พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Loverouter ที่ 29-05-2019 17:25:01

หัวข้อ: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 29-05-2019 17:25:01
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


**********************************************


หมายเหตุจากผู้แต่ง

นิยายเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นชื่อคน สถานที่ เนื้อเรื่องถูกแต่งขึ้นทั้งหมดจากจินตนาการของผู้แต่ง อาจจะมีคำไม่สุภาพบ้างนิดหน่อยในการแทนตัวของตัวละครหรือคำเขียนที่ผิดเพี้ยนจากคำที่ถูกต้องไปบ้าง เพื่อแสดงอารมณ์ของตัวละครในบทสนทนา แต่จะพยายามให้น้อยที่สุดนะคะ และหากเนื้อเรื่องตอนใดของนิยายเรื่องนี้ไปคล้ายคลึงชื่อใคร สถานที่ใด เรื่องใดก็ตามต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วย แต่รับรองว่าเนื้อเรื่องทั้งหมดมาจากจินตนาการผู้แต่งล้วนๆค่ะ ขอให้สนุกกับนิยายเรื่องนี้นะคะ

---------------------


นิยายเรื่องอื่นๆของผู้แต่ง



ซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44925.0)

รักวุ่นดีปีโป้ช่วยลุ้น ภาค 1 และ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45546.0)

จนกว่ารักจะทักทาย (18+) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47582.0)

เคลียร์คิวหัวใจเอาไว้ให้ความรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52203.0)


ซีรีส์ชาวเกาะ
ปรุงรักให้ลงล็อก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58932.0)
ปลดล็อกให้ความรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64395.0)
เพลงรักที่หายไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67389.0)


มนตราแห่งมายัน
ภาค วสันตวิษุวัต (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69992.0)
ภาค ครีษมายัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70879.0)


เรื่องสั้น
ผู้โชคดี (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70401.0)



[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)


---------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 1 + 2 [29/05/62] ดราม่า!
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 29-05-2019 17:26:44
ผู้โชคดี



‘กิ่ง แกอะโชคดีมากรู้ไหมที่ได้พี่ต้นไปเป็นแฟน’

ประโยคข้างต้นนี้เป็นประโยคที่ผมได้ยินมาเป็นร้อยเป็นพันครั้งจากคนรอบตัว มันตอกย้ำให้ผมรู้ว่า...ผมควรจะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะรักษาความโชคดีของตัวเองเอาไว้


ตอนที่ 1


 “กิ่ง สรุปว่าแกจะเรียนต่อสายอะไรวะ” คนที่ถามผมคือ ‘มาร์ช’ เพื่อนสนิทของผมเอง ผมกับมาร์ชโตมาด้วยกันเพราะเราอยู่บ้านติดกัน พ่อแม่ของเราสองคนก็สนิทกัน ผมจึงนับว่ามาร์ชเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดที่ผมมักจะปรึกษามันแทบทุกเรื่อง

“เราอยากเข้าสินกำอะ แต่พ่ออยากให้เป็นทนายเหมือนพ่อ” ผมตอบมาร์ชไปพร้อมกับถอนหายใจ

พ่อกับแม่ของผมเป็นทนายทั้งคู่ ท่านมีบริษัทเป็นของตัวเองจึงอยากให้ผมสานต่ออาชีพที่ท่านสร้างเอาไว้ ผมมีพี่สาวหนึ่งคน แต่เธอเรียนบัญชี เรียนจบแล้วก็ได้งานที่ดีทำ พ่อกับแม่จึงมาฝากความหวังเอาไว้ที่ผมแทน

“แกก็บอกพ่อไปตรงๆ ดิว่าอยากเรียนอะไร แกมีพรสวรรค์เรื่องวาดรูปนะ พ่อแกเขาตามใจแกจะตาย” มาร์ชแนะนำผม

“อืม ยังมีเวลาคิดอีกปี เดี๋ยวค่อยว่ากัน” ผมตัดบทเพราะยังไม่อยากคิดเรื่องนี้ จริงอยู่ที่ว่าพ่อไม่ได้บังคับ เป็นผมเองที่ยังลังเลว่าควรไปตามเส้นทางไหน

“แก พี่ต้นมา” มาร์ชสะกิดบอกผมเมื่อเห็นว่าคนที่ผมแอบชอบกำลังจะเดินผ่านโต๊ะที่เรานั่งอยู่ ผมไม่กล้ามองพี่ต้นตรงๆ ได้แต่แอบเหลือบมองและทำทีว่าไม่ได้สนใจคนดังของโรงเรียน

‘พี่ต้น’ เป็นรุ่นพี่ของผม 1 ปี และเป็นประธานนักเรียน ด้วยรูปลักษณ์ที่ดีพร้อม การเรียนที่ดีเลิศ นิสัยสุภาพ มีน้ำใจ เป็นที่รักของเพื่อนฝูง จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลยที่ใครต่อใครจะแอบชื่นชมและหลงรักผู้ชายคนนี้ ตั้งแต่ผมเข้ามาเรียนที่นี่ เรื่องราวของพี่ต้นจะเป็นที่พูดถึงให้ได้ยินเสมอ ด้วยความที่โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนชายล้วน พี่ต้นจึงถูกล้อและถูกจับคู่ให้กับคนนั้นคนนี้เสมอ แต่พี่ต้นไม่เคยแสดงทีท่าว่ารังเกียจที่ถูกจับคู่ให้กับผู้ชายด้วยกัน แม้จะมีข่าวลือว่าพี่ต้นมีแฟนผู้หญิงแล้วก็ตาม

“ไม่เข้าหาแล้วเมื่อไหร่จะได้เข้ามาเป็นแฟนวะ เขาจะจบอยู่แล้วนะ” มาร์ชยังคงพูดกับผมแม้ว่าผมจะทำเป็นไม่สนใจ “แก พี่ต้นมองแกด้วยว่ะ”

คำพูดของมาร์ชทำให้ผมต้องแอบลอบมองพี่ต้นอีกครั้ง ทันทีที่สายตาของผมมองไปที่เขา ก็เห็นว่าเขามองมาที่ผมพอดี แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้นที่เราสบตากัน เป็นผมเองที่หันไปทางอื่น

“แกดูพี่เอ๋ยดิ พี่ต้นไม่เคยบอกว่าเป็นแฟน มีแต่คนอื่นจิ้นให้เป็น แต่ทำเหมือนเป็นแฟนซะงั้น”

“เขาอาจจะเป็นแฟนกันแล้วไม่ได้เปิดเผยก็ได้” ผมตอบกลับไป

‘พี่เอ๋ย’ เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับพี่ต้น หน้าตาดีมาก ผิวขาวมากแบบลูกคนจีนจนผมอิจฉา พี่เอ๋ยเปิดเผยว่าเป็นชายที่รักผู้ชายด้วยกัน ถึงท่าทางจะไม่มีจริตออกสาวเต็มที่แต่ก็ดูออก ผมก็คล้ายกับพี่เอ๋ยที่ไม่ได้แสดงอาการอะไรที่ทำให้เราดูเหมือนอยากจะเป็นผู้หญิง ผมยังชอบที่จะเป็นผู้ชาย ยังรักในสิ่งที่ตัวเองมี เพียงแต่จิตใจของผมมันรู้สึกดีกับผู้ชายด้วยกัน ชอบที่จะมองเรือนร่างแข็งแรงของผู้ชายประมาณนั้นครับ และผมยอมรับว่าเขาทั้งคู่ก็ดูเหมาะสมกันดี ด้วยรูปร่างหน้าตาและความสามารถ พี่เอ๋ยก็เป็นคนดังของโรงเรียนอีกคนหนึ่ง เป็นประธานเชียร์และรองประธานนักเรียน เป็นต้นแบบของรุ่นน้องหลายคน

กลับมามองที่ตัวผมเอง

ผมชื่อกิ่ง อยู่ ม.5 เรียนดีในระดับหนึ่ง ไม่เด่นเรื่องกิจกรรม เป็นคนหน้าตาธรรมดาที่ ผมไม่ใช่คนผอม ค่อนข้างมีเนื้อมีหนัง หรือจะเรียกว่าอวบในระยะแรกก็ได้ ผิวขาวแต่ไม่มากเท่าพี่เอ๋ย ฐานะทางบ้านเรียกว่าดีพอสมควร ผมมีเพื่อนสนิทแค่สองสามคน คือมาร์ช เจ๋ง และกรีน ผมมักจะถูกเพื่อนในรุ่นหรือพวกรุ่นพี่บางคนล้อเรื่องรูปร่างเสมอ ด้วยเหตุนี้ทำให้ผมเจียมตัว คนอย่างผมเป็นได้แค่คนแอบมองคนอย่างพี่ต้นแค่เท่านั้น ผมหลงรักเขามาสองปี มันยาวนานมากสำหรับเวลาของคนที่แอบรักใครสักคน

“กิ่ง จานปุกเรียกหา สงสัยจะให้แกไปขอทุนพ่ออีกแหงเลย” เจ๋งเดินเข้ามาพร้อมกับถุงใส่ลูกชิ้นเจ้าโปรด และจานปุกที่ว่า ก็คือ อาจารย์ปุก เป็นคำเรียกอาจารย์ที่พวกเราเรียกย่อๆ ว่า ‘จาน’ จนชินปาก

“เค งั้นฝากเอากระเป๋าขึ้นห้องด้วยนะ” ผมตอบรับพร้อมกับเลื่อนกระเป๋านักเรียนไปให้มาร์ช

“แล้วไอ้กรีนไปไหน” มาร์ชถามก่อนที่ผมจะเดินออกไป ผมเลยหยุดฟังก่อน

“สงสัยโดดอีก ไม่รู้มันมีปัญหาอะไรรึเปล่า” ผมรับฟังเจ๋งพูดถึงเพื่อนสนิทอีกคนก็ได้แต่สงสัยตามไปด้วย แต่ด้วยความที่ใกล้จะต้องเข้าเรียนคาบแรกแล้ว ผมจึงต้องรีบไปหาอาจารย์ปุกที่ห้องกิจกรรม

……

ระหว่างทางที่เดินไปที่ห้องกิจกรรม ไม่รู้ว่าก่อนออกจากบ้านก้าวเท้าผิดข้างหรือเปล่า ผมมาเจอกับกลุ่มไอ้นัท อันที่จริงมันอยู่ ม.6 ห้อง 5 ซึ่งเป็นห้องที่ถูกขนานนามว่าเป็นแหล่งรวมเด็กเกเร มันชอบแกล้งผมจนผมไม่อยากนับถือมัน

“เฮ้ยมึง มึงว่าแผ่นดินไหวปะวะ” เมื่อไอ้นัทมันเห็นผมก็เริ่มพูดจาจิกกัดผมทันที เสียงของมันดังพอจะทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นหันมาสนใจผมเป็นตาเดียว

“ซ้าย ขวา ซ้าย ซ้าย ขวา ซ้าย” ไอ้เข็มเพื่อนในกลุ่มของไอ้นัทส่งเสียงพูดตามจังหวะก้าวเดินของผม และเพื่อนในกลุ่มมันแกล้งเซไปมาเหมือนกับว่าน้ำหนักเท้าที่ผมเดินทำให้แผ่นดินสะเทือน

“มึงดูก้นมันดิ รวมกันกี่กิโลวะ” หนึ่งในกลุ่มมันพูดออกมา ผมเริ่มอายเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของนักเรียนคนอื่นๆ

“น้องตุ๊ต๊ะจะไปไหนจ๊ะ” เมื่อไอ้นัทเห็นว่าผมไม่ตอบโต้ก็เดินมาขวางหน้า ผมจะเลี่ยงไปทางอื่นมันก็เดินไปขวางตลอด

“จะไปหาอาจารย์” ผมตอบเพื่อจะได้จบๆ ผมพลาดเองที่เคยไปตอบโต้ตอนที่มันหาเรื่องกลั่นแกล้งกรีน จากนั้นมาผมคงถูกพวกมันตั้งเป็นศัตรูอันดับหนึ่งแทน โชคดีที่มันยังเกรงใจพ่อกับแม่ของผมที่เป็นเจ้านายแม่ของมันอยู่บ้าง มันจึงทำได้แค่ใช้วาจามาทำให้ผมต้องอับอายผู้คน ถ้าเป็นคนอื่นคงถูกมันลากไปชกต่อยอย่างที่พวกมันทำมาตลอด

“แล้วกลุ่นเพื่อนตุ๊ดของน้องตุ๊ต๊ะไปไหนกันหมด ปล่อยให้มาเดินคนเดียว ไหนดูซิ มีแผ่นซีดีห้อยที่ก้นหรือเปล่า” มันไม่พูดเปล่าแต่เอามือมาจับที่ก้นของผม ผมรีบปัดมือมันทิ้งและผลักอกมัน คราวนี้มันถึงเนื้อถึงตัวจนผมทนเฉยไม่ได้

“เฮ้ย แม่งท่าทางอยากมีเรื่อง” เพื่อนของไอ้นัทก้าวเท้าเข้ามาหา

“เอาดิ อยากโดนพ่อแม่เราฟ้องพ่อแม่พวกนายจนหมดตัวก็เข้ามา” ผมขู่ ซึ่งมันได้ผล เพื่อนของไอ้นัทหยุดชะงักเพราะมันรู้ว่าชื่อเสียงในการว่าความพ่อแม่ของผมเป็นที่โจษจันแค่ไหน การที่ผมยอมพวกมันหลายครั้งไม่ได้แปลว่าต้องยอมทุกครั้ง

“เก่งจริงนะมึง” ไอ้นัทพูด หน้าตามันดูน่ากลัว แต่ผมก็ไม่มีทางจะแสดงว่ากลัวให้มันได้ใจ จนกระทั่งเพื่อนของมันแกล้งเดินเข้ามาแล้วทำเป็นว่าสะดุดขาตัวเอง แก้วน้ำแดงที่อยู่ในมือของมันจึงสาดใส่กางเกงพละสีขาวของผมเต็มๆ

“เฮ้ย โทษๆ ไม่ได้ตั้งใจ” คนที่ทำน้ำหกใส่ผมพูดแต่ก็หัวเราะไปด้วย

“เฮ้ย เมนน้องเขามาว่ะ” ไอ้นัทพูดนำ จากนั้นลูกไล่มันก็หัวเราะรับกันเหมือนหมาหมู่

ผมมองไปรอบๆ คนอื่นที่อยู่แถวนั้นก็พากันหัวเราะผมเหมือนว่าได้ดูละครที่ตลกขบขัน บอกตรงๆ ว่าผมรู้สึกสมเพชกับสังคมรอบตัว คนที่กำลังหัวเราะอยู่บนความทุกข์ของคนอื่นไม่รู้ว่าจิตใจคนพวกนั้นทำด้วยอะไร

เมื่อถูกแกล้งจนสมใจพวกมันแล้วผมถึงเป็นอิสระจากวงล้อมของพวกใจชั่ว เมื่อเดินมาถึงห้องกิจกรรมก็ลังเลว่าจะเข้าไปดีหรือว่าหาชุดมาเปลี่ยนก่อนดี แต่ไม่ทันตัดสินใจประตูห้องก็ถูกเปิดออก คนที่ผมไม่อยากให้มาเห็นผมในสภาพนี้ที่สุดก็ดันมาปรากฏกายตรงหน้า ‘พี่ต้น’

“เฮ้ย” พี่เอ๋ยเดินตามพี่ต้นออกมาเป็นคนร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพผม “ไปโดนอะไรมา” เขาถาม

ผมได้ยิ้มเจื่อนๆ แทนคำตอบก่อนจะเดินแทรกพี่ต้นกับพี่เอ๋ยเข้าไปในห้อง

“สงสัยโดนแกล้งอีกแน่เลย” เสียงพี่เอ๋ยพูดให้ผมได้ยิน ดีแล้วที่พี่ต้นไม่พูดอะไรออกมา แค่สายตาสงสารที่มองมาที่ผม ผมก็รู้สึกแย่แล้ว ผมไม่อยากให้เขาจำจดผมเพราะความสงสาร

เมื่อประตูห้องกิจกรรมปิดผมจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เดินเข้าไปหาอาจารย์ที่กำลังหันหลังให้อยู่ เมื่ออาจารย์หันมาก็แสดงสีหน้าตกใจ รีบเข้ามาถามผมว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเล่าไปตามจริงจนอาจารย์ส่ายหน้า ถามว่าผมจะเอาเรื่องพวกนั้นไหม แต่ผมปฏิเสธ ไม่ใช่เพราะว่าผมอยากเป็นคนดี แต่มันไม่มีประโยชน์ พวกนั้นมันก่อเรื่องร้ายแรงกว่าที่แกล้งผมจนโดนทำโทษหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าจะเปลี่ยนสันดานพวกมันได้ ยิ่งผมเอาเรื่องมัน ก็เหมือนหาเรื่องให้ตัวเอง อีกไม่กี่เดือนพวกมันก็จบแล้ว วันนั้นผมค่อยฉลองที่พวกมันจะไปไกลๆ จากชีวิตผมเสียที

อาจารย์ปุกให้ผมช่วยไปขอทุนจากสมาคมทนายความประจำจังหวัดเพื่อที่จะนำมาสมทบการจัดงานโรงเรียนประจำปีอย่างที่มาร์ชเดา ผมรับเอกสารรายละเอียดจากอาจารย์และขอตัวไปเรียน อาจารย์บอกผมว่าที่ห้องพละมีกางเกงสำรองให้เปลี่ยน ผมก็ตั้งใจไปที่นั่นอยู่แล้ว แต่ก็ขอบคุณอาจารย์และรีบตรงไปที่ห้องพละเพราะมันเลยเวลาเข้าห้องเรียนมาเกือบห้านาทีแล้ว


มีต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 1 + 2 [29/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 29-05-2019 17:29:49
สิ่งที่ไม่คาดคิดเมื่อมาถึงห้องพละคือพี่ต้นก็อยู่ที่นั่น และในมือของพี่เขาก็ยังถือกางเกงพละสีขาวเอาไว้ เขายื่นมาให้ผมเมื่อผมมาถึง

“มันเหลือแค่ไม่กี่ตัว พี่ว่าน่าจะใส่ได้ ลองดูนะ” พี่เขาบอก ผมรู้สึกประหม่ามากแต่พยายามเก็บอาการให้เป็นปกติที่สุด

“ขอบคุณครับ” ผมตอบ พี่เขายังยืนอยู่จนผมสงสัยว่าทำไมเขาไม่เข้าเรียน

“ไปลองใส่ให้พี่ดู ถ้ามันใหญ่ไปพี่จะได้ไปค้นตัวใหม่ให้” เขาบอกผม ผมกางกางเกงออกดู กางเกงตัวที่พี่ต้นเลือกมาให้มันใหญ่พอสมควร นึกอายที่เขาเห็นว่าผมตัวใหญ่จนต้องใส่ไซส์นี้

“ผมตัวใหญ่ น่าจะใส่ขนาดนี้ได้ครับ”

“ตัวใหญ่ที่ไหนกัน ตัวเล็กกว่าพี่อีก ที่พี่ถามเพราะกลัวว่ามันจะใหญ่ไป” เขาพูดแล้วยิ้มให้ ผมไม่รู้จะบรรยายสิ่งที่รู้สึกในตอนนี้ว่าอะไรดี รู้เพียงแต่ว่าผมอยากจะยิ้มให้กว้างที่สุด ผมไม่ใช่คนตัวใหญ่อย่างที่ไอ้นัทมันล้อเลียนเกินจริงแบบนั้นก็จริง แต่พี่เขาก็พูดเพื่อรักษาน้ำใจผมจนรู้สึกดี

“พี่ต้นตัวไม่เห็นใหญ่เลยครับ แบบพี่ต้นเขาเรียกว่าสูง ส่วนตัวเล็กที่พี่หมายถึงผม คงเป็นคำว่าเตี้ยมากกว่า” ผมพูดไปหัวเราะไป

“คนอื่นว่าเราได้เพราะมันเป็นเรื่องของเขา แต่เราอย่าว่าตัวเอง เข้าใจไหม กิ่งไม่ได้อ้วน ไม่ได้ตัวใหญ่อย่างที่ไอ้นัทมันชอบล้อหรอก เราแค่ไม่ใช่คนผอมบางขี้โรคแค่นั้น” พี่เขาบอกผมด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง ผมทั้งประหลาดใจและดีใจ เขารู้จักชื่อของผมได้ยังไง และยังรู้เรื่องที่ไอ้นัทมันชอบแกล้งผมด้วย แต่อย่างหลังยังไม่น่าประหลาดใจเท่าไหร่ เพราะเรื่องที่ผมโดนแกล้งนี่ใครๆ ก็รู้

“ผมก็อ้วนจริงๆ แหละ พี่ไม่ต้องหรอก” แม้จะรู้สึกดีที่พี่เขาพูดให้กำลังใจ แต่ผมต้องยอมรับความเป็นจริง

“เอวแค่นี้ไม่เรียกว่าอ้วนหรอก” ผมตกใจที่พี่เขาเดินมาจับเอวของผม บอกตรงๆ ว่าใจเต้นรัวเลยครับ

“พี่คนแรกเลยนะที่บอกผมไม่อ้วน ขอบคุณนะครับ” ผมหัวเราะ ในใจรู้สึกดีมากๆ ผมเกลียดที่ถูกไอ้นัทแกล้ง แต่วันนี้อยากขอบคุณความชั่วของมันที่ทำให้ผมได้พูดคุยกับคนที่ผมรักหลงรักมาตั้ง 2 ปี

“อืม สรุปใส่ได้แน่นะ” พี่เขาถาม ผมพยักหน้าให้ “งั้นพี่ไปเรียนแล้ว”

“ขอบคุณครับ”

“เออ...อาจารย์ปุกได้บอกไหมว่าจะให้กิ่งมาช่วยงานพี่” พี่เขาถามขึ้นมา

“เปล่าครับ”

“สงสัยจะลืม”

“งานอะไรเหรอครับ”

“พี่ต้องช่วยอาจารย์ทำบอร์ดงานโรงเรียน เห็นอาจารย์บอกว่ากิ่งวาดรูปเก่ง พี่เลยอยากให้มาช่วยพี่หน่อย จะสะดวกหรือเปล่า อาจจะต้องกลับบ้านดึกหน่อย ต้องไปเรียนพิเศษไหม”

“ไม่ได้เรียนครับ ผมยินดีช่วย”

“อืม งั้นพี่ขอไลน์หน่อย จะได้เอาไว้นัดกัน” ผมรีบให้ไอดีไลน์กับพี่ต้น เราแอดกันเป็นที่เรียบร้อย “แล้วเจอกันตอนเย็นนะ” เขาบอกผมพร้อมกับยิ้มให้

“ครับ” ผมตอบรับ

เมื่อพี่ต้นไปแล้วผมก็รีบเข้าไปเปลี่ยนกางเกง จังหวะที่เอามือเข้าไปสำรวจว่าในกระเป๋ากางเกงพละมีอะไรติดค้างอยู่หรือเปล่าตามความเคยชิน ผมก็เจอกับกระดาษที่พับเป็นสี่เหลี่ยม เมื่อคลี่ออกดูก็เห็นข้อความที่เขียนเอาไว้

‘อย่าให้รังแกได้อีกนะ...พี่ต้น’

พี่ต้นคือกำลังใจและแสงสว่างในชีวิตของผมจริงๆ แม้จะเป็นแค่การแอบรัก แต่มันทำให้ชีวิตมัธยมปลายของผมมีสีสัน ผมได้แอบมองพี่ในทุกๆ วัน ได้เห็นรอยยิ้มที่เปล่งประกาย แล้ววันนี้พี่ยังแบ่งความอบอุ่นมาให้ผม ผมจะไม่มีวันลืมเลยว่าครั้งหนึ่งผมโชคดีที่ได้รู้จักกับพี่...’พี่ต้นของกิ่ง’

……

หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ผมก็เริ่มสนิทกับพี่ต้นมากขึ้นเพราะต้องช่วยพี่เขาทำงานทุกเย็น ผมกลับบ้านพร้อมพี่ต้นทุกวัน ได้ไปเดินเล่นในตลาด ไปกินข้าวด้วยกัน ได้พูดคุยทำความรู้จักกันมากขึ้น พี่เขาใส่ใจและดีกับผมมาก มากจนบางครั้งผมก็แอบเข้าข้างตัวเอง แต่เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่คู่ควรก็พยายามจะตัดใจ ต่อให้หลายครั้งพี่ต้นจะจูงมือผม ทำให้ผมรู้สึกพิเศษ แต่ผมก็ยังไม่กล้าคิดมากไปกว่านั้น

ผมไม่ได้สนิทแค่พี่ต้นเท่านั้น ยังรวมถึงเพื่อนๆ ในกลุ่มของพี่ต้นด้วย กลุ่มพี่ต้นประกอบไปด้วยพี่เอ๋ยที่ผมเคยพูดถึงไปแล้ว มี ‘พี่ชัย’ เป็นนักบาสตัวเด่นของโรงเรียน ‘พี่เอก’ ร้องเพลงเก่งและมีวงของตัวเอง มีแฟนคลับทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียนมาตามเชียร์เสมอ ‘พี่สาม’ พี่คนนี้เงียบๆ ไม่ค่อยพูด ผมเคยเห็นพี่สามไปอยู่กับกลุ่มของไอ้นัทด้วย เขาจึงเป็นคนเดียวในกลุ่มพี่ต้นที่ผมไม่ค่อยคุยด้วยสักเท่าไหร่

“สรุปมึงจะเลือกนิเทศฯ เหรอวะต้น” พี่ชัยถามขึ้นมาระหว่างที่ทุกคนกำลังช่วยทำภารกิจที่อาจารย์ปุกมอบหมายมา

“เออ” พี่ต้นตอบ ตั้งแต่ได้เข้ามาสนิทกับพวกพี่ๆ ผมเลยได้รู้ว่าพี่ต้นก็มีมุมห่ามๆ อยู่เหมือนกัน เขาพูดกูมึงกับเพื่อนสนิท มีอาการใจร้อนบ้างแต่ก็มีเหตุมีผล เป็นคนรักเพื่อนมาก และพี่ต้นชอบกินชาเขียวปั่น

“ปกติก็ตัวติดกันอยู่แล้ว ยังจะตามไปเข้าคณะเดียวกันอีก” พี่เอกแซว ผมพอจะเดาออกว่าพี่เขาหมายถึงพี่ต้นกับพี่เอ๋ย

“ไม่ใช่” พี่ต้นสวนตอบมาทันทีจนเพื่อนๆ มองหน้ากัน ผมเห็นว่าพี่เอ๋ยยิ้มแบบเศร้าๆ ไม่รู้ว่าทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า

“คณะเหมือนกันแต่คงคนละที่” พี่เอ๋ยพูดขึ้นมาแต่ไม่ได้มองหน้าพี่ต้น

“แล้วมึงอะ...ไอ้สาม” พี่ชัยหันไปถามคนที่เงียบที่สุด

“คงสินกำ” พี่สามตอบ ผมแอบมองหน้าพี่เขานิดหนึ่ง พี่เขาวาดรูปเก่ง เป็นคนออกแบบงานให้อาจารย์ปุก ฝีมือพี่เขาดีมากจนผมเทียบไม่ติด

“ถ้าเข้าได้ก็มาติวให้กิ่งหน่อย กิ่งเขาอยากเข้าสินกำเหมือนมึง” พี่ต้นพูดกับเพื่อน คนที่พี่ต้นพูดด้วยมองหน้าผมก่อนจะก้มลงไปละเลงสีที่แผ่นไม้ต่อ

“พูดยังไม่ค่อยจะพูด จะให้มันติวให้น้องกิ่ง กูอยู่กับมันมาหกปียังคิดว่ามันเป็นใบ้เลย”

หลังจากที่พี่เอกแซวพี่สาม ทุกคนก็หัวเราะออกมา ยกเว้นผมที่ไม่กล้า ได้แต่ยิ้มนิดหน่อยและตั้งใจทำงานในส่วนของตัวเองต่อ

……

วันนี้เป็นวันที่เราเก็บงานกันเป็นวันสุดท้าย เกือบห้าทุ่มกว่าถึงจะเสร็จสิ้น พี่ต้นตรวจงานและบอกว่าทุกอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว พวกเราทุกคนชูมือชูไม้ดีใจที่จะได้พักสักที ทุกคนเริ่มเก็บของและแยกย้ายกันกลับบ้าน พรุ่งนี้เป็นวันหยุดก็คงได้พักกันเต็มอิ่ม ผมตื่นเต้นเมื่อถึงเวลาที่จะได้อยู่กับพี่ต้นตามลำพัง พี่ต้นขอมานอนค้างที่บ้านของผมเพราะว่าบ้านของพี่ต้นอยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควร ทีแรกก็นึกสงสัยว่าทำไมพี่เขาไม่ไปค้างบ้านเพื่อนสนิทแทนที่จะเป็นบ้านของผมซึ่งเป็นแค่รุ่นน้อง แต่พี่ต้นบอกว่าเพื่อนๆ ของเขาไม่ค่อยสะดวก ผมจึงยินดีให้พี่ต้นมาค้างด้วย

พี่ต้นขี่มอเตอร์ไซด์มาโรงเรียนทุกวัน ตอนที่พี่เขาไปส่งผมที่บ้านวันแรกๆ มันรู้สึกดีมาก พี่ต้นส่งหมวกกันน็อกให้พร้อมกับบอกว่าเป็นอันใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครได้สวมใส่ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมีวันที่ผมได้นั่งซ้อนท้ายพี่เขา ผมไม่กล้ากอดเอวพี่ต้น ได้แค่แตะเอาไว้

แต่วันนี้ไม่รู้เป็นวันซวยอะไรของผมอีก เพราะเมื่อพี่ต้นขี่มาถึงหน้าประตูโรงเรียน ผมก็ได้เจอกับกลุ่มของไอ้นัทยืนกันเต็มไปหมด ซึ่งตอนนี้มีพี่สามยืนรวมอยู่ในนั้นด้วย

“ระวังยางแตกนะโว้ย” ไอ้นัทตะโกนเสียงดังแล้วก็หัวเราะ

“ต้น มึงเจ๋งว่ะ ขี่รถล้อหลังล้อเดียวก็ได้ เพราะล้อหน้ามันลอย ฮ่าๆ”

ภายใต้หมวกกันน็อกคงไม่มีใครเห็นว่าปากของผมเม้มกันแน่นแค่ไหน ลำพังมีแค่ผม ผมคงไม่สนใจเสียงนกเสียงกาเสียงหมาเห่า แต่ผมกำลังทำให้พี่ต้นต้องพลอยมาเป็นจุดสนใจไปด้วย ที่สำคัญผมอายที่คนตัวกลมๆ อย่างผมอาจจะทำให้ยางรถของพี่ต้นแบนได้จริงๆ

มือของผมทิ้งลงข้างตัว ไม่กล้าแม้แต่จะแตะตัวพี่ต้น จนกระทั่งพี่เขาหยุดรถตรงกลุ่มที่พวกไอ้นัทยืนอยู่ แล้วเขาก็เอามือของเขามาจับมือของผมให้กอดเข้าที่เอวของเข้า ใบหน้าของผมเลยแนบไปกับแผ่นหลังพี่เขาเต็มๆ ผมได้ยินเสียงโห่ร้องมาจากกลุ่มไอ้นัท และจากนักเรียนคนอื่นๆ ที่เพิ่งเลิกทำกิจกรรมเหมือนกัน

“เกาะแน่นๆ นะครับ” พี่ต้นเลื่อนที่บังลมสีชาบนหมวกกันน็อกขึ้นเพื่อพูดกับผม

ผมไม่ได้พูดอะไร แต่สองมือของผมกระชับเอวของพี่ต้นเอาไว้แทนคำตอบรับ ผมไม่ได้มองคนรอบตัวเลยว่ากำลังแสดงสีหน้าแบบไหนกัน ผมสนใจแค่แผ่นหลังที่แข็งแรงราวกับกำแพงที่ปกป้องผมอยู่ จากนี้ไป...ต่อให้ผมต้องเดินอยู่บนเส้นทางที่ทำให้ผมยิ้มไม่ออก ผมจะนึกถึงช่วงเวลานี้เอาไว้ เพราะสิ่งที่ผมได้รับจากพี่ต้น มันต่อเติมแรงใจให้ผมมีแรงก้าวเดินต่อไปครับ

......

“ห้องกว้างมาก”

ผมพาพี่ต้นมาถึงห้อง พี่เขามองไปรอบๆ อยู่พักหนึ่งถึงได้พูดออกมา อย่างที่เคยบอกไปว่าฐานะทางบ้านของผมดีในระดับหนึ่ง ห้องของผมจึงถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์คุณภาพดีและทันสมัย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็มีพร้อม ทั้งเครื่องปรับอากาศ ทั้งโทรทัศน์หน้าจอ 46 นิ้ว เครื่องเล่นทั้งภาพและเสียงต่างๆ โต๊ะอ่านหนังสือที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ดีๆ ในห้องมีห้องน้ำในตัว มีอ่างอาบน้ำ มีเครื่องทำน้ำร้อน มีทุกอย่างเท่าที่พ่อกับแม่จะสรรหามาเติมแต่งให้ได้

“พี่ต้นจะอาบน้ำก่อนไหมครับ ผมจะหยิบผ้าเช็ดตัวให้” เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าผมจึงเดินไปเปิดตู้แล้วหยิบผ้าขนหนูเนื้อดีมาให้เขา

“พ่อกับแม่ของกิ่งคงนอนแล้วเนอะ พี่ไม่ได้ไปสวัสดีท่านเลย”

“พ่อเพิ่งไลน์มาบอกว่าไม่กลับ คงจะไปค้างที่คอนโดกับพี่มาลัย พี่สาวของกิ่งครับ”

“อืม มีเราแค่สองคนเหรอ”

“ครับ” ผมตอบ ไม่กล้ามองหน้าพี่เขา เพราะสายตาของพี่ต้นทำให้ผมใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“พี่อาบน้ำก่อนนะ”

“พี่หิวไหม”

“ก็นิดหน่อย”

“กิ่งไปทำมาม่ามาให้นะ”

“ไม่เป็นไร แค่ขอมาค้างด้วยก็รบกวนมากแล้ว”

“กิ่งก็หิว” ผมอ้าง อันที่จริงผมลดความอ้วนอยู่ แต่ไม่อยากให้พี่ต้นเกรงใจเลยต้องบอกว่าตัวเอก็หิว

“งั้นก็ขอบคุณนะ”

พี่ต้นเข้าไปอาบน้ำ ส่วนผมก็ลงมาทำมาม่าทรงเครื่อง เมนูนี้ผมเคยแอบยามที่หิวกลางดึก สมัยที่ยังตามใจปากอยู่แหละครับ ผมมั่นใจว่าพี่ต้นจะต้องติดใจเพราะผมใส่เครื่องเคียงลงไปแบบไม่ยั้งมือ เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจึงยกขึ้นไปบนห้อง

“อุ้ย ขอโทษครับ” หม้อมาม่าในมือแทบร่วงเมื่อผมเปิดประตูเข้ามาแล้วเจอพี่ต้นสวมกางเกงในตัวเดียว พี่เขากำลังยืนเช็ดผมอยู่ที่ตรงหน้าพัดลมเครื่องใหญ่

“มาพี่ช่วยถือ” พี่ต้นรีบเข้ามารับหม้อมาม่าจากผม ผมต้องเลี่ยงสายตาไปทางอื่น แค่เมื่อกี้พี่ต้นหันหลังผมยังใจเต้นระส่ำ แล้วนี่พี่เขาหันหน้าแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆ ทั้งที่ใส่กางเกงในแค่ตัวเดียว อะไรต่อมิอะไรจึงเด่นชัดมากกว่าเดิม

“พี่เอาวางตรงไหนได้บ้าง” พี่ต้นถาม

“เดี๋ยวกิ่งเอาโต๊ะญี่ปุ่นมากางให้ก่อนครับ” ผมรีบบอกก่อนจะเดินไปหยิบโต๊ะขาพับมากางที่พื้นห้อง พี่ต้นวางหม้อลงแล้วเดินไปเป่าผมต่อ

ผมอดใจไม่ได้ที่จะแอบมองรูปร่างพี่เขา รูปร่างของพี่ต้นสมส่วนมาก อยู่แค่ ม.6 แต่ดูแลตัวเองจนแข็งแรงและดูดีมากๆ ไหล่ที่ลาดกว้างยิ่งทำให้เขาดูสง่า แขนขาที่มีมัดกล้ามเล็กน้อยช่วยทำให้เขาเท่ขึ้นไปอีก ส่วนผม แค่ไม่มีพุงยื่นๆ ก็บุญแล้ว และที่สำคัญ...อะไรตรงนั้นของพี่ต้นไม่เหมือนเด็ก ม.6 เลยสักนิด ผมไม่ได้อยากทะลึ่งหรอกนะครับ แต่สายตามันหลบเลี่ยงไม่ได้จริงๆ

“พี่จะตากผ้าเช็ดตัวได้ที่ไหน” พี่ต้นหันมาถาม ผมอยากจะบอกพี่เขาว่าใส่เสื้อผ้าก่อนก็ได้ แต่ทำได้แค่คิดในใจ

“เอาไว้ตรงตะกร้าเลยครับ เดี๋ยวแม่บ้านก็มาเอาไปซัก”

“แล้วทำไมไม่กินครับ หิวไม่ใช่เหรอ” พี่ต้นสวมกางเกงเพียงตัวเดียวแล้วเดินมานั่งตรงกันข้ามกับผม

“รอพี่” ผมตอบสั้นๆ

แล้วเราสองคนก็นั่งกินมาม่าด้วยกันในหม้อ ผมคงกินน้อยจนพี่ต้นต้องคอยคีบมาม่าขึ้นมาแล้วยื่นให้ผมกิน ผมเขินมากที่ถูกป้อนแต่ก็พยายามทำตัวให้ปกติที่สุด


มีต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 1 + 2 [29/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 29-05-2019 17:32:46
ต่อจากด้านบน


จนกระทั่งช่วงเวลาที่กระอักกระอ่วนผ่านไป ผมถึงได้หายใจทั่วท้อง แต่ผมคิดผิด....ช่วงเวลาที่ทำให้ผมหายใจติดๆ ขัดๆ คือตอนจะนอนต่างหาก ผมมัวแต่เขินจนลืมคิดไปว่าผมต้องนอนบนเตียงกับพี่ต้นสองต่อสอง พี่เขาคงไม่คิดอะไร แต่ผมสิคิด มันเลยส่งผลให้ผมใจเต้นแรง เกร็งไปหมด

“กิ่งชอบนอนฝั่งไหน” พี่ต้นถาม

“ได้หมดครับ กิ่งไปอาบน้ำก่อนนะ” ผมตอบก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำไป ไปนั่งทำใจอยู่นาน ภาวนาให้พี่ต้นหลับก่อน ไม่เช่นนั้นผมคงนอนไม่หลับแน่ๆ

เกือบชั่วโมง กว่าที่ผมจะออกมาจากห้องน้ำ พี่ต้นหลับไปแล้วตามที่หวัง นี่มันก็ตีหนึ่งแล้ว พี่เขาคงจะเพลีย ผมค่อยๆ เดินไปยังฝั่งที่ว่างอยู่ พยายามทิ้งตัวลงนอนให้เบาที่สุด แอบมองหน้าหล่อๆ ของพี่ต้นจะได้ฝันดี จากนั้นผมก็ปิดโคมไฟเพราะไม่อยากให้มันไปรบกวนการนอนของพี่ต้น

ผมนอนลืมตาในความมืด ทั้งที่ง่วงแต่มันดีใจเกินกว่าจะหลับตาลง ใครจะไปคิดว่าผมจะได้มาใกล้ชิดคนที่แอบชอบได้ขนาดนี้ พวกเพื่อนๆ ของผมมันยังแซวว่าพระเจ้าคงเห็นใจ พวกมันยุให้ผมสารภาพรัก แต่ผมไม่กล้าและไม่คิดจะทำ ผมมองตัวเองในกระจกทุกวัน รู้ดีว่าไม่คู่ควร พี่ต้นก็คงเอ็นดูผมเหมือนน้อง เขาเคยเล่าว่าเขาไม่มีน้องชาย มีแต่พี่ชาย เวลามีผมอยู่ด้วยแล้วเหมือนได้น้องชายคนเล็ก ผมก็คงเป็นได้แค่นั้น

ผมพยายามสลัดความฟุ้งซ่านทิ้งและข่มใจให้หลับ แต่ยังไม่ทันที่เปลือกตาของผมจะปิดลง พี่ต้นก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ผม ผมจึงเริ่มเกร็งและหายใจไม่ทั่วท้องอีกครั้ง

“กิ่งหลับรึยัง” พี่ต้นถาม

“ยังครับ กิ่งนึกว่าพี่หลับแล้ว” ผมตอบกลับไป แต่พี่ต้นไม่ได้พูดอะไรกลับมา นอนเงียบๆ จนผมนึกว่าพี่เขาหลับไปแล้ว ผมค่อยๆ พรูลมหายใจและหลับตา แต่แล้วพี่ต้นก็พูดขึ้นมาอีก

“พี่กอดกิ่งได้ไหม”

คำถามของพี่ต้นทำให้สติของผมกระเจิดกระเจิง ผมยอมรับว่าตื่นเต้นที่ได้อยู่กับพี่เขาตามลำพัง แต่ผมไม่เคยคิดว่าพี่ต้นจะเป็นฝ่ายอยากใกล้ชิดผมก่อน ผมรู้ว่าวัยของเรากำลังอยากรู้อยากลองเรื่องพวกนี้ แต่คนที่เขาอยากลองน่าจะเป็นคนที่ดูดีกว่าผม คนที่ยินดีและเต็มใจอยู่ในอ้อมกอดของพี่ต้นมีตั้งมากมาย

“พี่ขอโทษนะที่ทำให้อึดอัดใจ” พี่ต้นเอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นผมเงียบ

“พี่ต้นเหงาเหรอครับ” ผมถามกลับไป

“มันไม่ใช่ความเหงา พี่ชอบกิ่ง ชอบตั้งแต่วันที่กิ่งเอากระเป๋าสตางค์มาคืนพี่”

ผมย้อนนึกกลับไปในวันนั้น ผมเก็บกระเป๋าสตางค์ของพี่ต้นได้ และนำไปคืนเขา ตอนนั้นมาร์ชก็บอกว่าพี่ต้นจ้องหน้าผมอยู่ตั้งนาน แต่ผมไม่เชื่อมัน มันไม่น่าจะเป็นไปนี่ครับ

“กิ่งไม่เห็นมีอะไรที่พี่น่าจะชอบได้เลยนะ” ผมพูดไปตามที่คิด

“ความชอบคนเราไม่เหมือนกัน กิ่งคิดว่าพี่โกหกกิ่งเหรอ”

“เปล่าครับ กิ่งแค่...ไม่ใช่คนหน้าตาดี อ้วนด้วย” ผมพูดแบบปลงๆ ผมยังชอบคนหน้าตาดีเลย ทุกคนก็ต้องชอบคนที่ดุดีทั้งนั้น

“พี่ชอบคนเจ้าเนื้อมากกว่าคนผอมๆ นะ พี่ชอบคนน่ารักมากกว่าคนหน้าตาดี แล้วพี่ก็ไม่ชอบคนอ่อนแอ วันแรกที่พี่เห็นกิ่ง พี่พูดอะไรไม่ออกเลย กิ่งดูน่ารักมาก แม้แต่คำว่าขอบคุณพี่ก็ลืมที่จะพูด จากนั้นมาพี่ก็แอบมองกิ่งเรื่อยๆ แต่กิ่งไม่เคยมองพี่เลย วันที่กิ่งปกป้องเพื่อนจากพวกไอ้นัท พี่ประทับใจกิ่งมาก แต่พี่ไม่รู้ว่ากิ่งจะรังเกียจไหมหากมีผู้ชายมาสารภาพรัก พี่เลยได้แต่มอง แต่นี่พี่จะจบแล้ว พี่คงเสียใจหากไม่ได้พูดออกไป”

ผมพูดไม่ออกเลยที่ได้ยินสิ่งที่พี่ต้นพรั่งพรูออกมา มันยิ่งกว่าฝันไป ดาวเด่นดังที่หลายคนหมายปองกำลังบอกว่าชอบที่ผมเป็นผม หรือผมจะฝันไปจริงๆ

“กิ่งฝันอยู่หรือเปล่าครับ”

“ลองพิสูจน์ดูนะ”

พี่ต้นพลิกตัวมาทางผม มือข้างหนึ่งประคองใบหน้าผมเอาไว้ จากนั้นพี่เขาก็โน้มตัวลงมาแล้วแนบริมฝีปากบนริมฝีปากของผม เพียงแค่นั้นผิวกายผมมันก็ร้อนวูบขึ้นมาเหมือนถูกไม้ตียุงช็อตแปลบๆ ปลายเท้าของผมเกร็งจนปวด มือผมก็ไม่กล้าขยับ ดวงตาที่เบิกโตเพราะความตกใจค่อยๆ เคลิ้มปิดเมื่อพี่ต้นส่งปลายลิ้นเข้ามาวนรอบปลายลิ้นของผม

สัมผัสที่พี่ต้นมอบให้สร้างความตื่นเต้นแปลกใหม่ ผมเผลอปล่อยใจให้อีกฝ่ายนำพาเพราะมันรู้สึกดีมากกว่ารู้สึกแย่ พี่ต้นยังคงจูบผมแบบเนิบนาบแต่ว่าจูบนั้นก็ปั่นป่วนผมไปทั้งร่างกาย ริมฝีปากของผมถูกพี่ต้นเม้มและบดเบียดจนมันเริ่มชา ผมกำลังตกอยู่ในวังวนที่ไม่อาจทอดถอนได้ จนกระทั่งปลายยอดอกถูกสัมผัสด้วยปลายนิ้ว ดวงตาของผมถึงได้เบิกขึ้นอีกครั้ง หัวใจผมเต้นรัวและเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

สิ่งที่น่าละอายที่สุดคือผมไม่คิดจะห้ามปรามพี่ต้นเลย ผมยอมให้เขาทำในสิ่งที่เขาต้องการ ผมไม่รู้ว่ามันจะไปจบที่ตรงไหน ถ้าผมจะบอกว่าหากวันนี้เป็นเพียงแค่การระบายความเหงาของพี่ต้น แต่ผมยินยอมพร้อมใจเป็นที่ระบายของเขา ผมจะเป็นคนที่โง่ที่สุดในโลกหรือเปล่าครับ

“หอมทั้งตัวอย่างที่พี่คิดอาไว้จริงๆ” พี่ต้นเงยหน้าจากซอกคอของผมและมากระซิบที่ข้างหู ใบหน้าของผมร้อนผ่าวไปหมด

ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะพี่ต้นซุกจมูกลงไปที่ซอกคอผมอีกครั้ง ริมฝีปากของพี่เขาเหมือนไฟ แต่ลิ้นของพี่เขาร้อนแรงแผดเผามากกว่านั้น ยามที่มันค่อยๆ ลากไล้ลงไปตั้งแต่ลำคอของผม เคลื่อนมาที่ใต้คาง และเริ่มมาอ้อยอิ่งที่หน้าอก ผมถึงกับบิดเร้าเพราะความรู้สึกบางอย่างมันแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย

“พี่...” ผมร้องเรียกชื่อพี่เขาเมื่อเขาตวัดปลายลิ้นไปโดนติ่งเล็กๆ บนเนินเนื้ออกข้างซ้าย

“ห้ามผอมไปกว่านี้นะ พี่ชอบแบบนี้” พี่เขาพูดพลางบีบเคล้นที่หน้าอกของผม

เพราะว่าผมเป็นคนมีเนื้อมีหนัง พี่เขาดูจะชอบอย่างที่เขาบอกเหมือนกัน เขาจึงสาละวนเคล้นคลึงและดูดดุนหน้าอกของผมทั้งสองข้างจนผมเกือบจะขาดใจตาย ยามเนินเนื้อของผมถูกบีบเคล้น มันทั้งเจ็บทั้งรู้สึกดี เคยเรียนรู้มาว่าตรงยอดอกมันเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาทหลายเส้น ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็มีเหมือนกัน มันจึงอ่อนไหวและรับรู้ได้มากเป็นพิเศษ ผมเพิ่งเข้าใจในวันนี้ ยิ่งตอนที่พี่ต้นใช้ฟันครูดเบาๆ ผมถึงกับร้องครางออกมาแบบไม่อาจห้ามได้ พี่ต้นเก่งเกินไปแล้ว..

“พี่ต้น กิ่งกลัว” ผมบอกไปตามตรงเมื่อพี่ต้นกำลังลากปลายลิ้นลงไปถึงหน้าท้อง แม้จะคล้อยตามสิ่งที่พี่เขาปรนเปรอให้ แต่ผมก็ยังคงกลัวหากถูกทำอะไรมากไปกว่านั้น ผมยอมรับว่าเคยดูคลิปตามเว็บเกย์ แม้ฝ่ายถูกกระทำจะดูสุขสม แต่ผมว่าเขาคงต้องเจ็บอยู่ดี และผมยังไม่พร้อมจะเจ็บ

“พี่ยังไม่ทำอะไรถึงขั้นนั้นหรอกครับ แค่อยากให้เรามีความสุขด้วยกัน พี่มีวิธี ได้ไหม” พี่ต้นถาม ผมนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าให้

แล้วพี่ต้นก็จัดการสร้างความสุขให้ผมอย่างที่เขาบอกจริงๆ ผมทั้งเขินทั้งรู้สึกดี และยอมรับว่ามันเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่ให้ผมถึงขีดสุดในด้านของอารมณ์ ยามพี่เขาละเลียดรูดรั้งส่วนอ่อนไหว หรือใช้มือช่วยนำพา ผมหายใจติดขัดและเกร็งไปทุกส่วน ความเสียวสะท้านค่อยๆ ไต่ระดับจนสติเริ่มห่างหาย ได้แต่หลับตาสูดปากแอ่นกายด้วยความทรมาน สุดท้ายความอัดอั้นนั้นก็ถูกระบายออกมาในปากของพี่ต้นมากมายจนผมนึกละอายใจที่ไม่มีวิธียับยั้ง

“ครั้งแรกก็แบบนี้แหละครับ” พี่ต้นปลอบผมเมื่อเห็นผมเอาหมอนมาปิดใบหน้าเอาไว้

“แล้วครั้งแรกของพี่...” ผมโผล่หน้าออกมาจากหมอนเพื่อถาม

“ก็เยอะแบบนี้ ไม่โกรธพี่ใช่ไหมที่ไม่ได้มีกิ่งเป็นคนแรก” พี่ต้นถาม ผมรีบส่ายหน้า ยุคสมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ขอแค่รู้จักป้องกันก็พอ

“ให้กิ่งทำให้พี่ต้นบ้างไหม” ผมเขินสุดชีวิตที่พูดออกไป แต่ผมไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาที่จะไม่รู้ว่าพี่เขายังไม่ถึงฝั่งฝันแล้วมันจะทรมานแค่ไหน

“ฝืนใจหรือเปล่า” พี่ต้นถาม

“กิ่งชอบพี่ต้น กิ่งอยากให้พี่มีความสุขเหมือนกัน” ผมพูดจบก็เอาหมอนมาปิดหน้าต่อ ไม่ได้อยากทำตัวเหมือนสาวน้อยที่เอาแต่เอียงอาย แต่ผมอายจริงๆ หากคุณลองมาอยู่ใกล้ผู้ชายอย่างพี่ต้น ลองโดนสายตาคมคู่นั้นจ้องมองมา ผมว่าก็เขินทั้งนั้นแหละครับ

“พี่อยากเห็นหน้ากิ่ง พี่เปิดไฟนะครับ” พี่ต้นไม่รอคำตอบแต่เอื้อมมือไปเปิดไฟ จากนั้นก็ดึงหมอนออกจากใบหน้าของผม

บอกตามตรงว่ารู้สึกอายหากพี่เขาจะมาเห็นเรือนร่างที่ดูไม่จืดของผม แต่พี่ต้นกลับโยนหมอนและผ้าห่มออกก่อนจะจ้องมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาของพี่เขาไม่มีแววรังเกียจแม้แต่น้อย แววตาที่อบอุ่นถูกมาให้ สายตาของพี่ต้นอ่อนโยนมากจนผมประหม่า ส่วนสายตาที่บอกว่าต้องการผมมากแค่ไหนยิ่งทำให้ผมใจเต้นระทึก ไม่รู้จะวางมือตรงไหน ควรทำหน้าอย่างไร จนพี่ต้นก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง ผมถึงได้เอามือไปคล้องคอพี่เขาเอาไว้

แม้ผมบอกว่าจะเป็นฝ่ายช่วยให้พี่ต้นมีความสุขบ้าง แต่พี่ต้นก็ยังดื่มด่ำกับร่างกายของผมต่อ จนผมถึงปลายทางครั้งที่สอง คราวนี้ผมไม่ยอมให้พี่ต้นทำให้อีก เลยเป็นฝ่ายลุกไปทำอย่างที่พี่ต้นทำให้ผมบ้าง แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่ผมได้ทำ แต่ผมก็ทำให้พี่ต้นส่งเสียงพึงพอใจออกมาได้ โดยเฉพาะเมื่อผมลงไปจัดการส่วนสำคัญกลางลำตัว พี่ต้นถึงกับสวนสะโพกเข้ามาที่ปากของผมจนผมสำลักสิ่งที่พี่ต้นปลดปล่อยออกมา

“พี่ขอโทษนะครับ กิ่งเก่งมากเลย พี่ไม่เคยสุดเท่านี้มาก่อนเลย” ผมได้รับคำชม แต่เป็นคำชมที่ทำให้ผมทั้งดีใจและละอายใจ ถ้าพ่อกับแม่รู้ว่าผมได้รับคำชมในเรื่องนี้ท่านคงกลุ้มใจไม่น้อย

……

และหลังจากคืนนั้นเป็นต้นมา พี่ต้นก็ทำตัวติดกับผมแทบจะตลอดเวลาที่มีโอกาส เขาไม่อายที่จะเปิดตัวว่ากำลังคบหากับผมในฐานะ ‘แฟน’ แม้จะมีคนพูดว่าผมไม่เหมาะสมกับเขา ไม่คู่ควร เอาผมไปนินทาต่างๆ นาๆ แต่พี่ต้นก็จะปกป้องผมเสมอ ยิ่งใครว่า เขายิ่งแสดงออกว่ารักผมมากแค่ไหน เขาไม่แคร์ว่าใครจะพูดยังไง แต่ยังใส่ใจและทำให้ผมกลายเป็นคนที่ใครต่อใครพากันอิจฉา พี่เขาอ่อนโยนและทำให้ผมเห็นคุณค่าในตัวเอง ในขณะที่ผมพยายามลดน้ำหนักและออกกำลังกายเพื่อเขา แต่เขากลับชวนผมไปกินสิ่งที่ผมชอบ และพูดตอกย้ำเสมอว่าเขาชอบผมที่เป็นผมแบบนี้

พี่ต้นมาค้างกับผมทุกวันหยุด เวลาอยู่กันตามลำพังพี่เขาจะหวานกับผมมากๆ ผมก็อ้อนเขามากเช่นกัน เราสองคนมีอะไรทุกครั้งที่เขามาค้างด้วย แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นนั้นเพราะผมยังกลัว พี่ต้นก็ไม่คิดจะบังคับหรือฝืนใจผม เราต่างหลงใหลในกันและกัน พี่ต้นชมว่าผมตอบสนองเขาได้เก่งขึ้น ผมแอบสารภาพว่าผมศึกษาทุกอย่างว่าจะทำให้คู่ของเรามีความสุขได้ยังไง เพราะผมไม่ใช่ผู้หญิงและไม่ใช่คนที่ดูดี ผมจึงอยากหาวิธีมัดใจเขาบ้าง เมื่อเห็นว่าพี่ต้นชอบในสิ่งที่ผมทำให้ ผมก็พลอยสุขใจไปด้วย

ส่วนพ่อกับแม่ของผมก็เหมือนจะรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน แต่ท่านกลับไม่ได้ว่าอะไรอย่างที่ผมกังวล อาจเพราะพี่ต้นเป็นคนดี ท่านทั้งสองดูจะถูกชะตาและเอ็นดูพี่ต้นเหมือนลูกอีกคน ถึงขนาดบอกว่าหากพี่ต้นสอบติดมหา’ลัยที่พี่ต้นหวังเอาไว้ ท่านจะให้พี่ต้นไปอยู่ที่คอนโดที่ท่านซื้อเตรียมเอาไว้ให้ผม ตอนที่ผมต้องเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย แม่บอกว่าพี่ต้นจะได้ไม่ต้องไปหาเช่าที่อื่นที่ไกลจากที่เรียน ผมดีใจที่ความรักของเราเป็นไปได้ด้วยดี

มีหลายคนที่คิดว่าพี่ต้นมาหลอกผม แต่ผมนึกไม่ออกว่าพี่ต้นจะหลอกเอาอะไร ผมไม่ได้มีอะไรให้พี่เขาหลอกได้ ถ้าเรื่องแบบนั้นผมก็บอกเลยว่าผมไม่ใช่ผู้หญิง มันคงไม่ได้มีอะไรเสียหายมากไปกว่านั้น และผมไม่ได้ทำให้เรื่องอื่นๆ ในชีวิตเสียไปด้วย ซึ่งตรงจุดนี้พี่ต้นยิ่งทำให้มีความตั้งใจเรียนมากขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้นเหตุนี้พ่อแม่ผมถึงได้ไม่ว่าอะไร ส่วนเรื่องเงิน ทางบ้านของพี่ต้นก็เป็นคนมีฐานะ เขาไม่เคยหยิบยืมหรือพึ่งพาอะไรผมเลยสักครั้ง ไปไหนพี่เขาก็ออกค่าใช้จ่ายให้ทุกที ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายพึ่งพาพี่ต้นบ่อยๆ

ผมเชื่อในความคิดของตัวเอง ผมว่าพี่เขารักผมอย่างที่เขาบอกจริงๆ

เพื่อนสนิทผมบอกว่าผมโชคดีที่พี่ต้นเลือกผมและรักในสิ่งที่ผมเป็น ผมเองก็คิดแบบนั้น ผมจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะรักษาความรักของเราเอาไว้ เมื่อวันสุดท้ายที่พี่ต้นเรียนจบมัธยมปลาย พี่ต้นขอมีอะไรกับผมแบบที่ลึกซึ้ง ผมจึงยินดีที่จะให้เขาด้วยความเต็มใจ ถึงจะกลัว แต่ผมกลัวว่าผมจะเสียเขาไปมากกว่า และยิ่งผมเป็นของพี่ต้นแบบเต็มรูปแบบ เขาก็ดูจะใส่ใจและรักผมมากขึ้นกว่าเดิม

……

“พี่อย่าไปซนกับคนอื่นนะ” ผมกำชับพี่ต้นในวันที่พี่ต้นต้องเดินทางเข้ากรุงเทพ สรุปว่าพี่ต้นสอบติดเข้าคณะและมหา’ลัยที่ต้องการ พ่อแม่ของพี่ต้นซื้อรถยนต์ให้เป็นของขวัญ และพี่ต้นก็ย้ายเข้าไปอยู่ที่คอนโดของผมอย่างที่พ่อกับแม่ของผมบอกเอาไว้

“เรานั่นแหละ ห้ามว่อกแว่กกับใครนะ แล้วอ่านหนังสือเยอะๆ จะได้เรียนที่เดียวกัน พี่จะรอเรานะ” พี่ต้นพูดจบก็หอมที่หน้าผากของผม

“ไม่มีใครสนใจกิ่งหรอก มีแต่พี่ต้นคนเดียวที่มาตกหลุมของกิ่ง” พี่พูดพลางขำ

“ดีแล้ว พี่อยากเป็นคนเดียวของกิ่ง”

“พี่ต้น ความไกลจะทำให้เราเลิกกันใหม่”

“พี่บอกแล้วไงครับ พี่ไม่ใช่คนเจ้าชู้ อย่ากังวลเลย ถ้าไม่ยุ่งจนเกินไปพี่จะลงมาหากิ่งทุกอาทิตย์นะ แต่ถ้าพี่ขับกลับมานี่ไม่ไหว กิ่งก็ขึ้นไปหาพี่”

“ครับ พี่ต้องโทรหากิ่งทุกวันนะ”

“อยู่แล้ว เจ้าคนขี้หึง” พี่ต้นยีผมของผม

“ขับรถดีๆ นะครับ”

“ครับ อีกห้าวันเจอกัน”

“ครับ กิ่งจะรอ”


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 1 + 2 [29/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 29-05-2019 17:34:21
ตอนที่ 2


แล้วพี่ต้นก็ทำตามสัญญา เขาสม่ำเสมอกับผมมาก ไม่ว่าจะไปไหนก็จะคอยโทรบอกผมตลอด จะไปเที่ยวกลางคืนหรือไปต่างจังหวัดพี่เขาก็จะเปิดวีดีโอคอลให้ผมดูว่าไปกับใคร ส่วนมากก็เป็นเพื่อนสนิทที่มหา’ลัย หรือไม่ก็พวกกลุ่มเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยมปลาย ผมเคยเห็นพี่เอ๋ยสองสามครั้ง พี่ต้นบอกว่าพี่เอ๋ยเปลี่ยนใจมาเข้าที่เดียวกับพี่ต้น ถึงผมจะเป็นคนขี้หึงเข้าขั้นแต่ผมก็ไว้ใจเขา เพราะพี่เอ๋ยก็มีแฟนแล้ว แฟนพี่เอ๋ยหล่อมากไม่แพ้พี่ต้นเลย แถมพี่เอ๋ยยังคอยเป็นหูเป็นตาให้ผมอีกด้วย

พี่ต้นทำให้ผมสบายใจตลอดหนึ่งปีที่เราอยู่ไกลกัน ไอ้นัทก็ไม่ค่อยมาวอแวกับพวกผมอีก คงเพราะพี่ต้นบอกให้พี่สามไปเตือนมันว่าอย่ามายุ่งกับผม น่าแปลกเหมือนกันที่คนอย่างไอ้นัทจะกลัวคำขู่ของพี่ต้น


จนกระทั่งผมสอบติดคณะศิลปกรรมมหา’ลัยเดียวกับพี่ต้น พ่อกับแม่ของผมดีใจมากถึงแม้ผมจะไม่ได้เข้าคณะที่ท่านหวังเอาไว้ เพราะการที่ผมสอบติดมหา’ลัยนี้ ก็เรียกได้ว่าสร้างความภูมิใจให้พ่อกับแม่ได้แบบไม่อายใครเลย

‘มึงโชคดีมากเลยนะกิ่งที่ได้คนดีๆ อย่างพี่ต้นมาเป็นแฟน’ ครับ...ผมก็ว่าแบบนั้น


จะเรียกว่าชีวิตคู่ของผมกับพี่ต้นเพิ่งเริ่มขึ้นอย่างจริงจังเมื่อผมย้ายมาอยู่ที่คอนโดของตัวเอง ก่อนหน้านี้เราไม่ได้อยู่กัน ต่างก็มีบ้านของตัวเอง มีระยะห่าง ต่างก็ยังมีพื้นที่ให้กันและกัน เมื่อได้มาใกล้ชิดและอยู่ในพื้นที่ร่วมกัน ปัญหาความต่างหรือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่กระทบใจกันมันก็ทยอยเกิดขึ้นเรื่อยๆ

ที่ผ่านมาชีวิตของผมถูกเลี้ยงดูแบบคุณหนู มีแม่บ้านคอยมาทำความสะอาดให้ทุกอย่าง ผมแค่เรียนอย่างเดียวพอ แต่เมื่อต้องมาอยู่กับพี่ต้น ผมต้องทำทุกอย่างเอง และบางทียังต้องทำให้พี่ต้นด้วย ผมก็เริ่มงอแงและอยากหาคนมาคอยทำความสะอาดห้องและซักผ้ารีดผ้าให้ แต่พี่ต้นไม่เห็นด้วย เพราะพี่เขาไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายที่ห้อง ไม่ชอบให้ใครเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว

“กิ่งทำงานส่งอาจารย์ก็เหนื่อยแล้วนะครับ” ผมตัดพ้อเมื่อพี่ต้นบอกว่าจะสลับเวรกันทำความสะอาดและซักผ้า

“เอาไว้ให้กิ่งมีงานทำเองก่อนค่อยจ้าง อะไรที่เราช่วยพ่อแม่ประหยัดได้ก็ต้องช่วย”

“แต่พ่อแม่กิ่งไม่ว่าหรอก นะครับ จ้างคนมาทำอาทิตย์ละวันก็ได้”

“ตามใจ” พี่ต้นตอบห้วนๆ จนผมใจไม่ดี ผมรีบเข้าไปสวมกอดพี่ต้นเอาไว้และคลอเคลียไม่ห่าง สุดท้ายพี่ต้นก็ถอนหายใจ เขาไม่เคยใจแข็งได้นานเพราะแพ้ลูกอ้อนของผม “แล้วจะจ้างใคร” พี่ต้นถามผม

“พี่ต้นจำกรีนได้ไหม เพื่อนของกิ่งตอนมอปลายอะ” พี่ต้นทำท่าคิดก่อนจะพยักหน้า “ตอนเรียนมอปลายมันก็รับทำงานบ้านช่วยแม่หาเงิน กิ่งจะลองถามมันดูนะ เห็นมาร์ชว่ามันหางานเสริมทำอยู่”

“เอาเพื่อนมาทำงานให้ ถ้าเขาทำไม่ดีจะกล้าต่อว่าเหรอไง”

“ไม่หรอก กรีนมันทำงานบ้านเก่ง แม่กิ่งเคยจ้างมา มันทำจนแม่ชมไม่เลิกเลย”

“ตามใจกิ่งก็แล้วกัน”

“พี่ไม่โกรธกิ่งนะครับ”

“พี่เคยโกรธเราลงด้วยเหรอ อ้อนเก่งขึ้นทุกวัน”

“อย่างอื่นก็เก่งขึ้นนะ” ผมพูดพลางดันตัวพี่ต้นให้นอนราบลง แล้วผมก็จัดการทำให้พี่ต้นพึงพอใจพี่เขาจะได้หายโกรธที่ผมดื้อ

……

กรีนตกลงมาทำงานบ้านให้ผมทุกวันอาทิตย์ ผมให้เงินตอบแทนกรีนเป็นจำนวนที่เรียกว่าเยอะกว่าค่าแรงทั่วไป พ่อกับแม่ของผมท่านเห็นด้วยเพราะอยากให้ผมโฟกัสเรื่องเรียนอย่างเดียวอยู่แล้ว ท่านบอกว่าจะเป็นคนจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้เอง พี่ต้นยอมให้กรีนมาทำความสะอาดห้องและซักเสื้อผ้าให้ผม แต่พี่ต้นจะซักเสื้อผ้าของเขาเอง ผมไม่อยากขัดใจเลยตามใจพี่เขา

ปัญหาเรื่องนี้จบไปก็มีปัญหาใหม่ตามมา เมื่อผมขึ้นปี 2 พี่ต้นก็เริ่มติดเพื่อนมากขึ้น ผมคิดอย่างนั้น แต่พี่ต้นบอกว่าเขาไม่ได้ติดเพื่อน แต่เขาต้องทำงานร่วมกับเพื่อนมากขึ้น คณะนิเทศฯ มันมีกิจกรรมเยอะ และจำเป็นต้องเข้าสังคมเพื่อสร้างสายป่านในอนาคต ผมเรียนศิลปกรรมก็งานเยอะไม่แพ้กัน แต่ผมก็ยังกลับมานอนที่คอนโดได้ ยังมีเวลาพอที่จะใช้ร่วมกับพี่ต้นได้หากพี่ต้นต้องการ แต่ดูเหมือนพี่ต้นจะแบ่งเวลาให้ผมไม่ได้ เราทะเลาะกันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่นานก็ดีกัน เป็นแบบนี้วนไปจนมันเริ่มชินชา

‘พี่ต้นจะกลับไหม’ ผมส่งข้อความไปหา

‘ไม่แน่ใจ ยังซ้อมละครเวทีอยู่เลย’

ผมไม่ได้ตอบกลับไปในทันที เบื่อแล้วที่จะทะเลาะกัน กำลังนั่งเบื่อๆ และไม่รู้ว่าจะทำอะไร เพื่อนที่คณะก็ส่งข้อความมาให้ไปเที่ยวร้านอาหารเปิดใหม่ของรุ่นพี่ที่คณะ มันเล่าว่าเป็นร้านอาหารเล็กๆ ที่มีวงดนตรีมาเล่น ผมรีบตอบตกลง ส่งข้อความบอกพี่ต้นและแต่งตัวออกไปยังจุดนัดหมายทันที

……

ร้านที่ผมมายืนอยู่เป็นร้านอาหารเล็กๆ ขนาดไม่เกิน 10 โต๊ะ มันซ่อนตัวอยู่ในซอยลึกแถวสีลม การตกแต่งดูเก๋ดี แนวฮาวายริมทะเลอะไรทำนองนั้น เมื่อเพื่อนเห็นผมจึงโบกมือให้ แต่ยังไม่ทันเดินเข้าไปด้านในก็เจอกับคนรู้จักเสียก่อน

“พี่สาม” ผมเอ่ยทัก คนถูกทักทำหน้าตกใจเล็กน้อยที่เห็นผม ผมไม่แปลกใจที่เห็นเขาที่นี่ เพราะที่นี่คือร้านของรุ่นพี่ที่คณะ แล้วพี่สามก็เป็นรุ่นพี่ที่คณะของผม เขาก็คงมาเพราะถูกชวนเหมือนกัน

“มาคนเดียวเหรอ” เขาถามผม

“มากับพวกไอ้ปู อยู่ข้างในกันหมดแล้วครับ”

“อ๋อ อืม เห็นละ” เขาตอบสั้นๆ

“พี่ก็มาเที่ยวเหรอ”

“เปล่า มาทำงาน”

“อ๋อ ครับ งั้นผมเข้าไปข้างในก่อนนะ” เหมือนเขาไม่ค่อยอยากคุยกับผม ผมเลยตัดบท

แล้วผมก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้รับรู้จากกลุ่มเพื่อนว่าร้านนี้เป็นร้านของพี่สาม ในบรรดาเพื่อนของพี่ต้น ผมไม่สนิทกับพี่สามเลย พูดคุยนับครั้งได้ แค่ตอนที่รู้ว่าเขามาเรียนที่นี่แทนที่จะไปอยู่ที่เชียงใหม่อย่างที่พี่ต้นเคยบอก ผมก็ประหลาดใจมากแล้ว พอมารู้ว่าเขามีเงินมาเช่าที่เปิดร้านแถวใจกลางเมืองแบบนี้ แปลว่าเขาก็เป็นคนมีฐานะอยู่เหมือนกัน ก็สร้างความประหลาดใจให้อีก ผมไม่ได้ดูถูกเขานะครับ แต่เขาทำตัวติดดินมากๆ และไม่เคยแสดงออกเลยว่าเป็นคนมีเงิน

“คนอะไรวะโคตรเท่ นิ่งเงียบขรึมหล่อได้ใจ แต่จีบโคตรยาก” ปูพูดถึงพี่สามให้ผมฟัง มันแอบชอบพี่สามมาตั้งแต่ถูกรับน้องวันแรก จนตอนนี้มันคบหาอยู่กับเพื่อนรุ่นเดียวกันไปแล้ว มันก็ยังชื่นชมพี่สามไม่เลิก

“แฟนไอ้กิ่งหล่อกว่า ทำไมไม่ชวนมาวะ” ‘จริงใจ’ เพื่อนอีกคนของผมถามถึงพี่ต้น มันเป็นอีกคนที่พูดเสมอว่าผมโชคดีที่ได้เป็นแฟนกับพี่ต้น เพราะมันเห็นว่าพี่ต้นดูแลผมอย่างดี เอาใจใส่ และที่สำคัญหล่อเข้าตามันมากๆ

“ซ้อมละครเวที” ผมตอบสั้นๆ

“เออใช่ งานละครเวทีคณะนิเทศแม่งคือทุ่มเทกันหมดตัว” ปูแสดงความเห็น

ผมรู้ว่างานละครเวทีสำหรับนักศึกษาคณะนิเทศมันสำคัญมาก ทุกคนทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อให้มันออกมาสมบูรณ์ที่สุด แต่ผมก็อดน้อยใจไม่ได้อยู่ดีว่าทำไมพี่ต้นถึงไม่แบ่งเวลามาให้ผมบ้าง แค่กินข้าวด้วยกันสักมื้อยังไม่ได้เลย แถมยังไม่ค่อยกลับมานอนที่คอนโดอีก

“งอนพี่เขามาดิท่า” จริงใจเอานิ้วจิ้มที่หน้าผากของผม

“มึงก็เพลาๆ ลงหน่อยไอ้กิ่ง พี่เขาจะเบื่อเอา”

“เออรู้แล้ว สั่งอะไรกินดี หิวอะ ไม่เอาแป้งนะ” ผมตัดบทไป ถ้าพี่ต้นไม่ห่างเหินกับผมขนาดนี้ผมก็ไม่งอแงหรอก พูดไปพวกมันก็คงไม่เข้าใจ

“จะลดอีกเหรอวะ ผอมลงตั้งเยอะแล้ว ฉันว่าขนาดนี้กำลังดี แฟนแกชอบคนมีเนื้อไม่ใช่เหรอ” ไอ้ปูเริ่มบ่นที่ผมลดความอ้วน

“ให้มันดูแลตัวเองไปเถอะ แฟนมันหล่อขนาดนั้น เดี๋ยวเจอคนงาบไปฉันขี้เกียจมาปลอบ” จริงใจแย้งขึ้นมา

“พี่ต้นเขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ เขาไม่มีใครหรอก แต่เราก็อยากดูดีให้เขาภูมิใจ” ผมบอกเหตุผลไป

“แก พี่สามเอาเมนูมาให้เองเลยเว้ย” ไอ้ปูดูจะตื่นเต้นเมื่อเห็นพี่สามเดินถือแผ่นเมนูมาที่โต๊ะ

“จะกินอะไรจดเอานะ แล้วให้เด็กเอาไปให้พี่ในครัว”

“นี่พี่ทำครัวเองเลยเหรอคะ” จริงใจทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ ผมก็เหมือนกัน

“อืม” พี่สามตอบสั้นมากแล้วเดินหายเข้าไปในครัวเลย วันนี้ร้านมีคนเข้าเต็มทุกโต๊ะ พี่เขาคงยุ่ง

“มึ๊งงงง กูอยากได้เขาว่ะ” ไอ้ปูทำท่าจะทุบหัวตัวเองจนผมกับจริงใจต้องรับคว้ามือเอาไว้ ถึงจะรู้ว่ามันแกล้งแอคติ้งเกินร้อยไปอย่างนั้นแต่ก็อดที่จะเล่นตามมันไปด้วยไม่ได้

อาหารฝีมือของพี่สามถูกนำมาเสิร์ฟจนครบ ต้องบอกว่าเกินด้วยซ้ำ เพราะพี่สามทำยำถั่วพูมาให้เพิ่มอีกจาน ผมกำลังอยากจะกินพอดี คิดว่าจะสั่ง แต่เห็นว่าปูกับจริงใจสั่งมาจนเกือบล้นโต๊ะแล้วถึงได้ตัดใจ เมื่อเห็นว่าพี่เขาทำมาให้เลยไม่ขัด รีบตักมากินก่อนอย่างอื่นเลย

“อร่อยอะ” ผมบอกหลังจากชิมคำแรกไปแล้ว เพื่อนผมรีบตักชิมตามแล้วพยักหน้าเห็นด้วยกันใหญ่ ไม่นานบรรดาเพื่อนผมคนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยกันมาเพิ่ม

เรากินอาหารกันจนจุก อาหารอร่อยทุกจาน นักดนตรีก็เล่นเพลงได้เพราะมาก ผมคิดว่าร้านของพี่สามต้องได้รับการตอบรับที่ดีมากแน่ๆ ตอนนี้เพื่อนในคณะของผมเริ่มทยอยมากันมากขึ้นจนต้องขยายโต๊ะ รุ่นของผมสนิทกันแทบทุกคน ผู้ชายจะค่อนข้างโผงผางหน่อย ส่วนผู้หญิงก็ห้าวอย่างที่เห็น ทุกคนรู้ว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย และพวกมันไม่เคยปฏิบัติต่อผมผิดแผกไปจากคนอื่น ผมรู้สึกดีใจ นอกจากมีแฟนที่ดีแล้ว ผมยังมีเพื่อนดี ทั้งเพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่

“ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ แน่นท้องมาก”

“ทุกคนหลีก ไอ้กิ่งจะไปขี้” เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งตะโกนออกมาจนผมอาย ฟาดมือใส่ไหล่มันไปสองสามทีก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าห้องน้ำไป

“ข้างล่างคนเยอะ ไปเข้าบนห้องพี่ไป” พี่สามเห็นผมยืนรอห้องน้ำอยู่นานแล้วเลยเข้ามาบอก

“ไม่เป็นไรครับ”

“สะอาดกว่านะ รหัสศูนย์สามหนึ่งสอง” พี่เขาพูดจบก็เดินหายเข้าไปในครัวอีก ผมงงว่าพี่สามพูดถึงรหัสอะไร

ผมยืนลังเลอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจเดินอ้อมไปทางหลังร้าน มันมีบันไดเล็กๆ ที่จะขึ้นไปยังชั้นบน แต่ว่าที่ประตูมีรหัสล็อกอยู่ ผมเลยเข้าใจว่าพี่เขาพูดถึงรหัสอะไร ผมกดเลขที่พี่สามบอกเอาไว้ เมื่อผมปลดล็อกประตูได้แล้วก็รีบเดินขึ้นไปเพราะอั้นมานาน

ชั้นบนนี้เป็นห้องกว้างๆ ไม่มีการกั้นเป็นห้องเล็กห้องน้อย ตกแต่งแนวอินเดียนแดงแบบที่ผมชอบ ที่เตียงมีกระโจมผ้ากางอยู่ ผนังทั้งสี่ด้านมีตาข่ายดักฝันห้อยเต็มไปหมด ทุกอย่างในห้องนี้มันดูเรียบง่ายแต่ลงตัวที่สุด ผมชื่นชมอยู่พักใหญ่จนต้องมองหาห้องน้ำเพราะเริ่มปวดปัสสาวะมากขึ้น เมื่อเห็นว่ามันอยู่ตรงไหนจึงรีบไปทำธุระส่วนตัวให้เสร็จก่อนที่เจ้าของห้องจะสงสัยว่าทำไมผมถึงขึ้นมานานเกินควร

มีต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 1 + 2 [29/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 29-05-2019 17:35:33
เมื่อผมกลับลงมาที่โต๊ะ ผมสังเกตเห็นว่าเพื่อนๆ ของผมมันมีอาการแปลก บ้างก็สะกิดกัน บ้างก็สบตากันเหมือนมีอะไรจะพูดกับผม

“มีไรกัน นินทาอะไรเราบอกมาเลย” ผมรีบถามเมื่อเห็นว่าปูกับจริงใจต่างก็โบ้ยว่าใครจะเป็นฝ่ายพูด

“เมื่อกี้แฟนแกมา”

“อ้าวเหรอ อยู่ไหนอะ” ผมรีบถามแล้วมองหา ผมส่งข้อความไปบอกพี่ต้นว่าผมจะมาที่นี่ พี่เขาอาจจะตามมา แต่พอผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ตั้งใจว่าจะส่งไลน์ไปถามว่าอยู่ไหน แต่ปรากฏว่าพี่เขายังไม่ได้อ่านข้อความจากผมเลย ถ้าอย่างนั้นเขามาที่นี่ทำไม

“เขามากับคนที่หน้าตาดีๆ ผอมๆ”

“พี่เอ๋ยเหรอ”

“เออ ใช่มั้ง”

“อ๋อ พี่ต้นกับพี่เอ๋ยเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับพี่สามตอนมอปลาย คงมาแสดงความยินดีกันมั้ง”

“แต่...”

“อะไร” ผมถามเมื่อจริงใจอ้ำๆ อึ้งๆ

“ทำไมแฟนแกเหมือนไม่รู้ว่านี่คือร้านของพี่สามวะ แล้วพอยิ่งเห็นพวกฉัน แฟนแกรีบพาพี่เอ๋ยอะไรนั่นกลับไปเลย” ผมอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนบอก แม้จะเริ่มไม่สบายใจแต่ในใจก็ยังเชื่อใจพี่ต้นอยู่

“คงไม่มีอะไรหรอก” ปูตัดบทเมื่อเห็นผมนิ่งไป แล้วผมก็ทำเหมือนว่าไม่ได้คิดอะไร ยังคงสนุกกับเพื่อนๆ ต่อ ทั้งที่ในใจเริ่มคิดว่าผมควรจะถามพี่ต้นหรือปล่อยให้มันผ่านไปดี

……

ผมกลับมาถึงคอนโดแต่พี่ต้นก็ยังไม่กลับมา ในใจมันร้อนรนไปหมดเพราะไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ผมเป็นคนขี้หึง แม้จะเชื่อใจแต่ก็อดไม่ได้ว่าบรรยากาศหรือสิ่งแวดล้อมอาจจะทำให้มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้น ผมไม่เคยมั่นใจในตัวเอง ผมไม่ใช่คนหน้าตาดี ไม่ใช่คนที่ใครเห็นแล้วจะตกหลุมรักได้ง่ายๆ มีเพียงพี่ต้นที่ทำให้ผมเห็นคุณค่าในตัวเอง แต่ตอนนี้ผมกำลังหมดความมั่นใจในคุณค่านั้น

“ยังไม่นอนอีกเหรอ” พี่ต้นกลับมาถึงคอนโดก็เกือบตี 4 เห็นผมยังไม่หลับเลยเข้ามานั่งข้างๆ

“พี่เพิ่งเลิกซ้อมละครเหรอครับ” ผมถาม

“เลิกมาสักสองชั่วโมงได้ แต่พอดีมีธุระนิดหน่อย”

“กับพี่เอ๋ยเหรอครับ” ผมถาม พี่ต้นอึ้งไปสักพักถึงได้พยักหน้า

“พอดีเอ๋ยมันมีปัญหากับแฟน ลงมือกันจนได้เลือด”

“อ้าว พี่เขาเป็นอะไรมากไหมครับ”

“เอ๋ยมันใจร้อน แฟนมันก็ใจร้อน พอด่ากันเลยโดนเขาตบ น้อยใจเข้าก็กรีดแขนตัวเอง”

“กรีดแขนเลยเหรอครับ” ผมตกใจจนลืมความน้อยใจไปสิ้น

“อืม กิ่งอย่าทำแบบนั้นนะ”

“ถ้าพี่ทิ้งกิ่ง กิ่งจะทำ” ผมแกล้งขู่

“กิ่ง พี่ไม่ได้พูดเล่นนะ” พี่ต้นจริงจังจนผมต้องรีบลุกมากอดเขาเอาไว้

“กิ่งไม่ทำหรอก พี่ต้นอย่าทำให้กิ่งเสียใจนะ”

“อืม แล้วทำไมไม่นอน ตาโรยหมดแล้ว” พี่ต้นสัมผัสที่เปลือกตาของผมอย่างเบามือ ผมจึงจับมือของพี่ต้นมาหอม

“กิ่งนอนไม่หลับ อยากให้พี่ต้นกอด แต่พี่ต้นไม่เคยว่างเลย”

“งานนี้เสร็จก็โล่งแล้ว พี่ขอแค่ช่วงนี้นะครับ”

“ครับ กิ่งจะอดทน ปิดเทอมเราไปทะเลกันนะพี่ต้น”

“ครับ”

“คืนนี้..พี่ต้นอยากไหม” ผมถาม เราคบหากันมานานพอควรจนกล้าที่พูดกับตรงๆ ในเรื่องนี้

“วันนี้พี่เหนื่อย ขอนอนดีกว่า หรือกิ่งอยาก”

“เปล่าครับ ไม่เป็นไร พี่ต้นไปอาบน้ำแล้วมานอนกอดกันนะ” ผมโกหก ผมต้องการพี่ต้นมาก นานมากแล้วที่เราไม่ได้มีอะไรกัน แต่ผมหักห้ามตัวเองได้ แค่อดทนอีกหน่อยเท่านั้นเอง

……

ผมเริ่มชินกับการนอนคนเดียว พยายามเข้าใจพี่ต้นเพราะเพื่อนๆ ต่างก็เตือนว่าให้ผมรักษาระยะห่างเอาไว้บ้าง ต่อให้รักกันแค่ไหนแต่ถ้าทำตัวติดกันตลอดเวลามันย่อมอึดอัด ผมเลยฝืนใจตัวเอง ไม่โทรตาม ไม่ถามจุกจิก ยิ้มให้ทุกครั้งที่เจอกัน ไม่ไปวุ่นวายในพื้นที่ของพี่ต้น มันได้ผลอย่างที่เพื่อนแนะนำ พอผมเว้นระยะ พี่ต้นก็เริ่มเอาใจใส่ผมมากขึ้น โชคดีที่ผมมีเพื่อนดี มันช่วยเตือนสติ หากผมยังงี่เง่าพี่ต้นคงเบื่อผมมากไปกว่านี้

พี่ต้นยังคงทำกิจกรรมที่คณะมากอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้ลดน้อยลงอย่างที่บอกผมเอาไว้ แต่ผมก็ไม่ท้วงและไม่ทวงถามเรื่องที่ผมชวนไปเที่ยวทะเล ผมปล่อยให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขามีความสุข เรามีพื้นที่ให้กัน แต่ผมรู้สึกราวกับว่าพื้นที่ของเราเริ่มน้อยลง

“ถ้างานเสร็จเร็วพี่จะรีบกลับเลยนะครับ” พี่ต้นบอกผม ผมเห็นพี่เขาเอาเสื้อผ้าใส่กระเป๋าก็รู้แล้วว่าเขาไม่กลับแน่ แต่ก็ไม่คิดจะพูดอะไรออกไป

“ครับ” ผมตอบรับสั้นๆ พี่ต้นมองผม สุดท้ายก็วางกระเป๋าลงแล้วเดินเข้ามานั่งข้างๆ

“พี่ไม่ไปแล้วดีกว่า”

“กิ่งไม่ได้งอนนะ พี่ไปเถอะ เดี๋ยวกิ่งว่าจะออกไปกับปูพอดี”

“ไปไหน” พี่ต้นถามเสียงกร้าวจนผมตกใจ

“ว่าจะไปร้านพี่สาม”

“ไม่ต้องไป”

“พี่ต้น” ผมเรียกชื่อพี่เขาเมื่อเห็นว่าเขามาอารมณ์เสียใส่แบบไม่มีเหตุผล

“รู้ไหมว่ามันแอบชอบกิ่งมาตั้งแต่เรียนมอปลายแล้ว” สิ่งที่พี่ต้นบอกทำให้ผมอ้าปากค้าง

“ไม่จริงหรอก พี่เอาอะไรมาพูด”

“พี่จะโกหกทำไม ต่อไปห้ามไปร้านมันอีก”

“กิ่งยังไม่เคยห้ามพี่เลยนะ”

“กิ่ง พี่จริงจังนะ”

“กิ่งก็จริงจัง”

“ถ้ากิ่งไปร้านมันอีก...”

“พี่ต้นจะทำไม” ผมถามผมไม่พอใจที่พี่ต้นไม่มีเหตุผล

“ก็ลองดู” พี่ต้นพูดจบก็คว้ากระเป๋าออกจากห้องไป ทิ้งให้ผมยืนงงกับระเบิดที่พี่ต้นทิ้งเอาไว้

มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อพี่สามไม่เคยแสดงอะไรว่าชอบผมเลยสักนิด มันต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ๆ


คืนนั้นผมไม่ได้ไปร้านพี่สามเพราะไม่อยากทำให้พี่ต้นโกรธ ปูมันโวยวายหาว่าผมเทมันกลางทาง คืนเดียวกันนั้นพี่ต้นก็กลับมานอนที่ห้อง เขากอดผมเอาไว้แต่ไม่ได้ขอโทษหรือพูดอะไร แล้วเราก็ทำว่าลืมมันไป เหมือนว่าไม่ได้ทะเลาะกัน พี่ต้นเริ่มอยู่ติดห้องมากขึ้น เราเริ่มทะเลาะกันน้อยลง ดูเหมือนอะไรจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

“พี่ต้น กิ่งว่าจะเปลี่ยนคนทำความสะอาดดีไหม กรีนมันไม่ค่อยมาทำตามกำหนดเลยอะ บางทีกิ่งไม่มีชุดนักศึกษาใส่เลย”

“แล้วแต่กิ่ง แต่จะไม่ผิดใจกันเหรอ เป็นเพื่อนกันอะ พี่ถึงบอกแต่แรกว่าให้ทำเอง”

“นั่นสิครับ กิ่งก็ไม่รู้จะบอกมันยังไง แต่ถ้ามันเป็นแบบนี้กิ่งก็ไม่ไหว เมื่อวานต้องมาล้างจานเอง งานส่งอาจารย์ก็เยอะเป็นกอง”

“เห็นรึยังว่าเวลามีงานมันแทบไม่มีเวลา เอาเป็นว่าพี่จะเตือนเพื่อนกิ่งแทนให้ พี่โตกว่าคงไม่น่าเกลียด แต่ถ้ายังไม่โอเคก็บอกเขาไปตรงๆ ยังไงก็เพื่อนกัน”

“ครับ กิ่งดื้อเองน่าจะเชื่อพี่ตั้งแต่แรก”

“พี่ต้องลงโทษเด็กดื้อแล้ว” พี่ต้นยกยิ้ม ก่อนจะพาผมไปลงโทษอย่างที่ขู่เอาไว้ แต่เป็นการลงโทษที่ทำให้ผมมีความสุขจนแทบขาดใจ
……


วันนี้ผมนัดเพื่อนเก่าสมัยมัธยมปลายมากินข้าวกัน ก็พวกมาร์ช เจ๋ง แล้วก็กรีน เรามีกันแค่นี้ ถึงไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แต่ก็ต่อกันติด พวกเราก็คุยกันเหมือนผึ้งแตกรัง ผมไม่ได้หัวเราะมานานมาก ส่วนเรื่องกรีนมันขอโทษผม มันบอกว่ามันเรียนหนักจนพักผ่อนไม่พอ ผมเข้าใจมัน แต่ก็ลำบากใจหากมันทำงานได้ไม่ดีพอกับค่าจ้าง ผมกลัวว่าพี่ต้นจะบ่นเรื่องที่ชอบสงสารเพื่อน จนมันเอ่ยปากออกมาเองว่ามันคงต้องหยุดทำงานให้ผมก่อน ผมจึงสบายใจที่ไม่ต้องพูดกับมันเรื่องเลิกจ้าง

“แกกับพี่ต้นเป็นไงบ้าง” เจ๋งถามผม ส่วนมาร์ชมันรู้เรื่องผมดีเพราะมีอะไรผมโทรเล่าให้มันฟังตลอด

“ก็ดี เรื่อยๆ”

“มึง คนเราคบกันไปนานๆ มันต้องมีเบื่อ คอยดูให้ดี” เจ๋งมันสอนผม

“อืม ก็ดูอยู่ แต่พี่เขาเสมอต้นเสมอปลายมาก”

“นั่นพี่เอ๋ยนี่หว่า มากับแฟน” มาร์ชชี้ให้ผมดู คนที่พี่เอ๋ยควงมาในวันนี้ไม่ใช่แฟนคนเดิม ผมตัดสินใจลุกไปทักพี่เขา

“อ้าวกิ่ง มากับใคร ต้นเหรอ”

“เปล่าครับ กิ่งมากับพวกมาร์ช”

“อ๋อ” พี่เอ๋ยมองไปแล้วก็พยักหน้า พี่เขาดูแปลกๆ จนผมรู้สึกว่ามันมีอะไร

“พี่เอ๋ย...หายดีแล้วเหรอครับ” ผมตัดสินใจถาม เมื่อพี่เอ๋ยทำหน้างงๆ ผมจึงมองไปที่ข้อมือของเขา

“ต้นบอกเหรอ” น้ำเสียงของพี่เอ๋ยดูไม่พอใจที่ผมรู้เรื่อง

“อย่าโกรธพี่ต้นนะครับ พอดีวันนั้นผมงอนพี่ต้นที่กลับห้องช้า พี่เขาเลยจำเป็นต้องบอกว่าพาพี่เอ๋ยไปหาหมอ” ผมอธิบายเพราะกลัวพี่เอ๋ยจะโกรธพี่ต้น

“พี่ไปก่อนนะ” พี่เอ๋ยพยักหน้าให้ผมก่อนจะเดินตามคนที่มาด้วยกันเข้าไปด้านในร้าน

เมื่อผมเดินกลับมาที่โต๊ะพวกเพื่อนๆ ก็ถามว่ามีอะไร เพราะมันเห็นว่าสีหน้าของผมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมจึงเล่าให้พวกมันฟัง

“กิ่ง ถ้าฉันเล่าอะไรให้แกฟัง แกอย่าเพิ่งใจร้อนนะ” กรีนบอกกับผม ผมบอกตรงๆ ว่าใจไม่ดีเลย

“อืม”

“วันนั้นเราเอาเสื้อผ้ากิ่งมาซัก เห็นว่าเสื้อผ้าพี่ต้นเต็มตะกร้าเลยยกมาซักให้ด้วย เราเจอถุงยางที่ใช้แล้วอะ อยู่ในกระเป๋ากางเกงนักศึกษา เราเล่าให้เจ๋งมันฟังแต่ไม่กล้าเล่าให้กิ่งฟัง” ผมได้ยินแล้วอึ้งไป

“ใช้กับแกหรือเปล่า” มาร์ชถามผม

“เปล่า เราเป็นคนทิ้งให้ทุกครั้งที่เสร็จ” ผมหน้าเครียด

“ลองจับตาดูไปก่อน” มาร์ชปลอบผม มันคงเห็นผมทำท่าจะร้องไห้

“แล้ววันนั้นมันมีใบเสร็จโรงแรมแล้วก็โรงพยาบาลด้วย” กรีนเอื้อมมือมาแตะผมเบาๆ มันคงสงสารผมที่ผมไม่รู้อะไรเลย

“ไอ้กรีนมันมาเล่าให้ฟังหลายวันแล้ว ฉันบอกมันเองว่าอย่าเพิ่งบอกแก ไม่อยากให้แกทะเลาะกับเขาช่วงสอบ แล้วพี่ต้นของแกคงรู้ว่าไอ้กรีนมันรู้เรื่องถุงยาง เพราะเขามาถามมันว่าเจออะไรในกระเป๋ากางเกงไหม มันไม่ได้ตอบ แต่เขาคงรู้แหละแกว่าตัวเองลืมอะไรเอาไว้ เขาทำเหมือนไม่พอใจเวลาเจอมัน ฉันเห็นกับตาเลยว่าเขาจะไล่มันออก มันถึงไม่ได้ค่อยไปทำงานให้แก ไม่ใช่เรื่องเรียนหนักอะไรหรอก” เจ๋งเล่าตามตรงพลางตบบ่าผม ผมอึ้งไปที่ได้รู้

“ขอบใจพวกแกมากเลยนะ” อย่างน้อยในวันที่ผมไม่สบายใจก็ยังมีพวกมันอยู่เคียงข้าง


มีต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 1 + 2 [29/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 29-05-2019 17:37:53
ผมกลับมานอนคิดซ้ำไปซ้ำมา เราสองคนคบกันตอนที่ผมอยู่ ม.5 ตอนนี้ผมกำลังจะขึ้นปี 3 ระยะเวลาที่เราคบกันอาจจะไม่มากเท่าคู่อื่น แต่สำหรับผมมันก็นานพอสมควร ผมไม่เคยเบื่อที่จะอยู่กับพี่ต้น ยังรักเขาและอยากมีเขาในชีวิต ในทางกลับกันเขาจะรู้สึกเหมือนผมหรือเปล่า

คนเราหมดรักกันด้วยสาเหตุอะไรบ้างนะ

“กิ่ง ทำไมต้องไปพูดกับเอ๋ยเรื่องที่มันทำร้ายตัวเองต่อหน้าแฟนใหม่มัน รู้ไหมว่ามันไม่ดี” พี่ต้นกลับมาถึงห้องก็เข้ามาต่อว่าผม ผมนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม และยังนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น “กิ่ง ลุกขึ้นมา” พี่ต้นทำเสียงแข็งใส่ผม แต่ผมยังคงนอนอยู่อย่างเดิม จนกระทั่งพี่ต้นกระชากผ้าห่มออกจากตัวผมอย่างแรง

“กลัวเขาเข้าใจผิดกับแฟนเขาเหรอครับ” ผมถามเสียงสั่น

“ถ้ากิ่งเคยทำร้ายตัวเอง กิ่งอยากให้คนอื่นรู้เหรอ” พี่ต้นย้อนถามผม ตั้งแต่คบกันมา ผมไม่เคยเห็นเขาแสดงอาการโมโหเท่านี้มาก่อน

“ไม่อยากครับ คงอยากให้แค่ใครบางคนรู้เท่านั้น” ผมพูดตามจริง พี่ต้นมองผมนิ่ง ผมก็ยังคงนอนเฉยบนเตียง ไม่หันมามองเขา จนได้ยินเสียงเขาถอนหายใจ

“แล้วเป็นอะไร” น้ำเสียงที่เคยอ่อนโยนมันหายไป เพราะอะไร

“พี่ต้น กิ่งอ้วนขึ้นไหม” ผมถาม แต่พี่เขาไม่ตอบ “เวลาพี่เดินกับกิ่ง พี่อายหรือเปล่า กรุงเทพกับต่างจังหวัดมันไม่เหมือนกันเนอะ”

“กิ่ง จะพูดเรื่องนี้ทำไม พี่เคยทำอะไรให้กิ่งรู้สึกแย่เรื่องรูปร่างเหรอ”

“ไม่เคยครับ เพราะไม่เคย กิ่งเลยไม่รู้ว่าพี่รู้สึกยังไง ถ้ากิ่งยังไม่ดีพอสำหรับพี่ กิ่งจะได้พยายามทำให้ตัวเองดูดีขึ้นอีก”

“มีใครมาพูดอะไร” พี่ต้นนั่งลงข้างผมแล้วถาม น้ำเสียงที่หงุดหงิดในทีแรกเริ่มอ่อนลง

ผมเงียบ ถามว่าทำไมผมถึงไม่โวยวายออกไปว่าถุงยางในกระเป๋ากางเกงมันมาจากไหน นั่นเพราะว่าผมกลัวคำตอบ ผมยังไม่พร้อมจะเสียพี่ต้นไป เขาคือสิ่งเดียวที่เป็นเหมือนแสงสว่างของผม สิ่งที่เขาทำให้ตลอดมามันทำให้ผมมีความสุขจนเคยตัว หากเขาไปจากผมตอนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองจะทนอยู่เพียงลำพังได้หรือเปล่า มันเจ็บหากเขามีคนอื่น ผมร้อนรนจนเจียนบ้า แต่ผมจะเจ็บกว่าหากเขาเดินจากไป

“กิ่ง ร้องไห้ทำไม” เขาถามพร้อมกับลูบศีรษะของผม

“อย่าทิ้งกิ่งได้ไหม พี่จะมีใครก็อย่าให้กิ่งรู้เลยนะ กิ่งจะทำเป็นไม่รู้ อย่าทิ้งกิ่งแค่นั้นพอ”

“เด็กโง่ พี่จะทิ้งกิ่งทำไม แล้วพี่ก็ไม่ได้มีใคร”

“โกหกกิ่งก็ได้ อะไรก็ได้ แต่อย่าไปจากกิ่งนะ” ผมไม่ได้ร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่น้ำตาก็ไหลไม่หยุด ผมโง่มากใช่ไหมที่อ้อนวอนเขาแบบนี้

“คิดมาก พี่ไม่ทิ้งกิ่งหรอก พี่รักกิ่งนะ”

ผมลุกขึ้นมากอดพี่ต้น ผมจะลืมเรื่องที่เพื่อนเล่าให้ฟัง ผมจะลืมทุกอย่าง ผมจะพยายามทำทุกทางให้พี่ต้นยังอยู่กับผม ผมยอมทุกอย่าง เป็นคนโง่ที่สุดก็ยอม


หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ค่อยร่าเริงอย่างเคย ผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไป บรรดาเพื่อนๆ เป็นคนบอกผมด้วยความเป็นห่วง แม้ผมจะพยายามยิ้ม พยายามหัวเราะ แต่เพราะมันพยายาม มันเลยดูไม่เป็นธรรมชาติจนเพื่อนๆ รับรู้ได้

พี่ต้นก็ยังเป็นพี่ต้นของผมอยู่ พยายามดูแลเอาใจใส่ผมเหมือนเดิม บางครั้งก็ดูมากเกินไปจนไม่เป็นธรรมชาติเช่นกัน แต่สัญชาตญาณของผมมันบอก ผมคิดว่าพี่ต้นมีคนอื่นอยู่ ผมแสร้งทำเป็นไม่รู้อย่างที่เคยบอกกับเขา ยังคงยิ้ม ยังคงอ้อน ยังคงนอนกับพี่ต้นและทำให้เขามีความสุข แต่ทุกครั้งที่หลังจากที่เสร็จกิจ ผมต้องมานั่งร้องไห้เพียงลำพังในห้องน้ำ บทรักของพี่ต้นเปลี่ยนไป รุนแรงกับผมมากขึ้น แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ผมเจ็บตัว

ที่น่าเจ็บปวดที่สุด พี่ต้นเผลอเรียกชื่อใครบางคนที่ไม่ใช่ชื่อของผมออกมาระหว่างที่เรามีอะไรกัน ผมภาวนาให้ตัวเองหูฟาดไป ขอภาวนาอย่าได้เป็นใครคนนั้นเลย 

ถึงอย่างนั้น...ผมจะพยายามเป็นกิ่งคนที่พี่ต้นเคยบอกว่ารัก แต่มาร์ชมันบอกว่า หากผมยังเป็นแบบนี้อยู่ ผมกำลังจะเป็นกิ่งไม้ที่ใกล้จะโรยรา

……

“กิ่ง แกไหวเปล่าวะ เอาแต่ทำงานไม่ได้นอนมาสองวันแล้วนะ อยากกลับห้องไหมฉันจะไปส่ง” ปูถามผม

“อีกสองวันจะถึงงานแสดงผลงานแล้ว งานเรายังไม่ถึงไหนเลย”

“จะไปถึงไหนได้ไงวะ ทำรื้อทำรื้ออยู่นั่น” เพื่อนอีกคนบ่นผม แต่ผมรู้ว่าพวกมันเป็นห่วง

“แกไปนอนไป เดี๋ยวเราช่วยทำต่อเอง” จริงใจบอกกับผม

“แกไม่อยากกลับห้องใช่ไหมกิ่ง มีไรเปล่าวะ ถามทีไรก็ไม่เคยเล่า”

“ไม่มีหรอก ไปๆ มาๆ มันเสียเวลา ทำให้เสร็จๆ”

“งั้นไปนอนสักชั่วโมงนะ แล้วค่อยลุกมาทำ” ปูมันหว่านล้อมผม

เสียงข้อความจากไลน์ดังขึ้น ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พี่ต้นส่งข้อความมาหา ผมยิ้มได้เมื่ออ่าน

‘งานเสร็จไหมครับ อยากกลับมาพักไหม พี่จะไปรับ เป็นห่วงนะครับ’

‘ใกล้แล้วครับ คงไม่ได้กลับเพราะอยากลุยให้เสร็จ คิดถึงพี่ต้นจัง’

ผมกดตอบกลับไป พวกเพื่อนเห็นผมยิ้มออกก็แซวกันยกใหญ่ บ้างก็ว่าผมมันพวกติดแฟน ผมไม่ได้เถียงเพราะผมก็เป็นพวกติดแฟนจริงๆ

……

ผมไปแอบงีบหลับที่ห้องกิจกรรมของคณะ ตั้งใจว่าจะนอนแค่ครึ่งชั่วโมง แต่กลายเป็นว่าผมหลับยาวจนถึงเช้า คงเพราะอดนอนหลายวันติด ที่ตัวผมมีผ้าห่มผืนบางคลุมตัวอยู่ คงเป็นของเพื่อนสักคน ผมจึงพับแล้วเดินถือออกมาด้วย

“เฮ้ย ทำไมงานเรา...” ผมอึ้งไปเมื่อเห็นว่าผลงานที่ผมทำคาเอาไว้มันเป็นรูปเป็นร่างใกล้เสร็จ

“มีเทวดามาช่วยทำมั้ง สงสารน้องกิ่งผู้ที่อดนอนมาหลายคืน” เพื่อนในคณะพูดพลางหัวเราะ

“ใครอะ”

“ไม่รู้ดิ พวกเราก็ไปแอบหลับกันหมด ตื่นมาก็เห็นแล้ว แต่ก็ดีแล้วล่ะ แค่ช่วยติดกาวโครงสร้าง แกแค่ทำให้มันสมบูรณ์” เพื่อนที่นั่งทาสีผลงานของตัวเองอยู่บอกกับผม ผมพยักหน้ารับรู้และมองหาปูกับจริงใจ

“แล้วปูกับจริงใจไปไหนอะ กลับหอเหรอ”

“ไปซื้อของกินกับพี่สาม เดี๋ยวคงมา”

“พี่สามมาเหรอ” ผมถาม เพื่อนพยักหน้าให้ ผมมองผ้าห่มลายอินเดียนแดงในมือก่อนจะถอนหายใจ พอจะเดาได้ว่ามันเป็นของใคร

“เดียว ถ้าปูกับจริงใจกลับมาบอกเรากลับไปอาบน้ำนะ เดี๋ยวเรากลับมา”

“เค” เดียวตอบรับ

……

ผมกำลังจะเรียกแท็กซี่กลับมาที่คอนโด เจอกับปูที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาในมอพอดี มันบอกว่าจะมาเข้าห้องน้ำ พอรู้ว่าผมจะกลับคอนโดจึงขอตามไปด้วย มันบอกว่าอยากนั่งห้องน้ำแบบสะอาดๆ และคอนโดของผมก็อยู่ไม่ไกล

สองสามวันมาแล้วที่ผมไม่ได้กลับมาที่ห้อง ช่วงที่ผมอยู่ทำงานที่คณะ พี่ต้นจะแวะมาหาผมแต่เช้า ซื้อข้าวไปให้ ไปช่วยผมนั่งทำงาน จนเขาต้องเข้าเรียนถึงได้แยกตัวไป ทุกอย่างยังดูเหมือนเดิม พวกเพื่อนๆ มันถึงไม่เข้าใจว่าผมเป็นอะไรถึงดูไม่สดใสเหมือนเคย ผมไม่ได้บอกหรือเล่าอะไร ผมจะเก็บทุกอย่างเอาไว้ เพียงเพื่อให้พี่ต้นยังอยู่กับผม

ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงเช้า คิดว่าพี่ต้นคงยังไม่ได้ออกไปที่มหา’ลัย ผมแวะเข้าร้านสะดวกซื้อก่อนจะขึ้นห้อง ตั้งใจว่าจะซื้อของขึ้นไปกินกับพี่ต้นด้วย แต่แล้วปูมันก็เดินตรงรี่เข้ามาหาผม รีบดึงแขนผมให้ตามมันไป ผมยังไม่ทันถามว่ามันจะพาผมไปไหน มันก็พูดขึ้นมาก่อน

“คนนั้นใครวะกิ่ง” มันชี้ไปที่ใครคนหนึ่ง ซึ่งใครคนนั้นกำลังเดินออกมาจากใต้ตึกคอนโดของผม ใจของผมร่วงหล่นไปอยู่กับพื้น มันโหวงเหวง บ่อน้ำตาตีตื้นขึ้นมาราวกับคนอ่อนแอและพ่ายแพ้ให้กับความอดทน

“ทำไมเหรอ”

“คนนี้แหละที่มากับพี่ต้นวันเปิดร้านพี่สามอะ ใช่คนชื่อเอ๋ยปะ”

“ไม่ใช่”

“อ้าวเหรอ เฮ้ย แก...ร้องไห้ทำไม”

“ปู อย่าบอกใครนะ อย่าบอกใครทั้งนั้น”

“มีไรวะกิ่ง แกเป็นอะไร” ปูเขย่าแขนผมเมื่อเห็นผมพยายามเช็ดน้ำตาของตัวเอง

“ไม่เป็นไร แกเข้าห้องน้ำที่ด้านล่างคอนโดได้เปล่า พอดีเราว่าเราไม่สะดวกให้แกขึ้นไปข้างบนอะ”

“ได้ๆ หายปวดแล้วแหละ แกโอเคไหมกิ่ง”

“อืม เราขอขึ้นห้องก่อนนะ เดี๋ยวเจอกันที่คณะ อย่าบอกใครนะปู” ปูรับปากผมก่อนจะมองผมอย่างห่วงใย

……

ผมเดินกลับขึ้นมาบนห้องเมื่อร้องไห้จนพอใจแล้วเอาน้ำดื่มที่ซื้อมาล้างหน้าล้างตาจนดูเป็นปกติ ตอนนี้มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู กุญแจในมือของผมมันสั่นไปหมด ยืนอยู่นานจนคนในห้องเป็นฝ่ายเปิด เมื่อเห็นสีหน้าเขาดูตกใจ ผมเห็นถุงขยะในมือของเขา พอจะเดาได้ว่ามันคืออะไร แต่ก็นั่นแหละ คนขี้ขลาดอย่างผมเลือกที่จะไม่ดึงมาดูให้รู้กันไป เลือกที่จะโง่ต่อ

“พี่ว่าอาบน้ำเสร็จจะไปหาที่คณะ อยากพาไปหาอะไรอร่อยกิน”

“กิ่งแวะซื้อมาม่ามาแล้ว อยากทำให้พี่ต้นกิน” ผมยิ้มให้พี่เขา

“มาม่าทรงเครื่องที่อร่อยที่สุด” พี่ต้นพูดพลางโน้มตัวมาหอมหน้าผากของผม “พี่เอาขยะไปทิ้งก่อนนะครับ” พี่ต้นพูดจบก็แทรกตัวผมออกไป

ผมเดินเข้าไปในห้องแล้วมองรอบๆ ทุกอย่างดูปกติดียกเว้นเตียงนอน มันยับยู่ยี่เหมือนผ่านการสู้รบอย่างหนักหน่วงมา น้ำตาพาลจะไหล มันเจ็บ มันใจหาย ใจหายแบบวูบๆ ราวกับว่าตอนนี้ในอกของผมไม่มีหัวใจที่เต้นอยู่

“อดนอนจนตาบวมไปหมดแล้ว มานี่ พี่ทำให้กิ่งกินเองดีกว่า”

“งั้นกิ่งไปอาบน้ำก่อนนะครับ”

“ได้ครับ ออกมารับรองว่ามาม่าอร่อยๆ รออยู่แล้ว” พี่ต้นพูดและยิ้มให้กับผม แต่ทำไมผมไม่รู้สึกมีความสุขกับรอยยิ้มนั้นเลย

ผมเข้าไปอาบน้ำและร้องไห้อีกรอบ ตาของผมบวมแดง นั่งรอให้มันหายบวมจนพี่ต้นมาเคาะเรียก ผมตะโกนบอกไปว่าท้องผูกเพราะไม่ได้ถ่ายมาสองวัน พี่ต้นบ่นเรื่องผมไม่ยอมกินข้าวอยู่พักหนึ่ง แล้วเสียงพี่ต้นก็เงียบไป จนผมเดินออกมาจากห้องน้ำแบบเงียบๆ แอบเห็นพี่ต้นกำลังพิมพ์ข้อความอยู่ รอยยิ้มที่เคยอบอุ่นแบบนั้นคงมีให้กับคนที่เขากำลังส่งข้อความหา ใครคนนั้น...

เมื่อพี่ต้นวางโทรศัพท์ลง ผมถึงได้แกล้งปิดบิดลูกบิดห้องนอน ทำเหมือนว่าผมเพิ่งออกมา พี่ต้นรีบตักมาม่าใส่ชามให้ เขายังคงเอาใจผมเหมือนเคย แบบนี้ไม่ใช่เหรอที่ผมต้องการ แต่ทำไมผมถึงไม่มีความสุข

“พี่ต้น กิ่งว่าจะให้กรีนกลับมาทำความสะอาดห้องให้”

“ป้าแม่บ้านที่เคยจ้างเขาทำไม่ดีเหรอ”

“ครับ รีดผ้าไม่เรียบเลย”

“แต่เดี๋ยวเพื่อนกิ่งทำไม่ดีอีก คราวนี้จะเลิกจ้างยากนะ”

“งั้น....เดี๋ยวหาคนใหม่ก็ได้ครับ”

“แต่ถ้ากิ่งอยากช่วยเพื่อนพี่ก็ไม่ว่าหรอก พี่ตามใจกิ่ง”

“พี่ต้นจะอึดอัดไหมครับ”

“พี่จะอึดอัดทำไม”

“กิ่งลองถามดูก่อน แล้วก็ไม่รู้ว่ากรีนจะสะดวกมาทำให้ไหม”

“อืม ลองเสนอเงินให้เขามากกว่าเดิม เขาอาจจะมาทำให้ก็ได้ เดี๋ยวพี่ออกค่าใช้จ่ายให้เองนะครั้งนี้ ไม่ต้องไปรบกวนแม่”

“ครับ” ผมตอบรับสั้นๆ แล้วนั่งกินมาม่าต่อไปด้วยหัวใจที่เจ็บปวด เป็นความเจ็บที่อยากกรีดร้องออกมาแต่ว่าต้องเก็บกลั้นมันเอาไว้ เมื่อไหร่ผมถึงจะยอมรับได้ว่าพี่ต้นหมดรักผมแล้ว มันจะมีวันนั้นไหมครับ

ส่วนพี่ต้นนั่งกินมาม่าอยู่ตรงกันข้ามผมแบบเงียบๆ ต่างกันตรงที่พี่ต้นนั่งเล่นโทรศัพท์ไปด้วย เขาคงกำลังพิมพ์บอกใครคนนั้นแทนผม

บอกว่าผมกำลังจะจ้างฝ่ายนั้นกลับมาทำงานบ้านให้ คนที่ทำความสะอาดบ้านเก่ง คนที่รีดผ้าได้เรียบ คนที่ทำงานทุกอย่างได้ดี ทำในสิ่งที่ผมไม่ได้จ้าง อุตส่าห์ช่วยนอนกับแฟนของผมด้วย

‘ขอบใจนะกรีน’


โปรดติดตามตอนต่อไป


ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านเด้อค่าาาา เรื่องสั้นเรื่องแรกในชีวิต 5555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 1 + 2 [29/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 29-05-2019 21:45:42
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 1 + 2 [29/05/62]
เริ่มหัวข้อโดย: xoxojewelxoxo ที่ 29-05-2019 22:17:57
สงสารกิ่งเลยยยยยย ทำไมพี่ต้นกับกรีนทำกับกิ่งได้ลง แล้วยิ่งกรีนนะ เพื่อนดีกับตัวเองขนาดนั้นทำไมทำได้ นี่แอบเชียร์พี่สามแทนละ มาต่อไวๆนะค้า เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 3 [30/05/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 30-05-2019 09:43:31
ตอนที่ 3


กรีนเป็นคนหน้าตาดี จุดเด่นเมื่อแรกเห็นคือดวงตาโศกคู่นั้น ซึ่งมันทำให้ใบหน้าของกรีนดูเป็นคนเศร้าตลอดเวลา แต่เวลาที่กรีนยิ้ม ดวงตาโศกคู่นั้นกลับเพิ่มเสน่ห์ให้กรีนได้ ครั้งแรกที่ผมได้เจอกรีน ผมก็ประทับใจรอยยิ้มของเขาเหมือนกัน จุดเด่นอีกอย่างคือกรีนจะเป็นคนไม่ค่อยพูด เพื่อนว่าไงก็ว่าตามกัน ทุกคนมองว่ากรีนหัวอ่อน ไม่กล้าสู้คน จึงเป็นเหตุให้พวกไอ้นัทมันชอบมาเอาเปรียบกรีนเสมอ ยิ่งผอมบางตัวเล็กๆ ก็ยิ่งทำให้ถูกแกล้ง

ฐานะทางบ้านของกรีนค่อนข้างยากจน ตอนเรียนมัธยมปลายกรีนก็เรียนด้วยทุนที่พ่อผมเป็นคนมอบให้ กรีนไม่เคยได้เรียนพิเศษ แต่ก็สอบผ่านได้ทุกวิชาเนื่องจากเป็นคนหัวดี ไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมกับเพื่อนเพราะต้องทำงานพิเศษหาเงินให้แม่
เพราะเขาน่าสงสารและเป็นเด็กดีของแม่ เขาควรได้รางวัลชีวิตด้วยการได้พี่ต้นของผมไปใช่ไหมครับ

ผมพยายามอดทนใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ หวังว่าวันหนึ่งพี่ต้นอาจจะคิดได้แล้วเลิกกับกรีนไป แต่ดูเหมือนว่าความหวังของผมมันเป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ เขาทั้งคู่ยังแอบลักลอบพบกัน มาร์ชกับเจ๋งเองก็เริ่มจับผิดกรีนได้ แต่กรีนคงมีความสามารถพิเศษ เขาทำให้เพื่อนสนิทอีกสองคนของผมเห็นใจและช่วยปิดเรื่องพี่ต้นเป็นความลับไม่ให้ผมรู้ แต่ความลับ ถ้าลองออกจากปากใครสักคนมันจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป มาร์ชกับเจ๋งยอมเล่าให้ผมฟัง

ทั้งสองคนเล่าว่า พี่ต้นสงสารกรีน เขาได้รับรู้ว่ากรีนเคยถูกพวกไอ้นัทรังแก เพราะว่ากรีนเป็นเกย์ที่ออกสาวหน่อย พวกไอ้นัทจึงชอบกลั่นแกล้ง ร้ายสุดคือจับกรีนไปที่ห้องน้ำและบังคับให้กรีนใช้ปากสำเร็จความใคร่ให้ แล้วแม่ของกรีนก็มาล้มป่วย กรีนต้องดร็อปเรียนเพื่อทำงานมากขึ้น พี่ต้นไปเจอกรีนเป็นลมพอดีจึงพากรีนไปหาหมอ ใบเสร็จที่โรงพยาบาลในวันนั้นไม่ใช่ของพี่เอ๋ย แต่เป็นกรีน และที่กรีนเอาเรื่องนั้นมาบอกผม เจ๋งบอกว่ากรีนมันรู้สึกผิดเลยอยากสารภาพ แต่ยังไม่กล้าพอเลยต้องใช้วิธีนั้น
ผมบอกตรงๆ ว่านึกขำ เหมือนละครน้ำเน่าไม่มีผิด เมื่อผมไม่ได้แสดงอาการสงสารกรีน เจ๋งก็ดูจะไม่พอใจ คงเพราะเจ๋งสนิทกับกรีนมากกว่าผม ผมจึงกลายเป็นคนที่ไม่น่าสงสาร คนใจดำที่ไม่เห็นใจเพื่อน ส่วนมาร์ชมันก็คงไม่รู้จะพูดอะไร ก็เป็นเพื่อนทั้งสองฝ่าย และเพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของมัน มันคงไม่รู้ว่ามันเจ็บแค่ไหนที่เพื่อนคนหนึ่งถูกหักหลัง ผมเสียแฟนไปแล้ว ตอนนี้ผมก็กำลังจะเสียเพื่อสนิทไปทีละคน

ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่เหลือใคร เพราะพี่ต้นเป็นคนดีในสายตาของทุกคน ความผิดที่พี่ต้นทำดูจะเล็กน้อย ทุกคนช่วยพี่ต้นปิดบัง ช่วยทำให้ผมดูโง่มากขึ้น หลายครั้งที่ผมเห็นกรีนอยู่กับเพื่อนๆ ของพี่ต้น กรีนดูเป็นที่รักและที่ยอมรับ ผมหมดความมั่นใจในตัวเองลงไปเรื่อยๆ ปมเรื่องรูปร่างหน้าตาย้อนกลับมาทำร้ายผมอีกครั้ง ผมจึงเริ่มอดข้าวเป็นบ้าเป็นหลัง พออดข้าวมากๆ ก็เริ่มหงุดหงิด เริ่มฟุ้งซ่าน เพื่อนๆ ก็เบื่อที่จะทนอารมณ์ที่แปรปรวนของผมจึงพากันหายหน้าไปทั้งเพื่อนใหม่และเพื่อนเก่า
ผมเริ่มไปไหนคนเดียว กินข้าวคนเดียว เดินเล่นคนเดียว พี่ต้นไม่เคยถามว่าผมเป็นอะไร ยังคงใช้ชีวิตกับผมเหมือนปกติ เรานอนด้วยกันน้อยลงเพราะผมไม่อยากถูกซ้ำรอยของกรีน พี่ต้นก็ไม่เร้าหรือ แต่เขาก็ไม่บอกเลิกผม เขายังบอกรักผม คำว่ารักที่ผมไม่ได้เชื่อถือมันอีกแล้ว

มาร์ชมันเตือนสติผม หากผมยังปล่อยตัวเองให้เป็นแบบนี้ก็คงสู้กรีนไม่ได้ กรีนที่นับวันจะดูดีมากขึ้นเรื่อยๆ ผมฟังแล้วไม่นึกโกรธ ผมรู้ว่ามาร์ชมันคงอยากให้ผมทำตัวดีกว่านี้ ทำตัวให้พี่ต้นนึกเสียดาย ทำตัวให้พี่ต้นเลือกผม ผมได้แต่ถามมันกลับไป

“เราต้องสู้กับเพื่อนของตัวเองด้วยเหรอวะมาร์ช มันควรจะเป็นแบบนี้เหรอวะ”

แล้วสิ่งที่ผมได้จากมาร์ชก็คือแววตาของความสงสาร ผมได้รับมันบ่อยๆ ทั้งจากเพื่อนพี่ต้น เพื่อนผม และจากกรีน ส่วนพี่ต้นผมบอกตรงๆ ผมไม่ได้สบตาเขานานมากแล้ว ผมจึงไม่รู้ว่าเขายังคงมีสายตาแบบเดิมให้ผมหรือว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว

ครั้งล่าสุดที่ผมกลับบ้านที่ต่างจังหวัด พี่ต้นไม่ได้กลับมาพร้อมผม ผมรู้ว่าเขาจะพากรีนไปเที่ยวเชียงใหม่ ผมไม่อยากอยู่ที่ห้องคนเดียวจึงเลือกที่จะกลับมาหาพ่อแม่ แต่ท่านก็ทำงานยุ่งจึงไม่มีเวลาอยู่กับผม ผมเข้าใจท่าน ต่อให้ท่านมีเวลา แต่ใจของผมมันก็คงเอาแต่คิดถึงพี่ต้นซ้ำไปซ้ำมา

ผมคิดว่าการกลับบ้านคงจะทำให้ผมหายฟุ้งซ่านได้บ้าง แต่ปรากฏว่าผมก็ได้รับรู้จากเพื่อนเก่าที่ยังอยู่ที่นี่ พวกนั้นบอกว่าพี่ต้นพากรีนมาบ้านบ่อยๆ เห็นว่าพากรีนไปกินข้าวกับที่บ้านของพี่ต้นด้วย

ผมหนีเขาสองคนไม่เคยพ้นเลยไม่ว่าอยู่ที่ไหน มันควรจะดีใช่ไหมครับที่ได้รับรู้เรื่องของพวกเขามากขึ้น มันอาจจะช่วยทำให้ผมตัดใจได้เร็วขึ้น แต่ในทางกลับกัน มันเหมือนแรงกดดันที่ทำให้ผมคิดทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ

.......

“กิ่ง วันนี้กิ่งจะออกไปกี่โมงครับ” พี่ต้นถามผม

ผมบอกกับเขาว่าผมจะไปเที่ยวต่างจังหวัด เมื่อก่อนพี่ต้นไม่ค่อยชอบให้ผมไปค้างที่อื่น ไม่ชอบให้ไปต่างจังหวัดหากเขาไม่ได้ไปด้วย แต่คราวนี้พี่ต้นไม่ทัดทานผมแม้แต่คำเดียว ทั้งที่พรุ่งนี้คือวันเกิดของเขา แต่เขาไม่แสดงอาการน้อยใจเลยสักนิดที่ผมจะไม่อยู่ ท่าทางดูจะดีใจด้วยซ้ำ

“เดี๋ยวปูมารับครับ”

“ไปถึงแล้วไลน์บอกพี่ด้วยนะ” ถ้าเป็นเมื่อก่อนพี่ต้นจะต้องให้ผมโทรหา พี่ต้นเคยบอกว่าการได้ยินเสียงของผมมันอุ่นใจกว่าเห็นแค่ข้อความ แต่วันนี้คงกลัวว่าผมจะโทรเข้าตอนที่อยู่กับใครคนนั้น

“ครับ กิ่งลงไปรอปูข้างล่างนะพี่ต้น”

“พี่ลงไปส่ง”

“ไม่เป็นไรครับ พี่นอนต่อเถอะ ยังเช้าอยู่เลย”

“งั้น...เดินทางปลอดภัยนะกิ่ง เป็นเด็กดีนะ” พี่ต้นดึงผมไปกอดก่อนจะหอมที่หน้าผากของผม ความอบอุ่นนี้ผมพร้อมที่จะขาดมันไปได้หรือยัง เป็นคำถามที่ผมเริ่มถามตัวเองทุกวันตั้งแต่กรีนเริ่มกลับมาทำความสะอาดห้องให้ผมอีกครั้ง

ทั้งคู่วางตัวได้แนบเนียนยากที่จะดูออก กรีนยังคงทำเหมือนว่าพี่ต้นไม่ชอบหน้าเขา พี่ต้นก็ทำเหมือนว่ากรีนเป็นแค่อื่นที่ไม่ได้สนิท ถ้าคืนนั้นพี่ต้นไม่ละเมอชื่อกรีนออกมาผมก็คงไม่เอะใจอะไรเลย ถ้าวันนั้นปูไม่บอกว่าคนที่พี่ต้นพาไปร้านพี่สามคือกรีน ไม่ใช่พี่เอ๋ยอย่างที่ผมเข้าใจ ผมก็คงไม่เริ่มสงสัยในตัวคนรักและเพื่อนสนิท

หลายครั้งที่กรีนเลือกมาทำความสะอาดห้องให้ผมในวันที่ผมมีเรียน และเป็นวันที่พี่ต้นว่าง ผมรู้ว่าเขาคงสร้างสัมพันธ์กันในห้องของผม แต่ผมก็ปล่อยทุกอย่างให้ผ่านไปโดยไม่คิดจะไปดูให้เห็นกับตา  กรีนมักจะลงรูปในอิสตาแกรมว่าได้ไปกินอาหารดีๆ ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ เริ่มมีของใช้ดีๆ มาอวด และผมพบใบเสร็จในลิ้นชักส่วนตัวของพี่ต้น พี่เขาไม่เคยระวังตัว เพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยล่วงล้ำพื้นที่เขาเลย แม้กระทั่งโทรศัพท์ของเขาผมก็ไม่เคยแตะเลยสักครั้งทั้งต่อหน้าและลับหลัง

นั่นไม่ใช่เพราะผมเป็นแฟนที่ดี แต่ผมเป็นแฟนที่ขี้ขลาด ผมกลัวจะรู้ กลัวจะทนไม่ได้แล้วพลั้งปากให้เขาเลือก ที่กลัวที่สุด กลัวว่าเขาจะไม่เลือกผม ไม่มีใครอยากโง่ ไม่มีใครอยากเจ็บ แต่แค่ยังไม่พร้อมยอมรับความจริงเท่านั้นเอง เวลาเรารักใครมากๆ เขาเคยทำดีกับเรา เรากลัวที่จะสูญเสียสิ่งเหล่านั้นไป ยังอยากให้เขากลับมาเป็นคนเดิม ยังเอาแต่คิดถึงวันเก่าๆ เพื่อหล่อเลี้ยงหัวใจตัวเองให้ทนต่อไป จนลืมนึกถึงความเป็นจริงว่าภาพที่เราหลอกตัวเองอยู่มันไม่ได้ทำให้เรามีความสุข มันช่วยให้เราเจ็บช้าลงแค่นั้นเอง


ผมหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าลงมาถึงชั้นล่างแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ผมไม่ได้ไปต่างจังหวัดกับปูอย่างที่บอกกับพี่ต้น ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปที่ไหน แต่ที่ผมออกจากบ้านอยากให้พี่ต้นได้ของขวัญวันเกิดอย่างที่พี่เขาต้องการ เรื่องมันก็มีอยู่ว่า...ผมบังเอิญได้อ่านข้อความที่พี่ต้นคุยกับกรีนผ่านไลน์ ผมไม่ได้แอบอ่านมันในโทรศัพท์ของพี่ต้น แต่วันนั้นผมยืมโน้ตบุ๊กของพี่ต้นมาใช้ และเขาลืมออกจากระบบไลน์ในนั้น ขณะที่ผมกำลังพิมพ์งาน แทบสีส้มก็เด้งขึ้นมา และมันแสดงชื่อของกรีน เริ่มมีการตอบกลับจากพี่ต้น ผมลังเลใจอยู่นาน สุดท้ายก็กดเข้าไปอ่าน

‘พี่ต้นครับ วันนี้กรีนคงไปหาพี่ที่คณะไม่ได้’

‘ทำไมครับ มีงานเหรอ’

‘กรีนล้ม แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก พี่ต้นไม่ต้องห่วงกรีนนะ’

‘ไม่ห่วงได้ยังไง อยู่หอเหรอ เดี๋ยวพี่เรียนเสร็จแล้วไปหานะ’

‘แล้วพี่ไม่ต้องไปรับกิ่งเหรอครับ กรีนไม่อยากให้กิ่งสงสัย’

‘เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลหรอก กิ่งเขาเชื่อใจพี่’


ผมอ่านถึงตรงนี้น้ำตาก้เริ่มไหล ใช่ครับ ผมเชื่อใจพี่ต้น แต่พี่ยอมแลกความเชื่อใจของผมเพียงเพราะต้องการเขาคนนั้น เขาคงสำคัญจนพี่ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าคนเชื่อใจพี่คนนี้จะเป็นอย่างไร


‘วันเกิดของพี่ต้น กรีนอยากอยู่กับพี่จัง แต่ไม่เป็นไร กรีนจะเป่าเค้กให้พี่นะครับถึงพี่จะไม่ได้อยู่ด้วย’

‘พี่แวะไปหากรีนสักชั่วโมงก็ได้ จะให้ของขวัญอะไรพี่ครับ’

‘พี่ต้นอยากได้อะไรครับ กรีนยอมทุบกระปุกซื้อให้เลย’

‘ไม่รู้จริงเหรอว่าพี่อยากได้อะไร’

‘5555 ถ้าอยากได้กรีน ชั่วโมงเดียวคงไม่พอหรอกครับ’

‘พูดแบบนี้พี่คงต้องต่อเวลาให้ เดี๋ยวพี่ไปหานะ อยากจูบกรีนจะแย่แล้ว’

‘กรีนจะรอครับคนดีของกรีน กรีนโชคดีมากเลยที่มีพี่ต้น’

‘พี่รักหนูนะ’

ในวันนั้นผมนั่งสะอื้นจนหายใจแทบไม่ออก ถ้อยคำหวานๆ ที่พี่ต้นเคยส่งมาหาผม บัดนี้คนที่เขาตั้งใจพิมพ์ให้อ่านกลับไม่ใช่ผมแล้ว ผมทรมานจังเลย ยิ่งรู้ก็ยิ่งอยากให้ตัวเองนอนหลับแล้วไม่ต้องตื่นมารับรู้อะไรอีก แต่ผมยังไม่กล้าพอที่จะทำร้ายตัวเอง ยังไม่กล้าพอที่จะเดินออกมาจากชีวิตของพี่ต้น แต่ผมกำลังพยายามอยู่


ผมรู้สึกเคว้งคว้างไม่มีที่ไป ห้องของผมแท้ๆ แต่ผมกลับยกให้เป็นรังรักของพี่ต้นกับกรีน เตียงนอนราคาแพงของผม ที่พ่อกับแม่ตั้งใจซื้อให้ผมได้นอนหลับอย่างสบาย แต่มันกลับกลายเป็นเตียงที่ทำให้ผมนอนร้องไห้แทบทุกคืน ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อน เริ่มโทรหาทีละคน แต่มันคงเช้าเกินไป บางคนก็ไม่ได้รับสายผม บางคนก็บอกว่าวันนี้ไม่ว่าง บางคนก็กลับบ้านที่ต่างจังหวัด ผมแทบไม่เหลือใครแล้วที่ให้ผมโทรหา นอกจากพ่อ แม่ พี่สาว ญาติๆ หรือเพื่อนที่อยู่ไกลๆ ซึ่งผมไม่อยากโทรหาพวกเขา ไม่อยากทำให้เขาห่วง ก็เหลือแค่ชื่อกรีนกับใครอีกคน แน่นอนว่าผมไม่คิดจะโทรหากรีน ผมเลยตัดสินใจโทรหาชื่อสุดท้ายที่เหลือ และไม่ได้คาดหวังเลยว่าเขาจะรับสาย แต่เขาก็รับสายผมอย่างรวดเร็ว

“พี่สาม...มารับกิ่งหน่อยได้ไหมครับ”

.......

ผมนอนหลับอยู่ที่ห้องของพี่สาม หลับยาวจนถึงหัวค่ำ ไม่คิดว่าตัวเองจะนอนได้นานขนาดนี้ คงเพราะแต่ละคืนที่ผ่านมา ผมหลับไม่เคยเกิน 3 ชั่วโมงเลย มันระแวงทุกครั้งที่พี่ต้นลุกไปเข้าห้องน้ำกลางดึกพร้อมกับโทรศัพท์ เขาจะหายเข้าไปนานๆ มันทำให้ผมฟุ้งซ่าน คิดไปต่างๆ นาๆ ว่าเขาหยอดคำหวานอะไรกัน เมื่อนอนไม่เพียงพอ สุขภาพของผมแย่ลงทุกที ผมปวดท้องบ่อยๆ ไม่อยากอาหาร ไม่สดใส ไม่มีความสุขกับสิ่งที่เคยมี และช่วงนี้ผมคิดถึงเรื่องที่อยากหายไปจากโลกใบนี้บ่อยขึ้น เริ่มเมินเฉยต่อสิ่งรอบตัว และอยากให้พี่ต้นคิดถึงผม หากเขาจะไม่มีวันได้เจอผมอีกเลย

ผมลุกขึ้นมานั่งเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องเปิด พี่สามเดินเข้ามาพร้อมกับถาดในมือ บนถาดนั้นมีข้าวผัด น้ำส้ม แล้วก็ถุงขนมปังมันฝรั่งยี่ห้อที่ผมชอบกิน

“กำลังว่าจะปลุก นอนนานขนาดนี้ไม่สบายหรือเปล่า” เขาถาม ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ

“ขอโทษที่มารบกวนนะครับ”

“ไม่เป็นไร ดีแล้วที่นึกถึงพี่ บอกไอ้ต้นมันว่ายังไง”

“ไปต่างจังหวัดกับปูครับ” ผมตอบ พี่สามถอนหายใจก่อนจะวางถาดลงตรงหน้าผม

“กินให้หมดนะ ผอมแล้วโทรม แบบเดิมดีกว่า” พี่สามงอนิ้วชี้แล้วเคาะที่หัวของผมเบาๆ

“ผมลงไปกินข้างล่างก็ได้ครับ จะได้ไม่เหม็นในห้องของพี่”

“ไม่ต้องลงไปหรอก” พี่สามพูด สีหน้าพี่เขาดูไม่ดีเลย ทีแรกผมก็สงสัย แต่แล้วก็คิดว่าพอจะเดาได้

“เขาอยู่ข้างล่างเหรอครับ” ผมถาม พี่สามพยักหน้า “เขามากับกรีนเหรอครับ” ผมถามต่อ พี่สามถอนหายใจก่อนจะพยักหน้า

ผมหัวเราะนิดหน่อย ขนาดหนีมาแล้ว ทั้งสองคนนั้นก็ยังช่วยเปิดปากแผลของผมให้กว้างขึ้นไปอีก บางทีเขาอาจอยากเร่งให้ผมทำใจได้เร็วขึ้น แต่ผมไม่แน่ใจว่า...การทำใจปล่อยพี่ต้นไป กับการที่ผมอยากหายไปจากโลกนี้ อะไรจะมาถึงก่อนกัน

“ก็ถามตัวเองดู ทนเจ็บแต่ได้ไปต่อหรือเลิกทนแล้วจบ” พี่สามเตือนสติผม

“ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้แล้วใช่ไหมครับ” ผมถามเขาแต่ไม่ได้หวังคำตอบ ผมรู้ดีว่าเลือกทางไหนก็เจ็บเจียนตายทั้งคู่ พี่สามทำได้แค่มองผมร้องไห้ เขาไม่ได้ปลอบ แต่แค่นั่งอยู่เป็นเพื่อนผมก็ขอบคุณเขามากๆ แล้ว

เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นมาท่านกลางความเงียบ ผมหยิบมาดูก็เห็นชื่อของพี่ต้นที่เป็นคนโทรเข้ามา ผมไม่ได้กดรับเพราะไม่อยากพูดกับเขาจนสายถูกตัดไป แต่เขาก็ยังโทรมาเรื่อยๆ เป็นสิบครั้งจนผมนึกแปลกใจว่าทำไมเขาถึงโทรหาผมถี่ขนาดนี้ แต่ผมก็ยังไม่คิดจะรับสาย

จนกระทั่งมีข้อความจากไลน์เข้ามาแทน ผมไม่ได้เปิดอ่านในแอพ แต่อ่านผ่านหน้าจอเวลามีข้อความเด้งเตือนแทน จับใจความคร่าวๆ ได้ว่าพี่เขาถามว่าผมอยู่ไหน จากนั้นก็มีข้อความไลน์ของปูเข้ามาพร้อมกับภาพถ่ายเกือบ 10 ภาพ ผมรีบเปิดเข้าไปอ่านข้อความจากปู

‘แก ฉันมาเจอแฟนแกกับคนที่เขาเคยพามาอะแก คนที่เจอใต้คอนโด เนี่ยที่ร้านพี่สามเนี่ย กิ๊กพี่ต้นใช่ไหมวะ ทำอย่างกับคู่รักกันเลย พอเขาเห็นฉันก็ตกใจอยู่นะแก เขาถามว่าฉันไม่ได้ไปต่างจังหวัดกับแกเหรอ แกไปโกหกอะไรเขาวะ แล้วแกอยู่ไหน โทรไปก็ไม่รับ พี่เขาดูหงุดหงิดมากเลยที่แกโกหก แต่แม่งถ้าแฟนแกมีชู้ก็โคตรเลว แม่งไอ้พี่ต้นเหี้ย ฉันแอบถ่ายรูปทั้งคู่มาให้แกดู ถ้าแกจะมาก็บอกนะ ฉันจะรอลุยเป็นเพื่อน ’

ลึกๆ ผมแอบดีใจที่เขายังห่วงผม และก็ดีใจที่ผมทำให้เขาหงุดหงิดได้ทั้งที่เขาอยู่กับกรีน แต่ความดีใจมันไม่เท่ากับความเสียใจที่ผมได้รับ เขากล้าพากรีนมาที่นี่ ทั้งที่รู้ว่าอาจจะเจอเพื่อนคนอื่นๆ ของผมได้ เรื่องที่กรีนไปที่คณะของเขาบ่อยๆ เขากลับตามใจฝ่ายนั้น คงไม่สนเลยว่าคนอื่นจะมองว่าผมโง่แค่ไหน แต่จะว่าไป ผมยอมโง่เอง คงโทษใครไม่ได้

“พี่สาม ไม่ต้องบอกใครนะครับว่าผมอยู่บนนี้ ผมอยากพัก พี่ปิดร้านเมื่อไหร่ผมค่อยออกไปหาโรงแรมอยู่”

“อยู่ที่นี่แหละ จะไปเช่าโรงแรมทำไม”

“พี่ไม่รบกวนพี่แล้วล่ะครับ”

“ก็รบกวนไปแล้ว ช่วยรบกวนให้ตลอดด้วย พี่ไปทำงานก่อนนะ กินข้าวให้หมดด้วย”

เมื่อพี่สามไปแล้วผมก็ตัดสินใจเปิดภาพที่ปูส่งมาให้ดูอีกรอบ ใบหน้าพี่ต้นดูมีความสุขมาก เขายิ้มให้คนที่นั่งตรงข้าม ตักอาหารให้กัน เขาเอื้อมมือไปเช็ดปากให้กรีนด้วย สายตาของพี่ต้นที่มองกรีนดูอบอุ่นจนผมรู้สึกว่าหัวใจของผมมันพังจนไม่เหลือดีแล้ว
เสียงเพลงจากชั้นล่างแว่วขึ้นมาให้ได้ยิน แม้สายตาผมจับจ้องที่รูปภาพของคนรักและเพื่อนสนิท แต่ในหูของผมกลับได้ยินถ้อยความจากบทเพลงนี้ชัดเจน ใครกันนะแต่งเพลงได้น่าเจ็บปวดถึงเพียงนี้ ตอนที่แต่งเพลงนี้เขากำลังรู้สึกอย่างไร กำลังรู้สึกอย่างผมในตอนนี้หรือเปล่านะ

‘เธอรักเขา หรือเธอสงสาร เธอรักฉันและยื้อกันไป เธอทิ้งเขาไม่ลงใช่ไหม หรือต้องใช้เวลา

เธอรักเขา หรือเธอรักฉัน ปล่อยให้มันยังค้างยังคา นานแค่ไหนที่ทนกันมา และต้องทนกันไป

ถ้าใจเธอมีสองใจ ก็คงแบ่งไปเท่าๆ กัน แต่มันคงมีสักวัน ที่เธอต้องเลือกใคร

ถ้าเธอจะมีหัวใจให้ใครสักคน แค่เพียงคนเดียวได้ไหม

เมื่อมีแค่หนึ่งใจ ก็รักใครไปซักคน

คำซึ้งๆ ที่เธอให้ฉัน คำหวานๆที่เขาเคยฟัง คำว่ารักที่ดูจริงจัง เหมือนว่าเธอจริงใจ

ใจของเขาก็คงเหมือนฉัน ไม่ต้องการจะเสียเธอไป ใครคนหนึ่งจะทนได้ไหม ถ้าต้องไม่มีเธอ’
 

ผมชันเข่าขึ้นมากอดแล้วซบหน้าร้องไห้ อาการตอนนี้คงเหมือนคนกำลังจะจมน้ำแล้วไม่สามารถว่ายกลับขึ้นมาบนฝั่งได้ เจ็บแผลยังมีทุเลาได้ด้วยยา แต่การเจ็บปวดแบบนี้มันมีแค่สองสิ่งที่เยียวยาได้

‘เวลากับความตาย’

นี่ใช่ไหมครับความโชคดีของผม พี่ต้นทำให้ผมมีความสุขจนใครต่อใครอิจฉา และตอนนี้เขาก็ทำให้ผมเจ็บปวดทุกข์ทรมานจนใครต่อใครพากันเวทนา คนโชคดีคนนั้นไม่ใช่ผมอีกแล้ว แต่เป็นเพื่อนที่ผมไว้ใจ

ผมร้องไห้จนเริ่มปวดหัว สุดท้ายก็เปิดอ่านข้อความที่พี่ต้นส่งมา เขาถามว่าผมหายไปไหน ทำไมต้องโกหกเขา เขาตัดพ้อผม และจบท้ายที่คำว่า ‘พี่รักกิ่งนะครับ’ แล้วเขาก็หยุดส่งข้อความหาผม หยุดโทรหาผมแล้ว ผมอ่านมันวนไปวนมา แล้วถึงได้ตัดสินใจพิมพ์ข้อความกลับไปหาเขา กดส่งก่อนจะกดปิดโทรศัพท์

‘สุขสันต์วันเกิดนะครับ ขอให้พี่มีความสุขกับของขวัญที่กิ่งจะให้พี่...อิสระไงครับ...กิ่งยอมแพ้แล้ว สู้ไม่ไหวแล้วจริงๆ เราเลิกกันนะครับพี่ต้น’

...พี่ชอบคนเจ้าเนื้อ แต่พี่เลือกที่จะกอดคนผอมบางคนนั้น...

...พี่ชอบคนน่ารักมากกว่าคนหน้าตาดี แต่สุดท้ายคนที่หน้าตาดีคนนั้นก็ได้หัวใจของพี่ไป...

...พี่ไม่ชอบคนอ่อนแอ พี่เลยเลือกที่จะไม่รักษาน้ำใจคนที่เข้มแข็ง...


ผมลุกขึ้นยืน มองถาดอาหารที่พี่สามทำมา บอกขอบคุณเขาในใจและขอโทษที่ผมไม่ได้แตะต้องมัน ผมไม่รู้ว่าที่พี่ต้นเคยบอกว่าพี่สามชอบผมนั้นจริงหรือไม่ แต่พี่สามคือเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งที่ทนเห็นทุกข์ใจไม่ได้ และเขากำลังพยายามฉุดผมขึ้นมาจากน้ำ

ผมพยายามปาดน้ำตาก่อนจะเดินไปที่ห้องน้ำ มองตัวเองผ่านกระจกเงา สภาพของผมดูไม่ได้เลย แบบนี้พี่ต้นจะรักลงได้ยังไง ต่อให้ผอมลง แต่คนหน้าตาจืดๆ อย่างผมก็สู้ใครไม่ได้อยู่ดี อยากจะยิ้มให้คนในกระจก แต่คิดว่ารอยยิ้มนั้นคงน่าสมเพชน่าดู
ผมเปิดน้ำและล้างหน้า ขจัดคราบน้ำตาออกให้หมด ผมไม่ควรดูไม่ดีในวันเกิดของพี่ต้น หยิบหวีของพี่สามมาหวีเพื่อจัดทรงผมให้หายยุ่งเหยิง ถึงจะไม่ได้ดูดีเท่ากรีน แต่อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ดูดีกว่าตอนร้องไห้ขี้มูกโป่งเหมือนเด็กๆ เมื่อวางหวีลง ผมก็เลือกที่หยิบที่โกนหนวดของพี่สามขึ้นมาถือไว้ ปลดล็อกด้านข้างเพื่อเอาใบมีดออกมาจากตัวด้าม
 
กิ่งไม่อยากเข้มแข็งแล้วครับพี่ต้น และกิ่งก็ไม่ต้องการให้พี่เลือก กิ่งเคยคิดว่าพี่รัดกิ่งแต่สงสารกรีน แต่ตอนนี้กรีนเข้าใจแล้ว พี่รักกรีนแต่สงสารกิ่งต่างหาก กิ่งยอมปล่อยพี่ไปก็ได้ และกิ่งจะปล่อยตัวเองไปในที่ที่กิ่งควรอยู่เหมือนกัน ถ้าพี่หมดรักกิ่งแล้ว อย่างน้อยเก็บกิ่งเอาไว้ในความทรงจำได้ไหมครับ ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป โปรดอย่าลืมว่าพี่เคยรักกิ่ง กิ่งจะไม่ลืมเช่นกันว่ากิ่งเคยเป็น ‘ผู้โชคดี’

‘ถ้าเธอจะมีหัวใจให้ใครสักคน แค่เพียงคนเดียวได้ไหม เมื่อมีแค่หนึ่งใจ ก็รักใครไปซักคน’


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 3 [30/05/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 30-05-2019 10:20:14
ไม่รู้จะบอกอะไรกับกิ่ง ได้แต่ "เฮ้อ!!!!" ดังๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 3 [30/05/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 30-05-2019 14:12:42
เกลียดมันทั้งคู่ เกลียดมากกกกก สาปส่งมันนนนทั้งคู่ เกลียดดด พี่สามช่วยน้องด้วยยยยยยย  :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 3 [30/05/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: fxxg0430 ที่ 30-05-2019 15:39:33
พี่สาม พี่สามเท่านั้น!!!!

ฉันจะรอวันที่น้องกิ่งเกิดใหม่ แล้วเหยียบสองคนนั้นให้จมๆๆๆๆ ฮือ อินมากค่ะ ชอบความเจ็บปวด จงไปให้สุดกว่านี้ค่ะรักกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 3 [30/05/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kedtawan ที่ 30-05-2019 16:03:02
บอกตรงตรง ไม่ชอบอ่านแนวนี้เลย อ่ะ แต่เห็น love บอก 3-5 ตอนจบ ก็กลั้นใจอ่านให้จบ สงสารกิ่ง นี่ภาวนา ให้กรีน มันหลอกพี่ต้นบ้าง จะได้เจ็บสมน้ำสมเนื้อ พี่สามเป็นพระเอกขี่ม้าขาวด่วนเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 3+4 [30/05/62] ผู้โชคดีชั่วคราว (ดราม่าสุด!)
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 30-05-2019 18:13:43
ผู้โชคดี


ตอนที่ 4 ผู้โชคดีชั่วคราว


ยังไม่ทันที่ความคมของใบมีดจะกรีดเข้าที่เนื้อบางๆ ตรงข้อมือ แขนของผมก็ถูกใครบางคนกระชากอย่างแรง ใบมีดแผ่นบางร่วงหล่นไปอยู่ที่พื้น ผมรีบมองหาและเตรียมโน้มตัวลงไปเก็บมันขึ้นมา แต่มือที่บีบแขนผมอยู่ก็ออกแรงดึงผมให้เดินออกมาจากห้องน้ำ

“ทำไมล่ะกิ่ง ทำไมต้องให้ค่ามันขนาดนี้” พี่สามถามผม สีหน้าของเขาทั้งโกรธทั้งผิดหวัง “ถ้าพี่ขึ้นมาไม่ทันจะเป็นยังไง อยากให้ไอ้ต้นมันเสียใจ แล้วคิดว่าเป็นมันคนเดียวรึไงที่เสียใจ พ่อแม่กิ่งล่ะ คนที่ไม่ได้ทำร้ายกิ่งล่ะ”

ผมกลัวพี่สามมากเลยครับ ถึงแม้เขาไม่ได้ตวาดผมแต่น้ำเสียงเขาดุดันมาก ผมเริ่มร้องไห้อีกครั้ง ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะคำพูดของพี่เขาต่างหาก ผมไม่ได้นึกถึงใครเลยจริงๆ แค่อยากหายไปจากโลกนี้ แค่อยากทำให้พี่ต้นรู้สึกผิดและคิดถึงผมบ้างเท่านั้นเอง

“ช่วยกิ่งด้วย” ผมยกมือไหว้พี่สาม ร้องไห้สะอึกสะอื้น ถ้าใครมาเห็นสภาพผมในตอนนี้ คงรู้สึกสมเพชเวทนา ผมยกมือไหว้พี่สามให้ช่วยทั้งที่ไม่รู้ว่าเขาจะช่วยผมได้ยังไง ผมอยากหายเจ็บปวด อยากหายจากความทรมาน แต่ผมช่วยตัวเองไม่ได้ ผมเลยอยากขอร้องใครก็ได้ให้ช่วยพาผมออกไปจากความรู้สึกนี้

พี่สามนิ่งเงียบไป เขาไม่ได้ดุผมอีก ปล่อยให้ผมยืนร้องไห้ตรงหน้าเขา เมื่อไม่มีวี่แววว่าผมจะหยุดร้องไห้ เขาเลยดึงผมมากอด ผมรีบสวมกอดเขากลับแล้วออกแรงกอดรัดเขาแน่นๆ ความรู้สึกเดียวในตอนนี้คืออยากร้องไห้กับใครสักคน อยากมีใครสักคนที่ต้องการผม อยากให้ใครสักคนรู้ว่าผมเจ็บปวด ผมไม่ใช่ผู้โชคดีอีกแล้ว

……

ผมเอาแต่ร้องไห้จนปวดหัว ปวดตา หายใจไม่ออก และเริ่มหมดแรง สุดท้ายผมก็หลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เห็นหน้าพี่เอ๋ยก่อนใคร พี่เขายิ้มให้พร้อมกับลูบที่ศีรษะของผมเบาๆ เพียงแค่นี้ผมก็อยากร้องไห้ขึ้นมาอีก

“พี่ขอโทษนะกิ่งที่ไม่ได้บอกกิ่ง เรื่องของคนรักกัน พี่ไม่อยากเข้าไปยุ่งจนเป็นหมาถ้าเขาดีกัน ขอบคุณนะที่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้าไม่งั้นพี่คงรู้สึกผิดจนตายที่กลัวเป็นหมาจนทำให้น้องคิดฆ่าตัวตาย”

“นานแล้วเหรอครับที่เขาคบกัน” ผมลุกขึ้นมานั่งก่อนจะถามพี่เอ๋ย

“พี่ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่มันไปเอากัน พี่มารู้ตอนที่กิ่งมาถามพี่เรื่องที่พี่กรีดข้อมือ”

“ผมขอโทษนะครับที่ถามพี่ไปในวันนั้น”

“พี่ไม่ได้โกรธกิ่ง แต่โกรธมัน ที่มันเอาพี่มาอ้าง มันไม่ได้ไปโรงพยาบาลกับพี่ ไอ้สามต่างหากที่เป็นคนพาพี่ไป พอมันรู้ว่ากิ่งมาถาม มันขอให้พี่ช่วยโกหกต่อ พี่เค้นถามมันว่าทำไมต้องโกหกกิ่ง มันถึงยอมรับสารภาพว่ามันพาไอ้กรีนไปหาหมอ”

“ทำไมเขาไม่เลิกกับผม” คราวนี้น้ำตาผมเริ่มคลอขึ้นมาอีก มันจุกและเจ็บทุกครั้งที่นึกถึง

“มันบอกว่ามันรักกิ่ง มันเลิกกับกิ่งไม่ได้ แต่มันก็ยังเลิกกับไอ้กรีนไม่ได้”

“ถ้าเขารักผม เขาคงไม่ทำแบบนี้หรอกครับ แค่ให้ผมอยู่เพื่อเป็นตัวเลือกไว้ก่อน ผมก็ดันยอมเป็นตัวเลือกของเขา”

“กรีนมันไม่ธรรมดาหรอกนะ บอกตรงๆ ตอนแรกพี่ก็สงสารมัน มันมีพรสวรรค์ที่ทำให้คนเชื่อมัน ทำให้คนสงสารมัน พอหลังๆ มันมาหึงพี่กับต้น มันหาเรื่องใส่ร้ายพี่ จนพี่ไม่พูดกับต้นจนถึงตอนนี้ พี่ถึงรู้ว่ามันร้าย เพื่อนในคณะพี่ชอบมันกันหมด พวกห่านั่นโดนเสน่ห์มันหมด ควายทั้งนั้น” พี่เอ๋ยดูหัวเสียไม่น้อย

ผมเชื่อว่ากรีนทำให้คนเห็นใจได้ไม่ยาก เพราะว่าเพื่อนๆ ของผมก็เลือกที่จะสงสารกรีนมากกว่าผม ขนาดไอ้มาร์ชที่สนิทกับผมมากที่สุด ก็ยังเลือกที่จะเห็นใจผมน้อยกว่ากรีน ด้วยรูปร่างหน้าตาและวิธีการพูด  กรีนจะดูเหมือนผู้ถูกกระทำเสมอ ต่างจากผมที่ไม่ใช่คนบอบบางอ่อนแอ ผมมักจะร่าเริงเสมอ จึงไม่น่าสงสารเท่า และความรู้สึกส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมไม่อยากมีชีวิตต่อ เพราะผมน้อยใจพี่ต้น น้อยใจเพื่อน รู้สึกเหมือนไม่เหลือใครที่เข้าใจความรู้สึกของผมเลย

“กิ่ง ต้นมันคงกำลังหลง เด็กนั่นมันรู้จุดอ่อน มันรู้ว่าต้นใจดีและขี้สงสาร แต่พี่ก็เชื่อนะ ถึงสุดท้ายแล้วต้นมันจะเลือกกิ่ง มันขึ้นอยู่กับกิ่งว่าอยากรอหรืออยากเลิก”

“ผมรักพี่ต้น แต่ผมคงไว้ใจเขาเหมือนเดิมไม่ได้ ผมคงจมอยู่กับความระแวง แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีเขาได้ยังไง ทุกที่มันเคยมีแต่เขา การกระทำดีๆ ของเขายังวนอยู่ในหัว มันทำให้ผมไม่กล้าบอกเลิก แต่พอนึกถึงว่าเขาทำแบบนั้นกับกรีนเหมือนกัน ผมก็เจ็บ ผมเจ็บ” ผมพูดไปร้องไห้ไป

“พี่เข้าใจ มันยาก มันไม่ง่ายเลย” พี่เอ๋ยถอนหายใจและบีบมือผม

“ผมไม่อยากเห็นหน้าเขา ใจหนึ่งอยากไล่เขาไป แต่อีกใจก็ยังอยากให้เขาอยู่ที่ห้อง เพราะผมยังทำใจไม่ได้ที่เขาจะหายไปจากชีวิตผม ผมอยากกลับไปอยู่ที่ห้องของตัวเอง แต่ผมก็นอนไม่หลับ ฟุ้งซ่าน เพราะภาพกรีนใช้ของที่เป็นของผมโดยไม่ละอายใจ ทุกอย่างมันลอยผมเต็มหัวไปหมด ทุกคืนที่พี่ต้นลุกไปส่งข้อความหากรีน ผมอยากร้องไห้ดังๆ อยากอ้อนวอนเขาว่าอย่าทำร้ายผมได้ไหม อย่ารักกรีนได้ไหม แต่พอเห็นสีหน้าเขาดูมีความสุข ผมพูดไม่ออก ความสุขของพี่ต้นไม่ใช่ผมอีกแล้ว” ผมสะอื้นไม่หยุด อยากระบายกับใครสักคนมานานแต่ไม่รู้จะหันไปทางไหน พอได้ระบายกับพี่เอ๋ยจึงพรั่งพรูไม่หยุด

“ไล่ต้นมันไปเถอะ กิ่งอาจจะเจ็บ แต่จะต่างอะไรจากตอนนี้ อย่างน้อยตรงนั้นคือที่ของกิ่งนะ”

“พี่เอ๋ย ผมจะมีวันหายเจ็บไหมครับ”

“มีสิ อาจจะนาน แต่มันต้องมี พี่กับไอ้สามอยู่ข้างกิ่งนะ กิ่งไม่ได้อยู่คนเดียว พี่เข้าใจเรื่องที่กิ่งอยากตาย พี่ก็เคยทำร้ายตัวเอง รู้ไหม...พี่คงอยากตบตัวเองหากวันนั้นพี่ทำสำเร็จ พี่เสียคนเหี้ยๆ คนหนึ่งไป จนได้เจอคนอีกคนที่รักพี่ นึกขอบคุณที่ยังไม่ตาย ชีวิตคนมันยาว มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะสมหวังไปตลอด ของทุกอย่างยังมีหมดอายุเลย ให้โอกาสตัวเองได้เจอคนอื่นก่อน ให้มันรู้ไปว่าจะเจอแต่คนเลวๆ  รีบตายไปมันไม่คุ้มค่า อย่างน้อยรอดูความฉิบหายของคนเลวก่อน สักวันไอ้ต้นมันจะเป็นแค่ผู้ชายโง่ๆ ในความรู้สึกของกิ่ง รอให้ถึงวันนั้นเนอะ” พี่เอ๋ยลูบศีรษะผมอีกครั้ง

ผมยกมือไหว้ขอบคุณพี่เอ๋ยที่พี่เขาช่วยเตือนสติก่อนจะซบหน้ากับเข่าและร้องไห้ต่อ คำสอนของพี่เอ๋ยเข้าหัวผมทุกคำ ผมไม่ได้ปล่อยให้ผ่านไป เพียงแต่วันนี้ผมยังเข้มแข็งไม่ได้ ยังไปไม่ถึงจุดนั้น ผมจะให้เวลาตัวเอง ก็คงมีสักวัน สักวันที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่มันคงต้องมีวันนั้น วันที่ผมจะไม่รู้สึกกับคนคู่นั้นอีกเลย

……

ผมค้างอยู่ที่ห้องของพี่สามอีกคืน พี่เอ๋ยกับพี่สามอยู่เป็นเพื่อนผมทั้งคู่ ผมยังไม่อยากกลับไปเผชิญหน้าพี่ต้น แต่ก็เกรงใจพี่สาม มาอยู่นานๆ ก็กลายเป็นภาระให้พี่เขา ผมตั้งใจจะส่งข้อความไปหาพี่สาวเพื่อขอไปอยู่ด้วยชั่วคราว แต่ทันทีที่เปิดโทรศัพท์ เสียงข้อความก็ดังขึ้นระรัว เป็นของพี่ต้นร้อยกว่าข้อความ นอกนั้นก็เป็นของเพื่อนๆ และของแม่

ผมไล่อ่านทุกข้อความ เลือกอ่านของพี่ต้นเป็นคนสุดท้าย ข้อความส่วนใหญ่ไม่ได้แตกต่างกันมาก จับใจความได้ประมาณนี้

‘กิ่ง อยู่ไหนครับ มาคุยกันก่อน’

‘กิ่ง ได้โปรดโทรกลับหาพี่ด้วย พี่ไม่เลิกกับกิ่งหรอกนะ’

‘กิ่ง กิ่งคงรู้เรื่องแล้ว พี่ขอโทษ อภัยให้พี่สักครั้งได้ไหม’

ผมเกือบจะใจอ่อนโทรกลับหาพี่ต้นหากไม่มีข้อความล่าสุดจากกรีนเด้งขึ้นมาเสียก่อน ผมเปิดอ่าน บอกตรงๆ ว่ามือผมสั่นไปหมด

‘กิ่ง เราไม่เคยคิดไปแทนที่กิ่งเลยนะ เรารู้ว่าเราเลวที่ยอมมีอะไรกับพี่ต้นทั้งที่เขาเป็นแฟนของเพื่อน เราแอบรักพี่ต้นเหมือนกิ่ง แอบรักมานานพอๆ กับกิ่ง แต่กิ่งโชคดีที่ได้พี่เขาไป ส่วนเราต้องถูกไอ้นัทมันรังควาน รู้ไหมเพราะอะไร เพราะมันชอบกิ่ง แต่กิ่งชอบทำว่ารังเกียจมัน แล้วเราผิดอะไรมันถึงมาลงกับเรา เพราะเราเป็นเพื่อนกิ่งไง’

ผมอ่านถึงตรงนี้ก็ยกดึงคอเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตา หยาดน้ำมันทำให้ตาผมพร่ามัวไปหมด แล้วผมก็เริ่มอ่านข้อความจากกรีนต่อ

‘ไอ้นัทมันบอกเราทุกครั้งว่าเรามันซวยเองที่ไม่มีใครปกป้องเหมือนที่กิ่งมี กิ่งมีทั้งพ่อแม่ที่พร้อมช่วยเหลือ มีทั้งพี่ต้นที่ทำให้กิ่งเป็นที่อิจฉาของใครต่อใคร มีทั้งเพื่อนที่ยอมทำตามใจกิ่งทุกอย่าง ทุกคนเข้าหากิ่งเพราะกิ่งรวยไง คนรวยใครๆ ก็อยากเป็นเพื่อนด้วย ความคิดเราอาจจะเหมือนคนพาล แต่ใครไม่มาเป็นเราคงไม่รู้ เราถูกรังแกก็เพราะพ่อแม่เราจน เราต้องดิ้นรนมากกว่าใครก็เพราะความจน เราต้องขัดห้องน้ำให้เพื่อน ซักผ้าให้เพื่อน ถูกบ้านให้เพื่อน รอรับเงินจากเพื่อน มันทุเรศมากเลยว่าไหม แต่แล้วพี่ต้นก็ทำให้เรารู้ว่าเราไม่ได้โชคร้ายตลอดไป พี่ต้นทำให้เรารู้สึกมีค่า พี่ต้นไม่รังเกียจในสิ่งที่เราเป็น พี่ปกป้องเรา ช่วยเหลือเรา บอกว่าอยากดูแลเรา เราดีใจมาก แต่เราเป็นผู้โชคดีแค่ชั่วคราว ทำไมรู้ไหม พี่ต้นบอกว่าเขาทำให้เรามีความสุขได้แค่ช่วงสั้นๆ เพราะเขากลัวจะเสียกิ่งไป อีกแล้ว เราไม่มีคอนโดให้พี่ต้นอยู่ เราไม่มีเงินมาคอยเอาใจพี่ต้น เราไม่มีเท่ากิ่ง’

ผมอยากจะปาโทรศัพท์ทิ้ง แต่อีกใจก็อยากจะรู้ว่าเพื่อนทรยศคนนี้จะบอกอะไรกับผมอีก ผมจึงทนอ่านมันต่อไป

‘กิ่งมีทุกอย่างแล้ว เราไม่ได้ขอให้กิ่งปล่อยพี่ต้นไป เราขอแค่เสี้ยวเวลาหนึ่ง ขอแบ่งความรักของพี่ต้นมาให้เราบ้าง เราจะไม่เรียกร้องอะไรมากไปกว่านี้ เราจะเจียมตัว ขอแค่เราได้มีพี่ต้นบ้าง ได้โปรดเถอะนะกิ่ง เราคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่ต้น แม่เราก็กำลังจะตาย เราคงไม่เหลือใครเลย เรามีแค่พี่ต้นที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ’

ผมไม่สามารถอ่านข้อความพรรณนาของกรีนได้อีกต่อไป ผมวางโทรศัพท์ลงแล้วเช็ดน้ำตา นึกทบทวนซ้ำๆ ผมมีทุกอย่างอย่างที่กิ่งบอก ผมมีพ่อแม่ที่รักผมมาก ผมมีพี่ต้นที่เลือกผมให้เป็นผู้โชคดีในวันนั้น ผมมีเพื่อนเยอะแยะที่คอยตามใจผม ผมไม่ได้อ่อนแอและกล้าลุกขึ้นมาปกป้องตัวเองจากไอ้นัท

แต่ทั้งหมดนั่นไม่ใช่เหตุผลที่กรีนจะทรยศผม ไม่ใช่สิ่งที่กรีนจะเอามาเรียกร้องเอาของของผมไปเพื่อทดแทนชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ของตัวเอง

ผมตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ส่งข้อความไปหาพี่ต้น ข้อความที่ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าพิมพ์ส่งไป

‘รบกวนพี่ต้นขนของออกจากห้องกิ่งด้วยนะครับ กิ่งให้เวลาพี่สามวันเพราะกิ่งจะต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ ขอโทษที่ต้องทำแบบนี้ กิ่งยกโทษให้พี่ไม่ได้จริงๆ และกิ่งไม่อยากฟังคำอธิบายอะไรทั้งนั้น กิ่งเฝ้ารอพี่กลับมานานแล้วครับ และโอกาสของพี่มันหมดแล้ว กิ่งไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่พี่เคยชม สงสารกิ่งเถอะนะครับ แค่ต้องลืมพี่ให้ได้กิ่งก็ต้องใช้เวลาแล้ว อย่าทำให้แผลของกิ่งใหญ่ไปกว่านี้เลย อย่าใช้ความรักที่กิ่งมีต่อพี่ฆ่ากิ่งเลย ขอบคุณนะครับที่เคยทำให้กิ่งเป็นผู้โชคดี แต่กิ่งขอมอบความโชคดีนี้ให้กรีนครับ เขาต้องการมันมากกว่ากิ่ง’

ผมกดส่งแล้วก็นั่งรอ ไม่นานพี่ต้นก็อ่าน เขาไม่ได้ตอบอะไรผมอีก ลึกๆ ผมก็รอ ถึงปากไล่เขา แต่ก็หวังว่าจะเห็นว่าเขารู้สึกอย่างไร เขาเสียใจไหม เขาจะง้อผมหรือเปล่า แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ส่งข้อความมาอีกเลย ผมยิ้มทั้งน้ำตา จบลงแล้วจริงๆ

……

ตอนนี้ผมไปอยู่บ้านของพี่สาวชั่วคราว โชคดีที่หลังจากวันแสดงผลงานเป็นวันหยุดยาวพอดี ผมจึงมีเวลาเยียวยาตัวเอง ผมเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ ไม่ใช่เพราะกลัวว่าพี่ต้นจะติดต่อมา แต่กลัวว่าเขาจะไม่ติดต่อมาแล้วผมจะยิ่งเจ็บต่างหาก กลัวตัวเองจะคาดหวังว่าเขาจะมาง้อแล้วเขาไม่มา ผมกลัวความผิดหวังซ้ำๆ จะทำให้ตัวเองคิดโง่ๆ อีก การหักดิบมันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ผมก็ต้องทำ พ่อกับแม่ของผมรู้เรื่องนี้แล้ว ท่านไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร คงมองว่ามันเป็นเรื่องของเด็ก แต่หากท่านรู้ว่าผมเคยคิดฆ่าตัวตาย ท่านคงผิดหวังในตัวผมไม่น้อย

มาร์ชส่งข่าวให้ผมรู้ว่าพี่ต้นย้ายออกจากคอนโดของผมแล้ว มันได้เบอร์ของผมมาจากแม่ มันคงอยากต่อว่าผมที่คิดตัดขาดมัน แต่มันก็ไม่กล้าต่อว่าเพราะคงรู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน มันบอกว่าพี่ต้นออกไปเช่าคอนโดอยู่กับกรีน ซึ่งคอนโดไม่ได้ไกลจากคอนโดของผมเลย ห่างกันแค่ตึกแถวเดียวเท่านั้นเอง มันว่าพี่ต้นแอบถามถึงผมตลอดเวลาที่เจอมัน มันบอกผมว่าพี่ต้นยังรักผมอยู่ ผมไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิด มันเจ็บด้วยซ้ำ เพราะเขายังอยู่ด้วยกัน และยังมีความสุขบนความทุกข์ของผม

……

หลังจากที่พี่ต้นย้ายออกแล้ว พวกไอ้ปู จริงใจ และเพื่อนคนอื่นๆ ในคณะมาช่วยผมรื้อห้องขนานใหญ่ พวกมันมาทาสีห้องให้ใหม่ มาเพนท์กำแพงในห้องจนไม่เหลือเค้าเดิม ผมขอแม่เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่หมดด้วย แม่บ่นนิดหน่อยแต่ท่านก็ตามใจผม ผมรู้สึกสบายใจขึ้นที่ไม่ต้องนอนทับรอยใครอีก

พี่เอ๋ยก็โทรหาผมแทบทุกวัน เราสนิทกันมากขึ้น พี่เขาชวนผมไปออกกำลังกายในวันที่ว่างจากเรียน เขาบอกว่าเทรนเนอร์หล่อๆ จะช่วยเยียวยาผมเอง ส่วนตอนเย็นๆ ถ้าผมว่างไม่ต้องทำงานส่งอาจารย์ พี่สามจะมารับผมไปที่ร้านเขา พี่เขาไม่อยากให้ผมอยู่คนเดียวที่ห้อง คงยังกลัวว่าผมจะคิดสั้น ทีแรกผมบอกว่าไม่อยากไปเพราะกลัวจะเจอพี่ต้น แต่พี่เอ๋ยแอบบอกว่าพี่ต้นไม่มาที่ร้านพี่สามแน่ เพราะพี่ต้นทะเลาะกันใหญ่โตกับพี่สาม เรียกได้ว่าตัดขาดเพื่อนกันไปเลย ผมก็อยากรู้ว่าสาเหตุมาจากผมหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่กล้าถาม

……

วันนี้พวกเพื่อนมารวมตัวกันอยู่ที่ร้านพี่สาม นั่นเพราะวันนี้เป็นวันเกิดของผมเอง พี่สามถึงกับยอมปิดร้านให้ พี่เขาบอกว่าแค่พวกเพื่อนผมกับรุ่นพี่ในคณะที่มางานวันเกิดของผม ร้านของเขาก็แทบระเบิดแล้ว ผมเลยขอเหมาจ่ายทั้งหมด พี่สามบอกว่าให้ผมจ่ายค่าอาหารตามราคาทุนพอ ที่เหลือเขายกให้เป็นของขวัญของผม ผมถึงยอมรับได้ ผมไม่อยากเอาเปรียบพี่เขา แค่น้ำใจที่พี่เขาให้ผมก็มากพอแล้ว

ถึงในใจยังเจ็บ แต่การได้อยู่ท่ามกลางคนที่เข้าใจเรา มันทำให้ผมยิ้มออกและหัวเราะได้ ผมถูกเซอร์ไพรส์ด้วยวิดีโอคลิปคำอวยพรจากพ่อและแม่ แล้วก็ของอาจารย์ รวมถึงเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคน มันทำให้ผมซึ้งจนน้ำตาคลอ ผมเป่าเค้กที่พี่เอ๋ยสั่งมาให้และนึกขอบคุณทุกคนที่มาช่วยทำให้ผมหายเศร้า

“แก พี่ต้นว่ะ” ปูสะกิดผมและบุ้ยใบ้ไปที่ร้านข้างๆ ผมเห็นพี่ต้นกับกรีน และพี่ต้นกำลังยืนมองผมอยู่ ส่วนกรีนมัวแต่สนใจโทรศัพท์มือถือจึงไม่ได้มองมา

“โคตรเหี้ย พามาเย้ยเหรอวะ” จริงใจสบถออกมา ทำท่าจะออกไปโวยวาย แต่ปูดึงแขนจริงใจเอาไว้

แม้ระยะที่พี่ต้นยืนอยู่จะไม่ได้ใกล้หน้าร้านของพี่สาม แต่ผมก็เห็นแววตาและสีหน้าของพี่ต้นชัดเจน ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเอง ผมรู้ว่าเขากำลังเสียใจ สายตาที่เขามองมาที่ผมยังคงอบอุ่นและอ่อนโยนเหมือนเดิม แต่สายตาคู่นั้นไม่ใช่ของผมอีกต่อไปแล้ว

“อย่าไปสนใจ อย่าไปมอง” ปูบอกผม ผมรีบหันกลับมามองนักดนตรีที่เล่นอยู่ และทำราวกับว่าไม่ได้เห็นพี่ต้น สายตาของผมมองไปทางด้านข้างเวที มีพี่สามยืนอยู่ตรงนั้น ผมเพิ่งสังเกตดีๆ พี่เขามองผมด้วยสายตาไม่ต่างจากที่พี่ต้นมองผมเลย พอผมจ้องมองกลับไป พี่สามรีบเดินหนีเข้าไปในครัว

บทเพลงที่มีจังหวะสนุกสนานที่พี่ๆ นักดนตรีเพิ่งเล่นจบไปเรียกเสียงปรบมือจากทุกคนในร้าน เป็นเพลงสุดท้ายก่อนที่จะเป็นช่วงพักของนักดนตรี ช่วงต่อจากนี้จึงเป็นการเปิดแผ่นเสียงแทน แล้วจู่ๆ เพลงสองใจก็ดังขึ้น ผมรู้จักเพลงนี้ครั้งแรกจากร้านพี่สามในวันนั้น ผมอินจนถึงกับตัดสินใจฆ่าตัวตาย คงเป็นเพลงโปรดของใครสักคนมันถึงถูกหยิบมาเล่นอีก

ทั้งที่ผมคิดว่าตัวเองดีขึ้นแล้ว แต่พอมาได้ยินเพลงนี้อีกความเจ็บปวดก็เริ่มก่อตัว ยิ่งภาพของพี่ต้นจูงมือกรีนเมื่อครู่ มันทำให้น้ำตาของผมเอ่อคลอขึ้นมาทั้งที่พยายามอดทนแล้ว พวกเพื่อนๆ หันมาเห็นผมกำลังจะร้องไห้ก็ทำหน้ากันไม่ถูก รีบสะกิดกันยกใหญ่ เสียงจริงใจโวยวายให้ปิดเพลง แต่ก็ยังไม่มีใครเดินไปปิด แล้วจู่ๆ เสียงเพลงก็ดับวูบไปกลางคันพร้อมกับเสียงเหมือนไฟช็อตอะไรสักอย่างดัง ‘พรึ่บ’ เราทุกคนจึงหันไปมองที่เครื่องเล่นแผ่นเสียง

ภาพพี่สามในชุดผ้ากันเปื้อน ปากก็ยังคาบบุหรี่ และในมือของพี่เขาถือปลั๊กไฟเครื่องเล่นแผ่นเสียงคาอยู่

“เท่สาดดดดด ถึงกับปรี่มาชักปลั๊กออกเลยมึง” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นมาก่อนจะหันมามองหน้าผม ผมทำหน้าไม่ถูก ก็ตกใจที่เพลงมันดับไป แต่ตกใจกว่าที่พี่สามเป็นคนมาดึงปลั๊กออก

“ห้ามเล่นเพลงนี้อีก” พี่สามพูดจบก็เดินกลับเข้าไปในครัวทันที

ผมได้แต่ยืนนิ่งท่ามกลางเสียงโห่ร้องของเพื่อนๆ และพี่ๆ ที่ยังอยู่กันเต็มร้าน แล้วแก้มของผมก็โดนไอ้ปูป้ายเค้กใส่ จากนั้นสงครามเค้กก็เลยเกิดขึ้น น้ำตาของผมไหลกลับเข้าไปข้างในและมีรอยยิ้มมาแทนที่ ผมจะต้องไม่ร้องไห้ง่ายๆ อีก ทุกคนอุตส่าห์พยายามช่วยดึงผมให้ลุกขึ้นมาจากความทุกข์ ผมก็ควรจะต้องดึงตัวเองกลับมาให้ได้โดยเร็วเช่นกัน

……

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เกือบตีสองแล้วเพื่อนๆ ผมก็เริ่มทยอยกลับกันไปจนหมด ส่วนผมยังอยู่เพราะรอให้พี่สามไปส่ง เห็นสภาพร้านพี่สามตอนนี้ผมบอกตรงๆ ว่ารู้สึกผิดเป็นอย่างมาก เค้กวันเกิดของผมเละเทะไปหมด ผมรีบเอากระดาษมาช่วยพี่เขาเช็ด เขาก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้ผมทำ เราสองคนช่วยกันทำความสะอาดร้านจนล่วงเข้าตีสามกว่า ภายในร้านถึงได้เสร็จสะอาดเหมือนเดิม

“เหนื่อยไหม” พี่สามถามผม ตอนนี้เราสองคนมานั่งพักเหนื่อยตากแอร์กันอยู่ตรงพื้นเวที เพราะเป็นที่ที่ลมแอร์ตกได้ดีที่สุด

“เหนื่อยครับ ปกติกิ่งไม่เคยทำงานเอง คุณหนูมะ” ผมถามพลางหัวเราะ

“อยากให้เหนื่อย จะได้ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ” พอพี่สามบอกเหตุผล ผมก็นึกขอบคุณเขาในใจ “มันเอาของขวัญมาฝากไว้กับเด็กในร้าน” พี่สามส่งกล่องของขวัญให้ผม ผมรับมาถือไว้ ชั่งใจอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจแกะออกต่อหน้าพี่สาม

คริสทัลรูปกิ่งไม้บรรจุอยู่ในกล่องแก้ว ข้างในมีแหวนเงินวงหนึ่งห้อยอยู่ที่ปลายกิ่งไม้ด้วย ผมจำได้ว่าเป็นแหวนที่พี่ต้นเคยซื้อให้ผม แต่ผมส่งคืนเขาไปแล้ว ในกล่องยังมีจดหมายฉบับหนึ่งสอดอยู่ ผมหยิบมาเปิดอ่าน

‘พี่เป็นต้นไม้ที่ไม่สามารถดูแลกิ่งก้านของพี่ให้ดี ปล่อยให้มันโรยราจนสายเกินไป ความผิดพลาดนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียใจมากที่สุดในชีวิต รู้ว่าไม่มีคำพูดได้จะทำให้ความผิดนี้ลบเลือนไป แต่โปรดเชื่อเถอะ คำว่ารักพี่ที่พูดกับกิ่ง พี่ไม่เคยโกหกกิ่งเลย และมันยังคงอยู่ พี่ขอโทษครับสำหรับทุกอย่าง’

ผมเช็ดน้ำตาและเก็บของทุกอย่างกลับเข้าไปในกล่อง ยื่นคืนพี่สาม เขาทำหน้างงๆ แต่ก็รับกลับไป

“เอาคืนเขาไปเถอะครับ กิ่งไม่อยากได้”

“แน่ใจ” พี่เขาถาม ผมพยักหน้า “แล้วอันนี้ รับไว้ได้ไหม” พี่สามยื่นกล่องของขวัญอีกกล่องมาให้

“พี่ให้กิ่งเหรอ”

“แกะสิ” เขาไม่ยอมตอบคำถามผม ผมเลยแกะห่อออกดู

ข้างในเป็นสร้อยที่มีจี้เป็นรูปใบมีดโกนอันเล็กๆ และบนจี้สลักคำว่า ‘งอกเงย’ เอาไว้

“กิ่งเก่าตายไปแล้วเลยอยากให้งอกเงยใหม่เหรอครับ” ผมถามพลางหัวเราะ พี่เขาส่งยิ้มน้อยๆ กลับมาให้ แปลว่าที่ผมเดาความหมายเอาไว้มันถูกต้อง

“พี่ขอดูแลกิ่งก้านที่งอกเงยใหม่ได้ไหม” คำถามจากน้ำเสียงแหบห้าวทำให้ผมอึ้งไป

“ผมยังลืมพี่ต้นไม่ได้” ผมตอบไปตามตรง ไม่อยากทำให้คนที่ดีกับผมเสียใจ

“ไม่รีบ”

“ผมอาจไม่ดีพอ พี่น่าจะได้เจอคนที่เหมาะสมกว่าผม” ผมกลายเป็นคนไม่มั่นใจไปแล้วครับ

“อันที่จริงพี่เป็นคนมือหนัก ปลูกอะไรก็ตาย แต่ถ้ามีโอกาส พี่ก็อยากดูแลกิ่งไม้กิ่งนี้ให้ดีเท่าที่จะทำได้” พี่เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ

ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไป แปลกใจที่ตัวเองรู้สึกดีและมีกำลังใจขึ้นมา ยังไม่กล้าตอบรับหรือตัดสินใจ ผมกลัวว่าหากผมต้องผิดหวังอีกคงหนักและสาหัสกว่านี้ และผมเองก็อาจจะทำให้พี่สามผิดหวังที่ยังลืมพี่ต้นไม่ได้ในตอนนี้ ที่สำคัญ...ต่อให้ตอนนี้ผมผอมลงมากกว่าเดิม แต่ผมก็ยังเป็นกิ่งไม้ธรรมดาที่ไม่มีดอกผลสวยงามให้คนเป็นเจ้าของได้ภูมิใจ

“ระหว่างตัดสินใจ พี่ร้องเพลงรอนะ” พี่สามคว้ากีต้าร์โปร่งมาวางที่หน้าตัก ก่อนจะเริ่มขยับปลายนิ้วช้าๆ

“ไหนว่าไม่รีบไงครับ จะเอาคำตอบตอนเพลงจบเลยเหรอ” ผมขำพี่เขา

“พี่ร้องรอได้เรื่อยๆ รอมาได้หลายปีแล้วนิ” พี่เขาพูดโดยไม่ยอมมองหน้าผม เอาแต่ก้มลงไปมองเส้นสายที่ปลายนิ้วเขาสัมผัสอยู่ จนกระทั่งเขาเงยหน้าขึ้นมาร้องเพลงและจ้องมองผมไปด้วย

...สายตาที่จริงจัง กับน้ำเสียงที่จริงใจของพี่สามกำลังทำให้หัวใจที่ใกล้ผุพังของผมเริ่มเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง...



‘ฉันค้นคว้าหาคำตอบ เท่าไหร่ไม่เจอ เพราะอะไร เหตุใดถึงไม่ลืมเธอสักที

หรือต้องรอให้เธอบอก ฉันเป็นส่วนเกิน ที่บังเอิญผ่านมา แล้วให้เธอกับเขาวุ่นวาย

เธอจะร้ายเพียงใด อดทนไว้เข้าใจโดยดี เคืองไม่มี ยังภักดี โดยไม่เคยเปลี่ยนแปลง

อยากแสดงให้เธอ รู้ซึ้งถึงความจริงจังจริงใจ

ด้วยยังหวังซักวัน ฟ้ารู้ถึงคำรำพันของฉันเมื่อไหร่ สะกิดใจ บอกเธอให้ช่วยพิจารณา

ฉันไม่เคยคิดแข็งข้อ หรือบังอาจขอ เพราะยังเจียม และเตรียมหัวใจว่าคงส่วนเกิน

คบฉันไว้เหมือนเป็นเพื่อน ช่วยเตือนเภทภัย

ทุกข์เมื่อไหร่ปลอบใจ ร้องไห้คราใดจะคอยเช็ดน้ำตา

ปรารถนาเวียนวน ตามประสาของคนเคยเคียง จึงร้องเรียนเวียนแวะวน ทนแม้จะถูกหยาม

จะพยายามให้เธอ เว้นที่ภายในดวงใจของเธอ ให้กับฉัน ได้ยืน

รกร้างเยือกเย็นเดียวดายเจียนตายไม่หวั่น จะทำใจ

แบ่งใจให้ฉัน...นิดนึงพอ’


โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ คำผิดเดี๋ยวตามาแก้ทีหลังน้า


[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)

[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 3+4 [30/05/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 30-05-2019 19:00:28
ตอนต่อไปเอามาเลยไหมคะ รู้สึกรังเกียจกรีนมากอ่ะ ไหนจะอินั่น ขนของไปอยู่ด้วยกันอย่างไว อี๋ิมาก รับไม่ได้
พี่สามคนดีของน้องจะต้องช่วยเยียวยากิ่งได้แน่ รู้สึกขอบคุณพี่เอ๋ยมากๆ เลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 3+4 [30/05/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: s_sisters19 ที่ 30-05-2019 20:04:54
ต้องน่ารักขนาดไหน ใครๆก็มาชอบนะหนูกิ่ง ทั้งพี่สาม พี่นัทปากหมาอีก เชื่อว่าต้องมีคนอื่นอีก ขนาดตอนนั้นน้องตัวอวบๆอ่ะ ส่วนนังเพื่อนเลวคนนั้น รอดูกรรมตามสนองนาง นางทำตัวให้คนอื่นเกลียดเรื่อยๆ ในขณะที่กิ่งมีคนที่รักอยู่รอบๆ ไม่น่าใช่แค่เพราะน้องรวยอย่างเดียวแต่คงนิสัยน่ารักด้วย ฉันจะรอดูเธอวอดวายนะต้นกรีน หึ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 3+4 [30/05/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kedtawan ที่ 30-05-2019 20:41:56
รีบตายไปมันไม่คุ้มค่า อย่างน้อยรอดูความฉิบหายของคนเลวก่อน ใช่เลยน้องกิ่ง รอดูคนเลว ทั้งสองคนก่อน ตอบรับรักพี่สามไวไว สงสารพี่แอบรักมานานนนแล้ว :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 3+4 [30/05/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 30-05-2019 21:19:25
ทำไมทำร้ายกิ่งกันได้ขนาดนี้ อ่านแล้วโมโหมากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 3+4 [30/05/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: aon_noaa ที่ 30-05-2019 22:27:04
นังกรีนคือร้ายมากเเม่! ยอมเเล้วเหตุผลนังคืออิหยังว่ะคะ ไปแถมาใหม่ได้ไหม
อิพี่ต้นคืออยากกระโดดกัดให้จมเขี้ยว ยึกยักอยู่นั่น
เเต่พี่สามนี่ดีต่อใจเหลือเกิน ถ้ากิ่งไม่จีบเราจะจีบเองละนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 3+4 [30/05/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: fxxg0430 ที่ 31-05-2019 01:37:53
คบฉันไว้เหมือนเป็นเพื่อน ช่วยเตือนเภทภัย 

ทุกข์เมื่อไหร่ปลอบใจ ร้องไห้คราใดจะคอยเช็ดน้ำตา

คุณเลิฟ เรารักเพลงนี้ เคยมีความหลังฝังใจ คนในเพลงคือโคตรพระเอก สงสารพี่สามเลย รักและก็รอได้ น้องกิ่งอย่าให้พี่เขารอนาน อย่าทรมานกับคนที่ทำร้ายเราอีกเลย กรีนคือแย่มากๆไม่รู้จะหาคำไหนมาด่า เอาเป็นว่าไปสู่สุขตินะคะ พี่ต้นด้วย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 5 [01/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 01-06-2019 10:15:01
ผู้โชคดี

ตอนที่ 5 ไม่เคยเป็นผู้โชคดี


“ขอบพระคุณมากเลยนะคะที่รับดิฉันและลูกเขาทำงาน กรีน ไหว้คุณท่านสิ”

“คุณท่านอะไรกัน เรียกฉันว่าคุณเพชรก็พอ ส่วนสามีฉันก็เรียกว่าคุณนพ ฉันไม่ใช่เจ้าขุนมูลนาย นี่ลูกชายของสายเหรอ หนูอายุเท่าไหร่จ๊ะ”

“สิบสี่ครับ”

“อายุเท่าลูกชายฉันเลย เดี๋ยวก็ขึ้นมอสี่กันแล้วสินะ แล้วจะเรียนต่อที่ไหนจ๊ะ”

“ฉันคงต้องให้มันออกมาช่วยงานค่ะคุณเพชร ไม่มีปัญญาส่งมันเรียนต่อ”

“ได้ไงกัน จบแค่มอสามมันจะไปทำอะไรได้ สมัยนี้ปริญญาตรียังหางานยากเลย ให้เขาไปสอบ ถ้าสอบเข้าได้ฉันจะจัดการค่าใช้จ่ายให้เอง ยังไงฉันก็มอบทุนทุกปีอยู่แล้ว”

“ขอบพระคุณมากเลยค่ะคุณเพชร กรีน กราบคุณเขาเสียสิลูก”


นั่นคือครั้งแรกที่ผมได้เจอผู้หญิงใจดีที่มีใบหน้างดงามจนผมนึกชื่นชมอยู่ในใจ เธอเหมือนนางฟ้ามาโปรดให้ผมได้เรียนต่อและไม่ต้องออกไปเป็นกรรมกรใช้แรงงานแบบเต็มตัว

แม่ของผมเข้ามาสมัครงานเป็นแม่บ้านให้คุณเพชร และก็ได้งานอย่างที่หวัง ช่วงปิดเทอมผมจึงตามมาช่วยงานแม่ทุกวัน คุณเพชรให้ค่าแรงผมพิเศษด้วย เธอใจดี มักจะหยิบยื่นของดีๆ อาหารดีๆ เสื้อผ้าดีๆ ให้ผมเสมอ เธอบอกว่าเห็นผมแล้วคิดถึงลูกชาย ผมไม่เคยเจอลูกชายของคุณเพชร เคยเห็นแต่ในรูป รูปถ่ายครอบครัวขนาดใหญ่เท่าตัวจริงในกรอบสีทองสลักลวดลายสวยงามแขวนอยู่ตรงห้องโถง ใครเข้ามาก็ต้องเห็นทั้งนั้น

‘แม่ก็สวย พ่อก็หล่อ ลูกสาวก็หน้าตาดี แต่ลูกชายหน้าตาธรรมดาชะมัด’ นั่นคือสิ่งที่ผมคิดตอนที่เห็น

ผมได้รับอนุญาตให้เข้าไปทำความสะอาดห้องลูกชายของคุณเพชร เธอบอกว่าช่วงปิดเทอมลูกชายของเธอจะไปอยู่ที่กรุงเทพกับพี่สาว ได้ข่าวว่าคุณเพชรส่งไปติวเพื่อจะได้สอบเข้าโรงเรียนดังในกรุงเทพได้ ส่วนผม ผมสอบเข้าโรงเรียนชายล้วนประจำจังหวัดได้แล้ว อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอม ผมไม่ต้องมาทำงานเป็นกุลีแบบนี้อีกแล้ว

ห้องนอนที่ผมยืนมองอยู่ใหญ่กว่าห้องนอนของผมเกือบสิบเท่า ภาพตรงหน้ามันเหมือนกับที่ผมเคยฝันเอาไว้ เตียงขนาดใหญ่ ทีวีจอใหญ่ๆ เครื่องเสียงราคาแพง ผมฝันว่าสักวันจะต้องมีแบบนี้บ้าง ผมจะตั้งใจเรียนให้ดี เข้ามหา’ลัยดีๆ ทำงานดีๆ และจะหนีออกไปจากสิ่งแวดล้อมเดิมๆ ให้ได้ในสักวัน

ผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพราะอยากรู้ว่าเจ้าของห้องมีเสื้อผ้าแบบไหนบ้าง ข้างในมีเสื้อผ้าเรียงรายหลากสีสัน หลายรูปแบบ แต่ละตัวทำมาจากผ้าเนื้อดีที่ผมไม่เคยได้ใส่ รูปแบบก็ทันสมัย เสียดายที่เจ้าของของมันรูปร่างไม่ดี จากในรูปที่เห็น ลูกชายคุณเพชรอวบแน่นไปหมด  ถ้ามันมาอยู่บนร่างกายของผมแทน มันคงจะดูดีกว่าเยอะเลย

“ทำอะไรไอ้กรีน” เสียงของแม่ทำให้ผมสะดุ้ง ผมรีบถอดเสื้อผ้าราคาแพงออก “ถ้าคุณเพชรเธอมาเห็น ฉันกับแกโดนไล่ออกแน่”

“แค่ลอง ไม่ได้จะขโมยสักหน่อย”

“แล้วในกระเป๋านั่นอะไร” แม่ชี้ไปที่ขวดน้ำหอมที่วางอยู่ในกระเป๋าสะพายของผม ผมสะเพร่าเองที่ไม่ยัดมันลงไปลึกๆ

“คุณเพชรให้”

“แน่ใจนะ” ผมรีบพยักหน้าให้แม่ แต่ความจริงนั้นผมแค่อยากยืมไปใช้สักวันสองวัน “รีบทำ เดี๋ยวพรุ่งนี้ลูกชายคุณเพชรจะกลับมาแล้ว”

“อ้าว เขาไม่เรียนที่กรุงเทพเหรอ”

“เห็นคุณเพชรบอกว่าจะให้มาเรียนโรงเรียนเดียวกับแก สงสัยจะสอบไม่ติด”

“จะมาเรียนที่นี่ได้ยังไง ไม่ได้มาสอบ”

“เงินไง ถามโง่ๆ”

“คนมีเงินนี่ดีจัง อะไรก็ง่ายไปหมด”

“อย่ามัวฝันหวาน รีบๆ ทำ แล้วอย่าแตะต้องของของคุณกิ่ง ฉันไม่อยากตกงาน”

‘คุณกิ่ง’ คุณมันโชคดีเหลือเกินที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง สักวันผมจะต้องเป็นคนโชคดีอย่างคุณบ้าง ผมจะไม่ยอมเป็นคนที่โชคร้ายไปตลอดชีวิต ผมขอให้สัญญากับตัวเอง

……

ชีวิตมัธยมปลายของผมไม่ได้สวยหรูอย่างที่วาดเอาไว้ การเรียนไม่ใช่ปัญหาของผมเลย เพราะผมอยู่ระดับท็อปๆ ของห้องมาโดยตลอด แต่สิ่งที่ทำให้ผมเบื่อ คือการต้องมาเป็นเพื่อนสนิทกับลูกชายของเจ้านาย รู้สึกเหมือนถูกกดทับตลอดเวลา ต้องคอยเกรงใจและเอาใจ ถูกแม่เอามาเปรียบเทียบตลอดเวลา คุณกิ่งดีอย่างโน้น คุณกิ่งดีอย่างนี้ เพื่อนๆ ก็รุมเอาใจเพราะมักได้ของกำนัลมาฝากกันอยู่เป็นประจำ และหมอนั่นยังเป็นคนโปรดของอาจารย์ทุกคนทั้งที่ผมเรียนดีกว่าตั้งเยอะ

“ไง มาหาที่ดูดบุหรี่เหรอ ขอกูตัวหนึ่งดิ”

“ไม่มี แค่มานั่งเล่น” ผมตอบกลับไป ผมชอบหนีมานั่งเล่นที่ห้องน้ำด้านหลังโรงเรียน มันเงียบและไม่ค่อยมีคนมาใช้ แต่ก็ถูกรบกวนจนได้

“วันก่อนกูเห็นมึงดูด”

“แค่อยากลอง ขอคนอื่นมาเหมือนกัน”

“มึงเป็นเพื่อนสนิทไอ้กิ่งเหรอ”

“ถามทำไม”

“ถามเฉยๆ แม่กูทำงานให้แม่มันอยู่ มันนิสัยดีไหม”

ผมมองหน้าคนถามอย่างชั่งใจ คนถามมันชื่อนัท อยู่ห้องเด็กเหลือขอ ความเกเรของมันใครๆ ก็รู้ ผมรู้ว่าแม่มันทำงานเป็นเลขาให้คุณเพชร ผมเคยเห็นมันขี่รถมาส่งแม่มันบ่อยๆ ด้วยนิสัยของมันและเพื่อนๆ มัน ไม่ค่อยมีใครอยากข้องเกี่ยวด้วยสักเท่าไหร่

“จะให้พูดตามความจริงเหรอ” ผมถาม

“เออ”

“ก็นิสัยลูกคุณหนู อยากได้อะไรต้องได้ และไม่เคยเห็นหัวใคร แม้กระทั่งแม่ของนาย”

“พูดอะไร” มันหันมาถามผม

“แม่เราก็ทำงานให้คุณเพชร เราก็ไปช่วยแม่บ่อยๆ เราเคยเห็นกิ่งมันชี้นิ้วสั่งแม่นายอย่างเป็นขี้ข้า มันเคยเอามาด่าให้เราฟังว่าแม่นายโง่ สั่งอะไรก็ทำไม่เคยถูก”

ไอ้นัทมันกัดฟันจนกรามขึ้นเป็นสัน สายตามันดูโกรธจนน่ากลัว หวังว่ามันคงไม่คิดไปทำร้ายร่างกายกิ่งหรอกนะ ตอนที่พูดออกไปผมไม่ได้คิด แค่อยากให้มีใครสักคนมาร่วมเกลียดคนที่เกิดมาโชคดีอย่างกิ่งบ้างเท่านั้น นึกโล่งอกที่มันไม่ได้ลุกไปตามหากิ่ง มันหยิบบุหรี่ในกระเป๋าของตัวเองออกมาสูบทั้งที่มันเพิ่งมาขอจากผม

……

เช้าวันถัดมาผมโดนไอ้นัทต่อยจนปากแตก มันบอกว่าผมตอแหลกุเรื่องเมื่อวานให้มันฟัง มันบอกว่ามันถามแม่แล้ว แม่ของมันมีแต่ชมกิ่งตลอดเวลา มันด่าผมว่าเหี้ยใส่ร้ายแม้กระทั่งเพื่อนสนิท มันจะเอาเรื่องที่ผมพูดถึงกิ่งไปแฉให้ทุกคนได้รู้ ในขณะที่ผมกำลังหาทางหนีทีไล่ กิ่งก็เข้ามาช่วยผมเอาไว้ นับเป็นความซวยของกิ่ง ทั้งที่ไอ้นัทมันปกป้องกิ่งอยู่แท้ๆ แต่กิ่งกลับต่อว่าให้มันอาย จากนั้นเป็นต้นมา คนที่ไอ้นัทเห็นเป็นศัตรูจึงไม่ใช่ผมอีกต่อไป ในขณะเดียวกัน ผมก็โกหกกิ่งและเพื่อนๆ ว่าไอ้นัทมันรังแกผม มันบังคับขืนใจผม จึงทำให้กิ่งเกลียดไอ้นัทมากไม่ต่างจากที่ไอ้นัทเกลียดกิ่งมากเช่นกัน



แต่คนที่เกิดมามีโชคอย่างกิ่งก็ยังคงได้รับโอกาสดีๆ เสมอ

พี่ต้น...ผู้ชายที่ดีพร้อม คนที่ใครๆ ก็อยากได้มาเป็นแฟน คนที่ผมแอบเฝ้ามองตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียนที่นี่ ผมได้แต่แอบมอง ไม่กล้าแม้แต่จะให้ใครสักคนรู้เพราะกลัวถูกรังเกียจที่เป็นเกย์ แตกต่างจากกิ่งที่กล้าบอกเพื่อนสนิทในกลุ่มว่ารู้สึกยังไงกับพี่ต้น จากนั้นมาผมจึงต้องทนฟังเวลาที่กิ่งพูดจาชื่นชมพี่ต้นอย่างเปิดเผย เพื่อนๆ ก็ดูจะสนับสนุน

ที่สำคัญ...ผมเห็นสายตาของพี่ต้นเวลาที่มองกิ่ง มันไม่ต่างจากที่กิ่งมองพี่ต้นเลย

ผมไม่เข้าใจ คนที่หน้าตาดีกว่ากิ่ง รูปร่างดีกว่ากิ่ง ทำไมพี่ต้นถึงไม่เลือก กลับไปเลือกคนที่ไม่คู่ควร ผมทั้งเจ็บใจทั้งเสียใจเมื่อทั้งคู่เปิดตัวว่าเป็นแฟนกัน ผมนึกว่าพี่ต้นไม่ได้เป็นเกย์ เพราะขนาดพี่เอ๋ยที่หน้าตาดีขนาดนั้น ใครๆ ก็รู้ว่าพี่เอ๋ยมีใจให้พี่ต้น แต่พี่ต้นก็ไม่สนใจ ใครจะไปคิดว่าจะมาชอบคนธรรมดาอย่างกิ่งได้ ผมนึกตำหนิตัวเองที่ไม่กล้าสารภาพรักกับพี่ต้นก่อนกิ่ง หากผมกล้าสักนิด คนที่โชคดีคนนั้นอาจจะไม่ใช่กิ่งก็ได้

จากนั้นมาผมจึงต้องดูคนที่ผมแอบรักกับเพื่อนสนิทคลอเคลียกัน ต้องทนฟังเวลาที่กิ่งเอาเรื่องของพี่ต้นมาเล่าซ้ำๆ มันตอกย้ำความเจ็บปวดของผมให้มีมากยิ่งขึ้น ผมแอบเอาเรื่องนี้ไปบอกกับคุณเพชร หวังให้ความรักของทั้งคู่มีอุปสรรค แต่คุณเพชรกลับไม่ว่าอะไรลูกชายเลย แถมดูจะส่งเสริมด้วยซ้ำ ทำไมกัน...ทำไมความโชคดีแบบนั้นไม่เกิดกับผมบ้าง


ผมรู้ว่ากิ่งเป็นคนมีเสน่ห์ ไปไหนใครก็ให้ความรัก นั่นเพราะอีกฝ่ายรู้วิธีการเอาใจคนรอบตัว และใช้เงินซื้อใจทุกคน ผมจึงใช้วิธีการเดียวกับกิ่งบ้าง ผมไม่มีเงิน แต่ผมมีสมอง ผมเริ่มจับจุดอ่อนคนใกล้ตัว เริ่มจากเพื่อนสนิทอีกสองคนคือเจ๋งและมาร์ช

เริ่มจากเจ๋ง เพื่อนคนนี้เป็นคนหัวไม่ดี ผมจึงอาสาช่วยทำการบ้านและช่วยทำรายงานให้ ทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีไม่เคยขัดใจและตามใจเจ๋งทุกเรื่อง รับฟังเวลาเจ๋งมีปัญหาเรื่องแฟน ในขณะที่กิ่งเป็นคนตรงไปตรงมา ชอบเตือนเจ๋งตรงๆ แบบไม่ทันระวังคำพูด เจ๋งจึงไม่ค่อยพอใจ ในที่สุด...เจ๋งก็ให้ความสนิทสนมกับผมมากกว่าใคร ผมเริ่มระบายความในใจเรื่องการถูกแม่เปรียบเทียบกับกิ่งให้เจ๋งฟัง เรื่องที่ถูกกิ่งชอบใช้คำสั่งกับผม เจ๋งเริ่มคล้อยตาม และเริ่มมีอคติกับกิ่งทีละน้อย

ส่วนมาร์ช ผมรู้ดีว่ามาร์ชสนิทกับกิ่งมาก พยายามหาว่าทางไหนที่จะทำให้มาร์ชหันมาสนิทกับผมมากกว่ากิ่ง ในช่วงที่กิ่งทำตัวติดกับพี่ต้นตลอดเวลา มาร์ชก็แอบน้อยใจเพราะเหมือนถูกกิ่งทิ้ง ผมใช้โอกาสนี้เข้าหามาร์ช ไปเที่ยวเป็นเพื่อน ไปดูหนังกินข้าวเป็นเพื่อน ไปนอนค้างกับมาร์ชบ่อยๆ จนรับรู้ได้ว่ามาร์ชชอบดูหนังโป๊ ชอบช่วยตัวเอง ผมใช้ความใกล้ชิดและอาสาช่วยทำให้มาร์ชมีความสุขแบบเพื่อนช่วยเพื่อน โดยรับปากว่าทุกอย่างจะเป็นความลับ แล้วทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่ผมต้องการ มาร์ชติดใจผมและเริ่มเชื่อในสิ่งที่บอกทุกอย่าง

จากนั้นผมก็เริ่มเข้าหากลุ่มเพื่อนของพี่ต้น จับจุดอ่อนของแต่ละคนจนเริ่มชนะใจไปทีละคน ยกเว้นคนเดียวคือพี่สาม คนที่มองผมด้วยสายตายากจะคาดเดา ผมเกริ่นอะไรออกไปเขาก็จะเงียบจนผมไม่กล้าเข้าหา เขาสนิทกับกลุ่มไอ้นัทด้วย ผมจึงไม่อยากตอแยมาก เลยไม่พยายามเอาชนะใจคนคนนี้อีก

เมื่อพี่ต้นจบ ม.6 และไปเรียนต่อที่มหา’ลัย ผมพยายามทำให้กิ่งไขว้เขวด้วยการบอกว่าคนนั้นคนนี้มาแอบชอบกิ่ง แต่กิ่งกลับไม่สนใจ เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาลดความอ้วน และยังคงมาเล่าว่าพี่ต้นแสนดีอย่างไร เพื่อนๆ ต่างก็บอกว่ากิ่งโชคดีที่ได้พี่ต้นไปเป็นแฟน ผมได้แต่อวยพรในใจว่าขอให้กิ่งโชคดีตลอดไปก็แล้วกัน

……

เมื่อผมย้ายเข้ามาอยู่ที่กรุงเทพ ผมคิดว่าตัวเองคงไม่ได้พบเจอกับกิ่งและพี่ต้นอีก แต่แล้วแม่ของผมก็เริ่มล้มป่วยทำงานไม่ได้ ผมเริ่มหางานทำเพื่อหาค่าหอพักและค่าใช้จ่ายด้วยตัวเอง ถึงคุณเพชรจะส่งเสียให้ผมได้เรียนต่อมหา’ลัย แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ผมก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง ผมเริ่มทำงานหนักมากจนการเรียนของผมตกลง ผมร้องไห้ทุกวันกับโชคชะตาของตัวเอง ทำไมผมถึงต้องเหนื่อยกว่าเพื่อนทุกคน

ดูเหมือนพระเจ้าจะเห็นใจ จู่ๆ วันหนึ่งกิ่งก็โทรมาชวนให้ผมไปทำงานให้ ผมตอบรับทันทีเพราะค่าจ้างที่กิ่งให้มันสูงพอสมควร และที่สำคัญ...ผมจะได้เจอกับพี่ต้นอีกครั้ง


พี่ต้นยังคงหล่อเหมือนเดิม หล่อมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่ผมไปทำความสะอาดคอนโดให้กิ่ง ผมมักจะแอบดูว่าพี่ต้นใช้น้ำหอมอะไร ชอบกินอะไร แอบดูอัลบั้มรูปของเขา พอเห็นสิ่งที่พี่ต้นทำให้กิ่งแล้วก็ได้แต่นึกอิจฉาในความโชคดี

จนวันหนึ่งที่ผมแอบเอาเสื้อของพี่ต้นมาสวมใส่ จินตนาการไปว่าพี่ต้นกำลังกอดผมอยู่ ผมนอนช่วยตัวเองบนเตียงนุ่ม แล้วพี่ต้นกลับมาที่ห้องพอดี

“ทำอะไรน่ะ!”

“ผมขอโทษครับ”

“พี่ไม่ชอบให้คนมาวุ่นวายของของพี่ พี่คงให้เราทำงานที่นี่ต่อไม่ได้”

“พี่ต้น ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมแค่..”

แล้วผมก็เริ่มร้องไห้ ยอมสารภาพว่าตัวเองแอบรักพี่ต้นมานานแค่ไหน พูดทุกอย่างที่อยู่ในใจ พี่ต้นนิ่งฟังแล้วบอกให้ผมกลับไปก่อน ผมทำใจและคิดว่าคงไม่ได้กลับไปทำงานให้กิ่งอีก ผมรู้สึกอับอายและไม่กล้ามองหน้าพี่ต้น จากวันนั้นผมจึงไม่ค่อยได้ไปทำความสะอาด เวลากิ่งโทรมาตามผมก็หาข้ออ้างไปเรื่อย

……

ผมเริ่มหางานพิเศษอื่นทำ ทำจนไม่มีเวลาพัก สุดท้ายก็ไปเป็นลมระหว่างที่ข้ามถนน ไม่คาดฝันว่าคนที่เข้ามาช่วยจะเป็นพี่ต้น เขาช่วยพาผมไปที่โรงพยาบาล จ่ายค่ารักษาให้ และพาผมไปส่งที่หอพัก เขาเห็นสภาพห้องพักเท่ารูหนูของผม เมื่อเห็นว่าผมไม่มีของกินติดห้องเลยก็คงนึกสงสาร เขาเลยพาผมออกไปซื้อของแห้งและของใช้จำเป็นให้ พี่ต้นเป็นคนขี้สงสารและใจดีแบบนี้เสมอไม่เปลี่ยน

ยิ่งสงสาร...ก็ยิ่งทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้น พี่ต้นเริ่มเรียนหนัก กิจกรรมของคณะก็หนัก ผมอาสาไปช่วยพี่ต้นทำงานที่คณะให้ ในขณะที่กิ่งเอาแต่จู้จี้และไม่เคยถามว่าพี่ต้นเหนื่อยไหม ข้อเสียของกิ่งคือการเว้นระยะให้พี่ต้นมากไป บางทีมันเหมือนการไม่ใส่ใจ ส่วนผมก็คืบคลานเข้าไปในใจของพี่ต้นมากขึ้น นอกจากพี่ต้น ผมยังคอยเอาใจเพื่อนพี่ต้นทุกคน ผมอ้างว่าพี่ต้นเหมือนพี่ชายคนหนึ่งที่เคยมีบุญคุณ เลยอยากตอบแทนบ้าง ทุกคนไม่ได้เอะใจในการเข้ามาของผม เพราะผมรู้ตัวว่าควรวางตัวยังไงต่อหน้าคนพวกนั้น ยิ่งมีพี่เอ๋ยที่คอยจับตามองผมอยู่ ผมก็ยิ่งต้องทำตัวให้เขาสงสารและเห็นใจให้มากที่สุด

แล้ววันหนึ่งก็มีข่าวว่าพี่เอ๋ยกรีดข้อมือเพราะทะเลาะกับแฟน พี่ต้นกำลังจะไปหาพี่เอ๋ย ผมขอตามไปด้วย แต่ผมดันโดนรถมอเตอร์ไซด์เฉี่ยวเสียก่อน พี่ต้นจึงต้องรีบพาผมไปหาหมอและโทรให้พี่สามไปดูพี่เอ๋ยแทน พี่ต้นพาผมมาส่งที่หอ ด้วยความใกล้ชิดและความสงสาร โดยเฉพาะเมื่อพี่ต้นรู้ว่าผมมีใจให้เขา ในที่สุดพี่ต้นก็พ่ายให้กับความใคร่ ผมรู้ว่านี้อาจเป็นเพียงโอกาสเดียวที่ผมมี ผมจึงงัดลีลาทุกอย่างที่มี เพื่อทำให้พี่ต้นติดใจผมเหมือนอย่างที่มาร์ชเคยติดใจผมมาแล้ว และมันก็สำเร็จ

หลังจากคืนนั้น พี่ต้นมาหาผมบ่อยขึ้น และพาผมไปเช่าห้องพักใหม่ที่ดูดีกว่าห้องเดิมเล็กน้อย แต่ก็ไม่สะดวกสบายเท่าห้องของกิ่ง เขาบอกว่าให้ผมกลับไปทำความสะอาดให้กิ่งเหมือนเดิมจะได้มีเงินใช้ แล้วระยะพี่ต้นก็มาระบายว่ามีปากเสียงกับกิ่งบ่อยขึ้น ผมแอบมีความหวังว่าหากทั้งคู่ยังทะเลาะกันบ่อยๆ แบบนี้ สักวันคนที่ได้นอนหลับพร้อมพี่ต้น ตื่นพร้อมพี่ต้นคงจะเป็นผม แต่ความหวังของผมดูจะริบหรี่ เพราะพี่ต้นไม่เคยโกรธกิ่งได้นาน

‘พี่ไม่อยากทำแบบนี้ต่อไปแล้ว เราต้องหยุดนะกรีน พี่ไม่อยากเสียกิ่งไป’

เหมือนสายฟ้าฟาดเข้ามาที่กลางใจ ผมหมดเรี่ยวแรงเมื่อพี่ต้นขอหยุดความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นกับผม ผมร้องไห้และคิดว่าจะต้องทำยังไงให้พี่ต้นไม่ทิ้งผม แต่ผมจะไม่ร้องขอและตื้อเขา เพราะรู้ดีว่าพี่ต้นจะยิ่งอยากออกห่าง คงมีวิธีเดียวคือการทำให้พี่ต้นเบื่อกิ่ง

ผมกลับเข้ามาทำความสะอาดให้กิ่งเหมือนเดิม แล้วก็เริ่มทำให้พี่ต้นเข้าใจผิดกิ่งมากขึ้น ทั้งเรื่องพี่สาม ผมบอกว่าเพื่อนๆ ที่คณะของกิ่งจับคู่กิ่งกับพี่สาม และบอกพี่ต้นว่าพี่สามแอบชอบกิ่งมาตั้งแต่เรียนมอปลาย บอกว่าผมรู้เรื่องนี้มาจากไอ้นัท พี่ต้นดูจะหัวเสียมาก และก็เริ่มจับผิดกิ่งมากขึ้น

สิ่งต่อมาคือเรื่องนิสัยของกิ่ง ผมเอากางเกงในของกิ่งมาม้วนจนเป็นเกลียว แล้วทำให้พี่ต้นเห็นว่ากิ่งเอากางเกงในมาให้ผมซัก พี่ต้นเหมือนจะอึ้งไป พี่เขาเป็นคนชอบคนสะอาด ชอบคนขยันไม่งอมืองอเท้า แต่ภาพลักษณ์คุณหนูของกิ่งทำให้เขาเชื่อผมง่ายๆ ผมแกล้งเอาจานมาวางเต็มอ่าง แกล้งเอาเสื้อผ้าข้าวของกิ่งมาวางกองรก แล้วก็เก็บตอนพี่ต้นมา พี่ต้นมองดูทุกอย่างเงียบๆ ในขณะที่ผมก็สร้างเรื่องถุงยางให้กิ่งเข้าใจพี่ต้นกับพี่เอ๋ยผิด ทุกอย่างเริ่มลงตัว ทั้งคู่เริ่มเว้นระยะห่างจากกันเรื่อยๆ


มีต่อด้านล่าง
V
V


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 5 [01/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 01-06-2019 10:15:59
ต่อจากด้านบน


แล้วพี่ต้นก็เริ่มกลับมามีอะไรกับผมอีกครั้ง ผมพยายามทำเป็นว่าไม่ได้ต้องการเขาอย่างเคย ตอนพี่ต้นมาหาผมที่มหา’ลัย ผมแกล้งทำตัวใกล้ชิดกับเจ๋งจนพี่ต้นหึง เขาหงุดหงิดและแสร้งเข้ามาต่อว่าผมเรื่องทำความสะอาดห้องได้ไม่ดีต่อหน้าเจ๋ง สั่งให้ผมกลับไปพร้อมเขาโดยการอ้างว่าถ้ากิ่งมาเห็นห้องเลอะจะโกรธเอาได้

เมื่อมาถึงห้อง พี่ต้นก็ผลักผมลงไปนอนที่เตียง ด่าทอผมหยาบๆ คายๆ ผมทำเป็นขัดขืน เขาก็ยิ่งมีอารมณ์และรุกเร้ารุนแรง ผมส่งเสียงร้องครวญครางเพื่อกระตุ้นอารมณ์ของเขา ผมเพิ่งรู้ว่าพี่ต้นชอบร่วมรักแบบเร่าร้อนและรุนแรง ผมจึงตอบสนองเขากลับไป ดูเขาพึงพอใจมาก ร่างสูงใหญ่ที่กระแทกกระทั้นผมจนที่นอนยับยู่ยี่บ่งบอกว่าเขากำลังสุขสม ผมสวนสะโพกกลับไปจนพี่ต้นสูดปากและเอาแต่เรียกชื่อผมไม่หยุด

“พี่เห็นกรีนเป็นอะไรกันแน่ครับ อยากได้ก็มาเอา ไม่อยากได้ก็ทิ้งขว้าง” ผมถามหลังจากที่ทำให้พี่ต้นถึงจุดหมายถึงสามครั้ง

“พี่ขอโทษนะ”

“กรีนจะกลับบ้าน เดี๋ยวกิ่งมาเห็น” ผมแกล้งทำเป็นเจียมตัวให้พี่ต้นสงสาร

“กิ่งไม่กลับหรอก ทำงานอยู่ที่มอ เช้าโน้นแหละ”

“พี่ต้น ถ้ากรีนขอเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ ในใจพี่ จะไม่ทำตัววุ่นวาย ทำไม่เรียกร้อง ไม่ทำให้กิ่งรู้ พี่ให้กรีนได้ไหมครับ อย่าทิ้งกรีนไป แม่กรีนก็ป่วยหนัก กรีนอยากมีพี่เป็นกำลังใจ”

“กรีน พี่เลิกกับกิ่งไม่ได้ พี่รักเขา พี่ยอมรับว่าเห็นแก่ตัว” พี่ต้นถอนหายใจและมีสีหน้าหนักใจ

“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องเลิก กรีนไม่ได้ต้องการให้พี่เลิกกับกิ่ง กรีนรู้ว่าพี่ไม่กล้าทำรักรุนแรงกับกิ่งใช่ไหมครับ พี่ถนอมเขา กรีนยินดีทำให้พี่สุขสม ยินดีเป็นที่ระบายโดยไม่หวังอะไรมากไปกว่านี้ ขอแค่พี่กอดกรีนบ้างยามเราอยู่ด้วยกันก็พอ”

“แต่สักวันกรีนจะทนไม่ได้”

“กรีนทนได้ นะครับ ให้กรีนได้มีพี่ต่อไปนะครับ” ผมพูดจบก็โถมตัวไปจูบพี่ต้น และเริ่มปรนเปรอเขาอีก ผมยอมทุกอย่าง ขอแค่ได้เป็นผู้โชคดีบ้าง แม้เพียงชั่วคราวก็ยอม

……

ผมเริ่มอ้อนให้พี่ต้นพาไปเที่ยวต่างจังหวัด ตอบแทนเขาด้วยรสรักที่เขาปรารถนา เวลาพี่เขากลับบ้านก็ขออาศัยกลับไปด้วย อ้างว่าจะไปเยี่ยมแม่ ผมอ้อนขอไปกินข้าวกับที่บ้านของพี่ต้น พี่ต้นดูจะหลงผม ตามใจผมทุกอย่าง มนุษย์ถูกกำหนดมาให้มีความสุขกับความใคร่ ต่อให้พี่ต้นแสนดีแค่ไหนก็พ่ายแพ้ให้กับความใคร่และกามารมณ์ ตอนนี้ผมว่า...ผมกลายมาเป็นผู้โชคดี ได้รับการเอาใจใส่จากพี่ต้นมากกว่าแฟนของเขาเสียอีก



แล้วกิ่งเริ่มระแคะระคายเรื่องการลักลอบคบกันของผมกับพี่ต้น เริ่มมีคนเห็นผมกับพี่ต้นมากขึ้น พี่เอ๋ยก็เริ่มจับผิดเรา และก็จับได้ในที่สุด วันที่พี่เอ๋ยมาเตือนผมและขอให้ผมเลิกทำเลวกับเพื่อนสนิท ผมอัดเสียงที่พี่เอ๋ยต่อว่าผมเอาไว้ และตัดต่อให้เหลือแค่ถ้อยคำรุนแรง ก่อนจะเอาไปให้พี่ต้นฟัง พี่ต้นโกรธพี่เอ๋ยมาก ทะเลาะกันรุนแรงจนไม่ยอมมองหน้ากันอีก 

ส่วนมาร์ชกับเจ๋งเมื่อรู้เรื่อง มันก็เตือนว่าให้ผมหยุด ผมก็ทำตัวให้น่าสงสาร ผมบอกมันไปว่าพี่ต้นเป็นโรคเสพติดความรุนแรง ผมโชว์รอยช้ำ รอยฟันให้พวกมันดู ผมบอกว่าถ้าผมไม่ยอม พี่ต้นก็ไปทำกับคนอื่นอยู่ดี กิ่งมันก็ถูกนอกใจอยู่ดี แต่ผมรักพี่ต้นมานาน และกิ่งก็คือเพื่อนที่ผมรัก ผมยอมที่จะเป็นคนที่ถูกรองรับอารมณ์และจะอยู่อย่างเงียบๆ ไม่ทำให้กิ่งกับพี่ต้นต้องเลิกกัน พวกมันจึงคล้อยตาม

น่าประหลาดใจไหมครับ ทุกคนเลือกที่จะเชื่อผมหมด แค่เพราะผมจน แค่เพราะผมน่าสงสาร ที่สำคัญ ทุกคนเลือกที่จะไม่พูดความจริงกัน ต่างก็ฟังความจากผมข้างเดียว ต่างก็ตัดสินกิ่งจากคำบอกเล่าของผม สังคมหน้ากาก ใครใส่หน้ากากได้แนบเนียนกว่าก็คือผู้ชนะ

และผมชนะ

……

กิ่งกับพี่ต้นเลิกกันเร็วกว่าที่ผมคาดคิด กิ่งส่งข้อความมาหาพี่ต้น แต่ผมเป็นคนเปิดอ่าน ผมไม่ได้ให้พี่ต้นอ่านในทันที เดาว่ากิ่งคงรอให้พี่ต้นไปง้อ กว่าพี่ต้นจะได้อ่านก็ล่วงเข้าไปอีกวัน เขาร้อนรนและร้องไห้ ผมเป็นคนที่อยู่เคียงข้างเขา พยายามปลอบใจและบอกว่าให้เวลากิ่งได้คิดก่อน ผมบอกพี่ต้นว่ากิ่งขาดพี่ต้นไม่ได้ แต่กิ่งอาจจะยังไม่รู้ ผมแนะนำให้พี่ต้นออกไปเช่าห้องใหม่อย่างที่กิ่งต้องการ ให้กิ่งได้คิดถึงพี่ต้นมากๆ และเมื่อความโกรธผ่านไปพี่ต้นค่อยไปง้อ พี่เขาก็เชื่อความหวังดีของผมทุกคำ

แต่กิ่งใจแข็งกว่าที่พี่ต้นคิด ฝ่ายนั้นเปลี่ยนเบอร์ และตัดการขาดจากพี่ต้นทุกช่องทาง พี่ต้นซึมเศร้าและเสียใจจนผมเริ่มหงุดหงิด คงต้องทำให้พี่ต้นตัดใจจากกิ่งให้เด็ดขาด วันนั้นผมรู้มาว่าวันเกิดของกิ่งจะไปจัดที่ร้านพี่สาม ผมจึงพาพี่ต้นไปกินข้าวร้านข้างๆ แอบแนะนำเขาว่าให้เขาเอาของขวัญไปง้อกิ่งด้วยเลย เขาดีใจมากที่จะได้เจอกิ่ง รีบอาบน้ำโกนหนวดจนผมแอบเก็บความเจ็บนี้ไว้ในใจ

เมื่อเราสองคนไปถึงที่นั่น กิ่งกลับทำเหมือนพี่ต้นเป็นอากาศที่มองไม่เห็น กิ่งไม่สนใจ ไม่แสดงอาการใดๆ ยังยิ้มและหัวเราะกับเพื่อนๆ ได้ ซึ่งมันทำให้พี่ต้นเจ็บปวดอย่างที่สุด ผมสงสารพี่ต้นนะ แต่ลึกๆ ก็อยากให้เขาเห็นกับตาว่ากิ่งไม่ได้รักเขาเท่าที่ผมรัก

ผมชวนพี่ต้นให้นั่งรอเจอกิ่งอยู่ในรถ รอจนกว่างานวันเกิดจะเลิกเสียก่อนค่อยเข้าไปขอโทษกิ่งด้วยกัน พี่ต้นเอาแต่ซึม ไม่หือไม่อือใดๆ นั่งรออยู่ในรถเหมือนคนตายทั้งเป็น ผมอยากกรีดร้องใส่หน้าพี่ต้นว่ายังมีผมอยู่ตรงนี้ แต่มันคงไร้ประโยชน์ พี่ต้นยังตัดใจจากกิ่งไม่ได้ และไม่มีทีท่าว่าจะได้เลยด้วยซ้ำ แต่เหมือนโชคดียังเป็นของผม ช่วงที่คนเริ่มทยอยกลับไป ผมชวนพี่ต้นให้ลงไปหากิ่งด้วยกัน ภาพที่ผมกับพี่ต้นเห็นมันทำให้พี่ต้นน้ำตาไหลออกมา

กิ่งกับพี่สามนั่งอยู่ด้วยกันในร้านตามลำพัง พูดคุยกัน กิ่งหัวเราะและดูมีความสุขขึ้น พี่ต้นคงทนดูไม่ได้ ทำท่าว่าจะหันกลับ แต่ผมดึงมือของเขาเอาไว้เพื่อให้ดูภาพสุดท้าย

...กิ่งกับพี่สามกำลังจูบกัน...

เห็นหรือยังครับพี่ต้น ไม่มีใครรักพี่เท่าผมหรอก ผมควรจะเป็นผู้โชคดีที่พี่เลือก แต่เพราะพี่โชคร้ายที่เลือกคนผิด พี่ถึงต้องมาเสียใจอยู่แบบนี้ไงครับ

……

แล้วผมกับพี่ต้นก็เริ่มต้นคบกับอย่างเปิดเผย แม้พี่ต้นไม่ได้ขอเป็นแฟนอย่างเป็นทางการ แต่พี่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะไปไหนมาไหนกับผม ผมบอกพี่ต้นว่าอย่าทำตัวเองให้ดูด้อยค่า ควรทำให้กิ่งรู้สึกเสียดาย ไม่รู้ว่าพี่ต้นคิดยังไงกับคำพูดของผม แต่เขาก็ลุกขึ้นมาทำตัวเหมือนเดิม ไปเรียนเหมือนเดิม ดูดีเหมือนเดิม ถึงจะไม่ได้เอาใจผมเท่าที่เคยเอาใจกิ่ง แต่ผมก็ได้ควงพี่ต้น ได้ไปกินข้าวด้วยกัน ผมคิดว่าทุกคนอาจจะกำลังอิจฉาที่พี่ต้นเลือกผม

“พี่ต้น ทำไมคนนั้นชอบมองพี่จัง เขาชอบพี่เหรอครับ” ผมชี้ไปที่รุ่นน้องผู้หญิงคนหนึ่งในคณะของพี่ต้น

“ทำไมไม่ไปเรียน มีเรียนไม่ใช่เหรอ” พี่ต้นไม่ตอบคำถามผม แต่กลับมาถามผมแทน

“วันนี้โดดได้ครับ ฝากเจ๋งให้ช่วยจดงานเอาไว้แล้ว เจ๋งมันดีกับกรีนมากเลย” ผมพูดเพราะอยากทำให้พี่ต้นหึง

“พี่เข้าเรียนก่อนนะ แล้ววันนี้แม่พี่จะขึ้นมาหา กรีนคงต้องกลับไปนอนที่หอตัวเองก่อน”

“พี่ต้นครับ กรีนว่าเราเช่าห้องสองที่มันเปลืองเงินจะตาย ให้กรีนมาอยู่กับพี่เลยไม่ได้เหรอครับ ยังไงกรีนก็มานอนกับพี่ทุกคืนอยู่แล้ว หรือพี่ไม่อยากให้กรีนนอนด้วย” ผมพูดพลางส่งสายตาสื่อความหมายยั่วยวนไปให้

“แล้วค่อยว่ากัน” พี่ต้นโยกศีรษะของผม จังหวะนั้นกิ่งเดินมากับเพื่อนๆ พอดี พอพี่ต้นเห็นก็รีบชักมือกลับไป “พี่ไปเรียนก่อนนะ” พี่ต้นพูดจบก็เดินกลับขึ้นตึกคณะไป

ส่วนผมมองไปทางกิ่ง แสร้งทำหน้ารู้สึกผิด แต่กิ่งมองผมด้วยสายตาเฉยชา ผมบอกตรงๆ ว่าไม่สนใจหรอก อยากจะโกรธจะเกลียดผมก็ตามใจ กิ่งมีพร้อมและได้อะไรมาเยอะแล้ว ขอเป็นเรื่องนี้ที่แบ่งให้ผมเป็นผู้ได้บ้าง ต่อให้ผมไม่เหลือใคร ขอแค่มีพี่ต้นก็พอ


แม้พี่ต้นจะบอกให้ผมกลับไปนอนที่ห้องของตัวเอง แต่ผมก็แอบกลับมาอยู่ที่ห้องของพี่ต้นเหมือนเดิม วันนี้ผมตั้งใจจะปรนเปรอให้พี่ต้นมีความสุข อยากจะอ้อนให้เขาพาผมไปเที่ยวทะเล แต่ตอนนี้พี่เขาออกไปกินข้าวกับแม่ ผมจึงได้แต่รอคอย ระหว่างที่รอก็นั่งเปิดอินสตาแกรมสลับกับเฟสบุ๊กไปเรื่อยๆ แก้เบื่อ

แล้วผมก็มือไม้สั่นเมื่อเห็นพี่ต้นลงรูปที่ร้านอาหาร ที่นั่นมีแม่ของพี่ต้น แม่ของกิ่ง แล้วก็กิ่งด้วย สีหน้าของพี่ต้นดูสดใสและมีความสุขมาก ส่วนผมขอบตาร้อนผ่าว เพื่อนชั่วมันคิดจะแก้แค้นผมใช่ไหม มันคิดจะเอาแฟนของผมไป

ผมต่อสายหาพี่ต้นเป็นสิบๆ สาย แต่อีกฝ่ายตัดสายผมทิ้ง ยิ่งทำให้ผมร้อนรนและร้องไห้เหมือนคนบ้า ผมคิดไปต่างๆ นานๆ ว่าตอนนี้เขาทั้งคู่ทำอะไรกันอยู่ จนกระทั่งผมได้ยินเสียงประตูห้องเปิด กำลังจะเดินออกจากห้องนอนไปดู แต่ได้ยินเสียงของพี่ต้นคุยกับใครบางคนเสียก่อนจึงหยุดชะงัก จับน้ำเสียงให้ดีก็รู้ว่าเป็นแม่ของพี่ต้น ผมเลยไปแอบซ่อนอยู่ที่มุมอับข้างตู้

“แม่ไม่ค้างกับผมเหรอ ผมอยากให้แม่ค้างด้วย”

“จะให้แม่ช่วยนัดน้องมากินข้าวอีกล่ะสิ ไม่เอาด้วยหรอก แกมันไม่สมควรจะได้เจอน้องด้วยซ้ำ”

“โธ่แม่ ผมผิดไปแล้ว”

“แม่ก็ไม่อยากตอกย้ำแกหรอกนะตาต้น แต่ถามจริงๆ ทิ้งเพชรไปเอากรวด แกคิดยังไงฮึ ตอนรู้ว่าแกเป็นเกย์ แม่กับพ่อยอมรับว่าผิดหวัง แต่พอเห็นว่าคนที่แกคบคือน้องกิ่ง แม่ก็โล่งใจ อย่างน้อยก็เหมาะสมกัน แต่แกดันไปคว้าเอา... เฮ้อ แม่ก็ไม่ได้อยากดูถูกคนหรอกนะ แต่แกคิดว่ามันเทียบกันได้เหรอต้น แล้วดูสิ คุณเพชรเขาเอ็นดูแกแค่ไหน เขาไม่ถอนหงอกแม่ก็บุญแล้ว”

“ผมขอโทษครับ”

“แล้วแกรู้ไหม คุณเพชรส่งเสียเด็กคนนั้นให้ได้เรียนจนถึงทุกวันนี้ ส่วนนังสายแม่ของเด็กของนั้น เอาแต่หยิบยื่นเงินคนไปทั่วจังหวัด ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ แกเคยได้ยินไหม แต่เอาเถอะ แล้วแม่จะดูว่าช่วยอะไรแกได้บ้าง แต่แกมั่นใจว่าจะตัดขาดจากอีกฝ่ายได้จริงนะ ถ้ายังไม่มั่นใจแม่ไม่ขอยุ่ง”

“ขอบคุณครับแม่ เดี๋ยวผมหยิบสำเนาบัตรประชาชนให้นะครับ” พี่ต้นรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อถูกต่อว่า ส่วนผมยืนตัวสั่น ทั้งโกรธทั้งน้อยใจ

พี่ต้นลงไปส่งแม่ของเขา เมื่อกลับขึ้นมาก็ดูจะตกใจไม่น้อยที่เห็นผมนั่งร้องไห้อยู่ คราวนี้ผมไม่ได้แสร้งทำให้เขาสงสาร ผมเจ็บปวดจริงๆ น้ำตาที่ไหลมาก็ออกมาจากความเสียใจจริงๆ พี่ต้นถอนหายใจก่อนจะเดินมากอดผมเอาไว้

“ถ้าพี่ต้นคืนดีกับกิ่งได้ ได้โปรดอย่าทิ้งกรีนได้ไหมครับ กรีนรู้ดีว่าไม่คู่ควร ฐานะของกรีนมันต้อยต่ำ แม่ของกรีนเป็นแค่คนใช้ กรีนเทียบอะไรกับกิ่งไม่ได้เลยจริงๆ ขอแค่ให้กรีนเรียนจบ ให้กรีนได้ตั้งหลักได้ก่อน ถ้าพี่ทิ้งกรีนตอนนี้กรีนคงไม่ไหว”

พี่ต้นไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ถอนหายใจและกระชับกอดผม สุดท้ายเราก็ไปจบลงที่เตียง ผมรู้ดี พี่เขายังต้องการผมในเรื่องนี้ ใครจะตอบสนองเขาได้ดีเท่าผม ผมมั่นใจว่ากิ่งคงรับไม่ได้หากต้องถูกบีบเคล้นรุนแรง หรือถูกพี่ต้นกัดจนเกิดรอยไปทั่ว ผมถูกพี่ต้นจับกดศีรษะให้ใช้ปากรูดรั้งแกนกายของเขาอย่างไม่ปรานีปราศรัย จนผมสำลักครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกกายหนากระแทกใส่ไม่ยั้งจนผมจุกแทบลุกไม่ขึ้น กิ่งไม่มีวันยอมได้ เพราะฉะนั้นต่อให้เขารักกิ่ง แต่เขาก็ขาดผมไม่ได้ ผมรู้ดี

……

ผมตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน ทันทีที่เจอหน้าแม่ผมก็ต่อว่าเรื่องที่แม่ไปหยิบยืมเงินชาวบ้านไปทั่วจนทำให้แม่พี่ต้นรังเกียจผม ผมรู้ว่าแม่ป่วยและทำงานได้น้อยลง เคยน็อกจนเข้าไอซียูถึงสองครั้ง แต่ตอนนี้ท่านก็ดีขึ้นกว่าเดิม ผมก็เอาเงินที่ได้จากการทำงานพิเศษมาช่วยตลอด

“ฉันก็ต้องจ่ายดอกเงินกู้”

“แม่กู้ไปทำอะไรนักหนา”

“พ่อแกเอาแต่เมาเหล้า ที่ผ่านมาฉันเป็นคนเดียวที่ต้องจ่าย ค่าใช้จ่ายของแกฉันต้องรับมาทั้งหมด แกคิดว่าฉันอยากไปเที่ยวกู้หรือหยิบยืมใครหรือไง ฉันไม่ได้หน้าด้านที่จะไม่อายใคร แต่ต้องทำ” แม่ผมพูดทั้งน้ำตาจนผมต้องเดินไปกอด นึกโกรธพ่อที่ไม่เอาไหน เกลียดผู้ชายอย่างพ่อ ทำไมแม่ผมไม่เจอคนดีๆ อย่างพี่ต้นบ้าง

“ถ้าผมเรียนจบ ผมจะรีบหางานทำนะ แม่อดทนหน่อยนะ” ผมปลอบแม่ ทั้งที่จริงแล้ว...ผมกำลังปลอบใจตัวเอง


หลังจากที่ได้รายการว่าแม่ไปหยิบยืมเงินใครมาบ้าง และเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ ผมยอมรับว่าตกใจ ดอกแต่ละเดือนที่แม่ต้องส่งมันมากกว่าเงินต้นด้วยซ้ำ หากยังต้องส่งต่อไปก็มีแต่พอกพูนมากขึ้น ผมตัดสินใจไปหาคุณเพชร รู้ว่าตัวเองหน้าด้านหน้าทนที่ต้องไปขอความช่วยเหลือจากแม่ของกิ่ง แต่ผมยอมบากหน้าไปเพราะจะให้แม่ทนจ่ายดอกแบบนี้ไม่ได้อีก

เมื่อไปถึงบ้านของกิ่ง ผมเข้าไปคุยกับคุณเพชรแม่ของกิ่ง ผมมาขอยืมเงินท่านตรงๆ ยินดีให้ทำสัญญาอะไรก็ได้ แต่ท่านดูหนักใจไม่น้อยเพราะว่าจำนวนเงินมันเป็นหลักแสนต้นๆ ขณะที่กำลังรอท่านตัดสินใจ คนที่ผมไม่ติดว่าจะได้เจอก็เดินลงมาพอดี ผมยอมรับว่าตกใจมาก และรู้สึกอับอายจนอยากจะกลับบ้านเสียเดี๋ยวนี้

“อ้าว กิ่งลงมาพอดี กินอะไรรึยังลูก”

“ยังแม่ เดี๋ยวกิ่งจะพาพี่สามไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านโปรด” กิ่งปลายตามองผมเล็กน้อยก่อนจะหันไปคุยกับคุณเพชร ผมแปลกใจเหมือนกันที่กิ่งพาพี่สามมาค้างด้วย คิดว่ากิ่งไม่น่าจะตัดใจจากพี่ต้นได้เร็วขนาดนี้ ถ้าพี่ต้นรู้คงเสียใจไม่น้อยเลย

“อ้าว คุณนภา” คุณเพชรทักคนที่เพิ่งเดินเข้ามา ผมตกใจและรีบยกมือไหว้แม่ของพี่ต้น ท่านเห็นผมก็รับไหว้แต่ไม่พูดอะไร หันไปพูดกับกิ่งแทน

“น้องกิ่ง กลับมาเที่ยวบ้านเหรอลูก”

“กิ่งมาดูสถานที่ครับ คณะของกิ่งจะมาสร้างห้องสมุดให้ชุมชนที่ขาดแคลน กิ่งเลยเสนอที่จังหวัดของเรา”

“น่ารักมากเลย อุตส่าห์นึกถึงบ้านเกิด วันนี้ไปทานข้าวเย็นกับน้าไหมลูก”

“กิ่งมีเพื่อนมาด้วย เอาไว้วันหลังนะครับ” กิ่งพูดจบพี่สามก็เดินลงมาพอดี ผมมองพี่สามอย่างไม่อยากเชื่อสายตา พี่เขาดูดีขึ้นมาก ทั้งหน้าตาและการแต่งตัว เมื่อก่อนปล่อยตัวโทรม เดี๋ยวนี้ดูหล่อและเท่ขึ้นจนจำแทบไม่ได้

“อ้าวสาม นึกว่าใครที่ไหน” แม่ของพี่ต้นทักพี่สาม

“สวัสดีครับแม่” พี่สามยกมือไหว้แม่ของพี่ต้น

“กิ่งขอตัวก่อนนะครับน้านภา ไปกินเตี๋ยวก่อนนะแม่” กิ่งยกมือไหว้แม่พี่ต้นอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปโดยไม่มองผมเลย

“น้าขอคิดดูก่อนแล้วกันนะกรีน แล้วจะติดต่อไป” คุณเพชรบอกผม ผมยกมือไหว้ท่านก่อนจะเดินออกไปด้วยความผิดหวัง

“เดี๋ยว ฉันขอคุยด้วยหน่อย” แม่ของพี่ต้นเรียกผมเอาไว้

ท่านพาผมไปนั่งคุยที่ร้านกาแฟไม่ไกลจากบ้านของกิ่ง ผมเกร็งและคิดว่าควรทำยังไงดีให้ท่านเมตตา รู้ว่าท่านไม่ชอบผม แต่ผมทำให้พี่ต้นชอบผมได้ ทำให้เพื่อนหันมาเข้าข้างผมได้ ทำให้เพื่อนสนิทของพี่ต้นเอ็นดูผมได้ ผมต้องทำให้แม่ของพี่ต้นเปลี่ยนใจมาชอบผมให้ได้

“ฉันพูดตรงไปตรงมาเลยนะ ฉันได้ยินที่เธอคุยกับคุณเพชรแล้ว เธอไม่ควรมารบกวนคุณเพชร สิ่งที่เธอกับลูกของเขาเอาไว้ แล้วเขายังส่งเธอเรียนก็นับว่าเขาเมตตาแล้ว”

ผมก้มหน้ากัดริมฝีปาก คนจนอย่างผมพูดขอร้องอะไรไปก็ดังไม่ถึงใจพวกคนรวยๆ อย่างเขาหรอก น้ำตาเริ่มมาเอ่อคลอ ผมควรฟังอย่างเดียวและไม่โต้เถียงอะไร

“ฉันรู้ว่าชีวิตเธอน่าสงสาร ตาต้นเล่าให้ฉันฟังบ่อยๆ” ผมเริ่มมีความหวังเมื่อเสียงของแม่พี่ต้นดูอ่อนลง “แต่ความสงสารมันไม่ใช่ความรัก ถ้าเขารักเธอ เขาจะไม่พยายามง้อน้องกิ่งหรอก เขาอาจจะรักน้องกิ่งไม่มากพอจนทำให้อีกฝ่ายเสียใจ ฉันไม่เข้าข้างเพราะลูกฉันผิดจริง แต่เขากำลังสำนึก เธอล่ะ...คิดจะสำนึกบ้างไหม”

“ผม....”

“เธออาจจะรักลูกชายฉัน แต่เธอเคยคิดไหม เขาทรยศน้องกิ่งมามีอะไรกับเพื่อนสนิทอย่างเธอได้ ต่อไปเขาก็อาจจะทรยศเธอได้ ฉันไม่ได้สนับสนุนให้เขามีนิสัยแบบนั้นหรอกนะ แต่ฉันเลี้ยงเขาได้แค่ตัว เรื่องอื่นคงต้องให้เวรกรรมมันสอนเขา และฉันคิดว่าเขากำลังได้รับอยู่ มีบุญอยู่ในมือแต่ได้บาปมาครอบครองแทน”

น้ำเสียงนุ่มนวลที่เหมือนมีดกรีดหัวใจผมจนเหวอะหวะ ไม่มีคำด่าที่หยาบคายแต่มันแทงหัวใจของผมจนไม่มีชิ้นดี ผมเจ็บปวดจนอยากจะกรี๊ดออกมาแต่ทำได้แค่นั่งกลั้นน้ำตาเอาไว้ มือที่สั่นกำชายเสื้อแน่นเพื่อกดเก็บความโกรธ

“ตั้งแต่ตาต้นคบเธอ เงินฝากเขาลดลงเรื่อยๆ ฉันไม่เคยว่าเขาเพราะฉันยกเงินก้อนนั้นให้เขาไปแล้ว แต่อยากบอกให้เธอรู้ ถ้าเงินก้อนนี้หมด แล้วเขายังคบอยู่กับเธอ ทั้งตาต้นและเธอจะต้องทำงานหาเงินมาดูแลกันเอง ฉันคงไม่สามารถหยิบยื่นให้อีก เพราะฉันไม่อยากให้เงินของฉันไปปรนเปรอคนที่หักหลังแม้กระทั่งผู้มีพระคุณได้”

เมื่อผมเห็นว่าแม่ของพี่ต้นมองผมเป็นตัวร้ายแน่แล้ว สุดท้ายผมจึงใช้เหตุผลเดิม คือเรื่องที่พี่ต้นเสพติดความรุนแรง และผมยอมลูกชายของเขาขนาดไหน พูดไปก็ร้องไห้ไป โชว์รอยที่แขนให้แม่ของพี่ต้นดู ท่านดูตกใจอย่างที่ผมคาดเอาไว้ นิ่งเงียบไปพักใหญ่ สุดท้ายท่านก็ยิ้มออกมา

“ฉันคงต้องไปพาตาต้นไปหาหมอ มันไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องทนเลยนะ”

“ผมทนได้เพื่อเขา”

“เธอดูไม่ออกจริงๆ เหรอกรีน เธอบอกตาต้นเป็นโรคเสพติดความรุนแรง แต่ตาต้นไม่เคยทำแบบนั้นกับน้องกิ่ง เขาหักห้ามใจได้ ถ้าไม่รัก เขาจะทนต่อสู้กับโรคนั้นได้ไหม แล้วกับเธอที่เขาไม่ทน ฉันคงไม่ต้องบอกว่าเพราะอะไร อีกอย่าง...เธอทนได้หรือเธอก็ชอบแบบนั้น ฉันว่าเธอก็ควรไปปรึกษาหมอนะ”

“ผมรักพี่ต้น ผมเลิกกับเขาไม่ได้จริงๆ ครับคุณแม่ ได้โปรดอย่าให้พี่ต้นทิ้งผมไปเลยนะครับ” ผมยกมือไหว้แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น

คุณแม่ของพี่ต้นมองไปรอบๆ เมื่อเห็นคนมองมาก็ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืน “ฉันเชื่อว่าสุดท้ายแล้วคุณเพชรคงให้เงินช่วยเหลือเธอ และน้องกิ่งก็คงไม่ห้ามแม่ของตัวเอง เธอโชคดีนะที่ชีวิตนี้ได้เจอคนดีๆ อย่างคุณเพชรและน้องกิ่ง แต่เธอโชคร้ายนะรู้ไหมที่เจอคนอย่างฉัน น้ำตาของเธอใช้ไม่ได้กับฉัน และฉันชื่อว่า น้ำตาของเธอรั้งตาต้นไม่ได้ตลอดไปเหมือนกัน”

คุณแม่ของพี่ต้นเดินออกไปแล้ว แต่ผมยังคงนั่งร้องไห้เหมือนคนบ้า ร้องจนปวดหัวปวดตาไปหมด แต่ไม่มีใครสักคนมาปลอบโยนผมเหมือนอย่างที่กิ่งได้รับ

ไม่นานคุณเพชรก็โทรเข้ามา เธอบอกให้ผมเข้าไปพบ ผมอยากจะหยิ่งและไม่แตะต้องเงินของพวกเขาอีก แต่เมื่อคิดถึงดอกที่แม่ต้องจ่าย สุดท้ายผมก็ต้องบากหน้ากลับไป

คุณเพชรรับปากว่าจะให้เงินผมยืม แต่ต้องให้เจ้าหนี้แต่ละคนของแม่มารับเงินจากเธอเอง เพราะท่านเป็นทนายจึงรอบคอบ กลัวว่าแม่จะไม่เอาไปใช้หนี้ ท่านให้ผมทำสัญญา เมื่อมีงานทำแล้วค่อยมาทยอยจ่ายคืนโดยไม่คิดดอก แต่แม่ของผมต้องมาช่วยทำงานเบาๆ เช่นคอยต้อนรับแขกที่มาใช้บริการให้ท่านว่าความให้ ท่านบอกว่าแม่จะได้มีเงินเดือนไม่ต้องหายืมใครอีก ผมกราบขอบคุณคุณเพชรที่เมตตาผม

ก่อนจะกลับผมเห็นว่ากิ่งยืนดูผมอยู่ที่ระเบียง สายตาของกิ่งผมอ่านไม่ออกจริงๆ แต่มันทำให้ผมหายใจแทบไม่ออก แม้สายตาจะเรียบนิ่ง แต่รอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะบอกผมกลายๆ ว่าสุดท้ายแล้วคนที่โชคดีไม่ใช่ผม...ไม่เคยใช่เลย



โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ คำผิดเดี๋ยวตามาแก้ทีหลังน้า


[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)

[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 5 [01/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: fxxg0430 ที่ 01-06-2019 10:50:39
ขอโทษนะคะ แต่เราไม่สงสารพี่ต้นเลย คือพี่ต้นถูกล่อลวง ถูกหลอก ถูกทำให้ไขว้เขว แต่พี่ต้นมีโอกาสหลายครั้งแต่ไม่เคยแก้ตัว แล้วยังอยู่กินกับกรีนเปิดเผย มันคือความเห็นแก่ตัวแม้แต่กรีนเองก็ยังถูกพี่ต้นเอาเปรียบ แต่มันเป็นกรรมของกรีนที่ไปแย่งคนอื่นเขามาอ่ะเนอะ

น้องกรีนลูก หนูคือคนเนรคุณโดยแท้เลย พี่สามกับน้องกิ่งคือยินดีๆค่ะ ฝากพี่สามดูแลน้องด้วย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 5 [01/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 01-06-2019 10:59:48
ผลของการกระทำของตัวเองทั้งนั้นนังกรีนนนน :fire:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 5 [01/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 01-06-2019 11:31:17
คือแบบขนาดอ่านมุมกรีนยังไม่สงสารเลยอ่ะ ชอบอ้าง หาข้ออ้างมาหลอกตัวเองให้ตัวเองเป็นคนถูก สุดท้ายก็ปลอม อิพี่ต้รก็เช่นกัน ถ้ารักน้องมากพอจะไม่ทำแบบนี้ ไปซะทั้งคู่ !
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 5 [01/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kedtawan ที่ 01-06-2019 11:42:39
เฮ้อนะ เห็นใจนะก็เห็นใจ แต่สมควรเหรอกรีน อกตัญญูแท้ คุณเพชรคงไม่รู้ว่าหล่อนหักหลังน้องกิ่งจึงยอมให้เงินยืม คนมันบ้า ขี้อิจฉา แล้วมาโทษโชคชะตา :beat:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 5 [01/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: poshbear ที่ 01-06-2019 12:36:15
กรีนเลวมาก เลวจริงๆ อ่านแล้วโมโหมาก เรื่องที่แบบจับจุดอ่อน ม้วนกางเกงในกิ่งเพราะพี่ต้นไม่ชอบคนสกปรก สารเลวมาก ทำให้พี่ต้นเข้าใจกิ่งผิด แล้วได้เห็นมุมมองของกรีนนี่ อิจฉา และเลวโดยสันดานจริงๆ ไม่มีความสงสารสักนิด

แล้วตัวพี่ต้นเข้าใจผิด แต่ทำไมไม่พูดออกมา ไม่เคลียร์กับกิ่งเป็นเรื่องๆ ขี้สงสารแต่ไม่มีความคิด แล้วก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะทำให้ต้นนอกกายได้เลยอ่ะ ผิดพลาดมาก อกจะแตกอ่านแล้วโมโหทุกคนเลยอ่ะ ยกเว้นกิ่งกับพี่สาม

 ไรท์เก่งจัง ผมอินมากเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 5 [01/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 01-06-2019 12:48:01
กรณีแบบนี้ถูกพบเห็นได้ทั่วไป ไม่มีใครถูกทั้งหมดหรือผิดทั้งหมด ทุกคนมีขาวมีดำในตัว คนที่ไม่ได้พลาดพลั้งจนสูญเสียคือคนที่โชคดี(ที่รอดมาได้เรื่อยๆ) แต่ต้นไม่อยุ่ในข่ายนั้น
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 5 [01/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: bowtotay ที่ 01-06-2019 13:01:12
ชีวิตกรีนน่าสงสารก่อนที่จะได้มาทำงานที่บ้านของกิ่งแต่............ กรีนทำตัวเองจากน่าสงสารกลายเป็นน่ารังเกียจ ชีวิตกรีนจะดีขึ้นถ้าไม่ทรยศเพื่อนและผู้มีพระคุณ แต่กรีนเลือกแล้ว เลือกทางที่มีแต่ความริษยา อิจฉา โทษแต่คนอื่น ไม่เคยมองตัวเอง
ส่วนต้นไม่เห็นเหตุผลอะไรที่จะให้กิ่งกับมาดีด้วยนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 5 [01/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: icyyy ที่ 01-06-2019 13:06:19
นานๆจะเม้นนิยานในเล้า แต่เรื่องนี้มันต้องจริงๆ!!!! ชอบมาก สะใจ หาอ่านนิยายแบบนี้มานาน ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆ ส่วนใหญ่นายเอกจะให้อภัยอิพวกพระเอกสายชั่ว เจอแบบนี้ค่อยสะใจ กราบคนแต่ง   :hao6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 5 [01/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: s_sisters19 ที่ 01-06-2019 14:16:30
ยิ่งอ่านยิ่งหมั่นไส้นังกรีน ความจนความน่าสงสารมันใช่ข้ออ้างในการแย่งผัวเพื่อนเหรอ อิจฉาคนอื่นอยากได้อยากมีจนเกินตัว นิสัยก็ร้ายกาจ อิพี่ต้นมันเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ตาสว่างเมื่อไหร่ก็โดนเฉดหัวทิ้งเพราะเห็นอยู่ว่าพี่มันไม่รักนังกรีนเลย คนที่มันรักจริงๆคือกิ่ง แต่ต่อให้อิพี่ต้นมันรักกิ่งมากแค่ไหนก็ไม่เชียร์หรอกค่ะไม่ให้โอกาสผู้ชายใจง่ายขี้สงสารจนนอกใจเมีย อนาคตจะไปสงสารใครอีกก็ไม่รู้ สู่ไปอยู่เป็นเถ้าแก่เนี้ยร้านอาหารสวยๆดีกว่าเนอะหนูกิ่งเนอะ ชอบความยิ้มเยาะของหนูกิ่งจากบนระเบียงมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 5+6 [01/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 01-06-2019 17:12:13
ผู้โชคดี

ตอนที่ 6 โชคดีไม่มีจริง


‘น้องคนนั้นน่ารัก’

ผมกำลังนึกถึงน้อง ม.4 ที่กำลังเดินผ่านหน้าของผมไป เขาสามารถสะกดสายตาของผมให้มองไปที่เขาคนเดียว จนกระทั่งเขาลับหายไปจากสายตา แต่หลังจากที่ได้เห็นเขาในวันนั้นแล้ว สายตาของผมก็คอยมองหาเขาตลอด พยายามสืบดูว่าน้องเขาชื่ออะไร อยู่ห้องไหน และเขามีแฟนหรือยัง

น้องเขาชื่อ ‘กิ่ง’ ชื่อยังน่ารัก เป็นผู้ชายเจ้าเนื้อเล็กน้อย ผิวพรรณดี ถ้าผมได้กอดคงนิ่มไปทั้งตัว ผมจะทำยังให้เขามาเป็นกิ่งก้านของพี่ต้นไม้คนนี้ กังวลว่าเขาจะรู้สึกตรงกันกับผมไหม ผมไม่กล้าบอกสิ่งที่อยู่ในใจออกไป กลัวว่าหากน้องเขาไม่ได้ชอบผู้ชาย มันคงมองหน้ากันไม่ติด

ผมทำได้แค่แอบมองน้องเขาอยู่เงียบๆ เพื่อนๆ ไม่มีใครรู้ว่าผมแอบมีใครเก็บไว้ในใจ หลายคนมาสารภาพรักกับผม หลายคนแสดงออกว่ามีใจให้ แต่หัวใจของผมมันมีแต่น้องคนนั้น ผมจึงไม่สามารถตอบรับใครได้ ได้แต่เฝ้ารอให้ตัวเองมีความกล้าในสักวัน ขอแค่ได้มีโอกาสได้คุยกับน้องเขาสักประโยคก็ยังดี

……

“พี่ครับ ผมเก็บกระเป๋าสตางค์ของพี่ได้”

วันที่น้องเขามายืนตรงหน้า ยื่นกระเป๋าสตางค์คืนผม ผมพูดไม่ออก ลืมที่จะขอบคุณเขาด้วยซ้ำ ผมมัวแต่ตกอยู่ใต้มนตร์สะกดของคนตรงหน้า ดวงตาที่ดูบริสุทธิ์ สีแดงระเรื่อจากเลือดฝาดป้ายเต็มวงแก้ม ริมฝีปากอิ่ม มุมปากทั้งสองข้างยกขึ้น ดูราวกับว่าเจ้าตัวยิ้มอยู่ตลอดเวลา ลักยิ้มเล็กๆ ที่แก้มข้างซ้ายยิ่งทำให้เขาดูน่ารัก ทุกอย่างบนใบหน้าของน้องกิ่งมันตรึงสายตาผมให้อยากมองเขาแต่เพียงผู้เดียว ยิ่งเวลาเขาเขิน เวลาเขาหัวเราะ ผมไม่เคยห้ามสายตาตัวเองได้เลยสักครั้ง

“แกชอบน้องกิ่งเหรอต้น”

คนที่ถามผมคือเอ๋ย ผมไม่รู้ว่าเอ๋ยดูออกได้ยังไง หรือบางทีผมอาจจะเผลอมองน้องกิ่งมากจนเกินไป แต่หากเป็นแบบนั้นทำไมเจ้าตัวถึงไม่รู้สักทีว่ามีใครแอบมองอยู่

“อืม” ผมตอบรับ

“ชอบสไตล์นี้เหรอ”

“อืม”

“แอบชอบมานานรึยัง”

“ตั้งแต่วันแรกที่น้องมาเรียนที่นี่”

“มิน่า ไม่เคยใจอ่อนให้เราเลย”

“ขอโทษนะ”

“ขอโทษทำไม เรื่องหัวใจมันบังคับกันได้ที่ไหน แล้วทำไมไม่ไปสารภาพกับน้องเขา พวกเราใกล้จะจบแล้วนะ”

“กลัวว่ะ”

“โห ไม่อยากจะเชื่อ ดาวเด่นของโรงเรียนกลัวความผิดหวัง อย่างแกไม่มีใครปฏิเสธหรอก”

“ไม่รู้ดิ กลัวน้องเขาไม่ชอบผู้ชาย เฮ้อ...เราว่าเรารักน้องเขาว่ะเอ๋ย เวลาเห็นไอ้นัทมันแกล้งน้อง เราอยากเข้าไปช่วย แต่เราก็กลัวว่าน้องจะยิ่งโดนแกล้ง เอ๋ยก็รู้ว่าไอ้นัทมันพาล”

“แล้วจะปล่อยผ่านไปอย่างนี้เหรอ”

ผมไม่ได้ตอบคำถามของเอ๋ย ได้แต่เฝ้าคิดว่าผมจะเข้าใกล้น้องเขาได้ยังไง

แต่แล้วโชคชะตาคงกำหนดมาให้เราได้คบกัน กิ่งถูกไอ้นัทมันแกล้งอีกครั้ง และครั้งนั้นทำให้ผมกล้าที่จะเข้าหาน้อง หลังจากที่เราได้พูดคุยกันในห้องพละ ผมว่าน้องเขาน่าจะมีใจให้ผมไม่ต่างกัน เราได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น  สนิทกันมากขึ้น และสุดท้ายผมก็ขอน้องเป็นแฟน ความสัมพันธ์ของเราดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ผมได้น้องทั้งตัวและหัวใจ พ่อแม่ของเราทั้งคู่รับรู้และไม่ได้ขัดขวาง ผมยอมรับว่าดีใจที่ความรักของผมกับน้องราบรื่นไปได้ด้วยดี

ไม่ว่าใครต่อใครจะพูดว่าน้องไม่เหมาะสม น้องดูไม่น่ารัก ตัวน้องเองก็มักจะตำหนิตัวเองให้ผมได้ยิน ผมไม่ชอบที่น้องไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ผมพยายามทำให้น้องเห็นว่าผมรักที่เขาเป็นเขา ผมเอาใจใส่และดูแลเขาเพราะอยากให้เขารู้ว่าเขาดีพอที่จะเป็นที่รักของใครสักคน

……

จนกระทั่งเราได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน คนที่ไม่เคยโตมาด้วยกัน มันมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้ ต้องปรับ หลายสิ่งในตัวกิ่งที่ผมไม่ชอบเริ่มปรากฏขึ้นเรื่อยๆ กิ่งชอบใช้เงินเพื่อทำให้ทุกอย่างมันง่าย ไม่ค่อยพยายามทำอะไรด้วยตัวเองก่อน ของบางอย่างที่ยังใช้ได้ แต่เมื่อไม่ถูกใจกิ่งเลือกที่จะทิ้งแล้วซื้อใหม่ ไม่รักษาความสะอาด ชอบทำของรก ถึงขนาดให้เพื่อนซักกางเกงในให้ ถอดออกมาแบบไหนก็ใส่ตะกร้าไปแบบนั้น มันทำให้ผมเริ่มเอือมระอากับนิสัยของเขามากขึ้น

เวลาที่ผมกลับมาจากเรียน กิ่งไม่เคยถามว่าผมเหนื่อยไหม ไม่เคยสนใจว่าผมต้องการอะไร บางครั้งผมอยากอยู่บ้าน ใช้เวลาด้วยกันแบบง่ายๆ ทำอะไรกินกันเอง แต่กิ่งก็จะชวนไปทำในสิ่งที่กิ่งอยากทำ เมื่อผมปฏิเสธ ผมรู้ว่ากิ่งไม่พอใจ แต่กิ่งมักจะไม่พูดและหายออกไปข้างนอกนานๆ บางครั้งมันทำให้ผมไม่แน่ใจว่ากิ่งรักผมหรือเปล่า ทำไมเขาถึงได้เอาแต่ใจตัวเองเสมอ

กิ่งไม่ยอมเข้าหาเพื่อนที่คณะของผมเลย หลายครั้งที่ผมชวนเขาไปเที่ยวด้วยกันกับเพื่อนของผม เขาจะปฏิเสธ แต่ในวันที่ผมยุ่งและต้องทำกิจกรรม เขาจะพยายามให้ผมไปโน่นไปนี่ด้วย เขาไม่พยายามเข้าใจผม ได้แต่ตัดพ้อว่าผมไม่มีเวลาให้ เราทะเลาะกันบ่อยขึ้น ถึงจะไม่ได้ร้ายแรง แต่พอมันบ่อย มันก็ทำให้ผมเริ่มเบื่อและเหนื่อยใจ แต่ถึงยังไงผมไม่เคยคิดจะเลิกกับกิ่ง ผมฝันเอาไว้ว่าเราจะกลับไปทำงานที่บ้านเกิด และใช้ชีวิตด้วยกันจนแก่เฒ่า

แต่เมื่อกรีนเข้ามาในชีวิตของผม ความเปลี่ยนก็ได้เกิดขึ้น ผมยอมรับว่ากรีนมีอะไรหลายอย่างที่ผมพึงพอใจ เขารุ่นราวคราวเดียวกับกิ่ง แต่รู้จักสู้ชีวิต เขาไร้โอกาสแต่ไม่เคยยอมแพ้ เขาขยันและรู้วิธีเอาใจ ผมกลับมาจากเรียนเหนื่อยๆ ก็จะมีน้ำผลไม้ที่เขาคั้นเองแช่เย็นทิ้งไว้ให้ผมเสมอ เขารู้จักเข้าหาเพื่อนๆ ของผม เขาใส่ใจและทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่ต้องการ สิ่งไหนที่ผมไม่ชอบเขาจะรีบปรับปรุง เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ผมมีความสุข

ผมเริ่มเอากิ่งกับกรีนมาเปรียบเทียบกัน ยอมรับว่าหัวใจของผมเริ่มหวั่นไหวให้กับกรีน สุดท้ายผมก็ปล่อยให้ความใกล้ชิดและความพึงพอใจทำให้เรามีอะไรที่เกินเลยต่อกัน และดูเหมือนว่าผมจะถลำตัวลึกลงไปมากขึ้นทุกที สิ่งที่กรีนให้ผมมันทำให้ผมรักเขาทีละน้อย แต่ผมก็ยังรักกิ่งมากกว่า ยังอยากมีกิ่งในอนาคตแบบที่เคยฝันเอาไว้

ผมกำลังรักคนถึงสองคน และผมไม่อยากเสียใครไป


ผมเริ่มสร้างโลกขึ้นมา 2 ใบ หลอกตัวเองว่าผมยังใช้ชีวิตแบบนี้ได้ ตราบใดที่กิ่งยังไม่สงสัย ผมก็ยังจะมีกรีนต่อไป ยิ่งกรีนบอกว่าเขาจะไม่เรียกร้อง เขายอมที่จะเป็นที่สอง อยู่ในที่ของเขาเงียบๆ ผมก็ยิ่งได้ใจ ถึงจะรู้ว่าความลับไม่มีในโลก แต่หากยื้อเวลาได้มากแค่ไหน ผมก็จะยื้อมันให้ยาวที่สุด ผมเชื่อว่าหากวันนั้นมาถึง กรีนจะยอมไปแต่โดยดี และกิ่งจะต้องยินดีให้อภัยผม เพราะที่ผ่านมาผมทุ่มเทและเอาใจใส่เขาอย่างเต็มที่ ผมเชื่อว่าเขาขาดผมไม่ได้

แล้วผมก็ได้รู้ว่าที่ผมคิดเอาไว้มันผิด ผมพลาดที่คิดว่ากิ่งขาดผมไม่ได้ เขาไม่แม้แต่จะฟังคำขอโทษจากผมด้วยซ้ำ เขาตัดผมออกไปง่ายดาย ไล่ผมออกจากคอนโดยไม่มีลังเลสักนิด ที่สำคัญเขาไปจูบกับไอ้สามได้ทั้งที่เพิ่งเลิกรากับผม เขาคงไม่ได้รักผมอย่างที่กรีนบอก

ทีแรกผมก็คิดว่าตัวอยู่ได้เพราะถึงยังไงก็ยังมีกรีนอยู่ แต่เมื่อกิ่งหายไปจากชีวิตผมนานวันขึ้นเรื่อยๆ ผมยิ่งรู้ตัวว่าผมคิดถึงเขามาก ต่อให้ขำทำของรก ต่อให้เขาเอาแต่ใจ แต่การมีเขาอยู่ด้วยมันมีความสุขมากกว่า ผมมันโง่ ไม่รู้จักรักษาเขาเอาไว้ สิ่งที่ผมเคยคิดว่าเป็นข้อเสียของเขา ผมแค่เอามาอ้างเพื่อให้ความผิดของตัวเองน้อยลง

และคนที่ผมคิดว่าเขาดี ตอนนี้กลับเป็นคนที่เริ่มทำให้ผมอึดอัดใจมากที่สุด

“แม่พี่ใจร้ายกับกรีนมาก ด่ากระทบกรีนต่อหน้าคนอื่นๆ” กรีนเอาเรื่องที่แม่ของผมต่อว่าเขามาเล่าให้ผมฟัง

“แล้วกรีนไปยืมเงินแม่กิ่งทำไม เราสองคนไม่ควรไปยุ่งกับเขาอีก” ผมย้อนถาม

“ไม่ยุ่งแล้วพี่ไปกินข้าวกับมันทำไม”

“กรีน แม่กิ่งท่านเอ็นดูพี่ ท่านมากรุงเทพพี่ก็ต้องไปหาท่าน”

“อยากได้พี่กลับไปเป็นแฟนของกิ่งมากกว่า”

“อย่าคุยเรื่องนี้เลย”

พอกรีนเห็นผมเริ่มหงุดหงิดก็รีบเปลี่ยนท่าทาง เขาเข้ามากอดผมและพยายามจะจูบ พอเห็นผมบ่ายเบี่ยงก็รีบอ้อน

“พี่ต้น ไปเที่ยวกันไหม พักนี้เราไม่ได้ไปไหนกันเลย”

“พี่ต้องประหยัด แม่จะไม่ให้เงินเดือนพี่แล้ว”

“แม่พี่กดดันเรา เพราะกรีนจนใช่ไหมครับ ถึงถูกรังเกียจ กรีนคงต้องซื้อลอตเตอรี่ทุกงวด เผื่อรวยแล้วแม่พี่จะเอ็นดูกรีนบ้าง”

“แล้วแต่กรีนจะคิด รู้ไหม กิ่งเขาไม่เคยประชดพี่เลยนะ ไม่ว่าจะโกรธกันทะเลาะกัน ใครจะผิดจะถูก แต่กิ่งเขาเลือกที่จะออกไปสงบสติ ไม่เคยประชดหรือทำให้พี่ปวดหัวเลย”

“แล้วกรีนทำให้พี่ปวดหัวเหรอครับ กรีนก็แค่ตัดพ้อว่าเพราะกรีนมีไม่เท่ากิ่ง แม่พี่ถึงไม่ชอบกรีน”

“กรีนรู้ไหม กรีนกำลังทำให้พี่รู้สึกว่าพี่พลาดมากๆ” ผมต่อว่าอีกฝ่ายเพราะเกลียดที่เขาชอบประชด

ส่วนกรีน เมื่อเห็นว่าคราวนี้ผมหงุดหงิดมากกว่าทุกครั้ง เขาก็เริ่มง้อผมด้วยเซ็กส์เหมือนเคย แต่ผมไม่ได้ต้องการมันเหมือนเดิมอีกแล้ว เมื่อกรีนง้อผมด้วยวิธีเดิมไม่ได้ผล เขาก็เริ่มร้องไห้ สุดท้ายก็ขู่ว่าจะทำร้ายตัวเอง เขาคงไม่รู้ตัวว่าเขากำลังทำตัวเองดูด้อยค่าในสายตาของผมมากขึ้นทุกที

……

วันนี้ผมไม่มีเรียนช่วงบ่าย ผมตัดสินใจชวนเอ๋ยออกมากินข้าวด้วยกัน ทั้งที่กรีนส่งข้อความมาบอกว่าจะมากินข้าวกับผม แต่ผมรีบหนีเขาออกมาก่อน ทีแรกเอ๋ยก็จะไม่ยอมมาคุยกับผม ผมเคยต่อว่าเขาอย่างหนัก แต่ผมขอโทษและอ้อนวอนอีกฝ่าย เอ๋ยถึงได้ยอมใจอ่อน ผมอยากให้เอ๋ยช่วยผมง้อกิ่งเพราะรู้ว่าทั้งสองคนสนิทกันมากในช่วงนี้

“ปล่อยน้องมันไปเถอะต้น แกทำให้มันแย่จนเกือบฆ่าตัวตายนะรู้ไหม”

ผมอึ้งไปที่ได้รู้ กิ่งเป็นคนเข้มแข็ง ผมคิดว่าเขาไม่เสียใจเท่าไหร่ถึงได้ขอเลิกกับผมง่ายๆ จนกระทั่งเอ๋ยเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังว่าน้องเสียใจแค่ไหน น้องรู้เรื่องผมมานาน และเอาแต่ร้องไห้คนเดียว น้องอดทนเพื่อรอให้ผมกลับตัวกลับใจ ผมเองที่เอาแต่คิดว่าน้องไม่รู้และทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนน้องยอมแพ้

“เรารู้ตัวว่าเลว ไม่แก้ตัวอะไรเลย แต่เราอยากขอโอกาสจากกิ่ง อย่างน้อยก็ให้เราได้คุยกับน้องเขาอีกครั้งได้ไหม แกช่วยหน่อยได้ไหม น้องไม่ยอมคุยกับเราเลย”

“กลับไปก็มีแต่จะระแวง มันไม่มีความสุขเหมือนเดิมหรอกต้น”

“ก็ให้น้องบอกเราเอง นะเอ๋ย ช่วยเราหน่อยนะ”

“แกแค่อยากเอาชนะกิ่งรึเปล่า”

“ทำไมคิดแบบนั้น”

“นิสัยแกใช่ว่าเราจะไม่รู้ แกเคยคิดว่ากิ่งเป็นของตาย พอมาวันหนึ่งของตายกลับมีชีวิตใหม่ แกเลยทนไม่ได้ อยากเอาเขากลับมา”

“เราไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะเอ๋ย”

“จะไปถามให้กิ่งก็แล้วกัน ต้องแล้วแต่กิ่งนะ”

“แล้วกิ่งคบกับไอ้สามอยู่รึเปล่า”

“น้องมันไม่ได้ง่ายเหมือนแกหรอกนะต้น แล้วไอ้สามมันก็ไม่คิดฉวยโอกาสด้วย บอกตามตรงนะ ระหว่างแกกับสาม แกเทียบมันไม่ติดเลยว่ะ ฉันเคยหลงรักแก มาวันนี้ยังคิดว่าทำไมถึงไม่หลงรักไอ้สามมัน”

“พูดแบบนี้เสียใจนะเว้ย”

“ข้อเสียของแกอีกอย่างคืออะไรรู้ไหมต้น”

“อะไร”

“คำที่แกพูดมันเชื่อไม่ได้เลย ทั้งคำว่ารักและคำว่าเสียใจ ฉันไปก่อนนะ เมียแกหน้าเป็นตูดมาโน้นแล้ว”

ผมไม่ทันได้ขอบคุณเอ๋ยก็เดินหนีผมไปแล้ว และคนที่เดินเข้ามาแทนก็คือกรีน ผมได้แต่ถอนหายใจ กรีนเริ่มบีบน้ำตาและตัดพ้อผม เอาแต่พูดว่าเพราะตัวเองไม่ดี เพราะจน เพราะต่ำต้อย ผมเบื่อกับคำพูดเดิมๆ สุดท้ายเมื่อทนฟังไม่ไหวผมจึงลุกหนีเขาออกมา

……

จากวันนั้นกรีนหายหน้าไปจากผม ผมก็ยอมรับว่าคิดถึงเขาอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่คิดจะโทรหา ผมเฝ้ารอโทรศัพท์จากเอ๋ยมากกว่า อยากรู้ว่ากิ่งยอมให้ผมไปหาหรือเปล่า แต่ก็ไร้การตอบรับ ผมโทรไปถามเอ๋ย เอ๋ยก็บอกว่ากิ่งไม่อยากคุยกับผม ผมรอจนเริ่มหมดหวัง กำลังคิดว่าจะตัดใจ เจ๋งก็โทรมาหาผมพอดีแล้วบอกว่ากรีนกินยานอนหลับเกินขนาด ตอนนี้ล้างท้องอยู่ที่โรงพยาบาล ผมจึงรีบไปที่นั่น

กรีนดูผอมลงไปกว่าเดิมมาก หน้าตาซูบซีด ผมเห็นแล้วก็อดใจอ่อนสงสารเขาไม่ได้เช่นเคย เจ๋งก็พยายามจะเล่าว่ากรีนรักผมแค่ไหน เล่าเรื่องชีวิตที่น่าสงสารของกรีนให้ผมฟัง สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเดินหน้าต่อ ในเมื่อกิ่งใจแข็งและไม่ยอมรับคำขอโทษหรือให้โอกาส ผมก็ควรอยู่กับคนที่รักและต้องการผมมากกว่า

……

หลังจากวันนั้นผมก็ดีต่อกรีนเหมือนเดิม เขาดูดีใจและมีความสุข และเอาใจผมมากกว่าเดิม ผมให้กรีนย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน เราคบหากันเป็นแฟนอย่าเปิดเผย ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น ผมบอกตามตรง ส่วนหนึ่งที่ตัดสินใจแบบนี้เพราะผมอยากทำให้กิ่งหึง มีวันหนึ่งที่ผมพากรีนไปดูหนัง เผอิญได้เจอกับกิ่งมากับเพื่อนที่คณะ ผมเห็นว่ากิ่งหน้าเสีย ถ้าตาไม่ฝาด ผมว่าเขากำลังร้องไห้ ลึกๆ ก็เสียใจที่ทำให้เขาเจ็บ แต่ลึกกว่านั้นคือผมดีใจที่เห็นว่าเขาเสียใจที่ไม่เลือกกลับมาหาผม

ในขณะที่ผมใช้ชีวิตอยู่กับกรีน ผมก็ยังคงมองหากิ่งทุกวัน กิ่งดูดีขึ้นเรื่อยๆ ผอมลง หน้าตาสดใส ลักยิ้มนั่นยังมีเสน่ห์ทำให้ผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้เมื่อเห็น เวลาเขายิ้มกว้างๆ ผมอยากดึงเขามากอดและให้เขาส่งยิ้มแบบนั้นมาให้ผมบ้าง แต่ก็ทำได้แค่คิด ผมพยายามตัดใจแล้ว แต่ก็ตัดใจจากกิ่งไม่ได้สักที

……

“มาคนเดียวเหรอ” ผมถามกิ่ง อีกฝ่ายแสดงอาการตกใจ แต่แล้วก็เอาแต่ก้มหน้าไม่ตอบคำถามของผม

ผมรู้มาจากเอ๋ยว่ากิ่งชอบมานั่งวาดรูปที่สวนสาธารณะแห่งนี้ ผมตามมาดูเขาอยู่หลายวัน ถ้าไม่มีเพื่อนมา ก็จะมีไอ้สามที่มานั่งอยู่เป็นเพื่อน แต่วันนี้กิ่งมาคนเดียว ผมถึงกล้าที่จะเดินเข้ามานั่งข้างๆ

“วาดรูปเก่งขึ้นนะ”

กิ่งถอนหายใจและวางสมุดภาพลง เขายอมมองหน้าผม แววตาดูเฉยชาจนผมแอบใจเสีย

“พี่เอ๋ยบอกว่าพี่มีเรื่องอยากพูดกับผม งั้นพูดมาเลยครับ”

น้องจ้องหน้าผม พอถึงเวลาจริงผมคิดคำพูดไม่ออกเลย แต่บอกตามตรงว่าดีใจที่ได้ยินเสียงน้องใกล้ๆ ได้มองหน้าใกล้ๆ อีกครั้ง กลิ่นตัวกิ่งยังหอมเหมือนเดิม แก้มกลมๆ ก็น่ากดจมูกลงไป คำถามเกิดในหัวมากมาย ทำไมผมถึงได้โง่อย่างนี้นะ ตอนมีโอกาสกลับไม่เคยรักษาเอาไว้ให้ดี

“ถ้าไม่พูดผมกลับนะครับ” น้องไม่ยอมแทนตัวเองว่ากิ่งกับผมเหมือนเดิม

“พี่คิดถึงกิ่ง” คำแรกที่นึกออกคือคำคำนี้

“แค่นี้ใช่ไหมครับ”

“ขอโทษนะครับ ขอโทษที่ทำให้กิ่งเสียใจ ขอโทษที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ”

“........”

“ให้อภัยพี่ไม่ได้จริงๆ เหรอครับ”

“จะยอมทิ้งกรีนเพื่อกลับมาหาผมเหรอ”

“พี่ยอมแลกทั้งหมดที่มี”

“โทรบอกเขาสิครับ ว่าพี่อยากเลิกกับเขาเพื่อกลับมาหาผม” ผมอึ้งไปเมื่อน้องยื่นข้อเสนอ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ต่อสายหากรีนแล้วบอกเลิกอย่างที่กิ่งต้องการ ฝั่งกรีนเงียบไป แล้วผมก็ตัดสายทิ้ง

“พี่รู้ว่ากิ่งอยากให้กรีนเจ็บ และอาจจะไม่ได้ยกโทษให้พี่จริง แต่พี่ยอมทำทุกอย่างถ้ามันชดเชยกิ่งได้” น้องฟังผมแล้วก็เงียบไป เงียบไปนานจนยอมเอ่ยออกมา

“ผมยอมรับว่ายังเสียใจอยู่ทุกครั้งที่นึกถึงพี่ ผมคิดถึงเรื่องราวของเราบ่อยๆ ผมถามตัวเองทุกวันว่าผมทำอะไรพลาดไปพี่ถึงยอมเสี่ยงไปมีอะไรกับคนใกล้ตัวผมขนาดนั้น ยอมเสี่ยงที่จะเสียผมไป ผมไม่ดีพอเรื่องไหน เรามีปัญหาอะไรกัน เรื่องส่วนตัว เรื่องเซ็กส์ เรื่องเงินๆ ทองๆ สารพัดคำถาม แต่ตอนนี้ผมเหลือคำถามเดียวในหัว”

“.........” ผมนิ่งไปและรอน้องพูดต่อ

“ผมเคยรักพี่ไปได้ยังไง”

“กิ่ง...”

“มีแต่คนเคยบอกว่าผมโชคดี แต่ตอนถูกพี่กับเพื่อนทรยศ ผมฟูมฟายว่าตัวเองโชคร้ายต่างหาก แต่มาคิดดีๆ ผมว่าตัวเองโชคดีจริงๆ นั่นแหละที่พี่แสดงธาตุแท้ออกมา ใครได้พี่ไปโคตรโชคร้ายชะมัด หน้าตาดี เรียนดี ฐานะดีก็จริง แต่ไม่รู้จักยับยั้ง ข้อดีที่ว่ามามันช่วยไม่ได้เลยครับ”

“กิ่ง พี่รู้ตัวว่าพี่มันเลว แต่พี่อยากขอโอกาสแก้ตัว ถ้ากิ่งไม่ให้โอกาสพี่แล้วจะรู้ได้ไงว่าพี่ทำได้หรือไม่ได้ นะครับ พี่อยากเป็นพี่ต้นของน้องกิ่งเหมือนเดิม”

“ถ้ากิ่งจะให้โอกาสพี่ กิ่งให้โอกาสพี่สามดีกว่า ต่อให้ต้องเจ็บอีก แต่ชีวิตมันก็มีรสชาติดี ไม่ต้องเจ็บกับคนหน้าเดิม มันไม่คุ้มครับ”

“กิ่งผอมลงนะ” ผมอ้อนน้อง ทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่น้องพูดออกมา เป็นธรรมดาของคนโกรธที่อยากพูดให้อีกฝ่ายเจ็บบ้าง ผมเอื้อมมือไปกุมมือของน้องเอาไว้ น้องไม่ได้สะบัดหนี ได้แต่มองมาทางผมแล้วยกยิ้มจนแก้มบุ๋ม ผมกำลังจะยิ้มตอบ แต่ก็ต้องหน้าม้านเมื่อรู้ว่าน้องไม่ได้ส่งยิ้มนั้นให้ผม

“พี่สาม กิ่งรอพี่ตั้งนาน” น้องชักมือกลับ แล้วยื่นมือไปให้ไอ้สามมันดึงมือของน้องขึ้นมาแทน

“ก็ใครอยากชาไข่มุกเจ้านี้ล่ะ แถวยาวโคตร มีแต่คนมอง หน้าพี่ไม่เข้ากับชาไข่มุกถูกไหม” ไอ้สามมันคุยกับน้องข้ามหัวผม

“ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์ไปต่อแถวให้” น้องยิ้มและทำเสียงอ้อนไอ้สาม ผมทนไม่ได้เลยลุกขึ้นยืนอย่างเร็วจนไหล่ไปกระแทกกับไหล่ของไอ้สามมัน

“พี่กลับก่อนนะครับ แล้วจะแวะมาคุยด้วยใหม่” ผมพูดกับน้อง แต่ดูเหมือนว่าสองคนนั้นจะไม่สนใจผมสักเท่าไหร่ มัวแต่คุยกันไปหัวเราะกันไป ผลัดกันชิมชานมไข่มุก ผมเลยจำต้องเดินออกมาเพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนส่วนเกิน

ผมกลับมาถึงห้องเพราะไม่มีอารมณ์จะไปไหนต่อ แต่มาถึงก็ไม่เห็นกรีนอยู่ที่นั่น ลองกดโทรศัพท์ไปหาแต่อีกฝ่ายตัดสายผมทิ้ง ผมได้แต่ทอดถอนใจ รู้ว่าคำบอกเลิกของผมจะทำให้กรีนเสียใจ แต่ผมคิดว่าเขาคงไม่กล้าไปจากผมอยู่ดี แล้วผมก็คิดถูก กรีนกลับมาตอนค่ำๆ พร้อมกับทำเหมือนว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้น เรายังคงใช้ชีวิตเหมือนคู่รักไปเรื่อยๆ


จนถึงที่ผมใกล้จะเรียนจบ ผมตัดสินใจจะพูดกับแม่เรื่องของกรีน ถึงผมจะไม่ได้รักกรีนมากเท่าที่เคยรักกิ่ง แต่เขาก็แสดงให้ผมรู้ว่าเขารักผมมากแค่ไหน ผมกลับบ้านในช่วงสุดสัปดาห์เพื่อไปคุยกับแม่ รู้ว่าท่านคงไม่ชอบใจที่ผมเลือกที่จะท่านยอมรับในตัวกรีน แต่อยากให้ท่านให้โอกาสกรีนได้พิสูจน์ตัวเอง ในที่สุดท่านก็ตามใจผม และบอกว่าจะพยายามทำใจยอมรับให้ได้หากกรีนพิสูจน์ได้ว่าตัวเองเหมาะสม

ทีแรกผมว่าจะค้างคืนที่บ้าน แต่พ่อกับแม่ของผมท่านจะเดินทางไปต่างประเทศพอดี ผมเลยตัดสินใจกลับกรุงเทพดีกว่า คิดเอาไว้ว่าถ้าบอกข่าวนี้ให้กรีนได้รู้ ฝ่ายนั้นคงดีใจและมีกำลังใจที่จะทำดีเพื่อพิสูจน์ตัวเอง

เมื่อผมขับรถกลับมาถึงห้อง แสงไฟในห้องลอดใต้ประตูออกมา บอกให้รู้ว่ากรีนคงไม่ได้ออกไปไหน ผมไขกุญแจเข้าห้องเบาๆ อยากให้กรีนประหลาดใจที่ผมกลับมาตามที่เขาอ้อน แต่กรีนไม่ได้อยู่ที่ห้องนั่งเล่น ผมเลยคิดว่าอีกฝ่ายคงอยู่ในห้องนอน เมื่อเดินไปใกล้ๆ เสียงที่ลอดออกมาทำให้ผมรู้สึกใจเต้น มันไม่ได้เต้นเพราะความดีใจ แต่มันเต้นราวกับว่าผมกำลังจะได้รู้อะไรบางอย่างที่ไม่ควรรู้

“ซี้ดดดด แรงๆ หน่อย เราจะเสร็จแล้ว”

เสียงกรีนครวญครางสลับกับเสียงครางหนักๆ ของใครอีกคน เสียงเนื้อที่กระทบกันอย่างรุนแรงทำให้หัวของผมหนักอึ้ง มันชัดมากว่าทั้งคู่กำลังทำกิจกรรมอะไรกันอยู่ แต่ผมตัดสินใจเปิดประตูห้องนอนออกเพราะอยากเห็นกับตา ภาพชายสองคนกำลังร่วมรักกันอยู่ก็ปรากฏตรงหน้า ทั้งคู่มัวแต่โถมแรงใส่กันไม่ยั้งเลยไม่รู้ว่ามีใครอีกคนเข้าในห้อง

“กรีน มาร์ช” ผมเรียกชื่อพวกเขา

กรีนสะดุ้งอย่างแรง ในขณะที่มาร์ชตกใจเพียงเล็กน้อย และมันยังคงสวนกายเข้าหากรีนอย่างไม่สะทกสะท้าน ดูท่าว่าคงกำลังจะถึงปลายทาง และแทนที่กรีนจะรีบลุกมาหาผม กลับหลับตา กัดริมฝีปาก และกระแทกบั้นท้ายใส่มาร์ชจนน้ำรักกระเซ็นออกมาเปรอะเปื้อนเต็มที่นอนของผมไปหมด


ภาพผมที่กำลังร่วมรักกับกรีนบนที่นอนของกิ่งลอยเข้ามา

ภาพที่ผมบอกกับกรีนว่าไม่ต้องกังวลเพราะกิ่งเชื่อใจผมลอยเข้ามา

ภาพกิ่งร้องไห้ เมื่อรู้ว่าผมไปมีอะไรกับเพื่อนสนิทของเขาลอยเข้ามา

ภาพต่างๆ ที่ผมเคยทำไว้ในอดีต มันลอยกลับเข้ามาในหัว


ผมถูกทรยศ ผมรู้แล้วว่ามันรู้สึกอย่างไร ผมเดินหนีทั้งสองคนออกมาที่ระเบียง ทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง ผมเสียใจที่กรีนทำแบบนี้ แต่ผมกำลังเสียใจกว่าที่ครั้งหนึ่งผมทำแบบนั้นกับกิ่ง

“อยากได้ยินคำขอโทษไหมครับ” กรีนถามผมด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้รู้สึกผิดแม้แต่น้อย

“ไปซะ” ผมพูดสั้นๆ

“แน่ใจว่าขาดกรีนได้นะ”

“ขนาดกิ่งคนที่พี่รักพี่ยังขาดได้ ขาดคนที่ไม่ได้รักทำไมจะไม่ได้” ผมตอบกลับไป เห็นกรีนเม้มปากแน่นก็รู้ว่าคำพูดของผมยังมีผลต่อเขาอยู่

“มาร์ชเป็นแค่เพื่อน เพื่อนช่วยเพื่อนไม่ได้จริงจัง เป็นผู้ชายเหมือนกันแค่นี้ไม่เสียหายหรอกครับ จริงไหม” กรีนถามผม ผมมองอีกฝ่ายอย่างอึ้งๆ

“รู้ไหม วันนี้พี่ไปคุยอะไรกับแม่”

“ทำไม จะให้แม่ไปช่วยง้อไอ้กิ่งเหรอ”

“พี่ไปขอให้แม่ยอมรับกรีน พี่จะพากรีนเข้าบ้านหลังจากเรียนจบ แม่พี่ยอม”

“พี่ต้น...” กรีนหน้าเสียเมื่อได้ยิน

“กรีนทำตัวเอง กำลังจะโชคดีอย่างที่หวัง แต่มันคงไม่ได้แล้ว เพราะแม่พี่คงรับกะหรี่เข้าบ้านไม่ได้หรอก”

“พี่ต้น!”

“มึงไปซะ ไปอยู่กับเพื่อนของมึงแล้วช่วยกันให้พอ” ผมทนต่อไปไม่ได้ ยิ่งเห็นมาร์ชมายืนยิ้มเยาะให้เห็นผมยิ่งระเบิดอารมณ์ออกมา

“พี่ต้น ให้โอกาสกรีนนะ กรีนผิดไปแล้ว กรีนแค่เสียใจที่พี่ต้นทำเหมือนกรีนไม่มีค่า นึกอยากจะขอเลิกก็ทำ นึกอยากจะไม่สนก็ทิ้งขว้าง กรีนก็แค่...”

“ทำไม จะบอกว่ามึงจน มึงต่ำต้อย มึงถึงร่านไปทั่วเพื่อชดเชยปมด้อยใช่ไหม”

“พี่ต้น!” กรีนตวาดผมพร้อมกับร้องไห้ฟูมฟาย

“เราไปก่อนนะกรีน ถ้าอยากเมื่อไหร่จะโทรหา” มาร์ชพูดกับกรีน สีหน้าแววตายิ้มเยาะกรีนเหมือนที่ยิ้มเยาะผม

“มาร์ช ทำไมพูดแบบนี้” กรีนหันไปถามเมื่อได้ยินคำพูดที่เย้ยหยันจากเพื่อนที่เป็นผัวแบบทูอินวัน

“ทำไมเหรอ เพราะแกเอาเรื่องของเราไปบอกไอ้เจ๋งไง ไอ้เจ๋งมันก็โพนทะนาไปทั่ว เราก็ลืมไปว่าแกหักหลังกิ่งได้ เรื่องของเราคงไม่คิดจะรักษาเป็นความลับเหมือนกัน”

“มาร์ช...มาร์ช!” กรีนเรียกเพื่อนตัวเอง แต่อีกฝ่ายไม่ฟังแล้วเดินออกจากห้องของผมไป กรีนรีบมากอดขาผมเอาไว้

“ไปซะเถอะ น้ำตามันไม่มีประโยชน์หรอก อย่าเอามาใช้บ่อยๆ ให้หมดสภาพหนักกว่าเดิมเลยนะ นิสัยอย่างกรีน เดี๋ยวก็หาคนเกาะใหม่ได้ พี่เอากรีนไม่ลงแล้วจริงๆ”

ผมลุกขึ้นแล้วพยายามสะบัดขาออกจากการเกาะกุมของกรีน ผมเดินกลับเข้าไปอยู่ในห้องนอน มองไปรอบๆ ทุกอย่างมันว่างเปล่า สุดท้ายก็ร้องไห้ออกมาเพราะรู้สึกว่าชีวิตมันแย่ไปหมด

 
ที่สำคัญ...ผมคิดถึงกิ่ง ผมรู้แล้วว่าเขาเจ็บปวดยังไง ผมคิดถึงเขาเหลือเกิน


โปรดติดตามตอนจบตอนหน้า


ขอบคุณที่ติดตามนะคะ คำผิดเดี๋ยวตามมาแก้ทีหลังน้า

ตอนหน้าจบจริงแล้วจ้า ไม่มีต่อแล้วจริงๆ


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 5+6 [01/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: poshbear ที่ 01-06-2019 18:55:22
รู้สึกหน่วงใจแทนต้นจริงๆ ต้นดีนะ แต่ต้นตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตพลาดจริงๆ เรียนรู้แล้วเดินต่อนะ

ส่วนกิ่ง ไปได้สวยกับพี่สามเลย ท้ายที่สุดแล้วกิ่งคือผู้โชคดีจริงๆ ส่วนอีกรีนต้องไปพูดถึงมัน เกลียดมาก!
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 5+6 [01/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Luxfern ที่ 01-06-2019 19:05:41
คนเรามักเห็นค่าเมื่อได้สูญเสีย
ขอให้น้องกิ่งมีชีวิตรักใหม่ที่ดีกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 5+6 [01/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: bowtotay ที่ 01-06-2019 19:16:44
สมน้ำหน้าต้น
แล้วอยากจะหัวเราะดังๆใส่หน้ากรีน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 5+6 [01/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: s_sisters19 ที่ 01-06-2019 20:09:57
อูววววว เรียกได้ว่าคาตาและคาเตียง ไม่สงสารพี่มันเลยซักนิดเดียว มีแต่สะใจล้วนๆ กิ่งทำดีมากลูก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 5+6 [01/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 01-06-2019 23:54:57
ต้นโดนแล้ว กรีนคิวต่อไป ขอเรื่องหวานๆ ของสามกับกิ่งก้วยนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 5+6 [01/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: aon_noaa ที่ 02-06-2019 00:26:29
สงสารกรีนมาก เข้าใจชีวิตที่ต้องโดนเปรียบเทียบตลอด เป็นตัวละครที่สะท้อนสังคมได้ดีตัวหนึ่ง ทุกคนอยากจะมีไฟที่ส่องมาให้เห็นตัวเองกันทั้งนั้น อยากมีจุดยืนที่ให้เห็นตัวเองชัดๆ ซึ่งกรีนอาจจะทำผิดวิธีไปหน่อย โดยใช้การโกหกไปเรื่อยๆคล้ายว่าเป็นลูกโซ่ไป สุดท้ายก็สะท้อนกลับมาที่ตนเองอยู่ดี   
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 5+6 [01/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 02-06-2019 17:34:00
ชอบพี่สามมากค่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนจบ [03/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 03-06-2019 11:46:51
ผู้โชคดี


ตอนที่ 7 ฉันโชคดีที่ไม่มีเธอ ฉันโชคดีที่มีเธอ


หลังจากวันเกิดของผม ข่าวลือเรื่องพี่สามกับผมกำลังคบกันแพร่ออกไปเร็วมาก ไม่ว่าผมกับพี่สามจะไปไหนก็จะโดนคนรู้จักทั้งในและนอกคณะแซวตลอด โดยเฉพาะเรื่องที่พี่สามจูบผมในคืนวันเกิดถูกเอามาพูดปากต่อปาก คนที่เอามาเล่าคงหวังทำให้ผมดูไม่ดี แต่ผลที่ได้กลับมากลับกลายเป็นว่ามีแต่คนชงให้เราสองคนคบกันจริงๆ ผมรู้ว่าต้นตอข่าวลือมาจากไหน เพราะคนที่เห็นพี่สามจูบผมในคืนนั้น เขาเห็นเพียงภาพมุมเดียว เรื่องจริงมันไม่ได้เกิดเพราะอารมณ์หรือบรรยากาศพาไป ที่สำคัญ...เราไม่ได้จูบกันจริง

คืนนั้น...หลังจากที่พี่สามดีดกีตาร์และร้องเพลงให้ผมฟัง จู่ๆ พี่เขาก็ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ ผมยอมรับว่าตกใจมาก เพราะมันใกล้ชนิดสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน

ปกติผมไม่ชอบกลิ่นบุหรี่และไม่ชอบคนสูบบุหรี่ เพื่อนหลายคนมีกลิ่นปากเพราะหลังจากสูบบุหรี่แล้วคงไม่หาวิธีป้องกัน แต่กลิ่นควันบุหรี่อ่อนๆ ที่ผสมกับกลิ่นหอมจางๆ จากตัวพี่สาม ผมไม่แน่ใจว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมหรือกลิ่นครีมโกนหนวด บวกกับกลิ่นลูกอมมินต์ พอมันมาปะปนกันแล้วกลายเป็นความหอม มันออกจะเซ็กส์ซี่ในความรู้สึกของผม กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา นี่ผมสำรวจเขาแทบทุกอย่างจนนึกขำตัวเองอยู่ในใจ   

“อยู่นิ่งๆ ก่อน ต้นกับกรีนมองอยู่” พี่สามขยับปากพูดกับผมด้วยเสียงที่เบามาก “อย่ามองไป” พี่เขาสั่ง ผมกำลังจะเหลือบตาไปมองพี่ต้นพอดี พอเจอเสียงดุๆ ของพี่สามเลยรีบชักตาดำกลับมามองหน้าเขาแทบไม่ทัน

“แล้วจะให้กิ่งมองอะไรเล่า” ผมถามกลับแบบเขินๆ จะให้ผมมองหน้าเขาที่ลอยอยู่ในระยะใกล้ขนาดนี้ ตาของผมก็เหล่กันพอดี

“กลัวตาเหล่เหรอ” พี่เขาถามผม

“พี่รู้ได้ไง”

“ก็กิ่งตาเหล่อยู่จริงๆ” พอพี่เขาพูดจบก็ยิ้มนิดๆ

 ผมก็จะขยับหน้าออก แต่มือของพี่สามยกขึ้นมาล็อกที่ท้ายทอยของผม แถมยังเอียงหน้าของตัวเองทำองศาให้เหมือนเรากำลังจูบกันอีก ผมยอมรับว่าเขินมากเลยตัดสินใจหลับตา

ผมยอมรับว่าการมีพี่สามอยู่ด้วยในช่วงเวลานี้มันช่วยทำให้ผมคลายความเจ็บปวดลงได้ แต่ผมไม่อยากใช้เขาเป็นเครื่องมือเพื่อลืมพี่ต้น ยิ่งเขาเป็นคนดี ผมไม่ต้องการเอาเปรียบเขา หากวันนี้ผมฉวยโอกาสดึงเขามาเพื่อเยียวยาตัวเอง และวันข้างหน้าผมไม่สามารถรักเขาได้ ผมก็คงไม่ต่างอะไรจากพี่ต้น นั่นคือการเห็นแก่ตัว 

“ลืมตาได้แล้ว ไปกันแล้ว”

“ทำไมพี่ถึงอยากให้เขาเห็นเราจูบกัน”

“พี่อยากให้คนทั้งโลกเห็นเราจูบกัน” พี่เขาตอบ จ้องหน้าผมแล้วยิ้มนิดๆ ตามสไตล์ จากนั้นก็หันไปสนใจกีตาร์ของเขาต่อ

ส่วนผมก็ได้แต่หยิบสร้อยคอที่พี่เขาให้เป็นของขวัญมาม้วนเล่นกับนิ้วแก้เขิน แอบลอบพิจารณาเขาอยู่เงียบๆ ที่ผ่านมาผมไม่เคยมองหน้าพี่สามได้เต็มตาเลย เขาดูดุและเงียบมากจนไม่รู้ว่าคิดอะไร ผมคิดว่าเขาไม่ชอบผมด้วยซ้ำ ตอนที่พี่ต้นมาหึงผมแล้วบอกว่าพี่สามแอบชอบผมมาตั้งนานแล้ว ผมไม่เคยเชื่อเลย ผมไม่ใช่คนหน้าตาดีที่ใครเห็นแล้วต้องมาตกหลุมรักง่ายๆ แล้วพี่สามไม่เคยมีทีท่าอะไรให้ผมรู้สึกว่าเขาคิดอะไรมากไปกว่าความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง

พี่สามไม่ใช่คนหน้าตาหล่อแบบพิมพ์นิยม แต่หน้าตาโดยรวมดูดีไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ เพราะพี่เขาไม่ค่อยยิ้มเลยไม่ได้เผยเสน่ห์ในส่วนนั้นให้ใครเห็น ด้วยความสูง โครงสร้างของรูปร่างดีมาก ไม่มีส่วนไหนที่ใหญ่หรือเล็กเกินไปให้ขัดตา มันทำให้พี่เขาดูสง่า หรือภาษาวัยรุ่นก็คงต้องบอกว่าพี่เขาเท่มาก ยิ่งตอนจับกีตาร์เล่นอยู่ในตอนนี้ ยิ่งทำให้พี่เขาดูดีมากขึ้นไปอีก จะว่าไปเพื่อนกลุ่มพี่ต้นสมัยเรียนมัธยมปลายหน้าตาดีทุกคน

“พี่สาม...ชอบกิ่งเหรอครับ” ผมถามออกไปตรงๆ

“อืม”

“นานแค่ไหนแล้วครับ”

“จำพี่ไม่ได้จริงๆ เหรอ” พี่เขาถาม ผมเลิกคิ้วขึ้นเพราะคำถามของพี่สามมันกว้างมาก

“จำตอนไหนล่ะครับ”

“พี่เคยไปเรียนพิเศษกับพี่มาลัยที่ตึกแถวใกล้ตลาด แล้ววันนั้นก็มีน้องชายตัวกลมๆ ร้องไห้มาตามพี่สาวกลับเพราะไม่อยากให้ไปสอนคนอื่น โคตรงอแงเลย ยืนเบะปาก ร้องไห้ร้องห่ม น้ำตาร่วมอาบแก้ม เอาแต่ใจที่หนึ่ง ใครมาปลอบก็ไม่ยอม จะเอาพี่สาวกลับบ้านให้ได้ สุดท้ายพอเจอซาลาเปาไส้หมูแดงสามก้อน เงียบสนิทเลย” คนเล่าเผยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงวันวาน

พี่มาลัยคือพี่สาวของผมเอง เธออายุมากกว่าผมหลายปี จำได้แค่ว่าพี่มาลัยเรียนเก่งมากและรับสอนพิเศษตั้งแต่อยู่มัธยมปลาย ผมพยายามนึกภาพตอนที่พี่สามเล่า มันคือตอนไหนผมจำไม่ได้จริงๆ แต่มันน่าอายมากที่ผมยอมหยุดร้องไห้เพียงเพราะซาลาเปาไส้หมูแดงของโปรด

“ก็มันอร่อยนี่นา” เชื่อเรื่องที่พี่สามเล่า เพราะผมชอบกินซาลาเปาหมูแดงจริงๆ

“ถ้าตอนนี้พี่ไปซื้อซาลาเปาหมูแดงมาให้ กิ่งจะหยุดร้องไห้ให้ต้นมันได้ไหม” พี่สามถามผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าทุกที

“สามลูกคงไม่พอ” ผมถอนหายใจ

“พี่ซื้อยกเข่งให้เลย”

“เป็นสายเปย์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

“ตั้งแต่คิดว่าอยากดูแลเด็กเอาแต่ใจ”

ผมอมยิ้ม ถ้าเป็นพี่ต้น...ผมคงไม่ได้ยินคำต่อว่าถึงตัวตนผมจริงๆ แบบนี้ พี่ต้นไม่เคยพูดให้ผมรู้สึกแย่กับตัวเองก็จริง แต่สิ่งที่พี่ต้นทำมันเลวร้ายจนผมคิดว่าให้พี่ต้นต่อว่าผมเสียยังดีกว่า ผมรู้ว่าไม่ควรเอาใครมาเปรียบกับใคร แต่ผมแค่ตระหนักได้ว่าคนเรามันมองกันผิวเผินไม่ได้ ปากหวานแต่ก้นเปรี้ยวแบบพี่ต้นและกรีนน่ากลัวกว่าคนพูดตรงๆ แบบพี่ต้นเยอะเลย

“พี่ก็รู้ว่ากิ่งเอาแต่ใจแล้วทำไมยังจะชอบ อีกหน่อยก็จะทนไม่ได้”

“พี่มีวิธีกำราบ”

“โห กลัวนะพูดแบบนี้”

“กลัวก็ดีจะได้ไม่ดื้อเยอะ”

“กิ่งดูดื้อเหรอ”

“ดื้อ มีอะไรก็เก็บเอาไว้คนเดียว คิดคนเดียว มันเลยทำให้คิดอะไรน้อยไป พี่ทำสร้อยให้จะได้เอาไว้เตือนใจ อย่าคิดทำแบบนี้อีก”

“กิ่งคิดน้อยไปจริงๆ โอเค ต่อไปจะไม่ดื้อแล้ว จะเชื่อฟังพี่สามกับพี่เอ๋ยทุกอย่าง”

“เอ๋ยอะ ไม่ต้องฟังมันมากหรอก”

“อ้าว”

“ไอ้ที่มันบอกว่าไปดูเทรนเนอร์หล่อๆ ที่ฟิตเนสจะช่วยเยียวยาอะไรนั่น ไร้สาระ”

ผมขำพี่สามจริงๆ คนอะไรมาดเยอะมาก แต่ไม่ปฏิเสธเลยว่ามาดเข้มๆ ของเขามันดูธรรมชาติ ไม่ได้ดูว่าพยายามจะเก๊กหล่อ มันดูน่ารักดี “คืนนี้กิ่งค้างที่นี่ได้ไหม ไม่อยากกลับห้อง”

“ไม่อยากอยู่คนเดียวเหรอ” พี่เขาถามผม ผมพยักหน้าแทนคำตอบ “ก็ดี เมาไม่ขับ” พี่เขาวางกีตาร์คืนที่เดิมก่อนจะลุกขึ้นแล้วยื่นมือมาให้ผม ผมวางมือบนมือของพี่สามเพื่อให้พี่เขาออกแรงดึงผมขึ้นมา

มือของผู้ชายคนนี้ช่วยรักษาลมหายใจของผมเอาไว้ และพยายามฉุดดึงผมขึ้นมาจากความเจ็บปวด และมือเดียวกันนี้กำลังหยิบสายสร้อยในมือของผมมาสวมให้ที่คอ

“พี่เมาด้วยเหรอ ไม่เห็นจะดื่มเลย”

“เมารัก มึนหัวไปหมดแล้ว”

ผมเริ่มมีข้อสงสัย...คนเราจะสามารถเริ่มมีใจให้ใครอีกคนได้ไหมแม้ว่าหัวใจยังไม่สามารถลืมใครอีกคนได้ หัวใจที่มันอ่อนแรงของผมเต้นแรงขึ้นแบบมีเหตุผล แต่คงเป็นเหตุผลที่ผมยังไม่กล้ายอมรับ

……

ผมกับพี่สามไม่ได้ทำตัวติดกันตลอดเวลา พี่สามเรียนหนักขึ้น ไหนจะงานที่ร้านอีก เราไม่ได้พูดถึงความสัมพันธ์ที่ก่อเกิดอยู่ในใจเงียบๆ พี่เขาคงรอให้ผมพร้อม คืนนั้นพี่เขาไม่ได้ฉวยโอกาสทำอะไรมากไปกว่าขอนอนกอดผมเอาไว้ มันไม่มีเรื่องอย่างว่าเกิดขึ้น นั่นยิ่งทำให้ผมเพิ่มแต้มในใจให้ผู้ชายคนนี้ อะไรที่เกิดขึ้นง่ายๆ ในวันที่ยังไม่ใช่ มันก็จะดำเนินไปด้วยเรื่องแบบนั้นเป็นหลัก ผมมีประสบการณ์จากพี่ต้นมาแล้ว เพียงแค่เขาสารภาพว่าชอบ ผมก็ปล่อยกายปล่อยใจไป ทุกครั้งที่เราโกรธกันก็จะจบลงที่เตียง ปัญหาไม่เคยแก้ถูกจุด ใช้แค่ความสุขชั่วคราวมาทำให้เราลืมมันไป พอสุดท้ายเขาไปหาคนที่ทำให้มีความสุขในเรื่องนั้นได้ดีกว่าผม ปัญหาที่แท้จริงก็ถูกขุดขึ้นมา

ในขณะที่ผมกำลังเริ่มเรียนรู้กับพี่สาม พี่ต้นกับกรีนก็เปิดตัวว่าคบหากันอย่างเปิดเผย กรีนมาขลุกตัวอยู่ที่มหา’ลัยของผมบ่อยจนผมสงสัยว่ากรีนไม่มีเรียนบ้างหรือไง แรกๆ ที่เห็นทั้งคู่คลอเคลียกันยอมรับว่าเจ็บมาก แอบไปนั่งร้องไห้บ่อยๆ พี่ต้นไม่แคร์จิตใจผมเลย ปากที่บอกว่ารัก แต่การกระทำที่คอยเหยียบย่ำความรู้สึกของผมมันเหมือนคนที่เกลียดกันมากกว่า สายตาที่เยาะเย้ยของกรีนจงใจส่งมาให้ผมทุกครั้งที่ได้เจอกัน

ผมทำอะไรผิดกับกรีน...กรีนถึงได้เกลียดผมขนาดนี้ คงมีใครสักคนตอบคำถามของผมได้ในสักวัน

……


ช่วงการสอบที่หนักหน่วงได้ผ่านพ้นไป ความเจ็บปวดมันก็เบาลงไปตามเวลา ผมเริ่มนึกถึงสิ่งที่พี่ต้นทำไม่ดีกับผมน้อยลง แต่เรื่องราวดีๆ ที่พี่เขาเคยทำให้ผมมันยังอยู่ ผมเลยไม่สามารถลืมเขาได้สนิทใจ ไม่ลืม...แต่ไม่ต้องการ

ในขณะเดียวกันพี่สามก็เริ่มเข้ามามีอิทธิพลต่อหัวใจของผมมากขึ้น ถ้าจะให้เปรียบการกระทำของพี่สาม ประโยคนี้คงเหมาะสมที่สุด

‘พูดน้อย ต่อยหนัก’

พี่เขาไม่เคยใช้คำพูดมากมายเพื่อเอาชนะใจผม ยังคงพูดน้อยมาดเยอะเหมือนเดิม แต่พูดทีหนึ่งหัวใจผมไหวเอนอย่างกับโดยพายุถล่ม พี่เขาไม่ค่อยเอาใจผม แต่ถ้าเอาใจทีหนึ่งผมก็ใจเต้นโครมครามอยู่เหมือนกัน เขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับวิถีชีวิตของผม ผมจะใช้เงินมากน้อยแค่ไหนเขาไม่เคยบ่น เขาพูดแต่เพียงว่า ใช้เงินเก่งได้แต่ต้องหาให้เก่งเช่นกัน เพราะพ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ผลิตเงินให้ผมได้ตลอดชีวิต นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมมาทำงานพิเศษในร้านของพี่สาม เป็นคนดูแลเรื่องเงินให้ครับ และต้องคอยช่วยชิมอาหาร เป็นงานหนักมากเลย พี่สามบอกอย่างนั้น

……

หลังจากสอบเสร็จก็ถึงเวลาที่พวกเราต้องเริ่มทำค่ายอาสาสร้างห้องสมุดกันเสียที ผมเสนอที่ชมรมว่ายังมีโรงเรียนหรือชุมชนในจังหวัดของผมที่ขาดแคลนห้องสมุดและหนังสือดีๆ อาจารย์ที่ปรึกษาเลยให้ผมไปเอาข้อมูลรายละเอียดมาให้เพื่อประกอบการตัดสินใจ วันนี้ผมเลยชวนพี่สามกลับบ้านด้วยกัน พี่เขาตอบตกลงและยอมปิดร้าน 2 วัน

แม่ของผมค่อนข้างประหลาดใจที่ผมพาพี่สามมาค้างที่บ้านด้วย พอคุยกันไปคุยกันมาแม่ถึงได้รู้ว่าเราไม่ใช่คนอื่นไกลกันเลย ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าครอบครัวของพี่สามคือเศรษฐีที่ดินตัวจริงของจังหวัด แม่เล่าว่าครอบครัวพี่สามเหมือนผ้าขี้ริ้วห่อทอง มีเงินเยอะมากแต่ไม่แสดงออก ผมขำเพราะเห็นตามนั้น พี่สามไม่เคยแสดงออกจริงๆ ครับ แม่ยังบอกว่าแม่ของพี่สามเป็นที่รักของคนในจังหวัดมากเพราะใจดีใจกว้าง ชอบช่วยเหลือคนที่ลำบากกว่า และท่านก็เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทของแม่ผม แต่เพราะอยู่คนละอำเภอเลยไม่ค่อยได้นัดเจอกันเท่าไหร่

“อยากเป็นลูกสะใภ้เจ้าแม่อสังหาริมทรัพย์ไหมล่ะ” พี่สามถามผมเพราะเห็นว่าผมทำตาโตเวลาแม่เพชรเล่าเรื่องครอบครัวของเขาให้ฟัง ดีว่าพี่เขาถามตอนแม่ปลีกตัวไปรับโทรศัพท์ ไม่เช่นนั้นผมคงเลิ่กลั่กน่าดู

“ขอคำนวณค่าสินสอดก่อน” ผมแกล้งหยอกพี่เขากลับไป แม้ตอนนี้ผมกับพี่สามไม่เคยตกลงกันเรื่องสถานะ แต่ต่างก็รู้กันดีว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้มันพิเศษขึ้นจากเดิมมาก

“แพงมากพี่ก็พาหนีนะ”

“พาลูกทนายความหนี เดี๋ยวก็เจอฟ้องหมดตัวหรอก ไปกินก๋วยเตี๋ยวกัน กิ่งหิวแล้ว” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อพี่สามเอาแต่ยิ้มน้อยๆ และจ้องตาผมไม่เลิก แม้จะเป็นภาพที่เห็นจนชินตา แต่หัวใจของผมมันไม่ค่อยชินสักเท่าไหร่ เต้นตึกตักทุกทีที่ถูกมอง “กิ่งแวะถามแม่ก่อนว่าจะเอาอะไรไหม” ผมเดินนำพี่สามลงมาที่สำนักงานของแม่ก่อนเพราะพี่เขาขอตัวเข้าห้องน้ำ แล้วผมก็ต้องชะงักเพราะได้ยินเสียงของกรีน

ผมแอบยืนฟังอยู่พักใหญ่จนรู้ว่ากรีนกำลังมาขอยืมเงินจากแม่ของผม จำนวนไม่น้อยเลย นึกทึ่งในความกล้าของอีกฝ่าย ทำกับผมขนาดนี้ยังจะกล้ามายืมเงินแม่ของผมอีก ผมตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป หน้าของกรีนดูแย่ลงทันทีที่เห็นผม ผมทำแค่ปรายตามองเขา พอพี่สามเดินตามเข้ามา สีหน้าของกรีนยิ่งเจื่อนลง แต่กรีนก็มองพี่สามไม่วางตา จนกระทั่งแม่ของพี่ต้นเดินเข้ามาในสำนักงาน คราวนี้กรีนถึงกับสะดุ้งแล้วหน้าซีดลงอย่างได้เห็นได้ชัด แม่ของพี่ต้นทักทายผมกับพี่สาม คุยกันได้นิดหน่อยผมจึงขอตัว

ระหว่างกินก๋วยเตี๋ยว ผมเล่าให้พี่สามฟังเรื่องที่กรีนมาขอยืมเงินแม่ แล้วพี่สามก็บอกในสิ่งที่ทำให้ผมทั้งอึ้งทั้งประหลาดใจ

“แม่ของกรีนเป็นลูกหนี้น้าๆ ของพี่เอง น้าๆ ของพี่ไปยืมเงินแม่ คงเอามาออกดอก แล้วแม่ของกรีนก็เป็นลูกหนี้รายใหญ่ พี่ก็เพิ่งรู้ตอนกลับบ้านครั้งที่แล้ว ตอนนี้แม่กรีนเริ่มไม่มีเงินมาจ่ายดอก น้าๆ ของพี่จะเอาเรื่อง แต่แม่พี่ห้ามเอาไว้เพราะไม่อยากให้บาปและเป็นเรื่องใหญ่ ตอนนี้น้าๆ เลยทิ้งภาระให้แม่พี่กลายมาเป็นเจ้าหนี้เต็มตัว”

“กิ่งก็สงสารกรีนนะพี่สาม เขาต้องสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็กๆ แม่กิ่งก็ช่วยครอบครัวเขามาตลอดนะครับ แม่บอกว่าอยากให้โอกาสเขา บอกว่าคนหัวดีแบบกรีน ถ้าส่งเสริมให้ได้เรียนสูงๆ จะช่วยสังคมได้ในอนาคต แต่บางทีถ้าใช้ความฉลาดในทางที่ผิดมันก็แย่ หลายครั้งที่เขาขโมยของใช้ของกิ่ง กิ่งรู้นะพี่สาม พอหลายครั้งเข้ากิ่งก็เตือนเขาตรงๆ ไม่อยากให้เขาไปทำแบบนี้กับใคร เขาไม่เคยยอมรับ แต่สิ่งสุดท้ายที่กรีนขโมยกิ่งไป กิ่งอภัยให้ไม่ได้จริงๆ” ผมถอนหายใจ หากกรีนไม่คิดหักหลังผม เราคงยังเป็นเพื่อนที่พึ่งพากันได้ เขาเลือกที่จะทำลายมิตรภาพ ผมก็จนปัญญา เพราะนั่นเป็นหนทางที่เขาเลือกเอง แล้วผมก็ไม่ใช่พ่อพระที่จะลืมสิ่งที่เขาทำกับผมได้

“รอแป๊บหนึ่งนะ พี่ขอคุยกับแม่ก่อน” พี่สามเดินออกไปคุยโทรศัพท์อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเดินกลับเข้ามา “พี่คุยกับแม่แล้ว แม่บอกว่าแม่ของกิ่งไม่ต้องเอาเงินมาคืนแทนให้ แต่ช่วยร่างสัญญา ให้ฝ่ายนั้นเซ็นยินยอมคืนเงินตอนที่เรียนจบแค่นั้นพอ ไม่ต้องคิดดอกด้วย”

ผมเพิ่มแต้มให้พี่สามอีกแล้ว เขาจะไม่ช่วยก็ได้ แต่เขาคงรู้ว่าแม่ของผมคงหนักใจหรือไม่สบายใจหากไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเด็กที่กำลังเดือดร้อน กรีนจะรู้บ้างไหมว่าเขาได้รับโอกาสที่ดีจากคนหลายคน การที่เขาพูดว่าเขาขาดโอกาสมันไม่จริงเลย ทำไมเขาจึงมองไม่เห็น และยังทำตัวเองให้เสียโอกาสที่ถูกหยิบยื่นมานั้นไปด้วยตัวเอง


เมื่อผมกลับมาถึงบ้าน ผมบอกแม่เรื่องที่พี่สามเล่า รวมถึงเรื่องการใช้หนี้ที่แม่พี่สามเสนอมาให้ท่านฟัง ท่านเอารายชื่อเจ้าหนี้ที่กรีนเขียนมาดูอีกรอบ ก็เห็นว่ารายชื่อเจ้าหนี้ที่แม่ของกรีนไปกู้เงินมาเป็นน้าๆ ของพี่สามจริง ท่านจึงโทรไปคุยกับแม่ของพี่สามเองอีกที เมื่อคุยกันเสร็จแล้วท่านจึงโทรตามให้กรีนมาพบ

ผมพาพี่สามกลับมาที่ห้อง พี่สามขอตัวออกมายืนรับลมที่ระเบียง เขาไม่ได้สูบบุหรี่เมื่อมาที่บ้านของผม คงไม่อยากให้ผมลำบากใจหากแม่มาถาม แต่ผมคิดว่าคนที่เคยสูบพอไม่ได้สูบคงทรมานน่าดู

“พี่จะสูบบุหรี่ก็ได้นะ แม่ไม่ว่าหรอกเพราะกิ่งไม่ได้เป็นคนสูบ พ่อกิ่งก็สูบ”

“ทนได้”

“ทำไมต้องทนครับ”

“มันเป็นการฝึกไง ถ้าเราทนเรื่องที่ยากได้ เราจะรู้จักยับยั้งทุกเรื่องได้ดีขึ้นเรื่อยๆ”

“แล้วทำไมไม่เลิกไปเลยล่ะครับ”

“เดี๋ยวมีคนแถวนี้ยอมเป็นแฟนก่อน จะเลิกเลย”

“อืม เอาไงดีนะ” ผมแกล้งทำท่าครุ่นคิด

“เพื่อสุขภาพของปอดและช่องปากของพี่ สงสัยกิ่งต้องรีบตัดสินใจแล้วล่ะ”

ผมมองผู้ชายตรงหน้าแล้วอดยิ้มออกไปไม่ได้ ถ้าใช้คำว่าผมโชคที่ได้มาเจอกับพี่สาม มันจะเป็นความโชคดีของผมตลอดไปไหมนะ ส่วนพี่สามเมื่อเห็นผมยิ้มก็เอานิ้วมาจิ้มที่ลักยิ้มของผม จากนั้นบีบแก้มกลมๆ ของผมเบาๆ ท่าทางคงจะมันเขี้ยวผมอยู่ไม่น้อย

จังหวะนั้นสายตาของผมเหลือบมองลงไปข้างล่างพอดี กรีนกำลังเดินออกมาจากสำนักงานของแม่เพชร เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วสบตาผมเข้าพอดี ผมที่กำลังยิ้มค้างอยู่ก็แทบจะหุบยิ้มลง แต่เพราะพี่สามสอดนิ้วเข้ามาประสานมือของผมเอาไว้ บีบกระชับเบาๆ พร้อมกับพูดว่า...

‘เป็นแฟนกันได้รึยัง รอนานกว่านี้ จากเป็นพี่จะกลายเป็นปู่แล้ว’

รอยยิ้มของผมจึงยังคงฉายชัดต่อไป โดยไม่รู้ตัวเลยว่าคนข้างล่างที่มองขึ้นมาจะเอาไปคิดว่ามันเป็นรอยยิ้มที่เกิดจากการเย้ยหยัน

……


ในที่สุดผมตกลงใจคบกับพี่สามในฐานะแฟน แต่เราสองคนไม่ได้ป่าวประกาศบอกใครแม้กระทั่งพี่เอ๋ย ยกเว้นครอบครัวของเราทั้งสองคน เพื่อนทุกคนก็ไม่ได้สงสัยอะไรเพราะต่างก็คิดว่าผมคบกับพี่สามหลังจากที่เลิกกับพี่ต้นใหม่ๆ โน้นแล้ว คนที่เที่ยวหาวิธีป่าวประกาศบอกใครต่อใครก็คือกรีนนั่นเอง คงอยากตัดผมออกไปจากวงจรของเขาและพี่ต้น

การได้มาคบกับพี่สามมันแตกต่างจากตอนคบกับพี่ต้นมาก เราสองคนยังไม่มีอะไรกัน พี่สามไม่เคยเว้าวอนหรือพยายามจะหาทางเพื่อทำเรื่องอย่างว่ากับผม เวลาผมมีเรื่องไปปรึกษาเขา พี่สามจะให้ผมคิดและลองทำเอง ผิดถูกให้ผมได้เจอเอง แล้วถึงได้มาช่วยแก้ปัญหาให้ เขาเป็นผู้ใหญ่มากๆ ไม่ว่าใครจะพูดอะไรกับเขา หรือพูดเรื่องของคนอื่น รวมถึงผมด้วย เขาจะฟังด้วยท่าทางนิ่งๆ แต่จะไม่คล้อยตาม เขาจะตัดสินเรื่องนั้นด้วยความคิดของเขาเอง เขาค่อยๆ เปลี่ยนคนเอาแต่ใจอย่างผมไปทีละเล็กละน้อยด้วยการทำให้ดูเป็นตัวอย่าง อันที่จริงผมไม่รู้ตัวเองหรอก แต่แม่เป็นคนบอกว่าตั้งแต่ผมคบกับพี่สาม ผมดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก

ระยะนี้พี่ต้นก็ส่งพี่เอ๋ยให้มาพูดกับผม อยากนัดเจอ ผมปฏิเสธทุกครั้ง มันไม่ประโยชน์ที่จะฟังคำอธิบายอะไรอีก เพราะผมเปิดใจให้พี่สามแล้ว ผมควรเลือกที่จะทำให้พี่สามสบายใจมากกว่ายอมรับนัดเพื่อให้พี่ต้นดีใจ เมื่อปฏิเสธบ่อยๆ พี่เขาก็เริ่มหายไปอีกครั้ง

แต่คนที่เริ่มเข้ามาวนเวียนในชีวิตของผมบ่อยขึ้นคือมาร์ชกับเจ๋ง ผมไม่ได้โกรธแต่ก็ไม่ได้ให้ใจเต็มร้อยกับเพื่อนกลุ่มนี้เหมือนเดิมอีก มาร์ชก็เหมือนจะรู้ตัว แม้มันยังไม่ได้ขอโทษผม แต่ก็ไม่พูดให้ร้ายกรีน ที่ผมนึกชมเพราะอย่างน้อยมันยังรู้ว่ามันก็มีส่วนผิด ไม่ใช่โทษแต่คนอื่นเหมือนกรีน ต่างจากเจ๋งที่เริ่มเอาเรื่องของแย่ๆ ของกรีนมาเล่าให้ผมฟัง ผมเพิ่งได้รู้ว่ากรีนสร้างเรื่องเป่าหูเพื่อนทั้งสองคนของผมชนิดที่ว่าผมไม่เหลือดีเลย ผมไม่เคยออกคำสั่งกับกรีนและทำเหมือนกรีนเป็นคนรับใช้ ไม่เคยใช้ให้กรีนซักกางเกงในให้ แม่ของผมก็ไม่เคยให้แม่ของกรีนซักกางเกงในให้ ผมไม่เคยเอาเรื่องของมาร์ชกับเจ๋งไปนินทาให้พี่ต้นและกลุ่มเพื่อนของเขาฟัง ผมไม่เคยใช้เงินฟาดหัวเพื่อน ผมไม่เคยใช้เงินซื้อเกรด และยังมีอีกหลายๆ เรื่องที่กรีนเอาผมไปพูดถึงในทางที่ไม่ดี

แม้กรีนจะผิดที่คอยเสี้ยม แต่หากทั้งสองคนหนักแน่นและรู้จักผมดีพอ เขาจะไม่มีทางหวั่นไหวกับคำพูดของคนอื่นเลย โดยเฉพาะมาร์ชที่อยู่บ้านติดกับผม เราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก แต่มาร์ชก็เลือกจะเชื่อกรีนมากกว่า มันทำให้ผมนึกน้อยใจ แล้วมาร์ชก็ทำเหมือนว่าอยากพูดอะไรผม แต่สุดท้ายมันก็เอาแต่เงียบ สีหน้าของมาร์ชดูไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ผมก็ไม่คิดถาม

“กิ่ง เราขอโทษว่ะ รู้ว่ามันชดเชยความเสียใจของกิ่งไม่ได้ แต่เราก็อยากขอโทษ เราหูเบาไปเอง” มาร์ชยอมพูดกับผมในที่สุดเมื่อเราอยู่กันตามลำพัง

“เราอยากรู้ กรีนบอกอะไรกับแก แกถึงโกรธเราและตีตัวออกห่าง” ผมถามตรงๆ ผมไม่เชื่อว่าแค่เรื่องที่กรีนเป่าหูว่าผมเอามาร์ชไปนินทากับกลุ่มพี่ต้นจะทำให้มาร์ชมีอคติกับผม

“เราขอถามแกก่อน แกรู้เรื่องของเรากับกรีนหรือเปล่า”

“เรื่องอะไร” ผมทำหน้างง

“เอาจริงๆ ดิ”

“ก็เรื่องอะไรเล่า”

“เรื่องที่ฉัน...กับกรีน...”

“แกมีอะไรกับกรีนเหรอ” ผมถาม สีหน้าของผมคงเหลอหลามากจนมาร์ชถอนหายใจ

"อืม แปลว่าแกคงไม่รู้จริงๆ”

“แกคบกันเหรอ” ผมถามอีก บอกตามตรงว่าผมตกใจมาก

“ไม่ได้คบ แค่ช่วยกัน แบบเพื่อนช่วยเพื่อนอะ แกน่าจะเข้าใจ”

“แก...ฉันไม่เข้าใจ แกไม่ได้รักกัน...แล้วแกสองคน...แล้วมองหน้ากันติดเหรอวะ” ผมถามเพราะสงสัยจริงๆ

“กรีนมันพูดจนฉันเชื่อว่ามันเรื่องปกติ ใครๆ ก็ช่วยกัน แล้วมันก็บอกว่า มันก็เคยช่วยแกบ่อยๆ”

“อะไรนะ” ผมช็อกมากกับข้อกล่าวหานี้

“แล้วมันบอกว่าจะเก็บเป็นความลับ เพราะมันก็เก็บให้แกเหมือนกัน พอวันหนึ่งพ่อฉันรู้ว่าฉันมีอะไรกับผู้ชาย โดนตีจนน่องแตกเลย พ่อบอกว่าแกเป็นคนเขียนจดหมายมาเตือน ฉันก็งงว่าแกรู้ได้ไง แล้วกรีนมันมาสารภาพว่าหลุดปากบอกแกไป มันทำให้ฉันเชื่อว่าแกคงอิจฉาที่มันมาสนิทกับฉันมากกว่าแก ฉันเพิ่งมาได้สติว่ามันนั่นแหละเป็นคนบอกแล้วโบ้ยไปที่แก”

“เฮ้อ นี่ฉันถูกมันเอาไปพูดเสียๆ หายๆ กับใครอีกบ้างวะ แล้วทุกคนก็เลือกจะตัดสินฉันโดยไม่มาถามสักคำ กรีนมันถึงรอดมาได้จนทุกวันนี้ทั้งที่คนแบบนี้ไม่น่าอยู่รอดในสังคมได้”

“ฉันเชื่อว่าคนคนหนึ่งคงโดนปั่นหนักกว่าคนอื่น คนที่มันต้องการมากที่สุด” มาร์ชทำให้ผมนึกถึงพี่ต้น “ฉันไม่ได้จะพูดให้แกกลับไปหาพี่ต้นหรอกนะกิ่ง แต่แค่สงสารเขาเหมือนกัน จะว่าโง่ก็คงโง่กันทั้งบาง ไม่มีใครเลยที่ไม่เชื่อในเรื่องที่ไอ้กรีนพูด มันมีวิธีพูดและอ้างอิงเหตุผลนั่นนี่จนน่าเชื่อไปหมดนะแก มันคงมีพรนรกข้อนี้มาตั้งแต่เกิดจริงๆ คงเรียกพรสวรรค์ไม่ได้”

“แล้วสรุป หลังจากนั้นพ่อแกว่าไงบ้าง”

“เขาก็ถามว่าฉันเป็นเกย์เหรอ ฉันตอบก็เลยตอบไปตรงๆ ว่าได้หมดถ้าสดชื่น”

“ไอ้บ้า” ผมหัวเราะ เพราะคนที่พูดมันก็หัวเราะเหมือนกัน

“ฉันขอโอกาสเป็นเพื่อนแกอีกครั้งได้ไหมกิ่ง สัญญาว่าจะดีให้พอ จะเป็นเพื่อนที่ดีให้มากกว่าเคย”

“ก็ดูกันไป” ผมไม่คิดจะสงสาร แต่ผมจะให้โอกาส มันก็ขึ้นอยู่กับว่ามาร์ชอยากกลับมาเป็นเพื่อนกับผมจริงๆ ไหม เขาต้องพิสูจน์ด้วยตัวเขาเอง

……


ชีวิตของผมดำเนินไปเรื่อยๆ อีกปีเดียวผมก็จะจบแล้ว ผมรับรู้ข่าวเรื่องที่พี่ต้นเลิกกับกรีนมาจากเจ๋ง ทีแรกผมนึกว่าเขาจะเลิกกันตั้งแต่วันที่ผมให้พี่ต้นโทรไปบอกเลิกกับกรีนต่อหน้าผม ผมมั่นใจว่าพี่ต้นจะทำ เขายอมทำทุกอย่างเพื่อสิ่งที่เขาต้องการ แต่หลังจากนั้นเขากลับหวานออกสื่อมากกว่าเดิม ทำตัวติดกัน และพยายามทำให้ผมเห็นบ่อยๆ ด้วย กรีนคงเป็นคนที่ใช่ของพี่ต้นจริงๆ เขาถึงคบกันได้นานกว่าที่ผมคาดเอาไว้

แต่ผมก็ยังสงสัยเรื่องเดิมอีกว่า...ทำไมกรีนว่างขนาดที่มาอยู่เฝ้าพี่ต้นได้เป็นวันๆ แปลกใจหนักกว่าคือผมไม่รู้เลยว่าพี่ต้นชอบแบบนั้น หรือเพราะผมไม่เคยไปตามเฝ้าเขา เขาเลยนอกใจผม ดูเขาน่าจะเหมาะสมและไปกันได้ด้วยดี จนมามีข่าวเลิกกันจริงจัง และสาเหตุที่เขาเลิกกัน เพราะพี่ต้นเห็นกับตาว่ากรีนมีอะไรกับมาร์ชที่ห้องของพี่ต้นเอง ข่าวนี้ไม่ใช่ผมคนเดียวที่รู้ พี่เอ๋ยบอกว่าเขารู้กันทั้งคณะ

เวรกรรมมันตามมาไวมาก พี่ต้นคงเจ็บปวดและรู้สึกอับอาย เขาเป็นคนมั่นใจในตัวเองมาโดยตลอด เพราะเขาเป็นคนหน้าตาดี การเป็นคนที่มีแต่คนให้การยอมรับ คนที่ได้รับแต่คำชื่นชม เป็นที่ต้องการของใครต่อใคร การโดนหักหลังแบบนี้เขาคงเสียศูนย์ไม่น้อย กรีนก็ดูจะรักพี่ต้นมาก ทำไมถึงกล้าที่จะทำแบบนั้น และกับมาร์ช ผมนึกว่าเขาจะเข็ดกับกรีน แต่สุดท้ายก็กลับไปอยู่ในวังวนเดิม ทุกคนดูจะติดใจเรื่องแบบนั้นของกรีน

หลังจากได้รับข่าวจากเจ๋ง ผมไม่ค่อยได้เจอพี่ต้นเพราะอีกฝ่ายกำลังจะเรียนจบ คงเริ่มไปฝึกงานแล้ว และผมเดาว่าเขาคงรู้สึกเสียหน้าเกินกว่าจะมาเจอผม ส่วนมาร์ชผมก็ไม่ได้เจอมันเหมือนกัน มันส่งข้อความมาให้ผมครั้งสุดท้ายในช่วงที่มีข่าวว่าพี่ต้นเลิกกับกรีน มันบอกว่ามันทำในสิ่งที่มันควรทำมานานแล้ว ผมไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร แต่ก็คิดว่าสักวันมันคงมาบอกผมด้วยตัวเอง และคนสุดท้ายที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุดก็คือกรีน รายนั้นก็หายไปจากชีวิตของผมเช่นกัน



มีต่อด้านล่าง
V
V
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนจบ [03/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 03-06-2019 11:47:53
ต่อจากด้านบน


ตอนนี้ผมกำลังจะเรียนจบ ส่วนพี่สามซึ่งจบไปก่อนหน้า เขาเซ้งร้านที่กรุงเทพให้คนอื่น ส่วนตัวเขากลับไปเปิดร้านเกี่ยวกับพวกรับทำป้ายหรือพวกเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ที่บ้านเกิดของพวกเรา ทีแรกผมก็นึกว่าพี่เขาจะเปิดร้านเล็กๆ แต่ปรากฏว่ามันใหญ่มาก แทบครบวงจรสื่อสิ่งพิมพ์เลยก็ว่าได้ ที่ร้านมีเครื่องไม้เครื่องไม้ทันสมัย โดยเฉพาะรับตัดสติ๊กเกอร์ตกแต่งรถนั้นเป็นที่นิยมมากจนเขาแทบไม่มีเวลาพัก เขายังเปิดร้านเครื่องเขียนและร้านกาแฟเล็กๆ อยู่ในอาณาเขตร้านใหญ่ด้วย พี่สามบอกว่าเขามานำร่องและรอผมกลับไป เขารู้ว่าผมชอบวาดรูปและออกแบบผลิตภัณฑ์ เขาบอกว่าสมัยนี้มีแต่คนขายของออนไลน์มากขึ้น ธุรกิจขายบรรจุภัณฑ์จึงน่าลงทุน และพี่เขาคิดว่าอาชีพนี้จะทำรายได้ให้ผมได้ไม่น้อยเลย

ผมบอกตามตรงไม่คิดว่าพี่เขาจะสร้างอนาคตของเขาโดยมีผมรวมอยู่ในนั้นด้วย เขาไม่เคยพูดให้ผมฟังว่าเขาอยากทำอะไรบ้าง มีแต่ผมที่เป็นฝ่ายพูดกับเขาบ่อยๆ ว่าอยากกลับไปทำงานที่บ้าน อยากอยู่ใกล้ๆ พ่อกับแม่ด้วย ผมเบื่อกรุงเทพ แต่ก็ไม่รู้จะทำอาชีพอะไรเพราะไม่เคยค้าขายมาก่อน ให้ไปวาดรูปอย่างเดียวก็คงไม่พอกิน ความฝันของผมจึงถูกพี่สามสร้างให้จนเป็นรูปเป็นร่าง ทำไมเขาถึงดีกับผมขนาดนี้ ดีจนผมเริ่มกังวลเพราะปมที่ผูกแน่นของผม มันทำให้ผมกลัวอยู่ตลอดเวลาว่าความโชคดีของผมมันจะมีวันหมดอายุ


ผมตั้งใจกลับบ้านหลังจากที่ไม่ได้กลับมาที่นี่ถึงสามเดือน ช่วงเทอมสุดท้ายผมต้องทำผลงานส่งอาจารย์ มันหนักมาสำหรับผม พี่สามจะเป็นฝ่ายขึ้นมาหาผมเองเพราะไม่อยากให้ผมเดินทาง แต่ตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว แม้จะยังไม่เป็นทางการแต่คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรอีก และวันนี้ผมไม่ได้บอกพี่สามและที่บ้านว่าจะกลับมา อยากสร้างความประหลาดใจให้พวกเขา

ผมมาถึงที่รอรถประจำทางขนาดเล็ก ยังไม่มีรถสายที่จะผ่านหน้าร้านของพี่สามจอดอยู่ ผมจึงนั่งรอไปเรื่อยๆ แล้วจู่ๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่ขับมาจอดตรงหน้าของผม เขาสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้าผมเลยไม่รู้ว่าเป็นใคร จนกระทั่งเขาถอดหมวกออก แม้หน้าตาของเขาจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นมากจนจำแทบไม่ได้ แต่ผมก็จำเขาได้อยู่ดี

“ไอ้นัท” ผมเผลอเรียกชื่อเขาออกไป

“โห นั่นกลายเป็นชื่อเต็มของกูไปแล้วไง” อีกฝ่ายยักคิ้วแล้วถามผม “จะไปไหน ไปส่ง”

“ไม่เอาอะ ไม่อยากถูกฆ่าหมกป่า” ผมรีบส่ายหน้า อีกฝ่ายหัวเราะจนเห็นฟันขาว

“กูเป็นคนดีศรีสังคมแล้ว จะไปหาไอ้สามอะดิ มา...กูจะไปส่ง” อีกฝ่ายไม่พูดเปล่า ลงมาหยิบกระเป๋าของผมไปวางตรงพื้นที่วางด้านหน้ารถ ผมจึงจำใจต้องขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย โตๆ กันแล้ว มันคงไม่มานั่งรังแกผมเหมือนเดิมหรอก ผมคิดว่าอย่างนั้นนะครับ

“จะไปไหน” ผมถาม เพราะว่าทางที่มันขี่พาผมมา มันไม่ใช่ทางไปร้านของพี่สาม

“กินเตี๋ยวกันก่อน ร้านโปรดมึงไง”

“ถามซักคำไหมเนี่ย”

“ไม่ต้องถาม ถึงมึงจะผอมลงแต่กูว่ากินเก่งเหมือนเดิม ตูดก็ยังน่าจับ”

“ไอ้บ้า” ผมด่ามันแต่ก็เดินตามมันไปนั่งในร้าน แล้วผมก็สั่งก๋วยเตี๋ยวมากินเพราะอยากกินอยู่พอดี คิดแล้วก็ขำ ตอนเรียนมอปลายเหมือนจะฆ่ากันให้ตาย เจอกันเป็นต้องมีเรื่อง ตอนนี้มานั่งกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันเฉยเลย

“เจอไอ้ต้นยัง” จู่ๆ นัทก็ถามผมขึ้นมา

“ไม่เจอ”

“มันกลับมาอยู่ที่นี่แล้วนะ เปิดร้านทองใหญ่โต”

“เหรอ” ผมรับรู้ทั้งที่ไม่ได้อยากรู้สักเท่าไหร่

“กรีนก็ด้วย มันกลับมา” คราวนี้ผมหูผึ่งเลย “แม่มันเสียแล้วนะ” ผมหยุดกินเพราะรู้สึกใจหาย ผมไม่รู้ข่าวนี้เลย เจ๋งไม่ได้บอกผม

“แล้วกลับมาทำอะไร” ผมก้มหน้ากินต่อ ก่อนจะถามเมื่อรู้สึกอิ่มขึ้นมาดื้อๆ แม้ผมจะยังอภัยให้กรีนไม่ได้ แต่ยอมรับว่าผมสงสารเขาไม่น้อย

“ไม่รู้ รู้แต่มันเรียนไม่จบ กูไม่อยากใส่ใจ”

“ขนาดไม่ใส่ใจนะ” ผมย้อน อีกฝ่ายยักคิ้วแบบกวนให้ผมอีก

“ตอนเรียนเกลียดกูมากปะ” อีกฝ่ายถามพลางรินน้ำชาใส่แก้วเพิ่มให้ผม

“มากกกกกก” ผมลากเสียงยาวจนอีกฝ่ายหัวเราะร่วน

“มึงอยากไปฟ้องครูทำไมว่ากูดูดบุหรี่”

“เราเปล่านะ” ผมรีบปฏิเสธ

“อ้าว ไอ้กรีน เล่นกูแล้วไง”

“กรีนบอกเหรอ” ผมถาม มันพยักหน้า

“แล้วมึงบอกคนอื่นปะ ว่ากูไปบีบนมมึง”

“เฮ้ย ไม่เคยพูด ไม่ได้บีบจะเอาไปพูดทำไมให้ตัวเองเสียหาย” ผมตกใจมาก ไม่คิดว่ากรีนจะเล่นแรงถึงขนาดนี้

“แม่งเอ้ย อีตอแหล นี่ถ้ากูได้บีบจริงๆ จะไม่ว่าสักคำ เอาจริงๆ ตอนนั้นก็อยากอยู่” มันพูดพลางมองหน้าอกของผม

“ปากหมาอีกแล้วไง” ผมเอาตะเกียบชี้หน้ามัน มันหัวเราะ ปกติผมไม่ค่อยหยาบใครกับใคร แต่กับนัท เหมือนมันดึงความห่ามในตัวผมออกมา ทั้งที่มันอายุเท่าพี่สาม แต่ผมกล้าที่จะปีนเกลียวมัน นี่ถ้าไม่เข้าใจผิดและได้เป็นเพื่อนกัน ชีวิตมัธยมปลายของผมคงมีสีสันน่าดู “แล้ว...นัทเคย” ผมอยากจะลองถามเรื่องนั้น แต่ก็กระดากปากที่จะพูดตรงๆ

“เคยอะไร ไอ้กรีนมันใส่ความกูว่าอะไร”

“เคยพากรีนไปที่ห้องน้ำหลังตึก แล้วบังคับ..ให้ทำงั้นรึเปล่า”

“ทำอะไร”

“ก็ทำยังงั้นอะ”

“เอามันอะเหรอ”

“ไม่ถึงขนาดนั้น”

“แล้วมันขนาดไหนวะ”

“ก็แบบนั้นไง”

“วะ มึงพูดมาเลยได้มะ” มันทำท่าหงุดหงิด

ก็ผมไม่อยากพูดนี่ มองซ้ายมองขวาเลยเอาตะเกียบขึ้นมาดูดตรงปลาย แล้วรีบเอาวางลงเหมือนเดิม “แบบนี้ไง”

“ดูกระปู๋กูอะเหรอ”

“พูดเบาๆ ได้ไหม” ผมรีบต่อว่ามัน อยากจะบ้าตาย แต่ก็พยักหน้าให้

“หมดกัน ไม่เคย กูแตะต้องร่างกายมันมากที่สุดคือชกปากมัน ที่มันเอามึงมาว่าร้าย แทนที่มึงจะขอบคุณกู เสือกมาด่ากูให้อับอาย มึงคิดซิคิด กูนี่แดงไบเล่อันธพาลครองโรงเรียน แล้วมึงมายืนชี้หน้าด่ากูไฟแลบจนเถียงไม่ทัน กูอับอายลูกกระจ๊อกแค่ไหนมึงคิดบ้างไหม ถ้าไอ้สามไม่มาขอกูเอาไว้ กูจับมึงทำเมียไปแล้ว”

“พี่สามเหรอ....” ผมเพิ่งได้รู้ “ไม่ใช่พี่ต้นเหรอ”

“ขี้ขลาดอย่างไอ้ต้นเนี่ยนะจะมาหือกับกู มันเห็นมึงถูกกูแกล้งทุกวัน ทำได้แค่มองตาละห้อย โน้น...ไอ้สามโน้น ชกกูซะปากแตกแดกข้าวไม่ได้เป็นอาทิตย์ ไม่ยอมก็ต้องยอม”

“นึกว่าเห็นแก่มิตรภาพ ที่แท้ก็ป๊อด กลัวถูกพี่สามชกหรอกเหรอ” ผมพูดแล้วก็หัวเราะ คราวนี้มันตะเกียบชี้หน้าของผมบ้าง

“กูจะทำยังไงกับไอ้กรีนดีวะ ห่าเอ้ย อดีตของกูจบกัน เลวก็ยอมรับ แต่กูไม่เคยข่มขืนหรือบังคับใจกันเรื่องแบบนั้น มันเสียชาตินักเลงที่แท้ทรู”

“มันผ่านไปแล้ว”

“แล้วมึงก็เชื่อมันเนี่ยนะ” พอนัทถามผมแบบนี้ผมก็อึ้งไป คำพูดของมาร์ชลอยเข้ามา

‘มีใครบ้างที่ไม่เชื่อคำพูดของกรีน’

ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ไม่คิดถาม ฟังความข้างเดียว เราทุกคนต่างก็ผิดที่ยอมเป็นเหยื่อของกรีนง่ายๆ แล้วก็ไม่คิดจะค้นหาความจริง

“ก็ใครจะไปคิด ทำตัวเกเรทุกวัน แต่ก็ขอโทษนะ”

“ขอคิดก่อนว่ายกโทษให้ดีไหม”

“อย่าเยอะ”

“วุ้ย ให้กูเล่นตัวสักห้านาทีมันจะตายมะ” มันบ่น ผมได้แต่หัวเราะ

“อยากให้เราเรียกพี่ไหม” ผมถาม มันเป็นรุ่นพี่ของผม แต่เพราะมันแกล้งผมจนผมหมดความนับถือ นี่ถ้ามันบอกว่าอยากให้เรียก ผมก็คงฝืนใจน่าดู

“ไม่เป็นไร โทษฐานที่กูแกล้งมึงบ่อย กูให้สิทธิ์มึงปีนเกลียวได้ หรืออยากปีนเกลียว ‘ของกู’ ก็ได้”

“ไอ้ลามก” ผมว่ามันแบบทีเล่นทีจริง มันโดนผมด่าก็เอาแต่ขำ ท่าจะอาการหนัก

พิศมองคนที่มีรอยสักเต็มแขน คนที่ผมเคยบอกกับตัวเองว่าจะไม่มีวันยอมอยู่ใกล้ๆ มันเด็ดขาด คนที่ผมแอบดูถูกว่ามันคงเป็นได้แค่นักเลงหัวไม้ที่ไร้อนาคต ผมนึกขอโทษนัทในใจ แต่ตอนนี้เรากลับนั่งคุยและสร้างเสียงหัวเราะให้กันได้ สิ่งที่ผ่านไปแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ เราต่างก็ตัดสินกันจากคำพูดของคนอื่น ก็คงทำได้แค่เริ่มทำความรู้จักกันใหม่เท่านั้นเอง

……

นัทมาส่งผมที่หน้าร้านของพี่สาม แต่เขาไม่ได้กลับ เดินตามผมลงมาด้วย ‘น้องมีน’ เด็กนักเรียนที่พี่สามรับเข้ามาทำงานพิเศษในวันหยุดเห็นผมก็รีบเข้ามาช่วยถือของ คงจำผมได้เพราะก่อนหน้านี้ผมก็มาที่นี้บ่อยๆ น้องมีนไหว้ผมกับนัทและเดินนำเข้าไปด้านใน

“พี่สามไม่อยู่เหรอ” ผมถาม

“คุยกับเพื่อนอยู่ในห้องค่ะ”

“ใครวะ”

“ไม่รู้ค่ะเฮียนัท หน้าตาหล่อด้วย” เด็กสาวพูดพลางปิดปากขำ

“ใครวะ เฮียเนี่ยหล่อสุดในบรรดาเพื่อนไอ้สามแล้ว” นัทขยิบตาให้น้องมีน จนกระทั่งใครบางคนเดินออกมาจากห้องทำงานส่วนตัวของพี่สาม ผมถึงกับพูดไม่ออก

“ไอ้กรีน มาทำอะไรที่นี่วะ” นัทเป็นคนร้องทัก

“ไม่เจอกันนานเลยนะ” กรีนไม่พูดกับนัท แต่เดินเข้ามาพูดกับผม สักพักพี่สามก็เดินตามออกมา กรีนยกยิ้ม สายตาของกรีนเหมือนจะบอกอะไรผม

“อ้าวกิ่ง ไม่เห็นบอกว่าจะมา” ผมมองไปที่กางเกงยีนของพี่สาม กระดุมยังติดไม่เรียบร้อยเลย

“นัท ไปส่งเราที่บ้านหน่อย” ผมพูดจบก็คว้ากระเป๋าจากมือของน้องมีนมาถือ น้องดูจะตกใจกับท่าทีของผม แต่ผมไม่ได้สนใจเพราะกำลังโกรธ รีบเดินออกจากร้านของพี่สามไปอย่างรวดเร็ว

“กิ่ง เป็นอะไร” พี่สามเดินตามมาคว้าแขนของผมก่อนจะถาม

ผมเป็นคนขี้หึง คราวที่คบกับพี่ต้นผมไม่เคยแสดงอาการอย่างเปิดเผยขนาดนี้มาก่อน ให้งอนหรือโกรธก็จะเลือกไปพูดกับพี่เขาตามลำพัง แต่คราวนี้ผมควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ ผมกลายเป็นคนขี้ระแวงไปแล้ว บาดแผลที่พี่ต้นกับกรีนสร้างให้ผมมันกลายเป็นปมใหญ่ในชีวิต แถมคนสร้างปมนั้นกลับมาวนเวียนกับแฟนของผมอีกรอบ ผมจะไม่หึงได้ยังไงกัน

“ไม่ใช่คนนี้ไม่ได้เหรอพี่สาม” ผมน้ำตาคลอ

“พูดอะไร”

“เพราะกิ่งยังไม่ให้พี่ทำแบบนั้นกับกิ่ง พี่เลยต้องหาที่ระบายใช่ไหม ทำไมต้องเป็นมัน”

“กิ่ง”

“ทำไม กิ่งพูดแทงใจดำพี่เหรอครับ”

“ไอ้นัท กูยืมกุญแจรถมึงหน่อย” พี่สามตะโกนเข้าไปในร้าน มืออีกข้างก็ยังจับแขนผมเอาไว้

กรีนรีบเดินออกมา สีหน้าแสดงว่าเป็นห่วงผม น้ำเสียงที่สั่นคลอพยายามจะอธิบาย “กิ่ง อย่าเข้าใจผิด เรากับพี่สาม...” 

“เงียบปากไปเลย” เมื่อเจอพี่สามพูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงดุดันก่อน อีกฝ่ายจึงเงียบปากแทบจะทันที “มันแค่เอาเงินมาใช้หนี้แม่พี่ ไป..ขึ้นรถ” พี่สามพูดกับกรีนเสร็จจึงหันมาพูดกับผม จากนั้นถึงได้เดินไปคร่อมรถ

ผมกำลังเสียใจอยู่นะ ยังจะมาดุผมอีก ถึงผมจะเริ่มน้อยใจแต่ก็รีบขึ้นนั่งซ้อนท้ายพี่สาม เพราะตอนนี้หน้าพี่สามดูเหมือนจะหงุดหงิดมาก ผมงอนเขาอยู่แต่ก็ไม่อยากให้เขาหงุดหงิด

“กอดเอวด้วย” พี่เขาสั่งผม ผมเอามือไปแตะเอวพี่สามเฉยๆ “บอกให้กอด” พี่สามหันมามองหน้าผม ผมหน้างอใส่ จนพี่เขาเอามือของเขามาจับมือของผม แล้วออกแรงดึงให้ไปกอดเอวของเขาเอาไว้

“ดุดันมาก นั่นเพื่อนเฮียเอง แต่เฮียดุกว่า เพราะฉะนั้นอย่าดื้อกับเฮียนะ” นัทมันหันไปพูดกับน้องมีน ส่วนกรีนได้แต่ยืนเม้มปากและมองดูผมกับพี่สามไม่วางตา

“คืนนี้ปิดร้านให้กูด้วยนะนัท”

“อ้าว มึงจะไม่กลับมาแล้วเหรอ แล้วมอ’ไซด์กูล่ะ”

“กูเอาไปก่อน มึงเอารถกูขับกลับไปแทน”

“จริงดิ! ให้กูขับซุปเปอร์คาร์ของมึงได้เหรอ” นัทดีใจจนออกนอกหน้า

“เออ กูไปนะ แล้วคืนนี้ไม่ต้องไปนอนบ้านกู กูอยากได้พื้นที่ส่วนตัวกับ ‘แฟน’ ของกู” พี่สามพูดจบก็สตาร์ทรถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่ของนัทและบิดคันเร่งออกไปอย่างรวดเร็ว

ผมกลัวว่าตัวเองจะร่วงลงไปกองกับพื้น จึงออกแรงกอดพี่สามจนแน่นโดยที่ไม่รอให้เขาสั่งอีกรอบ

ชั่วพริบตาเดียวพี่สามก็พาผมมาถึงบ้านของเขา แม่ของพี่สามยกที่ดินที่ร้านและที่นี่ให้เป็นของขวัญในวันที่พี่สามเรียนจบ บ้านชั้นเดียวและมีบริเวณโดยรอบกว้างพอสมควร แน่นอนว่าผมเป็นคนเลือกแบบ และมีส่วนร่วมในการตกแต่งทั้งหมด สไตล์แบบอินเดียนแดง ยิปซี หรือโบฮีเมียน คือสไตล์ที่ผมกับพี่สามชอบ

“ทำไมไม่ยิ้ม” พี่สามพาผมมานั่งในบ้านได้ก็เอามือมาแนบแก้มของผมและก็ออกแรงมันให้ส่ายไปส่ายมา

“ขี่ซะเร็ว ลมมันตีหน้ากิ่งจนหน้าชาไปหมดแล้วเนี่ย” ผมยังคงทำหน้างออยู่

“ก็งอนอะไรไม่เข้าท่า พี่ไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลยเหรอ”

“พี่เดินออกมากับกรีน กระดุมกางเกงก็หลุด” ผมชี้ให้เขาดู

“ก็กางตัวเนี่ยรังดุมมันขยาย อะ เนี่ยดูนะ” พี่สามลุกขึ้นยืน สองมือกลัดกระดุมเหล็กเข้าที่ แต่พอยืนเฉยๆ แล้วมันยังไม่หลุด เขาเลยส่ายเอวไปมาตรงหน้าผม ไม่นานกระดุมมันก็ค่อยๆ หลุดออกจากรังดุม

“แล้วใส่ทำไมเล่า” ผมพูดเสียงเบา ขำก็ขำ เขินก็เขิน มาส่ายเป้าตุงๆ ตรงหน้าของผมอยู่ได้

“เมื่อเช้าลูกค้าจะรีบมาเอางาน พี่คว้าอะไรได้ก่อนก็ใส่ แล้ววันนี้กรีนมันเอาเงินมาจ่ายคืนแม่พี่พอดี”

“ทำไมพี่ไม่เคยเล่าเลยว่ากรีนกลับมาอยู่นี่”

“พี่ไม่เคยใส่ใจมัน แล้วก็คิดว่ากิ่งไม่ควรใส่ใจ”

“แต่สายตามันที่มองพี่..”

“ก็มองไปดิ พี่ไม่ใช่ไอ้ต้นนะที่มันมองแล้วอยากนอนด้วย”

“ถ้ามันพยายามเข้าหาพี่อีกล่ะ” ผมยังคงระแวง ถึงยังไงพี่สามก็คือผู้ชายธรรมคนหนึ่ง หากโดนยั่วบ่อยๆ ผมจะรู้ได้ไงว่าพี่เขาจะไม่ตบะแตก ที่สำคัญผมคิดว่ากรีนคงเก่งเรื่องอย่างว่า กลัวว่าถ้าพี่สามพลาดครั้งหนึ่งแล้วจะติดใจยาวแบบพี่ต้นกับมาร์ช

“กิ่งก็แค่เชื่อใจพี่”

“กิ่งเชื่อใจมาแล้วครั้งหนึ่ง”

“แล้วครั้งนั้นใช่พี่หรือเปล่า”

“กิ่งจะทำยังไงดี กิ่งไม่ได้อยากเป็นแบบนี้เลย” ผมอยากจะร้องไห้ ไม่อยากกลายเป็นคนไม่มีเหตุผล แต่ผมกลัวว่าตัวเองจะถูกทรยศอีก

“หึงพี่ได้ แต่ต้องฟังพี่ด้วย คนเราถ้าไม่ฟังกันก็คือจบ ถ้าฟังแล้วไม่น่าเชื่อก็ค่อยตัดสินใจ”

“......”

“ไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวค่ำๆ ไปหาอะไรอร่อยกินกัน”


มีต่อด้านล่าง
V
V
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' ตอนที่ 5+6 [01/06/62] ดราม่าขั้นสุดจ่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Loverouter ที่ 03-06-2019 11:50:45
ต่อจากด้านบน


ผมเข้าไปอาบน้ำเพราะอยากให้จิตใจมันสดชื่น ออกมาก็เห็นพี่สามกำลังนวดไหล่ของตัวเองอยู่ ผมเห็นแผ่นบรรเทาอาการปวดวางอยู่ใกล้ๆ เลยลงไปนั่งข้างหลังพี่สาม แล้วช่วยบีบที่ไหล่ของเขาให้

“พี่ทำงานหนักไปหรือเปล่าครับ”

“ดีกว่าไม่มีงานทำ”

“พี่ปวดตรงไหน กิ่งจะแปะแผ่นบรรเทาปวดให้”

“ไหล่ขวา มันเกร็งเวลาติดสติ๊กเกอร์รถ ถ้าพลาดคือต้องไปปริ้นมาใหม่”

ผมลอกแผ่นกาวออกก่อนจะแปะตรงตำแหน่งที่พี่สามบอก แล้วผมก็สวมกอดเขา แนบใบหน้ากับแผ่นหลัง มันกว้างและแข็งแรงเหมือนเดิม ผมกำลังตกหลุมรักพี่สามมากขึ้นทุกที รักจนไม่เหลือพื้นที่ให้ใครอีกแล้ว

“เรียนจบแล้ว กลับมาอยู่ด้วยกันนะ” พี่เขาพูดพร้อมกับลูบมือของผมที่โอบเอวเขาอยู่

“ถ้าเราอยู่ด้วยกันยี่สิบสี่ชั่วโมง กิ่งอาจจะทำตัวให้พี่เบื่อ”

“พี่จะบอกถ้ากิ่งทำอะไรให้พี่ไม่ชอบ กิ่งก็ต้องบอกพี่เหมือนกัน”

“กิ่งกลัว”

“กิ่ง มันไม่ใช่ทุกคู่หรอกนะที่ต่างพ่อต่างแม่ต่างครอบครัวต่างนิสัยแล้วไปกันไม่รอด กิ่งอย่าจำแต่ภาพของตัวเองที่ผิดหวัง ครั้งนั้นกิ่งไม่ได้ผิดอะไรเลย ลองดูพ่อแม่กิ่ง พ่อแม่พี่ ทำไมเขายังอยู่ด้วยกันได้ มันขึ้นอยู่กับว่าเราพร้อมจะปรับตัวพบกันคนละครึ่งทางไหม”

“พี่ต้องเตือนกิ่งนะ”

“ครับผม”

“แล้วพี่ไปซื้อซุปเปอร์คาร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ กิ่งไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

“ก็รถกระบะแต่งคันเดิมของพี่นั่นแหละ ไอ้นัทมันเรียกซุปเปอร์คาร์ มันอยากเอาไปซิ่งนานแล้ว”

“โธ่เอ้ย กิ่งก็นึกว่าพี่ยอมควักกระเป๋าซื้อ ยังสงสัยอยู่ว่าพี่นึกครึ้มอะไรขึ้นมา”

“กิ่งอยากได้เหรอ”

“เปล่าครับ กิ่งไม่ได้ติดรวยขนาดนั้นสักหน่อย”

“มานั่งตรงหน้าพี่มา” พี่สามบอก ผมคลายวงแขนออกแล้วขยับมานั่งตรงหน้าของพี่สาม

“พี่มีงานทำเองแล้ว กิ่งอยากได้อะไรพี่จะซื้อให้ พี่รวย”

ผมหัวเราะแทนคำตอบ ดันตัวขึ้นไปจูบพี่สาม พี่เขาจูบตอบ บรรยากาศเริ่มพาไป สุดท้ายผมถูกดันให้นอนราบกับพื้น โดยมีพี่สามคร่อมตัวผมอยู่ ผมว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน ช่วยกันทำงาน แล้วก็ช่วยกันใช้เงิน

“กิ่งอยากได้พี่สาม”

“อันนี้ไม่ต้องซื้อ”

พี่สามพูดจบก็โน้มตัวลงมาจูบผมอีก ผมเชื่อแล้วว่ากระดุมกางเกงของพี่สามหลุดง่าย ตอนนี้มันเลยไปกองอยู่ที่ปลายเท้า ส่วนเสื้อผ้าของผมไม่ได้หลุดง่าย แต่คนถอดเก่ง มันเลยหายไปจากตัวผมอย่างรวดเร็วเหมือนกัน

หนวดที่เพิ่งขึ้นเป็นไรเขียวของพี่สามสร้างความปั่นป่วนให้ผมไม่น้อยเมื่อมันถูไถบนผิวกายของผม มือใหญ่หนาก็เคล้นคลึงก้อนเนื้อบั้นท้ายของผมไปด้วย ร่างกายเปลือยเปล่าของเราบดเบียดเสียดสีกันช้าๆ ไม่มีความรีบเร่งและมันเร่าร้อนในที ไม่รู้ว่าผมห่างหายจากเรื่องนี้ไปนานหรือว่าริมฝีปากของพี่สามมีพลังวิเศษ ผมหายใจติดๆ ขัดๆ เมื่อมันมาสาละวนอยู่กับยอดอกทั้งสองข้างของผม

เขาละเลียดชิมอย่างช้าๆ ตวัดปลายลิ้นลงมาดูดดุนซ้ำๆ ก่อนจะกดริมฝีปากลงมาเม้มและบดคลึงปลายยอดอย่างช้าๆ ผมถึงกับสะท้านไปทุกอณูขุมขน

ส่วนอ่อนไหวของเราทั้งคู่ตื่นตัวและกำลังสัมผัสกันไปมา พี่สามทิ้งน้ำหนักตัวลงให้ส่วนนั้นของเราแนบสนิทยิ่งกว่าเก่า ผมพรูลมหายใจถี่ขึ้นเพื่อระบายความทรมานที่กำลังก่อตัว กล้ามท้องที่แข็งแรงเป็นลอนของพี่สามลากผ่านส่วนที่กำลังตื่นตัวของผม ผมจิกเล็บเข้าที่ไหล่หนาและเผลอยกสะโพกตัวเองขึ้นเพื่อให้ร่างกายของเราแนบชิดกันมากขึ้นไปอีก

ราวกับถูกไอแดดแผดเผาใบหน้า แต่ก็เย็นยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจ

เมื่อต่างฝ่ายต่างถูกพายุอารมณ์เข้าซัดสาด เราจึงไม่สามารถหยุดความต้องการที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ นิ้วของพี่สามเริ่มเข้าไปสำรวจด้านใน ผมเกร็งตัวเล็กน้อย แม้ผมตั้งใจที่จะมีอะไรกับพี่สาม ตอนที่อาบน้ำจึงเตรียมความพร้อมของตัวเองมาแล้ว แต่พอถูกนิ้วที่ยาวและหนากว่าของตัวเองเข้ามาสัมผัส มันทั้งตื่นเต้นทั้งทรมาน อีกฝ่ายคงรู้เลยใช้ความอ่อนโยนกับผมมากที่สุด มากจนผมเริ่มปล่อยใจคล้อยตามและตอบรับ

เจลเย็นถูกป้ายลงจนผมสะดุ้งเล็กน้อย มันบ่งบอกให้รู้ว่าถึงเวลาที่เราสองคนจะหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียว ขาทั้งสองข้างของผมถูกแยกออกจากกัน ริมฝีปากของผมถูกตรึงเอาไว้ด้วยริมฝีปากของพี่สาม จูบที่หนักหน่วงจนเลือดในกายเริ่มแล่นพล่าน แล้วบางอย่างค่อยๆ สอดเข้ามาในตัวผมช้าๆ

“ไม่ไหวบอกนะครับ” พี่สามกระซิบที่ข้างหูก่อนจะลงไปสาละวนกับยอดอกของผมอีกครั้ง

ความเนิบนาบทำให้ผมไม่รู้สึกเจ็บ แต่มันอึดอัด มีความปรารถนาให้มันเคลื่อนไหวเร็วกว่านั้น แต่ไม่กล้าบอก อีกฝ่ายยังคงไม่เร่งจังหวะ เอาแต่ค้างคาไว้ เหมือนจะแกล้งผม สุดท้ายเป็นผมเองที่เกาะไหล่ของเขาเป็นหลักยึด แล้วขยับกายเพื่อให้ส่วนที่หล่อหลอมได้เสียดสีกัน

พี่สามหัวเราะเบาๆ พอเห็นผมทำหน้างอก็รีบจูบที่หน้าผาก ดวงตามั่นคงที่จ้องมองมาทำเอาผมตกอยู่ในภวังค์ จมูกได้รูปมาคลอเคลียที่แก้มของผม สุดท้ายริมฝีปากของเขาก็บรรจงจูบผมอย่างอ้อยอิ่ง ส่วนผมยังคงขยับกายของตัวเองเพราะเริ่มทรมาน เมื่อทนไม่ไหวเลยทุบที่แขนของพี่สามแรงๆ ก็เขาอยากแกล้งผมทำไม

“อยากให้พี่...” เขาพูดไม่ทันจบประโยคผมก็พยักหน้าทันที พี่เขายิ้มน้อยๆ ตามเคย ก่อนจะชันตัวขึ้น

คำร้องขอของผมเกือบจะทำให้ผมขาดใจตาย สะโพกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรงสวนเข้าหาบั้นท้ายของผม ตัวของผมสั่นคลอนไปหมดจนพี่สามต้องใช้มือยึดเอวของผมเอาไว้ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ความเร็วและความหนักหน่วงแบบนี้ ถ้าไม่ใช่คนแข็งแรงคงเหนื่อยหอบและหยุดพักไปแล้ว แต่สีหน้าของพี่สามยังคงนิ่งแม้สะโพกของเขาจะทำงานอย่างกับเครื่องยนต์ สายตายังจดจ้องที่ใบหน้าของผม ยิ่งผมครางหรือหลับตาเพริดพริ้ม เขายิ่งขยับถี่และเน้นน้ำหนักมากขึ้นไปอีก จนตอนนี้เสียงเนื้อที่สัมผัสกันของเราดังกลบเสียงอื่นใดไปจนหมด

ผมไม่ไหวแล้ว...พี่สามคือเดอะเบสท์ ผมขอมอบรางวัลนี้ให้เลย

แม้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของผม แต่เป็นครั้งแรกที่ผมสุขจนอยากตะโกนออกมาว่าผมคือผู้โชคดี

สรุปว่ามื้อค่ำผมไม่ได้ออกไปกินของอร่อยอย่างที่พี่สามบอก ขาผมสั่นไปหมด ผมคงให้พี่เขาอดทนรอผมมานานเกินไป พอถึงเวลาจริงพี่เขาเลยใส่ไม่ยั้ง เราจึงปิดท้ายคืนนี้ด้วยอาหารฝีมือของพี่สาม ยังอุตส่าห์มีแรงไปทำให้ผมกิน

ที่สำคัญ...พี่เขาบอกว่ากระดุมกางเกงมันหลุดบ่อยจนน่ารำคาญ เขาเลยเดินเปลือยไปทั่วบ้าน ส่วนผมได้แต่คิดว่า...ผมจะตากุ้งยิงก่อนตะวันขึ้นในวันพรุ่งนี้หรือเปล่านะ

……

ผมย้ายข้าวของทั้งหมดมาอยู่กับพี่สามแล้ว คอนโดของผมก็ปล่อยให้เขาเช่า เราช่วยกันทำมาหากิน ผมเริ่มลูกค้าประจำและลูกค้าใหม่ๆ ที่มาเพราะการบอกต่อ นัทมาช่วยดูแลในส่วนของร้านกาแฟ ผมทึ่งมากเพราะไม่คิดว่าคนห่ามๆ อย่างนัท เวลาเขาจดจ่อกับการชงกาแฟจะดูสงบได้ขนาดนั้น แต่พอชงกาแฟเสร็จก็มาทำตัวทะลึ่งลามกได้เหมือนเดิม รายนั่นจีบคนไปทั่ว หยอดไปทั่ว ได้หมดทั้งชายและหญิง ไม่รู้ว่าบทสรุปจะได้ลงเอยกับใคร

ผมมีโอกาสได้เจอกับพี่ต้นเมื่อพ่อแม่เรานัดทานข้าวด้วยกัน เขาเล่าให้ผมฟังว่ากำลังคบกับเด็ก ม.5 ผมเคยเห็นเขาไปกินข้าวกับเด็กคนนั้นหลายครั้ง รูปร่างคล้ายผมสมัยเรียน อวบกว่าผมด้วยซ้ำ แต่ผิวก็ขาวมากๆ เหมือนกับพี่เอ๋ย นี่คงเป็นเรื่องเดียวที่เขาไม่ได้โกหกผมว่าเขาชอบสไตล์นี้ แต่บางครั้งผมก็ยังเห็นเขาไปกับกรีน ผมไม่รู้หรอกนะว่าเขายังสานต่อเรื่องเดิมกันอยู่รึเปล่า แต่ถ้าใช่ ผมสงสารน้องคนนั้น คงคิดว่าตัวเองเป็นผู้โชคดีเหมือนที่ผมเคยคิด

……

กรีนยังคงเอาเงินมาทยอยคืนแม่ของพี่สามทุกเดือน ผมไม่รู้ว่าเขาทำงานอะไร นัทบอกว่าเขาเรียนไม่จบ แต่การมีเงินมาใช้หนี้ได้ตรงเวลาก็แปลว่าเขาคงมีงานที่มั่นคงทำ

แล้ววันหนึ่งเขามาชวนผมให้ไปทานข้าวกับเขา ผมก็อยากจะปฏิเสธ แต่อีกใจก็อยากรู้ว่าเขาต้องการอะไรจากผมกันแน่

“เราขอโทษนะเรื่องที่ผ่านมา” เขาเริ่มต้นบทสนทนาด้วยคำว่าขอโทษ ผมไม่รู้ว่าตัวเองอคติไปหรือเปล่า แต่มันดูพยายามมากไปจนไม่ธรรมชาติ

“แค่จะขอโทษไม่ต้องถึงกับนัดกินข้าวก็ได้”

“เราอยากขอโทษจริงๆ กิ่ง ที่ผ่านมาเราทะเยอทะยาน เราอยากได้อยากมีแบบกิ่งโดยไม่เจียมตัวเอง เราแค่น้อยใจในวาสนาของเรา แต่เราไม่ควรเอาปมด้อยของตัวเองมาเป็นเหตุผลในการทำร้ายคนอื่น” กรีนพรั่งพรูความในใจพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มคลอหน่วย ผมบอกตรงๆ ว่าผมเข็ด ผมไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่เห็นและที่ได้ยิน

“แล้วตอนนี้ทำงานอะไร” ผมถามไปตรงๆ

“กิ่งคงนึกสมน้ำหน้าเรา เราเป็นเด็กเลี้ยงของคนคนหนึ่งอยู่ เราเรียกเขาว่าเสี่ยแหละ แต่เขายังไม่ได้แก่หรอกนะ เขาให้เงินเราใช้แลกกับเรื่องอย่างว่า เราเรียนไม่จบ ก็คงต้องใช้ด้านนั้นหาเงิน น่าสมเพชไหม”

“ทำไมถึงคิดว่าเราอยากสมน้ำหน้า ถามจริงๆ นะ เราทำให้กรีนรู้สึกว่าเราเกลียดกรีนหรือเหยียดฐานะกรีนขนาดนั้นเลยเหรอ เราเคยเป็นเพื่อนกัน เราอยากช่วยจึงเสนองานให้ เราไม่รู้ว่ามันทำให้กรีนอายหรือดูต่ำต้อย ถ้าบอกเรา เราจะไม่ทำแบบนั้น หรือถ้าเราเผลอทำกิริยาอะไรให้กรีนคิดแบบนั้นทำไมไม่พูดกับเราตรงๆ ใช้วิธีนอนกับแฟนของเราแล้วกรีนดูสูงส่งขึ้นไหม อยากทำให้เราเสียใจ โอเคเราเสียใจ เราเจ็บ แต่สุดท้ายเรามาเจอคนที่ดีกว่าพี่ต้น แล้วยังไง กรีนยังอยากจะทำให้เราเจ็บอีกไหม”

“........”

“คิดว่าเราไม่รู้เหรอว่ากรีนพยายามเข้าหาพี่สามตลอด กรีนมาร้องไห้ขอให้พี่สามช่วยเรื่องเงินทุกเดือน เสี่ยที่กรีนบอกคือพี่สามใช่ไหม อยากทำให้เราเข้าใจแบบนั้นใช่ไหม มาพูดเกริ่น แล้วค่อยสร้างหลักฐานให้เรากับพี่สามทะเลาะกัน แบบนั้นใช่ไหม”

“.......”

“เราจะบอกให้นะ พี่สามเล่าให้เราฟังทุกครั้ง เขาไม่เคยโกหกเราเลย และเงินที่กรีนมีใช้ทุกเดือนคือเงินเราเอง ไม่ใช่เงินของพี่สาม เขาจะไม่ให้กรีน แต่เราอยากให้ เพราะตอนงานศพแม่ของกรีนเราไม่ได้ช่วย”

“.......”

“อยากได้พี่ต้นเราก็ให้ อยากได้ของใช้ของเรา เราก็ให้ อยากได้เงิน เราก็ให้ อยากได้พี่สาม..เราให้ไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเราหวง แต่เพราะเขาไม่เอากรีน กี่ครั้งที่กรีนพยายาม เขาเคยหวั่นไหวไหม คิดว่ายังมีเสน่ห์พอที่จะทำสำเร็จเหรอ เหนื่อยไหมกรีน”

กรีนไม่ได้ตอบผม เอาแต่ร้องไห้ ผมรู้ว่าเขาเจ็บใจ เขาไม่เคยยอมแพ้อะไรทั้งนั้นทั้งที่เขาไม่เคยชนะอะไรเลยด้วยซ้ำ

“แต่เราเหนื่อยแล้ว ถ้ากรีนยังไม่เลิกยุ่งกับเราและแฟนของเรา นอกจากจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเราอีก เราจะลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องของของเราอย่างที่กรีนนึกไม่ถึงเลยล่ะ ในเมื่อเงินของเราดึงกรีนขึ้นมาจากความคิดชั่วๆ ไม่ได้ เราจะใช้เงินเราทำลายกรีนจนลมหายใจสุดท้ายบ้าง ไม่เชื่อก็ลองทำต่อไป”

ผมไม่อยู่รอฟังคำพูดใดๆ ของกรีนอีก ไม่อยากเห็นน้ำตาที่ปนไปด้วยเรื่องราวโกหกนับร้อยนับพัน

ผมกลับมาเล่าให้พี่สามฟัง เขาเอาแต่ยิ้มและยกนิ้วให้ผม ส่วนนัทมันลูบขนแขนแล้วบอกว่าผมดูโหดมากๆ มันบอกว่าไม่กล้าแกล้งผมอีกแล้ว ผมไม่ได้ดีใจหรอกนะครับที่ลุกมาทำตัวร้าย แต่กรีนเป็นคนสอนผมเองว่าชีวิตต้องสู้ ต่างกันตรงว่าผมสู้ในสิ่งที่ควร แต่คนที่สอนผม เขาสู้ในสิ่งที่ไม่ควร

แต่คนอย่างกรีนก็คงไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมไม่เข้าใจระบบความคิดของเขาจริงๆ เขาเป็นคนฉลาด ทำไมไม่เอาความฉลาดมาทำชีวิตให้ดีขึ้น ผมเชื่อว่าเขายกฐานะตัวเองได้หากเดินในเส้นทางที่ถูกที่ควร แต่เขากลับเลือกทางลัด และคิดแต่จะอยากได้ของที่ไม่ใช่ของตัว

……

วันนี้เป็นงานรวมรุ่นศิษย์เก่าของโรงเรียนที่พวกผมเคยเรียน งานถูกจัดขึ้นเพื่อระดมทุนสร้างตึกเรียนใหม่ พี่สามจองโต๊ะเอาไว้ 1 โต๊ะ สำหรับเพื่อนกลุ่มพี่สาม นั่นหมายถึงพี่ต้นด้วย ส่วนกลุ่มของผมก็นั่งโต๊ะติดกัน พวกรุ่นน้องที่ยังเรียนอยู่ในปัจจุบันก็มาช่วยงานเสิร์ฟ และเดินถือกล่องเรี่ยไรทุนเพิ่มเติม

พวกเรามากันจนครบแล้วยกเว้นกรีน ไม่มีใครพูดถึง แต่ผมเชื่อว่าทุกคนนึกถึง หลังจากวันที่ผมพูดกับเขา เขาไม่มาเอาเงินจากพี่สามอีกเลย แต่ผมก็ยังเห็นเข้าบ้างเป็นบางครั้ง นัทเล่าว่าเขาไปช่วยแม่พี่ของพี่ต้นทำงาน เขาเป็นคนเก่ง แม่พี่ต้นคงเห็นความสามารถตรงนั้น และพี่ต้นก็คงสงสาร ยังไงเขาก็เคยรักกันมา

มาร์ชพาแฟนมันมาด้วย เป็นผู้ชายครับ หน้าตาดีมาก ฐานะน่าจะดีมากเช่นกันเมื่อดูจากข้าวของเครื่องใช้ เขามีความสง่าและมีออร่าบางอย่างที่ผมบรรยายไม่ถูก ถ้าจะใช้คำสั้นๆ ให้มองภาพโดยรวมออก เขามีออร่าเป็นดั่ง ‘ควีน’ ทำนองนั้นครับ มาร์ชมันดูจะหลงและเกรงใจแฟนมากๆ มิน่ามันถึงเงียบหายไปเลย ส่วนเจ๋งก็พาแฟนมา เป็นหญิงสาวหน้าตาน่าเอ็นดู และดูเป็นคนเรียบร้อย

ในระหว่างที่พวกเรากินอาหารและพูดคุยถึงความหลังกันอย่างสนุกสนาน กรีนก็ปรากฏตัวขึ้น เขาแต่งตัวแบบจัดเต็ม เสื้อผ้าราคาแพงที่ห่อหุ้มเขา ช่วยให้ทุกสายตาจับจ้องมาด้วยความสนใจ ผมยอมรับว่าเขาหน้าตาดี และวันนี้เขาก็ดูดีมาก กรีนมองมาที่พวกผมก่อนจะเดินผ่านไปแบบไม่ไยดี ทิ้งตัวลงนั่งข้างพี่ต้น ตอนนี้โต๊ะของผมและโต๊ะของพี่สามเงียบไปสนิทใจ

“พี่ต้น ของที่พี่ฝากกรีนซื้อที่กรุงเทพกรีนเอาไปไว้ที่ห้องแล้วนะครับ” เสียงที่เอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบนั้นกำลังเผื่อแผ่มาถึงโต๊ะของผม เจ๋งส่ายหน้าอย่างระอา ส่วนมาร์ชได้แต่ถอนหายใจ

“กรีน ทำไมไมไปนั่งกับกลุ่มของกรีน” พี่ต้นกระซิบ สีหน้าดูลำบากใจมาก

“กรีนอยากนั่งกับพี่ต้น หิวจังครับ” กรีนหยิบตะเกียบของพี่ต้นมาใช้โดยไม่แคร์สายตาคนร่วมโต๊ะเลย และกรีนทำเหมือนว่าทั้งโลกมีแค่ตัวเองกับพี่ต้น คีบอาหารมาป้อนบ้าง ยกแก้วน้ำให้ดื่มบ้าง ผมไม่รู้ว่ากรีนคิดอะไรถึงทำแบบนี้ อยากให้ใครเสียใจ ผม? มาร์ช? หรือใคร

โครม!

หลังจากเสียงโครมครามสงบ เสียงหวีดร้องก็ดังตามขึ้นมา ผมรีบมองไปยังต้นตอของเสียง ผมเห็นกรีนหงายหลังลงไปนอนกับพื้นหญ้าเพราะเก้าอี้ที่กรีนนั่งถูกใครบางคนกระชากให้ล้มหงายไป คนที่ทำคือแฟนเด็กของพี่ต้นนั่นเอง

“เจต อย่าทำแบบนี้” พี่ต้นรีบเข้าไปห้าม ส่วนกรีนร้องไห้เช่นเคย รีบลุกไปยืนหลบที่หลังของพี่ต้น

“พี่นอนกับมันกี่ครั้งแล้ว พี่โกหกน้อง ไหนว่าเลิกกับมันแล้ว”

“เราเป็นแค่เพื่อนกัน” พี่ต้นรีบสลัดตัวออกมาจากกรีน แล้วมาจับมือของน้องเจตเอาไว้

“ใช่ พี่กับพี่ต้นเราเป็นแค่..แค่เพื่อนกัน” กรีนเดินเข้ามาพูดกับน้องเจตด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

“ตอแหล มึงส่งข้อความและรูปมาเย้ยกู กูอดทนมาไม่รู้กี่ครั้งเพราะกลัวพี่ต้นเลิกกับกู วันนี้กูจะแฉให้หมด” น้องเจตเปิดโทรศัพท์ของตัวเองให้พี่ต้นดู พี่ต้นอึ้งไปเมื่อเห็นภาพตัวเองกำลังนอนกับกรีนปรากฏอยู่ในโทรศัพท์ของน้องเจต

“กรีน!”

“บอกสิว่าไม่ได้ทำ” น้องเจตปาโทรศัพท์ใส่หน้ากรีน มันกระแทกเข้าที่ปากของฝ่ายนั้นจนเลือดออก

“พอก่อนน้องเจต นี่ในงาน คนเริ่มมองมากขึ้นแล้ว เรายังเรียนอยู่นะ” พี่เอ๋ยรีบเข้ามาห้าม

“พี่เอ๋ย ผมเจ็บ ผมยอมพี่ต้นทุกอย่าง เชื่อทุกคำพูด เขาบอกว่าเขารักผม” น้องเจตร้องไห้สะอึกสะอื้นจนดูน่าสงสาร

ผมเหมือนเห็นตัวเองในวันวาน ผมร้องไห้แบบนี้ ผมเจ็บแบบนี้ ผมเกือบจะทำร้ายตัวเองเพื่อคนเห็นแก่ตัวสองคน

“พี่ต้น พากรีนไปหาหมอหน่อย” กรีนหยิบทิชชูมาซับเลือดที่ไหล

“ถ้าพี่ต้นไปกับมัน เราก็เลิกกัน น้องทนไม่ไหวแล้ว”

“มึงพากรีนไปหาหมอหน่อย” พี่ต้นหันมาไหว้วานเพื่อนในกลุ่ม แต่ไม่มีใครลุก

“พี่ต้น น้องเขาไม่เลิกกับพี่หรอก เดี๋ยวกรีนจะกลับมาอธิบายกับเขา เบอร์ที่ส่งภาพไปก็ไม่ใช่เบอร์กรีน พากรีนไปหาหมอหน่อยนะครับ”

“กรีน แค่ปากแตกเอง ไปทำแผลที่ห้องพยาบาลก็ได้” พี่ต้นพูดออกมาจนกรีนอึ้งไป

“ถ้าพี่ไม่ไป กรีนจะไปบอกอาจารย์ว่าน้องคนนี้ทำร้ายกรีน”

“กรีน!”

“เอาเลยครับ ทำเลย แล้วพรุ่งนี้มาดูกันว่าใครที่เดือดร้อนกว่ากัน” น้องเจตชี้หน้ากรีนก่อนจะเดินหนีออกไป พี่ต้นรีบตามน้องเจตออกไป ไม่สนใจฟังเสียงเรียกของกรีนแม้แต่น้อย

เมื่อตกเป็นเป้าสายตา โดยเฉพาะสายตาของคนที่รู้จัก กรีนจึงเริ่มทำตัวไม่ถูก สุดท้ายก็เดินมาหามาร์ช ส่งสายตาเว้าวอนไปให้ ผมรีบมองหน้าแฟนของมาร์ช  สีหน้านั้นเรียบนิ่งเหมือนนางพญาน้ำแข็ง แค่เพียงแค่เขาปรายตามองไปที่มาร์ช มันรีบเมินกรีนทันที เมื่อไม่มีใครสนใจ กรีนจึงยอมเดินออกจากงานไปตามลำพัง เราทุกคนเห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

ผมเชื่อว่าเราทุกคนเห็นใจกรีน แต่ก็เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้กรีนเอาความสงสารที่พวกเรามีไปล้อเล่นอีกแล้ว

……

กรีนคงนึกว่าตัวเองมีหนทางที่จะล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นได้เสมอ สุดท้ายก็ต้องโดนสิ่งนั้นกลับมาทำร้ายตัวเอง ภาพของกรีนที่กำลังมีอะไรกับพี่ต้นถูกแพร่ลงในโซเชียลมีเดีย หน้าของพี่ต้นถูกเบลอเอาไว้ แต่หน้าของกรีนกลับเห็นเด่นชัด มีคนเอาเรื่องของกรีนที่ชอบแย่งแฟนคนอื่นไปตั้งกระทู้ในเว็บบอร์ดชื่อดัง เรื่องของกรีนถูกส่งต่ออย่างรวดเร็ว และมันก็ถูกเพิ่มเติมเกินจริงไปเรื่อยๆ หลายคนเข้ามารุมด่าและสาปแช่ง หลายคนเริ่มออกล่าแม่มดด้วยการตามหาข้อมูลจริงของกรีน มีคนมาบอกว่าเคยถูกกรีนแย่งแฟนเพิ่มมากขึ้น ผมไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง แต่มันก็ถูกส่งออกไปยังสื่อสาธารณะแล้ว

กรีนปิดเฟสบุกและปิดช่องทางการติดต่อทุกทางเพราะคนเข้ามาด่าเยอะมาก ด่าถึงบุพการี จากนั้นมาทุกคนก็ไม่รู้ว่ากรีนหายไปไหน แม้กระทั่งพ่อของเขา ไม่มีใครเห็นกรีนในจังหวัดอีกเลย

บอกตามตรง...ผมนึกห่วงและภาวนาว่าอย่าให้กรีนคิดสั้น อย่างน้อยเขาก็เป็นคนที่ผมรู้จัก ต่อให้รักหรือเกลียดผมก็ไม่อยากรับรู้ข่าวร้ายทั้งนั้น บทเรียนของกรีนในครั้งนี้มันมาจากการผลของการกระทำล้วนๆ ไม่ใช่โชค ไม่ใช่เบื้องบนลิขิต ตัวเราเองทั้งนั้นที่ทำให้โชคที่มีมันดีหรือร้าย ผมอยากให้เขาคิดได้เสียที มันไม่มีสิ่งไหนถาวร ทุกอย่างที่ไขว่คว้ามามันไม่ใช่ของเราทั้งนั้นแม้แต่ตัวเราเอง ผมเองก็ได้รับบทเรียนจากสิ่งที่เจอเช่นกัน


การที่มนุษย์ยังมีโอกาสลืมตาขึ้นมาในวันพรุ่งนี้ นั่นแหละเรียกได้ว่าเป็น ‘ผู้โชคดี’ แล้วครับ       


-- จบ --


ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ขอบคุณที่เปิดใจเข้ามาอ่าน

ขอบคุณที่คอมเมนท์กันอย่างออกรส ผู้เขียนมีความสุขมากค่ะ

หลายคนไม่ชอบอ่านดราม่าก็ยังทำใจลองอ่าน

หวังว่าเรื่องนี้จะให้ความบันเทิงและมีข้อคิดดีๆ ได้บ้าง

ขอบคุณอีกครั้งจากหัวใจค่ะ *คำผิดเดี๋ยวตามาแก้ทีหลังน้า



[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย] (https://www.facebook.com/Loverouter.Writer/)
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย] (https://twitter.com/loverouter)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 03-06-2019 13:34:38
ขอร้อง"เฮ้อออ"ดังๆให้กรีนสักครั้งเหลือจะบรรยาย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-06-2019 13:34:52
คนอย่างกรีนมันขุดไม่ขึ้นจริงๆ อ่ะ เกินเยียวยาไปแล้ว แฟนใหม่พี่ต้นคือดีอ่ะ แต่ควรเลิกไปนะ พอโดนยั่วก็ไปนอนกันอีก รับไม่ไหวอีกแล้ววว

พี่สามคือผู้โชคดีอย่างแท้จริงที่ไม่เข้าไปอยู่ในวงจรนี้ กิ่งด้วย หลุดพ้นแล้ว ส่วนนังมาร์ช หงอเชียว สมน้ำหน้า 55555555555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: poshbear ที่ 03-06-2019 13:36:56
โอ้โหไอ้ต้น เอาความสงสารจากเราคืนมาเดี๋ยวนี้นะ สรุปเลวจริงๆ เสมอต้นเสมอปลาย ขนาดคบกับเจตแล้วยังไปเอากับกรีนอีกเหรอเนี่ยย หัวร้อนสุดๆ อยากได้ตอนพิเศษจังเลยครับไรท์ คุณแต่งดีมากๆ จะไปตามอ่านนิยายเรื่องอื่นๆ ของคุณนะครับ ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: bowtotay ที่ 03-06-2019 14:25:48
ดีแล้วที่กิ่งเลิกกับต้นแล้วเจอคนที่ดีกว่าอย่างสาม
ต้นเป็น ผช. ที่ไม่น่าเอามาทำพ่อพันธุ์  ชอบกินของเก่าทั้งที่ของเก่าก็เคยทำตัวเองเจ็บ ใจอ่อนกับสิ่งที่ไม่น่าอ่อน ส่วนกรีนทำตัวเองทั้งนั้น นี่ตอนจบถ้าบอกว่าฆ่าตัวตาย หรือ ไปเป็นเมียน้อยเมียเก็บใครและโดนเมียหลวงมาสาดน้ำกรดนี้ก็ไม่น่าสงสารเลย ชีวิตตัวเองหาทางดีๆได้ไม่ทำ ดันมาเลือกทางที่มีแต่ริษยา อิจฉา แย่งของคนอื่น คนแบบกรีนไม่น่าสงสารเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: mameaw.omg ที่ 03-06-2019 19:15:43
สนุกมากเลยค่ะชอบมากกกพี่สามดุแล้วก็แซ่บมากๆเลยยย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 03-06-2019 23:58:46
สนุกมากค่ะ สนับสนุนให้เขียนนิยายดีๆ ดราม่าเข้มข้นอย่างนี้อีก ชอบที่ตัวละครมีเหตุผลมีที่มาที่ไป และมีข้อดีข้อเสีย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 04-06-2019 01:14:20
ต้น=ถ้ายังชอบความรุนแรงในการร่วมรักและเอานิสัยเห็นแก่ตัวมาใช้แบบนี้ก็คงอยู่ในวังวนแบบนี้แหละแล้วสักวันจะไม่เหลือใคร
กรีน=ผลของการกระทำมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่เหลือใครหรืออะไรเลย
กิ่ง=ถ้าตอนนั้นความกลัวที่ว่ากลัวเขาจะไม่รักมันน้อยลงสักนิดก็คงไม่เจ็บขนาดนั้นมันคงทำให้กิ่งกล้าตัดสินใจทำอะไรได้เร็วขึ้นแต่ก็เข้าใจได้นะว่าว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกที่จะตัดใจเพื่อจะเลิกรักใครสักคนนึง
สาม=ทำไมไม่ลองจีบน้องดูล่ะหรือเพราะรู้ว่าน้องแอบรักใครอยู่เลยเอาแต่เฝ้ามองแต่ก็นับถือในวามมั่นคงของสามนะเรื่องราวของสามทำให้เราคิดได้ว่า เรื่องราวทุกอย่างมันมีเวลาของมัน หรือแม้กระทั่งเรื่องราวของคนอื่น ๆ ก็ด้วย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 04-06-2019 02:19:17
ต้นแม่งเลวได้ใจจริงเชียว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 08-06-2019 01:10:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Janemera ที่ 08-06-2019 03:44:47
ดีใจที่หลุดพ้นจากวังวนแบบนั้นสักที ส่วนพี่ต้นดีใจด้วยค่ะ ความไม่หนักแน่นของคุณ ทำให้อีกหลายคนโชคดี
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: NormalVee ที่ 10-06-2019 02:34:42
เฮ้ออออ หลากหลายอารมณ์มาก สนุกมาก ๆ ค่ะ กรีนว่าขุดไม่ขึ้นแล้วแต่เชื่อเถอะต้นก็ไม่ต่างกัน เราไม่รับรู้ถึงความสำนึกใดใดในตัวต้นเลย ไม่ว่ากับใครต้นก็เป็นคนเดิมที่ใคร่เขว ไม่มั่นคงและไม่รู้สึกผิดต่อแฟนของตัวเองเลย มีวิธีแก้ปัญหามากมายในโลกนี้แต่ต้นก็เลือกแบบเดิม //สามคือสิ่งดีงามบนโลกใบนี้ สามคือคาแรคเตอร์คนที่เราอยากมีเขาไว้ข้างตัวมากที่สุด มั่นคง กล้าจะเตือนในสิ่งที่คนรักทำไม่ดี ไม่สปอยจับมือทำแต่ทำให้ดู พูดต่อนหนักที่แท้ ชอบการวางอนาคตที่มีน้องอยู่ในนั้น //กิ่งคือตัวละครของความเป็นวัยรุ่นจริง ๆ เลย ช่วงเวลาแอบรัก ได้มาครอบครองก็ยึดติดเป็นเสาหลักไม่ได้เผื่อใจหากเกิดอะไรขึ้น พอมันเกิดขึ้นแล้วก็ควบคุมจิตใจไม่ไหว ยังดีที่มีมาหยุดไว้ทัน และยังดีที่น้องทำใจ ยอมรับ และตั้งสติขึ้นมาได้ น้องดูจะใจดีและเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนคนนี้เกินไป ถ้าเป็นเราคงไม่ทีอะไรให้ต้องติดต่อกันอีก ใครจะเป็นจะตายเขาก็เลือกทางเดินกันเองแล้ว //สุดท้ายแล้ววว เราเข้ามาอ่านเรื่องนี้แบบไม่ได้ทำใจไว้เลยว่าจะได้กินม่าถ้วยเบ้อเริ่มเลยยย ร้องไห้หนักมาก สงสารน้อง และโกรธแค้นมันมาก ๆ อ่านแล้วอินมากเลยค่ะ ถูกจริตมาก ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ เรื่องนี้ เทสตรงกันขนาดนี้ จะติดตามผลงานต่อไปนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 11-06-2019 20:42:45
เรื่องนี้ดร่าม่ามากกกกกกจริงๆ แต่ก็ได้หลากหลายอารมณ์ความรู้สึก พฤติกรรมของคนที่ไม่สามารถดึงตัวเองขึ้นมาจากความคิดจมดิ่งอยู่กับความต่ำต้อยของตัวเอง อยากพิสูจน์ตัวเองให้เป็นที่ยอมรับในทางที่ผิดๆ อย่างกรีน คนที่เกือบจะดี แต่กลับเสียเพราะความอ่อนแอใจอ่อนอย่างพี่ต้น ตัวอย่างคนแมนที่แท้ทรูอย่างพี่สาม สุดท้ายคนที่โชคดีที่มีครอบครัว และเพื่อนที่ดีก็ยังคงเป็นกิ่งอยู่ดี

ขอบคุณไรท์มากค่ะ เราจะตามไปอ่านเรื่องอื่นที่ยังไม่ได้อ่านต่อนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 19-06-2019 08:49:01
โอ้ยยยยยอมใจในความหน้าด้านของทั้งคู่อ่ะ ห้องก็ห้องกิ่งแต่ทั้งคู่คือไม่มีใครรู้สึกผิดกับการกระทำเลว ๆ ที่ทำกับกิ่งเลย ไหนจะเจ๋งกับมาร์ที่เลือกเข้าข้างและเห็นใจกรีนอีก เฮ้ยกิ่งยังไม่ได้เลิกกับอิพี่ต้นไง กรีนมาเอาผัวเพื่อนแต่เพื่อนอีกสองไม่สงสารกิ่งทั้งที่กิ่งไม่ได้ผิดอะไรเลย ต้นกับกรีนก็เหมาะสมกันดีจ้า "ผีเน่ากับโลงผุ" อ่ะ เห็นแก่ตัวทั้งคู่ ยิ่งมาอ่านแต่ละพาร์ทของทั้งคู่ก็ไม่ได้น่าสงสารเลย แล้วพอกิ่งเลือกที่จะตัดต้นออกแล้วไปเริ่มใหม่กับพี่สามนังก็ยังอยากมาแย่งพี่สามอีก ดีนะที่พี่สามไม่ได้เป็นอย่างต้น ในที่สุดกิ่งก็ได้เป็นผู้โชคดีจริง ๆ สักที / คุณเลิฟเขียนสนุกมากกกก มาเขียนแนวดราม่าอีกนะคะ  :3123:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 20-06-2019 13:23:19
สนุกสะใจมากกกกกกกก นานๆจะอ่านแล้วอินจริงจังแบบนี้ โอ้ยย นี่อ่านไปด่าไป ร้องไห้กับกิ่งไป คุณเลิฟเขียนดีมากๆค่ะ มันเรียลมันดีไปหมดทุกตรง คิดว่ากรีนจะคิดได้บ้าง สุดท้ายก็ขุดไม่ขึ้น เสียดายโอกาสที่ทุกคนหยิบยื่นให้ พอๆกับพี่ต้น น่าผิดหวังเสมอต้นเสมอปลาย น้องเจดเลิกๆไปเถอะ

แต่ที่ดีเสมอต้นเสมอปลายและอดทนรอมาตลอด คือพี่สาม ฮือออออ กิ่งโชคดีที่มีพี่สาม สามีแห่งชาตืที่แท้  :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-06-2019 15:10:16
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 29-06-2019 14:47:44
คนที่ทำมีคนแบบกรีนก็คือคนแบบต้น บทเรียนจากกิ่งไม่เคยสอนต้นเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 30-06-2019 17:27:09
อ่านจบสมน้ำหน้าต้นมากคนนอกใจต้องโดนแบบนี่ :katai1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Fufufeel ที่ 18-07-2019 14:32:14
อยากมีพี่สามเป็นของตัวเอง แงงงงงง ดีอะไรขนาดนั้นคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: febusapollo ที่ 07-09-2019 21:53:10
ชอบมากเลยค่ะ อ่านวันเดียวจบเลย
เอ็นดูน้องกิ่งที่สุด เป็นเด็กที่นิสัยคล้ายเราเลยคือไม่มั่นใจตัวเองเท่าไหร่
นึกว่าพี่ต้นเป็นพระเอก มาซะสวยหรู แต่เลวจริง ฮือ
กรีนนี่อาการหนักสุด เราว่าคนแบบนี้ในสังคมมีเยอะ แล้วรับมือด้วยยาก
ส่วนพี่สามตอนแรกให้บทมาแค่นั้นนึกว่านางจะเป็นตัวร้ายมาแย่งกิ่งทีหลัง ที่ไหนได้ พระเอกของแท้
อีกตอนที่ขำคือตอนกรีนไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวกับนัท พอคุยความหลังกันแล้วนัทบอกไอ้กรีนเล่นกูแล้วคือแบบ 55555
คนอย่างนัทยังโดนกรีนอ่ะ แลวกิ่งน้อยจะเหลือหรือ

ชอบช่วงแรกเวลานักเขียนบรรยาย พอต้นเริ่มเปลี่ยนนิสัยก็เริ่มเห็นความกดดันของกิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
จนตอนที่ทนไม่ไหวแล้ว ระเบิดออกมาหมดเกือบฆ่าตัวตาย ตอนนั้นพี่สามคือแมนมาก ลุ้นตามไปด้วยเลย กราบคนแต่งค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 09-09-2019 19:10:59
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 09-09-2019 22:18:06
เรื่องนี้คือดี..แต่อยากให้มีฉากหวานกับพี่สามให้เยอะกว่านี้หน่อย เสียดายนิดนึง

ดีที่เลิกกับต้นได้..พี่ต้นดีแล้วยังไง เอาอะไรวัด..นิสัยหล่อ นิสัยรวย นิสัยเรีนยดีเหรอ นอกใจคือนอกใจเค้าไม่ใช่คนดี

พี่สามรักหนักแน่นมาก ดีใจที่กิ่งมีพี่สามกับพี่เอ๋ย  o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 22-09-2019 12:43:06
เป็นเรื่องที่โดนพี่หลอกมาอ่าน อ่านไปเรื่อยๆก็ได้กินมาม่าถ้วยโตเลยจ้า5555 แต่พออ่านจบแล้ว ก็สมกับชื่อเรื่อง ผู้โชคดี การที่เราสามารถที่จะเป็นผู้โชคดีนั้น ไม่ได้หมายถึงโอกาสที่เข้ามาอย่างเดียว แต่หมายถึงการกระทำที่เราเลือกจะทำเมื่อได้รับโอกาสมา ก็เหมือนกับกรีน   ถ้ากรีนเลือกที่จะใช้โอกาสที่ได้มาอย่างดีๆ กรีนก็จะเป็นผู้โชคดีเหมือนกัน

ป.ล เราชอบพี่สามที่สุด5555
 (เป็นผู้ชายที่ถ้าเราได้เป็นคู่ชีวิตคงจะดีมากๆ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 04-10-2019 10:57:42
 o13 ครบเลยครบเครื่องมาก
ผู้โชคดีคือน้องกิ่งที่ได้แฟนใหม่

ขอบคุณสำหรับนิยาย  :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: KKIMKIMMY ที่ 12-10-2019 10:37:07
เราคือคนที่ให้อภัยนังกรีนไม่ได้
//แต่พิสามคือดีย์์์์์มากกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 23-10-2019 12:58:48
เรื่ื่ื่่่องนี้ี้ี้้้สุดยอดมากกก
ชอบมากก มััันเรียลมากกก
ขอบคุุุณคนแต่งนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 03-12-2019 02:25:11
ไม่ชอบดร่าม่าแต่ก็ลองอ่านดู​
กรีน​เป็น​บัวใต้ตมจริงๆ​
ขอบคุณ​มาก​ค่ะ​ :pig4: :L1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Gimlongdeep ที่ 10-12-2019 21:33:11
โหววววววสุดยอดเลยค่่่ะ รัวมือออออ
นัทว่างไหมคะ5555555เขามีคู่กันหมดแล้วววว
งานม่ามาค่ะแต่เราชอบเสพ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 18-05-2020 19:06:37
เราอ่านแล้วพักไปทำใจหลายวันมาก พาร์ทของกิ่งตอนที่ยังไม่เลิกกับต้นนี่อ่านไปอึดอัดไป คุณเลิฟเก่งมากๆเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 22-05-2020 17:49:25
อ่านจบแล้วร้องเฮ้อจนลมหมดปอด ไอ้พี่ต้นกับกรีนนี่เลวพอกันเลยจริงๆ ติดที่ไอ้พี่ต้นมันโง่ มีใหม่แล้วยังไม่เลิกโง่ แต่ดีใจกับน้องกิ่งจริงๆที่ได้พี่สามไป แง้ น้องเป็นผู้โชคดีจริงๆนะคะ ถึงจะเจอเรื่องร้ายๆมาแต่ก็ยังโชคดีที่เห็นคนที่รักเราจริงๆ ส่วนทางกรีนนี่เราพยายามเข้าใจเค้ามาก แต่ทำไมไม่เคยพอซักที คนที่ทำให้ตัวเองไม่มีความสุขคือตัวเองเลยจริงๆ เฮ้อออออออออ ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายสนุกๆแบบนี้ :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 25-05-2020 00:56:10
ก็แอบสงสารกรีนเบาๆนะแต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะก็จะว่ายังไงดี เรียกว่าสมน้ำหน้าไหม ทำตัวเอง กิ่งรอดจากต้นได้คือผู้โชคดีจริง ยิ่งมาคบกับพี่สามยิ่งโคตรโชคดี สนุกมากกก หลากหลายอารมณ์จริง อ่านไปวึบๆวาบๆ บทพี่สามน้อยอยู่นะ คือยากอ่านตอนที่กิ่งมีความรู้สึกกับพี่สามเยอะๆ 5555 แต่เท่านี้ก็สนุกมาแล้ว ชอบจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueWizard ที่ 27-05-2020 02:51:31
เนื้อเรื่องเข้มข้น ดราม่าสุด แต่ก็มีแฝงคติสอนใจด้วย  o13

สนุกดีครับ ขอบคุณผู้แต่งมากนะครับ รอผลงานชิ้นต่อไปนะครับ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 10-06-2020 01:54:16
ชอบจังเลย แต่งดีจัง รอติดตามผลงานอีกนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Nefrit ที่ 14-06-2020 10:48:48
 :เฮ้อ:
อ่านตอนแรกๆคือกลัว กลัวตัวเองจะโดนอย่างที่กิ่งโดน ไม่อยากรักคนอื่นมากกว่าตัวเองจนยอมเสียความเป็นตัวเองไป
แล้วพออ่านจบ ทุกคนก็มีโชคดีของตัวเอง และมีโชคร้ายของตัวเองอะเนาะ

ขอบคุณที่เขียนขึ้นมาค่ะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 26-08-2020 09:17:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmiku ที่ 03-07-2021 13:56:16
ชอบนะคะ ตามอ่านทุกเรื่องของคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] 'ผู้โชคดี' จบบริบูรณ์ [03/06/62]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 13-08-2021 22:54:24
 :hao6