พิมพ์หน้านี้ - >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< จบแล้ว up 23 03 57

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: loveice ที่ 28-04-2013 15:33:58

หัวข้อ: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< จบแล้ว up 23 03 57
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 28-04-2013 15:33:58
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



:serius2: :serius2: น้องปี 1 สุดซ่า   กับ  พี่นักศึกษาสุดเท่ห์ :hao3: :hao3:




คำเตือน
         

 
  นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความสนุกบันเทิงเท่านั้น  มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับชีวิตจริงทั้งสิ้น
และหากตัวละครใดๆชื่อเหมือนท่านขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย  ชื่อสถานที่และการกระทำต่างๆของตัวละคร
ล้วนแล้วแต่ผู้แต่งคิดขึ้นเองทั้งสิ้น มิได้เป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด    โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมครับ




 :L2: :L1: :L2: :L1: :L2: :L1: :L2: :L1: :L2: :L1: :L2: :L1: :L2: :L1: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<<
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 28-04-2013 15:40:00
แนะนำนิดหน่อยเกี่ยวกับตัวละคร^_^



1 สแกน   

       หนุ่มทายาทเจ้าของกิจการโรงแรมในกรุงเทพ หรือแม้แต่ หอพักแถวรั้วมหาลัย  ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นของพ่อเค้าหมด เค้าดูเพียบพร้อมทุกอย่างนะคนคนนี้  เป็นคนขี้เก๊ก มาดนิ่งๆ อีกด้วย แต่ที่ทำไปแบบนั้นคือไม่ถนัดนักในการเข้าหาเพื่อนๆคนอื่นก่อน ฟอร์มเยอะว่างั้นเหอะ ที่ต้องเก๊กไปแบบนั้นเพราะมั่นใจว่าเค้าหล่อระดับซุปเปอร์สตาร์  อีกอย่างก็คือหวานไม่เป็น แต่จะปฏิบัติมากกว่า   เหมือนจะควงสาวได้ไม่เลือกหน้า แต่สแกนคนนี้สุภาพบุรุษรักเดียวใจเดียว และแน่นอน เค้าไม่เอาเปรียบเพศที่อ่อนแอกว่า ทั้งยังใจดีกับเด็กและคนชราอีกด้วยและก็โสดครับ  เค้ารวยแต่มักไม่ออกตัว ชอบทำตัวชิวๆเพราะไม่มีใครคิดจะทำอะไรเค้าได้ ไม่ชอบให้ใครมาเจ้าจี้เจ้าการนัก


2 เลย์   

        รึอีกชื่อที่น้องสาวเรียกว่าโปเลย์ เป็นหนุ่มไฟแรง หน้าหล่อคม  มักโดนล้อประจำว่าเป็นผู้ชายฉายา ลังเล ไหงเป็นงั้นก็ไม่รู้  อาจจะเป็นเพราะไม่กล้าตัดสินใจ แต่ถ้าตัดสินใจไปแล้วยากที่จะเปลี่ยนใจ  เป็นคนไม่ค่อยยิ้ม ขี้อาย ไม่ชอบเข้าสังคมคนเยอะๆ บ่อยครั้งที่มีสาวๆเข้ามาหาแต่เลย์เองชอบคิดว่าสาวๆที่เข้ามาในชีวิตเค้าต้องการเพราะเงินเท่านั้น ไม่ได้รักเค้าจริง  วันๆก็อยู่แต่กับ สแกน กับ ใจเจ๋ง มี Aston Martin One-77  รถยุโรปคู่ใจที่ราคากว่า43 ล้านบาท ขับมามหาวิทยาลัยทุกวัน  หลายคนเห็นจำต้องตาร้อน โดยเฉพาะในหมู่เพื่อนผู้ชายในรั้วมหาวิทยาลัยเอง   ก็แหมรวยซะ…. เค้าเป็นลูกคนโต มีน้องสาวอายุเพียง 10 ปี ชื่อ เดย์ลี่ รึว่าเดย์ รักน้องสาวคนนี้มาก




3 ใจเจ๋ง 


      อาตี๋หนุ่มทายาทเฮียกง ลูกชายคนเล็กสุด  เจ้าของตลาดห้างทองใหญ่ที่สุด หลายสาขาทั่วกรุงเทพมหานคร  เป็นคนขี้อ้อน ออกแนวเพลบอย รูปร่างหุ่นเหมือนนายแบบ ดูปุ๊บปิ๊งปับ อ้อนเฮียกงตลอด  ชอบมีคำๆนี้หลุดปากบ่อยมาก “ ป๊า ม๊า  รักเจ๋งปะ ถ้ารัก นะเจ๋งอยากได้…….”  อยู่ร่ำไป   เป็นเพื่อนที่ดีคนนึง อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนคุยให้สแกนกับเลย์ของเราได้ยิ้มออก  เพราะชอบขี้เก๊ก  ใจเจ๋งเองมักถูกเกี๊ยวปลาพูดเสมอว่า  ไอ้ใจเจ๊ง   แต่จะเจ๊งรึว่าไม่เจ๊งต้องรอดูต่อไป  เสน่ห์เค้าคนนี้มากมายเหลือหลาย  อาหมวยรึว่าสาวไทยก็ชอบ ไม่น้อยหน้า แถมเป็นพ่อหนุ่มที่ร้องเพลงได้เพราะอีกต่างหาก   แต่เกี๊ยวปลากลับไม่ชอบซะงั้น




4 ข้าวตู   


          เด็กหนุ่มน่ารักรุ่นใหม่หัวใจวัยรุ่น ลูกหลานชาวนาแท้จริง เศรษฐีบ้านไร่ เพราะเค้าเป็นลูกกำนันที่ภาคอีสาน ไม่กลัวฟ้ากลัวตะวัน  ชอบทำตัวเองให้สนุก  ไม่ชอบขัดใจตัวเอง แต่อยู่ในกรอบที่ดีงาม  เป็นคนดีของป้ามะลิผู้เลี้ยงดูในกรุงเทพ  ชอบสิ่งที่ถูกต้องที่สุด    แต่โชคชะตาเล่นตลกอย่างจังที่ได้กรุณาให้เค้ากับพี่สแกนสุดเก๊กต้องมาเป็นคู่กัดกันตลอดๆ ทางพี่สแกนของเราเองก็ไม่ชอบ ให้ใครเจ้ากี้เจ้าการเสียด้วย  ข้าวหอมเองไม่ชอบคนที่ยกหาง  ตัวเอง  เพราะรู้สึกว่ามโนภาพเองมากเกินไป  อยู่ของความจริงบ้างอะไรบ้าง=_=



5  ปาร์ตี้     



         เพื่อนชาวจังหวัดตะวันออก  มาจากจังหวัดตราด ยิ้มมีเสน่ห์ น่ารัก  ยิ่มเวลาถอดอแว่นยิ่งน่ารัก พอใส่แว่นกลับน่ารักน่าเอ็นดูแบบเอ๋อๆ  ติดความมีกิริยามารยาทที่ดีกับคุณยายตั้งแต่เด็ก เลยติดคำว่าครับ ครับ  ขอโทษครับ  ขอโทษจริงๆครับ  นิดๆหน่อยๆก็ตกใจไปซะ ทุกเรื่อง  ทำให้บางครั้งที่เลย์เห็นต้องแอบอมยิ้ม รึว่ายิ้มออกกับความใสซื่อของเค้าได้ดีทีเดียว  และปาร์ตี้เองเค้ายังมีสวนผลไม้ที่จันทบุรีอีกไม่ต่ำกว่า 200 ไร่เลยนะ ศรัทธาในความรักว่าสักวันคงจะเจอรักแท้   




6  เกี๊ยวปลา 


          ตระกูลเชื้อจีนที่ต้องทำตามป๊ากับม๊า มาอยู่กับอาม่าอากงที่กรุงเทพ  มาคอยดูแลแถวย่านเยาวราชอะนะ เป็นคนสดใส ร่าเริงไม่ชอบคนหน้าบึ้ง  ไม่ประทับใจ พี่ใจเจ๋งอย่างแรง  ที่ชอบทำตัวแซวสาว นี่เป็นเหตุผลให้เกี๊ยวปลาพูดเสมอว่า “ขอให้แกหัวใจเจ๊งๆไปเลย” แต่จริงๆก็เป็นธรรมดาของผู้ชายนะ  แล้วนี่เกี๊ยวปลาทำไมต้องไม่ พอใจ  เพราะอะไร ……แถมทางป๊ากับม๊าของใจเจ๋งกับเกี๊ยวปลายังมารู้จักกันอีก  เรื่องราวจะเป็นยังไงติดตามจ้า




บทนำ
     


     สวีดัด สวัสดีครับ  เปิดฉากไม่เหมือนบ้านเหมือนเมืองจริงๆ  กับนิยายเรื่องใหม่ของผม ดีใจตื่นเต้นและตื้นตันใจมากๆ  เพราะกำลังใจล้นหลามมาก( เว่อร์ไปเว่อร์ไป 555 )
     บทนำเรื่องนี้จะพาผู้อ่านไปอ่านบทสัมภาษณ์ตัวละครดีกว่าเนาะ เพื่อไม่เสียเวลาตามไปกันเลยดีกว่า

“สวัสดีผู้อ่านทุกคนนะครับ  ที่กำลังพูดอยู่นี้สแกนเองนะครับแล้วก็น้องข้าวตู นี่เลยยืนอยู่ด้านข้างผมนี่แหละ  อยากบอกว่าคู่ของผมจะออกแนวเอ่อ  คนนึงซ่ามาก แต่อีกคนออกขรึมๆ เก๊กๆ ประมาณนี้นะครับ  ”

“แล้วมีช่วงไหนที่จะดราม่าบ้างไหม”

“ก็มีครับตอนไปขอลูกชายเค้าที่ภาคอีสาน  แต่กำนัน พ่อของข้าวตูไม่เห็นด้วย  ทำให้เราเกิดท้อ  แล้วยังต้องฝ่าด่านวัดใจพ่อตาอีกนะครับ ฮ่าๆๆ”

“แล้วข้าวตูมีอะไรอยากจะบอกผู้อ่านหน่อยใหม่”

“อืมก็ เรื่องนี้เรื่องใหม่ ใหม่มากๆเลยก็ว่าได้ของผู้แต่งเนาะ  ข้าวตูไม่อยากพูดอะไรมาก อยากให้ติดตามเองดีกว่า  ตัวตนข้าวตูจะออกแนวสู้คน ไม่ยอมคน รักในสิ่งที่ถูกต้องเนาะ นะครับยังไงก็  อย่าเพิ่งไม่ชอบข้าวตูนะครับ  แต่รับรองสนุกแน่นอนครับ”

“อะไรๆ แค่นี้”

“โอ้ยพอแล้วผมพูดไม่เก่ง”

“ตอแหลไอ้ข้าวตูในนิยาย พูดซะพี่สแกนเค้าเบื่อ  แทบอยากจะหาอะไรอุดปาก”

“เฮ้ยอย่าเพิ่งบอกผู้อ่านดิ  จะไม่สนุกนะผู้แต่งอ่ะ”

“เออ ขอโทษลืมตัว  ไปแล้วๆ ยังมีอีกหลายคู่ เฮ้อ ”

    ให้ตายเถอะคู่นี้ทำเส้นผู้แต่งมาก  นี่ผมแต่งพวกมันมานะ ไม่ได้ๆ อย่างนี้ต้องแต่งบทลงโทษด้วยดีไหม




“ผ่านไปแล้ว 1 คู่  ตามมาที่เต็นท์เลย  นี่ไงพระเอกสุดหล่อ  โปเลย์ รึว่า เลย์ของเรานะครับ กำลังอ่านบทอยู่  ว่างเปล่าตัวเอง”

“สวัสดีครับผู้อ่านทุกคน ว่างครับว่าง”

“แหมว่างเร็วนะ เมื่อกี้ยังเห็นอ่านบท”

“ไม่จำเป็นครับ แค่กลัวพูดผิด แต่บทบาทจริงผมสื่อได้ สื่อให้น้องปาร์ตี้ได้ครับ ก็ชอบเค้าแล้วอ่ะเนาะ”

“แหมๆ แรงนะๆ  มีอะไรจะบอกผู้อ่านบ้างรึเปล่าเรื่องใหม่นี้”

“ครับก็ เรื่องราวของเลย์เองนะครับ  ก็ขี้กังวล ขี้อาย ไม่กล้าตัดสินใจ  จนเพื่อนๆในเรื่องบอกว่า ผมชื่อ ลังเล ฮ่าๆ  ก็กลัวว่าผู้หญิงที่เข้ามาชอบเราเค้าเห็นว่าเรารวยอย่างเดียวรึเปล่าอะไรงี้ หวังเงินอย่างเดียวรึเปล่า รึว่ารักเราจริงๆ”

“ไม่หรอกมั้ง  หน้าตาหล่อเทพขนาดนี้”

“บทพี่  มันเป็นบทบาท  พี่แต่งให้ผมเป็นแบบนี้”

“อ้อหรอครับ เออใช่ๆ  ไม่มีอะไรต่อแล้วเนาะ เออ เรามาดูด้านน้องปาร์ตี้ดีกว่า  คำถามแรกชอบพี่เลย์ป่ะ?”

“ชอบครับ”

“โอโห ตอบเสียงดังฟังชัด พระเจ้าช่วย ไอ้เลย์ยิ้มใหญ่แล้วหันไปดูดิ   แล้วเราจะบอกอะไรผู้อ่านหน่อยไหม”

“ก็ติดตามปาร์ตี้ด้วยนะครับ  เป็นคนซื่อๆ  ประมาณว่าอ่อนต่อโลก แต่จริงๆไม่ใช่เนาะ  ฮ่าๆๆ  พี่เลย์เค้าเลยชอบ  เพราะเราเป็นตัวของเราแบบนี้ แล้วก็ไปเจอกันที่แรกก็เกิดความรู้สึกแบบว่าพี่เค้าเป็นคนกังวลไปรึเปล่าประมาณนี้อ่ะ  หมดแล้ว บอกหมดเดี๋ยวไม่สนุก”

“อ้อ โอเคๆ  คู่สุดท้าย อยู่ทางไหนนะ  อืม อ้อๆ  อยู่ทางโน้นแหน่ะ เฮ้ยขึ้นมาก่อนพากันไปเล่นน้ำเฉยเลยครับผู้อ่าน”

“ทุกวันแหละปาร์ตี้เห็นพี่ใจเจ๋งกับเกี๊ยวปลาไปเล่นน้ำทุกวัน”

“โอ้โห  นี่ไม่ได้แต่งบทให้มีการเล่นน้ำนะ”

“ไม่รู้สิ  ลองไปถามพี่ใจเจ๋งดูนะ”




5 นาที ผ่านไป

“สวัสดีครับผู้อ่าน ขอเสียมารยาทนะครับ ท่อนบนไม่ได้ใส่เสื้อ เพิ่งเล่นน้ำมา”

“สำคัญตัวหรอ  คิดว่าผู้อ่านจะฟินไหม  ”

“แน่นอน  โห คุณผู้อ่านครับ มาดูกล้ามผมเนี่ยสุดๆ  ซิกแพค ไม่ต้องพูดถึง หุ่นนักกีฬาชัดๆ สาวๆที่มหาลัยชอบจะตาย ส่วนเรื่องราวของผมก็ประมาณว่าเพลบอยอ่ะครับ  แต่วันนึงไปเจอเกี๊ยวปลาเข้า ก็เลย งงว่าไอ้เด็กคนนี้มายุ่งไรวะ อะ อ้าว พี่ พี่ น้องเกี๊ยวปลาหาย”

“ไม่เป็นไรๆ  พูดต่อๆ  ผู้อ่านเค้ารออยู่”

“ครับก็เกี๊ยวปลาไม่ชอบให้เราทำแบบนั้น  ก็กลายเป็นว่าถูกน้องเค้าแช่งให้ใจผมมันเจ๊งไปเลย ฮ่าๆๆ”

“อ้อจากใจเจ๋ง เป็นใจเจ๊ง ซะงั้น  โอเคๆ  เดี๋ยวให้ใจเจ๋งไปตามเกี๊ยวปลาก่อนเนาะ”




5 นาทีผ่านไป

“อะไรเนี่ยคู่นี้เปลืองเวลาจริงๆ  คู่อื่นเค้าแปบเดียวเสร็จแล้ว”

“ขอโทษครับพี่  พอดีเข้าห้องน้ำ ปวดท้องนิดหน่อย”

“เฮ้ย ไม่ต้องบอกละเอียดขนาดนั้น  นี่ออกอากาศนะ( แซวๆ )”

“เฮ้ยจริงหรอพี่ คัดก่อนๆ  ”

“ไม่ต้องพูดมามีอะไรจะบอกผู้อ่านของเราบ้างเกี่ยวกับคู่ตัวเอง”

“ก็พี่ใจเจ๋งบอกไปหมดแล้วอ่ะเนาะ  เกี๊ยวเองก็ไม่ชอบพี่เค้า ไปกวนบ่อยๆ กลายเป็นว่าเค้าโมโหที่ไปยุ่งมากไป  กลายเป็นว่ามายุ่งเราแทน  แล้วพอนานๆไปก็รู้สึกแบบว่า เฮ้ยมันใช่แน่หรออะไรงี้ เพราะเรายังไม่เคยมีใจชอบผู้ชายอะไรอย่างนี้นะ  พอแล้วบอกหมดไม่สนุก”

“อ้าว  บทจะตัดก็ตัดไป  ครับท่านผู้อ่าน นี่คือบทนำนิยายเรื่องใหม่ของผม  ที่สุดแหวกแนวมาก  ไม่เหมือนบ้านเหมือนเมือง ปกติ
จะเริ่มเรื่องตอนที่ 1 เลย เรื่องนี้พิเศษหน่อยมาเปิดฉากบทนำ วันนี้ลาไปก่อน  พบกันในนิยายเลยแล้วกันตอนที่ 1 อัพวันไหนไม่รู้
ด้วยสิ ฮ่าๆๆแต่จะมาให้เร็วที่สุดนะ สวัสดีครับ บ้าย บาย ”


เรื่องวุ่นวาย แสบๆ คันๆเคมีไม่ตรงกันอย่างนี้  กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ แล้วคุณจะรู้ว่าความรักมันดีอย่างไร  น่ารักแค่ไหน  บางทีคุณอ่านไปๆอาจจะคิดอยากมีความรักกับเค้าบ้างก็ได้นะ


COMING SOON !!



 :mew3: :mew1: :mew3: :mew1: :mew3: :mew1: :mew3: :mew1: :mew3: :mew1:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<<
เริ่มหัวข้อโดย: อยากกินไข่พะโล้ โปะ ที่ 28-04-2013 16:38:16
ว้ายยย  ฟิน
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<<
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 28-04-2013 18:37:14
+1ให้ก่อนเลย :pig2:
ถ้าจะสนุกนะเนี่ย
มาต่อตอน1เร็วๆๆเน้อ
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<<
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 28-04-2013 19:41:57
เปิดตัวแปลกมากกกกกกกก :katai2-1:

มารอตอนต่อไปจ้า  :katai5:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<<
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 29-04-2013 11:31:32
อ่ะๆ จุดพรุฉลองกับนิยายใหม่ของผมก่อนนะ^^ :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: 
เปิดตอนแรกด้วยความสดใส  อาจจะไม่อะไรมาก  สำหรับตอนนี้  เชิญอ่านได้เลยจ้า^^






:serius2: น้องปี 1 สุดซ่า กับ พี่นักศึกษาสุดเท่ห์ :hao3:
ตอนที่ 1


                ดูเหมือนกามเทพตัวน้อย จะเริ่มเตรียมยิงธนูเข้าไปในเช้านี้ที่จังหวัดหนองคายเป็นที่แรก  ที่นี่วันนี้ดูจะไม่ค่อยเงียบเท่าไหร่  ในแถบชุมชนนี้   เสียงหนุ่มผู้ชาย ตัวเล็ก ในตาแน่วแน่  แต่ดูเหมือนจะซนๆปนๆอยู่ภายในแววตา  กำลังวิ่งไปที่วัดอย่างกุลีกุจอ  ไปทำไมนะหรอ  ไปบอกข่าวดีให้แม่กับพ่อเค้ารู้ไง   ว่าลูกชายพ่อกำนันคนนี้เค้าไปสอบโควตาแล้วติดที่มหาวิทยาลัยรัฐในกรุงเทพที่หนึ่ง  ด้วยความดีใจ จึงต้องวิ่งจากบ้านมาแบบนี้   ช่วงระหว่างทางก็  มีคนทักๆไป  มีแซวบ้างอะไรบ้าง  แต่เค้าคนนี้ก็บอกไปยิ้มไปวิ่งไป  ไม่ยอมหยุด จนมาถึงบ้านป้าคนหนึ่ง ที่หนุ่มน้อยคนนี้รู้จักดีทีเดียว

 “เฮ้ย ไอ้ข้าวตู  แกเป็นอะไรของแกวะ ร้องตะโกนดีใจอะไร รึว่าผีมันเข้า” ป้าร้านขายของถามด้วยความตกใจ

“แหมๆ เปล่าจ้ะ ป้า  ฉันแค่กำลังจะไปบอกข่าวดีกับพ่อ กับแม่นะจ้ะ  ไปแล้วๆป้า”

“เออๆ   พ่อกำนันกับแม่กำนันเอ็งนะอยู่ที่วัด  แกอย่าไปแหกปากตอนพระสวดละกัน ”

“โถ ป้า น้อยๆหน่อยเถอะ ฉันลูกชายพ่อกำนันนะจ้ะ  ไม่ไปสร้างวีรกรรมในวัดหรอก  ทำไปเดี๋ยวบาปมาพอดี”

“จ้าๆ พูดดีนะข้าวตู ฉันเห็นมาแต่เด็ก ไปก่อเรื่องซนๆไปทั่ว  คนแถวนี้รุ่นเดียวกับแกจะมีใครไม่กลัวแกบ้างนะ”

“แหนะๆ ไม่รู้สิจ้ะ ไปแล้วป้าเสียเวลา”

“อ้าวเฮ้ย ไอ้ข้าวตู  แหม เสียเวลา ให้มันได้อย่างนี้สิ  เมื่อวานทำไอ้เตี้ย ลูกข้าหัวแตก ยังไม่ได้คุยเลยเชียวนะโว้ย ”

  เด็กหนุ่มวิ่งไปไปฟังคุณป้าเอาเสียเลย  วิ่งจนถึงวัดแต่ก็หยุดเสียก่อนเพราะเจอคู่ขาเก่า ที่ประตูวัด  เป็นชาย 4 คน วัยประมาณ
21 ได้ดูก็รู้ว่าเป็นลูกกำนันหมู่บ้านใกล้เคียงกับลูกน้องว่าแต่มันมาทำอะไรที่นี่นะ  เด็กหนุ่มได้แต่คิด

“อ้าวเฮ้ย พวกเรา นี่มันน้องข้าวตูผู้น่ารักนี่หวา มาทำบุญที่วัดหรอจ้ะ”

“จะให้ฉันไปทำบุญที่บ้านรึไงกัน  ฉันรีบ ถอยไปซิ ”  เด็กหนุ่มพูดไปแบบเหวี่ยงๆแล้วเลี่ยงตัวจะเข้าวัด แต่แล้วคนด้านหน้าก็เอา
แขนหนาๆมากันทางไว้ที่ด้านหน้าของคนตัวเล็กกว่า  แต่แววตาข้าวตูคนนี้เหมือนกำลังเริ่มเคืองๆคนตรงหน้าอยู่ไม่น้อย

“เดี๋ยวก่อนสิน้องข้าวตู  อยู่คุยกับพี่พอให้ชื่นใจหน่อยจะได้ไหมจ้ะ”

“นี่ๆ น้อยๆหน่อยจะได้ไหม  ไม่ได้คุยกันสักวันฉันจะขอบพระคุณแกอย่างมากไอ้พี่สิงโต อีกอย่างนะฉันเป็นผู้ชาย”

“ไม่ได้หรอกนะจ้ะ  ถึงเป็นผู้ชายแต่พี่สิงโตลูกชายกำนันเสือ รักจริงนะจ้ะ  พี่สิงโตนี่แค่ไม่ได้คุยกับน้องข้าวตูแค่วินาทีเดียวพี่ก็
ขาดใจแล้ว”

“โอ้โห  ให้ฉันฟินกับคำพูดแกไหมไอ้พี่สิงโต    ได้!  ถ้าไม่หลีกทางให้ฉัน  พวกแกก็ตาย ยาก  โชะ เชะ ”

“เฮ้ย หยุดก่อนจ้ะน้องข้าวตู แหมหยอกนิดเดียวจะทำร้ายพี่สิงโตคนนี้แล้วหรอจ้ะ  ที่นี่มันวัดอย่ามีเรื่องเลยนะ”

“เออ รู้ก็ถอยไปสิ”

“จ้ะ พี่ถอยแล้วจ้ะ”

                    ให้ตายสิ หนุ่มน้อยปาดเหงื่อก่อนจะเดินเข้าไปในวัดไม่สนใจพวกสิงโตเลย  ไม่รู้จะอะไรนักหนา อยู่กันคนละบ้านแล้วแท้ๆ ที่บ้านไม่มีวัดหรือไง ข้าวตูอารมณ์เสีย ชิ

“เฮ้ยพี่สิง  ปล่อยไปได้ไงพี่”

“ฮาๆ ปล่อยไปได้ไงหรอ ฮาๆ ตลกๆ  ไอ้ปลา นี่แหนะ  ไม่เห็นหรอว่าเมื่อกี้ข้าเกือบโดนเล่นงานแล้ว ตบกะโหลกสักทีดีไหม”

“โอ้ ไม่จ้ะพี่สิง ไม่แล้วจ้ะ เจ็บ จ้ะเจ็บ ”

 ข้าวตูเดินไปถึงโบสถ์วัด แล้วเข้าไปหาพ่อกับแม่  แต่ดูเหมือนข้าวตูจะลืมตัวอะไรสักอย่างหนึ่งนะ  เฮ้อไม่ไหวเลย

“พ่อจ๋า แม่จ๋า ข้าวตูมีเรื่องจะมาบอกจ้ะ”

              ด้วยความมั่นใจและอาจหาญ ข้าวตูที่น่ารักตะโกนออกไปอย่างดีใจ  ทำให้คุณลุง คุณป้า คุณตา คุณยาย ที่ฟังเพราะ
สวดอยู่หันมาหมดเลย

“ไอ้ข้าว  แกจะตะโกนทำไมวะ”

“เอ่อ คือ ขอโทษจ้ะ  พอดีมีเรื่องดีใจ  เอ่อ แหะๆ นิดหน่อย นะจ้ะ”

“โยมข้าวตู”

“จ๋าหลวงพ่อ  ข้าวตูผิดไปแล้วจ้ะ อย่าว่าข้าวตูนะจ้ะ”

“หลวงพ่อบอกไปหลายครั้งแล้วว่าให้มีสติใจเย็นๆ แต่วันนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน”

“เอ่อ หลวงพ่อเจ้าขา  ฉันอาหารเช้าเลยดีไหมเจ้าคะ ไหนๆก็เสร็จแล้ว  ส่วนแกไอ้ข้าวตูเรื่องดีใจของแกนะมันอะไร ถึงได้ตะโกน
ผ่าวงพระสวดแบบนี้”

“เอ่อคือ ฉันสอบติดที่มหาวิทยาลัย………..ในกรุงเทพนะจ้ะแม่”

“จริงหรอ  เออๆดีๆ  แม่จะให้แกไปอยู่กับป้ามะลิแล้วกันนะ  ป้าเค้าทำงานอยู่แถวๆมหาวิทยาลัยแกเลยเชียว”

“จริงหรอจ้ะแม่ แม่ให้ฉันไปเรียนจริงๆนะจ้ะ”

“เออๆ ให้ไปนะให้อยู่แล้ว แต่โน่น เหลืออีกคนหนึ่ง  ไปถามพ่อกำนันแกโน่นไป ผู้ออกเงิน”

“พ่อจ๋า พ่อ”

“หยุดเลยไอ้ข้าวตู  พ่อได้ยินแล้ว ไว้ไปคุยที่บ้าน พ่อกำลังจัดพาข้าวให้หลวงพ่ออยู่ไม่เห็นหรอ”

  ข้าวตู ยิ้มให้พ่อเหมือนจะไม่เต็มนะ ก่อเรื่องเมื่อกี้แล้วยังจะยิ้มได้ สงสัยจะมีความสุขจริงๆ  ข้าวตูของเรา


    ที่จังหวัดตราด  สวนใจรัก เป็นสวนผลไม้ในเนื้อที่กว่า 200 ไร่ จริงๆมีที่อื่นอีก แต่ที่นี่พื้นที่เยอะสุดแล้ว  เด็กหนุ่มแว่นแดง วัยสดใสกิ๊กก๊อก  กำลังเข้าดูผลประกาศอยู่ใต้ต้นทุเรียนใหญ่ กับผีเสื้อปีกน้ำเงิน 2 ตัวที่บินวนอยู่ตัวเค้า  และนี่คือเด็กหนุ่มแว่นแดงชื่อของเค้าคือ   ปาร์ตี้  เป็นคนซื่อๆ แต่จริงใจ  มุมานะ อุตสาหะ อดทน 

“อ้าวปาร์ตี้ลูกพ่อ มานั่งทำอะไรครับ แดดร้อนนะ”

“คุณพ่อ  นี่ไงครับ   ปาร์นี้สอบติดที่มหาวิทยาลัย………ด้วยดูสิครับ”

“เก่งๆลูกพ่อ ได้คณะที่ตัวเองชอบมันก็ดีนะ  แล้วนี่พ่อต้องอยู่ที่ตราดคนเดียวแล้วละสินะทีนี้”

“โถ พ่อครับ อย่าน้อยใจไปเลย ปาร์ตี้จะกลับมาทุกๆวันศุกร์ก็ได้นะ”

“ฮาๆพ่อล้อเล่น  ไปเรียนเถอะ  พ่ออยู่ได้ มีคนสวนที่นี่อยู่กับพ่ออยู่แล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นปาร์ตี้ขอไปเตรียมตัวเก็บของเข้ากรุงเทพก่อนนะพ่อ  ”

“อือ ครับลูก”

     เด็กแว่นแดงวัยน่ารักตัวเล็กๆยิ้มแป้นพลางจัดระเบียบขาแว่นให้ได้ที่ แล้วค่อยลุกขึ้นวิ่งไปที่รถมอเตอร์ไซ จอดอยู่ข้างทาง
ถนนในสวน  ชายวัยกลางคนผู้เป็นพ่อก็อดจะเป็นห่วงลูกชายไม่ได้

“ปาร์ตี้ จะไปอยู่เมืองหลวงได้ไหมหนอ  เป็นห่วงจัง”   ลองดูไม่ลองไม่รู้ลูกเราจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ด้วย



ห้างทองเฮียกง  ที่สุพรรณบุรีจ้า 

            ฉายาดังไกลกระฉ่อนว่าลูกชายเฮียกง น่ารักน่าเอ็นดู  แก้มเป็นแก้ม ปากเป็นปาก หน้าคล้ายแม่มากกว่าพ่ออีก  เค้าคนนี้
สดใส ร่าเริง แต่แล้วก็……….

“ป๊าๆๆๆๆ ม๊าๆๆๆๆๆๆ”  เสียงดังแจ่วๆ ของอาตี๋น้อย น่ารัก   หัวแก้วหัวแหวนของป๊ากับม๊า  ดังจากในบ้านออกมาที่ห้างทอง

“โอ้ย อะไรของลื้ออาเกี๊ยวปลา  ม๊าตกใจหมดเลย ตะโกนทำไม”

“นี่ไงม๊า  เกี๊ยวสอบติดที่มหาวิทยาลัย….แล้วม๊า”

“เออๆ มีหน้าที่เรียนก็เรียนไป  ม๊าจะขายของต่อ”

“นี่ๆม๊า   มีอารมณ์ร่วมกับเกี๊ยวหน่อยสิครับ  คนอุตส่าห์สอบติดทั้งทีนะ”

“ดีใจจังๆ  ลื้อพอใจรึยัง ”

“ม๊า ไม่ได้ให้ดีใจประชดแบบนั้น  ไม่เอาแล้ว  ตกลงเกี๊ยวเอาที่นี่นะ  ไฮโซดี  แถมเป็นมอรัฐด้วย ”

“อืมๆตามใจๆ  ม๊าไม่อยากยุ่งเท่าไหร่เลย  ม๊าว่าออกมาทำงานที่ร้านทองกับม๊าดีกว่านะ อาเกี๊ยวปลา”

“ไม่เอาหรอก  เกี๊ยวไม่อยากอยู่เฝ้าร้านทองทั้งวันหนิ”

                หนุ่มน้อยหน้าตี๋ น่ารักบอกออกไปทั้งสีหน้าที่กำลังแสดงอยู่  ว่าเบื่อจริงๆที่ต้องอยู่บ้านเฝ้าร้าน

“จิจิจิ( ทำเสียงปาก ) อาเกี๊ยว ลื้อพูดอะไรออกมา  นี่ร้านทองของลื้อนะ สมบัติลื้อ”

“ไม่จริงอ่ะ พอมีคนเข้าร้านได้หน่อย เค้าซื้อไปก็เป็นของลูกค้าแล้ว”

“ก็นั่นแหละสมบัติ”

“ไม่คุยกับม๊าแล้ว  ไปดีกว่า”

“อ้าวลูกคนนี้ ไปซะแล้ว  ฮาๆ อำเล่นนิดหน่อย งอนหน้าตุ๊บป่องไปโน่นแล้วฮาๆๆ น่ารักเหมือนตอนม๊างอนป๊าลื้อเลยนะ น่ารักๆ

เฮ้อ  อ้าว โกรธจริงเปล่านั่น  ฮาๆ ”

      ไม่ว่าจะเป็นข้าวตู ไม่ว่าจะเป็นปาร์ตี้ ไม่ว่าจะเป็นเกี๊ยวปลา  ทุกคนก็ตื่นเต้นกันทั้งนั้นแหละ กับมหาวิทยาลัยใหม่ เจออะไรใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆเสียที ใครๆก็บอกมาว่าที่มหาวิทยาลัยอย่างนั้นอย่างนี้ ดีอย่างโน่น ไม่ดีอย่างนี้ อิสระ ได้เห็นอะไรต่างๆที่ไม่ได้เห็น

       แต่แล้ววันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วตอนนี้ทั้งสามคนได้เข้ามาอยู่ที่มหาวิทยาลัย……แล้ว ตอนนี้อยู่ในช่วงรายงานตัวเข้าหอพัก  และเป็นที่น่ายินดี โชคชะตาของทั้งสามโคกัน  หอในห้องหนึ่งอยู่กันได้ 4 คน  บังเอิญว่าทั้งสามคนนี้ได้อยู่ห้องพักเดียวกัน  จริงๆเหลือที่ว่างนะ  แต่ว่าคนๆนั้นเค้าออกไปแล้ว  ยังไม่ทันได้เห็นหน้าเห็นตาเลย  เลยเหลือกันแค่ 3 คน  หลังจากที่เงียบมานาน  ข้าวตูเองก็อึดอัดนะ เลยชวนคุย

“นายๆ ชื่ออะไรกันบ้าง” ข้าวตู เปิดประเด็นก่อนเพื่อน

“เราชื่อเกี๊ยวปลา  นายละ”

“เรา ข้าวตู  อืมแล้วนี่นายแว่นแดงนะ ชื่ออะไรหรอ”

“อ้อเราชื่อปาร์ตี้ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ”

            ปาร์ตี้ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ส่วนเกี๊ยวปลาก็จัดของไปเรื่อยๆ  ข้าวตูก็กำลังทำความสะอาดห้องพัก

จู่ๆข้าวตูก็ต้องถามขึ้นมาหลังจากที่เห็นปาร์ตี้ทำอะไรไม่รู้ที่หน้าต่างยืดๆหดๆ

“เดี๋ยวๆ  ปาร์ตี้  นั่นนายจะทำอะไร ให้ช่วยไหม แลดูยากๆ”พอข้าวตูเดินเข้ามาถาม  เห็นปาร์ตี้กำลังจะแขวนต้นกล้วยไม้ อย่าง
ยากลำลากเลยอาสาช่วย

“อ๋อ คือว่าเราจะแขวน ต้น กล้วย เฮ้ย ”  ไม่ทันระวังปาร์ตี้พลางปล่อยที่แขวนหล่นมือ  กล้วยไม้หล่นลงไปที่พื้น เกี๊ยวปลาเองก็รีบ
วิ่งสไลด์ตัวเข้ามาช่วย  แต่ปาร์ตี้เองกลับหลับตาปริบๆ เพราะเค้าเองขี้ตกใจ

“ทุกคนขอโทษนะครับ”ปาร์ตี้ เอ่ยออกมาทั้งๆที่ยังไม่ลืมตาเลย  พลางยกมือขอโทษ 

“เฮ้ย ปาร์ตี้  กล้วยไม้แกยังไม่เละหรอก เรารับได้ทัน ” เกี๊ยวปลาสะกิดเพื่อน ก่อนที่ปาร์ตี้จะตัดสินใจลืมตา

“เฮ้อ โล่งใจ  ขอบใจมาก”

“อืมไม่เป็นไร  นี่คราวหลังถ้าไม่ถึงก็ไปเอาเก้าอี้มาต่อปีนขึ้นนะ ไม่ใช่ไปยืดตัวอยู่อย่างนั้น”

“อืม เข้าใจแล้วเกี๊ยวปลา  ไหนๆก็ ถ้าทำความสะอาดเก็บข้าวของเสร็จแล้ว พวกเราไปกินข้าวไหม  เราหิวแล้วอ่ะ”

        ปาร์ตี้เอามือลูบท้องตัวเองไปมา  เพื่อนคนอื่นเห็นก็พากันหัวเราะ  แต่เอาเข้าจริงๆเสียงท้องของข้าวตูและเกี๊ยวปลาก็ดังขึ้น

        ผ่านไปได้ไม่นานสามหนุ่มน้อยว่าที่นักศึกษาทั้งสามก็เดินลงมาหาร้านอาหารเพื่อทานข้าว  ว่าแต่พวกเค้าก็ไม่ชินทางในมอ

เสียด้วยแล้วจะเอายังไงต่อดี คิดสิเด็กๆ  มืดแปดด้านเลยทีนี้ 

“มอนี้ก็ใหญ่เนาะ ว่าเปล่า   ” ข้าวตูพูดแล้วมองไปรอบๆเผื่อจะเจอร้านอะไรแถวนี้บ้าง

“ว่าอย่างนั้นแหละข้าวตู  เราว่าไปถามผู้หญิงสองคนตรงนั้นดีกว่าไหม”

“ก็ดี  แต่ฉันขออยู่ตรงนี้รอนะทุกคน” เกี๊ยวปลา  พูดแล้วนั่งลงไปที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่อยู่ด้านข้าง สบายใจ

“แหมๆ กินแรงเพื่อนตั้งแต่วันแรกเลยนะ ไอ้ตี๋”

“อะไรของลื้ออาข้าวตู”

“ฮาๆ พูดกันแบบนี้ก็ฮาดีเนาะว่าไหม เกี๊ยวปลา”

“จริงหรอ  นึกว่านายจะฟังไม่ถนัด มาจากอีสานไม่ใช่หรอ”

“อืมมันก็ใช่นะ แต่ก็พอได้ยินได้ฟังมาบ้างแหละ  เราไปถามผู้หญิงสองคนนั้นก่อนนะ รอตรงนี้แหละ ปะปาร์ตี้ไปกันเถอะ”

              ข้าวตูเดินเข้าไปหาโดยเร็ว  ไม่รอแม้กระทั่งคุณเพื่อนที่เดินมาด้วย  สงสัยจะหิวจัด


“พี่ๆ  แถวนี้มีร้านข้าวที่ไหนอยู่ใกล้ๆบ้าง”

“ว้าย ตายแล้วแกดูสิ รุ่นน้องปี 1 หรอค่ะ  ”

“อ่อใช่ครับ”ข้าวตูตอบไปพลางทำหน้าประหลาดใจ  ปาร์ตี้ได้แต่ยืนหัวเราะ

“ว้ายตาย  ใช่จริงๆด้วย  น่ารักอ่ะ ตัวเล็กๆแบบนี้ชอบผู้ชายหรือว่าผู้หญิงแบบพี่คะ  น่าเอ็นดูจัง อย่างกับตุ๊กตา”

“เอ่อ คือ แหะๆ พี่ครับ  ร้าน  ข้าว   ไปทางไหนครับ” ข้าวตูพูดเน้นๆที่ ร้านข้าว เพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย

“ทางโน้นจ้ะ” 

              ข้าวตูงงเข้าไปใหญ่ก็พี่เค้าเล่นเอาซะชี้ไปคนละทางเลย ให่ตายสิ นี่รุ่นพี่ที่มอนี้ไหมนะ

“อุ๊ยขอโทษจ้ะ  ทางโน้นจ้ะ พี่ชี้ผิด  เดินไปเลยแล้วตรงไป ทางนั้นแล้วเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เลี๊ยวซ้ายอีกทีก็ถึง   ว่าแต่ว่าน้องน่า
รักอ่ะ  มีแฟนยังคะ”

“อ๋อ แลดูไปยากเหมือนกันเนาะ  ”ข้าวตูพูดแล้ว ขำๆกับพี่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกอย่างก็กลบเกลื่อนคำถามเมื่อกี้นี้ด้วยแหละ

“พี่ครับขอบคุณมากนะครับ”ปาร์ตี้ไหว้พี่เค้า  ให้ตายเถอะปาร์ตี้เค้าสุภาพจัง แตกต่างจากข้าวตูโดยสิ้นเชิง



            และแล้วก็เสร็จสิ้น  แต่น่าแปลกใจ พอข้าวตูกับปาร์ตี้เดินกลับมาที่เดิม แต่กลับพบว่าเพื่อนตี๋หายไป   เมื่อกี้ไอ้เกี๊ยวปลามันนั่งตรงนี้นี่นา แล้วตอนนี้มันไปไหนนะ

“เฮ้ย ข้าวตู  เกี๊ยวปลาหายไปไหน”

“นั่นสิเมื่อกี้ก็บอกจะรอที่นี่ แล้วตอนนี้ละ”

“ข้าวตูตายแล้ว  ไปดูนั่นเร็ว ตรงนั้นไง  เกี๊ยวมันไปพูดอะไรกับพี่เค้าตรงนั้นอ่ะ”

              ให้ตายสิพอสองคนนี้มองไปก็ดูราวเหมือนกับว่าเพื่อนของเค้ากำลังไปยืนด่าพี่ผู้ชายคนนั้นอยู่เลย  พอไปถึงเหตุการณ์
ก็แย่ลงไปมาก  เสียงดังแจ่วๆดังขึ้นๆ  จนได้ยิน

“……..ทำไมพี่ทำตัวแบบนี้  ผู้ชายเปล่า พี่ผู้ชายรึเปล่า  ทำกับผู้หญิงได้ยังไง”

“อะไร  ทำอะไร  ”  พี่ตัวสูง ผิวขาว หน้าตี๋ๆ ตอบคำถามเกี๊ยวปลาไปอย่างงงๆ  ตอนนี้เค้างงมาก งงยิ่งกว่าอะไร  ก็จู่ๆ เกี๊ยวปลาก็
เข้ามาไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร  มาถึงก็ด่าใส่ๆ  เค้านี่แทบอึ้ง

“อ้าว  ก็เมื่อกี้ไป ลวนลามพี่ผู้หญิงคนนั้นก่อนทำไม”

           ข้าวตูกับปาร์ตี้มองหน้ากันไปมา  ไหนวะผู้หญิงที่ไอ้เกี๊ยวพูดไม่เห็นจะมีเลย สงสัยไปแล้วแหละ

“โถ  จะอะไรนักหนาวะ  นี่ๆ  ไอ้เด็กเตี้ยมาทางไหนไปทางนั้นเลยนะ  เรื่องของคนอื่นเค้า ไม่เกี่ยวกับเด็กๆ”

“น้อย พูดหน้าไม่อาย จะไม่เกี่ยวได้ไง  สิทธิมนุษยชน ล่วงละเมิดแบบนี้  มันผิดนะ”

“โอ้ย ตายๆ ปวดหัว  น้องครับนี่เพื่อนน้องใช่ไหม เอาไปเลยนะครับ ช่วยเลยครับ เร็วเลยครับ ลากมันไปตอนนี้เลยนะครับ  พี่ไป
แล้วนะ  เหอะๆ ”

“ครับๆ  ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับพี่” ปาร์ตี้กับข้าวตูยกมือขอโทษแทนไอ้เกี๊ยวปลามัน

“ครับน้องแว่นแดง เพื่อนน้องก็น่ารักอยู่หรอกนะ แต่ดูสิทำเหมือนสุนัขที่มันยังไม่ฉีดวัคซีนไปได้ เฮ้อ คราวหลังทำตัวให้มันน่ารัก

เหมือนหน้าตาหน่อยนะหนุ่มน้อย”

“ตายแล้ว  นี่ๆ   ไปง่ายๆแบบนี้ได้ไง ฮะ โหพูดขี้มาก้อนโตแล้วจะหนีหรอ  ทำอย่างนี้จัดยัดใส่ปากเลยดีไหม กลับมาก่อนกลับมา ด่าแล้วชิ่งหนีหรอ  ไอ้รุ่นพี่ ไอ้….. ” ทั้งสองคนช่วยกันดึงตัวไว้  ไม่ไหวๆ ซ่าตั้งแต่วันแรกนะไอ้เกี๊ยวปลา

              ชายร่างสูงหน้าตี๋  หันมาโบกมือลาแบบกวนๆไม่ฟังคำด่าเมื่อกี้ก่อนจะขึ้นรถก็ส่ายหัวแล้วขำเบาๆ แล้วขับรถยี่ห้อ opel ขับออกไป ผ่านหน้าเกี๊ยวปลาไป   ดูท่ารวยไม่เบานะพี่ชายคนนี้

“พอได้แล้ว ไอ้เกี๊ยว หยุดก่อน แกไปทำอะไรอีท่าไหนเนี่ย ถึงได้ไปด่าพี่เค้า”

“ก็ปล่อยฉันก่อนสิ”

“อืมๆ อะ ฉันปล่อยแล้ว”

“ก็ตอนที่พวกแกไปถามทางไปร้านอาหาร  ก็บังเอิญไปเจอไอ้พี่โรคจิตชอบลวนลามผู้หญิงเข้า เลยไปสกัดดาว อย่างที่พวกแก
เห็นนี่แหละ”

“ไอ้เกี๊ยว โถเอ้ย หาแต่เรื่อง ดีนะพี่คนนั้นเค้าไม่โกรธเอาเรื่อง เค้าอาจจะเป็นแฟนกันก็ได้”

“ไม่ได้ๆ  ยังไงก็ไม่ได้  ยังไม่ได้แต่งงานกันมาทำแบบนี้ไม่ได้”

“โห  แก เยอะไปเปล่า  ลดๆหน่อยก็ดีเถอะ ”

“ไม่ได้เว้ย  ประเทศชาติต้องการพวกเราอยู่”

“เอ่อ ข้าวตู เราว่าเกี๊ยวปลามันฉุดไม่ไหวแล้วจริงๆนะ ปล่อยๆไปเถอะ ประชาธิปไตยเค้ามาแรงนะ  ”ปาร์ตี้ทำหน้าพึลึกๆกับท่าทางของเพื่อนคนนี้

“นั่นนะสิ  นี่เกี๊ยวปลา พี่เมื่อกี้  แกไม่กลัวเค้าจำหน้าแล้วกลับมาทำร้ายแกหรอวะ”

“ไม่รู้ ไม่ได้ถาม จำได้ก็ดี แต่อย่าให้เจอนะ  คอยดูเลย  ไอ้เพลบอยแบบนี้ ฉันจะขจัดให้มันสูญพันธ์ไปเลย”

“เออๆ ตอนนี้ฉันว่าแกไปขจัดความหิวที่ร้านอาหารก่อนดีกว่าไหม เพื่อน สิทธิมนุษยชนเอาไว้ก่อนเหอะ”

“ก็ได้ๆ  ”เกี๊ยวปลาตอบแล้วเดินนำหน้ายิ้มไป

“อ้าวๆๆๆๆแล้วแกจะเดินไปไหนนั่น” ข้าวตูงงกับเพื่อนเค้ามาก

“อ้าวข้าวตู ปาร์ตี้พวกแกสองคนก็นำทางไปสิ”

“บ้าไปแล้วเพื่อนคนนี้  แกเดินนำก่อนทำไมละ  ไม่รู้ทางเดินสุดท้ายนะครับ”

“ก็คนมันเดือดนี่ นำไปสิ โถเอ้ย  อย่าให้เจอนะไอ้พี่บ้า  พ่อจะจับด้วยทองคำที่ร้านแล้วขึงไว้ที่กลางแจ้งเลย”


ที่ร้านcoffee   แถวๆหน้ามอ   ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของรถ opel เมื่อกี้ ลงจากรถมาอย่างหัวเสีย  ทำให้เพื่อนๆในร้านที่รู้จักเค้าอดถามไม่ได้

“เฮ้ย  ใจเจ๋ง  ทางนี้วะเพื่อน ” เพื่อนที่รู้จักตะโกนมาทางนี้

“อ้าวพวกแก มากินเหมือนกันหรอ”

“เออสิ แล้วนี่เป็นอะไร หน้าไม่รับแขก”

“เปล่าแค่เจอเด็กกวนประสาทนิดหน่อย อดสนุกเลย เกือบจะได้เบอร์โทรแล้วนะ”

“ฮาๆ นั่นๆ  ขอเบอร์เค้าได้ ก็คบแค่ไม่กี่วันก็เปลี่ยน  ลั้นลาไปไหมวะ ไอ้เสือผู้หญิง ฮาๆ”

“ไม่นี่ พวกแกก็รู้ว่าฉันเป็นแบบนี้  สนุกจะตาย ฮาๆ”

“เออๆ  แล้วนี่คนนั้นที่มากวนแกมันเป็นใครวะ ”

“ไม่รู้ แต่เป็นเด็กหน้าขาวๆ ตี๋ๆ ตัวเล็กๆ  ตากลมโต แก้มยุ้ยๆ”

“โห สวยล่ะสิอย่างนี้ ”

“สวยบ้าอะไรหล่ะ  ผู้ชาย”

“อ้าว ผู้ชาย! หรอ โทษทีนะ ”

“เออสิ ไปแล้วนะ  ไม่กินมันแล้วกาฟงกาแฟ กลับไปหาร้านหรูๆที่ห้างดีกว่า  จะแวะไปหาพ่อไฮโซหน้าหล่อสองคนนั้นด้วย ”

“อ้อ พวกไอ้คุณสแกน กับไอ้คุณโปเลย์ นั่นหรอ”

“เออๆ  ไปแล้ว  เพื่อนฉันมันจะรอเอาได้   ”


  สามหนุ่มน้อย ข้าวตู ปาร์ตี้ เกี๊ยวปลา เดินตามทางที่พี่ผู้หญิงบอก สุดท้ายปลายสายก็หยุดเดิน  พอเงยหน้าขึ้นก็พบว่ามันเป็นห้างสรรพสินค้านี่นา

“เฮ้ยๆๆๆๆๆ  ทำไมเป็นแบบนี้หล่ะ  พี่เค้าให้เราเดินมาที่ห้างหรอ ”ข้าวตูกางแขนออกสองข้างให้เพื่อนหยุดเดิน

“เอาหน่าข้าวตู  มันก็ไม่ไกลมากหนิ  เพิ่งรู้ด้วยว่ามีห้างฯ ใกล้ๆมอขนาดนี้  เข้าไปข้างในกันเถอะ  กิน HotPot ไหม” ปาร์ตี้ออก
ความคิดเห็น

“อืมก็ดี  วันนี้เราเลี้ยงเอง”เกี๊ยวปลาพูดขึ้นพร้อมกับชูบัตรเครดิต

“เอาเลยพ่อตี๋คนรวย” ข้าวตูยิ้มตาเป็นประกาย

“แน่นอน  ไปเลยดีกว่าสั่งอาหารเลย  ”

“เฮ้ๆ” เสียงดีใจของสามคนดังขึ้นก่อนจะเดินเข้าห้างฯไป



ที่ร้าน Hot Pot 

              ทั้งสามคนเลือกที่จะหาที่สิงสถิต  เฮ้ยไม่ใช่ๆ  หาที่นั่งต่างหากแหมๆ  ว่าไปนั่น และแล้วก็เจอที่นั่ง

“ฉันได้ที่นั่งแล้ว เอาตรงนี้แหละ” ข้าวตูกึ่งเดินกึ่งวิ่งแล้วมาหยุดที่โต๊ะมุมสุด  ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่ามีคนนั่งที่โต๊ะข้างๆอยู่ก่อนแล้ว

“เราว่า  กลุ่มเด็กพวกนี้เสียงดังไปนะ”  เสียงทุ้มๆปริศนาดังขึ้นมาข้างๆที่มีฝาผนังไม่สูงมากกั้นอยู่  พูดเหมือนไม่ได้ดังมาก พูด
ลอยๆ แต่มันเข้าหูซ้ายของข้าวตู แล้วบังเอิญว่ามันไม่ทะลุออกหูขวานะสิ

ข้าวตูเองที่เป็นคนพูดเสียงดังเมื่อกี้นี้ แทบจะหุบปากไม่ทัน  พลางมองไปที่โต๊ะนั้นแต่เห็นแค่หัวชี้โด่แค่นั้น

“เอ่อ นี่ๆ เค้าว่าฉันรึเปล่า ปาร์ตี้” ข้าวตูหันมาถามเพื่อนชายแว่นแดงแล้วเอานิ้วชี้ชี้หน้าตัวเอง

“เราว่าชัดเลย ข้าวตู จุ๊ๆ  อย่าพูดดังไปเดี๋ยวเค้าได้ยิน”

              แต่ดูเหมือนคราวนี้เกี๊ยวปลาไม่มีทีท่าว่าจะโต้ตอบ ทั้งข้าวตูแล้วก็ปาร์ตี้กำลังจับตามองเพื่อนคนนี้อยู่พอดีว่าจะไปทำ
อะไรที่ไม่คาดฝันรึเปล่านะ  แล้วทุกคนก็ทำพิธีเบิกการนั่ง  เฮ้ย ทำการนั่งที่โต๊ะ

“เอ่อ ขอโทษค่ะ กี่ที่คะ”

“3 ครับ”

“ค่ะ เชิญตามสบายนะคะ”


“ขอบคุณครับ”

    ว่าแล้วปาร์ตี้คนแรกเลยลุกไปเอาโน่นบ้างนี่บ้าง น้ำจิ้มบ้าง ขนมจีบบ้าง  เผลอแปบเดียว อาหารก็เตรียมพร้อมจะลงหม้อต้มแล้ว ฮาๆ  ทานไปได้ไม่นาน  ก็ไม่คาดคิดสิ่งที่เกิดขึ้น  เมื่อจู่ๆเสียงคุ้นๆของชายที่เพิ่งเข้ามาสมทบ  ที่โต๊ะข้าง

“ว่าไงวะ คิดยังไงมากิน HotPot  ไอ้คุณสแกน ไอ้คุณโปเลย์”

“เปล่าๆ  หรอกเจ๋ง  ฉันถามถามไอ้เลย์ตั้งนานว่าจะกินอะไรเที่ยงนี้ ก็มีแต่อันโน้นอันนี้อันนั้น”

“นั่นไง ไอ้คุณชาย ลังเล เอ้ย ”

    ฟังจากบทสนทนา  ก็รู้แล้วว่าใคร ชื่อะไรยังไง พอดีว่าทั้งข้าวตูและปาร์ตี้นั่งหันหน้าไปทางนั้นเลยเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาคือ พี่ผู้ชายคนนั้นที่เกี๊ยวปลาไปก่อวีรกรรมเมื่อกี้นี้

“มองอะไรกันหรอ” เกี๊ยวปลาถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนตังเองทั้งสองเอาแต่มองหน้ากันสลับกับหันไปมองต้นเมื่อกี้ที่อยู่หลังเกี๊ยวปลา

       ทั้งสองภาวนาขอให้พี่คนนั้นอย่าเดินเข้ามาทักเลยนะ  ไม่อย่างนั้น Hot Pot ร้านนี้เละแน่  แต่แล้วก็สวรรค์ไม่เข้าข้าง  พี่คน
นั้น หันมาเห็นก่อนพอดี  ทำไงดีวะเนี่ย

“อ้าว นึกว่าใคร  พวกน้องนี่เอง  เจอกันอีกแล้วนะ  แล้วนี่อร่อยไหม”

“อ้อ  มิน่าหล่ะถามเพื่อนๆว่าใครมา ที่ไหนได้  แกเองหรอไอ้พี่เฮงซวย หลอกด่าฉันแล้วหนีไปง่ายๆนี่เอง”


“เอ่อ ใจเจ๋ง  มันเรื่องอะไรวะ”  เพื่อนพี่เค้าที่ชื่อเลย์ลุกขึ้นมาถาม

“ก็ไม่มีอะไรหรอก  คือ เจอน้องคนนี้ครั้งแรก ที่มอแล้วไม่HAPPY เท่าไหร่นะ”

“โอ้ยนี่ คิดว่าฉันHAPPY ด้วยไหมฮะ โถ พูดเอาแต่ได้นี่”

“เอาหล่ะๆ  เกี๊ยวปลาพอเถอะ  คนทั้งร้านเค้าหันมามองหมดแล้วนะ  พี่ครับ พวกเราขอหล่ะนะครับ อย่าเพิ่งทะเลาะกันตอนนี้เลยนะ” ข้าวตูพูดเบรกขึ้น

“ครับๆพี่ไม่ถือหรอกว่าแต่  น้องๆชื่ออะไรกันบ้างครับ”

“หยุดเลยนะพวกแกห้ามไปญาติดีกับไอ้พี่นี่เด็ดขาด”

“อ้าว ทำไมหรอ  นี่คนที่Popular อย่างฉันมาถามชื่อนี่ถือว่าสุดๆแล้วนะ  อีกอย่างเนี่ยฉันเองก็ไม่ได้มาถามชื่อนายสักหน่อยนึง
ถามชื่อเพื่อนๆนายโน่น”

“เอ่อๆ  พอเถอะครับ  อย่าทะเลาะกันเลย ผมชื่อปาร์ตี้ครับ  ส่วนนี้ ข้าวตูครับ”ปาร์ตี้พูดตัดบท

“อ้อยินดีที่ได้รู้จักครับน้องทุกๆคน  น่ารักจริงๆ ผิดกับบางคนตรงนี้ดุสุดๆ”

“นี่ๆน้อยๆหน่อยเถอะ แกว่าใครบอกมาเลยดีกว่า  ไม่ต้องอ้อม  ไอ้พี่เพลบอย”

“เฮ้ยหยุดๆ  พอเถอะใจเจ๋งไปนั่งที่โต๊ะไปไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันไม่ใช่หรอวะ นี่ไงไอ้เลย์กำลังจะเลี้ยง ไปนั่งไปเพื่อน” พี่ที่ทำ
เสียงตำหนิข้าวตูครั้งแรกดึงเพื่อนกลับไปที่โต๊ะพลางมองหน้าข้าวตูแบบเย้อหยัน

“เออๆ  น้องข้าวตู น้องปาร์ตี้  ทานเยอะๆนะ”

“ไปได้ก็ดี ไม่อย่างนั้นฉันเอาหมี่หยกนี่ยัดปากไปแน่เลย   จะได้สิ้นเรื่อง คนบ้าอะไรวะ  น่าหมั่นไส้”

“กระแอมๆ” พี่ใจเจ๋งเหมือนจะได้ยินที่เกี๊ยวปลาว่านะ

“ทำไมๆๆ มีอะไรติดคอ อยากให้ช่วยเอาออกหน่อยไหม” เกี๊ยวปลาเอียงข้างไปตะโกนถามพี่ใจเจ๋ง 

             ข้าวตูกับปาร์ตี้ได้แต่มองหน้ากันแล้วส่ายหน้า  อีกอย่าง เพื่อนพี่ใจเจ๋งคนนี้เค้ามีอะไรรึเปล่าทำไมยังไม่ไปนั่งที่โต๊ะหล่ะ  มองข้าวตูไปมองข้าวตูมาแล้วค่อยเดินกลับไปนั่ง

“ เราว่าเพื่อนพี่คนนั้น ดูท่าจะเงียบๆขรึมๆเนาะ ขี้เก๊กยังไงไม่รู้อ่ะ เราว่า”

“หรอไม่เห็นรู้สึกเลยนะข้าวตู  เฉยๆนะ ดีไม่ดีนายคิดมากไปรึเปล่า” ปาร์ตี้หันมาถามผมก่อนจะหยิบเบคอนเข้าปาก

“อืมน่าจะอย่างนั้น กินเถอะ  อ้าวเกี๊ยวปลานายไม่กินแล้วหรอ”

“กินอยู่นี่ไง แต่เหมือนจะไม่อร่อย  เหมือนเมื่อกี้ ”

“กระแอม กระแอม” พี่ใจเจ๋งกระแอมสองครั้ง

“ทำไมมีปัญหามากนักหรอ กระแอมอยู่ได้ฮะ”

“โถเว้ย นี่ๆ สำคัญตัวเองมากไปปะนาย  ฉันกระแอมน้ำจิ้มเถอะ   โฮ อะไรมากมายวะเนี่ย”

“เอ่อ ก็ ก็แล้วๆ ไปสิ ไม่มีอะไรก็ไม่จำเป็นอย่ากระแอมมากนัก คนอื่นกินไม่อร่อย”

“ใครกันแน่ที่ไม่อร่อยคนอื่นเค้ากินๆไปไม่เห็นจะบ่นเลย”
     

    ไม่ไหวจริงๆคู่นี้เอาไปเอามาก็ทะเลาะกันข้ามฟาก  เหมือนเดิม คนโต๊ะอื่นๆก็คงจะงงๆกัน ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมสองโต๊ะนี้ตะโกนคุยกันเสียงดังจัง  ไม่ใช่หรอกเค้ากำลังวีนต่างหาก อีกฝ่ายก็ไม่ยอมล้มเลิกพลอยแต่จะแกล้งต่อไป จนในที่สุดพนักงานเลยเข้ามา




ตอนต่อไปอาจจะนานหน่อยนะครับ  แต่จะอัพลงเรื่อยๆ  ต้องบอกไว้ก่อนเพราะกลัวว่าผู้อ่านจะรอนะ   ^^

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 1 up 29 04 56
เริ่มหัวข้อโดย: Aomampapeln ที่ 29-04-2013 13:26:43
เกี๊ยวกะเจ๋งน่ารักอ่ะ>///<ตงไหน?
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 1 up 29 04 56
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 29-04-2013 13:52:50
สนุกดี คนแก่ชอบ

จิ้มคนเขียนที  :z13:

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 1 up 29 04 56
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 05-05-2013 22:04:12
ปูเสื่อรอตออนต่อไปจร้า 

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 1 up 29 04 56
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 09-05-2013 16:21:16
นอนรอ :t3:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 1 up 29 04 56
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 16-05-2013 00:31:04



ตอนที่ 2


  :L1::L2: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :L2: :L1:

      และแล้วพี่พนักงานสาวสวยสุดมั่นก็เดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะพี่ใจเจ๋งของเรา  ทำเอาเจ้าตัวหยุดคีบเบคอนใส่ปากแล้วเงยหน้าขึ้นมามองพนักงานแล้วยิ้มเจ้าชู้ให้นิดๆ  ข้าวตูเองก็กำลังกลุ้มๆ อยู่ไม่นึกว่าเพื่อนตัวเองจะซ่าขนาดนี้ ไอ้เกี๊ยวปลาไม่น่าเลยนะแก  ส่วนปาร์ตี้นะหรอ นั่งกินสบายใจไปเรื่อย สนแต่อาหารที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น

“ขอโทษนะคะ  ช่วยกรุณาลดเสียงลงด้วยนะคะ” เสียงพนักงานเอ่ยขึ้นทำให้ใจเจ๋ง หุบยิ้มแล้วเบ้มาทางเกี๊ยวปลา

“เอ่อ ช่วยไปบอกคนที่โต๊ะโน่นดีกว่านะครับ น้องพนักงานคนสวย” ใจเจ๋งบอกพนักงานแล้วชี้มาที่เกี๊ยวปลา

“โฮ นี่ๆ มากไปปะ โยนขี้ให้ตลอดๆ ตัวเองหล่ะที่ผิด  ไอ้หอยหลอดนี่ ” เกี๊ยวปลาหันมาชี้หน้าใจเจ๋งด้วยไม่ตะเกียบ

“เห็นไหมครับคุณ  คนนั้นเค้าเสียงก็ดังกว่าผมอีก เมื่อกี้ก็ว่าให้ผมด้วยได้ยินแล้วใช่ไหมครับ  นี่นะแถมเป็นคนที่น่ากลัวมากๆด้วย
นะ เห็นไหมครับ  ไปบอกเค้าเลยครับ ก่อนที่วัคซีนจะเอาไม่อยู่นะครับ ฮาๆ”

“คุณคะถ้าไม่หยุดเราจำเป็นต้องเชิญคุณสองคนออกจากร้านนะคะ”

              ใจเจ๋งถึงกับหุบยิ้มแล้วก้มหน้า แลดูน่าสงสสารนะพี่เค้าโดนพนักงานดุ  จู่ๆเกี๊ยวปลาเองกลับพูดขึ้นมาตอบพนักงานสาวอย่างไม่กลัวซะงั้น

“ก็ได้ๆ ถ้าอย่างนั้น คุณต้องเลือกเอาแล้วหล่ะครับว่าจะให้ใครออกจากร้านไปคนใดคนหนึ่ง”

“นี่ๆ  ไปพูดกับพนักงานแบบนั้นได้ยังไงเกี๊ยว ” ปาร์ตี้เริ่มปรามหลังจากที่ดูสถานการณ์มาแล้วพักหนึ่ง

“ทำไมจะพูดไม่ได้  อืมได้ ผมยอมไปเอง พวกแกจะไปด้วยไหม ถ้าไปก็ลุก ” เกี๊ยวปลาสั่งโหดก่อนจะลุกขึ้น

“อ้าวเฮ้ย  ไอ้เกี๊ยวปลา  ฉันกับปาร์ตี้เพิ่งจะได้รับประทานนะคุณเพื่อน”

“อ้าวหรอ  ไม่รู้สิ  ไปกินร้านอื่นดีกว่านะเราว่า  ลุกสิ  เฮ้ย เร็วๆ ดิ”

“อ้าวๆๆๆ เฮ้ยปาร์ตี้   ไปเถอะ  ไอ้เกี๊ยวมันลุกแล้วอ่ะ เร็ว”

“ก็ตามไปสิ  พี่ครับไม่ต้องทอน” ปาร์ตี้พูดแล้วรีบวางเงินไว้  แต่ไม่ลืมที่จะหยิบชิดชู ไปด้วย

       เกี๊ยวปลาเดินผ่านโต๊ะพี่ใจเจ๋งนั่งอยู่  เค้าทำอะไรนะหรอ กำลังแลบลิ้นใส่พี่ใจเจ๋งไง  ก็ใจเจ๋งยิ้มเยาะแบบคนมีชัยชนะให้
เกี๊ยวปลามันก่อนหนิ

“บรู้ๆๆ” นั่นไงแลบลิ้นใส่ใจเจ๋ง  จริงๆด้วย

“ฮาๆๆ    ไปทานร้านอื่นขอให้อร่อยๆนะครับ บ้าย บาย ฮาๆๆ” พี่ตี๋ใจเจ๋งทำหน้าทะเล้นใส่เกี๊ยว ยิ่งทำให้ไอ้เกี๊ยวของพวกเรา
หมั่นไส้จนหน้าบึ้งเดินออกนอกร้าน

“เอ่อพี่ครับขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะ” ปาร์ตี้ยกมือไหว้

“ไม่เป็นไรพี่ไม่ถือ  ไปเถอะ เดี๋ยวตามเพื่อนไปไม่ทันนะ  โน่นจ้ำอ้าวไปประตูโน่นแล้ว ฮาๆ  สนุกชิบหาย ”

“ครับๆไปแล้วนะครับ อุ้ย…….  เพล้ง!!!” 

               เหมือนว่าปาร์ตี้จะรีบมากไป  ทำให้ตอนที่กำลังจะหันหน้าเดินไปแล้วดันเอามือไปเกี่ยวเอาแก้วน้ำที่วางอยู่ของพี่โปเลย์เข้า  รายนั้นถึงกับตกใจ  แล้วขำเบาๆตามหลังมา 

“เอ่อ ขอโทษอีกครั้งนึงนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษครับ ขอโทษๆ”

   ปาร์ตี้ยกมือไหว้หลายรอบจนโปเลย์หยุดขำแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“ไม่เป็นไรๆ  ไปเถอะ แก้วใบเดียวฉันเคลียร์ได้” ปาร์ตี้ได้ยินอย่างนั้นก็ลืมตาขึ้นมาดูหน้าเจ้าของเสียง ก็เจอผู้ชายเพื่อนพี่ใจเจ๋ง
คนนี้ เค้าสุดๆอ่ะ  นี่ถ้าปาร์ตี้เป็นผู้หญิงจะตามจีบเลย  หล่อชะมัดยาด  แล้วปาร์ตี้ก็ยิ้มแหยะๆเอามือไปจัดแว่นแดงสองครั้ง แล้ว
เดินออกไป  ส่วนข้าวตูเองกำลังเดินผ่านโต๊ะเป็นคนสุดท้าย สแกนเองเห็นปุ๊บก็เรียกปั๊บ

“เดี๋ยวนาย!!!” คำพูดที่เหมือนคำสั่งพูดขึ้นมาก่อนที่ข้าวตูจะเดินผ่าน และแล้วข้าวตูเลยหยุดเดิน

“คราวหลังจะเข้าไปที่ร้านไหนๆก็ตามอย่าส่งเสียงดังให้มันมากนัก มันเสียมารยาท”

           ให้ตายสิ ข้าวตูเองไม่ชอบขี้หน้าเพื่อนของพี่ใจเจ๋งคนนี้เลย เรื่องแค่นี้มันหนักหนาถึงขั้นนั้นรึไง  ระดับข้าวตูของเราแล้วไปตะโกนที่วัดผ่ากลางพระสวดก็ทำมาแล้ว ฮาๆ

“เฮ้ย ไอ้คุณสแกน  มากไปเปล่า เรื่องแค่นี้ใจเย็นเพื่อน น้องเค้าน่ารักออก ฮาๆ” พี่ใจเจ๋งพูดขึ้น

“ไม่เป็นไรครับพี่ใจเจ๋ง  คนเราก็แบบนี้แหละ เออคุณครับ ผมผิดไปแล้ว คราวหลังจะระวังนะ  แค่นี้พอใช่ไหม    ไปหล่ะ” ข้าวตู
พูดแล้วเดินเมินหน้าหนีไป

“นั่นไงๆ โดนเข้าแล้ว เพื่อนเรา  ไอ้สแกน กินต่อๆเว้ย อ้าวๆ  มองๆ  บอกให้กินต่อไง ”

“อย่าให้เจออีกนะ  ไอ้เจ๋งดูสิ ฉันรุ่นพี่มันนะเว้ย  มีอย่างที่ไหนมาพูดลอยหน้าลอยตา ไม่เคยเจอหว่ะ”

“ไม่เคยเจอก็ เจอๆไว้บ้าง  เหนือฟ้ายังมีฟ้าเคยได้ยินรึเปล่า”

“ก็เคยสิ แต่ไอ้น้องคนนั้นไม่มีทางที่ฉันจะแพ้หรอก ฮาๆ”

       ไม่นานนักโปเลย์ ก็ถามขึ้นมาลอยๆ อาจจะตั้งใจรึว่าไม่ตั้งใจก็แล้วแต่  แต่เค้าก็หลุดปากพูดออกมาแล้วว่า…….

“อืมๆ น้องแว่นแดงชื่อว่าอะไรนะเจ๋ง” จู่ๆเลย์ ก็ถามขึ้น

“นั่นแหน่ๆ  แหมๆทีอย่างนี้ถามเลยนะ ไอ้เลย์  ชอบผู้ชายแล้วหรอเดี๋ยวนี้  ทีผู้หญิงไม่เห็นจะถามถึงเลย”

“เฮ้ยๆ ไอ้เจ๋ง  ไม่เหมือนกันนะเว้ย  ผู้หญิงพวกนั้นเค้าหวังแค่เงินฉันอย่างเดียวเท่านั้นแหละ”

“เออๆ รู้หน่า  น้องแว่นแดงที่เอ๋อๆ ไม่ทันคนเมื่อกี้ อืม  ชื่อว่า  ปาร์ตี้”

“เฮ้ย เดี๋ยวๆ เลย์ นี่แกจะถามชื่อน้องเค้าไปทำไม”สแกนถามขึ้น

“เปล่าๆ  แค่ไม่เคยเห็นคนไหน เปิ่นแล้วซุ่มซ่ามได้เท่านี้มาก่อนเท่านั้นเอง ไอ้สแกนไม่มีอะไรหรอกเพื่อน กินต่อสิ กำลังอร่อย”

“จะว่าไปนะ กวนไอ้เกี๊ยวปลาสนุกดีหว่ะ  สะใจด้วยนะ” ใจเจ๋งพูดแล้วขำ  ทำให้เพื่อนอีกสองคนก็ยิ้มส่ายหน้าไปตามๆกัน  ปกติ
ส่วนมากใครที่ขัดใจไอ้ใจเจ๋งมัน โดนมันเงิบไปแล้ว  แต่ครั้งนี้มันยอมน้องคนนั้นเพื่ออะไรกัน
           




กลับมาดูเด็กน่ารักสามคนนี้ดีกว่า  หลังจากที่ออกจากร้านมาแล้วก็พากันเข้าร้าน MK  ทุกคนอารมณ์ไม่จอยเท่าไหร่นัก

“เอาร้านนี้แล้วกัน  หวังว่าจะไม่ตามมาหรอกนะ  ให้ตายสิ คราวหน้าพ่อจะเอาน้ำซุปราดหน้าเลยดีไหม”

“เฮ้ยๆ เกี๊ยวใจเย็นๆเว้ย  เดินมาไกลขนาดนี้ไม่ตามมาหรอกนะ”

ไม่นานพนักงานสาวสวยก็เดินเข้ามาถาม

“มากี่คนคะ”

“ 3 ครับ”

“รับอะไรดีคะ”

“เอ่อ  ปาร์ตี้นายเลือกเถอะ สงสารแกวะ เห็นหิวมาตั้งแต่จัดของที่ห้องแล้วนะ  ขอโทษแล้วกัน ถ้าไม่เกิดเรื่องก่อนก็…….”

“เกี๊ยว ไม่เป็นไร อย่าพูดต่อ เราเข้าใจนะ  อืมพี่ครับเอามาอย่างละชุดเลยครับยกเว้นพวกที่นอกเหนือสุกี้ลงหม้อไม่ได้ ไม่ต้อง
เอามาครับ” ดูปาร์ตี้มันสั่ง

“ค่ะสักครู่นะคะ”

               ช่วงที่รออาหาร ทั้งสามหนุ่มของเราเชื่อไหมครับท่านผู้อ่านว่า  พวกเค้าที่น่ารักของพวกเรากำลังคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ที่ผ่านมาเมื่อกี้   สำหรับเกี๊ยวปลาเองพูดมาแล้วมันน่าโมโห ส่วนข้าวตูเองกำลังงงว่าเค้าเองผิดขนาดนั้นเลยหรอที่พูดเสียงดัง  ส่วนหนุ่มแว่นแดงของเรานั้นกำลังคิดข้าผิดพลาดของตัวเองที่ไปทำแก้วน้ำของเพื่อนพี่ใจเจ๋งหล่นแตก  แต่แล้วก็ผ่านไปด้วยดี




ผ่านไปไม่กี่วันหลังจากนั้น  ดูท่าทุกคนจะแต่งตัวชุดนักศึกษาเรียบร้อยแล้วนะ  แต่วันนี้ดูเหมือนจะได้ฤกษ์ไปสาย  และวันนี้เป็นวันปฐมนิเทศนักศึกษาคณะใหม่ๆด้วย 

“ไอ้เกี๊ยว!   แกจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน ตื่นสิ  ไหนแกบอกฉันเองนะว่าประเทศชาติเค้ารอคนดีๆอยู่  แล้วดูแกทำตอนนี้
สิ ตื่นได้แล้ว” ข้าวตูโยนหมอนไล่ปลุกเพื่อนตี๋น้อยคนนี้

“โอ้ยๆ ตื่นแล้ว ไอ้ข้าวตู นี่แกให้ฉันนอนอิ่มๆหน่อยไม่ได้หรอ เมื่อคืนฉันดูบอลดึกไปหน่อยอ่ะ”

“แล้วใครบอกให้แกดูหล่ะ วันนี้ปฐมนิเทศนะ ถ้าแกทำให้ฉันสายแกตายแน่”

“เอ้อๆ ตื่นแล้วไปรอที่สวนหน้าหอรอก่อนไป”

“ไม่ได้หรอก เกี๊ยวปลา ขืนพวกเราไปรอนายก็ต้องลงไปนอนที่เตียงอีกเหมือนเดิม  ลุกเร็วๆ นี่ก็7 โมงครึ่งแล้วนะ” ปาร์ตี้พูดขึ้น

“เออๆ รอก็รอ  ไปเข้าห้องน้ำแล้ว”

20นาที ผ่านไป  ทั้งสามคนรีบวิ่งลงจากหอเพราะกลัวจะไม่ทัน เค้าให้ไปปฐมนิเทศที่หอประชุมใหญ่ ใหญ่มากๆ ไม่รู้นักศึกษากี่คนต่อกี่คนมารวมกันที่นั่น น่าจะ 6000 คนได้สำหรับ ปี 1 

           และแล้วทั้งสามคนก็กระหืดกระหอบวิ่งมาจนได้  โชคดีที่มาทัน  แต่แปลกตรงที่ก่อนจะเข้างาน  หลังจากทั้งสามลงทะเบียนเสร็จ   ก็เหมือนกับว่ามีคนมากมายไปมุงดูอะไรก็ไม่รู้อยู่เสียงดังมาก

“โฮ  เพื่อนๆดูสิเค้าดูอะไรกัน  เราไปดูกันไหม”ปาร์ตี้จับขาแว่นแดงครั้งนึง  เพื่อให้ดูชัดเจน

“สงสัยพวกดารามาแหละ ไม่ต้องไปหรอกฉันไม่ชอบ ปาร์ตี้เข้าไปก่อนเถอะ”เกี๊ยวปลาพูดตัดบท

“เฮ้ยๆ  เดี๋ยวๆ  ฉันไปเข้าห้องน้ำแปบนึงนะ เดี๋ยวตามเข้าไป จองที่ไว้ให้หน่อยนะ” ข้าวตูพูดขึ้น

“เออๆ รีบๆละกัน  พวกฉันจะไปรอนะ”

 
                 ข้าวตูเดินรีบทางหอประชุมไปตามเส้นทาง ดูป้ายห้องน้ำไปด้วย  แล้วด้วยความปวดฉี่มากๆเลยทำให้เดินไม่ดูใครสักเท่าไหร่  ถ้าเค้าสังเกตสักหน่อยเค้าก็เจอสแกนที่กำลังยืนเล่นอยู่ข้างๆแถวนั้นอย่างเบื่อๆ  แต่แล้วสแกนก็หันมาเห็นก่อน

“นั่นไอ้เด็กข้าวตูคนนั้นนี่นา  ไปเข้าห้องน้ำหรอ  รีบซะด้วย  ”

              และแล้วสแกนก็เดินตามไป ได้ไม่นานก็คิดขึ้นมาได้

“เฮ้ยๆ เราตามมันไปทำไมวะ  ซุปเปอร์สตาร์อย่างฉันไม่จำเป็นต้องไปเดินตามใครนี่” เค้าหยุดคิดอยู่นานแล้วมองไปตามทาง
ด้านหน้าก็ยังเห็นข้าวตูเดินจ้ำอ้าวออกไปอย่างเร็วถ้าตามไปก็น่าจะทันนะ

            ข้าวตูเดินมาถึงห้องน้ำก็เข้าห้องที่ใกล้ที่สุด แต่ดูเหมือนห้องน้ำจะมีกลุ่มนักศึกษาปี 1 อยู่ 4 คนดูเหมือนกำลังจะมองเค้าอยู่หลังจากที่เค้าเดินเข้ามาในห้องน้ำ แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร เลยเดินเข้าไปล็อคห้องน้ำ  จู่ๆพวกนั้นก็ทำเส้น  แกล้งข้าวตู

“เฮ้ยๆ เปิดประตูหน่อยพวกเราจะเข้าไปใช้ ปังๆๆ”

“มาเคาะอะไรห้องนี้  ไปใช้ห้องอื่นสิ  เหลืออีกตั้งเยอะแยะ”ข้าวตูตะโกนออกไป  แต่แล้วก็ยังเคาะไม่หยุด  จู่ๆ  เสียงก็เงียบไป

“นี่ ทำไมเสียงเงียบไปนะ  รึว่าพวกนั้นไม่ปวดแล้ว”ข้าวตูเสร็จจากถ่ายเบา ก็หันหลังไปเปิดประตู  แล้วเดินไปล้างมือที่กระจก 
แต่เค้าเงยหน้าขึ้นมามองแค่นั้นแหละ  พระเจ้านั่นมันเพื่อนของพี่ใจเจ๋งนี่

“คุณ!”  ข้าวตูหันหลังกลับไปมองก็เจอเค้ายืนทำหน้าพิงประตูห้องที่สองรออยู่แล้ว  แล้วเค้าก็กำลังเดินออกไปจากห้องน้ำ

“เดี๋ยวๆ  คุณอย่าเพิ่งไป   ” ชายหนุ่มหน้าขรึม เก๊กหล่อหยุดเดินแล้วหันมาหาข้าวตู

“อะไร!”

“เอ่อ  เมื่อกี้คุณช่วยผมไล่เพื่อนๆพวกนั้นไปหรอ”

“เปล่า ไม่ได้ช่วย  ฉันก็แค่เข้ามาเข้าห้องน้ำเฉยๆ พวกนั้นมันก็ออกไปเอง ก็แค่นั้น  ”

“ไม่จริงคุณช่วยผมไว้  ขอบคุณมากนะครับ”

“ไม่จำเป็น กองไว้ตรงนั้นแหละ” แล้วสแกนก็เดินเก๊กออกไปจากห้องน้ำ ทำเอาไอ้ข้าวตูตัวเล็กๆของพวกเราหน้าถอดสีเลย
ฮาๆๆ  แป่วๆๆๆ

“น้อย  ไปเลย  ไอ้พี่ขี้เก๊ก คนเค้าอุตส่าห์ขอบคุณ  แหวะ หล่อตายแหละเก๊กอยู่ได้ เชอะ ไม่รับไหว้ก็ไม่ต้องรับสิ หึ”

              ข้าวตูบ่นพลางเอามือกอดอกไปด้วย  สแกนเองไม่ได้สนใจข้าวตูของเราแต่อย่างใด เค้าได้เดินออกไปนานแล้ว ทิ้งให้ข้าวตูบ่นอยู่ในห้องน้ำคนเดียว  แต่แล้วข้าวตูก็คิดขึ้นได้ เผื่อเพื่อนพวกนั้นกลับมาแกล้งอีกจะทำยังไง  เมื่อคิดขึ้นได้ก็ต้องวิ่งสิจ้ะ ข้าวตูจ๋า

“เฮ้ย คุณ รอผมด้วย  ไม่อยู่แล้ว  กลัว!”
       
     ข้าวตูวิ่งออกจากห้องน้ำไปอย่างรวดเร็วจนไปถึงด้านในหอประชุม  แลดูจะยากนิดนึงเพราะว่าข้าวตูเดินเข้ามาก็พบว่าคนเข้ามานั่งเยอะแล้วสิ  ที่สำคัญเพื่อนรักทั้งสองก็แทบจะไม่มีวี่แววมองเห็นเลย

“นายๆมานั่งกับเราได้นะ น่ารักจังมีแฟนยังเอ่ย” เสียงเพื่อนผู้ชายที่นั่งใกล้ๆข้าวตูพูดขึ้น พร้อมกับเอามือมาดึงแขนเบาๆ

“ไม่รู้สิ  ไปถามคนอื่นโน่นไป” ข้าวตูของเราด่าเพื่อนข้างๆทำเอาเค้ากลัวไปเลย

“อุย ดุจัง แค่ชวนมานั่งเฉยๆเอง”  ข้าวตูหันไปมองแล้วส่ายหน้าอย่างรำคาญ



    ทางด้านเกี๊ยวปลากับปาร์ตี้เองก็นั่งรอๆๆๆ รอแล้วรออีกไอ้ข้าวตูเพื่อนรักก็ไม่เห็นมันโผล่หัวมาเลย จะให้ทำยังไงดี

“ไอ้ปาร์ตี้ แกโทรหามันซิ”

“แหะๆ โทรศัพท์เค้าไม่มีตังค์อะตัวเอง”


“ตลอดเลยแกนี่ หัดเติมบ้างเอานี่  เอามือถือฉันไป”

“อ้าว ยื่นมาให้เราทำไม  ก็โทรไปสิเกี๊ยว”

“เออๆนั่นสิ  ฉันโทรแล้วนะ” 

ไม่นานข้าวตูมันก็รับสาย

“อยู่ไหนแล้ว  รึว่าตายคาห้องน้ำแล้วแกอ่ะ”

“โห นี่ๆๆเพื่อนรัก  แกนี่ช่างรักฉันเหลือเกินนะ  ห้องน้ำเข้าเสร็จแล้ว  ตอนนี้แกนั่งที่ไหน”

“แล้วแกนั่นแหละอยู่ไหน”

           บทสนทนาก็ดำเนินไปเรื่อยๆ  จนข้าวตูเดินไปหาเพื่อนๆถูกทาง ถูกเวลา  นั่งปุ๊บอาจารย์ก็เริ่มงานปั๊บจะว่าไปแล้ว  ก็ไม่มีอะไรแค่ให้มีนั่งฟังบรรยาย  ต่างๆนานา  จนถึงตอนสุดท้ายจะปิดงานปฐมนิเทศอาจารย์ก็ประกาศเสียงดังก้องว่ามีรุ่งพี่หนุ่มหล่อสามคนจะมาร้องเพลงปิดท้าย
         

 และแล้วเพลงก็เปิดดังขึ้นมา  นั่นคือเพลง  คิดฉันไหมเวลาที่เธอ….   แต่ที่น่าตกใจคือคนร้อง

คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ ไม่เจอะเจอกันกับฉัน
คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ เหงาใจ
คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ ไม่มีใครให้ทะเลาะ
ไปไหนแล้วไม่มีไหล่ให้เกาะ แล้วเธอคิดถึงใคร

เฮ้... เมื่อเราต้องห่าง ยิ่งเนิ่นนาน อาจลืมกันเลยไม่แน่ใจ

 “เฮ้ยๆ ไอ้เกี๊ยวแก ตื่นๆๆๆๆๆ  แกดูสิว่าใครร้องเพลง ” ข้าวตูสะกิดเกี๊ยวปลา

“เฮ้ยนั่นมัน…….”

ไม่นานเพื่อนใจเจ๋งอีกคนคือ โปเลย์เดินขึ้นมาร้องต่อจากใจเจ๋ง  เสียงของแฟนคลับล้นหลามมากๆ

ฟ้าร้องทุกครั้งมันส่งเสียงดัง เธอโดดมานั่งตักฉัน
ฉันก็ทุเรศตัวเองเหมือนกัน ที่ปลอบไปขำไป
ฉันรู้ว่าฉันไม่เอาไหนเลย ไม่อบอุ่นได้อย่างนั้น
ฟ้าร้องครั้งนี้ไม่เจอหน้ากัน แล้วเธอคิดถึงใคร


“โห พี่ๆเค้าไม่อยากจะเชื่อเลยนะ ว่าจะร้องเพราะขนาดนี้” ปาร์ตี้มองไปฟังไป ยิ้มไป  จนเกี๊ยวปลาเอ็ดเอา

“เฮ้ยปาร์ตี้  แกฟินมากไปรึเปล่า  ไอ้พี่พวกนี้มันก็ร้องธรรมดาๆแค่นั้นเอง”

                     ไม่นานพอถึงท่อนHook กลางเพลง  คนที่ร้องคือ  สแกน  หนุ่มมาดเท่ห์เดินขึ้นมาจากบันไดข้างเวลาทำเอาบรรดาสาวๆโห่กรี๊ดร้องให้ดังมาก ผู้หญิงแทบทุกคนกรี๊ดให้เค้าบ้าจริงๆ ข้าวตูนี่เอามืออุดหูเพราะทนเสียงดังไม่ไหว


ตอบหน่อยได้ไหม ตอบฉันหน่อย ว่าเธอคิดถึงกัน
ไม่ต้องหวาน ต้องแหววหรอก อยากถามแค่ให้เธอ
ตอบหน่อยได้ไหม ตอบฉันก่อน ว่าเธอคิดถึงฉัน
อย่างที่ฉัน มันคิดถึง คอยเธอกลับมา

    ข้าวตูมองไปที่คนร้อง  แต่ดูเหมือนว่าสแกนจะมองมาที่เค้านะ  แต่ข้าวตูไม่ได้คิดอะไรมากคนตั้งเยอะแยะเค้าจะเห็นข้าวตูได้ยังไงกันรึไม่ก็เค้าอาจจะมองไปที่คนอื่นก็ได้  ข้าวตูมองได้แคนั้นแหละก็เอามือปิดหูไว้อีกเหมือนเดิมเมื่อเสียงกรี๊ดเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง 
        เกี๊ยวปลาเองมองไปที่ใจเจ๋งแบบไม่สบอารมณ์มากนัก  ดูท่าทางของใจเจ๋งตอนนี้เดินไปที่ขอบเวทีให้ผู้หญิงจับมือดูแล้วมันน่านัก เพลบอยไปถึงไหมนะ

“อ้าว เกี๊ยวปลาไม่สนุกหรอ”ปาร์ตี้หันมายิ้มให้

“จะสนุกกว่านี้ถ้าไม่ใช่ไอ้ตี๋นี่มันเป็นคนร้อง” เกี๊ยวปลาพูดปับ ปาร์ตี้เองก็รู้แล้วว่าหมายถึงอะไร

“อ้าวแล้วนี่ ข้าวตูนายก็อีกคนหรอ  ไม่ชอบหรอถึงได้อุดหู”

“ชอบสิ แต่ดูสิ คนกรี๊ดกันใหญ่เลย  ฉันหนวกหูเป็นบ้า  ฉันออกไปข้างนอกก่อนนะ ไม่ไหวอ่ะ เสียงดังไป”

“อืมๆได้ๆ  ”ปาร์ตี้พูดกับเพื่อนแล้วหันไปดูต่อ

    เพลงดำเนินไปเรื่อยๆ จนจบเพลง  เสียงปรบมือโฮ่ร้อง กรี๊ดกราด  ดังมาก  แต่ดูๆไปแล้วสแกนเองร้องเพลงเสร็จถึงกับเดินลงจากเวทีไปเลย

“อ้าวๆ  ไอ้สแกน  ไปไหนวะ  เฮ้ย  อ้าวไม่ตอบอีก  เลย์ๆ มันจะเดินไปไหนของมันวะนั่น  ไม่เห็นหรือไงว่าคนกำลังปรบมือให้
อยู่”

“เอ่อไม่รู้สิ อาจจะไปเข้าห้องน้ำก็ได้มั้ง” เลย์ตอบเพื่อนชายก่อนจะหันไปยิ้ม แล้วโค้งตัวรับเสียงปรบมือ
 
   ข้าวตูเองเดินออกมาด้านนอกได้ซักพักแล้ว  ก็ค่อยยังชั่ว  ขืนอยู่ต่อแก้วหูแตกแน่ๆ 

“เฮ้อ โล่งไปที  เสียงดังเป็นบ้าเลย”

“ทำไม่ต้องเดินออกมาแบบนี้!”สแกนยืนกอดอกอยู่ห่างๆ สายตาไม่พอใจนัก

“เฮ้ย อ้าวคุณ เอ่อ แล้วนี่เพลงจบแล้วหรอ  ”

“เสียมารยาท คนอื่นเค้ากำลังร้องเพลง  ออกมาแบบนี้ได้ยังไง”

“เอ่อ ผมขอโทษ  แต่ผมทนเสียงกรี๊ด ไม่ไหวหรอก มันดังไป  แล้วนี่คุณเห็นผมเดินออกมาด้วยหรอ”

“ข้อแก้ตัวอ่อนกำลังมาก   ”  สแกนพูดตัดพ้อแล้วหันตัวจะเดินกลับเข้างานไป

“เดี๋ยวๆคุณ  อย่าเพิ่งไป  ผมขอโทษอ่ะ  พอใจรึยัง   แต่เมื่อกี้นี้ผมพูดความจริงนะ”

               ข้าวตูบอกไป  จริงๆแล้วก็พิลึกกับท่าทีของรุ่นพี่คนนี้อยู่ไม่น้อยเลย  แต่ยังไงซะเค้าเองก็ผิดจริงๆนั่นแหละที่หนีออกมาแบบนี้  เพื่อความถูกต้อง เค้าต้องขอโทษไป

“ไม่ต้อง  กองๆไว้ตรงนั้นแหละ”

“เฮ้ย  พิลึกคนแหะ  บอกขอโทษ  แต่ให้กองๆไว้ตรงนั้น  บ้าปะเนี่ย สองครั้งแล้วนะประโยคนี้ ”ข้าวตูพูดพึมพำตามหลังสแกน
ไป คนบ้าอะไรเอาแต่เดินหนีอยู่เรื่อยเลย คิดว่าหล่อนักหรอ  แต่เค้าคงจะไม่ได้ยินหรอกมั้ง




      ผ่านไป  หลายวัน  รึว่าหลายวันผ่านไป อิอิ  ที่ตึกเรียนของข้าวตู วันนี้เค้าเรียนวันแรก เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาตัวเตี้ยๆ  น่ารักๆมันทำให้ระหว่างที่เดินแยกจากเกี๊ยวปลา ปาร์ตี้ มีแต่คนมองคล้อยตามกันติดๆ  แต่เจ้าตัวก็ใช่ว่าจะสนใจ มุ่งหน้าเดินต่อไปอย่างอาจหาญ อิอิ

“ปี๊ดๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงแตรรถยนต์ ยี่ห้อ Opel ดังไล่ข้าวตูที่กำลังเดินอยู่ทางขึ้นตึก

“โอ้ย ใครวะ ปีบแตร หาอะไร หนวกหูจริง  ต้องไปบอกหน่อยแล้ว”

          ว่าแล้วข้าวตูก็เดินหน้ามุ่ยไม่พอใจไปที่รถหรูหราคันเมื่อกี้นี้ ตอนนี้กำลังจอดที่หน้าทางขึ้นตึกเรียนเป๊ะๆ  ด้านหน้าข้าวตู  ไปไม่ถึงรถหรอกแต่ชายหนุ่มแว่นสีดำก็เปิดประตูรถออกมา  พร้อมกับเสียงกรี๊ดกราด จากบรรดาญาติโยม เอ้ย บรรดาสาวๆในแถวนั้น  แต่มันไม่ใช่ประเด็น ที่ข้าวตูกำลังอึ้งก็คือคนที่ลงมาจากรถนั้นคือ  สแกนเพื่อนพี่ใจเจ๋งนั่นเอง  รายนั้นก็ใช่ย่อยเดินลงมาจากรถแล้วหันไปยักคิ้วให้ข้าวตูของเรอีกต่างหาก

“นี่คุณ!!!  คนเค้าเดินอยู่ก็เห็นๆอยู่ ทำไมต้องมาปีบแตรไล่………”

“หุบปาก  ฉันไม่ต้องการจะฟัง ขอตัวก่อน”

   สแกนไม่ฟังคำพูดข้าวตูเลยซักนิด แต่กลับหันหลังเดินขึ้นตึกไป  เรื่องอะไรที่ข้าวตูของเราจะยอมแพ้  เค้าทำไม่ถูกต้องหนิ ว่าแล้วก็วิ่งไปกั้นทางเดินข้างหน้าสแกนไว้ ทำเอาชายหนุ่มตรงหน้าทำหน้าเซงแล้วบ่ายเบี่ยงมองไปทางอื่น

“หยุดนะ!  คุณต้องฟัง คุณจอดรถขวางทางตึกคณะแบบนี้ไม่ได้นะ”

“ถอยไป”

“ไม่ถอย  คุณนั่นแหละ หันหลังกลับไปถอยรถไปจอดตรงที่ที่ควรจอดเดี๋ยวนี้”

“ถอยไป”

“หันกลับหลังไปถอยรถเดี๋ยวนี้”

            พูดได้แค่นั้นแหละ  สแกนก็เอามือหนาๆด้านขวายกขึ้นมาหมุนหัวข้าวตูแล้วดันออกไปข้างๆ  แน่นอนมันเป็นไปอย่างง่ายดายเพราะข้าวตูของพวกเรามันเตี้ย ตัวเล็ก  และหนุ่มหล่อของเราก็เดินผ่านไป

“น้อยแน่  เอามือมาหมุนหัวแล้วผลักเราเลยหรอ  คิดว่าตัวใหญ่แล้วจะกลัวไหม”

“……..”

“เออ เดินไปโน่นแล้ว  คิดจะฟังกันบ้างไหม  ไอ้พี่ขี้เก๊กนี่   ให้มันได้อย่างนี้สิ  แล้วนี่รถคันนี้เค้าจะจอดไว้แบบนี้เลยหรอ  บ้า
จริงๆเลย ไร้การอบรมเป็นที่สุด”

“บ่นอะไร”

“ก็บ่นอีตาบ้านั่นสิ  เฮ้ย!!!”

“อีตาบ้าไหน”

“นี่คุณเดินกลับตอนไหนเนี่ย”

“เลิกบ่น เลิกยุ่ง  โอเคนะ  ซักวันเดี๋ยวก็ชิน”

“ไม่ชินหรอก  คุณจอดรถแบบนี้มันไม่ถูกต้องนะ”

“แล้วแบบไหนถึงจะถูกหละ พ่อคนถูกต้อง”

“โน่นไงที่จอดรถ”

“จริงๆแล้วฉันก็จอดรถหรูๆแบบนี้ไว้ที่หน้าตึกคณะทุกวัน ทำมาเป็นปีแล้ว  ไม่เห็นจะมีใครบ่นให้ฉันเหมือนนายเลยนะ  อืม ถ้าไม่
พอใจก็เอากุญแจไปสิ  ไปถอยรถเก็บให้หน่อยก็แล้วกัน”

“น้อยแน่กล้าพูดว่าทำจนเคยชิน  เรื่องอะไรหล่ะ รถคุณหนิ คุณก็ไปขับไปเก็บเองสิ”

“ฮาๆๆ นึกว่าจะแน่  ที่แท้ก็………ขับรถไม่เป็นอะดิ ”

“โอย ไม่คุยกับคุณแล้ว  อยากเก็บรถก็เก็บไม่อยากเก็บก็ช่างคุณ  ไปแล้ว เบื่อ!”

“เดี๋ยว!!”

“จะมาดึงทำไมหล่ะ  คนยิ่งรีบๆอยู่  คิดจะดึงจะลากตอนไหนก็ได้รึไง  ตัวใหญ่กว่าหนิจะทำไงก็ได้อย่างนั้นใช่ไหม”

“พูดมากจริง มาบ่นมาด่าฉันแบบนี้แล้วจะหนีไปง่ายๆเลยหรอ  รู้จักสแกนคนนี้น้อยไปซะแล้ว”

“เปล่านะ ไม่ได้บ่นไม่ได้ด่าด้วย  จิตปรุงแต่งชัดๆ”

“ใช่ฉันจิตปรุงแต่ง  พอใจรึยัง  อยากให้ฉันไปถอยรถไม่ใช่หรอ”

“คิดว่ามันถูกไหมหล่ะที่คุณทำอยู่ ถ้าไม่…คุณก็ไปถอยรถแล้วเก็บไว้ในที่ควรจะเก็บ”

“ถ้าอย่างนั้นก็………”

“อะไรๆ  พูดแบบนี้ แววตาแบบนี้  น้ำเสียงแบบนี้  หมายความว่าไง   ฉันลูกชายพ่อกำนันนะจะบอกให้ ต่อยไม่เลี้ยงนะจะบอกให้”

“หึ ตัวเล็กอย่างกับลูกแมว อวดดีจริง กำนงกำนันฉันไม่รู้จักหรอกที่นี่รู้แค่ว่ามีฉัน สแกนคนนี้คนเดียวก็พอ  ไปกับฉัน”

“ไม่ไปปล่อยๆ   ต่อยจริงๆด้วยนะ  ปล่อยดิ”

                    ให้ตายเถอะ คิดจะต่อยสแกนแต่เค้ารวบมือสองข้างไว้ขนาดนั้น  ยังจะมีมือข้างไหนมาต่อยเค้าอีกหล่ะ ข้าวตูเอ๋ย ไม่น่าเลยลูก  ไม่น่าไปยุ่งกับสแกนเลย  อย่าทำอะไรน้องเลยนะสแกน เรื่องเพิ่งจะเริ่ม ฮาๆๆๆ โอ๊ะโอ  โดนลากตัวไปที่รถแล้ว สู้ๆลูก




เปนไงบ้างน้อ  ไม่ได้มาต่อนานเลย  ขอโทษด้วยน้า  แต่มันจะนานๆแบบนี้แหละเนาะ รอให้สะดวกเมื่อไหร่จะอัพลงแน่นอนครับ^^

 :mew1: :mew3: :mew4: :mew1: :mew3: :mew4: :mew1: :mew3: :mew4: :mew1:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 2 up 16 05 56
เริ่มหัวข้อโดย: Aomampapeln ที่ 16-05-2013 00:53:11
รับทราบค่ะว่างเมื่อไรก็อัพเมื่อนั้นละค่ะตามสะดวก^^
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 2 up 16 05 56
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 17-05-2013 17:13:11
 :mew3: :mew3: :mew3:  ขอคนแก่แอบดูหน่อยซิื

 :katai1: :katai1: :katai1: คนแก่มองม่ะเห็นอ่ะ

 ต้องรอดูตอนหน้า  :a5: :a5: :a5:

หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 2 up 16 05 56
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 15-06-2013 18:30:19
ตอนที่ 3




“มานี่!” เสียงคำสั่งพร้อมแรงลากแขนข้าวตูลงมาจากทางขึ้นตึกคณะนิติศาสตร์  ทำเอาเจ้าตัวตั้งหลักไม่ทันเอาซะเลย ทำได้แค่
เพียงไหลไปตามน้ำจามแรงดึงเท่านั้น

“นี่ๆๆๆๆ คุณผมจะต่อยคุณจริงๆแล้วนะ คนเค้ามองกันเต็มแล้วไม่เห็นหรอ”

“แคร์ทำไม  ก็เอาสิ อยากรู้เหมือนกันว่าหมัดของลูกชายพ่อกำนันอะไรนั่นจะหนักแน่นและทำฉันเจ็บได้แค่ไหน  แต่ตอนนี้หุบปาก
แล้วก็ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น แล้วขึ้นรถฉันได้แล้ว”

“ไม่!”

“พูดดีๆไม่เคยฟัง อวดเก่งจริงๆ เข้าไปได้แล้ว”  ว่าแล้วก็เปิดประตูรถดันร่างเล็กๆน่ารักๆหล่นตุ๊บลงไปนั่งที่เบาะ ทำเอาข้าวตูนั่ง
เอาแขนกอดอดทำหน้าบึ้งมองไปด้านหน้าไม่สนใจสแกนเลย   

       สแกนขับรถPorsche 918 Spyderสีบอนเงินวนไปรอบๆตึกคณะอยู่นาน  ไม่ว่าสแกนจะขับรถไปมุมไหนๆ เหล่าบรรดานักศึกษาก็มองตามกันเป็นแถบๆ ไม่ใช่อะไรหรอกนะ เพียงแค่เห็นเด็กปีหนึ่งคนนั้นไปนั่งอยู่ในรถกับสแกนได้อย่างไรก็เท่านั้นเอง

“นี่ ว่าไงพ่อคนถูกต้อง  จะให้ฉันจอดรถไว้ที่ไหนหล่ะ ถึงจะพอใจ หึ  รึว่าที่ไม่ยอมบอก เพียงเพราะอยากนั่งรถเล่นกับฉันหล่ะสินะ  แน่หล่ะฉันหล่ออย่างนี้ใครจะไม่อยากนั่งด้วย”

“หลงตัวเองชะมัดเลย ให้ตายเถอะ  ผมไม่ได้ชอบผู้ชายนะ”

“เมื่อกี้ว่าอะไรนะ”

“เปล่า  จอดตรงนั้นแหละเหมาะสมสุดๆแล้ว  คุณเล่นซะขับรถวนตึกคณะอย่างนี้อีก 2 รอบมีหวังผมอวกแตกที่รถคุณแน่”

“อืมได้ ไม่มีปัญหา  ตรงนี้ใช่ไหม”

“จอดๆไปซะทีสิ  ถามมาก”

“หึ ปากดีอีกแล้ว”

เอียด…… เมื่อสแกนได้ที่จอดรถตามคำสั่งของข้าวตูแล้ว ก็แกล้งเจ้าตัวด้วยการเบรกอย่างกระทันหัน

“ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย”

“อะไร  ยังไง ฉันทำอะไรหรอ แค่เบรกรถ  ฉันจะไปทำอะไรอีกหล่ะ”

“ครับๆ  แค่เบรกรถเนาะ  โอเค  ผมเข้าใจ  แล้วช่วยกรุณาเปิดประตูให้ผมได้แล้ว”

“เปิดเองสิ  ”

“อย่ามาตลกนะคุณ  รถคันนี้ตั้งระบบไว้ที่ด้านคุณหมดแล้ว ถึงผมจะกดปุ๋มด้านนี้แล้วก็ตาม  ถ้าคุณไม่กดปุ่มตรงนั้นแล้วผมจะได้ลง
ไปไหม”

“ให้ตายสิ ไม่อยากจะเชื่อ เด็กแบบนายรู้เรื่องรถราคาแพงๆแบบนี้ด้วยหรอ”

“แล้วไง ผมจะรู้ไม่รู้นี่กฎหมายเค้ามีกฏเกณฑ์อะไรรึเปล่าที่ผมจะรู้เรื่องรถพวกนี้ไม่ได้”

“อืมใช่ พูดมีเหตุผล  ลงไปได้แล้ว”

“ขอบคุณ”

            ข้าวตูเดินลงมาจากรถได้ก็ทำหน้าเหมือนอยากจะร้องตะโกนให้มันลั่นดังไปเลย  แต่ก็ทำไม่ได้เพราะทุกๆคนที่อยู่
รอบนอกรถแถวๆนั้นหันสายตามามองเค้าที่จุดโฟกัสเดียวกันไปหมดเลย  ข้าวตูได้แต่ยิ้มแหยะๆแวกผู้คนตรงนั้นออกไปอย่างยาก
ลำบาก




    ที่สวนขนาดใหญ่ใกล้แอ่งน้ำในมหาวิทยาลัย   ปาร์ตี้ใช้เวลายามบ่ายวันนี้ว่างๆไปนั่งเล่นที่นั่นกับเพื่อนชายคนใหม่  เค้าเองเป็นคนรักธรรมชาติชอบจินตนาการ  ไม่วายจะหยิบกระดาษสักแผ่นหนึ่งพร้อมดินสอวาดภาพสักแท่งขึ้นละเลงวาดภาพที่อยู่เบื้องหน้าอย่างใจเย็น

“นี่ๆตี้  นายวาดภาพสวยจังเลย”เสียงเพื่อนหนุ่มชื่อ ทาม พูดเอ่ยชมขึ้น

“ไม่หรอกทาม  ลองวาดดูไหม”

“เหอะๆ ไม่หล่ะเรื่องวาดภาพเราไม่ถนัดนักหรอก แต่เรื่องกีฬาแล้วว่าไปอย่าง”

“โห ไม่น่าเชื่อนะว่าทามจะเล่นกีฬาเป็นด้วย”

“ทำไมหล่ะ  นายดูไม่ออกเลยหรอ”

“อืม  นายดูขาวเกินไป เหมือนคนที่ไม่เคยออกแดดเลย”

“ที่นายพูดมามันก็ถูกอยู่หรอกนะ  เออ ขอตัวก่อนนะมีคนโทรมาหน่ะ”

“แฟนหล่ะสิ”

“เออหน่า  ถามมากไปแล้วตี้  พรุ่งนี้เจอกัน”

        ปาร์ตี้ยิ้มส่งเพื่อนที่กุรีกุจอเก็บข้าวเก็บของ เพราะแฟนโทรตามอย่างขำๆ  ต่อมาไม่นานภาพวาดก็เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง
ไม่น่าเชื่อว่าฝีมือการวาดภาพของเค้าจะดูเป็นมืออาชีพได้ถึงขนาดนี้  ภาพที่ปาร์ตี้วาดคือ หนองน้ำที่ถูกแสงอาทิตย์สะท้อนลงมา
ที่ผิวน้ำ เป็นประกายระยิบระยับ มีพุ่มไม้และสวนที่อยู่บนฝั่ง มีฟุตบาทวิ่งออกกำลังกายรอบๆหนองน้ำนั้น

“ภาพวาดสวยจัง” เสียงปริศนาเอ่ยชมเค้า  จนเจ้าตัวต้องวางดินสอแล้วหันไปมองที่ต้นเสียง และก็พบว่าเป็นชายหนุ่มร่างสูง   ผิว
เหลืองอ่อน  แววตาอ่อนโยนยิ้มให้ปาร์ตี้อยู่ก่อนแล้ว

“ขอบคุณครับ”

   ปาร์ตี้ตอบไปพร้อมกับหันหน้ามาวาดภาพต่อไป  ทำเอาคนที่เข้ามาทักแทบหุบยิ้ม

“นี่นายจำฉันไม่ได้หรอ”

“จำ?  ผมเคยเห็นคุณด้วยหรอครับ  แต่ว่าผมเองก็เริ่มจะคุ้นๆหน้าคุณแล้วเหมือนกันนะ รึว่าคุณคือ…..”

“ใช่ฉันเอง  ที่HOTPOT วันนั้น”

“เฮ้ย  พี่ครับ ผมขอโทษจริงๆนะครับพี่  ผมไม่ได้ตั้งใจทำแก้วน้ำพี่แตกเลยนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

“เอ่อ  พอเถอะๆ  ฉันลืมไปแล้วหล่ะ  อย่าคิดมากนะ ฉันยกโทษให้นะ”

“จริงๆหรอครับ  ไม่ใช่มาที่นี่เพราะมาแก้แค้นผมนะ”

“ฮาๆ เด็กน้อย  ความคิดแบบนี้มันเป็นการแก้ไขปัญหาด้วยปลายเหตุ  ไม่ใช่ต้นเหตุซักหน่อยนึง  แล้วนี่นายเห็นฉันเป็นคน
พยาบาทแบบนั้นจริงๆหรอ”

“ไม่รู้สินะ  พ่อผมพูดไว้เสมอว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ  ”

“จริงหรอ  ฉันดูโหดร้ายขนาดนั้นเลยหรอ”

“เอ่อ ก็ไม่เชิงหรอกครับ  แต่ดูๆไปแล้วคุณน่าจะใจดีมากกว่า  ”

“ไม่จริงมั้ง”

“จริงๆนะ ผมพูดจริงๆ ไม่ได้โกหก”

“อืมเชื่อก็ได้   ว่าแต่ทำไมมานั่งคนเดียวแบบนี้ ”

“คนเดียวที่ไหนครับ  นั่นไงคนอื่นๆเค้ากำลังวิ่งออกกำลังกายกันอยู่เลย”

“ไม่ใช่อย่างนั้น  หมายถึงนายทำไมมานั่งวาดรูปคนเดียว แล้วเพื่อนสุดกวน 2 คนนั้นไปไหนซะแล้ว”

“ผมไม่รู้ครับ เราเรียนคนละตึกกัน  แต่คงกลับไปเจอกันที่หอหล่ะมั้งครับ”

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง  สนใจไปวิ่งรอบสระน้ำซักรอบไหม”

             พอจบประโยคนี้ ปาร์ตี้ก็เพิ่งจะนึกออกได้  ว่าพี่ผู้ชายคนนี้เค้าใส่ชุดเตรียมพร้อมจะวิ่งแล้วนี่นา

“ไม่ไหวหรอกครับ  ผมใส่ชุดนักศึกษาอยู่เลย  ถ้าไปวิ่งมีหวัง….”

“ไม่ต้องห่วง ขอแค่ไปเดินเล่นกับฉันก็พอแล้ว  ไม่สิ ฉันต้องถามก่อนสินะว่านายว่างรึเปล่า”

“จริงๆก็ไม่ค่อยว่างหรอกนะครับ  ผมวาดภาพยังไม่ค่อยเสร็จเลย  คุณไปวิ่งเถอะนะ จะได้ไม่เสียเวลา”

“ฮาๆ เสียเวลาหรอ  ตอนนี้ฉันจะมาออกกำลังกายนะ  ลืมเรื่องคุณค่าของเวลาไปหน่อยก็คงจะดี จะได้ผ่อนคลายรีแลกบ้าง   ขอ
ฉันนั่งเล่นด้วยคนสิ”

“อ้าว ทำไมเปลี่ยนใจแล้วหล่ะครับ  แดดก็ไม่ค่อยร้อนแล้วนะ ช่วงนี้เหมาะสมที่สุดในการวิ่งแล้ว  เย็นกว่านี้เดี๋ยวจะไม่สบายได้
นะ”

“ไม่เป็นไร อยากดูภาพที่นายวาดมากกว่า  เรื่องวิ่งเอาไว้ก่อนก็ได้”

“ฮาๆ ผมงงการตัดสินใจของคุณจัง  เอาเถอะ ผมจะวาดภาพต่อแล้ว  ใกล้เสร็จแล้วแหละ”

             ผ่านไป 20 นาทีโปเลย์ก็นั่งมองดูภาพวาดของคนข้างๆที่ดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเรื่อยๆจนเสร็จสมบูรณ์ก่อนจะเก็บ
อุปกรณ์เข้าไว้ในกระเป๋า

“จะกลับแล้วหรอ”

“อืมครับ  นี่ก็เริ่มเย็นแล้ว  อยากอาบน้ำมากๆ”

“ฉันเองคงจะได้วิ่งคนเดียวอีกแล้วสินะ”โปเลย์พูดพึมพำจนหนุ่มตัวเล้กได้ยินเข้า

“เอ่อ  คุณ ถ้างั้นเดี๋ยวผมเดินเป็นเพื่อนก็ได้ คุณอุตส่าห์นั่งดูผมวาดรูปจบเสร็จ  อย่างนี้น่าจะโอเค หายกันนะ”

“โอเค  เดินกันเลยแล้วกัน  เดี๋ยวจะมืดไปกว่านี้”

  ตามทางเดินที่มีผู้คนจำนวนหนึ่งออกกำลังกาย  โปเลย์กับปาร์ตี้เดินเล่นไปเรื่อยๆ คุยโน่นคุยนี่ ทำให้โปเลย์เองมีความรู้สึกว่าไม่
น่าเบื่อเลยแม้แต่น้อยนิด  ถ้าหากปาร์ตี้สังเกตอีกนิดหน่อย อาจจะพอรู้ตัวบ้างแล้วว่าแววตาที่ชายร่างสูงข้างๆเค้ามีความสุขมากแค่
ไหน

“เอ่อผมว่าเราคุยกันมาก็นานแล้วนะครับ  แต่ผมไม่ยักกะรู้ชื่อคุณเลยนะครับ คุณชื่ออะไรหรอ”

“เรียกฉันว่าโปเลย์ก็ได้ปาร์ตี้”

“หืม… ทำไมคุณถึงรู้จักชื่อผมหล่ะ”

“อ่ะ เอ่อ คือ…. อ้อก็ไอ้ใจเจ๋งมันมาพูดให้ฉันฟังอีกทีหน่ะ”

“อ้ออย่างนั้นเองหรอครับ    จะว่าไปวันนั้นคุณร้องเพลงได้เพราะมากๆเลยนะ”

“จริงหรอ  ไม่เห็นจะมีใครชมฉันแบบนายเลย”

“จริงๆหรอครับ จะไม่มีคนชมคุณเลยหรอ  ไม่จริงมั้ง  หน้าตาแบบคุณสาวๆคงให้กำลังใจแทบทุกวันแหละจริงไหม”

“ผู้หญิงที่ไหนกัน ฉันยังไม่มีแฟนหรอกนะ”

“เปล่าผมไม่ได้บอกว่าคุณมีแฟนซักหน่อย แต่วันที่คุณร้องเพลงหน่ะ  แฟนคลับคุณเค้าไปให้กำลังใจกันดังลั่นหอประชุมซะขนาด
นั้นนะครับ”

“นั่นสินะ  แล้วนายหล่ะมีแฟนรึยัง”

“แฟนหรอ ไม่มีอ่ะครับ แล้วก็ไม่อยากที่จะมีด้วย”

“อ้าวทำไมหล่ะ อายุขนาดนี้แล้วไม่อยากมีแฟนซักคนไว้ให้กำลังใจเหมือนเพื่อนๆคนอื่นหน่อยหรอ”

“ไม่รู้สินะ  หรือว่าอาจจะไม่ถึงเวลาก็ได้ว่าไหมคุณ”

“ฉันว่าอาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้”

“คุณรู้ได้ยังไง” 

  คำพูดของปาร์ตี้ที่ย้อนถามกลับไปแบบไม่ได้คิดอะไรนั้น  ทำเอาคนฟังคิดมากจนเกือบจะจนมุมทีเดียว

“ปะเปล่า แค่พูดไปลอยๆเท่านั้นเอง  นี่ก็ทุ่มหนึ่งแล้ว หิวข้าวรึยัง” โปเลย์รีบพูดตัดบท

“จะว่าไปก็หิวตั้งแต่วาดภาพแล้วแหละครับ”

“อ้าวทำไมไม่บอกฉันหล่ะจะได้พาไม่กิน”

“โหไม่เป็นไรหรอกครับ เพื่อนๆที่ห้องรออยู่เดี๋ยวจะไปกินพร้อมพวกนั้นเลยดีกว่าไม่อย่างนั้นงอลผมตายเลย”

“ฮาๆนั่นสินะ  อืมงั้นให้ฉันไปส่งที่หอได้ไหม  ค่ำแล้วน่ากลัวออก”


“ไม่เห็นน่ากลัวเลยครับ โน่นไงมีเพื่อนๆพี่ๆ เค้าเดินกันไปมาเป็นพักๆ  ไม่น่ากลัวหรอกครับ แต่ก็ขอบคุณมากนะครับ วันนี้ได้รู้
อะไรหลายๆอย่างเลย โดยเฉพาะเรื่องของคุณ”

“อืมไม่เป็นไรหรอก  ถ้าเจอกันอีกครั้งหน้า อย่าลืมทักบ้างนะ”

“ได้เลยครับผมไปแล้วนะ”

“เออเดี๋ยวก่อน  เรียกฉันว่าพี่ได้เปล่า ถือว่าเป็นพี่คนนึงของนาย”

“ไม่มีปัญหาครับพี่โปเลย์”

          เด็กหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะเดินออกห่างจากโปเลย์ ซึ่งยืนยิ้มมองดูเด็กคนนี้อย่างมีความสุข  แต่น่าเสียดายที่ตัวเค้าเองแทบไม่
รู้ว่ารอยยิ้มที่ยิ้มออกมานั้นมันสื่ออะไรได้หลายอย่างเลยทีเดียว  แต่แล้วรอยยิ้มก็ต้องหายไปเพราะเบื้องหน้าเค้าเหมือนจะมีกลุ่ม
ผู้ชาย 4 -5 คน เดินตามหลังประกบปาร์ตี้อยู่ห่างๆ  เค้าตัดสินใจที่จะวิ่งไปที่รถหรู สตาร์ทเครื่องไปหาปาร์ตี้อย่างเร็วแล้วเบรกรถไปที่ข้างๆปาร์ตี้  ทำเอาปาร์ตี้ตกใจเล็กน้อยกับรถที่อยู่ดีๆมาจอดข้างๆเค้า

“ปาร์ตี้ ขึ้นรถเร็วเข้า”

“ไม่เป็นไรครับพี่โปเลย์  หออยู่แค่นี้เอง”

“โถ เด็กน้อยเอ้ย รีบๆขึ้นรถเร็ว ด้านหลังนายผู้ชายพวกนั้นเค้าคิดไม่ดีกับนายอยู่นะ”

“เอ่อ ได้ครับ ขึ้นก็ขึ้น”

            โปเลย์รีบเหยียบรถออกไปหลังจากที่ปาร์ตี้ขึ้นรถ  พร้อมกับพาไปส่งที่หอพัก  กลุ่มชายที่ตามหลังปาร์ตี้มาเมื่อกี้ มันช่าง
ทำให้โปเลย์มีสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างแรงและไม่นึกว่าปาร์ตี้จะเกือบโดนเล่นงานเข้าแล้ว ดีที่เค้าได้ช่วยปาร์ตี้ไว้ได้


“ขอบคุณมากนะครับที่มาส่ง  ว่าแต่คนพวกนั้นเค้าเป็นใครหรอครับ”

“อืม ปาร์ตี้พี่บอกไม่ได้หรอกนะ เอาเป็นว่าอยู่ห่างๆพวกนั้นไว้นะ  มีอะไรก็โทรมาที่เบอร์นี้ได้เลยนะ  ไปแล้วแว่นแดง”

“ครับ  ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ”

           รอยยิ้มมิตรภาพที่ส่งให้กันและกัน อีกฝ่ายกลับไม่ได้คิดแต่อีกฝ่ายกลับคิดไปไกลนักต่อนัก  ปาร์ตี้เองเค้ายังคงใสซื่ออยู่
บ้าง  ความบริสุทธิ์ของเค้าอาจเพิ่มความไม่ไว้วางใจภัยที่จะเกิดกับปาร์ตี้อย่างมาก



“ฮัลโหล ไอ้เลย์  โทรมามีอะไรวะเพื่อน”

“ไอ้เจ๋ง  พวกนั้นมันปรากฏตัวอีกแล้ว”

“ช่างพวกนั้นมันสิ เราไม่ยุ่งกับพวกนั้นอยู่แล้ว เหยื่อต่อไปจะเป็นใครเราอย่าไปยุ่งดีกว่า”

“เฮ้ยแต่ว่าคนต่อไปที่แกหมายถึง คือ…..”

“คือใครไอ้เลย์  แล้วนี่ทำไมแกต้องเป็นเดือดเป็นร้อนด้วยวะ  หรือว่าเหยื่อคนใหม่จะเป็นหวานใจของแก”

“ตลกแล้ว ไม่มีหวานจงหวานใจอะไรทั้งนั้นแหละไอ้เจ๋ง  แต่แกต้องช่วยน้องเค้าให้ได้”

“เรื่องอะไรจะไปช่วย  ไม่เห็นจะเกี่ยวกับพวกเราตรงไหน  นี่แกน่าจะชินได้แล้วนะพวกนั้นจะเลือกใครเราไม่ควรจะไปยุ่งนะเว้ย
เพื่อน”

“แต่คนๆนั้นที่พวกนั้นเลือกคือปาร์ตี้นะเว้ย”

“อะไรนะ  ปาร์ตี้หรอ  เฮ้ยไม่มั้ง  แกตาฝาดไปรึเปล่าไอ้เลย์  พวกนั้นมันจะมาชอบน้องเค้าได้ยังไง  ออกจะเด็กเรียนเรียบร้อย มี
สัมมาคารวะแบบนั้น”

“ไม่ฝาดแน่นอนไอ้เจ๋ง ฉันเองเพิ่งจะช่วยน้องเค้าพามาส่งหอเมื่อกี้นี้เอง”

“หรอ  เรื่องใหญ่แล้วไหมหล่ะ อะไรวะคนตั้งเยอะตั้งแยะทำไมพวกนั้นมันไม่เลือกนะ  น้องปาร์ตี้ ซวยแล้วสิ”

“จะยังไงก็ตามแต่ แกไปบอกเพื่อนกลุ่มแกไปบอกหัวหน้าพวกนั้นเลิกยุ่งกับน้องเค้านะเว้ย”

“เออๆ เข้าใจแล้ว  เป็นห่วงเกินเหตุนะแกเนี่ย ปกติไม่เห็นจะสนใจเรื่องคนอื่นเลย  วันนี้กินยาผิดขนาดรึเปล่าวะเพื่อน”

“พูดมากหน่าเจ๋ง จับผิดอยู่ได้ ไปกินข้าวแล้ว แค่นี้นะ หิว  หาไรกินด้วยหล่ะแก บาย”




“อ้าวเฮ้ยไอ้เลย์   ตัดสายเฉยเลย  เพื่อนเรามันเป็นอะไรวะ  ปกติไม่เห็นจะเป็นเดือดเป็นร้อนแบบนี้มาก่อน งงเว้ย    แต่แปลกยิ่งกว่าในประวัติกาลพวกแก็งค์นั้นมันคิดอะไรของมันอยู่นะ ปกติมันไม่ชอบสไตล์แบบปาร์ตี้เลยนี่หว่า  ยิ่งคิดก็ยิ่งงงเว้ย   ”

       ที่เทคซอย 15 ข้างมหาวิทยาลัย  ใจเจ๋งต้องเป็นธุระให้เพื่อน  และอีกอย่างเค้าเองก็ไม่อยากให้ปาร์ตี้ตกอยู่ในสภาพที่ไม่ควรจะเป็นแบบเหยื่อที่ผ่านมาของแก็งค์นี้ด้วย  ใจเงเดินเข้าไปในร้านอย่างรวดเร็วแล้วดิ่งขึ้นไปที่ชั้น 3 ทันทีที่ไปถึงก็เจอลูกน้องยืนอยู่ที่ประตูห้อง

“วันนี้นายพวกแกอยู่ไหม  ขอพบนายแกหน่อย”

“อยู่ครับ คอยซักครู่ครับ”  ไม่นานประมาณ 30 วินาทีลูกน้องก็เดินออกมาจากห้องนั้น


“เชิญครับ”

            ทันทีที่เข้าไปที่ห้อง ก็พบกับหัวแก็งค์เจ้าเล่ห์ลูกครึ่งเยอรมันกับไทยนั่งอยู่ที่ด้านหน้า  ใบหน้าอันหล่อเหลา แววตาคม
เข้มมองใจเจ๋งพร้อมกับซ้อนอารมณ์ไว้อย่างไรอย่างนั้น

“อ้าวนึกว่าใครลูกชายเสี่ยกงเองหรอเนี่ย  ว่าไงเพื่อนปกติไม่ยักกะมา ”

“ไอ้ยอร์ช  เด็กที่แกกำลังเล็งเป้าอยู่ตอนนี้แกปล่อยไปได้ไหมวะ”


“ฮาๆๆ ใจเย็นๆ อะไรกันร้อยวันพันปีไม่เห็นจะมาขัดใจฉันแบบนี้  นี่ต้องมีอะไรพอจะอธิบายมากกว่านี้อยู่ใช่ไหมไอ้เจ๋ง”

“ไม่มีหรอก  แต่ฉันสงสารน้องเค้า เค้าเป็นเด็กเรียน  ท่าทางเรียบร้อย  อย่าให้เค้ามาแปดเปื้อนเลยนะยอร์ช”

“ใครว่าฉันจะฟันแล้วทิ้ง  เด็กคนนี้แค่แว๊ปแรกที่ฉันเห็น  เค้าเป็นเหมือนทุกอย่าง เป็นเหมือนสิ่งที่ฉันตามหามานานแสนนาน”

“อะไรนะ  คนแบบนายมีรักแท้ด้วยหรอวะ”

“ฮาๆ  เฮ้ยเสี่ยยอร์ชก็มีหัวใจนะเว้ยไอ้เจ๋งเพื่อนยาก  เอาหน่าถ้ามันทำให้แกไม่สบายใจ ฉันจะยังไม่ทำอะไรก็ได้จนกว่าน้องเค้า
จะยอมเอง”

“ได้ยินแกพูดแบบนี้ก็สบายใจ  ถ้าน้องเค้าไม่ชอบแกจริงๆแล้วแกจะทำไงวะ”

“ฮาๆๆ อย่าเพิ่งให้พรสิไอ้เจ๋ง  ฉันยังไม่ได้ลงมือเลย    และมันจะไม่มีความเป็นไปไม่ได้ในชีวิตไอ้ยอร์ชคนนี้”

“ไอ้ยอร์ช  ”

“เจ๋ง  แกออกไปก่อนเถอะนะ  ฉันไม่อยากรับแขกแล้วหว่ะ  เรื่องนี้ฉันคิดดีแล้วจะรอน้องเค้าให้โอกาสฉันเอง  แต่ถ้าไม่ให้  นายก็
น่าจะรู้ว่าคนที่ผ่านมากี่คนต่อกี่คน  เห็นไหมว่าไม่มีใครขัดฉันได้เพื่อนและฉันจัดการยังไง กับเด็กคนนี้ก็คงจะอย่างนั้น”

“ยอร์ช  คนนี้คนเดียวไม่ได้หรอวะ  ปล่อยน้องเค้าไปเถอะ”

“ทำไมวะเจ๋ง รึว่าแกชอบน้องเค้า”

“เปล่า ไม่ใช่อ่ะ  อะไรของแกวะฉันยังชอบสาวสวยหมวยอึ๋มอยู่นะเว้ย”

“อ้าวแล้วแกจะมาเป็นเดือดเป็นร้อนอะไรวะ  รึว่าน้องเค้าเป็นญาติแก  เอาหน่ายิ่งเป็นญาติแกฉันก็ต้องยิ่งทะนุถนอมให้เกียรติน้อง
เค้าอยู่แล้ว”

“ไม่ใช่ญาติอีกแหละหว่ะ”

“อ้าว ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่มีเหตุผลที่แกต้องมาพูดวันนี้นี่หว่าเจ๋ง  กลับไปได้แล้วเพื่อน  ฉันไม่ชอบเหตุผลที่ไม่มี หรือแม้แต่เหตุผลที่
ฟังไม่ขึ้นหรอกนะเพื่อน”

“ฉันกลับก็ได้ แต่ยังยืนยันเหมือนเดิมนะเว้ย น้องเค้าเป็นคนดี  แกจะดึงเค้าลงมาไม่ได้หรอก  แกน่าจะคิดเองได้ถ้าแกรักน้อง
ปาร์ตี้จริงๆ”

“ความรักนี่มันซับซ้อนจัง ฉันไม่ค่อยถนัดนัก  ฟังแล้วปวดหัวหว่ะ  เอาเป็นว่าจะพยายามเข้าใจแล้วกันนะไอ้เจ๋งขอบใจมาก”

    และแล้วก็คว้าน้ำเหลว ใจเจ๋งสุดแสนจะอารมณ์ปี๊ดสุดๆ  ไอ้ยอร์ชมันไม่ยอมปล่อยง่ายๆไปแน่  นอกจากชะตาฟ้าดินแล้วแหละปาร์ตี้ ใจเจ๋งคงช่วยได้แค่นี้

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:



 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:

แนะนำตัวละครเพิ่มเติมในตอนที่ 3

1 ทาม    เพื่อนในคณะของปาร์ตี้ เป็นคนร่างสูงชอบเล่นกีฬาในร่มโดยเฉพาะบาสเกตบอล  เค้าจึงเป็นคนร่างสูง  และเป็นผู้ชายแท้ๆนะ มีแฟนแล้วด้วย^^ 

2 ยอร์ช   หนุ่มลูกครึ่ง  ทายาทเจ้าของเทคหลายแห่งในเมืองหลวง  ผู้ทรงอิทธิพล  ไม่มีอะไรที่เค้าจะไม่ได้ถ้าต้องการแล้ว  ถึงจะอย่างนี้ก็เถอะนะ เค้ารักและเอ็นดูปาร์ตี้จากใจจริงๆ  ไม่ได้อยากที่จะทำอย่างนั้นอย่างเดียว  แล้วอย่างนี้โปเลย์จะว่ายังไง


 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:



หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 3 up 15 06 56
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 15-06-2013 19:08:46
เอาล่ะซิงานนี้โปเลย์
มีคู่แข่งแล้วถ้าจะมันส์น่าดู :z2:
+1และเป็ด
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 3 up 15 06 56
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 18-06-2013 14:26:21
 :mc4: :mc4: :mc4:  ไชโยได้อ่านตอนใหม่แล้ว


คนแก่รอตอนต่อไปเด้อ  :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 3 up 15 06 56
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 13-07-2013 00:58:11
ตอนที่ 4
       




            :L2: ผ่านเลยไปแล้วก็ผ่านเลยมา ต้นแก้วหลายสิบต้นที่ปลูกไว้หน้าหอพักดอกสีขาวกำลังเบ่งบานเต็มต้นมันดูสดใสงดงามจริงๆเลยทีเดียว   อีกไม่กี่วันนี้จะถึงวันรับน้องของพวก  ข้าวตู ปาร์ตี้  และเกี๊ยวปลาแล้ว  แต่ทว่าตอนนี้แทบจะไม่ค่อยมีใครตื่นเต้นกันเลย 
ประการแรก ข้าวตูเป็นคนต่างจังหวัดเรื่องรับน้องก็พอรู้อยู่บ้าง แต่ก็ยังกังวลอยู่ดีว่าคณะตัวเองจะยังไง               
ประการสอง ปาร์ตี้ หนุ่มน้อยแว่นแดงผู้สุภาพ มารยาทงาม จิตใจที่อ่อนไหวก็ไปหมดแล้ว แค่ได้ยินว่าจะรับน้องคณะ!!  จะมีก็แต่พ่อหนุ่มตี๋หน้าหวานทายาทร้านทองคนนี้คนเดียวที่ตาวาวเป็นประกายอยากจะให้ถึงวันนั้นเร็วๆ พร้อมกระโดดโลดเต้นไปบนเตียงนอน  ในมือก็กุมกระดาษปฏิทินมหาวิทยาลัยที่เพิ่งจะอ่านกำหนดการไปด้วย

“เว่อร์ไปรึเปล่าเกี๊ยว  ดีใจบ้าอะไรของแกนักหนาถึงได้ไปกระโดดยืนบนเตียงขนาดนั้น มันสกปรก ลงมาเร็วๆเลย”

“โหย ไอ้ข้าว  แกไม่รู้อะไรเว้ย  วันรับน้องเป็นอะไรๆที่ฉันใฝ่ฝันมานานแสนนาน……….เอ๊ะ  รึว่าแกไม่อยากเจอวะ”

“ถามมาได้   ถ้าเลือกได้ฉันไม่อยากเลย  จริงๆนะเกี๊ยว  แกก็พิลึกคนเนาะถามจริงนะ…ไม่กลัวบ้างหรอ”

“ไก่อ่อน  ฉันพูดถูกแล้ว  พวกแกสองคนนะ ไก่อ่อน ต้องเอาดีอย่างฉันเว้ย  อย่าไปกลัว”

“พูดดีหนิ  แล้วเมื่อวาน  ตอนฝนเริ่มหยุดตก แค่ทากตัวน้อยๆกระดึบมาตัวเดียว  ทำเป็นติแตก  กระโดดไปอยู่อีกฝากของถนนโน่น”

“เฮ้ยไอ้ข้าวหยุดเลยนะ  หยุดพูด  มันคนละเรื่อง……  เอาหน่าเพื่อน  พี่ๆเค้าคงไม่ทำอะไรเรามากหรอกเชื่อดิ  ขำๆ เอาฮาอ่ะเอา
ฮา เข้าปะ!อืม…….  ปาร์ตี้ฉันรู้ว่าแกกังวลมากกว่าไอ้ข้าวมันมาก  แต่เชื่อฉัน  ไม่มีอะไรหรอกเพื่อน  เกี๊ยวปลาผู้หน้าหล่อ
รับประกัน”

“อืมๆ  โอเคขอบใจมากเกี๊ยว” ปาร์ตี้ยิ้มแหยะกับท่าทางเพื่อนตัวเองที่ทะเล้นพิลึกอยู่ตรงหน้าเค้า

“ดีมาก  งั้นเราสามคนไปหาอะไรกินกันหน่อยไหม  ฉันอยากจะดื่มอะไรเย็นๆ……นะๆ”

“ก็ดี  ขออะไรที่มันดื่มแล้วอุ่นๆท้องหน่อยนะ หนาวเกิน”

“อ้าวฉันจะดื่มเย็น แกกลับอยากจะดื่มอุ่นนะไอ้ข้าว  อืม….แต่ก็พอจะรู้อยู่บ้างหล่ะว่าจะไปกินร้านไหน”

“ที่ไหนหรอ”  ทั้งข้าวตูและปาร์ตี้ถามออกมาพร้อมกัน   เกี๊ยวปลายิ้มแหยะๆ  ก่อนจะพาไปร้านกาแฟร้านหนึ่งใกล้ๆหอพัก


ร้านกาแฟสไตล์สบายๆ แต่ดูหรูหราไปนิดๆ  มันทำให้ข้าวตูกับปาร์ตี้กังวลนิดๆว่าจะไหวไหม  หมายถึงเรื่องเงินทองอ่ะนะ

“ไอ้เกี๊ยวมากินอะไรแพงๆแบบนี้  ฉันขอบายดีกว่า  ร้านป้าต้อยชาเขียวรอฉันอยู่ที่ประตูมอฝั่งลานวิศวะ”

“หยุด! เชียว! นะ!   ห้ามปฏิเสธ  เพราะวันนี้    ฉัน  จะ   เลี้ยง   เอง”

“งั้นก็เข้าร้านกันเลย อย่ารอช้า”ข้าวตู ปรบมือพร้อมยิ้มแฉ่งเผยให้เห็นฟันเคี้ยวซี่เล็กๆ สองซี่ ดูแล้วเหมือนแมวน้อยตาโตอย่างไร
อย่างนั้นเลย

“แหมไอ้ข้าว  ไวจริงนะเรื่องของฟรีเนี้ย”

“แน่นอนเพื่อนเกี๊ยว   เพื่อน้ำใจเพื่อนฉันเองก็ต้องรับไว้   ป่ะปาร์ตี้ไปจองที่นั่งกันเถอะ”

“ให้ได้อย่างนี้สิเพื่อนเรา  เฮ้อ  อีกคนก็ลูกชายพ่อกำนันอีสาน  อีกคนก็ลูกชายเจ้าของไร้สวนผลไม้เมืองจัน  ทำเป็นขี้งกไปได้ 
จะเก็บเงินไปแต่งเมียรึไงกัน  แล้วนี้กูจะมายืนบ่นอะไรวะ  เฮ้อเข้าร้านบ้างดีกว่า”


   ในร้านกาแฟ   ถ้าสังเกตดีๆ  กลุ่มของยอร์ช  ลูกชายผับหน้ามอก็อยู่ดื่มกาแฟที่นี่ด้วย  สายตาของผู้ที่อยากจะครอบครองถูกเพ่งเล็งไปที่หนุ่มร่างเล็กแว่นแดงหนาเต๊อะ   แต่ปาร์ตี้นั่นหรอจะไปรู้อิโหน่อิเหน่อะไร   เค้าเองไม่รู้ตัวหรอกว่าอะไรคืออะไร    ไม่นานนักพอทั้งสามคนหาที่นั่งได้เท่านั้นแหละ   ยอร์ชกับเพื่อนๆ(อาจเรียกว่าลูกสะหมุนก็ได้เถอะ )ก็เดินเข้ามาทักทาย แบบรวดเร็วเสียจริงๆ

“สวัสดีครับ น้องๆปี 1  พี่ชื่อยอร์ชนะครับ  เป็นคนที่โด่งดังที่สุดในแถวรอบมอนี้”

“สวัสดีครับ   แล้วไงต่อ”

             สิ้นเสียงเกี๊ยวปลาที่ตอบเชิงถามกวนๆแบบไม่ได้ใส่ใจ ทำให้ลูกน้องมันไม่พอใจอยู่มากแต่ ชายร่างสูงก็ยกมือซ้ายห้าม
ไว้  เจ้าตัวเองก็อดกลั้นอยู่ไม่น้อย  สิ่งนี้ไม่มีใครจะดูออกได้ง่ายๆ แต่สำหรับข้าวตูแล้วดูออกง่ายมาก  เพราะอะไรหน่ะหรอ  เมื่อก่อนที่อยู่หนองคาย  พวกคุณยังจำไอ้สิงโตลูกกำนันเสืออีกตำบลหนึ่งได้รึเปล่า ไม่ต่างอะไรกับพี่ที่เพิ่งแนะนำตัวว่าชื่อยอร์ชคนนี้ไปเมื่อกี้แม้แต่นิดเดียว ทำให้ข้าวตูมองออกถึงอารมณ์ที่ซ่อนเร้นเอาไว้

“ฮาๆๆ   ดูท่าน้องคนนี้ชอบอะไรที่ขำๆพอตัวนะครับ  คือพี่แค่อยากจะมาทำความรู้จักกับน้องๆ  เป็นพิเศษเลยและมันจะดีมากถ้าน้องๆให้เกียรติพี่ได้นั่งร่วมโต๊ะไปด้วย”

“พี่ขอมา เราก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับ  เชิญครับเหลือที่นั่งอีกที่พอดี” ข้าวตูยิ้มแล้วเชิญยอร์ชเข้ามานั่ง  แต่แววตาของข้าวตูเพ่งเล็งพอที่ทำให้ยอร์ชเองแทบจะหลบสายตา อย่างกับคนถูกจับผิดเวลาทำผิดพลาด

“ขอบใจมากครับ”เจ้าตัวตอบรับพร้อมน้อมตัวให้นิดๆ แม้จะเกร็งๆข้าวตูอยู่บ้าง  แต่จะเกร็งอะไรไประดับหัวหน้าแก็งค์ใหญ่ๆอย่าง
เค้า ไม่มีอะไรที่ต้องทำให้เกร็งเลยแม้แต่ข้าวตูที่ส่งแววตามามองอย่างนั้น

“เอาหล่ะครับ  น้องๆชื่ออะไรกันบ้างครับ แนะนำให้พี่รู้จักหน่อยสิ”

“เรียกง่ายๆแล้วกัน  นั่นหน่ะ ข้าวตู  แว่นแดงนี่ ปาร์ตี้ แล้วก็ผม  เกี๊ยวปลา”

“อ้อ อย่างนี้เองหรอกหรอครับ น้องชื่อน้องปาร์ตี้สินะ   น้องปาร์ตี้ครับ ดูๆไปแล้วปาร์ตี้ ไม่ค่อยพูดเลยนะ”

“อ้อ  ไม่มีอะไรหรอก เพื่อนผมเค้าไม่ค่อยพูดหน่ะ  สำหรับคนแปลกหน้ายิ่งแล้วใหญ่”

              คำตอบที่ให้ไปของเกี๊ยวมันทำให้สีหน้าของยอร์ชที่ข้าวตูกำลังสอดแนมอยู่ ดูจะเปลี่ยนสีหน้าไปนิดๆบ่งบอกว่าไม่พอ
ใจอย่างแรง แต่แล้วเสียงลมหายใจเข้าปอดของชายหนุ่มผู้หล่อเหลาก็ดังขึ้นเหมือนกำลังจะสงบสติอารมณ์

“โอ้  แย่จริงๆเลย จะเป็นการรบกวนรึเปล่าถ้าปาร์ตี้จะให้เกียรติมองว่าพี่ไม่ใช่คนอื่นคนไกล”

“ได้ครับ ” ปาร์ตี้หันมาตอบยอร์ชหลังจากที่มัวแต่ก้มดูเมนูที่อยู่ตรงหน้า  เกี๊ยวปลากับข้าวตูมองหน้ากันแบบประมาณว่า  ไปตอบ
รับมันได้ยังไง

“พูดง่ายๆ อย่างนี้สิดีมาก  พี่ชอบคนแบบนี้ อืม เรียนคณะอะไรครับ”

“ถามผมหรอครับ คือ ผมเรียน…ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ…ขอโทษครับโทรศัพท์ดัง”

“ไม่เป็นไรเชิญรับสายตามสบาย  เฮ้ย น้อง!!!  เอานมสดปั่นใส่วีฟครีมเยอะๆ มาให้หน่อยดิ 3 ที่ด่วน” ยอร์ชตะโกนบอกพนักงาน
ในร้าน
              ปาร์ตี้แปลกใจเล็กน้อยกับเบอร์ที่ปรากฏหน้าจอแต่ก็กดรับสายเพราะมันเป็นเรื่องของ มารยาท( เยอะไปมันก็อาจจะไม่ดีก็ได้นะปาร์ตี้อิอิ )


“สวัสดีครับ”

“ปาร์ตี้ครับ  พี่โปเลย์เองนะ  ตอนนี้อยู่ไหนครับ”ปลายสายตอบรับกลับมาทำให้คนที่เพิ่งกดรับเมื่อครู่ อ๋อ ทันที

“เอ่อที่ร้านกาแฟแถวใกล้ๆหอพักครับ  อืม…….  แล้วนี่พี่เอาเบอร์ผมมาได้ยังไงครับ”

“อ้อขอโทษทีพี่ไม่ได้ขอก่อนอ่ะ  พี่แอบขอโทรศัพท์ปาร์ตี้ยิงเข้าเครื่องพี่เองแหละครับ  ว่าแต่ตอนนี้นั่งอยู่ไหนครับ”

        เอ๊ะอะไรนะ  ขอเบอร์ปาร์ตี้แล้วกดโทรเข้าเครื่องพี่โปเลย์อย่างนั้นหรอ  พูดแบบนี้ไม่เคลียร์เลยนะ เบนประเด็นไปทางอื่นอีกต่างหาก  แต่ปาร์ตี้ผู้แสนซื่อน่ารักก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไรอีกตามเคย

“นั่งหรอครับ นั่งไหนอ่ะ  หมายถึงอะไรครับ  ถ้าตอนนี้ผมนั่งด้านในร้านครับ”

“โอเคครับเดี๋ยวพี่จะเดินเข้าไปหา”

“ทำไมพี่พูดเหมือนกับว่าจะมาร้านนี้  ไม่ใช่สิ  พี่รู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่ไหนแล้วทำไมถึงมาถูกร้านครับ พี่โปเลย์”

“รู้สิครับรู้ดีด้วย   ตอนนี้พี่อยู่ด้านหลังปาร์ตี้แล้ว หันมาด้านหลังสิครับ”

ตุ๊ดๆๆๆๆๆ

               ปาร์ตี้หันไปมองพี่ชายที่เพิ่งจะรู้จักกันไม่กี่สัปดาห์เดินเข้ามาที่ร้านแล้วยิ้มให้กับคุณชายตัวเล็ก             การปรากฏตัวของโปเลย์ ที่เข้ามาในร้าน ทำให้ยอร์ชและเพื่อนๆหันกลับไปมอง  แต่สีหน้าของยอร์ชที่ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างก็เริ่มจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

“อ้อ  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครโทรหาน้องปาร์ตี้เมื่อกี้   ไงโปเลย์    ”

“ยอร์ช  วันนั้นไอ้ใจเจ๋งมันไปหานายบอกแล้วหนิว่าให้ปล่อยเค้าไป”

“ปล่อยหรอ  ใจเจ๋งไม่ได้บอกนายหรอกหรอว่าฉันจะไม่ยอมปล่อย เพราะฉันเอาจริงกับคนคนนี้ และที่สำคัญในตอนนี้ฉันก็เพิ่งจะ
เข้าใจแล้วว่าใครบอกให้ใจเจ๋งมันมาคุยเรื่องนี้กับฉัน นายเองสินะ”

“หยุดก่อนคุยอะไรกัน  ให้ฉันได้เข้าใจด้วยได้ไหม” เกี๊ยวปลาโผล่งขึ้นในวงสนทนา  ทำให้ชายหนุ่มหน้าหล่อสองคนหันไปมอง
หน้าเกี๊ยวปลาพร้อมกัน  แต่ดูหน้าไอ้เกี๊ยวตอนนี้สิทำหน้าอยากรู้อยากเห็นเสียจริงๆ

“ยอร์ช ออกไปคุยกันด้านนอก  กับฉัน!” โปเลย์สีหน้าเหมือนคนแบกโลกเอาไว้อย่างไรอย่างนั้นเลย

“ยินดี เพื่อน……เชิญด้านนอก  ส่วนพวกแกไม่ต้องตามออกมาหรอก”

“ครับนาย!”

“อะไรกัน  พิลึกจริงๆ แกว่าไหมไอ้ข้าว  ไอ้ปาร์ตี้”

“ไอ้เกี๊ยวเรื่องของคนอื่นเค้า  เราไม่ยุ่งอ่ะดีแล้วนะ  ตอนนี้ก็รอนมสดปั่นที่พี่ยอร์ชอะไรนั่นสั่งให้แล้วกัน”

“เออๆ  เรื่องดีๆฉันได้ยินมาบ่อยแล้ว แกอย่าเป็นอีกคนที่คอยอบรมฉันเลยนะไอ้ปาร์ตี้  พุดน้อยก็จริง แต่พอพูดแล้วกูจุกเลย  ”

                ปากพูดบอกเพื่อนไปอย่างนั้นแหละ แต่ลึกๆในใจปาร์ตี้เองก็อยากรู้ว่าพี่โปเลย์เค้ามีเรื่องจะคุยอะไรกับรุ่นพี่แปลกหน้าผู้ทรงอิทธิพลคนนั้น  แต่มันก็เป็นได้แค่เพียงปริศนาที่รับรู้ไม่ได้เท่านั้นเองเท่านั้นเอง





  :L2:  สามวันถัดมา  ที่หน้าตึกรัฐศาสตร์ ตอนบ่ายๆ ข้าวตูกำลังรีบไปประชุมรับน้องคณะที่ลานว่างระหว่างคณะวิดยากับคณะพยาบาล  อีกไม่กี่ร้อยเมตรข้างหน้าที่จะถึงโน่น  เสียงแตรน่ารำคาญก็ดังขึ้นอีกแล้ว  และที่สำคัญไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารถใคร

“โอ้ย  บีบแตรทำไม  อายคนอื่นเค้าบ้างไหมฮะ  นี่ผมบอกคุณไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว”

“อ้าวถ้าอายแล้วจะบีบทำไม  อย่ามาชวนทะเลาะหน่อยเลยนะ  ไม่เบื่อรึไงกัน  แล้วนี่ๆแล้วนายจะไปไหนอ่ะ”

“ไม่บอก”

“เฮ้ยอะไรกันนักหนาวะ  คนหล่ออุตส่าห์ถาม อุตส่าห์คุยด้วยทำเป็นหยิ่งนะเรา”

“หยุดๆๆ  พอๆ ขอเถอะนะกับไอ้คำว่าคนหล่ออ่ะ  มันฟังดูแล้วขัดแย้งอ่ะ พลีสสสสส”

“ขัดแย้ง? จะขัดแย้งได้ยังไง  เมื่อสองปีก่อนฉันเป็นเดือนนิติศาสตร์เชียวนะ”

“จะเป็นเดือนเป็นตะวัน เป็นอุกกาบาต ดาวหางอะไรก็ช่างคุณเถอะ  ผมไปแล้ว ไม่มีเวลามาพูดอะไรที่มันมีสาระมากแบบนี้หรอก”

“อ้าวๆ ก็กำลังจะไปส่งนี่ไง  ขึ้นรถเร็ว”

“ขอบคุณ  ไม่เป็นไร อีก 130 เมตรก็ถึงแล้ว”

“หยิ่งได้อีก    ให้มันได้อย่างนี้สิ”

          ข้าวตูได้ยินเสียงแค่นั้นแหละแล้วเดินต่อไป  แต่…….ก็เงียบไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้น  แต่มันแปลกๆเพราะทุกครั้งไอ้พี่สแกน
มันไม่น่าจะยอมง่ายขนาดนี้หรอก  เพียงไม่กี่เสี้ยววินาทีก่อนจะหันหลังไปดูก็เกือบจะชนชายหนุ่มผู้หล่อระดับเดือนตะวันอย่างว่ายืนเก๊กท่าอยู่นั่นแหละ  จะอะไรกันนักหนาไอ้พี่สแกนคนนี้  มายุ่งอยู่ได้ ข้าวตูเค้าเริ่มจะโมโหแล้วแหละนะ  ใครแฟนคลับไอ้พี่นี่ขอทีเถอะ  ถ้าข้าวตูวีนขึ้นมาอย่าว่ากันนะครับอิอิ

“เฮ้ย ตกใจหมด   ตามมาทำไมวะ  แล้วทำไมต้องมาเดินใกล้ขนาดนี้ด้วย  ถอยไปสิวะ”

“เปล่าตามนะ  อย่ามาขี้ตู่สิ  ฉันจะไปทำธุระทางนี้เหมือนกัน”

“ไปทำธุระ?”

“อ้อ อืม ใช่ ธุระ  แถวๆนี้” สแกนตอบคอนเฟริมเสียงเรียบ หน้าตานิ่ง แต่ดูเหมือนเค้าแค่อยากรู้เท่านั้นเองว่าข้าวตูจะไปไหน

“แล้วไม่คิดจะเอารถไป….?”

“อ้อๆ ไม่ต้องหรอก  คือ……พอดีอยากประหยัดเงินหน่ะ จอดมันไว้ตรงนั้นแหละ เปลืองน้ำมัน”

“ประหยัด?   บุคคลที่มีรถยี่ห้อ Opel  ขับอย่างคุณเนี่ยนะ ”

“แน่นอน  ทำไมฉันจะประหยัดเหมือนคนอื่นเค้าไม่ได้รึไง” เสียงเรียบแต่ดูตำหนิ  ของเค้ามันทำให้ข้าวตูหงุดหงิดไม่น้อย  น่า
หมั่นไส้ที่สุด ดูเค้าทำตอนนี้สิยืนหน้านิ่งโพสต์ท่าเก๊กอยู่นั่นแหละ ไม่เมื่อยรึไงกันนะ

“โอ้ย  ตามใจเถอะผมไม่มีเวลามาคุยอะไรมากแล้ว”

“อ้าวก็เดินไปสิครับ  พ่อทายาทกำนัน”

“โอ้ย เซง นี่รึว่าโบราณเค้าบอกไว้จะเป็นจริงวะ   เกลียดอะไรได้อย่างนั้นวะ  ทำไมต้องมาเจอวันนี้ตอนนี้ด้วยนะ”

“บ่นอะไรอ่ะ  เมื่อกี้ได้ยินไม่ชัด”

“เปล่าบ่น  แล้วก็รูดซิปปากได้แล้ว  ไม่ต้องถาม  ขี้เกียจตอบ แล้วก็ไม่ต้องรู้ทุกเรื่อง เข้าใจไหม”

          พูดเสร็จเจ้าตัวเล็กก็หันหลังกลับเดินหน้าบึ้งเสียอารมณ์ไปอย่างรวดเร็ว  สแกนเองก็อดอมยิ้มตามหลังไม่ได้กับสีหน้าไอ้ตัวเล็กเมื่อกี้  สงสัยคงจะรำคาญสแกนเข้าแล้วจริงแหละนะ สแกนยิ้มได้แค่นั้นก็ต้องหุบยิ้มเพราะเค้าไม่ค่อยชอบสายตานักศึกษารอบข้าวที่จ้องมองเค้าอยู่  เพราะเค้าไม่ชอบ  แต่ถ้าให้คิดไปคิดมา  ถามสแกนหน่อยเหอะปกติเป็นคนที่เข้าหาคนอื่นยากไม่ใช่หรอ  แล้วนี้ลืมสโลแกนประจำตัวไปแล้วรึไงกัน  ทำไมเข้ากันกับข้าวตูง่ายนัก  แต่….จะบอกและตอบให้ก็ได้  สแกนเองเค้าแทบจะยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าทำอะไรอยู่กันแน่ 


ที่ลานกว้าง……..

“น้องๆมากันครบรึยังครับ  มาแล้วก็นั่งกันเลยเร็วๆนะครับ พี่จะได้เริ่มเช็คจำนวนเลย   ”

           ที่ลานกว้างคณะของข้าวตูเค้านัดกันที่นี่แหละ ดูเหมือนเพื่อนๆจะมากันครบแล้วแหละ รึว่าผมเป็นคนสุดท้ายก็ไม่รู้     
จริงๆแล้วไม่ต้องมานัดถึงสนามตรงนี้ก็ได้ ที่ว่างที่คณะก็มี  แต่ก็เอาเถอะไหนๆก็เดินมาถึงแล้ว  เสียงพี่จั้ม ปี 4 ตะโกนจัดน้องๆนั่งตามแถวเพื่อชี้แจงงานรับน้องคณะที่จะถึงนี้  แต่มันสะดุดก็ตรงไอ้คนที่บอกว่าจะมาทำธุระแถวๆนี้นี่แหละ   ธุระที่ว่านี่อยู่ตรงไหนกันแน่เล่นเดินตามมาซะถึงนี่เลย 

“ข้าวตูๆ” สแกนจับแขนข้าวตูเหมือนเชิงให้หันหลังกลับมา ก่อนที่ข้าวตูจะเดินเข้าไปนั่งที่พื้นเหมือนเพื่อนๆ

“อะไรอีกหล่ะ  นี่คุณไหนเมื่อกี้บอกจะไปทำธุระก็ไปสิตามมาจนถึงนี่เชียวนะ  ที่ตรงนี้มันเป็นธุระของคุณรึยังไงกัน”

“ใช่นี่แหละธุระของฉัน”

“อะไรนะ? บ้าไปกันใหญ่แล้ว  คุณจะมามีธุระอะไรตรงนี้ ที่นี่ไม่มีสมาชิกเด็กปี 1นิติศาสตร์คณะคุณหรอกนะ  ไปเร็วๆเดี๋ยวพี่จั้มจะ
เห็นก่อน  พี่จั้มโหดมากนะขอบอก คุณเองอาจะซวยไปด้วยก็ได้นะ ”

“จั้มหรอ!  ไหนชื่อคุ้นๆนะ  จั้มๆ  ใครชื่อจั้มครับ!  จั้มที่โหดๆคนไหนครับ”

              สแกนคิดตลกอะไรไม่รู้ตะโกนเรียกชื่อจั้มออกไป ทำให้สมาชิกวงในหันมามองที่ต้นเสียงกันเป็นแทบๆ  ให้ได้อย่างนี้สิไอ้พี่สแกน  ข้าวตูทั้งตกใจทั้งอายเมื่อสายตาทุกคู่กำลังมองมา

“นั่นไงยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งยุจริงๆเลย  คุณๆนี่ๆๆได้ยินไหม  จะไปตะโกนทำไม อายเค้า แล้วคุณก็ไปทำธุระ รึไม่ก็กลับไปได้แล้ว”

        ไม่นานนักพี่จั้มก็เดินมาทางนี้หลังจากที่ไอ้พี่สแกนตัวดีมันตะโกนเรียกเมื่อกี้ เอาแล้วไงพี่จั้มยิ่งโหดๆอยู่ด้วย

“อ้าว สแกนเองหรอเพื่อนนึกว่าใครมายืนเรียก ”เวรกรรมนี่เค้าเป็นเพื่อนกันหรอ

“นี่หน่ะหรอพี่จั้มที่นายเกรงกลัว ข้าวตู  ฉันก็นึกว่าจั้มไหน ที่แท้ก็ทันตแพทย์จั้มนี่เอง  ไงวะสบายดีนะ  แต่เอ๊ะเดี๋ยวๆๆๆ………..   
เฮ้ย! o22  เดี๋ยวก่อนนะ………….ได้ไงวะเนี่ย   ไอ้จั้ม  ไอ้หมอฟันจริงๆด้วย”

“อะไรๆ  เป็นบ้าอะไรของแกวะฉันก็เรียนมาตั้ง 3 4 ปีแล้วถามทำไมหล่ะเนี่ย” พี่จั้มเริ่มงงๆกับเสียงบ่นพึมพำๆในลำคอของสแกน

“ไอ้จั้ม  นี่คณะแกนัดที่นี่หรอวะเพื่อน”

“เอ่อก็ใช่อ่ะนะ  ว่าแต่ว่าอะไรของแกวะสแกน  แล้วแกมาที่นี่ทำไมวะ  นั่นแหน่อย่าบอกนะว่ามาหาสาวปี 1 ”

“ปะ……ปล่าวๆ  เอ่อ  คือ  ข้าวตูเรียนทันตแพทย์งั้นหรอ   แล้วทำไมไม่เห็นบอกกันซักคำ”

“อ้าวจะไปรู้กับคุณหรอ  ไม่ได้ถามผมนี่ แล้วผมจะไปบอกไปเล่าให้ฟังได้ยังไง” :mew5:

“มีอะไรกับน้องคณะฉันรึเปล่าวะ แล้วนี่รู้จักกันด้วยหรอน้องข้าวตู   ไอ้สแกน ว่าไงวะ”

“เอ่อเปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอกเพื่อน   แกจะประชุมเรื่องรับน้องนานไหมวะ”

“ไม่นาน 1 ชั่วโมงขาดตัวเพื่อน”

“เออ ไปประชุมประกาศอะไรแกก็ไปเถอะ  ”

“เออๆ  มาแปลกนะแกวันนี้  รึว่ามารอรับใครรึเปล่า  เดี๋ยวๆๆ  รึว่ามารับข้าวตู”

“เฮ้ย   เปล่าๆๆๆๆๆๆ ไม่ได้มารับ  จะมารับทำไมหล่ะ  ถามมาก  ไปได้แล้ว   แกจะพูดอะไรก็รีบๆพูดสิวะจั้ม” ยิ่งทำให้พี่จั้มงงเข้าไปใหญ่แต่ก็ต้องเดินหันหลังกลับไปที่ด้านหน้า


      ไม่นานเมื่อพี่จั้มเข้าประจำที่ก็เริ่มทำหน้าที่เป็นพี่พูดแจกแจงรายละเอียดวันรับน้อง  ทิ้งไว้แต่สีหน้าของสแกนที่ยืนอยู่ด้านหลั
งห่างจากที่ๆเค้านัดแนะประมาณ 4 เมตร 

“ข้าวตู  หมอฟัน”

“หมอฟัน คือ ข้าวตู”

“ข้าวตู คือหมอฟัน   เฮ้ย เชี่ยแล้ว  ทำไมเราไม่ถามข้าวตูตั้งแต่ทีแรกวะ  เรียนเก่งเหมือนกันนี่หว่าไอ้ลูกแมว” :hao3:

       เสียงของสแกนที่บ่นพึมพำกับตัวเองดังมาเป็นระยะ  ไม่นานรอยยิ้มของพ่อหนุ่มร่างสูงก็ฉีกยิ้มกว้างทันที








       :L2:  ที่เยาวราช  ร้านทองอากงอาม่าของเกี๊ยวเอง  จะว่าไปก็เป็นร้านที่ใหญ่พอสมควร  เป็นที่เลื่องชื่อของคนที่เปิดห้างทองเหมือนกัน   เกี๊ยวปลาเดินเปิดประตูร้านเข้ามาพร้อมกับของพะรุงพะรัง  ทำให้อากง อาม่า หันมามองก้ตกใจตามประสาคนแก่

“กง  ม่า สวัสดีครับ เกี๊ยวคิดถึงขอกอดหน่อยๆ นะๆๆๆ ขอหอมด้วยๆ”

“อืมเอาหล่ะๆ  อะไรของลื้อเกี๊ยวปลา  ทำไมวันนี้มาถึงที่นี่ได้หล่ะ  แล้วนี่ไม่มีเรียนหรอ  รึว่าเงินทองไม่พอใช้….”

“โห ม่า  เกี๊ยวไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดีเลย   เอาเป็นว่ากลับมาเยี่ยมกงกับม่าเฉยๆ  เงินทองอ่ะไม่ขัดสนหรอก”

“ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นเรื่องจริง”

“โหอะไรกันครับกง  เกี๊ยวเสียใจนะ  เกี๊ยวไม่ได้ดื้อเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ  นี่ไงเกี๊ยวซื้ออะไรมาฝากด้วย”

“เหอะๆ  ลื้อจะซื้อมาทำไมอาเกี๊ยว  แบรนด์รังนก  ลื้อลืมไปแล้วหรอว่าที่ร้านข้างห้างทองของเราก็ขายเหมือนกัน  ซุปเปอร์มา
เก็ตอีกต่างหาก”

“โห…….ไม่เหมือนเถอะครับม่า  นั่นหน่ะของขาย แต่นี่ของที่เกี๊ยวซื้อมาให้ด้วยใจเลยนะ”

“เออๆ  เอาไปวางไว้ในห้องแล้วกัน  แล้วนี่ไม่มีเรียนหรอ”

“โห อาม่าอ่ะ วันนี้วันเสาร์ผมเลยมาเยี่ยม จะมีเรียนได้ยังไงกัน   ไม่ได้มานานแล้ว  ตั้งแต่อายุ 15 ก็ไม่ได้มาอีกเลย  แต่จริงๆแล้ว
ก็คิดถึงป๊ากับม๊าที่สุพรรณจัง”

“คิดถึงให้มันได้อะไรวะเกี๊ยว  โตๆแล้ว หัดอยู่ๆห่างป๊ากับม๊าลื้อบ้างก็ดี”

“โห…..  กง พูดหน่ะมันง่ายครับแต่ทำมันยาก  วันนี้กะจะมานอนค้างคืนนึงที่นี่เลย”

“เออดีๆ  ไหนๆก็กลับมาแล้ว  เฝ้าร้านให้ทีสิ   อาแมวอาหมี เค้ายังไม่กลับมาเลย ม่าให้เค้าไปซื้อของที่ตลาดสด”แมวกับหมีคือ 
คนที่มาทำงานเฝ้าห้างทองให้ไม่ใช่ใครอื่นไกลครับ  ญาติทางคุณแม่เองครับ

“อ้อได้ครับม่าไม่มีปัญหา เอ่อ……. กงครับ”

“อืมว่าไงเกี๊ยว”

“กงอยู่เป็นเพื่อนก่อนสินะๆ   ”

“อะไรๆ   ช่วงนี้มวยกำลังจะมา ไม่ได้ๆ เดี๋ยวกงไปดูไม่ทัน   กงไปก่อนนะ  เฝ้าร้านไปคนเดียวเดี๋ยวลูกค้ามา”

“โห ร้านตั้งใหญ่  ผมอยู่เฝ้าคนเดียว เผื่อโจรเข้ามาไม่รู้ด้วยนะ”

“บ่นไม่เข้าเรื่องหลานคนนี้  ลื้อมองออกไปดูซิ กงกับม่าให้ตำรวจมาช่วยเฝ้าระวังตั้ง 2 คน มันเข้ามาได้ก็ให้มันเข้ามาสิวะฮ่าๆ”

“กงอ่ะโหดร้าย  เฝ้าคนเดียวก็ได้”



ผ่านไป 1 ชั่วโมง  2 ชั่วโมง  ลุกค้าที่เข้ามาในร้านก็เริ่มทยอยมาเรื่อยๆ  พี่แมว กับพี่ หมี ก็ไม่เห็นแววจะกลับมาซะที  ไปตลาด
สดรึว่าไปเดินห้างกันแน่นะ  เกี๊ยวปลาบ่นในใจ  แต่ก็ต้องหยุดคิดเมื่อเสียงประตูเปิดเข้ามา  ลุกค้าคนนี้เกี๊ยวปลาเงยหน้ามามองก็
พบว่าเป็นบุคคลที่ไม่เคยลืมเลยจริงๆ   ผู้หญิงวัยกลางคนเสื้อสีเหลืองดูดีมีสง่า กำลังเข้าใกล้ๆเกี๊ยวปลา  เธอเห็นเกี๊ยวปลาก็ต้อง
ฉีกยิ้มให้เกี๊ยวปลาทันที

“เกี๊ยวปลา  ไม่นึกเลยว่าจะเจอหลานที่นี่”

“สวัสดีครับ ป้าเหมย ”

             เกี๊ยวปลาทักเอไป ไม่มีอะไรหรอกครับ ผู้หญิงคนนี้เค้าเป็นเพื่อนกันกับแม่ของเกี๊ยวปลาตั้งแต่เด็กๆ

เกี๊ยวปลาเลยจำได้ เพราะแม่เค้าชวนมาบ้านบ่อยๆ  ตอนที่ยังไม่ได้ย้ายไปอยู่กับพ่อของเกี๊ยวที่สุพรรณบุรี

“น่ารักขึ้นกว่าเดิมอีกนะครับหลานชาย  ได้ข่าวจากม๊าที่สุพรรณแล้วว่าเกี๊ยวมาเรียนมหาวิทยาลัย…..ที่กรุงเทพ”

“อ๋อครับ  ”

“ป้ามาทำธุระแถวๆนี้ เลยแวะมาหากงกับม่า  ไม่รู้ว่าตอนนี้ว่างกันรึเปล่า   ”

“ม่าว่างครับ  ส่วนกง  ดูมวยคู่เอกอยู่ครับ  ให้ผมไปเรียกให้ไหมครับ”

“ไม่ต้องหรอกจ้ะ  ป้าเอาของฝากนิดๆหน่อยๆมาด้วย ป้าวางไว้ตรงโซฟานั่นก็แล้วกันนะ”

“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมไปเก็บเลยดีกว่า”

“อ้อจ้ะ   อืมแล้วนี่ไปเรียนที่นั่นแล้วเป็นไงมั่ง  เจอตาตี๋เล็กบ้างรึเปล่า”

“พี่ตี๋เล็กหรอครับ   ไม่เจอเลยครับ  พี่เค้าเรียนที่นั่นหรอกหรอ  คณะอะไรหรอครับ”

“วิศวะนี่แหละมั้งถ้าป้าจำไม่ผิด  แต่จะว่าไปถึงเจอก็คงจะจำกันไม่ได้หรอกนะป้าว่า  จริงไหม”

“เอ่อ ก็จริงครับ ผมจำไม่ได้เลย  ผมคิดถึงพี่ตี๋เล็กมากเลยนะครับป้าเหมย  อยากเจออยู่เหมือนกัน”

“นั่นแหน่ ป้ารู้แล้ว  ตั้งแต่ป้าให้ตี๋เล็กไปเรียนที่เมืองนอก  4 ปี  พอกลับมาเกี๊ยวปลาเองก็ย้ายไปที่สุพรรณก่อน  เลยไม่มีเพื่อนเล่นด้วยเลย หล่ะสิ   ในตอนนั้นเกี๊ยวคง 8 ขวบได้มั้งเนาะ”

“ประมาณนั้นแหละครับ  อยากเจอพี่ตี๋จังเลย  แต่ไม่เป็นไรว่างๆผมจะกลับมาร้านบ่อยๆอยู่ครับป้าเหมย ผมคงได้เจอ”

“จ้ะ  อยากเจอแต่พี่ตี๋เล็กเนาะ พี่คนอื่นๆคงน้อยใจแล้วแหละว่าไอ้ตัวเล็กไม่คิดถึงเลย”

“โห ไม่จริงครับ ผมคิดถึงทุกๆคนแหละ  แต่พี่คนอื่นได้ข่าวว่าแต่งงานกันไปแล้ว  แต่ผมไม่ได้ไปร่วมซักงานเลย  ผมเองก็ผิดอยู่
บ้างนะครับ”

“ไม่หรอกหลานรัก พี่เค้าไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย  แต่ที่แน่ๆตอนนี้ไอ้ตี๋เล็กหล่อขึ้นเยอะเลยลูกสาวๆติดตรึมเลยป้าไม่รู้จะเลือกใคร
มาเป็นสะใภ้เลยลูก  อืม  ไว้ว่างๆป้าจะพาตี๋เล็กมาหานะ  ไม่รู้เจ้าตี๋เล็กจะลืมน้องไปแล้วรึเปล่า  ป้าไปแล้วนะ ฝากของให้อากง
อาม่าด้วยนะลูกอย่าลืมหล่ะ”

   ผมสวัสดีป้าเหมยไป   แต่จริงๆเลยนะผมเนี่ย  พอเห็นป้าเหมยปุ๊บก็คิดถึงที่ตี๋เล็กปั๊บ  ไม่รู้สิ   ตอนเล็กๆผมจำได้ว่าพี่เค้าชอบมาเล่นกับผม  คอยเอาใจผม  ปลอบใจผม  ไม่เคยแย่งของเล่นผมด้วย  พี่ตี๋เล็กเค้าเป็นพี่ที่ผมอยู่ด้วยแล้วอบอุ่นที่สุดถึงแม้ว่าผมจะจำหน้าพี่เค้าไม่ได้แล้วก็ตามทีเถอะ :katai2-1: :hao5:





แนะนำตัวละครเพิ่มเติม


พี่แมว พี่หมี  เป็นญาติทางแม่พี่แมวเป็นหลานแท้ของแม่เกี๊ยวปลา แต่พี่หมีคือ พี่เขย  นะครับทุกคน^^

ป้าเหมย  แม่ของพี่ตี๋เล็กและเป็นเพื่อนเล่นกันกับแม่ของเกี๊ยวปลาตั้งแต่เด็กๆแล้ว

ส่วนคนสุดท้าย ตี๋เล็ก  ไม่บอกครับ  รอให้เป็นปริศนาอยู่อย่างนี้แล้วกัน อิอิ


 :กอด1: :L2: :กอด1: :L2: :กอด1: :L2:





หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 4 up 13 07 56
เริ่มหัวข้อโดย: skynat ที่ 13-07-2013 07:32:34
อาตี๋ต้องเป็นใจเจ๋งแน่เลย  :z1:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 4 up 13 07 56
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 13-07-2013 14:20:49
อ่านตอนนี้หลานสแกนกวนได้ใจคนแก่มากกกกก  o13

 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 4 up 13 07 56
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 03-08-2013 01:46:20
ตอนที่ 5
             

      เสียงดังเอะอะโวยวาย แต่ปนไปด้วยความสนุกสนานของรุ่นพี่และน้องๆปี 1 รึเปล่านะ  และแน่นอนผู้แต่งกำลังพูดถึงกิจกรรมรับน้อง  แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือทั้งคณะของข้าวตู  ปาร์ตี้ เกี๊ยวปลา ทำไมมันจะต้องมาจัดพร้อมกันขนาดนี้   ตั้งแต่เช้าแล้วที่ข้าวตูไม่ได้กินอะไรเลย   นอกจากขนมปังฟาร์มเฮ้าห์ซองเดียว  น่าจะอิ่มเนาะอืมๆ

“กริ๊ด….น้องข้าวตู   มาๆพี่ขอทาแป้งหน่อยนะ  ว้ายหน้าใสเด้งดึ๋งๆเลย  เดินไปด้านโน้นเลยจ๊า”
เสียงรุ่นพี่คนนึงในคณะ พี่เค้าสวยมากเรียกเค้ามาปะแป้ง   และแน่นอนพี่เค้าเป็นอดีตดาวแห่งคุ้มทันตะของพวกเรานั่นเอง

“เร็วๆครับน้องข้าวตู  เดินช้าเดี๋ยวพี่แอบแจกหัวใจของพี่ให้แล้วจะยุ่งนะครับ”

“ตลกๆไอ้เจมส์   หน้าหม้อนะแกเนี้ย  น้องข้าวตูเดินไปฐานโน้นเลยครับ อย่าไปสนใจมัน ”

“อะไรของแกวะจั้ม  แหมๆหวงนะๆ ออกนอกหน้ากว่าฉันอีกนะแกอ่ะ”

“เรื่องไรไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย  อย่ามั่ว   นี่น้องรหัสฉัน ให้เกียรติหน่อย”

“เดี๋ยวๆ เฮ้ยๆ  ไอ้จั้ม  ที่ยืนอยู่ตรงนั้นนั่นมัน  ไอ้เศรษฐีสแกนนี่หว่า  มาหาแกรึเปล่า  เพื่อนแกไม่ใช่หรอ”

“เออๆเดี๋ยวมา”

“ไงวะ  สแกนเดินมาถึงที่นี่………มีอะไรรึเปล่าวะ”

“เปล่าๆ  ไอ้จั้ม   ข้าวตูหละอยู่ที่ไหน”

“ก็อยู่ในนี้แหละ  เดินไปฐานเกมด้านโน้นแล้ว   ว่าแต่แกเหอะพักๆหลังๆมานี้  มาวนเวียนคณะฉันบ่อยไปเปล่าแก”

“บ่อยหรอ  ไม่ยักกะรู้เรื่อง”

“แกมีอะไรอยากจะบอกฉัน   รึว่าจะให้ฉันช่วยอะไรรึเปล่าวะ”

“ปะ เปล่าๆ   ”

“ปากก็บอกว่าเปล่าแต่หัวแกชะเง้อมองมุมโน้นทีมุมนี้ที  หมายความว่าไงวะ   อ้อฉันรู้แล้วแกมองหาน้องข้าวตูอยู่ใช่ไหม”

“ไม่ใช่ๆ   ทำไมฉันต้องไปมองหาด้วยวะ   ที่ฉันมาเพราะฉันคิดถึงแกไงเพื่อน”

“โอ้โห  โกหกไม่เนียนเลยนะเพื่อนเรา   แล้วนี่ไม่คิดจะไปรับน้องคณะตัวเองหรือไงวะ”

“ไปทำไม   เพื่อนคนอื่นก็มีเยอะแยะไป  ขาดฉันคนเดียวไม่เป็นไรหรอกมั้ง”

“แกนี่แปลกๆ  ยังไงชอบกล”

“สงสัยอะไรนักหนาวะไอ้จั้ม   ขอตัวก่อนนะ”

...
...
...

“เอ้าๆน้องข้าวตู  เร็วครับๆ  เพื่อนข้างๆจะแซงแล้วนะ”

          เสียงเชียร์ของรุ่นพี่ที่ดูเหมือนจะเห็นว่าผมเป็นต่อในการเล่นเกมนี้เอาปากอมหลอดดูดไว้แล้วมีหนังยางหนึ่งเส้นที่หลอด แล้วเดินไปส่งต่อเพื่อนที่อยู่ในแถวอีกแถวหนึ่ง   สแกนมองดูเหตุการณ์อยู่ห่างก่อนจะเดินเข้ามาดั่งพายุก็มิปาน

“ใกล้แล้วครับๆ   มาใกล้ๆส่งให้เพื่อนอีกนิดครับๆข้าวตู”

“ข้าวตู!” พรวด! เสียงดังบัญชามาจากด้านข้าวระหว่างข้าวตูกับเพื่อนที่กำลังจะส่งหนังยางให้กันด้วยปาก  ก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะรู้สึก
ตัวก็โดนร่างหนาจับแขนดึงออกไปจากตรงนั้น   ข้าวตูพอได้สติกลับมาก็พยายามนึกเหตุการณ์ตาม  แล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่าใครเป็นคน
ดึงเค้ามา

“เดี๋ยวๆ  คุณๆ  หยุดๆ ผมเจ็บ ลากผมออกมาทำไมเนี่ย”

“ใกล้เกินไปแล้วนะข้าวตู”

“หมายความว่าไงใกล้  อะไรคือใกล้ ผมงง”

“ก็ไอ้!...โอเคๆ  ฉันจะใจเย็นก็ได้    ช่วยดูแลตัวเองหน่อยจะได้ไหมฮะ   ปากจะชนปากอยู่แล้วนะเมื่อกี้”

“อะไรของคุณเนี่ย   ไปเลยนะมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย ผมจะไปเล่นต่อ ทำตัวแปลกๆวนเวียนกับผมอยู่นั่นแหละ  ผมเบื่อ”

“หยุดเดี๋ยวนี้นะข้าวตู”

“ทำไมผมต้องหยุดด้วย”

“ได้…….ไม่หยุดใช่ไหม…..จุ๊ป”

          สแกนดึงตัวข้าวตูหันหน้ากลับมาหาเค้าแล้วรีบใช้ปากคจูบทับลงริมฝีปากของข้าวตูทันที  เจ้าตัวถึงกับตาโตเลยทีเดียว 
ก่อนที่จะถูกปล่อยให้อิสระ

“คุณ! ทำบ้าอะไรเนี้ย”

“เอ้า  ก็ไหนชอบไม่ใช่หรอ   นี่นายโชคดีมากเลยนะที่ได้คนหล่อเดือนนิติศาสตร์อย่างฉันมาจูบปากกลางแจ้งแบบนี้”

“โชคดีบ้าบออะไรของคุณเนี่ย  หลงตัวเองชะมัด  อี๋ สกปรก แหวะ”

“หยุด……ห้ามเอามือไปเช็ดเลยนะ  ไม่อย่างนั้นฉันจะก้มลงไปจูบอีกรอบ  ดีไหม”

“ไม่ต้อง   ถอยออกไปอยู่ไกลๆเลย   แล้วก็ไม่ต้องทำอะไรแบบนี้แล้วนะ  ผมเอียน”

“ทำไม  ทีคนอื่นเค้าทำได้  ทำไมฉันจะทำไม่ได้”

“พูดบ้าอะไรเนี่ย  คุณจูบผมคนแรกของชีวิตผมเลยนะ”

“เอ้าหรอ แต่เอ……ของมันแน่อยู่แล้ว”

“คิดบ้าอะไรของคุณเนี่ย  กลับไปคณะของคุณเลยไป  ก่อนที่ผมจะเอียนไปมากกว่านี้”

“ไม่ได้   ฉันต้องเฝ้านาย  เพราะที่นี่เหยี่ยวมันเยอะ  และกระต่ายตัวน้อยๆอย่างนายไม่รอดหรอก”

“รวมทั้งคุณด้วยรึเปล่าหล่ะ”

“เปล่า!  นายไม่ใช่เหยื่อของฉัน”

“ไปเลยนะ   อย่ามายุ่งกับผมตั้งแต่นี้เป็นต้นไป  อย่ามาให้ผมเห็นหน้าคุณอีก   ”

        ข้าวตูเหวี่ยงใส่สแกนด้วยอารมณ์แบบไหนไม่รู้ รึแต่ว่าเหมือนอาการคนแอบนอยอย่างไรอย่างนั้นเลย ส่วนสแกนได้แต่อึ้ง 
ปรับตัวไม่ทัน  ไม่นึกว่าเจ้าตัวเล็กจะมีน้อยใจเค้าด้วย    สาบานได้ว่าครั้งนี้เค้าไม่ได้หลอกตัวเอง   ประโยคเมื่อกี้ไม่ได้จุดชนวน
ให้เป็นแบบนี้เลยนะ  เค้าเองยังพุดไม่จบต่างหาก  ประโยคที่เค้าจะพูดนั่นก็คือ  ข้าวตูไม่ใช่เหยื่อ  แต่จะเป็นคูชีวิตเหยี่ยวตลอดไปต่างหาก

 

        ที่ลานอเนกประสงค์เป็นจุดรวมพลที่ใหญ่พอจะจุคนคณะของปาร์ตี้ได้  ในตอนนี้ก็มีรุ่นพี่ทยอยมาบ้างแล้ว  ส่วนน้องปี 1 อย่างปาร์ตี้ก็มากันครบแล้วเหมือนกัน 

“ปาร์ตี้ๆ”

“ว่าไงทาม   หายไปไหนตั้งหลายวัน”

“ก็คนเขียนไม่ใส่ชื่อเรา เอ้ย ไม่ใช่ๆ  เราไปแข่งบาสเกตบอลมาตัวแทนของมหาวิทยาลัยไง”

“อ้าวหรอเราไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”

“เออๆ โทษทีนะที่ไม่ได้บอก  อ่ะนี่ขนม”


“ทำไมซื้อมาเยอะแบบนี้  ของนายนายก็กินเลยสิ”

“เปล่าๆ  มีคนฝากขนมนี่มาให้นายต่างหาก”

“ใครหรอ…..”

“โน่นไง  ที่ใต้ต้นใหญ่นั่น”

        ทามชี้ไปทางด้านโน้น ปาร์ตี้เองก็พยายามมองไปตามด้วยความที่สายตาไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่  และเพียงแค่เค้ามองไปก็รู้เลยว่าเป็นใคร   รุ่นพี่วิศวกรรมศาสตร์  ยอร์ช  ลูกชายเจ้าของผับใกล้มอ  ที่ปาร์ตี้เคยเจอมาแล้วที่ร้านกาแฟใกล้ๆหอพัก  ยอร์ชไม่พูดพร่ำทำเพลงก่อนจะเดินเข้ามาหาปาร์ตี้ที่ยืนมองดูอยู่

“ไงปาร์ตี้   พร้อมที่จะรับน้องหรอยังครับ” ใบหน้าลูกครึ่งอย่างเค้ายิ้มให้ปาร์ตี้ นี่ถ้าเป็นสาวๆคงจะละลายกันไปหมดแล้วแหละ

“เอาขนมเค้กพวกนี้ไปทานเถอะครับ  ให้เยอะแบบนี้ผมคงรับไว้ไม่ได้   สองสามวันก่อนคุณก็ซื้อมาให้ผมแล้ว”

“ทำไมครับปาร์ตี้  พี่ต้องการให้ของกับใคร คนๆนั้นต้องรับเอาไม่มีข้อปฏิเสธหรือเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น”

“ผมจำได้ครับ  แต่ผมบอกคุณแล้วว่าผมไม่ได้ต้องการข้าวของอะไรมากมายทุกๆวัน แบบนี้”

“ทำยังไง  ปาร์ตี้ถึงจะไม่ดื้อกับพี่แบบนี้ครับ   อย่าลืมสิครับว่าพี่เป็นคนยังไง”

“อย่าเอานิสัยมาขู่เลยครับ  มันใช่ไม่ได้ผลกับปาร์ตี้หรอก   แล้วผมก็ไม่ได้ดื้ออย่างที่คุณพูดด้วย”

“ใช่สิ เพราะมัน! มันคนเดียวใช่ไหม”

“ทำไมคุณต้องพาลพี่โปเลย์ตลอดเวลาผมขัดใจคุณ”

“แล้วมันใช่ไหมหล่ะกับที่พี่พูด   อย่าให้พี่ต้องหมดความอดทนนะปาร์ตี้”

“จะทำอะไรปาร์ตี้  คุณๆ ปล่อยเพื่อนผมนะ”ทามโวยวายเมื่อเห็นว่าปาร์ตี้ถูกอีกฝ่ายจับไหล่

“ฉันไม่ทำอะไรปาร์ตี้เพื่อนนายแน่นอน  แต่ไอ้โปเลย์มันต้องโดนแน่”

“คุณอย่าทำอะไรพี่โปเลย์เลย   คุณไม่พอใจผมก็อย่าเอาไปลงก็พี่โปเลย์เลย” ปาร์ตี้พูดเชิงขอร้อง

“เพราะแบบนี้ไง  มันถึงได้มีอิทธิพลกับปาร์ตี้มากขนาดนี้  ไม่มีมันซักคนคงจะดี”

“คุณหมายความว่าไง”

“ตามนั้น!  เพราะมัน…..ปาร์ตี้ถึงไม่ชอบพี่”

“อะไรของคุณครับ ผมกับพี่โปเลย์เราเป็นแค่พี่น้องต่างคณะ  ”

“โกหก  เคยไปถามเจ้าตัวเค้าดูก่อนไหมว่าเค้าคิดยังไง”

“หมายความว่าไงครับ”

“ก็…..ช่างมันเถอะ  โอเคพี่จะพอแค่นี้ก่อน  แต่พี่จะบอกไว้เลยนะว่าปาร์ตี้จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตพี่มากที่สุดเท่าที่พี่เคยได้
สัมผัสมา   อย่าทำให้ความร็สึกของพี่ต้องผิดหวัง  ถ้าพี่ไม่ได้ใครก็ห้ามได้ทั้งนั้นนะครับคนดี”

“ไปซะที  นึกว่าตัวเองมีอิทธิพลหรือไงวะ   ปาร์ตี้ไหวปะแล้วนี่มันเรื่องอะไรวะ  ไอ้พี่คนนั้นเค้าชอบนายได้ไง  ผู้ชายกับผู้ชาย
เออเราก้เคยเห็น แต่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นกับเพื่อนของเราเลย”

“ช่างเค้าเถอะทาม   ใกล้จะถึงเวลาแล้ว  ไปกันเถอะเพื่อนๆกับรุ่นพี่รออยู่  ”

ติ๊ดๆ

“ข้อความเข้าหน่ะ  พี่โปเลย์หรอ”

“รับน้องวันนี้สู้ๆนะครับ  ขอให้สนุกนะ  แล้วตอนเย็นพี่จะไปหาที่หอ  แล้วไปกินข้าวที่ริมเจ้าพระยากัน  พาเพื่อนไปด้วยก็ได้นะ
ครับ”


“มีอะไรหรอปาร์ตี้   แหมมาอมยิ้มด้วย”

“อ้อๆ เปล่าๆ พี่โปเลย์เค้าจะพาไปกินข้าวมื้อค่ำหน่ะ”

“ว้าเราก็อดอีกแล้ว”

“ไปกินกับแฟนหล่ะสิ”

“แน่นอน   ว่าแต่เมื่อไหร่ปาร์ตี้เพื่อนเราจะมีแฟนนะ”

“จะรีบมีอะไรนักหนา  เพิ่งจะ 18 ปีเองนะ”

“อืมไม่รู้สิ รึว่าเพื่อนอาจจะกำลังมีความรักในไม่ช้านี้แล้วมั้ง”

“อะไรๆ  กับใคร  อย่ามั่วนะทาม”

“อ้าวก็พี่โปเลย์ไง”

“อ้าวก็ไหนบอกไม่อยากให้เพื่อนตัวเองมีแฟนเป็นผู้ชายไง”

“แต่……พี่โปเลย์เราเชียร์สุดใจเลยนะปาร์ตี้”

“ไม่เอาด้วยหรอก  พี่เค้าจะเป็นพี่ชายที่อบอุ่นและจะเป็นแบบนี้ตลอดไป  เราให้มากกว่านั้นไม่ได้แล้วหล่ะ”





        ที่หอพัก  ไม่ต้องเอ๊ะใจไปหรอก   เกี๊ยวปลานั่งอยู่หน้าทีวี ตรงหน้าก็มีชามมาม่าถ้วยใหญ่ยักษ์ตั้งอยู่ ดูบอลไปด้วยทุกอย่างดูมีความสุขมาก   วันนี้เค้ารับน้องคณะนะแล้วนี่ทำไมไม่ไป หมายความว่ายังไงบอกมาสิเกี๊ยวปลา        จนถึง 5 โมงเย็น ทั้งข้าวตูแล้วก็ปาร์ตี้เดินกลับมาที่หอ  พอเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหละ  ข้าวตูหงุดหงิดมากหยิบหนอนใกล้ๆมือแถวนั้นปาไปใส่หลังหัวเกี๊ยวปลาทันที

“โอ้ย! อะไรของแกวะข้าว   คนกำลังกินมาม่า ซ้อมจิ้มคอใครจะรับผิดชอบวะ”

“ไม่ต้องเลยไอ้หอยแท่ง   ทำไมไม่ไปรับน้อง”

“ไม่ว่างไม่สบาย”

“โห  ไม่สบายไม่ว่าง  เพราะดูบอลอยู่นี่ไงเลยไม่ว่างซักที  ไปเลยนะๆวันนี้คนยิ่งอารมณ์ไม่ดี”

“อารมณ์ไม่ดีก็เรื่องของแกดิ  ดูปาร์ตี้โน่นมีความสุขมาจากไหนเห็นยิ้มหน้าบานมาซักพักแล้ว”

“ทุกคน เย็นนี้ไปกับเราหน่อยดิ”

“ไปไหน”

“พี่โปเลย์จะพาไปกินข้าวที่ริมเจ้าพระยา”

“จริงหรอ  โอเคงั้นเราไปอาบน้ำก่อนนะปาร์ตี้ ขอบใจที่ชวน  เราช้อบชอบอาหารฟรีเนี่ย”

“อ้าวแล้วข้าวตู ไม่ไปด้วยกันหรอ”

“ไปสิ  แหมปาร์ตี้ใครจะไปปล่อยเพื่อนไปกับพวกแก๊งค์เศรษฐีนั่นคนเดียวหล่ะ”

“ข้าวตูทำไมไปพูดให้พี่โปเลย์อย่างนั้นหล่ะ”

“ทำไมจะพุดไม่ได้  วันนี้เราเสียปาก….”

“เสียปาก  อะไรหรอ”

“อ้อเปล่าๆ  แล้วนี่พี่ดปเลย์เค้าบอกรึเปล่าว่าไอ้สแก เอ้ย พี่สแกนไปด้วย”

“คงไม่มาด้วยหรอกมั้ง  ไม่รู้เหมือนกัน   แล้วทำไมข้าวตูถามอย่างนั้นหละ”

“เปล่าแค่เซง เบื่อ เอียน  เหม็นขี้หน้า  คนหลงตัวเองก้แค่นั้น  ไปเปลี่ยนซื้อผ้าแล้ว”

“ข้าวตูไปโมโหใครมาเนี่ย   งงเลยเรา    ”

18.00  ที่หน้าหอพัก

“พร้อมไหมครับน้องๆ”

“พร้อมครับ  พี่โปเลย์วันนี้กินได้ไม่อั้นใช่ไหมครับ  เกี๊ยวหิวเป็นบ้าเลย”

“แน่นอนอยู่แล้วน้องชาย  ป่ะขึ้นรถเลย”

“อ้าว  ทำไมวันนี้พี่โปเลย์ไม่ขับรถมาเองหล่ะครับ” เกี๊ยวปลาถามโปเลย์เพราะเห็นว่ามีรถตู้จอดอยู่

“อ้อ  พอดีเห็นว่าไปกันหลายคน  รถตู้น่าจะเหมาะไปเถอะครับเดี๋ยวรถจะติด  ส่วนร้านพี่เตรียมไว้หมดแล้ว”

ที่ดาดฟ้าของโรงแรมใกล้ริมเจ้าพระยา

“โห   พี่โปเลย์   พี่เจ๋งไปเลย   นี่ทั้งตึกนี้เป็นของพี่หรอครับ”

“ประมาณนั้นครับ”

“เอ่อ แล้วนี่พวกผมไม่ได้มารบกวนพี่โปเลย์ใช่ไหมครับ” ปาร์ตี้ถามแบบเจื่อนๆ

“โหไม่เลยครับน้องปาร์ตี้   อย่ากังวลไป ไม่อิ่มบอกได้ ที่นี่เป็นของพี่เอง”

“อาหารพร้อมเสิร์ฟแล้วครับ”

“ทำไมบ๋อย  หน้าคุ้นๆนะ”


“อ้อ  เพื่อนพี่ ใจเจ๋งไงครับน้องเกี๊ยวปลา”

“ป๊อง!”

“อะไรกัน  เกี๊ยวปลาเห็นฉันถึงกับตกใจอึ้งทึ่งจนทำซ้อมหล่นเชียวหรอ”

“ไอ้ใจเจ๊ง  พี่โปเลย์ครับ ผมว่าไม่น่าจะชวนมันเอ้ย พี่ใจเจ๊งนี่มาด้วยเลยนะครับ”

“อ้าวๆ  นั่นปากหรอเกี๊ยวปลา   ฉันชื่อใจเจ๋งเรียกให้ถูกด้วย  ปัดโถ่  ลมออกจะเย็นทำเสียบรรยากาศหมด   ”

“ช่างแกดิ”

“เกี๊ยวปลา  นั่งนิ่งๆ  เสียมารยาท”

“รู้แล้วน่าไอ้ข้าวตู   เฮ้ยหยุดเลย  ไอ้เจ๊ง”

“อะไรวะ  คนจะนั่งเก้าอี้”

“ไปนั่งด้านโน้น  ที่นี่เต็ม”

“เต็มบ้าเต็มบออะไรหล่ะ  ที่ว่างมีก็เห็นๆอยู่”

“เอ่อ พี่ว่าอย่าทะเลาะกันเลยดีกว่านะครับ   ทานกันเถอะ  อ่ะปาร์ตี้กุ้งตัวใหญ่  อาจจะเปรี้ยวนิดนึงไม่รู้ว่าปาร์ตี้จะชอบรึเปล่าลอง
ชิมดูนะครับ”

“อร่อยมากเลยครับพี่โปเลย์  อ่ะ พี่ก็กินบ้างสิ มาๆผมตักให้   นี่ตอนที่ผมอยู่บ้านที่จันทบุรีนะ  ผมก็กินแต่กุ้งนี่แหละ  ผมชอบ
มากๆ”
       
“นี่ๆ   หยิบกุ้งให้ทีสิ” ใจเจ๋งเอาศอกซ้ายมาสะกิดแขนขงาเกี๊ยวปลา

“หยิบเองสิโว้ยไม่มีมือหรือไง”

“อ้าวนี่ๆ  ใครใกล้กุ้งมากกว่ากันฮะ  นี่ถ้ามันใกล้ฉันนะ ฉันไม่ใช้คนใจร้ายหยิบให้หรอก เสียเวลา”

“เอ้าๆ บ่นอยู่นั่น  ไอ้เจ๊ง สองตัวพอมั้ย”

“แกะให้หน่อยดิ  มือไม่ว่างเห็นไหม” ใจเจ๋งพูดพร้อมกับชูมือให้ดูว่าไม่ว่างจริงๆ

“เอ้าแกะแล้ว   หุบปากไม่ต้องพุดเลยนะว่าให้ป้อน  จะอวก  กินเองดิ” เกี๊ยวปลาตะโกนใส่คนข้าง

              ในช่วงของเพื่อนๆที่มีความสุขกันดีแต่หารู้ไม่ว่าข้าวตูแอบมีความรู้สึกว่าตัวเองเหงาๆขึ้นมาชอบกลๆ    ในใจตอนนี้แทบอยากให้สแกนมาด้วยคน แต่ทำไงได้ก็เค้าเองไม่ใช่หรอที่ไล่พี่สแกนไปด้วยตัวของเค้าเอง  เฮ้อข้าวตูผู้น่าสงสาร



มาต่อแล้วจ้าาาา :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:



หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 5 up 3 08 56
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 03-08-2013 07:13:22
จองค่า
หุหุ
เดี๋ยวมาอ่าน ฮ่า
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 5 up 3 08 56
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 03-08-2013 13:39:14
ข้าวตูเหงาซะแล้ว
ไม่มีคนมากวนใจ :laugh:
+1และเป็ด
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 5 up 3 08 56
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 03-08-2013 15:34:58
ตอนนี้ข้าวตูเหงาใจ

แต่ตอนหน้าคงไม่เหงาแล้วล่ะ

 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 5 up 3 08 56
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 18-08-2013 02:16:06
ตอนที่ 6
       


       กว่าปาร์ตี้สังสรรค์ที่โรงแรมของโปเลย์จะสิ้นสุดลงก็ปาไป 01.00  ทุกคนถูกพานำพาส่งที่หอด้วยรถตู้…ของโปเลย์เองส่วนพี่ใจเจ๋งนั้นก็ตามมาด้วย  พอมาถึงห้องเพียงเท่านั้นข้าวตูเดินเหมือนคนเหม่อๆเหนื่อยๆ แล้วล้มตัวลงนอนที่เตียง  ทำเอาปาร์ตี้กับเกี๊ยวปลามองหน้าอย่างงงๆ ก่อนจะเป็นตัวแทนหันหลังกลับไปไหว้ขอบคุณโปเลย์ที่มาส่งพวกเค้าที่นี่

“ขอบคุณมากนะครับพี่โปเลย์  วันนี้อร่อยสุดๆ”          โปเลย์รับไหว้แล้วเอามือด้านขวามาจับหัวปาร์ตี้ส่ายไปมาเหมือนชายที่กำลังเล่นหัวตุ๊กตาที่ใส่แว่นสีแดงตัวน้อยๆ 

“ไม่เป็นไรครับ  แค่เห็นว่าปาร์ตี้ชอบอาหารที่โรงแรมพี่ พี่ก็ดีใจแล้ว พักผ่อนซะนะครับ พรุ่งนี้ก็หยุดพักผ่อนแล้ว     ”

“ครับผม   ”

“เดี๋ยวๆ  พี่ขอถามหน่อย  ข้าวตูเพื่อนพวกนายนี่เป็นอะไรรึเปล่าเห็นไม่ enjoy มาตั้งแต่ 3 ทุ่มแล้ว” ใจเจ๋งถามขึ้นมาชายตาก็ส่อง
มองไปที่เตียงของข้าวตูที่ล้มตัวลงนอน

“สงสัยเหนื่อยมั้ง ไม่มีอะไรหรอก กลับไปได้แล้วไอ้พี่เจ๊ง คนเค้าง่วงหงาวหาวนอนอยู่บ้าตายอยู่แล้ว”

“แหมๆ ทีอย่างนี้ไล่เชียวนะ  ไอ้เด็กปากเสีย ”

“ไอ้เจ๊ง หุบปากไปเลย  อยากโดนโอ้ยรึไง”

“อะไรคือโอ้ย ไม่เข้าใจ”

“ก็เจ็บตัวไง”

“พอแล้วๆ  ทั้งสองคนนั่นแหละ นี่ก็ดึกมากแล้วนะ  พี่โปเลย์ครับ ปาร์ตี้รบกวนพาพี่ใจเจ๋งกลับเลยแล้วกันนะครับ ผมขอโทษล่วง
หน้า”

“เฮ้ย ไม่เป็นไรปาร์ตี้พี่ไม่ถือ  ไปเว้ยไอ้เลย์  อยู่ที่นี่นานๆเดี๋ยวจะหาว่าใจร้ายทำร้ายเด็ก”ว่าแล้วพี่ใจเจ๋งก็เดินกลับลงไปที่ชั้นหนึ่ง เกี๊ยวปลาเดินตามไปที่บริเวณระเบียงทางเดินหน้าห้อง ก่อนจะชะโงกหัวไปหาใจเจ๋ง

“เออๆ ให้มันได้อย่างนี้สิ  ไอ้เจ๊ง คราวหลังจะไม่แกะกุ้งให้แล้ว  ไอ้เจ๊งปากเสีย”

“อ้าว  แล้วแต่สิครับ  ไม่ได้บังคับหนิ”

“โหย  ไอ้……จำไว้เลย   บ้าชะมัดไปซะแล้วอ่ะ  ปาร์ตี้ดูไอ้พี่เจ๊งของแกดิ ปากเสียจริงๆเลย  กี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย   ไปอาบน้ำดี
กว่า”

“วันนี้นายเป็นอะไรของนายนะข้าวตู  คงเหนื่อยสินะ  เราผิดรึเปล่าที่ชวนข้าวตูไปด้วย  เค้าอาจจะเหนื่อยจากการเรียนมามากก็ได้
นะ”  ปาร์ตี้พึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินไปที่หัวโต๊ะหยิบสมุดโน้ตขึ้นมาเขียน ไดอารี่ ประจำวัน

        ข้าวตูที่เพิ่งจะหลับตาไป ได้ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า แต่ปาร์ตี้ไม่สามารถล่วงรู้ได้เพราะข้าวตูหันหลังให้อีกฝ่ายหนึ่ง

“นี่เราเป็นอะไรของเรานะ   ก็แค่พี่สแกนไม่ได้ไปร่วมงานปาร์ตี้ดินเนอร์กับพวกเพื่อนๆเค้า  เราถึงต้องเป็นเอามากขนาดนี้เลยหรอ”

“ข้าวตู  คุยกับใครอ่ะ  ละเมอหรอ”ปาร์ตี้หันมาถามเมื่อได้ยินเสียงแว่วมาจากทางข้าวตู

“เปล่าๆ  เราบ่นไปเรื่อยแหละปาร์ตี้”

“อ้อหรอ  เราคงไม่ได้ทำให้นายลำบากใช่ไหมเพื่อน”

“คิดมากปาร์ตี้ นายชวนเราไปอ่ะดีแล้ว ไม่เห็นหรอว่าเราอิ่มแค่ไหนของฟรีอีกต่างหาก”

“ก็ดีแล้วหล่ะ  นึกว่านายจะลำบาก  นอนเลยก้ได้นะ  นายอาจจะเหนื่อยมามากแล้วก็ได้วันนี้”

“อืม ขอบใจมาก  ”        รึว่าเรากำลังรู้สึกผิดที่ไปพูดกับเค้าแบบนั้นนะ  ไม่หรอกมั้งไม่เห็นจะต้องแคร์เลย จะไปไหนก็เรื่องของเค้า ข้าวตูจำเอาไว้อย่าไปสนใจเชียวนะ


ผ่านไป 1 สัปดาห์

“ข้าวตู  มานั่งเหม่ออะไรอยู่ตรงนี้  เพื่อนๆเค้าให้มาตาม  พี่เค้านัดให้ไปรวมตัวกันที่โน่น  จะเริ่มจับสายรหัสแล้วนะ”

“อ้อขอบใจมากนะ ติณ เราไปกันเลยดีกว่า”

              เฮ้อ  ผมเป็นอะไรของผมนะ ทำไมกลายเป็นคนไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อนเลย  เพราะอะไรทำไมผมต้องเป็นแบบนี้  ข้าว
ตูคิดไปเดินไปจนถึงที่ลานประชุม  พี่จั้ม และพี่อื่นๆก็เริ่มกิจกรรมการจับสายรหัสไปเรื่อยจนถึงตัวข้าวตูเอง

“ข้าวตูครับ หยิบแล้วส่งมาทางพี่เลยเดี๋ยวพี่จะได้ประกาศออกไมล์” พี่จั้มพูดแล้วยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มแบบเจื่อนๆตอบไป

“น้องข้าวตูจับได้สายรหัส  044  ครับ”

“ฮิ้วววววว”

               สิ้นเสียงพี่จั้มประกาศเท่านั้นแหละ  รุ่นพี่ที่เป็นทันตแพทย์ปี 4 ร้องฮิ้วเสียงดังขึ้น ทุกคนหันไปมองทางต้นเสียง ก็พบ
เจ้าตัวที่เป็นจอมแซวเมื่อกี้  เป็นกลุ่มพี่ผู้ชาย  5 6 คน  หนึ่งในนั้นหล่อกว่าใครๆ มั้งถ้าข้าวตูตาไม่ฟั้นเฟือง   ถ้าให้ข้าวตูเดานะ
หนึ่งในนั้นต้องมีสายรหัสของเค้าคนใดคนหนึ่ง

“น้องข้าวตูครับ  เชิญเข้าไปนั่งได้แล้วครับ” เสียงพี่จั้มพูดขึ้นเพราะเห็นว่าข้าวตูยืนหันหน้าไปมองกลุ่มที่เพิ่งส่งเสียงไปเมื่อครู่นาน
เกินไป

“อ้อครับๆ”


เย็นวันเดียวกันนั้นเอง

“ข้าวตูๆ มีพี่คนหนึ่งฝากกระดาษพับแผ่นนี้มาให้นายอ่ะ”

           เสียงเพื่อนคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมกับยื่นกระดาษแผ่นเล็กที่พับอยู่มาให้เค้า

“ขอบใจนะ”

“ไม่เป็นไรเราไปแล้วนะ”

        ข้าวตูพยักหน้าให้เพื่อนร่วมคณะ  ก่อนจะทำให้ครุ่นคิดกับสิ่งที่ได้มาก่อนจะเดินกลับหอต่อไป  ไม่นานเท่าไหร่นัก   ก่อนจะ
เดินผ่านคณะวิทยาศาสตร์  จู่ๆก็มีชายร่างสูงร่างหนึ่งเดินพรวดออกมายืนตันทางผม

“เอ่อ ไม่ต้องตกใจ  ขอโทษทีนะ  ไม่เป็นไรใช่ไหม” ชายดังกว่าแก้ตัวแล้วยิ้มๆมาให้ผม 

“ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค  อ้าวพี่เองหรอกหรอ”

“จำพี่ได้ด้วยหรอครับ”

             จะไม่จำได้ยังไง  ก็พี่เค้าเป็นคนๆเดียวกันกับกลุ่มที่แซวข้าวตูตอนที่จับสายรหัสไง  ใครลืมก็บ้าแล้วผ่านมายังไม่ถึง 3
ชั่วโมงเลย

“มีอะไรหรอครับ” ข้าวตูพูดตัดบท  ทำเอารุ่นพี่หุบรอยยิ้มทันที

“อ้าว นึกว่ารู้แล้ว   นี่ดูท่าจะยังไม่ได้เปิดอ่านกระดาษแผ่นนั้นสินะครับ”

            รุ่นพี่ชี้ไปที่กระดาษในกำมือเล็กๆของข้าวตู ข้าวตูก็มองตามนิ้วที่เค้าชี้มาที่มือเค้าตาม

“อ้อยังหรอกครับ  นี่ของๆพี่สินะ”

“อืมใช่  อ่านตอนนี้ก็ยังทันนะ”

             รุ่นพี่พูดอย่างเป็นนัยๆ เหมือนอยากให้ข้าวตูได้อ่านข้อความในนั้น  ข้าวตูตัดสินใจคลี่กระดาษแผ่นนั้นออกมาแล้วก็ช็อค
เล็กน้อย

“สวัสดีครับน้องข้าวตู  พี่ชื่อติวา ครับ  ถ้าอยากรู้ว่าพี่คือใคร ให้ข้าวตูเดินมาที่หน้าตึกคณะวิทยาศาสตร์ตอนจะกลับหอนะครับ  แล้วเจอกัน”      ข้าวตูขำกับข้อความที่เขียนลงในนี้ บ้าจริงๆเรื่องบังเอิญทั้งนั้น  เค้าไม่ได้ตั้งใจจะเดินมาที่หน้าตึกคณะวิทย์หรอกนะ แต่มันเป็นทางผ่านที่เค้าต้องเดินต่างหาก

“พี่ครับ คือ  ช่วยบอกผมทีว่ากำลังจะสื่อถึงอะไร”

“โห น้องข้าวตูเรียนถึงคณะทันตะ  ไม่มีเก็ทบ้างหน่อยหรอครับ โถ พี่ติวาเสียใจนะ”

“เก็ทหน่ะผมเก็ทแต่จะให้ผมเก็ทไปในทางไหนหล่ะ ทางที่ดีหรือว่าไม่ดี อธิบายด่วน”

“โอเคๆ ไม่มีอะไรหรอกแค่พี่อยากจะรู้จักให้มากขึ้นเท่านั้นเอง”

“ทำไมหรอครับ”

“อยากรู้หรอ….”

“พี่ครับ บอกมาสิอ้ำอึ้งทำไม ผมจะกลับหอแล้วนะ”

“ก้ได้ๆ  เพราะว่า......น้องข้าวตูสายรหัส 044 ชัดรึยังครับ”

“อ้อนึกว่าอะไร…..  ฮะ อะไรนะ  พี่เป็นสายรหัสผมหรอ!”

“ไม่ใช่มั้งครับ  บอกขนาดนี้”

“………”

“เอ่อเดี๋ยวครับน้องข้าวตูพี่พูดเล่น  แหมหยอกนิดหยอกหน่อยก็เดินหนีเหมือนเด็กไปได้ แต่ก็น่ารักดี”

“พี่ครับ…..”

“ติวาครับ  ช่วยเปล่งชื่อพี่ออกมาเป็นคำพูดด้วย  ไหนๆพี่ก็เป็นสายรหัสเรานะ”

“ก็ได้ โอเคครับๆ  แล้วทำไมพี่ถึงได้มาเองหล่ะครับ  พี่รหัสผมปี 2 เค้าไม่ว่างหรอ”

“เปล่าครับ ยังไม่ถึงเวลาเฉลย น้องๆต้องค้นหาเอาเองครับ  ด้วยคำใบ้ เบอร์โทรที่อยู่ในกระดาษสายรหัสที่ข้าวตูจับได้”

“แล้วทำไมพี่ถึงรีบร้อนมาเสนอตัวบอกผมก่อนอย่างนี้หล่ะ”

“เอ่อ  ยังไงดีหล่ะ  อืม ประมาณว่า ปี 3 ขึ้นไปเค้าไม่ถืออ่ะครับ”

“โม้รึเปล่าก็ไม่รู้”

“ไม่ได้โม้ครับคณะของเราทำแบบนี้จริงๆ   นี่จะบอกอะไรให้นะว่ารหัส 044 ของพวกเราผู้ชายหมดเลย”

“ยังไงต่อครับ”

“อืมแล้วที่สำคัญหน้าตาดีอีกด้วย  เป็นเดือนคณะก็มี อย่างเช่นพี่ไง”

“อ้อหรอครับ  ดีใจจัง  คงเป็นผมหล่ะมั้งที่หน้าแปลกกว่าเพื่อนในสายรหัส”

“โหยยย  ไม่เลยครับน้องข้าวตู น้องเนี่ยน่ารักที่สุดแล้วในสายรหัสของเรา  ”

“หรอครับ ขอบคุณแล้วกัน  ผมกลับหอก่อนนะ”

“เดี๋ยวครับ มีอะไรจะปรึกษาพี่รหัสหน่อยไหมครับ  เห็นสีหน้าไม่ดีตั้งแต่แรกแล้ว”

“อ้อเปล่าไม่มีอะไรหรอกครับ ขอบคุณมาก ผมคงแค่อยากพักผ่อนหน่ะ”

“เอ่อ….ให้พี่เดินไปส่งที่หอนะ”

“เอ๊ะแปลกคนนะพี่อ่ะ  จะเดินไปส่งผมทำไมกัน รถพี่ก็จอดอยู่ริมฟุตบาทนี่ไม่ใช่หรอ”

“เอ่อ ใช่พี่ลืมไป  ขึ้นรถเถอะเดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“ขอบคุณครับที่ชวน  แต่ไม่เป็นไรผมอยากเดินกลับมากมาย เผื่อจะคิดอะไรได้หลายๆอย่าง”

“ไม่ดีมั้งครับ  เริ่มมืดแล้ว  ไฟก็ไม่ค่อยจะสว่างมาก  อันตรายนะครับ”

“หรอครับ  ถ้าอันตรายจริง แล้ว 10 กว่าคนข้างหน้าผมที่กำลังวิ่งออกกำลังกายนั่นคืออะไรครับ”

“ทำไมพูดยากจังครับ เป็นน้องรหัสพี่ติวาทั้งทีจะไม่ให้พี่ห่วงบ้างหรอ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่ติวา  ผมเดินไปจริงๆ คนเดียวเดินหลายครั้งแล้วด้วย”

“ก็เพราะว่าเดินหลายครั้งไงพี่ถึงไม่อยากให้เราเหนื่อย”

“พี่รู้ได้ไง”

“อ้อ เออ เปล่าๆ  ก็พุดไปตามที่ข้าวตูพูดเมื่อกี้แหละ  ตกลงให้พี่ไปส่งนะ”

“อืมก็ได้ครับ”

                ผมจำนนตอบกลับออกไป ไม่อย่างนั้นพี่ติวาคนนี้ก็จะถามอยู่อย่างนั้นแหละ ดีไม่ดีจะมืดค่ำกว่านี้อีกกว่าจะถึงหอพัก 
ติวายิ้มเริงร่าเหมือนคนดีใจได้ของเล่นอะไรประมาณนั้นก่อนจะขับรถไปส่งข้าวตูถึงหอพัก

“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”

“ยินดีครับแล้วนี่ พรุ่งนี้ให้พี่มารับนะ”

“เอ่อ ไม่ต้องมั้งครับพี่  แค่มาส่งครั้งนี้ผมก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว”

“ไม่เป็นไร บอกแล้วไงว่าพี่เป็นพี่รหัสข้าวตูนะ ต้องดุแลดีๆ”

“ใช่พี่เป็นพี่รหัส  เพราะฉะนั้นผมไม่อยากให้พี่ตัวเองมาทำตัวเป็นพนักงานคอยขับรถไปรับไปส่งแบบนี้”


“โห เป็นห่วงพี่ขนาดนี้เลยหรอครับ”

“เอ่อ พี่ติวาครับ  ไม่ขนาดนั้นครับ  อย่าคิดมาก  ผมก็พูดไปตามสิ่งที่ถูกต้องก็แค่นั้น”

“โอเคครับๆพี่ทำตามน้องข้าวตูบอกแล้วกัน  แต่ถ้าจะให้พี่ช่วยหรือเปลี่ยนใจบอกพี่ได้นะ  อ่ะนี่เบอร์พี่”

“ขอบคุณครับ  ขับรถกลับบ้านดีๆนะครับพี่ติวา”

“ครับผม รับทราบ”  ติวายิ้มให้ข้าวตูก่อนจะขับรถออกไปจากตรงนั้น

“ไอ้ข้าว!”

“เฮ้ย  ไอ้เกี๊ยวนึกว่าใคร  มาตอนไหนเนี่ย หัวใจจะวาย”

“ก็มาทันตอนที่แกไปนอกใจพี่สแกนไง   สองใจหรอเราเดี๋ยวนี้”

“พูดบ้าอะไรวะ  นั่นพี่ติวา  เป็นพี่ระ…..”

“นั่นไงๆ  รู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันแล้วด้วย”

“ไอ้เกี๊ยวปลา  ถ้าแกไม่หยุดพูดแล้วฟังฉันให้จบนะ ฉันจะเอากำปั้นลูกพ่อกำนันต่อยนะจะบอกให้”

“อุย  รุนแรงอ่ะ   รู้หรอกหน่าว่าแกไม่ได้คิดอะไรหรอก  แต่ไอ้พี่หล่อเมื่อกี้นั่นคิดนะเว้ย”

“แกรู้ได้ไง  เป็นเกย์แล้วหรอช่วงนี้ถึงได้ดูออกคล่องแคล่วดีนัก”

“ไอ้ข้าว ปากเสียไม่ใช่ดูออกหรือไม่ออกเว้ย  แต่การกระทำแวบเดียวนะ ฉันก็รู้แล้วไอ้ข้าวตูเอ้ย”

“พอๆ ฉันอยากพักผ่อน  เหนื่อยมามากแล้ว”

“เดี๋ยวข้าว!  อย่าเพิ่งเดินขึ้นหอเว้ย  อ่ะเอานี่ไปอ่านซะ  จากพี่สแกนเค้าอ่ะ  ใจร้อนได้อีกนะแก  ฉันขึ้นห้องก่อนนะ  ส่วนแกอ่าน
เสร็จแล้วค่อยขึ้น”

“อืมขอบใจ  ”เกี๊ยวปลาทำหน้าบูดบึ้งใส่ข้าวตู  ให้ได้อย่างนี้สิทีเป็นพี่โปเลย์ พี่สแกนนี่นะ  สำคัญกว่าเพื่อนที่อยู่ร่วมห้องนอนกับมันอีก  ให้ได้อย่างนี้สิเกี๊ยวปลา

“ไม่ต้องเลย  ทำพี่ชายฉันเจ็บ แกโดนแน่”

“เออๆรู้แล้วเข้าข้างกันดีนักนะ  ทำไมไม่เข้าข้างพี่ใจเจ๋งบ้างอ่ะ”

“เหอะๆ  อย่าพูดชื่อนั้น ไอ้เจ๊งนั่น  ขอไม่เจอดีกว่าหว่ะข้าวตู ไปแล้ว แกอย่าลืมอ่านก่อนขึ้นห้องด้วยนะเว้ยไม่งั้นฉัน  ตีก้นแกลาย
แน่ โทษฐานทำพี่สแกนช้ำน้ำใจ”

        เกี๊ยวปลาชี้หน้าคาดโทษ มันจะปกป้องอะไรพี่เค้านักหนาวะ  เฮ้อเหนื่อยใจซ้ำเติมเข้าไปอีกกับเพื่อนคนนี้  ข้าวตูคลี่กระดาษออกมาอ่าน  ในนั้นเขียนเอาไว้ว่า……..

“    คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ ไม่เจอะเจอกันกับฉัน   คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ เหงาใจ
คิด ถึงฉันไหมเวลาที่เธอ ไม่มีใครให้ทะเลาะ   ไปไหนแล้วไม่มีไหล่ให้เกาะ แล้วเธอคิดถึงใคร
      ฟ้าร้องทุกครั้งมันส่งเสียงดัง เธอโดดมานั่งตักฉัน       ฉันก็ทุเรศตัวเองเหมือนกัน ที่ปลอบไปขำไป
ฉันรู้ว่าฉันไม่เอาไหนเลย ไม่อบอุ่นได้อย่างนั้น     ฟ้าร้องครั้งนี้ไม่เจอหน้ากัน แล้วเธอคิดถึงใคร
เฮ้... เมื่อเราต้องห่าง ยิ่งเนิ่นนาน อาจลืมกันเลยไม่แน่ใจ
      ตอบหน่อยได้ไหม ตอบฉันหน่อย ว่าเธอคิดถึงกัน   ไม่ต้องหวาน ต้องแหววหรอก อยากถามแค่ให้เธอ
ตอบหน่อยได้ไหม ตอบฉันก่อน ว่าเธอคิดถึงฉัน     อย่างที่ฉัน มันคิดถึง คอยเธอกลับมา
      เพราะฉันคิดถึงเธออยู่ทุกวัน ตั้งแต่ตื่นนอนแต่เช้า        หันหัวก็หันไปเจอรูปเรา บนหัวนอน
เสียงวิทยุก็คอยเล่นเพลง ที่เธอชอบฟังกี่ครั้ง          ถึงฉันไม่ชอบก็ยังนั่งฟัง เพราะมันคิดถึงเธอ
เฮ้... เมื่อเราต้องห่าง ยิ่งเนิ่นนาน อาจลืมกันเลยไม่แน่ใจ
      ตอบหน่อยได้ไหม ตอบฉันหน่อย ว่าเธอคิดถึงกัน  ไม่ต้องหวาน ต้องแหววหรอก อยากถามแค่ให้เธอ
ตอบหน่อยได้ไหม ตอบฉันก่อน ว่าเธอคิดถึงฉัน         อย่างที่ฉัน มันคิดถึง คอยเธอกลับมา
เฮ้... เมื่อเราต้องห่าง ยิ่งเนิ่นนาน อาจลืมกันเลยไม่แน่ใจ
      ตอบหน่อยได้ไหม ตอบฉันหน่อย ว่าเธอคิดถึงกัน  ไม่ต้องหวาน ต้องแหววหรอก อยากถามแค่ให้เธอ
ตอบหน่อยได้ไหม ตอบฉันก่อน ว่าเธอคิดถึงฉัน   อย่างที่ฉัน มันคิดถึง คอยเธอกลับมา
คอยเธอกลับมา ก็มันคิดถึงเธอ ”
         

     ข้าวตูอึ้งไปกับข้อความที่เขียนอยู่ในกระดาษแผ่นนี้  มันเป็นเพลงที่เค้าเคยได้ยินได้ฟัง  ตั้งแต่วันปฐมนิเทศน้องปี 1 เพราะพี่สแกนขึ้นไปร้องเพลงนี้ บนเวที  ภาพบางอย่างมันไหลเลื่อนผ่านนัยน์ตาข้าวตูช้าๆก่อนนะถอนหายใจออกมายาวๆ  ก่อนจะพับกระดาษกลับไว้เป็นรูปดังเดิม    ข้าวตูเองคงคิดในใจแหละนะว่า  ทำไมเค้าต้องมีความรู้สึกบางอย่างเหมือนจะพอรับรู้ได้ แต่กลับรับรู้ไม่ได้เลย  ความรู้สึกนั้นมันคืออะไรกันแน่  อีกอย่างผ่านไปหลายสัปดาห์แล้วที่พี่สแกนไม่ได้มาให้เห็นหน้าเลย  มันทำให้ชีวิตข้าวตูเหมือนขาดอะไรไป สิ่งั้นมันเกิดขึ้นได้กับข้าวตูด้วยหรอ เพราะเค้าเองไม่เคยได้รับและไม่เคยที่จะเป็นด้วยซ้ำ


 :katai2-1: :hao5: :katai2-1: :hao5: :katai2-1: :hao5:


แนะนำตัวละคร

พี่ติวา ทันตแพทย์ปี 3 เป็นหนุ่มร่างสูงหล่อเหลา  ในรุ่นนั้นได้เป็นถึงเดือนคณะด้วย  แล้วยังเป็นพี่รหัสข้าวตูอีกต่างหาก  ใช้ความเป็นพี่รหัสเข้ามาดูแลเป็นห่วงใกล้ชิดเพราะ...............   เนื่องจากว่ามันง่ายและไม่ทำให้ข้าวตูรู้ตัว เพราะกลัวจะสูญเสียคนที่เค้ารู้สึกดีด้วยไป

 :L2: :L1: :3123: :L2: :L1: :3123: :L2: :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 6 up 18 08 56
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 19-08-2013 19:18:16
ท่าทางติวาจะเป็นสายสืบให้ใครบ้างคนหรือเปล่าหว่า  o18

 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 6 up 18 08 56
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 31-08-2013 01:35:07
ตอนที่ 7


      ที่หมู่บ้านเล็กๆติดแม่น้ำโขง จังหวัดหนองคาย   บุญเข้าพรรษาเป็นไปอย่างครึกครื้น  บรรดาชาวบ้านต่างพากันมาร่วมเดินขบวนแห่ เทียนเล่มใหญ่ยักษ์เข้าวัด  มีนางรำมาเดินฟ้อนสวยงาม  และในงานนั้นที่สำคัญคุณยังจำพี่สิงโต ลูกชายกำนันเสือเมื่อตอนแรกได้หรือเปล่า  ในตอนนี้เค้าดูหล่อและสมาทกว่าตอนเดิมเสียด้วยซ้ำ ด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ ต่างๆนามันทำให้เค้าดูมั่นใจขึ้นมา  เหมือนต้องการบอกให้ชาวบ้านรู้ว่าเค้าลูกกำนันเสือหล่อที่สุดในแคว้นนี้
 
“พี่สิงโตๆ”

“อะไรวะ  คนกำลังเดินดูสาวนางรำ  ไอ้กล้ามีอะไร”

“แหมๆ ทำเสียงดุๆ  ลืมน้องข้าวตูไปได้ยังไง  จริงๆแล้วปีก่อนน้องข้าวตูยังเดินเล่นตามงานบุญเข้าพรรษาอยู่หมู่บ้านนี้   เอ้……
แต่พอมาปีนี้กลับไม่เห็นเงา   ปล่อยให้พี่สิงโตผู้ยิ่งใหญ่ใจหงอยคอยข้าวตูกลับมาหาเหมือน…..อุ้ย”

“ไงหล่ะ  ไอ้กล้า  สาระแนเชียวนะเรื่องของนายเนี่ย  จะบอกว่ากูเป็นหมา   เดี๋ยวตบหูเข้าให้”

“นาย  ขอโทษ หยอกหย่อยไม่ได้นะ คราวหลังไม่เล่นแล้ว”

“เออ ดี  ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร”

“เดี๋ยวๆ พี่สิง   นั่นแม่กำนันกับพ่อกำนันของข้าวตูหนิพี่”

“เออจริงด้วยวะ  ไปทักทายหน่อยก็แล้วกัน ไปโว้ย”

“พ่อกำนัน  สวัสดีคับ”

“อืม มาร่วมงานด้วยหรอ พ่อสิง  อยู่ไกลกันเป็น 10 กว่ากิโล หรือว่าที่ตำบลเอ็งไม่ได้จัดวะ”

“โถ พ่อกำนันก็  แหม ไกลแค่ไหนก็คือใกล้แหละจ๊ะ  สำหรับว่าที่ลูกเขยคนนี้เรื่องแค่นี้จิ๊บๆจ๊ะพ่อ”

“ไอ้สิง  ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วว่า  ไอ้ข้าวตูลูกชายฉัน  ไม่ต้องการให้ใครมายุ่งโดยเฉพาะพวกแก”

“โถ แม่กำนันครับ ไอ้สิงโตคนนี้รักน้องข้าวตูลูกชายแม่กำนันจริงๆนะ   เมื่อไหร่จะเปิดใจให้ไอ้สิงคนนี้พิสูจน์หน่อยหล่ะครับ”

“บ่ได้หรอก พ่อสิง   คนเรามันผู้ชายทั้งสองคน จะให้มาคบรักกันได้ยังไง โบราณท่านถือ  ไปหาผู้หญิงที่เขารักพ่อสิงเถอะนะ”

“บ่ไปครับ  ผมรักน้องข้าวตูคนเดียว และจะบ่มีไผมาแทนตำแหน่งข้าวตูมันได้   ผมจะพิสูจน์ให้พ่อกำนันเห็นให้ได้ซักวัน  ผมลา
หล่ะ”

“ทำยังไงดีพ่อ   ไอ้สิงมันหัวดื้อรั้น   อีกอย่างกำนันเสือจะรู้เรื่องลูกชายหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“เฮ้อ ช่างมันเถอะแม่  ป่ะ เราเดินตามขบวนเข้าไปเถอะ  อย่าช้านักเลยเดี๋ยวไม่ทันการ”




     ที่ฟิตเนต มหาวิทยาลัยในกรุงเทพ   สแกนกำลังยืนเล่นที่มุมกระจกด้านผนังห้องมองทะลุออกไปข้างนอกที่พอจะมองเห็นทิวทัศน์ระดับสูงได้พอสมควร   สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก อาจจะเป็นเพราะออกกำลังกายมากไปหรือเปล่านะ

“ไอ้สแกน!”

“อ้าวไอ้ติวา   เป็นไงบ้างวะเรื่องวันนั้นที่วานไป”

“ฮ่าๆๆ   แหมๆ   นึกว่ากลุ้มใจเรื่องอะไรที่แท้ก็เรื่องนี้  คงจะกินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายคืนหล่ะสิ”

“อย่าลีลานะไอ้วา   บอกมาเรื่องที่ให้ไปทำเป็นไงบ้าง”

“เออๆ  เรียบร้อย  ทีนี้ปล่อยคอเสื้อฉันได้หรือยัง   ”

“เออ”

“ขอบใจ  แหมไอ้นี่ นักเลงหว่ะ  หยอกเล่นนิดเดียว  นี่ไอ้สแกน ฉันถามแกจริงๆนะเว้ย   แกชอบน้องรหัสฉันจริงๆหรอ”

“โง่มากหว่ะติวา ที่แกถามฉันแบบนี้”

“เออยอมรับว่าโง่ แต่ขอคำยืนยัน   น้องข้าวตูเค้าดูเป็นคนตรงไปตรงมาก็จริง แต่เท่าที่ฉันสัมผัสได้  มันเย็นชาเกินไป  ไม่ร่าเริงเหมือนเด็กปี1 ที่ควรจะเป็น”

“เออๆ   ฉันชอบน้องรหัสแก  ชอบตั้งแต่ ข้าวตูมันกล้าเข้ามาต่อค้านฉันเรื่องที่จอดรถหน้าตึกคณะได้  ฉันประทับใจในความรัก
ความถูกต้องของเค้า  ที่ผ่านมาไม่เห็นจะมีใครกล้าเตือนฉันซักนิด”

“เอาเถอะๆ   แล้วนี่แกจะทำยังไงต่อไป”

“ไม่รู้หว่ะ  ฉันให้เกี๊ยวปลาเพื่อนสนิทเค้าส่งจดหมายไปให้ข้าวตูแล้ว ถ้าเค้ายกโทษให้ฉัน เค้าคงจะโทรกลับมาหาเองแหละ”

“เฮ้ย  ไอ้สแกน  แล้วถ้าน้องรหัสฉันไม่ยอมยกโทษให้หล่ะวะ”

“ฉันก็จะตื้อไปอย่างนี้แหละ   อย่าห่วงเลยติวา  ฉันมีแผนพิชิตใจข้าวตูมากพอเพื่อน ”

“เออๆ ขอให้สำเร็จก็แล้วกัน  แปลกหว่ะแกนี่บทจะมีแฟนก็มีขึ้นมา ทีเมื่อก่อนนะ  ไม่เห็นอยากจะมี”

“จะให้ฉันมีลงได้ยังไง  ผู้หญิง และเกย์กระเทยพวกนั้น เข้ามาหาฉันเพราะเงินทองเท่านั้น   ฉันเกลียดความรักภายนอกแบบนี้”

“นี่อย่าบอกนะว่า ข้าวตูไม่ใช่คนประเภทนั้น”

“นั่นก็คือส่วนหนึ่ง  แต่อีกส่วนคือ  เค้าไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนได้  ดูเหมือนบอบบางแต่จริงๆแล้วเค้าดูแลตัวเองได้
อย่างเข้มแข็ง  และที่สำคัญฉันเคยฝันเห็นเค้าก่อนที่เราจะได้เจอกันด้วยซ้ำ”

“ฮันแน่  มีการมาสาธยาย เรื่องน้องเค้าด้วย   เฮ้อ  ข้าวตูเห็นใจเพื่อนพี่หน่อยเถอะ  อภัยให้หมาหน้าหล่อคนหนึ่งซักครั้งเถอะนะ”

“เฮ้ย ไอ้ติวาเดี๋ยวโดยเท้าลูบหน้า  ไปเลยนะอย่ามากวน   ”

“ฮ่าๆๆ เออๆไม่กวนก็ได้เว้ย    แต่ยังไงก็สู้ๆนะสแกน   ฉันไปออกกำลังกายแล้ว   ”

“เออ”



     ที่ย่านเยาวราช  ร้านทองของเกี๊ยวปลาเอง  วันนี้วันเสาร์  หนุ่มน้อยหน้าตี๋ตาโตๆ ใช้ชีวิตอยู่กับอากง อาม่าของเค้าที่ห้างทอง  นั่งดูทีวีกดช่องโน้นทีช่องนี้ทีอย่างเบื่อๆ

“นี่ๆ เกี๊ยว ไม่มีอะไรจะดูก็ปิดทีวีบ้างเถอะเห็นเปิดไปเปิดมาอยู่เป็นชั่วโมงแล้วพี่หนวกหู”

“รู้แล้วน่าพี่แมว   ก็คนมันเซงอ่า ไม่รู้จะทำอะไร”

“อ่านหนังสือสิ”

“ไม่เอาอ่ะพี่หมี  ทุกคนก็รู้ว่าเกี๊ยวไม่ชอบอ่านหนังสือหนิ”

“ไงครับ  สบายดีกันบ้างไหมทุกคน”

            เสียงทักทายของชายหนุ่มที่คุ้นมากมาย จนเกี๊ยวปลาเองต้องหันหลังกลับไปมองแล้ว ต้องขยี้ตาตัวเองสองครั้ง   เพราะคนตรงหน้าคือไอ้พี่ใจเจ๊งในรั้วมหาวิทยาลัยต่างหากหล่ะ

“อ้าว อาตี๋……..” พี่แมวทักได้แค่นั้น  เกี๊ยวปลาหนุ่มจอมซนของเราก็เดินพรวดออกมาจากในร้านอย่างหงุดหงิด

“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ ไอ้ใจเจ๊ง  ไม่ต้องเดินเข้ามาในร้านนะ”

“เฮ้ย  นี่นายมาอยู่นี่ได้ไงเนี่ย”

“อ้อ  น้องเกี๊ยวเค้าเป็น……”พี่หมีพยายามจะอธิบายแต่..

“ถามอยู่ได้  พี่หมีไม่ต้องไปบอกมัน   แกนั่นแหละมาอะไรที่นี่”

“มาห้องทองก็ต้องมาซื้อทองสิ”

“ไปซื้อร้านอื่นที่นี่ไม่มี”

“จะไม่มีได้ไง  ไอ้เด็กเลี้ยงแกละ  ทองเต็มร้านขนาดนี้ ฮ่าๆ ตลกจริงๆ”

“ก็…….มะ  มี  แต่ไม่ขาย จะทำไม  ออกไปได้แล้ว”

“โอ้ย  พอกันทีเดี๋ยวคนนั้นก็พูดสวนขึ้นมา  คนนี้ก็สวนขึ้นมา สวนไปสวนมา  พี่แมวพี่หมีตาลายแล้วนะ”

“พี่หมี ก็บอกให้มันไปร้านอื่นสิครับ”

“พี่ทำไม่ได้หรอกน้องเกี๊ยวเค้าเป็น……”

       ไม่นานที่พี่หมีจะพูดอธิบายไป อากงที่ทนได้ยินเสียงหลานชายตัวเล็กของเค้าตะโกนโวยวายไม่ไหว เลยต้องเดินออกมาดู
สังเกตการณ์ได้ซักพักหนึ่งแล้ว

“เป็นอะไรก็ช่างมันอาหมี  ไม่ต้องพูดไปหรอก   เกี๊ยวปลา   อากงไม่อยากจะเชื่อว่าจะไร้มารยาทกับแขกอากงถึงขนาดนี้  ”

“อากง   เอ่อ  มาตอนไหนครับ”

“มีหน้ามาถามกงอีกหรอว่ามาตอนไหน  บอกให้เลยว่ากงมาทันประโยคแทบทุกคำของลื้อเกี๊ยวปลา”

“อากงผมขอโทษ”

“ไม่ต้องละ   หันหน้ากลับไปขอโทษพี่เค้าสิถึงจะถูก”

“ไม่เอาผมไม่ทำ”

“อ้าว  เกี๊ยวปลา นั่นลื้อจะวิ่งขึ้นไปบนห้องได้ยังไง  ไม่ไหวเลยเด็กคนนี้  อาแมวขึ้นไปดุหน่อยสิ  กงแก่แล้วขึ้นบันไดไม่ค่อยจะไหว”

“อากงสวัสดีครับ ขอโทษทีนะครับที่ไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าจะมาเยี่ยมแล้วก็ไม่นึกว่าจะทำให้เกิดเรื่องแบบนี้”

“เฮ้อ  ไม่เป็นไรอาเจ๋งเอ้ย  เกี๊ยวปลาก็เป็นของมันแบบนั้นแหละ  ดื้อรั้น ตั้งแต่เด็กไม่ยอมโต”

“แล้วนี่  เด็กที่ชื่อเกี๊ยวปลาที่เค้าเป็นใครกันครับกง ผมไม่เห็นจะรู้จักเลย  เค้าเป็นใครหรอครับ”

“ฮ่าๆๆ   อาเจ๋ง คงจะลืมน้องชายคนนี้ไปแล้วสินะ”

“น้องชาย?  ผมงงครับกง”

“ใครกันที่เคยนั่งเล่นกับอาเจ๋งตอนเด็กๆ   ชอบแย่งขนมแย่งของเล่นของอาเจ๋งแทบทุกอย่างแต่อาเจ๋งก็ยอมให้ไป  พูดแค่นี้พอ
จะคิดออกไหมอาเจ๋ง”

“หรือว่า เกี๊ยวปลาจะเป็น…….คงไม่ใช่หรอกมั้งใช่ไหมครับ”

“ถูกแล้วหลานชาย  อย่าโกหกตัวเอง กงไม่ได้พูดเล่นนะ  คงจะจำน้องขึ้นมาได้บ้างแล้วสินะ”

“นั่นน้องซานหง  จริงๆหรอเนี่ย  ไม่อยากจะเชื่อ   ไม่นึกว่าโตขึ้นมาก็ยังดื้อเหมือนเดิมเลยนะครับ”

“ฮ่าๆ  อันนี้กงก็ไม่รู้จะสอนยังไงแล้ว อีกอย่างม๊ากับป๊าของเกี๊ยวปลาเองก็ตามใจเกินไป ทำให้ไม่โตซักที”

“ผมขออนุญาตขึ้นไปดูน้องหน่อยได้ไหมครับ”

“อย่าเลย  ในเมื่อดื้อนักก็ไม่ต้องรู้ความจริงหรอก  ปล่อยไปเถอะ   อาเจ๋งหลานชายใช้เวลานี้แกล้งคืนเลยจะเป็นไรไป  เจ้าตัวเล็กหัวดื้อคนนี้มันต้องเจอแบบนี้แหละ  อีกอย่างถ้าอาเจ๋งขึ้นไปตอนนี้มีหวังถูกของปาใส่จะเจ็บตัวไปอีก   แล้วถ้าเจ้าเกี๊ยวมันรู้
ความจริงทีหลังอาจจะเสียใจไม่ยอมให้อภัยตัวเองก็เป็นได้  อาเจ๋งก็รู้ว่าเกี๊ยวปลาเค้ารักพี่ชายในนามตี๋เล็กขนาดไหน  จริงไหม”

“นั่นสินะครับ   ขอบคุณมากครับอากง  แล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่นะครับ ส่วนเรื่องน้องซานหง เอ้ย เกี๊ยวปลานี่เดี๋ยวผมจะแกล้งคืน  อากงคงจะอนุญาตนะครับ”

“ตามสบายหลานรัก   ทำให้หลานชายคนนี้ของกงหายดื้อแล้วรับฟังความคิดเห็นคนอื่นให้หน่อยนะ  ฝากอาเจ๋งไว้ด้วยแล้วกัน”

“ครับ ผมจะดูแลให้ครับอากง”




      ที่เซนทรัล ลาดพร้าว   ปาร์ตี้มาเที่ยวห้างกับเพื่อนชาย  ทุกคนคงจะจำเค้าได้นั่นก็คือ ทาม นั่นเองช่วงนี้วันหยุดแสนจะสุขกายสุขใจ   เมื่อเช้านี้ชวนข้าวตูมาด้วยแล้ว แต่รายนั้นเอาแต่นอนไม่ยอมลุกขึ้นจากเตียงนอนเอาเสียเลย  เลยได้มาเดินห้างกับทามกันสองคน   

“นี่ ปาร์ตี้  เสียงโทรศัพท์ดังหลายรอบแล้วนะ  ทำไมไม่รับซักทีหล่ะ”

“อ้าวหรอ โห ทำไมไม่บอกเราหล่ะ เราไม่รู้เรื่องเลยนะเนี่ย ว่าแต่ใครโทรมานะ” ปาร์ตี้เอามือควานหามือถือ

“อ้าว  ทำไมไม่รับหล่ะ   ปาร์ตี้  หรือว่าจะเป็น……….”

“พี่ยอร์ชโทรมาหน่ะ  เอาไงดี  เราว่ารับซักหน่อยก็ดีเนาะ  พี่เค้าอุตส่าห์โทรมาหลายสายแล้ว”

“นั่นไงว่าแล้วเชียว  อืมๆ รีบๆคุยแล้วกัน  รอฉันตรงนี้แปบเดียวนะขอเข้าไปห้องน้ำก่อน  ”

“อืมๆ แล้วรีบตามมานะทาม   สวัสดีครับพี่ยอร์ช”

“ปาร์ตี้  ทำไมให้พี่รอโทรศัพท์นานขนาดนั้นด้วยครับ   ไม่อยากรับสายพี่ขนาดนั้นเลยหรอ”

“เอ่อ ผมขอโทษครับผมไม่ได้ตั้งใจนะพี่   ผมเพิ่งได้ยินเสียงเมื่อกี้นี้เอง   ว่าแต่พี่มีอะไรหรือเปล่าครับถึงได้โทรหา”

“เปล่าครับ พี่แค่จะบอกว่า พี่ขอโทษสำหรับเรื่องในวันนั้น  พี่ไม่น่าทำให้ปาร์ตี้ตกใจถึงขนาดนั้นเลย”

“อ้อ ครับ ไม่เป็นไรผมไม่ถือครับ  อย่าคิดมากนะครับ  ”

“ค่อยยังชั่วหน่อย พี่คิดว่าจะไม่ให้อภัยพี่ซะอีก  แต่เรื่องที่พี่พูดไปพี่เอาจริงนะครับ”

“เรื่องอะไรหรอครับ”

“เรื่องของความรักหน่ะครับ  พี่จะแข่งกันกับไอ้โปเลย์  แล้วพี่ก็เชื่อด้วยว่าพี่จะพิชิตใจโปเลย์ได้ก่อนมันแน่นอน”

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรอครับ ผมไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”

“อ้อ เรื่องนี้นานแล้วหล่ะครับ  ตั้งแต่วันนี้มันตามปาร์ตี้เข้ามาถึงร้านกาแฟข้างๆหอพักแล้ว  เรื่องที่พี่กับมันตกลงกันก็มีเท่านี้แหละ
ครับ”

“ผมฟังๆดูแล้ว ไม่สบายใจเลย  ทำไมพี่สองคนต้องมาทำไมอะไรแบบนี้ด้วยครับ”

“เพื่อจะได้เป็นคนที่ปาร์ตี้รักไงครับ”

“พี่ยอร์ชครับ  ผมไม่ใช่หุ่นยนต์นะครับ  ไม่ว่าใครจะชนะก็ตามผมไม่สามารถที่จะรักคนนั้นได้หรอกนะครับ  เรื่องแบบนี้มันต้อง
ปรบมือทั้งสองฝ่ายถึงจะชนะ  ไม่ใช่การแข่งขันกันแบบนี้”

“จริงสินะ  แต่พี่ไม่มีทางเลือก  เพาะแบบนี้พี่ถึงต้องแข่ง  ถ้าพี่ไม่แข่งพี่คงจะรู้สึกผิดถ้ารู้ว่ากำลังจะมาเป็นคนที่สามของน้อง
ปาร์ตี้  เข้าใจพี่นะครับ”

“ไม่เข้าใจครับ และจะไม่พยายามเข้าใจด้วย  พี่ยอร์ช ผมเห็นพี่เป็นพี่ชายที่ดีคนหนึ่งเท่านั้นแล้วไม่ได้คิดอะไรเกินเลยถึงขั้น……”

“แต่พี่คิด  คิดมากด้วย  ถ้าชาตินี้พี่ไม่ได้รักปาร์ตี้แล้ว  พี่จะไม่ขอรักใครอีกเลย”



“พี่ยอร์ชครับ พี่…….”

“ว่าไงปาร์ตี้  มันโทรมาใช่ไหม”

“อืมใช่พี่ยอร์ช  เค้าวางสายไปแล้ว  ดูเหมือนเรื่องจะยุ่งยากขึ้นมากว่าเดิมนะ  นายว่าไหมทาม”

“แน่นอนอยู่แล้ว  เบื่อหว่ะ ตื้ออยู่ได้   ว่าแต่นายเองเถอะ อย่าไปหลงเชื่อใครง่ายๆนะ  เรื่องของความรักตัดสินใจถูกต้องมีสุขแต่
เมื่อใครตัดสินใจผิดพลาดไปเมื่อนั้นแหละจะเกิดทุกข์ เข้าใจที่เราพูดใช่ไหมปาร์ตี้”

        ปาร์ตี้พยักหน้าช้าๆ เหมือนจะอึ้งๆกับคำแนะนำของเพื่อนชายคนนี้  ไม่นึกว่าจะรู้ซึ้งรู้ลึกรู้ละเอียดและเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงเพียงนี้ แต่พอคิดๆย้อนไป  ทามเค้าก็มีแฟนแล้วนี่นะ เป็นสาวแสนสวยเสียด้วย  ไม่แปลกหรอกที่คนอย่างเค้าจะเข้าใจเรื่องความ
รักพวกนี้


มาต่อแล้วนะครับ^^
 :L2: :3123: :L1: :L2: :3123: :L1: :L2: :3123: :L1:

หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 7 up 31 08 56
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 31-08-2013 15:20:19
อยากรู้เรื่องของเกี้ยวปลากับใจเจ๊งจังเลย

รออ่านตอนต่อไปดีกว่า

 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 7 up 31 08 56
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 01-09-2013 02:13:56
โฮ้
สนุกน่าติดตามมากเลยค่ะ
ปล่อยให้ผ่านสายตาไปเฉยๆได้ไงกัน
เหอเหอ
มาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 7 up 31 08 56
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 01-09-2013 09:49:04
เอาใจช่วย
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 7 up 31 08 56
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 03-09-2013 00:43:39
สนุกครับ แต่กลังยอร์ชจะทำไรปาร์ตี้จัง
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 7 up 31 08 56
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 21-09-2013 19:20:36
ตอนที่ 8
       


ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีก่อน…..

“ป๊า…….พี่ตี๋เล็ก  ไม่ยอมเล่นกับเกี๊ยวเลย  ป๊าต้องทำโทษให้เกี๊ยวนะ” เสียงเด็กน้อยตัวเล็กๆ วิ่งกระจองอแงเข้ามาในบ้าน

“อะไรกันซานหง  พี่ตี๋ไม่ได้บอกว่าไม่เล่นนะครับ  แต่วันนี้พี่ตี๋เหนื่อยแล้ว” ใจเจ๋งวิ่งตามน้องเข้ามาแล้วรีบปฏิเสธพ่อของน้อง
เกี๊ยวปลา

“เดี๋ยวๆอะไรกัน ซานหง ไม่เห็นหรอว่าป๊าคุยอยู่กับป้าเหมยอยู่  เรานะอย่าไปกวนพี่ตี๋เค้าให้มากนะ รู้ไหม”

“เกี๊ยวโป้งป๊าแล้ว….”  เกี๊ยวปลาทำหน้าบึ้ง แล้ววิ่งขึ้นไปบนบันไดบ้านใหญ่ยักษ์อย่างเร็ว  ทำเอาพ่อของน้องเกี๊ยวส่ายหน้า

“อ้าวซานหง……….  เอ่อ คุณน้า เดี๋ยวผมตามไปดูให้นะครับ” ใจเจ๋งหันกลับมาบอกกล่าวก่อนจะถือวิสาสะขึ้นไปตามเจ้าตัวเล็ก

“อืมฝากหน่อยนะใจเจ๋ง  ซานหงเป็นคนแบบนี้แหละ  ลำบากอีกแล้วหลานชาย”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะพาน้องมาขอโทษคุณน้าเองนะครับ…….”

   

“มานั่งอยู่ตรงนี้เองหรอ” ใจเจ๋งวิ่งขึ้นไปจนถึงห้องๆหนึ่งทีพอจะจำได้ว่าเป็นห้องใคร แล้วเปิดประตูเข้าไปอย่างช้าๆ   เสียงประตู
ที่ดังพอจะทำให้สายตาคู่หนึ่งของเจ้าตัวเล็กหันกลับมาตวาดขึ้น

“ตามมาทำไม  เกี๊ยวไม่อยากเล่นกับพี่ตี๋เล็กแล้ว  เกี๊ยวอยากเล่นคนเดียว” เด็กน้อยยืนกราน

“อะไรกัน  มาเล่นตรงนี้ไม่ได้นะ  มันร้อน  ไม่เห็นหรอ  ไปอยู่ด้านล่างที่โซฟาใหญ่ๆ เย็นดีออก”

“ไม่เอา จะเล่นตรงนี้  เกี๊ยวจะเล่นตรงนี้ๆๆๆ  ชัดพอหรือยังพี่ตี๋เล็ก”

“โห  จะตะโกนทำไมครับ พี่ตี๋แสบหูไปหมดแล้ว”

“ไปเลยนะอย่ามายุ่ง”  เด็กน้อยโวยวาย พลางหยิบจับสิ่งๆหนึ่งที่หนักพอสมควรปาใส่ไหล่ด้านขวาของใจเจ๋ง

“โอ้ย”  เสียงใจเจ๋งร้องดังขึ้น หลังจากแจกันดอกไม้พุ่งเข้าใส่ไหล่เต็มๆ

“พี่ตี๋  เกี๊ยวขอโทษ เอ๋……. นั่นเลือดหนิ  เกี๊ยวจะไปเรียกป๊ามาดูให้นะครับ  รอเกี๊ยวก่อนนะ”


ที่โรงพยาบาลในวันนั้นหลังจากที่ส่งใจเจ๋งเข้าเย็บแผล  พ่อของน้องเกี๊ยวปลาก็หันมาตำหนิเค้า

“เกิดอะไรขึ้นซานหง  ทำพี่เค้าจนถึงขนาดนี้เลยหรอ ป๊าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำให้พี่เค้าลำบาก”

“เอ่อคุณคะ  ลูกคงไม่ได้ตั้งใจ  ลูกเพิ่งจะ  5 ขวบเองนะคะ  อย่าตะหวาดแกเลย ” แม่ของเกี๊ยวพุดขึ้นอย่างเห็นใจลูกชาย

“เฮ้อ  ถึงยังไงเราก็ต้องรอให้หมอเย็บแผลก่อน  ส่วนแม่เหมยของตี๋เล็ก  ป๊าจะพูดให้เอง”

“ป๊า  เกี๊ยวขอโทษ เกี๊ยวไม่ได้ตั้งใจ”

“อืมทำผิด แล้วกล้าขอโทษ  ป๊าก็ไม่ว่าอะไรแล้วหล่ะ  จำไว้นะซานหง อย่าทำให้พี่เค้าเจ็บตัวอีก”

“ครับป๊า”


         

“ตลกจริงๆ  ผ่านมา 15 ปีแล้วสินะ ซานหงแผลที่นายทำไว้ที่ไหล่ขวา พี่ไม่เคยลืมเลย  แต่พี่ไม่เคยโกรธน้องชายคนนี้สักครั้ง   
ไม่ว่าจะนานแค่ไหนนายก็ยังดื้อเหมือนเดิมเลยนะ ซานหง……”

“บ่นพึมพำอะไรของแกวะไอ้เจ๋ง  วันนี้ได้ข่าวว่าจะพาแม่คนสวยคนใหม่ไปเดทหรอ”

“อะไรวะ  พูดมากหน่าไอ้โปเลย์    ว่าแต่แกเหอะ   ไม่ไปดูแลปาร์ตี้หน่อยหรอ  ได้ข่าวมาว่าไปดูหนังกับแฟนใหม่หนิ”

“โดนต่อยซักทีดีไหมเพื่อน  นั่นหนะไอ้ทาม  เพื่อนสนิทน้องเค้าหรอก ฉันถึงได้กล้าไว้ใจ ฝากผีฝากไข้”

“ฝากผีฝากไข้เลยหรอวะ  แล้วทำไมไม่ยกปาร์ตี้ให้ไอ้เจ้าทามไปเลยหล่ะ”

“ปากดีหว่ะไอ้เจ๋ง  ว่าแต่พักนี้ไอ้สแกนมันหายหัวไปอยู่ไหนนะ”

“เออหว่ะ  จริงด้วยตั้งแต่ก่อนหน้าที่พวกเราจะไปปาร์ตืที่โรงแรมริมเจ้าพระยาแล้วนี่หว่า  แปลกจริง  โทรมันหน่อยไหมวะ เลย์”

“เออๆ”



    ค่ำคืนที่ท้องฟ้ามืดมน ที่ริมหาดศรีกันตัง เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี   สแกนนั่งพิงเก้าอี้ในห้องพักที่พอจะมองผ่านลงมายังทะเลได้พอประมาณ   ทำสีหน้าเบื่อๆก่อนจะรับสายโทรศัพท์ของผู้ที่อยู่อีกฝ่าย  ที่เค้าเองก็รู้ดีว่าเป็นใคร

“ว่าไงวะ เลย์”

“ไอ้สแกน  แกอยู่ไหนวะไม่เห็นหน้าเห็นตา  มาเรียนบ้างไหมวะนั่น”

“เรียนดิ  แต่วันนี้วันพักผ่อน  มีไรวะ”

“เปล่าๆ แค่เป็นห่วง  มีอะไรรึเปล่าวะแก  บอกพวกเราได้นะเว้ย”

“อืมขอบใจไม่มีอะไรหรอก ”

“แล้วแกอยู่ไหน”

“สุราษฏร์ธานี”

“อ้าว  ทำไมไปไกลอะไรขนาดนั้นวะ   แล้วนี่น้องข้าวตูแกนี่ไม่คิดจะสนใจแล้วหรอ”

“แล้วเค้าสนใจฉันบ้างไหมวะ!”

“เฮ้ย!  ไม่สแกน แค่แหย่เล่นเว้ยเพื่อน  แกเป็นอะไรแน่ๆเลยฉันว่า   เพาะเรื่องนี้ใช่ไหมวะ”

“อืม”

“เฮ้ย คุยกับไอ้ใจเจ๋งมันนะ เผื่อมันช่วยแกได้บ้าง  ไอ้เจ๋งมาคุยหน่อย เพื่อนแกอาการหนักแล้ว เร็วๆ”

“ไอ้สแกน  เล่ามาดิ  เล่ามาให้หมดห้ามกั๊ก”

“ฉันไม่อยากพูดหว่ะ”

“ต้องพูดเว้ย  ไม่พูดไม่ได้ ถ้างั้นฉันช่วยแกยังไงวะ”

“เออๆ ฟังให้ดีนะ…….”


ผ่านไป 10 นาที

“อ้ออย่างนี้นี่เอง  มันก็สมควรแล้ว”

“อ้าว สรุปจะช่วยหรือจะซ้ำเติมวะ ไอ้เจ๋ง”

“เฮ้อแกนี่มัน……เอาเป็นว่าแกทำเกินเหตุนะ  เล่นซะไปคอยเฝ้าคอยดู น้องเค้าอาจจะอึกอัดรึเปล่าวะ”

“จะไปรู้หรอ  แต่ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ข้าวตูหนิ”

“แต่แกก็ไปทำให้น้องเค้าขายหน้ากลางวง ทันตะเค้ากำลังรับน้องเนี่ยนะ   ให้ตายเถอะ”

“ไอ้เจ๋งฉันจะทำไงดีวะ”

“ง้อดิ”

“บ้าบอคอแตก  ไม่ทำอ่ะ  ฉันไม่เคยทำ  ชีวิตฉันมีแต่คนง้อเว้ย  ถ้าให้ฉันง้อ  ไม่มีทางอ่ะ  ทำไม่เป็น”

“ไม่เป็นก็ต้องเป็นเว้ยเพื่อน  ยิ่งปล่อยไปยิ่งจะเป็นผลเสียนะ”

“โหย  ไอ้เจ๋ง  แล้วแกหล่ะ  มีสวยตั้งมากมาย   ระวังเป็นผลเสียได้เหมือนกันนะเพื่อน  เคยได้ยินไหมรถไฟมันจะชนกัน”

“ไม่มีทางเว้ย ผู้หญิงพวกนั้น เค้าไม่ยึดติดอะไรอยู่แล้ว   แล้วน้องข้าวตูของแก  ไม่มีอีกแล้วในโลก  ถ้าแกไม่สานต่อฉันจองต่อ
นะ”

“ไอ้เจ๋ง เดี๋ยวต่อยฟันร่วง ลองดูดิ”

“ฮ่าๆๆ  หยอกเล่นหน่อยไม่ได้เว้ย  นี่ๆจะบอกให้นะถ้ารักน้องเค้าจริง แกต้องง้อเว้ย”

“ฉันทำไม่เป็นไอ้เจ๋ง”

“ไม่เห็นจะยากเลย  ฟังให้ดีหล่ะ………………….”

“จะดีหรอวะ  ฉันไม่เคยทำนะเว้ย  มีแต่ผู้หญิงมาทำให้ แต่นี่ฉันจะต้องทำเองหรอ”

“เออ  ไม่เอาก็ตามใจ  แค่นี้นะเพื่อน”

“อ้าวไอ้นี่  วางสายไปแล้ว”

“ จะเอาจริงๆหรอวะ  เฮ้อ ปวดหัว”

         สแกนหลับตาเอาหลังอิงเก้าอี้ แล้วหลับไป  ด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิด 



   ค่ำคืนที่ฝนตกหนัก  ปาร์ตี้ออกมาซื้อของที่เซเว่นใกล้ๆมอ   ทำให้ต้องติดฝนอยู่ที่หน้าร้านไปไหนไม่ได้  ผู้คนก็ไม่ค่อยจะมี อาจจะเป็นเพราะว่ามันเป็นเวลา 4 ทุ่มแล้วด้วย   ไม่ทันที่จะตั้งตัว  ปาร์ตี้ก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังหมดแรงลงไป  หลังจากที่มีผ้า
ปริศนามาปิดข้างหลัง

ผ่านไป   2 ชั่วโมง

“สวัสดีไอ้ข้าวตู  ไงวะ  วันนี้ฉันกลับดึกหน่อยนะ” เกี๊ยวปลา กลับมาถึงห้องพักแล้วทักทาย ข้าวตูที่เอาแต่เหม่อลอย

“เฮ้ย  ไอ้ข้าว   เป็นไรวะ  กินข้าวมายัง  แล้วนี่ปาร์ตี้อาบน้ำอยู่หรอ”

“ไม่ได้เป็นไร เกี๊ยว  ส่วนปาร์ตี้ออกไปซื้อของที่เซเว่น”

“อ้าวหรอ  แล้วทำไมไม่ไปเป็นเพื่อนปาร์ตี้มันหน่อยหรอ   ไอ้แว่นแดงแกก็รู้ว่ามันซุ่มซ่าม นี่ฝนก็ตกอีก”

“เฮ้ย!  ปาร์ตี้”

“อ้าวอะไรของแกวะ อยู่ดีๆก็ลุกพรวดขึ้นมา  ตกใจหมด”

“เกี๊ยว แย่แล้วๆๆๆ   ปาร์ตี้……..”

“อืมปาร์ตี้   แล้วไงวะ”

“ปาร์ตี้ไปเซเล่นผ่านมา 2 ชั่วโมงยังไม่กลับเลย”

“อะไรนะ  แล้วแกก็มานั่งเหม่อเลยเนี่ยนะไอ้ข้าว ตายๆๆๆๆๆ   โทรศัพท์หล่ะ โทรไปยัง”

“โทรศัพท์  ปาร์ตี้ฝากให้ฉันชาร์?  วางอยู่เตียงตรงนั้น   นี่ก็ เที่ยงคืนแล้วยังไม่กลับมาเลย”

“อะไรนะ   งั้นฉันจะออกไปดูที่เซเว่น   แกไม่ต้องไปไหน  เผื่อไอ้ปาร์ตี้มันกลับมาห้อง”

“อืมๆ   ให้ฉันโทรบอกทามให้ไปเป็นเพื่อนแกนะเกี๊ยวปลา”

“เออๆ  บอกให้ ทามไปหาที่เซเว่นเลยก็ดี   ป่านนี้ฉันคิดว่ามันต้องติดฝนอยู่นั่นแหละ  ไม่มีอะไรหรอก”

“เออๆ  ขอโทษทีนะ  ฉันไม่น่าทำตัวแบบนี้เลย”

“อย่าพูดมาก  ไอ้ข้าว มันผ่านไปแล้วเว้ย แกคอยดูปาร์ตี้ที่นี่แหละ”


ผ่านไป 20 นาที

“ฮัลโหล ไอ้ข้าว  ฉันกับทามมาถึงเซเว่นตามหาปาร์ตี้มันแล้ว  ไม่เจอนะ  มันกลับถึงห้องแล้วรึยัง”

“ยังเลยเกี๊ยว  ไอ้ปาร์ตี้มันไปไหนของมันกันนะ   โอ้ย   ไม่ได้แล้ว ฉันจะต้องโทรบอกพี่โปเลย์”

“เออๆ  โทรบอกไปนะ  เดี๋ยวทามกับฉันจะลองถามคนแถวนี้ดู  ฝนก็ยังตกไม่หยุดเลยอ่ะ  เบื่อจริง”

โปเลย์นั่งอยู่ในห้องนอน  บรรเลงกีต้าร์ตัวโปรด ไปอย่างเพลิดเพลิน  ก่อนจะได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา

“พี่โปเลย์  แย่แล้วครับ”

“อ้าวข้าวตูเองหรอ ว่าไงครับ  โทรมาดึกเชียว”

“พี่โปเลย์  ผมจะบอกพี่ว่า ปาร์ตี้หายไปครับ”

“ว่าไงนะ  หายไปได้ยังไง   ปาร์ตี้กลับเข้าหอตั้งแต่ เย็นๆแล้วไม่ใช่หรอ”

“เป็นความผิดของผมเองครับพี่โปเลย์”

“เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ  เอาเป็นว่าปาร์ตี้หายไป เมื่อไหร่ นานรึยัง”

“2 ชั่วโมง เกือยจะ 3 แล้วครับ”

“โอเคๆ  เอาเป็นว่าพี่จะไปหาเราที่หอนะ  รอพี่แปปนึงนะ”

“จะไปไหนคะคุณหนู”

“นมแจ่ม   ผมฝากบอกคุณพ่อคุณแม่หน่อยนะครับ ว่าผมจะไปธุระเรื่องเพื่อนครับ  อาจจะกลับดึกหรอไม่ก็เช้าครับ”

“ได้ค่ะ   เอ่อ คุณหนู คะ………..”

“ผมจะรีบไปรีบกลับครับ”

“ค่ะๆ”


เช้าวันใหม่ เสียงคลื่นทะเล และลมพัดเข้ามาในห้องพักที่เปิดหน้าต่างทิ้งไว้  ทำเอาปาร์ตี้ที่นอนไม่ได้สติทั้งคืนตื่นขึ้นมา

“โอ้ย  มึนหัวไปหมดเลย  เอ๋…………”

 ปาร์ตี้หันไปมองสิ่งแวดล้อมที่อยู่ด้านข้างรอบทิศทาง  ก่อนจะเรียบเรียงความคิดได้  ว่าเมื่อคืนเค้าไปซื้อของที่เซเว่น  แต่ช่วงนั้นฝนตกหนักลงมาพอดี  แล้วไม่ทันจะได้คิดอะไร  ก็วูบไป   เมื่อคิดได้ดังนั้น ก็รีบลุกพรวดออกไปด้านนอกบ้านพัก ที่แสนสงบ ไร้ผู้คน มีทะเลสีครามอยู่เบื้องหน้า  แต่กลับไม่ทำให้ปาร์ตี้ดีใจที่ได้เห็นมันเลย

“ที่นี่ที่ไหนกันแน่นะ……….. ”



แนะนำตัวละครเพิ่มเติม

แม่นมแจ่ม  คนเลี้ยงดู โปเลย์มาตั้งแต่ยังเล็กๆ  ใจดี  เข้าใจดปเลย์เหมือนแม่คนหนึ่งก็มิปาน



 :L2: :L1: :L2: :L1: :L2: :L1: :L2: :L1: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 8 up 21 09 56
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 21-09-2013 21:26:44
 :serius2: ม่ายยยยยยยยย ผู้ใดบังอาจลักพาตัว

หลานปาร์ตี้ของคนแ่ก่ไป  :angry2:

จับได้ แม่จะ  :z6: ให้กระเด็นเชี่ยว

 :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 8 up 21 09 56
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 11-10-2013 02:08:58
ตอนที่ 9



   ปาร์ตี้วิ่งออกจากตัวบ้านพักเมื่อครู่ กึ่งเดินกึ่งวิ่งหันไปมองซ้ายทีขวา  เผื่อจะมีใครอยู่แถวนี้บ้าง เพราะเท่านี้เค้าเดินสำรวจมาได้ไกลและเป็นระยะเวลานานพักหนึ่งก็แทบจะไม่เห็นและรู้สึกว่าจะมีใครอยู่แถวนี้เลย  แต่ที่นี่มันดูสวยงาม  ลมพัดใส่ตัวของเค้าเอง มันทำให้โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก  แต่เค้าก็ไม่ละความพยายาม  เค้าเดินเรียบชายหาดไปเรื่อยๆจนได้ยินเสียงเหมือนฝีเท้าเดินตามหลังเค้ามา ทำให้เจ้าตัวถึงกับหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว

“นั่นใครหน่ะ” ปาร์ตี้หันไปมองแต่กลับไม่พบเจ้าของเสียงฝีเท้านั่นเลย  ยิ่งสร้างความประหลาดใจอย่างมาก

“โอ้ย  เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว เดินมาก็เหนื่อย  แถมอาหารมื้อเช้าไม่รู้จะไปหากินที่ไหน  ผู้คนแถวนี้ก็ไม่มีใครให้เราได้ซักถามเลย
เอาไงดีวะปาร์ตี้   โทรศัพท์ก็หายไปไหนไม่รู้ ซวยจังเลย  คุณพ่อครับ ช่วยผมด้วย  ผมกลัว  เอ๊ะ  ไม่ใช่ๆ  ผมไม่ได้กลัว ที่สวย
เกินกว่าที่ผมจะกลัว  แต่……………”

  ปาร์ตี้บ่นกับตัวเองไปเรื่อยๆ  แล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงคลื่นทะเลที่พัดเข้าฝั่ง  แล้วเอามือสองข้างมาอิงไว้ที่ขอบปากพร้อมกับ
ตะโกนไปสุดเสียง

“พี่โปเลย์   ช่วยผมด้วย ผมอยากกลับมอ  ผมโดนคนใจร้ายจับมารึเปล่าก้ไม่รู้   ได้ยินผมแล้วตอบด้วย”
  ปาร์ตี้ตะโกนแล้วมองออกไปตามทะเลที่อยู่เบื้องหน้าอย่างไม่มีขอบเขตสิ้นสุด

“โดนคนใจร้ายจับมาที่นี่หรอ   น่าสงสารจังเลย   นี่ตะโกนตอบแล้วนะคร้าบบบบ”





   สิ้นเสียงที่ดังมาก  ดังจนปาร์ตี้ต้องหันไปมองเสียงที่ดังมาจากข้างๆด้านซ้ายมือของเค้า กลับปรากฏเป็นร่างชายหนุ่มที่หล่อ สูง หน้าตาดี จมูกโด่ง  คิวหนา พร้อมกับรอยยิ้มที่หันมามองปาร์ตี้  ที่ยืนอย่างห่างออกไป 15 เมตร

“พี่โปเลย์!”   ปาร์ตี้เบิกตากว้างพร้อมกับพูดชื่อที่เค้าควรจะพูดหลังจากที่ได้ประมวลผลจาการหันไปดู

              ชายร่างสูงเห็นรุ่นน้องแว่นแดง ตัวเล็ก ทำหน้าตาตื่นตกใจ  ก็แอบเผลอยิ้มออกมา  ยิ้มที่ดูอบอุ่น ยิ้มที่ดูเท่ห์  หล่อ สมาร์ท  และมันดูเหมือนยิ้มที่แอบขำที่ได้แกล้งเด็กที่เค้าแอบชอบคนหนึ่ง  แต่ยังไม่กล้าที่จะบอกความในให้กับเด็กน้อยแว่นแดงที่เอาแต่ยืนอึ้งอยู่ด้านหน้ารับรู้ได้  เค้าค่อยเดินเข้าไปหาปาร์ตี้เรื่อยๆ จนไปหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กคนนี้ คนที่เค้าแอบพาเอาตัวมาที่นี่

“หยุดอึ้งได้แล้วครับ  ปาร์ตี้ ”

“พี่โปเลย์  ทำไมพี่มาอยู่ที่นี่ได้ครับ ”  เด็กหนุ่ม รู้คำตอบอยู่ในใจแต่ไม่อยากให้มันเป็ไปอย่างที่เค้าคิด

“ยังต้องให้พี่อธิบายอีกหรอครับ”

“ทำไมพี่ถึงได้……”  ปาร์ตี้เบือนหน้าไปมองที่ทะเลอีกครั้ง

“ไม่เอาหล่าพี่ขอโทษ  ที่แค่อยากเซอร์ไพร์วันเกิดปีนี้ของปาร์ตี้ ด้วยบรรยากาศแบบนี้  แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนพี่จะเล่นซะขนาดนี้”

“อย่างั้นหรอครับ”

“เอ่อ  ปาร์ตี้ พี่ขอโทษนะ  ขอโทษจากใจ มันผิดแผนของพี่หมดเลย   ตอนนี้พี่รู้สึกไม่สบายใจ”

“ผมก็ไม่สบายใจเหมือนกันครับ ป่านนี้เพื่อนๆผมคงจะตามหาตัวผมจะแย่อยู่แล้ว”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงนะ”

“หมายความว่าไงครับ”

“เมื่อวานหลังจากที่ข้าวตูโทรมาหาพี่ พี่ก็พอจะเดาออกแล้วว่าแผนที่วางไว้กำลังไปได้สวย  พี่เลยออกจากบ้านไปที่หอของปาร์ตี้นั่นแหละ…….”


          โปเลย์หันมามองปาร์ตี้แล้วเอามือขวาจับมือซ้ายของปาร์ตี้ขึ้นมากุมเอาไว้  แต่ก็ถูกปาร์ตี้ดึงมือออก ทำเอาเจ้าตัวใหญ่ หน้าเสีย

“แล้วยังไงต่อครับ  เล่าให้จบสิครับพี่โปเลย์  ไม่อย่างนั้น โทษของพี่ผมจะถือว่ายังไม่หมดไป”

“โถ่ปาร์ตี้ ทำไมโหดร้ายอย่างนี้หล่ะครับ”

“เล่าสิครับ ปาร์ตี้หิวจะแย่อยู่แล้ว  กลับบ้านไปกินข้าวก่อนไม่รู้ด้วยนะครับ”

“อ่ะๆก็ได้ๆ   พอพี่ไปถึงหอพักปุ๊บ  ก็บอกกับเพื่อนๆปาร์ตี้ว่าที่เราหายตัวไปเพราะว่าพี่เอง  พี่ก็อธิบายแผนของพี่ไป  แล้วก็อ้างเกี่ยวกับงานวันเกิดของปาร์ตี้ด้วย เพราะพี่อยากเซอร์ไพร์ของขวัญที่วิเศษที่สุด ”

“เดี๋ยวก่อนนะครับ  แล้วนี่เพื่อนผมไม่ได้ตกใจไปมากกว่าเหตุเพราะคิดว่าผมมาที่นี่แบบโอเคสินะ นี่ถ้าเพื่อนผมรู้ว่าพี่ทำผิดแผน  พี่เละแน่ๆผมว่านะ”

“นั่นสิครับ พี่เลยมาขอโทษคนดีของพี่ ให้อภัยพี่นะครับปาร์ตี้”

“ไม่ให้ครับ  ผมหิวข้าวแล้ว  เดี๋ยวกินเสร็จพาผมกลับกรุงเทพด่วนเลยนะครับ  ”

“ไม่ได้ครับ  พี่ยังไม่ให้กลับ วันเกิดของปาร์ตี้เย็นนี้พี่เตรียมงานไว้หมดแล้ว เห็นเกาะข้างเราไหม  นั่นแหละ เกาะนั้นคือ เกาะ
พงัน เกาะใหญ่ที่ห่างจากเราไปไม่มาก  อีกอย่าง ไอ้สแกนก็อยู่ที่นั่นได้ซักพักใหญ่ๆแล้วแหละ”

“จริงหรอครับ  ผมก็ไม่ทันได้สังเกต ผมมองไปข้างๆก็นึกว่ามันจะต่อกันเป็นเกาะเดียวกัน ทีแรกผมไม่คิดด้วยซ้ำว่าที่นี่คือ
สุราษฏร์ธานี ”

“สรุปเย็นนี้ พี่จะพาปาร์ตี้ไปที่เกาะพงันตรงนั้นนะครับ  ไม่ต้องห่วงเพื่อนๆของปาร์ตี้พี่ให้รถตู้ที่บ้านไปขนเพื่อนๆมาเต็มที่แล้ว 
งานนี้สนุกแน่ครับ”

“ไม่รู้สินะครับ ผมเองอาจจะไม่สนุกก็ได้”  ปาร์ตี้ยิ้มแล้วเดินเข้าบ้านไป  ทิ้งให้ร่างสูงทำหน้าสำนึกผิดอย่างหน้าสงสาร  แต่จะรู้
บ้างไหมว่า ปาร์ตี้เค้าเป็นพ่อพระ ไม่เคยที่จะโกรธใครหรอก ถ้าไม่หมดความอดทนจริงๆ




        ที่หนองคาย  หมู่บ้านที่เป็นตำบลติดริมแม่น้ำโขงบ้านเกิดของข้าวตูเอง  ดูตอนนี้และวันนี้ที่บ้านพ่อกำนันพ่อของข้าวตูกำลังดูวุ่นๆ อยู่กับการชี้ไม้ชี้มือไปมา  ส่วนแม่กำนันแม่ของข้าวตูก็นั่งเล่นอยู่แคร่ใต้ชายคาต้นมะม่วงหน้าบ้านต้นใหญ่   ผู้คนดูพลุกพล่านไปมา  เหมือนจะมาช่วยงานอะไรซักอย่าง

“พ่อๆ   ยืนสั่งงานตั้งนานแล้ว  ไม่เหนื่อยหรอจ๊ะ”

“ไม่เหนื่อยหรอก แม่  พ่อไหวๆ เพื่อให้ไอ้ข้าวตูลุกเรากลับมาแล้วประทับใจกับห้องนอนห้องใหม่”

“ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ  แม่เลี้ยงมันมากับมือ แม่ว่ามันไม่ยึดติดกับความหรูหราอะไรมากนักหรอกพ่อ”

“แหม พ่อรู้ว่าไอ้ข้าวลูกเรามันง่ายๆสบายๆ  แต่ก็อยากทำให้มันซักครั้ง  ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดมันก็แล้วกัน”

“อืมใช่ๆ แม่เกือบจะลืมไปเลย  อีกไม่กี่วันแล้วสินะ  อืมพ่อแล้วไอ้ข้าวมันโทรมาหาเมื่อวานมันบอกจะกลับบ้านวันไหนนะ”

“อีกซัก 2 สัปดาห์มั้ง  เหือนมันกำลังสอบ  สงสัยจะยังไม่เสร็จ ก็อย่างนี้แหละ เรียนแพทย์เรียนหมอ มันก็หนักหน่อยแหละ”

“จะว่าไป  แม่ลืมซะสนิทเลย เดี๋ยวไปตลาดก่อนนะพ่อนะ  ”

“ไปหาเพื่อนอีกแล้วหล่ะสิ”

“จ๊ะ ตามประสาผู้หญิงหน่ะพ่อ  ทางนี้ก็ดูๆไปให้งานเสร็จแล้วกัน เหนื่อยก็เรียกหลานๆแถวนี้หยิบน้ำหยิบท่าให้ก็แล้วกันนะจ๊ะ  ไป
หล่ะ    นังสำลีเอ้ย  อยู่ไหนวะ  หยิบตะกร้าใส่ของให้ข้าที เร็วๆเข้าจะไปตลาด”

“จ๊าๆ   แหม  เร่งจริงๆเลยนะจ๊ะ  สำลีกำลังยุ่งอยู่กับล้างผักที่ห้องครัวท้ายน้ำโขงโน่น แค่วิ่งมาก็เหนื่อยแล้ว  ว่าแต่ขอไอติมแมก
นั่ม  ซักแท่งนะจ๊ะแม่กำนัน”

“แหม  ไอ้หลานไฮโซ  กินได้กินดีนะไอติมแพงๆเนี่ย อืมๆ เดี๋ยวน้าซื้อให้ ไปล้างผักต่อให้เสร็จแล้วเดี๋ยว บอกแม่เอ็งทำอาหาร
เย็นไว้เลยแล้วกันนะ  เดี๋ยวกลับมาเย็นขาดเหลืออะไรแล้วจะมาช่วย”

“จ๊ะ  อย่าลืมนะแม่กำนัน”

“ไม่ลืมโว้ย เอ็งนี่บอกเส้าสี้อยู่ได้ เดี๋ยวข้าก็ลืมหรอก นังสำลี”



    เวลาหนึ่งทุ่มครึ่งที่หาดฝั่งหนึ่งของเกาะพงัน  บริเวณชายหาด ถูกตกแต่งไปด้วยไฟกระพริบหลากสี  และโต๊ะอาหาร ไม่ใหญ่มาก  ถูกจัดตกแต่งกลางชายหาด  ทุกคนอยุ่กันพร้อมหน้าพร้อมตา   จัดงานกันอย่างสังสรรค์   สแกนนั่งใกล้หัวโต๊ะ  และที่สำคัญนั่งตรงข้ามข้าวตูซะด้วย  แต่ข้าวตูแทบไม่สนใจแต่กลับมองไปยิ้มพุดคุยกับทาม เพื่อนหนุ่มของปาร์ตี้ที่นั่งเก้าอี้ตัวถัดไปแทนอย่างสบายอารมณ์   ทำเอาสแกนทนไม่ไหว กลัวอารมณ์จะเดือดขึ้นมาอีก  เลยลุกเดินออกไป

“อ้าวไอ้สแกน  ไปไหนวะ ” ใจเจ๋งที่กำลังย่างบาบีคิวอยู่หันมาถาม

“ไปที่ชอบที่ชอบหว่ะ ไอ้เจ๋ง อากาศตรงนี้ดูเบื่อๆ  ไปด้วยกันป่าว”

“พี่สแกน  ผมขอโทษนะที่ทำให้ที่ไม่สนุกกับงานเลี้ยงวันเกิดของผม”

“นั่นดิวะสแกน  พูดแรงไปป่าว” ใจเจ๋งสมทบปาร์ตี้  ตอนนี้สายตาทุกคนมองมาที่สแกนคนเดียว  แต่สแกนเอาแต่จ้องไปที่ข้าวตูอย่างเดียว

“พี่ขอโทษนะปาร์ตี้  พี่ไม่ได้ตั้งใจจะพูดไปแบบนั้นหรอก  พี่เหมือนถึงใครบางคนแถวนี้ พี่เบื่อเท่านั้นเองครับ”

       สแกนเอาแต่มองข้าวตูแล้วก็พุดออกมา ทำให้สายตาทุกคนเปลี่ยนจากมองเค้ากลับกลายเป็นว่าไปมองข้าวตูแทนซะงั้น

“ช่างเถอะปาร์ตี้ เค้าทำอะไรไปก็ไม่เคยจะต้องใจทุกครั้งแหละ  เราว่าวันเกิดปาร์ตี้คืนนี้สนุกมากๆเลยนะ”

           ข้าวตูยิ้มกลบกลื่น ความรู้สึกตัวเอง  แต่ติวาเกี๊ยวปลาเพื่อนของเค้าดูออกว่าข้าวตูไม่ค่อยจะไหวแล้วสแกนหมดความอดทนหันหลังเดินออกไปจากงานเลี้ยงนั้น

“เอ่อ ผมว่าไอ้สแกน มันคงจะไปเข้าห้องน้ำหน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก ผมเองก็ของตัวไปเข้าห้องน้ำด้วยนะครับ”  ติวาเพื่อนของ
สแกนที่อยู่คณะเดียวกันกับข้าวตูพูดขึ้นแล้วเดินตามสแกนไป

“ข้าวตู  มีเรื่องอะไรกันหรอ  ไม่เห็นจะบอกเราเลยนะเดี๋ยวนี้” ปาร์ตี้หันมาถามเพื่อนชายของเค้าที่เอาแต่ตักอาหารกินอย่างเดียว

“เอ่อ  ปาร์ตี้  คือ เรา  เอ่อ  คือ  ขอโทษทีนะ เราไม่ใช่ไม่อยากบอก แต่กลัวบอกไปแล้วนายจะรู้สึกแย่ตามเราไปป่าวๆ” ข้าวตูพุด
แบบที่ใจคิดจริงๆ

“ไอ้ข้าวตู  มันทะเลาะกับพี่สแกน แล้วก็โกรธที่เข้าดึงมันออกมาจากฐานวันรับน้องที่คณะ”

“ไม่เกี๊ยว ไม่ต้องเล่าแล้ว  ถ้าแกจะเล่าต่อนะ ฉันจะให้พี่ใจเจ๋งเอากุ้งยัดปากแกเลย ดีไหม”

“เออๆ  หยุดพุดแล้วก็ได้ ขอโทษที  ก็มันทนไม่ได้หนิไอ้ข้าวตู  โถ่เอ้ย   อ้าวนี่ๆๆ  ไอ้ใจเจ๊ง  มองอะไรฮะ”

“เปล่าครับ คุณชายเกี๊ยวปลา   ผมชื่อใจเจ๋ง ครับ ไม่ใช่ ใจเจ๊ง  เรียกให้มันถูกหน่อย”

“นี่แหละถูกแล้ว  ก็ใครบอกให้หน้าหม้อกับผู้หญิงหลายคนเองหนิ ให้ใจของแกมันเจ๊งๆไปแหละดีแล้ว”

“อ้าวๆๆ  พุดอย่างนี้แสดงว่าหึงฉันหล่ะสินะ ฮ่าๆๆๆๆ”

“ไอ้ใจเจ๊ง  สะใจหรอ ฮะ เอานี่ไปกินหน่อยเป็นไง ”  เกี๊ยวปลาเดินดุ่มๆเข้ามาที่จุดย่างบาบีคิวพร้อมกับ ขนมปังใส่นมข้นสด ยัด
ใส่ปากใจเจ๋ง แต่ก็เป็นวิธีที่เอาอยู่เลยทีเดียว เพราะตอนนี้เกิดอาการอึ้งทันที  ทุกคนที่เหลือในบริเวรนั้นตะลึงไม่นึกว่าเกี๊ยวปลา
จะกล้าแกล้งรุ่นพี่แบบนี้

“โอ  อ่า อำอ่างอี้เอยอ๋อ ( กล้าทำอย่างนี้เลยหรอ )” เสียงใจเจ๋งเล็ดลอดออกมาน้ำเสียงอู้อี้ๆๆ  ถึงแม้ขนมปังแผ่นใหญ่จะถูกยัด
เข้าปากไปแล้ว แต่ก็ไม่ทำให้เค้าเสียเค้าโครงความหล่อไปแม้แต่นิดเดียว  แต่ยิ่งเพิ่มความน่ารักให้กับเกี๊ยวปลาจนต้องเผลอยิ้ม
ไปโดยไม่รู้ตัว 

“ฮ่าๆๆ  ตลกจัง  ขนมปังฝีมือของผมอร่อยไหมครับไอ้พี่ใจเจ๊ง ฮ่าๆๆ”

“แหวะ  ไม่เห็นอร่อยเลย  มานี่  มาให้ทำคืนซะดีๆ”

“ใครอยู่ให้ทำคืนก็โง่แล้ว ฮ่าๆๆ  แน่จริงๆก็วิ่งตามมาสิครับ  เก่งนักไม่ใช่หรอ”

     ใจเจ๋ง ถูกท้าให้ไปอีกอย่างก็เป็นซานหงหรือเกี๊ยวปลาน้องชายที่น่ารักของเค้าอุดส่าห์ทำกับเค้าไว้แสบขนาดนี้ มีหรอจะไม่บ้าจี้ตามไปเอาคืน   แต่เกี๊ยวปลาเองจะรู้ไหมนะว่าคนที่กำลังวิ่งเอาขนมปังตามมาคือพี่ชายในอุดมคติอดีตของเค้าเอง  พี่ตี๋เล็ก  นั่นเอง   แต่มีหรอที่คนอย่างตี๋เล็กจะบอก  กะจะเอาเล่นให้คุ้มกับความแสบของเจ้าเกี๊ยวปลาซานหงน้อยคนนี้ดีกว่า   
        ทุกคนที่เหลือขำฮากับภาพที่เห็น สองคนวิ่งตามกันไปได้ยินแต่เสียงหัวเราะที่ทะเลตื้นเบื้องหน้า  แต่อีกมุมหนึ่งหลังทิวต้นมะพร้าวหลายสิบต้น  สแกนเดินมาหยุดจนถึงมุมมืดของที่นั่น  มีติวาเพื่อนที่ลงเรือลำเดียวกับเค้าแล้วอีกอย่างก็เป็นเพื่อนสนิทที่ช่วยเหลือความรักของสแกนที่มีต่อน้องรหัสของเค้าสุดความสามารถ

“ไอ้สแกน!”

“ไอ้ติวา   แกเห็นแล้วใช่ไหมว่าเค้าเกลียดฉันขนาดไหน  แกเห็นรึยังวะ”

“เฮ้ย ใจเย็นๆนะไอ้สแกน   เอามือไปทุบต้นมะพร้าวระบายอารมณ์มันไม่ช่วยอะไรหรอกนะเว้ย”

“ความเจ็บนี้มันไม่เทียบเท่ากับเจ็บที่ตรงนี้เว้ย ไอ้ติวา  บอกฉันทีจะทำยังไงดีวะ  สายตาของเค้าไม่เคยจะเปลี่ยนแปลง  สายตา
นั้นคาดโทษที่ฉันเผลอหลงทำผิดกับเค้าตลอดเวลา  มันเจ็บนะเว้ย”

“ฉันรู้เว้ยเพื่อน   ไม่เอาหน่ามันต้องมีทางแก้สักสันแหละหว่ะ  แต่มันต้องไม่ใช่วันนี้ไอ้สแกน  แกมีสติหน่อย  วันนี้วันเกิดเพื่อนน้องข้าวตูนะเว้ย  แกให้เกียรติเค้าหน่อย ยิ่งแกทำตัวก้าวร้าวใส่งานของเพื่อนเค้า เค้ายิ่งจะมองแกในแง่ลบไปอีกหลายเท่านะ
สแกน ”

“เออ  ขอบใจหว่ะติวา  ขอบใจที่เตือนสติ   แล้วไอ้เด็กสูงๆนั่นเป็นใครแกรู้ไหม”

“เพื่อนของปาร์ตี้ มั้ง  ฉันเองก็ไม่ค่อยจะรู้  เห็นเค้าแนะนำกันเป็นทางการไปแล้ว  แกอาจจะเสียแต้มวันนี้เว้ย  แต่มีวันใหม่ที่แก
จะล่าแต้มแซงขึ้นมาเชื่อสิ”

“ฉันไม่คิดจะแข่งกับไอ้เด็กทามนั่น  เพราะไอ้เด็กนั่นไม่มีดีอะไรที่จะมาเทียบฉันได้  ”

“เออๆ  แต่อย่าไปทำร้ายเด็กมันหล่ะ  เดี๋ยวข้าวตูมันรู้เดี๋ยวแกก็ซวยอีกไม่รู้กี่ซวยหรอก  อย่าทำแต้มให้ติดลบมากนะ เดี๋ยวจะตามล่ากลับคืนมาเป็นบวก มันจะยากเว้ยเพื่อน”

“ อืม เข้าใจแล้ว   กลับเข้างานเลี้ยงเถอะ  ออกมานานแบบนี้จะดูไม่ดี  ถ้าเป็นข้าวตูทีไรฉันงี่เง่าแบบนี้ตลอดเลยหว่ะ  ให้ตายสิ 
เกิดมาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย  แกเคยป่าววะ”

“เคยดิ  เคยมากกว่าแกหลายเท่า เพราะรักของฉันมันดุเดือดรุนแรง กว่าจะมีวันนี้ได้  ก็เหนื่อย แต่คุ้มหว่ะ  ส่วนอารมณ์ขึ้นๆลงๆ 
ผีเข้าผีออกแบบนี้เนี่ย ไม่แปลกหรอกสำหรับคนที่กำลังมีความรัก  แกกำลังหึงข้าวตูอยู่แกรู้ตัวเปล่าวะไอ้สแกน”

“ไม่รู้หว่ะ  แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย   ฉันต้อชนะไอ้เด็กที่ชื่อทามนั่นให้ได้  แล้วก็ต้องได้ใจของข้าวตูมาอย่างผู้ชนะในสนามรบ”

“ฉันเชื่อมั่นในใจแกเสมอเว้ยสแกน   ไปเถอะ นานๆเดี๋ยวเค้าจะสงสัย”

             สแกนเดินกลับเข้ามาถึงงานเลี้ยง  สายตาคู่แรกที่สแกนหันไปมองคือข้าวตู ซึ่งข้าวตูเองก็ไม่ได้สนใจมากหันมามองสแกนเพียงแปบเดียวก็หันกลับไปมองเพื่อนกับพี่สองคนที่วิ่งเล่นเอาขนมปังยัดใส่ปากอีกคนที่ทะเลอย่างขำๆ  ทำเอาสแกน
เสียใจอยู่ไม่น้อย

“อ้าวสแกน  เป็นไงมั่งวะ  ไปเข้าห้องน้ำซะนานเลย” โปเลย์รู้อยู่แก่ใจแต่ถามไปเพื่อกลบเกลื่อน กลัวว่าบรรยากาศของพวกเค้า
ทั้งสองคนจะกลับมาทำสงครามกันอีก

 “ฮ่าๆ  โทษทีหว่ะ ไอ้โปเลย์  พอดีห้องน้ำอยู่ไกลไปหน่อยเท่านั้นเอง” สแกนหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองทำให้ข้าวตู
แปลกใจแล้วหันกลับมามองอีกครั้ง

“โล่งใจแล้วหว่ะ  ไหนๆมีอะไรกินมั่งวะไอ้เลย์  ขอซักสามสี่ไม้ได้ป่าววะบาบีคิวอ่ะ แหม ไอ้แผนกนี้ก็วิ่งอยู่กับเกี๊ยวปลาอยู่นั่น
แหละ  ”

“ฮ่าๆ  ไม่เป็นไรๆ  ปล่อยให้เค้าได้สนุกบ้าง  วันนี้ปลดปล่อยเต็มที่” โปเลย์พูดพลางหยิบบาบิคิวสี่ไม้ใส่จานโฟมให้เพื่อน

“ขอบใจหว่ะ ”

                 ทุกอย่างวันนี้ก็เป็นไปอย่างที่คิดไว้  มีทั้งู่ที่มีความสุขและคู่ที่ยังคงกล้ำกลืนฝืนทนอยู่บ้าง และไม่นานทุกคนก็มาร่วมอวยพรวันเกิดให้กับปาร์ตี้ยกใหญ่ ด้วยเค้กขนาดใหญ่หนักหลายปอนด์  ทำเอาเจ้าของวันเกิดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่  แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปนอนเพราะ โปเลย์จองบ้านพักไว้ให้ก่อนหน้านี้แล้วคนละหลัง  ติวานอนกับทาม  เกี๊ยวปลานอนกับปาร์ตี้ที่เกาะ  แล้วมีโปเลย์กับใจเจ๋งในอยู่ใกล้บ้านพักแต่เป็นเรือนหลังเล็กว่าของปาร์ตี้กับเกี๊ยวปลา   ที่เหลือ สแกนกับ ข้าวตูเลยจำใจต้องนอนอยู่ที่บ้านพักของแสกนเองที่เกาะพงันเลย ไม่ต้องไปเกาะข้างๆที่อยู่ไม่ไกล ของโปเลย์ที่จองไว้แล้ว  ค่ำคืนนี้จะไปกันได้สวยรึเปล่านะ พระจันทร์เจ้าเอ๋ย กล่อมให้ทุกคนนอนหลับฝันดี ให้ข้าวตูยกโทษในสแกนทีเถอะ สงสารหนุ่มรูปหล่อหน้าดีดีคนนี้เถอะนะ


 :mew1: :mew2: :mew1: :mew2: :mew1: :mew2: :mew1: :mew2: :mew1: :mew2:



แนะนำตัวละครเพิ่มเติม

น้องสำลี   หลานสาวญาติทางแม่ของข้าวตู  อยู่บ้านใกล้ๆกันเพราะแม่ของสำลีเป็นพี่สาวของแม่ข้าวตูและบ้านอยู่ติดกันกับบ้านแม่กำนันข้าวตู   
  :mew3:


หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 9 up 11 10 56
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 11-10-2013 19:21:24
นี่แหละ รสชาดของชีวิต  o18

 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 9 up 11 10 56
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 11-10-2013 20:26:33
เฮ้อ
อ่านคู่นี้แล้วเหนื่อย
เมื่อไหร่จะเลิกอึมครึมกันซะที
เหอเหอ
สงสารทั้งคู่แล้วอ่ะ
คืนนี้มีลุ้น
ว่าจะคืนดีกันไหม
หรือว่าในห้องอุณหภูมิจะติดลบเหมือนอยู่ขั้วโลก
เหอเหอ
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 9 up 11 10 56
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 20-10-2013 23:01:03
ตอนที่ 10

            ...ในห้องพักเกือบจะแทบชิดชายหาดหลังนี้ที่ข้าวตูกับรุ่นพี่อย่างสแกนต้องอาศัยชายคาหลับนอนในค่ำคืนนี้  เงียบสนิท ไม่มีแม้แต่เสียงและคำพูดของทั้งสองคนที่จะเอ่ยสนทนาออกมาเลย มีเพียงแสงไฟจากโคมไฟที่ตั้งอยู่ข้างๆเตียงนอนเท่านั้น  และที่น่ารันทดใจมากสำหรับคนตัวเล็กก็คือเตียงนอนในห้องนี้มันเป็นเตียงเดี่ยว  และไม่ต้องเดาอะไรยากมากมายเค้าจะต้องนอนกับรุ่นพี่สุดเท่ห์มากเข้มคนนี้ทั้งคืนเป้นแน่
            สแกนเองหลังจากเลี่ยงความเงียบสงัดของชายร่างเล็กไปอยู่ที่บานหน้าต่าง มองดูดวงจันทร์ที่กำลังลอยเด่นส่องแสงอ่อนๆสีทองเข้ามาภายในพื้นกระเบื้องของห้องพัก  ตัวเค้าเองได้เอี่ยวตัวหันมามองคนตัวเล็กที่ยืนมองเตียงเดี่ยวตรงหน้าอย่างหนักใจแต่ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า   สแกนเองก็อึดอัดไม่น้อยเกรงว่าเจ้าตัวเล็กจะยังไม่หายโกรธแล้วก็จะเกลียดเค้ามากจนไม่อยากจะนอนด้วยละมั้ง

“ ถ้ารังเกียจมาก  ฉันสละขอไปนอนที่โซฟาตรงนั้นก็ได้นะข้าว ” สแกนเอามือที่ล้วงกระเป๋าด้านซ้ายอยู่แล้วชี้ออกไปข้างหน้า ถัดจากข้าวตูที่ยืนอยู่นั้นไปไม่กี่ก้าว

“ … ”  ข้าวตูไม่พูดอะไรนอกจากโถมตัวเข้าไปนอนที่เตียงนั้น ทางด้านที่ติดกับผนังของห้องน้ำ  ภาพที่เจ้าเล็กทำนั้นมันสร้างความกดดันให้สแกนไม่ใช่น้อย เค้าทำทุกอย่างแล้ว ทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็นอย่างเมื่อกี้ ไม่อาจทำให้ข้าวตูปริปากพูดคุยกับเค้าเลย 
           สำหรับเค้าแล้ว ไม่จำเป็นที่เจ้าตัวเล็กจะต้องปริปากบอกว่า ‘ ไม่เป็นไรนอนด้วยกันเตียงนี้แหละ ’ ก็ได้เพราะ ภาพที่เห็นคือข้าวตูเว้นเตียงอีกครึ่งไว้ให้เค้าแล้ว  แต่ที่เค้าต้องการตอนนี้ก็คือ  ช่วยให้เจ้าตัวเล็กพูดอะไรก็ได้สักอย่างกับเค้าทีเถอะ

“ข้าวตู  ฉัน…” สแกนอยากพูดคำคำนี้ที่แม้แต่ข้าวตูก็เคยได้ยินมามากแล้ว แต่เค้าก็ไม่เคบคิดจะเบื่อเพราะมันยังไม่สำเร็จนั่นก็คือ…. ‘ ขอโทษนะ ’

“ … ” ไร้การตอบรับจากเจ้าตัวเล็กที่นอนแผ่ราบยาวไปตามทิศทางของเตียงนอน สแกนเดินไปใกล้ๆแล้วนั่งทับเตียงที่ยังเหลือพื้นที่ว่างอยู่ครึ่งหนึ่ง  มือข้างซ้ายกำลังจะเอื้อมมือซ้ายไปเอาผมที่ปกตาเจ้าตัวเล็ก แต่กลับต้องชะงักมือเอาไว้ก่อน

“อย่าเอามือนั่นมาแตะผมโดยเด็ดขาด!” เสียงของข้าวตูที่นอนหลับอยู่นั้นเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่ราบเรียบ

“ จะคุยกันทั้งที ไหงฉันเองกลับโดนคำพูดของนายเล่นงานอีกแล้วนะข้าวตู ”

“ ฉันขอโทษนะ  ไม่ว่าจะนานสักแค่ไหน  หรือว่านายจะเบื่อสักแค่ไหน  ฉันก็จะพูดคำนี้ไปเรื่อยๆ เพราะมันเป็นคำเดียวจะเป็นตัว
แทนสื่อความผิดทั้งหมดที่ฉันทำได้ ”

“ ผมไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียดคุณ ” ข้าวตูพูดออกมาทั้งๆที่หลับตาอยู่

“…อะไรกัน  พูดเป็นเล่นไป  นายไม่ได้โกรธ ไม่เกลียดฉันจริงๆใช่ไหม  ฉันไม่ได้ฝันไปหรอกนะ”

“ เปล่าครับ คุณไม่ได้ฝันไปหรอก  เพราะนี่คือความจริง   เหตุผลเพราะผมไม่เคยรู้จักคุณเลยแม้แต่นิดเดียว  แล้วทำไมผมต้องโกรธ ต้องเกลียดคุณด้วยหล่ะครับ  คุณสแกน ”

“อืม…” สแกนขานรับแล้วพยักหน้านิดๆเหมือนเข้าใจ และหมดหนทาง “ ฉันเข้าใจแล้ว  ความสัมพันธ์ของฉันกับนายดูเหมือนฉันจะคิดไปเองคนเดียว  ขอโทษนะที่ต้องยัดเยียดความสัมพันธ์ของฉันให้นายแบกรับไว้ ทั้งๆที่… ” สแกนพูดมาถึงตอนนี้น้ำตาของชายหนุ่มผู้หล่อเหลาก็ไหลออกมา “ ทั้งๆที่  นายไม่ได้คิดเหมือนอย่างที่ฉันรู้สึก  ขอโทษอีกครั้งข้าวตู  ฉันเข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว  ฉันผิดเองที่ไปทำให้คนคนนึงที่เค้าเองก็ไม่ได้คิดเหมือนที่ฉันคิด ต้องมาเสียเพราะจูบแรกของฉัน  ขอโทษนะข้าวตู  ทนฟังฉันหน่อยนะ ฉันสัญญาว่านี่จะเป็นคำขอโทษครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ ”
          สแกนพูดจบก็เอามือสองข้างยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลไม่หยุดหย่อน  แล้วลุกจากเตียงออกไป มุ่งหน้าเดินออกจากประตูห้องพักที่แสนจะเงียบสงัด  ไปนั่งเล่าที่ชิงชังเล็กๆที่อยู่ชายหาด ฟังเสียงคลื่นซัดเข้าฝั่ง
         ภายห้องพักตอนนี้ เจ้าตัวน้อยได้ลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาเช่นกัน  เค้าไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้หัวใจของเค้ากำลังคิดอะไรอยู่และกำลังรู้สึกอย่างไร  แต่ตอนนี้เค้าแย่เอามากๆ ที่ได้ฟังคำพูดของรุ่นพี่สุดหล่อเมื่อกี้ไป  ร่างบางๆนั้นกำลังเสียใจ  หรือกำลังดีใจ ไม่สามารถบอกได้ถูก  ไม่ทันที่เค้าจะได้คิดทบทวนอะไรข้างนอกก็ดูเหมือนฝนกำลังจะตก  เสียงท้องฟ้าครามราม ดังกึกก้อง  ไม่นานนักเม็ดฝนจำนวนนับไม่ถ้วนก็ดิ่งตัวลงมาสู่พื้นโลกอย่างบ้าคลั่ง
             เพียงเพราะว่าพายุฝนได้ตกหนักมากขนาดนี้ ประจวบกับรุ่นพี่สุดหล่อคนเมื่อกี้ยังไม่เห็นมีวี่แววว่าจะกลับเข้ามาในบ้านพัก   ทำให้ข้าวตูสีหน้าถอดสี  ใครจะไปคิดว่าคนที่ตัวใหญ่กว่าเค้าจะไปเล่น MV พระเอกกลางสายฝนแบบนี้

“ ฝนตกหนักขนาดนี้  ทำไมยังไม่เข้ามาอีกนะ  เดี๋ยวก็เป็นหวัดกันพอดี”
        เด็กหนุ่มพูดออกมาโดยไม่รู้ตัวเลยว่า ตัวเองกำลังแสดงความเป็นห่วงรุ่นพี่อย่างแสกน  ถ้าหากเค้าวิ่งเอาร่มสักคันออกไปจากห้องพัก ไปตามหาพี่สแกนคนนั้นจริง มันก็ยิ่งจะดูขัดแย้งเอามากๆ กับคำพุดที่เหน็บแนมไร้เยื่อใย เมื่อครู่ไป  แต่ในเวลานี้แล้ว ไม่มีอะไรที่ข้าวตูจะทนใจดำผิดมนุษย์ไม่ไปช่วยพารุ่นพี่กลับบ้านพัก
      สแกนในตอนนี้ยังนั่งอยู่บนชิงช้า หัวพิงกับเชือกที่ร้อยชิงชังเอาไว้กับกิ่งไม้ใหญ่ด้านบน  กำลังนั่งให้เม็ดฝนถาโถมเข้าในตัว จนเปียกปอนไปหมด  ข้าวตูที่เดินออกตามหาสแกนด้วยความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัดเจนมันทำให้เจ้าร่างเล็กเห็นสภาพสแกนแล้ว อยากจะเข้าไปต่อว่าที่ทำตัวงี่เง่าได้ขนาดนี้

“มานั่งอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวก็เป็นหวัดเอานะครับ  เอ่อ…คุณสแกน” เจ้าตัวเล็กตะโกนออกไปแข่งกับเสียงฝนที่ตกลงมากระหน่ำไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ

“ … ” ไร้เสียงการขานรับของอีกฝ่าย ทำให้ข้าวตูหนักใจเข้าไปอีก  รีบเดินจ้ำอ้าวไปที่ต้นไม้ชิงชังเบื้องหน้า แล้วเอาร่มที่ใหญ่พอดีสองคนไปกางให้  ทำเอารุ่นพี่หันหน้าขึ้นมาทางด้านบนแล้วหันไปมองด้านข้างเค้า

“ ข้าวตู  ออกมาหาพี่ด้วยหรอ ”  เสียงที่แผ่วเบาแต่ข้าวตูพอที่จะได้ยิน เห็นแล้วรุ่นพี่ดูน่าสงสารเอามากๆ สีหน้าที่เปียกฝนกับดวงตาที่แดงก่ำเหมือนคนเพิ่งจะร้องไห้ไป

“ บ้าชะมัดเนาะ  สร้างเรื่องให้กับนายไปเยอะขนาดนั้น ก็ยังไม่วายที่จะให้นายคอยมาตามกลับไปบ้านพักแบบนี้อีก  ฉันมันคนไม่
เอาไหนเลยจริงๆ  ”  ข้าวตูพุดตอกเย้าตัวเอง เค้าพูดทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะไปพร้อมๆกัน   

“ พอทีเถอะครับ  อย่าทำตัวเองแบบนี้ คนอื่นๆเค้าจะเป็นห่วงเอานะครับ  กลับบ้านพักเถอะครับ ”

      ข้าวตูบอกเหตุผลออกไปพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มจะคลอเบ้าแล้ว  ภาพตรงหน้าเค้านี้เป็นชายหนุ่มที่เพิ่งจะโดนหักอกมา  แต่ที่เค้ากำลังปวดใจอยู่ตอนนี้ก็คือ เค้าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดภาพเบื้องหน้านี้ขึ้นมา เค้าหักอักพี่สแกน  รุ่นพี่ที่รักเค้ามากมาย  มากมายเสียจนเค้าเห็นแล้วว่ามันขนาดไหน

“ ปล่อยฉันไปเถอะนะ  ยิ่งนายทำแบบนี้ ฉันเองก็ยิ่งทำใจยากมากขึ้นเท่านั้น  ข้าวตูได้โปรด อย่าให้ฉันทนทุกข์ไปมากกว่านี้   
กลับไปบ้านพักซะ แล้วฉันจะตามไปทีหลัง ”

“ ทำไมครับ  ทำมพี่ทำตัวแบบนี้  รู้ไหมว่าผม… ” ข้าวตูเว้นช่องว่างไว้ก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป

“ ผมเป็นห่วงพี่  ห่วงรุ่นพี่คนนี้  พี่ชายของผม ”

“นั่นสินะ  ฉันมันเป็นเพียงแค่พี่ชายที่ไม่เอาไหน ”  ชายหนุ่มตรงหน้ายังคงมีปฏิกิริยาเช่นเดิม  ทำให้ข้าวตูหมดหนทาง  คำที่เค้าไม่อยากพูด แต่ก็ต้องพูด  และถึงแม้ตอนนี้เค้าจะยังไม่มันใจก็ตามที

“ ถ้าพี่ทำตัวแบบนี้ คนที่พี่รักเค้าจะรู้สึกยังไง! ” ได้ผล  สแกนหันหน้าขึ้นมามองเจ้าร่างเล็กอีกครั้ง  พร้อมกับคำพูดที่เค้าเพิ่งได้
ยินเมื่อกี้  มันแทบจะทำให้เค้าไม่อยากจะเชื่อ

“ข้าวตู!  รู้ไหมว่าพูดอะไรออกมา   หลอกฉันเล่นแบบนี้  ฉันขอเถอะ ฉันไม่อยากเจ็บอีกแล้ว  อย่าได้พูดออกมาแบบนั้นอีก เพียง
เพราะอยากให้ฉันกลับเข้าบ้านพัก”

“ถ้าคิดว่าที่ผมพูดไปเพียงเพราะเหตุผลที่พี่เอ่ยอ้าง  ผมคงไม่มีอะไรจะพูด  เสียแรงที่ผมรักพี่”

     ข้าวตูพูดจบก็หันตัวเดินกลับ  แต่สแกนที่นั่งฟังอยู่เมื่อครู่ รีบลุกขึ้นจากชิงช้าวิ่งเข้าสวมกอดร่างบ่างจากทางด้านหลังเอาไว้แน่น  ข้าวตูยืนอึ้งกับสิ่งที่สแกนทำ  ทั้งสองน้ำตาไหลพราก อย่างกับจะต้องเสียคนรักไปตลอดกาล

“ข้าวตู  พี่รักข้าวตูนะ  รักมากด้วย รักจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้วรู้ไหมครับ ” ร่างสูงเอาแก้มว้ายอิงหัวเจ้าตัวเล็กที่อยู่ถัดลงไปด้าน
ล่าง มือทั้งสองกอดแล้วประสานนิ้มทั้งสิบไว้แน่น เหมือนกลัวว่าคนที่เค้ากอดอยู่กำลังจะหนีเค้าไปอย่างไม่มีวันกลับ

“ผมรู้ครับ รู้อย่างลึกซึ้ง  พี่สแกน  ผมขอโทษ”

“ไม่ๆ ข้าวตูไม่ผิด พี่เองที่ผิด  พี่ขอโทษ”

“กลับกันเถอะนะ  เดี๋ยวพี่เป็นหวัดจะไม่ดีเอา  ”

“ไม่  พี่ไม่ไปไหนทั้งนั้น  ข้าวตูยกโทษให้พี่ด้วยนะ  พี่จะไม่ทำสุ่มสี่สุ่มห้าอีกแล้วนะ ได้โปรดเถอะนะครับ”

“ผมให้อภัยพี่ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วครับ  คนรักของผม”

“ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณที่ได้บันดาลให้ ข้าวตูเห็นใจผม  ขอบคุณ ขอบคุณ”

          สแกนตะโกนขึ้นไปบนฟากฟ้าพร้อมกับยิ้มทีเผยออกมา ด้วยอารมณ์ที่ดีใจสุดๆ ก่อนจะเดินเข้าสู่บ้านพักด้วยกันทั้งสองคน   

“ พี่สแกนรอตรงนี้นะครับ เดี๋ยวผมไปเอาผ้ามาเช็ดผมเช็ดตัวให้ ”

“เดี๋ยวสิข้าวตู!”  สแกนเอื้อมมือมาจับแขนของข้าวตูไว้ ทำให้เจ้าตัวเล็กหันมามอง  แล้วส่งยิ้มให้เค้าหนึ่งที

“ขอบคุณนะครับ”

“เรื่องอะไรครับ” เจ้าตัวเล็กแสร้งถามอย่างงุนงง  สร้างความกระวนกระวายให้กับร่างใหญ่อยู่ไม่น้อย

“ทุกเรื่องที่พี่ทำเอาไว้ กับ นาย คนรักของพี่”

“ไม่รู้ไม่ชี้  ผมไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้พี่เลยดีกว่า  ส่วนเสื้อผ้าที่เปียกๆอยู่นี่ก็…” ข้าวตูยืนมองสแกนนิ่งชั่วครู่ก่อนจะยิ้มออกมาได้

“เสื้อที่เปียกชุ่ม  พี่ถอดไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวผมจะเอาไปตากให้เมื่อฝนหยุดตก”

“ถอดไว้ตรงนี้เลยหรอ  งั้นพี่ไม่เกรงใจแล้วนะ”

            ข้าวตูเดินไปหยิบเอาผ้าเช็ดตัวที่อยู่บนตู้เสื้อผ้าไม่สูงมากนัก แล้วเดินกลับมาก็พบกับตัวประหลาดที่ตอนนี้ล่อนจ่อนไม่เหลือสักชิ้นยกเว้นกางเกงลิงตัวเดียวเท่านั้น

“พี่สแกน นี่ครับผ้าเช็ดตัว  ผมเอามาให้สองผืน ผืนนี้เช็ดหัว ผืนนี้เช็ดตัวนะครับ ”

“นี่ ข้าวตู  เช็ดให้พี่หน่อยนะครับ ”

“อะไรกันครับ  โตแล้วนะครับ เช็ดเองน่าจะเหมาะกว่า ”

“แต่เราเป็นคนรักกันนะ  ทำให้หน่อยสิ ได้ไหมครับ พี่ขอร้องหล่ะ”

“ใครว่าคนรักกันครับ  พี่พูดเองเออเองเสียมากกว่า”

“นั่นสินะ  พี่ว่าแล้วพี่คงจะคิดไปเองจริงๆ”  เจ้าตัวสูงพูดเสร็จก็เอี่ยวตัวหันออกไปนอกหน้าต่างแล้วกั้นหัวเราะ อมยิ้มเอาไว้  ทำ
ให้เจ้าตัวเล็กที่อยู่ด้านหลังเค้าตอนนี้เริ่มจะเครียดอีกแล้ว

“พี่สแกน ไม่เอาน่า ผมขอโทษ  มาๆนั่งลงตรงนี้นะผมจะเช็ดให้” 

                ได้ผลเจ้าตัวเล็ก ยอมสแกนคนนี้เป้นครั้งแรก สร้างความสนุกให้กับเค้าได้มากเลยทีเดียว จนแทบจะลืมเรื่องเสียใจของเค้าที่สุดในชีวิตเมื่อครู่เสียด้วยซ้ำ

“น่ารักจัง คนรักของฉัน”  คำพูดที่ยอออกมาจากใจ ทำให้แก้มของข้าวตูเริ่มเปลี่ยนสีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดมันยิ่งจะทำให้สแกนนั้นรักและหลงในความเป็นธรรมชาติของสแกนมากขึ้น  ไม่นึกมาก่อนว่าคนอย่างเค้าจะได้เจอคนที่ใช่ในตอนนี้  ที่ผ่านมาผู้หญิงหลายคนเข้ามาพัวพันเค้าเพียงเพราะหวังอย่างเดียวคือเงินทองที่เค้ามีเท่านั้น ส่วนเรื่องหน้าตาพวกคุณเธอเพียงแค่อยากได้เพียงข้ามคืนไปก็เท่านั้น  ต่างจากเด็กหนุ่มตัวเล็กเบื้องหน้าเค้าคนนี้ที่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น  มันทำให้หัวใจของสแกนคนนี้มีชีวิตชีวามากขึ้น  และคิดว่าคนนี้แหละที่เขาจะขอไว้เป็นคนสุดท้ายของหัวใจ

            ฝ่ายทางเจ้าตัวเล็กที่เร่งฝีมือเช็ดหัวอย่างละเมียดละไม ก็ยังไมหยุดที่จะแก้มแดงระเรื่อ  มันยิ่งทำให้สแกนเองแทบหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ  แต่โดยรวมแล้ว เค้าไม่ขออะไรมาก ขอแค่ข้าวตูไม่โกรธเค้า และให้อภัยเค้าก็พอ  แต่ตอนนี้กลับเป็นต่อ เพราะ เค้าได้รู้ด้วยว่าจริงๆแล้วข้าวตูก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับที่เค้ารู้สึก




            ผ่านไปไวเหมือนโกหก  สิ้นสุดวันแห่งการสอบไฟนอลเทอมที่ 1 ของเด็กปีหนึ่งอย่างข้าวตูเกี๊ยวปลาและปาร์ตี้  ทุกคนกำลังวิ่งวุ่นอยู่กับการจัดเอาข้าวของกลับบ้านในวันพรุ่งนี้อย่างเอาเป็นเอาตายก็ว่าได้  โดยเฉพาะเกี๊ยวปลา ได้ข่าวว่าบ้านอยู่แค่เยาวราชทำไมถึงได้แพคกระเป๋าเดินทางถึง 2 3 กระเป๋านี่กะจะย้ายหอไปอยู่บ้านที่เยาวราชเลยหรือไงกัน

“นี่ๆ ไอ้เกี๊ยว ถามแกจริงๆจากใจเถอะนะ  นี่แกแพคเก็บของไปมากมายขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าแกจะกลับบ้าน  ฉันว่าแกจะย้ายหอแน่ๆเลย” ข้าวตูบ่นเมื่อเห็นกระเป๋าเสื้อผ้ากองไว้ที่เตียงนอนของเค้าเอง

“บ้าสิ ไอ้ข้าว  ที่ฉันแพคของเยอะๆเนี่ยนะ ไม่ใช่เพาะฉันจะกลับเยาวราช บ้านฉันอีกที่อยู่สุพรรณบุรี พ่อแม่ฉันรออยู่ที่บ้านโน่น ปิดเทอมนี้ ฉันไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว เหตุผลพอไหมเพื่อนรัก”

               คำตอบที่ได้มา ข้าวตูยิ้มรับให้แล้วยักไหล่เหมือนกับว่า  ‘ก็โอเคนะสำหรับคำตอบ’ ปาร์ตี้ที่เก็บของเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาช่วยเกี๊ยวปลาแพคของที่เหลือ

“มา ฉันช่วยนะเพื่อน ไปต่างประเทศครั้งนี้ อย่าลืมของฝากเชียวนะ อุย!”

          ไม่ทันที่จะพุดจบ ปาร์ตี้ที่มีความซุ่มซ่าน เปิ่นอยู่ในตัวอยู่แล้ว  ก็เผลอทำกระปุกออมสินรูปหมีแพนด้าสุดรักสุดหวงตกลงพื้นดิน เสียงดัง ‘เพล้ง’ ทำให้เจ้าตัวพุดขอโทษแทบไม่ทัน แถมทำหน้าทำตาแบบคนสำนึกผิดเอามากๆ  ทำให้เกี๊ยวปลาส่ายหน้าก่อนจะเดินมาตบไหล่เพื่อนแว่นแดงเบาๆ เพื่อเรียกสติ แล้วยิ้มให้พร้อมกับก้มลงไปหยิบกระปุกออมสินนั้นขึ้นมาชูต่อหน้าปาร์ตี้ว่า มันปลอดภัยไม่ต้องกลัวว่ามันจะตกแตกหรอกนะ

“มันเป็นพลาสติก  กลัวว่ามันจะตกแตกใส่พื้นสินะเพื่อนรักแว่นแดง  คราวหลังระวังก็แล้วกัน ดีนะที่ไม่ใช่พวกแก้ว เซรามิคที่หล่น
แล้วแตกได้  ของพวกนั้นฉันเก็บก่อนหน้านี้แล้วเพื่อน”

“ขอโทษทีนะ ฉันไม่ทันระวัง”  ปาร์ตี้ขยับแว่นแดงให้เข้ารูปอีกครั้ง

“เอ่อ  ขอโทษทีนะ ที่ขัดจังหวะคือแบบว่า  อีตายอร์ช สุดหล่อนั่นรอนายอยู่ข้างล่างหอหน่ะ ปาร์ตี้ยังไงก็ไปหาเค้าหน่อยแล้วกัน”

           เสียงนุ่มหู ของคนที่สูงเกือบ 190 อย่างทาม ที่เดินเข้ามาในห้องพักเมื่อครู่ ทำให้ทุกคนยิ้มให้  แต่การที่เค้าปรากฏตัว
พร้อมกับบอกข่าวว่ามีชายคนนั้นรออยู่ก็ทำให้เกี๊ยวปลากับข้าวตูเบ้ปากไปทันที

“ไปหามันเถอะปาร์ตี้ อย่าให้หมาหง่อย” เกี๊ยวปลาพุดกับเพื่อนแบบปัดๆขอไปที แล้วลงมือก้มเก็บข้าวของต่อ

“เค้ามารอนานแล้วหรอ ทาม” หนุ่มแว่นแดงถามเพื่อนสนิทที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่นานนัก

“ก็…ไม่รู้สินะ  ฉันเดินมาถึงหอนี้ก็เห็นตาหมอนั่นนั่งพิงรถรอนายอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว  จะว่าไปก็แปลก ทำไมไม่โทรหานายนะ”

“ฉันบอกเค้าเองแหละว่าช่วงการสอบไม่ต้องโทรมา เพราะกลัวว่าโทรศัพท์จะดัง ถึงแม้ว่าฉันจะบังเครื่องแล้วก็ตามที  แต่ก็กังวลเหมือนเดิม  นี่เค้าคงรอนานมากแล้ว ฉันขอลงไปหานิดเดียวเองนะ”

            เพื่อนๆก็ทำหน้าเอือมๆเจ้าหมอนั่นที่ยังทำหน้าที่เกาะแกะ อยู่ตลอดทั้งเทอมแบบ ยอร์ช  พวกเค้าที่เป็นเพื่อนก็อ่อนใจไม่แพ้เพื่อนแว่นแดงของพวกเค้าเสียเท่าไหร่นัก  ให้ตายสิ อึดอดทนอะไรขนาดนี้นะ

“คุณยอร์ช!”  เสียงเรียกของปาร์ตี้ทำเอาหนุ่มร่างสูงที่กำลังมองที่พื้นดิน เงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของต้นเสียงทันที

“ปาร์ตี้ พี่ดีใจจังที่นายลงมาได้  พี่ไม่กล้าโทรไปกลัวว่าจะรบกวน เลยขอรออยู่ตรงนี้  จะได้กลับบ้านแล้วใช่ไหม  ดีใจด้วยนะ  แล้วนี่ทำข้อสอบได้รึเปล่า”

         ตั้งแต่หลังจากกลับมาจากไปฉลองวันเกิดเค้าที่เกาะพงัน  พอรู้ว่าพี่โปเลย์ทำแต้มไปก่อน ทำให้เจ้าตัวร้อนรนใจ รีบทำ
แต้มให้เสมอทัดเทียมด้วยการมาคอยเป็นห่วงคอยเอาใจใส่ปาร์ตี้แทบจะทุกวัน วันละ 10 โมงเลยก็ว่าได้  แต่เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจปาร์ตี้ก็น้อมรับไว้เพื่อถนอมน้ำใจรุ่นพี่คนนี้  ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เค้าเคยแนะนำและต่อรองกับหนุ่มคนนี้มาแล้ว แต่รุ่นพี่เค้าดื้อเสียจนปาร์ตี้ต้องปล่อยเลยตามเลย     

“ก็ข้อสอบพอจะทำได้อยู่นะครับ แต่ก็มีบางรายวิชาที่ไม่ค่อยจะได้เท่าไหร่ แต่ผมก็เต็มที่แล้ว  แล้วพี่ยอร์ช หล่ะครับ   ทำได้รึเปล่า ”

“ก็พอทำได้ครับ อย่าถือสาอะไรพี่นักเลย เรียนก้ไม่ใช่จะเรียน นี่เป้นเพราะปาร์ตี้ห่วงพี่หรอก พี่เลยทำตามคำขอร้อง ตั้งใจเรียน”

“ไม่หรอกครับ  พี่ทำเพื่อตัวเองสิถึงจะถูก การที่พี่ตั้งใจเรียนนั้นผมว่าพี่จะต้องมีความสุขและได้เห็นถึงความสำเร็จที่พี่ได้ตั้งใจทำ
ไป  อย่างน้อยๆก็ตัวพี่เองที่ภูมิใจ”

“หึ  ไม่หรอก พี่ไม่สนใจของแบบนั้นอยู่แล้วครับ  พี่ทำตามที่ปาร์ตี้พูดต่างหากหล่ะ ถ้าให้พี่สละการเรียนตอนนี้ก็ทำได้เลย เพราะ
พี่ไม่ชอบอยู่แล้ว  แต่เพราะมีปาร์ตี้คอยให้กำลังใจชี้นำพี่ พี่ถึงได้มายืนจุดนี้ยังไงหล่ะครับ  เอ่อ…ขอโทษทีนะที่พร่ามยาว  ที่พี่มา
รอปาร์ตี้วันนี้พี่ว่าจะขอพาปาร์ตี้ไปเลี้ยงข้าวเย็นซักมื้อนึง  เพื่อฉลองการสอบเสร็จและได้กลับบ้านของปาร์ตี้ เป็นไงเข้าท่า
ไหม  ”

“เอ่อ… คือพอดีว่าผม… ตอนเย็นพี่โปเลย์เค้าจะพาไป…”

“ไม่ได้!”

          ไม่ทันที่แว่นแดงจะพุดจบก็โดน เจ้ายอร์ช ตะโกนออกมาอย่างไม่ทันระวังตัว ทำเอาคนตัวเล็กที่อยู่เบื้องหน้าสะดุ้งดหย่งเลยทีเดียว   สติของเค้าค่อยกลับมาอีกครั้งหนี่งแววตาที่อิจฉาและไม่อยากได้ยินชื่อของ โปเลย์ ที่กำลังลุกพร่านในดวงตา ก็กลับมาเป็นแววตาที่อ่อนข้อลงเหมือนเดิม

“ขอโทษทีนะ พี่เสียอารมณ์เร็วไปหน่อย ไม่อยากให้ชื่อเจ้าโปเลย์นั่นมากระทบใส่หูของพี่เท่านั้นเอง  ไปเคลียร์กับมันให้ได้นะครับ  พี่ยอร์ชสุดหล่อคนนี้จะรอ  ไว้เจอกันตอนเย็น พี่จะมารับที่หอจะครับ  แต่งชุดน่ารักๆสไตล์น้องปาร์ตี้ไว้เลยนะครับ  ไปแล้ว บ้ายบาย”
        ปาร์ตี้คอยร่างหนาที่กำลังเดินขึ้นรถพร้อมกับโบกมือยิ้มให้เจื่อนๆก่อนจะกลุ้มใจอีกครั้ง ทำไงดีในเมื่อพี่โปเลย์ก็จะชวนไปโรงแรมริมเจ้าพระยาแล้วเค้าก็รับปากแล้วด้วย ส่วนอีกคนก็ตื้อไม่เลยเลย  เค้าจะเอายังไงหล่ะทีนี้  ไม่ทันที่จะได้วิเคราะห์อะไร  มือที่กระทบไหล่ปลอบใจจากข้างหลังทำให้ปาร์ตี้หันกลับไปมอง

“เรื่องทั้งหมดแนได้ยินแล้ว  บอกเจ้ายอร์ชนั่นซะ  แล้วไปตามสัญญาพี่โปเลย์  ครั้งนี้ไม่ใช่ความเห็นส่วนตัวของฉันที่ไม่ชอบขี้หน้าเจ้ายอร์ชหรอกนะปาร์ตี้  แต่ฉันพุดในฐานะเพื่อนที่รู้ว่าอะไรสมควรและอะไรไม่สมควร  นายรับปากพี่โปเลย์ไว้เป็นคนแรกนายรู้ดีไอ้แว่นแดงว่านายจะทำยังไงต่อไป”

             สิ้นเสียงของเพื่อนสนิทร่างสูงหล่อเข้ม หุ่นนักบาสอย่างทาม ที่นานๆจะลดทิฐิลงได้  ทำให้ปาร์ตี้ยิ้มออกมา สำหรับคำปรึกษาที่เข้าใจเค้าเป็นอย่างดีสมกับเป็นเพื่อนสนิท

“ไปเถอะ ไปรอเปลี่ยนชุด อาบน้ำตามสัญญาของพี่โปเลย์ ส่วนเจ้ายอร์ชอะไรนั่น ฉันกับเพื่อนๆที่เหลือจะจัดการเองเมื่อเค้ามาถึง”

             โปเลย์ยิ้มให้เหมือนกับจะบอกว่าขอบใจนะ แล้วเดินขึ้นไปบนหอพัก ทามได้แต่มองตามเพื่อนตัวเล็กตามหลังขึ้นไป  แล้วยิ้มส่ายหัว ถ้าเค้าเป็นปาร์ตี้ซะเอง เค้าก็คงจะหนักใจไม่น้อยเลยทีเดียว



 :L2: :3123: :L1: :L2: :3123: :L1: :3123: :L1:


หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 10 up 20 10 56
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 21-10-2013 20:20:02
สุขสมหวังไปแล้ว 1 คู่  :mew1:

 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 10 up 20 10 56
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 22-10-2013 13:20:07
มาต่อแล้วนะคับ  วันเวลาใกล้ร่นเข้ามาแล้วสิ ^^

ตอนที่ 11
       
         

 :L2: :L2: :L2:   ณ สวนหย่อมสไตล์สวีเดน ขนาดเล็กๆ ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์  มาดเท่ห์นั่งหลับตาพริ้มเหมือนกำลังอยู่ในห้วงของการผ่อนคลายหลังจากได้สอบผ่านพ้นเทอม 1 ของปี 3 เสียที  ที่ศาลานั่งพักกลางสวนแห่งนี้ในโครงสร้างและรูปแบบที่ลงตัว  ไม่นานนักนมแจ่มได้เดินเข้ามาขัดจังหวะการพักผ่อนของชายด้านหน้าอย่างไม่เกรงกลัวว่าจะโดนต่อว่าสำหรับการมาเยือน  ชายตรงหน้านี้ที่กำลังเพลิดเพลินและผ่อนคลายอย่างเต็มกำลังก็ตามแต่ 

“ขอโทษนะคะ คุณหนู   ใกล้เวลาที่นัดกับเด็กหนุ่มคนนั้นแล้วไม่ใช่หรือคะ  ไม่รีบไประวังเด็กหนุ่มคนนั้นจะรอเก้อเสียแล้วกระมัง”  หญิงวัยกลางคนพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่ตั้งใจจะมาเตือนชายคนด้านหน้า
              โปเลย์ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆเหมือนกับว่าดวงตาของเค้ายังไม่พร้อมที่จะสู้แสงแดด  พลางเอามือซ้ายขยี้ตาเบาๆ  ก่อนจะหันไปมองนมแจ่มที่เข้ามาเตือน

“ขอบคุณนะครับ นมแจ่ม ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”   ชายร่างสูงขานรับ เหมือนกับเด็กที่กำลังโดนผู้ใหญ่วานให้ทำอะไรให้สักอย่างหนึ่ง

“ อย่าไปทำวีรกรรมอะไรที่มัน พิเรนๆ แบบเมื่อครั้งก่อนเป็นอันขาดนะคะ  ครั้งนี้นมแจ่มจะไม่ยอมคุณหนูอีกแล้ว  ”  หญิงตรงหน้าบอกเค้าทุกครั้งตั้งแต่เมื่อเค้าได้วางแผนบ้าๆอะไรนั่นไปครั้งหนึ่งแล้ว  เธอเองคงไม่อยากให้เกิดขึ้นมาอีกก็เท่านั้นเองแหละนะ

“ตกลงครับ ไม่จะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว  อีกอย่างตอนนั้นมันเป็นข้อผิดพลาดหนิครับ  ” ดปเลย์ตอบหญิงคนนั้นไป

“รู้ว่าผิดพลาดก็ต้องแก้ไขนะคะคุณหนู” นมแจ่มตอบแบบเหนื่อยใจ

“โอเคๆ  ผมจะไม่ทำอีกแล้ว ผมไปแล้วนะครับนม  ประมาณ 3 4 ทุ่มผมคงจะกลับ   อ้อไม่ต้องรอเปิดประตูให้ผมนะครับ เดี๋ยวผมเปิดเอง”

“เอาอย่างนั้นหรอคะ  ก็ได้ค่ะ  ขับรถระวังด้วยนะคะ   รถคันนี้คุณพ่อของคุณหนูหวงมาก และนี่ก็เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่มอบให้เมื่อวันเกิด 2 ปีที่แล้วเชียวนะคะ”

            นมแจ่มดูเหมือนจะห่วงเค้ามากแต่เมื่อพูดถึงเจ้ารถบ้าราคาทะลุฟ้าคันนั้นดูเหมือนนมแจ่มจะหวงกว่าเสียด้วยซ้ำไป  โปเลย์มองไปรถ ที่จอดหน้าบ้านเอาไว้ พร้อมที่จะใช้งานแล้วก็ถอนหายใจเบาๆพร้อมกับยิ้มให้หญิงวัยกลางคนคนนี้

“ครับผม  ผมจะขับให้ระวังนะครับนมแจ่ม รถเฉียด 60 ล้านคันนี้  ถ้าไม่จำเป็นอะไรนัก ผมก็ไม่อยากจะแตะมันเสียด้วยซ้ำไป ฮ่าๆ  ”

“แสดงว่าครั้งนี้จำเป็นสินะคะ  ”  นมแจ่มพูดหยอดโปเลย์  ทำเอาเจ้าตัวหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยกมือขึ้นมาเกาคางแก้เก้อเอาไว้

“ไม่เอาแล้ว ผมว่าผมรีบไปหาปาร์ตี้ดีกว่า สวัสดีครับนมแจ่ม”

“เดินทาง ขับรถระวังด้วยนะคะ” ถึงอย่างนั้นนมแจ่มก็ไม่วายจะเป็นห่วงพร้อมบอกให้ขับรถระวังอีกทีหนึ่ง ซึ่งเจ้าร่างสูงคมเข้มคนนั้น ก็ได้แต่หันกลับมายกมือให้เหมือนกับจะบอกว่า ‘ รับทราบแล้วครับ ’

“เด็กหนุ่มคนนั้น  ทำยังไงถึงได้ทำให้คุณหนูหลงได้ถึงขนาดนี้  หวังว่านมแจ่มจะชอบตามคุณหนูไปด้วยนะคะ ”  นมแจ่มได้แต่มองส่งโปเลย์ที่ตอนนี้ไม่เห็นแม้แต่เรือนร่างของหนุ่มสุดหล่อคนนั้นเลย



            ที่หอพักในมหาวิทยาลัย ระบุไปเลยว่าเป็นห้องพักของข้าวตูและเกี๊ยวปลากำลังลุกร้อนเป็นไฟ หลังจากที่หนุ่มลูกครึ่งเยอรมันอย่างยอร์ช เดินทางมาถึงหอตามที่นัดแนะไว้กับหนุ่มน้อยแว่นแดง  แต่พอมาถึงกลับกลายเป็นว่าได้คำตอบที่ไม่เข้าหู ทำให้เค้าอาละวาดอย่างหนัก แต่หาได้ทำให้ทั้งทาม เกี๊ยวปลาและข้าวตูหวาดกลัวแม้แต่น้อย แต่กำลังมองเค้าในฐานะคนอื่นที่กำลังบุกรุกอาละวาดข้าวของในห้อง อย่างกับคนบ้าก็ไม่ปาน

“เป็นไปได้ยังไง ก็ฉันนัดไว้แล้ว ทำไมถึงเป็นแบบนี้!” ยอร์ชโมโห ตะโกนลั่นห้อง

“นี่คุณ  จะอาละวาดก็ไปอาละวาดที่อื่น แต่ต้องไม่ใช่ห้องฉัน  แหกตาดูซิว่าห้องฉันไม่ต่างอะไรกับห้องรังหนูแล้ว!” เกี๊ยวปลาตะโกนออกมาบ้าง  ทำให้เจ้าคนที่กำลังเดือดอยู่นั้นหันหน้ามามองอย่างจะขูดเลือดขูดเนื้อ

“หุบปาก!  พวกแกนี่มันไม่ได้เรื่อง  เห็นเจ้าโปเลย์มาตัดหน้าฉัน ทำไมไม่เตือนมันไป  อย่างนี้มันก็ทำแต้มไปอีกครั้งหนึ่งแล้วสิ
โถ่เว้ย!” ยอร์ชหัวเสียมาก จนลืมไปเลยว่าจริงๆแล้วคือเค้าผิดเต็มประตูต่างหาก คนที่นัดกับเด็กหนุ่มแว่นแดงคนนั้นเป็นคนแรก
คือโปเลย์ ไม่ใช่เค้า

“เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ  พวกฉันเนี่ยนะไม่ได้เรื่อง น้อยแน่ เดี๋ยวพ่อเอาหุ่นปั้นโยนใส่ปากเลยเนี่ย!”
           เกี๊ยวปลาที่ตอนนี้จุดเดือดได้มาเยือนลิมิดของเค้าแล้ว ในมือก็พลางหยิบเอาหุ่นปั้นรูปกบเล็กๆพร้อมจะโยนใส่  ทำเอายอร์ชรู้สึกตัวได้  ทำเอาสะดุ้งโหย่งไปเลยทีเดี๋ยว

“ฮึ อยะ…อย่าคิดนะ  วะ…ว่าฉันจะกลัวแค่ไอ้หุ่นปั้นนั่น  เสียเวลาไปดีกว่า  ฝากไว้ก่อนเถอะ” ยอร์ชกลัวจนพูดอะไรค่อยจะออก พร้อมกับทำตัวลนๆ แล้วเดินหนีออกไปทางประตูห้อง

“ฮึ ฟอร์มเยอะนักนะ แหม ‘ อย่าคิดนะว่าฉันจะกลัวแค่หุ่นปั้น ’ เป็นไงหล่ะ วิ่งจุกตูดไปโน่นแล้ว ” เกี๊ยวปลาเลียนเสียงตายอร์ชนั่น ทำเอาทุกคนหัวเราะออกมาตามๆกัน

“นี่ นายแน่มากเลยหล่ะเกี๊ยว  ไม่แปลกใจเลยที่รุ่นพี่ใจเจ๋งจะกลัวและยอมนายซะอยู่หมัด” ทามมองหน้าเกี๊ยวปลาก่อนจะชมหรือเหมือนจะต่อว่ากันแน่ก็ไม่รู้ ทำเอาเจ้าตัวหน้ามุ่ยขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

“อะไรๆ วะทาม เกี่ยวอะไรกับอีตานั่น   แหมวันๆ ไม่ทำหอกอะไรหรอก  เหล่สาวคนนั้นทีคนนี้ที  หม้อมากกว่าหล่ะสิไม่ว่า” เกี๊ยวปลาบ่นออกมาพร้อมกับเดินหันหลังกลับไปเปิดทีวีดูต่ออย่างอารมณ์เซ็งๆ


          ที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง  ใจเจ๋งกำลังง่วนอยู่กับสาวน้อยรุ่นน้องปี 1 อยู่เพลิดเพลิน ก็ต้องจามออกมาทีหนึ่ง

“ฮัดเช้ย!   ใครนินทาวะ  อย่าให้รู้นะ”

“ฮ่าๆ อะไรกันคะพี่ใจเจ๋งคนหล่อ ใครกันที่กล้านินทาพี่ได้  คิดมากนะคะ” หญิงสาวที่เดินอยู่ในอ้อมแขนใหญ่ก็พูดขึ้นมามอง ทำเอาใจเจ๋งคิดตาม ก็สะดุ้งโหย่งเลยทีเดียว

“เอ่อ แต่พี่ว่ามีอยู่คนหนึ่งนะ  และก็เป็นปีศาจร้ายน่ากลัวด้วย  ”  ใจเจ๋งได้ที ก็โยนชื่อเรียกที่เพี้ยนไปให้อีกคน ซึ่งเค้ารู้ดีว่าเป็น
ใคร

“ จริงหรอคะ ใครกันคะ ”  หญิงสาวหันมามองด้วยความสนใจ  อยากจะรู้

“  เอ่อ พี่ว่าอย่าไปพูดถึงดีกว่านะครับ เดี๋ยวรังสีบ้าพลังอาจจะจู่โจมได้” ใจเจ๋งยังพูดจาติดตลกไปเหมือนเดิม ทำให้สาวน้อยคน
นั้นถึงกับอมยิ้มตามกันไป

“ เอ่อ เสียงโทรศัพท์   เดี๋ยวรอพี่อยู่ตรงนี้นะ พี่ไปรับสายแปบเดียวเท่านั้น แปบเดียวจริง พี่จะรีบกลับมาหา ”

“ได้คะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวไปรอที่ร้านเสื้อผ้าที่บรูซนั้นแล้วกันนะคะ”

“จ๊ะๆ เดี๋ยวพี่ไปหานะ  ”  ใจเจ๋งส่งสายตาให้แม่สาวน้อยคนนั้น ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะก้มลงมองรายชื่อที่
ปรากฏอยู่ตรงหน้าเค้า แล้วก็ต้องทำหน้าตาอยากจะเอาหัวชนฝาผนัง

“อะไรวะไอ้สแกน  โทรมาไม่ได้ดู เว’ล่ำ เวลาเลยนะแกหน่ะ ”  ใจเจ๋งสะบดใส่ปลายสายอย่างหัวเสีย

“ไอ้เจ๋ง แกหยุดพร่ามด่าฉันก่อนสิ  ฉันมีเรื่องอยากปรึกษา  ”

“ปรึกษา?  เอาไว้ก่อนได้ไหมวะ ตอนนี้ฉันกำลัง…กำลัง…เอ่อ…ประมาณว่า…” ใจเจ๋งกำลังจะบอกเหตุผลไป แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตามเค้าก็ไม่กล้าที่จะชินแล้วเล่าให้เพื่อนสนิทฟังได้อย่างสบายใจ

“กำลังเดท!” สแกนพูดต่อให้เจ้าเพื่อนจอมหม้อของเค้า  สแกนส่ายหัวกับความเป็นคาสโนว่าอย่างใจเจ๋งเพื่อนของเค้า

“เอ่อๆ ก็ประมาณนั้นแหละ  เอาไว้ตอนเย็นๆได้ป่าววะ สแกน”

“จะให้เย็นขนาดไหนวะไอ้เจ๋ง  นี่ก็จะยันหกโมงเย็นแล้วนะ”

“เออหน่า ไว้เดี๋ยวเดทเสร็จจะโทรไปหานะ”

“หยุดเลย!  คุยกับฉันก่อนเดี๋ยวนี้นะเพื่อน” สแกนพูดดักคอไว้ก่อนที่เพื่อนจอมแสบจะวางสายไป

“เอ่อๆ ก็ได้ๆ  ว่ามา…” ว่าแล้วปลายสายก็เงียบรอฟังประโยคของเพื่อนรักอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ

“พรุ่งนี้ฉันว่าจะตามข้าวตูกลับไปหนองคายหว่ะ แกว่าจะโอไหมวะ”

“จะบ้าหรอ จะตามไปหาหอกอะไรหล่ะ บ้านเค้าอยู่จังหวัดหนองคายเลยนะ แล้วนี่แกจะไปฝากผีฝากไข้ไว้กับพ่อแม่เค้าเลยหรือ
ยังไงกัน”

“อืมใช่!” ปลายสายตอบกลับมาทำเอาใจเจ๋งตกใจทันที

“ดะ…เดี๋ยวๆ ไอ้สแกน  แกพูดว่าไงนะ  นั่นหูฝาดไปรึเปล่าเนี่ย  แกชอบน้องเค้าขนาดนั้นจริงๆหรอวะ”

“อืม!”

“เฮ้ยตอบมาหน้าตาเฉย บ้าป่าวเนี่ย  ฉันว่าแกเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ ไอ้เพื่อนรัก” ใจเจ๋งพูดกับเพื่อนรักของเค้าอย่างไม่อยากเชื่อกับคำที่ได้ยิน

“ว่าไง โอเคไหมวะไอ้เจ๋ง”

“โห  ถ้าแกมีอุดมคติแน่วแน่ขนาดนี้แล้ว ฉันไม่มีอะไรจะฉุดแกหรอกเพื่อน  ลุยเลย เอาให้อยู่มือนะเว้ย”

“เออๆ ขอบใจมาก  แค่นี้แหละ”  ว่าแล้วสแกนก็ตัดสายโทรศัพท์ไป   

        ส่วนใจเจ๋งกำลังจะเอาโทรศัพท์เก็บในกางเกงแล้วเชียวแต่ก็มีสายโทรเข้าอีกที  แต่คราวนี้ ทำให้เจ้าตากระโดดโหย่งเลย เพราะเบอร์และรายชื่อที่ปรากฏบนจอคือจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก…

“สวัสดีครับม๊า”

“ตี๋เล็ก  อยู่ไหนลูก ได้ข่าวว่าสอบเสร็จแล้วนี่นา  มัวทำอะไรอยู่เจ้าลูกตัวแสบ”

“โห…เดี๋ยวครับม๊า ใจเย็นๆครับ อย่าเพิ่งรัวสิครับม๊า”

“รีบกลับมาบ้านได้แล้ว ลืมไปแล้วหรอว่าม๊าจะพาไปต่างประเทศพรุ่งนี้หน่ะฮะ”

“เออ…อะไรนะฮะ  ไม่เห็นจะบอกเจ๋งล่วงหน้าเลยม๊าอ่ะ”

“บอกแกไว้ แกก็หาเรื่องจะมาเบี้ยวฉันหน่ะสิ  รีบกลับมาเลยนะ พรุ่งนี้เดินทาง  เร็วเข้า อย่าให้จับได้นะว่าไปอี๋อ๋อกับแม่คุณหน้าไหน  ”

“โอ้ย ม๊าก็  อืมๆ ผมจะรีบกลับนะม๊า”

“2 3 ทุ่มวันนี้ต้องถึงบ้านเท่านั้น เกินเวลานี้ แกเจอดีแน่ ไอ้ลูกบ้า”

             ว่าแล้วผู้เป็นมารดาก็ตัดสายไป ทำเอาใจเจ๋งต้องได้จูนสมองเลยทีเดียว  พร้อมกับหน้าเหนื่อยหน่ายไปหาผู้หญิงที่เค้ามาเดทด้วย

“เอ่อ น้องคนสวยจ๊ะ พี่ต้องขอตัวกลับบ้านก่อนนะ พอดีคุณแม่โทรมาตามกลับอย่างเร่งด่วน เอาไว้เดี๋ยวเราค่อยมาเดทกันใหม่นะจ๊ะ  ”

“เอ้า อย่างนั้นหรอกหรอคะ ไม่เป็นไรค่ะ  ฉันโอเค  ไว้โอกาสหน้าแล้วกัน ว่าแต่ว่า เสื้อผ้าที่ฉันหยิบมาแล้วจะเดินเอาไปเก็บก็
อายเค้าแย่อยู่เหมือนกันนะ” เธอพูดเสียงนอยๆ ก่อนที่ใจเจ๋งจะมองไปที่เสื้อผ้า 3 4 ตัวที่วางไว้อยู่ไม่ไกลนักพร้อมกับเลิกคิ้วสูง
เหมือนกับว่ามันจิ๊บๆ

“เท่าไหร่ครับ” พนักงานสาวสวยยิ้มแล้วตอบกลับอย่างต้อนรับ

“ ทั้งหมด 8500 บาทค่ะ” พนักงานพูดแล้วก็หยิบเสื้อผ้า 3 4 ตัวไปใส่ถุงให้  สาวสวยที่มาเดทกับเค้าก็ตอบแทนเค้าด้วยจูบที่ประทับลงแก้มขวาของเค้าทีหนึ่งแล้วยิ้มหวานให้

“ขอบคุณนะคะ รุ่นพี่  น่ารักอย่างนี้  เสียดายจัง ไม่คิดจะคบกับฉันจริงจังบ้างหรอคะ  ” สาวน้อยพูดแล้วเอานิ้วแตะริมฝีปาก มัน
ทำให้หัวใจของใจเจ๊งเต้นตุ๊บตั๊บ

“เอ่อ  ไม่เป็นไรครับ พี่ขำๆสนุกๆ เหมือนที่เธอต้องการในตอนนี้เท่านั้นเอง แม่สาวน้อย” ใจเจ๋งตอบกลับหญิงสาวตรงหน้าก่อนจะ
ยิ้มเจ้าชู้ให้ จนเธอเองก็ได้แต่ยิ้มรับไว้อย่างเต็มใจ

“ถ้ายังไม่เบื่อ  ฉันก็พร้อมจะเดทกับคุณได้ทุกเมื่อนะคะ” สาวน้อยขยิบตาให้ทีหนึ่งก่อนจะเดินเลี่ยงตัวออกไปแล้วไม่ลืมที่จะหัน
กลับมาบ้ายบายให้กับหนุ่มร่างหนาสูงขาวตี๋ คนนี้

“เฮ้อ   อดจนได้เลยเรา  ม๊านะม๊า  โทรมาขัดตลอดเลย  ผมจะขึ้นคานเพราะม๊าแหละ  โถ่”

        ใจเจ๊งพูดพึมพำเสียดายทั้งความสวยและเสียดายเวลาอย่างมากทีเดียว   ก่อนจะรีบกลับไปที่หอเก็บข้าวเก็บของตามคำ
บัญชาของผู้เป็นแม่อย่างรวดเร็ว เพราะถ้าไม่รีบหล่ะก็นะ เค้าว่าเค้าคงจะมีคลื่นยักษ์รึไม่ก็พายุลูกใหญ่โหมกระหน่ำเป็นแน่


     เช้าวันรุ่งขึ้นที่สถานีขนส่งผู้โดนสารรังสิต  ข้าวตูรีบลงจากแท็กซี่อย่างกุลีกุจอเพราะเที่ยวรถจะไปหนองคายกำลังจะออกแล้ว  นึกๆไปเค้าไม่น่าจะนอนดึกเลยตั้งแต่เมื่อคืนเป็นเพราะว่ารุ่นพี่อย่างสแกนนั่นแหละถามโน่นนี่นั่น นั่งรถเที่ยวไหนกี่โมงอะไรยังไง อย่างกับจะไปด้วยเสียอย่างนั้น  น่าเบื่อชะมัดสำหรับเค้า คนยิ่งรีบนอนแต่กลับต้องมาดักคุยอยู่กับโทรศัพทืได้เป็น 3 4 ชั่วโมง เฮ้อ...

“เฮ้ย รอด้วย รอก่อน หยุดก่อน แฮะๆ  ผมมาทันเวลาพอดีใช่ไหมครับ”

“ไอ้หนุ่ม รีบขึ้นรถสิ เดี๋ยวพี่ขับหนีซะหรอก” โชเฟอร์รถประจำทางขานตอบด้วยอารมณ์ติดตลก

“เอ่อครับ ขอโทษที” ข้าวตูขึ้นมาบนรถแล้วก็หาที่นั่งของตัวเอง  จนเจอที่ว่างตรงกับที่เค้าจองไว้จึงได้เดินเข้าไปนั่ง
           
       ข้างๆของเค้ามีคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว แต่เค้ากำลังนอนหลับแล้วเอาหมวกปิดหน้า  เค้าเองก็งงๆกับคนที่นั่งอยู่ข้าง แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก่อนจะหลับตาลงบ้าง  ด้วยความที่เค้าต้องรีบตื่นแต่เช้ามืดเพื่อที่จะต่อรถมาลงที่รังสิต เล่นเอาซะอยากนอนต่ออย่างไหนอย่างนั้น



…    ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้ว  ที่เค้าหลับไป  แต่ก็ต้องตื่นขึ้นมาเมื่อมีมือของคนที่นั่งข้างๆกำลังกุมมือเค้าอยู่ จนเค้าเองเริ่มจะลืมตาขึ้นมามอง แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย กลับนอนหลับต่อพร้อมกับมีหมวกปิดหน้าไว้เหมือนตอนอยู่สถานีขนส่งไม่มีผิด  แต่สิ่งที่เค้ากำลังทำอยู่นั้น ข้าวตูถึงกับเคืองมาก  พยายามจะเอามือออกไปอุ้งมือที่หนานั้น แต่พยายามแค่ไหนมือหนานั้นก็ไม่ยอมจะปล่อย แถมดูเหมือนกับว่ามือหนาๆนั้นจับจับกุมมือเล็กของเค้าแน่นยิ่งกว่าเดิมอีก

“เอ่อ…คุณครับคุณ… คุณ”  ไม่ว่าข้าวตูจะสะกิดเจ้าตัวที่นั่งอยู่ข้างๆเค้ายังไงก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น แต่ไอ้ท่าทางที่จับมือเค้าไว้แน่นอย่างนี้มันเหมือนคนที่ตื่นแล้วนะคุณ!

“คุณ ปล่อยมือผมเดี๋ยวนี้นะ  ถ้าไม่ปล่อย คุณเจ็บตัวแน่” 

         อีกครั้งที่คำพูดของข้าวตูไม่ได้ผล ทำให้เค้าตัดสินใจเอื้อมมือข้างที่เหลือไปดึงหมวกที่ใบหน้านั้นออกมา  แต่ภาพที่เห็นคือชายหนุ่มหล่อเหลากำลังยิ้มแฉ่งรับหน้าตายด้านอยู่ก่อนแล้ว  ทำให้ข้าวตูอึ้งพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว

“ ใจคอจะให้พี่เจ็บตัวเลยหรือไงครับ หวานใจของพี่ ”  ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆยังพูดจาหยอกเล่นกวนประสาททำเอาข้าวตูที่นั่งอยู่ข้างๆยังตกใจไม่หาย อึ้งตะลึงกับคนที่อยู่ตรงหน้าไม่น้อยเลยทีเดียว

“รุ่นพี่สแกน!”

“อ่ะฮะ” สแกนขยิบตาให้เท่ห์ๆสองครั้ง แล้วยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะจับมือเจ้าตาเล็กขึ้นมาจูบทีหนึ่ง

              อะไรกันเจ้าตัวเล็กแทบจะช็อกไม่รู้ว่าเค้ายังไม่ตื่นจากความฝันหรืออะไรยังไง  แต่ที่แน่ๆรุ่นพี่เค้าบ้านเกิดอยู่ที่กรุงเทพนี่นา แต่ที่ทำไมมานั่งข้างๆเค้า แถมกำลังจะมุ่งหน้าไปจุดหมายปลายทาง จังหวัดหนองคายเหมือนกันกับเค้าแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่เลยทีเดียวเชียว  แต่ตอนนี้สีหน้าที่ทะเล้นของรุ่นพี่นั้นมันทำให้ข้าวตูปวดหัวถึงที่สุด แล้วถอนหายใจอย่างยาวเหยียด  แต่ก็เก็บคำถามที่จะถามไว้มากมาย เลยทีเดียวรอให้ถึงจุดหมายเมื่อไหร่คำถามร้อยแปดพันเก้าได้โถมใส่แน่




 :mew1: :mew3: :mew4: :mew1: :mew3: :mew4:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 11 up 22 10 56
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 22-10-2013 19:25:28
ดีใจด้วยจ้า หลานสแกน จะได้เจอพ่อตาแม่ยายแย้ว  :laugh:

 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 11 up 22 10 56
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 23-10-2013 12:38:58
มาแล้วๆๆ มาต่อกันเลย ไม่เสียเวลา ^^


ตอนที่ 12




           ตอนเย็นที่สถานีขนส่งหนองคาย  เจ้าตัวเล็กเดินลงจากรถประจำทางคันใหญ่ที่จอดสนิทอยู่ลานจอดรถ โดยไม่ได้รอคนตัวใหญ่ที่กุลีกุจอตามลงมาด้วยเลยแม้แต่น้อย

“ เดี๋ยวสิ ข้าวตู รอพี่ด้วย! ” รุ่นพี่ตะโกนบอกเค้าเพราะไม่สามารถตามไปได้  ต้องยืนต่อแถวเอากระเป๋าข้างรถอยู่  ทำให้เจ้าตัว
เล็กถอนหายใจก่อนจะหยุดเดิน

               สแกนรับเอากระเป๋าได้ก็วิ่งจ้นมาทางข้าวตูทันที   แต่ใบหน้าที่ยังคงยิ้มแย้มของสแกนนั้นทำให้ข้าวตูหน้ามุ่ยอยู่ไม่เลิกตั้งแต่อยู่บนรถแล้ว   แต่สแกนเองก็หน้าตายด้านไม่รู้สึกอะไรกับเค้าหรอกนะ  เหมือนคนหัวดื้อซะไม่มี

“ นี่ๆ  ทำหน้าบูดบึ้งอยู่ได้ เป็น 10 ชั่วโมงแล้วนะ ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง  ” เจ้าของเสียงพูดแหย่โดยไม่ได้ดูสถานการณ์อะไรเลย
เชียว

“ ทำไมต้องตามผมมาด้วยครับ ”  เจ้าตัวเล็กทำตาเขียวถามใส่คนตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง

“ฮ่าๆ  ไม่มีอะไร แค่อยากมาฝากตัวเป็นลูกเขยพ่อกำนันนิดหน่อยเอง    อย่าคิดมาก”

“ฮะ! ว่าไงนะ   นี่นะหรอไม่ให้ผมคิดมาก  จะบ้าหรอ พ่อของผมไม่เหมือนใครหรอกนะรุ่นพี่   พ่อจับมีดโยนมีด จับปืนก็ยิงปืน จับ
ไม้เขวี่ยงไม้เชียวนะครับ  ไม่ได้แล้ว ผมจะพาพี่ไปซื้อตั๋วตีกลับกรุงเทพเดี๋ยวนี้เลย เที่ยวสุดท้ายยังไม่ออกเลย”

“ไม่!  พี่ไม่กลับเด็ดขาด”  ว่าแล้วสแกนก็ยืนกอดอกเบ้หน้าไปทางอื่น แต่กลับอมยิ้มอย่างนึกสนุกขึ้นมา   ก่อนจะมองหรี่ตาไป
ทางเจ้าตัวเล็ก

“ ทำไมพูดยากแบบนี้นะ  ทำไงดีเนี่ย พ่อก็ขับรถมาแล้วด้วย โน่นหน่ะเห็นไหม  เอาไงดีเนี่ย”  ข้าวตูพูดพร้อมกับสีหน้าที่เครียด
มาก  ตอนนี้รถกระบะสีดำป้ายแดงขับมาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้ว   ไม่นานผู้ชายวัยสูงอายุก็ลงมาจากรถนั้นพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม   

“ สวัสดีครับพ่อ ”  ข้าวตูไหว้พ่อก่อนจะหันไปบอกอีกคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลยให้ไหว้ตาม

            สแกนเห็นชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าที่สูงเกือบพอๆกับเค้า แล้วมองวิเคราะห์ดูการแต่งตัวเสื้อลายกับกางกางขายาวมีผ้าขาวม้ามัดเอว แถมยังมีสร้อยพระไม่รู้กี่องค์ห้อยอยู่ที่คอ ล้วนแล้วแต่เป็นสีทองทั้งนั้น

“เอ่อ… สวัสดีครับ คุณพ่อ”  สแกนยิ้มเจื่อนๆก่อนจะไหว้คนตรงหน้า

 “หวัดดีลูก  ข้าวตูนี่เพื่อนเค้าก็อยู่แถวๆหนองคายเหมือนกันหรอลูก” ผู้เป็นพ่อหันมาถามลูกชายตัวเล็กของเค้าทันทีที่เห็นว่าลูก
ชายไม่ได้กลับมาคนเดียว

“เอ่อคือ… พ่อถามเค้าเองก็แล้วกัน  ผมไปรอที่รถแล้ว” ข้าวตูพูดปัดๆทำเอาพ่อที่กำลังถามอยู่เมื่อกี้ ทำหน้างงๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้สแกนที่ตอนนี้ดูเหมือนจะกลัวพ่อตาขึ้นมาแล้ว

“ฮ่าๆ เจ้าข้าวตู มันก็เป็นแบบนี้ของมันนั่นแหละ ว่าแต่พ่อหนุ่มเถอะ จะติดรถให้ฉันไปส่งที่บ้านไหม”

“เอ่อ… คือ อย่างนี้ครับคุณพ่อ   คือผมเนี่ยนะครับ เป็นรุ่นพี่ข้าวตูเค้าที่มหาวิทาลัยหน่ะครับ”

“อ้อหรอ  ดีจริงๆเนาะมีรุ่นพี่จากจังหวัดเดียวกันไปเรียนที่เดียวกัน  แถมได้กลับมาด้วยกันอย่างนี้ คนเป็นพ่ออย่างกำนันเบิ้มคนนี้
ก็สบายใจ”

“เอ่อ ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ ผมเป็นคนกรุงเทพหน่ะครับ …”

“อะไรนะ!”  กำนันเบิ้มหุบยิ้มก่อนจะตกใจเมื่อได้คำตอบที่ไม่ตรงกับความคิดของตัวเองแล้วหรี่ตาพิจารณาไปทางหนุ่มหน้าตาดีที่
อยู่ตรงหน้า

“แฮะๆ  แหมอย่าเพิ่งมองผมดุๆ อย่างนั้นสิฮะคุณพ่อ”

“แล้วสรุปเอ็ง  จะมาหนองคายทำไมพ่อหนุ่ม รึว่าเจ้าข้าวตูชวนมาเที่ยวบ้านสินะ”

“ป่าวครับ  ผมจะมาขออยู่ที่บ้านข้าวตูตลอดในช่วงเวลาปิดเทอมนี้ครับ”

“หา…ว่าไงนะพ่อหนุ่ม   นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย…”

     กำนันเบิ้มหัวเสียเพราะรู้สึกว่าเค้าคิดอะไรไว้ดูเหมือนจะผิดไปหมดเลย  แล้วดูเหมือนเค้ากำลังพิจารณารุ่นพี่ของข้าวตูเป็นพิเศษ  ด้วยรูปร่าง  หน้าตาผิวพรรณ ก็เห็นกันชัดๆอยู่แล้วว่าเค้าไม่ใช่คนอีสานแน่นอนก่อนจะได้เอ่ยปากพูดอะไรออกไปอีก  เจ้าตัวเล็กในรถที่นั่งรออยู่สักพักก็ดูเหมือนจะหมดความอดทน

“พ่อ… กลับได้รึยัง รอนานแล้วนะ  ไปคุยกันต่อที่บ้านไม่ได้หรอ  เดี๋ยวขับรถกลับเองซะเลยหนิ”

“เออๆ…ไอ้ลูกคนนี้ กำลังไปๆ  ไอ้หนุ่มขึ้นรถ!  เรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน  ไปถึงบ้านหวังว่าจะมีเหตุผลเพียงพอนะสำหรับการมาอยู่
บ้านของคนอย่างกำนันเบิ้มถึง 1 เดือนแบบนี้”

“อะ…ครับๆ  เหตุผลดูน่าจะเพียงพอครับ  แต่ไม่รู้ว่าจะโดนอะไรที่พอเพียงรึเปล่า นั่นเป็นสิ่งที่ผมห่วงมากกว่าครับคุณพ่อ”

“พุดอะไรของแกวะ วกไปวนมา  ข้าสับสน ไปขึ้นรถ เร็วเข้า  เดี๋ยวเอาปืนไล่ต้อนเลยหนิ ไอ้รุ่นพี่”

“คะ…ครับคุณพ่อ กำลังไปครับ”  สแกนเดินจ้ำอ้าวไปที่รถกระบะสีดำ ป้ายแดงทันทีก่อนจะได้กินกระสุนปืนเข้าให้จริงๆ

“หยุด!” เสียงของกำนันเบิ้มตะโกนสั่ง

“อะไรหรอครับคุณพ่อ” กำนันเบิ้มหรี่ตามองดูสแกนก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถ

“แกต้องนั่งหลังกระบะโน่น  โทษฐานหน้าตาหล่อเกินกว่าเหตุ  ไปนั่งข้างหลัง”

“เอ๋?” สแกนเผลอขานออกมาด้วยความงงสุดขีด นี่เค้าหน้าตาดีก็ผิดด้วยอย่างนั้นหรอ

“นี่พ่อ  ให้พี่เค้ามานั่งข้างในรถเนี่ยแหละ  นี่ก็มืดแล้ว กว่าจะขับถึงบ้านอีกนะ  ลมตีหน้าเหนียวหมดพอดี”

“ไม่ได้ๆ พ่อไม่ให้นั่งก็คือไม่ให้นั่งสิ   พ่อหนุ่มนั่งข้างหลังสะดวกดีใช่ไหม บอกข้าวตูมันไปว่านั่งสบาย เร็วเข้า”

“โห บังคับกันชัดชัด”

“ว่าไงนะ พูดใหม่สิพ่อหนุ่ม”  สแกนหันไปมองเห็นสายตาพิฆาตจากคุณกำนันเบิ้มแล้วก็ต้องสะดุ้งโหย่งเลยทีเดียว

“เอ่อ เปล่าครับ เมื่อกี้พูดคนเดียวครับ นั่งข้างหลังสบายดีมากมายเลยหล่ะครับ แฮะๆ” สแกนยิ้มเจื่อนๆก่อนจะกลับมาทำสีหน้า
เบื่อโลกทันที

“ดี  ไปนั่งนั่งหลังไป  ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ฉันจะได้ขับรถซักที”

“อะไรของพ่อเนี่ย ให้พี่เค้ามานั่งเถอะ  มันหนาวออกซะอย่างนั้น”

“ไม่ได้ เป็นผู้ชายมันต้องเข้มแข็ง  จะดูสิว่าไอ้เด็กกรุงรุ่นพี่เอ็งจะไปได้ซักกี่น้ำเชียว”

“อ้าวแล้วลูกพ่อหล่ะ จะให้ไปทดสอบความเป็นชายด้านหลังกับรุ่นพี่ด้วยไหมครับ” ข้าวตูเปรียบเทียบตัวเองกับคำสั่งที่คนเป็นพ่อยื่นให้จะว่ายัดเยียดก็ได้นะ

“อะไรของเอ็งวะ ลูกหัวแก้วหัวแหวนอย่างเอ็งไม่ต้อง  เป็นข้อยกเว้นของพ่อโว้ยไอ้ลูกชาย”

“อะไรของพ่อเนี่ย ผมปวดตัว กลับบ้านได้แล้วพ่อ  ส่วนพี่ก็ทนๆนั่งไปเถอะนะ  พ่อก็เป็นแบบนี้แหละ จะทดสอบอะไรนักหนาก็ไม่รู้”

“อ้าวไอ้ลูกชาย  ว่าพ่อซะงั้น  ไปGo To  ตำบล…..”

“เฮ้อ ไปได้สักที พ่อนะพ่อ”

             ข้าวตูบ่นให้พ่ออยู่คนเดียวก่อนก่อนจะเหลือบไปมองสแกนที่นั่งอยู่หลังกระบะ  รายนั้นก็หน้าตายด้านจริงๆสถานการณ์แบบนี้แล้วยังจะยิ้มได้อีกนะ  เฮ้อดูท่าพ่อจะได้คนที่เหมาะสมกับพ่อแล้วแหละ งานนี้บ้านเละแน่



            เช้าวันใหม่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ    ครอบครัวของเกี๊ยวปลาพร้อมใจกันกำลังรอขึ้นเครื่อง  ที่ยืนอยู่ในตอนนี้ประกอบไปด้วยเค้าเอง ป๊า มา แล้วก็พี่แมว  พี่หมี จากห้องทองสาขาเยาวราช  แล้วก็กงกับม่า สรุปแล้วคือทั้งบ้านก็ว่าได้  แล้วอีกอย่างก็คือมีอีกหนึ่งครอบครัวที่จะไปด้วยนั่นก็คือ  ครอบครัวป้าเหมยแต่ดูเหมือนจะมีแค่ป้าเหมยคนเดียวที่ยืนอยู่ตอนนี้ ส่วนแฟนป้าเค้ารออยู่ที่จุดหมายปลายทางก่อนแล้ว เพราะทำงานเป็นหุ้นส่วนบริษัทอะไรไม่รู้สักอย่างในประเทศที่เค้ากำลังจะไปเยือน  แต่ดูเหมือนว่าป้าเหมยจะดูร้อนรนเหมือนกับว่ารอใครอยู่อย่างไรอย่างนั้นเลย

“ป้าเหมยครับ รอใครอยู่รึเปล่าครับ” เกี๊ยวปลาตัดสินใจเดินเข้าไปถาม  หญิงสาวที่อยู่มากกว่าหันมามองเกี๊ยวปลาก่อนจะตอบด้วยสีหน้ากังวล

“ป้าก็รอ ตี๋เล็กอยู่นี่ไง  ไม่รู้ว่าเจ้าลูกคนนี้จะเบี้ยวป้ารึเปล่า  แต่ป้าก็บอกไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะว่าให้มา….”

“งั้นหรอครับ  นี่พี่ตี๋เล็กจะไปด้วยคนหรอครับ ดีใจจังเลยจะได้เจอพี่ตี๋เล็กสักทีนึง” เกี๊ยวปลาตาเป็นประกายเมื่อได้ยินว่าพี่ชายที่
แสนดีของเค้าจะไปเที่ยวทัวร์รอบนี้ด้วยคน อีกอย่างเค้าก็จะได้ถือโอกาสนี้ได้เห็นรุ่นพี่ด้วย

“เอ่อ…ขอโทษครับที่ทำให้รอ  แฮะๆ  ผะ…ผม มาแล้วครับ”

              เสียงดังที่ฟังดูแล้วเหมือนวิ่งมาจนเหนื่อย ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องดังขึ้นอีกทางของป้าเหมยกับเกี๊ยวปลากำลังชะเง้อมอง  แต่แล้วก็ต้องหันไปทางต้นเสียงนั้นทันที ภาพที่เห็นคือหนุ่มร่างสูงหน้าตี๋ สีขาวเหมือนลุกครึ่งกำลังหอบแครกๆ ด้วยความเหนื่อย  แต่สายตาที่เกี๊ยวปลามองไปกลับต้องแทบเป็นลม

“นี่นาย  มาทำอะไรที่สุวรรณภูมิ  นี่วิ่งมาผิดที่รึเปล่า   รู้จักกับพวกเราหรือไงกัน  อ้อรู้แล้ว  อย่าบอกนะว่าปิดเทอมก็จะไปต่าง
ประเทศเหมือนกันกับเค้านะ”


       เกี๊ยวปลาไม่พูดอะไรมากหลังจากเรียกสติกลับคืนมาได้แล้วก็เดินพุ่งไปด้านหน้าหาเรื่องคนที่เค้ารู้จักหน้าตาเป็นอย่างดี 
แต่ร่างนั้นก็เริ่มจะหายเหนื่อยบ้างแล้วจึงเริ่มยืนตรงๆทำให้ทุกคนได้เห็นชัดๆแล้วว่าเค้าคือใคร ยกเว้นแต่เพียงเกี๊ยวปลาที่ไม่ได้รู้
เรื่องอะไรกับเค้าเลย   ทุกคนนั้นอ้าปากหวอตามกันไปหมดเมื่อได้เห็นหน้าแขกใหม่ที่เพิ่งวิ่งมาเยือนว่าเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก  ‘ตี๋เล็ก’ แต่ใจเจ๋งก็ยังทำปากจุ๊ๆไว้อย่างที่ได้ตกลงกันไว้ล่วงหน้าแล้วว่าห้ามบอกและห้ามพูดชื่อเค้าให้เจ้าเด็กหนุ่มนี่รู้เป็นอันขาด

“นี่ ตอบฉันสิ ไอ้ใจเจ๊ง  บอกมา นายมาที่นี่ทำไม!” เสียงคำถามของเจ้าตัวเตี้ยกว่าถามตะโกนดังลั่นขึ้นมาเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้า
ยังคงทำหน้าทะเล้นใส่เค้า

“ก็เปล่านี่ ถามมาซะเยอะเชียวจะให้ฉันตอบคำถามไหนก่อนหล่ะพ่อคุณ   อีกอย่างเค้าไม่ได้ติดไว้สักหน่อยนะว่าห้ามให้คนหล่อ
หน้าตาดี เพอเฟคอย่างใจเจ๋งคนนี้เข้ามาในสนามบิน”ใจเจ๋งพูดแล้วก็ยิ้มด้วยความภูมิใจในรูปลักษณ์สัณฐานของตัวเอง

“ป้าเหมยครับ  ผมว่าถ้าพี่ตี๋เล็กมาเมื่อไหร่  เราจะไปกันทันทีผมไม่อยากเสวนากับคนบ้าที่อยู่ตรงหน้านี้สักเท่าไหร่”

“จุ๊ๆ  เห็นที ฉันว่างวดนี้คงจะได้ไปเสียแล้วหล่ะ   ดูโน่นเครื่องกำลังจะออกแล้ว  บ้ายบาย  จะอยู่รอไอ้ตี๋เล็กอะไรนั่นคนเดียวก็
ตามแต่นะ ฉันไปรอที่ด้านบนแล้วกัน”

           พูดจบหนุ่มตี๋ก็ยักคิ้วกวนๆให้เกี๊ยวปลาก่อนจะเดินเข้าไปตามทาง  ป้าเหมยเองก็เริ่มจะขยับตัวบ้างแล้วเหมือนจะเดินตาม
ไอ้หมอนั่น

“เดี๋ยวสิครับป้าเหมย  จะไปแล้วหรอ  ผมว่ารออีกนิดดีกว่านะครับ เผื่อพี่ตี๋เล็กกำลังจะมาก็ได้ อาจจะรถติดอยู่ก็ได้นะครับ ”

“เอ่อ ป้าว่าไม่ต้องรอหรอก  เดี๋ยวขึ้นเครื่องไม่ทันกันพอดี  ไว้รอให้ตี๋เล็กตามมาก็แล้วกันนะจ๊ะ  ส่วนคนเมื่อกี้เป็นคนทางบ้านป้าเองแหละนะ  นี่ไม่นึกเลยว่าจะรู้จักกันมาก่อนหน้านี้ด้วย ” ป้าเหมยยิ้มให้เกี๊ยวปลาหน้าเจื่อนๆเพราะเธอเองก็คงจะคิดไม่ออกว่า
ถ้าหากเกี๊ยวปลารู้ว่าคนที่เค้าไปต่อกลอนด้วยเมื่อกี้เป็น อาตี๋เล็ก แล้วหล่ะก็เค้าจะทำสีหน้ายังไงกันนะ

“จริงด้วยสิ พวกเราก็ออกเดินทางได้แล้วสินะ ไปกันเถอะซานหง  ป๊าว่ายังไงซะเดี๋ยวก็ได้เจอกันเพียงแต่ตอนนี้เหมือนจะมีเส้น
ผมบังภูเขาก็ตามแต่นะ  ” ไม่นานพ่อของเกี๊ยวปลาก็พูดช่วยป้าเหมยขึ้นมาบ้าง 

“อะไรของป๊าเนี่ย เส้นผมบังภูเขาหรอ  พูดอะไรให้งงๆอยู่เรื่อยเลยนะป๊าหน่ะ” เกี๊ยวปลาหน้ามุ่ยใส่พ่อก่อนจะเดินจ้ำอ้าวตามพี่แมวพี่หมีเข้าไป

“เอาไงดี อาเหมย  ถ้าซานหงรู้ว่าหนุ่มตี๋ที่เพิ่งไปฟัดเสียงใส่เมื่อกี้เป็นอาตี๋เล็กจะทำยังไงดี”

“ไม่รู้สิ สุดแล้วแต่เจ้าตี๋เล็กมันนั่นแหละ ไม่รู้จะปกปิดอะไรนักหนา บอกว่านึกเรื่องสนุกๆออกซะงั้น ไปเถอะอย่าห่วงไปเลย เจ้าตี๋
เล็กมันคงจะมีเหตุผลของมันแหละนะ”

            ชายผู้เป็นพ่อของเกี๊ยวปลาพยักหน้าเหมือนเข้าใจก่อนจะเดินเข้าไปตามทางเพื่อขึ้นเครื่อง   บนเครื่องบินทั้งสองคนเกี๊ยวปลาและใจเจ๋งเองก็แถมได้นั่งข้างกันอีกต่างหาก  ใจเจ๋งเองก็ทำสีหน้ากวนไม่เลิกรา ส่วนเกี๊ยวปลาเองก็หน้ามุ่ยหงุดหงิดไม่ยอมหยุด

“นี่ นั่งให้มันดีๆหน่อยได้ไหม  ฉันอยากจะรู้จริงๆเลยว่าใครชวนนายมาด้วย  นายหน่ะไม่เคยไปต่างประเทศหรือไงกัน”

“โน่นไงชวนฉันมา ด้านหลังโน่น  ”  ใจเจ๋งชูนิ้วโป้งไปด้านหลังเค้า ก็เป็นป้าเหมยนั่นเองที่ชวน

“…จะว่าฉันไม่เคยไปต่างประเทศก็เหมือนจะดูถูกฉันเกินไปนะ ว่าแต่นายเถอะไปบ่อยกว่าฉันแล้วหรือไงกัน ก่อนจะมาเปรียบ
เทียบช่วยพิจาณาตัวเองด้วยนะ เพิ่งจะไปเป็นครั้งที่ 2 ไม่ใช่หรอถ้าฉันจำไม่ผิด”

“ นี่นายเป็นใครกันแน่  รู้ได้ยังไงกันคนนอกอย่างนายหน่ะ  พูดจาเหมือนตัวติดกันตลอด อยู่บ้านหลังเดียวกันกับฉันรึไงกัน ”

             เกี๊ยวปลาบ่นใส่คนข้างๆรัวเลยทีเดียวก่อนจะหันไปถามอีกคำถามหนึ่งอย่างกับคนเบื่อโลกมาก

“ว่าแต่…รู้จักกับป้าเหมยด้วยหรอนายหน่ะ”

“อืม รู้จักดีเลยแหละ  ทำไมหรอ  คนอย่างฉันเนี่ยมันดูเหมือนคนที่ไม่มีใครเค้าจะรู้จักเลยหรือไง”

“ก็คงอย่างนั้นมั้ง”  เกี๊ยวปลาพูดแบบไม่ใส่ใจก่อนจะหันไปทางทางกระจก เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่แต่ใจเจ๋งกลับมองออกมาเค้า
กำลังคิดอะไรอยู่

“นี่  กำลังคิดอยู่หล่ะสิ  ว่านายตี๋เล็กอะไรนั่นหน่ะอาจจะไม่ตามมาเที่ยวด้วย” ใจเจ๋งแหย่เล่นทั้งๆที่รู้อยู่ว่าตี๋เล็กก็คือตัวเค้าเองนั่น
แหละ

“ใช่ บอกไว้ก่อนเลยนะว่าอย่าแม้แต่จะพูดอะไรไม่ดีให้พี่ตี๋เล็กของฉันเชียวนะ ไม่งั้นเจอดีแน่ๆ” เกี๊ยวปลาชี้นิ้วไปที่หน้าใจเจ๋ง
อย่างประชันชิด ทำเอาร่างสูงขาวนั้นหัวเราะขำขึ้นมาเบาๆ

“ไอ้ตี๋เล็กเนี่ยนะ ปกป้องกันดีจริงๆ ฮ่าๆ  ทีไอ้ใจเจ๋งคนนี้มีแต่โดนตะคอกใส่ซะขนาดนั้น”

“ทำไม  อิจฉาหล่ะสิ ไม่บอกก็รู้หรอก พี่ตี๋เล็กหน่ะนะ เป็นพี่ชายที่น่ารัก ใจดี เสียสละ  มีน้ำใจมากๆ อีกอย่างเท่ห์และหล่อกว่า
นายตั้งเยอะ นายหน่ะไม่มีอะไรสู้พี่ตี๋เล็กได้เลยซักอย่าง นายใจเจ๊ง!”

“อ้าวๆ นี่ๆพูดให้มันดีๆนะ ถึงฉันจะเป็นคาสโนว่าแต่ก็ได้ขึ้นชื่อหล่ออันดับต้นๆของมหาวิทยาลัยเชียวนะพ่อคุณ โถ่เอ้ย”

“แล้วยังไง  ฉันนี่แหละคนหนึ่งที่จะค้านหัวชนฝาคนแรกเลย”

“โถๆ ฮึออกตัวเร็วจังนะ  ไม่แน่นะนายตี๋เล็กอะไรนั่นอาจจะไม่ได้ดีไปกว่าฉันสักเท่าไหร่นักหรอก”

“หา…นั่นปากนายหรอนั่นหน่ะฮะ   !  มาว่าพี่ตี๋เล็กสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้ได้ไง  เดี๋ยวเอาดินกลบปากดีไหมเนี่ย”

“ฮ่าๆ  ฉันว่าถึงตอนนั้นแล้วนายต้องเปลี่ยนคำพูด   เกี๊ยวปลา”

“ทำไมต้องเปลี่ยนคำพูดด้วย  คนอย่างนายสู้อะไรพี่ตี๋เล็กไม่ได้สักนิด”

“นั่นหน่ะสินะ  ไอ้นั่นมันหล่อ มันเสียสละ มันเป็นคนดี  มันดูดีไปหมดเลยเนาะ” ใจเจ๋งพูดเหมือนใจหนึ่งคือชมตัวเองนั่นแหละ แต่
อีกใจหนึ่งก็เพียงแค่แหย่ๆคนข้างๆเล่นเท่านั้นเอง  และเค้าก็หรี่ตามองดูปฏิกิริยาเกี๊ยวปลาดูว่าจะเป็นยังไง

“ฮึ รู้ตัวก็ดีแล้ว นายไม่มีอะไรจะสู้ได้เลยสักนิดเดียว  ดีแต่กวนประสาทฉันไปวันๆ  ”

“โอเคๆ ไม่เถียงก็ได้   เจ้าซานหงน้อย!”

              ใจเจ๋งเอี่ยวหน้าไปใกล้แก้มด้านขวาของเกี๊ยวปลาก่อนจะกระซิบประโยคเมื่อกี้ไป  ทำเอาเจ้าตัวที่ได้ยินชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้กลับตกใจมาก เพราะถ้าเป็นนอกอย่างตาหมอนี่มีหรอจะรู้จักชื่อ ซานหงของเค้าได้ เกี๊ยวปลาหันหน้าควับมา ปากของทั้งสองคนเกือบจะโดนกันอยู่แล้วเชียวแต่เกี๊ยวปลาไหวตัวทันรีบผละตัวออกมา

“นี่นายเป็นใครกันแน่ รู้จักชื่อของฉันได้ยังไง”

“ไม่รู้เหมือนกัน  เห็นม๊า เอ้ย…ป้าเหมยบอกมา  แต่ชื่อน่ารักดีเนาะว่าป่าว แล้วทำไมเจ้าของชื่อทำตัวไม่น่ารักเอาซะเลยหล่ะ
ซานหง”

“มันเรื่องของฉันหน่า  แล้วนายก็ไม่ต้องพูดชื่อนี้ให้ฉันได้ยินด้วยนะ  นายไม่มีสิทธิ์ที่จะเอ่ยชื่อฉันได้ เพราะนายเป็นคนนอก”

“หรอ…” ใจเจ๋งลากเสียงยาวก่อนจะยักคิ้วให้เกี๊ยวปลาทีหนึ่ง

“นายมันเป็นสัตว์ประหลาดกวนประสาทประเภทไหนกันเนี่ย”

“ก็แล้วแต่นายจะตั้งชื่อ หรือไม่ก็จัดสปีชี่ย์ ให้ฉันใหม่เลยก็ได้นะ  ตามใจนาย”

“ตั้งเองสิ  โอ้ย อย่ายุ่งให้มันมากความได้ไหม  หงุดหงิด”

“ครับๆ น้องซานหง!”

           ใจเจ๋งพูดแหย่รับคำก่อนจะหันไปอีกด้านแล้วทำเหมือนจะหลับไปแล้วด้วย  เกี๊ยวปลาอึดอัดกับคนกวนประสาทคนนี้มาก ขนาดเพิ่งบอกอยู่หยกๆว่าถ้าเป็นคนนอกไม่ต้องเรียกชื่อค้าเป็นเด็ดขาด  แต่นี่เหมือนเค้าจะเป่าปี่ เป่าขลุ่ย เป่าโหวตให้สัตว์ประหลาดฟังสินะ   เจ้าคนที่เพิ่งจะแหย่ซานหงเมื่อกี้ทั้งๆที่หลับตาแต่กลับยิ้มออกมาเนี่ยนะ  ถ้าเกี๊ยวปลาได้เห็นเค้าตายแน่  ‘ ไปจีนครั้งนี้สนุกแน่ ซานหงของพี่ตี๋เล็ก ’ ว่าแล้วใจเจ๋งก็ยิ้มออกมามันเป็นยิ้มที่มีความสุขมาก  แต่เค้าไม่ได้รู้ตัวหรอกว่ากำลังทำอะไรอยู่ใจเจ๋งเอ้ย




 :mew1: :mew3: :mew1: :mew3: :mew1: :mew3: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 12 up 23 10 56
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 24-10-2013 18:26:00
ถ้าหลานเกี้ยวปลารู้ความจริงเรื่องพี่ตี๋เล็ก   :a5:

คนแก่ไม่อยากนึกเลย  :ling3:

 :bye2: :bye2:

หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 12 up 23 10 56
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 25-10-2013 22:14:17
ตอนที่ 13



            สายลมพัดโชยมายังร่างคนงานที่นี่อย่างอ่อนกำลัง ทำให้หยาดเหงื่อที่กำลังไหลรินพอจะแห้งลงไปได้บ้าง คนงานหลายสิบชีวิตที่ลานทุ่งหญ้าลูกฟูกกว่า 200 ไร่  มีต้นไม้ขึ้นแสมบ้างประปราย มีการจัดพื้นที่ไว้ได้อย่างลงตัว  ทั้งสวนผลไม้  สวนยาง และที่สำคัญยังมีฟาร์มแกะ ฟาร์มไก่ ฟาร์มโคนม  อยู่ด้วย   ถ้ามองให้ดีๆชายร่างสูงหนา แววตาคมกริบแลดูมีอำนาจแต่จิตใจอ่อนโยน และเอื้ออาทรแก่ลูกน้องที่นี่  เค้าใส่เสื้อสีแดงลายสก๊อตแล้วสวมทับด้วยเสื้อกักสีน้ำตาลหนาแล้วสวมหมวกปีกกว้างๆดูๆไปก็เหมือนคาวบอย ไม่มีผิดเลยทีเดียวเชียว   ด้วยหน้าตาที่อายุเพียง 40 นิดๆ อย่างเค้าและรูปลักษณ์สัณฐานที่ดูน่าเกรงขามและหล่อเหลาเอาเรื่อง  กำลังนั่งอยู่บนหลังม้าตัวใหญ่สีขาว เหมือนกำลังนั่งขี่ตรวจตราที่พื้นที่ฟาร์มแห่งนี้เค้าก็คือ…พ่อของปาร์ตี้ เด็กหนุ่มแว่นแดงนั่นเอง

“คุณพ่อ!” เด็กหนุ่มที่กำลังทำงานช่วยคนงานที่ทุ่งหญ้าอุทานขึ้นเมื่อเห็นพ่อขี่ม้าเข้ามาหาที่ลานทุ่งหญ้าโล่ง   

“ไง ตื่นแต่เช้าเชียวนะ  พาแกะมาเล็มหญ้า แต่เช้าขนาดนี้ ได้กินข้าวเช้าหรือยังลูก”

“เรียบร้อยแล้วครับ  แต่คนงานนั้นผมไม่รู้เหมือนกัน  อีกซักพักผมว่าจะไปที่ฟาร์มโคนมนั่นต่อ ไม่รู้ว่ามีคนไปทำความสะอาดที่
พักพวกโคนมแล้วรึยังอ่ะครับ”

“ฮ่าๆ  ขยันจริงๆเชียวลูกพ่อ  ขึ้นมานั่งกับพ่อนี่มา เดี๋ยวพ่อไปส่ง” คนเป็นพ่อยื่นมือให้ลุกชายตัวเล็กของเค้าที่อยู่ด้านล่าง

“ขอบคุณครับพ่อ”

        ไม่นานฝีเท้าของเจ้าม้าขาวที่พวกเค้าขี่กันอยู่นั้นก็เริ่มควบวิ่งแล่นออกไปทางทุ่งหญ้าโล่ง ปลายทางคืออยู่ที่ฟาร์มโคนม ที่ห่างออกไปอีก 2 3 ร้อยเมตรข้างหน้า  เด็กหนุ่มแว่นแดงที่นั่งอยู่ด้านหน้าของคุณพ่อหน้าหนุ่มก็ได้เอ่ยถามคำถามบางอย่างที่คาใจมานานแล้ว

“คุณพ่อครับ…”

“หืม…”

“ถ้าผมจะขอถามอะไรคุณพ่อสักอย่างจะได้ไหมครับ”

“อะไรหล่ะ  ไอ้ตัวเล็กของพ่อ” หนุ่มวัยกลางคนยิ้มออกมา ขณะควบม้าอยู่

“ถ้าหากมีคนคนหนึ่งเค้ารักผมมากๆๆ  มากเสียจนขาดผมไปไม่ได้  คุณพ่อจะว่ายังไงครับ”

              ประโยคสิ้นสุดลงพร้อมกับเสียงหัวเราะที่เริ่มดังขึ้นจากผู้เป็นพ่อ ไม่ใช่อะไรหรอก ร้อยวันพันปี เค้าไม่ยักกะเห็นลูกชายของเค้าคนนี้พูดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา แต่มาวันนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปหมด

“ฮ่าๆๆ  พูดๆอยู่นี่ ดูเหมือนคนคนนั้นจะรักลูกมากทีเดียว  อย่าบอกพ่อนะไอ้ตัวเล็กว่าลูกกำลังมี…”

“เปล่าๆ…ครับคุณพ่อเพียงแต่ว่า  ผมแค่ถามเท่านั้นเอง  คุณพ่อไม่โกรธใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มรีบตอบพ่อของเค้าก่อนที่แก้มของ
เค้าจะแดงกว่านี้

“พ่อไม่ได้ว่าอะไรหนิ   แต่… ต้องเล่าให้พ่อฟังก่อนว่าต้นเหตุความเป็นมาคืออะไรกันแน่  เข้าใจไหม!” ชายหนุ่มก้มลงมองดูลุก
ชายด้วยแววตาที่แน่วแน่  เพราะตอนนี้เค้าคนเดียวเท่านั้นมีจะปกครองและดูแลลุกชายสุดที่รักของเค้าเพราะ  ปาร์ตี้ไม่มีแม่เพราะเธอได้ไปมีอนาคตใหม่กับชายหนุ่มต่างประเทศ ทิ้งไว้แต่เพียงลูกชายคนเล็กไว้กับเค้าให้ดูแล  ส่วนพี่ชายคนโตนั้นอยู่กับแม่ที่ต่างประเทศ   ตอนนี้มีเพียงเค้าเท่านั้นที่ดูแลปาร์ตี้มาตลอด เรื่องเนื้อคู่ของลูกชายแบบนี้ผู้เป็นพ่อย่อมต้องพิจารณาและตรวจสอบให้มั่นใจเสียก่อน

“เอ่อ…คือ  เรื่องมันมีอยู่ว่า…” เด็กหนุ่มแว่นแดงกำลังเรียบเรียงคำพูดและเหตุการณ์ทุกอย่าง

   เมื่อสองวันก่อนที่เค้าจะกลับมาบ้าน ซึ่งมันเป็นวันหลังสอบเสร็จพอดีพวกคุณคงจะยังจำกันได้   เมื่อเวลาประมาณ 5 โมงเย็นรถ Aston Martin One-77  ยุโรปหรูถูกขับมารับปาร์ตี้ที่รออยู่หอก่อนหน้านั้นแล้ว 

“ปาร์ตี้ พี่มารับแล้วครับ  พร้อมรึยังเอ่ย”  ชายหนุ่มแต่ตัวภูมิฐานสมาร์ท  มาดแมนสมกับชายหนุ่มที่มีโรงแรมหรูริมเจ้าพระยา

“เรียบร้อยนานแล้วหล่ะรายนั้น เค้านั่งหรอคุณเก้อเลยทีเดียว  ไปเที่ยวกับพี่โปเลย์ให้สนุกนะปาร์ตี้ ” ข้าวตูยิ้มให้เพื่อนรักอย่างมีมีความสุขไปด้วย อย่างน้อยๆพี่โปเลย์ก็ไม่ได้ใจร้อนเหมือนตาบ้ายอร์ชอะไรนั่น

“อืม ฝากดูห้องด้วยนะข้าวตู  เกี๊ยวปลาชอบทำห้องเลอะ ยังไงซะก็เก็บกวาดให้เค้าหน่อยก็แล้วกัน…” ปาร์ตี้พูดดังพอให้เกี๊ยว
ปลาได้ยิน

“พูดมากหน่าไอ้แว่นแดง  รีบๆไปเลยนะ  ก่อนจะกักไว้ไม่ให้ไป” เสียงเกี๊ยวปลาที่กำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำตะโกนออกมา ทำให้
ทั้งทาม ข้าวตู พี่โปเลย์หัวเราะออกมา

“รู้แล้วหน่า” ปาร์ตี้ตะโกนกลับเพื่อนไป  ก่อนจะเดินนำหน้าพี่โปเลย์ออกมาจากห้อง 

        บนรถคันหรูที่ออกแบบมาให้นั่ง 2 คนโดยแท้  ปาร์ตี้ยิ้มให้พี่ชายที่นั่งข้างๆอย่างเป็นกันเอง  ไม่มีแม้แต่อาการเกร็งเหมือน
แต่ก่อนที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน  รุ่นพี่อย่างเค้าได้ทีก็เอามือน้อยๆมากุมไว้ภายใต้มือหนาๆของเค้าแล้วยิ้มกลับไปบ้าง

“ขออนุญาตจับมือ ลูกชายเจ้าของฟาร์มชื่อดังแห่งภาคตะวันออกหน่อยนะครับ  คงไม่ว่ากันนะ” โปเลย์ยิ้มเขินๆให้ปาร์ตี้ แต่ดูๆไปแล้วเจ้าตัวก็ไม่ได้มีทีท่าจะเอามือออกจากมือหนาๆนั้นเลย

“ครับ!” หนุ่มแว่นแดงตอบแบบอายๆ ก่อนจะถูกร่างหนาจับหน้าให้หันมาที่เค้าตรงๆ  โปเลย์เอื้อมมือไปถอดแว่นแดงประจำตัว
ปาร์ตี้ออกแล้วยื่นคอนแทคเลนส์ให้หนุ่มน้อยตรงหน้า

“ใส่นี่แทนแล้วกันนะ  หนุ่มน้อยของพี่” ปาร์ตี้ใส่คอนแทคอย่างว่าง่ายแล้วกระพริบตาสองครั้งก่อนจะหันมายิ้มให้รุ่นพี่ที่อยู่ข้างๆ

“ขอบคุณนะครับ  ว่าแต่วันนี้พาผมไปไหนเอ่ย ”

“ที่สวนอาหาร แถวๆถนนรัชดาภิเษก พี่เชื่อว่าปาร์ตี้ต้องชอบแน่ๆ  หิวแล้วใช่ไหมครับ”

“ตามใจพี่เลยครับ ผมยังไงก็ได้”

           ไม่นานก็ถึงสวนอาหารถนนรัชดาภิเษก มันเป็นร้านอาหารที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ  ภายในร้านตกแต่งร้านทันสมัย ดีไซน์โมเดิร์น เก๋ ๆ แนวเรือนต้นไม้และเรือนกระจก ซึ่งทางร้านมีเลือกนั่งทั้งด้านในและด้านนอก  ร้านอาหารที่อยู่ใจกลางเมืองแล้วยังตกแต่งแบบที่พุดไปเมื่อกี้ ไม่ใช่ว่าจะหาทานได้ง่ายๆนะ ปาร์ตี้เองถึงกับยิ้มออก เมื่อมาถึงที่ร้านแห่งนี้   ผู้คนก็เริ่มหลั่งไหลกันมาทานที่ร้านนนี้แล้วเหมือนกัน

“มันสวยมากเลยครับ  พี่โปเลย์เคยมาทานที่นี่บ่อยๆสินะครับ”

“ก็ไม่บ่อยนักหรอกนะ  แต่สำหรับปาร์ตี้แล้วเนี่ย พี่จะพามาบ่อยๆก็ได้ ถ้าเกิดชอบจริงๆ”

“ไม่เป็นไรครับ มาครั้งนี้ครั้งเดียว ผมก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว ทั้งๆที่พรุ่งนี้ผมก็จะได้กลับบ้านแล้วเชียว แต่ก็มาเป็นภาระให้พี่พา
ออกมาทานดินเนอร์ในวันนี้”

“อย่าพุดแบบนั้นสิครับ พี่เต็มใจต่างหากหล่ะครับ มันจะดีมากกว่าถ้าปาร์ตี้ชอบในร้านที่พี่พามา” โปเลย์ยิ้มให้หนุ่มน้อยที่ยืนอยู่
ข้างๆ ก่อนจะมองหาที่นั่ง

“ ‘ฤดูที่แตกต่าง’ อย่างนั้นหรอครับ ” ปาร์ตี้สังเกตเห็นป้ายร้านนี้  แล้วทำสีหน้างุนงงนิดหน่อย กับชื่อที่ใช้แต่ร้าน

“อืมใช่ ร้านอาหารที่นี่ เข้าท่าดีนะพี่ว่า  เป็นชื่อร้านอาหารหน่ะ  ไงว่าแต่จะนั่งด้านในหรือว่าด้านนอกครับคุณหนู”

“ด้านนอกดีกว่านะครับจะได้สูดดมอากาศอันบริสุทธิ์ได้เต็มปอด”

“ไม่มีปัญหา  เอาโต๊ะนี้แล้วกันนะครับ    น้อง….”  พูดเสร็จโปเลย์ก็ยกมือเรียกพนักงานผู้ชายให้เข้ามาหา

“ขอเมนูด้วยครับ”

“อ่อได้เลยครับรอซักครู่นะฮะ” พนักงานพูดอย่างนอบน้อมก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าไปภายในร้าน ไม่นานเมนูก็มาวางไว้ตรงหน้าทั้ง
สองคน 

“ขอบใจมาก  ปาร์ตี้ครับ ตามสบายเลยนะ  เลือกแล้วก็สั่งได้เลยพี่เลี้ยงเต็มที่”

“โห เมนูเยอะแยะไปหมด  ผมเลือกไม่ได้หรอกครับ พี่โปเลย์เลือกช่วยผมหน่อยสิครับพี่”

“ฮ่าๆ  เอาอย่างนั้นหรอ  อืม…พี่ว่า ปาร์ตี้ลองดูเมนูที่เค้าแนะนำดีไหม อยู่หน้าแรกด้านซ้ายมือเลย”

“อืมก็โอเคนะครับ มีปูนิ่มผัดพริกเกลือ, เกี๊ยวห่อชีส, ยำถั่วพู ปลากะพงทอดน้ำปลา, แซลมอนแซบ, ต้มยำกุ้งน้ำข้น และยำหอยเชลล์   โหน่ากินทั้งนั้นเลย เสียดายถ้าเกี๊ยวปลามาด้วยคงจะทานกันอร่อยมากเลยหล่ะครับ รายนั้นทานเก่งจะตายไปครับ”

“ฮ่าๆ  ไปแซวเพื่อนได้ไงกัน  ดีซะอีกพี่ว่า ปาร์ตี้ก็ทานให้เก่งๆเหมือนกันกับเพื่อนบ้างสิครับ เวลาพี่กอดจะได้มีน้ำมีนวล  ”

“อะไรกันผมไม่ได้ผอมนะ  อีกอย่างพี่จะมากอดผมได้ไงกัน  ผมไม่ยอมหรอกครับ”

“ฮ่าๆ นั่นสินะ ใครเค้าจะไปยอมให้กอด  แต่ถ้าเป็นคนรัก ก็ว่าไปอย่าง”

“พี่โปเลย์  พูดเรื่องอะไรกันครับ  ”

“จริงๆแล้วที่พี่พาปาร์ตี้มาดินเนอร์ค่ำคืนนี้ ก็เพราะมีเรื่องบางอย่างอยากจะบอก…”

“เรื่องอะไรครับ แล้วทำไมต้องจ้องตาผมจริงจังขนาดนั้นด้วย”

“อยากรู้ไหมหล่ะครับว่าเรื่องอะไร” โปเลย์จ้องตาไม่กระพริบ  ทำให้ปาร์ตี้ยิ่งอยากรู้เข้าไปอีก

“อยากรู้ครับ” ปาร์ตี้ตอบไปอย่างมั่นใจว่าอยากรู้อยู่แล้ว  แต่โปเลย์ก็ทำหน้านิ่งเหมือนเดิมแล้วถามอีกครั้ง

“แน่ใจนะ…” ความมั่นใจของปาร์ตี้ในตอนนี้เหลือแค่ 50% หนุ่มแว่นแดงเริ่มชักจะไม่มั่นใจเสียแล้วว่าจะอยากรู้ดีไหม หรือไม่รู้จะ
ดีกว่า ดูแววตาของรุ่นพี่แล้วเจ้าเล่ห์ชะมัดยาด

“อ่ะ…เอ่อ  ก็ใช่หน่ะสิครับ”

“แน่นะ!” ตอนนี้เหลือ 25%  ไม่ไหวแล้วไม่อยากรู้แล้ว

“เอ่อ…ผม…”

“ฮ่าๆๆ อะไรกัน พี่แซวแค่นี้ ตัวสั่น ไม่มั่นใจซะแล้วหรอ  ไม่แกล้งแล้วๆ สงสารเด็ก”

“อะไรกันพี่โปเลย์ นี่แกล้งผมหรอครับ สรุปเรื่องที่จะบอกนี่มีจริงๆไหมครับเนี่ย”

“มีสิ ทำไมจะไม่มี  หลับตาก่อนสิครับ”

               ปาร์ตี้เชื่อฟังรุ่นพี่ที่อยู่ตรงหน้าอย่างว่าง่าย  ไม่กี่นาทีรุ่นพี่ที่อยู่ตรงหน้าก็เอาอะไรออกมาจากกระเป๋าซักอย่าง  แล้ววางมันไว้กับมือของเค้าเองก่อนจะบอกให้ปาร์ตี้นั้นลืมตาขึ้น

“ปาร์ตี้ ลืมมาได้แล้วครับ”

             สิ้นสุดคำพูดของชายหนุ่ม  ปาร์ตี้ก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือสร้อยคอที่มีแหวนสองวงอันหนึ่งสีขาว อันหนึ่งสีฟ้าอยู่ในสานสร้อยนั้น

“สร้อยคอหรอครับ?”

“อืมใช่!รับไปสิ พี่ตั้งใจสั่งทำให้เลยนะ  เอ่อ…พี่ว่าพี่ใส่ให้ดีกว่าลองใส่ดูนะเผื่อว่ามันจะเข้ากันกับปาร์ตี้”

“ขอบคุณครับ มันสวยมากเลยครับ แหวนสองวง อันนึงเป็นชื่อของผมอีกอันเป็นชื่อของ  พี่โปเลย์”

“เก็บรักษาไว้ให้ดีๆนะ  ปาร์ตี้…”

“ครับ ผมจะเก็บมันไว้ให้ดีที่สุด”

“ดีที่สุดนี่คือแค่ไหนกันครับ” รุ่นพี่ถามแบบแกล้งๆหยั่งเชิงดู

“จนกว่าผมจะไม่สามารถดูแลมันได้  ”  คำตอบที่ได้มาทำให้รุ่นพี่อย่างเค้ายิ้มออกมาทีเดียว

“ดีมากครับ อืม… ปาร์ตี้พี่ยังไม่ได้บอกเรื่องเมื่อกี้นี้เลย  มัวแต่ให้สร้อยคออยู่…”

“ไม่ใช่เรื่องสร้อยนี่หรอครับ  แล้วเรื่องนั้นคืออะไรกันครับ”

                   ปาร์ตี้มองดูสายตารุ่นพี่ ดวงตาสองข้างนั้นจับจ้องไปที่รุ่นพี่ที่ดูเหมือนกำลังจะสูดอากาศเข้าไปให้เต็มปอดก่อนจะหายใจโล่งออกมา แต่สีหน้าและใบหูนั้นกลับแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และแล้วประโยคนั้นก็เปล่งออกมาอย่างแผ่วเบา  แต่ปาร์ตี้กลับได้ยินคำพูดนั้นเหมือนกัน

“พี่รักปาร์ตี้นะครับ ” โปเลย์กั้นใจพูดออกมา ทั้งๆที่ใบหน้าของเค้าไม่ได้มองไปที่ปาร์ตี้เลยแม้แต่น้อย  แต่กลับมองหลบไปข้างๆ
เค้าเอง  ทำเอาปาร์ตี้ที่ฟังเมื่อกี้หน้าแดง อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

“เอ่อ…”  ไม่นะนี่เค้าฝันไปรึเปล่า คนอย่างรุ่นพี่ที่สุดฮอตในโรงเรียนพาเค้ามาเดตแถมยังบอกรักกับเค้าท่ามกลางร้านอาหารสไตล์ที่สดชื่น ธรรมชาติแบบนี้ปาร์ตี้ต้องฝันไปแล้วแน่ๆ ตื่นๆๆ

“ปาร์ตี้ไม่ดีใจหรอ  พี่กะอยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้”

              เมือ่ไม่ได้ยินเสียงของอีกฝ่าย เพราะมัวแต่อึ้งไม่หายนั้น  ทำให้ชายตรงหน้าที่หน้าแดงเขินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็เผลอพูดแบบนั้นออกไป เพราะกลัวว่าจะเสียฟอร์ม นี่เค้าจะต้องพิจารณาตัวเองได้แล้ว ถ้าหากครั้งนี้คนที่จะปฏิเสธเค้าเป็นเด็กผู้ชายแว่นแดงน่ารักตัวเล็กๆคนนี้

“เอ่อปล่าวครับรุ่นพี่ อย่าเพิ่งถอดใจสิครับ  เพียงแต่ผมอยากรู้ว่ารักที่พี่ให้มามันเป็นรักแบบไหนกันแน่ ”

            ปาร์ตี้ที่รู้ความหมายของประโยคเมื่อกี้นี้อยู่แล้ว  แต่เพราะเขินจนเกินไปทำให้ต้องพูดแก้เก้อกันหน่อยแหละงานนี้ 

“ก็แบบ…คนสองคนอยู่ด้วยกัน นอนด้วยกัน ทำอะไรร่วมกัน  ไม่ทอดทิ้งกันไปไหน  ชัดรึยังครับ” ดปเลย์กลั้นใจตอบปาร์ตี้ที่อยู่
ตรงหน้า ด้วยสีหน้าที่แดงกว่าเดิมอีกเท่าตัว

“ชัดแล้วครับ ชัดมากด้วย  แล้วอย่างนี้พ่อกับแม่ของพี่จะไม่ดุเอาหรอครับ”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พี่ห่วงแต่เรากับพ่อตา นั่นแหละจะโหดไหม”

“จริงๆแล้วผมก็แอบชอบพี่อยู่หรอกนะ แต่ไม่รู้ว่าพี่ก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ผมเลยได้แต่เก็บเอาไว้ นานแสนนาน ส่วนคุณพ่อของผม ผมว่ายาก…”

“นี่ ปาร์ตี้ ถ้าพี่ขอพิสูจน์อะไรหน่อย  ปาร์ตี้จะอนุญาตพี่ไหม”

“ยังไงครับ?”

“พี่จะพาปาร์ตี้กลับบ้านเอง  งานนี้พี่ต้องได้ชัยชนะ”

“เอางั้นหรอครับ  ไหวแน่นะ พ่อของผมท่านหวงผมมาก ในชีวิตท่านท่านมีลุกชาย 2 คนแต่พี่ชายผมเค้าไปอยู่กับแม่ที่มีครอบ
ครัวใหม่ต่างประเทศ ทำให้ตอนนี้มีผมแล้วก็พ่อสองคนเท่านั้น ผมเลยกลายเป็นลูกชายคนเดียวที่ท่านเป็นห่วงและหวงมากด้วย”  ปาร์ตี้พูดแล้วสีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน ทำให้โปเลย์สะดุดแล้วก็ต้องปลอบใจรุ่นน้อง

“เอ่อพี่ไม่น่าทำให้ปาร์ตี้ต้องกังวล นึกถึงเรื่องเก่าๆเลย พี่ขอโทษนะครับ พี่ไม่ได้ตั้งใจ คราวหน้าพี่จะไม่พูดอีกแล้วนะ”

“ไม่หรอกครับ มันเป็นความจริง แล้วพี่ก็ต้องรู้ ผมเองก็ไม่อยากปกปิดอะไรมาก เพราะอย่างนี้ไงครับคุณพ่อท่านถึงได้หวงผม
มาก  พี่ถอดใจตอนนี้ก็ยังทันนะครับ รักของเรามันยากที่จะทำให้รุ่นพ่อแม่เค้ารับได้”

“พี่ไม่ถอดใจหรอก พี่ตั้งใจไว้แล้ว  เชื่อพี่เถอะนะคุณพ่อของปาร์ตี้ต้องยอมรับพี่ให้ได้”

“คุณพ่อชอบทำอะไรแล้วต้องเดิมพันทุกครั้ง พี่ไหวแน่หรอครับ  เผื่อต้องแลกด้วยชีวิต…”

“ยิ่งกว่าไหวเสียอีก แค่ชีวิตพี่ใม่เสียดาย  เอาหล่ะพรุ่งนี้พี่จะพานายกลับไปบ้านเองนะ ตอนนี้มาทานอาหารอร่อยๆที่อยู่ตรงหน้านี้ดีกว่าเนาะ”

“ครับ”


   ปาร์ตี้ร่ายยาวถึงความเป็นมาให้พ่อของเค้าฟังจนจบทำให้ ผู้เป็นพ่อยิ้มออกมาได้ เพาะฉากไหนหน่ะหรอ ก็ฉากที่บอกว่าคุณพ่อท่านชอบเดิมพันทุกอย่างเสมอ  เพราะนั่นเป็นจุดที่ท่านทะนงในความเป็นเจ้าของฟาร์มที่มีชื่อเสียงของทางภาคตะวันออกได้เป็นอย่างดี

“เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละครับ”

“อย่างนั้นหรอกครับ สร้อยที่อยู่ในคอนี่สินะ   ก็เอาสิ  พ่อเปิดโอกาส  ดีเสียอีกได้ลุกเขยมาช่วยงานที่ไร่นี้ พ่อคงจะสบายขึ้นเยอะ จริงไหม”

“อะ…อะไรนะครับ   คุณพ่อ ง่ายไปนะครับ   เอ๋ …พ่อคิดอะไรอยู่แน่ๆเลยใช่ไหมครับ บอกผมได้ไหม”

“ เอ่อ…เดี๋ยวก่อนนะ   รึว่าคุณพ่อจะ…  ไม่นะครับ   ห้ามเดิมพันเด็ดขาดนะครับ  ผมห่วง”

“ฮ่าๆ ไอ้ลูกชาย มองพ่อออกเสียทุกอย่างแบบนี้เห็นทีพ่อคงกระดุกกระดิกไปไหนไม่ได้เสียแล้วหล่ะละ  อีกอย่างที่บอกว่าห่วง
หน่ะ  ห่วงใครมากกว่ากันระหว่างพ่อกับไอ้รุ่นพี่คนนั้น”

“คุณพ่อ คงไม่ทำแบบนั้นใช่ไหมครับ  ใช่ไหมครับ ตอบผมก่อนสิครับ ” เด็กหนุ่มเค้นเอาคำตอบ

“พ่อแค่ต้องการเห็นหน้าและความสามารถไอ้หนุ่มคนนั้น  พ่อบอกไว้ก่อนนะว่าถ้าทำไม่ได้เรื่อง  ฐานะต่ำต้อย ไร้การศึกษา ไม่มีสกุลรุนช่อง ไม่รู้จักทำมาหากิน  เป็นนักเลง อันธพาลแล้วหล่ะก็พ่อไม่ให้มันมายุ่งแน่นอน  ว่าแต่เราเถอะไปทำยังไงถึงได้ไป
หลงผู้ชายเข้าได้   นี่ถ้าเป็นรุ่นพ่อนะ ถูกไล่ออกจากบ้านไปแล้วนะรู้รึเปล่า”

“คุณพ่อ  เอ่อคือ ผม… ขอโทษนะครับ  แต่ผมรักพี่เค้า…จริงๆ” คำท้ายสุดปาร์ตี้กลับก้มสีหน้า เพราะกลัวพ่อที่อยู่ตรงหน้าจะไล่เค้าออกจากบ้าน

“ของมันแน่นอนอยู่แล้ว เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วถ้าไม่รักกันจริงคงไม่ทำอะไรบ้าบิ่นแบบนี้หรอก  นี่แค่เบื้องต้นนะ ส่วนที่เหลืออีก
ครึ่งหนึ่งพ่อ จะเป็นคนตัดสินใจ!  ลูกรอดูชัยชนะหรือพ่านแพ้ของพ่อหนุ่มนั่นเลย  ”

“อะไรนะครับ   พ่อครับผมว่ามันเยอะไป  อีกอย่างพี่เค้าทนไม้ทนมือไม่ได้….”

“น้อยไปด้วยซ้ำพ่อว่า…”

“กำลังคุยถึงใครอยู่หรอครับนาย  คุณหนู!”  เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหน้า พุดแทรกบทสนทนาเหมือนกับว่าชายคนนี้ได้แอบฟังมานานพอสมควรแล้ว  ปาร์ตี้จ้องตาคนตรงหน้า  ชายหนุ่มคนนี้เป็นที่รู้จักกันดีในฟาร์มแห่งนี้



 :mew3: :mew4: :mew1: :mew3: :mew4: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:

 
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 13 up 25 10 56
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 26-10-2013 20:35:00
ไผ่หว่าที่พูดแทรก  ตัวร้ายหรือป่าวอ่ะ

 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 13 up 25 10 56
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 27-10-2013 19:24:12
ตอนที่ 14
       



          สองพ่อลูกเดินพุดคุยไปเรื่อยๆตามโรงเลี้ยงสัตว์ ตลอดทาง  แต่ก็ได้หยุดคุยกันลงด้วยน้ำเสียงที่แทรกดังขึ้นมากะทันหัน  คนเบื้องหน้านั้นเป็นใครนั้นทั้งสองพ่อลูกรู้ดี  ปาร์ตี้หันไปมองชายหนุ่มที่เข้ามาขัดจังหวะเหมือนไม่ต้องการเค้นเอาคำตอบและได้แต่มองชายร่างหนาที่อยู่เบื้องหน้าอย่างตำหนิด้วยสายตา  เพราะการทำแบบอย่างเมื่อกี้นี้มันเป็นการกระทำที่ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย

“ เปล่าหรอก   เนต  กำลังคุยถึงวีรกรรมของลูกชายฉันอยู่ ว่าแต่นายเถอะ ได้กินข้าวเช้าแล้วหรอ เปลี่ยนเวรได้นะนี่ก็เช้าแล้ว จะ
ไปพักผ่อนก็ได้ตามใจนายเลยนะ” ชายหนุ่มตัวสูงด้านหน้าก้มศีรษะเล็กน้อยแต่พองาม เหมือนรับคำสั่ง

“ผมไม่เป็นไรครับนาย   ว่าแต่วีรกรรมคุณหนูนี่ผมทราบด้วยได้เปล่าครับ ” แววตานั้นจ้องเขม็งมาที่หนุ่มแว่นแดงที่เอาแต่ยืนนิ่ง
ไม่สบตากับเค้า

“ฮ่าๆ  คุยกันก่อนก็ได้นะ  นี่ปาร์ตี้พ่อไปเดินดูไข่ไก่ทางโน่นหน่อยแล้วกัน ยังไงก็ตามๆมานะ  ไม่ได้เจอกันนานคงจะคิดถึงกันสิ
ท่า คุยกันให้พอนะ”

“ว่าไงครับ ไอ้ห่านั่นเป็นใคร  แล้วสร้อยนี่หล่ะของคุณกับมันสินะ”

“เนต ขอเถอะเราเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ เราขอตัวนะ”

“เหนื่อยหรอ  เหนื่อยแล้วเดินตามพ่อต้อยๆขออนุญาตโน่นนี่นั่นกับไอ้มือที่สามนั่นหน่ะหรอ”

“เนต เราว่านายพูดเกินไปนะ พี่เค้าไม่ใช่มือที่สาม!”

“ใช่ ผมมันพูดเกินไป พูดตรงๆ  ไม่ไว้หน้า  ผมรักคุณหนูนะ รักมากด้วย แล้วดูคุณหนูสิ คุณหนูกำลังจะทิ้งผมไป”

“เนต  เราไม่ได้คิดจะทิ้งเนตนะ  เนตเป็นเพื่อนที่ดีของเราคนนึงเลยนะ ทำไมเนตคิดแบบนี้ เราเสียใจนะที่ได้ยินคำคำนี้จากเนต  ถ้าจะให้เรารักเนตแบบคู่รัก เราทำไม่ได้  เราไม่ได้รักเนตแบบนั้น   เรื่องนี้เราบอกเนตหลายครั้งแล้วนะ  เราไม่อยากพูด…อีกครั้ง!”

            ปาร์ตี้รัวออกมาเป็นชุด  ไม่ทันได้สังเกตเลยว่าคนตรงหน้าร้องไห้เสียแล้ว เค้าร้องไห้ตอนไหนนั้นปาร์ตี้เองก็ไม่รู้  แต่ตอนนี้เนตน่าสงสารมาก จริงๆแล้วน้ำตาของนายคนนี้ เค้าเองก็เห็นมาบ่อยมากแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ปาร์ตี้ชินเลยสักที

“เนต อย่าร้องไห้นะ  ผู้ชายตัวใหญ่สมชายชาตรีแบบนายไม่ควรเสียน้ำตา รู้รึเปล่า  ”

“คุณหนูจะมาสนใจผมทำไมกัน  ปล่อยไอ้ขี้ข้าอย่างผมมันร้องไห้ไปเถอะ ” เนตพูดแล้วก็หลบหน้าปาร์ตี้ไปทางด้านหลัง  ปาร์ตี้ก็
ไม่ได้นิ่งนอนใจรีบเดินไปทางด้านหน้าเนตทันที

“ไม่เอาหน่ะ เนต อย่าหลบหน้ากันแบบนี้สิ  เราทุกข์ใจนะที่นายเป็นแบบนี้  ”

“ผมรักคุณหนู  รักคุณหนูคนเดียวและคนสุดท้ายของผมด้วย ”

“เนต อย่ากักขังตัวเองแบบนั้น ขอร้องหล่ะ ”

“คุณหนูกำลังจะทิ้งผมไป ใช่ไหม ใช่ไหมตอบผมมาสิ”

“ไม่ๆ เราจะไม่ทิ้งนายเมื่อกี้เราก็บอกไปแล้ว  ทำไมนายคิดแบบนั้นเนต เฮ้อ… ฟังให้ดีนะเนต  ฉันรักนายเหมือนพี่ชาย นายทำ
ทุกอย่างที่พี่ชายแท้ๆของฉันไม่เคยให้มาตลอด  นายทำหน้าที่นั้นได้ดีตลอด  จนฉันคิดว่านายเป็นคนสำคัญของครอบครัวเราไป
เสียแล้ว”

“คุณหนู…”
“เนตจำได้ไหมตอนเด็กๆ เนตเคยบอกเราว่าเนตจะไม่ทำให้เราเสียใจ ทุกข์ใจ และจะคอยปกป้องเราให้ได้  นายลืมไปแล้วหรอ”

“ผมไม่มีวันลืม… ผมจำได้ดี   ผมขอโทษนะที่ทำให้คุณทุกข์ใจ  ผมไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้  แต่ที่ผมทำไปก็เพราะอยากแสดง
รัก…”

“เนต  มองดูทุ่งหญ้าลูกฟูกที่ไกลลับตานั่นสิ  นายเห็นไหมแค่ผืนดินไม่กี่ร้อยไร่  แต่กลับมีอะไรที่แปลกตาเยอะแยะทั้งสิ่งมีชีวิต
และไม่มีชีวิต…”

“คุณหนูกำลังจะบอกอะไรผมครับ ผมไม่เข้าใจ? ”

“เรากำลังจะบอกว่า  ยังมีผู้คนอีกมากมาย ไม่เพียงแต่ที่นี่ แต่มันคือทั่วทั้งโลก  เราว่านายต้องเจอคนที่นายรักและรักนายแน่
นอน”

“ในโลกนี้ใครจะไปมีเหมือนคุณหนูของผมอีกหล่ะครับ  คนดีๆที่ผมรักได้ขนาดนี้ ไม่มีอีกแล้ว”

“ใครว่ากันหล่ะ  เนตนายเหมือนเด็กเลยนะตอนนี้ ทั้งๆที่เป็นผู้ใหญ่มาให้เราตลอดแล้วดูตอนนี้สิ  ท่าทีแบบครั้งก่อนนั้นมันหายไป
ไหนหมดแล้ว”

“ผมขอโทษ  ผมควรจะไปพักผ่อนแล้ว  ยังไงผมก็จะรักคุณหนูไม่เปลี่ยนแปลง”

“เอ่อ เนต เดี๋ยวสิ เนต!…เฮ้อ พูดซะนาน แต่ก็… ซักวันนายจะเข้าใจเองนะเนต!”

              หนุ่มน้อยมองตามหลังเนตที่เดินออกไปจากตรงหน้าที่เค้ายืนอยู่  แล้วก็มีอีกหนึ่งร่างเล็กๆ เดินเข้าสวนเข้ามาหาเค้าแล้วทำหน้างงๆก่อนจะถามปาร์ตี้

“เอ่อ  ปาร์ตี้  พี่เนตเค้าไปกินรังแตนมาจากไหนหน่ะ หน้าบึ้งเดินสวนฉันไปโน่นแล้ว ถามอะไรก็ไม่ตอบเอาแต่ฟัดเหวี่ยงฉันอย่าง
เดียว”

 “นอส   ให้ตายสิ นายดูน่ารักขึ้นเยอะเลย  สบายดีไหม… แล้วรู้ได้ไงว่าเราอยู่ที่นี่” ปาร์ตี้แทบจะไม่ได้ตอบคำถามเพื่อนเก่าเลย
ซักนิดเพราะมัวแต่ตกใจและตื่นเต้นนิดหน่อย

“ปากของท่านนอสคนนี้ซะอย่าง ถามจากคนงานที่อยู่แถวๆทางเข้าไร่ก็รู้แล้วหล่ะ”

“หรอ  ไหนขอกอดหน่อยเพื่อนรัก  เป็นไงบ้างไปอยู่ต่างประเทศมา ไม่เห็นจะส่งข่าวมาเลยนะ  ”

“เรื่องมันยาวหน่ะ มานี่เร็วเข้า…ไปหาที่นั่งเย็นๆ แล้วเราจะเล่าให้ฟัง”

               ที่ใต้ร่มไม้ต้นฉำฉาต้นใหญ่  นอสนั่งหายใจสูดเอาอากาศเข้าไปเต็มปอดแล้ว พ่นลมหายใจออกมาก่อนจะเล่าเรื่องราวให้ปาร์ตี้เพื่อนเก่าฟังอย่างน่าตื่นเต้น มันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีเลิศที่สุดในการใช้ชีวิตอยู่ในกรุงโรม เล่าไปเล่ามาจนมาหยุดอยู่ที่เรื่องของนอสกับพี่เนตคนนั้น  ทำเอาปาร์ตี้เบิกตากว้างเพราะไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของเพื่อนเก่าอย่างนอส

“หา!!!...อะไรนะ นายชอบพี่เนตหรอ”

“เฮ้ย  ไอ้เพื่อนรัก จะแหกปากทำไม เดี๋ยวรายนั้นมาได้ยินเข้าแล้วจะเป็นเรื่องใหญ่”

“ดีเลย เราเพิ่งหักอกเค้าไปเมื่อกี้นี้เอง  ขออาสาสมัครอย่างนายไปยาใจท่าจะโอเค”

“จะดีหรอ รายนั้นเค้าจะไม่ต่อยเราหน้าหงายหรอกหรอปาร์ตี้  ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ ไปเป็นหมอนรองมือรองเท้าแบบนั้น ตายก่อนมีผัวพอดี”

“ฮ่าๆๆ  เต็มปากเต็มคำเลยนะ ตายก่อนมีผัว คิดได้ไงนอส  เอาเถอะหน่าไม่ลองไม่รุ้นะจะบอกให้”

              นอสยักไหล่อย่างไม่สบอารมณ์  ใครจะไม่รู้ว่าเนตเป็นคนอารมณ์ร้อนขนาดไหน  ไม่ว่าใครจะเป็นน้ำหรือน้ำแข็งพอเข้าไปก็มีหวังละลาย ระเหยไปหมดแน่  ไม่สามารถดับได้หรอก อารมณ์ดุเดือดอย่างกับภูเขาไฟปะทุของไอ้หมอนั่น




        ที่บ้านข้าวตู จังหวัดหนองคาย   เสียงไก่ขันร้องขึ้นเมื่อตะวันกำลังจะโผล่งจากดิน  สแกนนอนหลับอุดอู้ภายใต้ผ้าห่มสุดรักสุดหวงกำลังเคลิบเคลิ้มได้ที่  แต่แล้วการนอนหลับก็ต้องหยุดชะงักเมื่อประตูห้องถูกเปิดออกมาเสียงดังมาก  ปัง!

“อุ้ย  ใครวะ” สแกนโวยเสียงดังเมื่อมีคนดันประตุเข้ามาเสียงดังลั่น จนทำให้เค้าตื่นนอน

“ไอ้รุ่นพี่ ตื่นได้แล้วเพราะนี่มันเช้าแล้ว  ไปอาบน้ำแล้วลงมากินข้าวเช้าข้างล่าง”

“โหคุณพ่อครับ  ขอนอนต่ออีก 1 ชั่วโมงไม่ได้หรอครับ”

“ไม่ได้เว้ย ถ้าไม่ตื่นเอ็งก็เตรียมตัวกลับกรุงเทพเดี๋ยวนี้”

“ ครับๆตื่นแล้วครับๆ ” สแกนได้ยินคำสั่งนี้ถึงกับแหกตาโตตื่นวิ่งกุลีกุจอไปหยิบผ้าขาวม้าแล้วก็อุปกรณ์อาบน้ำเตรียมพร้อม พอ
จะวิ่งออกจากประตูเท่านั้นแหละ

“คุณพ่อ ว่าแต่ห้องน้ำอยู่ทางไหนนะครับ แฮะๆ พอดีผมลืมแล้ว ”

“เมื่อคืนเอ็งไม่ได้อาบน้ำรึไงวะ…อยู่ด้านล่างโน่น  ไปเร็วๆ”

“ครับๆ”

             ไม่นานเท่าไหร่ สแกนก็ร้องจ๊ากดังออกมาจากห้องน้ำ  จนทำให้ทุกคนในบ้านต้องวิ่งเข้ามาดู  ไม่ใช่อะไรหรอกนะเหตุผลง่ายที่สุดก็คือ น้ำที่ใช้อาบไงมันเย็นเสียจนคนกรุงที่ได้สัมผัสมันสักขันต้องเป็นแบบนี้ทุกราย

“ พ่อหนุ่มเป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ ”  แม่ของข้าวตูตะโกนถาม  แต่แล้วเสียงก็เงียบไป

“นี่  ไอ้รุ่นพี่   เป็นอะไรตอบมาสิวะ  ไม่งั้นข้าพังประตูเข้าไปนะ”

“พ่อ!  แม่!  ขอทางหน่อย”

“อ้าวไอ้ข้าว  ไปตลาดมาเร็วจังหล่ะลูก”

“เร็วที่ไหนกันพ่อ  ฉันก็รีบซื้อรีบกลับนั่นแหละ จะไปอยู่อะไรนานมากมายพ่อขอทางหน่อย กาน้ำร้อนขนาดนี้มือฉันจะถือไม่ไหวอยู่แล้ว”

“แล้วเอ็งจะถือมาทำไมกาน้ำร้อนหน่ะ”

“ก็เอามาให้รุ่นพี่นั่นแหละ  เค้าอาบน้ำเย็นไม่ได้หรอกนะพ่อ  ที่โน่นบ้านเค้าจะร้อนจะฝนจะหนาวก็อาบน้ำอุ่นทั้งนั้น”

“เอ้าๆ ผู้ดีตีนแดงอีกต่างหาก จะทำอะไรก็ทำ  พ่อกับแม่ไปรอที่ใต้ถุนบ้านนะ  รีบๆพากันมากินข้าวหล่ะ  กินเสร็จพ่อมีอะไรจะให้
ทำ”

“อ่าๆ  โอเคๆ พ่อ แค่นี้ก่อนนะ ร้อนมือหมดแล้ว พ่อนี่ชวนคุยนานจัง”

“เออๆ ไปแล้วๆ  อ้าวพ่อสิง  มาแต่เช้าเชียว  มีอะไรรึเปล่า”

“หวัดดีครับพ่อตา  แม่ยาย  น้องข้าวตูอยู่ไหนครับ ”

“อยู่โน่น กำลังเอาน้ำร้อนไปผสมให้รุ่นพี่ที่กรุงเทพเค้าหน่ะ เพิ่งกลับมาบ้านเมื่อวาน   มาๆนั่งก่อนๆ พอดีอยู่กินข้าวด้วยกันก็ดี”


    ข้าวตูชะเง้อมองดูก็เจอสิงโตเจ้าลูกชายกำนันเสือตำบลใกล้เคียง  ข้าวตูละเหนื่อยใจจริงๆ มันจะมาเช้าอะไรกันนักหนาวะ  ทำไมไม่มาซะตอนตี 5 เลยเล่า   แล้วไหงเอาลูกน้องบ้าบอกพวกนั้นมาอีก มันน่าเบื่อชะมัด

“พี่สแกน เปิดประตูให้ผมหน่อยผมเอาน้ำร้อนมาให้แล้ว”

“พี่โป๊อยู่นะ  ข้าวตู  ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่แง้มประตูเอาก็ได้”

“จะทำอะไรก็ทำสักอย่างเถอะพี่สแกน ผมจะถือไม่ไหวอยู่แล้วนะร้อน  เข้าใจไหมครับ”

“เอ้า ร้อนก็วางไว้สิครับถือไว้ทำไม”

“อย่ากวนประสาทแต่เช้านะพี่สแกน  เร็วๆ  เดี๋ยวโยนน้ำร้อนทิ้งซะเลยหนิ”

“อ่าๆ ไม่กวนก็ได้  แหมๆ  มาส่งมาให้พี่เร็วเข้า ”

“ผสมกับน้ำเย็นเอานะ  ผมไปแล้ว  พอดีแขกมาหน่ะ เดี๋ยวต้องไปต้อนรับเค้าหน่อยผมหล่ะเบื่อจริงๆเลย”

“ตามสบายเดี๋ยวพี่ตามไปนะ  ว่าแต่ไม่สนใจมาเป็นอาสาสมัครถูหลัง ถู…ให้พี่หน่อยหรอ”

“ อาสาไปคนเดียวเถอะ  ไปแล้ว จะบ้ารึไงกัน ”

               
“พี่ๆ  ข้าวตูมาแล้วพี่  โหมารอบนี้น่ารักกว่าเดิมอยู่นะพี่เสือ”

“มาทำไมแต่เช้า นี่บ้านฉันไม่ได้เปิดสาธารณะนะโว้ย จะเข้าจะออกเกรงใจบ้าง”

“เฮ้ย  ไอ้ข้าวพ่อนั่งอยู่ตรงนี้  ไม่อายหน่อยหรอ ไปพูดให้พี่สิงโตแบบนั้นได้ยังไง”

“พ่อ งั้นฉันไปเตรียมอาหารก่อนนะ จะได้ยกมานี่เลย  ”

“น้องข้าวตูใจดีจังเลย  จะเอากับข้าวมาเสิร์ฟให้ถึงที่น่ารักจริงๆ”

“น่าเบื่อหล่ะสิไม่ว่า  ฉันจะยกมาให้พ่อฉันกิน พวกแกกลับไปกินที่บ้านโน่นไป”

“อะไรของเอ็งมาข้าวตู  พูดอะไรก็เกรงใจพ่อสิงโตเค้าหน่อย เค้าอุตส่าห์มาหา  เดี๋ยวเค้าก็หาว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนซะหรอกเอ็ง
หน่ะ”

“ไม่เป็นไรครับพ่อตา  ผมเนี่ยยังไงก็ได้ครับ เพื่อน้องข้าวตูแล้ว พี่ยอมโดนว่า โดนด่าครับ ฮิ้วๆๆๆ”

          สิ้นเสียงไอ้พวกลูกน้องก็พากันโห่ร้องเสียงดังแซวขึ้นมา  ข้าวตูมองไปทางพ่ออย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินผ่านกลางหน้าสิงโตกับพ่อที่กำลังคุยกันอย่างออกรสชาติ ด้วยอารมณ์ไม่รับแขก จนทำให้สิงโตกับลูกน้องต้องสะดุ้งหลีกทางให้แทบไม่ทัน ไม่งั้นโดนเหยียบเท้าเป็นแน่  แล้วข้าวตูก็เดินพุ่งเข้าไปในครัวที่ตอนนี้มีเพียงสำลีลูกพี่ลูกน้องคนเดียวเท่านั้นที่กำลังขะมักเขม้นอยู่หน้าหม้อแกงเข้าครัวไปเตรียมอาหารช่วยน้องสำลีกับแม่และป้าที่ห้องครัว

“สำลี  เดี๋ยวแกตักอาหารไปให้ไอ้พวกตำบลต่างด้าวนั่นด้วยนะ  เดี๋ยวของพี่สแกนฉันตักเอง”

“จ๊ะพี่ข้าวตู  ว่าแต่พ่อหนุ่มคนกรุงนี่เค้าหล่อจังเลยนะจ๊ะพี่นะ  ฉันชอบจังเลย  หล่อล่ำ ดั้งโด่ง กล้ามแขนสุดๆไปเลยจ๊ะ หาได้ยาก
นะแถวบ้านเราหน่ะ  ตัวก็ขาวเหลือง รวมๆแล้วฉันฟินจัง”

“แกจะได้หยุดฟินตอนนี้แหละ  พี่สแกนของฉัน จบไหม !”

“อะไรกันพี่ข้าวตู  ก็มีพี่เสือแล้วนี่จ๊ะ  พี่สแกนหน่ะหนูขอ”

“นี่ๆ ไอ้สำลี   น้อยๆหน่อยนะพี่สแกนฉันไม่ใช่ผักปลาที่ไหนนะจะได้ขอก็ให้ไปอย่างนั้น”

“ก็ได้ๆ  หลายใจนะพี่หน่ะ  ระวังนะจับปลาสองมือ โบราณคนเก่าก่อนพุดไว้ ระวังจะชวดทั้งสองนะพี่”

“จับปลาสองมือหรอวะ  ฝันไปเถอะ ไอ้พี่เสือนั่นฉันไม่ได้จับ มันนะ  มีแต่มาเกาะตัวฉันเองต่างหากหล่ะ เบื่อจริงๆพวกปรสิต”

“ว้าย แรงนะคะ  หนูเตรียมเสร็จแล้ว ยกไปเลยใช่ไหมจ๊ะพี่ข้าวตู”

“อืมๆ ยกไปเลยนะยกไปวางไว้ตรงหน้าไอ้พวกนั้นแหละ  ”

“จ๊ะ!”

        สแกนที่อาบน้ำเสร็จ แล้วเข้าไปแต่งตัวด้วยชุดที่แม่ของข้าวตูเตรียมไว้ให้ที่เตียงนอน  เป็นชุดพื้นบ้านของชาวบ้านอีสานที่
ใส่กัน  มีผ้าขาวม้าผูกไว้ที่เอว  สแกนหยิบเอาเจลเซทผมแต่งนิดหน่อย ก็กลายร่างมาเป็นบุรุษหนุ่มหล่อแห่งทุ่งนาแดนอีสานไปเสียแล้ว

“อ้าวนี่พ่อหนุ่ม มาๆกินข้าวกันเร็ว จะได้ทำความรู้จักกับลูกชายกำนันเสือ  นี่พ่อสิงโต ลุกชายคนเดียวของกำนันเสือหล่ะ  พ่อสิง
นี่ก็คือ รุ่นพี่ของไอ้ข้าวตูมันที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพโน่นหน่ะ  ทำความรู้จักกันซะ”

“หวัดดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”

“อืม” สิงโตตอบขานแบบไม่สบอารมณ์พร้อมกับกินเข้าที่อยู่ตรงหน้าต่อไป

“เอ้าๆ  เชิญตามสบายนะพ่อหนุ่มจะนั่งกินตรงไหนก็เลือกเลย  อาหารฝีมือแม่ข้าวตูอร่อยอยู่แล้ว”

“พี่สแกน  ทานนี่หน่อยนะ แกงปลาช่อน  อาหารอีสานของแท้ใส่ใบผักหวานด้วย  น้ำแกงก็อร่อย แจ่วบอง ส้มตำชาวบ้านพี่ลองกินดูนะพี่” ข้าวตูพูดแล้วพลางหยิบโน่นตักนี่ให้สแกน ทำเอาลูกน้องของสิงโตสะกิดให้เค้าดู

“ขอบใจนะข้าวตู”

“อ้าวๆ  นี่ๆข้าวตู พี่ก็อยากกินนะ ตักให้พี่บ้างสิครับ” สิงโตพูดแล้วจ้องเขม็งไปที่สแกนอย่างเดียว

“มีมือก็ตักเองสิพี่เสือ  ”

“อะไรกันวะ  พ่อตาครับ ไอ้นี่มันเป็นใครกันแน่” สิงโตหันไปถามพ่อกำนันเบิ้มเพราะคำตอบของข้าวตูเมื่อกี้มันทำให้เค้าอยากรู้
ว่าสองคนนี้จริงๆแล้วไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างที่เค้าคิด

“เอ่อ ฮ่าๆ พ่อสิงใจเย็นๆ   ไอ้ข้าวตูมันก็แค่ทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านที่ดีแหละ  รุ่นพี่มันเป็นคนต่างถิ่นยังไม่รู้จักอาหารการกิน
วัฒนธรรมอีสาน เดี๋ยวพ่อจะสอนเค้าวันนี้แหละ”

“สอนอะไรพ่อ   บอกไว้ก่อนนะอย่าทำอะไรเกินไป ไม่งั้นฉันไม่ยอมจริงๆด้วย”

“ปล่าวนี่ ก็แค่ให้รู้การเป็นอยู่ของคนอีสานให้ดีขึ้นเท่านั้นเองไม่เห็นจะมีอะไรเลย จริงไหมพ่อสิง”

“อ้อ ครับพ่อตา ผมรู้แล้วครับ ฮ่าๆ” สิงโตยิ้มมีเจ้าเล่ห์ก่อนจะหันไปมองสแกนที่มองเค้าอย่างไม่ไว้ใจอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

“ทานเถอะครับ อย่าไปสนใจเลย  อาหารอร่อยไหมครับพี่สแกน”

“อร่อยมากเลยครับ  ฝีมือแม่ข้าวตูน่าทานมากๆ”

        บ้าจริง พ่อกับไอ้พี่สิงกำลังคิดแผนอะไรกันอยู่  ไม่ได้ๆเห็นทีเราต้องตามติดรุ่นพี่ตลอดเวลาซะแล้ว  จะมาพิสูจน์อะไรกัน 
ฉันไม่ยอมให้พ่อเอาไอ้พี่สิงโตนี่มาทำอะไรที่พิลึกๆหรอกนะ





 :o8: :-[ :impress2: :o8: :-[ :impress2:

หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 14 up 27 10 56
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 31-10-2013 18:36:35
ตอนที่ 15





              ที่โรงแรมหรูหราประเทศจีน  เด็กหนุ่มหน้าตี๋กำลังหงุดหงิดอย่างหนัก ช่วงการไปเที่ยว  3 วันที่ผ่านมานี้ดูเหมือนจะไม่เป็นสูตรสำเร็จเอาเสียเลยทีเดียว  รุ่นพี่ใจเจ๋งนั่นกวนประสาทได้ทุกวี่ทุกวันไม่มีขาดตกบกพร่อง อีกอย่างป๊ากับม๊าก็กลั่นแกล้ง ให้เค้าต้องมานอนพักในห้องเดียวกันอีก มันน่าโมโหไหมล่ะ

 “นี่ๆ  เป็นอะไรมากรึเปล่า มาเที่ยวนะไอ้หนู  ไม่ได้มาให้ฆ่าตาย! ดูทำหน้าเข้าสิ?”

“หุบปากไปเลย ที่ฉันไม่สนุก ไม่มัน ก็เพราะมีแกนั่นแหละมาเที่ยวด้วยทำไม ทำไมไม่อยู่เฝ้าบ้านโน่น”

“อ้าว ช่วยไม่ได้มีคนขอร้องให้มาเองหนิ  แม้แต่นายก็เป็นคนขอร้องให้ฉันมาเองเหมือนกันไม่ใช่หรอ”

“อย่ามากวนประสาทนะ หลักฐานออกทางสีหน้าชัดเจนขนาดนี้ นายยังจะคิดว่าฉันเป็นส่วนหนึ่งในการพานายมาเที่ยวรอบนี้หรือ
ยังไงเล่า”

“มันก็ไม่แน่นะ ฮ่าๆๆ เอาเป็นว่าที่ฉันมาด้วยเพราะม๊า เฮ้ย ป้าเหมยให้ฉันมา   ฉันก็เลยมานี่ไง  จะถามกี่ครั้งฉันก็จะตอบแบบนี้ไปเรื่อยๆ”

“เออๆ จะว่าไปนะ  นายเป็นอะไรกับป้าเหมยนะ บอกใหม่ทีซิ”

“ก็ เอ่อ เป็นแบบว่า ญาติ อ่ะ อืม ประมาณนั้นแหละ   ถามไมอ่ะ”

“ญาติหรอ  แปลกเนาะ อืม… นี่ๆนายใจเจ๋ง”

“ว้าว สวรรค์ทรงโปรดให้นายเรียกชื่อฉันถูกหรือไงกัน”

“นี่ๆ น้อยๆหน่อย เป็นงานเป็นการ  อย่าขัด!”

“โอเคครับๆ ไม่ขัดแล้วๆ  ว่ามา…” ใจเจ๋งเอามือล่วงถุงขนมเข้าปากกุบๆ

“…อืม นายพอจะรู้ไหมว่า สรุปแล้วพี่ตี๋เล็ก เค้าจะตามมา รึว่าไม่มาแล้ว นี่ก็ผ่านมา 2 วันแล้วอ่ะ ไม่เห็นพี่จะมาเลย ”

“ ไม่รู้สินะ อาจจะไม่อยากมา รึไม่ก็มาแล้วก็ได้มั้ง ”

“นายใจเจ๊ง  จริงจังหน่อยๆ คำตอบที่ดูเลื่อนลอยของนายไม่ได้ช่วยฉันเลยนะ ”

“นายก็เหมือนกันแหละ เป็นไรมากป่ะ กับไอ้ตี๋เล็กอ่ะ ถามหาอยู่นั่นแหละ มันมีดีอะไรนักหนา ”

“มากสิ  มากกว่านายก็แล้วกัน ถ้าเป็นไปได้ขอเลือกพี่ตี๋เล็กแทนนายจะดีกว่า การมาเที่ยวครั้งนี้คงจะสนุกสุดๆไปเลย”

“หรอ…นี่นาย ถามไรหน่อยสิ ” ใจเจ๋งหรี่ตามองก่อนจะยิ้มมุมปาก

“ถามมาตอบได้ก็จะบอก ตอบไม่ได้ก็ไม่บอก”

“สำหรับนายแล้ว ตี๋เล็กมันอยู่ในฐานะไหนวะ ” ใจเจ๋งอมยิ้มเหมือนกับอยากรู้ว่าคนตรงหน้าคิดอะไรยังไงกับเค้า มากน้อยแค่ไหน

“อ้าวถามแปลก ก็พี่ชายหน่ะสิ จะให้ฉันจับทำผัวรึไง ผู้ชายเหมือนกันนะเว้ย อีกอย่างป๊ากับม๊ารู้เค้ามีหวังตายแน่ๆ  เชียว”

“อ้อ…สรุปแล้วก็คือแอบชอบ แต่ไม่กล้าหล่ะสินะ  นี่ๆบอกเลยนะว่าไอ้ตี๋เล็กมันโสดแต่ไม่ซิงนะ ”

“อะไรของนายพูดให้มันดีๆนะ  มาบอกว่าแอบชอบ   แกหันมาดูปากฉันหันมานี่”

“โอ้ย จะเอามือจับหน้าให้มาดูปากอะไรนักหนา เจ็บนะ  โถ่” ใจเจ๋งทำสีหน้าอย่างกับเจ็บจริงๆ

“เจ็บก็ต้องตั้งใจฟังให้ดีๆ  ฉัน-รัก-พี่-ตี๋-เล็ก-แบบ-พี่ชาย-ที่-แสน-ดี เข้าใจไหม ไอ้รุ่นพี่ใจเจ…”

                 แค่นั้นแหละ ปากสองปากก็บรรจงจูบประกบกันอย่างอ่อนหวาน ท่ามกลางเตียงนอนอันนุ่มนิ่มและบรรยากาศห้องที่
เงียบสนิทได้ยินแต่เพียงเสียงแอที่เปิดไว้เท่านั้น


“…”

“…”

      ผ่านไป 45 วินาทีแห่งการจูบ ใจเจ๋งเริ่มรู้สึกตัวประกอบกับคนตรงหน้าที่ไม่ได้พูดอะไรเอาแต่อ้าปากค้างอยู่อย่างนั้นไม่กระพริบตา  แหมดูๆไปแล้วไอ้เกี๊ยวปลานี่เหมือนจะไม่เคย ดูสิฮามาก หน้าตามันตอนนี้หน้าแดงหูแดงไปหมดแล้วเกี๊ยวปลาเอ๋ย

“ขอโทษที ฉันอดใจไม่ไหว ใครบอกให้เอาปาก เอาหน้ามาใกล้ขนาดนั้น  สักดอกคงไม่ว่ากันนะ”

“…”

“อึ้ง อึ้ง อึ้งล่ะสินะ  แหมโดนฉันจูบปากทีเดียวจอดแบบนี้ เอาอีกซักทีดีไหม เผื่อจะได้นิ่งๆเป็นเด็กดีไม่ก้าวร้าวกับเค้าบ้าง”

“อะ เอ่อๆ  พอแล้ว ไม่ต้องเพิ่ม  เอาเป็นว่าเมื่อกี้มะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ”

“ได้ไง ฉันยังได้รสหวานๆที่ปากนายอยู่เลย จะให้บอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขอโทษนะ ฉันไม่โกหกตัวเองอ่ะ เกี๊ยวปลา”

“แต่ฉันรับไม่ได…”

“หรอ  อึ้งตาโตปล่อยให้ฉันเลียลิ้นเลียปากตั้งเกือบนาทีเนี่ยนะ ฮ่าๆ”

“สนุกหรอๆ” เกี๊ยวปลาเอามือใกล้ๆคว้าหมอนหนึ่งใบจับตีจับตีหลายครั้ง จนคนตรงหน้าร้องโอ้ยทันที

“โอ้ยๆ  เกียวปลาพอแล้วๆ  เจ็บๆโอ้ยๆ  ขอโทษ ๆ ไม่ทำอีกแล้ว”

“เออดี  สรุปเมื่อกี้มีอะไรเกิดขึ้นไหม”

“ไม่มีเลยจ๊ะ  ไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว”

“เฮ้อ  จะว่าไปนายเองก็จูบเก่งไม่ใช่เล่นนะ  ผ่านผู้หญิงกี่คนแล้วหล่ะ ช่ำชองขนาดนี้ ”

“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก  แต่ว่า…”

“แต่อะไร”

“นายเป็นผู้ชายคนแรกเลยนะที่ฉันจูบปากเนี่ย  ไม่นึกเลยว่าจูบผู้ชายมันก็หวานไม่แพ้ผู้หญิงเลย  เหลือก็แค่…” ใจเจ๋งลดสายตา
ลงมาหยุดอยู่ที่เป้าน้อยของเกี๊ยวปลาทำเอาเจ้าตัวนี่แทบจะจะหมอนปิดไม่ทัน

“ก็แค่อะไร  อย่ามามองนะ  ไอ้หื่น ลามก  ”

“ฮ่าๆ หยอกเล่นแค่นี้ทำเป็นหูแดงหน้าแดงไปได้”

“ฉันหูแดงหน้าแดงหรอ  เฮ้ยไม่นะ  แมนๆอย่างฉันไม่น่าจะอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้  ไม่ๆๆๆๆ”

“อะไรก็เปลี่ยนแปลงไปได้ทั้งนั้นแหละ  เห็นฉันเป็นแบบนี้ฉันเป็นไบนะจะบอกให้”

“หมายความว่าไงไบหรอ?”

“ก็ได้ทั้งชายและหญิงนั่นแหละ”

“จริงหรอ แต่ฉันก็เห็นว่านายมีแต่สาวๆทั้งนั้นหนิ  แล้วผู้ชายนายไปได้ตอนไหนหล่ะ”

“เมื่อกี้”

“ไอ้หน้าด้าน  บอกแล้วไงว่าเมื่อกี้ คือไม่มีอะไรเกิดขึ้นแกนี่พูดไม่ฟังแฮะ”

“ล้อเล่นๆแต่อาจจะจริงก็ได้ ฉันหน่ะนะ  ตอนเด็กๆ แอบชอบเด็กผู้ชายคนนึง  เด็กคนนั้นร้องไห้ ขี้งอแง  แต่ฉันไม่เคยรู้สึกรำคาญ
ใจเลยนะ  แต่ฉันกลับอยากดูแลเค้าไปตลอดด้วยซ้ำ แต่แล้ววันหนึ่งก็ต้องจากกัน  เพราะป๊ากับม๊าฉันต้องย้ายมาอยู่เยาวราช
ขาดการติดต่อเป็นเวลานานทีเดียว…”

“แล้วตอนนี้นายเจอเค้าแล้วหรอ”

“ไม่เชิงหรอก เค้าอาจจะจำฉันไม่ได้ แต่ตอนนี้ฉันจำเค้าได้ดีทีเดียวเชียวแหละ  เด็กคนนั้น  ด้วยความดื้อของเค้าทำให้ฉันได้แผลเป็นด้วยรู้รึเปล่า”

“แผลเป็นหรอ?”

“อืมใช่แผลเป็นที่ไหล่ขวาตรงนี้”

“นี่นาย  แผลเป็นแบบนี้  ”

“ฮ่าๆ  อะไรของนาย เกี๊ยวปลา ฉันให้นายมาฟังเรื่องราวย้อนหลังของฉัน  ไม่ได้ให้มาทำสีหน้าเคร่งเครียดนะ”

“หยุด นั่งลงเดี๋ยวนี้! ให้ฉันดูแผลเป็นอีกรอบซิ”

“อืมก็เอาสิ ฉันไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว”

“รอยแผลเป็น  เหมือนถูกแจกันโยนใส่แล้วเกิดแตกขึ้นมาตามแรงกระทบ…”

“อะไรของนายเนี่ย  เป็นหมอดูหรือไง” ใจเจ๋งแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้  ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเกี๊ยวปลานั่นแหละที่ทำ

“ฉันทายถูกใช่ไหม”

“มันก็ใช่  ทำไมหรอ  จะบอกว่าเหมือนกับชีวิตนายว่างั้น”

“เปล่า  ถึงมันจะเหมือนแต่นายคงไม่ใช่พี่ตี๋เล็กอยู่แล้วหล่ะ  นายใจเจ๊ง”

“หึ  กะแล้วเชียว ว่าต้องเป็นแบบนี้” ใจเจ๋งรีบลุกขึ้นไปส่องกระจกก่อนจะแต่งตัวให้ดูดีๆขึ้นมาอีกนิดหน่อย

“เดี๋ยวนายจะไปไหน  ”

“ไปที่ไหนก็ได้ที่ทำให้ฉันสบายใจ นายเองก็พักผ่อนเถอะ ไปเที่ยวมาทั้งวันแล้ว คงจะเหนื่อย เดี๋ยวเย็นฉันจะกลับ  ฝากซื้ออะไรไหม”

“เอ่อ มะ ไม่หล่ะขอบใจนะ”

“อืม  ไม่ต้องคิดมากเรื่องที่ฉันเล่าหรอกนะ ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่จริง ก็คงไม่เกี่ยวกับนายหรอก  สบายใจได้”

“เอ่อ อะ อืมๆ” เกี๊ยวปลารับคำ  ทำให้อีกฝ่ายยิ้มให้แล้วหันหลังออกไปจากห้อง  ความเงียบเงาเข้ามาปกคลุม เกี๊ยวปลาหรือซาน
หงตอนนี้กำลังนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 15 ปีก่อน  โดยเฉพาะช่วงที่โยนแจกันไปใส่พี่ตี๋เล็กเข้าให้


ก๊อกๆ

“ ซานหงๆ   เปิดประตูให้ป้าหน่อยลูก ”

“ป้าเหมยหรอครับ แปบนึงนะครับ”

“อ้าว  อยู่คนเดียวหรอกหรอ  ป้านึกว่าอยู่กับตี๋เล็กซะอีก”

“ตี๋เล็กหรอครับ  ป้าเหมย นี่ๆแสดงว่าพี่ตี๋เล็กตามมาแล้วหรอครับ”

“ฮ่าๆ เด็กน้อย ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย   นี่ตี๋เล็กเค้ายังไม่บอกซานหงอีกหรอ”

“บอก?  เรื่องอะไรครับ  พี่ตี๋เล็กไม่ได้อยู่นี่หนิครับ  แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าพี่เค้าจะบอกอะไรผม”

“ฮ่าๆ เด็กน้อย  พี่ตี๋  เค้ามากับเราตั้งแต่เดินทางมาที่ประเทศจีนแล้วหล่ะจ๊ะ”

“จริงหรอครับ ทำไมผมไม่รู้เรื่องนี้หล่ะว่าพี่เค้าตามมาแล้ว   ”

“เอาล่ะๆ  ป้าไม่อยากเล่นละครตามเจ้าตี๋แล้ว     ตี๋เล็กมาเที่ยวกับซานซง อยู่ข้างๆซานหงตลอดเวลาที่เที่ยว  นั่นยังไม่พอก่อนหน้านี้เค้าเองก็เคยปรากฏตัวให้ซานหงเห็นแล้วไม่ว่าจะที่มหาวิทยาลัย ที่ห้างทองเยาวราช ไปให้ซานหงด่าต่อว่า กลั่นแกล้ง
สารพัดมานักต่อนัก  ไม่ว่าจะที่ไหนๆก็ตาม ซานหง  พี่ตี๋เล็กหน่ะเค้าอยู่กับซานหงมาตลอดพักใหญ่ๆแล้วหล่ะ แต่ซานหงหลาน
ป้าไม่รู้เรื่อง”

“คุณป้า พุดอะไรครับ ผมงง สับสนวนไปวนมา  อยู่ข้างๆผมตลอดงั้นหรอครับ  แล้วผมก็แกล้งพี่เค้าตลอดหรอครับ”

“ใช่จ๊ะ”

“คงไม่ใช่อ่ะครับป้าเหมย  ที่ป้าเหมยพูดมาทั้งหมด มันน่าจะเป็นหลานชายไอ้พี่ใจเจ๋งนั่นมากกว่าที่จะเป็นพี่ตี๋เล็กนะครับ ป้าเหมยคงเข้าใจผิด”

“ฮ่าๆ  ซานหง  ป้านี่นะเข้าใจผิด  ป้าเป็นแม่ตี๋เล็กนะ ทำไมคนเป็นแม่จะดูไม่ออกมาคนไหนลูกคนไหนหลาน”

“ป้าเหมยผมงงไปหมดแล้ว  เอาแบบง่ายๆครับสั้นๆ ผมงงจริงๆนะครับ”

“คนที่คิดว่าไม่ใช่ แต่เค้ากลับใช่  นี่ซานหง  พี่ตี๋เล็กก็คือ…”

“คือ…”

“…”

“พี่ใจเจ๋ง นั่นแหละ  ใจเจ๋งลูกป้าและก็เป็นพี่ตี๋เล็กของซานหงนั่นแหละ”

“แหนะๆ  คุณป้าๆ  หยอกผมซะแรงเลยนะครับ ไม่จริงหรอกใช่ไหมครับ  คุณป้าแค่แกล้งๆผมรู้หรอก ฮ่าๆ”


“สุดแล้วแต่หลานของป้าจะคิดได้นะจ๊ะ  เอาเป็นว่าถ้าตี๋เล็กกลับมาเมื่อไหร่บอกให้ไปหาป้าที่ห้องพักด้วยนะลูกนะ  อีกเดี๋ยวลุง
เกียว พ่อของพี่ตี๋เล็กจะมาโรงแรม  ”

“เอ่อคือ ได้ครับ  ผมจะบอกให้นะครับ”

“อะไรกันนายใจเจ๋ง  นายคงไม่ใช่พี่ตี๋เล็กหรอกใช่ไหมบอกฉันทีสิ”



          ที่ทุ่งนาของกำนันเบิ้ม  รวงข้าวสีเหลืองทองอร่ามตา พร้อมจะเก็บเกี่ยวไปที่โรงสีข้าว  ชายหนุ่มสองคนสแกนกับสิงโต
สองหนุ่มกำลังก้มหน้าก้มตาเกี่ยวข้าวด้วยเคียว  ท่ามกลางคนในบ้านมามุงดูให้กำลังใจ  ในการแข่งขันว่าใครจะเกี่ยวข้าวได้หมด 1 ไร่ก่อนกันระหว่าง สแกนกับสิงโต เรียกเสียงฮือฮาไม่น้อย ผิดกันกับข้าวตูที่ตอนนี้ดูกังวลอยู่มาก กลางทุ่งนาแสนจะอบอ้าว แดดก็ร้อน ต่อให้เป็นปลายฝนต้นหนาวก็เถอะนะ

“พ่อ  ฉันว่าไม่ดีมั้ง ยกเลิกเถอะ  เห็นๆอยู่ว่าแข่งไปไอ้พี่สิงโตมันก็ชนะ”

“อ้าว ๆไม่ได้นะครับน้องข้าวคนดีของพี่  การแข่งขันมันก็ต้องแข่งขัน  มันมาอยู่ที่บ้านฟรี ทำงานแค่นี้ไม่คุ้มหรอกนะ นี่พ่อตาของน้องข้าวเมตตาสุดๆแล้วนะที่ให้แค่เกี่ยวข้าวเนี่ย”

“หยุดพุดไปเลยไอ้พี่สิง  พ่อจ๋า ฉันขอหล่ะนะ  ให้ไปทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่เกี่ยวข้าวไม่ได้หรือไงครับ”

“ไม่ได้หรอกไอ้ข้าว พ่อตัดสินใจแล้ว  พ่อเองก็อยากดูเหมือนกันว่ารุ่นพี่เอ็งนี่หน่วยก้านสายเลือดอีสานจะพอมีบ้างไหม  เอ้าทั้ง
สองคนประจำที่ เริ่มทำการทดสอบได้”

“เดี๋ยวก่อน   พ่อกำนัน  ฉันมีเรื่องหนึ่งยังไม่บอกพ่อกำนันครับ”

“ว่ามา หนุ่มเมืองกรุง”

“ที่ผมมาหนองคายในครั้งนี้ เพื่อที่จะมาบอกว่า ผม…ผม…ผมรักลูกชายพ่อกำนันนะครับ”

        สิ้นสุดประโยคนี้ ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียวกัน โดยเฉพาะสิงโตตอนนี้มองเค้าอย่างกับจะขูดเลือดขูดเนื้อก็ไม่ปาน 

“ฉันว่าแล้วไหมหล่ะพ่อตา ว่าไอ้นี่มันจะมาเป็นมารหัวใจของฉันหน่ะ”

“เฮ้ย พ่อสิง  ใจเย็นๆก่อน  นี่ไอ้หนุ่มเอ็งรู้ใช่ไหมว่าเอ็งเล่นอยู่กับใคร”

“รู้ครับ พ่อกำนันเบิ้มที่น่าเกรงขาม  แต่ผมพูดจริงๆนะครับพ่อกำนัน”

“พ่อ  พี่สแกนเค้าพูดเล่นหน่ะครับ อย่าถือสาเลยนะ”

“ไม่ ผมพูดเรื่องจริง พูดจริงๆ  ผมรักลูกชายพ่อกำนันนะครับ” สแกนยังยืนกรานที่จะตอบ

“หันหลังกลับไปที่กอข้าวด้านหน้าพวกเอ็งทั้งสองได้แล้ว   ใครเกี่ยวได้หมดก่อนคนนั้นชนะ”

“พ่อ!”

“เริ่มได้!”

              สัญญาณเอ่ยขึ้นทำให้การแข่งขันก็เริ่มขึ้นอีกเหมือนกัน  ไม่นานเท่าไหร่ประมาณ 1 ชั่วโมงทุ่งนาของฝั่งสิงโต เกี่ยวข้าวเสร็จนำไปก่อน   ส่วนของสแกนยังไม่คืบหน้าไปไหนเลย ยังไม่ถึง 2 งานด้วยซ้ำ

“เห็นไหมครับน้องข้าว  พี่สิงชนะแล้ว   ไม่มีอะไรที่ไอ้หน้าจืดนี่ชนะพี่ได้หรอกครับ”

“สรุปคือพ่อสิงชนะ  ไอ้รุ่นพี่ เอ็งแพ้แล้วหล่ะ” กำนันเบิ้มพูดพร้อมกับขำในลำคอ

“พ่อกำนัน ผมแพ้ครั้งนี้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างอื่นผมจะแพ้ตามหนิครับ”

“หมายความว่าไง พ่อหนุ่มเอ็งมีอะไรจะแข่งอีกอย่างนั้นหรอ”

“ดวนปืนครับ!”

“หา  จะบ้าหรอพี่สแกน  มันอันตรายนะ”

“อย่ากังวลไปเลยข้าวตู  แข่งเล็งใส่เป้าหน่ะ  หุ่นไล่กา  2ตัวพ่อกำนันโอเคไหมครับ  ”

“ว่าไงพ่อสิง สู้เค้าไหมล่ะ”

“ยิงปืน สบายมากครับพ่อผู้ใหญ่  แต่บอกแกไว้ก่อนเลยนะว่า ถ้าแกแพ้ฉันอีกครั้งนี้ครั้งเดียว  แกต้องกลับกรุงเทพไปซะ  แล้วก็
ห้ามยุ่งกับข้าวตูในฐานะชู้ชาย”

“อะไรคือชู้ชายลูกพี่”

“ไอ้โง่ ชู้สาวนั่นแหละ แต่น้องข้าวตูเป็นผู้ชายเลยต้องพูดว่า ชู้ชายเข้าใจรึยัง ไอ้โง่ พวกเอ็งนี่ไม่ต้องพูดไม่ต้องถามเข้าใจไหม”

“ครับๆ”

“ว่ายังไงไอ้หนุ่มเมืองกรุง”

“ได้ฉันรับปาก แต่ถ้าฉันชนะ  นายก็ต้องทำตามคำพูดนายด้วยเหมือนกัน”

“ได้เลยไม่มีปัญหา  น้องข้าวครับ พี่สิงจะแข่งแล้วนะ ชะตาฟ้าลิขิตพี่สิงเชื่อว่า น้องข้าวได้คู่กันกับพี่สิงแน่นอน ส่วนแกก็ตกกระป๋อง ”

“จะทำอะไรก็ทำเถอะ พ่อฉันไปหาหลวงตาที่วัดนะ  จะแข่งอะไรกันก็แข่งไป  เห็นฉันเป็นสิ่งของเอาไว้เดิมพันรึไง  ”

“อ้าวไอ้ข้าว เอ็งจะไปไหน  นังสำลีไปกับพี่เค้าไปเร็วๆ”

“จ๊ะๆลุงกำนัน”

“พร้อมแล้วหรือยังไอ้ขี้แพ้” สิงโตพูดเยาะเย้ยแล้วยิ้มให้แบบเหยียดๆ ทั้งๆที่ตัวเองเตี้ยกว่าสแกนไปคืบหนึ่ง

“แต่ฉันว่าอีกไม่นาน  นายต้องถอนคำพูด  ว่าที่กำนันสิงโต”

                ศึกดวนปืนกำลังจะเริ่มในไม่ช้า  ทั้งสองคนเข้าประจำที่  ปืนที่ใช้ก็เอามาจากกองกลางนั่นแหละ กองไหนรู้ไหม กองกำนันเบิ้มนั่นแหละครับ  กติกาก็คือยิงให้เข้ากระดาษที่ติดอยู่กับหุ่นไล่กาด้วยกระสุนคนละ 5 นัด  ใครเข้าตรงกลางได้มากกว่ากันคนนั้นชนะ

“เริ่มได้!” เสียงกำนันเบิ้มออกคำสั่ง พร้อมกับชาวบ้านที่สนใจในการยิงปืนพากันแห่มาดูที่ทุ่งนาพ่อกำนันเบิ้มเป็นจำนวนมาก 
ต่างคนก็ต่างมี FC เป็นของตัวเอง  แต่ดูเหมือนแฟนคลับของสแกนจะเยอะกว่านะ  อย่างนี้แหละคนหน้าตาดี สแกนยิ้มแล้วยักคิ้วให้สิงโตว่ายังไงเกมส์นี้เค้าก็ไม่ปล่อยให้พลาดแน่



 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 15 up 31 10 56
เริ่มหัวข้อโดย: wishes ที่ 31-10-2013 19:08:58
 :L1: เป็นกำลังใจให้ครับ  :mew2:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 15 up 31 10 56
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 31-10-2013 21:39:36
ช่วงนี้ยุ่ง ๆ ไปหน่อย ทำให้พลาดตอนที่แล้วเลยได้เข้ามาอ่าน 2 ตอนรวดเลย

คนแก่เอาใจช่วยหลานสแกนเด้อ   :m19:

ส่วนหลานเกี้ยวปลาก็ใจเย็น ๆ นะหลาน  :try2:

 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 15 up 31 10 56
เริ่มหัวข้อโดย: DNT48 ที่ 07-11-2013 21:27:38
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 15 up 31 10 56
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 27-12-2013 13:14:14
ฮาฮ่าๆๆ  หายไปนาน 2 เดือน ยังไม่ลืมเรื่องนี้กันใช่ไหมครับ อิอิ



ตอนที่ 16




       ที่บ้านหลังใหญ่ของปาร์ตี้ตั้งตระหง่านหน้าทางเข้าไร่   ดูเหมือนว่าเช้านี้ปาร์ตี้จะตื่นเช้าเป็นพิเศษ   ลงทุนลงมานั่งรอพ่อของเค้ากับเพื่อนบ้านที่ห้องนั่งเล่นแต่เช้า ท่าทีคุยกันออกรส  เพื่อนที่เค้ามาเล่นด้วยแต่เช้านี้ไม่ใช่ใครอื่นไกลนักหรอกแต่เป็นนอสนั่นเอง    เด็กชายหน้าตาน่ารักสดใสร่าเริงแต่ตัวสูงกว่าปาร์ตี้นิดหน่อย เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อ วันสองวันก่อนหน้านี้เอง  และล่าสุดเค้าเพิ่งจะปรากฏตัวไปไม่นานก่อนหน้านี้  น่าจะจำเค้าได้…   

“อ้าวปาร์ตี้ ตื่นเช้าจังลูก แล้วนั่น…ใครกันหน่ะ” 

“คุณอาสวัสดีครับ ผมนอสเองครับ สบายดีไหมครับคุณอา ” นอสรีบเสนอชื่อออกไปทันทีเมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่ตรงหน้าเริ่มสีหน้างุน
งง

“นอสหรอ อืม…อ้อ นึกออกแล้วๆ ลูกชายเจ้าของไร่ข้างๆนี่เอง  อาสบายดี ไงเรา สบายดีนะ กลับมาจากต่างประเทศแล้วหรอลูก
มาคราวนี้หน้าตาดูดีขึ้นเยอะเลยนะ  ว่าแต่พ่อกับแม่เราหล่ะสบายดีไหม”

“สบายดีครับคุณอา ทั้งครอบครัวแฮปปี้กันทุกคนครับ  เมื่อวันก่อนผมก็แวะมานะครับแต่เผอิญไม่ได้แวะเข้ามาคุณอา  ”

“อืมๆ ไม่เป็นไรหรอก วันนี้ก็เจอกันแล้วนี่เรา ”

“คุณพ่อครับ  ผมทำตามสัญญาแล้วนะครับ” ปาร์ตี้ยิ้มให้พ่อทำเอาพ่อต้องเอียงหน้างงนิดหน่อย

“สัญญา?  สัญญาอะไรอีกลูก”

“อ้าวก็ที่ผมจะบอกว่าจะพาพี่โปเลย์มาเจอคุณพ่อที่บ้านและเป็นวันนี้…ไงครับ  แหมพ่อลืมไวจัง”

“อ้อพี่คนนั้นหรอ อืมๆ พ่อไม่ลืมหรอกคนดีของพ่อ   เอ้าพี่เค้ามาถึงแล้วหรอลูก  เอาสิ ไหนหล่ะ  ไปพาเค้าเข้ามาเร็วๆเข้า พ่อ
อยากเห็นอยากรู้จักแทบแย่อยู่แล้ว จะสมกับที่ลูกเอ่ยอ้างมาซะเยอะรึเปล่านะ”

              ปาร์ตี้ขยิบตาให้เพื่อนรัก ก่อนที่นอสจะยิ้มให้แล้วเดินไปที่ประตูหน้าบ้านก่อนจะจูงมือ หนุ่มร่างสูงหล่อเหลาพร้อมกับใส่ชุดสุภาพราวกับหนุ่มออฟฟิศก็ไม่ปานเดินเข้ามา   พอโปเลย์เข้ามาถึงก็ถอดแว่นสีดำออกพร้อมกับไหว้ผู้ใหญ่ตรงหน้านี้อย่างน้อบน้อม   พ่อของปาร์ตี้เองพอเห็นหน้าก็ต้องตะลึงกับภาพที่เห็น  บุคคลตรงหน้า ชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าเค้าหน้าตาเหมือนราวกับเพื่อนชายร่วมห้องสมัยมัธยมหลายปีที่แล้ว ไม่ใช่สิเค้าเพิ่งไปหาเพื่อนสนิทคนนั้นไม่นานมานี้เอง    อะไรจะบังเอิญไปเสียหมดที่ทำให้หน้าตาเหมือนกันขนาดนี้นะ 

“สวัสดีครับคุณพ่อ”

“…”

“คุณพ่อครับ พี่โปเลย์เค้าไหว้พ่อแล้วนะครับ” ปาร์ตี้สะกิดพ่อตัวเอง

“อ้าวหรอ  เออๆ หวัดดีๆ   ชื่อโปเลย์หรอลูก  มาๆนั่งตรงนี้กับพ่อมา  ปาร์ตี้ นอส พ่อวานไปเอาน้ำ ขนมมาหน่อยนะลูกนะ  แขก
มาบ้านทำไมไม่รู้จักหน้าที่นะเด็กคนนี้”

“ได้ครับคุณพ่อ/อา”

“เห็นปาร์ตี้พูดถึงนายตั้งแต่กลับมาบ้านได้สักพักแล้ว  เรื่องของนายพ่อเองก็พอจะได้ยินมาบ้าง แต่ที่ทำให้พ่อตงิดใจก็คือ  นายชอบลูกชายคนเล็กและคนเดียวของพ่อที่ยังอยู่กับพ่อตอนนี้  จริงรึเปล่าพ่อหนุ่ม”

“จริงครับ แต่เรื่องนั้นผมอธิบายได้นะครับ แล้วก็ผมได้แจ้งให้พ่อกับแม่ของผมรู้ก่อนหน้านี้แล…”

“ฮ่าๆ  ไม่ต้องตกใจๆ  ฉันไม่คิดจะปฏิเสธนายหรอกนะ ใจเย็นๆ ถ้าไม่รังเกียจช่วยเล่าประวัติฐานะข้อมูลส่วนตัวของนายให้พ่อฟัง
หน่อยได้ไหม ”

“เอ่อได้ครับ  ผมนาย…  …  ชื่อเล่นโปเลย์  เรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์  มหาวิทยาลัย…  ชั้นปีที่ 4 เกรดเฉลี่ย 3.88 ลุกชาย
คนเดียวของตระกูล   มีธุรกิจ 3 แห่งใหญ่ๆ  1 โรงแรม และที่เหลืออีกสองคือห้างสรรพสินค้ากลางเมืองกรุงเทพ  แล้วก็ยังมี
พื้นที่ต่างจังหวัดในการทำเกษตรกรรม มากกว่า 1000 ไร่ รายได้และกำไรอย่างเดียวจากธุรกิจเหล่านี้ตกเดือนละเกือบ
200,000 – 300,000  บาท…  ”

“พอๆๆ   ฉันเข้าใจแล้ว  นายลูกชายของชล สินะ เอ้… ฉันมองใครไม่เคยพลาดจริงๆ ”

“เอ่อใช่ครับ ไม่ทราบว่าคุณพ่อรู้จักพ่อผมด้วยหรอครับ?”

“ฮ่าๆๆๆ…รายนั้นเค้าเป็นเพื่อนกับพ่อตั้งแต่มัธยมแล้วหล่ะ  พ่อสงสัยตั้งแต่นายถอดแว่นแล้ว แวบแรกที่เห็นใบหน้าถอดเค้าโครง
กันมากทีเดียว ไม่นึกว่ารุ่นลูกยังจะต้องโคจรมาเจอกันอีก  แล้วก็เป็นการโคจรมาเจอกันแบบความรักสินะ”

“ถ้าคุณพ่อไม่ว่าอะไรผมว่าจะพาคุณพ่อคุณแม่ทางบ้านมาสู่ขอลูกชายเร็วๆนี้เลยได้ไหมครับ”

“ฮ่าๆๆ  ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก ลูกชายเพื่อนรักทั้งที ถ้าถามฉันฉันคงอนุญาต ไม่ต้องมีพิธีอะไรมาก จริงๆแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ไม่แปลกนักแต่ปัจจุบันคนเรายังไม่คุ้นชิน การจัดพิธีสู่ขอถ้าจะจัดพ่อก็ไม่ว่าแต่ถ้าจัดไปแล้วกลัวคำวิจารณ์จากคนอื่นๆพ่อก็ว่าไม่ควรจัด   ที่พ่อกังวลก่อนหน้านี้  พ่อแค่อยากรู้ว่าคนคนนั้นเป็นใครกันแน่  ไม่ใช่หวังเงินทอง ไม่ได้อยากได้ทรัพย์สิน แต่ฉันต้องการคนที่จะอยู่เพื่อให้ลุกชายของฉันนั้นรอดและไม่อดตายในโลกใบนี้ และที่สำคัญฉันต้องการคนที่จะปกป้องดูแลลุกชายฉันได้  และที่สำคัญ ตอนนี้พ่อมีลุกชายแค่คนเดียวและเป็นคนเล็กสุดในชีวิตพ่อ  คำพูดพ่อเข้าใจใช่ไหม…”

“ผมรับปากครับ จะทำตามที่คุณพ่อพูดทั้งหมด  ผมจะไม่ทำให้ผิดหวัง และไม่ขาดตกบกพร่องครับผม”

“เอาล่ะๆ พ่อได้ยินแบบนี้ก็สบายใจขึ้นมาเยอะแล้ว   ที่เหลือคงจะเป็นปาร์ตี้แล้วล่ะนะ  มาพอดีเลย ว่าไงเรา”

“เอ่อคือ  ผม มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมจะทำอะไรได้อีกหล่ะครับพ่อ เอาเป็นว่าผม เต็มใจครับ ผมก็รักพี่โปเลย์เหมือนกัน  ” ปาร์ตี้พูดแล้วแอบเขินไปบ้าง แต่ไม่ชัดเจนมากนัก กาลเวลาที่ผ่านมาของทั้งสองคน ไม่มีอะไรที่ต้องชั่งใจกันอีกแล้ว  เพราะที่ผ่านมาก็มากพอแล้ว

“ดีใจด้วยนะปาร์ตี้  เพื่อนฉันมีความสุขแล้ว  เย้!” นอสยิ้มทำหน้าเหมือนโลกสวยมากกกกก

“นี่ลูกเขย  นายอาจจะทำงานเป็นหลายอย่างแล้วก็จริงนะ  แต่งานทางไร่ทางสวนแบบนี้นายก็ต้องเป็นด้วย ถ้าไม่รังเกียจพ่อจะ
ให้นายเรียนรู้งานที่นี่ด้วย ที่นี่มีเนื้อที่ทั้งหมด 200 ไร่ทั้งหมดเป็นทุ่งหญ้าแบบลูกฟูก  แบ่งสัดส่วนได้ 4 ส่วน  ส่วนแรกเป็นฟาร์ม
ไก่พันธุ์ไข่  อาจจะมีเป็ดและนกกระทาด้วย  อย่าได้กังวลที่ทำไปไม่บาปหรอก เพราะพ่อเลี้ยงไว้เอาไข่อย่างเดียว   ส่วนที่สอง
เป็นฟาร์มแกะ  ไกลไปทางโน้นเอาไว้ตัดขนไปทำเครื่องนุ่งห่มหลากหลาย   ส่วนที่ 3 ฟาร์มโคนม  เอานมอย่างเดียวฮ่าๆ  ส่วนที่ 4 ผลไม้หลากหลายสายพันธุ์ ลิ้นจี่ ลำไย ละมุด มังคุด ทุเรียน องุ่น มากมาย   รายได้ที่นี่พ่อจะบอกให้นะไอ้ลูกเขย วันต่อวัน อยู่ที่  เกือบ 50,000 เชียวนะ ฮ่าๆ   ถ้าดีหน่อยบางวันผลไม้งามดีก็ 70,000  กำไรที่ได้ก็เก็บให้ลุกชายนี่แหละที่เหลือก็โบนัสให้ลูกจ้างที่นี่ด้วย”

“รับทราบครับ  ไม่น่าหล่ะครับ  บ้านถึงได้หลังใหญ่ขนาดนี้  ”

“ฮ่าๆ ไม่สู้โรงแรมของลุกหรอก ไอ้ลูกเขย มาๆ พ่อจะพาไปทัวร์ที่ไร่ ปาร์ตี้มาด้วยกันสิลูก นอสด้วยนะ”

“เอ่อ นอสขอไม่ไปนะครับคุณอา  ขออยู่ดูทีวีอยู่นี่แล้วกันครับ”

“โอเคๆ ถ้าอยากมาก็ตามๆมานะนอส” ปาร์ตี้ยิ้มให้เพื่อน

“โอเคปาร์ตี้  ดีใจด้วยนะ  เดี๋ยวฉันขอทำอะไรซักอย่างทางนี้แล้วเดี๋ยวจะตามไป”

      นอสมองดูสามคนที่กำลังเดินต้อยๆไปขึ้นรถกอล์ฟจอดไว้ประมาณ 4 5 คันก่อนจะขับพุ่งออกไปทางหลังบ้านตามทางดินแดงที่ปูไว้แล้ว  นอสหันไปมองที่มุมเสาอีกด้านที่พอจะรู้แล้วว่าเนตแอบเข้ามาฟังการสนทนาได้ซักพักหนึ่งได้แล้ว  นอสเองก็ได้แต่ยิ้มแล้วแล้วเดินไปที่เสาต้นนั้นทันที

“ไง เนต  สบายดีไหม  ยืนอยู่ตรงตั้งนานมีอะไรรึเปล่า”

“อย่ายุ่งกับฉันน่า…”

“เดี๋ยว  จะไปไหน เมื่อกี้มาแอบฟังคุณอากับพี่โปเลย์เค้าทำไม มันเสียมมารยาทนะ  เอ๊ะ!  รึว่าจะ...อิจฉาหรอ”

“พูดบ้าๆหน่ะ นอส  ฉันจะอิจฉาอะไรได้ นายท่านเลือกแล้วหนิว่าใครจะได้คู่กับน้องปาร์ตี้  ไม่เห็นจะเกี่ยวกับฉันซักหน่อย”

“ก็ดี  ต่อไปนี้นายก็ไม่ต้องแสดงความหึงหวงเกินเหตุแล้วนะ เพราะช่วงปิดเทอมที่เหลือนี้พี่โปเลย์เค้าจะมาอยู่ที่นี่และคอยช่วย
งานที่ไร่นี้ด้วย เพื่อนฉันกำลังมีความสุขนายอย่าขวางเลยนะ”

“หึ… จะมาทำไม รวยนักไม่ใช่หรอ ธุรกิจก็มีแทบจะนับไม่ถ้วน มีเวลาว่างมาช่วยคนอื่นอีกหรือไง”

“ไม่ต้องห่วงแทนเค้าหรอก พี่เค้าครอบครัวใหญ่ญาติๆเค้าช่วยกันทำธุรกิจ  ถึงไม่มีพี่เค้า แต่กำไรแต่ละเดือนก็งอกงาม…”

“มาบอกฉันทำไมนอส”

“เอ้าก็อยากให้ตาสว่างไงหล่ะ  อย่าลืมสิว่าปาร์ตี้คิดกับนายแค่พี่ชาย ไม่ใช่คนรัก!  อีกอย่างนะคนรักเค้าก็มาฝากตัวฝากตนกับคุ
รอาเรียบร้อยแล้วด้วย ชิ”

“ใช่!...ฉันมันแค่พี่ชาย พี่ชายที่โง่ๆคนนึงเท่านั้นแหละนอส  พอใจรึยังหล่ะ  ฮึ”

“จะเดินไปไหน  มาคุยกันให้รู้เรื่องนะเนต ทำไมเอาแต่เดินหนีแบบนี้ล่ะ  นี่หยุดเดินเดี๋ยวนี้”

“พอซักที ไอ้บ๊องเลิกตามเลิกมาขวางทางฉันซักที ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน  นายไม่เกี่ยว… ถอยไป”

“เอ๊ะ!  นายนี่ หัวดื้อชะมัด  ทำไมฉันจะไม่เกี่ยวฮะ”

“…”

“ดี  ในเมื่อไม่มีอะไรต้องปิดอยู่แล้ว ฉันบอกให้ก็ได้ ว่าฉันหน่ะ  ฉันชอบนายมากๆๆๆๆๆนายเนตตาเฉิ่มเอ้ย  ถึงปาร์ตี้จะไม่ได้รัก
นาย แต่นายก็ยังมีฉันนะ   โอ้ยพอแล้ว ฉันอายหน้าแดงไปหมดแล้ว  เบื่อจริงๆเลย  นายพูดถูก นายหน่ะมันคนโง่  บ้าเอ้ย  หลีก
ทางไปซะทีสิ  ” 

นอสเดินชนไหล่เนตออกไป แล้วเดินตรงไปที่รถกอล์ฟแล้วขับออกไปทางทุ่งหญ้าลูกฟูกทิ้งให้เนตที่เอาแต่อึ้ง ก็นั่งทรุดลงกับพื้น

“เอ่อ…  นอส  นาย…?”

“พ่อหนุ่ม… บางทีคนเราถ้าลดถอยความมุ่งมั่นบางอย่างแล้วลองมองดูรอบๆตัว บางทีสิ่งที่ดีที่สุดที่กำลังเดินตามหา หนุ่มอาจจะ
เจอแล้วก็ได้นะ”

“เอ่อ  แต่ลุงครับ  ผม…”

“ลุงว่า พ่อหนุ่มคงได้ยินชัดเจนแล้วหล่ะนะ  คำพูดของหนุ่มน้อยคนเมื่อกี้  ชัดเจนที่สุดแล้ว  ลองเปิดใจดูแล้วค่อยตอบคำถามในใจตัวเอง…” ลุงชาวสวนในไร่ พูดพร้อมรอยยิ้มแล้วเดินหลีกไปอีกทางอย่างไม่หวนที่จะหันหลังกลับมามองเนสเลยแม้แต่น้อย 
    เนสไปนั่งครุ่นคิดอยู่นานเกือบ 2 ชั่วโมง  เวลาที่ผ่านมา รอยยิ้ม ความทุกข์  ความสุข  แสงสว่าง  ตั้งแต่เด็กๆจนถึงปัจจุบันนี้ เนตไม่เคยสงสัยและสังเกตในสิ่งสิ่งเดียวที่นอสมีให้  บางครั้งเมื่อนึกย้อนกลับไปเค้าเองอาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้การตัดสินใจไปต่างประเทศของนอสเมื่อ 5 ปีก่อนก็ได้  เพียงเพราะนอสต้องการหลีกทางให้กับเค้าและปาร์ตี้นั่นเอง     

“อะไรกันเนี่ย  นอส เมื่อกี้นายติดตลกใช่ไหม  รึว่านายชอบฉันอย่างนั้นหรอ    เป็นไปไม่ได้น่า   ที่ผ่านฉันมองข้ามจุดนี้ไปได้ยังไง   ฉันทำไม่ดีเอาไว้มากเลยนะ   เสียมารยาท พูดจาไม่ดี ทำร้ายจิตใจนายมาตลอดหรอเนี่ย  แล้วที่นายต้องไปเรียนต่างประเทศก็เพราะฉัน ฉันเคยบอกว่าไม่อยากเห็นหน้านายอีกอย่างนั้นสินะ  พอนายกลับมาวันนี้ตอนนี้ฉันก็ทำร้ายจิตใจนายอีกแล้ว  ฉันมันไม่เอาไหน  ฉันมันแย่ๆ แย่เสียจนไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่กำลังตามหา  นอส ฉันตามมันเจอแล้วหล่ะ  ฉันตามหาคำตอบของหัวใจฉันได้แล้วนอส  นอสนายอยู่ไหน   นอส  ฉันก็รักนาย  ฉันขอโทษ…”

“จะพร่ำเพ้ออีกนานไหมพ่อเนต  คุณหนูนอสเค้าขับรถกอล์ฟไปไม่รู้ไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว  ยังไม่รีบตามไปอีก”  คุณป้าแม่บ้านตะโกนบอกเนตลงมาจากบ้านชั้นสองที่กำลังทำความสะอาดอยู่ สงสัยจะทนฟังเค้าเพ้อไม่ไหว

“ครับป้า ผมจะไปตามเดี๋ยวนี้แหละ”

       ที่ธารน้ำเล็กๆกั้นพื้นที่สองสวนไว้ด้วยธารน้ำ   นอสนั่งเอามือโอบเข่าที่ชันขึ้นก่อนจะมองลงไปที่ธารน้ำเล็กไหลเชี่ยว

“คนใจร้าย  นายมันใจร้าย ไอ้เนตบ้า  ภูตแห่งธารน้ำ ถ้าได้ยินคำเรียกร้องของผม ช่วยบอกเค้าทีว่าผมน้อยใจเค้า  ผมจะงอนเค้า ผมจะไม่มองหน้าเค้า ผมจะไม่พูดกับเค้าอีกแล้ว ผมจะกลับต่างประเทศในเร็ววันนี้ด้วย”

“ข้าแต่ภูตธารน้ำ ถ้าได้ยินคำเรียกร้องของผม ช่วยบอกเค้าทีว่าผมรักเค้ามาก  ผมจะดูแลเค้า ผมจะไม่ไล่เค้าไปไหนอีก  ผมจะ
มองหน้าเค้า ผมจะไม่ทำร้ายเค้าทั้งทางจิตใจและร่างกาย และช่วยบอกให้เค้าอยู่ด้วยกันที่นี่  ที่จันทบุรีตลอดไป…”

“เนต  นายจะตามมาอีกทำไม  กลับไปเลย กลับไปๆๆๆๆๆๆ ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีกต่อไปแล้ว”

“จะให้กลับไปไหนได้ล่ะ หัวใจฉันก็ยืนอยู่ตรงนี้แล้วนี่นา  ”

“ตรงไหน ไม่เห็นมีเลยมีแต่ฉันกับนายสองคนเท่านั้น”

“ฮ่าๆ ก็นายนั่นแหละนอส นายคือหัวใจที่ฉันตามหามาตลอดต่างหากไม่ใช่ปาร์ตี้หรอก  ”

“อะไรของนายอีกเล่า  อย่ามาหลอกฉันเล่นนะ ไม่ขำด้วยหรอก”

“นี่…ฉันอาจจะค้นหาหัวใจดวงนี้ช้าไปหน่อย  แต่ฉันสัญญาว่าจะไม่ทิ้งนายไปไหนอีกแล้ว  ดีกันนะ”

“ไม่!”

“เอ้า นอส  ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว  ฉันโง่เองแหละที่ไม่เห็นความรักของนายที่มีให้ฉัน  ฉันมันไม่เอาไหน  ฉัน…ฉันรักนาย
จริงๆนะ” เนตชูนิ้วก้อยทำหน้าละห้อย น่าสงสารทำเอานอสหมดปัญญาเล่นตัวต่อไป

“รู้แล้ว พุดอยู่ได้  ”

“เอ้า  โถ่  เมื่อกี้ยังหน้าบึ้งอยู่เลย ไอ้เราก็นึกว่าโกรธ  ”

“มันเป็นแผน ที่คนอย่างนายก็ตามไม่ทันอีกนั่นแหละ นายเนตตาเฉิ่มเอ้ย!”

“หืม…ว่าฉันตามไม่ทันหรอ   อย่าหนีนะ มาให้จับซะดีๆ”

“ไม่เอา ถ้าให้จับฉันก็ซวยสิเนต”

“หรอ…ถ้าจับได้เมื่อไหร่นะ จะหอมแก้มซัก 10 ทีดีไหม”

“ไม่ดี”

“ถ้างั้นก็ซัก 100 ทีเป็นไง”

“ไม่เวิร์ก”

“นี่ไงจะหนีไปไหนจับได้แล้ว  ถ้างั้นก็ขอจูบปาก 5 นาทีเลยเป็นไง”

“ตายพอดีสิเนต ใครเค้าพาทำ”

“ไม่มีใครพาทำ เมียฉัน ฉันก็ต้องทำเองซิ มานี้”

“เนต จะจูบจริงๆหรอ”

“ฮ่าๆ ไม่หรอก ล้อเล่นหน่าถ้านายไม่พร้อม ฉันก็…..อุ๊บ”

        นอสเอามือจับคอเนตลงมาจูบปากเอง ทำให้เจ้าตัวนี่ถอนตัวไม่ขึ้นได้แล้วเอาปากประกบกันอย่างนั้นเกิน 5 นาทีที่ตั้งไว้เสียด้วยซ้ำ

“ขอบคุณนะเนต ”

“เรื่องจูบเนี่ยหรอ   ไม่ต้องขอบคุณหรอกนะ  ไม่งั้นนายได้ขอบคุณฉันทั้งคืนนี้แน่นอส”

“คิดว่ากลัวหรอเนต  ตัวเท่านาย ไม่ได้ใหญ่ไปซักเท่าไหร่หรอก”

“ลองดูไหมหล่ะ  ถ้าได้ดูแล้วอย่ามาถอนคำพูดคืนนะ เนตไม่ให้นะ   ”

“ฟังดูน่ากลัวเนต  ไม่เอาๆ เปลี่ยนเรื่อง”

“ไม่เปลี่ยน…ก็เรื่องนี้แหละที่คู่ชาย-ชายเค้ามีความสุขกัน ไม่เห็นจะเป็นเรื่องน่ากลัว”

“ก็นอสไม่เคยหนิเนต”

“ฮ่าๆ ไก่อ่อน  เดี๋ยวเนตฝึกให้  เอาคืนนี้เลยไหม”

“ไวไปๆเนต  คนอะไรหื่นเป็นบ้าเลย คิดถูกไหมเนี่ยมาหลงชอบคนแบบนายเข้าให้”

“อยากบอกว่าคิดถูกมากเลยแหละ เนตดีใจที่สุดที่นอสรักเนต”

“ มันก็แน่นอนอยู่แล้ว  ว่าแต่เนตเถอะ เดือนหน้านอสจะกลับต่างประเทศแล้วนะ ดุแลตัวเองด้วย ”

“ไม่เอา ย้ายกลับมา  เนตอยากเห็นหน้านอสทุกวันทุกวันเลยนะ  ได้ไหม”

“มันก็ได้อยู่หรอก แต่นอสจะไม่ย้ายมาหรอก ห่างกันนานๆ มาเจอกันจะได้ไม่เบื่อกันไง”

“ไม่เอาๆ เนตได้ตายไปเพราะความเหงามากกว่าความเบื่อแน่นอน  ”

“ไว้เดี๋ยวนอสดูอีกทีนะเนต”

“ไม่ได้เนตต้องได้คำตอบเดียวเท่านั้นคือ นอสต้องมาอยู่ให้เนตเห็นหน้าตลอดนะ”

“อืม…”

“เป็นไงบ้างลูกเขย พอไหวไหม งานในสวนในไร่มันก็ประมาณนี้แหละ”

“ก็เหนื่อยพอดูครับ โห นี่ถ้าไม่มีลูกมือหลายสิบชีวิตนี่ ดูท่าจะไม่รอดเหมือนกันนะครับ”

“ฮ่าๆ ไอ้ลุกเขยพุดดีเว้ย  ด้านซ้ายมือเป็นอพาร์ทเม้นต์ของลุกจ้างที่นี่ ฉันสร้างให้โดยเฉพาะเชียวหล่ะ”

“โห ดูสวยมากเลยครับ   คนงานที่นี่คงจะรักและเคารพคุณอามากเลยนะครับ”

“อืม ก็คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ นี่ลูกเขยเรียกคุณพ่อก็ได้นะ  พ่ออนุญาต ”

“โอเคครับ คุณพ่อ ”

“อืมๆนี่ๆปาร์ตี้  ขับรถกอล์ฟถึงบ้านเมื่อไหร่ อย่าลืมไปทำความสะอาดห้องให้สมกับเป็นลูกชายของเพื่อนพ่อด้วยนะ”

“ครับพ่อ”

“เออนี่  จบวิศวกรรมมาแล้วก็อย่าลืมเอาแผงโซล่าพลังงานแสงมาติดให้ที่ฟาร์มพ่อหน่อยนะลูกเขย”

“ครับพ่อ  ผมจะให้คนทำตามนั้นเลยครับ พอดีผมรู้จักกับเพื่อนที่เค้ามีอุปกรณ์ขายด้านนี้อยู่บ้าง  น่าจะช่วยได้เยอะ”

“นั่นไงๆ ปาร์ตี้  ได้แฟนดีๆแบบนี้พ่อเองก็ไม่ต้องห่วงอะไรมากแล้วล่ะ  นี่ลุกเขย  เงินสินสอดไม่ต้องให้พ่อหรอกนะ เท่านี้ก็มาก
พอที่จะเรียกสินสอดแล้วล่ะฮ่าๆ”

“แล้วแต่คุณพ่อก็ได้ครับ ผมยังไงก็ได้”

“เออดีๆ พูดง่ายๆแบบนี้ก็ดีหน่อย  ชีวิตคู่  แรกๆมันก็โอเคอยู่หรอกนะ  แต่ตอนหลังๆก็ดูกันเอา ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ พ่อ
อยากให้ลูกทั้งสองใจเย็นๆ ค่อยๆพูดค่อยจา อย่าให้เป็นเหมือนพ่อกับแม่เค้าใจไหมปาร์ตี้”

“ครับคุณพ่อ  ผมจะพยายามเชื่อฟังพี่โปเลย์ให้มากๆครับ ”

“ไอ้ลูกเขยพ่อฝากด้วยนะ  ปาร์ตี้เป็นเด็กดี  แต่ซุ่มซ่ามไปนิดหน่อย คงไม่ว่ากันนะ  ”

“ได้เลยครับคุณพ่อ  ผมจะดูแลลูกชายคุณพ่อให้เท่ากับดูแลชีวิตของผมเลยครับ”

“อืมๆ  พ่อเองก็แก่เข้าทุกวันๆ ไม่อยู่จะอยู่ถึงวันไหน แต่ขอแค่มีคนดูแลลูกชายของพ่อได้ พ่อก็ดีใจแล้วหล่ะนะ”

     ชายวัยกลางคนยิ้มให้โปเลย์พร้อมกับตบบ่าให้กำลังใจ แล้วยิ้มให้ก่อนจะเอามือแก้วตาดวงใจมาแตะกุมไว้กับมือของโปเลย์ แล้วพยักหน้าให้ทั้งสองได้รู้ว่า  เค้าอนุญาตแล้ว ทางสะดวกทุกอย่าง ในอนาคตจะเป็นยังไงนั้นคนเป็นพ่อไม่อาจรู้ได้ แต่ตอนนี้ลูกชายของเค้ากำลังมีความสุขที่สุด มีหรอที่เค้าจะไม่มีความสุขด้วย 




ว้าาาาาาา   บอกข่าวดีมาก  เรื่องนี้กำลังเดินทางไปถึงฝั่งแล้วนะครับ  อีก 4 ตอนเท่านั้นเอง ^^  อย่าลืมติดตามกันนะทุกคน ฮุฮุ :o8: :-[ :serius2:


หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 16 up 27 12 56
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 02-01-2014 09:33:11
ตอนที่ 17



 :L2: :L2: :L2:
         ผับขนาดใหญ่ใกล้ๆมหาวิทยาลัย สถานที่ๆ ทั้ง 6 คนต้องมาเจอกันและเกิดความวุ่นวาย ปั่นป่วน และเจอเรื่องราวหลากหลายความรู้สึก  ผับแห่งนี้คงหนีไม่พ้นกรรมสิทธิ์ของยอร์ชอีกนั่นแหละ  ชายหนุ่มลูกครึ่งเยอรมัน  ตอนนี้แววตาที่ดูเคร่งเครียดของเค้ากำแก้วเหล้าไว้แน่น แล้วยกมันเข้าปากแก้วแล้วแก้วเล่า ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเสียที มีลูกน้องที่มองดูเจ้านายตัวเองอย่างเป็นห่วงเพราะยอร์ชเล่นเอาแต่กินเหล้ามาติดต่อกัน 3 วันแล้ว  ข้าวปลาก็กินบ้างไม่กินบ้าง  บางทีกินข้าวเข้าไปก็อาเจียนออกมา และจะเป็นแบบนี้ไปไม่รู้จะสิ้นสุดลงวันไหน…

“ไปเอามาเพิ่มอีก ไป!” ยอร์ชสั่งเสียงดัง แต่สภาพตอนนี้แทบจะพยุงตัวเองนั่งที่เก้าอี้หน้าเคาว์เตอร์ไม่ได้เลย

“นายครับ ผมว่านายดื่มมากไปแล้วนะครับ”

“ยุ่งหน่า ไปไกลๆเลยไปพวกมึง ทั้งหมดนั่นแหละ ไม่ต้องมาคอยตามซ้ำเติมกูหรอก ถึงเวลากูกลับเอง”

“นาย แต่นายไม่ได้กลับบ้านมา 3 4 วันแล้วนะครับ นายใหญ่ถามหาแล้วนะครับ”

“บอกพ่อกูไปว่าเดี๋ยวกูจะกลับไปเอง ไปได้แล้ว ไป๊!”

“คะ…ครับ!”

“หึ  ปาร์ตี้  ทำไมปาร์ตี้ทำกับพี่อย่างนี้  เฟสก็ไม่เล่น โทรศัพท์ก็ไม่เปิด นี่นายกำลังหนีหน้าพี่ไปมีความสุขอยู่กับไอ้โปเลย์นั่น ไอ้
มารความสุขอยู่เป็นแน่   ฉันจะฆ่าแกไอ้โปเลย์”

         แววตาที่ดูเหมือนดุดัน แต่ก็คล้ายๆกับเหม่อลอยอยู่นั้น กลับมาน้ำตาที่ไหลรินออกมา  น้ำตาที่ดูเหมือนว่าเค้ากำลังได้รับ
ความพ่ายแพ้อย่างมหันต์  และเป็นความพ่ายแพ้ครั้งแรกในชีวิตของหนุ่มลูกครึ่งคนนี้  ที่สำคัญนั้นคือความพ่ายแพ้ของความรัก

“ขอโทษนะคะ  เก้าอี้ข้างๆคุณมีคนนั่งแล้วหรือยังคะ” สาวสวยในชุดสีชมพูเปรี้ยวจี๊ด  กำลังยืนถามเค้าอยู่ใกล้ๆ  ยอร์ช ไม่สบอารมณ์อะไรมาก  และเค้าแทบจะไม่เงยหน้าขึ้นไปมองเสียด้วยซ้ำ  ก่อนตอบคำถามแบบปัดๆไปที

“ยังครับ  เอาไปนั่งเลย  ”  ว่าแล้วเจ้าตัวก็ทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ออกจากเก้าอี้ตัวนี้

“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่คุณใช่คุณยอร์ชรึเปล่าคะ” หญิงสาวยังคงถามเค้าต่อไป

“อืมใช่ แล้วเธอหล่ะ เป็นใคร!”

“อิอิ  ก็เป็นแฟนคลับพี่ยอร์ชยังไงหล่ะคะ” เธอหัวเราะแล้วฉีกยิ้มกว้างออกมา

“ผู้หญิงก็เหมือนกันหมด คิดแต่เรื่องสนุกๆ  ขอโทษนะช่วงนี้ฉันงดรับแขกที่เป็นผู้หญิง!”

        ประโยคนี้ทำเอาผู้หญิงที่เข้ามาใหม่หน้าหวอ ก่อนจะกัดฟันแน่นข่มอารมณ์ไว้ ไม่งั้นคนตรงหน้าได้ลงไปจมอยู่พื้นเป็นแน่  สภาพก็ดูไม่ได้ แล้วยังจะปากดีอีก  เชื่อเค้าเลยนายยอร์ชผู้แข็งแกร่ง

“ค่ะ ฉันขอตัวนะคะ”

 “จะไปไหนก็ไปสิ  มาบอกฉันทำไม”

            สาวน้อยเดินออกมาจากบทสนทนาที่แสนจะรวดเร็ว  เร็วมาก! แล้วเดินหน้ามุ่ยตรงมาทางประตูที่มีติวายืนยิ้มให้อยู่ก่อน
หน้านี้แล้ว

“ติวา  แผนนายห่วยมากเลยรู้ไหม  บ้าจริงๆเลย  ให้ฉันไปอี้อ๋อ กับตานั่นก็ว่าต่ำแล้วนะ  แต่นี่  เค้ากลับด่าฉัน ฉันเสียหายนะแบบนี้  ให้ตายสิ…”

“รุ้แล้วน่า ลีน่า  ทำไงถึงจะให้ไอ้ยอร์ชนี่มันเลิกยุ่งกับน้องปาร์ตี้นะ”

“ว่าแต่นายเถอะ เอาอะไรคิดแผนนี้ฮะ เป็นถึงทันตแพทย์หนุ่มปี 4 แต่ความคิดนายเนี่ยมัน…”

“มัน…มันทำไม ยัยลีน่าจอมโวยวาย พูดมาให้จบ”

“ก็…มันไม่ได้เรื่องหน่ะสิ ให้ฉันเข้าไปหาผู้ชายแบบนั้นมันไม่งามรู้ไหม นี่ถ้ามีใครมาเห็นเข้าจะว่ายังไงยะ  ดีนะที่ตานั่นหลงผู้ชาย
ด้วยกันเองหัวปรักหัวปรำ ไม่งั้นฉันต้องไปเล่นละครเลิฟซีนแน่ๆ  แหวะ อี๋”

“เอาหน่านะ ไหนๆก็ผ่านไปแล้ว ขอบใจเธอมากแล้วกัน ยัยบ๊อง ”

“รู้แล้วหน่า คราวหลังหัดปรึกษาแผนการก่อนนะ ปรึกษากับสแกน โปเลย์ ใจเจ๋ง รึว่าใครก็ได้ที่เป็นมวยกว่านี้”

“อะไรวะเป็นมวย”

“ก็เป็นงานเป็นการหน่อยหน่ะสิจ๊ะ  พ่อคุณตามโลกทันไหมเนี่ย”

“ไม่ทันก็ได้อ่ะ”

“ไปเถอะอยู่ที่แบบนี้นานๆ ฉันหายใจไม่ออกติวา กลับกันเถอะ  ไปคิดแผนใหม่กัน  ยังพอมีเวลาก่อนที่พวกเค้าทุกคนจะกลับมาที่
มหาวิทยาลัยอีกครั้ง”

“ก็ได้ๆ ยัยบ๊อง ฉันรับบัญชา”




“พี่ข้าวตูๆๆ”

“อะไรของแกวะสำลี วิ่งหอบมาเชียว ไม่เห็นหรอว่าฉันอยู่กับหลวงตาอยู่หน่ะ”

“ขอโทษจ๊ะหลวงตา  แต่เรื่องนี้พี่ไม่รู้ไม่ได้นะจ๊ะ  หนีมากลางคันแบบนี้…”

“อะไร!”

“พี่สแกนเค้าดวนปืนชนะแล้วจ๊ะ พี่ข้าวตู”

“อืมก็ดี แค่นี้ใช่ไหม  ”

“ไม่ใช่จ๊ะ ในเมื่อแข่งขันกันแล้วเสมอแบบนี้ ก็ต้องมีการแข่งอีกครั้งเพื่อตัดสินสิจ๊ะ”

“แข่งอะไรกันอีกหล่ะ พ่อนะพ่อ  ทำอะไรอยู่รู้ตัวไหมเนี่ย”

“ไม่ใช่พ่อหรอกจ๊ะ แข่งขันครั้งสุดท้าย  พวกพี่สแกน พี่สิงโตเค้าจะตกลงแข่งกันเองจ๊ะ”

“แล้วนั่นจะแข่งอะไรกันหล่ะ”

“แข่งมวยกันจ๊ะ”

“มวย!  แข่งขันอะไรบ้าๆอีกแล้ว  ช่างเค้าเถอะสำลี เอ็งกลับไปได้แล้ว  ฉันจะคุยกับหลวงตาต่อ”

“ไม่ต้องคุยไม่ได้หรอจ๊ะ  แข่งครั้งนี้อันตรายมากเลยนะจ๊ะ  เพราะพวกเค้าเล่นไม่ใส่นวมจ่ะพี่ ดูๆไปเหมือนจะเป็นการท้าตีกันเสีย
มากกว่า”

“หาเรื่องวุ่นวายยุ่งยากให้ฉันจริงๆไอ้พวกนี้   หลวงตาผมลาก่อนนะครับ  กราบลาครับ”

“อืมๆ…เจริญพรโยม”

“เร็วๆพี่ข้าวตู เดี๋ยวไม่ทันการ”

“รู้แล้วน่าเร่งฉันอยู่ได้  เอ็งก็เดินนำไปสิวะ”

“จ๊ะ”


“เฮ้ยๆ  เฮ้ยๆ” เสียงเชียร์ดังขึ้นอย่างกับเชียร์ไก่ชนก็ไม่ปาน หลายคนยืนมองมุงหัวกันดู  ข้าวตูจะไปเห็นได้ยังไงตัวเท่าลุกแมว สายตามองไปเห็นลังที่ไม่ได้ใช้อยู่ 2 3 ลังก็ไปยกมาต่อกันพอให้ได้เหยียบขึ้นไปเห็นได้ชัดเจนขึ้น

“พี่สแกน  สู้ๆ ต่อยมันเลยไอ้พี่สิง เอาให้มันน่วมไปเลย” เสียงของสำลีดังขึ้นเชียร์หนุ่มกรุงเทพอย่างสุดตัว

“พี่สแกน  เลือดไหลที่ปลายคิ้ว  นี่มันมวยบ้าอะไรวะเนี่ย เห็นๆอยู่ว่ามวยเถื่อนชัดๆ แล้วนั่นไอ้พี่สิงมันเอาท่าต่อยมวยมาจากไหน
ไม่เคยเห็นมาก่อน  นั่นมันมวยปล้ำแล้ว  ”

“พี่ข้าวตู ช่วยกันเชียร์หน่อยสิจ๊ะ แฟนพี่ไม่ใช่หรอ”

“ไอ้สำลีพี่สแกนคิ้วแตก  เราต้องเข้าไปห้าม ให้เค้าหยุดตีกันก่อนเดี๋ยวนี้เลยนะ  แล้วก็วิ่งไปบอกพ่อเร็วๆเข้า”

“เอางั้นหรอจ๊ะ ฉันว่าฉันไปตามพ่อกำนัน ส่วนพี่ข้าวตูก็เข้าไปบอกเค้าหยุดกันเองดีกว่านะจ้ะ”

“เออๆ ได้  ไปเร็วๆ จะไม่ทันการณ์   เลือดท่วมสนามมวยบ้านี่ขึ้นมาจะว่ายังไง”

“จ๊ะๆ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละจ๊ะ”

ฟุบ!! สิงโตลักไก่เอาเท้าเตะกลางหลังสแกนอย่างแรงทำเอาคนโดนเตะหน้าคว่ำไปหมอบอยู่กับพื้นทันที สิงโตสีหน้ายิ้มแสยะ อย่างกับผู้ที่เหมือนเป็นต่อ  พร้อมกับเดินเข้าไปในร่างสูงที่กำลังนอนฟุบลงไปด้วยแรงถีบเมื่อกี้ แล้วยกเท้าของเค้าจะเหยียบซ้ำ
ลงไปที่ร่างที่นอนเอามือป้องกันหน้าเอาไว้

“พี่สแกน!”

“อ้าวน้องข้าวตู มาดูความพ่ายแพ้ของไอ้นี่หรอครับ  ไม่ต้องห่วงนะ พี่นี่แหละจะชนะในไม่ช้านี้แล้ว”

“พอเถอะไอ้สิง เอาตีนที่แกกำลังจะยกขึ้นเอากลับไปเดี๋ยวนี้นะ  ก้าวก่ายรุ่นพี่ของฉันเกินไปแล้ว”

“พี่ไม่ได้ก้าวก่ายแต่มันเป็นการแข่งขัน”

“จะไม่มีการแข่งขันอะไรทั้งนั้น  คนรักของฉันฉันตัดสินเองว่าต้องการหรือไม่ต้องการ”

“หลบหน่อยจ๊ะๆ กำนันเบิ้มมาแล้ว” เสียงสำลีดังขึ้น มันทำให้ทุกคนในที่แห่งนี้รู้ว่า มันจบลงแล้ว

“พี่สแกน พี่สแกน  พ่อจ๋าพ่อพี่สแกนสลบไปแล้วพ่อ ช่วยฉันพาพี่เค้ากลับไปบ้านที”

“เออๆรู้แล้ว พ่อสิง ฉันต้องขอโทษด้วยนะ  ฉันต้องทำตามลูกชายฉัน นายเข้าใจนะ”

“อ้าวพ่อตาครับ ไหงเป็นอย่างนี้ไปได้   อ้าวไปกันซะแล้วไม่ฟังกูเลย  เซ็งหว่ะ ”

3 ชั่วโมงผ่านไป  ข้าวตูอยู่เฝ้าดูแลสแกนที่ห้องนอนอยู่ไม่ห่างคอยเช็ดแผล ทำแผลให้  รอยฟกช้ำที่ถูกกระทำเมื่อครู่อยู่ตามตัวสแกนเป็นระยะๆ สีเขียวมันทำให้ร่างบางที่นั่งคอยดูอาการอยู่ข้างๆอย่างอดห่วงไม่ได้ ไม่นานหนุ่มนัยน์ตาคมเข้มเข้มคู่นี้ก็กำลังลืมตาขึ้นมองภาพอย่างยากลำบาก 

“พี่สแกน ฟื้นแล้วหรอครับ”

“…”

“คราวหลังไม่ต้องไปทำอะไรแบบนั้นแล้วนะ ผมรักใครผมตัดสินใจเองได้”

“พี่ก็แค่อยากให้ข้าวตูรู้ว่าพี่รักข้าวตูมากแค่ไหนเท่านั้นเอง”

“ก็เพราะเหตุผลนี้ไง พี่ถึงได้เจ็บตัวแบบนี้  อย่าทำแบบนั้นอีกนะครับ”

“อืมๆ พี่เข้าใจแล้ว  ”

“ไหนดูสิ คิ้วแตกหมดแล้ว  พี่คงไม่รู้อะไรไอ้สิงโตหน่ะเป็นนักเลงตำบลโน้นเรื่องแบบนี้ ท้าตีท้าต่อย เป็นของถนัดเค้าอยู่แล้ว  พี่ก็ยังจะตามน้ำเค้าไปอีก”

“ก็พี่ไม่อยากเสียฟอร์มหนิ  มันท้ามาถ้าพี่ไม่อยากปฏิเสธ  พี่ก็เลย…รับคำไป”

“เฮ้อ แล้วเป็นยังไงล่ะฟอร์มเยอะนะ  เจ็บไปหมดทั้งตัวอยู่แล้ว”

“เออว่าแต่  ข้าวตูพาพี่กลับมาได้ไงกัน”

“ปล่าวหรอก ผมให้พ่อกับชาวบ้านอีก 2 คนหามพี่มาหน่ะ”

“ขอบใจนะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ  นอนพักเถอะ ตื่นมาอาการจะได้ทุเลา”

“อืมๆ  นี่ถ้าพี่หายแล้ว ข้าวตูกลับกรุงเทพพร้อมกับพี่เลยนะ”

“ก็ได้ครับ กลับก่อนกำหนดเปิดเรียน 4 วันไม่เป็นไรหรอกมั้ง”

“ขอบใจนะ โอ้ยเจ็บจังข้าวตูดูให้พี่หน่อยสิครับตรงคิ้วตรงนี้อ่ะ”

“ไหนไม่เห็นมีเลย  คิ้วด้านขวาพี่ไม่แตกไม่ใช่หรอผมดูดีแล้วนะ  ”

“เอ้าก็ก้มดูใกล้ๆสิจะได้เห็นนั่งหลังตรงดูอย่างนั้นจะเห็นได้ไงเล่า”

“อยู่ไหนหล่ะผมหาแล้วไม่มีเลย”

จุ๊บ

“พี่สแกน  เจ้าเล่ห์นักนะ ทีเผลอตลอด” ข้าวตูว่าแล้วก็เอาสำลีที่จุ่มแอลกอออล์เช็ดไปที่แผลตรงหลังมือทันที

“โอ้ย พี่แสบนะ แหม…จูบนิดจูบหน่อยพอให้หัวใจของพี่กระชุ่มกระชวยก็พอแล้ว โอ้ย! พอแล้วๆ พี่ไม่ทำแล้ว”

“นี่ไง  กระชุ่มกระชวย  โดนแอลกอฮอล์ล้างแผลหน่อยเป็นไง เจ้าเล่ห์หรอฮะๆ”

“พอแล้วๆแสบๆๆ ไม่เอาแล้วข้าวตู”

“ไม่เอาก็ต้องเอา ถ้างั้นมันจะหายไหมครับ”

“อ้าวก็มันแสบนี่ครับ ข้าวตู”

“…”

“เป็นอะไรไปหรอ ข้าวตู  เงียบทำไม”

“ป่านนี้  เกี๊ยวปลาจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้นะครับพี่สแกน  ไปเที่ยวจีนครั้งนี้  เค้าคงสนุกนะ”

“เฮ้อ  เรื่องของเรื่อง ก็อยู่ที่ไอ้ใจเจ๋งกับเกี๊ยวปลาแหละ   ไม่มีอะไรหรอกอย่าคิดมากเลยนะ”

“ถ้าเกี๊ยวปลารู้ว่าพี่ใจเจ๋งเป็นพี่ตี๋เล็กของเค้า เค้าจะว่ายังไงนะ  คู่นั้นหนักกว่าเราอีกนะ  ไหนจะปาร์ตี้อีกรายนั้นเค้ามีคนโน้นมารุม
ตอมเยอะจะตาย”

“พี่ว่า 100% ไอ้ใจเจ๋งมันไม่กล้าบอกหรอก  มันเคยพูดกับพี่ว่า ไม่อยากทำให้เกี๊ยวปลาเสียใจ ไม่อยากให้ผิดหวัง”

“งั้นหรอครับ  พี่สแกน แล้วปาร์ตี้กับพี่โปเลย์จะเป็นยังไงบ้างนะ”

“นี่ๆ ห่วงแต่คู่คนอื่นอยู่ได้โถ่  คู่ตัวเองเคยถามถึงไหมครับ หืม  แต่ก็นะพี่ว่า คู่เราไม่ต้องมีคู่แข่ง ไม่มีคนแย่งดีแล้ว ไม่งั้นพี่หึง
ข้าวตูใจขาดก่อนพอดี”

 สแกนโยกตัวใกล้เข้ามาหาข้าวตูที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆอยู่ไม่ทันได้สังเกต  พอเจ้าเห็นเท่านั้นแหละกลับเอียงตัวพร้อมกับเอามือดันหน้าหล่อๆของข้าวตูหนีทันที  สแกนเองพอเข้าไปหอมแก้มไม่ได้ก็หัวเราะในลำคอก่อนจะโน้มตัวลงนอนแล้วกุมมือข้าวตูไว้อย่างนั้น  เจ้าตัวเล็กได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข  สแกนเป็นคนที่มีความอ่อนโยนอยู่ไม่น้อย ผิดกันกับตอนแรกที่เห็น ข้าวตูเห็นเค้าเป็นเพียงหนุ่มหล่อขี้เก๊ก หยิ่งในตัว พูดมีหลักมีการ ลูกคนหนู ใครขัดใจเสียก็ไม่ได้ซะอย่างนั้น  แต่ตอนนี้เค้ากลับเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายแทบเกือบเหมือนเป็นคนๆเดียวกันไปเสียแล้ว



ที่ประเทศจีน
     เวลาประมาณบ่าย 3 ประตูห้องพักที่โรงแรมกำลังถูกแง้มออกมาเบาๆ  ก่อนจะเผยโฉมชายหนุ่มที่เกี๊ยวปลานั่งรออยู่ทั้งวัน    ใบหน้าที่เพิ่งเข้ามาใหม่ยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างสดชื่น  ผิดกันกับเกี๊ยวปลาที่ทำอะไรไม่ถูกเลย   เค้าเพิ่งได้ยินข่าวใหม่ล่าสุดจากทางป้าเหมยมาไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว  มันทำให้เกี๊ยวปลาใจหวั่น วิตก  คนตรงหน้าคือพี่ตี๋เล็กไปเสียแล้ว  สมองของหนุ่มตัวเล็กประมวลผล ตีกันไปมาเหมือนหัวจะระเบิดเป็นจุน

“เกี๊ยวปลา  เป็นไรไป เมื่อกี้ฉันเรียกชื่อนาย นายไม่ได้ยินหรือไง  เหม่อลอยอยู่ได้”

“ขอโทษทีครับ  เอ่อ ว่าแต่พี่ไปไหนมาครับ”

“ฮั่นแน่ เป็นห่วงฉันด้วยหรอ  มีอะไรรึเปล่า รึว่าเปลี่ยนใจไม่ทะเลาะกับฉันแล้ว”

“…”

“นี่ เป็นไรไป เกี๊ยวปลา  ฉันไม่อยู่ 4 ชั่วโมง เปลี่ยนไปเยอะเลยนะนายอ่ะ  มากินขนมนี่มา ฉันซื้อมาให้จากข้างนอก”

“พี่ใจเจ๋ง   เมื่อกี้ป้าเหมย…”

“แม่หรอ   แม่ทำไมหรอเกี๊ยวปลา  แม่บอกอะไรนาย!”

“ปล่าวครับ  ป้าเหมยบอกว่า ถ้าพี่มาแล้วให้ไปหาคุณลุงด้วย  ท่านรออยู่ที่ห้องพักของป้าเหมยครับ”

“เฮ้อ แล้วไป นึกว่าเรื่อง…ป๊ามาถึงแล้วหรอเนี่ย” ใจเจ๋งหยุดพูดก่อนจะมีอะไรบานปลายไปกว่านี้ แต่เกี๊ยวปลากลับหลบสายตา
มองไปข้างๆตัวเค้าแทน

“เดี๋ยวเกี๊ยวปลา จะไปไหน  ”

“ผมจะไปเดินเล่นข้างล่างโรงแรมนี้ซักหน่อยครับ  ”

“งั้นหรอ  เอานี่ไปกินด้วยสิ พี่ซื้อมาให้นะ  อร่อยน้าไอ้ซานหงตัวน้อย”

             ใจเจ๋งเอามือขยี้หัวเกี๊ยวปลาไปมา  คำพูดที่เรียกชื่อเล่นของเค้าแบบนี้ ฟังดูแล้ว เกี๊ยวปลายิ่งสัมผัสและรับรู้ได้มาก
เรื่อยๆ ความอ่อนโยนแบบนี้ ที่เค้าเคยได้รับจากพี่ตี๋เล็ก  กำลังทำให้เค้าเริ่มจะมั่นใจแล้วว่าที่ป้าเหมยพูดถูก  เค้าคือคนคนเดียวกันกับตี๋เล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้   คือพี่ตี๋เล็กที่เค้าคอนรอและตามหาอยากเจอหน้ามาโดยตลอด  เรื่องราวที่ผ่านมา เค้าคนนึงแหละที่อยากให้มันเป็นแค่ฝันร้าย  ถ้าเปลี่ยนอดีตได้เค้าเองไม่อยากจะรู้จักพี่ใจเจ๋งในสภาพแบบนี้หรอก  เกี๊ยวปลาเดินเล่นลงไปตามโรงแรมไปเรื่อยๆคิดนั่นคิดนี่คิดโน่นไปต่างๆนาๆ




ตอนที่ 18 จะอัพลงประมาณ เที่ยงวันนะจ้ะ

 :mew3: :mew4: :mew3: :mew4:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 17 up 2 01 57
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 02-01-2014 12:41:13
ตอนที่ 18


“ …อะไรนะครับม๊า   นี่ม๊าบอกความจริงให้ซานหงรู้แล้วหรอครับ!” ใจเจ๋งตะโกนออกมาสีหน้าตกใจ

“ใจเย็นๆ ตี๋เล็ก  ม๊าก็ต้องบอกความจริงน้องเค้าไป จะปล่อยให้คารังคาซังอยู่แบบนี้ ม๊าไม่เอาด้วยหรอกนะ ”

“แต่ม๊าครับ…”

“เออน่า  ม๊าเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดให้แกแล้วตี๋เล็ก  ที่เหลือก็ไปอธิบายน้องเอาเอง”

“…ก็ได้ครับม๊า   แต่ผมว่าน้องต้องโกรธ” ใจเจ๋งพูดก้มหน้าแล้วนั่งลงบนโซฟาที่ห้องพักของแม่เค้า

“ม๊าว่าเค้าไม่โกรธตี๋เล็กของม๊าหรอก   ลูกเป็นหนึ่งในดวงใจของซานหงเค้า  เค้ารักและเคารพลูกอย่างกับอะไรดี  ม๊าเชื่อว่าซานหงไม่ได้โกรธลูกหรอกนะ เพียงแค่ต้องให้เวลาน้องนิดนึง”

“จริงหรอครับม๊า  ผมหวั่นๆยังไงชอบกล  เมื่อกี้ตอนผมกลับมา ไม่เห็นน้องจะมีท่าทีเหมือนซานหงคนเดิมที่คอยซ่าคอยกัดกับผม
ตลอดเลยนะครับ ที่ไหนได้เพราะรู้เรื่องนี้แล้วสินะ”

“ก็แหงสิ ม๊าเพิ่งบอกความลับลูกไปให้ซานหงเค้าฟังหนิ  ดีแค่ไหนแล้วที่ซานหงไม่ได้โกรธลูกเอา”

“ผมไปหาน้องก่อนนะม๊า”

“เออๆ ดีๆ  รีบๆไปหล่ะเดี๋ยวไม่ทันเอานะ   ”

“ครับม๊า”

           เกี๊ยวปลาเดินออกมาตามทางเดินฟุตบาทเรื่อยๆไม่ไกลจากโรงแรมเท่าไหร่นัก  พอดีเหลือบไปเห็นคุณป้าที่กำลังถือของพะรุงพะรัง และอีกอย่างก็เหมือนกับจะเดินไปทางข้างที่เดียวกัน   

“ป้าครับ  ป้าถือไหวไหมให้ผมช่วยไหมครับ”

“ไม่เป็นไรพ่อหนุ่ม  ป้าไหวใกล้ถึงที่หมายแล้วนิดเดียวเอง  ข้างหน้ามีงานประจำปีของชาวมณฑลยูนาน สนุกนะ สนใจไหมหนุ่ม
น้อย”

“น่าสนุกดีนะครับ ถ้างั้นให้ผมช่วยถือของแล้วกันนะครับ ไหนๆก็ไปทางเดียวกันอยู่แล้ว”

“ผมด้วยครับป้า!” เสียงที่คุ้นหู  เหมือนพระเอกขี่ม้าขาวอะไรทำนองนั้นดังขึ้นมา ทำให้เกี๊ยวปลาต้องรีบหันไปมองตามเสียง

“อ้าว มาจากไหนอีกคน  อ้อๆ ป้านึกออกแล้ว คงจะเป็นแฟนกันสิท่า  น่ารักทั้งสองคนเลย ว้าเดี๋ยวนี้ผู้ชายน่ารักๆก็เป็นแฟนกันหมดแล้ว  ผู้หญิงเค้าจะได้คนขี้เหร่เป็นแฟนหมดแน่ๆ”

“เอ่อ  ไม่ใช่นะครับป้า ป้าเข้าใจผิดแล้วครับ นี่! นาย!  ตามมาทำไมเนี่ย”

“อ้าวทำไมต้องดุด้วยหล่ะซานหง   พี่ตี๋แค่เป็นห่วงตัวเองหนิ”

“นี่ นาย  รู้เรื่องแล้วหรอ?”

“ครับ  รู้จากแม่พี่เมื่อกี้เอง   ซานหง  รู้เรื่องนี้แล้วทำไมไม่บอกพี่หล่ะครับ  แล้วเดินหนีออกมาเที่ยวสถานที่ๆตัวเองไม่ชินแบบนี้ไม่
ดีหรอกนะรู้ป่าว”

“ใจเจ๋ง  ฉันขอหล่ะนะ  อย่าเพิ่งใช้คำว่าตี๋ในตอนนี้ได้ไหม คือ… ฉันยังยอมรับมันไม่ได้”

“เฮ้อ  พี่เข้าใจนะ  ไม่เป็นไร ซานหงจะเรียกพี่ว่าใจเจ๊ง หรือ ใจเจ๋ง เหมือนเดิมก็ได้ขอแค่นายสบายใจ”

“ขอบใจนะ”

“นี่พ่อหนุ่ม สรุปจะถือของให้ป้าตรงนั้นอีกนานไหม  ป้าหนักแทน”

“อ้อๆครับๆไปแล้วครับป้า รอด้วยครับ”

“อ้าว ซานหงรอพี่ด้วยสิ ใจร้ายชะมัด”

              สองคนเข้าร่วมงาน ซื้อของกิน ถ่ายรูป เยอะแยะไปหมด  ระหว่างทางก็มีคนขอถ่ายรูปเหมือนราวกับว่าเป็นคนดังอะไรทำนองนั้น  ใจเจ๋งได้แต่ยืนประชิดเกี๊ยวปลาโดยไม่ให้เจ้าตัวรู้  ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะหนุ่มจีนแถวนี้สายตาทองผ่านทะลุมาทางเกี๊ยวปลากันทั้งนั้น  มีหรอที่ใจเจ๋งจะยอม  ไม่ได้หรอกของของใครใครก็หวงจริงไหม?

“สนุกจังเลยเนาะว่าไหม  เทศกาลชาวยูนนานนี่ก็สวยดีนะพี่ว่า  ซานหงว่าไงครับ”

“ก็ดีครับ  แต่คนเยอะไปหน่อย”

“ฮ่าๆ  ไม่แปลกหรอกครับที่คนเยอะ   นี่พี่หิวจะแย่แล้ว หาอะไรกินดีกว่านะพี่ว่า”

“แล้วแต่ครับ ผมยังไงก็ได้  ”

“ซานหงไม่หิวก็ไม่เป็นไร  พี่ไม่กินแล้วแหละ”

“จะกินไหม  ถ้ากินก็กินตอนนี้แหละ   ไม่ใช่เวลามาทำเสียงงอนนะครับ”

“ว้าวเกี๊ยวปลาคนเดิมกลับมาแล้ว”

“กวนประสาทจริงๆเลย   แล้วอย่างนี้นายจะใช่พี่ตี๋เล็กของฉันจริงปะเนี่ย”

“ตัวจริงเสียงจริงฉบับจริงครับ  รอยแผลเป็นด้านไหล่ขวายังอยู่นะ ใครไม่รู้ทำพี่เจ้บเจ็บ”

“รู้แล้วน่า  ผมขอโทษ  ก็ไม่ได้ตั้งใจนี่นา  พี่ตี๋เล…เอ๊ย  นายใจเจ๊ง”

“พี่ว่าเรานั่งกันตรงนั้นดีกว่าเงียบดี   เอ้าเดินมานั่งสิครับ  หนุ่มจีนเค้ามองนายตาโตไปหมดแล้ว”

“ก็ให้เค้ามองไปสิ”

“ไม่ได้ พี่หวง”

“จะหวงทำไม   ไม่ได้เป็นเจ้าของซะหน่อย”

“ใครว่าหล่ะ  ก่อนพูดถาม คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าแล้วรึยังครับ  ถ้าเป็นไปได้อยากทำหลักฐานไว้ว่าเป็นแฟนพี่ตั้งนานแล้ว”

“ไม่อยากถาม  คนที่ชอบหม้อสาวแบบพี่ผมไม่เชื่อหรอก”

“เอ้าซะงั้น  เฮ้อ   ลุง เอาอันนี้ อันนั้น  อันโน้นอย่างละ 1  แล้วก็ขอข้าว 2 จานนะครับ ”

“สั่งเก่งจัง  เคยมาบ่อยหรือไงเมืองจีน  พูดอาหารจีนซะคล่องเชียว”

“ก็พอตัวนะ   ว่างๆไม่มีไรทำ พี่ก็จะนั่งเครื่องมาหาป๊าที่นี่”

“อ้อ งั้นหรอ”



“ไง  ทั้งอิ่มทั้งอร่อยหล่ะสิ  เห็นตั้งหน้าตั้งตากินใหญ่เลย”

“งั้นมั้ง”

“ฮ่าๆ  ตอบได้กวนตลอดทางเลยนะ  น่ารักอ่ะ”

“น่ารักตายแหละ  ถึงห้องเมื่อไหร่จะได้อาบน้ำนอนซักที”

“เดี๋ยวก่อน   คืนนี้คืนสุดท้ายแล้วที่จะพักอยู่จีน   วันนี้พี่ขอนอนบนเตียงด้วยได้ป่าว”

“ไม่ได้หรอก”

“เอ้า   ทำไมอ่ะ  พี่อุตส่าห์นอนบนโซฟามาเกือบเป็นอาทิตย์นึงแล้วนะ  คืนสุดท้ายเห็นใจหน่อยเถอะ”

“ก็นอนสิครับ ผมล้อเล่น  ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นซะหน่อย”

“อย่างนายมันโหดร้ายหล่ะสิไม่ว่า”

“แล้วพี่หล่ะหม้อหญิงเป็นว่าเล่นหล่ะสิไม่ว่า”

“เกี่ยวไรกันเค้าพูดถึงเรื่องที่นอน ฮ่าๆ”

“พี่ตี๋เล…อุย นายใจเจ๊ง   ก็ฉันจะพูดให้มันเกี่ยวจะทำไม   ”

“ปล่าว  อืมๆ คืนนี้มีบอล รอดูด้วยกันป่าว ชอบแมนยูเหมือนพี่เลย”

“ก็ดี   ไม่ได้ดูนานแล้ว   จะว่าไปนะ  นี่ผมไม่ดูบอลมาเป็นพักใหญ่ๆแล้วนะ  ผมทำได้ไงวะเนี่ย”

“อ้าว  ไม่เห็นยาก คำตอบก็คือ นายทำได้ไง”

“กวนผมได้ตลอดนะพี่อ่ะ”

           ใจเจ๊งเงยหน้ามายิ้มหวานให้เกี๊ยวปลาก่อนจะคีบลูกชิ้นให้คนตรงหน้า  ป้อนกันไปมา ทำเอาคนที่เค้าไปกินด้วยข้างๆพากันมองอมยิ้มมีความสุขไปด้วยเลย

“ถึงโรงแรมซะที คืนนี้สนุกที่สุดเลย  ขอบคุณนะครับที่ไปเป็นเพื่อน”

“ป่าวไปเป็นเพื่อนซะหน่อย   เค้าไปในฐานะแฟนต่างหาก แบร้  ขึ้นห้องดีกว่า”

“พี่ตี๋เล็ก!”

“เอาเข้าไปๆ   นี่ๆทำไมคนสวยๆอย่างลีน่าต้องมาคอยตามนายเรื่องกำจัดไอ้ยอร์ชขี้เก๊กแทบทุกวันแบบนี้นะ  แล้วนี่จะรอให้มันได้
อะไรขึ้นมาวะ  งานโปรเจกปี 4 ฉันยังไม่เสร็จดีเลยนะ  นายติวา!  นี่ฉันบ่นขนาดนี้แล้วนายฟังฉันอยู่มั้ยยะ”

“โอ้ย  ฟังอยู่นี่ไง  แสบหูเป็นบ้าเลย  พามาแค่นี้ทำเป็นบ่น”

“นี่ๆ   ฉันถูกนายพาตามมาสถิตอยู่ตรงนี้คณะนี้ทุกวันนะยะ  เวลาฉันก็หมดไปกับไอ้บ้าขี้เก๊กนั่น  แล้วก็ไหนจะ…”

“ยัยลีน่า หุบปากไปเถอะน่า  โน่น มันเดินมาโน่นแล้ว”

“เอ้า ก็ไปสิ เดี๋ยวก็พลาดอีกหรอกติวา”

“เออๆหน่า ไปแล้ว รอตรงนี้นะ”

“อืม”
        ติวาเดินลิ่วไปขวางหน้ายอร์ชไว้ทำเอาเจ้าตัวมองติวาที่กล้ามาดักทางเดินเค้าอย่างน่ากลัว
“มาขวางทางฉันไว้ทำไมวะ”

“ยอร์ช   พวกเราขอเวลาคุยอะไรกับนายหน่อยสิ”

“ฉันจำเป็นด้วยหรอ หลบไป!”

“เดี๋ยวถ้าฉันจะบอกว่าเรื่องที่จะพูดคือเรื่องของปาร์ตี้ นายจะว่ายังไง”

“ฮึ! ปาร์ตี้หรอ โอเค  น่าสนใจหนิ เชิญว่ามา”

“ปาร์ตี้ รักโปเลย์เพื่อฉันมาก…”

“รู้แล้ว อย่าตอกย้ำได้ไหม ”

“ไม่ได้ตอกย้ำ ฟังก่อนดิวะ”

“ว่ามา”

“ฉันเลยขออยากให้นายปล่อยน้องไปซะเถอะนะ เพื่ออนาคตของน้อง”

“นี่คือคำขอร้องสินะ นายหน่ะคิดว่าความรักมันทำได้ง่ายๆแล้วก็ตัดขาดได้ง่ายๆขนาดนั้นเลยหรอวะ เสียใจด้วยนะติวา  ลูกหมาที่
ซื่อสัตย์ต่อไอ้โปเลย์แบบนาย ฉันว่าอย่าพยายามเลยดีกว่า  ฉันเลือกและกำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้  รึแม้แต่คนอื่นฉันก็กำหนดได้เหมือนกัน!”

“ติวา  เค้าเดินหนีไปเฉยเลย  ดูสิ”

“เห็นแล้วน่า นี่ลีน่าช่วยหยุดพูดในเรื่องที่ฉันเองก็เห็นอยู่หลัดๆพร้อมกับเธอจะได้ไหม”

“เออก็ได้   แล้วนี่คิดว่าเค้าจะทำตามที่เราขอร้องไหมอ่ะติวา”

“ไม่รู้  อยู่ที่นายยอร์ชคนเดียวแล้วหล่ะนะ  ขอแค่เค้าไม่ไปราวีปาร์ตี้กับเพื่อนของฉันก็พอแล้ว”

“แต่เมื่อกี้นายได้ยินไหมว่า หมอนั่นสามารถกำหนดชะตาชีวิตใครก็ได้  อย่างนี้โปเลย์ไม่ปลอดภัยนะ”

“ไม่รู้สิ แต่ฉันว่าเค้าไม่ทำ  ถ้าเค้ารู้จะคำว่ารักได้ ก็ต้องรู้จักคำว่าเสียสละได้เหมือนกัน  เค้าต้องไม่ทำแบบนั้นแน่ลีน่า เชื่อสิ อย่า
ห่วงไปเลยนะ”

“ถ้างั้นก็กลับกันเถอะ ฉันจะได้ทำงานฉันต่อ”

“เออๆ ขอบใจนะลีน่าที่คอยช่วยมาซักพักนึงแล้ว”

        ลีน่าได้แต่ยิ้มพยักหน้าพร้อมกับตบบ่าเพื่อนชายอย่างเข้าใจดี   ต่อไปนี้พวกเค้าก็คงจะไม่ได้เข้าไปช่วยอะไรมากแล้ว  ที่เหลืออยู่ที่ความคิดความอ่านของทั้งสามคนนี้  ผลจะเป็นยังไงก็คงต้องปล่อยมันไป

“พ่อครับ  ผ่านมาหลายวันแล้ว ผมขออนุญาตพาปาร์ตี้ลาพ่อตรงนี้เลยนะครับ”

“ว้า คนแก่ก็ต้องเหงาอีกแล้ว   เปิดเทอม 2 แล้วสินะ  ปาร์ตี้   ”

“ครับพ่อ”

“ฟังพ่อนะ    ให้ทำตามคำพุดของพ่อให้มากๆ  อย่ขัดขืนเข้าใจไหมลูก”

“เรื่องเมื่อคืนที่พ่อบอกผมใช่ไหมครับพ่อ”

“เอ่อ คุณพ่อครับ…”

“ไอ้ลูกเขย  อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย  รอไปถามเจ้าตัวในรถตอนเดินทางกลับเอาจะดีกว่านะ”

“ปาร์ตี้กอดหน่อยเร็ว” นอสอ้าแขนรอกอดเพื่อนรักคนนี้อย่างดีใจ

“อืมๆ นอส ฉันจะกลับไปสานฝันต่ออาชีพในฝันแล้วนะ   กลับมาบ้านปิดเทอมตุลาคมครั้งนี้ฉันมีความสุขที่สุดเลย  นายเองก็
เหมือนกันนะนอส   ไปต่างประเทศเมื่อไหร่ ถ้าย้ายกลับมาไทยได้เร็วๆก็ดีนะ  สงสารคนที่หน้าหงอยยืนอยู่ตรงข้างบ้าง”

“ใครว่าหล่ะปาร์ตี้  พี่ไม่ให้นอสไปไหนทั้งนั้นแหละ  ข้าวของก็ไม่ให้กลับ หาซื้อใหม่ที่นี่เลย”

“พี่เนตว่าไปเรื่อยนะพี่  อายคุณอากับพี่โปเลย์เค้ามั่ง”

“เอ้าเกี่ยวอะไรกับนายท่านหล่ะนอส  เกี่ยวแค่เราสองคนเท่านั้นพอ”

“ถ้างั้นถือโอกาสลาคุณพ่อแล้วก็เพื่อนๆทุกคนเลยนะ ทั้งเนตและนอส   เมษานี้เราคงได้พบกันอีก”โปเลย์ยกมือไหว้คนสูงอายุอย่างน้อบน้อม

“พี่เนต ฝากดูแลพ่อปาร์ตี้ด้วยนะพี่”

“ได้เลยน้องชาย  อย่าห่วงเลยน่า  ไปเรียนมหาลัยมาเทอมนึงแล้ว พี่ก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่ใช่หรอ”

“อะไรกันปาร์ตี้เห็นพ่อเป็นคนแก่ขนาดนั้นเลยเชียว  พ่อยังพอดูแลตัวเองไหวน่าลูก”

“ฮ่าๆ ไม่รู้แหละครับ ก็ผมเป็นห่วงพ่อหนิ  ไปแล้วนะครับพ่อ สวัสดีครับ บ้ายบายเพื่อนๆ”

          ระหว่างทางกลับไปที่มหาวิทยาลัยโปเลย์ได้แต่มองปาร์ตี้เป็นระยะๆ  ก่อนจะตัดสินใจถามคนที่นั่งข้างๆด้วยความข้องใจ

“นี่ปาร์ตี้  คุณพ่อกำชับเรื่องอะไรหรอครับ”

“พี่โปเลย์ ผมนึกว่าพี่จะลืมไปแล้วซะอีกนะครับ”

“พี่เนี่ยนะลืม   ไม่ลืมหรอกครับ  ว่าแต่จะเล่าให้พี่ฟังหรือยังเอ่ย”

“ก็…คุณพ่อบอกว่า  อย่าทำร้ายจิตใจพี่  อย่าดื้อกับพี่   อย่าขึ้นเสียงและด่าพี่  สุดท้ายเป็นคู่รักของพี่ให้สมกับว่าที่ลูกเขยของคุณ
พ่อ   เท่านี้แหละครับ”

“ว้าแย่จัง  คุณพ่อน่าจะเพิ่มอีกอย่งนึงด้วยนะ”

“อะไรครับ”

“ก็…ห้ามหมดรักพี่ด้วยไงครับ”

“พี่โปเลย์  ประการสุดท้ายนั้นไม่ต้องกำชับหรอกแต่อยู่ที่ในหัวใจผมแล้วต่างหาก”

“หรอ ไหนขอดูหน่อย”

“เฮ้ยไม่เอา จะดูได้ไงมันเป็นความรู้สึกนะ ”

“ถ้างั้นพี่ก็จะดูด้วยความรู้สึกไงครับ   ”

ฟอดดดด   โปเลย์เอาหน้าเข้ามาหอมแก้มคนตัวเล็กก่อนจะหน้าแดงจนต้องหันหน้าไปทางถนนด้านข้างทีเดียว

“ไง รู้สึกไหมครับ”

“ยิ่งกว่ารู้อีกครับ  พี่โปเลย์ขับรถช่วยดูถนนด้วยครับ  รถพี่นี่ใช่ราคาจะถูกนะ ถ้าชนขึ้นมา…”

“ปาร์ตี้ไม่ดีครับอย่าพูดถึงเรื่องรถชนหรืออุบัติเหตุสิ ”

“ขอโทษครับ  ไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไรครับ  แหม หน้าหงิกเชียว  โอ๋ๆ พี่พูดเล่นหน่าเด็กน้อยแว่นแดงคนดีของพี่ ”



สองตอนที่เหลือพุ่งนี้เจอกันใหม่นะจ้ะ

 :L2: :L1: :3123: :L2: :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 18 up 2 01 57
เริ่มหัวข้อโดย: igaga ที่ 02-01-2014 21:25:12
ขอยคุณคนเขียน มากๆ
มาลงอีกไวๆนะ
อิอิ
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 18 up 2 01 57
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 26-01-2014 14:38:53
ตอนที่ 19


 :L1: :L1: :L1:
           ผ่านมา 1 สัปดาห์หลังจากที่ทุกคนเดินทางกลับมาที่เมืองหลวง กลับมาเรียนต่อ กลับมาเพื่อทำภารกิจและเผชิญหน้ากับบางเรื่องที่ยังไม่สะสาง   เที่ยงคืนของวันนั้นอุณหภูมิลดลงมา ถึง 16 องศา  ในยามราตรีที่แสนจะหนาวเย็นเช่นนี้กลับมีเงาของชายหนุ่มพาดทอดลงมาตามทางเท้า เดินจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพักของปาร์ตี้ เกี๊ยวปลา กับข้าวตู ในมหาวิทยาลัย ชายหนุ่มผู้นั้นเดินขึ้นมาจนถึงหน้าประตูพร้อมกับเผยรอยยิ้มแสยะที่น่ากลัว  ก่อนจะยกมือหนาๆข้างนั้นเคาะประตูห้องรัวหลายครั้ง

ก๊อกๆ ก๊อกๆ

“อืมมมมมม   ใครมาเคาะประตูตอนนี้นะ คนเพิ่งได้นอนไปไม่กี่นาทีเอง  ข้าวตูแกอยู่ใกล้ๆประตูเดินไปดูหน่อยดิว่าใครมา” เกี๊ยวปลาผู้ที่กำลังจะเคลิ้มหลับได้ที่ กลับสะดุ้งตื่นขึ้นมาก่อนใคร แต่เค้าก็พยายามที่จะตะโกนบอกข้าวตูที่หลับไปแล้วให้ตื่นนอนเพื่อ
ไปเปิดประตูแทนเค้า

“อืมๆ เดี๋ยวลุกไปดูให้” ข้าวตูตอบกลับพร้อมกับท่าทางที่งัวเงียได้ที่ ดวงตาสองดวงกลับปิดสนิทแต่เค้ากลับลุกขึ้นเดินไปที่ประตู
ได้อย่างชำนาญ  แล้วตัดสินใจปลดล็อกกลอนประตูอย่างใจเย็นก่อนจะพยายามหรี่ตามองดูแขกที่มาเยือนเค้าตรงหน้า 

“คุณพระ!” ข้าวตูตะโกนเสียงดัง อย่างควบคุมไม่ได้  ดวงตาที่กำลังหนักถ่วงอยู่นั้นก็เบิกกว้างอย่างกับถูกน้ำสาดใส่หน้าไม่มี
ผิด   ทำให้เพื่อนๆทั้งสองคนที่กำลังลุ้นรอฟัง ตาตื่นไปตามๆกัน และมันทำให้คนที่เหลือยิ่งอยากรู้ไปใหญ่

       
“ว่าไงข้าว  ใครมาหรอวะ” เกี๊ยวปลาถามข้าวตูทันทีที่เริ่มผิดปกติ

“เอ่อ เกี๊ยว ยะ…แย่แล้ว ดูแลปาร์ตี้ด้วย พี่ยอร์ชมา!” ข้าวตูพูดพร้อมกับเอามือออกแรงผลักประตูให้ปิดกลับเหมือนเดิม แต่ดู
เหมือนว่ามือหนาๆที่มีกำลังมากกว่าจะดันไว้ได้ก่อนและเริ่มออกแรงมหาศาลดันประตูเข้าไปข้างใน ทำเอาคนที่พยายามปิดถึง
กลับเสียหลักไปอยู่อีกมุมห้อง

“ฮึ จะปิดประตูหนีฉันไปอีกนานแค่ไหน ไงสบายดีนะ  ไม่เจอกันนานนี่พวกนาย เห็นฉันเป็นปีศาจไปแล้วหรอ”

“พี่ยอร์ช มะ…มาที่นี่ทำไมครับ แล้วทำไมสภาพของพี่ถึงได้…” ปาร์ตี้ถามไปตามที่เค้าเห็นคนตรงหน้า  ดูไม่ค่อยเป็นผู้เป็นคน
เสียเท่าไหร่นัก  เสื้อผ้าที่ใส่ดูเก่าๆเหมือนใส่มาหลายวัน และกลิ่นที่มีแอลกอฮอล์คะคลุ้งไปทั่วห้องสี่เหลี่ยม ตลบอบอวลไปหมด

“ใช่  ฉันมันดูไม่จืดเลยใช่ไหมเล่าปาร์ตี้ ไง…ต้องขอบคุณน้ำเมาแล้วสินะที่ทำให้ฉันได้คลายความทุกข์ไปได้บ้าง  รู้ไหมพอพี่รู้ว่า
ปาร์ตี้กลับแล้วพี่แทบ ดีใจ! จนตัวสั่นถึงได้มาหาที่นี่ไง ที่ร้ากกก  มาให้พี่กอดหน่อยน้า”

“ไอ้ยอร์ช  แกมันน่ากลัวมากเลยรู้ไหมตอนนี้  อาบน้ำบ้างไหมหน่ะ อี๋เหม็นหว่ะ  ไม่ต้องเดินเข้ามาเลยนะ หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ”

“เฮ้ย  พูดมากหน่าไอ้เกี๊ยว  แกปล่อยตัวปาร์ตี้มาให้ฉันได้แล้ว  ฉันอยากคุยกับเค้า  ใจ จะ ขาด!”
            ยอร์ชเน้นเสียงหนักและเยือกเย็นจนหน้ากลัว  พร้อมกับแววตาที่จ้องมองไปยังหนุ่มแว่นแดงที่เอาแต่หลบอยู่ด้านหลังเกี๊ยวปลาเอาไว้เพราะความกลัว

“ไม่ได้ ฉันไม่ให้เพื่อนฉันไปหาแกแน่  แกกลับไปได้แล้ว ไม่งั้นฉันโทรมาพี่ตี๋เล็กเดี๋ยวนี้แน่”

“แส่หาเรื่องน่าเกี๊ยวปลา ปล่อยปาร์ตี้มาหาฉัน เดี๋ยวนี้!  อย่าให้ฉันต้องใช้กำลัง!”

           ยอร์ชเดินดุ่มๆเข้ามากลางห้อง  แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงข้าวตูที่เพิ่งหลบไปโทรศัพท์ที่มุมห้องด้านหนึ่ง 

“พี่สแกนหรอครับ  แย่แล้วครับ  พี่ยอร์ชมาที่หอของพวกเรา  มาช่วยด่วน…”

เพล้ง!

“โทรหามันให้ได้อะไรขึ้นมาข้าวตู  เห็นไหมความแส่ของแกทำให้โทรศัพท์แกเป็นเศษเหล็กไปแล้ว ฮ่าๆ”

        ยอร์ชในตอนนี้ต่อให้มีพวกข้าวตูอีกซัก 10 คนก็ดูเหมือนจะต้านไว้ไม่ได้ผล  คนที่ดูน่ากลัวกึ่งเมากึ่งรู้เรื่องแบบนี้ กำลังมัน
เยอะขนาดไหนใครก็รู้

“ถ้าใครยังดื้ออีก ฉันจะทำมากกว่านี้   ปาร์ตี้ มาหาพี่ มาอยู่กับพี่เถอะนะ พี่ใจจาขาด”

“ปาร์ตี้ต้องตกอับแน่ถ้าได้ไปอยู่กับคนอย่างแก แกไม่อายแต่เพื่อนฉันอายเข้าใจไหม ไอ้ยอร์ช”

“เฮ้ย! เงียบหน่า หนวกหู  แกรู้ได้ไง  ถามปาร์ตี้เค้าซะก่อนดิ  ปาร์ตี้อย่าเงียบสิคนดี บอกพวกเพื่อนๆปาร์ตี้ไปเร็วๆเข้าสิครับ พี่รอ
ปาร์ตี้เดินออกมาหาพี่อยู่นะ  อีกแค่ไม่กี่เมตรเองพี่ก็จะได้ปาร์ตี้แล้ว อย่าให้พี่ต้องทรมานอีกเลย  ปาร์ตี้  ปาร์ตี้คนดีของพี่  ฮ่าๆๆๆ  ฮือๆๆ”


“พี่ยอร์ช  พี่เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ  ไม่เหมือนพี่ยอร์ชที่ผมรู้จักแม้แต่น้อย  ”

“ทำไมปาร์ตี้พูดกับพี่แบบนี้หล่ะครับ  พี่รักปาร์ตี้นะ  แต่ปาร์ตี้ก็เลือกมัน  มันมีดีกว่าพี่ตรงไหนปาร์ตี้  พี่พร้อมเริ่มต้นใหม่กับปาร์ตี้
น้าครับ  พี่สัญญาพี่จะทำทุกอย่างที่ปาร์ตี้สบายใจ”

“ความรัก มันไม่มีเหตุผลหรอกนะครับ แต่ที่ผมเลือกพี่โปเลย์เพราะผมรักพี่เค้า  พี่ยอร์ชเป็นพี่ชายที่ดีของผมและจะเป็นพี่
ชายอย่างนี้ตลอดไป…”

“ไม่!  พี่ไม่อยากได้ยินคำนี้  ไปบอกมันว่าพี่จะฆ่ามัน มันกับพี่ต้องตายกันไปข้างนึง  พี่จะฆ่ามัน พี่จะฆ่ามัน พี่…”

“ไอ้ยอร์ช!”

ผลัวะ        เสียงคุ้นเคยที่ดูเหมือนจะเป็นความเคยชิน การกระทำเมื่อกี้เป็นฝีมือของใจเจ๋งเอง  พร้อมกับสแกนและโปเลย์ที่ตามสมทบทีหลัง   ยอร์ชเสียหลักล้มกลิ้งลงไปนอนอยู่พื้นห้องก่อนจะพยุงตัวเองแล้วหันมามองคนที่ลงมือทำเมื่อกี้ 

“ไอ้ใจเจ๋ง มึง  มึงกล้าต่อยกู มึงต่อยกู”

“เออ กูต่อยมึง  ไอ้เลย์  เอาไงดีวะ เมาเหมือนหมาไปทุกวันทุกวันแล้ว   ไม่อยากจะเชื่อว่าเพลบอยอย่างมันจะจบลงด้วยสภาพ
ทุเรศแบบเนี่ย”

“คงต้องพูดกันให้รู้เรื่องไปตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า  ฉันไม่อยากให้อะไรมันย้ำแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว  ถึงแม้เค้าจะสติไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ก็ตาม  ”

“หมาลอบกัน พวกมึงมีกันตั้ง 3 คน กูคนเดียวมึงได้เปรียบดิวะ  ไอ้โปเลย์ถ้ามึงแน่จริงมึงก็มาดวนกับกูตัวต่อตัวดิวะ  กูพร้อม
แล้ว” ยอร์ชพยายามพยุงตัวประคองตัวเองขึ้นมายืนชี้หน้าโปเลย์อีกครั้ง

“ได้ นายยอร์ช ถ้านายต้องการแบบนั้น” ยอร์ชไม่พูดปล่าว  เค้าเดินออกจากห้องนำหน้าดปเลย์ลงไปด้านล่างหอพักอย่างทุลัก
ทุเล   โปเลย์เองที่เดินตามมาด้วยก็เอาแต่ถอนหายใจ 

          ริมถนนห่างจากห้องพักมาไม่กี่ 10 เมตร  ถนนเงียบมาก มีเพียงรถที่แล่นอยู่บนทางถนนไม่กี่คัน  บรรยากาศที่หนาวเย็นมีเพียงแค่ยอร์ชเท่านั้นที่สภาพเสื้อผ้าดูรุ่งริ่ง ไม่รู้จักหนาวจักร้อน  แล้วเค้าก็หยุดเดิน มีโปเลย์ที่เดินตามมาติดตามทิ้งช่วงระยะแค่ ไม่ถึง 5 เมตร

“มีอะไรว่ามา ยอร์ช ”  โปเลย์ถามหยั่งเชิง และคอยระวังตัวเองอยุ่ไม่น้อย

“เอาปาร์ตี้มาให้ฉัน แล้วแกก็เลิกเซ้าซี้ ให้รำคาญลูกตาฉันสักที” ยอร์ชพูดขึ้นแต่ไม่ยอมหันหลังกลับมาสบตา

“เห็นทีฉันคงจะทำอย่างที่นายว่าไม่ได้  เพราะฉันก็รักของฉัน  มาถึงจุดนี้ฉันไม่มีวันยกปาร์ตี้ให้ใครอีกแล้ว”

“แล้วฉันหล่ะ ฉันก็รักปาร์ตี้  อย่างนี้ยุติธรรมที่ไหน ไอ้โปเลย์ ไอ้ขี้แย่ง” ยอร์ชยกนิ้วชี้ขึ้นมาชี้หน้าโปเลย์ด้วยอารมณ์หงุดหงิด

“โทษทีนะยอร์ช  แต่ฉันมีอย่างนึงที่ชนะนายและเป็นการันตีได้ดีทีเดียว”

“อะไร?”

“ปาร์ตี้รักฉัน! ไม่ใช่นาย”

“ไม่!  กูไม่เชื่อ  ไอ้โปลย์ไอ้ปากเสีย  กูจะไม่หยุดแค่นี้แน่ โปเลย์” ยอร์ชคาดโทษไว้เสร็จก็หันหน้ากลับไปแล้วเดินต่อไปอย่างไม่
มีจุดหมายปลายทางที่แน่นอน

“ยอร์ช  ยอร์ช  กลับไปคิดดูนะ ความรักคืออะไรกันแน่ ถ้านายเข้าใจเมื่อไหร่ เมื่อนั้นนายเองจะต้องยอมรับและมีความสุขที่เห็นปาร์ตี้มีความสุข… ตะโกนขนาดนี้มันจะได้ยินไหมนะ เฮ้อ!”


              โปเลย์เดินกลับมาอย่างเป็นผู้ที่ชนะไม่ภาคภูมิใจนัก เพราะยอร์ชยังคอยบอกคาดโทษไม่จบไม่สิ้น เค้าได้แค่ระแวงความปลอดภัยของปาร์ตี้  ตัวเค้าเองเค้าไม่ห่วงเท่าไหร่นักหรอก  ถึงปาร์ตี้จะมีเพื่อนๆอยู่ด้วยกันแต่นั่นมันไม่ได้บ่งบอกว่าจะปลอดภัยได้เลยนะ

“ว่าไงวะ ไอ้เลย์  ไอ้ยอร์ชมันว่าไงบ้าง แล้วนี่ มันเข้าใจแล้วใช่ไหม”

“ยังหว่ะ  เค้าบอกมาแค่ว่า จะไม่หยุดแค่นี้”

“อะไรของมันวะ แม่ง ไม่รู้จักยอมไม่รู้จักจบสิ้น  ไอ้สแกน   เอาไงวะเนี่ย นี่ก็ดึกแล้ว  จะไปกันเลยมั้ย” ใจเจ๋งพูดถามความคิดเห็น
เพื่อนๆหลังจากดูนาฬิกาที่ข้อมือ

“ไปไหนวะ”

“อ้าว ไปหามันไง มันจะได้ตาสว่างซักที”

“อย่าไปเลยครับ  พี่ยอร์ชเค้าคงไม่อยู่บ้านหรอก  ทางลูกน้องของเค้าก็พูดมาว่าพี่ยอร์ชไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว เอาแต่ไป
หลบกลบดานอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ” เกี๊ยวปลาเสริมขึ้นมาทันที พร้อมกับแสดงท่าทางไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก

“เฮ้อ  คงต้องปล่อยเค้าไป  อีกอย่างนะฉันเองก็สงสารเค้าอยู่เหมือนกันนะ  คนอย่างเค้าชีวิตนี้ไม่มีอะไรที่เค้าอยากได้และไม่
ได้ ” โปเลย์พูดขึ้นอย่างเห็นใจยอร์ช ทั้งๆที่เค้าเพิ่งคาดโทษไว้เมื่อกี้นี้

“ก็ดี เจอแบบนี้ซะบ้างจะได้ตาสว่าง เลิกดื้อเลิกพูดจาไม่รู้เรื่องซักที  ที่ผ่านๆมาก็เห็นแค่คนนี้คนเดียวนี่แหละที่เป็นตัวป่วนมาตลอด” สแกนพูดขึ้นมาบ้าง

“เอ่อ เอาเป็นว่าตอนนี้แยกย้ายกันกลับบ้านก่อนนะครับ ขอบคุณพี่ๆมากนะครับที่อุตส่าห์มาช่วย” ข้าวตูพูดเปลี่ยนบรรยากาศ ไม่ใช่ไรหรอกนะ  เค้าอยากนอนต่อแล้ว

“ไม่เป็นไร มีอะไรก็ช่วยๆกันสิ  ยิ่งเจอเหตุการณ์แบบนี้” โปเลย์ยิ้มให้น้องๆแล้วก็มองตาปาร์ตี้อย่างไม่ละสายตา

“โอเค ฉันคนนึงแหละที่ไม่กลับจะขอนอนเตียงเดียวกับซานหงที่นี่  ใครจะกลับก็กลับเลยนะ” ใจเจ๋งพุดเสร็จก็กระโดดเข้าไป
นอนที่นอนเกี๊ยวปลาทันที

“อะไรเล่า นายไม่กลับ พวกฉันก็ขอไม่กลับแล้วกัน เนาะโปเลย์” สแกนพูดพร้อมกบเดินเข้าไปกอดข้าวตูจาก้างหลังไว้แน่น

“ไม่ได้เด็ดขาด!”  เกี๊ยวปลาตะดกนลั่นห้องจนทุกคนสะดุ้งไปกันหมด

“อ้าว!” ทั้งสามหนุ่มตะโกนขึ้นพร้อมกัน แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ  สรุปคือ คืนนั้นสามคนนี้ก็กินแห้วเหมือนเดิมฮ่าๆๆ


 :L2: :L2: :L2:

        1 ร้อน  1 ฝน 1 หนาว  กาลเวลาผ่านไปเกือบ 2 ปีเดือนเมษายนหน้าร้อน  ตอนนี้ทั้งปาร์ตี้ เกี๊ยวปลาแล้วก็ข้าวตู ทั้งสามหนุ่มนี้กำลังจะขึ้น ปี 3 กันแล้ว แต่พี่ๆหวานใจของทั้ง 3 คนนั้นก็จบกันไปหมดแล้ว ทำงานตามหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบกันไป  ตอนนี้พวกเค้าทั้งสามคนกำลังจะออกไปเที่ยวกันหลังจากที่ต้องวิ่งวุ่นและยุ่งเหยิงกับการเรียนและสอบไฟนอลอย่างอลหม่าน  และที่ที่พวกเค้าเลือกคือ ทะเล อย่างเดิมๆ

“ นี่ๆ ปาร์ตี้ ไอ้ทามเพื่อนนายนี่เค้ายังจะมาอยู่ไหนเนี่ย  รอเป็น 3 ชาติแล้วยังไม่มาอีก ” เกี๊ยวปลาบ่นพร้อมกับดูนาฬิกาข้อมือไป
พลางๆ

“เอาหน่า เกี๊ยว ใจเย็นๆสิ  เดี๋ยวก็มา”

“มาแล้วทุกๆคน  ว่าไปรอนานไหนครับ  โอ้ย!”  กำปั้นของเกี๊ยวปลาเขกเข้าที่กลางหัวทามเต็มๆ

“ไงๆ  ถามได้ว่ารอนานไหม  ไปเที่ยว 9 โมงเช้านะครับ ไม่ใช่ บ่าย 3 เดี๋ยวจะโดนอีกหรอก”

“ก็รีบแล้วไงแหม  เป็นโสดทั้งที ให้หัวใจดวงนี้ลั้ลลาแต่งตัวหน่อยไม่ได้รึไง”

“นี่ๆ ปาร์ตี้ฉันว่านะ ไม่เจอนายทามนี่นานเหมือนกันเนาะ เจออีกทีแหม เหมือนฉันมีเพื่อนเป็นบ้าเลยหว่ะ” ข้าวตูแอบหยอกทาม
เบาๆ ก่อนจะหลุดขำออกมา

“ไง  พร้อมแล้วก็เชิญลงไปรอที่รถของกระผมได้เลยนะครับ  อ้อ แล้วก็กรุณาล็อคห้องและตรวจดูให้ระเอียดด้วยเพราะถ้าล้อหมุน
เมื่อไหร่ จะไม่มีการตีรถพากลับมาเอาโน่นนี่นั่นแล้วนะครับ” ทามบ่นไปปรอยๆๆ

“ฉันปิดบ้านรอแกมาเป็นชาติแล้วเหอะไอ้ทาม” เกี๊ยวปลาไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

“แหม คุณเกี๊ยวปลาดุแบบนี้ คงอยากไปเที่ยวทะเลจะแย่อยู่แล้วชิมิ”

“ก็เออดิ ไปรอล่างล่างนะ ทาม  คนอื่นๆก็ตามๆลงมาแล้วกัน อย่าช้าหล่ะ  ฉันฆ่าพวกแกแน่ อย่าให้รู้นะว่าใครอู้อีก”


“ฉันยอมเค้าจริงๆเลย ดูสิ นี่พี่ใจเจ๋งเค้าอยู่หมัดก็เพราะว่าเกี๊ยวปลามีเอกลักษณ์แบบนี้อยู่สินะ” ทามนินทาลับหังเกี๊ยวปลาที่เดินหน้ายิ้มบานแฉ่งลงไปรอข้างล่าง

“นี่แหละเกี๊ยวปลา  ฉันอยู่กับเค้าแล้วฉันมีความสุขมากๆเลยรู้เปล่า” ข้าวตูยิ้มให้ทามแล้วตบบ่าทามเบาๆก่อนจะเบี่ยงตัวลงไปรอ
ข้างล่างเหมือนกัน

“นี่ๆ  ปาร์ตี้…”

“อะไรหรอทาม”

“อย่าบอกใครเชียวนะว่าตอนนี้   ฉัน… ฉันโสด”

“อ้าว ทามพูดจริงๆหรอ นึกว่าพูดเล่น แล้วผู้หญิงคนก่อนหน้านี้หล่ะ  เพิ่งคบกับไปแค่ 2 สัปดาห์เองนะ”

“แฮะๆ  เอ้า ก็แบบว่า ไม่ยึดติดไง  ”

“เอาอีกแล้วนะ  ทำไมนะทาม นายเป็นคาสโนวาไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

“ก็ตั้งแต่ นายไม่อยู่กับพ่อที่ฟาร์มแล้วแหละ  ก็แหม  นายทิ้งฉันไว้คนเดียวฉันก็เลยเหงาเป็นธรรมดาแหละหน่า ปาร์ตี้”

“เฮ้อ พอแล้วไม่ฟังนายแล้ว  ให้ตายเถอะเรามีเพื่อนคาสโนวาแล้วหรอเนี่ย   ไปเถอะลงไปข้างล่าง เกี๊ยวปลาจะโกรธเอาอีกนะ”

“รับทราบครับ”

               ลมเอย ลมทะเล  พัดเข้าชายฝั่งกระทบใบหน้าอ่อนหวานของผู้คน ทั้งหลายไม่ว่าจะนักท่องเที่ยวเอย คนแถวๆชายฝั่งเอย  แล้วก็ที่ขาดไม่ได้พวกเค้าทั้ง  4 คนด้วย   ท้องฟ้าเป็นใจสีฟ้าคราม นกนางแอ่นบินว่อนลู่ลมอยู่บนท้องฟ้า  คลื่นทะเลน้อยใหญ่กระทบเข้าชายฝั่ง บรรยากาศเย็นสบายไสต์หน้าร้อน  เหมาะที่สมแล้วที่จะมาทะเล   เอ๊ะ แต่นั่น!  ดูสิว่าใครตื่นเต้นกว่าเพื่อน

“ทะเลๆๆๆ   ฮ่าๆๆ สนุกหว่ะ   อ้าวพวกนายรีบๆลงมาเล่นน้ำทะเลสิเร็วๆๆ  ”

“เอ่อเกี๊ยวปลา   ไม่เปลี่ยนชุดก่อนหรอ”

“ไม่ต้องปงต้องเปลี่ยนหรอก  มาเร็วๆ  อย่าให้ฉันโมโหนะ”

“นี่ๆ เพื่อนพวกนายเค้าเพิ่งเคยเห็นทะเลหรือไงกันหน่ะ?”

“พี่ใจเจ๋ง!”

“อ้าว  แน่นอน  ไม่ใช่ณเดช หรอกหน่า พี่หล่อกว่าเยอะ ฮ่าๆๆๆๆ”

“แหม ขี้โม้  พี่ตี๋เล็ก แล้วนี่มาคนเดียวหรอครับ”

“ป่าวมาหมดคอกเลยแหละ  โน่นไงมากันแล้ว  ไอ้สแกน ไอ้โปเลย์ ไอ้ติวา ยัยลีน่าทางนี้โว้ย”

“โห  นี่มากันได้ไงครับ”

“นั่งรถ โอ้ยยย”

“เพื่อนเล่นหรอพี่สแกน  ที่ถามนี่หมายถึงว่ามาที่นี่ถูกได้ยังไง”

“ทาม หรอ?”

“อ้าว  งานเข้าแล้ว ทำไมพี่ๆทำกับผมงี้เนี่ย ไหนบอกว่าจะไม่บอกไงว่าผมชวน”

“ขอโทษทีนะ  พอดีเมียคาดคั้นเอาคำตอบหน่ะ”

“ฮ่าๆๆๆ  คนไม่มีแฟนแบบฉันก็ดีไปไม่ต้องมีใครมาคอยควบคุมชีวิต”

“ปากดีไอ้ติวา  อย่าให้มีนะ  ถ้ามีเมื่อไหร่ จะแช่งให้แม่งไม่ต้องทำไร ให้ตามแต่ตูดแฟนต้อยๆๆ”

“ทำไมต้องตามตูดด้วยวะ”

“อ้าวก็นึกว่าชอบ”

“ไอ้เชี่ย  กูไม่ได้ชอบแนวนี้นะพวกมึงอ่ะ กูหมดสภาพหมด”

“ฮ่าๆๆ  แล้วจะซีเรียดกันนายมั้ยคะ ลีน่าพร้อมเล่นน้ำทะเลสีครามแล้วนะ  ปะเร็วๆๆ  นี่ก็จะเย็นแล้วเดี๋ยวเรามานั่งกิน dinner ที่
ร้านอาหารติดชายฝั่ง ทางโน้น เดินไปอีกหน่อยก็ถึง  ฉันจองไว้แล้ว  ”

“โห้   เจ้ เตรียมการเตรียมงานได้เป๊ะมากอ่ะ   ”

“ขอบคุณ ไม่ต้องชมๆ ฉันรู้ตัวดีหน่าฮ่าๆๆ”

          พอถึงเวลาเข้าจริงๆ  ค่ำคืนวันนั้นทุกคนก็สนุกกับการกินอาหารทะเลสมใจ  ท่ามกลางนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักหน้าร้อนมากมายหลากหลายผู้คนเช่นกัน  แต่ดูเหมือนกามเทพน้อยจะเป็นใจ เริ่มยิงลูกธนูแห่งรักเข้าที่อกติวาเต็มๆ  เพราะถัดจาดโต๊ะเค้าไปสองโต๊ะ มีหนุ่มน้อยวัย 18 ปี ดูท่าเหมือนว่าจะเป็นปี 1 สะด้วย  น่าตาน่ารัก ไม่เห็นจะเหมือนผู้ชายซะเท่าไหร่  ดวงตากลมโต น่าเอ็นดู นั่งกินข้าวกับครอบครัวใหญ่  ติวามองดูด้วยสายตาละห้อย  มีเพียงสแกนเท่านั้นที่รู้ทันแล้วแอบยิ้มเบาๆ  พลางคิดในใจว่า เนี่ยหน่ะหรอที่บอกว่าไม่ชอบรสนิยมแบบพวกเค้า  เอาเข้าจริงๆ ก็ชอบตามตูดเหมือนกันแหละหน่าเพื่อนติวา!





ว่าจะจบตอนนี้ไม่จบวะแล้ว แต่งเพลิน  ตอนหน้าจบแน่นอนครับ ฮ่าๆๆ


หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 19 up 26 01 57
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-01-2014 17:23:10
น่ารักชอบทุกคู่เลยยยย
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< ตอนที่ 19 up 26 01 57
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 23-03-2014 12:52:01
ตอนที่ 20



สิ้นปี  ในเดือนธันวาคม วันที่ 30  ทุกคนทั่วโลกแน่นอนว่าต้องรอคอย Count Down  ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า  ต้องรับปีใหม่และเป็นปี ม้า  ปี 2014 อย่างไรล่ะ

“ปาร์ตี้ โทรศัพท์   ใครโทรมาไม่รู้ ”

“หรอ อืมๆ ขอบใจนะเกี๊ยว ”

เพล้ง!

“อุ้ย ขอโทษทีนะ เกี๊ยว ฉันไม่ทันระวัง แหะๆ จานหมูปิ้งนายหล่น แล้วก็…”

“แตก!  เออช่างเถอะ ไปรับโทรศัพท์โน่นไป  ทางนี้ฉันเก็บเอง  เดี๋ยวอีกหน่อยก็เข้าบ้านแล้ว บอลฉันกำลังเริ่ม  พลาดไม่ได้ทุก
วินาที”

“ขอบใจนะ ไปรับโทรศัพท์แล้วนะ”

“อ้าว ก็ไปสิ ปัดโถ่ ”


“สวัสดีครับ  ”

“ปาร์ตี้ นี่พี่เองนะ”

“พี่?  ใครกันครับ”

“แหม หายหน้าไปไม่กี่ปี  ลืมพี่แล้วสินะ  พี่เอง ยอร์ช!”

“พี่ยอร์ช  อืม พี่เปลี่ยนเบอร์ใหม่หรอครับ”

“อืม เปลี่ยนนานแล้วแหละ โทษทีนะที่พี่ต้องทำแบบนี้ เพราะพี่แค่อยากไปให้พ้นๆจากสภาพเดิมๆน่ะ”

“เอ่อ  ผมขอโทษนะครับพี่”

“เฮ้ยไม่เป็นไร พี่สบายดี  พี่รับได้แล้วแหละ  อืม ธุระที่พี่โทรมาก็คือ  พี่จะไปต่างประเทศแล้ว  และคิดว่าคงจะอีกนานกว่าจะ
กลับ ดีไม่ดีอาจจะไปอยู่ที่นั่นเลย พี่ก็เลย อยากโทรมาบอกปาร์ตี้ไว้เท่านั้น”

“จริงหรอครับ  แล้วพี่จะไปที่ประเทศอะไรครับ”

“พี่บอกปาร์ตี้ไม่ได้หรอกนะครับ พี่ต้องการไปอย่างเงียบๆ ไม่ต้องมีใครรู้ไม่ต้องมีใครเห็น  พี่คิดว่ามันคงจะดี”

“อย่างน้อยๆก็น่าจะบอกกันบ้างนะครับ”

“ป่าวประโยชน์  ปาร์ตี้มีความสุขในปัจจุบันพี่ก็ถือว่าดีแล้ว  อย่าเอาเรื่องของพี่ไปเก็บไว้เป็นความทรงจำที่แย่ๆในหัวสมองทำไม
จริงไหม”

“พี่ยอร์ช!  แล้วนี่พี่จะไปตอนไหนครับ”

“เอ่อ วันนี้ เวลา 2 ทุ่มครับ”

“อ้าว ตายจริง ทำไมไม่โทรมาบอกก่อนซัก 3  4 ชั่วโมงหล่ะครับ”

“โทษทีนะพี่ไม่อยากให้ปาร์ตี้คิดมาก และพี่คิดว่าไม่ต้องการให้ปาร์ตี้เดินทางเพื่อมาส่งพี่หรอก เอาหล่ะ อีก 15 นาที เที่ยวบินจะ
ออกแล้ว พี่ไปเตรียมตัวก่อนนะ”

“เอ่อ เดี๋ยวครับพี่ยอร์ช!”

“ครับว่าไง”

“พี่ไปแล้ว พี่จะโทรหาผมอีกไหม  ไม่สิไม่สิ มีทางไหนที่ผมจะติดต่อพี่ได้บ้าง”

“ฮ่าๆ คิดมาก เดี๋ยวพี่โทรหานะ อืม เอาล่ะ พี่ไปแล้ว”

“ดะ เดี๋ยวครับ!”

“ว่าไง ปาร์ตี้”

“ผมคิดถึงและจะรักพี่ตลอดไปนะครับ  พี่ชายของผม”

“ครับ สุดท้ายพี่ก็เป็นได้แค่พี่ชาย โชคดีครับ ปาร์ตี้”

“เหมือนกันนะครับพี่ยอร์ช ดูแลตัวเองดีๆด้วยนะครับ”

“ครับ  พี่ไปแล้วนะ”


         


สิ้นเสียงของปลายสาย  หนุ่มลูกครึ่งอย่างยอร์ช แทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่  ความพยายามของเค้ามันจบลงแล้ว เส้นทางข้าง
หน้ายังอีกยาวไกล ให้ชายหนุ่มคนนี้ออกตามหารักแท้ที่อยู่เหนือกาลเวลาแบบ ปาร์ตี้ โปเลย์ ให้ได้

“ลาก่อนนะปาร์ตี้  พี่คงไม่ได้ติดต่อนายไปอีกแล้วแหละ พี่ตัดสินใจแล้ว  บ้ายบายครับ  อุ้ย  ขอโทษครับที่ผมไม่ทันระวัง”

“เอ่อ  ไม่เป็นไรครับ นี่คุณกำลังไปเที่ยวบินเดียวกันสินะครับ”

“อ้อ เอ่อ ครับ  ผม ยอร์ชครับ  ”

“ยินดีครับ ผมชื่อ ทิว  ผมต้องการไป อิตาลี่ ไปหารักแท้  ใครๆเค้าก็ว่าผมเป็นคนที่ไม่เข้าใจคำว่ารัก ทำให้ผมต้องออกตามหา
มัน แล้วคุณหล่ะครับ”

“เอ่อ ผม  ผมอกหัก และต้องการไปอิตาลีไปหารักแท้เหมือนกันกับคุณนั่นแหละ”

“จริงหรอครับ หน้าตาอย่างคุณผมนึกว่าจะมีแฟนไปแล้วซะอีก”

“ผมมันไม่ได้เรื่องเองครับ  ไปเถอะครับเดี๋ยวไม่ทันกันพอดี”

“เอ่อ ยอร์ช ผมขอโทษนะ  ผมไม่ได้ตั้งใจ  ไม่แน่นะ คุณอาจจะเจอรักแท้แล้วก็ได้”

“ใครครับ”

“ไม่รู้สินะ  ผมแค่รู้สึกเฉยๆ  ไปกันเถอะครับ อิตาลีรอเราอยู่  ว่าแต่คุณอายุเท่าไหร่แล้ว ยอร์ช”

“25 ครับ ถามทำไมหรอ”

“ป่าวครับพี่ยอร์ช ฮ่าๆ  ผมแค่ต้องการวางตัวให้ถูกเฉยๆ”

“ร้ายนะเรา ”

“เบาะๆครับ ถ้าพี่ยอร์ชรู้จักตัวผมจริงๆแล้ว ผมร้ายกว่านี้อีก ฮ่าๆ  ”

“นั่นสินะ  พี่ชักจะอยากรู้ตัวตนของน้องทิวเสียแล้วหล่ะ”

“จริงหรอ ว่าไปเถอะ ถ้าได้เห็นแล้วจะกลัวเอานะ”

“ในชีวิตพี่ พี่เห็นความน่ากลัวมานับไม่ถ้วน กับน้องทิวไผ่ พี่ไม่คิดจะกลัวหรอก”

“ทิวไผ่?”

“ฮ่าๆ  พี่ตั้งให้เองแหละ  คิดว่ามันน่าจะเหมาะกับน้องทิวดี  เพราะทั้งซนท ทั้งดื้อ  ร่าเริง  แล้วก็…”

“แล้วก็อะไรครับ ทิวอยากรู้”

“ไม่บอก”

“ไม่เอา อย่างขี้โกงสิพี่ยอร์ช   บอกทิวมาเร็วๆ เข้า”

“อ่ะๆ  บอกแล้วๆ  อย่าเกาะแขนดึงพี่อย่างนี้สิ คนเค้ามองหมดแล้ว”

“ก็ได้ อ่ะ ทิว ปล่อยแล้ว”

“น่ารัก ไง”

“หูย  หยอดอีกนี้เลยหรอ  เขินดีไหมเนี่ย  ไม่เอา ไปเขินบนเครื่องดีกว่า ”

“เดี๋ยวๆ ทิวไผ่   พี่พุดจริงๆนะ”

“รู้แล้วน่า ย้ำอยู่ได้ หน้าทิวไม่ได้หนานะครับ”

“ไปกันเถอะ พี่ชักคิดว่า สวรรค์ส่งมาถูกคนแล้ว”

“ส่งอะไรครับ?”

“ป่าว ไม่มีอะไร”

“พี่ยอร์ช บอกทิวมาสิ  แกล้งอำอยู่ได้”

“ไม่บอกฮ่าๆๆ  เอาไว้ถึงอิตาลีพี่บอกเลยครับ ”

“จริงๆนะ ผมจะจำไว้  ว่าแต่พี่ไปถึงแล้วพี่จะไปพักที่ไหนครับ”

“พี่มีบ้านพักตากอากาศที่ซื้อไว้นานแล้ว ที่ใจกลางกรุงโรมครับ”

“ว้าววิเศษณ์ไปเลยครับ  ส่วนผมนะ บลาๆๆๆ”

            การเดินทางครั้งใหม่ของยอร์ชดูท่าแล้วจะมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง และเค้าก็ต้องเชื่อมั่นแล้วว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของเค้านั้นมันคุ้มแล้วแหละ ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า  ดีไม่มีคนๆนี้ยอร์ชอาจจะคิดว่า ใช่  สำหรับเค้าแล้วก็เป็นได้





“ปาร์ตี้  คุยกับใครครับ ทำไมนานจัง”

“อ้อ กับเพื่อนเก่าหน่ะครับ ทำไมหรอ”

“ป่าว ก็เห็นคุยแล้วก็อมยิ้มดีใจไป  พี่ตกใจนะรู้รึเปล่า”

“คิดมากครับพี่โปเลย์  อุย ปล่อยสิครับ จะกอดผมทำไม”

“ไม่ปล่อย บอกมาก่อนว่า  คุยกับใคร”

“อืมถ้าผมไม่บอกหล่ะครับ”

“ไม่บอกก็โดนแบบนี้ไง จุ๊บ  เป็นไง ยอมบอกรึยัง”

“บอกไปแล้วไงครับว่าเพื่อน”

“จุ๊บ  สองครั้ง  จะยอมบอกไหมว่าเพื่อนอ่ะ  เพื่อนคนไหนกัน  ผู้ชายรึว่าผู้หญิง”

“ผู้ชาย”

“ฮะ  แล้วคนนั้นเป็นใครกันครับ หล่อกว่าพี่รึเปล่า”

“พี่โปเลย์  คิดมากไปแล้วนะครับ”

“อ้าวบอกมาก่อนว่า  หล่อกว่าพี่รึเปล่า”

“ก็น่าจะพอๆกันครับ”

“ไม่เอา บอกมาต้องเลือกต้องตัดสินใจสิ”

“พี่โปเลย์ก็รู้อยู่แล้วหนิครับ”

“พี่รู้อะไร เปล่าซะหน่อยพี่ยังไม่รู้ บอกก่อนสิ พี่ถึงจะรู้”

“ก็พี่โปเลยืแหละครับ หล่อที่สุดในโลกแล้ว”

“ไม่เอาอย่างนี้ ต้องบอกด้วยว่าหล่อที่สุดในดวงใจปาร์ตี้”

“อืม ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น”

“ฟอดดดด   น่ารักจังแฟนใครเนี่ย”

“นั่นสิครับแฟนใครนะ”

“อ้าว ปาร์ตี้หมายความว่าไงครับ เดี๋ยวพี่ฟ้องคุณพ่อเลย”

“ครับๆ แฟนพี่โปเลย์ครับ คนเดียวและคนเดียวเท่านั้น”

“อย่างนี้ค่อยเคลียร์หน่อย  เอาแหละ ไปกินหมูปิ้งเถอะ เกี๊ยวปลาปิ้งไว้ให้นานแล้ว เดี๋ยวจะเย็นหมด”

“ครับ”


“กินไปได้ไง  แล้วใครให้มา กลับไปบ้านเลยนะ ไปๆๆๆ”

“โหยซานหง  พี่ตี๋เล็ก เพิ่งจะมาเองนะ ไล่แล้วหรอ ”

“ไม่ได้ไล่ ก็ดูสิ นี่ของปาร์ตี้กับพี่โปเลย์เค้า   ของพี่ๆต้องไปปิ้งเองสิ”

“มีอะไรกันหรอ เกี๊ยว”

“แกก็ดู ไอ้พี่ใจเจ๊งนี่สิ  กินหมูปิ้งของแกไปหมดแล้ว บ้าจริงๆเลย”

“นี่ก็พี่ไม่รู้หนิ ซานหง  ขอโทษนะ พี่ไปปิ้งใหม่ก็ได้”

“อืมดี ไปปิ้งเลยไป”

“นี่ๆ  เกี๊ยว ไปทำแบบนั้น ไม่สงสารพี่ใจเจ๋งเลยหรอ”

“ช่างสิ ปาร์ตี้ก็อย่ามาดราม่าหน่อยเลย ฉันเอียน”

“ป่าวดราม่า ความรักมันต้อง ใจเย็น พูดจาหวานๆ ถึงจะเรียกว่าคู่กัน”

“เอาหล่ะ ต้องการให้ฉันทำอะไรว่ามาเลยดีกว่า พ่อคนจิตใจอ่อนโยน”

“ไปพูดกับพี่เค้าดีๆ สงสารพี่เค้า  พี่เค้ารักนายมากนะ  คนแบบนั้น ยอมที่จะหยุดทุกอย่างเพื่อนายคนเดียวนะเกี๊ยว”

“เออๆ รู้แล้วๆ  ฉันจัดการเอง นายก็ไปนั่งกินหมูปิ้งกับพี่โปเลย์โน่นไป”

“พี่ตี๋   หมูไหม้หมดแล้ว ทำไมไม่พลิกหล่ะครับ”

“อ้าวไหม้แล้วหรอ  โทษทีนะพี่ปิ้งไม่ดี มันเลยไหม้หน่ะ”

“เฮ้อ เลิกพูดคำว่าโทษที ได้แล้วครับ  ไม่เป็นไร มายี่เดี๋ยวซานหงปิ้งให้  นี่มันต้องอย่างนี้ เห็นรึเปล่า”

“อ้อ อืมๆ  พี่เข้าใจแล้ว ”

“ขอบใจมากนะ”

“เล็กน้อยน่า พี่ตี๋เล็ก  เอ่อ พี่ตี๋เล็กครับ”

“หือ ว่าไง”

“ผมขอโทษนะ ที่พูดไม่ดีเท่าไหร่ ใช้แต่อารมณ์”

“คิดมากหน่า  เป็นตัวของซานหงแหละพี่ตี๋คิดว่ามันดีที่สุด”

“พี่ไม่รำคาญ  ไม่น้อยใจหรอ”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ พี่จะทนอยู่ที่นี่ ตรงนี้ กับ ซานหงทำไมกันหล่ะครับ”

“พี่ตี๋เล็ก ขอบคุณครับ  ขอกอดหน่อยนะ”

“เฮ้ย ซานหง ทำไรเนี่ย  พี่เขินนะ เดี๋ยวหมูปิ้งก็ไหม้อีกหรอก”

“ถ่างมันเถอะ ขอแค่ได้กอดพี่ตี๋ก็พอแล้ว  กอดพี่แล้วผมว่ามันอุ่นดีออก ”

“อุ่นจริงหรอ”

“มากๆๆๆ”

“ไม่เชื่อ”

“อ้าวทำไมไม่เชื่อหล่ะครับ”

“หอมแก้มพี่ก่อน”

“ฟอดดดด”

“เฮ้ยไม่ลังเลด้วย”

“ลังเลทำไม แก้มของพี่ ผมหอมได้คนเดียวเท่านั้นนะ  คนอื่นอย่าคิด”

“ฮ่าๆๆๆ  หวงด้วยแฮะ ไปเอาท่าทางน่ารักๆ คำพูดอ้อนๆแบบนี้มาจากไหน”

“ป่าว มันมาเอง feeling อ่ะ เข้าใจป่าวครับ”

“ไม่เข้าใจครับ เพราะซานหงทำให้พี่เริ่มไม่มั่นใจเสียแล้วว่า ใช่ซานหงตัวจริงรึเปล่า”

“อ้าว ก็นึกว่าชอบซะอีก ผมว่าผมเป็นแบบเก่าดีกว่าเนาะ”

“เฮ้ยๆ ไม่เอาๆ เอาแบบนี้แหละ แฟนอ้อนเก่งๆ แบบนี้พี่ชอบจะตายนายก็รู้”

“หรอ ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย  ฮ่าๆๆ”

“อ้าว  อย่างนี้มันน่าจะจับกดซะตรงนี้ดีไหม”

“ไม่ดีครับ เพราะ ผมไม่ชอบตรงสนามหญ้า”

“หรอ งั้นดีเลย คืนนี้นอนด้วยกันที่เตียงนุ่มๆ รับรอง”

“พอเลยครับพอเลย ผมแค่พูดหยอกนิดหน่อย ฝันเป็นตุเป็นตะเชียวนะ  บอลผมจะมาแล้ว  สนใจไปดูเป็นเพื่อนกันไหม”

“เอาสิ พี่ชอบอยู่แล้ว ว่าแต่เราเชียทีมไหนอ่ะ”

“ผมหรอ ผมก็เชียร์…”

  สองคนคุยกันลื่นคอ จะว่าไปแล้ว คู่นี้ก็น่ารักดีออก  ถึงจะกัดกันมากไปหน่อยก็เถอะ แต่ดีที่ใจเจ๋งไม่ทิ้งเกี๊ยวปลาไปไหน  แค่นี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว

“ดีจังเลยนะครับพี่โปเลย์  ที่สุดท้ายสองคนนี้ก็คุยกันแบบดีๆเหมือนคนอื่นๆเค้าบ้าง  เฮ้อ  กว่าจะถึงวันนี้ไม่ง่ายเอาซะเลย”

“ถ้าคิดแล้วมันปวดหัว ก็อย่าไปคิดเลยครับ เราอยู่มาถึงจุดนี้ได้พี่ว่ามันก็สุดคุ้มแล้ว  ขอแค่มีปาร์ตี้ ที่ไหนๆพี่ก็ไปด้วย”

“จริงรึเปล่าครับ อย่าพูดให้ผมดีใจนะ”

“จริงสิ พี่จะโกหกทำไม  พี่มีความสุขที่สุดแล้วที่ปาร์ตี้เลือกพี่  และพี่ก็ดีใจที่สุดที่ได้เกิดมาเป็นคู่ชีวิตของปาร์ตี้  พี่สัญญานะว่าพี่…”

“อย่าสัญญาครับ คนโบราณเค้าถือ  เอาเป็นว่า พี่โปเลย์ทำหน้าที่ในปัจจุบันให้ดีที่สุดเป็นพอ  แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้วหล่ะ
ครับ  ”

“ครับ พี่รับปาก  อืมเสาร์นี้ พี่ไม่ได้ทำงานพอดี  พี่ว่าจะพาปาร์ตี้กลับบ้านที่จันทบุรี ไปเยี่ยมคุณพ่อเป็นไง  อีกอย่างก็ไปเยี่ยม
เพื่อนๆ ที่นั่นด้วย”

“ดีครับ ผมพร้อมเสมอ  ว่าแต่ว่า ทัวร์ของข้าวตูกับพี่สแกนนี่ไปถึงไหนกันแล้วนะ  ไม่เห็นส่งข่าวคราวกันเลย”





“นี่ๆๆ  ข้าวตู  พี่ว่าพวกเราหลงทางกันแน่ๆเลย เดินมาตั้งไกลแล้ว ไม่มีวี่แววว่าจะเห็นบ้านคนเมืองคนเลยนะ”

“นั่นสิครับพี่สแกน  ตอนนี้ผมก็เหนื่อยแล้วด้วย  3G ก็ดันใช้ไม่ได้อีก  คลื่นโทรศัพท์ก็ฮ่วยแตกที่สุดบ้าชะมัด   ”

“พี่บอกแล้วว่าให้เดินตามกลุ่มนักท่องเที่ยวก้ไม่เชื่อ  เห็นไหม เพราะเจ้ากระต่ายป่าตัวเดียวทำให้เราพลัดหลงเข้ามาในป่าลึก
ขนาดนี้”

“ขอโทษครับ ก็ผมไม่นึกว่าจะหลงทางเอาได้นี่นา  พี่สแกน เหนื่อยไหม”

“ถ้ามีคนเช็ดเหงื่อให้ พี่ก็คงไม่กล้าเหนื่อยแล้วแหละ”

“อ่ะ  หลับตาครับ เช็ดให้ก็ได้”

“ว่าง่ายจังอย่างนี้ขอจูบปากหน่อยดิ”

“จะบ้าหรอ กลางป่าเขาแบบนี้ เกรงใจเจ้าป่าเจ้าเขาบ้าง”

“อ้าว ก็ไม่เห็นเป็นไรหนิ ก็คนเป็นแฟนกัน ไม่ผิดหรอก อีกอย่างนะ ไม่เห็นจะมีใครอีกด้วย”

“แต่ว่า อุ๊บ!”

“อืมยังหวานเหมือนเดิมเลยนะ  ปากข้าวตูนี่พี่โคตรฟิน”

“ตลกแล้วๆ  ทีเผลอตลอดเลย”

“แล้วชอบไหมหล่ะครับ”

“ไม่รู้สิ”

“จะตอบดีๆไหม ไม่งั้นพี่จูบปากอีกทีนะเอ้า”

“อืมชอบครับ ชอบมากๆ เพราะพี่สแกนน่ารักที่สุดในโลก และหล่อที่สุดในจัรวาล โอเคยัง”

“ที่สุด ก็แหงแหละ พี่ระดับเดือนคณะนิติศาสตร์เชียวนะ”

“อดีตเถอะครับ กี่ปีแล้วก็ไม่รู้ โม้จนอายุ 25  26 ปี”

“อ้าวเค้าเรียกว่าหล่อระดับตำนานครับ อิอิ”

“อ้าว  คุณสองคน  มานั่งทำอะไรตรงนี้ ไปได้แล้วครับ นี่ก็จะค่ำแล้ว เดี๋ยวสัตว์ป่าจะออกหากินแล้ว อันตรายมากนะครับ โดยเฉพาะช้างป่า”

“ขอบคุณครับ คุณเจ้าหน้าที่ป่าไม้  ถ้าไม่ได้คุณพวกเราคงได้พักแรมที่ป่าแน่ๆๆ”

“ไม่เป็นไรครับ ไปเถอะ เดี๋ยวผมจะมากลับที่พัก  ว่าแต่คุณเป็นนักท่องเที่ยวที่เค้าแจ้งว่าหลงทีมทัวร์ป่าหรือเปล่า”

“ใช่ครับ!”

“ดีแล้วแหละ ในที่สุดก็เจอตัว ไปครับ เดี๋ยวจะมืด”

“นี่พี่สแกน  ผมมีอะไรจะบอก”

“ว่า…”

“ผมรักพี่นะ”

“เนื่องด้วยอะไรหล่ะ  คำนี้พี่ได้ยินบ่อยแล้ว”

“อ้าวก็บอกรักปิดท้ายนิยายไง  ถึงเราจะจบไม่สวยหรูเหมือนคู่อื่นก็ตาม แต่จบแบบท่ามกลางธรรมชาตินี่แหละเจ๋งสุดๆแล้ว”

“อ่ะๆ ก็ได้ พี่ก็รักข้าวตูครับ ”

“และที่สำคัญ…” สแกนและข้าวตูมองหน้ากันแล้วยิ้ม  หันหน้ามาทางจอกล้องพร้อมพูดว่า

“นิยาย น้องปีหนึ่งสุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ จบแล้วครับ ฮ่าๆๆๆ   กิ้วๆๆ”



จบบริบูรณ์

  :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: 
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< จบแล้ว up 23 03 57
เริ่มหัวข้อโดย: DNT48 ที่ 26-03-2014 19:49:08
ไม่อยากให้จบเลย ยังฟินไม่หายเลย อ้ากกกกกก จบเร็วเกินนนน  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< จบแล้ว up 23 03 57
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 10-07-2014 14:40:44
น่ารักอ่ะ

หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< จบแล้ว up 23 03 57
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 14-07-2014 20:08:15
หวานกันจังอิจฉาคนมีคู่
หัวข้อ: Re: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< จบแล้ว up 23 03 57
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 16-01-2016 03:18:57
มาติดตาม