว่าน้ำเสียงเขาดุ เป็นเพราะเรื่องนี้มันเปราะบาง ต้องคิดหาวิธีอย่างรอบคอบ

และผมจะใช้ความเป็นลูกชายที่มีพ่อโคตรเท่นี่แหละในการขอร้องเจ้านายของผม

“คุณพ่อครับ”

“.........”

“ไปงานโรงเรียนกับผมนะครับ”


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ย่องมาอัพอย่างสำนึกผิดแล้วจากไปช้าๆ ช่วงนี้รู้สึกร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้นั่งแต่งนิยายนานๆไม่ได้เลยค่ะ รู้สึกผิดที่อาทิตย์ที่แล้วไม่ได้ลงแล้วไม่ได้แจ้งด้วย ขอโทษคร้าบ :sad4:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 6} 22/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: jpjiraporn ที่ 22-12-2019 17:36:32
 :katai2-1: :hao3: :z2:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 6} 22/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-12-2019 18:43:15
คิวปิดไม่ต้องน้องอ้อนเอง555
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 6} 22/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 22-12-2019 19:28:05
้อ้อนเลย

อ้อนเลย
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 6} 22/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 22-12-2019 21:05:16
เอาอีกกกกก :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 6} 22/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 22-12-2019 21:27:39
ฟานไม่ใช่เทพบุตรแค่ปีศาจรูปงามเฉยๆนี่
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 6} 22/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 24-12-2019 19:14:02
อ้อนขนาดนี้จะกล้าไม่ไปเหรอ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 6} 22/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: M_mA ที่ 25-12-2019 19:39:12
อื้อหือออออ!! คุณพ่อจะทำยังไงต่อไปล่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 6} 22/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 26-12-2019 22:43:48
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 6} 22/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 26-12-2019 23:32:08
 :katai1: ไอ้ตอแหลนั้นต้องโดนซะบ้าง.....
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 7} 29/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: yai feel ที่ 29-12-2019 22:41:50
คุณพ่อปีศาจ
ตอนที่ 7 ความเจ็บปวดที่ค่อยๆจางหาย

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ผมเองก็ตกตะลึงในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป นี่มันแย่แล้ว แย่สุดๆ ผมไม่ควรแสดงท่าทีกิริยาแบบนั้นกับเจ้านายของตัวเองถึงแม้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขาเข้าใจว่าผมอ่อยก็เถอะ

“ผมขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ”
ผมถอยกรูดไปยืนยกมือไหว้อยู่ไกลๆแม้เจ้าทุกข์จะยังไม่ได้หันมามองก็ตาม ร่างสูงค่อยๆหันมามองผมที่ยืนไหว้ปลกๆอยู่อย่างช้าๆ

ความเงียบและความกดดันเข้าปกคลุมพื้นที่ห้องโถงแห่งนี้โดยมีสายตาของเจ้าของบ้านเป็นชนวน น่ากลัวจนขนแขนพากันลุกขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน แง กลัวแล้วคร้าบ

“หึ…..เธอนี่น่าสนใจขึ้นกว่าเดิมอีกนะ”
พูดจบคุณลูฟก็ยืนขึ้นเต็มความสูง ผมยืนนิ่งอย่างประหลาดใจกับท่าทีที่ตรงกันข้ามกับที่ผมคิดเอาไว้ ไม่โกรธ….แถมหัวเราะอีกต่างหาก หรือว่าที่จริงแล้วคุณลูฟจะชอบให้ทำแบบนี้ใส่ บ้าเอ๊ย ผมจะเขินทำไมไม่ทราบ!

“ขึ้นไปนอนได้แล้ว เอาสูทของฉันไปเก็บด้วย”

“ครับ ผมจะจัดการให้ครับ”
พูดแล้วก็รีบเดินไปคว้าสูทสีดำสนิทที่วางพาดอยู่ตรงพนักโซฟามากอดไว้แนบอก บอกเจ้านายผ่านสายตาว่าผมจะจัดการให้เป็นอย่างดี

“อ่อ……”
คนตัวสูงก้าวไปได้ไม่เท่าไหร่ก็หยุดชะงักพาเอาผมที่กำลังจะเดินตามหยุดชะงักไปด้วย
ใบหน้าหล่อหันกลับมามองผม จุดรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจที่มุมปาก

“ฉันไม่ได้อยากเป็นพ่อของเธอหรอกนะ แต่ถ้าบางโอกาสนายอยากเรียกฉันว่าพ่อก็ได้ฉันอนุญาตสำหรับเธอ”
แล้วเขาก็จากไปทิ้งให้ผมยืนหน้าไหม้อยู่ตรงที่เดิม อยากจะกรี๊ดเป็นบ้า ทำไมต้องมาทำให้ผมเขินด้วยโอ้ยยย ใจผม TT

แล้วคืนนั้นผมก็กลับไปนอนฝันถึงคุณลูฟทั้งคืน หลับๆตื่นๆจนสุดท้ายก็ตื่นเช้ามาด้วยอาการตาปูดบวมเนื่องจากนอนไม่พอ หนักกว่าผีอำอีกมั้งเนี่ย

“แก้มแดงเป็นตูดลิง”
นิ้วเล็กๆของคิวปิดจิ้มลงมาบนแก้มของผม

“ไม่แดงซะหน่อย แก้มคิวปิดต่างหากแดงเหมือนมะเขือเทศ”
ผมพูดกลับแล้วบีบแก้มใสนั่นเบาๆ คิวปิดทำปากยื่นแต่ก็ยืนให้ผมบีบแก้มเล่น

“คุณก้านจะไปเลยหรือเปล่าครับ”
ผมเงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนข้างฝาแล้วหันกลับมาพยักหน้า

“ไปเลยครับ”
เราทั้งสามคนมาขึ้นรถเตรียมตัวจะเดินทางไปโรงเรียนของคิวปิด แต่เด็กน้อยยังแอบชะเง้อชะแง้มองเข้าไปในบ้านอยู่เลย สงสัยจะรอคุณพ่อแหงๆ เมื่อคืนผมก็ไม่ได้คำตอบเสียด้วยสิว่าสรุปคุณลูฟจะไปงานโรงเรียนของน้องหรือเปล่า เฮ้อเอาเถอะ
ถือว่าผมยังทำได้ไม่ดีพอ คราวหน้าจะแก้ตัวใหม่จะทำให้สำเร็จให้ได้

“ออกรถเลยครับคุณชัช”
ผมยื่นหน้าไปบอกคนขับรถ คุณชัชมองมาที่คิวปิดด้วยสายตาเป็นห่วงก่อนจะขับรถออกมาจากบ้านหลังใหญ่



“ไงก้าน พักนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเลยเนอะ”
พี่ผ้าใบเดินยิ้มแย้มเข้ามาหาผมที่ยืนอยู่หน้าเวที ผมไม่ได้วางแผนว่าจะมาทำอะไรที่นี้นอกจากมาดูน้องแสดง เลยมายืนรออยู่ที่หน้าเวทีแม้จะยังไม่เริ่มการแสดงก็เถอะ

“สวัสดีครับพี่ผ้า”
ผมยกมือไหว้ พี่ผ้าพยักหน้ารับเบาๆแล้วมองสำรวจตัวผม

“มีเรียนหรอวันนี้”
เพราะผมอยู่ในชุดนักศึกษาพี่ผ้าเลยถามขึ้นมา

“ครับ จริงๆมีเรียนวิชาแรก10โมง แต่คงได้เข้าเรียนแค่ช่วงบ่าย”
คนตัวเล็กกว่าพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆเหมือนมีเรื่องอะไรที่ถูกใจ

“ทำไมหรอครับ”

“เปล่าๆ พี่แค่คิดว่าก้านเหมือนพี่เลย”
พี่ผ้ากอดอกแล้วยิ้มกับตัวเองเล็กน้อย

“สำหรับพี่ลูกคือที่หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นอะไรเกี่ยวกับเด็กๆพี่ก็จะทิ้งทุกอย่างแล้วทำเพื่อพวกเขา พี่เลยแอบคิดว่าก้านเหมือนพ่อของคิวปิดเลย”
ผมยกมือมาเกาแก้มแก้เขินกับคำพูดของพี่ผ้า

“แต่พี่ไม่ได้หมายความว่าพี่ลูลู่เขาจะเป็นพ่อที่เลวนะ ครอบครัวนี้เขาซึนเดเระกันทั้งบ้านอยู่แล้ว”
พี่ผ้าพูดไปขำไป เรื่องจริงเลยล่ะที่ว่าคุณลูซิเฟอร์เขาซึนเดเระ ต้องหาวิธีหลายร้อยเล่มเกวียนเพื่อทำให้เขาหลุดมาดออกมา อย่าง…… ‘ฉันไม่ได้อยากเป็นพ่อของเธอหรอกนะ แต่ถ้าบางโอกาสนายอยากเรียกฉันว่าพ่อก็ได้ฉันอนุญาตสำหรับเธอ’

ฉ่า……..

รู้สึกได้เลยว่าหน้าผมร้อนขึ้นมาทันทีที่คิดถึงเรื่องเมื่อคืน หนอย…...ทีอย่างนี้ทำไมไม่เก๊กล่ะ มาแซวผมทำไม

“หึ ทำหน้าแบบนี้ ไปเจออะไรดีๆมาล่ะซี่”
พี่ผ้าทำเสียงเล็กเสียงน้อยล้อเลียน ผมรีบโบกมือปฏิเสธ

“เปล่าครับ ไม่มี”
พี่ผ้าทำท่าจะแซวผมอีกแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังแทรกขึ้นมาทำให้พี่เขาต้องล่าถอยออกไปรับโทรศัพท์

ติ๊ง

ผมก้มมองโทรศัพท์ของตัวเองบ้างเมื่อมีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา

ร้อยวันพันปีโทรศัพท์ของผมไม่มีใครติดต่อมาสักคน แล้ววันนี้ใครเขาส่งข้อความมาหาผมกันล่ะเนี่ย ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูก็เห็นว่าเป็นข้อความของมายด์
จะว่าไปแล้วช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยได้คุยกับมายด์เท่าไหร่เพราะบอกตรงๆว่าทำตัวไม่ถูกจริงๆ อีกอย่างก็เลิกเรียนก็รีบไปรับคิวปิดด้วย

My mind : โดดเรียนอีกแล้วนะ -_-*
My mind : แล้วไม่ไลน์มาบอกด้วย
My mind : โกรธๆๆๆ

Kan : โทษทีนะ ธุระสำคัญอะ
Kan : ไปช่วงบ่ายๆ

My mind : โอเคๆ เย็นนี้ไปงานวันเกิดพี่ฟานกับเรานะ

ผมถือโทรศัพท์ค้างเมื่ออ่านข้อความจบ ล้อกันเล่นใช่ไหมที่ชวนผมไปงานวันเกิดของแฟนเก่าที่จบกันไม่สวยเท่าไหร่เนี่ย ถ้าจะแสร้งทำเป็นเพื่อนที่ดีเรื่องแค่นี้ก็ต้องคิดได้สิ ลืมตัวไปแล้วหรือไง ผมกำโทรศัพท์ในมือแน่นอย่างโกรธแค้น มีข้อความที่อยากจะพิมพ์กลับไปเยอะมาก อยากจะด่าให้สมกับที่ถูกหลอกใช้มานานแต่ความเป็นจริงคือผมแค่ยืนมองข้อความอยู่แบบนั้น

“ไปสิ”
ผมสะดุ้งถอยหลังเมื่อมีเสียงอันคุ้นเคยพูดแทบจะชิดกับใบหูของผม

“คุณลูฟ!”
ตาผมเป็นประกายขึ้นมาเมื่อเห็นคุณพ่อปีศาจยืนทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ในชุดสูทพร้อมทำงาน อารมณ์โกรธเคืองที่พุ่งสูงขึ้นหน้าเมื่อกี้โดนพัดหายไปกับอากาศ เขามาจริงๆด้วยน้ำตาไอ้ก้านจะแตก ถ้าคิวปิดเห็นคุณพ่อมาดูด้วยต้องมีความสุขมากแน่ๆ แค่คิดก็มีความสุขแล้ว T-T

“ตกใจอะไร”
ไม่ตกใจสิแปลก ผมไม่ใช่พี่น้องตระกูลเทพแบบพวกคุณนี่นาเลยขี้เก๊กไม่เป็น ผมคิดในใจแล้วก็ขำกับความคิดตัวเอง
นี่ผมติดว่าคุณลูฟกับคุณซุสเป็นคนเย็นชาเพราะเป็นคนขี้เก๊กงั้นหรอ

“ผมคิดว่าคุณจะไม่มา”
ผมพูดแล้วหันไปสบตาเขา คนตัวใหญ่เอามือล้วงกางเกงแล้วหันกลับไปมองบนเวทีที่มีคุณครูยืนประกาศต้อนรับผู้ปกครองอยู่

สายตาของเขาอ่อนแสงลงจนผมรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนที่แสดงออกมาทางสีหน้า
อยู่ๆหัวใจของผมก็อบอุ่นขึ้นมาจนบอกไม่ถูก ใบหน้าของพ่อซ้อนทับเข้ามาจนผมแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

ผมเคยได้รับสายตาแบบนี้จากพ่อ บอกตรงๆว่าโคตรมีความสุขเลย ถ้าคิวปิดได้เห็นล่ะก็ต้องเปลี่ยนความคิดที่ว่าคุณพ่อไม่รักแน่ๆ

ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก เรายืนข้างกันเงียบๆ เสียงจากรอบข้างไม่มีผลอะไรกับความคิดของเราอีกต่อไป

ผมมีความสุขและหวังว่าคนข้างๆจะมีความสุขด้วย แต่คนที่มีความสุขที่สุดคงหนีไม่พ้นเจ้าตัวเล็กที่เดินขึ้นเวทีมาเพื่อเตรียมตัวแสดง ระหว่างที่จัดแถวกันอยู่น้องก็กวาดสายตาไปรอบๆก่อนจะมาหยุดที่ผมและเลื่อนสายตาไปหาคนข้างๆช้าๆ

ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นตามมาด้วยรอยยิ้มที่ยิ้มจนแก้มจะแตก ผมเองก็ยิ้มตามไปด้วย นี่เป็นรอยยิ้มที่กว้างที่สุดที่เคยเห็นจากคิวปิดเลยนะเนี่ย

“คุณเป็นคุณพ่อที่เท่มากเลยนะครับ”
ผมพูดโดยที่ไม่ได้หันไปมองคนข้างๆ สายตาของผมจ้องมองไปยังคิวปิดที่กำลังเคลื่อนไหวร่างกายอยู่บนเวที

“ลูกชายของฉันก็น่ารักที่สุด”
ผมยิ้มกว้างมากกว่าเดิมที่ได้ยินแบบนั้น อยากจะบันทึกเสียงไว้เปิดฟังซ้ำชะมัดเพราะเขาคงไม่พูดอะไรแบบนี้บ่อยๆแน่ ที่พูดออกมานั่นเขาอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

“คุณก้านครับ”
คุณชัชสะกิดที่แขนของผมเบาๆ พอผมหันไปก็เห็นกล้องถ่ายรูปยื่นมาตรงหน้า

“ผมว่าเราควรจะเก็บภาพเหตุการณ์นี้ไว้สักหน่อยนะครับ”
แม้แต่คุณชัชก็ยิ้มกว้างจนตาปิด วันนี้วันดีจริงๆทุกคนมีความสุขหมดเลย

การแสดงจบลงพร้อมกับเสียงปรบมือของผู้ปกครองที่ดังไปทั่วบริเวณนี้ เด็กทยอยเดินลงมาจากเวทีและอีกไม่นานคิวปิดต้องวิ่งมาทางนี้แน่

“ฉันว่าเธอควรไปนะ”
ผมละสายตาจากฝูงชนที่วุ่นวายอยู่ตรงหน้าแล้วหันมองคนข้างๆแทน

“ไปไหนครับ?”
เขาหันมาสบตากับผมเหมือนจะถามทางสายตาว่าไม่รู้จริงๆหรือ

“ก็เพื่อนชวนไปไหนล่ะ”
พอคุณลูฟถามผมก็นึกขึ้นมาได้ทันทีว่าก่อนหน้านี้คุยค้างอยู่กับมายด์นี่นา

“ไม่ได้หรอกครับ อันตรายเกินไป”
ผมตอบตามที่ตัวเองรู้สึก ไม่อยากต้องมานั่งทำแผลให้ตัวเองอีกต่อไปแล้ว
และผมไม่รู้ว่าความเกลียดชังของพวกเขามันรุนแรงถึงขั้นไหน มีข่าวออกจะบ่อยเรื่องโดนลวงไปฆ่าหรืออะไรที่มันทำนองนั้น อีกอย่างถ้าไปวันเกิดพี่ฟานก็ไม่ต่างจากเดินเข้ากรงจระเข้หรอก นั่นพวกเขาทั้งนั้น

“กลัวทำไม ฉันไม่ปล่อยให้คนของฉันฉันเป็นอะไรไปหรอกนะ”

“แต่ว่า……”

“เธอหลีกเลี่ยงมันไปตลอดไม่ได้รู้ไหม”
เขาพูดแล้วหันกลับไปมองเจ้าตัวเล็กที่ทำท่ากึ่งวิ่งกึ่งเดินมาทางนี้

“ผมรู้แต่ว่ามีอะไรที่สำคัญกว่านั้นที่ผมต้องทำ”
แน่นอนว่าการอยู่กับคิวปิดคือสิ่งที่ผมอยากทำมากที่สุด

“เรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอ………..”

“คุณพ่อ”
เสียงของคิวปิดเรียกให้ผมและคุณพ่อก้มมอง เด็กน้อยส่งยิ้มเขินอายที่ปิดความดีใจไม่มิดพร้อมกับยื่นดอกไม้กระดาษมาให้คนพ่อ คุณพ่อปีศาจรับมันมาถือไว้ในมือ

“ขอบใจ”
พูดพร้อมวางมือใหญ่ไว้บนหัวทุยๆของคิวปิด ผมคลี่ยิ้มออกไม่อยากไปขัดบรรยากาศพ่อลูก

“ฉันต้องกลับไปทำงานต่อ ส่วนเธอเลิกเรียนแล้วโทรมาหาฉัน ฉันต้องการรู้ว่าเธอไปกี่โมง กลับกี่โมงและไปที่ไหนกับใครบ้าง”
คุณลูฟสั่งเสียยาวเหยียดด้วยใบหน้าที่คงความนิ่งไว้เช่นเดิม

“แล้วคิวปิด…..”
เสียงคิวปิดพูดขึ้นกลางวงอย่างหงอยๆ ผมย่อตัวลงแแล้วลูบหัวน้องเบาๆ

“ฉันจะรีบกลับบ้าน”
นี่ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหม คุณลูฟจะรีบกลับบ้านมาอยู่กับลูก น้ำตาแห่งความปลื้มใจของไอ้ก้านจะไหล ฮือ

“ผมก็จะรีบกลับด้วย”
ผมพูดออกไปบ้าง ไม่ยอมให้คุณลูฟได้คะแนนไปคนเดียวหรอก

“ชัช เย็นนี้ไปรับก้านที่มหา’ลัยและติดตามก้านไปด้วย มีอะไรผิดปกติต้องรายงานฉันทันที ถ้ามีอะไรร้ายแรงให้รีบโทรหาฉัน”
เมื่อจัดแจงรายละเอียดเรียบร้อยเจ้านายของผมก็เดินจากไปพร้อมกับคนสนิทอีกคนที่ชื่ออิฐ ผมกับคุณชัชมองหน้ากันแล้วยิ้มแหยๆก่อนจะพากันขึ้นรถและพาคิวปิดไปส่งที่บ้านของพี่ผ้าใบ

เกรงใจเหมือนกันนะที่ต้องรบกวนพี่เขาบ่อยๆแต่พี่ผ้าใบบอกว่าไม่เป็นอะไรเพราะถ้าจะปล่อยให้คิวปิดอยู่คนเดียวก็ไม่ยอมเหมือนกัน

“คุณท่านคงเอาจริงเรื่องคุณก้านน่าดูเลยนะครับ”
คุณชัชพูดขึ้นเมื่ออยู่กันสองต่อสอง

“ผมแปลกใจจังว่าทำไมคุณลูฟถึงใจดีกับผมขนาดนี้ ผมจะเคยตัวแล้วนะครับ”
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ยอมผมไปซะหมดแบบนี้จะไม่ให้เข้าข้างตัวเองได้ยังไง

“คุณท่านเป็นห่วงคุณจริงๆนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มหา’ลัยหรือเรื่องครอบครัวของคุณก้าน คุณท่านก็รับปากกับคุณผ้าใบว่าจะช่วยเหลือเต็มที่”
ผมหันไปมองคุณชัชแล้วเลิกคิ้วสูง

“คุณลูฟถามเรื่องของผมจากพี่ผ้าใบหรอครับ”
เมื่อผมถามกลับ คุณชัชก็ทำหน้าเหลอหลาเหมือนกับว่าที่พูดออกมาเมื่อกี้ไม่ได้ตั้งใจ

“อย่าโกรธคุณท่านเลยนะครับ ที่ท่านทำไปเพราะว่าเป็นห่วงคุณก้านนะครับ”
คุณชัชรีบแก้ตัวให้เจ้านายตัวเองอย่างลุกลี้ลุกลน ซึ่งผมก็ไม่ได้โกรธอะไรแต่รู้สึกแปลกใจมากกว่า

“ทำไมเขาถึงต้องเป็นห่วงผมขนาดนั้นด้วย”
ไม่เข้าใจเลยว่าเด็กมหา’ลัยบ้านแตก เพื่อนไม่คบอย่างผมมีอะไรให้คุณลูฟต้องเป็นห่วง…………….จะว่าไปก็น่าเป็นห่วงจริงๆแหละผม เฮ้อ

“เลิกเรียนแล้วผมจะโทรหานะครับ”
ผมพูดกับคุณชัชก่อนจะปลดเข็มขัดแล้วคว้ากระเป๋าลงรถมา

“ก้าน”
รถของคุณชัชยังไม่ทันจะลับตาด้วยซ้ำเสียงของมายด์ก็เรียกผมซะแล้ว นักศึกษาที่เดินไปเดินมาแถวนั้นหันมามองอย่างให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นอะไรที่มีชื่อผมทุกคนก็จะให้ความสนใจหมดเลยสินะ

“มีผู้ชายมาส่งว่ะแก”
กลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเดินซุบซิบผ่านไป

“หน้าด้าน”
ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ กลับไปผมต้องขอร้องให้คุณชัชติดฟิล์มกระจกรถให้มืดกว่านี้แล้วล่ะ

“ใครมาส่งอะ”
มายด์เดินเข้ามากระแซะไหล่ มันก็เป็นการแซวที่น่ารักดีระหว่างเพื่อนนะครับถ้าไม่ใช่เพื่อนปลอมๆที่เรียกชื่อผมเสียงดังให้คนแถวนี้ให้ความสนใจ จะได้รู้ว่ามีผู้ชายขับรถมาส่งผม ที่สำคัญ……..พี่คิมก็อยู่ข้างๆมายด์ด้วย

“คนขับรถของเจ้านายอะ”
ผมไม่รู้จะแนะนำคุณชัชว่ายังไงดี เพราะจริงๆคุณชัชไม่ใช่คนขับรถไปซะทีเดียว เขาเป็นถึงมือซ้ายของคุณลูฟแต่ช่างเถอะ ไม่ว่าผมจะตอบว่าอะไรทุกคนก็เข้าใจเหมือนกันว่านั้นคือผู้ชายคนใหม่ของผม เบื่อจะพูด รำคาญ

“ใช่เปล่าๆ คราวหน้าแนะนำให้รู้จักบ้างสิ”
มายด์กอดแขนผมแล้วพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงต่างจากพี่คิมที่ทำหน้าราวกับจะฆ่าผมให้ได้ ผมเข้าใจความรักเพื่อนของพี่คิมนะ แต่พี่ฟานมันชั่วไงเลยทำให้เพื่อนดูโง่ขนาดนี้
พูดแล้วขำ ไม่ใช่พี่คิมคนเดียวหรอกที่โง่ ผมก็โง่เหมือนกัน

“ส่วนมากเขาจะมาส่งแล้วกลับอะ ถ้ามีเวลาจะแนะนำให้รู้จักแล้วกันนะ”
ผมพูดแล้วยิ้มเล็กน้อย อยากเห็นเหมือนกันว่ามายด์จะใช้ลีลาในการอ่อยคุณชัชยังไงจะใช่แบบเดียวกับที่ทำจนได้พี่ฟานหรือเปล่า

“เรารีบไปเหอะมายด์ ไอ้ฟานกับแก้วรอแล้ว”
ผมตัวชาวาบเมื่อรู้ว่ามายด์กำลังจะไปเจอใคร ผมหยุดเดินทันที

“มายด์ไปกับพี่คิมเหอะ เรากินข้าวมาแล้วอะเดี๋ยวจะขึ้นห้องเลย”
เพราะเวลานี้เป็นช่วงพักก่อนจะมีเรียนในเวลาต่อไป ตอนแรกว่าจะไปกินข้าวก่อนแต่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนใจแล้ว

“ไปด้วยกันสิ”
มายด์พูดตาใสแป๋ว แอบโมโหจนอยากเอานิ้วจิ้มตาให้บอดไปเลย

“ทำไม ไม่กล้าไปเจอหน้าเพื่อนกูหรอ รู้สึกผิดกับไอ้ฟานหรือไม่อยากไปเจอแก้วเพราะอิจฉาล่ะ”
วินาทีนั้นผมโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรให้ผมอิจฉางั้นหรอ

“หึ นึกไม่ออกเลยนะครับว่าถ้าสองคนนั้นเลิกกันขึ้นมาเนี่ยจะเกิดอะไรขึ้น ใครกันน๊าที่จะมีคนใหม่แล้วทิ้งอีกคนไป พี่ฟาน…….หรือพี่แก้ว”
ผมพูดให้พวกนั้นไปคิดกันเอาเองแล้วเดินผ่านไปเข้าห้องเรียน ส่วนตัวผมก็คิดเล่นๆเหมือนกันว่าตอนพวกนั้นเลิกกันแล้วพี่ฟานจะกุเรื่องว่าพี่แก้วเป็นคนทิ้งไปหรือเปล่า หรือจะเป็นพี่แก้วที่ออกมาร้องห่มร้องไห้ที่โดนทิ้ง

อยากเห็นจังเลยตอนที่ผู้หญิงร้ายผู้ชายเลวคู่นั้นเลิกกัน อยากให้เวลานั้นมาถึงจนอกจะแตกตายอยู่แล้ว ถ้าเวลานั้นมาถึงเมื่อไหร่ผมจะมองพวกเขาด้วยสายตาแบบเดียวกับที่พวกเขาใช้มองผมแถมจะหัวเราะเยาะไปด้วย

วินาทีที่ผมกำลังจินตนาการใบหน้าอันเจ็บปวดของคู่รักคู่นั้นผมก็หยุดชะงักทั้งๆที่กำลังจะก้าวขึ้นบันได

ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่เคยมีความคิดที่จะทำร้ายคนอื่น ไม่เคยสะใจที่เห็นคนอื่นเจ็บปวด แต่ตอนนี้แค่คิดว่าถ้าเรื่องที่ผมคิดมันเกิดขึ้นมาจริงๆก็คงจะดีสินะ

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
Sorry the old ก้านใบ can't come to the phone right now. Why? OH Cause he dead
ก้านใบไม่ใช่เหยื่อของคุณอีกต่อปรัยยย!!
ก่อนอื่นต้องสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าผู้อ่านทุกท่านนะคะ ปีใหม่แล้ว หยุดยาวแล้วก็ปั่นนิยายกันหน้าไหม้ต่อไป ส่วนคนที่เดินทางไปเที่ยวหรือกลับบ้านก็ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพแล้วกลับมาอ่านนิยายต่อนะคะ อิอิ ปีหน้าขอให้มีแต่อะไรดีๆเกิดขึ้นด้วยเถิดดดดดดด :call:

ปล.ขออนุญาตเปปลี่ยนสรรพนามของคุณพ่อที่ใช้เรียกนุ้งก้านนะคะ ใช้คำว่านายเหมือนเพื่อนกันยังไงไม่รู้
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 7 ความเจ็บปวดที่ค่อยๆจางหาย} 29/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: jpjiraporn ที่ 29-12-2019 22:54:54
โอ้ยใจจะขาดลุ้นค่ะ  :hao7: :hao7:ฃ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 7 ความเจ็บปวดที่ค่อยๆจางหาย} 29/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-12-2019 23:55:03
 ลุ้นมาก
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 7 ความเจ็บปวดที่ค่อยๆจางหาย} 29/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 30-12-2019 00:59:21
 o13
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 7 ความเจ็บปวดที่ค่อยๆจางหาย} 29/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 30-12-2019 03:26:19
 :katai2-1: น้องฟานสู้บ้างลูก
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 7 ความเจ็บปวดที่ค่อยๆจางหาย} 29/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 30-12-2019 08:43:46
ลุกขึ้นสู้


เพื่อตัวเอง


ก็ดีแล้ว


ก้านใบ


อย่าอ่อนด๋อย


โลกมันโหดร้าย


เราต่องสู้
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 7 ความเจ็บปวดที่ค่อยๆจางหาย} 29/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 30-12-2019 22:51:41
น้องสู้  :a2:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 7 ความเจ็บปวดที่ค่อยๆจางหาย} 29/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 01-01-2020 03:01:05
 :L2: :pig4: :L2:

สวัสดีปีใหม่จ้า
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 7 ความเจ็บปวดที่ค่อยๆจางหาย} 29/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 02-01-2020 10:28:04
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 7 ความเจ็บปวดที่ค่อยๆจางหาย} 29/12/62
เริ่มหัวข้อโดย: Wira ที่ 05-01-2020 00:18:18
นุ้งฟานน่าสงสาร :mew4:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ
เริ่มหัวข้อโดย: yai feel ที่ 06-01-2020 00:58:36
ขออนุญาตมาลงในพรุ่งนี้ฮะ (หรือก็คือวันนี้แหละแต่ช่วงเย็นๆค่ำๆค่า)
เนื่องจากเปลี่ยนเครื่องแล้วลืมรหัสผ่าน กว่าจะจำอีเมลที่ใช้สมัครได้ปาไปตีหนึ่งแล้วง่า
แงงงงงงง ถ้าUserนี้เป็นอะไรไป ร้องไห้เป็นเดือนแน่ :hao5:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ แจ้งนิดเดียวค่ะ(นิดจริงๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-01-2020 01:26:24
รอจ้า
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 8 Love Myself} 06/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: yai feel ที่ 06-01-2020 23:32:54
ตอนที่ 8
Love myself


“สวัสดีครับ”
คุณชัชก้มหัวให้เล็กน้อยเมื่อเอ่ยทักทายกับมายด์ที่ยืนข้างๆผมก่อนจะเหลือบตามามองผมด้วยสายตาแปลกใจ คุณชัชต้องแปลกใจอยู่แล้วล่ะที่อยู่ๆจะมีคนขอติดรถไปด้วยเนี่ย

ย้อนกลับไปเมื่อตอนเลิกเรียน

“แกจะกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดก่อนปะหรือจะไปเลย”
มายด์หันมาถามผมโดยเน้นคำว่ากลับบ้าน……..รู้สินะเรื่องที่ผมโดนไล่ออกจากบ้าน

“ไปเลยก็ได้ ไม่คิดว่าจะอยู่นานอยู่แล้ว”
ผมตอบอย่างที่ตั้งใจไว้ ถ้าพวกมันอยากจะให้ผมเข้าไปในที่ของพวกมันนักผมก็จะไป
อย่างน้อยก็มีคุณชัช ถ้าเกิดอะไรขึ้นเขาก็ช่วยผมได้ และ……….‘ถ้ามีอะไรร้ายแรงให้รีบโทรหาฉัน’

ผมเชื่อว่าเขาจะต้องปกป้องผมได้อย่างที่เขาพูดแน่ๆ

“โห นานๆทีจะไปด้วยกันอะ อยู่จนงานเลิกเลยดิ”
ผมไม่ได้ตอบอะไรแค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาคุณชัช

“คุณชัชตอนนี้ผมเลิกเรียนแล้วนะครับ”

[ครับ ตอนนี้ผมอยู่บ้านคุณผ้าใบ คุณก้านรอสักครู่นะครับ]
ท่าทางจะอยู่กับคิวปิดสินะ คุณชัชนี่ท่าจะรักคิวปิดน่าดู

“ได้ครับผมรอได้ คุณชัชไม่ต้องรีบหรอกครับ”

[ไม่รีบไม่ได้หรอก แค่นี้ก่อนนะครับคุณก้านผมจะไปแล้ว]

“ครับๆ ผมอยู่ตรงที่คุณชัชมาส่งผมเมื่อเช้านะครับ”
เมื่อวางสายก็หันไปเห็นมายด์กำลังยืนกดโทรศัพท์อยู่ไม่รู้ว่าทำอะไรของเขา แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว

“คุยกับใครอะเมื่อกี้ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”
ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกันเล่าแค่ยิ้มเอ็นดูที่คุณชัชเขาไปอยู่เป็นเพื่อนคิวปิดต่างหาก นี่มาสืบอะไรใช่ไหมเนี่ย

“ก็พี่คนขับรถแหละ เจ้านายให้เราไปกับพี่เขา”
มายด์พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแซวๆ

“เราไปด้วยดิ”
ชาติที่แล้วเกิดเป็นโคนันหรือไง ชาตินี้ถึงได้สืบเก่งขนาดนี้

“ไหนบอกจะไปพร้อมพี่คิมไง แล้วนี่พี่เขาไม่รอแล้วหรอเนี่ย”

“เพื่อนกับผู้ชายก็ต้องเลือกเพื่อนดิวะหรือว่าแกไม่อยากให้เราไปด้วย”
มายด์พูดแล้วทำหน้าน้อยอกน้อยใจ ผมมองหน้าเพื่อนที่เคยรักมากด้วยความรู้สึกจุกๆในอก ถ้าการที่แกพูดหรือทำดีกับเราแบบนี้มันเป็นของจริงก็คงจะดีสินะ เสียดายที่มันเป็นเครื่องมือในการใช้ทำลายเราของนาย

กลับมาที่ปัจจุบันที่มายด์รีบพุ่งตรงเข้าไปมองสำรวจคุณชัชทันทีที่เขาลงมาจากรถ
เป็นการทำความรู้จักคนอื่นที่น่าตกใจแต่ไม่เหนือความคาดหมายเท่าไหร่

เราทั้งหมดขึ้นมาบนรถหลังจากที่แนะนำตัวกันเสร็จแล้วออกเดินทางไปยังร้านที่จัดงานทันที คุณชัชมองมาที่ผมเป็นระยะเหมือนกำลังกังวล ผมเองก็กังวลเหมือนกันตอนที่มายด์โทรคุยกับเพื่อนคนอื่นๆแล้วบอกว่ากำลังไปที่ร้านกับผม เสียวสันหลังทุกครั้งที่ชื่อของผมออกมาจากปากของมายด์ รู้สึกว่ากำลังจะเจอเรื่องเลวร้ายเลย

“คุณก้านโทรหาคุณท่านหรือยังครับ”
เมื่อเราเดินทางมาถึงร้านที่จัดงาน คุณชัชก็ถามผมที่กำลังจะลงรถด้วยสีหน้าเป็นห่วงจนปิดไม่มิด จริงสิผมลืมโทรหาคุณพ่อปีศาจไปเสียสนิทเลย ป่านนี้จะหงุดหงิดอยู่หรือเปล่านะ

“ผมลืมไปเลยครับ”
ผมพูดแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์คุณลูฟแต่……..

“เอ๊ะ ทำไมอะ โทรเลยๆเราก็ขอคุยกับเพื่อนแป๊บนึงเดี๋ยวลงไปพร้อมกัน”
มายด์รีบพูดจนลิ้นเกือบจะพันกันเมื่อผมหันไปมองเขาที่ยังนั่งอยู่บนรถ เมื่อเห็นท่าว่ามายด์จะไม่ยอมลงรถง่ายๆผมเลยโทรหาคุณลูฟทันทีก่อนที่จะช้าไปมากกว่านี้

[ฮัลโหล]

“ค…..คุณลูฟ ตอนนี้ผมถึงที่ร้านแล้วนะครับ คาดว่าอีก2ชั่วโมงผมจะกลับ”
ผมบอกตามที่เจ้านายสั่งให้แจ้ง

[2ชั่วโมง? งานวันเกิดไม่น่าจะเลิกเร็วขนาดนั้นนะ]
ผมย่นจมูกเมื่อรู้สึกว่าโดนกวนใส่

“ที่พูดมานี่คือไม่รู้จริงๆหรอครับ”

[หึ เอาเถอะ ฉันแล้วแต่เธอนะแต่ในเมื่อเธอบอกว่า2ชั่วโมงก็ต้อง2ชั่วโมง ถ้าหากกลับช้ากว่านั้นฉันจะทำโทษ]
ผมคิดถึงสายตาของคุณลูฟไปโดยอัตโนมัติ ทำโทษงั้นหรอ…..เหมือนตอนที่โดนบีบคอตอนนั้นหรือเปล่า ไม่อยากโดนทำโทษเลยแฮะ

“ครับๆ ผมจะรีบกลับครับ คุณเองก็อย่าลืมที่สัญญานะว่าจะรีบกลับบ้านไปหาคิวปิด”

[ถ้าฉันผิดสัญญาเธอจะทำโทษฉันหรือเปล่า]
ท………..ทำไมอยู่ดีๆถึงรู้สึกเขินขึ้นมาล่ะเนี่ย ผมเม้มปากกลั้นยิ้มก่อนจะหันไปสบตากับคุณชัชเข้า อ้ากกกก อย่ามายิ้มล้อเลียนนะครับคุณช้าชชชช

“คุณพูดอะไรเนี่ย ผมจะไปทำโทษเจ้านายได้ไงครับ”

[ก็อย่างเช่นนวดให้ฉันแล้วก็เรียกฉันว่าคุณพ………]

“หยู๊ดดดดดดดดดดดดดดดด เลิกแหย่ผมได้แล้วครับ เอาเป็นว่าอีก2ชั่วโมงเจอกันที่บ้านนะครับ”

[หึหึ โอเค แต่ถ้าเธอเปลี่ยนใจฉันก็อยากให้เธอเรียกฉันว่าแด๊ดดี้นะ]
ไอ้ก้านน้ำตาไหลถึงตีนเมื่อคุยโทรศัพท์กับคุณพ่อปีศาจจบ ทำไมรู้สึกว่าเขากวนประสาทขนาดนี้นะ ตอนแรกๆไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย นี่เรียกว่าไม่ตรงปกหรือเปล่า

“โดนคุณท่านแกล้งเอาหรอครับ”
คุณชัชถามกลั้วหัวเราะจนผมอดที่จะทำปากยื่นอย่างงอนๆไม่ได้

“เจ้านายกับลูกน้องนี่เหมือนกันไม่มีผิดเลยนะครับ”
คุณชัชไม่ตอบอะไรแต่ส่งยิ้มบางๆมาให้

“ผมไปแล้วนะครับ”
ผมพูดพร้อมกับเปิดประตูรถลงไปด้านนอก

“พี่ชัชเข้าไปด้วยกันสิครับ”
ผมกับคุณชัชมองหน้ากันขวับเมื่อมายด์ยื่นมือไปจับแขนของคุณชัชพร้อมกับสรรพนามที่ใช้เรียกอย่างสนิทสนม โว้ว สกิลนี้สินะที่ใช้ล่าเหยื่อ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆด้วยนะเนี่ย

“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ชอบที่ๆคนเยอะๆ”
คุณชัชปฏิเสธพร้อมกับค่อยๆดึงแขนออกอย่างมีมารยาท แต่ดูเหมือนว่ามายด์จะไม่ปล่อยให้เหยื่อหลุดมือไปได้ง่ายๆ

“น้าาาาาา นะครับ ถ้าไม่ชอบคนเยอะๆเดี๋ยวมายด์พาไปนั่งโซนด้านนอกก็ได้”
ผมอ้าปากค้างกับการจู่โจมที่คาดไม่ถึงจนต้องยกมือมาปิดปากตัวเองเพราะกลัวแมลงวันจะบินเข้าปาก

“พี่ชัชต้องดูแลก้านไม่ใช่หรอ ถ้าอยู่ข้างนอกแบบนี้ก็ดูแลไม่ได้สิครับ”
ผมหัวเราะแกนๆเมื่อมายด์ยกไม้ตายขึ้นมาสู้ คุณชัชลอบถอนหายใจเบาๆก่อนจะพยักหน้าตกลง

“ก็ได้ครับ แต่ผมเข้าไปเพื่อดูแลคุณก้านเท่านั้นนะครับ”
เมื่อคุณชัชตอบตกลง สีหน้าของมายด์ก็ดูสดใสขึ้นเป็นกองแต่คุณชัชนี่สิ ทำหน้าโคตรจะยุ่งยากใจเลย
เราทั้งสามคนเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงที่มีป้ายแปะไว้ที่ประตูว่า ‘คุณฟาน’ คนมีเงินนี่ดีจริงๆ แค่วันเกิดก็จัดงานเลี้ยงซะใหญ่โตได้ ทั้งเวทีที่ถูกตกแต่งด้วยลูกโป่งและดอกไม้สวยงาม ทั้งอาหารแบบบุพเฟ่และเครื่องดื่มมากมายที่วางเตรียมไว้เพื่อรองรับแขกที่กำลังเดินทางมาในไม่ช้า

“นี่งานวันเกิดของนายกกทม.หรือไงครับเนี่ย ดูหรูหราจริงๆ”
คุณชัชก้มหน้าลงมากระซิบเมื่อเรามองสำรวจไปรอบๆห้องจัดเลี้ยงเรียบร้อยแล้ว ส่วนมายด์ก็เดินปลีกตัวออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำ

“คิก คุณชัชพูดอะไรเนี่ย”
ผมพูดพร้อมหัวเราะหน่อยๆ แอบเห็นด้วยว่ามันหรูเกินไปมากเกินกว่าจะเป็นงานวันเกิดจริงๆ หรือมันปกติเพียงแค่ผมไม่เคยมีงานวันเกิดเลยไม่รู้

“ว่าแต่คุณก้านเกิดวันไหนครับ ผมจะได้จัดงานให้แบบนี้บ้างหรือจะเอาหรูกว่านี้ก็ได้นะครับ แค่บอกผมมาเท่านั้น”
ผมส่งยิ้มบางๆให้คนข้างกายอย่างซาบซึ้ง

“ผมเกิด8สิงหาครับแล้วก็ไม่ต้องจัดงานหรือมีของขวัญให้ผมหรอก แค่ไม่ลืมก็พอ”
คุณชัชส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้

“ได้ครับ ถ้าวันเกิดคุณก้านมาถึงแล้ว ผมจะส่งข้อความไปแฮปปี้เบิร์ธเดย์คนแรกเลย ว่าแต่บันทึกไว้ดีกว่า กันลืม”
พูดจบเขาก็หยิบมือถือออกมากดด้วยสีหน้าขมักเขม้น ผมมองการกระทำของคนตัวสูงยิ้มๆ มีความสุขจัง แค่รู้ว่าต่อไปนี้จะมีคนให้ความสำคัญกับผมบ้างก็อยากจะร้องไห้แล้ว

“แหมๆ โลกนี้ไม่ได้มีกันแค่2คนนะ”
มายด์เดินพูดเสียงดังมาตั้งแต่หน้าประตู ตอนนี้มีคนบางส่วนเข้ามาในงานบ้างแล้วเพราะงั้นสายตาทุกคู่เลยหันมาจ้องมองที่ผมกับคุณชัช

เรื่องหาเรื่องให้แบบเนียนๆนี่ต้องไว้ใจมายด์จริงๆ ลากตีนมาให้ได้ไม่เว้นแต่ละวัน น่าโมโหแต่ต้องเก็บอาการเอาไว้ อย่าให้ถึงทีของผมบ้างแล้วกัน

“เพื่อนคุณก้านคนนี้แปลกๆนะครับ”
ไม่แปลกถ้าคุณชัชจะไม่รู้วีรกรรมของมายด์ เพราะผมไม่ได้บอกใครว่ามายด์หักหลังผมยังไงบ้าง ต่อให้เป็นพี่มิวจะรู้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย

“ผมต้องระวังตัวจากเขาให้มากที่สุดครับ”
ผมกระซิบกลับขณะที่มายด์เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาทักทายเพื่อนๆที่ยืนอยู่ตามจุดต่างๆอย่างร่าเริง ดูเป็นคนปฏิสัมพันธ์ที่ดีจริงๆ ไม่แปลกที่ผมจะเคยรักเพื่อนคนนี้สุดหัวใจ

“ผมรับทราบครับคุณก้าน”
คุณชัชกระซิบกลับดว้ยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนที่เราจะไม่ได้คุยอะไรกันอีกเพราะเจ้าหัวข้อบทสนทนาเดินเข้ามาร่วมวงกับพวกผมเรียบร้อย

“เอาจริงๆพอยืนข้างกันแล้วเหมือนแฟนกันมากเลยนะ”
มายด์พูดแซวด้วยรอยยิ้ม

“แค่สนิทกันไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนกันก็ได้นี่ งั้นมายด์ก็เป็นแฟนพี่คิมอะดิ”
ผมตอบกลับด้วยสีหน้าแบบเดียวกับมายด์ แก้มขาวนั่นขึ้นสีเล็กน้อยเมื่อมีชื่อผู้ชายอีกคนเข้ามาในบทสนทนา

“บ้า พูดอะไรเนี่ยก้าน เราเขินนะ”
จ้า เขินมาก ทีตอนไปอ่อยจนได้มีอะไรกับพี่ฟานนี่ไม่เขินบ้างหรอ อยากจะพูดแบบนี้แต่ต้องยับยั้งอารมณ์เอาไว้ก่อน ไม่งั้นได้มีมวยกันกลางงานนี้แน่เดี๋ยวเดือดร้อนคุณชัชเปล่าๆ

“จริงๆนะ ตอนมายด์คุยกับพี่คิมดูเข้ากันได้ดีมากๆ”
ไม่รู้ว่าไปเข้ากันมาแล้วหรือยัง ผมต่อในใจ

“พี่คิมคงไม่สนใจเราหรอก……...ผู้ชายอย่างเราใครจะมารัก”
ใบหน้าน่ารักของมายด์หงอยลงไปทันที ผมมองหน้าคุณชัชที่เลิกคิ้วทำหน้าประหลาดใจอยู่ข้างๆ คงปรับอารมณ์ตามไม่ทันสินะ ผมส่งซิกด้วยสายตาให้คุณชัชพูดอะไรออกไปบ้าง

“เอ่อ……..ถ้ามีคนมารักคุณมายด์จริงๆ คงไม่สนใจหรอกมั้งครับว่าคุณเป็นผู้ชายแบบไหน”
วาวววววววว โคตรคมไปเลยไหมล่ะ ผมแอบยกนิ้วชมเชยคนพูดจาดีไปหนึ่งที แต่ปฏิกิริยาของคนที่เศร้าหมองอยู่เมื่อสักครู่กลับเปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นทันตาเห็น เกินความคาดหมายของผมไปเยอะเลย

“พี่ชัชเป็นคนดีจัง”
จ้า คุณชัชเป็นคนดีแต่คุณมึงอะเป็นคนเลว

“ผมว่าผมไปเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่าครับ”
สงสัยคุณชัชจะถอยไปตั้งหลักก่อนเพราะมายด์คืองานหินที่เจ้าตัวเกินจะรับมือจริงๆ เขาหันมามองหน้าผมเป็นเชิงขออนุญาต

“คุณชัชไปเถอะครับ ผมจะรออยู่ตรงนี้”
คุณชัชมักจะทำอะไรให้ผมเหมือนผมเป็นเจ้านายเสมอ อันนี้ผมคงต้องคุยกับเขาใหม่ซะแล้วว่าไม่จำเป็นเลย ผมก็เป็นแค่ลูกจ้างเหมือนกัน

“เดี๋ยวผมพาไปครับ”
อุย ท่าทางคุณชัชจะหลุดยากซะแล้วล่ะมั้งเนี่ย เขาถูกมายด์กึ่งลากกึ่งจูงออกไปด้านนอกเนื่องจากห้องน้ำที่นี้จะอยู่ข้างนอก
พอบานประตูปิดลงทุกๆคนก็เริ่มหันมาให้ความสนใจผมมากขึ้น แต่สนใจในทางที่ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่เพราะสายตาแต่ละคนคือจ้องมองผมอย่างเอาเรื่อง

จนกระทั่งผู้ชายกลุ่มนึงเดินเข้ามา………..
ผมเปลี่ยนจากการยืนพิงกำแพงเป็นยืนตรง มองใบหน้าของคนที่กำลังก้าวเข้ามาด้วยหัวใจที่เต้นระรัว

“ทีน……”
ผมเรียกชื่อเขาออกมาคล้ายละเมอ ใบหน้าของเพื่อนที่ไม่ได้เห็นมานานแต่พอได้เจอกันในครั้งนี้มันกลับไม่น่ายินดีเลย เพราะทีนคงไม่ได้เดินเข้ามาหาผมเพื่อถามว่าสบายดีไหมแน่

“ยังจำชื่อกูได้อีกหรอ”
เขาถามเสียงเรียบ ผมหันหน้าหนีสายตาอันเย็นชาของเขา

“อือ”

“แต่กูจำชื่อมึงไม่ค่อยได้เลยว่ะ ชื่ออะไรนะ ร่าน? เอ๊ย…….ก้านใบ”
ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เงยหน้ามองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดอยู่ตรงหน้าประตูเพราะคุณชัชน่าจะกลับมาได้แล้ว แม้มันจะเป็นเวลาสั้นๆแต่มันก็5นาทีเข้าไปแล้วนะ

“ทำไมมึงถึงกล้ามาที่นี่วะก้าน มึงมาเพื่อพาผู้ชายของมึงมาเยาะเย้ยพี่ฟานหรือไง”

“.........”
ผมไม่ตอบแม้ว่าคำพูดของทีนจะทำให้ผมอยากด่ากลับก็เถอะ แต่ก็รู้ว่าคนอย่างไอ้ก้านไม่เคยด่าใครได้อยู่แล้ว ยิ่งกับทีนผมยิ่งไม่ทำ………….

“มึงสะใจหรอวะที่เห็นคนอื่นเขาทุกข์ทรมาณเพราะความไม่รู้จักพอของมึง ทำไม? การที่กูเลิกคบกับมึงไม่ได้ทำให้มึงคิดได้เลยใช่ปะ”
ผมกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ ผมไม่รู้ว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไร ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมทีนถึงไม่คุยกับผม

‘เอาตรงๆกูก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นคนแบบนี้นะ เห็นหน้าซื่อๆทำตัวโง่ๆ ที่แท้ก็ร้ายลึก มิน่าพวกมึงถึงตีตัวออก’

‘มิน่าพวกมึงถึงตีตัวออก’

ใช่ครับ ผู้ชายตรงหน้านี้อยู่ในกลุ่มที่ตีตัวออกห่างผมนั่นแหละ
ทีนเป็นเพื่อนคนแรกในมหา’ลัยของผม เพราะเป็นคนไม่ค่อยพูดและไม่เข้าหาใครก่อนเนื่องจากเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเท่าไหร่นัก แต่ทีนเข้ามาหาผมและบอกให้เราเป็นเพื่อนกัน

ทีนเป็นเพื่อนที่ดีกับผมมากๆ เราสนิทกันชนิดที่ว่าไปไหนมาไหนต้องมีคนแซวว่าเป็นแฟนกันตลอด แต่ในช่วงที่พวกเราใกล้จะขึ้นปี2และผมเริ่มคบกับพี่ฟาน ทีนก็ตีตัวออกห่างจากผม เขาเดินผ่านผมเหมือนผมไม่มีตัวตน ไม่มอง ไม่คุย โทรไปก็ไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่อ่าน ตั้งแต่นั้นมาผมก็ไม่มีเพื่อนที่ชื่อว่าทีนอีกต่อไป

ทุกคนในกลุ่มเลิกคุยกับผมตามทีนไปแต่มายด์ยังยืนยันว่าจะอยู่ข้างผม

‘เราไม่รู้ว่าทำไมทีนทำแบบนี้ ทีนไม่มีเหตุผลเลย’
คือคำที่เขาบอกกับผมพร้อมทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ ผมซาบซึ้งในความเป็นเพื่อนของมายด์มาก ผมจึงซื่อสัตย์และทำเพื่อมายด์มาโดยตลอด

“กูไม่รู้จักพออะไรทีน พวกมึงบอกกูทีสิว่ากูทำอะไรผิด”
ผมถามกลับอย่างเหลืออด นี่อย่าบอกว่าทีนก็เชื่อเรื่องที่ผมมีคนอื่นแล้วทิ้งพี่ฟานไปอีกคนนะ

“ถ้ามึงคิดได้เมื่อไหร่ค่อยมาคุยกับกูแล้วกัน”
ทีนพูดแล้วหันหลังแต่ก่อนจะเดินออกไปเขาทิ้งคำพูดเอาไว้

“แต่มึงไม่ควรมาที่นี่จริงๆก้าน……...ไม่ควรเลยจริงๆ”
หัวใจของผมกลับมาเต้นจังหวะปกติอีกครั้งเมื่อทีนเดินเข้าไปรวมกับกลุ่มเพื่อน รอยยิ้มของทีนปรากฏออกมาต่างจากใบหน้าขึงขังที่คุยกับผมเมื่อกี้อย่างสิ้นเชิง

จะมีโอกาสอีกสักครั้งไหมที่ผมจะได้รับรอยยิ้มแบบนั้นจากทีนอีก

“ไม่น่าเชื่อนะว่าจะกล้ามาจริงๆ”
ซาบซึ้งกับตัวเองได้ไม่นานก็มีนักแสดงสมทบชายเดินเข้ามาแทนที่ทีน เพราะมัวแต่สนใจอดีตเพื่อนรักเลยไม่เห็นว่ามีใครเดินตรงเข้ามาหา ผมไม่ตอบแต่เบือนหน้าหนีไปทางอื่นแทนเพราะที่เกียจคุยด้วย อารมณ์ที่คุยกับทีนเมื่อกี้ยังคงตกค้างอยู่ในใจดังนั้นตอนนี้ผมกำลังอ่อนแอมาก

“ดีเหมือนกันที่มึงทิ้งมันไปเพราะแก้วเหมาะกับมันมากจริงๆ”
น้ำเสียงเยาะเย้ยของพี่คิมยังดังอยู่ข้างหู สายตาของผมเหลือบไปมองคู่รักหนุ่มสาวที่เดินเข้ามาในงานด้วยรอยยิ้ม ผู้หญิงสวมชุดเดรสสีขาวกระโปรงสั้นเหนือเข่าขึ้นไป ผมยาวถูกดัดเป็นลอนหน่อยๆและประดับด้วยกิ๊ฟดอกไม้อย่างสวยงามส่วนฝ่ายชายแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ๊ตสีขาวกางเกงขาสามส่วนและรองเท้าผ้าใบดูเรียบๆ แต่ก็ดูดีในแบบของเขา

“ครับ เหมาะกันดี”
ผมตอบโดยที่ยังไม่ละสายตาไปจากภาพตรงหน้า มองเผินๆแบบไม่คิดอะไรคือเหมาะกันมากจริงๆด้วยทั้งหน้าตาและชื่อเสียงในมหา’ลัย แต่มองแบบผมคือเลวทั้งคู่เหมาะกันดี

“มึงเลิกทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไรสักทีได้ปะ เลิกกวนประสาทซะที”
มือหนาคว้าคอเสื้อนักศึกษาผมขึ้นแล้วตะเบ็งเสียงดัง เสียงเพลงไม่อาจกลบเสียงของพี่คิมได้ทั้งหมดเพราะงั้นคนรอบข้างจึงหันมามองอย่างให้ความสนใจ

“ผมไม่ได้มีคนอื่นและไม่ได้ทิ้งพี่ฟานด้วย”
ผมพูดเหมือนคนเหม่อลอย ใบหน้าของพี่คิมอยู่ห่างจากผมแค่คืบเดียวแต่ว่าภาพมันช่างเลือนลางเหลือเกินและพอกระพริบตาหนึ่งทีน้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้ม

“มึงหมายความยังไง”
ดูเขาจะตกใจไม่น้อยที่เห็นน้ำตาของผม เสียงของพี่คิมแผ่วลงเหมือนคนทำตัวไม่ถูก

“คนโดนทิ้งนี่มีความสุขจังเลยนะครับ แต่คนที่ทิ้งเขาไปอย่างผมกินไม่ได้นอนไม่หลับ ใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข”

“มีเรื่องอะไรกันวะคิม……...ก้าน”
มือของพี่คิมหลุดออกจากคอเสื้อของผมอย่างงายดายเมื่อพี่ฟานดึงเพื่อนรักออกไป
ใบหน้าหล่อตกใจมากเมื่อหันมาสบตากับผม สายตาของเขายิ่งช็อคสุดขีดเมื่อหันไปเห็นพี่คิมยืนตะลึงงันอยู่ หึ……...กลัวความแตกสินะ

“ก้าน แกมาทำไม”
เสียงของพี่แก้วโพล่งขึ้นมาท่ามกลางความเงียบของสองหนุ่มที่ยืนอึ้งเหมือนกันแต่คนละสาเหตุ

“ก็วันเกิดพี่ฟาน ผมก็ต้องมาร่วมอวยพรให้สิครับ”
ผมพูดพร้อมปาดน้ำตาที่เปื้อนแก้มออกด้วยหลังมือ จัดคอเสื้อที่ยับยุ่งเหยิงให้เข้าที่แล้วส่งยิ้มให้พี่สาว

“ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะเป็นคนแบบนี้ก้าน”
ผมพยักหน้ารับกับประโยคเกรี้ยวกราดของพี่แก้ว

“ครับ ผมก็ไม่คิดว่าพี่ฟานจะเป็นคนแบบนี้เหมือนกันส่วนพี่ผมรู้อยู่แล้วว่าเป็นคนแบบนี้”

“พูดอะไรก้าน”
ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคดีพี่ฟานก็พูดสวนขึ้นมาทันที

“สุขสันต์วันเกิดนะครับพี่ฟาน ผมดีใจที่ได้มาร่วมงานนะ ขอให้มีความสุขในอายุ22ปีนะครับ”
ผมยังคงยิ้มในขณะที่มองเข้าไปในแววตาของพี่ฟานที่เริ่มมีความไม่พอใจอยู่ในนั้น
ไม่พอใจเพราะผมงั้นหรอ……...สนุกจัง

“คุณก้านครับ”
เสียงหอบเหนื่อยของคุณชัชดังมาจากที่ไหนสักที่จากผู้คนที่ยืนรุมร้อมพวกเราตอนนี้

การประชันบทบาทของตัวร้ายและพระเอกได้เริ่มขึ้นแล้วท่ามกลางสายตาของตัวประกอบมากมายและนางเอกที่มองมาอย่างเป็นห่วง ส่วนเพื่อนพระเอกก็ยืนมองตัวร้ายกับพระเอกสลับกันไปมาอย่างสับสน ทุกคนอาจจะเกลียดผมเพิ่มขึ้นแต่ว่า…

‘พี่ว่าบอกความจริงให้ทุกคนรู้ดีกว่า คนไม่ผิดไม่จำเป็นต้องยืนรับก้อนหินที่คนอื่นปาใส่หรอก’
คำของพี่กันต์ยังดังก้องอยู่ในความคิดของผม มันตอกย้ำให้ผมทำอะไรสักอย่างกับเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับผมตอนนี้………..ผมต้องไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวดเพราะเรื่องนี้
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆเมื่อตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่าง เอาเถอะก้าน อย่างน้อยมึงยังมีพี่ผ้าใบที่คอยให้คำปรึกษา มีพี่มิวพี่กันต์ที่คอยปลอบประโลม มีคุณชัชที่ยืนอยู่ข้างนอกวงสนทนานั่นพร้อมจะเข้ามาช่วยเหลือเสมอและสุดท้าย ผมมีคุณพ่อปีศาจที่บอกว่าจะไม่ปล่อยให้ผมเป็นอะไรแน่ๆ

“ยินดีกับความรักของพี่ทั้งสองคนด้วย ตั้งแต่ที่เรายังคบกันพี่ฟานกับพี่แก้วก็เข้ากันได้ดีมากๆ ดีกว่าผมซะอีก ขนาดบางวันผมติดเรียนพี่ฟานก็ยังชวนพี่แก้วไปทานข้าวดูหนังด้วยกันสองคน เห็นทั้งสองคนพัฒนาความสัมพันธ์มาไกลขนาดนี้ผมก็ขออวยพรให้รักกันนานๆนะครับ”
ผมหันไปสบตาพี่สาวที่ยืนจ้องมาจนตาแทบจะหลุดออกมาก่อนจะยิ้มให้

“ตอนนี้ผมคงต้องกลับแล้ว ขอบคุณนะมายด์ที่ชวนเรามา”
ผมหันไปพูดกับเพื่อนรักที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ข้างๆคุณชัช

“มาเถอะครับคุณก้าน คุณท่านเริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้วครับ”
คุณชัชเดินเข้ามากระซิบใกล้ๆ พอมองไปที่นาฬิกาก็พบว่ามันเลยเวลากลับของผมมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ตายล่ะ คุณพ่อใกล้จะแปลงร่างเป็นปีศาจแล้วมั้งเนี่ย

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
เวรกรรมไม่ทันใจเอาซะเลย ต้องให้ก้านจัดเองสินะ เหอะะะะะะะะ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 8 Love Myself} 06/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-01-2020 00:07:03
แก้แค้นไม่สะใจเลย
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 8 Love Myself} 06/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 07-01-2020 00:25:51
 :katai3: ทิ้งระเบิดไว้...และรอเวลา555555
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 8 Love Myself} 06/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 07-01-2020 00:46:34
ระเบิดเวลาจุดชนวนปุ๊ปก็ซ้ำเลยผีเน่าโลงผุนี่ไม่ยอมฝ่ายเดียวแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 8 Love Myself} 06/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 07-01-2020 00:57:10
โอ้โห คนพวกนี้
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 8 Love Myself} 06/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 07-01-2020 12:16:42
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 8 Love Myself} 06/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: yai feel ที่ 12-01-2020 00:49:13
แก้แค้นไม่สะใจเลย

ก้านบอกว่า อย่าเพิ่งตาย ฉันเพิ่งเริ่ม!
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 8 Love Myself} 06/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: nut2557 ที่ 14-01-2020 11:27:06
 :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 8 Love Myself} 06/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 14-01-2020 23:02:55
ไม่น่ามาอ่านเลยตรู....แล้วมันก็จะต้องติดตามอีกแน่ๆๆๆๆ มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 8 Love Myself} 06/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 15-01-2020 00:00:03
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:    เมื่อไหร่จะมาจ๊ะ
 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 8 Love Myself} 06/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-01-2020 03:22:09
โอ๊ยย สนุกมากๆเลย สงสารก้านมากๆเลย เอาคืนให้สาสมเลยนะก้าน แค่นี้มันน้อยไป
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 8 Love Myself} 06/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: yai feel ที่ 18-01-2020 23:06:46
:katai5: :katai5: :katai5: :katai5:    เมื่อไหร่จะมาจ๊ะ
 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:

อุย เขินจังแหะๆ
ช่วงนี้พักผ่อนไม่เพียงพอเลยค่ะ พอมีวันหยุดเลยนอนอย่างเดียวเยย แงๆ
พรุ่งนี้มาแน่ค่า มาแต่เช้าเยย(ถ้าตื่นเช้านะคะ เพราะวันนี้ก็ตื่นบ่ายโมงอยู่) :o8:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 8 Love Myself} 06/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 19-01-2020 02:04:44
OK Kha   o13
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่ 9 ความอ่อนแอของผมกับความอบอุ่นของคุณ} 19/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: yai feel ที่ 19-01-2020 16:32:35
ตอนที่ 9
ความอ่อนแอของผมกับความอบอุ่นของคุณ


ผมทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟากลางบ้านอย่างเหนื่อยล้า คุณชัชกลับไปแล้วหลังจากที่มาส่งผม ตอนนี้ทั้งบ้านตกอยู่ในความเงียบแม้จะเป็นเวลาไม่ดึกมาก ผมสอดส่องสายตาไปทั่วบ้านเพื่อหาตัวสองพ่อลูกที่บอกว่าจะรอผมกลับมาแต่ก็ไม่เจอใคร

"ฟู่ววว"
ผมพ่นลมออกมาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในอก เงยหน้าหลับตาลงแล้วนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆคนเดียว
หัวเราะด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า

"ท่าทางงานเลี้ยงจะสนุกนะ"
ผมสะดุ้งเด้งตัวขึ้นนั่งหลังตรง เจ้าของบ้านยืนพิงกับผนังแล้วมองผมนิ่งๆ

"ตรงกันข้ามต่างหากครับ"
คนตัวโตยักไหล่นิดๆก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้างๆผม

"เห็นนั่งหัวเราะอยู่คนเดียว นึกว่ามีเรื่องดีๆเกิดขึ้นเสียอีก"
ผมหันไปสบตากับคุณลูฟแล้วส่งยิ้มเหนื่อยๆไปให้

"นอกจากเรื่องคิวปิดก็ไม่มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นกับผมแล้วครับ"
สายตาของเจ้านายจ้องตอบผมกลับมา ถ้าผมมองไม่ผิดมันดูอ่อนโยนและพร้อมจะปลอบใจด้วย ต้องเน้นคำว่า 'ถ้า' มองไม่ผิดอะนะ เพราะผมไม่ได้อ่านสายตาของคนอื่นเก่งนัก ผมอาจจะเข้าข้างตัวเองเพราะต้องการใครสักคนก็ได้

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ถือวิสาสะขยับเข้าไปให้ชิดกับคุณลูฟมากยิ่งขึ้นก่อนจะเอนซบอกกว้างของเขา

"รู้สึกดีจัง"
ผมพูดพึมพำกับตัวเองเบาๆ ความรู้สึกอบอุ่นที่ผมโหยหามานานมันรู้สึกดีจริงๆ ลำแขนแกร่งยกขึ้นมาโอบกอดผมเอาไว้ เท่านั้นแหละน้ำตาผมไหลออกมาเป็นทางเหมือนเขื่อนแห่งความเข้มแข็งได้พังทลาย

"อ้อมกอดมันเป็นแบบนี้สินะครับ"
เนิ่นนานเป็น10ปีที่ผมไม่ได้รับมันเลยหลังจากที่พ่อออกจากบ้านไปตอนที่ผมอายุ12ขวบ ผมลองหันกลับไปเรียกร้องอ้อมกอดจากแม่อีกครั้งแต่ก็ไม่เคยได้รับมัน แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้…..เพื่อให้ได้รับความรักและเป็นคนสำคัญสำหรับใครสักคนผมจึงยอมคบกับผู้ชายคนหนึ่งที่บอกว่าชอบผมมาก ชอบเกินกว่าจะเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องกันได้

และเมื่อผมติดกับรักเขาจนหมดใจสุดท้ายมันคือการหลอกลวง

โลกไม่ได้แย่ แต่คนมันแย่ผมคิดแบบนั้น แต่คนที่แย่จะต้องเป็นคนใกล้ตัวผมหมดทุกคนเลยหรือไง

Lucifer's part

ความอ้างว้างมันเป็นแบบนี้นี่เอง ผมคิดในใจแล้วมองเด็กผู้ชายในอ้อมกอดที่ร้องไห้จนน้ำตาเปียกเสื้อผมไปหมด

ที่ผมรู้สึกเสียใจเพราะมันเคยเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของผมแต่ผมทำอะไรไม่ได้………..ไม่สิ ผมไม่ได้ทำอะไรเลยแถมยังยัดเยียดความรู้สึกแย่ๆให้เขาเพิ่มอีกต่างหาก

แกได้ร้องไห้แบบนี้บ้างหรือเปล่าซุส แกทรมาณไหมตอนที่ไม่มีใครกอดแกเลย
ฉันขอโทษที่ปล่อยให้แกโดดเดี่ยวมาตลอด ตอนนี้ฉันพอจะทำอะไรเพื่อแกได้บ้างไหม

ผมถอนหายใจแล้วก้มลงมองก้านใบที่นิ่งสงบในอ้อมกอดของผม
………...คนที่หลับไปพร้อมกับน้ำตาทำไมดูน่าสงสารขนาดนี้กันนะ

ผมอุ้มร่างของก้านขึ้นเพื่อพาไปที่ห้องนอนของเขาแต่เมื่ออยู่หน้าห้องแล้วผมกลับเปลี่ยนใจ หันหลังเดินตรงไปอีกห้องแทน
ห้องของผม

มันคงไม่ดีแน่ถ้าก้านตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วพบว่าตัวเองนอนอยู่คนเดียวในห้องมืดๆในขณะที่จิตใจกำลังอ่อนไหวแบบนี้
แม้ชัชจะรายงานผมเป็นระยะว่ามีอะไรผิดปกติบ้างในงานแต่ก็มีช่วงหนึ่งที่ลูกน้องของผมโดนเพื่อนของก้านกักตัวไว้ จึงทำให้คลาดสายตาจากก้านไประยะหนึ่ง

แต่ต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่เมื่อชัชกลับเข้าไปในงานแล้วเห็นว่าเด็กผู้ชายตัวเล็กๆอย่างก้านโดนล้อมไปด้วยผู้คนมากมายรวมทั้งพี่สาว แฟนเก่าและผู้ชายที่ทำให้ก้านเกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้น

ผมปิดไฟในห้องเมื่อจัดท่าทางให้ก้านได้นอนอย่างสบายก่อนที่ผมจะหลับตาลงพักเรื่องเครียดๆในสมองแล้วนอนหลับไป

'แกจะไปไหนซุส'
ผมลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นน้องชายคนเล็กในวัย18ปีหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ลงมาจากบ้าน
ซุสไม่ตอบแต่เดินผ่านหน้าผมไปราวกับมองไม่เห็นว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ ผมโมโหจนเลือดขึ้นหน้าเดินเข้าไปกระชากกระเป๋าของน้องออกจากมือ

'ฉันถามว่าแกจะไปไหน!'
ผมตวาดเสียงดังขึ้นอีกเมื่อเห็นใบหน้าที่เรียบนิ่งและแววตาที่ไม่แสดงความรู้สึกของซุส

'เรื่องของกู'
น้ำเสียงที่นิ่งไม่ต่างจากใบหน้าของน้องทำให้ผมกำมือแน่น

'คิดว่าตัวเองเก่งแล้วหรือไงถึงได้คิดจะทำอะไรตามใจชอบแบบนี้ ปีกกล้าขาแข็งนักแต่ก็ยังใช้เงินของพ่ออยู่นี่'
ซุสไม่พูดอะไรแต่ปฏิกิริยาเริ่มเปลี่ยนไป เขากัดฟันแน่นจนเห็นสันกรามนูนขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังพูดต่อ

'จะอยู่คนเดียวได้ยังไงถ้าไม่มีครอบครัวคอยช่วยเหลือ ไม่มีใครอยู่รอดโดยที่ไม่มีครอบครัวหรอกนะ จำไว้'

'คำก็ครอบครัว สองคำก็ครอบครัว แล้วครอบครัวนี้มันให้อะไรกูบ้างวะนอกจากเงินสกปรกที่เอาของแม่มา ไม่มีใครอยู่ได้โดยที่ไม่มีครอบครัวหรอ เหอะ!'
ซุสก้าวเข้ามาใกล้ก่อนจะดึงกระเป๋าคืนไปจากมือผม

'ครอบครัวไม่ใช่ทุกอย่างหรอกนะ โดยเฉพาะครอบครัวห่วยๆ'
จากนั้นน้องชายคนเล็กของผมก็ออกจากบ้านไป ผมได้แต่ยืนมองแผ่นหลังของน้องด้วยความรู้สึกโมโห ก่นด่าน้องในใจว่างี่เง่าเอาแต่ใจตัวเอง ทำอะไรไม่คิดถึงใจคนอื่น
คิดว่าน้องไม่สนใจและไม่แคร์อะไรเลยถึงได้จากไปแบบนั้น………….

ผมมันแย่ที่ไม่คิดแม้แต่จะถามว่าน้องเป็นอะไร ผมสามารถช่วยเหลือน้องได้ไหม
และในตอนนี้น้องคงไม่ต้องการผมอีกต่อไปแล้ว

มันสายไปแล้วสำหรับพี่ชายห่วยๆแบบผม


Lucifer's Part end.

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความหนักอึ้งที่เปลือกตา รู้สึกได้เลยว่ามันบวมจากการร้องไห้มากแค่ไหน

ร้องไห้……….?

เมื่อคืนผมร้องไห้กับอกคุณลูฟเลยนี่นา แถมเขายังกอดปลอบผมอีกต่างหาก -///- คุณพ่อนี่ก็อบอุ่นไม่เบาเลยนะ

"ตื่นเช้ามาก็มีเรื่องดีๆเลยหรือไง ถึงได้นอนยิ้มแบบนั้น"
ผมเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงทุ้มๆกระซิบอยู่ข้างหู

"ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่เนี่ย!"
ผมถอยกรูดจนสัมผัสได้ว่าตัวเองอยู่ที่ขอบเตียง ส่วนคุณลูฟค่อยๆขยับลุกขึ้นนั่งทำให้ผมเห็นว่าเขาไม่ใส่เสื้ออีกต่างหาก โอ้ยอกอีแป้นจะแตก นี่ผมนอนข้างๆผู้ชายที่เปลือยท่อนบนงั้นหรอ

"ทำหน้าลามกขนาดนั้นใส่ร่างกายของฉันหรอ"

"ไม่ใช่!"
ผมรีบปฏิเสธเสียงแข็งแต่เจ้านายของผมก็เอาแต่ส่งสายตาล้อเลียนมาอยู่ได้ ผมมองก็จริงแต่ก็ไม่ได้ทำหน้าลามกซะหน่อย………..แต่มันก็ =.,=

เย๊ย! ดึงสติตัวเองกลับมาเดี๋ยวนี้

"แล้วคุณมานอนกับผมทำไมเนี่ย"
ทำทีเป็นโวยวายเหมือนคนเสียตัวไปก่อนแต่ก็แอบใช้สายตาซอกแซกไปตามร่างกายของคุณพ่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น อ่า…..ร่างกายของผู้ชายอายุ30กว่าๆมันเป็นแบบนี้นี่เอง อ้ากกกกกกกก สติลอยไปกับกล้ามอกแล้วว้อยไอ้ก้าน!

"หมายความว่าจะให้ฉันไปนอนข้างนอกงั้นหรอ"
ว่าแล้วก็ขยับเข้ามาใกล้จนผมต้องยกผ้าห่มขึ้นมากอด ใจจะวายแล้วจ้า

"ก…...ก็ไปนอน…………..ที่ห้องของคุณ"
ประโยคหลังผมพูดเสียงแผ่วเมื่อเพิ่งนึกได้ว่าเรื่องนี้มันแปลกๆบวกกับสายตาที่ดูขบขันของคุณพ่อที่มองมาที่ผมก็ยิ่งรู้สึกประหลาดเข้าไปใหญ่ ผมละสายตาจากคนข้างๆแล้วมองสำรวจไปทั่วห้อง

“นี่ไม่ใช่ห้องผม”
ผมพึมพำกับตัวเองแล้วรีบกระโดดลงจากเตียงใหญ่

“ขอโทษครับ ผมไม่รู้ว่ามานอนที่ห้องของคุณได้ยังไง”
เหงื่อผมตกลงที่ข้างขมับทั้งๆที่แอร์ก็เย็นออกขนาดนี้แต่เจ้าของห้องก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาเดินลงมาจากเตียงแล้วก้าวผ่านหน้าผมไป

“ไปปลุกคิวปิดมาอาบน้ำเถอะจะได้ไปทานข้าวกัน”

“ครับ!”
ผมตอบอย่างรวดเร็วแล้วรีบเดินจ้ำออกมาจากห้องของเจ้านายทันที บ้าเอ๊ยผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปนอนในห้องของคุณลูฟได้ยังไง เพราะเมื่อคืนหลังจากที่ผมนั่งร้องไห้กับอกเขาแล้วก็จำอะไรไม่ได้เลย………..หรือว่าเจ้านายจะเป็นคนพาผมเข้าไปนอน

ไม่เอาน่าก้านใบ คิดอะไรบ้าบอ หยุดคิดแล้วก็หยุดยิ้มเดี๋ยวนี้! อ้ากกกกกกกกกกกกกก เขินจนเอาหัวโขกกำแพง

“คุณก้านเป็นอะไรหรือเปล่าครับ….ท่าทางแปลกๆ”
ผมได้สติอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของคุณชัชเรียกอยู่ไม่ไกล ผมหันหน้าออกมาจากกำแพงแล้วส่งยิ้มแหยๆไปให้

“แล้วนี่เมื่อคืนไม่ได้อาบน้ำหรอครับ ยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่เลย”
นั่นสิ เมื่อคืนไม่ทันได้อาบน้ำก็เผลอหลับไปซะแล้ว แม่งเอ๊ยยยย นอนโดยไม่ได้อาบน้ำแถมยังโดนคุณชัชจับได้อีก อายมากไม่ไหวแล้วจ้า

“แล้วเมื่อคืนไปนอนที่ไหนมาครับ เมื่อกี้ผมไปปลุกที่ห้องแต่คุณไม่ตอบนึกว่าหลับลึก”
เวร! ผมเริ่มสำลักน้ำลายตัวเองทั้งๆที่ยืนอยู่เฉยๆ จะเริ่มตอบคำถามของคุณชัชข้อไหนก่อนดีล่ะเนี่ยเพราะไม่ว่าจะเป็นข้อไหนก็ไม่น่าตอบทั้งนั้น T-T

“คือ ผมต้องรีบไปปลุกคิวปิดแล้วครับ ขอตัวก่อนนะครับคุณชัช”
แล้วผมก็เดินผ่านหน้าคุณชัชมาแบบหน้าด้านๆนั่นแหละ

ผมค่อยๆเปิดประตูห้องของคิวปิดเบาๆ สอดส่องสายตาเข้าไปภายในห้องว่าน้องตื่นหรือยังก็เห็นก้อนกลมๆที่เกิดจากการรวมตัวของเด็ก5ขวบกับผ้าห่มอยู่ที่กลางเตียง
แอบขำกับตัวเองในใจแล้วเดินตรงเข้าไปลูบก้อนนั้นเบาๆ

“คิวปิดครับ”

พรึบ

ผมสะดุ้งจนเผลอถอยหลังออกมาสองก้าวเมื่อก้อนกลมๆที่ผมคิดว่าหลับอยู่สะบัดตัวออกมาจากผ้าห่มอย่างเร็ว

“ตื่นเร็วจัง”
รู้สึกแปลกๆจังที่คิวปิดตื่นเร็วขนาดนี้

“คนผิดสัญญา คิวปิดโกรธ”
นั่นไง คิดผิดซะที่ไหนว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ปกติผมต้องแบกคิวปิดเข้าไปอาบน้ำนู้นแหละถึงจะตื่น

“พี่ก้านขอโทษครับ เมื่อคืนเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นพี่ก้านเลยไม่ได้กลับมาหาคิวปิด”
ผมตีหน้าเศร้าให้น้องเห็นใจ ซึ่งมันได้ผล น้องลดแขนที่กอดอกตัวเองลงแล้วค่อยๆคลานมาหาผมที่ยืนอยู่ข้างเตียง

“ไม่ดีแค่ไหน”
ผมส่งยิ้มบางๆออกมาเมื่อมือเล็กจับเข้าที่มือของผม

“ไม่ดีมากจนพี่ก้านร้องไห้เลย”
สีหน้าของคิวปิดเศร้าลงอย่างกับเป็นคนเจอเรื่องไม่ดีซะเอง เพราะเรื่องไม่ดีของคิวปิดคือการเห็นพี่ก้านเศร้าเพราะเจอเรื่องไม่ดีหรือเปล่านะ

“คิวปิดไม่ได้กอดพี่ก้านตอนร้องไห้”
ผมคุกเข่าลงแล้วจ้องเข้าไปในดวงตาของเด็กน้อยที่มีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้แทนผมไปแล้ว

“พี่ก้านโตแล้ว ต้องรู้จักหยุดร้องไห้ด้วยตัวเองสิ”

“ไม่ได้นะ ถ้ามีคิวปิดแล้วต้องห้ามร้องไห้คนเดียวเข้าใจไหม”
ผมยิ้มออกมาหน่อยๆเมื่อคิวปิดทำสีหน้าโกรธแบบจริงจัง

"เข้าใจแล้วครับ"



ก๊อก ก๊อก

"เชิญ"
ผมค่อยๆแง้มประตูออกแล้วโผล่หน้าเข้าไปภายในห้องทำงานของคุณลูฟ เขานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานและมีเอกสารวางกองอยู่เต็มโต๊ะ

"ผมเอาของว่างมาให้"
ผมพูดแล้วค่อยๆเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถาดใส่จานของว่างและน้ำผลไม้อย่างระมัดระวัง

"วางไว้นั่นแหละ"
ดูเหมือนคุณพ่อจะเคร่งเครียดกับเอกสารตรงหน้าน่าดู เขาก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารในมือโดยที่ไม่เงยหน้ามามองผมเลย แต่เวลาที่คุณลูฟใส่แว่นนี่ยิ่งดูดีขึ้นไปอีกจริงๆ…...หรือว่าเป็นความชอบส่วนตัวของผมเอง -///-

"มีอะไรจะพูดกับฉันหรอ?"
ผมสะดุ้งเมื่อคุณลูฟเงยหน้าขึ้นมาสบตาโดยไม่ทันตั้งตัว เขาวางเอกสารในมือลงแล้วลุกเดินออกมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟากลางห้อง

"เปล่าครับ"
ผมแค่รู้สึกว่าอยากพูดคุยกับคุณลูฟให้มากกว่านี้แต่ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรดี

"นั่งสิ"

"ห๊ะ…..เอ่อ ครับ"
ผมตอบรับแล้วค่อยๆนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับเจ้านายโดยเว้นระยะห่างที่ห่างพอตัว

"ถ้าเป็นคนก่อนๆเขาจะนั่งตักฉันนะ"
ผมหันมองหน้าคุณลูฟอย่างเร็วจนคอแทบเคล็ดพร้อมกับทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน แต่อีกฝ่ายแค่อมยิ้มเล็กๆเท่านั้น

"คุณเล่นกับพี่เลี้ยงแบบนี้ประจำหรือเปล่าครับ"
ผมถามออกมาเสียงเบา แอบรู้สึกผิดหวังหน่อยๆเพราะคิดว่าคุณลูฟอาจจะใจดีกับผมแค่คนเดียว

"เธอคิดว่าไงล่ะ"
ผมเลื่อนสายตาจากหน้าของเจ้านายไปมองที่แก้วน้ำบนโต๊ะแทน

"ผมคิดว่าคุณเป็นคนขี้รำคาญคงไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย คุณต้องหงุดหงิดมากแน่ๆถ้าอยู่ๆก็มีคนกระโดดขึ้นไปนั่งตักคุณ"
อันนี้ที่ผมคิดนะ ความเป็นจริงเขาอาจจะลูบไล้เอวบางๆของพี่เลี้ยงสาวแล้วจับเธอกดลงบนโต๊ะ………...ตัวนี้

ฉ่าาาาา

อยู่ๆผมก็มองโต๊ะตัวนี้เปลี่ยนไปและหน้าผมก็ร้อนฉ่าขึ้นมาซะงั้น ไอ้ก้านมึงคิดอะไรเนี่ย เอาความคิดนี้ของไปจากหัวซะ!! ผมคิดแล้วสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆนี่ออกไป

"หึ…..แล้วฉันเป็นแบบไหนอีก"
ดูเหมือนคุณพ่อจะกำลังสนุกที่ได้เห็นปฏิกิริยาเถียงกับตัวเองของผม มุมปากของเขายกขึ้นเป็นยิ้มร้ายๆที่คนโง่ๆอย่างผมดูก็รู้ว่าตัวเองกำลังโดนแกล้ง

"ก…...ก็เย็นชาจนผมไม่อยากเข้าใกล้ คุณจะแสดงออกทางสายตาด้วยถ้าคุณโกรธ"
เจ้าตัวพยักหน้า

"ถือว่ารู้จักฉันขั้นหนึ่งเลยนะ"
ผมเม้มปาก รู้สึกฟูฟ่องในหัวใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนโดนยอมรับให้เป็นคนสนิทของคุณลูฟไปแล้ว

"แต่ยังไงคุณก็น่ารักสำหรับผมนะ"
ผมแกล้งแหย่เขากลับเมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังจะพ่ายแพ้โดยคำพูดของเขาจนเสียอาการ

"เธอนั่นแหละน่ารัก"
บ้าจริง! ไม่ได้เตรียมตัวมาเจอประโยคนี้เลย ตายแล้วไอ้ก้าน มึงหายใจก่อนตอนนี้เดี๋ยวตาย!

"เขินหรอ"
ผมสะบัดหน้าไปสบตาอีกฝ่าย กำลังจะอ้าปากเถียงด้วยความเขินแต่สีหน้าของเขาทำให้ผมพูดไม่ออก………

มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นงั้นหรอ

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
มาแว้ว มาแต่เช้าเลยเชียว เช้าของลอนดอน แฮร่!
ช่วงนี้คุณพ่อกับน้องก้านก็กำลังพัฒนาความสัมพันธ์กันไปเป็นขั้นเป็นตอนนะคะ
ตอนหน้าพวกนางก็จะเปิดอกคุยกันมากขึ้น (จริงๆตอนนี้คุณพ่อก็เปิดอกแล้วแหละ) ไม่ช่ายยย!

****ช่วงนี้ฟิวเริ่มแต่งนิยายเรื่องใหม่อยู่ด้วย คือพยายามแล้วว่าจะตั้งใจแต่งแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวให้จบก่อน แต่มันห้ามใจไม่ไหวจริงๆ
เป็นแนวพระเอกเป็นโรคทางจิตชนิดหนึ่งและยึดติดกับนายเอกมาก ส่วนนายเอกก็แสนดีชอบพระเอกมากโดยที่ไม่รู้ว่าพระเอกเป็นโรคนี้อยู่ คือมันอยากแต่งอะทุกคน มันห้ามใจไม่ได้แล้ว

เพราะงั้นเลยแอบแบ่งเวลาไปแต่งเรื่องนี้บ้าง แต่ไม่เทไม่ดองแน่นอนจ่ะ อยากให้ติดตามกันต่อน๊าาาา จุ้บๆ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่ 9 ความอ่อนแอของผมกับความอบอุ่นของคุณ} 19/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 19-01-2020 16:47:57
ขอบคุณค่ะที่มาต่อตามสัญญา   :กอด1:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่ 9 ความอ่อนแอของผมกับความอบอุ่นของคุณ} 19/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 19-01-2020 17:52:23
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่ 9 ความอ่อนแอของผมกับความอบอุ่นของคุณ} 19/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-01-2020 19:42:35
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่ 9 ความอ่อนแอของผมกับความอบอุ่นของคุณ} 19/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-01-2020 19:48:04
คิวปิดตัวน้อยน่ารักเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่ 9 ความอ่อนแอของผมกับความอบอุ่นของคุณ} 19/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-01-2020 20:49:29
อ่อยมาอ่อยกลับ ไม่โกง555
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่ 9 ความอ่อนแอของผมกับความอบอุ่นของคุณ} 19/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 20-01-2020 00:19:09
 :pig4: :pig4: :pig4: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่ 9 ความอ่อนแอของผมกับความอบอุ่นของคุณ} 19/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 20-01-2020 01:04:39
อุ๊ยยยยยยย  :hao3:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่ 9 ความอ่อนแอของผมกับความอบอุ่นของคุณ} 19/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 23-01-2020 23:08:02
รู้สึกแปลกๆตอนที่มีอีโมติคอนโผล่มานิดนึงค่ะ อาจจะเพราะความไม่ชอบส่วนตัวเอง555555

คิวปิดก็คือน่ารักมาก อยากหอมแก้ม เป็นคิวปิดตัวน้อยๆ
 :กอด1:
หัวข้อ: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่10 น้องก้านใบ คนMove on} 27/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: yai feel ที่ 27-01-2020 00:16:10
ตอนที่10
น้องก้านใบ คนMove on

“ขอโทษนะครับคุณก้านที่ช่วงนี้คงต้องเดินทางไปไหนมาไหนเองไปก่อน”
คุณชัชก้มหัวขอโทษผมเป็นการใหญ่เมื่อเขาบอกกับผมว่าช่วงนี้งานที่บริษัทเยอะขึ้นมากและเขาคงจะไม่มีเวลามารับไปส่งผมที่มหา’ลัยเหมือนปกติ เขาเสนอว่าจะให้คนขับรถคนอื่นทำหน้าที่แทนแต่ผมปฏิเสธไปเพราะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก

“ไม่เป็นไรครับคุณชัช เรื่องแค่นี้สบายอยู่แล้ว”
มันไม่ใช่ความผิดของคุณชัชที่เขางานยุ่งแบบนี้และผมไม่อยากรบกวนคนอื่นเพราะผมก็เป็นแค่ลูกจ้างคนหนึ่งเท่านั้น

“แล้วก็คุณท่านบอกให้คุณเอารถคันนี้ไปใช้ครับ”
เขาพูดแล้วยื่นกุญแจรถที่มีสัญลักษณ์คล้ายๆแผนภูมิวงกลมมาให้ผม

“ไม่เอาหรอกครับ ผมขับรถเป็นที่ไหน”
ผมโบกมือปฏิเสธทั้งสองข้าง

“คุณท่านบอกว่าคุณจำเป็นที่จะต้องขับรถให้เป็นครับ”
ครับ……...แล้วผมก็ต้องยื่นมือไปรับกุญแจรถอันนั้นมาทั้งๆที่ใช้ประโยชน์จากมันไม่เป็นด้วยซ้ำ

หลังจากนั้นผมก็ไม่ค่อยได้เจอกับคุณชัชเลย แน่นอนว่าคุณลูฟก็ไม่ค่อยกลับบ้านด้วยเช่นกัน แต่ผมรู้ว่าบางครั้งเขากลับมาบ้านบ้างเพราะแม่บ้านบอกว่าคุณท่านกลับมาและพวกเธอต้องเอาชาหรือกาแฟไปเสิร์ฟให้ท่านในห้องทำงานในเวลาดึกๆ

และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมไม่เห็นคุณลูฟในห้องนอน แม้ว่าผมจะตื่นตั้งแต่6โมงเช้าก็ตาม

2อาทิตย์แล้วนะที่ผมไม่ได้เจอเขา เป็น2อาทิตย์ที่ปั่นป่วนชะมัด เกิดอะไรขึ้นกับบริษัทของเขาหรือเปล่า หรือเขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับปัญหาบางอย่าง ใบหน้าของคุณลูฟในวันนั้นที่ฉายแววกังวลออกมาโดยที่ไม่รู้ตัวมันก็ทำให้ผมเป็นห่วงเข้าไปใหญ่………..ผมทำได้แค่คิดไปอย่างไร้จุดหมายว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และผมไม่ชอบใจเลยที่ตัวเองทำได่แค่นี้

“อย่าเพิ่งรีบกลับสิก้าน”
ผมหันกลับไปหามายด์ที่กำลังเก็บสมุดใส่กระเป๋าแล้วรีบกุลีกุจอเดินเข้ามาหาผม

“มีอะไรหรือเปล่า”
ผมเลิกคิ้วสงสัย มายด์ยิ้มแล้วคว้าแขนผมเข้าไปกอด

“จับตัวได้ซักทีนะ”
ผมไม่ได้ตอบโต้อะไร ไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือเสียใจอีกต่อไปแล้วต่อให้รู้ว่านี่คือรอยยิ้มจอมปลอมและมีความร้ายกาจซ่อนอยู่

“ไปกินข้าวกับเราหน่อยสิ เราไม่ได้กินข้าวด้วยกันนานแล้วนะ”
เป็นความรู้สึกที่ว่างเปล่าจนตัวเองไม่คุ้นชิน ไม่กลัว ไม่รำคาญ ไม่สนใจว่ามายด์มีแผนอะไร ไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าถ้าผมไปกับมายด์แล้วจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งเดียวที่ผมสนใจตอนนี้คือคุณลูฟจะเป็นอะไรหรือเปล่า ผมเป็นห่วงเขา อย่างน้อยขอแค่ได้เจอก็พอ

“ก้านอยากกินอะไร”
ผมหันไปมองเพื่อนที่เดินอยู่ข้างๆก่อนจะเปิดหน้าจอโทรศัพท์เพื่อดูเวลา ต้องไปรับคิวปิดก่อน

“มายด์หิวไม่ใช่หรอ เลือกเลย”
ผมพูดแล้วเดินนำมายด์ไปที่รถ เป็นเพราะคุณลูฟบอกว่าผมจำเป็นต้องขับรถให้เป็น ผมเลยไปเรียนขับรถอย่างตั้งใจและในที่สุดก็เรียนจบพร้อมสอบใบขับขี่เรียบร้อย ผมอยากอวดมันกับเขาแต่ก็อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้เจอกันเลย ผมเลยรู้สึกหงุดหงิดและโกรธตัวเองอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ยิ่งขี้ลืมอยู่ด้วยกว่าจะได้เจอกันคงลืมไปก่อนว่ามีอะไรจะเล่าให้ฟังบ้าง

“โอเค งั้นกินบุฟเฟ่ต์นะ จะกินให้พุงแตกไปเลย”
มายด์พูดแล้วลูบท้องตัวเองปอยๆ

“ว่าแต่……..ก้านพาเราไปไหนอะ ไม่ไปขึ้นแท็กซี่หน้าม.หรอ”
ผมส่ายหัว ล้วงกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดปลดล็อค

“..........”
สีหน้าอะไรของเขาล่ะนั่น ช็อคแรงจนผมรู้สึกต่ำต้อยไปเลย

“ขึ้นรถสิ แต่เดี๋ยวเราขอไปรับน้องที่โรงเรียนก่อนนะ”
ผมพูดแล้วเปิดประตูเข้ามานั่งในรถ ไม่นานมายด์ก็ตามเข้ามา

“ก้าน……...แน่ใจนะว่าแกไม่ได้…….”
สีหน้าของมายด์บอกผมอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการจะพูดอะไรและรู้ด้วยว่าเขารู้สึกยังไง มันเก็บไม่มิดหรอกแววตาเกลียดชังนั่น แต่ผมไม่สน ผมจะทำมากกว่านี้ จะให้มันเกลียดผมจนเก็บเอาไว้ไม่ไหวและเมื่อมันระเบิดออกมาเมื่อไหร่ ผมจะให้สังคมลงโทษมันอย่างที่ผมโดน

“ขายตัวให้เสี่ย?”
ผมต่อคำพูดของมายด์ให้จบ

“ค…...คือ คือเขาก็ลือกันมาอะ แต่เราไม่ได้เชื่อนะก้าน!”
ปฏิเสธเสียงดังเชียวนะ ฟังยังไงก็พิรุธชัดๆ ผมขับรถออกมาจากมหา’ลัย มุ่งหน้าไปที่โรงเรียนเอกชนชื่อดังที่คิวปิดเรียนอยู่ อีก10นาทีน้องจะเลิกเรียน

“ขอบใจนะที่ไม่เชื่อข่าวลือนั่น”

“แล้ว…….ความจริงเป็นยังไงหรอ บอกเราได้นะเราไม่บอกใครอยู่แล้ว”

“........”

“เรารู้ว่าแกเจอเรื่องแย่ๆมา ไหนจะโดนไล่ออกจากบ้านอีก เราอยู่ข้างแกเสมอนะ”
อยากอ้วกชะมัดแต่ดีที่ยังพอเก็บสีหน้าของตัวเองไว้ได้

“เราไม่ได้ขายตัวให้เสี่ยหรอก ไม่รู้ด้วยซ้ำทำไมมีข่าวลือออกไปแบบนั้น”

“แต่แกมีเบนซ์ขับในช่วงเวลา3เดือนเนี่ยนะ!”
มายด์ขึ้นเสียงใส่ซะผมตกใจ ผมแกล้งหันไปมองหน้ามายด์อย่างไม่เข้าใจ โมโหอะไรของเขา

“ก็ทำงาน เจ้านายให้ใช้เพราะต้องพาลูกชายเขาไปนู้นไปนี่”
ก็ไม่ได้คิดว่ามายด์จะเข้าใจแต่โดยดีอะนะ แต่หวังว่าจะไม่สติหลุดอาละวาดขึ้นมาในรถให้เกิดอุบัติเหตุแล้วกัน

“ขอโทษที่เสียงดังนะ เราตกใจไปหน่อยอะแต่ไม่คิดเลยว่าเจ้านายแกจะใจดีขนาดนี้ ชักอยากเจอแล้วสิ”
ผมลอบยิ้มมุมปากเมื่อมายด์ค่อยๆเผยลายของตัวเองออกมา มายด์จะอยากได้ผู้ชายทุกคนที่อยู่รอบตัวของเราไม่ได้นะ

“มีโอกาสจะพาไปเที่ยวที่บ้านนะ”

“จริงหรอ ดีใจจังเลย”
มายด์ยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย

“แต่เจ้านายเราใจดีกับเราแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ กับคนอื่นเขาคือปีศาจ”



"พี่ก้าน คิวปิดขอลูกชิ้นนะครับ"
เด็กชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เด็กพูดพร้อมชี้ตะเกียบไปที่ลูกชิ้นปลารูปร่างน่ารักที่ลอยอยู่ในน้ำซุป

"ได้ครับ อะนี่พี่ก้านให้คิวปิดหมดเลย"
ผมพูดแล้วตักลูกชิ้น2-3อันใส่ถ้วยของคิวปิด

"เย้ๆ ขอบคุณครับ"
ผมมองรอยยิ้มสดใสของน้องอย่างมีความสุข ถ้าลูกชิ้นทำให้น้องมีความสุขขนาดนี้พี่จะเหมาโรงงานมาให้หนูเลยลูก

"คิวปิดน่ารักจังเลยนะ คุณพ่อต้องหล่อมากแน่ๆ"
คิวปิดหุบยิ้มเบ้ปากอย่างไม่พอใจเมื่อมายด์พูดจบ

"อย่ายุ่งกับคุณพ่อนะ"
ยังไม่เลิกหวงพ่อแหะ นึกว่าไม่ค่อยได้เจอจะทำให้เลิกรักคุณพ่อไปแล้วซะอีกขนาดผมยังแอบงอนนิดๆเลยด้วยซ้ำ

"แหม หวงซะด้วย แบบนี้ก็น่าสนใจเข้าไปใหญ่น่ะสิ"
ผมแอบกำมือเมื่ออีกฝ่ายพูดยียวนให้คิวปิดโมโห ไม่ได้พูดเล่นแน่ หมอนี้เอาจริงแน่ๆ

"กินกันเถอะ มายด์อย่าแหย่น้องเราขอ"
ต้องห้ามก่อนที่มายด์จะพูดอะไรมากกว่านี้เพราะเดิมทีแล้วคิวปิดไม่ใช่เด็กที่มีความอดทนเท่าไหร่นักโดยเฉพาะเรื่องของคุณพ่อ

"โทษทีๆ เห็นน้องโกรธแล้วน่ารักดีอะ"
ถ้าแกโดนน้องอาละวาดขึ้นมาจริงๆล่ะจะยิ้มไม่ออก

"อ๊ะ พี่คิมครับ ทางนี้"
ผมเงยหน้ามองตามสายตาของมายด์ไปก็พบกับพี่คิมในชุดนักศึกษา ผมของเขายาวขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่เจอกันล่าสุด เขาหันมาพยักหน้ารับแล้วเดินเข้ามานั่งข้างๆมายด์

"เกือบลืมไปเลยว่านัดพี่คิมไว้ ดันมากับก้านซะก่อน"
มายด์พูดด้วยรอยยิ้ม อันนี้คืออะไร? เรียกกำลังเสริมหรอ

"จะดีหรอให้พี่นั่งร่วมโต๊ะด้วยแบบนี้"
พี่คิมพูดแล้วมองผมสลับกับคิวปิดที่นั่งเคี้ยวลูกชิ้นไปมา

"เอ่อ……..ก้านคง….."
มายด์ทำเป็นอึกอักทำสีหน้าหนักใจอย่างน่าหมันไส้ ผมรู้ว่านี่มันเป็นแผนของมายด์เหมือนตอนที่พาผมไปงานวันเกิดพี่ฟานให้ผมโดนยำนั่นแหละ

"ไม่เป็นไรหรอก พี่คิมเป็นแฟนมายด์นี่จะให้ไปนั่งที่อื่นได้ไง"
ผมพูดแล้วยิ้มสดใส เอาสิให้มันรู้กันตรงนี้แหละว่าไอ้ก้านก็มารยาเยอะเหมือนกันแหละวะ

"กู…...พี่ไม่ได้เป็นแฟนกับมายด์ครับ แค่รุ่นพี่รุ่นน้องกันเท่านั้น"
เหมือนจะพูดคำหยาบในตอนแรกแต่คิวปิดที่นั่งมองตาแป๋วอยู่นี่ทำให้เขาเปลี่ยนคำพูด

พี่คิมโมโหน่าดูที่ผมบอกว่าเขาเป็นแฟนกับมายด์ต่างจากอีกฝ่ายที่หน้าเสียไปแล้วเพราะโดนปฏิเสธเร็วซะขนาดนั้น ผมอยากจะหัวเราะแต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้แล้วทำหน้าตกใจแทน

"ขอโทษทีครับ ผมเห็นสนิทกันมากเลยเข้าใจผิด ขอโทษนะมายด์"
ผมตีหน้าเศร้าพูดขอโทษ มายด์เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแหยๆแทน

"ไม่เป็นไรๆ"
สะใจจริงๆเล๊ยยยยย ไม่คิดว่าการปั่นหัวคนอื่นจะสนุกขนาดนี้

"พี่ก้าน"
เด็กข้างตัวเรียกชื่อผมขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศอึมครึม ผมหันไปตอบรับด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเช็ดคราบซอสบนปากเล็กออกให้เบาๆ

"ครับ เอาอะไรดี"
เด็กน้อยส่ายหัวกับคำถามของผม

"แฟนคืออะไรหรอ"
อ่าว………….แล้วผมจะตอบยังไงดีล่ะเนี่ย ผมเกาหัวตัวเองกิ๊กๆเพราะไม่รู้ว่าควรจะใช้คำพูดแบบไหนให้เด็กน้อยเข้าใจ

"แฟนก็คือคนที่รักกันไงครับ"
พี่คิมเป็นคนตอบขึ้นมาแทน เขาคีบกุ้งที่แกะเปลือกแล้วมาใส่ในจานของน้องแล้วยิ้มอ่อนโยน
พี่คิมรักเด็ก ผมรู้ดีกว่าใครเพราะเคยสนิทกับเขามาก ไม่ว่าจะเป็นอะไรที่เกี่ยวกับเด็กพี่คิมจะอ่อนโยนเสมอ เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับถ้าสังเกตก็จะรู้เองแต่ผมมั่นใจว่าน้อยคนที่จะรู้และแน่นอนว่าคนข้างๆของเขาก็คงจะไม่รู้เช่นกัน

"คิวปิดรักคุณพ่อ"
เป็นคนเดียวที่น้องคิดขึ้นมาได้ถ้าพูดถึงความรัก น้องรู้จักคำว่ารักเพราะชอบพูดว่าคุณพ่อไม่รักบ่อยๆ

"ไม่ใช่ครับ ถ้าคิวปิดรักคุณพ่อคือเรื่องปกติอยู่แล้วเพราะเป็นครอบครัว แต่ถ้ารักใครสักคนที่ไม่ใช่ครอบครัวแล้วใครคนนั่นรักตอบด้วย ทั้งสองคนก็สามารถเป็นแฟนกันได้ครับ"
พี่คิมพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม คิวปิดทำตาโตแล้วหันมาหาผม……...เข้าใจผิดอยู่สินะ

"คิวปิดรักพี่ก้าน พี่ก้านก็รักคิวปิด"
ม่ายช่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว จะอธิบายยังไงดีล่ะทีนี้

"ถ้าเป็นแฟนกันไปนานๆ ต้องแต่งงานกันด้วยนะ"
นี่ก็ใส่ไฟเพิ่มไปอีก คือเด็กเข้าใจผิดอยู่ไงต้องอธิบายใหม่ไม่ใช่หรอ

"คิวปิดก็จะแต่งงานกับพี่ก้าน"
ผมยิ้มปลงๆ ถ้าเป็นในการ์ตูนคือผมจะมีเหงื่อเม็ดเป้งอยู่ตรงขมับ

"โตขึ้นแล้วคิวปิดก็จะเจอกับคนที่คิวปิดรักจริงๆนะ"
ผมพูดแค่นั้น ขอไม่อธิบายดีกว่าว่ารักที่จริงคืออะไร อยากให้น้องไปเจอด้วยตัวเองจะได้เข้าใจง่ายกว่าเพราะส่วนตัวผมเองยังงงๆอยู่ว่าความรักมันคืออะไรกันแน่และมันมีให้ผมอยู่จริงๆไหม

"ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะ"
ผมเกือบลืมว่ามีใครอีกคนมาด้วย มายด์ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำอย่างหงุดหงิดเพราะถูกเมินโดยไม่ได้ตั้งใจ พี่คิมหันมามองหน้าผมทันทีที่มายด์ไม่อยู่

"ลูกใครหรอ"
เขาถามเสียงเบา

"ลูกเจ้านายครับ ผมเป็นพี่เลี้ยงเด็ก"
เขาพยักหน้ามองใบหน้าของคิวปิดแล้วส่งยิ้มให้ก่อนจะค่อยๆเลื่อนสายตามาที่ผม

"ก้าน"
เขาเรียกผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากสายตาที่มองมาก็ดูไม่ใช่เล่นๆเลยเหมือนกัน

“เรื่องฟาน มีบางอย่างที่พี่ยังไม่รู้หรือเปล่า”
ผมสบตากับพี่คิมอย่างตกใจแต่ไม่ได้แสดงสีหน้าออกไป

"หมายความว่ายังไงครับ"
หรือว่าจะเข้าใจกระจ่างกับสิ่งที่ผมพูดในงานวันเกิดพี่ฟาน

"พอก้านบอกพี่ว่าคนที่มีความสุขอยู่ไม่ใช่ก้าน พี่ก็เริ่มสังเกตและพี่ก็เห็นจริงๆว่าฟานกับแก้วมันแปลกๆ"
แต่มันก็สายไปแล้วครับ ผมไม่เหลือใครไปแล้วและความรู้สึกที่โดนกระทำให้เหมือนผู้ร้ายนั้นผมจำได้ขึ้นใจ

"ผมคงไม่พูดอะไรแล้วล่ะครับ ที่ผ่านมาไม่เคยมีคนมาถามว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไงกันแน่เหมือนเสียงของผมไม่มีความหมาย วันนี้ผมผ่านมันมาได้แล้วและต้องกระชากหน้ากากของคนชั่วออกมาให้ได้ในสักวัน”

“................”
พี่คิมพยักหน้าเบาๆแต่เหมือนยังมีอะไรอยากจะพูดอยู่ผมจึงชิงพูดตัดบทไปก่อน

“ผมคงต้องกลับก่อนเดี๋ยวกลับไปสอนการบ้านน้องด้วย”

"คิวปิดอิ่มมมมมม"
เจ้าตัวเล็กลูบท้องตัวเองท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู ผมยิ้มบางลุกขึ้นยืนเตรียมตัวกลับพอดีกับที่มายด์เดินกลับมาจากห้องน้ำ

"ไปไหนก้าน"
มายด์ถามเสียงหวานต่างจากตอนบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำลิบลับ

"ต้องกลับแล้ว"
ผมตอบแค่นั้นยื่นมือไปจับมือของคิวปิด

"งั้นวันนี้เราเลี้ยงเอง"
ผมส่ายหัวขอปฏิเสธ ควักเงินออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นมันไปให้มายด์

“เราเลี้ยงเอง”
ผมพูดด้วยรอยยิ้มผิดกับมายด์ที่มีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด เขายืนเงียบอยู่อย่างนั้นจนผมต้องเดินเข้าไปใกล้และยัดธนบัตรสีเทาใส่มือบาง

“ที่ผ่านมามายด์เลี้ยงเรามาตลอด วันนี้เรามีงานทำมีเงินเดือนแล้ว ให้เราเลี้ยงนะ”
มายด์ไม่ตอบคล้ายจะพูดไม่ออกมากกว่า แต่ที่ผมพูดนั้นไม่ได้ประชดหรือแดกดันให้เขาเจ็บใจ ผมแค่พูดออกมาจากใจเท่านั้น

“เจอกันพรุ่งนี้นะ ขอบใจที่ชวนมา”
ผมพูดปิดท้ายก่อนจะเดินออกมาจากร้านอาหารโดยมือยังกุมมือน้อยของคิวปิดเอาไว้แน่น




“คุณก้าน ผมช่วยครับ”
ผมเดินเข้ามาในบ้านอย่างทุลักทุเลเพราะต้องอุ้มคิวปิดที่หลับปุ๋ยในอ้อมอก แต่เมื่อเท้าก้าวเข้ามาในบ้าน เสียงคุ้นหูของคุณชัชก็ดังมาไม่ไกล ผมเบี่ยงตัวออกเล็กน้อยเพื่อมองทางข้างหน้าเพราะตัวของน้องบังทางอยู่

“คุณชัช”
ผมเรียกด้วยรอยยิ้ม แขนแกร่งของคุณชัชยื่นมารับคิวปิดออกไป เห็นตัวเล็กๆนี่หนักเป็นบ้า แต่น้องตอนหลับนี่น่ารักจนผมไม่อยากปลุก

“ลมอะไรหอบมาครับวันนี้เราถึงได้เจอกันสักที”
ผมพูดแซวแต่แอบใส่ความน้อยใจลงไปในสีหน้าด้วยเพราะการหายตัวไปทั้งหัวหน้าทั้งลูกน้องนี่ทำผมไม่พอใจจริงๆ

“มีเรื่องด่วนเล็กน้อยน่ะครับ ผมไม่รู้ว่าควรบอกคุณก้านดีไหมแต่ให้คุณท่านบอกเองน่าจะดีที่สุด”
ดูจากสีหน้าลำบากใจของคุณชัชแล้วก็ไม่กล้าคาดคั้นหรอก น่าจะเป็นเรื่องใหญ่อยู่พอสมควรนั่นแหละ แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้จริงๆเมื่อคิดว่าผมยังสำคัญไม่พอที่จะให้คุณลูฟบอกเรื่องสำคัญๆสินะ

“คงจะได้บอกอยู่หรอกนะครับ เล่นหายไปทั้งบ้านแบบนี้จะให้ผมคุยกับรูปปั้นสิงโตหน้าบ้านหรือเปล่าล่ะ”
คุณชัชหน้าเปลี่ยนสีเมื่อผมพูดตัดพ้อน้อยใจ

“คุณก้านลองเข้าไปคุยกับคุณท่านด้วยตัวเองน่าจะดีกว่านะครับ ตอนนี้ท่านอยู่ในห้องนอน”
พอรู้ว่าเจ้านายอยู่ที่บ้านขาของผมก็แทบจะก้าวไปที่ห้องนอนของเขาทันที แต่ก็ไม่ลืมที่จะฝากคิวปิดไว้กับคุณชัชด้วย

ก๊อก ก๊อก

“ฉันไม่ต้องการพบใคร”
เสียงแหบแห้งของคนดุดังออกมาจากในห้องแต่ไม่ทำให้ผมกลัว กลับทำให้ผมรีบเปิดประตูผึงเข้าไปเลยต่างหาก

“คุณป่วยหรือครับ”
ผมถามอย่างร้อนรน เสียงเมื่อกี้ของเขามันดุก็จริงแต่มันไม่ใช่เสียงปกติของเขาแน่ ผมจำได้แม่น

“ฉันบอกว่าไม่ต้องการพบใคร”
คราวนี้ไม่ได้ดุแค่เสียง ตาก็ดุจนผมแทบจะหัวหดแต่ก็ทำใจกล้าเดินเข้าไปใกล้เตียงที่คุณลูฟนอนอยู่

ดวงตาโรยแรง
ขอบตาดำคล้ำ
ปากซีดแห้งผาก

ป่วยแบบไม่ต้องถามซ้ำเลย! นี่มันสภาพของเศรษฐีปีศาจที่ใครๆก็หวาดกลัวแน่หรอเนี่ย อย่าว่าแต่กลัวเลยตอนนี้ จ้องตาสู้ด้วยเอาสิ

“ทำไมไม่ดูแลตัวเองเลยครับ งานที่คุณทำมันสำคัญมากกว่าชีวิตของคุณอีกหรือครับ”
ผมพูดพร้อมมองสำรวจใบหน้าหล่อที่ปกติจะนิ่งเรียบติดดุเสียด้วยซ้ำ

“ไม่ใช่กงการของอะไรของเธอ ออกไปได้แล้ว”
ดู๊ ดูคนป่วยพูด หน้าซีดจนจะขาวเท่ากระดาษอยู่แล้วยังจะมาทำปากเก่ง ตะเบ็งเสียงไล่คนอื่นอีก ไม่เจียมสังขารเลยจริงๆ ผมยื่นมือไปจับแขนหนาที่วางอยู่ข้างลำตัวของคนตัวใหญ่

“ตัวคุณร้อนมาก เดี๋ยวผมจะเช็ดตัวให้เสร็จแล้วคุณจะได้ทานข้าวทานยา”
ผมพูดโดยไม่สนใจสีหน้าดุๆของเจ้านายเลยแม้แต่น้อย สนก็กลัวอะดิใครจะมองให้เสียวสันหลังเล่นๆล่ะ

ผมเดินออกมาจากห้องนอนใหญ่ตรงไปทางห้องครัวสั่งข้าวต้มปลาถ้วยใหญ่ให้คนป่วยแล้วหลบไปเปิดน้ำใส่กะละมังพร้อมผ้าผืนเล็กเตรียมพร้อมเต็มที่สำหรับกระทำชำเราคนป่วยเต็มที่

ผมกลับเข้ามาในห้องนอนใหญ่อีกครั้ง คนป่วยนอนหลับตาสิ้นฤทธิ์อยู่บนเตียง อายุปูนนี้แล้วยังจะมีอาการดื้อดึงเป็นเด็กอยู่ได้ ผมวางกะละมังไว้บนโต๊ะข้างเตียง เปิดผ้าห่มออกสำรวจเนื้อตัวของเจ้านายดูซะหน่อย

“นอนเหงื่อแตกเชียว น่าเห็นใจ”
ผมพึมพำอยู่คนเดียวไม่นานก็ค่อยๆยืนขึ้นเต็มความสูง

ยกมือไหว้เจ้านายปลกๆโทษฐานที่จะล่วงเกินโดยจะไม่ขออนุญาตในนาทีต่อไปนี้ ถ้าเขาตื่นขึ้นมาในช่วงจังหวะที่ผม……….ขอไม่คิดเนอะเพราะแค่นี้ก็มือสั่นแล้ว

หมับ

“เฮ้ย!”
ผมตะโกนออกมาแทบจะสุดเสียง ใจตกลงไปอยู่ตาตุ่มเมื่อคนบนเตียงลืมตาผึงแล้วคว้าข้อมือผมหมับในขณะที่ผมกำลังค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออก ตกใจมากโว้ยยยยยย

“จะทำอะไร”

“คุณลูฟ ผมตกใจนะครับ”
ผมพูดแล้วเอามือลูบอกตัวเองปอยๆ ขวัญเอ๊ยขวัญมาไอ้ก้าน

“เธอนั่นแหละจะทำอะไร”
เขายังไม่ปล่อยข้อมือของผมแต่ขยับลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง พาเอาผมเซล้มลงไปนอนแอ้งแม้งในท่านอนคว่ำบนเตียง คือถ้าจะขยับก็ปล่อยข้อมือผมก่อนไหมล่ะ

“คุณเป็นไข้ ผมก็ต้องเช็ดตัวสิครับ”
ผมพูดแล้วพยายามจะลุกขึ้นนั่ง แต่ข้อมือข้างซ้ายของผมก็ยังไม่ถูกปล่อยสักที

“ฉันไม่ได้ขอ”
ผมถอนหายใจ นั่งจุ้มปุ้กอยู่บนเตียงได้สำเร็จ

“คนเราไม่จำเป็นต้องรอให้ใครร้องขอทุกเรื่องหรอกครับ คุณเป็นเจ้านาย ป่วยไข้ขึ้นมาลูกน้องกินเงินเดือนของคุณอย่างผมก็ต้องดูแล อีกอย่างผมยังโกรธคุณอยู่เพราะงั้นผมอยากให้คุณหายเร็วๆแล้วมาฟังว่าผมโกรธอะไร”
ผมพูดยาวค่อยๆแกะมือใหญ่ที่กำข้อมือผมเอาไว้ออก ชูขึ้นกลางอากาศในระดับสายตา

“แล้วดูสิ เป็นรอยเลย”
สายตาของคนดุมองมาที่ข้อมือของผมที่ขึ้นเป็นรอยแดงเพราะเขากำแรงมากจริงๆ

“ขอโทษแล้วกัน ใครจะนึกว่าลืมตาขึ้นมาเห็นคนปลดกระดุมเสื้อตัวเองอยู่”
ผมส่ายหัวเบาๆแล้วยื่นมือไปปลดกระดุมเสื้อของเจ้านายที่ทำค้างไว้เมื่อครู่

“อยู่ๆก็หายไปครึ่งเดือน กลับมาอีกทีก็ไม่สบายซะแล้ว เป็นผู้ใหญ่ขี้ดุซะเปล่า”
ผมบ่นแล้วหันไปบิดผ้าในกะละมังก่อนจะเอามาเช็ดที่ใบหน้าของคุณลูฟก่อน สายตาของเขายังจ้องมาที่ผมแต่สภาพซอมบี้แบบนี้น่ากลัวว่าจะโดนกัดคอมากจริงๆ

“ขอโทษนะครับ”
ผมเอ่ยขอโทษก่อนจะค่อยๆแตะผ้าลงไปที่แก้มของเขาทีละข้าง ชักประหม่าเพราะสายตาของคุณลูฟยังจดจ้องผมไม่เลิก

“คุณลูฟครับ……”

“ฉันจะเล่าให้เธอฟัง”
ผมยังไม่ทันจะพูดต่อคุณลูฟก็พูดสวนขึ้นมา ผมเอียงคอแปลกใจ

“ครับ?”

“เรื่องที่ฉันต้องไปทำ ที่ฉันไม่กลับบ้าน”

“................”


“เธอช่วยฟังหน่อยได้ไหม”


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะทุกคน อย่าเจ็บอย่าป่วยอยู่อย่างปลอดภัยเด้อ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่10 น้องก้านใบ คนMove on} 27/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-01-2020 00:33:27
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่10 น้องก้านใบ คนMove on} 27/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 27-01-2020 00:48:24
อ้อนเหรอคุณพ่อ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่10 น้องก้านใบ คนMove on} 27/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 27-01-2020 01:21:22
 :hao5: คุณปีศาจป่วย
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่10 น้องก้านใบ คนMove on} 27/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 27-01-2020 07:39:58
คนลูกน่ารักมาก ส่วนคนพ่อดื้อและดุมาก
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่10 น้องก้านใบ คนMove on} 27/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-01-2020 09:37:49
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่10 น้องก้านใบ คนMove on} 27/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: nut2557 ที่ 27-01-2020 12:16:59
 :m16: :m31:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่10 น้องก้านใบ คนMove on} 27/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 27-01-2020 17:52:46
ฟังเขาจ้ะฟังเขาหน่อย
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่10 น้องก้านใบ คนMove on} 27/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-01-2020 19:52:11
รอตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่10 น้องก้านใบ คนMove on} 27/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 27-01-2020 22:09:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่10 น้องก้านใบ คนMove on} 27/01/63
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 29-01-2020 22:46:38
กินอิ่ม นอนหลับ เลี้ยงง่ายจริงลูกเอ๊ย
แต่คุณพ่อท่าจะเลี้ยงยาก   :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่ 11 ความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนเดิม} 02/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: yai feel ที่ 02-02-2020 17:32:59
คุณพ่อปีศาจ
ตอนที่ 11 ความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนเดิม

ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเมื่อคุณลูฟหลับไปแล้ว ผมมองใบหน้าของเจ้านายที่แม้แต่ตอนนอนคิ้วเข้มก็ยังคงขมวดเข้าหากัน ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ ยกมือขึ้นไปจับกับมือใหญ่

“เรื่องที่ฉันต้องไปทำ ที่ฉันไม่กลับบ้าน”

“................”


“เธอช่วยฟังหน่อยได้ไหม”


เมื่อคิดตามมันทำให้คิ้วของผมก็ขมวดเข้าหากันไม่ต่างจากคนหลับ

‘แม่ของคิวปิดติดต่อมา ว่าอยากได้คิวปิดไปเลี้ยงเอง’
หัวใจของคุณพ่อคงแทบจะหยุดเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่ตัวคุณพ่อเองก็รู้ดีว่าดูแลน้องได้ไม่ดีเท่าที่ควร ถ้าหากได้ไปอยู่กับแม่อาจจะทำให้น้องมีความสุขมากกว่า แต่ถ้าถามคุณพ่อว่ายอมไหม คำตอบก็คงจะเป็นแบบเดียวกับผม….

ไม่ยอมแน่นอน

ฝ่ายนั้นทำอะไรได้ไม่มากเพราะถ้าไปสู้กันในศาลตัวคุณพ่อก็คงจะใช้อำนาจทั้งหมดที่มีทำให้ตัวเองชนะ แต่สิ่งที่ทำให้คุณพ่อเครียดจนไม่หลับไม่นอนคือฝ่ายนั้นขอเจอลูก ขอถามความสมัครใจของลูกว่าจะไปอยู่กับคุณแม่ไหม ถ้าลูกยอม…...คุณพ่อก็ทำอะไรไม่ได้

ผมบีบมือคนป่วยให้แน่นขึ้นเพราะแค่นึกภาพว่าหากตัวเองยืนประจัญหน้ากับคุณแม่ของคิวปิดแล้วจะทำยังไงดี นึกเปรียบเทียบกับตัวเองว่าถ้าหากพ่อมารับจะยอมไปอยู่ด้วยไหม คำตอบของผมชัดเจนว่าไปแน่นอนเพราะแม่ไม่ได้ต้องการผมเลยแม้แต่น้อย แต่ในกรณีนี้ คุณพ่อรักและต้องการให้น้องอยู่แต่ไม่เคยแสดงออกไป มุมมองของคิวปิดคุณพ่อคงใจร้ายมาก

ผมเดินถือกะละมังและถาดอาหารออกมาจากห้องนอนใหญ่อย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียงไปรบกวนคนหลับ

“คุณก้าน”
เมื่อเดินออกมาจากห้องเจ้านายก็เจอคุณชัชยืนทำหน้าเป็นกังวลอยู่หน้าห้อง ผมพยักหน้าเบาๆ เราเดินมานั่งที่โซฟาที่ห้องนั่งเล่นหลังจากที่ผมเอาข้าวของไปเก็บเรียบร้อย

“คุณท่านบอกแล้วใช่ไหมครับ”
คุณชัชเป็นคนเริ่มบทสนทนาก่อน ผมพยักหน้ารับ

“ผมควรจะทำยังไงดีครับ”
ผมถามเสียงสั่นน้ำตาคลอ คุณชัชขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นแล้วลูบหัวเบาๆ

“คุณหนูต้องเลือกคุณท่านแน่ๆครับ ผมมั่นใจ”
แต่ผมไม่มั่นใจเลย

“คุณชัชเล่าเรื่องของเธอให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ ผมอยากรู้ว่าเธอเป็นคนยังไง”
คุณชัชทำสีหน้าลำบากใจก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ

“เธอทำหน้าที่แม่ได้ดีครับ มีความรับผิดชอบดูแลคิวปิดได้ดีมากๆ แต่ในหน้าที่ภรรยา……..”
คุณชัชหยุดพูดไปเหมือนกับกระอักกระอ่วนใจที่จะพูด แต่ผมที่นั่งจ้องเขาอยู่ไม่วางตาทำให้เขาไม่มีทางเลือก

“เพราะเป็นการแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรัก คุณท่านกับภรรยาจึงมีปากมีเสียงกันบ่อยๆ หนักสุดคุณท่านก็ไม่กลับบ้านเลยเป็นอาทิตย์ ห้องนอนก็แยกกัน ท้ายที่สุดคุณเบลเธอก็มีคนอื่น คุณท่านจับได้จึงขอหย่า เธอยินดีเซ็นใบหย่าและรับเงินไปจำนวนหนึ่งแล้วหายไป ตอนนั้นคุณหนูเพิ่งอายุ2ขวบกว่าเองครับ”
ไม่ได้แต่งกันเพราะความรักงั้นหรอ คลุมถุงชนแบบที่คนรวยๆชอบทำกันสินะ

“สำคัญเลยนะครับคุณก้าน ผู้ชายที่เป็นชู้กับคุณเบลคือลูกน้องคนสนิทของคุณท่าน หลังจากที่คุณท่านไล่ผู้ชายคนนั้นออกไปผมจึงได้ขึ้นมาแทน”
ผมช็อคสุดขีดเมื่อได้รู้อดีตของผู้ชายที่ผมแอบเรียกในใจว่าปีศาจ ไม่คิดมาก่อนว่าคุณลูฟจะเจอเรื่องบัดซบแบบนั้นมาเหมือนกันแบบเดียวกับที่ผมเจอ มิน่าล่ะดูเขาจะเข้าใจความรู้สึกของผมนัก

“จากนั้นคุณท่านก็ไม่มีความสัมพันธ์กับใครอีกไม่ว่าจะในฐานะคนรักหรือคนสนิท พอคุณก้านได้เข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้คุณท่านก็ดูใส่ใจคุณก้านดีจนผมแอบคิดว่าบางทีคุณก้านอาจจะช่วยท่านได้”
ผมก็อยากจะช่วยนะแต่ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกันแน่ คนอย่างเขาดูจะไม่ไว้ใจใครง่ายๆผมเลยไม่รู้ว่าเขาจะยอมไว้ใจผมหรือเปล่า

“พอคุณเบลติดต่อมาว่าจะขอเจอคุณหนู คุณท่านก็ทำแต่งานแล้วบอกคุณเบลว่าไม่มีเวลากลับไปที่บ้านเพราะงั้นคุณเบลจึงเข้ามาที่บ้านไม่ได้ถ้าคุณท่านไม่อยู่”
ผมพยักหน้าเข้าใจทันทีว่าทำไมคุณลูฟถึงไม่ยอมกลับบ้าน แต่ก็ไม่ทำให้ผมหายโมโหหรอกนะ โมโหมากกว่าเดิมอีก อย่างน้อยก็น่าจะให้ผมช่วยเหลืออะไรบ้างสิ

“ช่วงที่เขาป่วยผมจะดูแลเอง ขอบคุณที่เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังนะครับ”
คุณชัชยิ้มรับ

“ฝากด้วยนะครับ ถ้าคุณท่านดื้อก็ให้คุณก้านดื้อกว่าไปเลย ให้มันรู้ไปว่าถ้าคุณก้านดื้อแล้วจะมีใครชนะ”
ผมยืนขมวดคิ้วรู้สึกแปลกๆกับประโยคของคุณชัช ผมไม่ได้ร้ายอะไรขนาดนั้นไหมอะ
แต่คนพูดก็เดินหายขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้านเรียบร้อยแล้วผมเลยไม่ได้ถามต่อว่าที่เขาพูดมันหมายความว่ายังไง

วันต่อมาผมก็เข้าไปดูคุณลูฟในห้องเหมือนเดิม แต่เมื่อผมเปิดประตูเข้ามาก็พบว่าเตียงว่างเปล่า เปิดผ้าห่มดูก็ไม่เห็นใคร
นี่คุณลูฟหนีออกจากบ้านหรอ หรือว่าแอบไปทำงานที่ห้องทำงาน? หนอยยยยยย กล้าขัดคำสั่งของผมงั้นหรอ บอกให้พักผ่อนจะได้หายเร็วๆไง ดื้อเรอะ!!!

“เป็นอะไร ทำหน้าประหลาด”
ผมสะดุ้งหลุดจากความคิดเมื่อเสียงดุๆของเจ้าของบ้านเรียกสติอันฟุ้งซ่านของผม เขาอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำและมีกลิ่นสบู่เหลวประจำตัวหอมฉุย อ๋อ……..ไปอาบน้ำมาหรอกเรอะ นึกว่าแอบไปทำงานซะอีก

“ฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า ทำไมมองฉันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อแบบนั้น”
คิ้วของเจ้านายขมวดเข้าหากันพร้อมกับเดินอ้อมมาขึ้นเตียงตรงฝั่งที่ผมยืนอยู่

“เปล่าครับ ผมคิดว่าคุณแอบไปทำงานซะอีก กำลังจะโกรธเลยดีนะที่คุณมาซะก่อน”
ผมบ่นแล้วยื่นมือไปจับมือคนป่วยเพื่อวัดอุณหภูมิของร่างกาย

“นับวันยิ่งเหมือนเมียฉันเข้าไปใหญ่”
คนป่วยบ่นเบาๆพร้อมส่ายหัวไปมาด้วย…...แต่ขอโทษเถอะผมได้ยิน!

“ผมไม่อยากได้คนบ้างานมาเป็นสามีหรอกครับ พอดีขี้เหงา”
สายตาคมตวัดมามองผมทันทีที่ผมพูดจบ เอ่อ……..ผมเผลอไปจี้จุดอะไรของเขาหรือเปล่านะ

“ใช่ซิ ฉันมันเอาแต่ทำงาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะนอกใจฉันได้เสียเมื่อไหร่”
ผมชะงักมือที่ลูบๆคลำๆแขนของคุณลูฟอยู่ เลือดสูบฉีดขึ้นมาที่หน้าจนรู้สึกได้ว่าหน้าร้อนแล้วจ้า เผลอๆร้อนกว่าคนป่วยแล้วตอนนี้ ดูเหมือนคุณลูฟจะเพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา เขามองหน้าผมแล้วอึกๆอักๆในลำคอเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง

ส่วนผมก็เอาแต่ยืนเขินทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรแกล้งเมินมันไปดีไหมแต่จะให้เมินยังไงวะ! เมื่อกี้โดนดาเมทไปเต็มๆหัวใจ ไอ้บ้าเอ๊ย คุณลูฟประชดประชันแม่งโคตรน่ารักเลยพับผ่า!!!

“ฉ…...ฉันหมายถึง ถ้าสมมติว่าเธอเป็นเมียฉันจริงๆ”
ยิ่งคุณลูฟแก้ตัวมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งหน้าแดงเข้าไปอีก ดูเหมือนเขาเองก็รู้ว่าที่พูดมาไม่ได้ช่วยอะไรเลยนอกจากทำให้สถานการณ์มันกระอักกระอ่วนมากกว่าเดิม

“ก้านใบ…..”

“ครับๆ ผมรู้แล้ว แต่ว่า……..”
เขาจ้องหน้าผมรอดูปฏิกิริยา แต่มันยิ่งทำให้ผมไม่กล้าสบตาเลย

“ผมไม่ได้มีนิสัยนอกใจสักหน่อย”

“............”
เกิดความเงียบขึ้นจนได้ยินเสียงแอร์ ขนาดแอร์ในห้องไม่ได้เสียงดังมากผมยังได้ยินมันชัดเจนขนาดนี้ นี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่กันวะเนี่ย คือไม่ได้อยากได้เจ้านายมาเป็นสามีหรืออะไร ไม่ได้หวังสูงถึงขนาดนั้นก็แค่แหย่เล่น ใช่ๆ………..แหย่เล่นเองขำๆ
แค่เงยหน้าขึ้นไปแล้วบอกว่าล้อเล่นก็จบ

“ก้านใบ”
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับสายตาของเจ้านายที่จ้องมาที่ผมอยู่แล้ว เป็นสายตาที่ผมไม่เข้าใจเลย ไม่ได้โกรธ ไม่ได้ยิ้ม เป็นสายตาที่ว่างเปล่าจนผมต้องขมวดคิ้ว

“ฉันจะทำให้เธอเจ็บปวด บางทีฉันก็ทำแต่งานจนลืมวันสำคัญๆ ถ้าเธอบอกว่าเธอขี้เหงา เธอจะต้องเหงาแน่นอน”
ผมส่ายหัวไปมา เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว(แต่ถ้าได้จริงๆก็ดี แฮ่!)

“ผมแค่อยากเป็นคนสำคัญของคุณบ้าง คุณสามารถบอกผมได้ทุกเรื่อง ปรึกษาผมได้ ระบายความรู้สึกเวลาเหนื่อยๆ บ่นเรื่องงานก็ได้ถ้ามีอะไรที่มันไม่ราบรื่น คุณสามารถเรียกหาผมได้เสมอเลย ผมขับรถเป็นแล้วไม่ว่าคุณอยู่ที่ไหนผมก็จะไปหาคุณ”
ผมพูดยาวเหยียดแม้ประโยคหลังๆเสียงจะสั่นไปบ้างเพราะน้ำตาที่พร้อมจะพากันทะลักทลายออกมา แต่มันคือความรู้สึกจากใจของผมจริงๆ แค่ให้ผมช่วยแบ่งเบาภาระบ้าง ให้เป็นที่ต้องการของใครสักคน…..ขอแค่นั้นจริงๆ

“ก้านใบ เด็กดี”
มือใหญ่ยกขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ ผมได้ยืนก้มหน้าก้มตาให้เขาลูบหัวเหมือนหมา

“คุณนั่นแหละนอนพักได้แล้ว ตัวก็ร้อนยังจะไปอาบน้ำอีก เกิดช็อคล้มหัวฟาดในห้องน้ำขึ้นมาผมคงได้งานเพิ่มเป็นดูแลคุณพ่อด้วยอีกคน”
ผมว่าแล้วจัดนู้นจัดนี่ หันไปแกะแผ่นเจลลดไข้ที่เตรียมมาให้คนป่วยโดยเฉพาะ แต่พอหันกลับมาก็เจอคุณพ่อจ้องหน้าผมอยู่อีกแล้ว โว้ย จ้องบ่อยขนาดนี้ปริ๊นท์รูปผมมาแปะที่หน้าประตูเลยไหมครับ

“จ้องผมอีกแล้วนะครับ”
ผมเอ็ดเบาๆ

“บ่นเก่งจริงๆ”
ผมมองเจ้านายตาขวาง ก่อนจะค่อยๆแปะแผ่นเจลลดไข้ลงไปเบาๆบนหน้าผากของเขา

“เธอทำเหมือนฉันเป็นเด็ก”
เจ้านายผมยังบ่นไม่เลิก ไม่รู้ว่าบ่นจริงหรือแค่จะกวนประสาทผมเฉยๆ แต่ผมไม่สนใจดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ถึงคอ

“นี่ก็ด้วย”
คราวนี้บ่นปลงๆเหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่า

“คุณไม่ใช่เด็กหรอกครับ เพราะเด็กอย่างคิวปิดพูดง่ายกว่าเยอะ บอกให้กินก็กินบอกให้นอนก็นอน ไม่มามัวบ่นอุบอิบแบบนี้หรอก”
ผมบ่นเข้าไปอีกบทแต่คราวนี้คนถูกบ่นหัวเราะออกมาเบาๆ

“คิวปิดชอบคนดุหรอกหรอเนี่ย”
ผมทำหน้างอ

“ผมไม่เคยดุน้อง”


“เธอตามใจลูกชายฉันมากไปแล้วก้านใบ”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงและสายตาที่อ่อนโยน ทำให้ผมรู้สึกเหมือนโดนดุจริงๆ

“ก็น้องไม่เคยทำตัวไม่ดีกับผม”
ผมพูดเสียงเบา

“งั้น…...ถ้าฉันเชื่อฟังเธอ เธอก็จะตามใจฉันเหมือนกันหรือเปล่า”
บร้าาาาาาาาา!!!! พูดอะไรออกม๊าาาาาาาาาาาาาาาาา กรี๊ดดดดดดดด ผมกรีดร้องในใจเมื่อคุณลูฟพูดพร้อมทำสีหน้าเหมือนจะอ้อน มันอาจจะเป็นผลข้างเคียงจากการเป็นไข้หรือเจลลดไข้นั่นมีฤทธิ์ทำให้สมองของผู้ใช้ถูกควบคุม หรือด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม ผม เขิน มาก!! คุณลูฟไม่ควรทำสีหน้าแบบนั้นใส่ผมเลยพับผ่า วันนี้โดนดาเมทที่หัวใจสองรอบแล้วนะ ไอ้ก้านต้านไม่ไหวล้าววววววววววว

“ผม…...ผม คือ ผมไปดีกว่า ถ้าคุณต้องการอะไรก็เรียกนะครับ”
ผมพูดตะกุกตะกักเหมือนคนติดอ่างเรียกเสียงหัวเราะหึหึจากคนป่วยไปอีก เพราะงั้นผมควรไป ไปไหนก็ได้ให้พ้นจากตรงนี้อะ แม่งจะบ้าตาย….T-T

“พี่ก้านนนนนนนนนนนนนนนนนน”
ทันทีที่ผมออกมายืนกุมใจที่หน้าห้องเสียงของคิวปิดก็ดังนำเจ้าตัวมาซะอีก ผมมองไปทางต้นเสียงก็เห็นร่างเล็กวิ่งดุ้กๆเข้ามาหา

“ว่าไงครับคิวปิด”
ผมย่อตัวลงไปรับเด็กน้อยเข้ามาในอ้อมกอด

“พี่ชัชพูดไม่รู้เรื่องเลย”
คนที่เดินตามหลังคิวปิดมาคือคุณชัชที่เกาหัวแล้วยิ้มแหยๆ

“ไหน คุณชัชว่าอะไรครับ”

“คิวปิดบอกว่าคิวปิดเป็นแฟนกับพี่ก้าน พี่ชัชก็บอกว่าไม่ใช่ๆ เถียงคิวปิดอยู่ได้”
เด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแถมทำหน้าเครียดไปอีก ปวดหัวกับคนพ่อเสร็จก็ต้องมารับมือกับคนลูกต่อ ก้านอยากพ้ากกกกกกกก




“แกเห็นที่พี่แก้วโพสต์หรือเปล่า”
ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ผมยืนเท่าไหร่พร้อมกับเริ่มบทสนทนาด้วยระดับเสียงที่ไม่ปกปิดเท่าไหร่ ผมขยับออกมาให้ห่างเล็กน้อยเพราะไม่อยากเป็นคนเสียมารยาทไปแอบฟังเขาคุยกันโดยไม่ได้ตั้งใจ……….แต่เมื่อกี้อะไรเกี่ยวกับพี่แก้วหรือเปล่านะ?

“เกี่ยวอะไรกับคนเก่าวะ”
เสียงบทสนทนาหยุดลงแค่ตรงนั้นแต่พวกเธอยังไม่ได้เดินออกไป อยู่ๆขนผมก็พากันลุกเกรียวราวกับโดนวิญญาณร้ายจ้องอาฆาต พอหันไปมองผู้หญิงกลุ่มนั้นก็นั่นประไร จ้องผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อทั้งๆที่ผมไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย

ผมค่อยๆล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดเข้าไปในแอปที่น่าจะเป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ ซึ่งสิ่งที่ผมเห็นมันเหมือนหมัดที่มองไม่เห็นพุ่งมาอัดที่ท้องผมจนจุกไปหมด

KingKaew KK
ถ้ายังลืมคนเก่าไม่ได้ ถ้ายังรักยังคิดถึงขนาดนั้นแล้วมาคบกับเราทำไมวะ

Issara Mew และคนอื่นๆอีก 385Like

ความเพื่อนรักของผมแหละ กดไลค์เร็วชิบหายแล้วดูคอมเมนท์สินั่นเหยียบร้อยเข้าไปแล้ว ขอไม่กดเข้าไปอ่านแล้วกันกลัวทำใจไม่ได้ แต่ว่าเลยนะ….

กู เกี่ยว เหี้ย อะ ไร อีก!
นี่คือประโยคแรกที่ผมคิดหลังจากที่อ่านข้อความนั้นจบ ซึ่งคนเก่าที่คนเพ่งเล็งมากที่สุดจะเป็นใครไปได้นอกจากผมอะ นี่มันจงใจชัดๆ ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แถมพี่ฟานก็พูดเองกับปากว่าไม่ได้รักผม เพราะงั้นไม่มีทางที่พี่ฟานมันจะอาลัยอาวรณ์ผมเป็นแน่ มันเป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้วนอกจากการจัดฉาก

สารเลว! อยู่ใครอยู่มันไม่เป็นใช่ไหม อยากเจ็บจริงเดี๋ยวก้านจัดให้ เพราะก้านไม่ใช่เหยื่อของคุณอีกต่อไป!!!!!

“ก้าน”
ในขณะที่ผมยืนกำมือถือด้วยความคับแค้นใจอยู่คนเดียวก็มีใครบางคนวิ่งเข้ามาหา ทำให้ผมสังเกตว่าฝนเริ่มลงเม็ด และคนที่วิ่งมานี่ก็เปียกฝนเล็กน้อยด้วย

“หวัดดีครับ”
ผมยกมือไหว้รุ่นพี่ตามมารยาทแม้ก่อนหน้านี้จะไม่ได้ไหว้เลยก็เถอะ ถือว่าแลกกับการที่มาจิกกัดเหน็บแนมผมก็แล้วกัน

“กลับบ้านไม่ได้หรอ”
หน้าตาผมเหมือนคนกลับบ้านไม่ได้มากหรอครับ เหมือนลูกหมาโดนทิ้งอะไรแบบนี้หรอ

“ผมรอคนมารับครับ แล้วพี่คิมล่ะครับไม่กลับบ้านหรอ”
ถามเป็นมารยาทกลับไปโดยที่สีหน้าของผมก็ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น คนที่อยากรู้คงจะเป็นผู้หญิงกลุ่มนั้นมากกว่าด้วยซ้ำ หูบานเป็นกระด้งแล้วแม่คุณ

“ก็ว่าจะกลับแต่เห็นก้านยืนอยู่ตรงนี้คนเดียว นึกว่ากลับบ้านไม่ได้พี่เลยว่าจะไปส่ง”
ผมพยักหน้ารับรู้ อย่างที่ผมเคยบอกไปเมื่อนานมาแล้วว่าพี่คิมกับผมเคยสนิทกันมากตอนที่ผมยังคบกับพี่ฟานอยู่เพราะงั้นผมก็ไม่ได้เกลียดเขามากเพราะเขาก็โดนหลอกเหมือนกัน แต่ให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมทั้งหมดผมก็ทำไม่ได้แล้ว

ไม่มีอะไรเหมือนเดิมได้อีกต่อไป……..

“มายด์ล่ะครับ ปกติเห็นกลับด้วยกันตลอด”
ผมถามหาคนที่มักจะเดินตามหลังพี่คิมเสมอแต่วันนี้กลับไม่เห็นเงา

“เห็นบอกว่ามีธุระสำคัญน่ะ พี่ก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร”
เมื่อจบคำของพี่คิม ระหว่างเราก็ตกอยู่ในความเงียบ ฝนที่ตกปรอยๆเมื่อกี้ก็เริ่มเทลงมาหนักขึ้นกลายเป็นเสียงฝนที่เข้ามาแทนความเงียบที่น่าอึดอัดนี่ ก็ดี ทำเป็นฟังเสียงฝนไปแล้วกัน

“ช่วงนี้……..มีปัญหา……….”
เป็นเพราะเสียงฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำให้ผมไม่ได้ยินเสียงของพี่คิมเลย ได้แต่ยืนมองปากของเขาที่พะงาบขึ้นลงแต่ไม่เข้าใจสักคำ ไม่คิดจะถามต่อด้วยเอาสิ อยากพูดก็พูดไปไอ้ก้านไม่ฟังไม่สนใจ ฟังเสียงฝนยังไพเราะกว่าเป็นไหนๆ

“คุณก้านนนนนนน ผมมาแล้วคร้าบบบบ”
ในขณะที่หูของผมรับฟังเสียงจากธรรมชาติอยู่นั้นก็มีเสียงของใครสักคนดังเข้ามาแทนที่ ผมหันไปมองทางต้นเสียงก็เห็นคุณชัชที่สวมชุดสูทวิ่งถือร่มเข้ามาหาผม

“ระวังลื่นครับคุณช้าชชชช”
ผมตะโกนลั่นอย่างตกใจ ยิ่งจังหวะที่เขาลื่นพรืดใจผมตกไปอยู่ตาตุ่ม ดีที่ไม่ล้มก้นกระแทกพื้นให้เจ็บๆกันไป

“ขอโทษที่มาช้าครับคุณก้าน”
คุณชัชก้มหัวขอโทษขอโพยใหญ่ ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าผมก็เป็นลูกจ้างเหมือนกัน ไม่ต้องก้มหัวให้ผมก็ได้ ไอ้ก้านจะร้อง

“ไม่เป็นไรครับ ที่จริงให้ผมกลับเองก็ได้ไม่น่าลำบากมารับเลย”
ผมพูดแล้วรับร่มสีดำคันใหญ่ที่คุณชัชยื่นมาให้

“ผมไม่ได้มารับคุณก้านนานแล้วให้เป็นหน้าที่ของผมดีกว่าครับ ไปครับคุณท่านรออยู่บนรถ”
ผมเลิกคิ้วแปลกใจ

“คุณลูฟมาด้วยหรอครับ”
ผมถามแล้วชะเง้อมองเข้าไปภายในรถ เห็นเป็นเงาว่ามีคนนั่งอยู่ที่เบาะหลัง……….มาจริงๆด้วย

“คุณท่านกลับจากบริษัทพอดี เลยให้แวะมารับคุณก้านเลยครับ เอ๊ะ……”
คุณชัชตอบผมก่อนจะสังเกตว่ามีใครบางคนยืนจ้องพวกเราอยู่ พี่คิมนั่นเอง ดูเหมือนคุณชัชจะจำพี่คิมได้จึงดันให้ผมไปยืนหลบข้างหลัง

“มีอะไรกับคุณก้านหรือเปล่าครับ”
สีหน้าของเขาจริงจัง น้ำเสียงก็ดุต่างจากที่คุยกับผมเมื่อกี้เลย

“ผมแค่คุยกับน้อง”
พี่คิมตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยอมกัน ผมเริ่มปวดหัวตุบๆเมื่อเหมือนจะเห็นสงครามกำลังจะเริ่มในไม่ช้า

“ผมไม่อนุญาตให้คุณเข้าใกล้คุณก้าน”
คุณชัชก็เอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย แต่พอก่อนก้าน มึงต้องห้ามไหมล่ะ

“คุณชัช……”

“มีอะไรกัน”
เอาล่ะ พ่อมา!! ท่าทางพวกเราจะลีลาท่ามากไปหน่อย คุณพ่อปีศาจจึงเดินลงมาตามด้วยตัวเอง ผมได้ยินเสียงกรี๊ดทะลุเสียงฝนออกมาเมื่อคุณลูฟก้าวเข้ามาภายใต้หลังคาที่เราใช้หลบฝนอยู่

“ผมกำลังสืบสวนผู้ชายคนนี้ครับ”
คุณชัชตอบคุณพ่อเสียงเข้มและจริงจัง สายตาคมเลื่อนปราดไปหาพี่คิมที่ยืนกำหมัดเตรียมซัดเต็มที่

“นายกลับขึ้นรถไปก่อน”
ดูเหมือนคุณพ่อจะไม่ได้สั่งผมเพราะหันไปพูดกับคุณชัช คุณชัชก้มหัวเป็นการรับคำสั่งก่อนจะกางร่มแล้วกลับขึ้นรถไป จะว่าไปคุณพ่อแกก็เดินลงมาโดยที่ไม่มีร่มเลยนี่นา ดีที่ระยะทางจากรถมาตรงนี้ไม่ได้ไกลมากทำให้คุณลูฟไม่ได้เปียกอะไรมากนักแต่ในทางเทคนิคก็คือเปียกอยู่ดี แล้วคือเพิ่งหายไข้ไงถ้าไม่ติดว่าอยู่ต่อหน้าคนอื่นผมคงจะฟาดไหล่คุณพ่อปีศาจแสนดื้อไปสักที

“รุ่นพี่ของเธอหรอ”
คราวนี้คุณพ่อถามผมแน่นอน

“ใช่ครับ พี่คิมนี่คุณลูซิเฟอร์เจ้านายของผมครับ ส่วนนี่พี่คิมครับคุณลูฟ”
ประโยคหลังผมหันไปพูดกับคนตัวใหญ่ คุณลูฟพยักหน้าเงียบๆ

“ผมคิดว่าคุณคงไม่ห้ามให้ลูกน้องพูดคุยกับคนอื่นหรอกนะครับ”
เป็นพี่คิมที่พูดขึ้นมาก่อน เจ้านายของผมยืนนิ่งไม่ได้ตอบอะไร จนพี่คิมชักจะโมโหขึ้นไปอีก ถ้าเขาต่อยคุณลูฟขึ้นมาล่ะก็ผมต่อยกลับแน่คอยดู

“ไปกันเถอะ คิวปิดน่าจะเลิกเรียนแล้ว”
เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเรียบๆ ผมพยักหน้ารับแล้วหยิบร่มขึ้นมากาง คุณลูฟไม่ได้สนใจพี่คิมอีกต่อไปส่วนผมแค่หันไปก้มหัวลาเท่านั้นไม่ได้พูดอะไร ผมชูร่มขึ้นสูงเพื่อให้มันกันฝนให้คนตัวสูงด้วย แต่……….คือเขาสูงมากไง สูงจะเท่าเสาไฟแล้วนั่นพวกคุณคิดว่าไงล่ะ

ไม่ว่าจะด้วยความสมเพชเวทนาหรืออะไรก็ตามแต่มือใหญ่เอื้อมมาคว้าก้านร่มจากมือของผมเอาไปถือเอง

“ขอบคุณครับ”
ผมก้มหน้าพูดเขินๆ กลายเป็นว่าตอนนี้เจ้านายของผมคือคนกางร่มให้ผมซะงั้น แม้จะเป็นระยะทางแค่สั้นๆแต่ดีจังที่ผมได้มายืนตรงนี้

ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ผมได้ยืนอยู่ตรงนี้ตลอดไป

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ไม่มีความสัมพันธ์ไหนที่จะคงอยู่ตลอดไป แต่ถ้าหากมั่นใจเราทำได้ ฮึ่มมม :laugh:
ตัดเข้าตอนสานสัมพันธ์ไปแบบงงๆเลยค่ะ คงไม่มีใครสังเกต ฮ่าๆๆๆๆๆ
หยอกเล่นนนนนนนนนน แต่ก็อยากให้ได้กันจะแย่อยู่แล้วอะแงๆ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{{ตอนที่ 11 ความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนเดิม}} 02/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-02-2020 18:45:40
นังแก้วนี่ก็สรรหาเรื่องได้ตลอด
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่ 11 ความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนเดิม} 02/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 02-02-2020 20:37:35
รีบมาต่อเร็วๆนะค้าาาา  :impress2:
ต่อจากเรื่องของน้อง ก็มาอ่านเรื่องของพี่ต่อ อิอิ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่ 11 ความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนเดิม} 02/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-02-2020 22:30:04
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่ 11 ความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนเดิม} 02/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: yai feel ที่ 03-02-2020 00:38:57
รีบมาต่อเร็วๆนะค้าาาา  :impress2:
ต่อจากเรื่องของน้อง ก็มาอ่านเรื่องของพี่ต่อ อิอิ

วางแผนเขียนตอนพิเศษของคู่น้องอยู่เหมือนกันค่ะ
คิดถึงอะเนอะ ฮือ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่ 11 ความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนเดิม} 02/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 03-02-2020 01:37:55
เมื่อไหร่ยัยพี่สาวจะโดนแหก  :fire:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่ 11 ความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนเดิม} 02/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 03-02-2020 02:35:42
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่ 11 ความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนเดิม} 02/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 03-02-2020 13:33:51
 :katai1: นั้นดิ...ยัยพี่สาวกะไอ้แฟนเก่สชั่วๆนั้นจะโดนแหกเมื่อไร :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่ 11 ความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนเดิม} 02/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 08-02-2020 17:56:18
รีบมาต่อเร็วๆนะค้าาาา  :impress2:
ต่อจากเรื่องของน้อง ก็มาอ่านเรื่องของพี่ต่อ อิอิ

วางแผนเขียนตอนพิเศษของคู่น้องอยู่เหมือนกันค่ะ
คิดถึงอะเนอะ ฮือ

ว้ายๆ คิดถึงพี่ซุสทันทีเลยค่าาาา อุ้ย คิดถึงน้องผ้าด้วย 55555
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่ 11 ความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนเดิม} 02/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 09-02-2020 02:32:24
เท่มากค่ะคุณพ่อ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: yai feel ที่ 10-02-2020 22:06:39
คุณพ่อปีศาจ
ตอนที่12 คนข้างๆ

[Kim’s part]

“คิม”

“............”

“ไอ้คิม!”
ผมสะดุ้งเมื่อมีอะไรบางอย่างฟาดเข้ามาที่หลังของผมอย่างแรง พอหันกลับไปมองก็เห็นไอ้ฟานยืนหน้ามุ่ยอยู่

“มีอะไรวะ”
ผมถามเสียงอ่อน ไอ้ฟานส่ายหัวแล้วเข้ามานั่งข้างๆ

“เหม่อหรือถอดจิตวะ เรียกตั้งนานแม่งก็ไม่สนใจ”
มันบ่น

“แล้วมึงมีอะไร”
คราวนี้มันมองหน้าผมอย่างจริงจังผมเลยขมวดคิ้วทำสีหน้าจริงจังขึ้นมาบ้าง

“เมื่อวานมีคนเห็นมึงยืนคุยอยู่กับก้าน”
ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ เรื่องก้านสินะ

“แล้วไงวะ”
ผมถามกลับ ใบหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์

ผมรู้ว่าผมไม่ใช่คนดีนักและเรื่องที่ผมจะบอกนี้มันจะทำให้มีคนเกลียดผมเพิ่มแน่ๆแต่……………...ผมชอบก้าน ชอบก่อนที่น้องจะคบกับไอ้ฟานซะอีก ผมเจอน้องตอนปี1 ดูเงียบเรียบร้อยไม่สุงสิงกับใครแต่ยิ้มให้อย่างจริงใจเสมอ

รู้ตัวอีกทีก็มองหาแต่ก้าน เก็บรอยยิ้มของก้านมาเพ้อฝันบ้าบอไปคนเดียว ยังไม่ทันที่ความรักของผมจะคืบหน้าไปไหน ไอ้ฟานก็เดินพาน้องเข้ามาหาผมแล้วพูดประโยคที่เหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางใจ

‘นี่ก้านใบปี1 แฟนกู’
โดนเพื่อนรักคาบไปแดก โคตรเจ็บใจแต่ทำได้แค่ยิ้มให้แล้วบอกยินดีด้วยเพื่อน เป็นการอวยพรเพื่อนแบบฝืนและตอแหลชิบหาย แต่ความสัมพันธ์นั้นก็ทำให้ผมได้ใกล้ชิดกับก้านมากขึ้น รู้สึกกับน้องมากขึ้นและเพ้อฝันมากขึ้น……...เพ้อว่าวันหนึ่งก้านอาจจะเลิกกับฟานแล้วผมก็จะปลอบใจ แต่ทุกอย่างผิดไปหมดเพราะก้านมีคนใหม่จึงทิ้งเพื่อนผมไป ผมโกรธ ผมโมโห ผมหน้ามืดไปหมดเพียงเพราะผู้ชายคนใหม่ของก้าน ‘ไม่ใช่ผม’

“มึงเป็นเพื่อนรักกูนะเว้ยคิม กูไม่อยากเจ็บเพิ่ม”
ผมหันไปมองหน้าเพื่อนตรงๆแบบจ้องลึกลงไปในแววตาเพื่อควานหาความเจ็บปวดที่เพื่อนบอก

“แล้วมึงกับแก้วเป็นยังไงกันบ้าง”
เปลี่ยนเป็นถามสถานการณ์ของเพื่อนกับแฟนมัน เพราะช่วงนี้เหมือนมีเรื่องบางอย่างให้ผิดใจกันอยู่ แก้วบอกว่าเป็นเพราะฟานยังลืมก้านไม่ได้ แต่ฟานบอกว่าแก้วคิดไปเอง มันไม่เคยคิดจะกลับไปหาก้านอีกแล้ว ไม่เคยแม้แต่จะคิดถึง

“ก็ยังไม่ได้คุยกัน พอกูโทรไปก็ตัดสาย ส่งข้อความไปก็ขึ้นอ่านแต่ไม่ตอบ”
ผมพยักหน้ารับรู้

“แล้วคิดว่าโอเคไหมที่คบกับแก้ว”
ฟานถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะยิ้มบาง

“ก็อยากจะคบไปให้นานที่สุด”
ผมมองหน้าเพื่อนโดยไม่ได้พูดอะไร

‘ก้านหรอ? น้องก็น่ารักดีรู้สึกว่าอยากอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนานๆ’
ไม่รู้ว่าเพื่อนผมมันคบกับใครก็จริงจังไปหมด หรือนั่นเป็นแค่คำโกหกที่ชินปากกันแน่ ที่รู้ๆผมเริ่มไม่มั่นใจซะแล้วว่าสามารถเชื่อคำพูดของเพื่อนต่อไปได้ไหม

“นี่…..แสดงว่าเมื่อวานมึงเจอคนใหม่ของก้านแล้วใช่ไหม”
ผมถอนหายใจออกมาเสียงดัง อะไรนักหนากับก้านอีกแล้ว มือถือของเพื่อนถูกยื่นมาตรงหน้าผมพร้อมมีภาพของผมที่ยืนประจัญหน้ากับเจ้านายของก้านซึ่งเจ้าตัวก็ยืนอยู่ข้างๆกัน

หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ทุกคนในมหา’ลัยให้ความสนใจเสมอถ้าเป็นเรื่องของฟานหรือก้าน

“นั่นเจ้านายก้าน”
ผมตอบโดยที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก แม้เวลาที่นึกถึงใบหน้าของผู้ชายคนนั้นแล้วมัน………..

สายตาที่มองมาเหมือนอยู่เหนือทุกอย่าง เพียงน้ำเสียงเรียบๆกับถ้อยคำไม่กี่ประโยคก็ทำให้ก้านตอบกลับอย่างจริงใจและกระตือรือร้น และตอนที่ทั้งคู่เดินกลับไปที่รถ ผู้ชายคนนั้นหันมามองผม………….เหมือนผมเป็นแมลงน่ารำคาญตัวหนึ่งเท่านั้น

“มึงเชื่อหรอวะ ก้านทิ้งกูไปนะเว้ย”

“ก็ไม่เห็นก้านมันจะมาวุ่นวายมึงกับแก้วเลยนี่หว่า ถ้ามึงอยากรู้ว่าก้านมีคนใหม่จริงไหมทำไมไม่คุยกับน้องมันดีๆวะ”
ผมหันไปพูดกับเพื่อนอย่างที่ใจคิด ฟานพูดกรอกหูผมทุกวันว่าก้านทิ้งมันไป ทำไมต้องทำแบบนี้กับมันด้วย แต่ฟานไม่เคยคิดจะเข้าไปถามก้านด้วยซ้ำทั้งๆที่ผมก็อยากรู้ใจจะขาดเหมือนกัน

หลายครั้งที่ผมทนเห็นเพื่อนคร่ำครวญอย่างเจ็บปวดไม่ได้จะลากมันเข้าไปถามจากก้านให้ชัดๆว่าทำแบบนี้ทำไม ยังมีหัวใจอยู่หรือเปล่าแต่เพื่อนผมปฏิเสธตลอด ผมก็ไม่เคยเอะใจเลย

‘คนโดนทิ้งนี่มีความสุขจังเลยนะครับ แต่คนที่ทิ้งเขาไปอย่างผมกินไม่ได้นอนไม่หลับ ใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข’

อะไรที่มันทำให้ผมเชื่อหมดใจว่าก้านเป็นคนนิสัยไม่ดีขนาดนั้นทั้งๆที่ที่ผ่านมาน้องเป็นแค่เด็กน่ารักคนหนึ่ง แสดงออกอย่างซื่อตรง เป็นห่วงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ

พอมาคิดทบทวนดูแล้วก็อย่างที่ผมบอกไป……..แค่หึง โกรธที่ผู้ชายคนใหม่ของก้านไม่ใช่ผมเท่านั้นเอง

[Part End]

“คิวปิด อย่าวิ่งสิครับ”
ไม่ทันแล้ว น้องวิ่งไปนู้นแล้วครับ ผมได้แต่มองตามแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า เป็นคุณชัชที่ต้องวิ่งตามน้องไปผมจึงไม่ต้องห่วงว่าน้องจะหายยืนหอบแฮ่กๆอยู่กับที่

วันนี้ไม่รู้คุณพ่ออารมณ์ดีมีความสุขมาจากไหนถึงได้พาผมกับคิวปิดมาเที่ยวอย่างกะทันหันแบบนี้ ที่ว่ากะทันหันเพราะพอไปรับคิวปิดที่โรงเรียนเสร็จคุณพ่อก็สั่งให้คุณชัชขับรถเลยมาที่ทะเลใกล้ๆกับกรุงเทพทันที หน้าน้องคือตื่นเต้นจนปิดไม่มิด น่ารักจนอยากกอดให้จมอก แง

“อายุแค่นี้ วิ่งนิดวิ่งหน่อยก็หอบซะแล้ว”
บ่นแต่ก็ยื่นขวดน้ำเปล่ามาให้ผม

“ขอบคุณครับ”

“เป็นเด็กที่ร่าเริงจริงๆ”
คุณพ่อพูดแล้วมองตามหลังน้องที่วิ่งลงน้ำไปนู้นแล้ว คุณชัชลังเลว่าควรจะทำยังไงดีเพราะตัวเองใส่สูทเต็มยศจะกระโดดตามน้องลงไปในน้ำก็กระไรอยู่  แต่ถ้าไม่ตามลงไปน้องอาจจะเป็นอันตรายได้

“ใช่ครับ ถ้าวันนึงน้องไม่สามารถยิ้มได้แล้วผมก็คงต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”
ผมพูดพร้อมกับเดินเข้าไปตรงจุดที่น้องเล่นน้ำอยู่เพราะในที่สุดคุณชัชก็ตัดสินใจถอดสูทของตัวเองโยนไว้บนหาดทรายแล้วลงน้ำตามคิวปิดไป

“ฉัน………”

“ว่าไงครับ”
ผมก้มลงเก็บสูทของคุณชัชมาพาดไว้บนท่อนแขนแล้วหันไปถามคุณพ่อเพราะดูเหมือนเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เงียบไป

“ฉันกลัว”
ผมเอียงคอสงสัย ใบหน้าของคุณพ่อมองทอดลงไปที่ผืนน้ำโดยที่ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไร มองไปอย่างนั้นเหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่างจากผืนน้ำสีฟ้าใสแจ๋ว

“เรื่องคุณเบลหรือเปล่าครับ”
แม้หลังจากนั้นเราจะไม่ได้พูดคุยกันถึงเรื่องนี้แต่ต่างคนก็ต่างรู้ดีว่ามันยังไม่จบ อย่างเช่นการหนีมาเที่ยวในครั้งในผมก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเขาพามาเพราะอารมณ์ดี อาจจะแค่ไม่อยากพาลูกชายกลับบ้านก็ได้

“เรื่องนั้นเพราะฉันมีเธอเลยไม่กังวลเท่าไหร่”
ผมยิ้มรับแต่ใจคือโคตรกังวล! ทำไมคุณพ่อถึงมั่นใจนักว่าน้องจะเลือกผมมากกว่าแม่ตัวเองล่ะครับ

“แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันแสดงออกไปว่ารักลูกมากเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งกลัว”
คุณพ่อหันมาสบตาผมที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว

“ฉันไม่ใช่คนดี”
ผมส่ายหัว ขยับเข้าไปจับมือใหญ่ของคุณพ่อไว้

“แล้วคนดีของคุณคืออะไรครับ”

“คือเธอ”
อะ……...ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมาจีบกันหรืออะไร แต่คือคุณพ่อก็หยอดเก่งมาก หยอดหน้าตายคนฟังเขินจนตัวจะบิดคนพูดหน้านิ่งเหมือนโดนฉาบปูน ผมไม่รู้จะพูดอะไรดีเลยทำเป็นมองคุณชัชที่สอนคิวปิดว่ายน้ำอยู่ป๋อมแป๋ม…..น่ารักน่าเอ็นดู

“พี่ก้านนนนนนน”
เสียงเรียกสดใสของน้องทำให้ผมยิ้มออกมาได้ไม่ยาก ร่าเริงสดใสกว่าพระอาทิตย์แล้วครับน้องคิวปิด

“คืนนี้หลังจากส่งคิวปิดเข้านอน มาหาฉันที่ห้องด้วย”
พูดจบคุณพ่อก็ก้าวถอยหลังไป3ก้าว ผมเอียงคอสงสัยว่าทำไมคนตัวใหญ่ต้องไปยืนเสียไกลขนาดนั้นแต่งงได้ไม่นานก็เข้าใจเพราะหยดน้ำที่สาดเข้ามาเต็มหน้าของผม ถือว่าแม่นไม่น้อยที่ทำให้ผมเปียกได้ตั้งแต่ใบหน้าจนถึงรองเท้า ผมเอี้ยวตัวไปมองคุณพ่อที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงชิลๆ แกล้งผมสินะ!!

“เย้ๆพี่ก้านตัวเปียกแล้วมาเล่นกับคิวปิดเลยยยย”
แล้วร่างเปียกปอนของคิวปิดก็วิ่งดุ้กๆขึ้นมาลากผมให้ลงน้ำไปด้วยกัน



ก๊อก ก๊อก

“ขออนุญาตครับคุณลูฟ”

“เข้ามาเลย”
ผมค่อยๆเปิดประตูห้องเข้าไปอย่างเบามือเมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้านายก่อนจะปิดลงอีกครั้งเมื่อผมพาตัวเองเข้ามาอยู่ในห้องพักชั่วคราวของคุณลูฟเรียบร้อย
เจ้าของห้องนั่งอยู่บนโซฟากลางห้อง สายตาจ้องไปที่อะไรบางอย่างที่ถืออยู่ในมือ

“จะยืนอยู่ตรงนั้นทั้งคืนเลยไหมฉันจะได้ไปเอาหมอนกับผ้าห่มมานอนเฝ้าเธอตรงนี้”
ผมย่นหน้าเมื่อคุณลูฟพูดใส่โดยที่ไม่ได้หันมามองผมด้วยซ้ำ

“พูดว่า‘มานั่งตรงนี้สิ’มันจะไม่สั้นกว่าเหรอครับ”
ผมตอบประชดกลับแต่ก็เดินไปนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับเจ้านาย สายตาคมเลื่อนจากของในมือมามองหน้าผม

“เดี๋ยวนี้รู้สึกจะเถียงเก่งขึ้นจริงๆไม่กลัวฉันแล้วหรือไง”
ถึงเจ้าตัวจะพูดแบบนั้นแต่สีหน้าก็ดูไม่ได้โกรธอะไรอยู่ดี

“ก็กลัวครับ แต่พอได้เถียงคุณแล้วผมสนุกนี่นา”
ผมตอบแล้วยิ้มกว้างเอาใจ คุณพ่อส่ายหัวไปมาอย่างระอาก่อนจะยื่นของในมือมาให้ผม

มันคือรูปภาพ…..รูปครอบครัว

“รูปครอบครัวของฉันรูปสุดท้าย”
คุณลูฟพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่แสดงอารมณ์ ผมกวาดสายตาดูรูปภาพในมือ มีเด็กผู้ชาย3คนในรูปนี้และพวกเขายิ้มกว้างมาก……...เดี๋ยวนะ คือผมนึกภาพไม่ออกว่าคุณลูฟกับคุณซุสจะยิ้มกว้างได้เบอร์นี้ ส่วนน้องชายอีกคนของคุณลูฟผมยังไม่เคยเจอ ด้านหลังของเด็กชายทั้ง3คน มีหญิงชายคู่หนึ่งยืนส่งยิ้มใจดีมาที่กล้อง โห…..คุณแม่ของคุณลูฟสวยมากส่วนคุณพ่อก็หล่อเหมือนกัน

“มันนานมาแล้วจนฉันเกือบลืมว่าครั้งหนึ่งเราเคยเป็นครอบครัวที่มีความสุขมากที่สุด”
มือใหญ่ยื่นมาหยิบรูปภาพในมือของผมกลับไป เขาลูบมันเบาๆอย่างกลัวว่ามันจะเสียหาย

“นานเท่าไหร่แล้วที่ฉันพยายามเป็นลูกชายคนโตที่ดีของพ่อจนทอดทิ้งน้องให้ต้องเผชิญอยู่กับความรู้สึกแตกร้าวเพียงคนเดียว กว่าจะรู้ว่าพ่อที่ฉันเทิดทูนจนหมดใจไม่ได้ดีอย่างที่ฉันคิดก็สูญเสียน้องชายไปแล้ว”
เขาหันมามองหน้าผมอีกครั้งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“แม้จะพยายามเท่าไหร่วันเวลาของฉันและน้องก็กลับมาไม่ได้ เป็นลูกชายที่พังทลายและเป็นพี่คนโตที่ไม่ได้เรื่อง จนมีคิวปิดถึงได้คิดว่าถ้าฉันไม่ทำอะไรเลยคงจะดีกว่า”

“..........”

“แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ ฉันเป็นพ่อที่ล้มเหลว”
ผมยื่นมือไปจับมือใหญ่แล้วบีบแน่น

“ไม่ใช่นะครับ คุณก็แค่กลัวว่าจะล้มเหลวแต่ยังไม่ได้ล้มเหลวเสียหน่อย เริ่มตอนนี้ก็ยังทันนะครับ”
คิวปิดไม่เคยเกลียดคุณพ่อเลยแม้ว่าคุณพ่อจะไม่ใส่ใจและบางครั้งก็พูดจาร้ายๆใส่ น้องยังหวังว่าสักวันคุณพ่อจะไปส่งน้องเข้านอน จุ๊บหน้าผากแล้วบอกว่าฝันดีนะคิวปิด
หวังว่าสักวัน……..

“และไม่ว่าคุณจะกำลังกลัวอะไรอยู่ ผมจะอยู่ข้างคุณเหมือนกับที่คุณอยู่ข้างผม”
ผมพูดด้วยสีหน้าจริงจังมากที่พอรู้ตัวอีกทีก็เขินหน่อยๆเพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยให้คำมั่นที่แน่วแน่ขนาดนี้กับใครมาก่อน ซึ่งคุณลูฟเองก็คงรู้สึกประหลาดๆถึงได้หลุดยิ้มออกมาทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เศร้ามากขนาดนั้น

“แล้วเธอล่ะ คิดจะตามหาพ่อไหม”
ผมถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อคุณลูฟพูดถึงพ่อ ผมหันกลับมาทิ้งตัวลงกับโซฟาเหม่อมองออกไปข้างหน้า

“ผมไม่เคยรู้ว่าทำไมพ่อถึงทิ้งผมไป”
‘ถ้ามันรักแกแล้วทำไมไม่เอาแกไปด้วยล่ะ’ คำพูดใจร้ายของแม่ในวันนั้นกลับเข้ามาในหัว บอกตรงๆว่าผมก็แอบคิดตามว่านั่นสิ ทำไมพ่อถึงไม่พาผมไปด้วยแต่ก็เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ จะว่าไม่รักก็คงไม่ใช่เพราะพ่อเป็นคนเดียวในบ้านนั้นที่รักผม

“ผมเลิกหวังไปแล้วว่าพ่อจะกลับมารับผมไปอยู่ด้วย”

“แล้วถ้าตอนนี้พ่อของเธอมารับเธอล่ะ จะไปไหม”
ผมรู้สึกได้ถึงสายตาของคนถามจ้องมาที่ผมแม้ผมจะไม่ได้หันไปมองก็ตาม ผมเคยตอบคำถามนี้กับตัวเองไปแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่พอวันนี้คนถามเป็นคุณลูฟ……..ผมกลับลังเล

“อยู่ที่ว่าคุณและคิวปิดยังต้องการผมอยู่หรือเปล่า”
คราวนี้ผมค่อยๆหันไปมองปฏิกิริยาของคุณพ่ออย่างลุ้นระทึก ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกอะไรไหมกับคำพูดที่แฝงความหมายของผม แต่ผมหมายความแบบนั้นจริงๆ จะอยู่จนกว่าจะไม่มีใครต้องการแล้ว

“ถึงมันจะเป็นเวลาแค่สั้นๆ แต่ฉันรู้สึกว่าไม่อยากปล่อยเธอไปแล้วล่ะ”

ตึกตัก ตึกตัก

ผมรู้สึกได้ว่าหัวใจของผมกำลังสั่นและมันเต้นแรงเกินความจำเป็นไปเยอะเลย ผมไม่รู้ว่าเขารู้สึกอะไรกับผมมากน้อยแค่ไหน แต่ผมรักความอ่อนโยนของเขา รักที่เขาแสดงออกว่าเป็นห่วงผม รักที่เขาเชื่อใจผม แม้สิ่งที่ผมบอกไปเขาจะไม่เคยแสดงออกกับคนอื่นเลยแต่มันกลับทำให้ผมได้ใจ

‘เพื่อให้ได้รับความรักและเป็นคนสำคัญสำหรับใครสักคนผมจึงยอมคบกับผู้ชายคนหนึ่งที่บอกว่าชอบผมมาก’
ผมเคยบอกเอาไว้แบบนั้นและใช่…..ตอนนี้ผมก็ยังคิดแบบนั้นอยู่
เพื่อได้รับความอ่อนโยน ความห่วงใย ความเชื่อใจจากคุณลูฟ ตอนนี้ผมพร้อมที่จะทำทุกอย่าง

“เธอก็เหมือนเด็กหลงทาง จะปล่อยทิ้งเอาไว้ฉันก็กลัวว่าเส้นทางที่เธอเดินไปจะสวยงามไหมหรือเธอจะเจอกับอะไร ถ้าฉันไม่ทำอะไรสักอย่างฉันคงรู้สึกแย่ไปตลอดชีวิต เหมือนกับตอนที่ซุสพยายามจะบอกแต่ฉันไม่สนใจ”
มือใหญ่ยื่นมาลูบหัวผมแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆเลื่อนลงมาจับแก้ม

“พ่อฆ่าแม่”
คิ้วของผมค่อยๆขมวดเข้าหากันช้าๆเมื่ออยู่ๆคุณลูฟก็พูดประโยคน่ากลัวออกมา

“ซุสพูดไปร้องไห้ไป แต่ฉันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟและเกือบจะทำรุนแรงกับน้องชายที่อายุแค่8ขวบ ‘ขอโทษพ่อเดี๋ยวนี้’ ฉันตวาดน้องทั้งที่น้องกำลังร้องไห้เหมือนจะขาดใจ”

‘ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นหรอกนะ!!’
ผมตวาดต่อและยิ่งทำให้ซุสร้องไห้หนักกว่าเดิม เขาทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรงแต่ผมยังโกรธ แค่แม่เพิ่งเสียทุกคนก็เสียใจมากพออยู่แล้ว ที่ซุสพูดมานั่นรู้ความหมายหรือเปล่าว่ามันร้ายแรงแค่ไหน


“หลังจากนั้นซุสก็กลายเป็นเด็กเก็บตัว ไม่พูดไม่จากับใครในครอบครัวอีกเลย อาเรสบอกว่าซุสงี่เง่าเอาแต่ใจเหมือนเด็กขี้แพ้ชวนตี โกรธพี่กับพ่อเพราะไม่มีใครเข้าข้าง ฉันนึกว่าแป๊บเดียวซุสจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ตั้งแต่นั้นมาไม่มีวันไหนเลยที่เราจะคุยกันดีๆโดยที่ไม่ทะเลาะกัน จนเข้ามหา’ลัย ซุสก็หอบเสื้อผ้าออกจากบ้านไป”
ผมนั่งฟังคุณลูฟอย่างตั้งใจและรู้สึกเข้าใจเขาอย่างบอกไม่ถูก รอยร้าวในครอบครัวที่ต่างคนต่างไม่ผสาน จนท้ายที่สุดรอยร้าวนั้นก็แตกออก

มีบางคนอยากให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมจึงพยายามจะซ่อมแซมมัน แต่สายไปแล้ว……...เพราะแตกออกจึงกระจัดกระจายหายไป ไม่สามารถผสานมันได้อีก คนที่ไม่ยอมแพ้จึงต้องนั่งมองเศษเหล่านั้นด้วยหัวใจปวดร้าวที่ไม่คิดจะซ่อมมันให้เร็วกว่านี้

คุณลูฟยังจมอยู่กับมันจึงเจ็บปวด น่าสงสาร

“แล้วที่น่าตลกคืออะไรรู้ไหม”
ดวงตาของคนเล่าเริ่มคลอไปด้วยน้ำตา แต่เพราะเก็บความรู้สึกเก่งมากเกินไปจึงไม่ปล่อยให้มันไหลลงมา และถึงแม้จะเก็บน้ำตาไว้ได้แต่เขาไม่สามารถซ่อนความเศร้าเสียใจที่อยู่บนหน้าไว้ได้เลย

“ผ่านไปเป็นสิบปีฉันถึงได้รู้ว่า ‘พ่อฆ่าแม่’ เป็นเรื่องจริง”
เป็นผมเองที่ปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาอาบแก้มเงียบๆ ทั้งเศร้ากับเรื่องที่ได้ยินทั้งสงสารที่คนตรงหน้ายังคงอดทนไม่ร้องไห้ออกมา ผมลุกขึ้นไปกอดคนตัวใหญ่เบาๆให้ใบหน้าของเขาซบลงมาที่ท้องของผม เพื่อที่จะไม่เห็นหน้าของเขา…..ให้เขาได้ร้องไห้บ้าง

“ฉันรู้ในทันทีว่าฉันได้ทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตลงไปแล้ว สายตาของซุสที่มองมาในวันที่ความจริงถูกเปิดเผยมันทำให้ภาพในวันนั้นหวนกลับมาอีกครั้ง เขาต้องเก็บความจริงนี้เอาไว้เพียงคนเดียว ร้องไห้คนเดียวมาตลอด ฉันอยากขอโทษและกลับไปเป็นพี่ชายที่พึ่งพาได้ของน้องอีกครั้ง”


“ผมว่าคุณทำได้นะครับ”
วงแขนใหญ่ของคุณพ่อยกขึ้นมากอดรอบเอวของผมแล้วดึงผมเข้าไปใกล้ขึ้น

“ตอนนี้โลกของซุสมีความสุขแล้ว มีผ้าใบเป็นคนรักและมีลูกชาย2คน ฉันพยายามเข้าใจว่าน้องมีความสุขแล้วมันเพียงพอแล้ว ไม่ต้องมีฉันในโลกของเขามันดีที่สุดแล้วแต่ว่าฉันก็ยังเจ็บปวด”

“คุณลูฟ……”

“เพราะงั้นอยู่กับฉันหน่อยนะ เพราะฉันยังไม่ยอมแพ้ทั้งเรื่องลูกแล้วก็เรื่องน้อง ถ้ามีเธอคอยช่วยคิดว่าคงจะทำได้ดีกว่านี้”
ผมค่อยๆยิ้มออกมาบางๆเพราะรู้สึกเหมือนได้เลื่อนขั้น สิ่งที่ผมปรารถนาที่สุดเป็นจริงแล้ว

คือการได้เป็นคนสำคัญของใครสักคน

"ครับ แม้ว่าคนทั้งโลกจะเกลียดคุณแต่ผมจะอยู่กับคุณครับ"


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ไม่มีอะไรจ้า เขาแค่คุยกันเฉยๆ

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอใช้โอกาสนี้ประกาศเลยแล้วกันเกี่ยวกับการมาลงนิยายสายบางอาทิตย์(ที่ค่อนไปทางบ่อยมาก)
เพราะในบางอาทิตย์ฟิวต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดนะคะ เลยไม่ได้อยู่ห้องตีพุงลงนิยายอย่างสบายใจ กลับมาถึงกรุงเทพฯก็3-4ทุ่ม เลยทำให้ลงนิยายเลทค่ะ

เลยอยากให้ทุกคนทราบไว้ว่าถ้าบางอาทิตย์ไหนหายไป ให้รู้ไว้ว่าพี่ทำงานเด้อแต่จะมาลงให้อีกครั้งในวันจันทร์แน่นวล ไม่หายจ้า

******ในส่วนเนื่อเรื่องตอนถัดๆไปนี้ จะเริ่มเกี่ยวข้องกับความรักและการวางแผนเอาคืนให้สาสมของนุ้งก้านแล้วนะคะ
สำหรับใครที่กำลังรอช่วงนี้อยู่.........รอไปเรื่อยๆค่ะ มันมาทีละนิด แหะๆ

ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: jpjiraporn ที่ 10-02-2020 22:18:12
 o13 o13
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 10-02-2020 22:26:24
รับทราบค่ะ  รอนะคะ   :katai5: :katai5: :katai5:  รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-02-2020 23:53:05
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-02-2020 00:53:53
เขาแค่จีบกัน คิดไรมากกกก555
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 11-02-2020 16:00:12
มาถึงตอนนี้ฉันรู้ว่าคินรักก้าน


และฉันก็รู้อีกว่า


อิฟานทันแอบรักคินมันเลย


จีบก้านตัดหน้าคินและที่มันไปจีบนังแก้ว


เพราะมันกลัวว่าแก้วจะเข้ามายุ่งกับคิน


เพราะแก้วกับก้านสนิทกับคิน


ฉันเข้าใจถูกใช่ใหมในจุดนี้


ส่วนคุณลูฟก็กระจ่างแล้วเน๊าะ


คุณเขาเล่าออกมาหมดแล้วนี่นา


เหลือแต่พ่อน้องก้านนิ่แหละ


หายไปใหนหนอ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 11-02-2020 16:40:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 11-02-2020 16:40:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 13-02-2020 21:17:26
รู้สึกว่าคุณพ่อจะอ่อนโยนขึ้นเรื่อยๆ
ดูแลน้องก้านดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 17-02-2020 22:57:57
อ้ายยย มีความคืบหน้าไปอีกขั้น  :impress2:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 20-02-2020 07:00:41
 :katai5: :katai5: :katai5: รอค่ะ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-03-2020 00:55:44
รออยู่เด้อ~
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 03-03-2020 01:42:07
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: gakuen ที่ 04-04-2020 16:42:57
รอเสมอค่ะ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 23-04-2020 15:11:39
รออออออออออออ
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: MayuYume ที่ 08-11-2020 03:47:47
คิดถึงนะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Fuzz ที่ 15-11-2020 00:27:46
พี่คิมมม ตาสว่างได้แล้ววว :katai1:
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 18-11-2020 22:04:06
อยากให้ทั้งพี่ทั้งน้องผ่านเรื่องเจ็บปวดไปด้วยกัน และมีความสุขในชีวิตซะที
หัวข้อ: Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 18-11-2020 23:30:45
 :pig4:
 :3123: