พิมพ์หน้านี้ - Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Airiณ ที่ 06-11-2017 20:20:27

หัวข้อ: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 06-11-2017 20:20:27
**********************************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
                                                     

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*********************************************************************


แคสเกมมาเป็นปี

ยอดวิวไม่เคยแตะหลักหมื่น

สับตะไคร้... เอ้ย! ซับสไครบ์ไม่เคยถึงหลักพัน

แต่พอพูดเล่นๆ ไปในวิดีโอคลิปหนึ่งว่ารูมเมทที่อยู่ด้วยเป็นผัวเท่านั้นแหละ

ยอดวิวยอดซับพุ่งถล่มทลาย!

ไม่ได้แล้วมั้ง พี่กช

แบบนี้ผมว่าเราคงต้องเป็นแฟนกันแล้วล่ะ

สารบัญ
บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3732156#msg3732156)・บทที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3732631#msg3732631)・บทที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3759318#msg3759318)・บทที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3760019#msg3760019)・บทที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3761234#msg3761234)・บทที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3761845#msg3761845)・บทที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3765608#msg3765608)・บทที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3766142#msg3766142)・บทที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3766811#msg3766811)・บทที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3767448#msg3767448)・บทที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3768070#msg3768070)・บทที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3768737#msg3768737)・บทที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3769289#msg3769289)・บทที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3769848#msg3769848)・บทที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3770837#msg3770837)・บทที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3771529#msg3771529)・บทที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3772739#msg3772739)・บทที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3774256#msg3774256)・บทที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3774914#msg3774914)・บทที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3775332#msg3775332)・บทที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3777206#msg3777206)・บทที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3778419#msg3778419)・บทที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3779067#msg3779067)・บทที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3781426#msg3781426)・บทที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3783683#msg3783683)・บทที่ 25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3785471#msg3785471)・บทที่ 26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3787683#msg3787683)・บทที่ 27 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3789562#msg3789562)・บทที่ 28 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3791121#msg3791121)・บทที่ 29 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3792987#msg3792987)・บทส่งท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63557.msg3799879#msg3799879)


นิยายเรื่องอื่นๆ ที่ลงในเล้า
My Evil Twin แฝดผม นรกส่งมาเกิด (จบแล้ว) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57645)・Sweet Sanctuary ที่รักพรางใจ (จบแล้ว) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59803)・ทำไงดีลูกผมเป็นเกย์ (On Air) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61530)・Faded Fog หมอกเลือนรัก (On Air) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62356)・Kill me gently จุมพิตอันธการ (จบแล้ว) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62745)

มาพูดคุยและติดตามกันได้ตามนี้เลยค่ะ
Facebook (https://www.facebook.com/airinand/)・Twitter (https://twitter.com/yoku_airin)

ขอให้สนุกกับนิยายค่ะ :)
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทนำ) P.1 [6/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 06-11-2017 20:21:21

บทนำ



“...เอาล่ะนะครับทุกคน เรามาถึงจุดเซฟกันแล้วตอนนี้ สำหรับวันนี้ผมก็ขอพักเอาไว้เท่านี้ก่อน ขอบคุณทุกคนที่เข้ามารับชมกันด้วยนะครับ ถ้าชอบก็อย่าลืมกดไลค์กดซับสไครบ์กันด้วยนะครับ แล้วเจอกับผม ‘สไลม์สไมลส์’ ได้ใหม่ในคลิปหน้า แล้วจะรอเจอทุกคนนะครับ”

พูดจบปิดท้ายคลิปอย่างสวยงามแล้วผมก็กดปุ่มหยุดอัดวิดีโอพร้อมกับเริ่มขยับเม้าส์ เปิดโปรแกรมตัดต่อ เตรียมจะทำวิดีโอที่จะลงในคืนนี้อย่างรวดเร็วเพื่อจะได้มีอะไรใหม่ๆ มาลงในช่องชาแนล ‘SlimeSmileS’ ของผมเอง ช่องนี้ผมเปิดไว้ในยูทูปเมื่อช่วงปีที่แล้ว ผมก็อัดคลิปวิดีโอ เล่นเกมอะไรมาลงเรื่อยๆ ส่วนผลการตอบรับก็เรียกได้ว่า… อืม พอไปวัดไปวา

“ทำอะไรของนายวะ ไอ้มิว เห็นนั่งคุยอยู่กับตัวเองได้ทุกวี่ทุกวัน”

ระหว่างที่ผมเริ่มลงมือตัดแต่งวิดีโอของตัวเองก็เป็นเวลาเดียวกับที่รูมเมทที่เช่าหออยู่ด้วยกันเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี เส้นผมบนหัวลู่ลงเพราะยังชื้นจากที่สระผมมา ผ้าขนหนูผืนเล็กพาดอยู่บนบ่าในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสามส่วนเตรียมพร้อมนอนเรียบร้อย

ผมหันกลับไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับตีหน้ายู่เพื่อตอบคำถามนั้น

“ผมไม่ได้คุยกับตัวเองสักหน่อย พี่กช ก็บอกไปตั้งหลายรอบแล้วว่าแคสเกมๆ”

“คืออะไรวะ” พูดพร้อมกับยกผ้าขึ้นมายีหัวเหมือนไม่ใส่ใจคำตอบเท่าไร ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างอดไม่อยู่เพราะตัวเองได้อธิบายให้เขาไปก่อนหน้านี้สองรอบแล้ว

“ก็คือการเล่นเกมแล้วอัดวิดีโอตอนเล่นลงไปด้วยไงครับ แล้วผมขอพี่กี่รอบแล้วว่าเวลาผมถ่ายอยู่อย่าเดินข้างหลังกล้อง เพราะมันจะดูไม่โปรฯ”

ที่ต้องบ่นเพราะตอนเจ้าตัวกำลังจะไปอาบน้ำ ไอ้คุณพี่กชเล่นเปลือยครึ่งบน ควงผ้าเช็ดตัวผิวปากเดินผ่านกล้องผมไปตอนที่ผมกำลังยิงซอมบี้ในเกมอย่างเมามัน คือหน้าผมในกล้องนี่เคร่งเครียดมาก แต่อะไรคือการที่ฉากหลังผู้ชายเปลือยมาเดินผ่านไปอย่างไม่ใยดี มันตัดอารมณ์เกมไหม

“ใครจะไปรู้กับนายด้วยล่ะ ห้องนี้พี่ก็จ่ายค่าเช่าครึ่งหนึ่งเหมือนกันนะเว้ย”

นายกรกชหรือว่าพี่กช… รุ่นพี่ต่างคณะที่จับพลัดจับผลูได้มาเช่าห้องอยู่ด้วยกัน เป็นเรื่องของความบังเอิญล้วนๆ เพราะตอนผมหาหอพักหลังจากรู้ว่าจะได้เรียนมหาลัยนี้แน่ๆ ไอ้คุณพี่กชที่ว่าก็กำลังหาคนมาแชร์ห้องด้วยเพราะหอแบบห้องเดี่ยวที่เขาอยู่ราคามันสูงเกินไปจนเริ่มจ่ายไม่ไหว ก็ได้เพื่อนของเพื่อนพี่อีกคนแนะนำเป็นทอดๆ มา เป็นอันว่าผู้ชายสองคนที่แทบไม่รู้จักอะไรกันเลยได้มาอยู่ด้วยกัน แต่อยู่กับเขามาได้เกือบเดือนผมว่าเราก็สบายๆ กันทั้งคู่นะ

ถ้าไม่นับไอ้เรื่องที่เขาชอบเดินผ่านกล้องไปมาด้านหลังน่ะ

“เอาเถอะครับ ผมว่าคนดูเขาคงเข้าใจ” พูดพร้อมกับถอนหายใจนิดหนึ่งก่อนจะกลับไปตัดต่อวิดีโอต่อ เดี๋ยวต้องเผื่อเวลาเรนเดอร์ตอนลงวิดีโอในยูทูปอีก แต่น่าจะลงได้ตอนช่วงสองสามทุ่มแหละ ก็ถือว่าทำเวลาดี

“แต่พี่ไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าที่มิวทำอยู่นี่น่าสนุกตรงไหน” พี่กชย่นหัวคิ้วพร้อมกับเดินมาประชิดด้านหลังผม โน้มหน้าลงมาใกล้เพื่อดูหน้าจอให้เห็นถนัดๆ “คนดูมิวก็เหมือนกัน เขาจะสนุกเหรอที่ดูมิวเล่นเกม เกมมันต้องเล่นเองไม่ใช่เหรอถึงจะสนุก ดูคนอื่นเล่นมันจะไปสนุกอะร้าย”

“หนวกหูน่ะไอ้พี่กช ออกไปห่างๆ เลย” โดนคำพูดแทงใจแล้วถึงกับร้อนตัว โธ่เว้ย! ผมก็รู้หรอกว่าไอ้ที่นั่งแคสๆ อยู่ทุกวันนี้ผลตอบรับไม่ค่อยดีเท่าไรถ้าเทียบกับชาแนลอื่นที่เริ่มต้นมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่เห็นจะเข้าใจเลย ผมทำอะไรพลาดตรงไหน คนถึงไม่ค่อยตาม

“ทำไมมิวไม่ลองร้องเพลงอัดคลิปลงดูบ้างล่ะ” ไม่พูดเปล่า รุ่นพี่นิสัยเสียจอมกวนประสาทก็เริ่มหยิกแก้มผมจนยืด “แบบนั้นอาจจะสนุกกว่าด้วยซ้ำ”

“ไม่เอาหรอกพี่ อายเขา อีกอย่างช่องผมไว้แคสเกมเหอะ”

หลังจากตัดต่ออยู่พักใหญ่ ในที่สุดวิดีโอของวันนี้ก็เสร็จสมบูรณ์ ผมกดเล่นเพื่อดูคลิปโดยรวมอีกรอบ น่าจะใช้ได้แล้ว ไม่มีติดขัดอะไร

หากเปิดดูตัวเองแคสเกมบนหน้าจอได้พักหนึ่ง พี่กชที่นอนเล่นมือถือบนเตียงก็เริ่มไหวตัว หันกลับมาเมื่อได้ยินอะไรแปลกๆ แว่วเข้าหู เขาถามผมเสียงแปลกใจทีเดียว

“เมื่อกี้นายว่าอะไรนะมิว”

“อะไรนะครับ?” งงสิ ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย

“หมายถึงนายในคลิปวิดีโอ”

“อ้อ…” ผมลากเสียงยาว กดย้อนตัววิดีโอเล็กน้อย รู้ดีเชียวล่ะว่าพี่กชสะดุดใจกับคำพูดไหน


‘...แล้วถ้าเราเล็งจากระยะตรงนี้ อ้อ ส่วนเรื่องผู้ชายที่เดินผ่านหลังผมบ่อยๆ นั่นก็อย่างที่ทุกคนว่ากันนะครับ ผัวผมเอง ปล่อยเขาไปครับ อย่าไปสนใจอะไรมาก ทีนี้ถ้าเราใช้ปืนตัว--’


ผมกดปุ่มหยุดอีกรอบก่อนจะหันไปมองหน้ารุ่นพี่หนุ่มที่เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองงงๆ

“นี่กูไปเป็นผัวมึงตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ผมก็แค่แซวเล่นเท่านั้นแหละพี่” พูดแล้วอดไม่ได้ต้องเบ้ปาก “คอมเม้นต์ผมมีแต่คนพูดถึงพี่กันหมดเลย แม่ง โคตรไม่ยุติธรรม ที่พี่ทำก็แค่เดินไปเดินมาหลังกล้องเท่านั้นเอง”

“ทำไงได้วะ ก็คนมันหล่อ”

“ถ่อมตัวหน่อยก็ดีนะครับ”

“แต่มึงพูดแบบนั้นอัดคลิปไปจะไม่เป็นไรเหรอวะ” พี่กชเริ่มกลิ้งตัวไปหยิบหมอนข้างจากเตียงผมมากอดบนเตียงตัวเอง นิสัยไม่ดี ชอบแย่งหมอนข้างคนอื่นใช้ตลอด “เดี๋ยวก็โดนเข้าใจผิดหรอก”

“ไม่เป็นไรหรอกพี่ มันก็แค่ขำๆ” ผมยกมือขึ้นโบกไปมาในอากาศ “ยังไงคนเขาก็รู้กันอยู่แล้วแหละว่าแค่มุก โอ๊ะ เวลาขนาดนี้แล้วเหรอ ผมไปอาบน้ำบ้างดีกว่า”

“ให้ผัวช่วยขัดตัวไหมครับ” พูดพร้อมกับส่งยิ้มยียวนมาให้ มือยังกอดหมอนข้างผมแน่น “จะได้สะอาดทุกซอกทุกมุม”

“ส้นตีนเถอะพี่ แล้วอย่าลืมเอาหมอนมาคืนผมด้วยล่ะ” ผมว่าขณะถอดแว่นวางกับโต๊ะข้างเตียงฝั่งตัวเอง หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินลิ่วๆ เข้าห้องน้ำ ปล่อยให้ไอ้รุ่นพี่จอมกวนประสาทคนนั้นหัวเราะไล่หลังมา

ผมรู้ดีว่าเขากวนประสาท แต่ก็ต้องยอมรับว่าเราเข้ากันได้ดีในฐานะรูมเมทเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นคนที่ผมสนิทด้วยที่สุดในมหาลัยนี้แล้วถึงแม้จะเพิ่งรู้จักเขามาเดือนหน่อยๆ เท่านั้นเองก็ตาม อย่างว่า ก็มันต้องอยู่ด้วยกันทุกวัน ถ้าเข้ากันไม่ได้ก็คงไม่ต่างจากตกนรกทั้งเป็น

แต่เรื่องพี่กชน่ะ ช่างมันเถอะ

ผมอยากรู้แล้วว่าคลิปรอบนี้คนดูจะมีฟี้ดแบ็คให้ว่าไง

สาธุ… ขอให้รอบนี้มีคนเม้นท์เยอะๆ ยอดวิวพุ่งๆ ยอดซับรัวๆ ด้วยเถอะ

อยากดังแบบแคสเตอร์คนอื่นๆ เขาสักที





----------------------------------------
Talk: เป็นคนที่เขียนนิยายจบหนึ่งเรื่องแล้วเปิดใหม่ล้านเรื่องได้ 5555555 //จะได้มาต่อเมื่อไหร่ ถามใจเธอดู
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทนำ) P.1 [6/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 06-11-2017 20:50:22
เป็นแนวมหาลัยที่น่าติดตามดีค่ะ ตามมาจากเรื่องโน้นนน รอๆนะ :katai5:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทนำ) P.1 [6/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 07-11-2017 00:24:40
 :katai4: :katai4: :katai4: อยากอ่านอี้กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทนำ) P.1 [6/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 07-11-2017 16:23:22

บทที่ 1




ผมเบิกตากว้าง มองหน้าจอโทรศัพท์ในหน้าแอพฯ ของยูทูปที่เป็นชาแนลของตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ยอดวิวสามหมื่นหน่อยๆ นั่น คอมเม้นท์เป็นพันๆ นี่ ยอดซับสไครบ์ที่ขึ้นเกินพันไปแบบไม่รู้ตัว…

ให้ตายสิ! นี่ผมกำลังจะดังแล้ว กำลังจะดังในช่วงข้ามคืน! นี่ขนาดเพิ่งลงคลิปตัวที่ยอดวิวพุ่งมหาศาลตัวนี้แค่ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ

“ไอ้มิว” เสียงเรียกของคนข้างตัวทำให้ผมต้องหันกลับไปหาอย่างเสียไม่ได้ นี่ไอ้เก่งหนึ่งในเพื่อนร่วมก๊วนผมเอง เจ้าตัวเตี้ยกว่าผมไปเล็กน้อยแล้วก็ค่อนข้างเจ้าเนื้อ ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก มันเล่นกินทีอย่างกับสูบ “ดูอะไรอยู่วะ มึงเห็นไหมน่ะว่านั่นจะออกสอบ”

“เออ จดแล้วๆ” ผมกดปิดหน้าจอมือถือแล้วหยิบปากกามาจรดลงสมุดอย่างรวดเร็ว “ขอบใจที่เตือน”

“มึงดูชาแนลยูทูปของมึงอยู่เหรอ” ว่าพลางจดตัวคันจิของภาษาญี่ปุ่นลงใส่สมุดยิกๆ ผมเองก็รีบเร่งมือเพราะเริ่มทีหลังมัน

“เออสิ” หยิบมือถือขึ้นมา เก้าสิบเปอร์เซ็นต์คือดูฟี้ดแบ็คของช่องตัวเองนี่แหละครับ

“หมกมุ่นนะมึง”

“แต่มึงต้องไม่เชื่อแน่” ผมพูดเสียงตื่นเต้น “ตอนนี้ยอดซับกูเกินพันแล้วเว้ย!”

“จริงดิ?” ไอ้เก่งทำตาโต นั่นแน่ ไอ้นี่ ไม่รู้ซะแล้วว่าเพื่อนกำลังจะดัง

“เออสิวะ เดี๋ยวจดเสร็จก่อนแล้วเอาให้ดู ห่า อาจารย์ลบแถวแรกไปแล้ว เอามาลอกซิมึง”

ผมจัดการจดโน้ตใส่สมุด และเมื่ออาจารย์ลบไปจนหมดกระดานและเริ่มพูดถึงเนื้อหาในบทต่อไป ผมก็ต้องหันกลับมาลอกจากสมุดของไอ้เก่งต่อ ไม่ทันได้สังเกตว่าเพื่อนข้างตัวเริ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นทั้งที่เพิ่งจะเอ็ดผมไปเมื่อครู่

โอย… เมื่อยมือ นี่ใจคออาจารย์คิดจะออกสอบหมดนี่จริงๆ เหรอเนี่ย ใครจะไปจำได้หมดวะ

และเพราะกำลังใช้สมาธิกับตัวหนังสือตรงหน้า พอไอ้เก่งสะกิด แม้จะแค่เบาๆ ผมก็แทบสะดุ้งไปติดฝาผนังบนห้องเรียนได้ แต่ดีนะที่ไม่ได้เผลอส่งเสียงร้อง แค่หันไปเบิกตาโตใส่มันด้วยความตกใจเท่านั้น

“ไอ้ห่ามิว กูสะกิดนิดเดียว… มึงทำกูตกใจไปด้วยเลยเนี่ย”

“กูสิตกใจ สัส มีอะไร”

คราวนี้คนโดนถามกลับมีท่าทีลังเล “คือ… เอ่อ กูเพิ่งรู้ว่ามึงมีรสนิยมแบบนั้น”

“รสนิยมเหี้ยอะไรของมึง” ผมรีบก้มลงไปลอกคันจิจากสมุดของไอ้เก่งใส่สมุดตัวเองต่อเมื่อหางตาเห็นแวบๆ ว่าอจารย์เริ่มจดเนื้อหาใหม่ลงบนกระดานอีกแล้ว โว้ มือหงิกหมดแล้วครับ สปีดท้านรกมาก

“ก็ในคลิปมึงไง เนี่ย คนดูเม้นท์กันตรึม” พูดพร้อมกับพยายามจะยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้าผม สาด อย่าบังคันจิกู

“มึงอย่าเพิ่งชวนคุยตอนนี้ได้ไหม กูกำลังใช้สมาธิอยู่เนี่ย”

นั่นแหละไอ้เก่งถึงได้ยอมล่าถอยออกไปแม้จะบ่นเล็กๆ น้อยๆ เป็นหมีกินผึ้งก็ตาม แต่มันก็อยากได้สมุดตัวเองคืนเร็วๆ เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรมาก

จบคาบ ผมตั้งใจจะถามเรื่องที่ไอ้เก่งพยายามคุยกับผมในห้อง แต่ผมนึกอะไรขึ้นมาได้อย่าง… คาบต่อไปผมมีรายงานรูปเล่มที่ต้องส่งนี่หว่า! เมื่อคืนปรินท์ไว้เสร็จสรรพแต่ดันลืมเอามาเนี่ยนะ แถมอาจารย์ที่สั่งรายงานชิ้นนี้ก็ขู่ไว้นักหนาว่าต้องส่งช่วงเริ่มคาบสิบนาทีแรกเท่านั้น นานไปกว่านั้นไม่รับ

ถึงมันจะไม่ใช่งานใหญ่ คะแนนไม่ได้มากมายอะไรแต่ผมก็ตั้งใจมาแล้วนะโว้ย เอาไงดีๆ จริงๆ จะรีบนั่งมอไซค์รับจ้างบึ่งกลับไปเอาก็น่าจะทันแบบเฉียดฉิว แต่ช่วงเพิ่งเลิกคาบแบบนี้ต้องหายากมากแน่

“เออ ไอ้มิว ที่กูจะถามในห้อง--”

“แป๊บ เก่ง โทษๆๆ ตอนนี้กูอยู่ในช่วง Emergency” อย่าหาว่าผมกระแดะเลยนะครับที่ใช้ไทยคำอังกฤษคำ ผมเรียนนานาชาติมาน่ะช่วงมัธยม เลยมีติดๆ มาบ้าง

ผมตัดสินใจโทรหารูมเมทสุดที่รักของตัวเอง ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา พี่กชมีมอเตอร์ไซค์คู่ใจของตัวเอง น่าจะเอามาให้ผมได้ในสิบนาที

“ฮัลโหล” ปลายสายรับเสียงงัวเงีย นี่ป่านนี้แล้วยังอยู่บนเตียงอีกเหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย!

“พี่กช ผมรบกวนพี่เอารายงานที่อยู่บนโต๊ะมาให้หน่อยได้ไหม ผมลืมหยิบมาเมื่อเช้า นี่ต้องส่งคาบต่อไปแล้วเนี่ย”

ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะว่างงๆ

“นั่นใคร”

เออ ลืมไป ไอ้คุณพี่กชแม่งขี้เซายิ่งกว่าอะไร แล้วไอ้ที่เมมชื่อผมไว้ในมือถือนี่อ่านไม่ออกหรือยังไง

“มิวเองครับ” ไม่ได้ๆ จะไปรบกวนเขาต้องสุภาพหน่อย ยิ่งตอนนี้รีบๆ อยู่

“มิวไหน”

“พี่รู้จักมิวหลายคนด้วยเหรอ”

“มิวที่ขาวๆ เตี้ยๆ แว่นเอ๋อๆ หรือเปล่า”

“มิวที่หล่อๆ ฉลาดๆ แล้วก็อยู่หอพักเดียวกับพี่ไงครับ”

“มิวนั้นเหรอ”

“สรุปว่าพี่รู้จักมิวกี่คน”

“คนเดียว”

แล้วผมก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าเวลากำลังนับถอยหลังลงไปเรื่อยๆ มันใช่เวลามาทำตัวปัญญาอ่อนใส่กันไหม

“พี่ คาบต่อไปจะเริ่มในอีกสิบนาที และรายงานนั่นสำคัญมาก อาจารย์บังคับให้ต้องส่งต้นคาบไม่งั้นไม่รับ พี่กชขี่มอไซค์เอามาให้ผมหน่อยได้ไหมครับ ผมไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ”

ผมได้ยินเสียงปลายสายครางเหมือนพยายามจะลุกจากเตียง นั่นน่าซึ้งใจมาก เพราะปกติพี่กชให้ความสำคัญกับเวลานอนของตัวเองเหนือสิ่งอื่นใด อย่างน้อยก็แปลว่าเขายอมให้ความสำคัญกับผมอยู่บ้าง

“เรียกพี่กชสุดหล่อก่อน”

ผมชะงักไปทันที “อะไรนะ”

“เร็ว” ได้ยินเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอตามมา “จะเอาไหมรายงานน่ะ”

แม่ง เบื่อจริงๆ ไอ้รุ่นพี่บ้า เล่นอะไรไม่รู้จักเวล่ำเวลา

แต่เพราะผมกำลังรีบ และไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดอะไรผมจึงได้แต่ทำตามขอสั่งนั้นอย่างว่าง่าย

“ผมอยากให้พี่เอารายงานมาให้ผมครับ พี่กชสุดหล่อ”

“ดีมาก อยู่ตึกมนุษย์ฯ ใช่ไหม”

“ครับ ใช่”

“อือ… เดี๋ยวเอาไปให้ อีกห้านาทีเจอกัน”

“ขอบคุณนะพี่ เดี๋ยวผมรอที่หน้าตึก” กดวางสายแล้วหันไปมองหน้าเก่งที่ทำตาโตประหนึ่งมองตัวประหลาดที่หลุดมาจากสวนสนุกหรืออะไรแบบนั้น อะไรของมันวะวันนี้ แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ผมกำลังรีบมาก คะแนนของผมกำลังจะเดินทางมาถึง

“ไอ้เก่ง มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึงกูไม่รู้นะ แต่กูต้องไปเอารายงานก่อน กูขอให้พี่กชเอามาให้”

“อ้อ อืม ไปดิ กูไปด้วย” มันว่าพร้อมกับเดินเร็วๆ ตามผมที่ออกตัววิ่งนำก่อนอย่างใจร้อน

พี่กชขับมอเตอร์ไซค์มาถึงหน้าตึกผมในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา เจ้าตัวอยู่ในเครื่องแบบนักศึกษาที่ดูยับยู่ยี่เหมือนโดนช้างเหยียบก่อนเอามาใส่ ผมเผ้าก็ชี้ไปคนละทาง แต่ถึงอย่างนั้นสาวๆ จากคณะผมหลายคนก็ยังคงกรี๊ดกับความหล่อของเขา เออ นี่สินะที่เขาว่ากันว่าคนหล่อทำอะไรก็ไม่ผิด จะแต่งตัวทุเรศหรือทำผมไม่เป็นทรงยังไงก็ยังดูดีได้

เขาส่งรายงานปึกที่ผมวางไว้บนโต๊ะมาให้ทันทีที่เจอหน้า ผมรีบยกมือไหว้แทบไม่ทัน

“ขอบคุณครับพี่ พี่ช่วยชีวิตผมไว้เลย”

“งั้นอย่าลืมให้คืนนะ”

ผมมองหน้าเขางงๆ “อะไรครับ”

“ชีวิตนายไง”

“โห โหดไปหรือเปล่าพี่ แค่ขับมอไซค์เอารายงานมาให้แค่นี้”

“อ้าว ไหนบอกพี่เพิ่งช่วยชีวิตมิวไง”

“เปรียบเปรย พี่ ไม่รู้จักเหรอ”

“ห่า นี่กูยังง่วงอยู่แท้ๆ เลยนะ กูถ่อมาเพื่อมึงเลยนะเว้ย” ไม่พูดเปล่า ทำตัวโอนเอนไปมาแล้วมาซบหน้าที่บ่าผม ขอกลอกตาขึ้นบนฟ้าทีหนึ่ง ก็อุตส่าห์เตือนแล้วตั้งแต่เมื่อคืนว่าอย่ามัวแต่ดูบอลเพลิน เหล้าก็อย่ากินเข้าไปเยอะ เป็นไงล่ะ วันนี้เลยมีสภาพเหมือนผีลืมหลุมเลย สมควรไหมล่ะ

“ขอบคุณนะครับพี่กช แต่เดี๋ยวผมต้องไปเข้าเรียนแล้ว พี่ไปนอนพักใต้ต้นไม้ตรงนั้นไหม”

“ห่า พอกูหมดประโยชน์ละไล่เลยนะ”

ผมส่งยิ้มหวานให้เขา “ผมก็แค่แนะนำเท่านั้นเองครับ”

“เออ ขอโทษนะ มิว” เพื่อนร่วมคณะของผมสองคนเดินเข้ามาสะกิดไหล่ ผมหันกลับไปมองคนหนึ่งที่ถือมือถือขึ้นมาอยู่ในท่าพร้อมถ่ายรูป “เราขอถ่ายรูปนายกับพี่กชหน่อยได้ไหม แบบ รูปคู่กัน”

“ฮะ?” ผมยกนิ้วชี้ตัวเอง คือตอนแรกก็ดีใจนิดหนึ่งที่จะมีสาวๆ มาขอถ่ายรูปน่ะนะ แต่อะไรคือการที่เจ้าหล่อนขอถ่ายผมคู่กับพี่กช “เรากับพี่กชเนี่ยนะ?”

“อื้อ ใช่”

“ได้ๆๆ” คือจริงๆ ก็อยากจะถามเหตุผลหรอกนะ แต่เพราะว่าในใจนี่ลอยไปอยู่ในห้องเรียนแล้วจึงอยากรีบจัดการให้มันเสร็จๆ แล้วไปสักที

ผมปล่อยให้เพื่อนร่วมคณะที่ตัวเองลืมชื่อไปแล้วกดกล้องในโทรศัพท์สองแชะ จากนั้นผมก็บอกลาไอ้เก่งที่ไม่ได้เรียนวิชานี้ หันไปขอบคุณที่กชที่อุตส่าห์เอารายงานมาให้ แต่ยังไม่ทันได้ออกวิ่งเพื่อเข้าห้องเรียน รูมเมทรุ่นพี่ผมก็ออกปากถาม

"เรียนจบคาบนี้แล้วมีอะไรอีกหรือเปล่า จะกลับพร้อมกันไหม"

ผมนิ่งไปนิดหนึ่งเพื่อคิดตาม แอบเห็นเหมือนกันว่าสองคนที่มาขอถ่ายรูปดูดี๊ด๊ากันอย่างไรชอบกลกับสิ่งที่พี่กชพูด สงสัยยังกรี๊ดไม่เลิกเรื่องที่ได้เจอคนหล่อ ถึงแม้ว่าในมุมมองผมไอ้พี่กชจะไม่ได้หล่อขนาดนั้นก็เถอะ อาจจะเพราะผมเห็นเขามาหลายมุมมากไปหน่อย โดยเฉพาะมุมสถุลๆ

"ผมไม่มีอะไรแล้วล่ะพี่ แต่จะรบกวนพี่เปล่าถ้าให้รอ"

พี่กชโบกมือในอากาศ "รบกวนห่าอะไร ถ้ากวนจะถามเหรอ ไปเรียนเถอะมิว เดี๋ยวพี่เดินอยู่แถวนี้"

นั่นแหละผมถึงได้รีบบึ่งไปห้องเรียนเพื่อเอารายงานไปส่งต้นคาบ แม้จะยังงงๆ กับสีหน้าแปลกๆ ของไอ้เก่งที่มองตามผมมาก็เถอะ และเมื่อจัดแจงส่งรายงานเสร็จ เดินไปนั่งที่โต๊ะแถวกลางๆ อันเป็นที่นั่งประจำของคาบนี้ ผมก็พอมีเวลาหายใจหายคอบ้างเพราะคนอื่นๆ กำลังกรูเข้าไปส่งรายงานอย่างกับฝูงซอมบี้ ส่วนผมซึ่งเป็นซอมบี้ที่หนีตายมาได้เริ่มควักโทรศัพท์ขึ้นมากดทันที ไอ้เก่งส่งข้อความมาหาในโปรแกรมแชทสีเขียวสุดฮิต ผมกดเข้าไปอ่าน



KenG・ケン: ไอ้ห่ามิว มึงนี่มีอะไรไม่เคยเล่าให้เพื่อนฟังเลยนะ
KenG・ケン: แต่เอาเหอะ ยังไงก็ยินดีด้วยนะมึง ไม่นึกเลยว่ามึงจะชิ่งมีแฟนก่อนกู
KenG・ケン: ไว้กินข้าวด้วยกันคราวหน้ากูจะเค้นคอถามมึง



ผมมองข้อความที่เพื่อนรักส่งมาอย่างสับสนเต็มที่ นี่ไอ้เก่งมันไปเมาอะไรมาเนี่ย ผมยังไม่มีแฟนเว้ย คนคุยด้วยยังไม่มีเลย จะเอาที่ไหนมาเป็นแฟน

แต่แล้วผมก็ต้องชะงักนิ้วที่กำลังจะส่งข้อความกลับไปด่าไอ้เก่งลงเมื่อในหัวคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

ผมกดเข้าไปดูในหน้าช่องชาแนลของตัวเอง เลื่อนอ่านคอมเม้นท์ที่ดูผ่านๆ ตาไปก่อนหน้านี้เมื่อคาบที่แล้ว ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองคิดมากไป หรือไม่มันก็แค่เรื่องขำๆ ที่คนดูเขาว่ากัน แต่ที่ไหนได้ ไอ้คอมเม้นท์แรวนี้มันไม่ไม่ได้แค่หลักสิบหลักร้อย... แต่แม่งมาเป็นพัน!



Comment#23: ว่าแล้วเชียวว่าคู่นี้เรียล! พี่กชแบบหล่อเข้ม แล้วพี่สไลม์แบบแบ๊วขนาดนั้น น่ารักเว่อร์
Comment#62: จริงๆ กูตามพี่เขามานานแล้ว เสียงเขาน่ารักมาก แบบ น่าฟัง เกมก็เล่นดี แต่มาเจอแบบนี้ฟินไปสามล้านตลบ #กชมิว
Comment#101: ฟังเสียงหงิมๆ มานาน สรุปแม่งเป็นจริง?
Comment#319: เสียดาย มีผัวซะแล้ว กูว่าจะจับทำเมียซะหน่อย #ไม่ทัน
Comment#478: อยากให้พี่กชกับพี่มิวออกคลิปคู่กันจังค่ะ รอดูนะคะ #กชมิว
Comment#599: #กชมิว รอดูคลิปคู่คับ



และอื่นๆ อีกมากมายที่ส่วนใหญ่แล้วจะอวยให้ผมได้เสียกับพี่กชมาก และที่มากพอๆ กันก็คือให้ผมถ่ายวิดีโอคู่กับรูมเมทรุ่นพี่ของตัวเอง

ผมรู้สึกมึนหัววูบขึ้นมา ไม่รงไม่เรียนมันแล้วครับคาบนี้ อาจารย์หน้าห้องอยากจะพูดอะไรก็พูดไป ตอนนี้ผมกำลังงงงวยกับสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้

เฮ้ย! เอาจริงดิ? นี่ผมนั่งตัดต่อคลิปวิดีโอ นั่งหาเทคนิคในเกมมาเล่นให้คนอื่นๆ ดูมาเป็นปี แต่กลับมาเริ่มดังเพราะไอ้ที่ผมพูดเล่นๆ ไปว่าพี่กชเป็นผัวผมเนี่ยนะ? แบบนี้ก็ได้เหรอ!?

ไม่ล่ะ มันไม่ใช่ล่ะ ต้องมีอะไรผิดพลาด ไม่ผมก็คนดูนี่แหละที่ต้องเพี้ยนกันไปข้าง คือผมเข้าใจว่าตัวเองพูดว่าไอ้ผู้ชายที่เดินอยู่หลังกล้องผมเป็นผัวผม แล้วก่อนหน้านี้ก็มีบ้างที่แฟนๆ แซวเรื่องนี้ แต่มันไม่เคยเลยเถิดถึงขั้นเชื่อจริงจังขนาดนี้มาก่อน ผมล้อเล่นจริงจังไปเหรอ? แค่พูดเล่นๆ ไปแค่ประโยคเดียวเนี่ยนะ?



Comment#806: เฮ้ย พี่มิวคบกับพี่กชอยู่จริงรึเปล่า เขาอาจจะแค่พูดเล่นๆ ก็ได้



นั่นไง! ในที่สุดก็มีคนทัก ถึงจะปาไปเม้นท์ที่เกือบพันแล้วก็ตาม แถมคนที่มาตอบคอมเม้นท์ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าระหว่างผมกับพี่กชมันชัดเจนอยู่แล้วว่าเราคบกัน (ตรงไหนวะ) แถมมีอยู่อันหนึ่งมีการท้าบอกว่า 'ไม่เชื่อลองดูนี่' แล้วแปะลิงค์ยูทูปอีกอันไว้ด้วย

และเมื่อผมหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบ กดเข้าไปดูลิงค์นั้น ผมก็ต้องค้นพบว่าเลเวลการจินตนาการของคนกลุ่มนี้ไม่ธรรมดา…



'ไอ้มิว ไปนอนได้แล้ว นี่มันดึกมากแล้ว' เสียงไอ้คุณพี่กชดังแทรกเข้ามาระหว่างที่ผมกำลังแคสเกมปลูกผักทำสวนอย่างเมามัน หน้าผมในกล้องที่ยิ้มแย้มจนถึงเมื่อครู่บูดบึ้งขึ้นนิดหนึ่ง เสียงที่ตอบกลับอีกฝ่ายก็ค่อนข้างขุ่น

'อีกนิดน่าพี่กช จะหมดวันแล้วเนี่ย ปลูกเบอร์รี่เสร็จแล้วไปนอนเลย'

'มึงจะมาดีๆ หรือให้กูเดินไปอุ้มขึ้นเตียง ไอ้มิว'



นี่เป็นส่วนหนึ่งมาจากวิดีโอที่ผมอัดตอนเล่นเกมทำฟาร์ม จำได้ว่าคลิปนั่นยาวเป็นชั่วโมงเพราะแทบไม่ได้ตัดต่ออะไร แล้วหลังจากนี้ผมก็ปิดคลิปเพราะไม่อยากนั่งเถียงกับรูมเมทตัวเอง แต่ในคลิปที่ผมกำลังดูอยู่ตัดภาพไปที่อีกคลิปหนึ่งซึ่งเป็นเหตุการณ์สั้นๆ ของผมกับพี่กชนั่นแหละ คราวนี้พี่กชเดินเข้ามาในกล้องตอนผมเล่นเกมพัสเซิลเกมหนึ่ง เจ้าตัวหั่นสาลี่ที่ปอดแล้วเสร็จสรรพมาป้อนใส่ปากผมแล้วก็จากไป มันแค่นั้นเองจริงๆ จากนั้นวิดีโอก็ถูกตัดมาเป็นตอนที่เราคุยตอบโต้กันเรื่องผ้าปูเตียงโดยมีแค่เสียงของพี่กชลอดเข้ามา

คือเอาเป็นว่ามันเป็นคลิปรวมโมเม้นท์ระหว่างผมกับรูมเมทตัวเองนั่นแหละ คือถ้าดูแค่ในคลิปนี้แล้วเหมือนเราเป็นคู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันมานานแล้ว ไม่รู้จะพูดอะไรกับคนตัดต่อวิดีโอนี้ คงบอกได้แค่ว่าเจ้าตัวมีความมานะพยายามมาก

ทันทีที่พี่กชดูคลิปนรกนี่จบหลังจากพาผมมาส่งที่หอพักของพวกเรา ไอ้พี่ตัวแสบถึงกับต้องหัวเราะก๊ากออกมาเสียงดังลั่นราวกับนั่นเป็นสิ่งที่ตลกที่สุดที่เขาเคยเจอมาตลอดชีวิต และนั่นทำให้ผมที่กำลังสับสนงุนงงกับเรื่องนี้ขมวดหัวคิ้วมุ่น

"ขำอะไรของพี่"

"ก็ขำในจินตนาการของคนที่ทำไอ้คลิปนี้ออกมาไง กูตลกที่แบบ บางอันแม่งมีข้อความหวานๆ ชวนเลี่ยนขึ้นมาบางอันด้วยนะเว้ย อย่างกับกูกับมึงอยู่กินกันยังไงชอบกล"

'"พี่กช! นี่ไม่ตลกนะ" ผมแทบจะกระทืบเท้าเร่าๆ ด้วยความอึดอัดใจ "แล้วเราจะเอายังไงกันดี ผมโดนแฟนคลับคิดว่าเป็นเกย์ไปแล้ว แล้วก็พี่ด้วยนะ พี่ยอมได้เหรอครับ"

"มิวจะโวยวายไปทำไมวะ" พี่กชว่าพร้อมกับโยกหัวผมไปมายิ้มๆ อย่างไม่เดือดร้อนอะไร "ลองคิดดูในแง่ดีดิ จากคลิปนี่ทำให้มิวมีคนติดตามเพิ่มตั้งเยอะแยะ ยอดวิวก็พุ่งถล่มเลยไม่ใช่เหรอ ถือเป็นการโฆษณาตัวเองไง ส่วนไอ้เรื่องที่เขาเข้าใจผิดกัน มิวก็แค่อธิบายในคลิปต่อไปก็สิ้นเรื่อง"

"บอกในคลิปต่อไปเหรอครับ" ผมพูดเสียงเบาพร้อมกับคิดตาม ก็จริงอย่างที่พี่กชบอก ถ้าคนเข้าใจผิดก็แค่แก้ให้เขาเข้าใจถูกก็พอ ไม่เห็นต้องแตกตื่นอะไร

"ช่าย... แต่จริงๆ ถ้ามันทำให้กระแสของช่องมิวดีเราจะเล่นเป็นแฟนกันตามน้ำไปเลยก็ได้นะ" ชายหนุ่มพูดทีเล่นทีจริงก่อนจะหัวเราะร่วน แต่สิ่งที่พี่กชพูดทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตาเขาทันที

"เล่นเป็นแฟน?"

"ช่าย ไหนๆ มิวก็บ่นๆ อยากได้คนดูเพิ่มอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แต่อันนี้พี่ล้อเล่นนะ เพราะถึงมิวจะอยากได้แฟนคลับเพิ่มยังไง แต่ถ้าต้องมาเป็นแฟนกับพี่--"

เสียงของพี่กชเงียบไปเมื่อผมเอื้อมมือไปออกแรงบีบแขนเจ้าตัวแน่น

ผมรู้ดีว่าพี่กชกำลังมองผมด้วยความงงจนถึงที่สุด อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่ตัวผมเองก็ยังงงว่าเกิดความคิดนี้ขึ้นมาได้ยังไง ผมรู้ดีว่ามันผิดที่จะโกหกใครๆ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม แต่นึกถึงจำนวนยอดวิว ยอดผู้ติดตาม ยอดคอมเม้นท์พวกนั้นแล้วเหมือนน้ำลายจะหก

คุณลองคิดดูสิ ขนาดแค่คลิปนั้นคลิปเดียว แค่ผมหลุดปากไปสั้นๆ แบบไม่จริงจังว่ามีความสัมพันธืกับพี่กชในแง่นั้น คนยังโผล่เข้ามามากขนาดนี้ แล้วถ้าเกิดผมบอกพวกเขาว่าพี่กชเป็นผมจริงๆ ได้ทำคลิปด้วยกันสองคนจริงๆ คนมันจะตามกันเยอะขนาดไหน

และเพราะไอ้ความหน้ามืดนี้แหละที่ทำให้ผมหลุดปากออกไปอย่างไม่รู้ตัว

"พี่กช ผมว่านะ... พี่คงต้องเป็นแฟนผมแล้วล่ะ"





--------------------------------------------
Talk: จะพยายามมาอัพเรื่องนี้บ่อยๆ นะคะ ยังไงก็ขอกำลังใจกันด้วยนะ <3
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 1) P.1 [7/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 07-11-2017 17:16:37
เรารู้นะพี่กชแอบคิดไม่ซื่ออะ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 1) P.1 [7/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 08-11-2017 03:47:10
 :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 1) P.1 [7/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 08-11-2017 11:40:08
น่าติดตาม :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 1) P.1 [7/11/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 24-12-2017 11:34:00
บทที่ 2




พี่กชกำลังนอนเล่นโทรศัพท์มือบนเตียงของตัวเองขณะที่ผมเริ่มเซตกล้อง เปิดโปรแกรมอัดวิดีโอและขั้นตอนพื้นฐานอื่นๆ ที่ทำประจำก่อนจะอัดคลิป

“พี่กช” ผมเรียกคนที่ยังกลิ้งไปมากับมือถือของตัวเอง เจ้าตัวผงกหัวขึ้นมาเลิกคิ้วให้

“ว่าไง”

“พร้อมยังพี่”

“พร้อมอะไร”

“เอ้า! ” โดนถามกลับงี้ผมนี่หันไปโวยวายแทบไม่ทัน “ก็ที่พี่สัญญาว่าจะออกกล้องกับผมรอบนี้ไง! อย่าเบี้ยวนะพี่ ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำไม่ใช่เหรอ”

พี่กชยิ้มขำกับคำพูดผมแต่ก็ไม่ได้พูดต่อล้อต่อเถียงใดๆ เจ้าตัวกดเล่นมือถือต่ออีกพักหนึ่งก่อนจะยอมวางมันลงกับเตียงแล้วเลื่อนเก้าอี้มาข้างผม

“แน่นอนสิครับ น้องมิว พี่น่ะลูกผู้ชายอยู่แล้ว แต่อาทิตย์นี้บุฟเฟต์เนื้อย่างนะครับ หวังว่าน้องมิวลูกผู้ชายคนดีที่หนึ่งจะไม่ลืมสัญญา”

ผมกัดฟันอย่างเข่นเขี้ยวทันทีที่พี่กชพูดประโยคนั้นจบ

หน็อย ไอ้พี่บ้า ไม่คิดจะเกรงใจน้องรูมเมทตาดำๆ ที่ยังเป็นแค่นักศึกษาตัวน้อยอยู่เลยนะ พอได้ข้อเสนอจากผมเข้าหน่อยก็ซัดซะเต็มที่

อื๊อ? ข้อเสนออะไรน่ะเหรอครับ? จะเป็นอะไรไปได้นอกจาก…





สามวันก่อน หลังจากที่ผมพูดจาบ้าบิ่นอย่างการขอพี่กชเป็นแฟน

“หา? ” นั่นคือคำแรกที่พี่กชพูดออกมาหลังจากที่ผมบอกว่าเขาคงต้องเป็นแฟนผมแล้วล่ะ…

เออ มาลองคิดดูตอนนี้ก็โคตรอาย หน้าเพิ่งมาร้อนตอนนี้นี่แหละ

“แฟนมิวเนี่ยนะ? ”

“ไม่ใช่ๆ ผมหมายถึง---” นี่ผมพูดผิดไปหน่อยสินะ “หมายถึงเล่นเป็นแฟนน่ะ พี่คงต้องมาเป็นแฟนผมแบบหลอกๆ แล้ว ผมตั้งใจจะพูดแบบนั้น”

“เป็นแฟนมิวแบบหลอกๆ? ”

“ใช่ครับ” พยักหน้าแข็งขันมาก

“เพื่อ? ”

“เอ้า” นี่ตกลงเรายังอยู่ในมิติเดียวกันอยู่รึเปล่าเนี่ย “ก็เพื่อให้ยอดวิวยอดซับของผมมันเพิ่มขึ้นน่ะสิพี่ ก็พี่พูดเองไม่ใช่เหรอ”

“เฮ้ย” พี่กชอุทานแต่ริมฝีปากยังมีรอยยิ้มขัน ยัง ยังคิดว่าผมล้อเล่นอยู่อีก “บ้าเหรอ มิว ก็รู้ว่าพี่พูดเล่น”

“แต่ผมเอาจริง” หมายถึงเรื่องที่เล่นเป็นแฟนนะที่เอาจริง

พี่กชที่เริ่มรู้ว่าผมไม่เล่นด้วยเริ่มหุบยิ้มแล้ว “ไม่เอาน่า มิว”

“น้า พี่กช” เห็นสีหน้าขึงขังของเขาแล้ว อดไม่อยู่ ต้องปรี่ไปเกาะแขน ส่งสายตาขอร้องอ้อนวอนแบบสุดๆ ไปให้ “แค่เล่นเป็นแฟนกันหลอกๆ หน้ากล้องเท่านั้นเอง ไม่ยากหรอก”

“ไม่เอาอ้ะ” ตอบปฏิเสธหน้าตาเฉย “พี่ว่าไม่เห็นจะเข้าท่าเลย”

“โธ่! เข้าท่าสิพี่! ” บทจะดื้อ ผมเองก็ไม่เบาหรอก บอกเลย “พี่ก็เห็นแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ผมผายมือไปทางคอมพิวเตอร์รุ่นโปรที่ราคาแพงหูดับของตัวเอง “เนี่ย แค่ผมพูดเล่นๆ ว่าพี่เป็นแฟนผม คนก็แห่มาจากไหนไม่รู้ตั้งมากมาย นี่ยอดซับผมเกินพันก็เพราะคำพูดประโยคนั้นเลยนะ พี่จะมาบอกว่ามันไม่เข้าท่าอีกได้ไง”

เหมือนพี่กชจะเพิ่งรู้ตัว เขาแกะมือผมออก คิ้วเรียวขมวดติดกัน

“แล้วพี่จะได้อะไร? ” พูดพลางเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

“หา? ”

“ก็เท่าที่ฟังดูเนี่ย มีแต่มิวไม่ใช่เหรอที่มีแต่ได้กับได้ หนึ่งเลย ได้เป็นแฟนกับคนหน้าตาดีแบบพี่--” อุแหวะ พูดออกมาได้ ถึงจะหน้าตาดีจริงๆ แต่ไอ้การพูดเองนี่ก็เกินไปหน่อยนะ “แม้จะแค่หลอกๆ ก็ตาม สอง มิวได้คนตามช่องของตัวเองเยอะขึ้น แต่พี่ไม่เห็นได้อะไรสักอย่าง”

ถึงคราวที่ผมต้องขมวดคิ้วขึ้นบ้างแล้ว ผมเองก็ไม่หน้าด้านพอจะตอบกลับไปแบบ ‘พี่ก็จะได้คบกับคนหน้าตาดีแบบผมไง’ ด้วยสิ

“งั้น… ผมมีข้อเสนอ เป็นการแลกเปลี่ยนที่จะขอให้พี่ช่วย”

หากนายกรกชยกมือขึ้นโบกกลางอากาศ

“พี่ว่าเราอย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลย แค่บอกแฟนๆ มิวไป--”

“ผมจะเลี้ยงข้าวเย็นพี่ทุกอาทิตย์! ”

พี่กชชะงักกึกไปทันที ตาเบิกกว้างขึ้นทั้งสองข้าง

ผมว่าผมมาถูกทางแล้วล่ะ

“...ก็แค่ข้าวเย็นมื้อเดียว” ยัง ยังจะต่อรอง

“สองมื้อ! ” ผมรีบพูดแทรก “สองมื้อต่ออาทิตย์เลย เย็นเสาร์กับอาทิตย์เป็นไงครับ”

“ก็แค่ข้าวเย็นเองเปล่าวะ”

“ผมยอมให้พี่เลือกร้าน เลือกของที่อยากกิน ราคาเท่าไหร่ก็ได้--”

“ตกลง งั้นพี่ยอมเล่นเป็นแฟนมิว” พูดขัดขึ้นมาพร้อมกับโอบบ่าผมอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าชื่นมื่น “ไว้ใจได้เลย พี่ว่าพี่มีสกิลแอคติ้งสูงอยู่”

หน็อย ไอ้คนเห็นแก่กินเอ๊ย!





ก็… เป็นอะไรประมาณนั้นแหละครับ

ตัดกลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน

ตอนนี้ผมกำลังเปิดเกมผีที่เพิ่งซื้อทางออนไลน์มาสดๆ ร้อนๆ โดยมี ‘แฟน’ ปลอมๆ อย่างพี่กชนั่งอยู่ข้างๆ มองสิ่งที่ผมกำลังทำตาแป๋วเหมือนเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องใดๆ

และเด็กโค่งคนนี้ก็ไม่รอช้าที่จะเอ่ยปากถาม

“มิว ทำไมต้องให้พี่มานั่งข้างๆ ตอนมิวจะเล่นเกมแบบนี้ด้วยล่ะ”

“อ้าว” ยัง ยังไม่จบอีก “ก็พี่สัญญาแล้ว แลกกับข้าวเย็น--”

“ไม่ๆ อันนั้นพี่รู้ แต่พี่หมายถึงมันจะมีความหมายอะไรเหรอ”

“อ้อ มีดิพี่” มั้งนะ “ก็… เอ่อ พี่อาจจะต้องแสดงละครนิดๆ หน่อยๆ ตอนผมเล่นอ่ะ”

“ยังไง? ”

“อย่าง… ไม่รู้ดิ สมมติผมตกใจผีงี้ พี่ก็ เอ่อ ปลอบผมมั้ง” ผมเองก็ไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชายซะด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำยังไง

“อ้อ โอเค แค่นั้นใช่ไหม”

“เอาให้เป็นธรรมชาตินะพี่”

“เออน่า แล้วจะเล่นหรือยัง ฟังเสียงเริ่มเกมนี่มานานจนเริ่มหลอนแล้วนะ”

ผมจึงเริ่มกดอัดวิดีโอ พูดทักทายคนดูอย่างที่ทำมาเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือผายมือไปทักทายรุ่นพี่ข้างตัว แต่ผมไม่ได้บอกหรอกนะว่าเขาเป็นแฟนผม แบบนั้นดูโจ่งแจ้งแล้วก็จั๊กจี้ไปนิด แค่บอกไปว่าเป็นคนที่หลายๆ คนถามถึงก็พอ

“เฮ้ย ไอ้มิว ตรงนั้น” พี่กชยื่นหน้าเข้ามาหายใจรดต้นคอขณะที่ผมบังคับตัวละครในเกม “เมื่อกี้พี่เห็นเทียนอยู่นะ”

“ไหน พี่ ตรงไหน”

เกมนี้ผมเล่นเป็นเด็กชายคนหนึ่งที่หลงเข้าไปในป่าพร้อมกับเทียนไขหนึ่งเล่ม สิ่งที่เราต้องทำก็คือหาเทียนเล่มต่อไปที่จะอยู่ตามจุดต่างๆ ซึ่งต้องหาให้เจอก่อนที่เขียนในมือจะละลายหมดไปซะก่อน แล้วถ้าเราต้องอยู่ในความมืดนานเกินไป อาจจะโดนผีหลอกจนเกมโอเว่อร์ได้ แล้วเสียงซาวด์เอฟเฟกต์ในเกมจะทำดีไปไหน คือให้บรรยากาศชวนขนหัวลุกจริงๆ

ผมบังคับเด็กชายผ่านหน้าจอแล้วเดินไปตามทางที่พี่กชบอกเพื่อหาเทียน

“พี่ ไม่เห็นมีเลย”

“อ้าว สงสัยดูผิด”

“โห่ พี่แม่งมั่วว่ะ เชื่อถืออะไรได้บ้างไหมเนี่ย”

“เฮ้ย เมื่อกี้พี่ก็ช่วยหาจนเจอไปแล้วรอบหนึ่งนะเว้ย ซ้ายๆ ๆ เดินซ้ายดิ ไอ้มิว ทางนี้เรามาแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ซ้ายเมื่อกี้ไปทางตันไม่ใช่เหรอพี่! แล้วเสียง… เฮ้ยๆ ๆ ไอ้ผีตาบอดจะมาแล้ว”

“วิ่งสิมิว รอพ่อตัดริบบิ้นเหรอ”

“พี่ ไอ้เด็กนี่มันเหนื่อยง่าย จะวิ่งมั่วๆ ไม่ได้”

เอาล่ะสิ บรรยากาศในเกมมันกดดันจนใจผมเต้นรัวไปหมด พี่กชเองก็ดูจะลุ้นไปพร้อมกัน มือนี่บีบไหล่ผมแน่นเชียว ไอ้บ้าเอ๊ย เสียวโว้ย อย่าเพิ่งโผล่มาตอนนี้นะ จะอยู่ถึงตอนเช้าอยู่แล้ว

“มิว… พี่ว่าเสียงแบบนี้…”

ผมก็คิดแบบพี่กชเหมือนกัน เสียงผีกำลังจะมายังไงล่ะ

“พี่! เทียนจะหมด! เทียนจะหม้ด! ช่วยผมหาเทียนก่อน”

“วิ่ง! มิว วิ่ง! มันตามมาข้างหลัง---”

“ผมหอบแล้วเนี่ยพี่” หมายถึงตัวละครที่ผมบังคับอยู่นะ แม่งเหนื่อยง่ายฉิบหาย แค่บังคับให้วิ่งแป๊บเดียว...

“อ๊าก! /เหี้ย! ”

ผมอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกับพี่กชหลังจากที่เราโดนผีตาโบ๋แฮ่ใส่หน้าจอไปหนึ่งรอบ จากนั้นหน้าจอก็ค่อยๆ มืดลง คำว่า Game Over เด่นหราขึ้นมาแล้วก็มีตัวเลือกให้เล่นต่อหรือกลับไปที่หน้าเมนู แต่ตอนนี้ผมกับพี่กชหันไปลูบบ่าลูบไหล่กันอย่างเสียขวัญ

“เชี่ยเอ๊ย” พี่กชว่าขณะยกมือปิดหน้า “ไอ้มิว เมื่อกี้กูตกใจจริงๆ นะนั่น”

“พี่คิดว่าผมไม่ตกใจเหรอ” ใจนี่เต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกมาจากอก

แม่ง! มันสะดุ้งตอนตุ้งแช่นี่แหละครับ

“นึกว่าจะช็อกตายคาคอมอยู่แล้ว”

“ผมนี่มือชื้นเหงื่อไปหมดเลย โห มันน่ากลัวจริงๆ ครับ คุณผู้ชม คือบรรยากาศเกมเขาทำมาดีมาก” ผมว่าอย่างไม่ลืมว่ากำลังอัดคลิป และการมีปฏิสัมพันธ์กับคนดูเป็นเรื่องสำคัญ “แบบ ภาพกับซาวด์เขาทำเรากลัวจริงๆ ดูสิ มือผมเปียกไปหมดเลย แต่เกมโหดมากจริงๆ ครับ นี่ต้องหนีผี ต้องคอยฟังเสียง ต้องคอยหาเทียน”

“แล้วเทียนก็หายากจริงอะไรจริง” พี่กชพยักหน้าเสริม ผมสูดหายใจแรงๆ ทีหนึ่งเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ

“มาครับ เอาใหม่ พี่กชรอบนี้ช่วยผมหาหน่อยนะ ตั้งใจมองทางด้วย แล้วพี่อ้ะ ชอบทำให้ผมล่ก ผมจะตายก็เพราะพี่นี่แหละ”

“อ้าว ไอ้มิว นายเล่นกากเองงี้จะมาโทษพี่ได้ไง”

“พี่ลองมาเล่นเองไหมล่ะ” ผมถามกลับพร้อมกับยิ้มขำ จากนั้นก็เริ่มตั้งสมาธิทุ่มให้กับการเล่นตรงหน้า

ผมเป็นคนที่เล่นเกมจริงจังนะ คือเล่นไม่เก่งหรอก แต่ตั้งใจเล่นมาก ส่วนการที่มีพี่กชมาช่วยบอกทาง ช่วยออกความเห็น ชวนผมคุยนู่นนี่ก็ทำให้ผมผ่อนคลายลงได้มาก รู้สึกสนุกไปกับเกมมากขึ้นเหมือนมีคนมาเจอชะตาแบบเดียวกันอยู่ข้างๆ

คือตอนแรกก็ว่าจะให้พี่กชมาเล่นเป็นแฟนหลอกๆ โดยการให้กำลังใจตอนผมสะดุ้งผีอยู่หรอก แต่ไปๆ มาๆ เขาดันสะดุ้งพร้อมผมด้วยนี่สิ

คือเกมที่ผมกำลังเล่นอยู่นี่ทำมาดีจริงๆ บรรยากาศดีมาก แต่วันนี้คงต้องพักไว้เท่านี้ก่อน เริ่มจะค่ำมากแล้ว ผมจึงเริ่มพูดปิดคลิปพร้อมกับบอกลาคนดูและขอให้เขาติดตามคลิปเกมนี้ในพาร์ทต่อๆ ไป หลังจากที่ผมกับพี่กชบอกสวัสดีคุณผู้ชมแล้วก็เป็นอันเสร็จสิ้น ได้เวลาตัดต่อคลิปเพื่อเตรียมเรนเดอร์ลงช่องเสียที

“ฟู่ว เรียบร้อย” พี่กชว่าพร้อมกับแกล้งยกแขนขึ้นปาดเหงื่อ ทั้งๆ ที่ไม่มีเหงื่ออะไรบนหน้าพี่แกทั้งนั้นแหละ “ให้ตายเถอะ มิว สนุกดีว่ะ ตื่นเต้นฉิบหาย”

“ใช่ พี่ นี่ถือว่าเกมดีเลยนะเนี่ย คุ้มค่ากับทุกบาทที่เสียไป” ผมว่าขณะเปิดโปรแกรมเตรียมตัดต่อ

ผมเป็นคนเล่นเกมแท้และไม่คิดจะสนับสนุนของเถื่อนอยู่แล้ว ยิ่งตั้งแต่มาเปิดช่องของตัวเองยิ่งเข้าใจว่าการทุ่มเทพยายามทำอะไรมากๆ ย่อมอยากได้ผลตอบแทนกลับมาอย่างสมน้ำสมเนื้อ คนสร้างเกมก็คงคิดเหมือนผมเหมือนกัน

“เออ แล้วนี่คนดูมิวเขาจะคิดยังไงเนี่ย สรุปพี่ก็ไม่ได้ทำอะไรที่ดูเหมือนเป็นแฟนกับมิวเท่าไรเลยนะ”

เรื่องนี้ทำให้ผมกังวลนิดหนึ่ง แต่จะให้ผมประกาศออกไปด้วยคำพูดชัดๆ ว่าพี่กชเป็นแฟนผมในช่องของตัวเองก็ยังไม่พร้อม ครั้นจะหวังให้พี่กชทำเป็นเล่นละครผ่านกล้อง พี่กชก็คงไม่รู้เหมือนผมนั่นแหละว่าควรจะทำยังไง คลิปที่ออกมาเลยกลายเป็นว่าผู้ชายสองคนนั่งเล่นเกมด้วยกันเท่านั้นเอง

“เอาเถอะครับ เราเริ่มจากอย่างนี้ไปก่อนแล้วกัน” ผมถอนหายใจเบาๆ “เดี๋ยวรอดูผลตอบรับจากรอบนี้ก่อน ถ้ายังไงไว้ค่อยลองพูดว่าพี่เป็นแฟนผมคลิปหน้าก็ได้”

“มิวว่าไงก็ตามนั้นแล้วกัน”

ผมมองเพื่อนรุ่นพี่ที่เดินกลับไปทิ้งตัวนอนบนเตียงของตัวเอง หยิบมือถือขึ้นมากดเล่นอีกแล้ว สมแล้วที่เป็นเด็กยุคเดียวกับผม

“เออ พี่กช”

“หือ? ”

“ขอบคุณนะพี่”

พี่กชเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ “เรื่อง? ”

“ก็ที่พี่ตกลงช่วยผมนี่ไง แถมยังมานั่งเล่นเป็นเพื่อนกันอีก”

“อ้อ เรื่องเล็กน่ะ” เขาว่า “อีกอย่าง ได้นั่งเล่นเป็นเพื่อนมิวก็สนุกดี”

ผมคลี่ยิ้มออกมา ดีใจเหมือนกันที่อีกฝ่ายสนุกไปกับผมด้วย

“เออ แต่ยังไงก็อย่าลืม…”

ผมชะงักมือที่กำลังจะเสียบหูฟังเข้าหูนิดหนึ่ง

“เนื้อย่างเย็นวันเสาร์นี้นะ”

จ้ะ

เรื่องกินฟรีนี่สำคัญที่สุดจ้ะ





ผมดูปฏิกิริยาที่ได้จากแฟนคลับในสองสามวันต่อมา ปรากฏว่าถล่มทลายยิ่งกว่าคลิปอันที่ผมบอกว่าพี่กชเป็นผัวผมเสียอีก

ผมยกดูดน้ำลำไยจากหลอดขณะที่มองคอมเม้นท์มากมายไปด้วย เก่งที่นั่งอยู่โต๊ะฝั่งตรงข้ามมองผมด้วยสายตาหน่ายๆ เจ้าตัวยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาจากนั้นก็เริ่มเร่งผม

“เฮ้ย ไอ้มิว รีบแดกข้าวหน่อยได้วะ ไก่มึงชืดแห้งติดจานหมดแล้ว อย่ามัวแต่เล่นโทรศัพท์ได้ไหม”

ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเพื่อนทั้งที่ริมฝีปากยังเปื้อนยิ้ม

“โทษๆ กูอ่านเม้นท์เพลินไปหน่อย” แล้วผมก็จัดการข้าวมันไก่ของตัวเองโดยที่มือยังเลื่อนอยู่หน้ายูทูปสลับกับหน้าเพจเฟซบุ๊ค มีหลายคนถามเข้ามาเยอะมากว่าตกลงผมกับพี่กชคบกันจริงๆ ใช่ไหม แปดสิบเปอร์เซ็นต์ฟันธงไปแล้วว่าคบกัน ส่วนตัวผมเองยังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธข่าวนี้อย่างเป็นทางการ และความนิ่งเฉยนี้คงทำให้ทุกคนคิดว่ามันคือการตอบรับ

“มึงนี่นะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างกับคนบ้า แต่กูก็ว่ามึงบ้าจริงๆ ว่ะที่คิดจะเรียกคนดูด้วยวิธีนี้”

“ก็ทำไมอ่ะ” ผมแกล้งลอยหน้าลอยตาใส่อีกฝ่าย

ตอนนี้ไอ้เก่งรู้แล้วว่าผมกับพี่กชไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ อย่างที่มันเข้าใจตอนแรก เพราะผมอธิบายให้มันฟังเองนั่นแหละ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเจ้าตัวต้องตกกระไดพลอยโจนมารับรู้ความลับของผมด้วย และเอาจริงๆ เหมือนมันจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับเรื่องแกล้งเป็นแฟนของผมกับพี่กช แม้ว่ามันจะยังไม่ชัดเจนขนาดนั้นก็ตาม

“ก็กูว่ามันปัญญาอ่อนไง มีอย่างที่ไหนให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นเกย์เพื่อแลกกับคนดู อย่างนี้มึงก็จีบผู้หญิงไม่ได้เลยนะเว้ย พี่กชเองก็เหมือนกัน”

คำอธิบายนั้นทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเพื่อน

ผมไม่ได้คิดถึงแง่นี้มาก่อนเลยแฮะ เพราะไม่ได้คิดจะมีแฟนช่วงนี้ด้วยจริงๆ ล่ะมั้ง แต่พอไอ้เก่งพูดผมก็ชักเห็นด้วย หรือว่ามันจะไม่ดีนะถ้าผมแกล้งเล่นเป็นแฟนกับพี่กชจริงๆ?

“มิวๆ ” เสียงเรียกของเพื่อนร่วมคณะทำให้ผมหันหน้ากลับไปหา

ปัทที่อยู่เอกจีนน่ะเอง หล่อนยืนอยู่ข้างโต๊ะกินข้าวในมือมีสมุดและชีทประกอบการเรียน

“ว่าไง ปัท”

“ตกลงว่าแกกับพี่กชเป็นแฟนกันจริงๆ ใช่ปะ”

“โห” ผมยิ้มให้เจ้าหล่อน “ดูช่องเราด้วยเหรอ ดีใจจัง”

“แล้วตกลงว่ายังไง? ” ปัทไม่ยอมพาออกนอกเรื่อง “นี่ในบอร์ดคนเขาเถียงกันจะเป็นจะตาย นายก็ไม่ยอมให้มันชัดเจนสักที”

“อ้อ มิวกับพี่กชน่ะ---” ไอ้เก่งพยายามจะแก้ความเข้าใจ แต่ผมพูดขัดมันก่อน

“ใช่ เรากับพี่กชเป็นแฟนกันจริงๆ ”

ปัทเบิกตาขึ้นนิดหนึ่งด้วยความตื่นเต้น ไม่แปลกใจอ่ะ ผู้หญิงคณะผมสาววายกันเกินเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ได้มั้ง

“งั้นก็เป็นเรื่องจริงสินะ ดี” ปัทว่า ยกมือขึ้นมาโบก “งั้นฉันไปเข้าห้องเรียนก่อนล่ะ ดีใจกับนายแล้วก็พี่กชด้วยนะ ไว้เดี๋ยวมาเมาท์ใหม่”

และเมื่อเจ้าหล่อนเดินจากไป เพื่อนซี้ก็ฟาดมือลงบนหัวผมแรงๆ ทีหนึ่งทันที

“โอ๊ย ไอ้บ้าเก่ง” ผมคราง “ตีกูทำไมเนี่ย เจ็บนะเฮ้ย”

“หมั่นไส้มึง ได้ฟังที่กูพูดไปเมื่อกี้บ้างรึเปล่าเนี่ย หา? ”

“ก็มัน---”

“อ้าว เก่ง ทำไมไปตีเพื่อนแบบนั้นล่ะ”

เสียงของพี่กชดังขึ้นทำเอาผมกับเก่งสะดุ้ง หันไปมองเจ้าของเสียงพร้อมกัน

วันนี้รูมเมทของผมก็ยังอยู่ในสภาพเสื้อผ้ายับเยิน ผมเผ้ารุงรังเหมือนทุกที แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยกลบรัศมีความหล่อของเขาไปได้เลย

หมั่นไส้ว่ะ

“พี่กช มาไงครับเนี่ย” ผมว่าขณะที่เขยิบกระเป๋าให้รุ่นพี่นั่งลงข้างๆ “มีเรียนเหรอครับ”

“อือ ชดเชยน่ะ” ว่าพร้อมกับปิดปากหาว “โคตรขี้เกียจตื่น”

“แล้วพี่กินอะไรหรือยัง ไปซื้ออะไรมากินไหม ยังพอมีเวลาก่อนคาบจะเริ่ม”

“เออ ดีเหมือนกัน มิวจะเอาอะไรเพิ่มไหม เดี๋ยวพี่ซื้อมาให้”

“ไม่เป็นไรพี่ ผมอิ่มแล้ว เก่งอ่ะ เอาอะไรเปล่า ฝากพี่กชไหม”

ผมหันไปถามเพื่อนที่มองมาทางพวกเราด้วยสายตาแปลกๆ เจ้าตัวส่ายหน้าพึ่บพั่บ

“ไม่เป็นไรครับพี่ ตามสบายเลย”

และเมื่อพี่กชลุกออกไป ไอ้เพื่อนซี้ตัวกลมของผมก็โน้มหน้าลงมากระซิบ

“กูว่าพวกเอ็งสองคนเหมือนคนคบกันจริงๆ มากกว่าจะแค่แกล้งเล่นละครแล้วนา แน่ใจนะว่าไม่ได้หลอกกูเรื่องแกล้งคบน่ะ? ”

“ไอ้ห่า บ้าปะเนี่ยมึง”

ใครจะไปหลอกซ้ำซ้อนแบบอินเซปชั่นขนาดนั้น แล้วผมกับพี่กชเนี่ยนะ? แฟน? ฮ่าๆ ๆ ก็แค่รูมเมทรุ่นพี่รุ่นน้องปกติเปล่าวะ

ไอ้เก่งอะ คิดมาก!





---------------------------------------------------
Talk: โผล่มาอัพสักหน่อย อิอิ ใครเล่นทวิตเจอกัน #กชมิว #เกมรักทดลองใจ นะคะ >3<
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 2) P.1 [24/12/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 24-12-2017 12:06:05
พี่กชต้องชอบมิวอยู่นิดๆแหละ แล้วมิวเล่นงี้ก็เข้าทางพอดี 555 อัพบ่อยๆนะคะ สนุกดี
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 2) P.1 [24/12/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 24-12-2017 18:46:31
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 2) P.1 [24/12/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 25-12-2017 18:55:57
บทที่ 3



ผมว่าต่อให้ไม่ต้องพูดออกจากปากตรงๆ ทุกคนก็เข้าใจไปเรียบร้อยแล้วว่าผมกับพี่กชคบกันจริงๆ





Comment#120: ชัวร์เลย แฟนกันชัดๆ มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย

Comment#127: กรี๊ดดดดด ฟิน

Comment#150: ตกลงคบกันจริงๆ ใช่ไหมอ่า

Comment#161: เปิดตัวแล้วๆ





ผมนอนแผ่อยู่บนเตียงฝั่งของตัวเอง แน่นอนว่าคนส่วนมากเข้าใจว่าผมกับพี่กชคบกันอยู่จริงๆ แต่อีกจำนวนไม่น้อยก็อยากให้ผมพูดให้ชัดเจน





Comment#190: ประกาศว่าคบกันหน่อยสิ

Comment#450: ตกลงคบกันจริงไหมอยากรู้

Comment#573: คงไม่ได้คิดไปเองแล้วใช่ไหม กชมิวจริงๆ ใช่ไหม





ผมถอนหายใจออกมานิดหนึ่งขณะเหวี่ยงโทรศัพท์ลงข้างตัว เหม่อมองเพดานสีขาว สงสัยคลิปรอบนี้ต้องพูดออกมาจากปากจริงๆ แล้วมั้งว่าพวกเราคบกัน ถึงแม้มันจะเป็นแค่เรื่องโกหกก็ตาม อันที่จริงที่ผมเลี่ยงมาตลอดก็เพราะไม่อยากโกหกแฟนๆ นี่แหละ แต่จะมากลับลำ ไม่เล่นเป็นแฟนกับพี่กชต่อตอนนี้ก็ใจไม่ถึงพอ ไม่น่าจะทันแล้วด้วยซ้ำ เพราะทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเราคบกัน แล้วผมก็ไม่ได้แก้ข่าวตรงนี้เลย

เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น ผมรีบลุกพรวดขึ้นจากเตียงขณะที่คนที่เพิ่งก้าวเข้ามาหอบแฮ่กๆ

“โทษทีที่ให้รอนะ มิว”

“โห่ ช้าว่ะพี่” ผมแกล้งพูด แต่เห็นสภาพเหงื่อซ่กของเจ้าตัวแล้วก็เห็นใจนิดหน่อยเหมือนกัน “นึกว่าจะไม่ได้เลี้ยงแล้วนะเนี่ย เนื้อย่างพี่เนี่ย”

“บ้า เลี้ยงดิ ไม่เลี้ยงก็ผิดคำพูดปะวะ” เจ้าตัวว่าขณะที่ผมคว้ากระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง “ขอโทษจริงๆ ที่ให้รอนะมิว พอดีที่บ้านรั้งตัวไว้ หิวแล้วล่ะสิ”

“หิวครับ” ผมตอบตรงๆ แต่ไม่ได้โกระอะไรอีกฝ่ายหรอก “งั้นเราไปกันเลยดีกว่า พี่มีหมวกกันน็อกอีกอันใช่ไหม ผมขอยืมนะ”

หลังจากที่เรามาถึงร้าน จัดแจงเอาเนื้อที่ได้มาชุดแรกลงบนเตา ท้องของผมก็ร้องโครกครากทันที

ผมหน้าร้อนขึ้นนิดหนึ่งด้วยความอาย ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนตรงหน้าที่กำลังพลิกแผ่นเนื้ออย่างเมามัน

“โถ น้องมิวผู้น่าสงสาร หิวจนท้องกิ่วหมดแล้ว”

“เงียบเลยพี่ คิดว่าความผิดใครกันล่ะ”

“โอ๋ๆ ไม่โมโหหิวนะ มา เดี๋ยวพี่บริการเจ้ามือให้ ตอบแทนที่พามาเลี้ยง”

ผมเบ้ปากให้เขานิดหนึ่งเพราะเจ้าตัวชอบพูดย้ำเรื่องที่ผมต้องเลี้ยงเขาเหลือเกิน นี่เขาเห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย ไม่ผิดคำพูดหรอกน่า ในเมื่อสัญญาแล้วว่าจะเลี้ยงก็คือเลี้ยงสิ!

“เออ แต่พรุ่งนี้พี่คงไม่ว่างช่วงเย็นนะ ต้องไปทำธุระกับที่บ้านว่ะ”

“เลื่อนไปวันอื่นก็ได้นะครับ” ผมว่า เพราะเงื่อนไขในการเล่นเป็นแฟนคือการที่ผมต้องเลี้ยงข้าวเขาสองมื้อต่ออาทิตย์ “ผมไม่ถืออยู่แล้ว ไม่ต้องมื้อเย็นก็ได้ด้วยซ้ำ แค่บอกผมมาแล้วกันว่าจะให้เลี้ยงมื้อไหน”

“อืม” เจ้าตัวทำสีหน้าครุ่นคิด “งั้น… เช้าวันจันทร์เป็นไง พี่อยากกินหมูปิ้งหน้าหอ”

คำพูดนั้นทำให้ผมเลิกคิ้วขึ้นทันที

“แน่ใจนะพี่ว่าแค่นั้นพอ? ” ก็ตามปกติ ถ้ามีคนบอกว่าจะเลี้ยงข้าวอะไรก็ได้เนี่ย ใครๆ ก็อยากกินอาหารดีๆ แพงๆ กันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ถึงผมจะไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้นก็เถอะนะ

“อือ แค่นั้นพอแล้ว” เจ้าตัวยิ้มหวานมาให้ผม “ให้เลี้ยงแต่ของแพงๆ เดี๋ยวน้องหมดตัวพอดี”

เออ ก็รู้ตัวแฮะ พี่กชนี่ใจดีอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ สมแล้วที่เป็นรูมเมทผม

หลังอาหารมื้อนั้นที่ล่อเอาผมจุกไม่น้อย (ตามประสาคนกินบุฟเฟต์ทั่วไป) พี่กชก็ชวนผมไปเดินย่อยตามร้านอะไรก็แล้วแต่ที่พี่แกสนใจ ผมได้หนังสือเกี่ยวกับคันจิมาเล่มในขณะที่เฮียแกได้เสื้อมาตัวหนึ่ง และพออาหารที่เพิ่งยัดห่าเข้าไปเริ่มย่อย ผมก็เริ่มอยากของหวานขึ้นมา

“พี่กช ผมอยากกินไอติม”

“หืม? ไหวเหรอเราน่ะ” ร่างสูงข้างตัวยกยิ้มขัน พูดแซวๆ “เมื่อกี้ยังโอดครวญจะเป็นจะตายอยู่เลย หายจุกแล้วหรือไง”

ใช่ครับ เมื่อกี้ผมครวญจะเป็นจะตาย… แต่ไอ้พี่นี่กลับไม่เป็นอะไรเลยสักนิดทั้งๆ ที่ยัดเนื้อย่างเข้าไปมากกว่าผมตั้งเยอะ กระเพาะน่าจะเป็นหลุมดำขนาดย่อมอะ

“ไหวพี่ ผมหายจุกแล้ว แล้วตอนนี้ปากก็ต้องการน้ำตาล”

“งั้นกินอะไร สเวนเซ่นส์ไหม? หรืออยากกินอะไร”

“สเวนเซ่นส์ก็ดีครับ”

“งั้นพี่เลี้ยงนะ”

เป็นอันว่าผมเลี้ยงเนื้อย่างพี่แกส่วนพี่แกเลี้ยงไอติมผมกลับ เออ ก็ให้ความรู้ไม่เลวเหมือนกัน แม้ว่าเงินที่ออกจากกระเป๋าผมจะมากกว่าเป็นสองเท่าตัวก็ตาม

“เออ มิว” พี่กชว่าขณะตักกล้วยในชามเข้าปาก “เรื่องช่องยูทูปของนายอะ”

“ครับ? ”

“พี่ได้ยินมาว่าถ้าเกิดมิวมีคนดูเยอะๆ จะได้เงินจากยูทูป”

ผมไม่สะเทือนกับคำถามนั้น ผมคิดว่าเขารู้อยู่แล้วด้วยซ้ำ

“ใช่ครับ พี่ไม่รู้เรื่องนั้นหรอกเหรอ”

“ม่ายอะ”

“แล้วมันทำให้พี่รู้สึกแย่หรือเปล่า” ผมถามกลับตรงๆ แต่จริงๆ เหตุผลที่ผมรับปากว่าจะเลี้ยงเขาสองมื้อทุกอาทิตย์ก็เพราะเรื่องนี้ด้วยนี่แหละ “เพราะมันอาจจะเหมือนผมเอาพี่มาหาเงิน? ถ้าพี่รู้สึกไม่สบายใจ--”

“โอ๊ย ไม่หรอก ตามสบายเลย” พี่กชว่าพร้อมกับโบกมือสองสามที “แต่มิวนี่ก็เก่งนะ หาวิธีใช้เงินด้วยตัวเองด้วย”

“มันก็ไม่ได้มากมายอะไรหรอกพี่” ผมพูดยิ้มๆ ดีใจที่อีกฝ่ายชวนคุยเรื่องงานอดิเรกตัวเอง “แต่ทำแล้วมันสนุกดีน่ะ ทำด้วยใจมากกว่า เงินที่ได้ถือเป็นค่าขนมขำๆ ”

“แต่หลังจากนี้ก็น่าจะได้มากขึ้นไม่ใช่เหรอ” เขาว่า “ก็คนดูเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วนี่”

“ก็หวังว่านะครับ แต่ผมไม่หวังได้เงินจริงๆ จังๆ หรอก ว่าแต่ผมขอชิมรสนี้หน่อยได้ไหม พี่จะกินของผมด้วยก็ได้นะ”

“ได้เหรอ งั้นขอล่ะนะ”

ว่าแล้วเราสองคนก็แลกไอศกรีมกันกิน เออ รสมอคค่าที่พี่กชสั่งมาก็อร่อยดี ปกติผมไม่ค่อยชอบกาแฟหรอกเพราะมันขม แต่ไอติมมอคค่านี่ก็ไม่แย่ขนาดนั้น

จบสิ้นมื้อเย็นทั้งของคาวและของหวาน พวกเราทั้งสองคนก็กลับมาที่หอ

“ให้ตายสิ เหนื่อยชะมัดวันนี้” พี่กชว่าพร้อมกับถอดเสื้อเปลือยท่อนบนอย่างที่ทำเป็นประจำ พี่แกไม่เคยอายหุ่นผมหรอกครับ แต่ก็อย่างว่า จะอายทำไม ผู้ชายด้วยกัน

“อ้าว พี่จะนอนนี่เหรอครับคืนนี้ ไม่กลับบ้านเหรอ ไหนบอกพรุ่งนี้มีธุระกับที่บ้าน”

“ตั้งแต่ช่วงสายๆ นู่นแหละ วันนี้ขอนอนนี่ก่อน ไม่อยากขับรถแล้ว” พูดแล้วเจ้าตัวก็เดินไปหยิบข้าวของเตรียมอาบน้ำ ผมพยักหน้าหงึกๆ ทันที

“ดีครับ ขับมอเตอร์ไซค์ตอนกลางคืนมันอันตราย”

พี่กชหันมายิ้มยียวนให้ผม “เป็นห่วงกันก็บอกมา”

“ก็ต้องเป็นห่วงดิพี่” ไม่ห่วงจะพูดแบบนั้นทำไมล่ะ จริงไหมครับ “กลางคืนมืดๆ มันอันตรายจริงๆ นะ มอเตอร์ไซค์อะ ขนาดตอนกลางวันยังน่ากลัว”

พี่กชนิ่งไปนิดหน่อยกับคำพูดตรงๆ ของผม ก่อนเจ้าตัวจะพยักหน้ารับแกนๆ แล้วเตรียมดิ่งเข้าห้องน้ำ “เออๆ เข้าใจแล้ว งั้นพี่ขออาบก่อนนะ เหนียวตัวเป็นบ้าเลย”

“ครับ” ผมตอบรับพร้อมกับทิ้งตัวลงบนโต๊ะคอม หยิบหนังสือที่เพิ่งซื้อมาวันนี้ขึ้นมากาง นอกจากเรื่องทำช่องแล้ว ก็มีเรื่องภาษาญี่ปุ่นนี่แหละครับที่ต้องพัฒนา





ผ่านไปอีกสองวัน ผมเตรียมตัวจะอัดคลิปใหม่เพื่อลงเกมที่เล่นค้างจากวันก่อน และผมก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ผมต้องตัดใจ… โกหก (ไม่อยากใช้คำนี้เลย) แฟนๆ ว่าผมกับพี่กชกำลัง… คบหาดูใจกันอยู่

“อ้าว คราวนี้จะบอกตรงๆ แล้วเหรอ” พี่กชว่าขณะเลื่อนเก้าอี้จากโต๊ะฝั่งตัวเองมานั่งข้างผม “เห็นวันนั้นยังบอกว่าไม่อยากโกหกด้วยคำพูดตรงๆ เลย”

“มันไม่ได้แล้วพี่” ผมว่า “คนกระหน่ำถามเข้ามาเยอะขนาดนี้ อีกหน่อยคงบุกมาถึงมหาลัยเพื่อเค้นหาคำตอบ”

“ถึงมาหาถึงมหาลัยก็คงได้คำตอบว่าคบกันอยู่ดี” พี่กชพูดลอยๆ และสิ่งที่เขาพูดก็ไม่ผิดเลย เพราะหลังจากวันนั้นที่ผมบอกปัทไปว่ากำลังคับกับพี่กช ข่าวลือตัวนี้ก็แพร่กระจายออกเป็นวงกว้าง เพราะงั้นมันก็คงไม่ต่างเท่าไรหรอกมั้งถ้าผมจะพูดลงคลิปเรื่องนี้

ดังนั้นแล้วหลังจากที่กดอัดวิดีโอ ผมจึงหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดก่อนจะลงมือเล่นเกม

“สวัสดีครับทุกคน ก็กลับมาพบกับผม สไลม์สไมลส์อีกเช่นเคยนะครับ และวันนี้เราก็แขกพิเศษเช่นเดิม… พี่กช รูมเมทของผมนั่นเอง”

“สวัสดีครับ” ยกมือไหว้ให้กล้องด้วย น่ารักมากพี่ชาย ประหนึ่งนางสาวไทยกันเลยทีเดียว

“ก็… ก่อนที่จะเริ่มเล่นเกมวันนี้นะครับ ผมก็… มีเรื่องจะประกาศกับทุกคนอย่างเป็นทางการ” พูดแล้วก้หันไปยิ้มให้พี่กช ผมเดาว่ามันอาจเป็นยิ้มชืดๆ สักหน่อย ผมเป็นคนโกหกไม่เก่งน่ะ แล้วก็ไม่ชอบโกหกเป็นทุนเดิมด้วย แต่อีกฝ่ายก็แก้สถานการณ์ให้อย่างรวดเร็วด้วยการ เอ่อ ทำตัวกวนตีนใส่ผม

“อ้าว มองหน้าพี่ทำไมอ่ะน้องรัก บอกผู้ชมไปสิ หน้าพี่ไว้หลังจากนี้ค่อยมองก็ได้ ความหล่อไม่กระเด็นไปไหนหรอก”

“โห พี่กช” ขึ้นเสียงสูงได้โดยไม่ต้องแสดงเลยครับ ความหมั่นไส้นี่ก็ของจริง “ไม่ค่อยหลงตัวเองเลยนะพี่ ก็… อะแฮ่ม อย่างที่ทุกคนสอบถามกันเข้ามามากมายนะครับ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราสองคน ใช่ไหมพี่”

“ช่าย”

“ก็…” ผมยกสองมือขึ้นมาประกบกัน “วันนี้ผมจะมาแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ เพราะมีทั้งคนที่ inbox ถามเข้ามาที่หน้าเพจ ถามทั้งในคอมเม้นท์ มากมายเหลือเกิน ก็ขอบอกไว้ ณ ตรงนี้เลยนะครับว่า…” ผมเว้นช่วงนิดหนึ่งเพื่อกลั้นใจ “ผมกับพี่กชเราคบกันอยู่”

“อ่าฮะ”

ผมหันไปมองหน้าเขาทันที “อ่าฮะอะไรของพี่”

“อ้าว ก็ อ่าฮะ ใช่ไง” เขาตอบกลับมายิ้มๆ “เราสองคนคบกันอยู่ ก็ตามนั้นไงครับ”

“หันหน้าบอกคนดูสิพี่” ผมพยายามกลบเกลื่อนใบหน้าที่ร้อนขึ้นของตัวเองด้วยการทำเสียงกวนๆ ใส่เขากลับ “บอกผมทำไมล่ะ นู่น คนดูเขาอยากเห็นหน้าพี่เต็มๆ นู่น”

“ก็ทำไงได้อ่ะเนอะ คนมันหล่อ”

ความประหม่า กระดากเขินอายอะไรหายไปหมดเลยครับ พี่กชมีความสามารถลบความรู้สึกพวกนั้นออกจากผมได้จริงๆ เหลือแต่ความหมั่นไส้ล้วนๆ

“อืม” ผมแกล้งตีหน้าเซ็ง พยักหน้าแกนๆ “เอาเลยพี่ อยากจะพูดอะไรก็เชิญ”

“อ้าว มิวไม่ดีใจเหรอ ได้เป็นแฟนกับคนหล่อแบบนี้” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวเลื่อนมือมายีหัวผมแรงๆ พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้หน้าตาเฉย

นะ… น่ารัก

อยู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าไอ้พี่กชนี่น่ารักขึ้นมาซะงั้น?

เฮ้ย!? เดี๋ยว ใจเย้น นั่นรูมเมทมึงนะ!

“อ้าว ตายๆ หน้าแดงซะแล้ว สไลม์ยิ้มของเรา” พูดเสียงกลั้วหัวเราะไม่พอ ยังจะเลื่อนมือมาหยิกแก้มผมอีก โว้ย หน้าคนนะ ไม่ใช่ตุ๊กตายางยืด

“นี่ พี่กช พอเลยๆ ” ผมปัดมือเขาออก “จะได้เล่นไหมเนี่ย เกมเนี่ย คนดูเขารอดูอยู่นะครับ เอ้า เร็ว พร้อมยัง ผมจะกดเข้าเกมแล้ว”

“แล้วเราไม่ต้องหอมแก้มกันให้ผู้ชมดูก่อนเหรอ”

ผมหันขวับไปมองเขา เบิกตากว้างทันที “พี่กชว่าไงนะ”

“อ้าว” รอยยิ้มบนริมฝีปากเขาเปิดกว้างมากขึ้น “ไม่ใช่ว่าเราเตี๊ยมกันไว้แบบนั้นเหรอ? ”

เฮ้ย! บ้า ไม่ได้เต๊ยมไว้แบบนั้น! อันที่จริงคือเราไม่ได้เตี๊ยมอะไรกันเลยต่างหาก! พี่พูดบ้าอะไรของพี่เนี่ย!?

“บ้าเหรอพี่ เตี๊ยมอะไร” ผมหันหน้ากลับมาให้กล้อง รู้สึกว่าหน้าตัวเอวร้อนมาก “พอเลยๆ ผมจะเล่นเกมแล้ว พี่จะพูดอะไรไร้สาระก็ไปที่อื่นนู่น เสียเวลา”

“โธ่เอ๊ย แค่นี้ก็ทำเป็นเขิน” พูดพร้อมกับยื่นหน้าลงมากดปากลงบนแก้มผมอย่างรวดเร็วโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว

ส่วนตัวผมน่ะเหรอครับ สะดุ้งเฮือกจนตัวแทบจะลอยไปติดฝาเพดานห้องแล้ว ผมมองหน้าเพื่อนรุ่นพี่ที่ยังส่งยิ้มหวานยียวนมาให้อย่างไม่ทุกข์ร้อนอย่างไม่อยากจะเชื่อ

เล่นใหญ่ไปแล้ว! เล่นใหญ่ไปแล้วโว้ย!

“พอ! พอเลยพี่ มาเถอะครับ เริ่มเกมกันเลยดีกว่า พี่กชแม่ง เล่นอะไรไม่รู้ ไร้สาระ”

“อ้าว หอมแก้มแฟนนี่ผิดตรงไหน”

ยัง ยังไม่เลิกอีก เดี๋ยวอัดคลิปนี้จบนะ เดี๋ยวปั๊ด--

และเมื่อเราทั้งสองคนเข้าสู่บรรยากาศเล่นเกมแบบจริงจัง ไอ้ฉากหวานแหววสีชมพูเมื่อครู่ก็หายวับไป กลายเป็นผู้ชายสองคนที่เคร่งเครียดอยู่กับเกมผี และมือผมก็ชื้นเหงื่อจนเม้าลื่นไปหมดอีกตามเคย

“เฮ้ย มิว ทางนั้น นั่นๆ ๆ ๆ มันอยู่นั่น”

“แล้วพี่จะชี้ให้ผมวิ่งไปหาผีทำไมเล่า”

“มิว เทียนอยู่นั่นไง”

“วิ่งดิมิว! วิ่ง! ผีจะแดกหัว--- อ๊ากกกก/ว้ากกกกกก”

เสียงผมกับพี่มิวประสานกันอย่างไพเราะ ดีนะที่กำแพงกั้นห้องค่อนข้างหนา ไม่งั้นข้างคงมาเคาะประตูด่าทุกวันที่ผมทำคลิป

อัดไปได้ประมาณสี่สิบนาทีผมก็พูดปิดคลิปเหมือนเดิม ขอบคุณที่พี่กชยังหอบหายใจแฮ่กๆ จากที่โดนผีตุ้งแช่ใส่อยู่เลยไม่มีเวลามาหยอกผมต่อหน้าคนดูแบบตอนเปิดคลิป

“ให้ตายเถอะ” พี่กชว่าเสียงอ่อย “ไอ้เกมห่านี่มันจะยากเกินไปรึเปล่า แล้วผีมันแต่ละตัวนี่ก็… อื้อหือ”

“เออ มันยากขึ้นกว่าคราวก่อนหลายเท่าเลย” ผมเห็นด้วย “เทียนก็แทบจะไม่มีให้เห็น ให้ตายสิ โอ๊ย มือยังสั่นอยู่เลยอ่ะพี่ ตอนที่อยู่ตรงสุสานเมื่อกี้ผมตกใจจริงๆ นะ แบบ… นึกว่าหัวใจจะวายแล้ว”

“เหมือนกัน” อย่าได้คิดครับเฮียแกจะปลอบ ดีไม่ดีแกกลัวกว่าผมอีก “ทำไมเราต้องมาทรมานทรกรรมเล่นอะไรแบบนี้ด้วยวะ มิว เราเล่นเกมที่มันไม่น่ากลัวไม่ได้เหรอ”

“แต่เกมนี้มันเริ่มไปแล้วนี่ครับ ยังไงก็ต้องเล่นให้จบ” ผมว่า “แต่เดี๋ยวเราหาเกมอื่นมาสลับๆ กันบ้างก็ได้ ว่าแต่ พี่กช ไหนมาอธิบายซิ ไอ้ตอนเปิดคลิปนั่นมันอะไรกัน”

จำเลยของผมส่งยิ้มแหยๆ กลับมาให้ก่อนจะพูดแก้ตัว

“ก็ทำให้มันสมจริงไง มิว พี่ว่าตอนที่ทำนี่เป็นธรรมชาติมากๆ เลยนะ ไม่เชื่อลองเปิดย้อนดู”

“พี่จะเล่นใหญ่อะไรขนาดนั้นครับ” ผมถามพร้อมกับส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ คิดถึงเรื่องนี้ก็หน้าร้อนขึ้นมาอีกจนได้ “แค่ที่ผมพูดอย่างเดียวก็มีน้ำหนักมากพอแล้ว หรือที่พี่พูดตอบกลับมานั่นไง ต้องมาหอมก้งหอมแก้ม อูย ให้ตาย ขนลุก”

“ขนลุกจริงอ้ะ? ” พี่กชแกล้งถามอย่างยียวน น่ะ ยังไม่เลิกเล่นอีก

“ขนลุกดิพี่ ผมเป็นผู้ชายปกตินะ”

“แหม ก็เห็นหน้าแดง นึกว่าฟิน”

“พี่กช! ”

“เออๆ อย่าโวยวายนักเลยน่า” พูดพร้อมกับยีหัวผมอีกแล้ว ให้ตายเถอะ ผมยุ่งเพราะเขามากี่รอบแล้วเนี่ย! “เห็นว่าเนื้อย่างเมื่ออาทิตย์ก่อนอร่อยดีหรอก ก็ต้องเอาให้คุ้มค่าตัวหน่อยถูกไหม นี่พี่ทำเพื่อมิวเลยนะ”

เออ พูดถึงเรื่องนี้…

“แล้วอาทิตย์นี้พี่อยากกินอะไร”

“อืม” พี่กชคิดอยู่ครู่หนึ่ง “งั้น… อยากกินอาหารญี่ปุ่นมื้อหนึ่ง แล้วก็…”

“แล้วก็? ” อาหารญี่ปุ่นเหรอ อืม ถ้าไม่ใช่ร้านแพงๆ ก็พอไหว เขาไม่ได้บอกนี่ว่าร้านอะไร เอาแค่ถูกๆ ก็พอมั้ง

“แล้วก็อาหารฝีมือมิว”

“ฮะ? ” เมื่อกี้พี่กชพูดว่าอะไรนะ “อาหาร… ฝีมือผม? ”

“ใช่” เขาย้ำพร้อมกับยิ้มกว้าง มันอาจจะดูเป็นรอยยิ้มสดใสนะ แต่ผมว่ามันเหมือนแกล้งกันมากกว่า “พี่เลี้ยงง่ายนะ มิว กินอะไรก็ได้ มิวอยากทำอะไรให้พี่กินล่ะ? ข้าวผัดเป็นไง? ”

ไอ้รุ่นพี่บ้า

ถ้าจะตั้งเงื่อนไขกันแบบนี้ สู้ให้ผมพาไปเลี้ยงร้านแพงๆ ยังจะดีเสียกว่า





------------------------------------------------
Talk: งุ้ยยย ไปๆ มาๆ คู่นี้เขียนเพลินมาก รู้สึกเคมีสองคนนี้เข้ากันแปลกๆ XD
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 3) P.1 [25/12/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-12-2017 20:50:00
รู้สึกเหมือนกันค่ะ ว่าเคมีเข้ากันมาก
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 3) P.1 [25/12/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-12-2017 03:25:19
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 3) P.1 [25/12/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-12-2017 21:34:30
น่ารักดีอ่ะ มิวมีแอบเขินพี่กชด้วย จะหวั่นไหวกับพี่รึป่าวเนี่ย ส่วนพี่กชคิดอะไรกับน้องด้วยรึป่าว ทำไมยอมเป็นแฟนกับน้องง่ายจัง
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 3) P.1 [25/12/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 27-12-2017 19:09:13

บทที่ 4




“ก็พี่จำได้ว่ามิวเคยเล่าให้ฟังว่าที่บ้านทำร้านอาหาร แปลกเหรอถ้าพี่อยากจะกินอาหารฝีมือมิว”

“ถ้าพี่อยากจะกินข้าวร้านผมก็มากินที่ร้านผม ไม่ต้องมาตั้งเงื่อนไขว่าต้องเป็นฝีมือผม” ผมเถียงชายหนุ่มรุ่นพี่ที่ยังมีรอยยิ้มยียวนประดับอยู่บนใบหน้าเฉกเช่นเคย

วันนี้ผมพาเขามาที่ร้านอาหารตามสั่งของบ้านผมตามที่สัญญากับเจ้าตัวไว้ ที่นี่เป็นตึกแถวที่พ่อผมซื้อตั้งแต่โครงการก่อสร้างใหม่ๆ ส่วนบ้านหลังที่ผมอยู่ปัจจุบันก็อยู่ในหมู่บ้านลึกเข้าไปใกล้ๆ นี่แหละ

ที่นี่ทำเลดีมาก นอกจากจะมีตึกแถวแล้วยังมีหอพักต่างๆ เปิดเช่า บ้านผมจึงได้ลูกค้ากลุ่มนี้มาไม่ยากเพราะราคาไม่แพงและอาหารสะอาดรสชาติอร่อยเหาะ

ที่ผมพูดแบบนี้ได้เพราะแม่ครัวหลักคือแม่และป้าผมนี่แหละ แล้วก็ไม่ต้องมองผมแบบนั้นเลย ผมไม่ชอบการทำอาหารจริงๆ แม้ว่าที่บ้านจะเปิดร้านขายอาหารตามสั่งก็ตาม ไม่ใช่ว่าผมทำกับข้าวไม่เป็นนะ แต่ไม่ชอบทำ

“อ้าว มิว มาแล้วเหรอลูก” คุณนายธีรตา แม่ผมเยื้องย่างออกมาจากหลังครัวแล้วหลังจากที่ผมฝากพี่เบล หัวหน้าสาวเสิร์ฟประจำครัวเราให้ไปตามหม่อมแม่มา โชคดีที่ตอนนี้ลูกค้ายังไม่แน่นร้านนัก แม่ผมเลยปลีกตัวออกมาได้

“สวัสดีครับแม่” ผมยกมือไหว้ พี่กชทำตาม แม่กับพี่กชเคยเจอกันมาก่อนตอนผมย้ายเข้าไปอยู่หอแล้ว เพราะงั้นจึงไม่ต้องเสียเวลาทำความรู้จักกันมาก

“ไงจ๊ะ เห็นวันนี้มิวบอกว่าพี่กชอยากกินอาหารร้านป้าเหรอ” แม่ผมพูดยิ้มๆ พี่กชหัวเราะเบาๆ ก่อนจะขยายความ

“ครับ ผมบอกว่าผมอยากกินกับข้าวที่มิวทำ”

“ตายแล้ว! จะดีเหรอลูก” คุณแม่อุทานเสียงหลง แทบจะยกมือขึ้นมากุมอกอยู่ร่ำร่ำ “ฝีมือมิวเนี่ยนะ จะกินได้รึเปล่าก็ไม่รู้”

“เกินไปแม่” ผมแยกเขี้ยวใส่แม่ตัวเอง “มิวไม่ได้ทำอาหารแย่ขนาดนั้นสักหน่อย มาครับ พี่กช เลือกที่นั่งเลย เดี๋ยวผมไปทำข้าวผัดมาให้”

“ข้าวผัดอย่างเดียวจะพอเหรอลูก” เสียงคุณนายธีรตาผู้เห็นทุกคนที่อายุน้อยกว่าตัวเองเป็นลูกหันไปถามพี่กชไล่หลังผมมา “ให้มิวทำอย่างอื่นมาด้วยไหม ผัดผักอะไรงี้”

“ผมไม่ทำนะแม่! ” ผมรีบดักคอ ก็ตกลงกันไว้แค่ข้าวผัด จะมาผัดผักอะไรอีกล่ะ

“เดี๋ยวเถอะ! พี่เขาอุตส่าห์มาถึงบ้าน พูดจาแบบนี้ได้ยังไง! ” แม่ผมตะโกนกลับมาเสียงดุ ส่วนไอ้รุ่นพี่ตัวแสบหัวเราะร่า

“แค่ข้าวผัดของมิวอย่างเดียวก็พอครับ”

ใช่ ต้องให้ได้แบบนั้น ไอ้พี่ที่รัก ผมไม่ใช่คนชอบทำอาหาร และพี่กชก็รู้เพราะผมเคยเล่าให้ฟังแล้ว ผมว่าเพราะเฮียแกรู้นี่แหละถึงได้จงใจระบุว่าอยากกินกับข้าวฝีมือผม ไอ้เรื่องแกล้งกันนี่ชอบนัก

“ไง มิว” ป้าแท้ๆ ของผมเอ่ยทักก่อนจะทำตาเหลือเมื่อเห็นผมหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่ “ตายล่ะ นี่มิวจะเข้าครัวเองเลยเหรอเนี่ย ตายแล้ว พรุ่งนี้หิมะต้องตกในเมืองไทยแน่”

“ก็มากไปป้านิด” ผมเบ้ปาก “วัตถุดิบอะไรงี้ยังอยู่ที่เดิมใช่ไหมครับ งั้นผมขอลงมือเลยนะ”

และสาเหตุหลักๆ ที่ผมไม่ชอบทำอาหารเลยก็คือ…

“มิว ลูกใส่น้ำมันเยอะไปหรือเปล่า แล้วกระทะใครเขาให้ถือแบบนั้น จับให้มันทะมัดทะแมงหน่อย” แม่ผม

“ตายแล้ว มิว ใครให้หนูหั่นกุ้งแบบนั้น แล้วแครอทนั่นไม่ใหญ่ไปหน่อยเหรอ เดี๋ยวคนกินเขาก็ติดคอหรอก” นี่ป้า

“ไข่เลอะหมดแล้วลูก มิว ตั้งใจทำหรือเปล่าเนี่ย”

“ระวังอย่าให้ข้าวแฉะนะลูก เดี๋ยวไม่อร่อย”

และอีกสารพัด

นี่แหละครับ สาเหตุที่ผมชอบเข้าครัว คือไม่ใช่ว่าผมทำกับข้าวไม่เป็นนะ ถ้าจำเป็นก็ทำได้ แต่ถ้าเลือกจะขอเลี่ยงดีกว่า ต่อให้ทำคนเดียวไม่คนคุม แต่ผมจะรู้สึกเหมือนมีเสียงของแม่กับของป้ามากรอกหูอยู่แบบนี้ตลอด และมันทำให้ผมไม่มีความสุขกับการทำกับข้าวเลย

ในที่สุดป้าและแม่ของผมก็ผละออกไปเพราะเริ่มมีออเดอร์เข้ามา ทำไมลูกค้าถึงไม่มาให้เร็วกว่านี้นะ นี่ผมทำจนจะเสร็จอยู่แล้ว

ผมวางจานข้าวผัดกุ้งสองจานลงบนโต๊ะที่พี่กชนั่งอยู่ เจ้าตัวละหน้าขึ้นมาจากมือถือพร้อมกับส่งยิ้มมาให้

“กลิ่นหอมจัง มิว น่าทานสุดๆ ”

“แน่นอนสิพี่” ถึงจะรู้ว่าตัวเองไม่ได้ทำกับข้าวเก่ง แต่คนตั้งใจทำมาแล้วมันก็ต้องออกมาดีสิ “ผมรักษาคำพูดอยู่แล้ว แต่พี่นี่ก็บ้านะ เลือกร้านแพงๆ ก็ได้แท้ๆ แต่ดันมาหวังพึ่งฝีมือการทำอาหารของผม เสียใจทีหลังไม่รู้ด้วยล่ะ”

“เสียใจทำไม” พูดพร้อมกับตักข้าวเข้าปากเคี้ยว “ข้าวผัดนายก็อร่อยดีออกนี่”

ผมลองตักเข้าปากเพื่อชิมรสมือตัวเองบ้าง อืม ก็พอใช้ได้ แน่ล่ะว่ามาตรฐานแค่นี้แม่ผมคงไม่ให้ผ่าน แต่สำหรับผมเท่านี้ก็ดีมากพอแล้ว

แล้วแม่ก็วางจานผัดผักกับกุ้งชุบแป้งทอดลงตรงหน้า ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่ส่งยิ้มบางมาให้

“เอ้า ทานกับข้าวผัดนะลูก กินแต่ข้าวผัดอย่างเดียวเดี๋ยวไม่อิ่ม”

“ขอบคุณครับแม่” ผมยิ้มตอบ กุ้งชุบแป้งทอดนี่อาหารจานโปรดผมเอง แม่เลื่อนมือมาลูบหัวผมทีหนึ่งก่อนจะผละไปรับออเดอร์จากลูกค้า ผมตักกุ้งชิ้นหนึ่งมาไว้ในจานตัวเองพร้อมกับโรยน้ำบ๊วย อารมณ์ดีขึ้นมาทันทีกับกุ้งฝีมือแม่

“โห ยิ้มหน้าบานเชียวนะ” พี่กชยิ้มพร้อมกับพูดแซว ผมยิ้มตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน แถมยังใจดีตักกุ้งให้คุณพี่อีกด้วย

“แน่นอนสิพี่ ผมชอบกุ้งชุบแป้งทอด”

“ทานผักนี่ด้วยสิ คุณแม่อุตส่าห์เอามาให้” เขาตักผัดผักคืนให้ผม แน่นอนว่าผมกินทุกอย่างที่อยู่ในจานตัวเองหมดเรียบ มีครอบครัวทำร้านอาหารงี้ ขอบอกว่ารู้คุณค่าข้าวทุกเม็ด

ผมกับพี่กชนั่งย่อยอยู่อีกครู่หนึ่ง ผมเล่าให้อีกฝ่ายฟังว่าห่างจากร้านผมไปอีกไม่กี่ซอยคือซาฟารีเวิลด์ ถ้าพี่กชสนใจอยากไปเจอเพื่อนในนั้นก็ขับรถไปได้ รุ่นพี่ตัวโย่งเอื้อมมือมายีหัวผมแรงๆ อย่างคาดโทษที่ไปเหมารวมเขากับสัตว์ในสวนสัตว์ ทำไมล่ะ ก็หน้าออกจะคล้ายๆ กัน น่าจะคุยกันรู้เรื่อง

“แม่” เสียงเรียกของน้องสาวผมดังขึ้นเรียกความสนใจจากผมและพี่กชทันที “มอสขอเงินค่า---” เสียงของเด็กสาวเงียบไปเมื่อหันมาเห็นผมกับรูมเมท เจ้าตัวอ้าปากกว้างขึ้น แต่ยังไม่ทันพูดอะไรก็พุ่งเข้ามาหาผมทันที

“ใจเย็น มอส” ผมรีบปรามน้องสาวที่ศึกษาอยู่ในระดับชั้นม.4 มอสรวบผมหางม้าขึ้นไปด้านบน มันแกว่งไปมาอย่างน่ากลัวตอนที่กระแทกเท้าปรี่เข้ามา “ห้าวนะเนี่ยเรา เจอพี่ไม่ยกมือไหว้เลยเหรอ หือ”

“นี่มันแฟนพี่---”

“ชู่ว” ผมรีบยกนิ้วชี้แตะปาก หันมองว่าแม่หรือป้านิดอยู่แถวนี้ไหม ส่วนพี่กชงอตัวลงไปกลั้นหัวเราะเรียบร้อยแล้ว จะมาเส้นตื้นอะไรตอนนี้ “อย่าเพิ่งพูดอะไรเรื่องนี้ได้ไหม อยากให้แม่หัวใจวายตายเหรอ”

“พี่มิวรู้ไหมว่าเพื่อนมอสพูดถึงเรื่องพี่มิวกับผัวพี่ด้วยนะ”

คำพูดนั้นทำเอาผมสะดุ้ง ส่วนพี่กชหลุดหัวเราะออกมานิดหนึ่งอย่างกลั้นไม่อยู่ โอ๊ย ให้ตาย… แค่เพราะคำพูดพล่อยๆ คำเดียวที่หลุดไปในคลิปนี่ทำเอาผมได้ผัวกันเลยทีเดียว

“ใจเย็น มอส” ผมรีบดึงตัวน้องสาวที่ค่อนข้างห้าวของตัวเองลงมากระซิบ “พี่กับพี่กชไม่ได้เป็นอะไรกัน”

“อ้าว” เจ้าหล่อนทำหน้างง “แล้วที่เขาบอกว่าพี่สองคนคบกันนั่นล่ะ? ”

“ก็ เอ่อ พวกพี่แกล้งคบกันอยู่น่ะ”

มอสขมวดคิ้วมุ่น “แล้วทำไมต้องแกล้งคบด้วย”

“ก็มีอะไรหลายอย่าง” ขี้เกียจอธิบายว่ะ “แต่ฟังนะ ห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร เข้าใจไหม”

“เรื่องไหน เรื่องที่พี่แกล้งคบหรือเรื่องที่ทุกคนลือกันว่าพวกพี่คบกัน”

เออ นั่นสิ เรื่องไหนล่ะคราวนี้ จะพูดยังไงดี

“เอางี้ เอาเป็นว่าพี่กับพี่กชกำลังคบกันอยู่ แต่ห้ามบอกพ่อกับแม่เรื่องนี้ เข้าใจไหม”

“แล้วเรื่องแกล้งคบล่ะ? ตกลงว่านี่คบกันจริงๆ หรือว่าแกล้งคบกันแน่”

โอย ปวดหัว

“แกล้งคบเฉยๆ เฟ้ย! ” ผมแยกเขี้ยวใส่ไอ้มอส “พี่แกเป็นผู้ชายแท้นะ ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”

“ไม่เห็นจะสน”

เออ ก็เป็นงี้ทุกที

“เอาเป็นว่าเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วยแล้วกัน ถ้าคุยกับเพื่อนก็บอกว่าพี่กับพี่กชคบกัน”

“มอสไม่สนใจเรื่องชาวบ้านหรอก แม่! มอสขอตังค์ค่าเข้าค่ายหน่อย” แล้วเจ้าตัวก็สะบัดแขนหลุดจากการเกาะกุมของผมแล้วจากไป เห็นยัยจอมแก่นนี่แล้วอดไม่อยู่ต้องถอนหายใจออกมาเฮือก พี่กชโน้มหน้าลงมาพูดเสียงเบาอย่างไม่แน่ใจ

“จะดีเหรอมิว เกิดน้องมิวไปบอกเพื่อนที่โรงเรียนแล้วความแตกขึ้นมา---”

“ไม่หรอกครับ” อย่างน้อยผมก็เชื่อใจน้องสาวตัวเอง อีกอย่าง… “มอสไม่ค่อยสนเรื่องของใครหรอก ต่อให้คนอื่นเขาเม้าท์กันเรื่องเรา ยัยนั่นก็ไม่คิดจะร่วมวงด้วยอยู่แล้ว”

“แต่น้องมิวก็ยังอุตส่าห์รู้นะ” พูดยิ้มๆ

“ก็นะ มันคงดูช่องผมอยู่บ้างเหมือนกันมั้ง งั้นถ้าพี่กินเสร็จแล้วผมไปเอาของที่ห้องหน่อย พี่กชจะมาด้วยไหม”

กรกชชะงักไปทันทีด้วยท่าทางไม่แน่ใจ “ห้องของมิว… หมายถึงห้องนอนของมิวในบ้านของมิวอะนะ”

“ก็ใช่ดิพี่” ถามอะไรแปลกๆ “ผมว่าจะไปเอาจอยสักหน่อย จะได้ต่อเล่นกับคอมที่หอได้ง่ายๆ ผมว่าจะซื้อเกมในสตรีมเกมหนึ่งมาเล่นอยู่ มันเล่นพร้อมกันสองคนได้ด้วยนะ พี่จะได้ไม่ต้องนั่งหน้าเมื่อยเวลาผมเล่น แต่เกมนี้ถ้าไม่มีจอยจะเล่นยากมาก อีกอย่างถ้าเล่นสองคนยังไงก็ต้องใช้จอยแหละ ไม่งั้นเล่นไม่ได้ โชคดีที่ผมมีจอยเก็บไว้หลายอันอยู่ เมื่อก่อนใช้เล่นกับมอสแล้วก็ลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆ จะได้ไม่ต้องเสียตังค์ซื้อใหม่”

พี่กชส่งยิ้มกลับมาให้ผม “มิวนี่พอพูดเรื่องช่องของตัวเองหรือเรื่องเกมนี่อารมณ์ดีขึ้นมาเลยนะ ชอบมากจริงๆ เลยสิ? ”

“อ้าว แหงดิพี่” ผมตอบพร้อมกับหัวเราะร่วน “ไม่งั้นผมจะทำช่องเกี่ยวกับการเล่นเกมของตัวเองทำไมล่ะ มาครับ พี่กช ขึ้นมาก่อน ห้องผมอยู่ทางนี้”

ผมพารูมเมทรุ่นพี่เข้ามาในห้องส่วนตัวของตัวเอง มีโปสเตอร์เกมกับอนิเมะการ์ตูนญี่ปุ่นแปะอยู่บนผนังสามสี่แผ่น พี่กชกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะเดินไปสำรวจฟิกเกอร์จากเรื่องดราก้อนบอลที่เรียงรายอยู่บนชั้น

นั่น… เห็นนะว่ามองนมกับขาอ่อนบลูม่าอยู่ ผมรู้ ผมเคยทำมาก่อน

ผมยัดจอยเกมใส่กระเป๋าเป้ที่เตรียมมาอย่างรวดเร็ว พี่กชเดินไปนั่งที่เก้าอี้ กวาดตาดูหนังสือที่เรียงรายบนชั้นวาง

“อ่านการ์ตูนเยอะจัง”

“สนุกนะพี่ เรื่องที่พี่มองอยู่อะ ถ้าอยากยืมก็เอาไปได้นะ”

“เออ มิว”

“หืม? ” ผมถามกลับโดยที่มือยังสาละวนกับกระเป๋าตัวเอง “ว่าไงครับ”

“ผลตอบรับของคลิปที่แล้วเป็นไง”

ผมเงยหน้าขึ้นมองคนถามทันทีก่อนจะเหยียดยิ้มกว้าง “ก็… ดีครับ ถล่มทลายมากมาย ผมได้ยอดวิวกับยอดซับขึ้นเกือบเท่าตัวได้มั้ง”

“แล้วนอกจากนั้นล่ะ? ”

“นอกจากนั้นอะไร? ”

“ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าตอนนี้คนอื่นมองเราสองคนยังไงล่ะ”

ผมยักไหล่ “ก็ใช่ครับ ทุกคนก็ตื่นเต้นกันดีที่เราทั้งคู่เป็นแฟนกัน”

“แล้วมิวโอเคกับเรื่องนั้นเหรอ”

“อ้าว” อดไม่ได้ ต้องหลุดหัวเราะออกมานิดนึง “ผมเป็นคนขอให้พี่ช่วยเล่นเป็นแฟนเองนะ ถ้าผมไม่โอเคแล้วจะทำยังไงล่ะ”

“แล้วตกลงว่าโอเคหรือไม่โอเค? ”

“ก็ต้องโอเคดิพี่” ผมสบตาเขาตรงๆ “ตอนนี้ช่องผมแม่งโคตรบูม นี่วันก่อนผมเพิ่งได้คุยกับนักแคสที่ดังๆ คนหนึ่งมา ผมว่าคราวหน้าจะลองเล่นเกมกับเขาสักตาอยู่”

“แล้วมิวไม่รู้สึกแย่เหรอที่คนอื่นมองว่ามิวชอบผู้ชาย”

ผมคิดตามคำถามนั้น จะหาว่าผมหมกมุ่นอยู่กับชาแนลของตัวเองมากไปก็ได้นะครับ แต่นอกจากเรื่องที่ว่าคำโกหกนี่ทำให้ช่องของผมมีคนดูเพิ่มขึ้นแล้ว ผมแทบไม่คิดถึงแง่มุมอื่นๆ เลย

ในที่สุดผมก็ส่ายหน้ากับคำถามที่ว่า “ก็ไม่นี่ครับ พี่กช อีกอย่าง เรื่องแบบนี้สมัยนี้ก็ปกติจะตายไปไม่ใช่เหรอ”

ไม่รู้ทำไม แต่ผมรู้สึกเหมือนเพื่อนรุ่นพี่ผมจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกนิดหนึ่ง

“งั้นเหรอ”

“หรือว่าพี่รู้สึกไม่ดี? ”

“เปล่าๆ ” โบกมือกลางอากาศ “ถ้ารู้สึกไม่ดีคงไม่ตอบรับคำขอร้องของมิวหรอก”

ผมแยกเขี้ยวใส่เขา “ไม่ต้องเน้นคำว่า ‘ขอร้อง’ ขนาดนั้นก็ได้ครับ”

“แต่อย่างนี้เราก็ไม่ควรบอกใครพร่ำเพรื่อปะว่าไม่ได้คบกันจริงๆ ” เขาพูดพร้อมกับหยิบโตเกียวกูลเล่มหนึ่งขึ้นมานอนอ่าน ผมเช็กว่าไม่ลืมอะไรที่ควรเอาไปจากห้องอีกครั้ง

“ก็คงงั้นแหละครับ แต่ผมบอกไอ้เก่งนะ แล้วก็บอกไอ้มอสไปเมื่อกี้”

“งั้นพี่บอกเพื่อนตัวเองก็ได้ใช่ไหม”

“ครับ แต่ยังไงก็ขออย่าให้เพื่อนพี่เอาไปแฉก็แล้วกัน เดี๋ยวจะมีเรื่องดราม่า” เอาจริงๆ ก็กลัวอยู่เหมือนกันครับว่าถ้าความแตกแล้วจะมีโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นกับตัวผมและช่องของผม แต่ตอนนี้ยังไม่อยากไปกังวลถึงตรงนั้น ขอกอบโกยช่วงขาขึ้นนี้ไปก่อน

“เออ ไม่ต้องห่วงหรอก แต่พอเราจะเลิกเล่นเป็นแฟนนี่กันจริงๆ ขึ้นมาจะทำไงอ้ะ? มิวจะบอกคนดูว่าไง”

“ก็… คงบอกว่าเลิกกันแล้ว อะไรงี้มั้งครับ”

“ต้องพูดด้วยสินะว่าเข้ากันไม่ได้” พี่กชยิ้มยียวน ผมหัวเราะรับขณะรูดซิปกระเป๋าปิด

“ใช่สิพี่ นั่นมันแพทเทิร์นคลาสสิคอยู่แล้ว แต่กว่าจะถึงตอนนั้น ผมว่าทุกคนคงเบื่อๆ กับคู่ของเราแล้ว” อย่างน้อยผมก็หวังว่าแบบนั้นนะ

เสียงเคาะประตูดังขึ้น คนที่โผล่หน้าเข้ามาคือพ่อของผมเอง

“ไง มิว มอสบอกว่ามิวอยู่บนห้อง”

“สวัสดีครับ” พี่กชยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างรู้มารยาท พ่อผมรับไหว้อย่างรวดเร็วก่อนจะเลิกคิ้วข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม ลืมไป พ่อยังไม่เคยเจอพี่กชนี่หว่า ตอนที่ผมย้ายเข้าหอมีแต่แม่ที่ได้เจอ

“นี่พี่กชครับพ่อ รูมเมทผมไง”

“อ้อ” พยักหน้าหงึกหงัก จากนั้นก็ยื่นอะไรบางอย่างมาให้ “นี่น่ะ มิว พ่อได้มา ให้มอสไปแล้วสองใบเลยเอามาให้มิวอีกสองใบ เผื่ออยากไปกับเพื่อน”

“อะไรเหรอพ่อ” ผมรับตั๋วอะไรสักอย่างมา ก้มลงดูก่อนจะร้องอ้อ “ตั๋วไปซาฟารีน่ะเอง”

“ชวนพี่กชไปเที่ยวสิ” พูดพลางพยักพเยิดไปทางเพื่อนรุ่นพี่ของผม “อยู่ใกล้ๆ ตรงนี้เอง แต่วันนี้อาจจะช้าไปหน่อย จะเที่ยวไม่คุ้ม”

“ขอบคุณครับพ่อ” ผมว่า มีบ่อยครั้งเหมือนกันที่พ่อจะได้ตั๋วเข้าสวนสัตว์แห่งนี้มา ผมกับมอสนี่ย่ำปรุหมดแล้ว “แต่วันนี้คงไม่ได้แล้ว ช้าไปอย่างที่พ่อว่าแหละ นี่เดี๋ยวผมกับพี่กชก็กำลังจะกลับหอแล้วด้วย”

“อ้อ เดินทางดีๆ แล้วกัน” พูดเพียงเท่านั้นแล้วก็หายหน้าไป ผมหันกลับมามองรุ่นพี่ที่มองบัตรเข้าสวนสัตว์ในมืออย่างสนใจ ผมเลยยื่นให้เขาดู

“อ้ะ พี่ ผมให้ พี่จะเอาสองใบเลยก็ได้นะ ซาฟารีผมไปบ่อยแล้ว เผื่อพี่อยากพาสาวไปเดท”

“เดท? ” เขาทวนคำงงๆ ขณะพลิกดูด้านหลัง “นี่ยังเหลืออีกตั้งสามเดือนกว่าจะหมดอายุนี่”

“ใช่ พี่ ไม่ต้องรีบก็ได้ ไว้หาสาวได้ก่อนค่อยไป นี่นะ ขอบอกเลยว่าถ้าพี่ไปซื้อหน้าประตูนี่ ค่าเข้าคนหนึ่งเกือบหกร้อยเลยนา เอ ใช่เปล่าหว่า ประมาณนั้นมั้ง ผมก็ลืมๆ แล้ว ว่าแต่พี่เคยไปหรือเปล่า ซาฟารีเวิลด์เนี่ย”

“ไม่อ้ะ ไม่เคย”

“โห จริงดิ” สำหรับผมที่ไปบ่อยพอๆ กับห้างแถวบ้านถือว่าเป็นเรื่องน่าแปลกใจทีเดียว “งั้นก็โอกาสดีเลย พี่จะได้ไปเยี่ยมเพื่อนๆ พี่ในนั้นไง โธ่ แล้วก็ไม่บอก ป่านนี้พี่คงเหงาแย่แล้ว ไม่ได้เจอฝูงตั้งนาน เมื่อกี้ถ้า--- เอ๊ย! พี่ ทำอะไรเนี่ย!? ”

“เงียบปากเลย ไอ้ตัวแสบ”

ผมร้องเหวอเพราะอีกฝ่ายโจนตัวเข้ามาทุ่มผมลงบนเตียง ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัวอะไรไอ้คุณพี่กชก็จี้นิ้วลงมาบนเอวของผมอย่างบ้าคลั่ง

...จะเหลืออะไรล่ะครับ ดิ้นสิ!

“โอ๊ย! ฮ่าๆ ๆ ๆ พี่กช ไม่เอา ผมล้อเล่น พะ… พี่ก๊ช! ฮ่าๆ ๆ พอแล้ว พอแล้ว---”

“จะพูดล้อเลียนรุ่นพี่อีกไหม หา แล้วว่าใครเป็นเพื่อนกับสิ่งมีชีวิตในสวนสัตว์ หือ? ”

ผมพยายามจับมือเขาให้หยุดจี้เอวผมสักที แต่พี่กชแข็งแรงเป็นบ้า ผมรวบมือเขาไว้ไม่อยู่เลย โอ๊ย ตาย หายใจไม่ทัน… หายใจไม่ทันแล้ว

“พะ… พี่กช ผมขอโทษ ผมไม่ล้อแล้ว---”

ผมหอบหายใจระรัวทั้งที่ริมฝีปากยังเปื้อนยิ้ม แต่เมื่อผมได้สบตากับคนด้านบน อยู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าเสียงทั้งหมดถูกกลืนหายไปในลำคอ

พี่กชมีดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ไม่ได้ดำสนิทเหมือนกับของผม สายตาของเขามักจะแฝงแววขี้เล่น ยียวนกวนประสาท หรือไม่งั้นก็ฉายแววเบื่อหน่ายไปเลยตามประสาคนขี้เบื่อ

แต่ตอนนี้เขามีแววตาที่แปลกออกไป มันเป็นสายตาที่ผมไม่แน่ใจว่ามันหมายความว่าอะไร

แต่… มันทำให้ผมใจเต้นแรงขึ้น

คือแค่จากที่หอบหายใจหนักหน่วงนี่ก็ทำให้หัวใจผมเต้นรัวอยู่แล้ว นี่มันยังจะเต้นแรงขึ้นได้อีกเหรอ?

“พี่กช? ” ผมเรียกเขาอย่างไม่แน่ใจขณะที่ร่างสูงผละออกจากผม เขาเลื่อนมือขึ้นถูกับแก้มแดงๆ ของตัวเองราวกับต้องการกลบเกลื่อนบางอย่าง

ให้ตาย… ทำไมเขาดูน่ารักแบบแปลกๆ จัง แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยที่ผมเห็นว่าเขาน่ารัก

“โทษที แกล้งแรงไปเหรอ” เขาถามโดยที่ไม่มองหน้าผม

“ก็… เปล่าครับ ผมไม่เป็นไร”

“อื้อ” ยัง ยังไม่มองผมอีก “งั้น… เรากลับกันเลยไหม หยิบของครบแล้วรึเปล่า”

แล้วพี่แกจะหน้าแดงทำพระแสงอะไรครับเนี่ย!?



------------------------------------
Talk: อ้าวๆๆ ใครจะคิดไม่ซื่อก่อนกันเนี่ย ถถถถถถถ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 4) P.1 [27/12/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 27-12-2017 20:13:03
 :m11: :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 4) P.1 [27/12/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-12-2017 01:39:03
พี่กชคิดไม่ซื่อก่อนแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 4) P.1 [27/12/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: karamailpraleen ที่ 28-12-2017 03:20:25
พี่กชสายเนียน55555555
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 4) P.1 [27/12/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 28-12-2017 21:06:37

บทที่ 5




Comment#17: เราว่าช่วงนี้พี่มิวเล่นเกมดูสนุกขึ้นไหมอ่ะ พอพี่กชมาเล่นด้วยแล้วดูพี่มิวเล่นสนุกขึ้นเยอะเลย

Comment#29: ชอบดูสองคนนี้เล่นเกมคู่กันจัง จะรอนะคับ

Comment#78: พอประกาศว่าเป็นแฟนกันแล้วรู้สึกจะฟินมากขึ้น

Comment#111: อยากเห็นพี่กชหอมแก้มพี่มิวอีก

Comment#112: เห็นด้วยกับเม้นท์บน





เฮ้ย เดี๋ยวๆ ๆ ไอ้คอมเม้นท์สองอันนี้นี่ยังไง ไม่สิ พอดูดีๆ แล้วไม่ใช่แค่สองเม้นท์นี้นี่หว่า พอมีคนหนึ่งจุดประเด็นขึ้นมาทีนี่ คนอื่นๆ ก็ตามมาเป็นพรวนราวกับนัดกันมา





Comment#712: คราวหน้าจูบปากเลย หอมแก้มไม่พอแล้ว





เอ้า! นี่หนักกว่าชาวบ้านเขาเลย มายุให้จงให้จูบ โว๊ะ! มีอะไรดีเหรอกับการที่ผู้ชายสองคนจูบปากกันน่ะ

ผมเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์อย่างต่อเนื่องเพื่ออ่านคอมเม้นท์ใต้คลิปตัวเอง ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นเรื่องผมกับพี่กชนี่แหละ

มีแต่พวกคอมเม้นท์จากแฟนคลับคนก่อนๆ นี่แหละที่ยังพอเกี่ยวกับเรื่องเกมอยู่บ้าง นั่น! มีคนชมว่าผมเล่นเกมเก่งด้วย! โฮ อยากจะร้องไห้ เขาไม่รู้หรอกว่าผมพยายามแค่ไหนกว่าจะผ่านด่านนั้นได้ โฮ

เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น ผมหันไปมองตามร่างของรุ่นพี่ที่เปลือยท่อนบนอย่างไม่สะทกสะท้านเฉกเช่นเคย และปกติผมก็ไม่ได้คิดอะไรด้วย

แต่… แต่ทำไมครั้งนี้รู้สึกใจเต้นแปลกๆ เดี๋ยวนะ! นี่มันไม่ใช่ล่ะ

“ไง มิว เตรียมเสร็จยัง” พี่กชถามขณะที่ยกผ้าขึ้นเช็ดผมที่เปียกปอนของตัวเอง “เดี๋ยวพี่เป่าผมแต่งตัวเสร็จแล้วเริ่มอัดเลยก็ได้นะ เพราะเดี๋ยวต้องตัดต่ออีกไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวคนดูจะรอนาน”

“ครับ” ผมตอบกลับขณะหันหน้ากลับไปง่วนกับหน้าจอของตัวเอง “ผมต่อจอยเตรียมไว้แล้ว เดี๋ยวลองเล่นดูสักหน่อย ถ้าโอเคก็เดี๋ยวเริ่มอัดได้เลย”

“โอเค”

ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินตัวปลิวไปที่ตู้เสื้อผ้าโดยที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว นี่ผมก็อยู่กับเขามาตั้งหลายเดือนแล้วนะ แต่ไม่รู้ทำไม ครั้งนี้มันรู้สึกเหมือนเขาไม่ควรทำตัวรุ่มร่ามแบบนั้น แล้วเหตุผลครั้งนี้ก็ไม่ใช่เพราะเขาเดินเข้ามาในกล้องด้วย

เอาล่ะ ก่อนอื่นเลย ตั้งสตินะมิว ถึงตอนนี้พวกเราจะเล่นเป็นแฟนกันอยู่แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ อีกอย่าง เขาเป็นผู้ชายเหมือนกัน จะมาตื่นเต้นไร้เหตุผลแบบนี้ไม่ได้

“มิว” เสียงเรียกของคนด้านหลังทำเอาผมสะดุ้งแรงๆ “เฮ้ย ตกใจอะไรขนาดนั้น ขวัญอ่อนไปเปล่าเนี่ยเรา เอ้า มาแล้ว จะเริ่มอัดเลยปะเนี่ย”

“อ่า โอเคครับ งั้นเดี๋ยวผมกดอัดเลย พี่เคยใช้จอยเล่นเกมใช่ไหม”

“เคย” เขาว่า ดึงเก้าอี้เข้ามาชิด

และเพราะเจ้าตัวใส่เสื้อกล้ามและผมใส่เสื้อแขนสั้น ผิวเนื้อบริเวณช่วงแขนจึงโดนกันเพราะเขาเบียดเข้ามา ผมไม่ได้ขยับตัวหนีนะ แต่แข็งทื่อไปเลยเหมือนโดนไฟฟ้าช็อต นั่นทำเอาพี่กชที่เตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วถามงงๆ

“มิว เป็นไร พี่พร้อมแล้ว มิว” ไม่พูดเปล่า ยังจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วหายใจรดอีก “ฮัลโหลๆ ยังอยู่รึเปล่าเนี่ย”

“อยู่! ” เท่านั้นแหละผมรีบผลักเขาออกแทบไม่ทัน “มา พี่ เริ่มกันเลยดีกว่า เสียรอเวลารอพี่อาบน้ำมานานมากล่ะ ไล่ให้ไปอาบตั้งแต่ชั่วโมงก่อนก็ไม่ยอมไป”

“ก็ขี้เกียจอ้ะ” ยัง ยังไม่สำนึกอีก

ว่าแล้วผมก็กดอัดวิดีโอ พูดเปิดคลิปพร้อมกับรอยยิ้มสดใสพร้อมกับทักทายผู้ชม หลังๆ มานี้ผมแคสเกมคู่กับพี่กชบ่อยจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว และเหมือนผู้ชมก็ชอบใจกับเรื่องนี้เสียด้วย

“เอาล่ะนะครับทุกคน พร้อมลุยไปกับพวกเราหรือยังครับ? ” ผมถามด้วยท่าทางอารมณ์เบิกบานเต็มที่ (กลบเกลื่อนไอ้อาการแปลกๆ ของตัวเองนี่แหละ) นิ้วเตรียมกดปุ่มบังคับจอยอย่างกระตือรือร้น

“พร้อมแล้ว” เสียงที่ตอบมาอย่างกวนตีนไม่ใช่ใครอื่น รุ่นพี่รูมเมทของผมเอง ผมเลยรับมุกด้วยการค้อนเขาทีหนึ่ง

“พี่ก็ต้องพร้อมสิ นี่จะเริ่มอยู่แล้วเนี่ย ถ้าไม่พร้อมจะเล่นยังไงล่ะครับ”

และแล้วเกมก็ได้เริ่มขึ้น

เกมวันนี้ที่ผมเลือกเป็นเกมใหม่ที่คะแนนรีวิวดีมากๆ เล่นได้สองคน เป็นการผจญภัยตะลุยด่านไปเรื่อยๆ ผมรับบทเป็นไอ้ตัวแดง ส่วนพี่กชเป็นตัวฟ้าตามประสาผู้เล่นหมายเลขสอง

ช่วงแรกๆ ของเกมก็ยังเฮฮารื่นเริงกันดีนะครับ ผมก็ลองกดปุ่มตามที่เกมมันสอนเล่น สอนพี่กชที่ดูจะงงในตอนแรก แต่ไม่กี่นาทีผ่านไป เหมือนว่าผมเริ่มจะได้กลิ่น…

“เฮ้ย พี่กช เดินเร็วๆ หน่อยดิพี่ ชักช้าอะไรอยู่เนี่ย”

ไอ้ตัวฟ้าก็ยังเอื่อยเฉื่อย ยิงปืนแบบเหลาะแหละไปตามเรื่องตามราว

“กำลังไปอยู่นี่ไง อย่าใจร้อนสิ”

ตัวแดงของผมกำลังซัดกับศัตรูอย่างเมามัน และเมื่อตัวตรงหน้าตายไปแล้วผมก็บังคับให้มันพุ่งทะยานไปต่อ

ติดแต่ไอ้ตัวฟ้าที่ยังไม่รีบตามมา

ได้กลิ่นล่ะ… กลิ่นมันโชยออกมา

“พี่กช อย่าดึงฉาก รีบๆ ตามมาได้แล้ว พี่รออะไรอยู่”

“ใจเย็น มิว ใจเย็น”

ไอ้ตัวฟ้ากำลังจะเดินตามมา แต่ผมโดนกระสุนจากมอนสเตอร์ตัวหนึ่งทำเอาเลือดลด

“พี่กช! เห็นไหมว่าผมจะตายแล้ว เพราะพี่อ้ะ เอาแต่ดึงฉากอยู่เนี่ย! ”

มาเต็มๆ เลยครับ กลิ่นเหม็นไหม้จากหัวผมเองนี่แหละ หัวร้อนแล้วนะเว้ย หัวร้อน

“เหย ใจเย็นๆ ดิ มิว” ยังอีก ยังจะทำเป็นยิ้มปัญญาอ่อน “นี่ไง ก็มาแล้วนี่ไง โอ๋ๆ ๆ โดนตัวไหนฟาดมาครับ เดี๋ยวพี่จัดการให้”

“หึย ไม่ต้องเลย พี่อ้ะ ตายไปกี่รอบแล้ว” เกมนี้มีข้อดีตรงที่ถ้าเพื่อนเราจะตาย เราสามารถชุบชีวิตได้ แต่ต้องทำอย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นวิญญาณของเพื่อนจะลอยไปสู่สุคติ (ในเกม) และผมก็ช่วยชุบชีวิตเขามาหลายรอบแล้ว แต่… ไอ้คุณพี่กชก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย

“โธ่ ก็ช่วยๆ กันเปล่าวะ เล่นด้วยกันก็ต้องช่วยกันดิ”

“ช่วยอะไรล่ะ พี่อะตัวภาระ” ของขึ้นครับตอนนี้ หัวร้อนมาก

อย่างที่ผมเคยบอกไปว่าตัวเองเป็นคนเล่นเกมจริงจังมาก แม้จะไม่ได้เก่งอะไรมากมายก็เถอะ แต่พอเล่นแล้วก็อยากจะเอาชนะ อยากจะไปด่านต่อไปให้ได้ไง แต่พี่กชแม่งเล่นแบบโหลยโท่ยมาก นี่ตั้งใจเล่นจริงๆ รึเปล่าเนี่ย

“ตัวภาระอาราย” ลากเสียงยาวอย่างยียวน “นี่ไง เดี๋ยวพาไปเคลียร์ด่านนี้เลย มา เอาจริงแล้ว”

“ให้มันแน่เถอะพี่”

ห้านาทีผ่านไป และพวกเราทั้งคู่ก็แพ้…

“โว้ย! ” ผมโวยวายเสียงดัง พี่กชถอนหายใจเฮือกเหมือนผิดหวัง แต่วินาทีที่เราหันมาสบตากัน อยู่ๆ ทั้งเขาและผมก็ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น

“โอ๊ย ให้ตายเหอะ” พี่กชเริ่มพูดขึ้นมาขณะที่ผมยังหัวเราะเหมือนเจ็บปวดไม่เลิก “กวนตีนชิบหายเลยว่ะ ไอ้ห่าเอ๊ย แล้วเห็นไอ้กระสุนเม็ดๆ ที่กระจายมารอบทิศได้ปะ ใครจะไปหลบได้หมดวะ”

“โอย หัวร้อน หัวร้อนมาก” ผมพูดพร้อมกับยกมือยีหัว แกล้งหันไปมองทางพี่กชอย่างเหยียดหยัน “เพราะพี่น่ะแหละ คนเดียวเลย เมื่อกี้นะ ผมเกือบจะทะลุไปสเตจต่อไปได้อยู่แล้ว พี่อะโคตรถ่วง”

“เฮ้ย พูดงี้ได้ไง”

ผมหันหน้าหากล้องพร้อมกับฟ้องผู้ชมในอนาคต (เพราะผมไม่ได้เล่นสดครับ)

“ดูเอาไว้เลยนะครับ ทุกคน ดูหน้าเขาเอาไว้ ไอ้คนที่ทำให้ผมแพ้มาติดๆ เนี่ย”

“ตัวเองก็เล่นกากเองเหมือนกันรึเปล่า”

“โห่ พูดมาได้นะพี่”

“ไม่เอาๆ ไม่หัวร้อนนะครับ” ว่าพร้อมกับโยกหัวผมเข้าไปซบกับอกเขา จะห้ามก็ห้ามไม่ทันเพราะผมมัวแต่อ้าปากค้าง ทำตัวไม่ถูก

กลิ่นแชมพูขวดเดียวกันที่เราใช้ลอยมาแตะจมูกขณะที่พี่กชทำท่าทางเหมือนจะทาบริมฝีปากลงบนขมับของผม

ใจของผมเต้นรัวจนเหมือนจะกระเด็นหลุดออกมา รู้สึกมันพองโตไปกับสัมผัสอ่อนหวานและนุ่มนวลของอีกฝ่ายอย่างควบคุมไม่อยู่ แต่วินาทีถัดมา ผมก็นึกได้ว่าเขาคงกำลังเล่นละครหน้ากล้องเพื่อแกล้งเป็นแฟนกับผมอยู่

ใช่แล้ว จริงด้วย ก็เราสองคนสวมบทเป็นแฟนกันอยู่นี่หว่า และช่วงคลิปหลังๆ มานี่เขาก็ไม่ค่อยได้แสดงละครบทนี้เท่าไร สงสัยเจ้าตัวจะเพิ่งนึกขึ้นได้เหมือนกันล่ะมั้ง

ก็นะ! เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเล่นล่อชาบูไปตั้งมาก! จะไม่ทำหน้าที่ให้มันคุ้มหน่อยก็เกินไปล่ะ

“โอ๊ย พี่กช พอแล้ว” ผมว่าขณะขืนตัวเองออก หน้าแดงขึ้นจริงๆ อย่างที่ไม่ต้องแสดงละครเลย “ผมหายหัวร้อนแล้วพี่ เล่นต่อเถอะ วันนี้ยังไม่ผ่านสักด่านเลยนี่”

“หายหัวร้อนแล้วจริงอ้ะ? ” พูดพร้อมกับส่งยิ้มยียวนมาให้ตามเดิม

“อื้อ หายแล้ว” พี่แกเล่นพูดอย่างกับว่าถ้าไม่หายจะดึงผมเข้าไปกอดอีกงั้นแหละ

หลังจากตั้งสติได้อีกครั้งผมกับพี่กชก็มาทุ่มสมาธิให้เกมต่อ ตอนนี้ผมเริ่มไม่ค่อยรู้สึกหงุดหงิดล่ะ แต่กลายเป็นระแวงปนๆ ไปกับเขินอายคนข้างตัวแทน

และเมื่อเล่นผ่านไปได้เกือบชั่วโมงผมก็พูดปิดคลิปอย่างที่ทำทุกครั้ง กดหยุดอัดวิดีโอแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนรุ่นพี่ที่เหยียดแขนขึ้นบิดขี้เกียจ

“อือ… เกมยากมากเลย มิว แต่ละอย่างที่มิวหามาเนี่ยนะ บอกเลยว่าโคตรยากที่จะเล่นให้ผ่าน”

“ก็พี่เล่นห่วย”

“โห่ นายเล่นดีตายล่ะ”

“ก็ดีกว่าพี่เล่นละกัน” ผมเถียงกลับ แล้วก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังเตะถ่วงไม่ให้ผมถามเรื่องที่เกิดขึ้น “แล้วเมื่อกี้ตอนอัดไปได้ครึ่งคลิปอะ พี่… พี่ทำอะไรของพี่น่ะ ไม่ขนลุกบ้างเลยเหรอ”

“อะไร? ” เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งกวนๆ “ที่พี่กอดมิวน่ะเหรอ? ”

“นั่นแหละ” ถ้านั่นเรียกว่ากอดได้นะ

“ก็เล่นบทเป็นแฟนมิวไง”

“แปลว่าถ้าพี่มีแฟน พี่จะทำแบบนั้นกับแฟนเหรอ”

“ช่าย” เขาคลี่ยิ้มกว้างมากขึ้น วางมือลงบนหัวผมอย่างที่ชอบทำบ่อยๆ ระยะหลังมานี้ คือผมก็ไม่ได้เตี้ยอะไรขนาดนะ แต่พี่เขาสูงกว่าไง “ถ้าพี่มีแฟนหัวร้อน พี่ก็จะทำให้เขาหายหัวร้อนแบบนี้แหละ”

“แล้วพี่คิดว่าเขาจะหายไหม”

ก็ยังยิ้มกวนประสาทเหมือนเดิม… ไม่สิ ครั้งนี้มันดูอ่อนโยนกว่าเดิมหน่อย เอ๊ะ? หรือว่าผมคิดไปเอง

นิ้วเรียวเลื่อนมาบีบปลายจมูกผมเบาๆ ผมหลับตาปี๋

“แล้วมิวคิดว่าได้ผลไหมล่ะ”

จากนั้นพี่กชก็เดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด เหมือนว่ากำลังตอบข้อความของใครสักคน

ส่วนผมน่ะเหรอ ใช่ครับ ผมต้องรีบไปตัดต่อคลิป

แต่ไม่รู้ทำไม… ร่างกายถึงได้ร้อนวูบวาบไปหมดขนาดนี้!







มันไม่ได้ร้อนเพราะหัวร้อน แต่มันร้อนเพราะอย่างอื่น

ความคิดนั้นทำให้ผมเริ่มสับสนกับตัวเอง และเวลาที่มีเรื่องคิดไม่ตกทีไร ผมจะลากใครมาปรึกษาล่ะถ้าไม่ใช่ไอ้เก่ง

“มึง ดูคลิปแล้วคิดว่าไงวะ เป็นธรรมชาติไหม”

เก่งไม่ได้ติดตามช่องชาแนลของผม ดังนั้นผมจึงเลื่อนมือถือของตัวเองที่เสียบสายหูฟังพร้อมไปให้ แถมยังใจดีกดไปฉากที่พี่กชมีท่าทีเหมือน… เหมือน… เหมือนจูบหน้าผากผมด้วย! จริงๆ ตอนตัดต่อผมอยากจะเอาท่อนนั้นออกนะ แต่พี่กชมายืนคุมข้างๆ เลย แถมยังย้ำนักย้ำหนาว่านี่ค่าชาบูคราวก่อน ถ้าไม่เอาใส่จะโกรธมาก

...แค่เลี้ยงชาบูพี่แกยังทำถึงขนาดนี้ ถ้าผมเลี้ยงปูอะแลสก้าหรืออะไรแพงๆ พี่แกจะไม่จับผมกดลงเตียงเลยเหรอ…

เดี๋ยว! แล้วนี่ผมจะนึกภาพตามทำไม!? ตั้งสติไว้ ไอ้มิว นี่แค่แกล้งเป็นแฟนกันเฉยๆ ไม่ได้เป็นจริงๆ สักหน่อย แล้วที่พี่กชทำมาก็แค่เล่นละครเท่านั้น!

“เอ้า” ไอ้เก่งว่าพร้อมกับยื่นโทรศัพท์คืนให้ผม

“แกว่าเป็นไง? ”

“ก็ดี”

“ก็ดีนี่คือ? ”

“ก็ดูเป็นธรรมชาติดี”

“! ” ก็ไอ้แบบนั้นแหละที่มีปัญหาโว้ย!

เก่งยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นมาซดอึกหนึ่ง ใช่แล้วครับ ตอนนี้เรามาอยู่ที่ร้านเหล้าเล็กๆ ที่อยู่ใกล้มหาลัย แล้วผมเองก็ไม่ใช่เด็กไม่รู้ประสีประสาที่จะแตะต้องของพวกนี้ไม่ได้ แต่ก็นานๆ กินทีครับ ไอ้เก่งเองก็เหมือนกัน

“ทำไมทำหน้ายุ่งแบบนั้นวะ ไอ้มิว” เห็นคิ้วผูกโบของผมแล้วมันก็อดถามไม่ได้ “ตอนนี้ยอดวิวอะไรของมึงก็ขึ้นมาตั้งเยอะแล้วไม่ใช่เหรอ มีอยู่อันนึงกูเห็นจะถึงล้านอยู่แล้ว”

“เออ ก็ใช่” ผมพึมพำ “แต่แบบ… กูรู้สึกแปลกๆ เรื่องพี่กช”

“แปลกๆ เรื่อง? ”

"กูก็อธิบายไม่ถูก" นี่แหละครับ ปัญหาที่ผมหนักใจ ว่าแล้วผมก็ยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นมาดื่มบ้าง "แบบ... ไม่รู้ดิ บางทีกูก็งงว่าเขาต้องเล่นละครเพื่อกูขนาดนี้เลยเหรอ หรือว่าเขาทำเพราะอยากทำแบบนั้น"

"หืม" ไอ้เก่งลากเสียง ขยับแก้วที่ใส่น้ำสีชาไปมาเล็กน้อย "แต่เท่าที่ฟังมึงเล่า มึงก็เลี้ยงข้าวพี่เขาตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ เป็นกูถ้าได้กินข้าวฟรีเงื่อนไขดีแบบนั้น อย่าว่าแต่แค่กอดเลย จูบกูก็ยอมวะ"

"ไอ้ห่าเก่ง" ผมยกมือขึ้นมาลูบแขนตัวเอง "อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ ขนลุกว่ะ"

"อ้าว ก็กูพูดจริงๆ นี่หว่า พี่กชเขาก็รับข้าวฟรีๆ จากมึงตั้งหลายมื้อ เขาคงอยากตอบแทนให้สาสมแหละ แล้วที่ภาพมันออกมาก็ดูดีออก ส่วนเขาจะทำเพราะเล่นละครเพื่อมึงหรือทำเพราะอยากทำ มันจะสำคัญตรงไหนวะ แค่มึงได้คนดูเพิ่มอย่างที่อยากได้ก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ"

ผมมองหน้าเพื่อนอย่างหนักใจ ผมก็พยายามคิดแบบที่ไอ้เก่งพูดมาเหมือนกัน แต่มันมีอะไรตงิดๆ ติดอยู่นิดหนึ่งนี่แหละ

"แต่ถ้าเขาไม่เต็มใจทำแล้วฝืนทำ มันก็ไม่โอเคไหมวะ ถึงจะบอกว่ากูเลี้ยงข้าวเขามากมายก็เถอะ"

"อ้าว สรุปมึงกลุ้มใจเรื่องนี้เรอะ งั้นกูถามหน่อย แล้วถ้าเขาเต็มใจทำขึ้นมา แบบ ทำเพราะอยากทำกับมึง ไอ้กอดไอ้หอมแก้มอะไรนี่ แล้วมึงจะว่าไง"

"เฮ้ย" ผมสะดุ้ง "บ้าเหรอไอ้เก่ง กูเป็นผู้ชายปกตินะโว้ย แล้วที่เขาทำก็เพราะเขาแกล้งเล่นละครให้กูหรอก"

เพื่อนซี้ของผมทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่นิดหนึ่งก่อนจะถามต่อ "มึงบอกว่ามึงเป็นผู้ชายปกติ แล้วพี่กชล่ะ? "

คำถามนั้นทำเอาผมอ้าปากค้าง ไอ้เก่งมองหน้าผมเอือมๆ ขณะใช้ส้อมจิ้มไก่ทอดที่เป็นกับแกล้ม

"ทำหน้าแบบนั้นแปลว่าไม่เคยถาม"

อย่าว่าแต่ไม่เคยถาม ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ

"น้อยๆ หน่อยไอ้เก่ง" ผมย้อนเมื่อตั้งสติได้ "แล้วเป็นแก แกจะถามเขาตอนไหน ตอนเจอกันครั้งแรกงี้เหรอ แบบ แนะนำตัว สวัสดีครับ ผมชื่อมิว พี่ชื่ออะไร อ้อ แล้วพี่เป็นเกย์รึเปล่าครับ งี้เหรอ? "

"ไอ้อย่างนั้นก็เกินป๊าย แต่แกก็อยู่กับพี่เขามาตั้งนาน ไม่สังเกต ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ อยู่ด้วยกันทุกวันแบบนั้นมันต้องมีจับสังเกตบ้างล่ะว้า"

"ม่ายอ้ะ" ผมส่ายหน้ารัวๆ "หน้ากูเหมือนพวกเสือกเรื่องชาวบ้านเหรอ"

"อ้าว ไอ้ห่า หลอกด่ากูเปล่าเนี่ย อีกอย่างนะ พี่เขาเป็นรูมเมทมึง แล้วเรื่องแบบนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเสือก แต่เป็นเรื่องของความกระตือรือร้นในการทำความรู้จักซึ่งกันและกัน"

ผมมองมันด้วยสายตาพิศวง "นี่อย่าบอกนะว่ามึงใช้มุกนี้เวลาจีบสาวด้วย"

"ไอ้ห่ามิว อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง นี่ ให้กูเดาเลยนะ มึงไม่ได้สนใจเลยล่ะสิว่ารูมเมทมึงของแท้รึเปล่า"

"ไอ้บ้า พูดจาน่าเกลียด พูดแบบนี้มันเหมือนดูถูกเพศที่สามกลายๆ นะ ของท้งของแท้อะไร แล้วคนที่เป็นเพศที่สามของปลอมรึไง"

ไอ้เก่งทำตาถลนใส่ผม โห จะหลุดออกมานอกเบ้าแล้วนั่น ใจเย็น

"ไอ้มิว มึงจะพูดแทรกอีกนานไหม สรุปจะฟังที่กูพูดไหมฮะ ไอ้ที่มาปรึกษาๆ อยู่เนี่ย"

"ครับ ฟังครับ ไม่พูดแทรกแล้วครับ"

"ดี ทีนี้ที่กูจะบอกก็คือ มึงอ้ะแม่งไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบตัวมึง ไม่สนใจคนด้วย วันๆ มึงเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำช่องของตัวเอง เพราะงั้นมึงถึงไม่ทันได้สังเกตไงว่ารูมเมทของมึงเป็นหรือไม่เป็นกันแน่ แล้วนี่ขนาดเขาอยู่ห้องเดียวกับมึง มึงยังไม่สนใจเท่าที่ควร และตอนนี้มันถึงเวลาที่มึงต้องเงยหน้าขึ้นมาจากจอแล้วมองคนรอบตัวได้แล้ว เข้าใจที่กูพูดชัดยัง"

อ้าว เฮ้ย เดี๋ยวๆ ๆ ทำไมจากรายการขอคำปรึกษาถึงกลายเป็นรายการด่าผมไปได้เสียล่ะ

"ไม่พูดเกินไปหน่อยหรือไงวะไอ้เก่ง"

"เกินไปหน่อยเหี้ยไรล่ะ มึงไม่เห็นเหรอว่าตัวเองมีเพื่อนอยู่คนเดียวคือกูเนี่ย"

"อ้าว ไอ้เหี้ย" พูดซะแทงใจดำ เอ้ย! ไม่ใช่สิ ทุกคนอย่าไปฟังมันนะครับ ผมเองก็มีเพื่อนอยู่หลายคนเหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่ไม่ชอบสุงสิงกับกลุ่มใหญ่ๆ เท่านั้นเอง "นี่กูให้ความสำคัญกับมึงเป็นพิเศษเลยนะ ทำไมมึงด่ากูงี้"

“ไม่ได้ด่า แค่พูดความจริง” จากนั้นเจ้าตัวก็ทำมือเป็นเชิงขอตัวเพราะมีสายเข้า กรอกคำพูดลงไปได้สองสามคำเพื่อนผมก็บอกต้องกลับแล้ว ผมก็เลยหารเงินกับอีกฝ่ายแล้วก็ตรงกลับหอที่ไม่ได้อยู่ไกลอะไรมาก

ว่าแต่… ตกลงว่าผมมาปรึกษาไอ้เก่งเรื่องอะไรนะ? นี่ขนาดแค่กินไปนิดเดียวยังมึนขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย โอย

เอาไว้ค่อยคิดตอนตื่นขึ้นมาอีกทีแล้วกัน
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 5) P.1 [28/12/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 29-12-2017 03:30:11
 :m18: :m18: :m18:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 5) P.1 [28/12/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 29-12-2017 18:18:43
ทีหลังก็สนใจสิ่งรอบข้างสักนิดนะน้องมิว ❤
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 5) P.1 [28/12/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 29-12-2017 19:20:10
สนุกมากๆ อยากรู้ว่าเกมหนีผี นี่ชื่อเกมว่าไร ดูน่าหนุก 5555

อยากอ่านต่ออีก อยากรุ้จะเป็นไงต่อไป ใครจะรู้สึกก่อนกัน
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 5) P.1 [28/12/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-12-2017 03:27:44
ตอนเค้าแคชเกมกันน่ารักมากๆเลย
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 5) P.1 [28/12/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 02-01-2018 07:29:35
 o13
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 5) P.1 [28/12/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 03-01-2018 23:28:17
พี่กชชช น้องอยากได้ความแน่ใจจจจ
จัดให้น้องหน่อยมั้ยคะ (นี่ก็ทำตัวเป็นคอมเมนต์ในชาแนลน้องไปอี๊กกก)
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่าาา
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 5) P.1 [28/12/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 04-01-2018 17:53:55

บทที่ 6




เออ ใช่ เมื่อวานผมว่าจะไปปรึกษาเรื่องพี่กชกับไอ้เก่งนี่หว่า แต่กลับโดนไอ้เก่งด่ากลับมาว่าไม่รู้จักสังเกตคนรอบตัว…

“เฮ้ มิว” เสียงเรียกของเพื่อนร่วมห้องทำให้ผมหันหน้ากลับไปมอง เดาว่าสภาพผมต้องเละตุ้มเป๊ะมากแน่เพราะพี่กชถึงกับหน้าเหวอใส่เมื่อผมหันไปหา “โห ทำไมหน้าโทรมแบบนั้น นี่ไม่สบายรึเปล่าเนี่ย”

“อือ” ผมคราง “ปวดหัวนิดหน่อย”

“เป็นอะไรอ้ะ” เขาถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง แต่ผมไม่ค่อยอยากกวนเวลาเขาเท่าไรเพราะดูจากชุดไปรเวทเตรียมออกไปข้างนอกของเจ้าตัวแล้ว เดาว่าเขาคงมีธุระต้องไปทำข้างนอก

“ผมแฮงค์น่ะ”

“เมื่อคืนดื่มมาเหรอ? ”

“นิดหน่อยครับ”

“แน่ใจนะว่านิดหน่อย” ถามกลับอย่างไม่เชื่อ “ดูหน้าซีดเชียว แล้วกินยาหรือยัง”

“ไม่กินหรอกพี่” ผมยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว เตรียมนอนต่อ “เดี๋ยวหลับอีกสักหน่อยก็คงดีขึ้น”

“ดื้อนะเราน่ะ”

“แล้วนี่พี่จะไปข้างนอกเหรอครับ”

“ใช่ นัดเพื่อนไว้น่ะ ทำรายงาน”

“โชคดีนะพี่”

แต่รุ่นพี่ตัวโย่งก็ยังไม่ยอมขยับไปไหนสักที จะยืนเป็นเสาไฟฟ้าอีกนานไหมน่ะ

“พี่ว่าพี่ไปซื้อยามาให้ดีกว่า”

“ไม่ต้องหรอกพี่ ผมมี เดี๋ยวกินเลยก็ได้”

“แล้วข้าวเช้าล่ะ”

“มีซีเรียล”

“งั้นกินก่อน แล้วจะได้กินยา”

“พี่ไปเถอะน่า” ผมโบกมือไล่ “เดี๋ยวผมกิน” พูดพร้อมกับตัดบทด้วยการปิดตาลง แต่แทนที่เขาจะปล่อยให้ผมนอนสบายๆ เจ้าตัวกลับเดินกลับมาแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงข้างผมเสียอย่างนั้น

ผมลืมตาขึ้นอย่างเสียไม่ได้ “อะไรอีกพี่ นี่ไม่กลัวเพื่อนรอเหรอ”

“ถ้ามิวไม่กินให้มันเสร็จๆ พี่ก็ไม่ไป”

ถามจริง!?

ว่าแล้วผมก็ต้องลุกขึ้นจากเตียง จัดการอาหารเช้าที่แค่เทจากกล่อง เติมนม ยัดใส่กระเพาะ แล้วก็ตามด้วยยาแก้ปวดครอบคลุมจักรวาลที่พี่กชเจ้ากี้เจ้าการยัดใส่มือมาให้ นั่นแหละเจ้าตัวถึงจะยอมออกจากห้องพักไป

บอกตามตรงนะ ตอนแรกผมไม่ชอบใจเลยที่เขาทำแบบนั้น คือมันน่ารำคาญ ผมอยากจะนอนไง หัวก็ปวดจี๊ดๆ จนทรมานไปหมด เขาก็ยังจะมาคะยั้นคะยอให้กินข้าวกินยาอยู่ด้วย อะไรนักหนาก็ไม่รู้

แต่ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเมื่อผมตื่นขึ้นมาใหม่ หัวไม่ปวดแล้ว ผมก็รู้สึกขอบคุณชายหนุ่มคนนั้นขึ้นมาทันที

แล้วก็พ่วงมาด้วยความรู้สึกผิดนิดหน่อยด้วย… ตอนที่พี่เขาสั่งผมนู่นนี่ผมดันหงุดหงิดใส่เขาไปอีก เดี๋ยวรอพี่แกกลับมาก่อนค่อยขอโทษแล้วกัน

ลุกออกจากเตียงด้วยความกระปรี้กระเปร่าผิดแผกจากตอนเช้าราวกับคนละคน ตรงเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว ลงไปกินข้าวที่ร้านหน้าหอ หนังท้องตึงเรียบร้อยผมก็วางแผนสิ่งที่จะทำทั้งวันในหัว

เริ่มต้นด้วยการทำการบ้านต่างๆ นานาที่มีกำหนดส่งเร็ววันนี้ จากนั้นก็ตามด้วยอ่านภาษาญี่ปุ่นเพิ่มอีกสักหน่อย ส่วนช่วงเย็นผมเผื่อเวลาเอาไว้ทำคลิปนั่นเอง ผมวางแผนว่าจะลงคลิปถี่ขึ้น จากลงอาทิตย์ละคลิปสองคลิปผมว่าจะลงสักสี่ถึงห้าเลย ช่วงนี้กระแสช่องผมดีมาก คือตั้งแต่เล่นเป็นแฟนกับพี่กชอะไรๆ ก็ดีไปหมด

ตอนที่อัดคลิปผมรู้สึกสนุกกับเกมที่เล่นมากขึ้น และพอผมแฮปปี้เหมือนความรู้สึกนั้นมันสื่อไปถึงคนดูด้วย ยอดวิวก็พุ่ง ยอดคนติดตามก็มาก และแน่นอนว่าเงินในบัญชีของผมเองก็คงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จะมีอะไรดีไปกว่านี้ล่ะครับ

ว่าแต่… วันนี้พี่กชกลับกี่โมงหว่า ควรจะรอเล่นพร้อมเฮียแกเลยดีไหมนะ ลองถามดูหน่อยดีกว่า

คิดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเปิดโปรแกรมแชทขึ้นมาพิมพ์อย่างรวดเร็ว





Mewミュウミュウ★: พี่กช

Mewミュウミュウ★: วันนี้กลับกี่โมงครับ





พี่กชไม่ได้อ่านในทันที แต่ทิ้งไว้ไม่นานอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา





KOCH: เอ ยังไม่แน่ใจ

KOCH: อาจจะไม่กลับนะคืนนี้ ว่าจะกินเลี้ยงกับเพื่อน





อ้าว… ทีเมื่อเช้าล่ะเอ็ดผมใหญ่เชียวทีกินเหล้าไป





Mewミュウミュウ★: แหม ใครนะพูดว่าผมเมื่อเช้า

KOCH: ก็นายอะ

KOCH: เป็นเด็กเป็นเล็ก

Mewミュウミュウ★: โห ผมเด็กกว่าพี่นิดเดียวเองเหอะ

KOCH: งั้นคืนนี้ก็นอนเร็วๆ อย่าไปเถลไถลที่ไหนนะ

KOCH: ทำงานต่อล่ะ





ผมกดส่งสติ๊กเกอร์หน้าบึ้งไปให้อีกฝ่ายรัวๆ จากนั้นก็หลุดยิ้มออกมาเพราะขำที่เขาส่งสติ๊กเกอร์รูปหมาหงอยกลับมาให้

เอาล่ะ ในเมื่อพี่กชไปทำงานแล้ว ผมก็ต้องทำงานของผมบ้างล่ะ และวันนี้ผมจะมาเล่นเกมหัวร้อนที่เล่นค้างไว้ตั้งแต่คราวที่แล้ว

มาครับ มาเป็นกำลังใจให้ผมกัน มาดูซิว่าวันนี้ผมจะไม่หัวร้อนได้ไหม

….แต่จริงๆ ก็รู้ตั้งแต่ก่อนเริ่มคลิปแล้วล่ะว่าไม่ได้





….

Comment#21: อ้าว วันนี้พี่กชไม่มาเล่นด้วยเหรอคะ พี่สไลม์เหงาแย่เลย

Comment#70: #คนหัวร้อน2017 ไฟนี่ลุกพรึ่บๆ

Comment#93: ตรงสีชมพูน่ะพี่ มันกระโดดโหม่งได้นะ

Comment#100: พี่กชไปไหนๆ ๆ ๆ ๆ

Comment#164: เซ็งเลย พี่กชไม่มา อยากดูคลิปคู่อีกอะ

Comment#181: รอคลิปต่อไปนะคะ พี่กชจะมาไหมน้า

Comment#203: วันนี้ผัวไม่มาคอยปลอบ หัวร้อนเต็มที่เลยนะพี่ 55555





และอีกสารพัดสารพันเกี่ยวกับคลิปใหม่ที่ผมเพิ่งลง

ดูเหมือนหลายคนจะคิดถึงใบหน้าหล่อๆ (ไม่อยากยอมรับหรอกนะครับ แต่ความจริงก็คือความอยู่วันยังค่ำ) ของไอ้คุณพี่กชเหลือเกิน ทั้งๆ ที่พี่แกเล่นเกมกากจะตาย แต่ก็อย่างว่าอีก พี่แกเอนเตอร์เทนคนดูเก่ง ยิ่งหยอดมุกแป้กๆ ใส่ผมนี่ถนัดนัก ต้องยอมรับว่าเขาสร้างสีสันให้คลิปผมมาก

ผมนั่งแช่อ่านคอมเม้นท์พร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่อีกพักหนึ่งก่อนจะผละออกไปหาข้าวเย็นกิน จริงๆ วันนี้ผมควรจะกลับบ้าน แต่เพราะพ่อกับแม่ออกต่างจังหวัดพร้อมกับไอ้มอส ผมเลยตัดสินใจแกร่วอยู่ที่หอแทนที่จะไปเจอกับญาติที่ไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไรนอกจากอวดลูกตัวเอง

ผมสั่งผัดกะเพราไว้กับป้าที่คุ้นหน้าผมดีก่อนจะเดินไปร้านน้ำปั่นเพื่อหาอะไรชื่นใจๆ ดื่ม แน่นอนว่าพี่คนขายเองก็จำหน้าผมได้ ก็ผมเล่นสิงอยู่แต่แถวนี้ไม่ค่อยไปไหนไกลๆ นี่หว่า ผมไม่มีมอเตอร์ไซค์แบบพี่กชหรือรถขับอย่างไอ้เก่ง เดินทางด้วยรถประจำทางอย่างเดียวก็เลยไม่ค่อยชอบออกไปไหนเท่าไร

ลังเลระหว่างแตงโมกับกล้วยปั่นอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดผมก็ตัดสินใจเพราะเห็นแววว่าจะมีลูกค้ากลุ่มอื่น

"เอากล้วยปั่นพี่" ผมว่า เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงของชายข้างตัวพูดขึ้นมาพอดี

"อ้าว นี่มันเมียไอ้กชนี่"

สรรพนามที่ใช้เรียกทำให้ผมหันหน้ากลับไปมองอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ร่วมมหาลัยแต่ต่างคณะ เจ้าตัวอยู่ในชุดบอลสภาพเหงื่อโซมกาย แถมไม่ได้มาคนเดียวยังมีคนติดสอยห้อยตามมาอีกสามคน ซึ่งถ้าให้ผมเดา ทุกคนคงเป็นเพื่อนชั้นปีเดียวกับพี่กช

"มึง เสียมารยาท อยู่ๆ ไปเรียกเขางั้นได้ไง น้องเขาก็มีชื่อนะ สไลม์อะไรสักอย่างใช่ไหม" อีกคนหันมาถาม ผมได้ยิ้มแหยๆ กลับไปก่อนจะแก้

"นั่นชื่อช่องในยูทูปของผมครับ ผมชื่อมิว"

"อ้อ เออ ใช่ เห็นพวกผู้หญิงพูดอยู่ กชมิวๆ อะไรสักอย่าง"

"เฮ้ย พวกมึง" คนสุดท้ายที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่มเปิดปาก "พวกมึงจะเอาอะไรก็สั่งไว้ แล้วไปจองโต๊ะสั่งข้าวกันเลย เดี๋ยวคนแม่งมากันเต็มร้านไม่มีที่นั่งอีก"

ว่าแล้วแทบทั้งกลุ่มก็สั่งน้ำ ทิ้งเงินไว้กับคนออกคำสั่งแล้วเดินจากไปอย่างว่าง่าย คนแรกที่ทักผมว่าเป็นเมียพี่กชโบกมือให้ยิ้มๆ ก่อนจะตามกลุ่มเพื่อนไป เหลือไว้เพียงรุ่นพี่ตัวสูง (แต่น่าจะเตี้ยกว่าพี่กชนะ) กับผมตามลำพัง

"เอ่อ" ผมเกริ่นอย่างเริ่มไม่ถูก อันที่จริงผมขี้อายพอตัวนะ โดยเฉพาะกับคนแปลกหน้า ไม่รู้จะพูดอะไรด้วยดี "พวกพี่... เตะบอลกันมาเหรอครับ"

"อืม ใช่" ตอบกลับสั้นๆ นิ่งไปนิดหนึ่งแล้วหันมามองหน้าผม "เออ พี่ชื่อบอสนะ"

"เออ มิวครับ" แนะนำตัวเป็นการเป็นงานด้วยแฮะ ว่าแต่พอมองหน้าดีๆ ก็พอจะคุ้นๆ อยู่ว่าเคยเห็นอยู่กับพี่กช "อยู่ปีหนึ่งมนุษยศาสตร์"

"พี่อยู่คณะเดียวกับไอ้กช รุ่นเดียวกันนี่แหละ จริงๆ บอลที่เล่นนี่ปกติไอ้กชก็โผล่หน้ามาเตะด้วยบ่อยๆ แหละ แต่หลังๆ มาบ้างไม่มาบ้าง เห็นว่าติดถ่ายวิดีโอกับมิว"

ได้ฟังอย่างนี้ผมก็ใจแป้วไปเล็กน้อย เคยได้ยินพี่กชพูดว่าจะไปเตะบอลหลายครั้งอยู่ แต่หลังๆ ไม่ค่อยได้ยินเพราะเขายอมสละเวลามาเล่นเกมแล้วก็ถ่ายวิดีโอกับผมสินะ ผมไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย

พี่บอสนิ่งไปนิดหนึ่งขณะที่ผมเริ่มก้มหน้ามองปลายเท้าอย่างคิดไม่ตก ถึงผมจะตอบแทนพี่กชด้วยการเสนอตัวเลี้ยงข้าวเย็นเขาก็เถอะ แต่ระยะหลังมานี่พี่กชเลือกแต่ร้านถูกๆ ตลอด แถมยังคอยเลี้ยงข้าวกลางวันไม่ก็ข้าวเช้าผมกลับอีก เหมือนเขาพยายามทดแทนที่ผมเลี้ยง แต่แบบนั้นมันก็ไม่มีความหมายสิ? เหมือนกลายเป็นว่าผมขอให้เขาเล่นละครเป็นแฟนผมให้ฟรีๆ …

"เออนี่" ผมสะดุ้งเพราะร่างสูงของรุ่นพี่ก้มลงมากระซิบข้างหู "พี่รู้นะว่ามิวกับกชแกล้งคบกัน"

เท่านั้นแหละ ใจผมนี่เต้นเป็นเพลงอะโกโก้เลยครับ หน้าของผมซีดลงอย่างรวดเร็ว และคนข้างตัวก็คงสังเกตเห็น แต่ไอ้สีหน้าไม่ทุกข์ร้อนอะไรของเขาเลยนี่มัน…

"จะตกใจอะไรขนาดนั้น ไอ้กชมันบอกแค่พี่คนเดียว คนอื่นมันไม่ได้บอก"

"อ้อ ครับ" ผมพยักหน้ารับ พี่กชเคยบอกผมก่อนหน้านี้แล้วว่าจะบอกเพื่อน งั้นคงหมายถึงพี่บอสนี่แหละ

"แล้ว... เป็นไงล่ะ ผลตอบรับดีเลยสิ คลิปของมิวน่ะ"

"เอ่อ ครับ ก็ดีครับ"

"พอไอ้กชเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง พี่ก็ลองย้อนกลับไปดูคลิปเก่าๆ ของมิว" เขาว่า ใจดีพอที่จะมองรอบๆ ตัวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครคนอื่นมารับรู้บทสนทนานี้ด้วย "พอเทียบกันแล้วเห็นชัดเลยนะว่ายอดวิวต่างกันจริงๆ "

"มันก็..."

"ใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือนี่มันสบายดีเนอะ"

ผมอ้าปากเหวอทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น พี่บอสหันกลับมามองหน้าผมก่อนจะส่งยิ้มที่ไม่สื่อถึงความหมายใดๆ มาให้

"น้อง น้ำกล้วยปั่นได้แล้วนะ แล้วก็นี่น้ำแตงโมสอง ไมโลกับชาเขียวปั่นของเพื่อนน้องอ่ะ จะถือไปไหวไหมเนี่ย" เสียงพี่ขายน้ำพูดแทรกมาพร้อมกับวางแก้วเครื่องดื่มดังกล่าวเรียงรายที่หน้าแผง พี่บอสยื่นเงินให้

"ไหวพี่ อะ นี่ผมจ่ายเงินเลย ค่ากล้วยปั่นนั่นด้วย"

"ผมจ่ายเอง--"

"เราน่ะ ช่วยพี่ถือแก้วพวกนี้ไป" เขาตัดบทผมพร้อมกับพูดหน้าตาเฉย รับเงินทอนมาจากแม่ค้า "ถือซะว่าเป็นค่าน้ำ ตกลงไหม? "

เหี้ย! โคตรเผด็จการ แล้วผมพูดตอนไหนเหรอว่าอยากให้เขาจ่ายค่าน้ำให้?

แต่ด้วยความที่อีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่และตัวเองกำลังอยู่ในสภาวะมึนๆ งงๆ จากคำพูดของเขา ผมก็ช่วยอีกฝ่ายประคองเครื่องดื่มของคนอื่นมาส่งให้ถึงร้านที่รุ่นพี่กลุ่มเดิมนั่งรอกันอยู่แล้ว

"เอ้อ น้องมิว ผัดกะเพราได้แล้วนะจ๊ะ" ป้าคนขายว่ายิ้มๆ จะพูดห้ามป้าตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว

"อ้าว น้องสั่งข้าวร้านนี้ไว้เหรอ มาเลย มานั่งด้วยกันนี่" เพื่อนพี่กชคนแรกที่ทักผมชวนอย่างเป็นมิตร

"เอ่อ ผมว่า... ไม่เป็นไรดีกว่าครับ" รู้สึกไม่ถูกชะตากับพี่บอสสุดๆ ตอนนี้คืออยากจะเผ่นกลับขึ้นห้องทั้งๆ อย่างนี้เลยด้วยซ้ำ

“มากินข้าวกับใครเหรอ? ” พี่คนที่เป็นมิตรคนเดิมถามกลับ

“เอ่อ เปล่าครับ มาคนเดียว”

“งั้นก็มานั่งกินด้วยกันนี่แหละ จะได้ไม่เปลืองโต๊ะด้วย ช่วงนี้ลูกค้าแน่นร้าน เดี๋ยวอีกสักพักก้แห่กันมาตรึมแล้ว มานี่มา ไม่ต้องเกรงใจ”

เอ่อ คือไม่ได้เกรงใจ แค่… สยองพี่บอส

แต่จนแล้วจนรอดผมก็มานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับรุ่นพี่ต่างคณะจนได้ พี่คนที่เป็นมิตรที่ทักว่าผมเป็นเมียพี่กชชื่อพี่แก๊ป (ซึ่งเอาจริง ใครเขาทักคนไม่รู้จักกันแบบนั้น) แล้วก็พี่อีกสองคนชื่อบีมกับตูน

พี่แก๊ปดูเหมือนจะเป็นคนที่พูดเก่งที่สุดในกลุ่มแล้ว เขาสรรหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาพูดได้ไม่หยุดหย่อน ผมรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ตอนที่พี่เขาชวนคุยเรื่องอาจารย์ในมหาลัยผมก็พอจะตามน้ำไปได้

คนที่พูดน้อยที่สุดคือพี่บอส รายนี้ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว ถ้าไม่มีใครถามอะไรก็แทบไม่เปิดปาก ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว เพราะผมไม่อยากได้ยินคำพูดใดๆ จากปากเขาอีกแม้แต่คำเดียว

“จะว่าไป… พี่แปลกใจมากเลยนะตอนที่รู้ว่ากชคบกับเราน่ะ” พี่แก๊ปพูดขึ้นเป็นเชิงชวนคุย ผมกลืนผัดกะเพราลงคอก่อนจะหันไปเลิกคิ้วให้เขา

“ทำไมล่ะครับ? เพราะว่าพวกเราเป็นผู้ชายทั้งคู่เหรอ? ”

“ก็นะ ก็เห็นไอ้กชมันเคยคบผู้หญิงมาก่อน เลยไม่ทันคิดว่ามันจะคบกับผู้ชายได้”

คำตอบนั้นทำให้ผมนิ่งไปนิดหนึ่งอย่างแปลกใจ ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย แต่ผมก็ไม่กระตือรือร้นที่จะถามพี่กชเองด้วยแหละ

“มันคบกับก้อยจนถึงเมื่อไหร่นะ ปีที่แล้วเองไม่ใช่เหรอ”

“เออ ก็เห็นคบกันมาตั้งแต่ม.6 แต่เลิกปีที่แล้วตั้งแต่ต้นปีแล้วม้าง” พี่ตูนว่า

“แต่น้องมิวก็หน้าตาน่ารักดีนะ” พี่บีมชวนคุยบ้าง “แบบ… เออ ต่อให้ไอ้กชไปคบด้วยก็ยังพอโอเค”

เดี๋ยวๆ ๆ พูดงี้หมายความว่าไงครับ แล้วชมผมที่เป็นผู้ชายธรรมดาว่าน่ารักนี่ ผมควรต้องดีใจไหม?

“เออ ไอ้กชถึงมันจะสถุลๆ ไปบ้างแต่มันก็หน้าตาดี”

“จริงๆ มันเคยเล่าให้กูฟังด้วยนะว่าเคยโดนผู้ชายจีบ”

“สัส จริงดิ ทำไมกูไม่เห็นเคยรู้”

เออ นั่นสิ ทำไมผมไมเห็นเคยรู้... ไม่สิ! นี่ผมรู้อะไรกับเขาบ้างไหมเนี่ย?

“เฮ้ย ไอ้บีม ไอ้ตูน” อยู่ๆ พี่แก๊ปก็พูดโพล่งขึ้นมาด้วยท่าทีแตกตื่น “แม่กูจะมาแล้วว่ะ รีบยัดห่าลงไปเดี๋ยวนี้ พวกมึงจะกลับกับกูใช่ไหม”

“อ้าว ไอ้บ้า แล้วเพิ่งมาบอก” จากนั้นพี่ทั้งสองคนก็ยัดห่าตามที่พี่แก๊ปว่าจริงๆ เฮ้ย ใจเย็น พวกพี่ เดี๋ยวติดคอ

“ไอ้บอส มึงกลับเองนะ? ”

“เออ กูมีมอ’ไซค์ไง”

“งั้นก็โชคดี” พูดพร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นดื่มรวด จากนั้นพวกพี่แก๊ปก็สลายตัวไปอย่างรวดเร็วโดยทิ้งเงินไว้ให้พี่บอสตามเคย

รู้สึกคุ้นๆ เหมือนเพิ่งเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว

“เอ่อ” ผมพูดเกริ่นขึ้นมา นึกด่าตัวเองในใจที่กินข้าวช้า แทนที่จะรีบๆ กินแล้วก็รีบเผ่น “งั้น… เดี๋ยวผมขอตัวเลยดีกว่า รบกวนพี่มานานแล้ว”

“ยังกินไม่หมดเลยไม่ใช่เหรอ”

แหม เหลืออีกสองคำ หรือต่อให้เหลืออีกครึ่งจานผมก็ไม่มีอารมณ์กินต่อแล้วล่ะครับ

"ผมอิ่มแล้วน่ะครับ เอาเป็นว่าผมขอตัวก่อนดีกว่า นี่ครับ ผมฝากจ่ายด้วยนะ"

ว่าแล้วผมก็วางเงินค่าข้าวแบบพอดีเป๊ะไม่ขาดไม่เกินสมทบกับเงินของกลุ่มเพื่อนพี่บอสที่จรลีหนีกลับไปก่อน

ผมกลับมานอนกลิ้งอ่านคอมเม้นท์และดูฟี้ดแบ็คที่ได้รับจากแฟนๆ บนห้อง คอมเม้นท์ใหม่มีมาเรื่อยๆ กระแสตอบรับของช่องผมตอนนี้มันดี... ดีจนทำให้ผมไม่สามารถสลัดคำพูดเมื่อครู่ของพี่บอสออกจากหัวได้เลย

'ใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือนี่มันสบายดีเนอะ'

ตกลงว่าผมใช้พี่กชเป็นเครื่องมือจริงๆ ใช่ไหม?





-----------------------------------------------
Talk: กลับมาแล้วค่ะหลังจากหายไปหลายวัน เที่ยวปีใหม่จนเหนื่อยไปหมด เดินทางเยอะมากเลย TvT ส่วนตอนนี้กลับมาญี่ปุ่นแล้วค่ะ พรุ่งนี้ทำงาน ฮือออออ ยังพักได้ไม่เต็มที่เลย//เกาะขาเตียง
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 6) P.1 [4/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 04-01-2018 18:23:49
รู้สึกไม่ชอบพี่บอส  :ling1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 6) P.1 [4/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-01-2018 20:05:51
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 6) P.1 [4/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-01-2018 21:55:10
บอสพูดอย่างนี้น้องมิวคิดหนักเลย
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 6) P.1 [4/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 04-01-2018 22:38:24
พี่บอสพูดไปโดยไม่คิดหรือตั้งใจพูดเนี่ย
จะบอกว่ามิวหลอกใช้พี่กชก็ไม่ถูก ในเมื่อไม่ได้หลอก
แต่พี่กชกับมิว ตกลงกัน คือรับรู้ทั้งสองฝ่าย เฮ้อ

แต่ถ้าจะเอาสบายใจน่าจะพอเถอะ ไม่งั้นอาจจะเลยเถิดนะ
หรือเป็นแฟนกันจริงเลยไหม ฮ่าๆ
เอาจริงๆ ลึกๆไม่รู้พี่กช คิดยังไง
จากชีวิตประจำวันพี่กช ที่เพื่อนบอก
มิวจะคิดมากก็ไม่แปลก ขนาดคนอ่านยังคิดมากตามมิวเลย

หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 6) P.1 [4/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 04-01-2018 22:49:29
ก็ใช่นะที่บอกว่านี่คือการใช้คนเป็นเครื่องมือ แต่ละครฉากนี้เกิดจากการตกลงกันเรียบร้อยแล้วทั้งสองฝ่าย บอสจึงไม่ควรพูดเบลมมิวแบบนั้น
ถึงแม้ในมุมมองของเพื่อนมันจะรู้สึกไม่ดีก็เหอะ อันนี้พูดในกรณีที่บอสไม่น่ามีอะไรในก่อไผ่นอกจากความเป็นเพื่อนอะนะ
แต่ว่า....ถ้าบอสมีอะไรในกอไผ่ก็...หึหึหึ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 6) P.1 [4/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 05-01-2018 18:07:26

บทที่ 7




กรกชรู้สึกได้ว่ารูมเมทที่เป็นรุ่นน้องของเขามีท่าทีแปลกไปในช่วงสองสามวันนี้ ตั้งแต่ที่เขากลับมาหอตอนค่ำวันอาทิตย์แล้ว

"เฮ้ย มิว" ชายหนุ่มเอ่ยเรียกอีกฝ่ายที่กำลังนั่งเหม่อหมุนดินสอเล่นในมือไปมาส่งผลให้ชายหนุ่มที่ตัวเล็กกว่าเขาสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ ซึ่งกชเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามิวจะตกใจอะไรขนาดนั้น ช่วงนี้ดูขวัญอ่อนแปลกๆ ชอบกล

"เอ่อ อะไรครับ พี่กช? "

"นี่นายเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย อาทิตย์นี้ดูใจลอยๆ นะ เหนื่อยเรื่องเรียนอยู่หรือไง" ที่ถามแบบนี้เพราะช่วงนี้เป็นช่วงสอบ เพื่อนรอบตัวเขาหลายคนก็มีอาการซอมบี้หลุดออกจากหลุมมาเหมือนกัน (ส่วนตัวเขาที่ไม่ค่อยแคร์อะไรก็ชิลๆ ตามเดิม)

"ก็นิดหน่อยครับ อาจารย์ญี่ปุ่นผมออกข้อสอบยากน่ะ" เจ้าตัวพูดพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ ทำเป็นก้มหน้าก้มตาคัดตัวหนังสือยึกยือที่เหมือนลายแทงสมบัติต่อ กรกชขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยขณะยื่นหน้าไปมองใกล้ๆ วิชาด้านภาษานี่เป็นอะไรที่เขาแขยงมาแต่ไหนแต่ไร

"เอ่อ โทษทีนะ ถ้าภาษานี่ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ " ถ้ามาพวกฟิสิกส์หรือคำนวณอะไรงี้อาจจะพอช่วยได้

"ไม่เป็นไรหรอกพี่" มิวหัวเราะร่วน ดูสดใสขึ้นมากว่าเมื่อกี้นิดหนึ่ง "แค่พี่อยากจะช่วยก็ดีใจแล้ว งั้นผมขอท่องคันจิต่อก่อนนะ ผมจะเสียบหูฟังล่ะ"

ว่าแล้วเจ้าตัวก็หลุดเข้าไปในห้วงสมาธิของตัวเอง ทำเอากรกชได้แต่กะพริบตาปริบๆ ลอบถอนหายใจออกมาอย่างเสียไม่ได้ ชายหนุ่มเลยเดินไปหยิบตำราของตัวเองขึ้นมาอ่านเตรียมสอบบ้าง

เขาไม่ใช่คนที่ผลการเรียนดีเท่าไร เรียกว่าไม่เก่งภาคทฤษฎี แต่ถ้าในด้านปฏิบัติเขามั่นใจว่าตัวเองไม่แพ้ใคร อาจจะเป็นเพราะธุรกิจที่บ้านเกี่ยวข้องโดยตรงกับสายนี้ก็ว่าได้ แต่ไอ้ตัวที่วัดความสามารถเขาออกมาเป็นเกรดดันเป็นแง่ของทฤษฎีซะเป็นส่วนใหญ่นี่สิ และถึงเขาจะไม่ค่อยแคร์เกรดตัวเองเท่าไร แต่พ่อกับแม่ของเขาแคร์ เพราะงั้นอย่างน้อยเอาแค่ไม่ตกก็แล้วกัน

จมอยู่กับตัวหนังสือได้เกือบสองชั่วโมง กรกชที่เหลือบมองรุ่นน้องร่วมห้องเป็นระยะๆ ก็หมดความอดทน เขาโยนเอกสารการเรียนทั้งหมดกระจายทั่วเตียงก่อนจะถลาลงไปซุกหมอนเหมือนคนผ่านเรื่องหนักหนาในชีวิตมา ไม่วายต้องคว้าหมอนข้างจากเตียงข้างๆ มากอดด้วย มิวหันกลับมามองรุ่นพี่แล้วส่งยิ้มขันมาให้ขณะถอดหูฟังออก

"เป็นอะไรน่ะพี่ หนังสือเรียนทำพิษเหรอ? "

"มาก" พูดโดยที่แขนขายังกอดก่ายหมอนข้างที่ไม่ใช่ของตัวเองอย่างเมามัน "มิวจะอ่านเสร็จเมื่อไหร่ แล้ววันนี้ไม่มีเรียนคาบสุดท้ายเหรอ"

"ไม่มีครับ วันนี้อาจารย์ยกเลิกคลาส"

"แล้ววันนี้จะอัดคลิปไหม นี่อาทิตย์นี้ยังไม่ได้อัดกันเลยนะ"

มิวชะงักไปเล็กน้อยกับคำพูดนั้น ก่อนเจ้าตัวจะว่าด้วยท่าทีไม่แน่ใจ "อืม... ไม่รู้สิครับ จริงๆ ผมก็ว่าจะอัดอยู่ หลังจากนี้พี่กชมีอะไรรึเปล่าล่ะ"

"ไม่มี" ตอบพร้อมกับยันตัวนั่งบนเตียงอย่างกระตือรือร้น "วันนี้เราเล่นเพลย์สี่กันไหม เห็นมิวบอกเพิ่งได้เกมใหม่มาไม่ใช่เหรอ"

"ก็ใช่ครับ" พูดพร้อมกับทำหน้ามู่ทู่อย่างหนักใจ แต่นั่นไม่ได้ทำให้เจ้าตัวดูดีน้อยลงเลยในสายตาคนมอง "แต่ผมตั้งใจจะเก็บเกมนั้นไว้เล่นหลังสอบเสร็จนะนั่น กลัวติด ไม่ได้อ่านหนังสือกันพอดี แต่พอพี่ทักขึ้นมาผมก็ชักอยากเล่นแล้วสิ"

"ไม่บังคับนะ แล้วแต่มิว" กชว่าพร้อมกับชูแขนขึ้นสองข้าง "แต่พี่ก็อยากเล่นเหมือนกัน"

มิวส่งยิ้มสว่างสดใสกลับมาให้อีกครั้ง เหมือนสองสามวันที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยได้เห็นเลย เรื่องเกมทำให้หมอนี่อารมณ์ดีเสมอล่ะ

"ไม่บังคับ แต่ก็หาทางพูดยั่วผมอยู่ดีสินะ? "

"เปล่าสักหน่อย" พูดลอยหน้าลอยตา "ก็แค่คิดว่าอยากเล่นเฉยๆ แถมอ่านหนังสือหนักเกินดีไม่ดีสมองจะเดี้ยงซะเปล่าๆ เปลี่ยนบรรยากาศบ้างสักหน่อยก็น่าจะดีเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? "

มิวไม่ค้านอะไรเลย หรือต่อให้ค้าน กชก็เตรียมจะหาทางตะล่อมต่อจนกว่ารุ่นน้องเขาจะยอมนั่นแหละ

กรกชนั่งเหยียดขาบนเตียงนั่งเล่นมือถือขณะที่มิวจัดแจงเตรียมกล้อง เตรียมโปรแกรมอัด เซ็ทมุมดีๆ ทดสอบว่าจอยใช้ได้เรียบร้อยไหมนู่นนี่นั่น

นัยน์ตาสีสีน้ำตาลเข้มของชายหนุ่มเหลือบมองอีกฝ่ายเป็นระยะๆ โดยที่มิวไม่รู้ตัวเลยแม้แต่นิดเดียว

เขาชอบเวลาที่ได้เห็นรูมเมทรุ่นน้องคนนี้จัดแจงเตรียมถ่ายวิดีโอ ดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่ามิวตั้งใจทำคลิปของตัวเองจริงๆ และเจ้าตัวก็สมควรได้รับผลตอบรับที่ดีในความพยายามนั้น

ในที่สุดดวงโตสีดำขลับที่กลมโตกว่ามาตรฐานทั่วไปก็หันกลับมามองที่เขา

“พี่กช ผมเตรียมของเสร็จแล้ว พี่จะมาเลยไหมครับ? ”

“แป๊บหนึ่งนะ” เขาว่พร้อมกับแกล้งก้มลงจิ้มนิ้วลงบนหน้าจอมือถือมั่วๆ ใจจริงเขาอยากจะพุ่งตัวไปนั่งใกล้คนตัวเล็กกว่าเลยทันทีด้วยซ้ำ แต่เขากลัวว่ามิวจะรู้… กลัวว่ามิวจะเห็นว่าเขากระตือรือร้นมากไปก็เท่านั้นเอง

ในที่สุดทั้งคู่ก็มานั่งบนพื้น เล่นเกมโดยใช้หน้าจอโทรทัศน์อย่างที่มิวไม่ได้ทำมาพักใหญ่ เจ้าของช่องพูดเปิดรายการพร้อมกับรอยยิ้มสดใสเหมือนทุกครั้ง

“สวัสดีครับทุกคน กลับมาเจอกันอีกแล้วกับช่องสไลม์สไมลส์นะครับ วันนี้ผมเอาพี่กชมานั่งเล่นด้วย เราจะมาเล่นเกมใหม่กัน ใช่ไหมพี่? ”

“ช่าย” กรกชพูดตอบยิ้มๆ ลักษณะคาแรกเตอร์เขาในสายตาผู้ชมจะนิ่งกว่ามิว แต่พูดยียวนกวนประสาทได้มากกว่าถ้าได้เปิดปากออกมา “นี่ไง เราจะเล่นเกมนี้” กรกชออกเสียงชื่อเกมพร้อมกับโชว์หน้ากล่องให้กล้องดู

เริ่มเกมมาด้วยตัวละครสองตัวที่เป็นคู่หูกันและต้องเดินทางออกจากเมืองที่เต็มไปด้วยฝูงซอมบี้ที่พร้อมจะกินสมองพวกเขาทั้งคู่

มิวเลือกเล่นตัวละครผู้ชายซึ่งเป็นพระเอกของเกม ส่วนกรกชก็ต้องรับบทผู้หญิงไปตามประสาคนถือจอยผู้เล่นหมายเลขสอง

แต่กระนั้นไม่วายเจ้าตัวก็สามารถเอนเตอร์เทนตัวเองได้ด้วยการ…

“โห สุดยอด อลิซนี่เด้งสุดๆ หน้าอกหน้าใจนี่ใช่เลย”

“ถึงตรงนี้เราจะใช้ปืนไรเฟิลเพื่อเล็งเป้าหมายระยะไกลกันนะครับ” นี่เจ้าของช่อง

“มิว เมื่อกี้เห็นท่ากระโดดพี่ปะ แล้วยัยนี่ใส่กระโปรงสั้นขนาดนั้น เห็นหมด แจ่มไปเลย”

“โอ๊ย พี่ อย่าหื่นมากได้ไหม อ๊ะ ตรงนั้นมีระเบิด”

“เดี๋ยวๆ ๆ เมื่อกี้มิวก็เก็บไปแล้วไม่ใช่เหรอ” กชรีบบังคับตัวละครของตัวเองไปแย่งเก็บของ “แบ่งพี่มั่งดิ นี่แทบจะโล้นอยู่แล้วเนี่ย”

“โล้นอะไรครับ อลิซพี่ก็มีผมตั้งเยอะ”

“หมายถึงเนื้อตัวโล้น ไม่มีอะไรติดมือเลย”

“เสื้อผ้าก็ยังมีนี่ครับ”

“จะเล่นใช่ไหมมุกนี้”

ว่าแล้วนายกชก็ใช้ทักษะพิเศษของตัวละครพุ่งทะยานไปช่วงชิงไอเทมตัดหน้ามิวได้สำเร็จ มิวอ้าปากค้างก่อนจะโวยวายเสียงหลง

“โหย พี่ ทำงี้ได้ไง นั่นของผมนะ เอ้ย! กล่องยา ไม่ ไม่ อันนี้ของผม ผมไม่ให้พี่หรอก”

“อย่าหวังเลยว่าจะยอมง่ายๆ ”

แล้วตัวละครสองตัวที่ควรจะร่วมมือกันเพื่อเอาตัวรอดก็เริ่มแย่งของกันเอง แต่ตัวในเกมที่มิวเล่นไม่มีทักษะวิ่งเร็วแบบของกช สุดท้ายชายหนุ่มก็เคี้ยวฟันอย่างคับแค้น ก่อนจะตัดสินใจกระแทกไหล่ของตัวเองลงบนบ่าของอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ข้างๆ เต็มแรง ทำเอากรกชร้องเหวอทันที

“ไอ้มิว! มึง! ”

“โอ๊ย พี่ พูดคำหยาบ ไม่ดีๆ ๆ ” พูดงั้นแล้วก็ระเบิดหัวเราะอย่างสะใจเต็มที่ เขาบังคับตัวละครให้ใช้มีดฟันซอมบี้ตัวหนึ่งอย่างชำนาญ ก่อนคนเล่นจะต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะมีนิ้วมรณะจิ้มลงที่สีข้าง

ประเด็นคือเขาบ้าจี้มากๆ ด้วยไง

“โอ๊ย! พี่กช อย่าโกงดิ้! ตัวเองช้าเองแล้วจะมาทำงี้ได้ไง”

“โห พูดมาได้ ตัวเองไม่โกงเลยเนอะ” โต้กลับเสียงกลั้วหัวเราะ เอ็นดูคนข้างตัวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ว่าแล้วทั้งคู่ก็ลงมือจัดการซอมบี้ในเกมต่ออย่างเมามัน มิวคอยพูดพากย์ไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้คลิปเงียบ กชเองที่อยู่ร่วมห้องกับอีกฝ่ายมาพักใหญ่ยังดูออกเลยว่าเจ้าตัวมีศิลปะในการพูดมากขึ้น อันที่จริงแล้วเขาคอยสังเกตมิวตลอด บางทีแม้แต่ตัวเองยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

น่าจะเป็นเอาหนัก… แต่มันก็สนุกดีที่ได้เห็นสีหน้าท่าทางแบบต่างๆ ของเพื่อนรุ่นน้องคนนี้

หลังจากเล่นเกมกันไปได้พักใหญ่ ในที่สุดมิวก็เริ่มพูดปิดคลิปส่งท้าย บอกลาแฟนๆ จากนั้นก็กดหยุดอัดวิดีโอ เจ้าตัวผิวปากอย่างอารมณ์ดีขณะเริ่มจัดแจงเตรียมนำไฟล์ไปแปลงแล้วตัดต่อคลิป กชเห็นแบบนั้นแล้วก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้

“ในที่สุดก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมสักทีนะ”

มิวหันหน้าขวับกลับมาอย่างตกใจ นัยน์ตาเบิกกว้างขึ้นงงๆ

“พี่กชพูดเรื่องอะไรครับ? ”

“อ้าว ก็…” จะอธิบายยังไงดี “เห็นสองสามวันที่ผ่านมานายดูนอยด์ๆ บอกไม่ถูก เหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดี”

“ก็…” มิวอึกอักเล็กน้อย “ก็ผมบอกพี่ไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าเครียดสอบน่ะ”

อย่างหนึ่งที่กชรู้จากการสังเกตอีกฝ่ายคือเวลาที่มิวพูดโกหก เจ้าตัวจะหลุกหลิก ไม่มองตาเขาตรงๆ กชจึงจัดการด้วยการยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายแล้วมองตาตรงๆ แอบเห็นด้วยว่าพวงแก้มขาวของเจ้าตัวแดงระเรื่อขึ้นนิดหนึ่ง มีปฏิกิริยาแบบนี้ไม่ให้เขาคิดเข้าข้างตัวเองได้ไง

“แน่ใจเหรอว่าแค่เรื่องสอบ”

“เอ่อ ก็…”

“สอบคราวก่อนไม่เห็นเป็นหนักขนาดรอบนี้เลย”

มิวเงียบ กชเองก็ไม่พูดอะไรแต่จ้องหน้าอีกฝ่ายโดยไม่ละสายตา ในที่สุดมิวก็ถอนหายใจเฮือกออกมา

“พี่กชบอกเรื่องที่เราแกล้งคบกันให้พี่บอสรู้เหรอครับ”

“บอส? ” ตอนแรกเขาจะถามกลับไปแล้วว่าบอสไหน เขารู้จักบอสสองคนในชีวิต แต่พอคิดว่าคนหนึ่งเรียนอยู่ที่ต่างจังหวัดแล้วก็ตัดทิ้งไปได้ อีกอย่างเขาก็ไม่ได้คุยกับบอสนั้นมาหลายเดือนแล้ว งั้นก็เหลืออยู่แค่บอสเดียว “อ้อ ใช่ พี่บอกเองเแหละ”

“อ้อ” มิวพยักหน้าหงึก

“ไม่ได้เหรอ? ” ก็คราวก่อนเขาถามมิวแล้วว่าบอกเพื่อนได้ไหม มิวก็ตอบตกลงนี่นา

“เปล่าครับ ผมไม่มีปัญหาอะไร แค่แบบ… พี่เขาดูน่ากลัวๆ รึเปล่า”

“ไอ้บอสมันก็ท่าทางแบบนั้นเอง จริงๆ มันไม่มีอะไรหรอก” เขาว่า “ว่าแต่นี่ไปเจอมันมาเหรอ”

“ครับ เมื่อวันอาทิตย์ เจอพร้อมกับพี่กลุ่มพี่แก๊ป เห็นว่ามาเตะบอลกัน”

“เออ นั่นสินะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไปเลย”

กชว่าเขาเห็นมิวเกร็งตัวขึ้นมานิดหนึ่ง “ถ้าพี่ยุ่งเพราะมาถ่ายคลิปกับผม---”

“เฮ้ย ไม่ใช่แบบนั้นดิ” อย่าบอกนะว่าไอ้เด็กบ้านี่คิดมากเรื่องนี้ “พี่ชอบเตะบอลนะ แต่แคสเกมกับมิวก็สนุกดี พี่ก็ชอบเหมือนกัน”

ดวงตาที่โตอยู่แล้วของอีกฝ่ายเบิกกว้างขึ้นมาอีกจนดูน่าตลก

“พี่แน่ใจนะ? ”

“แน่ใจดิ”

“ไม่ใช่แค่พราะเห็นแก่กินเลยฝืนแคสเกมกับผมแน่นะ? ”

โอ๊ย ไอ้รุ่นน้องคนนี้

“บ้าเหรอมิว” พูดพร้อมกับคลี่ยิ้ม มือหนาเลื่อนไปยีศีรษะของคนตัวเตี้ยกว่า “มิวก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าพี่เป็นคนขี้เบื่อ ถ้าทำแล้วไม่สนุกนะ พี่ไม่ฝืนทำหรอก ต่อให้มิวจะเลี้ยงข้าวพี่ทุกมื้อก็เถอะ แต่ถ้าพี่ไม่อยาก พี่ก็ไม่ทำ ทีนี้เข้าใจตรงกันไหม”

มิวพยักหน้ารับหงึกหนึ่ง “เข้าใจครับ”

“ดีแล้ว ส่วนเรื่องไอ้บอสน่ะไม่ต้องไปคิดมาก มันกวนตีนของมันอย่างนั้นเอง”

“แต่ดูแล้วพี่บอสดูสนิทกับพี่กชนะ? ”

“ก็สนิทกันทั้งกลุ่มแหละ” เขาหมายถึงแก๊ป บีม แล้วก็ตูนด้วย “แต่อืม… นั่นสินะ กับบอสคงสนิทที่สุดแล้ว”

“เอ่อ พี่กช”

“อะไรครับ? ”

“พี่เคยมีแฟนมาก่อนเหรอ”

คำถามนั้นทำเอาผู้เป็นรุ่นพี่แทบจะหัวเราะก๊ากออกมา

“ก็ต้องเคยดิ” เขานึกว่าใครๆ ก็รู้เรื่องนี้ซะอีกเพราะไม่เคยปิดเป็นความลับ “ทำไม? หรือหน้าตาอย่างพี่นี่ไม่น่ามีแฟน? ”

“เปล่าๆ ๆ หน้าตาอย่างพี่อะน่ามี แต่นิสัยนี่อีกเรื่องนะครับ บอกเลย”

“อ้าว ไอ้เด็กนี่” ว่าแล้วกชก็ลดมือลงไปจี้เอวคนตัวเล็กกว่า แน่นอนล่ะว่ามิวสะดุ้งเฮือก เจ้าตัวโวยวายพร้อมกับจี้เอวเขากลับ แต่กชก็ไม่สะทกสะท้านอยู่ดี”

“เสียใจ” กรกชคลี่ยิ้มยียวน “พี่ไม่บ้าจี้ว่ะ”

“จำไว้เลยนะพี่กช”

“ม่ายอ้ะ เป็นคนความจำไม่ดี”

แล้วมือเล็กก็ฟาดลงบนตัวเขาด้วยความหมั่นไส้ทีหนึ่ง กรกชหัวเราะร่วน เขาเอี้ยวตัวหลบแล้วแต่ก็หนีไม่พ้นอยู่ดี แต่ให้ตายเถอะ เขาชอบเวลาได้แหย่หมอนี่จริงๆ

“นี่ไง เดี๋ยวพี่เอารูปแฟนเก่าให้ดู ชื่อก้อยน่ะ จริงๆ ในเฟสก็มีตั้งเยอะนะ พี่ไม่ได้ลบทิ้ง”

มิวปียเตียงขึ้นมานั่งข้างๆ ร่างสูงที่เริ่มเปิดหารูปคู่กับแฟนเก่าให้ดู กรกชในรูปดูเด็กกว่าตอนนี้ไปเล็กน้อย เขาเป็นคนที่หน้าตาดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่เรื่องเสื้อผ้ากับทรงผมที่ค่อนข้างยุ่งเหยิงนี่ดูเหมือนจะเป็นมานานและคงแก้ไม่หาย ส่วนหญิงสาวข้างกายเขาเองก็ดูดีไม่แพ้กันเลย หล่อนมีเส้นผมสีดำสนิทคลออยู่บนพวงแก้มทั้งสองข้าง หล่อนยิ้มสดใสมาให้จากในรูป ส่วนกชก็เพียงยิ้มมุมปากนิดๆ แบบที่ชอบทำเป็นประจำ

กชเลื่อนนิ้วไปเพื่อให้รูปอื่นๆ พร้อมกันนั้นก็อธิบายไปด้วยว่าไปถ่ายที่ไหนมา ถ่ามาตอนไหน และตอนนั้นตัวเองรู้สึกยังไง

“เอาจริงพี่ไม่ค่อยชอบถ่ายรูปเท่าไร” กชสารภาพ “แต่ก้อยชอบ แล้วก็บังคับให้พี่ถ่ายด้วยอยู่นั่นแหละ ก็ได้แต่ต้องตามใจเขา”

“อ้าว พี่ไม่ชอบถ่ายรูปเหรอครับ” ส่วนมิวเองเฉยๆ ไม่ชอบไม่เกลียด “แล้วที่ถ่ายวิดีโอกับผมทุกวี่ทุกวันนี่ล่ะ? ”

“ถ่ายวิดีโอกับมิวมันโอเคไง มันเป็นธรรมชาติได้ แต่ถอถ่ายรูปเฉยๆ พี่ไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี มิวไม่เห็นเหรอเนี่ย ในรูปพี่ยิ้มเจื่อนจะตาย มันเกร็งอ่ะ ไม่เหมือนถ่ายวิดีโอกับมิวที่ปล่อยตัวตามสบายได้”

“อ้อ” มิวพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงรับรู้ คำพูดตรงๆ จากกชทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาก “แปลว่าผมไม่ได้แค่ใช้พี่เป็นเครื่องมือสินะ”

คำพูดนั้นทำเอารอยยิ้มบนหน้าร่างสูงหุบฉับ

“ทำไมมิวพูดแบบนั้นล่ะ”

“เอ่อ เปล่าครับ ก็…” คนตัวเล็กกว่ารีบยกมือขึ้นมาเป็นเชิงปฏิเสธ

“มิวเคยถามพี่เรื่องนี้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ และตอนนั้นพี่ก็จำได้ว่าตอบไปชัดเจนว่าไม่ได้รังเกียจเลย”

“ผมจำได้ครับ”

“แล้วเมื่อกี้พี่ก็พูดย้ำอีกรอบใช่ไหมว่าถ่ายวิดีโอกับมิวน่ะมันสนุกดี แล้วพี่ก็ปล่อยตัวตามสบายได้”

“ใช่ พี่พูด แต่--”

“แล้วอีกอย่างนะ ต่อให้มิวคิดจะใช้พี่เป็นเครื่องมือในการทำให้ตัวเองมีชื่อเสียงมากขึ้น พี่ก็ยอม”

คำพูดนั้นทำเอามิวอ้าปากค้าง จากนั้นเจ้าตัวก็หน้าแดงเถือกขึ้นถึงหลังหู ก้มหน้างุดๆ ก่อนจะพูดเหมือนบ่นนิดๆ ในลำคอ

“พี่… จะบ้าเหรอ พี่จะยอมเป็นเครื่องมือของใครคนอื่นง่ายๆ ไม่ได้นะ…”

“กับคนอื่นคงใช่” กรกชพูดหน้าตาเฉย “แต่กับมิวพี่ยอม”

“! ” เงยหน้าพรวดขึ้นมามองหน้าไม่รู้ไม่ชี้ของรุ่นพี่อย่างตื่นตะลึง เขาอยากจะถามต่อว่านั่นหมายความว่ายังไง แต่เพราะหัวใจที่เต้นรัวในอกนี่ทำให้เขาสั่นขึ้นมา มิวพูดอะไรไม่ออก

“มิวไม่ใช่คนอื่น”

“พี่กช…”

“มิวเป็นรูมเมทพี่นะ” ใบหน้าคมคลี่ยิ้มมาให้ วางมือลงบนเส้นผมสีดำนุ่มของรุ่นน้องอย่างอ่อนโยน “แล้วก็เป็นแฟนปลอมๆ ของพี่ด้วย จำได้ไหม”

“...” เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร นัยน์ตาสีน้ำตาลของคนเป็นรุ่นพี่มันลึกล้ำเกินไป เขากลัวที่จะตีความหมายนั้นเองมั่วๆ

“เพราะงั้น… ไม่ต้องคิดมากแล้วนะ มิว พี่ไม่ชอบเวลาเห็นมิวเครียด”

“...” ยังคงพูดไม่ออก

“พี่… แคร์มิวนะ”

มิวรู้สึกเหมือนหน้าตัวเองจะระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว!






 -----------------------------------------------------
Talk: เทอ้อยใส่กัน ง่อววววว
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 7) P.2 [5/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 05-01-2018 18:55:58
พี่กชชช รุกเลย  :z2:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 7) P.2 [5/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-01-2018 23:21:06
 :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 7) P.2 [5/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 05-01-2018 23:31:21
โอ้ย น้องมิวน่ารัก
อย่าเครียดเยอะเลยนะ คุณพี่เขาเป็นห่วงงง
//ว่าแต่พี่บอสนี่ยังไงกันนะ

ขอบคุณสำหรับงานเขียนตอนนี้ค่า เป็นกำลังใจให้กับคนเขียนนะค้า :)
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 7) P.2 [5/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-01-2018 07:53:15
หูยยยยยย ตอนนี้พี่กชเอาใจไปเลย :give2:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 7) P.2 [5/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 06-01-2018 18:58:47

บทที่ 8




ผมหมดคาบเรียนตั้งแต่บ่ายสาม ดังนั้นผมจึงนั่งมอเตอร์ไซค์กลับหอเพื่อมาทำการบ้าน อ่านหนังสือทบทวน ท่องคันจิ แล้วค่อยเตรียมอัดคลิปที่จะถ่ายลงยูทูปวันนี้ อย่างน้อยนั่นก็เป็นแผนในหัวตอนที่ผมยังอยู่ในห้องเรียนน่ะนะ แต่พอถึงห้องตัวเองจริงๆ ผมก็ทำแค่ล้มตัวลงนอนแผ่บนเตียงโดยที่ยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่แบบนั้น

หลายวันมานี้ผมเอาแต่นึกวนเวียนถึงเรื่องที่พี่กชพูด สิ่งที่รุ่นพี่บ้าบอคนนั้นพูดออกมามันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ

ไม่รู้ว่าแปลกในแง่ดีหรือร้ายหรอกนะ แต่ยอมรับว่าผมไม่ได้เกลียดความรู้สึกที่ว่า

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูคอมเม้นท์ในช่องของตัวเอง เปลี่ยนหน้าไปดูคอมเม้นท์และโพสต่างๆ บนหน้าเพจเฟซบุ๊ค คอมเม้นท์ของแฟนๆ ก็ยังกรี๊ดกร๊าดคู่ของผมกับกชอย่างถล่มทลายเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปในช่วงนี้ก็คือผมกลับรู้สึกพองฟูในอกอย่างประหลาด… เหมือนมันดีใจนิดๆ น่ะที่ทุกคนชอบที่เห็นว่าเรารักกัน และมันทำเอาผมหุบยิ้มไม่ได้เลย

ให้ตายเถอะ ลองมาย้อนดูคลิปเก่าๆ ที่ผมเล่นเกมกับไอ้คุณพี่กชแล้ว ยอมรับเลยว่าพี่เขาเองก็ทำตัวได้เป็นธรรมชาติ รับมุกหยอดมุกกับผมได้อย่างเป็นจังจะโคน เรียกได้เลยว่าเขาเป็นคนที่เสน่ห์แล้วก็น่ารักมากคนหนึ่ง

บางทีถ้าไปอยู่ในกลุ่มเพื่อน พี่กชอาจไม่ใช่คนที่พูดเก่งที่สุด แต่พอเขาพูด เหมือนเขาสามารถเรียกความสนใจของทุกคนมาไว้ที่ตัวเองได้

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมยอดวิวผมมันถึงได้เพิ่มสูงขึ้นนัก เพราะผมได้เขามาช่วยทำวิดีโอนี่แหละ

ตอนนี้ยอดวิวในคลิปของผมค่อนข้างคงที่แล้ว แต่คงที่ที่ว่าคือห้าหมื่นวิวต่อหนึ่งคลิป ถ้าคิดเป็นค่าเฉลี่ยออกมาน่ะนะ

ให้ตายเถอะ มีความสุขชะมัด แล้วผมก็มีบรรดาแฟนคลับมาคอยคอมเม้นท์ คอยส่งข้อความหลังไมค์มาว่ามีความสุขเวลาได้ดูวิดีโอที่ผมเล่นเกม นั่นยิ่งทำให้ผมยินดีเข้าไปใหญ่

ผมกดเข้าไปในเฟซบุ๊คส่วนตัวของตัวเอง จากนั้นก็กดเปิดหน้าโปรไฟล์ของพี่กชขึ้นมาดูโดยไม่รู้ตัว วันนี้พี่กชมีเรียนถึงค่ำเลยเพราะงั้นคลิปวันนี้คงไม่ได้ถ่ายด้วยกัน

แอบเหงานิดหน่อยๆ … แต่เดี๋ยว! ใจเย็นก่อน ยังไงนี่ก็ยังเป็นช่องของผมอยู่นะ ผมจะมาไม่อัดคลิปเพราะพี่กชไม่อยู่ไม่ได้ อย่าทำให้แฟนๆ ต้องผิดหวังสิ

ผมเลื่อนไปดูรูปเก่าของพี่กชอย่างเผลอตัว มองรูปคู่ของเขากับแฟนเก่าที่ชื่อก้อยอย่างครุ่นคิด ไม่รู้ตัวเลยว่ารอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่รู้ตัวอีกทีผมก็ไม่ได้ยิ้มแล้ว

พี่กช… เคยคบกับผู้หญิงมาก่อน งั้นก็แปลว่าเขาไม่ใช่เกย์แล้วล่ะ อย่างน้อยก็รู้เรื่องนั้นเรื่องหนึ่ง ผมจะได้เอาไปตอกหน้าไอ้เก่งสักทีว่าผมหาข้อมูลมาแล้ว ไม่ได้ไม่สนใจอะไรคนรอบตัวเลยอย่างที่มันกล่าวหา

ไม่แน่ใจว่าข้อเท็จจริงนี้ทำให้ผมยินดีหรือผิดหวังกันแน่ ซึ่งนั่นก็โยงไปให้ผมงุนงงอีกว่าทำไมผมต้องยินดีหรือคาดหวังอะไรกับรสนิยมทางเพศของพี่กชด้วย เขาจะชอบผู้ชายหรือผู้หญิงก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมสักหน่อย

เอ… หรือว่าเกี่ยว? เพราะถึงยังไงพวกเราสองคนก็แกล้งเล่นเป็นแฟนกันอยู่ ถ้าเขาชอบผู้หญิง งั้นยังไงก็คงไม่หวั่นไหวกับการเล่นละครของพวกเราสองคนแน่ แต่ถ้าเขาชอบผู้ชาย… เอ่อ เขาก็อาจจะสนุกดีที่ได้เล่นเป็นแฟนกับผู้ชายก็ได้ จะว่าไปเขาก็บอกว่าเล่นเกมอัดวิดีโอกับผมสนุกดีเหมือนกันด้วยนี่?

“....”

เอาล่ะ พอ เลิกคิด ฟุ้งซ่านมากมิว ไป ลุกขึ้นไปทำสิ่งที่ต้องทำดีกว่า







ผมนอนจ้องเพดานด้านบนของห้องมาเป็นเวลาร่วมชั่วโมงแล้ว นิ้วที่กำรอบผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่ออกแรงขยำมากขึ้นเมื่อในหัวพาผมไปท่องโลกจินตนาการอันน่าสยดสยองที่ผมไม่ได้อยากจะนึกถึงเลยสักนิด แต่ภาพสยองขวัญพวกนั้นก็ยังลอยเข้ามาติดตาอยู่ดีประหนึ่งจะแกล้งกันไม่ให้หลับให้นอนไปถึงรุ่งสาง

อ้อ คุณกำลังถามเหรอครับว่าผมเป็นอะไร ผมจะเป็นอะไรไปได้ล่ะถ้าไม่ได้กำลังอยู่ในสภาวะหลอนเกมที่เล่นเมื่อช่วงเย็นจนนอนไม่หลับ เกมที่ผมเลือกเล่นอัดคลิปวันนี้เป็นเกมผีไทย ซึ่งแค่ขึ้นชื่อว่าผีไทยก็ทำเอาผมกลัวขี้หดตดหายแล้ว แต่นี่เล่นมาแบบงานคุณภาพดีขนาดนั้น เลือดอาบขนาดนี้ เอาเป็นว่าผมมองเพดานเฉยๆ ตอนนี้ผมก็เห็นภาพผีที่เจอในเกมลอยติดตามาแล้ว

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ…

คือตอนเด็กๆ ผมมีความเชื่อว่าทุกที่ในโลกแห่งนี้มีผีอยู่ คุณลองคิดตามดูสิ มีคนกี่ล้านคนตายมาก่อนหน้าเรา ศพของพวกเขาถูกฝังอยู่ในพื้นดินซ้ำไปซ้ำมาแล้วกี่ครั้ง ไอ้พวกอาคารบ้านเรือนที่สร้างทับขึ้นมา ไม่ว่าจะที่ไหนๆ ยังไงก็ไม่มีทางจะไม่มีศพคนตายถูกฝังอยู่มาก่อน

คือมันก็สมเหตุสมผลใช่ไหม คนเราก็ตายกันตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะงั้นก็หมายความว่าผีย่อมต้องมีอยู่ทุกที่ และบางทีมันอาจกำลังห้อยหัวลงมาจากเพดานแล้วจ้องผมด้วยสายตาอันแดงก่ำ บางทีมันอาจจะแค้นที่ผมอาศัยอยู่ในตึกที่ถูกสร้างทับหลุมศพของมัน เชี่ย… ผมไม่น่าคิดถึงเรื่องนี้เลย ตอนนี้ภาพผีในเกมมันโผล่กลับมาเล่นงานอีกแล้ว แล้วไอ้ตอนที่ผมโดนผี---

เสียงเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่างทำให้ผมสะดุ้งเฮือกภายใต้ความมืดภายในห้อง ผมรู้สึกว่าตัวเองมือเย็นมากตอนที่ค่อยๆ เหลือบไปมองตามต้นเสียงนั้น ปรากฏว่าเป็นพี่กชนั่นเองที่นอนพลิกไปมาบนเตียง แถมไอ้รุ่นพี่ตัวแสบของผมยังนอนอ้าปากหวอสบายใจเฉิบอีกต่างหากนะ หน็อย… ไม่เห็นใจคนที่ต้องมานอนทรมานเพราะนอนไม่หลับอยู่นี่เอาเสียเลย!

เอาล่ะ มิว ไม่เป็นไร หายใจเข้าลึกๆ มันก็แค่เกมเท่านั้น แกก็แค่หลอนจากเกมที่แกเล่น ทำใจร่มๆ เข้าไว้ ผีอาจจะมีจริง แต่มันคงไม่น่ากลัวขนาดนั้นหรอก ถ้าเราเป็นคนดีทำดีคิดดีล่ะก็ ผีคงไม่คิดจะ---

“อือ”

“! ” ผมสะดุ้งอีกระลอกเพราะเสียงละเมอครางของไอ้คุณพี่กช

แบบ… เชี่ยเอ๊ย! นึกว่าหัวใจจะวายตายแล้ว ปกติพี่กชนอนดิ้นแล้วก็ส่งเสียงตอนหลับขนาดนี้เลยเหรอ ปกติเวลาปิดไฟนอนแล้วผมมักจะหลับสนิทตลอด ไม่ได้อยู่รับรู้เหตุการณ์อะไรนักหรอก แล้วนี่ผมจะข่มตานอนไหวไหมเนี่ย หรือจะตื่นมันซะเลยดี? แต่นี่ผมก็ง่วงมากแล้วนะ ถึงจะยังตาค้างเพราะกลัวผีอยู่แต่ผมก็อยากนอนจริงๆ แล้ว

พยายามเข้า มิว อดทนไว้ ที่เห็นนั่นมันไม่มีจริง มันก็แค่เกม…

ผมหลอกตัวเองพลางพยายามข่มตานอน ขับไล่สิ่งเลวร้ายที่เพิ่งเจอในเกมออกไปอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ไม่รู้ทำไมยิ่งผมพยายามไม่คิดถึงมัน ภาพหลอนนั่นกลับยิ่งแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ

เสียงอะไรบางอย่างตกกระทบลงกับพื้นเพราะจัดของไม่ดีทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของผมขาดลง

ผมลุกออกจากเตียงไปด้วยสัญชาตญาณล้วนๆ สมองไม่สั่งการแล้วครับตอนนี้ รู้แต่ว่าผมนอนอยู่บนเตียงคนเดียวเงียบๆ มืดๆ แบบนี้ไม่ได้อีกต่อไป

รู้ตัวอีกทีผมก็มุดเข้ามาอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกับพี่กช เจ้าของเตียงขยุกขยิกนิดหนึ่งก่อนจะปรือตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า ใบหน้าหล่อเหลาแต่ทรงผมรุงรังดูไม่ได้นั่นขมวดคิ้ว ถามเหมือนไม่แน่ใจ

“มิว? ”

“โทษทีพี่” ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ กระชับผ้าห่มของพี่กชมาคลุมตัวเองมากขึ้นเฉย “คืนนี้ผมขอนอนด้วยนะ”

“หา? ” พี่กชแกเป็นโรคขี้เซาขั้นสุดครับ เวลาตื่นนอนใหม่ๆ จะคุยกับแกไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก “ทำไม? ”

“ผมกลัวผี”

ร่างสูงปรือตาลง มองผมเหมือนเอือมระอาก่อนจะปิดเปลือกตาลงอย่างง่วงจัด แต่ปากมิวายปล่อยหมาออกมาอีกสองสามตัว

“บ้าหรือเปล่า ไอ้แว่น อยู่ห้องนี้มาจะครบเทอมอยู่ล่ะ เพิ่งจะมากลัวเหรอ”

เฮ้ย! เมื่อกี้พี่กชเรียกผมว่าไอ้แว่นเหรอ? เขาไม่เคยเรียกผมแบบนี้มาก่อนเลยนะ

แต่ผมก็ไม่ถือหรอก “ตอนนี้ผมไม่ได้ใส่แว่นอยู่พี่” แหงสิ ใครจะใส่แว่นนอนกันล่ะ

“กวนตีนนะเรา”

“ถึงอยู่กับพี่ได้ไง”

“แล้ว… ทำไม… ผี”

“ฮะ? อะไรนะครับ? ” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนพูดมากขึ้นเพราะได้ยินไม่ชัด

“แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงกลัวผี” พูดโดยที่ยังหลับตาอยู่

“อ้อ พอดีผมเล่นเกมผีน่ะ”

รอยยิ้มยียวนยกขึ้นมาบนมุมปาก “สม”

“โห่ พี่” ผมงอแง “ผมเล่นเพื่อคนดูเหอะ แถมต้องเล่นคนเดียวด้วยเพราะพี่ไม่อยู่”

“โอ๋ๆ ” เขาว่าพร้อมกับดึงผมไปกอดในอ้อมแขนหน้าตาเฉย นั่นทำให้ผมตัวแข็งทื่อไปเลยด้วยความคาดไม่ถึง “ไม่เป็นไรนะมิว ไม่กลัวนะ”

ไม่พูดเปล่า เขายังลูบหัวผมไปมาเหมือนปลอบโยนด้วย และที่ทำทั้งหมดทั้งปวงนี่เขาก็ยังหลับตาพริ้มทั้งสองข้าง นี่พี่แกละเมอเหรอ!?

“พะ… พี่กช” ผมเรียกเขาเสียงสั่นเพราะรู้สึกเขินแบบแปลกๆ ไออุ่นจากร่างกายคนข้างตัวไม่ทำให้ผมกลัวผีแล้วล่ะ หากสัมผัสอ่อนโยนที่โอบรัดร่างพร้อมกับลูบหัวไปด้วยทำให้ผมใจเต้นรัวด้วยความรู้สึกอย่างอื่นแทน

ฉิบหายล่ะ! ตอนนี้ผมใจเต้นจริงๆ นะ ใจเต้นจนหายกลัวผีแล้วเนี่ย!

ไม่สิ อาจจะยังกลัวอยู่นิดหนึ่ง แต่เหมือนกำลังสับสนมากกว่าว่าจะกลัวผีหรือจะอะไรๆ กับคนตรงหน้าดี พี่กชพูดงึมงำออกมาอีกระลอก

“ไม่ต้องกลัวผีแล้ว มิว พี่อยู่กับมิวแล้ว เชื่อพี่นะ ผียังกลัวพี่เลย”

คราวนี้จากที่งุนงงสับสนผมหลุดหัวเราะออกมาพรืดเลย คนบ้าอะไรพูดเองก็ได้ว่าตัวเองน่ากลัวกว่าผี

“จริงด้วยนะครับ พี่กชน่ากลัวกว่าผีนี่นา”

“อยากตายไหม” เริ่มบีบแก้มผมแรงๆ แล้วคราวนี้ ผมส่งเสียงอู้อี้ประท้วง ถึงตอนนี้พี่กชก็ยังไม่ลืมตาขึ้นมาอีก สงสัยจะง่วงจริงแฮะ ผมเองพอหายกลัวก็ตาจะปิดแล้วเหมือนกัน ดังนั้นผมจึงจัดบทไปง่ายๆ

“งั้น… ผมนอนล่ะนะพี่ ขอบคุณที่ให้นอนด้วยนะครับ”

“อืม” เขาพูดแค่นั้น เหมือนครางในลำคอมากกว่า จากนั้นผมก็ปิดเปลือกตาทั้งสองข้างลงแล้วหลับสนิท

อ้อมกอดที่รัดตัวผมอยู่นี่ให้ความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก







ช่องในยูทูปของผมถามหาพี่กชอีกตามเคยอย่างที่เป็นมาเสมอเวลาที่อัดคลิปโดยไม่มีพี่กชเข้ามาร่วมวงด้วย ต่อให้ผมบอกไปตั้งแต่ต้นคลิปแล้วว่าพี่กชไม่มาเพราะติดเรียนจนค่ำก็ตาม แต่คนก็ยังจะถามหาอยู่อย่างนั้น

สงสัยอีกหน่อยผมต้องเปลี่ยนชื่อช่องเป็นกชมิวแล้วมั้ง ถ้าจะเรียกร้องให้เล่นคู่กันทุกคลิปขนาดนี้… ปัดโธ่เอ๊ย! ถึงจะชอบจิ้นกันขนาดไหนแต่ยังไงก็ช่วยดูเกมที่ผมตั้งใจเล่นหน่อยเถอะ!

สีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาทำให้เพื่อนร่วมห้องอีกคนพูดทักทำลายความเงียบขึ้นมา

“เป็นอะไรไปน่ะ ไอ้มิว ทำหน้ายังไงกับไปเหยียบขี้หมามา”

“พี่คงเหยียบบ่อยสินะครับ” ผมโต้กลับเนือยๆ นิ้วเลื่อนเมาส์รัวๆ เพื่ออ่านคอมเม้นท์แบบสแกน “ถึงได้รู้ว่าเหยียบแล้วจะทำหน้ายังไง”

“กระแสตกลงหรือไง? ”

“ก็เรื่อยๆ แหละครับ”

“งั้นเซ็งอะไร”

“ทุกคนถามหาแต่พี่อ้ะ” ผมกล่าวหาอย่างไม่จริงจังเท่าไรนัก “ผมงอนแล้วเนี่ย แฟนๆ ผมถามหาแต่พี่กช นี่ช่องผมแท้ๆ ”

“ทำไงได้ ก็คนมันหล่อ”

“แถมยังชอบถ่อมตัวด้วย” ประชดกลับซะเลย พ่อคนหลงตัวเองเอ๊ย

“เอ้อ มิว พรุ่งนี้ไปกินข้าวบ้านมิวได้ปะ”

ผมหันกลับไปมองคนบนเตียง “นับเป็นหนึ่งมื้อที่ผมต้องเลี้ยงพี่ใช่ไหมครับ”

“ช่าย” ใบหน้าคมคลี่ยิ้มกว้างมากขึ้น ตายังจ้องเกมในมือถือ “แล้วมิวก็ต้องเป็นคนทำด้วยนะ”

“อีกแล้วเหรอ? ” ผมคราง แค่คิดว่าต้องไปผจญเสียงบ่นของป้านิดกับท่านแม่ก็เหนื่อยแล้ว “พี่กชสั่งให้ป้ากับแม่ผมทำเหอะ เดี๋ยวผมจ่ายเอง”

“ไม่ได้ ถ้านายไม่ทำเองถือเป็นโมฆะนะ” ไม่วายพูดดักคอต่อ “มิวบอกเองไม่ใช่เหรอว่าพี่เลือกร้านอะไรก็ได้ ราคาเท่าไรก็ได้”

“ไม่ยุติธรรมเลย” ผมบ่นงึมงำ ไอ้พี่กชแม่งโคตรเอาแต่ใจ

ร่างสูงยันตัวขึ้นมายืนข้างผม ลูบแผ่นหลังขึ้นลงเหมือนกำลังปลอบเด็กห้าขวบที่ร้องไห้ไม่หยุดกลางห้าง

“ท่องไว้นะครับน้องมิว หายใจเข้า ยอดวิว หายใจออก ยอดซับ เอ้า ว่าตามพี่นะ”

“บ้าเหรอพี่” ผมถองศอกเขาแรงๆ ทีหนึ่งจากนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา “ผมไม่ได้เห็นแก่ยอดวิวยอดซับขนาดนั้นสักหน่อย พูดอะไรเพ้อเจ้อ”

“หรา” เขาลากเสียงยาว เอื้อมมือมาดึงแก้มจนยืด “แล้วใครกันนะที่ยอมลงทุนแกล้งเป็นแฟนกับผู้ชายเพื่อช่องของตัวเองน่ะ หือ นายเป็นผู้ชายธรรมดาไม่ใช่เหรอฮะมิว”

“โอ๊ย พี่” ผมครางเพราะแรงดึงไปตามเรื่องตามราว “ผมก็ผู้ชายธรรมดานี่แหละ ส่วนเรื่องแกล้งคบกับพี่กชก็แค่… นะ นิดๆ หน่อยๆ ”

ชายหนุ่มยังคงมียิ้มสบายๆ ประดัอยู่บนหน้า แต่ผมรู้สึกได้ถึงความผิดหวังนิดหนึ่งจากแววตาสีช็อกโกแลตนั่น

“รักช่องของตัวเองจริงนะ”

“แน่นอนสิพี่” ถึงจะแค่เพิ่งเริ่มทำไม่นานก็เถอะ “งั้นตกลงอาทิตย์นี้มื้อแรกเป็นข้าวที่บ้านผม แล้วมื้อที่สองล่ะครับ? ”

“ไว้ค่อยคิดตอนกลับมาอีกทีก็ได้ เออ รอบนี้พี่ยืมรถพ่อมา เดี๋ยวพี่ขับพาไปบ้านมิวเองนะ แล้วพรุ่งนี้มีธุระอะไรอย่างอื่นหรือเปล่า”

ผมนั่งคิดถึงรายงานการบ้านและอะไรต่างๆ ที่จำเป็นต้องทำเร็วๆ นี้แล้วส่ายหน้า

“ผมไม่มีธุระอะไรเป็นพิเศษนะ”

“งั้นไปซาฟารีกัน”

“อ้าว” ผมอุทานงงๆ “อย่าบอกนะว่าตั้งแต่ที่พ่อผมให้ตั๋วพี่ไป…”

“อือ” เขายอมรับดื้อๆ “ยังไม่ได้ใช้เลยอ่ะ”

“แล้วทำไมไม่ชวนเพื่อนไปล่ะพี่” ว่าแล้วก็เหลือบตามองปฏิทิน คำนวณเวลาดูในใจ คงยังไม่หมดอายุหรอก น่าจะพอได้อยู่

“ก็ไม่รู้จะชวนใคร ชวนเพื่อนถ้าไม่ได้ไปกันเป็นแก๊งก็ไม่ยอมมากัน แล้วถ้าแค่คนเดียวได้ฟรีพวกที่เหลือก็ไม่ยอม งี่เง่าฉิบหายเลยไอ้พวกนี้”

“แล้วไมไม่ชวนคนที่พี่ชอบอ่ะ? ”

คำถามนั้นทำเอาพี่กชนิ่งไปเล็กน้อย เขาสบตาผมนิ่งในขณะที่ผมเป็นฝ่ายใจเต้นรัวขึ้นเสียอย่างนั้น

เดี๋ยวๆ ๆ ๆ อะไร มองแบบนี้หมายความว่าไง…

“พี่… พี่ยังไม่มีคนที่ชอบ”

“เฮ้ย! ” ผมอุทานกลบเกลื่อนอาการใบหน้าที่เริ่มร้อนของตัวเอง แปลกดีที่คำพูดนั้นทำให้ผมรู้สึกโล่งอกขึ้นอย่างประหลาด แต่ถึงแบบนั้นผมก็ต้องพูดต่อ “ถามจริงดิพี่? แล้วไม่มีคนที่คุยอยู่ด้วยเลยเหรอ? ”

“ไม่นะ ไม่ได้คุยกับใครเป็นพิเศษ” ส่ายหน้ารัวๆ ก่อนจะส่งยิ้มกวนประสาทมาให้ที “ตกใจล่ะสิที่คนหน้าตาดีแบบพี่ยังว่างอยู่แบบนี้”

“ผมว่าผมไม่แปลกใจขนาดนั้นหรอก” พยักหน้ากับตัวเอง “ก็ดูปากแล้วก็นิสัยซกมกของพี่-- อ๊าก! พี่กช อย่าจี้ ไม่เอ๊า! ”

ผมโวยวายทันทีที่รุ่นพี่ตัวแสบกระชากผมเข้าไปจี้เอวสลับข้างซ้ายทีขวาทีอย่างหนักหน่วง

ปัญหาของเรื่องนี้คือผมเป็นคนที่บ้าจี้มาก แล้วผมก็สู้แรงพี่กชไม่เคยได้เลย ยิ่งผมพยายามดิ้นหนีเท่าไรมือแกร่งก็ยึดผมไว้แน่นขึ้นเท่านั้น

ผมทั้งดิ้นทั้งหัวเราะจนตัวงอเป็นกุ้งเลยอ่ะ พี่กชเริ่มหัวเราะตามดูจะชอบใจเหลือเกินที่ได้แกล้งผม คราวนี้ผมพยายามบิดตัวก้าวเท้าไปด้านหลัง แต่ขาพลิกพลาดไปหน่อยส่งผลให้น้ำหนักตัวโถมลงไปด้านหลัง ทำเอาผมเกือบจะล้มไปหัวฟาดพื้นถ้าไม่ใช่เพราะพี่กชเหวี่ยงผมไปบนเตียงได้ก่อน

แต่เพราะการเหวี่ยงกะทันหันนั่นทำเอาร่างสูงเซมาเกือบจะทับร่างผมที่อยู่บนเตียงก่อนแล้ว วินาทีที่ใบหน้านั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้จนระยะห่างแทบเหลือศูนย์ ผมรู้สึกเหมือนใจหยุดเต้นไปชั่ววินาทีหนึ่งเลย

นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นดูตกตะลึงไม่แพ้ผม แขนของเขายันตัวเองเอาไว้ได้ทันทำให้รอดจากการที่ริมฝีปากเราจะบรรจบกันแบบในละคร

ผมมีความคิดแวบหนึ่งว่าอยากให้มันลองบรรจบกันดูเหมือนกัน แต่วินาทีต่อมาผมก็หน้าแดงขึ้นเพราะอายจากความคิดสกปรกนั่น

ผมคิดอะไรของผมอยู่เนี่ย พี่กชเป็นผู้ชายปกติ ผมเองก็ด้วย แล้วที่เราเป็นแฟนกันนั่นก็แค่เล่นละครหน้ากล้อง แต่นี่ใจผมจะเต้นรุนแรงขนาดนี้ทำไมเนี่ย

“โทษที” ในที่สุดคนด้านบนก็พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ยิ้มโง่ๆ ออกมาเหมือนไม่รู้จะวางตัวยังไง “เหมือนคราวก่อนพี่ก็แกล้งมิวแรงแบบนี้เหมือนกัน ขอโทษนะ”

“ผมไม่เจ็บหรอกครับ” ผมตอบขณะที่พี่กชยันตัวจากเตียงพร้อมกับเสหน้าที่แดงขึ้นของตัวเองไปทางอื่น

ผม… ใจเต้นกับท่าทางนั้นของเขา ผมหลอกตัวเองเรื่องนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว

“พี่กช” ผมเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกที่เหมือนอกข้างซ้ายจะระเบิด “เมื่อคืน… พี่จำได้ไหมว่าผมปีนขึ้นไปนอนบนเตียงกับพี่”

“อ่า” เขาหัวเราะเบาๆ ยกมือขึ้นเกาหัวเหมือนไม่มั่นใจตัวเอง “ก็จำได้รางๆ … มิน่าล่ะ ตื่นมามิวถึงมาอยู่บนเตียงพี่”

อะไร นี่อย่าบอกนะว่าเขาจำไม่ได้?

“พี่… พี่กอดผมด้วยนะ ตอนนั้นน่ะ”

“จริงเหรอ”

ผมไม่ชอบเวลาเขาทำเฉไฉแล้วเบือนหน้าหนีแบบนี้เท่าไร

“พี่กอดผม แถมยังลูบหัวผมด้วยนะ”

“พี่ก็ลูบหัวมิวบ่อยออก”

ฮึ่ม

“ทำไมพี่ถึงกอดผมล่ะ? ”

ครั้งนี้เขายอมหันหน้ามาสบตา “ก็เพราะพี่อยากปลอบมิวไง”

โอ๊ย ให้ตายเถอะ

ผมว่าใจผมมันพองฟูจนแทบจะระเบิดออกมาได้จริงๆ อยู่แล้วนะ!





---------------------------------------------
Talk: ทำไมสองคนนี้ไม่คบกันไปเลยให้รู้แล้วรู้รอดนะ หวานกันซะยิ่งกว่าคู่แต่งงาน ถถถถถถถถ //ทำงานวันเสาร์มาค่ะวันนี้ ฮืออออ เหนื่อยจุง ขอกำลังใจหน่อย (แบมือ)
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 8) P.2 [6/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 06-01-2018 19:29:49
ชอบเค้าก็บอกว่าชอบไปเลยหน่าพี่กช
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 8) P.2 [6/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-01-2018 22:54:44
อยากให้คบกันจริงๆแล้ว
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 8) P.2 [6/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 07-01-2018 03:36:52
 :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 8) P.2 [6/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 07-01-2018 17:24:27

บทที่ 9




ผมกับพี่กชมาที่ซาฟารีแต่เช้าเพื่อที่เราจะได้เก็บประสบการณ์การกับเหล่าสัตว์น้อยใหญ่อย่างเต็มที่

อันที่จริงก่อนมาผมก็แซวพี่แกอีกรอบนะว่าพวกสัตว์ในนั้นเป็นเพื่อนๆ พี่แก พี่กชก็แกล้งทำเป็นยกมือขึ้นมาจะจี้เอวผมแต่ผมหลบได้อย่างสวยงาม

แล้วดูคนที่ทำเป็นไม่พอใจผมเมื่อชั่วโมงก่อนตอนนี้สิ เพลิดเพลินประหนึ่งได้เจอครอบครัวเก่าที่ห่างหายกันไปนาน

“มิว ดูนกนั่นดิ” เจ้าตัวว่าพร้อมกับชี้นิ้วไปนอกกระจกรถ “มันคาบกิ่งไม้ในปากด้วยอะ แล้วดูลูกกระเดือกมัน โคตรยานเลย”

ตอนนี้พวกเรามาอยู่ในซาฟารีเวิลด์บริเวณที่ให้ขับรถรับชมสัตว์มากมายที่ทางสวนสัตว์ปล่อยให้มันเดินไปมาในพื้นที่แห่งนี้อย่างอิสระ

จริงๆ แล้วอีกโซนก็มีเขตที่ให้เดินชมสัตว์ในพื้นที่ปิดด้วยเหมือนกัน แต่ผมกับพี่กชเลือกมาขับรถดูสัตว์ในส่วนนี้ก่อน เรากะเวลาจะกลับไปตามเก็บโชว์การแสดงที่อีกโซนต่อจากนี้และเวลามันได้พอดี

ผมมองตามนิ้วของคนขับที่ชะลอรถลง มีกฎไม่ให้ผู้เยี่ยมชมเปิดกระจกเพราะอาจเกิดอันตราย สัตว์คลั่งแล้วงับมือได้พี่กชเลยทำได้แค่จิ้มนิ้วลงบนตำแหน่งเดิมซ้ำๆ และตอนนี้เจ้าตัวก็กำลังชี้นกหน้าตาน่าเกลียดที่กำลังคาบกิ่งไม้เดินตัดหน้ารถอย่างอ้อยอิ่ง

“น่ารักเนอะ” คนเป็นรุ่นพี่ว่าขณะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดกล้อง ผมย่นหัวคิ้วทันที

“น่ารักตรงไหนพี่ ออกจะน่าเกลียด”

“มิวดูมันคาบกิ่งไม้ไปสร้างรัง” ดูพี่แกจะอินกับนกนี่มาก

“แล้วเมื่อกี้พี่เรียกถุงใต้คอมันว่าอะไรนะ ลูกกระเดือกเหรอ คิดได้ไง” พูดพร้อมกับหัวเราะขันกับความคิดเพี้ยนๆ ของอีกฝ่าย ผมมาซาฟารีบ่อยแล้วเลยไม่ค่อยอินอะไรก็จริง แต่พอคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นพี่กชแล้วอะไรเดิมๆ ก็ดูมีสีสันขึ้นมาได้

“ดูมันเด๋อๆ ชอบกลนะ”

“มันเป็นนกนะพี่ พี่จะเอาอะไรกับนกล่ะ” ผมมองตามนกหน้าตาน่าเกลียดนั่นไป พี่กชยังถ่ายรูปมันไม่เลิกเลย

“มันชื่อนกอะไรอ่ะ”

“หน้าผมเหมือนเรียนด้านสายพันธุ์สัตว์ปีกมาเหรอครับ”

“หาให้หน่อย” พูดพร้อมกับหันมามองผมด้วยสายตาวิงวอน ลำบากกูเนี่ยแหละครับ เสิร์ชกูเกิลให้นางก่อน

“นกที่มี… ถุงใต้คอ” จิ้มลงไปบนมือถือ

“บอกแล้วมันคือลูกกระเดือก”

“ลูกกระเดือกบ้านพี่เถอะครับ”

“เชื่อเถอะว่านั่นก็ไม่ได้เรียกถุงใต้คอ”

“เจอแล้วๆ นี่ไงครับ”

“ตกลงมันชื่ออะไร” เขาว่าพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมสะดุ้งด้วยความตกใจเพราะเป็นจังหวะที่ผมเขยิบไปหาเขาพอดี นั่นทำให้ปลายจมูกเราเฉียดกันแวบหนึ่ง

หน้าผมร้อนวูบขึ้นมาขณะที่พี่กชรีบหันกลับไปมองทางแล้วเหยียบคันเร่งเอื่อยๆ ต่อ ทำทีเป็นมองกระจกหลังว่ารถที่ตามมาจะเร่งเราหรือไม่

ผมใช้จังหวะนี้บอกตัวเองให้สงบจิตสงบใจลง แม้ว่าจะเตรียมใจต้องมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาบ้างแล้วแต่ผมก็ยังทำใจให้ชินไม่ได้

หือ? อะไรที่ผมบอกว่าเตรียมใจน่ะเหรอ?

คืออย่างนี้ครับ ทุกคนคงไม่คิดใช่ไหมว่าผมจะไม่รู้ตัวจริงๆ ว่ามีอะไรบางอย่างแปลกไปในความสัมพันธ์ของตัวเองกับพี่กช

โอเค ผมอาจจะรู้สึกตัวเรื่องนั้นช้าไปหน่อย และจริงๆ ความสัมพันธ์ของเราสองคนก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยน เรายังเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง เป็นรูมเมท แล้วก็เป็นแฟนหลอกๆ กันเหมือนเดิม แต่ผมปฏิเสธตัวเองต่อไปไม่ได้แล้วว่าไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวอะไรกับคนข้างตัว

ใช่ครับ… หวั่นไหว ถ้าคนทั่วไปใช้คำนั้นกันนะ

เอาจริงผมเริ่มไตร่ตรองความรู้สึกของตัวเองที่มีให้พี่กชมาได้พักใหญ่ และผมที่เข้าใจว่าตัวเองเป็นผู้ชายปกติมาตลอดก็กลัวที่จะยอมรับว่าตัวเองหวั่นไหวกับผู้ชายอีกคน มันน่ากลัวนะ เหมือนเรากำลังจะก้าวข้ามผ่านเส้นอะไรบางอย่างที่ไม่สมควร และผมไม่รู้ว่าควรจะก้าวข้ามเส้นที่ว่านี่ดีไหม

ผมก็เลยบอกกับตัวเองว่า… โอเค มิว ใจเย็นๆ ก่อนจะตีโพยตีพายอะไร ลองพิจารณาตัวเองต่ออีกนิดเถอะ มันอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่คิด บางทีผมอาจจะชอบรู้สึกกับพี่กชแบบปลื้มดาราก็ได้ แม้ว่าพี่แกจะไม่มีรัศมีที่ว่าเลยแม้แต่นิดก็ตาม (คือหน้าตาดีมันก็เรื่องหนึ่ง แต่รัศมีเปล่งประกายพี่แกไม่มีเลยนะ สงสัยเพราะทำตัวซกมกเอง)

แต่ตอนนี้ผมชักไม่แน่ใจ บางทีมันอาจจะแย่กว่าที่ผมคิดก็ได้นะ คือผมเล่นใจเต้นระส่ำแบบไม่เกรงกลัวฟ้าผ่าเลย อย่างเมื่อกี้ที่แค่ปลายจมูกเฉียดกันนิดเดียวยังออกอาการ ไม่นะ ใจเย็น ไอ้มิว นี่มันแค่เริ่มต้นวัน บางทีมันอาจจะแค่นั้นแล้วไม่มีอาการอะไรอีกเลยก็ได้! อย่าเพิ่งด่วนสรุป

“แล้ว” พี่กชกระแอมหลังจากที่เงียบไปพักหนึ่ง “ตกลงชื่อนก? ”

“อ้อ ใช่” ผมก้มลงมองมือถือทันที “มันคือนกมาราบู”

“อะไรนะ” ถามกลับมาด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“นกกระสามาราบู พี่ มันอยู่ในลิสต์ ‘13 สัตว์ที่น่าเกลียดที่สุดในโลก’ ด้วยนะ ทีนี้พี่เริ่มสงสัยรสนิยมของตัวเองยังว่าพิสดารขนาดไหน ไปมองมันน่ารักได้เนี่ย”

“เฮ้ย” เขาหัวเราะร่วน บรรยากาศเดิมๆ ระหว่างเราเริ่มกลับมา “มันออกจะน่ารัก มิว ดูไอ้ตัวเดิมนั่นดิ มันยังคาบกิ่งไม้อยู่เลย น่ารักจะตาย”

“ผมไม่น่ารักกับพี่ด้วยหรอก”

“อ้าว” คนขับรถแกล้งทำหน้าเหลอหลาขณะหักพวงมาลัยไปตามทางอย่างเชื่องช้า “ไม่ใช่ว่ามิวน่ารักอยู่แล้วเหรอ”

“...” นั่นไง ถ้าเปรียบให้ใจผมเป็นคนธรรมดาที่กำลังวิ่งปกติอยู่ล่ะก็ ตอนนี้มันก็ล้มหน้าคว่ำไปกับพื้นแล้ว

“เอ้า เขิน หน้าแดงแล้ว” น้ำเสียงล้อเลียนนั่นทำให้ผมทนไม่ไหว

“หน้าแดงอะไรล่ะพี่! พี่เหอะ พูดออกมาได้นะ แต่ละอย่าง ไม่กระดากปากบ้างหรือไง”

“มิวว่ามันกินได้ไหม”

“ฮะ!? ” ถามแบบนี้ก็สะดุ้งสิครับ “อะไรกินได้!? ”

“นกมาราบูนี่ไง”

ผมรู้สึกทั้งโล่งใจ ขบขัน และตกใจกับคำถามนั้นไปพร้อมๆ กัน คนบ้าอะไรอยากกินนกหน้าตาทุเรศแบบนั้น

“พี่หมายถึงมันกินอาหารได้ไหมหรือคนอย่างเรากินมันได้ไหมล่ะ ถ้าข้อแรก ผมเห็นจะงอยปากมันอยู่นะ”

“แล้วข้อหลังล่ะ”

“ถ้าไก่กับหมูหมดโลกแล้ว พี่จะลองดูก็ได้ แต่ผมว่ามันคงไม่อร่อยเท่าไรหรอก”

ฟู่ว เห็นไหม เราสองคนก็ยังเหมือนเดิมนั่นแหละ ไม่มีอะไรผิดปกติสักหน่อย!





แต่ผมก็รู้ตัวว่าหลอกตัวเองไปได้อีกไม่นาน เพราะหลังจากที่เราออกจากโซนที่ให้ขับรถชมรอบๆ มาบริเวณที่ให้ผู้เข้าชมลงเดิน เจอการเทคแคร์ประหนึ่งข้ารับใช้ดูแลเจ้านายของพี่กชเข้าไป ผมก็ใจเต้นแรงอีกแล้ว

“อ้ะ มิว ไอติม จำได้ว่ามิวชอบอันนี้ แล้วนี่เราจะไปเดินตรงไหนต่อ พี่ดูแผนที่ให้ไหม”

“มิว ใส่หมวกก็ให้มันปิดหน้าหน่อย แดดไม่แรงมากก็จริงแต่โดนมากๆ ไม่ดีหรอก” พูดพร้อมกับขยับหมวกแก๊ป (ที่พี่กชเอามาจากรถตัวเอง) บนหัวผมให้เงาคลุมหน้ามากขึ้น

“เออ อีกสิบนาทีจะมีแสดงโลมา รีบไปเหอะมิว เดี๋ยวคนเยอะ ไม่ได้ที่นั่งดีๆ ”

“มิว เดี๋ยวเสร็จแล้วเราไปดูแถบนี้กัน พี่วางแผนไว้แล้วว่าดูโชว์นี่เสร็จไปเดินตรงนี้ต่อจะได้เก็บให้หมด”

“เอ้า นี่ข้าวกลางวันของมิว กินได้ใช่ไหม มื้อนี้พี่เลี้ยงนะ”

เฮ้ย! บริการดีราวกับเป็นบ่าวส่วนตัว พ่อแม่ผมยังไม่ประคบประหงมขนาดนี้

“มิว หิวน้ำรึเปล่า” เขาถามขณะที่เราเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ เพื่อเดินชมสัตว์โซนต่างๆ “ให้พี่ไปซื้อให้ไหม”

“เราเพิ่งกินข้าวกันมาเองนะพี่” แล้วก็กินน้ำตามไปตั้งเยอะ “ผมไม่หิวหรอก แล้วถ้าพี่หิว ผมก็ยังมีน้ำขวดเก่าเหลืออยู่” พูดแล้วก็ส่งขวดน้ำพลาสติกจากเป้ของตัวเองให้คนข้างๆ

“ขอบใจ” พี่กชยิ้มกว้างพร้อมกับรับขวดน้ำจากมือผมไปเปิดฝาดื่ม

พอริมฝีปากเขาแตะปากขวดเท่านั้นแหละ ตาผมก็ละไปจากมันไม่ได้เลย ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหน้าแดงขึ้น จ้องกลีบปากของพี่กชแล้วตั้งใจฟังเสียงน้ำที่ไหลผ่านลอคอดังอึกนั่นอย่างมากเกินความจำเป็น

จะว่าไป ผมเองก็ยกขวดนั่นดื่มไปแล้วเหมือนกัน อย่างนี้ก็เท่ากับว่าที่บริเวณที่ปากผมไปแตะเป็นที่เดียวกับที่พี่กชกำลัง…

ชะ… เชี่ย จูบทางอ้อม ทั้งที่ผมเคยแดกน้ำขวดเดียวกับคนอื่นมาตั้งมากมายแท้ๆ แต่กลับไม่เคยรู้สึกเขินแบบนี้มาก่อน

ไอ้มิว ใจเย้น!

“อ้ะ ขอบใจนะ” พี่กชส่งขวดน้ำคืนมาให้ ผมรับมาใส่เป้แล้วก้าวเดินต่อฉับๆ เลย กลัวเขาล้อว่าผมหน้าแดงอีก แล้วผมก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วยสิ

เดินต่อกันมาอีกหน่อย เห็นเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ที่อยู่ในพื้นที่ปิดแล้วก็ให้ความรู้สึกชวนคิดถึงเหมือนกัน เพราะถึงผมจะมาที่นี่บ่อย แต่ครั้งล่าสุดที่มาก็ผ่านมานานพอดู และเมื่อสายตาเบนไปเจอกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่ง ผมก็อุทานออกมาพร้อมกับคนข้างตัว

“คิงจูเลียน/คิงจูเลียนนี่”

ผมกับพี่กชหันมามองหน้ากันทันทีก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเข้าใจกันดี ผมมองหน้าพี่เขาอย่างแปลกใจระคนทึ่ง

“เฮ้ย พี่ดูมาดากัสการ์ด้วยเหรอ”

“ดูดิ พี่ดูทุกภาคเลยนะ” ยังหยุดหัวเราะไม่ได้ “มิวเหอะ ดูกับเขาด้วยเหรอ การ์ตูนปัญญาอ่อนเลยนะ”

“พี่พูดงี้พี่ก็ดูไม่ใช่เรอะ”

“เออ ดู” ยอมรับง่ายเชียว แต่ให้ตายเถอะ แค่เรื่องปัญญาอ่อนแค่นี้ผมกลับรู้สึกได้ใกล้ชิดเขาไปมากขึ้นอีกเยอะเลย

“แม่ผมชอบคิงจูเลียนมาก” ผมว่ายิ้มๆ ขณะเดินไปเกาะกรง ลีเมอร์ตัวหนึ่งในนั้นนอนอยู่บนกิ่งไม้ โคตรจะน่ารัก “แม่บอก มันกวนตีนดี ซึ่งผมเห็นด้วยสุดๆ เลยล่ะ”

“แล้วมิวชอบตัวอะไรล่ะ”

“คิงจูเลียนผมก็ชอบนะ แต่ผมเป็นแนวชอบพระเอกของเรื่องมากกว่า”

“งั้นก็อเล็กซ์ที่เป็นสิงโตน่ะสิ? ”

“ช่าย อเล็กซ์ราชสีห์ แฮ่! ” ผมว่าพร้อมกับทำท่าคำรามแบบที่จำได้ว่าอเล็กซ์เคยทำในภาคแรก พี่กชระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกรอบพร้อมกับเลื่อนมือมาโยกหัวผมอย่างเอ็นดู และไม่ต้องสงสัยหรอกครับ ผมหน้าแดงขึ้นอีกแล้ว เมื่อกี้ผมไม่น่าทำท่าตลกๆ นั่นเลย รู้สึกตัวเองปัญญาอ่อน

“โอ๊ย มิว ทำไมเป็นคนตลกอย่างนี้”

“หยุดหัวเราะได้แล้วน่าพี่” ผมเริ่มอายคนอื่นล่ะ “ไม่ได้ตลกขนาดนั้นสักหน่อย”

“อย่างมิวอะเป็นอเล็กซ์ไม่ได้หรอก” เขาพูดเสียงยียวน ก้มหน้าต่ำลงมาจนหายใจรดต้นคอผม แล้วผมก็ใจเต้นตามไปกับเขาอีก! มิวโว้ย! ตั้งสติ! “ใส่แว่นงี้ หงิมๆ งี้ เป็นได้แค่สัตว์กินพืชเท่านั้นแหละ อย่างมาร์ตี้ที่เป็นม้าลายไง”

“มาร์ตี้เพื่อนสนิทอเล็กซ์” ผมพยายามเบี่ยงบทสนทนาไปตรงนั้นให้มากที่สุด ภาวนาอย่างเดียวอย่าให้พี่กชล้อเรื่องผมหน้าแดงเพราะนั่นคงทำให้ผมใจเต้นแรงมากขึ้น และถ้ามันแรงไปมากกว่านี้ ผมกลัวว่าใจมันจะหลุดออกมาจริงๆ “พี่ว่ามันไม่แปลกเหรอ มาร์ตี้เป็นม้าลายแต่เป็นเพื่อนสิงโต แล้วสนิทกันมากเลยนะ”

“เออ สองตัวนี้สนิทกันที่สุดในเรื่องเลยนี่” พี่กชพยักหน้าหงึกหงัก “พี่คุยกับน้องเรื่องนี้เหมือนกัน น้องพี่บอกอเล็กซ์จ้องจะงาบตูดมาร์ตี้มาตลอด ไอ้ตอนภาคแรกอะ”

ตอนแรกผมจะถามกลับว่าพี่กชมีน้องด้วยเหรอ แต่ไอ้ประโยคหลังนี่ฟังดูแปลกๆ ชอบกล

“อ้อ เออ” ผมพยายามนึกตามฉากที่ว่า ภาคแรกมันเป็นยังไงนะ เหมือนไอ้สัตว์สี่ตัวหลักของเรื่องจะหลุดออกจากสวนสัตว์ แล้วพออเล็กซ์ที่เป็นสิงโตเริ่มหิวจนหน้ามืด…

“ไอ้ตอนที่สิงโตแม่งโคตรหิวแล้วเห็นก้นเพื่อนเป็นสเต๊ก”

“ก็นะครับ จนแล้วจนรอดมันก็ยังเป็นสิงโตอยู่นี่ สัญชาตญาณมันขุดไม่ออก”

“แต่อเล็กซ์มันมองตูดมาร์ตี้นะ”

“ผมว่าเราชักจะพูดเรื่องตูดกันเยอะไปล่ะ” ผมว่า แล้วไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่กชรอบนี้มันดูเจ้าเล่ห์กว่าปกติชอบกล

“ไอ้แว่นเอ๊ย” มือหนาตะปบลงบนหัวผมพร้อมกับยีแรงๆ เหมือนมันเขี้ยว “ระวังโดนอเล็กซ์กินแล้วกัน ดูข้างหลังไว้ดีๆ ”

แล้วพี่กชก็เดินไปร้านค้าละแวกนั้นอย่างลอยชาย ทิ้งให้ผมหน้าแดงเหมือนมะเขือเทศสุกอยู่คนเดียว

ให้ตาย… ทำไมผมรู้สึกเหมือนเขาจงใจพูดประโยคนั้นกับผม เหมือนเขาตั้งใจจะกินผมอย่างนั้นแหละ และที่น่ากลัวไปกว่านั้นก็คือผมดันถูกกระตุ้นแล้วก็ตื่นเต้นไปกับคำพูดนั้นด้วย

นี่ผม… ข้ามเส้นแบ่งที่ไม่ควรไปแล้วจริงๆ ใช่ไหม!? ตอบ!





หลังจากที่ผ่านพ้นคิงจูเลียน (กรงของตัวลีเมอร์นั่นแหละ) ไปแล้ว พี่กชก็ยังเทคแคร์ผมอย่างดีและไม่หลุดคำว่า ‘ตูด’ ออกมาอีกแม้แต่คำเดียว ไม่ได้ชวนคุยเรื่องใดๆ ที่ส่อไปทางนั้นแม้แต่น้อย แต่ใจผมนี่ลอยไปไกลตั้งแต่ที่เขาทิ้งระเบิดลูกล่าสุดเอาไว้ในหัว

“อ๊ะ” และเพราะผมมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองเลยไม่ทันระวัง ชนเข้ากับนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มเข้าทำเอาเซจนเกือบล้มไปข้างหน้า หากคนข้างตัวตะครุบแขนผมไว้ได้ทัน ผมหันไปขอโทษนักท่องเที่ยวกลุ่มนั้นขณะที่พี่กชพูดเอ็ด

“ระวังหน่อยสิ”

โอ๊ย ให้ตาย…

บริเวณที่เขาจับผมร้อนวูบขึ้นมาเลย ใจผมเต้นแรงขึ้น ผมหลอกตัวเองมานานเกินไปแล้ว ไม่มีความหมายอะไรเลยที่จะทำตัวเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่อย่างนี้

ผม… ชอบเขา

ชอบรูมเมทของตัวเอง ชอบทั้งที่เขาเป็นผู้ชายเหมือนกัน

ผมชอบเขาไปแล้วจริงๆ

แล้ว… จากท่าทางของพี่กช จากสิ่งที่พี่กชทำให้ผมมาตลอดนี่ ผมจะพอคิดเข้าข้างตัวเองบ้างได้ไหมนะ

จะว่ายังไงดีล่ะ ผมก็รู้ว่าเราเล่นเป็นแฟนกันเพื่อหลอกคนดู แต่ในชีวิตจริงไม่มีกล้องคอยติดตามเราทุกฝีก้าว แล้วคนเราก็แสดงละครตลอดเวลาไม่ได้ เพราะงั้นการที่เขาทำดีกับผมขนาดนี้ เขาก็ต้องมีความรู้สึกดีๆ ให้กันบ้างล่ะน่า

ใช่ไหม? ผมจะเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับไอ้เก่ง แล้วก็ไอ้แนทเพื่อนสมัยมัธยมของผมอีกคน สองคนนั้นต้องช่วยหาคำตอบได้แน่

“กช! ” เสียงเรียกของใครบางคนที่ไม่คุ้นหูทำให้ผมหลุดออกจากห้วงความคิดตัวเอง หญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ในชุดไปรเวทแบบใส่เที่ยวเต็มที่เดินเข้ามาหารุ่นพี่ผมด้วยสีหน้าประหลาดใจระคนยินดีสุดๆ “เฮ้ย กชจริงๆ ด้วยอ่ะ เป็นไงบ้าง ไม่เจอกันตั้งนาน”

“ก้อย” พี่กชเรียกอีกฝ่ายกลับงงๆ “มาได้ไงเนี่ย”

อ้อ ใช่ ก็ว่าหน้าคุ้นๆ แฟนเก่าไอ้คุณพี่กชนี่เอง โห ตัวจริงสวยกว่าในรูปอีกแฮะ

“มาเที่ยวกับที่บ้านน่ะ อ้อ แล้วนี่ใช่ไหม แฟนใหม่กชที่ว่า”

“บ้า แฟนใหม่บ้าอะไรล่ะ” พี่กชแก้คำพูดนั้นอย่างรวดเร็วจนผมรู้สึกมวนในท้อง ความสุขที่มีจนถึงเมื่อครู่เหมือนหายวับไปอย่างไร้เหตุผล “นี่มิว รูมเมทเราเอง มิว นี่ก้อยนะ แฟนเก่าพี่ไง”

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ตามมารยาทเพราะอีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ พี่ก้อยยกมือไหว้ตอบก่อนจะถามกลับอย่างงงๆ

“อ้าว ก็เห็นในยูทูปของน้องสไลม์ นี่เรายังตกใจอยู่เลยเพราะไม่นึกว่ากชจะเป็น”

เป็น… เป็น? ทำไมอยู่ๆ ผมถึงได้เกลียดคำนี้ขึ้นมากันนะ

“บ้า ไอ้ก้อย เราแค่แกล้งคบกับน้องเขาเฉยๆ ไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ ” เขาพูดเสียงกลั้วหัวเราะ หญิงสาวคนนั้นเลื่อนมือไปตบบ่าพี่กชอย่างสนิทสนมคุ้นเคย

“เอ้า! ใครจะไปรู้ได้วะ แต่ช่างเถอะ ได้ยินอย่างนี้ก็ค่อยยังชั่วหน่อย” ค่อยยังชั่ว? ค่อยยังชั่วอะไร? พี่กชจะชอบใครหรือเป็นเพศอะไรแล้วมันเกี่ยวอะไรกับแฟนเก่าด้วย “แล้วนี่แกเป็นไงบ้าง คิดถึงจังเลย ยังสนิทกับไอ้บอสอยู่ปะ ไอ้บ้านั่นเป็นไงบ้าง”

“ยังบ้าเหมือนเดิม”

อยู่ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกันตัวเองออกจากสองคนนั้น พี่ก้อยกับพี่กชดูสนิทกันเกินกว่าคนที่เลิกรากันไปแล้วเยอะเลย ผมนึกว่าคนเราจะหมางเมินหรือกระอักกระอ่วนกับแฟนเก่าของตัวเองเสียอีกแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแบบนั้น

หรือไม่… พี่กชก็อาจจะยัง…

ความคิดนั้นทำให้ผมรู้สึกไม่ดีสุดๆ เลย

“พี่… กช” ผมเค้นคำพูดออกมาจนได้ ในที่สุดร่างสูงก็หยุดหัวเราะคลอไปกับผู้หญิงคนนั้นแล้วหันมามองผมสักที

“หือ? มิว ว่าไงครับ? ”

“ผม… เดี๋ยวผมมานะพี่” พูดพลางชี้ไปที่ร้านค้าบริเวณนั้น “จะไปซื้อของฝากให้มอส”

“อ้อ โอเค งั้นเดี๋ยวพี่ตามไปนะ”

ผมมองไม่เห็นทางข้างหน้าด้วยซ้ำตอนที่ผละออกมา





---------------------------------------------
Talk: แหม เกือบจะฟินอยู่แล้วเชียว ถถถถถถถ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 9) P.2 [7/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 07-01-2018 18:08:53
มิวรู้ใจตัวเองแล้วเชียว ทำไมพี่กชทำอย่างนี้เนี่ย //เดาว่าพี่กชไม่อยากให้มิวอึดอัดใจ คิดว่าเค้าไม่ได้ชอบตัวเองไง
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 9) P.2 [7/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 07-01-2018 18:59:21
มิวเริ่มรู้สึกแล้วใช่ไหม งื้อๆ

ตอนหน้ามาเลยได้ไหม อยากอ่านต่อ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 9) P.2 [7/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 07-01-2018 21:27:13
 :m17: :m17: :m17: :m17:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 9) P.2 [7/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 08-01-2018 17:20:49

บทที่ 10





ในที่สุดหลังจากกลัดกลุ้มมาพักใหญ่ สับสนอยู่อีกครู่หนึ่ง ผมก็ได้ข้อสรุปว่าตัวเองชอบเพื่อนร่วมห้องรุ่นพี่ของตัวเองไปแล้วจริงๆ

ผมกำลังจะคิดเข้าข้างตัวเองแล้วนะว่าเขาก็อาจจะชอบผมเหมือนกัน กำลังจะคิดนะ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นชั่วโมงสุดท้ายที่เราไปซาฟารีเวิลด์กันทำเอาผมมึนหัววูบไปเลย

และนั่นเป็นสาเหตุให้ผมต้องยกแก้วเหล้าขึ้นกรอกปาก ความร้อนที่ไหลผ่านคอให้ความรู้สึกซาบซ่านอย่างประหลาด ผมตั้งใจจะเมาอย่างสุดเหวี่ยงเลยคืนนี้ และแน่นอนว่าการเมาไม่ใช่เรื่องที่ทำคนเดียวแล้วสนุก คนต้องลากคอเพื่อนมาด้วย

“ไอ้เก่ง” ผมเรียกเพื่อนที่นั่งอยู่โต๊ะฝั่งตรงข้ามซึ่งกำลังกดมือถือหน้าตาเคร่งเครียด “มึงว่าพี่กชเขาคิดยังไงกับกูวะ ที่ผ่านมานี่กูแค่คิดเข้าข้างตัวเองไปใช่ไหม”

“ไอ้ห่ามิว” เก่งที่ยังสาละวนกับปัญหาของตัวเองไม่เงยหน้าขึ้นมามองผมแม้แต่น้อย “มึงถามแบบนี้ซ้ำมาสามรอบแล้วนะ กูก็บอกให้มึงเล่าเรื่องให้ฟังตั้งนานล่ะ มึงก็ไม่เล่าสักที”

“ก็กูรอแนทอยู่ไง” แนทเป็นเพื่อนสมัยมัธยมของผมเอง สนิทกันกลางๆ เมื่อก่อนสนิทกว่านี้ แต่เพราะเข้ามหาลัยมาแล้วแยกไปอยู่คนละคณะก็เลยห่างๆ ออกไป ส่วนไอ้เก่งนี่รู้จักไอ้แนทเพราะผมแนะนำเอง “กูจะได้ไม่ต้องเล่าเรื่องสามสี่รอบ”

“งั้นก็รอไปก่อน แล้วนี่มึงรีบแดกมากไปรึเปล่า”

“กูอยากเมา”

“ก็เร็วไปอยู่ดี”

“หวัดดีเพื่อนๆ ” ในที่สุดคนที่ผมกับไอ้เก่งกำลังรอก็มา เก่งนี่แทบจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่ได้คนรับช่วงต่อจากมัน เห็นว่ามันกำลังมีปัญหากับแฟนมันอยู่ ยิ่งมากินเหล้ากับเพื่อนแบบนี้ปัญหามันเลยยิ่งไปกันใหญ่ แต่เพื่อนสนิทผมคนนี้ก็ยังอุตส่าห์มาตามคำเชิญผมอยู่ดี

นี่สิเพื่อนแท้

“ไอ้แนท ช้าว่ะมึง” ผมบ่นงึมงำขณะที่มือคว้าขวดเบียร์มาเตรียมรินใส่แก้วต่อแต่ไอ้คนที่มาใหม่ยึดไว้แน่นไม่ปล่อย

“แดกเยอะไปล่ะมึง แดงมาถึงหูแล้ว”

“ตังกูปะล่ะ”

“แดกไม่รอกันได้ยังไง แล้วนี่ยังไม่ทันเริ่มด้วยซ้ำนะ เมาแล้วเหรอ”

“ไม่เมา”

“โห/โห่” เสียงไอ้แนทกับไอ้เก่งประสานกันอย่างพร้อมเพรียง ดูไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดสุดๆ แนทเลื่อนเก้าอี้นั่งลงฝั่งเดียวกับผม รินน้ำเปล่าใส่แก้วแล้วยื่นให้

ผมรับมาดื่มอย่างว่าง่าย ค่อยสดชื่นขึ้นมาหน่อย

“แล้วตกลงมีเรื่องอะไรอยากปรึกษา” คนมาใหม่ถามขณะที่เก่งหันไปเรียกพนักงานเพื่อสั่งของเพิ่ม “ให้เดานะ เรื่องมึงกับผัวมึงล่ะสิ”

แนทเป็นผู้ชายผิวขาวใส่แว่นกรอบดำแบบเดียวกับผม หมอนี่เมื่อก่อนก็เคยเป็นสายเกมที่เล่นหนักพอๆ กับผมนี่แหละถึงได้สนิทกันได้ แต่เดี๋ยวนี้รสนิยมเรื่องเกมของเราไม่ค่อยตรงกันเท่าไร แล้วก็อย่างว่า พอเข้ามาเรียนมหาลัยคนที่เคยสนิทก็แยกย้ายกันไป เป็นกันทุกคนนั่นแหละ

“ใครผัวกู” ผมเลิกคิ้วข้างหนึ่ง สาเหตุที่ผมเรียกแนทมาด้วยวันนี้เพราะไอ้เพื่อนคนนี้ของผมมันเป็นเกย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไอ้เก่งจะเข้าไม่ถึง ผมถึงได้ต้องการกำลังเสริมไง

“อ้าว ก็พี่กชไง”

อยู่ๆ ชื่อนั้นก็ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาประหนึ่งเล่นเกมหัวร้อน “เขาไม่ใช่ผัวกู เราไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้นแหละ”

“อ้าว” กะพริบตาปริบๆ ก่อนหันไปมองเก่งเหมือนขอความช่วยเหลือ “เลิกกันแล้ว? ”

“เลิกบ้าอะไร” เพื่อนร่างท้วมของผมขมวดคิ้ว “มันยังไม่ทันได้คบกับพี่กชเลย”

“อ้าว! ” ดูไอ้แนทจะตกใจจริง ผมได้แต่ร้องเหอะในลำคอพร้อมกับฉวยขวดเบียร์มารินใส่แก้วตัวเองตอนเพื่อนเผลอ “เฮ้ย อะไร? หมายความว่าไง ก็ทุกคนเขาก็พูดกัน…”

“ไอ้ห่านี่มันตอแหล” เก่งว่าพร้อมกับพยักพเยิดมาทางผม “มันแกล้งเล่นเป็นแฟนกับพี่กชจะได้เรียกคนดูช่องมัน”

“อ้าว!? ”

ผมเริ่มหงุดหงิดไอ้แนทแทนล่ะตอนนี้ “นี่มึงพูดอ้าวมากี่รอบแล้ววะ คลังคำศัพท์ในหัวมีแค่นี้เหรอ”

“ก็กูตกใจ นี่งงจริงๆ นะเนี่ย” แนทว่า นัยน์ตาหลังเลนส์แว่นเบิกกว้างขึ้นจนดูตลก แต่ผมไม่มีอารมณ์ขำหรอก “ก็กูเข้าใจว่าไอ้มิวแม่งคบกับพี่กชจริงๆ ดูในคลิปก็เห็นรักกันดี”

“รักกันดีอะไรล่ะ ตอแหลทั้งนั้น” เก่งว่าพร้อมกับส่ายหน้าเอือมๆ

“ไอ้ห่า มากไป” ชักเคืองครับ ที่ผมกับพี่กชแสดงละครกันมันไม่ใช่เรื่องโกหกทั้งหมดสักหน่อย “อย่างน้อยพี่กชก็บอกว่าเล่นเกมกับกูแล้วสนุกดี”

“เออ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาต้องรักมึงนี่ถูกไหม”

อุก จุกในอก

“เดี๋ยวๆ ๆ ” แนทรีบยกมือขึ้นมาห้ามพวกเราทั้งคู่ สีหน้าเหมือนสุดจะอดกลั้น “จะมีใครช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยไหมว่าเรื่องมันเป็นไงมาไงกันแน่ ขอแต่แรก”

นั่นแหละผมถึงได้เริ่มเรียบเรียงเรื่องทั้งหมดให้แนทฟังแต่ต้น ไอ้เก่งพูดแทรกเพื่อเสริมข้อมูลบ้างเป็นครั้งคราว แต่ส่วนมากเจ้าตัวจะหมกมุ่นกับโทรศัพท์ของตัวเอง ดูสีหน้าเคร่งเครียดจนน่าเป็นห่วงจริงๆ แต่ผมก็กำลังคิดหนักกับปัญหาของตัวเอง แถมไอ้เก่งไ่ใช่คนที่ชอบให้ใครสอดมือไปยุ่งเรื่องของมันกับแฟนมันด้วย

“แต่แบบ… ตอนไปสวนสัตว์กันอ้ะ แม่งสนุกมากเลยนะเว้ย” ผมพูดด้วยสีหน้าลิงโลดขึ้น เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนไปซาฟารีละเอียดกว่าเหตุการณ์อื่นหน่อยเพราะมันยังสดใหม่ แต่หัวใจฟูฟ่องได้ไม่นานก็ต้องเหี่ยวแห้งลงเมื่อคิดถึงจุดจบของวันนั้น

“สรุปก็คือ” ไอ้แนทว่า จิ้มกับข้าวในจานเข้าปากเคี้ยวหงุบหงับไปด้วยขณะพูด “พอแฟนเก่าพี่กชโผล่มา พี่กชก็ไม่เห็นหัวมึงเลย ว่างั้นสิ? ”

“มันก็ไม่ขนาดนั้น…” ผมพูดเสียงเบาลง กับแกล้มมากมายทำให้สร่างเมาไปมาก และพอไม่เมา ภาพและเสียงในหัวมันก็แจ่มชัดขึ้น





‘บ้า แฟนใหม่บ้าอะไรล่ะ’

‘เราแค่แกล้งคบกับน้องเขาเฉยๆ ไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ ’





คราวนี้ล่ะ… ฉายย้อนมาราวกับกดปุ่มรีเพลย์

ผมกำแก้วน้ำเปล่าของตัวเองแน่นขึ้น เหมือนหัวใจถูกบีบรัดด้วยเชือกที่มองไม่เห็น ทรมานจัง

“ไอ้มิว? ” แนทยื่นหน้าเข้ามาใกล้เมื่อผมเห็นเงียบไปนาน “มึงโอเคเปล่าเนี่ย เมาแล้วเหรอ? ”

“เปล่า ไม่เมา” อันนี้ไม่ได้โกหกนะ ผมสร่างเมาไปแล้ว

“มึงรู้ไหม”

“อะไร”

“แว่นมึงเหมือนแว่นกูเลยว่ะ”

ผมหลุดหัวเราะออกมาจนได้ “คนหล่อๆ เขาใส่กัน”

“เห็นด้วย” แนทยิ้มตอบ “อะ กินหน่อยไหม ไม่เห็นมึงกินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย”

“ขอบใจ” ผมว่าพร้อมกับทำตามคำแนะนำของเพื่อนเงียบๆ ไอ้เก่งยังมีสีหน้าไม่ดีอยู่เลย ผมว่าตอนนี้ผมชักห่วงมันมากกว่าตัวเองล่ะ

“ไอ้เก่ง” ผมเรียกเพื่อนในที่สุด “มึงโอเคนะ? ”

“ไม่” เจ้าตัวว่า กดปิดหน้าจอมือถือแล้วยืนขึ้นพรวด “กูว่ากูต้องไปล่ะ”

“ทะเลาะกับนิ้งเหรอ” แนทถาม นิ้งที่ว่าก็แฟนไอ้เก่งนี่แหละ

“อืม ต้องไปง้อจริงๆ จังๆ ล่ะ”

“ไปเหอะ” ผมว่า “ขอบใจที่มานะ ขอโทษที่กูช่วยอะไรไม่ได้”

“ไม่เป็นไร มึงเอาตัวเองให้รอดเถอะ” แล้วเจ้าตัวก็วางเงินจำนวนหนึ่งทิ้งไว้ให้ ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่งขณะเรียกบริการมาสั่งเหล้าเข้มๆ แก้วหนึ่ง

“กูจำได้ว่ามึงไม่ใช่คนคอแข็งนะ มิว”

“กูกำลังฝึกไง”

“งี่เง่าว่ะ” แนทส่ายหน้า “แก้ปัญหาไม่ถูกจุดเลย”

“ขอบคุณที่ปลอบ” ผมประชดกลับ แนทเงียบไปนิดหนึ่งเพื่อหาคำพูดดีๆ

“แต่สรุปก็คือ มึงชอบพี่เขาไปแล้วจริงๆ ใช่ไหม พี่กชรูมเมทมึงเนี่ย”

ผมเงียบไป ก่อนหน้านี้ผมพยายามทำเป็นมองข้ามความรู้สึกนี้มาตลอด อาจจะเป็นเพราะผมกลัวที่ต้องยอมรับว่าตัวเองชอบผู้ชายก็ได้ แต่ตอนนี้ความรู้สึกผมมันมากเกินกว่าจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อีกต่อไปแล้ว แล้วอีกอย่าง ยังไงคนข้างตัวผมก็เป็นคนที่บอกกับเพื่อนฝูงได้ว่าตัวเองชอบผู้ชายมาตั้งแต่ม.ต้น แล้วยังมีอะไรที่ผมต้องกลัวอีก?

“เออ กูชอบพี่กช” พูดออกไปแล้วความรู้สึกที่ว่าก็เหมือนจะยิ่งรุนแรงขึ้น ชัดเจนขึ้น ความหอมหวานและปลาบปลื้มทะลักขึ้นมาก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ตามมาด้วยความหวาดกลัว

ถ้าพี่กชไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับผมล่ะ? ถ้าเขาถอยห่างเมื่อรู้ว่าผมรู้สึกแบบนี้กับเขาล่ะ?

“มึงชอบเขาแล้วจริงๆ ” แนทพูดซ้ำเหมือนจะย้ำให้แน่ใจ ผมพยักหน้า อยากจะร้องไห้กับความสับสนนี้

“ใช่ กูชอบเขา” ตอบเสียงเบา

“แล้วทำไมหงอยงั้นล่ะเพื่อน”

“กูกลัวว่ะ แนท”

“กลัวที่ตัวเองชอบผู้ชายน่ะเหรอ? ”

“ไม่” ผมอ้าปากค้าง หุบปากลง จากนั้นก็ส่ายหน้ารัวๆ “กูก็ไม่แน่ใจ”

“มึงต้องรู้ต้นตอของปัญหาก่อนสิ ไม่งั้นจะแก้ไขได้ยังไง”

เขาพูดถูก “กูว่ากูคงกลัวว่ากูจะรู้สึกไปเองคนเดียว”

“กลัวว่ารักจะไม่สมหวังว่างั้น? ”

ผมนึกถึงตอนที่พี่กชเจอกับแฟนเก่า นึกถึงเสียงหัวเราะสดใสและรอยยิ้มของเขา มันเป็นแบบเดียวกับที่เขามอบให้ผม ผมนึกว่าตัวเองพิเศษสำหรับเขาเสียอีก ผมนี่หลงตัวเองฉิบหาย

“บางทีเขาอาจจะไม่ได้ชอบผู้ชาย”

แนทพยักหน้าเนิบๆ อย่างหนึ่งที่ผมชอบในตัวเขาคือเวลาปลอบ เขาไม่ได้พูดจาเข้าข้างผมตะพึดตะพือจนน่ารำคาญ ไอ้เก่งนี่เว้นไว้คนเพราะปลอบด้วยคำพูดไม่เก่ง แต่มันจะแสดงออกให้เห็นว่าเป็นห่วงโดยการรับฟังและอยู่ข้างๆ แต่เพื่อนหลายๆ คนที่ไม่ได้สนิทมากมักจะปลอบแบบแกนๆ เหมือนขอไปทีมากกว่า แต่แนทไม่ใช่คนแบบนั้น

“ก็จริง เท่าที่กูฟังมา เขาเคยคบผู้หญิงมาก่อนด้วยถูกไหม กับคนที่ชื่ออะไรนะ กลอยปะ? ”

“ก้อยต่างหาก”

“เออ นั่นแหละ เขาคบกับก้อยที่ว่านี่มานานแค่ไหนก่อนจะเลิก? ”

“เกือบสองปีมั้ง ก่อนหน้านี้ก็เป็นเพื่อนสนิทมาก่อน” นี่พี่กชเล่าให้ฟังเองหลังจากที่เราออกจากซาฟารีขับรถกลับบ้าน แน่นอนว่าผมทั้งอยากฟังและไม่อยากฟัง แต่พี่กชก็เล่าให้ฟังอยู่ดี

“อืม” แนทเปิดมือถือของผม เข้าเฟซบุ๊คแล้วเริ่มไล่ดูโปรไฟล์ของพี่กชประหนึ่งนักสืบที่สามารถขุดเรื่องราวของใครก็ตามผ่านโซเชียลมีเดียของคนคนนั้น

และผมเชื่อว่าไอ้แนททำได้ ขอแนะนำให้รู้จักกับโคแนทคุง

“มึงคิดว่าไง” ผมถามกระตุ้นมันต่อ เหล้าผมมาวางตรงหน้าแล้ว ผมยกขึ้นจิบเพราะอยากให้คืนนี้ผ่านไปอย่างยาวนานที่สุด “มึงว่าเขาคิดอะไรกับกูบ้างไหม”

“บอกตามตรงนะ ไอ้มิว” พูดโดยที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากมือถือ “เท่าที่กูฟัง แต่ละอย่างที่พี่กชทำกับมึง หรือแม้แต่ในคลิปที่กูลองไล่ย้อนดู พี่กชดูคิดอะไรเกินเลยกับมึงมาก แบบที่ถ้าบอกว่าเป็นแฟนกันก็ไม่มีอะไรน่ากังขาเลยอ่ะ เพราะงั้นที่มึงหลอกคนดูว่ามึงกับพี่กชคบกันถึงได้ไม่มีใครไม่เชื่อไง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือถ้าเขาเป็นแฟนมึงแล้วทำตัวหยอกล้อ สกินชิป แตะเนื้อต้องตัวลูบหัวอย่างที่ทำกับมึง กูจะบอกว่านั่นปกติและน่ารักมาก แต่ทีนี้มึงบอกว่ามึงกับเขาไม่ได้คบกันจริงๆ งั้นเรื่องนี้มันก็เปลี่ยนไปล่ะ กูบอกได้เลยว่ารูมเมทกันธรรมดาเขาไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก เพราะงั้นมึงไม่แปลกหรอกที่คิดมาก ก็เขาทำตัวให้คิดเอง ทำแบบนี้เป็นใครใครก็คิด”

“เออ ใช่มะ” ผมรีบพูดทันที ภาพตรงหน้าเริ่มมาๆ หายๆ ล่ะ เหมือนสติของผมเลย “ก็พี่กชแม่ง… ทำตัวดีกับกูขนาดนี้ จะไม่ให้กูคิดได้ไงวะ กูนึกว่าเขาต้องชอบกูแน่ๆ ด้วยซ้ำ”

“ถ้ากูเป็นมึงก็คงคิดเหมือนกัน”

การได้คนคิดเหมือนเราก็ไม่ต่างกับได้พวก

“เออ ใช่ปะ แม่ง จะไม่คิดยังไงไหววะ”

“แต่ถ้ากูเป็นมึง กูคงถามให้ชัดเจนกว่านี้ก่อนจะปักใจชอบเขาจริงๆ นะ”

จึ้กเลย ผมหันหน้าหนียกแก้วขึ้นซด รู้สึกเหมือนพรรคพวกหักหลัง ไอ้แนทที่เหมือนจะรู้ทันหัวเราะออกมาเบาๆ

“ไม่ต้องซึม ไอ้มิว กูก็พูดดีไปงั้น เอาจริงๆ เวลามึงจะชอบใครมึงก็ตั้งตัวไม่ทันหรอก”

“เออ นั่นดิ” ผมงึมงำ แนทเอื้อมมือมาตบบ่าสองสามทีเหมือนให้กำลังใจ

“แต่กูยังพูดไม่จบหรอกนะ”

“กูรอฟังอยู่”

“แบบที่พี่กชทำกับมึงน่ะ มันคิดได้สองแบบ หนึ่งคือเขาชอบมึงจริงๆ ”

คำพูดนั้นทำให้ผมเต้นแรงขึ้นมาอย่างมีความหวัง “มึงคิดงั้นจริงๆ เหรอ”

“หรือสอง เขาแค่ทำตัวเป็นหมาหยอกไก่ ทำทีเล่นทีจริง จริงๆ แล้วเขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับมึงเกินเลยก็ได้ แต่เห็นว่ามึงน่ารักดีอะไรงี้”

ใจแป้วเลยอีสัส “งะ… งั้นเหรอ แบบนั้นก็เป็นไปได้เหรอ”

“เป็นไปได้” ไม่ถนอมน้ำใจเลยสักนิด “แต่ถ้าเป็นงั้นจริง พี่กชจะเป็นคนที่เหี้ยมาก เหี้ยแบบสุดๆ เลยนะ ไม่ใช่เหี้ยธรรมดา”

“มึง” ผมพูดเสียงหวิว ไม่ชอบให้ใครมาว่าคนที่ตัวเองชอบแบบนั้นเลย “อย่าว่าพี่กชดิ”

“กูแค่พูดความจริง”

“แต่มึงก็ไม่รู้สักหน่อยว่าจริงๆ แล้วพี่กชคิดยังไง”

ถึงตรงนี้ไอ้แนทก็ยิ้มแฉ่ง อันที่จริงผมเพิ่งเดินตกหลุมพรางของมันไปอย่างไม่รู้ตัว

“งั้นตรงนี้ก็เป็นหน้าที่ของมึงแล้วที่ต้องหาคำตอบ”

“คำตอบอะไร” ผมแกล้งตีมึน

“คำตอบว่าเขาเหี้ยหรือไม่เหี้ยยังไงล่ะ มึงต้องคุยกับเขาตรงๆ นะ มิว อย่างน้อยถ้าเขาไม่ได้ชอบมึงแบบที่มึงชอบเขามึงจะได้ตัดใจทัน ไม่ถลำลึกไปมากกว่านี้”

โอ๊ย แค่คิดว่าเราสองคนไม่ได้ใจตรงกันผมก็จี๊ดถึงหัวแล้วครับ

“กู… กูกลัว”

“กูรู้ แต่มึงต้องถามเขาตรงๆ นะ ถ้ามึงมัวแต่กลัว...” ไถมือถือผมต่อ “มึงก็ทำอะไรต่อไปไม่--” เสียงของแนทเงียบหายไปกะทันหัน “อุ๊บส์”

“อะไร” ผมรีบถลาเข้าไปมองหน้าจอมือถือตัวเอง ไอ้แนททำท่าจะหลบอยู่แวบหนึ่ง แต่พอมันนึกได้ว่านั่นเป็นมือถือผม มันก็ขยับหน้าจอให้ดูชัดๆ

ภาพที่ปรากฏบนจอคือภาพของพี่กชกับพี่ก้อย เหมือนจะอยู่ในร้านเหล้าที่ไหนสักที่ เฟซที่ลงรูปคือเฟซของพี่ก้อยแต่เขาแท็กพี่กชเข้าไปด้วย แล้วอะไรคือการที่แท็กพี่กชคนเดียว แปลว่าเขาไม่ได้ไปกับเพื่อนคนอื่นอีกเหรอ? เขาไปกันแค่สองคนใช่ไหม?

โอย ใจผม พังหมด ไม่โอเคเลย นี่เพิ่งจะรู้ตัวว่าชอบเขารักเขาก็ต้องมาอกหักแล้วเหรอ ไม่เอาได้ไหม

“ไอ้มิว” แนทบีบบ่าผมแน่น “มึงโอเคนะ? ”

“ไม่” กูจะโอเคได้ไงล่ะครับ “ไม่โอเค”

“เขาอาจจะแค่ไปเที่ยวกันตามประสาแฟนเก่า”

“มึงเคยไปเที่ยวสองต่อสองตามประสาแฟนเก่ากับใครด้วยเหรอ? ร้านเหล้าเนี่ยนะ? ”

“กูไม่เคยมีแฟน ไอ้มิว”

คำตอบนั้นทำเอาผมอ้าปากค้าง “ถามจริง? ”

“ตอบจริง” มองตอบมาด้วยสายตามุ่งมั่น ไอ้ฉิบหาย นี่ไอ้แนทไม่เคยมีแฟนเหรอ!? แล้วผมมาปรึกษาเรื่องความรักกับมันได้ไงตั้งนานสองนาน

แต่ตอนนี้ผมเฮิร์ทเรื่องที่พี่กชไปเดทกับแฟนเก่าเขาที่ร้านเหล้ามากกว่า คงจะรีเทิร์นแล้วล่ะอีหรอบนี้ ไม่น่าตีความได้เป็นอย่างอื่น

“กูจะทำไงดีวะ” ถามแบบโง่มากครับตอนนี้ คิดอะไรไม่ออก

“ก่อนอื่นกูแนะนำให้มึงทำใจสบายๆ ก่อน กลับห้องไปล้างหน้านอน ตื่นมาอารมณ์ดีขึ้นค่อยลองคุยกับพี่กชดู”

“คุยอะไร”

แนททำหน้าเอือมใส่ผม “ก็คุยแบบที่คุยกับกูนี่แหละ เอาให้มันเคลียร์ๆ ไป จะเดินหน้าหรือถอยหลังจะได้วางตัวถูก ไม่งั้นก็งงๆ อยู่แบบนี้ แล้วมึงจะมีความสุขไหม”

ไม่… ไม่มี บอกเลยว่าตอนนี้ผมคิดมากจนหัวหนักไปหมด แล้วมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด

“กูจะลองไปคุยกับพี่กช”

“ดีแล้ว และถ้าพี่กชไม่ใช่คนเหี้ยอะไร คำตอบก็คงเป็นอย่างที่เรารู้ๆ กัน”

ผมยิ้มให้เพื่อนอย่างจริงใจ

“ขอบใจนะ แนท มึงช่วยกูได้เยอะเลยว่ะ”

หมดเวลาวิ่งหนีความจริงแล้วสินะ





------------------------------------------
Talk: เมื่อวานเพื่อนวาดรูปกชมิวมาให้ค่ะ เอามาหวีดกับทุกคน XD //ถ้าทุกคนชอบก็คงดีน้า
(https://i.imgur.com/gYxYz9o.png)
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 10) P.2 [8/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 08-01-2018 18:18:14
พี่กชมาเคลียร์ด่วนจะเป็นคนเหี้ยหรือไม่เหี้ยดี  :ling1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 10) P.2 [8/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-01-2018 18:45:46
น้องมิวรู้ใจตัวเองแล้ว แล้วพี่กชล่ะรู้ยัง
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 10) P.2 [8/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 08-01-2018 21:24:41
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 10) P.2 [8/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 09-01-2018 07:34:41
ร้านเดียวกันป่าวเนี่ย มาแอบฟังเร้วพี่จ๋าาา
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 10) P.2 [8/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 09-01-2018 20:43:50

บทที่ 11




กรกชกำลังควงปากกาขณะที่อาจารย์หน้าห้องขีดเขียนตัวหนังสือลงบนกระดาน เสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังอยู่เหนือหัวทำให้นัยน์ตาสีช็อกโกแลตของเจ้าตัวปรือลงเรื่อยๆ

ลมเย็นที่เป่าลงมารดหัว เสียงพูดของคนหน้าห้องช่างเหมือนดนตรีขับกล่อม เขาอยากจะฟุบหน้าหลับลงไปกับโต๊ะให้รู้แล้วรู้รอด จริงๆ ก็คงทำอย่างนั้นแล้วถ้าไม่ใช่เพราะเสียงออดดังขึ้นขัดจังหวะการนอนเสียก่อน นักคนอื่นๆ ที่เก็บกระเป๋าเตรียมตัวรอท่าอยู่แล้วลุกขึ้นพรวดแล้วผละออกจากห้องไป ส่วนตัวกชเองค่อยๆ เก็บสมุดและกระเป๋าดินสออย่างเอื่อยเฉื่อย

“ไอ้กช” บอสที่นั่งอยู่โต๊ะแถวหน้าเรียก กรกชเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าจอโทรศัพท์ที่เพื่อนยื่นมาให้ดู “นี่มันหมายความว่าไงวะ? ”

ภาพของเขากับก้อยในหน้าจอนั้น อันที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเซลฟี่ของเจ้าหล่อนที่แอบถ่ายเขาด้านข้าง แล้วก็มีแก้วเหล้าสีสวยวางอยู่บนหน้าเคาน์เตอร์ จำได้ว่าแก้วนั้นมีผลไม้อะไรสักอย่างเสียบติดมาด้วย อร่อยดี แต่ราคาไม่เกรงใจกระเป๋าสตางค์เป็นที่สุด

“เฟซบุ๊คไง”

บอสกลอกตาขึ้นบนหนึ่งรอบถ้วน “ขอบใจ กูรู้แล้วโว้ย กูหมายถึงสิ่งที่อยู่ในเฟซบุ๊คของก้อยนี่ต่างหาก”

“ก็ก้อยเซลฟี่แล้วบังเอิญติดกู”

“มึงจะกลับไปคบกับก้อยเหรอ”

กชลุกขึ้นยืนเพราะเก็บกระเป๋าเสร็จพอดี ทำเอาคนตั้งคำถามหน้าเหวอ รีบยัดข้าวของใส่เป้ตัวเองแทบไม่ทัน เห็นท่าทีลนลานของเพื่อนแล้วกชก็ยกยิ้มยียวนอีกรอบ

“ช้าว่ะมึง”

“ไอ้สัส ทีอย่างนี้ล่ะเร็ว” ว่าพร้อมกับรีบก้าวเท้าตามเพื่อนตัวโย่งที่เดินนำไปก่อน

รุ่นน้องต่างคณะที่เคยทำความรู้จักกันแบบผิวเผินก่อนหน้ายกมือทักทาย บอสรู้ดีว่ารอยยิ้มของสาวๆ หลายคนจงใจส่งให้เพื่อนที่หน้าหล่อเกินมาตรฐานของเขา ต่อให้จะมีข่าวที่ว่าเจ้าตัวมีแฟนเป็นรุ่นน้องผู้ชายที่อยู่ร่วมห้องเดียวกันก็ไม่ได้ทำให้ความนิยมในตัวชายหนุ่มลดน้อยลงเลย ดีไม่ดีกลับจะเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำ

“แล้วตกลงว่ายังไง” บอสยังคงเซ้าซี้ต่อ เขาตัวไม่สูงเท่ากชก็จริง หากขาเรียวยาวก็ก้าวตามเพื่อนได้อย่างไม่ยากเย็น “มึงจะรีเทิร์นกับยัยนั่นเหรอ แน่ใจแล้วเหรอ แล้วเรื่องมิวล่ะ? คนอื่นเขาเข้าใจว่ามึงคบกับมิวอยู่ไม่ใช่เหรอ”

“โอย ใจเย็นน่า ไอ้บอส” กชกลอกตาอีกรอบ บอสเหลือบมองเสื้อผ้ายับๆ ของเพื่อนราวกับโดนรถสิบล้อทับแล้วอยากจะถอนใจ ไอ้บ้านี่มันหน้าตาดีก็จริงแต่ไม่เคยทำอะไรเรียบร้อยเลย “มึงจะมาเสือกอะไรด้วยเนี่ย นี่มันเรื่องของกูนะ”

“แต่ก้อย…”

“เออ กูรู้” กชพยักหน้าตัดบท “แต่นี่เรื่องของกู กูจัดการได้”

“หาว่ากูเสือกงั้นสิ? ”

อีกฝ่ายคลี่ยิ้มกว้างขึ้นอย่างยียวน “ไม่รู้สิ บอส แล้วมึงกำลังเสือกอยู่รึเล่าล่ะ? ”

“ไอ้ห่านี่ กูเป็นห่วงนะโว้ยถึงได้ถาม”

“ซึ้งใจมากเลย ต้องลงไปกราบแทบเท้าด้วยไหม”

“เฮ้ย กช” เพื่อนร่วมก๊วนของเขาอีกสองคน แก๊ปกับบีมนั่นเอง คนที่กำลังตั้งท่าเตรียมพูดจ้อยๆ ก็ต้องเป็นไอ้แก๊ปอยู่แล้ว เจ้าตัวยิ้มร่าพร้อมกับตบบ่าเพื่อนตัวสูงอย่างคุ้นเคย “ไง เพื่อน หายหน้าหายไปเลย ไปเดทกับแฟนเก่ามาเหรอจ๊ะ”

แปลว่าทุกคนคงเห็นไอ้รูปในเฟซหมดแล้ว เขาเองถึงจะชอบไถโซเชียลมีเดียแต่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องของตัวเองในนั้นเท่าไร แล้วแบบนี้มิวจะเห็นรูปเขากับก้อยด้วยแล้วรึเปล่าเนี่ย

“เออ มึง คิดอะไรของมึงอยู่วะ” บีมว่าขึ้นบ้าง “ถ่านไฟเก่าปะทุหรือไง แล้วน้องสไลม์ล่ะ? ”

“เขาชื่อมิว” กชว่าขำๆ จริงๆ ก็ตลกดีนะที่ใครต่อใครพากันเรียกรูมเมทเขาว่าสไลม์บ้าง สไลม์สไมลส์บ้าง ไสลม์ยิ้มบ้าง ฟังแล้วนึกถึงมอนสเตอร์เยลลี่หยุ่นๆ เอามาทาบหน้าไอ้แว่นเด๋อนั่นแล้วโคตรเข้า คิดแล้วก็อยากจะดึงแก้มหมอนั่น…

“ไอ้ห่ากช ยังทำเป็นยิ้มไม่รู้ไม่ชี้อยู่อีก” บอสโวยวาย เอื้อมมือไปผลักหัวเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ แต่ไอ้ตัวแสบก็ยังหัวเราะร่วนอยู่ดี “ตกลงมึงจะเอายังไงกันแน่ นี่อย่าบอกนะว่าจะกลับไปคบก้อยจริงๆ ”

“แบบนั้นก็น่าสงสารน้องสไลม์แย่” แก๊ปว่าลอยๆ เหมือนพูดส่งๆ ไปมากกว่าจะออกมาจากใจจริง ก็ทำไมเขาต้องสนด้วยล่ะ ไม่ใช่ปัญหาของเขาสักหน่อย “เออ แต่คิดในอีกแง่หนึ่งแฟนเก่าไอ้กชก็สวยดี แถมคบกันมาเกือบสองปีด้วยไม่ใช่เหรอ มันคงตัดกันไม่ขาดจริงๆ ล่ะมั้ง อีกอย่าง ยังไงคบกับผู้หญิงก็ดีกว่าคบกับผู้ชายปะวะ”

“ทำไมมึงพูดงั้นวะ” ประโยคนี้หลุดออกมาจากปากของบอสแทน แถมฟังจากน้ำเสียงแล้วยังดูหัวเสียไม่น้อย

รอบตัวเขาเต็มไปด้วยนักศึกษาที่อยู่ทั้งคณะเดียวกันและต่างคณะเนื่องจากตึกเรียนเป็นตึกที่ใช้ร่วม จากหางตา บอสเห็นร่างของใครบางคนที่แสนคุ้นเคยก้าวเท้าเร็วๆ ไปในทิศทางตรงข้าม

มิวเหรอ?

เจ้าตัวลอบคิดอย่างไม่แน่ใจ แต่คงไม่ใช่หรอกมั้ง จะบังเอิญขนาดนั้นได้ไง อีกอย่าง ถึงนี่จะเป็นตึกรวม แต่เขาไม่ค่อยเห็นพวกคณะมนุษย์ฯ มาอยู่แถวนี้เท่าไร เหมือนคาบเรียนไม่ค่อยมีแถบนี้ เพราะงั้นคงไม่ใช่หรอก

แต่บอสไม่รู้เลยว่าความคิดแรกของเขานั้นถูกต้อง ชายหนุ่มหันหน้าไปโต้ตอบกับเพื่อนที่หันมาเล่นงานตัวเองแทนกช ส่วนมิวที่บังเอิญได้ยินสิ่งที่แก๊ปพูดเข้าพอดีหน้าซีดเป็นไก่ต้มทีเดียว เจ้าตัวเดินมะงุมมะงาหราไปตามทาง สวนไปกับนักศึกษาคนอื่นๆ ในหัวไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าจะไปไหน รู้แต่ว่าต้องออกมาจากที่ตรงนั้นให้เร็วที่สุด

กรกชไม่รู้ว่ามิวได้ยินเรื่องที่เพื่อนของเขาคุยกัน อันที่จริงชายหนุ่มคิดว่ามันไร้สาระเพราะถึงยังไงในท้ายที่สุด นี่มันก็คือชีวิตของเขาเอง ใครจะพูดอะไรเขาก็แค่ปล่อยให้มันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่ว่าจะเรื่องของก้อยหรือเรื่องของมิวล้วนเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาที่ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย

บอสลอบมองเพื่อนตัวโย่งของตัวเองที่ยกยิ้มและหัวเราะไปกับกลุ่มเพื่อนขณะก้มลงกดโทรศัพท์ด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ พวกเขามีเรียนวิชาเดียวกันในคาบต่อมาทั้งหมดจึงยังเกาะกลุ่มกันอยู่

บอสรู้ดีว่ากชเพื่อนเขาเป็นคนสบายๆ ยิ้มง่าย เฮฮาไปเรื่อยแล้วก็ชอบไหลตามน้ำ แต่เขาก็รู้อีกด้วยว่าถ้าเจ้าตัวตั้งใจจะเก็บงำความรู้สึกของตัวเองขึ้นมาล่ะก็ ต่อให้ใช้สว่านมาเจาะก็ทะลวงเข้าไปไม่ได้

แต่แน่นอนว่าความแข็งแกร่งดุจหินผานั่นมีข้อยกเว้น เขาเองก็อาจเป็นหนึ่งในข้อยกเว้นนั่น กรกชเห็นเขาเป็นเพื่อนที่สนิทมากที่สุดคนหนึ่งเพราะเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ชั้นม.ต้น กับก้อยเองก็ด้วย แต่ตอนนี้ก้อยห่างออกไปแล้วตั้งแต่เลิกกับกช ดังนั้นจึงเหลือแค่เขาคนเดียวในตอนนี้

ก่อนหน้านี้กรกชแชร์ความลับบางอย่างให้เขาฟังเกี่ยวกับเรื่องของมิว และมันทำให้บอสไม่สบายใจ… ไม่ชอบใจกับเรื่องที่ได้ยินมาสุดๆ ไม่ว่าจะคิดในแง่ไหน

บอสก้มลงกดมือถือด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นโดยที่ไม่มีใครทันสังเกต แม้แต่กชเองก็กำลังเหม่อมองกระดาน ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง แต่อย่างน้อยถ้าเขาโชคดี อาจมีเนื้อหาความรู้อะไรไหลเข้าไปในหัวได้บ้าง

แล้วอยู่ๆ บอสก็ลุกขึ้นอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้อาจารย์หน้าห้องหันมาด่า

“ไอ้แก๊ป กูไปก่อนนะ เอากระเป๋าออกมาให้กูด้วย” พูดพร้อมกับหยิบเฉพาะของที่จำเป็นไว้ติดตัว

“อ้าว มึงจะไปไหน”

“ธุระ” แล้วเจ้าตัวก็แจ้นหายไป ทิ้งให้เพื่อนบ่นพึมพำตามหลัง

“อะไรวะ จะโดดเรียนก็ไม่ชวนกันเล้ย ไปคนเดียวซะงั้น”

“เฮ้ย” คราวนี้ไอ้บีม รายนี้ล่ะกลายเป็นคนรักเทคโนโลยีขึ้นมาทันทีเมื่ออยู่ในห้องเรียน ง่วนอยู่กับหน้าจอมือถือทั้งคาบ “ไอ้กช มึงเห็นนี่ยัง”

“อะไร” ร่างสูงถาม ตายังมองอยู่ที่กระดาน เหมือนว่าวันนี้จะมีอะไรบางอย่างไหลเข้ามาในหัวสมองบ้าง

“สัส ถามแล้วก็หันมาดูสิ”

กรกชเลยหันหน้ามาสุมหัวกับเพื่อนอย่างเสียไม่ได้ แล้วนัยน์ตาสีน้ำตาลก็ต้องเบิกกว้างขึ้น

นั่นคือกระดานสนทนาบนเว็บไซต์แห่งหนึ่งที่กำลังถกเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายว่าเขากับมิวคบกันอยู่จริงๆ หรือแค่แกล้งเล่นละคร

แก๊ปกับบีมหันมามองคนที่อยู่ในหัวข้อสนทนาเหมือนรอฟังคำตอบ

“อะไรกันวะ” กชถามอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่เขารู้สึกหวิวๆ ในช่องท้องอยู่เหมือนกัน

“เหมือนว่าจะมีข่าวลือบอกว่าแกกับสไลม์แค่แกล้งคบกัน” บีมว่าขณะไถหน้าจอมือถือ “ข่าวเหี้ยอะไรวะ”

“แต่แกกับน้องสไลม์คบกันจริงๆ ไม่ใช่เหรอ” แก๊ปว่าต่ออย่างเฉยเมย “ไม่เห็นต้องไปสนใจ… เออ หรือจะใช้โอกาสนี้เลิกกับน้องเขาแล้วกลับไปหาคนเก่า? ”

“ไอ้แก๊ป” บีมเอ็ดเพื่อน ไอ้ปากหมานี่พูดจาอะไรไม่เคยกรองจากสมองก่อน แก๊ปยักไหล่ทีหนึ่ง

“โทษที ลืมไปไม่ใช่เรื่องของกู”

“ไม่ใช่เรื่องของมึง” กรกชพูดเสียงเย็นขึ้นมาบ้าง นานๆ ทีจะถึงจะได้เห็นด้านมืดของผู้ชายคนนี้ ทำเอาทั้งแก๊ปและบีมเกร็งตัวขึ้นมาอย่างระมัดระวังมากขึ้น ทั้งคู่รู้ดีว่านี่เป็นสัญญาณเตือนภัยแล้ว

“ขอโทษ” แก๊ปว่าแหยๆ “กูไม่ได้ตั้งใจ แค่พูดไปเรื่อย”

“อืม แต่มึงรู้ใช่ไหมว่าผลสุดท้ายแล้วนี่เป็นเรื่องของกู”

“เออ กูรู้ จะไม่พูดอะไรแล้ว”

“บีม ขอยืมโทรศัพท์หน่อย”

บีมส่งมือถือให้เพื่อนอย่างว่าง่าย กรกชรับมาเลื่อนดูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด คิ้วทั้งสองข้างขมวดมุ่นจนแทบจะผูกเป็นโบได้

“กูไม่ได้คบกับมิวจริงๆ ”

คำสารภาพนั่นทำเอาเพื่อนทั้งเบิกตากว้างขึ้นอย่างตื่นตะลึง

“อะไรนะ”

“นี่! กลุ่มตรงนั้นน่ะ! ” อาจารย์หน้าห้องที่เหมือนจะทนมานานตะโกนขึ้นมาในที่สุด “เงียบๆ หน่อยได้ไหม! แล้วสุมหัวทำอะไรกัน ตั้งใจเรียนสิ! จะเอาไหมความรู้น่ะ!? ”

ทั้งสามเลยต้องแยกวงกันชั่วคราว กรกชส่งมือถือคืนให้เจ้าของหากสีหน้ายังฉายแววคิดไม่ตกอยู่เหมือนเดิม

แก๊ปที่นั่งข้างกชโน้มตัวลงกระซิบถาม แม้ว่าเมื่อครู่จะเพิ่งบอกเพื่อนว่าจะไม่เสือกเรื่องใดๆ อีกแล้วก็ตาม แต่มันอดไม่ได้จริงๆ

“หมายความว่าไงวะ ไอ้กช ที่มึงบอกไม่ได้คบกับน้องสไลม์จริงๆ ”

“กูกับมิวแค่แกล้งคบกัน” เขาตอบ ไม่มีรอยยิ้มขี้เล่นหรือแววตารักสนุกแบบที่มีอยู่ตลอด เขากำลังคิดหนักกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขารู้ดีว่าสักวันมันต้องมา แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้

“แปลว่าข่าวลือที่ว่านี่เรื่องจริง? ”

“พวกมึงสองคนเหยียบไว้ก่อนนะ”

ทั้งคู่พยักหน้าแข็งขัน

“แล้วนี่มึงจะเอาไงต่อ” บีมกระซิบถาม ตาเหลือบมองอาจารย์ไปด้วยราวกับคอยระวังภัย

“ต้องไปคุยกับมิว”

“เดี๋ยวก็หมดคาบแล้ว”

กชพลิกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา “อืม”

เดี๋ยวก็หมดคาบแล้ว






กรกชดิ่งมอเตอร์ไซค์กลับมาที่หอทันทีที่เลิกคาบสุดท้าย

ท้องฟ้าภายนอกเริ่มกลายเป็นสีส้มเพราะดวงอาทิตย์ที่คล้อยต่ำลง เขาก้าวเท้ายาวๆ ไปตามโถงทางเดินที่ดูจะทอดยาวมากกว่าทุกวัน กระชากประตูเปิดออก มิวที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษาเด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้หน้าคอมด้วยความตกใจ ดูจากสภาพอีกฝ่ายแล้ว มิวก็คงเพิ่งกลับมาถึงห้องได้ไม่นานเหมือนกัน แต่สีหน้ายับๆ ที่เต็มไปด้วยความกังวลทำให้ร่างสูงกังวล เขานึกอยากดึงร่างเล็กเข้ามากอดปลอบ แต่เพราะสิ่งที่เจ้าตัวกำลังกังวลอยู่มันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง กชเลยทำได้แค่ต้องห้ามตัวเองเอาไว้เท่านั้น

จะว่าไป… นี่เป็นครั้งแรกของวันเลยที่เขาจะได้คุยกับมิว เมื่อวานไอ้แว่นไปกินเหล้าเมาแอ๋ที่ไหนมาก็ไม่รู้ กลิ่นแอลกอฮอล์นี่คลุ้งไปทั้งตัว และนั่นเป็นสาเหตุให้เจ้าตัวนอนแฮงค์อยู่บนเตียงเมื่อเช้า ไม่ฟื้นขึ้นมาแม้ว่าเขาจะออกไปเรียนแล้ว

คิดแล้วก็น่าโมโห ก็รู้อยู่ว่าตัวเองคออ่อนก็ยังเที่ยวออกไปดื่มอยู่นั่น เขาเองเมื่อคืนก็ดื่มมาบ้างนิดๆ หน่อยๆ เหมือนกัน แต่มิวนี่คือสภาพอย่างกับอาบมาเลยทีเดียว ไม่ได้ห่วงตัวเองเลย ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะสู้ใครเขาไหวกัน

และเพราะคิดแบบนั้นกังวลแบบนั้น สิ่งแรกที่ออกมาจากปากจึงกลายเป็นคำตำหนิ

“ทำไมเมื่อคืนไปกินเหล้ามาล่ะ”

มิวชะงักไปกับคำถามนั้นก่อนคิ้วเรียวจะขมวดติดกัน “แล้วพี่ไม่ได้ออกไปกินเหล้ามาหรือไงครับ? ”

ชัดเลย ไอ้หมอนี่เห็นรูปในเฟซแล้ว บางทีเขาก็เกลียดโซเชียลมีเดียเหลือเกิน

“แต่พี่คุมตัวเองอยู่ มิวล่ะ เคยคุมตัวเองอยู่บ้างรึเปล่า”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่ด้วย”

นี่มันไม่ใช่เวลามาเถียงกันเรื่องนี้แท้ๆ

“พี่เป็นห่วงมิวนะ”

น้ำเสียงจริงใจนั่นไม่ช่วยอะไรนอกจากทำให้ใบหน้านั้นดูเหยเกมากขึ้น

“ผมแค่ไปดื่มกับเพื่อน แล้วพี่ก็ไม่ใช่แม่ผม”

ทำไมไอ้เตี้ยนี่ถึงได้ดื้อนัก “รู้แล้ว พี่ไม่ว่าอะไรเลย แต่วันหลังบอกพี่หน่อยได้ไหม หรือชวนพี่ไปด้วยก็ได้นี่”

“แล้วถ้าผมชวนพี่เมื่อวาน พี่กชจะว่างไปเหรอครับ” น้ำเสียงประชดประชันนั่นทำเอากชต้องขมวดคิ้วมากขึ้นเรื่อยๆ บอกตามตรงว่าเขาเกลียดน้ำเสียงแบบนั้นที่สุด มิวตอบคำถามของตัวเองเสร็จสรรพ “ไม่ พี่ไม่ว่างหรอก พี่กชไปดื่มกับพี่ก้อย ผม… เห็นแล้ว”

“ก็ใช่ เมื่อคืนพี่อาจจะไม่ว่าง” เขาพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้เดือดไปกับอีกฝ่าย แค่นี้บรรยากาศหนักอึ้งก็กดทับพวกเขาจนอึดอัดจะแย่แล้ว “แต่ถ้ามิวบอกพี่ก่อนล่วงหน้า พี่อาจจะไปด้วยได้ไง”

“พี่กชจะมาทำดีกับผมทำไม”

กรกชไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมรูมเมทของเขายังต้องถามคำถามนั้นอีก ที่เขาแสดงออกทุกวันนี้ยังไม่ชัดเจนพออีกเหรอ? ต้องทำยังไงถึงจะสื่อความรู้สึกนี้ออกไปให้มิวเข้าใจได้ล่ะ? จับลากขึ้นเตียงเลยได้ไหม

“มิว ใจเย็นๆ ก่อน” เขาพยายามผ่อนลมหายใจให้อีกฝ่ายทำตาม “พี่รู้ว่ามิวกำลังอึดอัดแล้วก็สับสนกับข่าว”

“พี่กชรู้แล้วสินะครับ” ทั้งคู่กำลังพูดถึงข่าวลือที่ว่าพวกเขาสองคนแค่แกล้งคบกันตบตาคนดู โชคร้ายที่ข่าวลือที่ว่าเป็นเรื่องจริง

“ใช่ พี่รู้แล้ว แต่เราลองมาค่อยๆ คิดหาทางแก้กันดีไหม อย่ามามัวเถียงอะไรไร้สาระกันแบบนี้เลย”

“ไร้สาระเหรอ? ” ใบหน้าขาวนั้นซีดลงเรื่อยๆ จนกชเองแทบอยากจะคราง เขาไม่รู้ว่าควรทำยังไงให้มิวรู้สึกดีขึ้น “พี่เป็นคนเริ่มก่อนเองนะ ทั้งเรื่องที่ผมไปกินเหล้า เรื่อง… เฮ้อ ผมไม่รู้แล้วว่าควรจะทำยังไงดี”

“มันไม่แย่ขนาดนั้นหรอกน่า” พูดพร้อมกับเดินไปแตะบ่าของอีกฝ่าย หากมันเกร็งแน่นขึ้นจนกรกชตกใจ

นี่มันเหมือนกับว่า… มิวไม่ต้องการสัมผัสของเขาอย่างนั้นแหละ

กชละมือออกอย่างรวดเร็วเพราะกลัวจะทำให้อีกฝ่ายอึดอัด และเขาก็ได้แต่สาปแช่งตัวเองในใจเพราะตอนนี้หน้าของมิวเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว

อะไรวะ นี่เขาจะทำอะไรให้มันถูกต้องถูกใจหมอนี่ไม่ได้สักอย่างเลยเหรอ

ร่างสูงรับรู้ได้ว่าบรรยากาศแปลกๆ ระหว่างพวกเขาทั้งคู่เริ่มต้นขึ้นหลังจบวันที่ไปเที่ยวสวนสัตว์ด้วยกัน เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองทำอะไรผิดพลาดไป แต่ก็รู้สึกได้ว่ามิวพยายามถอยห่างจากเขาเล็กน้อย มันไม่ได้ชัดเจนจนรู้สึกได้ในทันที ตอนแรกกชคิดว่าเขาคิดไปเองด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้มันชัดเจนแล้ว

บางทีความสัมพันธ์ประหลาดๆ นี่อาจจะถึงจุดสิ้นสุดแล้วก็ได้ แค่คิดกชก็ใจหาย แต่เขารักษามันเอาไว้ตลอดไปไม่ได้หรอกถ้าหากอีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือ

ก็พวกเขาไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ เสียหน่อย ทุกอย่างมันก็แค่การเล่นละคร

แต่ให้ตาย… อึดอัด ทำไมมิวต้องทำหน้าเหมือนกล่าวหาเขาแบบนั้นด้วย เขาทำอะไรผิดไปทำไมไม่พูดออกมาตรงๆ

“มิวเป็นอะไร” กชถามอย่างสับสน เขาไม่เคยคิดว่าระหว่างพวกเขาทั้งคู่จะกลายมาเป็นแบบนี้ ต่อให้ความสัมพันธ์ปลอมๆ นั่นยุติ แต่เขาก็คาดหวังให้กลับไปเป็นรูมเมทกันตามเดิม “มันก็แค่ข่าวลือเท่านั้นเอง เราแก้ข่าวได้นี่ จะแก้ข่าวหรือพูดความจริงไปเลยก็ได้ ยังไงมันก็มีทางออกอยู่แล้ว”

มิวเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกตะลึง เขาเครียดจนหัวแทบแตกทั้งเรื่องของคนตรงหน้า เรื่องข่าวลือ เรื่องที่ตัวเองโดนกระหน่ำด่าอยู่หลังหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วนี่เหรอสิ่งที่รุ่นพี่เขาเลือกที่จะพูดน่ะ

“พี่ไม่เข้าใจอะไรเลยใช่ไหม”

“ไม่ ไม่เข้าใจ” กชพูดด้วยเสียงกร้าวขึ้น เขาพยายามทำใจเย็นก็จริง แต่ท่าทางของคนตรงหน้ามันทำให้เขาควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ “มิวมีปัญหาอะไรก็พูดมาดิ พี่รู้ว่าตอนนี้มันแย่ ข่าวมันกระจายออกไปแล้ว แต่เราสองคนก็เคยคุยเรื่องนี้กันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ”

“แล้วพี่ไม่คิดบ้างเหรอว่าข่าวมันหลุดมาจากใคร”

กรกชอ้าปากค้าง เขาไม่ได้คิดถึงจุดนี้เลย คิดแต่ว่าพอมีปัญหามาก็ควรจะแก้ ส่วนเรื่องใครจะทำหลุดน่ะ…

“มิว เรื่องที่เราไม่ได้คบกันจริงๆ ก็มีคนรู้ตั้งหลายคน ทั้งน้องสาวมิว เพื่อนมิว เพื่อนพี่ มันอาจจะหลุดมาจากใครก็ได้” ซึ่งถ้าถามเขา กชสงสัยมอสน้องมิวสุด เพราะถึงยังไงอีกฝ่ายก็ยังเด็ก บางทีอาจจะคะนองปาก เล่าสนุกๆ ให้เพื่อนฟัง และต่อให้เป็นอย่างนั้น เขาก็คิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร ไม่คิดโกรธอะไรเลยด้วย

“หรืออาจจะเป็นพี่ก้อย”

คำพูดนั่นทำให้กชฉุนขึ้นมาทันที ชายหนุ่มพูดเสียงแข็งอย่างที่มิวไม่เคยได้ยินมาก่อน

“มิว ทำไมพูดแบบนั้น”

“ก็… ก็…” หลุดปากออกไปแล้วคนใส่แว่นก็เริ่มสั่น เขาก้าวถอยหนีจากอีกฝ่ายที่ก้าวเข้ามาโดยไม่รู้ตัว “ก็คนอื่นๆ ที่รู้น่ะ เขารู้มาตั้งนานแล้วแต่ยังไม่เคยมีข่าวอะไรหลุดไปเลย แต่… แต่พอพี่ก้อยรู้…”

“มิวมีหลักฐานเหรอ” กรกชได้ยินเสียงกลืนน้ำลายอึกลงคอ “มิวกล่าวหาคนอื่นโดยที่ไม่มีหลักฐานเหรอ”

“ก็แค่ตั้งข้อสังเกต”

“พี่ไว้ใจก้อยนะ”

กชไม่รู้หรอกว่าคำพูดนั้นกรีดลงไปในใจคนฟังมากแค่ไหน มิวรู้สึกร้อนที่ขอบตา เขาพยายามกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไม่ให้มันหยดลงมา

มิวรู้ว่าควรจะหยุด… ควรจะหุบปากให้สนิท แต่แรงอารมณ์ล้วนๆ ที่ทำให้เขาตะโกนออกไปอย่างเหลืออด

“พี่ไว้ใจเขา! แล้วผลสุดท้ายเขาก็หักหลังพี่ไปมีคนอื่น แล้วพี่ยังจะไว้ใจเขาอีกอย่างนั้นเหรอ!? ”

กชนิ่งอึ้ง มองอีกฝ่ายราวกับคนแปลกหน้า มิวรู้สึกเหมือนหัวใจถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ

“มิว… ตามสืบเรื่องของพี่กับก้อยเหรอ”

มิวอึกอัก ก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเอง อันที่จริงแล้วเรื่องนี้แนทเป็นคนเล่าให้ฟัง ความสามารถในการขุดอดีตผ่านโซเชียลมีเดียของหมอนั่นไม่ธรรมดา แต่บางทีมิวก็หวังว่าตัวเองจะไม่อยากรู้ว่าทำไมพี่กชกับพี่ก้อยถึงเลิกกันจนต้องขอให้เพื่อนช่วย

“มิว… พี่” กชยกมือขึ้นเสยผมอย่างทำตัวไม่ถูก เขาเคยไม่แคร์กับเรื่องอดีตของตัวเอง แต่พออีกฝ่ายเป็นมิว ทุกอย่างมันก็ยากไปหมด “พี่ไม่คิดเลยว่ามิวจะเป็นคนแบบนี้”

“...” ให้ตาย… ถ้าพี่กชจะพูดแบบนี้กับเขา ทำไมไม่ชกหน้ากันไปให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ

“พี่” ร่างสูงกระสับกระส่าย เดินไปซ้ายทีขวาทีเหมือนหนูติดจั่น ในที่สุดเขาหยุดแล้วก็ส่ายหน้ารัวๆ ถอนหายใจดังเฮือก “พี่ผิดหวังว่ะ”

มิวทำได้แค่มองแผ่นหลังของรูมเมทที่เดินออกจากห้องไปเงียบๆ จากนั้นเจ้าตัวก็ชกหมัดลงบนตู้เสื้อผ้าอย่างแรง





-------------------------------------------
Talk: หนักมากค่ะตอนนี้ เขียนไปนี่เกร็งไป อดทนกันหน่อยนะชาวฟีลกู้ด เดี๋ยวความอึมครึมก็ผ่านไปแล้ว TvT
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 11) P.2 [9/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 09-01-2018 21:11:25
สงสารน้องมิว  กชใจร้ายอ่ะ ทำไรไม่ชัดเจน  ทำน้องเสียใจสับสน  ยังจะมาว่าน้องอีก
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 11) P.2 [9/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 09-01-2018 21:12:29
เกลียดดดดดดดพี่กช
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 11) P.2 [9/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-01-2018 21:14:27
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 11) P.2 [9/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 09-01-2018 21:18:08
บอสแน่ๆ แอบรักเพื่อนละสิ ขี้เผือกนะเรา -_-*
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 11) P.2 [9/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-01-2018 21:35:20
สืบไม่สืบก้อใช่ว่าจะต้องโมโหอะ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 11) P.2 [9/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 09-01-2018 22:05:02
ทำไมมันมีประเด็นให้ทะเลาะกันเยอะขนาดนี้ล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 11) P.2 [9/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 10-01-2018 21:22:30
บทที่ 12




Vk Dragon: พี่สไลม์เป็นอะไรรึเปล่าครับ

Vk Dragon: ไหวไหม



ผมจ้องหน้าจอโทรศัพท์ มองข้อความที่เด้งขึ้นมาจากหน้าเพจก่อนจะลดมันลงไว้บนเตียงข้างตัว เหม่อมองเพดานสีขาวอย่างไร้จุดหมายแทน

ผมพยายามกลั้นน้ำตาไว้จนกระบอกตาปวดตุ้บไปหมด จริงๆ ตอนที่พี่กชก้าวพ้นห้องออกไปผมก็เป่าปี่มารอบหนึ่ง ไม่สิ อาจจะแค่ครึ่งรอบ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นตอนนี้คือในหัวผมเหมือนมีม่านหมอกหนาทึบบดบังความคิดและความเฉียบคมของตัวเองไป และนั่นทำให้ผมได้แต่นอนนิ่งเป็นผักเน่า ไม่รู้จะเริ่มต้นรับมือกับปัญหาของตัวเองยังไงดี

เสียงแชทของเพจเฟซบุ๊คดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ผมปล่อยให้มันค้างอยู่แบบนั้นครู่หนึ่งก่อนจะตัดใจคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความอีกครั้ง

มีลูกเพจหลายคนทักเข้ามาถามเกี่ยวกับข่าวลือ แต่มีเพียงคนเดียวที่ทักมาเรื่อยๆ ด้วยความเป็นห่วง และคนนั้นก็คือผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ Vk Dragon หรือน้องมังกรของผมเอง

ผมมีแฟนคลับหลายคนเหมือนกัน แต่มีคนที่สนิทจริงๆ ไม่กี่คน และส่วนมากทุกคนมักจะติดตามผมมาตั้งแต่เริ่มทำช่องแรกๆ น้องมังกรที่ว่านี่ก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน ผมเคยถามชื่อเขามาก่อนแต่เจ้าตัวบอกว่าไม่สะดวกจะบอกชื่อจริง ผมเลยถามเขาว่าแล้วจะให้ผมเรียกว่าอะไร

เขาเลยบอกให้ผมเรียกเขาว่ามังกรเพราะเขาชอบมังกร

ผมไม่มีปัญหากับนามแฝงอยู่แล้ว ในโลกไซเบอร์ใครๆ ก็ต้องมีกันอย่างน้อยคนละชื่อ และผมก็ไม่คิดก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของใคร แค่น้องเขาคอยแวะมาทักทายเรื่อยๆ ชวนคุยเรื่องเกมเรื่องคลิปที่ผมทำก็มีความสุขมากพอแล้ว

แต่ตอนนี้ผมไม่อยู่ในอารมณ์อยากเจ๊าะแจ๊ะ… ผมอยู่ในโหมดหดหู่สุดขีดจนแม้แต่ตัวเองยังตกใจ





SlimeSmileS: ไม่ค่อยโอเลย มังกร

SlimeSmileS: ข่าวที่นายเอามาบอกพี่มันแรงอ้ะ

SlimeSmileS: พี่ต้องโดนทุกคนเกลียดแน่เลย





อีกฝั่งขึ้นจุดมาสามจุด เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่ากำลังพิมพ์





Vk Dragon: อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยพี่

Vk Dragon: ไปหาอะไรอย่างอื่นทำก่อน พอใจเย็นลงแล้วค่อยมาแถลงข่าว ดีไหม?





คำพูดนั้นทำให้ผมยิ้มขัน แม้ว่ามันจะฝืดฝืนเพราะความเศร้าหมองที่ตกค้างอยู่ก็ตาม และเมื่อรอยยิ้มนั้นหุบลง ผมก็รู้สึกตัวว่ารับแรงกดดันนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว





SlimeSmileS: อืม คงทำงั้นอะ

SlimeSmileS: โทดทีนะ ไว้ค่อยคุยกัน

Vk Dragon: โอเคพี่ สู้ๆ นะครับ





ผมกดออกจากแอปพลิเคชันแล้วโทรหาไอ้เก่งเป็นคนแรก รายนั้นรับสายผมแล้วพูดด้วยได้เพียงสองสามคำเพราะติดธุระอยู่กับที่บ้าน น้ำเสียงมันสำนึกผิดสุดๆ ที่ไม่สามารถอยู่คุยกับผมได้ แต่ไม่เป็นไร ผมก็ไม่อยากให้เพื่อนลำบากใจเหมือนกัน

ผมวางสายจากมันแล้วโทรหาไอ้แนทต่ออย่างรวดเร็ว คิดในหัวเลยว่าถ้ามันไม่ว่างคุยแล้วจะโทรหาใครต่อดี แต่โชคดีที่มันไม่ได้ติดธุระอะไรกับใครที่ไหน แถมพอผมเล่าว่าเจออะไรมาบ้างแบบย่อๆ ไอ้แนทก็รีบเสนอตัวให้ออกมาเจอกันแถวคอร์ทเทนนิสของมหาลัย

แล้วผมจะรออะไรล่ะ หยิบของที่จำเป็นแล้วพุ่งออกไปเลยครับ ไม่อยากอยู่ในห้องให้อึดอัดแบบนี้อีกต่อไปแล้ว

แนทมานั่งรอผมอยู่แล้วเพราะจากหอมันใกล้กว่าที่จะมาตรงนี้ ผมทรุดตัวนั่งลงข้างๆ มันโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ม้านั่งนี่ตั้งอยู่ด้านนอกคอร์ทเทนนิส มีร้านค้าสองสามร้านเปิดขายอยู่โดยมีลูกค้าหลักเป็นนักกีฬาด้านใน

น่านับถือคนที่มียังมาออกกำลังกายกันทั้งที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วแบบนี้จังเนอะ ท้องฟ้ามืดสนิททำให้ทางสนามต้องเปิดไฟสีขาวสว่างจ้าเพื่อให้ผู้ใช้บริการทุกคนมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจน

เสียงลูกตกกระทบลงกับพื้นคอร์ทสลับกับเสียงหวดไม้ เสียงร้องตะโกนของคนด้านในและเสียงพูดคุยแผ่วเบาของคนที่นั่งพักอยู่ริมสนาม ทั้งหมดนี่พอจะช่วยปลอบประโลมอาการเฮิร์ทหนักของผมได้บ้าง แต่ผมรู้ดีว่ามันคงดีขึ้นแค่ชั่วคราวเท่านั้น

“อยากกินน้ำอะไรก่อนไหม” แนทถาม กดปิดหน้าจอโทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋ากางเกงแล้วยืดตัวขึ้น “เดี๋ยวซื้อมาให้”

“มึงว่าเขาจะมีกล้วยปั่นไหม”

“รอแป๊บหนึ่ง”

ผมมองตามแผ่นหลังของเพื่อนไปอย่างเหม่อลอย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง น้องมังกรผู้น่ารักของผมส่งรูปอัลปาก้ามาให้ดูพร้อมกับบอกว่าน่าจะช่วยให้ผมดีขึ้นได้

อัลปาก้าที่ถูกตัดแต่งขนจนดูเหมือนทรงผมประหลาดๆ นั่นทำให้ผมหัวเราะออกมาได้ แนทที่เดินกลับมายื่นน้ำกล้วยปั่นมาให้ ผมขอบคุณมัน รับมาถือพร้อมกับกดถ่ายรูปน้ำที่ว่าไปให้น้องมังกรดูเพื่อบอกอีกฝ่ายว่าผมโอเคขึ้นแล้ว

ไอ้แนทดูดโค้กของมันอึกหนึ่งก่อนจะเริ่มเกริ่น

“ละตกลงเรื่องมันเป็นไงมาไง ขอใหม่อีกทีแบบละเอียดซิ”

ผมคว่ำมือถือลงข้างตัวเพื่อให้เกียรติคู่สนทนา “ก็… จะเริ่มจากตรงไหนดีล่ะ มึงเห็นข่าวแล้วใช่ไหม ที่ว่าจริงๆ กูกับพี่กชแกล้งคบกัน”

“เห็นล่ะ” พยักหน้ารับ ดูดน้ำอีกอึก “ก็… เหมือนจะร้ายแรงนะ แต่กูลองสแกนๆ ดูแล้วก็ไม่แย่ขนาดนั้น ส่วนมากคนรอให้มึงไปแถลงการณ์มากกว่า”

“แถลงเหี้ยไรล่ะ” ผมห่อไหล่ลง รู้สึกหนาวขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ “กูไม่ใช่ดาราหรือคนดังอะไรสักหน่อย แล้วอีกอย่าง ข่าวลือนี่ก็เป็นความจริง แล้วจะให้กูไปพูดอะไร”

“ไม่รู้สิ ความจริงมั้ง? ”

“ช่องกูแม่งต้องล่มแน่”

“ก็คงมีคนแอนตี้บ้าง” แนทพยักหน้า “แต่คนดูมึงเขาไม่ได้ดูเกมที่มึงเล่นหรอกเหรอ? เขามาดูมึงแค่เพราะมึงเป็นแฟนกับพี่กช? ”

ผมชะงักไป ไม่ได้คิดเรื่องนั้นจริงๆ จังๆ มาก่อน แต่ไม่ว่าจะยังไง สิ่งที่ผมทำลงไป… ที่โกหกกับคนดู โกหกคนที่ติดตามช่องตัวเองมาตลอดก็ไม่ใช่เรื่องที่จะให้อภัยกันได้ง่ายๆ อยู่ดี

ผมนี่ช่าง… คิดอะไรตื้นๆ เสียจริง ก่อนทำไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมาเลยสักนิด และตอนนี้ผมก็ต้องมารับผลกรรมของตัวเองแล้ว

“กูไม่รู้” ผมพูดเสียงแผ่ว แนทเงียบไปครู่หนึ่ง ผมดูดกล้วยปั่นของตัวเองบ้างแต่รู้สึกเหมือนลิ้นจะไม่ค่อยรับรู้รสาติเท่าไร

“งั้นเปลี่ยนเรื่องกัน มาพูดเรื่องพี่กชของมึงกันดีกว่า”

“เขาไม่ใช่ของกู” รู้สึกแย่กว่าเดิมอีกครับคราวนี้

“เขาโกรธอะไรมึง”

ผมนิ่งไปนิดก่อนจะตอบ “เขาโกรธที่กูไปเสือกเรื่องเขา”

“เสือกเรื่อง? ”

“เรื่องที่มึงไปสืบมาให้กูไงว่าพี่กชเลิกกับพี่ก้อยเพราะอะไร เขาบอกว่าผิดหวังในตัวกู ไม่คิดว่ากูจะเป็นคนแบบนี้”

“โห” แนททำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ “แรงเหมือนกันนะเนี่ย”

“เออ กูนี่ช็อกเลย”

“แล้วพูดเรื่องความรู้สึกของมึงยัง? ”

ผมเงียบ แนทถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

“เฮ้อ เพื่อนกู”

“กูว่าจะเข้าไปคุยกับเขาแล้วนะเว้ย” ผมแก้ตัวทันที “แต่ไม่มีจังหวะดีๆ เลย แถมมาเจอเรื่องแบบนี้อีก กูว่า… เขาคงเกลียดกูแล้วล่ะ”

พูดไปก็เหมือนจะขาดอากาศหายใจ น้ำตาที่แห้งไปแล้วรื้นขึ้นมาอีกครั้งโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว แนทสะดุ้งอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน ผมก็ไม่นึกว่าตัวเองจะน้ำตาร่วงพรูออกมาเหมือนก๊อกแตกแบบนี้

“ไอ้เหี้ย ไม่ร้อง” พูดพร้อมกับดึงผมไปซบบ่ามัน เท่านั้นแหละครับ ปล่อยโฮเลย “อ้าว ไอ้ห่า กูบอกไม่ร้องเสือกร้องหนักกว่าเดิม ไม่เอาน่า ไอ้มิว ใจเย็นๆ ”

“กู… กูไม่น่า… เริ่มเรื่องงี่เง่านี่… ขึ้นมาเลย” เสียงของผมขาดเป็นห้วงๆ เพราะแรงสะอื้น ว้อย รำคาญตัวเองเหมือนกัน แต่หยุดร้องไม่ได้โว้ย “ฮือ… แนท พี่กชเขาเกลียดกูแน่เลย ทำไงดี กูจะทำยังไงดี”

แนทดึงแว่นออกจากหน้าผม ขอบคุณมากเลยเพราะมันเลอะคราบน้ำตาหมดแล้ว ผมได้ยินแต่เสียงร้องไห้ของตัวเองสลับกับเสียงปลอบประโลมของเพื่อนที่ดังในความมืด โชคดีที่ตรงนี้ห่างสนามเทนนิสออกมาพอควร ไม่งั้นนักกีฬาทุกคนคงแตกตื่นกับเสียงร้องไห้ของผมจนไม่เป็นอันหวดลูกแน่

แล้วอยู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้น

“เฮ้ย พวกนาย”

ผมกับแนทเงยหน้าขึ้นไปมองผู้มาใหม่ แล้วสภาพหน้าผมนี่เยินมากเลย อะไรของแม่งวะ คนกำลังระเบิดอารมณ์ อย่าเพิ่งมาขัดได้ไหม

ท่ามกลางความมืดบวกกับสายตาที่สั้นกว่าคนปกติทำให้ผมมองเห็นหน้าอีกฝ่ายไม่ชัด แต่เมื่อชายคนนั้นก้าวเข้ามาเรื่อยๆ ผมก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

ถ้าคุณหวังว่าจะให้นี่เป็นพี่กชล่ะก็… เสียใจด้วยครับ คุณต้องเจอกับความผิดหวังแบบผม เพราะนี่ไม่ใช่พี่กช แต่เป็นเพื่อนสนิทของพี่แกต่างหาก

ไอ้คุณพี่บอส!

จะโผล่มาทำซากอะไรตอนนี้ครับ แค่นี้ผมก็หดหู่จนเหมือนโดนหลุมดำดูดเข้าไปในอีกห้วงมิติอยู่แล้วนะ นี่พี่แกยังจะโผล่มาให้ผมรู้สึกแย่กว่าเดิมอีกเหรอ

แนทเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเมื่อเห็นท่าทางเอาเรื่องของอีกฝ่าย

“ใครวะ มิว คนรู้จักเหรอ? ”

“นี่… พี่บอส เพื่อนพี่กช” ผมตอบพร้อมกับหายใจฟืดฟาด น่าขายหน้าชะมัด แต่ใครจะไปคิดว่าพี่แกจะโผล่มาในที่แบบนี้ล่ะ ก็ปกติแถวนี้มันแทบไม่มีคนผ่านมาเลยนี่นา!

“แล้วนี่ใครล่ะมิว” พี่บอสพูดด้วยท่ายียวนแบบกินขาด “ผัวใหม่เหรอ? ”

ถึงตรงนี้ไอ้แนทลุกขึ้นพรวดเลย จ้องผู้มาใหม่ด้วยสายตาเอาเรื่อง

“ล่ามไว้ให้มันดีหน่อยๆ ดีกว่าไหมครับ”

“อะไร? ” พี่บอสถามกลับงงๆ

“ก็หมาในปากพี่ไง รู้นะว่าในนั้นมันเยอะจนเพาะฟาร์มได้ แต่เพาะออกมาแล้วก็ดูแลให้มันดีๆ หน่อย”

อย่าว่าแต่พี่บอส แม้แต่ผมยังอ้าปากค้างกับความอวดดีของเพื่อนตัวเอง คือไอ้แนทก็ไม่ใช่ผู้ชายรูปร่างผอมบางแบบจะปลิวลมอะไรขนาดนั้นหรอกนะครับ แต่ขนาดตัวมันก็ยังเล็กกว่าพี่บอสมากอยู่ดี คือถ้าพี่แกเกิดซัดมันขึ้นมาเข้าจะไม่คุ้มเอานา

“ไอ้เด็กนี่…”

“เดี๋ยวๆ ๆ ” ผมรีบลุกขึ้นมาห้ามทัพเมื่อเห็นพี่บอสทำท่าจะโต้กลับ “จะมามีเรื่องกันทำไมเนี่ย แล้วพี่บอส… พี่ตั้งใจจะมาหาเรื่องผมไม่ใช่เหรอ จะมาทะเลาะกับเพื่อนผมทำไม”

“ก็เพื่อนมิว--” เขาอ้าปากค้างแล้วหุบลง จ้องผมเขม็งอย่างไม่พอใจแทน “ใครบอกพี่จะมาหาเรื่องมิว”

“โห พูดมาขนาดนั้นไม่หาเรื่องเลยเนอะ” ไอ้แนท ยัง สงสัยอยากตัดแว่นใหม่มั้งนั่น คงอยากยั่วพี่บอสให้ชกมันแว่นแตกสักรอบใช่ไหม

“แนท พอก่อน” ผมพูดด้วยน้ำเสียงขอร้อง ปวดหัวจากที่ร้องไห้ไปเมื่อครู่จนหัวจะระเบิดอยู่แล้ว “แล้ว… พี่บอส มีอะไรครับ มาทำอะไรแถวนี้”

เขาอ้าปากแล้วหุบลง แต่ผมเชื่อว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาตีเทนนิสแน่ล่ะ กางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืดใส่นอนเลยนั่น แถมแร็คเก็ตหรือรองเท้ากีฬาก็ไม่มี

“มาทำอะไรดึกๆ ดื่นๆ ” เขาตอบผมด้วยการถามกลับซะงั้น

“คุยกับเพื่อน”

“คุยอะไร เมื่อกี้เห็นจะฟัดกันอยู่แล้ว กอดกันนัวเนียขนาดนั้น”

“โอ๊ย ไอ้มิว ขอกูต่อยเพื่อนพี่กชสักทีได้ไหม” แนทว่าอย่างหัวเสีย ผมเองก็โมโหเหมือนกัน ทำไมวันนี้ถึงได้มีแต่เรื่องนะ

“พี่มีอะไร” ผมถามอย่างเหนื่อยล้า เหมือนเค้นพลังเฮือกสุดท้ายของตัวเองออกมา ท่าทีของพี่บอสจึงดูอ่อนลง

“ไอ้กชมันสภาพไม่ค่อยดีเท่าไร บอกว่าทะเลาะกับมิวมา”

“เหรอครับ” ผมว่า ไม่รู้ว่าควรรู้สึกไงกับข้อมูลนี้ดี เดาได้เลยว่าสภาพผมก็ไม่ได้ดีเลยเหมือนกัน

“เรื่องข่าวลืองี่เง่านั่นใช่ไหม บอกแล้วว่าไม่ควรทำแบบนั้นแต่ต้น” น้ำเสียงของเขาดูตำหนิ และนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ลงไปอีก “บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเอาใครเป็นเครื่องมือ”

“พอสักทีได้หรือยังครับ” แนทว่า ดึงแขนผมให้ไปอยู่ด้านหลังแล้วเผชิญหน้ากับร่างสูงอย่างไม่ลดละ “ที่เพื่อนพี่ทำกับเพื่อนผมก็ทุเรศเหมือนกันนั่นแหละ ไม่สิ ทุเรศกว่าอีก มาให้ความหวังคนอื่น แล้วพอมีเรื่องก็ด่ารูมเมทตัวเองแล้วหนีไปอย่างนั้น”

“แล้วมันสมควรไหมที่ไปยุ่งเรื่องอดีตของคนอื่นแบบนั้นน่ะ”

จึ้กไปสิ

ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเลวมากเลยที่ไปเสือกเรื่องชาวบ้าน คือปกติผมไม่ค่อยสนเรื่องคนอื่นไง แต่พอทำแล้วมาโดนว่าติดต่อกันแบบนี้ก็ใจฝ่อไปเหมือนกัน

ผม… ผิดเองจริงๆ สินะ

“มิว” แนทพูดเสียงเข้มทำเอาผมสะดุ้ง “กลับหอกัน”

“หอกู? ”

“เออ” พูดแล้วไม่รอฟังคำตอบ แนททิ้งสายตาอาฆาตให้พี่บอสตบท้ายก่อนจะลากผมไปอีกทางอย่างรวดเร็ว





[Koch]

ถ้าให้เปรียบว่าสมองผมเป็นคอมพิวเตอร์ล่ะก็ ตอนนี้ผมว่ามันคงโดนไวรัสแดกจนเปิดหน้าจอหรือรันโปรแกรมอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง

ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีดำยามค่ำคืนเหมือนคนแก่ๆ ที่โดนลูกหลานทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียวแล้วไม่มีอะไรทำ ผมยังอยู่ในชุดนักศึกษาตัวเดิม ตัวเดียวกับที่ใส่ก่อนจะผลุนผลันออกมาจากห้องที่ผมกับมิวอาศัยอยู่ด้วยกัน

นี่ผมทำบ้าอะไรลงไป? จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง นึกถึงใบหน้าที่เหมือนจะร้องไห้ของรุ่นน้องคนนั้นแล้วหัวใจก็เจ็บแปลบขึ้นมา แต่ก่อนที่ผมจะได้รำลึกถึงความผิดของตัวเองไปมากกว่านี้คนที่ผมนัดไว้ก็มาถึง เจ้าตัวทรุดตัวนั่งลงบนม้านั่งในสวนสาธารณะข้างผม

“ไปตายที่ไหนมา ไอ้บอส” เราทักทายกันแบบนี้แหละครับ ไม่ต้องตกใจ

“บุหรี่ไหมเพื่อน” มันไม่ตอบแต่หยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบ จุดไฟแช็กแล้วส่งมวนหนึ่งให้ผม ส่ายหน้ารัวๆ เลยครับงานนี้

“กูเลิกนานแล้ว”

“สักหน่อยน่า”

“ไม่”

บอสยักไหล่ทีหนึ่ง หดมือกลับ ความเงียบปกคลุมพวกเราอยู่ครู่ใหญ่จนในที่สุดไอ้คนข้างตัวก็พ่นควันออกมาแล้วพูด

“มึงโกรธอะไรน้องมิววะ”

ผมทบทวนคำถามนั้นก่อนจะตอบอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ได้โกรธ”

“เหรอ”

“แค่… กูแค่งงๆ ”

“งงเรื่อง? ”

“เอาจริงๆ กูตกใจที่มีคนอื่นรู้เรื่องที่… ที่ก้อยมีคนอื่น”

บอสพ่นควันออกมาอีกรอบ “มึงกลัวก้อยจะเสียหาย? ”

“นั่นก็ด้วยมั้ง ยังไงก้อยก็เป็นผู้หญิง มันดูไม่ดีหรอก”

“แล้วอะไรอีก” ผมเงียบเพื่อนึกถึงสาเหตุที่แท้จริงที่พูดใส่หน้ามิวไปแบบนั้น ผมแม่งเฮงซวยฉิบหายเลยที่ทำแบบนั้น เป็นความรู้สึกที่แย่ที่สุดเท่าที่ผมเคยมีมา

“กู… สมเพชตัวเองด้วยมั้ง” หลังจากพิจารณาคำถามนั้นอย่างถี่ถ้วนแล้ว ผมก็ตอบอย่างระมัดระวัง

“สมเพชเรื่อง? ”

“เรื่องที่โดนสวมเขาไง ไอ้ควาย”

“มึงอายน้องเขา ว่างั้น? ”

“แล้วมันน่าอายไหมล่ะ” มีอย่างที่ไหน คบกับแฟนอยู่ดีๆ แล้วมาจับได้ว่าอีกฝ่ายแอบไปมีคนอื่น แถมคนที่ว่าก็เป็นเพื่อนในกลุ่มเพื่อนของตัวเองด้วยนะ แต่ผมก็ไม่โทษก้อยเสียทีเดียวหรอก “อีกอย่าง… มันก็ไม่ใช่ความผิดก้อยคนเดียว กูแม่งก็ปล่อยปละละเลยเขาจริงๆ แต่พอมิวพูด… พอคนอื่นพูดเหมือนก้อยผิดเองทั้งหมดคนเดียว กูก็รู้สึกไม่ค่อยดี”

“ซับซ้อนนะว่าไหม”

“โคตรๆ ” และผมก็ทำให้เรื่องที่ยากอยู่แล้วยากขึ้นไปอีก เจริญเถอะ

“มึงแม่งไม่ดูแลน้องดีๆ ”

“...” เออ จริง อันนี้เถียงไม่ออก

“กูเห็นมิวอยู่กับผู้ชายอีกคนนะ กอดกันนัวเลย” บอสพูดเนิบๆ แต่ผมนี่ลุกขึ้นจากเก้าอี้พรวดเลย

“ที่ไหน”

“ข้างๆ คอร์ตเทนนิส” มันว่าพร้อมกับพ่นควันฉุย ขยี้บุหรี่ลงกับที่เขี่ยข้างๆ ที่ตั้งเอาไว้ให้สิงห์อมควันทั้งหลาย “แต่เห็นกลับหอไปแล้ว”

แล้วมึงจะรออะไรล่ะไอ้กช กลับหอสิครับ!





------------------------------------------------
Talk: นี่เราคิดไปเอง หรือบทบอสมันเยอะขึ้นจริงๆ? ถถถถถถ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 12) P.2 [10/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 10-01-2018 21:31:48
ตกลงใครปล่อยข่าว?  ที่แน่ๆตอนนี้ไม่ชอบบอส 5555
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 12) P.2 [10/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 10-01-2018 21:43:39
พี่บอสจะดีหรือจะร้ายเนี่ย งงใจ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 12) P.2 [10/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 10-01-2018 21:50:50
ทำไมพี่บอสต้องพูดอะไรทำนองนี้ มันดูติดลบ
หรือหวังผลอะไรละสิ
สงสารมิวนะ เข้าใจอารมณ์คนที่รู้สึกไปแล้วมันจะเป็นแบบนี้
อึดอัดน่าดูเลยนะ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 12) P.2 [10/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-01-2018 02:29:57
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 12) P.2 [10/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-01-2018 12:41:47
นี่งงกับบอสละว่าต้องการอะไร
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 12) P.2 [10/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 11-01-2018 21:21:39

บทที่ 13




ผมกลับมาอยู่บ้านตัวเองได้เป็นวันที่สามแล้ว

บอกได้เลยว่าหนีหน้าพี่กชแบบสุดหล้าฟ้าเขียวมากตั้งแต่วันที่เขาหัวเสียใส่ผมแล้วออกจากห้องไป อันที่จริงหลังจากที่ผมคว้าข้าวของที่จำเป็นใส่กระเป๋าแล้วออกจากห้องเพื่อกลับบ้าน ผมเห็นพี่กชวิ่งสวนทางไปที่ห้องของพวกเราโดยไม่หันมองรอบๆ ข้าง

บอกตามตรงว่าภาพนั้นทำให้ผมลังเล ประกายความหวังผุดขึ้นมาในใจ บางทีเขาอาจจะรีบกลับมาเพื่อขอโทษผม คุยกับผมดีๆ หรือไม่ก็กลับมาด่าซ้ำ และไอ้ความคิดอย่างหลังนี่แหละที่ทำให้ผมตัดใจ หมุนตัวออกจากหน้าหอของตัวเองวิ่งไปที่ป้ายรถเมล์เพื่อขึ้นรถกลับบ้าน

...ก็เป็นอะไรประมาณนั้นแหละครับ

ผมรู้ว่าตัวเองขี้ขลาด ทั้งในโลกแห่งความเป็นจริง ทั้งในโลกไซเบอร์ การที่ผมไม่ตอบอะไรแฟนๆ เลยถือเป็นคำตอบที่ชัดเจนมากพอแล้ว หลายคนคงผิดหวังในตัวผม แต่บางคนก็ยังใจดีบอกว่าจะรอจนกว่าผมจะพร้อมที่จะพูด น้องมังกรเองก็เป็นอย่างหลัง แต่ไม่สำคัญตอนนี้หรอก ผมเองก็ผิดหวังกับตัวเองเหมือนกัน

ไอ้มอสในชุดนักเรียนก้าวเท้าเข้ามาในห้องนอนผมด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

“แม่ให้มาตามไปกินข้าวเช้า เดี๋ยวสาย”

“เคาะประตูหน่อยก็ดีนะ” ผมพูดอย่างไม่จริงจัง “ถ้าพี่โป๊อยู่จะทำยังไง”

น้องสาวสุดห้าวของผมกลอกตา “อย่างกับมอสจะสน มาเร็วพี่มิว เลยไปส่งพี่ก็กินเวลาไปตั้งมาก แล้วต้องส่งมอสอีก ถ้าพ่อไปทำงานสายก็โทษพี่คนเดียวแล้ว”

ผมถอนหายใจเฮือกพร้อมกับยันตัวลุกขึ้นอย่างเสียไม่ได้ อันที่จริงผมไม่มีเรียนคาบแรกหรอก แต่ขี้เกียจนั่งรถตู้รถเมล์ฝ่ารถติดไปที่มหาลัยตอนสายๆ ไปกับพ่อเลยมันง่ายกว่า มอสบ่นเป็นหมีกินผึ้งเลยว่าทำไมผมไม่รีบๆ แก้ปัญหาของตัวเองแล้วกลับไปอยู่หอเหมือนเดิมซะ ค่าหอก็จ่ายเท่าเดิม

ก็จริงของมัน แต่ผมไม่รู้นี่ว่าจะแก้ปัญหายังไง

จริงๆ วันแรกที่ผมกลับบ้านมาผมก็ระบายปัญหาให้น้องสาวฟังอยู่เหมือนกัน ยัยนี่เป็นประเภทเดียวกับไอ้เก่ง คือรับฟังเงียบๆ คอยอยู่ข้างๆ แต่พูดปลอบไม่เป็น แต่ตอนที่มอสเข้ามาในห้องทุกคืนแล้วชวนผมเล่นเกมเรื่อยเปื่อยเป็นอะไรที่ช่วยได้เยอะมาก ยิ่งตอกย้ำให้ผมเข้าใจว่าสุดท้ายแล้วครอบครัวก็จะอยู่เคียงข้างเราเสมอ ถึงแม้บางทีมันจะกวนประสาทหรือหงุดหงิดใส่ผมบ้าง แต่ผมรู้ว่ามันก็ห่วง บางทีผมควรรีบแก้ปัญหาของตัวเองอย่างจริงจังได้แล้ว

“ขอบคุณที่มาส่งครับพ่อ” ผมยกมือไหว้หลังจากที่รถจอดลงที่หน้ามหาลัย หันไปหาไอ้มอสที่นั่งเบาะหลัง มือกดโทรศัพท์จึ้กๆ “ไปละนะมอส”

“เย็นนี้ไม่ต้องกลับมาล่ะนะ”

นั่น ดูมัน น้องสาวผม

“ทำไมพูดกับพี่แบบนั้นล่ะ มอส” พ่อพูดเสียงดุใส่มัน เจ้าตัวยักไหล่

“ก็พี่มิวเอาแต่หนีปัญหา ไม่ยอมคืนดีกับพี่กชสักที หอก็จ่ายค่าเช่าอยู่ทุกเดือน มอสว่าถ้าพี่มิวจะกลับมาอยู่บ้านนานขนาดนี้ก็ออกจากหอมาเลยดีกว่า”

“แต่เวลาพี่ทำงานกลุ่มพี่ต้องอยู่ดึก” ผมพูดเหมือนคราง นั่นเป็นเหตุผลแรกๆ เลยที่เลือกมาอยู่หอแทนที่จะไปกลับ

“ก็นั่นแหละ ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ถ้ายังมีหออยู่ก็ควรอยู่ให้มันคุ้มหน่อย”

ก็จริงของไอ้มอส แต่ให้ตายเถอะ ไอ้น้องบ้านี่ ผมแค่กลับไปอยู่บ้านไม่กี่วันมันก็กัดแหลกขนาดนี้แล้วเรอะ ก็รู้แหละว่ามันคงอยากให้ผมรีบๆ คืนดีกับพี่กช แต่ผมยังไม่พร้อมนี่นา…

“เอาเถอะ ถ้าให้พ่อมารับก็โทรมาแล้วกัน โอเคไหม? ” พ่อผมตัดบทพร้อมกับเตรียมออกรถ ผมตอบรับพร้อมกับโบกมือลา มองจนหลังรถกลืนหายไปกับรถคันอื่นๆ ในท้องถนน

เฮ้อ… ไม่อยากไปเรียนเลยแม้แต่นิดเดียว







อันที่จริงแล้วนะ รู้อะไรไหม ผมว่าตอนนี้ผมอยากเรียนแล้วล่ะ อยากอยู่ในห้องเรียนยาวๆ แล้วตั้งใจฟังสิ่งที่อาจารย์สอนมากเลย อยากแสวงหาความรู้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

นั่นเป็นความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวหลังจากที่เจอปัทและกลุ่มเพื่อนสาววาย (มั้ง) ของตัวเองโดยบังเอิญ… ไม่สิ ไม่น่าบังเอิญ คาดว่ายัยนี้คงรอดักผมมากกว่า เพราะพอเห็นหน้าผม เจ้าตัวก็พูดเสียงเข้มเลย

“เฮ้ย มิว ว่างเปล่า เรามีอะไรจะคุยด้วย”

โอ้โห ยกเพื่อนมาขนาดนี้มีหรือผมจะไม่รู้ว่าพวกหล่อนอยากคุยอะไร บางคนเคยเข้ามาขอถ่ายรูปคู่ของผมกับพี่กชเลยด้วยซ้ำ

“เอ่อ โทษที ไม่ว่างว่ะ” ว่าแล้วผมก็จ้ำเท้าหนีอย่างรวดเร็ว และคนที่เตรียมตัวมาเค้นเอาคำตอบอย่างหมายมาดมีหรือจะยอมรามือง่ายๆ

“ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร แค่ตอบเรามาคำเดียวก็พอ ตกลงว่ามิวคบอยู่กับพี่กชจริงไหม หรือว่าแค่แกล้งคบกันตามที่ข่าวลือว่า”

“เราไม่ว่างจริงๆ ” ผมพึมพำพร้อมกับเลี่ยงไปอีกทาง แต่ปัทก็ยังตามมาราวีอยู่นั่น ดีนะที่เดินตามมาคนเดียว แต่คนอื่นๆ ที่อยู่กลุ่มเดียวกับปัทนี่สิเริ่มก้มลงกระซิบกระซาบกันแล้ว

“เราว่าแบบนี้คงเป็นจริงตามข่าวลือแล้วว่ะ”

“เออ ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงคงออกมาปฏิเสธแต่แรกแล้ว”

“สรุปแค่ตอแหลใช่ปะ? ”

“กูว่าปัทไม่ต้องถามแล้วล่ะ ชัดขนาดนี้”

ไอ้ห่า กระซิบกันยังไง ทำไมผมได้ยิน หรือว่าผมหูดีเกิน?

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหนก็ตาม หน้าผมก็เห่อร้อนขึ้นด้วยความอับอาย รู้สึกแย่กับตัวเองจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี แต่ปัทก็ยังไม่ปล่อยให้ผมหนีไปง่ายๆ

“มิว นายอย่าหนีิดิวะ เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ยิ่งเงียบแบบนี้ก็ยิ่งแย่ ยอมรับออกมาตรงๆ เลยยังจะดีเสียกว่า แบบนี้มันคาราคาซังไม่รู้เรื่องสักที”

แล้วเธอจะมาอยากรู้เรื่องอะไรด้วย...

ผมอยากจะตอกกลับไปแบบนั้น แต่ความจริงก็คือ ผมเลือกวิธีให้ตัวเองได้รับความสนใจด้วยวิธีนี้ มันไม่ใช่ความผิดของปัทหรือแฟนคลับคนอื่นๆ เลยที่จะอยากรู้ความจริงจากผม ผมไม่รู้สึกแย่กับใครเลยนอกจากตัวเอง บางทีตอนนี้พี่กชเองก็อาจจะกำลังเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้อยู่ด้วยเหมือนกัน นี่ผมลืมคิดเรื่องนี้ไปได้ยังไงเนี่ย ขอให้เขาแกล้งเป็นเล่นแฟนด้วยเพราะความเอาแต่ใจของตัวเองแล้วยังจะลากมาเดือดร้อนกับเรื่องพวกนี้อีก

แต่ว่า… แต่ว่า… ตอนที่ผมได้เล่นเกมกับเขาน่ะ มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขจริงๆ นะ

ทุกอย่างนั่น… เป็นแค่การแสดงจริงๆ เหรอ

“มิว! ” ปัทเริ่มพูดเสียงดังขึ้นอย่างหัวเสียที่ผมเอาแต่หนีหัวซุกหัวซุน “นายทำแบบนี้ได้ยังไงวะ! นี่เราเป็นเพื่อนนายนะเว้ย! ไม่ใช่น้องๆ แฟนคลับของนาย! ”

“พอได้แล้ว”

น้ำเสียงวางอำนาจดังขึ้นพร้อมกับแรงที่ฉุดข้อมือผมเข้าไปหา ผมอุทานออกมาเบาๆ ด้วยความตกใจ ปลิวไปตามแรงนั้นอย่างง่ายดายเพราะไม่ทันตั้งตัว และเมื่อเงยหน้าไปมองร่างสูงผมก็ต้องอ้าปากค้าง จะไม่ให้ตกใจยังไงไหวล่ะครับ

ในเมื่อคนที่เข้ามาห้ามทัพให้ผมคือพี่กช

“พี่กช” ผมเรียกเขาอย่างสับสน หน้าร้อนขึ้นด้วยอารมณ์ที่ผสมปนเปกัน

ให้ตายเถอะ… ผมไม่ได้มองหน้าเขาชัดๆ แบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว หลายวันที่ผ่านมานี่ผมหลบหน้าเขาตลอด ไม่ว่าเขาจะพยายามส่งข้อความมานัดเจอ ดักรอผมที่หน้าห้องเรียน ไปตามสถานที่ที่ผมไปบ่อยๆ ผมก็หนีเขามาอยู่เรื่อย และพอได้เห็นเขาใกล้ๆ แบบนี้ สัมผัสตัวผมอยู่แบบนี้

บอกตามตรงว่าผมเองก็ไม่แน่ใจว่ารู้สึกอะไรมากกว่ากันระหว่างสุขจนล้นปรี่กับกลัวจนลนลานไปหมด

“ผมรู้ว่าพวกคุณสงสัยเรื่องข่าวลือของผมกับมิว” เขาว่าพร้อมกับกวาดตามองทุกคน บางคนหลบตาหนีอย่างตกใจ บางคนจ้องกลับอย่างท้าทาย บอกเลยว่าคนประเภทหลังใจเด็ดมากเพราะตอนนี้พี่กชดูมีอำนาจแล้วก็น่ากลัวกว่าตอนปกติมากๆ ๆ จริงๆ นะ “แต่ให้ผมบอกพวกคุณตรงนี้เลยว่าเราคบกันจริงๆ ”

แล้วอยู่ๆ พี่กชก็ทำในสิ่งที่ผมและทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นไม่คาดคิดมาก่อนอย่างรวดเร็ว

พี่กชก้มลงมาจูบปากผม!

ผมว่าผมได้ยินเสียงกรี๊ด เสียงกดชัตเตอร์กล้องมือถือ แต่ผมไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะกำลังสับสนอย่างแรง ผมเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ รู้สึกเหมือนถูกสาปเป็นหินทั้งๆ อย่างนั้น

นั่นมันจูบแรก… จูบแรกของผม

จูบแรกในชีวิตของผม!

แล้วผมก็ต้องมึนหนักเข้าไปอีกเมื่อนัยน์ตาสีช็อกโกแลตของร่างสูงมองลงมาอย่างห่วงหา คิดถึง รู้สึกผิด แล้วก็อะไรอีกหลายอย่างปนเปกันไปหมด

แต่ผมกลับรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อผมอย่างชัดเจน

พี่กชไม่ได้แค่จูบผมอย่างขอไปทีหรือเพื่อแสดงละครอะไร เขาจูบผมเพราะเขาต้องการจะจูบจริงๆ

ชายหนุ่มรุ่นพี่หันกลับไปพูดเรื่องที่ยังค้างอยู่ต่อกับทุกคน

“แล้วก็แน่นอนว่าเราก็มีปัญหากันบ้าง… ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติของคนที่คบกันอยู่แล้ว คราวนี้ผมว่าเราคงเคลียร์กันชัดแล้วใช่ไหมครับ? ผมเองก็เบื่อที่ต้องมานั่งตอบคำถามพวกนี้เหมือนกัน”

“ให้ตาย! ”

“ดูหน้ามิวดิ! แดงไปถึงหลังหูแล้วอ้ะ”

“ใครถ่ายช็อตเมื่อกี้ทันบ้าง? ”

แต่พี่กชไม่ปล่อยให้ผมหน้าแดงอยู่ตรงนั้นนานนัก เขาก้มลงกระซิบข้างหูด้วยเสียงอ่อนโยน ริมฝีปากอุ่นของเขาเฉียดที่ข้างขมับ

“กลับห้องกันเถอะ” หางเสียงของเขาสั่นเล็กน้อย “พี่มีเรื่องอยากคุยด้วย”

ไม่รู้ว่าเพราะยังอึ้ง ยังสับสน หรือเพราะเคลิ้มไปกับสัมผัสอบอุ่นจากมือของอีกฝ่าย แต่รู้ตัวอีกทีผมก็โดนพี่กชลากขึ้นมอเตอร์ไซค์คู่ใจของตัวเองแล้วพามาถึงหอจนได้

มือแกร่งยึดข้อมือผมไม่ยอมปล่อยไปตลอดทางระหว่างที่เดินไปตามทางเดิน ความงุนงงของผมเริ่มจางหายไป แทนที่ด้วยความขวยเขิน ซึ่งมันบ้ามาก ผมเพิ่งร้องไห้เพราะเขามาเมื่อไม่กี่วันก่อน เราไม่ได้คุยอะไรกันเลย (คือเขาก็ทักมาแหละ แต่ผมไม่ได้ตอบกลับไง) แต่ผมก็ยังจะใจเต้นกับพี่กชอย่างนี้อีกเนี่ยนะ?

บ้าไปแล้ว!

แต่แล้วทันทีที่ประตูห้องถูกปิดลง พี่กชลงกลอนล็อก มือหนาก็ปล่อยแขนผมออกด้วยแรงที่ดันออกมาเหมือนจะเหวี่ยงเล็กน้อย ผมใจหายวูบเลยตอนที่เห็นสีหน้ารวดร้าวและน้ำเสียงเหมือนเจ็บปวดของผู้ชายคนนี้

“พอสักทีได้ไหม มิว”

ผมช็อก ยังงงอยู่ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร

“ทำไมต้องหนีหน้ากันด้วย คิดจะลงโทษพี่ไปถึงเมื่อไหร่ พี่เองก็รู้สึกแย่กับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี่เหมือนกัน แต่การหันหน้าหนีคือวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดแล้วเหรอ? ”

ให้ตาย เมื่อกี้ปัทก็พูดกับผมแบบนี้ เมื่อเช้ามอสก็พูดกับผมแบบนี้ ทุกคนในเน็ตก็พูดแบบนี้ แล้วตอนนี้ก็พี่กชอีกคน

“พี่ไม่เล่นเกมของมิวแล้วนะ! ”

สิ้นประโยคนั้น ผมอ้าปากค้างทันที ในหัวพยายามประมวลผลตามให้ทัน

“เกม…? ” ผมทวนคำงงๆ หมายความว่ายังไง เกมของผมเหรอ? เกมอะไร ผมไม่เคยเล่นเกมอะไรในชีวิตจริงทั้งนั้น “เกม!? ”

นี่พี่กชคิดว่าความรู้สึกของผม… ความรู้สึกของพวกเราเป็นแค่เกมหรือไง! บอกเลยว่าถ้านี่เป็นเกม มันก็ไม่สนุกสักนิด!

“พี่ไม่อยากเล่นเป็นแฟนกับมิวอีกแล้ว! ”

ผมหน้าชา ใจนี่ดิ่งหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเลย ได้ยินก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นรัวขึ้นมาด้วยความหวาดกลัวเลยด้วยซ้ำ

ไม่เอานะ… ถ้าพี่กชจะเลิกเล่นเป็นแฟนกับผมเพื่อกลับไปคบกับพี่ก้อยล่ะก็… ไม่เอา ไม่เอาแบบนั้น

“แต่พี่อยาก…” สุ่มเสียงนั้นแผ่วลง “อยากจะเป็นแฟนกับมิวจริงๆ ”

หือ?

ผมเงยหน้าพรวดขึ้นไปมองร่างสูงทันที ใบหน้าคมแดงแปร๊ดอย่างชัดเจนชวนให้คนเห็นอย่างผมต้องเขินตามไปด้วย มือหนายึดหลังต้นคอของตัวเองอย่างประหม่า เดี๋ยวก่อนนะ ที่ผมได้ยินเมื่อกี้นี่ไม่ได้หูฝาดไปเองจริงๆ ใช่ไหม?

“เอ๊ะ” ผมพูดออกไปงงๆ เลือกใช้คำได้เก่งมาก มิว จริงๆ นะ “แต่… พี่… เอ๊ะ? ”

“พี่ชอบมิว” พี่กชพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ ดันตัวผมให้ถอยร่นไปติดกับผนังห้องด้านหลังกันไม่ให้หนีออกไปจากคำสารภาพรักของตัวเองได้

แล้วตอนนี้ผมก็หนีไปไหนไม่ได้จริงๆ ด้วย!

“พะ… พี่กช” เสียงผมสั่น นัยน์ตาสีน้ำตาลที่มองลึกเข้ามาเหมือนจะคว้านไปให้ถึงด้านในตรึงสายตาผมได้อยู่หมัด แค่จะหลบตาเขา ผมยังทำไม่ได้เลยตอนนี้ นับประสาอะไรจากวิ่งหนีออกไปจากที่นี่กันล่ะ

“ชอบ” เขาพูดซ้ำ มันดังพอๆ กับเสียงหัวใจที่เต้นแรงในอกจนแทบจะระเบิดออกมา “ชอบนะมิว”

“ดะ… เดี๋ยวก่อน” ผมยกมือขึ้นมากันแผ่นอกหนาที่เบียดเข้ามาเรื่อยๆ แน่นอนล่ะว่ามันช่วยอะไรไม่ได้เท่าไร “ขะ… ขอเวลานอก ขอเวลานอกครับ”

“ขอเวลานอกอะไร” ใบหน้าคมยื่นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนลมหายใจเป่ารดแก้มผม โอ๊ย! ใจผมจะกระดอนออกมาได้จริงๆ แล้วนะ! “นี่ไม่ใช่เกมนะมิว ไม่มีปุ่มพอสให้หรอก”

“แต่… แต่… ผมไม่เข้าใจ” พูดอย่างสัยสนเต็มที่ “ก็พี่เป็นผู้ชายปกติ พี่ชอบพี่ก้อยไม่ใช่เหรอครับ ก็พวกพี่สองคน---”

“พี่เคยชอบก้อย” กรกชยอมรับอย่างซื่อตรง “แต่นั่นเป็นอดีตไปแล้ว ตอนนี้พี่ชอบมิว”

ว้าก! เดี๋ยว! ผมไม่คิดเหตุการณ์มันจะพลิกผันถึงขนาดนี้ ขอเวลาตั้งตัวก๊อน!

“แต่… ผม… ผมงง” โอ้โห จะมีใครทำตัวได้โง่เท่าผมอีกไหม อนาถใจตัวเองโดยแท้

“ไม่มีอะไรต้องงงเลย มิว” พี่กชว่า มุมปากมีรอยยิ้มขันยกขึ้นเล็กน้อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมเห็นความไม่มั่นใจในตัวเองอยู่ในดวงตาของเขา “แค่บอกพี่มาว่ามิวรู้สึกยังไง ถ้ามิวไม่ชอบพี่ก็จะไม่บังคับ ถ้ามิวอยากให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม พี่ก็จะทำให้ ถ้ามันทำให้มิวอึดอัด พี่ก็จะขอโทษ แต่พี่ทนเก็บความรู้สึกนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว ขอโทษนะมิวที่พี่เห็นแก่ตัว”

“ไม่… ไม่” ผมส่ายหน้าระรัว เขาไม่เข้าใจหรอกว่าใจผมพองฟูกับความเห็นแก่ตัวของเขามากแค่ไหน “ผมชอบพี่… ผมเองก็ชอบพี่เหมือนกัน แต่ผมกลัว”

กลัวจนไม่กล้าบอก… กลัวว่าจะทำให้ทุกอย่างพัง

พี่กชทาบริมฝีปากร้อนลงบนหน้าผากผมอย่างปลอบโยน

“พี่รู้” เขาเลื่อนหน้าต่ำลงมากระซิบข้างหู คลอเคลียอยู่บนพวงแก้ม กดริมฝีปากแรงๆ ลงไปฟอดหนึ่งในขณะที่ผมหลับตาปี๋ ร่างกายเกร็งไปหมดทุกส่วนอย่างไม่ชินกับเรื่องแบบนี้ “พี่ีรู้ว่ามันน่ากลัว”

เขาหอมแก้มผม จูบลงบนกลีบปากแผ่วเบาอีกครั้งแล้วหยอกเย้าอยู่บริเวณซอกคอ ให้ตายเถอะ ผมรู้สึกเหมือนตัวจะระเบิดแตกตายด้วยความเขิน แต่รู้ดีว่าเราทั้งคู่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องเคลียร์กัน

“เออ/จะว่าไป” ผมกับพี่กชดันพูดออกมาพร้อมกันอีก ผมพยักหน้าให้เขาพูดก่อน

“ผู้ชายที่มิวกอดเมื่อศุกร์ที่แล้วน่ะใคร”

ผมกะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงงในตอนแรกก่อนจะร้องอ้อออกมาในที่สุด

“พี่บอสเล่าให้ฟังสินะครับ”

“ตกลงว่าใคร”

“แนท เพื่อนผม”

“แนทเหรอ” เขาขมวดคิ้วมุ่นขึ้น “ไม่เห็นเคยได้ยิน มิวมีเพื่อนชื่อแนทด้วยเหรอ”

“ไว้คราวหน้าผมจะพามาแนะนำให้รู้จักนะ” ผมยิ้มขำ พี่กชยังวางมือยันอยู่กับผนังกันผมหนีอยู่เลย แต่อย่างกับว่าผมจะอยากหนีงั้นแหละ

“เพื่อนกันเฉยๆ ใช่ไหม”

“ครับ แค่เพื่อนจริงๆ ” ผมยืนยัน “เขาแค่ปลอบที่ผมร้องไห้”

ถึงตรงนี้พี่กชก็มีสีหน้าสำนึกผิดขึ้นมาทันที เขาใช้มือข้างหนึ่งเชยคางผมขึ้นไปมองตาด้วยอย่างอ่อนโยน

“พี่ขอโทษนะมิว”

“ไม่เป็นไรพี่” ผมว่าเราชักจะทำตัวหวานเกินไปล่ะนะ หน้าผมยังแดง หน้าพี่กชก็ยังแดง ให้ตายเถอะ แต่ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่ามีความสุขมากจริงๆ “ผมไม่ได้โกรธพี่เลย ผมสิต้องขอโทษเรื่องที่ไปตามสืบเรื่อง---”

“ชู่” เขาก้มหน้าลงมาจูบปากผมแผ่วเบา “ไม่ต้องพูดเรื่องนั้นแล้ว มิว มิวไม่ผิดอะไรเลย”

โอ๊ย ให้ตาย อยากร้องไห้ แปลกไหมทั้งๆ ที่มีความสุขขนาดนี้แต่ก็ยังอยากร้องไห้ได้

“คบกับพี่นะมิว”

ผมเม้มริมฝีปากแน่นขึ้น เผลอกลั้นหายใจด้วยซ้ำตอนเขาพูดออกมาแบบนั้น

“คบกันจริงๆ … คบกับพี่เถอะนะ”

“ครับ” ผมตอบ มองเห็นความยินดีในแววตาของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน “ผมก็เพิ่งพูดไปเองไม่ใช่เหรอว่าผมก็ชอบพี่เหมือนกัน”

“มิว” เขาเรียกชื่อผมอย่างโหยหา จากนั้นก็ก้มหน้าลงมาจูบผมอย่างอ่อนหวาน มือข้างหนึ่งยังยันอยู่กับผนังก็จริง แต่อีกข้างเลื่อนมาประคองหลังคอผมแล้ว “มิว… มิว”

พี่กชกัดริมฝีปากผมเบาๆ ให้มันเผยอออก ผมยอมทำตามใจเขาอย่างว่าง่าย สะดุ้งนิดหนึ่งตอนที่ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาในโพรงปาก ผมไม่เคยจูบจริงๆ มาก่อน ไม่ยักรู้เลยว่ามันจะหอมหวาน เร่าร้อน แล้วก็อบอุ่นได้ถึงเพียงนี้

ผมครางเงอะงะในลำคอเพราะตามจังหวะเขาไม่ทัน ทำตัวไม่ถูก รู้แต่ว่าอยากจะจูบตอบเพื่อแสดงให้พี่กชเห็นว่าผมเองก็ชอบเขามากเหมือนกัน

แต่แน่ล่ะว่าผมสู้พี่แกไม่ได้เลย

พี่กชผละริมฝีปากออก ประกบลงมาใหม่ ทำแบบนั้นซ้ำๆ จนผมแทบละลายอยู่ในอ้อมแขนของเขา

ไม่สิ…

ผมว่าผมละลายไปแล้วล่ะ ละลายแบบไม่ทันตั้งตัวเลยจริงๆ





-----------------------------------------
Talk: แหม หวานแสบคอจริงนะพวกแก ถถถถถ #เหม็นความรัก #ทีมโสดแล้วพาล
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 13) P.3 [11/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 11-01-2018 21:44:23
มิวน่าจะใจแข็งไปอีกสักตอนนะ ฮ่าา อยากเห็นพี่กชทุรนทุราย
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 13) P.3 [11/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Nekosama ที่ 11-01-2018 22:02:15
ก้อยเป็นตัวปล่อยข่าวแน่นอน พี่กชเป็นแฟนมิวแล้ววววว พี่แกพึ่งจะคิดได้ว่ามีใจให้มิวตอนที่มิวหายไปสินะ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 13) P.3 [11/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 11-01-2018 23:12:14
ดีกันจริงแล้วใช่ไหมน่ะ 555 ดีกันแบบที่คนอ่านไม่ทันตั้งตัวอะ ก๊ากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 13) P.3 [11/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 11-01-2018 23:15:23
อยากให้กชง้อมิวนานกว่านี้ โกธรตอนกชพูดไม่รักษาน้ำใจมากก ฮึ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 13) P.3 [11/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 11-01-2018 23:19:41
น้องมิวววววว หายเครียดได้แล้วน้าา พี่กชเขายอมเปิดปากแล้ววว
มาที่พี่บอสผู้ปากร้ายใจดี(รึเปล่า)ดีกว่าค่ะ อยากเห็นว่าถ้าพี่กชกับน้องมิวคืนดีกันจะพูดว่าอะไร

เป็นกำลังใจให้นเขียนนะค้า <3
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 13) P.3 [11/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 12-01-2018 00:26:52
ตอนนี้พี่กชได้กำไรไปเต็มๆเลยนะ :impress2:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 13) P.3 [11/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-01-2018 00:41:20
เป็นแฟนกันจริงๆสักที :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 13) P.3 [11/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 12-01-2018 01:13:30
 :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 13) P.3 [11/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-01-2018 07:27:09
ในที่สุดก็เคลียร์กันเสียที
ถึงจะไม่ชอบที่พี่มันทำเป็นว่าการกระทำบอกทุกอย่าง (บางคนก็ไม่กล้าเข้าข้างตัวเองไหมล่ะ)
แต่ก็ยังดีที่มาดักรอช่วยน้องแล้วพาไปปรับความเข้าใจเสียทีนะ
รอดูว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 13) P.3 [11/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-01-2018 08:23:12
มีแววเสียตัว55
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 13) P.3 [11/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 12-01-2018 08:43:20
คบ กัน แล้ว เว้ย !!!!
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 13) P.3 [11/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 13-01-2018 20:17:12

บทที่ 14




สองวันก่อนหน้านั้น

นิ้วเรียวแตะลงบนหน้าจอโทรศัพท์ขณะที่หูฟังเพลงซึ่งเสียบสายเข้ากับตัวเครื่อง





SlimeSmileS: มังกร

SlimeSmileS: พี่ว่าจะพี่จะปิดช่องเลยว่ะ





คนที่กำลังฟังเพลงเพลินๆ แทบจะสะดุดล้มคว่ำกลางอากาศ ถ้าไม่ได้ติดที่ว่าเขานั่งเล่นอยู่บนเตียงในห้องนอนของตัวเองอยู่ล่ะก็นะ

ชายหนุ่มกนะชากสายหูฟังออกจากหู ความรื่นรมย์ที่มีหายไปจนหมดเพราะความลนลานและความตกใจเข้ามาแทนที่





Vk Dragon: เฮ้ย ทำไมอ่ะพี่

Vk Dragon: เพราะข่าวลือที่เจออยู่เนี่ยเหรอ?





เขากลั้นใจรอเจ้าของชาแนลที่ตัวเองติดตามมานานตอบกลับ





SlimeSmileS: อืม

SlimeSmileS: มันเบื่อๆ ด้วยอ่ะ

SlimeSmileS: มีหลายอย่างต้องทำ

SlimeSmileS: งานมหาลัยก็เยอะ ไหนจะสอบอีก

SlimeSmileS: ปิดไปอาจจะดีกว่า





โอ้โห ข้ออ้าง ข้ออ้างมาเป็นล้าน

มังกรรู้ดีว่าสไลม์ที่เขาคุยอยู่ด้วยนี่เข้ามหาลัยมาตั้งหลายเดือนแทบจะจบเทอมอยู่แล้ว ถ้าคิดว่าชีวิตมหาลัยมันหนักจนทำช่องไม่ไหวจริงก็ควรต้องปิดไปแต่แรก ไม่ใช่ปล่อยให้ล่วงเลยมาขนาดนี้ แต่นี่เจ้าตัวมีเหตุผลอย่างอื่นไง





Vk Dragon: ไม่เอาดิพี่ ใจเย็นๆ ก่อน





ร่างสูงเพรียวของคนพิมพ์ผลุงลงจากเตียง ถลาไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบกางเกงยีนขายาวกับเสื้อยืดออกมาเปลี่ยนแทนชุดที่ใส่อยู่บ้าน เดินไปคว้ากระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ ซอยเท้าถี่ยิบลงบันไดเสียงปึงปัง ตาเลิ่กลั่กอยู่กับหน้าจอมือถือ





SlimeSmileS: ก็เย็นอยู่นะ

SlimeSmileS: แต่เบื่อแล้วอ่ะ





เขารีบพิมพ์ตอบอย่างทุลักทุเล





Vk Dragon: พี่แค่นอยด์เรื่องข่าวลือใช่ไหมล่ะ

Vk Dragon: แค่ออกมาอธิบายให้ทุกคนฟังก็พอแล้วนี่ครับ ไม่เห็นต้องลบช่องเลย

Vk Dragon: อย่าลบเลยนะพี่ ผมยังอยากดูคลิปพี่อยู่นะ





หญิงสาวร่างท้วมเดินออกมาจากครัวเพราะเสียงฝีเท้าของลูกชายเมื่อครู่

“บอส” หล่อนว่าเสียงเข้ม มือถือตะหลิวอยู่ข้างหนึ่ง “อ้าว จะออกไปไหนล่ะลูก จะได้เวลาข้าวเย็นแล้วนะ”

“ไปมหาลัย แม่” บอสว่าพร้อมกับกดออกจากแอปพลิเคชันเพื่อต่อสายหาเพื่อนสนิท โทรศัพท์เขาสั่นระหว่างที่กมันแนบหูฟังเสียงสัญญาณ มิวคงจะตอบข้อความกลับมาแล้ว เขาก็อยากรีบตอบกลับแต่ต้องโทรหาไอ้กชเสียก่อน

“ไปทำไมมหาลัย มีเรียนชดเชยเหรอ แล้วแต่งตัวแบบนั้นได้เหรอ”

“โธ่แม่” บอสพูดเหมือนครางขณะผูกเชือกรองเท้า เขารู้ว่าไม่ควรหงุดหงิดใส่อีกฝ่ายแต่ตอนนี้เขาวุ่นวายไปหมด เรื่องที่มิวพูดมาทำเอาเขากังวลเป็นจริงเป็นจังราวกับว่าช่อง SlimeSmileS นั่นเป็นของเขาเสียเอง “ผมจะไปหาไอ้กช… เออ แต่ไม่รู้มันอยู่หอหรืออยู่บ้าน…. ทำไมไม่รับสายวะเนี่ย”

“แล้วจะไปหาเพื่อนน่ะ เอาอะไรติดมือไปบ้างรึเปล่า”

“แม่” บอสว่าอย่างเซ็งๆ “นี่เพื่อนนะ ไม่ใช่ญาติ ไม่ต้องพิธีรีตองขนาดนั้น”

“ไม่ได้ไง บอสชอบไปรบกวนเพื่อนอยู่เรื่อย”

ชายหนุ่มทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดนั้น เขายืดตัวขึ้นหลังจากผูกเชือกรองเท้าเสร็จ

“งั้นผมไปก่อนนะแม่”

“แล้วจะกลับกี่โมง” คนเป็นแม่ถามอย่างอ่อนใจ บอสชำเลืองมองนาฬิกา เลื่อนโทรศัพท์ออกจากหูเพราะไม่มีคนรับสาย ให้มันได้แบบนี้สิ

“เดี๋ยวผมลองไปที่หอก่อน ถ้าไอ้กชไม่อยู่ผมจะไปหาที่โรงกลึงมัน”

บ้านเพื่อนเขาทำธุรกิจนี้มานานแล้ว เขาเองก็มีโอกาสแวะไปเยี่ยมเยียนบ่อยๆ

“โห ถ้าไปบ้านกชก็ต้องวนไปอยุธยาเลยนะ จะไหวเหรอลูก ทำไมไม่โทรไปถามเพื่อนล่ะว่าตอนนี้อยู่ไหน”

“โทรแล้ว---” เขายกมือขึ้นมาข้างหนึ่งเมื่อโทรศัพท์แผดเสียงร้อง กชโทรกลับมาหาแล้ว บอสกดรับ “เออ มึง อยู่ไหน”

“ใครน่ะ” เสียงงัวเงีย มันเพิ่งตื่นแน่นอน ไอ้ห่านี่เพิ่งตื่นทีไรก็ไม่เคยรู้เรื่องตลอด แล้วเดี๋ยวก่อน… นี่มันจะห้าโมงเย็นแล้วนะ

“บอส”

“บอสไหน”

“บอสมอเดียวกับมึง” ตอบกลับได้อย่างเยือกเย็นเพราะเคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อน กชรู้จักบอสสองคน แต่ที่เขาไม่เข้าใจเลยคือมันก็ไม่ได้ติดต่อกับบอสอีกคนมาเป็นชาติล่ะ ทำไมยังต้องสับสนอีก

“...อ้อ” ตอบช้าแบบนี้สมองยังประมวลผลไม่ทันแน่นอน

“ตกลงมึงอยู่ไหน” พูดพร้อมกันหันไปทำไม้ทำมือกับแม่เป็นเชิงบอกว่าขอออกไปก่อน แม่เขาพยักหน้าอย่างเอือมๆ แล้วเดินกลับเข้าครัวไป บอสตรงไปที่มอเตอร์ไซค์ของตัวเอง หยิบหมวกกันน็อกขึ้นมา “หอหรือบ้าน”

“อือ”

“อือพ่อมึงสิ” น่าหงุดหงิดเป็นบ้า “ตอบมาเร็วๆ หอหรือบ้าน”

“หอ” เสียงงัวเงียงุนงง ให้เขาเดานะ มันต้องดื่มหนักมาแน่ๆ รูมเมทไม่อยู่ห้องแค่นี้ช้ำใจจะเป็นจะตาย กากสิ้นดี “โอย มึง ปวดหัว ซื้อยามาด้วยนะ”

“เห็นกูเป็นคนใช้ส่วนตัวมึงเหรอ”

“ทำไมต้องดุด้วยวะ”

“มึงลุกไปอาบน้ำไปไอ้กช” เขาเริ่มไล่ ยกขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ “อีกครึ่งชั่วโมงกูไปหา ล้างหน้าล้างตาให้มีสติหน่อย แค่นี้นะ เจอกัน”

บอสไปถึงหอพักของเพื่อนโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ตอบตกลง สีหน้าของกชบึ้งตึงหลังจากที่เดินมาเปิดประตูให้เพื่อนรักเข้ามาข้างใน อันที่จริงเขาไม่เคยเอาเพื่อนมาที่หอนี้เลยเพราะเกรงใจมิว มิวเองก็ไม่เคยเอาใครมาตอนที่เขาอยู่ด้วย เรียกได้ว่าเคารพความเป็นส่วนตัวของกันและกันจริงๆ

แต่ตอนนี้มิวไม่อยู่ และกชก็ไม่ค่อยอยากอยู่คนเดียว

“เหมือนผีตายซากเลยเพื่อน” ว่าแล้วก็ปล่อยหมาออกมาจากปากหนึ่งตัว หากกชที่ชินแล้วไม่สนใจ เขาเดินเลี่ยงไปอีกทางพร้อมกับยกมือเกาหน้าท้องของตัวเองอย่างเกียจคร้าน บอสไม่แปลกใจเลยที่หมอนี่จะเปลือยท่อนบนแบบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจกล้ามเนื้อบนหน้าท้องของเพื่อนอย่างที่พวกผู้หญิงในเน็ตกรี๊ดกันหรอกนะ รสนิยมเขายังไม่แย่ขนาดนั้น

หากสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มสนใจกลับเป็นบริเวณโต๊ะทำงานของมิว

บอสเดินเข้าไปสำรวจโต๊ะคอมที่วางข้าวของมากมาย ไม่ถึงกับเป็นระเบียบ แต่ก็ไม่ได้รกรุงรังมากมาย เขาหยิบหนังสือการ์ตูนเล่มหนึ่งที่วางอยู่ขึ้นมา นี่เป็นเล่มล่าสุดที่เพิ่งวางตลาดไม่นาน เขาเองก็ตามเรื่องนี้อยู่ ไม่แปลกใจเลยที่รสนิยมเขากับมิวจะคล้ายๆ กัน คิดว่าเขาตามชาแนลของมิวทางยูทูปมาตั้งแต่เปิดแรกเพราะอะไรล่ะ

ความคิดที่ว่าตอนนี้ได้อยู่ตรงที่ที่มิวอัดคลิปมาตลอดทำให้แฟนคลับอย่างบอสตื่นเต้นนิดหนึ่ง แต่เขาไม่แสดงมันออกมาให้ใครเห็นหรอก

กชลากโต๊ะญี่ปุ่นออกมาตั้งตรงกลางห้อง ขมวดคิ้วมุ่นมองเพื่อนที่สำรวจโต๊ะทำงานของรูมเมทตัวเอง

“ไอ้บอส มึงจะไปยุ่งกับของน้องเขาทำไมเนี่ย ออกมา”

“ก็แค่ขอดูเอง” รู้นะว่าเสียมารยาท แต่อดใจไม่ไหวจริงๆ

จะว่าไปมิวก็เป็นไอดอลของเขาในความหมายหนึ่ง ไม่ใช่ไอดอลยิ่งใหญ่แบบที่เขาจะกรี๊ดสลบเมื่อได้เจอ ไม่ใช่ไอดอลแบบที่ได้พบตัวเป็นๆ แล้วอยากจะขอลายเซ็น แต่เขาก็นับถือรุ่นน้องคนนั้นที่มุ่งมั่นทำคลิป สร้างชาแนลของตัวเองขึ้นมาอย่างไม่ย่อท้อแม้ว่ายอดวิวหรือยอดซับจะไม่ได้มากมายเท่าของคนอื่นๆ แต่ทุกครั้งที่มิวเล่นเกม แปลเกมอย่างตั้งอกตั้งใจ คนดูอย่างเขาก็สัมผัสถึงความพยายามของอีกฝ่ายได้

คงเพราะอย่างนั้นล่ะมั้ง… เขาถึงได้ผิดหวังเหลือเกินตอนที่รู้ว่ามิวแกล้งเล่นละครคบกับกชเพื่อจะเรียกคนดู

บอสรู้มาแต่แรกแล้วว่ามิวกลายเป็นรูมเมทของเพื่อสนิทตัวเอง เพราะนอกจากเขาจะคอยตามมิวอยู่เรื่อยๆ ไอ้กชก็คอยเล่าเรื่องในชีวิตของตัวเองให้เขาฟังตลอด

ตอนแรกเขาก็ตื่นเต้นกับเรื่องนั้น แต่ก็ไม่ได้คิดจะเผยตัวหรอกว่าเป็นแฟนคลับ เพราะถึงยังไงอีกฝ่ายก็เด็กกว่า แล้วเขาก็ไม่คลั่งไคล้ขนาดจะไปตามติดชีวิตเจ้าตัวขนาดนั้น แค่ชอบดูคลิปเกมที่มิวทำไปเรื่อยๆ ก็เท่านั้นเอง ที่สำคัญ ตลอดเวลาที่เขาติดต่อกับมิวในฐานะแฟนคลับ เขาทำตัวเหมือนเป็นรุ่นน้องอีกฝ่ายมาตลอด อาจเป็นเพราะแฟนคลับส่วนใหญ่ของมิวมีแต่คนที่อายุน้อยกว่าเจ้าตัวด้วยล่ะมั้ง เขาก็เลยไหลตามน้ำคนอื่นไปได้

อ้อ ส่วนเฟสที่ใช้ติดต่อมิวในฐานะ SlimeSmileS น่ะเหรอ? ก็ต้องเป็นอีกแอคเคาท์ที่เขาสร้างขึ้นมาเล่นๆ อยู่แล้ว งานอดิเรกส่วนตัวเขามันติงต๊อง และเขาก็ไม่อยากให้เพื่อนๆ ในโลกความเป็นจริงรับรู้มากมาย

กชเปิดโน้ตบุ๊คของตัวเองขึ้นมาขณะที่บอสปิดหนังสือเรียนภาษาญี่ปุ่นของมิว

“แล้วนี่มึงมาทำไม” กชเริ่มถาม ใบหน้ายับยู่ยี่เพราะเรื่องที่เจอติดๆ กันช่วงนี้ นอกจากจะผิดใจกับรุ่นน้องที่ตัวเองแอบชอบแล้วเขายังประสบกับสภาวะมรสุมการเรียนอยู่ เขามีรายงานตัวหนึ่งที่ยังทำค้างอยู่ ถ้าไม่เสร็จภายในเที่ยงคืนนี้เขาได้เอฟมากินเล่นแน่ “ทำรายงานของอาจารย์พงศ์ศักดิ์เสร็จยัง”

“เสร็จไปสามชาติที่แล้วแล้ว”

“ไอ้ห่า เอามาดูดิ๊”

“มึงมาบอตอนนี้กูจะเอาจากไหนให้ล่ะ” ไม่ได้หยิบอะไรมาจากบ้านเลยนอกจากโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์เนี่ย

“งั้นมึงกลับบ้านไปแล้วส่งมาให้กูด้วย”

“ไอ้เหี้ย มึงยังสบายใจเฉิบได้อยู่อีกเหรอวะ”

คนที่ไม่ได้มีท่าทีสบายใจเฉิบเลยแม้แต่นิดเงยหน้าขึ้นมาจ้องเพื่อนตาขวาง

“มึงเห็นกูสบายใจเฉิบงั้นเหรอ? ”

“ทำไมมึงไม่ไปง้อน้องมิวให้มันจบๆ ”

“มึงคิดว่ากูไม่พยายามเหรอ? ” เขาอุตส่าห์ไปดักรอหลังคาบเรียน ตามโรงอาหาร แต่มิวบทจะหายตัวก็เล่นซะประหนึ่งตัวเองเป็นนินจามืออาชีพ จับไม่ได้ไล่ไม่ทันจริงๆ

แต่ก็อย่างว่าอีก ชีวิตเขาก็มีหลายอย่างต้องรับผิดชอบ จะให้มาตามแต่รูมเมทก็ใช่ที่ ตอนนี้การเรียนเขาก็กำลังวิกฤต… อะไรก็ได้แล้วตอนนี้ขอแค่ไม่ต้องเรียนซ้ำก็พอ แต่ขนาดตั้งมาตรฐานต่ำแค่นั้นยังแทบเอาตัวไม่รอด

“มึงรู้ไหมว่ากูโกรธมาก” บอสพยายามลากเข้าเรื่อง สาเหตุที่เขามาหาไอ้กชถึงที่ก็มีแค่เรื่องเดียว

“อะไร? ”

“มิวจะปิดช่องตัวเอง”

“อะไรนะ!? ” กชตะโกนลั่นด้วยความตกใจ มองสีหน้าเคร่งเครียดของเพื่อนแล้วใจคอไม่ดี “แต่… ปิดทำไมอ้ะ ก็ทำช่องมาตั้งนาน”

“มึงยังจะถามอีกเหรอว่าเขาจะปิดทำไม”

กชคอตกทันที “แต่… แต่ถึงขั้นปิดเลยเหรอ น่าเสียดายออกนะ”

“ไปบอกเจ้าตัวนู่น”

“แล้วมึงรู้ได้ไงว่าน้องเขาจะปิดช่อง”

“ก็กูคุยกับมิวมา”

“อ้อ” กชเป็นเพื่อนคนเดียวที่รู้ความลับนี้ของเขา “ที่มึงไปหลอกน้องเขาว่าตัวเองชื่อกิ้งกืออ่ะนะ? ”

“มังกรโว้ย” คนชอบมังกรโวยลั่น “แล้วกูก็ไม่ได้หลอก เขาเรียกนามแฝง”

“คนที่อยู่หลังหน้าจอนี่ไว้ใจกันไม่ได้สักคน”

“มึงกับมิวก็ด้วยใช่ไหม” เล่นหลอกคนดูแบบนั้น

เจ้าของห้องเริ่มตัวลีบลง “ก็… ก็นะ”

“แต่กูถามจริงๆ เถอะ” บอสพูดสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นอีกครั้ง “มึงจะอุบอิบเรื่องความรู้สึกของตัวเองไปอีกนานแค่ไหน กูรู้นะว่าทำไมมึงถึงตอบตกลงยอมเล่นเป็นแฟนกับน้องเขาวันนั้น”

กชขมวดคิ้วมุ่นขึ้นเรื่อยๆ ก้มหน้างุดลงกับโต๊ะ

“มึงชอบน้องเขาจริงๆ ”

“เออ” อันที่จริงเขาเคยพูดเรื่องนี้กับไอ้บอสไปแล้ว ไอ้บ้านี่ก็รู้ดี แต่นี่ก็ยังจะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดซ้ำอีก

“ทุเรศ” ว่าแล้วก็ปล่อยหมาอีกตัวพร้อมกับส่ายหน้า “แอบชอบเขาก็ทุเรศพอแล้ว ยังจะฉวยโอกาสอีก”

“แอบชอบทุเรศตรงไหน” เฮ้ย อันนี้กชไม่เข้าใจครับ แต่อันหลัง… โอเค สำนึกผิดก็ได้ “แต่ก็นั่นแหละ กูไม่ได้เป็นคนเสนอไอเดียนี้นะเว้ย น้องมิวต่างหาก แล้วตอนแรกกูก็พยายามปฏิเสธแล้ว แต่… แต่…” พูดไปก็นึกถึงสีหน้าอ้อนวอนของอีกฝ่าย นัยน์ตาดำขลับที่เป็นประกายคู่นั้น แล้ว… แล้ว… ใครจะห้ามใจไหวล่ะครับ! แค่กลั้นใจไม่ให้ถลาเข้าไปฟัดตอนนั้นได้ก็เก่งแล้ว!

“แต่มึงเสือกเห็นแก่กิน! ”

“เออ ใช่! นั่นแหละ! ”

“ตอแหล! ” พูดแล้วก็ตบหัวเพื่อนรักไปรอบหนึ่งดังผัวะ! กชแทบหน้าคว่ำไปจูบโต๊ะ “มึงหวังแต๊ะอั๋งน้องเขาอยู่แล้ว ไอ้สัส แต่ละคลิปที่ออกมานี่ อื้อหือ… อย่าให้กูพูดนะ แต่ละอย่างนี่ความตั้งใจจริงของมึงล้วนๆ ”

“กูก็เล่นให้สมบทบาทไง! ”

ยังอีก ยังไม่ยอมรับอีก

บอสถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยเพื่อนแก้ปัญหายังไงดีในเมื่อข่าวลือที่ออกมาก็เป็นความจริง

“ถ้ามึงจะเล่นให้สมบทบาทขนาดนั้นก็ไปคบน้องเขาซะเลยสิ” พูดไปด้วยแรงหมั่นไส้ล้วนๆ “จะได้แก้ปัญหาที่คิดไม่ตกกันอยู่นี่ไง”

แทนที่มันจะเห็นดีเห็นงามด้วย ไอ้กชกลับหน้าแดงแปร๊ดอย่างน่าหมั่นไส้ เจ้าตัวกลับก้มหน้างุดจนแทบจะกลืนไปกับโต๊ะได้อยู่แล้ว

ว่าแล้วก็ตบหัวมันด้วยหมั่นไส้อีกที กรกชครวญครางอย่างน่าตบอีกสักรอบ นี่น่ะเหรอ ผู้ชายที่สาวกรี๊ดกันตอนอยู่บนหน้าจอกับมิว พอไม่มีมิวแล้วก็ขี้กากดีๆ นี่เอง

“มึงนี่… ชอบน้องเขาจริงๆ สินะ” ถอนหายใจอีกเฮือก ให้ตายเถอะ เพื่อนกู เป็นผู้ชายปกติมาตั้งนาน...

“ก็น้องเขาน่ารัก” กชสารภาพ “รู้ตัวอีกทีก็ตกหลุมรักไปแล้ว”

“มึงรู้ไหม” บอสว่าพร้อมกับถอนใจ “กูเคยว่ามิวว่าใช้มึงเป็นเครื่องมือ”

กชเงยหน้าพรวดขึ้นมาทันที เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน แต่พอได้เห็นท่าทีจริงจังของเพื่อนสนิทแล้วก็ต้องกัดฟันกรอด “ไอ้เลว มึงว่ามิวทำ--”

“ใช่” บอสยอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน ขึงตามองเพื่อนนิ่ง “กูควรจะว่ามึงมากกว่า”

“....”

“มึงต่างหากที่ใช้มิวเป็นเครื่องมือ”

“โอ๊ย ไอ้ห่าบอส” คิดยังไงเอามันเป็นเพื่อนสนิทวะเนี่ย “พอมึงพูดออกมาแล้ว กูรู้สึกเหมือนตัวเองทำผิดระดับก่อการร้ายข้ามชาติเลยว่ะ”

“นี่ มึงฟังนะ ไอ้กช” เขาตัดบท สีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง “กูไม่สนว่ามึงจะใช้วิธีไหน ไม่สนด้วยว่ามึงจะทำยังไง แต่มึงต้องไม่ยอมให้มิวปิดช่องของตัวเอง”

“กูจะไปมีสิทธิ์---”

“มึงก็รู้ว่ามิวรักช่องตัวเองแค่ไหน”

กรกชชะงักไปทันที เขานึกถึงความกระตือรือร้นของเพื่อนรุ่นน้องทุกครั้งที่จะอัดวิดีโอ สีหน้ายินดียามที่ได้อ่านคอมเม้นท์จากแฟนๆ ความทุ่มเทของมิวที่มีให้ชาแนลนั่นเป็นของจริง…

“เข้าใจนะ นี่เป็นหน้าที่มึง” บอสโยนงานให้อีกฝ่ายหน้าตาเฉย แต่กรกชไม่คัดค้านหรอก เขาเองก็เห็นด้วยว่าตัวเองมีส่วนต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้

เขาหวังแต่… มิวจะเปิดโอกาสให้เขา







กรกชทำตามคำพูดของเขา

บอสรับรู้เรื่องนี้ได้ขณะที่ไถนิ้วลงบนจอระหว่างที่นั่งกินข้าวในโรงอาหารของมหาลัย มิวอัพคลิปใหม่คู่กับกช เล่นเกมอะไรสักอย่างด้วยกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่บอสเดาว่าคงมีการแถลงเรื่องข่าวลือในช่วงต้นคลิป แต่เขาจะยังไม่เปิดดูตอนนี้หรอก เขาไม่ได้สนเรื่องที่มิวจะคบหรือแกล้งคบกับใคร

ไม่สิ… อาจจะสนนิดหน่อยก็ได้ แต่แค่เจ้าตัวยืนยันว่าจะทำช่องของตัวเองต่อ แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว

ชายหนุ่มมองเวลาบนมือถือแล้วกดปิดหน้าจอ ยืดตัวขึ้นเอาจานที่กินเสร็จแล้วไปวางในที่คืนภาชนะ หลังจากนี้เขามีเรียนที่ตึกใกล้ๆ นี้แล้วหลังจากนั้นเขาต้องไปทำรายงานกลุ่มตามนัด แล้ววันเขาก็ตั้งใจจะ---

“อ๊ะ! ” เสียงอุทานของใครบางคนพร้อมกับความเปียกชื้นที่หน้าท้องทำให้บอสต้องก้มลงดู

โอ้โห… เสื้อกู ไปหมดแล้วครับ ซดน้ำโค้กจากแก้วของคนตรงหน้ามาหมดจดทีเดียว

แล้วไอ้คนที่เพิ่งทำเสื้อเขาเลอะแบบนี้… ไอ้แว่นแฝดไอ้มิวนี่เอง

จำได้ว่าเด็กนี่ชื่อแนท… เอ๊ะ? หรือว่านัท? แล้วตอนนี้ดวงตาหลังกรอบเลนส์ก็กำลังเบิกกว้างอย่างตกใจ ปากอ้าค้างอย่างคาดไม่ถึง

“ผมขอโทษครับ” แนทพูดอย่างร้อนรน บอสเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างแปลกใจเพราะไม่นึกว่าจะได้ยินคำขอโทษ ก็คราวก่อนที่พวกเขาเจอกันสงครามน้ำลายใช่ย่อยที่ไหน

“ขอโทษแล้วหายเปียกเหรอ” สันดานเดิมแก้ยาก คำพูดกวนประสาทนั่นทำเอาแนทเม้มริมฝีปากแน่นขึ้น หายใจลึกๆ เพื่อควบคุมอารมณ์

“ผมจะชดใช้ให้”

“ไม่ต้องหรอก” บอสกลับว่าเสียอย่างนั้น ทำเอาคนที่ตั้งใจควักเงินมาจ่ายอ้าปากค้าง แล้วพอเห็นร่างสูงจะเดินจากไปทั้งๆ อย่างนี้จริงๆ แนทก็เริ่มพูดอย่างงุนงง

“เดี๋ยว พี่”

“อะไร”

“ไม่เป็นไรแน่เหรอ ไม่ให้ผมชดใช้อะไรเลยแบบนี้”

“แล้วนายจะชดใช้ยังไง? ” นี่ถามจริงๆ นะ ไม่ได้ตั้งใจกวน แต่น้ำเสียงอาจจะยียวนไปหน่อย “ถอดเอาไปซักให้ตอนนี้หรือไง? ไม่เป็นไรดีกว่า อาจารย์คงไม่ให้เข้าห้องแน่ถ้าเปลือยท่อนบนไปเรียน”

“แล้ว เอ่อ… ผมออกค่าซักให้ดีไหม” พยายามหาทางออก บอสส่ายหน้ารัวๆ

“แค่เสื้อเปียกแค่นี้ เดี๋ยวเดินๆ ก็แห้งแล้ว”

“เอ่อ” แนทยังไม่แน่ใจว่าทุกอย่างจะโอเค ก็ครั้งที่เจอกันตอนแรกดูรุ่นพี่คนนี้งี่เง่าเอาเรื่องนี่นา… “ก็… ถ้าพี่โอเค ผมก็โอเค”

“อืม” พูดพร้อมกับสะบัดเสื้อเล็กน้อย ให้ตาย เปียกเยอะเหมือนกันนะเนี่ย “ไปละ มีเรียน”

“ขอโทษอีกครั้งนะพี่”

ไม่รู้ทำไม อาจเป็นเพราะเขามีอิมเมจของแนทแย่พอๆ กับที่แนทมีอิมเมจของเขา ประมาณว่าปากหมาด้วยกันทั้งคู่ แต่พอได้ยินอีกฝ่ายขอโทษรัวๆ แบบนี้ บอสก็อดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้

“ขอรับคำขอโทษไว้แล้วกัน”

แล้วเจ้าตัวก็เดินไปเรียนทั้งสภาพเปียกปอนแบบนั้น





---------------------------------------
Talk: สุขสันต์วันเด็กค่ะทุกคน <3 แม้ว่าเราจะไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตามนอกจากขดตัวอยู่ในผ้าห่ม//ซุกเตียง
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 14) P.3 [13/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-01-2018 20:48:14
อ่อ ที่แท้บอสก็เป็นน้องมังกรของพี่สไลม์ยิ้มนี่เอง
ผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงของความสัมพันธ์ที่ก้าวหน้าขึ้นระหว่างพี่กชกับมิวสินะ ฮุฮุ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 14) P.3 [13/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 13-01-2018 21:00:50
 :m26: :m26: :m26:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 14) P.3 [13/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-01-2018 00:47:56
อ้าว บอสเป็นแฟนคลับมิว พีคไปอีก 55555
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 14) P.3 [13/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: rsmrypngpth ที่ 14-01-2018 18:45:25
นี่ร้องดังมาก ฮ่าๆๆๆๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 14) P.3 [13/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 14-01-2018 20:24:22

บทที่ 15




ในที่สุดผมก็ตัดสินใจสารภาพทุกอย่างกับคนดู

ผมคุยกับพี่กชเพื่อขอความเห็น เขาเองก็เห็นด้วยกับผมว่าการโกหกต่อไปไม่ใช่ความคิดที่ดี

แต่การทำคลิปแถลงข่าวใหญ่โตแบบเป็นจริงเป็นจังก็ไม่น่าใช่ความคิดที่ดีเหมือนกัน ผมกับพี่กชเลยตัดสินใจพูดถึงเรื่องนี้ก่อนจะเริ่มเล่นเกมเป็นปกติเพื่อที่จะไม่ให้น้ำหนักเรื่องนี้รุนแรงมากเกินไป

“ก็… ก่อนจะเริ่มเกม ผมมีเรื่องจะสารภาพกับทุกคน” ผมว่า สูดลมหายใจเฮือกใหญ่เพื่อเรียกขวัญกำลังใจ ก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อร่างสูงข้างตัววางมือลงบนบ่าแล้วบีบเบาๆ บริเวณที่พี่กชสัมผัสร้อนวูบขึ้นทีเดียว เหมือนหน้าผม “เฮ้ย! ” ร้องจริงสะดุ้งจริงครับ พี่กชแกล้งทำหน้างงใส่

“อะไร”

“พี่มาจับผมทำไมเนี่ย”

“ก็ให้กำลังใจไง” ยัง ยังจะส่งยิ้มไม่รู้เรื่องมาอีก โอ๊ย… ให้ตาย ใจเย็น สงบหน่อยมิว สงบ

“อย่าเพิ่งสิครับ เนี่ย เห็นไหมว่าเราสองคนกำลังตกเป็นข่าวกันอยู่ ยังจะเล่นไม่รู้เวล่ำเวลาอีก”

“ตกเป็นข่าว? ” เขาแกล้งเอียงคอเหมือนสงสัยเสียเต็มประดา น่ารัก… ผมเพี้ยนไปแล้วรึเปล่าที่เห็นเขาน่ารักเนี่ย “แหม พูดเหมือนเราเป็นดาราดังเลยเนอะ”

“ดังไม่ดังก็เป็นข่าวแล้ว”

“แล้วข่าวมันว่าไงนะ มิว”

“ก็…” นี่เป็นบทที่เราเตี๊ยมกันมาคร่าวๆ คือทำยังไงก็ได้ให้การสารภาพครั้งนี้ไม่ดูจริงจังจนเหมือนสารภาพผิดต่อหน้าศาลในคดีอาชญากรรมหรืออะไรแบบนั้น “มีคนบอกว่าเราแกล้งคบกันหลอกๆ ”

“แกล้งคบกันหลอกๆ ” พี่กชชี้นิ้วมาที่ผมสลับกับตัวเอง เขาเป็นคนที่เล่นละครเป็นคนเอ๋อได้เก่งมาก หรือไม่เขาก็เอ๋อจริงๆ “เราสองคนอะนะ? ”

“ใช่”

“แล้วเราแกล้งเล่นเป็นแฟนกันจริงๆ ไหม”

“ก็… จริง” นี่แหละครับ ส่วนที่ยากที่สุด แต่ผมไม่อยากเลี่ยงการพูดความจริงอีกแล้ว เพราะผลลัพธ์ที่ตามมามันหนักหนาเกินไป ที่สำคัญ… มันเหมือนทรยศต่อคนที่ตั้งใจติดตามผมจริงๆ

“แล้วตอนนี้ล่ะ? ”

“ก็… คบ…” ผมก้มหน้าลง พูดเสียงเบาเพราะรู้สึกว่าเลือดสูบฉีดแรงขึ้นบนหน้า “คบกันจริงๆ ”

“ฮะ? พูดอะไรนะ ไม่ค่อยได้ยินเลยครับ” ไม่พูดเปล่า พี่กชดึงผมเข้าไปกอดแนบอก โอ๊ย! นี่เขาจะฆ่าผมด้วยการปล่อยให้เลือดสูบฉีดหัวใจแรงจนตายไปเลยใช่ไหม! “อะไรจริงไม่จริงนะ? ”

“ก็… ก็ตอนนี้เราคบกันจริงๆ ” ผมกลั้นใจพูด ผละตัวออกจากอ้อมแขนของเขาแล้วกลับมานั่งเก๊กที่ประจำตัวเองต่อ “ไป จบ จบการแถลงข่าวครับ ท่านผู้ชม เราจะเริ่มเกมกันได้รึยัง”

“อ้าว เขินหน้าแดงเลย” พี่กชยังล้อผมไม่เลิก แถมตอนนี้ยังเลื่อนมือมาหยิกแก้มผมเบาๆ อีก ผมปัดมือเขาออกแทบไม่ทัน คือไม่รู้ทำไม แต่พอเราคบกันแล้วมาทำเรื่องแบบนี้ ผมกลับยิ่งรู้สึกเขินกว่าเดิมอีก

“อย่าน่า พี่กช ไม่เอา”

“โอเคๆ ” เขาหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี “ไม่แกล้งแล้วครับ ไม่แกล้งแล้ว”

“ก็… ผมขอสรุปเหตุการณ์ทุกอย่างไว้ตรงนี้เลยนะครับ แล้วเดี๋ยวจะเขียนแจ้งลงหน้าเฟซบุ๊คอีกรอบด้วย” ผมพูดสรุป หมดเวลาวิ่งหนีความจริงสักที ต่อให้วินาทีที่ผมลงคลิปนี้ไปช่องผมอาจจะล่มก็ตาม แต่ผมก็ต้องรับในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปให้ได้สิ ถูกไหม? “ตอนแรกผมกับพี่กชแกล้งคบกันจริงๆ ตามที่ข่าวว่า”

“อ่าฮะ”

“แต่ตอนนี้เราสองคนคบกันแล้วจริงๆ ”

“ใครเป็นคนสารภาพรักนะ? ”

คำถามนั้นทำผมชะงักไป ผมจ้องรอยยิ้มยียวนของคนข้างตัวก่อนจะเลิ่กลั่กอย่างไปไม่เป็น

“ก็… ก็พี่ไม่ใช่หรือไงครับ รู้แล้วยังจะมาถามอีก”

“อ้าว พี่เป็นคนสารภาพรักเหรอ” พี่กชพูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกแล้ว ลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดลงมาทำเอาหัวใจผมเต้นสะดุดตีลังกา ไม่เอ๊า! นี่เขาจะทำผมเขินอีกสักแค่ไหนเนี่ย!? “ไม่ใช่มิวหรอกเหรอ”

“พี่ต่างหากล่ะ! ” ไอ้คนขี้จุ๊! พี่กชหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี หากใบหน้ามีสีแดงเรื่อๆ กระจาย

“ก็ได้ พี่เป็นคนสารภาพเอง”

“แทนที่พี่จะสารภาพแต่แรก” ผมพูดทีเล่นทีจริง “จะได้ไม่ต้องเล่นเป็นแฟนกันโง่ๆ ”

“เออ ก็มิวบอกจะเลี้ยงข้าวพี่ถ้าพี่เล่นเป็นแฟนด้วย”

ผมไม่ได้เตี๊ยมกับเขาว่าจะพูดถึงเรื่องนี้ด้วยหรอกนะ อันที่จริงเราตั้งใจจะหลีกเลี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้ให้มากที่สุดแท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ กลายเป็นว่ากำลังลอกเปลือกตัวเองพูดความจริงต่อหน้ากล้องออกมาทั้งหมดแบบนี้

นี่ต้องไม่ดี… ไม่ดีแน่ๆ แต่ผมอาจจะตัดต่อมันออกทีหลังก็ได้ หรือไม่ก็ปล่อยให้ตัวเองพังยับเยินไปเลย ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้วนี่

“ก็นะ” ผมยักไหล่ เลือกที่จะเล่นตามน้ำ “ผมรู้ไงว่าพี่เห็นแก่กิน”

“แต่จริงๆ แล้วพี่หลอกเล่นต่างหาก” เขาว่าพร้อมกับเขยิบตัวมาชิดผมอีกแล้ว ผมหันไปมองเขางงๆ

“หมายความว่าไงครับ”

“ก็พี่ฉวยโอกาสมิวไง” พูดพร้อมกับดึงปลายจมูกผมเบาๆ

ผมอ้าปากค้าง หน้าแดงขึ้นอีกรอบ เริ่มกลัวแล้วว่าช่องของตัวเองจะกลายเป็นรายการคนจีบกันมากกว่าแคสเกมเล่น แต่พี่กชยังไม่รู้ตัว

“ก็พี่ชอบมิวมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว พอมีโอกาส--”

“ผมว่าเรามาเล่นเกมกันดีกว่า! ” ผมรีบตัดบท ดันพี่กชให้ไปนั่งหลังชนพนักบนเก้าอี้ตัวเอง ไอ้รุ่นพี่บ้าหัวเราะเหมือนเมากัญชาก่อนจะเริ่มขยับจอยในมือ เหมือนจะรู้ว่าหมดเวลาแหย่ผมแล้วจริงๆ

“โอเคๆ มา งั้นเรามาเริ่มเกมกันดีกว่า”

“ก็ควรจะเป็นงั้นแหละครับ”

และหลังจากนั้นเราก็เล่นเกมยิงหนอนกัน มันเป็นเกมที่เล่นสองคนได้เพราะงั้นผมกับพี่กชจึงอยู่กันคนละทีม คือต่างคนต่างมีสมาชิกหนอนจำนวนเท่าๆ กันแล้วก็สลับเทิร์นกันฆ่าหนอนของอีกฝ่าย

ความสนุกของเกมนี้คือการได้ถ่มถุยซึ่งกันและกัน แล้วก็เป็นเหมือนทุกครั้งที่ผมมีเรื่องกลุ้มใจ แม้ว่าจะกังวลเกี่ยวกับช่วงแรกของคลิปที่อัดไปว่าจะมีคนด่าแค่ไหน แต่พอได้เข้ามาอยู่ในโลกของเกมแล้วผมก็เหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในอีกโลกได้ชั่วคราว

“โห่ พี่กช แน่ใจเหรอจะทำแบบนั้นน่ะ” ผมเริ่มพูดน้ำเสียงท้าทายขณะที่อีกฝ่ายเลือกระเบิดเตรียมจะไปใส่หนอนตัวหนึ่งของผม

“ไม่ลองก็ไม่รู้เปล่าวะ”

“เอ้า ลองดูครับ เชิญเลย” แกล้งผายมือด้วย “เอาสิ ดูซิว่าพี่จะทำอะไรทีมผมได้ โอ๊ะๆ ๆ เล่นเป็นรึเปล่าน่ะ เล็งไปทางไหนล่ะนั่น”

“เงียบน่ามิว” เขาเริ่มเสียสมาธิและนั่นทำให้ผมอดหัวเราะไม่ได้ ปั่นต่อสิครับ รออะไรล่ะ

“เอ้า ดูทิศทางดีๆ อ๊ะน่ะๆ ๆ โธ่เอ๊ย ไม่ได้เฉียดเลยพี่เอ๊ย โคตรกาก ดูนะครับคุณผู้ชมครับ ใครกันที่ทำปากเก่าก่อนเริ่มเกม”

“เงียบเลยไอ้ตัวแสบ! ” พูดพร้อมกับขยี้หัวผมอย่างแรงด้วยความมันเขี้ยว ให้ตาย แหย่พี่กชเล่นแม่งโคตรสนุก







แต่มันจะไม่สนุกตอนได้เห็นคอมเม้นท์แง่ลบของใครหลายๆ คนนี่แหละครับ





Comment#19: เดี๋ยวนะ ใครตามเราทันบ้าง สรุปพี่สไลม์แค่แกล้งคบกับพี่กช? ข่าวนั่นเป็นเรื่องจริง?

Comment#20: อ้าว แต่เขาบอกตอนนี้คบกันแล้วจริงๆ นี่?

Comment#22: ตอแหลโคตรๆ

Comment#37: ถึงจะบอกว่าตอนนี้คบกันแล้ว แต่ที่ผ่านมาก็คือโกหกปะวะ? โคตรน่าเกลียดเลย รับไม่ได้

Comment#42: ทุเรศมาก เสียแรงที่ติดตาม





ผมถอนหายใจออกมานิดหนึ่งหลังจากอ่านคอมเม้นท์พวกนั้น แต่แน่นอนล่ะว่าไม่ได้มีแต่อะไรแย่ๆ คนที่ส่งกำลังใจมาให้ก็มี





Comment#31: แต่แปลว่าพี่กชชอบพี่มิวมาก่อนแล้วปะ? แล้วสรุปพอเล่นกันเป็นแฟน ไปๆ มาๆ ดันรักกันจริงๆ!? กรี๊ดดดดด #ฟินเว่อร์

Comment#38: ยังไงก็ดีใจด้วยนะคะที่ได้คบกันจริงๆ ไม่ต้องหลอกกันแล้วนะ ^^

Comment#44: เสียใจนิดหน่อยที่พี่สไลม์หลอก แต่คบกันจริงๆ แล้วก็ยอม ให้อภัยก็ได้ 55555 รักกันนานๆ นะคัฟ

Comment#59: ยังคงทีม #กชมิว เหมือนเดิมค่ะ





ผมกดปิดมาที่หน้าจอเมนูเพราะหลังจากนี้จะมีสอบ คงไม่ดีแน่ถ้าจะมากังวลกับเรื่องนี้ทั้งที่มีเรื่องที่สำคัญมากกว่า แต่ตอนนี้ผมว่ารูมเมทผมต้องใกล้บ้าเต็มทนกับช่วงระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์นี้แล้วล่ะ

ผมหันมองพี่กชที่นั่งอยู่ข้างตัว ปากกำลังพึมพำท่องสูตรอะไรสักอย่างที่เหมือนบทสวด คณิตศาสตร์หรือฟิสิกส์ล่ะนั่น เอาเป็นว่าผมไม่ขอรับรู้ด้วยจะดีกว่า ผมมีคันจิหรือตัวหนังสือภาษาจีนที่ต้องจำเป็นตั้ง ไหนจะยังไวยากรณ์กับคำศัพท์อีก เรื่องฟังอาจจะพอถูไถเพราะผมดูอนิเมะบ่อย แต่เรื่องอื่นๆ นี่ถ้าไม่ท่องเยอะๆ ก็อาจจะได้เกรดไม่งามมาได้

“โอ๊ย ให้ตาย” พี่แกเริ่มยกมือเกาหัวยุ่งๆ ของตัวเอง “ทำไมคนเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ ทำไมเราไม่แค่เกิดมา ใช้ชีวิต แล้วก็ตายไป”

ผมยิ้มขำให้ความประสาทเสียของพี่แก

“ตอนนี้เราก็กำลังอยู่ในช่วงใช้ชีวิตไงครับ”

“ด้วยการจำสูตรพวกนี้น่ะเรอะ”

ผมยักไหล่ ไม่รู้เรื่องกับเขาด้วยหรอก ก็ผมไม่ได้เรียนคณะเดียวกับเขาสักหน่อย

“ก็มันจะออกสอบนี่พี่ ก็ช่วยไม่ได้เปล่า”

“ทำไมนะ ทำไมคนเราต้องสอบ” มาอีกแล้วคำถามนี้

พี่กชเป็นคนไม่ชอบศึกษาจากตำราเรียนมากๆ หลายครั้งที่ผมเห็นคะแนนแล้วรู้สึกใจแกว่งแทน ผมอาจจะไม่ได้เกรดดีขนาดได้เกียรตินิยมหรืออะไร แต่อย่างน้อยก็พยายามรักษาไม่ให้ต่ำกว่าสาม แต่พี่กชน่ะเหรอ… ขอแค่ไม่ซ้ำพี่แกก็แทบจะแก้ผ้าเต้นรอบห้องอยู่แล้ว แล้วก่อนสอบถ้าจะต้องมาเครียดขนาดนี้ก็ควรจะตั้งใจเรียนในห้องดีๆ สิ

“ผมว่าพี่ไปติวกับพวกเพื่อนๆ ดีไหม” ผมเสนอทางออกให้ ผมเองก็ไปติวกับไอ้เก่งบางครั้งเหมือนกัน แต่สำหรับเราสองคนการแยกกันอ่านจะช่วยให้จำได้ดีมากกว่า จะมาติวด้วยกันเฉพาะเจอวิชาที่ต้องใช้ความเข้าใจ ไม่ใช่ความจำ “อย่างพวกพี่แก๊ปหรือพี่บีมงี้ พวกวิชาแบบนี้ติวกันหลายคนน่าจะเข้าใจง่ายกว่ารึเปล่าครับ”

พี่กชเบ้ปากมาให้ผม

“แต่พี่อยากติวกับมิวมากกว่านี่”

“เอ่อ” ผมว่ามันไม่ใช่ล่ะ “ที่เราทำอยู่นี่ไม่ได้เรียกว่าติวด้วยกันหรอกนะครับ เขาเรียกต่างคนต่างอ่าน แค่นั่งข้างกันเฉยๆ ”

“นั่นแหละ แค่นั้นก็พอแล้ว”

“ผมว่าไม่นะ” สิ่งที่พี่กชต้องการคือความรู้ไปสอบ ไม่ใช่กำลังใจจากการนั่งข้างๆ เอ่อ แฟน… ให้ตาย ยังไม่ชินกับการใช้คำนี้เท่าไร “พี่ควรจะไปติวกับคนที่เขาเก่งๆ ”

“ทำอะไรกันอยู่น่ะ”

คนที่ก้าวเข้ามาใหม่คือพี่บอส ผมนี่เกร็งตัวขึ้นมาเลยทีเดียว เขาก้าวเข้ามานั่งลงฝั่งตรงข้ามผมกับพี่กช มือถือแก้วน้ำปั่นเอาไว้ จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้ามามองสมุดของเพื่อน

“ติว”

“มีอะไรให้ช่วยไหม”

“จริงๆ ก็มี” พี่กชมีท่าทีแช่มชื่นขึ้นทันที เขาเคยเล่าให้ฟังว่าพี่บอสเป็นคนดีหัวดีที่สุดในกลุ่มแล้ว คงหวังให้พี่แกช่วยล่ะสิ แต่ขอโทษเถอะ… ผมไม่อยากอยู่ใกล้พี่แกนานเลยว่ะ รู้สึกไม่ถูกโฉลกหนักมาก

“ไหน” พี่บอสเริ่มสุมหัวกับพี่กชแล้วสอนจุดที่พี่กชไม่เข้าใจให้แล้ว ให้ตายเถอะ ผมรู้สึกเหมือนฟังเขาคุยภาษามนุษย์ต่างดาวกันมาก คือไม่รู้เรื่องกับเขาเลยไง แต่แค่ฟังก็รู้ว่าพี่บอสต้องหัวดีมาก ช่างแตกต่างจากพี่กชเหลือเกิน

แต่ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ ผมไม่สบายใจที่จะอยู่ตรงนี้เท่าไร แล้วช่างโชคดีจริงๆ ผมเห็นไอ้เก่งเดินออกมาจากอาคารข้างๆ พอดี ขอจรลีก่อนล่ะ

“เอ่อ พี่กช งั้นพี่ติวหนังสือกับพี่บอสไปก่อนนะครับ ผมจะไปหาไอ้เก่งล่ะ”

“อ้าว” น้ำเสียงพี่กชดูตกอกตกใจ ก่อนเจ้าตัวจะทำหน้าเหมือนหมาหงอยได้อย่างไม่น่าเชื่อ “จะไปติวหนังสือกับเพื่อนเหรอ”

โอ๊ย อย่าทำตาละห้อยแบบนั้นครับ ใจสั่น แล้วมันจะอะไรนักหนาเนี่ย ตัวเองก็มีเพื่อนมานั่งอยู่ด้วยแล้วไง

“ใช่พี่ จะไปติวญี่ปุ่นกับมัน” ตอแหลทั้งนั้นครับ ผมกับไอ้เก่งไม่เคยติววิชานี้ด้วยกันเลย อ่านเองง่ายกว่าเยอะ

“กูทำอะไรให้มิวโกรธเปล่าวะ” เสียงพี่กชกระซิบกระซาบกับพี่บอสหลังจากผมเดินห่างออกมาไม่ถึงห้าก้าว ว่าแล้วเชียว หูผมต้องดีมากจริงๆ ไม่งั้นพี่กชก็ฉลาดน้อยเกินกว่าจะรอให้ผมก้าวออกไปกว่านี้

หรือไม่… พี่แกก็ตั้งใจให้ผมได้ยิน ถ้าเป็นอย่างหลังนี่ถือว่าร้ายกาจมากนะ เพราะผมทั้งรู้สึกเอ็นดูและรู้สึกผิดไปพร้อมๆ กันเลยตอนนี้

“ไม่รู้ดิ เพราะมึงโง่รึเปล่า? ” พี่บอสว่าเสียอย่างนั้น ผมได้ยินเสียงพี่กชตบหัวเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ทีหนึ่ง

ปัดโธ่เอ๊ย! ที่ผมหลบออกมาก็เพราะพี่บอสนั่นแหละ! แต่จะให้ทำไงล่ะ พี่บอสกับพี่กชเป็นเพื่อนสนิทกัน ผมไม่อยากให้พี่กชลำบากใจถ้าเกิดผมบอกพี่ตรงๆ ว่าผมไม่ค่อยถูกชะตากับพี่บอส จะมีอะไรเลวร้ายกว่าการให้แฟนเลือกระหว่างตัวเองกับเพื่อนสนิทอีก?

“เก่ง” ผมเรียกเพื่อนที่กำลังเดินไปที่ตึกที่จะมีสอบในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้า เจ้าตัวสะดุดไปนิดหนึ่งก่อนจะทำหน้าเหมือนหนักใจ “มึง เป็นไงบ้าง อ่านคันจิมาแน่นปึ้กเลยไหม รอบนี้แม่งเยอะฉิบหาย อาจารย์จะออกอะไรมากมายไม่รู้”

“เออ จริง ประเด็นคือที่จำมาก็ใช่ว่าจะออกทั้งหมด”

“ใช่ นั่นแหละที่แย่ จำมาแทบตาย ว่าแต่ช่วงนี้มึงหายไปไหนมาวะ ทำไมเงียบๆ ทักไปก็ไม่ค่อยตอบ”

เก่งหันซ้ายหันขวา ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือเหมือนจะเช็กเวลาผมจึงรีบเสริม

“สอบตอนเที่ยงครึ่งนู่น ยังพอมีเวลาอีกนิดหน่อย แต่เราจะเดินไปที่ตึกกันเลยก็ได้นะ แล้วนั่งรอแถวๆ นั้นเอา”

“ไอ้มิว” เพื่อนสนิทผมคว้าข้อมือ “มึงไม่รีบใช่ปะ กูมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”

ผมกะพริบตาปริบๆ ไอ้เก่งมันก็เป็นคนจริงจังนะ แต่ปกติก็ไม่ได้ดูซีเรียสขนาดนี้

“เอาดิ แต่ต้องให้ทันสอบนะ กูไม่อยากไปสายด้วย”

ว่าแล้วไอ้เก่งก็ลากผมไปหลบที่หลังตึกที่ปลอดคนหน่อย ผมกำลังงงว่านี่มันเรื่องอะไร แล้วก็ต้องงงหนักเข้าไปอีกเมื่อเพื่อนสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างแรง ยกมือขึ้นประกบทั้งสองข้างตรงหน้าเหมือนจะขอขมา

“กูขอโทษ ไอ้มิว! ”

“ฮะ? ” ได้แต่กะพริบตาปริบๆ ครับ ยังคงงง “ขอโทษเหี้ยอะไรวะ”

“เรื่องข่าวลือของมึงกับพี่กช…” เจ้าตัวก้มหน้าลงต่ำ พูดงึมงำ “กูว่ามันหลุดจากกูเองแหละ”

อ้อ ข่าวลือเรื่องที่ผมกับพี่กชแกล้งคบเป็นแฟนกันน่ะนะ นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็…

“ฮะ!? อะไรนะ!? ” ผมตะโกนลั่นเลย ไอ้เก่งยกมือมาตะครุบปากผมแทบไม่ทัน

“ไอ้ห่า เบาๆ สิ ห้องแถวนี้อาจจะมีสอบก็ได้ เดี๋ยวก็โดนอาจารย์ออกมาด่าหรอก”

“แล้ว… ข่าวมันจะไปหลุดจากมึงได้ไง” ผมลดเสียงกลับมาปกติ เอาจริงๆ ผมไม่ได้โกรธหรอกนะถ้าข่าวจะหลุดจากไอ้เก่งจริงๆ เพราะถึงยังไงมันก็ผ่านไปแล้ว ผมก็แก้ปัญหาเองแล้ว แต่ที่ผมไม่เข้าใจก็คือ “มึงปล่อยข่าวกูแล้วมึงจะได้อะไรวะ ไอ้เก่ง? คือกูไม่เห็นผลประโยชน์อะไรที่มึงจะได้เลยนะเนี่ย”

“ใจเย็น มิว ฟังก่อน” เก่งพยายามเรียบเรียงคำพูด “คือ… เรื่องกูกับพี่กชแกล้งคบกันอะ กูเอาไปเล่าให้นิ้งฟัง”

นิ้งที่ว่าคือแฟนไอ้เก่ง… โอเค ผมเข้าใจนะว่ามันไม่เคยมีความลับอะไรกับแฟน แต่เรื่องบางเรื่องก็ไม่ต้องเล่าให้ฟังก็ได้ปะวะ? คือการไม่พูดไม่บอกก็ไม่ได้ถือว่ามีความลับอะไรนะเว้ย ในกรณีนี้น่ะ

“แล้วมึงจะเล่าเพื่อ? ”

“เออ กูขอโทษ” มังยังยกมือไหว้อยู่เลย ไอ้ห่า อายุสั้นกันพอดีครับ “กูหลุดปากไป วันนั้นกูเมานิดหน่อยด้วย พอดีตอนนั้นเราพูดถึงมึง แล้วแบบ… เอาจริงกูแทบไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำตอนที่พูดไป แล้วต่อให้พูดไปแล้วกูก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร ไม่คิดว่านิ้งจะเอาไปพูดต่อ--”

“เออๆ ช่างมันเหอะ” ผมตัดบทพร้อมกับถอนหายใจเฮือก “ถึงยังไงกูก็แก้ข่าวแล้ว ช่องกูจะล่มจมอะไรยังไงก็ช่างมันแล้วตอนนี้ แต่มึงหยุดยกมือไหวกูได้ล่ะ ไม่มีใครตายสักหน่อย เอาเป็นว่ากูรับคำขอโทษของมึงแล้วกัน”

“ไม่โกรธกูเหรอ” มันถามเสียงอ่อย ตอนแรกก็จะตอบไปว่าไม่โกรธอยู่หรอก แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอสักทีเหอะ

“โกรธดิ จะไม่โกรธได้ไงวะ มึงทำกูกับพี่กชลำบากมากเลยนะเว้ย”

“กูขอโทษ” วันนี้ผมทำคนตาละห้อยได้สองคน คนแรกคือพี่กช คนที่สองคือไอ้เก่ง เออ ดี มีใครอยากเป็นรายที่สามไหม

“หมูกะทะ”

“อะไรนะ? ”

“มึงต้องเลี้ยงหมูกะทะกู”

ไอ้เก่งเริ่มยิ้มออกมาได้ และผมก็ยิ้มตามมันอย่างอดไม่อยู่

ก็นะ… จะว่ายังไงดีล่ะ ถึงเรื่องที่ไอ้เก่งทำจะทำให้ผมลำบาก แต่อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ได้คบกับพี่กชจริงๆ และอย่างน้อยมันก็ยังมาสารภาพความผิดตรงๆ

ผมก็หวังนะ… ว่าคนดูจะให้โอกาสผมที่ยอมสารภาพความผิดของตัวเองไปแล้วอีกสักครั้ง แต่ไม่หวังมากก็น่าจะดีกว่า

“เห็นแก่กินฉิบหาย”

“ก็ของฟรีเปล่าวะ”

“ติดเชื้อแฟนมาเหรอ”

พูดถึงตรงนี้ผมก็หน้าแดงวูบขึ้นมาทีเดียว โอ๊ย ชักรำคาญหน้าตัวเอง

“ดีใจด้วยนะที่คบกับพี่กชจริงๆ แล้ว” ไอ้เก่งว่าพร้อมกับคลี่ยิ้มอย่างจริงใจ “จะได้ไม่ต้องแกล้งคบแล้ว วุ่นวายจะตายชัก”

“หมายความว่าไงวะ”

“อ้าว ก็กูเคยบอกมึงแล้วไม่ใช่เหรอ” เก่งว่า “ว่ามึงกับพี่กชอะ ดูเหมือนแฟนกันจริงๆ แบบที่ไม่ต้องแสดงละครอะไรเลย ไม่ใช่ว่ามึงชอบพี่เขามาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วหรอกเหรอ? ”

“! ” ผมชะงักไปทันที ไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นมาก่อน ไอ้เก่งหัวเราะร่วนเพราะหน้าตาตลกๆ ของผมก่อนจะเดินนำไปที่ตึกที่เราจะมีสอบกันในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

“ดีนะที่กูชิงมีแฟนก่อนที่มึงจะคบกับพี่กช ถึงกูจะรู้สึกว่าจริงๆ แล้วมึงกับพี่เขาคบกันมาแต่แรกแล้วก็เถอะ”

ผมยกมือขึ้นจับหน้าของตัวเอง โอเค มันร้อนเพราะแดดที่สาดเปรี้ยงลงมานี่อยู่ต่างหาก

ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่ไอ้เก่งมันพูดขึ้นมาเมื่อกี้หรอกนะ!





----------------------------------------------
Talk: และแล้ว... คนร้ายที่แท้จริงก็คือ---!! ติดตามต่อได้ใน นักสืบจิ๋ว โคแนทคุง! //เดี๋ยว ใช่เหรอ ถถถถถถ คนร้ายเขาก็เฉลยแล้วไม่ใช่เหรอ 5555555
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 15) P.3 [14/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 14-01-2018 21:43:24
ความจริงคือเพื่อนมิวซะงั้น ไอ้เราก็ด่าบอสไปซะมากมาย 555 แถมอึ้งเลยตอนรู้ว่าบอสเป็นแฟนคลับมิว ไม่ใช่แฟนคลับธรรมดา เป็นแฟนคลับที่ค่อนข้างสนิทด้วยนะเอ้อ 55555555555555
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 15) P.3 [14/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-01-2018 23:41:22
อ้าว เป็นเก่งนี่เอง 5555555555
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 15) P.3 [14/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-01-2018 04:36:56
 :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 15) P.3 [14/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 15-01-2018 06:29:54
พี่บอสสน้องมิวกลัวแล้วนั่น 555 ทำไมมันหวานอย่างเน้  :ling1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 15) P.3 [14/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 16-01-2018 19:04:12
บทที่ 16




อันที่จริงแล้วหลังจากที่ผมบอกความจริงกับคนดูไป ผลตอบรับที่ได้มามันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น





Comment#198: ยังติดตามอยู่นะคะ

Comment#201: เป็นกำลังใจให้พี่มิว

Comment#208: พี่สไลม์ เล่นเกมคัพเฮดต่อหน่อย

Comment#210: รอดูเกม isolated อยู่ #ทีมมาดูเกมไม่ได้ดูคู่จิ้น

Comment#239: ดราม่าอะไรกันวะ 555555 ไม่เห็นรู้เรื่อง

Comment#307: พี่ เล่นเกมโซลซิตี้หน่อย





เอาจริงนะ เมื่อก่อนผมเคยรำคาญพวกคอมเม้นท์ที่มาขอให้เล่นเกมนู้นนี้ในคลิปเกมอื่นที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเกมที่ขอให้เล่นเลย แต่ตอนนี้ผมชักขอบคุณน้องๆ ที่คอมเม้นท์อะไรทำนองนี้แล้วล่ะ คืออย่างน้อยมันก็แปลว่าเขามาเพื่อดูผมเล่นเกมจริงๆ ไง

จริงๆ แล้วผมเองก็เจอกลุ่มต่อต้าน กลุ่มแอนตี้ มีคนเอาบอร์ดลับๆ ที่ตั้งหัวข้อสนทนาขึ้นมาด่าผมเรื่องที่หลอกลวงคนดูอยู่เหมือนกัน แต่รู้อะไรไหม ผมไม่ได้รู้สึกแย่กับเรื่องพวกนี้เท่าที่คิดว่าตัวเองจะเป็นแล้วล่ะ

แฟนคลับส่วนหนึ่งยินดีเรื่องที่ผมคบกับพี่กชจริงๆ อีกส่วนก็ไม่ได้สนใจชีวิตส่วนตัวผม รอดูผมเล่นเกมอย่างเดียว อีกส่วนก็แอนตี้กาหัวกันไปเลย เอาเป็นว่าผมยอมรับกับผลที่เกิดขึ้นก็แล้วกัน และพร้อมก็ทำการขอโทษทุกคนที่ทำให้ผิดหวังอย่างเป็นทางการไปแล้วทั้งทางคลิปและทางประกาศหน้าเพจ

ผมทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ผมพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ และผมก็จะทำคลิปต่อไปด้วย





Comment#379: ทุกคน อย่าเพิ่งว่าพี่สไลม์มากมายเลย ดูนี่ซะก่อน





“อื๊อ? ” ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจก่อนจะกดเข้าไปดูลิงค์ที่น้องคนนี้ทิ้งเอาไว้ให้ ในหน้านั้นเต็มไปด้วยเนื้อหาการวิเคราะห์เรื่องที่ผมสารภาพออกสื่อกับรูปภาพประกอบจำนวนมากที่เห็นแล้วแทบต้องอ้าปากค้าง

เนื้อหาในนั้นโดยรวมเข้าข้างผมเต็มที่อยู่เหมือนกัน รูปที่แปะอยู่ก็จะเป็นผมกับพี่กชในช่วงเวลาหลังจากที่ผมโกหกออกกล้องไปแล้วว่าคบกับรูมเมทของตัวเองแต่เป็นก่อนหน้าที่ผมจะแถลงข่าวว่านั่นเป็นการคบกันหลอก

มีรูปที่ผมเอาลงไอจีตอนที่เราไปซาฟารีด้วยกัน รูปที่เราอยู่ด้วยกันที่โรงอาหารของมหาลัย อันนี้คงต้องเป็นพวกเพื่อนร่วมคณะของผมสักคนถ่ายไว้แหง แล้วก็รูปตอนที่เราไปกินไอศกรีมด้วยกันที่ห้าง อันนี้เป็นรูปแอบถ่ายที่เห็นแล้วชวนให้เสียวสันหลังแปลกๆ เหมือนกัน คือผมไม่ได้คิดว่าตัวเองมีแฟนคลับเยอะมากหรอกนะ เพราะงั้นรูปแอบถ่ายนี่ไม่เกินไปหน่อยหรือไง?

แต่ยังไงก็ตาม… ข้อสรุปที่หน้าลิงค์นั้นทิ้งท้ายไว้ก็คือ…





‘เห็นไหมคะ ต่อให้เขาจะบอกว่าไม่ได้คบกัน แต่ยังไงก็คงชอบกันมาตั้งแต่แรกแล้ว คือคนเราคงไม่โกหกในชีวิตจริงกันขนาดนี้หรอกค่ะ’





ผมกดปิดหน้าจอที่ว่า ยกสองมือปิดหน้าที่ร้อนฉ่าขึ้นขนาดที่ถ้าตอกไข่ใส่ลงไปคงสุกเป็นไข่ดาวได้

กลายเป็นว่าพวกผมสองคนดูเหมือนคู่รักกันตั้งแต่ก่อนจะคบกันแล้วงั้นเหรอ? นี่มันเหมือนที่ไอ้เก่งเคยพูดไว้ไม่มีผิด ให้ตาย น่าอายเป็นบ้า พอๆ ๆ พอเลย ผมตอบข้อความแฟนคลับที่หน้าเพจบ้างดีกว่า





Vk Dragon: พี่มิว

Vk Dragon: เกมที่พี่ลงเมื่อวานโคตรดีเลย

Vk Dragon: เห็นตอนแรกพี่พูดต้นคลิปว่าไม่แน่ใจว่าจะเล่นเกมนี้ดีไหม ดีนะที่ผลสุดท้ายเอามาเล่น ผมชอบมากเลย

Vk Dragon: ภาพสวยมากจริงๆ





ผมยกยิ้มให้กับโทรศัพท์มือถือของตัวเองทันทีขณะเหยียดขาบนเตียงมากขึ้น





SlimeSmileS: เออ แต่พี่ว่าเกมมันเอื่อยไปหน่อย กลัวคนดูจะเบื่อ

SlimeSmileS: แต่ภาพสวยจริง

SlimeSmileS: ลังเลนานมากเลยนะว่าจะซื้อมาเล่นดีไหม แต่ดีใจนะที่มังกรชอบ ^^

Vk Dragon: เล่นต่อเร็วๆ นะพี่ ผมรอดูอยู่

Vk Dragon: สาวๆ แต่ละคนในเกมนี่แจ่มสุดๆ





โอ้โห อันนี้คงไม่มีทางปฏิเสธได้แน่ ตัวละครในเกมที่ผมเพิ่งซื้อมาเล่นแล้วถ่ายคลิปลงช่องนี่ เรียกได้ว่ามีแต่ตัวละครผู้หญิงล้วนทั้งนั้น บุคลิกน่ารักนุ่มนิ่มๆ เครื่องแบบชุดนักเรียนญี่ปุ่นสุดน่ารัก ใบหน้าอ่อนหวาน แววตากลมโต แล้วก็…





Vk Dragon: พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างแจ่ม

SlimeSmileS: พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์โคตรเยอะ





นั่นไง! ผมแทบตบมือด้วยความดีใจที่เราพิมพ์คำนั้นออกมาพร้อมๆ กัน

ว่าแล้วเชียวว่ามังกรต้องคิดแบบเดียวกับผม สมแล้วที่เป็นลูกสมุนของสไลม์สไมลส์!

แต่แล้วผมก็ต้องชะงักมือที่กำลังจะพิมพ์ตอบเมื่อน้ำหนักของร่างอีกคนกดทับลงมา พี่กชเขยิบเข้ามาจ้องหน้าจอผม

“คุยกับน้องมังกืออีกแล้วเหรอ มิว คุยอะไรกันน่ะ”

“คุยเรื่องเกมครับ” ผมหันไปยิ้มตอบเขาอย่างสดใส เกมที่ผมกำลังพูดถึงกับน้องมังกรเป็นเกมที่ผมตัดสินใจแคสเล่นคนเดียว เพราะมันไม่ใช่เกมที่จะเล่นสองคนได้ อีกอย่างคือพี่กชลองดูอินโทรของเกมแล้วไม่ถูกใจเอาเสียเลย ผมก็เลยบอกเขาว่าผมจะทำซีรี่ย์เกมนี้คนเดียว

อย่าเข้าใจผิดนะครับ ถึงตอนนี้ทุกคนจะรู้ว่าผมกับพี่กชคบกันจริงๆ แล้ว แต่ยังไงซะนี่ก็ยังเป็นช่องของผม เกมไหนที่ผมคิดว่าพี่กชมาเล่นด้วยแล้วสนุกกว่าผมก็จะชวนแกมา แต่ถ้าเกมไหนที่ไม่ ผมก็ขอเล่นเองคนเดียวดีกว่า เป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวเอง พี่กช แล้วก็คนดูมากกว่า

แต่เหมือนเขาไม่ค่อยชอบใจที่ผมคุยกับน้องมังกรจนไม่สนใจเขา

“โห่ มิว หยุดคุยกับเพื่อนก่อนดิ สนใจพี่ก่อน เราอุตส่าห์ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองคน”

“เราก็อยู่ด้วยกันสองคนแทบจะตลอดเลยไม่ใช่เหรอพี่”

ช่วงนี้เป็นช่วงปิดภาคเรียนของพวกเราครับ ผมกลับไปอยู่บ้านบ้าง แวะมาหอบ้าง แต่อาทิตย์นี้อยู่หอทั้งสัปดาห์เลยเพราะพี่กชอ้อนขอให้อยู่ด้วย… แล้วผมก็ใจอ่อนทุกที

“แล้วพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ว่านี่คืออะไร” เขาถามอย่างสงสัย คงจะเห็นจากที่ผมคุยกับน้องมังกรล่ะสิ หึๆ ๆ เจ้าพวกมักเกิลเอ๊ย ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย

“พี่ไม่รู้จักพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์เหรอ” ผมอมยิ้ม รู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ใช้ศัพท์เทคนิคของคนในวงการ (?) แต่พี่กชน่ะหน้าบูดขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

“มันคืออะไรล่ะ กางเกงในเหรอ”

“โน้วโนวโน่ว โน พี่ แบบนั้นมันไม่มีคลาสเลย” ผมยกนิ้วชี้ขึ้นมาทำปากจุ๊ๆ ส่ายหน้ารัวๆ ราวกับกำลังสอนเด็กห้าขวบ “พี่ไม่เข้าใจเหรอว่าบางครั้งการเห็นอะไรวับๆ แวมๆ น่ะ มันได้อารมณ์ยิ่งกว่าเห็นแบบโต้งๆ อีกนะ พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นอะไรแบบนั้นเหมือนกัน”

“ร่องนมเหรอ”

“พี่” ผมพูดเสียงขุ่น จ้องเขาเขม็งอย่างเอาเรื่อง พี่กชยักไหล่ทีหนึ่งโดยที่ยังกอดผมไม่ปล่อย

“แล้วจะบอกได้ยังว่ามันคืออะไร”

“ก็ได้ครับ มันก็คือ” ผมเปิดรูปตัวการ์ตูนผู้หญิงญี่ปุ่นในชุดนักเรียนขึ้นมา เจ้าหล่อนใส่กระโปรงสั้นกุด หากถุงเท้ายาวเลยเข้าขึ้นมา ผมชี้ผิวเนื้อเนียนที่เผยโฉมออกมาให้เห็นเพียงน้อยนิด “นี่แหละครับพี่ พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ว่า”

“ขาอ่อนอ่ะนะ? ”

“มันก็ประมาณนั้นพี่ แต่มันก็ไม่เชิงขาอ่อนซะทีเดียวนะ เห็นไหม” ว่าพร้อมกับจิ้มย้ำๆ ลงตำแหน่งเดิม “มันอยู่ใต้ขาอ่อนลงมาอีกหน่อยต่างหาก แต่ส่วนที่สำคัญของพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ก็คือมันได้เห็นแค่นิดเดียวก็จริง แต่ฟินไปถึงโลกหน้า”

“พูดเหมือนลุงแก่ๆ โรคจิตๆ เลยนะเราน่ะ” พี่กชยิ้มขำ ผมเลยเป็นฝ่ายตีหน้าบึ้งใส่เขารอบนี้

“ชิ อย่างน้อยก็ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวแล้วกันที่ชอบพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์” มันมีเป็นลัทธิเลยนะคุณ ไม่เชื่อลองเสิร์ชกูเกิลดูกันได้

“มีพี่เป็นแฟนทั้งคนแล้วยังกล้าไปมองขาอ่อนผู้หญิงอีกเหรอ” น้ำเสียงเขาล้อเลียนอยู่ข้างหู คำพูดนั่นทำให้ผมฉุกใจคิดขึ้นมานิดหนึ่ง

นั่นสินะ ทั้งที่ตอนนี้ผมคบอยู่กับพี่กชแล้ว แต่ผมก็ยังมองผู้หญิงแล้วหลงใหลอยู่ได้ ถึงจะเป็นแค่ตัวการ์ตูนก็เถอะ แต่นั่นก็หมายความว่าผมไม่ได้เป็นเกย์น่ะสิ?

“ไม่สนใจกันแบบนี้น้อยใจน้า…”

ผมไหวตัวนิดหนึ่งเมื่ออีกฝ่ายซุกหน้าลงมาบนซอกคอ ลมหายใจร้อนที่เป่ารดทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความจั๊กจี้ ให้ตายเถอะ หมู่นี้พี่กชมือยุ่บยั่บเป็นปลาหมึกเลย แล้วตอนนี้ทั้งสองแขนนั่นก็พันรอบตัวไม่ให้ผมหลุดออกจากอ้อมกอดเขา ประเด็นคือเขาจั๊กจี้ผมอยู่ตรงคอนี่ไง โคตรขี้โกง

“อือ พี่กช… ทำอะไรครับ”

“เล่นกับมิวไง”

“เล่นอะไรล่ะพี่” ให้ตาย ผมร้อนวูบขึ้นมาเลยตอนที่ปากเขาโดนผิวเนื้อผม บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาของคนคบกันก็ได้นะ แต่ผมไม่เคยไง เข้าใจไหม ค่อยเป็นค่อยไปหน่อย

“ก็เล่นแบบนี้แหละ” แล้วเจ้าตัวก็ดึงผมไปนอนราบกับเตียง ยันตัวขึ้นมากันไว้ไม่ให้ผมหนี จากนั้นพี่กชก็จี้เอวผมแบบนันสต๊อป ประมาณว่ากลัวผมจะไม่ขาดอากาศหายใจตายอย่างไรอย่างนั้น

“โอ๊ย พี่ อย่า! ฮ่าๆ ๆ ยอมแพ้! ยอมแพ้แล้ว ยอมแพ้แล้วครับ”

พี่กชหัวเราะอย่างมีชัย ปล่อยให้ผมหอบหายใจอีกครู่หนึ่งก่อนจะโน้มหน้าลงมาต่ำ กระซิบถามแผ่วเบา

“ขอจูบได้ไหม”

“ของแบบนี้ต้องขอกันด้วยเหรอครับ? ” อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมไม่เคยรู้ คือคนคบกันแล้วยังต้องขอจูบกันด้วยไหมอ่ะ? แต่ถ้าอีกฝ่ายเกิดไม่อยากจูบขึ้นมาก็คงไม่ดีอีกเนอะ

“นั่นสินะ” รุ่นพี่ตัวแสบของผมหัวเราะอีกครั้ง เลื่อนมือมาดึงแว่นตาออกไปจากหน้าผม จากนั้นก็ทาบริมฝีปากอุ่นลงมาอย่างแผ่วเบา ผมปิดเปลือกตาลงขณะที่ร่างสูงเริ่มก้มตัวลงมามากขึ้น ลิ้นร้อนแตะกลีบปากล่างเป็นเชิงขอให้ผมเผยอริมฝีปากขึ้น ผมทำตามสิ่งที่พี่กชต้องการอย่างว่าง่าย รู้สึกถึงความเร่าร้อนที่เพิ่มขึ้นตามจังหวะ

ระยะหลังมานี่ผมพยายามตามเขาให้ทันมาก พอเขาเริ่มไล้ลิ้นกวาดหาความหวานจากโพรงปาก ผมก็พยายามตวัดลิ้นจูบตอบเขา แต่พี่กชก็เหมือนพัฒนาแซงหน้าผมไปเรื่อยๆ เหมือนไม่มีวันที่ผมจะตามเขาทันกับเรื่องอะไรแบบนี้เลย

“อะ… อื้ม” โอ๊ย ให้ตาย เขาเริ่มสอดมือเข้ามาใต้เสื้อผมแล้ว เอาจริงระยะหลังมานี่เขาแทะโลมผมบ่อยขึ้นๆ แล้วก็ขยายวงกว้างมากขึ้นด้วย

มะ… ไม่ใช่ว่าผมจะไม่เข้าใจอารมณ์ความต้องการของเขาหรอกนะ แต่ผมยังรู้สึกไม่พร้อม ผมเพิ่งจะเคยมีแฟนจริงๆ จังๆ นะ แล้วจูบแรกระหว่างเขากับผมก็เพิ่งผ่านมาไม่ถึงเดือน ผมต้องการเวลาในการปรับตัวหรือเตรียมพร้อมบ้างอะไรบ้าง แต่พี่กชก็ไม่ได้เร่งหรือบังคับผมอะไรมากมายหรอกนะ เขาก็คงเข้าใจ

ผมหอบหายใจออกมาเบาๆ ขณะที่ริมฝีปากร้อนฉ่านั่นผละออกอย่างอ้อยอิ่ง พี่กชเลิกเสื้อยืดของผมขึ้นแต่ไม่ได้ถอดออก ลูบไล้บริเวณหน้าท้องสลับกับแผ่นอกไปมาอย่างเชื่องช้า แล้วให้ตายเถอะ ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะนอนนิ่งๆ ให้เขาหยอกเย้ากับร่างกายตัวเองแบบนี้ แต่อาจเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำผมถึงไม่ได้โวยวายอะไรมาก

บางที… บางทีนะ พี่กชอาจจะอยากเตรียมความพร้อมให้ผมด้วยการไปทีละขั้นตอนแบบนี้ก็ได้

“พี่กช…” ผมเรียกเขาเสียงสั่น และเมื่อนัยน์ตาสีช็อกโกแลตหันกลับมาสบด้วยใจผมก็เต้นรัวขึ้นอย่างรุนแรง

“ครับ? ” เขาขานรับคำเรียก เขยิบตัวเข้ามาดึงผมไปกอด ริมฝีปากซุกซนประกบลงมาบนปากผมอีกแล้ว ทั้งๆ ที่ในห้องของเราเปิดแอร์เย็นมาก แต่ผมกลับรู้สึกถึงเหงื่อของตัวเองและของอีกฝ่ายที่ผุดขึ้นตามลำตัว

“อ่า” ผมครางเสียงแผ่ว ตกใจนิดหน่อยที่พี่กชดึงมือผมขึ้นไป สอดมันเข้าไปใต้เสื้อของตัวเองราวกับจะขอให้ผมสัมผัสเรือนร่างของเขาอย่างที่เขาทำบ้าง

เขาเร่งจังหวะจูบมากขึ้น ผมไล้ฝ่ามือของตัวเองไปตามกล้ามเนื้อท้องอย่างกล้าๆ กลัวๆ ขาของอีกฝ่ายเบียดลงมาบนต้นขาผม ออกแรงให้มันเปิดกว้างออกจากกัน ดูเหมือนคราวนี้พี่กชจะพาผมข้ามมาอีกสเต็ปหนึ่งแล้ว มันทั้งน่าตื่นเต้นแล้วก็น่ากลัวผสมปนเปกัน

บอกได้เลยว่าตอนนี้ผมไม่รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ผมได้ยินเสียงตัวเองหอบหายใจ เสียงครางด้วยแรงปรารถนาจากลำคอของพี่กช

นิ้วเรียวสะกิดที่ยอดอกทำให้ผมสะดุ้งสุดตัว เหมือนทั้งร่างเริ่มสั่นเพราะความวาบหวามที่จู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว

และเหมือนพี่กชจะรู้บท มือหนาเลื่อนไปกระตุกกางเกงผมออก ผมถลาไปจับมือพี่แกไว้แทบไม่ทันทีเดียวขณะพูดเสียงสั่น

“พะ… พี่กช เดี๋ยวก่อน…”

“ชู่” ว่าพลางแตะริมฝีปากลงบนหน้าผากผมอย่างอ่อนโยน ผมนี่แทบอยากจะร้องไห้ ไม่ใช่ผมรังเกียจหรือไม่อยากทำเรื่องอย่างว่ากับเขาหรอกนะ แต่ผมยังไม่พร้อมจริงๆ แต่ผมจะปฏิเสธเขาได้ยังไงล่ะ

“พะ… พี่”

“พี่ไม่ทำอะไรที่มิวไม่ชอบหรอก” เขารับปาก น่าแปลกที่คำพูดนั้นทำให้ผมสงบลงอย่างรวดเร็ว พี่กชเลื่อนริมฝีปากมาคลอเคลียข้างแก้ม “แค่อยากดูพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของมิวเท่านั้นเอง”

“! ” หน้าผมร้อนจนแทบจะระเบิดได้

หน็อย! ไอ้รุ่นพี่บ้า พอได้ศัพท์ใหม่นี่ใช้ใหญ่เลยนะ แล้วอะไร… พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของผม…?

“พี่ บ้า แบบนี้มันไม่เรียกพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว” ผมยังละล้าละลัง คือถ้าพี่แกกระชากบ็อกเซอร์ผมออกไปด้วยนี่ถือว่ากระโดดข้ามไปอีกขั้นเลยนะ คือพี่จะมาโดดสองสเต็ปในหนึ่งวันไม่ได้ โอเครึเปล่า “มันเรียกพื้นที่ลับ”

“มิวแม่งตลกว่ะ” เขาหัวเราะขำ กระตุกกางเกงผมออกไปโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ขอบคุณมากที่ยังเหลือชั้นในไว้ให้กัน แต่แค่นี้ก็น่าอายมากพอแล้วสำหรับผม

“พะ… พี่กช” ผมครางเรียกชื่อเขา ไม่รู้ตัวหรอกว่านั่นยิ่งไปกระตุ้นต่อมเขามากขึ้นไปอีก

“รู้แล้วๆ ” เขาพูดย้ำ หากมือไล้ลงบนขาอ่อนผมอย่างยั่วยวน สัมผัสผิวเนื้อของผมราวกับมันเป็นแก้วเปราะบางที่อาจแตกได้ง่ายๆ หากออกแรงมากเกินไป “แม่งเอ๊ย ขาวฉิบหาย”

“! ” เขารู้ใช่ไหมว่าผมได้ยิน เขารู้ใช่ไหม!?

ปากผมถูกปิดสนิทด้วยปากของพี่กชอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่มีความอ่อนหวานนุ่มนวลเหมือนคราวก่อนๆ อีกต่อไป มันเต็มไปแรงปรารถนาแล้วก็ความร้อนรุ่มที่ลุกโชนจนเหมือนจะเผาพวกเราทั้งคู่กันไปข้าง

พี่กชขยับขาลงมาบนเรียวขาผม บังคับให้มันเปิดกว้างออกโดยง่าย อันที่จริงมือข้างหนึ่งของเขาให้ผมก่ายขาขึ้นไปเกยบนสะโพกเขาด้วยซ้ำ ความแข็งขืนบดเบียดลงบนขาอ่อนทำให้ผมสะดุ้งอีกเฮือก มือกำลังจะเลื่อนไปผลักเขาออก แต่พี่กชไม่ปล่อยช่องว่างเลย มือแกร่งรวบข้อมือผมขึ้นไปเหนือศีรษะแล้วกดจูบลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เสร็จแน่กู… ฉิบหายเอ๊ย ไหนบอกจะค่อยเป็นค่อยไปให้ผมไง!?

ผมละลายไปกับสัมผัสรุนแรงของคนตรงหน้าจริงๆ เรี่ยวแรงเหมือนถูกสูบออกจากร่าง ผมเกร็งตัวแน่น ครางออกมาแผ่วเบาขณะที่ริมฝีปากคู่สวยของคนด้านบนซุกซนไปตามซอกคอและแผ่นอก มือเลื่อนไปเปะป่ายบนแผ่นหลังของเขาอย่างสิ้นไร้ไม้ตอก

ทันทีที่มือหนาแตะลงบนส่วนอ่อนไหวผมก็ร้องครางออกมาอย่างสุขสมระคนเจ็บปวด

ผมไม่อยากให้เรามีอะไรกันตอนนี้ ต่อให้พี่กชจะบอกว่าชอบผมมานานหรือว่าผมจะชอบเขาโดยไม่รู้ตัวมาก่อนหน้าจะคบกันแล้วก็ตาม มันเร็วเกินไป และผมไม่ได้ล้อเล่นนะที่บอกว่ายังไม่พร้อมน่ะ

“มะ… ไม่ได้” ผมยังจะพยายามนะ ทั้งที่ในใจน่ะคิดว่าเสร็จพี่แกแน่ๆ ไปแล้ว แถมร่างกายก็อ่อนยวบไม่มีแรงขัดขืนเขาแม้แต่น้อย

พี่กชคำรามในลำคอเหมือนขัดใจ แต่เขาก็ยอมทำตามสัญญาที่ให้ไว้แต่แรก

“รู้แล้ว” น้ำเสียงไม่เต็มใจนั่นดังอยู่ข้างหู “แต่ใช้มือได้ไหม? ”

ยัง… ยังอีก ต้องให้ได้สักอย่างสินะ เอาวะ…

“กะ… ก็ได้” ผมหอบหายใจระรัว หน้าแดง เนื้อตัวแดงเป็นจ้ำๆ ไปหมด “ก็ได้ครับ”

มือแกร่งล้วงลงไปใต้กางเกงทันทีราวกับรอท่าอยู่แล้ว ผมหลับตาแน่น เบือนหน้าไปอีกทางเพราะอายจนทนไม่ไหว แต่อย่าหวังว่าพี่กชจะปล่อยให้ผมรอดง่ายๆ

“มิว” เขากระซิบเสียงพร่า “ทำให้พี่ด้วยได้ไหม”

ให้ตายสิ อย่างกับว่าเขาจะยอมให้ผมสุขสมคนเดียวสินะ

ผมเลื่อนมือไปใต้กางเกงเขาอย่างว่าง่าย ใจเต้นตึกขึ้นมาเมื่อได้ยินพี่กชครางในลำคออย่างพอใจ มันกระตุ้นอารมณ์ของผมได้ไม่น้อยเลย แต่ไอ้มือของเขาที่อยู่ตรงส่วนนั้นของผมนี่จะทำหน้าที่ดีไปหรือเปล่า

“อือ...” ผมครางเสียงแผ่วแต่ต่อเนื่อง มันผสมปนเปไปกับเสียงครางของพี่กชและเสียงหอบหายใจของเรา

ในที่สุดพี่กชก็ปลดปล่อยให้ผมถึงจุดสุดยอดก่อน หัวผมนี่ขาวโพลนเลยตอนที่ร่างกายกระตุกและปล่อยให้ของเหลวสีขุ่นกระจายอยู่บนหน้าท้อง

แต่ผมทำให้พี่กชได้โคตรแย่ แม้แต่ตัวเองยังรู้สึกผิดเลย แต่พี่กชก็ไม่ว่าอะไรสักคำ เขาปล่อยให้ผมจัดการกับส่วนนั้นของเขาขณะแทะโลมริมฝีปากแล้วก็ร่างกายส่วนอื่นของผมไปพลาง

แล้วตอนที่เขาเสร็จ ร่างสูงก็ปล่อยให้น้ำของตัวเองมาจบอยู่บนหน้าท้องผมซะงั้น กลายเป็นว่าตอนนี้ผมเปียกไปหมดด้วยความใคร่ของเราสองคน

ผมเบ้ปากให้เขานิดหนึ่งขณะพูดเสียงเย็น “พี่กช”

“โทษทีนะ” เจ้าตัวยิ้มอย่างมีความสุข ไม่เห็นจะรู้สึกผิดตามที่พูดเลยนี่!

“พี่ทำผมเปื้อนหมดแล้ว” ผมแกล้งว่า ใบหน้าคมเลื่อนลงมาจูบหน้าผากผมอย่างปลอบโยน

“งั้นเดี๋ยวพี่ช่วยล้างให้นะ”

“ไม่ต้องเลยพี่” เนียนตลอดอ่ะ ให้ตาย “ผมอาบน้ำเองคนเดียวได้ครับ ปล่อยผมได้แล้ว”

“เดี๋ยวอาบให้ไง”

“ผมไม่ได้ขอนะ”

“ขอกอดให้ชื่นใจก่อน”

อีกแล้ว เขาซุกไซร้หน้าลงมาบนซอกคอผมอย่างออดอ้อนอีกแล้ว และผมก็ใจอ่อนให้เขาทุกที

ผมเลื่อนแขนไปกอดร่างสูงตอบ กระซิบแผ่วเบาพอให้เขาได้ยิน

“ขอบคุณนะพี่”

“หืม? ”

“ขอบคุณ… ที่ฟังที่ผมพูดนะ”

พี่กชยิ้มกว้าง ยีหัวผมแรงๆ จนผมยุ่งไปหมด

“พี่จะรอนะ มิว” พูดพร้อมกับหยิกแก้มผมเบาๆ “จะรอจนกว่ามิวจะพร้อม”

ให้ตายสิ…

อยู่ๆ ก็รู้สึกผิดที่ตัวเองไม่พร้อมขึ้นมาซะอย่างนั้นเลย





----------------------------------------------
Talk: ยังค่ะ พี่กชยังไม่ได้แอ้มน้อง แค่เกือบเฉยๆ เอง ถถถถถถถ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 16) P.3 [16/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 16-01-2018 19:36:08
ใจเย็นๆค่อยเป็นค่อยไปน่าพี่กช ตอนนี้รู้สึกจะอีโรติกเป็นพิเศษ 555 ก้าวไปอีกขั้นนะกชมิว ชอบที่พี่กชหลุดสบถออกมาเพราะความโอโม่ของมิว ฮืออ เราก็จะรอมิวจนกว่ามิวจะพร้อมเหมือนกัน  :hao6:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 16) P.3 [16/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 16-01-2018 19:55:10
กชต้องใจเย็นนะกชนะ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 16) P.3 [16/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-01-2018 20:16:28
 :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 16) P.3 [16/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-01-2018 21:49:10
อีกสามสี่ทีพร้อมความเชี่ยวของพี่กชก้อพร้อมละล่ะมิว
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 16) P.3 [16/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-01-2018 22:14:24
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 16) P.3 [16/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 19-01-2018 21:23:55

บทที่ 17





“อ่อนหัด! อ่อนหัดเกินไปแล้วไอ้มิว! ”

ผมหดคอลงหลังจากที่โดนไอ้แนทขึ้นเสียงใส่ ดูเจ้าตัวจะใส่อารมณ์กับเรื่องที่ผมเล่าจริงๆ

“เอาจริงดิ? นี่ถึงขั้นใช้มือแล้วแต่ยังไม่ได้กันเนี่ยนะ? พี่กชมัวทำอะไรอยู่วะ”

“อ้าว แล้วไหงวกกลับไปว่าพี่กชล่ะ” ผมโวยเบาๆ ไม่ได้หรอกครับ ต้องปกป้องแฟนตัวเองหน่อย “พี่กชเขาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับกูนะ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”

“งั้นก็ผิดที่มึง” แนทว่าพร้อมกับจ้องผมตาขวาง ถ้าทะลุแว่นออกมาได้คงทำไปแล้ว ส่วนผมจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากก้มหน้างุดๆ ลงบนพื้นห้องของอีกฝ่าย “ทำไมไม่ยอมๆ เขาไปเลยวะ? ถึงขั้นไหนแล้วจะเหลือติ่งไว้ทำแมวอะไร”

บางทีผมก็สงสัยนะว่าตัวตนที่แท้จริงของไอ้แนทนี่มันเป็นแบบไหนกันแน่ วินาทีหนึ่งคุณอาจจะคิดว่ามันโคตรเนิร์ด (ยิ่งมีแว่นทรงเดียวกับผมอยู่บนหน้าด้วยแล้ว) แต่วินาทีต่อมาคุณก็จะรู้สึกว่ามันเป็นคนแรงๆ บางคนอาจจะเปลี่ยนง.งู จากคำว่า ‘แรง’ เป็นด.เด็กก็ได้ แต่ยังไงมันก็เป็นเพื่อนผมล่ะนะ เพราะงั้นผมจะไม่ใช้ด.เด็กแล้วกัน

“มึงจะบ้าเหรอ ไอ้แนท” ผมว่า พิงหลังลงกับขอบเตียงของเพื่อน หอของไอ้แนทเองก็อยู่ไม่ไกลจากหอผมเท่าไร ไปมาหาสู่กันได้สบาย “กูยังคบเขามาไม่ถึงเดือนเลยนะ”

“แล้วไงวะ”

แล้วไงเหรอ…

“ก็ไม่แล้วไง กูว่ามันเร็วไป”

“งั้นเหลืออีกกี่วันถึงจะครบเดือน? ”

ผมยกนิ้วขึ้นมานับพึมพำก่อนจะหยุดอย่างนึกขึ้นมาได้ หันไปมองมันตาขวาง

“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นสักหน่อย”

“แล้วประเด็นคือ? ”

“กูยังไม่พร้อม”

นัยน์ตาหลังเลนส์แว่นหรี่ลงอย่างยียวน บางทีไอ้บ้านี่ก็น่าซัดอย่างไม่น่าเชื่อ

“ถ้ามึงยังไม่พร้อม งั้นก็ไม่เกี่ยวกับเร็วหรือไม่เร็วไปดิ? ไม่เกี่ยวกับว่ามึงคบกับเขามาถึงเดือนหรือยังไม่ถึงด้วย”

ผมยกสองมือยอมแพ้ “มึงจะพูดยังไงก็เอาเลย”

“มึงต้องไม่ทำตัวอ่อนหัดนะมิว”

“มึงหมายความว่ากูควรได้กับเขางั้นสิ? ”

แนทนิ่งคิดไปนิดหนึ่งก่อนจะถามกลับ “แล้วมึงรู้สึกยังไงตอนใช้มือกับเขาล่ะ”

เอาจริงดิ นี่เราต้องพูดเรื่องนี้กันจริงเหรอ

“ก็… ก็ดี” พูดพร้อมกับก้มหน้างุด หน้าโคตรร้อนเลยตอนนี้ แต่ไอ้แนทกลับหรี่ตาลงเหมือนหมั่นไส้เล็กน้อย

“แล้วยังไงต่อ”

“อะไรนะ? ” คือกูต้องอธิบายละเอียดขนาดไหนครับกับการที่ผู้ชายสองคนใช้มือให้กันเนี่ย

“แล้วมึงอยากจะทำต่อไหม” แนทยื่นหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้นจนผมต้องถอยหนี “ต่อจากนั้นไปอีกขั้นน่ะ”

“แล้วทำไมกูต้องตอบมึงด้วยวะ”

ถึงตรงนี้เจ้าตัวก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ อันที่จริงมันดูเจ้าเล่ห์จนน่าขนลุกแปลกๆ ชอบกลมากกว่า

“นั่นสินะ มึงไม่ต้องตอบกูหรอก” พูดพร้อมกับถอยกลับไปนั่งที่เดิม “เพราะกูรู้ว่ามึงอยากทำ”

“มึงพูดเอง---”

“ขอทีเถอะน่า มิว ไม่งั้นมึงจะมาหากูทำไมวะ? ถูกไหม? ”

โดนจี้จุดไปแบบนี้ผมก็ได้แต่เงียบ เบ้ปากนิดหนึ่งเพราะไม่ชอบใจที่โดนเพื่อนรู้ทันความคิดของตัวเอง แต่ก็อีกนั่นแหละ ผมไม่เคยมาหาไอ้แนทถึงห้องแบบนี้มาก่อน ปกติเวลาเจอกันเรามักจะนัดไปกินข้าวข้างนอกมากกว่า แต่การที่ครั้งนี้ผมยืนยันว่าต้องเป็นที่ห้องของมันเท่านั้นก็คงจะชัดเจนพอให้ไอ้แนทเดาได้

แล้วตอนนี้ไอ้บ้านี่ก็กำลังส่ายหน้าเหมือนเอือมระอาผมเต็มที่ “ให้ตายสิวะ พี่กชเนี่ย”

“ทำไม? ” พี่กชมาเกี่ยวอะไรด้วยฟะตอนนี้

“ปล่อยมึงรอดมาได้ยังไงวะ ถ้ากูเป็นเขานี่ป่านนี้มึงเสร็จไปหลายยกแล้ว”

ผมสะดุ้ง ถลึงตาใส่เพื่อนที่ส่งยิ้มเผล่มาให้ ว่าแล้วก็เอาเท้าเขี่ยไอ้แนทที่นั่งอยู่บนพื้นด้วยความหมั่นไส้ไปทีหนึ่ง

“ถีบกูทำไม ไอ้มิว นี่กูพูดจริงๆ นะ”

“บ้า พี่กชเขาไม่ได้ปลิ้นปล้อนแบบมึงปะล่ะ”

“ยี้ หลงผัวว่ะ”

“แฟนโว้ย! ” ยังไม่ได้กันยังไม่นับ… เอ่อ แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้นสินะ “แต่เดี๋ยวก่อนนะ ไอ้แนท มึงบอกว่ามึงไม่เคยมีแฟนมาก่อนนี่”

“ช่าย” มันลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็น รินน้ำเขียวใส่แก้วสองใบ เดินกลับมายื่นให้ผมใบหนึ่ง

“แล้ว… แล้วมึงเคยมีอะไร…? ”

“เคย” ตอบกลับมาหน้าตายมาก ผมอ้าปากค้างมองมันอย่างอึ้งๆ “ทำไม แปลกใจขนาดนั้นเลยเหรอ? ”

“แปลก! ” ผมตะโกน ยกมือขึ้นประหนึ่งปางห้ามญาติ “เดี๋ยวก่อนๆ ๆ มึงบอกว่าไม่เคยมีแฟน แต่มึงเคย… แบบ ทำเรื่องอย่างว่ามาแล้ว? ”

“หมายถึงมีเซ็กซ์อะนะ? ใช่”

ผมยังคงมองหน้าเพื่อนอย่างตกตะลึง มือที่ถือแก้วน้ำเขียวค้างอยู่กลางอากาศ “ถามจริง? ”

“ตอบจริง” พูดเสียงกวนตีนแล้วก็ซดน้ำของตัวเองลงคอ แถมยังร้องฮ้าอย่างชื่นใจอีก

“แล้วมึงไปนอนกับใคร”

“ก็หาๆ เอา”

“หาที่ไหน”

“ที่ไหนก็มีทั้งนั้น” ไอ้ตัวแสบยิ้มเจ้าเล่ห์ เขยิบตัวเข้ามาใกล้ มือยันกับพื้นขณะทำเหมือนจะขึ้นมาคร่อม “ขนาดตอนนี้ยังมีเลย”

“ไอ้ห่าแนท! ” ผมผลักมันออกแทบไม่ทัน ไอ้บ้านี่ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น งอตัวกุมท้องขำซะจนผมอยากจะประเคนลูกถีบให้มันสักรอบ เล่นบ้าอะไรไม่รู้เรื่อง ขนนี่ลุกเกรียวเลยเนี่ย “เป็นเหี้ยอะไรของมึง ไปหาคู่นอนของมึงนู่นไป๊”

“กูไม่มีอะ” มันว่าหลังจากบังคับให้ตัวเองหยุดขำได้ “แบบ… ยังไงล่ะ กูไม่ได้มีคู่นอนเป็นตัวเป็นตนนะ”

ผมถลนตามองมัน “มึงนอนไปเรื่อยงั้นเหรอ? ”

“ก็ประมาณนั้นมั้ง ไม่เห็นเป็นไรเลยไม่ใช่เหรอ เดือนละครั้งสองครั้งเอง”

ผมไม่คิดว่าตัวเองใสซื่อหรือบริสุทธิ์ผุดผ่องอะไรหรอกนะ แต่มาเจอเพื่อนตัวเองพูดออกมาหน้าตาเฉยแบบนี้ก็รู้ว่าตัวเองเด็กน้อยไปเลย

คือ… ผมคือคนที่กำลังกลุ้มใจกับการทำเรื่องอย่างว่าครั้งแรกนะ แต่ไอ้หมอนี่มันเชี่ยวขนาดไหนกันแน่เนี่ย?

“มึงพูดจริงปะเนี่ย” ผมคราง เรื่องที่มันเป็นคนแบบนี้ก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องที่มันไม่เคยเล่าให้ผมฟังเลยนี่สิ “ทำไมกูไม่เห็นเคยได้ยิน”

“ก็นะ มึงมันพวกเด็กดีนี่หว่า กูก็ไม่ค่อยอยากเล่าให้ฟังเท่าไรหรอก กลัวมึงรับไม่ได้”

“แล้วทำไมตอนนี้ถึงยอมเปิดปากล่ะ”

“มึงจะได้มั่นใจไงว่ามาปรึกษาถูกคนแล้ว”

อืม จ้ะ รู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะเลยจ้ะ

“แล้ว มึงเป็น… แบบว่า…” ผมทำมือขึ้นลงเงอะงะ “ข้างล่างหรือข้างบน”

แนทคลี่ยิ้มกว้างมากขึ้น “ไม่รู้สิ? เอาเป็นว่าให้มึงลองทายดูเป็นไง”

“ห่าเอ๊ย แล้วกูจะปรึกษามึงรู้เรื่องไหม”

“เออ นั่นดิ เข้าประเด็นกันดีกว่า” ว่าแล้วเจ้าตัวก็หันหน้ากลับมานั่งขัดสมาธิดีๆ ผมว่าผมไม่ชอบตอนเข้าเรื่องจริงจังแบบนี้มากกว่า “แต่มึงอยู่ข้างล่างใช่ไหม ไอ้มิว แหงล่ะ มึงไม่อยู่ข้างบนหรอก พี่กชไม่ยอมแน่ ทีนี้มาดูกัน มึงเตรียมตัวอะไรแล้วบ้าง มึงรู้ใช่ไหมเขาทำกันยังไง”

ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการบังคับตัวเองไม่ให้หน้าแดง คือไอ้แนทนี่มันหน้าน่ิงมากจนผมรู้สึกผิดเลยถ้าจะมามัวอาย นั่นสินะ ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วสักหน่อย! อายุก็เกินสิบแปดแล้ว! จะมามัวอายม้วนบิดตัวเป็นสาวน้อยก็ไม่ใช่เรื่อง แล้วผมก็ไม่ใช่สาวน้อยนะ!

“ไม่” ผมตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ ไอ้แนทเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

“ไม่นี่คือ? ”

“กูไม่รู้ว่าเขาทำกันยังไง”

ไอ้แว่นแฝดผมพยักหน้าเนือยๆ “กูก็ว่างั้น ไม่งั้นมึงคงไม่ขอให้พี่กชหยุดตอนนั้นหรอกใช่ไหม”

“ทำกับผู้ชายมันไม่เหมือนกับทำกับผู้หญิงปะวะ”

“สัส อย่างกับมึงเคยทำกับผู้หญิง”

เออ ก็ไม่นั่นแหละ

“แต่จริงๆ มันก็ไม่ได้ต่างกันมากหรอก แค่ใช้ข้างหลังเท่านั้นเอง คำแนะนำของกูคือ… ทำความสะอาดดีๆ แล้วกัน”

อยู่ๆ ผมก็รู้สึกโหวงในช่องท้อง มันอธิบายไม่ถูก เหมือนทั้งอายทั้งอนาถตัวเองไปพร้อมๆ กัน ไม่นึกเลยว่าในชีวิตจะต้องมาอยู่ในจุดจุดนี้

“เอ้า หน้าซีดเลย ใจเย็นเพื่อน” ไอ้แนทว่าพร้อมกับยกมือพัดวี ผมเลยขมวดคิ้วกลับไปให้มัน

“กูไม่เป็นไร”

“มึงช็อกสินะที่ตัวเองเป็นเกย์”

“กูช็อกช้าไปรึเปล่า” คือนี่ถึงขนาดคบกับพี่กชแล้วนะ จนวางแผนจะมีอะไรกันอยู่แล้ว

“ไม่เห็นเป็นไร ตกใจบ้างก็ได้ อะไรที่เป็นเรื่องที่เราไม่คาดฝัน หรืออะไรที่เป็นครั้งแรกมันก็น่ากลัวทั้งนั้นแหละ”

น่าแปลกที่คำพูดของไอ้แนททำให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ บางทีอาจเป็นเพราะผมรู้สึกว่ามันเองก็เคยผ่านช่วงเวลาเดียวกับที่ผมเผชิญอยู่มาก่อน และตัวมันในตอนนี้ก็ไม่ได้ดูเดือดร้อนอะไรกับรสนิยมทางเพศของตัวเอง

“แต่มึงห้ามทำสดนะ”

คำพูดต่อมาของเพื่อนทำเอาผมที่เริ่มยกน้ำเขียวขึ้นมากินแทบสำลัก

“อะ… อะ… อะไรนะ? ”

“กูรู้ว่าถึงตอนนี้มึงจะช็อก แต่ยังไงมึงก็ต้องทำอยู่ดี” มันน่ากลัวตรงที่ไอ้แนทมันพูดด้วยสีหน้าจริงจังมากนี่แหละ “เพราะงั้นมึงต้องเซฟตัวเอง เกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะเรื่องใหญ่ แล้วไปเตรียมพวกเจลหล่อลื่นมาด้วยก็น่าจะดีกว่า ถุงยางก็เช็กดีๆ ว่าโอเคไหม ดูด้วยว่าพี่กชใส่ถูกวิธีรึเปล่า มึงรู้ใช่ไหมว่าวิธีการใส่ที่ถูกต้องทำยังไง เคยใส่ใช่ไหมถุงยางเนี่ย”

“ไม่… ไม่เคย” ว่าจะไม่หน้าร้อนแล้วนะ แต่ตอนนี้แดงจนแทบจะเผาส่วนอื่นของตัวเองได้แล้ว แต่ไอ้แนทกลับถอนหายใจเฮือก มองผมอย่างอ่อนใจเสียอย่างนั้น

“กูต้องสอนมึงใส่ด้วยรึเปล่าเนี่ย ให้ตาย”

“ไม่ต้อง! ” บ้าชะมัดเลย ว่าอยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้ควรศึกษาด้วยตัวเอง ไม่น่าคิดมาขอคำปรึกษาจากใครเลย

“มึงนี่มันเป็นตัวอย่างความล้มเหลวของการศึกษาเรื่องเพศในประเทศเราจริงๆ ”

“อ้าว ด่ากูอีก” ผมเริ่มโวยวาย “พอเลย ไอ้ห่า นอกจากไม่ช่วยแล้วยังจะซ้ำเติม”

“ไม่ได้ซ้ำเติมเลย นี่กูก็พยายามช่วยสุดๆ แล้ว อยากให้มึงระวังตัวเองไว้หน่อยก็เท่านั้นเอง ว่าแต่มึงอยากยืมเจลหล่อลื่นกูไหมล่ะ เหลืออีกครึ่งขวดอ่ะ ถ้าเอา เดี๋ยวกูไปหยิบมาให้”

“ไม่เป็นไร ขอบคุณ” ของใช้ส่วนตัวแบบนี้ขอบายเถอะ

“มึงอยากไปซื้อเองมากกว่าสินะ” พูดพร้อมกับแสยะยิ้มอย่างกวนตีน แทบอยากจะยกโต๊ะขึ้นมาฟาดหน้ามัน

“ไม่อยากโว้ย! ”

“แต่มึงต้องใช้นะ นี่สำคัญจริง แต่มึงฝากพี่กชซื้อก็ได้นี่เนอะ ฝั่งนั้นคงไม่หน้าบางแบบมึงหรอกมั้ง”

“มึงว่ากูกับเขาจะไปกันรอดไหมวะ” พูดแล้วก็ยกมือขึ้นมากุมแก้มตัวเอง ให้ตายเถอะ สัมผัสจากฝ่ามืออุ่นคู่นั้นยังหลงเหลืออยู่เลย ผมรู้ว่าพวกเราเพิ่งคบกันมาไม่นาน และพี่กชเองก็คงรอผมได้ก็จริง แต่… ผมก็อยากทำอะไรเพื่อเขาบ้าง

“มึงหมายถึงความสัมพันธ์มึงหรือเรื่องบนเตียงล่ะ”

“...อย่างหลัง” ด้านความสัมพันธ์ไม่ค่อยห่วงเท่าไรครับ ไม่รู้สิ ผมว่าเราก็ไปกันได้ดีนะ

“ก็ถ้าคุยกันดีๆ ก็ไม่มีปัญหามั้ง” ไอ้แนทเริ่มยกมือเกาหัว “ไม่รู้ดิ กูไม่เคยมีปัญหาเรื่องบนเตียงนะ แต่ความสัมพันธ์นี่อีกเรื่องหนึ่ง”

สรุปก็คือเราสองคนเป็นขั้วตรงข้ามกันสินะ เยี่ยมไปเลย

“กูว่ากูกลับห้องกูแล้วดีกว่า” ผมว่าหลังจากพลิกนาฬิกาข้อมือดูเวลา เดี๋ยวต้องกลับไปอัดคลิปเกมที่เล่นค้างไว้อยู่ แต่ไม่แน่ใจว่าพาร์ทนี้พี่กชจะมาเล่นด้วยได้ไหมเพราะพี่แกบอกจะไปเตะบอลกับพวกพี่บอส แต่ไม่เป็นไร เกมนี้บางพาร์ทผมก็เล่นคนเดียว บางพาร์ทก็เล่นกับพี่กช ไม่ซีเรียสมากอยู่แล้ว

ไอ้แนทเดินลงมาส่งผมที่ชั้นล่างของหอมัน ผมกำลังกดมือถือเล่นไปด้วยพร้อมกันขณะที่ไอ้แนทเริ่มเล่าเรื่องเพื่อนในกลุ่มที่ทำรายงานด้วยกันให้ฟัง มีคนทักหน้าเพจมาเยอะเหมือนกันแฮะ ไล่ตอบสักหน่อยดีกว่า ดองแชทนานๆ ไม่ดีหรอก





Vk Dragon: น่าเสียดายตอนที่พี่พลาดเหรียญในเฟสสองไป ไม่งั้นก็ได้ทรูเอนด์แล้ว

AMPerSand&&&: เฮ้ สไลม์ หวัดดี สนใจมาเล่นเกมคอฮ. ด้วยกันไหม





ประโยคหลังจากคนในวงการเดียวกันทำให้ผมตาโตขึ้นมานิดหนึ่ง คนที่ชื่อแอมเพอร์แซนด์นี่มีชื่อเล่นจริงๆ ว่าแอมป์ เขาเป็นรุ่นพี่ผมสองสามปีได้มั้ง เริ่มทำชาแนลก่อนผมมาสักพัก แต่ก็ถือว่าอยู่ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราติดเกมออนไลน์เกมเดียวกันเลยมีโอกาสได้เล่นด้วยกันบ่อยๆ แต่หลังจากเกมนั้นไปก็แทบไม่ได้คุยอะไรกันเท่าไร มีถามสารทุกข์สุกดิบบ้างแต่ก็ไม่ได้แคสเกมด้วยกันเลย

และตอนนี้เขาก็กำลังชวนผมเล่นเกมเกมหนึ่งที่กำลังเป็นกระแสอยู่ ผมเคยเห็นเกมที่พี่แอมป์ชวนเล่นมาบ้างและคิดว่าน่าสนใจดี บางทีผมก็ควรมีปฏิสัมพันธ์กับแคสเตอร์คนอื่นๆ บ้างล่ะนะ





SlimeSmileS: ดีคับ พี่แอมป์ ไม่ได้คุยกันตั้งนาน

SlimeSmileS: คอฮ. เหรอพี่ ก็น่าสนใจนะ

SlimeSmileS: เดี๋ยวผมกลับห้องก่อนละจะไปดูเกมอีกที แต่ผมอยากเล่นกับพี่นะ





อีกฝั่งพิมพ์ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว บ่งบอกให้รู้ว่าคงอยู่หน้าจอ





AMPerSand&&&: เออ ดีๆ มาเล่นด้วยกันนะ จะได้แคสให้คนดูด้วย เกมนี้สนุกอยู่ สไลม์น่าจะชอบ

SlimeSmileS: โอเคพี่ งั้นเดี๋ยวผมทักไปใหม่ ขอเดินกลับห้องก่อนนะ





ผมเงยหน้าขึ้นมามองรอบตัวอีกทีตอนที่ไอ้แนทเริ่มเล่าว่าเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งของมันทำตัวงี่เง่ายังไงตอนที่อาจารย์เรียกไปตอบคำถาม เราสองคนเดินมาได้เกือบครึ่งทางที่จะถึงหอผมอยู่แล้ว สงสัยเพราะไอ้แนทกำลังเพลินกับการระบายปัญหาส่วนตัวในชีวิตมันให้ฟังเลยเดินมายาวเลย

ผมให้ความเห็นเรื่องเพื่อนคนนั้นของมันพร้อมกับก้มหน้าก้มตามองโทรศัพท์เพื่อพิมพ์ตอบลูกเพจต่อ ไม่ต้องมองผมแบบนั้นหรอก ผมรู้ว่าพวกคุณก็ต้องเคยทำเหมือนผมบ้างแหละ คุยกับเพื่อนไปตอบเพื่อนอีกคนในโทรศัพท์ไปเนี่ย เด็กรุ่นเรามีความสามารถในการแยกสมองที่บรรเจิดจะตายไป ถูกไหม

ว่าแล้วคราวนี้ก็ตอบน้องมังกร





SlimeSmileS: เออ นั่นดิ แต่จะให้ย้อนกลับไปเล่นใหม่ทั้งเกมก็ไม่น่าไหว

SlimeSmileS: แต่ก็ยังสองจิตสองใจนะ ดูก่อน มีคนขอให้ย้อนกลับไปเล่นเอาทรูเอนด์เหมือนกัน

SlimeSmileS: ถ้าพอมีเวลาอาจจะเล่นให้ดู





แถบแชทอีกฝั่งขึ้นจุดสามจุดขึ้นมา บ่งบอกให้รู้ว่าคู่สนทนากำลังพิมพ์





Vk Dragon: จริงเหรอพี่

Vk Dragon: ถ้าได้จริงก็ดีอ่ะ ผมก็อยากเห็นทรูเอนด์เหมือนกัน

Vk Dragon: แต่ก็แอบอยากให้เล่นเกมเดิมต่อนะ อยากรู้บทต่อไปแล้ว

Vk Dragon: โอ๊ย เลือกไม่ถูก ลงสองเกมเลยได้ไหม





ผมเผลอยกยิ้มขึ้นมาอย่างนึกขัน





SlimeSmileS: ใจเย็นนะมังกร พี่ยังแยกร่างไม่ได้

SlimeSmileS: เล่นได้แค่ทีละเกม

Vk Dragon: โห่ พี่อะ





“ไอ้มิว--” เสียงเรียกจากแนทที่เดินตามหลังทำให้ผมหยุดเดินเพื่อจะหันกลับไปมอง

แต่เหมือนจะไม่ทัน ผมชนเขากับใครอีกคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์อยู่เหมือนกันจึงไม่ทันสังเกตผม และเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองผมก็ต้องหน้าซีดลงเล็กน้อย

พี่บอสในชุดบอล… เหงื่อนี่โซมกายมาเลยครับ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ผมไม่หลงเสน่ห์เขาหรอก วางใจได้เลย

“มิว? ” เขาพูดงงๆ เหมือนนจะตกใจที่เห็นผมเหมือนกัน จากนั้นเจ้าตัวก็กระวีกระวาดเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง “มาทำอะไรเนี่ย” แล้วสายตาเขาก็มองมาที่ไอ้แนทที่เดินมายืนขนาบข้างผมเหมือนเตรียมจะปกป้องเต็มที่ “อ้อ… อยู่กับผัวใหม่นี่เอง”

“ทำไมพี่ถึงพูด--” ผมพูดแย้งเขาอย่างไม่สบอารมณ์ หากไอ้แนทกลับคลี่ยิ้มแล้วดึงผมไปโอบบ่าหน้าตาเฉย

“พี่บอสหึงหรือไงครับ? ดูไม่ค่อยชอบใจทุกทีเลยเวลามิวอยู่กับผม”

“! ” พี่บอสชะงักไปนิดหนึ่ง นัยน์ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเพราะคาดไม่ถึง แต่แล้วทั้งผมกับแนทก็ต้องเป็นฝ่ายอึ้งไปเสียเองเมื่อเห็นพี่กชเดินมาหยุดอยู่ข้างหลังพี่บอสแล้วจ้องผมด้วยสายตาตื่นตะลึง

ไอ้แนทรีบผละมือออกจากบ่าผมทันที แต่เราทั้งหมดรู้ดีว่ามันไม่ทันแล้ว

“ฉิบหาย” เสียงไอ้แนทสบถข้างหูผมแผ่วเบา “ผัวจริงๆ เสือกมา”

อืม ใช่ นั่นสิ

ฉิบหาย





------------------------------------------------------
Talk: ขอโทษที่หายไปหลายวันค่ะ แฮ่~ พอดีเจอมรสุมชีวิตนิดหน่อย แต่เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เนอะๆๆ ให้มิวเจอมรสุมชีวิตแทนเราไปก่อ---//แค่กๆๆ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 17) P.4 [19/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-01-2018 23:00:59
น้องมิวไม่น่ารอดนะ แนทด้วย
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 17) P.4 [19/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 19-01-2018 23:40:06
 :m23: :m23:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 17) P.4 [19/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 20-01-2018 06:47:25
ตัดตอนทำร้ายความอยากรู้อยากเห็นของเรามาก  :ling1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 17) P.4 [19/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 20-01-2018 19:28:38
คนเขียนเล่าเรื่องเก่งมากๆ เลยค่ะ
ตัดตอนได้พีคๆ ตลอด และตอนนี้ก็เช่นกัน

ตอนหน้าแยกย้ายกันไปเคลียร์เป็นคู่ๆ ไปเลยนะ
รออ่านต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 17) P.4 [19/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 20-01-2018 22:57:06

บทที่ 18




หลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่ทุกคนคาดการณ์กันไว้นั่นแหละครับ

พี่กชลากผมขึ้นห้อง เหวี่ยงขึ้นเตียง จากนั้นก็กระโจนลงมานัวเนียซัดเต็มที่

“อะ… อื้อ พี่กช” ผมพูดพร้อมกับพยายามผลักบ่าเขาออกเพราะตั้งตัวกับการโจมตีไม่ทัน แต่อีกฝ่ายแรงเยอะกว่าผมเป็นทุนเดิม นอกจากเขาจะไม่ปล่อยผมแล้วยังจะกดริมฝีปากลงมาบนซอกคอแรงขึ้นอีก! โอ๊ย ให้ตาย ละลายแล้วครับ ณ จุดจุดนี้ ขอเวลาผมรับมือก่อนได้ไหมล่ะ “พี่กช… ใจเย็นครับ แป๊บหนึ่ง… พี่ พี่จะทำรอยบนคอไม่ได้นะ! ”

ผมโวยวายเมื่อริมฝีปากร้อนดูดผิวเนื้อของผมอย่างแรงจนเกิดเสียงแปลกๆ ที่ชวนให้ขนลุกซู่ ผมไม่รู้หรอกนะว่าไอ้การทำรอยจูบบนตัวนี่เขาทำกันยังไง ไม่รู้ด้วยว่าพี่กชกำลังพยายามทำไอ้รอยที่ว่านั่นรึเปล่าด้วย แต่เขาจะทำจริงก็บอกเลยว่าไม่ดีแน่ๆ ถ้าคนอื่นเห็นเข้าจะทำยังไงล่ะ!

“มิว” เสียงเข้มนั่นกระซิบอยู่ข้างหู ผมหยุดดิ้นไปเพราะรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจที่มาพร้อมกับความปรารถนาทางกาย เหมือนเขาโกรธอะไรผมสักอย่างแต่ก็อยากจะฟัดผมไปพร้อมๆ กันด้วย แล้วผมก็ไม่จำเป็นต้องถามเลยว่าเขาโกรธอะไร

“พี่กช” ผมพยายามอธิบาย “คือที่พี่เห็นน่ะ มันไม่ใช่อย่างที่พี่ิคิดนะครับ นั่น… แนทเพื่อนผมไง พี่ผมเคยเล่าให้ฟังอ่ะ”

“คนที่กอดกับมิวนัวเนียที่ข้างคอร์ทเทนนิสน่ะเหรอ”

โอ๊ยยย ไอ้พี่บอสบ้า! ไปเอาอะไรใส่หัวพี่กชไว้เนี่ย หมดกันภาพลักษณ์ผมกับไอ้แนท ไม่แปลกใจเลยถ้าพี่กชจะหงุดหงิดขนาดนี้

“งื้อ พี่… ฟังที่ผมอธิบายก่อน” ผมว่าก่อนจะครางออกมาอีกระลอกเมื่อลิ้นร้อนลากลงบนลำคอ บริเวณที่เปียกชื้นนั่นร้อนวูบวาบไปหมด มือที่พยายามผลักอกเขาออกถูกรวบไปด้านบนอีกแล้ว

พี่กชทาบจูบลงมา ใช้ฟันกัดริมฝีปากล่างของผมอย่างมันเขี้ยวแล้วจ้วงลิ้นเข้ามาในโพรงปากอย่างแรง ผมสะดุ้งเฮือกเพราะอีกฝ่ายไม่เคยรุนแรงขนาดนี้มาก่อน ผมควรจะไม่พอใจรึเปล่าก็ไม่รู้นะ แต่ตอนนี้ผมเคลิ้มไปกับเขาหมดแล้ว ปล่อยให้เขาสอดแทรกลิ้นอยู่ด้านในไปมา รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเยลลี่นุ่มๆ ที่โดนบีบสักหน่อยก็แทบจะเละคามือเขาแล้ว และตอนนี้มือหนาก็กำลังชำแหละเสื้อผ้าของผมออก ไม่ต้องให้เวลาตั้งตัวกันเลยใช่ไหม

“พี่… กชครับ” ผมพยายามเรียกเขา ผมไม่กลัวหรอกถ้าต้องเสียความบริสุทธิ์ให้เขาทั้งๆ อย่างนี้ ไม่เสียใจ ไม่โวยวายอะไรเลยด้วย แต่ผมรับไม่ได้แน่ๆ ถ้าจะปล่อยให้ผู้ชายที่ชอบเข้าใจตัวเองผิด “พี่ ฟังนะ ผมกับไอ้แนทไม่ได้มีอะไรกันเลย”

น้ำเสียงและสีหน้าจริงจังทำให้พี่กชยอมลดความเร็วลง เงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมเหมือนขอความจริง

เอาจริงดิ นี่เขาหึงผมกับไอ้แนทจริงๆ งั้นเหรอ ให้ตายเถอะ นี่มันถึงยุคที่ผู้ชายคนหนึ่งต้องหึงผู้ชายที่อยู่กับผู้ชายอีกคนแล้วใช่ไหม โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดแล้ว ฮัลโหล ตอบ

“ไม่มีอะไรกับเพื่อนคนนั้นจริงๆ เหรอ? ”

“ไม่มีจริงๆ ครับ” ผมยืนยัน

“แล้วกอดกันทำไม”

“ก็ตอนนั้นเขาปลอบผม” เราเคยคุยเรื่องนี้กันไปแล้วนะเฟ้ย

“แล้วเมื่อกี้ทำไมยอมให้เขาโอบบ่าล่ะ” พูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าไม่พอใจสุดๆ ผมอ้าปากค้าง ยังไม่ทันได้พูดอะไรตอบพี่กชก็ซุกหน้ามาบนคอผมอีกแล้ว โว้ย คุยกันให้รู้เรื่องก๊อน!

“กะ… ก็… ปกติผมก็-- พี่กช อ๊ะ! เดี๋ยว…”

ร่างของผมบิดเกร็งด้วยความเสียวซ่านเมื่อลิ้นของคนด้านบนกวาดลงบนใบหู ความอุ่นร้อนของโพรงปากครอบลงบนนั้นจากนั้นก็ชอนไชเข้าไปด้านในโดยที่ไม่สนเลยว่าผมจะดิ้นตัวเร่าๆ กับการกระทำนั้นของเขามากแค่ไหน

“แฮ่ก… อื๊อ พี่กช พี่กชครับ ผม…”

“ผมอะไร มิว” ปากเขาผละออกจากหูผมแล้ว แต่ให้ตายเถอะ เมื่อกี้นี้เสียวสุดๆ ไปเลย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนเราสามารถรู้สึกหวามไหวกับหูได้ด้วย “บอกตามตรงนะ พี่รู้แหละว่าคนที่ใส่แว่นคนนั้นเป็นเพื่อนของมิว แต่แค่แว่นของนายสองคนเหมือนกันก็แย่มากพอแล้วนะ อะไรน่ะ คิดจะให้มันเข้าคู่กันงั้นเหรอ บอกเลยว่าพี่โคตรไม่ชอบใจเลย ยิ่งมิวปล่อยให้เพื่อนแตะเนื้อต้องตัวได้ง่ายๆ ขนาดนั้น มิวเป็นแฟนพี่นะ”

อย่างหนึ่งที่ต้องรู้ไว้คือเวลาพี่กชสติแตก แกจะเริ่มพูดจาไม่ค่อยปะติดปะต่อกัน มันจะงงๆ นิดหน่อย แต่ผมก็พอจะจับใจความได้ว่านอกจากตัวแนทเองแล้ว พี่กชยังหึงแว่นที่แนทสวมอีกด้วยเพราะมันดันเข้าคู่กับแว่นของผมเอง

กูจะบ้าตาย

แต่ถึงจะคิดแบบนั้นผมก็ยิ้มขำ นั่นยิ่งทำให้ใบหน้ายับยู่ยี่ของพี่กชบูดหนักเข้าไปอีก เขากระชากแว่นออกจากหน้าผม วางมันลงที่ข้างหัวเตียง แล้วก็กระชากเสื้อผมออกจากตัว โยนลงไปบนพื้นทำท่าจะโจนลงมาฟัดผมอีกรอบ

เหวอ! ใจเย็น ตอนแรกก็สนุกอยู่หรอกที่เห็นเขาหึง แต่ตอนนี้ชักเสียวแทนล่ะ

พี่กชทุ่มน้ำหนักลงมากดทับตัวผม แล้วคิดว่าตัวเขาเบานักรึไง ผมผลักเขาออกจากตัวด้วยเรี่ยวแรงที่ไม่ค่อยมี คราวนี้เขายอมผละออก ล้มตัวลงมานอนข้างๆ แล้วดึงผมไปกอดไปจูบเหมือนหวงก้างเสียเหลือเกิน

ให้ตายสิ อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนพี่กชเป็นหมาตัวใหญ่ยักษ์ขนสีทองๆ มันเรียกพันธุ์อะไรนะ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์รึเปล่า คือรู้สึกทั้งขำ ทั้งหวั่นใจ ทั้งเอ็นดู แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือผมรู้สึกชอบเขามากขึ้นไปทุกทีๆ เขาแสดงออกให้เห็นชัดเจนว่าหวงผมมาก แล้วทำไมผมจะไม่ชอบเขากันล่ะ?

ผมชิงเขยิบตัวเข้าไปจูบเขาก่อนเมื่อพี่กชผละออกในจังหวะหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลานั่นดูแปลกใจนิดหน่อยที่ผมยังมีแรงพอจะรุกเขากลับ ผมส่งยิ้มหวานให้เขาเพื่อแสดงถึงความจริงใจเต็มที่ และมันได้ผล ดูเหมือนอาการฮึดฮัดของเขาจะอ่อนลงพอสมควรเลยทีเดียว

ผมขยับเข้าไปกอดเขา ซุกหน้าอยู่แถวแผงอกอย่างออดอ้อน เฮ้ ผมเองก็มีพัฒนาการบ้างเหมือนกันนะ ไม่ยอมให้พี่กชมาทำให้ผมเขินอยู่คนเดียวแบบที่ผ่านๆ มาหรอก

“พี่กชครับ ผมรู้ว่าพี่กำลังโกรธ แต่ฟังที่ผมพูดนิดหนึ่งน้า” ผมรีบใช้จังหวะที่พี่กชหน้าแดงทำตัวไม่ถูกในการอธิบายทันที “ผมกับแนทเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว เราสนิทกันในระดับหนึ่ง แต่ผมกับมันไม่ได้มีอะไรกันเกินเพื่อนเลย พี่กชเองก็รู้ใช่ไหมว่าผมเชื่อใจได้ ผมไม่ทำให้พี่ผิดหวังหรอก ผมสัญญานะ เพราะงั้นเชื่อใจผมหน่อยได้ไหม? ”

พูดกันตรงๆ แบบนี้แหละครับ แสดงความบริสุทธิ์ใจกันเต็มที่ แล้วพี่กชที่เป็นคนพูดว่าชอบผมจากปากตัวเองจะใจแข็งได้เหรอครับ

“อะ… เอ่อ” ติดตั๊นไปเรียบร้อย ว่าแล้วเชียว พี่กชน่ารักจริงๆ นั่นแหละ ขนาดพยายามจะเล่นบทโหดยังน่ารักได้เลย ว่าแล้วก็อาศัยจังหวะนี้รุกเข้าไปอีกรอบ

“ว่าไงครับ พี่ ผมเองก็เชื่อใจพี่มากเหมือนกันนะ แล้วพี่กชล่ะครับ? ”

“เออ! ” พูดเสียงดังออกมาเหมือนโดนบังคับ หากมือแกร่งดึงผมเข้าไปกอดอย่างหวงแหน เรียกเสียงหัวเราะจากผมได้อีกระลอก “พี่เชื่อใจมิว แต่พยายามอย่าให้คนจับตัวบ่อยนักได้ไหม หึงเป็นเหมือนกันนะเว้ย บอกพี่สิว่าจะพยายามเลี่ยงไม่ให้คนแตะเนื้อต้องตัวน่ะ”

โถ พูดอย่างกับผมเป็นสาวน้อยสุดน่ารักที่มีคนรุมล้อมประหนึ่งไอดอล โทษทีเถอะ จะมีสักกี่คนที่อยากจะมาจับมาโดนตัวผมกัน มีแค่พี่กชคนเดียวนี่แหละ

“ตกลงครับ” ผมตอบแค่สั้นๆ พอพร้อมกับยิ้มเอาใจ ไม่ได้หรอก เดี๋ยวเรื่องยาวอีก แล้วมันคงจบลงที่เตียง คืออย่างที่บอกว่าไม่ใช่ผมรังเกียจอะไร แต่ขอเวลาเตรียมตัวก๊อน! “พี่กช หายโกรธแล้วนะ? เราคุยกันดีๆ ได้แล้วใช่ไหม? ”

“อืม” เหมือนพี่กชจะรู้ทันความคิดผมเพราะเขาตีหน้าเซ็งทันที ผมเอื้อมมือไปหยิกแก้มเขาเบาๆ อย่างเอ็นดู ผมรู้ดีว่าต่อให้เขาโกรธจนหน้ามืดแค่ไหนเขาก็จะรักษาสัญญาที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ นี่ผมเชื่อใจเขาสุดๆ เลยนะเห็นไหม หวังว่าเขาเองก็คงคิดแบบผมเหมือนกัน

“งั้น… ผมใส่เสื้อผ้าก่อนได้ไหมพี่ แล้วออกไปกินข้าวกัน? เย็นนี้เรามีนัดกันอยู่ไม่ใช่เหรอ ผมสัญญาแล้วนี่ว่าจะเลี้ยงข้าวพี่น่ะ”

ใช่ครับ ถึงตอนนี้เราจะไม่ได้เล่นกันเป็นแฟนหลอกๆ แล้ว แต่ผมยังคงข้อเสนอเลี้ยงข้าวพี่กชอาทิตย์ละสองมื้อเหมือนเดิมตามที่โอกาสอำนวย

ทำไมน่ะเหรอ… ก็เพราะพี่แกเปย์ผมหนักมากน่ะสิ!

คือจริงๆ ตั้งแต่ก่อนจะคบกันพี่กชก็คอยเลี้ยงข้าวเลี้ยงขนมตอบแทนไอ้สองมื้อที่ผมให้เลี้ยงเป็นประจำ จนผมยังไม่รู้เลยว่าแล้วที่ผมเลี้ยงจะมีความหมายยังไง แต่พี่กชเคยบอกว่าอันที่จริงแล้วเขาไม่ได้อยากให้ผมเลี้ยงจริงๆ หรอก แต่ที่เขาตอบรับข้อเสนอนั่นเพราะเขาคิดว่ามันเป็นข้ออ้างที่ดีที่จะได้ไปกินข้าวกับผมสองคน

...ฟังแล้วนี่หน้าแทบจะระเบิดด้วยความอายเลยครับ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่กชคิดแบบนั้น

แต่ยังไงก็เถอะ ตอนนี้เราสองคนคบกันจริงๆ แล้ว และผมก็ไม่ใช่เด็กเลี้ยงของเขาหรืออะไรแบบนั้นสักหน่อย ก็เลยตัดสินใจว่าขอคงข้อตกลงนี้ของเราไว้เหมือนเดิม ส่วนมื้ออื่นๆ ถ้าพี่กชอยากเลี้ยงผมก็ไม่ขัดศรัทธาหรอก เพียงแต่ผมไม่อยากให้เราสองคนเอาเปรียบใครเกินไปก็เท่านั้น

พี่กชชักสีหน้าหมาหงอยก่อนจะถอนหายใจเฮือก ผุดตัวลุกนั่งบนเตียงอย่างเสียไม่ได้

“ก็ได้ๆ มิว ถ้าไม่ติดเพราะพี่อยากไปกินนมปั่นในห้างนั้นล่ะนะพี่คงไม่ยอมแน่”

ผมเลิกคิ้วข้างหนึ่งขณะรับแว่นที่พี่กชส่งคืนให้มาสวม

“พี่จะไม่ยอมอะไรครับ? ไม่ใช่ว่าพี่บอกว่าจะไม่ทำจนกว่าผมจะบอกว่าพร้อมหรอกเหรอ? ”

“ฮึ่ย! ” พี่กชพูดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเต็มที่เหมือนหาคำพูดมาเถียงไม่ได้ ผมหัวเราะออกมาเบาๆ กับท่าทีขัดใจนั้น

ผมรู้ดีเชียวล่ะว่าเขาต้องการผม ต้องการเรื่องอย่างว่า ผมเองก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน จะบอกว่าไม่เข้าใจเลยคงไม่ได้

เพราะงั้นผมถึงตัดสินใจเอื้อมมือไปกระตุกชายเสื้อเขาเบาๆ พี่กชหันกลับมามองทั้งที่คิ้วยังขมวดมุ่นด้วยความขัดใจอยู่นิดหนึ่ง

“พี่… ยังไม่ได้เลือกเลยไม่ใช่เหรอครับ”

“อะไร? ” คราวนี้คนตัวสูงกว่าได้แต่ทำหน้างง

“ก็” ผมยกนิ้วชี้วนไปในอากาศ เก้อเขินอยู่เหมือนกันนะที่ต้องมาพูดเรื่องอะไรแบบนี้ “ข้าวอีกมื้อที่อยากให้ผมเลี้ยงไง”

“อ้อ อันนั้นเอาไว้---” เขาสะดุดคำพูดลงไว้ตรงนั้น หันขวับกลับมามองผมอย่างรวดเร็วอย่างไม่อยากเชื่อหู ผมได้แต่หลบตาเขาไปอีกทางเพราะรู้สึกได้ว่าหน้าร้อนขึ้น หมู่นี้ผมเขินบ่อยเกินไปจนชักรำคาญตัวเองแล้วนะ แต่แต่แต่ กับเรื่องอย่างว่านี่ขอเขินต่ออีกสักหน่อยเถอะ ก็คนมันไม่เคยปะวะ

“มิว” พี่กชย่อเข่าลดตัวลงมาให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับผมที่นั่งอยู่บนเตียง “แน่ใจแล้วเหรอ? ถ้าพี่ขอคราวนี้พี่ไม่เกรงใจมิวแล้วนะ”

“อืม” ผมบังคับตัวเองให้หันกลับมาสบตากับเขาจนได้ สังเกตเห็นด้วยว่าหน้าของเขาขึ้นสีแดงเรื่องเล็กน้อย “ไม่งั้นผมก็ไม่ถามแบบนี้หรอก”

“โคตรน่ารักเลย” เขายิ้มออกมาจนได้ ผมหลับตาเมื่ออีกฝ่ายเคลื่อนหน้าเข้ามาประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากผม ผมชอบเวลาพี่กชจูบตรงนี้ชะมัด รู้สึกถึงความละมุนสุดๆ เลย “ชอบนะมิว”

โธ่เว้ย อุตส่าห์พยายามจะไม่เขินพร่ำเพรื่อแล้วนะ แต่ผมก็แพ้ทางเขาอยู่ดี

“งั้น… มิวก็รู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าพี่จะขอกินอะไร”

“ถ้าพี่ไม่พูดออกมาชัดๆ ผมก็ไม่รู้หรอก” ก็ยังจะเล่นบทคนซื่อเนอะผม พี่กชคงขอกินชาบู หมูกะทะ ซูชิ หูฉลามหรืออะไรแบบนั้นหรอก ผมยื่นดาบให้เขาขนาดนี้

“งั้น… ของอาทิตย์นี้ก็เป็นสเต๊กแล้วก็--” ยังอีก ยังจะเว้นช่องพูดอีก “ขอกินมิวนะ”

อ๊าก! หน้าจะระเบิด! ไม่สิ อาจจะระเบิดตัวแตกตายไปเลยก็ได้

ทำไมต้องทำให้ผมเขินมากมายขนาดนี้ด้วยนะ ไอ้รุ่นพี่บ้านี่!





ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่าบรรยากาศระหว่างเราสองคนหลังจากนั้นเป็นยังไง

ผมไม่รู้ว่าคู่รักคู่อื่นจะเป็นอย่างนี้รึเปล่านะ แต่กับผมและพี่กชนี่… ผมบอกได้เลยว่าพี่กชอารมณ์ดีขั้น maximum มากๆ คือไม่มีทางอารมณ์ดีได้มากกว่านี้อีกแล้วในชีวิต

พี่กชเทคแคร์ผมดีมาก คือปกติพี่แกก็ดูแลผมดีอยู่แล้วนั่นแหละ แต่วันนี้ดูจะกระตือรือร้นมากกว่าทุกที แบบ… ออร่ามันออกมาก แล้วปกติเวลาเราสองคนมาเดทกันที่สาธารณะแบบ พี่กชจะพยายามเก็บอาการไม่ให้คนอื่นมองเราแล้วรู้เลยว่าเราทั้งคู่เป็นอะไรกัน แต่วันนี้คือ… คงไม่มีอะไรชัดเจนไปมากกว่านี้อีกแล้ว เหมือนเขาพยายามจะแสดงให้โลกทั้งใบเห็นว่าพวกเราเป็นแฟนกัน

ผมแอบเห็นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปตอนที่พี่กชจับมือผมเดินจังหวะหนึ่งด้วยซ้ำ ให้ตายเถอะ นั่นมันละเมิดความเป็นส่วนตัวนะ แล้วพี่กชก็อารมณ์ดีเสียจนผมไม่อยากจะขัดอะไรเขาเท่าไร อันที่จริงก็คือการได้เห็นเขาแฮปปี้ขนาดนั้น ผมก็มีความสุขไปด้วย

...แต่แน่นอน ผมเสียวมากเหมือนกันล่ะว่าไอ้ครั้งแรกนี่มันจะเป็นยังไง ถึงเราสองคนจะเรียกรู้ร่างกายของกันและกัน ทำเรื่องหื่นๆ มาด้วยกันก็ตั้งมาก แต่นี่ผมเพิ่งจะตัดสินใจที่จะยอมไปถึงขั้นตอนสุดท้ายกับผู้ชายคนนี้ไง จะไม่ให้ประหม่าเลยก็คงเป็นไปไม่ได้

พี่กชปล่อยให้ผมไปเดินเล่นอยู่ในร้านเกมครู่ใหญ่ขณะที่ตัวเองแวบไปซื้อของที่จำเป็นมาสำหรับคืนนี้ เอาเป็นว่าผมไม่ต้องถาม และพี่กชก็ไม่จำเป็นต้องบอกหรอกว่ามันคืออะไร เป็นอันรู้ๆ กันอยู่

ผมได้แผ่นเกมเพลย์สี่มาแผ่นหนึ่งแลกกับเงินมากมายที่หลุดลอยออกจากกระเป๋าไป ส่วนพี่กชนี่ซื้อของมาตั้งสองถุง คือพี่แกคงอายเหมือนกันถ้าจะซื้อแค่ของที่จะเอาไว้ใช้บนเตียงเจ้าตัวเลยหอบขนมกับเสบียงยังชีพไปคิดเงินด้วย เห็นแล้วทั้งเอ็นดูทั้งขำ แต่ก็ขอบคุณเหมือนกันที่เขายอมบากหน้าไปจัดการเรื่องนี้คนเดียว

แต่ของจริงมันเริ่มขึ้นหลังจากที่เราจัดแจงเก็บข้าวของที่ซื้อมาเข้าที่ เหลือแต่ของที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ นี่ต่างหาก

ผมเหงื่อตกตอนที่หยิบขวดเจลหล่อลื่นขึ้นมาพลิกดู พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ผมไม่ได้ใช้คำอุทานนี้มานานล่ะนะแต่ขอหน่อยเถอะ ชีวิตผมมาอยู่ที่จุดนี้ได้ไงเนี่ย แล้วอะไรคือการที่เจลหล่อลื่นเป็นกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่เหรอ คิดว่าตัวเองเป็นนมขวดรึไง

“มิว” พี่กชเรียก ผมหันกลับไปหาเขา รับรู้ได้ถึงความประหม่าเล็กน้อยในท่าทางนั่น “คือ… เอ่อ จะอาบน้ำก่อนหรือให้พี่อาบก่อน? ”

“ผมขออาบก่อนนะพี่” ผมรีบหยิบข้าวของจำเป็นพุ่งตรงเข้าไปอย่างว่องเลย คือตอนนี้ไม่กล้าสบตาพี่กชด้วยซ้ำ โคตรจะเขิน บางทีทำตัวนิดๆ หน่อยๆ ก็อายไปหมดแบบนี้น่ารำคาญนะ ไม่ได้ๆ ๆ ผมต้องสงบจิตสงบใจให้มากกว่านี้ดิ นี่มันถึงขั้นนี้แล้วนะ

พี่กชสลับเข้าไปอาบน้ำต่อจากผม ระหว่างนี้ผมก็ผ่อนคลายตัวเองด้วยการทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอบข้อความน้องมังกรอีกสักนิด จากนั้นก็ตอบพี่แอมป์ที่คุยค้างไว้เรื่องเกม พี่แอมป์เลยขอนัดแนะเวลาที่เราจะเล่นด้วยกันได้ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เรื่องเกมที่เราคุยกันไว้ผมลองเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมแล้ว น่าเล่นอยู่ แถมเล่นพร้อมกันได้หลายคน

ระหว่างที่กำลังตอบข้อความที่พี่แอมป์ส่งกลับมาผมก็ต้องสะดุ้งเฮือกเพราะสัมผัสเย็นเฉียบแนบลงบนหลัง พี่กชล้วงมือเข้ามาใต้เสื้อผมน่ะเอง ให้ตายเถอะ หัวใจจะวาย นึกว่าพี่หลอก มาไม่ให้สุ้มให้เสียงเลย

“พี่กช” ผมหรี่ตา มองเขาที่ออกมาโดยนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว “ใส่เสื้อผ้าก่อนสักรอบไหมพี่”

“ใส่ทำไม” เดินไปเป่าผมด้วยไดร์ที่ผมเอาออกมาตั้งหน้าโต๊ะไว้ก่อนแล้ว “เดี๋ยวก็ต้องถอดอยู่ดี มิวเถอะ จะรีบใส่เข้าไปทำไม”

แล้วจะให้ผมมาโป๊เปลือยอยู่บนเตียงรึไง แบบนั้นก็ดูกระเหี้ยนกระหือรือไปไหม

พี่กชวางไดร์เป่าผมลง ผมเองก็วางโทรศัพท์ลงที่โต๊ะข้างหัวเตียง เหมือนเราสองคนพยายามทำตัวเป็นธรรมชาติทั้งที่จริงแล้วมันไม่มีอะไรเป็นธรรมชาติทั้งนั้น เพราะงั้นผมถึงได้สะดุ้งนิดหนึ่งตอนที่ร่างสูงเดินกลับมา เชยคางผมขึ้นไปแล้วกดจูบอ่อนหวานลงมา

ผมเขยิบตัวขึ้นไปบนเตียงขณะที่พี่กชเริ่มปีนขึ้นมา ไม่กี่อึดใจมือหนาก็ผลักผมไปนอนราบกับฟูก ทาบจูบร้อนลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับตั้งใจจะให้ผมละลายติดเตียงไปทั้งๆ แบบนี้

“อือ” ผมครางในลำคอขณะพยายามหันหน้ารับให้ทันกับจูบที่กดย้ำลงมาไม่หยุดหย่อน ลิ้นพี่กชแทบจะกวาดหาทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ในปาก มือก็เริ่มดึงเสื้อผ้าผมออกทีละชิ้น ส่วนของตัวเขาเองน่ะง่ายมากเลย กระตุกทีเดียวก็เปลือยทั้งตัวแล้ว ให้ตาย… ทำไมพี่กชหุ่นดีจังวะ หุ่นนักกีฬานั่นมันเพราะเขาเล่นกีฬาบ่อยใช่ไหม อย่างวันนี้ที่ไปเตะบอลกับพี่บอสมาก็เหมือนกัน

“คิดอะไรอยู่น่ะ” พี่กชว่าเหมือนน้อยใจนิดๆ นี่พี่แกอ่านใจได้หรือยังไง “อย่าบอกนะว่าคิดถึงคนที่คุยด้วยอยู่เมื่อกี้ ที่ชื่อแอมอะไรนั่น”

“พี่แอมป์ครับ” ฉิบหาย ลืมไปว่าพี่กชเพิ่งหึงผมกับแนทไปสดๆ ร้อนๆ ยังจะมีพี่แอมป์มาเอี่ยวอีกเรอะ “แค่เล่นเกมด้วยกันเฉยๆ ”

“เห็นคุยกันจี๋จ๋าเชียว” ไม่พูดเปล่า ไซ้หน้าลงมาบนซอกคอผมอีกแล้ว ให้ตายเถอะ จั๊กจี้ชะมัด “พี่ไม่ชอบเลยนะเวลามิวทำให้พี่หึงแบบนี้”

“ผมไม่ได้ตั้งใจ… อ๊ะ” ไหวตัวอีกรอบเมื่อมือแกร่งเริ่มไต่ลงไปซุกซนอยู่แถวๆ ต้นขา ผมหลับตาปี๋เมื่อพี่กชเลื่อนหน้ามาจูบปิดปากผมอีกรอบ ฝ่ามืออุ่นเริ่มกุมรอบส่วนนั้นของผมแล้วขยับขึ้นลง

พี่กชผละจูบออก เลื่อนริมฝีปากไปคลอเคลียอยู่แถวยอดอกผมแทน เสียงดูดที่มาพร้อมกับสัมผัสอุ่นชื้นสลับกับลมหายใจร้อนที่เป่ารดลงมาทำให้ผมเกร็งตัว แอ่นอกขึ้นไปให้อีกฝ่ายลิ้มลองร่างกายตัวเองมากขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่

คนด้านบนทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาก เขาใช้เวลาเล้าโลมผมในจุดอ่อนไหวของร่างกายอยู่ครู่ใหญ่ ไล้ปลายนิ้วลงบนแผ่นหลังนิด ลากวนอยู่สะโพกอีกหน่อย แถมมืออีกข้างก็ซนอยู่แถวๆ หว่างขาของผมอีก ให่้ตายเถอะ รู้สึกดีชะมัด ผมหยุดเสียงของตัวเองไม่ได้เลย

“อ๊ะ! ” แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งด้วยความตกใจเมื่อพี่กชลดหน้าลงมาครอบปากลงบนส่วนนั้นของผม ความนุ่มหยุ่นที่กระแทกลงมาโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้ผมร้องคราง

ผมขยับสะโพกรับจังหวะที่พี่กชปรนเปรอให้อย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาใช้ปากทำให้ผมหรอกนะ แต่แม่ง รู้สึกดีชะมัด ทำไมพี่กชใช้ปากโคตรเก่งขนาดนี้

นิ้วเรียวของอีกฝ่ายเลื่อนมาจ่ออยู่ที่ปากทางเข้าด้านหลังโดยที่ปากยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างแข็งขัน นัยน์ตาสีน้ำตาลที่เต็มไปด้วยความรุ่มร้อนช้อนขึ้นมามองผมเหมือนจะหยั่งเชิง ผมได้ยินเสียงตัวเองหอบหายใจแรงขึ้น จากนั้นร่างกายก็กระตุกอีกรอบเมื่อพี่กชสอดนิ้วเข้ามาด้านในอย่างนุ่มนวล

ผมจิกปลายเท้าลงกับผ้าปูเตียงเมื่อนิ้วที่สองชำแรกเข้ามา ให้ตายเถอะ เหมือนจะเห็นดาวเลย ก้ำกึ่งระหว่างรู้สึกดีกับน่าสะพรึงกลัวแบบแปลกๆ

“อ่า… พี่” ผมครางเรียกเขาอย่างสติไม่อยู่กับตัว พี่กชขยับท่อนนิ้วด้านในเพื่อความหาจุดที่ทำให้ผมไปถึงจุดสุดยอดได้ ประเด็นคือเขาทำมันไปพร้อมกับรูดปากขึ้นลงบนท่อนนั้นของผมไปพร้อมๆ กันต่างหาก

ให้ตาย… ให้ตายเถอะ หายใจไม่ทันแล้ว พี่กชกำลังจะทำให้ผมคลั่งจริงๆ แล้วนะ

“อ๊ะ! ” แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อท่อนนิ้วนั้นกระแทกลงบนจุดจุดหนึ่ง แล้วยิ่งพี่กชกระแทกย้ำลงมาในจุดเดิมซ้ำๆ ผมก็ดิ้นไม่หยุด

ให้ตาย… ผมอยากได้มากกว่านี้ ผมอยากให้เราทำกันสักที

“พี่…” ผมพยายามห้ามเสียงครางเพื่อเรียกเขา “พี่กชครับ…”

“อืม” เหมือนเขาจะรู้ว่าผมต้องการอะไร

ร่างผมกระตุกเล็กน้อยตอนที่พี่กชถอนนิ้วออกไปอย่างเชื่องช้า มือแกร่งจัดแจงท่าให้ผมชันเข่าหันหลังให้เขา ผมได้ยินเสียงพี่กชเปิดขวดเจลหล่อลื่น เสียงฉีกซองของถุงยางอนามัย ก่อนที่นิ้วทั้งสิบของผมจะจิกลงกับผ้าปูเตียงเมื่อนิ้วที่ชุ่มไปด้วยเจลที่ว่าชำแรกเข้ามาในตัวผมอย่างรุนแรงและรวดเร็ว

“อ๊ะ… ฮ้า” ให้ตายเถอะ ท่อนขาผมสั่นไปหมด เจลที่ชโลมเข้ามาทำให้ผมยิ่งรู้สึกทรมานกับความปรารถนาอันร้อนรุ่มของตัวเอง

เขาถอนนิ้วออกไปอีกครั้ง ผมเฝ้ารอให้เขาสอดใส่เข้ามาอย่างตั้งใจเลยคราวนี้ แต่บทพี่กชจะทรมานผมเขาก็ทำได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ท่อนแข็งๆ ของอีกฝ่ายถูกฟาดลงมาบนบั้นท้ายผมเหมือนจะยั่ว ผมแทบจะอ้อนวอนให้เขาเติมเต็มให้ผมสักที หากพี่กชค่อยๆ แทรกร่างก่อนที่ผมจะทันได้พูดอะไร

“อ๊ะ… อื้อ” ความคับแน่นที่มาพร้อมกับความเจ็บแปลบทำเอาผมน้ำตารื้น ฝ่ามืออุ่นลูบสะโพกผมแผ่วเบาราวกับต้องการปลอบโยน

“ผ่อนแรงหน่อยครับ มิว” เสียงทุ้มว่า เลื่อนมือข้างหนึ่งมาปรนเปรอส่วนด้านหน้าของผม “ไม่อย่างนั้นพี่จะเข้าไปไม่ได้นะ”

ผ่อนแรงเหรอ… ผ่อนยังไงล่ะ ผมไม่รู้เขาทำกันยังไงนี่

ผมกัดริมฝีปากล่างแน่น จิกนิ้วลงบนเตียงอย่างหาที่ระบาย เสียงครางอย่างสุขสมดังมาจากปากพี่กชขระที่ค่อยๆ สอดแทรกแก่นกลางของตัวเองเข้ามาได้ เสียงนั่นปลุกเร้าอารมณ์ผมเป็นบ้า และเมื่อของพี่กชเข้ามาทั้งลำผมก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแล้ว มีแค่ความเสียวซ่านล้วนๆ ที่อีกฝ่ายมอบให้

“ให้ตายเถอะ” พี่กชคราง มือลูบเนื้อตัวของผมอย่างหลงใหล เสียงเขายังฟังดูเหมือนเพ้อเลยตอนที่พูด “ข้างในมิวแม่ง… โคตรแน่นเลย พี่ขยับเลยได้รึเปล่า? ”

“พะ… พี่” ผมได้แต่ครางอย่างคนที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากหลอมละลายไปกับสัมผัสของเขา จนกระทั่งพี่กชกระแทกเอวลงมารัวๆ กดซ้ำลงบนจุดที่ทำให้ผมแทบดิ้นได้ที่เดียวกับตอนที่ใช้นิ้วเมื่อครู่ “อะ… อื้อ พี่กช ฮื้อ”

ถึงจุดหนึ่งตัวผมเองก็ไม่รับรู้อะไรแล้ว เหมือนร่างกายจะดูดซับความเสียวซ่านทั้งหมดเอาไว้แล้วปลดปล่อยออกมารวดเดียว พี่กชเองก็ถึงจุดสุดยอดไล่เลี่ยกับผมเหมือนกัน ผมแทบคลานเมื่อมือหนาปล่อยเอวผมออกอย่างอ้อยอิ่ง

ทิ้งน้ำหนักตัวลงนอนกับพื้นเตียง พี่กชคลานมาอยู่เหนือตัว หันหน้าผมไปจูบกับเขาอย่างอ่อนหวานเหมือนจะปิดท้ายยกแรกของเรา

ให้ตาย… ผมรักเขาจัง รักจนไม่รู้จะแสดงออกยังไงดี เหมือนความรู้สึกนี้จะระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว

“มิว” เขาพูดขึ้นมาขณะที่ใช้นัยน์ตาสน้ำตาลคู่สวยนั่นจ้องผมอย่างหลงใหล “พี่รักมิวนะ”

เขากอดผม จากนั้นก็ทาบจูบลงมาอีกครั้ง ผมยกแขนขึ้นกอดตอบเขา ยกขาก่ายขึ้นสะโพกของคนด้านบนอย่างเคลิบเคลิ้ม

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเราคงไม่จบแค่หนึ่งยก และผมก็ไม่จำเป็นต้องบอกรักเขาผ่านคำพูดก็ได้นี่ จริงไหม?





-----------------------------------
Talk: มาดึกหน่อย... แบบว่า บทนี้มันหนักน่ะค่ะ... //หนักกันเรื่องบนเตียงนี่แหละ -.,- ถถถถถถถ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 18) P.4 [20/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-01-2018 23:23:47
อิ่มเลย
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 18) P.4 [20/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-01-2018 00:01:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 18) P.4 [20/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 21-01-2018 11:16:27
น้องมิวโดนกินแล้ว :hao7:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 18) P.4 [20/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 21-01-2018 15:44:36
น้องมิววววววววววว ฮือออออ น้องโดนกินแล้วง่ะ ความจริงเราแค่หมั่นไส้กชอะ ไม่มีอะไรหรอก 5555
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 18) P.4 [20/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 21-01-2018 18:25:49

บทที่ 19




ให้ตายเถอะ…

ปวดเอว ปวดสะโพก ปวดบ่า ปวดไปหมดทั้งตัว

ผมยันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยสภาพที่ยับเยินที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะมีได้ ผมเผ้ายุ่งเหยิงชี้ไปคนละทาง เนื้อตัวปวดระบมเหมือนคนที่โหมออกแรงทั้งที่ไม่ได้ออกกำลังกายมานาน

ก้มลงมองผิวเนื้อบริเวณไหปลาร้าแล้วต้องลอบถอนใจกับรอยแดงจ้ำเป็นดวงๆ ที่ใครอีกคนบนเตียงทิ้งไว้ให้ ตอนนี้พี่กชยังนอนหลับตาพริ้ม หายใจอย่างสม่ำเสมอ แขนข้างหนึ่งยังพาดอยู่บนหน้าท้องผมเหมือนจะคอยกันไม่ให้ผมหนีหายไปไหน และเมื่อผมขยับตัวอีกฝ่ายก็รู้สึกตัวจริงๆ พี่กชบิดตัวเล็กน้อยขณะเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างเชื่องช้า เขาถามผมงงๆ ประสาคนขี้เซา

“อือ… มิวมิว”

ผมชะงักไปกับชื่อที่เขาใช้เรียกผมทันที “เมื่อกี้พี่กชเรียกผมว่าอะไรนะ? ”

“มิวมิวไง” ไม่พูดเปล่า มือปลาหมึกยังเลื้อยมาดึงให้ผมลงไปนอนข้างเขาต่อเพื่อกอด ผมไม่หมอนข้างนะเว้ย! “มิวมิวของพี่”

“โอ๊ย พี่กช” ผมพยายามดันตัวให้หลุดออกจากอ้อมแขนเขา ตอนมีอะไรก็ว่าน่าอายอยู่แล้วนะ เจอหลังมีอะไรกันเข้าไปนี่น่าอายยิ่งกว่า แต่แขนแกร่งของเขากลับยิ่งรัดแน่นขึ้นเมื่อผมออกแรงดิ้น พี่กชปรือตาขึ้นมาพร้อมกับส่งยิ้มงัวเงียมาให้ แปลกดีที่รอยยิ้มง่ายๆ นั่นทำให้ผมใจเต้นผิดจังหวะไป ว่าแล้วเชียว รูมเมทของผมน่ารักจริงๆ

“เมื่อคืนหลับสบายไหม”

“นิยามคำว่าสบายทีครับ” ผมอุบอิบ เลิกดิ้นตัวหนีแล้ว ยอมให้เขาซุกหน้าลงมาตามเนื้อตัวอย่างว่าง่าย ให้ตายเถอะ เป็นผู้ชายอะไรทำไมถึงขี้อ้อนขนาดนี้

“ก็แฮปปี้ดีไหมไงล่ะ”

“ผมตอบว่าไม่แฮปปี้ได้ด้วยเหรอ? ”

“ก็ลองดูสิ” เขาหัวเราะในลำคอทั้งที่ยังหลับตา แต่มือนี่เริ่มเลื้อยไปสะโพกกับบั้นท้ายผมแล้วนะ ขนาดละเมอยังหื่นได้เลยคิดดู “ถ้ามิวมิวตอบว่าไม่แฮปปี้ เดี๋ยวคราวนี้อัดวิดีโอไว้เป็นหลักฐานเลย มิวมิวจะได้อ้างไม่ได้ว่าไม่แฮปปี้”

“อย่าแม้แต่จะคิดเลย” ผมโวยวาย อัดวิดีโอตอนที่มีอะไรกันเป็นสิ่งที่ชาตินี้ผมจะไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้นแน่ ไม่ใช่แคสเกมนะโว้ย ไม่ต้องถ่ายเก็บไว้ก็ได้ ยิ่งถ้าเกิดวันดีคืนดีมันหลุดลงอินเทอร์เน็ตขึ้นมาล่ะคุณเอ๊ย…. มีสักสิบชีวิตก็ไม่พอ

“มิวมิว” มือเขายังยึดร่างผมไว้แนบอก หากคว่ำหน้าลงไปบนหมอนเหมือนคนยังไม่ตื่น คราวนี้ผมหันไปแกะมือเขาออกจากเอวอย่างตั้งใจ

“เลิกเรียกผมแบบนั้นได้แล้วครับ น่าอายออก แล้วก็ปล่อยผมเถอะ ผมหิวแล้ว เดี๋ยวไปซื้อข้าวเช้ามาให้นะ พี่กชอยากกินอะไร”

“กินมิวมิว”

เออ อืม ชาตินี้จะคุยกันรู้เรื่องไหมครับ ฮัลโหล

หลังจากรับประทานมื้อเช้าที่ควบคู่ไปกับมื้อกลางวันเสร็จเรียบร้อยผมก็เปิดคอมพิวเตอร์เตรียมลงมืออัดคลิปที่จะเอาลงวันนี้

คลิปวันนี้พี่กชไม่ได้เล่นด้วยแต่เจ้าตัวก็มานั่งอยู่ข้างๆ คอยช่วยดูของแล้วก็ภารกิจในเกม นอกจากนั้นก็มีแอบแต๊ะอั๊งผมด้วยการหอมแก้มเร็วๆ เลื่อนมือมาลูบบ่าโอบไหล่ คือแสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่ ไม่ต้องแสดงออกขนาดนั้นทั้งโลกออนไลน์ก็รู้แล้วครับว่าเราคบกัน หวังว่าพี่กชคงไม่อยากแสดงให้เห็นขนาดที่ว่าเราได้กันแล้วหรอกนะ ไม่อย่างนั้นคงมีผมคนหนึ่งแหละที่ต้องอกแตกตายแน่

“เออ แต่พี่เคยได้ยินนะว่าของแบบนี้มันดูกันออก” พี่กชว่าหลังจากที่ผมกดปิดอัดคลิปแล้วเตรียมตัดต่อวิดีโอ ผมหันไปเลิกคิ้วให้เขาข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม

“ดูออกว่าเรานอนด้วยกันมาแล้วน่ะเหรอครับ? ”

“อืม”

“อ่านการ์ตูนมากไปรึเปล่าพี่” ผมไม่ค่อยอ่านการ์ตูนตาหวานนะ แต่ไอ้มอสชอบผมก็เลยเคยอ่านผ่านตามาบ้าง อะไรอ่ะ แบบเวลาที่พระเอกนางเอกมีอไรกันแล้วนางเอกจะดูดีขึ้น สวยขึ้น มีเสน่ห์มากขึ้นหรืออะไรแบบนั้น แต่ผมไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อยนี่ อีกอย่างนั่นมันก็แค่การ์ตูน

“แต่พี่ว่าคนอาจจะรู้ก็ได้นะ” พูดเหมือนตื่นเต้นระคนหวาดกลัว ผมทำเป็นเฉยเมยกับท่าทีนั้นของเขา

“ถ้าแบบนั้นก็แย่สิครับ” ผมว่าขณะที่ยังง่วนอยู่กับการตัดต่อคลิปของตัวเอง แต่พี่กชไม่ยอมให้ผมเมินเขาได้นานหรอก ตอนนี้เจ้าตัวก็เริ่มเลื้อยมือสลับกับคลอเคลียไปมาบนร่างกายผม สงสัยติดใจเมื่อคืน

“ให้ตายเถอะ” เขาพูดพร้อมกับซุกหน้าลงบนบ่า แขนโอบรอบเอว นัวเนียอยู่ที่บ่ากับไหล่ ตอดนิดตอดหน่อยพี่แกเอาหมด ส่วนผมถ้ายังนั่งทำงานต่อได้อะไรก็ไม่ขัดหรอกครับ “ทำไมมิวมิวน่ารักแบบนี้ ขอกินอีกรอบได้ไหม”

“ตอนนี้ไม่ได้ครับ” ตอบแบบดูเย็นชามาก แต่คือผมตัดต่อคลิปอยู่ไง แล้วผมก็ดันเป็นพวกจริงจังกับการทำงาน

“ไม่เป็นไร” เขาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ผมหน้าร้อนขึ้นนิดหนึ่งแม้ว่าตาจะยังจ้องอยู่ที่โปรแกรมบนหน้าจอ ร่างกายคนเรานี่ช่างทำงานได้หลายอย่างพร้อมกันจริงๆ “พี่จะรอจนกว่ามิวมิวจะว่างก็ได้ พี่อดทนเก่งนะ”

“เลิกเรียกผมว่ามิวมิวได้แล้ว” ผมงึมงำอย่างไม่จริงจังนัก ประเด็นคือเขาเรียกผมแบบนี้ในคลิปที่เราเพิ่งอัดกันไปด้วยไง มันน่าอายไหม

“รังเกียจเหรอ”

“เปล่า ผมอาย” ตอบตรงๆ พี่กชคลี่ยิ้มกว้างมากขึ้นอย่างพออกพอใจ

“งั้นเรียกมิวมิวนะ”

อืม เอาที่สบายใจเลย ผมลุกขึ้นไปตบปากเขาทุกครั้งที่เรียกผมแบบนั้นไม่ได้อยู่แล้วนี่





ผมเริ่มชินกับการคลอเคลีย การเอาอกเอาใจ แล้วก็เรื่องบนเตียงระหว่างเราสองคนขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับว่าตอนนี้ผมมีพี่กชเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้มาก มันก็ฟังดูไม่ค่อยดีนะครับ เพราะถึงตอนนี้พวกเราจะทำตัวติดกันได้แทบจะตลอดเวลาแต่อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมแล้ว เพราะงั้นหลังจากที่ตักตวงความรักกันมาได้พักหนึ่งแบบที่คิดว่าเต็มอิ่มสุดๆ ผมกับพี่กชก็คิดว่าเราต้องเริ่มกลับไปใช้ชีวิตตามปกติของตัวเองบ้าง คือสนใจอย่างอื่นบ้างนั่นเอง ไม่งั้นขืนตัวติดกันเกินไปจะกลายเป็นเบื่อขี้หน้ากันเร็วกว่าที่ควรจะเป็นไปเสียก่อน

แต่เอาจริงๆ มันก็แค่เหมือนกับว่าเราพยายามรักษาสมดุลส่วนอื่นในชีวิตให้ดีก็เท่านั้นเอง ผมมีความเชื่ออย่างหนึ่งนะว่าคนเราไม่สามารถผูกติดโลกทั้งใบเอาไว้กับใครได้
ดังนั้นแล้วช่วงหัวค่ำในวันนี้พี่กชถึงได้ตอบรับคำเชิญกับกลุ่มเพื่อนไปกินข้าวในเมืองกัน ส่วนผมเองก็มีนัดเล่นเกมกับพี่แอมป์ เราก็เลยแยกย้ายกันไป

ผมอัดคลิปคู่กับนักแคสเตอร์คนอื่นๆ ไม่บ่อยเท่าไร อันที่จริงคือแทบไม่ได้ทำแบบนั้นเลยเพราะการจัดสรรเวลามันยาก ไหนจะยังเรื่องอินเทอร์เน็ตอีก ถ้าเน้ตของใครเกิดไม่เสถียรหรือมีปัญหาขึ้นมาจะเป็นอะไรที่งานกร่อยมาก เพราะงั้นผมจะพยายามไม่แคสคู่กับใครถ้าไม่ใช่เพราะอยากจริงๆ

แต่กับพี่แอมป์แม่งแตกต่างออกไป อย่างหนึ่งเลยคือพี่แกเป็นแคสเตอร์ที่ดังกว่าผมมาก ถ้าเทียบเป็นระดับก็เหมือนอยู่เหนือผมขึ้นไปขั้นหนึ่ง แต่ผมก็ไม่ได้น้อยใจอะไรมากมายหรอก เขาเริ่มช่องชาแนลในยูทูปมาก่อนผม และข้อสองก็คือเขาเป็นคนที่เล่นเกมเก่ง ไหวพริบดี แก้ปัญหาเฉพาะในเกมได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญคือสไตล์การพูดจะเป็นตัวของตัวเอง มีศิลปะ สะกดคนฟังได้ ไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมเขาถึงได้มีคนติดตามเยอะขนาดนั้น ผมเองยังนับถือเขาเลย

“เออ มิว เมื่อกี้ไอ้เวสมันบอกว่าอะไรนะ” เวสที่ว่าคือ NPC ตัวหนึ่งในเกม

สิ่งเดียวที่ผมมั่นใจว่าเอาชนะพี่แอมป์หรือแอมเพอร์แซนด์คนนี้ได้คือเรื่องทักษะด้านภาษานี่แหละครับ เนื่องจากเกมนี้เป็นภาษาอังกฤษทั้งเกม และบางทีเราต้องรับภารกิจจากตัวละครด้านในมา แถมยังต้องไขรหัสอีกเป็นครั้งคราว ในสถานการณ์แบบนี้ผมจะได้ช่วยเหลือทีมอย่างเต็มที่

“มันบอกให้เราลงไปในเหมืองไงพี่”

“อ้อ”

“ไประเบิดเหมือง”

“ขุดทอง”

“อืม…. ถุย พี่ขุดเองเลยเหอะ” ให้ตาย แล้วประเด็นคือผมเพิ่งได้กับพี่กชไปเมื่อคืนไง พอต้องมาพูดอะไรสองแง่สองง่ามแบบนี้มันขนลุกอย่างบอกไม่ถูก อีกฝ่ายหัวเราะก๊ากมาตามหูฟังผมขณะพาตัวละครเดินนำผมไป

“ว่าแต่กับแฟนเราน่ะเป็นไงบ้าง”

“หา? ” ผมชะงักไปหน่อยหนึ่ง คุยกันมาได้สักพัก เล่นเกมกันมาพักใหญ่ไม่เห็นพูดถึง

“ก็กชไง ใช่ไหม” เขาว่า ตัวละครหล่อล่ำของเจ้าตัวไต่เชือกลงนำผมไปก่อนแล้ว “ชื่อกชรึเปล่าวะ? ”

“ครับ ชื่อพี่กช” ผมตอบพร้อมกับบังคับตัวละครหญิงแสนสวยของตัวเองตามลงไปบ้าง เจ้าหล่อนหน้าอกหน้าใจไม่ค่อยได้เท่าไร แต่ขาอ่อนนี่อย่างสวย

“รักกันดีอยู่รึเปล่า”

ถามออกสื่องี้เลยเรอะ

“ก็ดีพี่”

“เออ นั่นดิ ไม่น่าถามเนอะ เห็นยังลงคลิปด้วยกันอยู่เลย”

“เฮ้ย” ผมโวยวายหลังหน้าจอ แต่ในจอน่ะตวัดขาฟาดฟันฝูงสัตว์ประหลาดอย่างแข็งขันไม่แพ้พี่แอมป์หรอก “พี่ดูคลิปผมด้วยเหรอ”

“ดูบ้าง” เขาว่าพร้อมกับหัวเราะ “สวีทจี๋จ๋ากับแฟนน่าดูเลยนะ”

“โอ๊ย พี่แอมป์” หน้าผมนี่ร้อนวูบเลย “โคตรน่าอายเลย พอๆ ๆ วันหลังไม่ต้องดูแล้วนะ”

“อ้าว มีการมาไล่คนดูด้วย ซะงั้น” พี่แอมป์หัวเราะร่า เสียงหัวเราะของเขาชวนให้คนที่ได้ยินหัวเราะตามออกมาได้ไม่ยาก จะว่าไปพี่แกบอกว่าเรียนคณะพวกที่เกี่ยวข้องกับการออกสื่อหรือการเอนเตอร์เทนคนอยู่แล้วด้วยนี่นะ ผมว่าอนาคตเขาต้องรุ่งมากแหง “มาๆ ๆ เดี๋ยวเราจัดการตรงนี้แล้วรีบไปตามหาไอ้แมงมุมนั่นกัน ให้ตายดิ ตรงนี้มอนเยอะชะมัด จะตบหมดไหมเนี่ย”

หลังจากที่เล่นจบ กดปิดคลิปเรียบร้อยแล้วผมก็ยังไม่เอาลงทันทีเพราะเพิ่งลงอีกคลิปหนึ่งไปเมื่อช่วงบ่าย แถมนี่ก็ดึกเกินกว่าจะมานั่งตัดต่อวิดีโอ พี่แอมป์เลยบอกว่าเจ้าตัวจะลงจากกล้องของเขาก่อนคืนนี้ซึ่งผมก็โอเค ผมออกไปหาอะไรกินที่ตลาดนัดซึ่งอยู่ห่างจากหอไปเล็กน้อย ตอนแรกว่าจะชวนไอ้เก่งกับไอ้แนทออกมาด้วยแต่เหมือนทั้งคู่จะอยู่กับที่บ้าน ผมเลยต้องเดินแกร่วหาอะไรกินคนเดียว

ผมได้อาหารกล่องกับน้ำช็อกโกแลตปั่นเตรียมเอากลับขึ้นไปกินบนห้อง มีเครปญี่ปุ่นกับลูกชิ้นทอดมาเสริมทัพด้วย คืนนี้ผมตั้งใจจะนั่งท่องคันจิอย่างเต็มที่ เพราะงั้นก็ต้องเติมพลังให้ตัวเองหน่อย ผมเพิ่งตัดสินใจสมัครสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นที่จะมีขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้าน่ะนะ เลยต้องฟิตกันหน่อย เพราะตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมด้วย ผมต้องพยายามบาลานซ์เวลาเรื่องต่างๆ ของตัวเองให้ดีไม่ว่าจะเป็นการเรียน ช่องของตัวเอง แล้วก็เรื่องความรักที่เพิ่งจะพาดผ่านเข้ามาในชีวิต จุดเริ่มต้นของมันไม่ได้ง่ายก็จริง แต่การประคับประคองมันไปพร้อมกับรับผิดชอบหน้าที่อื่นๆ ของตัวเองคงไม่ง่ายกว่าแน่ แต่ผมไม่อยากผิดหวังกับตัวเองภายหลัง

“อ้าว” เสียงเรียกของใครบางคนทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง “นั่น… มิวสไลม์นี่นา ที่เป็นรูมเมทของกช? ”

ผมแทบอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าคนที่ทักทายผมเป็นใคร นี่มันพี่ก้อย… แฟนเก่าพี่กชนี่หว่า แต่พี่แกไม่ได้เรียนมอเดียวกับพวกเราสักหน่อย ทำไมถึงมาปรากฏตัวอยู่แถวนี้ได้ล่ะเนี่ย

“สวัสดีครับ” ผมรีบยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายไหว้ตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เจ้าหล่อนอยู่ในกางเกงยีนส์ขาสั้น เสื้อยืดตัวเล็กที่เน้นทรวดทรงแบบเซ็กซี่พอประมาณแต่ไม่ถึงกับน่าเกลียด ฮืม สเป็กพี่กชเป็นแบบนี้นี่เอง

“หวัดดีจ้า เฮ้ย ส้ม เดินไปก่อนเลย เดี๋ยวเราตามไป พอดีเจอคนรู้จัก” พี่ก้อยหันไปบอกกลุ่มเพื่อนอีกสองคนที่เดินนำไปก่อนแล้ว ผมแปลกใจนิดหน่อยที่เขาตั้งใจจะคุยกับผมแบบปักหลักขนาดนั้น ก็… ไม่ได้อยากจะเสียมารยาทนะ แต่ผมไม่มีอะไรอยากคุยกับเขาสักหน่อยนี่ “เออ แล้วนี่กชไม่ได้มาด้วยกันกับมิวเหรอรอบนี้ อุตส่าห์มาเดินเล่นตลาดนัดแถวนี้คิดว่าเผื่อโชคดีจะได้เจอหมอนั่นสักหน่อย”

เผื่อจะโชคดีงั้นเหรอ… นี่ผมเลวเกินไปรึเปล่าถ้าจะรู้สึกยินดีที่พี่กชไม่ได้มาด้วยในรอบนี้น่ะ

“ไม่ครับ พอดีพี่กชมีนัดกับพวกพี่บอส”

“นัดกับไอ้บอสเหรอ? นัดไปทำอะไรล่ะ เตะบอล? ”

“อืม… ผมก็ไม่ถามรายละเอียดมาด้วยสิ” ก็ปกติพี่กชจะไปไหนทำอะไรกับเพื่อนของเขาก็เป็นสิทธิ์ของเขานี่นา

“เหรอ อืม” พี่ก้อยพูดพร้อมกับยกมือขึ้นใช้นิ้วเกี่ยวปอยผมม้วนไปมา น่ารักจริงๆ ด้วย พี่เขาตัวบางๆ แต่ก็ไม่ถึงกับเล็กมาก แถมดูแล้วท่าทางจะคุยเก่ง “เอ่อ ว่าแต่มิวทำชาแนลอยู่ใช่ไหม พี่ไม่ค่อยได้ติดตามอะไรพวกนี้ก็จริงแต่ตอนนี้เป็นไงบ้าง? ยังแกล้งเล่นเป็นแฟนกับกชอยู่รึเปล่าเนี่ย? ”

ผมชะงักไปอย่างคาดไม่ถึง คือเรื่องนั้นมันเป็นกระแสอยู่นิดหนึ่งเหมือนกันนะ อาจจะสู้ดราม่าหนักๆ ไม่ได้ก็จริง แต่ส่วนมากคนที่ติดตามผมก็รู้กันทั้งนั้น

อ้อ ใช่สิ แต่พี่ก้อยไม่ได้ติดตามผมนี่นะ อาจจะแค่ดูผ่านๆ แต่คงไม่ได้ตามจริงจังอะไร

“เอ่อ ตอนนี้ผมกับพี่กชไม่ได้แกล้งคบกันเล่นๆ แล้วล่ะครับ”

“อ้อ”

“ตอนนี้พวกเราคบกันจริงๆ ”

สิ้นประโยคนั้นพี่ก้อยก็เบิกตากว้างขึ้นอย่างตกตะลึง แวบหนึ่ง… ผมเห็นสีหน้ารังเกียจฉายชัดออกมาจากดวงตาคู่นั้น มันทำให้ช่องท้องผมบิดมวนทันที แม้ว่าพี่ก้อยจะพยายามกลบเกลื่อนด้วยการเสมองไปอีกทางอย่างรวดเร็วแล้วก็ตาม แต่ผมดันตาไวเห็นสีหน้านั้นของพี่แกก่อนจนได้

“งะ… งั้นเหรอ” หญิงสาวอ้ำอึ้ง ผมได้กำมือแน่นอย่างทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน

ให้ตาย… รู้สึกไม่ดีเลย รู้สึกไม่ดีเอามากๆ เลย

ผมเจอคนที่แอนตี้เรื่องผมกับพี่กชมาบ้างในโลกออนไลน์ แต่ในโลกความเป็นจริงก็ไม่เคยมีใครต่อต้านหรือทำท่ารังเกียจอะไร แต่โลกแห่งความเป็นจริงมันไม่ได้สวยหรูแบบนั้นใช่ไหม

“เอ่อ ขอโทษที” พี่ก้อยคงเข้าใจความกระอักกระอ่วนของผม “คือไม่ได้หมายความว่านายหรือกชผิดอะไรนะ… แค่มัน…”

“ผมเข้าใจครับ” ผมพูดไปแบบนั้นทั้งที่ความจริงแล้วไม่เข้าใจหรอก และบางทีผมอาจจะผิดก็ได้ในความคิดของพี่ตรงหน้านี้น่ะ

“แบบ มันตกใจนิดหน่อยมั้ง” หญิงสาวพยายามคลี่ยิ้มฝืนๆ ออกมา นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ลงกว่าเดิมอีก “ก็กชเคยคบกับพี่มาก่อนนี่นา เลยนึกไม่ถึงว่าเขาจะมาคบกับผู้ชายได้จริงๆ อย่างตอนแรกที่พี่เห็นในยูทูปว่าเป็นแฟนกับมิว ตอนนั้นก็ตกใจมากแล้วนะ แต่พอกชมาบอกว่าไม่ได้คบกันจริงๆ ก็เลยรู้สึก เออ มันก็เข้าใจได้ แต่ตอนนี้กลับมาบอกว่าทั้งคู่คบกันแล้วจริงๆ เนี่ยนะ? ”

เกือบแล้ว… ผมเกือบจะหลุดปากถามเรื่องที่พี่ก้อยทำผิดกับพี่กชจนทำให้ต้องเลิกกันไปแล้ว เกือบจะหลุดปากถามไปแล้วว่า ‘แล้วแฟนพี่ไปอยู่ไหนล่ะครับ’ ออกไปแล้ว ขอบคุณความมีสติของตัวเองที่ยังยั้งปากไว้ได้ แต่พี่ก้อยก็ยังไม่หยุดอยู่ดี

“แบบ… จะว่าไงดีอ่ะ น่าเสียดายจัง ทั้งมิวทั้งกชเลย มิวเองก็หน้าตาดีออกนะ น่าจะหาแฟนหน้าตาน่ารักๆ ได้ไม่ยาก แต่ดันมา…”

โอเค ตอนนี้ผมชักไม่โอเคกับการที่ใครมาพูดอะไรแล้วหยุดพูดกลางอากาศแบบนี้เอามากๆ แล้วล่ะ ผมเข้าใจนะว่าตอนนี้พี่ก้อยคงช็อก คงรับไม่ได้เรื่องที่แฟนเก่าตัวเองกลายเป็น เอ่อ อะไรแบบนี้ แต่ถ้าพี่กชเลือกผมแล้วมีความสุขแล้ว พี่ก้อยจะต้องพูดถึงขนาดนี้เลยเหรอ

“พี่ก้อยครับ”

“หืม? ”

“คือ… ถึงยังไงนี่ก็เป็นสิ่งที่ผมกับพี่กชเลือกนะครับ”

รุ่นพี่สาวเบิกตากว้างขึ้น ผมเองก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่กล้าพูดออกไปแบบนั้นทั้งที่ไม่สนิทหรือรู้จักมักจี่อะไรกับอีกฝ่ายมาก่อนแท้ๆ แต่ผมก็แค่อยากอธิบายให้เขาเข้าใจเท่านั้นเองว่าพวกเราสองคนไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วความคาดหวังของเขาหรือของสังคมก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเรา ชีวิตใครก็ชีวิตมันรึเปล่า? ผมเคารพสิทธิ์เรื่องนี้ของทุกคนนะ เพราะงั้นผมเองก็ต้องการความเคารพจากผู้อื่นบ้างเหมือนกัน

แต่บางทีผมอาจจะคิดง่ายเกิน… บางทีพี่ก้อยอาจยังมีเยื่อใยเหลืออยู่กับพี่กช ไม่สิ ต้องมีเหลือแน่ๆ อยู่แล้วล่ะ ไม่งั้นเขาจะมาที่ตลาดนัดซึ่งอยู่ใกล้มอของพี่กชกับเพื่อนทำไม แล้วพี่กชก็เป็นแฟนเก่าของเขา ในมุมมองของพี่ก้อยแล้วพี่กชก็เป็นผู้ชายธรรมดาที่เคยรักกับตัวเองมานาน

“พี่เข้าใจว่านี่คือสิ่งที่มิวกับกชเลือก” พี่ก้อยพูดออกมาในที่สุด แต่สีหน้าแววตาน่ะไม่ได้บ่งบอกว่าเข้าใจตามคำพูดเลยนะ “แต่… ไม่รู้สิ ก็แค่คิดว่าน่าเสียดาย”

“เสียดายอะไรครับ” ผมถามเหมือนกวน แต่ผมสงสัยจริงๆ นะ พี่ก้อยยังชอบพี่กชอยู่งั้นเหรอ? ถ้ายังชอบพี่กชอยู่ แล้วทำไมตอนนั้นถึงหักหลังพี่กชกันล่ะ?

พี่ก้อยยกมือกอดอกสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจ้องผม ถามเสียงจริงจัง

“มิวเคยจูบกับกชหรือยัง? ”

โอ้โห ได้กันก็ได้มาแล้วครับ ถามอะไรของพี่เนี่ย

“พี่ถามทำไมครับ”

“มิวไม่รู้สึกว่ามัน… ไม่รู้ดิ ขอโทษนะที่ต้องพูดงี้ แต่ไม่รู้ว่ามันหยึยบ้างเหรอ”

ขอบคุณมากนะ พี่กช นี่แฟนเก่าพี่เป็นพวกเหยียดเพศเหรอ

“ไม่รู้สิครับ ถ้ากับผู้ชายคนอื่นคงใช่ แต่ผมกับเขา เรารักกันนี่ครับ” ตอบตรงไปอีก แปลกดีเพราะถ้าเป็นสถานการณ์ปกติผมจะอายม้วนบิดตัวจนแม้แต่ตัวเองยังนึกรำคาญ แต่พอต้องมาโต้ตอบแก้ตัวเพื่อปกป้องตัวเองแล้วผมกลับสามารถพูดมันออกมาได้ง่ายดายขนาดนั้น หารู้ไม่ว่านั่นยิ่งกระตุ้นต่อมหงุดหงิดให้อดีตแฟนของพี่กชมากเข้าไปอีก

“ทั้งๆ ที่หมอนั่นเคยนอนกับผู้หญิงมาก่อนแท้ๆ ”

ผมเบิกตากว้างเลยกับประโยคและน้ำเสียงดุดันนั่น อยู่ๆ ข้อเท็จจริงที่บอกว่าพี่กชเคยมีอะไรกับพี่ก้อยมาแล้วก็กระแทกเข้ามาในหัว คือผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย เรื่องในอดตก็คือเรื่องในอดีต แต่พอโดนพูดตรงๆ ใส่หน้าแบบนี้ก็ทำเอาเข่าแทบทรุดไปได้เหมือนกัน

อ้อ ล้อเล่นครับ เข่าทรุดอะไรนั่นไม่มีหรอก ผมยังยืนอยู่ตรงนั้นอย่างมั่นคงนั่นแหละ แต่ใจนี่โหวงไปหมดแล้ว

“พี่ก้อยจะพูดแบบนี้ทำไมครับ” ผมถามอย่างไม่เข้าใจจริงๆ “พี่เป็นผู้หญิงนะ พี่เองนั่นแหละจะเสียหาย”

พี่ก้อยตีสีหน้าแบบหนึ่งเหมือนทั้งโกรธและเจ็บปวดไปพร้อมๆ กัน นั่นทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมานิดหนึ่ง

“งั้น… พี่ว่าพี่ขอตัวดีกว่า ปล่อยให้เพื่อนรอนานแล้ว” พี่ก้อยว่าออกมาในที่สุด ผมตอบรับเสียงเบาขณะที่หญิงสาวหมุนตัวเดินจากไปอีกทาง

ให้ตายเถอะ ก็ว่าจะไม่สนใจในส่ิงที่พี่ก้อยพูดแล้วนะ แต่อยู่ๆ ผมก็นึกถึงตอนที่ผมกับพี่กชทะเลาะกันเพราะเรื่องพี่ก้อย ตอนนั้นเองพี่กชก็ดูปกป้องพี่ก้อยมาก

ถ้าจริงๆ แล้วตอนนั้นพี่กชยังชอบพี่ก้อยอยู่ล่ะ? ถ้าจริงๆ แล้วทั้งสองคนนั้นยังมีเยื่อใยให้กันก่อนที่ผมจะเข้ามาแทรกล่ะ?

โอย… รู้สึกมวนในท้องเลยครับ

ขอกลับไปตั้งหลักที่ห้องก่อนแล้วกันนะ





-------------------------------------------
Talk: อ้าว พี่ก้อย ยังอยู่อีกเหรอ เห็นหายไปนานเลย ถถถถถ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 19) P.4 [21/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 21-01-2018 19:05:11
อย่าไปสนค่ะมิว พี่กชเป็นของเรา
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 19) P.4 [21/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-01-2018 19:24:52
ยิ้มเข้าไว้ค่ะมิวมิว เราชนะนะคะลูก
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 19) P.4 [21/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-01-2018 21:14:58
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 19) P.4 [21/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 21-01-2018 22:07:48
มิวมิวคิดมากเลยอ่ะ  :hao5:แหม่ ถ้าพี่กชรังเกียจจริงคงไม่มานัวเนียหรอกนะ :hao7:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 19) P.4 [21/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 21-01-2018 23:12:25
อยากลากก้อยมาปรับทัศนคติจริงๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 19) P.4 [21/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-01-2018 01:46:52
ยัยก้อยมันร้าย น้องมิวอย่าไปยอมนะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 19) P.4 [21/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 24-01-2018 20:05:11

บทที่ 20




ผมไม่ได้บอกพี่กชเรื่องที่ได้เจอกับพี่ก้อย ไม่ได้บอกว่าแฟนเก่าของเจ้าตัวพูดจาอะไรกับผมไว้บ้าง

อาจเป็นเพราะส่วนหนึ่งผมอาจจะเข้าใจพี่ก้อยนิดหน่อยก็ได้ ถึงยังไงเขาก็เคยคบกับพี่กช แล้วดูแล้วเขาคงไม่เคยมีคนรอบตัวที่แบบ… เอ่อ คบกับเพศเดียวกันไรงี้ เลยอาจจะช็อกหนักไปหน่อยจึงทำให้พูดอะไรไม่คิด

แต่ถึงผมจะไม่ได้พูดเรื่องนี้กับใครก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่คิดมากนะครับ ผมคิดหนักสุดๆ เลยล่ะ แต่จะทำไงได้ล่ะ ผมไม่อยากพูดเรื่องนี้กับพี่กช ยังนึกถึงคราวก่อนที่เราสองคนทะเลาะกันหนักสุดได้อยู่เลย ถึงเหตุการณ์คราวนั้นจะทำให้ผมได้คบกับพี่กชก็เถอะ แต่ผมก็แน่ใจว่าพี่กชยังแคร์พี่ก้อยอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็เถอะ

แล้วให้ตาย… คืนนี้พี่กชดันมีนัดเตะบอลกับพี่แก๊ป ผมเลยต้องนอนหง่าวอยู่คนเดียวในห้อง ตอนนี้มหาลัยกลับมาเปิดเทอมอีกแล้ว ผมได้อยู่ที่บ้านแบบน้อยมาก ส่วนใหญ่เอาแต่ขลุกตัวที่หอแล้วก็ไปเที่ยวกับพี่กช

ผมหลับไปตอนไหนไม่รู้ หากไหวตัวอีกทีกลางดึกเพราะมีใครบางคนล้มตัวลงนอนข้างๆ เบียดตัวเข้ามาราวกับนี่เป็นเตียงของตัวเอง

ผมขมวดคิ้วมุ่นทั้งที่ตายังลืมได้ไม่เต็ม พลิกตัวกลับไปมองผู้รุกราน แล้วจะเป็นใครไปได้นอกพี่กชล่ะ ชายหนุ่มผุดตัวขึ้นนั่งเพื่อถอดเสื้อยืดออก นั่นเป็นตัวที่เขาหยิบใส่กระเป๋าไปเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังเล่นกีฬาเสร็จ ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่งั้นเตียงผมคงเต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อเหม็นๆ ของเขา แต่ตอนนี้ไม่มีกลิ่นเหงื่อก็จริง แต่กลิ่นเหล้านี่ฟุ้งเลย

“มิวมิว” เขาเรียกผมเสียงหวาน ตาก็ดูลอยๆ เหมือนคนโดนมอมมาไม่มีผิด

ผมหรี่ตาลง รู้ดีเชียวล่ะว่าไม่มีใครคิดมอมพี่กชหรอก พี่แกมอมตัวเองทั้งนั้น

“แอบไปกินเหล้ามาอีกแล้วนะพี่”

“อุ้ย” เขาอุทานอย่างเสแสร้งขณะดึงกางเกงนอนผมลง เดี๋ยวๆ ๆ “เมียจับได้ว่ะ”

“พี่กช” ผมพูดเสียงเขียว หากรุ่นพี่ตัวแสบก็ยังส่งยิ้มร่ามาให้อย่างไม่ทุกข์ร้อน “ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าดื่มเยอะ เห็นไหม เมาหมดแล้วเนี่ย แล้วกลิ่นคลุ้งเชียว”

“ทีมิวยังเคยแอบพี่ไปกินเหล้ากับเก่งแล้วก็แนทเลย แล้วเช้าวันถัดไปมิวก็ปวดหัว”

เออ อืม อันนี้เถียงไม่ออก แต่ผมก็ดื่มไม่บ่อยเท่าพี่แกปะล่ะ… มั้งนะ

“แต่พี่ไม่ได้เมาสักหน่อยน้า” ยัง ยังอีก ยังไม่สำนึก

ผมถอนหายใจนิดหน่อยเมื่อพี่กชเริ่มดึงเสื้อผมให้ขึ้นมากองอยู่ด้านบนบริเวณคอ จากนั้นก็เลื่อนหน้าลงมา แตะลิ้นลงบนยอดอกแล้วเริ่มโลมเลียอย่างเชี่ยวชาญเหมือนนั่นเป็นกิจวัตรประจำวันของเขา

“อือ” ผมครางออกมานิดหนึ่ง ใบหน้าร้อนขึ้นท่ามกลางความมืดของห้อง พี่กชเริ่มเอื้อมมือไปถอดอาภรณ์ท่อนล่างของตัวเองแล้ว และผมโกรธตัวเองมากที่ห้ามใจไม่ไหวต้องเผลอเลื่อนสายตาลงไปมองหน้าท้องสมบูรณ์แบบของเขาและความแข็งแกร่งที่ชูชันขึ้นมาล่างลงไปกว่านั้น

“มิวมิว” เขาว่าก่อนจะขบริมฝีปากลงบนตุ่มไตที่ชูชันขึ้นตามแรงกระตุ้น ผมครางพร้อมกับบิดตัวให้เขา พี่กชขยี้ปลายนิ้วลงบนยอดอกอีกข้าง ผมอ้าแขนออกขยับร่างกายให้ได้องศาที่คนด้านบนจะขยี้ตัวเองได้อย่างเต็มที่ อุณหภูมิระหว่างพวกเราสองคนร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ

“พี่…” ผมกระซิบเสียงพร่าเมื่อแก่นกลางของพี่กชถูไถลงบนขาอ่อน “ถุงยางล่ะ”

“รู้แล้ว” เขาว่าพร้อมกับผละตัวไปจากเตียง หยิบถุงยางกับเจลหล่อลื่นกลับมา

ถือว่ารู้งานดี เพราะงั้นทันทีที่พี่กชแทรกตัวลงมาผมก็เปิดขาให้เขาอย่างง่าย พี่กชบีบของเหลวเย็นลงบนมือ ชำแรกนิ้วที่ชโลมด้วยเจลนั่นเข้ามาทางด้านหลังอย่างนุ่มนวล ผมส่งเสียงคราง บิดตัวน้อยๆ บนเตียงอย่างสุขสม นิ้วที่สองกับที่สามตามเข้ามาโดยไม่เว้นช่องว่างนัก เหมือนพี่กชจะรู้ดีเหมือนกันว่าร่างกายผมเริ่มชินจนไม่ต้องรอปรับสภาพอะไรมากแล้ว

“อ๊ะ… อา…” ผมปล่อยให้เสียงน่าอายนั่นเล็ดลอดออกไปอย่างห้ามไม่อยู่ ความเสียวซ่านที่แล่นปราดมารวมอยู่ที่จุดกึ่งกลางทำให้ผมแทบทนไม่ไหว หากพอมือกำลังจะเคลื่อนไปเสียงของพี่กชก็เอ่ยห้ามขึ้นอย่างนุ่มนวลแต่เด็ดขาด

“อย่านะ มิว”

“หะ… หา? ” ผมหอบหายใจไปด้วยตอนพูด “พี่กช… ผมไม่-- อื้อ”

“เอามือวางลงที่เดิมเลย” เขาสั่ง และน่าแปลกที่ผมยอมทำตามอย่างว่าง่าย เอาจริงๆ เหมือนมันยิ่งปลุกเร้าผมให้มีอารมณ์ขึ้นด้วยซ้ำ แต่ผมว่าผมชักจะไม่ไหวแล้วเหมือนกันนะแบบนี้

“ฮะ… แฮ่ก พี่กช” ผมอ้อนวอนให้เขาช่วย น้ำใสๆ เริ่มรื้นขึ้นมาบนขอบตา ใบหน้าคมคลี่ยิ้มสวย ใบหน้ายังแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์และความร้อนรุ่มจากเราสองคน

“อยากให้พี่ช่วยเหรอครับ? ” เขาถามน้ำเสียงหยอกล้อ ขยี้หัวแม่โป้งลงบนส่วนปลายที่น้ำซึมออกมาพร้อมกับเร่งจังหวะนิ้วที่อยู่ในร่างผมด้วยมืออีกข้าง ผมดิ้นตัวอย่างแรงพยายามขยับสะโพกรับกับสัมผัสวาบหวามนั้น ให้ตายเถอะ ผมจะคลั่งแล้วนะ… ทำไมพี่กชไม่รีบช่วยผมสักที

“พี่… ฮื้อ”

“เรียกพี่กชสุดหล่อก่อน” เขาว่ายิ้มๆ ขณะเริ่มใส่ถุงยางให้ตัวเอง ผมกัดฟันกรอดที่เป็นได้แค่เบี้ยล่างให้เขา

“พี่กชสุดหล่อ…”

“หา? ว่าอะไรนะครับ? ไม่ได้ยินเลย”

“ฮึ่ย! พี่กชสุดหล่อ! ” หน้าผมตัวผมจะระเบิดอยู่แล้วครับ ให้ตายเถอะ นี่มันน่าอายเกินไปแล้วนะ “ทะ… ทำสักทีได้ไหม อ๊ะ! ”

ผมสะดุ้งเฮืกใหญ่เมื่ออีกฝ่ายทำตามคำขอของผมโดยการดันร่างเข้ามารวดเดียว ผมได้ยินเสียงตัวเองครางด้วยความสุขสม มือหนาไล้ลงบนเข่าที่ชันขึ้น ไล้ต่ำลงมาบนต้นขาก่อนจะออกแรงเล็กน้อยให้มันเปิดอ้ามากขึ้น ตอนที่พี่กชเริ่มขยับเอวกระแทกตัวเข้ามาผมก็แทบจะเสร็จไปรอบหนึ่งเลย

“ฮะ… ฮ้า พี่กช พี่…”

“จะปล่อยออกมาก็ได้นะ” เขาว่า ยกลิ้นเลียริมฝีปากพร้อมกับเร่งจังหวะสะโพกของตัวเองมากขึ้น “พี่เองก็จะเสร็จแล้วเหมือนกัน”

เสียงครางอย่างสุขสมของพวกเราสอดประสานกัน และเมื่อความปรารถนาที่พุ่งถึงขีดสุดถูกรีดออกไปจากตัว ผมก็ได้แต่หายใจถี่รัว ร่างเหนือผมเองก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน พี่กชผละตัวออกไปอย่างเชื่องช้า ดึงถุงยางออกมัดที่ปากถุง จากนั้นก็ล้มตัวลงมานอนตะแคงข้างๆ ผม ดึงผมเข้าไปกอดแนบอกแน่นเชียว

ผมเคลื่อนหน้าไปจูบเขาเบาๆ พอใจไม่น้อยที่เขาจูบตอบกลับมาอย่างอ่อนหวาน ฝ่ามืออุ่นไล้ลงบนเส้นผม

“รักมิวนะ”

เขามักจะบอกรักผมเสมอเวลาเรามีเซ็กซ์กัน ซึ่งผมชอบนะ

“ผมก็รักพี่”

“ขอโทษที่วันนี้กลับดึกนะครับ”

“อื้อ ผมไม่ว่าหรอก แต่วันหลังอย่าดื่มเยอะมาก รู้ไหมครับ เกิดโดนรถชนรถเฉี่ยวขึ้นมาจะทำยังไง” พูดพร้อมกับเลื่อนนิ้วไปเกลี่ยผมเขาออกจากหน้าผาก พี่กชหัวเราะหึๆ ขณะที่หลับตาพริ้ม

“พี่ยังไม่โง่ขนาดนั้นหรอก”

“อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอนะพี่” ยิ่งกลับดึกๆ เมาๆ แบบนี้

“มิวมิวห่วงพี่”

“พี่เป็นแฟนผมนะ” ผมว่า ไล้มือลงบนแก้มเขาอย่างเผลอไผล “ไม่ให้ห่วงพี่แล้วจะห่วงหมาที่ไหนล่ะครับ”

พี่กชลืมตาขึ้นมามองผมพร้อมกับยิ้มขำ “เกือบดีแล้ว มิว ยกเว้นคำว่าหมาน่ะ”

“พี่อยากได้อะไรดีกว่านี้จากผมอีกเหรอ”

“ม่ายอ้ะ มิวมิวเจ๋งที่สุดแล้ว” แล้วก็ดึงผมไปกอดแนบอกอีกรอบ ดูเหมือนรอบนี้พี่กชคงตั้งใจจะนอนจริงแล้ว ผมเองก็เพลียมากเหมือนกัน แต่ว่า…

“พี่กชครับ”

“หืม”

“ผมถามอะไรหน่อยสิ”

“อะไรล่ะ”

“พี่เคยมีอะไรกับพี่ก้อยเหรอ”

เขาลืมตาขึ้นมาทันที คราวนี้ไม่มีรอยยิ้มประดับบนมุมปากเหมือนเคย “ก็…” เขาอ้ำอึ้ง

“บอกผมมาเถอะพี่”

พี่กชถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ก็เคย”

ผมพยักหน้ารับ เจ็บแปลบขึ้นมาวูบหนึ่งเหมือนกัน แต่ผมเป็นคนถามเองนี่ แล้วผมก็รู้คำตอบอยู่แล้วด้วย

“ขอโทษ” เขาพูดพร้อมกับกอดผมแน่นขึ้น ผมเอื้อมมือไปกอดพี่กชตอบ

“ขอโทษทำไมครับ”

“ก็มิวทำหน้าแบบนั้น”

ตายห่า ผมแสดงออกทางสีหน้าชัดไปเหรอ “ผมไม่เป็นไรสักหน่อย”

“โกหก”

ก็นั่นน่ะสิ “อืม ก็อาจจะโหวงๆ นิดหน่อยมั้งครับ” ทำไงได้ล่ะ ก็ผมมีเขาเป็นแฟนคนแรก จูบแรก ครั้งแรก ทุกอย่างก็คือเขา แต่สำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่นี่นา จะให้โกหกว่าไม่คิดอะไรเลยก็คงไม่ได้

“มิวอยากให้พี่ทำยังไงล่ะ”

ผมนิ่งไปนิดหนึ่ง แต่เรื่องนี้มันจะทำอะไรได้ล่ะ “ผมไม่ได้อยากให้พี่ทำอะไร… มันอยู่ที่ตัวผมเองมากกว่า”

“อย่าเกลียดพี่เลยนะ” กอดผมแน่นขึ้น ซุกหน้าลงมาเหมือนจะอ้อน ผมนี่ใจอ่อนยวบเป็นขี้ผึ้งโดนไฟลนเลย

“ผมไม่เกลียดพี่หรอกน่า”

“มันก็แค่เรื่องในอดีต” เขาว่า “ต่อจากนี้พี่จะมีมิวมิวคนเดียวนะ”

“ครับ” ผมยิ้มออกมาจนได้ “ผมจะพยายามไม่คิดนะ”

มันก็แค่อดีตเนอะ







เหอะๆ ๆ โกหกทั้งเพ ไม่คิดบ้าอะไรกัน

“เฮ้ย มิว” เสียงเรียกจากคนที่ผมนัดมาเจอปลุกผมให้ตื่นขึ้นจากห้วงภวังค์ของตัวเอง “ฮัลโหลๆ ยังอยู่ตรงนี้รึเปล่า สไลม์น้อย ให้สัญญาณหน่อยเร้ว”

“พี่แอมป์” ผมหันไปเบ้ปากใส่เพื่อนรุ่นพี่ที่โบกมือหย็อยๆ ให้อยู่ตรงหน้า “ทำอะไรของพี่เนี่ย ไล่แมลงวันเหรอ พอเลย แทบจะปัดหน้าผมอยู่แล้ว”

“โทษๆ ” เขายิ้มกว้างให้ผม “ก็เห็นมิวเอาแต่เหม่อนี่หว่า เออ งั้นเดี๋ยวเรารีบไปกินข้าวกันก่อนเถอะ ตอนนี้แบงค์กับจอมไปรอที่ร้านแล้ว เดี๋ยวเราค่อยไปก่อนเริ่มงานสักพัก” เขาว่าพร้อมกับก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ

ผมตอบรับเขาเนือยๆ พี่แอมป์เป็นรุ่นพี่ในวงการแคสเกมที่ผมสนิทด้วยที่สุดในตอนนี้ และเนื่องจากวันนี้มีงานเกมจัดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง ผมเลยต้องถ่อมาถึงนี่

แน่นอนล่ะว่าผมตื่นเต้นกับงานเกมรอบนี้อยู่แล้ว เพราะนอกจากผมจะมีโอกาสได้เจอกับแฟนๆ ผมยังมีนัดให้แคสเกมโชว์แบบสดๆ คู่กับพี่แอมป์อีกด้วย!

เนื่องจากระยะหลังนี้ผมเล่นเกมกับพี่แกบ่อยมาก แล้วพี่แกก็ดังพอสมควร ผมก็เลยได้รับอานิสงส์ผลบุญมีหน้ามีตากับพี่แกไปด้วย ผมได้คนติดตามขึ้นเยอะพอสมควรเลยล่ะจากการที่เล่นเกมกับพี่แอมป์

แต่ก็อย่างที่ทุกคนทราบกันนะครับ ถึงตอนนี้ผมจะตื่นเต้น แต่ไอ้ความคิดมากเรื่องพี่กชกับพี่ก้อยก็ยังวนเวียนอยู่ในหัว เหมือนตัวบ่อนทำลายความสุขที่ควรจะมีในชีวิตประจำวันไปเสียอย่างนั้น

ผมพูดทักทายกับสมาชิกคนอื่นๆ ที่มาถึงก่อนแล้ว กลุ่มนี้ก็เป็นนักแคสในยูทูปเหมือนกัน เคยเล่นเกมแบบเป็นทีมด้วยกันมาบ้าง แต่ผมไม่ได้เข้าก๊วนบ่อยนักเพราะแนวเกมค่อนข้างจะแตกต่างจากชาวบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็ทักทายต้อนรับผมอย่างดี

“เออ เกมที่มิวเพิ่งเล่นที่เป็นภาษาญี่ปุ่นอะ” พี่แบงค์ช่อง blackmoon ชวนผมคุยขณะที่ยัดข้าวเข้าปากหนึ่งคำ “น่าสนใจดีนะ แต่นี่ไม่ได้ญี่ปุ่นเลยสักตัว มิวเก่งนะ เล่นเกมญี่ปุ่นรู้เรื่องด้วย”

“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่” ผมรีบว่า “ได้ญี่ปุ่นนิดๆ หน่อยๆ น่ะ แล้วตัวเกมก็ไม่ได้มีบรรยายอะไรเยอะมาก”

“เออ แต่มิวเรียนเอกญี่ปุ่นนี่ แม่งโคตรเก่งยุ่น” พี่แอมป์ว่าพร้อมกับดึงผมเข้าไปโอบบ่าอย่างสนิทสนม ผมยิ้มตอบให้เขาก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าพี่กชไม่ชอบให้ใครถูกตัวง่ายๆ นี่หว่า… แต่ยังไม่ทันได้ห้าม พี่แอมป์ก็ปล่อยบ่าผมไปแล้ว

แต่อันที่จริงผมไม่ได้คิดมากอะไรกับสิ่งที่พี่แอมป์ทำเท่าไร เพราะพี่แกชอบสกินชิปขั้นสุด แตะเนื้อต้องตัวทุกคนได้อย่างเป็นธรรมชาติแถมยังดูไม่น่าเกลียด ดีไม่ดีดูเป็นมิตรมากขึ้นกว่าเดิมอีก ดีจังเลยนะคนที่มีออร่าสดใสแผ่กระจายออกมาได้ตลอดเวลาขนาดนั้น รู้สึกถึงพลังงานล้นเหลือจริงๆ

แต่แล้วผมก็ต้องแทบช็อกตาตั้งเมื่อเห็นว่าเกมที่พวกพี่ๆ ทีมงานเตรียมมาให้ผมกับพี่แอมป์เล่นคือเกมอะไร

“เฮ้ย” ผมว่า ทั้งประหลาดใจ ดีใจ ตื่นกลัวไปพร้อมๆ กัน “ไอ้เกมผีนี่มัน…”

“เดโม่ของภาคสอง” พี่แอมป์ยิ้มนิดๆ ยกมือขึ้นถูกัน “เจ๋งไปเลย ภาคแรกโคตรมัน รอภาคสองมาตั้งนาน ถึงจะแค่เดโม่ก็เถอะ แต่แบบนี้เราสองคนก็ต้องสลับกันเล่นใช่ไหมครับ เพราะมันเป็นเกมแบบเล่นคนเดียวนี่? ”

พี่ทีมงานตอบมาว่าใช่ ก็เท่านั้นแหละครับ ผมเลยได้ทำกิจกรรมโดยการแคสเกมสดให้ดนดูด้วยประการฉะนี้

แล้วก็อย่างที่ทุกคนรู้แหละครับว่าผมเป็นยังไงกับเกมผี… หวีดร้องแทบทั้งเกม

“เฮ้ย ไอ้มิวๆ ๆ ” พี่แอมป์ที่ตอนนี้ปล่อยเมาส์ให้ผมเล่นแทนตัวเองบีบบ่าผมแน่น อูย ผมจะเสียวก็ไอ้ที่พี่แกบีบนี่แหละ “เมื่อกี้ทางซ้ายเห็นอะไรแวบๆ ”

“พี่อย่าพูดดิ” ผมบังคับตัวละครให้ตรงไปในทิศทางตรงข้ามทันควัน “ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแหละ ทั้งหมดพี่แค่คิดไปเอง”

“บ้า จริงเหรอ” พี่แอมป์เริ่มออกแรงจับที่บ่าผมขึ้น พูดก็พูดเถอะ ผมดูพี่แกแคสเกมผีมาบ้างเหมือนกัน ขวัญอ่อนกว่าผมอีก “พี่คิดมากไปเองใช่ไหม บ้าเหรอ แกอะคิดมาก”

“พี่พูดเองตอบเองอยู่เหรอครับ” เฮ้ย เมื่อกี้ผมเห็นอะไรตาแดงๆ …

“ก็ใช่ดิ ก็มิวไม่… เหี้ย! /เฮ้ย! ”

ประสานเสียงกันยิ่งกว่าออเคสตร้าอีกครับตอนผีตุ้งแช่ใส่หน้า และนั่นก็เป็นอันสิ้นสุดเดโม่ของเกมลง

“โอ๊ย ให้ตาย” ผมกับพี่แอมป์หัวเราะพร้อมกับแอบปาดเหงื่อไปด้วยกับความน่ากลัวของเกม จากนั้นเราก็ทำการพูดปิดคลิป กล่าวลาแฟนๆ ที่นั่งดูเราเล่นเกมสดๆ อยู่อีกพักหนึ่ง แฟนพี่แอมป์มาตามพี่แอมป์ให้ไปเดินเล่นในห้างด้วยเราจึงเริ่มแยกย้ายกัน

ผมส่งยิ้มพร้อมกับพูดทักทายน้องๆ พี่ๆ หลายคนที่เข้ามาบอกว่าติดตามช่องของผมอยู่อย่างสุภาพและเป็นมิตร ใครขอถ่ายรูปผมก็โอเคหมด ใครขอลายเซ็นผมก็เซ็นให้หมด มีคนเอาขนม จดหมาย ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มาให้ด้วย ทำเอาผมยิ้มแก้มแทบปริทีเดียว เรื่องที่กลุ้มใจก่อนงานเกมจะเริ่มอะไรนั่นโยนทิ้งไปหมดตั้งแต่เล่นเกมผีกับพี่แอมป์แล้วครับ ไหนจะยังแฟนๆ ที่คอยให้กำลังใจและสนับสนุนกันขนาดนี้ บอกได้เลยว่าโคตรเป็นวันที่มีความสุข ผมสัญญากับตัวเองในใจเลยว่าจะไม่เลิกทำช่องแน่ๆ ขณะที่รับของขวัญมาจากน้องแฟนคลับอีกชิ้น

“เออ แต่สุดยอดเลยเนอะ” เสียงกลุ่มวัยรุ่นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งดังแว่วมาให้ได้ยิน “ได้เห็นทั้งสองคนเล่นด้วยกันแบบนี้โคตรดี พี่แอมป์ตัวจริงน่ารักมาก พี่มิวสไลม์ยิ่งโคตรใส”

“แอมป์มิวเลยไหมงานนี้”

“โอ๊ย เขินอ้ะ”

หือ?

ไอ้การจับคู่แปลกๆ นั่นทำให้ผมชะงักฝีเท้าของตัวเองลง และเพราะไม่ทันระวังเลยไปชนเข้ากับร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งเข้า อีกฝ่ายอุทานออกมาอย่างตกใจขณะที่ผมร้องเหวอเลยทีเดียว

“ขอโทษครับ” ผมรีบว่า โล่งใจที่เห็นมิลค์เชคในมือคนตรงหน้าปลอดภัยดีเพราะเจ้าของประคองมันไว้ได้ทัน และเมื่อผมเงยหน้าขึ้นไปเห็นว่าเป็นใครเท่านั้นแหละ… เหมือนร่างกายเป็นไปโดยอัตโนมัติครับ หน้านี่ซีดเผือดมาเชียว

“นาย…” พี่บอสเรียกผมอย่างอึ้งๆ ผมเองก็อึกอักเหมือนกัน เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นเขาในชุดไปรเวทแบบนี้ ทุกทีเห็นแต่ชุดนักศึกษา

“เอ่อ หวัดดีครับ พี่บอส” ผมรีบว่า ยังไงเสียก็เป็นรุ่นน้องเขานี่นะ ต่อให้จะปั่นป่วนในท้องไส้แค่ไหนเวลาเจอเขา แต่คงทำเรื่องเสียมารยาทไม่ได้ แต่เดี๋ยวก่อนนะ การที่เขามาอยู่ที่นี่ก็แปลว่า… “นี่พี่มางานเกมกับเขาด้วยเหรอเนี่ย พี่เล่นเกมเหรอครับ? ”

“เอ่อ…” ร่างสูงโปร่งยกมือเกาหลังคอเหมือนลำบากใจ ทำไมกัน คนเราเล่นเกมมีอะไรผิดตรงไหน ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรสักหน่อย

“หรือพี่มาดูแคสเตอร์คนไหน? ” ผมถามพร้อมกับหันซ้ายหันขวา คืองานนี้มันค่อนข้างใหญ่ แล้วเขาก็จัดเป็นหลายมุม แคสเตอร์แต่ละคนก็กระจายๆ กันไป “ถ้าพี่ตามหาคนไหนอยู่ให้ผมช่วย---”

“เปล่า พี่ไม่ได้มาดูแคสเตอร์คนไหนทั้งนั้นแหละ” เขาตัดบทด้วยเสียงที่งวดขึ้นทำให้ผมต้องรีบหุบปากลงฉับ “ของไร้สาระแบบนั้นใครจะไปดูกัน”

อ้าว พูดแบบนี้ก็สวยสิพี่ ทัศนคติแบบนี้แต่มาอยู่ในงานนี้เนี่ยนะ?

“แล้วพี่มาทำ--”

“มีคนฝากมาขอลายเซ็นนาย”

หา???

ผมอ้าปากค้างเมื่อเห็นพี่บอสปลดสายกระเป๋าสะพายของตัวเองลง หยิบกระดาษแข็งแบบที่เอาไว้ให้ดาราเซ็นขึ้นมาชูตรงหน้า “เอ้า เซ็นให้หน่อยจะได้จบๆ ”

“เอ่อ… ให้เขียนถึงใครเหรอครับ” ผมรีบหยิบปากกาขึ้นมา แปลกใจไม่น้อยที่พี่บอสยอมทำตามคำขอของใครคนนั้นทั้งที่ตัวเองไม่ชอบ คือไม่นึกว่าเขาจะเป็นคนใจดีขนาดนั้นไง

“มังกร”

ผมเงยหน้าพรวดทันที มองเขาด้วยสายตาพราวระยับขณะถามต่อ “Vk Dragon? ”

“เออ”

“เฮ้ย! พี่รู้จักน้องมังกรด้วยเหรอ” ผมพูดอย่างตื่นเต้น มองเขาเป็นคนใหม่ทันที “พี่รู้ไหมว่าผมอยากเจอน้องเขามาก ตอนแรกเขาบอกจะมางานนี้ก็ติดธุระมาไม่ได้ ไม่เคยได้เจอตัวจริงเลยสักครั้ง”

“เอ่อ” เขายกมือขึ้นเกาหลังคออีกรอบก่อนจะยักไหล่ “หมอนั่นมันยุ่งๆ น่ะ”

“แล้วเขาเป็นอะไรกับพี่เหรอครับ น้องพี่เหรอ? ญาติ? เพื่อน? รุ่นน้อง? ”

“ก็แค่คนรู้จัก”

“แล้วเขาเรียนที่---”

“อย่าถามมากได้ไหม”

คำพูดตัดบทนั่นทำเอาผมหุบปากฉับแทบไม่ทัน ก้มหน้าลงเซ็นใส่กระดาษอย่างรวดเร็วจะได้จบๆ ไป ให้ตายเถอะ ลืมตัวไปจนได้ พี่บอสเขายังไม่ชอบเพราะผมแกล้งคบกับพี่กชตอนนั้นแน่เลย

“แล้วนี่ไอ้กชไม่มาด้วยเหรอ” เหมือนเขาจะรู้ถึงความกระอักกระอ่วนระหว่างเราเลยพยายามถามให้บรรยากาศดีขึ้นบ้าง

“พี่กชติดธุระกับอาจารย์ครับ” ผมว่าพร้อมกับถอนหายใจเฮือกหนึ่ง พี่กชผลการเรียนไม่ค่อยดีเท่าไรเลยโดนเรียกตัวไป ผมเองก็เป็นห่วงแล้วก็เตือนพี่แกมาหลายทีแล้วนะเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยได้นอกจากเจ้าตัวเองหรอก “เอ้า นี่ครับ ฝากทักทายน้องมังกรให้ผมด้วยนะ แล้วก็บอกว่าคราวหน้ามาเจอกัน”

“นายไม่คิดบ้างเหรอว่าเขาอาจจะอยากปิดบังเรื่องตัวเอง”

คำถามนั้นทำให้ผมชะงักไปนิดหนึ่ง จะว่าไปแล้ว… หน้าเฟซบุ๊คของมังกรก็ไม่มีรูปอะไรของตัวเองเลย มีแต่รูปเกม รูปการ์ตูน แล้วก็ดูไม่ค่อยใช้เฟซนั้นเท่าไร

นั่นสินะ บางทีพี่บอสอาจพูดถูก

“ก็อาจจะจริงนะครับ”

“เพราะงั้นฉันถึงไม่ชอบไงที่นายถามซอกแซกเรื่องหมอนั่นน่ะ” เขาว่า รับกระดาษแข็งแผ่นเดิมคืนไปจากผม “เออ มิว ขอถ่ายรูปคู่หน่อยดิ”

ผมเบิกตากว้าง ชะงักไปด้านหลังอย่างชัดเจนจนน่าเกลียด พี่บอสขมวดคิ้วใส่ขณะหยิบกล้องขึ้นมาเตรียมเซลฟี่เต็มที่

“ก็แค่จะเอาไปบอกมังกรว่าเจอจริงๆ เท่านั้นเอง ไม่งั้นเดี๋ยวมันไม่เชื่อว่านี่ลายเซ็นของจริง”

“อ้อ ครับ” พอเอาน้องมังกรมาอ้างล่ะ ผมรีบฉีกยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้เลย เอ้า แถมสองนิ้วให้ด้วย ท่าสิ้นคิดสุดๆ

พี่บอสลดกล้องมือถือลงเพื่อดูรูปด้านใน แล้วเขาก็… ยิ้ม

เป็นรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนแล้วก็มีความสุขแบบที่ผมไม่เคยเห็นพี่แกทำมาก่อน เออเว้ย ยิ้มแบบคนปกติเขาก็เป็นนี่หว่า

“งั้นไปล่ะ” พี่บอสว่า กระชับสายสะพายกระเป๋า “เจอกันที่มอ”

“เอ่อ ครับ” ผมรับปากงงๆ ขณะมองแผ่นหลังเขากลืนหายไปกับฝูงชน

จะว่าไป… จริงๆ ถ้าน้องมังกรรู้ว่าผมรู้จักพี่บอส อยู่มอเดียวกับพี่บอส น้องมังกรก็ฝากพี่บอสให้มาถ่ายรูปหรือเซ็นให้ที่มอก็ได้แท้ๆ

แต่เอาเถอะ งานเกมมันคงได้บรรยากาศดีกว่ามั้ง





-----------------------------------------------
Talk: มาแล้วค่า~ ขอโทษที่รอบนี้หายไปหลายวันเลย >.< ไปเคลียร์อะไรๆ มา เลยยุ่งๆ นิดหน่อย แหะๆ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 20) P.4 [24/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-01-2018 20:57:08
แหม น้องมังกรก็อยู่ตรงหน้าแล้วไงจ๊ะมิว
แต่ว่าใคร ๆ ก็คงคิดไม่ถึงอ่ะเนอะ ฮา
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 20) P.4 [24/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-01-2018 21:25:49
มิวมิวน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 20) P.4 [24/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 24-01-2018 21:34:46
ทำไมพี่บอสอยู่กับมิวต่อหน้า ชอบทำเหมือนดุๆ ไงไม่รู้ 
นี่ไงมิวน้องมังกรอยู่ตรงหน้า 555+
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 20) P.4 [24/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 24-01-2018 22:32:59
ตลกบอส ความเนียนว่าคนรู้จักฝากมา โอ๊ยยย ขำ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 20) P.4 [24/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 24-01-2018 22:49:45
โง้ยยย พี่บอสน่ารักกกก <3
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 20) P.4 [24/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 25-01-2018 00:29:05
ไม่คิดว่าพี่กชจะเป็นคนหลงมอเอียเมีย 5555 น่ารัก  :mew1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 20) P.4 [24/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-01-2018 04:27:01
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 20) P.4 [24/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Honyuchum ที่ 25-01-2018 23:35:36
ชอบพี่บอส น่าร้ากกกกกก บอสมิวก็ย่อมดั้ย!!
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 20) P.4 [24/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 26-01-2018 07:35:15
เนียนละเกิ้นนนนนน 55555
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 20) P.4 [24/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-01-2018 10:32:39
พี่บอส อะไรจะขี้อายขนาดนั้น 5555555
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 20) P.4 [24/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 26-01-2018 19:23:43
บทที่ 21



[Koch]


ผมกำลังเบิกตากว้างกับสิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเอง และตอนนี้หน้าจอก็ขึ้นเป็นช่องยูทูปของมิว นั่งอ่านคอมเม้นต์ใต้คลิปที่มิวไปเล่นเกมสดในงานเกมวันอาทิตย์ที่ผ่านมาที่ผมไม่ได้ไปด้วย





Comment#23: เราได้ไปดูพี่มิวเล่นเกมแบบสดๆ กับพี่แอมป์มาแหละพวกแก บอกเลยว่าโคตรงานดี #แอมป์มิว

Comment#24: ม่ายด๊ายยย ยังไงก็ต้อง #กชมิว สิ! //หลังจากดูคลิป เออ แอมป์มิวก็อร่อยอยู่อ่ะ -.,-

Comment#59: ว้ายยยย พี่มิวนอกใจพี่กช

Comment#101: ยังไงเนี่ยพี่สไลม์ กิ๊กเหรอพี่ อิอิ #แซวเล่นเด้อ

Comment#235: พี่แอมป์กับพี่มิวน่ารักจัง

Comment#499: #แอมป์มิว





เดี๋ยวก่อน! ไอ้แอมป์มิวนี่มันอะไร!? ก็เมื่อวันก่อนคนพวกนี้ยังอวยกชมิวกันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ!? เดี๋ยวนะๆ ๆ

เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังมาจากด้านหลัง ผมหันขวับกลับไปมองตัวต้นเรื่องที่เดินออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวพาดคอทันที

เส้นผมสีดำของเจ้าตัวลู่ไปกับแก้มขาวเนียนเพราะยังเปียกปอนด้วยน้ำ แว่นที่เจ้าตัวใส่อยู่บนหน้าขึ้นฝ้าเล็กน้อย มิวจึงหยิบมันออกมาเช็ดกับเสื้อยืดสำหรับใส่นอนแบบลวกๆ แล้วตอนที่เลิกเสื้อขึ้นไปผิวหน้าท้องของรุ่นน้องผมก็เผยให้เห็นสู่สายตาไง จากไอ้ที่ตั้งใจว่าจะเอ็ดสักหน่อยเลยเขวเลยคราวนี้ มิวโคตรน่ารัก…

“ดูอะไรอยู่เหรอครับ พี่กช” เจ้าตัวว่าพร้อมกับเดินเข้ามาหาผมที่นั่งอยู่บนพื้นกางโต๊ะญี่ปุ่น “อ้าว คลิปของผมนี่ เหวอ! ”

ผมออกแรงดึงแขนของน้องแฟนลงมาให้เจ้าตัวนั่งลงบนตัก กอดร่างอีกฝ่ายไว้แน่นพร้อมกับเริ่มระดมหอมแก้ม กดริมฝีปากลงบนซอกคอขาวรัวๆ จนมิวต้องยกมือขึ้นมาป่ายพัลวัน แต่ถึงแบบนั้นไอ้ตัวแสบของผมก็หัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี

“โอ๊ย พี่กช ทำอะไรของพี่เนี่ย รอก่อนสิครับ ผมยังไม่ได้เป่าผมเลย”

“ทำโทษ”

“ทำโทษผม? ” ยกนิ้วชี้ตัวเอง นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเหมือนแปลกใจ ยิ่งน่าขย้ำเข้าไปอีก

“ช่าย” ว่าแล้วก็หอมแก้มอีกฟอด โอ๊ย ให้ตาย กลิ่นสบู่ขวดเดียวกันแท้ๆ แต่ทำไมพอมาอยู่บนตัวมิวแล้วหอมขนาดนี้

“ทำโทษเรื่องอะไรครับ” มิวถามยิ้มๆ ใบหน้าแดงเรื่อๆ เพราะสัมผัสยิ่งทำให้เจ้าตัวดูน่าขยี้ รอเดี๋ยว… รอมันเช็ดหัวแห้งก่อนเถอะ

“ก็เรื่องที่ไปทำตัวกุ๊กกิ๊กกับผู้ชายคนอื่นไง”

“หา? ”

“ยังอีก” ผมแกล้งพูดเสียงงวดขึ้น “ยังแกล้งทำไขสืออีก ร้ายนะเราน่ะ เห็นหน้าซื่อๆ แบบนี้ไว้ใจไม่ได้”

“เดี๋ยวๆ ๆ ” มิวรีบยกมือขึ้นมาทั้งสองข้าง “ผมไปทำตัวกุ๊กกิ๊กกับใครที่ไหนครับ? ทำไมผมไม่เห็นจำได้”

หน็อย ไอ้ตัวแสบเอ๊ย ยังจะแกล้งทำไม่รู้เรื่อง

ผมกดเล่นคลิปที่กดให้มันหยุดชั่วคราวค้างไว้ ในวิดีโอนั้นเป็นตอนที่ผีโผล่มาพอดี แล้วไอ้ผู้เล่นสองคนนี้ก็กอดกันกลมประหนึ่งผีปีนออกมาจากหน้าจอจริงๆ ดูเหมือนไอ้แอมป์เอิ๊มอะไรนี่จะตาขาวพอกับมิว ไม่ดิ น่าจะหนักกว่าอีก หรือไม่มันก็หลอกแต๊ะอั๊งแฟนผม โอ๊ย! ไอ้คนฉวยโอกาส!

“เอ่อ” พอมิวเห็นวิดีโอ เจ้าตัวก็ส่งยิ้มแหยๆ มาให้ ส่วนผมเหรอ… หึ! จิกสายตาดุดันกลับไปเต็มที่ “คือ… ก็แค่เล่นเกมด้วยกันเองครับ”

“เล่นเกมกันยังไงทำไมต้องกอดกันขนาดนั้น แล้วไอ้หมอนี่เป็นอะไรฮะ ต้องหาเรื่องจับตัวมิวตลอดทั้งคลิปเนี่ย”

“พี่กชเองก็ทำแบบนั้นเหมือนกันไม่ใช่หรือไงครับ” คำย้อนนั่นทำเอาผมอ้าปากค้าง “พี่กชก็ชอบมาจับๆ ตั้งแต่ก่อนที่เราจะคบกันแล้ว แปลว่าพี่กชก็หาเรื่องจับผมเหมือนกันเหรอ”

เจอแบบนี้ไปผมนี่หน้าร้อนวูบขึ้นมาเลย มิวมองผมก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี แถมยังกล้าพอที่จะเลื่อนมือมาหยิกแก้มผมอีก โอ๊ย น่ารักจนตัวจะระเบิด

“โอ๋ๆ หน้าแดงหมดแล้วครับ พี่กช เขินอะไรขนาดนั้น แปลว่าที่ผ่านมานี่ตั้งใจหลอกจับตัวผมอยู่แล้วใช่ไหม”

“เปล่าสักหน่อย! ” พูดพร้อมกับรัดคนในอ้อมแขนมากขึ้น “แต่… ก็ได้ ก็นิดหนึ่ง ก็มิวมิวน่ารักเปล่าวะ ใครจะไปห้ามใจไหว”

“งั้นพี่แอมป์ที่คอยจับผมทั้งคลิปนี่ก็ด้วยน่ะสิ? ”

“ไม่ได้! ” แทบอยากจะพ่นไฟเลย “ไหนสัญญากันแล้วไงว่าจะพยายามไม่ให้ใครโดนตัวง่ายๆ น่ะ ให้ตายสิ ทุกทีเลย ไหนจะเพื่อนมิวที่ชื่อแนทนั่น ไหนจะไอ้บอส แล้วนี่ยังจะมีแคสเตอร์ชื่อแอมป์เพิ่มเข้ามาอีกคนเรอะ!? ”

“พี่บอส? ” มิวพูดขึ้นพร้อมกับเอียงคออย่างงงงวย “พี่บอสทำไมครับ”

ตายห่า ลืมไปว่ามิวไม่รู้ว่าไอ้บอสคือมังกร แล้วบอกตามตรงเลยนะ ผมเคยฉกโทรศัพท์ไอ้บอสมาดูที่มันคุยกับมิวในฐานะน้องมังกรอะไรนั่นอยู่ คอก็ใช่ว่าสองคนนี้คุยกันแต่เรื่องเกมเป็นส่วนใหญ่ แต่ไอ้ระดับความสนิทสนมในหน้าจอนั่น… ฮึ่ย! หวงเฟ้ย

“เปล่า ไม่มีอะไร พี่แค่กลัวไปเรื่อยว่ทุกคนกำลังจะมาเอามิวไปจากพี่”

เท่านั้นแหละครับ มิวมิวของผมหัวเราะก๊ากเลย เดี๋ยวปั๊ดตบกะโหลกสักที

“ฮ่าๆ ๆ ๆ พี่บอสเนี่ยนะครับ? พี่กชหึงพี่แอมป์หรือแนทผมยังพอเข้าใจ แต่พี่บอสเนี่ยนะ? ฮ่าๆ ๆ ”

“ขำอะไรขนาดนั้น”

มิวส่ายหน้ารัวๆ พร้อมกับเลื่อนมือมาโอบรอบคอผมอย่างเอาใจ ใบหน้าเลื่อนเข้ามาใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของกันและกัน

“ผมมีแค่พี่กชคนเดียว”

“ก็ลองไม่ใช่แบบนั้นดูสิ” ผมจะจับมิวมิวขัง ล่ามไว้กับเตียง เอาให้เหมือนละครช่องเจ็ดเลย

“พี่จะทำโทษผมอีกเหรอ” พูดพร้อมกับแนบริมฝีปากอุ่นลงมาบนปากผมอย่างแผ่วเบา เรื่องตลกเกี่ยวกับมิวก็คือบางทีหมอนี่ก็ใสซื่อ น่ารักจนเหมือนเด็กไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่บางทีกลับขี้อ่อยจนเหมือนเชี่ยวชาญด้านนี้เสียเหลือเกิน

ผมดึงหลังคอเขาลงมาเพื่อจูบให้แรงขึ้น เส้นผมของอีกฝ่ายยังเปียกอยู่เลย ผมควรให้มิวจัดการผมให้แห้งก่อนไม่อย่างนั้นจะไม่สบายเอา แต่เมื่อลิ้นอุ่นของอีกฝ่ายตวัดรับกับลิ้นของผมที่ชำแรกผ่านโพรงปากเขาเข้าไปแล้วสติก็แตกกระเจิง

ผมเร่งจังหวะจูบให้เร็วขึ้น ล้วงมือเข้าไปใต้เสื้อพร้อมกับขยี้ยอดอกเจ้าตัวเพื่อกระตุ้นอารมณ์ มิวสะดุ้งเล็กน้อย ตัวยังคงคร่อมอยู่บนตักผม แน่นอนล่ะว่าผมโอบเอวเขาไว้แน่นมากราวกับตีนตุ๊กแก เอาคีมมางัดก็แงะไม่ออกแน่

แต่ในที่สุดมิวก็ดันแผ่นอกผมออก ใบหน้าเจ้าตัวยังขึ้นสีจางๆ ให้เห็น แต่เหมือนเขาจะตั้งสติได้ดีกว่า

“ผมต้องเป่าผมก่อน”

“อื้อ” ผมเห็นด้วย ยอมให้เขาลุกออกจากตักตัวเองแต่โดยดี “รีบๆ กลับมานะครับ”

“หื่นเอ๊ย” ว่าเสียงกลั้วหัวเราะ

“ก็รู้นี่นา” ไม่ปฏิเสธหรอกครับ อีกอย่างยังไงซะมิวมิวก็เป็นแฟนผมนี่ จะหื่นกับแฟนตัวเองแล้วมันผิดตรงไหน

อีกอย่าง… ยังไงวันนี้ก็ต้องทำโทษมันด้วยที่ไปทำตัวน่าจิ้นกับคนอื่นนอกจากผม

จะเอาให้ครางทั้งคืนไม่ได้นอนเลย คอยดู!







บอกไว้ก่อนเลยนะครับว่าผมไม่ได้โกรธมิวเป็นจริงเป็นจังหรอกเรื่องที่มีคนจิ้นเจ้าตัวกับแคสเตอร์อีกคน เหมือนโกรธเล่นๆ ขำๆ มากกว่า และมิวเองก็เข้าใจเรื่องนั้น

ผมว่าระหว่างเราสองคนมันไปได้ดีกว่าที่ตัวเองคาดการณ์เอาไว้มากเลยนะ เหมือนเราเข้าใจกันและกันโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก แถมมิวก็ไม่งี่เง่าไร้สาระด้วย ไม่ได้อยากจะเทียบหรอกนะเพราะการเอาความรักในปัจจุบันไปเทียบกับความรักในอดีตมันเป็นเรื่องที่คนเห่ยๆ เขาทำกัน แต่ขอผมเห่ยสักวันเถอะ เทียบกับตอนที่คบกับก้อยแล้ว ผมพูดได้เต็มปากเลยว่าสบายใจกว่ามาก

ทำไมน่ะเหรอ? ก็ตอนที่ผมคบกับก้อยน่ะ แรกเริ่มเดิมทีมันก็ดีหรอก ด้วยความที่เราเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน เหมือนมีอะไรเราก็พูดกันตรงๆ ได้ แต่ยิ่งเวลาผ่านไป ความสัมพันธ์ของเราสองคนก็อึดอัดขึ้นเรื่อยๆ

ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจกระบวนการความคิดของพวกผู้หญิงหรอกนะ ตอนเป็นเพื่อนกันก็ไม่เห็นจะมีอะไร แต่พอเป็นแฟนแล้วต้องคอยหวงคอยระแวงว่าผมจะไปมีใครคนอื่น ต้องคอยถามคอยตามตลอดว่าทำอะไรอยู่ แรกๆ ผมก็ยอมยัยนั่นทุกอย่างหรอกนะ ถามอะไรมาก็ตอบ แต่ประเด็นคือชีวิตผมมันก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่นักหนาไง ถ้าผมหายไปก็คือผมเล่นบอลอย่กับพวกไอ้บอส ไม่ก็กลับบ้านที่อยุธยา ช่วยงานพ่อที่โรงกลึง ไปสนามยิงปืน ว่ายน้ำ นอนแช่อยู่กับห้อง

คือถ้าก้อยถามดีๆ ผมก็ตอบดีๆ ทุกครั้งแหละ แต่ปัญหาคือบางทีผมตอบไปเจ้าตัวก็ย้อนกลับมาว่าไม่เชื่ออีก จนหลังๆ ผมเริ่มเบื่อที่จะคุยกับเจ้าหล่อนเพราะมันรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นเรื่องลุกลามไปจนก้อยแอบไปมีคนอื่นนั่นแหละ

ช่วงที่เกิดเรื่อง ยอมรับเลยว่าผมเจ็บหนัก เจ็บมากๆ เจ็บจนคิดว่าไม่อยากมีความรักแล้ว แม่ง ทำกันได้ลงคอ ยิ่งคนที่ก้อยหันไปคบหาด้วยเป็นเพื่อนในกลุ่มผมอีกคนยิ่งเจ็บใจ มันก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไรแต่ก็ยังทำกับผมแบบนั้น จนถึงตอนนี้ผมก็ไม่คุยกับเพื่อนคนนั้นอีกเลย แม้ว่าจะกลับมาคุยกับก้อยได้เหมือนเดิมก็เถอะ อาจเป็นเพราะผมสนิทกับก้อยมานาน พอความเจ็บเลือนๆ ไปก็พอจะให้อภัยได้

หลังเลิกเรียนในช่วงเช้าของวัน ผมเก็บข้าวของเตรียมตรงกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองเพราะคาบบ่ายยกเลิกไปแล้ว กำลังจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทักถามมิวว่าวันนี้จะกลับหอกี่โมงก็พอดีไอ้บอสเดินมาสะกิดบ่าผม

“ไอ้กช”

“ว่าไง” จริงๆ เมื่อกี้ตอนอยู่ในห้องก็นั่งเรียนด้วยกันนะ แต่ไอ้นี่มันค่อนข้างตั้งใจเรียน ไม่เหมือนผมหรอก ล่องลอยไปเรื่อย

“มึงเจอก้อยครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่วะ”

ผมขมวดคิ้วกับคำถาม พยายามนึกตาม

“เดือน… สองเดือนก่อนมั้ง ถามทำไมวะ? ”

“ก้อยเพิ่งรู้เหรอวะว่ามึงคบกับมิวจริงๆ แล้ว”

“ไม่รู้สิ” ผมก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับมันเสียด้วย ไม่ใช่คนชอบทำตัวสนิทสนมกับแฟนเก่าเกินความจำเป็น “ก็น่าจะรู้ตั้งนานแล้วม้าง… เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้ไม่ใช่เหรอ ในช่องของมิวหรือเพจของมิวงี้กระหึ่มจะตาย”

บอสถอนหายใจออกมาสั้นๆ ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ของมันมาให้ผม

“ดูนี่”

บนหน้าจอเป็นเฟสบุ๊ของมันเอง ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจ…





Koi Suparat: แม่ง จะให้กูพูดยังไงล่ะ ผัวเก่าดันได้เมียใหม่เป็นผู้ชายเนี่ย โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดแล้ววะ





นั่นเป็นสเตตัสที่ก้อยตั้งไว้เมื่อสองอาทิตย์ก่อน ผมอ้าปากค้างเพราะไม่ได้เห็นข้อความนี่ ส่วนไอ้บอสเองก็คงเพิ่งได้เห็นเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม ผมรีบกดอ่านคอมเมนท์ที่ยาวเป็นพืดทันที มีทั้งคนที่ผมรู้จักและไม่รู้จักแสดงความเห็นกันเต็มที่





Comment#2: งี้แหละแก คนมันตาไม่ถึง ไปหาใหม่ดีกว่า

Comment#4: แพ้ดุ้นเหรอเพื่อน 55555

Koi Suparat replied: xxxเหอะ แม่งโคตรทุเรศ รับไม่ได้สุดๆ เลยว่ะ

Comment#10: ทิ้งมึงไปหาผู้ชายเนี่ยนะ? โคตรแย่อะ

Koi Suparat replied: เออ ห่านจิกมาก คือถ้าคนใหม่เป็นผู้หญิงสวยๆ ดีๆ กว่ากูนะ จะไม่ว่าอะไรสักคำ กูเสือกแพ้ผู้ชาย T.T

Comment#22: หาใหม่ๆ ๆ ๆ





และสารพัดคนมาตอบเม้นท์

ผมรู้ดีว่าก้อยเป็นคนที่เพื่อนเยอะ เจ้าตัวโพสท์อะไรไปก็มีคนมากดไลค์แล้วก็คอมเม้นท์ตลอด แต่คราวนี้ผมรู้สึกวูบขึ้นมาเลย เหมือนเลือดขึ้นหน้า แน่นอนว่าผมเป็นลูกผู้ชายพอที่จะไม่ทำร้ายผู้หญิงแน่ แต่สาบานเลยว่าถ้าก้อยอยู่ต่อหน้าผมตอนนี้ผมจะ…

“เฮ้ย ไอ้กช” เสียงเรียกจากบอสพร้อมกับมือที่ตะปบลงมาบนบ่าดึงสติของผมกลับมา “ใจเย็นหน่อยมึง หน้ามึงตอนนี้น่ากลัวมากเลยรู้ตัวรึเปล่า”

“ไอ้บอส”

“ว่าไง”

“เรียกก้อยมาคุย”

บอสทำตาโตนิดหนึ่ง “มึงจะทำอะไรก้อย”

“ไอ้ห่า เรียกมาคุยก็ต้องมาคุยสิวะ” นี่ไอ้บ้านี่คงไม่คิดว่าผมจะตีหรือทำร้ายผู้หญิงจริงๆ ใช่ไหม แล้วอีกอย่าง ถึงยังไงก้อยก็ยังเป็นเพื่อนผม ผมอยากจะเคลียร์ให้มันรู้เรื่องไปข้างมากกว่า “มึงโทรนัดเลย บอกด้วยว่ากูอยากเจอ”

“แล้วทำไมมึงไม่โทรเองล่ะ”

“กูโทรหาก้อยตอนนี้กูเลือดขึ้นหน้าแน่” อาจจะถึงขั้นคุยไม่รู้เรื่อง คือผมเป็นคนที่ถ้าอารมณ์พลุ่งพล่านเมื่อไหร่จะพูดจาติดๆ ขัดๆ มิวเองก็เคยบอกเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

“เออ ก็ได้วะ” ไอ้บอสบ่นงึมงำ เรื่องของเรื่องคือเราสามคนเป็นเพื่อนก๊วนเดียวกันมานาน พวกไอ้แก๊ปอะไรนี่เพื่อนมหาลัย เพราะงั้นพวกมันคงไม่ได้อยากมารับรู้ด้วยเท่าไร

“มึงมากับกูด้วยนะ”

“ได้” บอสว่าขณะยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู “บอกตามตรง กูเองก็ไม่อยากให้มึงไปคุยกับก้อยแค่สองคนหรอก กลัวใจ”

“สัส กูยังไม่ได้หน้ามืดขนาดนั้น” แค่โกรธจนควันแทบออกหูเท่านั้นเอง แต่ผมก็ยังควบคุมอารมณ์ตัวเองได้นะ

แต่ให้ตายเถอะ หวังว่ามิวจะไม่ได้รับรู้เรื่องพวกนี้ด้วยหรอกนะ ไม่อย่างนั้นหมอนั่นต้องเสียใจมากแน่ๆ ผมทนไม่ได้หรอกถ้าต้องเห็นมิวไม่สบายใจกับเรื่องพวกนี้น่ะ







[Mew]

ผมว่าผมกำลังเจอปัญหา

อันที่จริงก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าปัญหาได้ไหม เพราะมันไม่ได้ทำให้ผมเดือดร้อนในทางตรง แต่ทำให้ผมเดือดเนื้อร้อนใจในทางอ้อมสุดๆ





Comment#109: มีใครคิดเหมือนกูบ้างว่ามิวสไลม์อะไรนี่แม่งเรียกกระแส ตั้งแต่ตอนมันทำเป็นให้คนจิ้นกชมิวแล้ว

Comment#110: เฮ้ย คิดเหมือนกันเลยว่ะ ตอนแรกก็ว่ามันน่ารักดีนะ แต่สักพักกูว่าแม่งเกินไปหน่อย เหมือนจงใจให้คนจิ้นเรียกคนดู





ตอนนี้ผมอยู่หน้าเว็บบอร์ดแห่งหนึ่งที่ไม่ว่าใครก็สามารถเข้ามาแสดงความคิดเห็นได้โดยไม่ต้องแสดงตัวตน และไม่ต้องบอก ผมว่าพวกคุณก็คงพอรู้อยู่แล้วว่าตอนนี้ผมเครียดมากแค่ไหน รู้สึกหน้ามืดเหมือนจะเป็นลมขึ้นมาเลยทีเดียว





Comment#111: แล้วไอ้ที่บอกว่าแกล้งคบแล้วต่อมาก็มาคบกันจริงๆ นั่นก็ไม่รู้ยังไง กูคนนึงล่ะที่โคตรไม่โอเคกับเรื่องนี้

Comment#112: คิดเหมือนกันเลย คนเราพอโกหกได้ครั้งหนึ่งก็โกหกต่อไปได้เรื่อยปะวะ แถมไอ้ที่บอกคบกันจริงๆ แล้วตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าโกหกอีกรึเปล่า ไอ้เหี้ย โคตรซับซ้อน 55555

Comment#113: แต่เขาจะทำแบบนั้นไปทำไมวะมึง? ลองคิดดูดีๆ นะเว้ย ในเมื่อเขาโกหกมาแต่แรกแล้วเขาพยายามแก้ไขให้มันถูกต้อง ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าเขาอยากจะโกหกต่อก็ไม่เห็นต้องออกมาบอกว่าโกหกเรื่องคบกันเลยก็ได้ไม่ใช่หรือไง? ก็แค่แกล้งคบต่อไปเรื่อยๆ ก็จบ

Comment#114: ก็ปั่นดราม่าไงแก ให้คนมาดูเพิ่มอีกเยอะๆ

Comment#115: โคตรทุเรศ





ในคอมเมนท์เกลียดชังมากมายนั่น แน่นอนว่าผมเห็นบางอันที่พยายามแก้ต่างให้ผม เข้าข้างผม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกปวดหัวจี๊ดอยู่ดี





Comment#120: แต่ว่าก็ว่าเหอะ ล่าสุดมีคนจิ้นแอมป์มิวด้วยปะ นี่ก็เรียกกระแสเหมือนกันไหมอ่ะ ยิ่งพี่แอมป์ดังๆ อยู่แล้วด้วย

Comment#121: เกาะพี่แอมป์ดังชัวร์





ความอดทนของผมสิ้นสุดที่ตรงนี้แหละ

ผมพยายามหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับอารมณ์พลุ่งพล่านของตัวเอง กดปิดหน้าจอเว็บบอร์ดนั่นแล้วคุยตอบพี่แบงค์ blackmoon ที่เป็นคนส่งลิงค์นี้มาให้





Black_Moon: เฮ้ย มิว

Black_Moon: ไหวเปล่าเนี่ย เงียบไปเลย





ผมวางนิ้วลงบนคีย์บอร์ด พยายามพิมพ์อย่างกระท่อนกระแท่น





SlimeSmileS: ผมเข้าไปอ่านมาล่ะพี่

SlimeSmileS: โคตรไม่โอเคเลย





เขาพิมพ์ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว





Black_Moon: เออ โทษทีนะ ไม่น่าส่งให้มิวดูเลย จะไม่สบายใจเปล่าๆ

SlimeSmileS: ไม่เป็นไรครับพี่

SlimeSmileS: ผมรู้ว่าพี่แค่เป็นห่วงเฉยๆ

Black_Moon: เอาเป็นว่าช่างแม่งพวกนั้นเหอะ อย่าไปคิดมากแล้วกัน โอเคไหม?





ผมรู้สึกถึงน้ำตาที่รื้นขึ้นมาหลังจากที่อ่านข้อความแสดงความเป็นห่วงนั้น





SlimeSmileS: ผมโอเคพี่

SlimeSmileS: แค่รู้สึกแบบ

SlimeSmileS: โลกออนไลน์นี่มันน่ากลัวจริงๆ





ผมไม่ได้รอดูว่าพี่แบงค์จะพิมพ์อะไรตอบกลับมา เพราะวินาทีต่อจากนั้นผมก็ซุกหน้าลงบนฝ่ามือแล้วก็ร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่แล้ว




-----------------------------------------------
Talk: ทำไมมีแต่เรื่อง ถถถถถ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 21) P.4 [26/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-01-2018 22:02:35
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 21) P.4 [26/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-01-2018 22:42:30
น้องมิวสู้ๆนะ พี่กชรีบกลับมาปลอบน้องด้วย
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 21) P.4 [26/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-01-2018 22:43:28
อย่าไปแคร์มากเลยต่อหน้าก้อไม่กล้าหรอกพวกนี
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 21) P.4 [26/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 27-01-2018 00:56:42
นักเลงคีย์บอร์ดกันจริงๆเลย :katai1:
/กอดน้องมิว
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 21) P.4 [26/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 27-01-2018 21:35:10

บทที่ 22




“เธอมีปัญหาอะไร ทำไมไม่มาพูดตรงๆ ” กรกชพูดหลังจากยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอึกหนึ่ง เขาแทบจะกระแทกลงบนโต๊ะด้วยซ้ำ หากหญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขายังมีสีหน้าสงบอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ

“ใจเย็นก่อน ไอ้กช” กลายเป็นบอสที่นั่งข้างๆ เพื่อนเสียอีกที่ยกมือขึ้นมาลูบบ่าอีกฝ่าย ตอนนี้เขานั่งอยู่ตรงกลางระหว่างอดีตคู่รักที่เป็น เพื่อนสนิทของเขาทั้งคู่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะห้ามทั้งคู่ไวได้ หรือในอีกแง่หนึ่งก็คือเขาน่าจะตายก่อนใคร “มีอะไรก็ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากัน ว่าแต่ก้อยอยากสั่งอะไรมาเพิ่มไหม นี่เราเล่นล่อเหล้าเพียวๆ กันแบบนี้เดี๋ยวก็เมาเร็ว”

“กับแกล้มอะไรก็ได้ บอส” ก้อยหันไปตอบคนถามยิ้มๆ หันกลับมามองหน้ากชอีกรอบ “เอาเป็นเมนูที่กชชอบดีไหม มาบาร์นี้ทีไรกชชอบสั่งเมนูเดิมทุกที”

บอสถือโอกาสนี้หันไปเรียกพนักงาน บาร์ที่พวกเขานั่งอยู่ตอนนี้ค่อนข้างสงบเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ แสงไฟสลัวๆ ภายในร้านยิ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ตัวสูงที่สุดในโต๊ะดูน่ากลัวขึ้น หากก้อยที่สนิทกับกชมานานก็ยังยิ้มอยู่ได้ หล่อนรู้ดีว่าเพื่อนคนนี้ไม่ลงมือทำร้ายผู้หญิงจริงๆ จังๆ หรอก หรือต่อให้จะดุหรือด่ายังไงก็ยังให้เกียรติเสมอ แถมยังขี้ใจอ่อนเป็นที่สุด

“แล้วตกลงว่าเธอมีอะไร ก้อย”

“เราเหรอ? ” ก้อยยกนิ้วชี้ตัวเองงงๆ อย่างเสแสร้ง “เราจะไปมีอะไรได้ล่ะกช กชเป็นคนขอให้บอสตามเรามาคุยด้วยวันนี้นะ คนที่มีเรื่องอะไรจะคุยก็ต้องเป็นกชดิ”

กรกชถอนหายใจเฮือก เขาไม่เคยเล่นเกมประสาทกับผู้หญิงตรงหน้าได้ชนะเลย เขาแอบคิดด้วยซ้ำว่านี่เป็นอาวุธที่น่ากลัวของพวกผู้หญิงที่ผู้ชายอย่างเขาไม่มีทางเข้าถึง

“ทำไมไปโพสท์แบบนั้นในเฟซบุ๊ค”

“โพสท์ไหน” ก้อยทำหน้าเหลอหลาอย่างเสแสร้ง “เราโพสท์อะไรต่อมิอะไรลงโซเชียลมีเดียตั้งเยอะ แล้วนั่นก็ไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมายสักหน่อย”

“เรื่องที่ก้อยไม่พอใจที่เราไปคบกับผู้ชายน่ะ”

“อ้อ” หล่อนพยักหน้าเนิบๆ ยกแก้วเหล้าเล็กจิ๋วแต่ราคาสูงลิ่วขึ้นมาจิบ “นึกว่าเรื่องอะไร”

“กช หยิบแก้วน้ำให้กูหน่อย” บอสที่หันกลับมาร่วมวงเพราะสั่งกับแกล้มเสร็จแล้วว่า กชเลื่อนแก้วน้ำเปล่าให้เพื่อนโดยที่ยังไม่ละสายตาจากก้อย

“แล้วตกลงว่ายังไง ทำไมถึงไปโพสท์แบบนั้น”

หญิงสาวคนเดียวในโต๊ะยกยิ้ม “เฮ้ย ใจเย็นดิวะ ทำไมดูหัวเสียจังอ่ะ ว่าแต่บอส มึงสั่งเหล้ามาแต่ดื่มน้ำเปล่าเนี่ยนะ ไม่ใจเลยว่ะเพื่อน ว่าแต่เราควรจะชนแก้วกันสักรอบไหม”

“ถามไอ้กชเหอะ” บอสโยนงานให้เพื่อน “มันโกรธมึงจนควันแทบจะออกหูแล้วน่ะ”

“แล้วจะไม่ให้กูโกรธได้ไงวะ” พอเริ่มพูดล่ะอารมณ์ก็เริ่มมา “ตั้งแต่ตอนที่เรามาร้านนี้ด้วยกันล่าสุดแล้วนะไอ้ก้อย ตอนนั้นไอ้โน้ตกับไอ้เจก็มา แต่แกดันแท็กเราแค่คนเดียว”

“ก็ในรูปมีแค่แกกับเราปะล่ะ” หญิงสาวว่าพร้อมกับยกเหล้าขึ้นจิบอีกรอบ ความร้อนของแอลกอฮอล์ที่ไหลผ่านคอทำให้หน้าร้อนขึ้นมานิดหนึ่ง “แล้วอีกอย่างเราก็มาร้านนี้กันออกจะบ่อย จะคิดมากไปทำไม”

“คนอื่นจะเข้าใจผิดเอาน่ะสิ” อย่างเช่นมิวไง ให้ตาย ตอนทะเลาะกันคราวนั้นก็เพราะเรื่องแท็กในเฟซบุ๊คนั่น เอาจริงนะ เขาชักเริ่มขยาดโซเชียลมีเดียแล้ว “อีกอย่างถึงแกจะเลิกกับไอ้เต้ยแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าแกต้องทำตัวลดคุณค่าตัวเองแบบนี้เลยนะ มันไม่ใช่เรื่องเลย”

เต้ยคืออดีตเพื่อนของเขานั่นแหละ คือคนที่ฉกแฟนของเขาไปแบบหน้าด้านๆ ส่วนก้อยเองก็พอกัน หักหลังเขาแล้วตัดสินใจไปคบกับไอ้หมอนั่น ถึงจะเลิกกันในเวลาไม่นานต่อมาก็เถอะ

“เราเหรอลดคุณค่าตัวเอง? ” โดนว่าตรงๆ แบบนั้นก้อยก็ขมวดหัวคิ้วฉับ “แล้วกชมีสิทธิ์อะไรมาว่าเราแบบนั้นวะ จะเอาแต่โทษว่าเราผิดทุกอย่างเลยงั้นสิ”

“ใจเย็นๆ ” บอสพยายามผ่อนบรรยากาศที่ตึงเครียดเรื่อยๆ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบกับแกล้มที่ทางร้านเอามาเสิร์ฟให้ผ่านหน้าเพื่อนอีกสองคนที่จ้องกันตาไม่กะพริบ

“งั้นเราถามก้อยหน่อยเหอะ เราทิ้งก้อยตอนไหนวะ ตอนที่เราจับได้ว่าก้อยแอบคุยกับเต้ย เราก็บอกก้อยแล้วว่าเรายอมยกโทษให้ เราขอร้องก้อยด้วยซ้ำให้กลับมาหาเรา”

“แบบนั้นกชเรียกขอร้องเหรอ” หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นอย่างดื้อดึง “โทษทีเถอะ แบบนั้นบ้านเราเรียกบังคับด้วยซ้ำ กชไม่ได้พยายามง้อเราเลย ไม่เรียกว่าขอร้องด้วย แล้วไอ้ที่เราบอกกชทิ้งเราไปมันก็ถูกแล้ว ตอนที่เราคบกันกชไม่เคยสนใจความรู้สึกของเราเลย เอาแต่หายไปทำอะไรก็ไม่รู้ ข้อความก็ไม่ยอมตอบ เวลาเราขอให้กชอยู่กับเรากชก็ไม่ค่อยมีเวลาให้ แบบนี้มันก็เหมือนกชทิ้งเราไปนั่นแหละ”

“เฮ้ย ไอ้ก้อย ใจเย็น” คราวนี้คนตรงกลางต้องหันมาห้ามเพื่อนอีกคนแทน แถมยังพยายามแก้ต่างให้กรกชที่อ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออกอีกด้วย “จริงๆ เราว่าตอนนั้นไอ้กชก็พยายามง้อแกแล้วนะ แต่อย่างมันก็ทำได้แค่นั้น แกก็รู้ว่ากชเป็นคนยังไง”

บอสพูดแบบนั้นเพราะรู้ว่าเวลามีเรื่องอะไรขึ้นมา หมอนี่จะพยายามพูดคุยด้วยเหตุผล ใช้หัวมากกว่าใช้ความรู้สึก ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ก้อยต้องการในตอนนั้น หล่อนต้องการการง้องอน เอาอกเอาใจ ของขวัญสักชิ้นสองชิ้นหรืออะไรแบบนั้น แต่ไม่ว่าจะยังไง บอสก็คิดว่าเพื่อนเขาทั้งสองคนไม่ควรมาคบกันตั้งแต่แรกแล้ว กชกับก้อยนิสัยต่างกันเกินไป แล้วก็ไม่พยายามจะปรับตัวเข้าหากัน คือตอนเป็นเพื่อน ทั้งคู่สนิทและเข้าอกเข้าใจกันมาก แต่พอเป็นแฟนเท่านั้นแหละ คนนอกอย่างบอสบอกได้เลยว่าพัง

“กชก็น่าจะพยายามมากกว่านั้นรึเปล่าวะ” ยัง เพื่อนเขาคนนี้ก็หัวดื้อพอกัน

“พยายามง้อคนที่แอบไปคุยกับเพื่อนเราลับหลังเนี่ยนะ? ”

“น่ะ ไอ้บอส แกเห็นปะ”

“หยุด” คนกลางยกมือขึ้นมาทั้งสองข้างเพื่อห้ามทั้งสองฝั่ง “พวกมึง พอเลย เป็นแบบนี้คืนนี้ก็คุยกันไม่จบ จะเอาเรื่องในอดีตขึ้นมาพูดอีกทำไมวะ มันผ่านแล้วก็ให้มันผ่านไป คุยเรื่องที่ต้องคุยวันนี้ให้รู้เรื่องดีกว่า”

“เออ ไอ้บอส มึงพูดถูก” กชว่า หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ตามด้วยกับแกล้มตามหลัง “ยังไงซะตอนนั้นเราสองคนก็ผิดทั้งคู่ อล่วมันก็ผ่านไปแล้ว ทีนี้มาคุยเรื่องเดิมกัน ไอ้ก้อย แกเป็นอะไรวะที่เราไปคบกับมิวอ่ะ เพิ่งรู้นะว่าแกรับพวกเกย์หรืออะไรอย่างนี้ไม่ได้”

“ก็ไม่ใช่ว่าเรารับเกย์ไม่ได้” คนหัวดื้อก็ยังเป็นคนหัวดื้ออยู่วันยังค่ำ “แต่พอเป็นแกแล้วเรารับไม่ได้ แกเป็นแฟนเก่าเรานะเว้ย ไอ้กช คนอื่นเขารู้ว่าแกไปคบกับผู้ชาย เขาจะว่ายังไง”

“ก็ที่คนอื่นเขารู้เพราะเธอไปป่าวประกาศในเฟซบุ๊คเองไม่ใช่เรอะ”

“ต่อให้เราไม่ประกาศ เขาก็รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วปะวะ? แกไม่รู้หรอกว่าเราอายแค่ไหนที่ต้องมานั่งตอบคำถามหรือฟังคำสบประมาทเรื่องที่แฟนเก่าตัวเองไปมีแฟนใหม่เป็นผู้ชายอ่ะ”

“แล้วทำไมแกต้องสนด้วยวะ”

น้ำเสียงของทั้งสองคนที่ชักดังขึ้นเรื่อยๆ เริ่มทำคนตรงกลางหัวหมุน

“จะไม่สนได้ไง ในเมื่อเราเองก็รับไม่ได้เหมือนกันที่แกไปคบกับผู้ชาย”

“แล้วทำไมแกจะต้องรับไม่ได้ด้วยวะ” กรกชพูดอย่างสับสนระคนหงุดหงิด “นี่มันชีวิตเรานะเว้ย เราจะคบกับใครก็เรื่องของเราดิ”

“แต่แกจะคบกับคนที่ขอให้แกช่วยเล่นละครไม่ได้! ” พอจับความหงุดหงิดในน้ำเสียงของกชได้ ก้อยก็ชักหน้าแดงขึ้นด้วยความโมโหตาม “เราเข้าไปย้อนดู ย้อนอ่านมาหมดแล้ว ไอ้เรื่องดราม่าของแกกับน้องมิวสไลม์น่ะ จนแล้วจนรอดแกก็คบกับน้องเขาเพราะน้องเขาขอใช่ไหมล่ะ แกไม่คิดว่ามันทุเรศไปหน่อยเหรอ น้องเขาใช้แกเป็นเครื่องมือแต่แกก็ยังไปคบกับเขา”

“ก้อย กูว่า---” บอสพยายามห้าม แต่เหมือนมันจะสายไปแล้ว

“แล้วทำไมวะ ก็เราชอบมิวมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว พอมิวขอร้องให้เราช่วยเล่นเป็นแฟนให้ เราก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายสักหน่อย มีแต่ได้กับได้”

“กับคนเห็นแก่ตัวแบบนั้นแกก็ยังชอบเขาได้อีกเนอะ”

“ก้อย! ”

“โอย พวกมึ๊ง” บอสยกมือยีหัว “แดกเหล้ากันหน่อยไหม มา อุตส่าห์มาถึงนี่ทั้งที มาเพื่อน ชนแก้ว แม่ง จะหัวร้อนอะไรกันนักหนาวะ”

บอสบังคับให้ทั้งคู่ถือแก้วได้ในที่สุด และพอเจ้าตัวทำท่าชนแก้วกับทั้งคู่แล้วทั้งกชกับก้อยก็หันไปจิบแอลกอฮอล์ในแก้วของตัวเองกันคนละอึก ผ่อนให้อารมณ์เย็นลงกันไป

“โอเค ดีขึ้นไหม” คนกลางถามพร้อมกับหันมองซ้ายขวา ได้แต่บ่นในใจไปว่าไม่น่าเลยกู ไม่น่ายอมมาเป็นเพื่อนไอ้กชเลย น่าจะปล่อยให้พวกแม่งตบตีกันเอง

“เออ”

“ก็ดี” ก้อยว่่า หน้าร้อนขึ้นเพราะซดเหล้าของตัวเองจนหมดรวดเดียว “แต่กูอยากได้อะไรแรงๆ กว่านี้ พี่คะ ขอเมนูหน่อยค่ะ”

“ไอ้ห่า เดี๋ยวก็ได้ตบกับไอ้กชจริงๆ หรอก” พูดพร้อมกับส่ายหน้า หลังจากที่อารมณ์กลับมาคงที่กันอีกครั้ง กชก็พยายามลากเข้าบทสรุปของการนัดพบกันคราวนี้

“ก้อย”

“อะไร”

“เราเข้าใจแล้ว”

“เข้าใจว่า? ”

“เข้าใจว่าแกไม่พอใจมากๆ ที่เราไปคบกับมิว แบบคบจริงๆ ”

ก้อยเงียบ หากสีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นตามที่กชพูด

“ที่เราขอให้บอสเรียกก้อยมาคุยกับเราวันนี้ก็เพราะอยากให้แน่ใจว่าเราไม่ได้เข้าใจผิด แต่ตอนนี้มันชัดเจนแล้ว สำหรับแก… เราไม่รู้ว่าแกไปอ่านเจออะไรมาเกี่ยวกับมิวนะ แล้วเราก็ไม่สนด้วยว่าแกจะมองมิวว่ายังไง แต่เรารักมิว แล้วเราก็จะไม่เลิกกับมิวเพียงเพราะแกไม่ชอบใจด้วย”

“อ้อ” หญิงสาวมีสีหน้าเจ็บปวด “นี่เหรอสิ่งที่นายอยากจะพูด ที่เรียกฉันออกมาคุยนี่ก็เพราะเรื่องนี้เองเหรอ จบเรื่องแล้วจะแยกย้ายกันเลยไหมล่ะ”

“เฮ้ ใจเย็นก่อนดิ” บอสลอบถอนหายใจเงียบๆ หน้าที่กูอีกที่ต้องมาทำให้สองคนนี้ประนีประนอมกัน “ไหนๆ ก็เจอกันแล้ว เราสามคนก็ไม่ได้รวมกันมาตั้งนาน อยู่ดื่มกันอีกหน่อยดิ ว่าไง ไอ้กช มึงเองก็คิดงั้นใช่ไหม”

กชเม้มริมฝีปากแน่นขึ้นก่อนจะถอนหายใจยาว ใจจริงน่ะอยากจะรีบกลับห้องไปหามิวมากกว่า แต่เขาไม่อยากทำลายความตั้งใจของบอส อีกอย่าง ยังไงเสียพวกเขาสามคนก็เป็นเพื่อนกันมานาน และถึงก้อยจะไม่ชอบเรื่องที่เขาคบกับมิวหรือรสนิยมทางเพศของเขา แต่ถ้าเจ้าหล่อนไม่คิดจะต่อความยาวสาวความยืดอะไรหรือพูดอะไรถึงมันอีก เขาก็พร้อมจะให้อภัย

“ก็ได้” ในที่สุดชายหนุ่มก็ยิ้มออกมา พอจะคลายบรรยากาศตึงเครียดระหว่างตัวเองกับก้อยได้บ้าง “ดีเหมือนกัน นี่แก้วเดียวกูยังกินไม่หมดเลยเนี่ย มึงก็เหมือนกันไอ้บอส แดกช้าเป็นเต่าคลาน”

“เออ ใช่” ก้อยผสมโรงไปด้วย “แต่ไอ้บอสแม่งกินเหล้าไม่เก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ แม่ง ทั้งที่หน้าตาออกจะเถื่อน”

“หุบปากเลยพวงมึง” แยกเขี้ยวใส่ด้วยความหงุดหงิด แต่ในใจโล่งขึ้นมากที่ทั้งกชและก้อยไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตากัดอย่างเอาเป็นเอาตายอีกแล้ว

ต่อให้สองคนนี้จะมีเรื่องผิดใจกัน ไม่เข้าใจกัน หรือไม่เห็นด้วยซึ่งกันและกัน แต่อย่างน้อยทั้งคู่ก็ไม่ได้งี่เง่าถึงกับต้องแตกหักกันไปข้าง

เรื่องอะไรที่เลี่ยงได้ก็เลี่ยง แต่อย่างน้อยก็รักษามิตรภาพเอาไว้ อย่างน้อยบอสก็ดีใจที่ทั้งกชและเห็นก้อยยังเห็นคุณค่าความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสามคน







มิวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีในความมืดของห้อง

ชายหนุ่มป่ายมือไปที่หัวเตียงเพื่อหยิบแว่นขึ้นมาสวมตามความเคยชิน หากกรอบตาที่ยังปวดอยู่จากการร้องไห้เมื่อช่วงหัวค่ำทำให้เขามองเห็นอะไรไม่ชัดเจนอยู่ดี

ปวดหัวชะมัด… ว่าแต่นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย

คิดแล้วก็หยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างแว่นขึ้นมากดดูเวลา เกือบจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว นี่เขาเผลอหลับไปหลายชั่วโมงเหมือนกัน ล่าสุดคือเขาคุยค้างเอาไว้กับพี่แบงค์ ร้องไห้ไปนิดหนึ่ง จากนั้นก็คลานมานอนก่ายหน้าผากบนเตียงจนผล็อยหลับไป

บางทีเขาควรจะหลับต่อ… แต่รู้สึกเน่าตัวเองมากเพราะยังไม่ได้อาบน้ำเลยเมื่อเย็น ข้าวก็ไม่ได้กิน จะว่าหิวท้องมันก็หิว แต่ปากไม่อยากกินอะไรทั้งสิ้น

มิวนอนเหม่ออยู่ท่ามกลางความมืดอีกครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียง โซเซไปบริเวณครัวเล็กๆ ที่ทั้งเขาและพี่กชไม่ค่อยได้เข้ามาใช้บ่อยนักเพราะติดซื้อข้าวกินมากกว่าจะทำกินเอง

มิวเปิดตู้เย็นแล้วรินน้ำใส่แก้ว พอน้ำไหลผ่านคอแล้วค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง ในหัวเขายังเอาแต่คิดวนเวียนเรื่องที่อ่านเจอในเว็บบอร์ด แม้จะรู้ดีว่าช่วยอะไรไม่ได้แต่เขาก็คิดวนเวียนอยู่อย่างนั้นแหละ

บางที… เขาคงทำผิดจริงๆ

มันคงเป็นความผิดแบบที่คำขอโทษไม่ช่วยให้คนให้อภัยเขาได้ บางทีถ้าเขายังคิดจะทำช่องต่อไปก็อาจจะโดนด่าด้วยเรื่องซ้ำๆ วนเวียนต่อไปเรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้น

แค่คิดก็โคตรเหนื่อย

“อ๊ะ…” อุทานออกมาเบาๆ เมื่อเท้าเผลอไปเตะเข้าที่มุมโต๊ะ มันคงจะไม่เจ็บมากหรอกถ้าไม่ใช่เพราะนิ้วก้อยไปกระแทกเข้ากับขอบเต็มๆ เล่นเอาเจ้าตัวทรุดลงไปกับพื้น บีบนวดบริเวณที่ชา เจ็บจนน้ำตาเล็ดเลย รู้งี้เปิดไฟสักหน่อยดีกว่า มืดไปหมดแบบนี้มองอะไรไม่เห็น

หากยังไม่ทันที่มิวจะลุกขึ้นมาจากพื้น เสียงไขกุญแจก็ดังขึ้นมาให้ได้ยินจากนั้นก็ตามด้วยเสียงเปิดประตูห้อง คงเป็นพี่กชนั่นแหละที่กลับมา คืนนี้กลับดึกจัง ต้องไปดื่มกับพวกพี่แก๊ปอีกแน่

เสียงพูดคุยแว่วๆ ที่ดังมาให้ได้ยินทำให้มิวต้องชะงักมือที่กำลังบีบนวดนิ้วเท้าของตัวเองอยู่ทันที

“นี่ กช”

“เฮ้ย! ” เสียงของแฟนเขาดูตกใจ แต่เสียงแรกที่ได้ยินทำให้มิวตกใจกว่าอีก นั่นมัน… เสียงพี่ก้อยไม่ผิดแน่ “ก้อย นี่เธอตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย แล้วมาทำอะไร”

“เราอยากมาคุยกับกชให้รู้เรื่อง”

มิวแอบชะโงกหน้าออกไปมองรุ่นพี่ทั้งสองคนอย่างสนใจ แสงไฟจากนอกห้องทำให้มองเห็นใบหน้าแดงก่ำของผู้ที่ยืนอยู่หน้าประตูโดยที่กชยืนกันเอาไว้

“คุยอะไร--- เฮ้ย! ก้อย!? ”

วินาทีนั้นมิวเองก็อยากจะร้องโวยวายบ้างเหมือนกัน ก็แฟนเก่าของแฟนเขาถลาเข้ามากอดกชแน่นเลยนี่นา มิวรู้สึกโกรธจนแทบอยากจะปรี่ไปกระชากพี่กชออก หากวินาทีต่อมาความเจ็บปวดที่อกข้างซ้ายก็เข้ามาแทนที่

พี่กชน่ะ… พี่กชน่ะเป็นของเขาต่างหาก! พี่ก้อยเป็นแค่แฟนเก่า ทำไมถึง---

“ก้อย อย่าดิ” กรกชดึงหญิงสาวที่ยืนยังไม่ตรงออกจากตัวอย่างรวดเร็ว “นี่แกเมามากเกินไปแล้วนะ กลับไปนอนพักก่อน แล้วมีสติเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกันดีๆ ”

“กชก็รู้ว่าเรารักกช… รักกชมาก”

โอ้โห จะมีอะไรน่าโมโหและน่าเสียใจไปมากกว่านี้ไหม ถามจริง

“ก้อย อย่าร้อง” แต่ไม่ทันแล้วเพราะหญิงสาวปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง แถมเจ้าหล่อนยังดูไม่มีสติแบบสุดๆ เลยด้วย

“เราขอโทษ กช เราเสียใจจริงๆ ฮึก… กลับมาหาเราเถอะ เราชอบกชจริงๆ นะ เราผิดไปแล้ว ยกโทษให้เราเถอะ”

บอกตามตรงว่าแม้แต่มิวเองยังรู้สึกเห็นใจรุ่นพี่คนนั้น ลองนึกภาพเป็นเขาที่ต้องเลิกกับพี่กชสิ เขาเองก็อาจจะทำแบบเดียวกับที่เจ้าหล่อนกำลังทำอยู่ก็ได้

แต่… แต่… พี่กชจะไม่ใจอ่อนใช่ไหม? ถึงยังไงตอนนี้พี่กชก็คบอยู่กับเขา พี่กชคงไม่ใจอ่อน ทิ้งเขาแล้วกลับไปคบกับพี่ก้อยหรอกใช่ไหม?

ให้ตาย… เขากลัว กลัวจนไม่กล้าขยับตัวแล้ว ไม่อยากคิดถึงอะไรที่เลวร้ายขนาดนั้น

“นี่ ฟังเรานะ” กรกชว่าพร้อมกับบีบบ่าแฟนเก่าของตัวเองแน่น มองลึกลงไปในดวงตาของอีกฝ่ายอย่างจริงจัง “เราขอโทษ เราขอโทษที่ตอนนั้นเราดูแลก้อยไม่ดี ขอโทษที่ทำให้ก้อยเสียใจ ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้”

มิวยกมือขึ้นมาปิดหูอย่างเผลอตัว แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ได้ยินที่พี่กชพูดทุกคำ

“แต่เรากลับไปคบกับก้อยไม่ได้แล้ว เราไม่ได้ชอบก้อยแล้ว”

คนที่ยังซ่อนตัวอยู่ในความมืดได้ยินเสียงก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นรัวขึ้น

“เรารักมิว… เรารักรูมเมทของเราจริงๆ เรารู้ว่าก้อยไม่ชอบใจเรื่องนี้ แต่นี่เป็นเรื่องของเรากับมิว ส่วนเรื่องของเรากับก้อย… ก้อยเลิกคิดเถอะ มันย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว”

“กช…”

“เราขอโทษ”

มิวไม่รู้ว่าหลังจากนั้นหญิงสาวคนนั้นพูดว่าอะไร เขาไม่ได้รับฟังคำพูดต่อจากนั้น สิ่งที่ค้างอยู่ในหัวเขาคือคำพูดและน้ำเสียงหนักแน่นของพี่กช

พี่กชรักเขา… พี่กชเลือกเขา

แม้ว่ามิวจะรู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว แต่การได้ยินคำพูดที่มั่นคงขนาดนั้นก็ทำให้เขาอดดีใจไม่ได้

“เราจะโทรบอกให้เจนมารับก้อยนะ เมาแบบนี้กลับคนเดียวอันตราย”

แล้วเสียงทั้งหมดก็หายไปครู่หนึ่งเพราะทั้งคู่เดินออกจากห้องไป มิวค่อยๆ ลุกขึ้นยืนจากพื้นซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่กรกชเดินกลับเข้ามาในห้องอีกรอบพอดี ชายหนุ่มอ้าปากค้างเมื่อกดสวิตช์ไฟปุ๊บก็เห็นร่างของรุ่นน้องปั๊บ เขาปิดประตูห้องแล้วลงกลอนอย่างรวดเร็วก่อนจะสาวเท้าเข้ามาหามิวด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

“เอ่อ เห็นหมดเลยเหรอ? ”

“ครับ”

กชรีบตรงเข้าไปดึงมืออีกฝ่ายขึ้นมากุมแน่น เขากำลังกลัวว่ามิวจะคิดมากเรื่องที่ก้อยกอดเขาเมื่อครู่

“พี่ไม่ได้ตั้งใจนะมิว”

“ผมรู้แล้วครับ”

“โกรธพี่รึเปล่า”

คนใส่แว่นคลี่ยิ้มอ่อนโยนให้เป็นคำตอบ

“ผมจะโกรธคนที่บอกว่ารักผมเลือกผมทำไมล่ะ”

กรกชสวมกอดคนตัวเล็กกว่าทันที





--------------------------------------------
Talk: ค่อยๆ แก้กันไปทีละปัญหาเนอะ ^^
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 22) P.5 [27/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-01-2018 21:58:38
น้องมิวโอ๋ๆนะลูก
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 22) P.5 [27/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-01-2018 22:03:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 22) P.5 [27/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 27-01-2018 22:07:18
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 22) P.5 [27/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-01-2018 23:30:13
เฮ้อออ ไม่รู้ว่าก้อยจะยอมจบง่ายๆไหม
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 22) P.5 [27/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 28-01-2018 00:31:53
ก้อยนี่หน้าด้านเนอะ โทษแต่คนอื่น ไม่ดูความผิดของตัวเอง =_=
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 22) P.5 [27/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 28-01-2018 02:14:17
กอดน้องมิววว
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 22) P.5 [27/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 29-01-2018 22:00:51
ก้อยนี่หน้าหนาหน้าทน ไม่ีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี หรือว่าหลอกตัวเองอยู่ว่าตัวไม่ผิด ลอยหน้าลอยตาพูดได้ไงวะนั่น เหอๆ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 22) P.5 [27/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 31-01-2018 21:31:21

บทที่ 23




หลังจากวันที่พี่ก้อยตามพี่กชมาถึงห้องวันนั้น นี่ก็ผ่านมาสัปดาห์หนึ่งแล้ว

พี่กชเล่าให้ฟังว่าพี่ก้อยส่งข้อความมาขอโทษหลังจากนั้น แถมเจ้าตัวยังฝากคำขอโทษมาถึงผมด้วย ผมถามพี่กชกลับไปว่าพี่ก้อยขอโทษเรื่องอะไร พี่กชเลยเล่าให้ฟังว่าพี่ก้อยเอาเรื่องผมกับเขาไปโพสท์ในเฟซบุ๊คในทางที่ไม่ดีเท่าไร แต่เห็นว่าพี่ก้อยจะลบโพสที่ว่าทิ้งไปแล้ว

ฟังเรื่องนั้นผมก็พยักหน้ารับ ไม่แปลกใจเลยถ้าพี่ก้อยจะเอาไประบายแบบนั้น ก็ขนาดต่อหน้าผมพี่แกยังแสดงความไม่พอใจออกมาชัดเจน ถึงตอนนี้ก็อาจจะยังไม่พอใจอยู่ด้วยซ้ำ แต่ถ้าเขาไม่ได้ระรานหรือออกตัวแรงอะไรมากกว่านั้น ผมก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเองเหมือนกัน

“แต่ก้อยนี่แม่งไม่ไหวจริงๆ ให้ตายเถอะ สนิทกันมาตั้งนาน ไม่คิดเลยจะมาแตกเอาเพราะเรื่องแค่นี้”

“แตกเหรอครับ? ” ผมเอียงคอถามอย่างงงๆ ก็เห็นยังคุยกันดีอยู่นี่ เพื่อนในเฟซบุ๊คอะไรก็ยังเป็นเหมือนเดิม

“อืม ก็อาจจะไม่ถึงกับแตกหัก” พี่กชยอมรับ “แต่ก็ไม่รู้สึกสนิทใจกันเหมือนเดิมแล้วล่ะ ทั้งตัวพี่แล้วก็ก้อยเอง”

อืม… กับพี่กชน่ะอาจจะใช่ แต่กับพี่ก้อยนี่ไม่ค่อยแน่ใจแฮะ เห็นวันก่อนยังเมาจนมาขอคืนดีกับพี่กชอยู่เลย

แต่อย่างที่ผมบอกว่าถ้าตัวเองไม่ได้เดือดร้อนอะไร ผมก็จะถือว่าไม่ใช่เรื่องของผม อีกอย่างพี่กชเองก็ชัดเจนมากแล้วว่าเลือกผม แล้วผมจะไปกลัวเรื่องเขากับแฟนเก่าเขาทำไมกันล่ะ

เรื่องที่ทำให้ผมคิดหนักแล้วก็กลุ้มใจพอสมควรช่วงนี้คือเรื่องในเว็บบอร์ดนั่นมากกว่า แน่นอนว่าหลังจากที่ในนั้นถกกันเรื่องของผมจนสาแก่ใจแล้วทุกคนก็หันไปพูดกันถึงดราม่าเรื่องอื่นต่อไป แต่สิ่งที่ผมได้อ่านมาด้านในก็ยังติดค้างในใจอยู่ดี และผมเชื่อว่าคงลบออกจากหัวไม่ได้ง่ายๆ แน่

ผมเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาพี่กชอยู่เหมือนกัน พี่แกเองก็ช่วยปลอบพร้อมกับย้ำมาว่าไม่ต้องเก็บเอามาใส่ใจ แต่แน่นอนล่ะว่าพี่กชหรือว่าใครก็ตามก็ช่วยมากกว่านี้ไม่ได้ เว็บบอร์ดนั่นไม่ได้แสดงตัวตนว่าใครเป็นใคร และว่ากันตามตรง ผมเองก็ไม่อยากจะรู้นักหรอก อยากจะลืมๆ ไม่คิดถึงมันตามที่พี่กชแนะนำเหมือนกัน แต่ลองโดนด่าเละขนาดนั้น การจะไม่เก็บเอามาคิดเลยก็ทำไม่ไหว

“มิว” พี่กชเรียกผมที่เดินออกมาจากห้องเรียนพร้อมกับไอ้เก่ง ดูเหมือนเขาจะขี่มอเตอร์ไซค์มารอรับผมสินะ ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้แท้ๆ “หลังจากนี้ติดธุระอะไรไหม ไปกินข้าวในห้างด้วยกันเถอะ”

“ทำไมไม่ไลน์มาถามก่อนล่ะครับว่าผมจะติดธุระหรือเปล่า”

“ก็ถ้ามิวติดธุระอะไร พี่ก็รอได้”

“ทำเป็นพูดดี” ผมตอบกลับยิ้ม ส่วนไอ้เก่งที่รู้บทรีบขอตัวไปอีกทางอย่างรวดเร็ว “แล้วพี่ไม่มีเรียนเหรอครับ มาดักรอกันแบบนี้ ไม่ใช่ว่าโดดเรียนมานา”

“มีคาบสุดท้าย” เขาว่าพร้อมกับยื่นกันน็อกให้ “พอมีเวลาไปเที่ยวเล่นกับมิวก่อน มาเถอะครับคุณแฟน พี่อยากไปเดินเล่นห้างเย็นๆ เต็มแก่แล้ว”

อย่างหนึ่งที่ผมชอบมากในตัวพี่กชก็คือความเสมอต้นเสมอปลายของเขา พี่กชมักจะพยายามใช้เวลาว่างที่เราสองคนมีตรงกันทำกิจกรรมอะไรกันสักอย่าง อย่างวันนี้เขาก็พาผมมากินข้าว จบของคาวก็ต่อด้วยของหวานที่ร้านที่ผมขอ และตอนนี้ผมก็กำลังมีความสุขอยู่กับบิงซูราดซอสสตรอว์เบอร์รี่ร้านดังที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ที่เขาว่ากันว่าของหวานทำให้คนมีความสุขนี่เรื่องจริงสินะ

"หน้าบานเชียวนะ มิว" คนตรงหน้าผมว่าพร้อมกับส่งยิ้มที่คงทำให้ผู้หญิงทุกคนละลายได้มาให้ ผมยิ้มตอบเขา ตักน้ำแข็งไสนุ่มเข้าปากอีกคำ

"แน่นอนสิพี่ กินของอร่อยก็ต้องมีความสุขดิ พี่เหอะ ทำไมไม่กินอีกอ่ะ พอแล้วเหรอ ถ้าพี่กชกินช้า ผมกินหมดก่อนไม่รู้ด้วยนะ" ที่พูดงี้เพราะพวกเรากินถ้วยเดียวกันครับ โรแมนติกหวานแหววซะไม่มี แต่ขอโทษเถอะ เล่นมาถ้วยใหญ่ขนาดนี้ กินคนละถ้วยก็ดูจะกระเพาะหลุมดำเกินไปนิด

"พี่ยังอิ่มจากไก่ทอดเมื่อกี้อยู่เลยอะ อีกอย่างเห็นมิวกินมีความสุขขนาดนี้ ใครจะไปอยากแย่ง"

"อ้าว กลายเป็นผมผิดไปซะงั้น" ผมใช้ช้อนเขี่ยเศษน้ำแข็งที่ทำท่าจะร่วงจากถ้วยเข้าปาก "กินด้วยกันดิพี่ ไม่พอค่อยไปหาอะไรเพิ่มก็ได้ ผมจ่ายเอง"

"ใจดีจังน้า" เขาว่ เลื่อนมือมาหยิกแก้มผมเบาๆ อย่างที่ชอบทำ ที่แย่กว่าคือผมชักจะชินแล้วนี่สิ

"ใจดีอะไรเล่า ก็ผลัดๆ กันเลี้ยงสิครับ" ผมว่า ไม่อยากบอกว่าคนที่ออกค่าใช้จ่ายของเราสองคนมากกว่าคือพี่กช รายนี้ไม่รู้พ่อแม่ให้เงินมาใช้ยังไง แต่ไม่เห็นเคยมีปัญหาเงินช็อตแบบที่ผมหรือคนอื่นๆ เป็นช่วงสิ้นเดือนให้เห็นเลย

"แต่ยิ้มได้แบบนี้แสดงว่าเริ่มดีขึ้นแล้วใช่ไหม" น้ำเสียงที่แสดงถึงความห่วงใยอย่างชัดเจนนั่นทำให้ผมนิ่งไปนิดหนึ่ง แปลว่าพี่กชคอยสังเกตผมอยู่เหมือนกันสินะ การที่มีใครสักคนเป็นห่วงเรามันให้ความรู้สึกดีแบบนี้นี่เอง

"ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะครับ" ผมยิ้มบางๆ ไม่ได้พูดเสริมไปว่าจริงๆ แล้วก็ยังอึดอัดอยู่นิดหน่อย แต่มาถึงตรงนี้ผมก็เริ่มทำใจได้แล้วเพราะสิ่งที่ทุกคนด่าผมกันนั่นเป็นสิ่งที่ผมทำผิดจริงส่วนหนึ่ง ส่วนอะไรที่มันไม่จริงหรืออะไรที่ใส่ไข่เข้าไปเพิ่มเติมผมก็ได้แต่ปลง ผมไม่ได้ลงคลิปถี่เท่าไรช่วงนี้เพราะยังรู้สึกว่าจิตใจไม่พร้อม แต่พอผมลงทีหนึ่งก็ยังมีคนคอยตามดู คอยให้กำลังใจ ผมว่าแค่นั้นก็เป็นเหตุผลเพียงพอให้ผมทำคลิปต่อแล้วนะ

"ดีแล้วล่ะ" พูดพร้อมกับยีหัวผมแรงๆ "อะไรที่คิดแล้วเครียดก็อย่าไปคิดมัน ปล่อยๆ มันไป"

ผมว่านั่นน่าจะเป็นหลักในการดำเนินชีวิตของพี่แกเลยล่ะ







ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจสิ่งที่พี่กชพูดหรอกนะ ถ้าเลือกได้ผมเองก็ไม่อยากเก็บเอาเรื่องไม่สบายใจมานั่งคิดให้ปวดหัวเล่นหรอก แต่บางเรื่องมันก็ยากเกินจะห้ามไหวเหมือนกันนะ

"เฮ้อ..." ผมถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งขณะที่มองรูปถ่ายที่พี่กชไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนของตัวเองเมื่อวาน เขาบอกผมล่วงหน้าตั้งนานแล้วว่ามีนัดกับเพื่อนกลุ่มนี้ ผมเองก็ไม่ได้ห้ามอะไร แต่การที่มีพี่ก้อยอยู่ด้วยในกลุ่มที่ว่านี่เป็นเรื่องที่ผมคาดไม่ถึงมาก แล้วมันก็ทำให้ผมแอบนึกเสียใจหน่อยๆ ที่ยอมให้เขาไปง่ายๆ

"ขอโทษนะมิว" พี่กชโทรมาสารภาพตั้งแต่เมื่อวานก่อนที่ผมจะเห็นรูปที่ว่านี่แล้ว "ไม่นึกว่าก้อยจะมารอบนี้ด้วย จะถอนตัวก็ไม่ทันแล้ว มิวไม่โกรธพี่นะ"

ความรู้สึกแรกหลังจากที่ผมได้ยินคือใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม ภาพที่พี่ก้อยกอดพี่กชโผล่ขึ้นมาเป็นอย่างแรกในหัว แทบอยากจะขอให้พี่กชแยกวงกับเพื่อนๆ เดี๋ยวนั้นเลย แต่ก็รู้ดีว่าถ้าพูดแบบนั้นไปพี่กชต้องลำบากใจแน่ ก็ก่อนหน้าที่เขาจะไปเขาเล่าให้ผมฟังว่าตื่นเต้นที่จะได้เจอเพื่อนสมัยมัธยมที่ไม่ได้เจอกันมานาน แล้วผมมีสิทธิ์อะไรจะไปทำลายความตั้งใจของเขากันล่ะ

อีกอย่าง ยังไงซะพี่กชเองก็เลือกผม ผมควรจะเชื่อมั่นในตัวเขา มั่นใจในตัวเขา ไม่ใช่มามั่วนั่งระแวงแล้วก็คิดเล็กคิดน้อยแบบนี้

ที่สำคัญก็คือผมเองก็มีนัดเหมือนกัน ผมกับพวกพี่แอมป์จะไปทานข้าวกันในเมือง ส่วนพี่กชเองบอกจะอยู่ที่บ้าน เห็นว่าจะกลับมาที่หอเย็นๆ เพราะงั้นผมไม่ควรมานั่งใจเสียเรื่องไม่เป็นเรื่องสิ หาอะไรสนุกๆ ทำดีกว่า

"มิว" เสียงของคนข้างตัวเรียก จากนั้นก็ตามมาด้วยการสะบัดมือหย็อยๆ ที่แทบจะกระแทกหน้าผม "มิวสไลม์ ให้ตายเถอะ นายนี่ชอบเหม่ออยู่เรื่อยเลยนะ"

"พี่แอมป์" ผมกะพริบตาปริบๆ มองรุ่นพี่ข้างตัวที่ส่งยิ้มมาให้ "เอ่อ โทษทีครับพี่ พอดีมีเรื่องคิดนิดหน่อยน่ะ"

ตอนนี้พวกเราอยู่ในร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง เนื่องจากในกลุ่มที่มากินข้าวด้วยกันมีผู้หญิงอยู่ด้วย และตอนนี้พวกหล่อนก็กำลังเลือกซื้อข้าวของอย่างเมามัน

"คิดมากเรื่องในบอร์ดนั่นรึเปล่า" พี่แบงค์ที่กำลังทาบเสื้อสีส้มลงบนลำตัวเอ่ยถาม "ถ้าใช่ก็ปล่อยพวกแม่งไปเหอะ เอาเวลาไปคิดเรื่องเกมดีกว่า"

"แบงค์ นายคงไม่คิดจะซื้อเสื้อตัวนี้จริงๆ ใช่ไหม" พี่แอมป์ว่าพร้อมกับตีหน้าแหย "มันส้มไปหน่อยนะเพื่อน คือสะท้อนแสบตามาก แต่ถ้าอยากเด่นด้วยวิธีนี้ก็ไม่ว่าอะไรนะ"

"บ้าเหรอ ไอ้แอมป์ ใครจะไปใส่วะ" คนที่ลองเอาเสื้อทาบตัวว่าเสียอย่างนั้น "แค่อยากดูว่าไอ้เสื้อเห่ยๆ แบบนี้มันจะดูดีได้ยังไง บอกตามตรง ขนาดมีหน้าอย่างผมนี่ยังไม่ทำให้เสื้อนี่ดูดีได้"

"โอ้โห ช่างกล้า" พี่แอมป์ว่าพร้อมกับหัวเราะก๊าก จากนั้นก็หันมาถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ว่าแต่มิวคิดมากเรื่องนั้นอยู่เหรอ ถ้าใช่พี่ก็เห็นด้วยกับไอ้แบงค์นะ ปล่อยแม่งเหอะ"

"อ้อ ก็ไม่เชิงนะพี่" ผมว่า เริ่มหยิบเสื้อตัวหนึ่งขึ้นมามองๆ พลิกๆ ดู "คือเรื่องนั้นมันก็มีส่วนนิดหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมกำลังคิดมากเรื่องอื่นอยู่มากกว่า"

"เรื่องอะไรล่ะ"

ถึงตรงนี้ผมก็ถอนหายใจออกมานิดหนึ่ง "พี่คิดยังไงถ้าแฟนพี่ยังเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าอยู่"

"หืม" พี่แบงค์ลากเสียงยาว คราวนี้เปลี่ยนมาหยิบหมวกขึ้นลองสวมแทน "เรื่องความสัมพันธ์นี่เอง"

"พี่เฉยๆ นะ" พี่แอมป์แสดงความเห็น "แฟนพี่ก็เป็นเพื่อนกับแฟนเก่าอยู่ เห็นยังคุยกันอยู่บ้างเหมือนกัน"

"แล้วพี่ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ" ผมถามกลับ บางทีผมอาจจะเป็นคนใจแคบเองจริงๆ ก็ได้ แค่เห็นพี่กชยังเป็นเพื่อนอยู่กับพี่ก้อยก็ไม่ชอบใจแล้ว

"ก็ไม่นะ นอกจากว่าจะสนิทกันเกินความจำเป็น แต่ก็มีหึงนิดหนึ่งแหละ"

"แอมป์ใจกว้างว่ะ" พี่แบงค์เบ้หน้า วางหมวกคืนบนชั้นตามเดิม "เป็นเราคงไม่ยอมแน่ เรื่องอะไรไปเป็นเพื่อนกับแฟนเก่า จบแล้วก็ให้มันจบกันไปดิ"

"นี่ก็ใจแคบไปไหม ว่าแต่มิวกังวลเรื่องนี้เหรอ พี่กชของมิวนี่เขาสนิทกับแฟนเก่าหรือยังไง? "

"เอ่อ ก็ไม่เชิงครับ" ผมอ้ำอึ้ง "จะว่าไงดี เอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนเขาสองคนเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อนน่ะ แต่ตอนนี้ก็อาจจะไม่สนิทกันเหมือนเดิมแล้วมั้ง แต่ผมก็ไม่แน่ใจอยู่ดี"

"แบบนั้นก็ไม่โอเคดิ อันตรายนะนั่น" พี่แบงค์ว่า "เกิดถ่านไฟเก่าคุขึ้นมาจะทำยังไง"

"ไอ้แบงค์" พี่แอมป์เอ็ดทันทีเมื่อเห็นว่าผมหน้าเสียไป "พูดจาให้เขาแตกหักกันทำไมเนี่ย มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะมิว อย่าไปฟังไอ้บ้านี่"

“ของแบบนี้ใครจะไปรู้” พูดพร้อมกับยักไหล่ "แต่กันไว้ก็ดีกว่าแก้รึเปล่า ถ้าคบกันแล้วไม่สบายใจจะไปคบทำไม ถูกไหม"

"ที่แบงค์พูดก็มีส่วนถูกนะ" พี่แอมป์เห็นด้วย "ถ้ามิวไม่สบายใจก็คุยกับแฟนตรงๆ ดีกว่านะ มีอะไรไม่สบายใจก็บอกตรงๆ แล้วถ้าเขาทำให้มิวสบายใจไม่ได้พี่ว่าทั้งคู่ก็น่าจะปรับความเข้าใจกันนะ"

เราสามคนไม่ได้ถกอะไรกันต่อเพราะเพื่อนของพี่แบงค์กับแฟนของพี่แอมป์กลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้ง ผมเก็บเรื่องที่รุ่นพี่ทั้งสองคนแนะนำไว้มาคิดตลอดทาง

ผมอาจจะเป็นคนใจแคบอย่างที่ตัวเองคิดก็ได้ แต่ถ้าผมไม่พูดอะไรเลยพี่กชก็คงไม่มีทางรู้ว่าผมไม่สบายใจเรื่องเขากับพี่ก้อยเท่าไร ผมเคยโดนพี่ก้อยพูดใส่หน้าตรงๆ ในเรื่องที่ค่อนข้างแย่ ผมไม่ได้เล่าให้พี่กชฟังเพราะไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ แต่มาคิดดูอีกทีถ้าผมไม่เล่าแล้วกลายเป็นตัวเองไม่สบายใจซะแทนมันก็คงไม่มีความหมายอะไร

อีกอย่าง ยังไงพี่กชก็เป็นแฟนผมไม่ใช่เหรอ ถ้าเรามีเรื่องที่ไม่สบายใจก็ควรปรึกษากันใช่ไหม ไม่งั้นเราจะคบกันไปทำไมล่ะ?

วันนี้พี่แอมป์กับแฟนแยกตัวออกจากกลุ่มไปก่อนในช่วงบ่ายตามที่บอกไว้ก่อนล่วงหน้า เห็นเจ้าตัวบอกมีธุระกับที่บ้าน ส่วนผมกับกลุ่มของพี่แบงค์ตั้งใจจะไปทำอย่างอื่นกันต่อ พี่แบงค์ชวนผมไว้ตั้งแต่ตอนนัดแล้วว่าเราน่าจะอัดวิดีโอด้วยกันเพื่อเซอร์วิสแฟนๆ แต่เอาจริงๆ ผมแทบไม่มีสมาธิเลย ยิ่งได้พูดเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจออกมาความไม่สบายใจยิ่งแสดงออกให้เห็นชัดเจน สรุปว่าผมไม่โอเคจริงๆ สินะที่พี่กชกับพี่ก้อยยังเป็นเพื่อนสนิทกัน คือบางทีถ้าเขาเป็นแค่เพื่อนห่างๆ ผมคงไม่อาการหนักถึงขนาดนี้

และเพราะเอาแต่กังวลเรื่องตัวเอง หมกมุ่นกับเรื่องอื่นจนใจลอย ตอนที่เพื่อนคนหนึ่งของพี่แบงค์เริ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดอัดคลิป ใจผมจึงแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย

จนกระทั่งบรรยากาศรอบตัวมันเปลี่ยนไปนั่นแหละ

"นี่ มิวสไลม์ ถามอะไรหน่อยดิ" พี่แบงค์พูดหลังจากที่เปิดคลิปด้วยการชวนผมคุยเล่นสองสามประโยค ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างงุนงงเพราะพี่แบงค์สาวเท้าเข้ามาประชิดตัวมากขึ้น "ถ้าเพื่อเรียกคนดูเนี่ย นายจะทำตัวทุเรศได้ถึงขั้นไหนเหรอ"

"หา? " สารภาพตามตรงว่าผมตั้งตัวไม่ทันเลย คือมันงงๆ แต่แค่เห็นเพื่อนพี่แบงค์ล้อมกรอบเข้ามาเหมือนเตรียมกันไม่ให้ผมหนี ผมก็ชักเห็นชะตากรรมของตัวเองรำไร "เดี๋ยวครับ พี่แบงค์ ผมไม่เข้าใจ---"

บ้าฉิบ พอมาลองดูรอบตัวตอนนี้ก็เข้าใจเลยว่าทำไมพี่แบงค์ถึงลากผมมาใต้โถงตึกที่ร้างซึ่งผู้คน ตอนแรกก็คิดว่าจะได้อัดวิดีโอง่ายๆ ไม่มีเสียงรบกวน แต่ตอนนี้เหมือนผมจะเข้าใจผิดไปโข แล้วพวกเขามีกันตั้งสี่คนแบบนี้ผมจะเอาตัวรอดไปได้ยังไงเนี่ย

"ไม่เข้าใจอะไรเหรอ พ่อคนดัง" ชายหนุ่มตรงหน้าแสยะยิ้ม กระชากคอเสื้อผมขึ้นไปอย่างหาเรื่องเต็มที่ "แปลกนะ ทั้งๆ ที่ตอนคิดเพิ่มยอดคนดูออกจะฉลาด สรรหาวิธีนั้นวิธีนี้มาได้ตั้งเยอะ ไหนจะแกล้งคบกับผู้ชายบ้าง เกาะคนดังอย่างไอ้แอมป์บ้าง ไอ้หมอนั่นก็โง่ให้นายหลอกใช้อยู่ได้"

"ผมไม่ได้---" แต่คำพูดผมหายไปแค่นั้นเพราะหมัดหนักๆ ที่กระแทกลงมาบนหน้าท้อง ผมงอตัวลงไปด้วยความเจ็บปวด บริเวณที่โดนต่อยชาไปหมด

"โทษทีว่ะ สไลม์ แต่พอดีกูไม่ได้ใจกว้างแบบไอ้แอมป์" อีกฝ่ายไม่ยอมให้ผมพักหายเจ็บ เขากระชากคอเสื้อผมพร้อมกับตั้งท่าง้างหมัดอีกรอบ "แล้วก็จะบอกอะไรให้... ไอ้คนที่เริ่มด่านายขึ้นมาบนบอร์ดนั่นน่ะ เป็นกูเองแหละ"

จากนั้นแว่นผมก็กระเด็นไปอยู่บนพื้น







แนทขุดตัวออกจากเตียงได้ในที่สุดหลังจากที่นั่งๆ นอนๆ มาแทบทั้งวัน ชายหนุ่มเดินออกจากหอเพื่อตั้งใจไปซื้อน้ำดื่มแถวร้านที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากห้องตัวเองนัก

"อ้าว ไง" พี่ร้านคนขายเอ่ยทักอย่างคุ้นหน้าคุ้นตา "วันนี้กินอะไรดี สตรอว์เบอร์รี่ปั่นไหม หรือว่าชาเขียว"

"อืม" คนใส่แว่นครางในลำคออย่างครุ่นคิด ตอนแรกก็ว่าจะซื้อโค้กจากร้านสะดวกซื้ออยู่หรอก แต่ไหนๆ ก็เดินลงมาแล้วก็อยากกินอะไรที่มีสาระกว่าน้ำอัดลม แต่ตัวเลือกมากมายก็ทำให้เขาสับสนอยู่เหมือนกัน

"เอาน้ำมะพร้าวปั่นแล้วกันครับ/น้ำมะพร้าวปั่นแก้วหนึ่งพี่"

เจ้าของเสียงสองเสียงที่ดังขึ้นพร้อมกันทำให้ทั้งคู่ต่างหันไปมองกันเอง แนทอ้าปากค้างทันทีเมื่อเห็นบอสยืนอยู่ตรงหน้า

"เออดี งั้นเดี๋ยวทำให้พร้อมกันเลย" คนขายน้ำสบายแฮไป ส่วนคู่อริสองคนเริ่มขมวดคิ้วใส่กัน

"ทำไมต้องสั่งเหมือนกันด้วยวะ คิดเองไม่เป็นเหรอ" สุนัขตัวแรกออกจากปากคนอายุมากกว่าก่อน แนทรู้สึกเหมือนนิ้วกลางกระตุก

"นั่นมันคำพูดของทางนี้รึเปล่าพี่ ไม่เห็นรึไงว่าผมมายืนอยู่หน้าร้านก่อน"

"จะไปรู้เหรอ ก็เห็นยืนบื้ออยู่ตั้งนานไม่สั่ง ต้องรอให้คนอื่นมาจุดประกายความคิดให้"

"โห แค่สั่งน้ำเหมือนกันแค่นี้" แนทที่กำลังจะฟาดฝีปากกลับเงียบลงเพราะเห็นร่างของใครบางคนที่คุ้นเคยที่เดินมาจากระยะไกล "อ้าว นั่นมันมิวรึเปล่าน่ะ สงสัยเพิ่งกลับมาจากข้างนอก"

"ไหน" บอสรีบหันกลับไปดูทันที และเมื่อร่างนั้นเดินใกล้เข้ามาทั้งคู่ก็แทบร้องออกมาด้วยความตกใจพร้อมกัน แนทที่ได้สติก่อนถลาเข้าไปหาเพื่อนของตัวเองอย่างรวดเร็ว

"ไอ้มิว" แนทเรียกเพื่อนอย่างตกใจ มิวเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยเพราะต้องเพ่งสายตา เนื่องจากแว่นที่ใส่ประจำหักไปนอนอยู่ในกระเป๋ากางเกงเรียบร้อยแล้ว "เหี้ย! มิว ทำไมสภาพเป็นงี้วะ ใครทำแกเนี่ย"

"อ้อ เนี่ยน่ะเหรอ" มิวยกยิ้มนิดๆ อย่างรู้ตัวดีว่าหน้าตัวเองคงเขียวไปข้าง เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ สายตาหลายคู่หันมามองเขาตลอดทางที่เดินทางกลับมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสภาพเหมือนคนโดนรุมยำมามากแค่ไหน

ก็นะ จะทำไงได้ล่ะ ก็เขาโดนรุมยำมาจริงๆ

"พอดีมีเรื่องมานิดหน่อยน่ะ" มิวตอบกลับไปอย่างสงบ หรือพูดให้ถูกคือไม่มีแรงจะตอบได้ดีกว่านี้มากกว่า

"ห่า แบบนี้มันไม่นิดหน่อยแล้ว"

"มิว! " คนตกใจคนต่อมาคือบอส "เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย ไปซ่าที่ไหนมา"

มิวไม่ตอบ เพราะขนาดกับแนทที่เขาสนิทด้วยเขายังไม่อยากเล่า นับประสาอะไรกับคนที่เขาไม่สนิทใจด้วย แนทพูดขัดขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล

"เอาไว้คุยกันทีหลังเหอะ ขึ้นไปทำแผลก่อน มิว ห้องนายมีพวกยาทำแผลไรงี้เปล่า ให้เราไปซื้อมาให้ไหม"

"พี่ไปซื้อเอง" บอสขัดขึ้นพร้อมกับเริ่มออกคำสั่ง "แนท พาเพื่อนไปที่ห้องก่อน ไม่รู้ไอ้กชมันกลับหอรึยัง ฝากมิวด้วย เดี๋ยวรีบตามไป"

"ครับ" แนทรับคำ ท่าทีจริงจังของทั้งสองคนทำให้มิวนึกขำขึ้นมา แต่ความห่วงใยจากคนทั้งคู่ก็ช่วยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

แนทพาเพื่อนขึ้นห้องพร้อมกับเจ้ากี้เจ้าการเอากุญแจมาจากอีกฝ่ายไขประตูเปิดให้ เจ้าของห้องอีกคนที่เหมือนจะเพิ่งกลับมาเหมือนกันหันมามองผู้มาใหม่ด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า

"มิวมิว กลับมาแล้วเหรอ พี่ซื้อของมาฝาก---" หากเสียงเริงร่าของเจ้าตัวก็ต้องเงียบลงเมื่อเห็นสภาพยับเยินของแฟนตัวเอง นัยน์ตาสีช็อกโกแลตที่ฉายแววยียวนและอารมณ์ดีอยู่เป็นนิจเย็นวูบขึ้นมาทันที แม้แต่แนทที่ไม่ค่อยสนิทกับกชก็ยังรู้สึกถึงบรรยากาศรอบตัวที่เปลี่ยนไปของร่างสูงได้ "ใครทำ? "

"เอ่อ วันนี้ผมนัดกับพวกพี่แอมป์แล้วก็พี่แบงค์" มิวพยายามเรียบเรียงประโยค แนทดันเพื่อนไปนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะคอม

"พวกนั้นทำมิวเหรอ" เสียงของคนเป็นรุ่นพี่เย็นเยือกจนคนฟังเสียวสันหลังตาม มิวไม่เคยเห็นกชเป็นแบบนี้มาก่อนแต่เขาก็พยายามอธิบายให้อีกฝ่ายต่อ

"เปล่าครับ คือ... พี่แอมป์ไม่ได้ทำ แต่พวกพี่แบงค์---" เสียงของมิวหายไปเพราะเสียงเคาะประตูดังขัดขึ้น บอสเดินเข้ามาพร้อมกับถุงยาในมือ เขาส่งให้กชอย่างรู้งานทันที

"เล่าต่อสิมิว" กรกชพูดเสียงเรียบ เริ่มหยิบของออกมาจากถุงทีละชิ้น คนที่คบกับกชมานานที่สุดอย่างบอสรู้ทันทีเลยว่าเพื่อนเขากำลังโกรธจัด

"ก็... พูดง่ายๆ ก็พี่แบงค์นั่นแหละครับที่ทำ เขาขอให้เพื่อนเขามาช่วยรุมยำผม เขาไม่พอใจที่ผมทำตัวเด่นดังเท่าไรน่ะ"

"บ้าแล้ว" แนทโวยวายขึ้นมาก่อนเป็นคนแรก มิวส่งแว่นตาหักๆ ของตัวเองให้เพื่อน นั่นยิ่งทำให้อีกสามคนในห้องอารมณ์ขึ้นกันไปใหญ่ "แกดังแล้วแม่งเกี่ยวอะไรกับเขาด้วยวะ แบบนี้เขาต้องไปซ้อมดาราหรือนักร้องทุกคนที่ดังกว่าตัวเองหรือไง"

"เขาบอกว่าเราเกาะพี่แอมป์ดังน่ะ" มิวยิ้มฝืนๆ "แล้วก็ไม่พอใจที่เราคบพี่กชสร้างกระแส"

"ก็จริงของเขานะ" บอสที่ก้มหน้ากดโทรศัพท์มือถือเงยหน้าขึ้นมาซ้ำเติมทันที "ตอนนั้นพี่ก็เคยพูดเรื่องนี้เหมือนกัน ไม่เห็นจะเข้าท่าเลย ไอ้แกล้งคบกันเพื่อเรียกคนดูเนี่ย"

"นี่! " แนทตะโกนอย่างหัวเสีย ส่วนกรกชเงยหน้าขึ้นไปมองเพื่อนด้วยสายตาเอาเรื่อง

"ไอ้บอส"

"อะไร"

"มานี่ดิ๊"

เพิ่งรู้ตัวว่าทำให้เพื่อนโกรธก็ตอนมันทำเสียงเย็นใส่นี่แหละ บอสวางมือถือลงบนโต๊ะก่อนจะตามกชออกไปนอกห้อง แนทถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งก่อนจะสำรวจหน้าเพื่อน

"เดี๋ยวเราไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดเลือดให้ก่อนดีกว่า มิว เราเอาผ้าจากไหนได้บ้าง อยู่ในตู้นี้ไหม"

แนทจัดการเอาผ้าชุบน้ำแล้วส่งให้เพื่อนเพราะมิวยืนยันว่าจะเช็ดเอง เขาได้ยินเสียงแว่วๆ จากด้านนอกที่กรกชกำลังบอกเพื่อนว่าไม่ใช่เวลามาดุมิวตอนนี้ แนทเหลือบมองมิวที่เริ่มกดมือถือด้วยสายตาเหม่อลอย แล้วเขาก็คงไม่สนใจโทรศัพท์ของบอสที่วางอยู่บนโต๊ะหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะมันมีข้อความจากใครบางคนเด้งขึ้นมา





SlimeSmileS: งือ ขอบคุณที่ทักมานะ มังกร

SlimeSmileS: วันนี้คงไม่ได้ลงคลิปอะ เพิ่งไปมีเรื่องมา

SlimeSmileS: 55555





แนทชะงักไปด้วยความตกตะลึงทันที เขารู้เรื่องน้องมังกรที่เป็นแฟนคลับของมิวเพราะเจ้าตัวเคยเล่าให้ฟัง เห็นมิวปลื้มนักปลื้มหนากับการติดตามอย่างเหนียวแน่นของแฟนคลับคนนี้

แต่... นี่มันโทรศัพท์ของพี่บอสไม่ใช่หรือไง?

อย่าบอกนะว่า…







-----------------------------------------
Talk: หายหน้าหายตาไปหลายวัน แง ขออภัยด้วยนะคะ สำหรับคนที่ตามเราทางเพจอาจจะรู้ว่าช่วงนี้เราเฟลนิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาเฟลแล้วค่ะ เดดไลน์จ่อตูดมาแล้ว ต้องกลับมาปั่นนิยายต่ออย่างบ้าคลั่ง (ฮา)

เราได้อ่านคอมเม้นท์ของหลายคน เราอาจจะไม่ได้คอมเม้นท์ตอบกลับแต่เราพูดเลยว่าอ่านทุกเม้นท์จากทุกเว็บเลยล่ะค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นทุกคำติชมที่ส่งกันเข้ามานะคะ เราอาจจะเขียนจุดไหนไม่ถูกใจใครหลายคนไปบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราไม่ได้เพิกเฉยกับความเห็นของทุกคนนะ แต่เราขอโอกาสให้เราเขียนนิยายเรื่องนี้ให้จบสมบูรณ์ก่อน ในส่วนที่เราพลาดหรือขาดตกบกพร่องอะไรเราจะนำไปแก้ไขปรับปรุงตอนรีไรท์นะคะ ขอบคุณทุกคนจริงๆ ที่ยังอยู่ด้วยกันตรงนี้

แล้วเจอกันตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 23) P.5 [31/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 31-01-2018 23:31:50
แบงค์กับเพื่อนมีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายร่างกายมิวอ่ะ มิวอย่าไปยอมนะ เอาเรื่องให้ถึงที่สุดเลย แจุงตำรวจไปเลย
ความลับน้องมังกรแตกแล้วล่ะสิ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 23) P.5 [31/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 31-01-2018 23:38:10
เป็นกำลังใจให้คนเขียนหายเฟลนะคะ ส่งพลังให้ๆ

ส่วนมิว มิวจะตีเบลอช่างแม่งเรื่องนี้ไม่ได้นะลูกกก หนูต้องสู้นะ ถึงพี่กชเขาจะไฝว้ให้ แต่หนูก็ต้องซัดกลับไปบ้างนะ
ส่วนพี่บอส ปากร้ายแต่ใจดีเนี่ยคนอ่านเข้าใจ แต่น้องยังไม่รู้นะ เพลาๆกับน้องหน่อยนะช่วงนี้

ขอบคุณสำหรับตอนนี้
จะรอตอนต่อไปนะค้าาาา
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 23) P.5 [31/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 01-02-2018 02:45:39
เกลียดขนาดลงไม้ลงมือนี่ก็ไม่ไหวนะ สงสารมิวมากเลยอ่ะ ฮืออ น้องงง
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 23) P.5 [31/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-02-2018 02:52:55
 :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 23) P.5 [31/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 01-02-2018 06:52:12
น้องมิวลูกกกก
แจ้งความเลยลูก
มันไม่ใช่ละแบบนี้
แค่ไม่พอใจมีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายกัน  :katai4:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 23) P.5 [31/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 01-02-2018 09:09:45
แบงค์มากไปละ ทำเกินไปจริงๆ  สงสารน้องมิวมิว ยิ่งเป็นคนคิดมากอยู่ด้วย มารอดูกันว่าพี่กชจะล้างแค้น เอ้ย! จัดการเคลียร์ให้น้องยังไง

ตามอ่านอยู่ทั้งในเล้านี้และบ้านน้องใหม่เหลืองๆโน้นนนะคะ เป็นกำลังใจให้เนอะ สู้ๆ  เรื่องนี้น่ารักนะอ่านเพลินดี ชอบค่าาาา
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 23) P.5 [31/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 04-02-2018 15:01:41
มีสิทธิ์อะไรไปทำร้ายร่างกายคนอื่น


ส่วนเรื่องที่บอสเป็นแฟนคลับมิวนี่ หึหึหึ มีคนรู้เรื่องแล้วนะก๊ะ 55
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 23) P.5 [31/1/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 04-02-2018 17:23:00

บทที่ 24




บอสกับกชเดินกลับมาเข้ามาอีกทีโดยมีคนแรกทำสีหน้าสำนึกผิด

"โทษทีนะมิว" บอสว่าอึกอัก "เมื่อกี้พูดแรงไปหน่อย"

"ผมไม่ถือหรอกครับ" มิวว่ายิ้มๆ "แค่พี่ไม่ต่อยผมก็พอแล้ว"

บอสถอนหายใจออกมานิดหนึ่ง "งั้นยังไงขอกลับก่อนแล้วกันนะ เรื่องทำแผลให้ไอ้กชจัดการเถอะ หมอนี่มันมือเบา แถมทำแผลให้น้องชายบ่อย เพราะงั้นเชื่อมือมันเถอะ"

"งั้นผมกลับด้วยดีกว่า" แนทว่าอย่างสัมผัสถึงบรรยากาศของมิวกับกชได้ "ไปนะ มิว เดี๋ยวเราทักมาหา มีอะไรก็โทรหาได้ตลอดนะ แล้ววันนี้ก็พักเยอะๆ ล่ะ"

"ขอบใจนะ" มิวส่งยิ้มให้เพื่อน และเมื่อทั้งแนทกับบอสจรลีออกมาจากห้องแล้ว คนใส่แว่นก็เหลือบมองคนตัวสูงกว่าก่อนจะถอนหายใจยาว

"อะไร" น้ำเสียงคนพูดเหมือนจะเอาเรื่อง แต่ครั้งนี้แนทสัมผัสได้ถึงความรู้สึกผิดของคนข้างตัวปนมาด้วย

"ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจนะที่พี่เองก็ไม่ชอบใจเรื่องที่มิวแกล้งคบกับพี่กชก่อนหน้านี้น่ะ"

บอสเงียบ

"แต่บางทีพี่ก็ไม่จำเป็นต้องไปพูดในสถานการณ์แบบนั้นก็ได้ไม่ใช่เหรอครับ รอให้สถานการณ์มันปกติก่อนแล้วค่อยว่ากันก็ยังได้ พี่ไปพูดกับเพื่อนผมแบบนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรจากซ้ำเติม"

"จะทำตัวเป็นกชสองเหรอ" บอสยกยิ้ม "เมื่อกี้ไอ้บ้านั่นก็เพิ่งเทศน์มา"

"ผมก็แค่ห่วงเพื่อนผมเหอะ จริงอยู่ว่าไอ้มิวอาจจะทำไม่ถูก แต่มันก็ไม่ได้แย่ถึงขนาดต้องโดนซ้อมขนาดนั้น"

บอสยังคงเงียบ แนทเองก็ฉลาดพอที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายคิดสะระตะเอาเอง ในที่สุดคนเป็นรุ่นพี่ก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

"นายพูดถูก"

น้ำเสียงเหมือนจำยอมทำให้แนทคลี่ยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ บอสเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงสะดุดไปเล็กน้อยกับรอยยิ้มนั่น







[Koch]

ผมแตะสำลีลงบนบริเวณแผลของร่างบนเตียงอย่างเบามือ มิวครางออกมาแผ่วเบาเพราะแสบบาดแผล แค่ได้ยินผมก็รู้สึกทั้งสงสารแล้วก็เดือดพล่านกับคนที่ทำแบบนี้ไปหมดแล้ว มิวบอกว่าคนที่ชื่อแบงค์ทำใช่ไหม…

"พี่กช" เสียงเรียกจากมิวทำให้ผมหลุดออกจากห้วงความคิดตัวเอง ผมเงยหน้าไปส่งยิ้มให้เขา

"ว่าไงครับ มิวมิว"

"ไม่มีอะไรหรอกครับ" มิวยิ้มตอบ แต่มันฝืดฝืนจนผมจุกในอกอย่างบอกไม่ถูก "แค่เห็นพี่กชเงียบไป แถมยังทำหน้าน่ากลัวอีก ผมแอบกลัวเหมือนกันนะพี่"

"บ้าน่า ไม่จริงหรอก พี่น่ะเหรอน่ากลัว" ผมตอบกลับเขาพร้อมกับลงมือทำแผลให้ต่อ ผมถกเสื้ออีกฝ่ายขึ้นก่อนจะแอบขบฟันเงียบๆ ด้วยความเจ็บใจอีกรอบ

"พี่กชโกรธอยู่เหรอ"

"เรียกว่าหัวเสียดีกว่า" ผมยอมรับตรงๆ "ถ้าพวกมันอยู่แถวนี้มิวคงได้เห็นพี่อาละวาดแน่"

"อยากเห็นนิดๆ เหมือนกันแฮะ" มิวว่าติดตลก ผมหัวเราะหึๆ ในลำคอ

"อย่าเลย เดี๋ยวมิวจะกลัวพี่ขึ้นมาจริงๆ "

มิวเงียบไปนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อ "พี่โกรธคนที่ต่อยผมเหรอครับ"

"ก็ใช่น่ะสิ" โอ้โห ยังจะถามมาได้ "แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะนะ พี่อยากทำแผลให้มิวให้เสร็จก่อน เจ็บมากรึเปล่ามิว เดี๋ยวกินยาดักเลยนะ ไม่งั้นพรุ่งนี้คงระบม"

"พี่แบงค์บอกว่าเขาเป็นคนที่เริ่มโพสท์โจมตีผมในเว็บบอร์ดนั่น"

"ก็ไม่น่าแปลกใจนะ" ผมแค่นเสียงอย่างหงุดหงิด "ลงมันทำมิวได้ถึงขนาดนี้ กับอีแค่โพสท์ด่าในเว็บมีหรือมันจะไม่ทำ"

"แต่ผมเสียใจนะ" คำพูดตรงๆ ของอีกฝ่ายทำให้ผมต้องเลื่อนสายตาไปมองอย่างห่วงใย "ผมนึกว่าเราเป็นเพื่อนกันซะอีก"

"อย่าไปเสียใจ มิว ให้เดาเลยนะ นี่มันคิดจะทำร้ายมิวมาตั้งแต่แรกแล้ว ทั้งเรื่องวันนี้ เรื่องที่โพสท์ลงเว็บ อย่าไปนับคนแบบนี้เป็นเพื่อนเลย"

"พี่กช" มิวสบตาผมตรงๆ ขณะที่น้ำตาเริ่มรื้น ผมรู้สึกเหมือนใจจะขาด "ผมยอมรับว่าผมทำผิดเรื่องที่แกล้งคบกับพี่ เรื่องที่หลอกคนดู ผมผิดจริงๆ ”

"มิวไม่ใช่คนเดียวที่ผิด" ผมรีบพูด มือเอื้อมไปลูบศีรษะของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน "พี่เองก็ผิดเหมือนกันที่เล่นละครตามน้ำไปกับมิว จำได้ไหม พี่เองก็หลอกคนดูของมิวเหมือนกัน"

"ไม่... ไม่จริงหรอก ผมเป็นคนเริ่มนะ เพราะงั้นผมผิดเองนั่นแหละ ผมผิดที่คิดจะเรียกคนดูด้วยวิธีนั้น"

"มิว..." ผมใจหายวูบเมื่อเห็นน้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาบนแก้มขาวของเจ้าตัว ให้ตาย... ผมจะช่วยแฟนตัวเองยังไงดี "ไม่ต้องร้องไห้นะมิว ไม่ใช่ว่าทุกคนจะโกรธหรือเกลียดมิวหรอกนะ"

"ไม่ ไม่ พี่กช ผมผิดเรื่องนี้ ผมยอมรับ" พูดพร้อมกับปาดน้ำตาออกจากแก้มแรงๆ โอ๊ย เบาหน่อยน้อง หน้ายิ่งระบมๆ อยู่ "แต่... แต่เรื่องพี่แอมป์ เรื่องที่ผมแคสเกมกับพี่แอมป์น่ะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะเกาะพี่แอมป์ดังเลยนะ"

"พี่รู้ครับ" ผมว่าพร้อมกับดึงน้องเข้ามากอด ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ผมเองก็คอยตามดูคลิปของมิวอยู่ตลอด ต่อให้หลายๆ คลิปจะไม่มีตัวเองอยู่แต่ผมก็ช่องของแฟนตัวเองอยู่เหมือนกันนะ "พี่รู้ว่ามิวไม่ได้คิดจะเกาะแอมป์ดัง มิวแค่อยากเล่นเกมกับคนที่เล่นด้วยแล้วสนุกเท่านั้นเอง"

ผมหวั่นใจว่ามิวจะพูดทำนองว่าอยากเลิกทำคลิป อยากปิดช่อง หรืออะไรทำนองนั้นอยู่เหมือนกัน แต่กลายเป็นว่าตลอดเวลาที่ผมทำแผลให้จนถึงช่วยพาเจ้าตัวไปอาบน้ำแต่งตัวส่งเข้านอน มิวก็ไม่ปริปากพูดเรื่องนั้นออกมาสักคำ แต่แทนที่ผมจะโล่งใจผมกลับกังวลยิ่งกว่าเก่าเสียอีก กลัวว่ามิวจะแค่ปิดช่องไปเงียบๆ หรือไม่ก็เลิกทำไปเลย ผมอาจจะไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ตัวยงของช่อง SlimeSmileS แบบไอ้บอส แต่ผมคงไม่สบายใจแน่ถ้าคนที่ผมรักไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุขต่อ

แต่ก็อีกนั่นแหละ... ผมจะหาทางออกให้เรื่องนั้นทีหลัง ตอนนี้ผมมีบางอย่างที่สำคัญกว่าต้องทำ

"เฮ้ย ไอ้บอส" ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์หลังจากที่ปลายสายตอบรับ "อืม เออ คุยได้ ตอนนี้มิวหลับแล้ว"

ผมไล้ปลายนิ้วลงบนเส้นผมสีดำนุ่มของคนบนเตียง เกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าผากออก เหลือบมองแว่นพังๆ ของมิวพร้อมกับคิดว่าจะไปตัดแว่นใหม่ให้แฟนตัวเองที่ไหนดี

จริงๆ แล้วผมบอกมิวไปว่าผมโกรธไอ้คนที่ทำร้ายมิวมาก แต่ผมไม่ได้บอกว่าโกรธตัวเองมากกว่าใคร มิวเป็นแฟนผม เป็นคนที่ผมควรจะปกป้องที่สุด แต่ผมกลับยอมปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับแฟนตัวเองเนี่ยนะ?

"อืม ใช่ มึงรู้ใช่ไหมว่าจะไปหาข้อมูลของไอ้คนชื่อแบงค์นี่ได้ยังไง" ไอ้บอสตอบกลับมาสองสามคำ ผมโวยวายใส่มันไปที "อะไรนะ? ชื่อช่องมันคือ blackmoon? มึงคิดว่ากูอยากรู้เรื่องนั้นรึไง เออๆ ๆ โอเค อย่างอื่นด้วยใช่ไหม ดี"

ไม่ต้องมองกระจก ผมก็รู้ว่าตัวเองตาวาววับด้วยความหมายมาดแค่ไหน

"ไปถล่มมันกัน"







[Boss]





Comment#13: เหย พวกแก รู้สึกไหมว่าหมู่นี่พี่มิวสไลม์ไม่ค่อยอัพคลิปเลย

Comment#15: ไม่ใช่แค่พี่สไลม์นะแก พี่แบงค์ blackmoon ก็หายต๋อมไปเลย

Comment#20: เห็นล่าสุดพี่แบงค์บอกนอนรพ. ปะ

Comment#23: เห็นมีข่าวลือว่าไปมีเรื่องกับใครมา ไม่รู้จริงเปล่า

Comment#25: เออ ได้ยินมาแบบนั้นเหมือนกัน





ผมมองบทสนทนาที่อยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมกับหรี่ตาลงเล็กน้อยด้วยความเบื่อหน่าย มุมปากขวาที่แสบขึ้นมาทำให้ผมต้องซี้ดปากเบาๆ ร่องรอยจากการไปฟาดกับไอ้ blackmoon และพวกของมันไง แต่ผมไม่ใช่ตัวชูโรงในเรื่องนั้นหรอกนะ ไอ้กชต่างหากที่เป็นตัวตั้งตัวตี





Comment#35: แต่พี่มิวสไลม์นี่เงียบๆ ไปเลย ลองทักไปคุยหลังไมค์มาเหมือนกัน เห็นว่าไม่ค่อยสบายเลยขอพักช่วงนี้

Comment#39: ไม่ใช่ว่าไปนอนโรงบาลเพราะตีกับพี่แบงค์มานะ 5555

Comment#40: ถ้าเป็นแบบนั้นจริงคงฮาตาย ฮ่าๆ ๆ

Comment#42: แต่ดูขนาดตัวมิวแล้วจะสู้แบงค์ได้เหรอวะ คือถ้าข่าวลือที่ไอ้คนบนๆ บอกว่าแบงค์นอนรพ. จริง แล้วลองนึกสภาพมิวสไลม์เป็นคนทำแม่งคงแบบ //ไม่รู้จะพูดยังไง





"เหอะ" ผมแค่นเสียงออกมาขณะเริ่มพิมพ์ต่อข้อความพวกนั้น เว็บบอร์ดนี้มีข้อดีและข้อเสียคือการที่เราสามารถโพสท์โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตนได้ เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้ชอบเข้ามาเว็บนี้บ่อยเท่าไรหรอก แต่ก่อนหน้านี้มาไล่อ่านพวกคอมเมนท์ที่โจมตีสไลม์สไมลส์ตามที่ไอ้กชเล่าให้ฟัง แค่นึกว่าไอ้แบงค์ช่อง blackmoon เป็นคนโพสท์ปั่นผมก็ของขึ้นแล้ว





Comment#43: เราว่าอย่าพูดกันไปเองเลย ก็แค่คนทำคลิปสองคนที่บังเอิญหยุดทำพร้อมๆ กัน เดี๋ยวถึงเวลาเขาก็กลับกันมาเองแหละ





กดส่งข้อความไปเรียบร้อยเป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงเปิดประตูดังขึ้นพอดี ผมหันกลับไปมองชายหนุ่มผู้มาใหม่ก่อนจะเลิกคิ้วให้ข้างหนึ่งอย่างแปลกใจ

"พี่บิว กลับมาตั้งแต่เมื่อไร่ครับเนี่ย"

พี่บิวเป็นลูกพี่ลูกน้องของผม โตมาในบ้านหลังเดียวกัน แต่เจ้าตัวไปได้งานเป็นหลักแหล่งที่เชียงใหม่เมื่อประมาณสองปีก่อน นานๆ จะกลับมาสักที

"เมื่อกี้" น้ำเสียงราบเรียบหากคำพูดยียวนนี่อาจเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของผู้ชายบ้านผม "แม่บอกว่านายไปมีเรื่องกับใครมา"

เพราะพี่บิวอยู่บ้านนี้มาแต่เด็กเลยพลอยเรียกแม่ผมว่าแม่ไปด้วย แต่นั่นไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือผมไม่นึกว่าแม่จะรู้ว่าผมไปต่อยตีกับใครมา ก็ไม่เห็นแม่จะพูดอะไรผมก็เลยคิดว่าตัวเองเนียนแล้วซะอีก

"แกคงคิดว่าแม่คงไม่รู้สินะ บอส" พูดพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ อย่างอ่อนใจ "ให้เดานะ นี่แกคงยกพวกไปตีใครกับไอ้กชมาอีกแล้วล่ะสิ คนที่จะทำแกเสียได้ก็มีแค่หมอนั่นคนเดียว"

ผมนิ่งเงียบ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่เห็นสายตารู้ทันของญาติผู้พี่แล้วก็รู้ดีว่าโกหกไปก็ไม่มีประโยชน์

"คราวนี้เรื่องอะไรล่ะ" พี่บิวถอนหายใจเหมือนปลง ก็นั่นสินะ ในมุมมองพี่บิวแล้วผมกับไอ้กชแสบจะตาย แล้วไอ้เรื่องไปตีกับใครๆ ก็ไม่ใช่อะไรแปลกใหม่เลย "ผู้หญิงเหรอ"

"เปล่าครับ" ถึงตรงนี้ผมนี่ถึงกับหลุดยิ้ม "ผู้ชายต่างหาก"

"อะไรนะ"

"ไอ้กชมันคบอยู่กับผู้ชาย"

พี่บิวนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะพยักหน้านิ่งๆ "งี้นี่เอง"

"ไม่ตกใจให้มากกว่านี้หน่อยเหรอพี่"

"ตกใจทำไม สมัยนี้แล้ว เรื่องปกติ"

พี่บิวพูดมีประเด็น แล้วผมก็เห็นด้วยนะ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสักหน่อย

"แต่ไปตีกับผู้ชายคนอื่นเพราะเรื่องผู้ชายนี่มันก็ออกจะฟังดูน่าอนาถไปหน่อยนะ" ญาติผมพูดต่อ หันกลับมาถามเหมือนนึกขึ้นได้ "แล้วไอ้กชเป็นไง โดนอีกฝั่งอัดน่วมรึเปล่า"

"ไอ้กชมันจะเป็นอะไรล่ะ" ผมว่า ทั้งเจ็บใจแล้วก็ภูมิใจไปพร้อมๆ กัน "ยังแข็งแรงดีไม่มีอะไรบุบสลาย ไอ้ห่านั่นเก่งเรื่องต่อยตีจะตายไป"

"ไม่เหมือนเราใช่ไหม" พี่บิวพูดยิ้มๆ เลื่อนมือมาแตะมุมปากผมที่เป็นแผลเล็กน้อย ผมครวญเบาๆ ด้วยความแสบ "ฝีมือเก่งไม่เท่าเขาแต่ก็ยังจะไปช่วยเพื่อนต่อยอีก แล้วตกลงมันยังไง เรื่องแย่งผู้หญิง... เอ่อ ผู้ชายเหรอ? ห่าเอ๊ย เดี๋ยวนี้ผู้ชายต้องแย่งผู้ชายด้วยกันเองแล้วเหรอวะเนี่ย"

"เปล่า พี่บิว ไม่ใช่แบบนั้น" ไปกันใหญ่ล่ะ "คู่กรณีไปต่อยแฟนไอ้กชเข้า ไม่สิ จริงๆ ต้องบอกว่ารุมยำแฟนมันเลยล่ะ แบบ... คิดดูนะ แฟนไอ้กชตัวก็ออกจะบาง หงิมๆ ใส่แว่นเนิร์ดๆ คือไม่ใช่ประเภทจะไปสู้รบปรบมือกับใครอ่ะ แล้วนี่เรียกพวกมารุมยำตั้งสามสี่คน นี่ขนาดไม่ใช่แฟนผม ผมยังของขึ้นเลย"

"โห" พี่บิวพยักหน้าเออออด้วย "แย่จริงๆ เลยนะเนี่ย แต่นี่ดูบอสแคร์แฟนเพื่อนมากอยู่เหมือนกันนะ คิดอะไรกับเขารึเปล่า"

ผมแทบสะดุ้ง "บ้าเหรอพี่บิว นั่นแฟนเพื่อนผมนะ เพื่อนสนิทเลยด้วย"

"อ้าว จะไปรู้เหรอ เห็นพูดถึงแฟนกชขนาดนั้น แน่ใจนะว่าไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเขา? " น้ำเสียงเหมือนแหย่ แต่ผมรู้พี่บิวถามจริง

"กับผู้ชายเนี่ยนะ? "

"ก็ไหนเราเพิ่งคุยกันไปเมื่อกี้ไงว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"

ผมคิดตามคำถามนั้นของอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วน ถ้าให้พูดถึงความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อมิว ผมยอมรับนะว่าเขาพิเศษกว่าคนรู้จักทั่วไป อาจจะไม่สนิทเท่าเพื่อนอย่างไอ้กช แต่เพราะผมคอยติดตามและเอาใจช่วยช่องยูทูปของเขามา แถมการได้พูดคุยผ่านตัวหนังสือในฐานะน้องมังกรก็สร้างความสัมพันธ์ของเราได้มาก แต่ถ้าถามว่าผมชอบเขาในแง่ว่าอยากจะคบกับมิวไหม ผมตอบได้ทันทีเลยว่าไม่ อย่างแรกเลยคือมิวเป็นแฟนเพื่อนผม ผมเคยเห็นไอ้กชเจ็บเพราะโดนเพื่อนแย่งแฟนมาแล้ว ผมจะไม่มีวันทำแบบนั้นแน่นอน อย่างที่สองคือผมปลื้มมิวในฐานะแฟนคลับ จบแค่นั้น ไม่ได้ชอบแบบอยากจะมีอะไรลึกซึ้งด้วย ใครจะไปอยากมีอะไรๆ กับผู้ชายกันล่ะ

เสี้ยววินาทีหนึ่ง อยู่ๆ ผมก็นึกถึงแนท แว่นแฝดไอ้มิวขึ้นมา ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าทำไม แต่ผมปัดความคิดนั้นออกอย่างรวดเร็ว

“ผมไม่ได้ชอบแฟนเพื่อนหรอก”

“อ่าฮะ”

“ส่วนเรื่องแผลพวกนี้… มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไร พี่บิวน่าจะได้เห็นสภาพของไอ้พวกที่ผมกับไอ้กชไปอัดมากกว่า บอกได้เลยว่ายับเยินกันไปข้าง”

“ไม่กลัวฝั่งนั้นแจ้งความรึไง”

“ไม่กล้าหรอก” ผมพูดอย่างมั่นใจ “ยิ่งมีชนักติดหลังด้วยแบบนั้น… แต่ต่อให้แจ้งจริงก็ไม่กล้ว ดีซะอีก จะได้ครึกโครมกันไปอีก เหมือนเจ้าตัวจะชอบอยู่แล้วนี่”

ผมเล่ารายละเอียดคร่าวๆ ให้ญาติผู้พี่ฟัง ทั้งเรื่องที่ทั้งมิวและแบงค์เป็นนักแคสเกมที่ผมตาม พี่บิวเองก็ไม่ได้ตามวงการนี้เลยไม่ค่อยรู้อะไรมาก ผมก็แค่เล่าให้ฟังพอมันปากเท่านั้น เรื่องไปต่อยตีกับใครไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจสำหรับผม แต่แน่นอนว่าลึกๆ ไปแล้วมันก็อยากอวดคนอยู่บ้าง อย่างน้อยผมก็แน่ใจได้ล่ะว่าพี่บิวจะปิดปากเรื่องนี้





วันถัดมายังเป็นวันหยุดอยู่ ผมมีรายงานตัวหนึ่งที่อยากไปนั่งลงทำแบบตั้งใจสักสองชั่วโมง และแน่นอนว่าถ้าทำที่บ้านคงไม่คืบหน้าไปไหนแน่ ผมเลยลงทุนขับมอเตอร์ไซค์ไปถึงมหาลัยเพื่อเข้าไปใช้บริการห้องสมุด ก็นะ เสียค่าเทอมไปแล้วก็ต้องใช้ให้คุ้มถูกไหม

หลังจากลงมือทำงานของตัวเองไปได้ตามเป้าที่หวัง ผมก็ตัดสินใจแวบไปหาอะไรกินที่ละแวกร้านค้าที่มักไปประจำ ไม่รู้ร้านแถวนี้เขาใส่ผงชูรสหนักมือไปหรือว่ายังไง อร่อยจนแทบไม่อยากไปหาที่กินที่อื่น แถมยังทำเลดีเหมาะสำหรับคนที่มีธุระที่มอสุดๆ

ว่าแต่วันนี้มิวกับไอ้กชจะอยู่ห้องไหมนะ แต่วันหยุดแบบนี้ถ้าไม่กลับบ้านก็น่าจะไปเที่ยวกันมากกว่าล่ะมั้ง อีกอย่างสภาพจิตใจมิวตอนนี้ก็ดูไม่ค่อยดี ผมเองก็บอกไอ้กชอยู่ว่าไม่ควรปล่อยให้เจ้าตัวซึมเซาอยู่แต่ในห้อง ควรจะออกไปหาอะไรทำกันเวลาว่าง หวังว่าไอ้กชจะทำตามคำแนะนำของผมนะ

“อ้าว? ” ผมอุทานออกมาเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนที่ช่วงนี้เจอบ่อยขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ใช่ทั้งมิว ไม่ใช่ทั้งไอ้กช แต่เป็นแฝดแว่นไอ้มิวต่างหากที่กำลังยืนดูดน้ำชาเขียวปั่นอยู่ แล้วเจ้าตัวคงใจลอยมากจริงๆ เพราะขนาดผมก้าวเท้ามาประชิดขนาดนี้ เจ้าตัวยังไม่รู้สึก

“วันนี้ไม่กินน้ำมะพร้าวแล้วเหรอ”

“เฮ้ย!? ” ไอ้แว่นสะดุ้งพรวด หันกลับมาสาดแก้วน้ำในมือใส่เสื้อผมราวกับจงใจ ผมก้มลงมองสภาพตัวเอง เสื้อผ้าซดน้ำปั่นไปขนาดนี้ ผมคงไม่ต้องซื้อกินเองแล้วล่ะ ว่าแต่รู้สึกเหมือนเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนหน้านี้แล้วนะ ยังกับเอาหนังม้วนเดิมมาฉายซ้ำ แค่เปลี่ยนเครื่องดื่ม

“โทษๆ ๆ ๆ โทษทีพี่” แนทรีบพูด เอื้อมมือมาปัดเกล็ดน้ำแข็งละเอียดออกจากเสื้อผม “แต่ผมตกใจจริงๆ นะเมื่อกี้ เล่นมาไม่ให้สุ้มให้เสียง”

“ขวัญอ่อนไปปะ” แค่ทักแค่นี้ ไอ้แว่นเงยหน้าขึ้นมามองผมตาเขียวปั้ด

“ปากหมาเหมือนเดิมเลยนะ”

“หมาตรงไหน ก็พูดเรื่องจริง” ผมว่า เห็นสภาพตัวเองแล้วได้แต่ถอนใจ คือคราวก่อนที่โดนโค้กสาดมันยังไม่เปียกขนาดนี้ไง นี่มาแบบเต็มๆ

“ผมจะเอาเสื้อไปซักให้”

“หา? ” ผมพูดงงๆ แนทชี้นิ้วไปทางหนึ่ง

“หอผมอยู่ตรงนี้เอง มาเถอะครับ เดี๋ยวผมเอาเสื้อของตัวเองให้พี่ยืมก่อน แล้วเดี๋ยวซักเสื้อให้พี่แล้วจะเอาไปคืนให้”

เออ ดีเหมือนกัน กำลังคิดหนักเลยว่าจะทำยังไงดี เพราะคราวนี้มันเปียกมากๆ เหมือนลงไปเล่นบ่อน้ำชาเขียวปั่นมาอย่างไรอย่างนั้น ดังนั้นแล้วผมจึงตอบรับข้อเสนอของแนทอย่างง่ายดาย

และเมื่อผมเข้ามาอยู่ในห้องอีกฝ่ายอย่างงงๆ เจ้าของห้องก็ยื่นเสื้อยืดตัวโคร่งที่ดูยังไงก็ใหญ่เกินไซส์เจ้าตัวมาให้ ผมถอดเสื้อที่สวมอยู่ออกเผยให้เห็นผิวเนื้อด้านใน ยื่นส่งให้อีกคนก็เห็นไอ้แว่นชะงักไป สายตาหยุดอยู่ที่กล้ามเนื้อหน้าท้องผมเหมือนจะพิจารณา…?

อะไรของมัน

“เฮ้ย” ผมดีดนิ้วใส่หน้าเจ้าตัว “มองอะไร หลงเสน่ห์ร่างกายพี่เหรอ”

แนทเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมอย่างไม่หวั่นเกรงก่อนจะคลี่ยิ้ม กลับกลายเป็นผมที่ต้องชะงักไปเพราะทำตัวไม่ถูกแทน

“อืม ร่างกายพี่ก็ไม่เลวนะครับ อันนี้ยอมรับ หุ่นค่อนข้างสเปกเลย”

เฮ้ย… เฮ้ยๆ ๆ เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่าไอ้หมอนี่เป็น…

“แต่จริงๆ แล้วผมกำลังคิดถึงเรื่องอื่นมากกว่า อย่างเรื่องที่ว่าทำไมพี่ถึงต้องใช้ชื่อปลอมว่ามังกร แต่คิดอีกทีมันคงไม่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อหน้าท้องพี่หรอกมั้ง? หรือพี่คิดว่ายังไงครับ? คุณ Vk Dragon”

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้ผมอ้าปากค้างหนักมาก

ไอ้แว่นบ้านี่มันรู้เรื่องนามแฝงผมได้ยังไงวะเนี่ย!?





-----------------------------------------------------------
Talk: สวัสดีค่าทุกคน ช่วงนี้อาจจะอัพช้าหน่อยก็ขออภัยนะคะ แต่วันนี้เรามีข่าวดีมาแจ้งให้ทุกคนทราบค่ะ
นิยายเรื่องนี้จะได้ตีพิมพ์กับสนพ. Deep Publishing ซึ่งเป็นสนพ. ในเครือของสถาพรบุ๊คส์นะคะ >w<
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามน้องมิวและพี่กชมาจนถึงตอนนี้ด้วยค่ะ ฝากอยู่ติดตามกันไปจนจบเลยนะ <3
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 24) P.5 [4/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-02-2018 18:17:06
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 24) P.5 [4/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-02-2018 08:29:46
บอสแนทมาแล้ววววว
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 24) P.5 [4/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 05-02-2018 09:54:17
พี่กชหลังๆมาค่าตัวแพง บอสยึดพื้นที่มาก 5555 #บอสแนท
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 24) P.5 [4/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 05-02-2018 22:30:46
น้องมังกรจะทำยังไงน้า  :hao3:
ทำไมแนทเหมือนวางแผนจะลากบอสมาคุยตั้งแต่แรกแล้ว
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 24) P.5 [4/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-02-2018 11:31:21
  :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 24) P.5 [4/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 07-02-2018 18:52:27
บทที่ 25



[Mew]

“มิวมิว” เสียงเรียกของใครบางคนดังขึ้นที่ข้างหู ผมครางเล็กน้อยพร้อมกับดันร่างหนักๆ นั่นออก แต่เหมือนแขนของอีกฝ่ายก็ยังพาดมาพันรอบตัวผมอยู่ดี “มิวครับ ตื่นหรือยัง ตื่นกันดีกว่าไหมคนดี”

“อือ” ผมส่งเสียงครางประท้วงกลับไป ลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า ร่างของพี่กชที่นอนตะแคงมองผมพร้อมกับรอยยิ้มปรากฏสู่สายตาเป็นอย่างแรก ผมรู้สึกใจสั่นนิดหนึ่ง เหมือนตกหลุมรักเขาเข้าอีกรอบ

“อรุณสวัสดิ์ มิว”

“อรุณสวัสดิ์ครับ พี่กช” ผมยกมือขึ้นขยี้ตาอย่างงัวเงีย เหลือบมองนาฬิกาแล้วต้องขมวดคิ้ว ยังเช้าอยู่เลย “ทำไมรีบตื่นจังครับ? วันนี้ไม่มีเรียนสักหน่อย”

“ก็เพราะไม่มีเรียนน่ะสิ เลยว่าจะพามิวมิวไปเที่ยว” พี่กชว่า วันนี้เป็นวันหยุดราชการ ซึ่งแน่นอนว่าใครๆ ก็อยากตื่นสายในวันหยุดอยู่แล้ว แต่นี่คนขี้เซาแบบพี่กชถึงกับลุกมาปลุกผมแต่เช้าแบบนี้ “แล้วนี่แผลเป็นยังไงบ้าง? ยังเจ็บอยู่รึเปล่า แต่ที่บวมนี่ยุบลงไปมากแล้วนะ”

“อื้อ ไม่เจ็บมากแล้วล่ะครับ” ผมตอบยิ้มๆ รู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงผมมาก แถมที่ชวนไปเที่ยวแบบนี้ก็คงเพราะไม่อยากให้ผมซึมอยู่ในห้อง

อันที่จริงอาการผมก็ดีขึ้นตามลำดับนะ ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ ก่อนหน้านี้จิตใจแย่ไปพอสมควรจนคนรอบตัวกังวล แต่ของแบบนี้พอเวลาผ่านไปสักพักมันก็ดีขึ้นเองจริงๆ อีกอย่าง… การมีพี่กชอยู่ข้างๆ คอยดูแลให้กำลังใจช่วยผมไว้ได้มาก ผมบอกรึยังว่าพี่กชแอบไปตัดแว่นมาให้ผมใหม่ด้วยนะ ไม่รู้ว่ารู้ค่าสายตาผมได้ยังไง อาจจะจากแว่นพังๆ อันเก่า แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ผมชอบแว่นที่พี่กชทำมาให้อันใหม่มากๆ ผมว่ามันดูเข้ากับหน้าตัวเองมากกว่าอันเก่าอีก

“งั้นมิวลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อน” เขาว่าพร้อมกับฝังริมฝีปากลงบนแก้มผมอย่ารวดเร็ว “เดี๋ยวพี่เตรียมข้าวเช้าให้ ทำอะไรเสร็จแล้วเราจะได้ไปเที่ยวกัน”

ผมนั่งละเมียดขนมปังปิ้งหลังจากที่จัดการไข่ดาวกับไส้กรอกที่พี่กชทำไว้ให้ตอนเข้าไปอาบน้ำ และตอนนี้พี่กชก็เป็นฝ่ายเข้าไปอาบน้ำแทน เจ้าตัวกลับออกมาอีกทีในชุดพร้อมออกไปเที่ยวข้างนอกเต็มที่ ให้ตาย… พี่กชดูดีเกินไปรึเปล่าวันนี้ ถ้าเกิดผู้หญิงอื่นมองแล้วชอบพี่แกขึ้นมาจะทำยังไง ผมเองก็หวงของผมเหมือนกันนะ

“มองอะไรครับ มิวมิว” พี่กชถามยิ้มๆ พร้อมกับเดินมาดึงแก้มผมข้างที่ไม่ได้โดนต่อยจนบวม “ตะลึงล่ะสิ มีแฟนหล่อขนาดนี้”

“โอย พี่” ผมแกล้งตีหน้ารับไม่ได้ “หลงตัวเองไปไหนเนี่ย ว่าแต่ใครเลือกชุดนี้ให้ครับ”

“ทำไมอ่ะ ดูไม่ดีเหรอ” ก้มลงมองเสื้อผ้าตัวเอง ผมส่ายหน้า

“เปล่าครับ แต่ผมว่ามันดูดีไป”

พี่กชมองผมอึ้งๆ ใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อยด้วยความอาย แต่วินาทีต่อมาเจ้าตัวก็คลี่ยิ้มกวนประสาทขึ้นมาได้

“นั่นไง ว่าแล้วเชียวว่ามิวต้องหลง”

โอ๊ย ขอพี่กชคนเขินอายแบบเมื่อกี้แทนได้ไหม อันนี้น่าถีบเกิน





อาทิตย์นี้พี่กชยืมรถมาจากที่บ้านได้ ผมเลยไม่ต้องซ้อนท้ายพี่แกให้หน้ารับแสงแดดและลมที่ร้อนระอุของประเทศไทยตรงๆ

พี่กชสาวพวงมาลัยขณะที่เลี้ยวโค้งที่หนึ่งไปตามถนน ผมโน้มตัวไปด้านหลังขยุกขยิก หยิบถุงพลาสติกที่ซื้อมามากมายจากร้านสะดวกซื้อที่แวะก่อนหน้า เอาล่ะ สโมกกี้ไบท์ของผมอยู่นี่ แต่จะกินคนเดียวคนขับคงน่าสงสารแย่

“มิวมิว กินไรอ่ะ”

น่ะ ยังไม่ทันขาดคำ

“ไส้กรอกพี่ กินไหม”

“ป้อนหน่อยดิ”

ผมจิ้มชิ้นหนึ่งพร้อมกับซอสให้ดิบดี “เอ้า นี่ครับ”

“แต๊งกิ้ว” แล้วเจ้าตัวก็เคี้ยวหงุบหงับ ผมยิ้มนิดๆ ก่อนจะจิ้มเข้าปากตัวเองบ้าง

“แล้วนี่เราจะไปไหนกันอ่ะพี่”

“เที่ยว”

“ขอบคุณมากเลยนะครับ” ผมว่าเสียงประชด “แล้วจะพาผมไปเที่ยวไหนล่ะ”

“แหล่งท่องเที่ยว”

ผมยกสองมือยอมแพ้ “ได้เลยครับ คุณพี่กช พี่อยากจะพาผมไปต้มยำทำแกงที่ไหนก็เชิญ”

“งั้นเข้าม่านรูดข้างหน้าเลยไหม” ยังอีก ยังจะทำมือชี้ชวน แถมไอ้ม่านรูดที่แกชี้ไปก็สภาพทรุดโทรมเหมือนไม่ได้รับการบูรณะมากว่ายี่สิบปีแล้ว เขาคงไม่คิดจะทำอย่างที่พูดจริงๆ ใช่ไหม

“เอ่อ ถ้าแบบนั้นก็ถ้าทำที่หอก็ได้รึเปล่าครับ”

พี่กชหัวเราะลั่นทันที “เออ จริง มิวมิวพูดมีประเด็น”

“แล้วนี่จะมีคนอื่นมาอีกไหมครับ เพื่อนพี่กชไรงี้”

“ไม่ล่ะ” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี “แค่เราสองคน”

ผมรู้สึกผ่อนคลายกับคำพูดนั้นอย่างไม่น่าเชื่อ





ที่ที่พี่กชพาผมมาไกลจากตัวเมืองพอสมควร เรียกได้ว่าขับรถมาไกลจากจุดเริ่มต้นมากโขเลย แต่บรรยากาศร่มรื่นกับพื้นที่ทำกิจกรรมที่ถูกจัดแบ่งเอาไว้ก็ดูน่าสนใจพอจะเรียกนักท่องเที่ยวมาได้

ว่าแล้วพี่กชก็เผ่นไปซื้อบัตรทำกิจกรรมมาให้โดยที่ผมยังไม่ได้เอ่ยปากใดๆ

“เอ้านี่ พี่ซื้อที่ยิงธนูกับที่ขับรถเอทีวีมาให้ ถ้าซื้อแบบเป็นเซตมันถูกกว่านะ”

“หา? ” ผมดันบัตรพวกนั้นคืนให้เจ้าของเงินแทบไม่ทัน “ผมยิงธนูไม่เป็นพี่ แล้วก็ไม่มีอารมณ์จะเล่นรถเอทีวีด้วย”

“เถอะน่า ยิงธนูไม่ยากหรอก เดี๋ยวมีครูสอน” เขายัดเยียดมาให้ผมจนได้ ผมถอนหายใจทีหนึ่งแต่ก็ยอมตามใจเขา

สารภาพตามตรงว่าผมไม่ชอบทำกิจกรรมอะไรที่ต้องออกแรงหรือใช้ทักษะใดๆ ในการเคลื่อนไหวร่างกายเท่าไร เล่นกีฬาอะไรก็ไม่ต้องพูดถึงครับ แทบไม่ได้ทำ แต่คงเพราะแบบนั้นแหละผมถึงได้ผอมแห้งแรงน้อยแบบนี้ สู้กับใครเขาก็ไม่ได้ แถมล่าสุดยังเพิ่งไปโดนอัดน่วมมาอีกต่างหาก ยิ่งตอกย้ำถึงความอ่อนหัดของตัวเองเข้าไปอีก

แต่ถึงผมจะทำหน้าเหมือนไม่อยากยิงธนูนี่เท่าไร พี่กชก็ยังส่งยิ้มสดใสแบบกระตือรือร้นสุดๆ มาให้ เจ้าหน้าที่ที่สนามอธิบายพร้อมกับสาธิตการยิงธนูให้ผมคร่าวๆ ก่อนจะส่งกระบอกที่บรรจุลูกธนูมา ผมหยิบมาพาดกับคันธนูลูกหนึ่ง ตั้งท่ายืนพร้อมกับเริ่มง้างลูกธนูออก ไม่ค่อยแน่ใจว่าทำถูกไหมเหมือนกัน แต่ผมก็ปล่อยมันออกจากมือไปแล้ว

หัวลูกธนูลอยวืดเลยเป้าไปปักลงกับพื้นอย่างสวยงาม ผมหันกลับไปยิ้มแหยๆ ให้พี่กชก่อนจะต้องโวยวายเมื่อเห็นอีกฝ่ายหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปผม ให้ตายเถอะ แล้วผมก็เพิ่งยิ่งพลาดเป้าไปแบบทุเรศสุดๆ เมื่อกี้ด้วยนะ!

“พี่กช! อย่าถ่าย” ผมยกมือปิดหน้าหากรุ่นพี่ตัวแสบกลับหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี

“ไม่เป็นไรน่า แค่ถ่ายตอนมิวตั้งท่าเมื่อกี้เฉยๆ ท่าสวยมากเลยน้องรัก ยิงพลาดไปหน่อยแต่ก็มีโอกาสแก้ตัวเยอะนี่”

“พี่กชนี่” ผมเบ้ปากให้เขา ยื่นคันธนูในมือให้ “พูดงี้มาลองยิงให้ผมดูเลย เห็นเหมือนมันง่ายแต่มันก็ไม่ง่ายนะครับ”

“นั่นสิน้า มิวมิวเองก็ไม่เคยยิงมาก่อนด้วยสิ” เขาว่าอย่างรู้ทัน รับคันธนูไปถือ หยิบลูกขึ้นมาตั้งท่าเล็งเป้าอย่างชำนาญ แค่การเคลื่อนไหวไหลลื่นนั่นผมก็รู้แล้วว่าเขาคงเก่งอยู่พอตัว

“เดี๋ยว พี่” ผมรีบห้ามขณะที่พี่กชง้างคันธนูค้าง

“หืม? ”

“ขอผมถ่ายรูปก่อน” คือพอเห็นท่าเขาแล้วรู้เลยว่าทำไมพี่กชถึงอยากถ่ายรูปตัวเอง คือมันดูเท่มาก ท่ายืนท่าง้างนี่ชวนเก็บภาพสุดๆ ถึงผมจะไม่แน่ใจว่าตัวเองยืนได้ดูดีเท่าพี่กชรึเปล่าก็เถอะ

“หึ” อีกฝ่ายหัวเราะ ปล่อยลูกธนูที่ง้างค้างไว้ มันพุ่งไปเจาะบนเป้าตำแหน่งเฉียดกึ่งกลางไปเล็กน้อย ผมอุทานทันที

“โห สุดยอดเลยพี่ เก่งจัง ทำได้ไงอะ”

“เว่อร์ นี่ก็พูดเกินไป” เขาว่า ใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นนิดหนึ่ง ไม่สมกับเป็นพี่กชเลย ปกติพี่แกต้องมั่นหน้าตลอดเวลาไม่ใช่เหรอ! ทำไมวันนี้ทำตัวน่ารักแปลกๆ ล่ะ? “อีกอย่าง เป้ามันใกล้แค่นี้ ใครๆ ก็ยิงได้ มิวเองก็เหมือนกัน มาสิ เดี๋ยวพี่ช่วย”

เขาส่งคันธนูคืนให้ผมพร้อมกับอ้อมมาด้านหลัง เขยิบตัวเข้ามาประชิดเพื่อช่วยผมจัดท่ายืนและง้างลูธนู ผมได้ยินหัวใจตัวเองเต้นรัวขึ้น แต่มันไม่ใช่แค่ของผมคนเดียว ของพี่กชก็ด้วย แปลกดีที่เราสองคนยังใจเต้นกันแบบนี้ทั้งที่คบกันมาพอสมควรแล้วแท้ๆ แต่ผมก็ไม่ได้รังเกียจความรู้สึกนี้หรอกนะ

“เวลาเล็งอะ กะระยะเผื่อมาตรงนี้นิด”

“ครับ” ผมรับคำอย่างว่าง่าย

“อื้อ ประมาณนี้แหละ เอาเลย”

ลูกธนูผมไปปักบนเป้าที่มีคะแนนแล้ว แม้จะไม่ได้เฉียดตรงกลาง แต่ผมก็หันไปยิ้มให้คนข้างตัวอย่างดีใจ พี่กชยีหัวผมแรงๆ ทีหนึ่ง

“แล้วนี่… พวกแผลที่หน้ากับตามลำตัวไม่เจ็บแล้วใช่ไหม จริงๆ พามิวออกมาตะลอนๆ แบบนี้ก็เป็นห่วงเหมือนกันนะ”

“ผมไม่เป็นไรแล้วครับ บอกแล้วไงว่าดีขึ้นมาก แถมยาพี่กชก็ทาให้ประจำ ไม่เป็นไรแล้ว”

“แต่ถ้าไม่ไหวก็ต้องรีบบอกพี่นะ ห้ามฝืน เข้าใจไหม”

“แหม ทีงี้ล่ะทำเป็นพูดนะพี่” ผมแซว หยิบลูกธนูขึ้นมาง้างอีกรอบ “ทีตอนซื้อตั๋วให้ล่ะไม่คิดเลย ไม่ถามความเห็นผมสักคำเลยด้วย”

“โห่” พี่กชจิ้มแก้มผมทีหนึ่ง “ก็อยากให้มิวออกกำลังทำอะไรบ้าง อยากเห็นมิวสนุก”

ผมยิ้มหวานให้เขา หัวใจพองโตขึ้นอย่างมีความสุข

“ขอบคุณนะครับพี่กช จริงๆ แค่อยู่กับพี่ผมก็สนุกสุดๆ แล้ว”

ผมยิงธนูต่อไปจนกระทั่งลูกหมด ส่วนสนามรถเอทีวีที่พี่กชซื้อตั๋วไว้ให้อยู่ห่างจากสนามยิงธนูไปเล็กน้อย เดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึง พี่กชส่งตั๋วให้เจ้าที่ที่ประจำอยู่ก่อนจะหันมายิ้มหวานให้

“เอาไงดี? มิวจะขับหรือจะให้พี่ขับ”

“อืม…” ผมครางในลำคอ “งั้นผมขอขับก่อนได้ไหมครับ แล้วพอครึ่งทางค่อยสลับกัน”

“ถ้ามิวอยากขับไปตลอด พี่ก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ”

ผมยิ้ม พี่กชตามใจผมตลอดจนผมชักกลัวว่าตัวเองจะเหลิงแล้วสิ

“งั้นให้ผมขับไปสักพักแลว้จะบอกนะครับ ว่าแต่ทางมันจะยาวแค่ไหนล่ะ”

“ไม่รู้สิ ลองดูเดี๋ยวก็รู้”

ว่าแล้วผมก็สวมวิญญาณสิงห์นักบิด ผมไม่เคยขับมอเตอร์ไซค์มาก่อน เคยแต่ขับรถยนต์ แต่รถเอทีวีนี่ก็ไม่ได้ควบคุมยากอะไร แม้ว่ามันจะมีข้อเสียทำให้หัวสั่นคลอนไปหมดเพราะแรงกระแทกก็ตาม แต่ผมรู้สึกสนุกสุดๆ แบบที่ไม่ได้รู้สึกมานานเลยล่ะ

“ให้ตาย ลมเย็นดีชะมัด” พี่กชที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังว่า มีการเนียนเลื้อยมือมาโอบรอบเอวผมด้วยนะ ที่จับข้างรถก็มีแท้ๆ

“พี่ยังไม่ได้พูดเรื่องฝุ่นตลบนี่ด้วยนะ” ผมว่าขณะกะพริบตาถี่ๆ “เข้าหน้าเข้าตาผมหมดแล้วเนี่ย”

“มีแว่นแล้วยังเข้าตาอีกเหรอ”

“นี่แว่นสายตานะพี่ ไม่ใช่แว่นกันฝุ่น”

“มิว… เร่งความเร็วอีกได้ไหม มันเหยียบได้แรงกว่านี้รึเปล่า แค่นี้มันไม่สะ-- เหวอ! ” ผมเหยียบคันเร่งจนมิดตามที่ผู้โดยสารขอ ส่งผลให้พี่กชที่ไม่ทันตั้งตัวถลามากระแทกหลังผมอย่างแรง ผมหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี

“พอใจยังครับ คุณพี่? ”

“สัส มิว แกล้งพี่เหรอ ไม่อยากอยู่สงบๆ ใช่ไหม”

พูดแล้วพี่กชก็ฝังเขี้ยวลงมาบนซอกคอผม ผมสะดุ้งเฮือก แล้วบังเอิญข้างหน้าเป็นเนินเตี้ยๆ พอดี แล้วพุ่งมาด้วยความเร็วขนาดนี้ รถเอทีวีแบบนี้ พอกระแทกเข้าไปก็ทำเอาเราทั้งคู่แทบเด้งหลุดจากรถ ผมชะลอความเร็วแล้วขับไปจอดตรงข้างทางทันทีเมื่อตั้งหลักได้

รอบข้างถนนของรถเอทีวีนี่เป็นป่าทั้งหมด แล้วก็โชคดีที่ไม่มีใครตามหลังเรามา

พี่กชหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีขณะโดดลงจากรถ ผมเบ้หน้าให้เขาก่อนจะอัดใส่เป็นชุด

“พี่กชนี่นะ หื่นไม่ดูเวล่ำเวลาเลยจริงๆ แล้วเนินเมื่อกี้ถ้าจับไม่ทันนี่กระเด็นหลุดจากรถเลยนะครับ เกือบไปแล้วไหม แล้วนี่พี่จะลงมาทำไมเนี่ย อ้าว เดี๋ยวครับ จะทำอะไรน่ะ” ผมว่าเมื่อมือแกร่งออกแรงงัดผมให้ลงจากรถตามเขาไปด้วย

“นิดหนึ่งน่า”

พี่กชพาผมเดินเข้าไปในส่วนที่เป็นป่า เพราะไม่ใช่ทางถนนที่ทางสนามจัดไว้ให้ทุกอย่างจึงขึ้นรกไปหมด น่ากลัวจะมีงูออกมาสักตัว แต่พี่กชก็ยังดันผมไปติดกับต้นไม้ต้นหนึ่งจากนั้นก็ทาบจูบลงมาโดยขออนุญาตสักคำ ถือสิทธิ์น่าดูเลยสินะที่เป็นแฟนผมเนี่ย อยากทำอะไรตอนไหนก็ได้จริงๆ

แต่ผมก็ไม่ขัดหรอก

ผมเลื่อนแขนไปโอบหลังคอเขาพร้อมกับเอียงคอจูบตอบ เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่เราจูบกันข้างนอกแบบนี้ ลิ้นอุ่นวาบที่แทรกเข้ามาในโพรงปากทำให้เลือดสูบฉีดขึ้นมาบนหน้ามากขึ้น ผมชอบเวลาที่พี่กชขยับมือไปรองหลังคอผมแล้วบังคับให้ผมทำตามที่เขาต้องการ เหมือนจะรุนแรงนิดๆ แต่ก็อ่อนโยนสุดๆ เหมือนเขาทำให้ผมตกหลุมรักซ้ำไปซ้ำมาอยู่นั่น แล้วผมก็ยอมตกหลุมเขาแต่โดยดีด้วยนี่สิ

“มิว” พี่กชเรียกผมเสียงแผ่วขณะที่ผละจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง “พวกนั้นไม่มากวนใจอะไรมิวแล้วใช่ไหม ไม่มีใครมาว่าหรือทำอะไรมิวแล้วนะ? ”

“ครับ? ” ผมถามกลับงงๆ

“ก็ไอ้คนที่มาซ้อมมิวคราวก่อนไง พวกไอ้แบงค์ซังกะบ๊วยนั่นน่ะ”

อ้อ นึกว่าเรื่องอะไร

“อืม… ก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลยนะครับตั้งแต่ตอนนั้น ก็คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ”

“มิวอยากจะแจ้งความรึเปล่า”

ผมนิ่งไป อันที่จริงพี่กชเคยยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดแล้วครั้งหนึ่ง ไอ้แนทกับไอ้เก่งเองก็บอกว่าโดนรุมตื้บขนาดนี้แจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายยังได้ แต่ตอนนั้นผมมัวแต่ซึม สภาพจิตใจย่ำแย่จนไม่นึกอยากทำอะไร แต่ตอนนี้พี่กชคงเห็นผมดีขึ้นแล้วถึงได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด

แต่สุดท้ายผมก็แค่ส่ายหน้า

“ไม่หรอกครับ ผมว่าผมคงไม่ทำอะไรหรอก”

“มิวแน่ใจนะ? ”

“อื้ม” ผมส่งยิ้มบางๆ ให้ “อีกอย่าง… มันอาจจะเป็นอย่างที่พี่บอสว่าผมก่อนหน้านี้ก็ได้ ผมทำตัวให้คนเกลียดเองมันก็ช่วยไม่ได้ล่ะมั้ง”

“แต่ทำร้ายร่างกายกันนี่มันคนละเรื่องนะ” พี่กชไม่เห็นด้วย แล้วก็ไม่ใช่ว่าผมจะไม่เข้าใจที่เขาเป็นห่วงหรอกนะ แต่ผมเหนื่อยใจกับเรื่องพี่แบงค์แล้วก็เพื่อนๆ ของแกมาเยอะแล้ว ผมไม่อยากเจอเขา ไม่อยากคิดเรื่องนี้อีก แล้วถ้าต้องแจ้งความ ขึ้นโรงขึ้นศาลล่ะก็ ต้องเกี่ยวพันกันอีกยาวแน่ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว เพราะงั้นผมขอปล่อยมันไปทั้งๆ แบบนี้แหละ ตราบใดที่ฝั่งนั้นไม่เข้ามายุ่งกับผมอีกน่ะนะ

“มิว” พี่กชถอนหายใจเฮือกเมื่อเห็นว่าผมเงียบไป นิ้วเรียวเกี่ยวเส้นผมที่ปรกหน้าผมออกอย่างเบามือ “พี่ก็เดาได้อยู่แล้วแหละว่ามิวจะดื้อแบบนี้ ดีนะที่พี่…”

“หืม? ” เป็นคราวที่ผมต้องเลิกคิ้วเองบ้าง “พี่ทำไมเหรอครับ? ”

“เอ่อ เปล่า” เขายิ้ม แต่ท่าทางมีพิรุธนั่นไม่เนียนสุดๆ “ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่ขากลับออกไปให้พี่ขับไหมรอบนี้ ลืมไปว่ามิวไม่ค่อยสบายอยู่ จากที่ช้ำคราวก่อนก็ไม่รู้หายดีรึยัง ยังจะให้มิวมาเล่นอะไรกระแทกๆ แบบนี้อีก”

“หา? ” ผมว่า ก่อนจะหัวเราะออกมา ดึงพี่กชลงมาจูบปากตัวเองอีกรอบเร็วๆ คราวนี้พี่กชหน้าแดงถึงหลังหูเลยเพราะผมจู่โจมแบบไม่ทันให้เขาตั้งตัว ให้ตายเถอะ น่ารักเป็นบ้า “พูดอะไรของพี่น่ะ? ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นสักหน่อยนะครับ ไอ้พวกช้ำอะไรนั่นก็ไม่เป็นไรแล้ว พี่ห่วงผมเกินไปล่ะ”

“ไอ้ตัวแสบ” เขาว่าเรื่องที่ผมขโมยจูบเขาเมื่อกี้ ดันผมไปติดกับต้นไม้ด้านหลังแล้วประกบปากลงมาจูบอย่างรุนแรงอีกรอบ ผมไหวตัวนิดๆ เมื่อมือหนาลากลงบนสะโพกตัวเองอย่างเย้ายวน ถ้าเขาจะต้องยั่วผมขนาดนี้ล่ะก็นะ… “ทำแบบนี้เดี๋ยวปั๊ดลากเข้าม่านรูดจริงๆ ตอนขากลับซะหรอก อยากโดนมากใช่ไหม หา? ไม่ต้องมาทำหน้าแดงด้วย”

“คนที่หน้าแดงน่ะมันพี่ไม่ใช่เหรอครับ” ผมยิ้มให้เขา ยกมือขึ้นมาวางบนมือของพี่กชที่แตะแก้มผมอยู่ “งั้นขากลับผมให้พี่ขับออกไปแล้วกัน เอาแต่หาว่าผมขับไม่ได้เรื่องอยู่นั่น ดูซิว่าพี่ขับแล้วมันจะแตกต่างออกไปยังไง”

ผมกับพี่กชกลับมาประจำที่รถ มีรถเอทีวีอีกคันแซงหน้าพวกเราขึ้นไปก่อน ดีนะที่พวกเขาไม่ได้เห็นบทพลอดรักของผมกับพี่กชเมื่อกี้ ไม่งั้นผมคงต้องขอมุดรูดินหนีตรงนี้เลย ถึงเวลาอยู่กับเขาผมจะทำตัวซ่าได้บ้าง แต่นั่นก็เฉพาะตอนอยู่ด้วยกันตามลำพังเท่านั้นแหละครับ ถ้าเกิดมีคนอื่นมาร่วมรับรู้ด้วย… บอกเลยว่าผมอายม้วนจนไม่กล้าทำอะไรหรอก

และเมื่อพี่กชขับรถเอทีวีออกมา ผมก็บอกได้เลยว่ามันก็ไม่ได้ดีกว่าตอนที่ผมขับเท่าไรหรอก คือไอ้รถนี่มันเอาไว้ลุยวิบากอยู่แล้วไง ยังไงมันก็ต้องโคลงเคลงแล้วก็สะเทือนไปถึงตับแบบนี้แหละ

ระหว่างที่ตัวรถยังแล่นอยู่บนทางที่ทางสนามแต่งไว้ให้ พี่กชก็พูดเสียงดังฝ่าเสียงเครื่องยนต์และแรงลมออกมา

“สนุกรึเปล่า มิว? ” พี่กชถามหลังจากที่เราเอารถไปคืนทางสนามแล้วเดินกลับไปขึ้นรถของเราเอง

“หืม? ” ผมที่กำลังยื่นเงินจ่ายค่ามะพร้าวไม่ทันได้ฟัง พอใส่หลอดสองอันเข้าไปตรงส่วนที่ให้ทางร้านเฉาะมาให้แล้วถึงได้เงยหน้าขึ้นไปถาม “เมื่อกี้พี่กชว่าอะไรนะครับ”

พี่กชคลี่ยิ้ม มือปัดผมสีดำบนหน้าผากผมออกแล้วทาบจูบลงบนนั้นเร็วๆ ทีหนึ่ง ผมหน้าร้อนวูบ ไม่ต้องสงสัยเลย นี่ต้องเป็นบทลงโทษที่ผมไม่ตั้งใจฟังสิ่งที่พี่กชพูดแน่

“พี่ถามว่ามาเที่ยวกับพี่เป็นไง”

“อ้อ” ผมพยายามยิ้มกลบเกลื่อนหน้าที่ร้อนขึ้นมาของตัวเอง “สนุกดีครับ ผมไม่เคยยิงธนูหรือขับเอทีวีของจริงมาก่อน”

“เอ่อ จริงๆ ไอ้แบบนั้นมันก็ไม่ได้ของจริงอะไรหรอกนะ” พี่กชหัวเราะ “ออกแนวชาวบ้านๆ มากกว่า แต่ถ้ามิวสนุกก็ดี”

“สนุกสิครับ” ผมพยักหน้ายืนยัน “ปกติผมเล่นแต่เกมหน้าจอตลอด อย่างยิงธนูอะไรก็เคยนะ แต่เป็นในหน้าจอไง”

“แล้วของจริงเป็นไง? ”

“สนุกดีครับ” ผมยิ้มพร้อมกับยื่นมะพร้าวให้ “นานๆ ทีออกมาเล่นอย่างอื่นนอกจากเกมหน้าจอก็ดีเหมือนกัน”

พี่กชเอื้อมมือมายีหัวผมแรงๆ “งั้นไว้ไปเที่ยว หาอะไรสนุกๆ ทำกันอีกนะ”

อยู่ๆ ผมก็เข้าใจว่าทำไมพี่กชถึงอยากพาผมมาเที่ยวแต่เช้าในวันนี้… เขาอยากให้ผมอารมณ์ดีขึ้นสินะ เพราะหลังๆ มาผมแทบไม่เอนจอยอะไรเลย แม้แต่เกมคอมพิวเตอร์ผมก็แทบไม่ได้แตะ

แค่คิดว่าเขาทำทุกอย่างนี่เพื่อผมแล้ว… ผมก็รู้สึกเหมือนใจเต้นรัวขึ้นมาขณะพูดตอบเขาไป

“ตกลงเลยพี่”

“แล้วก็… พี่มีเรื่องอยากขออีกเรื่อง” เขาว่าเหมือนไม่แน่ใจ หยิบกุญแจรถขึ้นมากดสวิตช์เปิดประตู ผมเลิกคิ้วข้างหนึ่ง

“อะไรเหรอพี่”

“ถ้ามิวมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ… หรือมีเรื่องอะไรอีก พี่อยากให้มิวบอกพี่ทุกเรื่อง”

เขาสบตาผมตรงๆ ตอนที่พูดประโยคนั้นออกมา วินาทีนั้นผมนึกถึงเรื่องพี่ก้อยขึ้นมาเป็นอย่างแรก อันที่จริงเรื่องนั้นเป็นสิ่งที่ผมคาใจมานานแล้วแต่เพราะมีเรื่องต่างเกิดขึ้นมามากมาย ผมเลยไม่ได้พูดออกไปสักที แต่ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ได้คิดเรื่องนั้นอยู่หรอกนะ

“พี่เป็นแฟนมิว… ถ้าเกิดมิวมีอะไร พี่ก็อยากเป็นคนแรกที่ได้ปลอบมิว อยากคอยดูแลมิว เพราะงั้นมิวให้โอกาสพี่ตรงนี้ได้ไหม ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับมิวอีก โทรมาบอกพี่ก็ได้ถ้าพี่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น”

อ้อ… เขาคงน้อยใจเหมือนกันที่ผมไม่ได้บอกเขาทันทีวันที่โดนซ้อมนั่น แถมเขายังรู้เรื่องทีหลังแนทกับพี่บอสอีก

“ตกลงนะมิว? ” เขาถามย้ำเหมือนต้องการคำตอบ ผมพยักหน้าทีหนึ่ง

“ครับ พี่กช ผมสัญญา”

เขาคลี่ยิ้มหวานมาให้อย่างพึงพอใจ จากนั้นก็เปิดประตูรถฝั่งข้างที่นั่งคนขับให้ผม เออ แบบนี้แปลว่าผมก็ต้องรีบบอกเขาเรื่องพี่ก้อยสิ ไม่งั้นจะถือว่าผมผิดสัญญาที่เพิ่งให้ไปเมื่อกี้ใช่ไหม?

“งั้นขึ้นรถเถอะ มิวมิว เดี๋ยวพี่พาไปบ้านพี่นะ ไปสวัสดีคุณพ่อคุณแม่หน่อย จะได้พามิวไปแนะนำให้รู้จักด้วย”

“หะ? ” ผมอุทานงงๆ แต่คนขับรถกลับเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งของตัวเองแล้ว

เดี๋ยวนะ…. แนะนำให้รู้จักกับทางบ้าน?

ไม่เห็นพี่กชบอกผมล่วงหน้าเลยสักคำ แล้วผมจะทำตัวถูกได้ไงเล่า!?





-------------------------------------
Talk: มาๆ หายๆ ช่วงนี้เม้นน้อยจังเลยทุกคน เลาใจคอไม่ดีเลย TvT //แต่รักทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ม้วฟๆ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 25) P.5 [7/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-02-2018 20:26:09
เซอร์ไพรส์เลยไหมล่ะมิวมิว
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 25) P.5 [7/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 07-02-2018 22:22:52
มาเร็วเคลมเร็วจริงคุณพี่ คบไม่เท่าไหร่พาเข้าหาพ่อแม่เลย
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 25) P.5 [7/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-02-2018 03:52:19
จะมีแต่ความหวานละสินะ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 25) P.5 [7/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-02-2018 09:50:22
พี่กชจะพาลูกสะใภ้ไปเจอพ่อแม่ซะแล้ว
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 25) P.5 [7/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 08-02-2018 22:29:07
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 25) P.5 [7/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 11-02-2018 11:03:39

บทที่ 26




“พี่เคยเล่าให้ฟังหรือยังว่าที่บ้านทำโรงกลึง? ”

“เอ่อ อืม ก็เหมือนจะเคยพูดให้ฟังอยู่นะครับ จำไม่ค่อยได้แล้ว”

“ร้านไม่ใหญ่มากหรอก” เขาพูดพร้อมกับยิ้มอย่างภาคภูมิ นี่ขนาดผมมองเขาจากด้านข้างนะ รอยยิ้มนั่นยังดูดีเลย “แต่ลูกค้าค่อนข้างเหนียวแน่นน่ะ อีกอย่างที่พี่มาเรียนด้านนี้ก็เพราะต้องสืบธุรกิจต่อจากที่บ้านด้วย ถึงจริงๆ แม่จะอยากให้เรียนบริหารมากกว่าก็เถอะ แต่พี่คิดว่าด้านนี้มันสำคัญมากกว่าเลยมาเรียนพวกเครื่องยนต์”

“ผมเข้าใจครับ” เหมือนจะเคยได้ยินพี่กชเล่าให้ฟังอยู่ แต่เหนือสิ่งอื่นใด เรื่องที่ผมประหม่าอยู่ตอนนี้คือผมจะทำหน้ายังไงตอนทักทายพ่อแม่พี่กชดีล่ะเนี่ย คือถ้าผมเป็นผู้หญิงที่กำลังคบกับลูกชายพวกเขาก็คงไม่เท่าไร แต่นี่ผมดันเป็นผู้ชายเหมือนเขาด้วยนี่สิ แล้วที่บ้านพี่กชจะว่ายังไงนะ

“คือ… พี่กช ผมถามอะไรหน่อยสิ”

“ว่าไง? ”

“ที่พี่บอกว่าจะพาผมไปทำความรู้จักคนที่บ้านนี่… คือ พี่จะบอกด้วยไหมว่าเราสองคนคบกัน? ”

พี่กชนิ่งไปครู่หนึ่ง ตามองตรงไปยังถนนเบื้องหน้า

“อืม ก็ตั้งใจว่าจะบอกนะ”

“แล้วพ่อแม่พี่กชจะรับได้เหรอครับ”

“ไม่น่าได้”

อูย… ขวัญและกำลังใจมาเต็มเปี่ยม

“ถ้างั้น---”

“แล้วมิวบอกที่บ้านมิวหรือยัง” เขาพูดแทรกขึ้นมา “เรื่องที่เราคบกันน่ะ

“เอ่อ… ก็ยังหรอกครับ ยังไม่ได้บอกแบบจริงๆ จังๆ ขนาดนั้น” แต่เคยถามเกริ่นไว้เหมือนกันว่าพ่อกับแม่คิดยังไงกับการที่ผู้ชายคบกับผู้ชาย ก็ดูจากปฏิกิริยาแล้วคงไม่โดนต่อต้านแรงมากหรอกมั้ง อีกอย่างผมคิดว่าบ้านผมค่อนข้างเปิดกว้าง แต่ก็ยังไม่ได้สารภาพไปตรงๆ หรอกนะว่าตัวเองคบกับผู้ชายอยู่ “แต่ก็ตั้งใจจะบอกเร็วๆ นี้เหมือนกัน แต่ไม่นึกว่าพี่กชจะชิงบอกก่อน”

“อยากเปิดตัวน่ะ จริงๆ ก็คิดจะทำมานานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสเหมาะ” พูดยิ้มๆ “แต่รอบนี้เป็นทางผ่านขากลับพอดี เหมาะเหม็งเลย”

“แต่ถ้าพ่อแม่พี่ไม่ยอมรับ แล้วจะทำยังไงล่ะครับ”

“ไม่รู้สิ” ว่าเสียอย่างนั้น “คงต้องหาทางอธิบายให้เข้าใจมั้ง”

ผมหัวเราะแห้งๆ ออกมานิดหนึ่ง “ผมชักหายใจไม่ทั่วท้องแล้วสิ”

“ไม่ต้องกลัวนะมิวมิว มีพี่อยู่ด้วย” เขาช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้





พี่กชพาผมไปที่โรงกลึงที่เป็นธุรกิจของบ้านเขาก่อน เขาบอกว่าบ้านที่ใช้อยู่จริงๆ อยู่ถัดไปอีกหน่อย แต่เวลาแบบนี้ทุกคนในบ้านมักจะไปสิงอยู่ที่ทำงานกันหมด

ผมเกร็งตัวเล็กน้อยขณะที่พี่กชเดินพาผมเข้าไปด้านใน ไหว้คุณลุงทั้งหลายที่ทำงานอยู่ที่ต่างทักพี่กชกันระนาวอย่างคุ้นเคยกันดี

“อ้าว กช มาไงเนี่ย” ลุงที่ประอยู่หน้าเครื่องคนหนึ่งถาม “ไม่ได้อยู่หอของมหาลัยเหรอ หรือว่ามาเยี่ยมพวกลุง? ”

“นิดหน่อยครับพี่ ผมเอาขนมมาฝากด้วยนะ เดี๋ยวฝากแม่ไว้ให้” พี่กชว่าหลังจากยกมือไหว้ “แล้วนี่พ่อกับแม่อยู่หรือเปล่าครับเนี่ย”

“อยู่ๆ อยู่ในออฟฟิศนั่นแหละ ลองเข้าไปหาดู แล้วนี่พาเพื่อนมาด้วยเหรอ? ”

“รูมเมทที่อยู่หอเดียวกันน่ะครับ” เขาว่า ผมรีบยกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่าทันที “แต่ไม่ใช่รูมเมทธรรมดาหรอกนะ เดี๋ยวมาบอกอีกทีว่าไม่ธรรมดายังไง”

“อ้าว” ว่าแล้วพี่กชก็โอบบ่าพาผมเดินต่อไปทันที อื้อหือ ถ้าจะชัดเจนขนาดนี้ไม่บอกไปเลยล่ะครับว่าเราได้เสียกันแล้ว แต่ผมก็พอเดาได้นะว่าเขาอยากบอกพ่อกับแม่เขาก่อนเรื่องความสัมพันธ์ของเรา เห็นพี่กชกระตือรือร้นขึ้นมาแบบนี้แล้วผมก็ชักฮึดอยากบอกที่บ้านบ้าง บางทีวันหยุดครั้งต่อไปผมน่าจะพาพี่กชไปที่บ้าน จะได้บอกพ่อกับแม่ว่าผมกับใครเป็นตัวเป็นตนสักที

พี่กชผลักประตูบานกระจกของสำนักงานเข้าไปด้วยรอยยิ้ม

“แม่ครับ พ่อครับ ผมมาเยี่ยม”

แต่แล้วทั้งผมกับพี่กชก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนหันหลังให้อยู่ ผมใจหายวูบเลยตอนที่เจ้าหล่อนหันหน้ากลับมาหาพวกเราพร้อมกับระบายยิ้มกว้างบนใบหน้า

“กช น้องมิว”

ขอผมถามคำเดียว… ทำไมพี่ก้อยมาอยู่ที่นี่?

“มานี่ได้ไงเนี่ย” พี่กชเปิดปากถามขึ้นมาก่อน ส่วนผมรู้สึกเหมือนใบ้กิน

“พูดอะไรของนายน่ะกช” พี่ก้อยยกมือขึ้นกอดอก ทำสีหน้าเหมือนงอนนิดๆ ขณะพูด “เราก็มาที่นี่บ่อยๆ อยู่แล้วไม่ใช่รึไง ช่วงนี้อาจจะมาบ่อยกว่ากชด้วยซ้ำ”

“เธอเห็นในเฟสเราใช่ไหม” พี่กชถามกลับไปเสียงเรียบ อันที่จริงผมรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงห่างเหินแล้วก็ไม่ค่อยเป็นมิตรจากปากพี่กชได้ ผมรู้นะว่ามันไม่ดีที่จะคิดงี้ แต่ผมแอบโล่งใจนิดหนึ่งเหมือนกันที่พี่กชไม่ได้ดูสนิทสนมกับพี่ก้อยแบบครั้งแรกที่ผมเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว “เราเช็กอินตอนที่ไปยิงธนูกับมิว เธอเลยรู้ล่ะสิว่าเราจะกลับบ้าน”

“ก็นะ” พี่ก้อยยักไหล่ ก่อนจะพยักพเยิดไปที่ถุงขนมบนโต๊ะ “เราก็แค่อยากเอาของมาฝากคุณลุงกับคุณน้าเฉยๆ ส่วนเรื่องนาย… ไม่ได้คิดสักนิดว่าจะได้เจอ แต่ก็ดีใจนะที่บังเอิญแกมานี่พอดี”

“มีธุระอะไรกับเรา”

“อ้าว กช” หญิงวัยกลางคนที่น่าจะเป็นแม่ของพี่กชเดินออกมาจากอีกห้องพอดี “มาได้ไงเนี่ย พาเพื่อนมาเหรอลูก สวัสดีครับ พอดีเลย นี่หนูก้อยมาพอดี”

“อ้าว อะไร ตากชพาเพื่อนมาบ้านเหรอ” คราวนี้คงเป็นพ่อพี่กชที่เดินตามออกมาติดๆ พี่กชหน้าเหมือนแม่มากกว่าพ่อแฮะ ผมรีบยกมือไหว้ทั้งสองคนทันที

“นี่รูมเมทผมครับ ชื่อมิว เป็นรุ่นน้องผมปีหนึ่ง” พี่กชแนะนำ “มิว นี่พ่อกับแม่พี่นะ”

“เอ้อ ดีๆ แล้วจะอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันหมดนี่เลยไหม” แม่พี่กชถามยิ้มๆ ยังไม่ทันที่ทั้งผมและพี่กชจะได้เปิดปากตอบอะไร พี่ก้อยก็หย่อนระเบิดลงกลางวง

“อ้าว กช ทำไมไม่บอกคุณลุงกับคุณน้าไปตรงๆ ล่ะว่ามิวเป็นแฟนกชน่ะ”

ผมอ้าปากค้าง ส่วนพ่อกับแม่พี่กชนี่ชะงักกลางอากาศไปแล้ว พี่กชเบิกตากว้าง มองหน้าอดีตแฟนของตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ หลังจากนั้นบรรยากาศรอบตัวก็เย็นลงฮวบฮาบอย่างที่ใครๆ ก็รู้สึกได้ ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าตอนนี้พี่กชหัวเสียมาก ผมเองก็ผิดหวังนิดๆ เหมือนกัน เพราะถึงเราจะไม่ได้เตี๊ยมกันมาแต่ผมก็รู้ว่าพี่กชคงตั้งใจตะล่อมพูดเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเราให้พ่อกับแม่ฟังทีละนิด ไม่ใช่ทำเหมือนปาระเบิดอัดหน้ากันแบบนี้

คนที่เหมือนจะคุมสติได้ก่อนใครคือแม่พี่กช

“เอ้อ น้าว่าเราอย่าเพิ่งมายืนคุยกันแบบนี้ดีกว่าไหม หนูชื่ออะไรนะจ๊ะ มิวใช่ไหม มานั่งพักทานน้ำทานท่าก่อนเถอะ หนูก้อยจะเอาด้วยไหมลูก”

“ขอบคุณค่ะน้าหวาน” พี่ก้อยว่าพร้อมกับหันมาชวนผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “มาเถอะมิว ไปนั่งตรงโซฟาตรงนั้นก่อน น้าหวานจะให้ก้อยช่วยไหมคะ”

“กช” คนที่ดูอารมณ์จะถึงจุดเดือดพอๆ กับพี่กชก็หนีไม่พ้นพ่อพี่กชนั่นแหละ “มาคุยกับพ่อหน่อยซิ”

ผมได้ยินเสียงพี่กชสูดลมหายใจเข้าปอดหนักๆ ทีหนึ่ง มือก็กำหมัดแน่นขึ้น ผมไม่สบายใจโคตรๆ เลย เหมือนผมมาทำให้ครอบครัวเขามีปัญหากันยังไงก็ไม่รู้

แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินมานั่งที่โซฟาที่แม่พี่กชเชิญชวนมา เหมือนคุณน้าก็พอจะรู้ว่าผมกระอักกระอ่วนใจ แต่ดูเขารับมือได้ดีกว่าพ่อของพี่กชมาก เพราะถึงเขาจะตกใจแต่ก็ไม่ได้ดูช็อกหรือรับไม่ได้อะไรขนาดนั้น

“นี่มิวคบกับกชอยู่จริงๆ เหรอลูก? ”

“ครับ ใช่” มาถึงขั้นนี้ผมก็ไม่เห็นเหตุผลอะไรต้องปฏิเสธแล้ว แต่บอกตามตรงว่าสีหน้านยิ้มๆ กับท่าทีไม่ทุกข์ร้อนของพี่ก้อยชักทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆ

บางทีนะ… บางทีเมื่อก่อนพี่ก้อยอาจจะไม่ได้เป็นคนแบบนี้ พี่กชถึงได้ยกตำแหน่งเพื่อนสนิทให้พี่ก้อยได้ แต่ตอนนี้… บอกตามตรงนะ ผมไม่อยากให้พี่กชเป็นเพื่อนกับพี่ก้อยต่อแล้วล่ะ เพราะนอกจากเขาจะไม่ชอบขี้หน้าผมแล้ว ผมว่าเขาเองก็อาจจะอยากทำร้ายพี่กชด้วยเหมือนกัน

“แกคิดบ้าอะไรของแกอยู่หา! ” เสียงตะโกนที่ดังมาจากอีกห้องตามมาด้วยเสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังขึ้นอย่างแรกทำให้ผมผุดลุกขึ้นพรวด แม่ของพี่กชยกมือขึ้นปิดปากเหมือนตกใจส่วนพี่ก้อยเองก็ดูจะอึ้งไปเหมือนกัน

“อะไรน่ะ” ผมพูดอย่างตกใจ “เสียงเมื่อกี้….”

“อ่า แย่จัง” น้าหวานว่าพร้อมกับยิ้มฝืนๆ “สงสัยคราวนี้จะหนักจริงๆ พ่อกชเขารับเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยได้น่ะ”

“ไม่เป็นไรนะคะ คุณน้า” พี่ก้อยว่า “คือมันก็จริงว่าผู้ชายคบกันอาจจะแปลกๆ แต่กชกับมิวเขาก็รักกันจริงๆ ”

โอ้โห ให้ตาย

ผมไม่ได้มีเพื่อนผู้หญิงเยอะมากมายหรอกนะ แต่ก็พอมีคนที่สนิทระดับหนึ่งอยู่สองสามคน แล้วผมก็แน่ใจว่าเพื่อนผมไม่ได้น่ากลัวเหมือนพี่ก้อย

พี่กชเดินกลับเข้ามาในห้องที่พวกเราสามคนอยู่ หน้าของเจ้าตัวบวมไปแถบเพราะโดนต่อย ผมอ้าปากค้างอย่างตื่นตะลึง ส่วนแม่พี่กชพูดขอตัวเบาๆ แล้วตรงเข้าไปในห้องที่สามีอยู่

“พี่กช---”

“กช! ” พี่ก้อยพูดขัดผมพร้อมกับถลาเข้าไปหาร่างสูงอย่างรวดเร็ว ผมนี่หน้ามืดเลยตอนที่หญิงสาวทำท่าจะเอื้อมมือไปลูบแก้มแฟนตัวเอง หากพี่กชคว้าข้อมือของพี่ก้อยไว้ได้ทัน สายตาของชายหนุ่มแข็งกร้าวจนผมยังนึกหวั่นแทน

“กะ… กช ทำอะไรน่ะ เจ็บนะ” พี่ก้อยว่าอย่างเสียขวัญ คงไม่เคยเห็นพี่กชโกรธขนาดนี้มาก่อน แม้แต่ผมยังตกใจเลย

“สะใจเธอแล้วใช่ไหม”

ผมอ้าปากค้าง แต่พี่ก้อยน่าจะช็อกหนักกว่าเพราะถึงกับพูดอะไรไม่ออก

“เธอรู้ไหมว่าที่ผ่านมาฉันคิดยังไง” เขาออกแรงบีบข้อมืออีกฝ่ายแน่นขึ้นจนพี่ก้อยครวญ “ฉันเห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเรา เห็นแก่ไอ้บอสที่ขอให้ฉันยังรักษาความเป็นเพื่อนกับเธอเอาไว้ เธอไม่รู้หรอกว่าเรื่องคราวก่อนที่เธอเอาเรื่องฉันกับมิวไปพูดเสียๆ หายๆ นั่นทำให้ฉันโกรธแค่ไหน แต่ฉันก็ยอมปล่อยผ่าน… เห็นแก่ความสัมพันธ์ดีๆ ที่เราเคยมีด้วยกันมา แต่ตอนนี้…”

เขาปล่อยข้อมือพี่ก้อยลงอย่างหัวเสีย

“เธอไม่ได้อยากเป็นเพื่อนฉันอีกแล้วล่ะ ก้อย ฉันเองก็เหมือนกัน ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว เธอไม่ชอบเรื่องที่ฉันคบกับมิว เรื่องนั้นฉันรู้มาแต่แรก ฉันก็พยายามจะมองข้ามเรื่องนั้น แต่ตอนนี้เธอไม่ได้แค่ไม่ชอบ แต่เธอพยายามจะทำลายมัน… ทำลายความสัมพันธ์ของฉันกับแฟนฉัน จริงๆ แล้วเธอเองอาจจะพยายามทำลายมาตั้งแต่คราวก่อนที่โพสท์ลงเฟซบุ๊คแล้วก็ได้ แต่ฉันดันโง่คิดว่าเธอจะกลับตัวได้ คิดว่าที่เธอทำไปนั่นแค่อารมณ์ชั่ววูบ แต่ตอนนี้มันชัดมากพอแล้วว่าเธอพยายามจะทำลายฉันขนาดไหน” พี่กชหันมาดึงแขนผม “ไปกันเถอะมิว พี่ว่าอยู่นี่ก็ไม่มีอะไรดีแล้ว”

“เดี๋ยว! ” พี่ก้อยรั้งชายเสื้อพี่กชไว้ สีหน้าแตกตื่นเหมือนคนเสียขวัญเต็มที่ “กช เราไม่ได้ตั้งใจ… ไม่คิดว่าคุณลุงจะ---”

“แต่เธอก็รู้อยู่ว่าพ่อฉันเป็นคนยังไง” พี่กชปัดมือพี่ก้อยออก สีหน้าและแววตาเย็นชาจนผมยังนึกหวั่นใจแทนพี่ก้อยเลย “ไม่สิ ฟังนะ มันไม่เกี่ยวหรอกว่าพ่อฉันจะเป็นคนยังไง แต่มันอยู่ที่เธอนั่นแหละ นี่มันเรื่องของฉันกับมิว เรื่องของครอบครัวฉัน ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับเธอเลย แต่เธอดันสอดมือเข้ามายุ่ง ถามจริงๆ เหอะ มันใช่เรื่องไหม”

“กช! ” พี่ก้อยสะดุ้ง ผมเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน พี่กชบีบมือผมแน่นขึ้นเหมือนกลัวว่าผมจะหนีหายไปไหน

“ยังไงซะฉันตั้งใจจะพูดเรื่องนี้กับพ่อแม่อยู่แล้ว อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะค่อยๆ คุย แต่เธอมาทำงี้ก็ไม่ต่างจากทำลายกันหรอก ขอบอกเลยนะว่าผิดหวังว่ะ เสียดายความเป็นเพื่อนของเรา แต่ฉันว่าเธอคงไม่เห็นค่ามันแล้วล่ะ เพราะงั้นต่อให้ฉันจะอยากรักษามันไว้ก็ไม่มีประโยชน์ ขอบใจนะก้อย ขอบใจมากเลยที่ทำให้ฉันรู้วันนี้”

“เดี๋ยว กช! ” พี่ก้อยตะโกน เหมือนเจ้าหล่อนจะถึงขีดจำกัดแล้วเหมือนกันเพราะน้ำตาเริ่มคลออยู่ที่เบ้า “ก็เราบอกแล้วว่าเราไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ เราไม่คิดว่าคุณลุงจะทำแบบนี้กับนาย เราแค่อยาก… อยากให้นายรู้สึกตัวว่าความสัมพันธ์ของนายกับน้องมิวน่ะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับได้หรอกนะ นายก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ ขนาดพ่อของนาย---”

“โว้ย! ” พี่กชทุบกำปั้นลงกับผนัง เสียงดังปึ้งนั่นทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว ดีนะที่นั่นเป็นผนังคอนกรีต ไม่งั้นคงได้เป็นรูแน่ๆ “ฉันไม่สนหรอกว่าเธอจะพูดยังไงหรือคิดยังไง แต่ถ้าเธอพูดแบบนั้นต่อหน้ามิวอีกล่ะก็… ฉันจะไม่ให้ยกโทษให้แน่”

“กช…”

“ไปกันเถอะ” เขาพาผมออกมานอกพื้นที่สำนักงานจนได้ พนักงานหลายคนหันมามองอย่างงงวยเพราะเสียงเอะอะเมื่อครู่ไม่เบาเลย แถมยิ่งเห็นสภาพลูกชายเจ้านายตัวเองหน้าบวมไปแถบ ลุงหัวหน้าคนหนึ่งก็ตรงเข้ามาอย่างเป็นห่วง

“น้องกชครับ เป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย ทำไมหน้า---”

“แค่ปัญหาในครอบครัวนิดหน่อยครับพี่” พี่กชตอบยิ้มๆ “ไว้รออารมณ์เย็นกันกว่านี้ผมจะไปคุยกับพ่อใหม่ ขอโทษที่ทำให้ตกใจกันนะครับ ทำงานต่อเถอะ”

แล้วพี่กชก็เดินลิ่วๆ ไปที่รถ ไม่สนหลายๆ คนที่อาสาจะช่วยปฐมพยาบาลให้

ทันทีที่ประตูรถปิดลงผมก็เริ่มสำรวจใบหน้าของแฟนตัวเองทันที เห็นเลือดที่มุมปากเล็กน้อย ผมรีบหาทิชชู่มาซับเลือดตรงนั้นอย่างเบามือ พี่กชหัวเราะออกมาเล็กน้อยทำให้ผมต้องขมวดคิ้วมุ่น

“ขำอะไรของพี่เนี่ย”

“ก็วันก่อนพี่ต้องนั่งทำแผลให้มิว” เขาว่าพร้อมกับปิดเปลือกตาลง “แต่วันนี้มิวต้องมานั่งเช็ดเลือดให้พี่แทน”

“นั่นสินะครับ” ผมยิ้มเพื่อคลายความตึงเครียดจากเหตุการณ์เมื่อครู่บ้าง “วันก่อนผมก็โดนต่อย วันนี้กลายเป็นพี่โดนต่อยแทน”

“สลับๆ กันเนอะ”

“ดีแล้วนี่ครับ เราจะได้ผลัดกันปลอบไง”

เขาลืมตาขึ้นมาอย่างอ่อนล้า นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นจ้องมองผมอย่างลึกซึ้ง พี่กชเลื่อนนิ้วมาเกลี่ยผมที่แก้มแผ่วเบา

“แต่พี่ไม่เจ็บเท่ามิวหรอก ตอนนั้นมิวโดนรุมยำซะเละเลยนี่”

ผมมองเขาตอบนิ่ง รู้ดีว่าพี่กชเจ็บมากแน่ในเมื่อคนที่ต่อยเขาคือพ่อของเขาเอง

“พี่ต้องประคบเย็นนะครับ” ผมว่า “ไม่งั้นจะบวมอยู่อย่างนี้ เราไปหาซื้อน้ำแข็งกันหน่อยดีไหม พี่ขับไปเซเว่นหรือแวะปั๊มหน่อย”

“ได้สิ” เขาว่า แต่กลับเอนหลังไปพิงกับเบาะพร้อมกับยกแขนก่ายหน้าผากแล้วหลับตาลง “แต่ขอพักแป๊บหนึ่งนะ ทำใจก่อน”

ผมเอื้อมมือไปบีบมืออีกข้างของเขา “ได้สิพี่ ถ้าอยากพักก็พักเถอะ”

“ก้อยเคยพูดจาแบบนั้นใส่มิวไหม”

ผมเงียบไป

“เคยใช่รึเปล่า”

“ก็… ครับ ใช่ จริงๆ ก็เคย”

“แบบต่อหน้าตรงๆ หรือทางเน็ต”

ผมสัญญากับเขาไปแล้วว่าจะไม่ปิดบังอะไร “ต่อหน้าตรงๆ ครับ”

“เมื่อไหร่”

“อืม… ผ่านมานานแล้วเหมือนกันนะ เดือนที่แล้วมั้ง วันนั้นพี่กชมีนัดกับพวกพี่บอส”

“เจอก้อยที่ไหน”

“ตลาดนัดที่เลยหอเราไปอีกหน่อยน่ะครับ พี่ก้อยมากับเพื่อนอีกสองสามคนมั้ง” ยังจำได้อยู่เลยว่าพี่ก้อยพูดประมาณว่าเผื่อได้เจอพี่กช

“เขาพูดอะไร”

“ก็… อะไรทำนองแบบที่พูดเมื่อกี้ล่ะครับ แบบว่า พี่กชเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงมาก่อนแท้ๆ แบบ… เป็นเชิงว่าพวกเราสองคนไม่ควรคบกัน”

พี่กชเป็นฝ่ายบีบมือผมแน่นคราวนี้ “มิว”

“อะไรครับ”

“พี่ขอโทษนะ”

“พี่จะขอโทษอะไรผมล่ะ” ผมยิ้มออกมาบางๆ

“ทุกอย่างเลย”

“ทำอะไรผิดมาเหรอครับ? ”

“พี่ควรจะปกป้องมิวมากกว่านี้”

ผมเงียบ

“จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้พี่เห็นก้อยโพสท์ลงในเฟซบุ๊คน่ะ แบบ… ด่าเราสองคนแรงอยู่เหมือนกัน แต่ด่ามิวแรงกว่า พี่ควรจะตัดเพื่อนกับก้อยตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่พี่ก็ยังให้โอกาสเขา”

“ก็เขาเป็นเพื่อนสนิทพี่นี่ครับ” ผมว่า “พี่ก็ต้องไม่อยากเสียเขาไปอยู่แล้ว”

“เคยเป็นเพื่อนสนิทต่างหาก” พี่กชแก้ “แล้วตอนนี้ก็ไม่ใช่แล้ว แล้วเอาจริงนะ เขาเองก็ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนพี่อีกแล้วล่ะ ดูจากที่เขาทำวันนี้ก็รู้”

“เขาอาจจะยังชอบพี่กชอยู่ก็ได้นะ”

“งั้นก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่” พี่กชแค่นเสียง “มิว ถ้ามิวชอบใครสักคน มิวจะอยากทำร้ายเขาแบบนี้เหรอ? ”

ผมส่ายหน้ารัวๆ “ไม่มีทางครับ”

“ก็แบบนั้นแหละ”

จากนั้นพวกเราสองคนก็เงียบกันไปครู่ใหญ่ แต่ตอนนี้ผมเริ่มกังวลอาการบวมที่แก้มพี่กชแล้ว เหมือนพี่กชจะรู้ตัว เขาหัวเราะเมื่อเห็นผมกระสับกระส่าย จากนั้นก็หันมาสบตาผมตรงๆ อีกรอบ

“มิว”

“ครับ? ”

“อยู่กับพี่ได้ไหม? ”

ผมมองตาเขาตอบ

“อยู่… ข้างๆ พี่นะ มิว”

ผมรู้ดีว่าคำถามนั้นครอบคลุมมากแค่ไหน เขาไม่ได้ต้องการแค่แฟนที่คบกันเล่นๆ หรือเพื่อบอกคนอื่นๆ ว่ามีคนคนนี้เป็นแฟน แต่เขาต้องการใครสักคนที่จะอยู่เคียงข้างเขาในทุกๆ สถานการณ์ คนที่พร้อมจะให้กำลังใจเขาในวันที่เจอเรื่องหนักๆ คนที่จะยอมสู้ไปพร้อมกับเขาแม้ว่าจะโดนคนรอบตัวหรือแม้แต่คนในครอบครัวตัวเองปฏิเสธความสัมพันธ์นี้

ผมบีบมือเขาตอบแน่น

“ผมสัญญาครับพี่กช”

“มิว...”

“ผมจะอยู่ข้างๆ พี่นะ”

และผมหมายความตามนั้นจริงๆ




---------------------------------------------
Talk: ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ :) ขอบคุณสำหรับทุกทุกกำลังใจด้วย >w< รักทุกคนเลย <3
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 26) P.5 [11/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-02-2018 12:35:22
ผิดคิวแล้วล่ะก้อย ล้ำเส้นไปจริง ๆ น่ะล่ะ
พยายามเข้านะพี่กชมิว
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 26) P.5 [11/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-02-2018 12:54:21
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 26) P.5 [11/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 11-02-2018 22:42:51
จริงค่ะ คนไม่ได้เกลียดกันทำแบบนั้นไม่ลงหรอก ต้องอยากเห็นอีกฝ่ายเจ็บปวดเท่านั้นแหละ
มิวววว ได้เวลาดูแลพี่บ้างแล้วนะลูกนะ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะค้าาาา
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 26) P.5 [11/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 12-02-2018 00:33:10
อยากจะมุดจอเข้าไปจัดการยัยก้อยแทนจริงๆเลย ถ้ารู้สึกดีๆต่อกันจริงคงไม่ทำลายชีวิตเขาแบบนี้ :katai1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 26) P.5 [11/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 12-02-2018 03:40:02
โกรธแทนมิวมิวและพี่กชเลย ฮืออ :z3:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 26) P.5 [11/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-02-2018 07:07:35
ยัยก้อยนี่บ้าของแท้เลย
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 26) P.5 [11/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 14-02-2018 18:08:15

บทที่ 27




ผมกลับมาลงคลิปหลังจากที่ใบหน้าบอบช้ำของตัวเองเริ่มกลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้งหนึ่ง แฟนคลับผมหลายๆ คนคอมเม้นท์แสดงความยินดีที่ผมกลับมา บางคนก็บอกรอมานานจนรากงอกเหมือนน้อยอกน้อยใจ แต่โชคดีที่ไม่มีใครสังเกตรอยช้ำบนหน้าผม คงเพราะมันหายดีแทบหมดจดแล้วด้วย

“เอาล่ะนะครับ สวัสดีนะครับ หายหน้ากันไปนานเลย” พูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างให้กล้อง วันนี้พี่กชไม่ได้มาเล่นเกมกับผมด้วย แต่เจ้าตัวก็วนเวียนอยู่ในห้องนี่แหละ “เห็นมีหลายคนทักมาถามหลังไมค์ แวะมาทิ้งข้อความไว้ที่หน้าเพจกันเยอะมาก ถามว่าพี่หายไปไหน ก็ไม่ได้หายไปไหนนะครับ แค่ช่วงก่อนหน้านี้ไม่ค่อยสบาย แล้วก็มีปัญหาชีวิตส่วนตัวนิดหน่อย”

ผมตอบกลางๆ ไป ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่พูดถึงพี่แบงค์หรือช่อง black moon เด็ดขาด ไม่ว่าจะในแง่ไหนก็ตาม ที่ผมจะทำต่อจากนี้คือตัดเขาออกจากสารบบชีวิต ส่วนกับพี่แอมป์ ถ้าพี่เขายังชวนแคสเกมอีกล่ะก็ ผมก็จะเล่นกับเขานั่นแหละ

ผมไม่ได้คิดเกาะพี่แอมป์ดัง และพี่แอมป์ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ ทำไมจะต้องเลิกเล่นเกมกับพี่แอมป์ด้วย

“แต่นี่ผมก็กลับมาแล้วคร้าบ ขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง ขอบคุณมากจริงๆ ที่ถามกันเข้ามา งั้นขอผมแนะนำเกมของวันนี้เลยดีกว่า”

เกมที่ผมเอามาวันนี้เป็นเกมที่สร้างด้วยโปรแกรม RPG Maker เป็นเกมสองมิติที่มีตัวละครเดินไปมาในช่อง ลักษณะเป็นภาพพิกเซลทั้งเกม สิ่งที่ต้องทำในเกมประเภทนี้ก็คือหาของ แก้ปริศนาเพื่อปะติดปะต่อเนื้อเรื่อง ไม่ค่อยต้องใช้ทักษะขยับนิ้วพลิ้วไหวอะไรมากมาย ขอแค่มีหัวคิดก็พอ

ผมรับบทเป็นเด็กสาวผมทองคนหนึ่งที่หลงมาอยู่กลางป่า ระหว่างทางเจ้าหล่อนก็เจอศพและภยันตรายมากมาย อย่าได้ดูถูกภาพพิกเซลงอกง่อยพวกนี้เชียว บทผีมาทีหนึ่งผมนี่สะดุ้งพอๆ กับเกมผีสามมิติเลย ถ้าบรรยากาศเกมกับเนื้อเรื่องบิวด์มาดี อะไรก็น่าตกใจทั้งนั้นแหละครับ

“แฮ่! ”

“เหี้ย! ” ถึงกับอุทานคำหยาบ ก็ใครจะไปคิดล่ะว่าเกมมันจะทะลุมาถึงข้างหูแบบนี้

แต่ไม่ใช่เกมหรอกที่ทำให้ผมเสียขวัญ ไอ้คุณพี่กชต่างหาก!

หน็อย มาตะปบหลังตอนเล่นเกมผีแบบนี้ มันใช่เรื่องไหม!?

“พี่ก๊ช! ”

“ฮ่าๆ ๆ ๆ ดูหน้ามิวมิวดิ โคตรตลก” ไม่พูดเปล่า ยังจะชี้หน้าผมเหมือนสะใจสุดๆ อีก แล้วนั่นไง… พี่กชเอาอีกแล้ว ไอ้ถอดท่อนบนเดินไปเดินมาในห้องเนี่ย ถึงนี่จะเป็นห้องของพวกเรา แต่ผมกำลังอัดคลิปอยู่นะเฮ้ย!

“พี่กช” ผมเอ็ดเสียงดัง “บอกกี่รอบแล้วครับว่าอย่าถอดเสื้อเดินไปมาตอนผมถ่ายวิดีโออยู่ มันดูไม่โปรนะพี่”

“โธ่เอ๊ย ก็เห็นพูดงี้ทุกครั้ง” ว่าพร้อมกับเอื้อมมือมาดึงจมูกผมอย่างมันเขี้ยว “แต่ก็เห็นเอาลงคลิปตลอดเลยนี่ ทั้งๆ ที่ตัดออกก็ได้แท้ๆ บอกมาตรงๆ ดีกว่า จริงๆ ก็ภูมิใจล่ะสิที่แฟนตัวเองหุ่นดีขนาดนี้”

“โหย พี่” ผมแกล้งครวญ “แบ่งความมั่นใจมาให้สักนิดได้ไหมครับ ล้นเหลือจริง”

“แน่นอนสิ” ยังอีก ยังไม่รู้ตัวอีก

ผมแคสเกมต่อจนจบแล้วเริ่มตัดต่อคลิป พอมาย้อนดูแล้วสังเกตหน้าพี่กช รอยช้ำที่อีกฝ่ายโดนพ่อต่อยมายังหลงเหลือให้เห็น ผมผ่อนลมหายใจออกมานิดหนึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่กชเดินมาหลังเก้าอี้แล้วโน้มตัวมากอดจากด้านหลัง ผมลูบแขนเขาเบาๆ

“พี่ยังเจ็บแผลอยู่รึเปล่าครับ”

“หือ? แผลไหน? ” เขาพูดงงๆ “อ้อ ไอ้ที่โดนต่อยมาเนี่ยเหรอ อูย เจ็บสิ ระบมไปหมดเลย”

“ยังอีก ยังจะเป็นเล่นอีก” ผมพูดเสียงดุ พี่กชเลยหัวเราะร่วนพร้อมกับเลื่อนหน้ามาหอมแก้มผมฟอดใหญ่

“ไม่เจ็บแล้วครับคุณแฟน เป็นห่วงด้วยเหรอ น่ารักที่สุด”

“ก็ต้องเป็นห่วงสิครับ” ว่าพร้อมกับถอนหายใจอย่างอัดอั้น “แล้วนี่พี่ได้คุยกับคุณพ่อหรือยังตั้งแต่วันนั้น”

“ยังเลย” ถึงตรงนี้ รอยยิ้มมั่นใจในตัวเองของพี่กชก็ชืดลง “ไม่ได้ติดต่อที่บ้านเลยอะ ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี”

“ปล่อยทิ้งไว้มันยิ่งเรื้อรังนะพี่” ผมพูดอย่างกังวล เห็นปัญหาบ้านพี่กชแล้วชักเริ่มกลัวมาถึงบ้านตัวเอง ผมต้องไปเกริ่นให้พ่อกับแม่รู้เรื่องที่ผมคบกับผู้ชายแล้ว หวังว่าพ่อคงไม่ต่อยผมหรอกนะ

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะลองหาทางคุยดู” พี่กชว่า จะเรียกว่ามองโลกในแง่ดีหรือเรื่อยเฉื่อยเกินไปก็ไม่รู้ “แล้วมิวล่ะ บอกที่บ้านหรือยัง? พ่อแม่ว่าไงบ้าง”

“ผมยังไม่ได้บอกเลยพี่” ผมสารภาพ “แต่พอเจอกรณีบ้านพี่แล้วก็คิดไว้เหมือนกันว่าต้องไปบอก ไม่งั้นถ้ารู้แบบกะทันหันอาจมีการช็อกแบบสายฟ้าฟาด”

“เหมือนบ้านพี่” พูดแล้วก็ลูบแก้มข้างที่โดนต่อยของตัวเอง ผมลูบแก้มเขาบ้างเป็นเชิงปลอบ เท่านั้นแหละ พี่กชซุกหน้าเข้ามาอ้อนที่คอผมเลย

“พี่ จั๊กจี้น่ะ”

“อย่าทิ้งพี่ไปนะมิวมิว”

“โอ๊ย ไม่ทิ้งพี่ ผมสัญญาแล้วไง” พูดพร้อมกับตบบ่าเขาแปะๆ เหมือนพี่กชจะกังวลว่าผมจะไม่อยู่สู้ไปพร้อมเขาเรื่องครอบครัวไม่ยอมรับนี่มาก ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด ผมไม่มีทางยอมเลิกกับเขาด้วยเหตุผลแค่นี้แน่ กับที่บ้านผมเองก็เหมือนกัน “งั้นเดี๋ยวเสาร์อาทิตย์นี้ผมกลับไปนอนบ้านนะ จะได้พูดเกริ่นกับพ่อแล้วก็แม่”

“เฮ้ย เสาร์อาทิตย์เลยเหรอ” รัดผมแน่นขึ้น “ไม่เอานะ มากเกินไปแล้ว วันเดียวได้ไหมล่ะ”

“โอย พี่ มันเดินทางลำบากไหมเล่า” ให้ตายเถอะ พี่กชนี่ บทจะทำตัวเป็นเด็กก็โคตรจะเด็กเลย



และเมื่อถึงเวลาที่ผมได้มาอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวจริงๆ …

“นี่ มอส ไปหยิบซอสมะเขือเทศให้แม่หน่อยลูก มิว กินอีกหน่อยสิ ทำไมตักไปน้อยแค่นั้นแล้วจะโตไหมฮะ” นี่คุณนายธีรตา

“คุณ ลูกมันโตจนหยุดโตไปแล้ว จะไปอะไรกับมันนัก มิว แล้วช่วงนี้ที่มหาลัยเป็นไง ยุ่งเหรอลูก เห็นไม่ค่อยกลับบ้านเลย” นี่คุณพ่อ

“อะ แม่ นี่ซอส” มอสเดินกลับมาหลังจากผลุบไปในครัว น้องสาวผมทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ พร้อมกับก้มหน้าเล่นมือถือ ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดพลาดเวลารับประทานอาหารกับครอบครัว

“มอส แม่บอกกี่รอบแล้วว่าอย่าเล่นมือถือไปด้วยกินข้าวไปด้วยน่ะ”

“มิว ตกลงยังไง แล้วปิดเทอมอีกทีเมื่อไหร่ อ่านหนังสือเตรียมตัวรึยัง”

โอย แยกประสาทตามไม่ทันแล้วครับ ผมควรต้องตอบพ่อก่อนใช่ไหม

“ผมก็อ่านเรื่อยๆ แหละพ่อ เออ นี่ พ่อฮะ แม่ฮะ ผมมีเรื่องอยากปรึกษา”

เปิดประเด็นจริงจังขึ้นมาแต่ทุกคนก็ยังดูไม่ตื่นเต้นหรือมีปฏิกิริยาอะไรมากมายเท่าไร ส่วนไอ้มอสก็ยังนั่งเล่นมือถือตามเดิม สมแล้วจริงๆ ครอบครัวผมนี่เหมือนเดิม

“ว่าไงลูก เรื่องเรียนรึเปล่า”

“แหม แล้วคุณจะช่วยลูกได้เหรอคะถ้ามิวถามเรื่องเรียนขึ้นมา”

“เออ นั่นสิ พ่อก็ไม่ได้ภาษาญี่ปุ่นซะด้วย”

“แม่ ส่งน้ำให้มอสหน่อย”

โอย ปวดหัว จะได้เข้าเรื่องไหม

“คือ…” ผมพยายามดึงบทสนทนามาจริงจังอีกครั้ง “พ่อกับแม่… คิดยังไงกับการที่ผู้ชายจะคบกับผู้ชายเหรอครับ”

“หืม” แม่ผมยังตักผัดผักเข้าปากอย่างไม่ทุกข์ร้อน พ่อเองก็ตักไข่เจียวเพิ่มใส่จานตัวเองแล้ว ยังหรอก มันยังไม่ถึงจุดพีค “ก็เฉยๆ นะลูก ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนก็โอเค”

“นั่นสิ” พ่อผสมโรงตาม “ขนาดมิวยังคบอยู่กับผู้ชายเลย ไม่เห็นจะเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นตรงไหน”

“จริง” มอสว่าต่อ แต่ตอนนี้ช้อนส้อมในมือผมไปนอนอยู่บนจานล่ะ ผมอ้าปากค้างกับสิ่งที่เพิ่งทะลุเข้ามาในโสตประสาทของตัวเอง

“ฮะ? เดี๋ยว อะไรนะ เมื่อกี้พ่อ…”

อ้าว ฉิบหาย ตอนแรกผมคิดว่าจะทำให้พ่อกับแม่ตกใจหรือถึงขั้นช็อกตอนที่ได้รู้เรื่องที่ผมคบกับพี่กช กลับกลายเป็นว่าผมเป็นฝ่ายช็อกเสียแทนที่พ่อกับแม่ทำท่าเหมือนรู้อยู่แล้ว… แถมไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรกับเขาด้วยเลยนะ!

“อ้าว” แม่กคิ้วอย่างแปลกใจ คงพอจับปฏิกิริยาของผมได้ “เป็นความลับหรอกเหรอลูก”

เดี๋ยวนะ…

“วู้ จะเป็นความล้งความลับทำไม” พ่อว่าพร้อมกับส่ายหน้าเหมือนเอือมระอา “สมัยนี้แล้วเนี่ยนะ เขาก็เปิดรับเพศที่สามที่สี่กันทั้งนั้นแหละ ไม่เห็นเหรอ กฎหมายที่คนเพศเดียวกันแต่งงานกันได้ของต่างประเทศน่ะ เยอะแยะ จะไปกลัวหรือกังวลทำไม”

“อ้าว คุณ ลูกจะกังวลก็ปกติไหม แต่มิวไม่ต้องเครียดไปนะลูก ยังไงพ่อกับแม่ก็เข้าใจมิวนะ”

ผมหันไปมองไอ้มอสทันที “มอสบอกใช่ไหม”

ในที่สุดน้องสาวผมก็ละหน้าออกจากหน้าจอจนได้ แถมยังมองผมตาแป๋วอย่างน่าถีบอีก

“อ้าว มอสบอกพ่อกับแม่ไม่ได้เหรอ ใครๆ ก็รู้กันทั้งนั้นว่าพี่กชกับพี่มิวคบกัน จะปิดพ่อแม่ไปทำไม”

“เออ ใช่ เล่นประกาศตัวในคลิปแบบนั้น ยังไงก็เพลาๆ ลงบ้างนะลูก” คุณนายธีรตารีบว่าด้วยน้ำเสียงของคนเป็นแม่ทันที “ถึงเราจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่คนอื่นมองเข้ามันจะดูไม่ดี รักนวลสงวนตัวบ้าง”

ฮะ?

แบบนี้ก็ได้เหรอ!?

“ลูกเป็นผู้ชายนะคุณ” พ่อผมว่าพร้อมกับตักข้าวเข้าอีกคำ “พูดแบบนั้นมันไม่ฟังดูแปลกไปหน่อยรึไง”

“ก็นั่นแหละค่ะ” ว่าพร้อมกับเชิดหน้านิดๆ “จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่ควรให้มันเกินงาม แล้วพี่กชดูแลลูกดีรึเปล่าล่ะมิว วันหลังก็ชวนเขามากินข้าวที่บ้านอีกสิ รอบนี้แม่ยังแปลกใจที่ลูกไม่ชวนพี่เขามาด้วย”

“เอ๊ะ คุณนี่ยังไง” พ่อผมเอ็ด “ก็ลูกบอกไปแล้วว่าพี่กชไม่ว่างไม่ใช่เหรอ”

“โห” มอสเงยหน้าขึ้นมาตีสีหน้าแหยๆ “พ่ออย่าเรียกพี่กชว่าพี่กชเลย อายุนี่ห่างกับเขาไปกี่รอบ”

“อ้าว ก็เห็นมอสกับมิวเรียก พ่อก็เรียกตามไง”

ครอบครัวสุขสันต์… อย่างน้อยก็เบาใจได้แล้วว่าพ่อไม่ต่อยผม





หลังจบมื้อเย็น ผมตรงเข้าไปนั่งเล่นนอนเล่นในห้องของตัวเองอยู่พักใหญ่ หลังจากอาบน้ำเสร็จสรรพผมก็แวะเข้าไปในห้องนอนของพ่อกับแม่ ตอนนี้พ่อไปอาบน้ำเลยมีแม่ที่แต่งชุดเตรียมนอนแล้วอยู่คนเดียว แม่กำลังนั่งจิ้มไอแพดเล่นเกมไพ่อยู่ และเมื่อผมนั่งลงข้างๆ แม่ก็เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้แล้วดึงผมไปกอดแนบตัว

“ไหน เป็นไงบ้างลูก หายหน้าหายตาไม่กลับบ้านมานาน มหาลัยยุ่งมากเหรอครับ”

“เอ่อ เปล่าครับ ก็ไม่ยุ่งขนาดนั้น” แม่พูดทีนี่ทำเอาความรู้สึกผิดพวยพุ่งเลย “ขอโทษนะครับ ไว้ผมจะหาเวลากลับมาให้มากขึ้น”

“ดีแล้ว ว่างๆ ก็ช่วยน้องติวหนังสือหน่อย มอสจะสอบเข้ามหาลัยอยู่แล้วยังไม่รู้จะเป็นไงเลย”

“มันน่าจะทำได้แหละแม่” น้องสาวผมถึงจะเฮี้ยวไปหน่อย ดูไม่ตั้งใจเรียนไปบ้าง แต่จริงๆ แล้วมันเป็นคนหัวดี ถ้าใส่ใจสักนิดก็ไม่มีปัญหาหรอก “มอสมันฉลาด แล้วเวลาที่มันอยากให้ผมช่วยอะไรมันก็ทักมาเองแหละ”

“เฮ้อ กลัวแต่น้องจะไม่มีที่เรียนน่ะสิ”

“มีอยู่แล้วแม่ ไม่ต้องกลัวหรอก” กลัวว่าเข้าไปเรียนแล้วจะจบไหมดีกว่า ฮ่าๆ ๆ

แม่ผมก้มหน้าเล่นเกมต่ออีกครู่หนึ่งโดยที่ผมยังเอียงคอซบบ่า ชั่งใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเปิดปาก

“จริงๆ แล้วผมแปลกใจมากเลยนะที่พ่อกับแม่ไม่ว่าอะไรเรื่องที่ผมคบกับพี่กช”

“อ้อ” แม่เลื่อนไพ่ใบหนึ่งไปไว้ในกอง “จะว่าทำไมล่ะ”

“ไม่รู้สิครับ” ผมว่า “ก็แบบ… เผื่อแม่ไม่ชอบเกย์หรือไม่อยากให้ลูกเป็นเกย์ไรงี้ไง”

“แม่ไม่คิดอะไรหรอก” พูดพร้อมกับเอื้อมมือมาลูบหัวผมทีหนึ่ง “ขอแค่มิวตั้งใจเรียน ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี เป็นคนดีก็พอแล้ว ส่วนเรื่องจะรักใครชอบใคร ถ้าคนนั้นไม่ทำร้ายมิว แม่ก็โอเคทั้งนั้น”

โอย แล้วแบบนี้ผมจะไม่รักแม่ตัวเองไหวเหรอครับ ว่าแล้วก็ขอกอดแม่แรงๆ ที

“เออ แม่”

“หืม? ”

“จริงๆ แล้วที่ผมกลัวว่าพ่อกับแม่จะรับไม่ได้น่ะ เพราะทางบ้านพี่กชไม่ยอมรับแหละ”

แม่ผมเงยหน้าขึ้นมาจากจอแล้วสบตาผมตรงๆ อย่างตั้งใจฟัง

“คือเหมือนพ่อพี่กชน่าจะเคร่งพอสมควร” ผมอธิบาย “พอเขารู้ว่าพี่กชคบกับผู้ชายอยู่นะ เขาเรียกพี่กชเข้าไปคุยเป็นการส่วนตัวเลย แบบไม่ให้ใครเห็น”

“แล้วเป็นไง”

“เป็นไงล่ะ” คิดถึงตรงนี้ผมก็ตีหน้าสยอง “พี่กชกลับมาอีกทีหน้าบวมไปข้าง โดนพ่อเขาต่อย”

“โอ๊ย ตายแล้ว”

“อือ ใช่ ผมก็เลยกลัวว่าแม่กับพ่อจะไม่ยอมรับเหมือนกันไง”

“แล้วนี่พี่กชเป็นยังไงบ้างล่ะลูก หายดีหรือยัง”

ผมพยักหน้า “ดีขึ้นเยอะแล้วครับ” ทั้งนี้ทั้งนั้นพ่อกับแม่ไม่รู้เรื่องที่ผมโดนรุมยำจากพวกพี่แบงค์มาคราวก่อนหรอกนะ เพราะผมอยู่หอตลอดจนกว่าจะหายดีเลย ไม่อยากให้ทั้งสองคนกังวล

“แล้วเขาไปคุยกับพ่อแม่เขาดีๆ หรือยัง”

“รู้สึกจะยังเลยครับเนี่ย” ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ผมเองก็กลุ้มใจเหมือนกัน ไม่รู้จะทำยังไงดี”

“บางทีเรื่องแบบนี้มันก็พูดยากนะลูก คนที่เขาหัวแข็ง ไม่ยอมรับมาก่อน อยู่ๆ ให้มาเจอว่าลูกตัวเองเป็นก็อาจจะช็อกจนรับไม่ได้”

“แล้วควรทำยังไงเหรอครับ”

แม่ผมนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง “ก็คงต้องรอไปคุยกันตอนอารมณ์เย็นๆ นั่นแหละ”

“แม่ว่ามันจะได้ผลเหรอ”

“อาจจะได้หรือไม่ได้” พูดพร้อมกับดึงผมไปกอดอีกรอบ ผมชอบเวลาแม่ลูบหัวแบบนี้ที่สุดเลย “แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ อีกอย่าง… ลูกชายแม่ก็ไม่ใช่เด็กเกเรอะไร ถึงจะเป็นผู้ชายทั้งคู่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน บางทีวันนี้เขาอาจจะไม่เข้าใจ แต่ถ้ามิวกับพี่กชหนักแน่น พิสูจน์ให้เขาเห็นว่าพวกลูกรักกันจริงๆ แม่ว่าเขาก็คงทำใจยอมรับได้เอง”

ผมหัวเราะออกมานิดหนึ่ง “ใช้คำว่าทำใจเลยเหรอครับ”

“อ้าว จะไปรู้เหรอ” คุณนายยักไหล่หนึ่งที “ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับคน แต่ถ้ามิวตัดสินใจว่าจะคบกับรุ่นพี่คนนี้ก็ต้องสู้ไปพร้อมกับเขาใช่ไหม”

เรื่องนั้นต่อให้แม่ไม่บอก ผมก็คิดจะทำแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ







บรรยากาศทางฝั่งครอบครัวของพี่กชดีขึ้นมานิดหน่อยเพราะพี่กชกลับไปนอนบ้านช่วงสุดสัปดาห์ที่ผมกลับบ้านเหมือนกันนี่แหละ

พี่กชเล่าให้ฟังว่าแม่กับน้องชายเขาไม่มีปัญหาอะไร แต่พ่อไม่ยอมพูดเรื่องนี้กับพี่กชเลยแม่แต่คำเดียว คือถ้าพี่กชไปชวนคุยเรื่องอื่นก็ยังตอบปกติ แต่เหมือนจะยังไม่ยอมรับเรื่องที่พวกเราสองคนคบกันอยู่

“คงต้องใช้เวลาแหละ” พี่กชพูดเหมือนปลง “อาจจะนานหน่อย แต่พี่เชื่อว่าสักวันพ่อคงเข้าใจแหละ มิวไม่ต้องคิดมากนะ เราทำดีที่สุดของเราก็พอ เดี๋ยวไว้มีโอกาสพี่พาไปที่บ้านอีก”

“ถ้าพ่อพี่โอเคผมก็โอเครับ”

“ก็คงไม่โอเคหรอก” พี่กชยอมรับพร้อมกับยิ้มชืดๆ “แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรให้เขาเห็น เขาก็คงไม่เข้าใจ”

ก็ฟังดูมีประเด็น

แต่วันนี้ทั้งวันผมไม่ค่อยได้กังวลเรื่องที่บ้านพี่กชไม่ยอมรับเท่าไรหรอกครับ มัวแต่เครียดเรื่องเรียนอยู่ สอบใหญ่กำลังจะมาอีกครั้งในไม่ช้า และคันจิมหาศาลก็กำลังรอผมอยู่ ผมต้องตั้งใจทบทวนให้ดี ผมแอบหวังเกียรตินิยมอยู่นิดๆ น่ะ ไม่ใช่อะไร คือมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดที่ต้องเอามาให้ได้อะไรแบบนั้นหรอกนะ แต่ถ้าได้ก็คงดี อะไรแบบนั้น

และเพราะมัวแต่ใจลอยคิดว่าต้องเตรียมอ่านอะไรบ้างนี่แหละ ผมถึงได้ไม่รู้ตัวเลยตอนที่มีใครบางคนเรียก วิ่งเข้ามาหา จนมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้านี่

“เฮ้ย ไอ้แว่น! ” เรียกพร้อมกับดีดนิ้วดังเปาะ ผมสะดุ้งแรงๆ เมื่อเห็นพี่บอสปรากฏตัวอยู่ต่อหน้า แถมยังมีสีหน้าหงุดหงิดไม่สบอารมณ์ “นอกจากตาจะไม่ดีแล้วหูยังมีปัญหาอีกเหรอ เรียกตั้งนานทำไมไม่ตอบ”

“พะ… พี่บอส” ผมยิ้มแหยให้เขา กระชับกระเป๋าในอ้อมแขนมากขึ้นราวกับจะใช้มันเป็นเกราะป้องกัน “มะ… มีธุระอะไรเหรอครับ? ”

“มัวเหม่ออะไร ทำไมไม่ตอบ”

แง ป๋มขอโต้ด

“ขอโทษครับ คือ… คิดเรื่องเรียน---”

“เออ ช่างเหอะ” อ้าว แล้วจะถามทำไมวะ “แล้วนี่ไอ้กชไปไหนเสียล่ะ ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอ”

“พี่กชมีเรียนที่อีกตึกน่ะครับ” ซึ่งตึกที่ว่าก็อยู่ไกลขนาดต้องขี่รถมอไซค์เลยด้วย “พี่บอสตามหาพี่กชอยู่เหรอ? ลองโทรดูหรือยังครับ ให้ผมโทรไหม”

“เปล่า” เขาว่า ถอนหายใจยาวเหมือนอัดอั้นอะไรบางอย่าง “หลังจากนี้พอมีเวลาไหม แบบ ยาวไปถึงค่ำๆ เลยอ่ะ”

“อื๊อ? ” ผมเลิกคิ้วก่อนจะส่ายหน้า “ก็… ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษนะครับ”

“ไม่ได้นัดไอ้กชด้วยใช่ไหม? ”

“เปล่าครับ ไม่ได้นัด”

“ดีล่ะ” เขาคว้าข้อมือผมอย่างรวดเร็วโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว “งั้นไปกินข้าวกัน เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”

“หา? ”

“เถอะน่า ไม่ได้มีอะไรไม่ใช่หรือไง” ท่าทางเขาดูลุกลี้ลุกลนชอบกล แต่ผมว่าตัวผมเองน่าจะอาการหนักกว่านะ “มาเร็ว เดี๋ยวซ้อนท้ายพี่ไป ไปนั่งห้างกันดีกว่า”

“เอ๊ะ เอ่อ แต่...” คือถามผมสักคำไหมว่าผมอยากไปกินข้าวด้วยไหมน่ะ

“อ้อ ใช่” เหมือนรู้ความคิด พี่บอสหันกลับมาจ้องตาผมอย่างจริงจัง “ห้ามบอกไอ้กชนะ ถือว่าพี่ขอ”

เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนดิ…

พี่จะพูดเองเออเองแบบนี้ไม่ได้นะเฮ้ย!





------------------------------------------------------
Talk: รู้ตัวอีกทีก็ใกล้จะจบแล้ว>.< ฝากทุกคนติดตามกันจนถึงบทสุดท้ายเลยน้าาา
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 27) P.6 [14/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-02-2018 20:08:06
สงสัยน้องมังกรจะเผยตัว
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 27) P.6 [14/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 14-02-2018 20:14:24
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 27) P.6 [14/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 14-02-2018 21:11:12
จะตามพี่กชกะน้องมิวจนถึงตอนสุดท้ายนะ

อย่างน้อยครึ่งนึงคือครอบครัวมิวก้อผ่านไปได้ด้วยดีละ

 :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:

..

.

.
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 27) P.6 [14/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-02-2018 21:47:42
นิมิตหมายดีดี
เอาใจช่วยน้องๆนะ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 27) P.6 [14/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-02-2018 22:14:26
กชมิวสู้ๆนะ เอาชนะใจพ่อให้ได้
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 27) P.6 [14/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 15-02-2018 03:28:36
ชอบความอ้อนของพี่กชมากอ้ะ น่ารักกก มิวก็น่ารักกก
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 27) P.6 [14/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 17-02-2018 11:43:38

บทที่ 28




ผมไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้ยังไง

สถานการณ์ที่ต้องมานั่งกินข้าวสองต่อสองกับผู้ชายที่ตัวเองรู้สึกไม่ถูกชะตาด้วยสุดๆ ในขณะที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ดูดำดูดีหรือกระตือรือร้นที่จะคุยอะไรกับผม

พี่บอสนั่งจิ้มมือถือพร้อมกับตักข้าวเข้าปากหนึ่งคำ ผมเองก็เริ่มลงมือกินอาหารในจานของตัวเองบ้าง คือจะบอกว่าร้านที่พี่บอสพามาบรรยากาศดี อาหารหรู ราคาสูง แล้วโต๊ะที่แบ่งก็เป็นสัดส่วนกว้างขวาง เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้แก่ลูกค้าเป็นอย่างมาก

แต่ถึงทุกอย่างจะดูดีไปหมด ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าพี่บอสต้องการอะไร ยิ่งเจ้าตัวเอาแต่เล่นโทรศัพท์ด้วยแบบนี้ผมก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงถูก

จริงสิ เกือบลืมแน่ะ ผมต้องบอกพี่กชว่าอยู่กับพี่บอส ปกติเราตัวติดกันเวลาที่มีเวลาว่างตรงกัน ถึงพี่บอสจะขอไม่ให้ผมบอกพี่กชก็เถอะ แต่ผมเป็นแฟนพี่กชนี่นา แล้วการทำให้แฟนตัวเองเป็นห่วงมันคงไม่ดีใช่ไหม

ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาบ้าง… นั่นไง ยังไม่ทันขาดคำเลย พี่กชส่งข้อความมาหาผมก่อนแล้วจริงๆ ด้วย ก็เป็นเรื่องปกติล่ะนะ





KOCH: มิว อยู่ไหน เลิกเรียนยัง





ผมจิ้มแป้นพิมพ์บนหน้าจอพร้อมกับชำเลืองมองพี่บอสไปด้วยอย่างเกรงๆ





Mewミュウミュウ★: เลิกนานแล้วพี่ แต่นี่โดนลากออกมากินข้าวด้วย

KOCH: อ้าว?

KOCH: ไปกินข้าวกับเพื่อนเหรอ

KOCH: ทิ้งกันเลยนะ

KOCH: แล้วเพื่อนคนไหนน่ะ นั่นแน่ะ แอบไปกินกับผช. สองต่อสองหรือเปล่า

KOCH: แอบมีกิ๊กเหรอเรา





นั่น ยังจะมาแซว





Mewミュウミュウ★: อือ ใช่

Mewミュウミュウ★: ผมมากินข้าวกับผู้ชายสองต่อสองล่ะ





แซวดีนัก สนองให้ซะเลย

KOCH: เฮ้ย!

KOCH: ใครอ่ะ? กับเก่งเหรอ?

KOCH: หรือว่าแนท





สัมผัสได้ถึงความร้อนรนของคนถามจริงๆ ผมจึงตัดสินใจบอกตามตรง





Mewミュウミュウ★: เปล่าพี่

Mewミュウミュウ★: พี่บอสลากผมมากินข้าวด้วยอ้ะ

Mewミュウミュウ★: ผมเองก็ยังงงๆ





“มิว” เสียงเรียกจากคนฝั่งตรงข้ามทำให้ผมรีบกดพักหน้าจอแล้วยัดมือถือใส่กระเป๋ากางเกง ฉิบหาย ตกใจหมด พี่บอสเพิ่งบอกไม่ให้ผมติดต่อพี่กชไง พอแกเรียกตอนผมกำลังคุยกับพี่กชงี้ก็มีสะดุ้งสิครับ “ตกใจอะไรของนายน่ะ”

“เอ่อ เปล่าครับ พอดีผมแค่เหม่อๆ ”

“อืม” เขาพูดสั้นๆ เงียบไปอีกครู่หนึ่งหลังจากเสหน้าออกไปมองอีกฝั่ง ท่าทางเหมือนลำบากใจ

ผมรู้สึกไม่ดีเลย… คือปกติแค่ต้องอยู่กับพี่บอสพร้อมหน้าพร้อมตากับคนอื่นก็อึดอัดแล้วไง แล้วนี่ต้องมาอยู่กับเขาสองคน แถมยังเป็นสถานการณ์ที่เหมือนเขาจะไม่ได้อยากมาอยู่ด้วย

ไม่เข้าใจ… แล้วจะลากผมออกมากินข้าวด้วยทำไม ถึงจะดีใจที่เจ้าตัวบอกจะเลี้ยงก็เถอะ

“ขอโทษ”

ผมอ้าปากค้างอย่างไม่รู้ตัว “หา? ”

“ก็บอกว่าขอโทษไงเล่า” เพื่อนรุ่นพี่เริ่มยกมือขึ้นมาปิดหน้าที่ขึ้นสีเล็กน้อยของตัวเอง เหมือนเขากำลังอายอยู่อย่างนั้นแหละ

“อะไรนะครับ? ”

พี่บอสตวัดสายตาคมกริบกลับมามอง “นี่หูหนวกรึไง”

“เอ่อ ไม่… ผมหมายถึง” ผมรีบยกสองมือขึ้นมาเป็นเกราะป้องกันตัวเอง วูบหนึ่งผมนึกกลัวว่าไปพี่บอสอาจจะต่อยผมเหมือนที่พี่แบงค์เคยทำคราวนั้น คือมันยังหลอนจนถึงทุกวันนี้อยู่เลย “ผมแค่งงว่าพี่ขอโทษเรื่องอะไร”

“ก็ขอโทษที่เคยพูดจาไม่ดีใส่นายไง” พูดพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ หากน้ำเสียงอ่อนลงและบ่งบอกถึงความจริงใจมากขึ้น “ขอโทษนะ”

“เอ่อ…” ผมอ้ำอึ้ง เจอแบบนี้ถึงกับไปไม่เป็น แต่ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรเขามาแต่แรกน่ะนะ อาจจะมีอึดอัดบ้างก็จริงแต่ไม่ได้โกรธ “ไม่เป็นไรครับ มันก็ผ่านไปแล้ว”

“คือ… จะว่ายังไงดีล่ะ” ชายหนุ่มยกมือเกาหลังคออย่างคนไม่คุ้นชินกับสถานการณ์แบบนี้ “พี่น่ะ อาจจะปากหมาไปหน่อย แล้วก็พูดจาทำร้ายจิตใจมิวไปหลายทีโดยที่ไม่ทันคิด ไม่ทันรู้ตัว แต่ต่อจากนี้ไปจะพยายามระวังให้มากขึ้นนะ”

ผมยังคงอึ้ง นี่เกิดอะไรขึ้นกับพี่บอสคนนั้นกันแน่เนี่ย? ก็ปกติดูพี่แกขวางโลก แถมไม่ได้สนใจอะไร

“แต่ก็นั่นแหละ ไม่รับปากหรอก” ว่าแล้วพี่บอสคนเดิมก็กลับมาอย่างรวดเร็ว มือเลื่อนมาจับตะเกียบเตรียมจะจัดการอาหารตรงหน้าต่อ “เอาเป็นว่าที่อยากจะบอกคือ… ถ้าพี่พูดจาอะไรไม่ดีใส่ก็อย่าไปคิดมาก ไม่ได้ตั้งใจทำให้มิวรู้สึกแย่หรอก แต่ยังไงก็จะพยายามระวังแล้วกัน เข้าใจที่พูดแล้วนะ? ”

“ครับ” ท่าทางกับน้ำเสียงที่ดูดุขึ้นมาเล็กน้อยทำให้ผมต้องรีบพยักหน้าหงึก

“เข้าใจแล้วก็รีบกิน” ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า แต่เหมือนพี่บอสจะดูผ่อนคลายมากขึ้นถ้าเทียบกับตอนที่เขาลากผมมาที่นี่ เหมือนเขาได้บรรลุสิ่งที่ตัวเองต้องการจะทำไปเรียบร้อยแล้ว นี่แปลว่าเขาแคร์ความรู้สึกผมขนาดนี้เลยเหรอ?

พี่บอสก้มลงไปกดมือถือ เป็นจังหวะเดียวกับที่น้องมังกรทักผมมาพอดี เรากำลังคุยค้างกันเรื่องเกม แต่ก่อนหน้าที่ผมจะตอบน้องแฟนคัลบได้ผมต้องตอบแฟนตัวเองก่อน





KOCH: เฮ้ย!

KOCH: แล้วไปอยู่กับไอ้บอสได้ไง

KOCH: อยู่กันสองคนเหรอ?

KOCH: มิว โหลๆ ๆ ๆ

KOCH: มิวมิว ตอบหน่อย ทำไมไปอยู่กับไอ้บอสสองคน





โอ้โห ใจเย็น นี่พี่บอสเป็นเพื่อนสนิทพี่กชไม่ใช่เรอะ ทำไมพูดจาอย่างกับคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผมเป็นโจรป่าอย่างนั้นล่ะ





Mewミュウミュウ★: โทษทีครับ พอดีเมื่อกี้พี่บอส





“เชี่ย! ” เสียงอุทานของพี่บอสเรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นมามองงงๆ เจ้าตัวลุกขึ้นพรวดขณะที่มองออกไปยังกระจกใสของร้าน มีคนจากมหาลัยเดียวกับผมอยู่กลุ่มหนึ่งเดินด้วยกันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล “ไอ้ธีนี่หว่า รอแป๊บนะมิว พี่ไปหาเพื่อนก่อน”

“โอเคครับ” ผมรับคำงงๆ ขณะที่พี่บอสก้าวพรวดพราดออกจากร้านไป คือพี่แกบอกจะไปหาเพื่อน แต่หน้าตาเหมือนคนเจอลูกหนี้มากกว่า

ผมก้มลงมองหน้าจอเพื่อพิมพ์ตอบพี่กชให้เสร็จ





Mewミュウミュウ★: โทษทีครับ พอดีเมื่อกี้พี่บอสชวนคุย

Mewミュウミュウ★: ไม่มีอะไรน่ากังวลนะพี่กช พี่บอสแค่ชวนออกมากินข้าวด้วยเฉยๆ จริงๆ

Mewミュウミュウ★: เดี๋ยวกลับไปแล้วผมเล่าให้ฟัง





แต่พี่กชไม่ตอบ สงสัยจะสติแตกไปแล้วมั้งที่รู้ว่าผมมากินข้าวกับผู้ชายสองต่อสอง

ผมจัดการอาหารตรงหน้าของตัวเองพร้อมกับเลื่อนนิ้วไปตอบแชทของใครอีกคนที่ยังคุยค้างไว้ พี่บอสออกไปคุยกับเพื่อนนานเหมือนกัน เท่าที่ดูจากตรงนี้เหมือนเขาจะพยายามทวงหนังสือหรือสมุดคืนจากพี่ผู้ชายคนหนึ่ง คงจะเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับเขา





SlimeSmileS: เออ ใช่ แต่ไอ้ด่านนั้นแบบเล่นให้ผ่านยากมากจริง

SlimeSmileS: เราดูที่พี่แอมป์เล่นแล้วเหมือนกัน แต่พี่แอมป์เล่นเก่งมาก T T เรานี่แบบ ยอมเลย





เสียงโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะอีกเครื่องสั่นครืดคราด ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยอย่างแปลกใจ พี่บอสรีบพุ่งออกไปหาเพื่อนจนไม่ได้หยิบมือถือไปด้วย ผมไม่ได้สนใจมันจริงจังสักเท่าไรเพราะถือว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง อีกอย่าง ถึงตอนนี้ผมจะเริ่มรู้สึกดีกับเขาขึ้นมาบ้างจากที่พี่บอสมาขอโทษ แต่ไอ้ความรู้สึกเกรงๆ เกร็งๆ ก่อนหน้านี้ก็ยังคงอยู่ เพราะงั้นถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากไปทำอะไรขัดใจเขาหรอก

ผมพิมพ์ข้อความถึงน้องมังกรเรื่อยๆ เพราะน้องเขาทักมาคุยยาวมาก แต่แล้วผมก็เริ่มสังเกตถึงความผิดปกติบางอย่าง คือตอนที่ผมกดส่งข้อความโทรศัพท์ของพี่บอสก็จะครืดเลยไง มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ พอดีเพื่อนเขาอาจจะทักมาหรือตอบอะไรมาจังหวะเดียวกันก็ได้ แต่อะไรมันจะเหมาะเหม็งได้ทุกประโยคขนาดนั้น

ผมหรี่ตาลงมองโทรศัพท์ของพี่บอสอย่างชั่งใจ นิ้วกดส่งสติ๊กเกอร์ให้น้องมังกรตัวหนึ่ง มือถือเครื่องนั้นสั่นครั้งหนึ่ง ผมลองกดสติ๊กเกอร์ตัวอื่นดูอีกครั้ง ผลก็ออกมาแบบเดียวกัน

นี่มันไม่ใช่ล่ะ… มันจะบังเอิญเกินไปล่ะ

ผมตัดสินใจชะโงกหน้าไปดูหน้าจอมือถือของพี่บอสจนได้ รู้สึกใจเต้นแรงขึ้นตอนที่เห็นข้อความที่ส่งมาค้างอยู่ด้านบน





SlimeSmileS ส่งสติ๊กเกอร์ถึงคุณ





นั่นไง! ชัดเลย!

ผมพิมพ์ข้อความสั้นๆ ส่งไปหาน้องมังกรเพื่อความแน่ใจ ข้อความเดียวกันนั่นปรากฏขึ้นมาบนมือถือของพี่บอส มีนามแฝงของผมขึ้นเด่นหราชัดเจน ผมไม่รู้ว่าควรรู้สึกกับเรื่องนี้ยังไงดี รู้แต่ว่าตอนนี้หุบปากที่อ้ากว้างของตัวเองไม่ได้เลย คือเดี๋ยวก่อนนะ… เหมือนสมองยังประมวลผลไม่ค่อยทัน

นี่แปลว่า… ตลอดเวลาที่ผ่านมา…

“โทษที มิว” พี่บอสกลับเข้ามาพร้อมกับสมุดละหนังสือจำนวนหนึ่งในมือ “พอดีไปทวงของจากเพื่อน---”

ผมเงยหน้าขึ้นพรวด จ้องเขาอย่างคาดคั้น พี่บอสชะงักไปอย่างตกใจ ก่อนจะต้องตกใจขึ้นไปอีกเมื่อผมหลุดคำพูดออกมาแค่สั้นๆ

“Vk Dragon? ”

เท่านั้นแหละพี่บอสก็ได้มาอ้าปากค้างแบบหุบไม่อยู่ตามผมมาอีกคน ใบหน้าของร่างสูงก็แดงขึ้นวูบ แล้วมันก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความกระอักกระอ่วนระหว่างเราทั้งคู่ ขอบคุณมากเลย นี่พี่บอสคือน้องมังกรจริงดิ? แปลว่าที่ผ่านมาผมพิมพ์คุยกับแฟนคลับของตัวเองต่อหน้าเจ้าตัวมาตลอดเลยเหรอ? แล้วไอ้ความสัมพันธ์ระหว่างสไลม์สไมลส์กับน้องมังกร… เทียบกับความสัมพันธ์ของมิวกับพี่บอสแล้ว…

ต่างกันคนละขั้ว!

คือนี่ไม่รู้จะดีใจ เสียใจ เขิน หงุดหงิด หรือปลื้มใจดี คือมันสับสนไปหมด

“ทำไม” ผมเค้นเสียงออกมาได้ในที่สุด “ทำไมพี่บอสถึงไม่บอกผมล่ะครับว่าพี่คือน้องมังกร”

“เอ่อ… อือ…” เขาอึกอัก แล้วอยู่ๆ ผมก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ คราวก่อนที่เขามาขอลายเซ็น… ที่มาขอผมถ่ายรูปที่งานเกม

เขาคือ VK Dragon… เขาคือคนที่คอยติดตามและให้กำลังใจผมมาตลอด แม้มันจะขัดกับพี่บอสที่ปากไม่ดีและคอยบั่นทอนกำลังใจผมตลอดก็เถอะ

ความย้อนแย้งนี่มันอะไรกัน!?

“พี่บอส” ผมเรียกเขาทั้งที่ยังสับสน “ตกลงว่าพี่ใช่น้องมังกรจริงๆ ---”

“มิว! ”

ยังไม่ทันได้เคลียร์กับพี่บอส ตัวละครใหม่ก็เข้ามาแทรก พี่กชวิ่งกระหืดกระหอบมาหาผม เหงื่อนี่ซึมเต็มหน้า แขนแกร่งของเขาพาดหลังคอพร้อมกับดึงตัวผมไปแนบอกอย่างหวงแหน ผมว่าผมเคยบอกแล้วนะว่านอกจากเขาเนี่ยก็ไม่ได้มีใครอยากจะแตะเนื้อต้องตัวหรือทำมิดีมิร้ายผมหรอก แต่พี่กชก็ยังขี้หึงไม่เปลี่ยน

“ไอ้บอส” พี่กชพูดทั้งที่ยังหอบหายใจอยู่ “นี่แกพามิวมากินข้าวด้วยทำไมเนี่ย มีจุดประสงค์อะไร”

“หา? เปล่า” พี่บอสที่ยังตั้งสติไม่ได้เหมือนกันตอบงงๆ “ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรเลย แค่มีเรื่องอยากคุยกับมิว…”

“พี่กช” ผมกระตุกชายเสื้อแฟนตัวเอง “พี่บอสคือน้องมังกรล่ะ”

“หา” พี่กชมองผมสลับกับเพื่อนตัวเอง “นี่มึงพามิวมากินข้าวเพื่อบอกมิวเรื่องนี้เหรอ? ”

“เปล่า…”

“เดี๋ยว! ” ผมขัด “พี่กชรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอครับ? ”

แฟนตัวแสบของผมสะดุ้งอย่างคนมีชนักติดหลัง ฮึ่ม… มันน่างอนไม่พูดกับเขาสักอาทิตย์หนึ่งให้เข็ดเลยไหมเนี่ย มีอย่างที่ไหนมารวมหัวกับเพื่อนหลอกแฟนตัวเองอย่างผมเนี่ย

“ง่า มิวมิว” เหมือนพี่กชจะอ่านสีหน้าผมออก “ขอโทษน้า ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกหรือปิดบังอะไรมิวมิวเลย แต่… แต่ไอ้บอสมันขอ”

ผมหันกลับไปจ้องพี่บอสหรือน้องมังกรต่ออย่างเอาเรื่อง เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกตัวเองเหนือกว่าอีกฝ่ายเพราะพี่บอสก้มหน้ามองพื้น ทำหน้าตาสำนึกผิดจนผมใจอ่อนยวบอย่างรวดเร็ว ผมยิ่งไม่ใช่คนที่จะโกรธใครได้นานด้วยสิ

“ตกลงว่าพี่บอสคือน้องมังกรจริงๆ ”

“ก็… ใช่”

“แล้วทำไมไม่บอกผมล่ะครับ? ” ผมถามอย่างไม่เข้าใจจริงๆ ไม่มีร่องรอยความโกรธหรือหงุดหงิดในน้ำเสียง “พี่ก็รู้ว่าผมอยากเจอน้องมังกรมาก อยากเจอพี่มาตลอด อยากคุยกับมังกรแบบตัวเป็นๆ ผมนึกว่าพี่เองก็เหมือนกันซะอีก”

“คือ… ง่า” พี่บอสยกมือเกาหัวอย่างลำบากใจ “ขอโทษนะสไลม์ ไม่ได้ตั้งใจให้รู้สึกไม่ดีเลย แค่แบบ… ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไง”

เอาจริงๆ ถ้าลองนึกย้อนกลับไปดู พิจารณานิสัยของพี่บอส… นิสัยจริงๆ ที่น้องมังกรของผมเป็น ผมก็พอจะเข้าใจนะว่าทำไมเขาถึงไม่อยากเปิดเผยตัวตน ก็เขาขี้เก๊ก ขี้วางฟอร์มจะตาย แถมครั้งหนึ่งเขายังพูดด้วยว่าการตามนักแคสเกมเป็นอะไรที่ไร้สาระ เพราะงั้นเขาคงกลัวว่าผมจะล้อมั้งถ้ารู้ว่าตัวเขาเองนั่นแหละที่คอยตามให้กำลังใจนักแคสอย่างผมอย่างเต็มที่ขนาดนั้น

คิดแบบนั้นแล้วผมก็ทั้งขำทั้งอ่อนใจขึ้นมา บางทีผมควรจะโกรธกับเรื่องนี้ก็ได้ แต่เอาเถอะ ยังไงซะผมก็อยากเจอน้องมังกรตัวเป็นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก่อนหน้าที่จะได้รู้จักพี่บอสทุกวันนี้ด้วยซ้ำ เพราะงั้นผมจะไม่หงุดหงิดใส่เขาหรอก

“ไม่เป็นไรครับ พี่บอส” ผมยิ้มให้รุ่นพี่ในที่สุด “ผมไม่โทษพี่หรอก ก็คราวก่อนตอนงานเกม พี่ยังเคยพูดเลยว่าน้องมังกรคงไม่อยากเปิดเผยตัวตน ผมว่าผมเข้าใจแล้วล่ะ ผมไม่โกรธพี่ก็ได้ อีกอย่าง… ยังไงซะพี่ก็อุตส่าห์พาผมมาเลี้ยงข้าวทั้งที”

พี่บอสมีสีหน้าดีขึ้นนิดหนึ่งส่วนพี่กชที่มือยังโอบบ่าโอบเอวผมเป็นปลาหมึกเริ่มโวยขึ้นมา

“เออ ใช่ ไอ้บอส ตกลงนี่แกเรียกมิวมากินข้าวสองต่อสองทำไม ห่าเอ๊ย ก็รู้อยู่แล้วไหมว่ามิวอ่ะเมียกู นี่มึงจะมาแทงข้างหลังกันแบบนี้ไม่ได้นะ”

“โว้ย/โอ๊ย” ผมกับพี่บอสครางออกมาพร้อมกัน

“พอเลย ไอ้กช กูไม่ได้จะทำอะไรเมียมึงทั้งนั้นแหละ แค่อยากมาเคลียร์อะไรนิดหน่อยเท่านั้นเอง แล้วที่กูอยากเคลียร์ก็ไม่ใช่เพราะกูอยากเองหรอกนะ มีคนบอกให้กู---” พี่บอสหยุดพูดไปแค่นั้น ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเริ่มโบกมือไล่พวกเราสองคน “ช่างเถอะ เอาเป็นว่ากูแค่อยากขอโทษมิวที่เคยพูดไม่ดีใส่ก็เท่านั้นแหละ ขอบคุณนะมิวที่รับฟัง ส่วนเอ็ง… ไอ้กช ถ้าอยากจะเอาแฟนกลับไปก็เชิญตามสบาย ยังไงนี่ก็กินจะหมดอยู่แล้วนี่ ถือว่าได้ไถ่โทษแล้ว ทีนี้ก็แยกย้ายกันไปได้ ส่วนกูจะกินของตัวเองที่เหลือให้หมดก่อน”

“เออ” พี่กชแยกเขี้ยวใส่เพื่อน “ไปกันเถอะมิว เจ้าภาพไล่แล้ว เดี๋ยวกูจะส่งไลน์ไปเค้นคอมึงทีหลัง”

“ตามสบายเลยเพื่อน” พี่บอสว่าอย่างไม่ยี่หระ

ผมหยิบกระเป๋าของตัวเองพร้อมกับพูดขอบคุณพี่บอสที่เลี้ยง ระหว่างที่ก้าวเท้าผ่านเก้าอี้ตัวที่อีกฝ่ายนั่ง ผมก็พูดอย่างนึกขึ้นมาได้

“จริงสิครับ พี่บอส”

“ว่าไง”

“ไว้เจอกันที่มอครั้งต่อไป” ผมยิ้มให้เขา “เรามาคุยเรื่องเกมกันนะ”

พี่บอสมองผมอย่างแปลกใจก่อนจะส่งยิ้มมาให้ เป็นยิ้มแบบเดียวกับตอนที่เขาดูรูปที่ถ่ายคู่กับผมโดยอ้างว่าจะเอาไปให้น้องมังกรดู

“ตกลง”

ผมยิ้มกว้างกว่าเดิม

“แต่ระวังไอ้กชหน่อยนะ ย้ำด้วยว่าเราสองคนไม่ได้มีอะไรกัน”

ผมหันกลับไปมองแฟนตัวเองที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแถมยังตีหน้าบูดขึ้นเรื่อยๆ ที่เห็นผมยิ้มวานให้พี่บอส

อืม… สงสัยกลับไปผมคงเจอศึกหนักแหง พี่กชทำหน้างี้ทีไรเป็นได้เรื่องทุกทีสิน่า!







“โอย… พี่กช” ผมครางพร้อมกับยกมือขึ้นลูบสะโพกเปลือยเปล่าของตัวเอง “ให้ตายเถอะพี่ จะบ้าพลังไปไหนเนี่ย แล้วอีกอย่างผมก็อธิบายไปแล้วไงว่าผมกับพี่บอสไม่ได้มีอะไรกัน”

“ไม่รู้แหละ” พี่กชที่นอนอยู่ข้างๆ ดึงผมไปกอดแนบอกที่เปลือยเหมือนกัน “ไม่ชอบให้มิวมิวสนิทกับใครเกินความจำเป็น กับน้องมังกืออะไรนี่ก็ไม่ได้ ยิ่งไอ้บอสมันปลื้มมิวขนาดนั้น ใครจะไปอยากให้อยู่ด้วยกันสองต่อสองล่ะ”

“โธ่” ผมแกล้งคราง กอดคนข้างตัวตอบ “พี่บอสเขาไม่ได้ปลื้มอะไรผมสักหน่อย เขาปลื้มช่องผมเฉยๆ เหอะ”

“นั่นแหละ” พูดพร้อมกับกดจูบบนปากผมแรงๆ “หึงนะ เข้าใจไหม อย่าทำตัวให้หึงบ่อยนัก”

“ก็พี่กชขี้หึงเองอ้ะ” ผมบ่นงึมงำ ซุกหน้าลงบนแผงอกเขา เอาจริงๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่ดีใจหรอกนะที่เขาหวง ดีใจอยู่เหมือนกัน แต่ไม่อยากแสดงออกมาก แค่นี้แกก็เหลิงมากพออยู่แล้ว “ว่าแต่… พี่บอสพูดใช่ไหมว่ามีคนบอกให้พี่แกมาเคลียร์เรื่องที่เคยพูดจาไม่ดีกับผม”

“อ่า จริงด้วยสิ” พี่กชยกมือแตะคางอย่างครุ่นคิด “เหมือนไอ้บอสจะพูดอยู่นะ ใช่”

“พี่ว่า… ใครเป็นคนบอกให้พี่บอสทำแบบนั้นเหรอครับ? ” ถ้าพี่กชหงุดหงิดที่ผมมากินข้าวกับพี่บอสตามลำพังก็คงไม่ใช่พี่กชล่ะ แต่เป็นใครอีกนี่ผมก็นึกไม่ออก

“อืม” พี่กชเองก็คงนึกไม่ออกเหมือนกัน “ไม่รู้สิ”

“หืม”

“ลองไปถามมันไหมล่ะ”

“โอย ไม่ต้องหรอกครับ” ผมเริ่มยกแขนขาก่ายตัวพี่กชอย่างที่ชอบทำหลังจากที่เราทำกิจกรรมบนเตียงร่วมกัน “ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น”

“นั่นสิ” พี่กชหัวเราะร่วน ทาบริมฝีปากอุ่นลงบนหน้าผากพร้อมกับกดร่างผมให้นอนราบบนเตียงแล้วขึ้นคร่อม “เรามาโฟกัสกันที่เรื่องของเราดีกว่าเนอะ”

ก็ว่าไป





--------------------------------------------------
Talk: สวัสดีค่า! แวะมาบอกทุกคนว่าตอนหน้าก็จบแล้วน้า >__< แต่หลังจากตอนหน้าจะมีบทส่งท้ายมาปิดอีกบทค่า
ขอบคุณที่ติดตามและให้กำลังใจมาตลอดนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 28) P.6 [17/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-02-2018 15:56:46
 :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 28) P.6 [17/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-02-2018 16:08:21
หื่นแล้วหึงรึว่าหึงแล้วหื่น 5555
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 28) P.6 [17/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-02-2018 19:14:44
ว้าย ความแตก 555555 สงสัยบอสโดนแนทบังคับมาแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 28) P.6 [17/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 17-02-2018 23:56:59
พี่บอสน่าร้ากกกกกกก อยากอ่านเรื่องของแนทกับพี่แกบ้างแล้วค่ะ
มิวกับพี่กชก็หวานกันเหลือเกินค่าาาา มีความอิจ 5555

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะค้าา
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 28) P.6 [17/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 18-02-2018 00:54:06
 :hao5: จะจบแล้วหรอ ฮือ คิดถึงมิว
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 28) P.6 [17/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 20-02-2018 17:10:46
บทที่ 29




“มิวมิว” พี่กชเรียกผมในช่วงสายของเสาร์ “เย็นนี้ไปกินข้าวบ้านพี่กันนะ”

แล้วผมก็มาโผล่อยู่ที่บ้านเดี่ยวหลังหนึ่งในจังหวัดอยุธยา รอบนี้ผมเอาขนมเล็กๆ น้อยๆ มาฝากคุณแม่พี่กชกับน้องก้อง

ทั้งสองคนต้อนรับขับสู้ผมอย่างดี แต่คุณพ่อพี่กชก็ยังวางท่าปั้นปึ่งกับผมและพี่กชเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ได้ปั้นปึ่งหรือเย็นชาเท่าที่ผมจินตนาการเอาไว้ก่อนจะมา ลึกๆ แล้วผมมีความรู้สึกว่าท่านเองก็พยายามลองเปิดใจอยู่เหมือนกัน บางทีน่ะนะ แต่ของแบบนี้มันจะให้ปุบปับมาทำความเข้าใจคงไม่ได้ และพี่กชเองก็คงพยายามหาช่องให้ผมทำคะแนนถึงได้พาผมมา

“นี่ คุณคะ ลองกินนี่ดูสิ” คุณแม่พี่กชพูดยิ้มๆ ขณะตักปลากะพงผัดเปรี้ยวหวานใส่จานของสามี “จานนี้น้องมิวเป็นคนทำ เห็นบอกว่าอยากรู้เมนูโปรดของบ้านเราแล้วก็ขนวัตถุดิบมาช่วยฉันทำตั้งเยอะแน่ะ แถมตอนอยู่ในครัวคล่องมากเลยนะ”

ผมยิ้มทื่อๆ อย่างหวั่นเกรงให้ชายที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ พ่อของพี่กชมองผมด้วยสายตาแบบหนึ่งก่อนจะตักกับข้าวที่เพิ่งได้มาเข้าปาก ผมทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัวเหมือนตอนที่เปิดดูผลสอบในเว็บไซต์ของทางมหาลัย คือเป็นวินาทีที่ต้องลุ้นว่าความพยายามที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนคุ้มค่าไหม

คุณพ่อของพี่กชพยักหน้าเนิบๆ เหมือนเสียไม่ได้ “รสชาติดีนี่”

ผมผ่อนลมหายใจออกมานิดหนึ่งอย่างโล่งอก พี่กชที่นั่งข้างๆ บีบบ่าผมพร้อมกับส่งยิ้มเหมือนภูมิใจมาให้ นั่นทำให้ผมใจพองฟูขึ้นมาบ้าง

“พี่มิวนี่เก่งจังเลยนะครับ” น้องก้องที่อายุห่างกับพี่กชเกือบหกปีว่าบ้าง “ตอนอยู่ในครัวก็ทำกับข้าวคล่อง เรียนหนังสือก็ได้เกรดสี่ แถมยังพูดภาษาญี่ปุ่นได้อีก”

“ไม่ถึงกับพูดได้ขนาดนั้นหรอก” ผมรีบแก้ เดี๋ยวจะกลายเป็นน้องเข้าใจผิด “แค่พอฟังแล้วก็พูดได้นิดหน่อย จากเกมแล้วก็การ์ตูนทั้งนั้นแหละ”

อุ๊บส์ ตายล่ะหว่า หลุดปากไปแล้วก็นึกขึ้นได้ พ่อพี่กชจะคิดว่าผมเป็นเด็กไม่ได้เรื่องรึเปล่าเนี่ยที่เอาแต่ดูการ์ตูน แต่ท่านก็ไม่ได้พูดอะไรเรื่องนั้น

“แล้วที่บ้านพ่อแม่ทำอะไรล่ะ” นั่นเป็นประโยคแรกที่คนหัวโต๊ะพูดกับผม ผมรีบตอบอย่างกระตือรือร้นทันที

“ที่บ้านทำร้านอาหารตามสั่งครับ คุณแม่กับป้าทำด้วยกัน ส่วนคุณพ่อผมทำงานบริษัท”

“มิน่า ที่บ้านทำร้านอาหารนี่เอง น้องมิวถึงได้คล่องนัก” แม่พี่กชว่าอย่างชื่นชม แถมยังหันไปช่วยหยอดกับสามีตัวเอง “แถมรสชาติก็ดีเลยใช่ไหมคะคุณ กำลังดีเลย ไม่เหมือนลูกชายเราสองคน ทำอะไรไม่เป็นสับปะรดสักอย่าง”

“อ้าว แม่ พูดงี้ได้ไง” พี่กชแกล้งโวยขึ้นมา “ผมเองก็พอทำกับข้าวได้นะ ถึงจะไม่อร่อยเท่าที่มิวทำก็เถอะ”

“ไม่ใช่แค่ทำกับข้าวนะ” น้องก้องว่า “เรื่องเรียนพี่กชก็สู้พี่มิวไม่ได้เหอะ”

“ไอ้ก้อง” พี่กชหันไปเอ็ดน้องชายตัวเอง “ว่าแต่เขา เราเรียนเก่งกว่าพี่มากนักรึไงฮะ? ”

“แต่พี่มิวเก่งกว่า! ”

“เออ ไอ้แว่นมันขยัน” พูดพร้อมกับตักกับข้าวใส่จานผม “แต่เดี๋ยวคอยดูเถอะ สอบคราวนี้พี่จะทำคะแนนดีๆ ให้ดู”

“จริงเปล่า” ก้องพูดแซว

“เอาให้มันแน่เถอะกช” พ่อพี่กชพูดขึ้นมาทำเอาทั้งผมและพี่กชไหวตัวกันแทบไม่ทัน “หัดตั้งใจเรียนเหมือนน้องเขาบ้าง ไม่ต้องถึงขั้นเกรดสี่หรอก แค่อย่าซ้ำชั้นก็พอ”





หลังจากนั้นตลอดมื้อค่ำพ่อพี่กชก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่แค่ที่ท่านพูดมาผมก็เริ่มมีความหวังนิดหนึ่ง

“นี่ พี่กช” ผมทักคนข้างตัวที่ยืนล้างจานเป็นเพื่อน “ตอนที่พ่อพี่บอกตั้งใจเรียนให้เหมือนน้องนี่… หมายถึงผมหรือน้องก้องน่ะ? ”

“ก็ต้องเหมือนมิวสิ” ลดเสียงพูดเล็กน้อยเพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน แม้ว่าตรงนั้นจะไม่มีใครเลยก็ตาม “ไอ้ก้องมันจะไปเอาอะไรเป็นแบบอย่างได้ล่ะ มันขี้เกียจกว่าพี่อีก”

“ก็เพราะพี่ทำตัวไม่ดีให้น้องเห็นล่ะสิ” ผมซ้ำเติม พี่กชจิ๊ปากเหมือนไม่พอใจพร้อมกับตีก้นผมแรงๆ หนึ่งที ผมหน้าร้อนวูบ “พี่! ”

“หมั่นไส้ว่ะ” พี่กชลอยหน้าลอยตา ล้างจานต่อเฉย ผมเขยิบตัวไปกระซิบกับเขา

“อย่าทำตัวรุ่มร่ามได้ไหมครับ เกิดพ่อพี่มาเห็นจะทำยังไง”

เขายื่นหน้ามาจูบปากผมเร็วๆ ทีหนึ่ง ไม่สนใจว่าผมจะหน้าร้อนไปถึงหลังหูขณะพูดตอบ

“งั้นเดี๋ยวจูบโชว์พ่อให้ดูเลยเป็นไง”

“...ผมว่าคราวนี้คนที่จะโดนซัดคงไม่ใช่พี่แค่คนเดียว”

“ไม่ต้องห่วงนะ พี่จะปกป้องมิวมิวเอง”

พี่กชว่ายังไงก็เอาแบบนั้นแหละครับ

คืนนั้นผมได้นอนค้างพี่บ้านอย่างงงๆ เพราะเวลาที่เราสองคนตั้งใจจะปลีกตัวลาค่อนข้างมืด แม่พี่กชนั่นแหละเป็นคนเริ่ม

“แม่ว่าคืนนี้กชนอนที่บ้านดีกว่าไหมลูก ให้น้องมิวนอนด้วย ขับรถกลับค่ำๆ แบบนี้แม่เป็นห่วง”

“ยังไม่สามทุ่มเลยนะแม่” พี่กชว่าหากอีกฝ่ายก็เซ้าซี้จนกระทั่งพ่อของพี่กชที่เดินลงมาจากชั้นบนได้ยินเข้าแล้วพูดเรียบๆ ขึ้นมา

“ก็นอนนี่สักคืนสิกช จะให้แม่แกเป็นห่วงทำไม”

ผมรู้นะว่าตัวเองเป็นคนมองโลกในแง่ดีจนบางทีเหมือนซื่อบื้อ แต่ผมรู้สึกว่าคุณพ่อของพี่กชก็ไม่ได้ใจร้ายอะไรกับพวกเราทั้งนั้น

“พ่อพี่ก็งี้แหละ” พี่กชว่าหลังจากผมถามความเห็น “จะชอบโกรธปึงปัง เอะอะไว้ก่อน แต่พอใจเย็น ค่อยๆ พูดจากันแล้วก็เป็นคนมีเหตุผลอยู่ อีกอย่างเห็นพ่อพี่ดุๆ แบบนั้นแต่จริงๆ แล้วแกตามใจพี่จะตายไป แต่เรื่องที่พี่คบกับผู้ชายมันอาจจะเกินลิมิตแกไปหน่อย แต่ให้เวลาสักพักเถอะ เดี๋ยวแกก็ยอมรับพวกเราเอง”

“ครับ” ผมตอบรับอย่างง่ายดาย พี่กชนั่งลงบนเตียงข้างๆ ดันผมลงไปนอนแล้วเริ่มไซ้คอลงมาอย่างนุ่มนวล ผมหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะดันเขาออกอย่างไม่จริงจัง “จั๊กจี้น่า พี่”

“มิวมิวหอมจัง” ยังอีก ทำเป็นไม่ได้ยินที่ผมพูดอีก

“ก็สบู่ขวดเดียวกับพี่ไหมล่ะ”

“แต่พอลงบนผิวมิวมิวแล้วหอมกว่า”

เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำเอาทั้งผมและพี่กชผละออกจากกันแทบไม่ทัน พี่กชเดินไปเปิดประตู พ่อพี่กชเป็นคนที่ยื่นหน้าเข้ามาพร้อมกับถุงขนมจากต่างประเทศถุงหนึ่ง

“มิว”

ผมลุกขึ้นยืนตรงพรวดเลย “ครับ”

“เอานี่ไปฝากพ่อกับแม่สิ” เขาว่าเรียบๆ “ทางนั้นเอามาฝากตั้งหลายครั้งแล้ว นี่ไม่มีอะไรกลับไปให้สักที”

“ไม่ต้องลำบากก็ได้ครับ” ผมว่าอย่างเกรงใจ ดูจากถุงแล้วน่าจะมาจากประเทศจีนไม่ก็ไต้หวัน

“เอาไปเถอะ นี่พ่อไปทำงานมาเมื่อสัปดาห์ก่อน”

“ขอบคุณครับพ่อ” พี่กชฉีกยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายที่ค่อยผละจากไป จากนั้นร่างสูงก็ตรงเข้ามารัดผมด้วยความดีใจ “เย่! มิว เห็นไหม พี่ว่าพ่อพี่น่าจะยอมรับมิวขึ้นมาเยอะแล้วนะ ถึงกับให้เอาของไปฝากที่บ้านแบบนี้”

ผมพยายามพูดตอบเขา แต่ไม่ทันพี่กชที่ดันปากลงมาจูบปากผมอย่างหนักหน่วงแล้ว ให้ตายเถอะ ก็รู้หรอกนะว่าดีใจ แต่แบบนี้จะคุยกันรู้เรื่องได้ยังไง

พี่กชดันผมไปที่เตียงอีกรอบ ไม่ได้สำนึกเลยว่าอยู่ในบ้านตัวเอง พ่อแม่น้องชายอยู่กันครบ ยังคิดจะทำเรื่องหื่นๆ อีก แล้วไอ้มือที่สอดเข้ามาใต้เสื้อนี่ยังไง!? เดี๋ยวก่อนนะ พี่กชล้อผมเล่นใช่ไหม เขาคงไม่ได้คิดจะทำเรื่องอย่างว่าทั้งที่รู้ว่ามีสมาชิกในบ้านพร้อมหน้าแบบนี้หรอกใช่ไหม? คือผมก็มียางอายเหมือนกันนะเว้ย

“อะ… อื้อ”

อืม… ขอโทษครับ ผมมียางอาย แต่เจอจูบอ่อนหวานกับสัมผัสร้อนแรงนี่ก็ทำให้ผมละลายทุกที แล้วผมก็ไม่เคยรอดมือพี่กชเลยสักครั้งถ้าพี่แกคิดจะกินผมขึ้นมา

“มิวมิว” เสียงนั้นดังอยู่ข้างหูตามมาด้วยสัมผัสนุ่มหยุ่นจากลิ้นร้อนของเขาที่แทรกเข้ามา ผมสะดุ้งสุดตัว หูเป็นอะไรที่โคตรเซนซิทีฟเลย แล้วพี่กชก็รู้ดีซะด้วยถึงได้คอยแกล้งผมอยู่เรื่อย “รักนะ”

“พี่กช… เดี๋ยวก่อนครับ” ผมพยายามห้าม “คือ… ผมว่าเราไม่ควรทำนะ มันคงไม่ดีเท่าไร นี่มันบ้านพี่”

“ไม่มีใครดูอยู่สักหน่อย”

“มันเป็นเรื่องของความรู้สึก”

“งั้นเดี๋ยวทำให้รู้สึกอยากเอง”

คนละความรู้สึกแล้วเฟ้ย!

ระหว่างที่กำลังปู้ยี่ปู้ยำ (?) กันอยู่นั่นเอง เสียงเคาะประตูอันเปรียบเสมือนมารผจญของพี่กชก็ดังขึ้นอีกรอบ ใบหน้าคมของอีกฝ่ายชักเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาจนผมนึกขำปนสงสาร พี่กชคว้าข้อมือผมที่พยายามดันไหล่เขาออกจากนั้นก็ซุกหน้าลงบนซอกคออีกรอบ ผมเลยใช้มืออีกข้างที่เป็นอิสระตบหัวเขาไปทีหนึ่ง

“ลุก พี่ มีคนมาแน่ะ”

“อือ… ไม่อยากไปเปิดเลย”

“ไปเดี๋ยวนี้เลยครับ” ผมว่า พี่กชลุกขึ้นไปเปิดประตูอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ก่อนจะหงุดหงิดหนักเข้าไปอีกเมื่อเห็นว่าคนที่มาหาครั้งนี้คือน้องก้อง

“พี่กช ทำไมมาเปิดประตูช้าจัง มัวทำอะไรอยู่”

“ธุระ” เขาว่า ผมรีบยกมือปัดผมของตัวเองให้เป็นทรง หวังว่าก้องคงไม่ทันสังเกตนะว่าที่พี่กชไปเปิดประตูให้ช้าเพราะมัวแต่แทะโลมผมอยู่

“ธุระอะไรในห้องนอน”

“ตีความสิ ลองเชื่อมโยงเรื่องราวดู”

นั่น ยังจะไปเสี้ยมสอนน้องแบบนั้นอีก มันน่าตบหัวอีกสักทีไหม

“แล้วพี่มิวเป็นยังไงบ้างครับ” ก้องเดินผ่านพี่ชายเข้ามาในห้องเพื่อคุยกับผม “โห เสื้อพี่กชใหญ่ไปเปล่าเนี่ย จริงๆ ให้พี่มิวใส่เสื้อผ้าผมดีกว่าไหม”

“ไม่ต้องเลย” คนที่อารมณ์ค้างว่าอย่างหงุดหงิด “นี่แฟนพี่นะ ให้ใส่เสื้อผ้าพี่อ่ะถูกแล้ว แล้วนี่มีอะไร”

“อะไรกัน” ก้องเบ้ปาก เด็กชายมีเค้าโครงหน้าที่ค่อนไปทางคุณแม่ ส่วนพี่กชน่ะเหมือนพ่อ “พอเอาแฟนมานอนด้วยหน่อยก็ทิ้งน้องเลยนะ”

“ทิ้งที่ไหน แค่ถามว่ามีธุระอะไรเฉยๆ เอง”

ก้องทรุดตัวนั่งลงข้างผมบนเตียง “พี่กช พี่บล็อกเฟสพี่ก้อยเหรอ”

พี่กชดึงเก้าอี้ที่ติดกับโต๊ะออกมานั่ง “ก้อยมาฟ้องล่ะสิ”

“ไม่ได้มาฟ้อง แค่วันก่อนผมบังเอิญเจอพี่ก้อยแล้วคุยกัน” น้องก้องมองหน้าพี่ชายอย่างคาดคั้น ผมเองก็สนใจเหมือนกัน นี่พี่กชตั้งใจจะตัดขาดกับแฟนเก่าของตัวเองอย่างจริงจังแล้วสินะ

“อืม ใช่” พี่กชมองหน้าคนถามตรงๆ “แล้วก็ไม่ใช่แค่เฟสนะ ไลน์ด้วย ก็อย่างว่า ไม่ได้มีเรื่องให้ต้องติดต่อกันนี่”

“เพราะที่ก้อยโพสท์ก่อนหน้านั้นรึเปล่า” ก้องน่าจะพูดถึงโพสท์ที่พี่ก้อยพูดเรื่องผมกับพี่กชในทางที่ไม่ดีล่ะมั้ง ผมเองก็ไม่เคยเห็นโพสท์ที่ว่าหรอก แล้วก็ไม่อยากเห็นด้วย

“ก็มีส่วน” พี่กชพยักหน้ายอมรับ “แต่ก็มีอีกหลายๆ เรื่องด้วย แล้วจริงๆ ก้อยอยากกลับมาคบกับพี่น่ะ แต่พี่มีแฟนแล้ว” หันมาส่งยิ้มหวานให้ผมนิดหนึ่งอย่างเอาใจ “ก็เลยคิดว่าตัดขาดกันไปน่าจะดีกับทุกฝ่ายมากกว่า”

“หืม” ก้องลากเสียงยาว หันมามองผมพร้อมกับส่งยิ้มให้ “ขอโทษนะครับพี่มิว เรื่องแฟนเก่าของแฟนแบบนี้ พี่คงไม่อยากฟัง”

“ไม่หรอก” ผมว่า “พูดกันตรงๆ ต่อหน้าแบบนี้ดีกว่ามีอะไรลับหลังนะ”

“พี่มิวเป็นคนดีจัง” ก้องหัวเราะ ผุดลุกขึ้นจากเตียง “น่าเสียดายที่ต้องมาคบกับพี่ชายผม”

“อ้าว ไอ้ก้อง พูดงี้เดี๋ยวได้ฟาดปาก”

“น่ะ นักเลงหัวไม้อีกแล้ว” ก้องว่าพร้อมกับแกล้งยกนิ้วชี้ขึ้นมาส่าย ทำเสียงจุ๊ๆ “ทำตัวป่าเถื่อนระวังพี่มิวไม่รักน้า เหวอ! พี่กช! ผมล้อเล่น ไปแล้วๆ คืนนี้ฝันดีกันนะครับพี่ ผมจะไปเล่นเกมต่อล่ะ”

“เออ รีบไปเลย” พี่กชยกมือไล่น้องตัวเอง ผมหัวเราะกับความสนิทแปลกๆ ของทั้งสองคน

“น้องพี่เล่นเกมอะไรน่ะ” เผื่อเล่นเกมเดียวกันจะได้ชวนเล่นด้วย แต่พี่กชตีหน้าเบ้ ยกมือมาบีบแก้มผมแรงๆ ทันที

“หน็อย คิดจะไปเล่นเกมกับไอ้ก้องงั้นเหรอ ไม่ให้หรอกเฟ้ย แค่ทุกวันนี้มิวเล่นกับแอมป์อะไรนั่นพี่ก็หึงจะแย่แล้ว”

“อ้อแอ้อางอั๊งเอง (ก็แค่บางครั้งเอง) ” ผมพูดเสียงอู้อี้เพราะพี่กชยังไม่ปล่อยมือ คนตัวสูงกว่าถอนหายใจยาวเฮือกแล้วถลาเข้ามากอดผมแน่น

“โอ๊ย ทำไมมิวมิวของพี่ถึงได้น่ารักแบบนี้”

“น่ะ อีกแล้วนะพี่” ผมหน้าร้อนขึ้นด้วยความเขิน ดีนะที่หัวพี่กชอยู่บนบ่าเลยมองไม่เห็นหน้าผม

“ทำกันเถอะ”

“ทำอะไรครับ” ผมแกล้งถามซื่อๆ

“เรื่องบนเตียง”

“แล้วถุงยาง? ”

“น่ะ อีกแล้วนะพี่” ผมหน้าร้อนขึ้นด้วยความเขิน ดีนะที่หัวพี่กชอยู่บนบ่าเลยมองไม่เห็นหน้าผม

“งั้นก็ต้องอดไปตามระเบียบครับ” ผมดันเขาออกพร้อมกับส่งยิ้มเย็นไปให้

หึ เรื่องไหนก็ไม่ว่าหรอกนะ เขาอ้อนมานิด รุกมาหน่อยผมก็ยอมใจอ่อนให้ แต่เรื่องนี้นี่ไม่ว่ายังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด!







วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายแล้ว และผมก็เพิ่งส่งกระดาษคำตอบกับข้อสอบทั้งหมดคืนให้อาจารย์ที่คุม

ออกมานอกห้อง ไอ้เก่งที่เดินตามมาติดเริ่มถอนหายใจเฮือกๆ ครวญครางประหนึ่งว่ามีญาติเสีย แถมตอนนี้เจ้าตัวก็กำลังระหองระแหงกับแฟนอีก ยิ่งทำเอาบ่นเป็นหมีกินผึ้งเข้าไปใหญ่

ผมทำได้ตบบ่ามันแปะๆ เพื่อปลอบ

“เอาน่า ไอ้เก่ง อย่าคิดมากไปเลย อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ผ่านไป ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ อีกอย่าง… มันอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่แกคิดก็ได้นะ ตอนก่อนสอบแกก็อ่านหนังสือมาเยอะขนาดนั้น”

“ก็ใช่… ก็ใช่อยู่หรอก” คนคิดมากยังซึม “แต่ไอ้มิว ไอ้ข้อสามสิบสองอะ ที่เป็นคันจิตัวเปิดกับตัวปิดอะ แม่งเอ๊ย อุตส่าห์มั่นใจว่าท่องมาดิบดีแล้วนะ แต่เหมือนสมองมันเบลอไปเลยตอนนั้น แล้วเพิ่งมานึกได้ตอนออกจากห้องสอบมาแล้ว โอ๊ย”

“แค่ข้อเดียวเองมึง” ผมปลอบ อันที่จริงไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจไอ้เก่งนะ อันที่จริงเราสองคนเป็นประเภทเดียวกัน ที่ต้องมาซึมหลังสอบเสร็จไปแล้วเนี่ย แต่เหมือนเราผลัดๆ กันปลอบไง แล้วรอบนี้ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าทำได้ดีเลยไม่ค่อยเฟลมาก “ช่างแม่งเหอะ คิดแต่เรื่องสนุกๆ ดีกว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปก็ปิดเทอมแล้ว นี่แพลนจะทำอะไรบ้าง”

“ยังไม่รู้เลยว่ะ”

“ไว้ไปเที่ยวที่ไหนกันไหม”

“กับมึงสองคนอะนะ? ” ไอ้เก่งทำแหยงผมเลยศอกใส่สีข้างมันไปที

“ก็ชวนคนอื่นไปด้วยดิ้”

“ใคร” พูดด้วยเสียงเหยียดหยามอย่างรู้ดีว่าพวกเราสองคนไม่ค่อยคบหาสมาคมกับคนอื่นๆ ในคณะเท่าไร… แต่เราไม่จำเป็นต้องชวนแต่คนในคณะนี่!

“ไอ้แนทไง! ”

“อะไรกับกู? ”

“เฮ้ย! /เหี้ย” ผมกับไอ้เก่งร้องออกมาพร้อมๆ กันเมื่อจู่ๆ คนที่พูดถึงก็โผล่มาอยู่ตรงหน้า “ไอ้แนท มาไงเนี่ยมึง ตกใจหมด”

“เดินมา” แนทว่าพร้อมกับยกมือกอดอก “สอบเสร็จกันหรือยังพวกแก”

“แล้ว” ไอ้เก่งตอบ

“นี่มีอีกวิชาหนึ่ง เดี๋ยวก็เป็นไทล่ะ”

“โชคดีนะเพื่อน” ผมว่าบ้าง ไอ้แนทเลิกคิ้วให้ผม

“แล้วเมื่อกี้พูดอะไรถึงเรา”

“แค่คุยๆ กับไอ้เก่งว่าปิดเทอมน่าจะไปเที่ยวไหนกันบ้าง” ผมว่า “แล้วจะไปกันแค่สองคนก็ฟังดูน่าหดหู่เกินไป ก็เลยนึกถึงแกไง”

“ไอ้มิว” แนทส่ายหน้าน้อยๆ เหมือนเอือม “แกลืมคิดอะไรไปรึเปล่าวะ ไอ้เก่งมีแฟนแล้วมันก็ควรจะไปเที่ยวกับแฟนมัน ส่วนมึง…” พูดพร้อมกับพยักพเยิดไปด้านหลัง “ผัวมาแล้วนั่นน่ะ”

หือ?

ผมหันขวับไปมอง พี่กชกำลังเดินแยกจากกลุ่มเพื่อนของตัวเองเข้ามาหาผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไอ้แนทก้มลงกระซิบข้างหูผม

“แกรู้ไหมว่าเราเห็นแล้วนึกถึงอะไร”

“อะไร? ”

“หมาตัวใหญ่ๆ ที่เจอเจ้าของตัวเอง” พูดเสร็จแล้วก็ยิ้ม “กระดิกหางมาแล้วนั่น”

“ไอ้ห่าแนท” ผมต่อยไหล่มันไปที “อย่าว่าแฟนกู” ถึงผมจะแอบขำและเห็นด้วยกับที่มันพูดก็เถอะ แต่แฟนผม ผมมีสิทธิ์ว่าได้คนเดียวเฟ้ย

“มิว” พี่กชเลื่อนแขนมาโอบรอบบ่าผม “สอบเสร็จแล้วใช่ไหม พี่เองก็สอบหมดแล้วเหมือนกัน หลังจากนี้ก็ปิดเทอมแล้ว”

“ดีเลยครับ” แนทพูดยิ้มๆ “พี่จะได้พาแฟนไปเที่ยวไง เนอะมิว อยากไปไหนทำไมไม่บอกพี่กชล่ะ”

“อยากไปมาเก๊า” ผมแกล้งพูด พี่กชสะดุ้งเฮือกก่อนจะชักสีหน้าแหยๆ

“ไม่ไหวมั้งที่รัก”

พี่กชขอกลับไปคุยอะไรบางอย่างกับเพื่อนกลุ่มตัวเองอีกครู่หนึ่ง ไอ้เก่งมีนัดหลังจากนี้เลยปลีกตัวไป ส่วนแนทเหมือนจะรอจังหวะที่จะได้กับผมตามลำพัง มันก้มลงกระซิบกระซาบ

“มิว ถามไรหน่อยดิ”

“อะไร? ”

“พี่บอสมาคุยกับแกยัง”

ผมกะพริบตาปริบๆ “คุยอะไร”

“ก็แบบ… ปรับความเข้าใจอะไรกันงี้”

“เออ” ผมยกแขนขึ้นกอดอก “จะว่าไปล่าสุดพี่บอสก็มาชวนเราไปกินข้าวแล้วขอโทษที่เคยพูดจาไม่ดีใส่เราด้วย”

“งั้นเหรอ” ดูแนทจะยิ้มอย่างยินดี แต่ผมยังเล่าต่ออย่างเมามัน

“แถมนะ… แกรู้ไหม พี่บอสกับน้องมังกรเป็นคนคนเดียวกัน! ”

ถึงตรงนี้ไอ้แว่นเพื่อนผมก็นิ่งไปเล็กน้อย แต่มันดูไม่ตกใจเท่าที่ผมคิดนะ?

“แล้วแกรู้ได้ไง? ”

“บังเอิญหลายๆ อย่าง แต่รู้แล้วกัน”

แนทนิ่งไปครู่หนึ่ง ผมอ่านอารมณ์มันไม่ออกเลย แต่แล้วเจ้าตัวก็ยิ้มแล้วตบบ่าผมแปะๆ

“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”

“หืม? ”

“ก็แกอยากเจอน้องมังกรมาตั้งนานแล้วนี่”

“ก็ใช่” ผมว่า “แต่แกไม่ตกใจเลยเหรอวะ? ”

“เออ ก็นิดหน่อย” มันพูด แต่ผมว่าไม่อ้ะ เอ็งดูไม่ตกใจเลยสักนิด “แต่ตอนนี้กังวลเรื่องสอบอยู่ ขอตัวก่อนนะมิว ต้องไปอ่านหนังสือหน้าห้องสอบหน่อย”

“ตามสบายเพื่อน” ผมว่า เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่กชเดินกลับมาหาผมพอดี

“โทษทีที่ให้รอ” เขาว่ายิ้มๆ ยกแขนขึ้นโอบบ่าผม “งั้นไปหาไรกินกันนะ พี่อยากกินบิงซู”

“ไม่เอารสสตรอว์เบอร์รี่แล้วนะครับ” ผมดักคอ ไปกินทีไรพี่แกชอบสั่งแต่รสเดิมๆ เบื่อจะแย่ล่ะ

“งั้นชาไทย”

“ม่ายอ้ะ” ปฏิเสธขณะก้าวเท้าไปพร้อมคนข้างตัว ปัทที่บังเอิญเดินผ่านมาส่งเสียงทักทาย ผมหันไปโบกมือตอบให้เจ้าตัว

“แล้วมิวอยากกินรสอะไร”

“ชาโฮวจิ”

“โห ฟังดูไม่น่ากินเลย”

“ไม่ลองจะรู้ได้ไงอะพี่” ผมดักคอพร้อมกับหัวเราะร่วน เดินตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจของคนข้างตัว

ว่าแต่… ปิดเทอมนี้ผมจะชวนพี่กชไปเที่ยวไหนดี




------------------------------------------------
Talk: จบ แล้ว! //ชูสองมือกลางอากาศ// เดี๋ยวจะเอาบทส่งท้ายสวยๆ มาให้ทุกคนคราวหน้านะคะ^^ ส่วนบอสแนท(หรือแนทบอส) ที่หลายๆ คนขอกันมาอาจจะเปิดเรื่องไว้ก่อน ยังไงจะเอามาแจ้งให้ทุกคนทราบอีกทีค่า
ขอบคุณที่อ่านกันมาจนถึงตอนนี้น้าาาา รักทุกคนเลย >3< ม้วฟๆ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 29) P.6 [20/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-02-2018 19:39:09
อ้าวจะจบเสียแล้ว ชอบตรงที่ไม่ทีถุงก้อไม่ยอมนี่แหละ
พี่กชเชื่อเมียไว้เป็นดี
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 29) P.6 [20/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 20-02-2018 20:40:16
 :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 29) P.6 [20/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 21-02-2018 00:19:23
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 29) P.6 [20/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 23-02-2018 02:18:12
ฮืออ จบแล้ว ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทที่ 29) P.6 [20/2/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Airiณ ที่ 04-03-2018 18:24:04

บทส่งท้าย



“สวัสดีครับทุกคน กลับมาพบกับผม สไลม์สไมลส์อีกครั้งนะครับ ตามที่สัญญาไว้ว่าจะมาเล่นต่อจากคราวที่แล้ว วันนี้ก็กลับมาเจอกันอีกครั้งนะครับ” ผมเริ่มต้นคลิปอย่างสดใส สิ่งสำคัญที่จะทำให้คนดูตัดสินใจว่าจะดูคลิปเราต่อหรือไม่ก็อยู่ที่ตอนเริ่มนี่แหละ ยิ่งกับคนดูหน้าใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้ามาครั้งแรก ถึงผมจะทำคลิปมานานแล้วก็ตาม แต่หลายๆ คนอาจจะเพิ่งเข้ามาดูก็ได้ และถ้าอยากเขาติดตามเรา ผมก็มีแต่ต้องทำให้มันน่าสนใจในแบบของผมเท่านั้นแหละ

“เย้! ” พี่กชที่ออกกล้องด้วยกันชูสองมือขึ้นบนอากาศ เรื่องล้นๆ นี่ขอให้บอก

“และคราวนี้เราก็มีแขกรับเชิญขาประจำที่ทุกคนคงเห็นกันจนเบื่อแล้ว”

“เดี๋ยวๆ ๆ ๆ ” พี่กชค้านพร้อมกับดึงผมไปล็อกคอ ผมแกล้งร้องโวยวายว่าหายใจไม่ออก “ไม่จริงเลย คนดูมิวไม่เคยบอกว่าเบื่อพี่เลยสักนิด ตรงข้ามเลย คลิปไหนพี่ไม่มานะ คอมเม้นท์ถามหากันระนาว”

“เหรอครับ”

“ใช่สิ

“จริงเหรอ? ”

“แน่นอน”

ผมแกล้งส่งยิ้มแบบไม่เชื่อถือให้เขา รุ่นพี่ตัวแสบยิ้มแบบไม่ยี่หระกลับมาให้ จากนั้นพวกเราถึงได้เริ่มเล่นเกมและอัดคลิปกัน

หลังจากที่คลิปจบ ผมกดปิดการอัดลงเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่กชลุกออกจากเก้าอี้ ยืดตัวขึ้นแล้วบิดขี้เกียจแรงๆ เห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ ทำอย่างกับเพิ่งออกกำลังมาอย่างหนักหน่วงงั้นแหละ

“อะไรพี่ แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอ แก่แล้วสินะครับถึงได้ล้าง่ายแบบนี้”

คนโดนหาว่าแก่หันกลับมายิ้มให้อย่างไม่ทุกข์ร้อน ไม่สิ ออกแววท้าทายเลยด้วยซ้ำ พี่กชเดินเข้ามาประชิดตัว วางมือลงบนพนักเก้าอี้ผมแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจเป่าแก้ม

“อยากรู้ไหมล่ะว่าแก่หรือยังไม่แก่ พิสูจน์กันบนเตียงเลยดีกว่า”

“หื่น” ผมตะปบมือลงบนหน้าเขาเต็มๆ “นี่ยังเพิ่งหัวค่ำอยู่เลยแท้ๆ แต่ก็คิดเรื่องอย่างว่าแล้วเหรอครับ จิตใจทำด้วยอะไร”

พี่กชตอบคำถามด้วยการตวัดลิ้นเลียลงบนฝ่ามือผมเต็มๆ ผมชักมือออกอย่างตกใจ มองหน้าคนอายุมากกว่าที่หัวเราะก๊ากอย่างไม่อยากจะเชื่อ โอ๊ย ให้ตาย บางทีพี่แกก็ทำตัวเป็นเด็กได้อย่างน่าสรรเสริญจริงๆ

“พี่กช! ”

“อะไร” ยังอีก ยังหัวเราะไม่เลิก

“จะมาเลียมือผมทำไมเนี่ย!? ”

“มันเขี้ยว” พูดพร้อมกับหัวเราะหึๆ “ก็เห็นเอามาประเคนให้ถึงปากเลยนึกว่าอยากให้ชิม”

ผมไม่สนข้ออ้าง พุ่งตัวเข้าไปประชิดตัวพี่กชแล้วปาดฝ่ามือลงบนไหล่เขาทันที เท่านี้ก็เท่ากับผมเช็ดคราบน้ำลายสกปรกไปแล้วเรียบร้อย เยส!

“เฮ้ย! ” พี่กชโวยวาย ก้าวเท้ายาวๆ มาหาผมบ้าง “ไอ้ตัวแสบ เล่นแบบนี้ใช่ไหม”

“ผมไม่ผิดนะ! พี่ต่างหากที่เริ่มก่อน” จะรออะไรล่ะ หนีสิครับ! แต่การวิ่งไล่จับในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายวัยเจริญพันธุ์สองคนควรทำกัน แถมพี่กชถึงจะตัวใหญ่กว่าแต่เขาปราดเปรียวแล้วก็เคลื่อนไหวร่างกายคล่องมากๆ ประสาคนที่ชอบทำกิจกรรมเอาท์ดอร์ ไม่ถึงสามนาทีต่อมาผมก็มานอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงโดยมีพี่กชคร่อมอยู่ด้านบน

“จับตัวได้แล้ว” พูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ หน็อย คิดว่าตัวเองชนะแล้วเหรอ ผมไม่ยอมง่ายๆ หรอก!

“ปล่อยพี่” ว่าแล้วผมก็ดิ้นสุดแรง ทำท่าจะยกขาขึ้นไปเตะลำตัวเขา แต่พี่กชไวกว่า เขารีบใช้ขาตัวเองกดทับขาผมไว้ทั้งสองข้างไม่ให้หนีไปไหน โอเค ก็ได้ ยอมแพ้ เสียท่าจริงๆ รอบนี้

“ไหน บอกพี่มา” พูดเสียงเข้มเชียว คิดว่าผมจะกลัวเหรอ “เอามือมาเช็ดเสื้อพี่ทำไม หืม? ”

“ก็มันสกปรกไหมล่ะครับ” ผมโต้ตอบอย่างไม่หวั่นเกรง พี่กชแกล้งร้องอ้อแล้วพยักหน้าเนิบๆ

“สกปรก? น้ำลายพี่สกปรกสินะ ดีล่ะ”

“พี่กช… เดี๋ยว! ” แต่ผมห้ามเขาไม่ทัน ตอนนี้พี่กชเริ่มลากลิ้นลงบนซอกคอ ไล้ขึ้นมาที่ใบหู ครอบปากลงบนนั้นพร้อมกับกวาดลิ้นไปมาอย่างซุกซน “ฮะ… ฮื้อ พี่กช อ๊ะ…”

ผมละลายอยู่ในอ้อมแขนเขาเหมือนช็อกโกแลตที่เจอแดดประเทศไทย ทำได้แค่หอบหายใจระรัวระหว่างที่พี่คนด้านบนแทะโลมร่างกายตัวเอง ริมฝีปากร้อนเล้าโลมอยู่ที่ยอดผ่านเสื้อของผม ให้ตาย เสียวชะมัด… และเพราะแบบนั้นผมถึงได้เผลอแอ่นอกขึ้นให้เขา แต่พี่กชไม่ยอมทำตามความปรารถนาของร่างกายผมง่ายๆ เขาเลิกเสื้อผมขึ้น ไล้ฝ่ามือลงบนหน้าท้องจากนั้นก็เริ่มซุกซนไปยังใต้กางเกง

“ไม่ต้องห่วงนะ” พี่กชกระซิบข้างหูเมื่อเห็นว่าอารมณ์ผมไต่ขึ้นตามการหยอกเย้าของเขา “รอบนี้อุปกรณ์พร้อมมาก เพิ่งซื้อถุงยางกล่องใหม่มาเอง”

อ้อ เหรอ ดีใจจังที่ได้รู้

“พี่รักมิวนะ”

ผมยิ้มออกมาบางๆ ทั้งที่หน้าแดงระเรื่อ เคลื่อนหน้าขึ้นไปหอมแก้มร่างสูงฟอด

“ผมก็รักพี่ครับ”

“ให้ตาย” เขากระชากกางเกงผมออก โยนลงบนพื้นอย่างเร่งร้อน “บอกรักก่อนทำอะไรกันนี่เซ็กซี่ชะมัด”

“ฟินสุดๆ เลยล่ะสิ”

“มากๆ เลย”

“ผมยังตัดต่อคลิปไม่เสร็จเลย” พูดเสียงกลั้วหัวเราะ แต่ในใจน่ะกำหนดเวลาไว้แน่นอนแล้วว่าต้องไปทำคลิปต่อตอนกี่โมง

ไม่ได้หรอกครับ จะมาเอาใจแต่พี่กชคนเดียวไม่ได้ พี่กชเป็นแฟนผมก็จริงแต่ผมก็มีแฟนคลับอีกหลายคนที่ต้องเทคแคร์นะ ถึงจะมีบางกลุ่มที่เลิกติดตามช่องผมไปอย่างถาวรจากเรื่องที่ผมโกหกเรื่องคบกับพี่กชก็เถอะ แต่การที่ผมยังทำคลิปต่อไปเรื่อยๆ ก็เรียกคนดูกลุ่มใหม่เข้ามาได้เช่นกัน

“เดี๋ยวปล่อยให้ไปทำต่อนะ” พี่กชว่าราวกับอ่านความคิดผมได้ เขายกขาข้างหนึ่งของผมขึ้นไปพาดเอว “แต่ตอนนี้ขอเวลาส่วนตัว”

“แน่นอนครับ” ผมพูดยิ้มๆ “ว่าแต่เกมต่อไปเราจะเล่นอะไรกันดี จำที่ผมให้พี่เลือกได้ไหม”

“ฮื่อ” พี่กชคำรามเหมือนไม่พอใจนิดหนึ่งขณะก้มหน้าลงมาจูบปิดปากผม “อย่าเพิ่งพูดเรื่องเกมตอนนี้น่า”

“ก็ได้ครับ” การพูดเรื่องอื่นคือการเลี่ยงความเขินของผมเองแหละ ทำไงได้ล่ะ

“อ้อ แต่...” พี่กชยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถ้าพูดเรื่องเกมบนเตียงของเราก็ไม่ว่านะ”

“! ”

ผมหน้าแดงเถือก และเหมือนนั่นทำให้พี่กชยิ่งได้ใจเพราะเขาหย่อนระเบิดลงมาอีกลูก

“เออ ลืมไป ของแบบนี้มันพูดไม่ได้เนอะ ต้องทำเลย”

“พี่กช! ”

บางครั้งผมก็หมั่นไส้เสียงหัวเราะของไอ้รุ่นพี่คนนี้สุดๆ เลย





-Fin-







--------------------------------------------

Talk: เอาบทส่งท้ายมาปิดฉากกันแบบสวยๆ ค่า XD ขอโทษที่ทิ้งช่วงซะนานเลยนะคะ >__< พอดีว่าช่วงนี้ยุ่งพอสมควร

ขอบอกกันอีกรอบเนอะว่านิยายเรื่องนี้จะตีพิมพ์กับสนพ. Deep Publishing และจะออกในช่วงเดือนพ.ค. นะคะ เดี๋ยวมีรายละเอียดเพิ่มเติมหรือความคืบหน้าใดๆ ไอรินจะเอามาบอกทุกคนน้า~ ขอบคุณที่เอ็นดูพี่กชกับน้องมิวมาตลอดค่ะ อย่าลืมไปติดตามพี่บอสกับน้องแนทในเรื่องต่อไปด้วยนะคะ

แล้วเจอกันในโอกาสหน้าค่ะ <3
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 04-03-2018 19:59:06
จบแล้วววว แม้แต่ตอนจบพี่กชก็ยังหื่น ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-03-2018 20:03:51
พี่กชน้องมิวรักกันร้อนแรงดีมาก
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 04-03-2018 21:53:38
จบแบบสมกับเป็นพี่กชคนหื่นค่า :z1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-03-2018 22:02:54
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-03-2018 00:41:43
พี่กชคนหื่น
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 06-03-2018 18:07:29
 o13
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 08-03-2018 12:12:09
สนุกดีค่า อ่านเพลิน

บวกๆจ้า^^
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 04-05-2018 21:58:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 05-05-2018 20:19:55
เพิ่งเข้ามาอ่านรวดเดียวจบ
มิวน่ารักมาก หนุ่มแว่น กรี๊ดดดดดด    แต่หมั่นไส้กชมาก ขี้หึงสุด5555555

รอเรื่องของบอสแนทนะคะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะสู้ๆ :กอด1:

ปล.แนทนี่ก็หนุ่มแว่น เราชอบ55555
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 24-07-2018 04:57:03
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 25-07-2018 18:11:44
มิวมิว กับ พี่กช น่ารักมาก
ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 25-07-2018 23:37:33
 :pig4: น่ารักมากกกกก  พี่กชโรแมนติกสุดๆ   :L1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 05-08-2018 17:49:40
พี่กชคนหื่น
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 08-08-2018 02:10:16
 :pig4: น่ารักมากกกกกกมิวหนูน้อย พี่กชสุดหื่น นุ้งมังกรน้อยนี่เอ็นดูสุดดดดดด :pig4:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 06-10-2018 13:18:42
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: pradoza ที่ 21-02-2019 20:06:29
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 21-02-2019 21:21:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Carina ที่ 06-08-2019 22:40:53
รักความนว้องงของมิวมิว น่ารักมากค่า ขอบคุณมากนะคะ  :L2:  :L1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 05-11-2019 10:11:49
อ่านจบแล้วจ้า ถ้านี่เป็นกชจะตบอีก้อยไปสักฉาด สาระแนนัก  :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: OmleteO. ที่ 22-11-2019 22:42:05
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
สนุกดีค่า พี่กชนี่โกลเด้นท์ดีๆนี่เอง 555 น่ารักมากค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะคุณนักเขียน
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 11-12-2019 15:26:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 19-12-2019 19:10:03
 :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 05-04-2020 13:49:56
สนุกแล้วก็น่ารักมากๆเลยค่ะ // ขอบคุณ​นะ​คะ​
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 14-04-2020 12:47:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 14-03-2024 20:41:36
aIS ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 27บ./1วัน กด *777*7021*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7023*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 38บ./2วัน กด *777*7380*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 59บ./3วัน กด *777*7096*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 129บ./7วัน กด *777*7098*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 139บ./7วัน กด *777*7220*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 375บ./30วัน กด *777*7153*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 800บ./90วัน กด *777*7379*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,200บ./180วัน กด *777*7328*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,800บ./365วัน กด *777*7329*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7381*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 32บ./1วัน กด *777*7084*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 130บ./7วัน กด *777*7629*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 161บ./7วัน กด *777*7382*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *777*7383*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 380บ./30วัน กด *777*7631*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย15นาที 155บ./7วัน กด *777*7630*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 35บ./1วัน กด *777*620*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 38บ./1วัน กด *777*7627*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 58บ./2วัน กด *777*7628*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 45บ./1วัน กด *777*7151*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 246บ./7วัน กด *777*7221*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 470บ./30วัน กด *777*7632*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 59บ./2วัน กด *777*7384*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *777*7154*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *777*7159*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 1,285บ./90วัน กด *777*7398*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 49บ./1วัน กด *777*7209*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 81บ./2วัน กด *777*7385*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 289บ./7วัน กด *777*7210*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 910บ./30วัน กด *777*7211*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 59บ./1วัน กด *777*7386*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 102บ./2วัน กด *777*7387*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *777*7388*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,177บ./30วัน กด *777*7389*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,925บ./90วัน กด *777*7399*117010#
21 บาท 1 วัน  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ช่วงเวลา 05.00 - 17.00 น.  โทรครั้งละไม่เกิน 30 นาที  กด  *777*231*117010#
22 บาท 100 นาที  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ได้  100 นาที  อายุ  1  วัน  กด  *777*246*117010#
aIS  สมัคร  โทรไป  จีน,  ฮ่องกง,  มาเลเซีย,  สิงคโปร์,  เกาหลีใต้,  อินเดีย
*777*3801*117010#
ราคา  99  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  1.54  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  ลาว,  กัมพูชา,  เมียนมาร์,  เวียดนาม 
*777*3802*117010#
ราคา  119  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.78  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  สหรัฐอเมริกา,  แคนนาดา 
*777*3803*117010#
ราคา  129  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.01  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  เยอรมนี,  สหราชอาณาจักร,  ญี่ปุ่น,  ฝรั่งเศส
*777*3804*117010#
ราคา  159  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  3.71  บาท
เวลาโทร  กด
003  รหัสประเทศ  รหัสเมือง  เบอร์ปลายทาง
เช็คเน็ต aIS คงเหลือ  กด  *121*32#  โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง aIS กด  *545#  โทรออก
ยกเลิกข้อความ SMS กินเงิน  กด  *137  โทรออก
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ aIS กด  1175  โทรออก
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด  #โปรเสริมเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)



เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า AIS ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)
หัวข้อ: Re: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 19-03-2024 14:42:21
 :pig4: