we all hate MONDAYS ;(
it is kind of weird to see he does not
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์
"ทำไมคุณถึงชอบวันจันทร์จังเลย"
"ผมไม่ได้ชอบวันจันทร์"
"..."
"ผมชอบคุณ"
start : 16/2/18
status : on going
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์
------- ♡ Monday in Love ♡ -------
สารบัญ
Intro (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3790905#msg3790905)
1st Monday (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3791702#msg3791702)
2nd Monday (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3792367#msg3792367)
3rd Monday (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3792369#msg3792369)
4th Monday (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3794413#msg3794413)
5th Monday (1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3794868#msg3794868)
5th Monday (2) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3795976#msg3795976)
6th Monday (1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3797521#msg3797521)
6th Monday (2) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3798879#msg3798879)
7th Monday (1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3799938#msg3799938)
7th Monday (2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?
topic=66234.msg3801145#msg3801145)
8th Monday (1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3802760#msg3802760)
8th Monday (2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3806686#msg3806686)
9th Monday (1): มองจากมุมของคนที่รักวันจันทร์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3810018#msg3810018)
9th Monday (2): มองจากมุมของคนที่รักวันจันทร์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3811642#msg3811642)
10th Monday (1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3814382#msg3814382)
10th Monday (2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3817668#msg3817668)
10th Monday (3) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3821594#msg3821594)
11th Monday (1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3825243#msg3825243)
11th Monday (2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3827805#msg3827805)
11th Monday (3) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3830684#msg3830684)
12th Monday (1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3833923#msg3833923)
12th Monday (2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3839107#msg3839107)
12th Monday (3) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3839107#msg3839107)
Special Monday (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3853557#msg3853557)
13th Monday (1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3854811#msg3854811)
13th Monday (2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3857627#msg3857627)
13th Monday (3) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3858493#msg3858493)
14th Monday (1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3860648#msg3860648)
14th Monday (2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3862305#msg3862305)
15th Monday (1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3865908#msg3865908)
------- ♡ Monday in Love ♡ -------
5th Monday #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์
เรารักวันจันทร์ เพราะวันจันทร์มีกาแฟฟรี
“ทำไมคุณชอบชวนผมลงมาทานกาแฟวันจันทร์ทุกที”
“เพราะผมเข้าออฟฟิศแค่วันจันทร์วันเดียวไง”
คุณเมฆตอบสบายๆ เรานั่งกันอยู่ที่ร้านกาแฟร้านเดิม โดยมีลาเต้เย็นของผม และคาปูชิโนของเขาเป็นพยานในการโดดงานในเวลาที่คนอื่นหัวหมุนกันเหมือนอย่างเคย ซึ่งถามว่าผมแคร์มั้ย? ก็แคร์นิดนึงนะ แต่ว่าเมื่อกี้ตอนผมจะลงมาผมเดินเข้าไปคุยงานกับคุณกฤติในห้อง เขาฝากซื้ออเมริกาโน่แก้วนึงด้วย (ความจริงตอนแรกพอผมบอกว่าจะลงมากับคุณเมฆเขาบอกว่าจะลงมาด้วย แต่คุณโน๊ตเดินเข้ามาเคาะประตูหน้าเครียดพอดี คุณกฤติก็เลยจำเป็นต้องคุยงานก่อน)
อันที่จริง คุณเมฆเขาโทรมาหาผมที่โต๊ะตั้งแต่เช้าๆแล้วแหละครับ แต่วันนี้ด้วยความที่ผมมาสาย หน้าม้าเปิดโล่งมาทำงานเหมือนเดิม แล้ววันจันทร์งานเข้าแบบเข้ามาเหมือนกับว่าชีวิตของคุณลูกค้าผู้น่ารักไม่มีอะไรนอกเหนือจากการตามของจากผม ถึงแม้จะพยายามเร่งแค่ไหนก็กินเวลาเสียเยอะอยู่ดี เพราะงั้นวันนี้ตอนแรกผมเลยบอกเขาไปว่าไม่สะดวก พ่อคุณก็เหมือนเข้าใจ เข้าใจอยู่ไม่กี่ชั่วโมง
พอตอนบ่ายก็มาหิ้วผมลงข้างล่างอยู่ดี
“แล้ววันอื่นคุณอยู่ไหนอะ บ้านเหรอครับ หรือลาออกแล้ววันจันทร์สมัครเข้ามาทำงานใหม่?”
“กวนนะคุณเนี่ย”
“เขาเรียกขี้สงสัย ตกลงคุณอยู่ไหนกัน”
“ผมอยู่หน้าไซต์งาน”
ผมพยักหน้าเข้าใจ เอาตามตรงผมไม่เคยออกไซต์เหมือนคนอื่นๆเลยครับ คุณกฤติมีไปบ้างแต่ไม่บ่อยเท่าไหร่ แต่อย่างพวกผมกับซุกซนไม่ต้องไป ก็ไม่จำเป็นไหม พวกมีความรู้ก็ออกไป งานผมถ้าไปเจอลูกค้ายังพอจะเข้าใจได้มากกว่า ซึ่งนั่นก็หน้าที่เซลล์อีก สรุปคือเซลล์โคฯเราไม่ต้องออกไปไหนครับ ถ้าจะออกคงออกจากงานอะ วุ่นวายเหลือเกิน
แต่ตอนนี้ออกจากงานไม่ได้ครับ หนี้คือแรงผลักดัน
“เดี๋ยววันศุกร์นี้ก็ต้องเข้าออฟฟิศอีกรอบแล้วแหละ”
คุณเมฆยังคงพูดเรื่อยๆ เขาควรให้สัญญาณอะไรบ้าง ผมที่กำลังไถหน้าเฟสบุ๊คกดไลค์สเตเตัสคนอื่นเล่นไปเรื่อยอย่างที่คนโดดงานเขาทำกัน เลยไม่ได้สนใจฟังเท่าไหร่ เพิ่งจะรู้ตัวว่ามันคงเป็นอะไรสำคัญก็ตอนที่บทสนทนามันจบลงตรงนั้น โดยไม่มีอะไรต่อมานั่นแหละครับ
“อะไรนะครับ?”
“วันศุกร์ไงคุณ เราต้องไป Outing กันนะ”
เหมือนท่องอยู่ในโลกแห่งความฝันแล้วโดนกระชากออกมา ขนาดอู้มานั่งกินกาแฟ outing บ้านี่ยังตามมาหลอกจนได้ ความรู้สึกตอนที่ผมโดนน้องกายบ่น แล้วผมต้องมาคอยตามง้อ แว๊บกลับมาทันที จนตอนนี้ยังชาไม่หายเลยเนี่ย น้องยังตัดพ้อผมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันผ่านสติกเกอร์ไลน์ที่ใช้ตังพี่ชายน้องซื้อนั่นแหละ พี่ที่หล่อๆหน่อยอะครับ ที่ชื่อแทนใจน่ะ มีพี่อย่างผมนี่ดีมาก
“คุณดูไม่ตื่นเต้นเลยนะ”
คุณเมฆดูเหมือนไม่รู้ว่าต้องทำหน้าอย่างไร จะขำแต่ก็สงสารประมาณนั้น เมื่อมองสภาพผมที่ยับยู่ยี่เป็นผ้าที่เพิ่งออกจากเครื่องหลังซักทันทีโดยไม่คลี่ออก ตอนที่ใส่ลงเครื่องแบบยัดๆด้วย! ผมถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแล้วค่อยไถลตัวลงโต๊ะ
“ความจริง ผมไม่อยากไปเท่าไหร่“
“ทำไมล่ะ?”
เขาถามพร้อมเลิกคิ้ว เออ หล่ออะ ยอมรับครับ แค่เลิกคิ้วก็หล่อได้ เข้าใจอยู่ที่หมิวผู้ช่วยเลขาจะชอบเดินมาคุยกับคุณเมฆตอนที่คุณเมฆลงมาหาผม ซึ่งลงมาทุกวันจันทร์ นอกจากนั้นในวันอังคารถึงศุกร์ผมแทบจะไม่เห็นปลายผมหมิวเลยครับ มีแต่ชมพูทวีปที่รายล้อมผมกับซุกซนเท่านั้น
“ก็แบบ!... ”
นานๆทีจะมีคนให้พูดด้วยนอกจากซุกซน ผมก็ต้องจัดซักหน่อยครับ ฟ้องเลยครับ แบบนี้ต้องฟ้อง!
“แผนกผมมีประชุมต่อที่นู่นอีกอะ ไหนจะต้องมานั่งสรุปของตัวเองไปพรีเซนท์อีก ผมมีนัดกับน้องแล้วด้วย นี่ก็ต้องเลื่อนออกไปอะ น้องงอนผมใหญ่เลย กว่าผมจะง้อได้ตั้งนาน ผมอยากอยู่กับน้อง อยากนอน อยากดูหนัง ไม่อยากไปปปปปปป”
พูดพร้อมกับไถหน้าลงบนแขนอีกที ฮืออออ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นน้องกายตอนสามขวบที่ติดผมอย่างกับตังเมแล้วน้องต้องเข้าโรงเรียนเลยแฮะ แต่ก็คนมันไม่อยากไปอะ ไม่อยากไป ไม่อยากไป ไม่อยากไป
ไม่อยากไป!
“หัวหน้าคุณรู้มั้ยเนี่ย?”
เฮ้ย!! ผมตัวชาวาบ ตาเบิกกว้างทันที ที่ได้ยินประโยคนั้นออกมาจากคุณเมฆด้วยเสียงนิ่งๆ แย่ละ!!! เขาดูรู้จักกันด้วยนี่หว่า!!!
“คุณเมฆ ไม่เอานะครับ อย่าบอกคุณกฤตินะครับ”
ผมเงยหน้ามองเขาตาโต อีกคนทำหน้าขรึมจนผมใจแป้ว ลืมไปเลยอะ คุณเมฆยังไงเขาก็เข้าทำงานมาก่อนผมอยู่แล้ว (เพราะพวกสาวๆในแผนกดูรู้จักเขาหมด) เขาต้องรู้จักคุณกฤติดีกว่าผมชัวร์ ถ้าเขาเอาไปบอกคุณกฤติผมคงต้องโดนดุแน่เลย
“...”
ผมคงทำหน้าแย่มากๆ เพราะคุณเมฆหันหน้าหนีไปอีกทางเลยอะ เห้ยย ไม่ได้นะคุณเมฆ แกล้งผมเรื่องอะไรก็ได้นะ ดึงแก้มก็ได้ ดีดเหม่งก็ไม่โกรธ แต่ห้ามไปฟ้องหัวหน้าผมเด็ดขาดเลยนะ ผมยอมไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวหัวผมขาด
“คุณเมฆครับ คุณเมฆที่ทั้งหล่อทั้งใจดี เท่ที่หนึ่งเลย หล่อกว่าทุกคนในบริษัทเลย คนอะไรทำไมถึงได้เพอร์เฟ็คระดับนี้ โหย อย่าบอกคุณกฤติเลยนะครับ”
ผมคว้ามืออีกคนเอาไว้ โอ้ย จับแรงไปอะโดนนาฬิกาเลย เจ็บ! ยืมใครมา เอาไปคืนเพื่อนเลยนะ!
“...”
เงียบ สงสัยเตรียมปิดตลาดอยู่
ผมเขย่ามือคู่นั้นต่อ ใช้เสียงที่พี่รักเรียกว่าเสียงแทนใจไม่ยอมโต เสียงที่ผมเอาไว้ใช้อ้อนแม่ตอนที่ผมอยากกินขนมเค้กหลังกินข้าวเกินหนึ่งชิ้น (แม่ผมไม่ชอบให้ผมทานหวานมากครับ เพราะไม่ดีกับร่างกาย แม่ผมสายสุขภาพครับ ในขณะที่ผมเป็นสายทำลายสุขภาพ)
“นะครับนะ คุณเมฆไม่ทำแบบนั้นหรอกนะครับ คุณเมฆคนหล่อที่สุดในออฟฟิศไม่ใจร้ายกับผมนะครับ”
“...”
เหลือบตามามองแว๊บนึงแล้วหันหนีอีกแล้วอะ สงสัยผมต้องแย่แน่นอน … เอ๊ะ หรือนี่เป็นโอกาสดีที่คุณกฤติจะได้ไม่ชอบผม แล้วเตะโด่งผมไปแผนกอื่น จะไม่ต้องเจอคิมๆป้ากๆอีกต่อไป ลาก่อน ASAP ทุกอีเมล ลาก่อนสมาคมแม่บ้านด้านหลังที่ใส่ใจทุกเรื่องในบริษัท ผมจะไปแตะขอบฟ้า
เออ ความจริงก็เข้าท่าแฮะ
ในขณะที่กำลังคิดถึงแผนการหนีลูกค้าเพลินๆ หน้าผากผมก็โดนเคาะดังเป๊าะ!
“โอ๊ย!”
ผมรีบเอามือลูบหน้าผากใต้ผมหน้าม้าทันที อย่าบวมนะ เดี๋ยวหัวโนทะลุหน้าม้า นี่กว่าจะเอาหน้าม้าลงได้ใช้ความพยามยามมากเลยนะเฮ่ย! ถ้าน้องแทนกายจำหน้าผมไม่ได้ขึ้นมาจะทำยังไง! หน่วยงานไหนจะรับผิดชอบ!
“หึๆ”
“คุณเมฆ!” ผมบึนปากใส่คนที่ยังทำหน้าตาอารมณ์ดี นั่นไง มียิ้มอีก สนุกอะไรเนี่ย เจ็บนะรู้ไหม!
“ผมแค่เรียกสติคุณเองนะ คิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วล่ะ ใจเย็นนะแทนใจนะ”
ผมตวัดตามองเขาอย่างเข้มมาก ขีดเส้นใต้เลยว่าเข้มมากๆ นี่คือการเรียกสติอะไร มันคือการทำร้ายร่างกาย! ผมจะฟ้อง … ใครอะ ใครสักคน!! ใครก็ได้!!! ถ้าไม่มีใครทำอะไรได้ผมจะเอารถไปปิดหน้าบ้านคุณเมฆ คอยดู!
“ก็เรียกดีๆสิครับ”
“กลัวคุณไม่หัน”
“นี่แรงเอ็นจิเนียร์เป็นแบบนี้หมดเหรอครับ? แบบคุณนี่ เวลาไปหน้าไซต์งานคงไม่ต้องใช้กล่องเครื่องมือแล้วมั้งผมว่า คุณเอานิ้วก้อยสะกิดทีเดียวเดี๋ยวน็อตมันก็หลุดออกมาเองแหละครับ แรงฆ่าหมีตายด้วยมือเปล่าขนาดนี้”
ผมลูบหัวตัวเองป้อยๆ อูยยย มือหนักชะมัด ยังเจ็บอยู่เลยอะ โหย แดงแน่ๆ
“เฮ้ยคุณ เวอร์ไปหน่อยมั้งนั่น” คนที่โดนว่ามีแรงมากกว่าคนดูไม่ทุกข์ร้อนเลยสักนิด กลับหัวเราะอีก “ฆ่าหมีอะไม่แน่ แต่ฆ่ากระต่ายนี่น่าจะได้ อีกอย่าง มันไม่ได้แรงขนาดนั้นสักหน่อย”
“ลองมาโดนเองมั้ยครับ?”
“ผมให้คุณเคาะคืนก็ได้”
“เฮ้ย!”
ผมผงะถอยทันทีเมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาจนใกล้ คือหล่อนะ หน้านี่เนียนเหมือนสิวไม่กล้าขึ้นมาก่อน แต่ทำไมคนเราต้องการเห็นคนที่หล่อในระยะประชิดด้วยล่ะ เมื่อคิดได้แบบนั้นผมก็หันหน้าออกไปอีกทาง
“ไม่ครับ ผมไม่นิยมความรุนแรงแบบคุณ”
กอดอกแล้วมองคุณเมฆแรงๆ ผมว่าคุณนั่นแหละ! นั่นไง ยิ้มอะไร ไม่ยิ้ม ห้ามยิ้ม แทนใจจริงจัง! เมื่อเห็นผมหน้าบูดอีกฝ่ายดูยิ่งอารมณ์ดีเข้าไปใหญ่ คุณเมฆไม่หล่อแล้ว หล่อน้อยที่สุดในบริษัทเลยด้วย เอาสิ!!!
“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้วครับ” เมื่อหัวเราะจนพอใจเขาก็ยกมือเป็นปางห้ามญาติ แล้วพูดต่อ
“ปกติผมเบื่อนะการออกเอาท์ติ้งน่ะ ไม่สิ ไม่เชิงเบื่อแต่ไม่ได้รู้สึกอะไร คิดซะว่าไปเที่ยวแบบทำงาน”
คุณเมฆยังคงพูดยิ้มๆ ผมชอบฟังเวลาเขาพูดนะ เสียงเขาจะดูทุ้มนุ่ม ฟังแล้วสบายดี เหมือนกำลังเป็นเด็กอนุบาลที่ฟังครูเล่านิทานเรื่องลูกหมีสามตัว ความจริงแล้วพี่ผมเกือบได้ชื่อน้องลูกหมีแล้วครับ เพราะคุณแม่ชอบชื่อลูกหมีมากๆ และชอบนิทานเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แต่ดีที่พอเกิดมารู้สึกเหมือนพี่เป็นสายใยแทนรักของทั้งคู่เลยเปลี่ยนให้ชื่อแทนรักครับ ไม่อย่างนั้นพวกผมคงเป็น ลูกหมี ลูกกวาง ลูกเสือดำ สามพี่น้องอะไรแบบนี้ แล้วน้องผมก็จะโดนล่า น่ากลัวมากครับ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว เป็นแทนรัก แทนใจ แทนกายแบบทุกวันนี้ดีกว่าเยอะมากๆ
“แต่ปีนี้ดู... “
ผู้ชายที่เหมือนจะเล่านิทานอยู่ดีๆก็มองผม ตาเขาดูเป็นประกาย ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเหมือนกระต่ายโง่ที่กำลังจะโดนหมีป่าขยำแล้วไม่รู้จะทำยังไงเลยแกล้งตาย … เดี๋ยว เมื่อกี้ผมเพิ่งยอมรับว่าตัวเองโง่เหรอ?
“น่าสนุก”
บอกทีสิว่าเรื่องสนุกของคุณไม่เกี่ยวอะไรกับผมน่ะ!
-------- 30% ------
ผมเพิ่งรู้ว่าผมไม่ได้เบื่อแค่วันจันทร์ ความจริงผมเบื่อทุกวันที่ต้องมาออฟฟิศต่างหาก
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ผมควรจะได้ไปหาน้องแทนกายเพื่อขนของจากบ้านพ่อมาที่คอนโดน้องให้หมด (ของที่น้องใช้อยู่ส่วนใหญ่พ่อซื้อให้น้องใหม่ แต่มันจะมีพวกเสื้อผ้าข้าวของส่วนตัวของน้องบางส่วนที่ยังอยู่ที่บ้าน) แต่ผมกลับต้องมาอยู่บนรถบัสของบริษัทเนี่ย!
เอาท์ติ้งของบริษัทไงครับ
การประชุมนอกสถานที่คุณหัวหน้าของผมห้ามขาดไงครับ
นอกจากการต้องมาบริษัทจะทำให้ผมเซ็งแล้ว คนที่นั่งข้างๆ ผมอย่างซุกซนก็ไม่ช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นเลยสักนิด
ซุกซนที่หรี่ตามองผมแล้วถอนหายใจส่ายหัว แล้วก็มองใหม่เหมือนรู้ตอนจบหนังแล้วอยากสปอยล์แต่สปอยล์ไม่ได้เพราะโดนสาปไว้ว่าใครสปอยล์บ้านบึ้ม เลยทำได้แค่นั่งยิ้มแต่เพียงลำพัง หัวเราะแต่เพียงลำพัง แต่ที่ไม่ลำพังแต่น่ารำคาญกว่าการรถติดอยู่ลำลูกกา คือมันคอยมองหน้าผมเหมือนรอให้ผมคายอะไรบางอย่างออกมานี่แหละ
“ซุกซนง่วงก็นอนนะ อย่าเป็นภาระเราเลย”
“มึง ช่วงนี้มีความลับกับกูป่าววะ?”
“สำหรับซุกซนทุกเรื่องในชีวิตเราเป็นความลับหมดเลย— โอ๊ย เอ็บบบบบบบบ อ่อยยยยยย” (โอ๊ย เจ็บบบบบบ ปล่อยยยยย)
ผมโวยวายตบตีซุกซนที่เอามือมาดึงแก้มอีกแล้ว ทำไมช่วงนี้คนชอบวุ่นวายกับแก้มกับเหม่งผมจัง เออ เนี่ยพวกนิยมความรุนแรงเกิดมาถึงได้ขาสั้นแรงหมี ต้องแบบน้องแทนกายของผมนี่ น่ารักกกก น้องชายผมเอง เรียนเก่งมากเลยครับ เป็นเด็กดีมากครับ นี่แหละน้องผม น้องผมที่ดีกว่าซุกซนมากๆ อยากให้ซุกซนไปเรียนงานกับน้องผมบ้าง เผื่อจะเป็นคนดีกับโลกใบนี้ขึ้นมาสักนิด
“อิ๊อั๋ยอั่ยอี!!!!” (“นิสัยไม่ดี”)
“กวนนะ กวนตีนนะเดี๋ยวนี้”
“อ่อยยยยยยยยย” (‘ปล่อยยยยยยยย’)
ซุกซนคงทนแรงทุบตีของผมไม่ไหวเลยยอมปล่อยมือ ไอ้นี่ก็มือหนัก วันๆ ไม่ได้เจอแฟนหงุดหงิดหัวหน้าหุ้นตกรถติดโลกร้อนช้อนกลางล้างจานตลาดปิดคิดถึงเสือดำ อะไรก็มาลงที่ผมหมด ดูดิ ควรมีมั้ยอะเพื่อนแบบนี้
“เอ็บ” (‘เจ็บ’)
หน้าแดงแน่ๆเลยอะ ยังเจ็บอยู่เลย นี่นิ้วหรือคีมกันแน่
“ไม่ต้องมาทำหน้าตูด ตอบกูมาว่ามึงเป็นอะไรกับไอ้พี่เมฆ”
“เป็นไรอะ? เพื่อนร่วมงานที่อยู่กันคนละชั้นไง คำถามนี้ถามไปนานแล้วนะ ทำไมไม่ได้ฟังเวลาคนอื่นพูดเลย ซุกซนนี่ใช้ไม่ได้เลย”
“อย่ากวนตีน”
ซุกซนคนโหดยกมือขึ้นมาทำท่าจะบีบแก้ม ผมเลยรีบเอามือจับหน้าตัวเองไว้ป้องกันไว้ดีกว่ามาเจ็บตัวทีหลัง ผมควรจะได้นอนไม่ใช่มานั่งให้มันซักไซ้แบบนี้หรือเปล่าเนี่ย
“ทำไมอยู่ๆเขาถึงสนิทกับมึงจัง”
“ไม่รู้อะ อยู่ดีๆก็มาชวนกินกาแฟ นี่ยังติดเลี้ยงเขาอยู่หลายแก้วเลยเนี่ย ไม่ได้จ่ายคืนสักที เจอกันทีไรก็เลี้ยงแล้วนับทบตลอด ว่าจะไม่จ่ายคืนแล้วเนี่ย เยอะเกินไปเราไม่นับ”
พูดถึงกาแฟ ผมนึกขึ้นได้ว่าผมติดกาแฟเขาอยู่หลายแก้วเลยเนี่ย ไม่รู้ถ้าวันทวงหนี้มาถึงผมจะต้องเอาเงินครึ่งเดือนมาเลี้ยงกาแฟคืน หรือไม่ก็อาจจะต้องซื้อร้านกาแฟคืนไปเลย สร้างงานสร้างอาชีพกันไป ถ้ารัฐบาลไม่เดี๋ยวแทนใจทำเอง
“ตลอด? แสดงว่าเจอกันบ่อย?”
“ก็ไม่ได้บ่อยขนาดนั้น เจอกันไม่กี่ครั้งเอง”
“อูหู ดิสกว่าที่คีย์”
“ซุกซน พ็อยต์ของอันนี้คืออะไรอะ? ผวนทำไม? งง มันทำให้ดูเหมือนคนสิ้นคิดอะ”
“มึงกวนตีนอีกแล้ว แดกเข้าไป!!”
ผมส่ายหน้าปฏิเสธเยลลี่ซองที่อีกคนยื่นมาให้ ซึ่งซุกซนใจทรามก็ยัดเข้าปากผมเลยแบบไม่ดูตาม้าตาเรือใดๆ ทั้งนั้น ซึ่งผมทำได้แค่อู้อี้ๆเพราะสู้แรงมันไม่ได้ นี่ขนาดไม่ได้อยู่ที่ทำงานก็ยังจะกินเยลลี่หมีอยู่ได้ พอเห็นแบบนี้แล้วก็อดนึกไปถึงอีกคนที่มีความหมีเหมือนกันไม่ได้ ถ้าซุกซนเป็นหมากระเป๋าติดเยลลี่หมีขี้หงุดหงิด อีกคนก็หมีกรีซลีย์ติดกาแฟน่ะนะ
“นี่มึงไม่รู้หรือมึงอ๊องเนี่ย?”
“อะไร อ๊องอะไรอีก?”
“อ๊องเก่งนะเดี๋ยวนี้ ตกลงมีอะไรมีอะไรที่ยังไม่บอกอีก”
“ซุกซนจะใส่ใจเรื่องของเราทำไมนักหนาเนี่ย เราไม่รู้เรื่อง บอกแล้วไง”
“เหรอๆๆๆ”
บทสนทนาจบลงตรงที่ซุกซนเพื่อนรักรอวันเลิกคบทำเสียงเหมือนไม่เชื่อเท่าไหร่แต่เยลลี่ในมือคงสำคัญกว่าการต่อความที่ไม่ได้มีสาระใดใดเพิ่ม ผมก็นั่งเล่นมือถือของตัวเองไป ได้ยินเสียงวี๊ดว๊ายของพวกสาวๆ ที่จับกลุ่มเม้าขึ้นมาเป็นครั้งคราว เท่าที่จับได้คร่าวๆคือการรับบทของดาราผู้หญิงคนหนึ่งในละครย้อนยุค แล้วก็เรื่องผู้ชายที่เหมือนจะเป็นเกย์ในแผนกเรา แต่ผมไม่รู้ว่าใคร ความจริงผู้ชายในแผนกเราก็ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ผมขี้เกียจใส่ใจ มันไม่ไใช่เรื่องของผมสักหน่อย
ผมสลับมาไถหน้าโซเชียลที่ทุกคนเล่นกันอย่างเฟสบุ๊ค ตัวเฟสบุ๊คผมอะไม่ค่อยโพสอะไรเท่าไหร่ ได้แต่กดไลค์ไปเรื่อย ซึ่งแบบนี้สนุกดีครับได้เห็นชีวิตและการโวยวายของหลายๆคน รวมถึงได้อัพเดทเรื่องของเพื่อนตั้งแต่ประถมยันมหาลัยที่ไม่ค่อยได้เจอกันแล้วผ่านสเตตัสด้วย
โล้งเล้ง แม่ขายของเจ๊งเลยต้องมาสอนพิเศษ -- 1 hour ago
ใกล้เปิดคอร์สใหม่แล้วนะครับ ภาษาอังกฤษกับครูพี่โล้งเล้ง เพียงชั่วโมงละ 300.- เท่านั้น!!! พิเศษ!!! สำหรับน้องๆ ที่สมัครเข้ามาตอนนี้ พี่ลดให้เลย เหลือเพียงชั่วโมงละ 250.- เท่านั้น!!! ส่วนน้องๆที่เป็นนักเรียนใหม่ เพียงชวนเพื่อนมาเรียนด้วยกันในแคมเปญ ‘ติดมหาลัยไป F ด้วยกันทั้งฉันและเธอ’ สมัครคอร์สวันนี้ฟรีแม็คฟิช!!! Inbox เข้ามาเลยครับ!!
Liked by You, ซุกซน ใจทราม, and 178 others 4 comments
พ่อชื่อองแม่ชื่ออุ๋ม แต่ทำไมกูชื่อกึกก้อง : หยั่กเรียนจังเรยคร่าาาาาาา
โล้งเล้ง แม่ขายของเจ๊งเลยต้องมาสอนพิเศษ : เสือก!!! กลับเซคมึงไป รอด F สมศักดิ์หรือยังมึงอะ
พ่อชื่อองแม่ชื่ออุ๋ม แต่ทำไมกูชื่อกึกก้อง : กูลงใหม่เทอมนี้ คิดว่าน่าจะเรียน D ขึ้น
Tanjai Kraikiratikulchai : สู้ๆน้า
โล้งเล้ง แม่ขายของเจ๊งเลยต้องมาสอนพิเศษ อันนี้เฟสบุ๊ครุ่นน้องผมเองครับ น้องเคยมาค่ายที่ผมจัดแล้วตอนนี้ก็ติดมหาลัยเดียวกัน ชื่อโล้งเล้ง ไม่รู้แม่มันขายของเจ๊งจริงหรือเปล่า แต่สอนพิเศษเนี่ยเรื่องจริง เคยเห็นน้องมันโฟสรูปตอนสอนกับพวกเด็กนักเรียนของมันอยู่ ผมก็ทำได้แค่ ‘สู้ๆน้า’ เท่านั้น ยังเอาตัวเองจากลูกค้าไม่รอดเลยครับ
ซุกซน ใจทราม shared BNK48’ post -- 2 hours ago
ทำไมเอาสาวๆมาขายอาหารญี่ปุ่น อุตส่าห์ลั่นไว้ว่าจะไม่กินซูชิเพราะเบื่อลูกค้าญี่ปุ่น ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก สงสัยต้องไปกินราเม็ง แต่ลดความอ้วนอยู่ พุงเยอะกว่าแก้มแทนใจแล้วแม่งเอ้ย แทนหส่เยนห่เยนห่ยเ่หยนเ่หยน่เยนห่ยเ
89 Likes 27 comments
Tanjai Kraikiratikulchai : แก้มเราเกี่ยวอะไรกับพุงซุกซน เราเห็นนะ -_-
เนี่ย! ซุกซนก็ใจทรามสมชื่อจริงๆ เห็นแบบนี้ผมก็ต้องปกป้องแก้มตัวเองนะ ฮึ่มๆ
เรื่องของคนที่ดูหนังวันพฤหัส -- 2 hours ago
รีวิว Shape of Water ****ไม่สปอยล์ครับ จะอ่านหรือไม่อ่านก็ได้แล้วแต่****
สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิวหนังที่โดนทั้งด่าทั้งชมเยอะกว่าโรงที่ฉายในประเทศ Shape of Water นั่นเอง หนังคนกับปลาอย่างที่หลายๆคนเห็นในโปสเตอร์นั่นแหละ บอกก่อนเลยว่าสำหรับตัวผมชอบหนังของผู้กำกับคนนี้อยู่แล้ว Guillermo del Toro เรื่องนี้ก็ยังคง…
671 Likes 27 comments 129 Shares
เพจ เรื่องของคนที่ดูหนังในวันพฤหัส เป็นเพจรีวิวหนังที่ผมกดไลค์ไว้ครับ แต่เขามาอัพตามอารมณ์มากๆ อยากรีวิวเรื่องไหนก็รีวิว บางทีมาบอกว่าดูเรื่องนี้มาแต่ขี้เกียจรีวิวก็เคย หรือมาแค่รูปตั๋วหนังพร้อมข้อความสั้นๆว่า ‘เหี้ย’ ก็เคยผ่านตาผมอยู่ แต่ผมเข้าใจว่าโลกมันร้อนครับ คนเราก็เป็นแบบนี้แหละ
ที่ผมชอบเพราะเขาไม่ดราม่า คือไม่สนใจดราม่าน่ะครับ เหมือนเปิดมารีวิวหนังก็รีวิวไปเรื่อยๆ ยกเว้นว่าช่วงนึงที่เพจร้างๆ ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆก็เงียบหายไปนานเลย แต่ช่วงนี้กลับมาแล้วครับ ดีนะ ผมชอบอ่านที่เขาเขียน บางครั้งมันก็ออกจะห้วน แต่มันตรงกับความรู้สึกของผมหลังจากดูเสมอ อย่างเรื่องที่เขาเขียนแค่ ‘เปลืองเงิน’ ผมไปดูพร้อมน้องกายก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ
Mek Sitthikorn -- 6 hours ago -- feeling exciting
พรุ่งนี้เอาอะไรให้กระต่ายกินดีนะ ;D
1.3K Likes 501 comments 27 Shares
Pingpong kidteungtertookwan : พี่เมฆเลี้ยงกระต่ายด้วย มึงมาดูพ่อของลูกกู โคตรอ่อนโยน @Vorawan T
Vorawan T.: อีดอก เลิกมโน เขาอ่อนโยนกับกระต่าย ไม่ใช่มึง
Pingpong kidteungtertookwan : กูก็แบ๊วๆได้อยู่นะ
Vorawan T.: กระต่ายตัวเท่านิ้วโป้งเท้ามึงเอง ใจเย็นๆนะเพื่อนนะ
ซุกซน ใจทราม : กระต่ายนี่ใช่ตัวที่ซื่อๆหรือเปล่าอะะะะะ ให้กาแฟเสี่ยงทายกัน
Mek Sitthikorn : ชงเก่ง ลาออกไปเปิดร้านกาแฟเถอะ
ซุกซน ใจทราม : อันนี้ชมหรือด่า ไม่ค่อยแน่ใจ
Krit Jarujarunwan : เหรอครับ?
Mek Sitthikorn : อิจฉาเก่งนะครับ
Krit Jarujarunwan : ครับ คุณเองก็แซะเก่งเหมือนที่นกเก่งหรือเปล่าครับ
MewMew’ Mew: พี่เมฆเลี้ยงกระต่ายด้วยเหรอคะ เหมือนหมิวหมิวเลยค่าาาาา
Bubu Bewithyouforever : นั่นแน่
Ball Natthakrit : นั่นแน่
ปีโป้ ปะปะปีปีโป้ : นั่นแน่
Alexander T. : นั่นแน่
Mek Sitthikorn : พวกมึงนั่นแน่เหี้ยอะไรกันครับเพื่อนๆ 5555555
โอโห ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเมฆดังขนาดที่ว่าสเตตัสอะไรก็ไม่รู้ มีคนไลค์เยอะกว่าเพจรีวิวหนังที่ผมชอบอีก ไม่แฟร์เลยอะ เพจ เรื่องของคนที่ดูหนังในวันพฤหัส ของผมนี่เขาเขียนตั้งนาน มีการคิดอะไรเยอะแยะกว่าจะออกมาเป็นสเตตัสหนึ่ง แล้วคุณเมฆนี่อะไรเนี่ย ทำไมคนไลค์เยอะจังเลย ไม่เข้าใจพวกคนดังๆจริงๆ
คนแซวคุณเมฆเยอะมากเลย ผมไปแซวด้วยละกัน เห็นแล้วตลกดี มีทะเลาะกับคุณกฤติด้วย ครึกครื้นจัง ผมควรไปเม้นบ้างดีกว่า
Tanjai Kraikiratikulchai : นั่นแน่ XD
Mek Sitthikorn : …
Tanjai Kraikiratikulchai : โกรธผมหรือเปล่า ผมเล่นไม่ดูเอง TT”
Mek Sitthikorn : ใครจะโกรธคุณลงครับ 5555 ว่าแต่วันนี้กินข้าวเช้าหรือยังเนี่ย?
Tanjai Kraikiratikulchai : ยังไม่ได้ทานเลยครับเมื่อเช้าผมสาย คิดถึงโจ๊กหม้อดินจังเลย ฮือ
Mek Sitthikorn : โถ่คุณ ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวกลับมาผมซื้อให้ทานนะ
“อ่อยเก่ง”
ซุกซนพูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้ผมละจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่กำลังคุยกับคุณเมฆมามองหน้าเพื่อนที่หน้าทิ่มกับมือถือเหมือนกัน ผมยักไหล่เมื่อไม่มีคำอธิบายอะไรจากซุกซนใจทรามมากกว่านั้น มันอาจจะดูคลิปอะไรสักอย่างแล้วละเมอพูเขึ้นมาเองก็ได้ อย่างงี้แหละครับ เมื่อเรามีเพื่อนสติไม่ค่อยเต็มเต่ง เราต้องใจกว้างเข้าไว้
เมื่อเล่นมือถือไปสักพักผมเริ่มเคลิ้มละ กะจะนอนพักสายตาสักหน่อยแต่คนข้างๆดันเอาศอกมาถองเฉย
“แทน มึงอย่าพึ่งหลับ กลับมาอ่อยเขาต่อก่อน เฟสบุ๊คแตกไปแล้วเนี่ย!”
“งืม”
ผมหันไปทำตาปรือใส่มัน วุ่นวายอะไรง่ะคนจะนอน เฟสบุ๊คจะเป็นยังไงก็ปล่อยมันไป ผมง่วงเกินจะใส่ใจเรื่องชีวิตของคนอื่นแล้ว ความจริงผมเป็นคนที่ขึ้นรถแล้วหลับครับ แบบขี้ง่วงน่ะ นั่งไปสักพักก็จะเคลิ้มแล้วหลับปุ๋ยไปเลยในเวลาไม่นาน เพราะเป็นแบบนี้ผมเลยไม่เอารถมาขับไปทำงานครับ แล้วก็ไม่เอารถขับไปไหนเลยด้วยครับ คุณแม่กับน้องกายไม่อยากให้ขับ ผมก็เลยไม่ขับ ถึงแม้คุณพ่อกับพี่แทนรักจะอยากให้ผมลองขับดูบ้างก็ตาม แต่ฝั่งแม่กับน้องกลัวอุบัติเหตุ ผมยังไงก็ได้ ตามใจทุกคนครับ
“มึงว่าถ้าเขา—“
“ม่ายยย” เริ่มยานละครับ สติเริ่มไม่มี เอาไว้ค่อยคุยได้มั้ย ใครจะทำอะไรผมไม่สนใจแล้วแหละตอนนี้ ง่วงง
“เดี๋ยวมึงกูยังพูดไม่จบ ลุกก่อน ล้างหน้าล้างตา ลุกเว้ยลุก!!”
ซุกซนเคาะหัวผมเบาๆ มีดึงแก้มด้วย ซึ่งผมไม่สนใจ มากๆเข้าผมก็ขมวดคิ้วขู่ด้วยความน่ากลัวมากๆ แล้วก็หลับใส่มันไปเลยละกัน เราใช้วิธีประท้วงแบบอหิงสา ได้ยินเสียงถอนหายใจงึมงำโง่ๆอ๊องๆ ไอ้คนไม่รู้เรื่อง สงสารพี่เมฆ อะไรของมันไม่รู้ ตอนนี้ผมไม่สนแล้วครับ ง่วงมากจริงๆ หนังตาหนักกว่าน้ำหนักตัวอีก
ช่างเถอะ ตื่นแล้วค่อยฉลาดก็ได้มั้ง
------- 60% -------
ไม่ถึงที่หมายสักที ตอนแรกว่าจะไม่อัพแล้ว แต่พรุ่งนี้เราไม่อยู่ คงอัพไม่ได้ ฮือ เอาอันนี้ไปก่อนละกันนะคะ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์
เพราะว่าเราเบลอว่ารักแถบ แบบว่าแต่งเสร็จอัพเลย เพราะงั้นถ้าเจอคำผิดหรือสะกดตกอะไรสามารถบอกได้เลยนะคะ ได้ทุกทางยกเว้นบอกผ่านหัวหน้า อันนี้น่าจะโดนฆ่าทิ้ง(?) เอาไว้เราพอหาช่องว่างได้บ้างเราจะมาตรวจเช็คอีกครั้ง ขอบคุณมากๆสำหรับคนที่สะกิดเรามานะคะ
ปล. เราขอบคุณทุกคอมเมนต์ แล้วก็แท็ก #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์มากๆนะคะ สามารถคุยกับเราได้ที่ @babybapho นะคะ ถ้าเราไม่ตอบ สามารถหาศพได้จากใต้โต๊ะหัวหน้าค่ะ น่าจะเสียชีวิตไป ไม่ก็โดนจับแล้วเรียบร้อย 55555
ขอบคุณที่ชอบน้องแทนใจกันนะคะ XD
ต่อจากนี้คือการ outing แล้วนะคะ อิ___อิ
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์
6th Monday #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์
ถึงวันนี้จะไม่ใช่วันจันทร์ แต่เราก็ยังต้องประชุมกันเหมือนเดิม
“ประชุม ประชุม ประชุม ประชุม ประชุม ประชุม ประชุม ประชุม”
“แทนใจ มึงติดบั๊กเหรอ? เงียบก่อน”
ผมเงียบตามที่ซุกซนสั่ง ตอนนี้พวกเรานั่งอยู่ในห้องเตรียมตัวออกไปเผชิญโลกกว้างด้วยการประชุมรวมทั้งเอเชียแฟซิฟิกครับ ซึ่งขนาดแค่ประชุมแผนกขำๆทุกเช้าวันจันทร์ยังทำผมเป็นบ้าได้ นับประสาอะไรกับการประชุมใหญ่ขนาดนี้ล่ะ ยิ่งครั้งนี้จะมีคนจากประเทศอื่นมานี่แค่คิดก็ง่วงแล้วครับ
“ออกเถอะมึง ไปนั่งสงบสติอารมณ์ข้างนอกเถอะ”
“เราไม่อยากไป”
“งอแงอะไรของมึงเนี่ย กูไม่ง้อนะ ไม่ใช่แฟนกู”
“ซุกซน เห็นแบบนี้เราก็เลือกนะ”
“หยุดพูดแล้วออกไปสักที ก่อนที่กูจะตีหัวมึง”
“ตีเลย เราจะได้ไม่ต้องไปประชุม”
“หยุดเป็นมึงสักนาที แล้วออกไปเดี๋ยวนี้!”
บทสนทนาจบลงตรงนั้น เพราะมีเสียงเคาะประตูตอนที่พวกผมกำลังจะออกพอดี ซึ่งคนร้ายก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คุณโปรเจคฯนั่นเองครับ ด้วยความที่มันใกล้เวลาประชุมแล้ว ทางที่ต้องเดินไป Hall ที่จัดการประชุมมันต้องผ่านห้องผม เขาเลยมาเคาะถาม เผื่อจะได้ไปด้วยกันเลย ซึ่งไม่ดีเลยสักนิด ผมไม่อยากไปประชุมอะ ถ้าไลน์ไปขอคุณกฤติลาป่วย ด้วยเหตุลขี้เกียจลงกระเพาะ จะโดนว่าแรงไหมนะ?
“หิวเหรอ ทำหน้าบูดเชียว”
คุณโปรเจคฯหันมาถามผม ตอนนี้พวกเราเดินเรื่อยๆครับ มันไม่ไกลหรอกแต่ก็ไม่ได้ใกล้ ต้องมีการสับขากันเล็กน้อย ระหว่างทางเจอคนในบริษัทบ้างประปรายแต่ไม่เยอะเท่าไหร่ คิดว่าอาจจะยังไม่ไปกัน พวกที่ต้องมีพรีเซ็นท์หรือตำแหน่งสำคัญคงอยู่ที่นั่นแล้วแหละครับ แต่ผมไม่รีบไง ประชุมกันไปก่อนเลยก็ได้ไม่ต้องรอ
“ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้หิว ผมแค่ไม่อยากประชุมอะคุณ”
ผมทำหน้าเมื่อยใส่เขา ซึ่งเขาทำเพียงแค่ยิ้มเหมือนกับทุกทีที่เขาจะคุยกับผม ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้ชอบยิ้มแบบที่ผมไม่รู้ความหมายแต่มั่นใจว่ามันแปลกๆ ผมหรี่ตาใส่เขานิดหน่อย ซึ่งเขายิ้มกว้างกว่าเดิมอีก ยิ้มไรอะ! ถ้าอยากเข้าประชุมก็ไม่ต้องมาอารมณ์ดีแถวนี้!
“ขี้เกียจนะเนี่ยเรา”
“เท่าที่ผมจำได้ ในใบสมัครงานไม่ได้เขียนว่าต้องขยันประชุมนะคุณ ”
“ความจำดีนะเนี่ย”
“แน่สิ นี่ใคร แทนใจนะครับ”
ผมตอบคุณเมฆพร้อมยักคิ้วให้ทีนึงอย่างเท่ๆ คุณเมฆยิ้มเลย ยิ้มอะไรอีกเนี่ย ยิ้มแบบเหมือนวันนี้เป็นวันเงินเดือนออก ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นนะ สิ้นเดือนที่ทำให้เรานี้มีแรงจ่ายหนี้กันต่อไป พอหลังจากนั้นผมหันขวาไปเห็นซุกซน คนใจทรามที่ตอนนี้มองมาทางผมด้วยสีหน้าเหม็นขี้หมาเหมือนเมื่อเช้า ทั้งที่ตอนอยู่ในห้องยังไม่เป็นเลย
ต้นเหตุการทำหน้าเหม็นของซุกซนต้องอยู่แถวนี้แน่นอน ผมรีบตวัดตามองคุณเมฆผู้
ต้องสงสัยหมายเลขหนึ่ง(และหมายเลขเดียว)ทันที ซึ่งฝั่งนั้นก็ยังยิ้มอยู่ เออเนอะคนเรา ขี้หมาติดรองเท้าก็ยังไม่ยอมเช็ดอีก
“ขมวดคิ้วทำไมอีกเนี่ย ไม่อยากไปขนาดนั้นเลย?”
พอพูดเรื่องประชุมแล้วก็ เฮ้อออออออออออ เบื่อออออ อุตส่าห์ได้มาต่างจังหวัดทั้งที แทนที่จะได้กลิ้งหลุนๆไปมาบนเตียง กลับต้องมาอุดอู้นี่มันน่าเบื่อมากเลย คนที่ทนได้นี่โคตรเก่ง อย่างพวกคุณกฤติอะ เข้าประชุมเยอะพอๆ กับงาน ผมเห็นเขาถือแล็ปท็อปเดินไปเดินมาในบริษัทแล้วปวดหัวแทน เนี่ยหล่อแล้วยังเก่ง หัวหน้าผมเองครับ
“เบื่ออะคุณ ทำไมเราต้องเข้าด้วยอะ ผมไม่มีประโยชน์กับห่วงโซ่บริษัทเท่าไหร่หรอกจริงๆ คิมๆป้ากๆที่ผมคอยดูอยู่ เราทำเป็นไปสดไม่ทันมั้ยคุณ แล้วรอไปลงห้อง DVD แทน เหมือนตอนเรียนพิเศษสมัยมอปลายงี้อะคุณ ผมนี่จองสดไม่เคยทันสักคอร์ส รู้สึกแพ้มาก”
“มอปลายนี่กี่ปีที่ผ่านมาแล้วคุณ รู้ว่าหน้าเด็กแต่แบบนี้ก็ย้อนวัยไกลไปนะ”
“หัวเราะอะไรเล่า!”
ผมขมวดคิ้วใส่คนข้างๆที่ยิ้มเหมือนล้อ แถมปัดมือที่จะมาลูบแก้มออกด้วย ต้องใช้กำลังให้เกรงกลัวบ้างครับไม่งั้นเดี๋ยวลามปาม ถึงจะแก่กว่าก็ห้ามลามปามแทนใจ! แค่นี้ผมก็โดนลูบหัวดึงแก้มเยอะแยะไปหมดแล้ว เกรงใจกันบ้าง! นี่ลูกชายคนโตสุดของบ้านเลยนะ แค่มีพี่สาวอีกคนเท่านั้น!
ตอนนี้พวกผมเดินมาถึงหน้าห้องจัดประชุมแล้วครับ หลายคนเดินเข้าไปจับจองที่นั่ง แต่พวกผมสามคนยังยืนอยู่หนย้าห้อง หมายถึงผม คุณเมฆ แล้วก็ซุกซนใจทรามที่ตอนนี้มันผละไปเข้าห้องน้ำครับ ทิ้งเพื่อนอย่างผมไว้กับคนติดกาแฟจากอีกแผนก กินเนสบุ๊คมีจัดสถิติคนโดนเพื่อนทิ้งดีเด่นมั้ย ผมว่าผมจะเสนอชื่อนายแทนใจเข้าไปให้เขาพิจารณา
“หน้าคุณเหมือนติ๊กต่อกตอนหิว”
“ติ๊กต่อก?”
“กระต่ายผมน่ะ เวลามันหิวมันชอบทำหน้ายุ่งแล้วก็ไม่ยอมให้เล่น แบบนี้เลย”
พูดเฉยๆไม่ต้องเอามือมาดึงแก้มได้มั้ย!
ผมเป็นคนแก้มเยอะครับ ตอนอนุบาลนี่โคตรเป็นปมด้อย ตัวเป็นก้อนๆแขนปล้องๆมีแก้มย้วยๆกับพุงกลมๆตั้งแต่เด็ก (จนตอนนี้พี่รักยังเอามาล้อเรื่องผมเป็นเด็กก้อนอยู่เลย อย่างอาย) พอโตมาส่วนอื่นไม่ก้อนแล้วครับ สูงชะลูดดูดีมากๆ เหลือแค่แก้มนี่แหละที่ไม่ยอมยุบสักที ขนาดน้องแทนกายที่ตอนเด็กๆดูคล้ายผมตอนยังเล็กมาก โตมาแก้มน้องก็หายอะ แล้วผมคือไร? ชาติที่แล้วตายตอนอมข้าวอยู่แน่เลย ถึงจะดูไม่เท่แต่น่าจะอร่อย ปล่อยไปก่อนก็ได้
“นี่แทนใจไงคุณ ไม่ใช่กระต่าย”
“เหรอ?”
“อะไรเนี่ยคุณ!”
ผมถอยหลังเมื่อคนที่กำลังเดินอยู่ข้างๆหยุดแล้วมองลงมาที่ผมด้วยสายตาขบขัน นี่ก็ตลกจังเลย ไปเปิดขำกลิ้งลิงกับเมฆเลยมั้ย อารมณ์ดีมาจากไหนนักหนา ถูกรางวัลที่หนึ่งได้โดยไม่มีใครมาแย่งใช่มั้ยถึงได้ดูอารมณ์ดีจัง ผิดกับผมที่คิ้วขมวดตั้งแต่เขาเริ่มกวนผมเนี่ย จนตอนนี้ยังไม่หยุดเลย เนี่ยหน้าผมยับแล้วยับอีก ถ้าน้องกายจำผมไม่ได้ ใครจะรับผิดชอบ! ผมมีน้องคนเดียวนะ!
“ไม่ใช่กระต่ายจริงเหรอ?”
“เฮ้ย!!!!!!”
ผมสะดุ้งเหมือนกุ้งโดนโยนเข้าหม้อสุกี้ ตกใจ!!!!! อยู่ดีๆยื่นหน้าเข้ามาทำไม!!!!! ใกล้จนจะเห็นขี้ตาผมอยู่แล้วมั้ง!!! ถ้าเสาร์อาทิตย์ว่างๆ ก็ไปเป็นพร็อบประกอบบ้านผีสิงดรีมเวิลด์เถอะจริงๆ นี่ยังตกใจอยู่เลยครับ อกสั่น ขวัญ อุษามณี!
ซึ่งตัวต้นเหตุก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย ยังมายิ้มอีก!
“เนี่ย ตอนตกใจติ๊กต่อกก็ถอยหลังตาโตแบบนี้เด๊ะเลย”
“ผมไม่คุยกับคุณดีกว่า เขาจะประชุมกันแล้ว”
“เขินแล้วเปลี่ยนเรื่องเก่ง”
เพื่อนที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผมกำลังโดนแกล้งเดินกลับมาจากห้องน้ำ ตอนที่ผมกำลังจะถามว่ามันพูดอะไรเพราะผมไม่แน่ใจว่ามันจะสื่ออะไร แต่ซุกซนก็ยังคงเป็นหมีขี้โมโห มาถึงไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร สะบัดน้ำใส่หน้าผมทันที!
“ซุกซน!!”
ผมพยายามเช็ดหน้าแต่มันสะบัดใส่อีก โอ๊ย แพร่เชื้อขาสั้นใส่มาหรือเปล่าเนี่ย! อยากด่าอะ! คนแบบนี้มันต้องโดนสักที!!!
“ไอ้บ้า!”
หงุดหงิดจริงๆนะเนี่ย แล้วไอ้คุณเมฆขำอีก ซุกซนก็เหมือนสนุกใหญ่ เอามือขยี้หัวผมจนยุ่งแล้วเดินหนี ทิ้งไว้กับหมีติดกาแฟอารมณ์ดีเนี่ย! หงุดหงิดง่ะ เมื่อกี้หงิดซุกซนนะ แต่ตอนนี้เริ่มหงิดคุณเมฆแทนแล้ว ชีวิตจะดี๊ดีมากอะไรขนาดนี้ รอยยิ้มมันต้องมีหรือไง สบายใจแบบนี้เหรอ! หงุดหงิด!!!
“โอ๋ๆ นี่ๆ ผมให้นี่”
ผู้ชายอีกคนยื่นสิ่งที่หยิบออกมาจากกระเป๋า (ผมเพิ่งสังเกตว่าเขาเอากระเป๋ามาด้วย เอามาทำไมอะ ผมกับซุกซนนี่มาตัวเปล่าแบบแยกกันตายแน่นอน เพราะกุญแจอยู่กับซุกซน … อ้าว คนตายมันผมคนเดียวนี่หว่า ไม่น่าล่ะ มันไม่ปล่อยกุญแจเลย กลับไปนี่ผมต้องทบทวนแล้วว่ายังคิดจะเป็นเพื่อนกับมันดีมั้ย)
“คุ้กกี้?”
“รสกาแฟด้วยนะ… อ่า พอดีผมมีติดกระเป๋าไว้น่ะ คุณเอาไปช่วยกินหน่อยละกัน ผมกลัวกินไม่หมด”
ผมกระพริบตาปริบๆ … การที่ผมมีแก้มมันทำให้ดูหิวขนาดนั้นเลยเหรอ หรือผมดูเป็นคนง่วง 2018 ที่ต้องมีกาแฟในการดำรงชีวิตตลอดเวลา
ดูถูก! ...ถูกแล้วนี่นา!!!
“เงียบเลยนะคุณ ไม่ต้องซึ้งขนาดนั้นก็ได้ครับ ผมให้ด้วยใจไม่ต้องการของรางวัลอะไรตอบแทน”
“...”
“แต่ถ้าซึ้งมากขอกาแฟสักแก้วก็ได้ อย่าเพิ่งร้องไห้นะคุณ”
คือผมยังไม่ได้คิดอะไรมั้ยอะ แค่ประมวลผลอยู่ แล้วทำไมจะต้องซึ้งขนาดนั้นครับ แต่ถ้าหล่อแล้วจะคิดเองเออเองยังไงก็ได้ก็เอาเลยครับ สบายใจก็ทำเลย จินตนาการสำคัญกว่าความรู้อยู่แล้ว
“กินนี่แล้วจะอารมณ์ดี เชื่อสิ ผมทำบ่อย”
ถึงแม้จะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกแต่ก็ยอมรับว่าความหงุดหงิดหายไปเยอะมาก กลายเป็นความงุนงงแทน เอาเถอะ นี่ก็ถือเป็นเรื่องดี...ล่ะมั้ง?
“ขอบคุณครับ”
เขาลูบหัวผมอีกสองสามครั้งแล้วผละออกไปเข้าห้องประชุมบ้าง ก่อนเข้าผมเห็นเขาเดินไปทักใครไม่รู้แล้วพากันเดินเฮฮาเช้าไปด้วยกัน ถึงแม้เขาจะไปแล้วแต่เหมือนยังรู้สึกว่ามือคุณเมฆยังอยู่บนหัวเลยแหะ มันยังอุ่นๆอยู่เลย
ผมยักไหล่ อย่างน้อยถ้าเข้าห้องประชุมแล้วง่วง ก็มีอะไรเคี้ยวให้หายมึนแล้วล่ะ
เดี๋ยวนะ?!
ไม่ใช่ว่านี่เขานับเป็นกาแฟที่ผมติดเขาเพิ่มอีกแก้วแล้วหรือเปล่า!!!
ไม่เลี้ยงคืนทั้งหมดนะ ไม่มีเงินแล้ว!
———- 50%———-
อยากอัพเยอะกว่านี้ แต่วี๊คสิ้นเดือนแบบนี้งานถล่มเหมือนเขื่อนแตกเลยค่ะ น่ารักหมดทั้งหัวหน้าทั้งลูกค้า แง้้้้้้
ขอบคุณทุกคนทั้งคนเฟ๊บ คนอ่าน คนเมนต์ คนที่ติดแท็ก #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ นะคะ ขอบคุณที่ร่วมผ่านวันจันทร์ไปด้วยกันนะคะ ยิ้มเหมือนอีบ้าตอนที่นั่งอ่านคอมเมนต์กับแท็กจนพี่ที่ทำงานงง ขอบคุณจริงๆค่ะ :)
จะพยายามมาอัพให้เร็วที่สุดนะคะ
ป.ล. สามารถทักเราได้ที่ @babybapho และสกรีมผ่านทางคอมเมนต์หรือแท็ก #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ได้นะคะเราอ่านทุกอันค่ะ ในแท็กทวิตเตอร์ถ้าเราไม่ตอบคือไม่เห็นจริงๆ ขอบคุณมากค่า :D
ยาวเกิน อัพกระทู้เดิมไม่ได้ค่ะ ฮือ ;__;
-------
6th Monday (2)
“ทำไมเข้ามาช้า?”
คุณเพื่อนขาสั้นถามทันทีที่ผมหย่อนก้นลงข้างมัน ความจริงอยากลองนั่งข้างคนอื่นบ้าง แต่เห็นใจคนอื่นถ้าจะต้องมานั่งข้างยอดชายนายซุกซนครับ เผื่อความดีนี้จะทำให้คุณกฤติเห็น แล้วงดประชุมวันจันทร์ครับ หรืออย่างน้อย ช่วยซัพพอร์ตเจลใส่ผมหน่อยก็ดี ผมไม่ขออะไรมาก ขอแค่
เจลสำหรับทุกวันจันทร์ก็พอครับ แกร๊บไบค์ทำหน้าม้าผมนี่เปิดข้างหน้าทะลุถึงหัวใจแล้วครับ เปิดอยู่กรุงเทพฯ เหม่งเห็นไกลไปถึงเชียงใหม่แล้วครับ
“เราคุยกับคุณเมฆอยู่ไง ซุกซนนั่นแหละหนีออกมาก่อน”
“กูเหม็น”
“...” ผมจะเตือนตัวเอง ว่าต้องบอกคุณเมฆเรื่องเหยียบขี้หมาจริงๆ
“เหม็นขิง”
“ซุกซนจมูกดีเหมือนไม่ใช่คนเลยนะเนี่ย”
เพื่อนทำหน้าเหมือนไม่รู้จะหัวเราะ ร้องไห้ โกรธหรือว่าควรจะลาออกจากงานไปตามหาดราก้อนบอลดี แต่ช่างมันครับ ซุกซนใจทรามจะทำอะไรก็ไม่มีสาระอยู่แล้ว ผมไม่ถือ มันเป็นบ้า ผมรู้ครับ ว่าเราไม่ควรถือสาคนบ้า ไม่ควรว่าซุกซน
“Hello. Good afternoon everyone.Thank you all for coming and joining us here. I’m very pleased to …”
เสียงของพิธีกรต่างชาติพูดดึงความสนใจของทั้งผมและซุกซน ผมพยายามนั่งตัวตรงเมื่อรู้สึกว่าการประชุมได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว เท่าที่ฟังหลักๆก็ไม่มีอะไรมากครับ แนะนำถึงนวัตกรรมใหม่ของบริษัท การเปิดสาขาในประเทศต่างๆ ความก้าวหน้าในการหาลูกค้ารายใหม่ การช่วยเหลือลูกค้าเวลามีปัญหา และพวกปัญหาที่เกิดขึ้น นั่นนู่นนี่ที่ผมไม่สนใจ เนี่ยแหละครับ พนักงานดีเด่น
ผมถอนหายใจแล้วเลื้อยไปบนเก้าอี้ เบื่อมาก ซุกซนที่นั่งอยู่ข้างๆนั่งทำหน้าตั้งใจผมก็ไม่อยากกวน เมื่อไม่รู้จะทำอะไรผมก็เลยกินครับ กินเสบียงเดียวที่มีในตอนนี้ คุกกี้รสกาแฟฟรีที่คุณโปรเจคฯแกให้มานั่งแหละครับ ผมแกะคุกกี้กินเงียบๆ ค่อยๆงับเพราะกลัวจะเสียงดังรบกวนคนอื่น
เฮ้ย อร่อยว่ะ! มันเป็นคุกกี้ธรรมดาเลยครับแบรนด์ที่เคยเห็นในห้าง แต่พอได้ฟรีแล้วโคตรอร่อยเลยครับ สวรรค์ที่แท้ เพราะไม่งั้นผมคงไหลลงไปกองบนพื้นแล้ว นี่รอคุกกี้หมดห่อก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยไหล
“คุกกี้?” มาแล้วครับคนใส่ใจเรื่องชาวบ้าน 2018 ซุกซนที่นั่งอยู่ข้างผมชะเง้อหน้ามาใส่ใจเต็มที่ ออกไปนะ อย่ามาแย่ง! “มึงได้จากไหนมาวะ? ตอนออกจากห้องไม่เห็นเอามาด้วย หรือเขาแจกหน้างานเหรอ?”
“นอกจากซุกซนใส่ใจเรื่องคนอื่นเก่งแล้ว ยังเห็นแก่กินด้วยนะเนี่ย”
“กวนตีนนะมึงอะ แย่งแดกแม่ง!”
“ซุกซน!”
ผมรีบหันหนีเอาตัวบัง เมื่อซุกซนใจทรามพยายามเอามือมาแย่งคุกกี้ของผม ไม่ให้ อันนี้ไม่ให้นะ! อย่ามายุ่ง!
“เป็นไรวะ? ปกติไม่ใช่คนขี้หวงนี่มึงง่ะ”
“ไม่รู้อะ แต่อันนี้เราหวง เราไม่ให้อะ”
“อะไรของมึงวะ? เอามาแดก!”
“ก็ไปกินอันอื่นสิ อันนี้เราหวง”
“เอามาแดก!!!”
“ไม่ให้!!!!”
ผมหันหลังให้คนที่ทำเหมือนได้คุกกี้ผมแล้วจะได้เงินเดือนขึ้น ปากก็แง้วๆว่ามันไปด้วย พยายามเตือนสติเพื่อนว่าการขโมยของกินเพื่อนมันไม่ดี โดยเฉพาะคุกกี้อันนี้ มันไม่ดีมากๆ!!
“หวงเหรอ มึงหวงเหรอ เอามาให้กูแดก!”
“ซุกซน อย่าใจทราม”
“เอามาแดกก่อน เดี๋ยวกูใจดีเลยทันที”
“อย่ามายุ่งนะ อันนี้ไม่ได้”
“หวงจังนะ ใครให้มาป้ะเนี่ย?”
“ไม่บอก!”
โชคดีที่ต่อจากนั้นมีเสียงปรบมือดังมาก ใครสักคนที่หน้าตาเอเชียที่ผมเคยเห็นหน้าในเว็บไซต์บริษัทเดินลงเวทีไป แล้วให้ใครอีกคนหน้าตาฝรั่งหน่อยที่อยู่บนหน้าเว็บบริษัทเหมือนกันเดินขึ้นเวทีต่อ ความสนใจของทั้งผมและซุกซน มันผละออกจากเป้าหมาย แล้วไปนั่งสนใจสปีกเกอร์คนใหม่ที่เพิ่งขึ้นเวทีมาแทน ผมเลยใช้โอกาสนี้กินคุกกี้คุณเมฆให้หมด จะได้ไม่ต้องโดนแย่ง
ไม่ได้ยัดทั้งหมดทีเดียวนะ แค่ใช้สกิลกินเร็วมากๆเท่านั้น เป็นสกิลที่มีมาตั้งแต่สมัยเรียนครับ เพื่อนทั้งกลุ่มมีหมด ตอนที่แอบก้มไปกินขนมใต้โต๊ะในเวลาเสี้ยววินาที ตอนที่ครูหันหลังเขียนกระดาน ซึ่งผมทำมาตั้งแต่ประถมครับ ตอนเด็กเลยโดนเพื่อนล้อว่าเอาของกินเก็บตรงถุงแก้มตลอดเวลา เครียดมากครับ มันไม่หล่ออะ
ซึ่งตรงจุดนี้ผมอิจฉาน้องกายมากที่น้องแก้มยุบตอนโต มีแต่ผมเนี่ยที่แก้มย้วย! พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน! ทำไมผมไม่ได้ส่วนสูงมาแทนแก้ม ยื่นเรื่องขอเอาแก้มไปแลกส่วนสูงได้ที่ไหน
พอคุกกี้หมด ชีวิตก็ไม่เหลือเรื่องน่าสนใจอีกต่อไป
เบื่อจัง เบื่อมาก เบื่อจริงๆนะ
หลังจากสปีกเกอร์คนสุดท้ายพูดจบ ความเบื่อของผมก็ผ่านไปสักที การประชุมราบรื่นยาวเลยไปยังตอนทำ workshop ที่ผมไม่ค่อยจะมีสติสมาธิเท่าไหร่ หลังจากนั้นก็มาประชุม wrap up นิดหน่อย ซึ่งผมไม่รู้เรื่องแล้ว หลุดไปนานแล้ว ผมเลยนั่งวัดสายตาตัวเองครับ ทดลองปิดตาข้างซ้ายแล้วมอง เสร็จแล้วก็ทดลองปิดตาขวา สรุปสิ่งที่ผมได้จากเวิร์คช็อปวันนี้คือตาสองข้างผมมองเห็นไม่เหมือนกันครับ ตาขวามันจะพร่าหน่อยๆ แต่ตาซ้ายชัดแจ๋วเลย
“มึงว่า คนเราเกิดมาทำไมวะ?”
อยู่ดีๆในระหว่างที่เขากำลังพูดกัน คนใจทรามมันก็ถามขึ้นมา ตายังจ้องจอโปรเจคเตอร์ เมื่อสามารถรู้สึกได้ว่าผมไม่เข้าใจ เพื่อนร่วมงานของผมก็ใจดีพูดต่ออีกนิดหน่อย ทั้งที่ผมไม่ได้อยากจะรับรู้อะไรด้วยเลย
“ถ้าเราจะต้องเกิดมานั่งเสียเวลาชีวิตเป็นชั่วโมงฟังในสิ่งที่มึงไม่แม้่แต่จะเข้าใจด้วยซ้ำว่าหัวข้อมันคืออะไร ลืมเนื้อหาข้างในไปเลย กูหลุดนานมากแล้ว เหมือนนั่งฟังบรรยายอยู่ในน้ำ … แล้วกูก็คิดขึ้นมาได้ว่า เราควรเอาเวลาไปตามหาคำตอบของชีวิต”
“...”
“ตอนกูปีหนึ่ง กูแอดฯเข้าไปเรียนบัญชี แต่พอเรียนไปกูรู้ว่ามันไม่ใช่ แต่พี่รหัสกูสวยสัด เป็นดาวคณะ กูเลยไม่ซิ่ว”
“...”
ผมต้องรับรู้เรื่องนี้จริงๆเหรอ? พี่รหัสผมเป็นใครก็ไม่รู้อะ เคยได้ยินชื่อแล้วก็หายไปในกองเปเปอร์ ซึ่งผมเข้าใจ ผมก็ปล่อยเขาไปตามทาง เพราะแค่นี้พี่แทนรักก็เลี้ยงผมไม่รู้จะเลี้ยงยังไงแล้วครับ
“จนตอนนี้จบมา กูถึงได้มานั่งคิดว่า คนเราถ้าเกิดมาไม่ได้ไปตามหาความฝัน แล้วเราจะเกิดมาทำไมวะ?”
“... เราขออะไรที่มันไม่ค่อย complex ได้มั้ย? แบบอะไรที่ทุกคนเขาก็พูดกันน่ะ”
“แต่กูแมสกว่านี้ไม่ได้แล้วมึง”
“ก็เรื่องของซุกซน”
“กูว่า” มันยังไม่จบ “กูจะลองไปตามหาความหมายของชีวิต”
ครับ เพื่อนผมบ้าไปแล้ว
“ตามหาที่ไหนอะ? Google จะมีมั้ย ลองเสิร์ชดูหรือยัง?”
“แทนใจ มึงอย่าเพิ่งกวนตีน กูจริงจัง”
“...” ก็แล้วแต่เลยครับ โบราณว่าไว้คนบ้าอย่าห้าม
“กูจะไปตามหาความหมายของชีวิต... ในวงเหล้าคืนนี้กับพวกเฮียเมฆ”
นี่ผมเสียเวลาชีวิตหลายวินาทีเพื่อฟังอะไรแบบนี้เหรอ?
รายการคืนความแฮปปี้ให้ประเทศหนึ่งยังดูมีสาระกว่านี้… อันนี้ชมนะ ชมจริงๆ
ผมพยายามเมินมันแล้วไปวัดสายตาตัวเองต่อ ในขณะที่ซุกซนใจทรามเริ่มตามหาความหมายของชีวิตในเฟสบุ๊ค
โอ๊ะ
แรงสั่นจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงทำให้ผมเอามือถือขึ้นมาดู มันเป็นห้องประชุมใหญ่คล้ายกับการอบรมสัมนามากกว่ามี้ตติ้ง แต่อย่าถามผมว่าทำไมเขาไม่เรียกสัมนาไปเลย ผมละสายตาจากคุณกฤติบนเวที (หัวหน้าผมเอง หล่อสุดแล้ว เชื่อเถอะ) คิ้วขมวดหันไปมองคนใจทรามที่หันมายักคิ้วให้อย่างกวนประสาท
ซุกซน ใจทราม ได้แท็กคุณในโพสต์
“นั่งข้างกัน จะแท็กทำไม?”
ผมบ่นใส่ซุกซนที่ไม่ได้สนใจอะไรเบาๆ ก่อนจะกดเข้าไปดู เห็นเมนต์ที่อ่านแล้วงง อะไร ไม่เข้าใจ เลยเลื่อนขึ้นไปอ่านโพสต์ก่อนละกัน อ๋อ คุณโปรเจคฯนี่เอง
นี่พวกพีเอม* (PM = Project Manager หรือโปรเจคฯที่ผมเรียกปกติ ผมเพิ่งรู้ว่าเขาเรียกกันแบบนี้ตอนที่มีชาวต่างชาติอยู่ด้วย นี่ตำแหน่งหรือฉายาดารารายการดาวกระจาย เยอะเหลือเกิน) เขาว่างกันขนาดมานั่งเล่นเฟสบุ๊คตลอดเวลาเลยเหรอ? แต่นั่นไม่น่าสนใจเท่าสเตตัสของเขาครับ
‘Mek Sitthikorn — feeling accomplished’ -- 45 minutes ago
กระต่ายกินแล้วนะครับ ;)
Liked by ซุกซน ใจทราม, and 687 others 54 comments 29 Shares
ลงพร้อมด้วยรูปคุกกี้ที่เขาเอาให้ผมเมื่อเช้า ท่าทางจะถ่ายก่อนที่เขาจะเอามาให้ เพราะพื้นหลังของรูปเหมือนห้องพักในโรงแรม รูปมันไม่มีอะไรมากกว่านี้เลย แต่ทำให้ผมตกใจจนสะดุ้ง ผมขยี้ตาก่อนจะดูรูปพร้อมอ่านแค็ปชั่นอีกครั้ง อะไรเนี่ย?!
Pingpong kidteungtertookwan : กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ มึงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่เมฆเขาให้กระต่ายกินคุกกี้ว่ะ มึง โคตรอบอุ่นเลย ผัวกู @Vorawan T.
Vorawan T.: อีดอก เลิกมโน เขาอ่อนโยนกับกระต่าย ไม่ใช่มึง
Pingpong kidteungtertookwan : มึงจะก๊อปวางแบบนี้ทุกสเตตัสที่กูหวีดพี่เขาไม่ได้
MewMew’ Mew: มีอีกมั้ยคะ หนูอยากกินบ้างอ่าาาาา
Beauty Kadkeng: หยั่กกินบ้างจุงเรอคร่าาาาา
Bubu Bewithyouforever : เลี้ยงกระต่ายด้วยกาแฟนะค่ะเพื่อนกู
Mek Sitthikorn : ถ้าใช้ ค่ะ ยาก กูแนะนำให้ใช้ ครับ
Bubu Bewithyouforever : กูรู้ว่ามึงไม่ชอบ กูเลยกวนตีนเล่น
Mek Sitthikorn : เหี้ยจริงๆ มึงถึงไม่มีแฟนไง
Bubu Bewithyouforever : แล้วมึงล่ะ ได้กระต่ายหรือยัง เขารู้หรือยังเนี่ยว่ามึงชอบ
Ball Natthakrit : ไอ้สัด จัดว่าเจ็บ “เขารู้หรือยังเนี่ยว่ามึงชอบ” @Mek Sitthikorn
ปีโป้ ปะปะปีปีโป้ : ไอ้สัด จัดว่าเจ็บ “เขารู้หรือยังเนี่ยว่ามึงชอบ” @Mek Sitthikorn
Alexander T. : ไอ้สัด จัดว่าเจ็บ “เขารู้หรือยังเนี่ยว่ามึงชอบ” @Mek Sitthikorn
Mek Sitthikorn : พวกเหี้ย กูจะบล็อกแม่งให้หมด สัดดดดดดดดดด
Wanjai Walaiporn : เมฆเลี้ยงกระต่ายด้วยเหรอ? โห เราไม่เคยรู้เลยนะเนี่ย
Mek Sitthikorn : เราชอบนะ น่ารักดี ^^
นอกจากนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นคอมเมนต์อวยคุยเมฆว่าอบอุ่นดั่งใช้ดาวนี่อาบน้ำทุกวัน ซึ่งผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ผมเลื่อนลงมาอ่านคอมเมนต์ที่ซุกซนแท็กผมอีกครั้ง
ซุกซน ใจทราม : กระต่ายพี่แม่งโคตรขี้หวง ผมจะขอกินชิ้นเดียวขู่แง้วๆใส่หูแถมยังกอดไว้แน่น ไม่ยอมให้แย่งด้วยนะ ไม่รู้ว่าเพราะคุกกี้หรือเพราะคนให้… เล่นกินคนเดียวหมด จนแก้มย้วยจะแตก เฮ้อ อ๊องไม่พอนะ ตะกละเอ้ย @Tanjai Kraikiratikulchai
เดี๋ยวนะ?
ไอ้สเตตัส ‘พรุ่งนี้เอาอะไรให้กระต่ายกินดีนะ ;D’ ของคุณเมฆที่อัพถึงกระต่ายเมื่อเช้า ที่ผมเข้าไปแซ็ว นั่นแน่ นี่ไม่ได้หมายถึงกระต่ายจริงๆเหรอ
ความจริงแล้วสเตตัสนั้น ...หมายถึงผมเหรอ?
เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมซุกซนถึงเรียกผมว่าอ่องอ๊องแอ๊ โอ๊ย อายอะ อาย อายมาก อายกว่าตอนที่ไปเติมบัตรบีทีเอสแล้วบอกว่าขอซาลาเปาหมูแดงเพราะกำลังอยากกินมากๆเลยเผลอพูดไปแบบนั้นอีก เมื่อเช้าโป๊ะหมดเลยอะ แล้วผมจะมองหน้าคุณเมฆยังไงเนี่ย โหย โป๊ะมาก อายมาก นี่ผมทำอะไรลงไปเนี่ย?!
“เป็นไรมึง ทำไมทำหน้าเหมือนเห็นผี”
“ซุกซน… เรา….”
“อะไรมึง เวลาของกูเป็นเงินเป็นทอง”
คนที่พูดไปหาวไปทำหน้าเมื่อยไปตอบผมกลับมา ถ้าเป็นปกติผมคงจะพูดอะไรกลับไปให้เหมาะสมกับความซุกซนนั้น แต่ครั้งนี้ผมทำได้แค่เงียบ เพราะกำลังเรียบเรียงคำพูดในหัวอยู่ เรียบเรียงคำถามยังไงดีอะ ยากกว่าการสอบวิชาเรียนรวมของปีหนึ่งให้ผ่านอีก
“เรามีอะไรจะถามอะ คือเราสงสัยเรื่อง--”
“เรื่องที่พี่เมฆเขาจีบมึงอะเหรอ”
“...”
อ้าว นั่นคือเขาจีบผมเหรอ?
พอมานั่งนึกดูมันก็แปลกนิดหน่อย ที่คนที่เจอกันแค่ในร้านกาแฟวันจันทร์จะมาซื้อโจ๊กหม้อดินให้ผม ซื้อคุกกี้ให้ผมทำไม ยิ่งคิดยิ่งแปลก ไหนจะเรื่องการติดกาแฟแล้วติดกาแฟอีกที่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ให้จ่ายคืนสักที คิดแล้วก็รู้สึกแปลกๆแหะ เออ มันแปลกจริงด้วยอะ ไม่รู้ว่าแปลกอะไร แค่เพื่อนที่ทำงานไม่น่าเป็นแบบนี้นีนา
“ซุกซน เขาจีบเราจริงๆเหรอ?”
“คิดว่าไงล่ะ?”
“...”
ไม่ตอบละกัน ไม่รู้แล้วๆ ไม่รู้ คิดไม่ออก สมอง Error404 ไปแล้ว ตายแล้ว ไม่ต้องช่วยนะ ขอพักหายใจแป๊ปหนึ่ง ไม่ไหว ใครมียาดมบ้าง ขออันนึง ไม่ได้จะใช้นะ จะเอามาหมุนเล่น เอามาตั้งเฉยๆแล้วผมหมุนตัวเองก็ได้ ไม่รู้อะ ฮือ ไม่รู้อะไรแล้ว
“ไม่ต้องตอบกูก็ได้ แต่มึงควรเอามือออกจากแก้มย้วยๆของมึงก่อน มันดูเหมือนหมูมากกว่ากระต่ายเข้าไปทุกวัน”
ผมผละมือออกจากหน้าอย่างทันที อ้าว เฮ้ย นี่เอามือจับหน้าตอนไหนเนี่ย ไม่รู้แล้ว สมองไม่ทำงานแล้ว เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มันบอกว่าผมเป็นตัวอะไรนะ?
แต่ช่างมัน เรื่องนี้ไม่สำคัญเท่าคุณเมฆ
“ซุกซน…”
“ไม่ต้องตอบกู รู้ว่าสำหรับมึง อะไรที่ไม่ใช่ 2+2=4 นะ มึงเปิดโหมดอ๊องทันที”
อันนี้คือไม่ได้ช่วย แต่กำลังด่าผมแล้ว ถูกมั้ย?
“แล้วถ้าเฮียเมฆเขาจีบมึงล่ะ…”
“...”
“มึงจะรังเกียจมั้ย?”
นั่นสิ …
ผมลองนั่งไตร่ตรองสิ่งที่เกิดขึ้นมาเดือนกว่าระหว่างผมกับคุณโปรเจคฯ (ผมยังไม่ลืมนะว่าเรากำลังประชุมกันอยู่ แต่ท่าทางจะใกล้จบแล้วแหละ ไม่ใช่ประชุมนะ ชีวิตผมเนี่ยแหละ) ถามว่าคิดกับเขาแบบไหน แน่นอนว่าตอบไม่ได้ ผมไม่รู้จริงๆว่ามันจะใช้นิยามว่าอะไร ผมไม่เคยรู้ ไม่รู้จริงๆ ผมไม่เคยมีคนที่ชอบ แฟน คนคุย หรืออะไรเลย
ชีวิตผมมีแค่ครอบครัว แล้วก็เพื่อนเท่านั้น ไม่เคยมีความสัมพันธ์รูปแบบอื่นที่นอกเหนือจากกรอบพวกนี้เลยสักนิด ผมควรจะทำยังไง? ผมควรจะคิดอะไร? ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ความรู้สึกมันคืออะไร แต่ถ้าถามว่ารังเกียจมั้ย…
“แทนใจ…”
เอ๊ะ?
ผมกระพริบตา เมื่อกี้ตกในภวังค์ของตัวเองนานเกิน เพิ่งรู้ว่าคนอื่นเขาเริ่มลุกเดินออกไปทางประตูกันหมด เมื่อหันไปข้างๆที่ควรจะมีซุกซนก็กลายเป็นความว่างเปล่า คิดเรื่องเมื่อกี้ยังไม่ออกเลย เพื่อนก็ทิ้งอีก การเป็นแทนใจมันยากครับ เพื่อน… ไม่ได้หากันง่ายๆป่าววะ? อย่างตอนนี้ ไม่รู้ว่าเพื่อนหายไปไหนแล้ว จะหายังไงเนี่ย ท่าทางจะหายากแน่นอน เพื่อนยิ่งเตี้ยๆอยู่
“แทนใจๆ ได้ยินผมมั้ยเนี่ย?”
เมื่อหันหลังไปผมสะดุ้งสุดตัว เมื่อคนที่อยู่ในห้วงความคิดมาปรากฏตัวเป็นๆนั่งส่งยิ้มประหลาดแบบที่เขาชอบทำมาให้จากข้างหลัง แย่แล้ว แย่จริงๆแล้ว ผมยังคิดคำตอบของคำถามนั้นไม่ออกเลย ทำไมโลกส่งตัวกระตุ้นมาตอนนี้เนี่ย! ช่วยด้วย
“อ่า…”
ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี!
“ว่าแต่... คุกกี้อร่อยมั้ยครับ?”
มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ตอบคำถามคุณเมฆ ผมก้มหน้าที่เริ่มร้อนถึงใบหูจนต้องเอามือมาจับแล้วถูๆให้มันหายร้อน โอ๊ย ขอพรีออร์เดอร์ เอลซ่า สักคนจากดิสนีย์ได้มั้ย หน้ามันร้อนหูมันร้อนไปหมดเลย! ขออะไรมาดับร้อนที!
“แล้วถ้าเฮียเมฆเขาจีบมึงล่ะ…มึงจะรังเกียจมั้ย?”
คำถามของซุกซนดังขึ้นในหัวอีกครั้ง ผมค่อยๆเหลือบตาขึ้นมองหน้าคุณเมฆ ที่กำลังมองหน้าผมอยู่อย่างตั้งใจเหมือนผมเป็นละครที่สนุกมากๆ ไม่รู้หรอกนะว่าเขาจะจีบ จะแกล้ง จะอยากเลี้ยงกาแฟหรือขุนผมด้วยของกิน หรืออะไร แต่ถ้าถามว่ารังเกียจไหม …
คำตอบคือ ‘ไม่’ เลยสักนิด
------- 100% -------
มาแล้ว มาช้าแต่มาแล้วนะคะ ฮือออออ
อ๊องเริ่มจะถูกกระเทาะเปลือกแล้วนะคะ
ต่อไปจะเป็นยังไง (และมาตอนไหน) ให้ซุกซนทำนายนะคะ อิ___อิ
สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือสกรีมได้ที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @banybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
[/b]
ต่อนะคะ
-------Monday In Love -------
8th Monday (100%)
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์
“อะแฮ่มๆ เลดี้ แอนด์ เจ้นเทิ้ลเมน”
ซุกซนใจทราม ทำท่าเหมือนตัวเองเป็นพิธีการรายการหน้ากากแก้ว โดยการเอาขวดเบียร์เปล่ามาถือเป็นไมค์ ดูสร้างสรรค์เหมือนวิชาศิลปะระดับชั้นอนุบาลสาม สถาปนาตัวเองเป็นผู้เปิดเกมในวงเหล้านี้ โดยไม่มีใครร้องขอ
“ทางเราขอขอบคุณผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่มาร่วมงานในวันนี้ กระผม ยอดชายนายซุกซน ใจทราม ขอต้อนรับทุกท่าน เข้าสู่ช่วง เกมที่ทุกคนรอคอย นั่นก็คือ!! นั่นก็คือ!!! เกมคิงส์ คัพพพพพพพพพพพพพพ!”
“ลากเสียงให้พ่อเขามาด่ามึงเหรอ!!!!”
ผมยกแก้วเหล้าที่ซุกซนรินให้เมื่อสักครู่ขึ้นจิบ ทำเป็นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไอ้ตัวโหวกเหวกโวยวายที่ตอนนี้โดนคุณกุ๊กกิ๊กตบหัวแล้วดึงลงมานั่งเหมือนเดิม ในขณะที่คนอื่นหัวเราะกับมุกแป้กที่มันเล่น ตอนนี้ทุกคนตกลงกันว่าจะเล่นเกมคิงส์คัพ (King’s Cup) ซึ่งเป็นเกมที่โชคในชีวิตอยู่ที่ไพ่ที่จับได้เลยครับ
“ซุกซน ว่าแต่เกมนี้มันเหมือนพระราชาป้ะ?”
คุณฝนอินเดียเป็นคนถามขึ้นมาครับ โอ๊ะ แก้วผมหมดแล้ว ผมยื่นให้ซุกซนซึ่งทำตัวเป็นผู้ครอบครองเหล้าไว้เกือบทั้งหมด แค่เฉพาะขวดที่เปิดแล้ว ส่วนเบียร์อยู่ฝั่งคุณโน๊ตครับ (ที่หายไปเกินครึ่ง ซึ่งเป็นฝีมือผมนิดหน่อย แต่ผมก็แบ่งคนอื่นนะ ที่บ้านสอนให้รู้จักแบ่งปัน)
“ม่ายยยย” ซุกซนพูดพร้อมส่ายหัวดุ๊กดิ๊กอย่างตั้งใจกวนประสาท “มันเป็นเกมที่ซับซ้อนกว่านั้นเย๊อะเยอะนะพี่ อัพเดทฐานข้อมูลบ้าง
“เดี๋ยวกูได้ถีบมันจริงๆ”
หลังจากที่ซุกซนโดนด่าจนพอใจ ถึงจะยอมคายข้อมูลออกมาครับ
“เกมนี้ในตอนเริ่มเกมจะวางแก้วไว้ตรงกลาง แล้ววางไพ่คว่ำไว้ วนกันจั่วไพ่คนละใบ ได้ไพ่ใบไหนก็ทำตามคำสั่งวนไปอะ เดี๋ยวผมลากเข้ากรุ๊ปไลน์ วันนี้ที่รอคอย นะพี่ แล้วไปอ่านเอาในนั้นนะ ผมขี้เกียจพูด ง่ายกว่าทำใบเสนอราคาอีก เชื่อผม”
ไอ้กรุ๊ป วันนี้ที่รอคอย คือกรุ๊ปกินเหล้าครับ นำทีมโดยซุกซน ปกติผมปิดโนติฯ กรุ๊ปนี้ไว้ นึกออกมั้ยครับเหมือนเราถูกลากเข้ากรุ๊ปรุ่นที่เขาชวนไปทำกิจกรรมตลอดเวลา แล้วเราไม่เคยไปเลย จะออกก็ไม่ได้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองอยู่ในนั้นทำไม ถามว่าผมเคยไปกินกับ วันนี้ที่รอคอย มั้ยก็เคยอยู่ แต่ไปเพราะซุกซนลากไปตอนที่สมองยังประมวลผลอยู่ครับ
แล้วเกมก็เริ่มขึ้น ทั้งที่ผมยังมึนๆ อยู่นี่แหละ
“ให้เกียรติพี่กฤติเริ่มก่อนเลยละกันครับ โบนัสรอบนี้ขอสัก 4 เดือนนะพี่”
ซุกซนพูดแล้วทำท่าเชิญคุณกฤติลงมาหยิบไพ่ครับ ซึ่งหัวหน้าผมก็ยิ้มๆ เอานิ้วชี้หน้าซุกซนแต่ไม่ได้พูดอะไร โห คนอะไรโคตรเท่เลย ใส่เสื้อเชิร์ต มือถือแก้วที่น่าจะมีเหล้าแล้วยังดูดี ในขณะที่ซุกซนเหมือนทาสเลยครับ หัวหน้าผมเอง ออร่าแบบนี้หัวหน้าผม
“เบอร์ 6”
คุณกฤติชูไพ่ 6 ดอกจิกขึ้นมาให้เห็นทั้งวงแล้วโยนทิ้งไปอีกฝั่ง ซึ่งตามกฏแล้ว ถ้ามีใครจั่วได้ไพ่หมายเลข 6 ผู้หญิงทุกคนในวงต้องดื่มครับ ซึ่งผมก็นั่งปรบมือเชียร์ด้วย เฮ้ เรารอด เฮ้
“เอาแล่วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ใครรู้ตัวว่าเป็นผู้หญิงกระดกเลยครับบบบ น้องซุกซนขอหมดแก้ววว”
“เฮ้!!!!!”
วงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเมื่อสาวสาวสาวสามคนในวงยกซดรวดเดียว ไวมากโดยเฉพาะคุณกุ๊กกิ๊ก ท่าทางคอแข็งอยู่ เจ๋งมาก เท่อะผมชอบ อิจฉาซุกซนจังมีย่ารหัสเท่ๆ ต้องปกป้องสายรหัสด้วยความเท่แน่นอน
“ต่อไปตาพี่ฝนแล้ว หยิบๆๆๆ”
เสียงซุกซนที่ทำหน้าที่เป็นพิธีกรอย่างไม่มีใครขอแต่สามารถทำให้บรรยากาศดูตื่นเต้นขึ้นมาได้ครับ ผมที่ตอนนี้เหล้าหมดคนชงไม่ยอมชงให้ เลยได้แต่นั่งทำหน้ามุ่ย
“ฉันได้ A โพดำ”
“ถ้าได้ A ทุกคนกินคร้าบบบบบบ”
ผมเบะปากเมื่อทุกคนกระดกแล้วแต่แก้วผมว่าง ซึ่งคุณเมฆที่นั่งตรงข้ามเหมือนจะเห็น เขาเลิกคิ้วมองนิดหน่อยเหมือนกับจะถามว่าทำไมผมถึงขมวดคิ้วเป็นเงื่อนตาย ซึ่งมันโคตรน่าหงุดหงิด แล้วยิ่งทำแค่นั้นแต่ดันหันไปยิ้มกับคุณกฤติที่นั่งอีกข้างของเขายิ่งน่าหงุดหงิดมากๆ
ยิ้มอะไร?! เป็นบ้าเหรอ?? อารมณ์ดีขนาดนี้ทำแคมเปญคืนรอยยิ้มก็ได้มั้งไม่ต้องทำงานแล้ว!
“อ้าวแทน มึงกินยังเนี่ย กินสิครับ อย่าเบี้ยวๆ ถึงเป็นมึงกูก็ไม่ปล่อยผ่านนะครับ?”
“จะกินได้ไง แก้วเราว่างอะไม่เห็นเหรอ?” ผมว่าผมก็พูดธรรมดานะ แค่หางเสียงสะบัดนิดหน่อยเพราะหงุดหงิดง่ะ ร้อนด้วย ไม่ใช่แค่วันจันทร์ที่แย่นะ วันนี้ก็แย่ หงุดหงิดอะ
“เลเวลหนึ่งแม่งมาแล้ว”
“เลเวลหนึ่งอะไร คิดว่าอยู่ในมาริโอ้หรือไง เติมเหล้าสิซุกซน!”
ผมเมินเสียง กูว่าแล้ว ของซุกซนที่กำลังเติมเหล้าให้ผมอยู่ครับ ตอนแรกบอกมันว่าจะเอาเพียว แต่ผมเดาว่ามันเสียดายถ้าเหล้าจะมาหมดตรงนี้เลยจับผสมโซดาให้โดยไม่ถามความสมัครใจอีกแล้ว แต่ช่างมันเถอะ อะไรผมก็กินได้ทั้งนั้น ขอเอามาดับความหงุดหงิดตรงนี้ก่อน
หงุดหงิด หงุดหงิด หงุดหงิด หงุดหงิด หงุดหงิด!
เกมดำเนินต่อไปเรื่อยๆ โดยที่คนนั้นคนนี้รอบวงก็จับโดนไพ่ที่มันตลกๆไปเรื่อยๆ แต่ผมไม่ตลกขนาดนั้นอะ ผมหงุดหงิด ยิ่งเห็นคุณเมฆเหมือนจะมองมาแล้วก็ไม่สนใจผมยิ่งหงุดหงิด ไม่เห็นจะสนุกเลย ถ้ามาแล้วจะมานั่งยิ้มให้คนนั้นหัวเราะให้คนนี้ แต่ไม่ยอมพูดกับผมอะไม่ต้องมา ที่นี่ห้องผมนะ ต้องคุยกับผมสิ!
“เบอร์ 4 จ้าาาา”
อันนี้คุณใหม่จับได้ครับ ทุกคนต้องเอาหัวแตะพื้นให้เร็วที่สุด ซึ่งผมที่กำลังนั่งคิดว่ามันจะต้องลงพื้นท่าไหนไม่ให้แก้วหกเลยโดนจับหมวดช้าหนึ่งนายครับ ดูดิ ขนาดคุณฝนอินเดียที่เขารู้กติกาที่หลังผมยังไวกว่าผมเลย อะไรอะ ทำไมไม่มีใครมาคิดว่าจะต้องทำยังไงไม่ให้แก้วหกบ้างอะ มีผมคนเดียวเหรอที่กลัวพื้นเลอะ
“ทุกคนทำไงไม่ให้มันหกอะ?”
“ก็วางแก้วไง โอ๊ย แทนใจโว๊ยยยยยบยยย อ๊องเอ๊ยยยยยย”
“ฮ่าๆๆๆ โถ่ แทนใจลูก”
ซุกซนเจ้าเก่าครับ พร้อมด้วยเสียงหัวเราะในวงเป็นแบ็คกราวด์ ซึ่งทำให้ผมรู้สึกร้อนๆหน้า แล้วยิ่งร้อนไปใหญ่เมื่อทุกคนหัวเราะจริงๆ นั่นรวมถึงคุณกฤติหัวหน้าผม และไอ้คุณเมฆด้วย ผมหน้าตึงเหมือนผ้าปูที่นอนที่ถูกปูใหม่ๆ… เออ จำไว้เลยนะ คุยก็ไม่คุยด้วยแต่มาหัวเราะผมอะ ได้!
“มึงจะรีบแดกไปไหน”
ซุกซนพูดเมื่อผมรีบกระดกเบียร์ที่มันเทมาให้ ไม่รู้อะไรซะแล้ว มาเร็วเคลมเร็วนี่แหละสโลแกนพี่แทนใจเอง
“จะได้รีบๆ เล่นต่อไง ว่าแต่ตานี้ใครจับไพ่อะ?”
ผมเปลี่ยนเรื่องพร้อมละสายตาออกจากสิ่งที่ทำให้หงุดหงิดด้วย มองหน้าซุกซนดีกว่า ถึงแม้จะไม่รู้ว่าดีกว่ายังไง แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าหงุดหงิดเท่าไอ้คุณโปรเจคหมีแล้วครับ
“ต่อไปข้างๆ พี่ใหม่ ก็พี่ปกป้องเลยยยย”
ซุกซนพูดทั้งถือขวดเบียร์ทำเป็นไมค์ไม่ยอมวางเลยครับ เวลาปกติล้งเล้งขนาดไหน ซุกซนเมานี่คูณสิบความบ้งเบ้งเข้าไปเลย เหมือนขนทัวร์สามสิบทัวร์มาไว้ในตัวมันครับ เห็นบอกตอนอยู่มหาลัยเคยรับบทเป็นพี่ว้าก ไม่รู้ว้ากยังไง คงจะทำเสียงดังไปมาแน่นอนครับ
“ได้ 9 แฮะ”
พี่ปกป้องวางไพ่ที่จั่วได้เอาไว้กับกองไพ่จั่วทิ้งอีกฝั่งอย่างผู้ดี แหม่ ผู้ชายคนนี้ทำอะไรก็ดูสะอาดสะอ้าน พี่ผมเองครับ พี่เขาวางเสร็จแล้วมองซ้ายมองขวาเหมือนหาอะไรสักอย่าง ก่อนจะส่งยิ้มให้ทั่ววงแล้วพูดต่อ
“ผมเริ่มได้เลยใช่มั้ย?”
ทุกคน (อาจจะยกเว้นคุณกฤติที่ดูสนุกสนาน และคุณโน๊ตที่เหมือนกำลังเล่นเอ็มวีสวัสดีวันจันทร์นั้นฉันทะเลาะกับลูกค้า) นั่งหลังตรงเพื่อเตรียมตัวเล่นต่อครับ คือตามกฏของเกมนี้ หากมีใครจั่วได้ 9 คนนั้นจะต้องเริ่มพูดคำว่าอะไรก็ได้ขึ้นมา 1คำ แล้วคนที่เหลือจะต้องพูดพยางค์ต่อไปให้คล้องจองกันภายใน 3 วินาทีครับ
ผมเตรียมพร้อมมากกว่าปกติครับ เพราะไอ้ไพ่เลขมรณะนี่แหละ ฆ่าผมมาแล้วนัดต่อนัด
“ปูนา”
พี่ปกป้องเริ่มแล้วครับ เมื่อเริ่มแบบนี้คนต่อไปต้องพูดอะไรก็ได้ ที่มีความหมายและคล้องจองกันภายในสามวินาทีครับ ไม่งั้นก็แพ้ต้องดื่มหมดแก้ว ผมมองซ้ายมองขวาเลียนแบบพี่ปกป้องบ้าง เพื่อพบว่าทุกคนมองมาทางนี้เป็นตาเดียว
อ้าว เอาแล้วไง ตาผมต้องพูดต่อนี่!
“หนึ่ง!!!!”
ซุกซน! อย่านับเร็วสิ! ตอนทำใบเสนอราคาเร็วเท่านี้มั้ยถามจริง?
“ฮาเฮ”
ตาผม! ไม่พลาดครับ!! แทบอยากโทรหาน้องกายแล้วร้องไห้ พี่เองผู้ที่ได้เดอะเฟซ
“เทข้าว”
ซุกซนต่อแล้วครับ เออเร็วจริง ยอมรับก็ได้
“สาวสวย”
ตามด้วยคุณกิ๊ก
“รวยทรัพย์”
คุณโน๊ตตามมาติดๆครับ
“หลับลึก”
ไอ้คุณเมฆ มาทำไม
“คึกคัก”
คุณกฤติ ที่มีมุมน่ารักเหมือนกันครับ คนนี้หัวหน้าผมเอง
“รักนะ”
คุณฝนอินเดียครับ พูดเสร็จหัวเราะด้วย ไม่รู้บอกรักใคร
“ปะแป้ง”
คุณ ใหม่แปซิฟิกตามมาด้วยความน่ารักกุ๊กกิ๊ก
“แกงถุง”
พี่ปกป้องมาในธีมหิวข้าวครับ
ต่อไปตาผมครับ ผมเองที่นั่งข้างพี่เขา อะไรอะ อะไรดี ผมหันซ้ายหันขวาไปก็ไม่มีตัวช่วย อะไรอะ แง้ เอาวะ อันนี้ละกัน
“ลุงตู่”
“น้องแทนใจรู้กกกกกกกก อย่าเล่นรู้กกกกกกกก แม่ยังไม่อยากโดนโพเดี้ยมทุ่มนะลูกกกกกกกก”
“นี่ก็จะปลิวไปด้วยกันเลยใช่ไหมเนี่ย”
คุณกฤติพูดพร้อมทั้งยกแก้วขึ้นดื่ม ก็คนมันนึกไม่ออกอะ ใครมันจะใช้เวลาสามวิคิดสระอุงได้ละ อย่างกับรายการปริศนาสายฟ้าแล็บแป๊ปๆก็วันจันทร์แล้วยังไม่ทันพักเลยอะไรวะเนี่ยแบบนี้ ออกมาคำไหนคำแรกก็อันนั้นแหละ สระอุงลุงๆ มันได้
“คิดคำใหม่เร็วๆเลย”
พิธีกรซุกซนจับไมค์ทองอีกแล้วครับ ความหายนะกลับมาเยือนผมอีกแล้ว แง้ อะไรดี คิดสิแทนใจ โอ๊ย ยากอะ ตายแล้ว ตายแน่ๆ อะไรดี ทำไมสระอุงมันมีจำกัดขนาดนี้ ผมโกรธพี่ปกป้องได้มั้ย ทำไมต้องพูดคำว่าแกงถุง ทำไมไม่พูดแกงป่า หรือแกงกะทิ หรือแกงไก่ใส่พริกไทยร้อยเม็ดแกง คุณป้าบอกว่าเผ็ดใส่พริกเม็ดเดียว คุณยายบอกว่า---
“หนึ่ง!!!!!!!!”
“เอ่อ อ่า … อุ๋งอุ๋ง”
“พ่อมึงเป็นแมวน้ำเหรอ นั่นไม่มีความหมายเว้ย สอง!!!!!!”
“อะไรอะๆๆๆๆ เอ่อ อะ เอ่อ--”
“สาม!!!!!!”
ในขณะที่ผมยังประมวลผมไม่เสร็จ ซุกซนได้นับสามไปเรียบร้อยแล้ว แหงะ เร็วไปหรือเปล่า นาฬิกาไม่ได้คุณภาพหรือเปล่า ยืมใครก็คืนเขาไป ฮือ
ตอนนี้ผมเลยได้แต่นั่งรอชะตากรรมครับ รอบนี้มันเอาเบียร์มาเทให้ผม เพราะคุณเมฆเกิดเสียดายเหล้าหรืออะไรสักอย่างเลยเก็บบลูไปไว้ข้างหลังครับ เอาให้แต่เบียร์ โอ่ย แต่กินผสมๆ กันแบบนี้ ถึงผมไม่ใช่คนเมาง่ายแต่ก็เริ่มหนักๆ หัวแล้วครับ
คืนนี้ท่าทาง ผมจะไม่รอดซะแล้ว
ขอแค่ไม่เมามากจนพรุ่งนีั้ทำกิจกรรมไม่ไหวก็แล้วกัน
“เทให้เพื่อนครึ่งแก้วก็พอมั้งซุกซน”
คุณโปรเจคพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่ดูเหมือนจะหงุดหงิดนิดหน่อยครับ บอกแล้วว่าไอ้คุณเมฆดูเหมือนจะเสียดายเหล้าเหลือเกิน งกนะเนี่ยคนเราอะ ขนาดจะให้เทให้ผมเต็มแก้วยังห้ามซุกซนเลย ซึ่งผมนี่แทบจะหันไปถามว่ายุ่งอะไรกับผมด้วย จ่ายเงินเดือนให้หรือไง?
แต่ทำได้แค่คิดครับ ไม่ได้กลัวนะแค่หน้ามืดนิดหน่อยเลยไม่อยากพูด รู้สึกเหมือนไฟตกนิดๆ ด้วย แต่เมื่อมองซ้ายมองขวาไม่เห็นมีใครรู้สึกอะไร เลยคิดว่าผมคงมึนๆ แล้วจริงๆ
“ขอหมดนะมึง”
ซุกซนท้าทายมา นี่ใคร พี่แทนใจของน้องกายเลยครับ พี่แทนใจเก่งจะตาย น้องกายเคยบอกผมไว้ แล้วผมก็เชื่อมาตลอด เพราะน้องผมไม่โกหกอยู่แล้ว
“ให้กินมากกว่านี้ยังได้เลย”
ผมพูดแล้วยกซดทันทีที่ได้แก้วเลยครับ เสียง เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ พร้อมด้วยเสียงปรบมือเป่าปากคลอมาให้ได้ยินแต่ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ความขมนิดๆ ตามสไตล์แอลกอฮอล์ไหลผ่านคอแล้วลงไปร้อนๆ ที่ท้อง แต่มันก็ดีแบบแปลกๆ นะครับ ผมไม่ได้ชอบดื่มหรือดื่มบ่อยขนาดนั้น แต่เมื่อต้องดื่มกายพร้อมใจพร้อมแทนใจทำได้เสมอ
“ปากเก่ง”
คุณเมฆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรในระบบนิเวศน์พูดขึ้นมาทันทีครับ เมื่อผมหันไปมองหน้าเห็นเขาขมวดคิ้วนิดหน่อยทั้งที่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มส่งให้อยู่ ไม่เกี่ยวทำไมถึงได้---
“ยุ่งเก่ง”
ผมพูดแค่นั้นแล้วทั้งวงก็ตกอยู่ในความเงียบครับ ผมเห็นเหมือนคนนั้นคนนี้มองตากัน แต่มันพอดีกับที่ผมเหมือนได้ยินเสียงคนฮัมเพลงอะไรสักอย่างแบบที่ไม่รู้เรื่องมาจากข้างหลังครับ แต่พอหันไปก็ไม่มีอะไรนอกจากพวกขวดเบียร์ตั้งระเกะระกะอยู่ โหย ใครเป็นต้นคิดการมานั่งกินเหล้าที่นี่นะผมจะโกรธคอยดู เนี่ย แล้วห้องผมก็รกเหมือนผมคุณเจนบัญชีเลย ยุ่งทุกวัน
หลังจากนั้นเคราะห์กรรมก็ยังไม่หมดไปครับ เราเริ่มเล่นกันต่อซึ่งคุณโน๊ตคุยโทรศัพท์แล้วออกจากห้องไปตั้งแต่ผมเริ่มจั่ว (จั่วได้ 2 ซึ่งต้องเลือกคนกินให้ แน่นอนครับว่าซุกซนได้สิทธินี้ ผมนี่แทบจะเอาขวดเบียร์ยัดปากเพื่อน เรารักกันดีครับ ดูก็รู้) คุณกิ๊กจั่วได้ 8 คือเลือกคนที่จะกินสับกันครับ ซึ่งคุณกิ๊กเลือกซุกซนหลานรัก ไพ่ใบนี้คือถ้าคุณกิ๊กต้องดื่ม ซุกซนต้องดื่มแทนตัวเอง แล้วคุณกิ๊กก็ต้องดื่มแทนในกรณีที่ซุกซนต้องดื่มครับ คือสลับกันดื่มนั่นเอง ถ้าลืมต้องดื่มเบิ้ลครับ
“คนคิดเกมนี้โคตรขี้เหล้าเลยอะ ฮ่าๆ”
ผมพูดแล้วไหลไปทางซุกซนอีกครั้ง ตอนนี้ผมไหลไปพิงซุกซนที่ชอบเอาศอกกระทุ้งให้นั่งตัวตรงอยู่เรื่อย จนโดนผมด่า ‘ไอ้บ้า!’ ไปหลายทีจนตอนนี้เริ่มกลายเป็น ‘ซุกซนไอ้นิสัยโคตรแย่เลย บ้าเอ้ย’ ไปแล้ว มันก็ยังไม่เจ็บครับ หนังหนาถึกทนจริงๆ
“แต่กูว่าคนเล่นขี้เหล้ากว่า” อันนี้เป็นเจ๊ใหม่แปซิฟิกที่ตอบกลับ
“คุณโน๊ตตตต ไปไหนมาครับบบบ แทนใจคิดถึง”
ผมพูดตอนที่ประตูห้องเปิดแล้วร่างของคุณโน๊ตสวัสดีวันจันทร์แทรกตัวกลับเข้ามาในห้อง พี่แกมาถูกเวลามากครับ เข้ามาตอนที่จะถึงตาแกจั่วไพ่พอดี
“ผมไปเอาลูกนอนมาน่ะ” นี่แหละนะคุณพ่อลูกหนึ่ง คนเอาครอบครัวมาด้วยก็จะประมาณนี้
“โอโห เป็นครอบครัวที่ดีนะครับ มีคุณพ่อตัวอย่างขนาดนี้”
“เป็นสามีที่ดีด้วยเหมือนกันครับ”
“ผมก็เป็นพี่ที่ดีของน้องแทนกายเหมือนกันเลยครับ ฮ่าๆ” ผมพูดแทรกบทสนทนาของคุณโน๊ตกับหัวหน้าที่คุยถึงครอบครัวครับ เรื่องนี้ขอให้บอกแทนใจครับ มาแน่นอน
“ผมชอบคุยเรื่องครอบครัวมากๆ นั่งคุยกับผมได้นะ ผมจะอวดน้อง น้องผมชื่อแทนกาย ตอนนี้เรียนอยู่เกรด 12 น้องผมเรียนเก่งมากกกกก พี่สาวผมชื่อแทนรัก อายุบอกไม่ได้แต่สวยมากเลยนะครับ พี่ปกป้องก็รู้จัก”
“...”
“อ่าว ทำไมเงียบกันอะ คุยสิ คุยต่อ ไม่คุยก็กินไพ่จั่วเหล้าได้แล้ว!”
“เลเวลสองแม่งมาแล้วเพื่อนกู ไอ้เหี้ยรั่วสัด”
เป็นซุกซนที่พูดครับ หลังจากนั้นเกมก็ดำเนินต่อไป ปรากฏคุณโน๊ตจั่วได้ Jack ซึ่งหมายถึงคนที่จั่วได้จะต้องตั้งกฏอะไรก็ได้ขึ้นมา แล้วทุกคนในวงจะต้องทำตามครับ คุณโน๊ตเลือกให้คนที่ใส่แว่นต้องพูดคำว่าเมี๊ยวลงท้ายไม่ว่าจะพูดอะไรไป 2 ตาครับ คือจนกว่าคุณโน๊ตจะต้องได้จั่วไพ่อีกสองรอบ ซึ่งในวงมีคุณใหม่ พี่ป้อง แล้วก็คุณกฤติที่โดนครับ
ผมก็อือๆ ออๆไปตามเรื่องตามราวครับ ใครให้ทำอะไรก็ทำ ถ้าจั่วมาโดนผมต้องกินก็กินครับ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว นี่พี่แทนใจเลยนะ พี่ชายคนโตของบ้านที่มีน้องชายน่ารักหนึ่งคนเลยนะ!
“กูถามแล้วนะว่ามึงกินเหล้าได้เหรอ …กูเตือนมึงแล้วนะ…. กินตรงหน้าเจ้าของด้วยนะเนี่ย เปรี้ยวนะเราอะ”
ซุกซนหันมากระซิบกับผมครับ กระซิบอะไรไตอนที่มีคนจับได้ไพ่เบอร์อะไรไม่รู้อะ แต่ผมไม่ต้องทำอะไรเลยครับ เพราะถ้าต้องทำอะไรสักอย่างมันต้องมีคนมาบอกให้ผมดื่มแล้วครับ อย่างน้อยก็คนที่พูดอะไรไม่รู้เรื่องอยู่ข้างผมเนี่ย ใครเมาไม่รู้ แล้วใครเป็นเจ้าของอะไรพูดไม่รู้เรื่องอะ นี่ปกครองด้วยระบบแทนใจไม่รู้หรือไง วู้ว
“เปรี้ยวอะไร เราไม่ใช่ส้มเด็กเชียร์เบียร์นมใหญ่ๆที่ซุกซนเคย--- อื้อออออ อ่าเอาอือเอ็มๆอาอิ่ดอ่ากอนอื่นอิ่” (อย่าเอามือเค็มๆมาปิดปากคนอื่นดิ)
“ไอ้เหี้ย!!!! มึงไปล้างหน้าล้างตาเลย เมาแล้วพูดไม่รู้เรื่อง!!!!!”
“เราจำได้นะ น้องส้มอะ ที่ซุกซนบอกว่านมเท่าหัวววววววววว”
ผมทำมืออ้ากว้างๆไปด้วยให้รู้ขนาด ทำไมคนอื่นขำอะไรกันผมขำด้วยละกัน ฮ่าๆ เพราะแทนใจอารมณ์ดีครับ แต่มีคนนึงที่เหมือนจะไม่ค่อยขำเท่าไหร่ แต่ก็ยังยิ้ม ใช่ครับ ไอ้โปรเจคหุ่นหมีนั่นแหละ
“ซุกซนพาเพื่อนออกไปก่อนดีกว่า เฮียว่าเมามากแล้วมั้งนั่น”
ผมถลึงตาใส่ไอ้คุณเมฆตัวหมี หน้าก็หมี ไม่ยอมคุยกับผมแต่ดันมาพูดแบบนี้กับเพื่อนผมเนี่ย ทีเมื่อกี้ยังเหมือนไม่อยากคุยกับผมอยู่เลยนี่ เป็นอะไรอะ อีกอย่างผมอะ
“ไม่ได้เมา”
“แต่เนื้อตัวนี่แดงหมดแล้ว”
“แดงไม่แดงก็ไม่ใช่เรื่องของคุณป้ะ? จะยุ่งเก่งไปถึงไหนเนี่ย เรื่องอื่นได้อย่างงี้มั้ยถามจริงๆ?”
“อูยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
เสียง อูยยยยยยยยยยย ดังมาจากรอบวง นำทีมด้วยไอ้เพื่อนไม่รักดีของผมเองครับ อูยอะไร? นั่งทับหมามุ่ยหรือไง เนี่ยกำลังอารมณ์ดีๆก็ต้องมีเรื่องไอ้คุณเมฆมาให้หงุดหงิดอยู่เรื่อย บ้าบอ! บ้าบอ! บ้าบอมากๆ!
“เป็นอะไรกันอะ? จะเล่นไหมไพ่ ไม่เล่นก็กลับห้องก็ได้นะ แต่ทิ้งเหล้าไว้ผมจะกินต่อเอง”
“กูนับถือมันว่ะ เมาหน้าแดงตัวแดงไปหมด ยังพูดชัดอยู่เลย”
“ก็ลิ้นไก่ไม่ได้สั้นป้ะครับ?”
ผมตอบคุณโน๊ตที่พูดเมื่อกี้ ซึ่งตามมาด้วยเสียง ‘เก่งมากแทนใจเมี้ยว!’ ของคุณกฤติหัวหน้าผมที่โดนคำสาปจากไพ่เมื่อกี้ เหมือนเจ้าตัวจะอารมณ์ดีครับ แต่คุณกฤติหล่อผมจะไม่ว่าอะไร เล่นต่อไปสักพักผมก็ต้องไปห้องน้ำจริงๆ แต่ไม่ได้เพราะล้างหน้านะ แต่เพราะผมดื่มน้ำไปเยอะเกินครับ
แหงะ แดงจริงด้วย
ผมมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกอย่างเซ็งๆ เวลากินเหล้าผมไม่ได้เมาง่ายหรืออะไร แต่ตัวจะแดงมากๆ ครับ แดงแจ๊ดแจ๋เลย เหมือนลูกอมโอเล่เลยครับ เพราะเป็นแบบนี้คนเลยชอบเข้าใจผิดคิดว่าผมเมาเร็ว บางครั้งมันก็ดีในกรณีที่ผมไม่อยากกิน แต่บางครั้งมันก็สร้างความน่ารำคาญให้ผมพอตัว
อย่างเช่นตอนนี้
“แทนใจ เมาแล้วก็เลิกเถอะ”
คุณโปรเจคที่มายืนอยู่หน้าประตูได้ไงไม่รู้พูดทันทีที่เห็นหน้าผม ใบหน้าที่ดูใจดีตอนนี้ขมวดคิ้วนิดๆ ไม่ได้ทำให้ผมกลัวเลย ถึงแม้เขาจะดูเหมือนหมีที่โดนแย่งปลาแซลม่อนหมดโลกจนไม่เหลืออาหารจะกินเลยเกิดอาหารหมีมีปัญหาเวลาหิวก็ตาม
“เป็นพ่อเหรอมาสั่ง?”
เขาดูจะอึ้งไปเล็กน้อยตอนผมสวนเขากลับไปทันทีแบบไม่คิด แต่แค่พริบตาเดียวเท่านั้น เขาก็ดึงสติกลับมาได้รวดเร็ว
“ดื้อ”
“ไม่ได้ดื้อ!”
“แบบนี้แหละที่เรียกดื้อ”
ผมสะบัดมือที่เขาจะเอามาจับตัว ไม่ต้องมายุ่งเลยนะ บอกว่าไม่ต้องยุ่งไง ไม่ยุ่งหมายความว่าไม่ต้องมาจับแก้มด้วย ห้ามจับนะ! ถึงจะแค่ลูบไม่ได้ยืดก็ห้าม!
ในที่สุดผมก็หนีจากคุณเมฆและมือมหันตภัยของเขาได้ เมื่อกลับเข้ามาในวงไพ่แล้ว ผมเพิ่งเห็นว่าคุณใหม่กับคุณนุ่นหายไปแล้ว น่าจะขอตัวกลับไปนอนก่อน เนี่ย ตัวอย่างที่ดี แล้วทำไมพวกนี้ถึงไม่นอนบ้าง เริ่มจากไอ้คุณเมฆก่อนเลย
ทำไมต้องมานั่งตรงข้ามด้วยเนี่ย!
“ตามึงแล้วไอ้อ๊องมีเจ้าของ”
“อะไรของซุกซน เราปกครองตัวเองนะ เมาแล้วพูดไม่รู้เรื่องว่ะ”
ผมเอื้อมมือไปหยิบไพ่เมื่อซุกซนบอกว่ามันเป็นตาผมแล้ว เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้าผมก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ในวงตอนนี้เหลือไพ่อยู่ค่อนข้างบางตา แต่ก็ยังจัดว่าหนาอยู่ ผมสุ่มๆหยิบมั่วขึ้นมาใบนึง อืม ไม่เคยจับได้อะไรดีๆเลยเว้ย
“คิงโพแดง แดงเหมือนหน้ามึงตอนนี้เลย”
ซุกซนแม่งหัวเราะสะใจอัดใส่หูผมที่มีหมื่นล้านคำด่าอยู่ในใจ แต่ตอนนี้ต้องทำตามกฏวงเหล้าก่อน คือไอ้ไพ่คิงเนี่ย เมื่อจับได้แล้วจะต้องให้ทุกคนที่อยู่ในวงเทเครื่องดื่มของตัวเองใส่แก้วเปล่าใบหนึ่ง คนละนิดละหน่อยหรือจะเทหมดก็ได้ ใส่ผสมลงไปเลยครับ ซึ่งคนรับกรรมที่ต้องกำจัดเครื่องดื่มนั้นให้หมดคือคนที่จับได้ไพ่คิงครับ … ผมเอง
“... สีเลวมาก”
ผมมองแก้วที่ซุกซนไปเรี่ยรายน้ำในแก้วจากรอบวงมาครับ ดีนะมีแค่เหล้า เบียร์ โค้ก ในวงก่อนที่ผมเคยเล่นมีคนดันกินน้ำผลไม้ด้วย เป็นบ้ากันไปหมดแล้ว แต่ตานั้นผมไม่โดนครับ เพราะคนที่ไพ่เลือกคือยอดชายนายซุกซนนั่นเอง
“แทนใจ ไม่ต้องกินก็ได้นะ” อันนี้เป็นเสียงพี่ป้องที่พูดอย่างเป็นห่วงครับ โคตรซึ้งเลย นี่แหละพี่ผมเอง
“จริง น้องดูเมามากแล้วนะ ตัวแดงเชียว” อันนี้เสียงคุณกุ๊กกิ๊กครับ เหมือนผมจะได้ยินเสียงโอดครวญว่า ‘น้องแทนใจลูกแม่ตัวแดงแจ๊ดแจ๋แด๊ดแด๋น่ารักน่าแกล้งน่าเลี้ยงมาก โอ๊ย ทำไมน้องกูไม่เป็นแบบนี้มั่งวะ’
นอกนั้นก็มีคุณโน๊ตที่ดูสนุกสนาน แล้วก็คุณกฤติที่มือถือโทรศัพท์เหมือนกับว่ากำลังถ่ายวีดีโอดูสนุกสนานมากครับ ผมเริ่มสงสัยแล้วว่าหัวหน้าผมเล่นยาตัวเดียวกับไอ้คุณโปรเจคหมีช่วงแฮปปี้กับชีวิตหรือเปล่า ยิ้มตลอดเลย เนี่ย แล้วไอ้คุณเมฆก็เข้ามาในความคิดอีกแล้ว ออกไป
ผมตั้งใจมองรอบวงแต่ไม่หันไปทางไอ้คุณเมฆครับ ไม่อยากเห็นหน้า ตอนนี้น้ำสีเหลืองที่ดูไม่มีความน่ากินเลยสักนิดอยู่ตรงหน้า
เอาวะ อึกเดียวเอาให้หมดนี่แหละ!!!!
“อย่า… เพิ่ง!”
ผมว่าผมได้ยินเสียงคุณเมฆร้องห้ามมาจากที่ไกลๆ แล้วก็เสียงโหวกแหวกใกล้ๆ ผมว่าผมได้ยินเสียงสบถของซุกซน กับเสียงกรี๊ดของคุณกุ๊กกิ๊ก ผมกระพริบตาอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่รู้ทำไมหน้าคุณเมฆถึงมาอยู่ตรงนี้ แต่ผมไม่สนใจหรอก เขาไม่สนใจผมนิ ถึงแม้หน้าคุณเมฆที่ลอยอยู่ตรงนี้จะเบี้ยวแปลกๆ แต่ก็ยังหล่อ แต่ผมไม่สนใจหรอกนะ
แล้วก็… ผมว่าผมเริ่มเมานิดๆ แล้วล่ะ
------- TBC -------
เพิ่งเมาก็เพิ่งเมาค่ะน้องแทนใจ หนูว่าไงแม่ก็ว่างั้นค่ะลูก
ช้าช้าเพราะงานถาโถมค่ะ แง้
อัพอีกครั้งน่าจะสัปดาห์หน้าเลย จะพยายามมาก่อนถ้ามาได้นะคะ
แต่อาจจะไม่ 100% ตอนหน้านี่ของยาก แล้วช่วงนี้งานเยอะอย่างกะพายุ กี๊ด ฮือ
สามารถคอมเมนทต์ที่นี่ หรือสกรีมได้ที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @banybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
9th Monday : มุมมองของคนที่รักวันจันทร์ (คุณเมฆเล่าบ้าง) - 100%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์
------- Monday In Love -------
นอกจากผมจะรักวันจันทร์แล้ว
ผมรักใครก็ตามที่จัดให้ห้องของผมกับน้องไม่ห่างกันมากด้วย
เพราะถ้าห้องเราสองคนอยู่กันคนละชั้น หลังผมหักแน่นอนครับ
“หนักอะไรเนี่ย แก้มหรือไงเรา”
ผมเดินแบกแทนใจยังคงตัดพ้ออะไรไร้สาระ (ครึ่งหนึ่งมีคำว่าเหี้ย อีกครึ่งหนึ่งคือชื่อผม รวมกันก็ประมาณไอ้คุณเมฆคนเหี้ย แต่ไม่โกรธหรอก เพราะน้องด่าได้โคตรของโคตรน่ารัก จะเปิดสวนสัตว์มาด่าผมก็ได้ถ้าจะงุ้งงิ้งงุ้งงิ้งแบบนี้) เห็นตัวดูผอมๆความจริงไม่ได้เบาเลยนะ ยิ่งเห็นแบบนี้ผมยิ่งนึกถึงติ้กต่อก กระต่ายอ้วนที่เลี้ยงไว้ เห็นตัวกลมๆเล็กๆพอจับอุ้มนี่หนักใช่เล่นเลยครับ หนักกว่ารูปลักษณ์มันในความคิดผมน่ะนะ
“โอเค ถึงแล้ว”
ผมวางกระต่ายแปะไว้บนโซฟา เจ้าตัวเมื่อลงจากหลังผมก็ไปแปะน้องไว้บนโซฟา ถึงจะน่ารักน่าฟัดแค่ไหนผมยังไม่ทำหรอก ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องเนี่ย
“ฮือ... “
กระต่ายยังไม่หยุดร้องไห้เลยครับ เหมือนกดปุ่มเปิดน้ำครับ ไหลแล้วไหลเลย หาที่ปิดไม่เจอด้วยเนี่ย จิ้มแก้มแล้วจะหยุดร้องมั้ย กลัวจะร้องหนักกว่าเดิมนี่สิ ใจบางเลยครับ หน้าแดงตาแดงจมูกแดงหมดแล้ว ร้องไห้ได้น่ารักเกินไป ไม่จริงเหรอ? แต่ผมว่าจริงนะครับ
ก่อนอื่นผมต้องทำให้น้องหยุดร้องไห้แล้วมาคุยกันดีๆก่อน
“เหนื่อยมั้ยเนี่ยเรา?”
“... เหนื่อย...”
“งั้นหยุดร้องมั้ย?”
“หยุด… ไม่ได้ … ”
แก้มขาวๆมีแต่น้ำตานอง ดูเปียกแฉะเหมือนกับกระต่ายกินน้ำเลอะไปทั่วทั้งหน้า ตอนนี้แยกไม่ออกแล้วว่าควรรู้สึกยังไง โคตรน่าแกล้งน่าสงสารและน่าขยำไปพร้อมๆกัน
แต่ยังหรอก มันยังไม่ถึงเวลา
“อย่าขยี้ตา”
ผมจับมือน้องออกเมื่ออีกคนเอามือไปขยี้ตาเหมือนเด็กสามขวบ นี่ผมชักจะสงสัยแล้วว่าแทนใจมันโตมาจนทำงานอย่างไรให้เหมือนเด็กอนุบาลเข้าปอหนึ่งได้ขนาดนี้ มันน่าหงุดหงิดนะเนี่ย ถ้าไม่มีผมหรือซุกซนแล้วน้องมันจะอยู่บนโลกที่แอร์พอร์ตลิ้งก์มีไม่ให้ขึ้น บีทีเอสเสียทุกเช้าแบบนี้ได้ยังไง?
“ห้ามสั่งนะ! เป็นแค่คุณเมฆห้ามสั่ง คุณไม่ใช่น้องกายนะ แถมไม่หัวหน้าผมด้วย ไม่ใช่ลูกค้าผมอีกต่างหาก เพราะงั้นห้าม!”
พูดไปร้องไปนะ มีมองหน้าด้วย ทำตาดุใส่ด้วย ทำเสียงเข้มด้วย ท่าทางเหมือนไม่พอใจด้วย โคตรน่ากลัวเลยครับ เหมือนติ้กต่อกมากๆ ดุจริงๆ อยากป้อนนมผงเลยเนี่ย
“ครับๆ รู้แล้วครับ” ผมยกมือห้ามทัพ วันนี้จะคุยรู้เรื่องใช่มั้ยวะ น้องแม่งยิ่งฟุ้งซ่านอยู่ “หยุดร้องได้แล้ว ขี้แงนะเนี่ยเรา”
“ไม่ได้ขี้แง! แทนใจเป็นพี่ชายคนโตนะ แทนใจไม่ขี้แง!”
“งั้นบอกพี่หน่อย คนไม่ขี้แงร้องไห้ทำไมครับ”
“ผม… ผมอึดอัด อึดอัดมากด้วย”
“ทำไมถึงอึดอัด?”
“ก็เพราะคุณนั่นแหละ!”
“โอเคๆ งั้นอึดอัดอะไร?”
“ไม่รู้อะ แต่ไม่ชอบเลย ไม่ชอบแบบนี้เลยสักนิด ทำไมอยู่ดีๆก็ต้องทำตัวเปลี่ยนไปด้วย ทำไมต้องเมิน ขนาดลูกค้าเรื่องมากผมยังไม่เมินเลยนะ รับโทรศัพท์ทุกสาย ขนาดคุยกันไม่รู้เรื่องผมก็คุยทุกคนนะ ตอบทุกเมลเลยด้วย ตอบดีมากๆด้วย!”
น้องมันทำเอาซะผมที่เคยที่ทุบโต๊ะใส่ลูกค้าตอนประชุมกันแล้วทะเลาะกันดูสารเลวไปะเลยครับ
“คุณเมินผมทำไม แกล้งผมเหรอ? แกล้งผมไม่ได้นะ! ผมมีน้องชายต้องดูแลนะ ห้ามแกล้งแทนใจ ไม่งั้นผมจะฟ้องคุณกฤติ!”
ไอ้เชี่ยคุณกฤติ มึงอีกแล้ว! ขนาดกูอุ้มกระต่ายกลับมาขังที่ห้องแล้วมึงยังตามมาราวี!
“จะฟ้องพี่ป้องด้วย!”
ไอ้คุณปกป้องด้วย?????
“เนี่ย ก็เป็นซะแบบนี้ สนิทกับเขาหรือไงไปเรียกเขาว่าพี่เนี่ย หืม?”
ผมถามอีกคนไปนิ่งๆ ไม่ได้ตั้งใจจะนิ่งหรอกแต่มันหงุดหงิดนิดหน่อย กระต่ายที่ไม่เคยเรียกผมอย่างอื่นนอกจากคุณ ไปเรียกคนอื่นว่าพี่! พี่!! ทีผมละเอาแต่เรียกคุณเมฆๆ ทำไมวะ จะเรียกผมว่าพี่เมฆบ้างมันยากกว่าเรียกไอ้เชี่ยพี่ป้องอะไรนั่นหรือไงกัน
“ก็สนิทนะครับ ความจริงแล้วผมรู้จักกับพี่ปกป้องมาหลายปีมากๆเลย พี่เขาเรียนเก่งมากเลยครับคุณเมฆ แบบโอโหๆเลยอะ ไม่ต้องนั่งท่องทั้งนิราศภูเขาทองหรือจินดามณีเลยครับ ผมเรียนที่เดียวกับพี่เขา โคตรของโคตรเก่ง ได้โล่เรียนดีกิจกรรมเด่นสองปีซ้อนแน่ะ เก่งมากๆเลยเนอะ พี่ปกป้องของผมเนี่ย น่าอิจฉามากๆเลยเนอะคุณเมฆเนอะ”
แทนใจเหมือนลืมเรื่องเศร้าไปแล้วครับ น้องไม่ร้องแล้ว แต่มาอวยไอ้คุณปกป้องแทน เออ ดี
“เหรอครับ”
“อือ ใช่ๆ แทนใจนะ ชะ--”
ไม่ได้ ผมต้องรีบขวางก่อนที่น้องจะพูดอะไรที่ผมไม่อยากได้ยินออกมา
“ไปล้างหน้าล้างตาเถอะ เนี่ยขี้มูกยืดหมดแล้ว”
“ขี้มูกไม่ยืด! ฮือ อ่าอาอับแอ๊มอิ” (อย่ามาจับแก้มดิ)
น้องโวยวายโบกไม้โบกมือตอนผมดึงแก้ม การดึงความสนใจแทนใจออกจากเรื่องอะไรบางเรื่องมันไม่ยากเลยครับ แค่ดึงแก้มก็เหมือนกดเปลี่ยนช่องทีวีแล้ว ยิ่งถ้าชวนพูดเรื่องอื่นแป๊บเดียวเดี๋ยวน้องก็ปล่อยเรื่องเดิมไป น้องไม่ใช่คนที่จะเก็บเรื่องอะไรมาคิดนาน ถึงบางครั้งจะดูเหมือนคนไม่ค่อยจริงจัง แต่ผมว่ามันถือเป็นข้อดี
เพราะมันแสดงว่า น้องไม่ได้เก็บเรื่องของทุกคนมา ‘คิด’ แบบเรื่องของผม
“เนี่ยดูดิ เลอะคราบน้ำตาหมดเลย ไม่หล่อแล้วเนี่ย”
“ใครจะไปหล่อเหมือนคุณเมฆล่ะ กวนตีนแล้วยังหล่อเลย เป็นบ้าเหรอครับ หล่อบ้าหล่อบออะไร ถ้ามีโรงเรียนสอนห้ามหล่อนี่คุณเมฆต้องไปเข้าคอร์สเลยนะรู้มั้ย เชื่อผมสิผมเป็นพี่ชายคนโตที่เลี้ยงน้องแทนกายมากีับมือนะ เชื่อผมนะ แล้วคุณจะหล่อขึ้นอีก จากที่หล่ออยู่แล้วอะ”
ผมยิ้มกว้างแบบรักษามาดไม่อยู่ ไม่เคยนึกดีใจในหน้าตาที่มีเท่านี้มาก่อน ขอบคุณพ่อแม่มา ณ ที่นี้ครับ
“แต่ๆ คุณเมฆนิสัยไม่ดีอะ หล่อแต่นิสัยไม่ดีไม่ได้นะ! ห้ามนะไม่อย่างงั้นผมไม่ชอบนะ! คุกกี้คุณผมก็จะไม่กินแล้ว กาแฟก็ไม่เลี้ยงด้วย!”
“ครับ น่ากลัวมากๆครับ”
“ใช่ๆ ผมน่ากลัวนะ คุณเมฆก็คิดแบบนั้นใช้มั้ย? ต้องใช่สิเพราะมันคือความจริง แล้วคุณเมฆก็ไม่เถียงผมหรอกใช่มั้ย ใช่แน่นอน ผมรู้ ผมเองก็เริ่มคิดแล้วว่าจะเอาความน่ากลัวนี้ไปข่มขู่พวกลูกค้าเกาหลีบ้าง เดี๋ยวป้ากเดี๋ยวคิมอะไรไม่รู้ นี่เดี๋ยววันจันทร์นี้นะ พอไปถึงที่ทำงานเปิดคอมเสร็จผมจะคลิกขวาแล้วลบเมลทิ้งให้หมดเลย ไม่เอาไม่อ่านอะไรทั้งนั้น กลัวผมบ้างเถอะ ไม่กลัวเดี๋ยวเรากลัวแทนก็ได้”
“แทนใจ พี่ว่าเราเริ่มออกนอกทะเลแล้ว”
“ทะเลที่ไหน นี่เขาใหญ่ไม่ใช่ชลบุรี”
เอาเข้าไป กระต่ายกู กินเหล้าเท่ากับฟุ้งซ่านหรือไงเนี่ย
“ครับๆ เขาใหญ่ก็ได้ พี่ตามใจเราอยู่แล้ว”
ผมลูบหัวกระต่ายอีกครั้งอย่างที่ชอบทำ ตามปกติแล้วแทนใจเขาจะทำหน้าเฉยๆ หรือไม่ก็ทำหน้าอ๊องแอ๊งตามปกติ แต่ครั้งนี้แทนใจกลับพยายามดันผมเข้าใกล้ฝ่ามือผมมากขึ้น คล้ายสัตว์เล็กเวลาที่ต้องการจะอ้อนขอให้เกาพุงหรือขออาหาร
อ้อน!!!
แทน-ใจ-อ้อน!!!!
น่ารัก! น่ารัก! น่ารัก! น่ารัก! น่ารัก!!!!!!
น่ารักเหี้ยๆเลยเว้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ถึงแม้ในใจผมจะอยากไปยืนบนดาดฟ้าตึกใบหยกแล้วตะโกนว่า ‘แทนใจของกูน่ารักฉิบหายเลยเว้ยยยยยยยย’ แต่สิ่งที่แสดงออกไปมีแค่หน้านิ่งๆเท่านั้น คงนิ่งมากไปหน่อยเพราะน้องเงยหน้าขึ้นมามองผมงงๆ สายตาเหมือนจะทั้งออดอ้อนแล้วก็เรียกร้องให้ทำตามความต้องการด้วยในที
ใจเย็นนะ สิทธิกร ใจเย็นๆ ก่อนเมฆ ใจเย็นๆ เว้ย
“ไปห้องน้ำกันครับ”
“ฮื่อ ไปทำไม”
“ล้างหน้าไง ขี้มูกขี้ตาเลอะหมดแล้วเนี่ย เดี๋ยวพี่พาไป”
“แทนใจไปเอง”
“ครับๆ ไปล้างหน้าเองก็ได้ครับ”
ผมคีพลุคเป็นผู้ใหญ่แล้วไล่คนไม่ขี้แงไปอาบน้ำ ซึ่งรอบนี้น้องก็ยอมลุกครับ ถึงแม้จะมีบ่นกระปอดกระแปดบ้างก็ตาม (หลักๆ ก็บ่นไปเรื่อยแบบหาแก่นสารอะไรไม่ได้ แล้วก็บ่นซุกซน กับบ่นผม แล้วก็อวยน้องครับ)
ห้องน้ำโรงแรมถือว่าไม่ใหญ่ไม่เล็กครับ มีเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าอยู่ตรงกลาง ฝั่งขวามือคือชักโครกแบบโล่งเลยครับ ด้านซ้ายห่างไปอีกฝั่งของห้องเลยคืออ่างอาบน้ำ ยังดีที่มีม่านให้หน่อย ถึงประตูห้องน้ำจะเป็นกระจกก็เถอะไม่รู้ว่าคนดีไซน์เขาคิดว่าการใช้ห้องน้ำมันต้องเปิดโล่งกันขนาดไปเพื่ออะไรเหมือนกัน
ระหว่างที่สิ่งน่ารักของผมเข้าห้องน้ำไป ผมก็หยิบมือถือตัวเองขึ้นมาเช็กครับ เข้าเฟสบุ๊คไปให้โนติฯหายก่อน ส่วนแอพอื่นผมไม่ค่อยมีอะไร เกมก็ไม่ได้เล่น โทรศัพท์สำหรับผมคือเครื่องมือสื่อสารอย่างแท้จริง มีไว้คุยครับ ทั้งโทร คุยทางโซเชี่ยลต่างๆ ซึ่งไลน์ที่เด้งรัวนี่ก็คือทางหนึ่งครับ
วันนี้ที่รอคอย (9)
ซุกซน ใจทราม : *สร้างอัลบั้ม ‘ให้เหล้าเท่ากับช่วย’
ชื่อคนสร้างอัลบั้มก็บอกหมดแล้วครับว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องที่สร้างสรรค์ ในขณะที่ผมยืนฟังเสียงบ่นงุ้งงิ้ง (‘แล้วตกลงความดีคืออะไร ป้ากๆคิมๆจะรู้มั้ย รู้อะไรเองบ้างก็ได้ เลิกส่งเมลมาเถอะ เบื่อจะอ่านแล้ว ส่งไปให้ซุกซนบ้างก็ได้’) เมื่อเห็นทางสะดวกว่าน้องยังไม่น่าจะออกมา ผมก็กดเข้าไปดูในอัลบั้มครับ
รูปที่น้องนั่งซบผม หลายรูปมากครับ ความชัดระดับ HD คิดถูกแล้วที่เตะมันออกไปนั่งอีกฝั่ง ถ่ายได้เป๊ะมาก เยี่ยมมากไอ้ซุกซนเพื่อนยาก ในขณะที่ผมกำลังนั่งไล่ดูรูปในอัลบั้ม (และเมินคำแซวของพวกซุกซนในไลน์กรุ๊ป) ก็มีเสียงดังจากฝั่งห้องน้ำ!
โครม!
‘โอ๊ย!’
นั่นไง ปล่อยแทนใจมาจับโทรศัพท์ได้ไม่เกินสามนาที กระต่ายประถมของผมเป็นอะไรอีกแล้ว!
“เจ็บ!!!!”
ผมผุดลุกขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงของหล่นกระทบพื้น พร้อมกับเสียงอุทานของคนที่เพิ่งโดนไล่เข้าห้องน้ำไป ยิ่งเมื่อน้องบอกว่าเจ็บนี่ในใจนึกด่าตัวเอง ไม่น่าปล่อยให้แทนใจไปล้างหน้าคนเดียวเลย รู้ก็รู้ว่าน้องเมาอยู่
“พื้นเหี้ยยยยยยยยยยยยยยย พื้นไม่มีมีความเป็นไทย ไปเลยนะ! ไปท่องสุนทรภู่เลยนะแล้วห้ามท่องผิดด้วย!”
ตอนที่ผมไปถึงห้องน้ำ แทนใจนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนพื้น มือก็ชี้ไปทางอ่างล้างหน้าพลางด่าไปด้วย ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเจ้าตัวคงเดินไม่ดูไปชนเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าแล้วกลิ้งลงไปกองที่พื้นด้วยตัวเองแน่นอน
“แล้วก็ห้ามจำสลับกับจินดามณีด้วยนะ ห้าม!”
ถ้าเป็นเพื่อนผมจะถ่ายคลิปแล้วเก็บเอาไว้แบล็กเมล์มัน แต่พอเป็นแทนใจผมกลับรู้สึกขำ ขนาดไม่รู้ตัวยังทำให้คนอื่นยิ้มได้ น่ารักมากครับ เป็นการด่าก๊อกน้ำที่น่ารักที่สุดแล้ว แล้วการคุยกับอ่างล้างหน้าอยู่คนเดียวนี่ ก็อนาถที่สุดด้วยเช่นกัน
“แทนใจ มานี่มา”
“คุณเมฆฆฆ ดูดิ พื้นเหี้ยอะ พื้นเหี้ยยยยยยยยยยย”
“ครับๆ พื้นเหี้ยครับ”
ผมเออออห่อหมกตามน้องเขาไปก่อนครับ ตอนนี้มิชชั่นแรกคือการหลอกล่อให้น้องทำตามครับ ผมเอาผ้าเช็ดผมผืนใหม่ที่แม่บ้านวางไว้ให้ขึ้นมาชุบน้ำแล้วเช็ดหน้าน้อง (แม่บ้านเขาเตรียมให้สองผืน สำหรับผมกับไอ้เบิร์ด ตอนนี้เป็นของผมทั้งคู่เพราะผมไล่ไอ้เบิร์ดไปนอนห้องอื่นตั้งแต่ได้กุญแจแล้วครับ) คนเมาบึนปากแต่ไม่ได้ขยับหน้าหนีมือผมครับ มีแค่หลับตาปี๋เฉยๆ
เป็นภาพที่น่ารัก จนผมอดยิ้มตามไม่ได้
“เด็กดี”
“ฮื่อ”
“เช็ดยังไงถึงจะหายแดงเนี่ย ตรงเนี้ย”
ผมแกล้งเอาผ้าเช็ดย้ำๆไปตรงแก้มแดงของเจ้าตัว คนอะไรทำไมเหมือนกระต่ายขนาดนี้ น้องมันดูดีขึ้นหน่อย แต่ตายังปรือๆอยู่ ยิ่งการที่แทนใจช้อนตามองผมเหมือนกับจะอ้อนขออะไรสักอย่างนั่นยิ่งทำให้ผมมันเขี้ยวเจ้าตัว อยากจะจับเข้าปากเคี้ยวไม่ให้ใครได้เห็นอีกต่อไป
“คุณเมฆ…”
“ครับ?”
ผมเอาผ้าวางไว้ตรงเคาท์เตอร์ข้างตัว ในห้องเงียบเพียงแค่กระซิบก็ได้ยิน เพราะอย่างนั้นน้ำเสียงแผ่วเบาที่เรียกชื่อผมของตัวแก้มกลมนี่ก็ไม่เกินความสามารถการได้ยินของผมครับ
“ผมไม่ได้รังเกียจนะ”
“ครับ?”
ในห้องน้ำเงียบๆ ที่มีแทนใจกับผมสองคน พวกเรามองหน้ากัน ผมไม่ได้เอ่ยอะไรต่อพอๆกับที่น้องไม่ได้ขยายความคำพูดเพิ่มเติม ในใจผมมีคำถามโง่ๆอย่าง ‘รังเกียจห้องน้ำที่ห้องผมเหรอ?’ ใบหน้าแดงๆของน้องที่ใกล้เข้ามาไม่ได้ตอบข้อสงสัย แถมยังทำให้ความคิดของผมขาวโพลน
เราใกล้กันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ไม่รู้ว่าเพราะน้องยื่นหน้าเข้ามา หรือผมเป็นคนเขยิบเข้าไป แต่ก่อนที่จะรู้ตัว ใบหน้าของเราสองคนใกล้กันจนผมได้ยินเสียงลมหายใจของน้อง รวมถึงเสียงหัวใจของตัวเอง นัยน์ตาค่อยๆหลุบลงต่ำ ตอนนี้ผมเห็นแพขนตาเรียงกันชัดเจน ผมประหม่าเล็กน้อย เกือบจะเอามือขึ้นไปเซตผมกับลูบคางว่าโกนหนวดเกลี้ยงมั้ย
ผมอยากจะเพอร์เฟคที่สุดในสายตาของแทนใจ
ทั้งที่อยากจะจ้องมองให้มากกว่านี้แต่โอกาสไม่ได้มีมาบ่อยๆ น้องค่อยๆหลับตาพร้อมทั้งเผยอปากออกมาเล็กน้อย ริมฝีปากสีสดนั่นทำให้สัญชาตญาณไปก่อนที่สมองจะสั่งการ
ริมฝีปากของพวกเราก็บรรจบกัน
“อืม-“
ผมค่อยๆบดริมฝีปากช้าๆ ตื่นเต้นอย่างกับเด็กสาวมอต้นเพิ่งจูบครั้งแรก มันดีมาก ท่าทางเงอะงะเหมือนกับไม่รู้จะต้องจูบตอบอย่างไรทำให้ผมนึกเอ็นดูอยู่ในใจ การนำจังหวะไม่ได้ยากมากนักแม้นักเรียนจะเป็นแทนใจก็ตาม และเพราะเป็นแทนใจ ผมถึงได้ต้องต่อสู้กับตัวเองอย่างหนักไม่ให้จับน้องกลืนเข้าไปทั้งตัว
“อื้อ!”
ต้องยอมละปากออกมาเพราะอีกคนเหมือนจะจูบต่อไม่ไหว ไม่ถือว่าแปลกสำหรับครั้งแรก ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองแต่ท่าทางเก้ๆกังๆนั่นยังไงก็คงไม่ได้เชี่ยวชาญการจูบกับคนอื่นมากนัก ยิ่งใบหน้าของน้องที่แดงเหมือนโดนสาดสีกับสายตาแบบนั้นมันโคตรอันตรายเลย อันตรายมาก!
“...”
“…”
พวกเราเงียบใส่กัน น้องคงรอให้ผมพูดอะไร(หรือทำอะไร)สักอย่าง ในขณะที่ผมเองก็จ้องมองใบหน้าอีกคนเงียบๆ กระต่ายของผมโคตรน่ารัก น่ารักจนไม่รู้จะใช้คำไหนมาบรรยายแล้ว อยากจะลุกไปหยิบโทรศัพท์มาถ่ายวิดีโอเก็บไว้ แต่ไม่อยากให้เสียบรรยากาศ
“หยุดทำไม?”
“จะต่อเหรอ?”
ถึงแม้ผมจะตอบคำถามด้วยการถามกลับ แต่น้องก็พยักหน้า เด็กสบตาผมแป๊บเดียวก็ผลุบลงต่ำเหมือนกับไม่กล้าสู้สายตา เพราะผมจ้องน้อง มองทุกกิริยา อยากจะเก็บทุกภาพตอนนี้เข้าสมองให้หมด
โคตรน่าขยำ! น่ารัก น่าขยำ น่ารัก น่าขยำ!!
“ก็… มันดี”
“...”
“ ขออีกครั้งนะ”
อันตราย! แทนใจ เป็นความน่ารักที่โคตรอันตราย!
“เฮ้ย!!”
น้องร้องอย่างตกใจเมื่อผมดันน้องให้ไปติดผนังห้องน้ำ ตอนนี้ไม่ว่ากระเบื้องลายดอกกล้วยไม้จะสวยแค่ไหนก็ไม่น่าสนใจเท่าเด็กตัวแดงตรงหน้า พวกเราจูบกันอีกครั้ง กระต่ายของผมก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ตอนนี้ทุกอย่างหายไปจากสมองผมหมดแล้ว เหลือแค่สัญชาตญาณที่ถูกความต้องการครอบงำ
“น่ารัก”
ผมกระซิบข้างหูน้อง อีกคนตัวสั่นแต่คู่นั้นที่เมื่อครู่จับแก้วเหล้ากระดกอย่างลำยองตอนนี้ลูบต้นคอผมแบบเก้ๆกังๆ ทั้งที่น้องก็ไม่ได้อาบน้ำ กลิ่นสุราจางๆผสมกับกลิ่นน้ำหอมของน้องมอมเมาผมได้ดีกว่าเบียร์ทั้งโรงงานเสียอีก แถมส่วนที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมายังดูชมพูไปหมด
แม่งเอ๊ย จะน่ารักไปถึงไหนกันวะ!
“อย่ากัดแรงสิ เจ็บนะ”
ผมเผลอกัดผิวเนื้อตรงหน้าอย่างที่ใจคิด ด้วยแรงมันเขี้ยวและเมาความน่ารักเลยหน้ามืดตามัวลงน้ำหนักมากเกินไปนิด น้องเลยประท้วงด้วยการส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ แต่ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น
“ขอโทษๆ พี่ขอโทษนะครับ”
ผมจูบหลังคอน้องเบาๆ พยายามจะทดแทนความเผลอลงแรงไปเมื่อครู่ แทนใจคือตัวน่ารักที่อันตรายมากเกินไป ซึ่งน้องดูเหมือนจะไม่ถือสาเอาความ ผมบอกแล้วว่าเด็กคนนี้น่ารัก
“อืม…”
พวกเราจูบกันอีกครั้ง และอีกครั้ง มือของผมสำรวจไปทั่วร่างกายก่อนที่จะได้ทันคิด พยายามจะจดจำทุกวินาที ผมอยากทำมากกว่านั้นแต่ก็อยากจูบกับน้อง อยากมีสิบมือเพื่อที่จะจับน้องให้ได้ทุกส่วนพร้อมกัน ซึ่งน้องเองก็เรียนรู้เร็วใช้ได้ ตอนนี้กระต่ายคัดฟันเริ่มเลียนแบบการ ‘กัด’ ผมบ้างแล้ว
“ฮื่อ มือคุณเมฆเย็น”
ผมชะงักมือที่กำลังปลดเสื้อน้อง (ตอนไหนไม่เห็นรู้เลย) ชั่วขณะที่กำลังคิดว่าจะหยุดดีหรือจะไปต่อดี น้องก็สานต่องานที่กำลังทำอยู่เมื่อครู่ นั่นคือการพยายามที่จะถอดกางเกงผม ถือว่าเรียนรู้ได้เร็วใช้ได้
“เย็นแป๊บเดียว”
“ไม่ชอบเย็นๆ เวลาที่กินอะไรเย็นๆแล้วชอบปวดจี๊ดๆขึ้นไปบนหัวเลย”
น้องบ่นงุ้งงิ้งไร้แก่นสารเหมือนทุกที จนผมอดจูบปิดปากน้องอีกครั้งไม่ได้ ผละออกมาเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจขาดห้วงแล้วประกบลงไปใหม่ทันที ให้ตาย รู้สึกว่าตัวเองเป็นพวกโจรห้าร้อยล่อลวงเด็กประถมอย่างไรชอบกล ผมหยุดอีกครั้ง เมื่อคิดถึงความจริงว่านี่ผมกำลังล่อลวงน้องอยู่มั้ย
“ทำต่อสิ”
“…”
“มันเย็น แต่ทำอีกได้นะทนได้”
“เรารู้ตัวใช่มั้ยว่ากำลังทำอะไรอยู่กับพี่?”
นี่คือสิ่งที่ผมต้องการจะมั่นใจ ถ้าหากจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ต้องมาจากความตั้งใจของอีกคน
ทันทีที่จบประโยค ปีศาจความเงียบโรยตัวปกคลุมระหว่างเราทันที ชั่วเสี้ยววินาทีผมรู้สึกเหมือนกับทำพลาดครั้งใหญ่ แต่เมื่อคิดอีกครั้งมันถูกต้องแล้ว เพราะผมจะยอมไม่ได้หากทั้งหมดนี้คือความผิดพลาด
น้องเงียบกัดปากเหมือนกำลังใช้ความคิด (แม่งเอ๊ย โคตรน่าจูบ เย็นไว้นายสิทธิกร เย็นไว้ก่อน น้องแม่งไม่ได้ยั่ว อย่าเพิ่งตื่น ใจเย็นๆ) คนที่ตัวแดงไปหมดยิ่งแดงมากขึ้นเมื่อทำท่าจะเค้นสิ่งที่ติดอยู่ในใจออกมา แต่ถ้าวันนี้ไม่รู้เรื่องผมก็ไม่ไปต่อหรอก
“ไม่พูดได้มั้ยอะ ผมเขิน”
น้องก้มหน้า เหมือนพยายามจะหลบสายตา แม่งเอ๊ย น่ารักจนอยากจะเอาใส่พานแห่รอบกรุงเทพฯ แต่ไม่ทำหรอก หวง แผ่รอบห้องเอาไว้ดูคนเดียวก็พอ
“ไม่ได้ครับ”
“ผมไม่ได้รังเกียจพี่”
“…”
ในที่สุดแทนใจก็ยอมเงยหน้าขึ้นมา น้องสบตาผม หน้าแดงตัวแดงจนผมชักสงสัยแล้วว่าน้องจะหยุดแดงเมื่อไหร่ ทั้งที่ตัวเราสูงไม่ต่างกันมากมายแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าแทนใจเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักน่าเอ็นดูได้มากขนาดนี้กัน
“มันรู้สึกดี… อยากทำแบบเมื่อกี้ต่อ อยากทำกับพี่เมฆ”
ความตั้งใจของผมที่จะพาน้องมาล้างหน้าล้างตา และกล่อมนอนให้หยุดร้องไห้ พังราบเป็นหน้ากลองทันที
------- TBC -------
ตอนหน้าแทนใจบรรยายแล้วค่ะ 555555
ในตอนหน้าเราจะมาตอบคำถามที่คนถามไว้นะคะ ใครมีคำถามตรงไหน หรืออยากรู้อยากได้อะไรถามไว้ได้ทุกช่องทางนะคะ เราจะเขย่าๆรวมกันแล้วมาตอบทั้งหมดเท่าที่จะตอบได้แบบไม่สปอยล์เนื้อเรื่องในตอนหน้าค่ะ XD
สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
11th Monday
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์
“ปกติโปรเจคฯเลิกเร็วเหรอครับ?”
“ไม่นะ ก็เลิกเท่าออฟฟิศปกติ”
“งั้นทำไมคุณพี่เมฆออกมาได้ล่ะ นี่ยังไม่ 5 โมงเลยนะ?”
ผมถามตามที่ผมสงสัย ในขณะที่พยายามจะแตะคีย์การ์ดเข้าห้อง นี่ยังไม่ใช่เวลาเลิกงาน แล้วคุณพี่เมฆมาตรงนี้ได้ไงอะ?
ตามปกติบริษัทเราเข้า 9 โมงเช้า เลิก 5 โมงเย็นครับ ซึ่งน่าเบื่อมากเพราะไม่ว่าจะแตะบัตรเข้างานหรือตอกบัตรออกงาน เป็นเวลาที่รถติดทั้งนั้น ลองผมเป็น HR นะ ผมจะเสนอให้เข้างานบ่ายสอง ออกงานบ่ายสาม นี่ไง ลดปัญหาคนมาทำงานสายได้ด้วย เพราะเราจะเข้าออฟฟิศกันบ่ายครับ
ยังไม่ทันที่ผมจะได้คำตอบอะไรสักพักประตูก็เปิดออก แล้วห้องที่ยังไม่ได้เก็บกวาดของผมก็ออกสู่สายตาประชาชนชาวออฟฟิศที่ชื่อคุณพี่เมฆ มันไม่ได้รกเหมือนบ้านบอลที่ฝูงเด็กไปทำรกหรือโต๊ะทำงานซุกซน แต่มันไม่ได้เป็นระเบียบเท่าไหร่ คือมันเรียบร้อยได้มากกว่านี้น่ะครับ
“โห นี่ซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ย”
ถุงที่เขาอุตส่าห์โทรมาบอกว่าจะฝากนิติอาคารเอาไว้ปรากฏสู่สายตาของผม คือของมันเยอะมากๆเลยครับ สามถุงใหญ่ได้มั้ง เยอะในเลเวลที่ผมว่าผมไม่ได้แค่เป็นไข้หวัดธรรมดาแล้ว ผมน่าจะผ่าตัดดูดไขมันที่แก้มออกนอนพักฟื้นที่ห้องสองเดือนก็ยังกินของเยี่ยมคุณพี่เมฆไม่หมดน่ะครับ
ว่าแต่แค่ดูดไขมันแก้มมันพักฟื้นนานขนาดนั้นมั้ย? มีแบบดูดเย็นวันศุกร์เช้าวันจันทร์ทำงานต่อได้เลยหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นผมแอบสนใจครับ อยากทำแต่ป้ากๆคิมๆทั้งหลายไม่ยอมให้ผมดองอีเมลนานๆแน่นอน
“อ๋อ พี่ซื้อมากินเองอะ”
อ่าว แล้วเขาจะแบกมาหาผมทำไมอะ?
ผมเงยหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามมองคุณพี่เมฆ ซึ่งตอนนั้นเองที่ได้รู้ว่าเขาแกล้ง เพราะไอ้คุณพี่เมฆกำลังยิ้มขำอยู่ ตลกอะไรอะ คนป่วยยังแกล้งได้ ใจร้ายมากๆ
“หลอกผมอะ”
“ก็เราไม่ยอมนอน ถ้าเราไปนอนพี่ให้กินหมดเลยเนี่ย”
“ผมไม่ใช่เด็กนะ”
“แต่ก็ไม่ยอมนอน”
คุณพี่เมฆเอามือจับแก้ม ซึ่งมันรู้สึกดีแปลกๆ อาจจะเพราะถ้าวัดไข้ปกติต้องใช้หลังมือแตนี่คุณพี่เมฆเอาฝ่ามือกุมแก้มผมไว้ข้างหนึ่ง วิธีนี้แปลกดี เหมือนจะทำให้แก้มผมอุ่นขึ้นอีกหน่อย แต่มันเป็นความอุ่นที่ดีจังเลย
“เนี่ยยังร้อนๆอยู่เลย ไปนอนไปแทนใจ”
ผู้บุกรุกห้องพูดแทรกความคิดผม แถมยังใจร้ายไล่ผมไปนอนในขณะที่ตัวเองเดินหอบถุงใบใหญ่เข้าครัวไป เจ้าของห้องผู้ยิ่งใหญ่อย่างผมที่เป็นพี่ชายน้องกายเดินตามไปด้วย เบื่อจะนอนแล้ว วันนี้นอนมาทั้งวันแล้ว อยากทำอย่างอื่นนอกจากนอนหลับกับนอนส่องเฟซบุ๊คคนอื่นบ้าง แต่จะให้ไปแสดงความยินดีที่เกาหลีรวมประเทศก็ดูจะยิ่งใหญ่เกินไป เอาเป็นแค่นั่งรอเลือกตั้งอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน
“พี่ไม่แน่ใจว่าเราชอบทานผลไม้อะไร เลยซื้อมาแบบกลางๆก่อน”
“...”
ผมดูผลไม้กลางๆของเขา แล้วอะไรคือผลไม้กลางๆวะ มันมีผลไม้ข้างๆ หรือผลไม้ขอบๆด้วยเหรอ? ผมคิดในใจแล้วส่ายหัวเมื่อรู้สึกเองว่าความคิดแบบนี้มันแว๊บเข้ามาในหัวได้ไง ไร้สาระมากอะ รู้สึกเหมือนตัวเองคิดเหมือนซุกซน ซึ่งนั่นไร้สาระมากเลยนะ
“แอปเปิล ส้ม กีวี่ องุ่น กล้วย แล้วก็มีพวกน้ำผลไม้ พี่ไม่รู้ว่าแทนใจปกติทานน้ำอะไร—“
“ลาเต้”
“นอกจากลาเต้สิครับ เราป่วยอยู่นะ”
“ป่วยกับไม่ป่วยก็ดื่มน้ำวิธีเดียวกันนะคะ--- โอ๊ย เอ่บบบบบบบบบบบบ” (“โอ๊ย เจ็บบบบบบบบบบบบบ”)
คุณพี่เมฆพูดต่อ แล้วเอามือยืดแก้มผม เจ็บบบบบบบบบบ ผมพยายามเอามือตีๆแขนคุณพี่เมฆเพียะๆ ซึ่งได้ผลเพราะเขาปล่อย น่าภูมิใจนะครับ ขนาดป่วยแรงยังเยอะ นี่ใคร! แทนใจพี่ชายน้องแทนกายเลยนะ!
Rrrr
ตอนที่กำลังสู้ด้วยคุณธรรมทั้งหมดที่มีเพื่อให้แก้มผมเป็นอิสระนั้น โทรศัพท์คุณพี่เมฆก็ดังขึ้นพอดี ทำให้เขาผละออกจากแก้มผมแล้วไปวุ่นวายกับโทรศัพท์บริษัทแทน ทำไมถึงรู้ว่านีเครื่องบริษัทน่ะเหรอ? ผมจำได้ครับ คุณพี่เมฆพกโทรศัพท์สองเครื่อง เครื่องสีขาวเป็นของส่วนตัวส่วนอีกเครื่องไม่ใช่
“สวัสดีครับคุณจักรเกษตร… ครับ …คุยได้ครับ ผมอยู่ออฟฟิศครับ”
โกหก! คุณพี่เมฆขี้โกหก!
แต่ผมเข้าใจนะ เพราะผมทำบ่อยมากครับเวลาที่สายแล้วในไลน์กลุ่มที่ทำงานถามว่าแทนใจอยู่ไหนแล้ว ซึ่งผมก็มักจะตอบว่าอยู่ข้างล่างออฟฟิศครับรอลิฟต์อยู่ ตอบบนมอไซต์นี่แหละครับ หนักสุดก็บอกว่าท้องเสียอยู่ห้องน้ำ แต่ไม่ได้บอกเขานะว่าห้องน้ำที่บีทีเอสสยาม ขอยามเข้าครับ
“เครื่องมันอาการเป็นยังไงบ้างครับ ที่มีปัญหาคือแค่ส่วนที่บอกมาใช่มั้ยครับ? ตรงเครื่องอื่นในไลน์ผลิตมีปัญหาอะไรมั้ยครับ?”
คุณพี่เมฆขมวดคิ้วท่าทางจริงจัง ผมเลยเงียบแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นแทน ห้องที่ผมอยู่ก็คอนโดธรรมดานี่แหละครับ แต่มีแยกโซนเป็นห้องครัว กับโซนห้องนอน ออกจากพื้นทีรับแขกด้านนอก น้องกายเป็นคนช่วยเลือก ส่วนคุณพ่อคุณแม่แล้วก็พี่รักคอยดูเรื่องทำเล สัญญา แล้วก็อื่นๆ ส่วนผมอะไรที่ทุกคนว่าดีผมว่าดีทั้งหมดเลยครับ
ตอนที่ผมเปิดปิดตู้เย็นอย่างไร้ประโยชน์เป็นรอบที่สามแล้วนั้น เลยคิดได้ว่าห้องมันออกจะเงียบไปหน่อย เพราะแขกไม่ได้ให้ความสนใจผมขนาดนั้น เรื่องในโทรศัพท์ของเขาดูท่าทางจะเครียด เพราะเขาปอกแอปเปิลไปครางตอบรับลูกค้า “ครับ ครับๆ ครับๆพูดต่อเลยครับ” เสียงจริงจังไปด้วย
“คุณจักรเกษตรลองปรับการตั้งค่าของเครื่องดูนะครับ”
“...”
คุณพี่เมฆพูดพร้อมกับล้างกีวี่ อะไรวะเมื่อกี้ยังเห็นปอกแอปเปิลอยู่เลย ทำไมมันเสร็จไวจัง ? นี่เชฟเมฆเหรอ? ไปแข่งทำอาหารมั้ยหรือยังไง ไม่ต้องเป็นแล้วโปรเจคฯ ไม่ต้องดูแลเครื่องจักร ไปดูแลกระทะกะละมังหม้อไหดีกว่า ไปเป็นคุณพี่เมฆกระทะเหล็ก!
“ครับ โอเค ตรงหน้าจอมันขึ้น alarm อะไรบ้างครับ?”
“...”
ผมมองอีกคนอย่างทึ่งๆ เขาคุยเรื่องงานเครียดๆไปพร้อมกับปอกกีวี่ได้ไงวะ? ลองเป็นผมนะมีดบาดนิ้วตั้งแต่เริ่มคิดที่จะคุยโทรศัพท์แล้วครับ แถมถ้าเป็นเรื่องงานนี่อย่าว่าแต่คุยพร้อมกับปอกผลไม้ แค่นั่งคุยเฉยๆผมก็ขอบายแล้วครับ คิดแล้วจะร้องไห้ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีกแล้ว
“มันยังสรุปยากครับว่าปัญหามันจะมาจากตัวเครื่องหรือว่าตัวซอฟต์แวร์ เพราะต้องลองเช็กลงไปอีกครับว่าที่มันเกิด alarm ขึ้นนี่เพราะตัวซอฟต์แวร์มันมีปัญหา หรือตัว part บางส่วนเกิดพังหรือชำรุด เครื่องมันเลยโชว์ alarm ขึ้นมาน่ะครับ”
ตอนนี้คุณพี่เมฆแกถลกแขนเสื้อจัดผลไม้ใส่จานแล้วครับ พอผมจะไปช่วยก็โดนดีดเหม่ง ไรอะ! นี่ห้องผมนะ ครัวก็ครัวผม ผลไม้ที่คุณซื้อมาก็มาเยี่ยมผมไม่ใช่เหรอ?! แล้วมาถือวิสาสะดีดเหม่งผมได้ไงเนี่ย
“นอกจากที่เป็นอยู่นี่ เครื่องเคยมี alarm แบบนี้เกิดขึ้นมั้ยครับ?”
เขายังมีสติอยู่ตรงนี้มั้ย?
ผมคิดแล้วก็ลองไปโบกมือหน้าคุณพี่เมฆที่เหมือนกับจะขมวดคิ้วเครียดอยู่ เพราะถึงกับวางผลไม้มาใช้สมาธิคุยโทรศัพท์อย่างเดียว ผลคือเขาก็ตอบคนในโทรศัพท์ไปด้วย แล้วเอามือยืดแก้มผมไปด้วย บ้าเอ๊ย! คุณครูสมัยอนุบาลไม่บอกเหรอว่าอย่ารังแกคนป่วยน่ะ ห้ามเลยนะ!
ผมก็สู้สุดใจด้วยแรงชายชาตรีครับ ตีคุณพี่เมฆเพียะๆอย่างไม่ย่อท้อ! ปล่อยสิวะ ปล่อยนะ ปล่อยผม!
“โอเคครับ”
เขาเลิกดึงแก้ม แล้วเปลี่ยนมาเป็นลูบหัวผมแทน ฮือ ดีจัง ชอบมากเลยครับเวลาที่คุณพี่เมฆลูบหัวผมเนี่ย
“ยังไงคุณจักรเกษตรลองส่งรูปมาทางอีเมลผมนะครับ เดี๋ยวผมจะไปถามกับทางทีมเซอร์วิสให้ แล้วผมจะใส่คุณเอาไว้ใน cc ด้วยนะครับ เผื่อว่าทางนั้นตอบอะไรกลับมาแล้วผมไม่เห็น ทางคุณจะได้เห็นเลย ผมอาจจะต้องขออนุญาตเอาเบอร์ของคนที่อยู่หน้างานให้เขาไป เผื่อจะติดต่อนะครับ ...”
ผมฟังถึงแค่นั้นแล้วเดินออกมาเมื่อถูกคุณพี่เมฆไล่ออกไปจากห้องครัว เลยหนีไปนั่งอยู่บนเตียงเหมือนเดิม คือนี่เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามันเป็นห้องผมจริงๆ หรือเปล่า แต่เพราะผมขี้เกียจหาคำตอบของปริศนาธรรมนี้ (และคิดว่าไม่น่าจะสู้คุณพี่เมฆชนะ) เลยยอมถอยไปนั่งกอดผ้านุ่มบนเตียงแล้วไถมือถือไปด้วย
เอาจริง ตั้งแต่คุณพี่เมฆมาที่ห้องนี่ผมยังไม่ได้แตะมือถือเลยนะเนี่ย
16.30 น.
sky: พี่แทนใจครับ
sky: ผมสอบเสร็จแล้ว
sky: พี่แทนใจไปโรงพยาบาลหรือยังครับ?
น้องกายตรงเวลามากครับ เลิกสอบปุ๊บทักผมมาปั๊บเลย แต่ผมเข้าใจน้องนะ เราสองคนห่วงกันแบบนี้มากๆตั้งแต่เด็กแล้ว มีพี่แทนรักอีกคนหนึ่งด้วย เมื่อก่อนนี้ใครป่วยอีกสองคนแทบจะไม่อยากไปโรงเรียนเลย เฮ้อ พูดแล้วก็คิดถึงน้องกาย อยากกอดน้องกาย อยากกินเต้าฮวยด้วย อยากกินแซลมอนด้วย อยากเลือกตั้งด้วย
Tanjai: พี่หายแล้วครับน้องกาย
Tanjai: พี่ชายของน้องกายแข็งแรงจะตาย
Tanjai: *สติกเกอร์หมีชูนิ้วโป้ง*
sky: ผมไม่เชื่อพี่แทนใจได้มั้ยครับเนี่ย
Tanjai: ไม่เอาไม่คุยเรื่องป่วยแล้ว
Tanjai: สอบวันนี้เป็นไงมั่งครับ? น้องกายของพี่ทำได้หรือเปล่า?
หลังจากนั้นบทสนทนาของผมกับน้องก็เป็นเรื่องของการสอบวันนี้ครับ น้องบอกว่าน้องทำได้หมดยกเว้นวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งปกติผมจะคอยสอนน้องครับ แต่น้องผมหัวไวมากๆ พูดอะไรแป๊บเดียวรู้เรื่องเลยครับ ผมนี่คิดถึงสมัยเด็กเลย ถ้าผมหัวไวแบบนี้ตอนแอดมิชชั่นนี่ผมคงจะติดมหาลัยได้ง่ายๆแน่นอนครับ
ซึ่งปกติผมจะสอนน้องเอง แต่ตั้งแต่ผมทำงานเต็มตัวนี่เวลาสอนผมน้อยลงเยอะครับ ผมเลยให้น้องเรียนพิเศษกับติวเตอร์แทน
‘ก๊อกๆ’
“เข้ามาได้เลยครับ”
คุณพี่เมฆที่วางโทรศัพท์แล้วเดินเข้ามาพร้อมกับจานผลไม้ แล้วก็ข้าวต้มในถาดเดียว ผมนี่ตาโตเลยครับ กลิ่นมันหอมมากๆ ผมมัวแต่ป่วยจนผมลืมไปเลยว่าวันนี้ยังไม่ได้กินอะไรนอกจากโจ๊กกระป๋องใส่น้ำร้อนโง่ๆ พอมีอาหารกลิ่นยั่วยวนผมก็อดน้ำลายสอไม่ได้
“เรายังไม่ได้ทานอะไรนอกจากโจ๊กเลยใช่มั้ยเนี่ย?”
“คุณพี่เมฆรู้ได้ไงอะ!?”
“คุณพี่เมฆ?” อีกฝ่ายทวนสรรพนามพร้อมเลิกคิ้ว แล้วพูดเรื่องที่ค้างไว้ต่อ “ก็ไม่เห็นมีจานวางในซิงก์ แถมไม่ได้มีอะไรในถังขยะนอกจากโจ๊กคัพไง พี่เลยเดาเอาว่าเรายังไม่ได้ทานอะไรน่ะสิ น่าตีจริงๆ”
เลิกทำงานออฟฟิศ ไปเป็นนักสืบกระทะเหล็กมั้ย แบบสืบไปด้วยทำอาหารไปด้วยอะไรแบบนี้น่ะครับ
“หอมจังเลย”
ผมพูดเมื่อมองถาดอาหารทีคุณพี่เมฆวางไว้ที่โต๊ะญี่ปุ่น ดีมากที่มันไม่ใช่โจ๊ก คนที่ป่วยแต่เริ่มจะหายแล้วไม่อยากกินโจ๊กหรอกครับ ผมอยากกินโจ๊กแค่ตอนเมาแล้วต้องการอะไรมาทำให้สร่างเท่านั้นแหละครับ
“เห็นเราชอบทานแซลมอน พี่เลยซื้อข้าวต้มแซลมอนมาให้”
“คุณพี่เมฆไม่ต้องก็ได้นะ ผมเกรงใจง่ะ”
“พี่จีบเราอยู่นะ ให้พี่ทำคะแนนหน่อยสิครับ”
แค่พูดอย่างเดียวไม่ต้องมองตาก็ได้มั้ย พอมองตาแล้วอมยิ้มนิดหน่อย แค่ทำแบบนี้แล้วทำไมหัวใจผมมันต้องกะยึกกะยักขนาดนี้ก็ไม่รู้
ไอ้คุณพี่เมฆ! ผมป่วยอยู่นะ ห้ามทำคนป่วยให้รู้สึกกะยึกกะยักสิ ห้ามเลยนะ!
------- 50% -------
สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
11th Monday - 100%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์
“เราอยู่คนเดียวเหรอ?”
“ใช่ครับ”
“ไม่เหงาเหรอ?”
“ม่ายยย”
ผมกำลังนั่งจัดการข้าวต้มแซลมอนของคุณพี่เมฆอยู่บนพื้นอย่างเชื่องช้า เพราะต้องคอยตอบคำถามโปรเจคฯขี้สงสัยที่ตอนนี้นั่งอยู่บนเตียง เขาไม่ได้มองผมกินเหมือนพระเอกหนัง แต่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังเล่นโทรศัพท์มือถือไปด้วยคุยกับผมไปด้วยครับ
ผมเข้าใจนะ เพราะผมเองก็เป็นเหมือนกัน สมัยนี้คนติดมือถือครับ บางคนติดโซเชียล บางคนติดแฟน บางคนเล่นมุกมากๆก็เสี่ยงติดคุกได้ครับ อันตรายมากจริงๆเทคโนโลยีสมัยนี้
“เวลาว่างทำไรเนี่ย?”
“ผมเหรอ? ส่วนใหญ่ผมก็ไปหาน้องอะ”
ผมพูดแล้วตัดเนื้อแซลมอนขึ้นมากิน ถ้าไม่มีคุณพี่เมฆวันนี้โปรตีนเดียวที่ผมได้กินคือวิญญาณไก่ที่คนอร์เจียดเอาไว้ในคัพโจ๊ก หายใจแรงหน่อยก็ปลิวแล้วครับจากใจ แค่เขียนข้างๆให้รู้ว่ามีผงโปรตีนรสอะไรอยู่ในโจ๊กถ้วยนี้
“น้องชายที่ชื่อแทนกายน่ะเหรอครับ?”
“ช่ายยยยยย”
ผมหันไปมองหน้าเขาที่เงยหน้าจากโทรศัพท์บริษัท เราสองคนจ้องตากันสักพักแล้วผมรู้สึกเหมือนไข้กลับ หรือความจริงไข้อาจจะยังอยู่ที่เดิม แต่มันเหมือนกับจะหายไปแล้วแค่เหงื่อออกนิดหน่อยกับหน้าร้อนๆเล็กน้อย แต่ตอนนี้น่าจะร้อนมากๆแล้วครับ เพราะคุณพี่เมฆจะจ้องทำไมก็ไม่รู้อะ
ฮือ ร้อนไปหมดเลย ร้อนไปทั้งแก้มเลย
“ละ… แล้วคุณพี่เมฆอยู่กับใครบ้างครับ?”
ผมเปลี่ยนเรื่องเมื่อในหัวมีแต่คำว่า ‘ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี’ วนไปวนมาแบบไม่สะดุดเหมือนบีทีเอสประเทศไทยที่ชอบเสียตอนเช้าวันรีบๆ อันนั้นสะดุดบ่อยมากพอๆกับแอร์พอร์ตลิ้ง ช่างรถไฟไทยก่อน ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกแล้ว หน้าก็ร้อนอยู่นั่นแหละ มันร้อนจนผมรู้สึกว่าถ้าเอาไข่มาตอกบนแก้มผมคงเป็นไข่ดาวไหม้เลยครับ เลยจุดไข่สุกไปแล้ว เพราะความร้อนมากเกินไป เกรียมเรียบร้อย
“ที่บ้านพี่มีพี่ ติ๊กต่อก … ถ้าเราจะนับเป็นคนน่ะนะ”
คุณพี่เมฆนับนิ้ว ตอนนี้ผมขึ้นมานั่งบนเตียงกับเขาเพราะหลังจากผมทานเสร็จ เขาก็ตบข้างเตียงปุๆ พร้อมกับสายตาแบบนั้น แบบที่ทำให้ผมยอมทำตามที่เขาต้องการ (ถ้าผมเข้าใจถูกต้องว่านั่นคือสิ่งที่เขา ต้องการ) โดยไม่สามารถประท้วงอะไร
“งั้นคุณพี่เมฆไม่เหงาเหรอครับ? ติ๊กต่อกก็พูดไม่ได้นี่นา?”
“พี่ชินแล้วน่ะ อยู่มาตั้งแต่เด็กๆแล้วบ้านนี้”
“โหย งั้นพี่ก็อยู่กับพ่อแม่พี่น้องใช่มั้ยครับ แบบครอบครัวใหญ่ใช่เปล่า?”
ผมนึกถึงตอนที่อยู่บ้านคุณพ่อด้วยกันทั้งห้าคนครับ ที่มีพ่อแม่แล้วก็พวกเราสามพี่น้อง คิดถึงจังเลย ตอนนั้นบ้านไม่เงียบเลยครับ เพราะคนเยอะมากๆ แถมตอนนั้นเรามีสวนในบริเวณบ้านด้วยครับ เล่นกันสนุกเลย ใช้พื้นที่คุ้มครับ ยิ่งพื้นที่เยอะ ยิ่งเลอะประสบการณ์
“พี่… เป็นลูกคนเดียวน่ะครับ”
ชั่วขณะหนึ่งผมเหมือนรู้สึกว่าคุณพี่เมฆนิ่งไป เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งผมเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมรู้สึกแบบนั้น ทั้งที่รอยยิ้มยังอยู่ที่เดิม แต่เหมือนเขา…กำลังคิดอะไร
ถึงจะรู้สึกไม่ชิน แต่คุณพี่เมฆหล่อมากเลยอะ โคตรน่าอิจฉา ตอนที่ผมกำลังประมวลผลจะดูเท่แบบนี้บ้างมั้ย ทดไว้ในใจก่อนเดี๋ยวไปถามน้องกายทีหลัง
ไลน์!
ซุกซน ใจทราม: …
ซุกซน ใจทราม: เวนเอ๊ย
ซุกซน ใจทราม: สาบานเลยว่าจะไม่ให้เฮียแม่งจับมือถืออีก ไอ้สัด ใช้รูปคนหล่อขนาดนี้พิมพ์อะไรอย่างงี้ออกมาได้ไง
ซุกซน ใจทราม: แทนใจ มึงลบแชท กูทนไม่ได้! กูทนเห็นสิ่งที่มันค้างอยู่ในแชทกูไม่ได้
ซุกซน ใจทราม: ตอนกูจีบแฟนกูก็ใช้โทรศัพท์ตัวเองนะ
ซุกซน ใจทราม: ใช้รูปกูพูดครับ? กับไอ้อ๊อง? ไม่โอเคเว๊ยยยยยยย
ซุกซน ใจทราม: ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ผมมองไลน์เพื่อนร่วมงานอย่างไม่เข้าใจ ซุกซนพูดอะไรวะ ทำงานจนเป็นบ้าก็ลองไปทำอย่างอื่นดูบ้างก็ได้ อย่างเช่นทำตัวมีสาระบ้าง หรือทำงานอย่างอื่นจะได้ไม่ต้องมาขโมยกินกาแฟของชาวบ้านเขา ใช่! กาแฟ!!
ผมยังเซ็งอยู่เลยนะที่ซุกซนถ่ายรูปกาแฟมาอวดง่ะ ฮึ่ย ขี้แย่ง!
“แทนใจเป็นอะไรทำไมอยู่ดีๆทำหน้างอ?”
ผมมองคุณพี่เมฆที่ทำหน้าหล่ออยู่ข้างๆ นี่ก็อีกคน เลี้ยงอะไรไม่ดูเลย นั่นไม่ใช่ผมนะ ไหนบอกชอบผมไง ชอบผมก็ห้ามเอากาแฟผมไปให้ซุกซนกินสิ! ห้ามนะ!
“ผม… ฮื่อ มันแค่แบบ” ถ้าพูดไปแล้วมันจะดูเห็นแก่กินมั้ยอะ แต่มันของผมอะ กาแฟแก้วนั้นคุณพี่เมฆสัญญาแล้วว่าจะให้ผมกินนี่
“แบบ?”
ผมก้มหน้าลงมองมือสองข้างทั้งที่ไม่ได้เกิดประโยชน์แล้วก็ไม่รู้ว่าจะมองมันทำไม แค่รู้สึกว่าถ้าบอกเหตุผลที่คิดไว้กับคุณพี่เมฆไปมันจะดูขี้งกมั้ยอะ ดูตะกละด้วย แต่ไม่ชอบจริงๆนะ มันควรจะเป็นกาแฟของผมสิ ไม่ใช่ของคนอื่น ถึงแม้คนนั้นจะเป็นซุกซนก็เถอะ
“พี่รอฟังอยู่นะครับแทนใจ”
คุณพี่เมฆขี้โกง เล่นมาใช้เสียงนุ่มๆพูดแบบนี้แล้วผมจะอมความลับนี่เก็บไว้คนเดียวได้ไงกันเล่า!
“ก็คุณพี่เมฆอะ เลี้ยงกาแฟซุกซนทำไมเล่า”
“หืม?”
“วันนี้้ไงที่คุณพี่เมฆเลี้ยงซุกซนอะ มันถ่ายรูปมาอวด”
“ครับ?”
“ทำไมถึงไม่รู้เรื่องเลยเล่า เป็นโปรเจคได้ยังไงกันเนี่ย?”
ผมพูดอย่างหงุดหงิดเมื่อคุณพี่เมฆทำหน้าสงสัย คือเขาไม่ได้ทำหน้างงเหมือนซุกซนตอนที่คุณกฤติเรียกถามในห้องประชุมนะครับ แต่มันเป็นหน้าแบบเหมือนรอให้ผมพูดต่อ ได้! ผมพูดต่อก็ได้
“ก็บอกไว้ตอนเอาท์ติ้งว่าจะเลี้ยงกาแฟผมไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่เลี้ยงผมล่ะ ไปเลี้ยงซุกซนทำไม”
“...”
“กาแฟของคุณพี่เมฆเป็นของผมนะ ห้ามเลี้ยงคนอื่นนะ ซุกซนก็ห้าม”
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเมื่อผมพูดจบ คุณพี่เมฆนิ่งไปเลยครับเหมือนกับโทรศัพท์ที่ชาร์ตไว้แต่ไม่ได้เสียบปลั๊ก มันถูกหรือเปล่าวะที่พูดออกไปแบบนั้น ดูขี้งกเกินไปหรือเปล่า เขาจะเลิกเลี้ยงกาแฟผมมั้ย แล้วผมจะต้องจ่ายค่าผลไม้ที่เขาซื้อมาคืนหรือเปล่า ผมจ่ายได้นะแต่ต้องขอต่อรองเป็นสิ้นเดือน เงินเดือนของเดือนนี้หมดไปนานแล้วอะ
“แทนใจ”
“ครับ?”
ผมมองหน้าคุณพี่เมฆที่ตอนนี้มองหน้าผมนิ่งๆ เขายังนิ่งอยู่เลย หรือคุณพี่เมฆแบตหมดไปแล้วจริงๆผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ก่อนที่จะผมจะได้พูดอะไร คุณพี่เมฆก็เอื้อมมือมาบีบแก้มผม แบบยืดด้วย นี่แก้มคนป่วยนะ ไม่ใช่โมจิ! ห้ามยืด!!
“ทำไมแก้มเรานุ่มจังเลย”
“อะไรอะ--- อ่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” (ปล่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยย)
“แต่แก้มยังอุ่นๆอยู่เลย แดงด้วยเนี่ย แสดงว่ายังไม่หายสินะ”
“อ่อยอิ่อุนอี้เอ้ก อ่อยอ๋มมมมมมมมมม” (“ปล่อยสิคุณพี่เมฆ ปล่อยผมมมมมมมมมม”)
อย่าให้ต้องใช้กำลังนะ! เตือนในใจแล้วด้วยนะ! ไม่ฟังกันใช่มั้ย!
ผมต่อสู้อีกครั้งด้วยพละกำลังที่มีด้วยการตีคุณพี่เมฆเพียะๆ ทำไมไม่ปล่อยสักที ปล่อยนะ ปล่อยแก้มผมสิ อย่าทำผมนะผมมีน้องต้องเลี้ยง ห้ามรังแกคนป่วย ปล่อยสิวะ!
“มาบีบแก้มผมทำไมเนี่ย!”
ผมลูบแก้มตัวเองพลางมองคุณพี่เมฆที่ยิ้มกว้างกว่าเดิมนิดหน่อย เขาไม่ตอบคำถามผม แต่กลับพูดเรื่องอื่นแทน
“แทนใจไม่ต้องอิจฉานะ กาแฟแก้วนั้นมันเป็นสิทธิ์ 1 แถม 1”
“ไม่ได้อิจฉานะ!! ผม…ผมแค่ไม่ชอบนิดหน่อยเอง”
เนี่ย! เพราะเขาชอบมองเหมือนกับเอ็นดูผมมากๆ เลยทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กตัวเล็กตลอดเวลาที่อยู่กับเขา ทั้งที่ความจริงผมโตแล้วนะ เลี้ยงน้องได้แล้วด้วย เลือกตั้งได้อีกต่างหาก เก่งใช่มั้ยล่ะ
“ซุกซนได้แค่กาแฟ แต่เราได้คนเลี้ยงกาแฟเลยนะ”
ผมว่าผมเริ่มอยากไปหาหมอแล้วครับ ไข้กลับแน่ๆ ทั้งหน้าร้อน ทั้งหัวใจกะยึกกะยัก ทุกอย่างดูเมาไปหมดทั้งที่ผมกินแค่ข้าวต้มปลาแซลมอน หรือมันเป็นข้าวต้มปลาแซลมอนที่ต้มกับเหล้าขาว ต้องใช่แน่ๆ บ้าไปแล้ว บ้าไปหมดแล้ว ไอ้คุณพี่เมฆ ไอ้บ้า ฮือ
“เงยหน้าสิ เลือดตกหัวหมด ดูสิแก้มแดงกว่าเดิมแล้วน่ะ”
“ก็คุณพี่เมฆอะ! ดูพูดเข้าดิ!”
ในที่สุดผมก็ยอมเงยหน้าขึ้นไปสบตาเขาอีกครั้ง แล้วก็ค้นพบว่ามันเป็นความคิดที่ผิด ผิดมากๆ ผิดกว่าที่คิดว่าตัวเองอาจจะเรียนเลขได้เลยเลือกเข้าศิลป์คำนวณอีก อยากจะแก้ตัวด้วยการก้มหน้ากลับไปอีกครั้ง แต่สายตาคุณพี่เมฆทำให้ผมไม่กล้าที่จะก้มเลยครับ ได้แต่มองหน้าเขาอยู่แบบนั้น
หล่อจัง คนอะไรวะโคตรเท่เลย ถ้ามีภาษีคนหล่อนะ ผมว่าคุณพี่เมฆหมดตัวแน่ๆ
“อยากหายไข้ป่าว?”
“ครับ?”
ผมหลุดออกจากภวังค์การมองหน้าเขาเพราะคำถามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของผู้บุกรุกห้อง
“ผมว่าผมไม่ได้ป่วยมากแล้วนะครับ”
“แต่แก้มก็ยังแดงอยู่” เขาเอามือมาจับแก้มผมอีกแล้ว รอบนี้ประคองแก้มผมด้วยสองมือเลย ชักเริ่มสงสัยแล้วนะว่าแก้มผมมันนุ่มขนาดนั้นเลยเหรอ
“เนี่ยยังอุ่นๆอยู่เลยด้วย”
“คุณพี่เมฆเล่นพูดมาแบบนี้ แล้วผมจะปฏิเสธยังไงล่ะครับ”
อีกคนหัวเราะนิดหน่อย เหมือนกับว่าผมเล่นตลกหกฉาก หรือผมหน้าเหมือนโก๊ะตี๋วะ อาจจะโน้ตอุดมก็ได้ ผู้ชายที่ถือไมค์พูดคนเดียวเป็นชั่วโมง แต่ผมว่าผมไม่ได้พูดมากขนาดนั้นนะ ไม่มีไมค์ด้วย ไม่มีเงินด้วย ไม่สบายด้วย ชีวิตเศร้ามากๆ
“ถ้าอยากหาย เราก็ส่งต่อหวัดของเรามาให้พี่สิ”
“ผมไม่ได้โง่นะ คุณพี่เมฆจะหลอกจูบผมเหรอ?”
“...”
“ผมก็อยากจูบคุณนะ แต่ถ้าคุณติดหวัดขึ้นมาแล้วจะทำไงอะ? งานผมนั่งในออฟฟิศแต่ของคุณต้องไปหน้าไซต์งานลูกค้าไม่ใช่เหรอ? ถ้าไปเป็นลมเป็นแล้งใส่ลูกค้าขึ้นมา---”
ผมพูดได้แค่นั้นคุณพี่เมฆก็เชยคางผมขึ้นไปประกบปากด้วยเฉยเลย มันดีมากเลยอะ ทั้งที่เราจูบกันใช้แค่ปากแต่ผมกลับรู้สึกตึกตัก มันหนักกว่ากะยึกกะยักอีกนะ มันตึกตักตึกตัก แล้วก็ร้อนไปหมด ตั้งแต่ปลายผมสิบห้าเซ็นจรดปลายนิ้วที่แตะอยู่บนหน้าอกคุณพี่เมฆเลย
เพิ่งสังเกตเหมือนกันว่าตอนนี้มือผมวางอยู่บนหน้าอกเขา ในขณะที่มือคุณพี่เมฆมาอยู่ที่หลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมกับเขาจูบกันอยู่แบบนี้สักพัก จนผมเริ่มจะเมาคุณพี่เมฆนั่นแหละ เขาถึงได้ยอมละออกมา
“ฮื่อ ถ้าติดหวัดขึ้นมาจะทำยังไง”
“ไม่ติดหรอก”
“รู้ได้ไงอะ? ชาติที่แล้วเกิดเป็นไวรัสเหรอครับ”
“กวนนะเรา” เขากระซิบชิดริมฝีปากผม เราอยู่ใกล้กันมากจนผมนึกดีใจที่แค่เป็นไข้ ไม่ได้มีอาการจามร่วมด้วย ไม่งั้นระหว่างเราคงจบไม่สวยแน่ๆ
“พี่แข็งแรง”
“ไม่เชื่อ”
“งั้นก็คงต้องมาลองจูบไปเรื่อยๆแล้วแบบนี้”
เป็นคำพูดที่ไม่น่าเชื่อถือ ที่น่ารักที่สุดที่ผมเคยได้ยินมาเลยล่ะ
.
.
.
“ปากเปื่อยแล้วคุณ”
“เรียกคุณได้ไง บอกให้เรียกพี่ มาทำโทษอีกที”
“ฮือ พอก่อน”
ตั้งแต่เมื่อกี้ ผมกับคุณพี่เมฆก็ยังจูบกันอยู่เลยครับ แต่เมื่อนั่งอยู่อย่างงั้นมันเริ่มเมื่อเขาเลยยกตัวผมขึ้นไปไว้ข้างบนตักแล้วเราก็จูบกัน จูบกันอยู่แบบนั้น ถ้ามีใครสักคนผละออกไปก่อนอีกคนก็จะเว้นจังหวะหายใจให้สักครู่แล้วก็ก้มลงไปจูบใหม่ นี่ถ้าคุณพี่เมฆเป็นผูคุมเวิญญาณนะ ผมคงจะตายไปนานมากแล้วแน่ๆเลย
“เราไม่ชอบจูบกับพี่แล้วเหรอครับ?”
“ไม่ใช่สักหน่อย มั่วแล้ว”
ผมเอียงคอเมื่อเขายึดเอวผมไว้แล้วก้มลงไปกัดคอผมแทนที่จะเป็นจูบเหมือนเมื่อครู่ มันเจ็บๆนิดหน่อยจนผมตีเพียะๆแบบนั้นเขาถึงได้เหลือแค่การจุ๊บเบาๆแทนการดูดการกัดเหมือนเมื่อครู่ นี่คุณพี่เมฆหิวหรือไงดูดเอาดูดเอา บ้าไปแล้ว
“งั้นแปลว่าเราชอบจูบกับพี่เหรอครับ?”
“จั๊กจี้อะ ไม่พูดตรงนั้นสิ”
“อย่างงี้เหรอครับ?”
“ไม่แกล้งงง”
ผมหัวเราะเมื่อคุณพี่เมฆเอาแต่แกล้งพูดกระซิบตรงไหปลาร้าผม มันทำให้ผมจั๊กจี้อะ แต่ถามว่าดีมันดีมั้ย มันดีสุดๆไปเลยล่ะ ดีจังแต่พอคิดว่าเขาแกล้งผมแล้วอาจจะติดหวัดมันก็ดีน้อยลงมานิดหน่อย แต่ก็ยังดีมากๆอยู่ดี
‘ตุ๊บ!’
เฮือก!
เราสองคนผละออกจากกันทันทีที่ได้ยินเสียงเหมือนของตกอยู่ข้างนอก ทั้งผมทั้งคุณพี่เมฆต่างเงียบกันหมด คนที่อายุมากกว่ามีรอยขมวดคิ้วบนใบหน้า พลางจ้องมองไปที่ประตู ส่วนผมก็ยังนั่งอยู่บนตักเขาอยู่ แต่มองหน้าคุณพี่เมฆแทนประตู
“นั่นเสียงอะไร?”
“มาถามผมแล้วผมจะไปถามใครเนี่ย”
“ก็เราเป็นเจ้าของห้อง พี่ก็ต้องถามเราสิ” คุณพี่เมฆพูดกับผม เขานิ่งไปพักนึงแล้วก็พูกเรื่องต้องห้ามขึ้นมา “เราอยู่คนเดียวใช่มั้ย?”
“...คนเดียวครับ”
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ฉิบหาย ใครอะ?! อะไรวะ? ผมเริ่มตัวสั่นเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ล้านแปดแสนเก้าที่อาจจะเกิดขึ้นจากเสียงนั่น มันใกล้เกินกว่าที่จะเป็นเสียงของอาคารหรือแม้กระทั่งห้องข้างๆ เฮ้ย… แล้วห้องข้างๆผมมีคนอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้
ไม่เอาอะไรผีๆแล้วนะ แค่ตอนเอ้าท์ติ้งนี่ก็ไข้ขึ้นยังไม่ลงเลยเนี่ย
มือที่ตอนแรกวางบนอกเขาหลวมๆตอนนี้กำเสื้อคุณพี่เมฆแน่นเลยครับ กลัวอะ ไม่อยากรู้เลย แถมนี่คือห้องของผมไง ห้องผมเอง ห้องที่ผมอยู่ทั้งวันและจะอยู่ต่อไปอีกหลายปี แต่ความกลัวลดลงไปครึ่งหนึ่งเมื่ออยู่บนตักของคุณพี่เมฆ …
ฉิบหาย คุณพี่เมฆจะลุก!!!
“คุณพี่เมฆ! จะไปไหน?!”
ผมจะยึดพื้นที่คืนเมื่อคุณพี่เมฆทำการกวาดผมลงไปจากตักไปกองอยู่บนเตียง เฮ้ย ไม่เอาอะ ไม่ไป กลับมาก่อนดิเฮ้ย ห้ามเทกันสิ บอกจะจีบกันก็ห้ามทิ้งผมสิวะ!
“ไปดูข้างนอกไง เผื่อมีอะไร”
“ไม่ต้องไปหรอก อยู่กับผมเถอะนะ”
“แป๊บเดียวครับ ไม่ต้องกลัวนะ”
“ไม่ได้กลัว… แค่ไข้ผมยังไม่หมดเลย มาเอาไข้ผมไปอีกสิ นะครับนะ”
“...”
“อยู่กับแทนใจนะครับคุณพี่เมฆ อย่าออกไปนะ อย่าทิ้งแทนใจไว้คนเดียวเลยนะ”
“เรานี่ จริงๆเลย”
คุณพี่เมฆพูดแค่นั้นแล้วยอมนั่งลงบนปลายเตียงข้างผมที่ถูกเขากองเอาไว้ แล้วดึงเข้าไปกอด ซึ่งผมเองก็กอดกลับ เราอยู่กันแบบนั้นโดยไม่จำเป็นต้องมีคำพูดอะไรทั้งนั้น
ถ้าป่วยแล้วได้คุณพี่เมฆมาอยู่ด้วยแบบนี้ ป่วยบ่อยๆก็ดีเหมือนกันแฮะ
------- TBC -------
สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
[/color]
12th Monday - 100%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์
ทั้งที่คิดว่าอยากจะกลับบ้าน แต่จนถึงตอนนี้ผมยังไม่อยู่ในจุดที่ใกล้เคียงกับบ้านเลยครับ
หลังจากที่พวกเราออกมาจากตึกที่ทำงานแล้ว คุณพี่เมฆบอกว่ามันดึกแล้วเดี๋ยวเขาจะไปส่งผมที่ห้องเอง ตอนที่ผมคาดเข็มขัดเรียบร้อยนั้น เขาดันบอกว่าก่อนจะกลับบ้านเขาจะพาไปแวะทานข้าวก่อน เพราะเห็นผมยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อกี้ แถมมาบอกว่าเพราะผมเพิ่งร้องไห้ เขาจะไม่ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวตอนนี้
มาด้วยเหตุผลแบบนี้แล้วผมจะปฏิเสธได้อย่างไรกัน
“อยากกินอะไรก็สั่งเลยนะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”
ผมมองเมนูอย่างงงๆ หันไปมองหน้าคนที่พามาอย่างงงๆยิ่งกว่า
“นี่มันที่ที่เขาจะพาคนเศร้ามาเลี้ยงปลอบใจกันเหรอครับ?” ผมกะพริบตามองหน้าคุณพี่เมฆ สลับกับมองป้ายร้านอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้มองผิดไป
“เบอร์เกอร์คิงเนี่ยนะครับ?”
ผมมองหน้าน้องพนักงานผู้หญิงที่มองมาหน้าทางผมแบบเริ่มหงุดหงิดที่ไม่สั่งสักที แล้วมองไปที่คุณพี่เมฆที่ยังยิ้มๆแบบเดิมอีกครั้ง นี่ก็ยิ้มตลอดเวลาอะไรขนาดนี้ ทำไมอารมณ์ดีเหลือเกิน นี่วันจันทร์นะทำไมถึงอารมณ์ดีล่ะ
“หรืออยากกินอย่างอื่น แม็ค? เคเอฟซี? หรือเอาพิซซะ---”
“ไม่ต้องครับคุณพี่เมฆ”
ผมรีบห้ามเมื่ออีกคนทำท่าจะดึงผมออกจากร้านจริงๆ โชคดีที่ร้านเบอร์เกอร์คิงที่เราอยู่ตอนนี้เป็นสาขาในปั๊มน้ำมัน (หนึ่งในปั๊มระหว่างทางกลับไปห้องผมจากที่ทำงานน่ะครับ) คนไม่ค่อยมีครับ พวกผมเป็นคิวเดียวที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ เลยมีเวลามายืนเถียงกันแบบนี้
“ผมทานที่นี่ได้ แค่ไม่แน่ใจเฉยๆ”
“คุณลูกค้าสามารถดูโปรโมชั่นก่อนได้ค่ะ”
พนักงานหน้าหงิกพูดขึ้นมาแล้วเอาใบโปรโมชั่นมาวาง ผมเลยจิ้มๆอะไรสักอย่างแล้วฝากคุณพี่เมฆดูก่อนเพราะผมจะไปเข้าห้องน้ำ มานึกๆดูแล้วความจริงผมแทบไม่ได้เข้าห้องน้ำเลยครับวันนี้ น้ำก็กินน้อยมาก นอกจากลาเต้เมื่อเช้าผมกินน้ำไม่ถึงสามแก้วเลยด้วยซ้ำ ห้องน้ำนี่ไม่ต้องพูดถึง แทบไม่ได้เข้าเลยครับ
ถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆร่างกายต้องแย่แน่เลยแฮะ
ถ้าเป็นนิ่วขึ้นมาทำยังไง เป็นนิ่วแล้วจะเลือกตั้งได้มั้ย? ถ้าเป็นนิ่วแล้วคุณพี่เมฆจะเลิกชอบผมหรือเปล่า? ไม่ได้นะ! ผมจะต้องใส่ใจกับสุขภาพของตัวเองมากกว่านี้แล้ว
“คุณพี่เมฆสั่งเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยครับ?”
“ใช่ครับ” เขายื่นแบงก์พันที่ผมยัดไว้ในมือเขาตอนที่สั่งอาหารเสร็จคืนมาให้ “อันนี้เงินเรา เก็บไปๆ”
“เฮ้ย ไม่เอา มื้อนี้ผมจะเลี้ยงคุณบ้าง”
ผมสั่นหัวหงึกหงักไม่รับเงินคืน
มันเป็นความตั้งใจของผมครับที่คิดว่ามื้อนี้จะเลี้ยงคุณพี่เมฆเขาคืนบ้าง ตั้งแต่รู้จักกันมาจนถึงขั้นชูวับชูวับไปแล้ว ผมไม่เคยจ่ายเงินเลี้ยงอะไรเขาเลย ทั้งที่ตัวเองก็ทำงานมีเงินเดือนเหมือนกัน มันรู้สึกไม่ค่อยแฟร์อย่างไรแปลกๆ อย่างเวลาผมไปไหนกับซุกซนเราหารกันตลอด
เฮ้อ ต่อไปนี้คงไม่มีคนให้หารค่าข้าวด้วยแล้ว
“เป็นอะไรครับแทนใจ ทำไมหางลู่หูตกอีกแล้วล่ะ”
ผมเหลือบตามองคุณพี่เมฆที่เท้าคางมองผมเหมือนกับวันที่ไปนั่งทานมื้อเที่ยงด้วยกันแล้วเขาเอาข้าวกะเพราแซลม่อนให้ผมทาน พอมาย้อนคิดแล้วก็กะยึกกะยักเล็กๆ วันนั้นผมเกือบตายเพราะข้าวกะปิของซุกซนแล้ว … พูดถึงซุกซน
“สมมุตินะครับ คุณพี่เมฆ”
“ครับ”
คุณพี่เมฆที่ทำท่าตั้งใจฟังประหนึ่งผมเป็นประธานผู้แทนการประชุมกลุ่มผู้นำด้านการต่อต้านวันจันทร์เพื่อสันติภาพ ท่าทางจริงจังของเขาทำให้ผมนั่งตัวตรง แล้วพยายามจริงจังไปด้วย
“สมมุติว่าคุณพี่เมฆเพิ่งเรียนจบ แล้วมาทำงาน แล้วคุณพี่เมฆมีเพื่อนในที่ทำงานที่สนิทกันมากๆ แบบมากๆเลยอะครับ มากกว่าค่าครองชีพขั้นต่ำอีก”
“...” คุณพี่เมฆพยักหน้าเหมือนกับว่ากำลังตั้งใจฟัง ให้ผมพูดต่อ
“ทีนี้อยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนที่สนิทมากๆคนนั้นของคุณพี่เมฆเขาก็ลาออกน่ะครับ ออกแบบไม่บอกเลย ในขณะที่คนทั้งแผนกรู้กันหมดแล้วแต่คุณพี่เมฆกลับกลายเป็นคนที่รู้คนสุดท้าย เพื่อนจะไปไม่พอเพื่อนยังไม่บอกคุณพี่เมฆอีกต่างหาก มันแย่มากๆเลยเนอะ”
“...”
“ผมไม่อยากให้เขาออกเลย ผมเป็นคนไม่ค่อยสนิทกับใครเท่าไหร่ พอมีเพื่อนคนนี้มาผมก็รู้สึกดีมากๆที่จะมีคนหารค่าข้าวกลางวันด้วย มีคนเอาไว้บ่นลูกค้าด้วยกัน มีคนขี้เกียจเข้าประชุมเหมือนกัน”
“ตกลงว่าเรื่องสมมุตินี่จะเป็นของพี่หรือของแทนใจเนี่ย?”
ผมกะพริบตามองคุณพี่เมฆงงๆ ถึงได้เพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อกี้ผมเผลอพูดเป็นเรื่องของตัวเอง แต่ยังไม่ทันทีผมจะแก้ตัวอะไร คุณพี่เมฆก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“แทนใจเสียใจที่ซุกซน--”
“คุณพี่เมฆรู้ได้ไงว่านี่คือเรื่องของผมกับซุกซน?”
“ก็ซุกซนมันลาออกแล้วนี่”
“แม้แต่คุณพี่เมฆก็ยังรู้อะ”
ผมไถลตัวลงไปบนโต๊ะอย่างเซ็งๆ ซึ่งคุณพี่เมฆเองยังคงทำหน้านิ่ง หรือตอนนี้ทำหน้าหล่อก็ไม่รู้เพราะผมหันหน้าไปทางกระจกข้างๆครับ ทำไมซุกซนถึงไม่บอกผมแต่บอกคนอื่นหมดเลยล่ะ
“แทนใจครับ ฟังพี่เมฆนะครับ”
คุณเมฆเรียกผมเลยหันหน้ากลับไปหาเขา ยิ่งมองหน้าเขาผมก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาหน้าตาดี อะไรวะเนี่ย
“ในช่วงชีวิตของคนเราน่ะ เราจะต้องเจอคนเยอะแยะ บางคนเข้ามาแป๊บเดียวมาแค่ชื่อ บางคนมาอยู่นานๆ ทิ้งไว้ให้เราคิดถึง แต่สุดท้ายแล้วก็จากไป เดี๋ยวคนนั้นเข้ามาเดี๋ยวคนนี้ออกไปเป็นเรื่องปกติ”
“...”
“อยางเพื่อนสมัยอนุบาล หรือมัธยมน่ะ ยังอยู่ในชีวิตเราครบทั้งห้องหรือเปล่า?”
ผมส่ายหัวเป็นการปฏิเสธ คุณพี่เมฆเขายิ้ม ลูบหัวผมพร้อมกับพูดต่อ
“เห็นมั้ยล่ะ”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับพูดกับเด็ก มันดูต่างจากเวลาที่เขาคุยกับลูกค้า หรือเวลาที่คุยกับเคุณกฤติ คุณโน้ต หรือแม้กระทั่งซุกซนก็ตาม อยู่ดีๆก็คิดขึ้นมาว่า ถ้าคุณพี่เมฆมีลูกเขาต้องเป็นพ่อที่เท่ แบบที่พ่อผมทำให้รู้สึกเหมือนเป็นฮีโร่ของผมตอนเด็กแน่นอน
“เดี๋ยวคนเข้ามาก็ออกไป คนที่อยู่เดี๋ยวก็หายแล้วก็จะมีคนใหม่ๆเข้ามาเรื่อยๆแบบนี้แหละ”
“...”
“อย่าไปยึดติดกับความสัมพันธ์มากเกินไป”
“...”
“เข้าใจมั้ยครับ?”
เป็นช่วงเวลาพอดีกับที่อาหารมาเสิร์ฟ ผมเลยต้องแงะตัวเองขึ้นมาจากโต๊ะเพราะว่าไม่อย่างงั้นจะไม่มีที่วางถาดอาหารครับ ตอนนี้โต๊ะเลยเต็มไปด้วยอาหารเพิ่มแก้มครับ ทั้งเฟรนช์ฟรายส์ เบอร์เกอร์ โค้ก ต่างๆมาหมด ผมหยิบนักเก็ตชิ้นหนึ่งขึ้นมาทานในขณะที่คุณพี่เมฆเริ่มจัดการกับแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นยักษ์ตรงหน้า
ผมทานนักเก็ตอย่างใจลอย คุณพี่เมฆนี่สามารถจัดการกับปัญหาได้ทุกอย่างเลยหรือเปล่านะ?
“คิดอะไรอยู่เนี่ยเรา ทำไมทำแก้มยืดอีกแล้ว คิดถึงเรื่องพี่อยู่เหรอครับ?”
รู้ได้ไงอะ!
คุณพี่เมฆที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพูดขึ้นทำเอาผมตกใจ ความคิดแรกที่พุ่งเข้ามาคือ เขารู้ได้ไงวะว่าผมกำลังคิดถึงเขา!!! คุณพี่เมฆมีตาทิพย์เหรอ
“อ้าว คิดถึงพี่อยู่จริงๆเหรอเนี่ย”
คนฝั่งตรงข้ามหัวเราะ แล้วก้มลงดูดน้ำ พลางส่งสายตาเป็นเชิงล้อเลียนมาทางผม ที่ตกใจจนเผลอทำนักเก็ตตกซอสกระจายเลย แล้วตัวต้นเหตุที่ทำก็นั่งขำครับ ผมทำได้แค่เอาทิชชูมาเช็ดๆส่วนที่เลอะ แล้วก็บ่นคุณพี่เมฆในใจเท่านั้น คอยดูนะ ถ้ามีชื่อคุณพี่เมฆในการเลือกตั้งบริษัท ผมจะไม่เลือกเลย!
ตอนนี้ยังเลือกตั้งนายกไม่ได้ ก็เลือกตั้งตัวแทนพนักงานไปก่อนครับ คล้ายๆกัน
“พี่แทนใจ?”
ทั้งโต๊ะหันไปมองตามเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นใครเรียกผมก็ยิ้มกว้างเลยครับ ตัวเล็กๆหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาแบบนี้มีคนเดียว
“น้องล้งเล้ง”
ผมเช็ดมือแล้วลุกขึ้นไปกอดตอบน้องที่พุ่งเข้ามาหาครับ ล้งเล้งเป็นน้องคณะผมครับ ความจริงแล้วตัวผมไม่ใช่คนที่ชอบทำกิจกรรมเท่าไหร่ เลยไม่ค่อยรู้จักรุ่นน้องมากนัก (ความจริงรุ่นเดียวกันก็ไม่ค่อยรู้จักครับ รุ่นพี่ก็ไม่รู้จัก เป็นมนุษย์หลืบ) แต่ตอนที่ผมขายสัญญาหอเพราะจะเรียนจบ น้องเป็นคนที่มาซื้อต่อพอดี
น้องเป็นคนคุยเก่งครับ พอรู้ว่าผมอยู่คณะเดียวกับน้องเขาเลยคุยกันเยอะมากๆ จนสนิทกันแบบงงๆนี่แหละ
“พี่แทนใจเป็นไงมั่งครับ คิดถึงจังเลย พี่บอกจะไปหาผมที่มอฯก็ไม่ไป”
“คิดถึงเหมือนกัน”
ผมก็อยากเจอน้องนะ แต่พอเรียนจบมันนัดยากมากเลย ยิ่งน้องสอนพิเศษอีก เลยไม่ได้นัดสักที ก็ประหลาดดีเหมือนกันแค่กับคนที่คุยกันนิดหน่อยแต่ผมดันรู้สึกเอ็นดูน้องมากเลยครับ
“ผมได้เอกอังกฤษแล้วนะพี่แทนใจ”
น้องพูดพร้อมยิ่งแฉ่งมาให้ คณะผมเรียนภาษา แต่ตอนที่แอดฯเข้าไปจะยังไม่เลือกวิชาเอกครับ เราจะไปเลือกกันทีหลัง ซึ่งตอนนั้นน้องล้งเล้งอยากเรียนเอกอังกฤษแล้วก็กลัวเข้าไม่ได้ เลยถามผมค่อนข้างเยอะหน่อย ซึ่งผมก็ตอบไปเท่าที่ทำได้ครับ พอปีสี่มันก็ลืมๆไปแล้วว่าทำไมมอหกถึงได้อยากเรียนมหาลัยขนาดนี้ เข้ามาตายชัดๆ
“เก่งมากเลย พี่รู้แล้วว่าเราทำได้”
“ใช่มั้ยล่ะ! เพราะพี่แทนใจเลยนะเนี่ย”
“ก็เวอร์ไป” ผมหัวเราะ “ถ้าเราเข้าเอกอังกฤษไม่ได้อะนะ คนทั้งโลกก็เข้าไม่ได้แล้ว!”
“โหย นี่ก็เวอร์ไปเหมือนกันอะ ฮ่าๆ”
ผมกับน้องคุยงุ้งงิ้งกันอยู่สักพักจนมีเสียทักจากคนที่ขับรถพาผมมากินข้าวครับ
“แทนใจ เดี๋ยวพี่ไปห้องน้ำแป๊บนึงนะครับ”
“เออใช่ ลืมแนะนำเลย” ผมพูดสิ่งที่เพิ่งจะนึกขึ้นได้ เนี่ยอะนิสัยเสียของผม เวลาทำอะไรแล้วลืมอีกอย่างไปเลย ครั้งนี้ลืมคุณเมฆครับ
“คุณพี่เมฆครับ นี่น้องล้งเล้ง น้องคณะผม” ผมผายมือไปที่น้องที่กำลังยกมือไหว้อีกคนที่รับไหว้แบบเท่ๆ คือผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแค่รับไหว้ต้องดูดีและดูใจดีขนาดนี้ด้วย
“ล้งเล้ง นี่คุณพะ… เอ่อ คุณเมฆ” ผมพยายามไม่สนใจสายตาที่มองมาตอนที่ผมเรียกเขาว่าคุณเมฆ โอ๊ย มองทำไมเล่า อย่ามองสิ “เป็นเพื่อนที่ทำงานของพี่เอง”
ทั้งสองคนทักทายกันพอเป็นพิธีก่อนที่คุณพี่เมฆจะเดินหายเข้าไปที่ห้องน้ำทางด้านหลังร้าน ทิ้งผมไว้กับน้องล้งเล้งที่ยังมองตามคุณพี่เมฆอย่างสนอกสนใจ
“โหยพี่แทนใจ พี่เมฆโคตรเท่เลยอะ”
น้องหันมาพูดกับผมครับ เหมือนน้องจะชอบคุณพี่เมฆมากเลย อาจจะเพราะคณะเราไม่ค่อยมีเพศชายเท่าไหร่ ยิ่งเป็นเพศชายที่หล่อด้วยนี่หายากกว่าลูกค้าที่ไม่เรื่องมากอีกครับ
“อิจฉาว่ะ ผมนะอยากสูงๆ ดูดีแบบนั้นบ้างจัง ทุกวันนี้เพื่อนแม่งทำเหมือนผมเป็นหมากระเป๋า ไม่คูลเลย”
“ล้งเล้งเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วนะ”
ผมพูดชมอีกคน ไม่ได้พูดไปเรื่อยนะครับ ผมชอบน้องที่เป็นแบบนี้ ดูสดใสดี สดใสจนผมอยากจะแบ่งความอารมณ์ดีของน้องมาใช้ตอนเช้าๆวันจันทร์บ้างเลยครับ
“ว่าแต่มาทำอะไรแถวนี้เนี่ย ไม่ได้ใกล้มหาลัยฯเลยนะ ไม่มีเรียนหรือไง”
“ผมมาหาน้องที่สอนพิเศษน่ะ”
“สอนพิเศษ?” ผมทวนคำ “สอนไกลไปป่าว คุ้มค่ารถเหรอเนี่ยถามจริง?”
ผมไม่ได้เวอร์นะ มหาลัยน้องผมอยู่แทบชานเมืองครับ แถวทุ่งรังสิต ส่วนตรงนี้คือเขตบางนา คนละซีกโลกเลยนะ บ้าไปแล้ว แค่คิดผมก็เหนื่อยแล้วครับ ถ้านั่งแกร็บนี่น่าจะ 500-600 บาทขึ้นแน่ๆ บ้าไปแล้วน้องผม
“ไม่ๆ คือผมสอนสยามพี่ แต่ตอนกำลังขึ้นรถตู้กลับเพิ่งรู้ว่ากุญแจหอติดมากับมัน โคตรซวย นี่ต้องขอเขาลงแล้วรีบขึ้นรถมาหามันที่นี่เนี่ย ยืนรอก็โคตรนานกว่าจะได้ขึ้นรถตู้ แถมแม่งต้องมาไกลถึงนี่”
น้องผมบ่นยาวเป็นปืนกลเลยครับ ซึ่งผมเข้าใจนะ ถ้าเป็นผมๆก็บ่น
“นี่เจอน้องยัง?”
“ยังเลยพี่ เนี่ยผมมารอมันทำงานบ้านเพื่อนอะไรก็ไม่รู้” น้องบ่นด้วยท่าทางหงุดหงิด มีเสียงฮึดฮัดให้รู้ด้วยครับว่ากำลังเหม็นเบื่อคนที่พูดถึงอยู่จริงๆ “ไม่รู้มันจะทำงานถึงชาติหน้าหรือเปล่าเนี่ยพี่ เอาเถอะ ช่างแม่ง ผมยังไงก็ได้ขอให้ได้ของละกัน เพราะถ้าน้องมันทำกุญแจหายนะ ผมจะเอาดิกฯอังกฤษไทยฟาดหน้ามันไปมาจนกว่าปกจะหลุด คอยดู”
ผมหัวเราะกับท่าทางจริงจังของน้องครับ ล้งเล้งเป็นเด็กอารมณ์ดี เพราะแบบนี้ผมเลยสนิทกับน้องได้ทั้งที่ไม่ได้เรียนหรือทำกิจกรรมอะไรด้วยกันเหมือนกับคู่ซุกซนกับพี่กุ๊กกิ๊กด้วยซ้ำ
“พี่แทนใจ”
“ว่าไง?”
“ว่าแต่ พี่เมฆนี่แฟนพี่เหรอ?”
“เฮ้ย!!!”
ผมสะดุ้งเมื่ออยู่ๆน้องถามอะไรแบบนี้ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่อีกคนเดินถือถาดที่มีน้ำอัดลมวางอยู่มาทางนี้พอดี
ไอ้คุณพี่เมฆนี่ก็นะ ทีตอนที่พวกผมคุยเรื่องไร้สาระดันไปซื้อของกินเพิ่ม ทีอย่างงี้ล่ะดันเดินมาพอดี บ้าไปแล้วบ้าไปแล้ว ทำไงอะ ผมควรตอบยังไงดี
“ไม่ใช่ๆ พี่เขาเป็นเพื่อนร่วมงาน”
“ใช่ครับ เป็นเพื่อนร่วมงาน”
ขาเดินมาวางถาดเอาไว้บนโต๊ะ โชคดีที่โต๊ะของพวกผมเป็นแบบสองโต๊ะต่อกันครับ เพราะงั้นเลยมีที่พอวางของบนโต๊ะทั้งหมด
“ตอนนี้ยังเป็นเพื่อนร่วมงานอยู่ ไว้อีกสองเดือนค่อยมาถามใหม่นะ”
“ไอ้คุณพี่เมฆ!!!!”
“ฮ่าๆๆๆ”
ผมเหวออกมาทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น ส่วนน้องล้งเล้งก็น่ารักมากครับ มีการหัวเราะแล้วพูดทำนองว่า ‘โหย พี่เมฆแม่งโคตรได้ว่ะ’ ซึ่งสิ่งเดียวที่ผมทำได้คือพยายามทำให้แก้มหายร้อนด้วยการถูๆครับ ฮือ บ้าไปหมดแล้ว เมื่อไม่มีใครเข้าข้างผมก็เปลี่ยนเรื่องมันเลยแล้วกัน
“นี่คุณพี่เมฆยังไม่อิ่มเหรอครับ? ซื้ออะไรมาเพิ่มอีกเนี่ย”
“ไม่ใช่ๆ พี่ซื้อให้น้องเราน่ะ”
ผมขมวดคิ้วนิดหน่อยในขณะที่น้องผมพยายามปฏิเสธแต่สุดท้ายก็ต้องรับของ นี่ก็เลี้ยงคนอื่นเขาไปทั่วเลยนะ ไหนว่าจะพาผมมาเลี้ยงไง!
“พี่ล้งเล้ง”
เสียงเรียกของเด็กหนุ่มที่ท่าทางจะอยู่มัธยมปลายยืนโบกมือมาจากหน้าร้าน ล้งเล้งน้องผมเลยลาจากตรงนี้ไป พอดีกับที่คุณเพี่เมฆเหมือนจะมีโทรศัพท์เข้า ผมที่ไม่อยากฟังอะไรเกี่ยวข้องกับงานอีกแล้วถึงแม้จะไม่ใช่งานตัวเองก็ตาม เลยอาสาเดินไปส่งน้องเขาครับ
“พี่”
น้องเรียกให้ผมหยุดก่อนที่จะถึงประตูร้าน ผมหันมามองหน้าเขาพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ล้งเล้งทำหน้าคิดนิดหน่อย ท่าทางน้องเหมือนไม่แน่ใจว่าควรจะพูดดีมั้ย แต่สุดท้ายแล้วยอมเปิดปาก
“พี่ได้คุยกับน้องกายบ้างมั้ย?”
แทนกาย
ชื่อน้องชายทำให้ผมนิ่งไปชั่วครู่ สีหน้าผมคงเปลี่ยนชัดเจนเพราะน้องล้งเล้งถอนหายใจเหมือนกับว่าตัวเองก็ลำบากใจเช่นกันที่ต้องพูดเรื่องนี้
น้องกายเป็นเด็กเก่ง น้องไม่มีปัญหาวิชาไหนเลยนอกจากอังกฤษ เพราะน้องมักจะมาให้ผมสอนเพิ่มเสมอ ซึ่งตั้งแต่ทำงานผมไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ เลยฝากฝังน้องกับครูพี่ล้งเล้งแทน
“คุยสิ เมื่อเย็นยังคุยกันอยู่เลย”
ผมตอบน้องไปพลางส่งยิ้มให้อีกคน ซึ่งมันคงเป็นยิ้มเหนื่อยๆเพราะวันนี้ผมแทบจะหมดแรงแล้วครับ เรื่องนั้นเรื่องนี้เยอะเกินไป ตั้งแต่คนขับแกร็บไบค์ ลิฟต์เสีย เพื่อนลาออก ทะเลาะกับน้อง ไฟดับ และล่าสุดผมยังต้องมาคิดเมนูเบอร์เกอร์คิงเนี่ย วันบ้าอะไร
“พี่แทนใจดูแปลกๆนะ ปกติพี่ต้องพูดถึงน้องกายเยอะกว่านี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” ล้งเล้งพูดพร้อมกับมองอย่างเป็นห่วง เซนส์ดีชะมัด ทำไมถึงได้ฉลาดกว่าพี่ร่วมคณะอย่างผมเนี่ย
“พี่เผลอดุน้องไปน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
ผมตัดสินใจตัดบทแค่นั้น เพราะว่ายังรู้สึกแย่ที่ตวาดน้องอยู่
“เดี๋ยววันพุธนี้ผมมีสอนน้อง ให้ผมช่วยพูดกับน้องมั้ย?”
“ไม่เป็นไรหรอกๆ พี่แค่… กลัวน้องจะโกรธน่ะ”
“น้องไม่โกรธพี่หรอกครับ น้องกายรักพี่จะตาย รักมากกว่าที่พี่สาวรักผมอีกมั้ง”
ผมหัวเราะออกมานิดหน่อยเมื่อล้งเล้งทำหน้าตาจริงจังกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกมา บ้านน้องมีพี่สาวครับ จบมหาลัยเดียวกับพวกผมเนี่ยแหละแต่ว่าคนละคณะกัน
“ช่วงนี้น้องแทนกายค่อนข้างเครียดน่ะพี่...”
ล้งเล้งทำท่าเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่เพราะเด็กที่น้องเขามาเอาของด้วยเดินมาทางนี้ (คงเพราะเห็นพวกผมไม่เดินไปสักที) เลยเหลือแค่พูดทิ้งท้าย
“พี่ไปหาน้องมันบ่อยๆหน่อย น้องไม่โกรธพี่หรอกจริงๆ เชื่อผม”
พวกเราคุยกันอีกนิดหน่อยก็แยกกันครับ พร้อมกับที่ผมสัญญาว่าจะหาเวลาเข้าไปเลี้ยงข้าว(และเหล้า)น้องที่มหาลัยเร็วๆนี้ ผมเดินกลับไปหาคุณพี่เมฆที่ตอนนี้เลิกคุยกับลูกค้าเปลี่ยนมาจิ้มมือถือแทนแล้วครับ
“ขอโทษทีนะครับ แค่เดินไปส่งน้องดันคุยซะนาน”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่เข้าใจ”
ผมส่งยิ้มขอบคุณให้คนที่เลิกเล่นมือถือแล้วหันมาส่งยิ้มให้ผม ตอนนี้อาหารตรงหน้าพร่องลงไปมากเลยครับ เหลือแค่นักเก็ตของผมกับเฟรนช์ฟรายส์ครึ่งหนึ่งจากตอนแรก น้ำสองแก้ว และถาดที่เมื่อสักครู่พนักงานถืออาหารมาเสิร์ฟ
“คุณพี่เมฆครับ” อีกคนเลิกคิ้วส่งยิ้มมาให้เมื่อผมเรียก “สมมุตินะครับ ถ้า--”
“เรื่องสมมุติอีกแล้วเหรอครับ?”
“อื้อ ไม่ใช่เรื่องจริงนะ”
“เรื่องสมมุติเราเยอะนะเนี่ย”
“นี่คุณพี่เมฆจะฟังมั้ยครับ?” ผมขมวดคิ้วเมื่ออีกคนกวนประสาทเหลือเกิน นี่เรื่องสมมุติไง เชื่อกันบ้าง! ผมไม่น่าเชื่อถือตรงไหนกัน!
“ถ้าสมมุติคุณพี่เมฆมีน้องชายที่รักกันมากๆ สนิทกันมากๆ อยู่มาวันหนึ่งพี่เผลอตวาดน้องไป แบบไม่ได้ตั้งใจเลยนะพี่ แค่เผลอหลุดปากเพราะว่าเหนื่อยง่ะ…”
ผมถอนหายใจ ตอนนี้คุณพี่เมฆกลับมาเท้าคางมองผมเหมือนกับเมื่อตอนที่คุยกันเรื่องซุกซนแล้วครับ เขาเงียบแต่ส่งยิ้มบางๆเป็นสัญญาณให้พูดต่อไปครับ
“ผมรู้สึกผิดมากเลย… คุณว่าน้องจะโกรธผมมั้ย?”
“อันนี้ยังเรื่องสมมุติเหมือนเดิมเนอะ”
“คุณพี่เมฆ ทำไมวันนี้กวนประสาทจังเลย”
“เห็นเราทำหน้าบึ้งไงเลยอยากให้อารมณ์ดี ดูสิแก้มเบี้ยวแล้วเนี่ย”
ผมตกใจมาก รีบเอามือจับแก้มตัวเองทันที เอ๊ะ แต่แก้มคนเราเบี้ยวเพราะหน้าบึ้งได้ด้วยเหรอวะ? … โดนหลอกอีกแล้วแน่ๆ ยิ่งเห็นว่าอีกคนกำลังส่งยิ้มน้อยๆมาให้ผม ในขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากบ่นเขาเหมือนเคย เสียงนุ่มๆของอีกคนก็ขัดขึ้นมาก่อน
“แทนใจ”
“ครับ?”
“เราตวาดน้องเพราะอะไร?”
“...ผมรู้สึกว่าน้องเอาแต่ใจ”
“แล้วน้องเอาแต่ใจจริงมั้ยครับ?”
“นิดนึงครับ” ผมตอบคำถาม “แต่วันนี้ผมเหนื่อยมากๆแล้วอะ น้องยังตื๊อจะมาหาอีก ทั้งที่มาดึกๆมันอันตรายจะตายไป น้องชายทั้งคนนะ น้องกายของผม ถ้าโดนแท็กซี่จับไปจะทำยังไง?”
“เราเป็นห่วงน้องใช่มั้ยล่ะ พี่ว่าถ้าพูดดีๆน้องก็น่าจะเข้าใจนะ”
“...”
“เรารักน้องอย่างไรน้องก็รักเราแบบนั้นแหละ รอใจเย็นๆก่อนแล้วก็โทรไปหาน้องซะ ดีไม่ดีน้องชายเราอาจจะรอสายจากเราอยู่ก็ได้นะ”
ผมปล่อยให้คำพูดสุดท้ายของคุณเมฆลอยวนอยู่รอบตัวโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพราะมัวแต่พยายามห้ามไม่ให้หัวใจเต้นตึกตังตึกตัก แต่มันยากมากๆ ยากกว่าตื่นเช้าไปทำงานแบบไม่ให้สายอีก
ทั้งสายตา ทั้งคำพูด ทุกอย่างของคุณเมฆที่อยู่กับผมมาตั้งแต่เช้ายันเย็นมันดีมากจริง
“ขอบคุณนะครับ”
ผมพูดออกไปอย่างที่ใจคิด อีกฝ่ายยิ้มรับพร้อมกับเอามือมาลูบหัวผมอย่างที่ชอบทำ แย่มากๆ ตอนนี้มันร้อนหน้าไปหมดเลย แต่ถึงแม้หน้าจะร้อนแต่ผมก็ดีใจนะที่มีเขาอยู่ช้างๆในวันที่แย่มากแบบนี้ ถ้าหากเขาอยู่กับผมไปเรื่อยๆ ทุกๆวันจันทร์ได้ก็คงดี …
และวินาทีนั้น คำพูดเมื่อสักครู่ของผู้ชายฝั่งตรงข้ามก็ลอยเข้ามาในหัว
‘คนที่อยู่ในชีวิตเราเข้ามาแล้วก็ออกไป คนที่อยู่เดี๋ยวก็หาย อย่าไปยึดติดกับความสัมพันธ์มาก’
แล้วคุณพี่เมฆล่ะ ผมยึดติดกับเขาได้มั้ย? เดี๋ยวเขาก็จะหายไปด้วยหรือเปล่า?
------- TBC -------
เราขอสัญญา จะขอเวลาอีกไม่นาน
แต่ตอนนี้งานทำร้ายมากค่ะ
แงงแงแงงแงแงแงแงแงแงงแงแงแงแงแงแง้
Babybaphomet
[/color]
12th Monday - 100%
ผมมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้?
ผมยืนมองคนสองคนที่คุยกันอย่างออกรสครับ ผู้หญิงสวยๆที่เดินเข้ามาหาคุณพี่เมฆคือสวยจนผมมองหน้าเขาอย่างเดียวเลยครับ เขายืนยิ้มข้างกันโคตรเหมาะสมกันเลยอะ คล้ายๆกับผมเป็นต้นไม้ในขณะที่เจ้าหญิงกับเจ้าชายเขากำลังคุยกัน
ต้นไม้อาจจะดีไป ก้อนหินละกัน
“เหี้ยเมฆ”
“สัดบิว”
“หน้าหล่อแต่เลวเหมือนเดิม”
“มึงก็ยังปากแดงเหมือนเดิม ไปกินเลือดที่ไหนมา”
“ปากเสีย! นี่ MAC เลยนะ Ruby Woo น่ะมึง หยาบคายมากดูหมิ่นลิปกู มึงแม่งสายตาไม่ได้เรื่อง ตาต่ำจริงๆ พวกตาไม่มาราคา พวกสายตารากหญ้า”
โอเค เขาอาจจะไม่ใช่เจ้าชายเจ้าหญิงขนาดนั้นแล้วแหละครับผมว่า
“อุ้ยตาย! นี่มึงไปหลอกเด็กที่ไหนมาหิ้วด้วยคะเนี่ย”
ในที่สุดเจ้าหญิงกับปากสีแดง MAC อะไรบูๆวูดูสักอย่างหันมาเห็นผมแล้วครับ หลังจากที่ซ้อมเป็นก้อนหินประกอบฉากอยู่สักพัก
ผมยิ้มให้อีกฝ่ายที่ยิ้มกว้างให้ผมครับ ยิ่งมองก็ยิ่งสวย เหมือนกับเห็นพี่แทนรักเลย พูดแล้วก็คิดถึงพี่นะครับ เอาไว้สุดสัปดาห์นี้ผมแวะไปหาพี่แทนรักบ้างดีกว่า
“แทนใจครับ” เป็นคุณพี่เมฆที่พูดขึ้นมา แล้วผายมือไปทางหญิงสาวในส้นสูง ที่ดูสูงพอๆกับผมเลยครับ นี่ผมไม่ได้เตี้ยแต่เขาสูงใช่มั้ย
“นี่คือบิวครับ เพื่อนที่คณะพี่เอง”
“โอโหย มีพูดคงพูดครับ” คุณบิวพูดพร้อมกลอกตาทำหน้าเหม็นเบื่อ คล้ายกับว่าคุณเมฆไม่ได้พูดเพราะอะไร
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีจ้าน้องแทนใจ”
พี่ผู้หญิงรับไหว้พอเป็นพิธีพร้อมยิ้มกว้าง ก่อนที่เขาจะไปคุยกับคุณพี่เมฆต่อครับ
“มึงเทนัดพวกกูเพราะมาเดทเหรอ?”
ผมสะดุ้งตาเหลือกเมื่อถูกพาดพิง เฮ้ย อะไรอะ?! นอกจากผมจะแอบชูวับชูวับกับเขาแล้ว ยังเป็นตัวการทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับเพื่อนมีรอยร้าวอีกเหรอ?
“นัดอะไรของมึง?”
“รียูเนียนไง รียูเนี่ยนน่ะ” คุณบิวพูดพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดแอพไลน์โชว์ใส่หน้าผู้ชายข้างๆผม “เนี่ย พวกกูนัดกันไปกินข้าวเย็นนี้เนี่ย ดูสิคะมึง”
“กูไม่เล่นไลน์”
“แล้วมึงสื่อสารกับชาวโลกยังไง โทรเลขเหรอ?”
“พ่อมึง---”
“แทนใจ”
อยู่ดีๆคุณบิวเขาก็หันมาถามผมครับ ซึ่งผมก็เบิกตากว้างเต็มที่เพราะไม่ทันตั้งตัว มันคงูตลกเพราะอีกคนยิ้มกว้างจนเห็นฟันเลย
“ครับ?”
“ไอ้เหี้ยเมฆมันติดต่อหนูยังไงลูก มันใช้โทรเลข หรือโทรจิต?”
“ครับ??????”
งง อะไรอะ? เดี๋ยวนะ แล้วผมควรจะตอบอะไร?
“แทนใจ อย่าไปยุ่งกับมันครับ”
คุณพี่เมฆพูดพร้อมกับเอาผมไปไว้ข้างหลัง เหมือนกับว่าตัวเองเป็นเจ้าชายปกป้องหมาคู่ใจจากมังกรร้ายที่ใช้ลิปบูๆวูๆ
“มึงอันตรายกว่ากูอีก แทนใจ มาหาแม่มา มานี่เร็วลูก โมะๆ”
ผู้หญิงสวยๆ นี่ต้องไม่มีสติเหรอครับ งงใจ ผมเริ่มคิดแล้วนะว่าเวลาพี่แทนรักอยู่กับเพื่อนเขาจะเป็นแบบนี้มั้ย …
“แล้วมึงมาทำอะไรที่สยามเนี่ย?”
คุณพี่เมฆเปลี่ยนเรื่องครับ ผมเลยได้รู้ว่าความจริงแล้ววันนี้เพื่อนสมัยมหาลัยของคุณพี่เมฆเขานัดทานข้าวกันตอนเย็นๆ แต่คุณบิวมาทำธุระที่สยามเลยบังเอิญเจอพวกผมครับ (ซึ่งพอจะรู้ว่าธุระคืออะไร ป้าย Mid Year Sale เต็มห้าง แถมถุงช็อปปิ้งยังเต็มมืออีกต่างหาก)
ผมไม่ได้จะแอบฟังนะ! แต่ก้อนหินประกอบฉากมันขยับไม่ได้ ข้อมูลเลยลอยเข้าหูมาเอง
“มึงเดทเสร็จยัง? ถ้าเสร็จแล้วก็ไปเร็วมึง ไปค่ะ กูบังคับ”
“ไม่ไปได้มั้ย ไม่อยากคุยกับมึง”
“น้องแทนใจคะ?”
คุณบิวหันมาถามผมอีกแล้ว ฮือ
“ครับ?”
“ไม่รำคาญไอ้เหี้ยนี่บ้างเหรอคะ? พี่นี่รำค๊าญรำคาญ คบมันแค่เพราะมันหล่อนี่แหละ แต่หล่อไม่มีประโยชน์เลยตลอดเวลาหลายปีที่รู้จักกันมา”
“...”
“เลิกเลยค่ะ พี่เชียร์”
“ไอ้เหี้ยนี่ กูจีบอยู่”
“ว๊ายยยย เพื่อนหล่อจีบคนเป็นด้วยว่ะ ปกติมีแต่คนมาอ่อยก่อน น้องแทนใจไม่ธรรมดาจริงๆ กูว่ากูต้องเอาไปบอกในกรุ๊ปไลน์รุ่นละ โลกต้องรับรู้เรื่องนี้”
แล้วพวกเขาก็คุยกัน (โอเค ด่ากัน) ต่อเหมือนผมไม่ได้อยู่ตรงนี้ ซึ่งก็ไม่เป็นอะไรเพราะผมไม่ได้รู้สึกเหมือนถูกทิ้งครับ แต่มีสะดุ้งบ้างหลายๆครั้งเมื่อมีชื่อผมผสมอยู่ในการด่ากันของพวกเขา
“แทนใจครับ”
“ครับ?”
ผมกะพริบตาเมื่อทั้งสองคนหันมามองทางผมเป็นตาเดียวครับ ทั้งที่ผมตัวพอๆกับคุณบิวนะ แต่พอมาอยู่แบนนี้แล้วรู้สึกเหมือนตัวเล็กกว่าอีกคนเยอะเลย หรือว่าเป็นเรื่องปกติที่เราจะตัวเท่าผุ้หญิงที่ใส่ส้นสูง? น่าจะแบบนั้นครับ เพราะถ้าซุกซนยืนอยู่ตรงนี้น่าจะเป็นหลุมไร้ก้นไปเลยแน่นอน
“เดี๋ยวพี่ว่าจะไปทานข้าวต่อกับเพื่อน พอดีไม่เจอกันมานานแล้ว…”
ผมรู้สึกเหมือนกับลูกบอลที่พองๆอยู่ในใจตลอดทั้งวันหล่นไปอยู่ตรงเท้า มันก็แปลกๆนิดหน่อยที่มาดูหนังกับคุณพี่เมฆ แต่ตอนกลับจะต้องโหน BTS กลับคนเดียว ผมกลับได้แหละครับไม่ใช่เรื่องแปลก
มันแค่… เหงาๆหน่อยละมั้ง
“แทนใจจะดูอะไรต่ออีกมั้ย?”
ผมส่ายหัวเป็นคำตอบ
“งั้นไปเลยแล้วกัน” เขาพูดกับผม แล้วก็หันไปพยักหน้ากับคุณบิวที่ยืนมองอยู่ โดยที่ฝ่ายนั้นไม่ได้สนใจเท่าไหร่เพราะกำลังเล่นมือถืออยู่ “เดี๋ยวไปเจอกันที่ร้านเลยนะ มึงขับรถมาใช่ป้ะ?”
“ไม่อะ รถกูทำสีอยู่อู่ เอากูไปด้วย”
“ไม่ หาทางไปเอง”
“ไอ้สัด”
“ป้ะครับแทนใจ เราไปกันเถอะ”
อะไรวะ?
สรุปคือผมถูกจูงมาที่รถของคุณพี่เมฆแบบยังงงๆ โดยที่เพื่อนของเขาถูกปล่อยทิ้งไว้ตรงนั้นเหมือนเดิม แต่ดูเพื่อนเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร เป็นความสัมพันธ์ที่ต้องช่วยเหลือตัวเองครับเพราะเพื่อนไม่สนใจ ทั้งที่ปกติเขาดูเป็นคนมีน้ำใจมากเลยนะ
ผมควรบอกคุณพี่เมฆให้เขาเอาคุณบิวมาด้วยมั้ยนะ? ความจริงที่ว่างก็ยังเหลืออยู่เยอะ เพราะว่าผมนั่งหน้ากับคุณพี่เมฆ ข้างหลังมันก็ยังว่างๆอยู่ คุณบิวสูงก็จริงแต่ไม่ใช่คนตัวใหญ่แบบต้นไทรสามคนโอบอะไร ยังไงก็ขนไปด้วยกันได้นะ
“คุณพี่เมฆครับ”
“ว่าไง?”
“เราไม่ให้คุณบิวไปด้วยกันเหรอครับ?”
“ไม่ล่ะ พี่รำคาญเสียงมัน”
คุณพี่เมฆตอบยิ้มๆ ซึ่งอันนี้เป็นยิ้มแบบที่เขาพูดเล่นครับ
น่าแปลกเหมือนกัน ผู้ชายคนนี้เป็นประเภทยิ้มตลอดเวลาครับ แต่รอยยิ้มไม่เหมือนกัน ทั้งที่ยิ้มแต่บางทีดูอบอุ่น ดูน่ากลัว ดูใจดี ดูอารมณ์ดี ดูใจเย็น ดูมีอำนาจ ดูขี้แกล้ง และ… เอ่อ …
ดูโคตรเซ็กซี่เลย
ผมไม่ได้พูดนะว่าคิดถึงรอยยิ้มตอนไหนของเขา
“คิดอะไรอยู่เนี่ย”
คุณพี่เมฆทัก ผมถึงได้รู้ตัวว่าเขาอยู่ใกล้ขนาดนี้
เขาหันมามองหน้าผม ผมตกใจจนเผลออุทาน ‘เฮ้ย!’ ออกมาเมื่อเห็นว่าหน้าเขาใกล้มากกกกกก ดีที่ยังขยับมือไม่ไปเพราะไม่งั้นคงโดนข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าของรถที่เคยชูวับชูวับด้วยแน่นอน แต่มันใกล้จริงๆนะ ตกใจหมดเลย
ผมเอาแต่คิดเรื่องนี้ตอนที่คุณพี่เมฆเขายื่นมือมาช่วยคาดเข็มขัดให้ เพราะเห็นว่ามือผมค้างอยู่ที่เดิมไม่ขยับเหมือนคอมพิวเตอร์ผมเวลารีบๆ เนี่ยสมองผมนี่หมุนติ้วๆ
“เราหิวเหรอ? เมื่อกี้ยังทันได้ทานอะไรเลยก็ดันเจอบิวมันก่อน โทษทีนะ”
“ไม่ครับๆ ไม่ได้หิว” ผมรีบปฏิเสธ เมื่อนึกออกลางๆว่าเขาก็ถามผมเรื่องของกินอยู่เหมือนกัน
“หรือเราอยากเข้าห้องน้ำก่อนมั้ย?”
“ไม่เป็นไรครับ” ผมรีบเบรกก่อนที่คุณพี่เมฆจะยกเรื่องอื่นขึ้นมาอีก
“โอเคๆ”
“คุณพี่เมฆจะให้ผมกลับเลยมั้ยครับ? ผมลงข้างหน้านี้ก็ได้นะ แล้วเดี๋ยวเดินไปขึ้น BTS”
ผมเลือกถามคนตัวสูงกว่าที่ยืนเอาตัวบังผมอยู่แทนครับ ก็เขานัดกับเพื่อนเขา ผมไม่รู้ว่าจะต้องไปด้วยมั้ย ว่ากันตามตรงที่นัดกันแค่ดูหนังไงครับ ซึ่งก็ดูหนังจบแล้ว ผมแยกกลับเลยก็ได้เผื่อเขาจะได้มีเวลากับเพื่อนเพิ่มอะไรแบบนี้ ผมเข้าใจนะ เพราะคนเราก็ต้องอยากคุยกับเพื่อนแบบแค่เฉพาะกลุ่มเหมือนกัน
“กลับไปไหน?” คุณพี่เมฆถามผมกลับ “เราไม่อยากไปกับพี่เหรอ?”
“ไม่ใช่ดิ ผมหมายถึง… พี่อยากจะใช้เวลากับเพื่อนหรือเปล่า?”
“ก็อยากนะ ไม่ได้เจอกันนานแล้ว”
“ใช่มั้ยล่ะ”
“แต่พี่อยากใช้เวลากับเราไปด้วยไม่ได้เหรอ?”
คิดว่าผมจะเขินเหรอ?
คิดถูกแล้วล่ะ ไอ้คุณพี่เมฆเว้ย ไอ้บ้าเอ้ย หยอดอยู่ได้!!!
“ตะ.. เอ่อ แต่แบบ--”
“แต่?”
“ตกลงคุณพี่เมฆจะให้ผมไปด้วยเหรอ?”
“ใช่ไงครับ หรือเราไม่อยากไปกับพี่?”
“งั้นหมายความว่าเราอยากไปกับพี่”
“ก็ใช่…” เอ๊ะ เขาไม่ได้หลอกให้ผมพูดอะไรใช่มั้ย เอาเถอะ ตอนนี้งงมากเลย เอาเรื่องคุณพี่เมฆก่อน งงอะ “คุณพี่เมฆนี่เข้าใจยากจัง”
“หือ?”
“เข้าใจยากมากเลยอะ เหมือนโจทย์เลขเลย งงไปหมด”
เขาเงียบไม่ได้ตอบอะไรเพิ่ม เหมือนที่กำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งผมเองก็คิดอยู่เหมือนกันครับ เห็นแบบนี้ผมก็ใช้ความคิดได้นะ!
คุณพี่เมฆเหมือนเป็นโจทย์เลข โจทย์งงๆที่ไม่รู้ว่าต้องใช้สูตรอะไรในการหาคำตอบ นั่งอ่าน นอนอ่าน ตีลังกาอ่านก็ไม่เข้าใจสักทีว่าเขาต้องการอะไร
ผมเหลือบมองคนข้างๆอีกครั้ง ภายใต้ใบหน้าโคตรหล่อที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่มันยากจะคาดเดาจริงๆ ให้ตาย ไม่เข้าใจเลยอะ ไม่เข้าใจมากๆ
คุณพี่เมฆคือโจทย์เลขที่ยากที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอเลยล่ะ
เอ๊ะ หรือว่าผมโง่เองวะ?
------- Monday In Love -------
.
.
หลังจากที่จอดรถ ผมก็เดินตามคุณพี่เมฆต้อยๆเข้ามาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
.
ร้านนี่คือร้านนั่งชิวที่ผมไม่เคยมา บรรยากาศก็คคล้ายๆร้านนั่งชิวทั่วไปครับ มีเสียงดังๆจากดนตรีสด มีเสียงจ๊อกแจจอแจของบทสนทนาจากผู้คน แล้วก็มืดๆหน่อย การที่ขับรถออกจากสยามตอนเย็นนี่เป็นความคิดที่ผิดมากครับ เพราะพวกผมเสียเวลาส่วนใหญ่บนถนน ออกจากสยามไม่ถึงทุ่ม เจอการจลาจลไทยแลนด์แดนแห่งรอยยิ้มเข้าไป มาถึงที่หมายก็เลยสองทุ่มไปแล้วทั้งที่ไม่ได้ไกลเลย
ยังดีที่คุณพี่เมฆเป็นคนใจเย็น หรืออาจจะไม่ใช่คนหัวร้อนเท่าไหร่ตอนขับรถ เพราะว่ารถมันกระดิ๊บๆ แต่เขาก็ยังหาเรื่องมาคุยกับผมได้ตลอดทางเลยครับ พอหมดเรื่องคุยเขาก็ฮัมเพลงไปเรื่อย มันเลยทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายไปด้วยทั้งที่ใช้เวลากระดึ๊บๆบนถนนโง่ๆอย่างนาน
“เฮ้ย เชี่่ยเมฆ แม่งมาจริงด้วยว่ะ!!”
ผมและคุณพี่เมฆหันตามเสียงทางขวามือ โต๊ะมุมที่ส่งเสียงโหวกเหวกได้ดังมากทั้งที่มีอยู่ไม่กี่คนครับ ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นโต๊ะของเพื่อนคุณพี่เมฆเพราะทางนั้นโบกไม้โบกมือให้เต็มที่มากครับ
“กูบอกแล้วว่ามันมาแน่ๆ”
ผู้ชายหน้าตี๋ที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาพูดขึ้นพร้อมกับปรบมือเหมือนถูกใจมากครับ ทำไมคุ้นตาน่ะเหรอ? ก็นี่มันคุณเบิร์ด! หนึ่งในโปรเจคฯเมเนเจอร์ที่คุณพี่เมฆเตะออกจากกรุ๊ปไลน์ วันนี้ที่รอคอย เขาตัดผมใหม่ แถมวันนี้ยังใส่แว่นอีก ดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่าที่เจอครั้งที่แล้วเยอะเลย เพิ่งรู้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันด้วย
“สวัสดีครับคุณเบิร์ด”
ผมยกมือไหว้เขาเป็นคนแรกตอนที่เข้าไปนั่ง แล้วก็ยกมือไหว้อีกคน แล้วก็คุณบิวเป็นคนสุดท้าย ลิปวูบูของเขายังแดงอยู่เลยครับ
โชคดีที่ตรงนี้มันเป็นมุมชั้นลอยที่ถึงแม้จะมีเสียงรอบข้างดังรบกวนบ้าง แต่ยังถือว่าคุยกันรู้เรื่องอยู่ นอกจากเขาผมก็ยกมือไหว้รอบวง รวมถึงคุณบิวที่ยิ้มกว้างรับไหว้ผมด้วยครับ คิดไว้ก่อนว่าถ้าเขาเป็นรุ่นคุณพี่เมฆแสดงว่าต้องแก่กว่าผมแน่นอน
“น้องแทนใจของพี่ ยังน่ารักเหมือนเดิม ถึงแม้จะมีไอ้เหี้ยเมฆเพิ่มเติมเข้ามา”
“ช่างเครื่องเป่าขวดที่มึงขอยืมตัวจากไซต์กูไปนี่คงไม่เอาแล้วใช่มั้ย ได้นะ กูโทรบอกให้พี่เขากลับปทุมฯตอนนี้ได้นะ”
“ผมล้อเล่นครับคุณเมฆครับ อย่าทำผมเลย เครื่องมันหยุดอยู่นะเว้ย กูคุยกับลูกค้าจนหูจะหลอมติดกับโทรศัพท์แล้ว”
คุณเบิร์ดที่เมื่อกี้หัวเราะเอิ้กอ้ากหน้าหดเหลือสองนิ้ว แล้วยกมือไหว้คุณพี่เมฆปลกๆ เป็นภาพที่ตลกจนผมออดขำออกมาไม่ได้ครับ คือหากไซต์งานของลูกค้าเครื่องหยุดทำงานนั่นถือเป็นปัญหาที่ใหญ่มากๆสำหรับพวกเราทุกแผนก อย่างเช่นของผม ถ้าเกาหลีโทรหานั่นคือสุดๆแล้ว เครื่องจักรไม่หยุดทำงานก็ใกล้จะหยุดเต็มที ส่วนไอ้ที่ ASAP ในเมลธรรมดามันแค่เกิดปัญหานิดหน่อยแต่เกาหลีเล่นใหญ่ใส่ครับ
“ว๊ายยยยยยยยยยยย กากกกกกกกก”
คนเดิมที่เอ่ยทักคุณโปรเจคของผมว่า ‘เชี่ยเมฆ’ พูดขึ้น เขาเป็นผู้ชายที่ให้ลุคสบายๆ ผิวแทนหน่อยๆ ข้างๆเขาคือคุณบิวสวยที่เพิ่งเจอไป (ไหนเขาบอกไม่มีรถ แล้วมาถึงก่อนผมได้ไงวะ หรือว่าคุณพี่เมฆขับอ้อม? หรือว่าประเทศไทยรถติดจนเดินมาเร็วกว่าขับรถ?) ทั้งโต๊ะมีแค่นี้ รวมผมกับคุณพี่เมฆก็เป็นห้าคนครับ
คนน้อยกว่าที่คิด แต่ก็ดี เพราะถ้าเยอะกว่านี้ผมคงทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
“กากแต่ก็ได้แดกเบียร์ฟรีนะครับ อย่าลืม”
“เออแม่ง เชี่ยเมฆมึงมาทำไมวะเนี่ย?”
“คิดถึงมึงเหมือนกันนะโป้”
“ฮ่าๆ”
รอบนี้ผมหัวเราะออกมาจังๆเลยครับ คุณบิวเล่าให้ผมกับคุณโปรเจคฯฟังว่าสองคนนั้นเขาพนันกันว่าคุณพี่เมฆจะมาหรือไม่มา เพราะเขาเป็นคนที่แทบจะไม่มารียูเนียนกับเพื่อนฝูงเลยครับ ไลน์ก็ไม่อ่าน รู้แค่ว่ายังมีชีวิตอยู่จากเฟสบุ๊คที่นานๆอัพเดตทีนึงเท่านั้น
“นี่เองเหรอเด็กมึงอะเมฆ” คนที่คุยกับคุณโปรเจคเมื่อสักครู่หันมาทางผม ที่รีบปิดปากเพราะหัวเราะดังเกินไป “พี่ชื่อโป้นะครับ เป็นเพื่อนสมัยเรียนของไอ้เมฆ--”
“เราเคยเป็นเพื่อนกันเหรอ? กูว่าไม่นะ” อันนี้เป็นเสียงคุณพี่เมฆที่พูดแทรกขึ้นมา ผมไม่ทันได้ยินว่าคุณโป้สวนอะไรกลับหรือเปล่า เพราะว่าคุณบิวลุกขึ้นยืนเรียกเด็กเสิร์ฟที่กำลังเดินถือแก้วผ่านดังมาก
“น้องคะ น้องเว๊ย น้องงงงงงงงงงงงงงงงง เมนูหน่อยยยยยยยยยย”
“เสียงดังจังวะ”
“ก็แม่งไม่ได้ยินอะ กูต้องขึ้นไปยืนบนโต๊ะมั้ย?”
“ไอ้สัดอย่า!”
พวกผู้ชายทั้งสามคนห้ามคุณบิวอย่างจริงจัง โดยที่ผมได้แต่นั่งขำ เพราะท่าทางคุณพี่แกทำจริงแน่
บทสนทนาต่อจากนั้นเป็นไปด้วยความสนุกครับ กลุ่มของคุณพี่เมฆดูสนิทกันแบบแปลกๆ ผมรู้เพิ่มว่าความจริงแล้วมีอีกสองคนที่สนิทกันครับ คนหนึ่งติดงาน อีกคนแต่งงานแล้วย้ายสำมโนครัวไปอยู่ต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว
ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่พวกเขาสามารถทำให้ผมไม่รู้สึกโดดเดี่ยวได้ครับ ไม่ถึงขนาดเข้าใจทุกอย่างที่เขาพูดกัน แต่ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินในวงนี้ขนาดนั้น (แม้ผมจะนั่งขำ กับนั่งแทะเฟรนช์ฟรายแค่นั้นก็ตาม) หรืออาจจะเพราะเบียร์สดในมือด้วยเลยทำให้ทุกอย่างมันดูสนุกไปหมด
ผมไม่ได้เมานะ คุณพี่เมฆไม่ยอมให้ผมเติมเยอะ ตอนผมยกแก้วนี่มองดุเลยครับ ยิ้มนะแต่ยิ้มแบบดุอะ น่ากลัวมากผมไม่กล้าเสียงกินต่อเลย อีกอย่าง ผมยังเข็ดจากคราวที่แล้วอยู่เลย
“มึงจะไปงานแต่งหวานมั้ย?”
“หวานไหนวะ?”
“หวานไง หวานคณะเราอะ”
“อ๋อ กูก็นึกว่าหวานอักษร”
“หวานนั้นยังไม่แต่งงาน”
“มีความตามข่าวคราวเขาเนอะมึงเนี่ยเชี่ยเมฆ”
ผมนั่งมองคนนั้นทีคนนี้ที ส่วนใหญ่เขาคุยกันเรื่องในอดีตกับอัปเดตข่าวคราวของชีวิตตามภาษาคนไม่ได้เจอกันนานแล้วนัดรียูเนียน ตอนนี้คุณพี่เมฆนั่งจิบเบียร์คุยกับเพื่อน เขาดูผ่อนคลายกว่าที่เห็นในออฟฟิศเยอะเลยครับ
ผมเพิ่งรู้ว่าเขามีมุมแบบนี้ด้วยเหมือนกัน ยังมีอีกกี่ด้านของเขาที่ผมไม่เคยเห็น
“วันก่อนกูเข้าไซต์ลูกค้าที่บางประกง เจอไอ่เล็กด้วย”
“เอ้า มันเปลี่ยนงานแล้วเหรอ? ตอนแรกเห็นอยู่บริษัท....”
“ย้ายไปเป็นผู้จัดการโรงงาน ลูกค้าจ่ายให้มันหนักอยู่ พวกมึงก็รู้มันเทพ”
เหมือนยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าคุณพี่เมฆในตอนนี้ดูกลืนไปกับเพื่อนเขาครับ ดูเป็นกลุ่มเดียวกัน ดูเป็นธรรมชาติ รอยยิ้มของเขาในตอนนี้ก็เป็นยิ้มที่ดูผ่อนคลาย ที่ทำให้ผมเผลอยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว ความคิดเดียวในหัวคือเขาดูเป็นตัวของตัวเอง
อีกนัยหนึงก็คือ เขาดูเป็นใครสักคนที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
หรือว่าการที่คนเราเจอกันแค่วันจันทร์ มันจะน้อยเกินไปสำหรับการทำความรู้จักใครสักคนกันนะ?
------- TBC -------
อากาศแย่มากเลยตอนนี้
ระวังอย่าป่วยกันนะคะ ไม่งั้นจะเปื่อยไปเลยแบบเรา ฮือ
สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
14th Monday
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์
วันนี้คือวันจันทร์ที่ผมแฮปปี้
เพราะวันนี้คุณพี่เมฆบอกว่าจะพาไปกินข้าวข้างนอก
8:30 น.
ผมมาถึงที่ทำงานโดยสวัสดิภาพครับ วันนี้รถไม่ติดมากเท่าไหร่ (คือติดนะ แต่ติดปกติ ไม่ได้มากมายจนอยากจะบ่น) พอมาถึงที่ทำงานผมก็เปิดคอมฯดูงาน เห็นแล้วยิ้มเลยครับ วันนี้อีเมลอย่างน้อย พวกงานค้างจากวีคที่แล้วก็ไม่ค่อยมีครับ ออเดอร์อะไรก็ทำหมดแล้ว เหลือแค่ต้องตามงานกับฝั่ง Logistics ครับ
วันจันทร์ชิลๆแบบนี้ หายากกว่าโอกาสที่จะได้เลือกตั้งอีกครับ
“คุณกฤติ คุณณี สวัสดีครับ”
“น้องแทนใจ สวัสดีจ้ะ”
ผมยกมือไหว้คุณคุณกฤติ กับคุณณีเลขาคุณกฤติ ที่เดินตามกันออกมาจากทางห้องทานข้าวครับ ซึ่งทั้งสองก็ยกมือรับไหว้ผมพร้อมกับยิ้มให้ทั้งคู่ครับ คุณณีทักนิดหน่อยแล้วเดินออกไปอีกทาง ส่วนคุณกฤติเดินตรงมาทางโต๊ะผม แล้วดึงเก้าอี้เก่าของซุกซนมานั่งครับ
ตอนนี้ออเดอร์ของฝั่งญี่ปุ่นถูกโอนไปให้หมิ่วหมิวดูครึ่งหนึ่ง ส่วนผมดูอีกครึ่งหนึ่งครับ เพราะว่าจากที่ประชุมเมื่อวันก่อนหมิ่วหมิวอยากจะย้ายมาเป็นเซลล์โคฯ ซึ่งพอดีกับช่วงนี้ที่ซุกซนไม่อยู่ คุณกฤติเลยให้เขาลองทำดูก่อนโดยมีพวกแปซิฟิกทีมช่วยสอนงานเพราะนั่งใกล้กันครับ มีบางทีเหมือนกันที่เขาเดินมาถามผมบ้าง ซึ่งผมก็ยินดีช่วยนะ เพราะผมเคยนั่งกับซุกซนมาก่อน บางงานที่มันทำค้างไว้ผมก็พอรู้เรื่องบ้าง
“เป็นไงมั่งเรา วันนี้ดูอารมณ์ดี”
“นิดหน่อยน่ะครับ”
“มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นเหรอครับ?”
“ไม่มีอะไรสำคัญหรอกครับคุณกฤติ แค่วันนี้ตอนเที่ยงผมจะออกไปทานแซลม่อนน่ะครับ”
หลังจากนั้นบทสนทนาก็เป็นเรื่องปกติทั่วไปครับ ผมเพิ่งรู้ว่าตอนนี้คุณกฤติเขาหาคนมาทำแทนซุกซนได้แล้ว ส่วนหมิ่วหมิวจะกลับไปอยู่ในส่วนของเลขา เพราะลองทำไปแล้วไม่ชอบงานตรงนี้ ผมก็เข้าใจได้นะ แต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน ผมก็ไม่ชอบงานนี้ครับ ไม่ชอบวันจันทร์ ไม่ชอบอะไรเลย ไม่ทำแล้วครับ ลาออกมันเลยแล้วกัน
“แล้วคนใหม่จะเข้ามาเมื่อไหร่ครับ?”
“น่าจะเข้ามาบ่ายนี้แหละ”
“ดีจังเลยนะครับ ถ้าเข้ากับพวกเราได้เหมือนซุกซนก็คงดี”
คุณกฤติยิ้มนิดหน่อยแล้วก็เดินไปคุยงานกับคุณนุ่นฟิลิปปินส์ที่เหมือนจะถามอะไรสักอย่าง ผมเลยนั่งจัดๆพวกไฟล์กับอีเมลที่ปล่อยให้รกในช่วงก่อนหน้านี้ที่ยุ่งๆครับ
“แทนใจ”
“คุณพี่เมฆ สวัสดีครับ”
ผมทักคนที่เดินมาท่าทางเหมือนเพิ่งจะวิ่งมา ไม่แน่ข้างนอกอาจจะร้อน เห็นเขาพูดตอนที่คอลกันเมื่อคืนว่าวันนี้ไม่ต้องรีบเข้าบริษัทนีนา ทำไมมาเร็ว
“ทำไมมาเช้าจัง?”
“ผมมีประชุมเก้าโมงนะครับ” ผมบอกในสิ่งที่เป็นเรื่องปกติของชีวิต “ถึงแม้จะมาไม่ค่อยทันก็เถอะ”
“เมื่อเช้าพี่ขับรถไปหาแทนใจมา กะจะเซอร์ไพรส์รับมาทำงานสักหน่อย นิติคอนโดฯดันทักว่าแทนใจออกไปแล้ว พี่เลยรีบออกมาเลยเนี่ย”
“อ้าว โธ่ คุณพี่เมฆน่าจะบอกก่อน”
“บอกก่อนก็ไม่เรียกเซอร์ไพรส์สิ”
“แล้วแบบนี้เซอร์ไพรส์เลยมั้ยล่ะครับ?”
ผมถามขำๆ ท่าทางยิ้มแบบอ่อยๆของเขาตลกดี พวกเราคุยกันอีกนิดหน่อย ก่อนที่ผมจะโดนคุณกฤติเดินมาลากเข้า weekly meeting เหมือนทุกเช้าวันจันทร์ครับ ซึ่งก่อนที่คุณพี่เมฆเขาจะขึ้นไปทำงานชั้น 28 (ใช่ครับ เขาทำงานชั้น 28 ในขณะที่ผมอยู่ชั้น 27 มาบ่อยจนน่าจะมีโต๊ะประจำชั้นนี้ได้แล้วผมว่า) เขาก็ทิ้งท้ายเอาไว้
“เดี๋ยวเลิกประชุมแล้ว ไปกินกาแฟกันนะ พี่เลี้ยงเอง”
ไม่ต้องชวนผมก็ไปตลอดอยู่แล้วนะ
“แทนจะ--”
“แป๊บนะครับ ผมงานเข้า”
ผมหันไปบอกคุณพี่เมฆที่ทำท่าจะเดินมาคุยด้วยพอดี ถ้าเดาไม่ผิดน่าจะมาชวนไปกินกาแฟ ตอนแรกมันก็เป็นวันจันทร์ที่ไม่ยุ่งดีอยู่หรอก พอออกจากห้องประชุมมาเท่านั้นแหละ งานก็โถมตู้มๆเข้ามาเหมือนกับว่าเมื่อเช้าที่ว่างๆนี่ไม่มีอยู่จริง
“โอเคๆ”
ผมหันไปส่งยิ้มเล็กๆให้คนที่โตกว่า ก่อนจะหันกลับมาสนใจออเดอร์ลูกค้าตรงหน้าตัวเองต่อ จนประมาณห้านาทีให้หลังที่ผมพอจะเคลียร์เรื่องวุ่นวายตรงหน้าได้ถึงหันกลับไปหาคุณพี่เมฆ เพื่อพบว่าเขายืนคุยกับหมิ่วหมิวที่เมื่อกี้เดินมาถามงานผม
“เสร็จแล้วเหรอ?”
“ครับ”
“งั้นเรา--”
“แทนใจ ออเดอร์นี้ลูกค้าด่วนแค่ไหน ถ้าไม่ขอยืมตัว product นี้ให้…”
พอคุณพี่เมฆอ้าปากจะพูด คุณเชนประเทศไทยก็แทรกขึ้นมาเลยครับ โดยทั้งคุณพี่เมฆกับผมได้แต่ทำตาปริบๆ ก็พอเข้าใจแกอยู่ เพราะลูกค้าที่คุณเชนประเทศไทยเขาดูบางเจ้าเป็น key customer แกค่อนข้างจะช่วยลูกค้าแกมากๆครับ
“ไม่ได้เลยครับ ของผมก็ด่วน ลูกค้าเร่งยิกๆเลยเนี่ย”
“งั้นขอยืมของ xxxx ที่ญี่ปุ่นมาก่อนได้มั้ย เราดูญี่ปุ่นใช่ป้ะแทนใจ?”
“ครับ แต่อันนี้ผมว่าน่าจะยาก พี่ก็รู้เนเจอร์คนญี่ปุ่น…”
หลังจากนั้นก็ยาวครับ จนพวกผมเสร็จกันแล้ว (สรุปว่าให้ยืมไม่ได้ครับ ให้เขายืมคอผมขาดแน่ๆ และคุณกฤติก็จะมาฆ่าผมอีกรอบครับ อาจจะเป็นการฆ่าล้างโคตรเลยก็ได้ น่ากลัวมากจริงๆ) คุณพี่เมฆก็ยังยืนระรั้งระรอเหมือนว่าธุระยังไม่เสร็จ
“แทนใจครับ เราไป--”
“แทนใจ ลูกค้าที่สั่งของด่วนไปส่งวันนี้ DN ออกหรือยัง?”
คุณกฤติที่มาจากไหนไม่รู้ อยู่ดีๆก็ป๊อปอัพขวางหน้าผมกับคุณพี่เมฆที่กำลังคุยกันครับ ซึ่งผมก็รีบหา DN ให้คุณกฤติก่อน โดยไม่ได้สนใจว่าคุณกฤติกับคุณพี่เมฆเขาคุยอะไรกัน ฟังได้คร่าวๆประมาณว่า “แทรกเก่ง” แล้วก็ “ตอนคุณนกนี่ตลกดีนะครับ” แต่ไม่รู้ว่าใครพูดอะไร เพราะ DN ผมหายไปไหนก็ไม่รู้
“นี่ครับคุณกฤติ ให้ผมจดหรือเมลให้ดีครับ?”
“ส่งมาในแชทบริษัทก็ได้”
“โอเคครับ”
หัวหน้ายิ้มให้แล้วก็เดินกลับไปในห้องทำงาน ผมเกาหัวนิดหน่อยว่าออเดอร์นี้มันมีปัญหาตรงไหน หรือผมอาจจะตกอะไรไป แต่เท่าที่เช็กดูใน SAP มันก็ถูกหมดนะ หรือว่าลืมอะไร หรือคุณกฤติจะต้องการ DN ไปเก็บสะสมไว้ เหมือนสะสมแสตมป์อะไรอย่างงี้
“ทะ---”
Rrrrrr
“แป๊บนึงนะครับคุณพี่เมฆ”
ตอนที่คุณพี่เมฆกำลังจะพูด โทรศัพท์ผมดันดังพอดี ผมเลยต้องไปรับโทรศัพท์ก่อน อันนี้ลูกค้าจากเกาหลีโทรมาครับ ขึ้นต้นเป็นรหัสประเทศมาเลย ผมนี่แทบจะคว้างหูทิ้ง แต่ไม่ได้ครับ เราต้องรับทุกสาย เพื่อ KPI ที่ดี และโบนัสที่หนาครับ
“Hello. แทนใจ Speaking”
.
.
.
11.58 น.
สรุปกว่าผมจะว่างลงไปกับคุณพี่เมฆได้ก็เกือบจะเที่ยงพอดี
“กินกาแฟตอนนี้เดี๋ยวเป็นกรดไหลย้อน ทานข้าวเลยละกันนะครับ”
คุณพี่เมฆพูด ซึ่งผมก็พยักหน้าเห็นด้วย คือตอนที่ผมทำงานคุณพี่เมฆเขาก็ไม่ได้ว่างนะ หลังจากที่ผมรับโทรศัพท์เขาก็ไลน์มาบอกว่าจะไปนั่งทำงานก่อน เสร็จแล้วให้ทักไป ซึ่งผมก็ยุ่งมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก จนเที่ยงนั่นแหละคุณพี่เมฆถึงมาเคาะป๊อกๆเรียกทานข้าวครับ
“กาแฟเอาไว้ตอนบ่ายเนอะ”
“เราอยากกินขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ก็สัญญาแล้วนี่ ว่าคุณจะเลี้ยงกาแฟผมอะวันนี้”
ผมพูดพร้อมหัวเราะ เรากำลังเดินไปลานจอดรถครับ ด้วยความที่ตึกสำนักงานนี้ที่จอดรถเขาแบ่งเป็นล็อกของแต่ละบริษัท ซึ่งบริษัทผมได้อยู่ตึกใหม่ ที่ต้องเดินเท้าไปไกลหน่อยครับ
“แทนใจ…”
“ครับ?”
ผมหันมองหน้าคุณพี่เมฆที่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง จนสุดท้ายเหมือนรวบรวมลมออกมาได้
“ปะ---”
“อ๊อง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! กูกลับมาหามึงแล้วววววววววววววววววววววววววววววววววว”
สั้นๆป้อมๆแบบนี้ มีคนเดียวครับ
“ซุกซน!!!!”
ซุกซนครับ ซุกซนตัวเป็นๆกลับมาหาผมแล้ว!!!!
------- 50%-------
อิ_________อิ
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์
[/b]
21st Monday : First Half
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์
ทำไมเรื่องมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้?
ทุกอย่างพังหมด ทุกอย่างที่เขาพยายามสร้างมาหลายเดือนพังทั้งที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง ผมนั่งหงุดหงิดอยู่ในรถ โดยที่น้องแทนใจขอตัวกลับไปเองแล้ว โดยที่ผมขอไปส่งน้องก็ไม่ยอม ตอนนี้พูดอะไรก็ดูฟังไม่ขึ้นทั้งนั้น
ผมกดโทรออกหาคนเดียวที่นึกถึงในเวลานี้
“หวาน ยุ่งอยู่ป้ะ?”
“เราทำงานอะ แต่คุยได้ มีไรป่าว?”
“น้องโกรธเราว่ะ”
“เอ๊า! ทำไมวะเมฆ?”
ผมถอนหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ยอมเล่าเรื่องให้เพื่อนฟังตั้งแต่ตอนที่ผมโทรหาน้องแล้วติดต่อไม่ได้ ไลน์ไปว่ายังไง ไปจนสุดที่ว่า น้องพูดอะไรกับผมบ้าง
“โห เมฆ เอาตามตรงป้ะ ถ้าเป็นเราๆก็โกรธว่ะ”
“อ่าวหวาน ไหนบอกว่าทีมเราไง”
“ก็ทีมเมฆ”
เสียงผู้หญิงปลายสายถอนหายใจออกมา นอกจากนั้นผมยังได้ยินเสียงคีย์บอร์ดที่เหมือนกับเจ้าตัวกำลังทำงานอยู่อย่างที่ได้บอกไว้จริงๆ
“แต่เมฆจะไปพาลใส่น้องแทนใจไม่ได้ เขาไม่รู้เรื่องนะ”
“แล้วจะให้เราทำไงวะ? ให้บอกว่าน้องชายเขากำลังจะวางแผนให้เรากับน้องเลิกกันงี้เหรอ?”
ผมสบถเมื่อนึกถึงเด็กนั่น ถ้าแฟนผมไม่บอกว่าน้องชายนี่ผมจะคิดว่ามันเป็นกุมารที่น้องเลี้ยงไว้แล้วนะ เด็กเปรตเอ๊ย!
ตอนแรกผมก็คิดแล้ว น่ารักอย่างแทนใจน่ะเหรอจะไม่เคยมีแฟนมาก่อน ซึ่งพอผมรับโทรศัพท์แทนเขาในวันนั้น สายที่โทรมาเป็นน้องแทนกาย ผมเลยเข้าใจว่าทำไมแทนใจถึงไม่เคยมีความรักมาก่อน
ไม่ใช่เพราะแทนใจไม่น่ารัก แต่เป็นเพราะมีตัวขัดขวางอยู่ต่างหาก
ผมยังจำได้ดี ต้นเรื่องทั้งหมดมันเริ่มตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตอนที่ผมกำลังนอนมองแทนใจของผมที่เหนื่อยหลังจากการนอนด้วยกันรอบสุดท้ายของเรา แทนใจหลับโดยที่ละเมอให้ผมรับโทรศัพท์ให้ ซึ่งผมก็รับอย่างไม่อิดออด
“เมฆ แฟนแทนใจ”
ปลายสายเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะค่อยๆพูดตอบกลับมา
“พี่แทนใจไปไหนเหรอครับ?”
เสียงแทนใจ?
ผมพลิกโทรศัพท์กลับมาดูอีกรอบ หน้าจอที่เมมไว้ว่า น้องแทนกาย ทำให้เข้าใจได้ทันที พี่น้องบ้านนี้เขาอาจจะพิมพ์เดียวกันหมดก็ได้ เพราะอย่างน้องกายนี่คือเสียงเหมือนกับแฟนผมมาก ชนิดที่ว่าหากให้ฟังแค่เสียงอาจจะแยกไม่ออกเลยก็ได้
“แทนใจหลับแล้วครับ มีอะไรจะฝากไว้มั้ย?”
“ทำไมพี่แทนใจหลับ นี่ยังไม่ดึกสักหน่อย ปกติพี่แทนใจไม่นอนเร็วขนาดนี้นะ”
“แทนใจหลับแล้วจริงๆ ครับ พอดีแทนใจเหนื่อยเลยหลับไปแล้ว”
“...”
น้องชายแฟนผมเงียบไปนิดหน่อย แล้วค่อยพูดต่อ ซึ่งน้ำเสียงสั่นเหมือนคนกำลังสะกดอารมณ์อยู่
“ขอบคุณนะครับที่มารับโทรศัพท์พี่แทนใจให้ ถ้างั้นผมรบกวนคุณให้ช่วยเตรียมข้าวต้มให้พี่เขาตอนเช้าด้วยนะครับ ปกติถ้าเขาไม่ได้กินข้าวต้มตอนเช้าแล้วจะงอแง ผมหมายถึง ตอนที่อยู่กับคนที่สนิทมากๆน่ะครับ กับคนอื่นเขาไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่ เพราะพี่เขาน่ารัก”
คงไม่ใช่แค่เด็กนี่แล้วแหละที่จะอารมณ์ขึ้น
“ขอบคุณนะครับ เดี๋ยวไว้แทนใจตื่นแล้วพี่จะเตรียมไว้ให้ แต่ตอนนี้พี่ขอไปเช็ดตัวก่อนดีกว่าเนอะ เรามีอะไรจะฝากให้บอกแทนใจมั้ย?”
“งั้น… บอกพี่เขาหน่อยละกันนะครับว่าถ้าวันจันทร์พี่แทนใจว่าง เดี๋ยวเราไปดูหนังกัน”
“... ครับ แล้วพี่จะบอกให้”
“อ่อ แล้วไหนๆก็ไหนๆ ผมขอเบอร์คุณไว้หน่อยได้มั้ยครับ เผื่อบางทีถ้าผมติดต่อพี่แทนใจไม่ได้ ผมจะได้ติดต่อคุณแทนนะครับ”
พอผมบอกเบอร์ติดต่อของตัวเองเสร็จสรรพเด็กนั่นก็วางสายใส่ทันทีโดยไม่รอคำบอกลาใดๆ ตอนแรกผมแค่คิดว่าพี่น้องสองคนนี้เขาตัวติดกันธรรมดา
บางทีมันอาจจะเป็นอะไรที่มากกว่านั้น
ผมลุกขึ้นมายืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียง โดยต่อสายหาซุกซนไปด้วย ผมคิดว่าผมสามารถคุยเรื่องนี้กับมันได้ บางทีซุกซนที่รู้จักกับแทนใจมาก่อน อาจจะเคยเจออะไรที่ผมไม่รู้
“มึงเคยเจอน้องชายแทนใจป่าววะ?”
“น้องชายอ๊อง? แทนกายน่ะเหรอ?”
“นั่นแหละ” ผมพ่นควันออกจากปากอีกครั้ง “เด็กนั่นน่ะ มึงเคยเจอมะ?”
“เคยดิเฮีย แม่งแทบจะแดกหัวผม”
“เล่าให้กูฟังหน่อย”
“ก็ตอนนั้นผมไปห้องแทนใจ แล้วน้องมันมาหา ทีนี้ผมก็ยืดแก้มลูบหัวอ๊องมันเป็นปกตินั่นแหละ ตอนแรกเด็กนั่นก็นิ่งๆนะ แต่พอผมกลับบ้านมาเท่านั้นแหละเฮีย น้องแม่งแอดเฟซบุ๊คมากวนตีนผมเฉย มันคงคิดว่าผมจะจีบแทนใจทำเมีย บ้าเหรอวะ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว เอาก้อนเต้าหู้มาเป็นแฟนนี่วันๆผมจะต้องทำอะไรมั่งวะ ป้อนข้าวป้อนน้ำอ่านนิทานเหรอ ปัญญาอ่อน!”
“...” กูว่าบางทีมึงก็อินไปนะซุกซน เต้าหู้นั่นน่ะ เมียกูไง
“เออนั่นแหละ พอผมบอกไปว่ามันเป็นแค่เต้าหู้เน่าที่นั่งข้างๆ น้องมันถึงได้เงียบๆไป แต่ก็ยังกวนส้นตีนทุกครั้งที่เจอหน้าเหมือนเดิม”
“กวนตีนยังไง?”
“กวนตีนอะ หน้าตาท่าทาง ทุกอย่าง หน้าโง่เหมือนพี่มัน แต่กวนตีนคูณร้อยไปเลยแม่ง”
“อันนั้นกูรู้”
“มันหวงพี่มันมากเลยนะเฮีย หวงแบบ ถ้าไม่รู้ว่าเป็นพี่น้องคลานตามกันมา ผมคิดว่ามันคงกะเคลมไอ้อ๊องมันน่ะ”
“...”
“แทนใจมันไม่รู้อะไรหรอกเฮีย แต่น้องมันน่ะดูไม่ได้คิดพี่จ๋าน้องจ๋าแบบที่ไอ้อ๊องมันมองน้องแน่นอน สายตาอะไรหลายอย่างมันฟ้องมากเลยนะ มองแบบรักแทบแดก”
“...”
“แต่ก็ไม่มีไรหรอกมั้งเฮีย เด็กมันหวงพี่ แค่นั้นแหละมั้ง”
ผมไม่ได้ตอบอะไรซุกซนกลับไป นอกจากการพ่นควันบุหรี่ออกจากปากอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น
.
.
.
แทนใจยังคงน่ารักเหมือนเดิมในเช้าวันถัดมา
น้องตื่นมาแล้วเรียกหาผม อ้อนผม ทำตัวน่ารักแบบที่ผมอยากจะรักน้องทั้งวัน ขังไว้ที่บ้านไม่ให้ไปไหน ให้อยู่กับผมเท่านั้น แต่ผมยังมีเรื่องให้ต้องจัดการอีก
หากแทนกายรักแทนใจมากกว่าพี่น้องจริง ผมควรจะทำอย่างไร?
ลองเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงคนอื่น ผมคงประกาศตัวเป็นเจ้าของน้องชัดเจน แบบที่เอาให้เข้าหน้ากันไม่ติดเลยก็ได้ แต่จากที่รู้มา แฟนผมเขาก็รักน้องชายมาก รักจนผมรู้สึกว่า ถ้าหากให้แทนใจเลือกระหว่างผมกับน้องชายเขา เขาต้องเลือกน้องแน่นอน
ผม… ต้องปรึกษาใครสักคน
Mek Sitthikorn: หวาน
Mek Sitthikorn: ยุ่งอยู่ป้ะ เรามีเรื่องปรึกษาอีกแล้วว่ะ
ผมทักไลน์หวานไป หวานคือแฟนเก่าของผมที่เรายังคงคุยกันอยู่แบบเพื่อน ซึ่งตอนที่คบกันมันก็ดีแต่มันจบไปห้าหกปีแล้วครับ ตอนนี้ทั้งผมทั้งหวานไม่มีอะไรต่อกันแล้ว แบบเพื่อนอะ เวลาเขามีแฟนเขาก็ทักมาขอคำปรึกษาจากผมเหมือนกัน
ไลน์ล่าสุดที่คุยกันเป็นช่วงสองสามเดือนก่อน ผมทักหวานไปถามเรื่องแทนใจ เพราะกระต่ายของผมชอบพูดบ่อยๆว่าผมเข้าใจยาก ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่หวานขอเลิกกับผม ตอนนั้นหวานเองบอกว่าผมเข้าใจยากเกินไปจนไม่รู้ว่าผมกำลังต้องการอะไรจากเขา
ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ รู้สึกว่าตัวเองก็เป็นแบบนี้ เข้ากันไม่ได้ก็จบไป แต่กับแทนใจไม่ใช่ ผมอยากที่จะเปลี่ยนตัวเองให้เข้าใจง่ายขึ้น … เพื่อเขา
เพื่อความสัมพันธ์ของเรา
แล้วครั้งนี้ผมก็ทักหวานไปด้วยเรื่องแทนใจเหมือนเคยครับ ในระหว่างที่รอหวานตอบนั้น ตัวผมเองก็นั่งทำงานอยู่ชั้นล่าง ในขณะที่แทนใจดูหนังในแล็ปท็อปผมอยู่บนห้อง ความจริงแล้วผมก็อยากนอนกอดแฟน ฟัดแก้มนุ่มๆกับผิวขาวๆนั่นเหมือนกัน แต่กลัวว่างานจะไม่เดิน แถมเรื่องที่กำลังจะคุยกับหวานตอนนี้ แทนใจไม่ควรจะต้องมารู้ด้วยเด็ดขาด
หวาน อักษร: ว่ามาเลยยยยยยย
หวาน อักษร: *ส่งสติกเกอร์*
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงชอบเสียเงินซื้อสติกเกอร์อะไรไม่รู้ ซึ่งสำหรับผมแล้ว แม่งโคตรไร้สาระ แต่ถ้าแทนใจอยากได้ ผมกวาดหมดเลยก็ได้นะ เงินในบัญชีมีพอสำหรับทุกลายที่น้องอยากได้แน่นอน
Mek Sitthikorn: เราไม่ได้กวนหวานใช่ป้ะ?
ข้อความขึ้นว่าอ่านแล้วทันที หวานเองก็เป็นเหมือนพวกไอ้บิว ที่เหมือนกับมือขวาจับโทรศัพท์ไว้ตลอดเวลาแม้กระทั่งตอนอาบน้ำ ตอบแชทเร็วตลอด
หวาน อักษร: มีอะไรก็ทักมาได้
หวาน อักษร: เราว่างตอบได้ตลอดแหละ ไม่ต้องเกรงใจๆ
โอเค ทางสะดวก!
แต่ลูกค้าแม่งไม่สะดวกกับผมด้วย
ผมเอามือกุมขมับเมื่อเสียงโทรศัพท์เครื่องของบริษัทดังขึ้น เลยผละไปคุยงานแล้วปล่อยแชทเพื่อนไว้แบบนั้น ความจริงผมชอบการเป็นเอ็นจิเนียร์ธรรมดาแบบเดิมมากกว่า งานนี้โคตรปวดหัว แต่เพราะผมอยากก้าวหน้า และอยากเข้าออฟฟิศมากขึ้น เลยยอมมาทำตรงนี้
เพราะผมอยากใช้เวลากับเด็กชอบกาแฟที่นอนดูหนังอยู่บนห้อง
หวาน อักษร: ทำไมหายไปเลย
หวาน อักษร: ตกลงมีไรอะ?
หวาน อักษร: *ส่งสติกเกอร์*
ผมแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ลูกค้า แล้วกลับมาจัดการปัญหาในครัวเรือนต่อ
Mek Sitthikorn: แฟนเราโคตรน่ารัก
หวาน อักษร: คือนี่จะทักมาขิงเหรอ?
หวาน อักษร: เราบล็อกเมฆได้ป้ะ?
หวาน อักษร: 55555555
Mek Sitthikorn: ใจเย็นดิ
Mek Sitthikorn: แฟนเราน่ารัก จนน้องชายของแฟนเราแม่งเกลียดเราอะ
Mek Sitthikorn: งงป้ะวะ?
หวาน อักษร: …
หวาน อักษร: งง
คอลแม่งเลยละกัน!
ผมตัดสินใจคอลหาอีกคน ซึ่งเจ้าตัวก็รับแทบจะทันทีเหมือนกัน พอคุยไปแล้วถึงได้รู้ว่าตอนนี้หวานทำงานอยู่บ้านเลยนั่งเล่นได้ โอเค ดีมาก เพราะผมแม่งพิมพ์ไม่รู้เรื่องแน่นอน
“ห๊ะ? เดี๋ยวนะ? ...สรุปคือ น้องชายของแทนใจ เหมือนจะไม่ชอบเมฆ และอยากให้เมฆเลิกกับแทนใจ?”
“ใช่-- คือเหมือนกับแบบ เขาโตมาด้วยกัน เขาหวงพี่อะหวาน”
“มัน พูดยากแฮะ--”
“เด็กนั่นหวงแทนใจมากเลยนะหวาน แล้วเขาเกลียดเราแน่นอน อันนี้เรามั่นใจ”
“ยากแฮะ… เฮ้ย แค่นี้ก่อนนะเมฆ ลูกค้าเมลมา”
สัญญาณตัดไปทันที แต่ผมไม่ได้ถือสาอะไร เข้าใจว่าตัวเองก็ไปรบกวนเขาเหมือนกัน ถ้าเป็นผมเหรอ? น้องผมไม่ชอบแฟนผมก็เรื่องของแม่งเลยครับ ผมเลือกแทนใจ
แต่สำหรับแทนใจ โลกไม่น่าง่ายกับน้องขนาดนั้น
แทนใจถูกเลี้ยงมาแบบที่ศูนย์กลางของจิตใจอยู่ที่ครอบครัว ผมเหมือนเป็นสิ่งแปลกปลอมในโลกของเขา ซึ่งเป็นโชคดีที่น้องเองก็รู้สึกกับผมเหมือนกัน
ไลน์!
หวาน อักษร: เรื่องน้อง เมฆลองคุยกับน้องชายดูมั้ย
หวาน อักษร: แบบลองไปเจองี้
หวาน อักษร: อาจจะดีขึ้นป้ะ?
ผมทิ้งไลน์หวานเอาไว้แบบนั้นเมื่อคิดได้ว่าแทนใจอาจจะอยากได้อะไรไว้ทานระหว่างดูหนัง พอขึ้นไปแล้วเห็นหน้าตาน่ารักของน้อง ท่าทางออดอ้อนเหมือนปกติโดยที่เจ้าตัวไม่ตั้งใจของน้อง ทุกอย่างของแทนใจมีแต่คำว่าน่ารัก น่ารักเต็มไปหมด
“เดี๋ยวพี่ไปนั่งทำงานข้างล่างนะ เราอยากได้อะไรทักไลน์มาก็ได้ เดี๋ยวพี่ขึ้นมา”
“แล้วพี่ไม่ทำกับผมเหรอ?”
เป็นการพูดผิดที่น่ารักน่าเลี้ยงมากเลยครับ แทนใจหน้าแดงที่ตัวเองพูดอะไรสองแง่สองง่ามออกมาโดยไม่ตั้งใจไปหมดทั้งหน้าเลยครับ แก้มขึ้นสีระเรื่อดูน่าฟัดจนผมก็อยากจะนั่งทำกับน้องแบบที่น้องเขาชวนเหมือนกัน โคตรน่ารักเลยเว้ยคนอะไร
“ฮ่าๆ พี่ก็อยากทำกับเราครับ แต่รอเราหายก่อนนะ”
แทนใจทำหน้าเหมือนกับกึ่งเขินกึ่งจะร้องไห้ ซึ่งผมอดใจไม่ไหว ลูกค้าไลน์ผลิตเสียผมไม่สนแล้วตอนนี้ ถ้าไม่ได้ฟัดแก้มแทนใจตอนนี้อย่ามาเรียกผมว่าสิทธิกร!
พอผมตักตวงจนพอใจก็ลงไปทำงานแล้วก็คุยกับลูกค้าต่อ ตอนนี้เขาจะด่าพ่อผมก็ยังยิ้มสู้ครับ คนมันอารมณ์ดี อยากอยู่บ้านแล้วนั่งเล่นกับแทนใจทั้งวันทั้งคืน
น่ารักจังเลยวะ แฟนใครเนี่ย
Mek Sitthikorn: หวาน
Mek Sitthikorn: แทนใจโคตรน่ารักเลยว่ะ
มันเป็นอารมณ์อยากอวดแฟนครับ แต่ไม่รู้จะอวดกับใคร จะเมลไปหาลูกค้าแล้วบอกว่าผมรู้ว่าเครื่องคุณกำลังเสีย ที่หน้างานวุ่นวายมาก แต่ผมจะนอนกกแฟนเพราะแฟนผมน่ารักมาก ก็เสี่ยงโดนไล่ออก ไลน์หาเพื่อนละกัน ปลอดภัยดี
หวาน อักษร: แน่ะๆ
หวาน อักษร: รู้นะว่ายิ้มอยู่อะ
ผมก็ยิ้มอยู่จริงๆนั่นแหละ เหมือนคนบ้าเลยครับ แบบที่ถ้าไอ้แว่นกฤติเห็นมันต้องทำหน้าตาประหลาดหรือไม่ก็เอาส้อมแทงตาเพราะทนดูไม่ได้แน่นอน
Mek Sitthikorn: น่ารักมากเลยว่ะ
Mek Sitthikorn: เราแม่งโคตรแพ้เลยคนนี้
หวาน อักษร: จ้าๆ รู้แล้วจ้า
หลังจากนั้นหวานก็ส่งสติกเกอร์เบะปากรำคาญอะไรไม่รู้มาให้ ซึ่งผมไม่สนใจ ขนาดสติกเกอร์ยังน่ารักน้อยกว่าแฟนผมเลยครับ โลกใบนี้ไม่ได้ปกครองด้วยประชาธิปไตยนะ แต่ปกครองด้วยระบอบแทนใจธิปไตย
Mek Sitthiskorn: น่ารักเนอะ ไม่เชื่อดูรูปดิ
Mek Sitthikorn: *ส่งรูปภาพ*
ผมส่งรูปที่ไปเซฟจากเฟสบุ๊คน้องมา มันเป็นรูปแทนใจที่ยืนยิ้มกว้างจนแก้มฟูขึ้นมาในชุดไปรเวทสีเหลือง ท่าทางเหมือนกำลังอารมณ์ดีของน้องที่ทำให้ผมยิ้มตามตั้งแต่ที่เห็นครั้งแรก ส่วนมือนั้นกดเซฟแบบไม่คิดเลยครับ น่ารักจริงๆ
Rrrrr
อวดแฟนได้ไม่ถึงสองนาที ลูกค้าโทรมาอีกแล้ว ขัดขวางการหวีดแทนใจนี่บาปนะ แต่จำเป็นต้องรับโทรศัพท์ เพราะอีกฝั่งคือลูกค้า ผมแก้ปัญหาหน้างานไปพร้อมกับซื้อข้าวเย็นสำหรับสองคน แวะเซเว่นนิดหน่อย แล้วกลับมาทานข้าวเย็นกับแฟน แต่เรื่องไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะช่างหน้างานตอนนี้คือรัวไลน์แถมจะฆ่าผมได้แล้ว
ไลน์!
ไม่มีคนคบแล้ว (5)
เหี้ยเบิร์ด วิศวะ: อุ๊ย รูปหล่น
เหี้ยเบิร์ด วิศวะ: *ส่งรูปภาพ*
ผมรีบสไลด์เข้าไปดูกรุ๊ปเพื่อนสมัยมหาลัยที่ยังเหลือๆคบกันอยู่ ความจริงแล้วผมไม่ได้มิ้วท์หรืออะไรกรุ๊ปนี้ทั้งนั้นครับ แต่ไม่เข้าไปอ่าน เพราะรำคาญ ขี้เกียจคุย แต่วันนี้เหมือนต้องเข้า เพราะความอยากดูรูปแท้ๆ
แล้วก็ไม่ผิดหวัง
มันเป็นรูปแอบถ่ายผมกับแทนใจในวันที่นัดรียูเนียนกับพวกมันแล้วผมหนีบน้องไปด้วย ในรูปคือตอนที่ผมกำลังหัวเราะอะไรสักอย่างอยู่ ซึ่งแทนใจมองหน้าผมแล้วยิ้มเต็มแก้มในแบบของเจ้าตัว ถึงแม้รูปจะไม่ชัดเพราะคนถ่ายมันกาก แต่สายตาและรอยยิ้มของแทนใจในรูปนั้น น่ารักจนทำให้ผมเผลอยิ้มตามไม่ได้
alex: เชี่ย ใครวะ
alex: น่ารักสัด
alex: มึงมีเบอร์มั้ยเบิ้ด
ไอ้เหี้ยเล็ก เพื่อนคนหนึ่งของกลุ่มที่วันนั้นเบี้ยวนัดพูดขึ้นมา แถมเป็นคำน่าชื่นชมด้วยรองเท้าเบอร์สี่สิบสี่ ผมรีบพิมพ์ตอบมันกลับอย่างรวดเร็วแล้วจึงวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมเพื่อมาสนใจงานที่กำลังยุ่งเหยิง
Mek Sitthikorn: เมียกู ไอ้สัด
หลังจากนั้นผมก็ปล่อยเบลอโทรศัพท์ส่วนตัวเลยครับเพราะลูกค้าผู้น่ารักโทรมาพอดี กว่าจะคุยเสร็จกลับมาแทนใจก็หายไปแล้ว ผมคิดว่าเขาน่าจะอยู่ในห้องนอน ผมอยากจะขึ้นไปฟัดน้องต่อเหมือนกัน ติดที่ว่าต้องเปิดคอมดูผัง drawing ของเครื่องจักรให้ช่างหน้างานนี่สิ
หวาน อักษร: จ้าๆ
หวาน อักษร: 5555555
ข้อความจากหวานที่เหมือนเพิ่งจะว่างมาจับโทรศัพท์อีกครั้งเด้งขึ้นมาหลังจากที่ผมส่งรูปแทนใจไป บางคนอาจจะมองว่าแปลกที่ผมส่งรูปแฟนใหม่ให้แฟนเก่าแบบนี้ แต่ระหว่างผมกับหวานมันไม่มีอะไรแล้วไง เป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ การมีเพื่อนเป็นแฟนเก่ามันก็ดีอย่าง เราสามารถปรึกษาเรื่องที่คิดว่าน่าอายโดยที่ไม่ได้ต้องอายขนาดนั้น เพราะตัวหวานเองก็เคยเอาเรื่องแฟนมาถามผมเหมือนกัน
เพราะงั้น การที่ผมจะปรึกษาเรื่องน้องชายของแฟนใหม่กับเขาก็ไม่แปลก
พูดถึงน้องชาย ผมเริ่มยิงคำถามหาหวานอีกครั้ง หลังจากอ่านไม่ตอบมาหลายชั่วโมง
Mek Sitthikorn: หวานว่าเราควรพูดกับแฟนเรามั้ยวะ
Mek Sitthikorn:ว่าเราไม่ชอบน้องเขา
Mek Sitthikorn: ถึงต่อให้ไม่ได้เกลียดเรา เราก็ยังว่าเด็กนี่ก็ยังน่ารำคาญอยู่ดี
พอถามทิ้งไว้เสร็จผมก็มาติดตามงานหน้าไซต์ต่อครับ ตอนนี้ปัญหาอีนุงตุงนังกว่าเดิมอีก จากที่มันควรจะแก้ได้แล้ว แต่มันกลับยุ่งเหยิงไปกันใหญ่
ไลน์!
หวาน อักษร: ก็เป็นเหมือนตอนที่เราคบกันไง
ผมปล่อยให้ไลน์มันขึ้นไปแบบนั้นก่อนเพราะปัญหาจากหน้างานรุงรังผมไม่หยุดเลยครับ ผมต้องติดต่อไปทางบริษัทแม่ที่ยุโรป คุยกับหัวหน้าแผนกเรื่องเคส ติดต่อหาคนว่างที่มีฝีมือให้เข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งก็ไม่มีสักคนผมเลยต้องไปเองวันพรุ่งนี้
ปวดหัวชะมัด
ผมเปิดโทรศัพท์ส่วนตัวขึ้นมาเช็กอย่างอื่นนอกจากงานบ้าง อย่างแรกที่เห็นคือข้อความต่อมาของหวานที่เขาส่งมาไว้เมื่อกี้
หวาน อักษร: ก็เป็นเหมือนตอนที่เราคบกันไง
หวาน อักษร: เมฆก็จะทะเลาะกับแฟนเพราะเขาไม่เข้าใจ แล้วเมฆก็ไม่อธิบาย
หวาน อักษร:น้องเขาก็จะไม่รู้เรื่องอะไรเลย
หวาน อักษร: ถ้าไม่อยากเลิกกับน้องก็อย่าทำ ไม่รู้หรือไงว่าเวลาเมฆโมโหอะโคตรน่ากลัว
เรื่องงานว่าปวดหัวแล้ว เรื่องความรักก็ไม่ต่างกันเลยครับ
“เฮ้อ”
ผมยกมือนวดขมับ ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากเอาเรื่องนี้ไปหนักหัวน้องเหมือนกัน ใครจะอยากให้คนรักไม่สบายใจ แถมยังเป็นแทนใจ น้องเขาบริสุทธิ์เกินไปจนผมไม่อยากให้เขาต้องเจออะไรไม่ดีในชีวิตเลยสักนิด
พูดแล้วผมก็อยากเจอน้องจัง คิดถึงแล้ว
ผมเดินเข้าไปหาเขาในห้อง แทนใจที่ดูเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่ไม่ได้ปัดป้องเมื่อผมก้มลงไปหอมแก้มน้องชื่นใจเหมือนกับทุกที
การมีแทนใจในชีวิตเป็นสิ่งมหัศจรรย์มากจริงๆ แค่มีเขาอยู่ข้างๆ เห็นหน้าตาน่ารักกับรอยยิ้มที่ผมชอบ ผมก็หายเหนื่อยได้อย่างน่าประหลาดแล้ว
“คุยงานเหรอครับ” แทนใจถามผม
“อืม...ปัญหาเดิมๆ แก้ไม่จบสักที”
“มีเรื่องอะไร เล่าให้ผมฟังได้มั้ยครับ?”
“เรื่องเล็กน้อยน่ะ ปัญหาเดิมๆ… ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอกครับ”
“แต่ผมอยากรู้นะ คุณบอกผมได้นะ”
ผมมองตาน้อง การที่เขาอยากเข้ามามีส่วนร่วมในโลกของผมทำให้ผมรู้สึกดีมากขึ้นไปอีก คิดไม่ผิดเลยจริงๆที่เลือกชอบคนๆนี้
ไม่เคยรู้สึกว่าดีใจที่มีใครสักคนในชีวิต จนกระทั่งถึงตอนนี้
“ขอบคุณมากนะครับ เด็กดี”
น้องเงียบไปพักหนึ่ง จนผมแปลกใจ พอหันไปมองหน้าถึงได้เห็นว่าเขาไม่ได้ยิ้มอยู่ น้องเขาขมวดคิ้วเหมือนกับกำลังใช้ความคิด และไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่
หรือว่าเขาจะรู้ว่าผมไม่ชอบแทนกาย?
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“...” ยิ่งน้องเงียบ ผมยิ่งแพนิค
“ว่าไงเรา ไข้กลับเหรอครับ หรือว่า--”
“คุณพี่เมฆครับ คุณพี่เมฆคุยกับใครอยู่เหรอครับ?”
โถ่เอ๊ย ผมก็นึกว่าเรื่องอะไร
“เพื่อนครับ”
พูดถึงหวานแล้ว คำพูดของหวานยังคงอยู่ในความคิดผม … ถ้าหากพูดเรื่องน้องชายเขาไป แล้วเรามีโอกาสเลิกกันล่ะก็ ผมยอมเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวเองจนวันตายดีกว่า
อ่อ แล้วผมก็ไม่ยอมแพ้เด็กเปรตนั่นด้วย
มาลองเจอกันสักหน่อย มา!
------- Monday In Love -------
แทนใจน่ารักมากขึ้นทุกวัน
พอได้ครอบครองแล้วผมหยุดเอาแต่ใจกับเขาไม่ได้ ยิ่งพอเขาอ้อนแล้วผมก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก ซึ่งพอเป็นแบบนั้น ผมก็ไม่อยากให้มีแปลงที่ไหนมาตอมไต่คนของผมทั้งนั้น
โดยเฉพาะแมลงที่ชื่อแทนกาย
หลังจากที่พวกผมเมคเลิฟกันเสร็จ ผมกะว่าจะพาน้องไปอาบน้ำ แต่ข้อความกวนโมโหจากน้องชายของอีกฝ่ายกลับทำให้ผมรู้สึกฉุนขึ้นมาทันที
sky: พี่แทนใจอยู่กับคุณเมฆหรือเปล่าครับ?
sky: ฝากบอกพี่แทนใจทีว่าผมอยากกินสเต๊กร้านที่เคยไปด้วยกันสองคน
sky: อ๋อ ใช่ๆ
sky: แล้วก็บอกพี่ให้ด้วยนะครับ ว่าผมอยากดูหนังกับเขาอีก
sky: อยากให้วันจันทร์มาถึงเร็วๆจัง จะได้เจอกันแล้ว
sky: หนังหมีพูห์ที่พี่แทนใจอยากดูเข้าแล้วนะครับ ผมอยากไปดูกับพี่อีกจัง
sky: แต่ผมก็ชอบดูที่บ้านกับพี่นะ
sky: ตักพี่นุ่มมากเลย
sky: :D
ผมเกลียดการพ่ายแพ้ และในเกมนี้ ผมจะต้องชนะเท่านั้น
“แทนใจครับ”
“เราเป็นของพี่นะ”
“ครับ?”
“เป็นของพี่แล้ว เป็นของพี่แค่คนเดียว”
“เดี๋ยว--- อื้อ”
ผมไล่จูบผิวน้องไปทุกส่วน อยากจะแสดงความเป็นเจ้าของให้ทุกคนได้รับรู้ ผมอยากบอกโลกว่าแทนใจเป็นของผม ผู้ชายที่นอนอ่อนระทวยรับจูบอยู่ตรงนี้เขาเป็นของผม
“ผมเหนื่อยแล้วนะคุณ”
“ครับ พี่รู้”
“รู้แล้วก็หยุดสิครับ”
แทนใจประท้วงเสียงอ่อยเมื่อผมแสดงความรักย้ำๆ ผมต้องการให้ความรู้สึกของผมติดตัวน้องอย่างเป็นรูปธรรม ผมอยากกลืนแทนใจเข้าไป อยากบอกรักตลอดเวลา เขาเป็นของผม
เป็นของผมแค่คนเดียวเท่านั้น
“หยุดไม่ได้ครับ แทนใจเป็นของพี่..เป็นของพี่เท่านั้น”
แฟนผมตอบรับในลำคอ น้องเชิดหน้าขึ้นเมื่อกำลังจะถึงฝั่งฝัน ตัวผมเองก็เช่นกัน แต่ผมต้องการจดจำเวลานี้เอาไว้ สีหน้าที่เขาถึงสรวงสววรค์เพราะผม เสียงครางที่เกิดขึ้นเพราะผม ทุกความรู้สึกของแทนใจเป็นชื่อผม
มีแค่เราสองคนเท่านั้น
“พี่เองก็เป็นของแทนใจเหมือนกัน”
ผมจะไม่ยอมแบ่งเขาให้ใครแม้จะเป็นน้องชายของเขาก็ตาม
.
.
.
------- TBC ------
ขอแบ่งนะคะ มันยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ;A;
ขอบคุณทุกเม้นทุกแท็กนะคะ อ่านหมดเลย XD
ทั้งที่ให้กำลังใจนน้องแทนใจ จะตีๆคุณพี่เมฆ แล้วก็ให้กำลังใจนี่ ฮือ
ขอบคุณมากจริงๆคะ
แล้วเจอกันพรุ่งนี้ถ้าเป็นไปได้นะคะ XD
Babybaphomet
แจ้งเตือนครั้งที่ 1 !
ผู้ดูแล ลบข้อความประชาสัมพันธ์ ออกนะคะ
จากกฎข้อที่ 17 เนื้อหายังลงไม่จบ
ห้ามประชาสัมพันธ์ เปิดจอง ใดๆ ทั้งสิ้นในกระทู้
ไม่ว่าในรูปแบบหนังสือหรือ e-book
17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน
ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้