พิมพ์หน้านี้ - เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: huskyhund ที่ 04-09-2018 10:00:18

หัวข้อ: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 04-09-2018 10:00:18
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
 
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


**นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายวาย อ้างอิงมหาวิทยาลัยเชิงดอยกับสถานที่ท่องเที่ยวทางภาคเหนือมานิดหน่อยนะคะ อาจมีบางส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้เข้ากับเนื้อเรื่องและจริตของฮัสกี้เองค่ะ 55555555
 
 
 
Talk
 
 
คิดถึงหมอเต้กันมั้ยค้าาา~ ฮัสกี้พาหมอเต้คนอาภัพความรัก(ในภูสอยเดือน) มาส่งให้ทุกคนแล้วนะคะ ฝากเอ็นดูหมอเต้กันด้วยน้าาาา

 
ขอแนะนำตัวละครในเรื่องนิดนึง
 
 
เตชิต สุทธากุล 25 ปี เป็นทันตแพทย์ใช้ทุน
 
คีรี (ไร้คำจำกัดความ 555555)

 
 
แล้วพบกันในเรื่องนะคะ



สารบัญ

Chapter 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3882590#msg3882590) Chapter 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3885434#msg3885434) Chapter 3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3888585#msg3888585) Chapter 4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3891481#msg3891481) Chapter 5 1/2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3894876#msg3894876) Chapter 5 2/2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3895876#msg3895876)
Chapter 6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3898417#msg3898417) Chapter 7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3901325#msg3901325) Chapter 8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3903518#msg3903518) Chapter 9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3905584#msg3905584)
Chapter 9.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3908056#msg3908056) Chapter 9.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3909855#msg3909855) Chapter 9.3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3911870#msg3911870) Chapter 9.4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3914726#msg3914726) Chapter 9.5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3917318#msg3917318)
Chapter 10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3919482#msg3919482) Chapter 11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3922207#msg3922207) Chapter 12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3924520#msg3924520) Chapter 13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3927105#msg3927105) Chapter 14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3929661#msg3929661) Chapter 15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3931846#msg3931846)
Chapter 16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3934230#msg3934230) Chapter 17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3937130#msg3937130) Chapter 18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3939568#msg3939568) Chapter 19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3942100#msg3942100) Chapter 20 part1/2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3944315#msg3944315) Chapter 20 part2/2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3944603#msg3944603)
Chapter 21 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3946748#msg3946748) Chapter 22 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3949244#msg3949244) Chapter 23 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3951592#msg3951592) Chapter 24 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3954154#msg3954154) Chapter 25 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3957776#msg3957776)
Chapter 26 part 1/2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3959952#msg3959952) Chapter 26 part 2/2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3960795#msg3960795) Chapter 27 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3963260#msg3963260) Chapter 28 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3965235#msg3965235) Chapter 29 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3968961#msg3968961) Chapter 30 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3971765#msg3971765)
Chapter 31 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3974101#msg3974101) Chapter 32 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3976477#msg3976477) Chapter 33 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3978304#msg3978304) Chapter 34 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3981105#msg3981105) Chapter 35 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68304.msg3983542#msg3983542)




 :mew1: เพจสำหรับอัปเดตนิยายของฮัสกี้ค่ะ -->Facebook (https://www.facebook.com/pages/Husky_novel/1432563496996295?ref=hl)


อ้างถึง
นิยายของฮัสกี้เรื่องอื่นๆ ค่ะ  :กอด1:

Nisreen, the white rose of the desert (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44832.msg2905201#msg2905201)
เงาจันทร์ในม่านหมอก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45116.msg2931321#msg2931321)
เบลอ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45395)
เหนือเมฆ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48008)
แต่กาลก่อน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56263.0)
ภูสอยเดือน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62103.0)


**นิยายทุกเรื่องของฮัสกี้ ไม่อนุญาตให้นำออกจากเล้า และไม่อนุญาตให้ใครนำไปโพสต์ที่บอร์ดอื่นๆ เด็ดขาดค่ะ

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน)
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 04-09-2018 10:15:28


Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย



เสียงเพลงจากวงดนตรีและนักร้องในร้านอาหารกึ่งผับของโรงแรมขนาดใหญ่ระดับห้าดาวแห่งหนึ่งในเมืองเชียงรายดังก้อง ภายในร้านมีแสงไฟสลัว หากบรรยากาศครึกครื้น มีคนนั่งเต็มทุกโต๊ะ หนึ่งในโต๊ะเหล่านั้นเป็นของทันตแพทย์บางส่วนที่มาประชุมกันในโรงแรมแห่งนี้ และก็มี เตชิต สุทธากุล ทันตแพทย์จากโรงพยาบาลลำพูนนั่งร่วมอยู่ด้วย

ที่นั่งของเตชิตมีทันตแพทย์หญิงขนาบซ้ายขวา และนอกจากภาคภูมิซึ่งเป็นหัวหน้าของเตชิตแล้ว ในโต๊ะก็มีแต่ทันตแพทย์หญิงเท่านั้น แต่ละคนตื่นเต้นดีใจเพราะไม่บ่อยนักที่จะมีทันตแพทย์หนุ่มหล่อซึ่งเคยมีดีกรีเป็นลีดมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ มาเข้าร่วมในงานประชุม

“ไม่น่าเชื่อเลยว่าหมอเต้จะยังโสดน่ะค่ะ โม้รึเปล่าเนี่ย”

ผู้ถูกกล่าวถึงยิ้มหวานรับ ใจอยากจะตอบไปว่าแดกแต่แห้วจนหัวแหลมแล้วเนี่ยครับ หากจะตอบไปตามตรงก็สงสารตัวเอง “ไม่มีใครสนใจผมน่ะสิครับ สงสัยคงต้องอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิตแน่ๆ เลย”

“ที่พูดเนี่ย ได้มองตาสาวๆ ในร้านรึยังคะ” พวกเธอหัวเราะคิกคัก

ทันตแพทย์สาวคนหนึ่งหันไปถาม “หมอภูมิคะ หมอเต้พูดจริงรึเปล่าคะ”

ภาคภูมิพยักหน้าหงึกๆ “ผมรับประกันได้นะว่าหมอเต้โสดจริงๆ ที่โรงบาลไม่เคยเห็นไปไหนมาไหนกับใคร วันๆ ทำแต่งาน ตัวติดอยู่กับแต่เพื่อนเขานั่นละ”

“ว้าย น่ารักจังเลยค่ะหมอเต้”

เจ้าของชื่อยิ้มแห้ง เพราะไอ้ที่แดกแต่แห้วจนพัฒนาไปเป็นเจ้าของไร่แห้วอยู่ทุกวันนี้ได้ ก็เพราะเพื่อนเขาคนที่ว่านี่แหละ

ในระหว่างนั้นก็มีพนักงานถือถาดใส่แก้วค็อกเทลสีเหลืองส้มปนแดงมาเสิร์ฟให้ “Kiss on the lips ครับ มีคนฝากมาให้คุณหมอ”

เตชิตเงยหน้าขึ้นขณะที่สาวๆ ในโต๊ะวี้ดว้าย เขาไม่ได้ถามอะไร เพียงแค่ยิ้มพร้อมกับรับค็อกเทลแก้วนั้นมา เพราะคิดว่าถ้าหากคนให้อยากให้เขารู้ว่ามาจากใครก็คงให้พนักงานเสิร์ฟบอกโต๊ะหรือที่นั่งมาแล้ว แต่นี่อาจจะต้องการลองเชิงดูก่อน “ขอบใจ”

นั่งดื่มไปอีกสักพัก ภาคภูมิก็เอ่ยขึ้น “หมอเต้ อย่าดื่มหนักนักนะครับ เดี๋ยวคืนนี้โดนใครหิ้วไปผมช่วยอะไรไม่ได้นา โดนหมอวินต่อว่าเอาผมไม่รู้ด้วย”

“โอย ผมดื่มนิดเดียวครับ ไม่เมาหรอกครับหมอภูมิ”

ภาคภูมิหัวเราะ “งั้นเชิญหมอเต้ตามสบายดีกว่า ผมแก่แล้ว ขอขึ้นไปพักก่อนล่ะ พรุ่งนี้ตื่นให้ทันรถออกนะครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้าหงึกๆ “ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ”

“ผมไปนะทุกคน เชิญดื่มกันตามสบาย เดี๋ยวผมจัดการบิลให้เอง”

“ขอบคุณค่ะ/ครับหมอภูมิ”

ผู้เป็นหัวหน้าก้าวห่างออกจากโต๊ะไปไม่กี่เก้า พนักงานก็นำค็อกเทล Kiss on the lips แก้วใหม่มาเสิร์ฟให้

เตชิตยกแก้วค็อกเทลในมือซึ่งเกือบจะหมดแก้วแล้วขึ้นมอง เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ตัวช้าๆ เพราะคิดว่าคนที่ส่งมาให้น่าจะต้องคอยสังเกตเขาอยู่ถึงได้ส่งแก้วใหม่มาพอดีเวลาแบบนี้ ทว่ามองไปทางไหนก็เห็นมีคนมองมาทางเขาเต็มไปหมด ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว แต่ก็หันไปยิ้มให้พนักงานเสิร์ฟ “ขอบใจนะ” ก่อนจะรับแก้วค็อกเทลซึ่งเขาได้มาฟรีเป็นแก้วที่สองไว้

หลังจากนั้นไม่นานก็มีค็อกเทลแก้วที่สาม สี่และห้าตามมา หากไม่ใช่ค็อกเทลแบบเดียวกันกับสองแก้วแรก น่าแปลกที่สามแก้วหลังนี่มาพร้อมทั้งเบอร์โทรศัพท์และรอยยิ้มจากคนที่ส่งมาให้ ทันตแพทย์หนุ่มพับกระดาษที่เขียนเบอร์โทรศัพท์ไว้ใส่กระเป๋าเสื้อ พลางยิ้มตอบสาวๆ โต๊ะที่ส่งเครื่องดื่มมาให้ตามที่พนักงานชี้บอก

ขนาดว่าเขานั่งกับสาวๆ เต็มโต๊ะนะเนี่ย ยังขายดีขนาดนี้ ถ้านั่งคนเดียวคงโดนฉุดไปแล้ว เขาดื่มไปยิ้มกรุ้มกริ่มไป เนื่องจากนานๆ จะได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้สักที เพราะในยามปกติ ไอ้วินเพื่อนรักของเขาจะโกยความสนใจจากสาวๆ ไปที่ตัวมันหมด

ถึงจะไม่ได้อยากถูกจับแยก แต่งานนี้ก็คงต้องขอบคุณโรงพยาบาลที่ไม่ได้ส่งพวกเขามาประชุมพร้อมกัน ไม่อย่างนั้นเขาคงลืมไปแล้วว่าตัวเองก็ดูดีพอไปวัดไปวากับเขาได้เหมือนกัน

เตชิตมองเงาสะท้อนของตัวเองในช้อนพลางอมยิ้ม

อาห์ กูนี่ก็หล่อเหมือนกันเนอะ

เสียงดนตรีของเพลงใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว เป็นทำนองเพลงที่ชวนให้รู้สึกคึกคัก ตามมาด้วยเสียงวี้ดว้ายจากสาวๆ โต๊ะใกล้ๆ เวที หากนั่นก็ไม่ได้ทำให้เตชิตสนใจจะหันไปมอง เขาจิบค็อกเทลในแก้วไปฟังเพลงไปเรื่อยๆ

“อดใจไม่ไหว เมื่อได้พบหน้า ยิ่งเธอส่งยิ้มคืนมายิ่งหวั่นไหว”**

เสียงเพราะดีจังแฮะ

น้ำเสียงนุ่มทุ้มสะดุดหูนั่นเรียกให้ทันตแพทย์หนุ่มหันมองไปทางเวที และพบว่าคนที่กำลังร้องเพลงอยู่ก็มองมาทางโต๊ะที่เขานั่งอยู่เช่นกัน เขาขมวดคิ้ว แล้วหันมองไปรอบๆ ตัว ก่อนจะมองไปที่เวทีอีกครั้ง

“อดใจไม่ไหวทุกทีที่เจอ เพียงแค่แอบเผลอมองตาจะผิดไหม เก็บเอาไปฝันอยู่ทุกคืน ฉันต้องทำตัวเช่นไร”**

(**หวั่นไหว ศิลปิน : บอดี้แสลม)


เนื่องจากที่นั่งของเตชิตอยู่ไกลจากเวทีพอสมควร เขาจึงมองเห็นใบหน้าของคนที่ร้องเพลงอยู่บนเวทีได้ไม่ชัดเจนนัก รู้แต่ว่าอีกฝ่ายใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนและบนศีรษะสวมหมวกแก๊ปสีดำเท่านั้น

สักพักสาวๆ โต๊ะข้างหน้าเวทีก็ลุกขึ้นไปยืนออล้อมเวทีซึ่งก็เป็นเวทีที่ไม่ได้สูงนัก เป็นผลให้เตชิตมองเห็นเพียงแค่ท่อนบนของเด็กหนุ่มนักร้อง พวกเขากระโดดและเต้นไปด้วยกัน ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังคงมองมาที่เขาเป็นระยะๆ

ที่เขาเหรอ? คงไม่หรอกมั้ง ไม่รู้จักกันสักหน่อยนี่หว่า

“น่าอิจฉาสาวๆ นะคะ ครึกครื้นดีจัง” ทันตแพทย์สาวที่นั่งอยู่ข้างกันพูดขึ้น แต่เพราะเห็นว่าเตชิตทำหน้างงๆ หันมองไปหันมองมาจึงเอ่ยถาม “มีอะไรเหรอคะหมอเต้”

“เอ้อ เปล่าหรอกครับ” พอเตชิตกวาดตามองไปในโต๊ะก็เห็นว่าทันตแพทย์สาวๆ พร้อมใจกันหันไปดูนักร้องกันหมดแล้ว

หรือนักร้องคนนั้นจะรู้จักกับใครแถวนี้วะ?

แต่แล้วเด็กหนุ่มนักร้องก็ลงจากเวทีไปทันทีที่ร้องเนื้อร้องจบ ก่อนที่ทำนองเพลงจะจบลงเสียอีก เป็นผลให้สาวๆ ตรงหน้าเวทีโวยวายกันเล็กน้อย แล้วนักร้องประจำของวงก็ขึ้นมาบนเวทีแทน

“เพลงเมื่อกี้ทุกคนคงรู้จักกันดีใช่มั้ยครับ ชื่อเพลง หวั่นไหวมอบให้กับคุณผู้ชายเสื้อเชิ้ตสีฟ้าโต๊ะสิบเก้าเป็นพิเศษเลยนะคร้าบ โห ต้องหล่อมากแน่เลยเนี่ย คุณผู้ชายโต๊ะสิบเก้าลุกขึ้นโชว์ตัวนิดนึงคร้าบ” นักร้องบนเวทีเอ่ยแซว

สาวๆ ในโต๊ะกรี๊ดกร๊าด พวกเธอรีบสะกิดให้เตชิตลุกขึ้นกันเป็นพัลวัน ซึ่งอันนี้เขาก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร

เตชิตลุกขึ้นโปรยยิ้ม ผงกศีรษะเล็กน้อยแล้วรีบนั่งลง หากทำให้ภายในร้านคึกคักมากขึ้นไปอีก สายตานับสิบคู่พุ่งตรงเข้ามาที่เขาตลอดเวลา

ขณะเดียวกันโทรศัพท์มือถือที่วางไว้บนโต๊ะก็สั่นเบาๆ ทันตแพทย์หนุ่มจึงรีบหยิบขึ้นมากดรับสาย “ว่าไงครับ”

“มึงเป็นใครเนี่ย!”

“ก็คุณรวินท์โทรมาหาใครละครับ” เตชิตพูดกลั้วหัวเราะ

“ขนลุกเว้ย แดกอะไรผิดสำแดงเหรอวะถึงพูดแบบนี้กับกูเนี่ย แล้วมึงอยู่ไหน ทำไมเสียงดังชะมัด”

“ตอนนี้อยู่ในร้านอาหารของโรงแรมอะ เดี๋ยวโทรกลับนะ รอแป๊บ” เตชิตกดวางสายพร้อมกับลุกขึ้น จากนั้นก็บอกลากับสาวๆ ในโต๊ะ “ผมคงต้องขอตัวก่อน พรุ่งนี้เจอกันครับ” แล้วก้าวฉับๆ ออกจากร้านไป โดยไม่สนใจคำคัดค้านของสาวๆ ในโต๊ะเลย

ทันตแพทย์หนุ่มเดินไปบอกพนักงานโรงแรมให้จัดหาแท็กซี่ให้ ระหว่างนั้นก็เดินไปหามุมสงบรอ เขานั่งลงบนโซฟาแถวนั้น แล้วกดโทรศัพท์ออกไปหาคนที่เพิ่งโทรมาเมื่อครู่ “คุยได้ละเว้ย รอนานมั้ยวะ”

“นานมาก!”

“สัส ยังไม่ถึงห้านาทีเลย!”

“มึงอยู่ไหนแล้วเนี่ย ยังอยู่ในร้านรึเปล่าวะ ทำไมเงียบๆ”

“ตอนนี้ออกมานั่งข้างนอกแล้ว”

“แหม โรงบาลเขาให้ไปประชุมนะเว้ย มึงไปนั่งแรดอะไรในร้านอาหาร ทีไอ้ตอนจะไปงี้ทำเป็นงอแง โวยวายสารพัด ตอนนี้ไม่อยากกลับละดิ”

“ก็ไม่ได้ประชุมทั้งวันทั้งคืนป่ะวะ กูก็ต้องพักผ่อนบ้างไรบ้าง อีกอย่างนะ หมอภูมิเลี้ยงทั้งที สาวๆ ก็คะยั้นคะยอ กูจะปฏิเสธก็ยังไงอยู่ คนมันฮ็อตด้วยอะมึง” เตชิตหัวเราะร่วน

“เมารึยังล่ะ”

“ยังเว้ย แค่กึ่มๆ”

“อย่าเมามากนะเว้ย เดี๋ยวตื่นมาก็ได้เมียหรอก”

“กูไม่นอกใจมึงหรอกน่าไอ้วิน คิดถึงกูอ่อ โทรมาแต่หัววันเลยเนี่ย”

“เป็นห่วงหรอกเว้ย กลัวว่าถ้ามึงอยู่คนเดียวจะเดินบื้อหาทางกลับห้องไม่ถูก แล้วนี่มึงจะกลับเข้าไปในร้านอีกมั้ย”

“ไม่ละ ว่าจะไปเดินเล่นที่ไนต์บาร์ซาสักหน่อย ไปดูของฝากให้มึงไง”

“โห ซึ้ง ถ้าเจอหมูยอก็ซื้อมาด้วยนะ”

“เออๆ”

“แล้วอย่าเตร็ดเตร่นานนักล่ะมึง”

“คร้าบพ่อ”

“สัส!”

ไอ้วิน หรือ รวินท์วางสายไปแล้ว แต่เตชิตยังคงยิ้มหน้าบาน เขาเดินอาดๆ ออกจากโรงแรม ขึ้นแท็กซี่ตรงไปยังไนต์บาร์ซาซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปนัก

รวินท์เป็นเพื่อนรักตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายของเตชิต จนเข้ามหาวิทยาลัยและมาเป็นทันตแพทย์ใช้ทุนด้วยกัน แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นแค่เพื่อนรักธรรมดา แต่ยังเป็นคนที่เขาหลงรักมาตลอดด้วย หากก็เป็นเพียงแค่การหลงรักอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้น

แม้จะได้แค่รักข้างเดียว แต่เตชิตก็มีความสุขในแบบของเขา

แค่ได้มีรวินท์อยู่ข้างกาย คอยดูแลห่วงใยกัน สำหรับเขามันก็ดีมากแล้ว



ทันตแพทย์หนุ่มเดินไปเลือกซื้อของฝากที่ไนต์บาร์ซาอยู่เป็นชั่วโมง เดินเข้าเดินออกหลายร้าน จนได้ช้างไม้แกะสลักตัวเล็กๆ มาเป็นของฝากให้เพื่อนรัก เขานั่งรอให้ชาวเขาที่เป็นคนขายสลักชื่อรวินท์ลงไปด้วย เมื่อได้ของที่ถูกใจแล้วก็เดินเล่นในบริเวณไนต์บาร์ซาต่อ

ทว่าจู่ๆ ก็มีเสียงคล้ายระเบิดดังลั่น เป็นผลให้ผู้คนในบริเวณนั้นแตกตื่น วิ่งเบียดกันไปในทิศทางตรงกันข้ามกับเสียงดังนั้น บ้างก็ชนกันล้มระเนระนาด เตชิตไม่ทันตั้งตัว เขาจึงถูกผลักถูกดันให้ไหลไปตามกระแสผู้คน

ขณะที่กำลังหันรีหันขวาง สายตาของทันตแพทย์หนุ่มก็ไปสะดุดอยู่ที่เด็กหญิงในชุดชาวเขาซึ่งถูกเบียดมาอยู่ใกล้ๆ กัน เขารีบอุ้มเธอขึ้นก่อนที่จะถูกใครเหยียบเอา จากนั้นก็มองหาตรอกเพื่อวิ่งเข้าไปหลบ

เด็กหญิงร้องไห้จ้า ดูเหมือนเธอจะพลัดหลงกับบิดามารดามา

พอเข้ามาหลบในตรอกได้ ทันตแพทย์หนุ่มก็วางเธอลง เขากอดเธอไว้หลวมๆ พลางลูบหลังให้อย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องร้องนะครับ เดี๋ยวพี่จะพาไปหาพ่อแม่นะ” เขารอให้เด็กหญิงหยุดร้องไห้อย่างใจเย็น แล้วจึงเอ่ยถาม “ชื่ออะไรครับ”

“น้ำอิงเจ้า”

เตชิตยิ้มบาง พร้อมกับใช้ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาออกจากพวงแก้มสีชมพู “พี่ชื่อเต้นะ น้องน้ำอิงไม่ต้องร้องไห้ เดี๋ยวพี่จะพาไปหาพ่อแม่นะ”

เด็กหญิงสะอึกสะอื้นเบาๆ “ข้าเจ้ากั๋วขนาด มีคนล่นมาจน เฮาต้าวเจ็บแข้ง อยากปิ๊กบ้านแล้วเจ้า”(หนูกลัว มีคนวิ่งชนหนูหกล้ม เจ็บขาด้วย อยากกลับบ้านแล้วค่ะ)

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มแห้ง ภายในศีรษะเร่งแปลปนเดาความหมายของกำเมืองที่เพิ่งได้ยินให้เป็นภาษากลางที่เขาคุ้นเคย จากนั้นก็อึ้งไปอีกเล็กน้อย เพราะกังวลว่าจะสื่อสารกับเด็กหญิงไม่เข้าใจ แล้วเขาจะจะพาเธอไปหาบิดามารดาได้อย่างไรกันล่ะ ต้องพาไปส่งตำรวจแทนหรือเปล่าวะ แต่จะอธิบายกับเธอยังไงไม่ให้ตื่นตกใจ ถ้าเธอร้องไห้ คนจะมองว่าเขาจะลักพาตัวเด็กไหม

“เจ็บแข้งเจ้า ฮือ...” (เจ็บขาค่ะ ฮือ...)เด็กหญิงชี้ไปที่ท่อนขาของเธอ แล้วถลกกระโปรงขึ้นเล็กน้อย ตรงหัวเข่ามีรอยถลอกและเลือดไหลซิบ

“เจ็บขาเหรอ คงล้มสินะ ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวค่อยกลับไปทำแผลนะ” เตชิตตบๆ ตามกระเป๋าเสื้อกระเป๋ากางเกงดู โชคดีที่เขามีกระดาษทิชชูของโรงแรมติดมาด้วย ก็ที่สาวๆ เขียนเบอร์โทรศัพท์ใส่มาให้เขานั่นล่ะ เขาใช้ด้านสะอาดซับเลือดให้เธออย่างเบามือ “อดทนก่อนนะครับ”

พอเห็นว่าเด็กหญิงเม้มปากฮึบ เขาก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ “เก่งมาก... แล้วน้ำอิงมาทำอะไรที่ตลาด มาเที่ยวเหรอ”

“ตวยอีป้ออีแม่มาขายของเจ้า”(ตามพ่อแม่มาขายของค่ะ)

“อ้อ โอเค งั้นคงหากันได้ไม่ยาก”

ทันตแพทย์หนุ่มยืนหลบอยู่ในตรอกนั้นจนกระแสคนทางด้านนอกค่อยๆ สงบลง จากนั้นจึงอุ้มเด็กหญิงขึ้น “ปะ เดี๋ยวพี่ชายจะพาไปหาพ่อแม่นะ จำได้มั้ยว่าร้านอยู่ที่ไหน” พอเดินออกจากตรอกก็หันซ้ายขวา พร้อมกับชี้ถาม “ไปทางไหนครับ ซ้ายหรือขวา”

เด็กหญิงชี้ไปทางขวา เขาจึงรีบอุ้มเธอเดินไป

“ฮ้านของอีป้ออยู่ใกล้ฮ้านแกะสลักตี้อ้ายนั่งตะกี้เจ้า”(ร้านของพ่ออยู่ใกล้กับร้านแกะสลักที่พี่ชายนั่งอยู่เมื่อกี้ค่ะ)

เตชิตหยุดกึก “แกะสลัก? ร้านไม้แกะสลักน่ะเหรอ?”

เด็กหญิงพยักหน้าหงึกหงัก พร้อมกับชี้บอกทาง “ไปทางเพ้เจ้า”

เมื่อไปถึงเพิงร้านก็พบว่าบนแผงมีผ้าคลุมปิดไว้และไม่มีคนเฝ้า ร้านรอบข้างก็ปิดไว้เช่นกัน บนถนนคนเดินมีข้าวของล้มกลิ้งระเนระนาด ผู้คนเหลือเพียงหรอมแหรม แต่ละคนเดินช้าๆ พร้อมกับหันมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง แต่แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงตูมดังขึ้นอีก เป็นผลให้คนที่หลงเหลืออยู่บริเวณนั้นตื่นตระหนกอีกครั้ง เตชิตเองก็หวาดๆ เขาจึงรีบพาเด็กหญิงหลบออกไปก่อน

“ดูไม่ค่อยปลอดภัย เราไปหาที่หลบก่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยกลับมาใหม่นะ”

เด็กหญิงร้องไห้จ้า “อีป้ออีแม่มีไหนบ่าฮู้!”(พ่อแม่ หายไปไหน)

“อย่าร้องครับ ใจเย็นๆ ตรงนี้มันอันตราย พี่พาไปหลบก่อนนะ”

“อีป้ออีแม่!”

โอย กรรมอะไรของกูนี่! ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ!สภาพตอนนี้ดูแล้วเหมือนลักพาตัวเด็กมั้ยวะเนี่ย! เตชิตวิ่งไปก็หันมองข้างหลังไปด้วย เขาเองก็หวาดๆ เหมือนกันนะ ตัวเองยังไม่รู้จะเอาตัวรอดไหม ยังเสือกกระเตงลูกใครเขาก็ไม่รู้มาอีกคน

ขณะที่ชะลอฝีเท้าลงพลางหอบหายใจก็มีใครบางคนวิ่งเข้ามาคว้าแขนเขา

“มาทางนี้!”

เตชิตยังไม่ทันมองว่าเป็นใครเพราะมัวแต่ตื่นตกใจ อีกฝ่ายพาเขาวิ่งเข้าไปในตรอกใกล้ๆ ไปหลบอยู่ข้างหลังถังขยะขนาดใหญ่

“น้ำอิง ป้อแม่เปิ้นตวยหาตั๋วอยู่ฮู้ก่อ”(น้ำอิง! พ่อแม่ตามหาตัวอยู่รู้มั้ย)

“อ้ายคีรี”(พี่คีรี)เมื่อเด็กหญิงเห็นใบหน้าของคนที่พาไปหลบ เธอก็โผเข้ากอดทั้งที่เตชิตยังอุ้มเธออยู่

เด็กหนุ่มคนที่เข้ามาพาทันตแพทย์หนุ่มไปหลบใส่เสื้อยืดสีดำ สวมทับด้วยเสื้อผ้าฝ้ายสีน้ำเงินเข้มหรือที่เรียกกันว่าม่อฮ่อม ท่อนล่างสวมกางเกงผ้าขาสั้นแค่เข่ากับรองเท้าแตะแบบสาน บนศีรษะสวมหมวกแก๊ปสีดำ ใบหน้าภายใต้หมวกใบนั้นเคร่งขรึม เขามีผิวขาวอย่างคนเหนือทั่วไป พูดคุยกับเด็กหญิงเข้าใจและดูเหมือนจะรู้จักกันดี ทำให้เตชิตคิดว่าบางทีเด็กหนุ่มคนนี้อาจจะเป็นพี่ชายของน้ำอิง ถ้างั้นก็คงจะเป็นชาวเขาที่นำของมาขายในไนต์บาร์ซาเหมือนกัน

เมื่อเตชิตวางเด็กหญิงลง เธอก็ถลาเข้าไปกอดเด็กหนุ่มไว้แน่น ร้องห่มร้องไห้ไม่ยอมหยุด ดูท่าจะกลัวเอามากๆ ซึ่งก็ไม่แปลก ขนาดเขายังกลัวเลย สรุปว่าไอ้เสียงดังข้างนอกนั่นคืออะไรก็ยังไม่รู้

“เจ็บแข้งเจ้า”เธอเอ่ยกับเด็กหนุ่มทั้งน้ำตาเปื้อนแก้ม

พอเด็กหนุ่มย่อตัวลงนั่งบนเข่าแล้วก้มลงมองแผลบนหัวเข่าของเธอ ทันตแพทย์หนุ่มจึงส่งกระดาษทิชชูในมือเขาให้

“ขอบคุณ”

แต่เขาคิดว่าเมื่อส่งเด็กหญิงคืนให้พี่ชายได้แล้ว ก็ควรจะหาทางกลับสักที “น้ำอิงเจอพี่ชายแล้วก็ค่อยยังชั่วหน่อย คราวหน้าดูแลน้องดีๆ อย่าพลัดหลงกันอีกล่ะ”

คนตรงหน้านิ่งอึ้งไป จ้องมองเขาเขม็ง ราวกับว่าเขาเพิ่งไปปล้นใครมาอย่างไรอย่างนั้น “มีอะไรรึเปล่า” เมื่อเด็กหนุ่มไม่ตอบอะไร เขาจึงรีบพูดตัดบท “เอ้อ งั้น... ผมไปก่อนล่ะนะ”

ทว่าเตชิตยังไม่ทันก้าวออกไป อีกฝ่ายก็คว้าแขนเขาไว้

“ท่าจิ่ม ตางนอกมันยังมีคนล่น ลุ้มๆ อาจจะยังอันตราย กำเด่วไปส่งน้ำอิงหื้อป้อแม่ก่อน แล้วจะไปส่งอ้าย”(รอเดี๋ยว ข้างนอกยังมีคนวิ่งพลุกพล่าน อาจจะยังอันตราย เดี๋ยวส่งน้ำอิงไปให้พ่อแม่ก่อน แล้วจะไปส่งคุณ)

เตชิตชะงัก ฟังรู้เรื่องครึ่งไม่รู้เรื่องครึ่ง แต่ก็พอจะจับใจความได้ เขาจึงหยุดยืนอยู่กับที่เช่นนั้น

เด็กหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรออกไป เขาพูดรัวๆ กับคนในโทรศัพท์ จากนั้นจึงนั่งลงบนพื้นข้างถังขยะนั่นล่ะ แล้วให้เด็กหญิงนั่งตัก

ทันตแพทย์หนุ่มยืนงง หันรีหันขวาง ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเลือกปักหลักข้างถังขยะแบบนี้ มันสกปรกนะเว้ย!

“นั่งก่อนอ้าย” (นั่งก่อนสิคุณ)

เตชิตก้มลงมองคนพูด พอเคลื่อนสายตาไปมองบนพื้นข้างๆ เด็กหนุ่มก็นิ่งอึ้ง ก็แบบว่าจะนั่งตรงไหนวะ พื้นสกปรกอะ แล้วข้างๆ ก็เป็นกองขยะ

เด็กหนุ่มหันมองไปรอบๆ หยิบกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าๆ มาวางลงบนพื้นตรงหน้าทันตแพทย์หนุ่มแล้วชี้บอก“เอ้า นั่งบนกระดาษก่อได้” เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับทันตแพทย์หนุ่ม “กะว่า จะนั่งตักผม”(เอ้า นั่งบนกระดาษก็ได้ หรือว่าจะนั่งตักผม)

เตชิตอยากจะด่ากลับ แต่เพราะใบหน้าที่ดูซื่อๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลใสที่ดูไม่มีพิษมีภัยอะไร และน้ำเสียงนุ่มนวลเนิบช้าแบบนั้น ทำให้เขาคิดไปเองว่าอีกฝ่ายอาจจะแค่ถามเฉยๆ ไม่ได้กวนประสาทเขาก็ได้ เขาจึงหยิบกระดาษหนังสือพิมพ์มาคลี่ออกแล้วนั่งลงกุมขมับ

ไม่น่าออกมาเลยกู จะได้กลับไปเจอไอ้วินอีกไหมวะเนี่ย

ทันตแพทย์หนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กะว่าจะโทรไปหารวินท์ อย่างน้อยถ้าเขาไม่ได้กลับไปก็ยังได้คุยกับคนที่เขารักก่อนตายล่ะวะ พอกดโทรศัพท์ออกไป เสียงเรียกเข้าดังขึ้นไม่กี่ครั้งคนที่ปลายสายก็รับสาย

“กลับโรงแรมยังวะเนี่ย”

“ยังว่ะ พอดีมี...” เขาชะงัก จะบอกความจริงกับเพื่อนรักก็กลัวว่าจะทำให้เป็นห่วง เดี๋ยวไอ้วินมันเล่นใหญ่ แจ้งตำรวจ โทรบอกที่บ้านเขาให้วุ่นวายกันไปทั่วแน่

“มีอะไรวะ มึงอยู่ไหนเนี่ย กลับโรงแรมยัง”

“ยังว่ะ”

“ยังอยู่ไนต์บาร์ซาเหรอ ทำไมเงียบจังวะ มีอะไรรึเปล่า”

“เปล่าเว้ย พอดีเจอเด็กหลงทางว่ะมึง เลยรอพาเขาไปเจอพ่อแม่ก่อน”

“ใจดีจังว่ะ ยังไงก็รีบกลับห้องนะเว้ย ถึงห้องแล้วโทรมาบอกด้วย”

“เป็นห่วงกูอ่อ”

“ห่วงคนรอบๆ ตัวมึงอะ เดี๋ยวไปก่อเรื่องวุ่นวาย”

“สัส รักกูก็บอกดีๆ มะ”

“รักดิ ไม่รักจะด่ามึงอย่างนี้เหรอ” รวินท์หัวเราะ

ทันตแพทย์หนุ่มอมยิ้ม “เออ กูก็รักมึง”

“กลับห้องแล้วอย่าลืมโทรมาล่ะ เมสเสจมาก็ได้”

“ครับๆ” เตชิตกดวางสายไปพลางถอนหายใจยาวเหยียด พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเด็กหนุ่มกับเด็กหญิงจ้องมาทางเขาเขม็ง เขารีบเสตาหลบ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ กว่าจะนึกขึ้นได้ว่าควรจะถามอีกฝ่าย ว่าพวกเขามานั่งจุมปุ๊กกันที่ข้างถังขยะแบบนี้ทำไม เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นพรวด

“เอ้า มีอะไรอีกเนี่ย” ทันตแพทย์หนุ่มทำหน้างง แต่ก็ลุกตามอีกฝ่ายไปด้วย เมื่อชะเง้อมองไปด้านหลังถังขยะ ก็เห็นว่ามีชายหญิงในชุดชาวเขาวิ่งเข้ามาตรงที่พวกเขายืนอยู่

“อีป้ออีแม่!” เด็กหญิงร้องลั่นพลางวิ่งเข้าไปสวมกอดบิดามารดาของเธอ ทั้งสามกอดกันกลม แล้วสักพักชายหญิงในชุดชาวเขาก็เดินเข้ามาสวมกอดเด็กหนุ่มด้วย

ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เตชิตยิ้มกว้าง ครอบครัวได้พบกันเรียบร้อย เห็นแบบนี้ก็ค่อยยังชั่ว

น้ำอิงชี้ไปที่ทันตแพทย์หนุ่ม “อ้ายเค้าเป็นคนจ่วยไว้เจ้า แล้วก็มาป่ะอ้ายคีรีพอดี”(พี่ชายเป็นคนช่วยไว้ค่ะ แล้วก็ได้มาเจอพี่คีรีพอดี)

บิดามารดาของเด็กหญิงจูงลูกสาวตรงเข้ามาหาเตชิต พวกเขายกมือไหว้ ขอบอกขอบใจกันเป็นการใหญ่

“ไม่เป็นไรครับ น้ำอิงปลอดภัยก็ดีแล้ว”

“แล้วตางนอกเปิ่นมีอะหยังกั๋น”(ตกลงข้างนอกมีอะไรกันเหรอ)เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกันถามขึ้น

“บ่าตำเห๊าะตัวไหนเล่นบ่าถ้บก็บ่าฮู้ ละกะมีคนฮ้องว่าเป๋นเสียงระเบิด คนกะสะดุ้ง ล่นกัน หิมตาย นี่ก็ตำหนวดมาแล้ว แต่ยังเสาะหาคนจุดบ่าถ้บบ่าได้เตื่อ” (ใครมันทะลึ่งจุดประทัดก็ไม่รู้ครับ แล้วก็มีคนตะโกนว่าเป็นเสียงระเบิด คนเลยตกใจ วิ่งชนกันตลาดแทบพังเลย นี่ตำรวจมาแล้ว แต่ยังตามหาคนจุดประทัดไม่ได้)

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะหันไปหาคนที่ยืนอยู่ข้างกัน “อั้นเด่วผมไปส่งอ้าย”(งั้นเดี๋ยวผมไปส่งคุณ)

เตชิตยังไม่ทันตอบ บิดาของเด็กหญิงก็คว้าแขนเขาไว้

“แวะไปตี้ร้านผมก่อนน่อ ผมอยากตอบแทนน้ำใจ๋”(แวะไปที่เพิงร้านของผมก่อนนะครับ ผมอยากตอบแทนน้ำใจ)

“ฮะ!?” ทันตแพทย์หนุ่มยังไม่ทันอ้าปากตอบ บิดาของน้ำอิงก็กึ่งลากกึ่งจูงเขาให้เดินตามไปแล้ว พอเขาหันกลับไปทางเด็กหนุ่ม อีกฝ่ายก็พยักพเยิดหน้าบอกว่าให้ตามไปก่อน แล้วเดินตามหลังเขามาติดๆ


(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน)
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 04-09-2018 10:16:07


สถานการณ์ภายในไนต์บาร์ซากลับมาเป็นปกติแล้ว หากผู้คนบางตาลงไปมาก บิดาของน้ำอิงพาทันตแพทย์หนุ่มไปที่เพิงขายของของตน จากนั้นก็ชักชวนให้เข้าไปนั่งทางด้านใน

พื้นที่ด้านในเพิงร้านแคบนิดเดียว มีเสื่อเก่าๆ ปูไว้หนึ่งผืน พวกเขาทำท่าเชื้อเชิญให้เตชิตนั่งลง เขาจึงค่อยๆ ย่อตัวลงนั่ง

“เอ่อ...” ทันตแพทย์หนุ่มหันรีหันขวาง

บิดามารดาและเด็กหญิงนั่งลงบนเสื่อด้วย รวมเด็กหนุ่มอีกคนและเตชิตก็แทบไม่เหลือพื้นที่ว่าง พวกเขาต้องนั่งเข่าชนกันเลยทีเดียว

“คืนนี้ท่าจะบ่าค่อยมีลูกก้าแล้ว กิ๋นอะหยังกันก่อนแล้วค่อยปิ๊กเน่อคับ”(คืนนี้คงไม่ค่อยมีลูกค้าแล้ว กินอะไรสักหน่อย แล้วค่อยกลับนะครับ)บิดาของน้ำอิงเอ่ยพลางเปิดย่ามผ้าทอ หยิบขวดแก้วออกมา แล้วเทของเหลวสีใสลงในแก้วพลาสติก เขาส่งแก้วใบนั้นให้เตชิตก่อน “เหล้าข้าวโพดคับ ขอบคุณจ้าดนักตี้จ่วยน้ำอิงนะครับ”(เหล้าข้าวโพดครับ ขอบคุณที่ช่วยน้ำอิงนะครับ)

ใจเตชิตอยากจะปฏิเสธ แต่ก็เอื้อมมือไปรับแก้วมาก่อนเพื่อถนอมน้ำใจ หากขณะที่เขาอ้ำอึ้ง บิดาของน้ำอิงก็รินเหล้าใส่แก้วอีกใบส่งให้เด็กหนุ่มข้างกัน

เมื่อเห็นอีกฝ่ายยกดื่มอั้กๆ ทันตแพทย์หนุ่มก็เลยลองชิมบ้าง ก่อนจะเบิกตาโพลง ทำหน้าเบ้ เพราะไอ้เหล้านี่มันบาดคอเขาโคตรๆ แค่จิบเดียวก็รู้สึกร้อนผ่าวจากลิ้นไก่ไล่ลงไปตามหลอดอาหารเลย “โอ้โห!” เขาหลุดปากอุทาน

“แฮงไปก่อคับ อั้นผสมน้ำส้มหน่อยเนอะ” (แรงไปเหรอครับ งั้นผสมน้ำส้มหน่อยนะ)คนพูดจัดการเปิดกล่องน้ำส้ม นำมาผสมให้เสร็จ

เตชิตลองชิมอีกรอบ จะว่าไปมันก็อร่อยดี ขณะที่จิบๆ เหล้าในแก้วอยู่มารดาของน้ำอิงก็ลุกออกไปจากเพิงร้าน แป๊บเดียวก็เดินกลับมาพร้อมห่อใบตองใส่ขนมสีดำๆ ที่ตัดเป็นชิ้นๆ แล้วส่งให้เขาได้ชิม

ทันตแพทย์หนุ่มเหงื่อตกเพราะไม่เคยเห็นขนมแบบนี้มาก่อน อันที่จริงก็ไม่แน่ใจว่าเป็นขนมด้วยซ้ำ หากพอเขาปฏิเสธ หญิงสาวก็คะยั้นคะยอ

ทำไมกูต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย~เขาครวญครางอยู่ในใจ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจ ใช้ไม้จิ้มชิ้นขนมขึ้นมาดมๆ และส่องดู

มันก็หอมดี 

“เอาใส่ปากเตอะน่า”(เอาใส่ปากเหอะน่ะ)เด็กหนุ่มพูด

ทันตแพทย์หนุ่มชำเลืองมองไปทางคู่ชายหญิงชาวเขาซึ่งจ้องเขากันเขม็ง จากนั้นจึงค่อยๆ เอาขนมใส่ปาก

“ข้าวปุกลำก่อเจ้า”(ข้าวปุกอร่อยมั้ยคะ)มารดาของน้ำอิงยิ้มกว้าง

เตชิตขมวดคิ้วขณะเคี้ยวหยุบหยับ มันกรอบๆ เหนียวๆ มีกลิ่นหอมในปาก จะว่าไปก็อร่อยดี “ก็... ก็ดีครับ” ความจริงอาจจะอร่อยกว่านี้ แต่เขาคิดว่าลิ้นเขาตายด้านไปกับเหล้าเมื่อครู่แล้วแหละ

ทันตแพทย์หนุ่มนั่งกินขนมไปอีกสามสี่คำ ดื่มเหล้าไปอีกนิดหน่อยเท่านั้น เขาอ้างว่าอิ่มแล้ว เพราะก่อนหน้าก็เพิ่งกินมื้อเย็นมา ไหนจะดื่มค็อกเทลไปตั้งหลายแก้วอีก “ผมต้องขอตัวกลับล่ะครับ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า”

บิดามารดาของเด็กหญิงพยักหน้า พวกเขายกมือไหว้ “ขอบคุณจ้าดนักคับ/เจ้า”

เตชิตลูบศีรษะน้ำอิงอย่างอ่อนโยน “คราวหน้าระวังให้ดีๆ นะ อย่าพลัดกับพ่อแม่พี่ชายอีกล่ะ”

“ขอบคุณเจ้า” น้ำอิงยิ้มกว้าง

เมื่อเตชิตลุกขึ้น เด็กหนุ่มที่นั่งข้างกันก็ลุกขึ้นมาด้วย ทว่าเหล้าที่ดื่มเข้าไปดูท่าจะแรงกว่าที่คิดไว้ เป็นผลให้เขาเสียหลักเซไปเล็กน้อย อีกฝ่ายจึงช่วยพยุง

“ผมจะไปส่ง”

“ไม่ต้องก็ได้ ผมไม่เป็นไร”

“เซขนาดนี้บ่าเป๋นหยังได้ได ไปเตอะ จะไดผมก็ต้องไปตางนั่นอยู่แล้ว”(เซขนาดนี้ไม่เป็นไรได้ไง ไปเถอะ ยังไงผมก็ต้องไปทางนั้นอยู่แล้ว)

ทันตแพทย์หนุ่มทำหน้างง แต่อีกฝ่ายก็คว้าแขนเขาเดินออกไปแล้ว เขาจึงรีบหันกลับไปโบกมือลาครอบครัวชาวเขา พร้อมกับก้าวตามเด็กหนุ่มออกไป

เด็กหนุ่มพาเตชิตไปยังมอเตอร์ไซค์เก่าๆ คันหนึ่งซึ่งจอดไว้ไม่ไกลจากตลาดนัก เขาขึ้นไปนั่งก่อนแล้วจึงหันไปพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ทันตแพทย์หนุ่มขึ้นมานั่งซ้อนท้าย

เอาก็เอาวะ ดีกว่ารอแท็กซี่

เมื่อคิดได้เช่นนั้นทันตแพทย์หนุ่มก็ก้าวขึ้นนั่งซ้อนท้าย เขาจับเสื้อคนข้างหน้าไว้หลวมๆ แล้วอีกฝ่ายก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปช้าๆ

ระหว่างที่ขี่ไป เตชิตก็ชำเลืองมองเด็กหนุ่มไปเรื่อยๆ ก็แบบว่าเขายังไม่ได้บอกเลยว่าพักที่ไหน

“เอ่อ ไปโรงแรมXXXนะ”

“ผมฮู้” (ผมรู้)

อ้าว ทำไมรู้วะ?

อ้อ บางทีอาจจะเพราะเห็นชื่อโรงแรมบนกระดาษทิชชูที่เขาใช้เช็ดเลือดให้น้ำอิงละมั้ง ช่างสังเกตเหมือนกันแฮะ

แต่เพราะอีกฝ่ายเงียบเสียจนน่าอึดอัด เตชิตจึงชวนคุย “จริงสิ คุณชื่อคีรีใช่มั้ย เห็นน้ำอิงเรียกแบบนั้น”

เจ้าของชื่อไม่ตอบ แค่พยักหน้าหงึกๆ

“ผมชื่อเตชิตนะ”

เด็กหนุ่มทำเฉย นิ่งสนิทเหมือนไม่ได้ยินที่ทันตแพทย์หนุ่มพูดเลยด้วยซ้ำ ปล่อยให้เจ้าของชื่อยิ้มแห้ง

สัส เหมือนโดนตอกหน้ากลายๆ ว่า ไม่ได้ถาม เลยเว้ย ไม่น่าชวนคุยด้วยให้เสียฟอร์มเลยแม่ง เตชิตบ่นในใจ

สักพักเด็กหนุ่มก็ขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไปจอดด้านหน้าโรงแรม

เตชิตก้าวลงมาจากมอเตอร์ไซค์ “ขอบใจที่มาส่งนะ” ทว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่พูดอะไร ทำหน้านิ่งไม่หือไม่อืออะไรทั้งสิ้น ทันตแพทย์หนุ่มจึงได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆ อีกรอบ “ผมไปล่ะ”

แต่เมื่อเตชิตจะเดินเข้าไปในโรงแรม เด็กหนุ่มก็ดับเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ ส่งกุญแจให้พนักงานต้อนรับของโรงแรมที่เดินเข้ามาหา จากนั้นก็เนียนเดินเข้าไปในโรงแรมพร้อมกันกับเขาด้วยซะงั้น

เตชิตขมวดคิ้ว จอดมอเตอร์ไซค์ทิ้งไว้อย่างนั้นอะเหรอ มอเตอร์ไซค์ก็มี Valet Parkingด้วยเหรอวะ หรือว่าเด็กนี่ก็พักที่นี่วะ แล้วพ่อแม่กับน้องล่ะ?

แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าเป็นคนที่นี่ ก็ไม่น่าจะพักโรงแรมไม่ใช่เหรอวะ

ทันตแพทย์หนุ่มหยุดยืนอยู่ในบริเวณห้องโถงใหญ่ของโรงแรม แต่พอเขาหยุด อีกฝ่ายก็หยุดด้วย

อะไรวะเนี่ย?

“เอ่อ คุณตามผมมาทำไม”

เด็กหนุ่มไม่ตอบ แถมยังทำเมินเขาต่อได้อีก

เตชิตงงหนัก ในเมื่อไม่อยากคุยเขาไม่คุยด้วยก็ได้วะ คิดไปพลางสาวเท้าตรงไปยังลิฟต์โดยสาร ระหว่างทางก็เดินผ่านทั้งพนักงานโรงแรมและแขกเหรื่อมากมาย แต่เด็กหนุ่มก็ยังเดินตามเขามาติดๆ แล้วก็ไม่มีพนักงานคนไหนหยุดทักอะไรอีกฝ่ายเสียด้วย จะมีก็แต่ผงกศีรษะและส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

หรือพวกพนักงานในโรงแรมอาจจะคิดว่าเด็กหนุ่มมากับเขา?

แย่แล้วกู!เหมือนหิ้วเด็กเข้าโรงแรมไหมวะเนี่ย!

พอหันไปมอง อีกฝ่ายก็ยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างๆ กัน

ไอ้เด็กนี่มันอะไรกันวะเนี่ย!

ขณะที่ยืนรอลิฟต์ เตชิตก็ถามเด็กหนุ่มอีก “คุณตามผมมาทำไม”

คนอ่อนวัยกว่าส่ายหน้า แล้วก็เบือนหน้าไปอีกทาง

“คุณพักที่นี่ หรือทำงานที่นี่เหรอ”

“อือ”

“อย่างไหนล่ะคุณ”

“ตึงสองอย่าง”(ทั้งสองอย่าง)

เตชิตทำหน้ายุ่ง แต่ก็ช่างเถอะ เขารีบกลับห้องของตัวเองดีกว่า เมื่อประตูลิฟต์โดยสารเปิดออก เขาก็รีบก้าวเข้าไปทันที แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เด็กหนุ่มก้าวตามเขาเข้ามาด้วย

ทันตแพทย์หนุ่มชักจะระแวงหนัก คิดว่าถ้าไอ้เด็กนี่เดินตามเขาออกจากลิฟต์ไปที่ห้องพักอีก เขาจะเรียกพนักงานมาจัดการหิ้วออกไปทิ้งหน้าโรงแรมเลยแม่ง

พอลิฟต์โดยสารไปหยุดอยู่ที่ชั้นที่เขาพัก เขาก็รีบเดินออกจากลิฟต์ไป พร้อมกับหันกลับไปมองว่าอีกฝ่ายตามมาด้วยหรือไม่ ทว่าเด็กหนุ่มยังคงยืนนิ่งอยู่ในลิฟต์ ไม่หันมองมาทางเขาเลยด้วย แล้วบานประตูลิฟต์ก็ปิดไป

“เออ สงสัยคงทำงานที่นี่จริงๆ แหละ” เตชิตหัวเราะพลางส่ายหน้าไปมา “ไอ้เด็กบ้า บอกกันดีๆ ก็ไม่ได้ ปล่อยให้ระแวงอยู่ได้”

ทันตแพทย์หนุ่มเดินกลับไปที่ห้องพักของตน เมื่อเข้าไปในห้องได้ก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรไปรายงานเพื่อนรักตามที่อีกฝ่ายสั่งไว้

เสียงเรียกเข้าดังขึ้นสี่ห้าครั้งแล้ว กว่าคนที่ปลายสายจะกดรับ ทว่าเสียงในโทรศัพท์กลับไม่ใช่ของคนที่เตชิตรอคอย เขาถอนหายใจหนักๆ ใส่คนในสาย

“ไอ้น้องพิงค์ บ้านไม่มีที่นอนรึไง ใครปักธูปเรียกมา ไอ้วินไปไหนแล้วล่ะ” เขาถามเสียงขุ่น

“แหม ไม่ต้องทำเสียงดุใส่ผมก็ได้พี่ ก็พี่เต้ไม่อยู่ พี่วินเหงาอะ ผมเลยต้องมานอนเฝ้า แต่ตอนนี้พี่วินเหนื่อยจัด หลับไปแล้วคร้าบ”

“แล้วทำไมคุณไม่หลับไปด้วยล่ะวะ!”

“ก็เห็นพี่วินเป็นห่วงพี่ ผมเลยอยู่รอให้ ไอ้ผมก็กลัวว่าพี่จะหน้ามืดไปฉุดใครเขาเข้าแล้วไม่ยอมกลับโรงแรมอะดิ๊”

“ไอ้เด็กเวร ไปนอนเลยไป ผมจะนอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้ามากด้วย”

“ฝันดีนะพี่ แต่ไม่ต้องฝันถึงพี่วินนะ ผมขอร้อง เดี๋ยวฝันเปียกขึ้นมา สงสารคนเปลี่ยนผ้าปูที่นอนโรงแรมว่ะ” คนที่ปลายสายหัวเราะร่วน ชวนให้เตชิตอยากจะกลับไปเตะปากเขาที่เชียงใหม่เสียเดี๋ยวนั้น เด็กหนุ่มรีบวางสายไปก่อนจะโดนด่าชุดใหญ่

“ไอ้เด็กผี!ไอ้วินเห็นอะไรดีในตัวมันนักวะเนี่ย!” เตชิตพึมพำ จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงพลางทอดถอนใจ

ใช่ คนที่เขารักน่ะ มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แถมยังรักกันมากด้วย ส่วนเขาก็แดกแห้วไปวันๆ อยู่นี่ไง แดกจนมีแห้วฝังลึกในดีเอ็นเอแล้วเนี่ย เวลานี้แค่ได้อยู่ใกล้ชิด ได้เป็นเพื่อนสนิทก็ดีถมไป แต่ก็ต้องอดทนมองดูคนที่เขารักมีความสุขกับแฟนไปเรื่อยๆ แบบนี้นี่ล่ะ

จะเรียกหมามองเครื่องบินก็ยังใกล้ไป เรียกหมามองดาวพลูโตเลยเหอะ คิดแล้วรันทด ปวดใจฉิบหาย

เตชิดล้มตัวลงนอน ตอนแรกก็อยากจะนอนนิ่งๆ หายใจทิ้งไปเรื่อยๆ แต่คิดไปคิดมา หรือเขาจะลงไปหาอะไรดื่มแก้กลุ้มที่ผับข้างล่างดีวะ

ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ทันตแพทย์หนุ่มจึงผงกศีรษะขึ้นมอง

ดึกป่านนี้ใครมาเคาะประตูห้องเขาวะ พวกทันตแพทย์ที่มาประชุมเหมือนกันงั้นหรือ

เตชิตจำใจต้องงัดตัวเองจากเตียง เขาเดินโซเซไปที่ประตูห้อง พอเกาะบานประตูมองออกไปทางช่องตาแมวแล้วก็สะดุ้งเฮือก “เฮ้ย!”

เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าห้องยกถุงในมือขึ้น ซึ่งคนที่อยู่ในห้องจำได้ดีว่าเป็นถุงของฝากที่เขาซื้อไว้ให้รวินท์ ทันตแพทย์หนุ่มจึงเปิดประตูห้องออกทันที แล้วทั้งสองก็ยืนประจันหน้ากัน

“เอ้อ ผมคงทำหล่น ขอบ...” ทว่าพอเตชิตเอื้อมมือไปหยิบ อีกฝ่ายกลับชักมือหนี เป็นผลให้ทันตแพทย์หนุ่มชักสีหน้าทันควัน “เฮ้ย! คุณ!”


*TBC*


สวัสดีค่าาาา~ ได้ฤกษ์เปิดตัวหมอเต้สักที อิ๊_อิ๊ แล้วคีรีคนนี้เปงใครกันน้าาาา ฮี่ๆๆ

เรื่องนี้เป็นตอนต่อจากภูสอยเดือนนะคะ ให้หมอเต้ของเราได้มีความรักบ้างไรบ้าง แต่จะไหวมั้ยน้าาาา ใครจะทำให้หมอเต้ลืมหมอวินได้ลง 555555

อาจจะลงช้านิดนึงนะคะ หรือไม่ก็คงต้องแบ่งลงบ้าง เพราะเขียนไม่ทัน อย่าว่ากันน้าาาา~

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากๆ ค่า รักหมอวินกับน้องพิงค์แร้วก็แบ่งใจมาให้หมอเต้กับน้องคีรีมั่งนะค้า

ปล. ขอบคุณเพื่อนสาวชาวเจียงฮายที่ช่วยเขียนเป็นภาษาเหนือให้ แต่ถ้าหากมีออกเสียงผิดเพี้ยนไปตรงไหน บอกกันได้นะค้า เพราะเพื่อนฮัสกี้อยู่ต่างประเทศเหมือนกัน วรรณยุกต์อาจมีผิดไปบ้างค่ะ แหะๆ :mew1:

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-09-2018 10:47:10
คีรีนี่ยังไงดูแปลกๆอ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 04-09-2018 10:48:18
หมอเต้ซึนๆ นะ  :laugh: จะเสียตัวเพราะเหล้ามั้ยล่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 04-09-2018 10:48:42
 :mc4: คู่หมอเต้ยังบอกลักษณะนิสัยไม่ได้ แต่ก็ดีใจที่เจ้าของไร่แห้วจะมีคนมาช่วยทำไร่แห้วให้เป็นไร่อะไร รอลุ้นจ้า
เอ๊ะๆๆๆ จะโดนคีรีทำไรน้า มโนดีไม่ได้เล้ย  :z1:
 :mc4:  :L1:  :pig4:  :L1:  :mc4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 04-09-2018 10:54:13
หมอเต้ เจ้าของไร่แห้วมาแล้ว เย้ๆ

ชูป้ายไฟ

เชียร์ๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 04-09-2018 12:28:55
หุหุ สงสารหมอเต้จะโดนรุกอย่างเร็วและแรง
น้องคีรีเป็นเจ้าของโรงแรมเป็นนักร้องที่ร้านและเป็นคนซื่อดริ้งให้หมอเต้แน่ๆ  :impress2:
หมอเต้คนหล่ออิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 04-09-2018 12:32:41
หมอเต้จะมีปั๋ววววแล้ววววอิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-09-2018 13:00:39
จะได้เมียหรือผัวกลับไป  :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-09-2018 13:12:08
คิดถึงพี่หมอเต้มากเลย ถึงคราวพี่เต้จะมีแฟนแล้ววววว :m11:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 04-09-2018 13:37:19
เอาใจช่วยหมอเต้ให้ได้เจอคนรักจริงสักที  :mc4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 04-09-2018 13:39:08
งื้ออออ พี่เต้จะมีหลัวตามรอยพี่วิน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 04-09-2018 13:53:11
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 04-09-2018 14:05:26
รอตอนต่อไปค๊าาาาา  :katai2-1:
มาไวๆน๊าา
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 04-09-2018 14:11:47
กรี๊ดดดด หมอเต้มาแล้ว ว่าแต่คีรีนี่ดูมึนๆดีนะ ชอบๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 04-09-2018 14:32:33
คีรีแลดูกวนไม่เบา
อาจทำให้หมอเต้มึนๆ
จนเลิกรักหมอวินแบบคนรักก็ไเ้นะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 04-09-2018 14:33:19
อ่ะปักมุด/// ที่ยอมปักเนี๊ยเห็นว่าดีกับน้องพิงค์แล้วหรอกนะ เชอะ!!!!! :m16:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 04-09-2018 15:06:16
หมอเต้มาแล้ว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 04-09-2018 16:40:44
ท่าทางจะเป็น เจ้าของ ..
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 04-09-2018 17:01:41
ชูป้ายไฟ หมอเต้ได้คู่ อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-09-2018 17:13:50
 :mc4: :katai2-1: :mc4:

 :3123: :pig4: :3123:

 o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 04-09-2018 18:35:36
ไอ้เด็กนี่มันยังไง จะรุกพี่เต้เราเหรอ ไม่เอาอ่ะเราอยากเห็นพี่เต้รุกนะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 04-09-2018 19:53:00
ในที่สุดหมอเต้ก็มีคู่กับเขาสักที น่อววว
ว่าแต่คีรีก็แปลว่าภูเขาเหมือนกัน โพสิชั่นจะตามรอยภูสอยเดือนรึเปล่า  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 04-09-2018 20:00:59
น้องคีรีมาแนวไหนนิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: bradpitt ที่ 04-09-2018 20:33:05
  ดีใจๆๆๆๆ Husky ออกเรื่องใหม่ :กอด1:

  หมอเต้ ฉายเดี่ยวแล้ว   เร่ืองนี้ไม่มี พี่หมอวิน มาจองพื้นที่หัวใจแระ  . เกร้วกราด ได้เต็มที่ :hao3:

   
 ว่าแต่ คีรี เนี่ยเด็กกก่า ใช่มะ... จะ เป็น รักแรกพบ ขาดนั้นเลยเหรอ :กอด1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-09-2018 20:43:00
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทำไมมีกลิ่นอายของความที่หมอเต้จะถูกกดหว่า?
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 04-09-2018 23:24:55
หว่ายยๆๆๆ ชอบ คีรีนี้ลึกลับน่าดู เอ้ะ รึเเปลกหว่า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 05-09-2018 00:26:02
งื้ออออ พี่เต้จะมีหลัวตามรอยพี่วิน

ไม่ตามรอยแค่จะมีหลัวนะคะ แต่ยังจะได้หลัวเด็กเหมือนกันด้วย 55+  :m20:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 05-09-2018 02:46:58
คีรีสงสัยจะเป็นเจ้าของแน่ๆเลย นางดูแปลกๆมึนๆ เหมือนคีรีจะรู้จักหรือไม่ก็แอบสนใจเตชิตมาก่อน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 05-09-2018 08:31:58
 :impress3: เดาว่าคีรีเป็นลูกเจ้าของโรงแรมที่เตชิตพักอยู่นะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 05-09-2018 08:53:19
 :m20:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 05-09-2018 12:19:48
หมอเต้มาแล้ว :110011: :z7: :pig3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 06-09-2018 04:37:28
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-09-2018 17:26:36
อุ้ต้ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 06-09-2018 19:05:33
 :mc4: :mc4: :mc4:
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 07-09-2018 06:51:45
หมอเต้จะได้เปลี่ยนกิจการจากเจ้าของไร่แห้ว มาเป็นสวนกุหลาบเร็วๆ นี้สินะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 07-09-2018 08:37:12
กรี๊ดดด เรื่องพี่เต้มาแล้ว :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-09-2018 12:29:24
แหม กินเด็กกันทั้งคู่เลยพี่เต้ พี่วิน เป็นอมตะ55555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 07-09-2018 15:05:07
คนโยนประทัดจะใช่คีรีป่ะ ดูมึนๆ ป้าดดด ถ้าเป็นอย่างนั้นตัววางแผนเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 08-09-2018 02:18:30
คีรีหน้ามึนมากเลยย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 08-09-2018 09:38:34
หมอเต้คงได้คู่กวนๆแบบเจ้าพิงค์แน่ๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-09-2018 13:41:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 10-09-2018 12:19:15
ไม่รอดแน่พี่เต้ ดีใจด้วยนะจะหายเหงาแล้ว  :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 1 : เหตุเกิดที่เชียงราย
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 11-09-2018 09:21:07


Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)


เด็กหนุ่มในเสื้อยืดสีดำ สวมทับด้วยเสื้อม่อฮ่อมสีน้ำเงิน สวมหมวกแก๊ปสีดำและกางเกงผ้าขาสั้นแค่เข่ายืนทำหน้าตาเหรอหราอยู่ที่หน้าห้องพักของทันตแพทย์หนุ่ม มือข้างหนึ่งของเขาถือถุงของฝากของเตชิต ส่วนมืออีกข้างถือขวดไวน์สีชมพูไว้

“ถุงของผม ขอคืนด้วย” ทันตแพทย์หนุ่มพูดเสียงขรึม

“ถุงนี้ของอ้ายก๊ะ”(ถุงนี่ของคุณเหรอ)

“ถ้าคุณไม่รู้ว่าเป็นของผม จะถ่อมาถึงที่หน้าห้องผมรึไง คุณคีรี”

เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อเรียกยิ้มมุมปาก “ผมจะมาจวนอ้ายดื่มไวน์นี่ล่อ”(ผมจะมาชวนคุณดื่มไวน์นี่ต่างหาก)

“คุณรู้ว่าผมพักห้องไหนได้ยังไง”

คนถูกถามยักไหล่ แถมยังเลี่ยงไม่ตอบคำถามไปอีก “หื้อผมเข้าไปตางในหน่อยเตอะ”(ให้ผมเข้าไปข้างในหน่อยนะ)

เตชิตถอนหายใจหนักๆ “คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่ นี่ ผมไม่มีเงิน ไม่มีของมีค่าอะไรให้คุณหรอกนะ โรงแรมนี่ก็มาพักฟรี ไม่ได้จ่ายเอง อาหารทุกมื้อยังกินฟรีเลย”

“ผมแค่มาจวนอ้ายเตชิตดื่มไวน์แต๊ๆ”(ผมแค่จะมาชวนคุณเตชิตดื่มไวน์จริงๆ)

ทันตแพทย์หนุ่มลดสายตาลงมองขวดไวน์ในมือเด็กหนุ่ม ยี่ห้อดังเสียด้วย ราคาก็สมกับยี่ห้อเลย “คุณไปเอาไวน์นี่มาจากไหน”

“ผมได้มาเป็นของขวัญ บ่าได้ลักได้จ๊กไผมาหรอกน่า แต่บ่ามีไผดื่มตวยนะกะ” (ผมได้มาเป็นของขวัญ ไม่ได้จิ๊กใครมาหรอกน่ะ แต่ไม่มีใครดื่มด้วยน่ะสิ)คีรีตีหน้าซื่อ “ผมแค่อยากมีเปื่อนดื่มเตาอั้นเนอะ แต๊ๆ นิ บ่าได้คิดอะหยังนอกเหนือจากนี้นะ”(ผมแค่อยากได้เพื่อนดื่มเท่านั้นจริงๆ ไม่ได้คิดอะไรนอกเหนือจากนี้เลย)

เตชิตขมวดคิ้ว เขารู้ว่าไม่ควรไว้ใจคนแปลกหน้า เด็กนี่เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ แต่ดูเผินๆ ท่าทางซื่อๆ ก็ไม่น่าจะโกหกอะไรละมั้ง ส่วนตัวเขาเวลานี้ก็กำลังเซ็งๆ เหงาๆ เพิ่งกินแห้วรอบที่ล้านจากไอ้วินมาด้วย กำลังอยากเมาอยู่เหมือนกัน ข้าวของแพงๆ ในห้องก็ไม่มีอยู่แล้ว เขาเอามาแค่บัตรเอทีเอ็มจากบัญชีที่ใช้รับเงินเดือนจากโรงพยาบาล เงินสดไม่กี่ร้อยกับโทรศัพท์มือถือเท่านั้น จะว่าเขาโง่หรือบ้าก็ได้ หากในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเปิดประตูทิ้งไว้ แล้วหันหลังเดินกลับเข้าห้องไป

เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง รีบสาวเท้าตามเจ้าของห้องเข้าไปข้างใน “ขอบคุณคับ ไปนั่งดื่มบนเติ๋นกันเนอะ”(ขอบคุณครับ ไปนั่งดื่มบนระเบียงกันเนอะ)

รู้ว่าห้องเขามีระเบียงเสียด้วย แปลว่ารู้จักที่นี่ดีงั้นสินะ ถ้าอย่างนั้นก็คงจะทำงานที่นี่จริงๆ นั่นละ

“เอาสิ”

คีรีเดินตรงออกไปยังระเบียง ขยับโต๊ะเล็กน้อย จัดเก้าอี้สองตัวไว้ข้างกัน จากนั้นก็เดินกลับเข้ามาหยิบแก้วไวน์ในห้อง แล้วนำออกไปวางบนโต๊ะ เสร็จแล้วเขาก็หันไปยิ้มให้ทันตแพทย์หนุ่ม “เจินคับ” (เชิญครับ)

เตชิตเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งพลางมองเด็กหนุ่มที่กำลังเปิดจุกคอร์กของไวน์อย่างทะมัดทะแมง “ดื่มไวน์บ่อยเหรอ”

คนอ่อนวัยกว่าอมยิ้ม เขาไม่ได้ตอบอะไร หากเอื้อมมือไปหยิบแก้วใสมารินไวน์ใส่ แล้วส่งให้ทันตแพทย์หนุ่มชิม

“อือ อร่อยดี”

เด็กหนุ่มรินใส่แก้วใหม่ ครั้งนี้รินให้อีกฝ่ายและตัวเองด้วย ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างกัน “จนแก้วๆ” (ชนแก้วๆ)

เตชิตยกแก้วของตนขึ้นชน พอจิบไปนิดนึงก็หันไปถาม “คุณเป็นชาวเขาใช่มั้ย เผ่าอะไร”

“ทำไมถึงคิดว่าผมเป็นจาวเขา”(ทำไมถึงคิดว่าผมเป็นชาวเขาล่ะ)

“ก็... น้ำอิงไม่ใช่น้องสาวคุณเหรอ”

คีรีนิ่งเงียบไปชั่วครู่ “ก่อบ่าเจิง” (ก็ไม่เชิง)

สีหน้าอึดอัดใจของคนอ่อนวัยกว่าเป็นผลให้ทันตแพทย์หนุ่มรีบพูดต่อ “ผมเสียมารยาทรึเปล่า ช่างเถอะ มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร” เขายกไวน์ขึ้นดื่มต่อ “แต่ภาษาที่คุณพูดคือภาษาเหนือใช่มั้ย”

“ใจ่  ในเจียงฮายมีจาวเขาหลายเผ่า มีหลายครัวเฮือนตี้เข้ามายะก๋านในเมืองแล้วก่ออู้กำเมืองเป๊ะ ส่วนตัวผมนะเกิดในเมือง อู้กำเมืองเต้าอั้น”(ใช่ ในเชียงรายมีชาวเขาหลายเผ่า มีหลายครอบครัวที่เข้ามาทำงานในเมือง แล้วก็พูดภาษาเหนือได้ชัดเจน ส่วนตัวผมน่ะ เกิดในเมือง พูดคำเมืองเท่านั้น)

“อ่อ” เตชิตพยักหน้าหงึกๆ “ผมเคยได้ยินคนพูดภาษาเหนือบ่อยๆ นะ ก็พอฟังออกบ้าง แต่แยกไม่ออกหรอกว่าแต่ละคนจากแต่ละเมืองพูดต่างกันมั้ย ที่เคยได้ยินชาวเขาพูดตอนไปขึ้นดอยก็ฟังคล้ายๆ กันไปหมด”

“อ้ายเตชิตเกยฟังจาวเขาอู้กำเมืองก๊ะ”(คุณเตชิตเคยฟังชาวเขาพูดภาษาเหนือเหรอ)

“อืม ตอนไปออกหน่วยบนดอยน่ะ”

“ออกหน่วย?”

“ใช่แล้ว ผมเป็นหมอฟันไงล่ะ เคยไปออกหน่วยบนดอย ไปรักษาฟันให้คนไข้ที่มาโรงพยาบาลลำบากน่ะ ได้พบชาวเขาเยอะแยะเลย”

“จาวเขาตี้อ้ายปะ เป็นจะไดผ่อง”(ชาวเขาที่คุณได้พบ เป็นยังไงบ้าง)

นัยน์ตาของเตชิตฉายแววอ่อนโยน เขายิ้มบาง “พวกเขาก็...เป็นคนดี ดีมากๆ ทุกคนเลย”

คีรีเอื้อมมือไปกุมมือทันตแพทย์หนุ่มไว้ “ผมก่อเป็นคนดีหนา”(ผมก็เป็นคนดีนะ)

เตชิตหันไปประสานสายตากับเด็กหนุ่ม เขาหัวเราะเบาๆ พลางดึงมือออก แล้วส่งแก้วไวน์เปล่าๆ ให้อีกฝ่ายแทน “หมดแล้ว”

คนอ่อนวัยว่ารีบรินไวน์ให้ เขาจ้องใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ของทันตแพทย์หนุ่มอย่างไม่วางตา ก่อนจะถอดหมวกออก แล้วยกมือขึ้นเสยผม “ดื่มไวน์แล้วฮ้อนโถ๊ะ”(ดื่มไวน์แล้วร้อนจัง)   

เตชิตยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ พอชำเลืองไปทางคนที่นั่งอยู่ข้างกันเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะพอเด็กหนุ่มถอดหมวกออก แวบหนึ่งทำให้เขาฉุกใจนึกถึง...


รวินท์!


เด็กนี่ สีผมกับทรงผมเหมือนไอ้วินเป๊ะๆ ดวงตาเรียวรูปเมล็ดอัลมอนด์และโครงหน้ารูปไข่เมื่อมองเผินๆ ก็มีส่วนคล้ายไอ้วินเพื่อนเขาบ้างเล็กน้อย ถึงนอกนั้นจะไม่มีอะไรคล้ายกันเลยแต่ก็เรียกว่าเป็นคนหน้าตาดีพอควร

เตชิตลดแก้วไวน์ลงมาถือค้างไว้ในมือพลางขมวดคิ้ว สงสัยว่าเขาจะเมา หรือไม่ก็คิดถึงไอ้วินมากเกินไป แค่ห่างกันมาห้าวันเท่านั้น

ไม่สิ ตั้งห้าวันแล้วต่างหาก

เขาคิดถึงมันทุกลมหายใจเข้าออก แต่ตอนนี้ มันคงกำลังมีความสุขกับคนที่มันรัก

ทั้งที่คิดว่าทำใจได้แล้ว ทว่าทุกครั้งที่ได้เห็นหรือนึกถึง หัวใจเขาก็ยังรู้สึกเจ็บ ขณะที่คิดไปเขาก็ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอีก รวดเดียวจนหมดแก้ว เสร็จแล้วก็นั่งนิ่งขรึม

“อ้ายเตชิตกึ๊ดอะหยังอยู่”(คุณเตชิตคิดอะไรอยู่)

เจ้าของชื่อเรียกหันไปทางคนถามช้าๆ พร้อมกับทำหน้ายุ่ง “คิดว่าทำไมคุณถึงมาชวนผมดื่ม”

“เพราะอ้ายเป็นคนใจดี คงจะบ่าปฏิเสธผม”(เพราะคุณเป็นคนใจดี คงไม่ปฏิเสธผม)

“ผมใจดีตอนไหน คุณรู้ได้ยังไง” ทันตแพทย์หนุ่มจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง

“อ้ายจ่วยน้ำอิง อ้ายยอมไปนั่งดื่มกิ๋นกับคอบคัวน้ำอิง ทั้งตี้อ้ายจะปฏิเสธก่อได้”(คุณช่วยน้ำอิง คุณยอมไปนั่งดื่มกินกับครอบครัวของน้ำอิง ทั้งที่คุณจะปฏิเสธก็ได้)

เตชิตขมวดคิ้วพร้อมกับหลุบตาลงต่ำ

พอเห็นทันตแพทย์หนุ่มนิ่งไป คนอ่อนวัยกว่าก็รินไวน์เพิ่มให้อีก “ดื่มแหมหน่อยคับ”(ดื่มอีกนะครับ)

เมื่อสบตากัน คีรีก็จะส่งยิ้มให้เขา ซึ่งเตชิตก็คิดว่าอีกฝ่ายน่ารักดีอยู่เหมือนกัน ยิ่งดื่มไวน์ไปเยอะเข้าก็ยิ่งมองเห็นใบหน้าของรวินท์ซ้อนทับกับเด็กหนุ่มชัดเจนขึ้นทุกที หัวใจของเขาเริ่มสั่นไหวแบบแปลกๆ และด้วยความคิดถึงเพื่อนรักที่อัดแน่นอยู่ในอก ทำให้เขาเอื้อมมือออกไปไล้แก้มอีกฝ่ายอย่างลืมตัว

ทั้งรัก ทั้งคิดถึง...

นัยน์ตาของคีรีเชื่อมแสง รอยยิ้มของเด็กหนุ่มดูๆ ไปก็คล้ายกับไอ้วิน นี่เขาคงคิดถึงมันจนเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ

คนอ่อนวัยกว่ายกมือขึ้นกุมมือของเตชิตไว้ เขาประสานสายตากับทันตแพทย์หนุ่ม ก่อนจะค่อยๆ เอนตัวเข้าไปหา เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกเกือบสัมผัสกัน

“อ้ายเตชิต กึ๊ดเติงไผอยู่” (คุณเตชิตคิดถึงใครอยู่)

“.....”

“กึ๊ดเติงแต่ผมสักนาทีนึ่งได้ก่อ” (คิดถึงแต่ผมสักนาทีหนึ่งได้มั้ย) คีรีกระซิบชิดริมฝีปากตรงหน้า

กลิ่นหอมของอาฟเตอร์เชฟซึ่งเป็นกลิ่นเดียวกันกับที่รวินท์ชอบใช้ เป็นผลให้เตชิตไม่ขยับหนี เขารู้สึกเหมือนตัวเองเมาหนักเต็มที่จนสมองมึนเบลอไปหมด ทันตแพทย์หนุ่มนิ่งค้างอยู่แบบนั้น จนคนอ่อนวัยกว่าแนบริมฝีปากเข้ามาบนเรียวปากตน

เตชิตเตือนตัวเองว่าให้หยุด แต่ก็ไม่อาจห้ามใจกับสัมผัสนุ่มบนริมฝีปาก รสชาติแปลกใหม่ที่ได้ลิ้มลองดึงให้เขาค่อยๆ จมดิ่งลงในห้วงแห่งความปรารถนา มือข้างที่ว่างยกขึ้นวางบนท้ายทอยของเด็กหนุ่ม ขณะที่ริมฝีปากของพวกเขาบดเบียดเข้าหากันอย่างเชื่องช้า

เมื่อละริมฝีปากออก นัยน์ตาของทันตแพทย์หนุ่มก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่เรียวปากที่เพิ่งจากมา เขาบดจูบเข้าไปอีกครั้ง สอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดในโพรงปากซึ่งมีกลิ่นหอมของไวน์อบอวล เป็นผลให้เขายิ่งรู้สึกเมามัว คุมสติตนเองได้ยากมากขึ้นไปทุกที มือของเขาลากไล้จากท้ายทอยลงไปยังลำคอของคนอ่อนวัยกว่า ก่อนจะสอดมือเข้าไปภายในคอเสื้อเพื่อสัมผัสผิวเนื้ออุ่นๆ อย่างลืมตัว

เด็กหนุ่มกระซิบชิดริมฝีปาก “เข้าไปตางในกันเตอะคับ” (เข้าไปข้างในกันเถอะนะครับ)

ก่อนที่เส้นสติเส้นสุดท้ายจะขาดผึง เตชิตหยุดชะงักอย่างลังเล “คีรี...”

เจ้าของชื่อเรียกแต้มจูบเรียวปากตรงหน้าเบาๆ เขาค่อยๆ เคลื่อนริมฝีปากไปจูบยั่วเย้าตรงมุมปาก จูบไล้ผ่านสันคางลงไปตามลำคอ จากนั้นก็ซุกใบหน้าลงตรงซอกคอของทันตแพทย์หนุ่ม จงใจพ่นลมหายใจอุ่นๆ ใส่แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ตั๋วผมฮ้อนไปหมดเลยอ้ายเตชิต เพาะอ้าย หรือเพาะไวน์กั๋นแน่นะ” (ตัวผมร้อนไปหมดเลยคุณเตชิต เพราะคุณ หรือเพราะไวน์กันนะ)

เมื่อเด็กหนุ่มเข้ามาใกล้ชิด กลิ่นอาฟเตอร์เชฟที่คุ้นเคยก็กระตุ้นให้เลือดในกายของทันตแพทย์หนุ่มร้อนรุ่มไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เมื่ออีกฝ่ายลุกขึ้นและจูงเขากลับเข้าไปในห้อง เขาก็เดินตามไปอย่างว่าง่าย

ริมฝีปากของทั้งสองประกบเข้าหากันอีกครั้ง ในขณะที่ต่างคนต่างปลดเปลื้องเสื้อผ้าให้กัน จากนั้นทันตแพทย์หนุ่มก็กดร่างที่เปลือยเปล่าของคนอ่อนวัยกว่าลงกับผืนเตียง ขยับขึ้นไปทาบทับและบดจูบอย่างกระหาย

ทั้งสองลิ้นพันพัว ผิวกายของพวกเขาที่แนบชิดจนไร้ช่องว่างส่งผ่านความอบอุ่นถึงกัน คีรีโอบกอดคนบนร่างไว้พร้อมกับใช้ฝ่ามือเคล้นคลึงไปบนแผ่นหลัง

เสียงหอบหายใจกระเส่าของพวกเขาดังประสานกัน

เตชิตซุกไซ้ใบหน้าลงตรงซอกคอของคนใต้ร่าง เขาจูบเม้มแรงๆ สร้างรอยสีแดงบนผิวเนื้ออุ่นอย่างเมามัว เวลานี้ความปรารถนาเข้ามาบดบังความคิดไปหมดสิ้น ภายในศีรษะว่างเปล่า

ผิวกายที่เสียดสีกันทำให้รู้สึกดีไม่น้อย สัมผัสจากฝ่ามือเด็กหนุ่มร้อนรุ่มราวกับไฟ เตชิตยอมให้อีกฝ่ายพลิกตัวขึ้นมาอยู่บนร่างและกอดจูบได้ตามอำเภอใจ ปล่อยให้ร่างกายขยับไปตามที่ใจต้องการ และเมื่อถึงจุดสูงสุดของอารมณ์ เขาก็เรียกชื่อคนคนเดียวที่อยู่ในหัวใจมาเนิ่นนานออกมาอย่างแผ่วเบา

“วิน...”



เสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น เป็นผลให้ทันตแพทย์หนุ่มสะดุ้งตื่น

“โอย ปวดหัวฉิบ” เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นคลึงขมับ มืออีกข้างควานหาโทรศัพท์ตามเสียงที่ได้ยิน พร้อมกับลุกขึ้นนั่ง “โทรศัพท์ที่ไหนดังวะ” พอบ่นเสร็จจึงเห็นว่าเป็นโทรศัพท์ของโรงแรมที่ตั้งอยู่บนตู้ตัวเล็กตรงหัวเตียง

เมื่อยกหูโทรศัพท์ คนที่ปลายสายก็พูดขึ้นทันที

“หมอเต้ ตื่นรึยังคะ รถออกเจ็ดโมงครึ่งน้า”

“อ่า จริงด้วย ขอบคุณครับ ผมจะรีบลงไปเดี๋ยวนี้” พอวางสายไปเขาก็หันไปมองนาฬิกา ซึ่งบอกเวลาเจ็ดโมงพอดี เขาต้องรีบแล้ว ไม่อย่างนั้นตกรถแน่ๆ

“อืม...”

เสียงของใครบางคนที่ไม่ใช่เสียงของเขาดังมาแว่วๆ เป็นผลให้เตชิตชะงัก หันขวับไปยังต้นเสียงทันที

“ฉิบ!” ทันตแพทย์หนุ่มเบิกตาโพลง พลางยกมือขึ้นปิดปาก

เด็กหนุ่มคีรีคนที่เขานั่งดื่มไวน์ด้วยเมื่อวาน นอนหลับปุ๋ยอยู่ข้างๆ เขา ท่อนบนเปลือยเปล่า ส่วนท่อนล่างอยู่ใต้ผ้าห่ม

เตชิตลุกขึ้นพรวด พอหันมองไปรอบๆ ห้องซึ่งสภาพเละเทะเหมือนผ่านสงครามมาหมาดๆ ก็อ้าปากค้าง ยังไม่ทันก้าวออกจากเตียงก็รู้สึกถึงอะไรเย็นๆ ใต้ฝ่าเท้า พอก้มลงดูจึงเห็นว่ามันเป็นซองถุงยาง เขารีบหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ ทันที

ชัดเลย!มันเป็นถุงยางที่เขาเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์!คีรีไม่มีทางรู้ว่าเขามีถุงยางและเก็บมันไว้ที่ไหนแน่ เพราะงั้นเขาต้องเป็นคนหยิบมันออกมาใช้!

เหย้ดดด!กูทำอะไรลงไปเนี่ย!

ทันตแพทย์หนุ่มมองหาซากของถุงยาง แต่ยังไม่ทันพบสายตาก็เคลื่อนไปเจอกับเสื้อผ้าของเด็กหนุ่มที่วางกองอยู่บนพื้นปะปนกับเสื้อผ้าของเขา นั่นหมายความว่า...

เตชิตก้มลงมองตนเองช้าๆ แล้วรีบเอามือปิดส่วนที่ห้อยต่องแต่งตามแรงดึงดูดของโลกไว้ก่อน

เหี้ย! กูไม่ได้ใส่อะไรเลย! มิน่าล่ะ หวิวโคตร!

เขานิ่งอึ้งไปชั่วครู่ พยายามเรียบเรียงความคิดว่าเมื่อคืนมีเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาจำได้เพียงรางๆ เท่านั้น แต่ที่แน่ๆ ในความเลือนรางนั่นก็มีภาพเขากับเด็กหนุ่มนัวเนียกันอยู่บนเตียง

ทันตแพทย์หนุ่มแตะมือลงบนส่วนไวสัมผัสของตนเอง จากนั้นก็เอื้อมมือไปสัมผัสสะโพกแล้วหยุดคิด แต่พอได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกดังมาจากโทรศัพท์มือถือก็สะดุ้งโหยง รีบคว้ามากดปิดเสียง

ไม่มีเวลาคิดอะไรแล้วโว้ย

เตชิตคว้าเสื้อผ้าของตนเองขึ้นมาสวม วิ่งเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา แล้ววิ่งออกมาเก็บกระเป๋าเดินทางของตน ดีที่เขาไม่ได้เอาของออกมาวางระเกะระกะจึงรวบเก็บโยนใส่กระเป๋าได้อย่างรวดเร็ว เขาตั้งท่าจะวิ่งออกจากห้องแล้ว แต่ก็หยุดชะงัก หันกลับไปมองคนที่นอนกรนคร่อกๆ อยู่บนเตียงอีกครั้ง

หนีความจริงไม่รอดจริงๆ เลยสัส!

เขานอนกับคีรีไปแล้ว เด็กหนุ่มดูตัวโตก็จริง แต่ไม่ว่าจะตีลังกาดูท่าไหนยังไงก็คิดว่าต้องเด็กกว่าเขาแน่ น่าจะเด็กกว่าหลายปีด้วย

นั่นหมายความว่า เขานอนกับเด็ก...แถมยังเป็นเด็กผู้ชายอีกต่างหาก

ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นกุมศีรษะ เวลานี้ปวดแปลบเหมือนฟ้าผ่าลงมาตรงกลางกบาลซ้ำๆ

แม่งเอ๊ย!ทั้งชีวิตนี้ก็ไม่เคยคิดว่าจะนอนกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ไอ้วินได้ แล้วเป็นไงล่ะ!ไอ้เด็กนี่อายุเท่าไหร่ก็ไม่รู้ บรรลุนิติภาวะหรือยังวะ แถมยังเป็นชาวเขา ดีไม่ดีอาจจะเป็นเผ่าเดียวกับที่เขาเคยไปรักษาฟันให้ก็ได้ ร่อนเร่มาทำงานในเมือง เป็นพนักงานโรงแรมหาเช้ากินค่ำ เขาเอาเปรียบอีกฝ่ายแล้วก็จะชิ่งไปซะอย่างนั้น ควรจะรู้สึกผิดมั้ย ไอ้สัสเต้!

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจหนักๆ เขาเอามือตบๆ กางเกง หยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเปิดดู เห็นถุงยางที่เคยเหน็บไว้หายไปก็ใจแป้ว เหงื่อตกอีกรอบ พอสงบใจได้เล็กน้อยเขาก็หยิบเงินทั้งหมดที่มีออกมา ซึ่งก็เหลือแค่ห้าร้อยบาทเท่านั้น เพราะเขาเอาเงินสดติดตัวมาไม่มาก และเมื่อวานก็ใช้ซื้อของฝากให้รวินท์ไป

“ทุเรศฉิบหาย ห้าร้อยเนี่ยนะ” เตชิตพยายามนับเงินอยู่หลายครั้ง เผื่อธนบัตรใบละร้อยจะงอกขึ้นมาอีกสักสามสี่ใบ แต่ก็ไม่เป็นผล “ช่วยไม่ได้ ขอโทษนะ”

เตชิตเดินไปเก็บเสื้อผ้าของเด็กหนุ่มมาพับซ้อนกันไว้อย่างลวกๆ วางเงินไว้บนกองเสื้อผ้านั้น แล้วหยิบกระดาษที่มีตราโรงแรมกับปากกาบนโต๊ะมาเขียนข้อความไว้สั้นๆ ว่า ‘ผมขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจให้เกินเลยขนาดนี้ ถ้าอยากให้ช่วยเหลืออะไรที่ไม่มากเกินกว่าแรงผม ก็โทรมาได้ เบอร์โทร xxx-xxx-xxxx ผมมีเงินสดติดตัวมาแค่นี้ เอาไว้ขึ้นรถกลับบ้านนะ’แล้วก็วางไว้กับเงินนั่นล่ะ

หรือเขาควรจะปลุกไอ้เด็กนี่ขึ้นมาคุยกันก่อนดีวะ เตชิตหันไปมองเด็กหนุ่มอย่างลังเล

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เป็นผลให้เตชิตสะดุ้งเฮือก เขาคว้ากระเป๋าเดินทางวิ่งตรงไปเปิดประตู ก้าวออกไปแล้วรีบปิดประตูทันที

ข้างหน้าประตูห้องเป็นกลุ่มทันตแพทย์สาวซึ่งมาประชุมด้วยกัน พวกเธอยิ้มหวานให้เขา

“สวัสดีค่ะหมอเต้ ปะ ลงไปกัน รถมารอแล้วค่ะ”

“คะ...ครับ” เตชิตอ้ำอึ้ง แต่ก็รีบรุดเดินไปกับพวกเธออย่างรวดเร็ว

เมื่อทันตแพทย์ขึ้นรถตู้ที่จัดไว้กันครบ พวกเขาก็เริ่มออกเดินทางกัน ตามตารางในวันนี้คนขับรถตู้จะพาพวกเขาไปแวะกินมื้อเช้าพร้อมกับซื้อของฝากกันก่อน แล้วจึงจะไปส่งทันตแพทย์ตามจังหวัดต่างๆ ในเส้นทางที่วางแผนไว้



ภายในห้องที่เงียบกริบหลังจากบานประตูห้องปิดลงสนิท

เด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงลุกขึ้นนั่ง ไม่ได้มีท่าทีง่วงเหงาหาวนอนแต่อย่างใด เขาหยิบผ้าห่มที่ทันตแพทย์หนุ่มใช้ห่มนอนเมื่อคืนขึ้นมาสูดดมกลิ่นกายบางเบาที่ยังคงหลงเหลืออยู่พลางมองไปทางบานประตูอย่างอาลัยอาวรณ์ นั่งอยู่สักพักก็ลุกออกจากเตียง ชำเลืองมองซากถุงยางที่หล่นอยู่บนพื้นข้างเตียงแล้วยืดตัวบิดขี้เกียจ แต่พอเดินไปที่กองเสื้อผ้าของตน เห็นเงินที่วางไว้กับจดหมายก็ต้องชะงัก

แวบแรกเกือบจะสบถด่าออกมาแล้ว แต่พอได้อ่านจดหมายก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะออกมาเบาๆ แทน

คิดว่าต้องรับผิดชอบเขาเพราะนอนด้วยกันแล้วงั้นเหรอวะ ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายมาหา เอาไวน์มามอมถึงห้องเนี่ยนะ แถมมีเขียนเบอร์โทรศัพท์ทิ้งไว้ให้อีกด้วย เป็นคนดีเกินไปแล้ว

“หมอเต้น่ารักชะมัด จะทำให้ผมหลงจนหาทางออกไม่เจอเลยรึไง” เด็กหนุ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เขาหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวม พับจดหมายกับเงินเก็บใส่ในซองที่มีตราของโรงแรมอย่างประณีต จากนั้นก็เอาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อม่อฮ่อม ก่อนจะหันไปเห็นถุงของฝากที่อีกฝ่ายคงจะทำหล่นทิ้งไว้ เขาหยิบถุงนั้นขึ้นมาพลิกไปพลิกมาดู “ช้างแกะสลัก?”


*TBC*
 
 
โถ หมอเต้ 555555 อยากจะสมน้ำหน้าก็สงสาร ยังไงก็รบกวนทุกคนช่วยๆ กันสงสารหน่อยละกันนะคะ

รักเพื่อนมากไปหน่อย อกหัก(ครั้งที่ล้าน)ยังเจือกดราม่าจัดหนัก เป็นไงล่ะ ได้เรื่องเลย

ส่วนน้องคีรีเป็นใครนั้น เป็นชาวเขาจริงหรือเปล่า หรือจะเป็นอะไรกับเจ้าของโรงแรม ก็คงต้องงงเป็นเพื่อนหมอเต้กันไปก่อนนะคะ แต่หลายๆ คนก็คงจะพอดูออกล่ะ ว่าไอ้เด็กนี่มันไม่ธรรมดาเล้ยยยย~หมอเต้แย่แน่ๆ 5555555

เรื่องที่เกิดคืนนี้แท้จริงแล้วเป็นยังไง รอให้น้องคีรีมาเป็นคนเฉลยเองละกันนะคะ อิอิ
 
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านค่ะ ขอบคุณทุกเม้นต์เลยด้วยน้าาา รักเลย จุ๊ฟฟฟ


หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 11-09-2018 09:51:07
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-09-2018 10:08:07
คีรีต้องรู้จักหรือแอบรักแอบหลงหมอเต้อยู่ก่อนแล้วหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 11-09-2018 11:00:55
คลุกวงในแล้วหลับแน่ๆ หมอเต้ ยังไม่ได้กันเลยแน่ๆ ดูจากการป่วนแล้ว เล่ห์เหลี่ยมไม่ทันเด็กแน่ๆ เลยหมอเต้เอ้ย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 11-09-2018 11:40:29
โห คีรีเด็กแสบแน่ๆเลยยย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-09-2018 11:52:43
ยังไม่ได้กินกันจริงๆซินะ เพราะถ้ากินกันจริงไม่หมอเต้ก็คีรีอ่ะที่ต้องออกอาการเจ็บบ้าง แต่นี่ต่างคนต่างไม่เจ็บ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 11-09-2018 12:11:30
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 11-09-2018 12:35:01
อย่ามาหลอกหมอเต้นะ
นางน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 11-09-2018 12:37:41
เด็กมันร้ายยยยยยยยย หมอเต้อย่ามัวแต่กินแห้วรอบที่ n+1 กินเด็กดีกว่า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 11-09-2018 13:01:22
ยังไม่มีอะไรกัน หลอกๆ หยอกๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 11-09-2018 13:05:13
 :z1:
โถๆหมอเต้ คาดว่ายังไม่ไอ้กินกันอย่างถึงที่สุด
หมออย่ามโนนะคะ หมอไม่รอกน้องคีรีแน่ๆ  :hao7:
น้องมันร้ายยย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: love-boy ที่ 11-09-2018 13:06:27
 :z1: :z1: :z1:
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
มาต่ออีกไวๆ นะ รออ่านอยู่นะจ๊ะ
ปล. หมอเต้เป็นอมตะ 555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: mayyiyi ที่ 11-09-2018 13:07:33
เด็กมันร้ายเด้อออ หมอเต้ตามไม่ทันหรอก55555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 11-09-2018 13:08:08
 :hao7: โอ๊ย ลงแดง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-09-2018 13:11:46
 :z1:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 11-09-2018 13:41:39
โดนเด็กหลอกจนได้หมอเต้  :jul3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie009 ที่ 11-09-2018 13:54:27
คีรี น่าจะเคยเจอ หมอเต้ มาก่อนแน่ๆๆ แบบ รักแรกพบ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 11-09-2018 15:07:35
เด็กหนุ่มชาวเขาจริงด้วย หมอเต้เขางอกแล้วเนี่ยโดนเด็กหลอก  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-09-2018 15:25:05
เหมือนคีรีจะรู้จักหมอเต้อยู่ก่อนแล้วนะ และเหมือนจะแอบรักหมอเต้อยู่ข้างเดียวเหมือนหมอเต้รักหมอวินเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 11-09-2018 15:34:19
หมอนั้ลล้ากกก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 11-09-2018 16:57:40
คู่นี้ไวไฟได้เสียกันก่อนจะได้ลุ้นอีก :laugh:

ว่าน้องคีรีเป็นลูกเจ้าของโรงแรมรึเปล่าเนี่ย ไหนจะขึ้นมาที่ห้องหมอเต้ได้ ไหนจะไวน์แพงๆอีก ไม่ธรรมดาค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 11-09-2018 17:13:25
ดูจากสภาพน่าจะแค่คลุกวงใน แต่ยังไม่ถึงขั้นสุดท้ายหรือป่าว เดามาหมอเต้ต้องเป็นฝ่ายโดนกดในอนาคต 555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 11-09-2018 19:45:05
หมอเต้ มาต่ออีกกกก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 11-09-2018 20:04:35
คีรีเป็นใคร​ ทำไมเหมือนรู้เรื่องหมอเต้​ เหมือนรู้ว่าหมอเต้ชอบวิน​
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 11-09-2018 20:33:10
ทำไมถึงเซี้ยวอย่างนี้คะคีรี
แผนเข้าไกล้หมอเต้ซินะ
ไปปิ๊งเขาตอนไหนล่ะนั่น
แล้วทำไมถึงเพิ่งจะเริ่มลงมือล่ะ
โอ้ยอยากรู้ไปหมดเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 11-09-2018 21:10:00
เขาเรียบร้อยกันแล้น ไวไฟจนหมอวินอาย ตรงข้ามกันดีจริงๆ 55 :ling1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 11-09-2018 21:38:53
ใครจะคุมใครน้อ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 11-09-2018 23:23:31
รอติดตามมม
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-09-2018 01:36:16
คู่นี้ใครรุกใครรับละเนี่ยะ สงสัยหมอเต้ รับชัวร์ อิอิ สรุปหมอเป็นรับทั้งคู่ 555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-09-2018 02:10:25
คีรีนี่ไม่ธรรมดาจริงๆด้วย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 12-09-2018 02:24:47
น้องคีรีน่าค้นหาจริงๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นใครยังไง ก็ขอให้พิชิตใจพี่หมอเต้ให้ได้เร็วๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 12-09-2018 07:42:27
หมอเต้ ต้องได้ผัว!!!!!!   :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 12-09-2018 11:12:03
จัดฉากหรือเปล่า

ต้องใช่แน่ๆ

หรืออาจจะแค่เกลือบๆ

โอ๊ยลุ้น
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-09-2018 11:33:54
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 12-09-2018 13:23:35
คีรีใช่คนที่ร้องเพลงให้หมอเต้ป่ะ โอ้ยๆอยากรู้แล้วอ่ะ หมอเต้ไม่ต้องกินแหวแล้วแต่จะกินเด็กแทน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: Mekaming ที่ 12-09-2018 16:03:55
เด็กมันร้ายยยย :z1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 12-09-2018 16:29:00
คนเคยร้าย และยังเจ็บช้ำระกำใจ จะโดนเด็กสอยแย้ววว  :katai3:
สงสารพี่เต้นะ หลังๆ เฮียแกก็ดีตลอด(หลังจากด่าไปหลายตอน) แฮะ แฮะ แฮะ
น้องคีรีมาแบบแปลกๆ อึนๆ มึนๆ ไม่ทราบที่มาที่ไป โผล่มาแล้วก็แย้มเล่ห์เหลี่ยมออกมา เฮียแกจะรอดไหมนะ  :hao3:
แต่ดูจากสภาพไม่น่ารอด  :katai2-1: ดีๆ รอชมความเกรียนในรูปแบบน้องคีรีว่าจะมาแนวไหน

      :L2:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 12-09-2018 20:13:51
โดนเด็กหลอกแล้วว หมอเต้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 18-09-2018 09:53:03


Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง


ในตอนบ่ายของวันเสาร์ รถตู้ที่พาทันตแพทย์หนุ่มและหัวหน้าของเขากลับมาจากเชียงรายเคลื่อนเข้ามาจอดเทียบทางเท้าไม่ไกลจากหอพักแพทย์นัก เตชิตบอกลาหัวหน้าและทันตแพทย์คนอื่นๆ ในรถ รับกระเป๋าเดินทางมาจากคนขับรถ บอกขอบคุณแล้วก็รีบเดินลากกระเป๋าตรงไปยังหอพักทันที

แม่งเอ๊ย น้ำท่าก็ไม่ได้อาบตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้า แล้วเมื่อคืนเขาทำเรื่องอย่างว่า เหงื่อก็น่าจะออกมากด้วย ตัวเหม็นรึเปล่าก็ไม่รู้ ตอนนั่งในรถเขาไม่กล้ายกแขนขึ้นเลย ต้องนั่งหนีบมาตลอดทาง

เขาต้องรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ดีนะเนี่ยที่วันนี้ไอ้วินไปทำคลินิกที่เชียงใหม่ ถ้ามันเจอเขาตอนนี้ มันต้องจับพิรุธเขาได้แน่ๆ

ความสัมพันธ์ของเขากับรวินท์คือเป็นเพื่อนสนิทกัน และควรจะหยุดอยู่ที่ตรงนั้น เพราะงั้นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้เขารู้สึกผิดมากๆ ผิดซ้ำผิดซ้อน ผิดหลายกระทงจนนับไม่ไหว

อย่างแรก เขานอนกับเด็ก อย่างที่สอง นอกจากจะเด็กแล้ว อีกฝ่ายยังเป็นชาวเขา ก็ถือว่าเกี่ยวดองกับผู้มีบุญคุณของเขาด้วย อย่างที่สาม เขารักไอ้วิน แต่เสือกไปนอนกับคนอื่น อย่างที่สี่ เขาควรจะรักไอ้วินแบบเพื่อน แต่เสือกไปนอนกับคนที่ตัวเองละเมอไปว่ามีส่วนคล้ายกับไอ้วินได้ อย่างที่ห้า...โว้ย! เยอะเหลือเกิน ขี้เกียจนึกแล้ว!

ขณะที่เดินเข้าตึกหอพัก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นให้ผู้เป็นเจ้าของสะดุ้งโหยง เขารีบหยิบขึ้นมาดูแล้วกดรับสาย รู้สึกในคอแห้งเป็นผง “วะ...ว่าไงวะ”

“ถึงหอยังวะมึงอะ”

“เพิ่งถึง มึงโทรมาได้ไงวะเนี่ย ไม่ทำงานอ่อ”

“ก็แวบออกมาโทรศัพท์แค่แป๊บเดียว คือกูจะถามว่ามึงอยากแดกไร เดี๋ยวซื้อไปให้แดก”

“ฮะ! มึงอยู่เชียงใหม่ไม่ใช่เหรอวะ”

“เออ แต่เดี๋ยวเลิกงานจะกลับไปลำพูนกับพิงค์ ให้พิงค์ขับรถให้ มึงจะได้ไม่ต้องห่วงว่ากูจะเหนื่อยแล้วขับรถด้วย คิดมาเร็วๆ แดกไรดี”

ถ้าเป็นเวลาปกติ เขาคงจะเป็นคนงอแงขอให้มันมาหาด้วยซ้ำ ไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายวัน คิดถึงจะแย่ แต่ตอนนี้เขาขอเวลาทำใจก่อน ยังรู้สึกผิดไม่หายเลย “มึงไม่ต้องมาหรอก พรุ่งนี้มีคลินิกไม่ใช่เรอะ มานี่ก็ต้องกลับไปทำงานแล้วกลับมาที่นี่อีกอยู่ดี ไปๆ มาๆ เปลืองน้ำมัน ช่วยโลกลดมลพิษหน่อยสิวะ”

“สัส อะไรของมึง ก่อนจะไปครางหงิงๆ เป็นหมาโดนประตูหนีบกระโปก ไหนว่าคิดถึงกูนักหนาไงวะ พอจะไปหาเสือกลีลา”

“ไม่ได้ลีลาเว้ย ไอ้คิดถึงน่ะ ก็คิดถึงอยู่หรอก” เตชิตรีบรุดเดินเข้าลิฟต์โดยสารไป หากพอหันไปเห็นรอยแดงๆ ตรงด้านในคอเสื้อที่ในกระจกแล้วก็หัวใจร่วงวูบ “เย้ย!”

“เป็นอะไรของมึงวะ”

“คือ... คือกูเหนื่อย เออ กูเหนื่อยมากเลยมึง เดี๋ยวอาบน้ำแล้วจะนอนเลย นอนแบบมาราธอน แบบตื่นอีกทีพรุ่งนี้เย็น เพราะงั้นมึงไม่ต้องลำบากกลับมาหรอก พรุ่งนี้ค่อยมา ซื้อราดหน้ากับหมูปิ้งร้านประจำของกูมาให้ด้วยนะ แค่นี้ล่ะ” เขารีบกดวางสาย ยกมือขึ้นตะปบลำคอพร้อมกับทำหน้าเหมือนโดนผีพ่อหม้ายหลอกมาหมาดๆ

เมื่อบานประตูลิฟต์โดยสารที่ชั้นห้าของหอพักแพทย์เปิดออก เตชิตก็ยกกระเป๋าวิ่งตรงไปที่ห้องของตนเองอย่างรวดเร็ว ด้วยความลนลานทำให้ต้องไขกุญแจที่ประตูอยู่นาน พอเปิดประตูห้องเข้าไปได้ เขาก็ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง วิ่งตรงเข้าห้องน้ำไปแก้ผ้าตรวจดูตามร่างกายตัวเองทันที

“ฉิบหาย! ลายพร้อยเป็นดัลเมเชียนเลยกู!”

เท่าที่สำรวจดู เขามีรอยสีแดงที่คอ บนแผ่นอกและหัวไหล่ เยอะจนไม่อยากจะนับเพราะเดี๋ยวจะหัวใจวายไปเสียก่อน แต่ก็เป็นแค่รอยช้ำจางๆ เท่านั้น บางทีอาจจะไม่ใช่รอยจูบก็ได้ เขาอาจจะแพ้บางสิ่งบางอย่างหรือโดนตัวอะไรกัดเอา

ใช่ๆ เมื่อวานตอนนั่งริมถังขยะ อาจจะถูกตัวอะไรกัดเข้าก็ได้ ทันตแพทย์หนุ่มปลอบใจตัวเอง

ตัวห่าอะไรทำรอยใหญ่และเยอะขนาดนี้วะ แต่ลึกลงไปในใจก็มีเสียงของความจริงร้องระงมอยู่

อันที่จริงเขาก็ไม่เคยนอนกับผู้ชายมาก่อน เพราะไม่เคยพิศวาสผู้ชายคนไหนนอกจากไอ้วินเพื่อนรัก แต่กับผู้หญิงก็พอมีประสบการณ์อยู่บ้าง บ้างพอๆ กับไอ้วินนั่นล่ะ

เตชิตไม่อาจฟันธงหาคำตอบให้ตัวเองได้ ทว่าเขาก็โกหกตัวเองไม่ได้เช่นกัน เพราะว่าสภาพห้องเมื่อเช้ามัน... สนามรบหลังจบสงครามมาชัดๆ ทั้งเสื้อผ้าที่กองระเกะระกะ ถุงยางที่ถูกแกะเรียบร้อย ผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่ และเขายังนอนแก้ผ้าล่อนจ้อนกับเด็กนั่นอยู่บนเตียงอีก

ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นสัมผัสริมฝีปาก ถึงจะเมาเหมือนหมาแต่ก็ยังจำรสจูบและรสสัมผัสของเด็กนั่นได้ แล้วยังความรู้สึกอาฟเตอร์ช็อกที่ตรงส่วนกลางร่างอีก “ทำลงไปแล้วจริงๆ สินะ ไอ้เต้เอ๊ย~” ก่อนจะส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ เขารีบเดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พยายามไม่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วมุ่งหน้าตรงเข้าห้องนอนเพื่อตัดสวิตช์ตัวเองจากความจริงทั้งหมด

แต่นอนไปได้สักพักก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขายังไม่ได้เอาหมูยอของฝากรวินท์ใส่ตู้เย็น และพอจะหาของฝากอีกชิ้นก็หาไม่พบทั้งที่เขารื้อจนทั่วแล้ว ของฝากอันที่เขาทำหล่นและคีรีเอามาคืนให้นั่นละ สงสัยว่าเขาจะไม่ได้เอากลับมาด้วยเพราะเมื่อเช้ามัวแต่ตื่นตกใจ

“กูหนอกู ช่างแม่งละกัน” ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นคลึงขมับพลางถอนหายใจยาว



เวลาหนึ่งสัปดาห์ผ่านพ้นไป โดยที่เตชิตไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากเด็กหนุ่มคีรีคนนั้นเลย ทำให้เขาคิดว่าคืนนั้นคงจะเป็น one night stand ไปแล้ว อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาของอีกฝ่ายก็ได้

แต่ไม่ว่าอย่างไร มันก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาสำหรับเขาแน่

ในตอนเย็นของวันศุกร์ที่ฝนกระหน่ำเทลงมาราวกับฟ้ารั่ว เตชิตขับรถจากลำพูนไปเชียงใหม่พร้อมกับรวินท์เช่นเคย ก่อนจะขับรถพาเพื่อนรักไปทิ้งไว้ที่คณะวิศวะตามที่อีกฝ่ายบอก ส่วนตัวเขานัดขิง ดิวและแซนดี้ไว้ ตั้งใจว่าจะไปดูหนังที่เซ็นทรัลกัน

“อย่ากลับดึกนักล่ะมึง”

“มึงก็เหมือนกันนั่นล่ะ”

“กูน่ะไม่ต้องห่วงหรอกเว้ย ยังไงก็มีขิง ดิวกับแซนดี้ คนถูกทิ้งก็ต้องเกาะกันไว้แบบนี้แหละ”

“สัส ถ้าไม่ติดว่านัดพิงค์กับซันประชุมสโมฯ ไว้ พวกกูก็ไปดูกับพวกมึงด้วยมะ”

เตชิตหัวเราะ ที่จริงเขาก็ไม่อยากปล่อยให้รวินท์ไปอยู่กับไอ้เด็กพิงค์นักหรอก แต่จะทำยังไงได้ คนรักกันเขาก็อยากอยู่ด้วยกันเป็นเรื่องธรรมดา ภูพิงค์ยุ่งๆ อยู่กับเรื่องรับน้องและเตรียมตัวสำหรับการประชุมเชียร์เนื่องจากใกล้เปิดเทอมใหม่แล้ว เพราะงั้นพวกเขาจึงไม่ได้พบกันมาตลอดสัปดาห์ คงจะคิดถึงกันน่าดู ส่วนตัวเขาน่ะ ปกติพอส่งเพื่อนรักไว้กับภูพิงค์แล้วก็มักจะนัดกับขิง ซัน ดิว และแซนดี้ ซึ่งเป็นเพื่อนในกลุ่มของภูพิงค์ไปเตร็ดเตร่ ตามประสากลุ่มหนุ่มโสดนั่นล่ะ

หลังรวินท์ลงจากรถไป ทันตแพทย์หนุ่มก็เคลื่อนรถไปช้าๆ พ้นเขตรั้วมหาวิทยาลัยไปได้ชั่วครู่ ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่ก็หันไปเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ใส่เสื้อผ้าฝ้ายคอจีนกับกางเกงขาสั้นเท่าเข่า กำลังยืนหลบฝนอยู่ที่ใต้กันสาดผ้าพลาสติกหน้าตึกแถวซึ่งมีร้านอาหารตั้งเรียงกันหลายร้าน เขาจำใบหน้าของเด็กหนุ่มได้แม่น แม้จะเห็นแค่แวบเดียวและต้องมองผ่านสายฝนก็ตาม

เตชิตเปิดไฟเลี้ยวแล้วหมุนพวงมาลัยเบี่ยงรถเข้าไปจอดตรงที่ว่างทันที ใบหน้าของเขาซีดลงเล็กน้อย

“กูตาฝาดรึเปล่าเนี่ย! ฉิบหาย! ทำไมมาอยู่แถวนี้ได้วะ!” ทันตแพทย์หนุ่มหันหลังกลับไปดูอีกรอบ เขาเห็นเพียงแค่ว่าอีกฝ่ายนั่งยองๆ ลงแล้วยกมือขึ้นเกาศีรษะ

“เอาไงดีวะ”

นั่งคิดอยู่สักพักเขาก็ตัดสินใจดับเครื่องยนต์ จากนั้นก็ก้าวออกจากรถ เดินไปรื้อหาร่มจากกระโปรงรถด้านหลัง กางออกแล้วเดินไปทางที่เด็กหนุ่มนั่งยองๆ อยู่ช้าๆ

พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นว่าเด็กหนุ่มไม่ได้กำลังเกาศีรษะ แต่กำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ เสียงฝนตกทำให้ไม่ได้ยินว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไร

ทันตแพทย์หนุ่มหยุดยืนอยู่ไม่ไกลจากคนที่นั่งยองๆ ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะเดินมาหาเด็กหนุ่มเพื่ออะไรกันวะ อีกฝ่ายจะจำเขาได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ มีสิทธิหน้าแหกหมอไม่รับเย็บสุด

นัยน์ตาของเตชิตจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มเขม็ง เขาเองก็ยังงงๆ อยู่เหมือนกันว่าคืนนั้นเขาละเมอมองอีกฝ่ายเป็นไอ้วินได้อย่างไร ที่เขาว่าคนเมาจะมองเห็นช้างเป็นหมูได้ ท่าจะจริง

แต่แล้วคนอ่อนวัยกว่าก็ลุกขึ้นพรวดพร้อมกับเก็บโทรศัพท์มือถือเข้าในกระเป๋ากางเกง เสื้อผ้าฝ้ายสีครีมที่เขาสวมอยู่เปียกเล็กน้อย เขาหันมองซ้ายขวาแบบเซ็งๆ ก่อนจะสบสายตากับเตชิตเข้าอย่างจัง

“หมอเต้” คีรีพึมพำกับตัวเองเสียงเบา เขาหน้าซีด อ้าปากค้าง เบิกตากว้าง ตกใจยิ่งกว่าเจอผีก็ตอนนี้แหละ “อะ เอ่อ...อ้ายเตชิต”

“จำผมได้ด้วยเรอะ”

“เอ่อ...”

“ไม่ต้องทำหน้าเหมือนเจอเจ้าหนี้ก็ได้”

ขณะเดียวกันก็มีรถ BMW เข้ามาจอดเทียบใกล้ๆ คีรีหันไปมองแล้วก็ตกใจจนผมแทบชี้ เขาหันมองเตชิตที หันไปทางรถอีกที ส่อพิรุธอย่างเห็นได้ชัด

“อ้าย... อ้ายเตชิต” เด็กหนุ่มพูดตะกุกตะกัก “ผมขอเวลาสักกำนึงเน่อ ท่าผมกำ” (ผมขอเวลาแป๊บนึงนะ รอผมแป๊บ) พอพูดจบก็รีบวิ่งตากฝนไปที่รถ BMW คันนั้น

ทันตแพทย์หนุ่มยืนเกาศีรษะ กำนึงนี่มันนานแค่ไหนวะ? พอมองตามคนอ่อนวัยกว่าไปก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังทำท่าขอโทษขอโพย คนที่ขับรถคันนั้นมาดูเหมือนจะเป็นผู้ชาย บางทีอาจจะเป็นคนที่เด็กหนุ่มนัดไว้ก็ได้ เขาถือร่มเดินเข้าไปตรงที่รถจอดอยู่ ทว่าพออีกฝ่ายหันมาเห็นเขาเข้าก็รีบผละออกมาจากรถ แล้วโบกมือบอกให้คนที่ขับรถคันนั้นขับออกไป

“ถ้าคุณมีนัดก็ไปเถอะ”

“ไม่ เอ๊ย บ่ามีคับ แล้วอ้ายมาตี้นี่ยะหยัง” (ไม่มีครับ แล้วคุณมาแถวนี้ทำไม)

“ผมมาที่นี่ทำไมน่ะเหรอ?” เตชิตชี้ไปที่ตัวเองพร้อมกับทวนคำถามเพื่อความแน่ใจ พออีกฝ่ายพยักหน้าหงึกๆ จึงตอบ “แค่ขับรถผ่านมา เห็นคุณยืนหลบฝนอยู่... ก็เลยจอดรถลงมาดู”

แล้วระหว่างทั้งสองคนก็เงียบกริบ ได้ยินแต่เสียงเม็ดฝนที่ตกลงมากระทบกันสาดพลาสติกดังลั่น

“เอ่อ...” คีรีอ้ำอึ้ง “แต๊กะ ตังค์!” (จริงสิ เงิน!) เขาตบๆ กระเป๋ากางเกงของตน เสียงดังกรุ๋งกริ๋ง แล้วจึงนึกได้ว่ามีแค่โทรศัพท์มือถือ ธนบัตรใบละร้อยหนึ่งใบกับเศษเหรียญอีกเล็กน้อย เขาไม่ได้เอากระเป๋าสตางค์มาด้วย

“ตังค์อะไร”

“อ้ายหื้อสตางค์ผมไว้ ผมกะว่าจะเอามาคืนอ้าย แต่ต๋อนนี้บ่าได้เอากระเป๋าสตางค์มา” (คุณให้เงินผมไว้ ผมกะว่าจะเอามาคืนคุณ แต่ตอนนี้ไม่ได้เอากระเป๋าสตางค์มา)

“อ้อ ไม่ต้องหรอก เก็บไว้เถอะ” เตชิตถอนหายใจ อันที่จริงน่ะนะ ในเมื่อเขาเขียนเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ แต่เด็กหนุ่มไม่เคยติดต่อมา ก็น่าจะหมายความว่าไม่ได้อยากมีอะไรข้องเกี่ยวกัน บางทีอาจจะไม่ต้องการนึกถึงหรือพูดถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้น เลยด้วยซ้ำ ถ้าอย่างนั้นแล้ว เขาก็ไม่ควรจะยืนทู่ซี้อยู่แบบนี้นี่หว่า “ผมไปล่ะ”

ทว่าพอทันตแพทย์หนุ่มหันหลังก้าวออกไป คีรีก็ถลาเข้าไปจับแขนอีกฝ่ายไว้ “บ่าดีไปเตื่อคับ!” (อย่าเพิ่งไปสิครับ!)

เตชิตหันกลับไปก้มลงมองมือที่จับแขนตน แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมอง “มีอะไร”

“เอ้อ...”

“อ้อ ผมทำให้คุณต้องบอกเลิกนัดกับคนเมื่อกี้สินะ โทรบอกเขาให้รอก่อนสิ ไม่ต้องย้อนกลับมาหรอก เดี๋ยวผมไปส่งให้”

“บ่าใจ่ ผมบ่าได้นัดอะหยังกับคนตะกี้หนา ผ่อสภาพผมตอนนี้ก่อนกะ เหมือนนัดไผไว้กะ เอ๊ย! คือ...จะว่านัดก็นัด  แต่ก็แค่นัด...เอาของ  เออ ใจ่! อู้ถึงของ ! อ้ายบ่าได้เอาถุงของฝากอันนั้นปิ๊กไป ยังอยู่กับผมนะ” (ไม่ใช่ ผมไม่ได้นัดอะไรกับคนเมื่อกี้นะ ดูสภาพผมตอนนี้ก่อนดิ เหมือนได้นัดใครไว้มั้ยล่ะ เอ๊ย! คือ... จะว่านัดก็นัด แต่แค่นัด...เอาของ เออ ใช่! พูดถึงของ! คุณไม่ได้เอาถุงของฝากนั่นกลับไป ยังอยู่กับผมนะ)

เตชิตนิ่งอึ้ง ทวนคำพูดของเด็กหนุ่มอย่างงงๆ “ถุงของฝาก? อ้อ ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ คุณจะทิ้งไปก็ได้” ทว่าอีกฝ่ายยังจับแขนเขาไว้ไม่ยอมปล่อย “ปล่อยแขนผมเถอะ คุณจะจับผมไว้ทำไม”

เด็กหนุ่มส่ายหน้า “...บ่าไปเตื่อได้ก่อคับ” (...อย่าเพิ่งไปได้มั้ยครับ)

“ผมนัดกับเพื่อนไว้” ทันตแพทย์หนุ่มหยุดกึก เขาทำให้คีรีต้องยกเลิกนัด แล้วตัวเองก็จะทิ้งอีกฝ่ายไปตามนัดง่ายๆ เนี่ยนะ จะดูแย่ไปหน่อยหรือเปล่าวะ

“อ้ายเตชิต  อู้กั๋นก่อนนะ” (คุณเตชิต คุยกันก่อนนะ)

เตชิตขมวดคิ้ว “คุณมีอะไรจะคุยกับผมเหรอ ผมให้เบอร์คุณไว้นะ ถ้ามีอะไรจะคุยทำไมไม่โทรมา นี่ก็ผ่านมาตั้งเป็นอาทิตย์แล้ว ทำไมถึงเพิ่งจะมีเรื่องคุย”

คีรีทำหน้าเศร้า แล้วพูดเสียงอ่อย “ผมยุ่งขนาด บ่ามีเวลาเลย ผมว่าถ้าว่างแล้วจะโทร แต่ก่อบ่าว่างสักเตื่อ ถ้าโทรไปหาอ้ายหมั่นๆ ผมกั๋วอ้ายจะลำคาน อ้ายเป๋นหมอ ท่าจะยุ่งขนาด” (ผมยุ่งมาก ไม่มีเวลาเลย ผมกะว่าว่างแล้วจะโทรและจะไปหาคุณด้วย แต่ยังไม่ว่างสักที ถ้าโทรไปหาคุณบ่อยๆ ผมก็กลัวว่าคุณจะรำคาญ คุณเป็นหมอ คงจะงานยุ่งมาก)

“ยุ่งเหรอ? คุณทำอะไรถึงได้ยุ่งนัก”

คนอ่อนวัยกว่าอ้ำอึ้ง “ยะก๋าน..ยะก๋านกะคับ บ่าอั้นจะเอาสตางค์ตี้ไหนกิ๋นตี้ไหนใจ๊” (ทำงาน... ทำงานสิครับ ไม่งั้นจะเอาเงินที่ไหนกินที่ไหนใช้)

“ที่โรงแรมคนเยอะมากเลยเหรอ”

คีรีพยักหน้ารัว

“ถ้างานที่โรงแรมยุ่ง แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่”

“ผมเพิ่งย้ายมายะก๋านตี้โรงแรมในเจียงใหม่ แล้ววันนี้ผมก็มา... มาเอาของน่ะคับ นายสั่งหื้อมาเอาของหื้อตวย ผมบ่ากึ๊ดว่าจะมาป่ะอ้ายตี้นี้ ก่อเลยบ่าได้เอาของของอ้ายกับสตางต์ติดตัวมาเลย” (ผมเพิ่งย้ายมาทำงานที่เชียงใหม่ แล้ววันนี้ผมก็มา... มาเอาของน่ะครับ นายสั่งให้มาเอาของให้ด้วย ผมไม่นึกว่าจะได้เจอคุณที่นี่ ก็เลยไม่ได้เอาของของคุณกับเงินติดตัวมาเลย)

เตชิตหรี่ตามองพลางย่นคิ้วเข้าหากัน ท่าทางตื่นๆ หลุกหลิกของเด็กหนุ่มทำให้เขาไม่ค่อยเชื่อคำพูดของอีกฝ่ายนัก แต่ในขณะเดียวกันเสียงโทรศัพท์มือถือของทันตแพทย์หนุ่มก็ดังขึ้น เขาจึงหยิบขึ้นมากดรับสาย “อืม ไม่ลืมๆ ผมกำลังจะไป เดี๋ยวเจอกัน” แล้วกดวางสายไป

ทว่าเมื่อคนที่ยืนอยู่ด้วยกันได้ยินเช่นนั้นก็ทำหน้าเศร้า แล้วปล่อยมือออกจากแขนทันตแพทย์หนุ่มช้าๆ 

เตชิตถอนหายใจหนักๆ “ผมนัดกับเพื่อนไว้ก่อนแล้ว ถ้าคุณมีอะไรอยากจะคุยก็โทรมาละกัน เอ้านี่ เอาร่มไปใช้ซะ” พูดจบก็ยัดร่มใส่มือเด็กหนุ่ม จากนั้นก็หันหลัง รีบรุดวิ่งฝ่าสายฝนกลับไปยังรถที่จอดอยู่ แล้วขับรถออกไปโดยไม่ได้หันกลับมามองคนที่ยืนมองตามเขาตาละห้อยอีก

รถของทันตแพทย์หนุ่มเคลื่อนไปได้นิดเดียว เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นอีก เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบมากดรับสาย

“ผมจะท่าอ้ายเตชิตอยู่ตี้นี่ก็แล้วกั๋น” (ผมจะรอคุณเตชิตอยู่ที่นี่แล้วกัน)

“ฮะ!?”

ท่าอะไรอีกวะ?

เตชิตก้มลงมองเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งเป็นเบอร์ที่เขาไม่ได้บันทึกไว้ในเครื่อง

“เดิกๆ ก่อได้ ผมจะท่า” (ดึกๆ ก็ได้ ผมจะรอ)

อ้อ หมายถึงจะรอเขาอย่างนั้นสินะ

“คุณจะบ้าเรอะ ถ้าอยากจะคุยกับผม รอวันอื่นก็ได้ไม่ใช่รึไง ยังไงก็อยู่เชียงใหม่อยู่แล้วนี่”

“ผมบ่าอยากหื้ออ้ายเตชิตกึ๊ดว่าตี้ผ่านมาผมบ่าอยากติดต่ออ้าย  ตี้จริง..ผมอยากป่ะอ้ายมาตลอดเลยนะ” (ผมไม่อยากให้คุณเตชิตคิดว่าที่ผ่านมาผมไม่อยากติดต่อคุณ ที่จริง...ผมอยากพบคุณมาตลอดเลยนะ)

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจ “คุณต้องการอะไรจากผมก็พูดมาในโทรศัพท์สิ”

“ผมก่ออู้ไปแล้วว่าผมอยากป่ะอ้าย” (ผมก็พูดไปแล้วไงว่าผมอยากพบคุณ)

“ผมมีนัดกินข้าวกับเพื่อน แล้วจะไปดูหนังด้วย กว่าจะเลิกคงดึกมาก”

“ห้าทุ่มหรือเตี่ยงคืนก็ได้ ผมท่าได้” (ห้าทุ่มหรือเที่ยงคืนก็ได้ ผมรอได้)

“พรุ่งนี้ผมต้องทำงานนะคุณ”

เด็กหนุ่มเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดเสียงอ่อย “ถ้าอั้นผมไปหาอ้ายเตชิตตี้ยะก๋านได้ก่อ” (ถ้างั้นผมไปหาคุณเตชิตที่ทำงานได้มั้ย)

เตชิตชะงัก ถ้าคีรีมาหาเขาที่ทำงาน ก็ต้องเจอเขากับไอ้วินน่ะสิ เขาให้ไอ้วินรู้เรื่องคืนนั้นไม่ได้หรอกนะ โดนด่าตายห่า อีกอย่างเขาไม่อยากให้เด็กหนุ่มรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขามากไปกว่านี้ด้วย “อย่าเลย”

“ถ้าอ้ายบ่าอยากป่ะผม แล้วลงจากรถมาหาผมยะหยัง ต๋อนแรกผมกึ๊ดว่า ผมอดทนบ่าติดต่ออ้ายเตชิตได้จ๋นกว่าจะแล้วงาน แต่พอได้หันหน้าอ้ายแล้ว ผมถึงได้ฮู้ตั๋วว่าผมกึ๊ดเติงอ้ายนักขนาดไหน ผมกึ๊ดเติงเรื่องในคืนนั่นตลอดเวลาเลยหนา” (ถ้าคุณไม่อยากพบผม แล้วลงจากรถมาหาผมทำไม ตอนแรกผมคิดว่า ผมอดทนไม่ติดต่อคุณเตชิตได้จนกว่าจะเสร็จงาน แต่พอได้เห็นหน้าคุณแล้ว ผมถึงได้รู้ตัวว่าผมคิดถึงคุณมากแค่ไหน ผมคิดถึงเรื่องในคืนนั้นตลอดเวลาเลยนะ)

ทันตแพทย์หนุ่มนิ่งอึ้ง เขาก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าตัวเองลงไปหาอีกฝ่ายทำไม แต่ตอนนี้เขามาถึงที่จอดรถในห้างเซนทรัลแล้ว และทุกคนก็รออยู่ด้วย “ผมมาถึงที่นัดกับเพื่อนไว้แล้ว แค่นี้นะ”

“อ้ายเตชิต ผมจะท่าอ้ายอยู่ตี้นี่ เดิกขนาดไหนผมก่อจะท่า” (คุณเตชิต ผมจะรอคุณอยู่ที่นี่นะ ดึกแค่ไหนผมก็จะรอ)

เตชิตกดวางสายพร้อมกับยกมือขึ้นกุมขมับ แต่แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก พอก้มลงดู เห็นชื่อของแซนดี้ก็กดรับสาย

“พี่เต้ถึงไหนแล้ววว พวกเรามารอที่หน้าร้านแล้วนา”

“เข้าไปนั่งก่อนได้เลย ผมจอดรถอยู่ ฝากสั่งอาหารเผื่อผมด้วย”

“เมนูเดิมเนอะพี่”

“อือๆ”


(มีต่อค่ะ)


หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 2 : เด็กหนุ่มชาวเขา(?)[110918]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 18-09-2018 09:53:49


หลังจากพบหน้าและทักทายกันแล้ว สี่หนุ่มก็เริ่มต้นจัดการมื้อเย็นกัน แซนดี้ ขิงและดิวเป็นเพื่อนสนิทของภูพิงค์ที่ตอนนี้สนิทกับเตชิตไปด้วย พวกเขามักจะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ทุกครั้งที่เตชิตมาทำงานในเชียงใหม่ ปกติแล้วก็จะมีซันอีกคน แต่ซันเป็นนายกสโมสรนักศึกษา ถึงจะยังอยู่ในช่วงปิดเทอม ทว่าเย็นวันนี้อีกฝ่ายนัดกับสมาชิกสโมฯ หลายๆ คนประชุมไว้จึงอดมากับทุกคนด้วย ส่วนรวินท์กับภูพิงค์มักจะไปหาที่สวีตกันตามลำพังสองคน ยกเว้นเวลามีประชุมสโมฯ เหมือนกันนี่ละ ไอ้วินเพื่อนเขาน่ะ ปัจจุบันกลายเป็นส่วนหนึ่งของคณะวิศวะไปเรียบร้อยแล้ว

ขิงกินๆ ไปก็เอ่ยทัก “วันนี้พี่เต้หน้าตาไม่เบยเลยอะ ถูกหวยแดกเหรอวะพี่”

“หวยยังไม่ออกจะโดนแดกได้ไงวะ”

แซนดี้หรี่ตามอง “แน้ เกรี้ยวกราด แปลว่ามีซัมทิงแหง”

“ไม่มีๆ ฝนมันตกน่ะ เลยรู้สึกอึมครึมไปกับบรรยากาศ” ทันตแพทย์หนุ่มแก้ตัวพลางหันไปมองสายฝนที่ยังคงเทกระหน่ำลงมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาในโทรศัพท์มือถือ เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว เด็กคีรีนั่นจะยังรอเขาอยู่จริงๆ หรือเปล่าวะ

ฝนตกหนักมากเลยนะ เหมือนครั้งนั้น...

เสียงโทรศัพท์ของดิวดังขึ้น เด็กหนุ่มหยิบขึ้นมารับสาย พูดคุยสักพักแล้วจึงวางไป “ไอ้ซันจะตามมาดูหนังด้วย มันว่าเรื่องนี้มันอยากดูมาก เดี๋ยวต้องจองตั๋วเพิ่มก่อน ไม่รู้จะยังมีที่ว่างรึเปล่าเลยเนี่ย”

“ไม่ต้องก็ได้” เตชิตเอื้อมมือไปคว้าแขนเด็กหนุ่มไว้ แล้วก็ชะงัก ตกใจกับปฏิกิริยาของตัวเองอยู่เหมือนกัน

“ทำไมเหรอพี่เต้”

“เอ้อ... เอาตั๋วผมไปละกัน”

“อ้าว แล้วพี่เต้ไม่ดูเหรอ”

“ผม... เดี๋ยวกินเสร็จแล้วคงต้องขอตัวก่อน”

“พี่เต้จะไปไหน” สามหนุ่มที่โต๊ะหันขวับมาทางทันตแพทย์หนุ่มอย่างพร้อมเพรียง “เนี่ย! มีอะไรแน่ๆ อะ!”

“ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายอะ กลับไปพักสักหน่อยดีกว่า”

“อือ ก็ว่าอยู่ ที่คลินิกมียาใช่มั้ยพี่”

“มีๆ ไม่ต้องห่วง” เตชิตยิ้มบาง รู้สึกผิดนิดหน่อยที่ต้องโกหกทุกคน แต่เขาจะบอกความจริงได้อย่างไรกันล่ะ เขานั่งอยู่กับน้องๆ ไปอีกสักพักหนึ่ง จนกระทั่งซันมา จากนั้นจึงบอกลาทุกคน

ทันตแพทย์หนุ่มเดินกลับไปที่รถตัวเองอย่างเซ็งๆ เสียงเม็ดฝนตกกระทบหลังคายังคงดังก้องไปทั่ว ทำให้ความทรงจำเมื่อครั้งที่ไปออกหน่วยบนเขาย้อนกลับคืนมา คืนนั้นฝนตกหนักจนน้ำป่าไหลหลาก พื้นดินกลายเป็นโคลน ถนนหนทางถูกตัดขาด เป็นผลให้พวกทันตแพทย์ที่ไปออกหน่วยติดค้างอยู่บนเขา และตัวเขาก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

ตอนนั้นก็ได้พวกชาวเขาที่เขารักษาฟันให้ลุยน้ำลุยโคลนเอาอาหารมาให้ ไม่อย่างนั้นคงอดตาย หากนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณลุงชาวเขาคนหนึ่งต้องบาดเจ็บจนต้องล้มหมอนนอนเสื่อ จริงอยู่ว่ามีแพทย์อาสาไปดูอาการให้เบื้องต้นแล้ว แต่บนดอยห่างไกลแบบนั้น จะไปหาหมอแต่ละครั้งก็ลำบาก คงจะต้องทนทรมานอยู่นานกว่าจะหาย

เขายังจำคำพูดของคุณลุงที่บอกไว้กับเขาได้ชัดเจน


“หมอบ่าเป๋นหยังก่อดีแล้ว  ผมเฒ่าละ จะไดก่ออยู่แหมบ่าเมิน  แต่หมอยังต้องอยู่ยะประโยชน์หื้อคนอื่นแหมนัก หมอบ่าต้องห่วงผม” (หมอไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ผมแก่แล้ว ยังไงก็คงอยู่อีกไม่นาน แต่หมอยังอยู่ทำประโยชน์ให้กับคนอื่นได้อีกเยอะ หมอไม่ต้องห่วงผม)


มือของทันตแพทย์หนุ่มจับที่เปิดประตูรถค้างไว้ เขาเม้มปากแน่น ถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะเปิดประตูรถออก ก้าวขึ้นไปนั่งแล้วขับออกไปทันที

ลมพัดมาแรงขึ้นอีก แม้ที่ปัดน้ำฝนในรถจะทำงานเต็มที่ แต่ก็ยังปัดน้ำออกไม่ทัน เป็นผลให้เตชิตไม่สามารถขับรถได้เร็วนัก เขาหันไปมองต้นไม้ข้างทางที่ถูกลมพัดให้เอนไปทางทิศเดียวกัน ลมแรงขนาดนี้ ถ้าหากเด็กหนุ่มยังรอเขาอยู่จริงๆ ก็คงเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำแน่ๆ

ใจเขาภาวนาขอให้อีกฝ่ายกลับไปก่อน

เมื่อรถเคลื่อนเข้าไปใกล้บริเวณที่เขาพบเด็กหนุ่มก่อนหน้า แวบแรกไม่เห็นใครยืนอยู่ก็โล่งใจ ทว่าเมื่อมองดูอีกทีเขาก็ใจหายวาบ

ทันตแพทย์หนุ่มหยุดรถแล้วเปิดประตูออกทันที จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปหาคนที่ยืนกอดร่มหลบฝนอยู่ที่ตรงมุมหน้าร้าน แต่เพราะฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างหนัก เสื้อผ้าของเด็กหนุ่มจึงเปียกโชก

พอคีรีเห็นเตชิต เขาก็ยิ้มกว้างรับ “อ้ายเตชิตมาแล้ว” (คุณเตชิตมาแล้ว)

“คุณจะบ้าเรอะ! มายืนตากฝนแบบนี้ทำไม!”

“ก่อผมบอกว่าจะท่าอ้ายอยู่ตี้นี่ ถ้าผมไปนั่งตี้อื่นอ้ายจะหันผมได้จะได” (ก็ผมบอกว่าจะรอคุณอยู่ที่นี่ ถ้าไปนั่งที่อื่นคุณจะเห็นผมได้ยังไง)

“คุณมันเพี้ยนจริงๆ! ไปเร็ว! ขึ้นรถก่อน!” เตชิตฉุดแขนอีกฝ่าย พาวิ่งตรงไปยังรถที่จอดอยู่ ทว่าพอไปถึง เขาเปิดประตูรถให้ อีกฝ่ายกลับหันหน้ามามองเขาอย่างลังเล

“ตั๋วผมเปี๋ยะ” (ตัวผมเปียก)

“เออ ผมรู้ ก็เห็นอยู่ ช่างเถอะน่ะ ขึ้นไปก่อนเร็ว!” พอปิดประตูให้เด็กหนุ่มแล้วก็วิ่งกลับขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งตน เขาหอบแฮกๆ พร้อมกับหันไปมองคนที่นั่งข้างกันด้วยสายตาขุ่นๆ “คุณนี่มันบ้าฉิบหาย ถ้าผมไม่มาจะเป็นยังไงวะ!”

“ผมก่อจะท่าไปเรื่อยๆ” (ผมก็จะรอไปเรื่อยๆ)

“ร่มก็มีทำไมไม่กาง”

“ลมมันแฮง ผมกั๋วจ้องอ้ายเตชิตจะหลุ่”(ลมมันแรง ผมกลัวร่มคุณเตชิตจะพัง)

เตชิตส่ายหน้าไปมา พลางถอนหายใจหนักๆ เขาหันไปเปิดกระเป๋าเป้ที่โยนไว้บนเบาะหลัง หยิบผ้าเช็ดตัวออกมาส่งให้เด็กหนุ่ม “เอ้า เช็ดตัวซะ”

“ขอบคุณคับ” คีรีรับผ้าเช็ดตัวผืนนั้นมาแล้วเอาห่อตัวเองไว้

“หนาวรึเปล่า”

“น้อยเดียวคับ”(นิดหน่อยครับ)

ทันตแพทย์หนุ่มเอื้อมมือไปปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ เขานั่งนิ่ง มองตรงไปเบื้องหน้าสักพักแล้วพูดขึ้น “มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมก็ว่ามา”

“....”

“ไหนว่ามีเรื่องจะคุยไง”

“ผมกึ๊ดเติงอ้าย” (ผมคิดถึงคุณ)

เตชิตชำเลืองมองอีกฝ่ายอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไร

“อ้ายอาจจะบ่าเจื่อ แต่ผมบ่าเกยเข้าหาไผ๋ถึงห้อง อ้ายเป๋นคนแรก” (คุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ผมไม่เคยเข้าหาใครถึงห้อง คุณเป็นคนแรก)

ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะเสียงขึ้นจมูก เขาควรจะปลื้มดีไหมวะเนี่ย

“ต๋อนแรกผมกะว่าจะจวนอ้ายไปกิ๋นไวน์แต๊ๆ แค่อยากจะอยู่ใกล้ๆ อ้ายสักครั้ง” (ตอนแรกผมกะว่าจะไปชวนคุณดื่มไวน์จริงๆ แค่อยากจะใกล้ชิดคุณสักครั้ง)

เตชิตยังคงไม่หันหน้าไปหาอีกฝ่าย เขาเท้าแขนลงกับพวงมาลัยรถแล้วกุมขมับ

“แต่พอได้จูบ...”

“พอๆ อย่าพูดถึงเรื่องคืนนั้นอีกเลยเหอะ”

“อ้ายเตชิตรังเกียจผมก่อ” (คุณเตชิตรังเกียจผมเหรอ)

“.....”

“ผม... บ่าอู้ถึงคืนนั้นแหมก่อได้ แต่ผมขอป่ะอ้ายผ่อง นานๆ เตื่อก่อได้  ได้ก่อ” (ผม...ไม่พูดถึงคืนนั้นอีกก็ได้ แต่ผมขอเจอคุณบ้าง นานๆ ทีก็ได้ ได้มั้ย)

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจหนักๆ “ผมถามหน่อยนะ คุณอายุเท่าไหร่”

คนอ่อนวัยกว่านิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบเสียงค่อย “ซิบแปดคับ”

เตชิตหันขวับ นัยน์ตาเบิกกว้าง “ฮะ! สิบแปดเรอะ!” ทว่าคราวนี้เด็กหนุ่มเป็นฝ่ายหันหน้าหนีเขาเสียอย่างนั้น

คีรีก้มหน้าลง สองมือประสานกัน ริมฝีปากเม้มแน่น

ความเงียบคืบคลานเข้าปกคลุมระหว่างทั้งสองคน เตชิตได้แต่นิ่งอึ้ง ช็อกแล้วช็อกอีก เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามกรอบหน้าประปราย เขานอนกับเด็กอายุสิบแปด! ถึงคีรีจะดูไม่เด็กถึงขนาดนั้นและตัวโตมากก็ตามที แต่อายุจริงก็สิบแปดนะเว้ย!

วินาทีนั้นคิดได้แต่ว่าเขาควรจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อรับผิดชอบ เผื่อเขาจะได้รู้สึกผิดน้อยลงไปบ้าง

“แล้ว... แล้วตอนนี้คุณทำงานอย่างเดียวเหรอ ไม่เรียนหนังสือเหรอ”

“......”

“อยากเรียนมั้ย”

คีรีอ้ำอึ้ง แต่สักพักก็เงยหน้าขึ้นประสานสายตาด้วย “อ้ายถามผมยะหยัง” (คุณถามผมทำไม)

“ถ้าอยากเรียน ผมจะช่วยค่าเทอมกับจัดการค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้”

คนอ่อนวัยกว่าชักสีหน้า “ผมฮับผิดชอบตั๋วเก่าได้ ผมบ่าอยากได้สตางค์ของอ้าย ตี้ผมเข้าหาอ้ายก่อเพราะผมอยากใกล้ชิดอ้ายเตาอั้น” (ผมรับผิดชอบตัวเองได้ ผมไม่ต้องการเงินของคุณ ที่ผมเข้าหาคุณก็เพราะผมอยากใกล้ชิดกับคุณเท่านั้น)

“ผมหวังดีนะ อยากช่วยเหลือ”

“ผมบ่าต้องก๋านความหวังดีแบบอี้” (ผมไม่ต้องการความหวังดีแบบนี้)

“ไปเรียนในเมืองจะได้พูดภาษากลางได้ ผมจะได้ไม่ต้องนั่งแปลแล้วแปลอีกว่าคุณบ่นอะไรใส่ผม”

“ผมพูดภาษากลางก็ได้”

เตชิตเลิกคิ้วขึ้น ถึงจะฟังแล้วรู้ว่าไม่ใช่สำเนียงแบบคนภาคกลาง แต่เด็กหนุ่มก็พูดได้ชัดเจน “อ้าว! ก็พูดได้นี่หว่า!”

คีรีพยักหน้าหงึกๆ

“แล้วทำไมไม่พูดแต่แรกวะ!”

“ก็...ผมกลัวพูดเหน่อ พูดไม่ชัด เดี๋ยวคุณหัวเราะใส่”

เตชิตเอียงหูฟังอีกครั้ง เขาว่าสำเนียงเด็กหนุ่มไม่ค่อยเหน่อนะ แต่ก็ไม่เหมือนสำเนียงชาวเหนือทั่วไปเวลาพูดภาษากลาง มันไม่เพี้ยน หากฟังแล้วแปลกหูชอบกล อาจจะเพราะความซับซ้อนของภาษา ไหนจะภาษาชาวเขา กำเมือง แล้วยังภาษากลางอีก ก็เลยตีกันวุ่น กลายเป็นสำเนียงแปลกๆ และเขาคงไม่คุ้นหูด้วย ก็ไม่เคยได้ยินอีกฝ่ายพูดภาษากลางมาก่อนนี่หว่า

แต่น้ำเสียงกับการพูดเนิบช้าของคีรี เขาว่าฟังแล้วรู้สึกดีจะตายไป ยิ่งเมื่อมองใบหน้าของเด็กหนุ่มกับรอยยิ้มเวลาพูดด้วยแล้ว ยิ่งทำให้รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นชาวเหนือแบบหนือแท้ๆ น่าเอ็นดูดีชะมัด

“ผมไม่หัวเราะหรอก” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มบาง “แต่ฟังแล้วแปลกไปเลยแฮะ”

“ใครๆ ก็บอกแบบนี้” คนอ่อนวัยกว่าทำหน้าเซ็ง

เตชิตเอื้อมมือไปตบไหล่คนที่นั่งอยู่ข้างกันเบาๆ “ไม่เป็นไรน่ะ ผมคงยังไม่ชินหูด้วย แต่ผมว่าเสียงคุณเวลาพูดภาษากลางเพราะดี คุณควรพูดเยอะๆ จะได้มั่นใจขึ้นนะ”

คนอ่อนวัยกว่ากุมมือทันตแพทย์หนุ่มไว้ทันควัน “ถ้าคุณเตชิตชอบ ผมจะพูดอีกเยอะๆ จะพยายามพูดให้ชัด เพราะงั้น... ผมจะขอเจอคุณเตชิตบ้าง ขอคุยกับคุณบ้างได้มั้ย”

“มือคุณอุ่นๆ นะ ตากฝนนานจะไม่สบายรึเปล่าเนี่ย” เตชิตดึงมือกลับ แล้วหันไปสตาร์ตเครื่องรถ “พักที่ไหน ผมจะไปส่ง”

พอเห็นว่าทันตแพทย์หนุ่มเลี่ยงที่จะตอบคำถามตน เด็กหนุ่มก็จ๋อยสนิท เขาหลุบตาลงต่ำแล้วพูดเสียงอ่อย “ห้องผมอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ ผมไปเองก็ได้ ไม่ต้องรบกวนคุณหรอก”

“อย่าเลย ฝนตกหนักแบบนี้ บอกทางมาเร็ว”

เตชิตขับรถไปช้าๆ ตามเส้นทางที่คนอ่อนวัยกว่าบอก ไม่นานก็ไปจอดอยู่ที่หน้าสวนสาธารณะติดกับคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่ง “นี่มันคอนโดฯ ไม่ใช่เหรอ คุณอยู่ที่นี่เรอะ”

“เปล่าครับ เดินทะลุสวนนั่นไปข้างหลังเป็นตึกแถวมีห้องให้เช่า แคบหน่อย แต่ไปไหนมาไหนสะดวกดี”

“อืม งั้นเดี๋ยวผมไปส่งที่ตึกแถว”

“ไม่ต้องหรอกครับ กลางคืนรถจอดเยอะ เข้าออกลำบาก ไม่มีที่กลับรถด้วย อีกอย่างมันใกล้แค่นี้เอง”

เตชิตขมวดคิ้ว “แต่ฝนตกหนักมากนะ”

“ยังไงผมก็เปียกอยู่แล้ว มีร่มที่คุณให้ไว้ด้วย”

“งั้นก็ตามใจ มีร่มแล้วก็กางร่มด้วยล่ะ”

“ผมขอผ้าเช็ดตัวผืนนี้ไปด้วยได้มั้ย”

“เออๆ เอาไปเถอะ” เตชิตตอบไปแบบไม่คิดอะไร

เด็กหนุ่มยิ้มบาง นัยน์ตาจับจ้องอยู่ที่ทันตแพทย์หนุ่ม เขาเอื้อมมือไปแตะแขนอีกฝ่าย “คุณเตชิตครับ”

“ลงไปได้แล้ว รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็หายากินก่อนนอนด้วย มียารึเปล่า”

รอยยิ้มที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยจางหายไปจากใบหน้าของคีรีช้าๆ ทว่าเขาก็พยักหน้า “มีครับ ขอบคุณที่มาส่ง” เขาหันไปเปิดประตูรถออกอย่างอ้อยอิ่ง

เตชิตชำเลืองมอง พลางถอนหายใจกับตัวเอง แต่แล้วก็เอื้อมมือไปคว้าแขนคนอ่อนวัยกว่าไว้ “ผมมาทำคลินิกที่เชียงใหม่ทุกวันเสาร์อาทิตย์ ถ้าอยากเจอก็โทรมาแล้วกัน”

คีรีหันขวับ พร้อมกับยิ้มกว้าง

ดวงตาที่เป็นประกายฉายแววดีใจออกมาอย่างชัดเจนทำให้ทันตแพทย์หนุ่มชะงักไปเล็กน้อย “คลินิกอยู่แถวมหาลัยนั่นล่ะ”

“ขอบคุณครับ”

“ลงไปซะที”

“ตอนแรกจะลงแล้ว ก็คุณเตชิตเป็นคนรั้งผมไว้นี่นา”

เตชิตผลักไหล่เด็กหนุ่มไปเบาๆ “ไปไป๊!”

“แล้วพบกันนะครับ”

“เออๆ” ทันตแพทย์หนุ่มเบือนหน้าหนีอย่างอ่อนใจ


*TBC*


เด็กดอยนี่ยังไง อยู่เจียงฮายแล้วทำไมมาโผล่แถวดอยสุเทพได้เนี่ย 555555 อาจจะเปงเด็กมัลติดอยนะคะ (Multi-Doi มีภาษาอังกิดกำกับให้ด้วย 55555)

แต่ขอบอกไว้ก่อง อย่าเพิ่งเชื่ออะไรเด็กดอยคนนี้มาก เพราะชายดูมีความลับมากละเกิ๊งงง

ส่วนหมอเต้ผู้น่าสงสาร ทำตัวเป็นป๋าให้เด็กดอยไปซะแล้ว 55555 สำนึกผิดแล้วก็สำนึกผิดอีก เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อน ต้องสู้นะหมอเต้

ขอบคุณคนอ่านทุกๆ คนมากค่า อยากจะบอกว่าหลายๆ คนเข้าใจถูกแร้วแหละ แต่เข้าใจอะไรถูกไม่บอกน้าาา อิอิ

ปล. "ภูสอยเดือน" จะวางขายในงานสัปดาห์หนังสือที่จะถึงนี้นะคะ ตื่นเต้นๆ ใครไปงานอย่าลืมแวะไปรับพี่วินกับน้องพิงค์กลับบ้านด้วยน้าาา  :mew1:


หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-09-2018 10:31:33
 :z1:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 18-09-2018 10:38:18
นี่รู้ว่ามีความลับปิดบังอะไรแน่ๆ


ไม่ได้ใสๆเลยนะเด็กดอยคนนี้


55555  :hao3:

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 18-09-2018 10:58:12
หมอเต้!!!! หลงกลเด็กซะแล้วว เด็กนี่มันร้ายยยยย
หน้าซื่อๆตาใสๆของคีรีนั้น ต้องมีความเจ้าเล่ห์ อายุ18จริงๆ บ่าขี้จุ๊ก่???
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-09-2018 11:31:36
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 18-09-2018 12:28:01
โถถ หมอเต้ แพ้เด็กซะแล้ว :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 18-09-2018 13:17:32
หมอเต้กำลังจะโดนเด็กลากไปกิน ความลับเยอะเกิ๊น มาไม่กี่ตอนเริ่มสงสารหมอเต้ แต่ทำไงได้ เราได้แต่มองห่างงงง
อย่างห่วงๆ รอเวลาจับใส่พาน  55555555555

   :katai2-1:  :pig4:  o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-09-2018 13:21:03
หมอเต้ของบ่าว มิทันเล่ห์รักของเด็กดอยเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 18-09-2018 13:55:47
 :oo1:

หมอเต้ แพ้ลูกอ้อน หมาตัวโตไซบีเรียนไปซะแล้ว
โถถถ นี้แค่พูดเหนือ ทำตัวน่าสงสาร สงสายตาอ้อนวร หมอเต้ ตกหลุมจ้าาา

น้องคีรีลูก 18 จริงไม๊นั่น ที่พูดไม่ชัดนี้คงพูดอังกฤษบ่อยใช่ไม๊  :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 18-09-2018 15:13:42
 :hao3: หูยยย...ไม่ธรรมดาแน่ๆ
ไม่น่าใช่ชาวเขาด้วย :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-09-2018 15:18:23
เด็กหลอกชัดๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 18-09-2018 16:12:06
18 จริงหรือไม่น่าใช่นะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 18-09-2018 16:17:57
……


ดูแล้วงานนี้น่าจะมีเงี่ยนงำ เอ่ย เงื่อนงำนะน้องคีรี

1 เรื่องคืนนั้น. พี่เต้ยังไม่ได้ยังไม่เสียไหม

2 เรื่องฐานะ น่าจะมีตังค์ แบบลูกเจ้าของโรงแรม

3 เรื่องชนชาติ น่าจะคนไทยนี่แหละ ไม่ใช่ชาวเขา เป็นชาวเหนือ

4 เรื่องการพบกัน. น่าจะเคยพบกันมาก่อนเป็นแน่แท้.


   คุณเตวิชญ์อาจมาเจอคนที่เฝ้ารอมานานนนนนแล้วก้อได้นะ เนื้อคู่เขาอยู่ที่ไหนน้าาาาา


 :z2:  :z2:  :z2:  :z2:  :z2:  :z2:  :z2:


หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 18-09-2018 16:44:13
อยากให้คลายความลับออกมาบ้าง เนื้อหาจะได้มีลุ้นมากขึ้น
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 18-09-2018 17:04:59
พี่เต้จะเสียท่าเด็กก็คราวนี้แหละ  :mew4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 18-09-2018 17:43:18
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 18-09-2018 18:25:59
เด็กดอยมันร้าย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 18-09-2018 18:54:05
หมอเต้พลาดแล้ววว จะโดนเขาหลอกจับกินยังไม่รู้ตัวอีก  :m20:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 18-09-2018 19:34:36
น้องคีรีน่าสงสัย ^^ //หมอเต้เสร็จแน่
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 18-09-2018 19:36:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 18-09-2018 19:44:14
เด็กมันร้ายค่ะ ทุกท่าน อย่าไว้ใจ แต่ดูถ้าจะไม่ทัน  :hao3:
นางเรียกคะแนนสงสารจากหมอเต้ได้ไปล้นลาม
ถึงขั้นออกปากจะส่งค่าเล่าเรียนแล้วค่ะ ทุกท่าน  :laugh:

แด่หมอเต้
จงมีผัว จงมีผัว จงมีผัว  :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 18-09-2018 19:47:03
หมอเต้เจอเด็กแสบซะแล้ววว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 19-09-2018 05:50:31
หมอเต้นี้เหมือนจะโดนเด็กกินมากกว่ากินเด็กนะเนี้ยคีรีรู้สึกจะหลอกเขาเยอะนะอายุ 18 จริงรึเปล่าแล้วที่อยู่นี้ยังไง โอ้ยๆอยากรู้ไปหมดเลยมาต่อไวๆนะจะช่วยหมอเต้จับโกหกคนสักหน่อย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-09-2018 10:49:17
 :pig4: :pig4: :pig4:

เด็กดอยเนี่ย  ต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ

แต่เขาจะเป็นใครนั้น  ต้งรอ clue ที่อาจจะปล่อยออกมาเรื่อย ๆ หล่ะนะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-09-2018 15:07:31
น้องมีความลับอะไรหนอ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 19-09-2018 17:58:24
หมอเต้ตกหลุมเด็กดอยแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 19-09-2018 20:54:02
หมอเต้ตกหลุมพลางเด็กแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 19-09-2018 22:55:04
คีรีดูเจ้าเล่ห์จังง  :laugh:  :o8:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 19-09-2018 23:36:58
ลึกลับมากคีรี หมอเต้ป๋ามาก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 20-09-2018 23:42:18
หึหึ กินเด้กหนักไปอี้กกก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 21-09-2018 09:07:56
หนูคีรี เป็นทายาทเจ้าของโรงแรมซินะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: love-boy ที่ 21-09-2018 10:18:51
รอหมอเต้ กับ คีรี อยุ่นะจ๊ะ
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 21-09-2018 15:41:03
สนุกดีครับ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-09-2018 23:32:54
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 3 : พบกันอีกครั้ง [180918]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 24-09-2018 14:57:58


Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ


แล้วไอ้เด็กบ้าที่บอกว่าคิดถึง อยากเจอเขาแทบตาย ลืมคืนนั้นไม่ได้ ปากดีสารพัดก็หายไปจากชีวิตเขาอีกหนึ่งสัปดาห์ ไม่มีโทรศัพท์มาหา ไม่มีแม้กระทั่งส่งข้อความมา คิดถึงยังไงของมันกันวะ!

เตชิตส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ จากนั้นก็พ่นลมหายใจออกมาหนักๆ เขาไม่น่าเสียเวลากับแม่งเลยจริงๆ

“ถอนหายใจอีกละนะมึงอะ”

“หือ?”

“มึงน่ะ ตั้งแต่นั่งลงแดกมานี่ก็สิบกว่าครั้งได้แล้ว” รวินท์พูดพลางตักอาหารในจานใส่ปาก “ช่วงนี้เป็นอะไรวะ อาการมึงเหมือนไปเป็นเจ้าบ่าวงานแต่งที่ไหนแล้วชิ่งหนีมาพร้อมเงินสินสอด ทุกวันเลยต้องพะวงว่าพ่อเจ้าสาวจะเอาปืนมายิงไรงี้”

“มึงจินตนาการสร้างสรรค์ไปไกลมากเลยสัส” เตชิตยกมือขึ้นลูบศีรษะเพื่อนรัก ลูบไปลูบมา เส้นผมนุ่มสีน้ำตาลของรวินท์ก็พาลทำให้เขานึกไปถึงไอ้เด็กนั่นได้อีก เขาจึงเปลี่ยนจากลูบเป็นตบกบาลอีกฝ่ายไปเบาๆ

รวินท์ขึงตาใส่ “ไอ้เหี้ยนี่ กูถามดีๆ มะ คนอุตส่าห์ห่วง”

“เออๆ ขอบใจเว้ย กูแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่เห็นมึงเป็นห่วงกูแบบนี้ก็ฟินดีว่ะ เดี๋ยวจะถอนหายใจอีกเยอะๆ เลยนะ” เตชิตลูบๆ จัดทรงผมเพื่อนรักให้ “แล้วเย็นนี้มึงนัดไอ้พิงค์ไปแรดที่ไหนป่ะวะ”

“เย็นนี้นัดกับทุกคนทำจุ่มแซบที่บ้านเช่าไว้ไม่ใช่รึไง ที่นัดกันเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วอะ มึงลืมแล้วเหรอวะ”

“เออ... จริงด้วย กูลืม”

“อาการมึงหนักแล้วนะเนี่ย” รวินท์ขมวดคิ้ว

“เอาน่า ต่อให้กูลืมหมดทุกสิ่งทุกอย่าง กูก็จำมึงได้คนนึงแน่ๆ ล่ะ” เตชิตยกแขนขึ้นโอบไหล่อีกฝ่าย

“ซึ้งฉิบหาย”

“ซึ้งจริงอะ” เตชิตยื่นใบหน้าเข้าไปหาเพื่อนรักพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม “ขอจุ๊บทีดิ”

รวินท์ยิ้มมุมปาก พร้อมกับชี้ลงไปข้างล่าง “จุ๊บนี่มะ”

“hum มึงอะเหรอ”

“สัส! วินาทีนึงก็กวนตีน อีกวินาทีก็ทำเหม่อเพ้อเป็นพระเอกมิวสิก กูว่าอาการมึงน่าห่วงแล้ว แดกยาเขย่าขวดบ้างนะ”

“ก็กูขาดคนดูแล มึงก็เลิกกับไอ้พิงค์ซะทีสิ”

รวินท์ส่งนิ้วกลางให้เพื่อนรักแทนคำตอบ จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารในจานต่อ



หลังเสร็จจากมื้อเที่ยง ทันตแพทย์ทั้งสองก็เดินกลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อทำงานกันต่อ แล้วพอเลิกงานก็ขับรถไปเชียงใหม่ตามปกติ

ภายในบ้านเช่า แซนดี้ ขิงและดิวกำลังเตรียมตั้งวงทำจุ่มแซบกันอยู่ ส่วนภูพิงค์และซันจะตามมาทีหลัง พอเตชิตกับรวินท์ไปถึง พวกเขาก็ยกถุงใส่เบียร์ลงจากรถไปร่วมวงกับพวกเด็กหนุ่มด้วย

ขณะที่ทันตแพทย์ทั้งสองลำเลียงเบียร์ใส่ตู้เย็น เสียงโทรศัพท์ของเตชิตก็ดังขึ้น

“รับโทรศัพท์ก่อนมึง เผื่อที่บ้านโทรมา” รวินท์บอกกับเพื่อนรักของเขาเช่นนั้น เนื่องจากที่บ้านของเตชิตมักจะโทรศัพท์มาหาอีกฝ่ายเวลาหลังเลิกงานวันศุกร์ เสาร์หรืออาทิตย์เป็นประจำ

เตชิตวางถุงเบียร์ลง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วก็เลิกคิ้วขึ้น

“ทำหน้าเหมือนเห็นผี ทำไมไม่รับสายวะ พ่อตามึงโทรมาอ่อ”

“พ่อมึงน่ะสิ!” ทันตแพทย์หนุ่มรีบสาวเท้าเดินออกไปหน้าบ้านทันที เขาหันซ้ายหันขวาดูลาดเลาว่าไม่มีใครแน่แล้วจึงกดรับสาย

“ว่าไง ยังจำผมได้อีกเรอะ”

เด็กหนุ่มที่ต้นสายหัวเราะ “จำได้สิครับ ผมน่ะ คิดถึงคุณเตชิตจะตาย”

“คนที่พูดความจริงน่ะ เขาไม่หัวเราะแบบนี้หรอกนะคุณ”

“ผมหัวเราะเพราะดีใจต่างหาก”

“มีอะไรน่าดีใจรึไง”

“ดีใจที่คุณเตชิตรู้ว่าคนที่โทรมาเป็นผม แปลว่าคุณเก็บเบอร์ผมไว้ในเครื่องน่ะสิครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มชะงัก อันนี้เขาเถียงไม่ออก

“คุณเตชิตครับ ตอนนี้ผมอยู่แถวคลินิกที่หลังมหาลัย ไม่รู้ว่าใช่คลินิกที่คุณเตชิตทำงานอยู่รึเปล่า ออกมาหาผมหน่อยได้มั้ย ผมอยากเจอคุณมากๆ เลย” คีรีพูดเสียงอ้อน

เตชิตถอนหายใจหนักๆ “นี่คุณ ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ที่คลินิก ผมให้เบอร์โทรศัพท์คุณไว้นะ ทีหลังก็หัดโทรบอกล่วงหน้าหน่อยสิวะ ผมไม่ใช่ผีนะเว้ย จะได้เรียกปุ๊บหายตัวไปได้ปั๊บน่ะ”

“ขอโทษครับ ผมมีของอยากให้คุณเตชิต แต่เพิ่งได้มาเมื่อตอนบ่ายๆ นี่เอง”

“เก็บไว้ก่อนละกัน”

“ไม่ได้หรอกครับ ผมต้องคุณให้วันนี้ คุณเตชิตจะกลับคลินิกกี่โมงล่ะครับ”

“ยังไม่รู้ คงอีกสักพักใหญ่ๆ”

“งั้นผมเข้าไปถามคนในคลินิกละกันว่าจะขอนั่งรอคุณเตชิตได้มั้ย”

“เฮ้ยๆ เดี๋ยว! คุณยังไม่รู้เลยว่าอยู่ถูกคลินิกมั้ยน่ะ”

“ใช่คลินิกที่มีอ่างบัวสองฝั่งข้างบันไดทางขึ้นมั้ยครับ ชื่อ... อืม... แฮปปี้...”

เตชิตเลิกคิ้วขึ้น คลินิกหลังมหาวิทยาลัยมีแค่คลินิกเดียวเหรอวะเนี่ย ทำไมมาถูกที่ได้ ถ้าจะแม่นขนาดนี้ก็ไปใบ้หวยเถอะ!

แต่เดี๋ยว! คีรีเอาอะไรมาให้เขากันวะ ทำไมต้องให้วันนี้ แล้วคนในคลินิกจะสงสัยหรือเปล่า จะมาซักเขากันไหมว่าเด็กหนุ่มเป็นใคร มารอพบเขาทำไม ถ้ามีคนถาม ไอ้วินก็ต้องสงสัยไปด้วยแน่ ฉิบหายแรงๆ

“ข้างในมีคนอยู่ด้วย เดี๋ยวผมลองถาม...” คีรียังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงประตูเปิดดังมาแว่วๆ ตามมาเสียงของพนักงานในคลินิกที่ฟังดูคุ้นหู

“โอเคๆ คีรี! รอเดี๋ยว!” ทันตแพทย์หนุ่มร้องลั่น ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งที่หน้าบ้าน ยกมือขึ้นกุมศีรษะพลางถอนหายใจ “คุณยืนรออยู่แถวนั้นก่อนนะ ไม่ต้องเข้าไปข้างในล่ะ เดี๋ยวผมไปหา”

“เย้ ขอบคุณครับ คุณเตชิตใจดีที่สุดเลย”

พอกดวางสายไป เขาก็ยังใช้มือขยี้เส้นผมตัวเองค้างอยู่เช่นนั้น จนกระทั่งมีเสียงคุ้นเคยดังขึ้นใกล้ๆ

“จะไปหาใครวะพี่ คีรีนี่ใครอะ”

“เย้ย!” เตชิตร้องลั่น “ทำไมย่องมาซะเงียบแบบนี้วะ!”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “ย่องกะผี ผมกับไอ้ซันขี่มอไซค์มา จนเปิดประตูบ้านเอามอไซค์เข้ามาจอด แล้วเดินมาหาพี่เนี่ย พี่ไม่ได้ยินเสียงเลยรึไงวะ”

“อ่า ผมมัวแต่คุยโทรศัพท์”

“คุยกับเจ้าหนี้หรือท้าวแชร์วะ ทำหน้าเครียดเว่อร์ มีอะไรรึเปล่าวะพี่”

“เปล่าๆ ไม่มีๆ เครียดอะไรที่ไหน ผมคุยกับคนรู้จักน่ะ แต่เดี๋ยวผมออกไปข้างนอกแป๊บนะ แล้วจะรีบมา” เตชิตพูดพลางลุกขึ้นเดินตรงไปยังรั้วบ้าน

เด็กหนุ่มหรี่ตามอง “พี่เต้ มีเรื่องอะไรอย่าเก็บไว้คนเดียวนะเว้ย อย่าทำให้พี่วินกับพวกผมต้องเป็นห่วง”

ทันตแพทย์หนุ่มหยุดกึก หันหน้ากลับมาหาคนอ่อนวัยกว่าแล้วหัวเราะกลบเกลื่อน “เออๆ ไม่มีอะไรหรอกน่ะ ถ้ามีอะไรผมจะรีบบอกทุกคนแน่ๆ”

“รีบไปรีบมานะ ผมหิว”

“ครับๆ ไอ้น้องพิงค์” เตชิตก้าวออกไปอีกสองสามก้าวก็หันกลับมาทางเด็กหนุ่ม “เฮ้ย พิงค์”

“ไรวะพี่”

“อย่าบอกไอ้วินนะ” ทันตแพทย์หนุ่มพูดแค่สั้นๆ เขาหวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจ

ภูพิงค์ประสานสายตาด้วยพลางถอนหายใจ “เออ ไม่บอกหรอก บอกแค่พี่ออกไปข้างนอกแป๊บนะ เดี๋ยวให้พี่วินซักต่อเอง เอาให้ซีดเลย”

“เออๆ ขอบใจเว้ย” เตชิตกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปที่รถซึ่งจอดไว้ริมรั้วบ้าน จากนั้นก็รีบรุดขับออกไป

เมื่อภูพิงค์เดินเข้าไปในบ้าน รวินท์ก็เดินออกมาพอดี

เด็กหนุ่มยิ้มหน้าบาน “พี่วินออกมารับผมอ่อ”

“อือ เห็นซันเข้ามาแล้ว คุณยังไม่เข้ามาสักที”

“อ๋อ ผมคุยกับไอ้พี่เต้น่ะ”

“แล้วไอ้เต้หายหัวไปไหน ทำไมไม่เข้ามาพร้อมกัน” คนถามชะเง้อมอง

“พี่เต้ว่าจะออกไปข้างนอกแป๊บ”

“ไปไหน” รวินท์ขมวดคิ้ว “มันได้บอกไว้รึเปล่า”

“ไป...” ภูพิงค์หยุดคิด ก่อนตัดสินใจตอบ “พี่เต้จะรีบไปแทงหวยกับเจ๊จุกน่ะพี่ เห็นว่าเพิ่งได้เลขเด็ดมา กลัวแย่งเขาแทงไม่ทัน พรุ่งนี้หวยออกด้วย”

“อ่อ ไอ้เวร มีเลขเด็ดไม่บอก ถ้าถูกจะให้แม่งปิดร้านหมูกระทะเลี้ยงเลย” รวินท์พึมพำ แล้วเดินเข้าไปโอบไหล่เด็กหนุ่ม “ปะ เข้าข้างในกันดีกว่า”

“เปลี่ยนเป็นชวนขึ้นห้องข้างบนแทนได้มั้ยวะพี่”

“พูดอะไรก็ช่วยเกรงใจเพื่อนคุณด้วยเว้ย” ทันตแพทย์หนุ่มผลักศีรษะคนอ่อนวัยกว่าออกไป “วันนี้เป็นไงบ้าง”

“ก็เหนื่อยอะ ขอเติมพลังหน่อย” ภูพิงค์โถมตัวเข้าไปกอดอีกฝ่ายไว้แล้วหอมแก้มดังฟอดใหญ่ ก่อนคนอื่นๆ ในบ้านจะตะโกนด่ากันเป็นพัลวัน

“ไอ้สัสพิงค์! ช่วยมียางอายด้วยโว้ย!”

“หน้าด้าน!”

แล้วเสียงโวยวายนั่นก็ดังต่อไปอีกพักใหญ่ๆ



เตชิตขับรถไปแค่แป๊บเดียวก็ถึงคลินิกที่หมาย พอจอดรถเรียบร้อยก็เดินวนไปทางด้านหน้าคลินิก แล้วจึงเห็นเด็กหนุ่มที่ใส่หมวกแก๊ปสีดำ อยู่ในชุดเสื้อผ้าฝ้ายคอจีนกับกางเกงผ้าขาสั้นเท่าเข่ายืนอยู่ที่ใต้กันสาดพลาสติกของตึกแถวที่อยู่ถัดออกไปจากคลินิกเล็กน้อย เขาตรงเข้าไปหาทันที

คีรียิ้มกว้างรับ ในมือของเขาถือกระถางเคลือบที่ใส่ต้นกล้วยไม้ไว้ กำลังออกดอกสวยเลยทีเดียว “คุณเตชิต ผมเอานี่มาให้”

ทันตแพทย์หนุ่มก้มลงมอง ดอกกล้วยไม้มีกลีบเรียวยาวสีขาว ตรงเกสรเป็นสีเขียวเหลือง กลิ่นของมันหอมละมุน เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย “ต้นอะไรนี่”

“เอื้องแซะครับ ที่ผมต้องรีบเอามาให้คุณเพราะกลัวว่าดอกสวยๆ จะเหี่ยวซะก่อน อยากให้คุณเห็นตอนมันกำลังบาน”

เตชิตยิ้มกว้าง แล้วรับกระถางเอื้องแซะมาจากเด็กหนุ่ม “ขอบใจ”

“ชอบมั้ยครับ”

“อืม” สายตาของทันตแพทย์หนุ่มไม่เคลื่อนไปจากดอกไม้ตรงหน้าเขาเลย

“จริงๆ มันเป็นกล้วยไม้ป่า ตามปกติจะออกดอกปีละหนช่วงฤดูหนาว แต่ต้นนี้คุณตาผมปลูกไว้เอง คุณตาผมชอบกล้วยไม้ เลยเพาะไว้เยอะ พอเลี้ยงๆ ไปมันเลยกลายเป็นออกดอกตามใจฉันไปเลย”

“โห แล้วคุณตาหวงรึเปล่า ไม่ใช่ตามมาทวงคืนกับผมนะเว้ย”

“ผมขอคุณตามาแล้ว ไม่ต้องห่วง คุณตายังมีอีกเยอะ” เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปวางประกบหลังมืออีกฝ่าย “ดูแลมันดีๆ นะครับ เอาไว้ที่เย็นๆ”

“อืม ผมจะพยายามนะ”

คีรีล้วงกระเป๋าหยิบซองขึ้นมาส่งให้ทันตแพทย์หนุ่ม “คุณเตชิต เงินนี่...”

“ผมให้คุณไปแล้วไง”

“ไม่ได้หรอก ผมรับเงินคุณไม่ได้”

“ทำไมจะไม่ได้”

“ถ้าคุณให้เงินนี่กับผมเพราะเรื่องคืนนั้น ผมบอกเลยว่ามันไม่จำเป็น เพราะผมเองก็เต็มใจ ผมเป็นคนไปหาคุณที่ห้องเองนะครับ”

เตชิตหยุดกึก เบิกตากว้าง พูดไม่ออกบอกไม่ถูก

“ผมขอโทษที่พูดถึงคืนนั้นอีก ทั้งที่คุณห้ามแล้ว” เด็กหนุ่มหยิบเงินออกมาจากซอง แล้วส่งธนบัตรใบละหนึ่งร้อยให้อีกฝ่าย “ถ้าเงินนี่ไม่ลำบากอะไรสำหรับคุณ ผมจะขอคืนคุณครั้งละร้อยทุกครั้งที่เราพบกันได้มั้ย”

“ฮะ”

“ผมจะได้มีข้ออ้างที่จะมาเจอคุณ”

ทันตแพทย์หนุ่มกะพริบตาปริบๆ อันที่จริงตัวเขาก็เคยมีคนเข้ามาจีบบ้างนะ แต่วิธีแบบนี้ยังไม่เคยเจอ ไอ้จะถามเด็กหนุ่มว่าจะเอาอย่างไรกับเขากันแน่ ใจก็ไม่กล้าถาม ในที่สุดก็รับเงินหนึ่งร้อยบาทคืนมาอย่างงงๆ

แล้วทำไมเขาต้องยอมตามไอ้เด็กนี่ด้วยวะ?

เตชิตอ้าปากพะงาบๆ คล้ายจะพูดอะไร ทว่าคำพูดกลับไม่หลุดออกมา

เพราะบางที ลึกลงไปข้างใน... เขาอาจจะอยากใช้เงินนี่เป็นข้ออ้างให้ตัวเองเหมือนกัน

“คุณเตชิต เอ่อ...” คีรีอ้ำอึ้ง ก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือของทันตแพทย์หนุ่มไว้ “ไปกินข้าวกันนะ ผมอยากพาคุณไปกินอาหารพื้นเมืองอร่อยๆ”

มือของเด็กหนุ่มเย็นเฉียบ บ่งบอกว่าอีกฝ่ายต้องใช้ความกล้าที่จะชักชวนเขามากขนาดไหน แล้วยังดวงตาลูกสุนัขที่จ้องมองเขาอีก เป็นผลให้ทันตแพทย์หนุ่มไม่อาจตอบปฏิเสธออกไปได้ “ผม...”

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแทรก เตชิตจึงหยิบขึ้นมากดรับสายพร้อมกับเบี่ยงตัวไปอีกทาง

“แทงหวยเสร็จยังวะ กูเนี่ย เสร็จไปจะสามรอบละ” คนที่ปลายสายถามเสียงขุ่น

“เสร็จอะไรของมึงเร็วขนาดนี้ ล่มปากอ่าวเหรอวะสัส แล้วแทงหวยอะไรวะ”

“ก็พิงค์บอกมึงออกไปแทงหวย ไอ้ห่า คิดจะถูกคนเดียวไม่พอ ปล่อยกูหิว กูพาล กูจะแดกน้องๆ ทุกคนแล้วโว้ย”

“เออๆ แดกไอ้พิงค์ไปก่อนเลย กูจะรีบ...” ทันตแพทย์หนุ่มชะงัก จากนั้นจึงหันไปสบสายตากับคนอ่อนวัยกว่า แล้วถอนหายใจหนักๆ อย่างอ่อนใจ “พวกมึงกินไปเถอะ”

“อ้าว ไอ้สัส ทุกคนรออยู่ กูโวยหน่อยแค่นี้งอนเหรอวะ”

“งอนพ่องส์! บอกให้ทุกคนกินไปเลย กูจะไปธุระหน่อย”

“ธุระเหี้ยอะไรของมึงตอนนี้!” รวินท์ขึ้นเสียงใส่

“เอ่อ...” เตชิตหันรีหันขวาง “พอดีเจอคนรู้จัก เดี๋ยวจะไปกินกับเขา”

“คนรู้จักของมึงนี่กูรู้จักด้วยมั้ยวะ”

“ไม่รู้ คนที่เจอตอนไปประชุมที่เชียงรายน่ะ”

“มีพิรุธว่ะ กินข้าวหรือกินอะไรวะ!”

“กินข้าวสิโว้ย! แค่นี้ก่อนนะเว้ย เขารอนานแล้ว!” เตชิตกดวางสาย พร้อมกับทอดถอนใจ นี่เขาคงเห็นแก่กล้วยไม้มากใช่ไหม ถึงได้ปฏิเสธทุกคนเพื่อไปกับเด็กหนุ่มแบบนี้

กูหนอ... ทำอะไรอยู่วะเนี่ย

พอทันตแพทย์หนุ่มหันกลับไป คนอ่อนวัยกว่าก็ยิ้มให้เขาเช่นเดิม หากมันเป็นรอยยิ้มที่ดูเศร้าๆ ยังไงชอบกล ถ้าเปรียบเป็นลูกสุนัขก็คงหูลู่หางตก ดูน่าสงสารและชวนให้ใจอ่อน

“ขอบคุณนะครับ”

“ผมเห็นแก่ต้นไม้ที่คุณเอามาให้หรอกนะ” เตชิตพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ เซ็งตัวเองเหมือนกันที่ยอมอ่อนข้อให้เด็กหนุ่มอยู่เรื่อย “แล้วจะไปกินที่ไหน ไกลรึเปล่า”

“ไม่ไกลหรอกครับ เดี๋ยวเรียกรถแดงไปกัน”

“ไม่ต้องๆ ผมขับไปเอง คุณบอกทางละกัน” ทันตแพทย์หนุ่มเดินนำคนอ่อนวัยกว่าไปที่รถของตน พอกดปลดล็อกรถแล้วก็เอากระถางเอื้องแซะส่งให้เด็กหนุ่ม “ถือไว้ให้ด้วย ไปๆ ขึ้นไปนั่ง”

เตชิตขับรถไปตามทางที่เด็กหนุ่มบอก สักพักก็เลี้ยวออกจากถนนใหญ่เข้าไปในถนนย่อย เลี้ยวซ้ายขวาไปตามซอกซอยอยู่หลายครั้ง ก่อนจะพบกับร้านอาหารเรือนไทยหลังเล็กตรงสุดทาง มีรถตู้ที่มีตราโรงแรมจอดอยู่ในที่จอดรถเพียงไม่กี่คัน

“โห ร้านหลบมุมขนาดนี้ คุณหาเจอได้ยังไงเนี่ย”

คีรีก้าวลงจากรถ ค่อยๆ วางกระถางเอื้องแซะลงบนเบาะ “ผมวางไว้ตรงนี้นะ” จากนั้นเด็กหนุ่มก็เดินนำเข้าไป ตรงทางเข้ามีหญิงสาวสวยในชุดพื้นเมืองคอยให้การต้อนรับแขกเหรื่ออยู่

พื้นที่ด้านข้างเรือนไทยเป็นสนามหญ้า มีศาลาขนาดเล็กหลายหลังตั้งอยู่โดยรอบ ตรงพื้นที่ว่างระหว่างศาลามีต้นไม้เล็กใหญ่ปลูกไว้เป็นระเบียบสวยงาม มีทางเดินทำจากอิฐหลากสี เอาไว้สำหรับเดินจากเรือนไทยไปยังศาลาแต่ละหลัง

“คุณเตชิต นั่งที่ศาลากันนะ”

“อืม ยังไงก็ได้”

พื้นไม้ภายในศาลาเป็นเงาวาบ ตรงกลางปูเสื่อไว้ มีหมอนอิงและเบาะรองนั่งจัดวางไว้ให้ เมื่อพวกเขาเข้าไปนั่ง พนักงานในร้านก็นำเทียนมาประดับ

โอ้โห โรแมนติกโคตรๆ เตชิตคิดพลางหันมองไปรอบๆ เขายังไม่ทันสั่งอาหารเลย พนักงานก็ยกขันโตกพร้อมอาหารที่จัดไว้อย่างประณีตสวยงามและเครื่องดื่มมาให้เสร็จ มีช้อนกลางและจานช้อนแยกมาให้ด้วย

เตชิตก้มลงมองจานของตน “นึกว่าต้องกินด้วยมือซะอีก”

“ผมกลัวว่าคุณเตชิตจะกินไม่ถนัด เลยบอกพี่พนักงานไว้น่ะครับ”

เมื่อนึกถึงว่าเด็กหนุ่มใส่ใจเขาขนาดนี้ ทันตแพทย์หนุ่มก็อมยิ้มเล็กน้อย “ขอบใจ”

“คุณเตชิตกินเลยครับ รับรองว่าอร่อยทุกอย่าง”

“โอเค” เตชิตลองตักอาหารจากแต่ละชามมาชิม รสชาติมันก็อร่อยจริงๆ นั่นล่ะ อร่อยกว่าอาหารเหนือทุกที่ที่เคยไปกินมาเลย เอาไว้เขาต้องพาไอ้วินมากินบ้าง

ระหว่างนั้นก็มีเสียงเครื่องดนตรีไทยดังขึ้น ก่อนจะมีหนุ่มสาวในชุดพื้นบ้านออกมาร่ายรำที่บนสนามหญ้าว่างๆ ข้างหน้าเรือนไทย ทันตแพทย์หนุ่มหันไปมองอย่างสนใจ กินไปดูการแสดงไปอย่างเพลิดเพลิน

“อร่อยใช่มั้ยครับ”

“อืม อร่อย”

“คุณเตชิตกินเงียบเชียบเลย” เด็กหนุ่มยิ้มมุมปากเล็กน้อย แต่น่าเสียดายที่คนที่นั่งตรงข้ามกันไม่ทันสังเกตเห็นนัยน์ตาหวานเยิ้มที่เขาใช้จับจ้องอีกฝ่าย เพราะภายในศาลามีเพียงแค่แสงไฟสลัวๆ เท่านั้น

“อาหารที่นี่สุดยอดจริงๆ ผักก็สดโคตรๆ บรรยากาศดี แถมยังมีโชว์ให้ดูด้วย เอาไว้ผมต้องพาเพื่อนผมมากินบ้าง”

รอยยิ้มของคนอ่อนวัยกว่าจางหายไปแทบจะในทันที “ร้านนี้ไม่รับคนนอก”

“หือ?”

“อย่างที่คุณเตชิตเห็น ร้านเล็กแค่นี้ ก็เลยรับเฉพาะแขกของโรงแรมเท่านั้น ต้องจองล่วงหน้าด้วย”

“หือ? โรงแรมไหน” เตชิตหันมองไปรอบๆ อย่างงงๆ

“ทางเข้าโรงแรมอยู่อีกฝั่ง”

“แล้ว... ทำไมคุณพาผมมาได้ รู้จักคนที่นี่ หรือทำงานที่นี่เหรอ”

“อือ ทั้งสองอย่าง” เด็กหนุ่มทำหน้าบอกบุญไม่รับ

เตชิตนั่งกินต่อไปอีกครู่หนึ่ง จนรู้สึกว่าอีกฝ่ายเงียบไปจึงวางช้อนลง แล้วหันไปยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม “อิ่มแล้วเหรอ”

“กินไม่ลงแล้ว”

“เอ้า เกิดอาหารเป็นพิษขึ้นมารึไงคุณ นี่ผมควรจะกินต่อมั้ยเนี่ย”

คนอ่อนวัยกว่าทำหน้านิ่ว เขาก้มหน้าลง จากนั้นจึงหยิบถุงที่พับไว้หลายทบในกระเป๋ากางเกงออกมาส่งให้อีกฝ่าย “ของที่คุณลืมไว้ครั้งนั้น”

“ผมบอกให้ทิ้ง...” เตชิตขมวดคิ้ว เพราะเมื่อรับถุงมาก็เห็นว่ามันถูกแกะออกแล้ว

“ผมรู้ว่าคุณบอกให้ทิ้ง แต่เพราะเป็นของของคุณ ผมทิ้งไม่ลงหรอก แล้วก็แอบแกะดูข้างในด้วย ตอนแรกผมว่าจะเอามาใช้ตั้งโต๊ะ...”

“แล้วทำไมไม่ใช้”

“ผมใช้ของที่มีชื่อเจ้าของสลักไว้ไม่ได้หรอก”

ทันตแพทย์หนุ่มเปิดห่อออกดู แล้วหยิบช้างไม้แกะสลักที่มีคำว่า รวินท์ ขึ้นมา ก่อนจะเก็บกลับลงไปในถุง “ถ้างั้นผมขอคืนละกัน” แล้วพับใส่กระเป๋ากางเกงไป

จะว่าไป เขาลืมของฝากชิ้นนี้ไปแล้วนะเนี่ย เขาไม่ได้บอกไอ้วินว่าซื้อช้างนี่มาให้ ส่วนวันกลับก็ไปกดเงินตรงร้านของฝาก แล้วซื้อหมูยอ แคปหมูกับน้ำพริกไปฝากอีกฝ่ายแทน

“ไม่ทิ้งแล้วเหรอ”

“ก็คุณเอามาคืนผมแล้ว ผมจะทิ้งของที่มีชื่อเขาได้ไง” เตชิตพูดไปตามตรง

เด็กหนุ่มหันขวับไปจ้องคนที่นั่งอยู่ด้วยกันเขม็ง

“รวินท์เป็นคนสำคัญและเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของผม เราคบกันมาเป็นสิบปีแล้ว”

แววตาของคีรีที่ฉาบด้วยแสงเทียนสั่นไหว เตชิตไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพราะเปลวเทียนที่สั่นไหวไปตามแรงลม หรือความรู้สึกในใจของอีกฝ่าย

“ที่ผมเคยบอกว่าคุณเตชิตใจดี ผมคงจะเข้าใจผิดเสียแล้ว”

“อ้าว”

“คุณใจร้ายได้มากกว่าที่คิด” เสียงของเด็กหนุ่มแหบแห้ง

“นี่คุณ! ผมใจร้ายยังไงวะ! ผมมีเพื่อนสนิทมันผิดตรงไหนเนี่ย!”

คีรีจ้องตาทันตแพทย์หนุ่ม สีหน้าของเขาเหมือนมีคำถามอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น มีอะไรก็พูดมาสิคุณ”

คนอ่อนวัยกว่าอ้าปากเล็กน้อยคล้ายจะตอบ แต่ดูเหมือนคำพูดจะจุกอยู่ในลำคอ เขาจึงปิดปากนิ่งเงียบเช่นเดิม

เตชิตถอนหายใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปวางลงบนศีรษะเด็กหนุ่ม “อยากได้บ้างรึไง”

คีรีนิ่งอึ้ง ทว่าสักพักก็พยักหน้าหงึกๆ

“เอาไว้จะซื้อให้คุณบ้าง สลักชื่อคุณด้วย ดีมั้ย เป็นของตอบแทนกล้วยไม้นั่นก็ละกัน” ดูเหมือนคำพูดของทันตแพทย์หนุ่มจะทำให้คนอ่อนวัยว่ารู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง เนื่องจากแววตาที่ขุ่นมัวในตอนแรกดูสดใสขึ้น

“จริงเหรอ”

“เออๆ”

คีรียิ้มบาง “ถึงคุณจะพูดไปแบบนั้น แต่ผมก็ดีใจมาก ขอบคุณครับ”

รอยยิ้มเศร้าเช่นนั้นเป็นผลให้หัวใจของทันตแพทย์หนุ่มกระตุกเบาๆ รู้สึกผิดจนต้องละสายตาจากคนอ่อนวัยกว่าไปที่อาหารในขันโตกแทน “กินต่อเถอะ”

ทั้งสองนั่งกินมื้อเย็นกันต่อไปอย่างอ้อยอิ่ง หมดของคาวก็ตามด้วยของหวาน และผลไม้ เมื่อพนักงานมาเก็บโต๊ะ เตชิตก็หันไปบอกให้เก็บเงิน

พนักงานสาวยิ้ม “คุณคีรีจัดการไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ” แล้วเธอก็เดินกลับไป

เตชิตหันขวับไปถามเด็กหนุ่มทันที “คุณจ่ายไว้ก่อนแล้วเหรอ”

“ครับ”

“เท่าไหร่”

“ไม่แพงหรอกน่า คนรู้จักที่โรงแรมให้ทั้งบัตรของขวัญกับบัตรลดราคาผมมา อีกอย่างผมชวนคุณมากินนะ ไม่ได้ชวนมาให้จ่าย”

“เฮ้ย จะบ้าเรอะ ไม่ได้หรอก ผมจะให้เด็กเลี้ยงได้ไง”

“ได้สิ ผมก็แค่อายุน้อยกว่าคุณเท่านั้น แต่ผมก็ทำงานมีเงินเหมือนกันนะ วันนี้เพิ่งได้ตังค์มาด้วย”

เตชิตนิ่งอึ้ง เด็กอายุสิบแปดนี่ จะทำงานได้เงินสักเท่าไหร่กันวะ แล้วอาหารที่นี่ก็ดูเหมือนจะแพงมากด้วย ลำพังเงินเดือนก็ไม่น่าจะพอใช้แล้ว เวลาว่างขายครีมขายอาหารเสริมเป็นเน็ตไอดอลหรือไงวะ ไม่ใช่ต้องลำบากตรากตรำทำงานหนักเพื่อหาเงินมาเปย์อาหารให้เขาหรอกนะเว้ย

หากจะพูดอะไรอีกก็กลัวว่าจะทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกไม่ดี เขาคิดว่าการที่คนเรามีเป้าหมายและตั้งใจทำให้สำเร็จได้มันน่าทึ่งมากนะ การเลี้ยงอาหารอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่สำหรับทุกคน “ถ้างั้น ครั้งหน้าต้องให้ผมเลี้ยง โอเคนะ”

คีรียิ้มกว้าง “งั้นพรุ่งนี้เลยได้มั้ยครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มหยุดคิด ไอ้เขาน่ะ ทำคลินิกเสร็จแล้วก็ว่าง ปกติก็จะไปตะลอนกับไอ้วินและพวกน้องๆ แต่ถ้าเขาจะไม่ไปกับพวกมัน จะแก้ตัวว่าอะไรดีวะ

ช่างแม่ง เดี๋ยวค่อยคิด

“ก็ได้ แต่ต้องหลังเลิกงานนะ แล้วผมจะไปรับ อยากกินไรคิดไว้ละกัน”

“ขอบคุณครับ แต่ให้ผมไปหาที่คลินิกก็ได้”

“อย่าเลย ผมมีรถสะดวกกว่า แต่เอ... ผมจำได้ว่าคุณก็มีมอไซค์นี่นะ หรือจะไปเจอกันที่ร้านอาหารเลยดี”

“มอไซค์?” คีรีขมวดคิ้ว

“ที่ขี่ที่เชียงรายไง”

“อ๋อ ไม่ใช่ของผมหรอก ตอนนั้นผมยืมเขามา”

เตชิตพยักหน้า“อ่อ โอเค งั้นผมไปรับน่ะดีแล้ว คุณยังพักอยู่ที่ตรงคอนโดฯ นั่นใช่รึเปล่า ออกมารอที่หน้าสวนตอนสักห้าโมงละกัน”

“ครับ”

“ไปเถอะ กลับกัน พรุ่งนี้ผมต้องทำงานแต่เช้า”

สองหนุ่มเดินกลับไปที่รถ คีรีขึ้นไปนั่งข้างคนขับพร้อมกับยกกระถางเอื้องแซะขึ้นมาประคองไว้อย่างระมัดระวัง จากนั้นเจ้าของรถก็ขับออกไปช้าๆ

“ผมไปส่งคุณที่เดิมนะ”

คนอ่อนวัยกว่าพยักหน้าหงึกๆ

ถนนในตัวเมืองเชียงใหม่เปิดไฟไว้สว่างไสว ยังมีรถราวิ่งมากมาย แต่ใช้เวลาไม่นานนักก็ถึงคอนโดมิเนียมที่หมาย

เตชิตเคลื่อนรถเข้าไปจอดเทียบทางเท้าหน้าสวนสาธารณะตรงที่มีเสาไฟเปิดไฟไว้สว่าง เขาเอากระถางเอื้องแซะไปวางบนเบาะหลัง แล้วหาอะไรจากหลังรถมาวางอัดกันไว้ไม่ให้เคลื่อนไหวได้

คีรีช่วยทันตแพทย์หนุ่มจัดวางกระถาง หากเมื่อเสร็จแล้ว เขาก็เด็ดดอกเอื้องแซะออกมาหนึ่งดอก

“อ้าว ดอกร่วงเหรอ”

“เปล่า ผมเด็ดออกมา” เด็กหนุ่มยิ้มละมุน เขาก้มลงจูบดอกเอื้องแซะเบาๆ แล้วเอาไปเหน็บที่หูของคนตรงหน้า

เตชิตขมวดคิ้ว พร้อมสะดุ้งตัวเล็กน้อย “ทำอะไรวะคุณ!” แต่เพราะดวงตาสีน้ำตาลที่จ้องมองมา ทำให้เขายืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่ขยับหนีไปไหน

“พรุ่งนี้เจอกันนะครับ” คีรีชักมือกลับช้าๆ ให้ปลายนิ้วของเขาไล้แก้มของทันตแพทย์หนุ่ม จากนั้นก็ดึงมือกลับมาแตะริมฝีปากตัวเอง “ราตรีสวัสดิ์” แล้วก็เดินออกไป

เตชิตนิ่งอึ้งเป็นเสาหินอยู่สักพัก ก่อนจะหยิบดอกเอื้องแซะที่ทัดหูอยู่มาถือไว้

อุตส่าห์เอามาให้ทั้งต้น แล้วจะเด็ดดอกมาทัดหูเขาทำไมวะเนี่ย น่าเสียดาย

ทันตแพทย์หนุ่มเดินกลับไปนั่งตรงที่นั่งคนขับ สตาร์ตเครื่องรถแล้วก็ยังนิ่งงันอยู่กับที่ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาลองกูเกิลหาความหมายของเอื้องแซะดู

“เอื้องแซะ กล้วยไม้แห่งความศรัทธาในความรัก”

ตำนานของมันมาจากหญิงสาวที่รักและซื่อสัตย์กับคนรัก เฝ้ารอการกลับมาของเขาอย่างมีความหวัง ไม่เคยท้อแท้ จนถึงวันตายของเธอ

“โอ้โห ดราม่าสัส!”

แม่งแอบเหมือนชีวิตเขากับไอ้วินเลย คงได้รักข้างเดียวไปจนตาย

เตชิตหัวเราะเจื่อนๆ กับตัวเอง หากเมื่อคิดดูอีกที บางที... หรือนี่จะเป็นการบอกความรู้สึกของคีรีให้เขาได้รับรู้ ถ้าชอบกันก็น่าจะบอกกันตรงๆ ทำเป็นลีลาไปได้

คงเพราะเด็กหนุ่มดูเป็นคนซื่อๆ คงจะเขินที่จะบอกความรู้สึกกับเขาตรงๆ แต่วิธีที่ใช้ก็อ้อมโลกซะ... ดีนะที่เขารู้จักกูเกิลเนี่ย

“การที่มีคนเอาเอื้องแซะมาแซมผมให้ หมายถึงว่าจะมีความรักให้อย่างแท้จริง เพราะดอกเอื้องแซะเป็นตัวแทนของความรักที่มั่นคง” ทันตแพทย์หนุ่มอ่านไปพลางยิ้มบาง


“เออ ไอ้เด็กนี่ก็โรแมนติกดีเหมือนกันแฮะ”   



*TBC*


หมอเต้เอ๊ย แพ้ทางเด็กหมดทุกทางเลย 555555 น่าสงสารเขานะคะ

เอาใจช่วยเด็กดอยให้ทำให้หมอเต้มีใจให้ได้ก่อนจะคืนตังค์หมดห้าร้อยด้วยน้า~ อิอิ

ส่วนตอนหน้า ฮัสกี้อาจจะลงช้าหน่อยนะคะ เพราะฮัสกี้หนีเที่ยว(อีกแร้ว) 55555 (หรือถ้ามีเวลาจะพยายามเอามาลงสักครึ่งนุงก่อนนะคะ)

ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ ความลับของเด็กดอยคนนี้ มีอยู่ในทุกตอนแหละ หลายๆ คนเดาถูกโด้ยยย 555555


หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-09-2018 15:14:24
หึหึหึ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 24-09-2018 15:26:31
หมอเต้นี่ จะว่าโดนเด็กจีบก็ใช่ จะว่าถูกล่อลวงก็ใช่อีก  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 24-09-2018 16:07:57
คีรีหวานมาก  :katai2-1:
นี้ก็ไปถามลุงกูเกิลก่อนที่หมอเต้จะหาแปปเดียวเอง
เราใจตรงกันค่ะ หมอเต้ 555 (โอ้ย โดนคีรีมองแรง)  :ling3:
เขาบอกอีกว่า หากผู้ชายเอา ดอกเอื้องแซะ แซมผมให้หมายถึง
การยกย่องเธอเสมอเหมือนที่เอื้องแซะเป็นของสูงก็ต้องคู่ควรกับหญิงสาวที่ตนรักด้วยน่ะ   :impress2:
โรแมนติกอย่างที่หมอเต้บอกเลย   :-[
งือ อยากได้ต้น เอื้องแซะ เลยค่ะ   :o8:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 24-09-2018 16:17:05
หมอออออออออ โดนเด็กล่อลวงแล้วววววววว น่ารักว่ะ 5555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 24-09-2018 16:30:40
จีบนิด จีบหน่อย ..
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 24-09-2018 16:51:29
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 24-09-2018 17:35:32
ว้ายยย เขินแบบแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ค่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-09-2018 18:40:23
หมอเต้เอ้ย รอเด็กดอยจีบต่อไปนะ
5555 ก็อย่างว่าทั้งชีวิตที่ผ่านมา
ก็เอาแต่แอบรักหมอวินนี่เนอะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 24-09-2018 19:07:05
เด็กมันร้าย

หมอเต้จะทันเกมส์ใหม
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 24-09-2018 19:58:05
ไม่ใช่ว่าเด็กมันรักหมอเต้มาก่อนหมอเต้รักหมอวินเหร๊ออออ  :ruready
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 24-09-2018 20:02:36
ฮือๆ มีพิงค์กับหมอวินโผ่มาด้วยยังน่ารักเหมือนเดิมดีต่อใจ  :mew1:
รู้สึกหมอเต้จะให้ความสนใจหมอวินน้อยลงนะสนใจคีรีแล้วใช่ไหมล่ะยอมเด็กขนาดนี้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 24-09-2018 20:14:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty2554 ที่ 24-09-2018 20:19:30
ทำไมรู้สึกเหมือนหมอเต้จะโดนเด็กรุก
ตกลงคืนนั้น.... ใครเป็นคนใช้ถุงยาง?

คีรี เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ใช่เด็กธรรมดาแน่นอนค่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-09-2018 20:34:37
 :z1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 24-09-2018 21:06:11
 :hao3:
หมอเต้ค่ะ เด็กที่ไหนจะเอาตุ๊กตาแกะสลักตั้งโต๊ะค่ะ โต๊ะเรียนหรือโต๊ะทำงาน
เด็กที่ไหนทำงานเงินเดือนเยอะจัง รู้จักโรงแรมหลายที่เลยนะคะ
เนี้ยยย ลุคลูกหมาตัวโต ตาใสๆ นี้หมกแพ้ตลอดเลย 555
สู้ๆนะลูกคีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 24-09-2018 21:36:08
คีรีต้องเป็นเจ้าของโรงแรมแน่  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 24-09-2018 21:41:01
หมอเต้โดนล่อลวงชัว5555 :m20:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 24-09-2018 23:22:40
รู้สึกตะหงิดๆว่าคีรีจะเป็นเจ้าของโรงแรมป่าว พนักงานเสริฟเรียกคุณคีรีนะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 25-09-2018 00:53:02
โดนเด็กทั้งหลอกทั้งล่อลวงเลยพี่เต้  :mew4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 25-09-2018 02:04:24
พี่หมอเต้ โดนรุกแหงๆ
คีรี ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
 :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 25-09-2018 07:14:21
เด็กนี่มันวร้ายยยนะคะหัวหน้า มีทำหน้าเศร้า หน้าหม่นหน้าหมองงง  หมอเต้ไม่ทันคีรีหรอก ได้หลัวแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 25-09-2018 08:05:25
คีรีนี่ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 25-09-2018 09:16:04
เชื่อว่าคีรีนางต้องไม่ธรรมดาแน่น๊อนนนนนนนนนนน :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 25-09-2018 09:24:26
น้องคีรีต้องเป็นลูกชายเจ้าของโรงแรมแน่เลย เพราะตอนที่จะจ่ายเงินค่าอาหาร พนักงานร้านบอกว่า “คุณคีรีจัดการไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ”
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 25-09-2018 09:30:26
เหมือนจะโดนเด็กกินตามเพื่อนไปยังไงไม่รุ้ 55555555


เราก็ว่าหวังว่าหมอเต้ จะสู้ต่อไปนะคะ

อย่าไปใจอ่อนเหมือนพี่วินเค้า 5555


หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 25-09-2018 11:28:57
หมอเต้ ไม่รอดมือคีรีหรอกนะ  :oo1:   :laugh:
คีรีมันร้าย สงสารหมอเขาเหมือนกันนะคะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 25-09-2018 12:06:38
หมอเตใจอ่อนแบบนี้เดี๋ยวก็ตกหลุมเด็กหรอกค่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-09-2018 21:47:30
 :pig4: :pig4: :pig4:

เด็กน้อยมันร้าย  มันแผนสูง  อิคนพี่มันตามไม่ทันหรอก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 25-09-2018 23:13:59
เอ่อ คืนนั้นใครรุกใครรับอ่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-09-2018 07:00:29
ตายๆไปไหนไม่รอด
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-09-2018 10:12:23
 :-[ :-[ :-[ :-[
หมอเต้ทำไมดูเคะขึ้นเรื่อยๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 26-09-2018 13:35:23
ว้ายยย หมอเต้ ถถถถถ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: arakanji ที่ 29-09-2018 09:03:18
ชอบมากเลยค่ะ ฝีมือการเขียนดีขึ้นๆๆทุกเรื่อง ขอบคุณที่เขียนมาให้อ่านนะค่ะ รัก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 29-09-2018 13:19:11
เด็กจีบไม่จีบไม่รู้ แต่ตอนนี้เหมือนโดนเด็กหลอก
และดูเต้แพ้ทางเด็กหนักมาก แต่ทำเสียงอ่อน ตาละห้อย
อะไรก็ยอม อะไรก็ได้หมดเลย

คีรีต้องรู้จักเต้แน่นอน แล้วบังเอิญไปเจอหรอที่เชียงราย
บรรยากาศล่อแหลม เป็นใจ และคีรีเอื้อมากค่ะ

วินก็ถามไปเหอะ ตามไปเหอะ อีกไม่นานจะได้เจอแน่นอน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-10-2018 21:35:59
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 02-10-2018 14:40:34

Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2


“ไอ้สัสเต้ มึงจะไปไหน อย่าคิดตอแหลกูเชียว ท่าทางมึงแปลกๆ มาตั้งแต่เมื่อวาน แล้ว! จู่ๆ ก็หายหัวไป หวยก็ไม่ได้แทง!” รวินท์โวยวายกับเพื่อนรัก พร้อมทั้งเอา ตะเกียบคีบผักในบะหมี่เขวี้ยงใส่ ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งกินมื้อเที่ยงที่ผู้ช่วยซื้อ มาให้ในห้องทางด้านในคลินิก “เมื่อวานก็ทิ้งกูกับพิงค์กับพวกน้องๆ ไปรอบละนะ แล้วแซนดี้ก็บอกว่าเมื่อวันศุกร์ก่อนนู้นมึงก็ทิ้งน้องๆ ให้ดูหนังกันเอง มึงทำอะไร ลับๆ ล่อๆ แอบขายยาเพิ่มขนาดในเน็ตเหรอวะ”

“โห มาเป็นชุดเลยนะมึง” เตชิตทำหน้าจ๋อย แค่เขาบอกมันว่าตอนเย็นหลังเลิกงาน จะไม่อยู่แค่นี้ แม่งด่ายาวเลย “คือ... ก็จะไปกับคนเมื่อวานน่ะแหละ”

“คนที่เอากล้วยไม้มาให้มึงอะเหรอ” 


“อือ” 


“เขาเป็นใคร ชื่ออะไร ไว้ใจได้เปล่าวะ”

เตชิตเห็นภาพตัวเองเมื่อก่อนที่เคยทำตัวเป็นพ่อไอ้เพื่อนรักชัดเลย มันต้องถือ โอกาสแก้แค้นเขาอยู่แน่ๆ

“มึงรอแป๊บ” ทันตแพทย์หนุ่มวิ่งปรู๊ดขึ้นไปยังห้องพักของตนเองที่ชั้นสาม ไม่นา นก็วิ่งกลับลงมา เขานั่งหอบฮั่กๆ อยู่หน้าชามบะหมี่ แล้วจึงส่งถุงของฝากที่ได้รับ มาจากคีรีให้ “เอ้า ของฝากมึงอีกอย่างจากตอนที่กูไปประชุมที่เชียงราย กูลืมไว้ เขาเลยแวะเอามาให้”

รวินท์รับถุงมาเปิดออก หยิบช้างไม้ที่แกะสลักชื่อเขาออกมาดูแล้วอมยิ้ม “เออ น่า รักดี ขอบใจเว้ย”

“ชอบใช่มะ”

“อือ”
 

“ขอรางวัลเป็นจุ๊บทีดิ”

“ไอ้เหี้ย!” รวินท์ใช้ตะเกียบคีบผักเขวี้ยงใส่อีกฝ่ายไปอีกรอบ “มึงไม่ต้องมาเนียน เปลี่ยนเรื่อง บอกกูมา เขาเป็นใคร ทำไมเขาถึงมีของที่มึงลืมไว้ได้วะ มึงไปลืมไว้ที่ ไหนเนี่ย!”

โห บทจะฉลาดแม่งก็ฉลาดเนอะ ไอ้สัสวิน! 


เตชิตถอนหายใจ “เรื่องมันยาว”

“ยาวกูก็จะฟัง มึงอย่าลีลาให้มาก จะให้กูซักมึงคนเดียว หรือจะให้กูเรียกพิงค์ แซนดี้ ซัน ขิง ดิว มาช่วยกันซักมึงด้วย”

“เขาชื่อคีรี เป็นเด็กชาวเขา” เตชิตรีบตอบ ไอ้วินซักคนเดียวเขาก็ซีดจนไม่รู้จะซีด ยังไงแล้ว ถ้าขืนให้ยกมาทั้งพวงเขาคงโดนจิกทึ้งไม่เหลือซาก

“ฮะ? ชาวเขาเหรอ เป็นเด็ก? อายุเท่าไหร่วะ” 


“เห็นว่าสิบแปด” 


“แล้วไปรู้จักกันได้ไง”

“ไอ้คืนสุดท้ายในเชียงรายที่กูบอกมึงว่าไปไนต์บาร์ซาอะ คือในตลาดแม่งมีเรื่องไง มีเสียงเหมือนระเบิดดัง แล้วคนก็วิ่งหนี วิ่งชนกันล้ม พอดีไอ้ตอนที่กูใส่ตีนหมาโก ยอยู่ก็มีเด็กผู้หญิงเป็นชาวเขาคนนึงพลัดหลง ถูกเบียดมาข้างๆ กู กูเลยช่วยเขาไว้ แล้วคือกูก็ไปไหนต่อไม่ถูกไง เด็กก็เอาแต่ร้องไห้ พอคุยกันก็งงๆ ไปอีก ก็ได้คีรีนี่ แหละมาช่วยพาไปหลบ เขาน่าจะเป็นพี่หรือญาติของเด็กคนนั้น หรือไม่ก็รู้จักกันดี คงเป็นคนบ้านเดียวกันน่ะแหละ พอเจอพ่อแม่ของเด็กแล้วเขาก็ขี่มอไซค์มาส่งกูที่ โรงแรม ไอ้ของนี่มันคงหล่นตอนชุลมุนน่ะ” เตชิตหยุดไว้แค่นั้น ถ้าให้เล่าต่อจากนี้ เขายอมโดนซักจนซีดตายดีกว่า

หากสีหน้าของรวินท์เปลี่ยนเป็นขรึม เขาแสดงความรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนรักออกมา ทางสายตาอย่างชัดเจน “ทำไมมึงไม่เคยเล่าให้กูฟังเลย ไอ้ห่า แล้วมึงบาดเจ็บรึ เปล่า”

“ก็กูรู้ว่ามึงต้องเป็นห่วง กูเลยไม่อยากพูดถึง กูไม่ได้เป็นอะไรด้วย ยังกลับมาหามึง ได้ มีครบสามสิบสองส่วนด้วยนี่ไง” เตชิตเอื้อมมือไปลูบศีรษะเพื่อนรักเบาๆ “ขอโทษที่ไม่ได้เล่านะ”

“กูจะฟ้องพ่อแม่มึง” 


“อ้าว ไอ้เพื่อนเวร หาเรื่องให้กูแล้วมั้ยล่ะ”

“มึงนี่ ต้องไปทำบุญกี่วัดถึงจะดวงขึ้นบ้างวะ ไปออกหน่วยแม่งก็โดนน้ำป่า ไปประ ชุมก็เจอระเบิด ครั้งหน้ามึงจะเจออะไรวะเนี่ย”

“อย่าเพิ่งแช่งกูสิเว้ย” 


“แล้วทำไมไม่พาเขามาให้กูกับน้องๆ รู้จักบ้างวะ”

เตชิตชะงักกึก เขาพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ ไม่ให้เพื่อนรักจับพิรุธได้ “เอาไว้ ก่อนละกัน ยังไม่สนิทเท่าไหร่ว่ะ พวกมึงก็เป็นเหมือนครอบครัวของกู ยังไงถ้าสนิท กันมากขึ้นกูก็ต้องพามาให้รู้จักแหละ”

“มึงพูดเหมือนจะพาเมียมาให้กูดูตัวเลยสัส”

“เย้ย~ ไม่ใช่เว้ย! คือแบบ... ตอนนี้เขายังเป็นแค่คนรู้จักไง ตอนมึงไปออกหน่วย รู้จักใครใหม่มึงก็ไม่ได้พาทุกคนมาให้กูกับไอ้พวกนั้นรู้จักปะวะ” เตชิตตอบเสียงสู งมาก แบบที่ทั้งชีวิตยังไม่เคยต้องใช้โทนเสียงสูงขนาดนี้

รวินท์ขมวดคิ้ว แต่ก็เออออ “เออ ก็จริง”

“แล้วเมื่อวานเขาเลี้ยงข้าวกู เอากล้วยไม้มาให้กู วันนี้กูก็เลยจะเลี้ยงเขาบ้าง ก็ แค่นั้นแหละ”

“อือๆ โอเค เคสนี้ผ่านก็ได้”

เตชิตยกมือไหว้ “ขอบคุณครับพ่อ!”

 


พอถึงเวลาเลิกงาน ทันตแพทย์หนุ่มก็ขับรถตรงไปที่คอนโดมิเนียมใกล้ๆ กับหอพัก ของเด็กหนุ่มตามนัด ขับไปก็ระแวงหลังไปตามประสาคนมีชนักปักหลัง เพราะไม่รู้ ว่าไอ้วินกับไอ้พวกน้องๆ จะบ้าจี้ขับตามมาดูด้วยหรือไม่ เมื่อเล็งดูแล้วว่าไม่มีใคร ตามมาแน่ๆ เขาจึงเลี้ยวรถเข้าไปจอดในที่จอดรถใกล้ๆ กับสวนสาธารณะ

หลังจากจอดรถเสร็จก็กะว่าจะโทรตามเด็กหนุ่ม เขามาถึงก่อนเวลาตั้งครึ่งชั่วโม งกว่า ที่รีบออกจากคลินิกมาก็เพราะตอนแรกคิดว่าต้องขับรถวนไปวนมาเพื่อสลัด พวกที่ขับรถไล่ตามแบบในหนังเจมส์บอนด์ เวรกรรมแท้

ทว่าขณะที่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก็หันไปเห็นคนที่เขานัดไว้นั่งอยู่ที่ตรงม้านั่งใต้ ต้นไม้ใหญ่ในสวนสาธารณะเข้าพอดี

วันนี้เด็กหนุ่มใส่เสื้อผ้าฝ้ายคอจีนเหมือนเมื่อวานแต่คนละสี มีลายปักตรงสาบเสื้อ สวมทับเสื้อยืดข้างใน ส่วนกางเกงเป็นกางเกงผ้าขายาวสีเข้ม และรองเท้าแตะหนัง

เตชิตอมยิ้มเล็กน้อย เขาคิดว่าที่บ้านของคีรีคงจะปลูกฝังให้รักผ้าพื้นเมืองหรือไม่ ก็ตัดเสื้อผ้าใส่กันเองละมั้ง เพราะเด็กหนุ่มแต่งตัวแบบนี้ทุกครั้งที่เจอกัน

ทันตแพทย์หนุ่มก้าวออกจากรถเดินตรงเข้าไปหาอีกฝ่าย ยิ่งพอเข้าไปใกล้ เห็นท่า ทางกระวนกระวายของเด็กหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายน่าเอ็นดูดีเหมือนกัน

คีรีนั่งขยำขยี้หมวกแก๊ปในมือ สายตามองพื้น ถอนหายใจเฮือกๆ ทุกสิบวินาที ท่าทางเหมือนคนที่ตื่นเต้นมากๆ และกำลังพยายามสงบจิตสงบใจ

เตชิตย่องเข้าไปยืนใกล้ๆ หยุดยืนอยู่ทางด้านหลังแล้วค้อมตัวลง ให้ริมฝีปากอยู่ ในระดับเดียวกันกับใบหูของคนอ่อนวัยกว่า ห่างออกมาประมาณหนึ่งคืบ “มานั่ง ถอนหายใจอะไรตรงนี้น่ะคุณ”

คีรีหันขวับไปทางด้านหลัง “คุณเตชิต! ผมตกใจหมดเลย!” 

เตชิตหัวเราะ แล้วเดินไปนั่งลงข้างเด็กหนุ่ม

“ทำไมคุณมาเร็ว”

“พอดีออกมาได้เร็วกว่าที่คิดไว้น่ะ แล้วคุณล่ะ มานั่งทำไรตรงนี้” 


“รอคุณน่ะสิ” 


“มารอตั้งแต่กี่โมง” 


“ไม่นานหรอกครับ ก่อนสี่โมงนิดๆ” 


“คุณจะรีบมานั่งรอผมทำไม นัดกันห้าโมงไม่ใช่เรอะ” 


“โธ่ ให้รอคุณเตชิต รอตั้งแต่เช้าจนมืดสนิทก็ยังรอได้”

เตชิตส่ายหน้าไปมา ไอ้คำพูดที่ฟังดูกะล่อนแบบนี้กับใบหน้าที่ดูซื่อๆ แม่งไม่เข้ากัน ซะเลย “เอาจริงๆ แบบไม่ต้องมีมุกลุงผสมได้มะ”

คีรีประสานสายตากับทันตแพทย์หนุ่ม ก่อนจะพูดเสียงอ่อย “ก็ผมตื่นเต้น ตั้งแต่ เช้ามาทำอะไรก็ติดขัดไปหมด ยิ่งตอนบ่ายยิ่งแย่ ผมเลยเลิกทำหมดทุกอย่าง แล้ว มานั่งรอคุณดีกว่า”

“โห น่ารักเนอะ” เตชิตเอื้อมมือไปลูบศีรษะเด็กหนุ่ม “ตื่นเต้นทำไมน่ะ เมื่อวานก็ เพิ่งเจอกัน ก่อนหน้านั้นคุณก็หายไปได้เป็นอาทิตย์”

คนอ่อนวัยกว่าจับมือทันตแพทย์หนุ่มมากุมไว้ “ผมไม่ได้หายนะ แต่ยุ่งมากจริงๆ จะโทรหาคุณทีไรก็กลัวแต่ว่าคุณจะรำคาญ กลัวคุณไม่รับสาย กลัวว่าคุณจะทำงา นอยู่ กลัวไปสารพัด”

เตชิตหลุบตาลงมองมือของตนในมือของเด็กหนุ่ม ทว่าก็ปล่อยให้อีกฝ่ายกุมไว้ อย่างนั้น “คิดไว้รึยังว่าอยากกินอะไร”

“อะไรก็ได้ครับ แล้วแต่คุณเตชิตเลย” 


“งั้นไปเซ็นทรัลกัน”

เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “เซ็น...เซ็นทรัล”

“อือ ปะ” ทันตแพทย์หนุ่มจับมือที่กุมมือเขาไว้แล้วลุกขึ้นพรวด กึ่งลากกึ่งจูงคน อ่อนวัยกว่าตรงไปยังรถที่จอดอยู่ “ไปๆ ขึ้นไปนั่ง”

เมื่อรถเคลื่อนออกจากที่จอดรถแล้ว คีรีก็พูดขึ้นเสียงอ่อย “เอ่อ ไปที่อื่นไม่ได้เห รอครับ”

“ทำไมล่ะ” 


“คนเยอะ” 


“อือ ก็จริง แต่ผมอยากไปซื้อของด้วย” 


“หะ...หา!” เด็กหนุ่มเบิกตาโพลง 


“มีอะไรรึไง” 


“หมายความว่าคุณเตชิตจะไปเดินซื้อของด้วยเหรอครับ” 


“ใช่ ไม่ได้เหรอ คุณว่างไม่ใช่รึไง”

“ว่าง... ว่างครับ” คีรีหันหน้าออกไปทางหน้าต่างกระจกรถ ก่อนจะเอาหมวกแก๊ป ในมือที่ขยำจนยับขึ้นมาสวม

ใช้เวลาไม่นานรถของเตชิตก็เคลื่อนเข้าไปจอดในที่จอดรถของห้าง จากนั้นทันต แพทย์หนุ่มก็เดินนำคนอ่อนวัยกว่าเข้าไปข้างใน

“หิวรึยัง” 


“นิดหน่อยครับ”

“งั้นไปกินกันก่อนเนอะ แล้วค่อยมาเดิน” เตชิตเดินไปมองดูป้ายบอกแผนผัง ภายในห้าง “กินอาหารทะเลมั้ย แพ้รึเปล่า”

“ไม่แพ้ครับ”

“โอเค”

เมื่อทั้งสองคนนั่งลงที่โต๊ะ คีรีก็เอาแต่ก้มหน้า เตชิตจึงต้องเป็นคนสั่งอาหารให้ ทันตแพทย์หนุ่มได้แต่มองคนที่นั่งตรงข้ามกันอย่างงงๆ อะไรจะตื่นคนขนาดนี้วะ

“นี่คุณไม่ค่อยได้มาเดินห้างรึไงวะ” 


คีรีพยักหน้าหงึกๆ

“ทำงานโรงแรมน่าจะชินกับคนเยอะๆ นะ แล้วหมวกน่ะ จะใส่ทำไม ไม่เกะกะหน้า เรอะ”

คราวนี้คนอ่อนวัยกว่าส่ายหน้ารัว “เห็นคนเยอะๆ แล้วผมประหม่า มือสั่นไปหมด เลย แบบนี้แหละดีแล้วครับ”

“เป็นนางอายเหรอวะคุณน่ะ” เตชิตขมวดคิ้ว จากจุดที่เขานั่งมองไม่เห็นหน้าเด็ก หนุ่มเลยด้วยซ้ำ เพราะอีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าก้มตา แต่เอาเถอะ เขาเองก็ไม่อยาก ทำให้เด็กหนุ่มอึดอัดใจไปมากกว่านี้ เดี๋ยวจะหนีลงไปขุดรูข้างใต้โต๊ะเสียก่อน

หลังจากกินมื้อเย็นกันเสร็จ ทันตแพทย์หนุ่มก็ชวนอีกฝ่ายไปกินไอศกรีมต่อ

“ไม่กินได้มั้ยครับ”

“อ้าว ไม่ชอบเหรอ” 


คีรีส่ายหน้าไปมา “มันเย็น”

“เอ้า ไอติมไม่เย็นจะเป็นไอติมมั้ย หรือว่า...” ทันตแพทย์หนุ่มทำหน้าเครียดใส่ให้ คนอ่อนวัยกว่าหน้าเสีย

“หรือว่า...อะไรครับ”

“กินเย็นๆ แล้วเสียวฟันเหรอ”

“ไม่นะครับ” เด็กหนุ่มก้มหน้าลงพึมพำเสียงเบา “แต่ถ้าคุณเตชิตอยากชวนผม เสียว ทำอย่างอื่นก็ได้”

“โว้ย! ไอ้เด็กบ้า!” เจ้าของชื่อจ้องมองเด็กหนุ่มที่ยืนก้มหน้าก้มตาหลบทุกสิ่ง ราวกับว่าคนทั้งโลกเป็นเจ้าหนี้พลางถอนหายใจ พอหันมองไปทางร้านไอศกรีมก็ เห็นว่าคนเยอะด้วย ต่อแถวกันยาวเป็นหางว่าว “ไม่กินก็ไม่กิน งั้นปะ ไปซื้อของ กัน” เขาเดินนำเด็กหนุ่มเข้าไปในส่วนของตัวห้าง ตรงไปที่แผนกเสื้อผ้าจำพวกยีน เดนิม

คีรีหันรีหันขวาง เดินตามอีกฝ่ายไปก็ถอนหายใจไป แต่แล้วจู่ๆ ก็หยุดกึก

เตชิตเดินล่วงหน้าไปเล็กน้อย พอรู้สึกตัวว่าคนที่ควรจะเดินอยู่ใกล้ๆ กันหายตัว ไปก็หันกลับไปมองดู แล้วจึงพบว่าคนอ่อนวัยกว่ากำลังยืนคุยกับใครสักคนที่อยู่ ในชุดสูท เขารีบสาวเท้าเข้าไปหา

เมื่อคีรีหันมาเห็นเข้าก็รีบโบกมือลาคนที่ยืนคุยด้วย แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาทันต แพทย์หนุ่ม

“มีอะไรเหรอ” 


“เปล่าครับ” 


“คุยกับใครน่ะ” 


“คนรู้จักที่ทำงานโรงแรมด้วยกันน่ะครับ”

“อ่อ” เตชิตมองตาม ทว่าคนที่คุยกับเด็กหนุ่มเมื่อครู่ก็เดินหายไปแล้ว “งั้นไปกัน ต่อเถอะ”

“ครับ”

ภายในแผนกยีนเดนิม ทันตแพทย์หนุ่มเลือกเสื้อยืดมาสองตัวกับกางเกงยีนอีก หนึ่งตัว แล้วส่งให้คนอ่อนวัยกว่า “เอ้า เอาไปลองให้ดูหน่อย”
 

“ฮะ! เดี๋ยวๆ จะให้ผมลองทำไม” 


“ผมอยากเห็นคุณใส่เสื้อผ้าอย่างอื่นบ้าง”

คีรีอ้ำอึ้ง แต่ก็ไม่อยากขัดใจทันตแพทย์หนุ่ม เขารับเสื้อกับกางเกงมา แล้วเดินตรง ไปยังห้องลองเสื้อ โดยที่อีกฝ่ายเดินตามไปห่างๆ

พอเปลี่ยนเสื้อกับกางเกงเสร็จก็ชะโงกหน้าออกมาจากห้องลอง “เสร็จแล้วครับ” 


“ก็เดินออกมาดิ๊”

เด็กหนุ่มก้าวออกมาช้าๆ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง จนคนที่นั่งรออยู่หัวเราะ ออกมาเบาๆ

“เขินอะไรวะคุณ ใส่แบบนี้ก็ดูดีออกนะผมว่า” 


“คุณเตชิตชอบแบบนี้เหรอครับ”

“ก็ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษหรอก แบบที่คุณใส่มาก็ดี ผมแค่อยากเห็นคุณแต่งตัว เหมือนวัยรุ่นทั่วไปบ้าง”

“คุณพูดเหมือนคุณเป็นลุงอายุสักหกสิบ”

เตชิตลุกขึ้น เดินไปจับเสื้อยืดที่คนอ่อนวัยกว่าใส่อยู่ พลางเดินมองวนไปรอบๆ “อือ ไซซ์พอดีเลยแฮะ กางเกงก็ไม่ต้องตัดขาด้วย
ผมไม่ค่อยเจอใครที่ไม่ต้องตัด ขากางเกงยีนเลยนะ เสื้อนี่ไม่คับไปใช่มั้ย” เขาพูดพร้อมกับสอดมือเข้าไปในตัว เสื้อ

พอปลายนิ้วทันตแพทย์หนุ่มสัมผัสถูกตัว คีรีก็สะดุ้งตัวเบาๆ สองแขนกระตุกยิกๆ แล้วยกขึ้นทำท่าจะรวบตัวคนที่มาด้วยเข้ามากอด

ทว่าเตชิตเงยหน้าขึ้นเสียก่อน “จะทำอะไรวะคุณ!”

“แอร์มันเย็น ผมหนาวครับ”

“อย่ามาเว่อร์ สรุปว่าเสื้อคับมั้ย” 


“อืม คุณเตชิตลองสอดมือเข้ามาวัดให้ผมอีกทีสิครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มอยากจะถีบคนอ่อนวัยกว่ากลับเข้าไปในห้องลอง แต่ก็ยังพยายาม วางมาดสุขุมไว้ “ผมว่าพอดีแหละ ไปถอดออกได้ละไป”

แต่คีรียังยืนรีรอ เตชิตจึงถามต่อ “รออะไรวะคุณ”

“เข้ามาดูผมเปลี่ยนเสื้อมั้ยครับ มองมาผ้าหลุด” ไม่พูดเปล่าแต่จับชายเสื้อกระพือ ให้ทันตแพทย์หนุ่มเห็นซิกแพ็คของตัวเองแวบๆ ด้วย

เตชิตยกมือขึ้นคลึงขมับ “รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป๊”

คนอ่อนวัยกว่าทำหน้าเซ็งเล็กน้อย ผลุบเข้าไปในห้องแต่งตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ แล้วก็เดินออกมาอย่างว่องไว “เสร็จแล้วครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มหยิบเสื้อผ้าจากในมืออีกฝ่ายมาถือไว้ ก่อนจะเดินเอาไปส่งให้พนัก งาน หากพอหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา เด็กหนุ่มก็คว้าแขนเขาไว้ทันที

“คุณจะทำอะไร”

“ก็จะจ่ายค่าเสื้อผ้าน่ะสิ” เตชิตส่งเงินให้พนักงาน แล้วหันกลับมาทางเด็กหนุ่ม “คุณจะได้มีเสื้อผ้าแบบอื่นไว้ใส่บ้างนะ”

“คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้”

“เมื่อวานคุณยังเอาดอกกล้วยไม้มาให้ผมเลย ทำไมผมจะให้คุณบ้างไม่ได้” ทันต แพทย์หนุ่มยกมือขึ้นตบไหล่คนที่ยืนทำหน้าขรึมอยู่ตรงหน้า “รับไว้เถอะ ผมอยาก ให้ แล้วคราวหน้าใส่มาด้วยนะ”

คีรียิ้มมุมปาก “คราวหน้า... หมายถึงนัดของเราคราวหน้าใช่มั้ยครับ”


แววตาพราวระยับของเด็กหนุ่มเป็นผลให้เตชิตชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า “เออ”

“งั้นก็ได้ครับ” 


พอพนักงานเดินเอาถุงกระดาษมาส่งให้ เตชิตก็รับมาแล้วส่งต่อให้เด็กหนุ่ม “เอ้า” 


คนอ่อนวัยกว่ายกมือไหว้ “ขอบคุณครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ “ไปไหนกันต่อดี คุณอ ยากไปไหน หรือจะกลับ”

“ยังไม่กลับครับ!” คีรีรีบตอบ “ไป... ไปขึ้นดอยกันดีกว่า คุณเตชิตเคยขึ้นไปดูวิว เชียงใหม่บนดอยสุเทพรึยัง”

“ยังเลย ก็ดีเหมือนกันนะ งั้นไปกัน”


 *TBC*


ป๋ามั่ยป๋า มีพาเด็กดอยมาเปย์ด้วย 555555 หลงเชื่อตาใสๆ หน้าซื่อๆ ไม่ได้รู้ตัว เล้ยยย คนเรา!

ส่วนที่มาของเรื่องที่หมอเต้เซนส์สิถีพกับชาวเขาแบบเต็มๆ นั้น อยู่ในเล่มของภู สอยเดือนแหละค่ะ งานหนังสือเดือนตุลาคมนี้เจอกับพี่วินและน้องพิงค์ได้ที่บูทเอ เวอวายน้า~ /เนียนขายของซะเรย กรีสสสส

ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกคนมากค่ะ ตอนนี้ลงสั้นๆ ก่อนน้า ขอเที่ยวก่องงง~
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-10-2018 15:08:50
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทายาทโรงแรม ทายาทห้างสรรพสินค้าหรือเปล่าเนี่ย?
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 02-10-2018 15:23:13
มันต้องใช่แน่ๆ

หมอกำลังโดนเด็กหลอกล่อ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 02-10-2018 15:34:44
รู้สึกได้ถึงพลังงานบ้างอย่าง   :hao3:
ความหื่น และ ความชีกอ ของคีรีไงล่ะ   :hao6:
ถึงอายุจะน้อย แต่ไม่ด้อยลีลานะครับ   :hao7:

หมอเต้เสร็จเด็กแน่งานนี้

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 02-10-2018 15:35:46
……


นั่นนนน คีรีต้องมีอะไรลับลมคมในทั้งห้างทั้งโรงแรมแต่ละ

อย่าหลอกหมอเต้นานนะ. เดี๋ยวจะง้อลำบาก


 :katai3:  :katai3:  :katai3:   :katai3: :katai3: :katai3:

……
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 4 : หรือจะถูกเด็กจีบ [240918]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 02-10-2018 15:43:42
รอเวลาเฉลย ตัวตน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 02-10-2018 16:35:17
มันจะกระพือเสื้อทำม๊ายยย คีย์เวิร์ดคุณคีรีก็มาค่ะ ซิกแพ็คก็มาค่ะ หมอไม่รอดแท้แล่ว  :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-10-2018 16:50:08
 :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-10-2018 16:55:12
 เรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำ หมอเต้โดนเด็กหลอกแน่ๆ

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 02-10-2018 16:56:28
 :really2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 02-10-2018 17:20:36
ต้องใช่แน่ๆ เลยครับ น้องคีรีต้องเป็นทายาทโรงแรม หรืออย่างน้อยก็ธุรกิจอะไรสักอย่างที่มีคนรู้จักเยอะแน่ๆ หมอเต้ไม่รอดหรอกครับ ^^
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 02-10-2018 18:12:28
คีรี~~~~~~~~~~~~ อ้อยเก่งไปอี๊กกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 02-10-2018 19:01:33
หมอเต้จะโดนเด็กเป่ามนต์ดำใส่แล้ว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 02-10-2018 19:04:52
ความลับไม่มีในโลกนะจ๊ะคีรี รีบบอกตอนนี้ดีกว่าโดนเกลียดนะ หรือเราคิดมากไปเอง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 02-10-2018 19:25:46
โกหกฐานะไม่เป็นไร ไม่โกหกอายุก็พอ เรื่องก่อนก็หวิดเข้าคุกไปแล้ว เดี๋ยวหนนี้หมอเต้จะไม่รอดเอา  :m20:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 02-10-2018 19:57:42
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 02-10-2018 20:02:12
 :hao3:
หึหึ หมอเต้ทำบุญด้วยอะไรตอบ!!!
น้องคีรีคือแรร์ถูกม่ะ
จีบให้ติดเด้อน้องคีรี
ตอนนี้หมอเต้กำลังติดกับ :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 02-10-2018 20:52:18
มีลับลมคมในแบบนี้ ถึงตอนที่เต้รู้ความจริงต้องดราม่าแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-10-2018 21:06:03
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 02-10-2018 21:14:29
คีรีต้องเป็นคนดัง มีคนรู้จักเยอะแน่ๆ ปิดบังอะไรไว้น๊าาา
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 02-10-2018 21:18:11
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 02-10-2018 21:48:33
หมอเต้ป๋ามาก แต่ดูๆแล้วน้องคีรีเด็กดอยจะป๋ากว่านะคะ โรงแรมก็น่าจะของน้อง คอนโดอีก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 03-10-2018 00:06:29
คีรี หลอกอะไรหมอเต้บ้างเนี่ย
เป็นใครกันแน่. ทั้งห้าง ทั้งโรงแรม
ลับลมคมในมากเว่อร์
เป็นใครก็ชั่งเถอะ แต่ว่ากดหมอเต้ให้ได้นะ 5555
 :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 03-10-2018 06:36:50
โดนเด็กหลอกแล้ววว 555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-10-2018 08:32:36
เราจะขอฟินในความอ่อยของน้องคีรีอย่างเดียว
ส่วนอื่นเราจะไม่สงสัยอะไรทั้งนั้น 5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 03-10-2018 09:13:42
น้องน่ารัก ท่าทางหลงพี่หมอเต้น่าดู
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 03-10-2018 09:38:15
คีรีเป็นใครกัน? 

ตอนที่ให้กล้วยไม้น่าจะมีรูปกล้วยไม้ประกอบด้วย  :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 03-10-2018 11:08:55
ก็ยังสงสัยอยู่ว่าใครกินใคร กันแน่5555 รอจร้า  :laugh5:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 03-10-2018 16:51:40
ทายาทโรมแรมกับห้างแน่ ๆ เลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 03-10-2018 18:32:31
น้องเป็นดารามาถ่ายรายการอะไรสักอย่างหรือเปล่า เดาไปเรื่อย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 1/2[021018]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 04-10-2018 15:40:30

Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2


ทันตแพทย์หนุ่มขับรถออกจากห้างเซ็นทรัลในตอนที่ท้องฟ้ามืดลงสนิทแล้ว หากสองข้างทางยังมีไฟสว่างไสวจากเสาไฟ รถราวิ่งวุ่นวายเต็มถนน เมื่อถึงทางขึ้นดอยสุเทพก็ขับรถต่อไปบนเส้นทางสูงชันช้าๆ ไม่นานก็ถึงที่หมาย

อากาศในยามค่ำคืนไม่ร้อนมากนัก มีสายลมพัดมาแผ่วๆ สองหนุ่มยืนข้างกัน เท้าแขนลงบนรั้วกั้นแล้วทอดสายตามองทิวทัศน์เบื้องล่าง ใจกลางเมืองเชียงใหม่มีแสงไฟสว่างไปทั่วทุกหนแห่ง

บนท้องฟ้าแห่งรัตติกาลมีดวงจันทร์เกือบเต็มดวงทอแสงจ้า ทำให้มองไม่เห็นดวงดาวมากนัก

“สวยดีนะ ผมมาเชียงใหม่ไม่รู้กี่สิบครั้งแล้ว ไม่เคยมีโอกาสได้ขึ้นมาเลย” เตชิตพูดพลางขมวดคิ้ว แล้วหันขวับไปทางเด็กหนุ่ม “จริงสิ คุณไม่สงสัยบ้างเหรอว่าผมอยู่ที่ไหน ทำงานที่ไหน เดี๋ยวไปโผล่เชียงราย เดี๋ยวมาเชียงใหม่”

คีรีเลิกคิ้วขึ้น “เออ! เออใช่! นั่นสินะ แล้วปกติคุณเตชิตอยู่ที่ไหน ทำงานที่ไหนน่ะครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มมองคนอ่อนวัยกว่าอย่างข้องใจ แต่ก็ปล่อยผ่านไปก่อน “ลำพูน ผมทำงานที่โรงบาลลำพูน”

“โอ้โห! ไปอีกจังหวัดเลยนะครับ!”

แต่ไอ้การทำตาโต เล่นใหญ่เหมือนตกใจแบบนี้น่ะ มันก็ดูจงใจไปหน่อยนะ เตชิตถอนหายใจเบาๆ “วันธรรมดาผมทำงานที่โรงบาลลำพูน เสาร์อาทิตย์มาทำคลินิกที่นี่” เขาหรี่ตามองเด็กหนุ่ม “แล้วคุณล่ะ ทำอะไร อยู่ที่ไหนกันแน่”

“ตอนนี้ผมอยู่เชียงใหม่ ก็มีไปช่วยงานที่โรงแรมบ้าง โรงแรมตรงร้านอาหารที่ไปกินเมื่อวานน่ะครับ เขามีงานอะไรให้ทำก็ทำ”

“แล้วเรียนล่ะ”

“ไม่... ไม่ได้ไปเรียนครับ”

“แล้วจะไปเรียนตอนไหน”

“ช่วงนี้ทำงานก่อนครับ เรื่องเรียนพักไว้ก่อน ยังไงผมก็อ่านออกเขียนได้นะคุณเตชิต”

“แค่นั้นพอซะที่ไหน ต่อไปจะทำอาชีพอะไร จะทำงานจับฉ่ายที่โรงแรมไปเรื่อยๆ เหรอ มันไม่มั่นคงหรอกนะคุณ” ทันตแพทย์หนุ่มพูดเสียงดุ นัยน์ตาจับจ้องคนอ่อนวัยกว่าซึ่งสีหน้าท่าทางบ่งบอกชัดเจนว่าอึดอัดใจกับสิ่งที่เขาพูด เขาก็ไม่คิดว่าแปลกหรอก เพราะเคยเห็นหลายๆ คนที่พอทำงานได้เงินแล้วก็ไม่อยากจะกลับไปเรียน แต่เขาคิดว่าคีรีน่าจะไปได้ไกลกว่านี้ เด็กหนุ่มดูเป็นคนฉลาด หัวไว คงจะเรียนรู้ได้เร็ว และถ้าเขาช่วยเหลืออีกฝ่ายให้ได้เล่าเรียน ก็คงจะช่วยลบล้างความผิดในใจเรื่องคืนนั้น และตอบแทนบุญคุณของพวกชาวเขาในเชียงรายได้บ้าง “คุณมีวุฒิอะไร จบม.หกรึยัง อย่างน้อยก็น่าจะจบขั้นต่ำม.สามใช่มั้ย”

คีรีขมวดคิ้วพลางเม้มปากแน่น “.....”

เตชิตถอนหายใจ เขายกมือขึ้นบีบหัวไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ “ถ้าอยากเรียน ไปเรียนกศน. ให้ได้วุฒิม.หกก่อนก็ได้นะ ถ้ามีค่าใช้จ่ายหรือค่าหนังสืออะไรผมจะจัดการให้เอง คุณน่ะยังเด็ก อายุแค่สิบแปดเท่านั้น ควรจะเรียนหนังสือนะ เรียนไปทำงานเสริมไปก็ได้นี่ และถ้าคุณขยันพอ ต่อไปก็จะได้เข้าเรียนในมหาลัยได้ยังไงล่ะ”

คนอ่อนวัยกว่านิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดเสียงเบา “ผมรู้ แต่ผมไม่ได้ลำบากอะไร ไม่ได้อยากให้คุณช่วยเรื่องนี้ ถ้าคุณอยากช่วยผมจริงๆ ละก็... ช่วยเรื่องอื่นแทนได้มั้ย”

“จะให้ช่วยอะไร”

คีรีประสานสายตากับทันตแพทย์หนุ่ม เขาเอื้อมมือไปจับมือมืออีกฝ่ายมากุมไว้ จากนั้นก็เสหลบตา “...คือผม...”

มือเย็นเฉียบเลย ไม่ต้องพูดออกมาเขาก็พอจะเดาความคิดไอ้เด็กนี่ได้ เตชิตถอนหายใจอย่างอ่อนใจ

“ถ้าเรื่องทะลึ่งๆ ผมไม่ช่วยนะ” พอเห็นว่าคนอ่อนวัยกว่ายังคงปิดปากสนิท ทันตแพทย์หนุ่มก็ส่ายหน้าไปมา “นี่คุณจะให้ช่วยเรื่องอย่างว่าเหรอจริงๆ เหรอวะ”

เด็กหนุ่มก้มหน้าลงพูดเสียงเบา “...เปล่าสักหน่อยครับ”

“แล้วอะไร”

“ถ้าหากผมไปเรียน คุณเตชิตจะลองคิดเรื่องของ... เอ่อ... คุณกับ...ผม...”

เตชิตชักมือกลับ จากนั้นก็หันหน้ามองไปยังทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่เบื้องล่าง แล้วถอนหายใจหนักๆ “มันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่เรื่องที่มันผิดพลาดไปแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ ให้ผมช่วยคุณเรื่องอื่นเพื่อชดเชยเรื่องคืนนั้นเถอะนะ”

เด็กหนุ่มชะงัก ดวงตาจ้องมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของทันตแพทย์หนุ่มเขม็ง “เรื่องในวันนั้น เป็นความผิดพลาดงั้นเหรอครับ ที่คุณใจดีกับผม ยอมมาพบผม ซื้อของให้ผม เพราะแค่รู้สึกผิดเรื่องวันนั้นเหรอ”

หากครั้งนี้เตชิตปิดปากเงียบ เด็กหนุ่มจึงพูดกับเขาเสียงแข็ง “ผมบอกแล้วว่าเรื่องตอนนั้นผมเต็มใจ คุณไม่จำเป็นต้องมาทำดีกับผมเพราะเรื่องนั้น ถ้าหากรู้สึกผิดสักเล็กน้อย ก็ช่วยสงสารผมทีเหอะ เลิกใจดีกับผมแบบนี้ เพราะมันทำให้ผมมีความหวัง คิดเข้าข้างตัวเอง”

คำพูดนั้นเสียดแทงเข้ามาในอก “ผมขอโทษ” ทันตแพทย์หนุ่มพูดเสียงแผ่ว โดยไม่ยอมหันหน้าไปทางคนที่ยืนอยู่ข้างกัน

คีรียืนนิ่งค้างอยู่กับที่ชั่วครู่ ก่อนจะหันหลังขวับ แล้วสาวเท้าออกไปจากบริเวณรั้วกั้นอย่างรวดเร็ว

“อ้าว คุณจะไปไหน!”

คนอ่อนวัยกว่าก้าวฉับๆ โดยที่ไม่หันกลับไปหาทันตแพทย์หนุ่มอีก

เตชิตวิ่งตามหลังไป ทว่าจู่ๆ เด็กหนุ่มก็หยุดกึก แล้วหันกลับมาหาเขา ทั้งสองยืนอยู่ในที่มืดจนมองแทบไม่เห็นใบหน้าของกันและกัน

คีรีหยิบซองใส่เงินซองเดียวกับเมื่อวานขึ้นมายัดใส่มือของทันตแพทย์หนุ่ม “เอาเงินคุณคืนไป แล้วก็สบายใจได้ ต่อไปนี้ผมจะไม่มารบกวน ไม่โผล่หน้ามาให้เห็น ไม่มาวุ่นวายกับคุณอีกแล้ว” พูดจบก็หันหลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไป

ถึงจะมองไม่เห็นสีหน้า แต่น้ำเสียงของเด็กหนุ่มบ่งบอกถึงความเจ็บปวดในใจอย่างชัดเจน เตชิตยืนงงไปชั่วครู่ ก่อนจะตามไปคว้าแขนอีกฝ่ายไว้ “เดี๋ยว! แล้วคุณจะกลับยังไง!”

“เดิน”

“จะบ้าเรอะ จะเดินได้ไง!”

“ทำไมจะเดินไม่ได้ ก็มีถนนนี่ไง”

“มันไกลนะคุณ จะเดินไหวได้ไง!”

“เรื่องของผม ช่างผมเถอะ” คนอ่อนวัยกว่ากระตุกแขนออก

เตชิตขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองอีกฝ่ายจ้ำอ้าวๆ ห่างออกไป “ตามใจคุณละกัน!” เขาหันหลังจะเดินกลับไปที่รถ แต่ขาไม่ยอมก้าวออกไปตามที่ใจคิด

ความจริงเขาควรจะดีใจที่เคลียร์เรื่องผิดพลาดในวันนั้นได้ คีรีบอกว่าไม่ต้องการอะไรจากเขาและจะไม่มายุ่งเกี่ยวกันอีก ถ้าปล่อยไปแบบนี้ ให้เรื่องจบลงที่ตรงนี้ เขาก็คงไม่ต้องกังวล ไม่ต้องห่วงเรื่องของคีรีอีกแล้ว แต่ทำไมในใจกลับรู้สึกโหวงๆ แบบแปลกๆ

เตชิตถอนหายใจหนักๆ ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจตัวเอง พอหันหลังไปทางเด็กหนุ่มอีกครั้ง อีกฝ่ายก็เดินหายไปในความมืดเสียแล้ว เป็นผลให้เขาใจหายวาบ สองขาวิ่งออกไปเองโดยอัตโนมัติ ตรงไปตามทางที่เด็กหนุ่มเดินลงไป

“คีรี!” ทันตแพทย์หนุ่มวิ่งอย่างเร็วที่สุด ตลอดสองข้างทางมืดจนมองแทบไม่เห็นอะไร เขาจึงต้องหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเปิดไฟฉาย เมื่อวิ่งต่อไปอีกสักพักก็เห็นเด็กหนุ่มอยู่ไกลๆ “คีรี! หยุดก่อนสิ! ทำไมเดินเร็วจังวะ!”

หากอีกฝ่ายไม่ชะลอฝีเท้าลงเลยแม้แต่น้อย ด้วยความที่ขายาวด้วยจึงเดินไวกว่าคนทั่วไปมาก

เตชิตวิ่งตามไปจนถึงตัวเด็กหนุ่ม เขาคว้าแขนอีกฝ่ายไว้พลางหอบฮั่กๆ “หยุดก่อนสิเว้ย! ผมไม่ใช่วัยรุ่นแล้วนะ! ถ้าเหนื่อยจนหัวใจวายตายคาดอยขึ้นมา คุณจะว่าไง! จะดีใจมากเลยใช่มั้ย!”

คีรีหยุดกึก “คุณเตชิตตามผมมาทำไม”

ทันตแพทย์หนุ่มพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ พร้อมกับหอบไปด้วย “ผมก็ไม่รู้เว้ย!” หากมือก็ยังจับแขนเด็กหนุ่มไว้ไม่ปล่อย เขารอให้ลมหายใจเกือบจะเป็นปกติ จึงยัดซองใส่เงินคืนให้อีกฝ่าย “คืนผมครั้งละร้อยเหมือนเดิมเถอะ”

คีรีขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง “ทำไม”

เตชิตก็ถามตัวเองอยู่ในใจด้วยคำถามเดียวกัน ทำไมวะ!?

“นึกสงสารผมขึ้นมาอีกเพราะเห็นว่าเป็นชาวเขารึไง”

“ไม่ใช่” ทันตแพทย์หนุ่มเบือนหน้าไปอีกทาง “อันที่จริง คุณกับผมก็เพิ่งรู้จักกันเองนะเว้ย ลืมเรื่องคืนนั้นไปซะ แล้วเริ่มต้นใหม่แบบคนเพิ่งรู้จักกันไม่ได้รึไงวะ”

คีรีก้มหน้าลงมองซองใส่เงินในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับทันตแพทย์หนุ่ม “หมายความว่าคุณเตชิตยังอยากพบผมต่อเหรอ”

เตชิตปล่อยมือออกจากแขนอีกฝ่าย หงุดหงิดกับตัวเองเหมือนกัน เขาต้องการอะไรกันแน่วะเนี่ย “ถ้าผมจะช่างแม่ง ผมคงไม่วิ่งตามคุณลงมาให้เหนื่อยหรอก”

เด็กหนุ่มอมยิ้ม “ขอบคุณครับ”

“เดินกลับไปที่รถกับผมด้วย วิ่งมาซะไกลเลยเนี่ย” ทันตแพทย์หนุ่มพูดพร้อมสาวเท้ากลับขึ้นไป

คนอ่อนวัยกว่าคว้ามือคนที่เดินนำอยู่ไว้ พลางก้าวเท้าออกไปพร้อมกัน “ขอจับมือหน่อยนะครับ มันมืด ผมกลัว”

เตชิตอยากจะหันไปถีบอีกฝ่ายลงข้างทาง ไอ้ที่เมื่อกี้จ้ำอ้าวๆ มืดจะตายห่า ไม่กลัวเหรอวะ! แต่ก็ได้เพียงแค่คิดในใจเท่านั้น จะพูดไปก็กลัวว่าเด็กหนุ่มจะงอนเอาอีก

กูนี่ก็บ้า... บ้าไปแล้วแหงๆ

“ไกลก็ไกล ทางก็ชันฉิบหาย เดินขึ้นเหนื่อยหนักกว่าเดินลงอีก” เขาบ่นพึมพำ แล้วหันไปส่งสายตาดุๆ ใส่คนอ่อนวัยกว่า “เพราะใครนะ ทำให้ผมต้องมาเหนื่อยแบบนี้”

“เพราะคุณเตชิตนั่นแหละ ถ้ายอมผมดีๆ ก็ไม่ต้องเหนื่อยแล้วมั้ย”

“ยอมอะไรวะ ไอ้เด็กบ้า” ทันตแพทย์หนุ่มดึงมือตัวเองออก ทว่าเด็กหนุ่มจับไว้แน่น

“กลัวผมฉุดเข้าพงเหรอ”

“ถ้าฉุดตอนนี้ ผมกลัวว่าจะไม่เข้าพงน่ะสิ ผมยังไม่อยากตกดอยตายเว้ย”

คีรีหัวเราะ เขาเดินเคียงข้างทันตแพทย์หนุ่มไปเรื่อยๆ เดินไปก็ชำเลืองมองมือที่จับอีกฝ่ายไว้แล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ก็ไปหยุดหอบกันตรงข้างรถที่จอดไว้

พอทั้งสองหนุ่มขึ้นนั่งในรถแล้ว เตชิตก็ขับออกไปช้าๆ ผ่านเส้นทางที่เพิ่งเดินหอบขึ้นมาเมื่อครู่ เขาต้องคอยระวังเป็นพิเศษ เพราะถนนที่คดเคี้ยว สูงชัน และเขาก็ไม่คุ้นเส้นทางเลยเสียด้วย

“ผมจะไปส่งคุณที่ตรงคอนโดฯ เหมือนเดิมนะ”

“ครับ”

เมื่อขับรถไปถึงคอนโดมิเนียม เตชิตก็เคลื่อนรถเข้าไปจอดเทียบทางเท้าตรงสวนสาธารณะที่เดิม “ถึงแล้ว หรือจะเปลี่ยนใจให้ผมไปส่งที่หอ”

“ส่งตรงนี้ล่ะครับ”

“งั้นก็เชิญครับคุณชาย ต้องให้ลงไปเปิดประตูให้ด้วยมั้ย”

เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปเขี่ยหลังมือของคนที่นั่งอยู่ด้านหลังพวงมาลัย พลางพูดเสียงอ้อน “ยังไม่อยากลงเลย” แต่ไม่เป็นผล เพราะอีกฝ่ายดึงมือออกแล้วทำมือไล่

“ลงไปไวๆ พรุ่งนี้ผมต้องทำงานแต่เช้านะคุณ”

คีรีเบ้ปากเล็กน้อย ก่อนจะก้าวลงจากรถช้าๆ

“อย่าลืมถุงเสื้อของคุณด้วย”

เด็กหนุ่มเปิดประตูด้านหลัง หยิบถุงออกไปแล้วยื่นหน้ากลับเข้ามาทางประตูหน้า พร้อมกับยื่นธนบัตรใบละหนึ่งร้อยให้ทันตแพทย์หนุ่ม “ใช้หนี้ครับ”

พอเตชิตเอื้อมมือมารับ เขาก็กุมมืออีกฝ่ายไว้ “เป็นหนี้ ที่จริงก็ควรต้องคิดดอกเบี้ยด้วยนะครับ คิดเยอะๆ หน่อยก็ได้ ผมจะได้ใช้หนี้ได้นานๆ เอ๊ะ ไม่สิ เอาตัวผมไปแทนดอกเบี้ยเลยดีกว่า”

ทันตแพทย์หนุ่มชำเลืองมองคนที่ปล่อยมุกลุงๆ ใส่เขาอย่างเอือมๆ “ไปได้แล้วเว้ย ผมจะได้กลับสักที”

“คุณเตชิตอ่า”

“อะไรอีกล่ะ”

“ราตรีสวัสดิ์นะครับ”

“เออๆ”

“คิดถึงผมบ้างนะ”

เตชิตไม่ตอบ หากทำมือไล่อีกรอบ

คีรีปิดประตูรถอย่างอ้อยอิ่ง แล้วก็ยืนมองทันตแพทย์หนุ่มเคลื่อนรถออกไป จนลับสายตา


*TBC*


/ไว้อาลัยให้หมอเต้สามวิ

จะรอดเงื้อมือเด็กดอยได้ไงเนี่ยพ่อคุณ แพ้หมดจดทุกหนทาง โถ พ่อนักรัก(เพื่อนวินเท่านั้น)

มีใครตกหลุมรักเด็กดอยล้ำหน้าหมอเต้ไปแล้วบ้างค้า อิอิ

ฮัสกี้จะพยายามลงให้ได้อาทิตย์ละตอนนะคะ หรือถ้าตอนไหนแบ่งลงได้จะรีบเอามาทยอยลงทีละครึ่ง (จะได้ดูเหมือนลงถี่ กร๊าก) ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกคนเลยยยย รักน้า จุ๊ฟฟฟฟ

 
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 04-10-2018 15:49:27
เด็กดอยเล่นใหญ่มากกกก 555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 04-10-2018 16:35:00
หมอเต้แพ้เด็กดอยทุกทางแบบนี้ คงอีกไม่นาน  :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 04-10-2018 16:46:40
เด็กดอยรู้จุดอ่อนหมอเต้ใช่ไหม
เล่นใหญ่มากอ่ะบอกเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-10-2018 17:35:10
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-10-2018 17:56:25
มันต้องเป็นแผนของเด็กดอย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 04-10-2018 18:28:49
แพ้ทางเด็กดอยเหรอหมอเต้ 555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 04-10-2018 18:38:44
หมอเต้ก็เหมือนจับสังเกตได้แล้วนะ แต่พอโดนเด็กเล่นใหญ่ใส่ก็คิดไม่ทัน  :m20:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 04-10-2018 19:30:13
เด็กดอย คอยท่า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 04-10-2018 19:35:21
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 04-10-2018 19:57:11
มีเงื่อนงำ คีรีมีเบื้องหลังแน่
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 04-10-2018 20:37:14
คล้ายๆ ฝั่งรุก จะขี้อ่อย และกะหล่อนตาใสๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 04-10-2018 21:42:25
น้องคีรีดูท่าทางแพรวพราว และรู้จุดอ่อนของหมอเต้เข้าแล้วนะครับเนี่ย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 04-10-2018 21:58:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-10-2018 23:14:59
เด็กดอยคนนี้แผนเยอะนะจ๊ะ คีรีเหมือนจะเป็นทายาทร้านอาหาร โรงแรมหรือว่าห้างด้วยใช่ไหม ไม่งั้นคงไม่ต้องปิดหน้าปิดตาตอนไปเดินห้างหรอก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 05-10-2018 01:08:30
หมอเต้โดนเด็กหลอกจนได้  :mew4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 05-10-2018 09:07:01
คือสงสัยว่าน้องคีรี คุณคีรี ฮีเป๋นไผ่น่อ ที่แน่ๆ ต้องรวย เป็นเจ้าของโรงแรม ร้านอาหาร แล้วที่ห้างน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง
อายุ 18ปี? จริงๆใช่ป่ะค่ะ โดนเด็ก?ล่อลวงวนต่อไปค่ะหมอเต้  :m20: ต้องเรียกน้องแสนดีมาเป็นตัวช่วยซะล่ะ  :katai3:
     :L2:    :pig4:   :กอด1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 05-10-2018 11:19:58
แพ้ซะแล้วหมอเต้ แพ้แบบหมดรูปด้วยใจอ่อนแบบนี้ก็เสร็จเด็กมันซิค่ะหมอเต้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-10-2018 16:16:26
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตำราโบราณกล่าวไว้ว่า

รู้เขารู้เรา  รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

็ก็เด็กดอยอ่ะ เขารู้จักหมอเต้ทะลุปรุโปร่ง

ในขณะที่หมอเต้อ่ะ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเด็กดอยเลย  ได้แต่มโนไปวัน ๆ

จะไม่ให้หมอเต้แพ้ราบคาบได้ไงหล่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 05-10-2018 16:42:40
เมื่อมีความป๋าของหมอเต้ ความโป๊ะของคีรีก็ต้องตามมาในไม่ช้าแน่นวลลลลล
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-10-2018 16:53:18
หมอก็แพ้ทางเด็กอีกตามเคย คาดว่าจะชนะก็ตอนที่หมอรู้ว่าเด็กวางแผนดักจับหมอเอาไว้


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 05-10-2018 19:15:02
ฟมอเต้ไม่รอดแน่ท่าทางคีรีจะรู้ทุกอย่างของหมอเต้เลยนะเนี้ย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-10-2018 15:34:24
หมอเต้ตอนนี้กับตอนโน้นยังกับคนละคนกันเลย55555 ตอนนี้คือแพ้ทางเด็กดอยมาก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 07-10-2018 19:49:46
ใครจะเส้ดใคร
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 07-10-2018 21:30:11
หมอเต้​  แพ้ทาง​ ไม่ทันเด็ก :mew4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 10-10-2018 19:36:06


Chapter 6 : เยือนลำพูน


ไอ้เด็กเวรเอ๊ย! ไอ้ท่าทางอาลัยอาวรณ์ทุกครั้งก่อนจากกันมันคืออะไรกันแน่วะ!

เตชิตก้มหน้าลงมองโทรศัพท์มือถือ โยนไว้บนโต๊ะตรงหน้าโซฟาในห้องพักของตนแล้วยกมือขึ้นกุมขมับ

คราวนี้คีรีหายเงียบไปเกือบจะสองสัปดาห์แล้ว เงียบแบบไม่มีวี่แววว่าจะยังมีชีวิตอยู่ตามเคย เบอร์โทรศัพท์มีก็ไม่โทรมาหา ไม่มีแม้แต่ข้อความสั้นๆ ส่งมา ไอ้จะให้เขาโทรไปเองน่ะเรอะ ฝันไปเถอะ ทำไมเขาจะต้องเป็นฝ่ายโทรไปหาด้วยล่ะวะ คีรีกับเขา ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันสักหน่อย

ทันตแพทย์หนุ่มจ้องมองกระถางเอื้องแซะที่วางอยู่บนโต๊ะ นึกอยากจะโยนออกไปทางนอกหน้าต่างซะให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็กลัวว่าจะโดนศีรษะไอ้เพื่อนรักที่วันนี้อยู่เวรและน่าจะกำลังกลับมาที่หอพักนี่ วันนี้เขาไม่ได้อยู่รอมันเหมือนทุกครั้ง เพราะรู้สึกปวดศีรษะ พอกลับมาถึงห้อง กินยานอนพักไปได้แป๊บเดียวก็ตื่นมานั่งมองโทรศัพท์นี่ละ

ทำไมไอ้เด็กนี่ชอบปั่นหัวเขาจังวะ ชาติที่แล้วเขาเคยไปเผาโรงงานปั่นไอศกรีมของญาติแม่งเหรอ กำลังพยายามทำให้เขานึกถึงรึไง เออ... เขาก็นึกถึงจริงๆ นั่นล่ะ แต่เพราะว่าการกระทำและคำพูดของอีกฝ่ายมันขัดๆ กันหรอกนะ เขาไม่ได้คิดถึงเว้ย!

เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาใหม่ จากนั้นก็พิมพ์ข้อความส่งไปเร่งเพื่อนรัก ‘ไอ้สัสวิน ทำไมช้าจังวะ มึงเดินหรือกระดึ๊บเป็นหอยทาก กูหิวจะตายแล้วเนี่ย’



รวินท์กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับจากโรงพยาบาลตรงไปยังหอพักของตน ขณะที่สาวเท้าไป ได้ยินเสียงเตือนข้อความเข้าก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดู แล้วส่งข้อความกลับไป

‘หิวตายไปเลยสัส  กำลังรีบเดินไปที่หอโว้ย’

แต่ก่อนจะเดินไปถึงตึกหอพักแพทย์ก็พบกับเด็กหนุ่มในชุดพื้นเมืองทางเหนือ ใส่เสื้อผ้าฝ้ายคอจีน ตรงกระดุมเป็นแถบสีฟ้ามีลายปัก นุ่งกางเกงม่อฮ่อมสั้นเท่าเข่า บนศีรษะสวมหมวกลายผ้าทอมีพู่ตรงยอด สวมรองเท้าแตะหนังสีน้ำตาล อุ้มถุงกระสอบต้นฉบับบาเลนเซียก้าไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง สะพายย่ามผ้าทอ และสะพายเป้ใบใหญ่อีกใบที่หลัง

รวินท์ชะงัก มองเด็กหนุ่มที่กำลังหมุนตัวมองไปรอบๆ อย่างงงๆ ดูท่าอีกฝ่ายก็คงกำลังงงอยู่เช่นกัน

จะว่าไป ดูเหมือนเพิ่งจะลงมาจากดอยไหนสักดอยเลยว่ะ

ทันตแพทย์หนุ่มเดินเข้าไปหาคนอ่อนวัยกว่า “สวัสดีครับ หลงทางรึเปล่าน่ะ”

เด็กหนุ่มหยุดกึก จ้องคนตรงหน้าเขม็ง จ้องจากศีรษะจดปลายเท้า แล้วจากปลายเท้าขึ้นไปบนศีรษะอีกรอบ “คุณหมอ... เอ่อ...”

“โห จ้องซะผมนึกว่าจะเอาถุงนั่นทุ่มใส่ผมซะแล้ว” รวินท์แจกยิ้มโปรยเสน่ห์แบบที่ทำเป็นประจำ “จะไปไหนเหรอครับ มาหาใคร เผื่อผมช่วยบอกทางได้นะ”

“ผมมาหาคุณหมอเตชิตคับ หมอเปิ้นว่าพักอยู่หอพักแพทย์ตี้นี่ คุณหมอฮู้จักก่อครับ” (ผมมาหาคุณหมอเตชิตครับ หมอว่าพักอยู่หอพักแพทย์ที่นี่ คุณหมอรู้จักมั้ย)

“โอ๊ะ!” ทันตแพทย์หนุ่มเลิกคิ้วขึ้น จะว่าไป... ไอ้เต้เคยเล่าเรื่องเด็กชาวเขาให้ฟังนี่หว่า เด็กที่เจอเมื่อตอนไปเชียงราย แล้วก็หายหัวไปด้วยกันที่เชียงใหม่

คราวนี้เป็นทีของรวินท์ที่จะส่องเด็กหนุ่มจากศีรษะจดปลายเท้าบ้าง เขาขมวดคิ้ว เดินสำรวจไปรอบๆ ตัวอีกฝ่ายช้าๆ

“คุณหมอ ผมเป๋นคนดีนะ ผมบ่าได้จะมาวางระเบิดหอพักนะคับ!” (คุณหมอ! ผมเป็นคนดีนะ! ผมไม่ได้จะมาวางระเบิดหอพักนะครับ!)

รวินท์ยังคงพิจารณาคนอ่อนวัยกว่าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ผมหนั๊กนะคุณหมอ” (ผมหนักนะคุณหมอ)

“คุณคือคีรีรึเปล่า”

เจ้าของชื่อเรียกเบิกตากว้าง “คุณหมอฮู้ได้ได” (คุณหมอรู้ได้ไง)

รวินท์เลิกคิ้วขึ้น “ใช่จริงด้วยแฮะ” เขาเดินวนสำรวจเด็กหนุ่มอีกรอบ แล้วยิ้มกว้าง พร้อมกับเอื้อมมือไปหา “มาๆ ผมช่วยถือ หิ้วของมาพะรุงพะรังเชียว เดี๋ยวผมเรียกหมอเตชิตให้นะ”

“มันหนั๊กคับ  ผมถือเองดีกว่า” (มันหนักครับ ผมถือเองดีกว่า)

“โห คนอื่นจะเห็นว่าผมแล้งน้ำใจมั้ยเนี่ย” ทว่าอีกฝ่ายยังกอดถุงกระสอบไว้แน่น รวินท์จึงได้แต่ถอนหายใจ “ไปๆ เดินไปด้วยกันก่อน”

ขณะที่ทันตแพทย์หนุ่มเดินนำไป คนอ่อนวัยกว่าก็เดินตามหลังมาใกล้ๆ เขาหันไปมอง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งไปหาเพื่อนรัก

‘ลงมาข้างล่างหน่อย ด่วนมาก มีเซอร์ไพรส์เว้ย’

พอเดินไปถึงใต้ตึก รวินท์ก็ชวนให้เด็กหนุ่มนั่งลงที่โต๊ะม้าหินด้วยกัน “นั่งก่อน เอาถุงวางได้แล้ว”

“แล้วคุณหมอเตชิต...”

“เดี๋ยวลงมา รอแป๊บนะ”

“ขอบคุณคับ” คีรีค่อยๆ วางถุงกระสอบ ยกมือไหว้แล้วนั่งลงบนม้านั่ง “คุณหมอ เอ่อ...”

“ผมชื่อวินนะ เป็นเพื่อนซี้กับหมอเต้ หมอเตชิตนั่นล่ะ” พอทันตแพทย์หนุ่มแนะนำตัวไป อีกฝ่ายก็จ้องเขาอีกแล้ว จ้องเหมือนจะมองให้เห็นไปถึงสมองในกะโหลกของเขาอย่างไรอย่างนั้น “มีอะไรเหรอ”

“คุณหมอ... หล่ออย่างกับดาราในทีวีเลยคับ”

รวินท์หัวเราะ “แล้วผมกับหมอเต้ ใครหล่อกว่า”

“คุณหมอคับ”

“เออๆ ดีๆ ปากดี เดี๋ยวผมซื้อหนมเลี้ยง”


เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับเสียงโวยวายดังแว่ว

“ไอ้วิน! มาช้าแล้วยังเสือกเรียกให้กูลงมาทำไมอีก! กูหิว...” เตชิตชะงักกึกเมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่กับรวินท์ “เฮ้ย!”

คีรีลุกขึ้น ยิ้มแล้วยกมือไหว้ “สวัสดีคับอ้ายเตชิต”

“เอ่อ...” เจ้าของชื่อเรียกนิ่งอึ้ง พอหันไปสบสายตารวินท์ อีกฝ่ายก็นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดูจะสะใจที่ได้เห็นเขาตกใจจนผมแทบหงอก เขารีบคว้าแขนรวินท์ให้ลุกขึ้น แล้วหันไปบอกเด็กหนุ่ม “นั่งรอเดี๋ยวนะ”

สองหนุ่มเดินห่างออกไปจากโต๊ะเล็กน้อย แล้วสุมหัวกระซิบกัน “มึงไปเก็บไอ้เด็กนี่มาจากไหนวะ!”

“ก็เห็นหอบของเดินงงๆ อยู่ เลยสอยมาด้วย คนรู้จักมึงไม่ใช่เหรอ ทักทายกันดีๆ หน่อยสิวะ เด็กมันอุตส่าห์มาหาถึงนี่”

“เออ มันก็ใช่”

“ทำไมทำหน้าแปลกๆ วะ เขามาทวงค่าแชร์เหรอ”

“เปล่าเว้ย! แล้ว... นี่มึงคุยอะไรกับเขาไปบ้างวะ”

“ก็ไม่ได้คุยอะไรมาก แค่ถามเขาว่ามาหาใคร เขาก็บอกว่ามาหามึง แค่นี้แหละ” รวินท์ขมวดคิ้วหรี่ตามอง “แน่ะ มึงมีซัมทิงปิดบังกูเหรอ”

“ไม่มีเว้ยสัส!” เตชิตถอนหายใจ ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะ “มาไงน่ะเรา”

“ก่อนั่งรถมากะคับ” (ก็นั่งรถมาน่ะสิครับ)

“ไม่เจอกันแป๊บเดียวลืมภาษากลางอีกแล้วเรอะ”

คีรีหันไปทางคนที่ยืนอยู่ข้างเตชิต “เอ่อ...”

“ไอ้วินมันใจดีกว่าผมอีก มันไม่หัวเราะคุณหรอกน่ะ” เตชิตหันไปบอกเพื่อนรัก “เขาพูดภาษากลางได้ แต่เขินจัด กลัวพูดแล้วจะเพี้ยน”

“โห ไม่ต้องกลัวหรอก พูดได้ก็พูดเถอะนะ มันเข้าใจง่ายกว่าสำหรับพวกผม”

“ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ

“แล้วหอบอะไรมาเยอะแยะวะคุณ”

“ของฝากคุณเตชิตครับ ผมเอามาจากเชียงราย”

พอได้ยินสำเนียงของคนอ่อนวัยกว่า รวินท์ก็ขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เขานั่งลงที่โต๊ะ แล้วดึงเตชิตให้นั่งลงมาด้วย “นั่งคุยกันเหอะ กูเมื่อย หิวจนจะหมดแรงแล้วเนี่ย”

“เออ ว่าแต่ทำไมวันนี้มึงออกเวรช้าวะ มีเคสฉุกเฉินเหรอ”

“เปล่าอะ แต่พี่เก๋อยู่คนเดียว เลยอยู่ช่วยพี่เขาก่อน” รวินท์หันไปทางเด็กหนุ่ม “คุณกินอะไรมารึยัง หิวมั้ย”

“ยังครับ ผมก็หิวเหมือนกัน” คีรีตอบพลางหันไปมองเตชิต พอรวินท์เห็นเช่นนั้นก็หันไปมองบ้าง

“หิวว่ะเต้”

“เออๆ จะออกไปหาอะไรกินมั้ยล่ะ”

“ผมมีหมูยอ ไส้อั่ว หมูทอด น้ำพริกหนุ่มด้วยนะ มีแคปหมูด้วย หอบมาเยอะเลยครับ เจ้านี้อร่อยมากด้วย” คีรีพูดพลางหันไปทางรวินท์ “มีน้ำพริกอ่องด้วยนะครับ ที่บ้านเพิ่งทำก่อนผมจะออกมาจากเชียงรายเอง คุณหมอชอบกินมั้ย แต่ไม่มีข้าวเหนียวนะครับ”

“โอ้โห...” แค่ได้ยินรวินท์ก็น้ำลายจะไหล เขาหันไปทำสายตาอ้อนเพื่อนรัก “กูอยากกินว่ะเต้”

เตชิตอยากจะบ้า ทำไมไอ้เด็กนี่มันช่างรู้วิธีเข้าหาจังวะ! หรือบนหน้าผากไอ้วินมีเขียนไว้ว่า สายแดก กันวะเนี่ย!

“ไอ้เต้ กูหิว”

พอเห็นสายตาอ้อนๆ ของเพื่อนรักแล้ว เตชิตก็ใจอ่อน เขาส่งกุญแจห้องให้ “มึงพาเขาไปรอที่ห้องละกัน เดี๋ยวกูไปซื้อข้าวเหนียวให้”

“เฮ้ย กูไปดีกว่า มึงกับเขาเพิ่งเจอกัน มีไรจะได้คุยกันก่อน มึงจัดของให้พร้อมด้วย เดี๋ยวซื้อข้าวเหนียวเสร็จกูจะรีบวิ่งขึ้นไปเลย”

“มึงหิวไม่ใช่รึไง วิ่งไหวเหรอวะ”

“ไหวดิ เพื่อแดกเนี่ยกูวิ่งไหว” รวินท์หันไปตบไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ “รอแป๊บนะ เดี๋ยวผมไปซื้อข้าวเหนียวก่อน”

คีรียิ้มกว้าง “ครับ”

หลังจากรวินทร์วิ่งออกไป เตชิตก็หันไปทางเด็กหนุ่มพลางถอนหายใจหนักๆ “คราวนี้หายไปไหนมาอีกล่ะ”

“ผมกลับบ้านที่เชียงรายน่ะครับ”

“ที่บ้านคุณไม่มีสัญญาณโทรศัพท์รึไง นึกอยากจะหายหัวไปก็หายไปเฉย แล้วจู่ๆ ก็โผล่พรวดมาแบบไม่มีบอกมีกล่าว สนุกมากมั้ยวะ”

คีรีเอื้อมมือไปแตะแขนทันตแพทย์หนุ่ม “คุณเตชิตคิดถึงผมใช่มั้ยล่ะ”

“ไม่”

“แต่ผมคิดถึงคุณเตชิตมากเลยนะ อุตส่าห์อดทนไม่ติดต่อคุณ เผื่อคุณจะคิดถึงผมแล้วโทรหรือส่งข้อความมาหากันบ้าง แต่คุณก็ใจร้ายไม่เปลี่ยนเลย”

“.....”

“หน้าบึ้งจัง โมโหใครมารึเปล่าครับ”

จะโมโหใครได้วะ ก็ไอ้คนที่มาๆ หายๆ เป็นผีบ้านี่แหละ

“โกรธผม...ที่ไม่ติดต่อมาหาคุณเตชิตเหรอครับ” คีรียิ้มมุมปากพลางลุกขึ้นไปนั่งเบียดทันตแพทย์หนุ่มที่นั่งอยู่บนม้านั่งใกล้กัน “ถ้าคุณอยากให้ผมทำอะไร ก็บอกสิ ถ้าอยากให้ติดต่อมาทุกวันก็บอกเลย ผมจะทำตามที่คุณบอก”

ไอ้เด็กนี่มันต้องเป็นอีกภาคของไอ้วินแน่ๆ จะปั่นหัวชาวบ้านเก่งไปไหนวะ! ดีนะที่เขาก็ฝึกรับมือกับไอ้วินมานานน่ะ!

“อยากให้ผมบอกเหรอ”

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ

“คุณอยากติดต่อมาเมื่อไหร่ก็เรื่องของคุณ คุณเห็นว่าผมสำคัญกับคุณแค่ไหนก็ติดต่อมาเท่านั้นละกัน”

คีรีชะงัก “โห เล่นงี้เลยอะ แบบนี้ผมไม่ต้องย้ายมาอยู่กับคุณเตชิตเลยเหรอครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มลุกขึ้น แล้วเอื้อมมือไปจับหูหิ้วของถุงกระสอบ “ไปเหอะ ขึ้นไปรอข้างบนก่อน”

“ผมถือเอง มันหนัก”

“ก็เพราะหนักน่ะสิ ผมเลยจะช่วยไง”

คีรีถอดเป้ส่งให้อีกฝ่าย “งั้นคุณเตชิตถือเป้ผมละกัน”

“ตามใจ” เจ้าของชื่อเรียกคว้าเป้ แล้วสาวเท้าเดินฉับๆ ออกไป ที่จริงเขาไม่ได้อยากจะพาเด็กหนุ่มขึ้นไปที่ห้องนักหรอก แต่ถ้าไอ้วินกลับมาพร้อมข้าวเหนียวแล้วยังไม่มีอาหารจัดไว้บนโต๊ะล่ะก็ ต้องมีก่องข้าวน้อยฆ่าเพื่อนเกิดขึ้นแหงๆ

คนอ่อนวัยกว่าเดินตามทันตแพทย์หนุ่มไปเงียบๆ ขึ้นลิฟต์โดยสารไปถึงชั้นห้า ตรงไปที่ห้องของอีกฝ่าย

“โอ้โห ห้องพักหมอนี่ใหญ่ดีจัง มีตั้งหลายห้อง” เด็กหนุ่มหันมองไปรอบๆ  เดินไปจับกระถางเอื้องแซะพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย “ยังอยู่ดีด้วยแฮะ คุณเตชิตคงจะดูแลดีเนอะ น่าอิจฉา”

“อย่ามัวแต่โอ้เอ้น่ะ มาจัดโต๊ะก่อน เดี๋ยวไอ้วินโมโหหิว”

“ครับๆ” คีรีรีบเปิดถุงกระสอบ หยิบอาหารที่เตรียมมามากมายวางลงบนโต๊ะ จากนั้นสองหนุ่มก็ช่วยกันแกะใส่จาน

เด็กหนุ่มแกะไปก็ลอบมองเตชิตซึ่งก้มหน้าก้มตาแกะถุงน้ำพริกอ่องอย่างตั้งใจ “คุณเตชิตดูจะเกรงใจหมอวินมากเลยนะครับ”

เตชิตหยุดกึก แต่แล้วก็แกะถุงเทน้ำพริกอ่องลงในชามต่อ “ก็ใช่”

“หมอวินชอบกินน้ำพริกอ่องเหรอ”

“อือ ชอบมาก”

คีรีจัดอาหารต่อไปอย่างเงียบๆ สีหน้าเจื่อนลงไปเล็กน้อย “หมอวินน่ารักดีนะครับ ทั้งหล่อ ทั้งน่ารัก เป็นคนที่มีเสน่ห์มาก”

“อย่าหลงเสน่ห์มันก็แล้วกัน ผมบอกเลยว่าคุณไม่มีหวัง” เตชิตพูดเสียงเรียบ

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น “ทำไมเหรอครับ”

“ก็ไม่ทำไม แค่ผมรู้จักไอ้วินดีก็เท่านั้น”

“ถ้างั้น... แล้วกับคุณเตชิตล่ะ ผมมีหวังมั้ย”

เจ้าของชื่อหันไปประสานสายตากับคนอ่อนวัยกว่า ยังไม่ทันพูดอะไรก็ได้ยินเสียงฝีเท้าตึกๆ ดังแว่วมาจากทางหน้าห้อง เขาจึงทำเป็นเมินเด็กหนุ่ม ลุกขึ้นพรวดแล้วตรงไปเปิดประตูห้องรอ พอเห็นเพื่อนรักวิ่งเหงื่อโซมกายเข้ามาหาก็หัวเราะลั่น “มึงไปตกน้ำที่ไหนมาวะ!”

“แม่ง ร้อนฉิบหาย! ร้านที่ซื้อประจำปิด ต้องเดินไปอีกตั้งไกล กูจะเป็นลม!”

เตชิตถลาเข้าไปประคองเพื่อนรักซึ่งทิ้งตัวลงในอ้อมแขนเขาพลางหอบฮักๆ “ก็กูบอกจะไปซื้อให้ก็ไม่เอา” ก่อนจะลากอีกฝ่ายเข้ามาในห้อง

“ก็มึงบอกว่าไม่ค่อยสบายนี่หว่า”

เตชิตยิ้มบาง พร้อมกับยกมือขึ้นเขกศีรษะเพื่อนรักเบาๆ “ห่วงไม่เข้าเรื่อง กูแค่ปวดหัว แค่กินยานอนพักก็หายแล้วมะ”

สายตาของทันตแพทย์หนุ่มทั้งสองที่มีให้กัน ทำให้เด็กหนุ่มที่นั่งหัวโด่อยู่เบือนหน้าหนีไปอีกทาง แล้วนิ่งค้างอยู่เช่นนั้นราวกับรูปปั้น

“เดี๋ยวเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้ นั่งลงตากพัดลม ดื่มน้ำให้ใจเย็นไปก่อน”

“อือ” รวินท์ทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะรองนั่งหน้าโต๊ะญี่ปุ่นที่เตชิตใช้เป็นโต๊ะอาหาร จากนั้นก็ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มฮักๆ

คีรีชำเลืองมองอีกฝ่าย ถอนหายใจเบาๆ แล้วเอื้อมมือไปเลื่อนพัดลมให้

“ขอบใจนะ”

พอเห็นรอยยิ้มของรวินท์ เด็กหนุ่มก็ก้มหน้าลงมองพื้น

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว “เป็นอะไร หมอเต้แกล้งอะไรเหรอ ทำหน้าจ๋อยเชียว”

“กูเปล่านะ” เตชิตนั่งลงข้างกัน แล้วใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดซับเหงื่อเพื่อนรักให้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยื่นหน้าให้เช็ดเป็นอย่างดี

“เต้ กินกันเหอะ หิวอะ” รวินท์หยิบถุงข้าวเหนียวออกมาแจก เสร็จแล้วก็หันไปจ้องอาหารที่จัดเรียงอยู่บนโต๊ะตาเป็นประกาย

คีรีเลื่อนชามน้ำพริกอ่องไปใกล้ๆ “เชิญคุณหมอเลยครับ ชอบน้ำพริกอ่องใช่มั้ยครับ”

“ใช่ เต้บอกเหรอ”

“ครับ”

รวินท์หันไปหยิกแก้มเพื่อนรักเบาๆ “น่ารักนะมึงน่ะ” จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาโกยอาหารใส่ปาก โดยที่ไม่ได้สนใจสายตาของเตชิตและเด็กหนุ่มที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยเลย เพราะสำหรับรวินท์แล้ว เวลานี้เรื่องกินสำคัญที่สุด

ส่วนเตชิตน่ะหรือ กินไปก็หันมองเพื่อนรักไป แล้วก็อมยิ้ม เพราะเวลาไอ้วินมันกินของถูกใจ หน้าตามันจะฟินมากๆ เขาอยากจะถ่ายรูปส่งไปกวนประสาทไอ้พิงค์เสียจริงๆ ไอ้เด็กเวรนั่นคงสรรหาคำมาด่าเขากลับได้ยาวไปจนถึงเที่ยงคืน คิดไปพลางหัวเราะออกมาเบาๆ

คีรีจ้องทั้งสองคนอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะลดสายตาลงมองจานข้าวตัวเอง เขาตักอาหารใส่ปากช้าๆ พยายามจะไม่สนใจทันตแพทย์หนุ่มทั้งสองคนอีก


(มีต่อค่ะ)


หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย (ภาคต่อของภูสอยเดือน) Chapter 5 : ความป๋าของหมอเต้ 2/2[041018]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 10-10-2018 19:36:32


เมื่อเริ่มอิ่มท้อง รวินท์จึงลดสปีดลงแล้วชวนสองหนุ่มในโต๊ะพูดคุยบ้าง “คีรีมาจากเชียงรายใช่มั้ย ผมกับเต้ก็มีเพื่อนอีกสองคนอยู่ที่เชียงรายนะ เป็นหมอ อยู่แม่สาย ถ้าป่วยก็แวะไปหาได้”

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มบาง “ผมเพิ่งไปแถวนั้นมาเลย แต่คงไม่ได้ไปอีกบ่อยๆ หรอกครับ เพราะตอนนี้ผมอยู่เชียงใหม่เป็นหลัก”

รวินท์ขมวดคิ้ว ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปหาพร้อมกับจ้องใบหน้าคนอ่อนวัยกว่า “สำเนียงคุณแปลกจริงๆ ด้วยแฮะ”

คีรีทำหน้าเลิ่กลั่ก พูดเสียงตะกุกตะกัก “ปะ...แปลกมากเลยเหรอ...ครับ”

“เปล่าหรอก คือแบบ...ที่โรงบาลก็มีคนเหนือพูดภาษากลางเยอะนะ แต่สำเนียงคุณไม่ค่อยเหมือนพวกเขาเลยอะ ว่ามะ ไอ้เต้”

“ก็คีรีเป็นชาวเขาด้วยอะมึง” เตชิตแก้ต่างให้

“เออ จริงด้วย ขอโทษที ผมไม่ค่อยได้ยินสำเนียงชาวเขาพูดภาษากลางบ่อยสักเท่าไหร่” รวินท์หัวเราะแหะแหะ “แล้วคุณเป็นชาวเขาเผ่าไหนเหรอ”

เด็กหนุ่มนิ่งไปชั่วครู่แล้วจึงตอบ “ในเชียงรายมีชาวเขาหลายเผ่า มีทั้งม้ง อาข่า มูเซอ แต่ผมเกิดในเมืองครับ ที่บ้านอู้กำเมืองเป็นหลัก”

หมายความว่าไงวะ เป็นลูกผสมหลายเผ่าเหรอ?

คนถามเอียงคอเล็กน้อย แปลกใจที่คนอ่อนวัยกว่าตอบไม่ตรงคำถาม อาจจะลำบากใจที่จะตอบ หรือฟังเขาไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่อยากถามอีกรอบให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัด กลัวจะเสียมารยาทด้วย

“แล้วบ้านน้ำอิงเผ่าอะไร” เตชิตถามบ้าง

“ม้งครับ”

“ทำไมคุณไม่แต่งตัวแบบบ้านน้ำอิงบ้างล่ะ”

“ผมก็มีชุดนะ คุณเตชิตอยากเห็นเหรอครับ” คีรียิ้มมุมปาก “แต่คุณคงต้องตามผมไปที่บ้านที่เชียงรายนะครับ”

พอได้คำตอบมาแบบนั้น ทันตแพทย์ทั้งสองก็สรุปเอาเองอย่างงงๆ ว่าคีรีคงจะเป็นชาวเขาเผ่าม้งที่เกิดในเมืองนั่นละ

แต่แล้วรวินท์ก็จ้องมองเด็กหนุ่มอีก เขายังรู้สึกตงิดๆ ชอบกล ก่อนจะเอื้อมมือไปจับคางอีกฝ่าย

“เฮ้ย ไอ้วิน ทำไรวะ” เตชิตเลิกคิ้วขึ้น

“ไหนยิงฟันให้ผมดูหน่อยซิ”

คีรีเบิกตากว้าง หน้าซีดลงไปเล็กน้อย เขารีบจับข้อมือทันตแพทย์หนุ่มไว้ “ผะ... ผมกินอยู่นะคุณหมอ อย่าดีกว่าครับ”

“เออจริงด้วย โทษที” รวินท์ดึงมือกลับ เขาขมวดคิ้ว มองสำรวจเด็กหนุ่มอีกครั้งแล้วหันไปทางเตชิต

“มีอะไรวะ”

“กูว่า...” ทันตแพทย์หนุ่มหันกลับไปส่งสายตาดุๆ ใส่คนอ่อนวัยกว่า ซึ่งอีกฝ่ายก็ก้มหน้าหลบทันที “ช่างเหอะ เอาไว้ก่อนละกัน” จากนั้นเขาก็นั่งกินอาหารต่อไปเงียบๆ จนอิ่ม

พออิ่มกันแล้ว เตชิตกับคีรีก็ช่วยกันยกจานชามไปไว้ในครัว

“ผมล้างให้นะคุณเตชิต”

“อือ ผมช่วย”

รวินท์นั่งไปก็ชะเง้อมองสองหนุ่มในครัวไป อันที่จริง เขาเองก็เคยรักษาฟันให้คนไข้ที่เป็นชาวเขามาหลายคน ทำให้รู้สึกว่าเด็กคีรีนี่ไม่เหมือนชาวเขาทั่วไปสักเท่าไหร่ ถึงจะพยายามหาอะไรมาโต้แย้ง เช่นอาจจะเพราะเด็กหนุ่มเกิดในเมือง แต่ก็น่าสงสัยอยู่ดี เพราะมันมีบางสิ่งบางอย่างสะกิดใจเขาเหลือเกิน

สักพักเตชิตก็เดินกลับมาพร้อมกับเด็กหนุ่ม ก่อนจะนั่งลงบนเบาะที่เดิม

“เออ แล้วคุณพักที่ไหนล่ะ เดี๋ยวผมไปส่ง”

“คือ... ผมไม่ได้หาที่พักไว้หรอก แต่คุณเตชิตจะไปเชียงใหม่พรุ่งนี้ใช่มั้ย ผมจะขอติดรถไปด้วย”

รวินท์นั่งเท้าคางอยู่กับโต๊ะ พอได้ยินที่เด็กหนุ่มพูดก็คิ้วกระตุกเล็กน้อย จากนั้นก็หันขวับไปทางเพื่อนรัก

“ได้น่ะได้อยู่ แต่คุณมาลำพูนยังไงเนี่ย ทำไมไม่หาที่พักไว้”

“ก็ติดรถคนรู้จักมา แต่เขามาถึงแค่ลำพูนนี่ครับ”

รวินท์พยักหน้าหงึกๆ อือ... ไอ้เด็กนี่ทำหน้าเศร้าเรียกความสงสารเก่งแฮะ หน้าซื่อๆ กับตาใสๆ ทำให้รู้สึกว่าน่าเอ็นดูมากๆ ซะด้วย ขนาดเขานั่งมองนั่งฟังเฉยๆ ยังรู้สึกสงสารเลย แล้วไอ้เต้ยิ่งสุดแสนจะเซนส์สิถีพกับชาวเขาซะด้วย จะเหลือเรอะ เมื่อหันไปทางเพื่อนรักก็เห็นว่าอีกฝ่ายถอนหายใจเฮือกๆ แล้วยกมือขึ้นกุมขมับ

“คืนนี้ก็นอนบนโซฟาตรงนั้นไปละกัน”

นั่น...กูว่าแล้วเชียว

“งั้นคืนนี้กูจะมานอนกับมึงด้วย” รวินท์หันขวับไปบอกเพื่อนรัก พอชำเลืองมองไปทางคีรีก็เห็นว่าอีกฝ่ายหลุดทำหน้ายุ่ง ทว่าเมื่อเขาหันหน้าไปสบตาด้วยก็เปลี่ยนเป็นทำหน้าเศร้าสลดทันควัน

ไอ้เด็กนี่มันไม่ธรรมดาแล้ว! แม่งเล็งเพื่อนกูชัดๆ! มารยาจัดซะด้วย!

เตชิตยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ห่วงกูอ่อ”

ไอ้เวรนี่ก็หน้าระรื่นเหลือเกิน! รวินท์ทั้งต่อว่าและยกนิ้วกลางใส่อยู่ในใจ

เจ้าของห้องหันไปสบสายตาเด็กหนุ่มซึ่งนัยน์ตาฉายแววเศร้าออกมาอย่างไม่ปิดบัง แถมยังทำหน้าจ๋อย หูลู่หางตกเลยทีเดียว พอมาคิดๆ ดูแล้ว ถ้าหากไอ้วินมานอนด้วย คีรีคงฝันร้ายทั้งคืน แล้วเขาก็คงจะโดนต่อว่าว่าโคตรใจร้ายอีกจนหูชา ทันตแพทย์หนุ่มพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ

“กลับไปนอนห้องมึงนั่นแหละ ไม่ต้องห่วงหรอก คีรีเป็นเด็กดี ไม่ลุกขึ้นมาฆ่าปาดคอกูหรอกน่ะ อีกอย่าง...” เตชิตโน้มไปกระซิบชิดใบหูเพื่อนรัก “ถ้าเด็กมึงรู้เข้าว่ามานอนเตียงเดียวกับกูตามลำพัง มีหวังงอนไปอีกสามวันเลยนะเว้ย”

รวินท์ยิ้มแห้ง เขาไม่ได้กลัวไอ้เด็กนี่จะฆ่าปาดคอเพื่อนรัก แต่กลัวมันจะปล้ำเพื่อนเขาน่ะสิ! คิดแล้วก็หันไปบอกเด็กหนุ่ม “ผมกับเต้ขอตัวแป๊บนะ” ก่อนจะฉุดเพื่อนรักให้ลุกขึ้น แล้วลากออกไปคุยกันที่ระเบียงหน้าห้อง

“สัสเต้! แน่ใจนะมึงว่าไอ้เด็กนี่ไว้ใจได้อะ!”

“ไม่ต้องห่วงน่ะ เขาน่าสงสารออก ดูท่าจะกลัวมึงจนหงอ”

“อย่างกูนี่มีอะไรน่ากลัวตรงไหนวะ! แล้วเด็กนี่ก็น่าสงสัยมากนะมึง เหมือนมีอะไรปิดบังอยู่”

“เออ กูก็พอดูรู้เว้ย”

“เขาดูซื่อๆ ก็จริง แต่มึงดูหน้าตารูปร่างเขาดีๆ ถ้าจับแต่งตัวซะใหม่นี่ไม่ใช่ชาวเขาชาวเหนือชาวดอยอะไรนี่แล้วแน่นอน แค่ส่วนสูงก็ไม่ได้ละ หรือมึงเคยเห็นชาวเขาที่ไหนเหมือนนายแบบโว้กหลุดมาแบบนี้วะ คนธรรมดาทั่วไปยังหายากเลย สีผิวก็ไม่ใช่ขาวเหลืองแบบคนเหนือนะเว้ย เล็บงี้ตัดมาอย่างดี เป็นเงาเชียว เหมือนมีคนทำเล็บให้ ดูดีกว่าเล็บกูกับมึงอีก แล้วมึงเห็นฟันเขามั้ย ขาวจั๊วะ เนี้ยบกริบ แถมยังเรียงกันสวยเชียว กูว่าเขาต้องไปทำฟันเป็นประจำ มีหมอฟันคอยดูแลให้อย่างดีแน่ๆ อะ!”

ที่จริงตัวเขาเองก็สงสัยเหมือนไอ้วินนั่นละ ถึงได้พาคีรีไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ เพราะอยากจะเห็นเด็กหนุ่มเวลาแต่งตัวตามปกติเหมือนวัยรุ่นทั่วไป นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วก็ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาสงสัย แต่ที่น่าแปลกก็คือ...

เขายังไม่คิดจะค้นหาความจริง อยากปล่อยไว้ให้เป็นแบบนี้ไปก่อน

เตชิตหัวเราะกลบเกลื่อน “โห มาเป็นชุดเลยเพื่อนกู เดี๋ยวนี้สังเกตเก่งฉิบหาย ไอ้พิงค์สอนมาดีเนอะ”

“สัส กูก็ไม่ได้สังเกตทุกคนหรอกโว้ย แต่เพราะนี่เป็นมึง เด็กนั่นเข้าใกล้มึงซึ่งเป็นเพื่อนรักของกู กูถึงต้องใส่ใจ”

“แต่คีรีอาจจะเป็นคนรักษาสุขภาพมากก็ได้น่า มันก็ไม่แปลกป่ะวะ อีกอย่างนะ เขาเพิ่งกลับจากบ้านที่เชียงราย ที่บ้านเขาอาจจะพัดวีเอาใจก่อนกลับมาทำงานก็ได้นะเว้ย”

“แต่มีหมอฟันประจำ ไปทำฟันบ่อยๆ มันมีค่าใช้จ่ายเยอะมากนะมึง”

“ไอ้วิน ถึงคีรีจะยังเด็กแต่เขาก็ทำงานนะ ทำงานโรงแรมใหญ่ๆ จะดูแลตัวเองหน่อยก็ไม่แปลกป่ะวะ บางทีโรงแรมอาจมีสวัสดิการให้พนักงานด้วย ไหนจะทิปที่ได้จากบรรดาแขกที่มาพักอีก มึงคิดมากไปแล้ว”

“แต่อายุแค่นี้ ทำงานอะไรในโรงแรมวะ”

“เห็นว่าจับฉ่าย มีอะไรให้ทำก็ทำหมด แต่ดูหน่วยก้านแล้วก็น่าจะเป็นพนักงานต้อนรับทั่วไปล่ะมั้ง”

รวินท์ขมวดคิ้ว ก็อาจจะจริงของเพื่อนรักแหละ เด็กคีรีนั่น ถึงจะเป็นชาวเขาแต่ก็เกิดในเมือง เพราะงั้นก็คงอยู่ในเมืองด้วย พูดภาษากลางได้นี่ ทำงานมีเงินจะไปหาทันตแพทย์ที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ เขาคงระแวงมากไป เป็นห่วงเพื่อนเสียจนเกินเบอร์

“กูไม่สบายใจเลยว่ะเต้ กลัวไอ้เด็กนั่นจะมาหลอกอะไรมึง”

“เพื่อนมึงมีอะไรให้หลอกวะ จนกรอบพอๆ กับมึงนั่นละ”

“ไม่รู้เว้ย แต่กูรู้สึกว่าเด็กนั่นต้องการอะไรจากมึงแน่ๆ อะ มึงก็รู้ตัวอยู่ใช่มั้ยวะ”

เตชิตพยักหน้า “อือ กูรู้ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เพื่อนมึงก็ไม่ได้โง่มะ”

“กูรู้ว่ามึงไม่โง่” รวินท์ถอนหายใจ เขารู้ว่าไอ้เพื่อนรักก็ผ่านร้อนหนาวมาเยอะไม่แพ้กัน ทว่ามันก็ไม่เคยปล่อยให้ใครเข้าถึงตัวได้ขนาดนี้เลยน่ะสิ “ทำไมมึงยอมให้ไอ้เด็กนั่นเยอะจังวะ เพราะเห็นว่าเป็นชาวเขารึไง”

“ก็คงงั้น” เตชิตยกมือขึ้นขยี้เส้นผมบนศีรษะของเพื่อนรักเบาๆ “ขอบใจมากเว้ย กูดีใจนะ ที่มึงเป็นห่วงกูขนาดนี้ ที่จริงกูก็อยากนอนกอดมึงนะ อุตส่าห์มีโอกาสทั้งที แต่กูกลัวไอ้พิงค์กระทืบไส้แตกมากกว่าว่ะ ไปเหอะ กลับห้องไปอาบน้ำแล้วรีบโทรไปเซ็กส์โฟนกับเด็กมึงเหอะไป”

“ไอ้เหี้ย! ยังไงมึงก็ล็อกห้องนอนด้วยละกัน!” รวินท์ยกนิ้วกลางขึ้นโชว์ พอเตชิตเดินกลับเข้าไปในห้อง เขาก็ชะโงกหน้าตามเข้าไป “ผมกลับห้องล่ะ ไปก่อนนะ”

“คุณหมอ” คีรีลุกขึ้น เดินออกไปหาคนที่ยืนอยู่หน้าห้อง แล้วส่งหยกร้อยพู่ไหมพรมให้ “ของฝากจากเชียงรายครับ”

รวิทย์ทำหน้าระแวงหนักกว่าเดิม ก็คนไม่รู้จักกัน ทำไมมีของฝากให้กันได้วะ “ทำไมถึงมีของฝากให้ผมด้วย”

“ผมเอาติดมาหลายอันน่ะครับ”

เออ... เขาอาจจะห่วงเพื่อนจนมองอีกฝ่ายแง่ร้ายไปก็ได้

“อือ ขอบใจนะ” รวินท์แจกยิ้มการค้า รับหยกร้อยพู่ไหมพรมมาแล้วเดินตรงไปยังลิฟต์โดยสาร แต่ถ้าหากเขาจะสังเกตสักนิด ก็จะรู้ว่าที่เอะใจน่ะ ถูกต้องแล้ว เพราะหยกในมือเขา แกะสลักเป็นรูปดอกบัว ซึ่งเป็นความหมายของคำว่า รวินท์ น่ะเอง

คีรียืนมองให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายเดินเข้าลิฟต์ไปแล้วจึงผลุบกลับเข้าไปในห้อง เขาเดินไปยกมือไหว้เตชิต “ขอบคุณคุณเตชิตมากนะครับที่ให้ผมนอนด้วย”

“ไม่ได้ให้นอนด้วยเว้ย ให้นอนบนโซฟานู่น” เตชิตชี้ไปที่โซฟา “คุณจะอาบน้ำเลยมั้ย ถ้ายังผมจะไปอาบก่อน”

“เชิญเจ้าของห้องก่อนดีกว่า” เด็กหนุ่มเดินไปนั่งลงบนโซฟา ลากกระเป๋าเป้มารื้อหาเสื้อผ้า รอให้อีกฝ่ายเดินเข้าห้องอาบน้ำไปก่อนจึงค่อยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดู

สักพักเตชิตก็เดินออกมาจากห้องอาบน้ำ เขาใส่ชุดนอนขายาว เสื้อติดกระดุมเรียบร้อย เส้นผมยังเปียกอยู่นิดหน่อย เขาเดินไปล็อกประตูห้อง จากนั้นจึงหันไปบอกคนอ่อนวัยกว่า “ใช้ห้องน้ำได้ตามสบายนะ ถ้าหิวน้ำก็หาเอาในตู้เย็นในครัว เดี๋ยวผมเอาที่นอนหมอนกับผ้าห่มให้”

“ครับ ขอบคุณครับ”

เจ้าของห้องผลุบหายเข้าไปในห้องนอน ไม่นานก็เดินออกมาพร้อมที่นอนพับ หมอน และผ้าห่ม “เอ้า ลุกๆ”

“ผมทำเองได้ครับ” คีรีรีบลุกขึ้นรับของมาต่อจากทันตแพทย์หนุ่ม

“โอเค ฝันดีละกัน” เตชิตพูดจบก็ก้าวฉับๆ เข้าห้องนอนของตัวเองไป

คีรีเอาที่นอนปูทับบนโซฟา จัดวางหมอนและผ้าห่มเสร็จก็หยิบเสื้อผ้าขึ้นมา ก่อนจะเข้าห้องอาบน้ำไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าง จากนั้นก็กลับออกมานั่งหงอยบนโซฟาต่อ เขาถอนหายใจเฮือกๆ ค่อยๆ เอนตัวลงนอนช้าๆ ขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่บานประตูห้องของทันตแพทย์หนุ่มแทบจะตลอดเวลา

แต่แล้วเด็กหนุ่มก็ลุกขึ้น เดินตรงไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องนอนของเจ้าของห้อง เขายกมือขึ้นจับลูกบิดประตู แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่านั้น แม้แต่จะลองหมุนลูกบิดดูยังไม่กล้าเลย สุดท้ายก็ทำได้แค่เดินวนไปวนมาสลับพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ

ทว่าจู่ๆ ประตูห้องนอนก็เปิดออก เตชิตยืนทำหน้าเซ็งอยู่ที่ด้านหลังประตูนั้น “คุณเป็นแมวรึไง ออกหากินตอนกลางคืนเหรอวะ ห้องผมไม่มีหนูหรอกนะ”


*TBC*


พี่หมอเต้ก็ไม่ได้ใสซื่อหรอกนะเอ้อ เห็นพี่มึนๆ งงๆ แพ้ทางเด็ก แต่ที่จริงพี่ก็ใช่ย่อยเลยน้าาาา~ 555555

อย่างที่คุณDrSlumpบอก เด็กดอยดูเหมือนจะรู้จักพี่หมอเต้มาก่อน แต่หมอเต้ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเด็กดอยคนนี้เลย ที่พี่หมอเต้แก้ต่างให้คีรี ไม่ใช่เพราะพี่ใสซื่อนะเอ้อ พี่หมอก็สงสัยเหมือนหมอวินนั่นล่ะ ก็คงต้องค่อยๆ ปล่อยให้เด็กโป๊ะแตก หลุดอะไรออกมาให้พี่หมอเต้จับได้ตามที่คุณPsychePieบอกนะคะ อิอิ

ความรู้สึกของพี่หมอเต้กับคีรี เริ่มต้นจากความรู้สึกผิดจากคืนนั้น ความรู้สึกสงสาร พัฒนามาเป็นความเอ็นดู(ที่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ) ส่วนเด็กดอยนั้น ก็พยายามแทรกตัวเองเข้ามาในความคิดของพี่หมอเต้เสมอๆ ค่ะ เอาใจช่วยน้องให้เอาชนะใจพี่หมอเต้ได้ในเร็ววัน ก่อนจะโป๊ะแตกนะคะ ฮี่ๆ
 
เด็กดอยยังไม่โป๊ะแตกเร็วๆ นี้ แต่เราใกล้ได้รู้ความจริงแล้วล่ะค่ะว่าชายเป็นใคร ไม่ได้เป็นเจ้าของห้างนะคะ 5555555 ขอบคุณคนอ่านทุกคนและทุกคอมเมนต์มากค่า  :mew1:

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 10-10-2018 20:28:40
 :laugh:
จ้าาาาา ใครจะโป๊ะ ใครจะตกหลุม
อิชั้นจะคอยดูจ้าาา
เห็นความสัมพันธ์ของหมอเต้กับหมอวินแล้ว
นึกไม่ออกว่าน้องคีรีจะเข้าไปนั่งในใจหมอเต้ได้ยังไง
ถ้ามาจีบแบบปกตินี้คงได้แค่เสี้ยวความสนใจใก้น้องคีรีแน่ๆ
เพราะทุกอย่างของหมอเต้ก็ยังคงเป็นหมอวินอยู่
ลูกกก แม่เชียรลูกแกะ หุ่นนายแบบ ห่มหนังเพชรหนังพลอย อยู่นะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 10-10-2018 20:54:40
งั้นก็เป็นลูกเจ้าของโรงแรมสินะ
ที่พูดภาษากลางไม่ชัด เพราะไปโตต่างประเทศรึเปล่า
18 นี่ก็อาจจะจบกลับมาบริหารโรงแรมที่บ้านได้แล้ว
ยังเดาสถานะคีรีต่อไป 555
พี่หมอเต้ดูแพ้ทางเด็ก มีความโมโห ตอนไม่ติดต่อมาไปอีก
 :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-10-2018 21:28:32
ลุ้นโว๊ะ หมอวินเฉียบแหลมมากโดยเฉพาะเรื่องฟัน 555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-10-2018 21:35:41
นักสืบทำงาน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-10-2018 21:49:10
บางทีก็สะใจที่คีรีออกอาการหงอยเวลาหมอเต้หมอวินหนุงหนิงกัน
แอบแฝงตามหมอเต้มาตั้งแต่ต้นก็ต้องพอรู้บ้างสิว่าหมอเต้รักหมอวินแค่ไหน
จะให้ปุบปับหันมาสนใจใครที่ไหนก็ไม่รู้ที่มีแต่ความลับมันคงไม่ง่ายอย่างนั้น
พยายามหน่อยก็แล้วกัน คู่แข่งเป็นถึงหมอวินเชียวนะ (ถึงจะมีแฟนไปแล้วก็เหอะ)
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-10-2018 21:51:33
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 10-10-2018 22:08:00
เดาว่าน้องมันต้องรวยมากๆแน่ ลูกเจ้าของโรงแรมแหงๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 10-10-2018 23:27:38
พี่เต้คะ พี่ต้องรีบหลอกเด็กก่อนโดนเด็กหลอกนะ เป็นห่วง  :mew4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 10-10-2018 23:39:12
สำเนียงแปลกๆเพราะน้องจบนอกมารึเปล่า อันนี้เดาๆนะคะ อิอิ ยังไงเด็กดอยคนนี้ก็ไม่ธรรมดาแน่ๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 10-10-2018 23:48:54
มาช่วยกันเดาดีกว่า ...
เราว่าน้องคีรีมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นลูกเจ้าของโรงแรม แล้วเรียนจบจากต่างประเทศ ติดสำเนียงภาษาอังกฤษ ทำให้พูดไทยไม่ชัด หรือเป็นนายแบบอะไรทำนองนี้ ^^
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 11-10-2018 01:04:40
จะสืบกันรู้เรื่องใช่มั้ย ฮือออออ 555555555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-10-2018 02:16:12
 :pig4: :pig4: :pig4:

ถ้าหมอเต้รอให้เด็กดอยโป๊ะแตกเอง

ถึงเวลานั้นหมอเต้ก็ตกหลุมที่เด็กดอยขุดไว้จนโงหัวไม่ขึ้นหล่ะ  อิอิ

อนึ่ง  เด็กดอยไม่ใช่เจ้าของห้างเหรอ?  ถ้าดูจากอายุอานามแล้ว งั้นก็น่าจะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเชียงใหม่นั่นหล่ะนะ  ส่วนการที่ไปเดินห้างแล้วปกปิดตัวตน ก็เพราะกลัวว่าจะไปเจอคนรู้จักจนทำให้โป๊ะแตกได้อ่ะ  และจากที่บรรยายรูปร่างหน้าตาแล้ว  เผลอ ๆ มีสิทธิเป็นถึงเดือนคณะ เดือนมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำไป  ส่วนสำเนียงแปลก ๆ นั้น อาจจะเป็นพวกอินเตอร์ที่พูดไทยไม่ชัดไง  อิอิ

ป.ล. มโนล้วน ๆ เลยตรู  หุหุ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 11-10-2018 08:28:41
งานนี้ลุ้นจับโป๊ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: love-boy ที่ 11-10-2018 08:46:02
ลุ้นๆๆๆ  :ling1: :ling1: :ling1:
คนของเราก็มีใจให้เขาอยู่นะนั่น อิอิ
จะเป้นยังไงต่อไปนะ  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-10-2018 09:32:27
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 11-10-2018 10:01:47
หึหึ เส้ดแน่
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-10-2018 13:13:31
กว่าจะรอให้คีรีโป๊ะแตกหมอเต้คงตกหลุมรักก่อนล่ะมั้ง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 11-10-2018 13:23:07
ยอมๆ กันไป
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 11-10-2018 14:39:04
ยังย้ำว่าเด็กดอยมันร้าย

ใหวใหมพี่หมอ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 11-10-2018 14:47:05
คีรีความลับเยอะจริงๆ :hao4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 11-10-2018 14:53:21
หมอเต้รอจับไต๋นี่เอง แต่กว่าเด็กจะหลุดโป๊ะหมอไม่เสร็จโจรไปก่อนเร้อ เด็กมันยิ่งตีหน้าเก่งอยู่  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 11-10-2018 15:39:04
เข้าใจว่าคุณหมอก็สงสัยเหมือนกันแต่ความสงสารมันเยอะกว่าไงเลยไม่ได้ไล่เบี้ยไล่บี้ รอให้โป๊ะแตกเองล่ะมั้ง  :katai3:
 :mew1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 11-10-2018 18:28:18
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 11-10-2018 20:11:01
คีรี เด็กแสบจริงๆด้วยยยบ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 11-10-2018 21:45:36
เห้ยยยย ทำไมเรื่องของคนอื่นหมอวินฉลาดแท้คะ?
คือหมอเต้มันรู้ว่าน้องมีอะไรไง แต่ก็ยอมมมม

เรียกว่าไรดี รู้เขาหลอก แต่เต็มให้หลอก :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 12-10-2018 06:39:33
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 12-10-2018 07:44:27
แหมมม!!! งานนี้ใครจะโป๊ะก่อนกันน๊าา หมอเต้ก็ไม่ธรรมดา ดูจากตอนวางแผนจากตอนหมอวิน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 13-10-2018 01:16:15
เด็กดอยไม่ได้เป็นเจ้าของห้าง แค่เป็นหุ้นส่วน+ลูกเจ้าของโรงแรม มีเชื้อจ้าว (เดาสุ่มมาก5555555)
แต่คีรีแสบมากอ่ะ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-10-2018 16:15:38
ไม่ได้เป็นเจ้าของห้าง แต่เป็นเจ้าของโรงแรมป่าว ผู้บริหารเด็กหนุ่ม o18 มโนไกลแล้ว พี่หมอเต้ไม่สงสัยอะไรแบบพี่หมอวินเลย เดี๋ยวต้องโดนจับโป๊ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 17-10-2018 14:51:42
รู้สึกเหมือนจินตนาการถึงคีรีพลาดไป

รู้สึกเหมือนจะโดนเด็กกิน แต่ก็แอบหวังว่าจะได้กินเด็ก

เหมือนยังมีความหวังหน่อย

แต่พอ หมอวินบอกว่าเหมือนนายแบบหลุดมาจากนิตสาร นี่เริ่มไขว้เหว้


นี่คิดว่าคืนนั้นไม่มีอะไรเกินเลยไปถึงขั้นนั้นแน่ๆ มันคือการจัดฉาก

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 6 : เยือนลำพูน [101018]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 17-10-2018 19:19:04


Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด


สองหนุ่มยืนประจันหน้ากันอยู่ที่ตรงประตูห้องนอนภายในห้องพักของทันตแพทย์หนุ่ม


“ถ้าไอ้วินมาค้างด้วย มันต้องโยนคุณลงไปนอนใต้หอแหงๆ”

คีรีก้มหน้าหลุบตาต่ำ “หมอวินดูไม่ค่อยชอบผมเลย”

“เออ ใครทำให้ไอ้วินระแวงได้ก็ควรพิจารณาตัวเองอะผมว่า ปกติมันใจดีจะตายไป” เตชิตยิ้มกริ่ม “แต่ก็ดีเหมือนกันนะ ปกติมันไม่ค่อยแสดงออกให้เห็นว่าห่วงผมสักเท่าไหร่”

ห่วงหรือหึงกันแน่!

เด็กหนุ่มคิ้วกระตุก สีหน้าบ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์อย่างแรง เขาหันหลังเดินกลับไปทางโซฟาแบบดื้อๆ

“เอ้า มาปลุกเขาแล้วตัวเองก็จะไปนอนเนี่ยนะ คนเรา”

“ผมไม่อยากฟังเรื่องรักๆ ของคุณกับหมอวินหรอก”

เตชิตหัวเราะร่วน “ถ้ามีก็ดีน่ะสิ” เขาเดินตามหลังคนอ่อนวัยกว่าไปช้าๆ พออีกฝ่ายนั่งลงบนที่นอนซึ่งปูทับไว้บนโซฟา เขาก็นั่งลงข้างกัน จากนั้นก็เอนหลังแล้วยกแขนขึ้นพาดบนพนักโซฟา “ผมกับวินเป็นเพื่อนสนิทกันเว้ย”

คีรียังคงทำหน้ายุ่ง เขาเชื่อหมอเต้นะ แต่การกระทำของหมอเต้กับหมอวินน่ะ ดูยังไงก็ไม่ใช่แค่เพื่อน มันเกินคำว่าเพื่อนไปไกลหลายปีแสงแล้ว

“เสื้อผ้าที่ซื้อให้ทำไมไม่ใส่”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้จะใส่กลับเชียงใหม่ครับ”

“อือ แต่พรุ่งนี้ผมต้องทำงานนะ แล้วกลางวันคุณจะไปอยู่ที่ไหน จะรออยู่ที่นี่เหรอ”

“ผมว่าจะไปไหว้พระสักหน่อยครับ” เด็กหนุ่มตอบ ทว่าไม่ยอมหันไปหาคนที่นั่งอยู่ข้างกัน

“อืม งั้นกลับมาแล้วก็โทรบอกผมละกัน หรือจะรออยู่ที่ใต้หอก็ได้” เตชิตยกแขนขึ้นเท้าศีรษะ แล้วโน้มตัวไปทางคนอ่อนวัยกว่าเล็กน้อย “พรุ่งนี้จะกลับหอพักที่เดิมใช่มั้ย”

“ครับ”

“แล้วจะหายไปไหนอีก”

“ไม่หายแล้วครับ จะอยู่เชียงใหม่อีกพักใหญ่ๆ เลย” คนอ่อนวัยกว่าเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อ “คราวนี้จะไม่หายไปนานๆ อีกแล้ว จะส่งข้อความหรือไม่ก็โทรหาคุณเตชิตทุกวันเลยครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้าเออออ “อือๆ”

“ได้ใช่มั้ย”

“หือ? ถามผมทำไม นิ้วก็นิ้วคุณ โทรศัพท์ก็ของคุณมั้ยล่ะ”

คีรีค่อยๆ เคลื่อนสายตามาประสานกับทันตแพทย์หนุ่ม เขาพูดเสียงอ้อน “คุณเตชิตจะไม่รำคาญผมใช่มั้ยครับ”

ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มกำลังพยายามอ้อนเขาสุดตัว ที่จริงก็คิดว่าน่ารักดีด้วยซ้ำไป

เตชิตยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ถ้าผมรำคาญก็ไม่รับสายหรือตัดสายทิ้งเองแหละ”

“โห ไม่ให้กำลังใจกันเลย”

“แค่คุณจะโทรหาผมเนี่ยนะ ทำไมผมต้องให้กำลังใจด้วยวะ”

“ใจร้ายชะมัด” คีรีบ่นพึมพำ

ดูทำเข้า ขนาดเขาให้อาศัยห้องนอน แถมยังยอมอดนอนกับไอ้วินด้วยนะ ยังหาเรื่องมาว่าเขาใจร้ายได้อีก

“พูดให้ดีๆ ใครใจร้ายกันวะ” เตชิตยกมือขึ้นหยิกแก้มคนอ่อนวัยกว่าด้วยความหมั่นไส้ “เออ... คุณบอกว่าอยู่หอพักกับเพื่อนใช่มั้ย”

คีรีเลิกคิ้วขึ้น “ชะ...ใช่ครับ ทำไมเหรอครับ”

“เพื่อนนี่คือทำงานด้วยกันเหรอ”

“ใช่ครับ”

“ที่โรงแรม?”

“ครับ”

“อยู่กันกี่คน”

เด็กหนุ่มทำหน้าเลิ่กลั่ก “เอ่อ หลายคน...ครับ ไปๆ มาๆ บางทีก็อยู่กันสามคน บางทีก็ห้าคน แล้วแต่...”

“โห ไม่แออัดแย่เรอะ อือ... แต่จะว่าไป ผมยังไม่เคยเจอเพื่อนที่อยู่หอพักกับคุณเลยนะ”

“คุณเตชิต... เอ่อ... ทำไมเหรอครับ” คีรีอ้ำอึ้งหนัก

“ในเมื่อคุณบุกมาถึงห้องผม มาหาเพื่อนสนิทผมแล้ว มันก็ไม่แฟร์มะ ผมลากไอ้วินบุกไปหาคุณกับเพื่อนบ้างดีกว่า”

“เฮ้ย!” คนอ่อนวัยกว่าตาเบิกโพลง “จะ... จะบุกมาเมื่อไหร่...ครับ”

“เอ๊า คุณยังไม่บอกผมก่อนเลย เรื่องไรผมจะบอกคุณก่อนวะ”

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว พลางเม้มปากแน่น

“โห เครียดเลย มีอะไรต้องปิดบังเหรอ”

“เปล่านะครับ” คีรีพูดเสียงอ่อย “กลับไปนี่ผมต้องรีบเก็บกวาดทำความสะอาดห้องอย่างหนักเลย เผื่อคุณเตชิตมา”

เตชิตตบไหล่คนอ่อนวัยกว่าเบาๆ จากนั้นจึงลุกขึ้นช้าๆ “ผมไปนอนดีกว่า ดึกมากแล้ว” ทว่าคนอ่อนวัยกว่าก็รีบคว้าแขนเขาไว้ทันที “ทำไมอีก กลัวผีรึไง อย่ามองออกไปทางหน้าต่างก็แล้วกัน”

“โห คุณเตชิต!” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตาด้วย “อย่าเพิ่งไปสิครับ”

“ไม่ต้องมาทำตาละห้อยใส่ผมเว้ย พรุ่งนี้ผมต้องตื่นเช้า คอยดูดิ เดี๋ยวไอ้วินต้องมาปลุกก่อนไก่โห่แน่ๆ”

มือของคีรีเลื่อนลงมาจับข้อมือทันตแพทย์หนุ่มไว้ มืออีกข้างเอื้อมไปหยิบถุงผ้าในกระเป๋าเป้มาส่งให้อีกฝ่าย “ของฝากจากเชียงรายครับ”

เตชิตยิ้มบาง “ขอบใจ” เขารับถุงมาเปิดออกดู ข้างในถุงมีกล่องสีแดงอยู่หนึ่งกล่อง พอเปิดกล่องออกดูก็พบกับจี้หยกสีเขียวเข้มสลักลายมังกรสวยงาม

“มันเป็นเครื่องรางนะครับ เก็บไว้จะได้โชคดี นี่ผมอุตส่าห์ไปหาทั่วแม่สายเลยนะ อันนี้รับรองว่าสวยที่สุด”

ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะ เขาก็พอรู้มาบ้างนะว่าแถวนั้นมีหยกขายเยอะและเป็นที่นิยมมาก ก่อนจะหยิบจี้หยกขึ้นมาพลิกไปพลิกมาดู สัมผัสของหยกเย็นเฉียบ ลึกๆ ก็นึกดีใจอยู่เหมือนกันที่เด็กหนุ่มยังนึกถึงเขา ไม่ได้หายหัวไปเปล่าๆ ปลี้ๆ  “ขอบใจ แต่ผมคงไม่ได้ใส่หรอกนะ เพราะมันจะเกะกะตอนทำงาน”

“แค่คุณเตชิตรับไว้ผมก็ดีใจแล้ว ส่วนนี่ ผมคืนเงินหนึ่งร้อยตามสัญญา” คนอ่อนวัยกว่าวางธนบัตรลงในมือคนตรงหน้าพร้อมกับกุมมือนั้นไว้

เตชิตสบสายตาเด็กหนุ่ม เขาดึงมือออก จากนั้นก็เดินฉับๆ เข้าไปในห้องนอนของตน ปล่อยให้เด็กหนุ่มชะเง้อมองตามคอยาว

คีรีเปรยเบาๆ “ราตรีส...” แต่แล้วเจ้าของห้องก็เดินกลับออกมา เขาเลิกคิ้วขึ้น “คุณเตชิต”


“เอ้า”


ทันตแพทย์หนุ่มโยนกล่องใบเท่าๆ กันกับกล่องใส่สร้อยข้อมือให้อีกฝ่าย “มันอาจจะไม่ใช่ของมีค่าอย่างจี้หยกของคุณ แต่น้องผมก็เดินหาร้านจนเหนื่อยเหมือนกัน”

คนอ่อนวัยกว่ายกสองมือขึ้นรับ เขาเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง “ให้...ให้ผมเหรอ”

“เปิดดูสิว่าให้ใคร”

คีรีมือสั่นอย่างเห็นได้ชัด ปลายนิ้วเย็นเฉียบ พอเปิดฝากล่อง เห็นสร้อยข้อมือสีเงินร้อยลูกปัดสลับตัวอักษร KIRI ชื่อของเขาแล้วก็อ้าปากค้าง “ชื่อผม”

“ก็ตามที่บอกไว้ตอนนั้นไง ผมให้น้องชายที่อยู่เมืองนอกไปหาซื้อส่งมาให้ แต่ผมก็เป็นคนเลือกลายเลือกร้านเองนะ” เตชิตเห็นท่าทางตกใจของเด็กหนุ่มแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เขาเดินไปนั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง “มา ผมใส่ให้ คุณถนัดมือขวาใช่มั้ย งั้นใส่ข้างซ้ายดีกว่า” จากนั้นก็หยิบสร้อยข้อมือจากในกล่องออกมาใส่ให้ที่ข้อมืออีกฝ่าย

“ขอบคุณครับ”

เสียงที่แหบแห้งของคนอ่อนวัยกว่าเป็นผลให้ทันตแพทย์หนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง นัยน์ตาลูกสุนัขนั้นชื้นน้ำ แววตาสั่นไหว “เฮ้ย! คุณจะร้องไห้ทำไมวะเนี่ย ไม่ต้องซึ้งขนาดนี้ก็ได้”

คีรีก้มหน้าหลุบตาต่ำ “ผมนึกไม่ถึง...”

“นึกว่าผมจะพูดแค่พล่อยๆ รึไง ผมไม่ได้นิสัยไม่ดีขนาดนั้นมะ” เตชิตเขกศีรษะคนตรงหน้าพลางถอนหายใจ

“ขอบคุณ ขอบคุณนะครับ” เด็กหนุ่มยกข้อมือของเขาขึ้นมามองใกล้ๆ ใช้มืออีกข้างลูบอย่างทะนุถนอม

“ตอนผมซื้อเสื้อผ้าให้ไม่เห็นทำหน้าซึ้งแบบนี้เลย”

“ก็...ก็... ผมดีใจ ตอนนั้นผมก็ดีใจนะครับ ตอนนี้...ก็...” คีรีพูดเสียงสั่น “ดีใจมากที่สุดเลยครับ”

“ไม่ต้องเว่อร์น่ะ มันไม่ใช่ของมีราคาค่างวดอะไรมากมาย คุณพูดซะผมรู้สึกผิดเลย” ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจหนักๆ แล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะคนอ่อนวัยกว่าเบาๆ

“คุณเตชิต ผมขอ...เอ่อ...”

“ขออะไร”

“กอดนิดนึงได้มั้ย”

ทันตแพทย์หนุ่มเคลื่อนมือไปคล้องคออีกฝ่ายไว้แล้วดึงเข้าหาตัว จากนั้นก็กอดเด็กหนุ่มไว้หลวมๆ พร้อมกับลูบหลังให้ “โอ๋ๆ โอ๋นะ ไม่ต้องร้องไห้นะ”

“ผมดีใจมากๆ จะใส่ไว้ตลอด จะเก็บไว้กับตัว ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมากๆ” คนอ่อนวัยกว่ากอดทันตแพทย์หนุ่มไว้แน่น

เตชิตผ่อนลมหายใจออกยาว ไอ้เด็กนี่น้า โผล่มาหาเขาแต่ละครั้งก็ทำให้รู้สึกเอ็นดูมากขึ้นไปทุกทีเลยจริงๆ สิน่า เขาหันไปมองศีรษะที่ซบอยู่บนไหล่ตัวเอง อดคิดไม่ได้ว่าเด็กหนุ่มก็น่ารักดีเหมือนกัน ฝ่ามือที่ลูบแผ่นหลังอีกฝ่ายอยู่ค่อยๆ เคลื่อนขึ้นมาลูบศีรษะอีกครั้งอย่างอ่อนโยน

มันก็เป็นความรู้สึกที่ไม่เลวนะ ทันตแพทย์หนุ่มอมยิ้ม จากนั้นจึงคลายอ้อมแขนออกช้าๆ แล้วค่อยๆ ผลักหัวไหล่ของคนอ่อนวัยกว่าออกจากตัว

พอเห็นทางน้ำตาบนใบหน้าของคีรี ก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดู เขายกมือขึ้นประกบแก้มอีกฝ่าย แล้วใช้นิ้วโป้งเกลี่ยทางน้ำตาให้

สองแขนของเด็กหนุ่มยังคงกอดเตชิตไว้หลวมๆ เขายื่นหน้าเข้าไปหาทันตแพทย์หนุ่มอย่างเชื่องช้า สายตาจับจ้องริมฝีปากตรงหน้าไว้นิ่ง

เตชิตลดสายตาลงมองเรียวปากที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ เขารู้ว่าคีรีต้องการอะไร และควรจะรีบหยุดทุกอย่างไว้ตอนนี้ เขาบอกตัวเองให้รีบผละออกแล้วลุกขึ้นเดินกลับห้องไปเสีย แต่ร่างกายกลับเลือกที่จะไม่ทำตามความคิด

ริมฝีปากอุ่นของคนอ่อนวัยกว่าแนบเข้าหาริมฝีปากของทันตแพทย์หนุ่มช้าๆ สองแขนเขากระชับอีกฝ่ายเข้ามาแนบชิด

เตชิตรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเด็กหนุ่มขณะที่เรียวปากบดเบียดเข้าหากัน ซึ่งทำให้เขานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนแรกที่พบกันขึ้นมาได้ เป็นผลให้ตัวเองต้องชะงัก แล้วรีบผลักเด็กหนุ่มออก “ผมไปนอนล่ะ” เขาลุกขึ้นพรวด ก่อนจะจ้ำอ้าวกลับไปยังห้องนอนของตน

คีรีมองตามตาละห้อย ก่อนจะพูดเสียงเบา “ราตรีสวัสดิ์ครับ”



แต่พอประตูห้องนอนของเตชิตปิดลงสนิท สีหน้าของเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนไป เขากระตุกยิ้มมุมปาก ใช้ปลายนิ้วสัมผัสริมฝีปากของตัวเอง แล้วจูบซ้ำลงไปเบาๆ

“คุณเตชิต โคตรน่ารักเลยโว้ย” เด็กหนุ่มเปรยพลางทิ้งตัวลงนอน

ได้จูบแค่แป๊บเดียวเอง ยังไม่ทันได้ชิมรสชาติที่คิดถึงแทบตายเลย โธ่เอ๊ย! น่าเสียดายชะมัด!



ทันตแพทย์หนุ่มเอนตัวลงนอน เขายกมือขึ้นแตะริมฝีปากตนเองค้างไว้ สัมผัสที่นุ่มราวกับมาร์ชเมลโลเช่นนั้น ช่างเหมือนเมื่อตอนที่จูบกันครั้งแรก

โว้ย! เขาบอกให้เด็กหนุ่มลืม แต่กลายเป็นตัวเขาเองที่ลืมไม่ลงไปเสียได้

ใบหน้าของคีรีตอนที่เห็นชื่อของตัวเองบนสร้อยข้อมือน่ะ น่ารักมากจริงๆ เหมือนลูกสุนัขเวลาได้ขนมชะมัดเลย

แต่เดี๋ยวก่อนสิวะ เห็นชื่อ? เตชิตขมวดคิ้ว

เด็กนั่นรู้ชื่อภาษาอังกฤษของตัวเองซะด้วยแฮะ

แต่ก็แค่ชื่อ ทำงานโรงแรม เจอชาวต่างชาติเยอะๆ ก็ต้องรู้นั่นล่ะนะ อย่างน้อยก็ต้องเห็นบนป้ายชื่อทุกวัน หรือที่โรงเรียนอาจจะเคยสอนบ้าง เขานอนคิดไปเพลินๆ จนกระทั่งหลับไป



เสียงเคาะประตูห้องรัวๆ ดังขึ้นในตอนเช้าของวันใหม่ ทำให้เด็กหนุ่มที่นอนกรนคร่อกๆ อยู่บนโซฟาสะดุ้งโหยง รีบลุกขึ้นไปเปิดประตูทันที “ครับ”

รวินท์ยืนถือหม้อโจ๊กอยู่ที่หน้าห้อง “เต้ตื่นรึยัง”

“ยังไม่เห็นออกมาจากห้องเลยครับ” คีรีตอบเสียงงัวเงีย

“คุณไปล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไป ผมจะไปปลุกไอ้เต้ เดี๋ยวจะได้กินข้าวเช้ากัน” รวินท์ก้าวฉับๆ เข้าไปในห้อง วางหม้อโจ๊กไว้แล้วก็ตรงไปที่หน้าห้องนอนของเพื่อนรัก เขาจับลูกบิดประตูหมุนดู เมื่อเห็นว่าล็อกไว้ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็เคาะประตูห้องพร้อมร้องเรียก “สัสเต้! ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”

เพียงแค่นั้นประตูห้องก็แทบจะเปิดออกในทันที เตชิตถลาเข้าไปสวมกอดเพื่อนรักทั้งยังสะลึมสะลือ ดวงตายังไม่ทันเปิดดี “ตื่นแล้วคร้าบ”

“กูทำโจ๊กมา เดี๋ยวอุ่นกินกัน”

“อือ ยังง่วงอยู่เลย”

“งั้นแดกผัดกะเพรากูแทนมั้ย”

“กูตื่นแล้วก็ได้” เตชิตตอบแบบไม่ต้องคิด “แต่เดี๋ยว แล้วโจ๊กนี่จะกินได้เหรอวะ”

“ได้สิวะ แค่เอาโจ๊กใส่หม้อ ใส่น้ำเอาไปต้มแล้วใส่หมูสับ ก็ไม่ได้ยากมะ”

“มึงไม่ได้ปรุงอะไรเพิ่มนะ”

“เออ ไม่ได้ปรุงโว้ย”

“โอเค แดกได้”

“สัส!”


ขณะที่สองหนุ่มทันตแพทย์จู๋จี๋กันอยู่ ประตูห้องน้ำก็เปิดออกผลัวะ แล้วคีรีก็เดินหน้ามุ่ยออกมา เขาหยุดประสานสายตากับเตชิต พลางส่งสายตาขุ่นๆ ใส่

“ห้องน้ำว่างแล้วครับ”

เตชิตผละออกจากเพื่อนรัก เขาลืมไปสนิทเลยว่าคีรีมาค้างด้วย เมื่อกี้ก็ลืมตัวอ้อนไอ้วินซะเต็มที่เลย ภาพพจน์เสียหายหมด “ขอบ... ขอบใจ” เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วอมยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายใส่ชุดที่เขาซื้อให้

รวินท์หันขวับไปทางคนอ่อนวัยว่า พอเห็นเสื้อยืดกับกางเกงยีนที่อีกฝ่ายสวมใส่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมนึกว่าคุณจะใส่แต่เสื้อผ้าพื้นเมืองแบบเมื่อวานซะอีก”

คีรียิ้มกริ่ม ยกมือเสยผมเพิ่มความหล่ออีกสักหน่อยแล้วจึงขิงใส่ “ปกติก็ใส่แต่เสื้อผ้าแบบเมื่อวานล่ะครับ แต่ชุดนี้คุณเตชิตพาไปซื้อให้ตอนอยู่เชียงใหม่ ผมก็เลยใส่”

รวินท์หันกลับไปทางเพื่อนรัก พร้อมกับส่งสายตากระแนะกระแหนอีกฝ่ายไปประมาณว่า... ‘มึงไวกว่ากูไปอีก กูเพิ่งพูดเมื่อวานเองว่าถ้าจับเด็กนี่ใส่เสื้อผ้าทั่วไปคงเหมือนนายแบบโว้ก มึงนี่คิดเหมือนกูไม่พอยังเปย์ให้เสร็จ! ร้ายสัส!’

เตชิตยิ้มแห้ง “กูไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนนะ”

“เออ เดี๋ยวอุ่นโจ๊กให้”

รวินท์ยกหม้อโจ๊กที่ถือมาจากห้องตนไปวางบนเตาไฟฟ้า ขณะที่กำลังก้มๆ เงยๆ จัดเตรียมแก้วชามและช้อน เด็กหนุ่มก็เดินเข้ามาหา

“ผมช่วยนะครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มชำเลืองมอง “เอาไอ้พวกนี้ไปวางที่โต๊ะทีละกัน”

คนอ่อนวัยกว่ายกแก้วชามและช้อนไปจัดวางบนโต๊ะ เสร็จแล้วก็เดินกลับเข้ามาในครัว “เรียบร้อยแล้วครับ”

“อือ ในตู้เย็นมีน้ำส้มกับน้ำสับปะรด ถ้าคุณจะดื่มก็หยิบเอา”

“คุณหมอจะดื่มน้ำอะไรครับ”

“เอาเหมือนคุณละกัน น้ำอะไรก็ได้”

เด็กหนุ่มยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม พร้อมทั้งจับจ้องรวินท์อย่างไม่วางตา “แล้วคุณเตชิตดื่มน้ำอะไรครับ”

“ปกติไอ้เต้มันดื่มกาแฟกับน้ำเปล่าตอนเช้า”

“ถ้างั้นแล้วทำไมคุณเตชิตถึงมีน้ำผลไม้ในตู้เย็นล่ะครับ เพราะคุณหมอชอบดื่มเหรอ”

“เปล่าหรอก มันเอาไว้ดื่มเองนั่นละ มันชอบดื่มตอนกลับจากทำงานมาเหนื่อยๆ น่ะ”

“แล้ว... คุณเตชิตชอบดื่มกาแฟอะไรเหรอครับ”

“กาแฟดำธรรมดา ไม่ต้องใส่นม ไม่ต้องใส่น้ำตาล ชงกับเครื่องตรงนั้น” พอรวินท์หันไปทางที่เด็กหนุ่มยืนอยู่ก็เห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้ามุ่ย

หืม? หรือว่าที่ถามๆ มาให้เขาตอบไปนี่เพื่อจะลองภูมิ? เพราะเขารู้รสนิยมไอ้เต้ดีก็เลยไม่พอใจเหรอวะ

รวินท์กระตุกยิ้มมุมปาก “แต่บางครั้งมันก็งดกาแฟ แล้วกินโยเกิร์ตกับน้ำสับปะรดเยอะๆ เลยนะ กินแบบยิงยาวเป็นอาทิตย์ๆ เลย” เขาเดินเข้าไปยืนประจันหน้ากับเด็กหนุ่ม “รู้มั้ยว่าทำไม”

“ไม่รู้ครับ” คีรีตอบเสียงขรึม เขาค่อยๆ ถอยหนีรวินท์ไปจนหลังชนกับประตูตู้เย็น

ทันตแพทย์หนุ่มย่างสามขุมตามเข้าไปประชิดตัว แล้วกระซิบบอก “เพราะมันทำให้น้ำอย่างว่าหวานแล้วก็อร่อยไง”

คนอ่อนวัยกว่าเบิกตากว้าง “เฮ้ย! คุณหมอ!”

“โอ๊ะ เข้าใจด้วยแฮะ ไม่เลวๆ ร้ายเหมือนกันนี่” รวินท์หัวเราะร่วน เขาเท้าแขนข้างหนึ่งลงบนประตูตู้เย็น จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “สงสัยมากใช่มั้ย ว่าทำไมผมถึงรู้เรื่องของหมอเต้ดีไปหมดทุกอย่างน่ะ”

ใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อๆ ของเด็กหนุ่มถมึงทึง นัยน์ตาจับจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง

“จะบอกอะไรดีๆ ให้นะ ผมรู้แม้กระทั่งว่า... หมอเต้น่ะ มีไฝในเสื้อผ้าตรงไหนบ้าง”

เด็กหนุ่มกำมือแน่น “....”

รวินท์ยิ้มกริ่ม “อยากรู้อีกมั้ยล่ะ ว่าผมกับมัน ใกล้ชิดกัน สนิทกันมากขนาดไหน”

“คุณหมอต้องการจะบอกอะไรผมกันแน่”

รวินท์สายตาประสานกับเด็กหนุ่มไว้นิ่ง “ผมไม่คิดหรอกนะว่าคุณจะซื่อเหมือนหน้าของคุณน่ะ คีรี เคยได้ยินรึเปล่า ผีเห็นผีน่ะ”

คีรีถามกลับไปเสียงตะกุกตะกัก “หมาย...หมายความว่าไงครับ”

“ก็หมายความว่า ผมมองคุณออก แล้วก็รู้จุดประสงค์ของคุณที่เข้าหาเพื่อนผมดีไง” รวินท์ตอบหน้าตาย เขาเมินเด็กหนุ่ม เดินกลับไปเปิดเตาไฟฟ้า แล้วยกโจ๊กขึ้นวาง เป็นเวลาเดียวกันกับที่เตชิตเดินออกมาจากห้องอาบน้ำพอดี “เฮ้ย เต้ เอากาแฟเลยป่ะวะ”

“เอา แต่เดี๋ยวกูทำเองก็ได้” เตชิตถือผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องครัวเพราะเป็นทางผ่านออกไปยังระเบียงเล็กๆ ที่ใช้ตากผ้าทางด้านหลัง ทว่าพอก้าวเข้าไปในครัวก็เห็นว่าคีรียืนแข็งทื่อทำหน้าเหมือนเจอผีอยู่ที่หน้าตู้เย็น เขารู้ได้ทันทีเลยว่าโดนผีตัวไหนหลอกมา เล่นกับใครไม่เล่นซะแล้วไอ้เด็กบ้าเอ๊ย “แกล้งเด็กเหรอวะมึง” เขาเดินเข้าไปกระซิบถามเพื่อนรัก

“กูแค่หยอกนิดๆ หน่อยๆ ด้วยความเอ็นดูเว้ย แกล้งอะไรที่ไหน”

“เชื่อตายห่า คนอย่างมึงเคยเอ็นดูใครนอกจากไอ้พิงค์วะ” ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้าไปมา แล้วเดินไปยังระเบียงเพื่อเอาผ้าเช็ดตัวไปตาก เสร็จแล้วก็กลับเข้ามาจัดการกับกาแฟของตน

บรรยากาศที่โต๊ะอาหารมื้อเช้ากระอักกระอ่วนไม่น้อย เด็กหนุ่มก้มหน้าก้มตาละเลียดโจ๊กไป รวินท์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ส่วนเตชิตก็ชำเลืองมองทั้งสองคนสลับไปสลับมา

พอกินโจ๊กเสร็จก็ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม พลางหันไปคุยกับเพื่อนรักเรื่องงานสักหน่อย “เฮ้ย วิน เคสของคุณดนัย ที่กูคุยกับมึงวันก่อน...” เป็นผลให้คีรีหลุดออกนอกวงโคจรไปโดยสมบูรณ์ จนกระทั่งใกล้ถึงเวลาเข้างานนั่นล่ะ

เมื่อทันตแพทย์หนุ่มทั้งสองคนลุกขึ้น คีรีจึงรีบลุกตาม เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกๆ ดีใจที่มื้อเช้าเสร็จสิ้นไปสักที ก่อนพวกเขาจะแยกย้ายกันไป


*TBC*


หมอวินนน ช่วยเพื่อนเต้ด้วยน้า 5555555 เพื่อนเต้จะแย่แร้ว~

ตอนที่แล้วมีคนเดาถูกด้วย หมอวินรู้ทันเพราะเป็นจำพวกเดียวกันกับเด็กดอยน่ะสิ 555555

แต่หมอเต้นี่ เห็นหงิมๆ ก็แอบเปย์เด็กอยู่เรื่อยๆ เลยนะคะ ขี้อ่อยเนาะคนเรา

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า ใครอยู่ทีมเด็กดอย ใครอยู่ทีมหมอเต้ แสดงตัวหน่อยเร้ววว~
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 17-10-2018 19:30:40
ดูจากตอนนี้แล้ว คิดว่ามีสิบหมอวินท์ก็คงช่วยหมอเต้ไม่ทันแล้วค่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 17-10-2018 19:39:53
หมอวินเปลี่ยนบทบาทมาเป็นตัวร้ายเรื่องนี้น่าจิเข้าท่าดี แกล้งเด็ก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-10-2018 19:47:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 17-10-2018 19:53:19
พี่วินร้ายยยยย 55555555 ตอนนี้คีรีน่าเอ็นดูววว  :-[
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-10-2018 20:17:10
 มีความเปย์เด็กดอย

:pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 17-10-2018 20:17:53
พยายามเข้านะเด็กน้อย ผ่านด่านเพื่อนสนิทอย่างหมอวินได้ ก็สบายแล้ว... หราาาาาา

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 17-10-2018 21:11:39
ทำไมวินร้ายยยย  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-10-2018 22:09:25
เด้กมันร้ายยยยย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 17-10-2018 22:10:39
บางทีหมอเต้ก็ซื่อไปนะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-10-2018 22:37:44
แกล้งเด็ก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 17-10-2018 23:16:01
หมอวินยังคงแซ่บไม่เปลี่ยนเลยโว้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-10-2018 23:25:33
 :pig4: :pig4: :pig4:


แปลกใจกะหมอวินท์  ทีตอนกะนุ้งพิงค์ ดูบื้อ ๆ นะ

ทำไมตอนนี้  ฉลาดเป็นกรด  อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-10-2018 23:49:08
ตายๆๆๆๆ พึ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าหมอวินร้ายกาจ
ที่ใจดีๆคือคงกับน้องพิงแค่คนเดียวใช่ไหม
คราวนี้เด็กดอยจะอ้อยหมอเต้คนกึ่งซื่อกึ่งใจอ่อนยังไงล่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 18-10-2018 00:01:06
ไหนๆ หมอวินจับพิรุธอะไรได้อีก  :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 18-10-2018 00:15:43
เด็กดอยว่าร้ายแล้ว
เจอพี่วินเข้าไป ร้ายกว่า
อึ้งไปเลยสิ เอาไงต่อ เดินเกมส์ไงต่อหล่ะทีนี้
ไปหาห้องเช่าที่ไหนมาหลอกดี ถ้าหมอเต้ไปเยี่ยม
 :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 18-10-2018 00:49:58
แหมอิพี่วิน พอไม่ไช่เรื่องของตัวเองละ ฉลาดเชียวนะ
หมาน้อย หน้าตาใสซื่อ โถ้หมอเต้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-10-2018 01:08:13
 หมอเต้คงตามเด็กไม่ทันแน่ๆ ส่วนหมอวินก็ร้ายนะคะ :laugh3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-10-2018 01:25:12
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 18-10-2018 01:47:25
เหม่ พอเรื่องคนอื่นล่ะเก่งเชียว แต่พอเรื่องตัวเองนี่โคตรกากเลยอ่ะหมอวิน แหมแหหหหหห อยากจะแหมไปถึงดาวอังคาร
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 18-10-2018 04:07:12
อยากจะแหมใส่หมอวินด้วยคน 555555  :laugh:

เหม่ พอเรื่องคนอื่นล่ะเก่งเชียว แต่พอเรื่องตัวเองนี่โคตรกากเลยอ่ะหมอวิน แหมแหหหหหห อยากจะแหมไปถึงดาวอังคาร
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 18-10-2018 05:09:32
หมอเต้นี่หมดมาดตัวร้ายจากเรื่องก่อนเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 18-10-2018 07:52:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 18-10-2018 09:48:37
 :hao3: คีรีจะหลุดวามลับตอนไหนน่าาาา  :katai3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 18-10-2018 10:11:19
หมอเต้คะ ความร้ายของอีกเรื่องหายไปไหนคะ


ดูเด็กน้อยไปเลย


55555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 18-10-2018 10:20:27
เด็กมันร้ายยย แต่ หมอวินร้ายกว่าาา 555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 18-10-2018 13:39:22
หมอวินแหย่มาก ๆ เดี๋ยวเด็กหลุดบอกอะไรไปแล้วจะอึ้งนะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 18-10-2018 13:46:21
ร้าย ร้าย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: Mariinariiz ที่ 18-10-2018 17:28:46
มีแต่คนรว้ายรว้าย เราคิดว่าคีรีไม่ธรรใดาด้านฐานะอ่ะ แบ้วก็ไม่รู้ใครจะกินใคร แต่รอให้เขากินกันนะ 555 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 18-10-2018 19:42:36
หมอวินคือตัวอย่างของทฤษฎีที่ว่า คนเรามักฉลาดเรื่องของคนอื่นแต่จะโง่เรื่องของตัวเอง
อยากจะเบะปากมองบนใส่หมอวิน  :katai1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 19-10-2018 01:39:37
พยายามเข้าทาท
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 19-10-2018 05:49:53
ผีเห็นผี55555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 19-10-2018 12:28:22
พี่หมอวิน มันร้ายยยยยย

ขบวนการ ผีเห็นผี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 19-10-2018 20:30:02
หมอวินนนนนนนน...ร้ายนะเรา ผีเห็นผีเอาให้นิสัยจริงๆของคีรีแสดงออกมาให้หมอเต้เห็นเลยหมอวินคงสนุกน่าดู :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 20-10-2018 12:19:12
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 21-10-2018 13:53:31
อยากรู้มากคีรีเป็นใคร ไปรู้จักเต้ตอนไหน
แถมรู้จักวินด้วย คือรู้จักครบคนมาก
แล้วยังหลอนกลัวเจอคนรู้จักด้วย ไม่ธรรมดา

5555 วินคงรู้สึกชนะมากเลยนะ แกล้งน้อง
คีรีเอ้ย อย่าพึ่งแพ้ค่ะ ยังไงเต้ก็แพ้หน้าหงอยนะ

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 21-10-2018 14:23:15
ยังๆๆๆยังๆม่มาต่ออีก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: PupleBetterfly ที่ 21-10-2018 20:09:59
ชอบพี่หมอวิน เวอร์ชั่นนี้มากอ่ะ :haun5: :m12:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 7 : แพ้ความใกล้ชิด[171018]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 23-10-2018 19:10:20


Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ


หลังเลิกงาน รวินท์กับเตชิตเก็บข้าวของเสร็จก็เดินกลับไปยังหอพักของพวกเขา

วันนี้ทั้งวันเตชิตอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ โปรยยิ้มได้ตลอดวันจนรวินท์รู้สึกหมั่นไส้ คนไข้และผู้ช่วยทันตแพทย์ก็ยังตกใจกันเป็นแถบๆ เพราะหมอเต้ที่ทุกคนรู้จักน่ะ ถึงแม้จะใจดี แต่ปกติจะเก๊กขรึมทำหน้าเครียด คุมโทนพูดเสียงดุๆ ให้ดูน่าเคารพ และจะยิ้มแฉ่งหน้าบานได้ก็ต่อเมื่อคุยกับรวินท์เท่านั้น

“อารมณ์ดีจังนะมึงน่ะ โดนไอ้เด็กนั่นปล่อยของใส่แหงๆ”

“จะบ้าเรอะ กูอารมณ์ดีที่มึงคอยหวงห่วงกูต่างหาก แหม เมื่อคืนก็จะมานอนด้วย วันนี้ก็มาหาถึงห้องแต่เช้า ทำโจ๊กมาให้แดก รอเดินไปทำงานพร้อมกันอีก โห เหมือนฝัน”

“สัส โจ๊กนี่น่าปลื้มมากเลยมะ มึงรู้รึเปล่าว่ายุคนี้เขามีโจ๊กสำเร็จรูปอะ แค่ต้มกับน้ำร้อนใส่แล้วใส่หมูสับแค่เนี้ยะ”

“กูปลื้มจนลืมถ่ายรูปไปอวดไอ้พิงค์เลยนะเนี่ย”

รวินท์เบ้ปากใส่ “พอๆ ไม่ต้องตอแหลใส่กูละ แล้วเด็กนั่นล่ะ”

“รออยู่ที่ม้านั่งใต้ตึกหอพัก เขาเมสเสจมาบอกเมื่อกี้” เตชิตยกมือขึ้นโอบไหล่เพื่อนรัก “ไอ้วิน วันนี้ไปหาไอ้พิงค์ช้าหน่อยได้มั้ยวะ กูมีไรอยากให้มึงช่วย”

“ช่วยไรวะ”

“เดี๋ยวไปเชียงใหม่ แวะไปส่งคีรีแล้วกูจะหาเรื่องบุกไปดูห้องของเขาสักหน่อยว่ะ มึงไปกับกูก่อนนะ ไปดูกับกูหน่อย”

“มึงจะไปเสือกห้องเขาทำไมเนี่ย มันพื้นที่ส่วนตัวของเขานะเว้ย”

“ก็กูสงสัยอะ อยากรู้ว่าเขาเป็นอยู่ยังไง”

“แล้วมึงจะอยากรู้ไปทำไม จะสนใจเขาทำไมนักวะ”

เตชิตตีหน้าขรึมพลางถอนหายใจหนักๆ “บอกตรงๆ ว่ากูเป็นห่วงเขาว่ะ เขาเป็นเด็กชาวเขาจากเชียงราย ห่างครอบครัวมาทำงานตามลำพังในเมืองใหญ่แบบนี้...”

รวินท์พยักหน้าหงึกๆ ขณะถอนหายใจตามเพื่อนรักอีกหลายๆ รอบ ก็ได้ยินแบบนี้เขาจะใจจืดใจดำได้อย่างไร “อือๆ กูเข้าใจละ ไปก็ไป แล้วเขาอยู่คนเดียวรึเปล่าอะ”

“เห็นว่าแชร์ห้องอยู่กับเพื่อน เป็นหอพักที่ทางโรงแรมที่เขาทำงานอยู่ซื้อไว้ให้พนักงานมาเช่าพักได้ว่ะ”

รวินท์ขมวดคิ้ว คือมันก็เป็นไปได้แหละ โรงแรมใหญ่ๆ ก็คงมีสวัสดิการดีล่ะมั้ง “เออ โอเค” เขาชำเลืองมองเพื่อนรัก แต่เมื่อคิดทบทวนคำพูดอีกฝ่ายก็ชักรู้สึกตงิดๆ “เดี๋ยวนะ แชร์ห้องอยู่กับเพื่อนก็ไม่ลำพังแล้วมั้ยวะ มึงจะไปจับโป๊ะเด็กนั่นก็บอกมาตรงๆ”

“เป็นห่วงเฉยๆ โว้ย เขาอาจจะอยู่กับเพื่อนแต่ก็ห่างครอบครัวอยู่ดีมะ”

“เออๆ ถ้ามึงคิดงั้นแล้วสบายใจ ห่วงก็ห่วง ไอ้บ้า”

เตชิตพูดเสียงค่อย “กูแค่อยากจะไปดูว่าที่เขาพูดมาเป็นเรื่องจริงรึเปล่าเท่านั้นแหละ”

“นั่นไม่เรียกจับโป๊ะรึไงสัส” รวินท์พึมพำอย่างอ่อนใจ



เมื่อเดินไปถึงหอพัก คีรีก็มานั่งทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมรออยู่แล้ว ทันตแพทย์ทั้งสองจึงแยกย้ายกันไปเก็บของ ก่อนจะลงมาเจอกันที่รถของเตชิต

“เอารถมึงไปอีกแล้วอ่อ” รวินท์ทำหน้าเซ็ง พลางชำเลืองมองเด็กหนุ่มที่ขึ้นไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อบนเบาะหลังรถเรียบร้อย

“ถ้าเอารถมึงไป คีรีไม่ต้องเกาะหลังคาไปรึไงวะ คิดสิคิด” เตชิตหันไปเปิดประตูรถให้เพื่อนรัก “เชิญครับคุณชาย”

“เออๆ” รวินท์ทำหน้าเซ็งๆ แล้วก้าวขึ้นไปนั่งตรงที่ข้างคนขับ

จากนั้นเตชิตก็เดินอ้อมตัวรถไปนั่งตรงที่ของคนขับ สตาร์ตเครื่องรถ แล้วขับออกไปช้าๆ

ภายในรถมีเสียงเพลงเบาๆ เปิดคลอไว้ ทันตแพทย์ทั้งสองหันไปคุยกันบ้าง คุยกับเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างหลังบ้าง พยายามทำตัวเป็นปกติไม่ให้อีกฝ่ายสงสัย

จนกระทั่งเข้าเขตเมืองเชียงใหม่ รถของเตชิตมุ่งหน้าตรงไปยังคอนโดมิเนียมใกล้ที่พักของเด็กหนุ่ม ใช้เวลาไม่นานก็ไปจอดอยู่ในที่จอดรถเรียบร้อย

“ขอบคุณครับ” คีรียกมือไหว้ แต่พอจะก้าวลงจากรถ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลังพวงมาลัยก็พูดขึ้น

“ไม่ต้องรีบๆ ผมกับวินจะช่วยคุณถือของไปที่หอนะ”

“เอ่อ ไม่ต้องลำบาก...”

รวินท์แจกยิ้มการค้า “ไม่เป็นไร นิดหน่อยเท่านั้น อีกอย่างน่ะ ผมกับเต้จะได้รู้ว่าคุณพักที่ไหนนะ เวลามีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้สะดวกขึ้น”

“แต่ว่า... มันน่าอายอะครับ ห้องผมเป็นแค่ห้องเล็กๆ แคบๆ เท่านั้น สกปรกด้วย”

“ไม่ต้องอายหรอกน่ะ เราคนกันเอง”

คีรีอ้ำอึ้งพอเป็นพิธี จากนั้นก็พยักหน้าหงึกๆ “งั้นก็ได้ครับ ขอบคุณมาก”

รวินท์หรี่ตามอง เขาคิดว่าอีกฝ่ายตกลงง่ายไปนิดนะ แต่ก็ช่างมันก่อนละกัน ตอนนี้ขอให้ได้ไปดูห้องก่อนเถอะ

“เดินตัดสวนไปก็ถึงแล้วครับ ตามผมมาเลย”

ทันตแพทย์ทั้งสองสบสายตากัน แล้วถือของเดินตามหลังเด็กหนุ่มไปเรื่อยๆ ผ่านสวนสาธารณะไปก็พบกับตึกแถวอย่างที่เด็กหนุ่มเคยบอกไว้ พอเดินเข้าไปในตัวตึก ขึ้นบันไดไปอีกสี่ชั้นก็ไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่ง

ขณะที่ทันตแพทย์ทั้งสองหอบแฮกๆ คีรียังไม่ทันจะเปิดประตูออกก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันดังแว่วมาจากข้างใน


“พับโวยๆ วันนี้ต้องเอาหื้อได้สองพันใบหนา”

“เมื่อยหลังแล้วเนี่ย”



เมื่อเปิดประตูห้องออก คนในห้องหันมาเห็นเด็กหนุ่มก็ยิ้มกว้างพร้อมกับกวักมือเรียก “มาปอดี คีรี มาจ่วยกันพับถุงหน่อย!”


เตชิตและรวินท์เลิกคิ้วขึ้น ในห้องพักของเด็กหนุ่มก็แคบอย่างที่อีกฝ่ายเคยบอกไว้ หากไม่ใช่แค่แคบ แต่แออัดด้วย เมื่อมองเข้าไปภายในห้องก็เห็นเด็กหนุ่มสองคนกับเด็กสาวอีกสองคนนั่งอยู่บนพื้น ทุกคนใส่ชุดชาวเขาเต็มยศ มีหมวกมีพู่ สร้อยเงินห้อยระโยงระยางครบเซตแบบที่เคยเห็นตามสถานที่ท่องเที่ยวบนดอย ดูท่าจะอดหลับอดนอนพับถุงกันจนขอบตาดำคล้ำหน้าซีดเลยทีเดียว นอกจากนั้นบนพื้นห้องก็ยังมีกองกระดาษและกองถุงกระดาษวางระเกะระกะ ด้านหลังของพวกเขามีเตียงนอนขนาดใหญ่ซึ่งมีที่นอนพับวางซ้อนทับอยู่ทางด้านบน ด้านในสุดมีประตูอีกบาน ที่ข้างๆ ประตูบานนั้นมีตู้เสื้อผ้าทำจากไม้เก่าๆ ตั้งอยู่ ฝั่งขวามือมีตู้เย็นสุดโทรมกับไมโครเวฟ พื้นปูเสื่อน้ำมันและมีพัดลมหมุนติ้วๆ อยู่บนเพดาน

“คือ... เปิ้นพา...” เด็กหนุ่มพูดขึ้น ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ ทั้งสี่คนก็ลุกขึ้นโวยวาย วิ่งชนกันให้วุ่น

“คนแปลกหน้ามา! ลี้เร็ว!” สองสาววิ่งไปหลบใต้เตียงกับหลังเตียง เด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งไปหลบในตู้เสื้อผ้า และเด็กหนุ่มอีกคนวิ่งไปหลบข้างตู้เย็น

“ใจเย็นๆ พวกผมไม่ใช่คนร้ายนะ!” ทันตแพทย์ทั้งสองตกใจยิ่งกว่า

“นี่เปื่อนเปิ้น! บ่าต้องต๊กใจ๋!” คีรีถลาเข้าไปหาพวกเพื่อนๆ ในห้อง ทำให้ยิ่งวุ่นวายเพราะทุกคนโวยวายเสียงดังหนักกว่าเดิมไปอีก

“บ่าดียะเปิ้น เปิ้นเป๋นคนไทย เปิ้นมีบั้ดประชาชนหนา!” สองสาวตะโกนแล้วกรีดร้องเสียงดังลั่น

“เปิ้นอู้ไทยได้หนา~” เสียงของเด็กหนุ่มแว่วมาจากข้างตู้เย็น ตามมาด้วยเสียงอู้อี้จากในตู้เสื้อผ้า “บ่าดียับเปิ้นเลย!”

เตชิตเห็นท่าไม่ดี เพราะดูเหมือนว่าการมาเยือนของพวกเขาจะทำให้ทุกคนตกใจเอามากๆ ถ้าอยู่นานกว่านี้ทุกคนอาจจะกระโดดชั้นสี่หนีได้ ตายห่ากันหมดพอดี “พวกผมออกไปรอข้างนอกก่อนดีกว่า” พูดจบก็คว้าแขนรวินท์ถอยออกจากห้องไป

ทันตแพทย์ทั้งสองหันมองหน้ากันอย่างงงๆ ไอ้ความวุ่นวายเมื่อกี้มันคืออะไรวะเนี่ย

สักพักคีรีก็เปิดประตูห้องออกมา ทว่ายังมีเสียงสะอึกสะอื้นไห้เบาๆ ดังมาจากในห้องเป็นแบ็กกราวด์มิวสิค “เชิญครับ ขอโทษที เมื่อกี้เพื่อนๆ ผมตื่นตูมไปหน่อย พวกเขาขี้ตกใจน่ะครับ สมัยอยู่เชียงรายเคยโดนตำรวจบุกเข้ามาตรวจในหอพัก พวกเขาเลยกลัว ไม่ค่อยคุ้นกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่”

โห พูดซะขนาดนี้ ถ้าพวกเขายังดึงดันจะบุกเข้าไปนั่งด้วยก็ดูจะใจร้ายกับเจ้าของห้องไปหน่อยไหมล่ะ!

เตชิตสบตากับรวินท์ พออีกฝ่ายพยักพเยิดหน้าหงึกๆ เขาก็ถอนหายใจเบาๆ “น่าสงสารนะ งั้นพวกผมไม่กวนแล้วดีกว่า”

“เอ่อ จะไม่เข้ามานั่งพักสักแป๊บเหรอครับ ผมยังไม่ได้แนะนำเพื่อนผมให้พวกคุณรู้จักเลย”

“ไม่ล่ะ เดี๋ยวพวกเขาจะยิ่งตกใจ” เตชิตรีบปฏิเสธ

คีรีทำหน้าเศร้าใส่ “แย่จัง ยังไม่อยากให้คุณกลับเลย”

รวินท์ขมวดคิ้ว ขณะมองเด็กหนุ่มทำหน้าอ้อนใส่เพื่อนรักของตน ไอ้เด็กนี่แม่งมารยาชัดๆ! เขาเบ้ปากเล็กน้อย “ไปเหอะเต้ อย่ากวนเขาเลย เขายังต้องไปช่วยเพื่อนพับถุงกันอีกนะเว้ย มึงรีบร่ำลาให้เสร็จๆ” เมื่อพูดจบก็เดินออกไปหยุดรออยู่ห่างๆ

“เออ จริงด้วย ถ้างั้นก็พยายามเข้าละกันนะ ผมไปล่ะ”

คีรีคว้าชายเสื้อของทันตแพทย์หนุ่มไว้ “คุณเตชิตครับ ผมจะโทรไปหา จะส่งข้อความไปหาคุณทุกวันนะ”

“อือๆ” เจ้าของชื่อพยักหน้าเออออ ก่อนเขาจะนึกขึ้นได้ “แต่อาทิตย์หน้าผมไปออกหน่วย อาจจะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์นะ บอกไว้ก่อน จะได้ไม่งอแงว่าผมไม่รับโทรศัพท์”

“ถ้างั้นผมจะส่งข้อความทิ้งไว้ เวลาคุณเตชิตมีสัญญาณโทรศัพท์อีกครั้งจะได้เห็นว่าคุณสำคัญกับผมมากขนาดไหน”

เตชิตหัวเราะ เขายกมือขึ้นตบไหล่คนอ่อนวัยกว่าเบาๆ “แล้วเจอกัน”

“ครับ” คีรีตอบเสียงอ่อย “อะ! คุณเตชิตรอเดี๋ยว!” เด็กหนุ่มผลุบหายเข้าไปในห้อง ตามมาด้วยเสียงดังโวยวายแว่วมาจากภายในห้องนั้นอีกครั้ง สักพักก็กลับออกมา เขายัดธนบัตรใบละหนึ่งร้อยใส่มือทันตแพทย์หนุ่ม จากนั้นก็กุมมือข้างนั้นไว้

เตชิตสบตาอีกฝ่าย ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไร

“คุณเตชิตครับ ผมคืนให้คุณสี่ร้อยแล้วนะครับ”

“อืม”

คีรีบีบมือที่เขากุมอยู่เบาๆ “คุณเตชิต...”

“ปล่อยมือได้แล้ว ผมต้องไปล่ะ ให้ไอ้วินรอนานเดี๋ยวโดนด่า” เตชิตรับเงินไว้ บอกลาแล้วหันหลังเดินไปหาเพื่อนรัก

พอคีรีหันไปทางรวินท์ก็เห็นว่าอีกฝ่ายยิ้มให้เขาเล็กน้อย แต่มันดูไม่ค่อยจะเป็นรอยยิ้มที่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ เหมือนเป็นรอยยิ้มของสิงโตตอนหลอกให้เหยื่อตายใจ ก่อนจะขย้ำให้ตายซะมากกว่า

ผีย่อมเห็นผีด้วยกัน และถือไพ่เหนือกว่าทุกตา ท่าทางของทันตแพทย์หนุ่มกำลังบอกเขาอย่างนั้น

รวินท์โบกมือลา เขายกแขนขึ้นโอบไหล่เตชิตแล้วเดินจากไปพร้อมกัน ปล่อยให้เด็กหนุ่มมองตามตาละห้อย หูลู่หางตกอยู่ที่หน้าห้องไปแบบนั้น



ทันตแพทย์ทั้งสองจ้ำอ้าวๆ กลับไปยังรถที่จอดไว้ พอเข้าไปนั่งในรถก็หันมองหน้ากัน

“มึงคิดว่าไง หายสงสัยหรือยิ่งสงสัยมากขึ้นกันวะ” รวินท์ชิงถามก่อน

เตชิตขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่จึงตอบ “แวบแรกไอ้ที่เห็นก็ตรงกับที่เขาเล่าให้ฟังอยู่นะ”

“ทำไมต้องมีแวบแรกวะ แล้วอีกแวบล่ะ”

“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ รู้แต่ว่าในห้องนั้นวุ่นวายฉิบหาย”

รวินท์พยักหน้าหงึกๆ แล้วพูดเสียงเครียด “ก็จริง วุ่นวายเว่อร์ๆ”

“แต่ช่างมันก่อนละกัน ขอบใจมึงมากนะเว้ย” เตชิตเอื้อมมือไปตบลงบนตักเพื่อนรักเบาๆ “ไปกันเหอะ เดี๋ยวเด็กมึงคอยนานจะจิตหงุดเงี้ยว”

รวินท์ชูนิ้วกลางสวนกลับไปทันควัน “สัส! จริงจังได้ไม่เคยถึงห้านาทีเลยมึงเนี่ย!”



ทางฝ่ายคีรีนั้น เด็กหนุ่มยืนคอตกอยู่หน้าห้องของเขาไปอีกสักพักบานประตูห้องก็เปิดออก แล้วเพื่อนพ้องในห้องก็ชะโงกหน้าออกมา

“คีรี หมอเขาสงสัยอะไรรึเปล่าวะ”

“แล้วมึงเป็นไร ทำไมไม่เข้าห้อง ยืนเป็นเสาตกน้ำมันรอคนมาไหว้เหรอวะ”

เจ้าของชื่อเรียกหันไปทางเพื่อนๆ ช้าๆ “กูจะเอาชนะหมอวินได้ยังไงวะ”

“โห กูว่ามึงตายแล้วเกิดใหม่สามชาติยังยากเลย ใจเย็นก่อนไอ้ลูกหมา เข้าห้องก่อนเว้ย”

คีรีเดินไปนั่งลงท่ามกลางกองถุงกระดาษและเพื่อนพ้อง นัยน์ตากวาดมองสภาพห้องรวมไปถึงเพื่อนทั้งสี่หน่อ ยุ้ย ฟลุค ปิ๊กและเจนี่ที่ทุ่มทุนแต่งตัวแต่งหน้าเป็นชาวเขาผู้ลำบากตรากตรำทำงานจนหน้ามืดแบบเต็มยศมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ ก่อนจะพูดเสียงอ่อย “ขอบใจทุกคนมากนะ”

พอเห็นว่าคีรีเศร้า ทั้งสี่คนก็พากันเศร้าไปด้วย แล้วทั้งห้าคนก็นั่งห่อเหี่ยวกันไปแบบเงียบๆ จนกระทั่งปิ๊กพูดขึ้น “ใจเย็นสิวะไอ้คีรี เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลามะ เขาสนิทกันมานานตั้งเท่าไหร่ มึงยังไม่เกิดเลยมั้ง”

“มึงว่าหมอเต้ของกูแก่ขนาดนั้นเลยเหรอวะไอ้ปิ๊ก!” คีรีขึงตาใส่

“แต่หมอวินก็หล่อมากจริงๆ นะคีรี คือแบบ... ยุ้ยเห็นแค่ปลายเงานี่ยุ้ยยังเพ้อเลย” เด็กสาวในชุดชาวเขาพูดบ้าง

“หมอวินสำคัญกับหมอเต้มากๆ หมอเต้ทั้งแคร์ ทั้งเกรงใจที่สุด ส่วนหมอวินก็ดูจะหึงหวงหมอเต้อยู่เหมือนกัน เขาไม่ชอบให้เราเข้าใกล้ เราว่าพวกเขาอาจจะยังไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ก็น่าจะดูใจกันอยู่” คีรีพูดเสียงอ่อย

เจนี่เอื้อมมือไปตบไหล่เพื่อนเบาๆ “ไม่หรอกน่ะ ไอ้บ้า พวกเขาคบกันมาเป็นสิบปี ถ้าจะเป็นแฟนกันก็เป็นไปนานแล้วล่ะ หมอวินคงจะเป็นห่วงเพื่อนมากกว่า ก็จู่ๆ มีเด็กดอยที่ไหนไม่รู้มาตามเพื่อนเขาต้อยๆ”

“ใช่ เจนี่พูดถูกนะ อีกอย่าง ถ้าเป็นแฟนกันหมอเต้ก็คงไม่ยอมให้หมอวินไปเป็นคู่จิ้นกับพี่ภูพิงค์วิดวะคนนั้นหรอก”

ฟลุคพยักหน้าเห็นด้วย “กูว่าถ้ามึงเข้าถึงหมอวิน ดึงเขามาเป็นพวกได้ มึงก็ผ่านฉลุยไปค่อนทางแล้วล่ะ”

“แล้วกูจะเข้าถึงเขาได้ยังไงวะ จะทำยังไงให้เขาเปิดใจให้กู หมอวินสงสัยกูมาก ระแวงกูมากด้วย”

“มึงก็น่าระแวงจริงมะ แม่ง... ชาวเขาอะไรไม่อยู่บนเขา หน้าตาจะไทยก็ไม่ไทย จีนก็ไม่จีน จะว่าออกฝรั่งก็เหมือนฝรั่งไม่สุก นอกจากภาษาอังกฤษแล้วมึงก็พูดไม่ชัดสักภาษา ผลุบๆ โผล่ๆ เป็นผีบ้า แถมทำตัวลับๆ ล่อๆ อีก”

“ทำตัวลับๆ ล่อๆ ห่าไร กูก็ต้องไปเรียนเหมือนพวกมึงมะ แถมยังต้องช่วยคุณตาเล่นหุ้น ไปช่วยงานโรงแรมด้วย ไม่ได้ว่างตลอดนี่หว่า แล้วก็ถ้ากูไม่เออออเป็นชาวเขาไป หมอเต้จะยอมให้กูเข้าหาขนาดนี้เหรอวะ” คีรีโวยวาย “กูพยายามใช้ทุกทริกแทรกตัวเองเข้าไปในความคิดหมอเต้มากที่สุดแล้ว แต่ไม่ว่าจะทำยังไง ดูเขาก็ยังจะเอาคิดถึงแต่หมอวินอยู่คนเดียวเหมือนเดิม พวกมึงรู้มั้ย พวกเขาแม่งเหมือนเป็นแฟนกันมากเลยนะเว้ย กอดกัน อ้อนกันต่อหน้ากูนี่เลย กูแทบจะลุกขึ้นฉีกเสื้อ กลายเป็นฮัคต่อหน้าพวกเขาหลายรอบแล้ว”

“โอ๋... ไอ้ลูกหมาขี้เรื้อน” ปิ๊กเอื้อมมือไปลูบศีรษะเพื่อนปลอบใจ เสียงกระดิ่งบนชุดชาวเขาดังกรุ๋งกริ๋งทุกจังหวะการขยับมือ “แบบนี้มึงก็ต้องสู้ให้หนักขึ้นอีกเป็นสองเท่าสิเว้ย จะต้องพิชิตใจหมอเต้ให้ได้ แล้วก็ต้องทำให้หมอวินเปิดใจให้มึงด้วย”

ฟลุคพยักหน้าหงึกๆ “ไอ้เรื่องเข้าหาหมอวิน พวกกูก็น่าจะพอช่วยมึงได้อีกแรง อย่างน้อยที่สุดก็คงจะพอสืบเรื่องอะไรของเขามาได้บ้าง รู้เขารู้เราไว้ก่อนดีที่สุดเว้ย”

“มึงจะทำยังไงวะฟลุค”

“มันต้องมีวิธีสิวะ กูได้ยินมาว่าหมอวินไปที่คณะวิดวะบ่อยๆ นั่นน่าจะเป็นโอกาสให้พวกเราเข้าหาหมอวินตอนอยู่คนเดียวได้” เจ้าของชื่อเรียกทำท่าเกาคางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “อืม... กูว่าพวกเราต้องส่งกะเหรี่ยงไปเบิกทางไว้ก่อนเว้ย เผื่อว่าหมอวินยังโสด จะได้จัดการจีบซะ ยังไงผู้ชายก็ต้องใจอ่อนกับผู้หญิงสวยๆ อยู่แล้วมะ ถ้าจีบติดก็ดีไป ถ้าไม่ติด ก็น่าจะพอเกลี้ยกล่อมให้คายความลับอะไรออกมาได้บ้าง แต่ถ้าไม่โสดก็จะได้รู้กันไปเลยว่าเขากำลังคบใครอยู่กันแน่”

“กะเหรี่ยง?” ปิ๊กขมวดคิ้ว แต่ก็หันไปทางเพื่อนสาวสองคน “มึงจะส่งเจนี่กับยุ้ยไปจีบหมอวินเหรอวะ”

“ไอ้ปิ๊ก! ไอ้ฟลุค! กะเหรี่ยงพ่อง! พวกเราแค่มาจากต่างจังหวัด ก็เหมือนพวกนายสองคนมะ” เด็กสาวทั้งสองโวยวาย “แต่ไอ้เรื่องสวยนี่ไม่เถียง แถมเรื่องเข้าหาหมอวินนี่ก็น่าสนอย่างแรง เผื่อฟลุคได้ขยับขั้นเป็นแฟนหมอด้วย” แล้วพวกเธอก็หันหน้าเข้าหากัน หัวเราะคิกๆ

“ระวังนะเว้ย เราว่าหมอวินไม่ธรรมดาเลย” คีรีพูดเสียงขรึม

“ยังมีใครไม่ธรรมดากว่านายอีกเหรอวะคีรี พวกเราก็ชินกับนายแล้วมะ”

“โหย พวกนายชอบว่าเราร้ายอย่างนั้นอย่างนี้ใช่มะ พวกนายคูณไปอีกร้อยอะ ถึงจะดีกรีเท่าหมอวิน เราอะ โดนมาหมาดๆ เมื่อเช้าเลยแม่ง” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับ “หน้าตาเขาโคตรมีเสน่ห์ มองนิดเดียวยังหลง ตาของเขาคือแบบ... เหมือนสะกดจิตคนได้ พวกนายอย่าเผลอจ้องตากับเขาเชียว แล้วเวลาเขายิ้มนะ แบบ... ยิ้มร้ายมากอะ เหมือนคนถือไพ่เหนือกว่าแม่งทุกตา”

ปิ๊กถอนหายใจใส่ “เขาก็ถือไพ่เหนือกว่ามึงจริงๆ ปะวะ ถ้าสมมติเขามีใจให้หมอเต้อะนะ มึงก็เลิกเรียนไปถางป่าบนดอยแล้วทำไร่แห้วได้เลยอะ”

“นี่พวกนาย” ยุ้ยพูดเสียงเครียด

“อะไรวะ”

“คือจู่ๆ ยุ้ยก็นึกขึ้นมาได้... เคยอ่านในนิยายบ่อยๆ แบบเพื่อนกัน คบกันมานาน ตอนแรกยังไม่รู้ใจตัวเอง แต่มารู้เอาตอนที่มีคนอื่นเข้ามาชอบเพื่อน มันเป็นพล็อตคลาสสิกเลยนะเว้ย”

“นี่จะปลอบมันหรือจะกระทืบมันให้จมดินอะยุ้ย” ฟลุคติง แล้วหันไปปลอบเพื่อนรักที่นั่งทำหน้าเศร้า “หมอเต้ก็ให้โอกาสมึงไม่ใช่เหรอวะ เขาให้มึงเข้าใกล้ได้ขนาดนี้แล้ว มึงได้ค้างที่ห้องพักเขาเลยนะเว้ย กูว่ามึงก็ไม่แดกแห้วซะทีเดียวหรอก”

“นั่นเพราะในสายตาเขา กูเป็นเด็กดอยตาดำๆ เท่านั้นละ” คีรีเอนหลังลงนอนแผ่ทับกองถุงกระดาษ “มันคงเป็นกรรมของกูที่ไม่เคยจริงจังกับใคร พอถึงคราวที่กูหลงรักใครจริงจังบ้าง เลยต้องอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาหันหน้าไปมองข้อมือตนเองซึ่งสวมสร้อยข้อมือที่เตชิตให้อยู่ ก่อนจะยิ้มบาง “แต่กูจะพยายามต่อ”

“มองสร้อยแล้วยิ้มปากบานเชียวนะมึง หมอเต้ให้มารึไง”

“อือ ไม่ใช่แค่สร้อยนะเว้ย ชุดนี้ทั้งชุดหมอเต้ก็ซื้อให้”

“แหม~ อยากจะแหมจากเชียงใหม่ไปถึงยะลา” เพื่อนทั้งสี่เบ้ปากอย่างพร้อมเพรียงเรียงกันเป็นลูกคลื่น “นาย/มึงมันร้าย!”

เจนี่สะกิดเพื่อนหนุ่ม “แต่ว่านะคีรี หมอเต้ใจดีกับนายขนาดนี้ ถ้าเขารู้ความจริง เขาจะไม่โกรธนายใช่มั้ยเนี่ย”

รอยยิ้มของคีรีจางหายไปทันควัน “แต่ถ้าเราไม่ทำแบบนี้ เราก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ ว่ะ”

ฟลุคกับปิ๊กถอนหายใจหนักๆ พวกเขานั่งเงียบกันไปอีกสักพักก่อนจะลุกขึ้น “เฮ้ย เก็บของกันดีกว่า ไอ้คีรี ลุกๆ”

คีรีลุกขึ้น แล้วช่วยเพื่อนๆ เก็บถุงกระดาษทั้งหลายรวมใส่ถุงกระสอบใหญ่เรียงไว้ติดฝาผนัง

“เผื่อต้องใช้อีก มึงเก็บไว้ก่อน”

คีรีพยักหน้า “นี่ไปหาซื้อถุงพวกนี้มาจากไหนวะเนี่ย”

“ซื้อในตลาดมาน่ะสิ มีทั้งถุงที่พับแล้วกับแบบ First kit พร้อมพับ ป้าคนขายเปิดคอร์สวิธีพับถุง101 แบบเร่งรัดให้ด้วย เจ๋งมะ” ยุ้ยตอบ

“แล้วเสื้อผ้า...”

“เออ ก็ซื้อในตลาดเดียวกันนั่นแหละ บอกพี่แม่ค้าให้จัดชุดใหญ่ไฟกะพริบมาเลยนะเนี่ย” เจนี่หัวเราะคิก “อยากแต่งชุดชาวเขาเป็นเซตแบบนี้มานานแล้ว มีของคีรีด้วยนะ คราวหน้าแต่งให้ครบห้าคนแล้วไปถ่ายรูปริมอ่างแก้วกัน”

เจ้าของชื่อยิ้มแห้ง “ขอบใจว่ะ”

“เนี่ย ตอนแรกพวกกูก็ว่าจะแค่แต่งตัวเฉยๆ แต่ยุ้ยกับเจนี่ไม่ยอมว่ะ บอกว่าหัวข้อที่มึงขอมาคือต้องดูลำบากตรากตรำทำงานหนัก ปล่อยหน้าสดเดี๋ยวไม่ผ่านแคมเปญแรก นี่พวกกูยอมลงรองพื้นหน้าลอยครั้งแรกในชีวิตเลยนะเว้ย” สองหนุ่มบ่นกระปอดกระแปด “พวกคุณนายเลยสนุกเลย หน้าขาวขอบตาดำแบบนี้ กูว่าทาแก้มแดงอีกหน่อยไปเล่นละครลิงได้เลยเนี่ย ส่วนกำเมืองพวกเราก็รู้อยู่ไม่กี่คำ ถ้าพูดมากกว่านี้ก็กลัวว่าจะเป็นพม่าหลงมาเลยสัส”

คีรีหัวเราะร่วน “ขอบใจทุกคนมากนะเว้ย ก็หมอเต้เพิ่งเปรยเมื่อคืน กูเลยเดาว่าวันนี้น่าจะแจ็คพอตแตกเพราะหมอเต้จะมาเชียงใหม่กับหมอวินพอดี เขาคงไม่เปิดโอกาสให้กูได้ตั้งตัวแน่ๆ โชคดีชะมัดที่กูรีบเช่าห้องนี้ไว้ตั้งแต่ตอนที่หมอเต้มาส่งกูแถวนี้ครั้งแรก แล้วนี่ซื้อของมาเยอะขนาดนี้ก็เกินงบสิวะเนี่ย เกินมาอีกเท่าไหร่ เดี๋ยวกูคืนให้”

ปิ๊กโบกมือห้าม “เกินมาหน่อยเดียว ไม่ต้องหรอกมึง พาพวกกูไปเลี้ยงสักมื้อละกัน เซ็นทรัลมะ”

คีรีส่ายหน้ารัว “ไปกินกันที่รีสอร์ตคุณตากูดีกว่า กูจะได้ไม่ต้องเสียวสันหลัง เกิดหมอเต้กับหมอวินไปกินข้าวที่เซ็นทรัลเหมือนกัน กูตาย”



*TBC*



เกือบโป๊ะแตกแล้วมั้ยล่ะคีรีเอ๊ย~

เดี๋ยวตอนหน้าฮัสกี้จะพาน้องคีรีและเพื่อนๆ มาแนะนำให้ทุกคนรู้จักนะคะ ให้รู้เรื่องทางฝั่งเด็กดอยบ้างว่าเป็นไงมาไง ถึงเดินมาสะดุดรักพี่หมอเต้ได้ค่ะ อยากรู้แล้วใช่มั้ยล่าว่าตัวจริงเป็นใครกันแน่ อิอิ แต่หลายๆ คนก็เดาถูกแย้ว~

ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกคนนะคะ จุ๊ฟฟฟฟ แผล่บๆ :mew1:

ปล. เวลาคีรีคุยกับเพื่อนผู้หญิงจะสุภาพขึ้นมานิดนุง เลยให้ใช้เรา-นาย ส่วนกับเพื่อนชายก็มึง-กูปกตินะก๊ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 23-10-2018 19:17:17
เกือบแล้ววว เกือบจับโป๊ะล้าวว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: fahdekkom ที่ 23-10-2018 19:33:33
ว่าแล้ววววว เชื่อว่าพอรู้ความจริงหมอเต้ต้องโกรธมากแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 23-10-2018 19:40:46
แต่ถ้าพี่หมอเต้จับได้คงไม่ยกโทษง่ายๆ  :mew4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 23-10-2018 19:48:11
ไม่ธรรมดา​จริงๆ คีรี แต่ยังห่างชั้นกับหมอวินอีกเยอะ ไม่นานต้องโป๊ะแตกแน่ๆ ถ้ายังดึงหมอวินมาเป็นพวกไม่ได้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 23-10-2018 19:49:39
โกหกทำมัยน้อนู๋คีรี จบตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-10-2018 19:52:11
เล่นใหญ่กันมาก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-10-2018 20:07:59
รอวันคีรีได้หมอวินมาเป็นพวก

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 23-10-2018 20:20:09
รู้ความจริมะไหร่
คีรี เตรียมตัวง้อหมอเต้ยาวๆไปเลย
ขอให้จีบติดไวๆ แล้วรีบบอกความจริงละกันน้า
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 23-10-2018 20:22:46
หมอเต้เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ แต่หนูคีรียังเล่นเป็นเด็กอยู่เลย
ิต้องส่งหมอวินมาสั่งสอนเสียหน่อยแล้ว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 23-10-2018 20:25:51
คีรีีี​ เจ้าเด็้กนี่มันร้ายยยยยยยยย​

วร้ายยยยยยยย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-10-2018 20:26:21
 :laugh:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 23-10-2018 20:27:05
โห แผนเนียนกันจริงๆ
อยากรู้ว่าแก็งเด็กดอย(ปลอม)เรียนปีไหนน๊าาา
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 23-10-2018 20:36:01
จะเอาพี่วินเป็นพวกต้องเข้าทางพิงค์กับเพื่อนก่อนดิ ลองดูๆๆๆ แต่คีรีน่าจะบอกความจริงพี่เต้ แล้วก็จีบตรงๆเลยดีที่สุด
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 23-10-2018 20:38:06
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 23-10-2018 20:43:34
ร้ายนักนะคีรี ระวังหมอเต้รู้ความจริงแล้วจะโดนโกรธยาวนะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 23-10-2018 21:21:13
แก๊งเด็กดอยน่าสนุก

เอาใจช่วยนะคีรี
ยังไงก็เตรียมง้อหมอเต้ยาว ๆ เลย
ถ้าหมอรู้ความจริงขึ้นมา


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 23-10-2018 21:26:12
เด็กมันร้ายนะคะคุณหมอ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 23-10-2018 22:19:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 23-10-2018 22:29:00
แก๊งเด็กดอยเล่นใหญ่ไฟกระพริบมาก โอยยย ขำ :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 23-10-2018 22:35:15

……

อยากรู้จักตัวจริงของคีรีอ่ะ.

แล้วอะไรที่ทำให้คีรีรักหมอเต้ยขนาด

รอ รอ รอ รอ เฉลย


 :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:






หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-10-2018 23:16:46
สนุกมั้ยละ หึหึ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 23-10-2018 23:30:41
ถึงขนาดพับถุงได้ก็ยอมใจจริๆ ควรมีรางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยมในเซ็งเป็ดอวอร์ดนะครับ อยากโหวตให้เพื่อนคีรีกลุ่มนี้เลย  :m20:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 23-10-2018 23:36:24
คีรีมีเรื่องปิดบังหมอเต้ขนาดนี้ คนอ่านต้องตั้งน้ำรอ มาม่า มั้ยเนี่ย
รอตอนต่อไปจ้า    :3123:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-10-2018 23:42:10
 :pig4: :pig4: :pig4:


ระวังเถอะ  เริ่มต้นด้วยการหลอกลวง  มันแสดงออกซึ่งความไม่จริงใจ

ระวังเถอะ  น้ำตาจะเช็ดหัวเข่า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 23-10-2018 23:43:27
แค่เริ่มต้นก็แพ้แล้ว หมอเต้เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ
การลงทุนจัดฉากโกหกเขาขนานใหญ่เพื่อเข้าหา หวังประโยชน์บางอย่าง
มันจะเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยากในภายหลัง
เนี่ยแหละคนเรา การเริ่มต้นพูดโกหกคำแรก มันไม่จบแค่คำแรก เพราะครั้งต่อๆ ไป
เราต้องโกหกไปเรื่อยๆ เพื่อให้คำโกหกคำแรกยังคงเป็นความจริง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 23-10-2018 23:55:02
นั่นไง!!!
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 24-10-2018 00:05:12
โอ้โหหหหหห มอบรางวัลสาขานักแสดงสมทบยอดเยี่ยมให้เพื่อนคีรีเลยอ่ะ ตลกมาก เล่นใหญ่มากเวอร์ด้วย55555555555 :m20:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 24-10-2018 01:18:08
อยากให้เค้าเป็นแฟนกันละอะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 24-10-2018 12:12:56
เด็กมันร้าย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: love-boy ที่ 24-10-2018 13:01:54
ลุ้นต่อไป
จะจับได้เมื่อไหร่น้าาาาา
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 24-10-2018 14:17:54
เอาใจช่วยละกัน

พอมาบทฝั่งคีรี แล้วรู้สึกเบาใจหน่อย

เหมือนน้องไม่ร้ายอะไร แค่ชอบเค้า เลยแผนเยอะไปหน่อยเท่านั้นเอง


หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 24-10-2018 16:20:56
โป๊ะก็ยังไม่แตก ถ้าโป๊ะแตกคงหนักน่าดู  :katai1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 25-10-2018 07:34:35
ปิดขนาดนี้ โป๊ะเมื่อไหร่มาม่าแน่เลย :sad4:
แต่พี่เต้กับพี่วินก็ฉลาดอยู่นะมีแอบสงสัย ความลับคงแตกสักวัน
ปล.ความหล่อออร่าของพี่วินนั้นทำลายล้างจริงๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 25-10-2018 08:00:53
พลาดแล้วคีรีสืบแต่เรืองหมอเต้ไม่สืบคนรอบข้างด้วย อ้อ!ลืมไปคีรีเขาสนหมอเต้อย่างเดียว
สองสาวระวังพิงค์แหกอกเอานะไปยุ่งกับหมอวินเขานะ
ปล.ความลับไม่มีในโลกนะจ๊ะหมุ่นน้อยระวังเขาโกธรเอานะ :ruready
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 26-10-2018 14:15:34
ระวังเสียใจ ที่ไม่จิงใจใส่
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 27-10-2018 07:44:33
แหมมมม เด็กมันร้าย หมอเต้ต้องจับโป๊ะให้ได้ไวๆนะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 27-10-2018 13:52:04
โกหกมาก ๆ เข้าระวังวันที่หมอเต้รู้ความจริงจะโดนโกรธนะคีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 27-10-2018 18:52:26
โอ้โห ไม่อยากจะคิดถึงตอนโป๊ะแตกจริงๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 28-10-2018 13:37:33
เด็กดอยเล่นใหญ่มากก อยากรู้แล้วสิว่าคีรีเป็นใคร?
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 29-10-2018 13:05:02


**เรามารู้จักเด็กดอยของเรากันบ้างเนอะะะะ**



Chapter 9 : ความจริงของคีรี



ย้อนเวลากลับไปเมื่อครั้งคีรีอยู่ปีหนึ่งเทอมสอง ในวันที่สองของกิจกรรมงานวัดประจำปีของคณะบริหารธุรกิจซึ่งจัดให้มีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ชื่อธีมของงานถูกตั้งให้เข้ากับเดือนแห่งความรักว่า รักละมุน กรุ่นงานวัด ลานกว้างหน้าคณะซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเต็มไปด้วยซุ้มมากมาย ผู้คนเนืองแน่น เสียงเพลงและเสียงพูดคุยดังอื้ออึงไปทั่ว

งานวัดนี้จัดขึ้นสองวันติดกัน ภายในงานมีกิจกรรมมากมายหลายอย่าง มีทั้งร้านขายของและซุ้มเล่นเกม มีการแสดงช่วงสั้นๆ ของน้องปีหนึ่งบนเวที มีการเปิดฟลอร์รำวง ก่อกองทรายไปจนถึงดูหนังกลางแปลง

กลุ่มตัวแทนของนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งจะสลับกันขึ้นไปแสดงบนเวทีในตอนเย็นก่อนงานรำวงจะเริ่มขึ้น แล้วแต่ว่าใครจะสะดวกวันไหน

คณะบริหารธุรกิจได้ชื่อว่าเป็นคณะที่มีหนุ่มสาวหน้าตาดีมากๆ คณะหนึ่ง และกลุ่มของคีรีก็เป็นกลุ่มที่ดึงมีนความหน้าตาดีของคณะให้สูงขึ้นไปอีก แน่นอนว่าคีรี เด็กหนุ่มปีหนึ่งซึ่งเคยได้รับการโหวตให้เป็นเดือนคณะต้องถูกจับไปแสดงบนเวทีแน่ๆ รวมไปถึงเจนี่ เพื่อนหญิงอีกคนในกลุ่มของเขาด้วย

ส่วนอีกสามคนที่เหลือในกลุ่มไม่มีความสามารถพิเศษอะไรจะไปแสดงบนเวทีจึงโดนจับแยกย้ายกันไปประจำตามซุ้มขายอาหารเพื่อดึงดูดลูกค้าแทน

คีรีและเจนี่มีเวลาสำหรับการแสดงสิบห้านาที พวกเขาจะสลับกันร้องเพลงคนละเพลง แต่เพราะยังมีเวลาเหลือ เด็กหนุ่มจึงจะตีกลองชุดโชว์ด้วยอีกอย่าง

ในตอนบ่ายแก่ๆ ก่อนการแสดงจะเริ่มขึ้น ทั้งสองนั่งอยู่ด้านหลังเวทีกับกลุ่มนักแสดงคนอื่นๆ และนักดนตรีของคณะ

“คีรี เดี๋ยวแสดงเสร็จจะไปไหน ตัดสินใจได้ยัง”

“ก็คงไปช่วยพวกยุ้ย ฟลุคกับปิ๊กน่ะแหละ” เจ้าของชื่อหยุดคิด “อือ... แต่ไปช่วยปิ๊กดีกว่า อยากกินปลาหมึก”

ขณะเดียวกันก็มีรุ่นพี่สาวๆ ในคณะอีกสามคนเดินมาร่วมวงด้วย “ขอนั่งด้วยนะคะ” เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าหงึกๆ พวกเขาก็นั่งลงแล้วยิ้มกว้าง “ข้างนอกมีคนมารอดูแสดงเยอะมาก สงสัยมารอดูน้องคีรีกับน้องเจนี่แน่ๆ”

“โห ไม่หรอก มีแสดงตั้งหลายคนค่ะ” เจนี่รีบปฏิเสธ เธอหรี่ตามองรุ่นพี่ปร๊าดเดียวก็รู้ว่าทั้งสามคนนี่คงไม่ได้มาชวนคุยด้วยอย่างเป็นมิตรแหงๆ แต่คงจะเล็งอีตาเหน่อข้างๆ เธอไว้นี่ละ เธอเดาได้เลยว่าเดี๋ยวต้องมีการถามเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับคีรีแน่นอน

“แต่น่าเสียดายเนอะ น้องๆ น่าจะร้องเพลงคู่กันสักเพลง”

คีรีขมวดคิ้ว “ทำไมเหรอ”

“เอ้า แฟนกันร้องเพลงคู่กัน ก็ดูสวีตดีไงคะ”

โอ้โห อยากจะตบเข่าฉาด! ทำไมแทงหวยใต้ดินไม่เคยถูกแบบนี้! เจนี่เบือนหน้าไปเบ้ปากกลอกตาเล็กน้อย ก่อนจะหันมายิ้มให้รุ่นพี่ “เพื่อนกันค่ะ”

“อ้าว เหรอ เห็นใครๆ เขาก็ว่า...”

“ค่ะ สนิทกันเฉยๆ”

“งั้นน้องคีรีก็โสดน่ะสิ” รุ่นพี่หันไปยิ้มหวานให้ ซึ่งเด็กหนุ่มก็ยิ้มรับ “เดี๋ยวแสดงเสร็จแล้วน้องๆ จะไปไหนกันต่อคะ”

เจนี่เบือนหน้าไปเบ้ปากอีกรอบ ถามสองคนแต่มองคนเดียว ไม่ค่อยจะชัดเจนเล้ย เธอหันขวับกลับไปส่งสายตาดุๆ ใส่แล้วขยับเข้าไปกอดแขนเขาไว้ “นั่นสิ เดี๋ยวไปไหนกันดีอะคีรี”

เด็กหนุ่มหันขวับไปมอง แอบขนลุกเล็กน้อยเพราะอีกฝ่ายไม่เคยทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่พร้อมด้วยท่าทางแบบนี้ “เอ่อ...”

“เดี๋ยวคีรีกับเจนี่ก็คงไปเดินเล่นในงานแหละค่ะ คีรีสัญญาว่าจะเลี้ยงหม่าล่า ปลาหมึก ขนมครก น้ำปั่น เฟรนช์ฟรายส์ ทาโกะ...” เด็กสาวพูดชื่อร้านไปนับนิ้วไป ไม่เกินสิบนิ้วก็ไม่หยุด

คีรีทำหน้างง เขาสัญญาเมื่อไหร่วะ ไล่ชื่อมาแทบจะครบทุกร้านแล้วมั้งเนี่ย

เมื่อไล่ชื่อร้านจบเด็กสาวก็บอกกับรุ่นพี่ “เดี๋ยวจะแสดงแล้ว ขอเจนี่ทบทวนเนื้อเพลงกับคีรีก่อนนะคะ” เป็นการตัดบท

รุ่นพี่จำใจต้องลุกขึ้นเดินออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ก็ยังหันมาส่งยิ้มขยิบตาให้เด็กหนุ่มอีกรอบ

“แหม ไม่ค่อยเลย” เจนี่ส่ายหน้า จากนั้นก็หันไปต่อว่าเพื่อน “น้อยๆ หน่อยได้มะ นายน่ะ อย่าขี้อ่อยให้มาก หัดจริงจังกับใครซะบ้าง ทำอะไรนึกถึงใจคนที่จะมาเป็นแฟนนายในอนาคตหน่อยนะ”

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “มันเกี่ยวอะไรกับแฟนเราในอนาคตวะ”

“ก็นายลองคิดดู ถ้าวันนึงนายเดินควงกับแฟนนายมาที่คณะนี่ แล้วต้องพบเจอคนที่นายเคยสอยมาเป็นสิบๆ ตลอดทาง แฟนนายจะคิดยังไงวะ”

“เราไม่ได้สอยคนในคณะมาเป็นสิบๆ สักหน่อยนะ” คีรีหัวเราะ “แต่มันก็เป็นเรื่องในอนาคตมะ ซีเรียสเว่อร์ ถ้าใครจะมาเป็นแฟนเรา เขาก็ต้องรับได้สิวะ”

“เจนี่เตือนไว้ตรงนี้เลยนะ ถ้าเจอคนที่ใช่เมื่อไหร่ วันที่นายหลงรักเขาจนหมดใจ นายจะต้องเป็นทุกข์ เพราะอดีตของนายจะตามมาเป็นอุปสรรคหลอกหลอนนายแน่!”

“คร้าบ”

“นิสัยไม่ดี”

“ครับๆ”

เด็กสาวนึกอยากลุกขึ้นจะเตะก้านคอเพื่อนหนุ่มสักที เธอเตือนมันเป็นสิบๆ หนจนปากจะฉีกถึงหูแล้วก็ไม่คิดจะฟัง ยังทำตัวขี้อ่อย ไปไหนมาไหนกับใครๆ ไม่ซ้ำหน้าเหมือนเดิม นิสัยแบบนี้ไม่น่าจะแก้หายได้ง่ายๆ “ไว้สักวันเหอะ นายจะต้องเสียใจ!”

คีรียกมือขึ้นวางบนศีรษะเธอ “เออน่า เดี๋ยวจะแสดงแล้ว ทำหน้าบูดเป็นตูดแบบนี้เดี๋ยวไม่สวยนะเว้ย แก่เร็วด้วย”

เจนี่มองค้อน ทีงี้พูดชัดขึ้นมาได้เพราะประโยคพวกนี้ใช้ต่อว่าเธอกับยุ้ยบ่อยๆ แต่ที่จริงคีรีเพื่อนเธอก็เป็นแบบนี้แหละ พูดเหน่อบ้างไม่เหน่อบ้าง เวลาพูดช้าๆ จะค่อนข้างชัด ถ้าพูดเร็วๆ จะเหน่อหลายคำ แต่ตอนนี้ก็พูดชัดเป็นผู้เป็นคนมากขึ้นแล้ว อีกฝ่ายถึงได้ยอมมาออกงานบนเวทีได้

 

หลังจากเจนี่ร้องเพลงของเธอเสร็จ พอพิธีกรประกาศเรียกชื่อเด็กหนุ่ม เสียงกรีดร้องจากทางด้านหน้าเวทีก็ดังสนั่นจนพื้นสะเทือน

คีรีกึ่งเดินกึ่งวิ่งโปรยยิ้มขึ้นมาบนเวที ส่งตาหวานให้ทุกคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาใส่เสื้อยืดสวมทับด้วยเชิ้ต ใส่หมวกแก๊ปสีดำกับกางเกงยีน แต่งตัวง่ายๆ แต่ออร่ากระจายมากมาย เด็กหนุ่มพูดทักทายสั้นๆ “สวัสดีครับ นคินทร์ บริหารปีหนึ่งครับ”

“น้องนคินทร์จะร้องเพลงอะไรให้พวกเราฟังกันน้า” รุ่นพี่พิธีกรเอ่ยถามตามสคริปต์

“คนที่ถูกรักครับ”

“แค่อยากเป็นคนที่ถูกร้าาก~” รุ่นพี่พิธีกรร้องท่อนสั้นๆ “ปกติไม่มีใครรักเลยเหรอ พี่ว่าไม่น้าาา”

เด็กหนุ่มยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่มีเลยครับ อยากเป็นคนที่ถูกรักจังเลย”

เจนี่ยืนมองเพื่อนชายจากข้างเวทีพลางเบ้ปากจนมุมปากแทบจะลากพื้น ก็ดูไอ้คุณเพื่อนเลือกร้องเพลงเข้าสิ จงใจอ่อยชัดๆ เธอละอ่อนใจกับไอ้หมอนี่จริงๆ

เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างถล่มทลายไปจนกระทั่งเสียงดนตรีเริ่มขึ้น ค่อยๆ เบาลงเมื่อคีรียกมือขึ้นจับไมค์ และเหลือเพียงแค่เสียงครวญครางเบาๆ เมื่อได้เห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มบนใบหน้าหล่อเหลา และได้ยินน้ำเสียงทุ้มนุ่มของเขาขับกล่อม


“แค่อยากเป็นคนที่ถูกรัก แค่อยากเป็นคนที่ถูกใครสักคนเข้าใจ ช่วยเติมชีวิตที่ว่างเปล่า ช่วยเอาความรักมาให้ มีใครบ้างไหมสักคน”**

(**คนที่ถูกรัก ศิลปิน : บอดี้แสลม)


เจนี่หันไปมองสาวๆ ที่อัดแน่นกันเข้ามาด้านหน้าเวที แต่ละคนดวงตาเป็นรูปหัวใจกันหมดแล้ว ไอ้คีรีเพื่อนเธอน่ะเสียงดี หน้าตาก็ดี ใครไม่หลงก็คงแปลก

ถ้างั้นเธอกับยุ้ยก็คงแปลกจริงๆ นั่นละ

แล้วเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นกระหึ่มอีกครั้งจนเจนี่ต้องยกมือขึ้นปิดหู เมื่อเพลงจบลงเพื่อนสนิทของเธอก็ถอดเสื้อเชิ้ตออกจนเหลือแค่เสื้อกล้าม แล้วเดินอาดๆ ไปยังกลองชุด แค่จับไม้ตีกลองนั่งลง สาวๆ ก็แทบจะเป็นลมกันหมดแล้ว

เธอเอียงคอดูเพื่อนหนุ่ม ถึงจะเคยเห็นมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าเวลาที่อีกฝ่ายตีกลองนี่เท่มากจริงๆ นะ

“เดี๋ยวแสดงเสร็จมีสาวมารอเยอะแน่ๆ” เจนี่ถอนหายใจอย่างอ่อนใจ “ช่างหัวมันละกัน เวลานี้ควรห่วงตัวเองมากกว่า”

หลังแสดงเสร็จ ทั้งสองคนก็เดินดูดชานมไข่มุกไปหาของกินในงานต่อ มีเสียงทักและแซวดังมาแว่วๆ ให้คันหูเล่นๆ อยู่ตลอดทางว่าพวกเขาเป็นแฟนกัน จนเจนี่เหนื่อยที่จะหันไปแก้ข่าวให้ตัวเองแล้ว

“คีรี ไปเดินห่างๆ หน่อยไป ไม่งั้นเจนี่ได้โสดจนเรียนจบแน่! งานวันนี้มีผู้ชายมาเยอะด้วย” เจนี่หันไปบอกกับเพื่อนหนุ่ม “ช่วยแก้ข่าวบ้างดิวะ”

คีรีหันขวับไปทางคนที่ยืนอยู่ข้างกันพร้อมตอบกลับไปทันที “อย่าให้เราต้องพูดเลยว่ะ เดี๋ยวโดนว่าเป็นแรงงานพม่าหลงมา แม่งไม่เท่เลย”

นี่เหรอวะ เหตุผลที่ไม่เคยช่วยเธอแก้ข่าวลือน่ะ! ไอ้เพื่อนเวรเอ๊ย!

เด็กสาวกุมขมับ “ทำไมเวลาร้องเพลงไม่เสียงเพี้ยนแบบนี้บ้างวะ”

“ร้องเพลงกับพูดไม่เหมือนกันนี่หว่า” เด็กหนุ่มทำหน้ายุ่ง “เรายังพูดเหน่ออยู่มากเลยเหรอวะ”

“ไม่หรอกๆ ก็ดีขึ้นมากแล้วแหละ” เจนี่ยกมือขึ้นตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ

สุดท้ายภาพของทั้งสองคนก็ดูเหมือนกำลังจู๋จี๋กันอยู่ดี

คีรีเดินไปที่ซุ้มซึ่งยุ้ยกำลังยืนยิ้มพรีเซนต์การขายหม่าล่าอยู่ มีเด็กหนุ่มนักศึกษาจากคณะอื่นๆ ต่อแถวกันยาวเป็นหางว่าว เจนี่เห็นเข้าก็ตาโต รีบเดินเข้าไปสร้างภาพสาวใสๆ ใส่

“ยุ้ยเหนื่อยมั้ยคะ เจนี่มาช่วยแล้วนะ” ก่อนจะกระซิบถาม “เป็นไงมั่งอะยุ้ย”

ยุ้ยขยับเข้ามากระซิบอย่างรู้ใจ “ผู้เยอะมาก พรีเมียมมากกก เหนื่อยหน้าเมือกก็ยังคุ้ม!”

“อร๊าย~” สองสาวหวีดใส่กันเบาๆ จากนั้นเจนี่ก็หันไปทางคีรี เป็นเชิงบอกว่าเธอจะสละเรือแล้วนะ พร้อมกับโบกมือไล่ด้วยเสร็จสรรพ “คีรี จะไปกินปลาหมึกก็ไปเหอะ แต่อย่ากินไม่เลือกล่ะ”

เด็กหนุ่มหัวเราะ “เออๆ”

ยุ้ยรีบพูดขึ้น “ระวังด้วยนะเว้ย อย่าฟ้าเหลืองนะ”

“รู้แล้วน่า” เขาส่ายหน้าไปมา จากนั้นก็เดินออกจากซุ้มไป

ยุ้ยหันไปสบสายตากับเพื่อนสาวที่ยืนข้างกัน “รู้สึกเหมือนโยนขนมปังลงบ่อปลาสวายเลยว่ะ ปล่อยมันไปแบบนี้ พวกเราจะบาปมั้ยอะ”

“ช่างหัวมันเถอะ เจนี่เบื่อจะด่าแล้ว นั่นๆ ดูดิ เดินไปได้ยังไม่ถึงสองเมตรเลยมั้งนั่น มีคนเข้ามาล้อมให้เลือกแล้ว” เจนี้เบ้ปากอีกรัวๆ “นี่เมื่อกี้ที่หลังเวทีก็มีรุ่นพี่เข้ามาจีบมันด้วยนะ”

สองสาวทอดถอนใจ “สงสารแฟนมันในอนาคตยังไงก็ไม่รู้เนอะ”

“ไม่ต้องสงสารหรอก คนดีๆ คงไม่มีใครหน้ามืดเอามันเป็นแฟนแน่ๆ”

“เออ ก็จริง” เด็กสาวทั้งสองคนหัวเราะคิก จากนั้นก็หันไปยิ้มหวานทักทายลูกค้าหนุ่มๆ ที่มายืนต่อแถวรอซื้อหม่าล่ากันอยู่



นคินทร์ ภูมิพัฒน์ธนากุล (คีรี) เด็กหนุ่มวัย 20 ปี ตัวสูงเกินมาตรฐานชายไทยไปพอสมควร มีผิวขาวอมชมพูซึ่งได้รับมาจากพันธุกรรมทางฝั่งคุณยาย โครงหน้ารูปไข่ นัยน์ตาเรียวสีน้ำตาล จมูกโด่งสวยและผมสีน้ำตาลคาราเมล ทุกส่วนเมื่อรวมกันแล้วส่งเสริมกันได้เป็นอย่างดี บิดามารดาของเขาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันและเลิกรากันไปก่อนที่เขาจะลืมตาดูโลก แต่หลังจากเกิดมาได้ไม่นาน มารดาก็เสียชีวิตไป ฝ่ายบิดาต้องการรับตัวเขาไปดูแล ทว่าก็แต่งงานมีครอบครัวใหม่ คุณตาคุณยายจึงขอเป็นผู้รับเลี้ยงดูเขาเอง ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงไม่ได้มีเชื้อสายชาวเขาอย่างที่ทันตแพทย์หนุ่มเข้าใจ ส่วนคุณตาของเขาก็เป็นเจ้าของโรงแรมในเชียงรายที่พวกทันตแพทย์ไปประชุมกันนั่นล่ะ 

คีรีเป็นหลานชายสายตรงคนเดียวของมหาเศรษฐีเมืองเหนือ และยังเป็นคนโปรด โปรดมาก และโปรดที่สุดของคุณตาด้วย ก็เพราะใบหน้าของคีรีมีเค้าโครงของคุณยายซึ่งเคยเป็นถึงนางงามเชียงรายมาแล้ว และคุณยายก็รักคีรีมาก หลังจากทั้งสองรับคีรีไว้เป็นบุตรบุญธรรม เด็กหนุ่มได้ใช้ช่วงเวลาที่มีความสุขอยู่กับคุณตาคุณยายซึ่งเป็นครอบครัวเดียวของเขาจนถึงอายุสิบห้าปี ก่อนคุณยายจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ

คุณตาของคีรีไม่ได้เป็นเพียงแค่เจ้าของโรงแรมห้าดาวในเมืองเชียงราย แต่ยังผู้บริหารใหญ่ของโรงแรมกึ่งรีสอร์ตระดับห้าดาวในเชียงใหม่ด้วย นอกจากนั้นก็ยังเป็นผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาอาชีพให้ชาวเขาในเชียงราย สำหรับฝึกสอนการทอผ้าและตัดเย็บให้แก่ชาวเขาในท้องที่ ทั้งยังเป็นตัวกลางรับซื้อผ้าทอต่างๆ มาขาย ส่วนเด็กหนุ่มทุกครั้งที่มีเวลาว่างก็จะถูกคุณตาเรียกไปช่วยงาน เพื่อให้เขาคุ้นเคยกับตำแหน่งหน้าที่ซึ่งจะต้องสานต่อในอนาคต เป็นผลให้เขารู้จักและคุ้นเคยกันดีกับชาวเขาในโครงการหลายคน

เด็กหนุ่มเกิดที่เชียงราย เติบโตขึ้นมาในครอบครัวคุณตาคุณยายที่ใช้ภาษาอังกฤษและภาษาเหนือภายในครอบครัวเป็นหลัก คุณตาคุณยายตั้งใจเช่นนั้นเพื่อให้เขาได้เรียนรู้ถึงภาษาของบรรพบุรุษ แต่ก็ได้เล่าเรียนภาษากลางบ้างจากในโรงเรียน และเวลาพวกเขาอยู่นอกบ้านก็จะใช้ภาษากลางคุยกันตามปกติ ต่อมาคุณยายล้มป่วยลง เนื่องจากทางบ้านคุณยายซึ่งมีเชื้อสายอังกฤษต้องการให้เธอไปรับการรักษาจากแพทย์ที่นั่น เด็กหนุ่มจึงต้องย้ายตามคุณตาคุณยายไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษหลังเรียนจบชั้นประถมต้น ทว่าหลังคุณยายจากไป เด็กหนุ่มกับคุณตาของเขาก็ย้ายกลับมาที่เมืองไทย เขาเข้าเรียนซ้ำปีสุดท้ายที่โรงเรียนนานาชาติในเชียงใหม่ แล้วก็เลือกเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในเชียงใหม่เพราะเป็นสถานที่ที่คุณตาคุณยายพบรักกันและเรียนจบปริญญาตรีมา และก็ไปมาหาสู่กับคุณตาได้สะดวกด้วย ทว่าการใช้ชีวิตในต่างประเทศเสียส่วนใหญ่กับการใช้ภาษาเหนือและภาษาอังกฤษในครอบครัว ทั้งหมดนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้คีรีพูดภาษากลางได้เพี้ยนกว่าคนอื่นๆ เพี้ยนขนาดเด็กแว้นยังชิดซ้าย ซึ่งเขาก็รู้สึกหงุดหงิดกับตัวเองและเสียเซลฟ์ไม่ใช่น้อย

ปัจจุบันเด็กหนุ่มอยู่ปีสอง คณะบริหารธุรกิจ นับจากเมื่อตอนเปิดเทอมปีหนึ่งมาจนถึงปัจจุบันคีรีพูดภาษากลางได้ชัดเจนเกือบดีแล้ว เนื่องจากได้รับความช่วยเหลือปนเคี่ยวเข็นจากเพื่อนๆ ในกลุ่มมาตลอดหนึ่งปีเต็ม เขาเป็นคนหัวดี เมื่อตอนจบปีหนึ่งมีคะแนนสูงเป็นอันดับต้นๆ ของภาค ส่วนความสามารถพิเศษของเด็กหนุ่มก็คือการเล่นดนตรี ซึ่งที่จริงคุณตาคุณยายก็สนับสนุนและสอนให้เล่นมาตั้งแต่ตอนที่เขายังเป็นเด็ก

กลุ่มเพื่อนในมหาวิทยาลัยรวมตัวเขาด้วยมีกันทั้งหมดห้าคน เป็นผู้ชายสามคน ผู้หญิงสองคน เพื่อนชายสองหน่อของคีรีมาจากกรุงเทพฯ ชื่อปิ๊กกับฟลุค เพื่อนหญิงคนหนึ่งมาจากสงขลา ชื่อว่ายุ้ย และเพื่อนหญิงอีกคนมาจากโคราช ชื่อเจนี่ พวกเขามาสนิทกันได้แบบงงๆ อาจจะเพราะความแตกต่างที่ลงตัว ทำให้พวกเขาสนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็วราวกับคบหากันมานานหลายปี

ปิ๊กกับฟลุคมาจากโรงเรียนในกลุ่มจตุรมิตร ปิ๊กมาจากโรงเรียนกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ส่วนฟลุคมาจากโรงเรียนกางเกงขาสั้นสีดำ ทั้งสองเคยเป็นนักกีฬา และเคยทะเลาะเพราะเหม็นหน้ากันในงานแข่งขันฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรมาก่อน แต่ดันกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันได้ อันเนื่องมาจากตอนที่รับน้องรถไฟ พวกเขาจำหน้ากันได้ ก็เลยนั่งด้วยกัน คุยกัน กว่าจะรู้ตัวว่าเคยเกือบยกพวกตีกันก็สนิทกันไปแล้ว

ยุ้ยเป็นสาวผิวเข้มตัวสูงหุ่นนางแบบ ใบหน้าสวยคม ผมสีดำยาวถึงกลางหลัง เธอมาจากโรงเรียนเอกชนชื่อดังในสงขลา ส่วนเจนี่เป็นสาวหมวยแบ๊วๆ น่ารัก ตัวสูงพอๆ กับยุ้ย ผิวขาวจั๊วะ ผมสีน้ำตาลอ่อนดัดเป็นลอนคลายๆ แบบสาวเกาหลี เธอมาจากโรงเรียนเอกชนในโคราช ทั้งสองพบกันในวันสัมภาษณ์ มาสนิทกันได้เพราะเข้าอกเข้าใจกันตามประสาคนมาไกลและเป็นลีดคณะเหมือนกัน

ปิ๊กกับฟลุค เจนี่กับยุ้ยสนิทกันเองก่อนที่จะมาสนิทกับคีรี เพราะช่วงก่อนเปิดเทอมไปจนถึงเปิดเทอมใหม่ๆ คีรีไม่ค่อยมองหน้า ไม่ค่อยพูดคุยกับใคร เขามักจะนั่งอยู่คนเดียวเสมอ จึงทำให้นักศึกษาคนอื่นๆ ทั้งในคณะและต่างคณะรู้สึกว่าเขาเป็นคนหยิ่ง เข้าถึงยาก ภาพลักษณ์ของคีรีในสายตาของทุกคนตอนนั้นคือเด็กหนุ่มเชื้อฝรั่งมาดคุณชายที่เติบโตในต่างประเทศ ขับรถ BMW สุดหรูโหลดเตี้ยแต่งรอบคัน ดูสำอาง ใช้ของราคาแพงระยับตั้งแต่ศีรษะจดเท้า ถ้าจำเป็นต้องพูดอะไร ก็จะพูดแบบไทยคำอังกฤษห้าคำ แล้วก็ดูเป็นเพลย์บอยขี้หลีเสียด้วย เพราะมีคนเห็นไปไหนมาไหนกับหญิงสาวแทบไม่ซ้ำหน้า ทั้งสี่จึงไม่เคยคาดคิดว่านิสัยพวกเขาจะเข้ากันได้ และไม่ว่าในคณะจะมีกิจกรรมรับน้องหรือสานสัมพันธ์อะไร คีรีก็ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมแทบจะทุกครั้ง แถมยังไม่แคร์เสียด้วยว่าตัวเขาจะมีปัญหากับรุ่นพี่หรือใครๆ


จนกระทั่งโชคชะตานำพาพวกเขาให้มาพบกันที่ร้านหมูกระทะในเพิงหมาแหงนแถวมหาวิทยาลัยซึ่งมีโต๊ะว่างเพียงโต๊ะเดียว และตกเป็นของคีรีซึ่งจองโต๊ะไว้ก่อน

เด็กหนุ่มสบตากับเพื่อนในคณะทั้งสี่คนซึ่งกำลังยืนหิวหน้าจ๋อย ยิ้มให้แล้วพูดสั้นๆ


“นังดวยกันดิ”


ปิ๊กมากับฟลุค ส่วนยุ้ยมากับเจนี่ ต่างคนต่างหันมองหน้ากัน ตกใจอยู่เหมือนกันที่อีกฝ่ายจำพวกเขาได้เพราะไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน ตกใจจนไม่ทันได้สนใจคำพูดเหน่อๆ ออกเสียงวรรณยุกต์ผิดของเพื่อนร่วมคณะ ในใจนึกอยู่แต่ว่าถ้าหากปฏิเสธคีรี พวกเขาก็ต้องรออีกเป็นชั่วโมง ตอนนั้นเป็นเวลาหัวค่ำ แล้วพวกเขาก็หิวมากด้วย ยังไงซะพวกเขาก็เรียนคณะเดียวกัน ถึงไม่เคยคุยกันก็นั่งด้วยกันได้นี่หว่า

อีกอย่าง คีรีไม่จำเป็นต้องสนใจพวกเขา แต่ก็อุตส่าห์มีน้ำใจชวนให้นั่งด้วยกัน

ในที่สุดสองหนุ่มกับอีกสองสาวก็ตกลงมานั่งเบียดกันที่โต๊ะเดียวกันกับเด็กหนุ่มเจ้าของโต๊ะ นับว่าครั้งนั้นคือความประทับใจแบบแปลกๆ ของเพื่อนใหม่ทั้งสี่คน นอกจากพวกเขาจะนึกไม่ถึงว่าคนหน้าตาดีอย่างคีรีจะมานั่งกินหมูกระทะคนเดียวแล้ว ยังสุดจะแปลกใจที่คนที่ท่าทางคุณชายทุกกระเดียดนิ้วซะขนาดนั้น จะมานั่งร้านบ้านๆ ธรรมดาๆ แบบคนอื่นก็ได้ ไม่เห็นเลวร้ายเหมือนที่ได้ยินมาเลย

ช่วงแรกๆ ที่นั่งด้วยกันก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย เพราะเจ้าของโต๊ะไม่พูดอะไรเลย ใช้เตาเดียวกัน แต่ปิ้งของใครของมัน ไม่มีใครคุยกันเลยซะอย่างงั้น ทว่านั่นก็ทำให้ได้ยินเสียงนกเสียงกาจากกลุ่มคนที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆ กันพูดถึงคีรีดังมาแว่วๆ


“แต่งตัวเว่อร์ฉิบหาย แค่มาแดกหมูกระทะต้องใส่เสื้อเบอร์เบอรี่ เข็มขัดรองเท้าแอร์เมส ของเก๊ปะวะ”

“แต่มึง คุณชายมาแดกร้านกระจอกๆ ก็ได้ด้วยว่ะ”

“แดกของบ้านๆ ไม่ระคายท้องเหรอวะ หรือว่าจะไม่รวยจริง”
พูดแล้วก็หันไปหัวเราะกันเสียงดัง


ฟลุคกับปิ๊กหันขวับ ตอนแรกพวกเขาว่าจะรีบๆ กินรีบๆ ไป แต่พอได้ยินแบบนั้นมันก็อดหงุดหงิดไม่ได้ “ไอ้รุ่นพี่โต๊ะนั้นแม่งกวนตีน...” หากพูดยังไม่ทันขาดคำ สองสาวในโต๊ะก็ลุกขึ้นพรวด

“ผู้ชายอะไรวะ ขี้นินทาฉิบหาย!” เจนี่เปิดศึกก่อนเป็นคนแรก

“ไม่มีอย่างเขาก็อย่าอิจฉา! ถ้าหน้าแย่มากก็หุบปากไว้บ้างจะดูดีขึ้นนะพี่!” ยุ้ยพูดพลางถลกแขนเสื้อขึ้นด้วยมาดนักเลงสุดๆ


คีรีถึงกับผงะ เลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ ตัวเขาน่ะ ชินกับการถูกหมั่นไส้อยู่แล้ว ก็เพราะเขาหล่อและรวยมากจริงๆ นี่หว่า มีคนอิจฉามันก็เป็นเรื่องธรรมดา อีกอย่างเขาแค่โทรศัพท์กริ๊งเดียวก็มีคนมาจัดการให้เรียบร้อยแล้ว จึงไม่เคยมีใครออกตัวแทนเขา

แต่ที่แปลกใหม่คราวนี้ก็คือการที่มีคนอื่นแสดงออกว่าโกรธแทนเขา โกรธแบบจริงจังซะด้วย


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 8 : บุกจับโป๊ะ [231018]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 29-10-2018 13:05:39


“เฮ้ย น้อง! ให้มันน้อยๆ หน่อยเว้ย” โต๊ะข้างกันตะโกนตอบ “รีบเข้าข้างมันเพราะอยากได้จนตัวสั่นล่ะสิ”

“ไอ้พวกเหี้ย! พูดงี้กับผู้หญิงได้ไงวะ!” ปิ๊กกับฟลุคลุกขึ้นบ้าง


ปัง!


คีรีทุบโต๊ะเสียงดังปังใหญ่แบบสะเทือนไปทั้งร้าน ทำให้โต๊ะในละแวกนั้นเงียบกริบ หันมามองที่โต๊ะพวกเขาเป็นตาเดียว

เด็กหนุ่มจ้องไปที่โต๊ะของพวกรุ่นพี่เขม็ง “Shut the fxxk up! and piss off!”

“ฮะ!” พวกรุ่นพี่ชะงัก

คีรีลุกขึ้น เดินตรงเข้าไปยังโต๊ะของรุ่นพี่ช้าๆ

“พูดอะไรของมึง!”

“Did I not just tell you to piss off?” เด็กหนุ่มพูดอีกครั้งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เมื่อพวกรุ่นพี่ลุกขึ้นก็พบว่าคีรีตัวสูงกว่าพวกเขาอยู่ไม่น้อย แถมรุ่นน้องผู้ชายอีกสองคนที่ที่เดินตามหลังมาก็ตัวสูงใหญ่ไม่แพ้กัน ถ้าเจอกันตัวต่อตัว พวกเขาท่าจะแย่

ขณะเดียวกันยุ้ยกับเจนี่หันไปร้องบอกพนักงานในร้าน “พี่ๆ คะ โต๊ะนั้นเขาพูดว่าร้านนี้กระจอก อาหารกินแล้วระคายท้องค่ะ!”

เพียงเท่านั้น ทุกสายตาก็เปลี่ยนเป้าหมายจากคีรีไปที่โต๊ะรุ่นพี่ แถมผู้จัดการร้านกับคนงานชายอีกหลายคนก็เดินออกมาสมทบจากด้านในร้านอีก

“ไปก็ได้วะ ไม่กงไม่กินแม่งแล้ว” พวกรุ่นพี่เห็นท่าไม่ดี พวกเขาจึงรีบวางเงินทิ้งไว้บนโต๊ะแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว

“ไม่แน่จริงนี่หว่า! เป็นรุ่นพี่ยังไงวะ ไม่ทำตัวให้เป็นตัวอย่างเลยแม่ง!” เจนี่กับยุ้ยตะโกนไล่หลัง

ปิ๊กตบไหล่คีรีหนักๆ “ไม่ต้องคิดมากนะเว้ย คนมีปากแม่งก็พูดไปเรื่อย”

“แต่เมื่อกี้มึงเท่มากเลยนะ ไปๆ กลับไปกินต่อกันเหอะ” ฟลุคพูดบ้าง

ปกป้องเขา โกรธแทนเขา และยังปลอบใจเขาอีก เขาชักจะเข้าใจคุณตาแล้วว่าทำไมถึงอยากให้มาเรียนที่มหาลัยในเชียงใหม่แห่งนี้

คีรียิ้มมุมปาก แล้วพยักหน้า “อือ” จากนั้นก็หันไปบอกกับพนักงานในร้าน “ขอโทษ...นะครับ”

บรรยากาศภายในโต๊ะดีขึ้นมาก คราวนี้ทั้งสี่คนพูดไม่หยุดเหมือนโดนผีเจาะปาก พร้อมใจกันด่าทอต่อว่ารุ่นพี่ต่างคณะพวกนั้นกันอย่างเมามัน ราวกับว่าพวกเขาเป็นคนโดนนินทาเสียเอง

“นายต้องแก้ข่าวแล้วนะ ต้องเถียงบ้าง ด่ากลับไปบ้าง ในเมื่อนายไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นว่าอะ” ยุ้ยบอกกับเด็กหนุ่ม

“ทำไมมึงไม่พูดอะไรบ้างวะคีรี นั่งเงียบอยู่ได้” ปิ๊กหันไปถาม

คนถูกถามนิ่งอึ้ง “คือ...”

“คือ?” ทั้งสี่คนยื่นหน้าเข้าไปหา

“พูดไมทัน ถาต้องแกตัวคงเนื่อยตายกอน ใหเถียงยิงไมไหวว่ะ”

“ฮะ!?”   

ช็อกกันไปทั้งโต๊ะ... ทั้งเหน่อทั้งเพี้ยนจัดเต็มอะไรจะขนาดนั้น

คีรียกมือขึ้นลูบท้ายทอย “เราพูดเน่อมากช่ายมาย”

“ใช่! เหน่อฉิบหายเลยล่ะ!” สองหนุ่มกับสองสาวพยักหน้ายอมรับตรงๆ แบบไม่เกรงใจคนถามกันเลย “แต่ไม่เป็นไร ฟังเข้าใจ”

ยุ้ยเท้าแขนลงกับโต๊ะ แล้วจ้องเพื่อนใหม่เขม็ง “คีรี ยุ้ยถามหน่อยดิ ทำไมนายถึงไม่ไปเรียนอินเตอร์ฯ หรือเมืองนอก มาเรียนภาคธรรมดาแบบนี้ไม่สมกับโตที่อังกฤษเลยอะ”

“นั่นดิ เรียนอินเตอร์ฯ น่าจะง่ายกว่าสำหรับมึงด้วยนะ” ฟลุคเสริม

คนถูกถามหัวเราะ “ก็อยากเรียนทีนี้ ป้ออุ้ยแม่อุ้ยของเราเจอกันทีนี้ เราอยู่เมืองนอกมานาน ป้ออุ้ยเลยอยากไหดายมีประสบการณ์แบบป้ออุ้ยบาง อีกย่างป้ออุ้ยมีบิสซิเนสทีนี้ คงดีกว่าทาเราดายรูจัก มีคอนเนคชั่นทีนี้ เราเรียนซ้ำนึงปีเพือมาเรียนทีนี้เลยนะ เรียนเมืองนอก เมือไร่ก็ไปดาย”

สองหนุ่มและสองสาวกะพริบตาปริบๆ ไม่แน่ใจว่าจะซึ้งไปกับคำพูดที่ได้ยินหรือจะกลุ้มใจกับความเหน่อและเพี้ยนของเพื่อนดี

“ทำไมเงียบ”

“เอางี้ เดี๋ยวทวนให้ทีละประโยค แล้วพูดตามนะ”


และในเย็นวันนั้น ทุกคนก็เข้าใจว่าข่าวลือที่ว่าคีรีเป็นคนหยิ่งแสนหยิ่งมีสาเหตุมาจากไหน ทำไมเขาจึงไม่ค่อยพูดคุยกับใคร

เพราะนอกจากคีรีจะพูดภาษากลางไม่คล่อง ไม่ค่อยชัด แล้วยังเหน่ออีกด้วย และเพราะใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักมาเป็นเวลานานจึงทำให้สำเนียงของเขาเพี้ยนหนักขึ้นไปอีก ออกเสียงวรรณยุกต์ผิดเป็นประจำ

แต่ก็ไม่มีใครหัวเราะใส่ กลับกลายเป็นว่าทุกคนในกลุ่มเสนอตัวเพื่อช่วยเหลือคีรีให้พูดภาษากลางได้ชัดเจนถูกต้อง จะคอยเตือนไม่ให้เขาพูดไทยปนอังกฤษบ่อยๆ แล้วก็จะช่วยแก้ไขให้ออกเสียงได้ชัดเจนขึ้น เพื่อที่สิ่งนี้จะไม่เป็นปมด้อยของเขาอีกต่อไป แล้วก็เพื่อแก้ไขข่าวลือแย่ๆ พวกนั้นด้วย และนั่นก็เป็นความประทับใจอีกอย่างของคีรีกับเพื่อนใหม่ของเขาเช่นกัน


That’s what friends are for! การแสดงออกอย่างจริงใจของทุกคนบอกเขาว่าอย่างนั้น


เมื่อมีเพื่อนคอยหนุนหลังแล้ว ความมั่นใจก็เพิ่มมากขึ้น เขาจึงเริ่มติดตามเพื่อนๆ ไปร่วมกิจกรรมในคณะบ่อยขึ้นด้วย จนกลายเป็นที่รู้จักของรุ่นพี่และเพื่อนๆ ในคณะดี

คีรีเหมือนเป็นกาวที่ทำให้สองหนุ่มและสองสาวมาสนิทกันไปด้วย หลังจากวันที่พบกันในเพิงหมาแหงน ทั้งห้าคนก็สนิทกันราวกับรู้จักกันมาแต่ชาติปางก่อน ทว่าเมื่อถึงวันรับน้องขึ้นดอยก็พร้อมใจหนีไปเที่ยวด้วยกันเสียอย่างนั้น ด้วยเหตุผลที่ว่าขี้เกียจเดินขึ้นดอย

เด็กหนุ่มได้รับเลือกให้เป็นเดือนคณะตอนปีหนึ่ง นอกจากรูปร่างหน้าตาจะดีและตัวสูงเด่นสุดๆ แล้ว เขาก็ยังร้องเพลง เล่นกีตาร์ และตีกลองชุดได้ เคยเป็นตัวแทนเพื่อนในกลุ่มออกมาแสดงการร้องเพลงพร้อมเล่นกีตาร์ตอนทำกิจกรรมคณะเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ทว่ากิตติศัพท์ของเสียงใสทุ้มนุ่มนั้นกระจายไปไวราวกับไฟลามทุ่ม เขาเป็นตัวเก็งที่รุ่นพี่คาดหวังว่าจะได้เป็นเดือนมหาวิทยาลัยแน่นอน แต่เขาดันขอสละสิทธิทั้งหมด แล้วให้เพื่อนในคณะคนที่ได้ที่สองรองจากเขาไปประกวดต่อแทน โดยอ้างว่าคุณตาของเขาไม่ปลื้ม และเขาอาจถูกตัดออกจากกองมรดกได้ ส่วนความจริงในใจก็เพราะไม่ค่อยอยากพูดภาษากลางต่อหน้าคนเยอะๆ เท่านั้นแหละ

จริงอยู่ที่เขาร้องเพลงไม่เพี้ยนทั้งไทยและสากล แต่เมื่อตอนที่เปิดเทอมใหม่ๆ น่ะ เขาพูดทั้งเหน่อทั้งเพี้ยนมากเสียจนใครๆ ก็ต้องเหลียวหลังมาดูว่าเป็นคนคนเดียวกันหรือไม่

เนื่องจากต้องมาเรียนที่เชียงใหม่ คุณตาจึงซื้อคอนโดมิเนียมสุดหรูไว้ให้หลานชาย ส่วนตัวคุณตาก็จะแวะมาเยี่ยม มาชวนไปกินข้าวอยู่บ่อยๆ เป็นประจำทุกสัปดาห์ คอนโดมิเนียมที่ว่า ก็คือคอนโดมิเนียมติดกับสวนสาธารณะที่เตชิตเคยขับรถไปส่งเด็กหนุ่มนั่นล่ะ


และอันที่จริง... คีรีกับเตชิตก็ไม่ได้เพิ่งเจอกันครั้งแรกที่ไนต์บาร์ซาในเชียงรายนั่นหรอก พวกเขาเคยเจอกันมาหลายครั้ง แล้ว แต่เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะทำอย่างไรเขาก็ไม่เคยได้เฉียดเข้าไปอยู่ในสายตาของทันตแพทย์หนุ่มเลย และตัวเขาเวลานี้ก็เปลี่ยนไป จากผมสีน้ำตาลคาราเมลกลายเป็นผมสีเข้ม เปลี่ยนทรงผมใหม่และยังเปลี่ยนการแต่งตัวอีกด้วย จากลุคคุณชายคล้ายๆ ลูกครึ่งครึ่งลูก พูดสำเนียงเพี้ยนๆ ท่าทางเจ้าชู้ขี้หลีและขี้อ่อย ใช้แต่เสื้อผ้าไฮเอนด์ กลายเป็นเด็กหนุ่มชาวเขาท่าทางใสๆ ซื่อๆ อู้กำเมืองและใส่เสื้อผ้าพื้นเมือง ก็คงไม่แปลกสักเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายจะจำเขาไม่ได้



*TBC*



รู้กันหรือยังเอ่ยว่าทำไมพี่หมอเต้ถึงติดใจเด็กดอยแบบแปลกๆ จนใจอ่อนให้เด็กดอยอยู่เรื่อยๆ

ก็เพราะเด็กดอยของเราคือมินิพี่วินไงล่ะคะ รักนักชอบแบบนี้นักใช่มั้ยยย ฮัสกี้จัดให้! 555555 /พิหมอเต้ร้องไห้หนักมาก

ส่วนเด็กดอยน่ะ โตมากับคุณตาคุณยาย (อุ้ยป้ออุ้ยแม่) เพราะงั้นก็เลยชอบคนแก่(กว่า)ไปด้วยเลย /โดนพี่หมอเต้เตะ

เดี๋ยวตอนหน้าฮัสกี้จะมาเล่าให้ฟังว่าเด็กดอยเจอกันกับพิหมอเต้ได้ยังไงนะคะ ร่างเก่าที่หล่อๆ เป็นเดือนคณะนี่ไม่เตะตาพิหมอเลยอะ น่าสงสารมาก อิอิอิ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่ะ จุ๊บๆ

ปล. ดูหลายๆ คนห่วงว่าฮัสกี้จะแจกมาม่าให้พี่หมอเต้กับเด็กดอยในเรื่อง คือก็มีนิดนุงแหละ แต่ไม่หนักหรอกค่ะ มาม่าหมูสับยังเผ็ดไปเลยอะ ไม่ต้องห่วงน้า ฮัสกี้เคยเขียนเรื่องไหนดราม่าจัดๆ มั่งล่ะคะ 555555555 คือจริงๆ ก็อยากเขียนแหละ แต่เขียนแล้วมันไม่ดราม่าไง ฮือออออ

(เกร็ดเล็กน้อยมากๆ : คณะบริหารจริงๆ ชาวท้องถิ่นเรียกว่าแอคบา แต่ฮัสกี้ขอใช้ชื่อเรียกที่ทุกคนเข้าใจดีฝ่านะคะ ส่วนเรื่องการจัดการงานวัดหรือกิจกรรมต่างๆ ในนิยาย ฮัสกี้ดัดแปลงและมโนเสริมเอาล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับของจริงแต่อย่างใดค่ะ)

ปล.อีกที แวบมาแก้ อุ้ยป้ออุ้ยแม่ เป็นป้ออุ้ยแม่อุ้ย ตามที่หลายๆ คนทักนะคะ จริงๆ ฮัสกี้ไปถามเพื่อนชาวเหนือมาอีกทีแย้ว ที่บ้านเพื่อนใช้อุ้ยป้ออุ้ยแม่ล่ะ 55555 แต่ฮัสกี้ขอเปลี่ยนตามยูนิเวอร์ซัลกำเมืองละกันค่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 29-10-2018 13:31:50
มินิพี่วิน มิน่าพี่วินถึงระแวง เพราะนิสัยเหมือนตัวเองนี่เนอะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 29-10-2018 13:44:40
หนุ่มคีรีก็ไม่เบา​  สร้างเรื่องไว้เยอะอยู่​ ก็ระวังเพื่อนรักพี่หมอเต้ไว้ให้ดีนะ​ หึหึ
ปล.หมอวินของน้องพิงค์มันร้าย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 29-10-2018 13:47:05
พี่เต้ แฟนพี่เป็นเด็กเพี้ยน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 29-10-2018 13:54:42
เด็กดอยหลอกลวงผู้บริโภคมากค่ะ เห็นใสๆไว้ใจไม่ได้เลยจ้า5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 29-10-2018 14:38:33
ืทำไมพี่หมอถึงไม่เห็นเลยนะ 5555555555555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 29-10-2018 14:50:46
ความเป็นมา ..
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 29-10-2018 14:56:32
เดาว่า หนึ่งในมาม่าพี่หมอเต้กับเด็กดอยคงมาจากเรื่อง เด็กในสังกัดคีรีแน่ๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 29-10-2018 15:07:12
รวยค่าาาา ปรบมือออ 5555 รวยแล้วปลอมตัวมาตามหารักแร้ เอ้ย รักแท้ กรี๊ดดดด
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 29-10-2018 15:43:29
เด็กมันอ่อย แต่ต้องผ่านด่านหมอวินให้ได้ก่อน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 29-10-2018 16:26:40
นี่ถ้าหมอวินรู้ภูมิหลังของคีรีล่ะก็ ไม่อยากจะคิดเลย

หมอวินต้องกันหมอเต้ออกจากคีรีแน่นอน

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 29-10-2018 16:33:06
เริ่มปะติดปะต่อแล้ว ที่คีรีดูสนิทกับน้องน้ำอิงและครอบครัวก็เพราะคุณตาเป็นเจ้าของศูนย์พัฒนาอาชีพชาวเขานี่เอง หมอเต้เลยยิ่งเข้าใจว่าน้องคีรีเป็นชาวเขาไปด้วย

ปล.หมอเต้เจอเด็กดอยครั้งแรก คือในตอนพิเศษในเล่มภูสอยเดือนรึเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 29-10-2018 16:43:35
โอยย สำเนียงการพูดไทยของคีรี เพี้ยนสุด ยังว่านางถึงไม่มั่นใจเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 29-10-2018 17:31:11
ถ้าคีรีจะน่ารักขนาดนี้ หมอเต้ไม่รักได้แล้วน้า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-10-2018 17:38:27
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 29-10-2018 17:49:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 29-10-2018 18:27:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 29-10-2018 19:59:36
เค้าเจอกันได้งัยน้ออออออ :ling1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 29-10-2018 21:13:07
รอนะ อย่าให้รอนานเน้อ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-10-2018 21:37:31
 :pig4: :pig4: :pig4:

งุ้ย ๆ แอบทายถูกบางส่วน  อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-10-2018 21:58:04
หน้าตาอาจจะมินิพี่วิน แต่ความเจ้าชู้พอกันมั้งเนี่ย
ดีแล้วๆ ที่เอาคนคล้ายๆหมอวินมาแสดง
เพราะบางทีอนาคตอาจได้กินมาม่าในจุดนี้
มีดราม่าบ้างคนอ่านก็เข้าใจนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 29-10-2018 22:02:06
ก๊อบปี้หมอวินทั้งขี้หลี่ ทั้งขี้อ๋อย(หมอวินควรจะภูมิใจมั้ยเนี้ย)ถึงว่าผีเห็นผี ภูมิหลังไม่ธรรมดาจริงๆหวังว่าหมอเต้จะจัดการกับอดีตทั้งหลายของคีรีได้นะหรือจะจัดการคีรีดี อยากรู้แล้วว่าคีรีเจอหมอเต้ที่ไหน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 29-10-2018 22:24:36
อื้อหือ นี่มันก็อปพี่วินของน้องพิงค์มาแทบจะหมดเลยนิหว่า
เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ตัวร้ายที่จะคอยกันเด็กดอยออกจากหมอเต้
ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าพี่วินของนุ้งพิงค์แล้ว
ร้ายให้เต็มที่โลด
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 29-10-2018 22:33:37
ความจะแตก เพราะความเจ้าชู้ในอดีตรึ้เปล่า
นี่ถ้าคบกันแล้วไปหาที่คณะแบบที่พี่วินไปหาพิงค์
ได้เจอดราม่าแบบที่เจนี่ บอกไว้แหงๆ
  :mew5:

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 29-10-2018 22:55:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-10-2018 22:57:01
เป็นมินิพี่วินนี่เอง 555555 ระวังพี่วินกันให้ออกห่างจากพี่เต้นะ เอ็นดูสำเนียงการพูดของคีรีอ่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-10-2018 23:14:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 30-10-2018 05:47:14
ไม่เคยเจอพระเอกแบบหล่อรวยเหน่อมาก่อนเลย 55
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 30-10-2018 08:40:21
ลองออกเสียงตามสำเนียงคีรี​   น่ารักกกกกกกกก​
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 30-10-2018 10:50:13
น้องน่ารักน่าเอ็นดูอย่างหรอก ถ้าตัดความเจ้าเหล่ห์ออกไป


55555


อยากรู้ น้องไปหลงหมอเต้ตอนไหน รอติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: love-boy ที่ 30-10-2018 11:49:05
 :-[ :impress2: o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 30-10-2018 13:03:19
เห็นแบบนี้พี่วินก็หวงพี่เต้นะ คงจะต้องสกรีนจนละเอียดแหล่ะว่าคีรีมาดีจริงป่ะ และยิ่งเป็นมินิพี่วินแบบนี้พี่วินคงไม่ปล่อยไปง่าย ๆ แน่
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 30-10-2018 14:01:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-10-2018 22:53:33
เค้าก้อเหมาะกันอ่าเนาะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 31-10-2018 02:07:29
น้องคีรี ... ไม่ธรรมดากว่าที่คิดไว้อีกนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: love-boy ที่ 31-10-2018 15:11:45
ตอนต่อไป เมื่อไหร่จะได้อ่านน้าาาาา
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 31-10-2018 17:01:49
 :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 31-10-2018 20:09:29
รักในความเหน่อของคีรี  :-[
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 03-11-2018 20:15:00
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 03-11-2018 21:24:19
คีรีน่าร๊ากกกก รักเสียงเหน่อของนาง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 05-11-2018 08:54:12


Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก


ช่วงก่อนสอบไฟนอลเมื่อครั้งอยู่ปีหนึ่งเทอมสอง ภาษากลางของคีรีดีขึ้นมากแล้วเพราะได้ใช้ด่ากับเพื่อนพ้องในกลุ่มเป็นประจำ แต่ก็ยังมีผันวรรณยุกต์ผิดหลงมาบ้างเวลาที่เขารีบโต้เถียงหรือพูดเร็วๆ เด็กหนุ่มและเพื่อนๆ รวมห้าชีวิตนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบกันอยู่ที่ใต้ตึกเรียนตั้งแต่เช้าจนถึงตอนบ่ายแก่ๆ ของวันเสาร์ ก่อนคีรีจะลุกขึ้นเก็บข้าวเก็บของเป็นคนแรก

“เรากลับก่อนนะ นัดลุงไว้ที่คลินิก”

“คลินิกไหน ลุงไหนเหรอ” เจนี่เงยหน้าขึ้นถาม “นายเปลี่ยนรสนิยมจากเอาหญิงมาเป็นเอาลุงแล้วเหรอ”

“จะบ้าเรอะ!”

ยุ้ยหันไปตอบแทนอย่างละเหี่ยใจ “คลินิกของลุงคีรีที่หลังมอไง ที่มันไปผ่าฟันคุดอะ”

“เออ ลุงเราโทรมาบอกว่ามีของฝากมาให้จากลำพูน เลยนัดให้เราไปเอา ไปละ ไว้เจอกันวันจันทร์เว้ย”

“อ้าว แล้วพรุ่งนี้มึงจะไปไหน ไม่มาอ่านหนังสือกับพวกกูอ่อ” ฟลุคคว้าแขนเพื่อนรักไว้ “แล้วใครจะติวอิ๊งให้พวกกูวะ!”

“วันหลังละกัน นัดกับมินนี่ไว้แล้ว”

ปิ๊กเบ้ปาก “แหม ไอ้สัส จะสอบแล้ว เพลาๆ บ้างก็ได้มะ มึงจะอดทนสักอาทิตย์ไม่ได้เลยรึไง”

“กูอ่านหนังสือเครียด ก็ต้องหาอะไรทำให้ผ่อนคลายบ้างปะวะ”

“เออๆ แต่กูก็เห็นมึงผ่อนคลายทั้งปีเลยว่ะ” ฟลุคถอนหายใจ “สงสารมินนี่ ทั้งสวยทั้งรวย ทำไมมาคบกับคนอย่างมึงด้าย~”

“ไม่ได้คบกันเว้ย”

“ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่” ยุ้ยส่ายหน้ารัวๆ

“สักวันมึงต้องโดนรีดน้ำจนขาดใจตาย” ปิ๊กพูดเสริม

“มันจะเป็นการตายที่กูถือว่าเป็นเกียรติกับชีวิตมากเลยเว้ย” คีรียิ้มร่า “ไปแล้วโว้ย”

เพื่อนทั้งสี่ส่ายหน้าอย่างพร้อมเพรียง ไอ้คีรีเพื่อนของพวกเขาน่ะ กับเพื่อนมันก็ดีอยู่ แต่มันมีนิสัยเสียอยู่อย่าง ก็คือเจ้าชู้ขี้อ่อยและขี้เอาฉิบหาย เพราะมันหล่อ เรียนเก่งแล้วก็รวย มีดีกรีเดือนคณะ เสียงเพราะ แถมตาหวานมีเสน่ห์มากเสียด้วย สาวๆ ก็เลยมักจะไม่ปฏิเสธมันน่ะสิ ขนาดพูดจาเพี้ยนๆ เหน่อๆ แบบนี้นะเนี่ย

แต่เห็นมันสาวตรึมแบบนี้ ไอ้คีรีเพื่อนของพวกเขาไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนหรอกนะ มันว่ายังไม่เจอคนที่ใช่ ถึงไปไหนมาไหนกับผู้หญิงที่ชื่อมินนี่อยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้คบหาเป็นแฟนกัน


ปิ๊กพลิกหน้าหนังสือไปสักพักก็เงยหน้าขึ้นถามเพื่อนสาวสองคนในกลุ่ม “เฮ้ย ยุ้ย เจนี่ ตอนพวกนายเจอไอ้คีรีครั้งแรก เคยนึกชอบมันมั้ยอะ”

“อือ แวบแรกที่เจอ... ก็เคยคิดว่ามันหล่อดีนะ แต่มันไม่ใช่เสป็กยุ้ยอะ ยิ่งพอได้รู้จักยุ้ยก็ยอมแพ้เลย” ยุ้ยตอบแล้วหันไปทางเพื่อนสาว “แล้วเจนี่ล่ะ”

“ทำไมแค่เคยคิดว่าหล่ออะ ตอนนี้หน้าตามันดูไม่ได้แล้วเหรอ” เจนี่ถามแบบงงๆ “ตอนที่ยังไม่เคยคุยกัน เจนี่ก็เคยคิดว่ามันเป็นโอปป้าในฝันอยู่นะ แต่พอได้รู้จักเห็นชัดถึงสันดานแล้วไม่ไหว เจ้าชู้ขี้เอาชะมัด พวกนายเชื่อมะ เจนี่นั่งทำการบ้านข้างมันในโรงอาหารสิบนาที มันหันไปทำตาหวานโปรยใส่สาวจนได้เบอร์มาสองคน เจนี่นี่งงเลย ยังทำโจทย์ไม่เสร็จข้อนึงเลยด้วย”

“ของยุ้ยเด็ดกว่า ยุ้ยเคยเห็นผู้ชายมาขอไลน์มันด้วยนะ แล้วมันก็ให้อะ ยอมให้เขาจับมือหอมแก้ม แถมยิ้มอ่อยเขาอีก” เด็กสาวส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ “เอาจริงๆ ยุ้ยเกลียดผู้ชายแบบคีรีนะ พ่อยุ้ยก็เจ้าชู้จนต้องเลิกกับแม่ยุ้ยเลยไง”

“แฟนเก่าเจนี่ก็โคตรเจ้าชู้ มีกิ๊กไปทั่ว เจนี่เข็ดแล้ว ไม่อยากเสียใจอีกแล้ว ถ้าจะมีแฟนสักคน ขอแบบธรรมดาๆ แต่ซื่อสัตย์รักจริงดีกว่า”

ฟลุคกับปิ๊กพยักหน้าหงึกๆ “อือ...”

“แล้วฟลุคกับปิ๊กล่ะ”

“ฮะ!” สองหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “พวกเราเป็นผู้ชายนะโว้ย”

ยุ้ยหรี่ตามอง “เอาตามจริง ว่ามาๆ”

“จะบ้าเร้อ~ ยังไงฟลุคก็ไม่พิศวาสไอ้คีรีแน่นอน!” ฟลุคโวยวาย แต่คนที่นั่งข้างกันกลับพยักหน้าหงึกๆ

“ก็ยอมรับว่ามันมีเสน่ห์นะ เวลาโดนมันทำตาหวานใส่ ปิ๊กก็เผลอตามใจมันทู้กที แต่ประเด็นคือปิ๊กไม่อยากเอามันทำเมีย แล้วปิ๊กก็ไม่ได้อยากมีผัวแบบมันไง”

“อือๆ มีเหตุผล” สองสาวเออออเข้าใจ

“ฟลุคเคยถามมันว่าทำไมมันถึงขี้เอานัก เจ้าชู้แบบนี้ชาตินี้คงไม่มีวันได้แฟนเป็นตัวเป็นตน” ฟลุคถอนหายใจยาว “มันว่ามันกำลังหาคนที่ใช่ กำลังแสวงหาความรัก ถ้าเจอแล้วมันจะหยุด”

“ยุ้ยว่าชาตินี้มันไม่ได้เจอหรอก” ยุ้ยพูดกลั้วหัวเราะ

“เออ เจนี่เห็นด้วย นี่มันคำแก้ตัวของคนขี้เอาชัดๆ” เจนี่หัวเราะตามไปด้วย “อ่านสือต่อเหอะ เม้าต์คีรีเสียเวลาชะมัด รอสอบเสร็จก่อนค่อยนัดกันมานินทามันกันดีกว่า”



“ฮัดเช้ย!” คีรีขับรถ BMW คันหรูของตัวเองไปพลางจามฟิตๆ ไปตลอดทาง เด็กหนุ่มยกมือขึ้นเช็ดจมูกแล้วพึมพำ “ไอ้พวกนั้นนินทากูอีกแล้วแหงๆ”

ถึงจะรู้ว่าตัวเองตกเป็นที่ครหาของเพื่อนในกลุ่มเป็นประจำ แต่ก็ไม่ได้โกรธ เพราะคนอื่นน่ะ มักจะนินทาเขาลับหลัง แต่เพื่อนๆ เขาไม่ พวกมันนินทาทั้งต่อหน้าและลับหลังเลย นึกอยากจะด่าก็ลุกขึ้นด่า ด่ายาวไปถึงโคตรเหง้าศักราช ด่าแบบสามวันสามคืนไม่ซ้ำกันสักคำ แต่เขาก็เข้าใจนะ เพราะเขาก็ทำตัวแย่ สมควรโดนด่าจริงๆ และเพื่อนทั้งสี่ของเขาก็จะต่อว่าเฉพาะการกระทำแย่ๆ ของเขาเท่านั้น ในขณะที่คนอื่นไม่เคยพูดอะไรเลย ทำให้เขาอดปลื้มในความจริงใจของพวกมันไม่ได้

พอเคลื่อนรถเข้าไปจอดในที่จอดรถของคลินิกแล้ว เขาก็เดินอาดๆ ไปเข้าคลินิกจากทางด้านหน้า ปกติแล้วเขาไม่เคยมาคลินิกในวันหยุดหรอก จะมาก็แต่วันที่คุณลุงเจ้าของคลินิกมาทำคลินิกเอง ซึ่งปกติจะเป็นตอนเย็นของวันธรรมดา และปกติภายในคลินิกค่อนข้างจะเงียบ มีเสียงเพลงบรรเลงคลอแผ่วๆ สลับเสียงเครื่องมือทันตแพทย์แว่วมาเป็นบางครั้งเท่านั้น

ทว่าวันนี้เมื่อเปิดประตูออกก็ได้ยินเสียงโวยวายดังลั่นมาจากเด็กสาวสองคนที่ตรงหน้าเคาทน์เตอร์ทันที เขาเดินไปนั่งลงตรงที่นั่งรอของคนไข้อย่างงงๆ


“เพื่อนหนูปวดฟันมาหลายวัน ไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เช้าแล้วนะคะ จำเป็นต้องหาหมอด่วนค่ะ!”


พนักงานสาวที่ตรงเคาทน์เตอร์ยิ้มแห้ง “ขอโทษนะคะ ตอนนี้คุณหมอยังไม่ว่างจริงๆ ค่ะ แต่คุณหมอว่าจะตรวจดูให้ นั่งก่อนนะคะ ต้องรอคิวนิดนึงค่ะ”

“ไม่ค่ะ ต้องตรวจเดี๋ยวนี้! พ่อหนูรู้จักกับอาหมอภาคภูมินะคะ! พี่รู้มั้ยว่าพ่อหนูเป็นใคร จะให้หนูโทรบอกพ่อให้คุยกับอาภาคภูมิมั้ย!”


คีรีหันไปมองคนไข้สองคนที่นั่งรอคิวตาปริบๆ อยู่ก่อน เขาลุกขึ้น เอามือเสยผมด้วยท่าที่เท่ที่สุดในชีวิต กำลังจะเดินเข้าไปใช้หน้าตาอันแสนจะหล่อเหลาช่วยพนักงานสาวของคลินิกเกลี้ยกล่อมสองสาวให้สงบลง แต่ไม่ทันทันตแพทย์ที่โผล่หน้าออกมาทางประตูที่เชื่อมระหว่างเคาทน์เตอร์กับห้องตรวจฟัน โดยที่ทันตแพทย์คนนั้นยังใส่ผ้าปิดจมูกอยู่ด้วย


“มีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ”

“คือ...” พนักงานสาวยังไม่ทันได้ตอบ สองสาวก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“เพื่อนหนูปวดฟันมาก ต้องการทำฟันด่วนค่ะ! เดี๋ยวนี้!”

ทันตแพทย์หนุ่มประสานสายตากับเด็กสาวทั้งสองคน เขาถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะพูดเสียงขรึมอย่างใจเย็นที่สุด “หมอมีคนไข้นั่งรออยู่ พวกคุณเห็นใช่มั้ย คุณปวดฟัน คนไข้คนอื่นก็ปวดเหมือนกัน ถ้ารอไหวหมอก็รักษาให้ได้ แต่ถ้ารอไม่ไหว ไปที่คลินิกอื่นจะเร็วกว่านะ”

“หมอไล่พวกหนูเหรอ!” / “หนูจะตายอยู่แล้วยังจะให้รออีกเหรอคะ!” สองสาวแว้ดกลับทันควัน


โห แว้ดได้เสียงดังไปสามห้องแถวติดขนาดนี้ไม่น่าจะตายได้ง่ายๆ หรอกนะ คีรีอ้าปากค้าง


ทันตแพทย์หนุ่มดูจะหงุดหงิดกับเสียงแหวๆ ของพวกเธอ เขาดึงผ้าปิดจมูกออกแล้วพูดเสียงดุ บนใบหน้าไม่มีรอยยิ้มอยู่เลยแม้แต่น้อย “หมอไม่ได้ไล่ พวกคุณฟังดีๆ สิครับ หมอบอกว่าถ้ารอไหวก็จะตรวจดูให้ยังไงล่ะครับ อดทนรออีกแค่สองคิวเท่านั้นเอง”


โอ้โห ดุฉิบหาย! คีรีเลิกคิ้วขึ้น วินาทีนั้นคิดว่าสองสาวคงแว้ดคลินิกแตกแน่แล้ว แต่พอเห็นใบหน้าของทันตแพทย์หนุ่มเข้าก็ชะงัก


เช่นเดียวกับเด็กสาวทั้งสอง พวกเธอหยุดกึก ความเกรี้ยวกราดเมื่อครู่มลายหายวับไปกับตา แถมยังพร้อมใจกันตอบเสียงหวาน “ว้าย~ รอได้ค่าคุณหมอ นานแค่ไหนก็รอได้~”

“เชิญนั่งก่อนนะครับ” ทันตแพทย์หนุ่มพูดเสียงเรียบ

“ค่า” แล้วพอทันตแพทย์คนนั้นเดินกลับเข้าไปข้างใน พวกเธอก็หันมาหวีดใส่กันเบาๆ “ว้าย เท้เท่อ้ะ~ หน้าดุยังหล่อเลย” จากนั้นก็หันไปคุยกับพนักงานสาวแบบเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน

“พี่คะ คุณหมอคนเมื่อกี้ชื่ออะไรเหรอคะ”

“หมอเต้ค่ะ เชิญคุณสองคนนั่งรอก่อนนะคะ”

“ค่า” พวกเธอเดินไปนั่งอย่างเชื่อฟัง

ส่วนคีรีน่ะหรือ เขายืนนิ่งอึ้งเบิกตาโพลงอยู่ที่หน้าโซฟา ตกใจกับทันตแพทย์คนที่เพิ่งเดินออกมาเมื่อครู่ยิ่งกว่าสองสาวเสียอีก หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะแบบแปลกๆ จนต้องยกมือขึ้นกุมอก

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ถามตัวเองไปด้วยอย่างงงๆ นี่กูตกใจอะไรวะ? ตกใจที่หมอดุเหรอ แต่เขาก็ไม่ได้ดุกูสักหน่อยนี่!


“อ้าว คุณนคินทร์ สวัสดีค่า”

“อะ ครับ” คีรีสาวเท้าเดินไปหยุดที่หน้าเคาทน์เตอร์ “ลุงภูมิมารึยัง ผมนัดไว้น่ะครับ”

“อ๋อ หมอภูมิโทรมาบอกเมื่อกี้ว่าจะให้คุณพุดเอาของมาให้คุณนคินทร์แทนค่ะ แต่คุณพุดยังมาไม่ถึงเลย คุณนคินทร์นั่งรอแป๊บนึงนะคะ”

“ครับ” เขาตอบแล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟาที่ว่าง พอหันไปทางเด็กสาวสองคน พวกเธอสบสายตากับเขา แต่ไม่สนใจความหล่อของเขาเลย มัวแต่พร่ำเพ้อหาทันตแพทย์หนุ่มคนเมื่อครู่


ชื่อเต้งั้นเหรอ


“หมอเต้ชื่อจริงชื่ออะไรคะ อายุเท่าไหร่ ยังโสดมั้ยคะ” เด็กสาวถามพนักงานอีกครั้ง

พนักงานสาวอ้ำอึ้ง ก่อนจะตอบ “เอ่อ... ชื่อเตชิตค่ะ หมอเต้เพิ่งเรียนจบมาปีกว่าๆ อายุน่าจะราวๆ ยี่สิบห้าหรือยี่สิบหกนะคะ”

“พี่สาวยังไม่ได้ตอบเลยว่าหมอเต้ยังโสดมั้ยอ่า”

“เอ้อ อันนี้พี่ก็ไม่แน่ใจค่ะ”

เด็กสาวทำหน้ายู่ “แล้วปกติหมอเต้ทำงานวันไหน กี่โมงถึงกี่โมงคะ”

“วันธรรมดาหมอเต้ทำงานอยู่โรงพยาบาลลำพูนนะคะ คุณหมอเขาใช้ทุนอยู่ที่นั่น ส่วนวันเสาร์อาทิตย์หมอเขาจะผลัดกับหมออีกสองคนมาทำคลินิกที่นี่ เวลาไม่แน่นอนหรอกค่ะ อย่างวันนี้ จริงๆ หมอเต้เลิกงานตั้งแต่สี่โมง แต่หมอจะทำนอกเวลาให้”

สองสาวยิ้มตาเยิ้ม “หมอเต้ใจดีจังเลย ขนาดเลิกงานนานแล้วยังอุตส่าห์จะดูฟันให้หนูอีก คงเพราะเห็นว่าหนูปวดมากแน่ๆ”

คีรีฟังไป เก็บข้อมูลไป พยักหน้าหงึกๆ ไปด้วย ถ้าไม่ได้ฟังพวกผู้หญิงคุยกัน เขาก็คงเข้าใจผิดคิดว่าหมอเต้เป็นคนดุๆ ไปแล้ว แต่ก็ใจดีกว่าที่เขาคิดไว้นะเนี่ย


เวลาผ่านไปชั่วครู่ทันตแพทย์หนุ่มคนเดิมก็เดินออกมาจากประตูที่เชื่อมระหว่างเคาทน์เตอร์กับห้องตรวจฟัน พร้อมกับชายหนุ่มคนไข้ที่เดินโซเซหน้าซีดเซียวออกมาจากห้องทำฟัน ตรงมายังเคาทน์เตอร์

ใบหน้าของเตชิตไร้ซึ่งรอยยิ้มเช่นเคย เขาพูดคุยกับคนไข้เสียงขรึม มีสอนแปรงฟันกับใช้ไหมขัดฟันให้ด้วย ซึ่งคนไข้ก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ จากนั้นก็หันไปบอกกับพนักงานให้จัดการเรื่องนัดครั้งต่อไป แล้วเดินกลับเข้าไปทางเดิม

หลังจากชายหนุ่มพูดคุยกับพนักงานเสร็จ ระหว่างที่รอรับยาก็ถอยกลับไปนั่งตรงที่นั่งรอของคนไข้

เด็กสาวทั้งสองคนเปรย “ดุแต่ก็เท้เท่~ เฮ้อ~”

ชายหนุ่มคนไข้หันไปทางสองสาว “โอ๊ย หมอเต้ไม่ดุหรอกครับ คุณหมอจริงจังกับการรักษามากๆ เท่านั้นเอง แต่ผมน่ะ โดนบ่นเพราะแปรงฟันไม่ถูกวิธีสักที”


ไอ้ที่พูดเสียงเข้มๆ พร้อมทำหน้าตาซีเรียสเมื่อกี้คือแค่บ่นเหรอวะเนี่ย แล้วเวลาดุจะขนาดไหนวะ คนแอบฟังหันไปมองอย่างงงๆ


พวกเธอขยับเข้าไปหา “พี่มาหาหมอเต้หลายครั้งแล้วเหรอคะ”

“ครับ หมอมือเบามาก เอาใจใส่คนไข้ดีเสมอ ถ้ามีคำถามหมอก็ตอบให้หมด อธิบายให้ละเอียดเลย ผมชอบ แต่มาหลายทีแล้วก็ยังไม่เคยเห็นหมอเต้ยิ้มสักครั้งเลยนะครับ” เขาพูดกลั้วหัวเราะ

“กรี๊ด หมอเต้น่ารักจังเลยค่า~”


คีรีขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นเกาศีรษะอย่างงงๆ เขาว่าก็แปลกดี คนไข้ชอบหมอดุๆ แบบนี้ก็มีด้วยแฮะ


ระหว่างนั้นก็มีชายหนุ่มแบกกล่องขนาดใหญ่เข้ามาข้างในร้าน เขาหยุดยืนหอบฮักๆ ที่เคาทน์เตอร์แล้วบอกกับพนักงานสาว “หมอภูมิฝากของมาให้คุณนคินทร์ครับ”

เจ้าของชื่อลุกขึ้นพรวด “โห ลุงภูมิฝากอะไรมาให้นักเนี่ย”

“คุณนคินทร์ใช่มั้ยครับ เอารถมามั้ยครับ เดี๋ยวผมยกไปให้ มีแบบนี้อีกสองกล่องครับ”

“เอามาครับ งั้นเดี๋ยวผมไปช่วยยกนะครับ” เด็กหนุ่มหันไปบอกลาพนักงานสาวที่เคาทน์เตอร์ แล้วก็เดินตามชายหนุ่มออกไป เมื่อไปถึงรถแล้วจึงรู้ว่าคุณลุงไม่ได้ฝากมาแค่สามกล่อง แต่ยังมีถุงกระสอบอีกสองถุงใหญ่และอีกหลายถุงย่อยๆ ของเต็มทั้งในกระโปรงรถและเบาะหลังเลยทีเดียว


พอเก็บของเสร็จ บอกลาชายหนุ่มที่เอาของมาให้แล้วก็ยืนหอบฮั่กๆ ท้องร้องจ๊อกๆ เขาจึงเดินไปหาอะไรใส่ท้องก่อนจะกลับคอนโดฯ

คีรีเดินดุ่มๆ ไปที่ร้านข้าวมันไก่ไม่ไกลจากคลินิกนัก เมื่อไปถึงก็จัดการสั่งข้าวมันไก่พิเศษมาสามจานรวด บอกเด็กเสิร์ฟในร้านให้ทยอยเอามาเสิร์ฟด้วยเพราะกลัวว่าข้าวจะไม่ร้อน เสร็จแล้วก็สั่งน้ำปั่นมาอีกสองแก้ว ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินเหมือนตายอดตายอยากมาจากป่าแถบชายแดน

หลังจากอิ่มท้อง เด็กหนุ่มก็เรียกเด็กในร้านมาเก็บเงิน

“สองร้อยสี่สิบครับพี่”

คีรีหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเปิด แล้วก็ชะงัก เบิกตากว้าง


ฉิบหาย! ลืมไปว่าเมื่อตอนเที่ยงเขาจ่ายค่าถ่ายเอกสารหนังสือไป แล้วก็ไม่ได้กดเงินสดมาไว้ด้วย ในกระเป๋ามีแค่เหรียญสิบสองเหรียญ บัตรเครดิตสามใบ และบัตรเอทีเอ็มอีกสองใบ


“เอ่อ รูดการ์ดได้มั้ยอะครับ”

เด็กเสิร์ฟหัวเราะ คีรีจึงหัวเราะเจื่อนๆ ไปด้วย แต่แล้วเด็กเสิร์ฟก็หันไปตะโกนบอกเจ้าของร้าน “เฮีย! ลูกค้าถามว่ารูดบัตรได้มั้ยอะ!”

เสียงเฮียปักปังตอลงบนเขียงดังปังใหญ่ เด็กหนุ่มจึงลุกขึ้นพรวด “ผมมีแบล็กการ์ดนะเฮีย!”

“อั้วไม่รับรูดไม่รับเซ็น! เงินสดเท่านั้น!”

เด็กหนุ่มรีบอธิบาย “เฮีย! ผมเป็นนักศึกษานะ เรียนที่มหาลัยเนี่ย เฮียรอเดียวนะ ผมจะรีบไปกดเงินให้!”

“เฮ้ย! เป็นนักศึกษาไม่ใส่ชุดนักศึกษาวะ แล้วพูดเสียงเหน่อๆ แบบนี้ ลื้อเป็นพม่าแน่ๆ อย่าคิดหลอกอั้ว ลื้อนี่คิดจะชิ่งใช่มั้ย!”

“ไม่ใช่เว้ยเฮีย วันนี้วันเสาร์ปะวะ! งั้นเฮียรอแป๊บ ผมจะเรียกเพื่อนมาจ่าย” คีรีรีบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เมื่อเจอแต่ความว่างเปล่าก็ช็อกตาเหลือก ฉิบหายครั้งที่สอง! เขาโยนโทรศัพท์มือถือไว้ในรถตอนขนของเมื่อกี้!

“เฮีย ผมลืมโทรศัพท์ไว้ในรถอะ!”

“ลื้อไม่ต้องมาอ้าง!” เฮียเจ้าของร้านคว้าปังตอชี้

“เดี๋ยวสิวะเฮีย เงินแค่นี้ใครจะโกงวะ คุณตาผมอะ ซื้อร้านเฮียยังได้เลยนะเว้ย!”

“อ้าว ไม่มีเงินจ่ายแล้วยังปากดี จ่ายค่าข้าวให้ได้ซะก่อนไอ้เด็กเวงนี่!”

คีรีควานหากุญแจรถมาได้ก็ชูขึ้น “ผมให้ยึดรีโมตรถผมไว้ก่อนก็ได้ เดี๋ยวไปกดเงินมาให้”

“เป็นรีโมตรถจริงๆ รึเปล่าก็ไม่รู้! อั้วจะเชื่อลื้อได้ไง!”

“นี่มันเป็นรีโมตรถจริงๆ นะเว้ยเฮีย! ผมจะหลอกเฮียไปทำไมวะ! เงินแค่นี้ไม่ทำให้ผมรวยขึ้นหรอกโว้ย!”

ขณะที่เฮียถือปังตอมือสั่นอยู่นั้น ก็มีเสียงดุๆ ของใครบางคนดังขึ้น


“เฮียโวยวายอะไร เสียงดังลั่นไปทั่วแล้ว”


เฮียเจ้าของร้านหยุดกึก หันไปยิ้มหวานให้คนพูดทันที “อาหมอเต้ อั้วเสียงดังเหลอ ขอโทกที”

“แกล้งเด็กทำไมน่ะเฮีย”

“ก็ไอ้เด็กนี่...” เฮียเจ้าของร้านเห็นสีหน้านิ่งสนิทของเตชิตแล้วก็คิดว่าควรจะหยุดโวยวายไว้ก่อน ดูท่าคุณหมอจะอารมณ์ไม่ดี เดี๋ยวเขาเจอลูกหลงจะโดนจับสอนแปรงฟันที่หน้าร้านให้อายเด็กในร้านมันเนี่ย เขาจึงรีบชวนเปลี่ยนเรื่องคุย “อาหมอเต้อ่า เลิกงานแล้วเหรอ เหนื่อยม้าย วันนี้ลื้อจะกิงอาลาย อาหมอวิงไม่มาล่วยเหรอ”

“วันนี้หมอวินไม่อยู่น่ะ ผมเอาเหมือนเดิม ใส่กล่องนะ”

“ล่ายๆ เฮียจักกังให้อย่างไวเลย”

เตชิตชำเลืองมองไปที่เด็กหนุ่มทางด้านหลังเฮียเจ้าของร้านแวบหนึ่ง “ส่วนของน้องนั่น เดี๋ยวผมจ่ายให้น้องเขาก่อนก็ได้”

“เฮ้ย! ไม่...” คีรีชะงัก จะบอกว่าไม่ต้องก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่มีเงินจ่ายนี่หว่า “ผมขอยืมก่อนละกัน แล้วจะรีบเอาไปคืน”

ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้าหงึกๆ “ผมทำงานที่คลินิกตรงนั้น ถ้าอยากคืนเมื่อไหร่ก็ค่อยเอามาคืนแล้วกัน”

เฮียเจ้าของร้านหันไปเอาปังตอชี้ “อาหมอเต้ใจดีอ่า ลื้ออย่าลืมเอาเงินมาคืนอาหมอด้วยนะเว้ย”

คีรีพยักหน้าหงึกหงัก เขารีบยกมือไหว้ทันตแพทย์หนุ่ม “ขอบคุณครับ” แล้ววิ่งออกจากร้านไปทันที เขาต้องรีบไปหาตู้เอทีเอ็ม กะว่าจะไปกดเงินและจะได้รีบเอาไปคืน

ทว่าเมื่อไปถึงตู้เอทีเอ็มตู้ที่อยู่ใกล้ที่สุด มันก็ดันเสีย เด็กหนุ่มเลยต้องวิ่งต่อไปอีก ท้องก็หนัก เสือกแดกไปไม่บันยะบันยัง พอกดเงินได้แล้วก็วิ่งหูตูบกลับมาที่ร้านข้าวมันไก่ เขายืนหอบแฮกๆ อยู่ที่ข้างเขียง

“เฮีย หมอเต้ล่ะ”

“เพิ่งเดินไปทางคลินิกน่ะ หมอเขานอนค้างที่คลินิก ถ้าลื้อไปไม่ทังก็กดออดเรียกแล้วกัง”

“ขอบคุณครับเฮีย”

“เออๆ แบบนี้ลื้อค่อยน่ารักหน่อย”


คีรีใส่ตีนหมาโกยไปทางคลินิก ประตูด้านหน้าปิดแล้ว พอวกไปถึงด้านหลังก็เห็นว่าเตชิตกำลังจะเปิดประตูทางด้านหลังเข้าไปในคลินิกพอดี เขารีบร้องเรียก “คุณหมอ! คุณหมอรอก่อน!”

เตชิตหยุดกึก หันขวับไปทางคนเรียก “อ้าว...”

“ผมเอาเงินมาคืน” เด็กหนุ่มหยุดหอบแฮกๆ แล้วส่งธนบัตรใบละร้อยสามใบคืนให้ทันตแพทย์หนุ่ม “ขอบคุณครับ”

“ไม่ถึงสามร้อยหรอก แล้วผมก็ไม่มีทอนให้คุณด้วย ที่เหลือนิดหน่อยถือว่าผมเลี้ยงละกัน ขอบใจที่เอามาคืนนะ” เตชิตยิ้มบาง หยิบธนบัตรออกมาสองใบแล้วหันไปเปิดประตูออก


ยิ้มด้วยว่ะ... ไม่น่าเชื่อเลย


แค่เห็นรอยยิ้มหัวใจก็เต้นตึ้กตั้ก เขารู้สึกลนลานแบบแปลกๆ “งั้นคราวหน้าผมจะเอาที่เหลือมาคืน”

“ไม่ต้องก็ได้” ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะเบาๆ ก่อนเขาจะเดินเข้าไปคนอ่อนวัยกว่าก็พูดขึ้นอีก

“ผมจะเอามาคืนจริงๆ นะ”

เตชิตหันไปมองเด็กหนุ่มอย่างงงๆ “เออๆ แล้วผมจะรอละกัน” จากนั้นก็เดินเข้าคลินิกไป

ส่วนคีรีก็ยืนนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้นราวกับโดนสาป


หมอเต้งั้นเหรอ คนอะไร หน้าบึ้งก็ดูดี เวลาดุก็เท่ แต่ยิ้มแล้วน่ารักชะมัดเลย อย่างกับคนละคน


โอย... ใจกู ทำไมเต้นแรงแบบนี้วะ


*TBC*


ขอโทษที่เอามาลงช้านะค้าาาา /ล้มลงนอนให้เหยียบย่ำ

การพบกันครั้งแรกของเด็กดอยกับหมอเต้เป็นแบบนี้เองงงง ฮี่ๆ เนี่ย ไปยิ้มให้เด็ก เด็กมันตาพร่า ใจสั่นเลยเห็นมั้ย! รับผิดชอบด้วยนะหมอเต้!

สำหรับช่วงย้อนเล่าเรื่องของเด็กดอย ฮัสกี้จะใช้ชื่อตอนเป็น 9.x ไปเรื่อยๆ นะคะ จะกลับมาต่อจากตอนปัจจุบันในตอนที่ 10 พอดีค่ะ จะได้ไม่สับสนเนาะ อาทิตย์นี้เด๋วจะพยายามลงให้ได้อีกตอนนะคะ ถ้าไม่โดนตัวอู้นอนทับไปซะก่อน ฮือออออ  :mew5:

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า รักน้าาาา~ :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-11-2018 09:26:54
ยิ้มของหมอทำให้เด็กดอยติดใจ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 05-11-2018 09:28:08
คุณของลุงเด็กดอยเป็นเจ้าของคลินิกเหรอเนี่ย เจอกันครั้งแรกหมอเต้ก็ทำเด็กดอยใจสั่นซะแล้ว  :-[
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 05-11-2018 09:44:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 05-11-2018 10:25:27
กำลังรอที่มาอยุ่เลยค่าาา

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 05-11-2018 10:49:49
มิน่าาาา ตกหลุมรักตอนนี้เอง อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 05-11-2018 12:04:33
ฮือ ดีต่อใจ รักแรกพบของเด็กดอย ^^ รอๆๆ 9.2
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 05-11-2018 12:13:40
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 05-11-2018 12:18:41
หมอเต้ใจดีจังเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 05-11-2018 12:24:50
เบื้องหลังที่แสนแระทับใจเด็กดอย แต่ข้าวมันไก่สามจานรวดนี่มันสายเดียวกัยหมอวินเลยอ่ะ สายกินแหลก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 05-11-2018 14:00:04



โอ๊ะ. Love at the first sight เลยนะเนี่ย

น้องคีทิ้งลายเพื่อหมอเต้แล้ววววว




 :o8:  :-[  :o8:  :-[  :o8:  :-[  :o8:  :-[  :o8:  :-[


หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 05-11-2018 14:15:01
มันมีที่มาของความประทับใจนี้เอง มิน่าถึงติดหมอเต้นัก สู้ต่อไปจ้าน้องคีรี  :L2:
     :L1:  :pig4:   :L1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-11-2018 14:49:32
 :กอด1:



 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 05-11-2018 15:09:44
หลงยิ้มหมอเต้ซินะคีรี :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-11-2018 15:35:55
ศรรักปักอก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 05-11-2018 16:00:44
คู่นี้ก็น่ารักกกกก อยากให้หมอเต้มีความสุขค่ะ
เอาใจช่วยทั้งสองคนเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 05-11-2018 16:35:45
สาเหตุการหลงหมอเต้ของคีรีมันเป็นอย่างงี้นี่เอง ยิ้มหมอตกเด็กดอยได้จริงๆค่ะ :-[
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 05-11-2018 17:42:29
อยากเห็นหมอเต้ยิ้มบ้าง อยากใจสั่น  :mew3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 05-11-2018 19:43:00
โถๆๆๆ เด็กดอยไม่ ยู่ในสายตาหมอเต้เล้ย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-11-2018 21:08:32
 :pig4: :pig4: :pig4:

โถ ๆๆๆๆๆ จะเรียกว่ารักแรกพบก็คงไม่ใช่โนะ 

เพราะแค่รู้สึกสนใจในความหน้าดุแต่ใจดี 

แต่...ไอ้อาการใจสั่นนี่สิ  มันคืออัลไล?

แหม่...มีอาเป็นเจ้าของคลินิกที่หมอเต้มารับจ๊อบนี่เอง ถึงได้เจอกัน

ว่าแต่...นี่มันเหตุการณ์ตอนก่อนปัจจุบันนานไหมอ่ะ?  แปลกใจที่อิหมอเต้มันจำเด็กดอยไม่ได้นี่แหละ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-11-2018 21:36:26
อีหมอจำไม่ได้เลยสินะ จำได้อยู่คนเดียวรึไง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-11-2018 22:53:26
โห นี่มันรักแรกพบของคีรีเลยสินะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 05-11-2018 23:01:45
เจ้าชู้ แถมโกหกตลอดศกอีก ต้องต้มน้ำเตรีียมชามมาม่า มั้ยอ่ะ ตอนนี้สงสารหมอเต้เลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 05-11-2018 23:26:15
ใจบางไปหมดแล้วเนอะคีรี o18
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 06-11-2018 00:01:23
น่ารักไปอีก หวังว่าถ้าหมอเต้รู้ความจริงของน้องคีรีแล้ว จะไม่โกรธนะครับ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 06-11-2018 12:36:12
เจอกันครั้งแรก ..
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 06-11-2018 14:33:42
แบบนี้นี่เองเรียกได้ว่ารักแรกพบเลยสินะ o8

รอค่ะความอู้จงออกไปๆๆ :oni3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 06-11-2018 17:03:22
ตายแล้วคีรี..... เจาชู้ขนาดนี้​ งานงอกแน่ๆเจ้าเหน่อ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 06-11-2018 21:45:24
อีเด็กดอยนี่ไม่ใช่แค่มินิพี่วินแล้วนะคะ แต่เป็นพี่วินรุ่น 4.0 คือมีความแอดวานซ์แซงพี่วินไปหลายขุม ที่แน่ๆอีพี่วินนี่แค่เจ้าชู้กับสาวๆ ส่วนเจ้าเด็กเหน่อนี่ สาวๆ หนุ่มๆ มันเอาหมดดดด  :m20:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 08-11-2018 18:00:48
โธ่!!! หมอเต้อ่ะ อ่อยเด็กมันไว้แล้วดันจำกันไม่ได้ 555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 09-11-2018 17:08:52
โอ้ย คุงหมอเต้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 09-11-2018 23:28:08
ฉันมารอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลย
เมื่อไหร่เด็กดอยกับหมอเต้จะมา ฮือๆๆ คิดถึง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.1 : พบกันครั้งแรก [051118]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 10-11-2018 15:52:44


Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว


ในตอนสายของวันอาทิตย์หลังจากการพบกันกับเตชิตครั้งแรก คีรีลุกขึ้นมานั่งสะลึมสะลืออยู่บนเตียงนอนของตน เขาเพิ่งนอนไปได้ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น เมื่อคืนเป็นอะไรก็ไม่รู้ นอนไม่หลับ แถมยังเอาแต่นึกถึงใบหน้าตอนดุกับรอยยิ้มของทันตแพทย์หนุ่มคนที่เจอเมื่อวาน เขาก็เลยลุกขึ้นมานั่งอ่านหนังสือสอบไปเรื่อยๆ มารู้ตัวอีกทีก็เกือบจะเช้าแล้ว

เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือดังแว่ว เด็กหนุ่มจึงเอื้อมมือไปหยิบมากดปิด วันนี้เขามีนัดกับมินนี่ เด็กสาวที่รู้จักมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเรียนที่โรงเรียนนานาชาติ เขากับเธอสนิทสนมคุ้นเคยกันดี เคยนัดเที่ยวด้วยกันหลายครั้ง หากไม่ได้คบหาหรือเป็นแฟนกัน จะให้พูดตรงๆ ก็เป็นแบบที่เขาเรียกกันว่า friends with benefits นั่นล่ะ

คีรีรีบอาบน้ำแต่งตัว ขับรถคันหรูของเขาไปหาเธอที่บ้าน และก็เหมือนทุกครั้งที่นัดพบกัน มินนี่แต่งตัวสวยเซ็กซี่ ใส่เลอบูแตงส้นสูงปรี๊ดโชว์ท่อนขาเรียวขาว พรมน้ำหอมกลิ่นที่เขาบอกว่าชอบ เธอออกมาต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มหวานเชื่อม และก้าวเข้ามาแต้มจูบทักทาย

ถ้าเป็นทุกครั้งเขาคงจะดึงเธอเข้ามาสวมกอด แต่วันนี้ไม่รู้เป็นยังไง เมื่อได้จูบและสัมผัสลิ้นกัน เขากลับรู้สึกแปลกๆ ร่างกายปฏิเสธจูบนั้นแล้วผลักเธอออกโดยอัตโนมัติ

“มีอะไรเหรอ” เธอถามเป็นภาษาอังกฤษที่พวกเขาใช้พูดคุยกันประจำ

เจ้าของชื่อนิ่งอึ้ง น่าแปลกที่เขาไม่มีอารมณ์เหมือนอย่างเคย ทุกทีแค่เข้าใกล้กัน ไอ้ตรงนั้นเขาก็เตรียมตัวพร้อมปฏิบัติการ แทบจะอุ้มเธอขึ้นห้องแล้ว แต่ทำไมวันนี้มัน...

“ไปห้องมินนี่กันเหอะ”

“ใจร้อนจัง จะไม่ดื่มอะไรก่อนหน่อยเหรอ”

“ไม่ล่ะ”

แล้วพอเข้าไปในห้อง ทั้งสองก็กอดจูบกันอย่างเคยๆ ทว่าเขาก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ ดันเห็นใบหน้าของทันตแพทย์หนุ่มคนเมื่อวานซ้อนทับใบหน้าของเด็กสาว “เฮ้ย!”

“คีรี?”

เจ้าของชื่อทำหน้าเครียด “เปล่าๆ ไม่มีอะไร”

เมื่อถอดชุดบางเบาของเด็กสาวออก คีรีก็กดเธอลงบนเตียง บดจูบไปพร้อมกับถอดเสื้อของตัวเองออก

มินนี่ยกมือขึ้นกดคลึงตรงส่วนไวสัมผัส ค่อยๆ รูดซิปลง แล้วสอดมือเข้าไปปลุกเร้าส่วนนั้น

แต่... ไม่ว่าจะทำอย่างไร ไอ้ตรงที่ว่านั่นก็ยังหลับสนิท กระตุ้นแล้วกระตุ้นอีก มันก็ยังไม่ยอมลุกขึ้นมาปฏิบัติงาน

คีรีสบถออกมาเบาๆ ก่อนจะถอยออกไปนั่งงงๆ อยู่ข้างเธอ “ขอโทษนะ ขอเวลาแป๊บ”

เด็กสาวขมวดคิ้ว “วันนี้มีเรื่องอะไรรึเปล่า”

“ไม่... ไม่มี ผม...” คีรีนิ่งอึ้ง ไม่รู้ว่าทำไมเวลานี้เขาถึงไม่รู้สึกอยากทำเรื่องอย่างว่ากับเธอเลยสักนิด ทั้งๆ ที่ตอนนัดกัน เขาอยากพบเธอมากจนแทบทนไม่ไหว แต่พอเมื่อวานไปเจอกับทันตแพทย์คนนั้นเข้า... ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป

ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด เด็กสาวก็ลูบไล้ฝ่ามือไปบนหน้าท้อง ค่อยๆ ลากลงสู่ที่ต่ำ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาที่ตัก ทว่ายังไม่ทันได้ทำอะไร เขาผลักศีรษะของเธอออกเสียก่อน “เฮ้ย! มินนี่! อย่า!”

มินนี่ชักไม่สบอารมณ์ เธอนิ่วหน้าใส่ “คีรีเป็นอะไรเนี่ย! ไม่อยากทำแล้วมาหาเราทำไม!”

“ผม... ผมขอโทษ”

“ไปทำอะไรมา คีรีไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ”

นั่นสิ เขาเป็นอะไรวะ

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นคลึงขมับ พอหลับตาลงภาพใบหน้าพร้อมรอยยิ้มของทันตแพทย์ในเสื้อกาวน์สีขาวคนนั้นก็มาหลอกหลอนอีกเขาแล้ว เขาส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ “ผมขอโทษนะมินนี่ ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน ผมอาจจะเครียดกับการสอบน่ะ”

“แน่ใจเร้อ มีเรื่องอื่นด้วยแน่ๆ”

“....”

“บอกมาเถอะ”

“คือ... เมื่อวานผมไปเจอคนคนนึง...”

“คนนึง?”

คีรีทำหน้าขรึม “ตั้งแต่เจอเขา อะไรๆ ก็แปลกๆ ไปหมด ผมเหมือนไม่ใช่ตัวผมยังไงก็ไม่รู้” เขาหยุดไว้แค่นั้น แต่ก็มากพอที่จะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจ

เด็กสาวถอนหายใจ แต่ก็ใช่ว่าจะง้อ เธอลุกออกจากเตียง หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวม จากนั้นก็เดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างกัน “เราพบกันครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วสินะ”

คีรีหันขวับ รีบพูดกับเธอเสียงอ้อน “คุณโกรธผมเหรอ”

“เปล่า แต่คิดว่ามันคงถึงเวลาที่จะหยุดแล้วล่ะ ที่จริงเราก็คิดมาสักพักแล้วว่าถ้าไม่มีอะไรคืบหน้าก็ควรจะหยุดสักที พวกเรารู้จักกันมาเกือบสองปีแล้วนะ ตลอดเวลาเรามีคีรีคนเดียว แต่คีรีก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดอยู่ที่เรา”

“มินนี่...”

“อีกอย่าง ดูจากอาการแล้ว เราว่าคีรีน่าจะเจอคนที่อยากทำเรื่องแบบนี้ด้วยมากกว่าเราแล้วล่ะ” เธอพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะเขา “น่าเสียดายที่คนคนนั้นไม่ใช่เรา แต่ที่ผ่านมาเราก็มีความสุขมากนะ อย่างน้อยก็ยังเป็นคนพิเศษ คนที่คีรีกลับมาหาบ่อยๆ ต่อไปเจอคนที่ใช่แล้ว ก็อย่าทำตัวเหมือนที่เคยทำอีกล่ะ”

“คุณพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ”

“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องเลย ที่คีรีทำไม่ได้ ก็เพราะหัวใจคีรีไม่ได้อยู่กับตัวแล้วไง”

“บ้าน่ะ พูดอะไรบ้าๆ เรื่องแบบนี้มันไม่เกี่ยวกันสักหน่อย”

“เอ้า ไม่ยอมรับความจริงไปอีก เรายังยอมรับเลย” เธอดึงเด็กหนุ่มเข้ามาสวมกอด “เรารักคีรีนะ แต่ก็รู้ตัวว่าเราเป็นได้แค่เพื่อนกันเท่านั้น เราเสียใจ แต่ก็ขอให้คีรีได้พบกับคนดีๆ ที่ไม่เป็นอย่างคีรีก็แล้วกัน”

“ขอบใจ ผมเองก็ไม่อยากเจอคนแบบผมเหมือนกัน” คีรีโอบกอดเธอตอบ “ผมยังโทรหา ยังมาเจอคุณได้ใช่มั้ย เรายังเป็นเพื่อนกันนะ”

“อย่าเลย ขอเวลาเราทำใจก่อนเถอะ”

เด็กหนุ่มผละออก เพื่อให้มองเห็นใบหน้าเศร้าและนัยน์ตาชื้นน้ำของเธอชัดๆ ซึ่งเป็นผลให้หัวใจกระตุกอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ “ผมขอโทษ” เขาพูดเสียงแหบแห้ง “นั่นสินะ มินนี่ควรจะได้เจอคนที่ดีกว่าผม”

“ผู้ชายทั้งโลกก็ดีกว่าคีรีทั้งนั้นล่ะ” เธอผลักเขาออกไปเบาๆ “กลับไปได้แล้วไป”

คีรีลุกขึ้น หยิบเสื้อของตนขึ้นมาสวม ทว่าก่อนจะเดินออกจากห้อง เขาหันไปสวมกอดเด็กสาวแล้วจูบศีรษะเธอเบาๆ “ผมขอโทษจริงๆ นะ ขอให้คุณโชคดี”

มินนี่ยิ้มบาง แล้วเม้มปากแน่น “อือ”

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องบอกลาใครสักคน กับคนอื่นๆ เหมือนแค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ทว่ามินนี่พิเศษกว่าคนอื่นนิดหน่อย เพราะเธอเป็นเหมือนโอเอซิสให้เขามาตลอด เธอเป็นคนสวยน่ารัก คุยสนุก แถมยังอ่อนหวานและฉลาด แต่เวลานี้ก็เด็ดขาดกับเขาอยู่เหมือนกัน เขายอมรับว่ารู้สึกโหวงเหวงในใจเล็กน้อย หากก็คิดว่าเลิกยุ่งเกี่ยวกัน น่าจะเป็นผลดีกับทั้งเธอ... และก็เขา

“ลาก่อนนะ”

เมื่อปิดประตูลง เสียงร้องไห้ก็ดังมาแว่วๆ คีรีหันกลับไปมอง แต่ก็เลือกที่จะเดินออกมา ตรงไปที่รถของเขาแล้วขับออกไป


หลังออกมาจากหมู่บ้านของเด็กสาว เด็กหนุ่มก็เคลื่อนรถเข้าไปจอดเทียบฟุตบาท เขายกมือขึ้นกุมใบหน้า นิ่งคิดอยู่สักพักจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกไป

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในห้องของปิ๊กกับฟลุค ซึ่งทั้งสองอยู่หอนอกด้วยกัน คนละหอกับยุ้ยและเจนี่ แต่ก็อยู่ในระยะที่เดินถึงกันได้

“ว่าไงไอ้เสือ มือยังว่างกดโทรศัพท์หาพวกกูได้อีกเหรอวะเนี่ย”

“สัส วันนี้พวกมึงไปอ่านหนังสือที่ไหนวะ”

“ก็ว่าจะอ่านที่หออะ”

“ออกมาอ่านข้างนอกสิวะ กูจะไปอ่านด้วย”

“ฮะ!” ปิ๊กเบิกตาโพลง “เดี๋ยวๆ มึงมีนัดไม่ใช่เหรอวะ”

“เออ แคนเซิลไปละ เจอกันใต้ตึกที่เดิมได้มะ”

“ก็...ก็ได้ สักสิบเอ็ดโมงนะ”

ฟลุคเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นเพื่อนยืนทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผีจึงเอ่ยถาม “เป็นไรวะมึง ผีหลอกอ่อ”

“เออ ผีไอ้คีรี แม่งยกเลิกนัดกับสาวแล้วจะมาอ่านหนังสือด้วย”

“ฉิบหาย! วันนี้ฝนจะตก แผ่นดินจะไหว ธรณีจะสูบมั้ยเนี่ย” สองหนุ่มทั้งงงทั้งหวั่นใจ เพราะตั้งแต่รู้จักคีรีมา ทุกวันอาทิตย์มันจะไม่เคยมาสุงสิงกับเพื่อนในกลุ่ม ถ้าไม่ไปหาคุณตาก็มีแต่จะไปเดตกับสาวๆ เท่านั้น แล้วเมื่อวานมันก็ยังบอกว่าจะไปหาสาวอยู่เลยแท้ๆ

แต่วันนี้คีรีอยู่ติวหนังสือกับเพื่อนๆ จนถึงเวลาบ่ายแก่ๆ แถมยังตั้งใจเป็นพิเศษเสียด้วย เมื่อติวส่วนของตัวเองเสร็จเขาก็นั่งอ่านหนังสือต่อไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แทบไม่เงยหน้าขึ้นพูดคุยกับใคร


หลังจากส่งสายตาถามกันไปถามกันมาอยู่นาน เจนี่ก็เป็นคนเปิดประเด็นขึ้นก่อน เธอขยับแว่นแล้วยื่นหน้าเข้าไปหาเพื่อนหนุ่ม “คีรี ถามจริงเหอะ ทำไมวันนี้ไม่ไปเดตแล้วอะ”

“ไปมาแล้ว แต่โดนไล่ให้กลับ” เจ้าของชื่อทำหน้านิ่งตอบกลับไปเสียงเรียบ

ปิ๊กโพล่งถามทันที “เซ็กส์เสื่อมเหรอวะ”

“สัส!” คีรีขึงตาใส่ “ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกันว่ะ แต่กูไม่อยากทำอะไร นอกจากอ่านหนังสือนี่แหละ”

“นายกินยาผิดมาเหรอ” ยุ้ยขยับเข้ามาร่วมวงด้วย

“ทำไมวะ เราจะตั้งใจอ่านหนังสือสักวันไม่ได้เลยเหรอ อาทิตย์หน้าสอบนะเว้ย”

“เออ... ก็จริง” เจนี่ขยับเข้าไปกระแซะฟลุค “เจนี่ว่ามันโดนของ พวกนายมีพระมั้ย”

“ไอ้ปิ๊กมี” ฟลุคสะกิดเจ้าของชื่อเรียกอีกต่อ “มึงจัดการเลย”

ปิ๊กค่อยๆ ถอดสร้อยคอหนักสามบาท ห้อยพระเลี่ยมทองออกจากคอ พอคีรีเผลอเขาก็เอาสร้อยพระสวมให้ “ออกไปจากเพื่อนกูเดี๋ยวนี้!”

คีรีเงยหน้าขึ้นอย่างงงๆ “สัส! มึงเป็นเหี้ยอะไร้!” เขาถอดสร้อยออกจากคอแล้วโยนคืนให้เจ้าของ “เดี่ยวกูเอาไปจำนำเลยนี่!”

“มึงรู้จักคำว่าจำนำด้วยเหรอวะ!” สองหนุ่มตกใจหนักไปอีก

“กูก็ไม่ได้โง่มะ! ภาษาไทยกูก็เคยเรียนนะโว้ย!”

ยุ้ยขมวดคิ้ว พลางยื่นหน้าเข้าไปกลางวง “ยุ้ยถามจริงๆ นะคีรี เกิดอะไรขึ้นกับนายวะเนี่ย วันนี้นายท่าทางแปลกๆ จริงๆ นะ พวกเราเป็นห่วงว่ะ” 

คีรีถอนหายใจหนักๆ “เราแค่ไม่มีอารมณ์ไปเดต มันแปลกมากเหรอวะ”

“เม็นส์มาเหรอ”

เด็กหนุ่มทอดถอนใจยืดยาว “ถ้ามีก็อาจจะดีเหมือนกัน อย่างน้อยมันก็มีวันหมด”

คราวนี้ทั้งสี่คนแตกฮือไปคนละทิศละทาง พวกเขาโวยวายเสียงดัง “สัส พวกกูกลัวแล้วไอ้คีรี ไปวัดรดน้ำมนต์หน่อยมั้ยวะ”

คีรีนั่งนิ่ง เมินอาการช็อกของเพื่อนพ้องอยู่สักพัก ก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเปิดออกนับเงิน “เฮ้ย ใครมีแบงค์ยี่สิบสวยๆ บ้างวะ ขอแลกหน่อย”

“เจนี่มีๆ” เจนี่หยิบธนบัตรใบละยี่สิบออกมาหลายใบ ยังไม่ทันส่งให้คีรีก็ต่อว่า “นี่สวยแล้วเหรอ ทำไมแบงค์นายเหมือนโดนรุมโทรมมาเป็นสิบปีอย่างนี้วะ เป็นผู้หญิงประสาอะไรเนี่ย เราอยากได้แบงค์ใหม่ๆ อะ”

“เรื่องมากอีกไอ้เวร แล้วแบงค์ยับเกี่ยวอะไรกับเป็นผู้หญิงวะ!”

ลำบากอีกสามคนที่เหลือต้องรื้อหาธนบัตรออกมาให้คีรีได้เลือก แล้วเด็กหนุ่มก็เลือกธนบัตรใบละยี่สิบบาทมาสองใบ แต่ก็ยังไม่ค่อยใหม่สะใจเขาสักเท่าไหร่ เขาเอามือรีดๆ เรียงธนบัตรให้เรียบร้อย แล้วค่อยๆ บรรจงพับใส่กระเป๋าเสื้อไว้

ทั้งสี่คนมองตามตาปริบๆ “จะเอาไปซื้ออะไรวะ”

“เอาไปคืน เมื่อวานยืมคนนึงมา”

ไม่ต้องหันหน้าปรึกษากันทุกคนก็เห็นพ้องต้องกันเป็นเสียงเดียว ดูจากอาการของคีรีแล้ว คนที่มันยืนเงินมาเมื่อวานต้องเป็นสาเหตุของความผิดปกติทั้งหมดของมันแน่นอน “ไปยืมเงินใครมาวะ จะเอาไปคืนเมื่อไหร่”

“ว่าจะแวะไปคืนก่อนไปกินมื้อเย็นว่ะ”

“งั้นไปเลยมะ พวกเราไปด้วย อยากเห็นคนที่นายติดเงินว่ะ”

“ทำไม เราติดเงินใครนี่แปลกมากเลยเหรอวะ”

“เออ แปลกมาก ไปๆ ลุกๆ จะได้รีบเอาไปคืน”

รถสามคันเคลื่อนออกจากมหาวิทยาลัย มุ่งหน้าไปยังคลินิกรักษาฟันที่หมาย พอจอดรถแล้วทั้งห้าคนก็ลงจากรถมายืนพร้อมหน้ากัน

คีรีรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นแปลกผิดปกติ เขาหันไปมองเพื่อนๆ อย่างงงๆ แล้วยกมือขึ้นกุมอก

“มึงเป็นอะไรวะ”

“รู้สึกใจหวิวๆ ว่ะ”

“มึงไม่สบายเหรอวะ” ปิ๊กเอื้อมมือไปแตะหน้าผากอีกฝ่าย

“ไม่ใช่เว้ย” คีรีปัดมือเพื่อนออก เป็นผลให้ปิ๊กชะงัก

“ไอ้คีรี มือมึง... เย็นเหมือนคนตายเลยว่ะ”

“คนตายพ่อง นายเคยจับมือคนตายเหรอ” เจนี่หันไปต่อว่า แล้วคว้ามือเพื่อนหนุ่มมา “เฮ้ย! มือเย็นเจี๊ยบเลยจริงๆ ด้วย”

“เราไม่เป็นไร” คีรีชักมือกลับ เขาสูดหายใจเข้าปอดลึก แต่พอนึกถึงใบหน้าทันตแพทย์หนุ่มกับรอยยิ้มเมื่อวานแล้วก็เสือกเกิดอาการเข่าอ่อน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าแค่เอาเงินไปคืน ทำไมเขาต้องตื่นเต้นถึงขนาดนี้ด้วยวะ “โอย... กูว่ากูจะบ้าแล้วแน่ๆ”

“ใจเย็นๆ” เจนี่หันไปเปิดรถของเธอซึ่งจอดไว้ใกล้ที่สุดออกให้คีรีเข้าไปนั่ง แล้วเอายาดมมาจ่อจมูก ส่วนฟลุคช่วยเอายาหม่องทาขมับให้

“เดี๋ยวไปหาหมอดีกว่ามั้ยวะ อีกสองวันจะสอบวันแรกแล้วนะเว้ย”

คีรีส่ายหน้า “เราไม่ได้ป่วย ไม่ได้เป็นไร”

“ตอบมาได้ขัดกับหน้าตาและท่าทางของมึงมาก” ปิ๊กบ่น

เมื่ออาการของเด็กหนุ่มทุเลาลง เขาก็ดันเสือกนึกถึงทันตแพทย์หนุ่มขึ้นมาอีกจนได้ แน่นอนว่าหัวใจก็เต้นโครมครามแบบไม่บันยะบันยังอีกแล้ว


ทำไม? ทำไมวะ! 


“เอ้าๆ ใจเย็นคีรี เอามือกุมอกหายใจฟืดฟาดแบบนี้ เราว่าใกล้ต้องเข้าไอซียูแล้ว” ยุ้ยหยิบพัดมาช่วยพัดให้ “ไม่เคยเห็นนายเป็นแบบนี้มาก่อนเลย เป็นไรวะเนี่ย ตื่นเต้นเหรอ”

ตื่นเต้น? คนอย่างเขาเนี่ยนะ แค่จะไปพบทันตแพทย์คนนั้น ถึงกับต้องตื่นเต้นเชียวเหรอ?

คีรีเงยหน้าขึ้นมองคนถาม “เราก็อยากรู้เหมือนกันว่ะ” เขานั่งสงบจิตสงบใจต่อไปอีกสักพัก พอตั้งหลักได้ก็ก้าวออกมาจากรถใหม่ “เอาล่ะ เราไม่เป็นไรละ ไปกันเหอะ”

ทั้งห้าคนเดินเข้าไปข้างในคลินิก บนโซฟาด้านนอกมีคนไข้นั่งรออยู่สามคน ตรงหน้าเคาทน์เตอร์มีหญิงวัยกลางคนกับบุตรสาวยืนอยู่ ทั้งสองกำลังขอร้องให้สลับคิวให้เด็กสาวก่อน เนื่องจากพวกเขาอาจจะไปไม่ทันเครื่องบินได้ และเอาตั๋วเครื่องบินมาเป็นหลักฐานพร้อมสรรพ

วันนี้ทันตแพทย์หนุ่มที่ออกมารับมือเป็นคนละคนกับเมื่อวาน เขายิ้มโปรยปรายให้คนไข้ที่นั่งรออยู่ แล้วพูดอย่างใจเย็น “ช่วยน้องเขานิดนึงนะครับ น้องเขาจะไม่อยู่เป็นสัปดาห์เลย แค่ตรวจฟันซี่ที่ใส่ยาไว้แป๊บเดียว ไม่ถึงห้านาที”

“ได้ค่าหมอวิน” คนไข้ดูจะหลงเสน่ห์ทันตแพทย์หนุ่มกันเต็มๆ ชนิดที่ว่าเขาว่าอย่างไรก็ว่าตามกัน ให้รอทั้งวันก็ทำได้

รวินท์หันไปทางเด็กหนุ่มและเด็กสาวที่ยืนออกันอยู่ห้าคน แล้วก็แจกยิ้มการค้าให้ตามแบบฉบับของเขา “มาหาหมอรึเปล่าครับ”

คีรีพยักหน้า “เอ่อ มาหาหมอเต้ครับ”

“หือ หมอเต้ไม่อยู่ นัดไว้รึเปล่าครับ”

“เปล่าครับ มาหาเฉยๆ”

“ถ้างั้นมีอะไรก็ฝากพี่พนักงานไว้ละกันนะ” ทันตแพทย์หนุ่มชี้ไปที่พนักงานสาว ซึ่งเป็นคนละคนกับเมื่อวาน และไม่รู้จักคีรีมาก่อน แล้วเขาก็ผลุบกลับเข้าห้องตรวจฟันไป

สีหน้าของคีรีห่อเหี่ยวลงไปทันใด เขาอุตส่าห์ถ่อเอาเงินมาคืน นึกว่าจะได้เจอกันอีกครั้ง แต่หมอเต้ก็ดันไม่อยู่ซะได้นี่

พนักงานสาวยิ้มกว้างรับ “จะนัดทำฟันกับหมอเต้ใช่มั้ยคะ มีอาการอะไรรึเปล่าคะ” เธอพูดพลางเปิดตารางงานดูให้ “อ่า อาทิตย์หน้าหมอเต้คิวเต็มเอี้ยดเลย อาทิตย์ถัดไปก็ไม่เข้า...”

เด็กหนุ่มทำหน้าเศร้า เขาหยิบเงินในกระเป๋าเสื้อส่งให้พนักงานสาว “ไม่ได้จะนัดครับ แต่ฝากเอาเงินคืนหมอเต้หน่อยนะครับ เมื่อวานผมยืมมา”

“อ๋อ ได้ค่า เดี๋ยวฝากหมอวินไปคืนให้นะคะ ยังไงหมอวินกับหมอเต้ก็เจอกันน่ะค่ะ”

“ขอบคุณครับ” คีรีพูดเสียงจ๋อย แล้วเดินหน้ามุ่ยนำเพื่อนอีกสี่ชีวิตออกจากร้านไป

พอก้าวออกจากคลินิกไปเท่านั้น ยุ้ยกับเจนี่ก็ตะปบแขนเพื่อนหนุ่มไว้ทันควัน นัยน์ตาของพวกเธอพราวระยับ “คีรี หมอคนเมื่อกี้หล่อฉิบหายวายวอดเลยอะ”

“เออ ยุ้ยก็ไม่เคยเห็นใครหน้าตาดีขนาดนี้เลย แม่งหล่อออร่ากระจายไปสิบแปดทิศเลยเนี่ย”

“แต่กูว่าหน้าคุ้นๆ ชอบกลนะ เหมือนเคยเห็นที่ไหน” ฟลุคออกความเห็นบ้าง

ทั้งสี่คนพูดถึงรวินท์กันไม่หยุดปาก จนพวกเขาเดินไปนั่งร้านบะหมี่หมูแดง สั่งบะหมี่มากินกันแล้วก็ยังเม้ามอยไม่หยุด

คีรีถอนหายใจ เขาก็ยอมรับแหละว่าหมอวินที่ทุกคนฮือฮาอยู่เนี่ย หน้าตาดีผิดมนุษย์มนาจริงๆ แถมยังใจดี วิธีจัดการกับคนไข้ก็ต่างกับหมอเต้แบบฟ้าเหว แต่สำหรับเขาน่ะ คิดว่า... “หมอเต้น่ารักกว่าเป็นกอง”

“ฮะ!” ทั้งโต๊ะเงียบสนิท

คีรีเลิกคิ้วขึ้น “กูคิดดังไปใช่มั้ยวะ”

“ดังพอที่พวกกูจะได้ยินเต็มสองรูหูเลยอะ สรุปว่าคนที่ทำให้มึงเซ็กซ์เสื่อมสมองเพี้ยนนี่คือหมอเต้เหรอวะ”

“สัส! กูไม่ได้เซ็กซ์เสื่อมโว้ย”

“เดี๋ยวๆ กูถามก่อน หมอเต้นี่ผู้หญิงหรือผู้ชายวะ”

“ผู้ชายสิวะ แต่น่ารักมาก... น่ารักแบบ เห็นแล้วใจสั่นเลยอะ” คีรีเพ้อตาลอย “ในชีวิตกูนี่ เจอคนมาก็เยอะนะเว้ย แต่กูก็ไม่เคยติดใจใครเท่าหมอเต้มาก่อนเลยว่ะ”

ทั้งสี่คนอ้าปากค้าง จ้องเพื่อนรักเขม็ง

“จะตกใจกันเว่อร์ไปมะ”

“ที่ว่าน่ารักนี่ น่ารักยังไงวะ”

“ก็หน้าตา ท่าทาง คำพูด วิธีดุ การยิ้ม...” พอบรรยายไป หัวใจก็เต้นโครมครามขึ้นมาอีก เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกุมอก “โอย ทำไมนึกถึงเขาทีไร หัวใจก็เต้นแรงทุกทีเลยวะ”

เพื่อนทั้งสี่ชีวิตยกเก้าอี้ถอยกรูดออกห่าง หน้าตาตกใจยิ่งกว่าเจอผี

“มึง... อาการมึงเหมือนตกหลุมรักมากเลยอะไอ้สัส” ปิ๊กโวยวายก่อนเป็นคนแรก

“จะบ้าเหรอวะ กูแค่คิดว่าหมอเขาน่ารักดี อีกอย่าง กูไม่เคยตกหลุมรักใครเว้ย” คีรีเถียงทันควัน พลางเอื้อมมือไปสะกิดเพื่อนที่นั่งใกล้ที่สุดให้ช่วยสนับสนุน “ใช่มะๆ”

ฟลุคพยักหน้าหงึกๆ แม้ในใจจะเห็นด้วยว่าคีรีตกหลุมรักแน่แล้ว แต่ก็ช่วยเพื่อนเถียงไปงั้นๆ ทำหน้าที่เพื่อนที่ดีสักหน่อย “นั่นน่ะสิ ไอ้คีรีไม่เคยมีแฟน แล้วหมอเต้ก็เป็นผู้ชายด้วยนะเว้ย”

เจนี่สวนกลับไปทันที “ตกหลุมรักมันไม่จำเป็นจะต้องจำกัดเพศป่ะวะ อีกอย่างนะ คนอย่างไอ้คีรีน่ะ มันเอาหมดนั่นละ จะชายหรือหญิง จะแก่หรือเด็ก จะหมาหรือแมว เพราะงั้นแค่เรื่องเพศน่ะ ลืมไปได้เลย”

“เอาอะไรวะ! นายเห็นเราเป็นคนยังไงเนี่ย!” ถึงจะเถียงไปแบบนั้น แต่ใบหน้าของคีรีก็เปลี่ยนเป็นสีแดง “หมอเต้น่ะ... หมอเต้...” เขายังไม่ทันได้เถียงอะไรต่อก็โดนคำพูดของยุ้ยเตะสะกัดขาเสียก่อน

“แล้วที่ทำเป็นเกรี้ยวกราดนี่ ยุ้ยถามจริงๆ ถ้ามีโอกาสได้เข้าใกล้หมอเต้คนนั้น ถ้าหมอเขาเปิดโอกาสให้จีบ นายจะว่าไง จะจีบมั้ยล่ะ”


ถ้าหากมีโอกาส


ถ้าหากได้ใกล้ชิด...   


คนถูกถามชะงัก แล้วตอบไปเสียงตะกุกตะกัก “โอกาส... อะไรวะ อย่า... อย่าบ้าน่ะ กินกันดีกว่า ไม่คุยเรื่องนี้แล้วเว้ย” คีรีเบือนหน้าหนี พยายามปรับสีหน้าให้นิ่งที่สุด

ระหว่างที่ก้มหน้าก้มตากินบะหมี่กันไป คนอื่นเริ่มหันไปสั่งชามที่สองกัน แต่คีรีไม่

“คีรี... อิ่มแล้วเหรอ”

“เออ กินไม่ค่อยลงเลยว่ะ” คนถูกถามทอดถอนใจ หากขณะที่นั่งเหม่ออยู่นั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

คีรีหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู พอเห็นว่าเป็นคุณลุงซึ่งเป็นเจ้าของคลินิกทันตกรรมหลังมหาวิทยาลัย เขาก็รีบกดรับสาย “สวัสดีครับลุงภูมิ”

“เมื่อวานลุงติดธุระด่วน ขอโทษทีที่ไม่ได้เอาของไปให้เองนะ”

“ไม่เป็นไรครับ แค่ลุงภูมิฝากของมาให้ ผมก็ขอบคุณมากแล้ว”

“แล้วได้แกะดูรึยัง ของชอบคีรีทั้งนั้นเลยนะ”

“ครับ เมื่อวานกินลูกชิดอบแห้งไป อร่อยดีครับ”

“ดีๆ แล้วคีรีมีนัดตรวจฟันกับลุงจำได้ใช่มั้ยลูก สอบเสร็จเมื่อไหร่นะ”

“อังคารนู้นเลยครับ”

“สอบเสร็จแล้วจะกลับเชียงรายเลยมั้ยนี่ ตั้งแต่อาทิตย์หน้าถึงสิ้นเดือนหน้าลุงไม่เข้าเชียงใหม่ซะด้วยสิ”

“ยังครับ หลังสอบเสร็จผมจะไปอังกฤษกับคุณตา ไปสามอาทิตย์ก็ต้องกลับมาเชียงใหม่เพราะคุณตามีประชุม แล้วผมค่อยกลับไปบ้านที่เชียงรายพร้อมกับคุณตา กะว่าจะอยู่ที่บ้านสักสองอาทิตย์แล้วใกล้ๆ เปิดเทอมค่อยกลับเชียงใหม่น่ะครับ”

“อืม... งั้นเอาไว้ก่อนก็ได้ แต่ช่วงคุณตาประชุมคีรีก็น่าจะว่างใช่มั้ย ก่อนจะกลับเชียงรายก็แวะมาเยี่ยมลุงกับป้าที่ลำพูนบ้างสิ ป้าเขาบ่นคิดถึงคีรีประจำเลย”

เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “ไปเยี่ยม... ลำพูน...” จริงสิ หมอเต้ทำงานที่โรงพยาบาลลำพูน ที่เดียวกับคุณลุงนี่หว่า! “ลุงภูมิครับ ถ้าผมไปลำพูน ผมไปตรวจฟันที่โรงบาลลำพูนด้วยเลยได้มั้ยครับ”

“หือ ได้น่ะได้อยู่ แต่ห้องทำฟันไม่หรูเหมือนที่คลินิกลุงนา จะดีรึ”

“ไม่เป็นไรเลยครับ”  คีรีกดโทรศัพท์ดูปฏิทิน เลือกนัดวันแรกหลังกลับจากอังกฤษทันที “xx มิถุนาได้มัยครับ”

“ลุงดูตารางแป๊บ... ได้ๆ สักเกือบๆ สี่โมงได้มั้ย แล้วตอนเย็นลุงจะพาไปกินของอร่อย คีรีก็ค้างบ้านลุงสักสองสามคืนนะ ป้าเขาจะได้หายคิดถึง”

“ครับ แล้วก็... ผมอยากเห็นการทำงานในแผนกลุงภูมิน่ะครับ ผมว่าน่าสนใจดี ลุงพาผมทัวร์ในแผนกหน่อยได้มั้ย”

“โอ้ ได้เลยๆ เดี๋ยวลุงจะพาไปเดินดูทุกซอกทุกมุมในแผนกเลยนะ” ภาคภูมิหัวเราะอย่างพอใจ

“ขอบคุณลุงภูมิมากนะครับ” คีรียิ้มกริ่มพลางกดวางสาย เขาหันไปสั่งบะหมี่มาเพิ่มอีกชามท่ามกลางสายตางุนงงของเพื่อนๆ

เพื่อนทั้งสี่หรี่ตามอง “แหม ไหนว่าแดกไม่ลงไงวะ”

“แดกลงแล้ว จู่ๆ ก็หิว” คีรีกินไปก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เวลานี้อยากให้สอบเสร็จไวๆ ใจเร่งวันเร่งคืนเหลือเกินแล้ว เขาอยากไปโรงพยาบาลลำพูน อยากเห็นเวลาหมอเต้ทำงาน คงจะดูดีมากแน่ๆ

ยุ้ยชำเลืองมองเพื่อนสนิทห่างๆ อย่างห่วงๆ “คีรี”

“อะไร”

“หมอเต้ของนายนี่หน้าตาเป็นไงอะ”

“ก็แบบ... น่ารักอะ ตัวขาวจั๊วะ ตาโตๆ ปากแดงๆ จมูกโด่งมาก ท่าทางนิ่งๆ ขรึมๆ ดูสงบเสงี่ยมเรียบร้อย เวลาดุก็ดูน่ากลัวอยู่ แต่เวลายิ้มนี่ หวานจ๋อยเลย”

“สัส! มึงบรรยายออกมาได้เหมือนเขาเป็นแอฟ ทักษอรเลย!” เพื่อนหนุ่มทั้งสองคนเบ้ปาก

ส่วนเพื่อนสาวก็พยักหน้าหงึกๆ “เออ แล้วยิ้มหวานจ๋อยนี่อะไรอะ คือเวลายิ้มแล้วมีน้ำหวานไหลจากปากเหรอวะ”

หากเพราะสาวๆ ที่คีรีเคยไปไหนมาไหนด้วย มีแต่สวยใสไฮโซหุ่นนางแบบกันทั้งนั้น พวกหนุ่มๆ ที่เคยมาขอเบอร์โทรศัพท์แล้วได้เบอร์ไปก็มีแต่หนุ่มหน้าสวยเอวบางร่างน้อย ทั้งสี่คนจึงเหมาเอาว่า หมอเต้คนที่ว่าน่าจะจัดอยู่ในกลุ่มหลัง แบบว่าเป็นผู้ชายตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ รูปร่างผอมบางอ้อนแอ้น ปากนิดจมูกหน่อย หน้าสวยกว่าผู้หญิงจริงๆ ตามเสป็กมันแหงแซะ ไอ้คีรีถึงไปเดินสะดุดตกหลุมรักได้



*TBC*


เป็นห่วงพิหมอเต้จังเรยค่ะ เด็กดอยของพิเซะเสื่อมซะแร้ว พิหมอเต้ต้องทดลองดูนะคะว่าเสื่อมจริงมั้ย~ /โดนเตะ

ยังย้อนเล่าอดีตของทางเด็กดอยอยู่นะคะ เดี๋ยวตอนหน้าเด็กดอยจะบุกไปลำพูน มาดูกันว่าความหล่อที่สะสมมายี่สิบปีจะมีประโยชน์อะไรมั้ยค่ะ 55555555555555555 เอาใจช่วยเด็กดอยกันนิ้ดดดดดดนะคะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่าาาา  :mew1:

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 10-11-2018 16:09:49
อยากให้บุกไปลำพูนแล้วเจอเทพรวินท์ทำทุกอย่างผิดแผนไปหมด
ให้สมกับเป็นก้างชิ้นโตของเรื่อง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 10-11-2018 16:24:45
เด็กดอยบรรยายหมอเต้ซะสาวน้อยเลย รู้เลยนะคะว่าหลงเค้าขนาดไหน :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-11-2018 16:36:44
 :laugh: อุปสรรคมันเยอะคงจะได้เจอง่ายๆหรอก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 10-11-2018 16:44:35
หมอเต้นี่คนละคนกับเรื่องที่แล้วใช่ไหมครับ ทำไมฟังเด็กดอยบรรยายแล้วไม่คุ้นเลย 55
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 10-11-2018 17:04:21
ฮาาา หมอเต้เหรอ จะเหมือนแอฟ 55555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 10-11-2018 17:56:22
โถวว เด็กดอยของแม่ อาการน่าจะหนักแล้วลูก  :o8:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 10-11-2018 17:57:43
สงสารหมอเต้ 55555 บรรยายซะหมดความแมนเลย
ขนาดหมอวินหล่อออร่าเวอร์วังขนาดนั้น คีรียังไม่สน ท่าทางจะหลงหมอเต้จริงๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-11-2018 18:10:16
 :pig4: :pig4: :pig4:

อุต้ะ   อิเด็กดอยนี่  ตกหลุมรักแบบโงหัวไม่ขึ้น  ถึงขนาดเซะเสื่อมเลยอ่ะ 

สงสัยอิพี่หมอเต้ตายแน่  ถ้าไดฟิเชอริ่งกัน  เพราะอิเด็กดอยคงจัดหนักจัดเต็มแน่ ๆ  ก็นะ อดอยากปากแห้งมานานนี่โนะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 10-11-2018 18:12:49
ว๊าว!! เด็กดอยตกหลุมรักพี่หมอเต้เข้าเต็มเปาเลย ตื่นเต้น อยากให้ถึง EP. หน้าไวๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 10-11-2018 18:49:54
หมอเต้นี่ไม่น่าจะ​เอวบางร่างน้อยนะคะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 10-11-2018 19:15:01
เด็กดอยเป็นเอามากนะ ขำเพื่อนๆ มโนหมอเต้ซะเป็นเคะน้อยร่างบางเฉยเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 10-11-2018 19:27:41
อิเด็กดอย มีความมองข้ามความหล่อของพี่หมอวิน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 10-11-2018 20:45:48
เห่ยยย เห็นผู้ชายแมนๆ เหมือนแอฟ ตาบอดเพราะหลงเจ็งคีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 10-11-2018 21:11:27
หมอเต้จะรู้ตัวมั๊ยว่าโดนเล็งอยู่
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 10-11-2018 21:54:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-11-2018 23:38:15
โถๆ เด็กดอยเอ็นดูหมอเต้ซะเหลือตัวนิดเดียวเลย 5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 11-11-2018 00:42:00
น้องคีรีจะไหวไหมครับเนี่ย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-11-2018 01:08:54
 :laugh:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 11-11-2018 01:40:05
คือ คีรี เพ้อมากค่ะ
บรรยายซะพี่หมอเต้ หมดความแมนไปเลย
 :m20:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 11-11-2018 02:06:17
หึหึ ไปไม่เปงเลยจ้า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 11-11-2018 02:23:07
ทำไมหมอเต้ดูละมุน ตัวเล็กน่ารัก /ตัดภาพมาที่ความเป็นจริง..... :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 11-11-2018 10:27:30
ทำไงดีทนรอตอนต่อไปไม่ไหวล้าวว  :ling3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-11-2018 11:52:20
หมอเต้ในมโนของเพื่อนๆคีรีนี่5655555
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 11-11-2018 18:25:37
กว่าจะได้เจอกัน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-11-2018 22:21:47
บรรยายแบบหมอเต้เป็นหนุ่มน้อยกุ๊งกิ๊งเลย 55555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-11-2018 20:49:58
ที่คีรีบรรยายนี่ใช่พี่หมอเต้คนเดียวกันกับเรื่องพี่หมอวินป่าวนิ ทำไมอารมณ์มันต่างกันมากกกก :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 12-11-2018 22:05:26
อาการหนักนะคีรี หมอเต้ภาคนีัไม่หมดความแมนเลยอ่ะเจอคำบรรยายของคีรีเข้าไปสาวน้อยเลย555 เอาใจช่วยๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 12-11-2018 22:21:47
สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 13-11-2018 23:59:52
อยากรู้ว่าคีรีได้ไปเจอหมอเต้ที่ลำพูนหรือเปล่า แล้วนี่หมอเต้มาเจออีกทีคือไม่คุ้นหน้าสักนิดเลยหรือ อิอิ
สงสัยจะมีแต่เด็กดอยที่เพ้ออยู่คนเดียว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 14-11-2018 00:07:57
หมอเต้ดูสวยหวานน่ารักมากในสายตาคีรีเลย​ เด็กน้อยพึ่งตกหลุมรัก​ หมอเต้แอบเปิดโอกาสให้หมอวินตอนปัจจุบัน​แสดงว่า​ก็ออบมีใจส่วนตอนอดีตหมอเต้ไม่คุ้นหน้าน้องไม่สะดุดตาในความหล่อน้องเลยใช่มั้ยคะ​ แสดงว่า​ไม่สนใครนอกจากหมอวินคนเดียวจริงๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-11-2018 13:56:10
พอบุกไปก็โดนหมอเต้จับทำเมียเลยใช่ป่ะ :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 14-11-2018 20:29:10
อ่านแล้วอยากได้เด็กดอยมาเลี้ยงสักคน เนื้อคงจะหวานกรุบๆดีแท้ พ่อเอ้ยย จองตั๋วไปเชียงรายด่วนห่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-11-2018 05:46:50
55555 พูดซะเพื่อนคิดว่า เต้ตัวเล็ก น่ารัก

คีรีเตรียมตัวมาดี ถึงขั้นจองห้อง ให้เพื่อนมารออยู่
คีรีไม่ธรรมดาจริงๆ เลยค่ะ ไม่แปลกที่เต้กับวินจะไม่เชื่อ
อย่าให้จับได้ก่อนที่จะบอกเองนะ ไม่งั้นเต้คงโกรธแน่

ตลกวิน ทำไมร้ายแบบนี้ มีข่มน้องด้วย
เต้แพ้ทางคีรีหนักมาก และทำเข้มใส่น้องด้วย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 15-11-2018 14:18:56
ตกหลุมรักจนเพี้ยนไปนิดนึงแล้วนะ


555555

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 15-11-2018 17:57:21


Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง



เมื่อถึงวันนัด คีรีบึ่งรถคันหรูของเขาออกจากเมืองเชียงใหม่ตรงไปยังโรงพยาบาลลำพูนพร้อมกับของฝากจากอังกฤษไปให้ครอบครัวของคุณลุง กะว่าจะไปถึงก่อนเวลานัดสักพักเผื่อว่าจะมีโอกาสได้ไปเดินดูลาดเลาในแผนกทันตกรรมของโรงพยาบาลสักหน่อย

เมื่อมาถึงโรงพยาบาลลำพูน จอดรถแล้วเด็กหนุ่มก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาคุณลุง “ลุงภูมิครับ ผมมาถึงแล้วอะครับ มาเร็วไปหน่อย ให้ผมเดินเข้าไปหาลุงภูมิที่แผนกเลยมั้ยครับ”

“เดี๋ยวลุงลงไปรับดีกว่า คีรีเดินไปรอที่ตรงทางเข้าเจ้าหน้าที่ประตูสอง ประตูที่อยู่ด้านข้างโรงบาล ใกล้ลานจอดรถที่สุดนั่นล่ะ”

“ครับ”

เด็กหนุ่มเดินยิ้มหน้าบาน เขาเห็นหมายเลขสองบนหัวประตูลิบๆ แล้ว ยิ่งเข้าไปใกล้ก็หัวใจก็ยิ่งเต้นไม่เป็นส่ำ ยังไงวันนี้เขาต้องได้พบหมอเต้อีกรอบล่ะวะ อุตส่าห์บุกมาถึงที่ทำงานขนาดนี้แล้ว

ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีสักวันที่เขาจะไม่นึกถึงหมอเต้เลย ไม่รู้ว่าป่านนี้อีกฝ่ายจะน่ารักขึ้นขนาดไหนแล้วเนี่ย


เขาเดินไปยืนรออยู่แถวประตูทางเข้าตามที่คุณลุงบอก ขณะเดียวกันก็หันมองสำรวจไปรอบๆ แต่แล้วก็ต้องตกใจแทบช็อกเมื่อเห็นคนที่เขาอยากเจอจนต้องถ่อมาถึงที่โรงพยาบาลแห่งนี้กำลังยืนพูดคุยอยู่กับคู่ชายหญิงชาวเขาสูงวัยไม่ไกลออกไปนัก

โอ้โห มายังไม่ทันถึงห้านาทีก็คุ้มที่ขับรถมาแล้วโว้ย!

มือของเด็กหนุ่มเย็นเฉียบ หัวใจเต้นรัวแรง เขาย่องไปหลบหลังรถตู้ใกล้ๆ ทันตแพทย์หนุ่ม แล้วแอบมองแอบฟังอีกฝ่ายจากที่ข้างรถตู้นั่นล่ะ



“ไม่ต้องให้อะไรผมหรอกครับตายาย ผมเป็นหมอฟัน รักษาฟันมันก็เป็นหน้าที่ของผม ตายายเก็บไว้เถอะนะ เอาไปขายให้ได้เงินดีกว่า”

“บ่าได้หรอกหมอ ก่าฮักษา หมอก่อบ่าเอา หมู่เฮาคงบ่ามีความสุขแน่ๆ ถ่าบ่าได้ตอบแทนอะหยังหมอเลย ผ้านี่ก่อบ่าใจ่ของมีก้าอะหยัง แต่อุ้ยเปิ้นทอเองกับมือ”(ไม่ได้หรอกหมอ ค่ารักษาหมอก็ไม่รับ พวกเราคงไม่มีความสุขแน่ๆ ถ้าไม่ได้ตอบแทนอะไรหมอเลย ผ้านี่ก็ไม่ใช่ของมีราคาอะไร แต่ยายเขาทอเองกับมือ)

ทันตแพทย์หนุ่มก้มลงมองผืนผ้าทอในมือชายสูงวัย ตั้งแต่เขากับไอ้วินมาใช้ทุนที่นี่ พวกเขาได้รับของขวัญและของกินจากคนไข้เป็นประจำเลย แม้จะไม่ใช่ของมีราคา แต่ก็เป็นน้ำใจและความตั้งใจดีของคนที่นี่ นี่คงเป็นความสุขอีกอย่างหนึ่งของการเป็นทันตแพทย์ใช้ทุนจริงๆ

“งั้นผมขอซื้อผ้าผืนนี้แทนละกัน”

“บ่าเอาหมอ ยายหื้อ หมอฮับไว้  เก็บไว้กับหมอเน่อ” (ไม่เอาหมอ ยายให้ หมอรับไว้ เก็บไว้กับหมอนะ)

เตชิตยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาเอื้อมมือไปรับผ้าทอมือผืนนั้นมา ยกมือไหว้แล้วถือไว้แนบอก “ขอบคุณครับ ผมจะเก็บไว้อย่างดี ตายายก็กลับบ้านดีๆ นะ”

“ขอหื้อเจริญๆ เน่อหมอ” (ขอให้เจริญๆ นะหมอ)

“อีกครึ่งปีมาหาผมให้ตรวจฟันใหม่นะ”

ตายายชาวเขาหัวเราะ “ถ้ามาลุกก่อมา” (ถ้ามาไหวก็จะมา)



คีรีมองเหม่อ หมอเต้... นอกจากจะน่ารักมากแล้ว ยังใจดีชะมัดเลย รอยยิ้มแบบนั้น ถ้ามีให้เขาสักครั้งก็คงดี แต่เขาอาจจะหัวใจวายตายอยู่ตรงหน้าหมอเต้เลยก็ได้ คิดไปพลางจิกมือลงบนตัวรถที่ใช้เป็นที่กำบังอย่างลืมตัว

ทำไมเขาถึงได้ติดใจคนคนนี้ได้มากถึงขนาดนี้กันนะ


“คีรี”


หมอเต้จะจำเขาได้มั้ยนะ ใจหนึ่งอยากให้จำได้ แต่อีกใจ... อย่าจำเลยดีกว่าว่ะ เรื่องที่ร้านข้าวมันไก่นั่นโคตรน่าอาย


“คีรี” คนเรียกเขกศีรษะเด็กหนุ่มเบาๆ “คีรี!”

เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยง หันขวับไปทางต้นเสียงทันควัน “ลุงภูมิ!”

“ส่องอะไรหมอเต้น่ะเรา ไปๆ เข้าไปข้างในก่อน”

คีรียกมือไหว้ เดินตามคุณลุงของเขาไป แต่ก็ยังหันหลังกลับไปมองเตชิตอีกเป็นพักๆ จนเข้าประตูไป

“หมอเต้ใจดีกับชาวเขามากใช่มั้ยล่ะ” หมอภูมิเห็นว่าหลานชายสนใจ คิดว่าเพราะคีรีเองก็ใกล้ชิดกับชาวเขาที่ทำงานในศูนย์พัฒนาอาชีพของคุณตา เขาก็เลยเล่าให้ฟัง “ตอนเขาไปออกหน่วยที่เชียงราย ฝนตกหนักมาก มีอุบัติเหตุดินโคลนถล่มปิดทางเข้าออก แล้วพวกชาวเขาในหมู่บ้านใกล้ๆ ที่เขาเคยไปรักษาฟันให้ออกมาช่วยเขาไว้น่ะ เห็นว่าลุยน้ำลุยโคลนเอาอาหารกับยามาส่งให้จนตัวเองบาดเจ็บล้มป่วย หลังจากนั้นมาหมอเต้เขาเลยเซนส์สิถีพกับชาวเขาเป็นพิเศษ ถ้าเป็นพวกชาวเขาที่อายุมากๆ เดินทางมาไกลๆ ไม่มีสัญชาติไทยไม่มีบัตรอะไรมารักษาฟันที่นี่ หมอเต้ก็จะช่วยออกค่ารักษาให้ บางทีก็ให้เงินกลับบ้านไปอีก”

“หือ เอาเงินตัวเองออกให้เลยเหรอครับ”

“ใช่ หมอเขาก็ไม่ได้ออกให้ทุกครั้งหรอกนะ แต่ก็บ่อยๆ เห็นพวกพยาบาลว่างั้น”

“ใจดีจังเลยนะครับ”

หมอภูมิหัวเราะ “โรงบาลนี้มีหมอเต้กับหมอวินเป็นไอดอล หมอสองคนนี่น่ะสนิทกันมากๆ แล้วก็ใจดีมากด้วย ทั้งคนไข้ เจ้าหน้าที่ในโรงบาลและพยาบาลที่นี่ก็แฟนคลับหมอเต้กับหมอวินกันทั้งนั้น รู้จักกันทั้งโรงบาลไปถึงทุกหมู่บ้านบนดอยในลำพูนแล้วมั้งเนี่ย”

คีรีพยักหน้าแล้วยิ้มมุมปากเล็กน้อย หมอเต้... เป็นคนที่น่ารักมากจริงๆ ตอนที่พบกันครั้งแรกหมอเต้ก็ใจดีกับเขา ภายนอกท่าทางขรึมๆ ดุๆ แต่ภายในตรงข้ามกันแบบฟ้าเหว และทั้งที่ไม่รู้จักกันสักหน่อย พอเห็นเขาตกที่นั่งลำบากก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ทำให้เขาประทับใจมาจนถึงตอนนี้

เด็กหนุ่มกะว่าเดี๋ยวตรวจฟันเสร็จจะไปเลียบๆ เคียงๆ ในแผนกทันตกรรมของโรงพยาบาลต่อ เผื่อว่าจะได้แอบดูหมอเต้ตอนทำงานบ้าง

ทว่าผิดคาด ลุงภูมิพาเขาไปนั่งรอในห้องทำงานส่วนตัวก่อน ดูเหมือนว่าคุณลุงจะมีคนไข้รออยู่ ตอนแรกเขานึกว่ารอแค่ประเดี๋ยวประด๋าว แต่ที่ไหนได้ต้องรออยู่พักใหญ่ กว่าจะถึงคิวเขาก็เลยเวลาเลิกงานไปแล้ว แถมห้องทำฟันของลุงภูมิยังเป็นห้องเดี่ยวแยกออกมาด้วย เขาจึงไม่ได้พบทันตแพทย์คนอื่นๆ ในแผนกเลย พอตรวจฟันเสร็จ เดินออกมาพร้อมกับคุณลุง ภายในแผนกก็เหลือแต่ผู้ช่วยทันตแพทย์ เจ้าหน้าที่และพยาบาลไม่กี่คนเท่านั้น

คีรีทำหน้าเศร้า เขาอุตส่าห์บุกมาถึงโรงพยาบาลลำพูนทั้งที ได้เห็นหมอเต้แค่แวบเดียวเอง

“ลุงขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะ ได้แค่ตรวจฟันเท่านั้น แต่ไม่มีฟันผุก็สบายใจได้”

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่รู้ว่าลุงภูมิคนไข้เยอะ มารบกวนคุณลุงถึงที่นี่เลย”

“โอย กวนอะไรกัน ลุงดีใจที่คีรีมา ป้าเขาก็อยากเจอคีรีมาก แต่ว่านะ ยังไม่ได้ขูดหินปูนเลย ที่จริงหินปูนก็มีไม่เยอะหรอก แต่ลุงยังไม่ได้ทำให้เพราะมันเลยเวลาเลิกงานไปมากแล้ว สงสารผู้ช่วยน่ะ พรุ่งนี้เช้าคีรีมีแพลนอะไรรึเปล่า”

“ยังไม่มีครับ แต่ลุงภูมิบอกว่าจะพาผมเดินดูในแผนกอะ วันนี้ยังไม่ได้เห็นอะไรเลยนอกจากห้องทำงานคุณลุงกับห้องทำฟัน”

“โทษทีนะ พอดีลุงยุ่งๆ ไปหน่อย งั้นพรุ่งนี้เช้าก็มาโรงบาลพร้อมกับลุงละกัน มาให้ลุงขูดหินปูนให้ก่อน ทำฟันเสร็จแล้วค่อยเดินดูในแผนกนะ”

เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น เขานึกอะไรดีๆ ได้แล้ว “ขูดหินปูนนี่ ให้หมอเต้เป็นคนทำได้มั้ยครับ”

“ฮะ!?” ลุงภูมิทำหน้างง “ทำไมต้องหมอเต้”

“ก็หมอเต้ท่าทางใจดี น่าจะมือเบาน่ะครับ”

“แล้วมือลุงไม่เบาเหรอ”

“เบาครับ แต่อยากลองทำกับหมอคนอื่นบ้าง ผมจะได้บอกลุงได้ไงครับว่าหมอของลุงทำฟันโอเคมั้ย”

“ถ้างั้นก็ต้องให้หมอของลุงลองทุกคนนะ” ภาคภูมิหัวเราะ “เอาเถอะๆ ถ้าอยากลองก็โอเค เดี๋ยวลุงคุยกับหมอเต้ให้นะ”

คีรียิ้มกว้าง “ขอบคุณครับ”



เช้าวันต่อมา คีรีมาถึงโรงพยาบาลพร้อมกับคุณลุงของเขาก่อนเวลาเข้างานเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งรออยู่ในห้องทำงานของคุณลุง ก่อนอีกฝ่ายจะมาตามไปที่ห้องทำฟัน

“หมอเต้ละครับ”

“เดี๋ยวมา คีรีนั่งรอบนเก้าอี้ทำฟันเลยลูก” ลุงภูมิยิ้มพลางชี้ไปที่เก้าอี้ทำฟัน

ภายในห้องมีผู้ช่วยทันตแพทย์ยืนอยู่ด้วย พอคีรีนั่งลง เธอก็จัดการเอนพนักเก้าอี้ลงแล้วนำผ้าคลุมหน้ามาคลุมให้

เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง เพราะเมื่อวานตอนคุณลุงทำฟันให้ไม่เห็นปิดแบบนี้เลยนี่หว่า! พอเขาจะอ้าปากโวยก็ได้ยินเสียงประตูห้องเปิดออก และคนที่เขารอคอยก็เข้ามาอยู่ใกล้ๆ แล้ว

“ฝากหน่อยนะหมอเต้ ผมจะนั่งดูอยู่ตรงนี้ละ”

“โห หมอภูมิ ผมเกร็งเลยนะครับแบบนี้ เหมือนตอนขึ้นคลินิกแล้วต้องให้อาจารย์มาตรวจว่าผ่านมั้ยเลยอะครับ”

เวรกรรม! ลุงภูมิ! ทำไมทำกับเขากับหมอเต้แบบนี้วะ!

เตชิตพูดคุยกับหัวหน้าของเขาชั่วครู่ จากนั้นจึงเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ เขาก้มลงใช้ปลายนิ้วแตะบนริมฝีปากของเด็กหนุ่มอย่างแผ่วเบา “เอาล่ะ อ้าปากนะครับ”

คีรีทำตามอย่างว่าง่าย แต่มือทั้งสองข้างจิกเกร็ง เพียงแค่ปลายนิ้วในถุงมือสัมผัสถูกริมฝีปาก หัวใจเขาก็หวิวๆ

“โห ฟันเรียงกันสวยเชียว แทบไม่มีหินปูนเลย ฟันผุก็ไม่มี รักษาฟันดีมากเลยนะครับ”

“แน่ละสิ หลานผมทั้งคนนี่นา ผมเป็นคนดูแลเองทั้งปากนั่นล่ะ”

เด็กหนุ่มได้ยินเสียงเตชิตหัวเราะเบาๆ ถึงจะมองเห็นแค่รางๆ แต่ก็รู้แต่ว่าใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่ใกล้ๆ และกำลังตั้งใจจัดการกับฟันในปากของเขา

มือเบาชะมัดเลย แทบไม่รู้สึก

บางทีปิดหน้าไว้แบบนี้ก็อาจจะดีเหมือนกัน เพราะถ้าเขาได้เห็นหมอเต้ชัดๆ ในระยะประชิด อาจจะหัวใจวายตายคาเก้าอี้ทำฟันก็เป็นได้

แต่ก็ยังอยากเห็นนะ อยากมองอีกฝ่ายใกล้ๆ ชัดๆ สักครั้ง

ขณะที่เอนหลังคิดอะไรไปเพลินๆ อยู่นั้นก็ได้ยินเสียงของทันตแพทย์หนุ่มที่ใกล้ๆ ใบหู

“ถ้าเสียวมากยกมือบอกหมอนะครับ”

ถ้าหมอเต้จะทำให้ผมเสียวผมก็ยินดีนะ เสียวกว่านี้เยอะๆ เลยก็ได้ คีรียิ้มกรุ้มกริ่มอยู่ในใจ

เวรกรรม! คิดอะไรของกูอยู่วะเนี่ย! แล้วก็ต่อว่าตัวเอง 

“บ้วนปากนิดนึงนะครับ”

หลังจากผู้ช่วยทันตแพทย์หยิบผ้าที่คลุมหน้าเด็กหนุ่มอยู่ออกให้ เตชิตก็กดยกพนักเก้าอี้ขึ้น แล้วเขาก็หันไปพูดคุยกับภาคภูมิซึ่งนั่งเฝ้าอยู่ในห้องด้วย

คีรีเอียงหูฟังทันตแพทย์ทั้งสองคุยกัน แต่ฟังไปก็ไม่เข้าใจ แถมยังไม่ได้เห็นหน้าของหมอเต้เต็มๆ ด้วย เนื่องจากทันตแพทย์หนุ่มสวมผ้าปิดจมูกไว้

“นอนลงอีกทีนะครับ ใกล้เสร็จแล้ว” เตชิตหันกลับมาสบสายตาเด็กหนุ่มแวบหนึ่ง จากนั้นก็กดเอนพนักเก้าอี้ลง เขาหยุดรอให้ผู้ช่วยทันตแพทย์นำผ้ามาคลุมหน้าให้เด็กหนุ่ม แล้วจึงลงมือต่อ

“เอาล่ะ เรียบร้อย บ้วนปากอีกทีครับ”

พนักเก้าอี้ยกขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ทันตแพทย์หนุ่มก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ด้วยเช่นกัน เขาหันไปทางภาคภูมิ “หมอภูมิจะตรวจความเรียบร้อยมั้ยครับ”

“ตรวจสิ ถ้าไม่ดีผมจะดุให้เหมือนอาจารย์คุณเลยนะ”

เตชิตหัวเราะแหะๆ “หมอภูมิแกล้งผมรึเปล่าเนี่ย แบบนี้ต้องเรียกหมอวินมาทดสอบบ้างนะครับ”

ภาคภูมิหัวเราะไปด้วย “เอาไว้คราวหน้านะ ให้เวลาหลานผมสะสมหินปูนก่อน” เขานั่งลงแทนที่ทันตแพทย์หนุ่ม พลางหันไปคุยกับหลานชาย “เอ้า นอนลงให้ลุงดูนิดนึง”

คีรียิ้มแห้ง เขาอุตส่าห์หาทางใกล้ชิดหมอเต้ได้ แต่ดันมีคุณลุงมาเป็นก้างชิ้นใหญ่เสียอย่างนั้น คุยกันสักคำยังไม่ได้คุยเลย หน้ายังแทบไม่ได้มองกันเลยด้วยซ้ำ

แล้วพนักเก้าอี้ทำฟันก็เอนลงอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีผ้ามาปิดหน้าแล้ว จากนั้นภาคภูมิก็ก้มลงตรวจความเรียบร้อยในปากของหลานชาย “โอเค เรียบร้อยดีครับ”

“ถ้างั้นผมขอตัวนะครับ”

ภาคภูมิพยักหน้าหงึกๆ “ขอบใจนะหมอเต้ เออ เที่ยงนี้ไปกินข้าวด้วยกันมั้ย ชวนหมอวินไปด้วย”

สุดยอดเลยลุงภูมิ! คีรีไชโยโห่ร้องอยู่ในใจ ก่อนจะสลดลงทันทีเมื่อได้ยินคำตอบของทันตแพทย์หนุ่ม

“เที่ยงนี้ผมกับหมอวินจะซิ่งไปซื้อของหน่อยน่ะครับ คงจะหากินง่ายๆ แถวที่ไปซื้อของนั่นละ แล้วจะรีบกลับมาทำงานครับ”

“อ่อๆ งั้นไม่เป็นไร ไปเถอะ”

เดี๊ยว~ มื้อเที่ยงวืดขอเปลี่ยนเป็นมื้อเย็นก็ได้! เด็กหนุ่มคิดในใจ เขาผงกศีรษะขึ้นพลางเอื้อมมือไปจะคว้าแขนลุงภูมิไว้ ทว่าไม่ทัน วืดสนิท แล้วก็ได้ยินเสียงประตูห้องปิดลง

ลุงภูมิหันมาเห็นเข้าก็จับมือหลานชายไว้ “ใจเย็นๆ สิลูก เดี๋ยวลุงยกพนักขึ้นให้นะ” เขากดยกพนักเก้าอี้ขึ้นพร้อมกับส่งกระดาษทิชชูให้ “เจ็บมั้ย หมอเต้ทำให้โอเครึเปล่า”

คีรีพยักหน้าอย่างเซ็งๆ “โอเคครับ ไม่เจ็บเลย”

ภาคภูมิอมยิ้ม เขายกมือขึ้นตบไหล่หลานชายเบาๆ “เอาล่ะ คีรีไปนั่งเล่นในห้องลุงก่อนละกันนะ เดี๋ยวว่างลุงจะพาไปเดินดูในแผนก”

“....”

“หรือเบื่อแล้ว จะให้ป้าเขามารับไปเที่ยวมั้ย”

“ไม่ล่ะครับตอนนี้แดดร้อน ผมไปนั่งรออยู่ในห้องลุงภูมิดีกว่า” คีรีรีบปฏิเสธ

ลุงภูมิพยักหน้าหงึกๆ “โอเค เดี๋ยวลุงให้ใครเอาขนมกับน้ำไปให้นะ”

คีรีไปนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือรอ สักพักใหญ่ๆ คุณลุงก็เดินมาหา แล้วพาเขาไปเดินดูในแผนก

แต่ก็ได้แค่เดินผ่านห้องทำฟันทางด้านนอกเท่านั้น

“ถ้าอยากดูข้างในห้องทำฟัน เดี๋ยวรอพักเที่ยงนะ ตอนนี้มีคนไข้ ไม่สะดวกน่ะลูก”

เด็กหนุ่มยิ้มแห้ง “ครับ”

อดอีกจนได้สิกู! แต่ไม่เป็นไรเว้ย ยังมีตอนบ่าย!


หลังกลับมาจากไปกินมื้อกลางวัน เด็กหนุ่มก็ไปนั่งรอคุณลุงของเขาในห้องทำงานเช่นเคย เขาออกจากห้องไปเดินเล่นบ้าง แต่เพราะหมอเต้ต้องทำงาน เขาเดินจนขาลากก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา

คีรีถอนหายใจหนักๆ พลางยกมือขึ้นกุมศีรษะ เบื้องหน้าเขามีขนมและเครื่องดื่มจัดวางไว้จนเต็มโต๊ะ มีกองหนังสือนิตยสารและการ์ตูนด้วย ไม่รู้ว่าคุณลุงไปสรรหามาจากไหนนัก

นั่งไปสักพักก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันตามมาด้วยเสียงหัวเราะคิกคัก เขาคิดว่าน่าจะเป็นเสียงของพวกพยาบาลกับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่นั่งทำงานกันอยู่หน้าห้องคุณลุง

จะว่าไป หมอเต้น่ารักออกจะขนาดนั้น พวกพี่ๆ พยาบาลต้องรู้จักดีแน่ๆ คุณลุงก็บอกเองด้วยว่าเป็นไอดอลของที่นี่

เอาวะ! ในเมื่อเข้าหาหมอเต้ไม่ได้ เขาก็จะไปเต๊าะพี่ๆ พยาบาลกับเจ้าหน้าที่สาวๆ ให้เล่าเรื่องหมอเต้ให้ฟังแทน มาลำพูนครั้งนี้ อย่างน้อยก็ต้องได้อะไรกลับไปบ้างเว้ย!

เด็กหนุ่มเดินไปเปิดประตู แล้วโผล่หน้าออกไปทางด้านนอกห้อง

เจ้าหน้าที่ข้างหน้าห้องเห็นเด็กหนุ่มเข้าก็ยิ้มหวานรับ “คุณนคินทร์มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“เอ้อ...” คีรียกมือขึ้นเกาท้ายทอย ก็จู่ๆ จะโพล่งถามเรื่องหมอเต้ออกไปก็คงแปลกๆ มั้ยล่ะ เขาควรจะเริ่มยังไงดีวะ

ทว่าระหว่างนั้น เตชิตกับรวินท์ก็เดินกอดคอกันผ่านหน้าห้องไป วินาทีนั้นสาวๆ ที่หน้าห้องของภาคภูมิเงียบกริบ พวกเธอจ้องมองตามทันตแพทย์หนุ่มทั้งสองกันอย่างไม่วางตา

แต่เตชิตไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น นัยน์ตาของเขาจ้องมองแต่เพื่อนรักเท่านั้น สายตาที่ทันตแพทย์หนุ่มใช้มองคนข้างกัน มันเป็นสายตาที่แสนพิเศษ ทั้งอบอุ่น อ่อนโยน และห่วงหาอาทร

คีรีมองตามพลางยกมือขึ้นกุมอก แล้วขมวดคิ้วอย่างงงๆ ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองในเวลานี้ดีนัก

“ว้าย ดูสิ หมอเต้กับหมอวินสวีตกันอีกแล้วอะ” เจ้าหน้าที่สาวๆ ขยับเข้ามาวี้ดว้ายด้วยกันอย่างลืมตัว

“ไม่รู้จะอิจฉาใครดี อยากได้ทั้งคู่อะ”

พยาบาลสาวอีกสองคนเดินเข้ามาร่วมวงด้วย “วันก่อนนะเธอ ฉันเห็นหมอเต้ขอหมอวินหอมแก้มด้วย”

“อร๊าย~” แล้วพวกสาวๆ ก็หันมาหวีดใส่กันเบาๆ “แล้วหมอวินว่าไงอะ”

“หมอวินหันมาเห็นฉันจ้องอยู่พอดีน่ะสิ เขาเลยยิ้มๆ แล้วผลักหมอเต้ออกไป ท่าจะเขิน แต่น่ารักมากเลยเธอ~ โอย ใจบางหมดล้าววว”

เด็กหนุ่มถามออกไปเสียงขรึม “เขาเป็นแฟนกันเหรอครับ”

“ว้าย!” สี่สาวที่กำลังหวีดกันอยู่หันขวับ “ขอโทษค่ะคุณนคินทร์ หมอเต้กับหมอวินเป็นเพื่อนสนิทกันค่า เห็นว่าสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมน่ะค่ะ”

“หือ พวกเขาเรียนมัธยมด้วยกันเหรอครับ”

“ใช่ค่ะ เรียนมหาลัยด้วยกันด้วยนะคะ”

“ยาวมาถึงทำงานใช้ทุนด้วยกันเลยเหรอครับเนี่ย”

“ค่ะ แล้วยังเป็นคนดังของมหาลัยทั้งคู่เลยด้วยนะคะ”

โห สนิทกันแบบมาราธอนโคตรๆ เลย!

คีรีโปรยยิ้มบ้าง “มหาลัยไหนเหรอครับ พี่สาวเล่าให้ฟังหน่อยสิ ผมอยากรู้”

ดูเหมือนว่าเสียงอ้อนๆ และตาเยิ้มๆ ของเขาจะใช้ได้ผล พวกเจ้าหน้าที่และพยาบาลสาวถึงได้คล้อยตาม บรรยายเรื่องของเตชิตกับรวินท์ให้ฟังมากมาย แล้วยังชวนกินขนมที่พวกเธอตุนไว้ในลิ้นชักด้วย โม้กันแหลกจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงานและคุณลุงของเขากลับมานั่นล่ะ แต่เขาก็ขอบคุณพวกเธอมากนะ เพราะทำให้เขาได้รู้จักหมอเต้กับหมอวินมากขึ้นเยอะเลยทีเดียว


พอภาคภูมิเสร็จงานก็พาเด็กหนุ่มไปกินมื้อเย็นกับครอบครัว

“น้องคีรีไปโรงบาลมาเป็นยังไงบ้างคะ เบื่อรึเปล่าเนี่ย ป้าจะไปรับน้องคีรีไปไหว้พระสักหน่อย แต่ลุงเขาก็บอกว่ากลัวน้องคีรีจะร้อน” คุณป้า ภรรยาของหมอภูมิเอ่ยถามขณะที่พนักงานนำของหวานมาเสิร์ฟให้หลังมื้ออาหาร

“ไม่เบื่อเลยครับ สนุกดี”

“วันนี้ป้าไปซื้อขนมร้านอร่อยมาเยอะเลย ฝากขนมไปให้คุณตากับทุกคนที่บ้านน้องคีรีที่เชียงรายหน่อยนะคะ”

คีรีพยักหน้าหงึกๆ พลางยกมือไหว้ “โห แบบนี้ต้องเยอะแน่เลย ได้เลยครับ ขอบคุณมาก” เรื่องประจบน่ะ ขอให้บอกเถอะ เขาถนัดนัก

คุณป้ายิ้มกว้างพร้อมกับเอื้อมมือไปรับไหว้ “แหม เดี๋ยวนี้จะชมว่าน่ารักก็ลำบากใจ หลานป้าหล่อซะขนาดนี้ ยิ่งโตยิ่งหล่อเนอะคุณ”

“นั่นสิ ต่อไปคุณตาท่าจะปวดหัวแย่” ภาคภูมิหัวเราะ

ลุงภูมิและภรรยาไม่ได้มีเชื้อสายเดียวกันกับคุณตาของคีรี แต่นับเป็นญาติกับเด็กหนุ่มได้เพราะหมอภูมิเป็นพี่ชายของบิดาเขานั่นเอง

“อ้อ จริงสิ อีกสักสองอาทิตย์ลุงก็จะไปประชุมที่เชียงรายเหมือนกันนะ”

เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “ประชุมที่ไหนเหรอครับ”

“ที่โรงแรมของคุณตาเรานั่นล่ะ เป็นงานประชุมใหญ่เลยนะ ประชุมรวมทันตแพทย์ทางเหนือ ลุงไปกับหมอเต้ เป็นตัวแทนโรงบาลลำพูนกันสองคน”

คีรีชะงัก คำว่า ‘ไปกับหมอเต้’ สะท้อนก้องอยู่ในศีรษะ เขาพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ แต่ในใจลิงโลดสุด ตอนนี้เขาอยากจะกลับไปกอดแล้วก้มกราบคุณตาเหลือเกินที่เป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.2 : ใจสั่นและหวั่นไหว[101118]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 15-11-2018 17:57:48


คืนนั้น เมื่อเข้าห้องพักที่คุณลุงคุณป้าจัดไว้ให้แล้ว เขาก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเสิร์ชกูเกิลหาดูคลิปและรูปของเตชิตสมัยที่เป็นลีดมหาวิทยาลัยตามที่พี่ๆ พยาบาลและเจ้าหน้าที่สาวๆ ได้เล่าให้ฟัง พอกดเอนเตอร์เท่านั้นก็มีรูปและคลิปขึ้นมาเป็นร้อยๆ ให้เขานั่งดูจนตาแฉะ ดูไปยิ้มไป ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่าหมอเต้นี่... น่ารักฉิบหายเลย

แต่ระหว่างที่ดูรูปไป ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนๆ ข้างๆ กายเตชิตก็จะมีเพื่อนสนิทที่ชื่อรวินท์เสมอ คีรีดูไปดูมาก็ชักจะสงสัย คือถ้าบอกว่าเป็นแฟนกันเขาก็เชื่อสนิท อะไรจะตัวติดกันมาเป็นสิบปีแบบนี้ได้วะ แถมพวกเจ้าหน้าที่กับพี่พยาบาลยังว่าไม่เคยเห็นเดินกับผู้หญิงที่ไหน น่าจะยังโสดอยู่ทั้งคู่ด้วย

หรือเป็นเพื่อนแค่บังหน้า แล้วที่จริงเขาเป็นแฟนกันวะ!

คีรียกมือขึ้นดึงทึ้งเส้นผม ยิ่งดูไปก็ยิ่งหวั่นใจ ในอกเจ็บแปลบๆ จนทนไม่ไหวต้องส่งข้อความไปตามตัวเพื่อนๆ ที่แยกย้ายกันกลับบ้านในช่วงปิดเทอม


‘SOS ช่วยกูด้วย มีใครอยู่มั้ย’

‘เกิดอะไรขึ้นวะมึง’ ปิ๊กตอบกลับมาเป็นคนแรก ตามมาด้วยฟลุค ‘ว่าไงมึง’

‘เจนี่กับยุ้ยไปไหนวะ ตอนนี้กูต้องการเบรนสตรอมมิ่งด่วนๆ’

‘งั้นรอเดี๋ยว กูโทรตามพวกมันก่อน’


ใช้เวลาไม่นานเพื่อนทั้งสี่คนก็มาพร้อมหน้ากันอยู่ในแชตเรียบร้อย ‘เปิดกรุ๊ปคอลนะ โอเคมั้ย’

แล้วทั้งห้าชีวิตก็ไปสุมหัวกันในกรุ๊ปคอล แม้ไม่ได้เห็นหน้า แต่ก็ยังดีที่คุยพร้อมๆ กันได้

“อยากเห็นหมอเต้ที่เราพูดถึงใช่มั้ยวะ เสิร์ชเลย ลีดมหาลัย งานบอลประเพณีปีxx ชื่อจริงชื่อเตชิต”

เจนี่ตอบกลับมาทันที “ฮะ! เป็นลีดมหาลัยเลยเรอะ” จากนั้นทั้งสี่คนก็หายไปเสิร์ชหาภาพของเตชิตตามที่คีรีบอก

เมื่อภาพของเตชิตปรากฏขึ้นบนจอโทรศัพท์มือถือ สี่หน่อก็ยิ่งช็อกหนัก ถึงกับผงะหงายหลังไปตามๆ กัน คือไอ้หล่อก็หล่ออะนะ แต่ห่างไกลความน่ารักมุ้งมิ้งในจินตนาการของพวกเขาอย่างที่ไอ้คีรีบรรยายไว้อยู่หลายปีแสง เตชิตไม่ได้เอวบางร่างน้อย ไม่ได้ตัวเล็กบอบบางอ้อนแอ้นน่าทะนุถนอม ไม่ได้มีส่วนไหนคล้ายแอฟ ทักษอร เขาตัวสูงโปร่ง น่าจะสูงพอๆ กับไอ้คีรีเลย ใบหน้าจัดว่าหล่อออกไปทางหวานๆ หน่อย นัยน์ตาโตสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน เวลาถ่ายรูปคนเดียวก็ว่าเด่นแล้ว แต่พอยืนคู่กับหมอวินที่พวกเขาเคยเจอที่คลินิก คือรอบๆ ตัวเหมือนกลายเป็นหลุมดำไปเลย

“ไอ้เหี้ย! ไอ้คีรี! หมอเต้ของมึงเนี่ย มันผู้ชายชัดๆ เลยนะมึ้ง!” ปิ๊กร้องลั่น

“ก็ผู้ชายน่ะสิวะ! กูบอกแต่แรกแล้วไงว่าหมอเต้เป็นผู้ชาย!”

“โอ๊ย คีรีเอ๊ย แค่เขาเป็นผู้ชายยุ้ยก็ว่าจีบยากสาหัสแล้ว นี่นายยังคิดจะปีนเกลียว แถมยังเสือกหวังของสูงอีกนะไอ้เพื่อนบ้า~” ยุ้ยร้องเสียงหลง

“ไอ้คีรี กูไม่เห็นความหวังของมึงเลย คือถ้ามึงคิดจะจีบหมอเต้ กูว่ามึงแห้วล้านเปอร์” ฟลุคครางตามเพื่อนสาวไปติดๆ

“พวกมึงเป็นเพื่อนกูมั้ยเนี่ย! เข้าข้างกันหน่อยสิวะ!”

“อ้าว สรุปมึงคิดจะจีบหมอเต้แล้วเหรอวะ” ปิ๊กย้อนถามกลับไปทันที

คีรีชะงัก เขานิ่งอึ้งไปสักพัก แล้วถามเสียงอ่อย “มึงว่ากูไม่มีหวังเลยเหรอวะ”

“มึงส่องกระจกดู hum มึงด้วย มึงมี hum หมอเต้เขาก็มี hum โพรไฟล์เขาระดับนี้ ต้องมีสาวๆ สวยๆ มาให้เลือกเป็นแผง มึงคิดว่าเขาจะเอามึงมั้ยล่ะ!”

“ไหนพวกมึงว่าความรักไม่จำกัดเพศไงวะ แล้วโพรไฟล์กูไม่ดีตรงไหน กูก็เป็นเดือนคณะนะเว้ย ตากูก็มีตังค์ สอบอิ๊งตอนมิดเทอมไฟนอลกูก็ได้เต็มคนเดียวในคณะเลยนะ เกรดเฉลี่ยกูก็ 3.9 นะเว้ย กูก็ไมใช่หมาข้างถนนมั้ยวะ”


ทั้งสี่นิ่งอึ้ง คือไอ้คีรีเพื่อนของพวกเขามันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ หน้าตาก็ดี เรียนเก่ง รวยอีกต่างหาก ต่อให้กับผู้ชายด้วยกันก็น่าจะมีหวัง แต่แบบ... หมอเต้ที่มันเพ้อหาเนี่ย ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ


“เขาเป็นลีดมหาลัยที่ดังโคตรๆ เลยนะคีรี”

“เออ เรารู้... ถ้ารู้แบบนี้แต่แรกเราจะยอมไปประกวดเดือนมหาลัย ทำงานกิจกรรมทุกอย่าง ยอมเป็นลีดด้วย เผื่อหมอเต้จะหันมามองเราบ้าง... ไม่น่าขี้เกียจเลยว่ะ”

น้ำเสียงของคีรีเศร้าไปจนเพื่อนๆ นึกสงสาร

“นายนึกยังไงถึงไปปิ๊งหมอเต้เขาได้วะ” เจนี่ถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ

“เราก็ยังงงๆ กับตัวเองอยู่... ครั้งแรกที่เราเจอหมอเต้น่ะ เขากำลังดุคนไข้ ดุแบบไม่สนหินสนแดดเลยนะเว้ย ท่าทางจริงจังสุดๆ แล้วเราก็ไปกินข้าวมันไก่ แต่เสือกลืมเอาเงินไป เกือบจะโดนเฮียเจ้าของร้านเอาปังตอฟันคอขาดแล้ว หมอเต้ก็เข้ามาช่วย ดุเฮียเจ้าของร้านนิดเดียว เฮียแม่งหงอ ปังตอแทบร่วงหลุดมือ แล้วเขาก็จ่ายค่าข้าวให้เราเฉย ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกัน แค่เพราะเห็นว่าเรากำลังลำบากเท่านั้น”

“อ้อ ที่นายเอาเงินไปคืนที่คลินิกใช่มะ”

“แล้วเมื่อวานตอนที่เจอที่โรงบาล เราเห็นหมอเต้กำลังคุยกับตายายชาวเขา สีหน้าเขาโคตรอ่อนโยน ทำฟันให้ตายายชาวเขาฟรีด้วย เรายืนอยู่ไกลๆ ยังรู้สึกได้ถึงความใจดีของเขาเลย”

เพื่อนๆ ที่ปลายสายนิ่งฟังพลางพยักหน้าหงึกๆ พอได้ยินแบบนี้พวกเขาก็พอจะเข้าใจล่ะนะว่าทำไมคีรีถึงติดใจหมอเต้คนที่ว่านัก

คีรีเล่าความประทับใจของเขาให้เพื่อนๆ ฟังหมดเปลือก เล่าต่อไปจนถึงเรื่องของหมอวินด้วย

“เออ เจนี่นึกออกแล้ว ถึงว่าสิหมอวินนี่หน้าคุ้นชะมัด” เจนี่ตบเข่าฉาด “หมอวินนี่ ที่เขาจิ้นคู่กับพี่วิดวะไฟฟ้าคนนั้นไง คนที่ตีกลองสะบัดชัยตอนยี่เป็งปีที่แล้วอะ”

“อ้อๆ ที่ชื่อภูพิงค์ใช่มะ คู่นี้ดังมากเลยนี่ เขาจิ้นกันสนั่นเมือง แฟนคลับเยอะมากเลยนะ ไม่นึกว่าตัวจริงจะหล่อขนาดนี้เลยอะ สุดยอด”

“นั่นแหละประเด็นสำคัญเลย เราได้ยินว่าทั้งหมอเต้กับหมอวินยังโสด อย่างน้อยที่โรงบาลลำพูนก็ไม่เห็นเคยไปไหนมาไหนกับผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ แถมยังสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนเลยด้วย”

“มึงเลยกลัวว่า...” ปิ๊กกดไล่ดูรูปของทันตแพทย์ทั้งสองคนไปเรื่อยๆ “ที่จริงแล้วพวกเขาจะคบกันอยู่ใช่มะ มันก็น่าอยู่หรอกนะ ตัวติดกันมาตั้งนานขนาดนี้”

“แต่ถ้าคบกันอยู่ หมอเต้ก็ไม่น่ายอมให้หมอวินมาเป็นคู่จิ้นกับพี่ภูพิงค์มั้ยวะ”

“แต่หมอวินอาจจะอยากช่วยคณะของพี่ภูพิงค์ก็ได้นะ เขาสนิทกันนี่หว่า”

ฟลุคพยักหงึกๆ “เรื่องนี้พิสูจน์ได้ไม่ยาก แต่ต้องรอเปิดเทอม มึงอดใจรอไปก่อนละกันไอ้คีรี ระหว่างนี้พวกกูจะลองถามๆ คนรู้จักดูให้เว้ย”    

“ถ้าสมมติว่าหมอเต้กับหมอวินคบกันจริง นายก็เตรียมทำไร่แห้วจากหน้าบ้านนาย ยาวไปถึงอีกกาแลคซี่เลยนะ” เจนี่พูดเสริม

“ก็ไม่แน่เว้ย อย่างน้อยถ้าพวกเขาคบกันจริง ก็แปลว่าหมอเต้ก็คบผู้ชายมี hum แบบไอ้คีรีได้เหมือนกันปะวะ”

“มึงกล้าเอาเพื่อนมึงไปเทียบกับหมอวินเลยเหรอสัส”

คีรีทั้งเหี่ยวทั้งหด หมดสภาพหนุ่มเจ้าสำอาง เจ้าชู้แปดสาแหรก ไม่เหลือเศษเสี้ยวของความเป็นโอปป้าแล้วตอนนี้ ในอกเจ็บหน่วงแบบแปลกๆ เป็นแบบนี้ตั้งแต่ตอนที่เห็นหมอเต้กับหมอวินอยู่ด้วยกัน และตอนที่โดนอีกฝ่ายเมิน “นี่เรา...จะต้องอกหักตั้งแต่รู้ตัวว่าหลงรักเลยเหรอวะเนี่ย”

เจนี่ได้ทีเลยต้องทับถมเพื่อนอีกสักหน่อย “มันคงเป็นกรรมที่นายไม่เคยจริงจังกับใคร เราเคยเตือนนายหลายทีแล้วใช่มั้ย”

“เรา...ขอโทษ”

“จะบอกให้ว่านี่แค่เริ่มต้นนะ พอได้รักแล้ว ต่อไปอาจจะต้องเจ็บปวดกว่านี้อีกมาก อีกหลายครั้งหลายหนด้วย”

คีรีขมวดคิ้ว พลางยกมือขึ้นกุมอก “เจ็บกว่านี้...อีกหลายหน”

การอกหักนี่...จะเจ็บเหมือนความรู้สึกที่เขามีอยู่ในเวลานี้หรือเปล่า หรือจะเจ็บปวดทรมานมากกว่านี้อีก เด็กหนุ่มได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจ

“เออ พร้อมมั้ยล่ะ รับได้มั้ยล่ะ”

คีรีนิ่งไปชั่วครู่ “เรายังไม่รู้ว่าจะรับได้รึเปล่า เพราะเรายังไม่เคยอกหัก แต่ถ้าถามว่าพร้อมมั้ย ก็คิดว่าพร้อม”

ยุ้ยถอนหายใจหนักๆ “คีรี ยุ้ยจะพยายามช่วยนายเต็มที่นะ แต่นายต้องสัญญากับยุ้ยนะ ว่านายจะทุ่มเทกับหมอเต้เต็มที่ เลิกนิสัยขี้เอา แล้วก็เตรียมใจไว้ให้พร้อมที่จะอกหักด้วย”

“ถ้านายคิดจริงจัง เจนี่ก็จะช่วยเป็นกำลังเสริมให้นายอีกคน” เจนี่พูดขึ้นบ้าง

“พวกกูสองคนยังไงก็อยู่ข้างมึงอยู่แล้ว” ฟลุคกับปิ๊กร่วมวงด้วย

“เราสัญญา” คีรีตอบรับอย่างหนักแน่น ก่อนจะพูดเสียงอ่อย “คนอย่างเรา อกหักซะบ้างก็คงสมควรแล้ว”

“งั้นก็ลองดูกันสักตั้ง อกหักยังดีกว่ารักไม่เป็นเว้ย เชื่อไอ้ปิ๊กเถอะ”

สามคนที่เหลือพูดใส่โทรศัพท์พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย “ไปยืมคำพูดใครมาวะ เชยฉิบหายเลยไอ้ปิ๊ก!”

คีรีพอยิ้มออกมาได้บ้าง “ยังมีอีกเรื่องทีเรายังไม่ได้บอก ลุงภูมิกับหมอเต้จะไปประชุมทันตแพทย์ที่โรงแรมตาเราที่เชียงราย ตรงช่วงที่เรากลับบ้านพอดี”

“หมอวินไม่ได้ไปเหรอวะ”

“ไม่มั้ง ลุงเราบอกมาแค่นี้”

“ไปประชุมนานแค่ไหนวะ”

“รู้สึกว่าจันทร์ถึงศุกร์เลย น่าจะกลับวันเสาร์เช้าล่ะมั้งนะ”

“ก็สบายเลยสิวะ มีโอกาสดีๆ แบบนี้ มึงต้องบุกเข้าไปจีบเลย” ฟลุคออกความเห็น

เจนี่ค้านทันควัน “จะบ้าเรอะ ไอ้คีรีมันเป็นผู้ชายนะ ถ้าขืนมันเดินแกว่ง hum เข้าไปจีบ หมอเต้จะได้ถีบออกมาน่ะสิ”

“ยุ้ยเห็นด้วยนะ ของแบบนี้มันต้องใช้มารยา”

“แล้วไอ้คีรีมันมีเหรอ มารยาน่ะ มันเคยจีบใครซะที่ไหน” ปิ๊กถามกลับ

คีรีขมวดคิ้ว “เออ นั่นดิ มารยายังไงวะ”

“ก็แบบ ต้องจีบอย่างมีชั้นเชิงสิวะ นายจะเดินโทงๆ เข้าไปหาหมอเต้ บอกว่าจีบนะแล้วขอเบอร์เลยไม่ได้” เจนี่พูดเสียงเครียด จริงจังยิ่งกว่าหาแฟนให้ตัวเองไปอีก “อย่างแรกนะ นายต้องทำตัวให้อยู่ในสายตาเขาให้ได้ก่อน พอรู้จักคุ้นเคยกันถึงค่อยขอเบอร์ พอได้เบอร์มาก็ค่อยหาวิธีกระตุ้นเขา ทำให้เขานึกถึงบ่อยๆ อย่างเช่นทำเป็นโทรไปหาเขา แต่บอกว่ามือกดไปโดน แล้วกดไปโดนสักวันละสี่ห้ารอบ พอรอบที่ห้าก็ค่อยชวนคุย บอกว่ารอบนี้ไม่ได้กดพลาดนะ แต่อยากคุยด้วย อะไรแบบนี้ไง”

“ไอ้เรื่องขอเบอร์นี่ เราถามลุงเอาก็ได้นะเจนี่”

“เฮ้ย! อย่าเชียวนะเว้ย! นายต้องขอจากเขาเอง ให้เขาอนุญาตเอง ไม่อย่างนั้นหมอเต้อาจจะระแวงนาย หรือไม่ก็รู้สึกไม่ดีกับนายไปเลย”

“อือ... แล้ว...อยู่ในสายตานี่ หมายความว่าไง แบบให้หมอเต้เคยเห็นเรางั้นเหรอวะ”

“ไม่ใช่เว้ย หมายถึงให้เขารู้จักหน้ามึงไอ้สัส แบบเห็นหน้าแล้วรู้ชื่อ เรียกทักทายได้อะ” ปิ๊กอธิบายให้

คีรีนิ่งคิด “ฟังดูเหมือนจะไม่ยาก แต่แค่จะเริ่มยังไม่รู้จะทำไงเลย กูควรทำไงให้ได้อยู่ในสายตาเขาวะ เจอกันครั้งนึงแล้วเขาจำกูไม่ได้ ครั้งที่สองเขาเมินกูไปเลยด้วยซ้ำ วันนี้กูอุตส่าห์ขอลุงภูมิให้เขามาทำฟันให้ เขายังมองหน้ากูไม่ถึงสามวิฯ เลย ไม่ถามแม้กระทั่งชื่อกูเลยด้วยนะ”

“มึงก็ใช้ความหล่อของมึงให้เป็นประโยชน์สิวะ ตอนทำฟันหน้ามึงอาจจะเมือกไง อาจจะเกรงใจลุงมึงด้วย แต่ถ้าเขาได้เห็นหน้ามึงตอนหล่อๆ ชัดๆ อาจจะจำได้ติดตาก็ได้นะเว้ย” ฟลุคเสนอ

“หมอเต้เป็นผู้ชายนะเว้ย เจอคนหล่อจะเตะตาเหรอวะ” ปิ๊กย่นคิ้วเข้าหากัน “อีกอย่าง เขาน่าจะชินหน้าตาหล่อๆ จากการเห็นหน้าหมอวินกับส่องกระจกทุกวันแล้วมั้ย”

“ลองนึกดูดีๆ มันต้องมีวิธีแน่ๆ เอาตัวอย่างง่ายๆ นะ เช่น ยุ้ยชอบสีชมพู เวลาเห็นใครใส่เสื้อสีชมพูบ่อยๆ ก็จะสะดุดตา จำเขาได้ นายรู้มั้ยล่ะว่าหมอเต้ชอบอะไรบ้าง”

“อืม” เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ “สิ่งที่หมอเต้ชอบ...”

“หมอวินไง” ฟลุคพูดขึ้น ทำเอาอีกสี่คนในสายนิ่งอึ้ง ก่อนจะรุมต่อว่า “มึงเอาปืนไปยิงไอ้คีรีเลยเหอะ!”

“แต่ยุ้ยว่าฟลุคก็พูดถูกนะ ต่อให้หมอเต้ไม่ได้ชอบหมอวินอย่างแฟน แต่เพราะสนิทกัน ถ้าเขาเห็นใครดูคล้ายๆ หมอวิน เขาก็น่าจะสนใจอะ”

“นี่ไง ประชุมเนี่ย ในเมื่อหมอวินไม่ได้ไป นี่ก็เป็นโอกาสของมึงแล้ว ไอ้คีรี เขาต้องห่างกันหลายวัน เพราะงั้นหมอเต้ต้องเหงาแน่ ก่อนมึงจะกลับเชียงราย มึงรีบถือรูปหมอวินเดินเข้าร้านตัดผมไปเลยสัส ไปตัดผม เปลี่ยนสีผมให้เหมือนหมอวินซะ สลัดลุคลูกครึ่งครึ่งลูกของมึงออกไปให้หมดนะ พยายามเน้นลุคหมอวินไว้ก่อน ถ้ามึงมีโอกาสได้เข้าใกล้หมอเต้ ความคิดถึงของเขาจะทำให้เขาเปิดใจให้มึงมากขึ้นแน่ๆ”

“สุดยอด! ฟลุคร้ายกาจมาก” เจนี่ซูฮกเพื่อนหนุ่ม “นายไปจำวิธีตัวโกงแบบนี้มาจากไหนเนี่ย”

“จำมาจากในซีรีส์เว้ย มันไม่ใช่ตัวตนของฟลุคนะ!”

“โอเค” คีรีตอบรับทันที วินาทีนี้ทำอะไรได้เขาก็ยอมทำแล้วโว้ย

“ยุ้ยว่าถ้านายเปลี่ยนลุคไม่ให้ดูเป็นลูกครึ่งก็ควรต้องพูดให้ชัดกว่านี้อีก คือตอนนี้นายก็พูดชัดกว่าเมื่อตอนเทอมหนึ่งมากแล้ว แต่ก็ยังมีเหน่อบ้างเพี้ยนบ้างเป็นบางคำ นายต้องใจเย็นๆ พูดช้าๆ หน่อยก็ได้ ไม่งั้นนายจะดูไม่เท่ในสายตาหมอเต้นะ”

“ถ้าอย่างนั้นนะ เจนี่ว่าทำตัวเป็นหนุ่มเหนือไปเลยดีกว่า ถ้ามีโอกาสก็พูดคำเมืองบ้าง ทำตัวให้ดูซื่อๆ ใสๆ แล้วก็พูดช้าๆ ทำหน้าอ้อนๆ หน่อย น่ารักจะตาย หมอเต้ต้องเอ็นดูนายแน่ๆ ถ้าหากนายเข้าไปอยู่ในสายตาหมอเต้ได้ในลุคหมอวิน นายก็ควรจะมีอะไรที่แตกต่างเพื่อไม่ให้อยู่ในเงาของหมอวินมากจนเกินไป หมอเต้เขาจะได้สะดุดใจกับนายไงล่ะ”

“โห เจนี่สุดย้อดดด!” เพื่อนอีกสามชีวิตปรบมือชื่นชม

“หนุ่มเหนือ” คีรีทวนคำพูดของเพื่อน จะว่าไป... เขาก็เป็นหนุ่มเหนือนี่หว่า ก็ไม่น่าจะยากนะ

“หาโอกาสร้องเพลงกล่อมหมอเต้ด้วยสิ คีรีเสียงดี เวลาร้องเพลงก็ดูเท่มากด้วย ต้องรู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์นะ” ยุ้ยเสนออีก

“แล้วเราจะไปร้องเพลงกล่อมเขาตอนไหนวะ จู่ๆ เดินเข้าไปหาไปร้องเพลงใส่ หมอเต้ได้จับเราส่งโรงบาลบ้าแหงๆ”

“ยุ้ยถึงได้บอกว่าให้หาโอกาสไงไอ้เพื่อนเวร! ตอนนี้นายมีช้อยส์ให้เลือกเยอะนักรึไง อะไรที่ทำให้เตะตาหมอเต้ได้ นายก็ทำไปเถอะ!”

ที่เพื่อนๆ เขาว่ามันก็ถูก คีรีนั่งฟังไปก็พยักหน้าหงึกๆ ตามไป “เราจะพยายาม”


*TBC*


น้องคีรีใกล้จะกลายร่างไปเป็นเด็กดอยแบ๊วๆ เอาใจพิหมอเต้แร้วค่า ตอนนี้วางแผนจะเป็นแค่เด็กเหนือไปก่อนนะคะ 555555

ตอนนี้ลงยาวๆ เลย ฟินมั้ยคะๆ 55555 ส่วนตอนที่แล้ว แรงมโนของกลุ่มเพื่อนน้องคีรีพาหมอเต้ไปเป็นแอฟ ทักษอรเรยทีเดียว คนอ่านหลายๆ คนดูตื่นตกใจ แหม ก็คนอวยกำลังอินเลิฟอะนะคะ 5555 เข้าใจเด็กดอยที่กำลังเพ้อหาหมอเต้หน่อยละกันน้า

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 15-11-2018 18:44:30
 :hao7: โอ๊ยยย...เอ็นดูน้องคีรีจริงๆเลย พยายามเข้า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 15-11-2018 18:52:46
คิรี &เดอะแก็งส์
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 15-11-2018 19:04:44
อย่างงี้นี่เอง หนุ่มชาวเขาถึงมา... ความแตกจะเป็นไงเนี่ยยย 555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 15-11-2018 19:13:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 15-11-2018 19:55:49
โถๆๆๆๆ น้องคีรี น่าเอ็นดู!!!
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie009 ที่ 15-11-2018 20:19:36
ฮ่าๆๆๆ กว่าจะหมอเต้  500 เล่มเกรียนคงไม่พอใช้แล้วว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 15-11-2018 21:02:36
น้องคีรี สู้ สู้  :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 15-11-2018 21:33:31
วงวารเด็กดอย ภารกิจตกหมอเต้จะสำเร็จมั้ยคะเนี่ย555 เดอะแก๊งเค้าก็ทำงานกันเป็นขบวนการจริงๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 15-11-2018 21:35:17
มันเป็นอย่างงี้นี่เอง ความเด็กดอยใสซื่อของคีรี มีที่มา
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-11-2018 21:59:06
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่อ...ที่มาที่ไปมันเป็นเยี่ยงนี้นี่เอง

คนที่ร้องเพลงให้หมอเต้ที่โรงแรมตอนนั้น ก็คีรีเด็กดอยจอมปลอมนี่สินะ  หุหุ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 15-11-2018 22:19:25
เพื่อนดีๆทั้งนั้นเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 15-11-2018 22:20:33
เด็กมันร้าย ปลอมเป็นหมอวินในร่างเด็กดอยใจดี
มันต้องโดนร่างจริงแสดงอภินิหารใส่ซักครั้ง กิกิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 15-11-2018 22:40:28
เด็กดอยเดินแกว่ง hum เข้าไปหา ลุยหน้าต่อเลยลูกกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-11-2018 23:07:58
 o13


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 16-11-2018 00:00:34
งุ้ยยยยย!!
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-11-2018 01:04:42
 o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าแก่ ที่ 16-11-2018 08:57:38
หนูจะน่ารัก อะไรขนาดนั้น

 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 16-11-2018 10:00:58
หึหึ แผนก็ได้ผลพอควรนะ แต่ดันมาเจอหมอวินทร์ดักทางได้ก่อนนี่สิ ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-11-2018 10:08:58
ถ้าความแตกพี่หมอจะว่ายังไงน่าาาา
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-11-2018 11:06:52
ให้เจ้าชู้แค่ไหน พอเจอรักแท้ก็กลายเป็นเด็กน้อยเลย น่ารัก :-[ พี่หมอเต้เอ็นดูน้องหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 16-11-2018 12:46:13
เอาใจช่วยเลย

แผนการณ์มีผู้สมรู้ร่วมคิดเยอะซะด้วย :katai2-1:

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 16-11-2018 13:40:23
คีรีลูกกกก น่าเอ็นดู เอาใจช่วยน้องเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 16-11-2018 13:42:43
ฮาคีรีกับเดอะแก็งส์มาก แผนการเด็กดอยเป็นแบบนึ้นี่เอง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 16-11-2018 17:02:24
เพราะหมอเต้เซ้นสิทีฟกับชาวเขา น้องเลยกลายไปเป็นเด็กดอยสินะ o18
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 16-11-2018 19:06:50
น้องคีรี​ ออกมาเป็นแบบนี้ให้หมอเต้เห็นเพราะเพื่อนๆนี่เอง​ น่ารักทั้งแก๊งค์​เลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 16-11-2018 22:14:54
เด็กดอยแสบนะนี่
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-11-2018 00:59:35
หวังว่าพอหมอเต้รู้ความจริงทุกอย่างของน้องคีรีแล้ว จะยังไม่หนีไปไหนนะครับ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-11-2018 09:58:03
น้องเด็กดอยสู้ๆนะ เอาใจช่วย :กอด1: :กอด1: :กอด1:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 18-11-2018 18:56:16
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-11-2018 09:38:54
ถ้าเด็กดอยโป๊ะแตกขึ้นมาล่ะน้าาาา  o18
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: love-boy ที่ 19-11-2018 12:21:35
รอเด็กดอยต่อไป
เมื่อไหร่เธอจะกลับมาสักที
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 19-11-2018 13:07:58
เอาใจช่วยเด็กดอยจ้า เราทีมเด็กดอย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 21-11-2018 09:58:31
พอตกหลุมรักก็ไปไม่เป็นเลยเนอะเด็กดอย(ปลอม)
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 21-11-2018 11:15:02
Husky รีบมาได้แล้ววว คิดถึงเด็กดอยกับพี่เต้ใจจะขาดล้าวว  :serius2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 21-11-2018 11:25:41
คิดถึงเด็กดอยแล้ว มาไวๆน้า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 21-11-2018 18:50:38
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 22-11-2018 13:14:59
ยังไม่มาอีกเร้ออออ  :katai1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 22-11-2018 16:57:28


Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย



ก่อนจะขับรถกลับไปเชียงใหม่และกลับไปเชียงรายด้วยกันกับคุณตา คีรีแวะไปซื้อดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่เท่ากำมือช่อเบ้อเริ่มในร้านดอกไม้แห่งหนึ่ง แล้วหอบเอาไปที่โรงพยาบาลลำพูน กะว่าจะเสนอหน้าเอาไปให้หมอเต้เป็นการขอบคุณที่ทำฟันให้เขาเมื่อวานสักหน่อย

คีรีไปดักรอทันตแพทย์หนุ่มตอนก่อนเที่ยง เพราะคิดว่ายังไงหมอเต้ก็ต้องออกมากินข้าวแน่ๆ พอให้ดอกไม้แล้วจะได้ชวนไปกินข้าวด้วยกันซะเลย

เด็กหนุ่มอยู่ในเสื้อผ้าสุดเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า แต่งตัวแบบที่คิดไปเองว่าหล่อจนใครๆ ที่เดินผ่านมาเห็นเข้าต้องร้องขอชีวิตและจดจำเขาได้ไม่มีวันลืม กะว่าวันนี้เขาต้องได้แจ้งเกิดในสายตาหมอเต้แน่ๆ ล่ะ แล้วค่อยไปสานต่อความสัมพันธ์กันที่เชียงราย คิดไปพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม เขาถือดอกไม้ไปยืนรออยู่ที่หน้าประตูทางเข้าแผนกทันตกรรมด้วยหัวใจตุ้มต่อม เมื่อคนที่เดินผ่านไปผ่านมาหันมามองเขาและส่งยิ้มให้ ความมั่นใจว่าวันนี้หล่อล้ำก็เพิ่มมากขึ้น เขาโปรยยิ้มไปทั่วอยู่สักพักหนึ่งจึงยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา

“อ้าว คุณนคินทร์ มาหาคุณหมอภาคภูมิเหรอคะ”

เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นพรวด คนที่ทักเขาคือพี่สาวพยาบาลเมื่อวาน เด็กหนุ่มใช้ปลายนิ้วเกาจมูกอย่างเขินๆ “อ่า ผม... เอ้อ...”

“โห วันนี้หล่ออย่างกับนายแบบเลยอะ เดี๋ยวพี่ไปเรียนคุณหมอให้ดีมั้ยคะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมแวะมาแป๊บเดียว” คีรีรู้สึกว่าใบหน้าร้อนๆ ชอบกล “ผมจะมาขอบคุณ... เอ่อ... คุณหมอเต้ ที่ทำฟันให้เมื่อวาน...น่ะครับ”

“อ๋อ หมอเต้น่าจะพักแล้ว เดี๋ยวคงออกมา ให้พี่ไปตามคุณหมอให้มั้ยคะ” พยาบาลสาวยิ้มกว้าง เธอหันไปเปิดประตูทางเข้าแผนกออก แล้วก็หันมาบอกเด็กหนุ่ม “คุณนคินทร์คะ หมอเต้เดินมาทางนี้พอดีเลยค่ะ”

ฉิบหาย! ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย!

พยาบาลสาวโบกไม้โบกมือ “หมอเต้ค้า~ มีแขกมาพบค่า!”

เย้ย พี่สาววว~ คีรีเบิกตาโพลง หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ

ขณะที่เด็กหนุ่มยืนตัวเกร็ง หัวใจเต้นโครมครามอยู่นั้น เตชิตก็เดินฉับๆ เข้ามาหา “สวัสดีครับ” เขาพูดกับคนอ่อนวัยกว่าเสียงขรึม บนใบหน้าหล่อเหลาไม่ปรากฎรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อย

“เอ่อ สวัสดีครับ”

“คุณเป็นใครครับ ไม่ทราบว่าเป็นคนไข้ของผมรึเปล่า แล้วมีธุระอะไรกับผมเหรอ”

พยาบาลสาวสะกิด “หมอเต้คะ นี่คุณนคินทร์ หลานคุณหมอภาคภูมิน่ะค่ะ”

“อ้อ” เตชิตพยักหน้า แต่ก็ยังคงไม่มีรอยยิ้มใดๆ ให้ผู้มาเยือนอยู่ดี “มีปัญหาจากการขูดหินปูนรึเปล่าครับ ทำไมไม่แจ้งหมอภูมิไว้ก่อนล่ะ”

เด็กหนุ่มไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ที่ทันตแพทย์หนุ่มจำหน้าเขาไม่ได้ แต่ที่อยากจะร้องโอ้โหให้ดังก้องโรงพยาบาล ก็เพราะหมอเต้พูดเสียงดุใส่เขา ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อ ขนาดเขาเป็นหลานของหัวหน้านะ

แต่ตอนดุก็น่ารักชะมัดเลย~ ฟินสัส!

คีรีอยากจะทำหน้าฟิน แต่ก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลา “เปล่าครับ ผมแค่เอาดอกไม้นี่มาขอบคุณ...” ยังพูดไม่ทันจบอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาอย่างไว

“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องหรอก”

“แต่...”

“ดอกไม้สวยครับ แต่เอาไปให้พี่พยาบาลดีกว่านะ ผมเป็นผู้ชาย คงไม่เหมาะ”

ขณะเดียวกันก็มีเสียงเรียกชื่อทันตแพทย์หนุ่มดังมาแว่วๆ

“เฮ้ย เต้ เสร็จแล้ว รอนานมั้ย”

สีหน้าของเจ้าของชื่อเปลี่ยนไปทันที เขาหันไปยิ้มให้คนที่เรียกชื่อตน “ไม่นาน เพิ่งออกมา หิวยังวะ”

“หิว ปะ หาไรกินกัน”

เตชิตโอบไหล่คนที่เดินเข้ามาหา “วันนี้กินไรดีวะวิน”

“ข้าวขาหมูมะ”

“ได้ ตามใจมึง” ทันตแพทย์หนุ่มพูดกับเพื่อนของเขา ก่อนจะนึกขึ้นได้ เขาหันไปทางที่คีรียืนอยู่ “ผมไปนะ” แล้วก็กอดคอเพื่อนรักเดินจากไปง่ายๆ โดยที่ไม่หันกลับมาสนใจเด็กหนุ่มอีกเลย

คีรียืนอ้าปากค้าง หน้าแห้งปานโดนลมทะเลทรายสะฮาราเป่า ตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยเข้าหาใครแล้วโดนเมินขนาดนี้ เขาเข้าใจชัดเลยว่า ไอ้คำว่า อยู่ในสายตา ที่เพื่อนๆ พยายามพูดให้ฟังน่ะ มันเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เขาน่ะ อยู่นอกสายตาชัวร์!

แต่งหล่อชุดใหญ่ไฟกะพริบมาขนาดนี้ยังโดนเมิน ไม่ได้แล้วโว้ย เขาต้องปรับปรุงตัวเองอย่างแรง!

แต่เดี๋ยว กลิ่นหอมจางๆ เมื่อกี้? ไม่ใช่จากช่อดอกไม้นี่หว่า แล้ว...มาจากหมอวินเหรอ?

พอหันไปมองพยาบาลสาวข้างๆ เธอก็ยิ้มตาลอยทำหน้าฟินพร้อมกับเพ้อออกมาเบาๆ “หมอวินหมอเต้ สมกันจริงๆ เลย~”

คีรีคิ้วกระตุก แต่ก็พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เขาส่งช่อดอกไม้ให้พยาบาลสาวพลางแจกยิ้มการค้า “ฝากพี่สาวเอาไปใส่แจกันไว้ในแผนกละกันนะครับ จะได้สดชื่นๆ ทุกคนเลย”

“ขอบคุณค่ะคุณนคินทร์”

“เอ่อ เมื่อกี้... พี่สาวได้กลิ่นหอมๆ มั้ยครับ หมอวินใส่น้ำหอมเหรอ”

“อ๋อ เห็นว่าเป็นอาฟเตอร์เชฟน่ะค่ะ กลิ่นเสน่ห์ของหมอวินเลยน้า~ ปกติหมอก็ไม่ได้ใช้ทุกวันหรอกนะคะ แต่วันนี้ใช้คงเพราะเมื่อเช้ามีประชุม เลยต้องหล่อหน่อย”

โห หน้าตาแบบนี้ไม่ต้องใช้ตัวช่วยแล้วมั้งเนี่ย เด็กหนุ่มนินทาอยู่ในใจ

“ผมชอบกลิ่นนี้จัง พี่สาวรู้มั้ยครับว่าหมอวินใช้อาฟเตอร์เชฟยี่ห้ออะไร” คีรีพูดเสียงอ้อน ถึงความหล่อของเขาจะใช้กับหมอเต้ไม่ได้ แต่กับสาวๆ ก็ไม่เคยพลาดนะเว้ย

“เอ เคยเห็นมีคนถามหมอวินอยู่นะคะ พี่ก็ลืม คุณนคินทร์รอแป๊บ เดี๋ยวพี่ไปถามพวกผู้ช่วยหมอเขามาให้นะคะ”

“ขอบคุณครับ”

รออยู่สักพักพี่สาวพยาบาลก็เดินออกมาบอก เขายิ้มกว้างขอบคุณ จากนั้นก็ขับรถกลับไปยังเชียงใหม่ เตรียมตัวไปตัดผมเปลี่ยนสีผมและหาซื้ออาฟเตอร์เชฟให้พร้อมก่อนเดินทางกลับเชียงราย



เมื่อคีรีกลับไปบ้านที่เชียงราย เขามักจะแต่งตัวแบบกึ่งลำลองโดยสวมเสื้อผ้าพื้นเมืองผสมเสื้อผ้าแบบวัยรุ่นทั่วไป บางทีก็ใส่เสื้อผ้าฝ้ายคอจีนทับเสื้อยืด บางทีก็ใส่ม่อฮ่อม เขาก็ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษหรอกนะ แต่เพราะว่าคุณตาอยากให้ใส่ผ้าพื้นเมืองที่ชาวเขาในศูนย์ฯ เป็นคนทอและตัดเย็บน่ะสิ จะได้เป็นการโฆษณาศูนย์ฯ ไปในตัว เขาใส่บ่อยจนชินและเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว

พอถึงช่วงเวลาที่มีการประชุมทันตแพทย์ที่โรงแรมในเชียงราย เด็กหนุ่มติดตามคุณตาไปที่ศูนย์พัฒนาอาชีพในช่วงเช้าก่อน พอบ่ายก็ไปคอยเฝ้าดูเตชิตทุกวัน เสนอหน้าเข้าไปช่วยผู้จัดการดูงานบ้าง เข้าไปตรวจดูอาหารในห้องครัวบ้าง เข้าไปหาลุงภูมิบ้าง เดินสวนกันไม่รู้กี่สิบหน แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้เอะใจอะไรเลย มองผ่านเขาไปเหมือนมองอากาศธาตุ ขนาดเปลี่ยนทรงผมสีผมให้เหมือนหมอวินเป๊ะๆ ก็แล้ว

ที่พีคสุดๆ ก็คงเป็นตอนที่เขาบุกเข้าไปชวนลุงภูมิกับหมอเต้ไปกินมื้อเย็นด้วยกัน ทั้งสองคนกำลังนั่งปรึกษางานกันอยู่ มีไอแพดกับเอกสารกองใหญ่วางตรงหน้า เขาเดินเข้าไปหาพร้อมกับยกถาดน้ำผลไม้เข้าไปเสิร์ฟให้

“ลุงภูมิครับ เย็นนี้ไปกินร้านสะบันงากันนะครับ ป้ออุ้ยก็จะไปด้วย”

“ได้ๆ เอาสิ” เจ้าของชื่อพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปทางทันตแพทย์หนุ่มที่นั่งอยู่ด้วยกัน “หมอเต้ เย็นนี้ไปกินข้าวข้างนอกกันนะ” ทว่าอีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านข้อความบนหน้าจอไอแพด มืออีกข้างถือแผ่นเอกสารไว้

เตชิตขมวดคิ้ว นอกจากจะไม่เงยหน้าขึ้นแล้วก็ยังไม่ตอบคำถามภาคภูมิเสียด้วย ทำให้คีรีได้แต่ยืนยิ้มหน้าเจื่อนๆ

ภาคภูมิจับแขนคนที่นั่งข้างกันเขย่าเบาๆ “หมอเต้! เย็นนี้ไปกินข้าวข้างนอกกัน!”

ทันตแพทย์หนุ่มผงกศีรษะขึ้นเล็กน้อย “ไม่ล่ะครับ ผมยังจำที่ต้องพูดในที่ประชุมไม่ได้เลย หมอภูมิไปละกัน ผมขอตัวก่อนดีกว่า” พูดจบก็ลุกขึ้นเก็บข้าวของเดินหายไปเสียอย่างนั้น

เงิบสัส! อย่าว่าแต่ทักทายเลย ถึงตัวขนาดนี้แล้วหมอเต้ยังไม่แม้แต่จะสบตามองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ!

“อ่า หมอเต้กำลังเครียดน่ะ พรุ่งนี้เขาต้องพูดหัวข้อสำคัญในที่ประชุมตอนเช้า งั้นปะ เราไปกัน”

ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ต้องไปกินข้าวกับคุณลุงคุณตาสามคนนั่นล่ะ เขาเสือกเลือกชวนผิดวัน นอกจากจะแห้วแล้วก็ยังไม่ได้นั่งเฝ้าหมอเต้ตอนเย็นอีก

จนถึงวันสุดท้ายของการประชุมก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าสักนิด ทันตแพทย์หนุ่มจะยิ้มและอารมณ์ดีที่สุดก็ตอนคุยโทรศัพท์ ซึ่งเขามั่นใจว่าอีกฝ่ายคงจะคุยกับเพื่อนรักที่ลำพูนเป็นแน่

เมื่อแชตไปปรึกษากับบรรดาเพื่อนสนิทที่เดินทางกลับมาปักหลักรอวันเปิดเทอมที่เชียงใหม่กันแล้ว ไอ้พวกนั้นก็เอาแต่ต่อว่าว่าเขาไร้น้ำยากันอยู่ได้

เออ เขาก็ไร้น้ำยาจริงๆ นั่นล่ะ ก็ไม่เคยจีบผู้ชายนี่หว่า ขนาดผู้หญิงยังไม่เคยจีบเลย แถมไอ้ความหล่อที่สะสมมาถึงยี่สิบปีก็ใช้การไม่ได้อีก


‘มึงต้องทำอะไรที่มันอิมแพ็กมากๆ สิวะ!’ บรรดาเพื่อนพ้องบอก

‘ทำอะไรล่ะวะ กูเปลี่ยนลุคก็แล้ว เข้าหาถึงตัวก็แล้ว ยังอิมแพ็กไม่พออีกเหรอวะเนี่ย’

‘ยังๆ แปลว่ายังไม่พอ รอโอกาสดีๆ แล้วเล่นใหญ่ไฟกะพริบไปเลย”

‘ต้องอิมแพ็กนะเว้ย ท่องไว้ มึงต้องเข้าไปอยู่ในสายตาหมอเต้ให้ได้! สู้เว้ย!’


อิมแพ็ก...อิมแพ็ก... มันต้องมีสักทางสิน่ะ! คีรีท่องอยู่ในใจตามที่เพื่อนบอก

แล้วในตอนเย็นของวันสุดท้ายของการประชุม พวกทันตแพทย์ที่มาประชุมไปนั่งกินข้าวกันในห้องอาหารกึ่งผับของโรงแรม เขาเองก็ไปนั่งเจ๋ออยู่ที่นั่นด้วย ระหว่างที่นั่งไปก็พยายามส่งสายตาหาอีกฝ่ายไป ส่งไปเป็นสิบครั้ง แต่ก็ไม่ได้ผล อุตส่าห์ลงมือผสมค็อกเทลเองแล้วให้พนักงานไปส่งให้ก็ยังวืด นั่งนานไปก็รู้สึกว่าตัวเองคล้ายเห็บหมัดเข้าไปทุกที จนเขาคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างที่เด่นกว่านี้ เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้ใกล้ชิดหมอเต้แล้ว

อย่างน้อยเขาก็ต้องเข้าไปอยู่ในสายตาหมอเต้ให้ได้โว้ย!

เด็กหนุ่มเดินไปคุยกับนักร้องและนักดนตรีตอนที่กำลังพักวง กะว่าจะใช้เสียงของตัวเองให้เป็นประโยชน์อย่างที่เพื่อนๆ แนะนำ เขาขี้ตู่เอาว่ามีคนฝากเขามาร้องเพลงให้ทันตแพทย์หนุ่ม ซึ่งทุกคนก็เชื่อและยินดีให้เขาขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีได้ ก็แหงล่ะ ใครจะกล้าขัดใจหลานชายของเจ้าของโรงแรมกัน เขาใช้โอกาสนั้นเรียกร้องความสนใจจากหมอเต้เต็มที่ ซึ่งก็ได้ผล อีกฝ่ายหันมองมาทางเขาแล้ว มองมาหลายครั้งเสียด้วย เขากะว่าเมื่อจบเพลงจะทำหน้าด้านๆ เดินเข้าไปหา ไปชวนอีกฝ่ายคุย พอร้องเพลงเสร็จก็เลยรีบลงจากเวทีไป

ทว่ายังเดินไปไม่ทันถึงโต๊ะที่หมอเต้นั่งอยู่เลย จู่ๆ อีกฝ่ายก็ลุกขึ้น พอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยแล้วก็จ้ำอ้าวออกจากร้านอาหารไป เดินไปคุยไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก็คงไม่พ้นคุยกับหมอวินอีกนั่นละ

ขนาดหมอวินไม่ได้มาด้วยก็ยังแย่งซีนไปจากเขาได้ โว้ย! ชีวิตอะไรจะรันทด!

เด็กหนุ่มเดินตามเตชิตไปเรื่อยๆ กะว่าถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่จะพุ่งเข้าไปคุยด้วยทันที


เมื่อทันตแพทย์หนุ่มคุยโทรศัพท์เสร็จก็นั่งแท็กซี่ต่อไปยังตลาดไนต์บาร์ซา เขาเลยยืมมอเตอร์ไซค์ของพนักงานในโรงแรมขี่ตามไปห่างๆ พอหมอเต้ลงรถเขาก็จอดมอเตอร์ไซค์ไว้ข้างทาง แล้วเดินตามไปจนถึงตอนที่หมอเต้เข้าไปในร้านไม้แกะสลักของชาวเขา ซึ่งร้านใกล้ๆ กันเป็นร้านของครอบครัวของน้ำอิงนั่นละ บิดามารดาของน้ำอิงทำงานในโรงแรมของคุณตา พวกเขาขยันมาก เวลาทำงานที่โรงแรมก็ทำเต็มที่ เวลาว่างก็ยังไปขายของในตลาดอีก เขาเคยพูดคุยกับครอบครัวนี้หลายครั้ง และเขาก็เคยซื้อขนมกับของเล่นจากเชียงใหม่มาให้น้ำอิงอยู่บ่อยๆ

ขณะที่แอบเดินตามหมอเต้อยู่ บิดาของน้ำอิงหันมาเห็นเขาเข้าก็รีบชักชวนให้เข้าไปนั่งเล่นในร้าน เขาละสายตาจากทันตแพทย์หนุ่มเพียงแค่แวบเดียว อีกฝ่ายก็เดินหายไปในฝูงชน 

แต่แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงตูมดังขึ้น สภาพไนต์บาร์ซาในตอนนั้นกลายเป็นสนามแข่งวิ่งสี่คูณร้อย ผู้คนแตกตื่น เบียดเสียดกันไปคนละทิศละทาง เขานึกเป็นห่วงเตชิตขึ้นมาทันที อีกฝ่ายไม่คุ้นเคยพื้นที่ จะโดนฝูงคนเหยียบเอาหรือเปล่าก็ไม่รู้ เขาพยายามสวนกระแสผู้คนไปทางถนนที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะไปทางนั้น หากยังไปไม่ถึงไหนก็มีเสียงตูมดังขึ้นอีก เป็นผลให้เขาถูกกระแสคนพากลับไปทางเพิงหมาแหงนที่เดิมที่เพิ่งจากมา

ระหว่างทางก็พบกับบิดามารดาของน้ำอิงอีกครั้ง พวกเขาบอกว่าน้ำอิงหายไป แล้วก็บอกให้เขารีบกลับไปโรงแรมก่อน แต่เขาปฏิเสธ

“เด่วผมจะจ่วยตวยหาน้ำอิงแหมแฮง” (เดี๋ยวผมจะช่วยตามหาน้ำอิงอีกแรง) เขาบอกกับครอบครัวของน้ำอิงไปแบบนั้น

มันอาจเป็นโชคชะตา ระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังวิ่งตามหาน้ำอิงอยู่นั้น เขาก็ได้พบกับเตชิตซึ่งอุ้มน้ำอิงวิ่งงงอยู่ท่ามกลางฝูงชน เขารีบวิ่งเข้าไปคว้าแขนอีกฝ่ายไว้แล้วพาไปหลบ และนั่นก็ทำให้เขารู้ว่า นอกจากหมอเต้จะจำเขาไม่ได้เลยสักนิด ยังเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นชาวเขา เป็นพี่ชายของน้ำอิงไปเสร็จสรรพ

ตอกย้ำให้ชัดไปอีกว่าตัวเขาไม่เคยอยู่ในสายตาอีกฝ่ายเลยจริงๆ

แต่ถึงอย่างนั้น สำหรับเขาแล้ว เขาคิดว่านี่แหละ โอกาสที่เขาเฝ้ารอคอย มันคือโอกาสที่จะได้เล่นใหญ่รัชดาลัย สร้างความอิมแพ็กสุดๆ ที่เพื่อนๆ พูดถึง เพราะลุงภูมิเคยเล่าให้ฟังว่าหมอเต้เซนส์สิถีพกับชาวเขามาก เขาจึงปล่อยเลยตามเลย เล่นตามน้ำไป ถึงเขาจะพูดภาษาชาวเขาท้องถิ่นไม่ได้ แต่ก็พูดภาษาเหนือได้ คงจะพอถูไถให้อีกฝ่ายหลงเชื่อเขาได้บ้างล่ะ

ขณะที่รอให้บิดามารดาของน้ำอิงมาหา เขาได้ฟังอีกฝ่ายคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิทแบบทุกประโยคทุกคำพูดเป็นครั้งแรก ซึ่งเขาบอกได้เลยว่า นี่มันแฟนกันคุยกันชัดๆ เลยโว้ย! เพื่อนอะไรวะ มีบอกรักกันด้วย! เขาอยากจะบ้าใส่แม่งตรงนั้นเลย ติดอยู่ที่สถานการณ์ไม่เป็นใจสักเท่าไหร่

และที่สำคัญ เขาเองก็เป็นห่วงหมอเต้มากเกินกว่าจะทิ้งให้อีกฝ่ายหาทางกลับโรงแรมตามลำพัง

ระหว่างนั้นก็เห็นว่าที่ข้างตัวทันตแพทย์หนุ่มมีถุงตกอยู่หนึ่งใบ เขาหยิบขึ้นมากะว่าจะรอเอาคืนให้เมื่ออีกฝ่ายคุยโทรศัพท์เสร็จ แต่พออีกฝ่ายคุยเสร็จ บิดามารดาของน้ำอิงก็มาถึงพอดี

ในความรันทดยังพอมีความโชคดีอยู่บ้าง ครอบครัวของน้ำอิงชักชวนหมอเต้ไปที่ร้านแล้วชวนดื่มกินเป็นการขอบคุณ แต่เพราะพื้นที่ในร้านแคบมาก ทำให้เขาต้องนั่งเบียดกับทันตแพทย์หนุ่ม บอกตรงๆ ว่าตื่นเต้นฉิบหาย ใจสั่นเหมือนจะเป็นโรคหัวใจ ต้องเก๊กหน้าไว้ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ออกอาการอะไรให้หมอเต้สงสัย จนพาอีกฝ่ายขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปถึงโรงแรมแล้วเขาก็ยังทำตัวไม่ถูก

แต่สิ่งหนึ่งที่เขารับรู้ได้ หมอเต้ไม่ปฏิเสธครอบครัวของน้ำอิงเลย พวกชาวเขาคงจะมีอิทธิพลต่อจิตใจทันตแพทย์หนุ่มมากจริงๆ ดังนั้นแล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายคิดว่าเขาเป็นชาวเขา ก็คงจะไม่ปฏิเสธเขาเช่นกัน

เขาเดินกลับเข้าไปข้างในโรงแรมด้วยกันกับทันตแพทย์หนุ่ม ห้องพักของเขาอยู่ที่ชั้นบนสุด ตอนที่ขึ้นลิฟต์โดยสารไปด้วยกัน เขาเองก็ลังเลอยู่ในใจ อยากจะเนียนๆ เดินตามอีกฝ่ายไปถึงห้อง แต่ก็คิดว่าถ้าไปแบบไร้มารยาและชั้นเชิงตามที่เพื่อนๆ บอก เขาคงโดนไล่เปิงออกมาแน่ๆ เพราะงั้นต้องกลับห้องไปวางแผนให้รอบคอบก่อน

ทันทีที่เดินเข้าไปในห้องพัก เด็กหนุ่มก็คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแชตด่วนไปหาเพื่อนสนิทที่ปรึกษาทั้งสี่ ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนยุให้เขาไปหาหมอเต้ที่ห้อง บอกให้เอาไวน์อร่อยๆ ไปชวนอีกฝ่ายดื่ม อ้างว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วก็อาจจะพอถูไถ ยิ่งเห็นเขาเป็นชาวเขาด้วยแล้วก็คงไม่ปฏิเสธ อีกอย่างเขาช่วยเหลือหมอเต้ไว้ที่ในไนต์บาร์ซ่า ก็ถือว่ารู้จักกันแล้ว อีกฝ่ายน่าจะไว้ใจพอที่จะนั่งคุยดื่มด้วย แล้วเขาก็จะได้ใช้โอกาสนั้นสานสัมพันธ์ต่อไว้สำหรับภายหลัง

เด็กหนุ่มเดินไปเลือกไวน์ในตู้เก็บไวน์ ขณะเดียวกันมือก็ปัดไปโดนถุงกระดาษในกระเป๋ากางเกงเสียงดังกรอบแกรบ ก่อนจะก็นึกขึ้นมาได้ว่า เขายังไม่ได้คืนถุงของฝากให้อีกฝ่ายเลย

คีรีขมวดคิ้ว พร้อมกับยกถุงนั้นขึ้นส่องกับแสงไฟดู เขาคิดว่าข้างในน่าจะเป็นช้างไม้แกะสลัก สิ่งนี้คงจะเป็นของฝากให้หมอวิน และบางที... เขาอาจจะใช้มันเป็นตัวประกันได้ด้วย ถ้ามีสิ่งนี้ ไม่ว่าอย่างไรหมอเต้ก็คงยอมเปิดประตูให้เขาล่ะวะ

เด็กหนุ่มไปอาบน้ำอย่างรีบเร่ง ใส่อาฟเตอร์เชฟกลิ่นเดียวกับหมอวินตามที่พี่พยาบาลไปหาชื่อยี่ห้อมาให้ เพราะมั่นใจว่ามันน่าจะเป็นกลิ่นที่หมอเต้ชอบและคุ้นเคยดีอย่างแน่นอน จากนั้นก็หยิบไวน์ออกมาจากตู้เก็บไวน์แล้วย่างสามขุมตรงไปที่ห้องพักของทันตแพทย์หนุ่ม

เขาคิดถูกมากจริงๆ ที่ใช้ถุงของฝากเป็นตัวประกัน หมอเต้ยอมเปิดประตูออกมาเจรจากับเขา แถมยังยอมให้เข้าห้องได้ ที่จริงแค่นั้นเขาก็ฟินมากแล้ว ไม่ได้คิด ไม่ได้หวังว่าจะมีอะไรพิเศษเกิดขึ้น

แต่เขามั่นใจ ว่าการที่เขาทำผมทรงเดียวสีเดียวกับหมอวินและใช้อาฟเตอร์เชฟกลิ่นเดียวกันทำให้หมอเต้รู้สึกคุ้นเคย ประกอบกับความเมาของอีกฝ่าย ทำให้เรื่องมันเริ่มจะเลยเถิดไป จากดื่มไวน์เฉยๆ กลายเป็นสัมผัสริมฝีปาก จากนั่งคุยกันบนระเบียง กลายเป็นกอดจูบกันบนเตียง

ในเมื่อเขารอโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับหมอเต้มานาน ยังไงก็คงจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสดีๆ แบบนี้หลุดมือไปแน่

เลือดในกายเด็กหนุ่มสูบฉีดรุนแรง ส่งผลให้ส่วนกลางร่างแข็งขึงจนรู้สึกอึดอัด ฟิลต่างกับการเซ็กส์เสื่อมครั้งสุดท้ายเมื่อตอนก่อนสอบไฟนอลปีหนึ่งโดยสิ้นเชิง

ในตอนนั้นเขาปล่อยให้หมอเต้เป็นคนเริ่มและคุมเกมก่อน เพราะกลัวว่าถ้าเขาพูดหรือทำอะไรลงไป อีกฝ่ายจะสร่างเมา เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของพวกเขาพุ่งขึ้นสูงจนยากจะหยุดได้ เขาก็พลิกให้ทันตแพทย์หนุ่มลงไปอยู่ใต้ร่าง

ใบหน้าของหมอเต้ตอนนั้น บอกเลยว่าเห็นแล้วฟินสุดใจ นัยน์ตาอีกฝ่ายฉายชัดถึงความปรารถนา ส่วนไวสัมผัสก็ตื่นตัวเต็มที่ พร้อมจะลงสนามรบกันแล้ว

เขาจำรสชาติของผิวกายทันตแพทย์หนุ่มได้แม่น ไม่ว่าส่วนไหนก็หวานหอมถูกใจเขาไปเสียหมด เขาลากลิ้นชื้นไปตามลำคอ พรมจูบแผ่นอกจนทั่ว มือลูบเคล้นไปตามท่อนแขนยาวเรียวขึ้นมายังหัวไหล่

เสียงครางในลำคอของหมอเต้ในตอนที่เขาใช้มือปรนเปรอความสุขให้ดังมาแว่วๆ เป็นเสียงที่เขาคิดว่าเย้ายวนและเซ็กซี่ที่สุด ทำให้ตัวเขาร้อนรุ่มไปหมด

“อ้ายเตชิต มีถุงยางก่อคับ” เขากระซิบถามชิดใบหูคนใต้ร่าง

เจ้าของชื่อประสานสายตาด้วย “ในกระเป๋าตังค์” ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อจากการดื่มไวน์ เป็นผลให้ดูยั่วเย้ามากขึ้นไปอีกในสายตาเด็กหนุ่ม

คีรีเอื้อมมือไปควานหากางเกงของทันตแพทย์หนุ่ม หยิบกระเป๋าสตางค์มาส่งให้เจ้าของ เมื่ออีกฝ่ายหยิบถุงยางออกมาเขาก็รีบเก็บกระเป๋าสตางค์ใส่ไว้ที่เดิม แล้วขยับไปคร่อมทับ เขาหยิบห่อถุงยางมาจากมือคนใต้ร่าง จากนั้นก็ใช้ฟันกัดฉีกออก

ดวงตาของเด็กหนุ่มจับจ้องคนใต้ร่างนิ่ง กำลังจะสวมถุงยางให้ตัวเอง แต่...

สัสเอ๊ย!

เขากำลังฉวยโอกาสเอาเปรียบหมอเต้อยู่นะ อีกฝ่ายเมามาย สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวร้อยเปอร์เซนต์ สิ่งที่เขาทำมันไม่ถูกต้อง

เอาไงดีวะ

“Shit!” คีรีสบถ ในที่สุดก็ตัดสินใจโยนถุงยางทิ้งไป


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 22-11-2018 16:57:54


ทว่า...

สีหน้าของเตชิตฉายชัดถึงความรุ่มร้อนที่อัดอั้นอยู่ในกาย เขาดึงแขนเด็กหนุ่มเข้าไปหา สวมกอดแล้วยกศีรษะขึ้นจูบ เมื่อละริมฝีปากออกมาก็กระซิบบอกด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“รีรออะไรอยู่”

หัวใจของคนอ่อนวัยกว่าสั่นรัวอยู่ในอก เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ วินาทีนี้ตื่นเต้นจนลืมแอ๊บเป็นหนุ่มเหนือตามที่ได้วางแผนไว้ไปเรียบร้อย

“ได้... ได้เหรอครับ”

“อืม” คนใต้ร่างครางออกมาเบาๆ

“งั้น... งั้นขอ...ผมขอแค่นิดเดียว...นะครับ”

พอเห็นว่าเตชิตพยักหน้าเล็กน้อย เขาก็รีบบดจูบริมฝีปากของทันตแพทย์หนุ่ม สองมือฟอนเฟ้นไปบนผิวกายไปพร้อมกับใช้หน้าท้องเบียดเสียดส่วนที่แข็งขึง พอละริมฝีปากออกมาก็ย้ายไปจูบไซ้ลำคอ ค่อยๆ เลื่อนลิ้นชื้นผ่านกระดูกไหปลาร้าลงไปอย่างเชื่องช้า ปลายลิ้นหยุดหยอกล้อและขบดึงติ่งไตบนแผ่นอกจนเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้ม ขณะที่ฝ่ามือกอบกุมส่วนที่ร้อนผ่าวไว้และขยับอย่างรู้งาน

เสียงครางเมื่อตอนที่หมอเต้ใกล้สุขจนถึงขีดสุดเป็นผลให้คีรีหายใจติดขัด เขาผงกศีรษะขึ้นมองใบหน้าของทันตแพทย์หนุ่ม แล้วพูดเสียงอ้อน “หมอเต้ครับ...”

หมอเต้ยิ้มอย่างน่ารักและเย้ายวนที่สุด พลางใช้มือกับส่วนนั้นของเขาอย่างรู้ใจ บอกเลยว่าฟินที่สุดในโลก

คีรีรวบจับส่วนร้อนของตัวเองกับทันตแพทย์หนุ่มไว้ด้วยกัน เร่งขยับมือถี่กระชั้น เรียวปากคลอเคลียอยู่บนริมฝีปากอีกฝ่ายส่งปลายลิ้นออกมาเกี่ยวกระหวัดจนน้ำสีใสไหลซึมออกมาจากตรงมุมปาก ต่างคนต่างหอบกระเส่า อารมณ์พุ่งขึ้นสูงถึงขีดสุด ร่างกายของเขากระตุกเกร็ง จากนั้นก็ฉีดพ่นของเหลวอุ่นร้อนลงบนผิวกายของทันตแพทย์หนุ่ม

ไปไกลถึงขนาดนั้นแต่ความซวยก็ยังเกิดขึ้นจนได้ เมื่อเตชิตหลุดเรียกชื่อใครบางคนออกมาในจังหวะเดียวกัน

“วิน...” พร้อมกับปลดปล่อยออกมาปะปนกับของคนอ่อนวัยกว่า

“ฮะ!?” คีรีนิ่งอึ้ง ถ้าให้พูดตรงๆ ในชีวิตเขาก็ไม่เคยนัวเนียกับใครแล้วต้องมาช็อกตอนเสร็จมาก่อนเลยแม่ง

นี่หมอเต้คิดว่าตัวเองกำลังมีอะไรกับหมอวินอยู่เหรอวะ! ชัดเลยว่าไม่ใช่เพื่อนธรรมดาแล้ว!

ยิ่งกว่าฟ้าผ่าลงมาตรงกลาง hum เลย จากหัวไชเท้าท่อนเท่าขาหดเหลือเท่าเบบี๋แคร์รอตในเสี้ยววินาที

แล้วพออีกฝ่ายสบายตัวก็หลับไปดื้อๆ ปล่อยให้เขานอนอกหักไปทั้งแบบนั้น

คิดแล้วยังเศร้าไม่หาย รันทดจริงๆ เลยกู

หมอเต้รักหมอวิน และดูจากท่าทางหมอวินแล้ว ก็คงรักหมอเต้มากเช่นกัน ส่วนตัวเขาน่ะ พยายามจะสู้ พยายามจะเอาชนะใจหมอเต้ไปก็เท่านั้น เขารู้อยู่แก่ใจ... ว่ายังไงก็คงต้องอกหักอยู่วันยังค่ำ

แต่ผลจากคืนนั้นก็ไม่ได้แย่ไปซะทีเดียว ในที่สุดเขาก็ได้เบอร์โทรศัพท์จากหมอเต้เองโดยไม่ต้องออกปากขอเลย เพราะหมอเต้รู้สึกผิดที่นอนกับเด็กชาวเขาอย่างเขา ถึงจะมีอะไรกันแค่ภายนอกแต่อีกฝ่ายก็ยังพยายามจะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป ก็เลยให้เงินกับเบอร์โทรศัพท์มือถือไว้

แม่งก็คิดได้เนอะ เป็นคนดีเกินไปแล้ว เขามีอะไรเสียหายที่ไหนกันวะ ถ้าจะมีใครเสียหาย ก็คงเป็นตัวหมอเต้เองนั่นละ

หลังจากวันนั้นเขาก็กลับไปเชียงใหม่ แต่ถึงมีเบอร์โทรศัพท์ก็ไม่ได้ติดต่อไปหาทันตแพทย์หนุ่มอีก เพราะไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรให้ตัวเองกล้าพอที่จะโทรไปหาอีกฝ่าย บางทีตัวเขาอาจเป็นอะไรที่หมอเต้อยากจะลืมที่สุดก็เป็นได้


ก่อนจะเปิดเทอมอย่างเป็นทางการในสัปดาห์ต่อไป คีรีถูกเพื่อนๆ ในคณะขอร้องให้แต่งหล่อเข้ามาช่วยดูแลกิจกรรมของรุ่นน้องปีหนึ่งทุกวัน เมื่อถึงวันศุกร์ซึ่งมีฝนโปรยปรายลงมาตลอดวัน คุณตาแวะมารับเขาไปกินข้าวเที่ยง เขาเลยเปลี่ยนใส่เสื้อที่ตัดเย็บด้วยผ้าพื้นเมืองแบบสบายๆ เพื่อเอาใจคุณตา รถก็ไม่มีเพราะเขาให้พนักงานศูนย์ BMW มาเอารถหลังจากเขาขับมาที่มหาวิทยาลัยไปเช็กต่อให้ อะไรๆ ก็ปกติดี จนกระทั่งตอนเย็นที่เขานัดให้พนักงานนำรถมาคืนน่ะสิ เขาไปกินข้าวกับเพื่อนในกลุ่ม ขากลับก็มายืนรอรับรถจากพนักงานตรงใกล้ๆ กับร้านอาหารที่ไปกินกับเพื่อนนั่นล่ะ แล้วหมอเต้ก็ผ่านมาเจอเขาเข้าพอดี ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ทุกสิ่งที่พยายามทำไปเป็นผลให้เขาได้เข้าไปอยู่ในสายตาของหมอเต้แล้วจริงๆ อีกฝ่ายจำเขาได้ ถึงขนาดจอดรถเดินฝ่าสายฝนลงมาหาเลย

โชคดีชะมัดที่คุณตามาเยี่ยมพอดี ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่ได้เปลี่ยนใส่ชุดพื้นเมืองแน่ๆ

แต่เขาก็เกือบจะโดนหมอเต้จับได้แล้ว เพราะพนักงานศูนย์ BMW ดันเอารถมาส่งให้พอดี เขาเลยขอร้องให้พนักงานเอารถไปทิ้งไว้ที่คอนโดฯ แล้วให้ฝากกุญแจไว้ที่เคาทน์เตอร์พนักงานต้อนรับแทน

และในวันนั้น เขาก็ได้ใกล้ชิด ได้พูดคุยกับหมอเต้เป็นครั้งที่สอง สำหรับเขาก็คิดว่าคุ้มค่ากับการยืนตากฝนรอ เขารู้ว่าหมอเต้เป็นคนใจดี ใจดีมากโดยเฉพาะกับชาวเขา เพราะฉะนั้นหมอเต้คงจะกลับมาพบเขาแน่ๆ

แต่โดยรวมบทสนทนาของพวกเขาหลังจากที่ได้พบกันอีกครั้งไม่กลับไม่ทำให้รู้สึกดีใจเท่าไรนัก เพราะอีกฝ่ายรู้สึกผิดเรื่องคืนนั้นอย่างเดียวเลย นี่ขนาดแค่มีอะไรกันแค่ภายนอกนะ ถ้าขืนมีอะไรลึกซึ้งไปกว่านี้ หมอเต้คงรับเขาเป็นลูกบุญธรรมแหงๆ ไปๆ มาๆ ก็ชักจะอยากเป็นชาวเขาจริงๆ ซะแล้ว

เมื่อถูกถามอายุเข้า ไอ้เขาจะบอกอายุไปตามจริงก็กลัวว่าจะใกล้วัยนักศึกษาในมหาวิทยาลัยมากเกินไป ยิ่งเจอเขาแถวๆ มหาวิทยาลัยด้วย เขาเลยขี้ตู่ให้ตัวเองเด็กลงไปอีกหน่อย ทว่ากลับทำให้หมอเต้รู้สึกผิดหนักขึ้นอีก

ความรักนี่มันแย่ชะมัด บางครั้งก็ทำให้ตื่นเต้นดีใจล่ะนะ แต่ส่วนใหญ่จะทำให้หัวใจเจ็บปวดเสียมากกว่า เขาสำนึกได้ก็คราวนี้

หลังจากการพบกันท่ามกลางสายฝนในเย็นวันนั้น เขาก็เงียบหายไปจากทันตแพทย์หนุ่มอีกครั้ง ถึงอีกฝ่ายจะบอกว่าให้โทรศัพท์ไปหาได้ แต่บอกตรงๆ ว่าเขามันป๊อด ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่กล้าโทรไปหรอก กลัวว่าจะเป็นการรบกวน กลัวว่าจะถูกตัดสาย

แต่ก็คิดถึง อยากพบ อยากเจอหน้า ประกอบกับอาทิตย์แรกหลังเปิดเทอมคุณตามาพักที่รีสอร์ตในเชียงใหม่พอดี เขาไปช่วยงานคุณตาเหมือนเคย แล้วก็ได้ไปเห็นเอื้องแซะในโรงเพาะกล้วยไม้ เขาจึงขอคุณตามาหนึ่งกระถาง เพื่อที่จะได้ใช้เป็นข้ออ้างให้ตัวเองกล้าไปพบอีกฝ่าย

คุณตาเป็นคนเล่าถึงความหมายของเอื้องแซะให้เขาฟังสมัยเด็กๆ และเมื่อเขาเอ่ยปากขอ คุณตาก็ดูจะเข้าใจ เพราะตอนที่ท่านจีบคุณยายก็ใช้วิธีเดียวกัน


“คีรีหลานอุ้ยใหญ่เป๋นหนุ่มแล้วนี่เนอะ เอาไว้ปามาปะกันหน่อย” (คีรีหลานตาโตเป็นหนุ่มแล้วนี่เนอะ เอาไว้พามาเจอกันหน่อย)

คีรีอมยิ้ม “หื้อผมจีบติดก่อนเน่อคับ” (ให้ผมจีบติดก่อนนะครับ)

“พยายามเข้านะ อุ้ยอยากปะ” (พยายามเข้านะ ตาอยากเจอ)


เอื้องแซะดูจะทำให้หมอเต้ประทับใจ และทำให้อีกฝ่ายยอมออกมาพบเขาอีกวัน แต่เมื่อเขาต้องไปเซ็นทรัลกับทันตแพทย์หนุ่มในฐานะเด็กชาวเขาก็ต้องลุ้นจนตัวเกร็ง ได้แต่ภาวนาว่าจะไม่เจอคนรู้จัก

ทว่าก็ดันเจอผู้จัดการของโรมแรมที่แวะมากินข้าวหลังเลิกงานซะได้ ความเกือบแตก ดีที่หมอเต้ไม่ทันได้สงสัยอะไร

ความสัมพันธ์ของเขากับหมอเต้ดูเหมือนจะดีขึ้นเล็กน้อย พวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้น ทว่าไม่ว่าอย่างไร หมอเต้ก็มีหมอวินอยู่ในใจเสมอทั้งๆ ที่อยู่กับเขา ไม่ว่าจะเป็นตอนกินข้าว หรือตอนที่ไปจุดชมวิวดอยสุเทพด้วยกัน

ส่วนตัวเขาน่ะหรือ เป็นได้แค่เพียงสิ่งผิดพลาดที่อีกฝ่ายพยายามจะแก้ไขเพื่อความสบายใจก็เท่านั้น

เงินห้าร้อยบาทที่ได้มาจากหมอเต้ซึ่งเขากะว่าจะทยอยคืน เขาบอกอีกฝ่ายว่าอยากใช้เป็นข้ออ้างในการติดต่อหา แต่ความจริงนั้น... เขาใช้มันเป็นเดิมพัน และเป็นการนับถอยหลังต่างหาก หมอเต้ก็ดูจะเข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อดี เขาจะนับถอยหลังไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่คืนเงินก็คือการกระตุ้นให้หมอเต้คิดเรื่องของพวกเขา เมื่อใดที่คืนเงินจนครบ นั่นก็หมายความว่าเขาหมดข้ออ้างในการติดต่อหา ถ้าหากหมอเต้มีใจและส่งสัญญาณให้เขาสักนิด เขาก็จะเดินหน้าต่อ แต่ถ้าไม่ เขาก็ควรจะหยุดทุกอย่างไว้แล้วถอยออกไป ก่อนที่เขาจะกลายเป็นคนที่น่ารำคาญในสายตาของอีกฝ่าย และต้องเจ็บปวดใจไปมากกว่านี้ เขาไม่กล้าจะหวังอะไรมากนักหรอก เพราะไม่ว่าอย่างไรก็คงต้องอกหักอยู่แล้ว เขารู้ตัวเองดี

ทว่าก็ยังอยากที่จะหวัง...


*TBC*


เด็กดอยคนน่ารัก ไม่ได้รว้ายๆ อย่างที่คิดเลยใช่มั้ยคะ หมอเต้อย่าใจร้ายกับน้องเลยน้า~ ไม่งั้นฮัสกี้จะจัดให้ไปร่วมทุนทำโรงงานแห้วครบวงจรกันเองแล้วสองคนนี้ 5555555

เรื่องทางฝั่งเด็กดอยใกล้จะย้อนเล่ามาถึงปัจจุบันแล้วค่ะ อีกไม่นานเด็กดอยจะกลับมาเดินหน้าลุยจีบหมอฟันต่อ ฟิตร่างกายรอไว้เลยนะหมอเต้! ฮี่ๆๆๆๆ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากๆ ค่า สุขสันต์วันลอยกระทงนะคะ ใครไปลอยกระทงก็เหล่หนุ่มๆ เผื่อฮัสกี้ด้วยน้า~ แฮ่กๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.3 : การพบกันครั้งที่สอง[151118]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 22-11-2018 17:21:33
เด็กดอยยย แอบร้ายยย จีบหมอเต้ให้ติดเน้อออ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-11-2018 17:51:18
ช่างรันทดนัก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 22-11-2018 18:30:14
หมอเต้รู้ความจริงเมื่อไหร่เด็กดอยอาจเงิบได้ เตือนแล้วนะ  :mew4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 22-11-2018 18:45:33
ทุกอย่างมีพลิกผัน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 22-11-2018 18:50:04
ถึงเด็กดอยจะแผนสูงไปหน่อย แต่ก็น่าสงสารนะเจอกันคุยกันกี่ครั้งก็ไม่ได้อยู่ในสายตา พอได้อยู่ในสายตามันก็มาจากความรู้สึกผิดของหมอเต้อีก

เอาใจช่วยเด็กดอย ให้หมอเต้ตกหลุมเร็วๆนะ  :katai2-1::katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 22-11-2018 19:17:55
คนดีไม่อยู่ในสายตา ก็จัดร้ายๆ ไปสักชุด 555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-11-2018 19:24:11
 พยายามเข้านะคีรี สู้ๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 22-11-2018 20:32:09
สงสารเด็กดอย คนน่ารักมักใจร้ายอย่างงี้แหละค่ะคีรี ขอให้จีบหมอเต้ติดเร็วๆ :katai5:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 22-11-2018 20:32:27
น้องน่าสงสาร  :sad4:  หมอเต้ช่วยชอบน้องไวๆนะ แต่ก็กลัวว่าถ้าหมอเต้รู้ความจริงจะโกรธมากไหมล่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-11-2018 20:41:26
 :pig4: :pig4: :pig4:

อุตส่าห์ลงทุนทำถึงขนาดนี้  ขอให้สมหวังนาจา  เจ้าเด็กดอย(จอมปลอม)  อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-11-2018 20:48:28
เอาใจช่วยเด็กดอย พร้อมกับอธิษฐานขอให้เมื่อถึงวันที่หมอเต้รู้ความจริงแล้ว จะไม่โกรธเด็กดอยที่โกหกหมอเต้

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 22-11-2018 21:12:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 22-11-2018 21:26:25
สู้ๆๆๆจ้านู๋คีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-11-2018 21:47:34
เสน่ห์ของคีรีใช้กับใครก็ได้ยกเว้นพี่หมอเต้ :laugh: สู้ๆ ลูก เอ็นดู~~~ :กอด1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 22-11-2018 21:59:53
คีรีน่าฮักขน๊าดดดดด สู้ๆเน่อ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 22-11-2018 23:52:07
สู้เขานะลูกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-11-2018 23:59:28
 :man1:



 :L2::pig4::L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 23-11-2018 00:43:53
เอาใจช่วยเด็กดอย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 23-11-2018 10:00:45
เอ็นดูเด็กดอยแต๊ๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-11-2018 10:35:51
เตือนเด็กดอยว่าให้รีบสารภาพความจริงเร็ว ๆ ไม่งั้นถ้าหมอเต้รู้จะเป็นเรื่องใหญ่ได้นะจ๊ะ
บอกหลังจากทุกอย่างมันเข้าที่เข้าทางมากกว่านี้นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 23-11-2018 10:49:34
เป็นอีกคู้ที่เดา ตำแหน่งไม่ออก มันพร้อมพลิกไปพลิกมาตลอดเวลา


เรารอลุ้นนะ

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 23-11-2018 17:03:05
อยากอุปการะเด็กดอยสักคนจุง  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 23-11-2018 19:46:59
เอ็นดูเด็กดอย เจียมเนื้อเจียมตัว โถๆๆ รักข้างเดียวมันก็จะหน่วงๆแบบนี้แหล่ะ  เราเอาใจช่วยให้จับติดไวๆ #ทีมเด็กดอย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 23-11-2018 22:10:21
สงสารคีรี พี่หมอเต้ไม่สนใจเลย  :sad4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 23-11-2018 22:36:14
โถถ คีรีลูกกก แม่เอาใจช่วยลูกเน้อออ
หุหุ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 24-11-2018 01:35:18
เด็กดอยสู้ๆ หมอเต้ไปไหนไม่ได้อยู่แล้วล่ะ :pigha2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-11-2018 13:02:41
หืออออ เด็กดอยจะกดหมอเต้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 24-11-2018 16:13:05
หูยยย เพิ่งได้มาอ่าน เข้าใจในความพยายามของเด็กดอย สู้ๆ น้าาา
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 24-11-2018 20:32:06
รีบไปสืบเรื่องหมอวินซะนะเด็กดอย(เก๊)รู้เรื่องแล้วก็เดินหน้าจีบให้เต็มที่แล้วอย่าลืมบอกความจริงด้วยเดี๋ยวจะเป็นเจ้าของไร่แห้วแทนหลานเจ้าของโรงแรมเอาใจช่วยๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-11-2018 23:09:16
ใครจะเส้ดใครเนี่ยยน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 28-11-2018 14:52:41
คีรีสู้ๆๆๆๆนะเอาใจช่วย  :ped149: :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 28-11-2018 16:11:13
มาเฝ้ารอและให้กำลังใจเด็กดอย  :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.4 : ความหลังที่เชียงราย [221118]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 28-11-2018 20:26:14


Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่


ช่วงเปิดเทอมใหม่ ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนภายในมหาวิทยาลัยก็จะได้พบเจอกับบรรยากาศของการรับน้องใหม่ ซึ่งมีทั้งแบบเรียบง่าย สนุกสนานและเคร่งเครียด สำหรับคีรีนั้นเป็นเทอมแรกของการขึ้นปีสอง เขาเป็นรุ่นพี่แล้วก็เลยไปร่วมกิจกรรมของคณะบ่อยขึ้น เพราะตั้งใจจะเอาอย่างเตชิต ทันตแพทย์หนุ่มในใจเขา

ทำเป็นพูดดีไป อย่างกับคณะเขามีกิจกรรมอะไรมากมายอย่างนั้นล่ะ

ขณะที่คีรีและผองเพื่อนนั่งกินมื้อเที่ยงกันที่โรงอาหารของคณะ พวกเขาก็ได้ยินรุ่นน้องสาวๆ ปีหนึ่งพูดถึงภูพิงค์ รุ่นพี่วิศวะปีสี่กันไม่ขาดปาก ได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นพี่ว้ากที่มาดเนี้ยบ ดุและนิ่งขรึมมาก แต่แตกต่างจากพี่ว้ากคนอื่นๆ ตรงที่ใบหน้าเกลี้ยงเกลา หล่อเหลาและเท่สุดๆ จนทำให้สามารถมองข้ามความดุและโหดไปได้ แถมยังเป็นที่ต้องตาต้องใจของสาวๆ คณะเขาเป็นที่สุด

“พี่คีรีก็หล่อนะ แต่ฉันชอบหล่อแบบแบ้ดๆ หน่อยอ้า~” เสียงของรุ่นน้องแว่วมากระทบใบหู

คีรีทำหน้างง ก่อนจะหันไปถามเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน “เราดูเป็นคนดีมากเลยเหรอยุ้ย”

เจ้าของชื่อแทบจะพ่นอาหารออกจากปาก “เราว่าน้องเขาหมายถึงลุคมากกว่ามั้ยวะ มันเป็นการเปรียบเทียบน่ะ แบบคุณชายกับนายหัวไง คุณชายก็จะดูเพอร์เฟ็กต์ๆ เนี้ยบๆ แต่นายหัวก็จะแบบลุยๆ นักเลงหน่อยๆ อะไรแบบนี้ เก็ตมะ”

“นายหัวนี่... เป็นใครวะ”

เจนี่ยื่นหน้าเข้ามาร่วมวง “นายหัวก็คือแบบ ที่ทางเหนือเรียกว่าพ่อเลี้ยงอะ เป็นพวกเจ้าพ่อ ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้มีอิทธิพล มีลูกน้องเยอะๆ ไง”

“ผู้หญิงชอบลุคแบบพ่อเลี้ยงเหรอ”

ยุ้ยกับเจนี่ยกมือขึ้นกุมขมับ “ไม่ใช่โว้ย! บอกแล้วว่าเปรียบเทียบ!”

“งั้นพวกนายชอบแบบพี่ภูพิงค์หรือแบบเรา”

สองสาวนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ พวกเธอหันมองหน้ากันก่อนตอบ “ขอไม่เลือกทั้งสองช้อยส์ได้มะ”

“แล้วชอบแบบไหน”

ถ้าจะตอบว่าชอบแบบหมอวิน พวกเธอก็เกรงว่าจะทำให้เพื่อนสะเทือนใจ ก็เลยทำเป็นเงียบไปเสียอย่างนั้น

“ทำไมเงียบวะ” คีรีขมวดคิ้ว “แล้ว... พวกนายคิดว่าหมอเต้จะชอบแบบไหน”

คำตอบก็เหมือนเดิมแหละ ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสารเพื่อน พวกเธอจึงยกขาสะกิดปิ๊กกับฟลุคที่ก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างไม่สนใจใครให้ช่วยหน่อย

ฟลุคเงยหน้าขึ้นหลังจากโดนเตะหน้าแข้งไปสามที “เออ แต่คนหล่อๆ คณะเราก็มีตั้งเยอะป่ะวะ กูว่าเด็กวิดวะหล่อเพราะมีชอปแหงๆ เราตัดชอปบริหารใส่กันบ้างเหอะว่ะ”

ปิ๊กตอบ “ใส่ไปทำไรวะ แล็บก็ไม่ได้มีกะเขามะ”

“พวกมึงเคยเห็นพี่ภูพิงค์ที่เขาพูดถึงกันมั้ยวะ” คีรีเบนเข็มมาถามเพื่อนชายทั้งสองคนบ้าง

“เคยดิ มึงก็เคย ไอ้บ้า ตอนงานลอยโคมไง คนที่ตีกลองสะบัดชัยอะ ในเพจของวิดวะก็ลงรูปคู่กับหมอวินอยู่บ่อยๆ”

“จำไม่ได้เลยว่ะ สงสัยต้องไปหาดูอีกรอบ”

“เราได้ยินว่าหมอวินสนิทกับพี่ภูพิงค์มาก แล้วหมอวินก็มาช่วยคณะวิดวะเรียกแขกกับขายของเป็นประจำ” เจนี่เอ่ยขึ้น “น่าแปลกที่พวกเขาสนิทกันได้เนอะ หมอวินดูใจดี เป็นคนชิลๆ เข้ากับคนง่าย แต่พี่ภูพิงค์ดูดุจะตาย เจอทีไรก็เห็นทำหน้านิ่งๆ ไม่เห็นเคยยิ้มให้ใครเลย”

“พวกนายว่าพี่ภูพิงค์จะรู้จักกับหมอเต้มั้ยวะ”

“สนิทกับหมอวินขนาดนั้น กับหมอเต้ก็น่าจะรู้จักกันมั้ย” ยุ้ยตอบ

“หรือว่าหมอวิน หมอเต้ กับพี่ภูพิงค์จะเป็นรักสามเส้ากันวะ” ปิ๊กพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะชะงัก เพราะทำให้ทุกคนในโต๊ะหันมาทำตาดุๆ ใส่เขา “เอ่อ กูพูดเล่นจ้า”

“รีบกินแล้วไปเรียนกันเหอะว่ะ กินๆ เร็วๆ” เจนี่พูดตัดบท



หลังเลิกเรียนในตอนบ่าย เหล่านักศึกษาปีสองจากทุกภาคมีนัดประชุมรวมกับทีมสมาชิกสโมสรนักศึกษาของคณะบริหารธุรกิจและประธานรุ่นเพื่อคุยเรื่องงานรับน้องขึ้นดอยที่จะมีขึ้นในเดือนหน้า

เมื่อบอกกล่าวถึงกำหนดการและแผนงานเรียบร้อยแล้ว ขณะที่พวกนักศึกษากำลังทยอยเดินออกจากห้องประชุม สมาชิกสโมสรนักศึกษาก็เรียกตัวบางคนไว้ คีรีกับผองเพื่อนก็เป็นหนึ่งในกลุ่มนักศึกษาที่ถูกเรียกไว้ด้วย

“มีอะไรเหรอครับ” เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อนๆ ในใจก็แอบกลัวว่าจะโดนบ่นเรื่องรับน้องขึ้นดอยปีที่แล้ว ที่พวกเขาพร้อมใจกันโดดไปเที่ยวเสียอย่างนั้น เขาหันไปสบตากับเพื่อนอีกสี่คนในกลุ่มซึ่งก็กำลังยิ้มแห้งอยู่เช่นกัน

“ปีที่แล้วไม่เห็นหน้าทั้งห้าคนเลยน้า~”

เอาแล้วไง!

คีรีหัวเราะแหะๆ “คือพวกผมท้องเสีย”

“ไปกินอะไรกันมานะ ท้องเสียทีทั้งกลุ่ม” รุ่นพี่เบ้ปากเล็กน้อย “ก็ไม่ว่ากัน แต่ปีนี้อยากขอความช่วยเหลือหน่อยนะครับ”

“ได้เลยคร้าบ/ค่ะ” ทั้งห้าคนรีบพยักหน้า

“ผมอยากให้พวกคุณเป็นตัวหลักช่วยคุมน้องๆ หน่อยนะ มีพี่หน้าตาดีๆ มา น้องๆ จะได้มีกระจิตกระใจมาทำกิจกรรมกัน แล้วก็...ปิ๊กกับฟลุค ไหนๆ พวกคุณก็เป็นนักกีฬาเก่า ไปช่วยพวกผมซ้อมวิ่งกับน้องหน่อย ส่วนเจนี่กับยุ้ยพี่ลีดฝากมาเตือนว่าอย่าลืมนัดวันพรุ่งนี้ด้วย”

ทั้งสี่คนพยักหน้ารัว “ได้ค่ะ/ครับ”

คีรีเลิกคิ้วขึ้น “แล้วผมล่ะพี่”

“คุณน่ะ มากับผมหน่อย” รุ่นพี่สโมฯ คนหนึ่งสะกิดเรียกแล้วเดินนำเด็กหนุ่มออกไปคุยที่หน้าห้อง พอเขาเดินตามออกไป นายกสโมฯ และสมาชิกสโมฯ อีกคนก็ตามออกไปด้วย

“มีอะไรเหรอครับ” เจ้าของชื่อมองรุ่นพี่ทั้งสามคนอย่างงุนงง แค่โดดรับน้องขึ้นดอยครั้งเดียว ไม่น่าจะต้องรุมกระทืบเขากันไหมวะ

“ทางสโมฯ ของมหาลัย กับอธิการฯ ท่านฝากมาบอกว่าจะให้คุณไปถือป้ายในขบวนแห่เปิดงานน่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แปดโมงไปประชุมที่ตึกองค์การฯ นะ”

“หือ ผมเนี่ยเหรอ”

“เออ คุณเนี่ยแหละ ตรงนี้ก็มีแค่คุณคนเดียวมั้ยล่ะ!”

เด็กหนุ่มทำหน้ามึน “ป้ายอะไรอะครับ”

“ป้ายนำหน้าขบวนเลยอะ ป้ายประเพณีขึ้นดอย”

คีรีเบิกตาโพลง “เฮ้ย! เดี๋ยวๆ พี่ ทำไมจู่ๆ จะมาเอาโนเนมริ้นไรคณะแบบผมไปถือล่ะ”

“แหม คุณอย่าถ่อมตัวนักสิวะ” รุ่นพี่หัวเราะร่วน “อย่างน้อยคุณก็เป็นเดือนคณะเราปะวะ แค่ตอนปีหนึ่งขี้เกียจไปประกวดเดือนมหาลัย ไม่ยอมเป็นลีดจนมีเรื่องทะเลาะกับพี่ลีด แถมยังอู้หนีรับน้องขึ้นดอยไปเที่ยว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนรู้จักคุณนี่หว่า”

โห นี่ด่าเขาอยู่ใช่ไหมวะ! แต่เดี๋ยว! รู้ได้ไงวะเนี่ย!

“เมื่อกี้คุณก็ได้ยินในห้องประชุมละไง ดาวเดือนคณะต้องไปร่วมขบวนอยู่แล้ว เพราะงั้นยังไงคุณก็ต้องไปร่วมขบวน แปลว่าที่ผมพูดในห้องคุณไม่ได้ฟังเลยสิ”

คีรีเหงื่อตก เถียงไม่ออกเพราะเขาก็ไม่ได้ฟังจริงๆ นั่นละ ที่จริงแค่ไปเดินถือป้ายมันก็ไม่ได้หนักหนาอะไร แต่ไม่ได้เว้ย หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ได้ ก็เด็กชาวเขาบนดอยที่ไหนจะไปโผล่ในขบวนเปิดงานประเพณีสำคัญของมหาวิทยาลัยกันล่ะวะ!

“คือพี่ครับ ผมพูดตรงๆ นะ ให้บาสไปเดินกับปุ๊กกี้เถอะ ตอนไปประกวดเดือนมหาลัย บาสก็ไปแทนผมอะ คนรู้จักเขาเยอะกว่าผมแน่ เอาคนดังๆ ไปใช้งานดีกว่า ให้ผมไปซ้อมวิ่งกับไอ้ปิ๊กไอ้ฟลุคละกัน”

“คุณก็ดังออก ถามสาวๆ แถวนี้ก็เห็นรู้จักคุณกันทุกคนนะ”

“ก็ที่นี่มันคณะผมนี่หว่า!”

“คณะอื่นก็รู้จักนะ หน้าตาก็ดี ร้องเพลงก็เก่ง เป็นที่เชิดหน้าชูตาของคณะเราจะตายไป”

คีรีส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ เขาส่งสายตาลูกหมาน่าสงสารใส่รุ่นพี่รัวๆ “พี่...ผมขอร้องล่ะ ให้ผมช่วยเรื่องอื่นเถอะนะ ช่วยอะไรก็ได้ ผมไม่อยากไปเดินขบวนอะ”

รุ่นพี่สโมฯ ถอนหายใจยาว “ยังไงบาสก็ไปเดินในขบวนกับปุ๊กกี้แทนคุณอยู่แล้วแหละ เพราะคุณต้องมาถือป้ายเปิดงาน นี่ไม่ได้ขอร้องนะ แต่บังคับโว้ย” รุ่นพี่จับไหล่ทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มแล้วทำหน้าขรึม “คืองี้เว้ย ฟังผมให้ดี ไม่ใช่ว่าผมไม่เห็นใจคุณนะเว้ย แต่ยังมีอีกเหตุผลสำคัญมากๆ ยังไงคุณก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ คือว่า...อธิการฯ ให้เลขามาบอกว่าคุณไกรฤกษ์นัดพบกับท่านเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ท่านมาบริจาคเงินให้มหาลัย”

“อือ คุณตาก็มาทุกปีอยู่แล้วนี่ครับ”

“แต่ครั้งนี้ พออธิการฯ คุยกับท่านว่าจะมีงานรับน้องขึ้นดอยเดือนหน้าแล้วก็เอาคลิปที่ตัดต่อไว้อย่างดีของเมื่อปีที่แล้วให้ท่านดู ท่านนึกถึงสมัยที่ท่านเคยวิ่งกับเพื่อนๆ ก็เลยออกปากจะช่วยเป็นสปอนเซอร์ให้ แล้วก็เปรยว่าอยากเห็นหลานชายทำกิจกรรมขึ้นดอยบ้าง เพราะคุณน่ะ ไม่เคยพูดถึง ไม่เคยเล่าประสบการณ์ดีๆ ให้ท่านฟังเลย และเมื่อปีที่แล้วท่านก็ไปธุระที่ต่างประเทศด้วย อธิการฯ ก็เลยเชิญท่านมาเป็นแขกวีไอพีในงาน ซึ่งท่านก็ยินดีมากๆ”

“ฮะ!? ทำไมไม่เห็นคุณตาบอกอะไรผมเลยอะ! วันนั้นก็ยังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย คุณตาบอกแค่ว่ามาบริจาคเงิน ได้คุยกับอธิการฯ ตั้งนานแค่นั้นเอง!”

 ฉิบหายสัส! เด็กหนุ่มอุทานอยู่ในใจ

“ท่านอาจจะเห็นว่าเป็นกิจกรรมที่ทุกคนมาร่วมอยู่แล้วรึเปล่า ท่านจะมาร่วมงานหรือไม่มา ยังไงคุณก็ต้องมาร่วมงานอยู่แล้ว”

คีรีกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ “แต่... เอ้อ... คุณตาอาจจะหมายถึงตอนเดินขึ้นดอยเฉยๆ รึเปล่าพี่”

“ท่านบอกอยากเห็นคุณแต่งตัวพื้นเมืองแบบปีก่อนๆ นี่” รุ่นพี่พูดพลางเปิดรูปในโทรศัพท์มือถือให้อีกฝ่ายดู “แล้วท่านจะเป็นสปอนเซอร์เสื้อผ้าให้ด้วยนะ ท่านบอกจะให้ยืมชุดผ้าไหมเลิศหรูอลังการฝีมือของชาวเขาในศูนย์ฯ ของท่านน่ะ ไม่เชื่อลองโทรถามเลย”

“ผ้าพื้นเมืองผ้าไหมอะไรนี่ผมก็ใส่เป็นประจำอยู่แล้วนะ คุณตาจะมาอยากเห็นอะไรเนี่ย!” เด็กหนุ่มพึมพำ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ทว่าก่อนจะกดโทรออกไปก็ชะงัก ถ้าหากถามคุณตา คุณตาก็คงบอกว่าอยากให้เขามีส่วนร่วมในกิจกรรมมหาวิทยาลัย อยากให้เขาใส่ชุดพื้นเมืองโชว์ของดีของโครงการ งานรับน้องขึ้นดอยมีการออกข่าวทั้งในโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ ถือเป็นการโฆษณาชุดผ้าไหมของโครงการไปด้วย ยังไงคุณตาต้องส่งเสริมมากๆ แน่ๆ ถ้าขืนเขาไปงอแงใส่คุณตามากๆ แล้วคุณตาได้รู้ว่าเมื่อปีที่แล้วเขาโดดขึ้นดอยไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ถึงได้ไม่มีรูปถ่ายตอนขึ้นดอยกับคนอื่นเขา คราวนี้อาจจะโดนดุ โดนตัดเบี้ยเลี้ยงย้อนหลังด้วย

ทำไมจู่ๆ ก็งานเข้าแบบนี้วะ แบบนี้นี่หนีไม่ได้ ปฏิเสธก็ไม่ได้เลยนะเว้ย!

“เขาเดินกันแค่แป๊บเดียวใช่มั้ยครับพี่”

“เออ แต่ปีสองต้องขึ้นดอยไปดูแลน้องด้วยนา”

“รู้แล้วน่ะครับ”

“ห้ามโดด ห้ามอู้ ไม่งั้นผมจะฟ้องเลขาอธิการฯ ให้เอาไปรายงานคุณไกรฤกษ์ต่อแน่”

“เออๆ ครับๆ”

หลังจากรุ่นพี่เดินออกไปแล้ว คีรีก็ยังยืนทำหน้าเซ็งอยู่ที่เดิม จนกระทั่งเพื่อนๆ เขาเดินเข้ามาสะกิดเรียก

“พี่เขาสาปให้มึงเป็นหินเหรอวะ”   

คีรีหันไปสบสายตาเพื่อนๆ ทีละคน แล้วพูดเสียงอ่อย “พวกมึง... กูต้องไปถือป้ายขบวนเปิดงานขึ้นดอยว่ะ คุณตาเป็นสปอนเซอร์งาน จะมาเป็นแขกวีไอพีของมหาลัย”

“โห ดีๆ ดังแน่คีรี คราวนี้หัวกระไดคณะเปียกโชกแน่ๆ” เพื่อนสาวทั้งสองตบมือกระดี๊กระด๊า

“เราไม่ได้อยากดังเว้ย”

“เดินไปเหอะ ดีแน่ เชื่อกู” เพื่อนหนุ่มตบไหล่คีรีเบาๆ “หมอเต้เขาเคยเป็นถึงลีดมหาลัยนะเว้ย มึงได้ถือป้ายขึ้นดอยนี่ถือว่าเป็นบุญ จะได้มีดีกรีพอให้หมอเต้พิจารณาได้ไง”

“แต่ดีกรีที่มึงว่านี่ก็เส้นชัดๆ เลยมะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณตากู ใครจะมาสนกูวะ”

“บ้าน่ะ นายก็เคยเป็นเดือนคณะเรานะเว้ย” เจนี่ปลอบ

คีรีถอนหายใจเฮือกใหญ่ “อีกอย่างนะ เด็กชาวเขาทำงานโรงแรมที่ไหนจะมาถือป้ายของมหาลัยวะ”

“หมอเต้เขาทำงานวันเสาร์อาทิตย์ไม่ใช่เหรอวะ เขาไม่ได้มาดูด้วยหรอก หรือถ้ามาก็คงขึ้นไปรอดูวิดวะที่โค้งขุณกัณฑ์กับหมอวินนู่น ส่วนประสบการณ์นี้มึงก็เก็บใส่แฟ้มไว้ก่อน รอเอาไว้ให้หมอเต้พิจารณาทีหลัง”

“แล้วรูปกับคลิปล่ะวะ ต้องมีคนถ่ายไว้แหงๆ”

“ถ่ายไว้แล้วไง มึงคิดว่ารูปกับคลิปจะไปถึงหมอเต้เหรอวะ หมอเขารู้จักแต่วิดวะมั้ย เขาไม่สนคณะอื่นหรอก” เพื่อนๆ ในกลุ่มสลับกันออกความคิดเห็น “มึงก็แต่งตัวแต่งหน้าให้มันหล่อๆ เว่อร์ๆ หน่อย เอาแบบหล่อจนจำไม่ได้ไปเลย ถ้าหมอวินกับหมอเต้เห็นรูปเห็นคลิปผ่านๆ เขาก็ไม่แน่ใจหรอกว่าเป็นมึง อีกอย่างเขาก็ไม่รู้จักชื่อจริงมึงด้วย”

คีรีขมวดคิ้ว “เสี่ยงฉิบหาย”

“แต่มึงก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้วนี่”

“ป้ออุ้ย~ ทำไมทำกับผมแบบนี้~” เด็กหนุ่มครางหงิง



เสาร์อาทิตย์ถัดมาคีรีต้องกลับไปร่วมงานเลี้ยงของศูนย์พัฒนาอาชีพในเชียงรายกับคุณตา ทำให้เขาอดเจอทันตแพทย์หนุ่ม แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เขาจึงถือโอกาสไปซื้อของฝากที่แม่สายด้วย เขาตั้งใจซื้อมาฝากหมอเต้กับหมอวินนั่นล่ะ เผื่อว่าของที่เขาซื้อมาจะทำให้ทั้งสองใจอ่อนกับเขาบ้าง

เขากลับมาถึงเชียงใหม่ในวันอาทิตย์ หากเพราะต้องทำรายงานส่งอาจารย์ เย็นวันนั้นเขาจึงหมกตัวอยู่แต่ในห้องเพื่อเร่งทำรายงานให้เสร็จ

แต่จิตใจก็ว้าวุ่นเหลือเกิน คีรีถอนหายใจหนักๆ ขณะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดู

ไม่ได้พบกันถึงหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ตัวเขาคิดถึงหมอเต้แทบขาดใจ วันๆ ก็เอาแต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดู อยากโทรไปหา อยากได้ยินเสียง

แน่นอนว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีข้อความหรือมิสคอลจากหมอเต้เลย ก็แหงล่ะ อีกฝ่ายจะโทรมาหาเขาทำไม

ทว่าก็อดสงสัยไม่ได้ ถ้าจู่ๆ เขาหายหัวไป หมอเต้จะนึกถึงเขาบ้างสักนิดไหมนะ

ถ้าหากการที่เขาอดทนไม่ติดต่อไปเลยจะทำให้ทันตแพทย์หนุ่มนึกถึงเขาสักวินาที มันก็คุ้มมากแล้ว เขาจะอดทนต่อไปอีก หน่อยก็ได้

เด็กหนุ่มหยิบซองสีขาวซึ่งมีตราของโรงแรมในเชียงรายออกมาจากลิ้นชัก ภายในซองยังมีธนบัตรใบละร้อยบาทอยู่อีกสามใบ หมายความว่าในการพบกันอีกสามครั้งที่เหลือนี้ ถ้าหากหมอเต้แสดงออกมาสักนิดว่าจะให้โอกาสเขา เขาจะดับเครื่องชน สู้ยิบตาเลย


แต่ถ้าไม่...


คีรียกมือขึ้นกุมขมับ พลางพึมพำกับตัวเอง “ยังไม่พร้อมจะตัดใจเลย นับวันก็ยิ่งชอบเขามากขึ้นไปทุกที”



เด็กหนุ่มอดทนรอจนถึงวันพุธ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้รับการติดต่อจากเตชิตเช่นเคย เขาก็ผิดหวังล่ะ แต่ความคิดถึงมันคับแน่นในอก สุดท้ายก็เลยขอให้เพื่อนๆ ขับรถไปส่งเขาที่ลำพูนในวันต่อมา ทำทีเป็นว่าเพิ่งกลับจากต่างจังหวัด ส่วนเพื่อนเขาก็จะมาไหว้พระและเที่ยวลำพูนกันด้วย เนื่องจากวันศุกร์นั้นไม่มีเรียน อาจารย์ยกเลิกคลาสพอดี และที่จริงพวกเขาก็จองโรงแรมไว้พร้อม เพราะเขาก็ไม่แน่ใจว่าหมอเต้จะยอมให้ค้างด้วยหรอก

การไปลำพูนครั้งนั้นทำให้เขาได้นั่งคุยกับหมอวินใกล้ๆ เป็นครั้งแรก แม้ไม่อยากยอมรับ แต่หมอวินก็เป็นคนมีเสน่ห์มากจริงๆ นิสัยน่ารัก ถึงกับเขาจะไม่น่ารักสักเท่าไหร่ หน้าตาก็โคตรดี เพราะงั้นหมอเต้ที่อยู่ใกล้ชิดกันมาเป็นสิบปีจะหลงรักก็ไม่แปลกเลย ทั้งสองสนิทสนมใกล้ชิดกันมาก ยิ่งได้สัมผัส ยิ่งรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาแนบแน่น ชนิดที่ไม่มีใครแยกพวกเขาออกจากกันได้ ก็นั่นสินะ พวกเขาตัวติดกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแล้วนี่หว่า ไอ้คนที่เพิ่งโผล่มาอย่างเขาน่ะ ก็ได้แต่นั่งมองอยู่ห่างๆ เท่านั้นแหละ จะเรียกว่าหมาเห่าเครื่องบินยังน้อยไป เห่ายานอวกาศเลยเหอะ

แต่สิ่งที่ทำให้เขายังอดทนอยู่ได้ ก็คือความใจดีของหมอเต้นั่นล่ะ ตอนที่อีกฝ่ายพูดว่าจะให้ของที่มีชื่อเขาน่ะ เขาคิดว่าพูดไปเพื่อปลอบใจเขาก็เท่านั้น ทว่าหมอเต้ก็อุตส่าห์รักษาสัญญาที่ให้กับเขาไว้ วินาทีที่ได้เห็นสร้อยข้อมือนั่น ความรู้สึกที่มีให้อีกฝ่ายมันท่วมท้นอยู่ในอก และเพราะเขารู้จุดอ่อนของหมอเต้ดี จึงใช้มันให้เป็นประโยชน์ 

และที่สำคัญมากที่สุด เขาคิดว่านี่คือสัญญาณจากหมอเต้ที่บ่งบอกว่าเขายังพอมีหวังอยู่บ้าง แม้จะเป็นความหวังที่ดูริบหรี่เหลือเกินก็ตามที


*TBC*


สั้นๆ ก่อนพอให้หายคิดถึงนะคะ 555555

ตอนหน้ากลับมาถึงตอนปัจจุบันแล้วค่า เด็กดอยจะได้เดินเครื่องจีบหมอเต้ต่อ สู้ๆ นะลูกกกก~

ปล. ในส่วนของการขึ้นดอยของเด็กบริหารและมหาลัย ฮัสกี้แต่งเติมเสริมเอาล้วนๆ นะคะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า คืนนี้นอนหลับฝันดีค่า  :mew1:

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-11-2018 20:43:01
 :pig4: :pig4: :pig4:

งานเดินถือป้าย  โป๊ะแตกแน่ ๆ เด็กดอยเอ๋ย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 28-11-2018 20:47:05
คีรีต้องรีบไปทำความรู้จักกับพิงค์ จะได้ตัวช่วยแถมยังกันหมอวินได้ดีสุดๆ 555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 28-11-2018 20:53:53
Husky มาน้อยมากกกก ยังไม่หายคิดถึงเด็กดอยเลย ฮืออออ ต้องรออีกตั้งหลายวัน  :ling3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 28-11-2018 21:09:33
คีรีน้าาา ความแตกแน่แล้ว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 28-11-2018 21:31:33
คีรีเอ๊ย จะโป๊ะแตกมั้ยเนี่ย โดนถือป้ายซะด้วย :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 28-11-2018 21:40:22
สู้ๆ ๆ ๆ คีรี เอาใจช่วยน้าาา
 o7
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 28-11-2018 21:40:57
คิดถึงหมอเต้แล้วค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 28-11-2018 21:47:43
ทำไม บทที่9 มีหลายบทย่อยจัง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 28-11-2018 22:01:04
ทั้งหมดทั้งมวลคือที่มาที่ไปของการคอสเพลเป็นเด็กดอย ในกลิ่นอายหมอวิน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-11-2018 22:53:46
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 28-11-2018 23:25:22
ฮาที่จะตัดชอปบริหารใส่บ้าง 5555555
ภูพิงค์ในสายตาคนทั่วไปดูดุ ดูน่ากลัวหรอเนี่ย  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-11-2018 23:46:26
เย้ๆๆ จะได้ดูเด็กดอยดับเครื่องจีบหมอเต้ไหมน้ออออ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 28-11-2018 23:48:21
พี่เต้ของน้องต้องถูกเด็กเอยหลอกอีกนานแค่ไหนเนี่ย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-11-2018 23:50:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 29-11-2018 00:09:09
เด็กดอยของพี่ ฮือออ น่าสงสาร หมอเต้ใจอ่อนให้น้องเร็วๆนะคะ  o18
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 29-11-2018 00:20:25
ขึ้นดอยคราวนี้อาจมีโป๊ะแตก  :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 29-11-2018 02:58:39
เย้ๆ จะถึงตอนปัจจุบันแล้ว มาลุ้นกันต่อ ว่าเด็กดอยจะโป๊ะแตกตอนไหน ^^
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 29-11-2018 10:40:32
ความลับแตกแน่ๆ :hao3: :hao3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 29-11-2018 12:27:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-11-2018 13:07:16
คาดว่าจะโป๊ะแตกตอนถือป้ายนี่ล่ะมั้ง 5555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 29-11-2018 14:14:28
สู้นะคีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 29-11-2018 19:33:26
ดับเครื่องชนเลยคีรี o13 สู้ๆ ขอให้เอาชนะใจหมอเต้ให้ได้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-11-2018 00:10:14
จะโป๊ะมั้ยน้อ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 30-11-2018 09:10:27
คีรีอย่ายอมแพ้ก่อนนะลูกก ดับเครื่องชนไปเลยยยยยย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 30-11-2018 15:32:07
สู้ๆ ..
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 30-11-2018 22:28:42
รอลุ้นโป๊ะจะแตกไหม?
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 01-12-2018 10:24:18
อยากให้ husky มาอัพทุกวันเลยค่ะ นอนฝันถึงเด็กดอยกับพี่เต้ทุกวัน ลุ้นเมื่อไหร่เค้าจะได้กันซะที  :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 01-12-2018 13:12:54
หวังว่าความจะไม่แตกนะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 02-12-2018 08:58:24
ความลับจะแตกไหม   :เฮ้อ:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 02-12-2018 11:17:41
อ่านซ้ำๆวนๆไป รอจนกว่าตอนใหม่จะมา
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 03-12-2018 16:17:29
มารอดูเค้าจีบกันค่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9.5 : ความหลังเมื่อครั้งเปิดเทอมใหม่ [281118]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 04-12-2018 19:04:21


Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว


ในตอนบ่ายแก่ๆ ของวันศุกร์ หนึ่งสัปดาห์นับจากวันที่เตชิตและรวินท์บุกไปส่งคีรีที่ห้องพอดี

หลังจากคีรีไปวัดตัวสำหรับชุดที่จะใส่เดินในขบวนวันรับน้องขึ้นดอยเสร็จก็มานั่งปักหลักที่ใต้ตึกคณะกับเพื่อนๆ

เด็กหนุ่มโน้มตัวเท้าแขนลงกับโต๊ะ พลางมองหน้าเพื่อนชายทั้งสอง “ผ่านมาครบอาทิตย์แล้วนะ ไหนพวกมึงว่าจะส่งออกกะเหรี่ยงไงวะ”

เพื่อนสาวสองคนที่นั่งอยู่ข้างกันคิ้วกระตุกรัวๆ แทบจะลุกขึ้นยกโต๊ะทุ่มใส่ “นายเรียกใครกะเหรี่ยงฮะ ไอ้คีรี! ไอ้เพื่อนเฮงซวย! แหม เดี๋ยวนี้พอพูดชัดขึ้นหน่อยก็วิวัฒนาการจากปากคนไปเป็นปากหมาเลยนะ!”

เด็กหนุ่มรีบยกมือขึ้นบังศีรษะ “เรียกคนสวยจ้า~”

ปิ๊กโน้มเข้ามากระซิบ “ใจเย็นเว้ยมึง หมอวินเขาไม่ได้มาคณะวิดวะทุกวันนะเว้ย”

“ใช่ แต่เขามาวันนี้ตอนเย็น เจนี่กับยุ้ยไปสืบมาแล้ว เตรียมตัวมาพร้อมบุกละด้วย”

“ฮะ!” สามหนุ่มหันขวับไปที่สองสาวทันที ทำไมล้ำหน้า! ทำไมมาแรงกว่าใครเลยวะ!

“เอ้า นี่ก็ไปสืบมาเพื่อช่วยเหลือเพื่อนไง” เจนี่รีบแก้ตัว “ที่จริงก็ลองแอบถามเด็กวิดวะเรื่องหมอวินกับพี่ภูพิงค์อยู่เหมือนกันนะ ได้คำตอบมาแบบ... บางคนว่าแค่สนิทกันมากๆ เป็นคู่จิ้นกันเท่านั้น บางคนก็ว่าน่าจะคบกัน แต่ก็ไม่มีใครยอมฟันธงเลยอะ”

“โห...”

“ทึ่งอะดิ อึ้งอะดิ๊~ เดี๋ยววันนี้กะเหรี่ยงอย่างพวกเราจะออกโรง พวกนายคอยอืออากับฝีมือเลย คราวนี้ได้รู้แน่ว่าไอ้คีรีควรจะเตรียมใจไว้ทำไร่แห้วมั้ย”

“หมอวินจะจำพวกนายไม่ได้ใช่มั้ยวะ”

“โหย ถึงเจนี่กับยุ้ยจะสวยขนาดไหน แต่เขาก็เป็นหมอฟันนะเว้ย วันนึงเจอคนไข้เป็นสิบๆ ไม่มานั่งจำหน้าพวกเราหรอก”

คีรีเม้มปาก “อืม นั่นสินะ”

แล้วเมื่อได้เวลาฤกษ์งามยามดี สองสาวก็เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา ยกเซ็ตเครื่องสำอางขึ้นมาเรียงแล้วแต่งหน้ากันให้สวยเช้ง เปลี่ยนใส่ชุดนักศึกษาชุดใหม่ด้วย เอาให้รัดรูปสักหน่อย จากนั้นก็เอาซิลิโคนยัดหน้าอกให้อึ๋มจนกระดุมเสื้อต้องร้องขอชีวิต คว้ากุชชี่สุดหรูส้นเข็มสูงปรี๊ดขึ้นมาสลับใส่กับบาจาคู่โปรด และต้องไม่ลืมที่จะพรมน้ำหอมกลิ่นบางเบา เซ็กซี่ ฟีโรโมนกระจายสุดๆ

พอเดินออกมาจากห้องน้ำ สามหนุ่มก็รีบผิวปากให้กำลังใจ แม้ความสวยน่ารักของพวกเธอจะไม่มีผลต่อพวกเขาก็ตามที แต่จากที่กวาดตามองไปใต้ตึก พวกรุ่นพี่รุ่นน้องผู้ชายคนอื่นๆ ในคณะก็ให้ความสนใจกันอยู่นะ หันมองตามกันคอแทบหักเลยทีเดียว

“สู้นะเว้ย พวกนายคือความหวังของไอ้คีรีมันเชียวนะ” ฟลุคบอกกับสองสาว ก่อนปิ๊กจะขับรถพาทั้งคู่ไปทิ้งไว้ที่หน้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ตามแผน

“ได้เรื่องแล้วจะกลับคณะเมื่อไหร่ก็โทรมา เดี๋ยวมารับ”

สองสาวหัวเราะคิกคักพร้อมเชิ่ดใส่ “ไม่ต้องเว้ย เดี๋ยวให้หมอวินไปส่งก็ได้”

ปิ๊กเบ้ปากเล็กน้อยเพราะเหม็นความมั่นหน้าของเพื่อน แต่ก็พยักหน้าเออออพอไม่ให้ทั้งสองเสียเซลฟ์ “เออๆ งั้นจะรอที่คณะละกัน”

เพียงแค่ก้าวแรกที่ก้าวเข้าไปในตึก สายตาของหนุ่มๆ วิศวะก็ทำให้พวกเธอรู้สึกฟินไม่ใช่น้อย คงเพราะที่คณะบริหารมีแต่คนสวยๆ เวลาอยู่ในคณะตัวเองจึงไม่ค่อยเด่นสักเท่าไหร่ แต่พอมาเดินที่คณะวิศวะนี่ ผู้ชายเยอะมากกกก เดินสับเท้าไปก็รู้สึกราวกับมีสปอตไลต์ส่องตาม เหมือนเดินอยู่บนวิคตอเรียซีเคร็ตรันเวย์เลย

“อูยๆ ผู้ชายเต็มไปหมดเลยยุ้ย” เจนี่เดินไปยิ้มไป ไม่อยากกลับคณะแล้วโว้ย

“คนนู้นก็หล่อ คนนั้นก็น่ารัก ทำไมคณะเราไม่มีแบบนี้บ้างอะเจนี่”

“ไม่น่าเลือกเรียนบริหารแต่แรกเลย”

เดินไปเดินมาก็เห็นเป้าหมายอยู่รำไร ขนาดเห็นแค่เสี้ยวหน้ายังรู้เลยว่าใช่ หล่อฉิบหาย หล่อออร่าอลัง หล่อหรูหรามีระดับ หล่อโคตรไม่บันยะบันยังเลยแม่ง

ทันตแพทย์หนุ่มนั่งอยู่ที่โต๊ะตามลำพัง ส่วนโต๊ะอื่นรอบๆ ก็มีนักศึกษานั่งอยู่บ้างประปราย เขากำลังก้มหน้าก้มตาพิมพ์อะไรบางอย่างลงในโทรศัพท์มือถือ

“อยู่คนเดียวด้วย ตื่นเต้นอะ” เจนี่สะกิดเพื่อนสาวยิกๆ

“ยุ้ยจะเป็นลมแล้ว”

สองสาวจับมือกันแน่นเพื่อเรียกขวัญกำลังใจ ก่อนจะสับเท้าฉับๆ ตรงเข้าไปยังโต๊ะที่รวินท์นั่งอยู่ จากนั้นก็ปล่อยปากกาในมือให้ร่วงลงบนโต๊ะตรงหน้าทันตแพทย์หนุ่ม

“อุ๊ย ขอโทษนะคะ”

คนที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้น แล้วโปรยยิ้มการค้าตามธรรมเนียม เขาเอื้อมมือไปหยิบปากกาส่งคืนให้ “นี่ครับ”

พวกเธอยิ้มรับแบบหวานจ๋อยที่สุด “ขอบคุณค่า เอ่อ ขอนั่งด้วยแป๊บนึงนะคะ”

“รองเท้ากัดน่ะค่ะ” พอนั่งลงได้ยุ้ยก็เปิดศึกทันที เธอยื่นขาเรียวขาวออกมาโชว์แล้วก้มลงถอดรองเท้าขึ้นมาดู

เจนี่หันขวับไปจิกตามองเพื่อนสาวอย่างเคืองๆ หนอย! เธอช้าไปนิดเดียว โดนล้ำหน้าไปก่อนเสียได้! “ร้อนจังเลยนะคะ” เธอจับคอเสื้อตัวรัดติ้วที่สวมอยู่กระพือเบาๆ พร้อมกับโน้มตัวไปยังคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกันเล็กน้อย


ทว่า... 


“เชิญนั่งตามสบายนะครับ” รวินท์ลุกขึ้นพรวด คิดว่าควรจะเลี่ยงพวกเธอไปก่อนที่ลมพายุหึงจะพัดมา

สองสาวเลิกคิ้วขึ้น “อ้าว คุณหมอจะไปไหนคะ!”

“อ้อ” ทันตแพทย์หนุ่มชะงัก พวกเธอรู้จักเขาซะด้วยสิ ถ้างั้นเมื่อกี้ก็จงใจอย่างที่คิดไว้แต่แรก มาแนวนี้ไม่ธรรมดาแน่ รวินท์ทำหน้ากรุ้มกริ่ม “ผมจะไปซื้อน้ำดื่มสักหน่อย”

“คอแห้งพอดีเลยค่ะ ขอเจนี่ไปด้วยคนนะคะ”

“อยากดื่มน้ำอะไรล่ะครับ เดี๋ยวผมซื้อมาให้ก็ได้”

โอ้โห! สุภาพบุรุษโคตรๆ

สองสาวอยากจะจิกเล็บลงบนโต๊ะแล้วหวีดร้องให้ดังไปถึงคณะตัวเอง

รวินท์โน้มใบหน้าเข้าไปหาพวกเธอเล็กน้อย “คุณเจนี่ แล้วนี่คุณ...”

“ยุ้ยค่า” เจ้าของชื่อตอบด้วยเสียงหวานจ๋อยระดับสอง

“โอเค คุณเจนี่กับคุณยุ้ย จะดื่มน้ำอะไรดีครับ” รวินท์โปรยยิ้มรอบสอง เขากำลังวางแผนจะตะล่อมถามพวกเธอ เพื่อให้รู้ถึงจุดประสงค์ที่พวกเธอเข้ามาหาเขา เพราะอย่างแรก รุ่นน้องของภูพิงค์ในคณะไม่มีใครคิดจะจีบเขาแน่ อย่างที่สอง พวกเธออาจจะเข้าหาเขา เพื่อที่จะเข้าถึงภูพิงค์อีกทีน่ะสิ

ช่วงนี้พิงค์ก็ดูจะป๊อบปูลาร์มากเหลือเกิ๊น เขากดดูรูปภาพอีกฝ่ายในเฟซบุ๊คทีไร เห็นมีแต่สาวๆ มาคอนเมนต์จีบเต็มไปหมด

“เกรงใจคุณหมอจังเลยค่ะ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ นิดๆ หน่อยๆ เอง”

“งั้นตามใจคุณหมอดีกว่าค่ะ น้ำอะไรก็ได้” พอรวินท์เดินออกจากโต๊ะไป พวกเธอก็กุมมือกันแน่นแล้วหวีดเบาๆ

ทันตแพทย์หนุ่มเดินหายไปสักพักก็กลับมาพร้อมกับน้ำส้มกระป๋อง เขาหยิบจากถุงมาเปิดออกแล้วส่งให้พร้อมกับหลอด “คิดว่าคนสวยๆ น่าจะชอบดื่มน้ำส้มล่ะมั้ง ใช่มั้ยครับ”

น้ำตาจะไหลแล้วโว้ยยยย ฟินนน! เจนี่กับยุ้ยใช้ขาเขี่ยกันไปเขี่ยกันมาจนแทบจะพันกันอยู่แล้ว เวลานี้แทบจะลืมหน้าเพื่อนที่ชื่อคีรีและจุดประสงค์หลักที่มาที่นี่ไปแล้วเนี่ย

“แล้ว...คุณเจนี่กับคุณยุ้ยอยู่คณะอะไรเหรอครับ”

พวกเธอเลิกคิ้วขึ้น “อุ๊ย คุณหมอรู้ด้วยเหรอคะว่าพวกเราไม่ได้เรียนคณะนี้”

“ก็เดาเอาน่ะครับ ผมมาคณะนี้บ่อยนะ แต่ไม่เคยเห็นพวกคุณมาก่อนเลย เพราะถ้ามีคนน่ารักๆ แบบพวกคุณยังไงผมก็ต้องจำได้แน่”

“คุณหมอปากหวานจังเลย~” ยุ้ยใช้เสียงหวานระดับสามแล้วตอนนี้ เธอพูดพลางใช้นิ้วจิ้มจึ๊กๆ ลงบนโต๊ะด้วยความเขิน “อยู่บริหารค่ะ”

“เรียนปีหนึ่งรึเปล่าครับ”

“ปีสองแล้วค่า”

ทันตแพทย์หนุ่มอมยิ้มและตีหน้าซื่อ “แล้วมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ มาหาใครรึเปล่า”

“ถ้าบอกว่ามาหาคุณหมอ จะเชื่อมั้ยคะ”

รวินท์หัวเราะ “ไม่เชื่อหรอก ผมไม่ได้เรียนคณะนี้นะ”

“แต่คุณหมอก็มาคณะนี้บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอคะ”

“อืม” ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้า รู้ซะด้วยแฮะ แปลว่าก็ตามข่าวคราวของเขามาเหมือนกันสินะ สายตาของทันตแพทย์หนุ่มจับจ้องพวกเธอนิ่ง เป็นผลให้สองสาวเขินอายม้วนต้วน สักพักเขาก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง “ผมชอบดูน้องๆ วิดวะเขาประชุมเชียร์กัน เพราะตอนเรียนที่คณะผมไม่มีแบบนี้น่ะครับ ผมว่าน่าสนุกดี ที่จริงวันนี้ก็ผมก็นัดน้องๆ ไปกินข้าวด้วยกันด้วย แต่ผมมาเร็วไปหน่อย เขายังไม่เริ่มประชุมเชียร์กันเลยเนี่ย”

“น้องๆ นี่ หมายถึงพี่ภูพิงค์รึเปล่าคะ”

แน่ะ รู้จักเขา รู้จักพิงค์ด้วย ทำให้ยิ่งสงสัยว่าพวกเธอต้องการอะไรจากเขากันแน่

แต่รวินท์ก็พยักหน้าหงึกๆ   

“คุณหมอดูจะสนิทกับคณะนี้มากเลยนะคะ หรือจะมีแฟนอยู่คณะนี้รึเปล่าน้า~”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มน้อยๆ ตรงมุมปาก “แล้วสาวบริหารละครับ อยากมีแฟนคณะนี้รึเปล่า”

“ไม่หรอกค่ะ อยากมีแฟนเป็นหมอ” พวกเธอตอบแบบไม่ต้องคิดด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน หัวเราะคิกๆ แบบเขินๆ แล้วพูดต่อด้วยเสียงหวานระดับสี่ “เมื่อกี้คุณหมอว่ามาเร็วไปหน่อย ถ้างั้นคุณหมอก็ยังพอมีเวลาน่ะสิคะ”

“ทำไมเหรอครับ”

“เนี่ย คณะยุ้ยกับเจนี่อยู่ไกล๊ไกลค่ะ พวกเราเพิ่งมาคณะนี้ครั้งแรก เพื่อนมาส่งแล้วก็กลับไปก่อน ตอนนี้ก็เลยไม่รู้จะกลับยังไงเลย รบกวนคุณหมอไปส่งพวกเราหน่อยได้มั้ยคะ แล้วเดี๋ยวพวกเราจะพาคุณหมอไปชิมของอร่อยที่คณะเป็นการตอบแทนน้า~ กว่าประชุมเชียร์จะเสร็จคงอีกพักใหญ่ จะได้มีอะไรรองท้องนะคะ นะค้า~” เด็กสาวพูดเสียงอ้อนระดับแม็กซ์ งัดมารยาที่มีทุกเล่มเกวียนออกมาโถมใส่อีกฝ่าย กะว่าจะดึงตัวทันตแพทย์หนุ่มออกไปอยู่ตามลำพังกับพวกเธอ จะได้แจกขนมจีบได้ถนัด คราวนี้พวกเธอจะได้ขอเบอร์โทรศัพท์ ขอไลน์และแอ๊ดเฟซบุ๊คให้เสร็จ

เจนี่ไม่ยอมแพ้เพื่อนสาวที่วันนี้ท็อปฟอร์มเหลือเกิน “ถ้าต้องเดินกลับเองคงต้องปวดขามากเลย คณะเราไปทางไหนก็ไม่รู้ค่ะคุณหมอ อากาศก็ร้อน~ร้อน”

“น่าสงสารจัง” แน่ะ รู้กระทั่งว่าวันนี้เขาขับรถมาที่นี่ด้วย อะไรจะขนาดนั้น!

ขณะเดียวกันภูพิงค์และผองเพื่อนก็เดินอาดๆ ตรงมายังโต๊ะที่ทันตแพทย์หนุ่มนั่งอยู่กับสองสาว พอมาถึงก็เรียกชื่อคนที่นั่งอยู่เสียงเข้ม

“พี่วิน ทำอะไรครับ”

รวินท์หันไปยิ้มให้เด็กหนุ่ม “พิงค์ มาพอดีเลย คือน้องสองคนเขาหลงคณะมาน่ะ เขาอยากจะให้ผมไปส่งเขากลับคณะบริหารสักหน่อย แต่ผมไม่ได้เรียนที่นี่ พวกคุณน่าจะรู้ทางดีกว่าเนอะ ช่วยหน่อยได้มั้ย”

สองสาวเบิกตากว้าง แล้วค่อยๆ หันไปมองกำแพงรุ่นพี่หน้าตึงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

งานเข้าแล้วมั้ยล่ะ!

ภูพิงค์หันไปทางรุ่นน้องปีสาม พร้อมกับกวักมือเรียกมาสองคน “ช่วยพี่หน่อย พาน้องผู้หญิงไปส่งคณะทีนะ”

“ได้เลยพี่พิงค์” สองหนุ่มหน้าโหดลุกขึ้นพรวด เดินดุ่มๆ ตรงเข้ามาหาสองสาว “เชิญทางนี้ครับ”

เจนี่กับยุ้ยยิ้มแหยๆ จะพูดอะไรก็เกรงใจรุ่นพี่ท่าทางดุๆ ที่ยืนกันเป็นแผงข้างๆ นี่ พวกเธอลุกขึ้นช้าๆ หันไปบอกลาทันตแพทย์หนุ่มแล้วเดินตามสองหนุ่มรุ่นพี่ออกไป แผนที่วางกันไว้พังพินาศแบบไม่เหลือชิ้นดี

ภูพิงค์ส่งสายตาดุๆ ใส่คนที่นั่งอยู่ “พี่วิน คุยกันแป๊บดิ”

“อือ มีไรก็คุยมา” หากรวินท์ก็ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ในขณะที่เพื่อนๆ ของเด็กหนุ่มหันมองกันไปมาเลิ่กลั่ก

“ไปคุยกันที่เงียบๆ ดีกว่า มาทางนี้หน่อยครับ” เด็กหนุ่มเดินนำออกไป ในขณะที่ซัน ขิงและดิวถลาเข้ามาเขย่าแขนทันตแพทย์หนุ่ม

“พี่วิน ไปคุยกับมันหน่อยเหอะ เดี๋ยวมันอกแตกตาย ประชุมเชียร์ไม่ได้พอดี”

“เออๆ” รวินท์ลุกขึ้นเดินตามไปช้าๆ



ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องน้ำด้านในสุดของตึกซึ่งมีพวกเขาอยู่เพียงลำพัง พอลับตาคนเท่านั้นภูพิงค์ก็สลัดคราบพี่ว้ากสุดขรึมออกแล้วหันมาทำหน้างอแงใส่

“พี่วินอ่า รู้ว่าผมหึงแล้วทำไมทำแบบนี้วะ”

ทันตแพทย์หนุ่มยกแขนขึ้นกอดอก “โห คนที่มีสาวๆ ไล่ตามเป็นพรวน ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกว่ะ”

“สาวที่ไหนตามเป็นพรวนวะ ผมไม่รู้เรื่องเลยนะ”

รวินท์เบือนหน้าหนี “ไม่ต้องมาทำพูดดี ตั้งแต่ผมเหยียบเข้าคณะคุณมานี่ ทั้งเพื่อนทั้งรุ่นน้องคุณผลัดกันมาฟ้องจนพื้นรอบโต๊ะที่ผมนั่งขึ้นเงาแล้ว”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “ฟ้องว่าอะไรครับ”

“ว่ามีน้องๆ ผู้หญิงต่างคณะมารอดูคุณว้ากแล้วยังมีของมาฝากด้วยทุกวัน”

“โธ่ แต่ผมก็ไม่เคยสนใจ ไม่เคยรับของจากใครเลยนะพี่!”

“แน่ใจ?”

“แน่ใจล้านเปอร์เซ็นต์”

“อือ งั้นก็ดี”

เด็กหนุ่มพูดเสียงดุ “แล้วพี่ล่ะ”

“ผมทำไม”

“กับน้องผู้หญิงสองคนนั่น”

“ผมก็ไม่ได้ไปส่งเขามั้ย แล้วอีกอย่าง ผมก็ส่งข้อความไปบอกคุณก่อนแล้วด้วย”

“พี่จงใจทำให้ผมหึงเหรอ”

รวินท์ยิ้มมุมปาก “อือ”

ภูพิงค์พ่นลมหายใจออกมาหนักๆ พลางยกมือขึ้นกุมขมับ พี่วินก็ยังเป็นพี่วินคนเดิม ปั่นหัวเขาได้เก่งไม่เปลี่ยนเลย

“ผมก็หึงเป็นเหมือนกันนะ” คำพูดนั้นเรียกให้เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาประสานสายตาด้วย “ที่จริงก็อยากจะมาเฝ้าคุณมันทุกเย็น”

คนอ่อนวัยกว่ายิ้มกว้าง เขาโอบเอวทันตแพทย์หนุ่มพร้อมกับดึงเข้าหาตัว “ผมก็อยากให้พี่มาเฝ้าทุกวันเหมือนกัน” แล้วแต้มจูบริมฝีปากสีแดงตรงหน้าเบาๆ “ไอ้พวกน้องปีหนึ่งจะได้รู้สักทีว่าเราแค่ไม่ใช่คู่จิ้นกันเฉยๆ แต่เป็นแฟนกันจริงๆ”

“พิงค์นี่น่ารักไม่เปลี่ยนเลยน้า” รวินท์หยิกแก้มอีกฝ่ายอย่างมันเขี้ยว

“พี่วินต่างหากที่น่ารัก” เด็กหนุ่มจูบเรียวปากตรงหน้าอีกครั้งอย่างไม่เบาแรงนัก

“เดี๋ยวจะมีประชุมเชียร์แล้วใช่มั้ย”

“อือ แต่ไม่อยากประชุมแล้ว อยากกลับห้องกับพี่วินอ่ะ”

“ไปประชุมเถอะ จะได้เหลือแรงน้อยๆ หน่อย” ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นเขกศีรษะคนอ่อนวัยกว่า “แล้วผมจะนั่งดูคุณจากในตึกนะ ห้ามเหล่สาวๆ นะเว้ย”

“ครับ” ภูพิงค์เบียดส่วนกลางร่างเข้าหาอีกฝ่าย “ขอจูบอีกทีนะ” แต่พอริมฝีปากสัมผัสกัน เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นขัดจังหวะ

“ไอ้พิงค์ มึงจะสั่งเสียนานไปไหน พอได้แล้วโว้ย! ไปประชุมเชียร์ได้แล้ว!”

เด็กหนุ่มถอนหายใจ “เออ! จะไปเดี๋ยวนี้แหละ!” แต่พอเขาผละออก รวินท์ก็ดึงแขนเขากลับเข้าไปหาแล้วบดจูบริมฝีปากเขา

ทันตแพทย์หนุ่มยกแขนขึ้นโอบลำคอ พร้อมกับสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากคนอ่อนวัยว่า

ภูพิงค์อมยิ้มอย่างพอใจ เขาเคลื่อนมือลงต่ำเพื่อขยำสะโพกคนในอ้อมแขนเบาๆ และเมื่อละริมฝีปากออกจากกันก็กระซิบบอก “เดี๋ยวไปต่อที่ห้องนะครับ”

“อือ” รวินท์ใช้ปลายนิ้วเช็ดริมฝีปากเด็กหนุ่มให้ “ไปเถอะ”



ฝ่ายสองสาวเมื่อกลับไปถึงคณะได้ก็แทบจะเดินร้องกรี๊ดๆ ตั้งแต่ป้ายคณะไปยันโต๊ะของเพื่อนๆ ในตึก ระหว่างทางที่สองหนุ่มวิศวะขับรถมาส่ง พวกเขาไม่ได้พูดอะไรเลย เป็นช่วงเวลาที่อึดอัดที่สุดในชีวิต จนกระทั่งตอนลงจึงหันมาพูดเสียงเรียบ “คราวหน้าก็จำทางดีๆ จะได้ไม่หลงทางบ่อยนะครับน้อง” แล้วขับออกไป

“แหม! ใครมันจะโง่จนหาทางกลับคณะไม่ได้วะ! เขาเรียกว่าอ่อยโว้ย!” เจนี่บ่นกระปอดกระแปด

“แต่หมอวินน่ะ สุดยอดไปเลยเนอะ คนอะไรไม่รู้มีเสน่ห์โคตรๆ ใครไม่รักไม่หลงก็บ้าแล้ว เจนี่คิดเหมือนกันมั้ย”

“ที่สุด! ขนาดไอ้คีรีเตือนไว้แล้ว เจนี่ยังเพ้อเลย ทั้งหล่อ สุภาพ แล้วยังปากหวานโคตรๆ คือถ้าเป็นไอ้คีรีพูดแบบหมอวิน เจนี่จะด่าว่าตอแหลซ้ำๆ เท่าอายุมัน แต่พอหมอวินพูด เจนี่เคลิ้มเชื่อหมดใจเทหมดหน้าตักอะ”

“ยุ้ยว่านะ ตอนนี้ไอ้คีรีมันยังอ่อนประสบการณ์ แต่อนาคตมันคงไม่แพรวพราวไม่แพ้หมอวินแหงๆ”

“เจนี่ก็ว่างั้น”

พวกเธอเดินไปบ่นไป ไม่นานก็ถึงโต๊ะที่นั่งของเพื่อนชายอีกสามหน่อ

พอคีรีเห็นพวกเธอเข้าก็ลุกขึ้นพรวด “เป็นไงบ้างวะ!”

สองสาวเบ้ปากแล้วส่ายหน้า “เจนี่กับยุ้ยไม่ไปแล้วนะ ไอ้คณะเนี้ย”

ฟลุคกับปิ๊กรีบลุกมาต้อนพวกเธอให้นั่งลงก่อน “เฮ้ย ใจเย็น นั่งก่อน ได้เจอหมอวินมั้ยเนี่ย”

“เอ้า ดื่มอะไรหน่อยมั้ย เราซื้อมาไว้ให้” คีรีส่งกระป๋องน้ำส้มให้ ซึ่งพอสองสาวเห็นเข้าก็ผงะ

“พวกเราคงหลอนน้ำส้มไปอีกนานๆ” จากนั้นพวกเธอก็เล่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาหมาดๆ ให้ทุกคนฟัง

สามหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ แล้วยกมือขึ้นกุมขมับ “อือ สรุปว่าจีบก็ไม่ติด แถมไม่ได้รู้อะไรเพิ่มมาเลย แต่หมอวินน่ะ รู้ว่านายสองคนเป็นใคร เรียนคณะไหน ปีอะไร เวรกรรม!”

“พวกนายอะ หมอวินเขาไม่ธรรมดาเลยนะเว้ย”

“เราก็เตือนแล้วไง” คีรีเอื้อมมือไปลูบศีรษะเพื่อนสาวทั้งสองเพื่อปลอบใจ “ขวัญเอ๊ยขวัญมานะ”

“ถ้าพี่ภูพิงค์ไม่เข้ามาขัดจังหวะก็น่าจะได้รู้อะไรมากกว่านี้แหละ”

“เราว่า ได้รู้นี่คือหมอวินได้รู้หมดทุกอย่าง เพราะพวกนายโป๊ะแตกสารภาพออกไปหมดน่ะสิ”

สองสาวยิ้มแห้งแล้วพูดเสียงอ่อย “แต่เห็นว่าเดี๋ยวจะมีประชุมเชียร์ หมอวินว่าจะรอไปกินข้าวกับพวกพี่ภูพิงค์ ถ้างั้นหมอวินน่าจะอยู่ที่คณะอีกสักพักนะ”

ปิ๊กขมวดคิ้วครุ่นคิด “ว่าแต่... ทำไมพี่ภูพิงค์ต้องเข้ามาขัดจังหวะด้วยวะ”

ฟลุคพยักหน้าหงึกๆ “หรือว่า... จะหึง?”

“พูดยากว่ะ ดูสีหน้าไม่ออก” สองสาวตอบ

ฟลุคกับปิ๊กหันมองหน้ากันแล้วพูดขึ้น “งั้นเดี๋ยวหมอวินต้องเจอพวกกู!”

“เดี๋ยวๆ” คีรีคว้าแขนเพื่อนหนุ่มทั้งสองคนไว้ “ยุ้ยกับเจนี่เพิ่งเข้าไป พวกมึงจะตามไปเลยเหรอ มันจะไม่น่าสงสัยรึไงวะ”

“ไม่ไปตอนนี้แล้วจะไปตอนไหนวะ หมอวินจะมาที่คณะอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”

เด็กหนุ่มปล่อยมือออก “นั่นสินะ”

“ไม่ต้องห่วงเว้ย พวกกูวางแผนไว้แล้ว ยังไงก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเขามีแฟนรึยัง เป็นแฟนกับพี่ภูพิงค์หรือเปล่า คอยดูคารมคมหอกของพวกกูเถอะ!”

คีรียิ้มแหยๆ “ขอบใจว่ะ แต่ระวังหน่อยละกัน หมอวินไม่ใช่คนที่จะหลอกถามอะไรได้ง่ายๆ นะเว้ย”

“เออน่ะ เพื่อนมึงก็ใช่ย่อยมั้ยล่ะ” สองหนุ่มยืดอกตอบ



TBC



ตอนนี้มีน้องพิงค์กับพี่วินมาแจมด้วย เผื่อมีใครคิดถึงนะคะ อิอิ ทุ่มน้ำตาลหวานใส่กันแบบน่าหมั่นไส้ไม่เปลี่ยนเลย สงสารหมอเต้ที่ต้องอยู่กับสองคนนี้ 555555

ทางเพื่อนสาวสองคนของคีรีก็แพ้น็อคไปเรียบร้อย แล้วเพื่อนหนุ่มจะรอดมั้ย ติดตามตอนหน้าค่ะ

แต่ว่าตอนนี้หมอเต้ไม่มีซีนเลยเนอะ ไว้ตอนหน้าฮัสกี้ทบต้นทบดอกให้นะคะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 04-12-2018 19:16:14
ฉากสวีทของหมอวินท์กับน้องพิงค์นี่แย่งซีนทุกสิ่งค่ะ   :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 04-12-2018 19:19:32
อีกสองหนุ่มจะทำอะไรกันคะเนี่ย สู้พี่วินไหวรึเปล่า5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 04-12-2018 19:23:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-12-2018 20:08:41
 :pig4: :pig4: :pig4:

ที่กับใครคนอื่นนี่  ฉลาดเป็นกรดเลยนะ  หมอวิน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 04-12-2018 20:24:15
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-12-2018 20:40:04
 :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 04-12-2018 21:30:15
555555 หมอวิน ก็ยังมาวินตลอดด
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 04-12-2018 21:31:36
พวกนายสองคนจะมาแย่งซีนคนอื่นแบบนี้ม่ายด้ายยยยยยยย
ปล. อยากเห็นหมอวินดุร้ายใส่แก็งเด็กดอยอ่ะ อารมณ์แม่แมวหวงลูก คุ้มคลั่งกัดทุกคนที่ขวางหน้า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 04-12-2018 21:36:55
อาร้ายยก๊านน พี่หมอเต้ค่าตัวแพงเหรอคะ คิดถึงๆอะ ไม่มีบทเลย ส่วนพี่วินกับร้องพิงค์นี่ พวกนางออกมากันซีนเด็กดอยโม้ดด 55  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-12-2018 21:44:51
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 04-12-2018 21:47:31
จะโป๊ะแตกก็ตรงนี้แหละ  :m20:
พี่ๆหมอเขาระดับเทพ หนูๆ ฝึกหัดเทพจะไปทันได้ไง  :katai3:
   :L1:   :pig4:   :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 04-12-2018 22:14:42
ไม่รู้ว่า ไรท์วางพล๊อตไว้ยังไง

แต่เรารู้สึกว่า หมอวินต้องจับโป๊ะอีแก๊งเด็กดอยนี่ได้ อาจจะให้เด็กๆวิดวะ ช่วยสืบตัวมา
น้องคีรี ต้องฝ่าด่านพี่วินก่อน ถึงจะเข้าคลุกวงในหมอเต้ได้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 04-12-2018 22:15:51
นึกว่าอ่านเรื่องของพิงค์วินหวานซะ :hao3: ขำสองสาวอ่อยจนได้เรื่องลุ้งว่าสองหนุ่มจะมีไม้เด็ดอะไรไปสืบ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-12-2018 23:54:42
ใครจะสู้พี่วินได้อ่ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 05-12-2018 01:38:25
รออ่านฉากหมอเต้กับคีรีหวานใส่กันบ้าง จะหวานสู้คู่นี้ได้ไหม อิออ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 05-12-2018 02:53:14
เด็กดอยก่อนโป๊ะแตก ไปทำให้ภูพิงค์หึงหน่อยเร็ว เอาใจช่วยนะ อิอิอิ
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 05-12-2018 02:59:03
จะโป๊ะมั้ยรอบนี้ ระวังหน่อยพวกเธอ 5555555555555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 05-12-2018 09:03:32
สองสาวเจ้าทางหมอวิน ไม่รอดได้เพราะหมอวินน่ะไม่ธรรมดา
ส่วนสองหนุ่มแนะนำเข้าทางพิงค์ดีกว่า เพราะพิงค์ก็ไม่ธรรมดา แต่แบบหึงไม่ธรรมดานะ 5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 05-12-2018 22:13:20
ใครจะโป๊ะก่อนกันล่ะงานนี้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: iikol ที่ 05-12-2018 22:39:46
ภูพิงค์น่ารักอะฮือออออออ พี่วินด้วย ตามสองคนนี้มาเลยนะ
คีรีก็น่ารักโคตรรรร
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-12-2018 23:46:32
พยายามเข้านะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 06-12-2018 09:37:59
ลุ้นอีก2หนุ่มมมมมมมม  ลมพัดหึงมันแรงนะคะ ขอเตือน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 06-12-2018 13:27:42
หมอวินนี่ตัวท็อปนะ

ยากหน่อย


แต่หลังจากที่กลายเป็นเด็กดอยกันมาแล้ว

อาจพอมีหวัง


55555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 07-12-2018 12:26:13
จ้า รอดูคารมคมหอกของเพื่อนฟลุคปิ๊ก 55555

คิดถึง~ น้องพิงค์พี่วิน มาหวานเเย่งซีน ง่าวววว :impress2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 07-12-2018 14:38:52
ความหล่อออร่าของพี่วินคงมีแค่คีรีคนเดียวที่ไม่หลงรักสินะ 555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 07-12-2018 18:42:43
เด็กพวกนี้ จะโป๊ะแตกกันหมดไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 08-12-2018 00:01:00
หมอวินกับพิงค์นี่หวานกันมาก ฮืออ เขิน  :mew3:
น้องคีรีสู้เค้านะลูกนะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 08-12-2018 17:57:45
กว่าจะรู้ความจริง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 10-12-2018 17:09:39
 :กอด1: :กอด1: มาต่อได้แล้วครับ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 10-12-2018 20:14:53
รอดูหมอเต้จะจับโป๊ะเด็กดอยยังไง อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 10-12-2018 20:35:45
ความหล่อออร่าของพี่วินคงมีแค่คีรีคนเดียวที่ไม่หลงรักสินะ 555555
เห็นด้วยกับเม้นนี้เลยย คีรีคงเป็นคนเดียวที่มองว่าหมอเต้น่ารักกว่าหมอวินตั้งเยอะ 55 (แต่อาจมีพวกคุณลุง คุณป้าชาวเขา ทีมเดียวกับคีรีด้วย คึคึ) เราว่ามันคงเป็นกลิ่นหรือบรรยากาศบางอย่างของคีรีกับพี่วินที่เป็นแม่เหล็กขั้วเดียวกันแล้วผลักกันอะแหละนะ คนเราย่อมมองหาคนที่มีในสิ่งที่เราขาดมา fulfill ชีวิตเราทั้งนั้นหล่ะเนอะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 11-12-2018 18:12:05


Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ


เสียงร้องเพลงเชียร์ดังแว่วมาจากสนามข้างตึกเรียนที่เต็มไปด้วยนักศึกษาปีหนึ่ง รวินท์นั่งอยู่แทบจะตามลำพัง มีนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์เดินผ่านไปมาบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่จะไปยืนดูน้องปีหนึ่งประชุมเชียร์กัน

ที่จริงเขาก็อยากไปยืนดูใกล้ๆ นะ แต่เขาเป็นคนนอก อยู่ห่างๆ ไว้ดีกว่า อีกอย่างภูพิงค์ก็ขอไว้ด้วย เพราะอีกฝ่ายจะเขินเก๊กแตกถ้าเขาไปนั่งจ้องน่ะสิ

รวินท์เท้าแขนลงกับโต๊ะ เล่นเกมบ้าง กดดูนู่นนี่ในโทรศัพท์มือถือบ้าง แต่เมื่อภูพิงค์เข้าประจำที่ เขาจะหยุดทุกอย่างแล้วสนใจเด็กหนุ่มเพียงคนเดียว

พิงค์ตอนทำหน้าดุนี่น่ารักจังน้า~

สักพักโทรศัพท์ที่ทันตแพทย์หนุ่มวางไว้บนโต๊ะก็สั่นเบาๆ เพื่อเตือนข้อความเข้า เขาจึงหยิบขึ้นมาดู ข้อความที่ปรากฎขึ้นบนหน้าจอเป็นของเตชิตซึ่งวันนี้ไม่ได้มาที่เชียงใหม่ด้วยเนื่องจากต้องไปออกหน่วย

‘น่าจะกลับถึงคืนนี้ ราวๆ เที่ยงคืนได้’

รวินท์พิมพ์ข้อความตอบกลับไป ‘แล้วพรุ่งนี้จะมาเชียงใหม่มั้ย’

‘ดูก่อนว่ะ เหนื่อยฉิบหาย’

‘เหนื่อยก็พักเยอะๆ กลับถึงแล้วบอกด้วย’

‘อือ คิดถึงมึงว่ะ’

‘เออๆ กูก็คิดถึง’

แล้วเตชิตก็ส่งหัวใจกลับมาให้รัวๆ เป็นผลให้รวินท์ส่ายหน้าไปมาพลางหัวเราะเบาๆ แต่จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ เขาจึงเงยหน้าขึ้นมอง

เด็กหนุ่มสองคนในชุดนักศึกษายืนฉีกยิ้มกว้างอยู่อีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะ ในมือของฟลุคถือดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่เท่ากำปั้นมาหนึ่งดอก “สวัสดีครับหมอวิน” สองหนุ่มพูดพร้อมกันราวกับท่องมา จากนั้นปิ๊กก็ดึงดอกกุหลาบออกมาจากมือเพื่อน ยกขึ้นมากัดก้านไว้แล้วยื่นหน้าเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่ “โอย อ๋ามอิ้ม” (โอย หนามทิ่ม)

รวินท์คิ้วกระตุก ทำไมวันนี้เขาเจอแต่คนแปลกๆ วะเนี่ย! “สวัสดีครับ มีอะไรรึเปล่า”

“ผมชื่อฟลุค นี่เพื่อนผมชื่อปิ๊กครับ” ฟลุคเขกศีรษะเพื่อน คว้าดอกไม้จากปากอีกฝ่ายออกมายื่นให้ทันตแพทย์หนุ่ม “ดอกไม้สวยๆ ให้หมอวินจากใจพวกผมเลยครับ”

เจ้าของชื่อขนลุกซู่ไปทั้งตัว เขาจ้องสองหนุ่มเขม็ง

โห ไอ้เด็กสองคนนี่เกิดมาเคยจีบใครบ้างเปล่าวะเนี่ย อย่าว่าแต่จีบเลย เคยดูเกิลหาวิธีจีบบ้างหรือเปล่าหรอก ไอ้วิธีที่ใช้นี่ก็โคตรเชย ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้าอย่างอ่อนใจและปฏิเสธไปพร้อมกันด้วย “ขอบคุณ แต่ผมไม่รับดีกว่า”

สองหนุ่มยิ้มเจื่อน “เอ่อ... หรือ... หรือว่า... หมอวินแพ้เกสรดอกไม้เหรอครับ”

“ผมว่าผมไม่จำเป็นต้องชี้แจงเหตุผลที่จะไม่รับอะไรก็ตามจากคนแปลกหน้านะ”

“โธ่ๆ พวกผมอยากรู้จักหมอวินนะครับ”

“แต่ผมไม่ได้อยากรู้จักพวกคุณนี่ครับ”

“โห อย่าเพิ่งใจร้ายสิครับ พวกผมก็แค่อยากเป็นเพื่อนด้วยเอง” ปิ๊กถือวิสาสะนั่งลงตรงที่นั่งฝั่งตรงข้ามกัน แล้วหันไปกระตุกแขนฟลุคให้นั่งลงมาด้วย “ให้โอกาสพวกผมพาหมอวินไปเลี้ยงข้าวสักมื้อนะครับ หมออยากกินอะไรบอกเลย สั่งได้ทุกอย่างไม่อั้น”

รวินท์ชำเลืองมองไปทางด้านหลังสองหนุ่ม ก่อนจะตีหน้าซื่อใส่ “ผมไม่เข้าใจ พวกคุณจะอยากรู้จัก อยากเป็นเพื่อนกับผมไปทำไม แล้วพวกคุณจะเลี้ยงข้าวผมทำไม มีสาเหตุอะไร ต้องการอะไรจากผมเหรอครับ”

“โธ่! พวกผมลงทุนบุกมาขนาดนี้แล้ว ก็เพราะจะจีบหมอวินน่ะสิครับ! หรือว่าหมอวินมีแฟนแล้วกันครับ! ถ้ามีแล้วก็บอก...” ฟลุคโพล่งออกไป แล้วก็ชะงัก เมื่อรู้สึกว่าใต้ตึกในบริเวณนั้นเงียบกริบลงทันควัน คนที่เดินไปเดินมากันอยู่ก็หยุดหันมองมาที่พวกเขากันหมด

ปิ๊กกระซิบ “ซวยแน่แล้วไอ้ฟลุค!” สมพรปากเด็กหนุ่ม เพราะทันทีที่เขาพูดจบ เสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งก็มุ่งตรงเข้ามาที่พวกเขา

รวินท์เงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มนักศึกษาปีสี่ที่ยืนออกันอยู่ด้านหลังสองหนุ่มจากคณะบริหาร “พวกเขาจะจีบผมว่ะพิงค์”

พิงค์!? จากภูพิงค์หรือเปล่าวะ!

ปิ๊กและฟลุคเสียววาบไปถึงปลายไส้ติ่ง พวกเขาหันไปทางด้านหลังช้าๆ แล้วก็พบรุ่นพี่ปีสี่ซึ่งเป็นพี่ว้ากของคณะวิศวะด้วยยืนทำหน้าขรึม

“อยากมีเพื่อนคุยด้วยเหรอ พวกผมจะช่วยเอง” ภูพิงค์พูดเสียงเรียบ “เชิญคุณสองคนทางนี้หน่อย”

“เอ่อ...” สองหนุ่มหน้าซีด ในใจอุทานฉิบหายรัวๆ

“ลุกสิคุณ หรือต้องให้อุ้มไปวะ”

“ลุกแล้วครับพี่”

“ตามมา”

รวินท์ส่ายหน้าไปมา “อย่าเล่นกับน้องแรงๆ นะพิงค์” เขาว่ามันแปลกๆ นะ ที่จู่ๆ จะมีคนเพี้ยนหนักพอที่จะบุกเข้ามาถึงในตึกด้านในสุดของคณะวิศวะนี่เพื่อจีบเขา ถ้ารู้จักเขาและรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาได้ยังไงก็น่าจะต้องเคยเห็นเพจของคณะวิศวะผ่านตามาบ้าง เพราะงั้นจะไม่รู้เลยจริงๆ หรือว่าใครๆ ก็จิ้นเขากับภูพิงค์ จิ้นจนกลายเป็นเรื่องจริงไปแล้วเนี่ย

เพราะงั้นก็ไม่น่าจะเข้ามาหาเขาเพราะจะจีบจริงๆ น่าจะใช้เหตุผลนี้เพื่อบังหน้าเท่านั้น

แต่เอ... ก่อนหน้าก็มีผู้หญิงมาสองคนนี่นะ จากคณะเดียวกัน แก๊งเดียวกันหรือเปล่าวะ อาจจะเข้ามาหาเขาด้วยจุดประสงค์เดียวกันก็ได้

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้วมุ่น “แปลกว่ะ มันต้องมีเบื้องหลังอะไรแหงๆ”



ฝ่ายภูพิงค์นั้น เมื่อเดินนำสองหนุ่มไปในที่ลับตาคนแล้ว เขาก็ยืนประจันหน้ากับสองหนุ่ม โดยมีเพื่อนๆ กลุ่มใหญ่ยืนเป็นแบ็กกราวน์อยู่ทางด้านหลัง

“พวกคุณเป็นใครวะ ชื่ออะไร อยู่คณะไหน”

“เอ่อ... ผมชื่อปิ๊ก ไอ้นี่ฟลุคครับ อยู่บริหารปีสองครับพี่”

“แล้วมีธุระอะไรกับคนของผม คุยกับผมแทนก็ได้นะ”

“เปล่า... เปล่าครับพี่”

“เมื่อกี้ไม่ได้พูดแบบนี้นี่”

“พวกผมไม่มีจริงๆ คร้าบ แค่อยากรู้จักกับหมอวินเท่านั้นจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจจะจีบเลย”

“นี่พวกคุณเห็นพี่วินเป็นของเล่นรึไง!” เสียงของภูพิงค์ดุขึ้นไปอีก พอเขาก้าวเข้าไปหาพวกเด็กหนุ่ม อีกฝ่ายก็ถอยหลังหนี ถอยไปจนหลังชนกำแพงแล้ว

“ผู้หญิงสองคนที่มาก่อนหน้าก็เพื่อนพวกคุณใช่มั้ย”

ปิ๊กกับฟลุคอยากจะร้องไห้แล้วตอนนี้ พวกเขาพยักหน้าหงึกๆ พอสบสายตารุ่นพี่ ใจก็หดเหลือเท่ามดลูกปลาซิว จะหนีก็ท่าจะไม่รอด จะสู้ก็... สี่ตีนจะสู้รุ่นพี่เป็นสิบตีนได้ยังไง

“บอกความจริงมา พวกคุณต้องการอะไร มายุ่งกับพี่วินทำไม”

“เอ่อ พวกผม แค่...อยากรู้ว่าหมอวินมีแฟนรึยังน่ะครับ” พวกเขาตอบเสียงอ่อย แต่กลับทำให้ภูพิงค์พูดเสียงดังขึ้น ดุขึ้นไปอีกเลเวล

“จะรู้ไปทำไมวะ!”

“คือ... เพื่อนพวกผมอยากรู้คร้าบ”

“ใครวะเพื่อนพวกคุณน่ะ! คนไหน! ชอบพี่วินเรอะ!”

“เปล่าครับเปล๊าาา!” สองหนุ่มยกมือขึ้นกุมศีรษะ หลับตาปี๋ แล้วสารภาพบาปทันที “เพื่อนผมมันชอบหมอเต้น่ะคร้าบ!”

คำตอบที่ได้รับเป็นผลให้ภูพิงค์ชะงัก นิ่งไปชั่วครู่

“ฮะ ชอบไอ้พี่เต้เหรอ”

น้ำเสียงที่อ่อนลงไปมหาศาลทำให้สองหนุ่มกล้าพอที่จะลืมตาเงยหน้าขึ้น แล้วพยักหน้าหงึกๆ “ครับ มัน... มันอยากรู้ว่าหมอเต้ยังโสดมั้ย จะถามตรงๆ ก็ไม่กล้า แต่เพราะหมอเต้ตัวติดกับหมอวินตลอดเลย ก็เลยกลัวว่าที่จริงหมอวินจะเป็นแฟนกับหมอเต้น่ะคร้าบ แล้ว...แล้วมันก็อยากรู้จักกับหมอวินมากด้วย อยากให้หมอวินช่วยมันจีบหมอเต้น่ะคร้าบ” สองหนุ่มสารภาพซะหมดเปลือก

ภูพิงค์อ้ำอึ้ง คือเขาควรจะโกรธที่ไอ้พวกนี้ริอาจมาอ้อร้อกับพี่วินของเขา แต่ก็แบบ... “เพื่อนคุณจะจีบพี่เต้เหรอ”

“มันจีบอยู่ครับพี่ ตามจีบมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว”

“พี่เต้รู้ตัวรึเปล่า”

“รู้...คิดว่ารู้นะครับ”

“แล้วได้พบกันบ่อยมั้ย?”

“ก็...แทบทุกอาทิตย์นะครับ”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว เขานึกย้อนไปถึงตอนที่เห็นพี่เต้คุยโทรศัพท์ท่าทางแปลกๆ ลับๆ ล่อๆ เหมือนแอบค้ายาบ้าเมื่อครั้งก่อนนู้น หรือว่าที่รีบรุดออกไปคราวนั้นโดยไม่ให้บอกใครก็เพื่อไปพบกับเพื่อนของน้องกลุ่มนี้วะ มิน่าล่ะ ไอ้พวกเพื่อนเขาถึงว่าช่วงนี้โดนพี่เต้ลอยแพบ่อยๆ คงหายไปกับเพื่อนของไอ้เด็กพวกนี้แหงๆ

โห ไอ้พี่เต้ก็ร้ายเหมือนกันแฮะ!

“เพื่อนคุณที่จีบพี่เต้เป็นใครวะ ไม่ใช่ผู้หญิงสองคนก่อนหน้าใช่มั้ย”

“ไม่ใช่ครับ” สองหนุ่มส่ายหน้ายิก “พวกผมบอกไม่ได้จริงๆ ครับ แต่เพื่อนผมมันจริงจังนะครับ มันชอบหมอเต้มาก ชอบจนเพี้ยนหนักไปเลย ทำให้พวกผมเพี้ยนไปด้วยเลยเนี่ย พี่ลองคิดดูสิครับ ถ้าพวกผมไม่เพี้ยนไม่บ้าก็คงไม่กล้าเสี่ยงบุกมาถึงที่นี่แน่ๆ”

“แล้วทำไมเพื่อนคุณไม่มาเอง ขี้ขลาดเหรอวะ”

“ไม่นะครับ มันใจกล้าหน้าด้านจะตาย! คือ... ที่จริงมันก็อยากมาน่ะแหละ แต่ตอนนี้มันยังแสดงตัวไม่ได้ มันมีความจำเป็นมากจริงๆ”

“พวกคุณนี่ก็เป็นเพื่อนที่ดีเนอะ” ภูพิงค์ยกมือขึ้นตบไหล่สองหนุ่ม แล้วถอนหายใจหนักๆ “ผมฝากไปบอกเพื่อนคุณด้วย ถ้าอยากจีบพี่เต้ผมก็ไม่จะยุ่ง แต่ถ้าเขากล้าพอที่จะแสดงตัวกับผม ผมก็ยินดีที่จะได้รู้จักกับเขา และถ้าเขาจริงใจพอ พิสูจน์ตัวเองได้ว่าชอบพี่เต้มากจริงๆ ผมก็ยินดีจะช่วยเหลือ”

“ฮะ!?” สองหนุ่มเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่ออะไรที่ผ่านเข้ามาในรูหูเลยตอนนี้

“เพราะงั้นไม่ต้องตามสืบตามยุ่งอะไรกับพี่วินอีก! เข้าใจมะ!” ภูพิงค์ดุเสียงเข้ม “ไปเว้ย!” จากนั้นก็หันหลังเดินกลับออกไปพร้อมกับเพื่อนๆ ของตน

สองหนุ่มยืนทำตาปริบๆ เข่าทรุดลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น ใจนึกว่าต้องโดนยำตีนแน่แล้ว แต่ก็รอดมาได้แบบฉิวเฉียด

“หมอวินต้องเป็นสมบัติของคณะนี้แหงๆ แม่งหวงกันยิ่งกว่าจงอางหวงไข่อี้กกก~”

“รีบกลับคณะก่อนเหอะมึง เดี๋ยวพี่ภูพิงค์วกกลับมาอีกรอบ ซวยตาย”

สองหนุ่มจูงมือกันใส่ตีนหมาโกยแน่บ พอไปถึงรถที่จอดไว้ก็ขับกลับไปที่คณะทันที



ภายใต้ตึกเรียนคณะซึ่งอยู่ไม่ไกลจากลานจอดรถนัก คีรีและเพื่อนสาวอีกสองชีวิตนั่งชะเง้อจนคอแทบจะยาวเป็นกะเหรี่ยงคอยาว

“คีรี นายว่าจะได้เรื่องมั้ยอะ”

เจ้าของชื่อส่ายหน้าไปมา “อันที่จริง ตั้งแต่รู้จักกันมา เราไม่เคยเห็นฟลุคกับปิ๊กจีบใครเลยนะ รู้สึกเหมือนส่งหมูไปให้สิงโตเชือดเล่นๆ ยังไงก็ไม่รู้ว่ะ”

เสียงเตือนข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เด็กหนุ่มรีบตะปบขึ้นมาดูทันที ก่อนจะยิ้มหน้าบานเท่ากระจาด เพราะบนหน้าจอปรากฎข้อความของคนที่เขารอให้ตอบกลับมาตลอดทั้งสัปดาห์ หลังจากที่เพียรส่งไปหาทุกวัน วันละเป็นสิบข้อความ

‘ผมจะกลับถึงลำพูนประมาณเที่ยงคืน ยังไม่รู้ว่าอาทิตย์นี้จะไปเชียงใหม่รึเปล่า’

คีรีขมวดคิ้ว สีหน้าสลดลงทันควัน หมอเต้บอกเขาว่าจะไปออกหน่วย ไปทำฟันในพื้นที่ทุรกันดาร กลับดึกแบบนี้คงจะเหนื่อยมากเลยทีเดียว อาจจะไม่มาเชียงใหม่ด้วย แบบนี้ก็ไม่ได้เจอกันน่ะสิ เขาไม่ได้เจออีกฝ่ายมาเป็นสัปดาห์แล้วนะ คิดถึงจะแย่

อยากเจอชะมัด

แต่หมอเต้ส่งข้อความมาหาเขาแบบนี้ ก็น่าจะหมายความว่านึกถึงเขาบ้างเล็กน้อยหรือเปล่านะ พอคิดแบบเข้าข้างตัวเองไปก็ยิ้มออกมาได้เล็กน้อย

สองสาวที่นั่งอยู่ด้วยกันจ้องเพื่อนหนุ่มเขม็ง “มันใกล้บ้าแล้วมั้ง เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวเศร้า เดี๋ยวบึ้งได้ในหนึ่งนาที ต้องพาไปฉีดวัคซีนกันพิษหมาบ้ามั้ยเนี่ย”

“พวกนายนินทาระยะเผาขนไปมั้ยวะ” คีรีหันไปต่อว่า เขายังไม่ทันพิมพ์ข้อความตอบทันตแพทย์หนุ่มไป เพื่อนรักอีกสองชีวิตที่เพิ่งกลับมาจากคณะวิศวะก็เดินอ่อนระโหยโรยแรงเข้ามาหา เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “เฮ้ย ทำไมทำท่าเหมือนไปโดนรุมโทรมมาแบบนี้วะ”

ปิ๊กและฟลุคทรุดตัวลงนั่ง “ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงอะมึง เพื่อนมึงเกือบเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่คณะวิดวะแล้วเนี่ย ฮือ น่ากลัวฉิบหาย”

“หมอวินทำอะไรพวกมึงเหรอวะ” คีรีหยิบน้ำส้มชุดเดิมที่ซื้อไว้ส่งให้ “เอ้า ใจร่มๆ ดื่มน้ำก่อน”

สองหนุ่มส่ายหน้าไปมาก่อนปิ๊กจะโวยวาย “เปล่าเว้ย! แต่พวกพี่ภูพิงค์จะกระทืบพวกกูไส้แตกน่ะสิ! ตอนแรกพวกกูก็นั่งคุยกับหมอวินอยู่ดีๆ แต่พอเสือกหลุดปากว่าจะจีบหมอวินนะ พี่ภูพิงค์แม่งก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วทำหน้าเหมือนจะต้องเอาเลือดออกจากหัวพวกกูให้ได้อะ!”

ฟลุคพูดต่อ “เอาจริงๆ นะ กูว่าถ้าพี่เขาไม่ดูใจกับหมอวินอยู่ก็คบกันแล้วแหงๆ แม่ง หวงฉิบหาย หวงเว่อร์! กูฟันธงได้เลยว่าพี่ภูพิงค์ชอบหมอวิน!”

“เออ เจนี่เห็นด้วยนะ ยุ้ยว่ามะ” เธอหันไปถามเจ้าของชื่อที่นั่งอยู่ข้างกัน ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารัว “ใช่ๆ”

“อีกอย่างนะ พี่ภูพิงค์น่ะ น่าจะสนิทกับหมอเต้พอสมควร เห็นเรียกพี่เต้งี้ ไอ้พี่เต้งี้” สองหนุ่มผลัดกันเล่าประสบการณ์ขนตูดลุกที่เพิ่งได้รับมาหมาดๆ “แต่พอบอกว่ามึงจะจีบหมอเต้ เสียงพี่ภูพิงค์เปลี่ยนไปแบบหลังตีนเป็นหน้ามือเลยเว้ย”

“พวกมึงว่าพี่ภูพิงค์จะตามหาตัวกูมั้ยวะ” คีรีชักจะเป็นกังวล

“คงไม่หรอกมั้ง พี่เขาหวงหมอวินคนเดียวนี่หว่า แถมยังบอกด้วยว่าถ้ามึงกล้าพอที่จะไปทำความรู้จักกับเขา และพิสูจน์ความจริงใจของมึงได้ พี่เขาก็จะช่วยมึงด้วย แต่ไม่ให้ไปยุ่งกับหมอวินอีก”

“บางทีหมอเต้ก็อาจจะเป็นศัตรูหัวใจพี่ภูพิงค์เหมือนกันนะ ยุ้ยว่าดีไม่ดีถ้าเข้าทางพี่ภูพิงค์ อาจจะง่ายกว่าหมอวินซะอีก”

“เออ ถึงไม่ได้หมอวินช่วย แต่ถ้าได้พี่ภูพิงค์มาแทนก็ไม่แย่ปะวะ”

คีรีกัดริมฝีปากพลางขมวดคิ้ว “ถ้ากูไม่ติดว่ารับบทเป็นชาวเขาทำงานโรงแรมอยู่ กูจะบุกไปหาพี่ภูพิงค์แม่งเดี๋ยวนี้เลย”

“แต่มึง...ไม่กลัวเหรอวะ พี่ภูพิงค์แม่ง ดุแบบตรงข้ามกับหน้าตาฉิบหาย”

“ไม่กลัว ถ้าพี่เขาจะช่วยกูจริงๆ กูก็ยอมเสี่ยง” คีรีนิ่งไปชั่วครู่ แล้วหันไปสบสายตาเพื่อนๆ “พวกมึงว่าหมอวินรู้ตัวมั้ยวะ ว่าพี่ภูพิงค์หวงมาก”

“รู้ดิ เป็นคนฟ้องเองซะขนาดนั้น”

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ “อืม... หมอวินมาหาพี่ภูพิงค์ถึงคณะบ่อยๆ ส่วนพี่ภูพิงค์ก็หวงหมอวินมาก ถ้าขนาดนี้จะไม่มีใจให้กันเลยก็คงแปลกมั้ยวะ”

“จริงของมึงว่ะ บางทีอาจจะเป็นคู่จิ้นกันจนกลายเป็นของจริงแล้วก็ได้”

ยุ้ยขมวดคิ้ว “อือ... แต่นายบอกว่า ตอนหมอวินอยู่กับหมอเต้ หรือเวลาเขาพูดคุยกันก็หวานมากเหมือนเป็นแฟนกันนี่นา”

คีรีชักจะลังเล เขานึกย้อนไปถึงคำพูดของหมอวินที่ตรงตู้เย็นในหอพักหมอเต้ที่ลำพูนครั้งนั้น ฟังดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นแค่เพื่อนกันแน่ๆ แถมหมอวินยังดูจะหวงหมอเต้มากซะด้วย

“บางทีหมอวินอาจจะยังเลือกใครไม่ได้ แบบ... อารมณ์รักคนนึงแต่ก็ห่วงอีกคนนึง อยากเก็บไว้ทั้งสองคนอะไรแบบนี้” เจนี่เสริม

นั่นสินะ หมอเต้ก็เคยบอกเขาว่าหมอเต้กับหมอวินน่ะเป็นเพื่อนสนิทกันเฉยๆ ถ้าอย่างนั้น ก็อาจจะเป็นรักสามเส้าจริงๆ

“ถ้าหมอเต้เป็นมารหัวใจของพี่ภูพิงค์ นายก็ยิ่งควรร่วมมือกับพี่เขาเข้าไปใหญ่เลยนะ”

“แต่ตอนนี้เรายังเข้าไปหาพี่เขาไม่ได้น่ะสิ” คีรียกมือขึ้นกุมศีรษะ “โอย ทำไมมันอีรุงตุงนังแบบนี้วะเนี่ย”

“ใจเย็นไว้เพื่อน อย่างน้อยก็ได้รู้อะไรเกี่ยวกับหมอวินหมอเต้มากขึ้นอีกนิดนึงแล้วนะ พี่ภูพิงค์ก็ออกปากว่าจะช่วยเหลือมึงด้วย ไม่ต้องเสี่ยงตายเข้าไปหาหมอวินอีกแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่รอโอกาสดีๆ เท่านั้น”

“อือ ขอบใจทุกคนมากนะ” เด็กหนุ่มยิ้มบาง

“ไปเหอะ ไปหาอะไรกินกันดีว่า กองทัพเดินด้วยท้องเว้ย” ปิ๊กลุกขึ้นพลางตบไหล่เพื่อนรักเบาๆ 


(มีต่อค่ะ)


หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 10 : กระตุกหนวดแมว [041218]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 11-12-2018 18:12:35


หลังจากไปกินมื้อเย็นกันเสร็จ คีรีก็ขับรถ BMW ของตนกลับไปยังคอนโดมิเนียม ระหว่างทางที่ขับไปก็เห็นว่าเกือบสามทุ่มแล้ว เขาชำเลืองมองสร้อยข้อมือที่สวมอยู่ ใจนึกไปถึงทันตแพทย์หนุ่ม ความคิดถึงอัดแน่นอยู่ในอก เขาไม่ได้พบหมอเต้มาครบสัปดาห์แล้ว ถ้าหากหมอเต้ไม่มาเชียงใหม่อีก อาทิตย์นี้ก็คงไม่ได้พบกันยาวไปถึงอาทิตย์หน้า มีหวังเขาขาดใจตายแน่ๆ

และที่สำคัญที่สุด ในเมื่อหมอวินอยู่ที่เชียงใหม่ แสดงว่าหมอเต้ต้องอยู่ลำพูนคนเดียว ทางสะดวกราบรื่นกว่านี้เขาคงหาไม่ได้แล้วล่ะ

พอถึงที่พักเด็กหนุ่มจึงรีบขึ้นห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะเดินกลับลงมาที่รถอีกครั้ง แล้วขับออกไป มุ่งหน้าสู่เมืองลำพูน

คีรีแวะซื้อของกินระหว่างทางไว้ให้ทันตแพทย์หนุ่ม เขาไปถึงโรงพยาบาลลำพูนในตอนเกือบๆ ห้าทุ่ม  เอารถไปจอดแอบไว้ในที่จอดรถด้านหน้าโรงพยาบาล นั่งเล่นอยู่ในรถสักพักจนเกือบเที่ยงคืนจึงค่อยหอบถุงของกินลงมา แล้วเดินดุ่มๆ ไปที่หอพักของอีกฝ่าย

เขานั่งลงรอที่โต๊ะม้าหินใต้ตึกหอพักตัวเดิม จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดส่งข้อความออกไป

‘มาถึงหอพักรึยังครับ’

‘ใกล้ถึงแล้ว มีอะไรรึเปล่า’

‘คิดถึงครับ’

ไม่มีคำตอบกลับมาจากทันตแพทย์หนุ่ม คีรีจึงส่งข้อความไปอีก ‘ผมคิดถึงคุณ คิดถึงมากๆ เลย’

หากอีกฝ่ายอ่านแล้วก็ยังคงเงียบไปอีกพักใหญ่ ปล่อยให้เด็กหนุ่มตบยุงรอแบบเหี่ยวๆ ต่อไป

คีรีหยิบซองใส่เงินที่เตชิตเคยให้ไว้ขึ้นมาดู ข้างในซองนั้นเหลือธนบัตรใบละร้อยใบสุดท้ายแล้ว ถ้าหากระหว่างเขากับทันตแพทย์หนุ่มไม่มีอะไรคืบหน้าขึ้นในการพบกันครั้งนี้...

หมอเต้จะยังจำได้มั้ยนะ ความหมายของการคืนเงินนี่

เด็กหนุ่มขยุ้มซองใส่ธนบัตรอย่างลืมตัว

เขาไม่น่ากำหนดอะไรแบบนี้ขึ้นมาเลย มันเป็นแค่กลไกในการปกป้องตัวเองของเขาเท่านั้น เพราะกลัวว่าจะต้องเจ็บ จะต้องอกหัก กลัวว่าตนเองจะถลำลึกแล้วถอนตัวไม่ขึ้น

แต่มันก็สายไปแล้วล่ะ

คีรีเก็บซองธนบัตรกลับใส่กระเป๋ากางเกง เอนหลังพิงพนักม้านั่งพลางถอนหายใจ 



ฝ่ายทันตแพทย์หนุ่มที่นั่งอยู่ในรถตู้ร่วมกับทันตแพทย์อีกสองสามคน พอเห็นข้อความของเด็กหนุ่มก็อมยิ้มเล็กน้อย เป็นผลให้ทันตแพทย์คนอื่นๆ ในรถเอ่ยปากแซว

“แหม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยหมอเต้ แฟนรออยู่สินะครับ”

“ไม่มีหรอกครับ แฟนอะไร” เตชิตหัวเราะ

“โห ไม่เชื่อหรอกครับ นี่ตอนที่โรงบาลผมรู้ว่าผมจะมากับหมอเต้ สาวๆ ในแผนกตื่นเต้นกันใหญ่ นี่ถ้ารู้ว่าหมอเต้ยังโสดคงจะต้องมีการย้ายโรงบาลกันแหงๆ”

ไม่นานรถตู้ก็เลี้ยวเข้ามาจอดในเขตโรงพยาบาลไม่ไกลจากหอพักแพทย์นัก เตชิตบอกลาทุกคนแล้วก้าวลงไปจากรถ เขาถือกระเป๋าเป้เดินฉับๆ ตรงไปยังหอพักของตน

ระหว่างทางที่เดินไปก็ส่ายหน้าไปมา ไอ้เหนื่อยก็เหนื่อยอยู่หรอกนะ ตอนแรกคิดว่าคงจะไม่ไปเชียงใหม่แล้ว เสาร์อาทิตย์นี้จะขอนอนพักให้เต็มอิ่มสักหน่อย แต่... พอนึกถึงดวงตาลูกสุนัขคู่นั้นก็รู้สึกสงสาร เขาไม่ได้เจอเด็กหนุ่มมาครบสัปดาห์แล้ว คราวนี้อีกฝ่ายหมั่นส่งข้อความมาหาเขาบ่อยๆ อย่างที่พูดจริงๆ ส่งรูปตัวเองบ้าง รูปของกินบ้าง บางครั้งก็เป็นรูปทิวทัศน์ข้างทาง ตึกหรือตลาด และปิดท้ายวันด้วยข้อความบอกราตรีสวัสดิ์เป็นประจำทุกคืน น่าเสียดายที่สถานที่ที่เขาไปออกหน่วยไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ตอนเดินทางกลับมานี่ พอเข้าเขตที่มีสัญญาณโทรศัพท์ ข้อความก็เด้งขึ้นพรวดๆ เลยทีเดียว

พอกดอ่านข้อความดูก็อดยิ้มไม่ได้ เขาคิดว่าน่ารักดีนะ อีกฝ่ายขยันส่งมาทุกวันอย่างที่พูดไว้ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ตอบกลับไปเพราะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ก็ตามที

คีรีค่อยๆ แทรกตัวเองเข้ามาในความคิดของเขา จากที่เคยคิดถึงแต่รวินท์คนเดียวอยู่ตลอด เขายอมรับว่าก็มีบางครั้งที่นึกถึงเด็กหนุ่มอยู่บ้าง

“เฮ้อ...” เตชิตถอนหายใจหนักๆ อีหร็อบนี้ พรุ่งนี้มีหวังเขาคงต้องถ่อสังขารไปเชียงใหม่แหงๆ

เมื่อเดินเข้าใกล้ประตูทางเข้าในตึก เขาก็เห็นคนที่ท่าทางคุ้นๆ ใส่เสื้อผ้าฝ้ายคอจีนกับกางเกงขายาว นั่งเท้าแขนลงกับโต๊ะแล้วเอาคางเกยไว้ สายตาดูจะจับจ้องอยู่ที่บางสิ่งบางอย่างบนโต๊ะ ตรงหน้ามีถุงพลาสติกมากมายวางเรียงอยู่

เตชิตเลิกคิ้วขึ้น คีรีเหรอ? มาได้ไงวะเนี่ย

พอทันตแพทย์หนุ่มเดินเข้าไปใกล้ ก็เห็นว่าสิ่งที่อีกฝ่ายจ้องอยู่นั้นคือโทรศัพท์มือถือ

เสียงฝีเท้าของเขาเรียกให้คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหันมามอง แล้วยิ้มกว้าง

“คุณเตชิต!”

“คุณมาได้ยังไงเนี่ย นี่มันดึกมากแล้วนะ แล้วทำไมมานั่งเลี้ยงยุงแบบนี้ เดี๋ยวก็ไม่สบายพอดี” เตชิตพูดเสียงดุ พอชำเลืองดูโทรศัพท์มือถือก็เห็นว่าหน้าจอมืดสนิท นั่งจ้องโทรศัพท์ทำไมวะ? รอข้อความตอบกลับจากเขางั้นหรือ?

“ก็คิดถึงคุณเตชิต ผมเลยนั่งรถมาจากเชียงใหม่ ซื้อของกินมาให้คุณด้วย”

สีหน้าของเด็กหนุ่มหลังจากถูกเขาดุเอาไม่ได้สลดลงไปเลย ถ้ากระดิกหูกับหางได้ อีกฝ่ายคงทำไปแล้ว ทันตแพทย์หนุ่มนึกพลางยิ้มกริ่มอยู่ในใจ 

“คิดว่าคุณเตชิตกลับมาดึกๆ คงจะเหนื่อยแล้วก็หิว จะออกไปหาอะไรกินตอนนี้ก็คงลำบาก”

เจ้าของชื่อทำเป็นถอนหายใจหนักๆ “ขอบใจที่นึกถึง เจอผมแล้วก็รีบกลับไปได้ละ”

 คีรีหน้าเสีย เขายืนอ้ำอึ้ง ไม่นึกว่าจะโดนไล่กลับไวปานสายฟ้าฟาดขนาดนี้ “แล้ว... ของกิน...”

“ผมกินมาแล้ว คุณเอากลับไปกินที่ห้องกับเพื่อนคุณเถอะ”

เด็กหนุ่มชะงักค้าง สีหน้าเศร้าหนักลงไปอีก ก็นั่นสินะ หมอเต้ไม่มีเหตุผลที่จะให้เขาตามขึ้นห้องไปด้วยสักหน่อย หมอวินไม่อยู่เหมือนเมื่อครั้งที่แล้วนี่หว่า เขาหลุบตาลงต่ำ เจ็บเสียดในหัวใจ

พอเห็นท่าทางของคีรีก็คิดว่าตัวเองล้อเล่นแรงไปหน่อย เตชิตยกมือขึ้นวางบนหัวไหล่ของเด็กหนุ่ม “ผมล้อเล่นน่ะ ทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้”

คีรีเงยหน้าขึ้นสบสายตากับทันตแพทย์หนุ่ม “ล้อเล่นเหรอครับ”

เมื่อประสานสายตากับแแววตาที่สั่นไหวและได้ยินน้ำเสียงเศร้าเช่นนั้น ทันตแพทย์หนุ่มก็ใจอ่อนยวบ รู้สึกผิดหนักกว่าเดิมไปอีก “คุณไม่ควรมาตอนดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ มันอันตราย ยุงก็เยอะ ถ้าไม่สบายขึ้นมาจะแย่นะ ไปเถอะ หยิบของขึ้นมาสิ จะได้ขึ้นไปข้างบนกัน”

“คุณเตชิตเป็นห่วงผมเหรอครับ”

คราวนี้คนถูกถามเลยชะงักไปบ้าง เขาถอนหายใจเบาๆ “เออ” แล้วเดินนำออกไป

คีรียิ้มออกมาได้ แค่คำตอบสั้นๆ แต่ทำให้ขุมพลังเต็มทะลุเพดาน เขารีบลุกขึ้น รวบถุงทั้งหมดมาไว้ในมือ จากนั้นก็เดินตามทันตแพทย์หนุ่มเข้าไปข้างในตึก

ขณะที่ยืนอยู่ข้างในลิฟต์โดยสาร เตชิตก็ถามขึ้น “มานานรึยัง”

“มาถึงก่อนคุณเตชิตประมาณชั่วโมงนึงได้ครับ”

“ถ้าผมไม่กลับขึ้นมาจะทำไง”

“ก็คุณเตชิตบอกว่าจะกลับนี่ครับ”

“บางทีผมอาจจะเปลี่ยนใจไปเชียงใหม่ก็ได้”

คีรีขมวดคิ้ว มือขยุ้มหูหิ้วของถุงพลาสติกแน่น จะไปเชียงใหม่ เพราะว่าหมอวินอยู่ที่เชียงใหม่อย่างนั้นสินะ

เมื่อบานประตูลิฟต์เปิดออก ทันตแพทย์หนุ่มก็เดินไปเปิดประตูห้อง แล้วให้เด็กหนุ่มเข้าไปข้างในก่อน

“นั่งก่อนนะ คุณจะดื่มอะไรมั้ย”

“คุณเตชิตนั่งดีกว่า คุณเพิ่งมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวผมจัดการให้” คีรียกถุงในมือให้ดู “มีข้าวเหนียวหมูทอด ข้าวมันไก่ ลูกชิ้นปิ้งแล้วก็ทอดมัน มีเฉาก๊วยเป็นของหวานด้วยนะครับ”

เตชิตยิ้มบาง “ซื้อมาทำไมเยอะแยะ คุณเห็นผมมีกี่กระเพาะกันวะ แล้วคุณกินอะไรมารึยัง”

“กินเมื่อตอนเย็นมานิดหน่อยครับ”

“งั้นก็ไปอุ่นมากินด้วยกันละกันนะ ไปล้างมือก่อน” เจ้าของห้องวางกระเป๋าเป้ลง พอจะเดินออกไปก็เห็นว่าเด็กหนุ่มยืนนิ่งเป็นเสาหิน สายตาจับจ้องไปที่บางสิ่งบางอย่าง “มีอะไร” เมื่อมองตามสายตาของคีรีไปจึงเห็นว่าอีกฝ่ายจ้องมองไปตรงจุดที่เขาเคยตั้งกระถางต้นเอื้องแซะไว้

“หายไปไหนเหรอครับ คุณเตชิตทิ้งไปแล้วเหรอ” คีรีถามเสียงอ่อย

“จะบ้าเรอะ ผมไม่อยู่เป็นอาทิตย์ เลยเอาไปฝากวินไว้ จะได้ดูแลรดน้ำให้ได้” เตชิตเขกศีรษะเด็กหนุ่มไปหนึ่งโป๊ก “ไปล้างมือกัน จะได้อุ่นของกินกันสักที ผมหิว”

ฝากหมอวินเหรอ... ก็เกือบแย่เท่าๆ กับทิ้งไปนั่นล่ะ

คนอ่อนวัยกว่าหน้าสลดลงไปอีก เขาตอบรับเบาๆ “ครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มเดินนำเข้าไปในห้องน้ำ หยิบสบู่มาฟอกมือ ถูทุกซอกนิ้วและเล็บตามความเคยชิน จากนั้นจึงล้างออก ขณะที่หันไปหยิบผ้าเช็ดมือก็หันมาเห็นเด็กหนุ่มกำลังล้างมือแบบลวกๆ เขาจึงคว้าข้อมืออีกฝ่ายไว้ “นี่ หัดล้างมือให้สะอาด จะได้ไม่เป็นหวัดง่ายๆ”

คีรีมองตามไปอย่างงงๆ

เตชิตดึงมือคนอ่อนวัยกว่าข้างที่ใส่สร้อยข้อมือที่เขาให้มาฟอกสบู่ ค่อยๆ ถูไปทีละนิ้วช้าๆ “ล้างแบบนี้ หัดล้างให้เป็นนิสัย ทำให้เป็นประจำเวลากลับถึงห้อง เข้าใจมั้ย” พอสอนเสร็จเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าใบหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงแปร๊ด นัยน์ตาจ้องมาที่เขาเขม็ง

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจ “คิดอะไรทะลึ่งรึเปล่าวะเนี่ย” เขาเขกศีรษะเด็กหนุ่มไปอีกครั้ง “ล้างมือไป เสร็จแล้วตามมาในครัวนะ”

“คะ...ครับ”

ไอ้เด็กนี่มัน... เตชิตพึมพำ หากก็ยิ้มออกมาได้

น่ารักดีเหมือนกันนะ



หลังจากอุ่นอาหารเสร็จสองหนุ่มก็ยกจานชามไปนั่งกินที่โต๊ะกัน เตชิตนั่งกินไปแบบเงียบๆ ส่วนคนที่นั่งตรงข้ามกัน กินไปก็จ้องมองเขาไปอย่างไม่วางตา

“มีอะไร”

“ครับ?”

“จะจ้องผมทำไมนัก”

“ผมคิดถึงคุณนี่ครับ”

“เออๆ รู้แล้ว ไม่ต้องบอกหลายรอบก็ได้” เตชิตถอนหายใจหนักๆ

“ผมสงสัยตัวเองมาก อดทนมาได้ยังไงเป็นอาทิตย์”

ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับ คือคำพูดแบบนี้น่ะ ถ้าสมมติว่าไอ้วินเป็นคนพูด เขาคงจะคิดว่ามันพูดไปอย่างนั้น คงจะกอดคอมันแล้วก็หัวเราะ แต่ไอ้เด็กนี่ ทำหน้าจริงจังเหมือนกำลังยืนอยู่หน้าแท่นสาบาน เขาทำตัวไม่ถูกเลยแม่ง

“พอคุณเตชิตนั่งอยู่ตรงหน้าแบบนี้ หัวใจผมเต้นแรงชะมัดเลย”

โอย กูอยากจะบ้า... เตชิตคร่ำครวญอยู่ในใจ

ขณะที่เตชิตมัวแต่กลุ้มใจ คนอ่อนวัยกว่าก็ดึงมือเขาไปวางทาบบนแผ่นอก

“ผมไม่ได้โกหกนะ คุณเตชิตรู้สึกใช่มั้ย”

ทันตแพทย์หนุ่มประสานสายตาอีกฝ่าย แล้วก้มลงมองฝ่ามือตน ซึ่งเขารู้สึกได้ถึงหัวใจที่กำลังเต้นรัวแรงอยู่ใต้ฝ่ามือนั้น

“อือๆ เชื่อแล้ว” เตชิตรีบดึงมือกลับ

“คุณเตชิตไปออกหน่วยได้เจอชาวเขาอีกรึเปล่าครับ”

“เจอสิ”

คีรีขมวดคิ้ว “แต่ไม่มีใครน่ารักเหมือนผมใช่มั้ย”

คนถูกถามหัวเราะออกมาเบาๆ “ชมตัวเองก็ได้เนอะคนเรา”

“แล้วเหนื่อยมั้ยครับ”

“ก็นิดนึง”

คนอ่อนวัยกว่าค่อยๆ ขยับเข้าไปหาทันตแพทย์หนุ่ม “ผมนวดให้เอามั้ย”

พอเห็นอีกฝ่ายเข้ามาทำหน้าทำตากะลิ้มกะเหลี่ยใส่เขา เตชิตก็รู้สึกอยากจะถีบให้กลับไปนั่งที่เดิม “ไปออกหน่วยก็ไม่ต่างจากที่ไปทำงานทุกวันนั่นละ แค่เปลี่ยนสถานที่เท่านั้น ไม่ได้เหนื่อยอะไรขนาดนั้นเว้ย”

“ไม่เมื่อยเลยเหรอครับ ผมนวดเก่งนะ”

จะหาเรื่องแต๊ะอั๋งเขาน่ะสิไอ้เด็กเวร “ไม่ต้องๆ” เตชิตปฏิเสธ แล้วพอเขาปฏิเสธ อีกฝ่ายก็นิ่งไปชั่วครู่ ดูท่าคงจะหามุกใหม่มาตะล่อมเขาอีก

“คุณเตชิตครับ”

นั่นไง ขาดคำไหมล่ะ “อะไรอีก”

“คืนนี้ผมขอนอนด้วยนะ”

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจ “ผมไม่ใจดำขนาดจะไล่เด็กกลับบ้านตอนเที่ยงคืนกว่าๆ หรอกน่ะ แต่นอนบนโซฟาที่เดิมนะ”

คีรียิ้มกว้าง “ครับ” เขาลุกขึ้นเก็บจานชามแล้วยกขึ้น “ผมล้างให้นะ”

“อือ ขอบใจ” เตชิตย่นคิ้วเข้าหากัน เขาหันไปมองตามเด็กหนุ่ม ก่อนจะลุกขึ้นบ้าง “ผมไปอาบน้ำก่อนนะ”

เด็กหนุ่มเดินเข้าครัว ยืนล้างจานชามอยู่สักพักแล้วเอาคว่ำไว้ พอเดินออกมาจากครัวก็ชำเลืองมองไปทางห้องอาบน้ำ เขายืนลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็เดินไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ แล้วค่อยๆ เอียงหูฟังเสียงคนที่อยู่ข้างใน

หมอเต้จะทำอะไรอยู่นะ จะถูตรงไหนอยู่ จะอาบน้ำเสร็จหรือยัง คิดไปพลางใจเต้นตึกตัก

แต่แล้วบานประตูก็เปิดออก เตชิตซึ่งเปลี่ยนใส่ชุดนอนแล้วชะงักกึก “มายืนทำไรตรงนี้วะ! ไอ้เด็กทะลึ่ง!”

คนอ่อนวัยกว่าตีหน้าซื่อ “พอดีเดินผ่านหน้าห้องน้ำอะครับ”

“เดินผ่านยังไงวะ ยืนหันหน้าเข้าหาประตูเนี่ย สีข้างถลอกหมดแล้วมั้ยวะคุณ”

คีรีเสหลบตา ยกมือขึ้นเกาศีรษะ ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรดี

“ถอยไปได้แล้ว จะให้ผมยืนคาอยู่ในห้องน้ำนี่อีกนานมะ”

เด็กหนุ่มรีบถอยไปอีกทาง “ขอโทษครับ”

“จะอาบน้ำรึเปล่า”

“ผมอาบมาแล้วครับ”

“มีแปรงสีฟันกับยาสีฟันมามั้ย”

คนอ่อนวัยกว่าส่ายหน้าช้าๆ “ไม่มีครับ”

เตชิตถอนหายใจ อยู่กับไอ้เด็กนี่ เขาถอนหายใจบ่อยจริงๆ แก่ลงทุกสิบนาทีเลยแม่ง ทันตแพทย์หนุ่มเดินเข้าไปในห้องนอน เปิดตู้รื้อหาแปรงสีฟันกับยาสีฟัน หยิบผ้าขนหนูออกมาอีกผืน แล้วเอาออกมาให้เด็กหนุ่ม “เอ้า ไปล้างหน้าล้างตา แล้วก็ไปนอนซะ”

คีรียกมือขึ้นรับของจากเจ้าของห้องพร้อมกับจับข้อมืออีกฝ่ายไว้

“คุณจะจับไว้ทำไม...วะ”

เด็กหนุ่มก้มลงจูบฝ่ามือของเตชิตอย่างแผ่วเบา ที่จริงก็อยากทำมากกว่านี้ แต่บอกตรงๆ เลยว่าใจป๊อด “ขอบคุณครับ”

เตชิตดึงมือกลับ แล้วเดินฉับๆ กลับไปที่ห้องนอน พอเปิดประตูห้องออกก็หันไปบอกกับคนที่ยืนจ้องตนเองอยู่ “แล้วไม่ต้องมายืนเฝ้าหน้าห้องผมอีกนะเว้ย”

คีรีหัวเราะ “ฝันดีนะครับ”



*TBC*



ในที่สุดเด็กดอยก็หาคนแท็กทีมได้แล้วววว พี่พิงค์ช่วยน้องด้วยนะคะ 55555 (จะไปรอดมั้ยเนี่ยคู่นี้)

และแล้วหมอเต้ก็มีบทสักที ตอนนี้กุ๊กกิ๊กกันพอหอมปากหอมคอไปก่อนนะคะ เดี๋ยวตอนหน้าให้เด็กดอยรุกจีบต่อรัวๆ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 11-12-2018 18:38:34
 :katai2-1: :katai2-1:  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-12-2018 18:47:39
 :pig4: :pig4: :pig4:

หวัย ๆ  หมอเต้เริ่มมีใจ  เริ่มมีเด็กดอยในความคิดคำนึงบ้างแล้วเว้ย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 11-12-2018 19:18:30
อ๋อยอ๋อยอยู่เนี่ย รุกเลยเด็กดอย  :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 11-12-2018 19:19:57
จริงๆ แล้ว คีรีก็จีบเก่งเหมือนกันนะ ทำคะแนนได้ตั้งเยอะ
สงสารแต่เพื่อนที่ี่คอยช่วย เกือบโดนรุมสกรัมซะแล้ว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 11-12-2018 19:52:50
รุกหนักแบบหน้าซื่อตาใสมากๆๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 11-12-2018 20:12:54
เพื่อนคีรีคือตั้งคณะตลกได้เลยอ่ะ :m20:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 11-12-2018 20:58:43
 o13  เยี่ยมจ้า ทั้งเพื่อน ทั้งคีรี  :m20: ชอบแก๊งเด็กดอยจริงๆ
ปล. แนะนำน้องคีรีว่าให้ใส่ชุดนักศึกษาแล้วไปหาพี่หมอเต้เลย จะดีมาก  :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 11-12-2018 21:26:13
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 11-12-2018 21:32:34
อุ๊ยๆๆ ได้น้องพิงค์มาช่วยแล้ว :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 11-12-2018 21:51:30
รุกหนักๆเลยนะเด็กดอย อยากเห็นหมอเต้เขินบ้าง 555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-12-2018 21:56:16
 :laugh:



 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 11-12-2018 22:07:14
คีรีน่ารักกก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 11-12-2018 22:16:25
ได้ภูพิงค์​เป็นพวก สนุกแน่งานนี้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 11-12-2018 23:52:41
ได้พิงค์มาร่วมจีบด้วยอีกคน
รับรองรุ่งนะเด็กดอย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-12-2018 02:38:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 12-12-2018 02:44:36
ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปนะ น้องคีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 12-12-2018 03:17:20
หมอเต้จะไปไหนรอด
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 12-12-2018 10:12:14
หมอเต้จะไม่ไหวแล้ว 55555555555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 12-12-2018 10:36:12
สงสารเพื่อนคีรีจริง ๆ เกือบไปแล้ว เกือบไป เกือบโดนรุมสกรัมแล้ว 5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 12-12-2018 16:25:35
เดชะบุล ที่ไม่โดนน้องพิงค์กระทืบเอา เกือบจะส่งเพื่อนไปตายแล้วนะเด็กดอย
จริงๆ ใส่ชุด นศ ไปหาพี่เต้ได้แล้วนะ บอกเขาเอง ดีกว่าให้เขารู้จากคนอื่น
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 12-12-2018 22:35:56
เด็กดอยฉวยจังหวะ รุกหนักเลยจ้าา รุกทื่อๆตรงๆเอาความหน้าด้านเข้าสู้ 555555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 12-12-2018 23:06:34
หน้าด้านแต่น่ารักนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-12-2018 23:33:49
รุกจริงจังมาก o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-12-2018 06:51:30
ใครจะเส้ดใคร เริ่มคิดภาพไม่ออก แต่หมอน่าจะเส้ดเด้กแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-12-2018 15:39:01
เด็กดอยสู้ๆๆ :z7: :z7: :z7: :z7:

:pig2: :pig2: :pig2: :pig2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 13-12-2018 19:31:03
เดอะแก๊งของเด็กดอยนี่น่าสงสารจริงๆเลยค่ะ จะโดนน้องพิงค์รุมแล้ว5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: iikol ที่ 13-12-2018 20:03:43
คีรีน่าร๊ากกกกกก ภูพิงค์ด้วยยยย ขอลาตาย  :jul1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 13-12-2018 20:04:11
น้องทั้งรุกทั้งเพ้อหนักมาก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-12-2018 06:28:35
เอออ เอากะเค้าสิ คีรีเอ้ยย คนที่จะจับได้ก่อน
น่าจะเป็นพิงค์วินนะ เต้รู้อีกทีมีเคืองแน่

แล้วดูทัพหน้าที่ส่งไป หน่วยทำลายความลับมาก
แต่ตอนนี้วินยังจับไม่ติดแค่นั้นเอง

กลัวโป๊ะแตกไหมคีรี ดูจะหลอนอยู่นะ
โอ๊ยยย เต้ค่ะ มีน่ารงน่ารัก เอ็นดูเค้าล่ะสิ
คีรีเอ้ย รีบบอกพี่ก่อนเหอะ ก่อนจะต้องมาเคลียร์กันทีหลัง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 14-12-2018 11:25:07
น่ารักมากอะ

เอ็นดูคีรี


หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 14-12-2018 17:02:07
ตามมาอ่านต่อค่ะ หมอเต้จะมีคู่แล้ว
พิงค์ เธอตั้งใจจะช่วยคีรี เพราะจะกันหมอเต้ออกจากหมอวินใช่ม่ะ 55
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 14-12-2018 17:53:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 14-12-2018 22:33:12
ตอนนี้คีรีเคะมากก 5555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 16-12-2018 18:12:57
เอาใจช่วยนะจ๊ะคีรี :a2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 17-12-2018 20:21:16
 :jul1: พี่เต้ อิเด็กนี้มันร้าย มันไม่ไช่ลูกหมาาาา
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 17-12-2018 22:37:11
รอๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 18-12-2018 06:20:17
รออ่านอยู่นะค้าา ขาดช่วงไปเดี๋ยวแม่ยกเด็กดอยหาน้า husky  :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 18-12-2018 07:15:19


Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต


ในตอนสายของวันใหม่ เตชิตลุกจากที่นอนขึ้นมาบิดขี้เกียจ ขณะที่เอียงคอไปมาก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญนอนอยู่ข้างนอกห้อง เขาจึงเดินออกไปดู

คีรีนอนอ้าซ่าอยู่บนโซฟา ยังคงหลับแบบเอาเป็นเอาตาย

ภาพที่เห็นทำให้ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ เขาเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เดินเข้าครัว

พอได้ยินเสียงประตูเปิดปิด เด็กหนุ่มก็ค่อยๆ ลุกขึ้นบ้าง จากนั้นก็เดินสะโหลสะเหลไปที่ครัว “คุณเตชิตตื่นไวจัง”

“ไปล้างหน้าแปรงฟันไป เดี๋ยวจะได้กินมื้อเช้ากัน คุณจะดื่มกาแฟมั้ย”

คีรีพยักหน้าหงึกๆ แล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำไป พอเดินออกมา เห็นทันตแพทย์หนุ่มกำลังยืนทอดไข่ก็ยิ้มกว้าง เขาย่องเข้าไปหยุดอยู่ข้างหลังอีกฝ่าย สายตาไล่มองจากท้ายทอย ต้นคอ ลงมายังสะโพก

เตชิตชำเลืองมอง เห็นคนอ่อนวัยกว่ายืนจ้องเขาเขม็งก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกัน หากก็ยังไม่พูดอะไร เขาจะรอดูท่าทีเด็กหนุ่มก่อนว่าควรจะเอาตะหลิวในมือเขกกบาลดีไหม

นั่นไง ยื่นมือมาแล้ว ไอ้เด็กเวรเอ๊ย

ทันตแพทย์หนุ่มหันไปดุ “จะทำอะไรวะ! เก็บกลับไปเลยมือคุณน่ะ!”

เด็กหนุ่มทำหน้าอ้อน “ก็คุณเตชิตน่ารัก ผมคิดถึงคุณนี่นา ขอผมกอดหน่อยไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้เว้ย คุณจะบ้าเรอะ ถ่างตาดูดีๆ ด้วย อย่างผมนี่มีอะไรน่ารักตรงไหนกันวะ”

“ที่ถามนี่อยากรู้จริงๆ เหรอ”

“ไม่ ถามไปงั้นแหละ” เตชิตหันกลับไปปิดเตา “ไปหยิบจานมาสองใบ เร็วๆ”

“ครับ” คีรีก้าวไปหยิบจานมาถือรอ

พอเตชิตตักไข่ดาวกับไส้กรอกใส่จานแล้วก็เอื้อมมือไปหยิบขนมปังแผ่นจากในเตาปิ้งขนมปังมาวาง “ยกไปวางที่โต๊ะก่อนไป เดี๋ยวผมยกกาแฟตามไปให้”

สองหนุ่มนั่งกินมื้อเช้ากันเงียบๆ บนจานไม่ได้มีอะไรมากพวกเขาจึงกินเสร็จอย่างรวดเร็ว แล้วก็ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม

“อิ่มมั้ยน่ะ ตอนเช้าผมไม่ค่อยกินอะไรหนักท้องสักเท่าไหร่ ถ้าคุณยังหิว ผมยังมีมาม่าในตู้นะ”

“อิ่มครับ แค่ได้นั่งกินมื้อเช้ากับคุณเตชิตก็อิ่มแล้ว อิ่มทั้งท้องอิ่มทั้งใจ”

ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้ารัว “พูดออกมาได้ น่าขนลุกชะมัด คุณไม่กระดากปากบ้างรึไง”

“ผมก็พูดไปตามจริงเท่านั้น”

เตชิตถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อย “แล้ววันนี้จะไปไหน”

“คุณเตชิตล่ะครับ จะไปไหน”

“ผมคงไม่ได้ไปไหนหรอกมั้ง แต่ผมถามคุณก่อนนะ”

“งั้นผมขออยู่กับคุณเตชิตได้มั้ยอะครับ”

“จะนั่งอยู่ด้วยกันในห้องแบบนี้เนี่ยนะ ไม่น่าเบื่อเหรอคุณ”

คีรีขมวดคิ้ว “ถ้างั้น คุณเตชิตอยากไปเที่ยวมั้ยล่ะครับ”

“ที่นี่มีอะไรให้เที่ยวกัน ผมไปมาหมดแล้ว”

“งั้นไปไกลหน่อย”

“ไปไหน”

“ดอยปุย...”

เตชิตอยากจะยกขาถีบ “มันไกลกว่าดอยสุเทพแค่ไม่กี่โลเองนะเว้ยคุณ” เขาเท้าแขนลงกับโต๊ะ “ที่จริงผมไม่อยากไปไหนที่คนเยอะๆ มันเหนื่อยน่ะ ผมอยากไปที่ที่มันสงบหน่อย แต่ไม่อยากเข้าวัดนะ”

“อืม...” คีรีนิ่งคิด ก่อนจะนึกไปถึงสถานที่ที่เขากับเพื่อนๆ เคยโดดรับน้องขึ้นดอยไปเที่ยวกัน “คุณเตชิตรู้จักออบหลวงมั้ย”

“ไม่เคยได้ยิน”

“อยู่ในเชียงใหม่อะครับ ถ้าขับรถไปจากที่นี่ก็น่าจะราวๆ ร้อยโลได้ครับ ชื่อออบเนี่ย มันแปลว่าช่องแคบที่มีน้ำไหลผ่าน ที่ออบหลวงมีผาหินคู่ มีแม่น้ำแม่แจ่มไหลผ่าน เดินเล่นริมน้ำได้แบบสบายๆ หรือจะเดินขึ้นผาช้างไปดูวิว  คนไม่เยอะเท่าไหร่ ผมกับเพื่อนเคยไปเที่ยวกัน ไปเช้าเย็นกลับก็ได้ หรือจะไปตั้งเต็นท์นอนริมน้ำก็ได้นะครับ”

“ตั้งเต็นท์ริมน้ำเลยเหรอ เล่นน้ำได้มั้ยน่ะ”

“ใช่ครับ ตั้งเต็นท์ได้ติดน้ำเลย นอนฟังเสียงน้ำไหล สบายใจดี แต่ที่นี่เล่นน้ำไม่ได้นะครับ น้ำแรงมาก ถ้าคุณเตชิตอยากเล่นน้ำก็แวะที่อื่นระหว่างทางก็ได้”

“อือ...” ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว ถึงอย่างไรเขาก็ว่าง ไปเที่ยวก็ดีเหมือนกัน จากที่ฟังเด็กหนุ่มเล่าให้ฟังก็น่าสนใจดีนะ เขาอยากหาที่พักผ่อนหลังจากไปออกหน่วย

แต่ถ้านอนเต็นท์ เขาก็ต้องนอนกับคีรีสิวะ ตกดึกจะโดนยั่วหรือโดนปล้ำมั้ยวะเนี่ย คิดไปพลางยกมือขึ้นกุมขมับ

“คุณเตชิต...”

“ไปเช้าเย็นกลับละกัน ขับรถไปไม่ยากใช่มั้ย”

 คีรียิ้มกว้าง “ไม่ยากครับ เดี๋ยวผม...” เด็กหนุ่มชะงัก “เอ่อ...” ฉิบหาย เกือบหลุดปากบอกว่าจะขับไปให้แล้วไหมล่ะ!

“ทำไม”

“เดี๋ยวผมบอกทางให้”

“จำทางได้ด้วยเหรอ”

“ก็เปิดกูเกิล...” กูเกิลห่าอะไร! ฉิบหายอีกรอบแล้วกู! คนอ่อนวัยกว่าหน้าเสีย

“รู้จักด้วยแฮะ แต่เดี๋ยวดูเนวิเกชันซิสเต็มในรถก็ได้” เตชิตเท้าแขนลงกับโต๊ะพร้อมกับเอนตัวไปทางเด็กหนุ่ม สายตาสอดส่องสแกนกรรมอีกฝ่าย จะว่าไป...เขาคุ้นๆ ว่าคีรีใช้ไอโฟนรุ่นใหม่ซะด้วย แต่เด็กรุ่นใหม่ก็คงเป็นแบบนี้ล่ะมั้ง การใช้สมาร์ตโฟนคงเป็นเรื่องธรรมดา

แต่ถ้ามีเงินซื้อโทรศัพท์มือถือแพงๆ ได้ ทำไมไม่เอาไปเรียนหนังสือวะเนี่ย

แล้วกูจะเดือดร้อนทำไม ไม่ใช่เรื่องของตัวเองไหม

จู่ๆ ก็รู้สึกแก่ขึ้นมาเลยกูหนอ

เตชิตนั่งคิ้วกระตุกอยู่สักพักก็โพล่งขึ้น “นี่คุณ ผมขอดูมือถือหน่อยสิ”

ทว่าคราวนี้คีรีหน้าซีดลงไปอีก “ไม่... ไม่ดูได้มั้ยครับ”

“มีอะไรต้องปิดบังรึไง”

“.....” คือที่จริงในโทรศัพท์มือถือเขาก็ไม่มีอะไรมากหรอก มีแอปพลิเคชันที่เขาใช้เล่นหุ้นและดูแลเงินในธนาคาร แล้วก็แอปพลิเคชันสำหรับอ่านหนังสือ มีเท็กซ์บุ๊คอีกเป็นสิบๆ เล่ม ส่วนเบราเซอร์ก็ไม่รู้เปิดอะไรค้างไว้บ้าง แต่น่าจะเป็นข้อมูลที่เขาใช้ทำรายงานล่าสุดส่งอาจารย์ ส่วนในอัลบั้มรูปก็มีรูปกับคลิปหมอเต้ที่เขาเซฟๆ มาจากอินเทอร์เน็ตเป็นร้อยๆ รูปร้อยๆ คลิป แต่ไอ้ทั้งหมดเนี่ย ถ้าหมอเต้เห็นเข้าคงได้ซักเขาต่อจนซีดเป็นไก่ต้มแหงๆ

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว งงกับตัวเองอยู่เหมือนกันว่าจะไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายทำไมนัก เขาไม่ใช่ผู้ปกครอง แล้วก็ไม่ใช่ญาติของเด็กหนุ่มสักหน่อย “ที่จริงมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณแหละ ขอโทษที่ถามนะ เมื่อกี้ผมปากไวไปหน่อย”

คนอ่อนวัยกว่านิ่งเงียบเป็นรูปปั้น ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือส่งให้ กะว่าถ้าหมอเต้มีคำถาม ค่อยหาข้อแก้ตัวเอาทีหลัง “ผมอยากให้คุณเตชิตเชื่อใจผมนะ ผมไม่มีอะไรต้องปิดบังคุณหรอก”

เตชิตยิ้มบาง “ขอบใจ แต่ไม่เอาดีกว่า” เขาเอื้อมมือไปตบไหล่เด็กหนุ่ม จากนั้นจึงลุกขึ้นบิดขี้เกียจ “ไปเที่ยวกันเถอะ เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน จะได้เก็บเสื้อผ้าเอาไว้ไปเผื่อแวะเล่นน้ำด้วย”  ทันตแพทย์หนุ่มสาวเท้าเข้าไปในห้องนอน เปลี่ยนใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีน สักพักก็เดินออกมาพร้อมเป้อีกใบ แล้วส่งเสื้อยืดให้คนที่ยืนรออยู่

“เอ้า เปลี่ยนเสื้อซะ จะได้เหมือนมาด้วยกันหน่อย”

คนอ่อนวัยกว่าเบิกตากว้าง รับเสื้อจากมือทันตแพทย์หนุ่มมาทันที “ขอบคุณครับ” จากนั้นก็รีบถอดเสื้อตัวเก่าออกมันตรงนั้นล่ะ แล้วเปลี่ยนใส่เสื้อตัวใหม่อย่างอารมณ์ดี ก็แบบว่า หมอเต้ให้เขายืมเสื้ออะ ได้ใส่เสื้อที่หมอเต้เคยใส่เชียวนะเว้ย

พอใส่เสร็จก็ยกมือขึ้นลูบๆ ไปตามลำตัว แล้วครางในลำคอเบาๆ “อา...เสื้อคุณเตชิต”

“เว้ย! ไอ้เด็กทะลึ่งนี่! คิดอะไรอยู่วะ!” เตชิตยกมือขึ้นเขกศีรษะอีกฝ่าย

“ผมเปล่านะ แค่ดีใจที่ได้ใส่เสื้อที่คุณเคยใส่” เด็กหนุ่มจับคอเสื้อขึ้นดม “อา กลิ่นคุณเตชิต ผมขอไปเลยได้มั้ย”

“คุณจะบ้าเรอะ! กลิ่นผงซักฟอกเว้ย อีกอย่าง ถ้าผมให้ คุณก็จะเอาเสื้อผมไปทำอย่างอื่นน่ะสิ! เพราะงั้นไม่ให้โว้ย!” ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจอย่างอ่อนใจ ไอ้เด็กผีนี่ บางทีก็น่ารัก บางทีก็น่าถีบจริงๆ “ไปได้แล้ว!”

ทันตแพทย์หนุ่มขับรถ Honda CR-V ของเขาออกจากที่จอดรถของโรงพยาบาลไปช้าๆ มุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ ขณะที่เขาขับรถไป เด็กหนุ่มก็หันมองมาทางเขาสลับกับหน้าจอเนวิเกชันซิสเต็มในรถไปเรื่อยๆ

“คุณจะมองผมให้ได้อะไรขึ้นมาวะ”

“เวลาคุณเตชิตขับรถ เท่ชะมัดเลย”

เจ้าของชื่อหัวเราะเบาๆ ไอ้เด็กนี่ก็พยายามเต๊าะเขาได้ทุกที่ทุกเวลาเลยเนอะ “เดี๋ยวไปถึงคงจะเกือบๆ เที่ยง แถวนั้นมีอะไรกินรึเปล่า”

“มีร้านอาหารสองสามร้านครับ ผมเคยไปกิน รสชาติก็พอไหวมั้ง” คีรียังคงมองคนที่ขับรถอยู่ตาละห้อย ที่จริงเขาอยากจะเป็นคนขับรถพาหมอเต้ไปเที่ยว ไปกินของอร่อยๆ มากกว่าต้องนั่งเฉยๆ แบบนี้

แม่งไม่เท่เลย แบบนี้ชาตินี้จะจีบติดหรือวะเนี่ย

เตชิตชำเลืองมองคนข้างกันเป็นระยะๆ “คีรี”

“ครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มอ้ำอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็ตัดสินใจพูดออกมา “เมื่อไหร่จะไปเรียนหนังสือ”

คราวนี้คนอ่อนวัยกว่าเลยนิ่งไปบ้าง เขาหันหน้าไปมองทางเบื้องหน้าแทน

“ผมเข้าใจนะ พอทำงานได้เงิน มีเงินใช้ ก็จะรู้สึกว่าการเรียนมันไม่ได้จำเป็นอะไร.... แล้วที่จริงคนเรียนจบปริญญาก็ตกงานเยอะแยะไป” เตชิตพูดเองก็งงเอง เขายกมือขึ้นเกาศีรษะ “ที่ผมบ่นเป็นลุงแบบนี้ก็เพราะเป็นห่วงแหละ ในสายตาคนรุ่นผมก็คิดว่าการเรียนสำคัญล่ะนะ”

“ตอนนี้ก็เรียนอยู่” คีรีพูดเสียงอ่อย “...ที่ในเชียงใหม่”

“จริงเหรอ”

“ครับ เรียนวันธรรมดา”

“ก็ดีแล้ว” เตชิตเอื้อมมือไปตบลงบนตักเด็กหนุ่มเบาๆ พร้อมกับหันไปยิ้มให้ “ผมดีใจนะ ที่คุณรู้จักนึกถึงอนาคตของตัวเอง ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย คุณคงเหนื่อยมากเหมือนกัน ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย... เอ้อ...”

“ขอบคุณครับ แต่เรื่องนี้ผมช่วยเหลือตัวเองได้ คุณเตชิตไม่ต้องห่วง ผมน่ะ แค่คุณยอมให้มาหา มาเจอกันเป็นครั้งคราวก็พอใจแล้ว” คีรีหันกลับไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยยิ้มประดับ รอยยิ้มที่เขาหลงรัก หมอเต้ช่างเป็นคนที่มีจิตใจดีชะมัดเลย ช่างเอาใจใส่ คิดถึงคนอื่น จนบางครั้งเขาก็สงสัยว่าอีกฝ่ายจะทำให้เขาตกหลุมรักได้มากขนาดไหนกันนะ

ก็คงมากจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วนั่นล่ะ

ทันตแพทย์หนุ่มหันไปสบสายตาคนที่นั่งข้างกันแวบหนึ่ง แล้วหันไปมองทางต่อ นัยน์ตาของอีกฝ่ายที่จ้องมองเขาน่ะหวานเยิ้มเชียว ถ้าเขาเป็นผู้หญิงและถูกจ้องแบบนี้คงต้องมีแข้งขาอ่อนบ้างล่ะ ไอ้เด็กนี่จะรู้ตัวไหมนะว่าใช้สายตาแบบไหนมองเขาอยู่ “เฮ้อ...” เขาส่ายหน้าช้าๆ อย่างอ่อนใจ

ทว่าท่าทางกับเสียงถอนหายใจของเตชิตเป็นผลให้หัวใจของเด็กหนุ่มกระตุกวูบ “คุณเตชิตครับ”

“ว่าไง”

“รำคาญผมรึเปล่า”

ทันตแพทย์หนุ่มชำเลืองมองใบหน้าของคนถาม จากนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ “นั่นสินะ ถ้าคุณเป็นผม จะรำคาญตัวคุณเองมั้ยล่ะ อยู่ดีๆ ก็มีเด็กที่ไหนก็ไม่รู้มาตามเต๊าะตามแต๊ะอั๋งเนี่ย”

คีรีนิ่งอึ้งพลางขมวดคิ้ว ถ้าหากเป็นเขา... ถ้ามีใครที่ไม่ได้ชอบมาทำแบบที่เขาทำกับหมอเต้ เขาก็คงไม่รู้สึกดีสักเท่าไหร่ และคงจะรำคาญมากด้วย

เตชิตเห็นว่าเด็กหนุ่มเงียบไปจึงหันกลับไปมอง “โห ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นหรอกน่ะ ถ้าผมรำคาญ ผมคงไล่ตะเพิดคุณไปนานแล้ว”

เขาโชคดีที่หมอเต้เป็นคนใจดี ไม่อย่างนั้น...

หัวใจของคีรีหนักอึ้ง อันที่จริงก็กลัวเหมือนกันว่าจะโดนไล่ กลัวมาตลอด แค่ที่อีกฝ่ายล้อเล่นเมื่อคืน ความรู้สึกเจ็บในอกตอนนั้น... ยังไม่จางหายไปเลย

ถ้าหมอเต้รู้ว่าเงินที่เขาจะคืนให้เหลือหนึ่งร้อยบาทสุดท้ายแล้ว จะว่ายังไงนะ จะให้ความหวังเขาสักนิดมั้ย

พอนึกถึงตัวเองเมื่อต้องยอมรับความจริงว่าอกหักและตัดใจจากอีกฝ่าย ตอนนั้นเขาคงมีสภาพไม่ต่างกับตายแน่ๆ



กว่าชั่วโมงผ่านพ้นไป รถของทันตแพทย์หนุ่มก็เคลื่อนเข้าไปจอดในที่จอดรถของอุทยานแห่งชาติออบหลวง บริเวณนั้นมีรถจอดอยู่เพียงแค่ไม่กี่คันเท่านั้น

ผืนป่าตรงหน้าสีเขียวขจีและเงียบสงบ พอลงจากรถพวกเขาก็เห็นป้ายของอุทยานเด่นตระหง่าน เตชิตทิ้งเป้ไว้ในรถ เพราะคิดว่าจะไปกินข้าวและเดินเล่นใกล้ๆ ดูลาดเลาก่อน

“ไปถ่ายรูปกัน” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มกว้าง พลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา

“ให้ผมถ่ายให้มั้ย”

“ไม่ถ่ายด้วยกันเหรอ”

“ผมถ่ายด้วยได้เหรอ” เด็กหนุ่มทำหน้าเหรอหรา ก่อนจะถูกอีกฝ่ายดึงเข้าไปยืนข้างกัน

“เอ้า ยิ้มสิ”

คีรีรีบทำตามที่ทันตแพทย์หนุ่มบอก “เอาของผมถ่ายด้วยนะ”

“ถ่ายไว้เฉยๆ ห้ามเอาไปทำอะไรมิดีมิร้ายนะเว้ย”

เด็กหนุ่มอมยิ้ม เขารีบยกโทรศัพท์มือถือขึ้นถ่ายรูปเซลฟี่ของพวกเขา เสร็จแล้วก็หันกล้องไปทางเตชิต “ขอผมถ่ายรูปถ่ายคลิปคุณเตชิตเก็บไว้หน่อยนะ”

เจ้าของชื่อถอนหายใจ “เออๆ ถึงผมห้ามคุณก็แอบถ่ายอยู่ดีมะ จะถ่ายก็ถ่ายไปเถอะ”

สองหนุ่มเดินถ่ายรูปกันอย่างไม่รู้เหนื่อย พวกเขาเดินเลียบริมน้ำ มองดูพื้นที่ตั้งเต็นท์ซึ่งมีเต็นท์ตั้งอยู่ห่างๆ กันสามหลัง เสียงกระแสน้ำไหลกระทบโขดหินดังก้องไปทั่วบริเวณ คละเคล้าเสียงใบไม้เสียดสีกันเมื่อยามลมพัด

“เฮ้อ ที่นี่บรรยากาศดีชะมัดเลย” เตชิตหยุดยืนอยู่ริมฝั่ง เขาเงยหน้าขึ้นให้สายลมโลมไล้ใบหน้า เส้นผมปลิวไปตามแรงลมน้อยๆ พอหันไปทางเด็กหนุ่มก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองเขาเขม็ง ในมือถือโทรศัพท์ถ่ายคลิปเขาอยู่ “คุณจะถ่ายไปทำไมนักวะ ไม่คิดจะดูวิวเก็บบรรยากาศบ้างรึไง”

รอยยิ้มของคีรีดูเศร้าลงไปเล็กน้อย เขาลดโทรศัพท์มือถือในมือลง “ขอโทษครับ”

“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ถามเฉยๆ ไม่ต้องทำหน้าเหมือนผมดุคุณก็ได้” ทันตแพทย์หนุ่มเดินเข้าไปเอามือวางบนศีรษะคนอ่อนวัยกว่า เขาว่าวันนี้คีรีดูแปลกๆ ไปนิดหน่อย เหมือนมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ ไอ้เขาก็ใจอ่อนง่ายเสียด้วย พอเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเศร้าทีไรก็สงสารทุกทีสิน่า “หิวรึยัง ไปหาอะไรกินกันดีกว่า”

หลังเสร็จจากมื้อเที่ยง สองหนุ่มก็เดินกลับมาที่ริมน้ำ แล้วนั่งลงบนม้านั่งตัวยาวตรงโต๊ะไม้ที่ทางอุทยานจัดไว้

คนอ่อนวัยกว่านั่งลงข้างๆ ทันตแพทย์หนุ่ม “คุณเตชิตจะไปเดินเล่นย่อยอาหารหน่อยมั้ย”

“ไม่อะ ตอนนี้ยังอิ่มเกิน นั่งเล่นตรงนี้สักพักดีกว่านะ”

คีรียังคงจับจ้องทันตแพทย์หนุ่มอย่างไม่วางตา เขาแค่คิดว่าอยากจะเก็บช่วงเวลาตอนนี้ไว้ อยากจะมองหมอเต้ให้เยอะๆ ให้นานที่สุดเท่าที่จะยังมีโอกาส เขาหลุบตาลงมองมือที่อีกฝ่ายวางอยู่ข้างลำตัว ก่อนจะค่อยๆ ขยับมือเข้าไปหา แล้วใช้นิ้วก้อยวางพาดลงบนนิ้วอีกฝ่าย

เตชิตหันไปมองเด็กหนุ่ม แล้วดึงมือออก “เผลอไม่ได้เลยแฮะ หาเรื่องแต๊ะอั๋งผมได้ตลอดเลยนะคุณน่ะ”

“ผมพยายามห้ามตัวเองแล้ว แต่มันช่วยไม่ได้นี่ครับ” คนอ่อนวัยกว่าพูดเสียงอ่อย

ทันตแพทย์หนุ่มพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด “อันที่จริง ผมว่าคุณเป็นคนหน้าตาดีเอาเรื่อง ทำงานโรงแรมน่าจะมีลูกค้าสาวๆ สนใจเยอะนะ”

“ก็มีบ้างครับ แต่... ตั้งแต่พบคุณเตชิต ผมก็ไม่สนใจใครอีกเลย”

“ขนาดนั้นเลย” เตชิตหันกลับไปมองสายน้ำในแม่น้ำเบื้องหน้า “ผมเป็นผู้ชายนะคุณ”

“ครับ ผมรู้”

“ผมมีอะไรดีนักวะ”

“ทุกอย่างครับ”

“ผมแก่กว่าคุณตั้งหลายปีนะ”

“ผมชอบคนแก่กว่าครับ”

สีหน้าและน้ำเสียงจริงจังของเด็กหนุ่มทำให้เตชิตต้องยกมือขึ้นกุมขมับ เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าเด็กหนุ่มคิดอย่างไร แต่ก็ยังยอมให้มาหา ยอมให้ค้างด้วย แถมยังมาเที่ยวด้วยกันตามลำพังแบบนี้

เขาคิดอย่างไรกับคีรีกันแน่วะ

“คุณเตชิต”

“หืม”

“ไม่อยากลองนอนเต็นท์บ้างเหรอครับ” คีรียื่นหน้าเข้าไปใกล้ “นอนฟังเสียงน้ำ ช่วยให้ผ่อนคลายดีนะครับ”

อีหร็อบนี้ ถ้านอนข้างกันเขามีโอกาสที่จะโดนลักหลับสูงแน่ๆ

“ผมไม่ทำอะไรคุณเตชิตหรอกน่า ยังไม่อยากโดนถีบตกน้ำ แล้วก็มีเต็นท์คนอื่นอยู่อีกตั้งหลายเต็นท์”

เตชิตยังคงคิดไม่ตก อันที่จริงที่นี่บรรยากาศดีมาก และเขาก็อยากลองค้างในเต็นท์ริมน้ำสักคืนเหมือนกัน แต่ถ้าไอ้วินกับพวกน้องๆ รู้เข้าว่าเขาไม่ไปหาทุกคนแต่มาแรดกับคีรีที่ออบหลวงแบบนี้ จะโดนด่าหูชาขนาดไหนวะเนี่ย เฮ้อ~

“กลัวอะไรกับเด็กอย่างผมด้วยเหรอครับ”

“ไม่ได้กลัวเว้ย”

“งั้นค้างกันนะ” คีรียิ้มกว้าง

พอเห็นดวงตาใสเป็นประกายราวกับลูกสุนัขได้กลิ่นรอยัลคานินกับรอยยิ้มที่เขาคิดว่าน่ารักมากๆ แล้วก็ปฏิเสธไม่ลง เตชิตเบือนหน้าหลบไปอีกทาง “เออ ก็ได้ แล้วจะค้างยังไงล่ะ ที่นี่มีเต็นท์ให้เช่ามั้ย”

“มีครับ เดี๋ยวผมไปเช่าเต็นท์ของอุทยานฯ มาให้”

“อือ” เตชิตตอบรับแบบไม่ค่อยพอใจนัก คือไม่พอใจตัวเองนี่แหละ ที่เสือกไม่หนักแน่นเอาเสียเลย สุดท้ายก็ยอมค้างคืนด้วยกันจนได้ “ผมมีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเผื่อขากลับจะแวะเล่นน้ำ มีสบู่กับแชมพูมาด้วย ส่วนยาสีฟันกับแปรงสีฟัน ท้ายรถน่าจะยังมีที่ได้มาจากโรงบาล”

“ครับ” คนอ่อนวัยกว่าลุกขึ้นพรวด “คุณเตชิตนั่งเล่นไปก่อนนะ เดี๋ยวผมมา ไปติดต่อเรื่องเต็นท์ก่อน”

“ผมไปด้วย มาด้วยกันก็ไปด้วยกันสิ” หากพอทันตแพทย์หนุ่มจะลุกขึ้น เด็กหนุ่มก็ส่งมือให้เขาจับทันที เขาทำหน้าแบบเซ็งๆ ผลักมืออีกฝ่ายออกแล้วรีบลุกขึ้น “ผมยังไม่แก่ขนาดนั้นเว้ย”

ทว่าเด็กหนุ่มยังคงอารมณ์ดี ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ผมไม่เคยมองว่าคุณเตชิตแก่เลยนะ เห็นแต่ความน่ารัก”

“ขอร้อง อย่าชมแบบนี้ ผมขนลุกว่ะ”

“ผมพูดความจริงนะครับ”

เตชิตส่ายหน้าไปมาพลางสาวเท้าออกไป “จะไปไหนก็รีบไปสักที”

หลังจากจัดการเรื่องเต็นท์เรียบร้อย สองหนุ่มก็ไปเดินเอื่อยเฉื่อยบนเส้นทางริมน้ำของอุทยานฯ สองข้างทางเป็นต้นไผ่สูง เมื่อมองผ่านกอไผ่ไปก็จะเห็นแม่น้ำ อากาศสบายๆ บรรยากาศเงียบสงบ ทำให้เดินได้เรื่อยๆ ไม่รู้สึกเหนื่อยสักเท่าไหร่

“คุณเตชิต ดูสิ นั่นไง ถึงผาจูบกันแล้ว ตรงนั้นมีสะพานให้เดินข้ามด้วย จะเดินต่อไปถึงจุดชมวิวผาช้างก็ได้นะครับ”

“ไปแค่จุดชมวิวผาจูบกันข้างหน้านี่ก็พอแล้ว ผมขี้เกียจเดินละ”

คีรีอมยิ้ม “คุณเตชิตเคยไปเที่ยวค้างคืนบนภูเขาบ้างรึเปล่า”

“เคยสิ เคยไปม่อนแจ่ม กับสารพัดม่อนใกล้ๆ กันด้วย”

“โห ไม่น่าเชื่อ ไปกับ...” พอจะถามก็หยุดกึก อย่างหมอเต้จะไปกับใครได้วะ เขาจะถามให้ตัวเองเจ็บทำไม

“อือ ไปกับไอ้วิน แล้วก็แก๊งน้องๆ วิดวะกับวิจิตรศิลป์อีกคน”

คีรีหันขวับไปจ้องมองใบหน้าทันตแพทย์หนุ่ม “คุณเตชิต... สนิทเหรอครับ”

“ก็ไปเที่ยว ไปกินเหล้าด้วยกันบ่อยๆ อันที่จริงก็ไปด้วยกันแทบทุกอาทิตย์ นี่ถ้าพวกเขารู้ว่าผมหนีมาเที่ยวกับคุณ มีหวังโดนด่าหูชา”

“ขอโทษนะครับ” คนอ่อนวัยกว่าพูดเสียงเศร้า “แต่ก็ขอบคุณมากที่ให้โอกาสผม”

ดูพูดเข้าสิ รู้ดีเนอะว่าจะทำยังไงให้เขาใจอ่อนปวกเปียก เตชิตยกมือขึ้นลูบศีรษะคนอ่อนวัยกว่าอย่างอ่อนโยน เด็กหนุ่มตัวสูงใหญ่ขนาดนี้ ยังอ้อนเขาจนรู้สึกว่าน่าเอ็นดูได้ “เดินกลับกันเหอะ ไปนั่งเล่นริมน้ำกันดีกว่า”

คีรีคว้ามือที่ลูบเส้นผมเขาไว้ทันที “ขอเดินจับมือหน่อยได้มั้ยครับ”

“จะบ้ารึไงวะคุณ อยากดูเหมือนพ่อลูกรึไง” ทันตแพทย์หนุ่มรีบดึงมือออก ทว่าเด็กหนุ่มจับไว้ไม่ยอมปล่อย

“เหมือนพ่อลูกตรงไหน คุณเตชิตน่ะ แก่กว่าผมแค่ไม่กี่ปี หน้าก็เด็กจะตายไป อีกอย่างแถวนี้ไม่มีคนอื่นสักหน่อย”

แก่กว่าไม่กี่ปีกับผีอะไร เกินครึ่งโหลเลยนะเว้ย!

แต่แล้วเตชิตก็แพ้ลูกอ้อนกับดวงตาลูกสุนัขที่มองมาทุกครั้งไป เขาทอดถอนใจ “เออ จะทำไรก็ทำ”

มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร

สุดท้ายก็ปล่อยให้เด็กหนุ่มเดินจูงมือลงกลับมาจนเกือบถึงบริเวณตั้งเต็นท์ พอเห็นคนเดินอยู่ไม่ไกลออกไปนัก อีกฝ่ายจึงยอมปล่อยมือเขาได้


(มีต่อค่ะ)


หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 11 : โอกาสเหมาะเจาะ [111218]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 18-12-2018 07:15:41


สองหนุ่มเดินไปเอาของที่รถ นำข้าวของจำเป็นมาเก็บไว้ในเต็นท์ แล้วไปนั่งเล่นริมน้ำอีกครั้ง กระแสน้ำบริเวณลานกางเต็นท์ไม่แรงมาก ทันตแพทย์หนุ่มจึงนั่งลงบนก้อนหินริมฝั่งพอให้เท้าสัมผัสน้ำ ส่วนคนอ่อนวัยกว่าก็นั่งอยู่บนก้อนหินอีกก้อนใกล้ๆ

“บรรยากาศดีๆ แบบนี้ ถ้าที่นี่มีสปา มีอ่างจากุซชีสักหน่อยคงฟินไปเลยนะครับ” คนอ่อนวัยกว่ายิ้มกว้าง

“รู้จักจากุซชี สปากับเขาด้วยแฮะ” ทันตแพทย์หนุ่มเปรย

เด็กหนุ่มรีบตอบ “ที่โรงแรมก็มี”

“อือ นั่นสินะ” เตชิตหันไปมองคนที่นั่งข้างกันอย่างสงสัย แล้วก็จ้องอยู่แบบนั้นอีกพักใหญ่ๆ

“คุณเตชิต...มีอะไรเหรอครับ”

“โทรศัพท์มือถือที่คุณใช้น่ะ ซื้อเองรึเปล่า”

คีรีนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบ “เปล่าครับ”

“มีคนให้มาเหรอ”

คนอ่อนวัยกว่าพยักหน้าหงึกๆ

เตชิตยังคงพิจารณาท่าทางอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา “คุณน่ะ เคยฟอกสีฟันใช่มั้ย”

เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “ดูรู้ด้วยเหรอครับ”

“ไปทำฟันบ่อยมากด้วยใช่รึเปล่า ค่าทำฟันคงจะแพงน่าดู”

คนอ่อนวัยกว่าส่ายหน้าช้าๆ “ผมไม่รู้หรอก ไม่เคยจ่าย”

“มีคนจ่ายให้เหรอ”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ”

ใบหน้าของทันตแพทย์หนุ่มเคร่งขรึม ชักรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาตงิดๆ “ห้องที่คุณอยู่น่ะ จริงๆ แล้วไม่ได้พักกับเพื่อน แต่พักคนเดียวใช่มั้ย”

“...ทำไมคุณเตชิตถึงคิดอย่างนั้น”

เจ้าของชื่อเรียกถอนหายใจ “ก็เดาเอา เพราะพอผมพูดว่าจะไปหอพักคุณ ตอนแรกคุณทำหน้าตกใจ เหมือนไม่อยากให้ไป แต่พออีกวันกลับยอมให้ไปง่ายๆ แล้วพวกเพื่อนคุณน่ะ วันนั้นทำงานอยู่กับห้อง แต่แต่งตัวเป็นชาวเขากันเต็มยศเลยนะ คนอยุู่บ้านไม่น่าแต่งตัวขนาดนั้นมั้ยล่ะ”

“คุณเตชิตฉลาดชะมัดเลย”

“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง ตอบมาเร็วๆ น่ะ”

“อยู่คนเดียวครับ” คีรีตอบเสียงแผ่ว

“คุณทำงานอะไรน่ะ จ่ายทั้งค่าที่พัก ค่าเรียน ค่ากินอยู่ ไหนจะค่าเดินทางกับค่าโทรศัพท์อีก พอใช้ได้ยังไงน่ะ”

“.....”

“มีใครให้เงินใช้ใช่มั้ย”

คีรีไม่ตอบ เขานิ่งเงียบ ก้มหน้าลงมองกระแสน้ำไหลกระทบโขดหินไปเรื่อยๆ เพราะไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี ถ้าตอบว่าใช่ หมอเต้ก็คงจะยิ่งสงสัยว่าใครเป็นคนให้ ถ้าตอบว่าคุณตาให้ หมอเต้ก็คงจะถามถึงคุณตาอีก แล้วถ้าเขาสารภาพความจริงทั้งหมดตอนนี้ เขาก็คงจะโดนทิ้งให้นั่งเป็นตอหินริมน้ำแหงๆ

พอเห็นว่าเด็กหนุ่มอ้ำอึ้ง ความหงุดหงิดของเตชิตก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ “ผมถามจริงๆ เหอะ คุณไม่ได้มีใครผูกปิ่นโตอยู่ใช่มั้ยวะเนี่ย”

คนอ่อนวัยกว่าเงยหน้าขึ้นพลางทำหน้างง “ไม่หรอกครับ ปกติผมซื้อกิน”

“ฮะ!?” คำตอบที่ได้รับมาทำให้เตชิตงงกว่าเด็กหนุ่มเสียอีก

“ในห้องพักมีเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าๆ อยู่ก็จริง แต่ไม่ค่อยได้ใช้งานหรอกครับ ซื้อกินเอาง่ายกว่า”

เตชิตยกมือขึ้นกุมขมับ “ผมหมายถึงมีคนเลี้ยงโว้ย! คนที่ให้เงินคุณใช้รายเดือนน่ะ!”

คีรีเงียบไปอีก แต่แล้วก็ตอบเสียงเบา “มีครับ”

“เอาจริงดิ!” ทันตแพทย์หนุ่มเบิกตาโพลง ตกใจหนักกว่าเดิม

“แต่ตอนนี้ผมก็พยายามหาเงินเองไปด้วยนะ ไม่ได้รอรับอย่างเดียว”

ใบหน้าของเตชิตถมึงทึง รู้สึกหัวร้อนจนอยากจะก้มลงมุดน้ำให้รู้แล้วรู้รอด เขาถามเสียงเครียด “ได้เดือนละเท่าไหร่”

“ผมไม่ตอบได้มั้ย”

ทันตแพทย์หนุ่มหงุดหงิดขั้นสุด คิ้วขมวดเป็นปม หัวร้อนจนจะทอดไข่ได้แล้วตอนนี้

“คุณเตชิต...” คีรีขยับเข้าไปหา พร้อมกับเอื้อมมือไปกุมมืออีกฝ่าย “อย่าโกรธผมเลยนะ”

เจ้าของชื่อดึงมือออกพลางส่งสายตาดุๆ ใส่ “เลิกรับเงินจากเขาซะได้มั้ย ได้เดือนละเท่าไหร่ ผมจะจ่ายแทนให้ แล้วคุณก็เลิกยุ่งกับเขาไปซะ ของที่รับมาก็เอาไปคืนเขาซะให้หมด ส่วนที่อยู่ผมจะหาให้ใหม่”

เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นแล้วโพล่งออกไป “เฮ้ย เลิกยุ่งเลิกรับเงินไม่ได้หรอก คุณตาจะได้งอนผมตายน่ะสิ คุณเตชิตอยากเห็นผมโดนตัดหางปล่อยวัดรึไง”

“ฮะ!?”

สองสายตาประสานกันนิ่ง ก่อนคนอ่อนวัยกว่าจะถอนหายใจออกมาหนักๆ “ผมบอกแล้วว่าไม่เคยหวังอะไรจากคุณ เลิกพูดเรื่องเงินกับผมสักทีเถอะครับ ตอนนี้ผมเป็นเด็กดีที่สุดในชีวิตเลยนะ ตั้งใจเรียน ตั้งใจหาเงิน พอมีเวลาว่างผมก็มาหาคุณ ผมพยายามทำตัวดีที่สุดแล้ว อยากให้คุณพอใจ”

“เดี๋ยวนะ คุณตา? ตาแบบ... พ่อของแม่น่ะเหรอ”

“ครับ”

“ตาแท้ๆ ของแม่แท้ๆ เลยน่ะเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิครับ ยังมีตาอื่นอีกเหรอ” คีรีทำหน้างง “ผมอยู่กับคุณตามาตั้งแต่เด็กๆ แล้วน่ะครับ ที่บ้านคุณตาน่ะ เวลาคุยกันเองในบ้านก็พูดแต่ภาษาเหนือเท่านั้น ผมถึงได้พูดภาษากลางเหน่อๆ แบบนี้ไง”

“อ่อ...” เตชิตถอนหายใจอย่างโล่งอก ถ้าอย่างนั้นคีรีก็คงไม่ได้ขัดสนอะไร ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใครคนอื่นนอกจากเขา แบบนี้ เขาก็โล่งใจ

แล้วทำไมต้องโล่งใจวะ?

เดี๋ยวก่อน... เมื่อกี้ที่เขาพูดไป มันหมายความว่าเขาจะผูกปิ่นโตคีรีแทนไม่ใช่เรอะ เวรกรรม! อะไรดลใจให้คิดทำแบบนั้นไปได้วะ!

“คุณเตชิตทำไมทำหน้าแปลกๆ ตอนที่คุณยังเรียนอยู่ คุณเองก็น่าจะมีคนให้เงินไม่ใช่รึไง”

เตชิตส่ายหน้ารัว “ไม่ใช่เว้ย! ที่ผมถามน่ะ ผมไม่ได้หมายถึงรับเงินจากที่บ้านเว้ย! ผมหมายถึงคนอื่น คนที่สนใจคุณอะไรแบบนี้ ยกตัวอย่างเช่น นายเอสนใจคุณ ก็เลยตกลงกับคุณว่าจะให้เงินใช้ ซื้อเสื้อผ้า ซื้อของขวัญให้ แต่มีข้อแม้ว่าคุณจะรับแต่ของและเงินจากนายเอ แล้วก็ไปไหนมาไหนกับนายเอเท่านั้น อะไรแบบนี้ต่างหาก”

“แบบที่คุณเตชิตทำกับผมน่ะเหรอ”

“.....”

“ไม่ใช่ซะทีเดียวนี่นะ เพราะคุณเตชิตไม่ได้สนใจผม”

“มันไม่ใช่แค่นั้นนะคุณ การผูกปิ่นโตน่ะ...”

“ต้องนอนด้วยกันด้วยใช่มั้ย ผมเข้าใจละ ว่าคุณหมายถึงอะไร”

“ผมขอโทษที่ถามไปแบบนั้นนะ เพราะผมไม่รู้จักคุณดีพอ...” เตชิตพูดเสียงอ่อยอย่างรู้สึกผิด พลางส่ายหน้าไปมาช้าๆ “ผมจะพูดตรงๆ นะ คุณอายุยังน้อย ในวัยของคุณ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักเรียนหรือนักศึกษากัน แต่คุณบอกผมว่าคุณทำงาน เพิ่งจะมาเริ่มเรียนเมื่อไม่นานนี่ แล้วผมก็ไม่รู้ว่าเด็กอายุสิบแปดที่ไม่ได้เรียนจบมหาลัยจะทำงานอะไรให้ได้เงินเยอะๆ พอที่จะเช่าห้อง หรือใช้จ่ายเงินซื้อของแพงๆ ได้ ตัวผมเองเป็นหมอฟันใช้ทุน เรียนมาตั้งหกปี ยังได้เงินไม่มากสักเท่าไหร่เลย”

“ไม่เป็นไร ขอบคุณที่อธิบายครับ” คีรียิ้มมุมปากแล้วยื่นหน้าเข้าไปหาทันตแพทย์หนุ่ม “ถ้างั้นเมื่อกี้ที่คุณเตชิตพูดก็หมายความว่าคุณจะผูกปิ่นโตกับผมใช่มั้ยครับ”

เจ้าของชื่ออ้ำอึ้ง พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เขาหาเรื่องให้ตัวเองแท้ๆ เลยโว้ย!

“นะ...นั่นมัน...”

“คุณเตชิตจะผูกปิ่นโตผมก็ได้ แต่ต้องผูกตลอดชีวิตนะครับ และผมไม่รับเงินด้วย ขอเป็นอย่างอื่น ข้าวเย็นทุกมื้อก็ได้” เขาเอื้อมมือไปกุมมือคนตรงหน้าไว้ พลางพูดเสียงอ้อน “ตกลงนะครับ ผูกปิ่นโตกับผมนะ”

เตชิตกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นรอบกรอบหน้าประปราย

ปวดหัวหนักไปอีกกู ไม่น่าเล้ย!


*TBC*


ไม่รู้ใครตกหลุมใคร ขุดหลุมดักเก่งทั้งคู่ น่าไล่ไปทำสวนทำไร่นะคะคู่นี้ แต่จะว่าไปก็สมกับที่เคยทำไร่แห้วกันมาเยอะเนอะ  555555

ลงช้านิดนุง ช่วงนี้อากาศเปลี่ยน ฮัสกี้เปื่อยอีกแล้วค่า ทุกคนก็รักษาสุขภาพกันด้วยน้า~

ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ จุ๊ฟฟฟฟ


หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 18-12-2018 07:40:03
โอ้ยยยย หมอเต้น้าาา หมอเต้ ตกหลุมเด็กชาวเขาซะแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-12-2018 07:47:01
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...พี่หมอเต้   

อารมณ์หึงมาเต็ม  ถึงขนาดจะผูกปิ่นโตเด็กดอยเลยนะ  555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 18-12-2018 07:51:53
เป็นไงล่ะ ต้องผูกปิ่นโตเด็กแล้วนะ
เข้าตัวเองจนได้ หมอเต้เอ๊ย 555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 18-12-2018 08:09:08
คุณหมอจ๊ะ มีอาการหึงนึกว่าคีรีมีคนเลี้ยงเลยพูดไปอย่างนั้น
ไงละ มัดตัวเองเข้าให้เลยนะ อิอิอิ น่ารักมากคู่นี้ อ่านแล้วยิ้มไป
เหมือนวัยใสๆ ม.ต้นเลย ขอบคุณนะที่มาต่อให้หายคิดถึง ดูแลตัวเองด้วยน้าาา
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 18-12-2018 08:23:14
 :mc4:  เริ่มที่จะมีใจตรงกันแล้ว รอเวลาโป๊ะแหก แตกกระจายก็แค่นั้น ว๊ายยยๆๆๆ เขาจะผูกปิ่นโตกันแหละ  :hao7:
    :L2:   :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-12-2018 10:36:23
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 18-12-2018 10:37:59
หมอเต้แพ้ทางตลอดเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 18-12-2018 10:57:52
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 18-12-2018 11:07:26
หมอเต้นี่ไม่ทันเด็กมันเลยนะคะ5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-12-2018 11:36:31
 o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 18-12-2018 11:43:01
คีรีพลิกเร็วมากเด้อ หงอยแทบตายตอนแรก  555555555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 18-12-2018 11:45:41
หมอเต้พลาดละ งานนี้เด็กดอยวินเห็นๆ น่ารักอ่ะ กรี๊ดดด
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 18-12-2018 12:34:08
 :mew1:
หมอเต้คนไม่รู้ใจตัวเอง 2018 จ้าาา
สงสารน้องคีรีลูกกกก ผมซื้อกินครับ 5555
ไม่ผูกปิ่นโต  :hao7:

เมื่อไหร่จะรู้ความจริงนะ ว่าน้องคีรีโซฮ็อต อ่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 18-12-2018 14:06:08
โอ๊ย น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 18-12-2018 15:00:29
หาเหาใส่หัวที่แท้55555555 เด็ก
มันเลยได้โอกาสเลย555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-12-2018 15:05:47
ตายๆๆๆๆๆ ผูกกันตลอดชีวิตเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 18-12-2018 17:47:43
เด็กอะไรขายเก่งงงงงงงงง  หมอเต้ตายยยยยย ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 18-12-2018 17:56:20
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: Ra poo ที่ 18-12-2018 19:05:39
ชอบคีรีแล้วล่ะสิ ตอนแรกแค่กิ้ว เจอเด็กอ้อนรัวๆเริ่มใจยวบยาบแล้วใช่มะะะ
คีรีรีบชิงบอกความจริงตอนนี้เลยสิ หมอเต้ไม่น่าโกรธน้า ถ้าอธิบายให้ฟังอะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 18-12-2018 19:14:51
โอ๊ยยยยยยยย หมอเต้ มีหงมีหึงด้วยนะะะะะ แพ้ทางคีรีเต็มๆแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 18-12-2018 20:12:40
คีรีไหนๆก็ไหนๆแล้ว คืนนี้ก็เปิดปิ่นโตเลยนะลูก  :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-12-2018 22:19:10
ปากลั่น5555 ทั้งพี่เต้ที่หัวร้อนแค่คิดว่าคีรีมีคนผูกปิ่นโตจนถึงกับจะผูกเอง และคีรีที่บอกว่ามีคุณตา พี่เต้พูดแล้วต้องรับผิดชอบคีรีเด้อผูกปิ่นโตน้องเลย o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 18-12-2018 23:13:58
เด็กดอยขี้อ้อน หลงพี่เต้ขั้นสุดแล้ว พี่เต้ก็ใจดี ใจอ่อน แพ้ทางเด็ก :hao3:
น่ารัก :-[
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 18-12-2018 23:33:40
คีรีเก็บหมดทุกดอกเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 19-12-2018 00:27:23
ตอนนี้ก็ผูกปิ่นโต อนาคตได้กินข้าวในปิ่นโตแน่ๆเลยอีหรอบนี้ หนีไปไหนไม่ได้แล้ววว :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 19-12-2018 01:34:40
หมอเต้ใจอ่อนเหอะ ผูกปิ่นโตไปเลย พี่ขอร้อง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 19-12-2018 04:19:17
หมอเต้นี้มันลูกสุนักจิ้งจอกชัดๆ แต่ไหนว่าไม่คิดอะไรไงทำไมออกอาการหึงแบบนี้ละจ้า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 19-12-2018 08:11:06
เด็กดอยมันร้าย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 19-12-2018 12:46:05
พี่หมอเต้! โดนเด็กมัดมือชกจับผูกปิ่นโตซะงั้น ปากลั่นเพราะห่วง(หวง)เป็นเหตุแท้ๆ โอ้ยยยยย ขำ 5555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 19-12-2018 14:11:05
น่ารัก

น่ารักทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 19-12-2018 17:33:12
ตกหลุมตัวเองชัดๆ หมอเต้ 555 เด็กมันก็รีบตะครุบเชียว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: มะม่วงน้ำปลาหวาน ที่ 20-12-2018 00:09:08
แอบมีความสงสารหมอเต้กับการโกหกอันผีบ้าของคีรี :laugh:
รอลุ้นตอนหมอเต้รู้ความจริงเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 20-12-2018 14:31:41
อิเด็กดอยมันร้าย ได้จังหวะเป็นตอดเล็กตอดน้อย ค้ากำไรเกินควร
รอวันเด็กดอยโดนหมอเต้ตะเพิดกลับดอย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 20-12-2018 16:57:26
พี่หมอเต้ คิดไปถึงไหนนี่
น่ารักคู่นี้ อยากให้ลงเอยกันเร็วๆค่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 21-12-2018 21:00:02
ไม่รอดอะหมอเต้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 21-12-2018 22:28:50
เด้กมันหัวไวจิงๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 22-12-2018 11:48:20
เสร็จแน่!!!
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-12-2018 15:15:09
55555 เต้รับไหม ผูกปิ่นโตไหม
ตลกเต้ จะสงสารก็ไม่สุด จะไล่ก็ทำไม่ได้
นั่นไง สนใจเค้าแล้วล่ะสิ ทำมาเป็นห่วงงั้นงี้

เอิ่มมม คีรีก็ซื่อเนาะ แต่มีความลับเรื่องเดียวน่ะแหละ
ระวังนะ เต้รู้ทีหลัง มีงานเข้าแน่เลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 22-12-2018 18:38:10
กำลังทำไร่อ้อยกันอยู่นี่ อย่าเพิ่งมี กขค. โผล่มานะ ขอให้เด็กดอยกับหมอเต้ได้นอนเต้นท์เดียวกันก่อน อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 22-12-2018 18:50:30
หวังว่าคู่นี้จะได้กันเร็วกว่าคู่พิงค์กับหมอวินนะ แต่ดูจากสกิลของเด็กดอยแล้ว ไม่น่านานแล้วนะ รึตึ :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 22-12-2018 20:04:12
หมอเต้ตกลงผูกปิ่นโตเถอะ   :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-12-2018 02:25:47
คีรีนี่พลิกให้เป็นโอกาสของตัวเองไวมากเลย 555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 24-12-2018 18:30:00
ปิ่นโตจ๋ารีบมาส่งไวหน้าคนอ่านรอจนหิวแย้ววว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 25-12-2018 20:55:10


Chapter 13 : รักเอย


ดวงอาทิตย์คล้อยลงต่ำ เป็นผลให้ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีหม่น เสียงนกร้องเตรียมบินกลับรังดังก้องไปทั่วบริเวณ

ทันตแพทย์หนุ่มยังคงนั่งอยู่ริมแม่น้ำ เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นคลึงขมับ มีเด็กหนุ่มที่กำลังยิ้มกรุ้มกริ่มอีกคนนั่งอยู่ข้างกัน

“คุณเตชิต พูดแล้วอย่าคืนคำสิครับ เรามาทำสัญญาผูกปิ่นโตกันเถอะ นะๆ”

เจ้าของชื่อหันไปสบสายตากับดวงตาโตคล้ายลูกสุนัข คีรีน่ะ บางทีก็น่ารักน่าเอ็นดูอยู่หรอก แต่บางทีก็น่าถีบมากๆ “คุณนี่น้า! เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องสนุกนะเว้ย! ที่ผมพูดไปแบบนั้นน่ะ เพราะ...” เตชิตชะงัก เพราะห่วงว่าคำพูดของเขาจะทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกไม่ดีไปอีก

“เพราะคุณยังรู้สึกผิดเรื่องคืนนั้นงั้นสินะ”

“.....”

แทงใจดำเข้าจังๆ เลยแม่งเง้ย!

“งั้นก็รับผิดชอบด้วยการผูกปิ่นโตกับผมสิครับ”

เตชิตเม้มปาก เบือนหน้าหนีทั้งที่ในใจอยากยกตีนขึ้นมาก่ายหน้าผากมากกว่า เวลานี้เขากลุ้มใจเหลือเกินแล้วโว้ย

คีรียกแขนขึ้นโอบเอวทันตแพทย์หนุ่มพลางยื่นหน้าเข้าไปหา “ผมดีใจนะที่คุณอยากจะรับผิดชอบเรื่องคืนนั้น แต่เงินไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการนะครับ คุณก็รู้ดีว่าผมต้องการอะไร” จากนั้นก็จูบแก้มอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา

ทันตแพทย์หนุ่มเอามือยันหน้าคนอ่อนวัยกว่าออก “คุณจะบ้าเรอะ จะมาตื๊อลุงอย่างผมทำไมวะเนี่ย!”

“ลุงๆ นี่แหละดี ยิ่งแก่ยิ่งแซ่บ”

“ไอ้เด็กเวร!”

“ผมล้อเล่นน่ะ ก็ผมไม่ต้องการคนอื่นนี่” นัยน์ตาของเด็กหนุ่มฉ่ำหวาน เข้ากันได้ดีกับน้ำเสียงออดอ้อนของเขา “ต่อให้คุณแก่กว่าผมอีกยี่สิบสามสิบปี ผมก็ไม่แคร์ ผมต้องการคุณเท่านั้น”

หัวใจของเตชิตเต้นผิดจังหวะไปชั่วครู่ เขาเองก็ไม่มั่นใจว่าเป็นเพราะอะไร หรือเพราะเด็กหนุ่มมีอิทธิพลต่อหัวใจของเขาจริงๆ

คีรีประคองมือของทันตแพทย์หนุ่มขึ้นมาตรงหน้า “ผมถามจริงๆ นะครับ คุณเตชิตรำคาญผมมั้ย ถ้าคุณอยากให้ผมเลิกยุ่งเลิกวุ่นวายกับคุณ ขอแค่บอกกันตรงๆ เงินที่ผมจะคืนให้คุณ เหลือหนึ่งร้อยบาทสุดท้ายแล้ว...”

ทันตแพทย์หนุ่มเสหลบตา เขาอ้ำอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะพูดตัดบท “ผมว่าเราไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเหอะ เดี๋ยวจะมืดซะก่อน”

“คุณเตชิต...”

เจ้าของชื่อเรียกลุกขึ้น พร้อมกับดึงมือให้เด็กหนุ่มลุกขึ้นตามมาด้วย “บอกก่อนเลยนะว่าผมไม่มีกางเกงในให้คุณยืมเปลี่ยน”

คีรีถอนหายใจเบาๆ “คืนนี้ผมไม่ใส่ก็ได้ เดี๋ยวซักตากไว้ใส่พรุ่งนี้ต่อ”

เตชิตเดินตรงไปที่เต็นท์โดยไม่หันกลับไปทางเด็กหนุ่ม เขาเปิดกระเป๋าเป้หยิบเสื้อยืดกับกางเกงผ้าขายาวออกมา ส่งให้คนที่มาด้วยกันชุดหนึ่ง ของเขาอีกชุด แล้วก็หยิบถุงใส่สบู่กับแชมพูติดมือมาด้วย

“เอ้า อาบน้ำห้องใครห้องมันนะ”

คนอ่อนวัยกว่าหลุบตาลงต่ำ “ครับ” เขารับของมาจากทันตแพทย์หนุ่ม เดินตามไปจนถึงห้องอาบน้ำ ยืนรอให้อีกฝ่ายเข้าห้องน้ำไปก่อน จากนั้นจึงไปยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ที่หน้าห้องน้ำห้องนั้น แล้วค่อยๆ เอาหูแนบบานประตู

เตชิตเปิดประตูออกผาง “ไปอาบน้ำสิโว้ย! จะมาแอบฟังอะไรผมวะ!”

“ฟังไปต่อยอดครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มอยากจะยกขาถีบ “เดินเข้าห้องน้ำไปเดี๋ยวนี้เลย ไปห้องในสุดนู่นเลยนะ”

“ใจร้าย ขี้งก ฟังนิดหน่อยก็ไม่ได้” เด็กหนุ่มพึมพำ แต่ก็ยอมเดินไปห้องท้ายสุด

ทันตแพทย์หนุ่มยืนรอให้อีกฝ่ายเข้าห้องน้ำไปให้เรียบร้อย เขาจึงค่อยปิดประตูห้องน้ำแล้วไปอาบน้ำบ้าง



หลังจากอาบน้ำเสร็จ พอเตชิตเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าอีกฝ่ายมายืนซักกางเกงในอยู่ตรงที่อ่างซักล้างแล้ว เขาจึงยืนรออยู่ใกล้ๆ กัน ก่อนจะลดสายตาลงมองขอบกางเกงในในมือคนอ่อนวัยกว่าที่เขียนชื่อยี่ห้อ Armani ไว้

กระทั่งกางเกงในยังแพงเลยแม่ง เขาสงสัยฉิบหายว่าบ้านเด็กหนุ่มเป็นยังไงกันแน่

“ทำไมอาบน้ำเร็ว วิ่งผ่านน้ำเรอะ” ดีนะที่ไม่ไปยืนฟังเขาอาบน้ำอีกเนี่ย!

“ก็น้ำมันเย็นนี่ครับ แล้วก็ไม่มีอะไรให้ทำนอกเหนือจากอาบน้ำด้วย” คีรีเงยหน้าขึ้น เห็นเตชิตถือกางเกงในเปียกโชกอยู่ในมือจึงถาม “ทำไมเปียกล่ะครับ คุณเตชิตไม่ได้แก้ผ้าอาบน้ำเหรอ”

“ไม่ใช่เว้ย มันหล่น”

เด็กหนุ่มยื่นมือออกไปรับ “เอามานี่สิ เดี๋ยวผมซักให้”

“ไม่ต้องๆ ผมเอามาอีกตัว”

“โธ่ น่าเสียดายชะมัด ใส่แล้วด้วย นึกว่าจะได้ลูบๆ คลำๆ บ้าง” คีรีพึมพำ

ไอ้เด็กเวร! กระทั่งกางเกงในเขายังไม่ปลอดภัยเลยเหรอวะ!

“ให้มันน้อยๆ หน่อยคุณ ผมชักจะกลัวคุณเข้าไปทุกทีแล้วนะ”

“ผมเป็นคนซื่อๆ นะครับ”

“ซื่อกะผีน่ะสิ ซักไปเร็วๆ”

พวกเขาเดินกลับไปที่เต็นท์พร้อมกัน ในช่วงที่ไม่อยู่ก็ฝากให้เต็นท์ที่อยู่ใกล้ๆ กันดูแลให้ด้วย เพราะยังไงในเต็นท์ของพวกเขาก็ไม่มีของมีค่าอะไรอยู่แล้ว

แต่สิ่งที่เตชิตเลี่ยงไม่ได้เมื่อกลับมาถึงเต็นท์ คือเขาเองก็ต้องตากกางเกงในที่เขาทำมันหล่นลงบนพื้นห้องน้ำเพราะมัวแต่พะวงจนลนลานด้วยเช่นกัน ที่ที่พอจะตากผ้าได้ก็มีที่เดียว พอเขาหยิบกางเกงในขึ้นมาสะบัด คีรีก็จ้องตาเป็นมันอีกแล้ว

ทันตแพทย์หนุ่มหันไปดุคนที่ยืนตากกางเกงในอยู่ข้างกัน “คุณจะจ้องทำไมนัก” เขานึกอยากจะถีบเด็กหนุ่มให้ตกน้ำจริงๆ พับผ่าสิ

“ยี่ห้อเดียวกับของผมเลย แปลว่าเราใจตรงกัน”

“ซื้อเองรึเปล่าล่ะ”

“เปล่า... เปล่าครับ”

“ถ้าอย่างนั้นจะเรียกว่าใจตรงกันได้ไง” ทำไมเขาหงุดหงิดอีกแล้ววะเนี่ย! แต่ก็ต้องเก๊กไว้ก่อน “ใครซื้อให้”

“พ่อซื้อให้ครับ ซื้อมาทีเป็นโหลๆ เลย”

เตชิตขมวดคิ้ว “ซื้อทีเป็นโหลเลยเรอะ”

คีรียื่นหน้าเข้าไปหาทันตแพทย์หนุ่มอย่างรู้ทัน “โธ่ คุณเตชิต กางเกงในแบบนี้ที่แม่สายมีขายเพียบ” จากนั้นก็พูดเสียงเข้ม  “ผมไม่ได้ผูกปิ่นโตกับใครจริงๆ นะ ผมไม่เคยผูก ไม่เคยคิดจะผูกกับใครทั้งนั้น นอกจากคุณเตชิต”

คำพูดกับสีหน้าจริงจังของคนอ่อนวัยกว่าทำให้เตชิตหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย ไอ้เด็กนี่ช่างพูดจริงๆ ทำให้เขารู้สึกพิเศษ รู้สึกว่าเป็นคนสำคัญได้ตลอดจริงๆ สิน่ะ

“เวลาคุณเตชิตยิ้มแล้วน่ารักมาก มีใครเคยบอกมั้ยครับ”

ดูเอาเถอะ พอเขาเปิดช่องให้ก็รุกด้วยมุกเชยๆ ทันที เขาดีดหน้าผากเด็กหนุ่มเบาๆ “ออกไปห่างๆ หน่อย”

“คุณเตชิตอ่า...”

“ไปกินข้าวกันเหอะ เดี๋ยวร้านจะปิดซะก่อน” ทันตแพทย์หนุ่มรีบสาวเท้าเดินออกไปก่อน เขาบอกกับตัวเองรัวๆ ว่าต้องระวังตัวให้มาก เพราะถ้าโดนอ้อนหนักกว่านี้ เขาต้องแย่แน่ๆ



เมื่อกินมื้อเย็นเสร็จแล้ว พวกเขาก็ซื้อเครื่องดื่มกับขนมกลับมานั่งกินเล่นต่อที่เต็นท์ในระหว่างรอดูพระอาทิตย์ตกดิน

พอดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไป ความมืดก็คืบคลานเข้ามาปกคลุมทั่วพื้นที่ สองหนุ่มจึงเข้าไปนั่งในเต็นท์ซึ่งตั้งหันหน้าไปทางแม่น้ำแล้วเปิดทางเข้าแง้มทิ้งไว้เล็กน้อย ภายในบริเวณนั้นมีเพียงแสงไฟสลัวๆ จากเต็นท์ที่ตั้งอยู่ห่างออกไป ส่วนเต็นท์ของพวกเขาน่ะหรือ แทบจะมืดตึ๋ดตื๋อเลย มองเห็นกันแค่รางๆ เท่านั้น ไฟฉายก็ไม่มี มีแต่โทรศัพท์มือถือซึ่งแบตเตอรีเหลือไม่มากนัก

เตชิตหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความออกไป เพราะถ้าเขาหายหัวไปตลอดวันโดยที่ไม่ได้รายงานตัวกับเพื่อนรักอย่างทุกครั้ง มีหวังโดนด่าเปิง

พอกดส่งข้อความไปเสร็จ เงยหน้าขึ้นก็ประสานสายตากับเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกัน เขารีบกดให้หน้าจอดับลง แล้วโยนโทรศัพท์มือถือไว้ข้างหมอน

“ผมอิจฉาหมอวินมากๆ เลยรู้มั้ยครับ”

เตชิตไม่รู้จะพูดว่าอะไรดี เขานิ่งเงียบ ทอดสายตามองผ่านความมืดออกไปตามเสียงของน้ำ

“อยากเป็นคนที่คุณเตชิตคิดถึงอยู่ตลอดเวลา อยากเป็นคนพิเศษของคุณ อยากได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณเสมอๆ”

ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้าไปมาช้าๆ “ผมกับวินเป็นเพื่อนสนิทกันนะคุณ ตอนผมรู้จักกับมัน คุณเพิ่งหัดท่องสูตรคูณเองมั้ง”

“ถ้าผมได้รู้จักคุณตั้งแต่ตอนนั้นก็คงดี” เด็กหนุ่มพูดเสียงเศร้า “ที่คุณไม่ยอมเปิดใจให้ใคร ก็เพราะหมอวินใช่มั้ย”

“ผมบอกว่าวินเป็นเพื่อนสนิทก็เพื่อนสนิทสิวะ คุณคิดอะไรไปถึงไหนเนี่ย” เตชิตพูดเสียงดุ

“จริงเหรอครับ”

“.....” ทันตแพทย์หนุ่มไม่ตอบ

“คุณเตชิตไม่ได้คิดอะไรกับหมอวินเลยจริงๆ เหรอ”

“คุณจะถามไปให้มันได้อะไรขึ้นมาวะ”

“ก็เพราะผมไม่เชื่อว่าหมอวินเป็นเพื่อนสนิทของคุณเฉยๆ ไง”

“ทำไมวะ ไม่น่าเชื่อตรงไหน”

คนอ่อนวัยกว่านิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อ “คุณเตชิต คืนนั้น...ที่เชียงราย คุณเรียกชื่อหมอวินตอนที่อยู่บนเตียงกับผม”

เจ้าของชื่อเรียกชะงัก จากนั้นก็ยกมือขึ้นกุมศีรษะ จำไม่ได้ว่าหลุดปากเรียกชื่อเพื่อนรักออกไปตอนไหน แต่ในใจร้องฉิบหายรัวๆ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรเลยทีนี้ เขาถอนหายใจหนักๆ พอหันไปทางคนข้างๆ ก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองมาทางเขา


เอาไงดีล่ะเนี่ย กูหนอ... แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไง จะปฏิเสธก็คงยากแล้วล่ะ


เตชิตถอนหายใจยาวเหยียด “เออ ยอมรับก็ได้ ผมรักวิน รักมาตั้งแต่รู้จักกัน จนถึงตอนนี้ก็ยังรักมาก เป็นไงล่ะ ได้ยินชัดๆ แล้วพอใจยัง”

คีรีกลืนน้ำลายฝืดลงคอ เขาไม่น่าถามเลย ไม่น่าเลยจริงๆ เด็กหนุ่มได้แต่โทษตัวเองซ้ำๆ

ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ แต่พอได้ยินจากปากทันตแพทย์หนุ่มเอง หัวใจของเขาก็ราวกับถูกหอกแหลมทิ่มแทง เจ็บร้าวจนแม้จะหายใจยังทำได้ลำบาก ร่างกายเย็นเฉียบ ราวกับตัวเขากำลังจมดิ่งลงสู่ก้นแม่น้ำลึก

ในความมืดของยามราตรี ทั้งสองคนมองเห็นสีหน้าของกันและกันได้ไม่ชัดเจนนัก ทว่าหลังจากที่เตชิตโพล่งออกไป อีกฝ่ายก็นิ่งเงียบเป็นหินไปเลย ไม่มีคำพูดใดๆ จากเด็กหนุ่มอีก ภายในเต็นท์ก็เงียบสนิท มีเพียงแค่เสียงน้ำจากแม่น้ำดังมาแว่วๆ เท่านั้น ทำให้เตชิตรู้สึกราวกับว่าเขานั่งอยู่เพียงลำพัง


“คีรี”


เจ้าของชื่อยังคงนิ่งเงียบ ส่งผลให้ทันตแพทย์หนุ่มกระวนกระวายอยู่ในใจ เขาพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ

“แต่ผมกับวินเป็นได้แค่เพื่อนกันเท่านั้น ผมเองก็รู้อยู่แก่ใจ”

“ทำไมไม่ลองบอกความจริงกับหมอวินดูล่ะครับ” เสียงของเด็กหนุ่มที่ตอบกลับมาแหบแห้ง คล้ายคนที่กำลังหมดแรง

“บอกอะไร บอกว่าผมรักเขาน่ะเรอะ บอกไปเป็นร้อยรอบแล้ว” เตชิตหัวเราะเฝื่อนๆ “เขามีคนที่เขารักมากอยู่แล้ว และก็ไม่มีใครแทนที่คนคนนั้นได้หรอก”

คีรีเอื้อมมือไปในความมืด พอสัมผัสถูกท่อนแขนของทันตแพทย์หนุ่มก็ค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปหา แล้วโอบกอดอีกฝ่ายไว้

เตชิตผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะซบใบหน้าลงบนหัวไหล่เจ้าของอ้อมแขน “เรื่องของผมกับวิน มันไม่มีทางเป็นไปได้ ผมไม่มีวันได้เป็นคนพิเศษ หรือเป็นที่หนึ่งในใจเขา”

คนอ่อนวัยกว่ากระชับอ้อมแขนแน่น “แต่สำหรับผม คุณเตชิตเป็นที่หนึ่งเสมอ เป็นคนพิเศษที่สุด และไม่มีใครแทนที่คุณได้”

เตชิตค่อยๆ เงยหน้าขึ้นประสานสายตาเด็กหนุ่ม


“ผมรักคุณเตชิตนะครับ”


นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำว่ารักจากปากคีรี หลังจากอีกฝ่ายไล่ตามปั่นหัวเขามาเป็นเดือน

“ผมไม่มีทางเทียบกับหมอวินได้ ผมรู้ตัวดี แต่ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้ หยุดรักคุณไม่ได้” หางเสียงของเด็กหนุ่มสั่นเล็กน้อย “ผมรู้ว่าผมไม่มีหวัง ผมรู้ว่าคุณไม่มีทางสนใจเด็กอย่างผม ผมรู้ว่าไม่ช้าก็เร็วคงต้องอกหัก แต่ก็ยังรัก รักคุณมากขึ้นทุกครั้งที่ได้พบกัน”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาสารภาพรักด้วย ทว่าเตชิตกลับรู้สึกว่ามันเป็นการบอกรักที่พิเศษที่สุด ทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ

“ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องรำคาญ ต้องลำบากใจ ผม...” คีรีเอื้อมมือไปหยิบซองธนบัตรยับยู่ยี่ในเป้ แล้วนำมาส่งคืนให้ทันตแพทย์หนุ่ม “เงินร้อยบาทสุดท้าย ผมคืนให้คุณ”

เตชิตเงียบไปครู่ใหญ่ ถึงทุกครั้งที่คีรีคืนเงินให้เขาจะทำเป็นไม่ใส่ใจ แต่เขาก็เข้าใจความหมายของการกระทำของเด็กหนุ่มดี ถ้าหากไม่มีเงินนี่ อีกฝ่ายก็จะไม่มีข้ออ้างที่จะมาหาเขาอีก ตามที่เคยบอกเขาไว้ครั้งนั้น


นี่หมายความว่าคีรีต้องการคำตอบจากเขางั้นสินะ


ส่วนตัวเขาน่ะ เวลานี้แค่จะยื่นมือออกไปรับซองมายังทำไม่ได้เลย เด็กหนุ่มเข้ามาวนเวียนรอบตัวเขา แทรกเข้ามาในความคิด มาทำให้ปั่นป่วนวุ่นวาย แต่ก็เป็นความวุ่นวายที่ตัวเขาไม่อยากให้ขาดหายไป

“ทำไมถึงรักผม ผมไม่เข้าใจ ผมไม่ใช่คนดีอะไรเลยนะ ผมรักเพื่อนสนิท คนที่ไว้ใจผมมากที่สุด แถมยังเคยคิดจะทำให้เขาเป็นของผมด้วย ผมทำอะไรแย่ๆ ลงไปตั้งมากมาย แม้กระทั่งกับคุณ...” ทันตแพทย์หนุ่มพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของพวกเขาทั้งสอง “รู้แบบนี้แล้ว คุณจะยังรักผมลงอีกเหรอ”

“รักสิครับ ผมรักทุกอย่างที่เป็นคุณ ผมไม่สนใจหรอกว่าคุณจะเคยเป็นยังไงมาก่อน แต่ผม...กลับยิ่งอิจฉาหมอวินมากขึ้นไปอีก ถ้าหากคุณให้โอกาสผมบ้างสักนิด ผมสัญญา ผมจะรักคุณให้มากกว่าใครๆ ทั้งนั้น”

เตชิตยกมือขึ้นกุมมือของเด็กหนุ่มที่ถือซองธนบัตรไว้ เขาคงเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ ล่ะ “ผมบอกตรงๆ ว่าผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะชอบผู้ชายคนอื่นนอกจากวินได้ ผมไม่เคยและก็ไม่อยากคบคนที่เด็กกว่าหลายปี แต่หลังจากที่ได้พบคุณ ผมก็ชักไม่แน่ใจ...” ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจยาว “ตอนนี้ผมคงยังตอบรับความรู้สึกคุณไม่ได้ ขอเวลาหน่อยก็แล้วกันนะ เพราะงั้นก็เก็บเงินนี่ไว้ก่อนก็แล้วกัน”

คีรีนิ่งอึ้ง หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ เขาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย “หมายความว่า... ผมยังพอมีหวังบ้างใช่มั้ย” ความรู้สึกที่เอ่อล้นในอกกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตา

เตชิตเลื่อนมือไปตามท่อนแขนของเด็กหนุ่มช้าๆ ขึ้นไปถึงหัวไหล่ ลำคอ และไปหยุดประกบอยู่บนแก้มที่ชื้นน้ำ ไม่รู้ว่าเขาทำให้เด็กผู้ชายตัวโตๆ คนนี้ต้องเสียน้ำตากี่ครั้งกี่หนกันแล้ว เขาใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไปมาบนผิวแก้ม ใบหน้าคีรีไม่ได้มีส่วนคล้ายรวินท์เลยสักนิด ทำไมคืนนั้นเขาถึงได้หน้ามืดคิดไปแบบนั้นได้ก็ไม่รู้เหมือนกัน ทันตแพทย์หนุ่มคิดไปพลางเคลื่อนใบหน้าเข้าไปหา ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจ จากนั้นจึงแต้มจูบริมฝีปาก

เรียวปากทั้งสองบดเบียดเข้าหากัน คีรีเผยอริมฝีปากรับลิ้นนุ่มที่รุกล้ำเข้ามา ใช้ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดรับ เมื่ออีกฝ่ายถอยออกไปก็รุกไล่ตาม เขาสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากอุ่น ปล่อยให้สองลิ้นกอดรัดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เป็นผลให้อุณหภูมิในร่างกายค่อยๆ สูงขึ้น เด็กหนุ่มโอบเอวทันตแพทย์หนุ่มไว้แล้วกระชับเข้าหาตัว

เมื่อริมฝีปากผละออกจากกัน พวกเขาต่างหอบหายใจหนักๆ ทว่าสายตายังคงประสานกันอยู่ในความมืดนั้น ไม่นานริมฝีปากของทั้งสองก็เคลื่อนเข้ามาประกบกันอีก

ไอ้เด็กนี่... จูบเก่งชะมัด! ต่างกับหน้าตาที่ดูซื่อๆ ไร้เดียงสานั่นสุดกู่!

เด็กหนุ่มละเรียวปากออกมาเล็กน้อย “คุณเตชิตครับ” เขาแนบจูบริมฝีปากที่เพิ่งห่างออกมาเมื่อครู่อีกครั้ง แล้วกระซิบบอก “ผูกปิ่นโตกับผมเถอะนะครับ” จากนั้นก็กดไหล่คนที่นั่งข้างกันให้เอนหลังลงนอน

เตชิตรีบยกมือขึ้นผลักใบหน้าของคนบนร่างออก “เดี๋ยวๆ คุณจะทำอะไรวะ! ได้คืบจะเอาศอกนะคุณน่ะ!”

“โธ่ ได้ตั้งศอกใครจะไม่เอาล่ะครับ แต่ถ้าจะให้แค่คืบก็เอา ผมเอาหมดแหละ ขอให้ได้เอาเถอะ”

โว้ย! ไอ้เด็กเปร้ตตต~

ทันตแพทย์หนุ่มขึงตาใส่พร้อมพูดเสียงดุ “คุณจะลุกออกไปดีๆ หรือจะให้ผมถีบออกไปวะ!”

“คุณเตชิตเป็นคนเริ่มก่อนนะ มาเร่งเครื่องผมแล้วก็จะดับเครื่องใส่ดื้อๆ เลยเหรอครับ”

“เร่งเครื่องอะไรวะ! ผมก็แค่จูบมั้ย!”

“ผมก็จะแค่จูบเหมือนกัน แต่ถ้านั่งนานๆ ผมกลัวคุณจะเมื่อยหลัง”

“น่าเชื่อตายล่ะคุณน่ะ!”

คีรีโน้มศีรษะลง นัยน์ตาจดจ่ออยู่ที่ริมฝีปากที่กำลังดุเขาพลางอมยิ้ม “เวลาดุๆ แบบนี้ คุณเตชิตยิ่งโคตรน่ารักเลย”

“นี่คุณ!” แต่เดี๋ยวนะ! เตชิตชะงัก เขาว่ามันชักจะคุ้นๆ นะ ไอ้การกระทำกับการพูดจาแบบนี้น่ะ

เมื่อคิดแบบนั้นแล้ว ทันตแพทย์หนุ่มจึงปล่อยให้คนบนร่างทำตามใจไปก่อน

“ไม่ดุผมแล้วเหรอ” เด็กหนุ่มแต้มจูบริมฝีปากของเตชิตอย่างอ่อนโยน ค่อยๆ บดเบียด ใช้ปลายลิ้นไล้เลียกลีบปากอีกฝ่าย แล้วคลอเคลียอยู่บนริมฝีปากนั้น “ปากของคุณเตชิตน่ะ นุ่มมากเลยรู้มั้ยครับ ให้ผมจูบทั้งคืนก็ยังได้” จากนั้นก็กดปลายจมูกลงบนแก้มของคนใต้ร่างแล้วหอมดังฟอด “แก้มคุณก็หอมมาก อยากหอมคุณไปทั้งตัวเลย”

ใช่เลย! วิธีการเต๊าะแบบนี้มันไอ้วินชัดๆ เลย เขาว่าแล้วว่าไอ้เด็กนี่ ถึงหน้าตาจะไม่มีส่วนคล้าย ทว่าก็มีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้มีความรู้สึกคล้ายกับตอนที่อยู่กับไอ้วิน ดูไม่ผิดจริงๆ ด้วยโว้ย!

พอเตชิตยกมือขึ้นโอบเอวเด็กหนุ่ม อีกฝ่ายก็ยิ้มร่า แถมยังเอามือมาลูบแก้มเขา จับคางเขาไว้เพื่อที่จะจูบอีก

“เฮ้ย! คุณเตชิต!” คนอ่อนวัยกว่าร้องลั่น เมื่อถูกทันตแพทย์หนุ่มพลิกกลับให้ตัวเขาย้ายลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่ใต้ร่างอีกฝ่ายแทน

เตชิตใช้แขนกดลงบนแผ่นอกของเด็กหนุ่ม แล้วโน้มใบหน้าลงไปกระซิบ “คิดจะกดผมเหรอ เร็วไปหลายปีเลยว่ะคุณ”

“โห ก็เผื่อฟลุคอะครับ” ไม่พูดเปล่าแต่ผงกศีรษะขึ้นมาหอมแก้มทันตแพทย์หนุ่มอีกฟอดใหญ่ๆ

ยังมีหน้ามาต่อปากต่อคำกับเขาได้อีกนะ! เตชิตส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ

แต่เดี๋ยวก่อน! ดูเหมือนว่าตัวเขาจะเสียดสีกับเด็กหนุ่มมากไปสักหน่อย!

พอทันตแพทย์หนุ่มใช้มืออีกข้างยันตัวเองให้ลุกขึ้น คนใต้ร่างก็กอดเอวเขาไว้แน่น “เฮ้ย! ปล่อยผมนะเว้ย!”

“ไม่ปล่อยอะ อุตส่าห์ได้กอดทั้งที”

“ไอ้นั่นคุณมันทิ่มผมอยู่นะ!”

“คุณเตชิตก็อย่าดิ้นมากสิครับ ยิ่งดิ้นมันก็ยิ่งแข็งมั้ยล่ะ เดี๋ยวมันทิ่มทะลุกางเกงออกมาไม่รู้ด้วยนะ”

เตชิตอยากจะวิ่งไปกระโดดลงน้ำเสียให้รู้แล้วรู้รอด ไม่รู้จะทำยังไงกับไอ้เด็กเวรนี่ดีแล้ว

“ผมรักคุณ พอได้อยู่ด้วยกันตามลำพังแบบนี้แล้วได้กอดได้จูบคุณ มันก็แข็งเป็นธรรมดาสิครับ มันคือการพิสูจน์ความรักของผมที่มีให้คุณเลยนะ”

โห คารม... กูอยากจะบ้า

“คุณเตชิตรังเกียจผมเหรอ”

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจหนักๆ จะแก้ตัวว่ามันเร็วเกินไป พวกเขาก็เคยข้ามขั้นไปไกลแล้วไหมวะ

“ผมไม่อยากทำเรื่องแบบนี้ที่นี่”

“งั้นย้ายไปห้องน้ำกันมั้ย” คีรีทำหน้าอ้อน เสียแต่ว่าที่ในเต็นท์มืดมาก อีกฝ่ายคงมองไม่เห็นนี่แหละ ไม่อย่างนั้นคงปฏิเสธเขาไม่ได้แน่

เตชิตเขกศีรษะเด็กหนุ่มเบาๆ “คุณนี่มันแก่แดดฉิบหาย”

“ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะใครล่ะ”

“หึ จะบอกว่าเพราะผมเหรอ ผมไม่เชื่อคุณหรอกนะ เคยพูดเคยทำแบบนี้มากับกี่คนแล้วล่ะ ท่าทางโคตรเชี่ยว คิดว่าผมดูไม่ออกรึไง คุณนี่มัน... หื่นผิดกับหน้าตาชะมัด”

คนใต้ร่างชะงักกึก คำว่าผีเห็นผีของรวินท์แล่นแวบเข้ามาในความคิดทันที ตามมาด้วยคำเตือนของเจนี่เพื่อนสาว “เจอคนที่ใช่เมื่อไหร่ อดีตจะตามมาเป็นอุปสรรคหลอกหลอนนายแน่!”

ถ้าหมอวินเห็นเขาเป็นผีชนิดเดียวกัน แล้วหมอเต้จะเห็นเขาเป็นผีเหมือนกันไหม

เด็กหนุ่มค่อยๆ คลายอ้อมแขนออก กลัวว่าความเอ็นดูที่อีกฝ่ายมีให้จะจางหายไปจนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วครู่


(มีต่อค่ะ)


หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 12 : เรื่องของปิ่นโต[181218]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 25-12-2018 20:55:33


ทันตแพทย์หนุ่มยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่พอจะขยับออกห่าง เด็กหนุ่มก็คว้าแขนเขาไว้

“คุณเตชิต”

“ทำไมอีก”

คีรีรีบลุกขึ้น ถลาเข้าไปหา แล้วโอบกอดอีกฝ่ายไว้จากทางด้านหลัง “อย่าโกรธผมเลยนะครับ”

“ผมไม่ได้โกรธ จะโกรธทำไม แล้วจะมากอดผมไว้อีกทำไมวะเนี่ย”

“ฟังผมก่อนนะ” คนอ่อนวัยกว่าพูดเสียงอ่อย “ที่ผ่านมาผมไม่เคยคบใคร ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยจริงจังกับใครเลย จนกระทั่งได้พบคุณ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป”

ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะเสียงขึ้นจมูก “หึ แล้วผมจะเชื่อคุณได้เรอะ ในเมื่อไม่เคยจริงจังกับใคร แล้วทำไมถึงจะคิดจริงจังกับผม”

“ก็เพราะผมรักคุณไง คุณเตชิตครับ ผมไม่เคยเข้าหาใครก่อน ไม่เคยไล่ตามใคร คุณเตชิตเป็นคนแรกที่ผมเข้าหาและขอให้ผูกปิ่นโตกับผมนะครับ คุณเป็นคนเดียวที่ผมบอกรัก ผมจริงจังกับคุณมากนะ”

เตชิตชำเลืองมองคนที่โอบกอดเขาอยู่อย่างเพลียๆ เขาไม่ค่อยเชื่อที่เด็กหนุ่มพูดหรอก ถึงหน้าตาจะดูซื่อๆ แต่ดูจากการกระทำแล้ว ท่าจะโชกโชนไม่แพ้เขากับไอ้วินเลย

“ผมกับคุณยังรู้จักกันได้ไม่เท่าไหร่เลยนะ จู่ๆ คุณก็บอกรักผมแล้ว”

“คนเราต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะเข้าใจคำว่ารักเหรอครับ มีใครกำหนดไว้ด้วยเหรอ” น้ำเสียงของคีรีเคร่งขรึม บ่งบอกถึงความจริงจังของเขา “ผมประทับใจในความดุ ความใจดี และความน่ารักของคุณ แค่ได้พบคุณแวบแรกแวบเดียวใจมันก็เอาแต่คิดถึงคุณ คิดถึงทุกวินาที พอได้เข้าใกล้คุณหัวใจก็เต้นแรงเป็นบ้าเป็นหลัง ผมอยากเห็นรอยยิ้มของคุณ อยากเป็นคนรักษามันไว้ อยากทำให้คุณเป็นคนที่มีความสุขที่สุด ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างเพื่อคุณ สำหรับผมเหตุผลพวกนี้มันก็มากพอที่จะทำให้รู้ว่าผมรักคุณเข้าแล้ว และรักมากๆ ด้วย”

เด็กหนุ่มกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น จนไม่มีช่องว่างระหว่างตัวเขากับอีกฝ่าย “ที่สำคัญ ตั้งแต่ได้พบคุณ ผมก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใครอีกเลย ผมไม่อยากทำเรื่องอย่างว่ากับคนอื่น ไม่มีอารมณ์กับใคร นอกจากคุณเท่านั้น”

ทันตแพทย์หนุ่มพูดไม่ออก เขาปล่อยให้คนอ่อนวัยกว่ากอดเขาไว้เช่นนั้น

คีรีซบใบหน้าลงบนหัวไหล่ของคนในอ้อมแขน พอเห็นว่าอีกฝ่ายนั่งนิ่ง เขาก็ค่อยๆ จดปลายจมูกโด่งลงตรงซอกคอ ซุกไซ้ ไล้ไปมาอย่างเชื่องช้าสลับแนบจูบลงไปเบาๆ


“คีรี”


“ครับ”

“ไอ้นั่นคุณทิ่มตูดผมอยู่”

“ก็ผมไม่ได้ใส่กางเกงในอะครับ”

“ไม่เกี่ยวกับกางเกงในมั้ยวะ มันเป็นที่คุณนี่แหละ!”

“แล้วจะให้ผมทำยังไงอะ ก็ความรักมันอัดอั้น คุณไม่ยอมทำกับผมนี่”

เตชิตหันไปดุ “คุณก็ทำไปคนเดียวสิวะ ไปห้องน้ำเลยไป!”

“ไปคนเดียวผมกลัวอะ คุณเตชิตไปด้วยกันหน่อยสิครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับ “งั้นก็ทำตรงนี้แหละ จะทำอะไรก็เชิญตามสะดวกเลย ผมจะไปรอข้างหน้าเต็นท์ก็แล้วกัน” 

“ข้างนอกมันมืดนะครับ คุณไม่กลัวเหรอ”

“ไม่กลัวเว้ย! ผมกลัวคุณนี่แหละมากกว่า!” เตชิตเอื้อมมือไปเปิดเต็นท์ออก แล้วก็ต้องชะงัก เพราะดูเหมือนว่าเต็นท์ข้างๆ จะปิดไฟเข้านอนกันหมดแล้ว ทางด้านนอกมืดสนิท มองไม่เห็นอะไรเลย ได้ยินเพียงแค่เสียงน้ำจากแม่น้ำเท่านั้น ทำให้เขาต้องหดมือถอยกลับเข้ามานั่งที่เดิม

เวรกรรมอะไรของกูหนอ!

“เฮ้ย! คีรี!” เตชิตหันขวับเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายขยับเข้ามานั่งชิดกับเขาทางด้านหลัง แล้วซบใบหน้าลงบนแผ่นหลังตน

“ผมไม่ไหวแล้ว...อะ...ครับ”

เสียงแหบแห้งปนเสียงหอบหายใจของคนอ่อนวัยกว่าเป็นผลให้ทันตแพทย์หนุ่มนั่งนิ่งเป็นก้อนหิน ไอ้เด็กเวรนี่ กำลังทำร้ายตัวเองอยู่ที่ข้างหลังเขาเหรอวะ!

“อะ... อา... คุณเตชิต”

กูอยากจะบ้า!

หัวใจของเตชิตพาลเต้นรัวแรงไปกับเสียงที่ได้ยินด้วย ราวกับว่าเด็กหนุ่มมาหอบหายใจอยู่ที่ข้างหู เขาพนันได้เลย ไอ้เด็กนี่จงใจให้เขาได้ยินแน่ๆ

“คุณเตชิต... ผมรักคุณ”

เด็กหนุ่มครางชื่อของเตชิตออกมาเป็นระยะ เขาแนบจูบหนักๆ ลงไปบนแผ่นหลัง ส่วนมือก็ทำหน้าที่ปรนเปรอความสุขให้ตัวเอง

“ใกล้เสร็จรึยังวะ”

“ยัง...ยังครับ” คีรีใช้มืออีกข้างโอบกอดทันตแพทย์หนุ่ม ก่อนจะลูบเคล้นไปบนแผ่นอกและหน้าท้องอย่างเชื่องช้า

เตชิตก้มลงมองตามฝ่ามือนั้น จะขยับหรือขัดเด็กหนุ่ม เขาก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่เสร็จสักที

“หัวใจคุณเต้นแรงจัง”

มีเด็กโรคจิตมาทำเรื่องแบบนี้ใส่ ถ้าไม่เต้นแรงเขาก็คงนั่งนานจนกลายเป็นฟอสซิลไปแล้วโว้ย!

“คุณเตชิต ผมอยากได้ยินเสียงคุณอะ เรียกชื่อผมหน่อยได้มั้ย”

ทันตแพทย์หนุ่มโวยวาย “ไม่เอาเว้ย! คุณช่วยทำให้มันเสร็จๆ ไปสักทีได้มั้ยวะ!”

“คุณเตชิต อา... เกรี้ยวกราดอีกนิดสิครับ”

“คีรี!” อ้าว เวร! เรียกชื่อไอ้เด็กบ้านี่จนได้!

เจ้าของชื่อไม่พูดอะไรอีก แต่หอบเสียงกระเส่า

เตชิตพยายามข่มใจ หากเมื่อนึกถึงใบหน้าของเด็กหนุ่มในตอนที่ครางเรียกชื่อเขาเช่นนี้แล้ว ร่างกายก็ร้อนๆ ขึ้นมาชอบกล ฝ่ามือของเด็กหนุ่มกดเคล้นลงสู่ที่ต่ำลงไปเรื่อยๆ พอไปหยุดอยู่ตรงส่วนไวสัมผัสกลางร่างเขา ตัวเขาก็เริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง

“คีรี เดี๋ยว...”

พอทันตแพทย์หนุ่มหันหน้ามาหา คีรีก็จูบปิดริมฝีปากตรงหน้า กระชับเข้าหาอย่างดึงดันเอาแต่ใจ ทว่าก็อ่อนโยนชวนให้คล้อยตาม พร้อมกับสอดมือเข้าไปในกางเกงของอีกฝ่าย

ฉิบหายแล้วกู... เตชิตอยากจะหยุด แต่ก็รู้สึกดีอย่างเหลือเชื่อ เขากำลังจะหมดความอดทนในไม่ช้า

คนอ่อนวัยกว่าละริมฝีปากออกมาเล็กน้อย “ผมรักคุณนะครับ”

เส้นความอดทนของทันตแพทย์หนุ่มขาดผึง เขาหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่ม ก่อนจะยกแขนขึ้นล็อกคออีกฝ่ายไว้ “ไอ้เด็กเวรเอ๊ย คุณเป็นคนเริ่มนะ รับผิดชอบทำให้เสร็จด้วย”

คีรียิ้มมุมปาก เขาบดจูบริมฝีปากของทันตแพทย์หนุ่มแทนคำตอบ สอดลิ้นเข้าไปกวาดต้อนลิ้นอุ่นอย่างกระหาย มือกุมส่วนไว้สัมผัสของอีกฝ่ายไว้แล้วขยับช้าๆ จนมันขยายตัวเต็มที่

หยาดน้ำใสไหลล้นออกมาจากมุมปากของทั้งสองโดยที่ริมฝีปากยังไม่ยอมแยกออกห่าง ฝ่ามือของเด็กหนุ่มร้อนผ่าวราวกับไฟ

รู้สึกดีฉิบหายเลยแม่ง! ทันตแพทย์หนุ่มครางในลำคอเบาๆ เขาซุกไซ้ใบหน้าลงตรงซอกคอของคนอ่อนวัยกว่า จูบเม้มอย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์

เด็กหนุ่มกดเตชิตให้เอนหลังลงนอน ก่อนจะตามเข้าไปบดจูบริมฝีปากของคนใต้ร่างอย่างหนักหน่วง เขาดึงกางเกงของตัวเองลงมาครึ่งสะโพก จับส่วนที่พองโตเต็มมือแนบชิดไว้ด้วยกันกับของทันตแพทย์หนุ่ม จากนั้นก็ปรนเปรอความสุขไปพร้อมกัน

เมื่อคนบนร่างละริมฝีปากออก เตชิตก็กัดริมฝีปากสลับหอบหายใจหนักๆ ในศีรษะมึนไปหมด หัวใจของเขาเต้นโครมครามอยู่ในอก 

“อย่ากัดปากสิครับ เดี๋ยวเป็นแผลนะ” คีรีกระซิบชิดเรียวปากที่เขาจูบจนเห่อบวม

“จะทำอะไรก็รีบๆ ทำให้เสร็จซะทีเถอะน่ะ”

“ใจร้อนจัง” คนอ่อนวัยกว่าอมยิ้ม เขาอยากเห็นสีหน้าของหมอเต้ตอนนี้ชะมัด คงจะน่าฟัดกว่าในยามปกติไปอีกร้อยเท่า เขาเผยอริมฝีปากหายใจ กระชับฝ่ามือแน่นไปพร้อมกับเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น จากนั้นจึงไล่พรมจูบลงไปตามลำคอ

เมื่ออารมณ์พุ่งขึ้นสูงเต็มที่ ทันตแพทย์หนุ่มเกร็งไปทั้งร่าง เขาจิกมือลงบนหัวไหล่ของคนอ่อนวัยกว่า ก่อนจะหลุดครางออกมาเบาๆ “อา... อะ!” แต่จู่ๆ เด็กหนุ่มก็จูบปิดริมฝีปากไว้แน่น บดจูบอย่างรุนแรงและไม่ยอมให้เขาส่งเสียงใดๆ ออกมาอีก

คีรีรอให้ทันตแพทย์หนุ่มก้าวผ่านจุดสูงสุดของอารมณ์ไปก่อนจึงถอนริมฝีปากออก เขาจ้องมองใบหน้าในเงามืด ฟังเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย มือข้างที่ว่างกดคลึงไปบนผิวเนื้ออุ่นๆ อีกชั่วครู่จึงปลดปล่อยตามออกมา

เสียงหอบหายใจของทั้งสองคนดังประสานกัน นัยน์ตาสบกันในความมืดมิด

เตชิตร้องฉิบหาย! ฉิบหาย! แล้วก็ฉิบหาย! อยู่ในใจ ริมฝีปากยังคงเผยอหอบ ขณะมือควานไปหาเป้ที่วางไว้ภายในเต็นท์ “เอ่อ ในเป้มีทิชชู ช่วยผมคลำหาเป้ที”

สองหนุ่มควานหากระเป๋าเป้กันอยู่สักพัก กว่าจะได้กระดาษทิชชูมาเช็ดมือก็ทุลักทุเลเต็มที

“นอนกันเถอะ” พอเช็ดมือได้ เตชิตก็ตัดสินใจปิดสวิตช์ตัวเองเพื่อหนีคำถามทั้งหมดจากตัวเขาและเด็กหนุ่มไปก่อน

“คุณเตชิตครับ” คีรีเอนตัวลงนอนข้างกัน

“อะไรอีก”

“ขอผมกอดหน่อยได้มั้ย”

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจยาว “จะทำอะไรก็เชิญ”

คนอ่อนวัยกว่าวางมือโอบเอวอีกฝ่าย พร้อมกับยกศีรษะขึ้นบอก “ราตรีสวัสดิ์นะครับ” ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปจูบแก้มของทันตแพทย์หนุ่มเบาๆ

“เออๆ” เตชิตหมดแรงจะเถียง จะดิ้น จะต่อสู้ เขากลัวใจตัวเองมากกว่าแล้วตอนนี้

เช้าสักทีเถอะโว้ย~ เขาไม่น่าหลวมตัวค้างในเต็นท์เดียวกันกับไอ้เด็กเวรนี่เลย!



แสงอาทิตย์ในตอนสายทอดผ่านช่องว่างเข้ามาภายในเต็นท์ ฉาบไล้สองร่างที่นอนกอดกันกลมอยู่ใต้ผ้าห่ม เตชิตลืมตาขึ้นช้าๆ เมื่อได้ยินเสียงเด็กวิ่งเล่นกันดังแว่วมาจากทางด้านนอก แต่พอเห็นว่าใบหน้าของเด็กหนุ่มอยู่ใกล้แค่คืบ เขาก็รีบผละออก แล้วลุกขึ้นนั่ง ทว่าแขนของอีกฝ่ายยังกอดเขาไว้ไม่ยอมปล่อย

ทันตแพทย์หนุ่มเอื้อมมือไปดึงหูคนอ่อนวัยกว่า “ไม่ต้องมาลีลา ผมรู้ว่าคุณตื่นแล้ว”

“โห จะปลุกให้หวานๆ หน่อยก็ไม่ได้” คีรียกศีรษะขึ้นย้ายไปนอนหนุนตักของคนที่นั่งอยู่

เตชิตกระดกขารัวๆ “ไม่ต้องมาทำเนียน” เขาเอื้อมมือไปควานหาโทรศัพท์มือถือมากดดูเวลา ซึ่งในโทรศัพท์มีข้อความของเพื่อนรักส่งมาบอกด้วยว่าเย็นนี้จะซื้อของกินที่เขาชอบมาให้จากเชียงใหม่ เขาจึงยิ้มออกมาอย่างลืมตัว พลางพิมพ์ข้อความตอบกลับไป

คนอ่อนวัยกว่าขมวดคิ้ว พอเห็นท่าทางดีอกดีใจของอีกฝ่ายก็คิ้วกระตุก เขาลุกขึ้นนั่งทำหน้าตาบอกบุญไม่รับ พร้อมกับยกมือขึ้นเกาศีรษะ

ทันตแพทย์หนุ่มชำเลืองมอง แต่ก็ไม่ใส่ใจกับท่าทางงอนๆ ของเด็กหนุ่ม พอกดส่งข้อความแล้วก็เงยหน้าขึ้นบอก “ไปล้างหน้าแปรงฟันกันเหอะ” เขาคว้าแปรงสีฟัน ยาสีฟันและโฟมล้างหน้าลุกออกไปจากเต็นท์ จากนั้นก็ยืนบิดขี้เกียจ

ทว่าคนที่อยู่ในเต็นท์ไม่ยอมตามออกมา เขาจึงชะโงกหน้ากลับเข้าไปเรียก “นี่คุณ...!” เตชิตเบิกตากว้าง เมื่อคนอ่อนวัยกว่าพุ่งเข้ามาแนบจูบริมฝีปากเขา “ยังไม่ได้แปรงฟันเลยเว้ย!” ทันตแพทย์หนุ่มโวยวาย ขณะที่ผลักศีรษะเด็กหนุ่มให้ออกห่าง

“ถ้าแปรงฟันแล้วจูบได้ใช่มั้ยครับ”

“คุณนี่มัน...” เตชิตไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาด่าแล้ว เขาฉุดแขนคีรีให้ออกมาจากเต็นท์ ก่อนจะสังเกตเห็นรอยสีแดงช้ำที่บนลำคอและตรงซอกคอของเด็กหนุ่ม

ฉิบหาย หลักฐานมัดตัวชัดเจนเลย!

คีรียังไม่รู้ตัว เขาสอดมือเข้าไปเกาในเสื้อแล้วบิดขี้เกียจ

ทันตแพทย์หนุ่มเบือนหน้าหนี “ไปกันเหอะ”

ขณะที่กำลังแปรงฟัน ตอนแรกคนอ่อนวัยกว่าก็หลับหูหลับตาแปรงไปเรื่อยๆ แต่พอก้มลงล้างหน้า เงยขึ้นมาเห็นเงาตัวเองในกระจกก็สังเกตเห็นรอยช้ำที่บนลำคอ เขายกมือขึ้นสัมผัส พลางยื่นใบหน้าเข้าไปส่องดูใกล้ๆ กระจก “โอ้โห! เพิ่งเคยมีรอยแบบนี้ครั้งแรกนะเนี่ย!” จากนั้นก็หันไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ใส่คนที่ยืนอยู่ข้างกัน

“ก็แค่อารมณ์พาไป น่าปลื้มมากมั้ยล่ะ” เตชิตพูดอย่างเซ็งๆ

แต่คีรีทำเป็นไม่สนใจ เพราะถือว่าอย่างน้อยหมอเต้ก็มีอารมณ์กับเขาล่ะวะ เขาขยับเข้าไปกระแซะคนที่ยืนอยู่ข้างกันแล้วพูดเสียงอ้อน “นี่เป็นสัญญาผูกปิ่นโตใช่มั้ยครับ”

“แปลว่าถ้ารอยหายไปก็หมดสัญญางั้นสิ”

คำตอบที่ได้รับกลับมาเป็นผลให้รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้าของเด็กหนุ่มทันควัน เขาขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง “ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยกัดแรงๆ ให้เลือดออก ให้มันเป็นแผลเป็นทีเถอะครับ”

“จะบ้ารึไง” ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นผลักไหล่คนอ่อนวัยกว่าออกไปเบาๆ “ผมพูดเล่นเท่านั้น”

“รวมถึงผูกปิ่นโตด้วยมั้ยครับ” คีรีจับมือของทันตแพทย์หนุ่มไว้ “คุณจะใช้ผมเป็นที่ระบายอารมณ์แทนหมอวินก็ได้ ผมทนได้ ผมยอมคุณได้ทุกอย่าง”

เตชิตส่ายหน้าไปมา “ไปกันใหญ่แล้วคุณ คุณก็คือคุณ ไอ้วินก็คือไอ้วินมั้ยวะ ไม่มีใครแทนใครได้หรอก อีกอย่างนะ ผมบอกเป็นครั้งที่ร้อยแล้วว่าไอ้วินกับผมเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น”

คีรียกมือของทันตแพทย์หนุ่มขึ้นมาแนบจูบ “คุณเตชิต... ผมขอแค่โอกาสให้ได้ใกล้ชิดกับคุณบ้าง แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว”

ทันตแพทย์หนุ่มหยุดกึก ประสานสายตากับดวงตาสีน้ำตาลที่ฉายแววจริงจัง ยอมรับว่าใจอ่อนยวบๆ พ่ายแพ้ต่อการอ้อน น้ำเสียง คำพูดหวานๆ การกระทำและสายตาของเด็กหนุ่มที่สะสมแต้มมาตลอดคืนแบบสุดๆ ไปเลย แม่งเอ๊ย! เขาถอนหายใจออกมาหนักๆ “ตอนนี้ผมเองก็ไม่ได้คบกับใคร  ถ้าการผูกปิ่นโตของเรา ไม่รวมเรื่องอย่างว่า ไม่รวมเรื่องเงิน เราผูกปิ่นโตกันไปก่อนก็ได้ แต่ถ้าวันไหนคุณเบื่อ อยากจบความสัมพันธ์แบบนี้ ก็บอกผมตรงๆ ละกัน ถ้าไม่อยากจะพูดก็แค่คืนเงินร้อยบาทสุดท้ายนั้นมา ผมขอให้มันจบลงก่อนที่คุณจะมีคนอื่นนะ”

“คุณไม่มีวันได้เงินร้อยบาทนั่นคืนแน่ สำหรับผม ไม่มีทางที่ผมจะอยากจบความสัมพันธ์นี้กับคุณหรอก ไม่มีวันที่จะมีคนอื่นด้วย”

“แน่ใจเร้อ”

“แน่ใจครับ แต่...ไอ้ตรงไม่รวมเรื่องอย่างว่าเนี่ย... แล้วทำแบบเมื่อคืนบ้างได้มั้ยล่ะครับ” คีรีพูดเสียงอ้อน พยายามใช้สายตาลูกสุนัขของเขาให้เป็นประโยชน์

เตชิตพ่นลมหายใจออกมายืดยาวอีกครั้ง “ถ้ามันเป็นความพอใจของทั้งสองฝ่ายล่ะก็นะ”

เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง แล้วจูบซ้ำลงไปบนหลังมือของทันตแพทย์หนุ่มอีก “ผมรักคุณนะครับ”

ใจอ่อนจนไม่รู้จะอ่อนยังไงแล้วกู ถ้าโดนกล่อมนานกว่านี้ มีหวังได้ผูกปิ่นโตของจริงแน่!

เตชิตเสหลบตาพลางรีบดึงมือกลับ “กลับไปเก็บของกันเหอะ” เขาเดินนำออกไปช้าๆ ที่จริงก็คิดว่าความสัมพันธ์ของเขากับคีรีแบบตอนนี้ก็มีความสุขดีนะ แต่เหมือนยังมีอะไรค้างคา อาจเป็นเพราะเขายังไม่รู้จักเด็กหนุ่มดี มีหลายอย่างที่เขาไม่อาจเชื่ออีกฝ่ายได้อย่างสนิทใจ นั่นทำให้เขาพยายามยั้งตัวเองไว้ ไม่ให้ถลำลึกมากไปกว่านี้



*TBC*


เมอรี่คริสต์มาสค่ะทุกคนนนน /อ้าแขนกระจายฟามสุข ฮิๆๆๆ

เท่าที่จำได้ ตั้งแต่ฮัสกี้ลงนิยายเรื่องก่อนๆ หน้ามา พอถึงวันคริสต์มาสทีไรได้ลงตอนที่มีดราม่าทู้กกกกที มีคริสต์มาสนี้นี่ล่ะ หวานสุดๆ หยุดไม่อยู่ไปเร้ยยยย~ หวังว่าคงเป็นของขวัญที่ถูกใจทุกคนกันนะคะ

ผูกปิ่นโตกันก็แล้ว (แบบมึนๆ) สองคนนี้จะเป็นยังไงต่อไป ติดตามกันต่อปีหน้าค่ะ 555555

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากๆ ค่ะ อยู่ด้วยกันไปนานๆ เดินทางกับเด็กดอยและหมอเต้ไปด้วยกันจนจบเรื่องนะคะ คนอ่านที่น่ารักทุกคนคือของขวัญที่ดีที่สุดของฮัสกี้เลย รักทุกคนนะคะ จุ๊บบบบ  :mew1:

ขอบคุณสำหรับกำลังใจตลอดปี 2018 แล้วก็ขอฝากตัวล่วงหน้าไว้สำหรับปี 2019 ด้วยเลย อย่าลืมกันน้า~ รักกันเหมือนเดิม เพิ่มเติมได้ไม่เกี่ยงนะคะ ฮิ้ววว~

ปล. ใครไปเที่ยวปีใหม่ก็ขอให้เที่ยวสนุกนะคะ เที่ยวเผื่อฮัสกี้ด้วยน้า~
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 25-12-2018 21:30:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 25-12-2018 21:31:24
 :pig4: :really2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 25-12-2018 21:41:20
 :mc4: :L1: :mc4:


  :กอด1: :pig4: :กอด1:

 o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-12-2018 21:46:40
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิหมอเต้  ตกหลุมแล้วตกหลุมอีก

โงหัวไม่ขึ้นแล้วมั้งนั่น  อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 25-12-2018 22:13:41
คีรีนางร้ายยยย หมอเต้จะตามทันมั้ย หีอ หมอเต้รู้ทันอยู่แล้ว 5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 25-12-2018 22:53:29
คนมันแพ้ทางกันอ่ะนะ มืดแค่ไหนก็ไม่เป็นอุปสรรค  :hao3:

รู้สึกตงิดๆ  กับเงินที่เหลือคืนอีกหนึ่งร้อยจัง มีแววดราม่าหรือเปล่าเนี้ย :hao4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 25-12-2018 23:09:12
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 25-12-2018 23:12:37
รอวันที่เด็กดอยปลอมโดนหมอเตกำราบ

#ทีมหมอเต้เด็กดอย(ปลอม)
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 25-12-2018 23:38:48
ตอนนี้ชัดเจนมากคร่ะ หมอเต้ปล่อยให้เด็กมันกินเกือบหมดตัวอย่างนี้ คงไม่มีวันได้กดเด็กมันแน่ แพ้ทางอย่างเห็นได้ชัด  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-12-2018 23:48:53
ทำสัญญาผูกปิ่นโตกันบ่อยๆนะ  :-[
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 26-12-2018 00:29:20
คือแบบ.. คือดีอ่ะ ตอนนี้คือแบบฟินเว่อร์ 555 หวานกว่านี้ก็คงต้องน้ำผึ้งพระจันทร์แล้วล่ะ อิอิ
พี่หมอเต้พลาดละ ถูกผูกปิ่นโตแบบงงๆ ^^
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-12-2018 04:24:30
 o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 26-12-2018 04:28:27
 :z6:  เล่นมันเลยยยยยย,..... กำราบพวกมันให้เจ็บแบบที่พี่ปูนเคยเจ็บ......ทำให้บรัทนั้นเป็นของพี่ปูนได้ยิ่งดี .....555555...มีน้องลุงเป็นกองเชียร์  พี่ปูนต้องเข้มแข็งแน่นอนนนนนน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 26-12-2018 04:29:29
หมอเต้นี่ก็ใจร้ายจัง สงสารน้องคีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 26-12-2018 05:48:28
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 26-12-2018 09:56:47
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หวานสุดๆ และไปแบบมืนๆ แน่น่ารักมากๆ คีรีอ้อนได้น่าถีบสุดๆ เช่นกัน
สุขสันวันคริสมาสต์นะจ๊ะ
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 26-12-2018 19:14:40
หมอเต้ตกหลุมซ้ำแล้วซ้ำอีก  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 26-12-2018 20:10:13
 :z1:
ทำดีมากค่ะลูกคีรี อิแม่ภูมิใจ
ลูกแม่ใสใสค่ะ
ทุกเรื่องเลย :haun4:
แม่เต้คือใจอ่อนรอแล้วเหอะ ปากแข็ง
ต่อไปนี้ได้ผูกปิ่นโตแล้ว ลูกมีไรก็บอกๆไปนะลูก ไม่งั้นลูกโดนหมอวินแกล้งแน่ๆ แม่บอกไว้ก่อน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 26-12-2018 22:12:46
ตายแล้นนน หมอเต้ทำไมตกหลุมอ้อนของคีรีแบบเน้ ใจมันเตลิดไปไหนต่อไหนล๊าววว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 27-12-2018 00:19:11
เด็กมันร้ายยยย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 27-12-2018 00:58:00
หมอเต้ก็ยังใจอ่อนเหมือนเดิม เขามีช่วยกันด้วยแหล่ะ :z1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 27-12-2018 01:06:00
้ิเอาล่ะคีรีจะทำยังไงให้เขาเชื่อเต็มร้อย
ไหนจะเรื่องที่ปิดอีก  :z3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 27-12-2018 12:46:36
อ่านไปขำไป คีรีมันร้ายค่ะคุณณณณณณ :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 27-12-2018 15:42:30
พี่หมอเต้มันแพ้ทางเด็กดอย เพราะเด็กดอยมันคือหมอวินจูเนียร์นี่เอง อิอิ ความรู้สึกเหมือนได้อยู่กับผม วินเล็กๆ  :mew3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 27-12-2018 22:50:59
หมอเต้นี่แพ้เด็กดอยจริงจังเลยนะคะเนี่ย แถมเด็กดอยนี่ก็ร้ายไม่หยอกอีกต่างหาก :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-12-2018 16:07:08
เหมือนมีแววว่าหมอเต้จะเป็นรับเลย เด็กมันอ้อนแบบนี้มีหวังได้เผลอตามใจแน่ ๆ เลย อยากให้หมอเต้เป็นรุกอ่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 31-12-2018 12:50:21
นังเด็กดอยร้ายนัก อยากให้ต้องปะทะหมอวินโหมดปล่อยแสงออกจากตา กรีดแทงทุกคนที่ขวางหน้า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 31-12-2018 16:15:02
ตกหลุมคีรีไปเต็มตัวแล้ว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: iikol ที่ 02-01-2019 00:41:14
happy new year มาต่อไวไวน้า :3123:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 02-01-2019 20:06:34


Chapter 14 : ความสงสัย


รถ Honda CR-V เคลื่อนออกจากออบหลวง กลับไปยังเมืองลำพูนในตอนบ่ายของวัน โดยมีเด็กหนุ่มนั่งยิ้มหน้าบานเป็นตุ๊กตาหน้ารถไปตลอดทาง

ระหว่างทางทันตแพทย์หนุ่มก็นึกขึ้นมาได้ “เออ เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่เชียงใหม่ก่อนดีมั้ย”

“ไม่เอาอะครับ ผมจะกลับไปลำพูนกับคุณ”

“แล้วจะกลับเชียงใหม่ยังไง”

“นั่งรถประจำทางสิครับ ไม่ลำบากหรอก” คีรีเอื้อมมือไปกุมมืออีกฝ่ายที่วางอยู่บนตัก “ให้ผมได้อยู่ใกล้ๆ คุณต่ออีกนิดนะ เดี๋ยวจะไม่เจอกันตั้งหลายวัน”

“อยู่กับผมสนุกมากเลยเรอะ”

“แหงสิครับ สนุกแล้วสุขมากด้วย อยากจะมาตั้งเต็นท์นอนที่ใต้หอพักคุณเลยอะ”

เตชิตยิ้มบาง ไอ้เด็กนี่ทั้งจีบทั้งประจบเก่งเหลือเกิ๊น รู้ดีมากๆ ว่าควรจะพูดอะไรทำอย่างไรให้เขาพอใจ “คุณนี่ช่างพูดจริงๆ ท่าจะเคยจีบมาหลายคนแหง”

“เอาจริงๆ มั้ย ผมไม่เคยจีบใครมาก่อนเลยนะ บอกแล้วไงว่าผมไม่เคยเข้าหาใครก่อน ผมอาจจะดูเหมือนเป็นคนเจ้าชู้ เพราะชอบพูดจากับคุณแบบนี้ แต่ที่จริงมันคือความจริงในใจที่ผมอยากบอกคุณต่างหาก”

“อืมๆ”

“อย่าแค่อืมสิครับ เชื่อผมด้วยนะ”

เตชิตดึงมือออกแล้วยกขึ้นจับพวงมาลัยด้วยกันกับมืออีกข้าง “เย็นนี้กินอะไรกันดี คุณทำอาหารเป็นมั้ย”

คีรีนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดเสียงเบา “ไม่เป็นครับ”

“หืม ตอนอยู่เชียงรายที่บ้านก็ซื้อกินตลอดเลยเหรอ”

“ผมอยู่กับคุณตานี่ครับ คุณตาก็ไม่ทำอาหาร แล้วผมจะทำเป็นได้ยังไงล่ะ”

“อ้อ จริงด้วยสินะ” ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้าหงึกๆ คีรีอยู่กับคุณตาสองคน จะทำอาหารกินเองก็คงไม่สะดวกเท่าไหร่ ผู้ชายทั้งคู่ด้วย คงไม่ค่อยเข้าครัวกันนัก “แล้วคุณมาอยู่เชียงใหม่อย่างนี้ คุณตาก็อยู่คนเดียวน่ะสิ เหงาแย่”

“ก็ไม่เชิงครับ เพราะคุณตาก็มาหาผมบ่อยๆ” คนอ่อนวัยกว่าถามบ้าง “แล้วคุณเตชิตล่ะครับ ทำอาหารกินเองบ่อยมั้ย”

“ก็บ่อยนะ ปกติทำแค่ของกินง่ายๆ น่ะ แต่ถ้าเทียบกับไอ้วินแล้ว ผมเก่งกว่ามหาศาล”

คีรีคิ้วกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อของรวินท์ ทั้งที่ก็ไม่ใช่ความผิดของอีกฝ่ายเลย แต่เพราะเป็นคนที่หมอเต้รัก เขาก็เลยพาลน่ะสิ หากเขาก็ยังดื้อถามต่อ “คุณเตชิตกับหมอวินเรียนมาด้วยกันใช่มั้ย ตอนเรียนคงเด่นมากทั้งคู่เลยนะครับ”

“ไม่หรอก ไอ้วินมันเด่นของมันคนเดียวนั่นละ ส่วนผมน่ะ อยู่ข้างมันนี่ดับไปเลย” เตชิตพูดกลั้วหัวเราะ

“แต่สำหรับผม ผมว่าคุณเตชิตน่ารักกว่าหมอวินเป็นร้อยเท่า”

“โห ไอ้คำว่าน่ารักเนี่ย ผมควรจะดีใจมั้ยวะ” ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้าไปมา

“ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนกับใคร ผมก็เห็นคุณเตชิตก่อนเสมอ”

ทันตแพทย์หนุ่มเบ้ปาก “เออๆ”

“ผมอยากดูรูปเก่าๆ ของคุณบ้างจัง”

“กูเกิลดูสิ หาไม่อยากหรอก ใช้กูเกิลเป็นนี่ แต่อืม... ผมก็อยากเห็นรูปเก่าๆ ของคุณเหมือนกันนะ เอามาแลกกันดูบ้างดิ”

คนอ่อนวัยกว่ายิ้มแห้ง รู้สึกเหมือนขุดหลุมฝังตัวเอง เพราะว่ารูปถ่ายเขาเมื่อก่อนน่ะ คนละลุคกับตอนนี้มากๆ แถมส่วนใหญ่ก็ถ่ายที่ต่างประเทศด้วย แล้วเขาจะให้ดูได้ไงวะเนี่ย “ผมไม่ค่อยมีรูปหรอกครับ”

“น่าเสียดาย ทำไมล่ะ”

“ผมขี้อาย เขินกล้อง มือถือนี่ผมก็เพิ่งได้มาไม่นาน เพิ่งหัดถ่ายรูปด้วย”

เตชิตหัวเราะลั่น “ผมถามจริง! ใครมันจะไปเชื่อคุณวะ!”

“ที่ผมหัดใช้มือถือถ่ายรูป ก็เพราะอยากส่งรูปให้คุณ ที่ผมถ่ายรูปกับคุณเยอะๆ เพราะอยากมีเก็บไว้เป็นที่ระลึก เอาไว้ดูเวลาคิดถึง”

ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้าไปมา “เว่อร์น่ะ”

“จริงๆ นะครับ”

“.....”

“อีกอย่างจะถ่ายรูปคุณเอาไว้ทำอย่างว่าตอนอยู่คนเดียวด้วย”

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจ ทั้งที่เขาก็ควรจะชินกับความกะลิ้มกะเหลี่ยของคีรีได้แล้ว “อันนี้ผมเชื่อสนิทเลย อย่าทำเพลินจนมือถือพังละกัน”

“น่าเสียดายนะครับเมื่อคืนน่าจะอัดเสียงไว้ฟังด้วย”

เตชิตอยากจะจอดรถแล้วลงไปเตะก้านคอเด็กหนุ่มเดี๋ยวนั้น “ต่อไปนี้เข้าใกล้ผมเกินหนึ่งเมตรเมื่อไหร่ปิดมือถือด้วย”

“โห แค่นี้ก็หวง” คีรีพึมพำ



ระหว่างทางที่ทันตแพทย์หนุ่มขับรถกลับไปโรงพยาบาล เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เตชิตจึงหยิบขึ้นมาดูแล้วกดรับสาย

“ว่าไงวะ”

“เย็นนี้อยากแดกไรครับคุณเต้ กระผมจะได้ซื้อไปให้ถูกใจคุณมึง”

“อะไรก็ได้ แล้วแต่คุณมึงเลยครับ” เตชิตหยุดไปชั่วครู่ หันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างกัน จากนั้นจึงพูดต่อ “ซื้อมาเผื่อคีรีด้วยนะ”

คนที่ต้นสายนิ่งไปบ้าง ก่อนจะถามขึ้น “เด็กนั่นอยู่กับมึงเหรอ”

“อือ”

“มิน่า ไม่มาเชียงใหม่เลยนะมึงอะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นเว้ย”

รวินท์พูดเสียงขึ้นจมูก “มึงจะไปกินมื้อเย็นกับเด็กมึงก็ได้นะเว้ย กูก็ไม่อยากจะเป็นก้างขวางคอใครหรอก”

“สัส จะกินไรก็ซื้อมาเลย กูจะรอ”

“จะดีเร้อ”

“แค่นี้แหละ กูขับรถอยู่”

“มึงขับรถไปไหน! ไอ้เหี้ยเต้!” คนต้นสายถามเสียงเข้ม

ฉิบหาย!

“เอ่อ...”

“มาเชียงใหม่ไม่ได้ แต่ขับรถไปแรดได้เนอะ ไอ้สัส! จำไว้เลย วันนี้แดกหญ้าอ่อนของมึงไปเหอะ กูไม่ซื้อกลับไปแดกกับมึงแล้ว!”

“ไอ้วิน! อย่างอนดิวะ!” เตชิตรีบเบี่ยงรถจอดข้างทางเพื่อตั้งหลักง้อเพื่อนรัก “กูขอโทษที่ไม่ได้บอกมึงก่อน แต่แบบ... กูขี้เกียจเข้าไปในเมืองนี่หว่า คนเยอะอะ กูกลับมาเหนื่อยๆ ก็อยากไปที่สงบๆ บ้าง เลยไปออบหลวงมา”

“แล้วได้สงบสมใจมึงมั้ยล่ะ”

“ก็สงบดี” เตชิตพูดเสียงอ่อย พอหันไปสบสายตาคนที่นั่งอยู่ข้างกัน อีกฝ่ายก็จ้องเขาเขม็ง ดูท่าจะงอนตามไอ้วินไปอีกคน


โอย... กูอยากจะบ้า


“ไปไหนมาไหนไม่บอกก่อน เดี๋ยวถ้าโดนกระทืบหมกป่า ใครจะรู้ กี่วันถึงจะตามหาศพมึงเจอ กูเป็นห่วง น้องๆ ก็เป็นห่วง มึงไปที่ไหนแผ่นดินก็ยุบที่นั่น ไหนจะฝนตกน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลากอีก โดนมากี่ครั้งแล้วไม่เสือกจำ เจียมเนื้อเจียมตัวบ้างสิวะ!”

“ครับๆ ไอ้สัส กูผิดไปแล้ว คราวหน้าจะทำเรื่องขออนุญาตก่อนเว้ย”

“ขับรถกลับดีๆ ละกัน”

“เออ มึงก็เหมือนกัน”

แต่จู่ๆ เสียงของคนที่ต้นสายก็เปลี่ยนไป “เดี๋ยวผมจะไปกับพี่วินด้วยนะเว้ยไอ้พี่เต้”

“ไอ้น้องพิงค์! จะตามมาไมวะ ว่างมากเรอะ!”

“ไม่ใช่แค่ผมด้วย เนี่ย เดี๋ยวขนกันไปหมดนี่เลย คิดถึงพี่เต้ไง”

“อย่ามาตอแหล เออๆ เดี๋ยวเจอกันเว้ย” เตชิตถอนหายใจหนักๆ ครั้งนี้เมื่อหันไปทางคีรีก็เห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าเหมือนเจอผีหลอก “เป็นไรวะคุณ” เขาถามก่อนจะเคลื่อนรถออกไปช้าๆ

“พะ...พิงค์นี่ ใครเหรอครับ”

“เพื่อนผมเอง พวกแก๊งน้องๆ วิดวะกับวิจิตรศิลป์ที่เคยพูดถึงไง เดี๋ยวพวกเขาจะมาที่ลำพูน มาส่งไอ้วินแล้วก็ซื้อของกินมาให้ด้วย”

คีรีเหงื่อตก ถึงจะคิดว่าแก๊งพี่ภูพิงค์ไม่น่าจะรู้จักเขา แต่แค่หมอวินคอยจับผิดคนเดียวก็จะแย่แล้ว นี่จะพาแก๊งพี่ภูพิงค์ที่เขาลือกันว่าโคตรดุมาแบบยกแก๊ง งานนี้เขาต้องโป๊ะแตกแน่ๆ

เมื่อรถเคลื่อนเข้าไปจอดในที่จอดรถประจำของทันตแพทย์หนุ่มที่หอพักแพทย์เรียบร้อย คีรีก็รีบก้าวลงจากรถแล้วยกมือไหว้ “คุณเตชิตครับ ผมกลับก่อนนะครับ”

“อ้าว ไรวะ ไหนว่าจะอยู่ต่อไง”

“กลัวกลับเชียงใหม่ดึกน่ะครับ”

“แล้วทำไมไม่ให้ผมไปส่งแต่แรกวะ”

“ก็...ผมเกรงใจ กลัวคุณเตชิตจะเหนื่อย”

เตชิตยืนงงกับท่าทางเลิ่กลั่กของเด็กหนุ่ม “อะไรของคุณวะเนี่ย”

คีรีไม่มีเวลาแม้แต่จะงอแงใส่ทันตแพทย์หนุ่มเรื่องบทสนทนาของอีกฝ่ายกับหมอวินที่ได้ยินเมื่อครู่ วินาทีนี้กลัวโดนแก๊งพี่ภูพิงค์รุมแบบที่เพื่อนๆ เขาเพิ่งโดนกันมามากกว่า “แล้วผมจะโทรหานะครับ” คนอ่อนวัยกว่าสาวเท้าออกไป ก่อนจะหยุดกึก แล้ววิ่งกลับมาสวมกอดทันตแพทย์หนุ่ม

เตชิตเขกศีรษะคนอ่อนวัยกว่าเบาๆ “ถ้ายังไม่อยากกลับแล้วจะรีบกลับทำไม กลัวไอ้วินกับแก๊งน้องๆ วิดวะเหรอ”

คีรีไม่ตอบ เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“พิงค์กับเพื่อนๆ น่ะ ไม่มีอะไรหรอก แวบแรกพวกเขาอาจจะดูดุๆ ไปสักหน่อย แต่ที่จริงเป็นคนดีน่ารักมากนะ ถ้าจะกลัวก็กลัวไอ้วินคนเดียวพอ” มือที่เพิ่งเขกศีรษะเด็กหนุ่มไปเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นลูบศีรษะให้อย่างอ่อนโยน “แต่จริงๆ ไอ้วินมันเป็นคนใจดีมากนะ มันดูระแวงไปหน่อยก็เพราะเป็นห่วงผมเท่านั้น”

คนอ่อนวัยกว่าพยักหน้าหงึกๆ แล้วประสานสายตากับนัยน์ตาสีเข้มของทันตแพทย์หนุ่ม “ถึงผมจะอยากอยู่ที่นี่นานๆ แต่ยังไงคืนนี้ก็ต้องกลับเชียงใหม่อยู่ดี”

“เออ จริงๆ คุณกลับพร้อมพวกพิงค์ก็ได้ ยังไงพวกเขาก็ต้องกลับเชียงใหม่ จะกลับเองให้ลำบากทำไม ที่พักก็อยู่ใกล้ๆ กัน เดี๋ยวผมบอกให้พวกเขาแวะไปส่งคุณด้วย”

“ไม่ลำบากหรอกครับ ผม... เอ่อ เอาไว้วันหลังดีกว่า”

เตชิตถอนหายใจ “งั้นก็ตามใจละกัน”

คีรีจับมือทันตแพทย์หนุ่มขึ้นมาจูบเบาๆ “คุณเตชิตกับผม เราผูกปิ่นโตกันแล้ว ใช่มั้ยครับ” เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเตชิตเพื่อทวงถามคำตอบอีกครั้งให้แน่ใจ

เจ้าของชื่ออ้ำอึ้ง เขาเสหลบตา แล้วตอบแบบส่งๆ กลับไป “อือ”

“ถ้างั้นเวลาที่ผมไม่อยู่ คิดถึงผมบ้างสักนิดนะ” คีรีกุมมือทันตแพทย์หนุ่มไว้แน่น “ผมไปนะครับ”

เตชิตไม่ได้พูดอะไรอีก เขาแค่ยืนมองดูเด็กหนุ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งจากไปเท่านั้น ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย

ถึงจะเป็นการผูกปิ่นโตกันแบบงงๆ ผิดจากความหมายจริงๆ ไปสักหน่อย แต่เขาว่ามันก็ไม่เลวนักหรอก น่าเสียดายที่เด็กหนุ่มไม่ยอมอยู่พบไอ้วินกับพวกน้องๆ คงจะรู้สึกเกรงๆ แต่ก็ไม่แปลกหรอก แก๊งไอ้น้องพิงค์เป็นพี่ว้าก ท่าทางนักเลง ดุโคตรๆ กันทั้งแก๊งด้วย ถึงความจริงแล้วจะไม่ค่อยเต็มเต็งกันทั้งแก๊งก็เถอะ

ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเดินเข้าตึกหอพักไป



ฝ่ายรวินท์นั้นอยู่ในรถของตัวเอง โดยที่มีภูพิงค์เป็นคนขับให้ ส่วนในรถอีกคันที่วิ่งตามหลังมามีแซนดี้เป็นคนขับ มีกลุ่มเพื่อนของเด็กหนุ่มนั่งร่วมมาด้วยอีกสามชีวิต

ขณะที่ขับรถเข้าใกล้เขตโรงพยาบาลซึ่งทางเข้าเป็นถนนสองเลน รถของรวินท์สวนทางกับรถ BMW คันหรู ความโดดเด่นเตะตาของรถเรียกให้สองหนุ่มหันไปมอง ไม่ต่างกับกลุ่มคนที่อยู่ในรถคันที่ตามมาทางด้านหลัง

“รถเจ๋งว่ะ” รวินท์เปรย ก่อนจะชะงักกึก สองมือตะปบกระจกรถพลางจ้องมองไปยังคนที่ขับรถคันนั้น “เฮ้ย!”

“ไรวะพี่วิน เห็นคนขับรถเจ๋งๆ หน่อยจะนอกใจผมเลยรึไงวะ”

“จะบ้าเรอะ ไม่ใช่เว้ย!” รวินท์หันไปต่อว่า “แต่คนขับหน้าตาคุ้นๆ ชอบกลว่ะ”

“คุ้นใครวะพี่”

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว “ช่างเหอะ อาจจะไม่ใช่ก็ได้มั้ง”



คีรีขับรถไปพร้อมกับคุยโทรศัพท์กับเพื่อนๆ เสียงเครียด ทำให้ไม่ทันได้ใส่ใจรถที่ขับสวนเข้ามา อีกอย่างเขาก็ไม่คิดว่าหมอวินกับแก๊งพี่ภูพิงค์จะมาถึงเร็วแบบเฉียดฉิวขนาดนี้

“ไอ้เหี้ย~ กูจะทำไงกับหมอวินกับพี่ภูพิงค์ดีวะ โดยเฉพาะหมอวินน่ะ เขาสงสัยกูระดับพีคแล้ว นี่พวกเขาถึงขนาดยกพวกกันมาถึงหอพักหมอเต้ที่ลำพูนเลย กูนี่ต้องหนีซมซานสุด รันทดฉิบหาย”

“มึงก็ปิดบังไปตลอดไม่ได้ปะวะ สักวันมึงก็ต้องบอกความจริงกับหมอเต้อะ”

“กู... กูยังไม่พร้อม” เด็กหนุ่มพูดเสียงอ่อย “ถ้าหมอเต้รู้ความจริง เขาคงไม่คุยกับกู ไม่เอ็นดูกูอีกต่อไปแน่ๆ”

“มึงน่าเอ็นดูตายห่าล่ะ” ถ้าเป็นวิดีโอโฟนก็คงจะมองเห็นคนที่ปลายสายเบ้ปากรัวๆ

เพื่อนสาวแย่งโทรศัพท์ไปพูดบ้าง “เดี๋ยวนะ นี่นายอยู่ไหนวะ ไปไหนมา”

“ก็เราเห็นหมอวินอยู่เชียงใหม่ เราเลยมาหาหมอเต้ไง แล้วก็ไปเที่ยวออบหลวงกัน”

“โอ้โห! ก้าวหน้าเว้ย!” เพื่อนที่ปลายสายส่งเสียงฮือฮา “แล้วไปอยู่ใกล้ๆ เขา มีอะไรคืบหน้าบ้างมั้ยวะ”

“ก็...นิดหน่อย”

“แล้วเรื่องหมอเต้กับหมอวินอะ”

“หมอเต้ยืนยันว่าเป็นแค่เพื่อนสนิทกันเท่านั้น แต่... ที่จริงเราก็รู้อยู่แต่แรกแล้วว่าหมอเต้ชอบหมอวินมากๆ”

“ก็ไม่น่าแปลกใจมะ เขารู้จักกันมาเป็นสิบปีนะคีรี ความสัมพันธ์ของพวกเขาคงจะลึกซึ้งอยู่ ส่วนนายมาทีหลัง ก็ต้องเจียมตัวหน่อยล่ะนะ”

“เจ็บว่ะ แต่ก็ขอบใจที่พูดตรงๆ” คีรีถอนหายใจยาวเหยียด “แค่นี้ก่อนล่ะ เรากำลังขับรถกลับเชียงใหม่”

“เออ ขับรถดีๆ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน”

เด็กหนุ่มขับรถไปก็เท้าแขนกับขอบหน้าต่างรถพร้อมกับกุมขมับไปด้วย ก็นั่นสินะ หมอเต้รักหมอวินมานานมาก สิบปีเชียวนะมึงไอ้คีรี มันคงไม่ง่ายที่ในหัวใจหมอเต้จะเปิดรับใครคนใหม่เข้าไป

“เจ็บฉิบหายเลยกู”

แต่อย่างน้อยหมอเต้ก็ให้โอกาสเขา แถมยังยอมผูกปิ่นโตกับเขาด้วยล่ะวะ ถึงเขาจะเป็นคนดึงดันยัดเยียดให้อีกฝ่ายเองก็เถอะ

ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะหยุดเวลาตอนนี้ไว้

“กูจะบอกความจริงหมอเต้ได้ยังไงวะ ใจกูจะรับไหวมั้ย ถ้าไม่ได้ใกล้ชิดกับเขาอีก”



เสียงเอะอะโวยวายดังแว่วออกมาจากห้องพักของทันตแพทย์หนุ่มที่ชั้นห้าของตึกหอพักแพทย์

“เบาๆ หน่อยเว้ย เดี๋ยวหมอห้องข้างๆ ก็ออกมาเย็บปากพวกคุณรายตัวหรอก” เตชิตพูดไปพลางกุมขมับ ตั้งแต่ไอ้พวกนี้มาถึง เขาก็โดนแซะโดนต่อว่ายังไม่ได้หยุดเลยเนี่ย “พวกคุณหยุดหายใจบ้างก็ได้เว้ย”

แต่มีคนหนึ่งที่ไม่ได้ร่วมวงไปกับพวกเด็กหนุ่มด้วย รวินท์นั่งกินอาหารที่ขนซื้อกันมาไปเงียบๆ พร้อมกับชำเลืองมองเพื่อนรักเป็นระยะ

หากเมื่อเตชิตสบสายตากับรวินท์ก็ขนลุกซู่อยู่เบาๆ เขาไม่ได้ปวดอึ แต่ไอ้วินเพื่อนเขามันไม่เคยเงียบแบบนี้มาก่อน ดูแล้วเหมือนเสือซุ่มเตรียมรอง้างอุ้งตีนตะปบยังไงชอบกล

“เด็กนั่นหายไปไหนแล้ววะ” รวินท์ถามเสียงเรียบ

“อ่อ กลับไปแล้ว คงกลัวมึงมั้ง ก็เล่นยกพวกมาเป็นโขยงแบบนี้เขาเลยปอดแหกอะดิ”

“งั้นเรอะ”

แล้วรวินท์ก็เงียบไปอีก ปล่อยให้เตชิตกับน้องๆ ทั้งห้าคนโวยวายกันต่อไป

“เออ ไอ้พี่เต้ อีกสองอาทิตย์จะมีรับน้องขึ้นดอยอะ จะมาดูปะ ครั้งนี้ผมถือธงวิ่งด้วยนะเว้ย เท่โคตรๆ” ภูพิงค์สะกิดถาม

“ใครบอกคุณว่าเท่วะ”

“พี่วินคนเดียวก็พอแล้วปะวะ”

เตชิตเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็เถียงไม่ได้ “เออๆ”

“เออนี่คือจะมาดูมั้ยวะ ไอ้น้องตึ๋งวิ่งขึ้นดอยครั้งแรกนะพี่ ไม่ไปเป็นกำลังใจให้น้องหน่อยเหรอวะ”

“แต่ผมต้องทำคลินิกอะ”

รวินท์พูดขึ้นแทรก “ก็ให้พี่สิงหาทำวันเสาร์ กูกับมึงค่อยทำวันอาทิตย์ไง”

แซนดี้ขยับเข้าไปกระแซะ “ไปดูขึ้นดอยเผื่อเจอเนื้อคู่ไงพี่เต้ ทฤษฎีนี้พี่วินพิสูจน์มาแล้ว”

“ถ้างั้นก็ถือว่าเป็นวันครบรอบที่เราพบกันน่ะสิเนอะพี่วิน” ภูพิงค์หันไปยิ้มตาเยิ้มใส่คนรักของตน

“นั่นสินะ ตอนที่คุณแมลงหวี่เข้าตา เดินเซเข้ามาหาผม แถมยังด่าแมลงหวี่ซะเสีย”

“โห จำแต่เรื่องดีๆ อะ!”

เตชิตอมยิ้ม น่าแปลกที่เขายิ้มได้กับภาพสวีตๆ ตรงหน้า มองดูแล้วก็คิดว่าน่ารักดีเหมือนกัน

“มองผมแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คิดไรกับผมป่ะวะ ผมเป็นแฟนเพื่อนพี่นะเว้ย”

“โห นอกจากไอ้วินแล้วก็คงไม่มีใครคิดสั้นอีกหรอก” ทันตแพทย์หนุ่มตอกกลับไปพลางชำเลืองมองเพื่อนรัก ไอ้วินยิ้มมุมปากแบบแปลกๆ ชวนให้เขาสังหรณ์ใจชอบกล

หลังจากเดินลงไปส่งพวกเด็กหนุ่มที่รถเพื่อขับกลับเชียงใหม่ ทันตแพทย์ทั้งสองก็เดินกลับเข้ามาในตึกพร้อมกัน

“เออ วิน เดี๋ยวไปแวะห้องมึงก่อน กูจะไปเอากล้วยไม้อะ”

“เอาดิ ไม่ต้องห่วง กูรดน้ำดูแลอย่างดี ประคบประหงมเช้าเย็น กูรู้ว่ามึงรักม้ากมากกก”

น้ำเสียงของรวินท์ประชดประชันเล็กน้อย เป็นผลให้เตชิตยิ้มแห้ง

เมื่อเข้าไปข้างในห้องของรวินท์ เจ้าของห้องก็ชี้ไปที่กระถางกล้วยไม้บนโต๊ะข้างหน้าโซฟา “นั่นกล้วยไม้มึง แต่นั่งก่อน กูมีเรื่องจะคุยด้วย”

กูว่าแล้ว! ไอ้วินต้องมีอะไรแหงๆ!

เตชิตนั่งลงตามที่อีกฝ่ายบอกอย่างไม่อิดออด เขาไม่กล้าสบตาเพื่อนรัก ได้แต่เอามือประสานกันไว้ ทำไมรู้สึกเหมือนคนที่ทำผิดมาแล้วกำลังจะโดนพ่อตีอย่างนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน

“คีรีเพิ่งออกไปก่อนกูมาถึงไม่นานใช่มะ”

“อือ เขาไม่มีอะไรหรอก แค่เกรงๆ มึงนิดหน่อย”

“กูว่าไม่ใช่ เด็กนั่นจงใจหนีกูกับพวกพิงค์ชัวร์”

“โธ่ ก็พวกมึงเล่นขนกันมาเป็นฝูง”

รวินท์เอื้อมมือไปดึงหูเพื่อนรัก “ฟังกูนะสัส ตอนที่ขับรถเข้ามาที่โรงบาล กูว่ากูเห็นเด็กนั่นขับรถสวนออกไป”

“ฮะ!? มึงจะบ้าเรอะ! คีรีเนี่ยนะขับรถ!”

“ไม่ใช่รถธรรมดาด้วยนะมึง บีเอ็มซีรีส์เจ็ด สวยสัสๆ อะ”

เตชิตชะงัก ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ “ไอ้บ้า มึงยังเมายาชาอยู่เหรอ ดูคนผิดรึเปล่าวะ”

“รถวิ่งสวนกันแป๊บเดียว แต่กูมั่นใจ ให้ 75% เลยว่าใช่” รวินท์ชำเลืองมองเพื่อนรักซึ่งในตอนนี้ดูเหมือนจะกำลังคิดหนัก น้ำเสียงของมันที่เถียงเขาก็ฟังดูไม่ค่อยมั่นใจนัก “กูมีเรื่องแปลกๆ อีกเรื่องจะเล่าให้ฟัง เมื่อวันก่อนอะ มีเด็กปีสองจากคณะบริหารบุกมาที่ใต้ตึกวิดวะ แล้วบอกว่าจะจีบกูเว้ย เป็นผู้หญิงสองคนผู้ชายสองคน ผลัดกันมา”

“หืม บุกไปถึงข้างในคณะเลยเหรอวะ”

“เออ แปลกใช่มะ บุกมาตอนประชุมเชียร์เลยนะมึง แล้วมึงจำได้มั้ย วันที่เราไปห้องเด็กนั่น กูก็คุ้นๆ ว่าเพื่อนเขามีทั้งผู้ชายผู้หญิงรึเปล่าวะ”

เตชิตนิ่งคิด “วันนั้นฉุกละหุกวุ่นวายมาก แต่กูคิดว่าเป็นผู้ชายสอง ผู้หญิงอีกสอง” เขาหันไปประสานสายตากับเพื่อนรัก “มึงสงสัยว่าพวกเด็กคณะบริหารที่มาจีบมึง...รู้จักกับคีรีเหรอวะ”

“มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่มันก็เป็นไปได้มะ” รวินท์ถอนหายใจ “ที่ทำให้กูงงมากกว่าคือ พวกเขาต้องการอะไรจากกูกันวะ ต้องการสืบเรื่องมึงงั้นเหรอ วันนั้นพิงค์ไปคุยกับเด็กพวกนั้นด้วย แต่เขาไม่ยอมเล่ารายละเอียดอะไรให้กูฟังเลย บอกมาแค่ว่าเด็กพวกนั้นเป็นใคร เรียนอยู่คณะไหนปีอะไร นอกนั้นกูถามทีไรก็อ้างว่าไม่ชอบให้กูพูดถึงคนอื่นทุกที”

เตชิตขมวดคิ้ว ถ้าเด็กกลุ่มที่เพื่อนเขาว่ารู้จักกับคีรีจริงๆ ก็คิดว่าน่าจะมาเข้าหาไอ้วินเพราะเขานี่ล่ะ เพราะคีรีก็อยากรู้เรื่องของเขากับรวินท์มากเหลือเกิน

รวินท์ขมวดคิ้วทำหน้าขรึม “ไอ้เต้ บอกความจริงกูมาซะดีๆ ไอ้เด็กนั่นมันจีบมึงไปถึงไหนแล้ววะ”

คนถูกถามนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ แต่ก็ตัดสินใจตอบไปตามความจริง “ก็ยังไม่ถึงไหนหรอก”

“มึงชอบเด็กนั่นเหรอ รู้ว่าเขาจีบเขาชอบแล้วทำไมยังยอมให้คลุกวงในจังวะ”

เตชิตยื่นหน้าเข้าไปหาคนถามพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม “หึงเหรอวะมึงอะ”

“สัส ห่วงเว้ย มึงเป็นเพื่อนรักกูนะ” รวินท์ใช้มือผลักใบหน้าอีกฝ่ายให้ออกห่าง “มึงไม่ต้องมาทำเปลี่ยนเรื่อง เอาจริงๆ มึงคิดยังไงกับไอ้เด็กนั่นกันแน่ กูไม่เคยเห็นมึงยอมให้ใครเข้าถึงตัวมึงขนาดนี้มาก่อน เพราะอะไรวะ”

“กูก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่ะ”

“ถ้าสมมติว่าคีรีไม่ใช่เด็กชาวเขาแสนซื่ออย่างที่มึงคิด มึงจะทำไง”

“กูก็ไม่ได้คิดว่าเขาซื่อเหมือนหน้าเขาหรอกนะมึง” เตชิตยกมือขึ้นเกาศีรษะ “กูรู้ว่าเขามีอะไรปิดบังกูอยู่ แต่เขาอาจจะยังไม่พร้อมจะบอกกู”

“แล้วมึงจะปล่อยให้คาราคาซังไปแบบนี้อะเหรอ”

“ไม่ใช่ว่ากูไม่สงสัยว่าเขาเป็นใครอะไรยังไงกันแน่นะเว้ย คือกูก็อยากรู้ แต่แบบ... อยู่กับเขาแบบนี้ก็สบายใจดี สนุกดีเหมือนกัน กูก็เลยช่างแม่งไปก่อน ค่อยๆ รู้จักเขาไปทีละนิดก็ได้”

“มึงจะไม่โมโห ไม่โกรธเขาบ้างเหรอวะ จะจีบมึง แต่กลับทำตัวแปลกๆ ลึกลับอยู่แบบนี้อะ มันดูไม่จริงใจเท่าไหร่เลยนะเว้ย”

เตชิตถอนหายใจยาวเหยียด “ไม่รู้ว่ะ สมมติว่าถ้าเขามาหลอกกูจริงๆ ก็คงจะโกรธ แต่ก็คงไม่เท่าไหร่ เพราะกูเองก็เคยเหี้ย เคยหลอกคนอื่นมาเหมือนกัน รวมทั้งมึงด้วย แต่มึงก็ยังไม่โกรธกูเลยนี่ ตอนนี้ถ้ากูจะโดนหลอกบ้างก็คงเรียกกรรมตามทันว่ะ สมควรโดนบ้างแล้ว”

“เคยเหี้ย? ปัจจุบันมึงไม่เหี้ยแล้วเหรอวะ มึงหลอกกูอีกแล้วเนี่ย”

“ไอ้สัสวิน~”

รวินท์ยิ้มบาง “มึงฟังดูปลงๆ ยังไงไม่รู้ว่ะ ใจดีกับเด็กนั่นเกินไปแล้วด้วย ชอบอะดิ”

“ไม่รู้เว้ย”

รวินท์เอื้อมมือไปตบไหล่เพื่อนรัก “สัส เมื่อก่อนถ้ากูถามเรื่องมึงกับคนอื่นแบบนี้ มึงปฏิเสธเสียงแข็งตลอด ครั้งนี้ทำไมเกิดไม่รู้ขึ้นมาวะ”

เตชิตขมวดคิ้ว จากนั้นจึงถอนหายใจหนักๆ “กูยอมรับว่าบางครั้งเขาก็น่ารักดี เสียหนักๆ อยู่เรื่องเดียว...”

“เรื่องไรวะ”

“เจ้าเล่ห์ ร้ายกาจเลเวลเดียวกับมึงเลย”

“ไอ้สัส แล้วมันเป็นข้อเสียตรงไหน! เขาเรียกว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งต่างหากเว้ย!” รวินท์ชูนิ้วกลางใส่อีกฝ่าย พร้อมกับโน้มตัวเข้าไปหา “แต่เดี๋ยวก่อน เจ้าเล่ห์ ร้ายกาจของมึงนี่ มันยังไงวะ”

“ก็แบบ ปากหวาน หูตาแพรวพราว ขี้เต๊าะ ขี้อ้อน ท่าทางเจ้าชู้ขี้เอา ขี้หื่นไง แบบนี้แถวบ้านมึงยังเรียกว่าเสน่ห์มั้ยล่ะ”

“พอละๆ มึงไม่ต้องพูดละ กูสะเทือนใจว่ะ มึงเห็นกูเป็นคนแบบนี้เองเหรอเนี่ย”

เตชิตหัวเราะ “กูเนี่ย รู้จักมึงดีสุดๆ แล้ว”

รวินท์ถอนหายใจ “ถ้ามึงคิดจะตกลงปลงใจกับไอ้เด็กนี่ ก็รอให้หลายๆ อย่างชัดเจนก่อน ให้แน่ใจว่าเขาคิดจริงจังกับมึงก่อนนะ กูเป็นห่วง เพราะไอ้เด็กนั่นคงไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเราเห็นตอนนี้แน่”

“อืม กูรู้” เตชิตยิ้มบาง “กูรักมึงนะไอ้วิน”

“กูก็รักมึง ไอ้เต้ กูถึงอยากให้มึงมีความสุขสักที”

เตชิตขยับเข้าไปกระแซะ “ทุกวันนี้ก็สุขดี จะดีกว่านี้ถ้ามึงรักกูเหมือนที่กูรักมึง”

“จริงจังสักเรื่องได้มะไอ้เหี้ย” รวินท์ยกขาถีบอีกฝ่ายให้ออกห่าง

“กูก็จริงจังอยู่ จริงจังมาเป็นสิบปีแล้วนี่ไง”

“ไสหัวกลับห้องมึงไปนอนได้ละ อย่าลืมเอากล้วยไม้ที่รักของมึงไปด้วย”

“ไรวะ จีบหน่อยก็ไม่ได้ แค่นี้ต้องไล่กันด้วย”

รวินท์ส่ายหน้าไปมา “ถ้าเด็กนั่นได้ยิน กูต้องโดนรุมยำตีนเข้าสักวันแหงๆ”

“แหม อย่างกะไอ้น้องพิงค์ที่รักของมึงจะยอมงั้นล่ะ ถนอมมดไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอมขนาดนี้อะ ดีไม่ดี คนที่จะโดนยำตีนจะเป็นคีรีด้วย” เตชิตพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจ แล้วอุ้มกระถางกล้วยไม้ขึ้นมาถือไว้ “ขอบใจนะเว้ยวิน”

เจ้าของชื่อเรียกชำเลืองมองท่าทางประคบประหงมกล้วยไม้ของอีกฝ่ายแล้วก็เบ้ปากเล็กน้อย บางทีไอ้เต้เพื่อนเขาอาจจะแค่ปากแข็ง มันยังไม่ยอมรับความจริงก็เพราะมันเคยแต่รักเขา ไล่ตามเขา ไม่เคยเปิดใจให้ใครมาก่อน แต่เขาว่ามันชอบไอ้เด็กนั่นเข้าเต็มเปาแล้วล่ะ “ประคองกล้วยไม้มึงดีๆ ล่ะ ระวังสะดุดตีนใครล้มระหว่างทาง”

“จะมีตีนใครได้นอกจากตีนมึง” เตชิตเดินไปเปิดประตูห้องออก ขณะที่กำลังก้าวออกไปก็หันกลับมาบอกราตรีสวัสดิ์เพื่อนรักแล้วสาวเท้าเดินจากไป

พอกลับไปถึงห้อง ทันตแพทย์หนุ่มก็เอากระถางกล้วยไม้ไปวางไว้ตรงที่ประจำของมัน จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟา แล้วนึกย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ได้พบคีรีครั้งแรกที่เชียงใหม่ เด็กหนุ่มยืนอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก แถวนั้นมีร้านอาหารที่พวกนักศึกษาชอบมาฝากท้องกันหลายร้าน ตอนที่พวกเขายืนคุยกันอยู่ท่ามกลางสายฝนก็มีรถ BMW เข้ามาจอดใกล้ๆ หรือว่ารถคันนั้นจะเป็นของคีรีกันวะ ตอนนั้นฝนตกหนักมาก เขามองเห็นไม่ชัดเสียด้วย

ถ้าพวกเด็กคณะบริหารเป็นเพื่อนของคีรีจริง พวกเขาจะรู้จักกันได้อย่างไร ถ้าคีรีไม่ได้เรียนอยู่ด้วยกัน ปีสองก็น่าจะอายุราวๆ 19 – 20 ปีนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นคีรีก็ไม่ได้อายุสิบแปดอย่างที่บอกเขาน่ะสิวะ

แล้วทำไมคีรีต้องโกหกเขาด้วยล่ะ? จะแกล้งทำตัวแบบที่ผ่านมาไปเพื่ออะไรกันวะ ถ้าชอบเขารักเขา ทำไมไม่เข้ามาหาตรงๆ จะต้องทุ่มทุนผันตัวไปเป็นเด็กดอยไปเพื่ออะไรกันวะ?

เตชิตชักจะสงสัยหนักขึ้น คิ้วทั้งสองข้างแทบจะขมวดกันเป็นปม


คีรี... คุณเป็นใครกันแน่วะ



*TBC*


บางทีพิหมอเต้ก็ดูปลงๆ จนเหมือนจะหนีไปบวช 55555 (อาการสืบเนื่องมาจากภูสอยเดือนอะนะคะ ทั้งกินแห้ว ทั้งเจ็บตัวเจ็บใจ โถๆๆ... /ทำไมดูเหมือนไม่สงสาร  :laugh:)

แต่ว่าหมอเต้หมอวินจับมือพากันสงสัยเด็กดอยแล้วววว จะโป๊ะเมื่อไหร่เนี่ยเด็กเอ๊ย 5555 ต้องสู้นะไอ้น้องงง~

ขอบคุณคนอ่านทุกๆ คนมากค่า แล้วก็สวัสดีปีใหม่ทุกคนอีกรอบนะคะ เอ้า น้องพิงค์ หมอเต้ หมอวิน เด็กดอย ไหว้พี่ๆ น้องๆ สิลู้กกกก~ 55555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : รักเอย[020119]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 02-01-2019 20:31:06
หมอเต้เหมือนคนพึ่งสึกมา ปลงอะไรขนาดนั้นคะพี่5555 ขนาดนี้แล้วเด็กดอยโป๊ะคงโดนโกรธไม่นานแน่เลย :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : รักเอย[020119]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 02-01-2019 21:10:11
ความจะแตกล่ะ คีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 13 : รักเอย[251218]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 02-01-2019 21:35:50

เตชิตขยับเข้าไปกระแซะ “ทุกวันนี้ก็สุขดี จะดีกว่านี้ถ้ามึงรักกูเหมือนที่กูรักมึง”

“จริงจังสักเรื่องได้มะไอ้เหี้ย” รวินท์ยกขาถีบอีกฝ่ายให้ออกห่าง

“กูก็จริงจังอยู่ จริงจังมาเป็นสิบปีแล้วนี่ไง”


นี่แหละนะ คนที่ไม่ใช่ต่อให้อยู่ใกล้ๆ ก็เป็นได้เพียงอากาศ
หมอวินรู้ทั้งรู้ แต่ก็ให้ได้แค่ความเป็นเพื่อน
คำสารภาพรักของหมอเต้ จึงเป็นเพียงแค่คำหยอกเล่น

หันไปรักเด็กนะดีแล้วจ้าา หมอเต้
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : รักเอย[020119]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 02-01-2019 21:44:43
ถ้าพี่เต้จับได้เด็กดอยตายแน่  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : รักเอย[020119]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 02-01-2019 21:49:48
คีรี ต้องรีบบอกความจริงได้ละนะ
อย่าต้องให้ถึงกับโป๊ะแตกเพราะพี่เต้กะพี่วินไปดูพิงค์
แล้วเห็นคีรีเลยน้า
แค่นี้ก็โป๊ะพอละ  :hao5:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : รักเอย[020119]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 02-01-2019 21:55:19
……


ให้หมอเต้เจอรักแท้รักจริงบ้างเถ้อะ. 

อกหักรักกลัดหนองมาจากหมอวินมานานแล้ววว




 :katai4:   :katai5:  :katai4:  :katai5:  :katai4:  :katai5:   :katai4: :katai5:


หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 02-01-2019 23:06:06
ตายล่ะ สองหมอแท็คทีมกันสงสัยเด็กดอยแบบนี้ มีหวัง จะโป๊ะแตก อีกไม่นานนี้แน่เลย สู้ๆนะเด็กดอย รับสารภาพก่อนจะโดนจับได้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-01-2019 23:43:26
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 03-01-2019 00:15:46
คีรีควรรีบสารภาพปาบ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 03-01-2019 00:54:32
หมาน้อยคีรี ใกล้โป๊ะแตกแล้วสินะ :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-01-2019 01:45:57
 :pig4: :pig4: :pig4:

รอกินโป๊ะแตก  เอ้ย  รอคีรีโป๊ะแตก  และขอเดาล่วงหน้าว่า...

โป๊ะแตกน่าจะถูกเสริฟตอนประเพณีวิ่งขึ้นดอยกระมัง  หุหุ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 03-01-2019 02:38:58
อย่าโกรธน้องมากนะหมอเต้ สงสารคีรี ทำขนาดนี้ โดนโกรธนี่หมาป่วยเลยนะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-01-2019 02:54:49
 o13 ให้หมอวิน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 03-01-2019 03:10:50
พ่อคุณหมอเต้ไม่ใช่ว่าน้องไม่เคยเข้าหาตรงๆ ทำแล้วแต่ยูจำไม่ได้เอง5555555555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 03-01-2019 09:24:13
ความกะล่อนของเด็กดอย

หลบหลีกให้ได้ตลอดนะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-01-2019 11:19:40
ดูจากการปลงๆของหมอเต้แล้ว
รอดูเล่นใหญ่ใส่คีรีตอนโป๊ะแตกดีกว่า
คีรีคงต้องโดนจัดหนักซะบ้าง อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 03-01-2019 13:27:35
อยากให้น้องคีรีบอกหมอเต้ไปตรงๆจัง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 03-01-2019 18:26:27
หมอเต้ต้องไม่ใจร้ายกับน้องคีรีนะครับ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 03-01-2019 22:52:19
รักเอย..คีรี รุกได้หน้าซื่อตาใสมากกกได้แต่ร้องอิเด็กบร้าาาา พี่หมอเต้จะรอดไปได้สักกี่น้ำาาา   :hao7:

ความสงสัย..โป๊ะแตก!คาดอยแน่เจ้าเด็กดอย
 :laugh:

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 03-01-2019 23:00:27
มันดูไม่จริงใจอ่ะนู๋คีรีีคนหื่น รีบๆบอกความจริงเลย  ฮึ่ย อึดอัดแทน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-01-2019 06:03:49
ตอนขึ้นดอยต้องเจอกันแน่ๆ อยากรู้คีรีจะดิ้นยังไง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 04-01-2019 07:52:39
ใกล้แล้วๆ แล้วโป๊ะแตกแล้ว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 04-01-2019 07:53:31
ยิ่งยืด คราวนี้จะมีคนร่วมจับโป๊ะอีกมากมาย 555 รีบไปเป็นพันธมิตร​กับพิงค์โดยไวเถอะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 04-01-2019 15:32:25
ใกล้โป๊ะแตกแล้วล่ะเราว่า เดาดูก็น่าจะวันวิ่งธงขึ้นเขาเนี่ยแหล่ะที่โปีะจะแตก
เพราะคีรีต้องถือป้ายด้วยไม่ใช่เหรอไงค่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-01-2019 22:56:58
คีรีควรบอกหมอเต้ไปเลย เราว่าหมอเต้รับได้อยู่แล้ว แต่คีรีก็กลัวไปก่อนไง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 05-01-2019 11:16:08
น้องงง ไม่ต้องกลัวโป๊ะหรอกลูกก ผิดแค่ไหนพี่เต้ก็อภัยได้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 06-01-2019 16:53:37
ความลับของนายใกล้จะแตกแล้วนะคีรี 

รีบเคลียร์ด่วน :ling1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 06-01-2019 16:58:41
น้องเด็กดอยโป๊ะจนไม่รู้จะโป๊ะยังไงแล้ว 5555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 07-01-2019 01:15:00
ดูท่า ถ้ารู้ความจริงคงโกรธ แต่คงไม่โกรทมากพราะหมแเต้ดูปลงมาก โถ้พึ่งสึกจากวัดไหนมาละทิต 5555

คิรีเด็กผู้โป็ะแตกได้ทุกอีพี นับวันยิ่ฝงน่ากลัว หื่นไม่เพรงใจอายุเล้ยยยยย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 07-01-2019 01:23:39
หมอเต้ปลงจริงๆอ่ะ เขาดูเข้าใจสิ่งที่ผ่านมา 55555555555555
รับน้องขึ้นดอยจะโป๊ะแตกหรือจะหนีได้อีก  :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 08-01-2019 16:36:08
ยังไงละทีเนี่ยย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 08-01-2019 20:24:08


Chapter 15 : ความโลกกลม


เมื่อถึงวันจันทร์ คีรีกับเพื่อนๆ มีเรียนแต่เช้า ทั้งกลุ่มจึงมานั่งสุมหัวกินมื้อเช้าด้วยกันที่โรงอาหารคณะ ช่วงนี้พวกเขาคงจะได้อาศัยโรงอาหารคณะไปอีกสักพักใหญ่ๆ เพราะกลัวว่าถ้าไปกินที่อื่นก็อาจจะเจอแจ็กพ็อตแก๊งพี่ภูพิงค์เอาได้

คีรีถือชามใส่โจ๊กมาวางลงบนโต๊ะ เขานั่งลงแล้วละเลียดกินโจ๊กในชามไปช้าๆ ระหว่างนั้นก็ยกมือขึ้นจับคอเสื้อกระพือเล็กน้อย พอให้เพื่อนๆ เอะใจทัก

หลังกระพืออยู่พักใหญ่ก็มีสักคนเอะใจจนได้ “คีรี ที่คอติดพลาสเตอร์ไว้ทำไมวะ”

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นสัมผัสลำคอพลางยักคิ้วและยิ้มมุมปาก “ถนอมรอยรักไว้ไม่ให้โดนแดดไง”

เพียงแค่นั้นทั้งกลุ่มก็แตกฮือ โผเข้าหาเขากันเป็นพัลวัน “ไหนๆ รอยอะไรวะ เอามาดูหน่อยเว้ย!”

“รอยหยิกรึเปล่า!”

“รอยข่วนเหรอ!”

“หรือจริงๆ แล้วเป็นรอยตีนวะ! นี่ตกลงมึงก้าวหน้าหรือถอยหลังลงเหววะเนี่ย!”

คีรีส่งนิ้วกลางให้รัวๆ “ใครเขาเหยียบกันที่คอวะ คอหักพอดี” ก่อนจะยกมือขึ้นเกาศีรษะ “ก็คืบหน้าไปนิดหน่อยเว้ย แต่ว่าแม่ง เกิดมากูไม่เคยพยายามอ่อยใครมากขนาดนี้มาก่อนเลยว่ะ แถมอ่อยแล้วไม่ค่อยจะได้เรื่องอะไรเลยด้วย”

“นายเป็นผู้ชายนะเว้ย วิธีอ่อยที่เคยใช้กับผู้หญิง จะใช้กับหมอเต้ได้ไงวะ”

“เออ เรารู้น่ะ”

พวกเพื่อนๆ มองคีรีไปแล้วก็นึกขำ “โถ ไอ้เสือลายหลุด กลายเป็นลูกแมวแล้วมึงน่ะ”

เด็กหนุ่มเอนตัวเกยคางลงบนท่อนแขนของตนที่พาดอยู่บนโต๊ะ “กูยอมเป็นได้สารพัดสัตว์เลยเว้ย ขอแค่ให้หมอเต้หันมามองกูบ้างก็พอ”

“พูดซะน่าสงสารเลยมึง” ฟลุคเอื้อมมือไปลูบศีรษะเพื่อนปลอบใจ “แต่เข้าใกล้หมอเต้ได้ขนาดนี้ ก็แปลว่าเขาเปิดใจให้มึงมากขึ้นแล้วนะ มึงควรเริ่มคิดไว้บ้างว่าจะบอกความจริงเขายังไง”

ยุ้ยพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ ในเมื่อตอนนี้นายก็ได้อยู่ในสายตาหมอเต้แล้ว นายก็ไม่จำเป็นต้องปลอมตัวอีกต่อไปนะ”

“แต่... เป็นแบบตอนนี้กำลังดีอยู่เลย” เด็กหนุ่มพูดเสียงอ่อย

“ถ้านายไม่พูดความจริงกับเขาทั้งหมด ก็ถือว่าไม่จริงใจนะ อย่าปล่อยไว้นาน มันไม่ดีหรอก” เจนี่พูดเสริม

คีรีนิ่งอึ้ง สลดลงไปกว่าเดิมอีก “อืม... เรารู้”

“ในเมื่อคิดจะคบกันจริงจัง มึงก็ควรหาโอกาสดีๆ แล้วบอกความจริงไปซะ อธิบายเหตุผลให้หมอเต้ฟัง เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว คงจะเข้าใจบ้างล่ะ” ปิ๊กตบไหล่เพื่อนเบาๆ

“อือ กูจะพยายาม”

เพื่อนๆ พากันผงะ “เชื่อฟังแบบนี้ไม่คุ้นเลยว่ะ อะไรสิงร่างมึงวะ”

“กูก็แค่... อยากจะพยายามทำทุกอย่างให้ถึงที่สุดต่างหาก” เด็กหนุ่มผ่อนลมหายใจยาว



เมื่อวันศุกร์วนเวียนมาถึงอีกครั้ง ทันตแพทย์หนุ่มทั้งสองหน่อก็ขับรถจากลำพูนไปเชียงใหม่ตามปกติ วันนี้รวินท์เป็นคนขับ โดยใช้รถออดี้สปอร์ตของเขาเอง เนื่องจากรถเขาจอดเฉยๆ อยู่สักพักใหญ่ๆ แล้ว อยากให้มันได้ยืดเส้นยืดสายบ้าง

“รถมึงได้ยืดเส้นยืดสาย แต่กูเนี่ยไม่” เตชิตพึมพำ

“สัส ที่นั่งข้างหน้ามันก็ไม่ได้ต่างจากรถมึงมากมะ ถ้ามันแคบนักก็เอาหัวห้อยออกไปนอกรถนู่น” รวินท์หันไปต่อว่า “วันนี้จะไปดูพิงค์กะกูมั้ย หรือมึงมีแพลนแล้ววะ”

คนถูกถามทำหน้าเซ็งๆ ก็เพราะน้องๆ คนอื่นๆ ติดประชุมเชียร์ด้วยเช่นกัน แซนดี้ก็ต้องช่วยงานคณะ ส่วนคีรีก็เงียบไปตั้งแต่เที่ยง อีกฝ่ายส่งข้อความมาบอกเขาว่าเสร็จงานตอนบ่ายแล้วจะรีบโทรมาหา ไอ้เขาก็ไม่อยากแกร่วอยู่คนเดียวซะด้วย “อืม... ไปก็ได้”



ขณะเดียวกันนั้น คีรีกำลังลองชุดที่จะใส่ในวันงานพร้อมกับนักศึกษาคนอื่นๆ ที่จะเดินร่วมในขบวนเปิดงานอยู่ที่อาคารองค์การนักศึกษา ส่วนเพื่อนทั้งสี่คนช่วยรุ่นพี่ทำกิจกรรมอยู่ที่คณะของตัวเอง พวกเขาบอกไว้ว่าจะตามมาดูชุดของคีรีทีหลัง

ชุดของเด็กหนุ่มเป็นเครื่องแต่งกายแบบล้านนา ข้างในใส่เสื้อผ้าฝ้ายคอจีนสีเขียวแมลงทับ โจงกระเบนสีเลือดหมู มีเสื้อคลุมผ้าไหมตัวยาวสีเลือดหมูทอลายสีทองอย่างละเอียด ส่วนตรงสาบเสื้อ ปลายแขนเสื้อและชายเสื้อคลุมเป็นลวดลายสีทองล้วน บนศีรษะมีผ้าคาดสีโทนแดง ชุดของเขาคล้ายกับเดือนมหาวิทยาลัยที่จะถือป้ายเดียวกันอีกฝั่ง ส่วนเด็กสาวที่จะเดินคู่กันใส่เสื้อผ้าฝ้ายแขนกระบอกเข้ารูป นุ่งผ้าซิ่นทอตีนจกสีเลือดหมู มีผ้าแพรผืนยาวคล้องคอ

คีรีจ้องมองเด็กหนุ่มรุ่นพี่ที่มาช่วยใส่เสื้อผ้าให้เขาอย่างไม่วางตา เห็นว่ามาจากคณะวิจิตรศิลป์ แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ดูจะเชี่ยวชาญมากจนเขารู้สึกทึ่ง นุ่งโจงกระเบนให้เขาเสร็จภายในหนึ่งนาที เร็วกว่าที่เคยให้คนในศูนย์พัฒนาอาชีพของคุณตานุ่งให้เสียอีก ตอนที่อีกฝ่ายหันไปคุยกับเพื่อนเรื่องดีไซน์ของชุดก็คิดว่าน่าจะมีความรู้ทั้งเรื่องผ้าชนิดต่างๆ กับการแต่งกายแบบล้านนาทั้งแบบเก่าและแบบประยุกต์อยู่ไม่น้อย รุ่นพี่คนนี้นี่จะเทพไปไหน

รุ่นพี่ซึ่งกำลังจัดผ้าโพกศีรษะอยู่เงยหน้าขึ้นเตรียมจะพันผ้าให้ ทว่าสบตากับคนที่จ้องเขาอยู่เขม็งพอดี เขาจึงรีบดึงมือกลับ เอาผ้าปิดหน้าแล้วบิดตัวไปมา “ว้าย! อย่าจ้องพี่มากสิคะ! พี่เขินนะ!”

คีรีหัวเราะ “ขอโทษทีครับ ผมกำลังทึ่งพี่อยู่น่ะ พี่เก่งชะมัดเลย ผมเคยแต่งชุดแบบนี้มาหลายครั้งแล้วนะ แต่ไม่เคยเห็นใครคล่องเท่าพี่มาก่อนเลยครับ”

“เรียกพี่แซนดี้สิคะ” เจ้าของชื่อยกมือขึ้นหยิกแก้มเด็กหนุ่มรุ่นน้องเบาๆ “แหม คนหล่อเนี่ย ปากหวานเนอะ~”

“โห พี่แซนดี้คนน่ารักชมผมตรงๆ แบบนี้ ผมก็เขินเหมือนกันนะครับ”

“ว้าย~ เดี๋ยวไม่ปล่อยกลับคณะนะคะ แล้วน้อง...” แซนดี้หันไปหยิบโพยกระดาษขึ้นมาส่องดู “นะ-คิน? ใช่มั้ยคะ”

“เรียกคีรีก็ได้ครับ”

“แหม ทีแรกก็สงสัยอยู่นะว่าใครมาถือป้ายคู่กับเดือนมหาลัย ไม่เคยเห็นหน้าน้องคีรีมาก่อนเลยน่ะ รอดสายตาไปได้ไงก็ไม่รู้”

“พี่ไม่น่าเคยเห็นผมหรอก ผมขี้อายจะตาย ปกติก็อยู่แต่ในคณะอะครับ”

แซนดี้หัวเราะร่วน ขี้อายยังไงวะทั้งทำท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ย ทำตาหวานใส่ไม่พอยังพูดจาหยอดเขาฉอดๆ ไอ้เด็กนี่มันมินิพี่วินชัดๆ เลย “มาๆ ย่อตัวลงนิดนึงนะ เดี๋ยวพี่พันผ้าโพกหัวให้”

คีรีทำตามอย่างว่าง่าย “พี่แซนดี้ทำงานกับชุดแบบนี้บ่อยเหรอครับ”

“อือ เวลาคณะไหนมีงานอะไรต้องใส่ชุดพื้นเมืองพี่ก็มาช่วยตลอด”

“ใจดีจังเลยนะครับ”

“ไม่หรอกๆ พี่ชอบด้วยแหละ แต่ปีนี้ถือว่าพี่แต่งตัวให้น้องช้ากว่าทุกปีเลยนะคะ เพราะเสื้อผ้าหรูอลังของสปอนเซอร์ต้องระวังให้ดีๆ หน่อย แต่ก็ดีใจที่ได้จับผ้าสวยๆ แบบนี้สักครั้ง”

“พี่แซนดี้ชอบผ้าแบบนี้เหรอ”

“ใช่ พี่ชอบมากเลย ก็เลยเลือกเรียนออกแบบทางนี้โดยเฉพาะ แล้วแม่พี่ก็สะสมผ้าไทยด้วย เห็นมาแต่เด็กก็เลยซึมซับฝังใจน่ะ”

“โห สุดยอด! เอาไว้พี่แซนดี้ไปดูผ้าที่คุณตาผมสะสมบ้างสิ คุณตาผมได้คุยกับพี่ต้องมันส์จนลืมวันลืมคืนแน่ เพราะชอบผ้าไทยมากเหมือนกัน”

“คนบ้า~ จะชวนไปดูตัวก็บอก” แซนดี้หัวเราะร่วนพร้อมกับตีแขนเด็กหนุ่มไปเบาๆ

“ผมพูดจริงนะ คุณตาเคยบ่นๆ อยู่ว่าอยากได้ผู้ช่วยที่ดูผ้าเก่งๆ เพราะในศูนย์ฯ ของคุณตามีผ้าเยอะมาก แล้วยิ่งพี่แซนดี้เรียนออกแบบทางนี้ด้วย ยิ่งดีเข้าไปใหญ่”

แซนดี้ขมวดคิ้ว แล้วยื่นหน้าเข้าไปสบสายตากับเด็กหนุ่มรุ่นน้อง “ศูนย์ฯ?”

“คุณตาผมทำศูนย์พัฒนาอาชีพให้ชาวเขาน่ะพี่ ของโรงแรม XXX ไง เคยได้ยินชื่อมั้ยครับ”

“ฮะ!?” คนถูกถามหันกลับไปหยิบโพยที่มีรายชื่อผู้เข้าร่วมขบวนเปิดงานขึ้นมาส่องอีกครั้ง พอเห็นนามสกุลก็ร้องอ๋อออกมาได้ แต่ว่าเขาได้ยินคนพูดกันว่ารุ่นน้องคนนี้เป็นเด็กเส้น เป็นหลานของสปอนเซอร์ เส้นใหญ่มากเลยได้มาถือป้ายนำขบวนมหาวิทยาลัย แถมหยิ่งสุดๆ ไปเลยนี่หว่า ไม่เห็นเหมือนที่คนอื่นพูดกันเลยแฮะ

“พี่แซนดี้?”

เจ้าของชื่อจ้องมองเด็กหนุ่มรุ่นน้องอีกครั้ง จ้องจากศีรษะลงมาจดปลายเท้าแล้วกลับขึ้นไปยังศีรษะอีกรอบ

หน้าตาแบบนี้หุ่นแบบนี้ต้องใช้เส้นมาเดินถือป้ายด้วยเหรอวะ เขาว่าหล่อกว่าไอ้น้องที่เป็นเดือนมหาวิทยาลัยมหาศาล

“ทำไมพี่แซนดี้ทำหน้าแปลกๆ”

“ตกใจนิดหน่อย ได้ยินเขาว่ากันว่าน้องคีรี...” อ้าว หลุดปากอีกกู! แซนดี้รีบยกมือขึ้นมาปิดปาก “ขอโทษค่ะ!”

คีรียิ้มบางพลางยกมือขึ้นลูบท้ายทอย “อ๋อ ได้ยินว่าผมหยิ่งใช่มั้ย ใครๆ ก็ว่าแบบนั้น เพื่อนในกลุ่มผมยังเคยคิดเลย”

“ไม่รู้ทำไมเนอะ พี่ว่าน้องคีรีน่ารักจะตาย”

“คงเพราะผมไม่ค่อยพูดกับใคร”

“อ้าว ทำไมล่ะ ก็เห็นพูดฉอดๆ นี่”

“ปกติแล้วก็ไม่ค่อยคุยกับคนที่ไม่รู้จักหรอก เพราะผมพูดเหน่อ ผมอาย”

ท่าทางเขินๆ ของเด็กหนุ่มทำให้แซนดี้หัวเราะออกมาอย่างรู้สึกเอ็นดู “ก็ไม่เหน่อนะ นานๆ ทีจะหลุดเสียงเพี้ยนเป็นบางคำเท่านั้น แต่ก็ไม่เหมือนสำเนียงคนเหนือเลย แล้วทำไมถึงกล้าพูดกับพี่ล่ะเนี่ย”

“เพราะผมประทับใจพี่มากน่ะสิ ไม่เคยเจอใครเก่งแบบพี่เลยจริงๆ นะ แล้วพี่ก็ดูใจดีมากด้วย”

“แหม ปากหวานโคตร ขยันหยอดจั๊ง~ แต่ก็ขอบใจมากนะ พี่ปลื้มมากเลยเนี่ย” แซนดี้ยิ้มกว้าง

“ผมพูดจริงๆ ผมขอเบอร์พี่แซนดี้หน่อยนะ อยากให้พี่ได้พบคุณตาสักครั้ง จะได้เห็นผ้าสวยๆ ของศูนย์ฯ อีกเยอะเลยน้า”

“อื้อ เอาก็เอา พี่ก็ปฏิเสธคนหล่อไม่ลงหรอก” พอแลกเบอร์โทรศัพท์กันเสร็จ แซนดี้ก็เลยขอเด็กหนุ่มถ่ายรูปเซลฟี่คู่กันไว้ด้วย “วันนี้แค่ลองชุด เดี๋ยววันจริงใส่เครื่องประดับครบเซตพี่จะขอถ่ายรูปด้วยอีกรอบ ต้องหล่ออลังไปสามโลกแน่นอน”

หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จ แซนดี้ก็กดเปิดภาพที่ถ่ายไว้ให้คีรีดู ขณะที่ใช้นิ้วเลื่อนภาพ ความนิ้วเบียดก็ทำให้เขากดผิด เปิดรูปตัวเองที่เคยถ่ายคู่กับรวินท์ขึ้นมา

คีรีชะงักกึก หัวใจร่วงลงไปอยู่ตาตุ่ม ก่อนจะนึกขึ้นมาได้รางๆ เหมือนว่าหมอเต้จะเคยบอกว่าสนิทกับน้องที่อยู่คณะวิจิตรศิลป์คนหนึ่ง


ฉิบหาย! ไม่จริงน่ะ! นี่มันจะจุดไต้ตำตอไปมั้ยวะ!


ขณะที่คีรียืนหน้าซีดมือสั่นอยู่ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของแซนดี้ก็ดังขึ้น อีกฝ่ายกดรับสาย คุยสักพักแล้วก็วางสายไป จากนั้นก็หันมาคุยกับคีรีต่อ

“เดี๋ยวพี่ถ่ายรูปชุดเก็บไว้หน่อยนะคะน้องคีรี” แซนดี้ขมวดคิ้ว “เอ๊ะ เป็นอะไรรึเปล่า พี่ว่าหน้าน้องดูตื่นๆ นะ”

คีรีส่ายหน้ารัว “เปล่า... เปล่าครับ” ทว่าหลังจากนั้นก็ซีดหนักลงไปอีกเมื่อจู่ๆ ก็มีรุ่นพี่สองคนในเสื้อชอปสีน้ำเงินเปิดประตูห้องออกผางและยืนจังก้าอยู่ที่ตรงประตูนั้น 


“แซนดี้~ดี้~ดี้~” สองหนุ่มร้องเรียกแบบมีเสียงเอ็คโค่ต่อท้ายเองให้เสร็จ


เจ้าของชื่อหันขวับไปทางคนเรียกพร้อมกับโบกมือให้ “ไอ้พิงค์ ไอ้ขิง กูอยู่นี่~นี่~นี่~”

คีรีชะงักค้าง อยากแกล้งตาย อยากสลายตัวไปเป็นอากาศธาตุเสียเดี๋ยวนั้น ชื่อพิงค์นี่ ชัดเต็มสองรูหูเลย ฉิบห้ายย~

ภูพิงค์เดินอาดๆ เข้ามาในห้องพร้อมกับขิง ตรงเข้าไปหาแซนดี้ แล้วส่งข้าวกล่องในถุงใสให้ “เอ้า แล้วคืนนี้อย่ากลับดึกนักนะเว้ย”

แซนดี้รับถุงข้าวมา พอดีว่าภูพิงค์กับขิงออกไปซื้อข้าวกล่องให้สตาฟฟ์เชียร์วันนี้ก็เลยแวะเอาเข้ามาให้เขาด้วย เพราะห่วงว่าเขาจะทำงานเพลินจนไม่กินข้าวน่ะสิ “อือๆ ขอบใจว่ะ”


เมื่อภูพิงค์สบตากับเด็กหนุ่มรุ่นน้องในชุดพื้นเมืองที่ยืนทำหน้าเหมือนเจอผีอยู่ด้านหลังแซนดี้ก็เลิกคิ้วขึ้น “เฮ้ย อีแซนดี้ มึงวางยาน้องเขาเปล่าวะ ดูสีหน้าไม่ดีเลยอะ” เขาเดินอาดๆ เข้าไปถาม “เป็นอะไรรึเปล่าน้อง นั่งก่อนมั้ย”

คีรีพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เหงื่อตก มือเย็นเฉียบ ที่เขาตกใจกลัวจนหัวแทบโกร๋นอยู่แบบนี้เพราะเพื่อนสนิทเขาทั้งสี่คนกำลังจะมาหาเขาที่นี่ งานนี้นอกจากจะโป๊ะแตกแบบไม่ได้ทำใจไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาอาจจะโดนรุ่นพี่รุมโทรมด้วย

“ไม่...ไม่เป็นไรครับพี่”

“ชุดรัดไปเหรอ” แซนดี้เดินเข้ามาเอามือสอดเข้าไปในเข็มขัดดู

“สัส! นี่มึงแต๊ะอั๋งน้องเขาชัดๆ! สมควรที่เขาจะทำหน้าสะพรึงเหมือนเห็นผีแบบนี้อะ!” ภูพิงค์ต่อว่าทันที

“นี่มันหน้าที่กูเว้ย! มึงเห็นกูเป็นยังไงเนี้ยะ!”

ขิงหันมองไปภายในห้อง แล้วหรี่ตามองแซนดี้ “แหมๆ มึงนี่ก็เลือกแต่งตัวให้น้องที่หล่อสุดในห้องเลยน้าาา สัสเพื่อน”

“บ่าฮ่านี่ พวกมึงว่างมากเหรอ มานี่เพื่อหาเรื่องกูชัดๆ!”

ในระหว่างที่รุ่นพี่ทั้งสามมัวแต่เถียงกัน กลุ่มเพื่อนคีรีก็เปิดประตูแล้วชะโงกหน้าเข้ามาในห้อง โชคดีที่พวกเขาทันเห็นภูพิงค์และใบหน้าตื่นๆ ของเพื่อนจึงรีบปิดประตูใส่ตีนหมาถอยไปตั้งหลักกันก่อน

คีรีถอนหายใจยาว หัวใจเต้นแรงเหมือนเพิ่งไปวิ่งมาราธอนมาหมาดๆ


“ชุดสวยดีว่ะ ปีนี้แม่งอลังโคตร”


เด็กหนุ่มหันขวับไปทางต้นเสียง แล้วก็เห็นว่าภูพิงค์กำลังจ้องมองมาที่เขา

“นี่ขนาดยังไม่ได้ใส่เครื่องประดับครบชุดนะเว้ย วันจริงจะอลังกว่านี้อีกมึง” แซนดี้โม้ให้เพื่อนของตัวเองฟัง

“โห น่าเสียดาย วันจริงถ่ายรูปมาให้ดูด้วยละกันว่ะ” ขิงตอบ

“น้องคีรี นี่พิงค์กับขิงเพื่อนพี่เอง อยู่วิดวะปีสี่” แซนดี้แนะนำให้ แล้วหันไปทางเพื่อนตน “นี่น้องคีรี อยู่บริหาร”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “หืม? คีรี? บริหาร?” ดวงตาจับจ้องเด็กหนุ่มรุ่นน้องเขม็ง

“คะ...ครับ” คีรีกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เขาประสานสายตากับภูพิงค์ พลางนึกย้อนไปถึงคำพูดของเพื่อน


ถ้าหากเขากล้าพอที่จะไปทำความรู้จักกับพี่ภูพิงค์


ถึงตอนนี้พี่เขาจะยังไม่รู้ แต่เขาก็อยากจะแนะนำตัวเองไว้ เผื่อว่าสักวันหนึ่ง...

เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้าปอดลึกพร้อมกำมือแน่น “พี่ภูพิงค์ครับ”

เจ้าของชื่อหรี่ตาลงเล็กน้อย “มีอะไร”

“ผมชื่อนคินทร์ ภูมิพัฒน์ธนากุล อยู่บริหารปีสองนะครับ”

ภูพิงค์นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบรับเสียงขรึม “อือ”

“ผม...อยากรู้จักพี่มากเลยนะครับ”

“งั้นเรอะ” ภูพิงค์ตอบ แล้วต่างคนต่างก็จ้องตากันอยู่อย่างนั้น

แซนดี้กับขิงหันมองเด็กหนุ่มรุ่นน้องที หันมองเพื่อนตัวเองอีกทีอย่างงงๆ ไม่มั่นใจว่าทั้งคู่จ้องกันแบบจะกินเลือดกินเนื้อ หรือจ้องแบบจะสารภาพรักกันกันแน่

“เฮ้ย คุณน่ะ...” เสียงข้อความเข้าในโทรศัพท์ของภูพิงค์ดังขึ้นขัดจังหวะ เขาจึงยกโทรศัพท์ขึ้นกดดู จากนั้นก็หันไปทางแซนดี้กับขิง “พี่วินมาแล้ว จะได้เวลานัดประชุมเชียร์แล้วด้วย ต้องรีบกลับคณะล่ะ ”

“เออๆ ไปเหอะ”

ภูพิงค์หันไปทางเด็กหนุ่มรุ่นน้อง “ผมไปนะ”

คีรีพยักหน้า “โชคดีครับพี่ แล้วเจอกันนะครับ”

“อือ แล้วเจอกัน”


หลังจากภูพิงค์และขิงรีบรุดเดินออกไป แซนดี้ก็หันไปถาม “มีอะไรกับไอ้พิงค์รึเปล่า”

“ไม่มีนี่ครับ ทำไมเหรอ”

“ก็เห็นจ้องกันแบบ... เหมือนจะนัดต่อยกันหลังเซเว่นปิด”

คีรีหัวเราะกลบเกลื่อน “เหย แค่ทำความรู้จักกันนิดเดียวเองพี่”

“อือๆ งั้นเรามาถ่ายรูปกันต่อเนอะ” แซนดี้หันไปเตรียมกล้อง ใช้เวลาถ่ายภาพอยู่สักพัก สลับหันไปจดข้อมูลที่นึกขึ้นได้ลงบนแบบชุด เวลาผ่านไปอีกครู่ใหญ่จึงวางดินสอลง “เอาล่ะ เปลี่ยนชุดได้แล้วล่ะ เดี๋ยวพี่ช่วยถอดนะ” เขาค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าออกให้ทีละชิ้น แล้วนำไปแขวนไว้ในถุงคลุมเสื้อผ้าอีกที

กว่าจะเสร็จก็ยืนจนเมื่อย แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้บ่นอะไร พอถอดโจงกระเบนกับเสื้อออกแล้วก็เปลี่ยนใส่ชุดนักศึกษาเช่นเดิม

“เดี๋ยวเสาร์หน้าเจอกันนะคะ”

“ครับ ขอบคุณพี่แซนดี้มากครับ แล้วเอาไว้ผมจะโทรนัดพี่อีกทีนะ”

“โอเคค่า”    

จากนั้นคีรีก็ก้าวฉับๆ ออกจากห้องไปหาเพื่อนสนิทที่หลบมุมรอเขากันอยู่ แต่พอไปถึงกลับเหลืออยู่แค่สองหนุ่ม “เจนี่กับยุ้ยไปไหนวะ”

“รอนานจัดอะดิ หิวน้ำก็เลยไปซื้อน้ำ” ปิ๊กตอบ

“โทษทีๆ ชุดมีรายละเอียดเยอะน่ะ”

“แล้วเป็นไงมาไงวะไอ้คีรี ทำไมพี่ภูพิงค์ถึงมาอยู่กับมึงได้วะ”

เจ้าของชื่อนั่งลงกับเพื่อนๆ “พี่คนที่แต่งตัวให้กู เป็นเพื่อนสนิทกับพี่ภูพิงค์ว่ะ”

“เย้ย! โลกกลมฉิบหาย! เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ พวกกูตกใจหัวแทบหงอก!” ฟลุคเอ่ยขึ้นพลางหันมองไปรอบๆ อย่างหวาดๆ

“กูนี่หงอกไปหลายเส้นเลย ตกใจสัสๆ” คีรีถอนหายใจหนักๆ “ตอนแรกก็กลัวฉี่แทบเล็ด แต่พี่ภูพิงค์ดูไม่น่ากลัวอย่างที่คิดว่ะ”

“แหงดิ มึงไม่ได้เจอเขาตอนหวงหมอวินนี่!”

“ถึงกูจะหวาดๆ อยู่บ้าง แต่กูก็แนะนำตัวเองกับพี่เขาไปนะ พี่เขาคงงงอยู่เหมือนกัน” เด็กหนุ่มหัวเราะเจื่อนๆ “บางทีสักวัน เมื่อกูไม่ต้องปิดบังตัวกูแล้ว กูอาจจะมีโอกาสเข้าไปขอคำปรึกษาจากเขา”

เพื่อนทั้งสองยกมือขึ้นลูบศีรษะลูบหลังให้ “โอ๋ๆ อย่าเพิ่งคิดมากเว้ย ก็ดีนะ ยังไงก็ถือว่าได้แนะนำตัวกับพี่เขาแล้วอะ อีกอย่างนะ ถึงพี่เขาจะดุฉิบหาย แต่กูว่าพี่เขาดูเป็นคนตรงๆ น่าจะคุยด้วยง่ายกว่าหมอวินมหาศาล”

คีรีถอนหายใจยาว “อือ กูก็คิดงั้น”

สักพักยุ้ยกับเจนี่ก็ถือถุงใส่ขวดน้ำกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาร่วมวงด้วย “มาแล้วๆ”

“ทำไมทำหน้าตื่นๆ เจอพี่ภูพิงค์มาอีกรึไงวะ” ฟลุคเอ่ยถาม

เจนี่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นโชว์ภาพเตชิตกับรวินท์นั่งคุยกันหนุงหนิงอยู่ที่ใต้ตึกวิศวะให้เพื่อนรักดู “ไม่ใช่เว้ย เพราะนี่ต่างหาก หมอวินกับหมอเต้อยู่ที่คณะวิดวะเว้ย!”

คีรีเลิกคิ้วขึ้น “หมอเต้!” เขาหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา ลุกเดินไปตรงที่ไม่มีคนเดินผ่านไปผ่านมามากนัก แล้วจึงกดโทรศัพท์ไปหาทันตแพทย์หนุ่ม



ฝ่ายเตชิตกำลังนั่งเท้าคางอยู่กับโต๊ะ สายตาทอดมองไปยังจุดที่พวกนักศึกษาประชุมเชียร์กันอย่างเซ็งๆ ไอ้น้องพิงค์เพิ่งกลับมาจากซื้อข้าว มาถึงก็เข้ามารับหน้าที่พี่ว้ากเลย เขาไม่อยากจะยอมรับ แต่เวลาแบบนี้ไอ้น้องพิงค์ก็ดูเท่ดีจริงๆ นั่นละ แล้วก็น่าหมั่นไส้มากด้วย เมื่อชำเลืองมองไปยังคนข้างกัน ก็ยิ่งหมั่นไส้จนต้องเบ้ปาก ไอ้วินเพื่อนรักของเขาน่ะเหรอ ตาเป็นรูปหัวใจทั้งสองข้างเลยเชียว

“แหม รักเด็กหลงเด็กเนอะมึงอะ”

“ปากว่างก็แทะโต๊ะไปสิมึง”

“กูไม่ใช่ปลวกมะ”

เสียงหัวเราะคิกคักของสาวๆ ดังมาแว่วๆ เตชิตเริ่มรู้สึกว่ามีคนเดินผ่านไปผ่านมากขึ้น พอหันมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าใต้ตึกมีนักศึกษาสาวๆ ที่มาจากไหนกันนักก็ไม่รู้นั่งอยู่มากมาย

“เกิดอะไรขึ้นวะไอ้วิน”

“เออ เรื่องปกติแหละ เดี๋ยวคงมีลือกันว่ามึงมาติดใจเด็กวิดวะแถวนี้แหงๆ”

“น่าสนเหมือนกันนะ เจ้าถิ่นแนะนำหน่อยดิ”

“เจ้าถิ่นพ่อง” รวินท์ส่งสายตาดุๆ ใส่

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ เตชิตหยิบขึ้นมาดู อมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะลุกเดินไปหลบมุม แล้วกดรับสาย “ว่าไง ว่างแล้วเหรอ”

“ครับ เพิ่งเสร็จงาน ผมไปหาคุณเตชิตได้มั้ย ตอนนี้อยู่ที่ไหนน่ะครับ”

“อยู่คณะวิดวะในมหาลัยกับไอ้วินน่ะ จะมาหาผมมั้ยล่ะ”

“โห ผมไม่กล้าเข้าไปหรอก คุณเตชิตออกมาหาผมหน่อยนะครับ” คีรีพูดเสียงอ้อน

“เดี๋ยวแป๊บนะ” ทันตแพทย์หนุ่มเดินกลับไปหาเพื่อนรัก เพราะวันนี้เขาไม่ได้เป็นคนขับรถมาก็เลยต้องถามเจ้าของรถก่อน แต่ยังทันไม่ได้เอ่ยปากถาม อีกฝ่ายก็พยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เอารถไปได้ เพราะอย่างไรก็จะรอกลับพร้อมกับภูพิงค์อยู่แล้ว “คุณอยู่ไหนล่ะ เดี๋ยวผมไปรับ”

“ผมรอที่หน้าคลินิกได้มั้ย”

“อือ โอเค”

“เดี๋ยวผมไปถึงจะรีบโทรบอก แล้วคุณเตชิตค่อยขับรถออกมานะครับ”

“อืม เดี๋ยวเจอกัน”

พอเตชิตเดินกลับไปที่โต๊ะก็เห็นว่าเพื่อนรักจ้องมองตนเองเขม็ง เขาหลบสายตา หุบยิ้มเก๊กหน้าก่อนจะพูดเบาๆ “ขอบใจที่ให้ยืมรถเว้ย”

“เออ ปกติกูก็ยืมรถมึงเหมือนกัน เรื่องแค่นี้...” รวินท์กลอกตาไปมา แล้วกระแอมเบาๆ “อย่าทำรถกูเลอะล่ะ ในเก๊ะมีถุง...”

“สัส! แค่นัดเจอกันเฉยๆ เว้ย!”

“แหม กูยังไม่ได้พูดเลยว่าถุงอะไร อาจจะถุงอ้วกหรือถุงขยะก็ได้มั้ยวะ”

“ไอ้เวร แล้วมึงมีถุงอะไร”

“มึงคิดว่าคนอย่างกูจะมีถุงอะไรในรถล่ะวะ ก็เหมือนรถมึงแหละ”

“ถุงผ้าลดโลกร้อนเหรอวะ”

“ไอ้เหี้ย! ถุงยางสิวะ! ใช้แล้วทิ้งด้วยนะเว้ย ไม่ต้องใส่คืนที่เดิม”

เตชิตส่ายหน้าไปมา “มึงนี่น้า!”

รวินท์หัวเราะร่วน “ถ้าคืนนี้จะไม่กลับก็เมสเสจมาบอกด้วยเว้ย”

“กลับสิวะ จะให้กูไปนอนใต้สะพานที่ไหนล่ะ”

นั่งคุยกันไปสักพักก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง เตชิตรีบกดรับสาย พูดคุยกับคนในสายสั้นๆ จากนั้นจึงลุกขึ้น

รวินท์ส่งกุญแจรถให้เพื่อนรักอย่างรู้งาน “ไปดีมาดี”

เตชิตยิ้มมุมปากพลางเอื้อมมือไปกุมมือที่ถือกุญแจอยู่ “เป็นห่วงกูใช่มะ”

“ห่วงรถโว้ย”

“ปากไม่ตรงกับใจเลยว่ะ” เตชิตรับกุญแจมา โบกมือลาแล้วรีบรุดเดินออกไป



ทันตแพทย์หนุ่มขับรถออกจากมหาวิทยาลัยไปช้าๆ มุ่งหน้าไปยังคลินิก เมื่อไปถึงก็ขับรถไปจอดที่ด้านหลังก่อน แล้วเดินวนมาทางด้านหน้า ระหว่างทางที่เดินมาก็เห็นเด็กหนุ่มรูปร่างคุ้นตาในเสื้อผ้าฝ้ายพื้นเมืองกับกางเกงยีนยืนอยู่ไม่ไกลออกไปนัก เขากำลังจะร้องเรียก แต่พอเห็นว่าเด็กหนุ่มกำลังยืนคุยกับชาวต่างชาติสองคน เขาจึงเดินเข้าไปสังเกตการณ์ใกล้ๆ กะว่าถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องจะได้เข้าไปช่วย และถ้าได้เห็นใบหน้าของคีรีตอนเขินๆ ทำอะไรไม่ถูกก็คิดว่าคงจะน่ารักดี

ทว่าสถานการณ์ดูจะไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ ชาวต่างชาติถือโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือ ดูเหมือนจะถามทางไปที่ไหนสักแห่ง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้บ่อยๆ ส่วนที่แปลกก็คือคีรีนั่นละ เด็กหนุ่มพูดคุยกับชาวต่างชาติทั้งสองเป็นภาษาอังกฤษได้ฉะฉาน สำเนียงบริติชเสียด้วย พูดคล่องอย่างกับคนที่ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาเป็นเวลานานอย่างไรอย่างนั้น ท่าทางและสีหน้ามั่นใจตอนพูดดูเท่เอามากๆ มากกว่าตอนที่อยู่กับเขาเป็นกอง อย่างกับคนละคน


อะไรกันวะ? ไอ้เด็กตรงนั้นมันใครกันแน่เนี่ย? นี่เป็นอีกร่างเหรอ? จะว่าเพราะเคยเรียนหรือทำงานโรงแรมเลยพูดภาษาได้ก็... แต่พูดเก่งมากเลยนะ


เตชิตขมวดคิ้ว คิดไปพลางว่า ไอ้เด็กคนนี้นี่จะทำให้เขาแปลกใจได้อีกกี่เรื่องกันนะ มาถึงตอนนี้ นอกเหนือจากว่าเด็กหนุ่มเป็นญาติกับเลดี้กาก้า ก็คงไม่มีอะไรให้เขาตกใจอีกแล้วแหละ



*TBC*


ก็มีอะไรเหลือให้โป๊ะอีกไม่เยอะแล้วล่ะนะเด็กดอย 555555 สู้ๆ อิอิ

แต่ยังไงเด็กดอยก็ตกแซนดี้มาเป็นพวกได้แบบงงๆ แล้วละนะคะ บุคคลสำคัญ ผู้จุดประกายให้น้องภูกับพี่วินจากภูสอยเดือนเลยนะเนี่ยยยย~

แถมยังได้รู้จักกับพี่พิงค์แล้วด้วย ก้าวหน้าๆๆๆ

มารอดูกันนะคะว่าตอนหน้าจะมีอะไรโป๊ะอีก กินโป๊ะแตกกันจนเบื่อล่ะ กว่าเด็กดอยจะได้กลับร่างเดิม 55555

ขอบคุณคนอ่านทุกคน ขอบคุณทุกๆ กำลังใจมากๆ ค่า รักนะคะ  :mew1:

ปล. ในส่วนของการซ้อมขบวน เครื่องแต่งกาย สถานที่และบุคคลที่อ้างถึงจากในเรื่อง ฮัสกี้มโนขึ้นมาทั้งหมดทั้งสิ้นนะคะ

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 08-01-2019 20:45:58
คีรีเตรียมคำตอบบไว้ดีๆนะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-01-2019 20:51:39
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...เด็กดอยได้พี่แสนดีเป็นพวกเลยนะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 08-01-2019 21:13:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 08-01-2019 21:35:07
โป๊ะกว่านี้ ก็จมดินแล้วจย้าาาา รีบหาทางสารภาพเถ๊อะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-01-2019 21:43:04
 :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 08-01-2019 21:46:25
5555 ญาติกะเลดี้กาก้า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 08-01-2019 22:12:40
ค่อยๆแตกดีนะ นี่ยังแอบลุ้นอยู่เลยว่าพี่หมอเต้จะมาเห็นเด็กดอยยืนพิงBM อยู่หรือเปล่า เพราะไม่รู้จักรถหมอวิน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-01-2019 22:25:55
 :laugh:



 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 08-01-2019 22:39:54
พ่อยอดขมองอิ่มมมม
โป็แล้วโป๊ะอีก คือถ้ารู้ความจริงหมดแต้ไม่โกรธแล้วละ ถ้ามันจะโป๊ะบ่อยขนาดนี้

ว่่าแต่เด็กดอยขี้อวดเว่อร์ แค่รอยจูบอวดจางงงงงง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 08-01-2019 22:55:00
ถ้าน้องโป๊ะจนไม่เหลือน้ำแกงแล้ว หมอเต้ไม่น่าจะโกรธน้องมาก เพราะโป๊ะแตกถ้วยนี้ อร่อยมากกกกกกกก :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 08-01-2019 23:43:55
ใกล้ละ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 08-01-2019 23:55:55
แตกมาหลายโป๊ะแล้วนะเด็กดอย :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 09-01-2019 00:19:12
เด็กดอย ชอบทำตัวลึกลับ เจอหมอเต้จัดการให้สักทีเถอะ จะได้สะใจ
 o18 o18
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 09-01-2019 06:31:04
บอกพี่เค้าไปเถอะลูกก จำเลยรับสารภาพ รับโทษกึ่งนึง  :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 09-01-2019 07:53:50
เออ เป็นญาติกับเลดี้กาก้า  5555+
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 09-01-2019 08:42:32
คิดว่าโป๊ะไปหมดแล้วล่ะ เหลือแค่ว่าอิน้องจะแก้ตัวยังไง เอาใจช่วยนะเด็กดอยคนโป๊ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 09-01-2019 13:25:04
คีรีสารภาพตอนนี้โทษอาจจะลดกึ่งนึงนะ :ruready
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-01-2019 15:55:09
นึกว่าความจะแตกดังโป๊ะซะแล้ว คงต้องรอให้ถึงวันงานจริงล่ะมั้งความถึงแตก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-01-2019 19:57:24
น้องคีรี รีบบอกหมอเต้ ได้แล้วนะครับ ปล่อยไว้นานเดี๋ยวมีปัญหากัน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 09-01-2019 22:58:53
โป๊ะจนไม่เหลืออะไรให้สาระภาพแล้วเด็กดอยเอ๊ย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-01-2019 01:19:23
พี่เต้ดูปลงมากอ่ะ 55555 เหมือนว่าน้องจะโป๊ะหรือจะบอกความจริงอะไรก็ไม่ตกใจแล้ว นอกจากจะเป็นญาติกับเลดี้กาก้าอย่างที่คิดอ่ะนะ 55555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 10-01-2019 01:36:31
ใกล้เข้ามาทุกทีละเด้อ  :ling2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 10-01-2019 17:50:15
เจ้าเด็กขี้อวดดดด โป๊ะแล้วโป๊ะอีก ยังจะมาทำขิง ใช่แล้วพี่หมอเต้ คีรีเป็นหลานของเลดีกาก้า ก๊ากกกกกกกกก  :hao7:   :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-01-2019 22:24:52
ขนาดแสนดีมองแป๊ปเดียวยังรู้เลยว่าคีรีคือมินิพี่วิน555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 11-01-2019 00:09:06
ขนาดซินดี้เจอแว็ปเดียวยังรู้สึกได้เลย ว่านี่มันคือมินิพี่วิน 5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 13-01-2019 15:31:28
 :katai1: :katai1: :katai1: ตกไปหน้า 3  แล้วรีบมาต่อน่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 15 : ความโลกกลม [080119]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 15-01-2019 10:05:49


Chapter 16 : อ้อนแรงๆ


ทันตแพทย์หนุ่มหลบไปยืนแอบๆ รอจนกระทั่งคีรีคุยกับชาวต่างชาติเสร็จ จากนั้นก็เห็นชัดๆ เลยว่าคนอ่อนวัยกว่าสลายร่างเด็กหนุ่มสุดเท่ท่าทางมั่นใจโคตรๆ เมื่อครู่ออกไปสิ้น แล้วก็เดินไปยืนเจี๋ยมเจี้ยมรอเขาที่ข้างหน้าคลินิกตามที่นัดกันไว้

ไอ้เด็กนี่มีกี่ร่างกันเนี่ย เตชิตชักจะสงสัย

พอคีรีหันมาเห็นทันตแพทย์หนุ่มก็ยิ้มกว้างรับ “คุณเตชิต”

เจ้าของชื่อเรียกจ้องเด็กหนุ่มเขม็ง

“มีอะไรรึเปล่าครับ”

“เมื่อกี้คุณ...” เตชิตขมวดคิ้ว “เปล่าๆ ไม่มีอะไร คุณกินอะไรมารึยัง”

คนอ่อนวัยกว่าส่ายหน้า พร้อมกับทำหน้าอ้อน “ยังเลยครับ หิวจะแย่”

“อยากกินอะไรล่ะ”

“อยากกินคุณ... โอ๊ย!” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกุมศีรษะตรงจุดที่ถูกอีกฝ่ายเขกเอา “คุณเตชิตอ่า”

“จะตอบดีๆ หรือจะไปกินคนเดียว”

“ไปกินกันที่ห้องผมกันดีกว่า”

เตชิตขมวดคิ้ว มองคนอ่อนวัยกว่าอย่างระแวง “กินอะไรวะที่ห้องคุณน่ะ ไหนว่าปกติซื้อกินไง จะหลอกผมไปทำอะไรที่ห้องอีกล่ะสิ”

“เปล่าสักหน่อยครับ ผมซื้อกินก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่หัดทำอะไรเลยนี่ครับ” คีรีแก้ตัวเสียงหลง เพราะที่จริงก็หวังนั่นแหละ “เนี่ยผมเพิ่งหัดทำอาหารเพื่อคุณเตชิตเลยน้า”

“มีพิรุธอย่างแรงเลยว่ะ”

“คุณเตชิตไม่อยากรู้จักผมให้มากกว่านี้เหรอครับ”

“คุณมาชวนก่อนแบบนี้ก็เตรียมห้องไว้พร้อมแล้วเปล่าวะ”

คีรียกมือขึ้นเกาศีรษะ เพราะทันตแพทย์หนุ่มรู้ทันไปหมด

“มีอะไรกินล่ะ ที่ห้องคุณน่ะ” เตชิตถอนหายใจหนักๆ “ไม่ต้องตอบว่าคุณนะ”

“โห รู้ทันอีกละ แต่เอาจริงๆ ก็มีหลายอย่างเลยครับ ผมซื้อของกินไว้เต็มตู้เย็นเลยนา” คนอ่อนวัยกว่าเอื้อมมือไปเขี่ยหลังมืออีกฝ่าย ขยิบตาให้พร้อมยิ้มมุมปาก “เราผูกปิ่นโตกันแล้ว คุณไม่อยากไปเช็กสภาพปิ่นโตหน่อยเหรอครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับ เขาล่ะปวดหัวกับไอ้เด็กนี่จริงๆ ว้อย!

คีรีจับมืออีกฝ่ายเขย่า “ผมล้อเล่นน่า ไปห้องผมกันเถอะนะ... นะครับ”

“เออๆ ไปก็ไป”

“คุณเตชิตจะขับรถไป หรือเราจะไปรถแดงกันดี”

“ขับรถไปสิ” เตชิตตอบแล้วก็ปล่อยให้คนอ่อนวัยกว่าจูงมือเขาเดินไปยังที่จอดรถ

เด็กหนุ่มหันมองไปรอบๆ “คุณเตชิตจอดรถไว้ที่ไหนอะครับ”

“โน่น วันนี้ใช้รถไอ้วิน”

คีรีคิ้วกระตุก คนเรานี่ต้องสนิทกันขนาดไหนวะ ถึงผลัดกันขับรถได้ “ผมว่าไปรถแดงดีกว่า” เด็กหนุ่มบ่นไปทั้งที่ตัวเองก็ให้เพื่อนขับรถไปทิ้งไว้ให้ที่คอนโดมิเนียมเช่นกัน แต่คนมันจะพาล ก็ช่วยไม่ได้

“อย่าเรื่องมากน่ะ” ทันตแพทย์หนุ่มดึงมือกลับ เขากดปลดล็อกรถ ก้าวเข้าไปนั่ง สตาร์ตเครื่องแล้วลดกระจกลง “หรือจะวิ่งตามหลังรถ เลือกเอา!”

คนอ่อนวัยกว่าทำหน้ายุ่ง แต่ก็ยอมเดินไปเปิดประตูข้างคนขับออกแล้วก้าวเข้าไปนั่งตาม

เตชิตเคลื่อนรถออกไปช้าๆ พลางชำเลืองมองเด็กหนุ่มที่ยังคงทำหน้าบึ้งตึง “เมื่อไหร่จะเลิกอคติกับไอ้วินสักที มันไปทำอะไรให้คุณวะ”

“เปล่าครับ ไม่ได้ทำอะไร”

“เขาเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของผมนะ”

“ผมรู้ครับ” ...และก็เป็นคนที่คุณรักมากด้วย เพราะอย่างนี้ผมถึงได้ไม่ชอบหมอวินไง คีรีตอบอยู่ในใจ

ใช้เวลาไม่นานรถออดี้สปอร์ตก็เคลื่อนเข้าไปจอดในที่จอดรถตรงสวนสาธารณะ จากนั้นเด็กหนุ่มจึงเดินนำเตชิตไปยังหอพักของเขา


เมื่อเปิดประตูห้องแล้ว คีรีก็หันไปเชิญทันตแพทย์หนุ่มให้เข้าไปก่อน “เชิญครับ”

“ขอบใจ” เตชิตก้าวเข้าไปในห้องอย่างหวาดๆ เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรู้สึกเหมือนจะโดนหลอกมาฟันอย่างนี้ อาจเพราะกรรมที่เคยทำไว้มีมากโขก็เป็นได้

ทันตแพทย์หนุ่มหยุดยืนหันมองไปรอบๆ ห้อง ครั้งนี้ห้องของคีรีไม่ได้เละเทะเหมือนครั้งแรกที่เขามา บนเตียงนอนจัดไว้เรียบร้อย ไม่ได้มีของวางไว้จนเต็ม มีถุงกระสอบพลาสติกขนาดใหญ่ซึ่งใส่ถุงกระดาษไว้จนเต็มวางเรียงอยู่ฝั่งหนึ่งของห้อง คงจะเป็นของจากครั้งที่แล้วนั่นล่ะ แต่ที่แปลกไปจากเดิมก็คงเป็นโทรทัศน์จอแบนและโซฟาใหม่เอี่ยมอีกตัว ดูจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ค่อยเข้ากับพื้นที่ปูเสื่อน้ำมันสักเท่าไหร่

“นี่คุณซื้อของพวกนี้ใหม่เหรอ”

“ก็ไม่เชิงหรอกครับ โทรทัศน์นี่ซื้อไว้สักพักแล้ว แต่เพิ่งเอามาตั้ง ส่วนโซฟานี่เพิ่งซื้อ”

“อ้อ...” พอเตชิตหันไปมอง เด็กหนุ่มก็หลบสายตาทันที “ก็ขอบใจที่คราวนี้ไม่ปิดบังกัน”

“ห้องนี้คุณตาเป็นคนจ่ายค่าเช่า ส่วนโทรทัศน์นี่ผมซื้อเอง แต่ของส่วนใหญ่ในห้องคุณตาก็ซื้อให้ครับ”

“อืม... เก่งนะ เก็บเงินซื้อโทรทัศน์ได้เครื่องเบ้อเริ่ม”

“ที่จริงก็ไม่ใช่เงินเก็บซะทีเดียวหรอกครับ”

“หืม?”

คีรียกมือขึ้นเกาศีรษะอย่างเขินๆ “คือ... วันก่อนนู้นคนรู้จักที่ทำงานโรงแรมด้วยกันบอกว่าจะไปแทงหวย ชวนผมด้วย ผมมีเงินเหลือนิดหน่อยก็เลยแทงตามเขาไปเล่นๆ แล้วดันถูกซะอีก ได้เงินมาก็เลยซื้อโทรทัศน์เนี่ยครับ” พอเห็นทันตแพทย์หนุ่มทำหน้าประหลาดใจ เขาก็รีบพูดต่อ “แต่ปกติผมไม่เล่นหวยนะครับ วันนั้นนึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรไม่รู้ นอกเหนือจากวันนั้นผมก็ไม่ได้ซื้อหวยอีกนะ”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ก็ดีแล้ว ผมว่ามันเป็นการสิ้นเปลืองเปล่าๆ”

“ที่วันนั้นซื้อไป ก็เพราะเขาจะแทงเลขตรงกับทะเบียนรถคุณพอดี ผมเลยเอาด้วย...”

ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะ “เอาเข้าไป ผมกลายเป็นอาจารย์ใบ้หวยไปแล้ว”

พอเห็นว่าเตชิตอารมณ์ดีขึ้น คีรีก็ยิ้มบ้าง เขาเอื้อมมือไปจับมืออีกฝ่าย แล้วพาเดินไปที่หน้าตู้เย็น “คุณเตชิตมานี่สิครับ มาดูๆ เราจะกินอะไรกันดี”

เจ้าของชื่อเรียกปล่อยให้คนอ่อนวัยกว่าจูงมือไปแบบนั้น แล้วไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าตู้เย็นเก่าๆ แต่ถึงจะเก่าก็เป็นตู้เย็นที่มีขนาดใหญ่กว่าตู้เย็นที่ห้องเขาหรือห้องไอ้วินซะอีก

คีรีเปิดช่องฟรีส โชว์อาหารแช่แข็งที่ซื้อใส่ไว้จนเต็มช่อง “คุณเตชิตจะกินอะไรดี มีผัดกะเพรา พะโล้ เกี๊ยวกุ้ง ผัดฉ่า แกงส้ม เทริยากิ แกงเขียวหวาน พะแนง มักกะโรนี หมูทอด ผักโขมอบชีส สปาเก็ตตี้ก็มีตั้งหลายแบบ มีบัวลอย โอนีแปะก๊วยกับสาคูเป็นของหวานด้วยนะครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “ไหนคุณบอกจะทำให้กินไงวะ ทำไมมีแต่อาหารแช่แข็งเนี่ย”

“เอ๊า เดี๋ยวผมเอาใส่ไมโครเวฟให้ไงครับ ไม่เรียกทำให้กินเหรอ อีกอย่างห้องผมมีของแค่เนี้ยะ คุณเตชิตคิดว่าผมจะทำอาหารอะไรได้อะครับ”

ไอ้เด็กเว้ร!

เตชิตยกมือขึ้นคลึงขมับ แต่เอาเถอะ เขาขี้เกียจออกไปตะลอนหาของกินอีก “เอาเกี๊ยวกุ้งกับพะแนงละกัน”

“ได้เลยคร้าบ คุณเตชิตไปนั่งรอก่อนนะ”

ทันตแพทย์หนุ่มเดินไปล้างมือที่อ่างล้างมืออย่างมึนๆ จากนั้นก็ไปนั่งที่โซฟา มองเจ้าของห้องจัดการเอาอาหารแช่แข็งใส่ไมโครเวฟอย่างคล่องแคล่ว

ในระหว่างที่รออุ่นอาหาร คีรีก็เดินมากางโต๊ะญี่ปุ่นตรงหน้าโซฟาที่เตชิตนั่งอยู่ แล้วก็เดินกลับไปยืนรอหน้าเตาไมโครเวฟ ไม่นานก็ยกถาดสองถาดใส่จานพลาสติกของอาหารแช่แข็งมาวางที่โต๊ะ บนถาดมีอาหารชนิดเดียวกันสองชุด เขานั่งลงบนพื้นใกล้ๆ กับทันตแพทย์หนุ่ม

“มีตั้งหลายอย่างไม่ใช่เหรอ”

“ก็ผมอยากกินเหมือนคุณเตชิตน่ะสิ”

เตชิตส่ายหน้าไปมา “อายุเท่าไหร่แล้วน่ะคุณ เป็นเด็กอนุบาลเรอะ ถึงต้องกินอะไรเหมือนกันน่ะ” หากคำพูดของเขาเป็นผลให้คีรีชะงักกึก หน้ามุ่ยทันควัน เขาจึงเอื้อมมือไปขยี้ศีรษะอีกฝ่ายเบาๆ “กินเหอะ เดี๋ยวเย็นหมด”

อาหารแช่แข็งมันก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอก เตชิตคิดไปพร้อมกับตักใส่ปาก

“พอกินได้ใช่มั้ยครับ”

“อือ ก็พอไหว แต่น้อยฉิบหาย ถ้าเป็นไอ้วินกิน มันคงต้องเหมาทั้งตู้เย็นแน่ๆ”

พอเห็นคนที่นั่งตรงข้ามกันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะที่พูดถึงเพื่อนรัก คีรีก็เบ้ปากอย่างสุดจะเซ็ง “หมอวินอย่างนั้น หมอวินอย่างนี้ ขนาดอยู่กับผมสองคน คุณยังเอาแต่พูดถึงหมอวินเลย”

“ก็ไม่แปลกนี่ เขาเป็นเพื่อนรักผม เราอยู่ด้วยกันทุกวัน ไม่พูดถึงเขาแล้วจะให้ผมพูดถึงใครล่ะ ถ้าคุณไม่อยากฟังผมกลับก็ได้นะ”

เด็กหนุ่มตะปบแขนอีกฝ่ายทันควัน “ผมขอโทษ” เขาก้มหน้าลงพึมพำ “ยังไม่ชินกับความใจร้ายของคุณสักที”

เตชิตถอนหายใจ เขาก็ใจร้ายจริงๆ อย่างที่คีรีว่านั่นล่ะ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่เขาพูดและทำเป็นผลให้เด็กหนุ่มเจ็บปวด แต่ก็ยังทำอยู่บ่อยๆ หากนั่นก็เพราะตัวคีรีเองด้วย หลายครั้งหลายหนที่เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่เด็กหนุ่มคนที่เขารู้จัก ทำให้เขารู้สึกสับสน ลึกลงไปเขาเองก็กลัวว่าตัวเองจะต้องเจ็บปวดเช่นกัน

“ผมใจร้ายกับคนที่ไม่น่าไว้ใจ มันแปลกตรงไหน”

“ผมไม่น่าไว้ใจเหรอ”

“ถามตัวคุณเถอะ มีอะไรให้ผมไว้ใจได้บ้าง นี่ก็เพิ่งหลอกผมมากินข้าวที่ห้องคุณหมาดๆ”

คีรีนิ่งอึ้ง เขาหลุบสายตาลงมองอาหารในจานที่ยังกินไม่หมด แล้วพูดเสียงเศร้า “ผมไม่ได้หลอกนะ ก็ทำให้คุณกินจริงๆ นี่นา”

“แบบที่คุณทำเนี่ย เขาเรียกอุ่นให้กินเฉยๆ เว้ย!”

คนอ่อนวัยกว่าเงยหน้าขึ้นสบสายตากับคนที่นั่งอยู่บนโซฟา “แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมก็เป็นเด็กดีไม่ใช่เหรอครับ ผมเชื่อฟังคุณ ทำตามที่คุณบอกทุกอย่าง”

“มันไม่เกี่ยวกับเด็กดีหรือไม่ดี อันที่จริงผมก็ยังไม่รู้จักคุณดีเลย ถ้าอยากให้ผมไว้ใจ อย่างแรกเลยคุณก็ไม่ควรมีอะไรปิดบังผม”

“ทุกอย่างที่คุณถามมา ผมก็ตอบหมดไม่ใช่เหรอครับ”

เตชิตขมวดคิ้ว จะว่าไป มันก็จริงนะ เวลาเขาถามอะไรไป เด็กหนุ่มก็ตอบทุกครั้ง จะว่าไม่เคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเองก็ไม่ใช่ซะทีเดียว แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีอะไรปิดบังเขาอยู่ดี

แต่มนุษย์ทั่วไปก็มีความลับกันทั้งนั้นไหมวะ? เขาจะเสือกอะไรนักหนาเนี่ย? ไม่สิ! ถ้าคิดจะคบกัน เขาก็มีสิทธิ์ที่จะรู้เหมือนกันนี่หว่า!


คบกัน?


เดี๋ยวนะ คิดจะคบกันเหรอ? นี่เขาคิดอะไรอยู่วะเนี่ย!

“คุณเตชิตอาหารเย็นหมดแล้วอะ ให้ผมเอาอาหารไปอุ่นให้อีกรอบมั้ย”

เตชิตนิ่งอึ้ง เขาหลุบตาลงมองอาหารบนโต๊ะแล้วพยักหน้า “อือ ก็ดีเหมือนกัน”

คีรียกถาดกลับไปที่ไมโครเวฟ เอาอาหารใส่เข้าไปอุ่นพลางหันกลับมามองทันตแพทย์หนุ่มไปด้วย จู่ๆ จะให้บอกไปว่าที่จริงแล้วเขาเป็นนักศึกษา เรียนอะไรอยู่ที่ไหน ไม่ได้พักอยู่ที่ห้องนี้ ไม่ได้อายุแค่สิบแปด และไม่ใช่ชาวเขาอย่างนั้นเหรอ เขาจะเริ่มต้นยังไงดีล่ะ แล้วถ้าหมอเต้โกรธที่เขาไม่ได้บอกความจริงแต่แรก เขาจะทำยังไงดีวะเนี่ย

จริงๆ แล้วเขาเองก็ไม่เคยบอกสักหน่อยว่าตัวเองเป็นชาวเขา อีกฝ่ายคิดเองเออเองต่างหาก

แต่เขาก็ผิดเต็มๆ ที่ไม่แก้ไขความเข้าใจผิดนั้น แถมยังถือโอกาสเล่นตามน้ำอีกด้วย

เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมๆ กับคนที่นั่งอยู่ที่บนโซฟา พวกเขาหันไปสบสายตากัน แล้วต่างก็เบือนหน้าไปคนละทาง


พอคีรีเดินกลับมาพร้อมถาดใส่อาหารที่อุ่นอีกรอบแล้ว พวกเขาก็นั่งกินกันต่อไปอย่างเงียบๆ เมื่อกินเสร็จเด็กหนุ่มก็รีบเก็บโต๊ะให้เรียบร้อย “คุณเตชิตอย่าเพิ่งกลับนะครับ นั่งเล่นไปก่อนนะ ผมเอาไอ้พวกนี้ไปทิ้งแป๊บ”

“อือ” เตชิตเอนหลังพิงพนักโซฟาพลางหันมองไปรอบๆ ห้องช้าๆ แล้วสายตาก็ไปสะดุดอยู่ที่รูปชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งซึ่งย่อตัวลงนั่งข้างๆ เด็กน้อยบนเก้าอี้และจับมือเด็กคนนั้นไว้คนละข้าง ทั้งสามคนใส่ชุดพื้นบ้านแบบที่เขาเห็นคีรีใส่อยู่บ่อยๆ รูปนั้นถูกเก็บไว้อย่างดีในกรอบไม้สีทองแกะสลัก ตั้งอยู่บนหลังตู้ข้างๆ ที่ตั้งโทรทัศน์

“หืม? หรือว่า...” ทันตแพทย์หนุ่มลุกขึ้นไปยืนตรงหน้ารูปนั้นแล้วก้มลงพิจารณาใกล้ๆ

ในขณะเดียวกัน คีรีก็ยกแก้วน้ำมาวางลงบนโต๊ะหน้าโซฟาแล้วนั่งลง “น่ารักใช่มั้ยครับ”

“นี่คือ คุณตาคุณยายคุณเหรอ”

“ใช่ครับ แต่คุณยายท่านเสียไปหลายปีแล้ว รูปนี้ตั้งแต่ผมอายุสามขวบได้”

“ผมเสียใจด้วยนะ มิน่าล่ะ คุณพูดถึงแต่คุณตาคนเดียว แต่คุณยายคุณเป็นคนสวยมากเลยนะ” เตชิตหันกลับไปมองรูปเดิมอีกครั้ง คิดว่าน่าแปลกอยู่สักหน่อยที่ไม่มีรูปของบิดามารดาบ้าง คีรีก็เคยบอกเขาว่าอยู่กับคุณตามาตั้งแต่เด็กๆ นี่นะ แต่เรื่องแบบนี้เขาไม่ถามถึงจะดีกว่า

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว ถ้าอย่างนั้นคู่สามีภรรยาชาวเขาที่เขาเจอในตลาดที่เชียงรายล่ะ น้ำอิงก็ดูจะติดคีรีอยู่เหมือนกันนะ

“คุณเตชิตคิดอะไรอยู่เหรอครับ”

“ครอบครัวน้ำอิงเป็นญาติกับคุณรึเปล่า”

คีรีชะงักไปเล็กน้อย เขาหลุบตาลงต่ำ “เปล่าครับ แค่รู้จักกันมานาน”

เป็นแค่คนรู้จักกัน ถ้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ก็แสดงว่า... เด็กหนุ่มอาจจะไม่ใช่ชาวเขาอย่างที่เขากับไอ้วินสงสัยจริงๆ สินะ อีกอย่างดูจากรูปครอบครัวที่ถ่ายเก็บไว้ ทุกคนใส่ชุดพื้นเมืองแทนที่จะเป็นชุดประจำเผ่าเสียด้วย มันก็น่าแปลกไหมล่ะ

ถ้าเป็นอย่างที่เขาสงสัยจริง แล้วทำไมคีรีถึงทำเหมือนตัวเองเป็นชาวเขาล่ะวะ ทำไมไม่ปฏิเสธเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาถาม

ขณะที่เตชิตยืนครุ่นคิด เด็กหนุ่มก็พูดขึ้น “ผมไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ แม่ผมเสียไปตอนผมเกิด พ่อผมแต่งงานมีครอบครัวใหม่ ผมอยู่กับคุณตาคุณยายมาตั้งแต่ผมจำความได้แล้ว” เด็กหนุ่มยิ้มบาง “ที่จริง ผมเคยถามคุณตาคุณยายนะว่าทำไมไม่ให้ผมเรียกท่านว่าพ่อแม่ ท่านบอกว่าอยากให้ผมรู้ว่าผมมีพ่อมีแม่ และพ่อแม่ผมก็รักผมมากด้วย”

นัยน์ตาของเตชิตอ่อนแสงลง เขาหันกลับไปมองรูปคุณตาคุณยายของคนอ่อนวัยกว่าอีกครั้ง “คุณหน้าคล้ายคุณยายมากนะ”

“มีแต่คนบอกว่าอย่างนั้น ผมหน้าคล้ายคุณยายมากกว่าแม่ผมที่เป็นลูกแท้ๆ ซะอีก” เด็กหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ

“คิดถึงมั้ย”

“ที่สุดเลยล่ะครับ คุณตาเองก็คงคิดถึงท่านมากเหมือนกัน ถึงคุณยายจะเสียไปนานแล้ว แต่ท่านก็ไม่เคยคิดจะแต่งงานใหม่เลยนะครับ ผมเคยถามท่านหลายครั้ง แต่ท่านบอกว่าไม่มีใครมาแทนที่คุณยายได้หรอก ท่านรักคุณยายจนหมดใจ ไม่เหลือที่ให้ใครแล้ว”

ทันตแพทย์หนุ่มเดินกลับไปนั่งลงบนโซฟาตรงที่ว่างข้างๆ เด็กหนุ่ม เขายกมือขึ้นลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน “คุณตาน่ารักมากเลยนะ”

“แล้วผมล่ะ”

“ถ้าทำได้อย่างคุณตาคุณ ก็อาจจะน่ารักล่ะมั้ง”

“ถ้าคุณเตชิตให้ความร่วมมือละก็ ผมทำได้แน่”

“ขยันเต๊าะผมจังเลยนะ”

“แต่คุณก็ไม่ใจอ่อนสักที”

เตชิตเอนตัวเท้าแขนลงบนที่วางแขน พร้อมกับถอนใจหนักๆ เพราะที่จริงน่ะ เขาคิดว่าเขาใจอ่อนให้เด็กหนุ่มมากแล้วแหละ ถึงแม้จะไม่อยากจะยอมรับความจริงสักเท่าไรนัก

“คุณเตชิต กินของหวานมั้ย เอาบัวลอย โอนีแปะก๊วยหรือสาคูดีครับ”

“เอาไว้ก่อนละกัน เพิ่งกินข้าวเมื่อกี้ ผมยังอิ่มอยู่เลย”

“งั้นดูอะไรกันมั้ย”   

“จะชวนดูหนังโป๊รึไง”

“โห รู้ทันไปหมดเลยอะ ว่าจะบิ๊วคุณสักหน่อย” คีรีเบ้ปาก หากทำให้ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะ

เตชิตเขกศีรษะคนอ่อนวัยกว่าไปเบาๆ “คุณนี่มันโคตรแก่แดด”

“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะคุณเตชิต แถวบ้านผมน่ะนะ อายุเท่าผมน่ะ มีลูกกันเป็นโขยงแล้ว” คนอ่อนวัยกว่าขยับเข้าไปกระแซะ เนียนเอนศีรษะซบไหล่ แล้ววางมือลงบนหน้าตักอีกฝ่าย “วันนี้อยู่กับผมนานๆ หน่อยนะ อย่าเพิ่งรีบกลับนะครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มลดสายตาลงมองมือที่ค่อยๆ ลูบไล้ไปบนต้นขาตน ไอ้เด็กนี่มือไวฉิบหาย ปลาหมึกแปดหนวดยังสู้ไม่ได้ “ถ้าไม่หยุดแต๊ะอั๋งผม ผมกลับแน่”

“โธ่ ลูบๆ คลำๆ นิดหน่อย ไม่สึกหรอหรอกครับ”

“ให้คุณคลำน่ะ สึกแน่ๆ” เตชิตผลักให้คนที่กระแซะตนเองอยู่ออกไปห่างๆ ทว่าเด็กหนุ่มกลับยิ่งทิ้งน้ำหนักตัวลงมาที่เขา “ฮื้ย! ออกไปนั่งดีๆ!”

คีรีทำหูทวนลม พร้อมกับเงยหน้าขึ้นประสานสายตาด้วย “ผมอยากอยู่ใกล้ๆ คุณนี่นา ไม่ได้เจอมาตั้งหลายวัน คิดถึง”

“ถ้าคิดถึงมากกว่านี้ คุณไม่ขึ้นมานั่งขี่คอผมเลยเหรอวะเนี่ย”

เด็กหนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่ม เป็นรอยยิ้มที่ทำให้เตชิตต้องขมวดคิ้วอย่างระแวง

“คุณเตชิต มาห้องผมทั้งที ผมโชว์ของดีให้ดูเอามั้ย”

“ของดีอะไรวะ ผมกลัวแล้วเนี่ย”

“ย้ายที่ไปนั่งบนเตียงกันดีกว่า” เจ้าของห้องลุกขึ้นพร้อมกับฉุดแขนทันตแพทย์หนุ่มขึ้นมาด้วย

“ทำไมต้องไปนั่งบนเตียง นั่งโซฟาก็ได้!”

“บนเตียงกว้างกว่า นั่งสบายกว่านะครับ มาเถอะน่า” คีรีฉุดให้อีกฝ่ายเดินตามเขาไป พอเตชิตนั่งลงบนเตียง เขาก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วหยิบกีต้าร์คลาสสิกที่ดูเก่าหน่อยๆ ออกมา “นี่สมบัติสำคัญของผมเลยนะ คุณยายซื้อให้ตอนเด็กๆ”

“เล่นกีต้าร์เป็นด้วยเหรอเนี่ย”

“ก็นิดหน่อยครับ เอาไว้ใช้หากิน พอให้ดูเท่ด้วย”

คนถามเบ้ปาก “ถ้าเล่นแล้วห้องข้างๆ จะไม่ด่าเอารึไง”

“โหย ยังไม่ค่ำสักหน่อยครับ ยังไม่กลับกันมาเลยมั้ง อีกอย่างนะ ผมเล่นเพราะจะตาย ไม่มีใครว่าอะไรหรอก” คีรีนั่งลงข้างๆ ทันตแพทย์หนุ่มพร้อมกับวางกีต้าร์ลงบนตัก ใช้ปลายนิ้วเขี่ยสายกีต้าร์เบาๆ เขาหันไปส่งยิ้มแล้วขยิบตาให้อีกฝ่าย ก่อนจะเริ่มต้นบรรเลง


“อ้ายเป็นคนเวียงเจียงใหม่ ใคร่ฝากหัวใจหื้อบ่าวต่างแดน” ขณะที่ร้องไปก็ขยับเข้าไปกระแซะคนที่นั่งข้างกัน “ยังซนยังโสดหนุ่มแน่น ใคร่อยากมีแฟนกับเขาสักคน”**

**(แปลงจากเพลงหนุ่มเชียงใหม่ : จรัล มโนเพชร)


เตชิตหัวเราะ เขาผลักหัวไหล่เด็กหนุ่มออกจากตัว ไอ้เด็กนี่มันขยันจีบเขาจริงจริ๊ง ถ้าไม่เกรงใจว่าเป็นเจ้าของห้องจะถีบให้ตกเตียง!



*TBC*


ตอนนี้หวานๆ น่าร้ากกกก (คิดเองเออเองสุด) แต่เด็กมันช่างล่อหลอกเก่งละเกิงนะคะ

หรือพี่หมอก็เต็มใจให้หลอกกันนะ ฮุฮิ 555555 แล้วคืนนี้พี่หมอจะหนีไปไหนรอดมั้ยเนี่ย ติดตามต่อตอนหน้าค่า

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า ช่วงนี้ที่กรุงเทพฯ ฝุ่นเยอะ อย่าลืมใส่มาสก์กันฝุ่นด้วยน้า รักและเป็นห่วงทุกๆ คนเลยค่า

ปล. เผื่อใครอยากฟังเพลงที่เด็กดอยร้องหยอดพี่หมอ จิ้มฟังกันค่ะ --> หนุ่มเชียงใหม่ (https://www.youtube.com/watch?v=AlEbWIq5eHY)
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 15-01-2019 11:22:06
น้องน่าล้ากกกกกกกกก หมอเต้ใจอ่อนสักทีสิคะ

เราชอบหนุ่มเชียงใหม่ กับอยากย้ายสำมะโนครัวไปเชียงใหม่เพราะอ่านเรื่องนี้เลยนะคะ ในไอจีมีแต่เด็กมช.ทั้งนั้น​เลยตอนนี้  :o8:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 15-01-2019 12:10:21
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-01-2019 13:52:21
น้องเต๊าะเก่งจริง ๆ ยอมเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 15-01-2019 14:37:20
คนน้องก็น่ารักขยันหยอดจริงๆ คนพี่ก็ใจอ่อนแล้วอ่อนอีก อิอิ
เมื่อไหร่คนน้องจะกล้าบอกความจริงกับคนพี่สักที คนพี่ก็ระแวง คนน้องก็ขี้ขลาดกลัวจะเสียคนพี่
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 15-01-2019 14:40:57
หมอเต้ถ้ายังไม่กระจ่างอย่าเพิ่งตอบรับนะให้นังคีรีลงแดงตายไปเลยหมั่นไส้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 15-01-2019 15:17:52
อ่อยเก่ง เต๊าะเก่งจริงคีรี
พี่หมอจะหนีไปไหนพ้น
เหลือแค่สารภาพเรื่องทุกอย่างละทีนี้

 o18
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-01-2019 15:18:12
มีความเขินแบบงงๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 15-01-2019 15:27:08
เพือไม่ให้เสียเวลาจากรอตอนใหม่มา ก็เลยไปอ่าน ภูสอยเดือน ไปพลางๆ
 :a5:
โว๊ะ...... ทำให้เราที่เดาเรื่องนี้ไว้ ผิดหมดไปเลย
---------------------
ภูสอยเดือน
หมอเต้
- ร้ายกาจมาก ทำได้ทุกอย่าง เพื่อที่จะได้คนที่ตัวเองรักมาครอง แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็ยอมรับความจริงว่าเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น
- เมะ สุดๆ ดูเข้มแข็ง มาดนิ่ง
หมอวิน
- ยังคงเจ้าสำอาง หล่อ สาวๆ เข้าหาตลอดประสบการณ์เยอะ ไหงกลายเป็นเคะไปได้ ฮือๆ  แถมตั้งใจยอมให้ภูพิงค์อีกต่างหาก ผิดคาดอย่างแรง
ภูพิงค์
- ถูกบรรยายในลุคคนหน้าหวาน แต่ก็นั่นแหละนะ หวานมาดร้ายๆ

เดือนอิงดอย
หมอเต้
- ก็ยังมาดนิ่งๆ เหมือนเดิม แต่เพราะความนิ่งเลยดูออกจะโหดนิดๆ กับหมอวินนั้นที่เราสงสัยว่าไม่ชัดเจนกับหมอเต้ จากภูสอยเดือนถึงได้รู้ว่าให้ความเป็นเพื่อนชัดเจนมาก แต่หมอเต้ ก็ยังรักอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
คีรี
- ลักษณะท่าทาง เป็นเมะเต็มตัว แม้จะขี้อ้อนแต่ไม่ออกสาว
หมอวิน
- ยังไงในเรื่องนี้ ก็เป็นคนขี้อ่อย ใครอยู่ใกล้ก็หลงไหลเหมือนเดิม เมะสุดๆ
ภูพิงค์
- เราก็ยังคิดว่าเป็นเคะที่หึงโหดอยู่ดี 555

ยังไงแล้วก็ขอบคุณที่มีเรื่องดีๆ มาให้อ่าน ปูทางให้เราเชื่อไปอีกแบบ อืมห์..คาดเดาไม่ได้
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 15-01-2019 16:58:19
มอบเพลงนี้ให้พี่หมอเต้~
 
...รู้เขาหลอก แต่เต็มใจให้หลอกกกก  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-01-2019 18:26:58
 :z1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 15-01-2019 18:32:13
โอยย ทำไมเด็กดอยทำให้เรานึกถึงลูกหมาฮัสกี้ ขี้อ้อน น่ารัก จนฟู อยากจับมานั่งบนตักแล้วฟัดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-01-2019 21:54:55
เด็กมันขี้เต๊าะขี้อ้อนจังเลยหนอ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 15-01-2019 22:04:28
ใจอ่อนให้น้องคีรีได้แล้วนะครับหมอเต้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 15-01-2019 22:12:48
อ้อนเก่งงงง เต๊าะเก่งงงงง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-01-2019 22:19:10
 :pig4: :pig4: :pig4:

รีบ ๆ สารภาพเถอะ  ปล่อยไว้เรื้อรัง  ระวังน้ำตาจะเช็ดหัวเข่า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 15-01-2019 22:57:32
 :hao3:
หมอเต้ค่ะ เอาจีพีเอสไม๊ค่ะ
หลงน้องมากจ้าาาา รู้เค้าหลอกแต่เต็มใจให้หลอก... เพลงมาค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 15-01-2019 23:28:02
เอาตัวรอดเก่งงงงงง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 16-01-2019 00:25:53
อ้อนเก่ง หยอดเก่งจังเลย :katai3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 16-01-2019 14:52:56
คีรีอ้อยเก่งหมอเต้เก่งมากๆค่ะ
แต่หมอเต้เริ่มสงสัย รอลุ้นความจะแตกเมื่อไหร่ค่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 16-01-2019 20:43:55
ความจริงที่บอกไม่หมดอีกแล้วนะ
ระวังโป๊ะแตกขึ้นมาจริงๆ จังๆ จะเข้าหน้าไม่ติด
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 17-01-2019 05:31:36
นี่เข้ามารอทุกวัน เผื่อฟลุ๊คคนเขียนขยันอัพ อยากใหเค้าได้กันแล้วอะ เด็กดอยน่ารักเกิ๊นน หมอเต้ห้ามใจได้ไง  :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-01-2019 12:02:33
เต๊าะเก่งแท้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 18-01-2019 17:37:12
คีรีน่ารัก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 22-01-2019 18:44:25
 :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 22-01-2019 19:44:51
นังเด็กดอย หยุดค้ากำไรเกินควร
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 16 : อ้อนแรงๆ [150119]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 22-01-2019 22:28:54


Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต


นัยน์ตาของเด็กหนุ่มจับจ้องคนที่นั่งหัวเราะอยู่ข้างกันแล้วอมยิ้ม เพราะไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นอีกฝ่ายหัวเราะแบบนี้ เขามองทันตแพทย์หนุ่มเพลินจนนิ้วหยุดขยับ ลืมเล่นเพลงต่อเลย

“คุณเตชิตหัวเราะแล้วน่ารักมากๆ”   

เจ้าของชื่อหุบยิ้มทันควัน “ไม่เล่นต่อละเหรอ”

“เอาเพลงนี้ดีกว่า” คีรีก้มลงจับคอร์ดกีต้าร์ เขาชำเลืองมองทันตแพทย์หนุ่ม หัวใจเต้นตึกตัก “รู้ก็ทั้งรู้ว่าเธอเป็นใครและฉันก็ไม่คิดจะปีนขึ้นไป คงไม่มีทางเป็นไปได้ ก็เรานั้นมันต่างกัน”

เตชิตชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบาง แล้วนั่งนิ่งๆ ฟังเด็กหนุ่มร้องเพลงไปเรื่อยๆ


“อดใจไม่ไหว เมื่อได้พบหน้า ยิ่งเธอส่งยิ้มคืนมายิ่งหวั่นไหว เป็นอย่างนี้อยู่ทุกวัน ฉันต้องคอยหักห้ามใจ”**

**(หวั่นไหว : บอดี้แสลม)


ทันตแพทย์หนุ่มหันหน้าไปทางคนอ่อนวัยกว่า จ้องมองท่าทางในการเล่นดนตรีซึ่งบ่งบอกว่าอีกฝ่ายคุ้นเคยกับเครื่องดนตรีในมือดี ดูเท่ราวกับเป็นคนละคนอีกแล้ว

แต่เพลงนี้น่ะ ทำไมคุ้นๆ จังวะ เหมือนเขาเพิ่งเคยได้ฟังที่ไหนเมื่อไม่นานมานี้นะ

เตชิตรอจนเด็กหนุ่มเล่นจบเพลงก่อนจึงพูดขึ้น “เล่นได้เก่งกว่าที่คิดแฮะ ไม่น่าเชื่อเลย”

“โธ่ จะชมก็ชมดีๆ สิครับ”

“งั้นเอาใหม่” ทันตแพทย์หนุ่มตบมือรัวๆ “โห เล่นเป็นจริงๆ ไม่ได้โม้แฮะ”

“มันก็ไม่ได้ต่างจากตอนแรกมั้ยครับเนี่ย!”

เตชิตหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “เล่นมากี่ปีแล้วน่ะ”

“ผมน่าจะเริ่มตอนสักหกขวบได้ รวมๆ แล้วก็สิบสี่...” คนอ่อนวัยกว่าชะงักไปเล็กน้อย “เอ๊ย ผมนับผิด สิบสองปีสิ คุุณยายเป็นคนสอนให้ แต่กีต้าร์ตัวนี้ผมหวงมากนะ นอกจากกับคุณตาแล้วผมก็ไม่เคยเอาออกมาเล่นให้ใครฟังเลย”

“หืม ผมได้ตั๋วพิเศษสินะ”

“สุดยอด VIP เลยล่ะครับ” คีรีเก็บกีต้าร์ของเขากลับเข้าในตู้ แล้วนั่งลงบนเตียงเคียงข้างทันตแพทย์หนุ่มอีกครั้ง “ผมทั้งเล่นกีต้าร์ทั้งร้องเพลงให้คุณฟัง ขอรางวัลหน่อยสิครับ”

“เอ๊า เล่นก็เล่นเอง ร้องก็ร้องเอง ให้ผมมานั่งฟังแล้วจะมาเก็บค่าดูทีหลังเนี่ยนะ”

“มันเป็นทริคเรียกลูกค้าไงครับ”

“แบบนี้ต้องฟ้องสคบ.”

คีรีอมยิ้ม พลางยื่นหน้าเข้าไปหาทันตแพทย์หนุ่ม แต่กลับโดนอีกฝ่ายเอามือยันหน้าเอาไว้

“ไม่ต้องเลยคุณ ใช้วิธีนี้สอยเหยื่อมาได้กี่รายแล้วล่ะ” พูดจบเตชิตก็ลุกขึ้นพรวด ไอ้วิธีเต๊าะแบบนี้น่ะ สมัยเขากับไอ้วินยังเป็นละอ่อนก็เคยใช้บ่อยๆ แล้วไอ้เด็กนี่ก็ดันมาแนวเดียวกันเลยแม่ง... เดจาวูโคตรๆ หรือว่ากรรมกำลังตามสนองเขาอยู่กันวะ!

ไอ้เขาก็ทำบาปทำกรรมไว้เยอะซะด้วยสิ ทางที่ดีตอนนี้ควรหาทางหนีเอาตัวรอดก่อนดีกว่าว่ะ

ทว่าพอเตชิตตั้งท่าจะก้าวออกไป คนอ่อนวัยกว่าก็ถลาเข้าไปกอดไว้จากทางด้านหลัง “โธ่ ผมไม่เคยสอย ไม่เคยจีบใครเลยจริงๆ นะครับคุณเตชิต ทำไมคุณไม่ยอมเชื่อผมสักที”

“ก็คุณมันน่าเชื่อตายล่ะ” เตชิตถอนหายใจ ก่อนจะหันไปเขกศีรษะเด็กหนุ่ม “พูดเฉยๆ ก็ได้ หยุดซบตูดผมได้แล้วเว้ย เฮ้ย! คีรี!” จู่ๆ คนที่กอดเขาอยู่ก็เหวี่ยงเขาให้หงายหลังนอนลงไปบนเตียง กดไหล่ของเขาลงพร้อมกับขึ้นมาคร่อมทับทางด้านบน “จนได้สินะ!”

“ผมรักคุณเตชิตนะครับ”

“เฮ้อ” ลูกไม้เดิมๆ ที่เขาก็หลงเชื่อมันเสียทุกครั้ง ให้มันได้อย่างนี้สิวะ!

คีรีค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปแนบจูบเบาๆ เพื่อลองเชิงก่อน เมื่อเห็นว่าคนใต้ร่างไม่ได้ว่าอะไรจึงประกบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ค่อยๆ บดเบียดเข้าหาเรียวปากของทันตแพทย์หนุ่มอย่างนุ่มนวลที่สุด แล้วสอดลิ้นเข้าไปในช่องว่างของริมฝีปาก

เตชิตยกแขนขึ้นโอบกอด ปล่อยให้ลิ้นของคนอ่อนวัยกว่ารุกล้ำเข้ามาในโพรงปาก แล้วเกี่ยวกระหวัดลิ้นเขาได้ตามใจชอบ จะว่าไป จูบกับคีรีก็รู้สึกดีเหมือนกัน นี่ถ้าเขายังอ่อนหัดคงเคลิ้มตามไปเรียบร้อย

เด็กหนุ่มละริมฝีปากออกมาอย่างเชื่องช้า ระหว่างริมฝีปากของพวกเขายังถูกเชื่อมไว้ด้วยของเหลวเหนียวใส เขาหลุบตาลงต่ำ มองรอยยิ้มตรงมุมปากของทันตแพทย์หนุ่ม หัวใจเต้นสั่นรัว

“พอใจรึยังล่ะ”

“จะพอได้ยังไงกันล่ะครับ” น้ำเสียงของคีรีแหบพร่า เขาค่อยๆ สอดมือเข้าไปในเสื้อของคนใต้ร่าง ทว่าอีกฝ่ายรีบจับมือเขาไว้

“จะทำอะไรอีก”

“ถอดเสื้อคุณ”

“ไม่ให้ถอดเว้ย”

คนอ่อนวัยกว่าขมวดคิ้ว เขาชักมือกลับมาจับชายเสื้อตัวเองยกขึ้น “คุณไม่ถอด ผมถอดเองก็ได้”

เตชิตคว้าชายเสื้อคนบนร่างไว้แล้วดึงลง “จะถอดทำไมวะ!”

“ก็อยากกอดคุณเตชิตแบบเนื้อแนบเนื้ออะ”

“ไม่เอาโว้ย! ไอ้เด็กทะลึ่ง!”

คีรีทำหน้ายุ่ง จากนั้นจึงนอนทาบทับตัวทันตแพทย์หนุ่มไปทั้งอย่างนั้น “กอดทั้งแบบนี้ก็ได้”

“นี่ คุณไม่ใช่เด็กสามขวบนะ ตัวเบ้อเริ่มขนาดนี้ ผมหนักนะเว้ย” เตชิตผลักคนบนร่างที่ทิ้งน้ำหนักลงบนตัวเขาเสียจนแทบจมเตียงออก ก่อนจะขมวดคิ้วพร้อมกับผงกศีรษะขึ้นต่อว่า “คุณเอาไอ้นั่นมาทิ่มผมอีกแล้วโว้ย! ไอ้เด็กเวร!”

“โธ่ ก็ผมรักคุณอะครับ ทั้งอาทิตย์มานี่ก็ไม่ได้เอาออกเลยด้วย แล้วพอคุณมานอนให้กอดอยู่ข้างใต้ตัวผมแบบนี้ ผมอยากทิ่มคุณก็เป็นเรื่องธรรมดามั้ยครับ”

“ฮะ!? เดี๋ยวๆ ผมไม่ได้นอนให้คุณกอดนะ คุณเหวี่ยงผมลงเตียงแล้วนอนทับผมเองเว้ย!”

“นั่นแหละๆ เหมือนๆ กันแหละครับ”

“ไม่เหมือนโว้ย” เตชิตยกมือขึ้นกุมขมับ “ลุกไปได้แล้ว หนัก”

“งั้นคุณเตชิตนอนทับผมแทนก็ได้” 

“ไม่เอา จะทับไปทำไมวะ”

คีรีทำหน้ายู่ ยังไม่ทันจะขยับไปไหนก็ถูกคนใต้ร่างผลักออก พอเห็นอีกฝ่ายลุกขึ้นนั่งและกำลังจะลุกออกจากเตียงเขาจึงรีบถลาเข้าไปกอดรั้งไว้ “คุณเตชิตจะรีบไปไหนอ่า”

“รีบกะผีอะไร นี่มันดึกแล้วนะคุณ ผมจะกลับคลินิกน่ะสิ”

“ไม่กลับไม่ได้เหรอครับ นอนกับผมก็ได้นี่ เตียงผมใหญ่จะตาย นอนได้สองคนสบายๆ เลยนะ”

“ผมยังไม่ได้อาบน้ำ”

“อาบห้องผมก็ได้ เสื้อผ้าก็ใส่ของผมไปก่อนก็ได้”

เตชิตชำเลืองมองสีหน้าอ้อนของเด็กหนุ่ม เขาก็ใจอ่อนน่ะแหละ ที่จริงก็ยังไม่อยากกลับสักเท่าไหร่ แต่ไอ้วินจะว่ายังไงวะเนี่ยถ้าเขาไม่กลับคืนนี้ แถมยังขับรถมันมาซะด้วยสิ

ทันตแพทย์หนุ่มลุกขึ้น หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูพร้อมกับหันไปบอกคนอ่อนวัยกว่าที่ยังนั่งอยู่บนเตียง “ขอผมถามไอ้วินก่อนนะ”

คีรีคิ้วกระตุก แต่ก็ทำได้แค่นั่งหน้ามุ่ยรออีกฝ่ายคุยโทรศัพท์เท่านั้น



เตชิตเดินออกจากห้องไปเพื่อคุยโทรศัพท์ ระหว่างที่รอให้เพื่อนรักรับสายก็พนมมือท่องนโมฯ ไปเรื่อยๆ เพื่อเตรียมใจรับคำต่อว่ากระแนะกระแหนชุดใหญ่ เขากระแอมเล็กน้อย แล้วพูดเสียงหล่อกับคนในสาย “ไอ้คุณวินครับ คืนนี้มึงจะใช้รถมั้ยวะ”

“ไม่ใช้หรอก ถึงจะใช้ก็ใช้รถพิงค์ได้ ว่าแต่ถามงี้ ตกลงมึงจะค้างกับเด็กนั่นเหรอวะ”

“เออ ถ้ามึงไม่ใช้รถก็ว่าจะค้าง”

“แหม แล้วตอนแรกบอกไม่ค้างงง~ มึงนี่มันแรดยิ่งกว่ากูอีก!”

“แรดตรงไหนวะไอ้เพื่อนเวร!”

รวินท์พ่นลมหายใจออกมาหนักๆ ใส่โทรศัพท์ “ละนี่... แน่ใจแล้วเหรอวะ”

“ทำไมต้องแน่ใจด้วยวะ!”

“อยากเป็นอมตะมากกว่ากูสินะไอ้เหี้ย”

“สัส! แค่ค้างด้วยกันเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรเหมือนมึงกับไอ้พิงค์หรอก”

“แหม รู้ดี กูกับพิงค์ทำอะไรวะ”

“อย่าให้ต้องสาธยายได้มะ แดกเด็กจนมึงจะอายุยืนเป็นหมื่นปีอยู่แล้ว”

“เออ กูก็ซึ้งใจที่มึงจะอยู่เป็นหมื่นปีไปกับกูด้วยเนี่ย”

“บอกว่านอนเฉยๆ เว้ยไอ้เวร”

“นอนเฉยๆ ให้เด็กทำสินะ”

“มึงไปแดกเด็กของมึงต่อเลยไป๊!”

“แหม เกรี้ยวกราดว่ะ” รวินท์หัวเราะ “พรุ่งนี้ตื่นมาทำงานให้ทันนะเว้ย ระวังฟ้าเหลืองด้วย”

“บอกตัวมึงเถอะ แค่นี้แหละ ฝันดีเว้ย”

“เออๆ”

เตชิตกดวางสายไปโดยที่เสียงหัวเราะของอีกฝ่ายยังดังอยู่ เขาก้มลงมองโทรศัพท์ในมือพลางอมยิ้ม จะว่าไป ตั้งแต่คีรีเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตเขา แต่ละวันก็เปลี่ยนแปลงไป เขาไม่ได้รู้สึกเหงา และไม่ต้องนอนหงอยตามลำพังเวลาที่ไอ้วินอยู่กับเด็กของมันเลย เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ

เสียงประตูห้องเปิดออก ทันตแพทย์หนุ่มจึงหันไปมองเจ้าของห้องซึ่งยืนพิงอยู่ที่บานประตู

“หมอวินว่ายังไงครับ”

“ก็ไม่ว่าไง นี่ อุ่นบัวลอยกินกันเหอะ”

“แล้ว... คุณเตชิตจะค้างมั้ย”

“อือ ค้างก็ได้”

คีรียิ้มกว้าง เขารอให้เตชิตกลับเข้ามานั่งในห้องก่อนจะเดินเข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นรื้อหาบัวลอยออกมาอุ่นในไมโครเวฟอย่างรวดเร็ว เสร็จแล้วก็รีบนำไปเสิร์ฟให้คนที่นั่งรออยู่บนโซฟา

“บัวลอยมาแล้วคร้าบ”

“ขอบใจ” เตชิตรับจานที่วางชามพลาสติกใส่บัวลอยมาถือไว้ แล้วก้มลงมอง “อันที่จริงตลาดก็ไม่ได้ไกล ทำไมต้องกินอาหารแช่แข็งด้วยเนี่ย”

คนอ่อนวัยกว่านั่งลงข้างกัน จากนั้นจึงตักบัวลอยในชามขึ้นมาเป่าเบาๆ “มันสะดวกดีอะครับ เผื่อคุณเตชิตหิวตอนดึกๆ ออกไปซื้อก็เสียเวลา”

“นี่ซื้อไว้ให้ผมโดยเฉพาะเลยรึไง”

“ครับ... ที่จริงผมอยากทำอะไรให้คุณกินเองนั่นล่ะ แต่ตอนนี้มีปัญญาทำได้แค่นี้”

“เออ ดีแล้วแหละ ผมเป็นหนูทดลองมาเยอะแล้ว นึกถึงผัดกะเพราไอ้วินแล้วยังเสียวสันหลังไม่หายเลยเนี่ย”

คีรีคิ้วกระตุก วางช้อนในมือลงอย่างหมดอารมณ์ “หึ คอยดูเหอะ ผมจะหัดทำอาหาร จะทำให้อร่อยจนคุณไปกินที่อื่นไม่ได้อีกเลย”

“ขนาดนั้นเลย” เตชิตหัวเราะ “จะคอยดูละกันนะ” พูดจบก็ตักบัวลอยใส่ปากบ้าง

สองหนุ่มนั่งกินกันไปเงียบๆ ได้อีกสักพักคีรีก็เอื้อมมือไปหยิบรีโมตขึ้นมากดๆ แล้วจอโทรทัศน์ก็สว่างขึ้น

ทว่าภาพบนจอโทรทัศน์นั้นทำให้เตชิตแทบจะพ่นบัวลอยออกจากปาก ยังไม่ทันจะอ้าปากด่าเด็กหนุ่ม เสียงครวญครางของหญิงสาวในจอก็ดังก้องไปทั้งห้อง

“ไอ้เด็กบ้า! เปิดดูอะไรของคุณวะเนี่ย!”

“คืนเร่าร้อนที่ออนเซ็นครับ เพื่อนผมบอกว่ามันส์ดี เรื่องนี้อย่างดังแล้วก็ฮิตมากในหมู่เด็กวิดวะด้วย แต่คุณเตชิตเป็นหมอฟัน ไม่น่าจะเคยดูมั้ง ผมว่านางเอกก็สวยดี หน้าอกเบ้อเริ่มเลย”

“นั่นไม่ใช่ประเด็นรึเปล่าวะ! จู่ๆ คุณจะเปิดหนังเอวีทำไมเนี่ย!”

“ก็เผื่อคุณเตชิตจะมีอารมณ์”

“อารมณ์อยากจะเตะคุณน่ะสิ!” ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับ ไม่รู้ว่าไอ้เด็กนี่จะวางกับดักอะไรไว้ให้เขาหื่นอีก ในบัวลอยนี่ ดีไม่ดีอาจจะมียาปลุกก็ได้ ไอ้เขาก็เสือกกินจนหมดชามแล้วด้วย แม่งเง้ย! เขาไม่น่าใจอ่อน หลวมตัวยอมค้างด้วยเล้ย!

“โธ่ คุณเตชิตน่ะ ยอมๆ ผมบ้างก็ได้ ผูกปิ่นโตแล้วก็เช็กปิ่นโตบ้างสิครับ”

“ผมก็ยอมค้างด้วยแล้วไง”

คีรีทำหน้าเซ็ง “ครับๆ” เด็กหนุ่มตอบพลางค่อยๆ เอนตัวพิงอีกฝ่าย แล้วซบศีรษะลงบนหัวไหล่

“ถ้าง่วงก็ไปอาบน้ำนอนซะ”

คนอ่อนวัยกว่ายกแขนขึ้นโอบกอดคนที่นั่งอยู่ข้างกัน “ไม่ง่วงหรอกครับ แค่อยากอยู่ใกล้ๆ คุณ”

“ร้อนจะตาย จะกระแซะทำไมนัก”

“งั้นไม่กระแซะก็ได้ แต่ขอขึ้นคร่อมคุณแทนนะครับ” ไม่พูดเปล่า แต่ทำท่าจะขึ้นไปคร่อมทับอีกฝ่ายด้วย

เตชิตรีบเอามือยันหน้าผากเด็กหนุ่มไว้ แล้วลุกขึ้นพรวด “ถ้าคุณยังไม่ง่วง งั้นผมขออาบน้ำก่อนนะ ขอยืมเสื้อผ้าหน่อย”

“เสื้อผ้าเหรอครับ ไม่ต้องใส่ก็ได้ ชุดนอนไม่ได้นอนไงครับ โอ๊ย! คุณเตชิตอ่า” คีรียกมือขึ้นกุมศีรษะจุดที่เพิ่งถูกเขกมาหมาดๆ “จะไปเตรียมให้เดี๋ยวนี้แหละครับ”

“แล้วคุณน่ะ ก็ใส่เสื้อผ้านอนด้วยนะเว้ย”

“โธ่ รู้ทันไปหมด แบบนี้ไม่สนุกเลย” เด็กหนุ่มพึมพำ “คนเรานี่น้า บอกว่าร้อนแล้วจะใส่เสื้อผ้าไปทำไมเนี่ย”

ทันตแพทย์หนุ่มมองตามคนที่เดินบ่นกระปอดกระแปดไปยังตู้เสื้อผ้าอย่างละเหี่ยใจ เขาอมยิ้มพลางส่ายหน้าไปมา คิดว่าตัวเองก็คงเพี้ยนเหมือนกันที่ยอมค้างที่นี่ แถมยังรู้สึกเอ็นดูเด็กผีอย่างคีรีได้ เขาเอนหลังพิงพนักโซฟาพร้อมกับยกแขนขึ้นหนุนศีรษะ มองพัดลมบนเพดานไปแบบเพลินๆ

ห้องแอร์ดีๆ มีก็เสือกไม่นอน กูนี่ก็บ้าดีเหมือนกันแฮะ

“เฮ้ย!” เตชิตสะดุ้งโหยง เมื่อจู่ๆ คนอ่อนวัยกว่าก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“คิดอะไรอยู่เหรอครับ” เด็กหนุ่มส่งชุดนอนซึ่งเป็นเสื้อยืดกับกางเกงผ้าแพรและผ้าเช็ดตัวให้ “ไม่ได้หยิบกางเกงในมาด้วยนะครับ ไม่รู้ว่าคุณเตชิตจะยืมกางเกงในผมด้วยมั้ยอะ”

“ไม่ยืมเว้ย”

“ผมก็ว่างั้น น่าเสียดายชะมัด” คีรีชี้ไปที่บานประตูที่อยู่ด้านในสุดของห้อง “นั่นห้องน้ำครับ ใช้ของในห้องน้ำได้ตามสบายนะครับ”

“ขอบใจ” เตชิตรับเสื้อผ้ามา ลุกขึ้นเดินไปยังห้องอาบน้ำที่ว่า ก่อนจะชะงัก แล้วหันกลับไปถามเจ้าของห้อง “ตั้งกล้องอะไรไว้รึเปล่าวะ”

“โห ลืมคิดไปเลย”

“อย่าเชียวนะเว้ย แล้วไม่ต้องมาแอบฟังผมอาบน้ำด้วย”

“นิดๆ หน่อยๆ ก็หวง” คีรีทำหน้าเซ็งใส่

เตชิตส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ พอเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำก็หันมองสำรวจภายในห้องน้ำก่อนอย่างระแวง

ห้องน้ำของเด็กหนุ่มถึงจะเล็กแต่ก็สะอาดสะอ้าน แถมยังแห้งสนิทเลยด้วย ฝั่งซ้ายของห้องเป็นที่ตั้งของชั้นวางของ มีอ่างล้างหน้าอยู่ใกล้ๆ กับชักโครก ฝั่งขวาเป็นฝักบัว มีม่านพลาสติกกั้น

ทันตแพทย์หนุ่มจับดูม่านพลาสติกอย่างงงๆ “ทำไมใหม่จังวะ” เขาหันมองไปภายในห้องน้ำอีกครั้ง

จะว่าไป... ห้องน้ำนี้ดูเหมือนไม่ค่อยได้ใช้งานเลยแฮะ สบู่เหลวในขวดยังไม่แหว่งเลย โฟมล้างหน้าก็ยังไม่ได้แกะพลาสติกออก ไอ้เด็กนี่อาบน้ำยังไงกันวะ

แต่เอาเถอะ เขาแปลกใจเรื่องของคีรีจนเริ่มจะชินกับความแปลกใจนี้แล้วละ


เตชิตรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว กะว่าถ้าคีรีแอบดูจริงๆ จะได้ดูได้ไม่นาน เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็รีบเดินออกจากห้องน้ำ

คีรีนอนอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่บนเตียง เขาเลิกคิ้วขึ้น “อาบไวจังครับ”

“ตาคุณแล้ว”

เด็กหนุ่มยิ้มรับ “เดี๋ยวผมจะรีบอาบเลย คุณเตชิตนอนบนเตียงรอผมไปก่อนนะ”

“เออๆ” เตชิตตอบรับไปแบบนั้นเพราะขี้เกียจจะเถียง พอเจ้าของห้องเดินเข้าห้องน้ำไป เขาจึงค่อยนั่งลงบนเตียงแล้วเอนหลังพิงหมอน ไม่นานเจ้าของห้องก็กลับออกมา พวกเขาใส่ชุดเหมือนกัน เสื้อยืดสีขาวเหมือนกันแต่กางเกงแพรคนละสี พอเด็กหนุ่มตากผ้าเช็ดตัวเสร็จก็รีบรุดไปนั่งลงบนเตียงอีกฝั่ง

“ให้ผมหรี่ไฟหน่อยมั้ยครับ”

“ปิดเลยก็ได้นะ จะได้นอนกันสักที”

คีรีเอื้อมมือไปกดปิดไฟกลางห้อง เขารอให้อีกฝ่ายนอนลงห่มผ้าห่มก่อนจึงค่อยปิดไฟที่อยู่หัวเตียง

“ราตรีสวัสดิ์ครับคุณเตชิต”

“อือ ฝันดี” ทันตแพทย์หนุ่มชำเลืองมองเงาตะคุ่มๆ ข้างๆ อย่างหวาดๆ

ทำไมยอมง่ายผิดปกติจังวะ หรือจะง่วง แต่ก็ดีเหมือนกัน...

เตชิตผ่อนลมหายใจออกยาวพลางปิดตาลง ขณะที่กำลังเคลิ้มๆ ก็รู้สึกว่าที่นอนมันสั่นๆ แบบแปลกๆ เขาลืมตาขึ้นแล้วขมวดคิ้ว

แผ่นดินไหวเหรอวะ

ทันตแพทย์หนุ่มผงกศีรษะขึ้น ยังไม่ทันได้ถามคนที่นอนข้างกันว่ารู้สึกอะไรไหม ก็ได้ยินเสียงครางชื่อเขาแว่วมาอย่างแผ่วเบา

“อา... คุณเตชิต”

ฮะ!? เจ้าของชื่อเรียกกระเด้งตัวลุกขึ้นพรวด

ไอ้เด็กเวรที่นอนข้างๆ กันกำลังสาวไหมอย่างเมามันส์เลยทีเดียว กูอยากจะบ้า!

“ไอ้เด็กบ้า! ทำอะไร... เฮ้ย!” พอเขาโวยวาย เด็กหนุ่มก็หันขวับมาหาแล้วโถมตัวเข้าใส่ เป็นผลให้ทันตแพทย์หนุ่มหงายหลังผลึง “คีรี!”

“ขอนิดเดียว...นะครับ กลิ่นคุณ...หอมจัง ผมไม่ไหว...แล้ว” คนอ่อนวัยกว่ากระซิบเสียงกระเส่า เขาซุกใบหน้าลงตรงซอกคอคนใต้ร่าง แล้วพ่นลมหายใจอุ่นๆ ใส่พร้อมกับเบียดกายเข้าหา มือข้างที่ว่างกดเคล้นไปบนเสื้อยืดที่อีกฝ่ายสวมใส่ จากแผ่นอก ค่อยๆ ลากผ่านหน้าท้อง และต่ำลงไปอีกอย่างเชื่องช้า

เตชิตขนลุกซู่ เสียงแหบแห้งของเด็กหนุ่มดังอยู่ข้างหู ลมหายใจตกกระทบบนลำคอ เป็นผลให้หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะ เขามั่นใจว่าไอ้เด็กนี่จงใจแน่ๆ และนั่นก็ทำให้ร่างกายของเขาร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“คุณเตชิต ของคุณ...แข็งแล้ว”

“แหงสิ ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนี่เว้ย!”

คีรียิ้มกว้าง “ดีจังครับ งั้น...ให้ผมรับผิดชอบนะ” เด็กหนุ่มสอดมือเข้าไปในกางเกงคนใต้ร่างอย่างรวดเร็ว กุมส่วนไวสัมผัสที่กำลังตื่นตัวน้อยๆ ไว้พร้อมกับขยับมือช้าๆ

เตชิตกัดฟันกรอด แต่แล้วก็หมดความอดทน เขาดึงคอเสื้อเด็กหนุ่มเข้าหาตัวพร้อมกับยกศีรษะขึ้นแนบจูบ ริมฝีปากของทั้งสองบดเบียดเข้าหากัน สองลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

คีรีรวบจับส่วนที่ร้อนราวกับไฟของพวกเขาไว้ด้วยกัน พร้อมกับเร่งจังหวะการขยับมือให้เร็วขึ้นอีก เสียงหอบหายใจของทั้งสองดังประสานกัน

ทันตแพทย์หนุ่มครางในลำคอเบาๆ เจ้าของฝ่ามือที่กำลังขยับอยู่นี่ช่างรู้จังหวะดีเหลือเกิน พอเด็กหนุ่มละริมฝีปากออกก็ก้มลงจูบไปตามลำคอแล้วไปหยุดซุกซบอยู่ตรงซอกคอเขา

ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดีชะมัดเลย

“คุณ... เตชิต คุณเตชิต”

เสียงเรียกชื่อเขาเป็นผลให้ร่างกายที่ร้อนผ่าวอยู่แล้วร้อนมากขึ้นไปอีก เตชิตรู้สึกราวกับว่าส่วนที่อยู่ในมือของเด็กหนุ่มกำลังจะหลอมละลาย เขาวางมือซ้อนทับมือของเด็กหนุ่มพร้อมกับเร่งให้ขยับเร็วขึ้นอีก ขณะที่ส่งเสียงครางออกมาในตอนที่อารมณ์พุ่งขึ้นสูง คนบนร่างก็ใช้มือข้างที่ว่างปิดปากเขาเอาไว้ “อื้อ!”

ครั้งแรกอาจจะบังเอิญ แต่ครั้งที่สองนี่เขาเริ่มรู้สึกตงิดๆ เตชิตขมวดคิ้วขณะที่ประสานสายตากับคนบนร่าง

คีรีก้มลงจูบหน้าผากทันตแพทย์หนุ่ม “ผม... รักคุณเตชิต... นะครับ” เขากระซิบบอกเสียงกระเส่า ใบหน้าและดวงตาของเขาฉายชัดถึงความปรารถนา เป็นผลให้คนใต้ร่างเผลอต้องมนต์คล้อยตาม เขาเร่งขยับมือปรนเปรอตัวเองกับอีกฝ่ายไปพร้อมกันอย่างรู้งาน ไม่นานพวกเขาก็ปลดปล่อยออกมาแทบจะในจังหวะเดียวกัน

ต่างคนต่างหอบหายใจหนักๆ สักพักคีรีก็ดึงมือของตัวเองกลับออกมาช้าๆ

“พอใจรึยังล่ะคุณ!” เตชิตถามเสียงขุ่น โมโหตัวเองนี่ล่ะที่คล้อยตามคนอ่อนวัยกว่ามันเสียทุกที

เด็กหนุ่มอมยิ้ม “ถ้าได้อีกสักทีสองทีก็คงจะพอสำหรับคืนนี้อะครับ” จากนั้นจึงเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดให้

“ผมว่าผมไปนอนบนโซฟาดีกว่าว่ะ”

“โห ผมพูดเล่นน้าาา~” คีรีเอนตัวลงนอนเคียงข้างกัน แล้วเอาแขนข้างขึ้นกอดทันตแพทย์หนุ่มไว้ “ขอนอนกอดเฉยๆ”

“ให้มันจริง กอดเฉยๆ นะ”

“ครับๆ” เด็กหนุ่มยกศีรษะขึ้นจูบแก้มอีกฝ่าย “ราตรีสวัสดิ์ครับ”

เตชิตขมวดคิ้ว เขานอนนิ่งอย่างหวาดๆ หากเพราะรู้สึกสบายตัว ประกอบกับความง่วง ทำให้สะลึมสะลือ ใกล้จะหลับลงไปทุกที

นัยน์ตาของเด็กหนุ่มยังคงจับจ้องใบหน้าของคนที่นอนอยู่ข้างกัน เขากระชับอ้อมแขนเล็กน้อยพลางถอนหายใจเบาๆ

“ผมรักคุณนะคุณเตชิต ให้ผมได้มีพื้นที่ในใจคุณบ้างนะครับ นิดเดียวก็ยังดี”

ช่างเป็นคำพูดที่ทั้งหวานและฟังดูน่าเห็นใจในเวลาเดียวกัน

ทันตแพทย์หนุ่มยังคงนอนนิ่ง แม้ใจจริงอยากจะบอกคนที่นอนกอดเขาอยู่เหลือเกินว่า ถ้าหากอีกฝ่ายไม่ได้มีพื้นที่ในหัวใจเขาแล้วล่ะก็ เขาคงไม่มานอนให้โดนรีดน้ำอยู่แบบนี้หรอก


กลุ้มใจฉิบหาย


*TBC*


สงสารพิหมอเขานะคะ เป็นคนซึนๆ แต่ก็ดันใจง่อน (มาจากใจอ่อน+ง่าย) ซะอีก

เอาเป็นว่าเด็กดอยสู้ๆ ละกัน ทำคะแนนไว้เยอะๆ เวลาโป๊ะแตกจะได้ไม่แซ่บมาก 5555555

สำหรับใครที่รอลุ้นให้เด็กดอยโป๊ะแตกอยู่ ก็อดใจอีกนิ้ดดดค่ะ ใกล้ละๆๆๆ ขอให้หมอเต้ตกหลุมลึกกว่านี้อีกสักนิดละกันเน้อออ อิอิอิ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า คืนนี้นอนหลับฝันดีเหมือนพิหมอเต้และเด็กดอยนะคะ  :mew1:

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 22-01-2019 22:47:25


พี่หมอเต้ใจอ่อนใจยวบกับน้องเด็กดอยไปถึงไหนถึงไหนแล้ว

น้องเด็กดอยยังอมพะนำอยู่อีก แย้มความจริงทีละนิด

เดี๋ยวพี่หมอเต้จะโกรธเอาน้าาาาา


 :z2:  :z2:  :z2:  :z2:  :z2:  :z2:  :z2:  :z2:


หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 22-01-2019 22:47:37
เด็กดอยคีรี ลูกกก ลืมแกะโฟมเหรอ ความจะแตกก็ไม่แตก เพราะ นิสัยไม่คิดมากของหมอเต้นี่ล่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-01-2019 22:49:03
 :pig4: :pig4: :pig4:

อยากรู้จังเลย  ว่าหลังจากโป๊ะแตกแล้วจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างอ่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 22-01-2019 22:49:57
และแล้วก็ใจอ่อนกับเด็กดอยจนได้ อีกหน่อยปล่อยใจมากกว่านี้แน่นอล
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 22-01-2019 22:52:36
พี่เต้ใจอ่อนกะเด็กดอยแล้ว :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 22-01-2019 23:18:25
น่าร๊าคคคทั้งพี่หมอทั้งเด็กดอย พี่หมอก็ใจอ่อนแต่ปากแข็ง อิอิ เด็กดอยก็ขยันหยอด คือดีอ่ะ..
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-01-2019 23:22:55
พี่หมอเต้ใจอ่อนกับเด็กดอยซะแล้ว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-01-2019 23:25:10
 :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 22-01-2019 23:28:11
เส้ดเด้กมันละ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 22-01-2019 23:34:29
ความโป๊ะเพราะไม่เคยเนียนนี้ หมอเต้ก็เหมือนจะตะหงิดๆ แต่ดูไม่น่าจะโกรธมาก เชื่อเถอะค่ะพี่หมอ ว่าโป๊ะแตกจานนี้อร๊อยยยยยย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 23-01-2019 00:57:52
คืนเร่าร้อนที่ออนเซ็น เรื่องโปรดน้องพิงค์นี่นา :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 23-01-2019 10:57:16
เด็กมันร้ายยยยยย  :z1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 23-01-2019 11:11:29
คีรีร้ายจริงๆ หยอดตลอด
พี่หมอก็นะ รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก หวังว่าหลังจากโป๊กแตกแล้วจะไม่ปรี๊ดมากนะคะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 23-01-2019 12:04:07
คีรีคือพอปิดไฟปุ๊บจัดปั๊บเลย อิพี่ก็ยอมง่ายเหลือเกิน ใจอ่อนมากๆ แต่คือดีกับใจเรา o18
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 23-01-2019 12:18:34
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-01-2019 14:20:09
 :z1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 23-01-2019 16:02:29
ขอบทลงโทษเด็กดอยกลังโป๊ะแตกบ้างนะคะ
เอาพอกรุบกริบๆ 5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 23-01-2019 19:41:30
แหม เถาปิ่นโตก็ไม่เอาออก ฝาปิ่นโตก็แค่แง้มๆ ตรวจเสร็จแล้วเรอะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 23-01-2019 21:00:48
ตรวจสอบแบบนี้เราชอบ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 23-01-2019 23:27:08
โอ้ยยยยยย หมดคำจะพูด ไอ้เด็กหื่นตาใสมันร้ายยยย ความเป็นอมตะของพี่หมอเต้ คงอีกไม่นาน555555555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-01-2019 14:56:47
ใจอ่อนกับเด็กจริง ๆ เลยนะคะพี่เตชิน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 24-01-2019 20:03:34
อุแหมมมม แซ่บไม่หยุดเลยคู่นี้ หมอเต้ยอมเด็กดอยมากไปแล้วนะคะ ต้องตี! :o8:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 25-01-2019 10:03:18
ใกล้แล้วๆ น้องคีรีสู้ต่อไปนะครับ เดี๋ยวคุณเตชิตก็ใจอ่อน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: ryukazeII ที่ 25-01-2019 22:54:46
ที่ปิดปากไว้นี่กลัวได้ยินชื่อคนอื่นป้ะจ๊ะหนู :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 17 : ตรวจสอบปิ่นโต [220119]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 29-01-2019 21:40:19


Chapter 18 : ความรักหนักอก


ตอนเที่ยงๆ ภายในห้องพักทันตแพทย์ หลังจากไปกินข้าวกันมาแล้ว รวินท์ เตชิตและสิงหาก็มานั่งพักรอเวลาเริ่มงานในช่วงบ่าย

สิงหาบ่นกระปอดกระแปดที่รุ่นน้องทั้งสองจะทิ้งให้เขาทำคลินิกคนเดียวในวันเสาร์ เพราะทั้งคู่จะไปดูการรับน้องขึ้นดอยกัน

ขณะที่คุยกันอยู่นั้น ภาคภูมิซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกทันตกรรมก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมยิ้มกว้าง “พูดถึงรับน้องขึ้นดอยกันอยู่พอดีเลย ผมก็เป็นศิษย์เก่านะ เสาร์นี้ก็จะไปดูเหมือนกัน กำลังจะมาชวนพวกคุณอยู่เลยเนี่ย พอดีมีคนสำคัญอยากแนะนำให้รู้จัก แล้วก็จะขอรบกวนพวกคุณให้ช่วยต้อนรับหน่อยน่ะ”

“อันนี้ผมคงต้องขอตัว เพราะผมทำคลินิกแทนสองคนนี้ คงไปด้วยไม่ได้นะครับ” สิงหาปฏิเสธก่อนเป็นคนแรก ตามมาด้วยรวินท์

“อ่า... ส่วนผมกับเต้ก็กะว่าจะไปแต่เช้ามืดเลยครับ ไปดูน้องๆ วิดวะวิ่งขึ้นดอยกัน”

“ไม่เป็นไรๆ ก็ไปดูวิดวะก่อน แล้วค่อยลงมาดูเปิดงานด้วยกันนะ”

“แต่...”

เตชิตหันไปมองเพื่อนรักอย่างเข้าใจ อีกฝ่ายคงอยากจะดูคนรักจนจบงานมากกว่า ปีสุดท้ายของไอ้เด็กพิงค์ซะด้วยสิ เขาเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนดี แต่จะปฏิเสธไม่ช่วยเหลือเจ้านายก็ลำบากใจไม่ใช่น้อย “ให้วินไปดูพวกน้องๆ วิดวะเถอะครับ เขาซี้กับพวกเด็กวิดวะ โดยเฉพาะพวกปีสี่นี่สนิทกันมาก แล้วก็เป็นปีสุดท้ายที่จะขึ้นดอยแล้วด้วย เดี๋ยวผมไปกับหมอภูมิเอง โอเคมั้ยครับ”

“โอเคๆ โทษทีนะ ผมก็ลืมไปว่าหมอวินซี้กับเด็กวิดวะซะด้วย”

“เอ๋ หมอภูมิรู้ด้วยเหรอครับ” รวินท์เลิกคิ้วขึ้น

“เข้าเฟซไปทีไรก็เห็นรูปคุณกับเด็กวิดวะเต็มไทม์ไลน์ทุกทีเลย” ภาคภูมิหัวเราะ “งั้นตกลงตามนี้ล่ะนะ ขอบใจมากนะ หมอเต้”

“ครับ ว่าแต่คนสำคัญนี่ใครเหรอครับ บอกให้ผมเตรียมใจนิดนึง”

“ท่านเป็นคุณตาของหลานผม เป็นศิษย์เก่าเหมือนกันน่ะนะ นอกจากนั้นท่านก็เป็นผู้บริหารของโรงแรมในเชียงใหม่ และก็เป็นเจ้าของโรงแรมที่เราไปประชุมกันที่เชียงรายไงล่ะ แผนกทันตกรรมของเราท่านก็บริจาคเงินกับของใช้ให้บ่อยๆ นะ แล้วครั้งนี้ท่านได้รับเชิญมาเป็นแขกวีไอพีของทางมหาลัยเพราะเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ด้วยน่ะ”

“อ่อ ครับ” เตชิตยิ้มแห้ง

วีไอพีจริงๆ ด้วยว่ะ

“ไม่ต้องห่วงนะ ท่านเป็นคนใจดี คุยง่าย แต่คุยเก่งมากกก แถมยังพลังงานล้นเหลือ ผมถึงต้องการผู้ช่วยไงล่ะ คนเดียวรับมือท่านไม่ค่อยจะไหว”

โอ้โห งานนี้ท่าจะทั้งเหนื่อยทั้งหูชา

เมื่อภาคภูมิเดินกลับออกไป รวินทร์ก็หันไปมองเพื่อนรัก ใบหน้าสลดลงเล็กน้อย ก่อนเขาจะพูดเสียงอ่อย

“ขอบใจนะเต้ มึงช่วยกูอีกแล้ว”

เตชิตยิ้มบาง “เปลี่ยนคำขอบใจเป็นอย่างอื่นได้มั้ยวะ”

สิงหาเบะปาก “พวกมึงสองคนไปจีบกันหลังเลิกงานนู่น หมั่นไส้เว้ย ไปๆ ลุกไปทำงานกันได้แล้ว” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปก่อน เขาเบื่อจะเห็นไอ้สองคนนี่สวีตกันละ เห็นมาเป็นปีแล้วเนี่ย!

แต่ทันตแพทย์รุ่นพี่ก็เปิดประตูห้องทิ้งไว้กว้างอ้าซ่าอย่างมีเลศนัย

สองหนุ่มลุกขึ้นบ้าง ก่อนเตชิตจะโอบไหล่เพื่อนรักไว้แล้วเขย่าเบาๆ “มาๆ จุ๊บทีนึง”

รวินท์หัวเราะพลางเอียงแก้มให้ “เอ้า”

“งกว่ะ แต่แค่แก้มก็ยังดีวะ” เตชิตหอมแก้มเพื่อนรักฟอดใหญ่

“ชื่นใจมะ”

“ที่สุดใน...”

ทันตแพทย์ทั้งสองชะงักกึก หุบยิ้มทันควัน เมื่อเห็นว่าตรงหน้าห้องพักมีทั้งพยาบาลและผู้ช่วยยืนยิ้มกรุ้มกริ่ม ในมือถือโทรศัพท์มือถือเรียงกันเป็นแผง

“เฮ้ย! ฉิบหายละ!”

รวินท์รีบแก้ตัวเป็นพัลวัน “เมื่อกี้ไม่มีอะไรนะครับ! ผมกับหมอเต้เล่นกันเฉยๆ!”

“ค่า~ เล่นกันน่าร้ากกก”

“กูแย่แน่ไอ้เต้!” รวินท์กระซิบ

“กูสิแย่! ถ้ารูปถึงไอ้พิงค์เมื่อไหร่ กูโดนกระทืบจมดินแน่นอน!”



เมื่อถึงเย็นวันศุกร์ ก่อนวันรับน้องขึ้นดอยประจำปี ทุกคณะในมหาวิทยาลัยวุ่นวายกับการตระเตรียมงานกัน คีรีเองก็ต้องไปร่วมซ้อมใหญ่ในการเดินขบวนมหาวิทยาลัย โดยมีเพื่อนสาวสองคนมาอยู่เป็นเพื่อนและเป็นตากล้องจำเป็นให้คณะ ส่วนเพื่อนชายสองหน่อไปช่วยรุ่นพี่ดูแลน้องปีหนึ่ง

การซ้อมรอบแรกจบไปแล้ว แต่ยังมีรอบสองอีกรอบ ในระหว่างที่หยุดพักรอเรียกซ้อมอยู่นั้น คีรีก็เดินมายืนแกร่วอยู่กับเพื่อนสาวทั้งสอง ให้พวกเธอช่วยซับเหงื่อและพัดวีให้

“ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยสิคีรี นายถือป้ายคู่เดือนมหาลัยนา จะหล่อแพ้ไม่ได้เลยนะเว้ย” เจนี่และยุ้ยแซว พอซับเหงื่อให้เพื่อนและตบแป้งให้จนหน้านวลเด้งแล้วก็หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปต่อ

คีรีหันไปแยกเขี้ยวใส่ “ทำไมต้องทาแป้งด้วยวะ นี่ซ้อมนะ พวกนายเข้าใจอะไรผิดรึเปล่าวะ”

“เอ้า ก็เดี๋ยวถ่ายรูปแล้วหน้าหมอง”

“แล้วพวกนายจะถ่ายรูปไปทำไมนัก! หยุดบ้างก็ได้เว้ย!”

“เอาไว้ขายเก็งกำไร” สองสาวหัวเราะร่วน

“ใครจะซื้อวะ!”

“ล้อเล่นน่า แต่จริงๆ เราว่าก็มีคนอยากได้เยอะแยะไปนะ อีกอย่างพี่สโมฯ ก็บอกให้ถ่ายเก็บไว้เยอะๆ ด้วย นายเป็นหน้าเป็นตาของคณะเราเชียวนะเว้ย”

ทั้งสามคนยืนคุยกันตามปกติ ทั้งที่ดูเหมือนจะทะเลาะกันเสียมากกว่า แต่กลับดูไม่ปกติในสายตาคนอื่น พวกนักศึกษาต่างคณะที่อยู่แถวนั้นต่างเข้าใจว่าหนึ่งในสองสาว ไม่คนใดก็คนหนึ่งต้องเป็นแฟนของคีรีแน่ๆ ก็หน้าตาดี โพรไฟล์ดี คงไม่เหลือความโสดไปถึงสาวๆ คนอื่นๆ ในมหาวิทยาลัยหรอก ส่วนสองสาวก็ทั้งสวยและน่ารักไปคนละแบบ

คีรีหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเป็นระยะๆ เผื่อจะมีข้อความมาจากทันตแพทย์หนุ่มบ้าง

“แหม พะวงหาทั้งวันเลยนะ นัดไว้แล้วยังล่ะวันนี้”

“อือ เราบอกหมอเต้ว่าสองทุ่มจะไปหาที่คลินิก แต่เขายังไม่ตอบอะไรกลับมาเลยว่ะ” เด็กหนุ่มตอบเสียงอ่อย “ซ้อมก็ไม่เสร็จสักที”

“โทรไปหาเขาดิ”

“เขาอาจจะขับรถอยู่”

“เอ๊า ยุคนี้เขาไม่ต้องยกมือถือขึ้นมาก็คุยได้นะ นายรู้ป่ะ”

“เราก็ไม่ได้มาจากยุคหินนะเว้ย”

“พะวงอยู่ได้ ทำหน้าด้านๆ แล้วโทรไปเลย”

คีรีขมวดคิ้ว แต่ก็เดินไปหลบหลังต้นไม้ตรงที่เสียงไม่ค่อยดังนัก แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกไป

เสียงเรียกเข้าที่ปลายสายดังอยู่หลายครั้ง ก่อนจะมีคนกดรับสาย

“คุณเตชิต!”

“เต้ขับรถอยู่น่ะ มีอะไรเหรอ”

เด็กหนุ่มชะงักค้าง ไม่นึกว่าจะเจอหมอวินเข้าอย่างจัง หัวใจเขาร่วงวูบไปอยู่ใต้ฝ่าเท้าแล้ว

“เอ้า มีอะไรก็ไม่พูด”

“เอ่อ คือผม...”

แต่แล้วเสียงคนที่ปลายสายก็เปลี่ยนไป เป็นเสียงของเจ้าของโทรศัพท์เอง “ว่าไง”

“คุณเตชิต... ไม่ตอบข้อความผมเลย”

“อ้อ โทษที วันนี้ยุ่งๆ น่ะ ผมลืมไปเลย”

ลืมเหรอ... โห เขารู้ตัวเลยว่าไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

“ส่งมาว่าไงนะ”

ทั้งที่เปิดอ่านเรียบร้อยแต่ก็ยังถามเขาอีก แปลว่าไม่ได้ใส่ใจอะไรกับข้อความของเขาเลย คิดแล้วเจ็บชะมัด

“คีรี?”

“ไม่มีอะไรสำคัญหรอกครับ ช่างมันเถอะ ขอโทษที่รบกวน” จากนั้นเด็กหนุ่มก็กดวางสายไป เขายืนจ้องโทรศัพท์ในมืออยู่ครู่ใหญ่ ในใจนึกอยากจะโกรธ อยากจะงอนอีกฝ่าย แต่มันคงไม่มีผลอะไร เพราะนอกจากหมอเต้จะไม่ง้อเขาแล้ว ยังอาจจะดีใจที่เขาไม่ไปหาเสียอีก

“คีรี คุยเสร็จยัง พี่เขาเรียกซ้อมแล้ว”

เจ้าของชื่อเรียกเงยหน้าขึ้น รีบเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกง “ไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” ก่อนจะก้าวฉับๆ ตรงไปยังกลุ่มนักศึกษาที่ยืนตั้งแถวรอกันอยู่

การซ้อมใช้เวลานานกว่าที่คิด กว่าจะเลิกซ้อมก็ปาไปหนึ่งทุ่มกว่าๆ แต่เสร็จแล้วก็ยังต้องไปรวมตัวทบทวนกำหนดการของวันพรุ่งนี้เป็นครั้งสุดท้าย จนเกือบสองทุ่มจึงได้ฤกษ์แยกย้ายกันกลับ

“หิวชะมัดเลย” เจนี่บ่นอุบ

“ยุงก็เยอะด้วย” ยุ้ยบ่นตาม

“ขอบใจที่มาอยู่เป็นเพื่อนนะ จริงๆ ไม่ต้องก็ได้” คีรีพูดเสียงอ่อยอย่างรู้สึกผิด แต่เขาก็ขอบคุณเพื่อนทั้งสองมากจริงๆ นะ ที่จริงพวกเธอจะกลับไปก่อนก็ได้ แต่จะทิ้งเขาไว้คนเดียวก็คงเป็นห่วง ถึงพวกเธอจะไม่พูดออกมาตรงๆ ก็เถอะ “เดี๋ยวเลี้ยงข้าว แล้วไอ้สองคนนั่นล่ะ”

“เห็นว่าไปส่งน้องๆ กลับหอน่ะ แล้วก็จะไปกินข้าวกับพวกพี่ปีสามปีสี่”

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ “โอเค งั้นเราไปกินกันสามคนละกัน”

พวกเขาไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารใกล้ๆ หอพักของสองสาว พอกินเสร็จพวกเธอก็ไล่คีรีให้รีบกลับ

“นายไม่ไปหาหมอเต้เหรอ สองทุ่มกว่าแล้วนะ”

“ไม่ไปละ ไปทุกศุกร์ เกรงใจเขา”

“อาทิตย์นึงได้เจอกันไม่กี่วัน ไม่ต้องเกรงใจก็ได้มั้ง”

“กับคนที่ไม่อยากเจอสักเท่าไหร่ เจอปีละครั้งยังลำบากใจเลย”

สองสาวนิ่งอึ้ง “คีรี นายดราม่าอะไรวะ งอนอะไรหมอเต้ล่ะเนี่ย”

เจ้าของชื่อถอนหายใจหนักๆ “ไม่ได้งอน แต่คิดว่าเราคงน่ารำคาญมากน่ะ”

“เขาบอกเหรอ”

“เปล่า แต่เขาไม่รับโทรศัพท์เรา ให้หมอวินรับ เมสเสจที่ส่งไป เขาเปิดดูแต่ไม่อ่าน แล้วก็ไม่สนใจจะตอบด้วย”

เจนี่และยุ้ยเข้าใจเพื่อนรักทันควัน พวกเธอหันมองหน้ากัน พยายามหาอะไรมาปลอบใจอีกฝ่าย “เฮ้ย อย่าเพิ่งคิดมาก บางทีหมอเต้เขาอาจจะงานยุ่งมากก็ได้ อีกอย่างถึงวันนี้ไม่เจอ ไว้เจอกันพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ก็ได้ไง เราว่าตอนนี้นายควรรีบกลับไปอาบน้ำนอน เอางานพรุ่งนี้ก่อน นายต้องมาแต่งตัวแต่งหน้าแต่เช้ามืดนะเว้ย เดี๋ยวไม่หล่อเด้ง”

“อือ”

“อย่าทำหน้าเศร้าแบบนี้สิวะ ไม่ชินเลย” เจนี่ตบไหล่เพื่อนหนุ่มเบาๆ “ไปๆ กลับกันเหอะ”

ทั้งสามคนแยกย้ายกันกลับ สองสาวกลับไปด้วยกัน ส่วนคีรีก็เดินกลับไปที่รถของตัวเอง พอเข้าไปนั่งแล้วก็เอนหลังพิงเบาะพลางถอนหายใจหนักๆ

จะไปหาหมอเต้ดีไหมนะ ไหนๆ ก็บอกไว้แล้ว

เด็กหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู เผื่อว่าจะมีข้อความของเตชิตตอบกลับมาบ้าง หากพอกดๆ ดูหน้าจอกลับมืดลงสนิท “อ้าว แบตหมดเหรอวะเนี่ย”

ก็อาจจะดี เพราะถ้าเปิดมาแล้วยังไม่มีข้อความจากหมอเต้ตอบกลับมาเลย เขาคงจะยิ่งโคตรเซ็ง ซึ่งเขาก็คิดว่าไม่น่าจะมีนั่นล่ะ

เอาไว้ไปหาหมอเต้เย็นวันพรุ่งนี้แทนละกัน ขอเวลาทำใจให้หายงอนก่อน คนอย่างเขาต้องมานั่งเลียแผลใจให้ตัวเอง น่าอนาถชะมัด

คีรีขับรถออกไปช้าๆ ไม่ได้ชาร์จโทรศัพท์มือถือเพราะไม่มีอารมณ์จะควานหาสายชาร์จ และคิดว่าเดี๋ยวไปชาร์จที่ห้องทีเดียวก็ได้

งานวันพรุ่งนี้น่ะ คนที่ตื่นเต้นที่สุดก็คงเป็นคุณตาของเขานี่ล่ะ ตื่นเต้นขนาดที่มาถึงเชียงใหม่ตั้งแต่เที่ยง ท่านชวนให้เขาไปพักที่โรงแรมด้วยกันเหมือนทุกที แต่เพราะเขาต้องตื่นเช้ามาก เลยเลือกที่จะกลับมานอนที่คอนโดมิเนียมดีกว่า

ขณะที่ขับรถผ่านสวนสาธารณะก่อนจะถึงที่จอดรถของคอนโดมิเนียม เขาหันไปเห็นรถคันคุ้นตาจอดอยู่ตรงทางเท้าข้างสวนสาธารณะเข้าพอดี เด็กหนุ่มเบิกตาโพลง

“เฮ้ย!”

คีรีรีบขับรถไปหาที่จอด โชคดีที่เขามีเสื้อผ้าพื้นเมืองติดไว้ในรถหลายชุดเผื่อฉุกเฉิน เขารีบเปลี่ยนเสื้อผ้า เสร็จแล้วก็หันมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงย่องลงมาจากรถ แล้ววิ่งตรงไปยังรถของทันตแพทย์หนุ่ม

เมื่อไปถึงรถก็เห็นว่าเจ้าของรถไม่ได้นั่งอยู่ในนั้น เขาหันรีหันขวาง แล้ววิ่งตัดสวนสาธารณะ ตรงไปยังหอพักที่เขาใช้หลอกอีกฝ่าย

พอเห็นเตชิตยืนอยู่ที่หน้าหอพัก เขาจึงรีบโบกไม้โบกมือร้องเรียก “คุณเตชิต!”

เจ้าของชื่อเรียกหันขวับ สีหน้าบอกบุญไม่รับ “โผล่มาจนได้นะ”

“คุณเตชิตมานานรึยัง” หัวใจของคนอ่อนวัยกว่าเต้นรัวแรง ไม่อยากจะเชื่อสายตาเลย หมอเต้มาหาเขา ยืนอยู่ตรงหน้าเนี่ย ตัวเป็นๆ ด้วย

“เพิ่งมา” คนถูกถามตอบเสียงขรึม

“เอ่อ... คุณเตชิตมีอะไรรึเปล่าครับ”

“มีอะไรงั้นเรอะ ถามมาได้นะ ก็คนที่บอกว่าจะมาหาไม่มาตามนัดน่ะสิ”

คีรีอ้าปากค้าง “ก็... ผมไม่นึกว่าคุณจะรอ”

“โทรไปหาก็โทรไม่ติด” เตชิตพูดพร้อมส่งสายตาดุๆ ใส่

เด็กหนุ่มหน้าเสีย เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาให้อีกฝ่ายดู “แบตหมดครับ ผมขอโทษ”

“แล้วไปไหนมา กินอะไรมารึยัง”

“กินแล้วครับ ผมไปกินข้าวกับเพื่อนมา” คีรีพูดเสียงอ่อย รู้สึกผิดอย่างแรง “คุณเตชิตล่ะ”

“กินมานิดหน่อยแล้ว ขืนรอคุณ ผมก็หิวตายน่ะสิ” ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจ เขาเองก็เซ็งตัวเองเหมือนกัน ที่แค่รอเด็กหนุ่มไม่ถึงชั่วโมงก็ไม่ได้ พอติดต่อไม่ได้ก็เป็นห่วงสารพัดจนต้องถ่อมาหาถึงหอพักนี่ แล้วยังมาเจอสารพัดพิรุธของอีกฝ่ายอีก

“ผมขอโทษ ขอโทษจริงๆ นะครับ”

“ช่างเหอะ ผมไม่ได้ตอบข้อความคุณ ก็ไม่ถือว่าคุณผิดนัดซะทีเดียวหรอก” เตชิตขมวดคิ้วพลางเม้มปากครุ่นคิด “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นผมกลับล่ะ”

“เดี๋ยวสิครับ” คีรีดึงทันตแพทย์หนุ่มเข้าไปสวมกอด “ผมนึกว่าคุณเตชิตไม่ได้อ่านข้อความ ผมก็เลย...”

เตชิตยืนนิ่งให้เด็กหนุ่มกอดเขาไว้ตามใจ จากนั้นก็ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ “ขอโทษที่ไม่ได้ตอบข้อความ วันนี้คนไข้เยอะมาก ตอนพักกลางวันก็รีบๆ พอเลิกงานไอ้วินก็เร่งยิกๆ จะรีบมาเชียงใหม่อีก มันนัดน้องๆ วิดวะไว้น่ะ ผมได้แค่หยิบโทรศัพท์มาขึ้นมาดูแล้วก็ขับรถออกมาเลย”

หมอเต้รู้... รู้ว่าเขางอน อุตส่าห์มาง้อด้วย

คนอ่อนวัยกว่าส่ายหน้ารัว เขากระชับอ้อมแขนแน่น “แค่คุณเตชิตมาหาผมก็ดีมากแล้ว ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ผมดีใจจะแย่แล้วเนี่ย”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มบาง ก่อนสีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิ้วทั้งสองข้างย่นเข้าหากัน “พรุ่งนี้บ่ายไปดูหนังกันมั้ย”

เป็นครั้งแรกที่เตชิตเอ่ยปากชวนก่อน คีรีผละออกอย่างงงๆ พร้อมทั้งอ้าปากค้าง “....”

“เอ้า ทำหน้าเหมือนเจอผี จะไปไม่ไป”

“ไปสิครับ! ไป!” ก่อนจะชะงักแล้วนึกขึ้นได้ หลังจากเดินถือป้ายเปิดงาน เขาต้องไปดูแลรุ่นน้องขึ้นดอย ตอนเย็นก็นัดคุณตาไปกินข้าวที่โรงแรมไว้แล้วด้วย เวรกรรมฉิบหาย! “แต่เอ่อ พรุ่งนี้... ดึกๆ เลยได้มั้ยครับ”

“อ้าว ไม่ว่างเหรอ ติดอะไรล่ะ”

“ติด...งานครับ” คนอ่อนวัยกว่าตอบเสียงอ่อย

ติดงาน หรือเพราะมีรับน้องขึ้นดอยกันแน่วะ

“งั้นไว้อาทิตย์หน้าก็ได้”

คีรีทำหน้ายุ่ง ตอนนี้อยากร้องไห้แล้ว แม่งเอ๊ย! ทำไมเขาซวยอย่างนี้วะ “แต่คุณเตชิตอุตส่าห์ชวน”

“อาทิตย์หน้าไม่เรียกว่าชวนรึไงล่ะ”

“ต้องรออีกตั้งอาทิตย์... วันอาทิตย์นี้ไม่ได้เหรอครับ”

“ผมต้องกลับลำพูนนะ”

“งั้นไม่ต้องไปดูหนังก็ได้ ผมไปลำพูนกับคุณดีกว่า แต่ขอค้างด้วยนะครับ” เด็กหนุ่มซุกใบหน้าลงตรงซอกคอคนในอ้อมแขน แล้วพูดเสียงอ้อน “นะครับ ผมคิดถึงคุณ ได้เจอกันแป๊บเดียว ยังไม่พอเลย”

เตชิตยิ้มมุมปาก ไอ้เด็กนี่อ้อนเก่งเสียจริง ช่างพูดช่างหยอด แล้วเขาก็ใจอ่อนมันเสียทุกที “ก็ตามใจ”

“คุณเตชิตน่ารักที่สุด” ไม่พูดเปล่าแต่เนียนหอมแก้มอีกฝ่ายด้วย

ทันตแพทย์หนุ่มเขกศีรษะคนอ่อนวัยกว่า “ไม่อายชาวบ้านเขาบ้างเรอะคุณ”

“ไม่อายหรอก ก็ผมรักของผมนี่”

เตชิตส่ายหน้าไปมา “ไปๆ ขึ้นห้องไปได้แล้ว เดี๋ยวผมเดินไปส่ง”

คีรีกระตุกยิ้มมุมปาก เพราะถ้าขึ้นไปบนห้อง เขาก็จะมีโอกาสได้ทำมากกว่าหอมแก้มแน่นอน และหมอเต้ก็เปิดไฟเขียวสว่างจ้าซะขนาดนี้

หากเพราะกรรมที่ทำไว้น่าจะมีเยอะแบบอินฟินิตี้ ทำให้เด็กหนุ่มนึกขึ้นมาได้ว่ากุญแจห้องทั้งของคอนโดมิเนียมและหอพักด้านหลังอยู่ในเป้ที่ในรถ เขาไม่ได้หยิบมาด้วยเพราะรีบจัด

ฉิบหาย! ทำไมกูซวยขนาดนี้วะ!

“เอ่อ...”

“มีอะไร”

“ไม่ต้องไปส่งผมหรอก ผมไปส่งคุณเตชิตที่รถดีกว่าครับ” คีรีพูดเสียงอ่อย

“หืม?” เตชิตขมวดคิ้ว เพราะปกติเด็กหนุ่มแทบจะลากเขาขึ้นห้อง แต่พอเขาเปิดโอกาสให้ ดันปฏิเสธเสียอย่างนั้น มีพิรุธอย่างแรง “ไม่อยากให้ผมขึ้นไปที่ห้องเหรอ”

“เอ่อ...” เด็กหนุ่มหน้าซีดลงเล็กน้อย

“บนห้องมีอะไร ซ่อนใครไว้รึไง”

คีรีเบิกตากว้าง “เฮ้ย เปล่านะครับ! คุณเตชิตอย่าเพิ่งเข้าใจผิด คือ... คือ... วันนี้ผมไม่นอนห้อง” เขามั่วตอบออกไป

“จะไปนอนไหน”

“ไปค้างกับเพื่อนครับ”

“แล้วคุณกลับมาที่นี่ทำไม”

คีรีอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรดี จนตรอกมากถึงมากที่สุด แต่ก็ยังพยายามแถต่อ “คือ... จะกลับมาเอาของครับ แต่ลืมกุญแจห้องไว้ที่เพื่อน”

“โทรศัพท์แบตหมด กุญแจห้องก็ไม่มี นี่คุณไปทำอะไรมากันแน่เนี่ย” เตชิตพูดเสียงดุ

“ผม...”

“ให้ผมขับรถพาไปเอากุญแจที่เพื่อนมั้ย”

เด็กหนุ่มทำหน้าเลิ่กลั่ก เวลานี้วางแผน คิดคำตอบอะไรไม่ทันแล้ว “ไม่! ไม่ต้องหรอกครับ!”

“แล้วคุณจะไปยังไง ไปๆ มาๆ ไม่เสียเวลาเหรอ นี่มันดึกแล้วนะ”

“คือ...” คนอ่อนวัยกว่าขมวดคิ้วมุ่น “ผมคงไม่เอาของแล้ว เดี๋ยวไปห้องเพื่อนแล้วจะนอนเลยน่ะครับ”

“งั้นห้องเพื่อนอยู่ไหน เดี๋ยวผมไปส่ง”

คีรีส่ายหน้ารัว “ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมไปเองดีกว่า ดึกแล้ว คุณเตชิตจะได้พักผ่อน”

ทันตแพทย์หนุ่มรู้สึกหงุดหงิดอย่างแรง ท่าทางที่เหมือนมีอะไรปิดบังอยู่ของเด็กหนุ่ม เห็นแล้วก็ยิ่งอารมณ์เสีย “คุณปิดบังอะไรผมอยู่กันแน่ จะไปค้างกับเพื่อนจริงรึเปล่าวะ”

คนอ่อนวัยกว่าหน้าเสีย เขารีบคว้าแขนของเตชิตไว้ “เพื่อนจริงๆ นะครับ ผมไม่ได้ปิดบังอะไร ไม่มีอะไรเลยจริงๆ ครับ ผมแค่ไม่อยากรบกวนคุณ”

เตชิตประสานสายตากับเด็กหนุ่ม ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ “ช่างเถอะ ที่จริงคุณจะทำอะไรมันก็เรื่องของคุณนั่นละ ผมกลับก็ได้”

“คุณเตชิตอย่าพูดแบบนี้สิครับ”

เจ้าของชื่อดึงแขนตนเองออกจากการเกาะกุม แล้วสาวเท้าตรงไปยังรถที่จอดทิ้งไว้ ส่วนอีกฝ่ายก็เดินก้มหน้าตามมาทางด้านหลัง พอมาถึงรถเขาก็ก้าวขึ้นไปนั่งโดยไม่หันกลับไปทางเด็กหนุ่ม แต่พอจะปิดประตูรถ อีกฝ่ายก็จับประตูไว้

“ผมขอโทษครับ”

น้ำเสียงเศร้าของเด็กหนุ่มทำให้เตชิตต้องเงยหน้าขึ้นมอง 

“ที่จริงผมอยากจะชวนคุณค้างด้วยกันด้วยซ้ำ แต่พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้ามากเพราะผมมีงานแต่เช้า คืนนี้ก็เลยต้องไปค้างกับเพื่อนน่ะครับ”

“อืม”

“วันอาทิตย์ผมจะไปหาคุณแต่เช้าเลย”

“ผมต้องทำงานนะคุณ”

“ให้ผมเฝ้าอยู่หน้าคลินิกทั้งวันก็ยังได้” เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปจับมือคนที่นั่งอยู่ด้านหลังพวงมาลัยรถ จากนั้นก็โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ แล้วจูบตรงมุมปากอย่างแผ่วเบา “อย่าโกรธผมเลยนะ”

ไอ้เด็กนี่อ้อนเก่งชะมัด! เตชิตถอนหายใจยืดยาว

“ขอจูบราตรีสวัสดิ์หน่อยได้มั้ยครับ” คีรีไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ เขาแนบจูบริมฝีปากตรงหน้าทันที ทว่าสัมผัสกันเพียงแค่ภายนอกเท่านั้น “ราตรีสวัสดิ์ครับคุณเตชิต”

ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้า เขาไม่ได้พูดอะไร พออีกฝ่ายถอยออกไปก็ปิดประตูรถ แล้วขับรถออกไปอย่างเซ็งๆ

ขณะที่ขับรถไปก็ชำเลืองมองเด็กหนุ่มซึ่งยังคงยืนนิ่งมองมาที่รถ เขาบ่นกับตัวเองเบาๆ

“มึงจะหงุดหงิดอะไรนักวะ ไอ้เต้ ไอ้บ้า!”

เตชิตถอนหายใจเฮือกใหญ่



ย้อนเวลากลับไปเมื่อตอนที่ทันตแพทย์หนุ่มขับรถเข้ามาจอดที่ตรงสวนสาธารณะแห่งนี้ เขาเดินไปยังหอพักของเด็กหนุ่ม ที่ข้างในตึกไม่ได้มีคนเฝ้าจึงขึ้นไปข้างบนได้ง่ายๆ พอไปถึงห้องของคนอ่อนวัยกว่าก็เคาะประตูเรียก ยืนรออยู่สักพักใหญ่บานประตูก็ไม่มีทีท่าว่าจะเปิดออก เขาจึงคิดว่าจะลงไปนั่งรอที่รถดีกว่า ทว่าก่อนจะลงมาก็เดินสวนกับคนที่พักในหอพักชั้นเดียวกับเด็กหนุ่ม

เตชิตสบตากับหญิงวัยกลางคนที่กำลังเปิดประตูห้องพักออก เขารีบรุดเดินเข้าไปหา “ขอโทษนะครับ พอจะรู้จักคนที่พักห้องในสุดนั่นมั้ยครับ”

“ที่เป็นนักศึกษาหน้าตาหล่อๆ ใช่มั้ย”

นักศึกษา?

ทันตแพทย์หนุ่มเลิกคิ้วขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเปิดรูปแล้วส่งให้เธอดู “คนนี้น่ะครับ”

“ใช่ๆ คนนี้แหละ น้าไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวหรอกนะ ไม่เคยคุยกัน แต่เคยเห็นมาที่ห้องกับเพื่อนสองสามครั้งน่ะนะ”

“หือ มาสองสามครั้ง? เขาไม่ได้กลับห้องทุกคืนเหรอครับ”

“ไม่นะ ถ้าน้องเขามาก็ต้องเดินผ่านห้องน้านะ อย่างน้อยก็ต้องได้ยินเสียงอะไรบ้าง ห้องนี้ปกติดูเหมือนว่าจะปิดไว้เฉยๆ คงเอาไว้เก็บของมากกว่าน่ะ เห็นมาแต่ละครั้งก็หอบข้าวของมาทิ้งไว้ที่ห้องเยอะมาก”

“แล้วทำไมคุณน้าถึงรู้ว่าเขาเป็นนักศึกษาล่ะครับ”

“ก็เคยเห็นใส่ชุดนักศึกษามากับเพื่อนๆ น่ะสิ”

“อ่อ ขอบคุณมากนะครับ”

เตชิตเดินลงไปยืนอยู่ที่ข้างหน้าตึก ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะที่สายตาทอดมองออกไปยังต้นไม้เล็กใหญ่ภายในสวนสาธารณะ

ดูเหมือนว่าเรื่องที่เขากับไอ้วินสงสัยจะเป็นเรื่องจริงแน่แล้ว มาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่อาจรู้ได้ว่าเด็กหนุ่มปิดบังตัวตนกับเขาไปเพื่ออะไร แต่ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้กันวะ ทำไมถึงบอกเขาไม่ได้ว่าเป็นนักศึกษา ทำไมต้องโกหกว่าเป็นชาวเขา

แล้วอย่างนี้คำบอกรักที่อีกฝ่ายพร่ำบอกนั่นล่ะ เขาจะเชื่อถือได้ขนาดไหนกัน



ท้องฟ้าในยามค่ำคืนมืดมิด แต่สองฝั่งถนนที่ทันตแพทย์หนุ่มขับรถผ่านเปิดไฟไว้สว่างไสว เวลานี้จำนวนรถบนท้องถนนบางตาลงไปมากแล้ว

สีหน้าของเตชิตเคร่งขรึม ใจเป็นกังวล ครุ่นคิดอยู่แต่เรื่องของเด็กหนุ่มไปตลอดทาง



*TBC*


กรีสสส เห็นแววคนใกล้โป๊ะแตกแล้วใช่มั้ยค้า ขอความกรุณา ช่วยกันกด 99 เป็นกำลังใจให้เด็กดอยด้วยยย 55555

ตอนหน้ารู้กัน บอกแค่สั้นๆ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากๆ ค่า คืนนี้นอนหลับฝันดีนะค้า~  :katai3:



หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 29-01-2019 21:52:06
ความจริงเริ่มเปิดเผยแล้วววววว  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 29-01-2019 21:55:36
ไม่รีบสารภาพบาป ให้หมอเต้ต่อติดเรื่องเอง มีแนวโน้มอกหักแน่นอนคีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-01-2019 22:03:07
:pig4: :pig4: :pig4:


โป๊ะแตก  ใกล้จะถูกเสริฟแล้ว   อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 29-01-2019 22:05:35
 :serius2: :serius2: :serius2:
โป๊ะแล้วววววววววววว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 29-01-2019 22:06:57
ขอบคุณที่มาส่งเข้านอน ว่าแต่เด็กดอยนี่อ้อนเก่งสุดๆ เลยน้าาา
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-01-2019 22:10:51
ใจจดจ่อถึงแต่ตอนหน้าอ่ะบอกเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-01-2019 22:13:41
เดี๋ยวจะโปะแตกจานใหญ่กว่านี้อีก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 29-01-2019 22:28:21
99

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 29-01-2019 22:39:02
นั่นไงล่ะ ความจริงที่บอกไม่หมดกำลังแสดงผลละ
โป๊ะแบบจังๆ ตอนขึ้นดอยแน่นอน พร้อมภาพหอมแก้มหมอวิน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 29-01-2019 22:39:52
คีรีรีบบอกความจริงก่อนก็ดีนะ หมอเต้รู้ทีหลังเป็นเรื่องยาวแน่
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 29-01-2019 22:46:03
อึดอัดจัง เหมือนสองคนนี้ต่างคนต่างคิด มันเข้ากันได้จริงเหรอกับคนที่ดูไม่จริงใจต่อกันทั้งสองฝ่าย อินๆๆๆๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-01-2019 22:47:27
 :z1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-01-2019 23:06:51
จะโป๊ะแตกของจริงแล้ว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: chancha ที่ 29-01-2019 23:36:45
99 ขอให้รอดปลอดภัยนะคีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 29-01-2019 23:38:27
เอาจริงๆ คีรี มีโอกาสบอกความจริงเยอะมากแล้วนะ
แล้วพี่หมอเต้ก็ดูพร้อมรับฟังและเข้าใจสุดๆ
แต่ถ้าให้รู้ความจริงเอง คงมีโกรธบ้างแล้วหล่ะทีนี้
ตอนนี้พี่เต้เริ่มไม่มั่นใจคำว่ารักของคีรีละด้วย
จะสมน้ำหน้าดีมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 29-01-2019 23:38:59
99 ฮ่าๆ
ยังไงหมอเต้ก็อย่าโกรธน้องคีรีเลยนะครับ ที่ทำไปทั้งหมด ก็เพราะรักนี่แหละ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 29-01-2019 23:56:47
ฉันสัมผัสได้ว่างานกำลังจะเข้าเด็กดอยเร็วๆนี้ R.I.P. ล่วงหน้าเลยจ้า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-01-2019 07:09:09
ใกล้จะแดงละวุ้ยยยย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 30-01-2019 08:02:53
คำโกหกกำลัง

ย้อนมาค้ำคอเด็กดอย

ทำไมแกไม่สารภาพความจริงหืมมมม

รอให้หมอเต้รู้ความจริงเองเขาไม่โกรธเรื่อง

ที่ปิดบังเขาหรอกแต่เขาจะเข้าใจผิด

ว่านายกลัวเขาจะหลอกเอาเงินนาย

นายไม่ใว้ใจเขาเลยปิดบังเขาอ่ะดิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 30-01-2019 09:59:58
99 ขอให้อยู่รอดปลอดภัยนะคีรี และขอให้ง้อหมอเต้ให้ได้ตอนรู้ความจริง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 30-01-2019 20:30:38
ชอบความถึงเขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอกของหมอเต้  :o8:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 30-01-2019 23:33:33
99 เด็กดอยโป๊ะแตกไวๆนะ สาธุ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 31-01-2019 07:49:55
เครียดดดดดด
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 31-01-2019 12:22:57
99 เจ้าเด็กดอยเอ้ยย โป๊ะแตกไม่เหลือซากแน่  :hao7:  :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 31-01-2019 13:18:18
คีรีจะถึงฆาตแล้ว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 31-01-2019 15:13:40
แงงง ความลับจะแตกแล้ววว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 31-01-2019 16:06:10
ขออีกตอนเลยเถ้อออ ช่วงแรกสงสารเด็กดอยนะ เพราะเด็กด้วยแหละ ก็ต้องมีน้อยใจบ้าง แต่ตอนพาทหลังสงสารเข้าไปอีก โป็ะจนไม่รู้จะโปาะไงละลูกเอ้ยยยยยย หมอเต้แพ้ทางน้องมาก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 05-02-2019 19:04:50
 :katai4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 05-02-2019 23:56:01
เอาแหล่วหลาวววววว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 06-02-2019 07:41:35
ถึงจะโป๊ะแตกแต่ก็ดูหมอเต้ไม่น่าจะโกรธมากนะ แต่คงอารมณ์น้อยใจตามปนะสาแหล่ะ ส่วนคีรีโอ๋ๆนะลูกนะ พรุ่งนี้งานขึ้นดอย โป๊ะแตกหมดหม้อแน่ๆเลยลูก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 06-02-2019 13:28:36
มาลุ้นกันว่าตอนหน้าคีรีจะโป๊ะแตกไหม อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 18 : ความรักหนักอก[290119]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 06-02-2019 15:22:34


Chapter 19 : โป๊ะแตก


เช้ามืดของวันเสาร์ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ออกไปตั้งแถวที่คณะเตรียมพร้อมวิ่งขึ้นดอยกันแล้ว รวินท์และเตชิตก็อยู่ที่นั่นด้วย พวกเขาจะรอดูภูพิงค์ ขิง ซัน ดิว ทำกิจกรรมร่วมกันกับเพื่อนร่วมรุ่นและรุ่นพี่รุ่นน้อง จากนั้นก็จะมีรุ่นน้องปีสามของภูพิงค์มาช่วยขี่บิ๊กไบค์พาทั้งสองขึ้นไปรอที่โค้งขุณกัณฑ์

ตึ๋งซึ่งเป็นลูกชายของพี่นิ้ง พี่ผู้ช่วยทันตแพทย์ก็อยู่ในแถวของนักศึกษาปีหนึ่งด้วย ตั้งแต่เปิดเทอมมาเด็กหนุ่มก็วุ่นอยู่แต่ในคณะเพื่อทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ ก็เลยไม่ค่อยได้โผล่หน้ามาที่คลินิกบ่อยสักเท่าไหร่ แต่ก่อนจะมามหาวิทยาลัยเขาก็แวะไปขอให้เตชิตและรวินท์เคาะกะโหลกอวยพรให้ที่คลินิกเรียบร้อย

อากาศในยามที่ดวงอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้าเย็นสบายกำลังดี ท้องฟ้ามืดมิด ทว่าภายในมหาวิทยาลัยเปิดไฟไว้สว่างไสว เสียงบูมคณะดังกระหึ่ม เป็นผลให้ทันตแพทย์ทั้งสองที่ยืนมองอยู่ห่างๆ ขนลุกซู่

“สุดยอด!” เตชิตพึมพำ “เวลาแบบนี้ไอ้น้องพิงค์ก็เท่กับเขาเหมือนกันนะ”

“เขาก็เท่ตลอดแหละเว้ย”

เตชิตชำเลืองมองเพื่อนรักด้วยหางตาพลางเบ้ปาก “แรดจริงเพื่อนกู”

“กูแรดตรงไหนวะ!” รวินท์ยกขาถีบคนที่ยืนข้างกัน “เดี๋ยวตอนเขาตั้งแถวบูมเรียกพลังที่โค้งขุณกัณฑ์นะมึง โห เสียงรุ่นพี่รุ่นน้องดังกระหึ่มไปทั่ว แล้วกอดคอกันวิ่งขึ้นไป สุดยอดมากๆ กูอยากให้มึงได้เห็นสักครั้ง”

“ไม่รู้จะทันได้เห็นมั้ยเลย ก็ต้องลงมาช่วยหมอภูมิไง มึงถ่ายคลิปไว้ให้ดูด้วยละกัน”

รวินท์ถอนหายใจ “หมอภูมิจะต้องมาขอร้องอะไรวันนี้ก็ไม่รู้แม่ง แต่ก็ขอบใจมึงมากนะเว้ย”

“ขอจุ๊บอีกทีได้มั้ยอะ”

“สัส!”

เตชิตหัวเราะร่วน แต่ว่าตอนนี้ อยู่ท่ามกลางดงตีนเด็กวิศวะแบบนี้น่ะ ต่อให้ไอ้วินให้จูบปาก เขาก็ไม่กล้าหรอกโว้ย

ขณะที่ยืนคุยกันไป ภูพิงค์ก็เดินเข้ามาทางที่ทันตแพทย์หนุ่มทั้งสองคนยืนอยู่

“พี่วิน”

เจ้าของชื่อเรียกหันขวับ “อ้าว มีอะไร...” เขาชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเด็กหนุ่มดึงผ้าคาดที่พาดอยู่บนลำคอออกมาแล้วสวมให้

“จอง”

“ฮะ?” รวินท์ก้มลงมองผ้าคาดสีแดงมีตัวหนังสือ SOTUS เขียนไว้ “พิงค์ไม่ต้องใช้เหรอ”

“ก็ใช้อยู่นี่ไง” คนอ่อนวัยกว่าโน้มใบหน้าเข้าไปหอมแก้มทันตแพทย์หนุ่มเบาๆ “เดี๋ยวจะออกวิ่งละนะ รอดูผมนะครับ”

รวินท์อมยิ้ม “เออ อยู่แล้ว”

“พี่ซ้อนท้ายไอ้หมีดีๆ ด้วยล่ะ จับแน่นๆ นะ ผมบอกมันแล้วว่าห้ามขับเร็ว แต่พี่ก็ย้ำมันด้วยล่ะ ผมไปล่ะนะ” ภูพิงค์พูดเสียงอ่อนเสียงหวาน ทว่าพอหันไปทางเตชิตก็ทำหน้าตึงใส่แล้วพูดเสียงเข้ม “ไปแล้วเว้ยพี่”

“เออ ไปดีมาดี แหม ไอ้สองมาตรฐาน” เตชิตเบ้ปาก “แรดทั้งคู่  แดกกันไปยับขนาดนี้แล้วยังต้องจองอีก”

รวินท์หันไปเตะตูดเพื่อนรักเบาๆ “ไอ้เหี้ย อย่าอิจฉาเว้ย อยากให้พิงค์มาหอมมาอ้อนมึงมั่งรึไง”

เตชิตแยกเขี้ยวใส่ “ยี้! ขนลุกสัส! ฆ่ากูเหอะ!”

เมื่อนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ทยอยกันวิ่งออกจากมหาวิทยาลัยไป สองหนุ่มก็ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ที่รุ่นน้องของภูพิงค์เป็นคนขับให้ตามไปห่างๆ ไม่นานก็นำหน้าขึ้นไปรออยู่ที่โค้งขุนกัณฑ์

เตชิตอยู่เป็นเพื่อนรวินท์จนใกล้เวลาเปิดงาน ก่อนจะกลับลงมายังมหาวิทยาลัยตามที่นัดกับภาคภูมิไว้ เสียดายอยู่เหมือนกันที่ไม่ได้เห็นน้องๆ วิ่งขึ้นโค้งสุดท้าย เพราะบรรยากาศที่ตรงนั้นกำลังครึกครื้นเลย พวกรุ่นพี่ที่จบไปแล้วมารอกันแน่นขนัด เห็นแล้วก็รู้สึกว่าน่าทึ่งอย่างที่เพื่อนรักเคยเล่าให้ฟังจริงๆ

กว่าทันตแพทย์หนุ่มจะมาถึงมหาวิทยาลัย ดวงอาทิตย์ก็โผล่พ้นขอบฟ้าแล้ว ระหว่างที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งอยู่นั้นภาคภูมิก็โทรมาตามอยู่หลายครั้ง เขาจึงรีบรุดไปหาอีกฝ่ายตามนัด

ภาคภูมินั่งอยู่ข้างชายสูงวัยในชุดผ้าไหมไทยท่าทางใจดีคนหนึ่ง เก้าอี้อีกฝั่งของชายสูงวัยเว้นว่างไว้ เตชิตเดาได้เลยว่านั่นคงจะเป็นที่นั่งของเขา

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจ พอเดินเข้าไปใกล้ก็ยกมือไหว้ “สวัสดีครับหมอภูมิ”

ภาคภูมิลุกขึ้นยิ้มร่า “คุณไกรฤกษ์ครับ นี่หมอเตชิต ทันตแพทย์ที่โรงพยาบาลที่ผมดูแลอยู่น่ะครับ” แล้วหันไปแนะนำเตชิต “นี่คุณไกรฤกษ์ที่ผมเล่าให้ฟังยังไงล่ะ”

ต่อให้ไม่ได้บอกมาก่อนเขาก็รู้ได้ว่าคนคนนี้เป็นคนสำคัญมากพอตัว ก็ถึงขนาดมีที่นั่งคลุมผ้าอย่างหรูให้นั่งร่วมกับประธานของงานพร้อมที่นั่งให้ผู้ติดตามอีกต่างหาก ขนาดหมอภูมิยังต้องมาดูแลด้วยตัวเองเลย เตชิตยกมือไหว้ชายสูงวัยอย่างนอบน้อม “สวัสดีครับคุณไกรฤกษ์”

“สวัสดีคุณเตชิต ขอบใจนะที่อุตส่าห์สละเวลามาอยู่เป็นเพื่อนคนแก่อย่างฉันเนี่ย มาๆ นั่งๆ”

เตชิตเดินเข้าไปนั่งลงข้างชายสูงวัยตามที่อีกฝ่ายเชิญชวน “เรียกผมเต้ก็ได้ครับ”

“โอเคๆ ดีเลย เรียกคุณเต้แบบนี้ค่อยดูวัยรุ่นหน่อย” ไกรฤกษ์ยิ้มกว้าง พลางขยับไปหาทันตแพทย์หนุ่ม “โอ้โห ทันตแพทย์ของคุณภูมิหล่อเหมือนหลานฉันเลยนะเนี่ย”

“ที่จริงยังมีอีกคนนะครับคุณไกรฤกษ์ หล่อเหมือนกัน หล่อแบบแพ็กคู่ เป็นไอดอลของโรงพยาบาลเราเลยครับ”

“ดีๆ โรงพยาบาลจะได้สดชื่นหน่อยนะ”

“เอาไว้คุณไกรฤกษ์ว่างแล้วแวะมาที่โรงพยาบาลบ้างนะครับ ผมจะได้พาไอดอลของโรงพยาบาลมาโชว์ตัว”

“ได้ๆ แล้วฉันจะพาหลานฉันไปโชว์ตัวบ้าง ดูซิว่าจะสู้ไอดอลของคุณภูมิไหวมั้ย” ชายสูงวัยพูดกลั้วหัวเราะ

เตชิตอมยิ้มขณะที่ฟังทั้งสองพูดคุยกัน ตอนแรกเขาก็กังวลอยู่ว่ามานั่งกับพวกผู้ใหญ่คงจะอึดอัด แต่ดูแล้วคุณไกรฤกษ์น่าจะเป็นคนสบายๆ ไม่ถือตัวเลยแม้แต่น้อย ท่าทางใจดีมากด้วย

แต่ว่า... สำเนียงของคุณไกรฤกษ์น่ะ มันคุ้นๆ ยังไงอยู่นะ ไม่เหมือนคนพื้นเมืองพูดภาษากลางเสียทีเดียว มันฟังดูแปร่งๆ จะว่าไปก็คล้ายๆ...

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว คล้ายคีรีงั้นเหรอวะ?

ภาคภูมิชะโงกหน้าเข้ามาคุยกับทันตแพทย์หนุ่ม “นี่ หมอเต้ คุณไกรฤกษ์เป็นผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาอาชีพชาวเขาในเชียงรายด้วยนะ ถ้าอยากได้ผ้าทอสวยๆ ไปฝากที่บ้านก็ติดต่อคุณไกรฤกษ์ได้เลย”

“สำหรับหมอๆ นี่ฉันจะคิดราคาแพงเป็นพิเศษเลยนะ” ผู้ถูกกล่าวถึงพูดอย่างอารมณ์ดี

เตชิตหัวเราะแหะๆ ตามน้ำไปด้วย “โอ้โห ผมเกรงใจแย่ คิดราคาปกติก็พอเถอะครับ”

ใบหน้าของชายสูงวัยมีรอยยิ้มประดับอยู่ตลอดเวลา เขาชะเง้อคอมองไปรอบๆ อยู่บ่อยๆ ก่อนจะหันไปทางทันตแพทย์หนุ่ม  “นี่คุณเต้ เดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จักหลานฉันนะ วันนี้เขาแต่งตัวหล่อมาก ได้เดินถือป้ายนำขบวนเปิดงานเลยนา”

“ครับ”

“หลานฉันน่ะ เขาเรียนบริหารปีสองแล้ว เรียนเก่งมากด้วย คะแนนติดระดับท็อปของคณะเชียวนะ เขาตั้งใจจะเข้าเรียนที่นี่ตามรอยฉันกับภรรยา น่ารักใช่มั้ยล่ะ เขาเป็นหลานที่ฉันภูมิใจที่สุด”

“ครับ” โอ้โห อะไรจะเห่อหลานขนาดน้าน เตชิตหัวเราะอยู่ในใจ ก่อนจะหยุดคิด ‘บริหารปีสอง’ งั้นเรอะ? ก็รุ่นเดียวกับพวกเด็กที่บุกไปจีบไอ้วินที่คณะวิศวะ แล้วก็... อาจจะคีรีด้วยน่ะสิ จะว่าไปหน้าตาอย่างคีรี ก็น่าจะมาร่วมในขบวนเปิดงานได้อยู่นะ

“คุณภูมิเห็นหลานฉันรึยังฮึ เมื่อไหร่เขาจะเริ่มงานกันสักที” ไกรฤกษ์หันซ้ายหันขวา แล้วก็โบกมือเรียกชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานที่ดูน่าจะเป็นแขกคนสำคัญในงานนี้เช่นกัน “สวัสดีคุณนที”

เจ้าของชื่อเรียกปราดเข้ามาทักทายแทบจะในทันที “สวัสดีครับคุณไกรฤกษ์ แหม ผมกำลังมองหาท่านอยู่เลย ท่านจะรับเครื่องดื่มอะไรเพิ่มมั้ยครับ”

“ก็ดีนะ ให้ใครเอามาเผื่อคุณภูมิกับคุณเต้ด้วยได้มั้ย อากาศเริ่มจะร้อนแล้วน่ะ”

“ได้ครับท่าน” นทีหันไปสั่งนักศึกษาที่มาช่วยงานอย่างรวดเร็ว

“นี่ คุณนทีเห็นหลานฉันรึยัง”

“เพิ่งเจอกันเมื่อกี้ครับ เขาตั้งขบวนกันพร้อมแล้ว”

“หล่อใช่มั้ย”

“โห เดือนมหาลัยยังแพ้เลยครับ”

“เขาตั้งขบวนกันที่ไหน”

“ตรงนู้นน่ะครับ เดินออกไปทางขวานิดเดียวก็เห็นป้ายแล้วครับ” นทีชี้บอก

“อ้อๆ ตรงที่คนยืนออกันนั่นใช่มั้ย งานยังไม่เริ่มนี่นะ งั้นฉันไปดูหลานหน่อยดีกว่า”

ภาคภูมิรีบทำมือห้าม “ท่านนั่งรอเถอะครับ ปล่อยเด็กๆ เขาวุ่นวายกันไปดีกว่า”

“แล้วเมื่อไหร่งานจะเริ่มล่ะ”

“อีกสักพักครับท่าน” นทียิ้มแห้ง “เดี๋ยวเดินขบวนกันเสร็จผมจะรีบพานคินทร์มาหาคุณไกรฤกษ์นะครับ”

“ฉันก็อยากจะไปดูหลานฉันเตรียมเดินขบวนบ้างไรบ้าง” ไกรฤกษ์หันไปทางเตชิตแล้วพึมพำ “ใครๆ ก็เห็นว่าฉันแก่แล้วเกะกะทั้งนั้น”

“โธ่ คุณไกรฤกษ์ ไม่ใช่นะคร้าบ” ทั้งนทีและภาคภูมิปฏิเสธกันใหญ่ “ผมกลัวว่าท่านจะเหนื่อย อากาศก็เริ่มจะร้อน แล้วเด็กๆ ก็เสียงดัง เดินไปเดินมาวุ่นวายน่ะครับ”

เตชิตเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมหมอภูมิถึงลากเขามาด้วย ขนาดสองคนยังรับมือไม่ไหวเลยเนี่ย เขาหัวเราะอยู่ในใจ

“ฉันไปกับคุณเต้ก็ได้ เราวัยรุ่นเหมือนกัน”

อ้าว งานเข้าเฉยเลยกู

“เดินไปดูแป๊บเดียวแล้วจะรีบกลับมานั่งที่เลย ไม่ทันเกะกะใครหรอก ไปกันนะ คุณเต้”

อย่างกับเขาจะปฏิเสธได้ เตชิตพยักหน้าหงึกๆ “ครับ”

เตชิตลุกขึ้นยืนรอ ให้คนสูงวัยเดินนำไปก่อน แล้วเดินตามหลังไปติดๆ

“นี่ คุณเต้อย่าชักช้าสิ”

“อ่า ผมอยู่ข้างหลังท่านครับ”

“มาเดินกับฉันสิ ให้ฉันเดินคนเดียวเหงาแย่”

“ครับ” ทันตแพทย์หนุ่มรีบสาวเท้าไปเดินข้างกัน เขาชำเลืองมองชายสูงวัยซึ่งใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอ่อนโยน ดูท่าจะมีความสุขเอามากๆ ที่ได้มาดูหลานในงานขึ้นดอยนี่ “คุณไกรฤกษ์เดินช้าๆ หน่อยดีกว่าครับ อากาศร้อนแล้ว เดี๋ยวท่านจะเหนื่อยมาก”

“ขอบใจที่เป็นห่วงนะ” ชายสูงวัยลดฝีเท้าลงพลางหอบเบาๆ “ฉันตื่นเต้นน่ะ หลานฉันเข้าร่วมกิจกรรมของมหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรก ปีที่แล้วเขาโดดนะ เขาคิดว่าฉันไม่รู้ ไอ้ฉันก็ไม่อยากจะต่อว่าหรือไปบังคับอะไรเขา ของแบบนี้มันอยู่ที่ใจ”

โห นอกจากจะเห่อหลานมากแล้วก็ยังตามใจหลานโคตรๆ เตชิตนินทาอยู่ในใจ แต่ปากพูดออกไปอย่างนอบน้อม “ท่านจะเกาะแขนผมก็ได้นะครับ”

“ขอบใจนะ คุณเต้นี่ใจดีจริงๆ” ไกรฤกษ์ไม่รอช้า รีบเกาะแขนทันตแพทย์หนุ่มไว้ทันที “คุณเต้มาทำงานกับคุณภูมินานรึยัง”

“ปีกว่าแล้วล่ะครับ ผมเป็นทันตแพทย์ใช้ทุนน่ะครับ”

“ดีแล้ว วัยรุ่นยังมีไฟ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไว้เยอะๆ นะ งานหนักมั้ยล่ะ”

“ก็พอสมควรครับ แต่ก็สนุกดี อยู่ที่นี่ได้ทั้งประสบการณ์การทำงาน แล้วก็ประสบการณ์ชีวิตด้วยครับ”

คนสูงวัยยิ้มกว้างพร้อมพยักหน้าหงึกๆ “คุณเต้นี่น่ารักจริงๆ อนาคตของชาติต้องแบบนี้ละ นี่ เดี๋ยวรู้จักกับหลานฉันเอาไว้นะ เผื่อจะได้ช่วยฉันสอนหลานฉันบ้าง”

“โอย ผมไม่กล้าหรอกครับ” เตชิตหัวเราะ

“ฉันน่ะ อยากจะเข้มงวดกับเขา แต่ก็แพ้ลูกอ้อนเขาทุกที เพราะพอเห็นหน้าเขาก็ทำให้คิดถึงภรรยาที่เสียไป แค่เขาทำหน้าเศร้า ฉันก็โกรธไม่ลงแล้ว ตามใจไปซะทุกอย่าง” ไกรฤกษ์ถอนหายใจยาว “ดีที่เขาเป็นเด็กดี ฉันก็พยายามสอนเขาอยู่น่ะนะ ก็อยากให้เขาเป็นกำลังสำคัญของที่นี่ในอนาคต”

ช่างเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิดน่านับถือจริงๆ แฮะ

แต่เอ๊ะ!? คุณตาที่เห่อหลาน คุณยายที่เสียไปแล้ว กับหลานที่เติบโตขึ้นมากับคุณตาคุณยาย คิดไปคิดมามันก็ชักจะยังไงๆ อยู่นะ พล็อตแบบนี้เขาคุ้นสัสๆ!

คุ้นเกินไปแล้วโว้ย!

“อะ นั่นไง หลานฉัน” ชายสูงวัยยิ้มกว้าง พร้อมกับโบกมือเรียก “คีรี! อุ้ยมาหาแล้วลูก”

“คีรี?” เตชิตหันขวับ ก่อนสายตาจะไปสบประสานกับเจ้าของชื่อซึ่งอยู่ในชุดพื้นเมืองล้านนา สีเขียวแมลงทับของเสื้อตัวในและเสื้อคลุมสีเลือดหมูปักลวดลายสีทองขับผิวขาวของเด็กหนุ่ม บนศีรษะโพกผ้าสีโทนเดียวกับเสื้อคลุม ใบหน้าที่เขาคุ้นเคยดีวันนี้หล่อเหลากว่าในยามปกติหลายเท่า อีกฝ่ายยืนอยู่กับเด็กหนุ่มอีกคนที่แต่งตัวคล้ายกัน กับเหล่านักศึกษาชายหญิงในชุดพื้นเมืองอีกกลุ่มใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นก็โดดเด่นมากกว่าใครๆ

จู่ๆ หัวใจของเขาก็เต้นผิดจังหวะไปจากเดิม

ไม่จริงน่ะ



“ป้ออุ้ย คุณ...” คีรีเบิกตากว้าง เขายืนนิ่งเป็นเสาหินขณะที่คุณตากับทันตแพทย์หนุ่มเดินตรงเข้ามาหา เพราะไม่รู้ว่าจะแก้สถานการณ์อย่างไรดี จะแถไปทางไหนก็แถไม่ออกแล้วตอนนี้

คุณตาตรงเข้าไปจับมือหลานชาย “ไหว้คุณหมอสิลูก นี่คุณเต้ เป็นหมอของคุณภูมิ”

คีรีไม่กล้าสบสายตากับทันตแพทย์หนุ่มตรงๆ แต่ก็ยกมือไหว้ตามที่คุณตาบอก “สวัสดีครับ”

“คุณเต้ นี่คีรีหลานฉัน”

เตชิตอ้ำอึ้งในตอนแรก ยังพยายามหลอกตัวเองอยู่ว่าบางทีคนตรงหน้านี่อาจจะแค่คล้ายๆ กับเด็กหนุ่มที่เขารู้จักก็เป็นได้ ก่อนจะยกมือรับไหว้ “สวัสดี”

“คุณเต้อายุเท่าไหร่รึ”

ทันตแพทย์หนุ่มอ้ำอึ้ง ก่อนจะตอบ “ยี่สิบห้าครับ”

“หลานฉันยี่สิบ อายุไม่ห่างกันมาก ดีๆ กากี่นั้ง รู้จักกันไว้นะ” ไกรฤกษ์พูดอย่างอารมณ์ดี “รอบๆ ตัวหลานฉันไม่มีผู้ใหญ่ที่อายุใกล้ๆ เขาสักคนเลยน่ะ คุณเต้อยู่ใกล้ชิดคุณภูมิ ต่อไปคงมีโอกาสได้เจอคีรีบ่อยๆ ฉันฝากหลานไว้ด้วยสักคนนะ”

เตชิตยิ้มแห้ง แต่ก็พยักหน้าหงึกๆ ไปตามเรื่อง

“วันนี้หลานตาหล่อจริงๆ หล่อเหมือนตาสมัยหนุ่มๆ ไม่มีผิด” ชายสูงวัยหันไปทางเตชิตแล้วส่งโทรศัพท์มือถือให้ “คุณเต้ถ่ายรูปให้ฉันหน่อยนะ ฉันอยากถ่ายคู่กับหลาน”

“ครับ” ทันตแพทย์หนุ่มรับโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปให้อย่างมึนๆ เขายังคงเลี่ยงที่จะประสานสายตากับคนอ่อนวัยกว่า

“คุณเต้ถ่ายรูปกับหลานฉันมั้ย” คุณตาถามอย่างอารมณ์ดี

“เอ่อ ไม่...”

“ถ่ายสิ! หลานฉันหล่อขนาดนี้ จะไม่ถ่ายได้ยังไง! มาๆ ฉันถ่ายให้”

เตชิตยิ้มเจื่อนๆ พลางเดินไปยืนข้างๆ เด็กหนุ่ม

“ยืนชิดๆ กันหน่อยสิ ไม่ต้องเขินกันหรอก”

คีรีชำเลืองมองคนข้างๆ ก่อนจะขยับเข้าไปจนชิด เขายิ้มให้คุณตาถ่ายรูป พอคุณตาถ่ายเสร็จและก้มลงมองรูปบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ลุงภูมิก็เดินตามเข้ามาสมทบพอดี เขาจึงใช้โอกาสนั้นคว้ามือทันตแพทย์หนุ่มไว้

มือที่เย็นเฉียบนั่นเป็นผลให้เตชิตหันขวับไปมอง ที่ตรงข้อมือข้างนั้นสวมสร้อยข้อมือที่เขาเป็นคนใส่ให้ เขาชะงักค้างไปชั่วครู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับเด็กหนุ่ม

แววตาของคนอ่อนวัยกว่าสั่นไหว “คุณเตชิต ผม... ขอโทษนะครับ”

คนคนนี้คือคีรีจริงๆ

เตชิตกระตุกมือกลับ พลางเบือนหน้าหนี

ทั้งที่พอจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเด็กหนุ่มเป็นใครและไม่ใช่ชาวเขาอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก แต่พอตกอยู่ในสถานการณ์ที่จู่ๆ ความจริงก็ถาโถมเข้ามาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว หัวใจก็ยังรู้สึกเจ็บแบบแปลกๆ

“คุณเตชิต” คีรีจับมือของทันตแพทย์หนุ่มไว้อีกครั้ง “ฟังผมนิด...”

เจ้าของชื่อกลืนน้ำลายฝืดลงคอพลางกระตุกมือออก “ปล่อย! ผมไม่รู้จักคนอย่างคุณ!” ทว่าคนอ่อนวัยกว่าก็ยังจับไว้แน่น

“คุณเต...”

“อ้าว พี่เต้!”

เสียงเรียกคุ้นเคยดังขึ้นจากคนที่สาวเท้าฉับๆ ตรงเข้ามาหา เตชิตจึงรีบสะบัดมือให้หลุดออกมาจากการเกาะกุม และพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “แซนดี้”

“พี่เต้มาทำอะไรแถวนี้เนี่ย ผมนึกว่าพี่ไปดูพวกไอ้พิงค์ซะอีก”

“ไปมาแล้ว แต่ผมลงมาก่อน แล้วคุณมาทำอะไรแถวนี้”

“ผมมาดูแลชุดให้น้องๆ” แซนดี้หันไปหาเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปจัดชุดให้ “ร้อนเหรอคะ น้องคีรีทำหน้าแปลกๆ”

“นิดหน่อยครับ”

“อดทนนิดนึงน้า เดี๋ยวงานก็จะเริ่มแล้วค่ะ”

เตชิตหันไปสบสายตากับเด็กหนุ่มอีกครั้ง ขณะเดียวกันคุณตาของอีกฝ่ายก็เดินเข้ามาหา

“คุณตาครับ นี่พี่แซนดี้ที่ผมเล่าให้ฟัง”

ชายสูงวัยยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางยกมือขึ้นตบไหล่เจ้าของชื่อเบาๆ “คนนี้น่ะเอง ท่าทางคล่องมากจริงๆ ด้วยสิ”

แซนดี้ยกมือไหว้ “สวัสดีครับ”

“เอางี้ วันนี้ไปกินมื้อเย็นกันที่โรงแรมดีกว่า จะได้คุยกันสบายๆ” ไกรฤกษ์พูดขึ้นพร้อมกับหันไปทางเตชิตด้วย “คุณเต้ก็มาด้วยกันนะ”

“เอ่อ คือ...”

“ไปด้วยกันนะพี่เต้” แซนดี้เอื้อมมือไปสะกิด แล้วขยับเข้าไปกระซิบ “ผมอยากไปอ่า พี่ไปกับผมหน่อยนะ”

“คือผมไม่...”

ภาคภูมิขยับเข้ามากระซิบ “มาเถอะหมอเต้ ผมจะได้มีคนช่วยเม้า”

“มาเถอะนะคุณเต้ ฉันอยากเลี้ยงมื้อเย็นตอบแทนที่คุณอุตส่าห์มานั่งเป็นเพื่อนกัน จะได้สนิทกับคีรีเอาไว้ด้วยยังไงล่ะ”

เตชิตถอนหายใจ เขาชำเลืองมองไปทางเด็กหนุ่ม คิดว่าเวลานี้ไม่ควรจะหักหาญน้ำใจอีกฝ่ายนัก เพราะงานสำคัญกำลังจะเริ่ม ถึงอย่างไรเด็กหนุ่มก็ยังมีงานใหญ่ต้องรับผิดชอบ จึงตอบตกลงไปก่อน “ก็ได้ครับ”

“เอาล่ะ ผมว่าปล่อยเด็กๆ เตรียมตัวกันดีกว่า พวกเรากลับไปที่นั่งกันเถอะนะครับ” ภาคภูมิเอ่ยกับชายสูงวัย

ไกรฤกษ์พยักหน้า เขาเอื้อมมือไปแตะแก้มหลานรักแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน “อุ้ยท่าผ่ออยู่นะลูก” (ตารอดูอยู่นะลูก)

คีรียิ้มบาง “ครับ” เขาพยักหน้า ก่อนจะหันไปทางทันตแพทย์หนุ่ม “แล้วพบกันนะครับ คุณเตชิต”

“อืม” เจ้าของชื่อตอบรับไปโดยที่ไม่ได้มองหน้าเด็กหนุ่ม เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังยืนงงอยู่กลางสี่แยกที่ไฟแดงเสีย จากนั้นก็เดินตามภาคภูมิและไกรฤกษ์กลับไปยังที่นั่งที่ทางมหาวิทยาลัยจัดไว้ให้


*TBC*


โถถังกะละมังไห เด็กดอยโป๊ะแตก อร่อยเลย /เชิญทุกคนตักข้าวมาล้อมวงเลยจร้า~

ขอโทษที่ลงช้าไปวันนุงนะคะ แบบว่ามะวานตรุษจีนอ่า ฮัสกี้ไม่อยากให้คนอ่านเสียฤกษ์เสียยามวันดีย์ๆ 55555

แต่อันที่จริงพิหมอก็ไม่มีอะไรหรอกค่า ไม่มีมาม่าแจกนะคะ หมดงบแย้ว ตอนหน้ามาดูกันว่าเด็กดอยจะทำยังไงต่อไปค่ะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า ตอนที่แล้วได้แต้มบุญ99มามากมาย ฮัสกี้ส่งต่อให้เด็กดอยแย้ว ขอบคุณมากนะคะ 55555


หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 06-02-2019 16:00:21
กากี่นั้งนะคะพี่หมออออ สาธุบุญ99 ค่ะ อ้อนเยอะๆนะคีรีพี่หมอเต้แพ้ทางง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 06-02-2019 16:02:13
คีรีสู้ๆ คีรีสู้ๆ
 :ped149: :ped149:
เสร็จจากงานนี้แล้ว หมอเต้จัดการเลยนะ เราอนุญาต อิอิอิ
 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 06-02-2019 16:07:18
คุกเข่าขอโทษแบบจริงใจ

เอาหัวโขกพื้นขออภัยแบบจาิงจัง

สารภาพผิดแบบไม่ปิดบัง

แค่นั้นหมอเต้ก็ให้อภัยแล้ว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 06-02-2019 16:13:47
ชุดใหญ่ไฟกระพริบบบ :a5:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-02-2019 16:14:47
 o18
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 06-02-2019 16:32:30
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 06-02-2019 16:43:19
โป๊ะแตกแบบไม่เหลือพื้นที่ให้แถเลย เตรียมตัวง้อหมอเต้เลยนะเด็กดอย :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 06-02-2019 17:43:52
พี่หมอเต้อย่ายอมใจอ่อนง่ายๆนะ อยากเห็นเด็กดอยหงอยคงจะน่าหยิกพิลึก 5555+
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 06-02-2019 18:40:38
……


สมกับชื่อตอนจริงจริ้ง....  โป๊ะแตก. 

คีรีเอ้ยยยย. ยอมรับผิดซะดีดี.   

เขาว่าคนสารภาพผิด พี่เต้จะลดโทษให้กึ่งนึงนะ


 :katai1:  :katai1:  :katai1:  :katai1:  :katai1:  :katai1:  :katai1:


……
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 06-02-2019 19:12:03
 :pig4: :really2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 06-02-2019 19:19:39
เอาหัวไถๆ อ้อนๆ พี่เต้ เหมือนแมวน้อยหิวนม เดี๋ยวพี่เต้ก็ใจอ่อนแล้ว  พี่เค้าพอรู้อยู่แล้วหล่ะ แค่ต้องมีฟอร์มแกล้งทำโกรธซะหน่อย พอให้เด็กดอยไม่เหลิง กรั่กๆๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 06-02-2019 19:39:12
ค้าง!!!!!    :katai4:
อดใจรอตอนต่อไปไม่ไหวเลยง่ะ!   :ling1:
มาต่อเร็วๆนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-02-2019 20:04:47
โป๊ะแตกจริง ๆ งานนี้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: chancha ที่ 06-02-2019 20:53:18
โป๊ะแตก ก็อร่อยนะคะ ระหว่างนี้หมอเต้ก็ค่อยๆคิด แล้วก็ให้อภัยน้องน้า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 06-02-2019 20:59:03
มาโกหกกันทำไมหะ คีรี มันต้องโดน :oo1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 06-02-2019 21:14:07
เอาแล้วไง ป่ออุ้ยถ้ารู้ว่าเค้าสนิทกันไปขนาดไหนแล้วจะช็อคไหมเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 06-02-2019 21:20:15
งานเข้าแล้วคีรี
แอบชอบเวลาพี่เต้กับพี่วินคุยหยอกกัน มันฮา  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 06-02-2019 21:26:27
ไม่รู้จะเห็นใจหรือสมน้ำหน้าดีอ่า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 06-02-2019 22:01:19
 :a5:
มัดมือชกแล้วหลอกให้อยู่ด้วยนานๆ....แล้วค่อยง้อดิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-02-2019 22:03:14
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทำไมไม่ซื้อหวยนะ

ทายถูกด้วยว่าโป๊ะแตกเสริฟตอนวันงานประเพณีวิ่งขึ้นเขา  อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-02-2019 23:01:14
โป๊ะแตกหมอใหญ่ๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: away3g ที่ 07-02-2019 00:29:47
 :haun4: :haun4:ชอบมากครับ สนุกสุดๆ มาต่อไวๆนะครับ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 07-02-2019 00:48:14
คีรี ลูกอ้อนมีเท่าไร ใช้เต็มที่นะลูก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-02-2019 01:34:51
 :mew5:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 07-02-2019 02:26:20
สงสารน้อง //อย่าร้องนะน้องคีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 07-02-2019 02:39:12
RIPเด็กดอย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-02-2019 07:08:32
งานเข้าาาาาาา :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 07-02-2019 09:18:28
พี่เต้ต้องโกรธนะ
อย่าใจอ่อนกะเด็กดอยง่ายๆ
ไม่อยากบอกความจริงดีนัก
แต่พี่เต้ จะทนลูกอ้อนเด็กดอยไหวมั้ยน้า
อ้อนเก่งงงงงงงง  :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 07-02-2019 09:50:05
หมอเต้คะ ถ้าหายงงแล้ว กรณุณาเล่นตัวสักนิดนะคะ
เล่นนิดเดียวพอ เพราะดูท่าแล้ว หมอวินจะจัดเต็มแทนแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 07-02-2019 12:11:22
หวังว่าหมอจะฟังเหตุผลน้า  :hao5:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 07-02-2019 15:33:41
ไหนๆก็โป๊ะแตกแล้วเคลียร์์์์ให้ชัดเจนไปเลยนะคีรี สู้ๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-02-2019 17:02:50
โป๊ะแตกของจริง ทีนี้ก็บอกหมอเต้ไปให้หมดเลย ไม่ต้องปิดบังอะไรแล้ว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 07-02-2019 20:45:56
 :a5:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 07-02-2019 22:58:16
โป๊ะแตกหม้อเบ้อเร่อ ทีนี้จะง้อยังไงนี่ คีรีนะคีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 09-02-2019 21:50:11
งานนี้มีคุยกันยาวแน่
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 10-02-2019 03:34:13
อยากอ่านตอนต่อไปแล้ววว มาทุกวันเลยได้มั้ยค้าาา ปล จุดพลุฉลองโป๊ะแตก นีคือฉลองให้เด็กดอยนะคะ จะได้จีบถนัดๆซะที ไม่ต้องปิดบังกันละ ปล่ำพี่เต้แบบสบายใจ  :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 10-02-2019 13:17:42
หมอเต้ต้องจัดไม้ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 10-02-2019 17:54:22
เด็กดอยต้องส่งสัญญาณ SOS ถึงแก้งค์พี่พิงค์ให้มาช่วยด่วนๆเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 10-02-2019 19:56:53
แตกแบบละเอียดเลย สงสารคีรี งานช้างเข้าแล้ว :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 10-02-2019 20:07:50
โป๊ะแตกแบบ grand opening สุดๆ เลือดหัวไม่ออกไม่รู้จิว่าไงแล้น
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 10-02-2019 23:41:52
ถ้าบอกความจริงไปก่อนหน้านี้ หมอเต้คงไม่โกรธเท่าไรหรอก เพราะก็พอจะสงสัยความแปลกหลายๆ อย่าง ในตัวคีรีอยู่แล้ว แต่ถึงจะโป๊ะแตกยังไง ก็ยังคิดว่าพี่เต้แพ้ทางคีรีอยู่มาก ไม่น่าจะโกรธนาน ก็เด็กมันขี้อ้อนขนาดนี้อ่ะนะ :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 19 : โป๊ะแตก [060219]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 12-02-2019 17:52:11


Chapter 20 : ความรักของเพื่อน part 1/2


บนถนนคอนกรีตที่ชันและคดเคี้ยว สองข้างทางมีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น อากาศร้อน แต่บรรยากาศตลอดเส้นทางจากมหาวิทยาลัยไปยังพระธาตุดอยสุเทพครื้นเครง คลาคล่ำไปด้วยนักศึกษาทั้งที่ยังเรียนอยู่และจบไปแล้ว มีเสียงรุ่นพี่ให้กำลังใจน้องๆ ปีหนึ่งดังแว่วมาเป็นระยะ

เด็กหนุ่มซึ่งตามมาสมทบเพื่อนๆ รุ่นพี่และรุ่นน้องหลังจากเดินขบวนเปิดงานเสร็จเดินก้มหน้านิ่งๆ ตั้งแต่ตอนที่พบกับเตชิต สติสตังก็เหมือนจะหลุดลอยไป เขาไม่นึกเลยว่าความจริงจะถูกเปิดเผยออกมาในสถานการณ์แบบนี้ เร็วเสียจนเกินกว่าจะตั้งตัวทัน

ดูจากสีหน้าของหมอเต้แล้ว ก็คงทั้งงงและตกใจระคนกัน อีกฝ่ายถึงกับเอ่ยปากว่าไม่รู้จักคนอย่างเขา ก็คงจะโกรธมากพอตัวเลยทีเดียว 

จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปเลย เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นก็ยังไม่ได้ปรึกษาใคร

คีรียกมือขึ้นกุมอก ซึ่งภายในเจ็บเสียจนหายใจได้ลำบาก การที่ได้ใกล้ชิดและหลงรักใครสักคนอยู่ข้างเดียวทำให้หัวใจเจ็บปวดได้ถึงขนาดนี้ เขาเข้าใจความรู้สึกของมินนี่แล้ว


“พี่คีรีคะ”


เสียงเรียกดึงเจ้าของชื่อให้ตื่นจากภวังค์ เมื่อหันไปมองก็สบตากับรุ่นน้องปีหนึ่งหลายๆ คนที่เดินอยู่ใกล้ๆ กัน

“ดีจังได้เดินขึ้นดอยพร้อมพี่คีรีด้วย”

“ใช่ๆ นึกว่าพี่จะไม่มาเดินกับพวกเราซะแล้ว”

“ทำไมล่ะ” เด็กหนุ่มรุ่นพี่ถามกลับไป

“ก็ได้ยินว่าปีที่แล้วพี่ไม่ได้มาค่ะ แล้วปีนี้พี่ก็ไปเดินขบวนมหาลัยด้วย” คนตอบยิ้มกว้าง “วันนี้พี่คีรีหล่อสุดๆ ไปเลยน้า”

“ขอบใจ”

“เดี๋ยวถึงโค้งวัดใจแล้วพี่คีรีมาวิ่งพร้อมกับพวกเรานะคะ”

เด็กหนุ่มรุ่นพี่ยิ้มบาง “โอเค” เขาเงยหน้าขึ้นมองไปข้างหน้า ยุ้ยกับเจนี่เดินจูงมือรุ่นน้อง พวกเธอเหงื่อไหลโซมกาย ทว่าก็ยังยิ้มได้ พอมองผ่านรุ่นน้องปีหนึ่งไปอีกฝั่งก็เห็นฟลุคกับปิ๊กเดินคุยกับรุ่นน้องอยู่เช่นกัน ไม่รู้ว่าไอ้พวกนี้เอาพลังมาจากไหนนัก เดินมากันตั้งแต่มหาวิทยาลัยแท้ๆ ทั้งที่ตอนที่พวกเขาไปซ้อมวิ่งกัน วิ่งนิดเดียวก็เหนื่อยหอบ แถมยังบ่นกันไปตลอดทาง

เมื่อหันมองไปเบื้องหลัง เพื่อนพ้องและน้องๆ เดินรวมกันมาเป็นกลุ่มใหญ่ แต่ละคนหอบแฮก เหงื่อออกจนเสื้อเปียกชุ่ม ทว่าทุกคนก็มีแววตาที่มุ่งมั่น ใบหน้าฉาบไว้ด้วยรอยยิ้ม

สองขาก้าวต่อไปเรื่อยๆ สักพักก็มองเห็นจุดชมวิวของดอยสุเทพอยู่ไม่ไกลออกไป ที่นั่นเป็นที่ที่เขาเคยมาด้วยกันกับทันตแพทย์หนุ่ม เขามองย้อนกลับไปทางด้านหลังอีกครั้ง บนถนนเส้นนี้ อีกฝ่ายเคยวิ่งตามเขาลงมา ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องปรับความเข้าใจกับเขาก็ได้

คีรียกข้อมือขึ้นมองดูสร้อยข้อมือที่เขาใส่ติดตัวไว้อยู่ตลอด

หมอเต้ไม่จำเป็นต้องให้เขา แม้จะทำท่ารำคาญ แต่ก็ยอมให้เขาเข้าไปใกล้ชิดได้ หลายครั้งที่หมอเต้ดุเขา แต่ก็มีหลายครั้งที่ใจดีกับเขามากเช่นกัน

ช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นความทรงจำที่ดีมากเหลือเกิน บางครั้งก็ทำให้หัวใจเต็มตื้น บางครั้งก็ทำให้พองโตเต้นแรง และบางครั้งก็ทำให้เจ็บปวด มาถึงตอนนี้ตัวเขาก็มั่นใจว่าหลงรักอีกฝ่ายสุดใจ มากเกินกว่าจะปล่อยมือไปได้



ที่โค้งขุนกัณฑ์ เสียงบูมคณะดังก้องเพื่อเรียกกำลังใจในโค้งสุดท้าย พวกรุ่นพี่รุ่นน้องตั้งแถว กอดคอกันขณะที่วิ่งขึ้นโค้งสูงชัน พอผ่านไปได้แขนขาก็เหมือนจะหมดแรง บางคนทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น บางคนก็ค้อมตัวหอบหนักๆ ทว่าทุกคนก็ยังหัวเราะกันได้

คีรีถอยไปยืนรวมกับเพื่อนๆ ในกลุ่มในระหว่างที่ยืนมองพวกรุ่นน้องกอดคอกันขึ้นบันไดนาคไปทีละแถว

จะว่าไปก็ดีเหมือนกันที่ได้มาเดินขึ้นดอยแบบนี้ เขาจะได้มีเวลาสะสมความกล้าไปเผชิญหน้ากับหมอเต้ เผชิญหน้ากับความจริง เพราะถึงอย่างไรก็ย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว

เขากับหมอเต้ ไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว


“คีรี”


เจ้าของชื่อหันไปทางเสียงเรียก เขายังไม่ทันพูดอะไร เพื่อนสาวทั้งสองคนก็ขยับเข้ามาประกบ พร้อมกับส่งกระดาษทิชชูให้

“คีรี นายน้ำตาไหลอยู่นะ รู้ตัวรึเปล่า”

เด็กหนุ่มชะงักพร้อมกับยกมือขึ้นสัมผัสแก้มที่เปียกชื้นของตัวเอง ก่อนจะลดมือลงมองดูอย่างงงๆ

“มีอะไรเหรอ”

“ไม่...มี” เสียงของเขาแหบพร่า นัยน์ตาพร่ามัวไปด้วยม่านน้ำตา

เจนี่หันไปสะกิดเรียกเพื่อนอีกสองคน “ปิ๊ก ฟลุค มานี่ก่อน” แล้วพวกเขาก็พาคีรีเดินไปหาที่หลบพูดคุยกัน

คีรีทรุดตัวลงนั่งชันเข่าบนพื้น หลังพิงกำแพงโดยมีเพื่อนๆ นั่งลงด้วยกัน เขาซบใบหน้าลงบนหัวเข่าตัวเอง พอรู้ตัวว่าร้องไห้ น้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมาไม่หยุด

ปิ๊กวางมือลงบนหัวไหล่ที่สั่นเล็กน้อยแล้วบีบเบาๆ “เกิดอะไรขึ้นวะ”

“หมอเต้... เขารู้แล้ว”

“เฮ้ย รู้ได้ยังไง!”

“กูเจอหมอเต้ ก่อนเดินขบวนเปิดงาน เขามากับคุณตากู”

ทั้งสี่หันมองหน้ากัน “แล้ว...เขาว่าไง”

คีรีเงยหน้าพร้อมยกแขนขึ้นปาดน้ำตา จากนั้นก็ส่ายหน้าไปมา “เขาแทบไม่ได้พูดอะไรเลย บอกแค่ว่าไม่รู้จักกู แต่กูรู้...ว่าเขาโกรธกูมาก”

ฟลุคกับปิ๊กขยับเข้าไปสวมกอด “ใจเย็นก่อนเว้ย ความจริงก็คือความจริง ยังไงหมอเต้ก็ต้องรู้อยู่วันยังค่ำนะมึง”

“ยังไม่ได้ทำใจไว้เลยว่ะ” เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “กูรักเขา รักมาก... ยังไม่พร้อมจะเสียเขาไป”

“คีรี” พอเห็นน้ำตาของเพื่อน ยุ้ยกับเจนี่ก็พาลจะร้องไห้ตาม เพราะปกติเพื่อนของพวกเธอเป็นคนเข้มแข็ง ตั้งแต่รู้จักกันมาก็ไม่เคยเห็นจะสะทกสะท้านเรื่องไหน หน้าด้านหน้าทนจะตายชัก แต่ตอนนี้เขากำลังร้องไห้ต่อหน้าพวกเธอ “รีบไปหาหมอเต้เถอะ ไปอธิบายทุกอย่างให้เขาฟังนะ อย่างน้อยเขาจะได้รู้เหตุผลของนายไง”

คีรีหลุบตาลงต่ำ นิ่งอึ้งไปสักพักก่อนจะพูดขึ้น “ถ้าเขาไม่ยอมฟัง ถ้าเขาไม่ให้เข้าใกล้อีกล่ะ เขารู้ความจริงแล้วนะ เราไม่ใช่เด็กชาวเขาซื่อๆ อายุสิบแปดที่เขาเอ็นดูอีกแล้ว”

“นี่มึงโกหกอายุไปด้วยเหรอวะ! มึงนึกว่าหมอเขาชอบแดกเด็กเรอะ!” ฟลุคโพล่งออกมาอย่างลืมตัว

“นั่นไม่ใช่ประเด็นมั้ยมึง!” ปิ๊กไม่ดุเปล่า แต่ยกขาเตะคนพูดไปด้วย ก่อนจะหันไปทางคีรีแล้วยกมือขึ้นตบไหล่อีกฝ่ายเพื่อเรียกสติ “เฮ้ย มึงอย่าเพิ่งป๊อดดิวะ รักเขา ก็ต้องสู้ทุกวิถีทางดิ๊! ถ้ามึงถอยตอนนี้ ก็มีแต่จะเสียเขาไปนะเว้ย! เพราะงั้นมึงถอยไม่ได้!”

ฟลุคพยักหน้าหงึกๆ “ถูกของไอ้ปิ๊กนะ ยังไงตอนนี้มึงก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ดับเครื่องชนแม่งเลย! มึงต้องสู้ มาถึงขนาดนี้แล้วมึงต้องทำให้หมอเต้เข้าใจมึง ให้เขาเห็นความพยายาม ความตั้งใจและความรักของมึงให้ได้!”

“พวกเราจะช่วยนายอีกแรงนะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่นายทุ่มเทไปจะต้องไม่สูญเปล่า ไปเถอะ ไปหาหมอเต้ด้วยกัน ไปกันทั้งหมดนี่ล่ะ ถ้าหมอเต้ไม่ฟัง พวกเราจะช่วยรุมอธิบาย จะพูดจนกว่าเขาจะเข้าใจเลย”

นั่นสินะ ทุกคนพูดถูก ในเมื่อเขายกให้หมอเต้ไปทั้งใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องสู้ต่อ ถ้าถอยก็มีแต่จะทำให้อีกฝ่ายหลุดมือไปเท่านั้น

คีรีพอยิ้มออกมาได้เล็กน้อย “ขอบใจที่เตือนสติเรา เฮ้ย!” ก่อนจะถูกสองสาวฉุดให้ลุกขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว

ยุ้ยและเจนี่ฮึดสู้ยิ่งกว่าเพื่อนของพวกเธอไปอีก “ไปเว้ย! ขึ้นรถแดงกัน!” จากนั้นสองสาวก็เดินไปหยุดยืนอยู่ตรงทางเท้าริมถนน สองมือเท้าสะเอวพร้อมกับชะโงกหน้าออกไปมอง

“รถแด๊งงง! ทีพอจะใช้งานทำไมเกิดขาดตอนขึ้นมาวะเนี่ย!” ยุ้ยตะโกนเสียงดังอย่างเกรี้ยวกราด ตามด้วยเจนี่

“รถแดงโว้ยยย!”

ขณะเดียวกันก็มีรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์วิ่งผ่านมาพอดี ทว่าจู่ๆ ก็หยุดกึกตรงหน้าสองสาว แล้วคนที่นั่งซ้อนข้างหลังมาก็ถอดหมวกกันน็อกออกพร้อมกับแจกรอยยิ้มการค้าซึ่งเป็นยี่ห้อเฉพาะตัวของเขา

“หวัดดีครับสาวๆ”

“ว้าย! หมอวิน!” ยุ้ยและเจนี่ร้องลั่นด้วยเสียงสองแล้วยกมือขึ้นทาบอก ความเกรี้ยวกราดเมื่อครู่มลายหายไปสิ้น

“มาขึ้นดอยกับเขาเหมือนกันเหรอ มาไกลขนาดนี้จะหลงทางกลับคณะไม่ถูกอีกรึเปล่าเนี่ย” ก่อนทันตแพทย์หนุ่มจะชะงักเมื่อมองผ่านสองสาวไปทางด้านหลัง แล้วประสานสายตากับเด็กหนุ่มหน้าตาคุ้นเคยเข้าอย่างจัง “เฮ้ย! คุณมาทำอะไรที่นี่วะ!” และที่ข้างๆ กันก็เป็นสองหนุ่มที่เขาเคยพบหน้ามาก่อน

คีรีกับเด็กพวกนี้เป็นแก๊งเดียวกันอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย!

เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง “หมอวิน!”    

รวินท์จ้องมองเสื้อที่คีรีสวมอยู่ มันเป็นเสื้อที่มีตัวอักษรย่อของคณะเขียนไว้ มีผ้าคาดเขียนชื่อคณะพาดอยู่บนลำคอ เด็กหนุ่มอีกสองคนและพวกเด็กสาวต่างก็ใส่เสื้อและมีผ้าคาดเหมือนกันเปี๊ยบ

ทันตแพทย์หนุ่มก้าวลงจากมอเตอร์ไซค์พลางบอกคนที่ขี่มาด้วยกันให้รออยู่ที่รถ จากนั้นก็เดินอาดๆ เข้าไปหาคีรี เขาคว้าคอเสื้อคนอ่อนวัยกว่าไว้แล้วจ้องเข้าไปในดวงตาชื้นน้ำตรงหน้า “เสื้อนี่มันอะไรกันวะ! คุณเป็นใคร! ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่!”

“หมอวิน!” สองหนุ่มกับอีกสองสาวถลาเข้าไปห้าม “ใจเย็นก่อนครับ/ค่ะ!”

คีรียกมือบอกเพื่อนว่าให้ถอยออกไปก่อน “เสื้อนี่เป็นของผมเอง ชื่อจริงของผมคือนคินทร์ ภูมิพัฒน์ธนากุล ส่วนคีรีคือชื่อเล่น ตอนนี้ผมเรียนอยู่บริหารปีสองครับ” ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ “ผมไม่ใช่เด็กชาวเขาทำงานโรงแรมอย่างที่หมอวินกับคุณเตชิตเข้าใจ ขอโทษที่ไม่ได้พูดความจริงแต่แรกครับ”

รวินท์คิ้วกระตุก เส้นเลือดบนหน้าผากเต้นตุบๆ โมโหจนมือที่ขยุ้มคอเสื้อเด็กหนุ่มสั่นเกร็ง เขาตะคอกอีกฝ่ายเสียงดังลั่น “คุณนี่มันโคตรเลว!”

คีรีค้อมศีรษะลง “ผมขอโทษจริงๆ ครับ คุณจะต่อว่าผมยังไงก็ได้ จะชกหน้าผมก็ยังได้ ผมยอมรับผิดทุกอย่าง”

“คุณทำแบบนี้ทำไม! เพื่ออะไรวะ!”

“ผมรักคุณเตชิตครับ” เสียงที่ตอบกลับไปแหบพร่า แต่ก็ถ่ายทอดความรู้สึกในใจของเด็กหนุ่มออกมาได้อย่างชัดเจน

“รักประสาบ้าอะไร! พูดพล่อยๆ น่ะสิ! สิ่งที่คุณทำลงไปนี่มันหลอกลวงกันชัดๆ!”

“ผมจำเป็น”

“จำเป็นแบบไหนวะ ถึงต้องสร้างเรื่องหลอกกันขนาดนี้!”

คีรีนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเคลื่อนสายตาไปสบกับทันตแพทย์หนุ่ม สองมือกำแน่นจนเกร็งไปทั้งแขน เขาตอบกลับไปเสียงดังไม่แพ้กัน “ถ้าผมไม่ทำแบบนี้! แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะครับ ถึงจะเข้าไปอยู่ในสายตาคุณเตชิตได้! คุณเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ ว่าทำไม!”

รวินท์ชะงักกึก

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณเตชิตไม่สนใจใคร ไม่เปิดโอกาสให้ใคร ไม่เคยมองใครทั้งนั้น ในหัวใจไม่มีที่ว่างให้ใครอื่น ก็เพราะอะไรล่ะครับ!” น้ำเสียงของคีรีฉายชัดถึงความเจ็บปวด แววตาของเขาสั่นไหว น้ำตารื้นขึ้นมาเอ่อคลอ “ผมรักคุณเตชิต ผมถึงได้ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับคนที่ผมรัก ให้เขาหันมามองผมบ้างสักนิด ผมเองก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันผิด แต่ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ”

ทันตแพทย์หนุ่มค่อยๆ ปล่อยคอเสื้ออีกฝ่ายออก ที่ใจอ่อนลงก็เพราะเข้าใจความรู้สึกของคนอ่อนวัยกว่าดี แล้วก็รู้จักเพื่อนตัวเองดีมากด้วย เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ

“หมอวิน?”

“เช็ดหน้าเช็ดตาสักหน่อยเหอะ” พอเห็นว่าคีรียกแขนขึ้นเช็ดหน้าแล้วก็หันไปถามเพื่อนๆ ของเด็กหนุ่ม “นี่กำลังจะลงไปข้างล่างกันใช่มั้ย”

ทั้งสี่คนพยักหน้าหงึกๆ “กำลังรอรถแดงค่ะ/ครับ”

“พวกน้องๆ วิดวะเขาเดินลงกันแล้ว ผมก็เลยจะกลับไปรอพวกเขาที่มหาลัย ถ้างั้นเดี๋ยวผมลงไปพร้อมพวกคุณละกัน” รวินท์หันไปสบตาคีรีอีกครั้ง “คุณกับผม... เรายังมีเรื่องต้องคุยกันต่อ”

“ครับ” คีรีตอบรับอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องหยุดคิด จากนั้นก็ชี้ไปยังคนที่นั่งรออยู่บนบิ๊กไบค์ “แล้ว... คนนั้นล่ะครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มสาวเท้าอาดๆ ไปยังมอเตอร์ไซค์คันที่ว่านั้น “หมีๆ ส่งผมตรงนี้แหละ เดี๋ยวผมจะนั่งรถแดงลงไปกับพวกเขานะ ขอบใจมาก”

คนที่นั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์ใส่เสื้อชอปสีน้ำเงิน มีผ้าคาดสีน้ำเงินของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ชั้นปีที่สอง พอได้ยินที่รวินท์พูดเขาก็รีบถอดหมวกกันน็อกออก “เฮ้ย! ไม่ดีมั้งพี่! เดี๋ยวพี่พิงค์ด่าผมอะ!”

“จะด่าอะไร เดี๋ยวก็เจอกันที่คณะไง”

“งั้นพี่หมอเอามอไซค์ไปดีกว่า ให้ผมไปเดินลงกับน้องๆ ดีกว่าครับ”

“เอ้า! ผมขี่เป็นซะที่ไหนล่ะ!”

“ให้ผมขี่ให้ก็ได้ครับ” คีรีรีบเสนอตัว

รวินท์หันขวับ “คุณขี่มอไซค์เป็นด้วยเหรอ ขี่มานานรึยังวะเนี่ย”

“ก็สองสามปีละครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มลังเล ไม่อยากไว้ใจสักเท่าไหร่ แต่ก็จำใจ “...เอางั้นก็ได้”

หมียิ้มกว้าง “ขอบใจนะ งั้นผมฝากพี่หมอด้วย ส่งกลับคณะให้ปลอดภัยนะคุณนะ ไม่งั้นลุงรหัสผมเอาตาย”

“ครับ ไม่ต้องห่วง” คีรีพยักหน้า จากนั้นก็หันไปบอกกับเพื่อนๆ “เราจะไปกับหมอวินก่อน เดี๋ยวเจอกันข้างล่างนะ”

“แน่ใจนะเว้ยคีรี” ฟลุคถามอย่างห่วงๆ คือไปกับหมอวินตามลำพังน่ะ ไม่น่าห่วงเท่าไหร่ แต่เด็กวิศวะบอดี้การ์ดหมอวินทั้งหลายที่อีกฝ่ายเหมือนจะเรียกตัวมาได้ทุกเมื่อน่ะ โคตรน่ากลัว

“ผมคนเดียวจะทำอะไรเพื่อนคุณได้วะ! ผมควรเป็นห่วงตัวเองมากกว่ามะ!” รวินท์พูดเสียงดุ เขารับหมวกกันน็อกจากรุ่นน้องของภูพิงค์มาส่งต่อให้เด็กหนุ่ม “เอ้า ไปกันเถอะ”

พอคีรีนั่งประจำที่บนมอเตอร์ไซค์เรียบร้อย ทันตแพทย์หนุ่มก็ก้าวตามขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย จากนั้นก็รีบตะปบเอวคนตรงหน้าไว้ทันที เกาะแน่นชนิดที่ว่าถ้าเขาร่วงหงายหลังเมื่อไหร่คนข้างหน้าก็ต้องร่วงไปด้วยกัน

เด็กหนุ่มหันกลับไปทางด้านหลัง “ถ้ากลัวร่วงจะกอดผมไว้ก็ได้นะครับ”

“ไม่เว้ย ผมไม่ได้กลัวร่วง ผมกลัวคุณสลัดผมลงกลางทางมากกว่า” ...ยิ่งเป็นศัตรูหัวใจอยู่ด้วย รวินท์บ่นในใจ

“โห ใครจะกล้าล่ะครับ” คีรีหัวเราะเบาๆ ขณะขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปช้าๆ “หมอวินนี่น่ารักจังเลยนะครับ”

“ผมรู้ตัวดีเว้ย คุณชมไปผมก็ไม่ดีใจหรอกนะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น แต่... ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครๆ ก็หลงรักคุณ”

“หมายความว่ายังไง”

“ก็...ถึงคุณจะโกรธผม แต่ก็ยอมคุยกับผม ยอมไว้ใจผม ขอบคุณมากนะครับ”

พูดซะเขารู้สึกผิดเลย รวินท์ทอดถอนใจ



คีรีขี่มอเตอร์ไซค์เก่งกว่าที่ทันตแพทย์หนุ่มคิดไว้เสียอีก ใช้เวลาไม่นานก็ลงมาถึงตีนดอย เขาจึงสะกิดบอกให้เด็กหนุ่มแวะไปที่ร้านกาแฟก่อน “คุยกันที่นี่น่าจะสะดวกกว่า”

ภายในร้าน สองหนุ่มเลือกที่จะนั่งหันหน้าเข้าหากัน ผลัดกันถอนหายใจเฮือกๆ พลางจิบน้ำในแก้วไปเรื่อยๆ จนเกือบหมดแก้วนั่นล่ะ บทสนทนาถึงเริ่มขึ้นอีกครั้งได้

“ไอ้เต้รู้แล้วรึยัง”

“เจอกันเมื่อเช้าครับ”

“มันว่าไงล่ะ”

คีรีทำหน้าเจื่อน “บอกว่าไม่รู้จักคนอย่างผมครับ ดูท่าจะโกรธเอามากๆ”

รวินท์ขมวดคิ้ว เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งออกไป เสร็จแล้วก็ตั้งใจจะโทรหาเตชิต แต่คิดไปคิดมาก็เปลี่ยนใจจึงเก็บโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋ากางเกงไป จากนั้นก็ยกมือขึ้นกุมศีรษะ

เอาไงดีวะ? เขาควรจะทำอย่างไรดี? ใจหนึ่งคิดว่าเขาควรจะโมโห ต่อว่าด่าทอไอ้เด็กนี่ให้หน้าแห้งหูชา แต่อีกใจ เขาก็เข้าใจการกระทำของอีกฝ่ายนะ คิดไปคิดมาก็ดูรันทด น่าเห็นใจฉิบหาย

“คุณเตชิตบอกว่าเจอผมครั้งแรกที่เชียงรายใช่มั้ยครับ” เด็กหนุ่มพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ

“อือ ใช่”

“แต่ที่จริง ผมน่ะ เคยเจอคุณเตชิตมาก่อนหลายครั้งแล้ว ครั้งแรกที่คลินิก คุณลุงนัดผมให้ไปเอาของที่นั่น”

“คลินิก? คุณลุง?”

“คุณหมอภาคภูมิเป็นคุณลุงของผมเองครับ”

“อ้อ...” รวินท์พยักหน้าหงึกๆ

“หลังจากนั้นผมก็ตามคุณลุงไปที่ลำพูน ได้เจอคุณเตชิตที่โรงบาลลำพูนอีกครั้ง วันต่อมาผมก็เลยขอคุณลุงให้คุณเตชิตมาทำฟันให้ผม อีกวันผมก็หอบเอาช่อดอกไม้ไปให้ แต่ไม่ว่าจะพยายามเข้าไปหาสักเท่าไหร่ คุณเตชิตก็ไม่หันมาสนใจผมเลย ไม่คิดจะจำหน้าผมเลยด้วยซ้ำ แล้วตอนมีประชุมทันตแพทย์ที่เชียงราย ผมก็เสนอหน้าไปหาลุงภูมิทุกวัน ป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น แต่ก็มีค่าเท่าเดิม คุณเตชิตมองผ่านผมไปเหมือนผมเป็นอากาศธาตุเท่านั้น”

“เพราะงั้นถึงต้องปลอมตัวเป็นชาวเขาเพื่อให้ไอ้เต้สนใจงั้นสินะ”

“ผมไม่ได้ปลอมตัวนะ ก็คุณเตชิตเข้าใจผิดไปเองก่อน” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นเถียง แล้วพูดต่อเสียงอ่อย “ผมเลยปล่อยเลยตามเลย เพราะคุณลุงเคยเล่าให้ฟังว่าคุณเตชิตเซนส์สิถีพกับชาวเขามาก”

“ก็จริงน่ะนะ ในเมื่อพวกชาวเขาเคยช่วยเหลือมันให้ผ่านสถานการณ์เฉียดตายมาได้ มันจะเซนส์สิถีพก็ไม่แปลก”

“ถ้าผมไม่ทำเนียนเป็นชาวเขา คุณเตชิตก็จะไม่เปิดโอกาสให้ผมได้เข้าหา”

“คุณเลยใช้ความใจดีของมันให้เป็นประโยชน์งั้นสิ”

คีรีพยักหน้ายอมรับ “ครับ”

“คุณรู้ใช่มั้ยว่าการโกหกมันแสดงถึงความไม่จริงใจ ไม่ว่ายังไงก็จะต้องถูกโกรธแน่”

“รู้ครับ แต่ผมก็เลือกที่จะเสี่ยง ต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้ผมก็ยังเลือกที่จะทำ เพราะอย่างน้อยผมก็ยังมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับคุณเตชิต ได้มีตัวตนในสายตาของเขา ถึงมันจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็เป็นช่วงเวลามีความหมายกับผมมาก” เด็กหนุ่มหลุบตาลงมองมือที่ประสานกันไว้แน่น กลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก “ผมก็พอรู้ตัวอยู่แล้วว่าสักวันต้องอกหัก ผมพยายามทำใจ บอกตัวเองว่าให้เก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่มีความสุขเอาไว้ให้มากที่สุด ไว้เป็นความทรงจำดีๆ ก็พอ”

“เฮ้อ...” รวินท์ถอนหายใจพร้อมกับยกมือขึ้นคลึงขมับ ฟังไปฟังมาความรู้สึกทั้งสงสารและเห็นใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น แล้วที่กลุ้มใจอยู่แบบนี้ ก็เพราะรู้ว่าไอ้เพื่อนรักก็มีใจให้ไอ้เด็กนี่น่ะสิ ขนาดรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองโดนหลอกยังไม่คิดจะทำอะไรด้วยซ้ำ

ว่าแต่ไอ้เพื่อนเวรนั่น ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้แฮะ

“หมอวินครับ ผมรักคุณเตชิตจริงๆ นะครับ ยิ่งได้อยู่ใกล้ชิดกันก็ยิ่งหลงรัก รักมากขึ้นทุกวินาที”

เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับเด็กหนุ่มแล้วยกแขนขึ้นเท้าคางบนโต๊ะ เขาเชื่อคำพูดของคีรีนะ ในเมื่อเด็กนี่ลงทุนซะขนาดนี้ ก็คงทั้งรักทั้งบ้าน่ะแหละ ก็เหมาะกับไอ้เต้ดี บ้ากับบ้ามาเจอกัน

“คำพูดพวกนั้น คุณควรไปบอกไอ้เต้มันมากกว่ามะ”

“ผมไม่รู้ว่าคุณเตชิตจะยังฟังคำพูดของผมมั้ย” คนอ่อนวัยกว่าพูดเสียงเศร้า

“แล้วคิดจะทำไงต่อไปล่ะ”

“ผมตั้งใจจะไปสารภาพความจริงทั้งหมด จะอธิบายให้คุณเตชิตเข้าใจครับ ที่จริงเย็นวันนี้ คุณตานัดผม ลุงภูมิ คุณเตชิตแล้วก็พี่แซนดี้ไปกินข้าวด้วยกันด้วย”

รวินท์หยุดคิด ก่อนหน้าเตชิตก็ส่งข้อความมาบอกเขาอยู่เหมือนกันว่าจะไปกินข้าวกับหมอภูมิแล้วก็แขกของหมอภูมิ “อ้อ ถ้างั้นคุณตาของคุณก็คือแขกคนสำคัญของหมอภูมิสินะ”

“คุณตาอยากเห็นผมถือป้ายเปิดงานรับน้องขึ้นดอยมาก ท่านได้รับเชิญมาเป็นแขกวีไอพีในงานด้วย ตอนแรกผมก็ไม่นึกว่าคุณเตชิตจะมาดูเปิดงานหรอกครับ เพราะคิดว่าจะขึ้นไปดูพวกวิดวะก่อนแล้ว”

“ที่จริงก็ขึ้นไปแต่เช้าพร้อมวิดวะนั่นล่ะ แต่เพราะหมอภูมิมาขอให้ลงมาช่วยต้อนรับแขกของหมอภูมิหน่อยน่ะสิ” รวินท์พ่นลมหายใจออกมาหนักๆ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าการโป๊ะแตกของคีรีครั้งนี้เรียกว่าความซวยของไอ้เต้มั้ย แต่เวลามันทำอะไรแทนเขา เป็นอันต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทุกทีสิน่า!

“คุณเตชิตคงจะโกรธผมมาก...”

“ก็น่าโกรธอยู่มั้ยล่ะ โดนหลอกซะขนาดนั้น” รวินท์ขมวดคิ้วครุ่นคิด “แต่คนเราก็ทำอะไรบ้าๆ ลงไปเพราะความรักได้ล่ะนะ” เขามั่นใจว่าเตชิตก็เข้าใจดี ตัวเพื่อนเขาเองก็เคยมีประสบการณ์มาแล้ว

ทันตแพทย์หนุ่มจ้องมองคนที่นั่งคอตกตรงหน้า พลางเอื้อมมือไปเขกศีรษะเบาๆ “แล้วไงล่ะ ถ้าไอ้เต้โกรธมาก คุณจะถอยรึไง”

คีรีส่ายหน้าทันที พร้อมกับตอบอย่างหนักแน่น “ไม่ครับ มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมไม่ถอยแน่ๆ”

“ดีแล้ว ไม่ถอยก็เดินหน้าต่อ ยังไงตอนนี้คุณก็อยู่ในสายตาไอ้เต้มันแล้วนี่ ก็ให้มันได้รู้จัก ได้เห็นตัวตนจริงๆ ของคุณบ้างสิ แสดงให้มันเห็นว่าคุณรักมันมากแค่ไหน” รวินท์ยิ้มบาง “ไอ้เต้กับผมต่างก็มีประสบการณ์การเริ่มต้นใหม่มาหลายครั้ง ผมคิดว่ามันเข้าใจนะ และถ้ามันมีใจให้คุณบ้าง มันก็คงจะให้โอกาสคุณ แต่ต่อจากนี้ไป คุณควรจะแสดงความจริงใจของคุณให้มันเห็น พิสูจน์ตัวเองไปจนกว่าจะได้รับคำตอบรักจากมัน”

คีรีประสานสายตากับทันตแพทย์หนุ่ม เขายิ้มรับพร้อมกับพยักหน้าหงึกๆ “ครับ ผมจะพยายามให้ถึงที่สุด ผมสัญญาต่อหน้าคุณตรงนี้เลย ผมจะสู้ จะอธิบายให้คุณเตชิตเข้าใจ และผมจะทำให้คุณเตชิตรับรู้ถึงความรักของผมให้ได้”

“เออ พูดแล้วก็รักษาสัญญาด้วย”

“แน่นอนครับ” เด็กหนุ่มโน้มตัวเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน “ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณเตชิตถึงรักคุณมาก”

“ผมเองก็รักมันมากเหมือนกัน” รวินท์ตอบกลับไปทันที

คนอ่อนวัยกว่าชะงักไปชั่วครู่ แล้วเอื้อมมือไปกุมมือทันตแพทย์หนุ่ม “หมอวินครับ คุณกับคุณเตชิตน่ะ...”

เสียงประตูร้านเปิดออก ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าของใครบางคนซึ่งเดินตรงมายังโต๊ะที่ทันตแพทย์หนุ่มนั่งอยู่

“พี่วิน”

รวินท์ชักมือออกก่อนจะหันไปยิ้มรับคนที่ยืนหอบแฮกๆ อยู่ข้างตน “เหนื่อยมั้ย ขอบใจที่แวะมา”

“พี่มาทำอะไรที่นี่น่ะ ไหนตอนแรกว่าจะไปรอที่คณะไงครับ” คนพูดหันไปมองแรงใส่เด็กหนุ่มรุ่นน้องที่นั่งอยู่กับคนรักของตนแบบสองต่อสองแถมยังจับไม้จับมืออีก แต่พอเห็นหน้าก็เลิกคิ้วขึ้นพลางชี้ไปยังอีกฝ่าย “อ้าว เฮ้ย คุณ... คีรีใช่มั้ย!”

“ครับ” เจ้าของชื่อลุกขึ้นพรวด เขาประสานสายตากับภูพิงค์ ต่างคนต่างจ้องกันเขม็ง จากนั้นก็ยกมือไหว้พร้อมสารภาพออกไปอย่างรวดเร็ว “พี่ภูพิงค์ครับ คนที่พี่ฝากปิ๊กกับฟลุคมาบอก คือผมเอง ขอโทษที่ตอนนั้นทำให้วุ่นวายครับ”

“เออ! ผมก็ว่าอยู่! แล้วมายุ่งอะไรกับพี่วินวะ!”

ทันตแพทย์หนุ่มหันมองทั้งสองคนที่กำลังจ้องตากันอยู่ไปมา “อ้าว รู้จักกันแล้วเหรอ”

ภูพิงค์ขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง “ก็... นิดนึงอะพี่ เคยเจอกันตอนผมไปหาอีแซนดี้น่ะ”

“แล้วฝากบอกอะไรกันวะ ทำไมไม่เคยเล่าให้ผมฟังเลยอะ ผมถามอะไรก็เอาแต่เลี่ยง นี่คุณไม่ได้นอกใจผมใช่มั้ยวะเนี่ย”

“เฮ้ย ไม่มีทางเลยพี่!” จากนั้นเด็กหนุ่มก็ก้มลงกระซิบถาม “แล้วพี่วินล่ะ รู้จักกับเขาได้ไงวะ มานั่งกันสองต่อสองแบบนี้ ปล่อยให้เขาจับมือด้วย ไม่ได้นอกใจผมใช่มะ!”

“เปล่าเว้ย เอาไว้เดี๋ยวเล่าให้ฟังน่ะ”

คีรีเลิกคิ้วขึ้น หันไปสบสายตาทันตแพทย์หนุ่มที รุ่นพี่อีกที “เดี๋ยวนะครับ หมาย... หมายความว่า...”

รวินท์จับมือคนรักของตนพร้อมกับพลิกข้อมือให้เห็นแหวนคู่ที่พวกเขาสวมอยู่ชัดๆ “เอ้า เห็นชัดพอรึยัง”

เด็กหนุ่มรุ่นน้องอ้าปากค้าง “....”

“ก็อย่างที่เห็นนี่แหละ สบายใจได้แล้วนะ” รวินท์ลุกขึ้นยืนทั้งยังกุมมือของภูพิงค์ไว้ “แล้วจะกลับคณะยังไง จะให้ไปส่งมั้ย”

“เดี๋ยว... เดี๋ยวผมให้เพื่อนมารับก็ได้ครับ”

“โอเค งั้นผมไปล่ะนะ”

เด็กหนุ่มรีบยกมือไหว้ “ขอบคุณมากนะครับ หมอวิน พี่ภูพิงค์”

“อือๆ พยายามเข้าละกัน ผมจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ แต่จะคอยดูความจริงใจและจริงจังของคุณนะ”

คีรีพยักหน้ารับ “ครับ!”


*TBC – part 2/2*


ตอนนี้เด็กดอยน่าสงสารจังเลยน้า~ แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ยังไม่โดนพี่หมอวินเตะตกเขานะ 555555 พี่หมอรับฟังเหตุผลด้วย น่าร้ากกกจะตายไป เด็กดอยเก็บคะแนนได้ไปหลายเลย

วันนี้ขอลงแค่ครึ่งแรกก่อนนะคะ สารภาพกงๆ ว่า edit ไม่ทัน พิมพ์ตอนง่วงๆ แก้เยอะมั่ก แงงง~ นั่งแก้มาตั้งกะเมื่อคืนจนถึงตอนนี้ยังไม่เสร็จเลยเนี่ย ไม่ไหวแร้วไปหาข้าวกินก่อน ฮรือ~

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า อีกครึ่งจะรีบเอามาลงต่อให้นะคะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 12-02-2019 18:11:04
คีรีสู้ๆ  :pig4: :ling1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 12-02-2019 18:14:21
คีรีสู้ๆๆๆเอาใจช่วย ผ่านมันไปให้ได้ :ped149: :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 12-02-2019 18:21:51
สงสารจังเลยยยยยยยย เจ้าเด็กดอยย โอ๋เอ๋น้าาา
ถ้าหมอเต้ไม่ฟังก็จับทุ่มเลย

คีรี : ทุ่ม???

ทุ่มลงเตียง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-02-2019 19:21:14
 o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 12-02-2019 19:28:43
เด็กดอยสู้เขาลูก หมอเต้นี่ที่ทำตัวเหมือนยอมให้หลอก ฮีก็มีใจให้แหล่ะนะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 12-02-2019 19:43:00
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: ryokame ที่ 12-02-2019 19:51:33
โถ โถ โถ มาให้กำลังใจเด็กโป๊ะแตก สู้ๆนะลูก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 12-02-2019 20:01:42
สงสารคีรีเหมือนกันนะ
มันก็จริงของคีรี ถ้าไม่ทำแบบนี้ พี่หมอก็ไม่สนใจเลย
พี่หมอเต้ ให้อภัยคีรีไวๆเถอะน้า
สู้ๆไไนะคีรี ขอให้ง้อสำเร็จไวๆน้า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 12-02-2019 20:07:30
สมน้ำหน้าเด็กดอย พูดรว่ารักจริงแต่ก็โกหกหมอเต้ตลอด  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 12-02-2019 20:10:40
ตอนนี้คือสงสารคีรีมาก แอบน้ำตาซึมตามเลย เราเอาช่วยอยู่นะเด็กดอย #ทีมเด็กดอย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 12-02-2019 20:16:55
คิดว่าพี่วินจะจัดหนักกว่านี้
แต่อย่างว่าเหตุผลที่คีรีว่า
ทำอย่างไรก็เป็นแค่อากาศ
พอมีโอกาสก็แค่รีบคว้าไว้เนอะ
ไม่ได้หลอกลวงให้เสียใจ
ไม่ได้หลอกฟันแล้วทิ้งซะหน่อย
แค่วิธีการเข้าหามันน่าโกรธแค่นั้นเอง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 12-02-2019 20:36:07
ตอนนี้เหลือทางเดียวคือเข้าหาหมอเต้ สู้ๆ นะคีรี เอาใจช่วย
 :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-02-2019 21:19:13
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม ๆๆๆๆๆ  อ้อนเก่งจังนะนู๋คีรี   อ้อนจนพี่หมอวินท์ใจอ่อนไม่กระทืบให้กระอักเลยเนี่ย  อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 12-02-2019 21:40:28
สู้ๆเข้านะคีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-02-2019 22:07:56
คีรีสู้ๆ แสดงความจริงใจให้พี่เต้เห็น ผ่านด่านพี่วินไปแล้ว เหลือพี่เต้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-02-2019 23:14:49
 :เฮ้อ:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-02-2019 23:32:06
คิดว่าพี่วินจะโมโหจัดเต็มซะแล้ว  เป็นกำลังใจให้คีรีนะ เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ โกหกอะไรไว้ก็ต้องไปสารภาพให้หมดนะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 13-02-2019 00:44:00
สู้เขาคีรี  :hao5:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: PupleBetterfly ที่ 13-02-2019 02:04:24
คีรีสู้ ๆ นะ :oo1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 13-02-2019 04:26:56
ต้องสู้และผ่านมันไปให้ได้นะน้องคีรี สู้นะครับ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 13-02-2019 09:15:17
ลุ้นคีรี 5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-02-2019 11:05:20
เด็กดอยสู้ๆๆ :ped149: :ped149: :ped149:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 13-02-2019 12:33:09
มีกำลังเสริมแล้ว ลุยเต็มที่เด็กดอยยย 555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 1/2[120219]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 13-02-2019 17:10:04


Chapter 20 : ความรักของเพื่อน part 2/2


ก่อนถึงเวลาที่นัดไว้กับไกรฤกษ์เล็กน้อย แซนดี้และเตชิตกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน จากนั้นเด็กหนุ่มรุ่นน้องจึงขับรถไปรับทันตแพทย์หนุ่มที่คลินิกแล้วขับต่อไปยังโรงแรมตามที่นัดหมายไว้ ส่วนคนอื่นๆ ยังไม่กลับจากมหาวิทยาลัยกัน ดังนั้นจึงมีพวกเขาว่างอยู่แค่สองคน

“ทำไมวันนี้พี่เต้เงียบๆ แถมยังทำหน้าเหมือนโดนของ เสียใจที่ไม่ได้ดูไอ้พิงค์วิ่งโค้งวัดใจอ่อ” คนที่ขับรถอยู่หันไปถาม

เตชิตหัวเราะเสียงขึ้นจมูก เออ ถ้าไปดูไอ้น้องพิงค์อาจจะดีกว่าหรือเปล่าวะ

“ทำไมคุณถึงอยากไปกินข้าวกับคุณไกรฤกษ์วะ”

“น้องคีรีชวนไว้แต่แรกแล้วน่ะพี่ คือคุณไกรฤกษ์เขาเป็นผู้อำนวยการศูนย์ผ้าทอของชาวเขาที่เชียงรายใช่ม้า ส่วนผมก็เรียนด้านนี้ แล้วผมก็ชอบผ้าไทยๆ มากด้วย อีกอย่างปีนี้ผมปีสี่แล้ว ถ้ามีลู่ทางในอนาคตก็อยากจะตะกุยทางไว้”

“กรุยทางมั้ยวะ ตะกุยนี่มันตัวอะไร” ทันตแพทย์หนุ่มเอนหลังพิงพนักพิง “เอ้อ... แล้ว... คุณรู้จักกับ...คุณ...คีรีได้ยังไงน่ะ”

“ก็เพิ่งรู้จักกันไม่นานอะพี่ ผมดูแลเสื้อผ้าให้น้องเขาในงานขึ้นดอยนี่ไง แต่น้องเขาน่ารักดีนะ ตัวจริงผิดกับที่ได้ยินคนอื่นพูดถึงมากเลย”

“หืม? ยังไงเหรอ”

“ที่มหาลัยเขาลือกันว่าหยิ่งมาก บ้านรวยเว่อร์ๆ ไฮโซมากด้วย ก็คิดว่าแบบ... น่าจะคุณชาย ถือตัวสุดๆ อะ ตอนแรกผมได้ยินว่าน้องเขาใช้เส้นมาถือป้ายด้วยนะ แต่พอเจอตัวจริงก็เข้าใจ หน้าตาแบบนี้หุ่นแบบนี้ มีแต่จะเอาป้ายไปประเคนให้น้องเขาถือน่ะสิ”

อืม จะว่าไปวันนี้คีรีก็ดูดีมากจริงๆ มองเผินๆ เหมือนเป็นเจ้าชายเมืองเหนือมาเอง อย่างกับคนละคนกับเด็กหนุ่มที่เขารู้จัก

แต่ก็เป็นคนละคนจริงๆ นี่หว่า เขาไม่เคยรู้จักคีรีคนที่เจอวันนี้สักหน่อย

ในเมื่อคุณตาของเด็กหนุ่มเป็นผู้อำนวยการศูนย์ผ้าทอของชาวเขา อีกฝ่ายก็เลยน่าจะคุ้นเคยกับชาวเขาดีและแต่งตัวด้วยผ้าพื้นเมืองบ่อยๆ และพราะอย่างนี้คีรีถึงได้รู้จักกับครอบครัวน้ำอิงด้วยอย่างนั้นสินะ ไอ้เขาก็ดันเข้าใจผิดไปซะไกล

“พี่เต้”

“หือ”

“คิดไรอยู่วะ พี่เงียบแปลกๆ จริงๆ นะ”

“ก็ไม่รู้จะพูดอะไรนี่หว่า”

แซนดี้ชำเลืองมองคนที่นั่งข้างกันไปได้อีกชั่วครู่ก็เรียกอีก “นี่ พี่เต้”

“อะไรอีก”

“น้องคีรีทำผมทรงเดียวกับพี่วินเลยอะ สีผมเดียวกันด้วย พี่สังเกตป่ะ”

“.....”

“หล่อดีด้วยนะพี่”

“แล้วไงวะ”

“ไม่ชอบเหรอ”

“....”

“จีบเลยดิ”

“เกี่ยวอะไรกับทรงผมเหมือนไอ้วินวะ!” เตชิตส่ายหน้าไปมาพลางถอนหายใจ

“พี่เต้เกรี้ยวกราดจังว่ะ” แซนดี้หัวเราะ “เห็นว่าตอนน้องเขาอยู่ปีหนึ่งเป็นเดือนคณะด้วยนะ แต่ไม่ได้ไปประกวดเดือนมหาลัยต่อ ให้เพื่อนไปแทน โห ถ้าน้องเขาไปประกวดนะ ผมว่าชนะแหงๆ นี่ผมได้ยินว่าน้องเขาโตที่เมืองนอกด้วยนะ โพรไฟล์หรูเลยนะเว้ยพี่ ไม่แพ้พี่วินเลย”

โตเมืองนอก และเด็กหนุ่มก็เคยบอกเขาว่าเวลาอยู่บ้านในครอบครัวพูดภาษาเหนือกัน เพราะอย่างนี้ถึงได้พูดภาษากลางสำเนียงแปลกๆ ทั้งตาทั้งหลานงั้นสินะ 

“คุณตาน้องคีรีรวยแบบมหาศาลเลยนะพี่เต้ จีบเถอะ เชื่อผม”

เตชิตหันมองออกไปทางหน้าต่างกระจกรถ อดนึกสงสัยไม่ได้ว่าคีรีให้ใต้โต๊ะแซนดี้มาหรือเปล่า ทำไมเชียร์จังวะ

“ผมไม่ได้ชอบคนโพรไฟล์หรู”

“อย่างพี่วินไม่หรูเลยนะ” แซนดี้พึมพำเบาๆ

“คุณว่าไงนะ” ทันตแพทย์หนุ่มหันไปชกไหล่อีกฝ่ายหนึ่งที ที่เขายังออมมือก็เพราะเห็นว่าขับรถอยู่หรอกนะ “ถ้าคุณเห็นว่าดีนักทำไมไม่จีบซะเองล่ะวะ”

“ก็น้องเขาไม่ได้จับมือผมนี่หว่า”

เตชิตเบิกตากว้าง “เฮ้ย!”

“เออ ผมเห็น” แซนดี้หัวเราะ “แหม รู้จักกันก็ไม่บอก”

ทันตแพทย์หนุ่มอ้ำอึ้ง พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “ไม่รู้จัก ไม่ได้จับมือด้วย คุณมองผิดแล้ว”

“อ้ะๆ มองผิดก็มองผิด” แซนดี้ยอมรับง่ายๆ ทั้งที่ตัวเขาก็มั่นใจว่ามองไม่ผิดหรอก อีกอย่างพี่เต้ก็ปฏิเสธแบบเลิ่กลั่กซะขนาดนั้น แต่ก็ไม่อยากจะซักไซ้ให้อีกฝ่ายหัวร้อนในตอนนี้ เขายังไม่อยากโดนถีบตกรถ “พี่เต้ ช่วยมองหาหน่อย ไหนวะทางเข้าร้านอาหาร”

เตชิตหันมองไปมา เขาเคยมาแถวนี้ครั้งหนึ่งแล้วกับคีรี ทางเข้าซับซ้อนอยู่สักหน่อย แต่ก็พอจำได้รางๆ “น่าจะไปทางซ้าย แล้วตรงไปเรื่อยๆ ก่อนว่ะ”

แซนดี้พยักหน้าแล้วขับตามไปช้าๆ “พี่เดาหรือดมกลิ่นเอาวะเนี่ย”

“เดา แต่เดี๋ยวผมเปิดกูเกิลแม็ปด้วยดีกว่า ชื่อร้านอะไรนะ”

“ผมเปิดแล้ว มันขึ้นตามที่อยู่โรงแรมอะดิ เป็นทางเข้าอีกทาง”

“เฮ้ย ป้ายนั่นคุ้นๆ” เตชิตชี้บอก “คิดว่าน่าจะเลี้ยวเข้าไปตรงนั้นแล้วตรงไปสุดทาง ที่จอดรถอยู่ซ้ายมือ”

คนที่จับพวงมาลัยอยู่หันไปมองอย่างงงๆ “พี่เต้เคยมาเหรอวะ”

ทันตแพทย์หนุ่มชะงัก “ขับๆ ไปเถอะน่ะ”

“แน้ ถามก็ไม่ได้” แซนดี้ขับรถไปตามที่เตชิตบอก ไม่นานก็ถึงที่จอดรถอย่างที่ทันตแพทย์หนุ่มว่าไว้ “โอ้โห ผมอยู่เชียงใหม่มานานยังไม่เคยรู้เลยว่ามีร้านอาหารเรือนไทยสวยๆ อยู่ที่นี่ด้วยอะ”

“เพราะแค่ของกินหลังมอพวกคุณก็กินไม่ไหวแล้วน่ะสิ จะต้องไปหาที่อื่นให้เหนื่อยทำไมล่ะ”



เมื่อทั้งสองคนก้าวเข้าไปในร้านก็มีพนักงานมาเชิญไปนั่งที่ศาลา ซึ่งที่นั่นคุณตาของคีรีกับหมอภูมินั่งรออยู่ก่อนแล้ว

ชายสูงวัยยิ้มพร้อมกวักมือเรียก “มาๆ นั่งเลย กำลังพูดถึงอยู่เชียว”

สองหนุ่มยกมือไหว้ พอนั่งลงเรียบร้อยแซนดี้ก็หันไปหันมาแล้วถามหาอีกคนที่ควรจะนั่งอยู่ด้วยกันที่นี่ด้วย “น้องคีรีละครับ”

“โทรมาเมื่อกี้ว่าเพิ่งออกจากมหาลัย เขาจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดฯ ก่อน แล้วจะตามมา”

เตชิตนั่งนิ่ง ที่จริงก็ยังไม่มีเวลาได้ใช้ความคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าสักเท่าไหร่ หลังจบพิธีเปิดงานเขาก็ไปกินมื้อเที่ยงกับคุณไกรฤกษ์และหมอภูมิ จากนั้นก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คลินิกแล้วร่อนออกมาอีกรอบนี่ละ

มาถึงตอนนี้ก็อารมณ์เย็นลงมากแล้ว ไอ้ที่คีรีไม่ได้บอกความจริงกับเขา เขาก็ยังโกรธอยู่หรอกนะ แต่ที่สงสัยมากกว่าคือความรู้สึกแปลกๆ ในอก

เขาเจ็บปวดที่ถูกหลอกเอางั้นหรือ ทั้งที่เขาก็รู้อยู่แก่ใจเนี่ยนะ แต่ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับอีกฝ่าย เขาก็ไม่น่าจะรู้สึกอะไรหรือเปล่าวะ

ในใจได้แต่คิดถามว่าทำไม ทำไมคีรีต้องหลอกเขา? เขาพยายามจะเชื่อว่าการกระทำและคำพูดของเด็กหนุ่มไม่ได้เป็นการเสแสร้ง แต่บอกตรงๆ เวลานี้อยากฟังคำอธิบาย อยากรู้เหตุผล และอยากได้รับการยืนยันเหลือเกินว่าคำรักที่อีกฝ่ายพร่ำบอกเป็นความจริง

“คุณเต้ หิวแล้วรึ” ชายสูงวัยสังเกตเห็นสีหน้าเครียดของทันตแพทย์หนุ่มจึงเอ่ยทัก

แซนดี้เห็นว่าเตชิตยังคงนิ่งเลยสะกิดเรียก “พี่เต้... พี่เต้!”

เสียงของแซนดี้เรียกให้เตชิตหลุดออกจากความคิดของตัวเอง เขาเงยหน้าขึ้นทันที “ฮะ? มีอะไรเหรอ” เมื่อเห็นว่าแซนดี้ชี้ไปทางชายสูงวัย เขาก็รีบหันไปหา “ครับ”

คุณตาของคีรีหัวเราะ “คุณเต้หิวรึ ทำหน้าเครียดๆ”

“เปล่าครับ พอดีคิดอะไรเพลินๆ ขอโทษด้วยครับ”

“ฉันสั่งอะไรมากินรองท้องแล้วล่ะ รอเดี๋ยวนะ”

“ขอบคุณครับ” เตชิตยิ้มรับแบบเจื่อนๆ พลางลอบถอนหายใจอย่างแผ่วเบา



ท้องฟ้าเบื้องบนมืดลงทีละน้อย ดวงอาทิตย์ลาลับไปแล้ว เหลือเพียงสีส้มฉาบปลายฟ้าเท่านั้น

ภายในเรือนไทยเปิดไฟสว่าง ส่วนตามศาลามีไฟเพียงสลัว พนักงานในร้านจึงนำเทียนมาตั้งประดับโต๊ะแล้วนำอาหารพื้นเมืองนานาชนิดมาเสิร์ฟ หลังจากนั้นไม่นานการแสดงฟ้อนรำและเล่นดนตรีพื้นบ้านบนพื้นหญ้าข้างหน้าศาลาก็เริ่มขึ้น ทั้งสี่คนนั่งคุยสลับดูการแสดงกันไปเรื่อยๆ

เวลาผ่านไปพักใหญ่ “เอ คีรีช้าจริง” ชายสูงวัยบ่นไม่ทันขาดคำเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เขาจึงรีบกดรับสาย จากนั้นก็พูดคุยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลอยู่สักพัก โดยที่ทุกคนในโต๊ะก็ได้ยินไปพร้อมกันด้วย

เมื่อกดวางสายไป เจ้าของโทรศัพท์มือถือก็เอ่ยขึ้น “คีรีไม่มาแล้ว เขาบอกว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย สงสัยวันนี้จะหนักไปหน่อย”

“ก็น่าจะหนักอยู่นะครับ ตื่นแต่เช้ามืดมาแต่งตัว เดินขึ้นดอยตั้งหลายกิโล อากาศก็ร้อน” ภาคภูมิพยักหน้าอย่างเข้าใจ “แต่นึกว่าจะฝืนมา เพราะเห็นเขาถูกชะตากับหมอเต้ละเกิน ชอบมาวนเวียนใกล้ๆ หมอเต้อยู่เรื่อยๆ น่ะครับ”

“หืม?” ไกรฤกษ์หันไปทางทันตแพทย์หนุ่ม

เตชิตเลิกคิ้วขึ้น “ฮะ!? เอ๊ย! งะ...งั้นเหรอครับ” เขาชำเลืองมองแซนดี้ กระแอมเบาๆ พลางเอื้อมมือไปยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

“ไปถูกชะตากันตอนไหน รู้จักกันมาก่อนหรอกรึ” ชายสูงวัยถาม

“เอ่อ...” ทันตแพทย์หนุ่มอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี แต่ในขณะเดียวกันหมอภูมิก็พูดแทรก

“ไม่รู้ว่าหมอเต้จำได้รึเปล่า แต่คุณเคยทำฟันให้คีรีด้วยนะ เขารีเควสต์หมอเต้เองเลยเชียว”

“ทำฟัน? ผมน่ะเหรอ เมื่อไหร่ครับ”

“ที่ลำพูนไงล่ะ ตอนนั้นผมก็อยู่ด้วย”

“ขอนึกก่อนนะครับ” ทันตแพทย์หนุ่มนึกย้อนกลับไป เขาจำได้รางๆ ว่าหมอภูมิเคยเรียกเขาไปขูดหินปูนให้หลานชาย หรือว่า คนคนนั้นคือคีรีงั้นเหรอ แต่พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกหน้าตาไม่ออก เพราะตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจอีกฝ่ายเลย

ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าคีรีรู้จักเขามาก่อนอย่างนั้นสินะ เตชิตคิดไปพลางทำหน้าเครียด

ภาคภูมิพูดกลั้วหัวเราะ “ไม่ต้องคิดมากหรอกหมอเต้ ก็ไม่แปลกที่จะจำไม่ได้นะ คีรีเองก็เปลี่ยนไปเยอะ” เขาเอนตัวไปทางชายสูงวัย “คุณไกรฤกษ์พอจะมีรูปคีรีสมัยก่อนบ้างมั้ยครับ”

“โอ้ย ฉันมีเยอะเลยล่ะ มีตั้งแต่เกิดเลยนะ” เจ้าของชื่อรีบส่งโทรศัพท์มือถือให้ เรื่องหลานชายน่ะ เขาพร้อมจะอวดอยู่แล้ว

หมอภูมิรับโทรศัพท์มาเปิดหารูป เสร็จแล้วก็ส่งให้เตชิตดู “นี่ไงล่ะ รูปสมัยกลับจากอังกฤษใหม่ๆ ตอนนั้นผมยาวกว่าตอนนี้ ยังไม่ได้เปลี่ยนสีผมด้วย ยังเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ อยู่เลย”

แซนดี้ยื่นหน้าเข้ามาร่วมวงด้วย “โอ้โห อย่างกับคนละคน ตอนนั้นเหมือนลูกครึ่งเลยนะครับ”

“จริงๆ คีรีก็มีเชื้อฝรั่งอยู่นิดหน่อยล่ะนะ ได้มาจากทางฝั่งยายของเขาน่ะ”

“มิน่า จมูกโด้งโด่ง ตัวก็สูงปรี๊ด หุ่นอย่างกับนายแบบเลยครับ”

ชายสูงวัยหัวเราะอย่างถูกใจ “หล่อมากด้วยใช่มั้ยล่ะหลานฉัน”

“หล่อสุดๆ เลยครับ” แซนดี้รีบตอบ แล้วใช้ข้อศอกกระทุ้งทันตแพทย์หนุ่มเบาๆ “หล่อเนอะพี่เต้”

“อะ อือ...”

“แต่พอเปลี่ยนทรงผม เปลี่ยนสีผมใหม่ หล่อขึ้นอีกเยอะเลยนะครับ”

“เพราะเขาโตขึ้นด้วยน่ะ” ไกรฤกษ์ยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี “เป็นหนุ่มแล้ว เมื่อไม่นานมานี้มาขอเอื้องแซะในโรงเพาะของฉัน บอกจะเอาไปให้คนที่ชอบด้วยนะ”

“แหม น้องคีรีก็โรแมนติกดีนะครับเนี่ย”

“เป็นครั้งแรกเลยนะที่เขาแสดงออกว่าชอบใครสักคนน่ะ ฉันล่ะ อยากเห็นหน้าคนคนนั้นซะจริงๆ”

“ผมก็อยากครับท่าน” ภาคภูมิพูดกลั้วหัวเราะ “จะขอเช็กฟันก่อนเป็นอย่างแรกเลย”

แซนดี้หันไปทางเตชิตทันควัน ก่อนจะขยับเข้าไปกระซิบ “อยากเห็นเหมือนกันเนอะพี่เต้”

“ไปยุ่งไรกับเขาเล่า” ทันตแพทย์หนุ่มทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เขาก้มหน้าลง จ้องมองรูปถ่ายของเด็กหนุ่มในอดีตซึ่งไม่มีอยู่ในความทรงจำของเขาเลย เขาจำได้แต่เด็กหนุ่มชาวเขาหน้าตาท่าทางซื่อๆ คนที่ได้พบที่เชียงรายเท่านั้น

ชายสูงวัยพูดต่อ “คีรีน่ะเป็นเด็กดี หัวไว ขยันด้วยนะ ช่วงไหนว่างๆ เขาก็มักจะตามไปช่วยงานฉัน ทั้งงานที่โรงแรม ที่ศูนย์ฯ พวกพนักงานของฉันน่ะ รู้จักเขากันทุกคนเลย”

“ท่านไม่ต้องห่วงเรื่องคนสืบทอดเลยนะครับเนี่ย” ภาคภูมิเองก็เห่อหลานไม่แพ้กัน อวยไปก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปด้วย “ตอนไปประชุมที่เชียงราย คีรีก็อยู่ด้วยนะหมอเต้ เขามาช่วยดูแลทั้งอาหารว่างแล้วก็จัดการห้องประชุมให้เองเลย”

“งั้นเหรอครับ”

พอนึกย้อนกลับไป อะไรๆ ก็เข้าเค้าไปหมด เพราะอย่างนี้ ตอนที่คีรีเดินตามเขาเข้าไปในโรงแรมถึงได้ไม่มีใครว่าอะไร แถมอีกฝ่ายยังรู้ว่าเขาพักชั้นไหน ห้องเบอร์อะไรอีก

“เขาอยู่ทุกวันประชุม นอนค้างที่โรงแรมด้วยนะ แล้วก็มาหาผมตั้งหลายรอบ มาชวนพวกเราไปกินข้าวด้วย หมอเต้ไม่ได้สนใจเลยน่ะสิ”

“ไม่ทันได้สังเกตเลยครับ” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มเจื่อนๆ

ก่อนหน้าที่จะพบกันในไนต์บาร์ซ่า เขาไม่เคยรู้ถึงตัวตนของเด็กหนุ่มมาก่อนเลยจริงๆ



การแสดงต่างๆ ภายในร้านอาหารจบสิ้นลงไปแล้ว ทว่าทั้งสี่คนก็ยังคงนั่งกินอาหารและพูดคุยต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งดึกดื่นจึงบอกลากลับกัน

แซนดี้ยิ้มอย่างอารมณ์ดีไปตลอดทาง หลังจากพูดคุยกันอย่างถูกคอ คุณตาของคีรีก็ชวนเขาไปดูงานและเยี่ยมชมผ้าทอในศูนย์ฯ ที่เชียงรายตอนปิดเทอม ฟินมากกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ต่างกับคนที่นั่งข้างกันแบบฟ้ากับเหว เขาชำเลืองมองอีกฝ่ายเป็นระยะๆ “ทำไมเงียบอีกละ เสียใจที่น้องคีรีไม่ได้มาเหรอวะพี่เต้”

“เฮ้ย! คุณจะบ้าเรอะ! เขาจะมาไม่มาก็ไม่เกี่ยวกับผมมั้ย!”

“อ่อๆ หรือเสียใจที่น้องคีรีมีคนที่ชอบแล้ววะ”

“ก็บอกแล้วว่าไม่เกี่ยวกับผมไงวะ! ถามเซ้าซี้อยู่ได้!”

แซนดี้ทำหน้ายู่ใส่ “แหม แซวแค่นี้ต้องเกรี้ยวกราดด้วยอะ คนเรา”

“ใครมันจะฟินเหมือนคุณวะ” เตชิตเอื้อมมือไปตบลงบนตักเด็กหนุ่มเบาๆ “แต่ก็ดีใจด้วยนะ ยังไม่ทันเรียนจบเทอมแรกก็มีงานมารอแล้ว”

“ต้องขอบคุณน้องคีรีจริงๆ ผมโชคดีที่ได้ไปดูแลเสื้อผ้าให้น้องเขาพอดี แต่ดูท่าน้องเขาก็น่าจะช่วยงานคุณไกรฤกษ์มานานนะพี่ ถึงได้รู้งานโคตรๆ เตรียมเป็นผู้สืบทอดกิจการที่แท้จริงเลยอะ เฮ้อ... น่าเสียดายชะมัดที่น้องไม่มา อดเม้ากันเลย”

ทันตแพทย์หนุ่มเบือนหน้าไปทางหน้าต่างกระจกรถพลางมองเหม่อผ่านออกไป เขาเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมคีรีถึงไม่มา ไหนตอนแรกบอกว่าแล้วพบกันยังไงล่ะ ตั้งใจจะหลบหน้าเขา หรือเพราะป่วยจริงๆ กันวะ

เดินขึ้นเขาทางชันแล้วก็ไกลซะด้วย แดดก็ร้อน หรือจะไม่สบายจริงๆ พอนึกว่าคนอ่อนวัยกว่าไม่สบาย ตัวเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ไปอีก

เตชิตส่ายหน้าไปมาแรงๆ พลางยกมือขึ้นคลึงขมับ

แล้วหลังจากนี้... เรื่องของคีรีกับเขาจะเป็นอย่างไร เขาควรจะทำอย่างไรต่อไปดี?



เมื่อกลับไปถึงคลินิกก็พบว่าเพื่อนรักนั่งรออยู่ที่โซฟาชั้นล่าง เตชิตยิ้มกว้างพร้อมกับเดินเข้าไปหา

“นั่งทำไรวะ”

“รอมึงไง”

เตชิตทิ้งตัวลงนั่งข้างกัน “แล้วเด็กมึงไปไหน”

“หลับอยู่ข้างบน” รวินท์เอื้อมมือไปตบลงบนตักเพื่อนรัก “สัสเต้ มีไรจะบอกกูมั้ย”

เจ้าของชื่อประสานสายตากับคนถาม พลางยิ้มแห้ง “มีไรวะ”

“กูรู้เรื่องเด็กคีรีนั่นแล้วนะ”

เตชิตเลิกคิ้วขึ้น “เฮ้ย รู้ได้ไง”

“กูเจอเขากับเพื่อนๆ แก๊งเขาตอนลงจากดอย ได้คุยกันนิดหน่อย”

“เพื่อนๆ?”

“ก็เหมือนที่มึงกับกูสงสัยกันนั่นละ ผู้ชายสองคน กับผู้หญิงอีกสองคนที่เคยเข้ามาหากูที่คณะวิดวะ อยู่บริหารปีสอง เรียนด้วยกัน อยู่แก๊งเดียวกันกับเด็กคีรีนั่น”

เตชิตพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “อืม เล่นเป็นชาวเขาซะเนียนเลยแม่ง กูเกือบจะเชื่อแล้วเนี่ย”

“มึงรู้ใช่มั้ย ว่าเขารู้จักมึงมาก่อนที่มึงจะรู้จักเขาด้วย”

“อือ ก็เพิ่งรู้วันนี้นี่แหละ แถมยังเป็นหลานหมอภูมิอีกต่างหาก ลำบากเลยกู” เตชิตพูดพร้อมหัวเราะกลบเกลื่อน

“ดูมึงไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่เลยว่ะ”

“ตกใจสิวะ แต่กูเองก็รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ใช่ชาวเขาธรรมดา กูรู้ว่าเขามีเรื่องปิดบังกูอยู่ตลอดเวลา”

“ได้รู้ความจริงสักทีก็ดีเหมือนกันนะ”

“อืม” เตชิตพยกหน้าหงึกๆ

“แล้วมึงจะเอาไงต่อไปวะ”

“กูก็ไม่รู้ว่ะ เมื่อตอนเย็นเขาก็ไม่มากินข้าวด้วย เลยไม่ได้คุยกัน”

“อาจจะกลัวว่ามึงยังโกรธอยู่ล่ะมั้ง” รวินท์สบตากับเพื่อนรัก “ถ้าเขาถอยขึ้นมา มึงจะทำไง”

“จะทำไงได้วะ” เตชิตหัวเราะเจื่อนๆ แต่ในใจก็ยอมรับว่าเป็นกังวล เพียงแค่นึกถึงก็เจ็บแปล๊บๆ ในอก “ก็คงแปลว่าที่ผ่านมาเขาหลอกกูสนุกๆ เท่านั้นละมั้ง”

“แต่มึงรู้จักเขามาพักนึงแล้ว ก็น่าจะพอรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ใครมันจะบ้าหรือว่างมากขนาดจะมาไล่ตามหลอกหลอนมึงกันวะ”

“.....”

“กูว่าเขาไม่ถอยหรอก เดี๋ยวคงหาหนทางเข้ามาหามึงเพื่ออธิบายเหตุผลกับปรับความเข้าใจแหละ มึงสบายใจเถอะ ทั้งรักทั้งหลงมึงจนจะบ้า ไม่รู้หน้ามืด โง่ฉิบหายหรือตาบอด”

“อ้าว ไอ้เหี้ย! นี่มึงพูดถึงไอ้พิงค์อยู่เรอะ!”

รวินท์หัวเราะ แล้วเอื้อมมือไปกุมมือเพื่อนรักไว้ “มึงอะ ชอบเขาเข้าแล้วอะดิ”

“....”

“มึงเป็นเพื่อนรักกูนะ คิดว่ากูดูท่าทางมึงไม่ออกรึไง”

“เมื่อก่อนไม่เห็นเคยใส่ใจ”

“สัส หาเรื่องกูอีก” รวินท์ยกมืออีกข้างที่ว่างส่งนิ้วกลางให้ “รักกูมาก อยากเป็นอมตะอยู่คู่กะกูก็บอกมาตรงๆ เว้ย”

เตชิตยิ้มบางพลางกุมมืออีกฝ่ายตอบ “ยังไม่แน่ใจว่ะ แต่ก็รู้สึกดีที่มีเขา”

“งั้นก็อย่าเพิ่งปิดใจตัวเอง ให้เวลา ให้โอกาสเขาพิสูจน์ตัวเองหน่อยละกัน” รวินท์ฉุดเพื่อนรักให้ลุกขึ้น “ปะ ขึ้นไปนอนกันเหอะ”

“จะชวนไปสามพีกับเด็กมึงเหรอวะ”

“ไอ้เวร! นอนสาวไหมไปคนเดียวเถอะโว้ย!” รวินท์ยกขาเตะเพื่อนรักไปเบาๆ จากนั้นก็กอดคอพากันเดินขึ้นชั้นบนไป



*TBC*


เอาอีกครึ่งมาลงแย้วค่าาา ไม่แจกมาม่าแย้วนะคะ หมดสต็อก 55555 มีแค่ตอนที่แล้วน่ะแหละะะะ

หมอเต้น่ารักจะตายไป ปลงมากก่านี้ก็ไปบวชเถอะ อย่ามีเลยแฟน 55555  :jul3:

ส่วนเด็กดอยหายตัวไปไหน ทำไมไม่ยอมมากินข้าวด้วย อันนี้ต้องรอดูสถานการณ์ตอนหน้านะค้าาา

สุขสันต์วันแห่งความรักล่วงหน้าด้วยค่ะ  :mew1:

ขอบคุณคนอ่านทุกๆ คนมากๆ เลยน้าาา วันนี้วันเกิดฮัสกี้แหละ คลานเข่ามาขอรับ SIN รับ PORRRRN (กระดกลิ้นเยอะๆ) จากทุกคนค่า  :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 13-02-2019 17:24:28
น้องคีรีป๊อดซะล้าวว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 13-02-2019 17:41:09
ฟังความจากผู้ใหญ่ฝั่งเด็กดอย หมอเต้ก็น่าจะพอรู้อยู่นะ เด็กดอยพยายามเข้าหาแล้วแต่ไม่ได้อยู่ในสายตาหมอเต้ซะที น่าสงสารออก  :hao5:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 13-02-2019 17:50:09
หมอเต้รอเขามาง้อใช่มั้ยล่ะ :hao3:

สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดจ้า ขอให้สุขสมหวังมีคนติดตามอ่านนิยายเยอะๆ :L2: :HBD4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 13-02-2019 18:04:31
พี่หมอเต้เป็นคนมีเหตุผลดีจัง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-02-2019 18:04:51
 o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 13-02-2019 18:13:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 13-02-2019 18:37:36
พี่หมอใจแข็งไว้นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-02-2019 19:00:36
 :really2: :really2:
ตอนนี้ แซนดี้ฟินกว่าใครสุดๆ ดีใจด้วยที่มีงานรอรับ
ส่วนคุณตา-คุณลุง ก็เห่อหลานมากเกินไป ก็คนแก่นะ
สำหรับพี่หมอเต้ ยังไงก็หนีเด็กดอยไม่พ้นหรอก
ในเมื่อแนวร่วมคิดทั้งหมดเทมาที่เด็กดอยหมดแล้ว
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 13-02-2019 19:03:12
มันเป็นแผนค่ะพี่หมอออออ อย่าไปหลงเชื่อ เด็กมันร้ายยยย 555


HBD คุณฮัสกี้จ้า สุขภาพแข็งแรง ปราศจาก​โรคภัย จะได้มีแรงแต่งนิยายดีๆ ต่อไปนานๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 13-02-2019 19:43:47
เด็กดอยหายไปไหนน้า ทำไมไม่มาเคลียร์กับหมอเต้ ลุ้นจะแย่แล้วเนี่ย
สุขสันต์วันเกิดไรท์เตอร์ด้วยน้าจ๊ะ มีความสุขสุขภาพแข็งแรง รวยๆ น้า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 13-02-2019 19:56:36
ชอบที่เขียนแบบไม่ม่าเยอะค่ะ  :L2: :pig4:
   :b: ฮัสกี้ ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง สมหวังในสิ่งที่ดีที่ปรารถนาไว้นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 13-02-2019 19:58:58
เห็นมะ คีรีน่ะพยายามเข้าหาหมอเต้แบบตัวเองเพียวๆแล้ว
แต่หมอเต้น่ะไม่สนใจเอง คีรีก็ต้องหาวิธีอื่นซิเนอะ
แล้ววิธีที่ทำและได้ผล คีรีก็ไม่ได้คิดเองนะ
หมอเต้เปิดทางให้เองด้วยจำได้ไหม
คีรีก็แค่เออออไปตามความเข้าใจผิด

รอดูเด็กดอย(ปลอม)ตามง้อหมอเต้ผู้มีใจตอบดีกว่า อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-02-2019 20:08:32
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 13-02-2019 21:59:08
HBD. คัฟ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 13-02-2019 22:21:35
กคีรีต้องหนีไปตั้งหลักวางแผนมาง้อแน่ๆเลย

Happy Valentine ค่ะะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-02-2019 22:48:56
 :pig4: :pig4: :pig4:

เด็กดอยหลบทำใจ ตั้งหลัก พร้อมกับวางแผนสารภาพปรับความเข้าใจอยู่กระมัง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 13-02-2019 23:14:02
ชอบโมเม้นพี่วินกับพี่เต้คุยกันมากเลยค่ะ มิตรภาพระหว่างเพื่อน แมนๆแอบกวนทีนด้วย55
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 13-02-2019 23:45:54
อ่านมาตั้งนาน อินกะอีตรงชวนไป 3P นี่แหละ :o8:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 14-02-2019 00:23:48
รีบๆมาอธิบายให้หมอเต้ฟังนะคีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 14-02-2019 00:52:48
รีบมาคุยกันไวๆเน้อ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 14-02-2019 02:57:27
สงสารน้องคีรีจังครับ หวังว่าหมอเต้จะให้อภัยน้องนะครับ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 14-02-2019 14:56:51
ฮายุ้ยกับเจนนี่ มีความเสียงสองกับหมอวิน 555+
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-02-2019 01:45:01
รอน้องมาง้อหมอเต้เลยจ้า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 15-02-2019 22:02:32
คีรี แต้มบุญสูง ยังไม่ทันมาสารภาพบาปต่อหน้าหมอเต้ แต่เหมือนทุกอย่างเป็นใจ ให้หมอเต้ใจอ่อนยอมเข้าใจไปส่วนนึงเเล้ว รีบคลานเอาหัวใจมาวางแทบตักพี่เต้ เดี๋ยวนี้เจ้าเด็กบ้า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: ratti_kiki ที่ 16-02-2019 21:48:42
รอง้อ :mew3: :mew2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 17-02-2019 09:19:45
 :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 19-02-2019 17:10:01
ตื่นเต้น อยากเค้ามาง้อกันไวๆ เด็กดอยจะใช้วิธีไหนน้าง้อพี่หมอ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 19-02-2019 17:46:29
มารอทุกวัน เมื่อไหร่จะอัพพพพ  :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: Lonely_ket ที่ 19-02-2019 17:59:08
มารอทุกวัน เมื่อไหร่จะอัพพพพ  :hao7:

ใจเย็นๆค่ะ ปกติเค้าอัพทุกอังคาร แต่วันนี้มาฆบูชา เค้าอาจจะไม่ว่าง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 19-02-2019 18:04:39
อยากเห็นหมอวินเวอร์ชั่นอัพเกรดแล้วคบกะหมอเต้เลยแฮะ
น่ารักสุดๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 19-02-2019 19:37:28
มารอทุกวัน เมื่อไหร่จะอัพพพพ  :hao7:

ใจเย็นๆค่ะ ปกติเค้าอัพทุกอังคาร แต่วันนี้มาฆบูชา เค้าอาจจะไม่ว่าง

เราเป็นแฟนคลับคุณ husky จร้าา ปกติเค้าอัพ ภูสอยเดือนทุก 5 วัน เดือนอิงดอยช่วงแรกทุก 5 วัน หลังๆเป็น 6 วัน มีแค่ช่วงหลังดีเลย์เป็น 7 วันบ้าง วันนี้ครบ 6 วันเลยลองมาตามดูจร้า แล้วอีกประการคุณ husky อยู่เยอรมันค่ะ อาจจะไม่ได้หยุดมาฆบูชาเหมือนบ้านเรา เลยลองมาตามดูเผื่อฟลุค 555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 19-02-2019 21:02:08


Chapter 21 : เปิดตัว


หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนใส่ชุดนอนแล้ว ทันตแพทย์หนุ่มก็หยิบโทรศัพท์มือถือมาดู เมื่อเห็นว่าไม่มีข้อความหรือมิสคอลใดๆ จากเด็กหนุ่มก็วางโทรศัพท์ไว้หัวเตียง ทิ้งตัวลงนอนแล้วยกแขนก่ายหน้าผาก

พอคีรีหายตัวไปแบบนี้ เขารู้สึกไม่ดีเลย ใจมันโหวงๆ ชอบกล ทั้งที่จริงอีกฝ่ายก็เงียบหายไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น กลัวเขาโกรธมากเลยหรือไงวะ หรือว่าตอนนั้นเขาพูดแรงไป... หรือพอความจริงเปิดเผยก็จะถอย แล้วที่ทำลงไปทั้งหมดนั่นเพื่ออะไรกัน ไปๆ มาๆ ทันตแพทย์หนุ่มก็เป็นกังวลไปสารพัด จนนอนไม่หลับ

คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยได้สักพักเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบมาดู ก่อนจะสะดุ้งตัวลุกขึ้นนั่งเพราะเป็นสายเรียกเข้าจากคนที่เขากำลังนึกถึงอยู่พอดี

เตชิตถือโทรศัพท์ไว้นิ่ง รอให้เสียงเรียกเข้าดังหลายๆ ครั้งสักหน่อยเพื่อรักษาฟอร์ม แล้วจึงค่อยกดรับสาย “ว่าไง”

“ลงมาข้างล่างหน่อยได้มั้ยครับ ผมรออยู่ที่ข้างหน้าคลินิก”

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจ “เมื่อตอนเย็นบอกจะมาก็ไม่มา พอนึกอยากจะมาก็มาดึกๆ ดื่นๆ เนี่ยนะ ผมไม่ใช่เซเว่นนะเว้ยจะได้เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอะ ผมจะนอนแล้วเว้ย”

“ผมขอโทษ แต่... ลงมาหน่อยเถอะนะครับ ผมขอร้อง ผมมีเรื่องสำคัญต้องบอกคุณให้ได้”

“มีอะไรคุณก็บอกมาในโทรศัพท์นี่เลยสิวะ”

“ผมอยากจะบอกต่อหน้าคุณนี่ครับ ลงมาเถอะนะ... นะครับ”

สุดท้ายก็แพ้น้ำเสียงเศร้าๆ เข้าจนได้ เตชิตส่ายหน้าไปมาอย่างเซ็งตัวเอง “เออๆ ผมให้เวลาคุณสามนาทีเท่านั้นนะ” เขาเปิดประตูห้องเดินลงบันไดไปชั้นล่าง แต่พอเปิดประตูด้านหน้าคลินิกออกกลับไม่เห็นใคร เห็นเพียงรถ BMW คันหรูติดเครื่องจอดอยู่ข้างหน้าคลินิกเท่านั้น

แต่แล้วรถคันนั้นก็เปิดไฟหน้าขึ้น เร่งเครื่องโชว์เสียงท่อเล็กน้อย ก่อนเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลคาราเมลในเสื้อยืดกับกางเกงยีนขาดๆ จะก้าวลงมาจากรถพร้อมกับยกมือขึ้นเสยผม มีเสียงเพลงร็อคปลุกใจดังแว่วอยู่ทางด้านหลัง

เตชิตเลิกคิ้วขึ้น แวบแรกก็งงว่าเป็นเด็กแว้นหลุดมาจากไหน แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ารถที่จอดอยู่เป็น BMW ไม่ใช่ฮอนด้าเวฟ


อะไรวะเนี่ย?


ขณะที่ทันตแพทย์หนุ่มยืนงง คนอ่อนวัยกว่าก็เดินเข้ามาประจันหน้ากับเขา ใบหน้ายังคงเป็นคีรีคนเดิม แต่เปลี่ยนสีผมกลับไปเป็นสีเดียวกับที่เขาเห็นในรูปเมื่อตอนเย็นและตัดให้สั้นขึ้นอีกเล็กน้อย การแต่งตัวก็เปลี่ยนไป เด็กหนุ่มแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าไฮเอนด์ราคาแพงระยับตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าเลยทีเดียว

คีรีเอื้อมมือไปกุมมือเตชิตไว้ “คุณเตชิต ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกความจริงกับคุณ แต่ต่อจากนี้ไป ผมจะพูดความจริงกับคุณเท่านั้น ผมสัญญา” เขาหยุดสูดหายใจเข้าปอดลึก “ผมชื่อนคินทร์ ภูมิพัฒน์ธนากุล อายุยี่สิบ เรียนอยู่บริหารปีสอง ผมไม่ได้เป็นชาวเขา ไม่ได้อยู่ที่หอพักหลังสวนสาธารณะนั่น ไม่ได้ทำงานประจำที่โรงแรม แค่ไปช่วยงานคุณตาบ้างเป็นครั้งคราว และผมก็รักคุณเตชิตมานานแล้ว ก่อนที่เราจะพบกันที่เชียงรายซะอีก”

“สิ่งที่ผมทำลงไปทั้งหมด ก็เพื่อให้ได้เข้าไปอยู่ในสายตาของคุณบ้าง เพราะคุณไม่เปิดใจ ไม่เปิดโอกาสให้ใครเลย ผมพยายามเข้าไปหาคุณหลายครั้ง แต่คุณก็ไม่เคยสนใจผม วิธีที่ผมเลือกมันอาจจะเป็นวิธีที่ผิด แต่มันก็เป็นวิธีเดียวที่ผมนึกออก” เด็กหนุ่มหยิบซองใส่ธนบัตรหนึ่งร้อยบาทสุดท้ายขึ้นมา “เงินนี่ ผมไม่คืนคุณนะ และเราก็ยังมีสัญญาผูกปิ่นโตกันอยู่ด้วย ผมจะไม่ถอย แล้วก็จะไม่ยอมปล่อยมือจากคุณเด็ดขาด”

เตชิตประสานสายตากับดวงตาที่ฉายแววจริงจัง เด็กหนุ่มกระชับมือเขาแน่น แล้วจับไปวางบนแผ่นอกเหนือหัวใจที่กำลังเต้นรัวแรง

“เรามาเริ่มต้นใหม่กันนะครับ ตอนนี้ผมอาจจะดูเหมือนไม่ใช่คีรีคนที่คุณเคยรู้จัก แต่ผมก็ยังเป็นคีรีคนเดิมของคุณเสมอ แล้วผมจะพิสูจน์ให้คุณดู ว่าผมจริงจังและจริงใจกับคุณมากแค่ไหน” คนที่แร็พเป็นชุดหยุดพักหายใจชั่วครู่ จากนั้นก็ประกาศกร้าว “ต่อไปนี้ผมจะเดินหน้าจีบคุณต่ออย่างหนัก! แล้วคุณจะต้องตกหลุมรักผมแน่!”

เสียงเตือนจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ก่อนคีรีจะหยิบขึ้นมากดดู “ครบสามนาทีแล้ว ราตรีสวัสดิ์นะครับ” เขาปล่อยมือของทันตแพทย์หนุ่มออก หันหลังขวับ ก้าวเท้าฉับๆ ตรงไปยังรถที่จอดอยู่แล้วซิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

เตชิตยังคงยืนงงอยู่ที่เดิม รู้สึกเหมือนมีคลื่นซึนามิโถมเข้าใส่แล้วก็หายวับไปกับตา เด็กหนุ่มแร็พเป็นไฟใส่เป็นชุด ไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดอะไรเลยสักคำ เสร็จแล้วก็โกยแนบหายไปในสายลมเลย


อะไรวะ! บอกให้เวลาสามนาทีก็จะเอาสามนาทีจริงๆ จังๆ เลยเรอะ!


ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ ได้ยินคำยืนยันและคำสารภาพจากคนอ่อนวัยกว่าเช่นนั้นก็ราวกับยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก เขาส่ายหน้าไปมาช้าๆ แล้วพึมพำกับตัวเอง “เออ จะคอยดูก็แล้วกัน” จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในคลินิกพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า



เช้าวันอาทิตย์ก่อนเวลาเริ่มงานเล็กน้อย คนไข้ที่นัดไว้ทยอยมากันแล้ว เตชิตกับรวินท์ต่างก็ใส่เสื้อกาวน์พร้อมสำหรับการทำงาน แต่ระหว่างนั้นก็มีรถมอเตอร์ไซค์มาจอดส่งของที่หน้าตึก แมสเซนเจอร์หนุ่มยิ้มกว้างเดินถือกล่องใบใหญ่เข้ามาข้างใน “มีของส่งมาให้คุณเตชิตคร้าบ”

“หมอเต้ค้า มีของมาส่งค่า” พนักงานในคลินิกร้องเรียก

เจ้าของชื่อเรียกชะโงกหน้าออกมาจากประตูด้านหลังเคาทน์เตอร์ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นกล่องในมือแมสเซนเจอร์ “ของผมเหรอ”

รวินท์ผลักเพื่อนรักให้เดินออกไปรับของพลางชะโงกหน้าตามออกมาดู “อะไรวะ ไปดูดิ๊”

เตชิตเซ็นรับของ เสร็จแล้วก็เปิดกล่องออก จากนั้นก็หยิบของในกล่องขึ้นมา มันเป็นพวงมาลัยดอกพุดร้อยสลับกลีบกุหลาบสีชมพูขนาดคล้องข้อมือได้พร้อมกันสองข้าง ห้อยอุบะดอกรักและดอกกุหลาบเป็นพวงใหญ่

“พวง...มาลัย”

ใครส่งมาไหว้กูวะเนี่ย! อย่าบอกนะว่า...!

“สวยจังค่ะคุณหมอ” คนไข้ที่มานั่งรอ พนักงานที่เคาทน์เตอร์และผู้ช่วยทันตแพทย์เอ่ยชม

ขณะที่เตชิตยิ้มเจื่อนๆ รวินท์ก็เดินเข้ามาสะกิดให้ดูการ์ดใบเล็กๆ ที่แนบมาในกล่องด้วย พอเจ้าของการ์ดพลิกดูเท่านั้น ทั้งสองหนุ่มก็เลิกคิ้วขึ้น

‘ขอโทษสำหรับเรื่องที่ผ่านมา ให้โอกาสผมสักครั้งนะครับ ด้วยรักและเคารพสุดใจ /คีรี’

“ยุคนี้ยังมีคนจีบกันด้วยพวงมาลัยอีกเหรอวะเนี่ย!”

“ไอ้สัส อย่าเพิ่งตกใจมาก เก็บไว้รอบหน้าบ้าง เผื่อกูได้ดอกบัว”

คู่หูเพื่อนซี้มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะลั่น ก่อนจะกอดคอกันเดินกลับเข้าห้องตรวจไป

“ไอ้เด็กนั่นมันเห็นมึงเป็นพ่อเหรอวะ”

“ไม่พ่อก็คงญาติผู้ใหญ่ว่ะ กูละปวดหัวฉิบหาย”

รวินท์อมยิ้ม “แต่หน้ามึงบานเป็นฝาโอ่งแบบนี้ แปลว่าได้คุยกันแล้วอะดิ”

“นิดหน่อย”

“แล้วเป็นไงวะ”

“ก็ไม่เป็นไง”

“สัส เล่นตัวจัง มีอะไรก็เล่ามาเร็วๆ”    

เตชิตหัวเราะ “ไม่มีเว้ย เขาก็แค่บอกว่าเขาจริงจัง และก็จะไม่ถอย แค่นั้น”

“โว้ะ!”

“หึงใช่มะ”

รวินท์หยิกแก้มเพื่อนรักอย่างหมั่นไส้ “ตื่นได้แล้วไอ้เหี้ย!”



วันจันทร์หลังเวลาเลิกงาน เตชิตกับรวินท์เดินกลับหอพักไปด้วยกันเหมือนทุกครั้ง วันนี้พวกเขาตกลงกันว่าจะกินข้าวกันที่ห้องของรวินท์ โดยมีเจ้าของห้องรับหน้าที่พ่อครัว

ระหว่างที่รวินท์หุงข้าวและทอดไข่กับหมูยอ เตชิตก็แยกตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ก่อนจะเดินลงไปที่ห้องของเพื่อนรัก เสียงจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เขาจึงรีบหยิบขึ้นมาดู ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วกดรับสาย

“ครับ หมอภูมิ”

“หมอเต้อยู่ที่หอพักแล้วใช่มั้ย”

“ใช่ครับ มีอะไรรึเปล่าครับ”

“มีนิดหน่อยนะ หมอเต้ว่างอยู่รึเปล่า ผมอยากขอรบกวนเวลาหมอเต้สักสิบนาทีได้มั้ย ลงมาข้างล่างหอพักหน่อยสิ”

“อ้อ ได้ครับ รอเดี๋ยวนะครับ”

พอลงลิฟต์โดยสารมาถึงชั้นล่าง ยังไม่ทันเปิดประตูออกจากตึกก็ต้องผงะ เพราะใบหน้าคุ้นเคยของชายสูงวัยที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะม้าหินใต้หอกับหัวหน้าของเขา มาแบบแพ็คคู่เลยเว้ย~

คุณไกรฤกษ์นั่งตรงที่หลานชายเคยนั่ง แถมยังนั่งท่าเดียวกันซะด้วย

เตชิตรีบรุดเดินเข้าไปหาพร้อมยกมือไหว้ “สวัสดีครับ เอ่อ...”

“สวัสดีคุณเต้ ขอโทษที่จู่ๆ ก็มารบกวนนะ นี่ๆ ฉันเอาของอร่อยมาฝาก” ไกรฤกษ์ชี้ไปที่ถุงใส่อาหารมากมายบนม้านั่งข้างตัว

“โอ้โห ขอบคุณท่านมากเลยครับ ที่จริงไม่ต้องลำบากหอบมาก็ได้นะครับ ผมเกรงใจ” ทันตแพทย์หนุ่มพูดไปเช่นนั้น แต่ในใจก็คิดว่า ลาภปากไอ้วินเพื่อนสุดที่รักของเขาเลยนะเนี่ย

“คือ... ผมกับคุณไกรฤกษ์มีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากหมอเต้สักหน่อยน่ะ โอ๊ย ยุงกัด หอพักแพทย์นี่ยุงดุจริง” ภาคภูมิยกมือขึ้นตบแขนตัวเองดังเปาะแปะ

“นั่นสิ” ชายสูงวัยก็เอากับเขาด้วย พอตบๆ ตามแขนแล้วก็ยกมือขึ้นเกาตามลำคอ

เตชิตขมวดคิ้ว คือว่าบั่บ... ไอ้ยุงก็มีบ้าง แต่ไม่ดุขนาดนั้นหรือเปล่าวะ หรือยุงจะชอบเลือดคนมีอายุหน่อยถึงได้เลือกกัดจัง

ทว่าเมื่อผู้ใหญ่พูดแบบนี้แล้ว ไอ้เขาผู้น้อยจะทำไงได้

“ถ้าไม่รังเกียจ ไปนั่งคุยกันที่ห้องผมมั้ยครับ”

“ไปสิไป แหม ขอบใจจริงๆ นะคุณเต้” ไกรฤกษ์ลุกพรวด เขาเดินยิ้มร่าไปรอตรงประตูทางเข้าเรียบร้อย ส่วนเจ้าของห้องก็รวบถือถุงใส่อาหารไว้ในมือแล้ววิ่งตาม

เมื่อขึ้นไปถึงห้องพักแล้วทันตแพทย์หนุ่มก็เชิญให้ผู้ใหญ่ทั้งสองไปนั่งลงบนโซฟา ส่วนเขาก็รีบรุดเข้าครัวไปเตรียมน้ำดื่มให้ จากนั้นก็เดินกลับมานั่งลงบนพื้น

“ขอบใจนะ ห้องหมอจัดไว้น่าอยู่เชียว” ชายสูงวัยอมยิ้มพลางหันมองไปรอบๆ เขายกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะหันมาสบสายตากับทันตแพทย์หนุ่มเจ้าของห้อง “คือว่านะคุณเต้ ฉันมีเรื่องอยากจะรบกวนสักหน่อย เรื่องของคีรีน่ะ”

พอได้ยินชื่อเท่านั้นเตชิตก็ยิ้มแห้ง หัวใจร่วงลงไปอยู่ชั้นสามใต้ถังขยะห้องไอ้วินเพื่อนรักเรียบร้อย “มีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้เหรอครับ”

“คือว่าฉันน่ะ จะไปธุระต่างประเทศสองเดือน แต่เป็นห่วงคีรีน่ะสิ ปกติฉันก็ไปๆ มาๆ คอยดูแลเขาอยู่บ่อยๆ ถ้าฉันไม่ว่างคุณภูมิก็จะไปดูแลเขาให้ แต่นี่คุณภูมิก็ไม่ว่าง เขาเลยต้องอยู่คนเดียว ไม่มีใครดูแลเลยน่ะสิ”

แหม... เด็กแก่แดดนั่นอายุยี่สิบแล้ว พูดเหมือนเป็นเด็กสิบห้าไปได้ เตชิตนึกหมั่นไส้อยู่ในใจ เขาหันขวับไปทางภาคภูมิทันที

“ผมมีประชุมที่กรุงเทพฯ หาดใหญ่กับขอนแก่น แถมต้องไปดูงานที่สิงคโปร์กับญี่ปุ่นด้วย มีโปรแกรมเดินทางตลอดเลย ตรงกับช่วงที่คุณไกรฤกษ์ไปต่างประเทศพอดี”

ชายสูงวัยพยักหน้าหงึกๆ “เพราะงี้ฉันเลยอยากจะรบกวนคุณเต้สักหน่อย ช่วยเป็นผู้ปกครองให้คีรีแทนฉันชั่วคราวได้ไหม แวะไปดูแลเขาให้ฉันสักอาทิตย์ละสองวัน ฉันมีสินน้ำใจตอบแทนให้ด้วยนะ”

“ฮ...ฮะ?”

ภาคภูมิพูดต่อ “แล้วไหนๆ ถ้าหมอเต้จะเข้าเชียงใหม่ ก็เข้าไปทำคลินิกแทนผมด้วยเลยละกัน จะได้ไม่เสียเที่ยวนะ ผมจะได้ไม่ต้องหาหมออื่นมาทำคลินิกแทนด้วย อาทิตย์ละสองวันเท่านั้น ส่วนหมอเต้ก็ได้สองต่อเลยนะเนี่ย”

“เอ่อ...”

“แต่ถ้าลำบากใจก็ไม่เป็นไรนา ฉันแค่ลองถามดูน่ะ ปกติฉันก็ไม่ค่อยจะไว้ใจใคร แต่ก็เห็นว่าคุณเต้น่าจะไว้ใจได้ แล้วคีรีเองก็ดูจะชอบคุณด้วย ถ้าเป็นคนอื่นฉันก็กลัวว่าเขาจะดื้อ ไม่ยอมให้เข้าใกล้น่ะสิ” ไกรฤกษ์เอื้อมมือไปแตะไหล่ทันตแพทย์หนุ่มพลางโน้มตัวเข้าไปหา “ที่สำคัญนะ คุณเต้อายุไม่ห่างจากคีรีมาก เขาอาจจะหลุดปากปรึกษาอะไรบ้าง กับฉันน่ะ เขาไม่ค่อยเล่าอะไรสักเท่าไหร่”

“ปรึกษา? เรื่องอะไรเหรอครับ”

“ฉันอยากรู้น่ะว่าเขากำลังจีบใครอยู่”

เย้ย~ เตชิตอยากจะลุกขึ้นดึงทึ้งเส้นผม แต่เวลานี้ทำได้แค่รักษามาดทันตแพทย์ที่น่าเคารพไว้ โดยไม่หวั่นไหวต่อเหงื่อเม็ดเป้งๆ ที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด

“ได้ยินว่าเขาไปไหนมาไหนกับสองสาวบ่อยๆ นะ สวยน่ารักทั้งคู่เลยด้วย ฉันก็แค่อยากรู้จักไว้น่ะนะ ไม่ได้จะห้ามอะไรเขาหรอก”

ทันตแพทย์หนุ่มชะงักกึก ผู้หญิงสองคนงั้นเหรอ? เขาขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงขรึม “อาจจะเป็นเพื่อนในกลุ่มคุณคีรีรึเปล่าครับ”

“ก็คงใช่ล่ะนะ” ชายสูงวัยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดู เสร็จแล้วก็ส่งต่อให้เตชิต “สองคนนี้ไง พอดีคุณนทีไปคุมงานวันซ้อมเดินขบวนรับน้องขึ้นดอย เลยถ่ายรูปคีรีส่งมาให้ฉันดูน่ะ” ภาพบนจอโทรศัพท์เป็นภาพของคีรีและสองสาวในวันซ้อมใหญ่ ซึ่งพวกเธอคอยดูแล พัดวีและซับเหงื่อให้

เขาจำหน้าสองสาวที่เคยพบนั่งพับถุงอยู่ในห้องพักของคีรีไม่ได้ หากก็คิดว่าพวกเธอน่าจะเป็นเพื่อนในกลุ่มนั่นละ แต่ท่าทางสนิทสนมแบบนี้นี่มันก็... ดูเยอะไปนิดปะวะ

แต่เดี๋ยว ดูวันที่แล้ว นี่มันวันที่คีรีบอกจะมาหาเขาแล้วก็ไม่มา แถมยังกลับดึกด้วยนี่หว่า หมายความว่าไปกับผู้หญิงสองคนนี้เรอะ แล้วที่ว่าไปค้างกับเพื่อน ค้างกับสองคนนี้หรือเปล่าวะ เตชิตชักรู้สึกหัวร้อนขึ้นมาตงิดๆ

“ตกลงไหมคุณเต้ ถือว่าช่วยคนแก่เถอะนะ”

เตชิตถอนหายใจ ยังไงก็แค่อาทิตย์ละสองวัน จะปฏิเสธทั้งหัวหน้าและแขกคนสำคัญของหัวหน้าก็คงไม่ค่อยดีนัก แต่เขาไม่ได้สงสัย ไม่ได้อยากเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับคีรีหรอกนะ มันแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นเว้ย หาเหตุผลให้ตัวเองเสร็จก็พยักหน้าหงึกๆ “ก็ได้ครับ”

ไกรฤกษ์ยิ้มกว้าง เขาหันไปหยิบซองสีขาวมีตราธนาคารมาส่งให้ “ขอบใจคุณเต้มาก นี่เป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากฉัน รับไว้สิ”

“ไม่ต้องหรอกครับ”

“แต่คุณเต้ต้องเสียเวลา ไหนจะค่าน้ำมันรถอีก”

“ไม่หรอกครับ ยังไงผมก็ไปทำคลินิกแทนหมอภูมิอยู่แล้ว แค่แวะไปดูคุณคีรีด้วยเท่านั้นเอง”

“คุณเต้นี่น่ารักจริงๆ เลย” ชายสูงวัยยกมือขึ้นตบไหล่ทันตแพทย์หนุ่มเบาๆ “ขอบใจมากนะ ถ้าคุณเต้มีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยก็ติดต่อมาได้ตลอด มาๆ เอามือถือมาเมมเบอร์ฉันไว้ จะได้เอาไว้โทรคุยกันเรื่องคีรีด้วย”

เตชิตยิ้มแหยๆ “ได้ครับ”

หลังจากนั้นทันตแพทย์หนุ่มก็ได้รับคีย์การ์ดและกุญแจห้องมาหนึ่งชุด พร้อมกับตารางเรียนของเด็กหนุ่ม แล้วเขาก็เดินมึนๆ ลงไปส่งผู้ใหญ่ทั้งสองท่านที่ลานจอดรถ

เมื่อเดินกลับเข้าไปในห้องพักก็หอบถุงใส่อาหารลงไปยังห้องของเพื่อนรัก อีกฝ่ายนั่งหน้าบูดเป็นตูดรอเขาอยู่ที่โต๊ะอาหาร

“หิวยัง รอนานเปล่าวะ”

“นานเว้ย หิวจะตายห่าอยู่แล้ว มึงจะอาบน้ำขัดเหี้ยอะไรนัก”

“อย่าเพิ่งหงุดหงิดน่ะ พอดีหมอภูมิกับคุณไกรฤกษ์แวะมาคุยธุระว่ะ เลยเอาของกินมาฝากด้วย”

ดวงตาของรวินท์เป็นประกาย เขาลุกขึ้นเดินเข้าไปโอบไหล่เพื่อนรักทันที “มีธุระอะไรวะ” ถึงจะถามเช่นนั้นแต่ตาจ้องของกินเขม็ง

“เดี๋ยวเล่าให้ฟัง แกะกินก่อนเหอะ กูหิว”

“เออๆ ตามใจมึง”

ขณะที่นั่งกินอาหารกันไปเจ้าของห้องก็เล่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ ในห้องพักของเขาให้เพื่อนรักฟังไปด้วย

“สรุปว่ามึงก็รับ?”

“กูก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้วปะวะ”

“มึงปฏิเสธหมอภูมิกับคุณไกรฤกษ์ไม่ได้ หรือมึงปฏิเสธใจตัวเองไม่ได้กันแน่วะ”

เตชิตนิ่งอึ้ง เขาถอนหายใจหนักๆ ตักอาหารในจานกินไปอีกสักพักจึงพูดต่อ “ที่จริง... เรื่องของกูกับคีรีที่เคยเล่าให้มึงฟัง มันมีมากกว่านั้น”

“หือ” รวินท์หันไปมองท่าทีเพื่อนรักอย่างระแวง “กูควรรีบแดกมั้ย เผื่อกูฟังแล้วจะแดกไม่ลง”

“รีบแดกเหอะ หัวกูจะได้ปลอดภัยด้วย เผื่อมึงจะเอาจานคว่ำใส่หัวกู เสียดายของ”

“สัส กูกลัวแล้วว่ะ แดกไม่ลงแล้วเนี่ย” ปากพูดไปเช่นนั้นแต่มือก็รีบจ้วงอาหารในจานใส่ปาก

เตชิตรอจนเพื่อนรักกินอาหารหมดจานจึงค่อยคลานเข่าเข้าไปนั่งข้างๆ “อิ่มยัง”

“อิ่มก็ได้วะ” รวินท์มองคนที่อยู่ข้างกันอย่างหวาดๆ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเมื่ออีกฝ่ายตั้งท่าคุกเข่าแล้วก้มลงกราบตรงหน้าเขา “เย้ย! มึงจะกราบกูทำไมไอ้บ้า! กูไม่มีเลขเด็ดให้มึงเอาไปแทงหวยหรอกนะ!”

“ไม่ใช่เว้ยสัส” เตชิตถอนหายใจยาว สองมือขยำขยี้กางเกงที่ตนเองใส่อยู่ ใบหน้าก้มลงต่ำอย่างสำนึกผิด “กู... กูว่ามันถึงเวลาที่กูต้องสารภาพความจริงทั้งหมดกับมึงแล้ว”

“ฉิบหาย!” รวินท์รู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ เขากระเถิบถอยหลังไปเล็กน้อย ยกมือขึ้นเกาศีรษะแล้วพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “เอาเหอะ มึงมีอะไรก็เล่ามาเหอะ กูพอจะทำใจได้แล้ว”

“คือ... ตอนไปเชียงรายน่ะ หลังกลับมาจากไนต์บาซ่า คีรีมาส่งกูที่โรงแรม แล้วเขาก็มาหากูที่ห้อง เอาไวน์มาให้ดื่ม แล้วแบบ... กูก็เมาไง ก็มึนอะ คิดถึงมึงด้วย ไม่รู้ยังไง มองไปมองมา กูก็คิดว่าเขาคล้ายมึงดี ใช้อาฟเตอร์เชฟกลิ่นเดียวกันไปอีก กูก็เลย...”

“มึงมองยังไงว่าไอ้เด็กนั่นคล้ายกูวะ”

“นั่นไม่ใช่ประเด็นมั้ยไอ้เวร”

“แล้วไงต่อล่ะ มึงปล้ำเด็กนั่นเพราะเมาแล้วนึกถึงกูรึไง”

“อือ”

“ไอ้เพื่อนเหี้ย! กูพูดเล่น! นี่มึงต้องรักกูขนาดไหนวะเนี่ย!”

“มึงก็รู้อยู่แก่ใจ ว่ากูรักมึงมากแค่ไหน” เตชิตพูดเสียงเศร้า

รวินท์ขมวดคิ้ว ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปถาม “ไอ้สัสเต้ มึงปล้ำเด็กสิบแปดเนี่ยนะ!” แต่แล้วก็ชะงัก “แต่เอ๊ะ เขาอยู่ปีสองแล้วนี่หว่า”

“ยี่สิบแล้วเว้ย!” เตชิตรีบแก้ตัว ถึงตอนนั้นเขาจะยังไม่รู้อายุจริงของเด็กหนุ่มก็เถอะ “มึงไม่ต้องทำเหมือนกูเป็นผู้ร้ายพรากผู้เยาว์ขนาดนั้น!”

“อ่อๆ โอเค โหย ยี่สิบก็ไม่เด็กแล้วปะวะ ปล้ำได้ๆ”

“นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นเว้ย มึงจะรีบออกทะเลไปหาปลาที่ไหนวะ กลับมาก่อน”

“เออ โทษทีว่ะ”


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 20 : ความรักของเพื่อน 2/2 [130219]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 19-02-2019 21:02:33


ระหว่างเพื่อนรักทั้งสองเงียบกริบไปชั่วครู่ เพราะคุยกันจนออกทะเลแล้วกลับมาต่อยังไม่ติด รวินท์เองก็ยังงงๆ เขาควรจะกลุ้มใจเรื่องที่ไอ้เพื่อนรักไปปล้ำคนอื่นแทนเขา หรือที่มันรักเขาขนาดปล้ำคนอื่นเพราะคิดว่าเป็นเขาได้ หรือที่มันไปปล้ำเด็ก หรือ... โว้ย! ปวดหัวสัส!


“กูขอโทษจริงๆ ว่ะ ทั้งที่มึงอุตส่าห์ไว้ใจกู...” ในที่สุดเตชิตก็ต่อติดจนได้

รวินท์ถอนหายใจ “เอาเหอะ มึงก็ไม่ได้ปล้ำกูจริงๆ สักหน่อย ไปกลุ้มใจเรื่องเด็กที่มึงปล้ำเถอะ” พูดไปแล้วก็ขมวดคิ้ว “แต่เดี๋ยวนะ... มึง...มึงปล้ำเด็กนั่นจริงๆ เหรอวะ”

“อือ”

“มึงแน่ใจเหรอ”

“กู... ก็ไม่แน่ใจหรอก แต่สภาพห้อง สภาพเตียงและสภาพกูบอกว่าอย่างนั้น”

รวินท์ทำหน้างง “สภาพมึง? คือ... ยังไงวะ มึงปล้ำเขา หรือเขาปล้ำมึงกันแน่”

“อะไรทำให้มึงถามกูแบบนี้วะ!”

“ก็เด็กนั่นรู้จักมึงมาก่อน” รวินท์นิ่งคิดไปอีกชั่วครู่ “เรื่องที่เกิดในไนต์บาร์ซ่ามันอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่การที่เขาไปหามึงถึงห้องน่าจะจงใจ แล้วมึงก็เมาแอ๋ ถึงขนาดมองว่าเด็กนั่นเป็นกูไปได้ซะด้วย เพราะงั้น...”

เตชิตขมวดคิ้วครุ่นคิด เหตุการณ์ในคืนนั้น คีรีก็เอาแต่พูดว่าเต็มใจ เพราะงั้นก็น่าจะจงใจมาหาเขาจริงๆ แต่เด็กหนุ่มก็บอกว่าไม่ต้องรับผิดชอบอะไรด้วย หรือว่าที่จริง... เขาทำหน้าเครียดหนักกว่าเดิมไปอีก


“ไอ้เต้... กูถามจริง ตอนเช้าอีกวันน่ะ มึงเจ็บตูดบ้างมั้ยวะ”


“เฮ้ย! กู... กูว่าไม่นะ” คนถูกถามเบิกตากว้าง ภาพรอยจูบตามเนื้อตัวลอยเข้ามาในความคิดเป็นช็อตๆ มาถึงตอนนี้เขาก็ชักไม่มั่นใจแล้วโว้ย “เรื่องนั้นช่างแม่งก่อน ไม่ว่าใครจะปล้ำใคร เรื่องที่สำคัญคือตอนนั้นกูนึกว่าเขาเป็นชาวเขา แล้วกูก็แก่กว่าเขาหลายปี ยังไงเขาก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบมากกว่ากู เพราะงั้นกูก็ควรจะเป็นคนรับผิดชอบถูกมั้ยวะ หลังจากนั้นกูก็เลยพยายามจะรับผิดชอบสิ่งที่กูทำลงไปไง แต่เขาบอกว่าเขาเต็มใจ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร แต่จะขอมาเจอกูบ้าง... ไปๆ มาๆ ก็อีรุงตุงนัง จนเป็นอย่างที่มึงเห็นนี่แหละ”

รวินท์ยกมือขึ้นเกาศีรษะแกรกๆ “เออๆ แต่ถึงตอนนี้ กูว่ามึงต้องแยกออกแล้วนะ ว่าความรู้สึกมึง คือแค่ต้องการรับผิดชอบ หรือเพราะมึงชอบเขา”

เตชิตนิ่งขรึม “กู...ยังไม่แน่ใจ”

ทั้งสองนิ่งอึ้งไปอีกครู่ใหญ่ ผลัดกันกุมขมับครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนรวินท์จะพูดขึ้น

“มึงพูดถูกว่ะ กูแดกต่อไม่ลงเลย”

“ไหนมึงว่าอิ่มแล้วไงวะ”

“ก็อิ่มแล้วไง ดีที่กูเชื่อมึงเลยรีบแดก” ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้าไปมา “กูว่า มึงก็ลองปล่อยไปเรื่อยๆ ก่อนละกัน ทำตามที่ใจมึงเองต้องการเหมือนที่ผ่านๆ มา แล้วก็ค่อยๆ ทำความรู้จักกับตัวตนที่แท้จริงของเขาไปด้วย อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่อย่างน้อยก็น่าจะช่วยทำให้รู้ว่าที่จริงแล้วมึงรู้สึกยังไงกันแน่”

“อืม” เตชิตยิ้มบาง “เดี๋ยวนี้เก่งเนอะ เป็นที่ปรึกษาเรื่องความรักก็ได้”

“กูจะถือว่ามึงชมละกัน แล้วนี่... จะเริ่มไปลาดตระเวณเด็กนั่นเมื่อไหร่”

“อีกสองอาทิตย์ หลังคุณไกรฤกษ์ไปนอกว่ะ”

“อือ พอได้ใกล้ชิดกัน บางทีมึงอาจรู้ใจตัวเองมากขึ้นนะ อย่าปล้ำกันเพลินก็แล้วกันว่ะ หยุดคิดบ้างไรบ้าง”

เตชิตผลักศีรษะเพื่อนรักออกไปเบาๆ พลางยิ้มเจื่อนๆ “ไอ้บ้า”



ช่วงบ่ายๆ วันเดียวกัน คีรีขับรถคันสวยของเขาไปจอดในที่จอดรถใกล้ๆ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จากนั้นก็เดินดุ่มๆ เข้าไปในตึก แล้วถามหาภูพิงค์กับทุกคนที่เดินผ่านหน้า จนกระทั่งเจอตัว อีกฝ่ายกำลังนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบมิดเทอมอยู่กับเพื่อนๆ

คีรีปราดเข้าไปหา แล้วยกมือไหว้รอบโต๊ะ “พี่ภูพิงค์ครับ ผมขอเวลาพี่แป๊บได้มั้ยครับ”

เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้น ปากที่ไวกว่าความคิดโพล่งออกไปทันที “คุณเป็นใครวะ”

“ผมเองพี่ คีรีไง”

ภูพิงค์เลิกคิ้วขึ้น “อ้อ เออ เปลี่ยนลุคซะผมจำไม่ได้เลยว่ะ” ก่อนจะลุกขึ้น “ไปดิ หาที่นั่งกัน”

สองหนุ่มเดินไปหาจุดที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปมา แล้วก็นั่งปักหลักคุยกันที่บนม้านั่งใต้ต้นไม้ข้างตึกเรียน

“ขอบคุณพี่ภูพิงค์มากนะครับ”

“โห เรียกแค่พิงค์ก็พอ เรียกซะเต็มยศเลยคุณ ว่าไงล่ะ จะคุยเรื่องพี่เต้อะดิ”

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ “พี่พิงค์รู้จักคุณเตชิตมานานรึยังครับ”

“ก็... ปีนึงได้”

“ในหนึ่งปีที่ผ่านมานี่คุณเตชิตได้คบใครบ้างรึเปล่าอะครับ”

ภูพิงค์ยกมือขึ้นเกาศีรษะ “ผมว่าไม่น่านะ เห็นพี่เขาชอบเรียกตัวเองกับกลุ่มเพื่อนผมว่าแก๊งโสด คือผมก็เคยเห็นพี่เขาเหล่สาวๆ เวลาไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่นะ แต่ก็แค่นั้น อันที่จริงผมว่าพี่เต้เป็นคนรักเดียวใจเดียวมากนะ ที่ทำเหมือนเจ้าชู้นั่นก็แค่ทำบังหน้าสนุกๆ เท่านั้น”

สีหน้าของเด็กหนุ่มสลดลงทันใด “ผมก็คิดว่าคุณเตชิตเป็นคนรักเดียวใจเดียวเหมือนกัน”

รุ่นพี่ยกมือขึ้นตบบ่าปลอบใจ “เรื่องนั้น... อะไรมันก็ไม่แน่นอนหรอก บางทีคุณอาจจะเป็นคนที่พี่เต้รออยู่ก็ได้ ก็ต้องลองสู้ดูน่ะนะ”

“อันที่จริงผมก็จีบคุณเตชิตมาสักพักแล้ว แต่ยังไม่คืบหน้าสักเท่าไหร่เลยครับ ดูจะถอยหลังลงคลองด้วย”

“เท่าที่ได้ยินจากพี่วินมา วิธีจีบของคุณเหมือนใครซะที่ไหน แล้วคุณก็เปิดตัวได้เว่อร์วังมากเลยด้วย จากเด็กดอยดริฟต์ไปเป็นคุณชายคนเดียวของพ่อเลี้ยง พี่เต้จะโกรธ จะลังเลไม่มั่นใจก็ไม่แปลกรึเปล่าวะ”

“โห ผมไม่ใช่คุณชายนะเว้ยพี่! อันหลังนี้ผมว่าพี่ฟังพี่แซนดี้มามากไปแน่ๆ”

ภูพิงค์หัวเราะร่วน “ความรักก็งี้แหละคุณ มันต้องมีอุปสรรคกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ก็ถือซะว่าตอนนี้เป็นโอกาสที่คุณจะได้แสดงความจริงใจไงล่ะ อะไรที่ผิดพลาดไปแล้วก็ให้มันเป็นบทเรียนเหอะนะ อย่าให้มันเกิดขึ้นอีก”

คีรีพยักหน้าหงึกๆ “พี่พิงค์รู้ว่าผมเป็นคนที่จีบคุณเตชิตตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันแล้วใช่มั้ยครับ”

“อือ ผมเคยได้ยินชื่อคุณตอนพี่เต้คุยโทรศัพท์กับคุณไง ตอนนั้นพี่เต้ทำหน้าแปลกๆ มีพิรุธมากผมเลยเอะใจ แถมพี่เต้ยังเทนัดกินจุ่มแซบกับพวกผมแล้วหายหัวไปสองวันติดเลยด้วย ทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน อีกอย่างเพื่อนคุณที่มาวุ่นวายกับพี่วินบอกว่าพวกคุณอยู่บริหารปีสอง พอได้เจอคุณ คุณก็ทำท่าเหมือนอยากจะบอกว่าคนคนนั้นคือคุณซะเต็มที่ แต่ตอนนั้นผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคุณมีเรื่องปิดบังอะไร ไม่นึกว่าจะสร้างวีรกรรมไว้ขนาดนี้ว่ะ”

เด็กหนุ่มรุ่นน้องยิ้มแห้ง “ผมขอโทษที่เพื่อนๆ ผมไปวุ่นวายกับหมอวินนะครับ ตอนนั้นพวกผมไม่รู้จริงๆ ว่าพี่พิงค์กับหมอวิน...”

“ส่วนใหญ่เขาก็คิดกันว่าเป็นคู่จิ้นนั่นละ บางทีผมก็เซ็งเหมือนกันว่ะ” ภูพิงค์ถอนหายใจ

“เพราะคุณเตชิตกับหมอวินสนิทกันมากด้วยน่ะสิครับ ตัวติดกันตลอดเลย ผมยังเข้าใจผิดเลยเนี่ย”

“เออ เพราะเงี้ยะ ผมก็เลยอยากให้ไอ้พี่เต้มีแฟนสักที” คนแก่กว่าพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะล็อคคอรุ่นน้องไว้พร้อมกับขยับเข้าไปกระซิบ “อันที่จริงผมก็คิดว่าคุณเหมาะกับคนเจนจัดสัสๆ อย่างไอ้พี่เต้ดีอยู่นะ จากประสบการณ์ของผม คิดว่าไอ้พี่เต้น่ะ มีจุดอ่อนตรงที่เป็นคนใจอ่อนง่ายโดยเฉพาะกับคนใกล้ตัวหรือคนที่มีใจให้ ถึงแม้พี่เขาจะดูซึนไปสักหน่อย อาจจะดื้อแพ่งหรือปฏิเสธที่จะยอมรับ แต่ท้ายที่สุดพี่เขาก็จะยอมอ่อนให้ คุณได้ใกล้ชิดพี่เต้มาสักพักนึงแล้วนี่นะ ถ้างั้นคุณก็น่าจะพอเดาทางได้ว่าจะจีบพี่เขาติดมั้ย”

สีหน้าของเด็กหนุ่มรุ่นน้องดีขึ้นเล็กน้อย เริ่มมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาตรงมุมปาก

“ผมจะบอกอะไรดีๆ ให้อีกอย่างนะ ตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่เต้ก็มีคนเข้าหาตลอด แต่ไม่ว่ายังไงพี่วินกับพวกผมก็จะสำคัญที่สุดสำหรับพี่เขาเสมอ แต่ระยะหลังๆ เนี่ย ผมกับพี่วินแล้วก็เพื่อนๆ โดนเทตลอดเลยว่ะ”

คีรีเลิกคิ้วขึ้น “จริงเหรอครับ!”

“ผมไปละ จะรีบไปอ่านหนังสือต่อล่ะ” ภูพิงค์ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ทว่าพอเขาจะเดินออกไป คีรีก็คว้าแขนเขาไว้

“ขอบคุณมากนะครับพี่พิงค์”

เจ้าของชื่อดึงแขนออกแล้วพูดเสียงดุ “อย่าทำให้พี่เต้เสียใจละกัน ไม่งั้นคุณไม่ได้มานั่งยิ้มอย่างนี้อีกแน่ ผมจะยกพวกไปหาคุณถึงคณะเลย ระวังไว้ให้ดีเหอะ!”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเลยครับ ถ้าคุณเตชิตต้องเสียน้ำตาเพราะผม ผมจะมานอนให้พี่เหยียบที่หน้าคณะเลย”

“ให้มันจริงเหอะว่ะ” ภูพิงค์ตอบพลางสาวเท้าฉับๆ ออกไป



*TBC*


เด็กดอยได้ทีมแบ็กอัพชุดใหญ่แล้ว พิหมอเต้ท่าจะไปไหนไม่รอดดด~ ขยันๆ ง้อเข้านะหนูนะ

แล้วมารอดูกันนะคะว่าเด็กดอยจะรุกจีบยังไงต่อ ฮี่ๆ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า สวัสดีวันมาฆบูชา แล้วก็กู๊ดไนต์ค่า

ปล. วรั้ยยย เพิ่งเห็นว่ามีคนอ่านมารอด้วยค่ะ 555555 ขอโทษที่ช้านะค้า ฮัสกี้หนีไปเที่ยวมา ช่วงนี้อู้ด้วย แงงงง~ เริ่มต้นปีมาแบบอู้ๆ อู้ทุกวัน ตัวอู้เกาะหลังเต็มไปหมดเลย ช่วยงัดออกที ฮือออออ อยากลงถี่ๆ เหมือนภูสอยเดือนเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ทันง่า~ ตอนนี้พิมพ์ได้วันละบรรทัดถือว่าเยอะ 5555555 /ล้มตัวลงนอนให้ทุกคนรุม

แต่ก็ขอบคุณมากๆ เลยที่รอติดตามนะคะ ดีใจสุดๆ  :mew1:

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-02-2019 21:32:39
 :pig4: :pig4: :pig4:

ที่ผ่านมายังจีบแค่เบาะ ๆ เนอะ  หลังจากนี้ไป คงเป็นการจีบแบบมหากาพย์ 555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 19-02-2019 21:40:03
 :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 19-02-2019 21:47:21
เด็กต่างด้าววววววววว คงไม่ได้ไปอ้อนคุณปู่ใช่มั้ย 
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 19-02-2019 21:56:16
ขำคุณหมอภูมิ กับคุณไกรฤกษ์ตบยุง อะไรจะโอเว่อร์ขนาดน้าานนนน
แถมฝากฝังหมอเต้ไปประกบคีรี เพื่อที่จะได้รู้ว่าไปจีบใครอีก หูยยยย
ว่าแต่หมอเต้ จะรู้ตัวหรือเปล่านะว่าตอนนี้คนรอบข้าง มาอยู่ฝั่่งเด็กดอยหมดแย้วววว
 :laugh3: :laugh3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-02-2019 22:03:20
 o13 :laugh: o13


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-02-2019 22:06:02
ลุย​ :angry2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 19-02-2019 22:13:31
จะจีบยังไงล่ะเนี่ยยย อย่าลืมผู้หญิงสองคนในภาพเน้อ คีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 19-02-2019 22:22:31
ชอบช่วงแร้ป 3 นาทีของน้องคีรีจริงๆ ตอนนี้ ถึงกับตังเวลาเตือนเลย 5555
เด็กมันจริงจังมาก ไม่รอดแน่นอนหมอเต้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 19-02-2019 22:35:24
เดี๋ยวนะขนาดคีรีอยู่กับผู้หญิงคุณตายังมีรูปเลย แล้วจะไม่รู้เลยหราว่าหลานตัวเองจีบพี่เต้อยู่ แล้วหมอคนอื่นไม่มีแล้วหราถึงต้องให้พี่หมอเต้ช่วยดูแลคีรี มันน่าสงสัย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 19-02-2019 22:42:14
โอ้ว คีรีเปิดตัวซะหมอเต้งงไปเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 19-02-2019 22:56:52
ภคุณตามีส่วนรู้เห็นเป็นใจแน่ๆ....ง้อสำเร็จแน่เลย o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-02-2019 00:10:26
 เหมือนว่าคุณปู่จะวางแผนช่วยคีรีเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 20-02-2019 00:42:08
มันน่าสงสัยจริงๆ คุณตากับลุงหมอ วางแผนอะไรกันอยู่ ลับลมคมใน 555+ เด็กดอยกลายร่างจากหนอนเป็นผีเสื้อแล้ว มาลุ้นกันว่าเด็กดอยจะจีบพี่หมอเต้วิธีไหนกันน้า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 20-02-2019 01:13:31
คุณตาวัยรุ่นมาก 5555555555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 20-02-2019 01:29:47
เป็นกำลังใจให้น้องคีรีนะครับ สู้ให้เต็มที่ เพราะดูพี่เต้ก็เริ่มมีใจให้แล้วแหละ ^^
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: btoey ที่ 20-02-2019 07:36:34
นิสัยจะเหมือกันอะไรขนาดนั้นตาหลานคู่นี้ สำเนาถูกต้องสุดๆๆ ความโอเวอร์แอ็คติ้งนี้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 20-02-2019 10:20:56
คีรีตัวจริงจะลุยแล้วคร้าาา
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 20-02-2019 10:52:10
คีรีเก่งจริง เราเพิ่งรู้ว่าน้องแร็ปเก่งก็คราวนี้ล่ะ 5555 3 นาทีอธิบายได้หมดเก่งจริง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-02-2019 13:10:39
เดินหน้าสู้เต็มร้อยเลยนะเด็กดอย เอ๊ย เด็กแร็พ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 20-02-2019 13:56:49
พี่หมอเต้คนใจดี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 20-02-2019 15:58:54
จะรุกหนักขนาดไหนอีกหน่อ(ที่แล้วๆมานั่นไม่หนักเลยนะคีรีทั้งผูกปิ่นโต ทั้งตรวจสอบปิ่นโตนี้คือจีบแบบเบาๆแล้ว?)หมอเต้ไม่รอดแน่ :z1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 20-02-2019 18:21:58
เปิดตัวแร็ป3นาที ให้งงแล้วจากไป เจ้าเด็กบ้าาา ไม่รอดแล้วพี่หมอเต้ เด็กมันเอาจริง!  :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 20-02-2019 19:51:24
ใครๆ ก็ไปเข้าทีม#เด็กดอย พี่หมอเต้จะทำไงล่ะทีนี้ ยิ่งแพ้ลูกอ่อนเด็กอยู่ 5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 21-02-2019 23:58:19
เส้ดเด้กแน่นวลลล
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 22-02-2019 14:25:33
ึอยากรู้จังว่าพ่ออุ้ยมาเพราะอยากอาศัยหมอเต้สืบว่าหลานจีบใคร หรือรู้แล้วเลยมาช่วยหลานจีบหมอเต้ :mew4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 23-02-2019 19:16:57
 :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-02-2019 11:54:53
อื้อหืออ จะง้อหมอเต้ทีนึง ต้องขนมาทั้งกองทัพเลยนะ
ทั้งคุณตา คุณลุง ทีมพี่ ทีมเพื่อน ยกมาให้หมดค่ะคีรี

คีรีบอกตาแล้วหรือเปล่าว่าชอบใคร ถึงกับตรงดิ่งมาเองเลย
แถมมีงานมาให้ได้อ้างพร้อมกันไปอีก คีรีไม่เด็กแล้วนะคะ

เต้คือหลงทางมากจ้า โดนจี้มากเข้าหน่อย ไปต่อไม่เป็นเลย
ความคิดรวนหมด แต่ก็นะ เปิดใจผูกปิ่นดตกันขนาดนี้แล้ว
ต้องมีหลง มีชอบมากแล้วล่ะ ไม่ใช่แค่อยากรับผิดชอบ

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 26-02-2019 02:26:28
เด็กดอยเราจะลุยหน้าแบบเต็มกำลังแย้ววว

ดันกระทู้ไปในตัว รอการอับเดตค่าา
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 26-02-2019 05:23:53
มารอๆๆ  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 26-02-2019 19:08:59
แอบมารอ จองที่ไว้ก่อน 555+
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 26-02-2019 20:50:58
มารอ :call:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 26-02-2019 21:06:40


Chapter 22 : เดินหน้าจีบ



‘ผมไปหาได้มั้ยครับ คิดถึง’


เตชิตอ่านข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์ที่ถูกส่งมาตั้งแต่เช้าพลางยกมือขึ้นกุมขมับ เด็กหนุ่มส่งข้อความมาถามแบบนี้วันละเป็นสิบรอบติดๆ กันหลายวันแล้ว และเขาก็ตอบกลับไปสั้นๆ ว่า ‘ไม่ว่าง’ มันทุกครั้ง แต่อีกฝ่ายก็ยังเพียรพยายามถามจริงๆ สิน่ะ! ไอ้เด็กขี้ตื๊อเอ๊ย!

“หมอเต้ขา~ ยังไม่กลับเหรอค้า” พยาบาลสามสาวที่แวะเวียนมาทักทายรวินท์และเตชิตบ่อยๆ ชะโงกหน้าเข้ามาถามในห้องพักทันตแพทย์ “รอหมอวินเหรอคะ”

“อ้อ วันนี้หมอวินไปประชุมข้างนอกกับหมอภูมิครับ แล้วก็ไปกินข้าวกันต่อด้วย”

“อ้าว หมอเต้ก็เหงาเลยสิเนี่ย”

“ครับ ทั้งเหงาทั้งหิวด้วยสิ”

“งั้นไปกินมื้อเย็นด้วยกันมั้ยค้า” สามสาวรีบชวนเสียงอ่อนเสียงหวาน

เตชิตนิ่งคิด จะว่าไปเขาก็ไม่ได้ไปกินข้าวกับสาวๆ พยาบาลสามคนนี้พักใหญ่แล้ว ก็ดีเหมือนกัน นานๆ ทีเปลี่ยนบรรยากาศ “ไปกินไหนดีล่ะครับ”

“ว้าย~ ไปตลาดโต้รุ่งกันค่ะ”

เมื่อทันตแพทย์หนุ่มเดินออกมาจากห้องพัก พวกเธอก็เกาะแขนเขาทั้งสองข้างทันควัน “เสียดายจัง หมอเต้ไม่บอกก่อนอ่า ไม่งั้นจะซื้อของตุนไว้ไปทำของอร่อยให้กินถึงที่ห้องเลยค่ะ”

เจ้าของชื่อหัวเราะ “แบบนั้นคงต้องรอหมอวินด้วยนะ ไม่อย่างนั้นเขาน้อยใจแย่เลย”

ขณะที่พยาบาลสาวๆ กำลังหัวเราะคิกคัก ทันตแพทย์หนุ่มก็ต้องหยุดชะงักเพราะหันไปสบตากับคนที่มายืนรอเขาอยู่ด้านหน้าแผนกเข้าอย่างจัง อีกฝ่ายมาทั้งชุดนักศึกษา ยืนอยู่ในมาดที่ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย พอเห็นเขาก็ดูจะอ้ำอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหา

เตชิตยืนนิ่ง จ้องมองเด็กหนุ่มเขม็ง จะว่าไปเขาก็เพิ่งเคยเห็นคีรีในชุดนักศึกษาเป็นครั้งแรก อดคิดไม่ได้ว่าขนาดแค่ใส่ชุดยูนิฟอร์มทั่วไปยังออร่ากระจายเลยแม่ง รูปร่างสูงโปร่ง เสื้อสีขาวแบบพอดีตัว ท่อนขายาวๆ ในกางเกงสแล็กส์ ดูเข้ากันดีไปเสียทุกส่วนเสียจนน่าหมั่นไส้

“สวัสดีครับคุณเตชิต”

“อืม มาหาหมอภูมิเหรอ”

“เปล่าครับ มาหาคุณ” คีรีหันไปสบสายตากับสาวๆ พยาบาล ยกมือไหว้แล้วแจกยิ้มการค้า “สวัสดีครับพี่สาว เพื่อนของคุณเตชิตใช่มั้ยครับ”

พอเจอรอยยิ้มกระแทกหน้าเข้าไปจังๆ พวกสาวๆ ก็อ่อนระทวย “ว้าย ใช่ค่า สวัสดีค่า รุ่นน้องหมอเต้เหรอคะ หล่อจังเลย”

“นี่คุณคีรี หลานหมอภูมิน่ะครับ” ทันตแพทย์หนุ่มตอบแทน

คำนำหน้าที่ฟังดูห่างเหินและไม่คุ้นเคยเรียกให้เจ้าของชื่อหันขวับไปทางทันตแพทย์หนุ่ม แต่เขาก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วทำเป็นเออออไปก่อน

“โอ้โห เพิ่งเคยเห็นตัวจริง เห็นพยาบาลพูดถึงกันเยอะเลยค่ะ ขนาดพวกเราอยู่คนละตึกยังรู้จัก!”

เด็กหนุ่มตีหน้าซื่อพร้อมกับยกมือขึ้นลูบท้ายทอย “จริงเหรอครับ พูดกันว่าอะไรเนี่ย ผมเขินจัง”

โห ความมารยานี้! ที่จริงก็น่าจะรู้ตัวอยู่แล้วปะวะ! เตชิตคิ้วกระตุก

“พูดว่าหล่อเริ่ดกระชากไส้เลยน่ะสิค้า” สามสาวพร้อมใจกันหวีดเบาๆ

คีรีโน้มใบหน้าเข้าไปหาสาวๆ พยาบาล “แล้ว... พี่สาวคิดอย่างนั้นรึเปล่าล่ะครับ”

“ว้ายยย~ พี่จะเป็นลม~”

“นี่คุณ พอๆ” เตชิตรีบตัดบทก่อนที่พยาบาลทั้งสามจะหวีดกันจนล้มลงไปนอนขดเป็นกิ้งกือเสียก่อน ไอ้เด็กนี่ก็แม่ง เป็นไอ้วินแยกภาคมาเหรอวะ Copy & Paste กันมาเล้ย! “ตกลงคุณมาที่นี่ทำไม มีธุระอะไร”

เด็กหนุ่มหันไปยิ้มให้คนถาม แต่กลับเลี่ยงที่จะตอบคำถามซะอย่างนั้น “นี่กำลังจะไปไหนกันเหรอครับ”

“ไปกินข้าวที่ตลาดโต้รุ่งค่า” หนึ่งในพยาบาลสาวชิงตอบ   

“ดีจัง งั้นผมขอไปด้วยคนได้มั้ยครับ กำลังหิวเลย” คนอ่อนวัยกว่าทำหน้ายู่ พลางเอามือลูบท้อง

เตชิตยังไม่ทันอ้าปากตอบ พวกสาวๆ ก็ตอบแทนให้เสร็จ ซ้ำยังหันมาขอร้องแกมบังคับเขาอีก

“ได้สิค้า ได้เนอะหมอเต้ คุณคีรีมาหาหมอเต้นี่นา ไปหลายๆ คนสนุกดีนะคะ”

“อยากไปก็ไปสิ” พอทันตแพทย์หนุ่มเดินนำหน้าออกไป สาวๆ พยาบาลจึงย้ายมาเกาะแขนเด็กหนุ่มแทน แล้วก็พากันเดินตามไปยังที่จอดรถ

เมื่อไปถึงรถที่จอดไว้ เตชิตหันไปสบสายตากับคนอ่อนวัยกว่า “คุณจอดรถไว้ที่ไหน รถคุณก็มีไม่ใช่รึไง”

“จอดไว้ที่นี่แหละครับ แต่ผมจะไปถูกเหรอครับ ตลาดอยู่ไหนก็ไม่รู้”

“ขับตามผมไปก็ได้นี่”

“โธ่ หมอเต้คะ ก็ไปด้วยกันหมดนี่แหละค่ะ มีกันแค่ห้าคนเนี่ย จะแยกกันไปทำไมคะ สิ้นเปลืองเปล่าๆ ต้องหาที่จอดให้เหนื่อยอีก”

“จริงสิ คุณเตชิตเพิ่งเลิกงานคงจะเหนื่อย ถ้างั้นให้ผมเป็นคนขับดีกว่า ไปรถผมกันดีกว่านะครับ” เด็กหนุ่มผายมือไปตรงที่รถคันหรูจอดอยู่ กดรีโมตเปิดรถพร้อม “เชิญพี่สาวกับคุณเตชิตเลยครับ”

“ว้าย~ ไปค่า” พยาบาลสาวกึ่งลากกึ่งจูงทันตแพทย์หนุ่มไปยังรถของคนอ่อนวัยกว่า พวกเธอยัดเยียดให้เขาเข้าไปนั่งข้างหน้าคู่กับเจ้าของรถเสร็จสรรพ แล้วก็ตามเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง

เด็กหนุ่มชำเลืองมองคนที่นั่งอยู่ข้างกันแล้วอมยิ้ม “บอกทางด้วยนะครับ” เขาพูดไปอย่างนั้นทั้งที่ก็รู้จักเส้นทางดี จากนั้นก็หันไปถามสาวๆ “แอร์เย็นพอมั้ยครับ ปรับได้นะ ตามสบายเลยครับ”

“ขอบคุณค่า”

คีรีขับรถออกไปช้าๆ ตามที่ทันตแพทย์หนุ่มบอกทาง เขาหยุดยิ้มไม่ได้เลย ขับไปก็ชำเลืองมองคนที่นั่งข้างกันไป ใช้เวลาไม่นานก็ไปถึงที่หมาย พอจอดรถแล้วทั้งห้าคนก็เดินเข้าไปในตลาดกัน ก่อนจะไปปักหลักกันอยู่ที่ร้านผัดไทย

ขณะที่กินอาหารในจานไป สาวๆ ก็ชวนเด็กหนุ่มพูดคุยไปด้วย แล้วก็หัวร่อต่อกระซิกกันชนิดที่ลืมทันตแพทย์หนุ่มไปเลย

ส่วนเตชิตนั่งกินไปเงียบๆ แต่ก็ถอนหายใจเฮือกๆ เป็นระยะๆ อย่างหงุดหงิด เขารู้สึกว่าอาหารในจานไม่อร่อยเลย หรือเจ้าประจำจะฝีมือตกก็ไม่รู้เหมือนกัน

“คุณเตชิตไม่หิวเหรอครับ หรือผัดไทยไม่อร่อย ผมไปซื้ออย่างอื่นให้เอามั้ย” คีรีขยับเข้าไปกระซิบถาม

“ไม่ต้อง!” ทันตแพทย์หนุ่มเผลอตอบเสียงดังไปหน่อย พยาบาลสาวทั้งสามจึงพร้อมใจกันหันขวับมาที่เขา “เอ้อ ผมไม่ค่อยหิวหรอก กินของคุณไปเถอะ”

คนอ่อนวัยกว่ารอให้สามสาวพยาบาลหันกลับไปจัดการอาหารในจานของพวกเธอ จากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วไล้หลังมือของเตชิตอย่างแผ่วเบาเพื่อกล่อมให้ทันตแพทย์หนุ่มใจเย็นลง เขาอมยิ้มเล็กน้อยให้คนที่ทำหน้านิ่ง แล้วจึงหันไปตักอาหารในจานใส่ปาก

หลังกินเสร็จพวกเขาก็ยังคงเดินวนๆ หาของหวานกินต่ออยู่ภายในตลาด แต่สักพักก็ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีดังขึ้น

“เอ๋ เสียงกีต้าร์กับกลอง วันนี้มีคนมาเล่นดนตรีสดที่นี่เหรอ ใครมากันนะ” สามสาวชะเง้อมองด้วยความสนใจ

คีรีหันไปถามพวกเธออย่างเอาใจ “เดินไปดูกันมั้ยครับ ไหนๆ ก็มาแล้ว”

“ไปค่ะ ไปกันเนอะหมอเต้”

เตชิตทำได้แค่พยักหน้าหงึกๆ เขามีเสียงเดียว ถึงอย่างไรก็แพ้สี่เสียงแน่ๆ อยู่แล้ว มาถึงตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกว่าไม่น่าหลวมตัวมาด้วยกันเล้ย~

เมื่อเดินไปถึงก็เห็นว่าต้นเสียงคือวงดนตรีสมัครเล่นของนักศึกษาจากสถาบันในวิทยาเขตลำพูนกลุ่มหนึ่ง มีกลองชุด กีตาร์ไฟฟ้า คีย์บอร์ดและเบสครบวง มีเด็กสาวในชุดนักศึกษาถือกล่องไว้สำหรับเรี่ยรายเงินเพื่อนำไปใช้ในค่ายอาสา แต่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาให้ความสนใจแค่เพียงหรอมแหรม

“ตลาดคนเยอะก็จริง แต่ไม่ค่อยมีคนสนใจเลย น้องๆ จะได้เงินสักเท่าไหร่กันเนี่ย” พยาบาลสาวเปรย ก่อนพวกเธอจะเข้าไปยืนฟังใกล้ๆ เป็นหน้าม้าให้ พอเสียงเพลงจบลงก็ช่วยตบมือ กรีดร้องเสียงดังและหย่อนเงินลงในกล่อง

“ขอบคุณพี่สาวมากค่ะ” เด็กสาวนักศึกษายิ้มกว้าง แม้บนใบหน้าจะมีเม็ดเหงื่อผุดพราย

“ได้เงินเยอะมั้ยจ๊ะ”

เด็กสาวหัวเราะ “มาหลายวันแล้ว วันนี้วันสุดท้าย แต่ยังได้มาไม่เท่าไหร่เลยค่ะ แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยพวกเราก็ได้ทำกิจกรรมสนุกๆ ให้ตลาดคึกคักไปด้วยอะค่ะ เจ้าของตลาดเขาอุตส่าห์ให้ใช้พื้นที่ตรงนี้ได้ฟรีด้วย”

คีรีหันไปมองทันตแพทย์หนุ่มซึ่งกำลังหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเตรียมหย่อนเงินบริจาค จากนั้นก็หันไปมองกลุ่มนักศึกษาที่กำลังหันหน้าปรึกษากันเพื่อเตรียมเล่นเพลงใหม่ เขาขมวดคิ้ว แล้วจึงเอื้อมมือไปสะกิด

“คุณเตชิตยังไม่รีบกลับใช่มั้ย”

“ถามตัวคุณเถอะ เป็นคนขับรถมานี่”

“งั้นผมขอเวลาเดี๋ยว” พูดจบก็เดินอาดๆ เข้าไปหากลุ่มนักศึกษาต่างสถาบันทันที พวกเขาพูดคุยกัน มีหัวเราะเบาๆ แล้วคีรีก็ชี้มาตรงที่พยาบาลทั้งสามกับเตชิตยืนอยู่ ก่อนจะหันไปพูดคุยต่อ

ทั้งสี่คนยืนมองเด็กหนุ่มอย่างงงๆ แต่แล้วก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะทำอะไร เมื่อคีรีรับกีต้าร์ไฟฟ้ามาคล้อง แล้วเดินไปโปรยยิ้มที่ตรงขาตั้งไมโครโฟน

เพียงแค่ใบหน้าที่หล่อเหลาไม่เหมือนคนในพื้นที่ทั่วไปก็พอจะทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาหยุดให้ความสนใจได้ เด็กหนุ่มเก๊กหล่อเต็มที่ เสยผมและจับคอร์ดกีต้าร์รอสัญญาณเริ่มเพลง จากนั้นก็ขยับเข้าไปชิดไมโครโฟน

“แค่อยากเป็นคนที่ถูกรัก แค่อยากเป็นคนที่ถูกใครสักคนเข้าใจ”**

เสียงนุ่มใสชักชวนให้คนเข้ามามุงเพิ่มขึ้นทีละสองสามคน รอยยิ้มของเด็กหนุ่มตรึงความสนใจของสาวๆ ในละแวกนั้นไว้ได้เป็นอย่างดี

คีรีหันไปสบสายตากับทันตแพทย์หนุ่ม เขายิ้มและขยิบตาให้ “แค่อยากเป็นคนที่เธอรัก แค่อยากเป็นคนที่เธอนั้นจะมาเข้าใจ แค่สบตาฉันแล้วช่วยตอบ ว่าเธอจะรักกันได้ อย่างที่ฉันรักเธอ”**
** (คนที่ถูกรัก : บอดี้แสลม)

เตชิตกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเบือนหน้าหนีเพราะรู้สึกร้อนวูบๆ ชอบกล เขาพยายามไม่หลุดยิ้มออกมามากไปกว่านี้ ทว่าหัวใจก็ดันเต้นรัวแรง ไม่ให้ความร่วมมือกับเขาเอาเสียเลย

ไม่เคยถูกจีบแบบนี้เลยจริงๆ ให้ตาย ถ้าไอ้วินเห็นมันคงหัวเราะแทบบ้า

พอถึงเวลาที่คีรีโซโล่กีตาร์ไฟฟ้า สามสาวพยาบาลกรี๊ดนำเสียงลั่น แค่ชั่วเวลาสั้นๆ บริเวณนั้นก็แออัดไปด้วยผู้คน เด็กสาวที่ถือกล่องเรี่ยรายเงินเดินวนแทบไม่ทันเลยทีเดียว

เตชิตค่อยๆ เลื่อนสายตากลับไปที่คนอ่อนวัยกว่า เด็กหนุ่มซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจดูเท่มากจริงๆ แม้ไม่อยากจะชมสักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับ

พอเสียงเพลงจบลงเสียงปรบมือก็ดังขึ้นแทนที่ คีรีกล่าวขอบคุณ หันไปส่งกีตาร์ไฟฟ้าคืนให้เจ้าของ แล้วจึงกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงเข้าไปหากลุ่มคนที่ยืนรออยู่

“คุณคีรีเท่สุดๆ ไปเลย!”

“เสียงเพราะมากเว่อร์! เป็นนักร้องได้เลยนะคะ!”

ในระหว่างที่สาวๆ ชมกันเปาะ คีรีก็หันไปมองทันตแพทย์หนุ่มแล้วถามเสียงอ้อน “จะไม่ชมผมบ้างเหรอครับ”

เตชิตเก๊กหน้านิ่งพลางส่ายหน้าเล็กน้อย “คนอื่นชมเยอะแล้วนี่ ยังไม่พอรึไง”

คนอ่อนวัยกว่าทำหน้างอใส่ ถอนหายใจเบาๆ ก่อนพวกเขาจะทยอยเดินออกไปจากตลาดกัน


หลังจากเด็กหนุ่มขับรถไปส่งสาวๆ พยาบาลที่หอพัก ภายในรถก็เหลือตัวเขากับทันตแพทย์หนุ่มตามลำพัง พอออกรถไปได้นิดเดียว เขาก็เอื้อมมือไปกุมมืออีกฝ่ายทันที

เตชิตรีบดึงมือออก “ขับรถไปสิเว้ยคุณ!”

“คุณเตชิตอ่า... ขี้งกจังเลย จับนิดจับหน่อยก็ไม่ได้” คีรีชำเลืองมองคนที่เมินเขาไปอีกทาง “ผมน่ะ อยากขับรถให้คุณเตชิตนั่งแบบนี้มาตั้งนานแล้วนะ เมื่อก่อนได้แค่นั่งมองคุณขับ แต่ตอนนี้อยากขับต่อไปอีกนานๆ เลย ผมพาคุณไปวนที่แม่สายสักรอบก่อนแล้วค่อยกลับมาดีมั้ย”

“จอดข้างหน้าให้ผมลงเดินเถอะ”

“โห คนใจร้าย”

ขับต่อไปอีกแค่แป๊บเดียวก็ถึงหอพักของทันตแพทย์หนุ่มแล้ว คีรีขับรถเข้าไปจอดเทียบตรงทางเท้าที่ด้านหน้าตึกช้าๆ เขาหันไปมองอีกฝ่ายอย่างอาลัยอาวรณ์ ทว่าน่าเสียดายที่ทันตแพทย์หนุ่มไม่หันมาทางเขาเลยแม้แต่น้อย

“คุณเตชิตครับ”

“ขอบใจที่มาส่ง” เจ้าของชื่อหันไปเปิดประตูรถออก แล้วพอจะก้าวออกไป เด็กหนุ่มก็คว้ามือเขาไว้


“ผมคิดถึงคุณนะ”


น้ำเสียงอ้อนปนเศร้าของคีรีเป็นผลให้ทันตแพทย์หนุ่มใจอ่อนยวบ เขาบอกตัวเองว่าให้รีบก้าวออกจากรถไปไวๆ แต่ร่างกายกลับไม่ขยับตามใจคิด

“ที่ผมไปขอเขาร้องเพลงวันนี้ ก็เพราะอยากทำให้คุณประทับใจในตัวผมบ้าง อยากดูเท่สักนิดในสายตาคุณ” เด็กหนุ่มบีบมืออีกฝ่ายเบาๆ “เพลงที่ผมร้องเพราะมั้ย ผมร้องให้คุณนะ”

เตชิตอยากจะยกเท้าขึ้นมาก่ายหน้าผากตรงนั้น เขาตอบแบบส่งๆ โดยไม่หันไปสบสายตาเด็กหนุ่ม “เออๆ” เพราะรู้ตัวดีว่าถ้าขืนได้สบตากัน เขาคงปฏิเสธอะไรไม่ได้แหงๆ

“คุณเตชิต ผมหิวน้ำจังเลยครับ”

“....” มุกขอขึ้นห้องเชยเป็นบ้า

“ขอผมขึ้นไปดื่มน้ำที่ห้องคุณหน่อยได้มั้ย”

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะก้าวพรวดออกจากรถ แล้วหันกลับมาบอก “เอารถไปจอดให้เรียบร้อย ผมจะรออยู่ตรงนี้ละกัน”

คีรียิ้มกว้าง “ขอบคุณครับ” พออีกฝ่ายปิดประตูรถ เขาก็รีบขับออกไปหาที่จอดทันที

เตชิตมองตามรถของคนอ่อนวัยกว่าเคลื่อนไปช้าๆ เขาอยากจะถอนหายใจอีกสักร้อยรอบ ทุบศีรษะตัวเองอีกสักพันหน สงสัยเหลือเกินว่าทำไมตัวเขาถึงได้ใจอ่อนง่ายๆ แบบนี้วะเนี่ย!

ไอ้วิน~ กลับมาสักทีเถอะมึง~

ทว่าพอนึกถึงรวินท์แล้วก็ชะงักไปเล็กน้อย ไอ้เด็กนี่ต้องคุยกับหมอภูมิมาแน่ๆ ถึงได้เจาะจงมาวันที่ไอ้วินไม่อยู่พอดีแบบนี้

สักพักเด็กหนุ่มก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งหน้ายิ้มระรื่นเข้ามาหา เตชิตอดคิดไม่ได้ว่าช่างเหมือนลูกสุนัขเห็นขนมซะจริงๆ หูตั้งแล้วส่ายหางรัวๆ ด้วย อย่างเด็กนี่ควรจะเป็นพันธุ์โกลเด้นฯ สินะ

หรือหมาปอมดีวะ

“คุณเตชิตคิดอะไรอยู่” คีรียื่นหน้าเข้าไปประชิด

ทันตแพทย์หนุ่มผลักคนอ่อนวัยกว่าออกทันที “ไปๆ รีบไปดื่มน้ำซะแล้วจะได้รีบกลับ”

คีรีเดินตามเตชิตเข้าไปในตึก จากลิฟต์โดยสารขึ้นไปถึงห้องพัก โดยที่อีกฝ่ายไม่ยอมหันมาทางเขาเลย พอเข้าไปในห้องพัก นั่งลงไปได้แป๊บเดียวเจ้าของห้องก็เดินเอาขวดน้ำดื่มขนาดเล็กมาส่งให้

“เอ้า ดื่มซะ หรือจะเอาไปดื่มในรถก็ได้นะ แล้วก็รีบกลับไปซะที”

“ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มรับขวดน้ำมาพร้อมกับคว้าข้อมือเจ้าของห้องมาด้วย “นั่งด้วยกันก่อนสิครับ”

“เฮ้ย!”

แรงดึงของคนอ่อนวัยกว่าเป็นผลให้เตชิตเสียหลักเซไปทางที่เด็กหนุ่มนั่งอยู่ แต่เขาเอาสองมือยันพนักโซฟาไว้ได้ทัน กักตัวเด็กหนุ่มไว้ระหว่างแขนทั้งสองข้างพอดี

คีรีเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะทำเป็นหลบตาแบบเขินๆ “คิดถึงผมเหมือนกันก็ไม่บอก จู่โจมกันแบบนี้ ผมเขินเลย” ถึงปากจะพูดไปแบบนั้นแต่เขาก็รีบยกแขนขึ้นกอดทันตแพทย์หนุ่มไว้ทันที

เตชิตเขกศีรษะเด็กหนุ่มแล้วผลักตัวเองออกทันควัน “อย่าเพ้อเจ้อไปหน่อยเลยคุณ เฮ้ย! ปล่อยผมนะเว้ย!”

คนอ่อนวัยกว่าส่ายหน้ารัว “ที่จริง แค่คุณเตชิตหายโกรธผมก็ดีใจมากแล้ว”

“ผมหายโกรธคุณตอนไหนวะ!”

“โธ่ ยังไม่หายหรอกเหรอครับ แล้วผมจะทำยังไงดี บอกผมทีสิครับ”

“อย่างแรกเลยนะ ปล่อยผมก่อนโว้ย!”

“ถ้าเมื่อยแขนแล้ว จะนั่งตักผมแทนก็ได้นะครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มอยากจะยกขาถีบ เขาเหนื่อยใจกับไอ้เด็กนี่เหลือเกิ๊น!

“ผมล้อเล่น แต่คุณเตชิตนั่งอยู่กับผมก่อนได้มั้ย” คีรีพูดพลางคลายอ้อมแขนออก

เตชิตทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เด็กหนุ่ม แล้วเบือนหน้าไปอีกทาง ส่วนคีรีก็เปิดฝาขวดน้ำออกแล้วยกดื่มอย่างอ้อยอิ่ง

“คุณควรจะรีบๆ กลับไปได้แล้ว นี่มันมืดแล้วนะ ขับรถกลางคืนมันอันตราย”

คีรีเอนศีรษะพิงไหล่คนที่นั่งอยู่ข้างกัน “เป็นห่วงผมเหรอ” ก่อนจะวางมือลงบนตักอีกฝ่าย “ก็ให้ผมค้างด้วยคนสิครับ”

“ไม่ ถ้าอยากจะค้างก็ลงไปนอนในรถของคุณไป”

“โห ใจร้ายจัง เมื่อก่อนไม่เห็นใจร้ายกับผมขนาดนี้เลย” คนอ่อนวัยกว่าหัวเราะเจื่อนๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เขาชำเลืองมองทันตแพทย์หนุ่ม แล้วก้มลงใช้สองมือยันพนักโซฟาพร้อมกับกักตัวอีกฝ่ายไว้ระหว่างสองแขนบ้าง

“เฮ้ย! คุณ!” เตชิตส่งสายตาดุๆ ใส่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มยอมถอยกลับไป ซ้ำยังจ้องเข้ามาในดวงตาของเขาเขม็ง

“วันนี้ ตอนเห็นคุณเดินมากับพี่พยาบาล ผมหึงคุณมากเลยนะ”

“หึง? หึงตอนไหนวะ ผมเห็นคุณก็ระริกระรี้กับสาวๆ ดีนี่”

คีรียิ้มมุมปาก “แน่ะๆ หึงผมเหมือนกันใช่ม้า”

“กินยาสลายมโนบ้างนะคุณน่ะ”

“โธ่ พูดใหม่ก็ได้ งั้น... คุณเตชิตไม่ชอบใช่มั้ยครับ”

“ผมไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย” แต่แล้วเตชิตก็ดันนึกถึงคำพูดของคุณตาของเด็กหนุ่มขึ้นมาได้ เรื่องสองสาวที่มีคนบอกว่าเห็นอยู่ด้วยกันเป็นประจำ เขาขมวดคิ้ว ใบหน้าขรึมมากขึ้นไปอีก “ถ้า...ผมบอกว่าไม่ชอบ แล้วคุณจะทำไมล่ะ”

“ผมก็จะไม่ทำอีกครับ”

“หึ พูดน่ะมันง่าย ยังไงผมก็ไม่มีทางรู้อยู่แล้วว่าตอนอยู่มหาลัยคุณไปไหนมาไหนกับใครบ้าง”

“ถึงผมจะดูเหมือนเป็นคนเจ้าชู้เจ้าเล่ห์ขี้เอา แต่ในใจผมมีคุณเตชิตคนเดียวนะครับ”

“อ้อ มีคนเดียวในใจ แต่ตัวจะไปไหนมาไหนกับใครก็ได้ ไม่นับใช่มั้ย”

คีรีขมวดคิ้วบ้าง เขาทำหน้างง “คุณเตชิต... เข้าใจอะไรผมผิดรึเปล่า ตั้งแต่ได้พบคุณ ผมไม่เคยไปไหนมาไหนกับใครเลยนะ”

“แน่ใจเรอะ”

“แน่ใจสิครับ จะมีก็แต่ไปกับเพื่อนในกลุ่มเท่านั้น”

ทันตแพทย์หนุ่มคิ้วกระตุก ก็เพราะไอ้คำว่าเพื่อนในกลุ่มนี่ล่ะ เพื่อนชอบเพื่อนก็มีถมไปมะ ตัวเขาเองก็มีประสบการณ์มาแล้วโว้ย

“คำพูดของคุณมันไม่ได้มีความน่าเชื่อถือตรงไหนเลยว่ะ”

คีรีนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปแต้มจูบขมับด้านซ้ายอย่างแผ่วเบา แล้วกระซิบบอก “อย่าหงุดหงิดไปเลยนะครับ ผมขอโทษที่ทำตัวไม่น่าไว้วางใจ ทำให้คุณไม่สบายใจ” จากนั้นจึงย้ายไปจูบขมับด้านขวา “ผมรู้ตัวดี เรื่องที่ผ่านมามันคงยากที่จะทำให้คุณเชื่อใจผม แต่ผมสัญญาว่าจะปรับปรุงตัวและจะพิสูจน์ให้คุณเห็น ผมจะทำทุกอย่างให้คุณกลับมาไว้ใจผมอีกครั้ง”

ริมฝีปากอุ่นๆ กับคำพูดหวานๆ นั่นเป็นผลให้นัยน์ตาของทันตแพทย์หนุ่มอ่อนแสงลง เขาไม่ได้วางใจหรอก แต่ใจอ่อนอย่างแรง

คนอ่อนวัยว่าเลื่อนเรียวปากลงไปตามกรอบหน้า ไปหยุดคลอเคลียอยู่บนแก้มคนที่นั่งอยู่ “แต่ผมมีเรื่องจะขอร้อง คุณเตชิต เรียกผมว่าคีรีเฉยๆ เหมือนเดิมนะครับ อย่าเรียกคุณคีรีอีก ผมไม่อยากเป็นคนอื่นในสายตาคุณ”

“คุณเป็นหลานหมอภูมิ ผมควรจะเรียก...” เตชิตชะงัก เมื่อเด็กหนุ่มแตะปลายนิ้วลงบนริมฝีปากเขา

“ไม่เห็นเกี่ยวเลย อย่าเอาลุงภูมิมาอ้างเลยครับ ผมรู้นะว่าคุณจงใจเรียกให้ผมเจ็บ ผมก็เจ็บจริงๆ นั่นล่ะ”

โอ้โห แทงใจดำอย่างแรงเลยโว้ย

คีรีเลื่อนเรียวปากไปคลอเคลียอยู่บนริมฝีปากอีกฝ่ายแล้วพูดย้ำ “คุณเตชิต... นะครับ”

“เออๆ” ทันตแพทย์หนุ่มตอบรับไปอย่างไม่เต็มใจนัก

คนอ่อนวัยกว่าหลุบตาลงมองเรียวปากที่อยู่ใกล้เพียงแค่ปลายนิ้วกั้นแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ พอได้จูบตรงอื่นไปนิดนึงแล้วอีกฝ่ายไม่ขัดขืน ใจเขาก็ชักโลภ ก็แบบว่าเขาไม่ได้จูบกับหมอเต้มานานแล้ว คิดถึงความนุ่มอุ่นของริมฝีปากนั่นเหลือเกิน กลิ่นเหงื่อจางๆ และลมหายใจอุ่นๆ ของอีกฝ่ายก็ช่างเย้ายวน

ขอแค่นิดเดียวเท่านั้น

เตชิตเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองดวงตาที่บ่งบอกถึงความต้องการของคีรีออกมาอย่างชัดเจน ก็เล่นจ้องริมฝีปากเขาซะขนาดนั้น ในใจบอกตัวเองให้ผลักเด็กหนุ่มออกไปก่อน เขาควรจะเล่นตัวอีกสักหน่อยหลังจากถูกหลอกเข้าเต็มเปา แต่แขนขากลับไม่เป็นใจเอาเสียเลย ราวกับถูกนัยน์ตาคู่เดียวกันนั้นสะกดไว้ให้อยู่นิ่ง

คีรีแนบจูบริมฝีปากตรงหน้า กระชับเข้าหาช้าๆ และอ่อนโยนที่สุด เพียงแค่นั้นหัวใจก็เต้นโครมครามอยู่ในอก

ทันตแพทย์หนุ่มหรี่ตาลง สองแขนกระตุกเกร็งเล็กน้อย เขาลังเลอยู่ในใจว่าควรจะโอบกอดคนอ่อนวัยกว่าเข้าหาตัวดีหรือไม่ ทว่ายังไม่ทันได้ตัดสินใจ เด็กหนุ่มก็ผละออก

“ราตรีสวัสดิ์นะครับ” คีรีดันตัวออกแล้วยืนขึ้นเต็มความสูง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย มือเอื้อมไปหยิบขวดน้ำที่เจ้าของห้องให้ แล้วก้าวฉับๆ ออกจากห้องไป ปล่อยให้ทันตแพทย์หนุ่มนั่งทำตาปริบๆ อย่างงุนงงอยู่บนโซฟาในห้องของตัวเอง

เด็กหนุ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ลิฟต์โดยสาร พอเข้าไปในลิฟต์ได้ก็ยกมือขึ้นกุมอก หัวใจเขาเหมือนจะกระเด็นออกมาจากปากอยู่แล้ว ทั้งที่จริงก็ยังไม่อยากถอยออกมาเลย อยากจะบดจูบอีกฝ่ายแรงๆ ให้หายคิดถึง แต่เวรกรรมแท้ เพราะไอ้ความคิดถึงนี่แหละ พอได้จูบเท่านั้นส่วนกลางร่างก็ขยายขนาดจนรู้สึกอึดอัด ทำให้เขาต้องรีบวิ่งออกมาและยืนหนีบขาเอาขวดน้ำบังไว้อยู่แบบนี้

ทำไมหมอเต้น่ารักแบบนี้วะ เขาอยากกอด อยากจูบ อยากฟัดอีกฝ่ายจะแย่ ถึงจะยังมีสัญญาผูกปิ่นโตกันอยู่ก็ตามที แต่บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ไม่กล้า เพราะเกรงว่าหมอเต้จะยังเคืองๆ เขาอยู่เรื่องที่ถูกหลอก แค่อีกฝ่ายยอมให้เข้าหา ยอมให้ใกล้ชิดขนาดนี้ได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว


“พี่เต้มีจุดอ่อนตรงที่เป็นคนใจอ่อนง่ายโดยเฉพาะกับคนใกล้ตัวหรือคนที่มีใจให้”


คำพูดของภูพิงค์แว่วเข้ามาในความคิด เป็นผลให้คีรีอมยิ้มอย่างมีความสุข

เขาจะอดทน จะรอจนกว่าทันตแพทย์หนุ่มแสดงออกมาชัดเจนมากกว่านี้ว่ามีใจให้ แล้วเขาจะรุกเข้าหาแบบไม่ยั้งเลย คอยดูเถอะ



หลังจากเด็กหนุ่มผลุนผลันออกจากห้องไปได้สักพัก เตชิตยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาเช่นเดิม เขายกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ

“โว้ย! แย่แน่มึงไอ้เต้เอ๊ย!”


*TBC*


คีรีจีบพี่หมอเขาเบาๆ รู้กกก เด๋วหมอเต้ช็อก 555555

น่ารักชิมิ๊ล่าตอนนี้ ใครอ่านก่อนนอนพอดีก็ขอให้หลับฝันดี มีนุ้งคีรีและพี่เต้ขย่มเตียงนะค้าาา

ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่า จุ๊บๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 21 : เปิดตัว [190219]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 26-02-2019 21:07:46
อาบน้ำ ปะแป้ง อบป๊อบคอนไว้รอคุณชายคีรีแล้วนะ ปล. เค้าไม่ใช่เด็กดอยแล้วนาา  :-[
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-02-2019 21:54:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 26-02-2019 22:00:35
 :hao7: :hao7: :hao7:
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกก......เขิลโว้ย!!!
คีรีลุยเลย...หมอเต้จะใจอ่อนแล้ว อีกนีดดดดดดเดี่ยว
 :laugh: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 26-02-2019 22:00:57
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-02-2019 22:18:27
 :pig4: :pig4: :pig4:


แหม่ ๆๆๆๆ  ก็ใจอ่ะให้เขาไปหมดแล้วสินะ  จะทำเป็นเล่นตัวไปก็เท่านั้นหล่ะ 

ปากพูดอย่างแต่ใจอ่ะสั่งให้ทำอีกอย่าง  เนอะหมอเต้เนอะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 26-02-2019 22:20:46
ดีกันนะหมอเต้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 26-02-2019 22:50:03
ฮ่วยๆๆๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 26-02-2019 23:17:05
โอ้ยยย สงสารพี่เต้ นอกจากแพ้ทางเด็กมันแล้ว มีเเววว่าต่อไปพี่จะศึกหนัก เพราะเด็กมันหื่นตื่นง่ายเหลือเกิ้นน555555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 26-02-2019 23:25:29
ฝันดีแน่คืนนี้ คีรีน่ารักฝุดๆ
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: องศาวาย ที่ 26-02-2019 23:29:56
ดีกับน้องเถอะหมอเต้ วงวารน้องง :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 26-02-2019 23:30:35
ขำหมอเต้ อยากจะเก๊กเคืองคีรี ก็ทำได้ไม่เต็มที่เพราะแอบใจอ่อนให้น้องตลอด 555 ถ้าคีรีรุกหนักกว่านี้มีหวังใจอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-02-2019 23:33:56
หึหึ เสร้จเด้กมันแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 26-02-2019 23:34:59
 :-[
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 26-02-2019 23:48:48
ใจยวบแล้วยวบอีกเลยนะหมอเต้ เด็กดอยนี่ก็รุกเอาๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 27-02-2019 00:35:52
หมอเต้ เล่นตัวเยอะๆหน่อย ขอร้อง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-02-2019 01:20:14
คีรีสู้ๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-02-2019 01:32:47
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-02-2019 02:30:23
แบบนี้เรียกยอมตั้งแต่ในรถแล้วมะหมอเต้
พอคิดว่าถ้าหมอเต้เป็นรับแล้วมันจักจี้พิกล 5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 27-02-2019 02:55:44
หมอเต้จะต้องเป็นอมตะแน่ ๆ เลยครับ เพราะกำลังจะถูกเด็กกิน ^^
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 27-02-2019 03:08:31
งุ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย  พี่หมอเต้แพ้คนขี้อ้อนนน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 27-02-2019 06:31:11
แย่แน่ ๆ หมอเต้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 27-02-2019 06:43:56
ใจอ่อนได้แล้วววว หมอเต้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 27-02-2019 07:40:05
ใครจะตะบะแตกก่อนกัน? หมอเต้ระวังนะเจอคีรีอ่อยแบบนี้เดี๋ยวก็ได้เข้าทางเด็กหรอก คีรีนายแน่มาก o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 27-02-2019 08:26:14
พี่เต้าีบเรียกลุคฝ่ายรักกลับมาเร็วๆนะ


โดนเด็กมันต้อนจนเสียอาการหลายรอบแล้วนะ


ตอนเป็นเด็กดอยมันร้ายแค่ใหน


ตอนนี้บวกเพิ่มความร้ายกาจไปอีก100%เลย


กระบวนท่า กระบวนมายา นางต้องขนมาเต็มรถแน่นอน


บอกได้คำเดียว พี่เต้ เส็รจแน่
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 27-02-2019 09:23:48
คีรีหื่นนนนนน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 27-02-2019 16:05:33
อย่ารุกหนักขนาดเน้~~ เด๋วหมอเต้ช็อก​ตายก่อน จะอดชิมนะคีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 27-02-2019 16:28:29
เด็กมันแข็งแรงน้ออออ  :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 27-02-2019 19:12:24
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 28-02-2019 15:47:27
ใจอ่อนมากด้วยค่ะหมอเต้

อ่อนหยวบเลย

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 28-02-2019 20:12:37
คีรีนายเจ๋งว่ะ   o13

พี่เต้ต้องแพ้ทางนายแน่ๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 01-03-2019 16:41:49
หมอเต้ไม่น่ารอดแล้วนะคะเนี่ย เด็กดอยรุกแรงม้าก :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 03-03-2019 14:22:36
เข้ารอ  จะมาต่อมั้ยวันนี้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 05-03-2019 11:54:41
วันนี้เด็กดอยจะมาไหมน้า คิดถึงแล้วเนี่ย ไม่รู้จะอ้อยหมอเต้ไปถึงไหนแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 05-03-2019 17:12:54
เมื่อไหร่จะมาต่อ :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 05-03-2019 19:36:54
วันนี้เรามีนัดกันกับเด็กดอย  :katai4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 05-03-2019 20:49:51


Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้


ในตอนเย็นของวันศุกร์ สองหนุ่มทันตแพทย์เดินทางไปเชียงใหม่ด้วยกันเช่นเคย วันนี้พวกเขามุ่งตรงไปที่เซนทรัลเลยเนื่องจากนัดกับภูพิงค์และเพื่อนๆ ไว้ว่าจะไปกินมื้อเย็นกันที่นั่น

เมื่อรถเคลื่อนเข้ามาในตัวเมืองเชียงใหม่ เสียงโทรศัพท์มือถือของเตชิตก็ดังขึ้น

รวินท์หันขวับไปทางคนที่ขับรถอยู่ “พนันกันมะ เด็กมึงโทรมาแน่ๆ”

“ไม่ใช่เด็กกูเว้ย”

“แหม อย่างอื่นแข็งเหมือนปากมั้ยวะ”

เตชิตหัวเราะ “อยากลองมั้ยล่ะไอ้บ้า”

“แล้วไม่รับโทรศัพท์เหรอ”

“รับก็ได้” เตชิตหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย “ว่าไง”

“เย็นนี้ว่างมั้ยครับ ผมอยากพาเพื่อนๆ ไปให้คุณรู้จัก”

“ไม่ว่าง ผมจะไปกินข้าวกับวิน”

เจ้าของชื่อขึงตาใส่ “มึงหาเรื่องให้กูแล้วสัส” เขาเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มาจากมือเพื่อนรัก “กูคุยเอง มึงขับรถไปเลย”

“อ้าว ไอ้...”

รวินท์ไม่ใส่ใจ เขาพูดใส่โทรศัพท์ทันที “ว่าไง”

“หมอวิน? คือ... กำลังจะไปไหนกันเหรอครับ”

“คุณมีอะไร บอกมาก่อน”

“ผมอยากพาเพื่อนในกลุ่มไปให้คุณเตชิตรู้จักน่ะครับ ต่อไปเผื่อมีใครมาพูดให้คุณเตชิตฟังว่าเห็นผมไปไหนมาไหนกับคนอื่น คุณเตชิตจะได้ไม่เข้าใจผิด”

“อือ ก็ดี” รวินท์ชำเลืองมองคนที่ขับรถอยู่ ยกมือขึ้นเกาคางยิกๆ แล้วตอบกลับไปในโทรศัพท์ “พวกผมจะไปกินข้าวที่เซ็นทรัล แต่ไม่ได้ไปสองคนนะ พิงค์กับเพื่อนก็มาด้วย นัดกันไว้ที่ร้านบาร์บีคิว ห้าโมง”

เตชิตหันไปทางเพื่อนรัก แล้วพูดขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายกดวางสาย “ไอ้เพื่อนเวร บอกหมดเลยนะมึงน่ะ”

“เอ้า ก็เด็กมันอยากจะแสดงความจริงใจ มึงก็ควรให้โอกาสเขามะ จะมัวแต่เล่นตัวปิดหูปิดตาทำไมวะ ชาตินี้ก็ไม่ได้รู้อะไรกันพอดี”

ถึงแม้จะรู้ว่าเพื่อนรักพูดถูก แต่เขากลัว... กลัวใจตัวเองนี่ล่ะ ยังไม่อยากใจอ่อนเร็วเกิน เขาถูกหลอกมายังไม่พ้นสัปดาห์เลยนะเว้ย

“ยังไงก็ให้พวกพิงค์รู้จักกันไว้ จะได้ช่วยสอดส่องที่มหาลัยไง”

“เขาอยู่คนละคณะกันมั้ยวะ”

“แล้วไงวะ ยังไงก็มหาลัยเดียวกันแหละ”

เตชิตขี้เกียจจะเถียง เพราะเถียงไปก็คงแพ้อยู่ดี เขาจึงขับรถต่อไปเรื่อยๆ อย่างเซ็งๆ ไม่นานก็เลี้ยวรถเข้าไปจอดในที่จอดรถของห้าง



แล้วก็เป็นอย่างที่คาดไว้ คีรีกับเพื่อนๆ มารออยู่แถวหน้าร้านเรียบร้อย แต่ดูเพื่อนๆ ของอีกฝ่ายจะไม่ค่อยเต็มใจมาด้วยสักเท่าไหร่ เพราะแต่ละคนมีสีหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ยืนทำตัวลีบเบียดกันเป็นเพนกวินห่างจากกลุ่มภูพิงค์เป็นโยชน์ ส่วนกลุ่มของภูพิงค์ก็กำลังเม้ากันฟองฟ่อดไม่สนหินสนแดดใดๆ เสียงดังเหมือนจะยกพวกตีกันเอง

ทว่าเมื่อคีรีเห็นทันตแพทย์หนุ่มทั้งสอง เขาก็ยิ้มกว้าง รีบสาวเท้านำทีมเข้ามาหา “คุณเตชิต!” จากนั้นก็แท็กทีมกับเพื่อนๆ อีกสี่ชีวิตยกมือไหว้แบบนอบน้อมสุดชีวิตอย่างพร้อมเพรียง “สวัสดีครับคุณเตชิต สวัสดีครับหมอวิน”

“อือ หวัดดี” รวินท์ยกมือรับไหว้ ไม่ค่อยชินกับการถูกรุมไหว้แบบเป็นหมู่คณะสักเท่าไหร่ รู้สึกแก่ไปอีกสิบปีเลยแม่ง เขาชำเลืองมองเพื่อนรักซึ่งก็กำลังทำหน้าตาบอกไม่ถูกเช่นกัน

“นี่เพื่อนผมครับ ยุ้ย เจนี่ ฟลุค แล้วก็ปิ๊ก” เด็กหนุ่มรีบแนะนำตัวให้ แต่ในขณะเดียวกันกลุ่มของภูพิงค์ก็หันมาเห็นและเดินอาดๆ มาดนักเลงเข้ามาหา

“พี่วิน! พี่เต้!”

รุ่นน้องทั้งสี่ชีวิตสะดุ้งโหยง เพราะเคยมีคดีกันอยู่จึงถอยกรูดไปอัดกันอยู่ด้านหลังคีรีทันที แต่เด็กหนุ่มแม่ทัพก็ทำใจดีสู้เสือ เขายกมือไหว้ภูพิงค์กับเพื่อนๆ แล้วแนะนำเพื่อนพ้องให้รู้จัก

“อือ นี่เพื่อนผม ขิง ดิว ซัน แล้วก็แซนดี้” ภูพิงค์แนะนำเพื่อนๆ ให้อย่างเป็นมิตร แต่ดูรังสีอาฆาตแต่ละคนจะแรงไปสักหน่อย พวกรุ่นน้องถึงได้กลัวกันหงอ “พี่วินหิวยัง พวกผมไม่ได้กินข้าวเที่ยงอะ หิวจะตาย”

รวินท์พยักหน้า “อือๆ ไปๆ เข้าร้านกัน” จากนั้นจึงหันไปทางคีรี “มานั่งด้วยกันสิ”

เด็กหนุ่มส่ายหน้าแล้วยิ้มเจื่อนๆ “ไม่ดีกว่าครับ พวกผมเกรงใจ ขอบคุณมาก”

เมื่อเข้าไปในร้านแล้วทั้งสองกลุ่มก็แยกกันไปนั่งที่หนึ่งโต๊ะยาวและหนึ่งโต๊ะเล็ก ห่างกันไปคนละมุมห้อง ขณะที่เตชิตยืนนิ่งอยู่ที่โต๊ะของตัวเองดวงตาก็เผลอมองตามกลุ่มของคีรีไปยังโต๊ะของอีกฝ่าย

ทำไมไม่นั่งโต๊ะเดียวกันวะ แล้วทำไมต้องไปนั่งซะห่าง โต๊ะใกล้ๆ ก็ว่างนี่หว่า

รวินท์มองท่าทีของเพื่อนรักแล้วพูดขึ้น “ห่วงนักก็ชวนมานั่งด้วยกันสิวะ นั่งโต๊ะข้างๆ นี่ก็ได้ ถ้ามึงชวนเขาคงไม่ปฏิเสธหรอก”

เตชิตขึงตาใส่ “ไม่ได้ห่วงเว้ย!”

“ไม่ห่วงแล้วมึงเสือกมองตามเขาตาละห้อยทำไมล่ะวะ”

“ไม่ได้มอง แล้วตากูก็ไม่ได้ห้อยด้วย กูแค่เล็งดูว่าแอร์มันตกลงตรงไหน”

“อ้อเรอะ”

“เออดิ”

แต่ก่อนที่เตชิตจะเดินไปนั่งลงข้างรวินท์เช่นเคย ซันก็พูดขึ้น “เออ พี่เต้มานั่งฝั่งผมมั้ยล่ะ เดี๋ยวผมไปนั่งข้างพี่วินเอง พี่จะได้มองเห็นโต๊ะน้องเขาด้วยไง”

“พูดไรของคุณวะ! ทำไมผมต้องมองโต๊ะนั้นด้วย!”

“เอ้า ก็เห็นว่ารู้จักกัน งั้นก็... แอร์ๆ ผมหมายถึงจะได้มองเห็นแอรรรร์ถนัดๆ ก็ได้วะ~” เด็กหนุ่มรุ่นน้องรัวลิ้นใส่อย่างหมั่นไส้

“ไม่ต้องเว้ย ขอบใจ ผมจะนั่งมองแอร์ไปเพื่ออะไรกันวะ” เตชิตพูดไปก็ชำเลืองมองผนังกระจกซึ่งสะท้อนให้เห็นเงาโต๊ะทางด้านหลัง เขาทำเป็นไม่ใส่ใจ พยายามทำหน้านิ่งขณะที่เดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างรวินท์

“มึงไม่ต้องทำซึนแล้ว สัส น้องเขามาเปิดตัวขนาดนี้ รู้กันทั้งโต๊ะแล้วเนี่ย มึงยังจะเก๊กทำไมอีก”

“กูไม่ได้เก๊ก เขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขาเว้ย ไม่เกี่ยวกับกู”

รวินท์เบ้ปากใส่ ไม่เกี่ยวเล้ย~ ไอ้เต้มันคิดว่าเขาตาบอดหรือไง พูดยังไม่ทันขาดคำมันก็ชำเลืองมองกระจก หันไปส่องโต๊ะเด็กหนุ่มแวบหนึ่งแล้วก็หันกลับมามองกระจกอีกครั้ง ท่าทางชัดเจนซะขนาดนั้น คนไม่มีหัวเท่านั้นแหละที่จะมองไม่ออก “เออๆ มองแอร์ๆ ไอ้สัส มึงไม่เคยเห็นแอร์มาก่อนในชีวิตเหรอวะ”

“แอร์รุ่นนี้ท่าจะอะเมสซิ่งมากนะคะพี่วิน ดูท่าพี่เต้อยากจะย้ายสารร่างไปอยู่ใต้แอร์แล้วเนี่ย” แซนดี้พยักหน้าหงึกๆ

พวกเด็กหนุ่มในโต๊ะหันไปพยักเพยิดหน้าให้กัน “ในที่สุดก็เจอแอร์ต้นตอที่ทำให้พี่เต้หายหัวไปประจำแล้วว่ะ รุ่นนี้เดินเครื่องเงียบก็จริง แต่ท่าจะแรง เย็นสะท้านทุกซอกมุม”

เมื่อเตชิตหันกลับมาที่โต๊ะก็เห็นว่าทุกคนกำลังจ้องมองเขาอยู่ พอหันไปทางรวินท์ก็เห็นว่าเพื่อนรักส่งนิ้วกลางให้ “มึงนินทาอะไรกูวะ!”

“เปล๊า แค่พูดถึงแอร์ ใช่มะทุกคน” รวินท์สาปส่งอยู่ในใจ ก่อนจะหันไปสบตากับทุกคนในโต๊ะ เป็นอันว่ารู้กัน

ไม่นานหลังจากสั่งอาหารไปพนักงานก็ทยอยนำอาหารมาจัดวางเรียงบนโต๊ะให้ ทุกคนจึงช่วยกันโกยเนื้อสัตว์ต่างๆ ลงไปย่างบนเตาที่ร้อนฉ่า ส่งเสียงดังโวยวายแย่งเนื้อกันเป็นพัลวัน



คีรีนั่งหันหน้าไปทางโต๊ะของทันตแพทย์หนุ่ม สายตามองนิ่ง สีหน้าเคร่งขรึม ส่วนเพื่อนๆ อีกสี่คนก็พร้อมใจกันเพ่งมองไปยังโต๊ะของทันตแพทย์หนุ่มด้วย คอยพิจารณาเก็บข้อมูลทุกการเคลื่อนไหว

“หมอเต้กับหมอวินนี่ คนละแบบเลยเนอะ คนนึงนิ่งๆ อีกคนโปรยยิ้มไปทั่ว คนละขั้วแต่ดูๆ ไปก็สมกันดีว่ะ” ปิ๊กพึมพำ ก่อนนึกขึ้นได้จึงรีบหันไปทางคีรี “แต่ไม่ต้องห่วงเว้ยสัส หมอวินกับพี่ภูพิงค์ดูโคตรของโคตรเหมาะสมกันเลย”

คีรีถอนหายใจหนักๆ “แต่พวกมึงดูดิ คุณเตชิตอึนใส่กูอีกแล้ว เมื่อวันก่อนตอนกูไปง้อที่ลำพูนก็เป็นแบบนี้ ไม่คืบหน้าเลยว่ะ”

ฟลุคใช้ข้อศอกถองคนที่นั่งข้างกันรัวๆ “เฮ้ยๆ มึงเห็นเปล่า หมอเต้หันมาทางนี้ด้วยว่ะมึง”

“หันมาแปลว่ามีใจเว้ย”

“ตำราไหนของมันวะ” สองสาวกระซิบกระซาบ

ในตอนแรกโต๊ะของคีรีแบ่งนั่งฝั่งชายหญิง ทว่านั่งไปได้ยังไม่ทันถึงห้านาทีก็มีคนอีกกลุ่มเดินมานั่งตรงโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ เมื่อปิ๊กกับฟลุคหันไปมองก็สะดุ้งเฮือก โป๊ะเช้ะเข้าอย่างจัง เพราะหญิงสาวคนหนึ่งในโต๊ะนั้นเคยไปเดตกับคีรีมาก่อน เคยตามตื๊อเพื่อนของพวกเขาอยู่พักหนึ่ง และตอนนี้เธอก็หันมาเห็นมันแล้วด้วย

สองหนุ่มพร้อมใจกันสะกิดยิกๆ “ไอ้คีรี ไอ้สัส นั่นพี่ปิ่นรึเปล่าวะ มึงเตรียมรับมือด้วย”

เจ้าของชื่อมองตามที่สองหนุ่มพยักพเยิดหน้าไป ก่อนจะชะงัก รีบก้มหน้าหลบ “ทำไมพวกมึงจำได้วะ! แล้วกูจะทำไงดีอะ! ให้คุณเตชิตเห็นไม่ได้นะเว้ย! เดี๋ยวกูไม่ผ่านโปรฯ!” ขณะที่คีรีทำท่าล่อกแล่ก หญิงสาวคนนั้นก็ทำท่าจะเดินเข้ามาหา

เจนี่เบ้ปากใส่ “ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้ รถไฟชนกันแน่ๆ สมน้ำหน้า เจนี่เคยเตือนแล้วเตือนอีกใช่มะ”

ยุ้ยพยักหน้าหงึกๆ “คราวนี้หมอเต้ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของนายแน่ ดีใจด้วยนะเพื่อน”

“เรื่องแย่ๆ ไม่จำเป็นต้องเห็นตอนนี้ก็ได้! เรายิ่งจีบไม่ติดอยู่นะเว้ย! พวกนายช่วยเราก่อนดิ!” แต่สองสาวยังคงทำเมิน คีรีจึงต้องอ้อนวอนอีก “พวกนายบอกว่าจะช่วยก็รักษาสัญญาด้วยดิวะ เรายังรักษาสัญญาเลย ตั้งแต่จีบคุณเตชิตมา เราไม่เคยวอกแวก ไม่เคยสนใจคนอื่นเลยนะเว้ย ไอ้ที่แย่ๆ มันก็เป็นอดีตไปแล้วอะ”

เพราะเห็นว่าเพื่อนรักษาคำพูดตามที่ให้ไว้จริงๆ สองสาวจึงพยักหน้าพลางถอนหายใจหนักๆ “เออๆ งั้นสลับที่เว้ย” พวกเธอย้ายไปนั่งตรงที่ของกับปิ๊กและฟลุค ขนาบข้างเบียดคีรีไว้ แล้วส่งสายตาดุๆ ไปให้หญิงสาวซึ่งกำลังเดินมาที่โต๊ะ ส่งผลให้อีกฝ่ายมีท่าทีลังเล จำใจต้องถอยกลับไปตั้งหลัก

ยุ้ยคีบชิ้นหมูเนื้อลงย่าง พลางเหล่มองไปยังโต๊ะข้างๆ เป็นระยะ “เขากลับไปนั่งที่โต๊ะแล้ว แต่ยังมองมาทางนี้อยู่เลยนะ ระวังหน่อยละกัน”

เจนี่สะกิดเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกัน “เดี๋ยวก็ถอดใจไปเองล่ะ อย่าไปสนใจ กินกันเหอะ”



เตชิตชำเลืองมองเงาสะท้อนของโต๊ะคีรีในกระจกเป็นระยะๆ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ยิ่งพอเห็นว่าเด็กสาวทั้งสองคนย้ายมานั่งขนาบคีรีก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ แล้วทำไมถึงต่างคนต่างกินแบบโต๊ะพวกเขาไม่ได้ ต้องย่างเนื้อส่งให้กันเพื่ออะไรวะ ถ้าจะขนาดนี้ก็ป้อนกันไปเลยสิโว้ย! ทันตแพทย์หนุ่มหงุดหงิดจนต้องใช้ตะเกียบคีบหมูฟาดลงไปบนกระทะอย่างเกรี้ยวกราด

การกระทำของทั้งเตชิตและเด็กหนุ่มรุ่นน้องต่างคณะอยู่ในสายตาของซัน ขิง ดิวและแซนดี้ที่นั่งหันหน้าไปทางโต๊ะของคีรีพอดี พวกเขาส่งสายตาพลางพยักเพยิดให้รวินท์กับภูพิงค์ได้รู้พร้อมกันด้วย

รวินท์สะกิดเพื่อนรักอย่างเซ็งๆ “ใจเย็นสัส มึงจะโมโหหิวอะไรขนาดนั้น”

ภูพิงค์ซึ่งนั่งอยู่อีกข้างของรวินท์ชะโงกหน้าเข้ามาแจม “เตามันเล็กไปใช่มะพี่ ถ้าย่างไม่ทันใจ เอาไฟรักของผมกับพี่วินไปช่วยเผาก่อนดิ”

“ไฟที่ใกล้ๆ จะมอดน่ะเรอะ ชาติไหนจะสุก” เตชิตโต้กลับไปทันควัน “ผมว่าไฟราคะไอ้วินยังจะแรงกว่า”

“ไอ้เหี้ย! เอาเนื้อยัดปากเลี้ยงหมาของมึงบ้าง” รวินท์คีบชิ้นเนื้อยัดใส่ปากเพื่อนรักทันที

“เฮ้ย! ได้ไงวะ พี่วิน!”

“โว้ย ยุ่งยากจริง!” เจ้าของชื่อจำใจต้องสละเนื้ออีกชิ้นให้กับเด็กหนุ่ม พอเขาทำท่าจะป้อน ภูพิงค์ก็อ้าปากรอเป็นลูกนก

“ทำไมของไอ้พิงค์ใหญ่กว่าของกูวะ”

ภูพิงค์ยักคิ้ว “ใครเป็นใครก็ให้มันรู้ดิวะพี่”

เตชิตลุกขึ้นพรวด ถลาไปจับแก้มทั้งสองข้างของภูพิงค์ยืดออก เบียดรวินท์จนต้องเอนตัวตามไปเบียดเด็กหนุ่มด้วย “ยังเหลือฟันคุดสามซี่ใช่มั้ย! ผมเอาออกให้เดี๋ยวนี้เลย!”

“ไอ้อี้เอ้! เอ็บอ๊ะเอ๊ย!” (ไอ้พี่เต้! เจ็บนะเว้ย!)

ขณะที่สามหนุ่มทะเลาะกันจวนเจียนจะยกเตาปิ้งฟาดกันอยู่แล้ว อีกสี่หนุ่ม ขิง ซัน ดิวและแซนดี้ยังคงนั่งกินกันไปแบบทองไม่รู้ร้อน สำหรับพวกเขาก็เป็นภาพที่คุ้นชินแล้วนั่นล่ะ แต่ที่น่าสนใจสำหรับพวกเขาน่ะ คือรุ่นน้องที่อยู่อีกโต๊ะนั่นมากกว่า จ้องมาทางนี้เขม็งเลย

แซนดี้ขยับไปกระซิบเพื่อนที่นั่งข้างกัน “เห็นยัง เป็นอย่างที่กูเคยเล่าให้ฟังมั้ยล่ะ”

ขิงกระซิบตอบ “เออ พี่เต้แม่งซึนจนกูสงสารน้องเขาเลยว่ะ”



“เล่นกันดูมีความสุขจังว่ะ คงสนิทกันมากเลยนะเนี่ย” ฟลุคเปรย แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อหันไปเห็นสายตาเพื่อนในโต๊ะ ใบหน้าของคีรีเครียดเหมือนโดนบังคับให้ทำข้อสอบภาษาไทยพร้อมกับกินกะปิไปด้วยอย่างไรอย่างนั้น

สายตาของคีรีพุ่งตรงไปที่โต๊ะของทันตแพทย์หนุ่ม “เออ สนิท มีความสุข กูเห็นเต็มสองตาเลย” เขาตอบเสียงเข้ม

เล่นห่าอะไร คุณเตชิตจะสิงร่างหมอวินอยู่แล้ว! ทำไมต้องใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนั้นด้วยวะ!

มือที่ถือตะเกียบอยู่เกร็งจนเผลอหักมันไปคามือ


เป๊าะ!


“ว้าย! คีรี! ตะเกียบหักแล้ว! ใจเย็นๆ สิ” ยุ้ยตีแขนเพื่อนหนุ่มเบาๆ “เอ้าๆ กินๆ เข้าไปอีก จะได้อารมณ์ดีขึ้นนะ” เธอพูดพลางคีบชิ้นเนื้อสัตว์จากเตาให้

“นี่ๆ ชอบเนื้อไม่ใช่เหรอ กินให้อิ่มก่อนเว้ย จะได้มีแรงไปสู้เขา” เจนี่ช่วยบ้าง เธอกลัวว่าเพื่อนของเธอจะลุกขึ้นล้มโต๊ะแล้ว ยังกินไม่ทันอิ่มเลย

“แล้วมึงจะเอาไงต่อไปวะ ชวนหมอเต้ไปดูหนังมะ”

คีรีถอนหายใจหนักๆ “เขาคงยอมไปกับกูสองคนหรอก”

“มึงก็มีลีลาหน่อยสิว้า ก็ชวนไปดูด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ”

“แล้ว... จะดูเรื่องไหนดี” เจนี่ถาม

“หนังรักดิ เอาแนวโรแมนติกหื่นๆ แบบฟิฟตี้เฉดฯ”

“มึงดูหน้าหมอเต้ด้วย หมอเขาจะชอบเหรอ เอาพวกมาร์เวลมะ”

“เราว่าชวนหมอเต้ให้ได้ก่อนค่อยเถียงกันดีกว่ามะ ตอนนี้กินก่อนเหอะ จะได้รีบออกไปตั้งหลักกันก่อนที่พี่ปิ่นจะฮึดสู้ บุกมาหาคีรีอีกรอบ” ยุ้ยตัดบท



เมื่อโต๊ะของเด็กหนุ่มกินเสร็จ พวกเขาก็เดินออกจากร้านไปก่อน ไปตั้งหลักรอเตชิตที่ไม่ไกลจากหน้าร้านนัก ซึ่งไม่นานหลังจากนั้นกลุ่มของอีกฝ่ายก็ทยอยเดินกันออกมา

เพื่อนพ้องของคีรีถอยกันไปหลบที่หลังเสา แต่ละคนผลักไสให้เขาออกไปเผชิญหน้าตามลำพัง เด็กหนุ่มหันรีหันขวางอย่างลังเล แต่ก็ในที่สุดก็เดินอาดๆ เข้าไปหาทันตแพทย์หนุ่มซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มรุ่นพี่วิศวะ

“คุณเตชิตครับ เอ่อ... ไปดูหนังกันนะ”

ภูพิงค์เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะหัวเราะออกมาเล็กน้อย เพราะเขาก็รู้อยู่นะ ว่าคีรีกับเพื่อนๆ ดูจะกลัวเกรงกลุ่มเขากันมากๆ ทว่าก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเด็กหนุ่มรุ่นน้อง อีกฝ่ายมุ่งมั่นกับไอ้พี่เต้จริงๆ กล้าเดินมาหาพวกเขาคนเดียวซะด้วย เหมือนเมื่อครั้งที่บุกมาหาเขาที่คณะวิศวะเลย

ไอ้เด็กนี่ใจมันได้โคตรๆ

แต่ไหนๆ น้องมันก็แสดงความกล้าออกมาขนาดนี้ จะไม่สนองก็กระไรอยู่ เด็กหนุ่มรุ่นพี่จึงพูดเสียงเข้ม

“เฮ้ย คุณ พวกผมมาเป็นกลุ่มเบ้อเริ่ม ชวนพี่เต้คนเดียวเนี่ยนะ”

คีรีหันไปทางภูพิงค์ทันที “พี่ๆ จะไปด้วยกันมั้ยครับ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”

ซันรีบรับบทต่อ “เฮ้ย คิดว่าพวกผมไม่มีเงินจ่ายเหรอคุณ ดูถูกกันปะวะ”

“ไม่นะครับ ผมแค่อยาก... เอ่อ...” เด็กหนุ่มรุ่นน้องชะงักไปเล็กน้อย เพราะที่จริงก็อยากไปกับเตชิตเพียงลำพัง แต่ถ้าไม่ได้ ไปกันทั้งโขยงนี่เลยก็ยอม

“อยากอะไร”

“อยากไปดูหนังกับคุณเตชิตและพี่ๆ ทุกคนครับ”

ภูพิงค์สบตาคีรี ก่อนจะย้อนถามกลับไปเสียงดุ “แล้วทำไมพวกผมต้องไปกับคุณวะ”

“ผมก็ไม่ได้บังคับพี่นะครับ แค่ลองชวนดูเท่านั้น แต่ก็อยากไปกับทุกคนจริงๆ ครับ” เด็กหนุ่มรุ่นน้องตอบ แถมยังจ้องตากลับไปอีก

เตชิตเห็นท่าไม่ดี ไอ้เด็กบ้านี่ก็ต่อปากต่อคำจัง ไม่รู้จักคำว่ากลัวบ้างหรือไง ไอ้พวกนี้มันมีเป็นสิบตีนเลยนะเว้ย “เฮ้ย พิงค์...” พอเจ้าของชื่อหันมาทางเขาก็พูดต่อ “คุณพูดดีๆ กับเขาก็ได้มั้ยวะ ทำไมต้องดุ คุณไม่ได้ประชุมเชียร์อยู่นะเว้ย”

“ผมก็พูดของผมแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ทำไมอะ หรือพี่อยากไปกับเขาวะ”

“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”

“แปลว่าจะไม่ไปใช่มะ ให้ผมไล่เขาไปเลยปะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นเว้ย!”

“ยังไงเนี่ย ตกลงอยากไปหรือไม่อยาก เอาให้แน่”

เตชิตพูดตะกุกตะกัก “ก็... ถ้าพวกคุณยังไม่มีแพลนไปต่อที่ไหน...”

“สรุปว่าพี่อยากไปดูหนังกับเขา”

“ไม่ใช่เว้ย! สรุปยังไงของคุณกันวะ!” เตชิตยกมือขึ้นเกาศีรษะ “เฮ้ย วิน พูดไรหน่อยดิ!”

“กูแล้วแต่พิงค์” รวินท์ตอบเสียงเรียบ เปิดทางให้ภูพิงค์รุกหนักไปอีก

“พี่ตัดสินใจมาเลย อยากไปกับใคร พวกผมหรือเขา จะเอาไงก็บอกมาให้ชัดๆ เลยดีกว่า”

เตชิตประสานสายตากับนัยน์ตาเศร้าๆ ของคีรีแล้วก็พูดไม่ออก ปฏิเสธไม่ลง ไม่รู้จะทำยังไงต่อ เขาหันไปทางภูพิงค์อีกครั้ง “เฮ้ย พิ...” แต่พออ้าปากจะพูด อีกฝ่ายก็พูดแทรกขึ้น

“โธ่ อยากไปกับน้องเขาก็ไปดิวะ อ้ำอึ้งอยู่ได้ เสียเวลาชะมัด ผมก็จะไปหาที่สวีตกับพี่วินเหมือนกัน ส่วนไอ้พวกนั้นมันว่าจะไปโยนโบวล์ แต่ไม่มีพี่ก็โยนได้” ภูพิงค์ยิ้มกริ่ม พร้อมกับผลักเตชิตไปทางเด็กหนุ่มรุ่นน้อง “เอ้า ฝากพี่เต้ด้วยนะ แล้วพามาส่งคืนให้ครบสามสิบสองชิ้นด้วยล่ะ”

คีรียิ้มพร้อมอ้าแขนรับ “ขอบคุณครับพี่พิงค์ ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนด้วยนะครับ”

ทว่าทันตแพทย์หนุ่มตั้งตัวทัน เขาเอามือยันคีรีไว้แล้วหันโวยวายใส่ภูพิงค์ทันที “เฮ้ยๆ ผมเป็นคนขับรถมานะเว้ย!”

“แต่กุญแจรถอยู่กับกู ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูขับกลับเอง” รวินท์อมยิ้มพลางชูกุญแจในมือขึ้น

เตชิตรีบตบๆ มือลงบนกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง “มึงเอาไปตอนไหนเนี่ย!”

“มึงนี่แย่ชะมัด โดนล้วงไปตอนไหนยังไม่รู้อีก”

เตชิตคิ้วกระตุก “กูจะรู้มั้ยก็มึงเป็นคนล้วง!”

รวินท์ส่ายหน้าไปมาพลางถอนหายใจ “ไร้ความรู้สึกแบบนี้ ไม่ปล่อยให้ใครต่อใครล้วงลึกไปถึงไหนๆ เหรอวะ”

ภูพิงค์คว้ามือคนรักไว้ทันที “พี่วินมีผมแล้วจะไปล้วงพี่เต้ทำไมวะ!”

“เออๆ เดี๋ยวมึงค่อยพาพี่วินไปล้วงกันที่อื่นเหอะสัส” แซนดี้เดินมาตัดบท “พวกผมไปละ ไว้เจอกันนะพี่เต้พี่วิน ไปนะน้องคีรี”

คีรียิ้มกว้าง “ครับพี่แซนดี้”

“งั้นผมก็ไปละเหมือนกัน” ภูพิงค์พูดพร้อมโอบไหล่รวินท์เดินฉับๆ ออกไป ปล่อยให้เตชิตยืนงงอยู่กับเด็กหนุ่มรุ่นน้องตามลำพัง

คนอ่อนวัยกว่าถือโอกาสเข้าไปประชิดตัวทันตแพทย์หนุ่มอย่างรวดเร็ว แล้วกระซิบถามที่ใกล้ๆ ใบหู “ไปดูเรื่องอะไรกันดีครับ”

เตชิตหันขวับ “ไม่ต้องถามใกล้ขนาดนั้นก็ได้เว้ย ผมไม่ได้หูตึง” เขาถอนหายใจหนักๆ “เพื่อนก็มี ทำไมไม่ไปดูกับเพื่อนคุณวะ”

“เพื่อนผมก็ไปดูด้วยกันไง พวกเขายืนรออยู่ตรงนั้น”

ทันตแพทย์หนุ่มมองตามไปทางทิศที่คนอ่อนวัยกว่าชี้ แล้วจึงเห็นเพื่อนของคีรียืนเกาะกันเป็นกระจุก เอาจริงๆ ก็ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ ถ้าไปกันสองคนก็ว่าไปอย่าง ทำไมเขาย้อนแย้งอย่างนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน

เด็กหนุ่มกวักมือเรียกเพื่อนๆ ให้เข้ามาหา พอกลุ่มของภูพิงค์สลายตัวไปเท่านั้น สีหน้าแต่ละคนก็ดูจะเพิ่มความกระดี๊กระด๊าขึ้นมาอีกสามเท่า พวกเขารีบรุดเดินเข้ามาหาทันตแพทย์หนุ่ม

สองสาวยิ้มแบบเขินๆ พวกเธอยืนหลบอยู่ด้านหลังเพื่อนหนุ่มสองคนอีกที แต่ก็ชะโงกหน้าออกมาคุยด้วย “ดีใจจังเลยค่ะที่คุณหมอยอมมากับพวกเราด้วย”

“คุณหมออยากดูเรื่องอะไรครับ”

“เรื่องอะไรก็ได้ แล้วแต่พวกคุณเถอะ ซื้อตั๋วยังไงที่ไหนล่ะ”

“คุณหมอไปนั่งรอสบายๆ เลยครับ เรื่องตั๋วเดี๋ยวพวกผมจัดการให้เอง”

เตชิตอ้ำอึ้ง ความรู้สึกตอนนี้เหมือนตัวเองเป็นลุงพาหลานๆ มาเดินห้างยังไงชอบกล “เอางั้นเหรอ”

“ให้คีรีพาคุณหมอไปร้านไอติมก่อนนะครับ เดี๋ยวพวกเราตามไป”

โอ้โห สมที่เป็นเพื่อนกัน เปิดทางให้อย่างไว แต่เขายังไม่ทันตอบเด็กหนุ่มก็จูงมือเขาเดินไปแล้ว

“นี่คุณ จะจูงมือผมทำไมวะ”

“กลัวคุณเตชิตจะเดินหลง”

“ผมยังไม่แก่ขนาดนั้น” ทันตแพทย์หนุ่มบ่น ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่นหอมไม่คุ้นเคยลอยมาเตะจมูก

“แต่ผมไม่อยากให้คุณเตชิตอยู่ห่างๆ ผมนี่นา” คีรีพูดเสียงอ้อน

“ผมก็ไม่อยากดูเหมือนมากับหลานเหมือนกันเว้ย” เตชิตพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ อย่างอ่อนใจ แต่พอก้าวเข้าไปยืนใกล้กับเด็กหนุ่มก็ชะงัก

กลิ่นน้ำหอมของคีรีเหรอ แต่ปกติไม่คีรีไม่ใช้น้ำหอมนี่หว่า หรือแค่ไม่ได้ใช้ตอนอยู่กับเขา ไม่สิ ยังไงมันก็ต้องมีกลิ่นติดมาบ้าง


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 22 : เดินหน้าจีบล่ะน้าาา [260219]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 05-03-2019 20:50:17


เมื่อไปถึงร้านไอศกรีม ทั้งสองก็เดินไปนั่งลงที่โต๊ะซึ่งพนักงานจัดให้ ทว่ายังไม่ทันได้สั่งอะไรก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น

เด็กหนุ่มคิ้วกระตุก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู “คุณตาโทรมา ผมขอเวลาสามนาที แป๊บเดียวเท่านั้น ตรงนี้เสียงดังคุยลำบากน่ะครับ” เขาหันหน้าจอให้ทันตแพทย์หนุ่มเห็นชื่อ เอื้อมมือไปบีบมืออีกฝ่ายเบาๆ พร้อมกับยืนขึ้น “อย่าเพิ่งหนีผมไปไหนนะ”

“เออๆ” เตชิตตอบแบบไม่มองหน้าอีกฝ่าย แต่เมื่อคนอ่อนวัยกว่ารีบรุดออกไป เขาก็ชำเลืองมองตาม จากนั้นก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างละเหี่ยใจ

ทำไมถึงได้ระแวงไปหมดทุกเรื่องแบบนี้ก็ไม่รู้ เขาหงุดหงิดตัวเองฉิบหาย

เป็นอะไรของมึงวะเนี่ย ไอ้เต้

คีรีออกไปแค่แป๊บเดียวก็เดินกลับเข้ามาอย่างที่บอกไว้ เขาจ้ำอ้าวไปที่โต๊ะซึ่งเตชิตนั่งกอดอกทำหน้าเซ็งอยู่ แต่จู่ๆ ก็มีใครบางคนคว้าแขนเขาไว้

“คีรี ว่าแล้วต้องมากินไอติมต่อ”

เจ้าของชื่อชะงัก “พี่...”

“ลืมชื่อแล้วรึไง”

ใบหน้าของเด็กหนุ่มในตอนนี้ซีดเผือด เหงื่อตกทั้งที่อากาศในร้านเย็นสบาย เขารีบหันมองไปเช็กสถานการณ์ที่โต๊ะ พอเห็นว่าทันตแพทย์หนุ่มเบือนหน้าไปอีกทางก็คิดว่าควรจะใช้โอกาสที่อีกฝ่ายไม่ทันได้สนใจปฏิเสธหญิงสาวให้เรียบร้อย “พี่มีธุระอะไรกับผมรึเปล่า”

“ก็คิดถึง” หญิงสาวขยับเข้ามากอดแขน “พอเจอกันก็นึกถึงวันเก่าๆ ขึ้นมา พี่ขอไลน์หน่อยสิ อันเก่าไม่ใช้แล้วใช่มั้ย”

คีรีค่อยๆ ดึงแขนออก “ไม่ได้ครับ ขอโทษนะ”

“ทำไม”

“ตอนนี้ผมมีคนที่ชอบแล้ว”

“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ แค่ไลน์เอง”

“แต่มันเป็นมากสำหรับผม”

หญิงสาวทำหน้านิ่วอย่างไม่สบอารมณ์ “เมื่อก่อนเห็นแจกไปทั่ว”

“นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปแล้ว ผมไม่อยากให้คนที่ผมชอบคิดมาก ขอตัวนะครับ” เด็กหนุ่มรีบเดินกลับไปที่โต๊ะ แล้วนั่งลงตรงข้างทันตแพทย์หนุ่ม ส่วนอีกฝ่ายก็เอาแต่เมินหน้าไปทางอื่น เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ก่อนจะเอื้อมมือไปสะกิด “เอ่อ คุณเตชิต ขอโทษที่ทำให้รอนะครับ”

เตชิตยังคงนั่งนิ่ง ที่จริงก็เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านเงาสะท้อนของกระจกในร้าน คนอย่างเขาจะให้หันไปมองตรงๆ ก็เสียเชิงแย่ เขาก็ไม่ค่อยอยากจะยอมรับสักเท่าไหร่หรอกนะว่าไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่เห็น ถ้าให้เดาก็คิดว่าผู้หญิงคนนั้นน่าจะเคยสนิทสนมกับคีรีพอสมควร ดูจากการเข้าถึงเนื้อตัวขนาดนั้น

คีรีก็เคยบอกเขานี่นะ ว่าเมื่อก่อนก็โชกโชนใช่ย่อย นี่เขาทำกรรมอะไรไว้นักวะถึงต้องเจอแต่กับคนแบบนี้เนี่ย

“คุณเตชิตครับ”

“จะเรียกทำไมนัก”

คนอ่อนวัยกว่าขยับเข้าไปกระแซะ “สั่งไอติมกันดีกว่า คุณเตชิตจะกินอะไรดีครับ”

“สั่งไปเถอะ อะไรก็ได้”

สายตาของคีรีจับจ้องทันตแพทย์หนุ่มไว้นิ่ง กังวลเล็กน้อยว่าอีกฝ่ายอาจจะเห็นภาพเมื่อครู่ การกระทำแบบไม่เคยคิดอะไรในอดีตมีผลเสียจริงๆ อย่างที่เพื่อนๆ เคยบอกไว้ พอมาถึงตอนนี้ก็รู้สึกเสียใจที่ตอนนั้นไม่สนใจฟังคำเตือนใครสักเท่าไหร่ เวรกรรมก็ช่างเลือกวันตามสนองเขาซะด้วย

“คุณเตชิต คือ...ผม...”

เจ้าของชื่อยังคงนั่งนิ่ง แต่คิ้วกระตุกรัวๆ เป็นผลให้บรรยากาศระหว่างพวกเขามีแต่ความเงียบเชียบอึดอัด ได้ยินแต่เสียงพูดคุยจากโต๊ะอื่นและเสียงเพลงในร้านเท่านั้น

โชคดีของคีรีที่เพื่อนๆ อีกสี่ชีวิตเข้ามาร่วมวงด้วยหลังจากจัดการตั๋วหนังเสร็จ ช่วยให้บรรยากาศในโต๊ะดีขึ้นเล็กน้อย ทันตแพทย์หนุ่มยังคงนั่งเงียบๆ ฟังพวกเด็กหนุ่มเด็กสาวพูดคุยกัน ซึ่งพวกเขาก็คงเกร็งๆ ถึงได้ไม่ค่อยพูดอะไรมากนัก

สองสาวสะกิดเพื่อนชายทั้งสามคนยิกๆ พร้อมกับส่งสายตาบอกว่าให้ช่วยกันเอนเตอร์เทนเตชิตสักหน่อย เพราะบรรยากาศใกล้ขึ้นราเต็มทีแล้ว พวกเธอเกรงว่าเขาจะรู้สึกเบื่อ

ฟลุคกระแอมเบาๆ ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่จึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “คุณหมอ ดูไอ้คีรีตอนร้องเพลงในงานวัดเมื่อเทอมที่แล้วมั้ยครับ”

คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้น “งานวัด?”

ยุ้ยรีบช่วยตอบ “คณะเราจัดงานวัดเป็นงานประจำคณะทุกปีค่ะ มีการแสดงกับการออกร้านของปีหนึ่งน่ะค่ะ”

“อ้อ...” ทันตแพทย์หนุ่มยังไม่ทันได้ตอบรับ เด็กสาวอีกคนก็พูดขึ้นบ้าง

“ตอนนั้นคีรีเท่มากเลยนะคะ คนในงานกรี๊ดกันเกรียวกราว”

ปิ๊กไม่ยอมแพ้ “ตอนนั้นพวกผมไปออกร้าน คนในงานเยอะมาก แต่ช่วงคีรีร้องเพลงน่ะ ขายไม่ออกไปชั่วคราวเลยนะครับ ทุกคนหันไปดูเขากันหมดเลย”

เด็กหนุ่มคนที่ถูกพูดถึงอมยิ้ม เพื่อนๆ เขานี่น่ารักซะจริงๆ รู้งานมากๆ เดี๋ยวต้องมีการตบรางวัลให้อย่างงาม

เตชิตยังคงทำหน้านิ่ง แต่ในใจเบะปากรัวๆ เขาก็อยากรู้จริงๆ ว่าไอ้เด็กนี่จ้างเพื่อนๆ มาเท่าไหร่ อวยกันจั๊ง! ขณะเดียวกันฟลุคก็ส่งโทรศัพท์มือถือมาให้พร้อมหูฟัง

“ลองดูมั้ยครับ หูฟังผมเช็ดแล้วนะครับ คุณหมอไม่ต้องห่วง”

“ขอบใจ” พอทันตแพทย์หนุ่มรับโทรศัพท์มือถือมา ใส่หูฟังเรียบร้อยแล้ว เจ้าของเครื่องก็ยื่นมือมาช่วยกดเล่นคลิปให้

คีรีในตอนนั้นดูเหมือนลูกครึ่งมากจริงๆ ผมยาวสีเดียวกันกับตอนนี้ ใส่ตุ้มหู ใส่คอนแท็คเลนส์ แต่งตัวแบบวัยรุ่นทั่วไปแต่ดูเด่นมาก คงเพราะใบหน้า รูปร่างและความสูงที่สะดุดตาด้วย

ช่วงแรกเป็นการสัมภาษณ์สั้นๆ ของพิธีกรบนเวที ซึ่งเตชิตฟังแล้วก็อยากจะเบ้ปากแรงๆ เอาให้มุมปากลากพื้นไปเลย


“น้องนคินทร์จะร้องเพลงอะไรให้พวกเราฟังกันน้า”

“คนที่ถูกรักครับ”

“ปกติไม่มีใครรักเลยเหรอ พี่ว่าไม่น้าาา”


เด็กหนุ่มยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่มีเลยครับ อยากเป็นคนที่ถูกรักจังเลย”


นี่มันไอ้วินจูเนียร์ชัดๆ เลยแม่ง!

คีรีรีบยกมือบังหน้าจอ “คุณเตชิตกดข้ามไปเลยเถอะ นี่มันสคริปไร้สาระล้วนๆ ฟังเพลงดีกว่าครับ”

แต่เมื่อเพลงเริ่มขึ้นก็เป็นภาพเคลื่อนไหวตอนที่คีรีเล่นหูเล่นตากับสาวๆ ตรงขอบเวที แถมยังเดินไปจับมือและส่งจูบให้ด้วย เด็กหนุ่มทั้งสามและสองสาวจึงหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พร้อมใจกันร้องฉิบหายดังกระหึ่มอยู่ในใจ

“อ๊า~ คุณหมอดูรูปดีกว่าค่ะ” เจนี่หยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองขึ้นมา ทว่าพอกดไล่ดูภาพของคีรีที่พอจะมีอยู่ในเครื่อง ก็มีแต่ภาพเพื่อนสนิทตอนที่กำลังนั่งอ่อยสาวๆ ซึ่งเธอถ่ายไว้ตั้งแต่เมื่อตอนอยู่ปีหนึ่ง กะว่าจะเอาไว้แบล็กเมลอีกฝ่าย เด็กสาวหน้าเสีย เธอรีบเก็บโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋าแล้วหันไปกระซิบถามเพื่อนสาว “ยุ้ยมีรูปดีๆ บ้างมั้ย”

เพื่อนสาวที่ถูกถามส่ายหน้ารัว “ไม่คิดจะเก็บรูปดีๆ ของมันไว้สักรูป แต่ เอ๊ะๆ มีรูปตอนโดดรับน้องขึ้นดอยไปเที่ยวออบหลวงไงปีที่แล้ว” เธอรีบเปิดเฟซบุ๊คหารูป จากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้ทันตแพทย์หนุ่ม “คุณหมอคะ ดูรูปดีกว่า นี่ตอนไปเที่ยวออบหลวงกัน พวกเรานอนเต็นท์ ทำกับข้าวกินกันเอง แล้วคีรีก็เล่นกีต้าร์กับร้องเพลงให้พวกเราฟังด้วยน้า~”

เตชิตเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับเธอ “โอเค” ก่อนจะลุกขึ้นพรวดท่ามกลางความงุนงงของทุกคน เขาเดินอ้อมโต๊ะไปหยุดยืนอยู่ข้างยุ้ยซึ่งเป็นคนชวน เอื้อมมือไปดึงเก้าอี้ว่างๆ มาวางตรงกลางระหว่างเด็กสาวทั้งสองคน แล้วนั่งลงพร้อมกับเอนตัวเข้าไปหาเธอ

คีรีเบิกตาโพลง เช่นเดียวกับเพื่อนๆ ของเขา ส่วนยุ้ยนั้นเกร็งไปทั้งตัว แล้วพอทันตแพทย์หนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ

เตชิตก้มลงมองภาพของเด็กหนุ่มที่ถือกีต้าร์อยู่ในมือ ไหนบอกเขาว่าแรร์ไอเทมนักไงวะ ไม่เค้ยไม่เคยเอาออกมาเล่นให้ใครฟังทั้งนั้น ไอ้เด็กตอแหลเอ๊ย “มีรูปอีกมั้ยครับ” เขาพูดโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้น

“คุณหมอหน้าเนียนชะมัดเลย มีรูขุมขนกับเขามั้ยคะเนี่ย”

“หือ?”

“เอ๊ย! มะ...มีค่ะ” ยุ้ยหน้าร้อนผ่าว แต่ก็ค่อยๆ ยื่นมือไปเลื่อนรูปให้ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองคีรีด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก

ส่วนคีรีก็นั่งนิ่งขรึม สายตาจับจ้องไปที่ทันตแพทย์หนุ่มเขม็ง เขารู้ตัวว่าโดนโกรธเข้าซะแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าควรจะแก้สถานการณ์อย่างไรดี

เมื่อกดเลื่อนดูรูปไปจนหมด ทันตแพทย์หนุ่มก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มเล็กน้อย “ขอบใจ” จากนั้นก็ยกแขนขึ้นเท้าพนักเก้าอี้ของเธอ เป็นผลให้ใบหน้าของเจ้าของเก้าอี้นั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

“เอ่อ...” ยุ้ยอ้ำอึ้ง แล้วหันไปทางเจนี่เพื่อขอความช่วยเหลือ

“คะ...คุณหมอคะ เจนี่ก็มีรูปอีกนะคะ” เจนี่รีบชวน แล้วเปิดเฟซบุ๊คหารูปตอนไปเที่ยวให้ทันตแพทย์หนุ่มดูต่อ

เตชิตย้ายข้างมาทางคนชวน พอก้มหน้าลงก็ชะงัก หันขวับไปทางเด็กสาวทันที

เจนี่ยิ้มแห้ง “มะ...มีอะไรเหรอคะ”

ทันตแพทย์หนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ จนปลายจมูกเขาอยู่ห่างจากลำคอของเธอประมาณหนึ่งคืบ เขานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มมุมปาก “กลิ่นหอมดีนะครับ”

ใบหน้าของเด็กสาวซับสีเลือด เธอรีบคอเสื้อยกขึ้นดม แต่พอสบสายตากับทันตแพทย์หนุ่มก็รู้สึกเขินจนต้องบิดตัวหนี จะว่าไปหมอเต้นี่ก็หล่อพอๆ กับหมอวินเลย เขินจังโว้ย

“ผมชอบกลิ่นนี้จัง”

เจนี่แทบจะบิดตัวเป็นเกลียวแล้วตอนนี้ “เจนี่ใส่น้ำหอมมาน่ะค่ะ แหม คุณหมออ่า พูดแบบนี้เจนี่เขินน้า~”

คีรีลุกขึ้นพรวด สองมือกระแทกลงบนโต๊ะดังปังอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะชะงักกึก เพราะตัวเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะหึงหวงอะไรได้นี่หว่า “เอ่อ...” เขาสบสายตาเพื่อนชายทั้งสองคนซึ่งกำลังทำปากขมุบขมิบบอกให้ใจเย็น “หนัง... หนังใกล้เริ่มแล้ว ไปกันดีกว่าครับ” เขาเดินไปคว้าแขนทันตแพทย์หนุ่ม แล้วพาเดินออกไปพร้อมกับตัวเองทันที

เด็กหนุ่มสาวเท้าไม่หยุด เป็นผลให้คนที่เขากึ่งลากกึ่งจูงมาด้วยต้องรั้งแขนตัวเองไว้

“จะรีบไปไหนน่ะคุณ หนังมันก็ไม่ได้ฉายทันทีเลยมั้ย”

“ทำไมครับ อยากนั่งกับเจนี่กับยุ้ยต่อรึไง”

เตชิตเลิกคิ้วขึ้น แล้วกระตุกยิ้มมุมปาก “ก็เพื่อนคุณน่ารักดีน่ะนะ”

“แต่คุณเตชิตผูกปิ่นโตกับผมแล้วนะ” คนอ่อนวัยกว่าพูดเสียงอ่อย

“แล้วไง ก็ไม่ได้หมายความว่าผมต้องผูกกับคุณแค่คนเดียวนี่ เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า”

เด็กหนุ่มชะงัก แววตาสั่นไหวเล็กน้อย เขาค่อยๆ เม้มปาก จากนั้นจึงเบือนหน้าหลบไปอีกทาง

“จะยังไปดูหนังอยู่มั้ย ถ้าไม่ไปผมจะได้กลับ”

คีรีขมวดคิ้ว มือยังคงจับข้อมือของทันตแพทย์หนุ่มไว้แน่น เพราะกลัวว่าถ้าปล่อยไป... เตชิตจะไปจากเขาและไม่หันกลับมาอีก

เพื่อนทั้งสี่คนที่วิ่งตามหลังมาหยุดอยู่ห่างๆ พวกเขาหันมองหน้ากัน เห็นท่าทางและสีหน้าของคีรีก็ได้แต่เจ็บปวดในใจไปด้วย แต่สีหน้าของหมอเต้นี่สิ เหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย การหลงรักใครสักคนข้างเดียวช่างน่ากลัว พวกเขาสงสารเพื่อนจริงๆ

“ว่าไงล่ะ จะยืนอยู่แบบนี้อีกนานมั้ย น่าเบื่อชะมัด” เตชิตถอนหายใจหนักๆ

คีรีกลืนน้ำลายฝืดลงคอ เขาพยายามกดความรู้สึกเจ็บไว้ให้ลึกที่สุด แล้วตอบกลับไปเสียงแห้ง “ดูครับ”

“จะดูก็เดินไปสักที”

เตชิตปล่อยให้เด็กหนุ่มจับข้อมือเขาเดินไปเรื่อยๆ ชำเลืองมองอีกฝ่ายบ้างเป็นบางครั้ง จนกระทั่งถึงหน้าโรงหนัง

เพื่อนของคีรีทั้งสี่คนไม่พูดไม่จา ไม่สบสายตาทันตแพทย์หนุ่มแม้แต่น้อย พวกเขาส่งตั๋วหนังให้ แล้วเดินก้มหน้าตามทั้งสองคนเข้าไปข้างใน

เมื่อนั่งลงแล้วเตชิตจึงเห็นว่าตัวเขานั่งอยู่ตามลำพังกับเด็กหนุ่ม ส่วนอีกสี่คนเขยิบไปนั่งอีกแถว

อือ ก็ทีมเวิร์คดีเนอะกลุ่มนี้ แต่จะแท็กทีมกันเพื่อหลอกอะไรเขาอีกหรือเปล่าก็ไม่มีใครล่วงรู้ได้ ลึกลงไปก็ยังไม่กล้าจะไว้ใจใครนัก

หลังจากหนังฉายไปสักพัก เตชิตก็ถอนหายใจยาวๆ เขาพอจะเคยได้ยินคนพูดถึงหนังเรื่องนี้กันอยู่บ้าง มันเป็นหนังรักใสๆ ซึ่งที่จริงก็ไม่ใช่แบบที่เขาอยากดูสักเท่าไหร่ แต่ก็ทำใจ พวกเพื่อนของคีรีเลือกเรื่องนี้ คงเพราะอยากให้บรรยากาศตอนนั่งดูโรแมนติกล่ะมั้ง คิดไปพลางชำเลืองมองคนที่นั่งอยู่ข้างกัน แล้วก็ชะงักกึก

คีรีนั่งนิ่งเป็นก้อนหิน ใบหน้าหมองเศร้า แสงจากจอภาพยนตร์สะท้อนเข้ากับแววตาที่มองตรงไปเบื้องหน้า ซึ่งมันสั่นไหว ฉายชัดถึงความรู้สึกเจ็บปวดในใจออกมาอย่างชัดเจน สองมือประสานกันแน่นจนเกร็งไปทั้งท่อนแขน พยายามสะกดอารมณ์ไว้อย่างเต็มที่

เตชิตถอนหายใจอีกรอบ เขาเบือนหน้าหนี มั่นใจว่าไอ้คนที่ทำให้เด็กหนุ่มเป็นแบบนี้ก็คงไม่พ้นตัวเขาเองอีกแน่ๆ ก็ในเมื่อบนจอภาพยนตร์ตัวละครยังรักกุ๊กกิ๊กกันอยู่แบบนั้น

..

...

เอาไงดีวะ

เออ เขาผิด พาลใส่เด็กหนุ่มอย่างเอาแต่ใจมากๆ ยอมรับก็ได้

แต่ก็เพราะคีรีนั่นล่ะ ที่ทำให้เขาแสดงออกมาแบบนี้

ทันตแพทย์หนุ่มถกเถียงอยู่กับตัวเองในใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือคนที่นั่งข้างกัน


“จะกลับมั้ย”


คีรีส่ายหน้า เขารีบยกมืออีกข้างขึ้นขยี้ตา “ยังไม่กลับได้มั้ยครับ ผมอยากอยู่ใกล้ๆ คุณ... อีกสักนิดก็ยังดี”

น้ำเสียงแหบแห้งสั่นพร่าแบบนั้นเป็นผลให้หัวใจของเตชิตไหววูบ ใจอ่อนทั้งปีทั้งชาติ “แต่ผมอยากกลับแล้ว ถ้าคุณอยากอยู่ใกล้ผมนักก็ตามมาละกัน” เขาพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ แล้วค่อยๆ ลุกขึ้น

คีรีรีบลุกตาม พร้อมกับคว้ามือทันตแพทย์หนุ่มไว้

เตชิตกุมมือตอบ จากนั้นจึงเดินนำออกไปจากโรงหนังช้าๆ



*TBC*


กรรมใดใครทำไว้ ก็รับผลของมันปายยยย~ /พูดกรอกหูเด็กดอย

ส่วนหมอเต้ก็ไม่แพ้กัน น่าจะทำกรรมไว้กับคนเจ้าชู้เยอะนะคะ เจอทั้งหมอวินและคีรี 55555555

เอาใจช่วยเด็กดอยกันน้า น่าสงสาร(นิดนุง)แล้วใช่มั้ยล่า  :hao5:

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า คืนนี้นอนหลับฝันดี เห็นหมอเต้จูงเด็กเข้าห้องนะค้า อิอิ

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 05-03-2019 21:10:46
หมอเต้  :mew5: เมื่อไหร่จะหายซึน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 05-03-2019 21:29:27
แงๆๆ หมอเต้บรรยายความเศร้าของคีรีซะเราน้ำตาร่วงเลยอ่่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 05-03-2019 21:50:50
โอ๊ยยย สงสารเด็กดอย น้ำตาคลอตามเลย เข้าใจความรู้สึกของนางนะ เอาใจช่วยน้าเด็กดอย ทำให้พี่หมอใจอ่อนให้ได้ไวๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 05-03-2019 21:52:32
หมอเต้นี่เอาคืนเด็กดอยแต่ก็อดสงสารไม่ได้สินะ เห็นเด็กดอยหงอยๆ เลยต้องจูงกลับห้องด้วยเลยเนี่ย  o18
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 05-03-2019 22:00:13
 :hao5: ตอนนี้โคตรสงสารคีรีเลยอ่ะ
บางทีก็ทำร้ายใจน้องไปนะ...ใช่ว่าหมอเต้ไม่เคยร้าย
อ่อนๆให้น้องบ้างก็ได้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-03-2019 22:23:48
 :pig4: :pig4: :pig4:

เขาเรียกว่ากรรมติดจรวด  รวดเร็วปาน 5G  อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: SunnyB ที่ 05-03-2019 22:29:31
คือหมอเต้จะไปดมน้ำหอมสองสาวใช่ไหมคะ
แอบงงนิดหน่อย

แต่สงสารคีรีจัง ตอนนี้ทำอะไรไปหมอนิ่งใส่ตลอด
ก็หลอกเขาก่อนนี่นา
ถึงจะมีเหตุผลที่ไม่แย่ แต่คนถูกหลอกก็คงต้องเอาคืนกันบ้าง
ก็คงต้องลุ้นกันต่อไปว่าหมอเต้จะหายปากแข็งเมื่อไหร่

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 05-03-2019 23:29:15
ส่งสารคีรี หมอเต้อย่าใจร้ายนักสิ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 05-03-2019 23:43:26
หมอเต้ แกจะระแวงไปถึงไหนนนน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 05-03-2019 23:50:36
 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-03-2019 00:03:14
หูย~~~เจ็บ​ปวด​หัว​ใจ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-03-2019 00:14:11
 :mew2:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 06-03-2019 01:00:51
คีรีลูกกกกก โอ๋เอ๋ มาให้แม่ปลอบใจหน่อยลูก
ลูกน่าสงสาร
หมอเต้สับสนอะ  ทั้งหวงน้องงอนน้อง พูดจาทำร้ายลูกชั้น  :angry2:
สู้ๆเค้านะลูก น้องคีรี แม่เอาใจช่วย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 06-03-2019 02:37:04
สงสารคีรี แต่แบบก็เข้าใจหมอเต้ เด็กมันกะล่อนจริงๆ แถมยังเคยหลอกลวงกันไว้
รับกรรมไปนะคีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-03-2019 07:28:20
หมอเต้รีบหายเคืองน้องเร็ว ๆ นะ สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 06-03-2019 08:20:25
สงสารพี่หมอเต้

ใจนึงก็รัก

แต่ อีกใจก็ระแวงกลัวโดนหลอก

พอหันไปเห็นตาใสๆของไอ้เด็กดอยขี้หลอก

ก็สงสารอีก

นาทีนี้เลยไม่รู้จะทำยังไง

55555555

ถ้าทำอะไรไม่ได้

ก็เปิดใจคบเด็กไปเลยเถอะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 06-03-2019 14:54:20
เราเข้าใจความรู้สึกนายนะคีรี เราทีมนายว่ะ // เราอยากให้หมอเต้วิ่งตามคีรีบ้างอ่ะ ถือซ่ะว่าแก้แค้นย้อนหลังให้ภูพิงค์เมื่อคราวโน้น... :katai5: :katai4: :ling1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 06-03-2019 15:39:06
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 06-03-2019 16:19:33
สงสารคีรีแล้วนะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 06-03-2019 16:34:06
คีรีจะรู้มั้ยว่าหมอเต้เขาหึง จับผิดแม้กระทั้งกลิ่น หมอเต้กลัวน้องมันรู้เหรอว่าตัวเองมีใจให้เขานะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 06-03-2019 17:56:17
หมอเต้นายมัน :angry2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 06-03-2019 17:58:22
หมอเต้นี่จะกลัวก็กลัว แต่ใจอ่อนมั้ยก็ใจอ่อน แพ้เด็กดอยแล้วนะคะแบบนี้ :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 06-03-2019 19:04:19
ทั้งหมอเต้กับเด็กดอยต่างคนต่างขี้หึงพอๆ กัน
แล้วคิดไปเองเก่งพอๆ กันด้วย เรื่องนี้น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 06-03-2019 21:08:42
กรรมตามทันแล้วววว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 06-03-2019 21:17:28
อ่านตอนนี้แล้วสงสารน้องคีรีมากจริง ๆ ทั้งที่ปรับตัวใหม่แล้ว บอกความจริงก็แล้ว หมอเต้ก็ยังทำตัวแบบนี้ ทำยังไงที่น้องคีรีจะผ่านไปได้ สงสารน้อง T^T
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-03-2019 22:44:03
 สงสารคีรี ตอนนี้พี่เต้ยังไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ สู้ต่อไปนะคีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-03-2019 22:45:41
 :serius2: :serius2: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 06-03-2019 22:58:31
โอ้ยยย ขำ! คนซึนขี้หวง ทำเมินใส่จนเด็กมันปวดใจ ทั้งที่ใจพี่เหลวเป็นน้ำ อดโอ๋น้องมันไม่ได้   :hao3:


 
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 07-03-2019 09:14:17
 o13 :really2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 07-03-2019 12:16:33
 :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: Mariinariiz ที่ 08-03-2019 11:12:20
น้องคีรี สู้เขานะลูกกกกก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-03-2019 10:18:46
หึหึ ยังไงละๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 10-03-2019 15:16:20
มารอ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 12-03-2019 17:36:58
กินป๊อปคอร์นรอเด็กดอย จิ๊บชาแก้คอแห้งด้วย 555 มาไวๆน้าเค้าคิดถึง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 12-03-2019 19:44:44


Chapter 24 : ง้อ


รถยนต์คันหรูเคลื่อนออกจากที่จอดรถของห้าง วิ่งไปบนถนนใหญ่ในตอนที่ท้องฟ้ามืดมิด แต่ยังมีแสงไฟสว่างไสวจากสองข้างทางและรถราที่วิ่งอยู่มากมาย

“คุณเตชิต เอ่อ... จะกลับคลินิกใช่มั้ยครับ”

“อือ”

คีรีหันไปมองเสี้ยวหน้าของทันตแพทย์หนุ่ม แต่ถูกอีกฝ่ายเมินสนิท เขาจึงได้แต่ขับรถไปเงียบๆ ใช้เวลาไม่นานก็ไปจอดอยู่ข้างหน้าคลินิกเรียบร้อย

“ถึงแล้วครับ” เด็กหนุ่มพูดเสียงอ่อย

“จะจอดตรงนี้รึไง”

“ครับ?”

“ตรงนี้จอดนานไม่ได้หรอกนะ ไปจอดที่จอดรถด้านหลังสิ” เตชิตพูดโดยไม่หันไปทางอีกฝ่าย เกลียดตัวเองอยู่เหมือนกันที่ทุ่มทุนอ่อยซะขนาดนี้

คีรีอ้าปากค้าง แต่ก็รีบเรียกสติกลับคืนสู่ร่าง แล้วขับรถไปจอดในที่จอดรถของคลินิกทันที

“คุณเตชิต... ให้ผมเข้าไปข้างในด้วยได้ใช่มั้ยครับ”

“แล้วแต่คุณดิ คลินิกของคุณลุงคุณไม่ใช่รึไง” ทันตแพทย์หนุ่มเปิดประตูรถออก พอเขาก้าวออกมาจากรถ เด็กหนุ่มก็รีบก้าวออกมาตาม เขายืนรอเล็กน้อยเพื่อให้อีกฝ่ายล็อกรถแล้วก็เดินตามเขาเข้าไปข้างในตึก



ภายในคลินิกมืดสนิท เตชิตจึงหันไปคลำหาสวิตช์ไฟ ยังไม่ทันคลำเจอคนอ่อนวัยกว่าก็เข้ามาสวมกอดเขาไว้จากทางด้านหลัง

“คุณเตชิต”

เจ้าของชื่อถอนหายใจ แต่ก็ยืนนิ่งๆ ให้เด็กหนุ่มกอด

“ผมขอโทษนะครับ”

“ขอโทษเรื่องอะไร”

“ผมเสียใจ... เรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีตมันแย่มากจริงๆ แต่ผมย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ ถ้าผมรู้ว่ามันจะทำให้คุณเตชิตโกรธ... ผมจะไม่ทำตัวแย่ๆ แบบนั้นแน่ คุณเตชิตอย่าโกรธ อย่าเกลียดผมเลยนะ”

ตัวเขาเองในอดีตก็เลวร้ายไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันหรอก แถมยังเคยคิดจะเคลมเพื่อนตัวเองด้วย แต่คนเราเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งเขาและเพื่อนรักก็เคยมีประสบการณ์มาแล้ว เพราะงั้นเขาเข้าใจเด็กหนุ่มดี

“ถ้าผมเกลียด คงไม่ให้คุณกอดอยู่แบบนี้หรอกน่ะ”

“แต่คุณโกรธผม...”

“ก็ไม่แปลกมั้ย ในเมื่อคุณเคยหลอกผมมาก่อน ตอนนี้คุณอาจจะมาหลอกอะไรผมอีกก็ได้ ทำดีกับผม ปากดีกับผม แต่จริงๆ แล้วกลับไปหัวเราะเยาะผมกับเพื่อนคุณหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมไม่อยากเป็นคนโง่ในสายตาคุณหรอกนะ”

“ผมไม่ได้หลอกอะไรคุณเตชิตอีกเลยนะ นอกจากเรื่องที่ปลอมตัวเป็นชาวเขานั่น แล้วเพื่อนผมทุกคนก็รู้ดีว่าผม... รักคุณ”

“แล้วเรื่องอายุอีกล่ะ”

“ผมแค่แอ๊บเด็กนิดเดียวเอง ก็อยากให้คุณเอ็นดูผมนี่ แล้วอีกอย่าง...” คีรีพูดเสียงอ่อย “ผมกลัวคุณเตชิตจะสงสัยว่าผมเป็นนักศึกษา เพราะตอนที่พบกันอีกครั้งที่เชียงใหม่ ผมอยู่แถวมหาลัยพอดี เลยโกหกไปให้ห่างตัวหน่อย”

เตชิตยกมือขึ้นกุมขมับ “ผมจะไว้ใจคุณได้ยังไงวะ หลอกผมสารพัด”

“ตอนนั้นที่ทำลงไป เพราะอยากอยู่ใกล้ชิดคุณเท่านั้น ผมผิด ผมยอมรับ แต่ต่อจากนี้ไปผมสัญญาเลยว่าจะพูดความจริงกับคุณทุกอย่าง จะซื่อสัตย์กับคุณเท่านั้น ผมพยายามทำให้คุณวางใจ ถึงได้พาเพื่อนๆ มาพบคุณนะครับ”

“ปล่อยผมก่อน” เตชิตหมุนตัวหันกลับไปทางคนอ่อนวัยกว่า แล้วก้มลงสูดกลิ่นหอมบางเบาบนคอเสื้อที่เด็กหนุ่มสวมอยู่

คีรีทำหน้างง “คุณเตชิต?”

เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้น “ใช้น้ำหอมอะไร ทำไมกลิ่นเหมือนกันเลยวะ”

เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง หรือว่าตอนที่หมอเต้ไปนั่งกับเพื่อนหญิงของเขาและพูดถึงกลิ่นน้ำหอมของเจนี่ ก็เพื่อจะเช็กเรื่องนี้งั้นเหรอเนี่ย ไอ้เขาก็หึงซะหน้ามืดตามัว

“อ๋อ ก่อนมาเจอคุณผมกับเพื่อนๆ ไปซื้อน้ำหอมกัน เจนี่เป็นคนซื้อน่ะครับ เป็นกลิ่นเดิมที่เขาใช้อยู่ เขาว่าหอมดี เลยลองเอามาฉีดให้ผมด้วย เผื่อว่าคุณเตชิตจะชอบน่ะครับ”

โห แก้ตัวได้น่าเชื่อถือฉิบหาย

“เอ่อ คุณเตชิตไม่ชอบกลิ่นนี้เหรอครับ”

“เออ ไม่ชอบ”

คีรีอ้ำอึ้งไปเล็กน้อย เพราะเจนี่บอกว่ากลิ่นนี้เขาว่ากันว่าเหมือนมีฟีโรโมนไว้ดึงดูดผู้ชาย กลิ่นเซ็กซี่สุดๆ เลยฉีดให้เขาเอาไว้อ่อยหมอเต้ด้วย แต่ดูท่าจะใช้ไม่ได้ผลแฮะ

แต่เขาก็ควรจะเอะใจตั้งแต่ที่เจนี่ใช้กลิ่นนี้มานานแต่ก็ยังไม่มีแฟนหรือเปล่าวะ!

เตชิตถอนหายใจหนักๆ “แล้วกีต้าร์ล่ะ”

“กีต้าร์? ทำไมเหรอครับ”

“ไหนว่าไม่เคยเอามาเล่นให้ใครฟังไง”

“โธ่ ไม่เคยจริงๆ นะครับ”

“แล้วไอ้ที่ใช้เล่นที่ออบหลวงเป็นกีต้าร์กงเต๊กรึไงวะ”

คีรีหัวเราะ พลางโอบกอดทันตแพทย์หนุ่มเข้ามาในอ้อมแขนอีกครั้ง “ผมมีหลายตัวนะ ทั้งกีต้าร์คลาสสิกแล้วก็ไฟฟ้าด้วย มีเป็นคอลเล็คชั่นเลยครับ เอาไว้จะพาคุณเตชิตไปเทียบดูทุกตัวเลย อาจจะดูคล้ายๆ แต่ที่เห็นในรูปไปออบหลวงคนละตัวกันแน่นอน”

“ให้มันจริงเถอะ”

“ผมพูดจริง สาบานได้เลย กีต้าร์ที่ใช้เล่นให้คุณเตชิตฟัง เป็นกีต้าร์ที่ผมหวงมาก แล้วก็พิเศษมากสำหรับผม นอกจากคุณตาคุณยายและคุณเตชิตแล้วก็ไม่เคยเอามาเล่นให้ใครฟังเลยจริงๆ ครับ” คนอ่อนวัยกว่ากระซิบที่ตรงใบหูของคนในอ้อมกอด “ที่บ้านที่เชียงรายมีกลองชุดด้วยนะครับ แต่ถ้าอยากเห็นก็ต้องไปบ้านที่เชียงรายกับผมล่ะน้า~” เขาแนบจูบลงไปบนเส้นผมของทันตแพทย์หนุ่ม ก็แบบว่าความรักมันแน่นอก จูบที่อื่นไม่ได้ก็จูบที่ผมนี่ล่ะวะ!

เตชิตผลักเด็กหนุ่มออกจากตัว “ไม่ต้องมายุ่งกับหัวผม ผมอยู่โรงบาลมาทั้งวันยังไม่ได้อาบน้ำสระผมเลยนะคุณ”

“แปลว่าถ้าอาบน้ำแล้ว ผมทำได้ใช่มั้ยอะ”

“ไม่ได้เว้ย ปล่อยผมดิ๊ ผมจะขึ้นข้างบนแล้ว!” ทันตแพทย์หนุ่มพูดพลางเอื้อมมือไปกดสวิตช์ไฟ

แต่คงเป็นการกระทำที่ผิดพลาดของเตชิต เพราะเมื่อไฟสว่างขึ้น คราวนี้เขาเลยได้สบสายตากับนัยน์ตาลูกสุนัขอย่างจังๆ ใจอ่อนยวบยาบกว่าเดิมไปอีก


ฉิบ... ฉิบหายแล้วกู!


“ผมยังอยากอยู่ใกล้ๆ คุณอีกนิดนี่นา”

“อีกกี่นิดกันวะ เดี๋ยวนิด เดี๋ยวอีกนิด”

“ก็ผมคิดถึงคุณนี่ครับ คิดถึงอยู่ตลอดเวลาเลย พอได้เจอคุณก็ไม่อยากห่างจากคุณเลยอะ”


นั่น ทำหน้าทำตาอ้อนไม่พอยังพูดเสียงอ้อนอีก คิดว่าเขาจะยอมทุกครั้งที่ถูกอ้อนสินะ


“เราเพิ่งเจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อนเองนะคุณ จะคิดถึงอะไรนักหนา อย่ามาเว่อร์”

“สำหรับผม ห่างจากคุณแค่วินาทีเดียวก็ถือว่าเยอะแล้ว ก็ผมรักคุณนี่นา”


เออ! ก็คิดถูกแล้ว! เตชิตถอนหายใจรัวๆ ใจอ่อนกว่าขี้ผึ้งลนไฟแล้วตอนนี้ เรียกว่าขี้ผึ้งที่ถูกโยนใส่เมรุเลยเถอะ


“อย่าใจร้ายกับผมเลยนะครับ”

“ยังไม่อยากกลับก็เรื่องของคุณ ผมก็ไม่ได้ไล่นี่” เตชิตผละออกจากอ้อมแขนของเด็กหนุ่ม ก่อนจะเดินฉับๆ ขึ้นบันไดไป

“ผมขึ้นไปด้วยได้มั้ย”

ไม่มีคำตอบจากทันตแพทย์หนุ่ม คีรีจึงก้าวขึ้นบันไดตามไปช้าๆ แล้วส่งเสียงตามไปด้วย “ผมขึ้นมาแล้วนะ”


ขึ้นบันไดไปสักพักก็ได้ยินเสียงประตูเปิดออก เขารีบตะโกนขึ้นไป “คุณเตชิตครับ!” แล้วเดินขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงชั้นสาม

เด็กหนุ่มหันมองซ้ายขวา เห็นว่ามีห้องหนึ่งที่บานประตูเปิดแง้มไว้ เขาจึงรีบเดินตรงไปที่ห้องนั้นทันที แล้วก็เคาะประตูบอกเจ้าของห้อง “คุณเตชิต...”

“ปิดไฟข้างนอกให้ด้วย”

คีรีอมยิ้ม เขาเปิดประตูห้องออกพร้อมกับเอื้อมมือไปปิดสวิตช์ไฟ จากนั้นก็ชะโงกหน้าเข้าไปภายในห้อง “ขอเข้าไปนะครับ”

เจ้าของห้องไม่ได้ตอบอะไร เขายืนอยู่หน้าชั้นหนังสือขนาดเล็ก กำลังเทน้ำใส่แก้วดื่ม

เด็กหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบๆ เขาหุบยิ้มไม่ได้เลย หัวใจเต้นแรงอยู่ในอก ห้องพักชั่วคราวของหมอเต้ ไม่ได้มีอะไรมากมาย มีเตียงหนึ่งหลัง ตู้เสื้อผ้าแบบประตูเดียว และชั้นหนังสือซึ่งข้างบนใช้วางแก้วน้ำกับขวดน้ำแค่นั้น เขายืนเก้ๆ กังๆ เพราะไม่รู้ว่าควรจะนั่งลงตรงไหน

เตชิตเดินไปเปิดกระเป๋าเป้ หยิบผ้าเช็ดตัวกับชุดใส่นอนออกมา แล้วก็สาวเท้าตรงไปที่ห้องอาบน้ำ “ผมอาบน้ำล่ะ ไม่ต้องมาแอบฟังเสียงอีกนะเว้ย”

คีรีพยักหน้า “ครับๆ ผมสัญญา อยู่ตรงนี้ก็ได้ยินครับห้องเล็กขนาดนี้”

ทันตแพทย์หนุ่มทำหน้าตาบอกไม่ถูก ที่แน่ๆ คือรู้ตัวดีเลยว่าเขาไม่ควรจะพลาดใจอ่อนให้เด็กหนุ่มเล้ย!

เมื่อประตูห้องน้ำปิดลงสนิท เด็กหนุ่มก็หันมองไปรอบๆ ห้องอีกครั้ง เขาเดินไปหยุดยืนที่ข้างเตียง จ้องมองหมอนและผ้าห่มของเจ้าของห้อง ใจอยากจะกระโดดลงไปเอาตัวถูไถ เอาหน้าซุกสูดดมกลิ่มของหมอเต้ให้ชุ่มปอด แต่ถ้าขืนเขาทำแบบนั้นลงไป หมอเต้คงเตะเขาออกจากห้องแน่ๆ เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปลูบหมอนของทันตแพทย์หนุ่มอย่างเบามือ ไม่ให้เกิดร่องรอยอะไรบนหมอนได้ แล้วถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะตัดสินใจนั่งลงที่บนพื้นข้างเตียง แล้วเอนหลังพิงผนังห้องไว้

สักพักเจ้าของห้องที่เปลี่ยนใส่ชุดนอนแล้วก็เดินออกมา เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ไปนั่งทำอะไรที่พื้นวะ”

“ไม่รู้จะนั่งตรงไหนนี่ครับ ห้องคุณไม่มีเก้าอี้สักตัว”

“อือๆ งั้นก็นั่งไปละกัน” เตชิตเดินเอาผ้าเช็ดตัวไปแขวน หยิบไดร์เป่าผมมา พอเขานั่งลงบนเตียงเด็กหนุ่มก็คลานเข่าเข้ามาหา “มีอะไร”

“คุณเตชิตจะเป่าผมใช่มั้ยล่ะ ผมทำให้นะ”

ช่างเอาใจเนอะ แต่ก็เอาเถอะ

“อือ”

“ผมไปล้างมือก่อน ขอใช้ห้องน้ำแป๊บนะครับ”

“เออๆ”

เด็กหนุ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ เพียงแค่แป๊บเดียวก็รีบรุดออกมา เขารับไดร์เป่าผมมาจากทันตแพทย์หนุ่ม แล้วก็จัดการเป่าผมพร้อมกับใช้มือสอดเข้าไปในกลุ่มผมของอีกฝ่าย ได้จับได้เล่นเส้นผมของคนที่รัก มันให้ความรู้สึกฟินดีแบบนี้เอง เขาพึมพำอยู่ในใจ ทว่าความรู้สึกก็แสดงออกมาบนสีหน้าชัดเจน

“คุณเตชิตครับ”

“อะไร”

“ผมเห็นในห้องน้ำมีกล่องสบู่ คุณเตชิตใช้สบู่ก้อนๆ เหรอครับ”

“อ้อ ก็ไม่ทุกครั้งหรอก แล้วแต่น่ะ พอดีครั้งที่แล้วสบู่เหลวหมด ผมขี้เกียจเดินไปซื้อ พี่สิงหาเลยให้มา”

“พี่สิงหา”

“หมอฟันอีกคนน่ะ”

“อ่อ... ถ้างั้น... ผมวิ่งไปซื้อสบู่เหลวให้ใหม่เอามั้ย แล้วสบู่นี่ผมขอนะ”

เตชิตชะงัก เขาคุยดีๆ กับไอ้เด็กเวรนี่ได้ไม่ถึงห้านาทีเลยจริงๆ โว้ย! “คุณจะเอาไปทำไมวะ!”

“เอาไว้ดมเวลาคิดถึงคุณ”

“ไม่ให้เว้ย!”

ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับ เขามั่นใจเลยว่าไอ้เด็กนี่จะไม่แค่ดมเฉยๆ แน่ ขนาดสบู่ของเขายังไม่ปลอดภัยเลยแม่ง


คีรีวางไดร์เป่าผมในมือลงแล้วเอื้อมมือไปถอดปลั๊ก จากนั้นก็นั่งลงบนพื้นข้างคนที่นั่งอยู่บนเตียง เขาเงยหน้าขึ้นมองพลางยกมือขึ้นวางบนตักอีกฝ่าย “คุณเตชิตครับ”

“.....”

“อย่าผูกปิ่นโตกับคนอื่นอีกเลยนะครับ ขอให้เป็นผมคนเดียวได้มั้ย”

หัวใจของเจ้าของชื่อไหววูบ เขาหันไปประสานสายตาด้วย แล้วเอื้อมมือไปแตะแก้มเด็กหนุ่มเบาๆ “ที่พูดตอนนั้น ผมพูดแรงไป ขอโทษนะ”

คีรียิ้มบาง พลางส่ายหน้าไปมา “ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ที่คุณพูดมามันก็ถูก แต่ผมขอ ระหว่างที่เราผูกปิ่นโตกัน คุณเตชิตอย่าเพิ่งมีคนอื่น นะครับ” คนอ่อนวัยกว่าซบใบหน้าลงบนตัก สองแขนกอดขาอีกฝ่ายไว้หลวมๆ 

เตชิตลูบศีรษะเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน เพราะรู้ตัวดีว่าเป็นคนผิด ทำให้คีรีต้องเจ็บปวดเพราะความหงุดหงิดของตัวเอง แล้วดูเด็กหนุ่มทำเข้าสิ ช่างประจบช่างอ้อนแบบนี้ เขารู้สึกผิดไปอีกเท่าตัวเลยแม่ง

แต่รู้สึกเอ็นดูต่อไปได้อีกแค่ครู่เดียว เขาก็สะดุ้งเฮือกเมื่อมือของเด็กหนุ่มเริ่มไม่อยู่สุข “เฮ้ยๆ จะทำอะไรวะ!” พร้อมกับเขกศีรษะที่ก้มงุดอยู่บนตักไปหนึ่งที

คีรีเงยหน้าขึ้น “ผูกปิ่นโตกับผมแล้วก็ให้ผมทำหน้าที่หน่อยสิครับ”


กูว่าแล้ว!


“ไม่ เฮ้ย! อย่าจับ!” ทันตแพทย์หนุ่มรีบตะปบมือซึ่งเคลื่อนเข้ามากดคลึงส่วนกลางร่างเขาทันที “คีรี!”

“ให้ผมทำให้คุณเตชิตเถอะนะ อย่างน้อยผมจะได้สบายใจ ว่าคุณเตชิตไม่จำเป็นต้องไปหาคนอื่น”

เตชิตอ้ำอึ้ง เพราะตัวเขาเองก็ไม่ได้ปลดปล่อยมานาน ครั้งสุดท้ายก็กับเด็กหนุ่มก่อนเขาจะรู้ความจริงนี่ละ

“ให้ผมทำนะครับ” คีรีพูดเสียงอ้อน ก่อนจะดึงขอบกางเกงของทันตแพทย์หนุ่มลงช้าๆ เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ห้ามอะไร เขาจึงค่อยๆ ใช้มือกับส่วนนั้น จนมันขยายขนาดขึ้นจึงโน้มใบหน้าเข้าไปหา

เตชิตเลิกคิ้วขึ้น “คีรี! อะ!” เขาสะดุ้งเฮือกเมื่อคนอ่อนวัยกว่าเริ่มขยับศีรษะอย่างรู้งาน เป็นผลให้หัวใจสูบฉีดเลือดอย่างหนัก ร่างกายรุมร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาขยุ้มเส้นผมของเด็กหนุ่มไว้พลางกัดฟันกรอด

รู้สึกดีชะมัดเลยแม่ง! ไอ้เด็กนี่จะเก่งเกินไปแล้วโว้ย!

เสียงที่เด็กหนุ่มจงใจทำให้เขาได้ยินกระตุ้นอารมณ์ได้เป็นอย่างดี เขาเผยอริมฝีปากหายใจ จากนั้นก็ก้มลงมองดูศีรษะที่โยกไหวอยู่ตรงส่วนกลางร่างตน

ทันตแพทย์หนุ่มกระตุกมือข้างที่ขยุ้มเส้นผมของคนอ่อนวัยกว่าไว้เบาๆ เพื่อเรียกให้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้น

“คุณเตชิตไม่ชอบเหรอครับ”

“เปล่า แต่ผมอยากเห็นคุณทำชัดๆ” เจ้าของชื่อขยับขึ้นไปบนเตียง เอนหลังพิงกองหมอน แล้วก็กระดิกนิ้วเรียกเด็กหนุ่มให้ตามขึ้นมาบนเตียงด้วย “ขึ้นมานี่สิ”

คีรีอมยิ้ม เขารีบคลานขึ้นไปหาเตชิตทันที แล้วก้มลงจัดการกับส่วนที่แข็งขึงตรงหน้า วินาทีนี้ขอบคุณหนังโป๊ทุกเรื่องที่เคยดูและประสบการณ์ที่สั่งสมมา เขาเบี่ยงใบหน้าทำมุมหล่อให้ทันตแพทย์หนุ่มเห็นได้ชัดๆ และก็เพื่อที่เขาจะได้เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน

เตชิตยิ้มมุมปากเมื่อเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับเขา ก่อนจะส่งเสียงครางในลำคอเบาๆ

คุณเตชิตนี่เซ็กซี่ฉิบหาย! คนอ่อนวัยกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้น ร่างกายร้อนรุ่ม ตอบสนองต่อสิ่งเร้าตรงหน้า เขารู้สึกได้ถึงส่วนที่พองโตอยู่ในกางเกงของตน ยิ่งเมื่อได้เห็นสีหน้าของคนที่เขารักก็ยิ่งอยากปรนเปรอให้อีกฝ่ายสุขจนลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปเลย

“คีรี... เร็วอีกนิด” ทันตแพทย์หนุ่มพูดเสียงแหบพร่า พร้อมกับขยุ้มเส้นผมคนอ่อนวัยกว่าไว้

ทว่าจู่ๆ เด็กหนุ่มก็หยุดกึก เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่นั่งอยู่ จากนั้นก็ลุกขึ้นพรวด ตรงเข้าไปกดไหล่ของทันตแพทย์หนุ่มแนบลงไปบนกองหมอน ประกบจูบ แล้วใช้มือกับส่วนนั้นแทน

เตชิตขมวดคิ้ว อารมณ์ขาดตอนเหมือนตอนเข้าห้องน้ำไม่สุด นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่คีรีทำแบบนี้ เขารีบผลักเด็กหนุ่มออก “คีรี!”

เจ้าของชื่อชะงัก หยุดการกระทำทั้งหมดแล้วนิ่งค้างเหมือนถูกสาป เขาตอบรับอีกฝ่ายเสียงอ่อย “ครับ”

“คุณทำแบบนี้ทำไมวะ!” ทันตแพทย์หนุ่มถามเสียงหงุดหงิด

“ทำ... อะไรครับ”

“ไม่ต้องมาทำไขสือเว้ย คุณปิดปากผมทำไมวะ” ทว่าเด็กหนุ่มมัวแต่อ้ำอึ้ง เตชิตที่อารมณ์ทั้งค้างทั้งคุกรุ่นจึงหงุดหงิดหนักขึ้นไปอีก “ถ้าไม่บอกก็ไม่ต้องเข้ามาใกล้ผมอีก!”

คีรีหน้าซีดเผือด “ผม...”

“บอกมาไวๆ ผมให้เวลาคุณสามวิ สาม! สอง! หนึ่ง!”

“ก็ผมไม่อยากได้ยินคุณเตชิตเรียกชื่อหมอวินนี่ครับ!” คนอ่อนวัยกว่าโพล่งออกไป

“ฮะ!?” เตชิตทำหน้างง “ไอ้วินมาเกี่ยวอะไรด้วยวะ”

คีรีเสหลบตา แล้วถอนหายใจหนักๆ “ก็ครั้งแรกที่เชียงราย ตอนที่คุณเสร็จน่ะ คุณครางชื่อหมอวินออกมาชัดๆ เต็มสองหูผมเลย”

เตชิตอ้าปากค้าง เข้าใจอย่างถ่องแท้ ตอนแรกที่คีรีบอกว่าเขาเรียกชื่อคีรีเป็นไอ้วิน เขานึกว่าเป็นตอนที่นัวเนียกัน เขาเมาหนัก อาจจะเผลอเรียกผิดไป แต่นี่มัน...


ฉิบหาย! แรงจริงๆ ว่ะ!


“เข้าใจแล้ว” น้ำเสียงของทันตแพทย์หนุ่มอ่อนลงยวบ เขาเอื้อมมือไปคว้าคอเสื้อคนอ่อนวัยกว่าดึงเข้าหาตัว “นั่นมันก็นานแล้วนะ ตอนนั้นผมก็พอรู้ตัวว่าทำอะไรอยู่กับคุณ แต่ผมก็เมามากด้วย ช่วงหลังๆ เลยอาจจะเบลอไปหน่อย ผมยอมรับตรงๆ ว่าจิตใต้สำนึกตอนนั้นคงคิดถึงไอ้วินมาก แต่ครั้งอื่นๆ ของคุณกับผม ผมมีสติดี คุณคิดว่าผมเป็นคนแย่ขนาดที่จะใช้คุณแทนไอ้วินเลยรึไงวะ ผมรู้ตัวดีว่าคนที่ผมกำลังทำอะไรด้วยคือคุณเว้ย”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ! แต่ตอนที่เราตกลงเรื่องปิ่นโตกันผมเป็นคนพูดเองต่างหาก ว่าให้คุณใช้ผมแทนหมอวินได้” คีรีตอบเสียงเศร้า

“ผมไม่เคยคิดจะใช้คุณแทนไอ้วินเลย” เตชิตส่ายหน้าไปมา “คุณก็คือคุณ ไอ้วินก็คือไอ้วิน แต่ไอ้วินมันเป็นเพื่อนผม เพราะงั้นเรื่องอย่างในคืนนั้น มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว”

คีรีเบิกตากว้าง ไม่ค่อยอยากจะเชื่อหูตัวเองสักเท่าไหร่  “ผมฝันอยู่รึเปล่าเนี่ย”

ทันตแพทย์หนุ่มแนบจูบเรียวปากตรงหน้าอย่างแผ่วเบา แล้วยิ้มบาง “ขอโทษที่ทำให้คิดมากนะ เฮ้ย!” คนอ่อนวัยกว่าโถมตัวเข้าใส่จนเตชิตหงายหลังนอนลงไปบนกองหมอน จากนั้นก็บดจูบเขาอย่างหนักหน่วง สอดสิ้นเข้ามาเกี่ยวกระหวัด กวาดต้อนไปทั่วโพรงปาก และไม่ยอมถอนริมฝีปากออกไปจนกระทั่งลมหายใจของเขาติดขัด

เตชิตผลักไหล่คนบนร่างออกไปเบาๆ เขาขมวดคิ้ว เผยอปากหายใจไปพร้อมกับต่อว่าเด็กหนุ่มทันทีที่ริมฝีปากของตนเป็นอิสระ “คุณเล่นอะไร...!”

“ให้ผมแก้ตัวที่เมื่อกี้หยุดกลางคันนะครับ”

คีรีเปิดโอกาสให้ทันตแพทย์หนุ่มได้หายใจเพียงชั่วครู่ แล้วบดจูบลงไปอีกครั้งอย่างเมามัว เขาสอดมือเข้าไปในเสื้อนอน ลูบเคล้นไปบนผิวเนื้ออุ่นพลางฟังเสียงครางในลำคอเบาๆ ของอีกฝ่าย ก่อนจะถอนเรียวปากออกมาช้าๆ ในตอนที่มั่นใจว่าปลุกอารมณ์ของคนใต้ร่างให้ร้อนรุ่มขึ้นมาได้อีกครั้ง จากนั้นก็จูบไล้ลงมาตามแนวลำคอ


รู้สึกดีเป็นบ้า! ไอ้เด็กนี่ต้องเชี่ยวขนาดไหนกันวะ!


เตชิตกัดริมฝีปาก สองมือขยุ้มผ้าปูที่นอนไว้แน่นและดึงทึ้งเป็นระยะเพื่อระบายอารมณ์ 

คนอ่อนวัยกว่ากดจูบ ขบเม้นไปบนตัวเสื้อนอนที่ขวางกั้นผิวกายของทันตแพทย์หนุ่มไว้ เขาค่อยๆ ลากเรียวปากลงต่ำ ขณะที่ใช้มือปลุกเร้าส่วนที่ไวต่อการสัมผัสมากที่สุด จากนั้นจึงแทนที่ฝ่ามือด้วยโพรงปาก

เตชิตจับจ้องการกระทำของเด็กหนุ่มอย่างไม่วางตา สารภาพตามตรงเลยว่าสีหน้าและเรียวลิ้นนั่นทำให้อารมณ์ของเขาปั่นป่วนไปหมด ลมหายใจติดขัด เกร็งไปทั้งร่าง

เมื่อคีรีกระชับเรียวปากและขยับศีรษะเร็วขึ้น เตชิตก็หลุดครางออกมาเสียงดังอย่างลืมตัว

“คีรี! พอแล้ว!”

ทว่าเด็กหนุ่มกลับไม่ยอมถอยออกไป เมื่อได้เห็นใบหน้าที่ฉายชัดถึงความปรารถนากับได้ยินเสียงแหบกระเส่าเรียกชื่อตน เขาก็เร่งจังหวะให้เร็วขึ้นอีก

“คีรี!”

ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเสียงของหมอเต้เวลาที่เรียกชื่อเขาจะเซ็กซี่ได้ขนาดนี้

“คีรี ออกไป อะ!” อารมณ์ที่ทะยานพุ่งขึ้นสูงเต็มที่ ทำให้ทันตแพทย์หนุ่มอดทนต่อไปไม่ได้อีก และปลดปล่อยออกมาในโพรงปากที่รอรับอยู่

เตชิตเอนหลังพิงหมอนอย่างอ่อนแรง เขาไม่เคยรู้สึกรุนแรงขนาดนี้มาก่อนเลย


แม่งโคตรฟิน! ไอ้เด็กนี่ไปฝึกมาจากไหนวะ!


“คุณเตชิต”  เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก “เป็นไงบ้างครับ รู้สึกดีมั้ย”

เตชิตลุกขึ้นนั่ง เขาดึงแขนเด็กหนุ่มแล้วเหวี่ยงให้ล้มตัวลงนอน ก่อนจะขยับขึ้นไปคร่อมอยู่ด้านบนพร้อมกับกดไหล่ของอีกฝ่ายทั้งสองข้างลงกับเตียง “คุณไปหัดมาจากไหนวะ บอกผมมาตรงๆ นะ”

“เพิ่งเคยทำให้คุณเตชิตเป็นคนแรกนี่แหละครับ เชื่อผมมั้ย”

“ไม่เชื่อ”

“ผมทำอย่างเต็มใจและตั้งใจสุดๆ เพราะผมรักคุณไง จะเชื่อผมได้รึยัง”

“ปากดีเนอะ”

“ถ้าไม่ดีจะทำให้คุณเตชิตฟินได้เหรอครับ” คนใต้ร่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

ทันตแพทย์หนุ่มชำเลืองมองส่วนที่พองโตอยู่ในกางเกงของคนอ่อนวัยกว่า เขายิ้มอย่างพอใจพลางกดต้นขาลงไปบดเบียดกับส่วนนั้น

เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยง “คุณเตชิต!”

“ให้รางวัลคนปากดีหน่อยแล้วกัน”

“ฮะ?” คีรีเลิกคิ้วขึ้น เขาหูฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อคนบนร่างบดเบียดเรียวปากเข้ามาบนริมฝีปากตน เขารีบเผยอปากรับลิ้นอุ่นให้เข้ามารุกราน ริมฝีปากของคุณเตชิตน่ะ ทั้งนุ่มทั้งหวานอย่างกับมาชเมลโลเลย

เด็กหนุ่มขนลุกซู่ขณะที่ฝ่ามืออุ่นๆ ลูบไล้ผ่านลำคอลงไปยังแผ่นอก แล้วค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อของเขาออกทีละเม็ด เพียงแค่แป๊บเดียวสาบเสื้อทั้งสองข้างก็ถูกแหวกออก อีกฝ่ายกดจูบไปตามลำคอและแผ่นอก เขาเจ็บจิ๊ดๆ บนผิวเนื้อตรงที่ทันตแพทย์หนุ่มขบกัด ก่อนจะหลุดครางออกมาเบาๆ เมื่อฝ่ามืออุ่นนั้นเลื่อนลงไปกุมส่วนไวสัมผัสของเขา

“อา คุณเตชิต... คุณเตชิต ถ้าผมฝันอยู่ก็อย่าเพิ่งปลุกผมเลยนะ”

เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้น พลางยิ้มมุมปากเล็กน้อย เขาชอบสีหน้าของคีรีในตอนนี้มากจริงๆ สีหน้าที่บ่งบอกว่ามีความสุขสุดๆ กับสัมผัสของเขา สีหน้าที่บอกว่าเขาทำให้รู้สึกปั่นป่วนจนแทบทนไม่ไหว

น่ารักชะมัด เด็กหนุ่มทำให้เขารู้สึกอยากใกล้ชิดกันมากขึ้น ส่วนที่เพิ่งสงบไปเมื่อครู่ตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้

ทันตแพทย์หนุ่มถอดเสื้อนอนที่สวมอยู่ออก ก่อนจะทิ้งตัวทาบทับลงไปบนตัวคนอ่อนวัยกว่า ผิวกายที่แนบชิดกันให้ความรู้สึกดีเกินกว่าที่คิดไว้เสียอีก เขาก้มลงจูบแก้มของเด็กหนุ่มแล้วกระซิบเรียกชื่ออีกฝ่าย “คีรี”

คนใต้ร่างยิ้มรับ “วันนี้คุณเตชิตน่ารักจัง”

เจ้าของชื่อวางมือประกบแก้มเด็กหนุ่มพลางประสานสายตากัน แวบหนึ่งเขานึกสงสัยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น เอาเข้าจริงๆ ก็อยากรู้ให้ชัดเจนไปเลยเหมือนกันนะว่าเหตุการณ์ในคืนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง แต่ก็ยังไม่อยากถามออกไปในตอนนี้

คีรีเอื้อมมือไปสัมผัสส่วนที่แข็งขึงของทันตแพทย์หนุ่ม “ให้ผมทำให้คุณอีกครั้งนะครับ”

“แต่ผมยังทำให้คุณไม่เสร็จเลยนะ”

“ทำไปพร้อมกันก็ได้ ก็ถือว่าเป็นรางวัลของผมเหมือนกัน” เด็กหนุ่มยิ้มกริ่มขณะที่กระซิบบอก เขาค่อยๆ พลิกขึ้นมาบนตัวทันตแพทย์หนุ่ม จับส่วนร้อนของพวกเขาไว้ด้วยกันแล้วขยับมือช้าๆ

เตชิตยกแขนขึ้นโน้มลำคอคนอ่อนวัยกว่าลงมาหาตัวพร้อมกับยกศีรษะขึ้นแนบจูบ สองลิ้นเกี่ยวกระหวัดสลับหอบหายใจ เขาหลงใหลเมามัวในรสสัมผัสจนถอนตัวไม่ขึ้น ในศีรษะขาวโพลนไปหมด

มือที่จับส่วนไวสัมผัสของพวกเขาไว้ด้วยกันกระชับแน่น พร้อมขยับให้เร็วขึ้น แต่คีรีก็ยังไม่ยอมละริมฝีปากออกมาจากความหอมหวานเย้ายวนตรงหน้า จนกระทั่งร่างของเขากระตุกเกร็ง แล้วข้ามผ่านจุดสูงสุดไปพร้อมๆ กับทันตแพทย์หนุ่ม

ริมฝีปากที่เผยอหอบคลอเคลียกันอยู่ไม่ห่าง นัยน์ตาของทั้งคู่สบประสานกัน

คีรีจดหน้าผากของเขาไว้กับคนใต้ร่าง “รักผมบ้างสักนิดแล้วใช่มั้ย”

เตชิตหัวเราะ แล้วผลักเด็กหนุ่มออกไปเบาๆ “ไปอาบน้ำเลยไป”

“ชวนผมค้างด้วยใช่มั้ยเนี่ย”

“อือ”

คีรียิ้มกว้าง รีบกอดทันตแพทย์หนุ่มไว้แนบกาย “รักนะครับ รักมากด้วย”

เตชิตผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเวลาที่ผิวกายเปลือยเปล่าของพวกเขาสัมผัสกันแบบนี้ มันให้ความรู้สึกดีมากจริงๆ ทำให้เขารู้สึกโลภ อยากให้แนบชิดกันมากไปกว่านี้อีก

“คุณเตชิตทำไมเงียบจัง คิดอะไรอยู่”

“คิดว่าคุณนี่ตัวหนักชะมัด ลุกออกไปสักที ไปอาบน้ำไป๊ เสื้อผ้าหยิบเอาในตู้ อยากใส่ตัวไหนก็หยิบเอา ส่วนผ้าเช็ดตัวในเป้มีอีกผืน รีบไปอาบน้ำเร็วๆ เดี๋ยวจะได้นอน”

“ครับ” คีรีรับปากทันทีก่อนที่เจ้าของห้องจะเปลี่ยนใจ เขารีบลุกขึ้น เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวจากในกระเป๋าเป้ ก่อนจะเดินไปเปิดตู้หาเสื้อผ้าดู

ทันตแพทย์หนุ่มมองตาม คนอ่อนวัยกว่ายังสวมเสื้อนักศึกษาที่ไม่ได้ติดกระดุมไว้ ท่อนล่างใส่กางเกงที่เปิดซิปทิ้งไว้อ้าซ่า เส้นผมยุ่งเหยิงไปหมด แต่...

ดูดีชะมัด ต้องยอมรับว่าคีรีเป็นคนที่ทั้งหล่อและเท่มากจริงๆ

เจ้าของชื่อหันมาสบสายตาด้วย แล้วส่งยิ้มให้ “ไปอาบน้ำกับผมอีกรอบมั้ย”

นั่น เชิญชวนไปอีก

“ไม่ล่ะ ผมง่วงแล้ว”

“โธ่ น่าเสียดายชะมัด” คนอ่อนวัยกว่าตอบพร้อมกับขยิบตาให้ จากนั้นก็สาวเท้าเข้าห้องอาบน้ำไป

เตชิตส่ายหน้าไปมา เขาลุกขึ้นจากเตียง เอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้ามาสวม เดินไปปิดไฟในห้องให้เหลือแค่ตรงหัวเตียง แล้วก็เอนหลังลงนอนโดยที่เว้นที่ว่างข้างกันไว้ให้เด็กหนุ่ม


(มีต่อค่ะ)


หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 23 : อดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ [050319]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 12-03-2019 19:45:05


ไม่นานคีรีก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เขาใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นเท่าเข่าของเจ้าของห้อง พอตากผ้าเช็ดตัวเสร็จก็รีบก้าวขึ้นเตียง เขานอนหันหน้าไปทางคนที่นอนอยู่ก่อน

“รอนานมั้ยครับ”

“ไม่ได้รอ”

“โธ่ จะพูดความจริงให้ชื่นใจหน่อยก็ไม่ได้”

ทันตแพทย์หนุ่มไม่ตอบ แต่ขยับเข้าไปประชิดตัวคนอ่อนวัยกว่า เขาจับแขนอีกฝ่ายวางบนหมอนแล้วใช้หนุนนอน

เด็กหนุ่มรีบตวัดแขนโอบคนข้างกันไว้หลวมๆ แววตาของเขาสั่นไหว หัวใจพองฟู ในอกตื้นตันไปหมด “วันนี้คุณเตชิตใจดีจัง”

“เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าคุณไม่ได้คิดแบบนี้แน่”

“แต่ตอนนี้ผมมีความสุขมากเลยนะครับ” คีรีจูบลงไปตรงปลายจมูกของทันตแพทย์หนุ่มเบาๆ “ขอบคุณ แล้วก็กู๊ดไนต์ครับ”

“อืม”

คีรีหลับตาลง ริมฝีปากยังคงรอยยิ้มค้างไว้เช่นนั้น ถึงจะไม่ได้ยินคำบอกรัก แต่การกระทำที่อ่อนโยนจากเตชิตซึ่งเขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนก็ทำให้สุขล้นในหัวใจ

ความสุข จากการที่ได้รักและจากการที่ได้รับความรักตอบกลับมา มันเป็นอย่างนี้นี่เอง



ในตอนเช้าของวันใหม่ เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมาแล้วอมยิ้ม ดวงตาจับจ้องใบหน้าของคนที่นอนหนุนแขนเขาแทนหมอนมาตลอดคืน เขาค่อยๆ ยกศีรษะขึ้น โน้มใบหน้าเข้าไปหา พร้อมกับใช้มืออีกข้างไล้ไปตามกรอบหน้า จากนั้นก็หอมแก้มอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาที่สุด

“หาเรื่องแต๊ะอั๋งผมแต่เช้าเลยนะ แล้วจะเบียดผมจนตกเตียงเลยมั้ย”

“โห คุณเตชิตอ่า ไม่โรแมนติกเลย” คีรีพึมพำ แต่ก็รวบตัวทันตแพทย์หนุ่มเข้ามาสวมกอด “อยากนอนแบบนี้ไปอีกสักเดือน”

“นานขนาดนั้นก็พิการแล้วคุณ”

คนอ่อนวัยกว่าคิ้วกระตุก “คุณเตชิตนี่ไม่โรแมนติกจริงๆ ด้วย”

เจ้าของชื่อผลักเด็กหนุ่มออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเกาศีรษะ “ผมต้องอาบน้ำแต่งตัวแล้ว”

“เช้านี้กินอะไรดีครับ ผมไปซื้อโจ๊กให้เอามั้ย”

“อือ ก็ดีนะ” เตชิตพยักหน้าหงึกๆ

“งั้นผมไปล้างหน้าแปรงฟันแป๊บ” เด็กหนุ่มลุกขึ้นแล้วรีบรุดเดินไปล้างหน้าล้างตา เมื่อก้าวออกมาเจ้าของห้องก็ลุกขึ้นจากเตียงเดินมาที่ห้องน้ำพอดี เขารีบก้าวเข้าไปสวมกอด

เตชิตเคาะศีรษะคนอ่อนวัยกว่าเบาๆ “ไม่ต้องมาอ้อนแล้ว ผมจะรีบอาบน้ำ”

“เดี๋ยวเจอกันนะครับ”

“อือ”

คีรีมองตามคนที่เดินเข้าไปในห้องน้ำ จัดการเปลี่ยนใส่ชุดนักศึกษาชุดเดิมของเมื่อวาน จากนั้นก็เดินฉับๆ ไปเปิดประตูห้องออก จังหวะเดียวกันกับคนที่เพิ่งเปิดประตูออกมาจากห้องตรงข้ามกันพอดี


“พี่พิงค์”


“คีรี”


เด็กหนุ่มร่วมสถาบันทั้งสองชะงัก สายตาแสกนเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่หลุดลุ่ยพอๆ กัน มองหน้ากันอยู่อีกสักพัก แล้วส่งยิ้มแห้งๆ ให้กัน

“เอ้อ... กำลังจะกลับแล้วเหรอ”

“เปล่าครับพี่ ผมจะไปซื้อโจ๊กให้คุณเตชิตน่ะครับ”

“อ้อ ผมก็กำลังจะไปซื้อโจ๊กให้พี่วิน” เด็กหนุ่มรุ่นพี่หันขวับไปทางด้านหลัง รีบก้าวออกจากห้องมาแล้วปิดประตู “วันนี้พี่วินทำคลินิกสายหน่อย เลยยังไม่ตื่นน่ะ”

ทั้งสองยืนประจันหน้ากันอยู่อีกชั่วครู่ ก่อนภูพิงค์จะเดินนำไปก่อน “งั้นก็ไปพร้อมกันเลยละกัน”

“ขอบคุณครับพี่”

“จะขอบคุณทำไมวะ ให้เดินไปด้วยกัน ไม่ได้ให้ขี่คอไป”

ช่วงแรกที่เดินไปด้วยกันก็รู้สึกเก้ๆ กังๆ นิดหน่อย พวกเขาเว้นที่ว่างระหว่างกันพอสมควร คอยชำเลืองมองกันเป็นระยะๆ เหมือนกำลังลองเชิงกันอยู่

“เอ่อ พี่พิงค์ครับ เมื่อคืน ผมขอบคุณมาก”

“เฮ้ย ไม่ต้องขอบคุณอะไรหรอก ไม่มีไอ้พี่เต้เป็นก้าง ผมก็ได้อยู่กับพี่วินตามลำพังเหมือนกัน”

คีรีหัวเราะ “ดูเผินๆ พี่พิงค์เหมือนเป็นคนดุๆ นะครับ แต่ความจริงโคตรน่ารัก มิน่า หมอวินรักพี่มากๆ”

ภูพิงค์หันขวับ ใบหน้าซับสีเลือดเล็กน้อย เขายกมือขึ้นลูบท้ายทอยอย่างเขินๆ “คิดอย่างงั้นเหรอ”

“ผมไปหาคุณเตชิตที่ลำพูนหลายครั้ง ไม่เคยเห็นหมอวินสนใจใครเลย วันๆ ก็อยู่แต่กับคุณเตชิต พยาบาลกับเจ้าหน้าที่ที่โรงบาลก็บอกว่าไม่เคยเห็นหมอวินสนใจใครเลย ตอนแรกทำเอาผมเข้าใจผิด คิดว่าหมอวินกับคุณเตชิตน่าจะมีอะไรกัน แต่พอได้เจอหมอวินกับพี่พิงค์ต่อหน้า ผมก็เข้าใจ ในสายตาหมอวินมีแต่พี่เท่านั้น”

เด็กหนุ่มรุ่นพี่ยิ้มหน้าบาน ทั้งที่เขาก็รู้อยู่แก่ใจ แต่พอได้ยินคนอื่นพูดแล้วมันโคตรปลื้มใจ

“ผมอิจฉาพี่กับหมอวินชะมัด”

ภูพิงค์ตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ “แต่พี่เต้ก็เปิดทางให้คุณมากขนาดนี้แล้วนะ ผมไม่เคยเห็นพี่เต้พาใครมาค้างที่คลินิกด้วยเลยสักครั้ง แม้กระทั่งพวกผม จะมีก็แต่ไปค้างที่บ้านเช่าด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ”

คีรียิ้มกว้าง “ผมเป็นคนแรกเลยเหรอครับ”

“อือ”

“ปลื้มว่ะ ให้ผมเลี้ยงโจ๊กนะพี่”

“ไม่ต้องเว้ย ผมก็มีเงินมะ”

“ให้ผมเลี้ยงเถอะ ผมรวย ถ้าเงินเหลือกลับบ้านเยอะ เดี๋ยวคุณตาว่าเอา” เด็กหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ

ภูพิงค์หัวเราะตามไปด้วย “นี่คุณจะซื้อโจ๊กหรือซื้อร้านโจ๊กวะ”

“ที่จริงอยากเลี้ยงขอบคุณพี่พิงค์กับหมอวินมานานแล้วครับ”

“แล้วเลี้ยงแค่โจ๊กเนี่ยนะ”

“ผมมีปัญญาแค่นี้แหละ”

“ไหนว่าเงินเหลือคุณตาจะว่าเอาไงวะ!” เด็กหนุ่มรุ่นพี่ส่ายหน้าไปมา พวกเขาเดินคุยกันไปเรื่อยๆ เมื่อข้ามถนนแล้วก็สลับฝั่งยืนกัน พอหันไปทางคนอ่อนวัยกว่า เขาก็สังเกตเห็นรอยช้ำที่ตรงซอกคอเข้า นัยน์ตาสีเข้มเบิกโพลง “โอ๊ะ!” โอ้โห! ไอ้พี่เต้ก็ร้ายแฮะ!

“หือ มีอะไรเหรอพี่”

“อะแฮ่ม...” ภูพิงค์ยกมือขึ้นลูบลำคอ ลูบแล้วลูบอีก เป็นเชิงบอกให้รุ่นน้องรู้ตัว

“คันเหรอพี่”

“ไม่ใช่เว้ย” ภูพิงค์ขยับเข้าไปกระซิบ “รอยที่คอ ชัดมาก เมื่อเช้าออกมาไม่ได้ส่องกระจกรึไง”

“หือ ไม่ได้ส่องเลยครับ” คีรีพยายามก้มมอง เขามองไม่เห็นรอยที่คอ แต่เห็นไอ้ที่อยู่บนแผ่นอกประปราย เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง รีบจับคอเสื้อกระพืออวดรุ่นพี่ทันที “โอ้โห รอยเพียบเลย”

“หน้าตาฟินฉิบหาย”

“ก็ฟินจริงๆ แหละครับ” เด็กหนุ่มรุ่นน้องชำเลืองมองคนที่ยืนอยู่ข้างกันพลางยิ้มมุมปากแล้วยักคิ้วให้ “มีของดีก็ต้องอยากอวดอะครับ พี่พิงค์คงไม่เข้าใจ”

ภูพิงค์ยิ้มกริ่ม “แหม แค่นี้ทำเป็นขิงว่ะ ไอ้ที่ผมมีก็อยากจะอวดอะนะ แต่มันอยู่ตรงที่โชว์ไม่ได้อะดิ ยังไม่อยากทำอนาจารข้างถนนว่ะ” ได้ทีก็เกทับคนอ่อนวัยกว่าไปอีก

คีรีคิ้วกระตุก “ไว้คราวหน้าผมจะหาโอกาสใหม่”

เด็กหนุ่มรุ่นพี่หัวเราะ “เออ สู้หน่อยละกัน” ไอ้เด็กนี่มันน่าเอ็นดูปนกวนประสาทดีนะ เหมาะสมกับไอ้พี่เต้ฉิบหาย “รีบเดินเหอะ เดี๋ยวกลับไปช้า พี่เต้ไม่ทันได้กินก่อนทำงานพอดี”



*TBC*



แหม ง้อกันดุจังเรยนะคระคู่นี้ แบบนี้ให้งอนกันบ่อยๆ ได้เนาะ

(ว่าแต่สองหนุ่มนี้จะชดใช้กรรมกันหมดแล้วหรือยังน้า~ 555555)

ที่แน่ๆ อยากบอกเด็กดอยเหลือเกินว่าอย่าเพิ่งไปขิงใส่พี่พิงค์เขา เราน่ะ แฟนยังไม่ได้เป็นเล้ยยย 5555555

ตอนนี้คงทำให้หลายๆ คนฟินได้บ้างนิดหน่อยนะคะ สองหนุ่มน่ารักใช่มั้ยล่า

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า คืนนี้นอนหลับฝันดี จุ๊ฟฟฟฟ  :mew1:

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: M_M ที่ 12-03-2019 19:48:57
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 12-03-2019 20:15:02
ขำำคนขี้อวดสองคน เกทับกันจัง 5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 12-03-2019 20:44:34
คือดีมากเว่ออออออออร์
หมอเต้คืออ่อยแรง
กระดิกนิ้วเรียกขึ้นเตียงคือแบบ
แต่คีรี มีรอยแค่นี้ขิงหรออีหนู จับหมอเต้ทำเมียให้ได้ก่อน
ค่อยมาอวดนะลูก  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 12-03-2019 20:55:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 12-03-2019 20:57:18
หมอเต้เรียกคีรีขึ้นเตียงเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 12-03-2019 21:15:12
พี่หมอเต้มีความเผ็ชชช

มีความแซ่บอยู่พอตัวนะ

เด็กดอยอย่าทำให้พี่หมอเต้

ป๊ะอดีต ตับที่เด็กดอยกินเรี่ยกินราด

บ่อยๆนะเดี๋ยวพี่หมอเต้ไม่ชอบ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 12-03-2019 21:42:49
 :hao7: ชอบความอวดกันเรื่องรอยที่แฟนทำอ่ะ....ตลกดี :laugh: :laugh: :m20:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: SunnyB ที่ 12-03-2019 21:43:33
ชอบหมอเต้มีความนางพญา
มีน้องหมานั่งเกาะขาอยู่ที่พื้นด้วย

ตอนนี้ก็เหลืออีกมิชชั่นสินะคุณหมอ
พิสูจน์ว่าคืนแรกนั่นมันยังไงกันแน่

อยากรู้จังจะพิสูจน์กันยังไง
 :mew3:

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 12-03-2019 21:44:31
เขาขิงกันน่ารักนะ พี่น้องสถาบันนี้ 5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-03-2019 21:52:30
 :pig4: :pig4: :pig4:


แหม่...เด็กดอยฟินยาวเลยนะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 12-03-2019 22:21:28
โอ้ย ขำเด็กดอยขิงใส่พิงค์
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 12-03-2019 22:30:19
รักกันนานๆ ถือไม้้เท้า อ้าวยังไม่แต่งงาน ฟินจัด
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 12-03-2019 22:49:29
 :hao6:
ง้อดุเดือด
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-03-2019 22:52:31
 :haun4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 12-03-2019 22:54:52
หมอเต้!!! เคะราชินีสุดๆ  :jul1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 12-03-2019 23:09:53
ขำเดกดอยกับน้องพิงค์ :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-03-2019 23:29:01
แหมคีรี เป็นแฟนกับหมอเต้ให้ได้ก่อนแล้วค่อยไปขิงที่พิงค์เขา
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 12-03-2019 23:33:53
555555555555555​555555555555555​555555555555555

ตลก 2 คน มัวแต่ขิงใส่กันใครแซ่บกว่า 555555555555555​555555555555555​555555555555555​555555555555555​555555555555555​555555555555555​
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-03-2019 23:40:03
 :z1:

 :L1: :pig4: :L1:

 o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 12-03-2019 23:41:35
หูยยยยย อย่ามีดราม่าอีกเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 13-03-2019 00:33:20
สองคนนั้นเขาแข่งอะไรกันอ่ะ 5555555555555555
ตอนเปิดประตูออกมาเจอกันคือแบบ  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 13-03-2019 07:33:39
ช่วงซื้อโจ๊กนี่คือช่วงอวดแฟนกันใช่ม่ะ 555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-03-2019 09:38:42
เด็กดอยไปขิงใส่พี่พิงค์เขาน่ะ ระวังเขาจะขิงกลับว่าเขาได้กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวพี่วินแล้ว
แต่เด็กดอยนี่ยังไม่ได้กินจริงๆจังๆพี่เต้ซักทีนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: mysun ที่ 13-03-2019 11:23:35
งือออง้อดุเดือด พี่น้องสถาบันนี้ขี้อวดกันจริงๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 13-03-2019 11:31:33
ง้อได้น่ารักจัง :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 13-03-2019 13:02:53
ง้อได้เลือดสาดเลยจ้า :m25:
คีรีของตัวเองได้แค่นี้อย่าเพิ่งไปขิงกะเค้า โอ้ย!ขำ
จะมีอะไรที่คีรียังไม่เคลียร์์์มัง :hao4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 13-03-2019 13:09:20
ง้อกันดุเดือด เลือดพุ่ง :pighaun:

ขำจังหวะซิทคอม เปิดประตูมาจ๊ะเอ๋กันไม่พอ
เป็นแค่เด็กผูกปินโตยังมีหน้าไปขิงกับเขาอี๊ก 555555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 13-03-2019 23:38:10
เมื่อไหร่จะได้กันซะทีน้ออออ อยากเห็นหมอเต้ไปปรึกษาพี่วินใฐานะเคะมือใหม่  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 14-03-2019 00:34:35
คีรีลูกเป็นแฟนหมอเต้ให้ได้ก่อนค่อยมาขิงใส่พี่พิงค์นะลูก55555 อย่าให้พี่พิงค์โชว์นะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 14-03-2019 00:52:23
ขำคีรีขี้อวด :jul3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 14-03-2019 19:30:31
อีพี่หมอแอบคิดจะข้ามขั้นแล้ว เอาล่ะสิ เด็กดอยจะทำไงดี งานนี้มีสึกชิงกันเป็นเมะแน่ๆ 555 แต่เราเชียร์เด็กดอยนะ อยากให้เด็กดอยปราบพี่หมอให้อยู่หมัด อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 15-03-2019 16:14:36
ขำเจ้าสองเด็ก ขี้อวดจริงๆเลย5555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 18-03-2019 14:06:13
แต่ละคน ท่าเยอะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 19-03-2019 13:57:43
เขาขิงกันแบบนี้เลยหรอ


ได้หรอ 55555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 19-03-2019 15:14:59
มารอลุ้นว่าเมื่อไหร่เค้าจะได้กัน อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 19-03-2019 21:06:41
วันนี้มาใช่มั้ยอ่าา :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 20-03-2019 22:49:26
รออยู่นะคะ  :mew6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 20-03-2019 22:59:16
 :katai2-1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-03-2019 23:01:24
 :call: :call: :call:

เลยกำหนดการปกติไปแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: tarnting2 ที่ 21-03-2019 17:03:57
แหม่ เด็กผูกปิ่นโตคนนี้เอาใหญ่เลยนะคะ
เอาไปขิงกับพี่เขาอีก สุดยอดไปเลยจ้าหนู ๕๕๕๕
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 22-03-2019 16:46:03


Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น


หลังจากนำโจ๊กมาเตรียมไว้ให้เป็นมื้อเช้า คีรีก็จัดแจงอ้อนขอนัดทันตแพทย์หนุ่มไว้สำหรับตอนบ่ายหลังเลิกงาน บรรยากาศสีชมพูอมม่วงๆ แบบเกินหน้าเกินตาของทั้งสองเป็นผลให้รวินท์ต้องเบ้ปากอยู่หลายครั้ง แล้วพอพวกเด็กหนุ่มกลับไป เหลือทันตแพทย์สองคนไว้ด้วยกัน รวินท์ก็เลยต้องถือโอกาสแซะเพื่อนรักสักหน่อย


“ตอนเขาอยู่นี่ทำเป็นซึน ทำหน้าบึ้งหน้านิ่ง แต่พอเขาไปเสือกยิ้มเหมือนคนบ้า โธ่ ไอ้ขี้เก๊ก”


“ไอ้พิงค์มันเอาของหวานให้มึงกินมากไปเหรอวะ ถึงมาเห่าโฮ่งๆ ใส่กูเนี่ย”


รวินท์เบ้ปากใส่อีกรัวๆ “แหมๆ ก๋ากั่นขนาดพามานอนกกที่คลินิกด้วยเลยน้า~ แรดจริงๆ เพื่อนกู”


“กกห่าไร ไม่ได้ทำอะไรเหมือนมึงกับไอ้พิงค์หรอกน่ะ”


“จริงอะ ยังไม่เป็นอมตะเหรอวะมึงน่ะ”


เตชิตถลึงตาใส่ “ไอ้ซัสสส!”


“เอ๊ะ กูถามผิดสินะ มึงเป็นอมตะไปตั้งนานแล้วนี่หว่า”


“ไอ้เพื่อนเหี้ย~ ครั้งนั้นไม่นับเว้ย กูเมาจัด ถือว่าเป็นโมฆะ” เตชิตถอนหายใจยาว เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาหน้าเคาทน์เตอร์ในคลินิกแล้วยกมือขึ้นลูบใบหน้า


รวินท์นั่งลงข้างกัน “เป็นอะไรอีกวะไอ้บ้า เดี๋ยวเห่าเดี๋ยวครางหงุงหงิง จะมีเมนส์เหรอมึงน่ะ”


“มึงจะถามกูดีๆ สักครั้งได้มั้ยเนี่ย!” เตชิตลดมือลงประสานกันไว้ แต่ไม่ได้หันหน้าไปทางคนถาม “ไม่ใช่ว่ากูไม่อยากทำนะเว้ย”


“ทำอะไรวะ”


“ก็พูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่ล่ะไอ้บ้า”


“อ่อ อยากเป็นอมตะ”


เตชิตยกมือขึ้นกุมขมับ “แต่แบบ กูรู้สึกว่ามันยังไม่ถึงเวลาเว้ย กูยอมรับว่ากูรู้สึกดีกับเขามาก อยากให้อะไรๆ มันคืบหน้าไปมากกว่าตอนนี้ แต่กูก็คิดว่าหลายๆ อย่างมันยังเร็วเกินไป กูยังไม่ทันหายโง่จากที่ถูกเขาหลอกเอาเลยนะเว้ย”


“มึงจะเก็บเรื่องถูกหลอกมาคิดทำไมนัก จะว่าไป มึงก็ไม่ได้ถูกหลอกคนเดียวมะ มึงก็พอจะระแคะระคาย แต่ก็ยังทำเป็นใสๆ ไม่รู้เรื่อง ปากมีก็ไม่เสือกถามให้เคลียร์ ก็เท่ากับมึงก็หลอกเขาเหมือนกัน”


เตชิตชะงัก ที่ไอ้เพื่อนรักว่ามามันก็ถูก เขาสงสัย จะเค้นถามคีรีก็ย่อมได้ แต่ก็เลือกที่จะไม่ทำ ปล่อยเลยตามเลยแล้วยังพยายามมองข้ามคำถามพวกนั้นไป ทำไม...จนถึงตอนนี้ตัวเขาก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน


รู้แค่ว่าเขาไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเขากับคีรีเปลี่ยนแปลงไป เพราะไอ้ที่เป็นอยู่เวลานั้น...ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว


“เอ้า เครื่องค้างไปเลย พูดแทงใจอะดิ”


“นี่มึงเป็นเพื่อนกูจริงๆ หรือเปล่าวะเนี่ย”


“เพราะเป็นเพื่อนมึงนี่แหละ ถึงได้พูดตรงๆ”


“ไอ้วิน... บอกตรงๆ นะ กูกลัวว่าเขาจะหลอกอะไรกูอีกว่ะ”


“เขาก็คงกลัวมึงจะแกล้งทำดีให้ความหวังเขาเหมือนกันแหละ จีบไปก็ไม่รู้จะติดมั้ย ก็ต้องเสี่ยงด้วยกันทั้งคู่มะ”


“ไอ้สัสวิน~” เตชิตยกมือขึ้นกุมศีรษะ


“ความรักมันก็แบบนี้แหละสัส อยากจะรักก็ต้องพร้อมเสี่ยงเว้ย” รวินท์ยกมือขึ้นลูบศีรษะเพื่อนรัก “วันนี้จะไปไหนกันวะ ไปค้างด้วยกันอีกปะ”


“ยังไม่รู้”


“กูว่าค้างแหงๆ เห็นไปด้วยกันทีไรมึงก็แรดไปค้างด้วยทุกที” รวินท์ขยับเข้าไปกระซิบชิดใบหูอีกฝ่าย “เตรียมเจลกับถุงยางไว้บ้างนะมึง”


เตชิตเงยหน้าขึ้นพรวด “...ฮะ!?”


“เอาของกูไปก็ได้ มีเยอะ”


“ไม่ต้องเว้ย!”


“อ้อ จะไปซื้อเอง กลัวไม่ถูกใจอะดิ”


“ไม่ช้าย~ กูยังไม่ต้องใช้!”


รวินท์หัวเราะร่วน ไอ้เพื่อนรักของเขาหน้าแดงเป็นปูนึ่งเลย มึงหลงรักเด็กมึงแล้วแหละ ไอ้เวรเอ๊ย! เลิกทำซึนแล้วยอมรับความจริงสักทีเถอะว่ะ!


เสียงหัวเราะของทันตแพทย์หนุ่มดังออกไปจนถึงข้างนอกร้าน ก่อนพี่นิ้ง ผู้ช่วยทันตแพทย์จะเปิดประตูเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


“สวัสดีค่า วันนี้หมอวินหมอเต้ตื่นเช้าจังเลยค่ะ”


“สวัสดีครับพี่นิ้ง แล้วนั่น หอบอะไรมาเต็มไปหมดน่ะครับ”


“เสื้อของเจ้าตึ๋งน่ะค่ะ เขาอยากได้ พี่เลยฝากเพื่อนซื้อไว้ เมื่อเช้าแวะไปเอามาจากบ้านเพื่อน เดี๋ยวว่างแล้วจะได้ห่อของขวัญไว้ให้เขา”


“ของขวัญ? วันเกิดตึ๋งเหรอครับ เมื่อไหร่ครับเนี่ย”


“วันพรุ่งนี้ค่า”


“โห พวกผมต้องรีบหาของขวัญแล้ว” ทันตแพทย์ทั้งสองหันมองหน้ากัน “พี่นิ้งว่าอะไรดี”


“อืม... เห็นบ่นๆ ว่าอยากได้ดินสอเขียนแบบนะคะ พี่ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง ราคาเท่าไหร่”


“อ๋อ ผมรู้ครับ ก็ดีนะ หาซื้อง่ายด้วย” รวินท์พูดขึ้นทันที


เตชิตและพี่นิ้งหันขวับไปทางคนพูด “แหม~”


รวินท์ยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “เอาเป็นว่าผมกับไอ้เต้จองดินสอเขียนแบบนะพี่นิ้ง เดี๋ยววันนี้เสร็จงานผมจะไปซื้อกับพิงค์ คิดของขวัญอย่างอื่นไว้ให้พี่สิงหาแทนละกันนะครับ”


พี่นิ้งยิ้มกว้างรับ “พี่ขอบใจแทนเจ้าตึ๋งไว้ก่อนเลย พี่หมอทุกคนใจดีด้วยตลอดเลยค่ะ” พวกเขาพูดคุยกันต่ออยู่อีกสักพักจึงแยกย้ายกันไปเตรียมตัวทำงาน



คีรีมาถึงคลินิกก่อนถึงเวลาเลิกงานของเตชิตพักใหญ่ เขานั่งรออยู่ที่โซฟาด้านหน้าด้วยกันกับคนไข้อีกสองสามคน ส่งยิ้มโปรยปรายให้ทุกคนในห้องอย่างอารมณ์ดี


สักพักเตชิตก็โผล่หน้าออกมาจากประตูด้านหลังเคาทน์เตอร์เพื่อสั่งงานกับพนักงานในคลินิก เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบตากับคนอ่อนวัยกว่าเข้าพอดี เขาจึงดึงผ้าปิดจมูกลง “อ้าว ทำไมมาเร็ว”


“กลัวรถติด มาช้าแล้วคุณเตชิตเปลี่ยนใจครับ”


เตชิตหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย “รอแป๊บนะ มีคนไข้อีกสองคน คิดไว้ละกันว่าเย็นนี้อยากกินอะไร”


“ครับ”


บรรยากาศสีชมพูอมม่วงทำให้คนไข้ที่นั่งรออยู่และพนักงานในร้านมองทั้งสองคนสลับไปสลับมา และพลอยยิ้มไปด้วย


แต่มีอีกคนที่เบ้ปากจนมุมปากแทบจะลากพื้น ขนาดแค่ได้ยินเสียงมาแว่วๆ ยังหมั่นไส้ ดีที่เขาใส่ผ้าปิดจมูกอยู่นะ


“ถ้ารู้สึกเสียวก็ยกมือขึ้นบอกหมอนะครับ นิดเดียวก็บอกได้ครับ” รวินท์บอกกับคนไข้ของเขา


ระหว่างที่ทำฟันไป ทันตแพทย์หนุ่มก็บ่นพึมพำกับพี่นิ้งซึ่งเป็นผู้ช่วยทันตแพทย์ไปด้วย “น่าหมั่นไส้ชะมัด”


“หมั่นไส้คุณนคินทร์หรือหมอเต้คะ”


“ทั้งคู่นั่นแหละพี่”


พี่นิ้งหัวเราะ “หมั่นไส้หรือหวงเพื่อนคะหมอวิน”


“พี่นิ้งอย่าหัวเราะผมสิ!” ทันตแพทย์หนุ่มโวยวาย ก่อนจะสังเกตเห็นคนไข้ยกมือขึ้นเล็กน้อย “เสียวเหรอครับ” แล้วพอเห็นคนไข้พยักหน้าหงึกๆ เขาก็พูดต่อ “อีกนิดเดียว ใกล้เสร็จละครับ อดทนหน่อยนะครับ” จากนั้นก็ก้มลงทำหน้าที่ของเขาต่อ ขณะที่คนไข้เบิกตากว้างและกรีดร้องอยู่ในใจ



หลังจากเสร็จงาน เตชิตรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เดินมาหาเด็กหนุ่มซึ่งยังคงนั่งรออยู่ที่เดิม อีกฝ่ายกำลังก้มหน้างุดอยู่กับโทรศัพท์มือถือ ไม่สนใจใครรอบข้างเลยแม้แต่น้อย แวบแรกเขาคิดว่ากำลังเล่นเกมฆ่าเวลา แต่ดูจากอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วไม่น่าจะใช่


เตชิตขมวดคิ้วแล้วเดินเข้าไปเขกศีรษะคนที่นั่งอยู่เบาๆ “ทำอะไรอยู่”


“อ้าว คุณเตชิตเสร็จแล้ว” คีรีลุกขึ้นพรวด พอเห็นสายตาทันตแพทย์หนุ่มมองตามโทรศัพท์มือถือในมือตนก็รีบตอบ “แชตกับเพื่อนอยู่ครับ กำลังคุยกันว่าจะพาคุณเตชิตไปกินมื้อเย็นที่ไหนดี”


คุยเรื่องหาที่กินข้าวต้องยิ้มหน้าบานเป็นกระจาดด้วยเหรอวะ!


เตชิตนิ่วหน้าอย่างไม่อยากวางใจ


“ไปกันเถอะครับ ให้ผมเป็นคนขับรถนะ”


สองหนุ่มเดินเคียงคู่กันออกจากคลินิกไป ระหว่างทางที่เดินไปยังรถที่จอดไว้ ทันตแพทย์หนุ่มก็ถามขึ้น “แล้วตกลงจะไปกินไหน”


“ยังไม่รู้เลยครับ คุณเตชิตอยากกินอะไรล่ะครับ”


เตชิตชำเลืองมองเด็กหนุ่ม ถ้าทำได้ก็อยากขอดูแชตว่าคุยกันประสาอะไรถึงไม่ได้ข้อสรุป แต่ยิ้มหน้าบานได้แบบนั้น จากนั้นก็ถอนหายใจยาว


ทำไมเขาขี้เสือกอย่างนี้วะ! แล้วไอ้ความรู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ นี่ มันคืออะไร้!


“คุณเตชิตครับ”


“หือ”


“เลยรถแล้วครับ”


ทันตแพทย์หนุ่มหันขวับ พลางเดินดุ่มๆ กลับไปที่รถ


“คิดเรื่องของกินเพลินเหรอครับ”


เตชิตไม่ตอบ แต่เปิดประตูเข้าไปนั่งในรถโดยไม่รอให้เจ้าของรถเดินมาเปิดให้ ส่วนคีรีเมื่อเห็นอย่างนั้นก็รีบก้าวเข้าขึ้นไปนั่งตาม


คนอ่อนวัยกว่าเอื้อมมือไปกุมมืออีกฝ่าย “เหนื่อยเหรอครับ ทำไมทำหน้าเครียดจัง”


“อือ”


คีรีขยับตัวเข้าไปหา “ถ้าคุณเตชิตเหนื่อย งั้น...ซื้ออะไรไปกินที่ห้องผมมั้ย จะได้นั่งสบายๆ แอร์เย็นๆ มีเพลงเพราะๆ ให้ฟังด้วยน้า”


ทันตแพทย์หนุ่มหันไปสบตาด้วย นี่มันมุกหลอกพาขึ้นห้องชัดๆ ใครจะไปหลงกลง่ายๆ แบบนี้วะ!


“ผมอยากพาคุณเตชิตไปดูห้องของผมด้วยอ่า”


อย่าทำหน้าทำเสียงอ้อนแบบนี้ได้ไหมวะ เตชิตยกมือขึ้นคลึงขมับอย่างเซ็งๆ ตัวเอง


“ไปนะครับ”


ก็คงมีแต่เขานี่แหละที่เดินเข้าหากับดักของคีรี ไม่สิ อย่าเรียกเดินเลย เรียกพุ่งเข้าใส่เถอะ


“นะ... ไปนะครับ”


แต่ที่จริงเขาก็อยากเห็นห้องของเด็กหนุ่มอยู่เหมือนกัน เวลาแวบมาตรวจดูตามที่คุณไกรฤกษ์ขอไว้จะได้ไม่ต้องคลำทางให้เหนื่อย “เออ เอางั้นก็ได้”


คนอ่อนวัยกว่ายิ้มระรื่น เขารีบขับรถออกไปจากที่จอดรถ ปรับอุณหภูมิภายในรถให้เย็นฉ่ำ และพยายามขับให้นิ่มมากที่สุด


“ผมรู้จักร้านอร่อยแถวนี้ ไปกินอยู่บ่อยๆ เลย อยู่ไม่ไกลจากคอนโดฯ ด้วย คุณเตชิตอยากลองดูมั้ยครับ”


“อือ” ไปกินบ่อยๆ นี่ไปกับใครวะ ทันตแพทย์หนุ่มได้แต่ถามอยู่ในใจ ขณะเดียวกันความหงุดหงิดก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ


คีรีขับรถไปสักพักก็เบี่ยงรถเข้าไปจอดในที่จอดรถของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ภายในร้านตกแต่งไว้ด้วยดอกไม้มากมาย ทั้งที่วางตามโต๊ะและมัดเป็นช่อแขวนอยู่ตามเพดาน พวกเขาหยิบเมนูมาดู สั่งอาหารแล้วก็เดินเล่นรออยู่ภายในบริเวณร้าน


ทางด้านนอกร้านมีโต๊ะอาหารอีกหลายโต๊ะจัดวางอยู่ภายในสวนดอกไม้ที่จัดไว้อย่างน่ารัก มีน้ำพุและรูปปั้น เหมือนจะเป็นสถานที่เดตกันมากกว่ามานั่งกินข้าวกับเพื่อนเป็นกลุ่มๆ


“ชอบร้านนี้มั้ยครับคุณเตชิต”


เตชิตกวาดสายตามองไปรอบๆ สีหน้าของเขาไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก


ขณะเดียวกันก็มีหญิงสาวในชุดทำงานเดินเข้ามาหาเด็กหนุ่ม “น้องคีรี สวัสดีค่า”


“สวัสดีครับพี่ก้อย”


“อุ๊ย” หญิงสาวเจ้าของชื่อเอียงตัวมองซ้ายขวา “วันนี้ไม่ได้พาสาวๆ มาแฮะ”


ทันตแพทย์หนุ่มได้ยินเข้าก็หันขวับ คิ้วกระตุกทันควัน “.....”


คีรีเบิกตากว้าง หัวใจร่วงไปอยู่ใต้ตาตุ่มแล้วตอนนี้ “เฮ้ย พี่ก้อย อย่าพูดเล่นแบบนี้สิครับ!”


“เอ้า พูดเล่นที่ไหน พูดจริ๊ง! ก็เห็นพามาไม่ซ้ำหน้า แต่วันนี้ไม่เห็นควงใครมาก็ต้องแซวกันหน่อยสิค้า”


“เย้ย! พี่ก้อย! นั่น...นั่นมันเพื่อนผมทั้งนั้นนะครับ” เด็กหนุ่มพูดตะกุกตะกักพร้อมกับหันไปทางทันตแพทย์หนุ่ม “เพื่อนจริงๆ ครับ”


เจ้าของชื่อหัวเราะ “ไม่ต้องเขินพี่หรอกน่ะ ก็คนมันหล่อนี่นะ ช่วยไม่ได้ อ้อๆ จริงสิ น้องคีรีรอพี่แป๊บนะคะ” เธอวิ่งกลับเข้าไปข้างในร้าน ก่อนจะถือถุงกระดาษลายน่ารักออกมาส่งให้เด็กหนุ่ม “พี่ฝากให้น้องเจนี่หน่อยนะคะ น้องเขาลืมเสื้อคลุมไว้เมื่อวันก่อนที่มาด้วยกันน่ะ”


“อ่า ได้ครับพี่ก้อย”


คำว่า น้องเจนี่ น้องเจนี่ น้องเจนี่ สะท้อนก้องอยู่ในโสตประสาทของทันตแพทย์หนุ่ม ส่งผลให้เส้นเลือดบนหน้าผากกระตุกเล็กน้อย


พาสาวๆ มากินข้าวที่นี่บ่อยๆ เพราะใกล้คอนโดฯ สะดวกดีนี่นะ แล้วคนล่าสุดที่พามาก็คือเด็กที่ใช้น้ำหอมกลิ่นเดียวกันคนนั้น


ไม่น่าไว้ใจจริงๆ ด้วยว่ะ


หญิงสาวชำเลืองมองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเด็กหนุ่มแล้วอมยิ้ม “แล้ว... คุณคนนี้ใครคะเนี่ย มาด้วยกันใช่มั้ย เพื่อนหรือพี่ชายคะ”


“ไม่ใช่ครับ นี่คุณเตชิตครับ เป็น...” คนอ่อนวัยกว่าอ้ำอึ้ง


“คนรู้จักกันน่ะครับ” เตชิตตอบหน้าตาย ทว่าเป็นผลให้คนอ่อนวัยกว่าหันขวับมาจ้องมองเขาเขม็ง “ผมพูดผิดเหรอ อ้อ อันที่จริง เขาก็เป็นหลานของเจ้านายผมน่ะครับ”


“น้องคีรีรู้จักคนหล่อๆ แบบนี้ด้วย ไม่เห็นเคยเล่าให้ฟังบ้างเลย”


“แล้วคุณ... เอ่อ...”


“ก้อยค่ะ เป็นผู้จัดการร้านนี้” หญิงสาวหยิบนามบัตรส่งให้ “คราวหน้าคุณเตชิตแวะมา ก้อยจะลดให้เป็นพิเศษเลยนะคะ”


ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มรับ “ขอบคุณครับ”


คีรีขมวดคิ้วทำหน้านิ่ว พยายามไม่แสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้ามากนัก แต่คำตอบของเตชิตเมื่อครู่น่ะ สะเทือนใจเขาอย่างแรง 


ถ้าถามเรื่องความสัมพันธ์ มันก็จริงที่ว่าเขากับคุณเตชิตยังเป็นแค่คนรู้จักกัน แต่ที่หนักกว่านั้นคือเป็นหลานของเจ้านาย ทำอย่างกับว่าที่ยอมมากับเขาเพราะเกรงใจคุณลุงอย่างนั้นล่ะ!


หญิงสาวผู้จัดการร้านชวนคุยอยู่สักพักก็ขอตัวเดินกลับเข้าไปในร้าน สวนกับพนักงานซึ่งถือถุงใส่ห่ออาหารออกมาให้เด็กหนุ่มพอดี


“เท่าไหร่ครับ” เตชิตหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเตรียมพร้อม


“ผมจ่ายเอง”


“ไม่ต้อง” ทันตแพทย์หนุ่มรีบส่งเงินให้พนักงานไป จากนั้นก็หันไปจับหูหิ้วของถุงใส่อาหารที่คนอ่อนวัยกว่าถืออยู่


“ผมถือเองครับ”


“อย่าเลย เดี๋ยวใครเขาจะว่าผมให้หลานเจ้านายถือของอยู่คนเดียว คุณถือเสื้อของเพื่อนคุณไปเถอะ” เตชิตดึงถุงในมือเด็กหนุ่มออกมา เขาหันไปรับเงินทอนที่พนักงานนำมาให้ แล้วเดินฉับๆ ตรงไปยังรถที่จอดอยู่


“เดี๋ยวสิครับ คุณเตชิต” คีรีรีบรุดตามไป เขารู้ตัวดีเลยว่างานเข้าอย่างจังๆ ต้องรีบแก้ไขความเข้าใจผิดอย่างด่วนๆ เมื่อพวกเขาขึ้นนั่งในรถแล้ว เด็กหนุ่มก็ขับออกไปช้าๆ


บรรยากาศภายในรถยังคงเคร่งเครียด ทั้งสองคนต่างนิ่งเงียบ ก่อนคนที่ขับรถอยู่จะเป็นฝ่ายพูดขึ้น “เอ่อ คุณเตชิตครับ”


“มีอะไร”


“คือ... ผมเคยไปเดตที่ร้านนั้นหลายครั้งก็จริง แต่ก็นานมาแล้ว หลังๆ นี่ไปแต่กับเพื่อนๆ เท่านั้นจริงๆ นะครับ”


“อือ”


คีรีกลืนน้ำลายฝืดลงคอ เขาควรจะพูดอย่างไรดี จะบอกอย่างไรว่าไม่อยากเป็นแค่คนรู้จัก ไม่อยากให้อีกฝ่ายทำดีด้วยเพราะเป็นหลานเจ้านาย คำพูดแบบนั้นมันทำให้เขาเจ็บ “คุณเตชิตครับ คือว่า... ผมกับคุณน่ะ...”


“ทำไม”


เสียงขรึมของอีกฝ่ายเป็นผลให้เด็กหนุ่มต้องพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “คุณเตชิต...โกรธอะไรผมอยู่รึเปล่าครับ”


“ผมจะไปโกรธคุณเรื่องอะไร”


“ถ้าคุณไม่ได้โกรธ ก็อย่าใจร้ายกับผมเลยนะครับ”


เจ้าของชื่อถอนหายใจยาว “ผมใจร้ายกับคุณเมื่อไหร่”


คีรีอ้ำอึ้ง “...”


“ขับรถไปเถอะ” ทันตแพทย์หนุ่มพูดพลางเบือนหน้าหนี เขารู้ตัวล่ะว่าใจร้ายอย่างไร แต่คีรีก็ทำให้เขาไม่พอใจนี่หว่า! ทำตัวไม่น่าไว้ใจด้วย จะสนิทกับเด็กที่ชื่อเจนี่มากไปไหมวะ!


ใช้เวลาไม่นานรถ BMW ของเด็กหนุ่มก็เคลื่อนเข้าไปจอดในที่จอดรถของคอนโดมิเนียม เตชิตเงยหน้าขึ้นมอง มันเป็นคอนโดมิเนียมติดกับสวนสาธารณะที่เขาเคยมาส่งเด็กหนุ่มบ่อยๆ อีกฝ่ายลงทุนไปเช่าห้องในตึกแถวเก่าๆ นั่นเพื่อให้สมบทบาทเลยทีเดียว เขาควรจะทึ่งหรืออึ้งดีวะ


เมื่อรถจอดสนิท คีรีรีบรุดลงจากรถแล้ววิ่งวนมาเปิดประตูให้ทันตแพทย์หนุ่ม จากนั้นก็ยื่นมือให้คนที่นั่งอยู่ในรถจับ


“นี่คุณ ผมไม่ได้แก่ขนาดต้องประคองลงจากรถหรอกนะเว้ย”


เด็กหนุ่มทำหน้าสลด “ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยนะ แค่อยากเอาใจคุณเท่านั้น”


เตชิตพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ เขาปัดมือคนอ่อนวัยกว่าออกพร้อมกับก้าวออกมาจากรถ “ไปหยิบถุงของกินเหอะ”



(มีต่อค่ะ)


หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 24 : ง้อ [120319]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 22-03-2019 16:46:39


สองหนุ่มเดินเข้าตึกคอนโดมิเนียมไปด้วยกัน พวกเขาถือถุงใส่อาหารคนละถุง ตอนแรกคีรีก็จะถือคนเดียว ทว่าทันตแพทย์หนุ่มไม่ยอม ระหว่างที่ขึ้นลิฟต์โดยสารและเดินไปยังห้องพักพวกเขาก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก


ห้องของคีรีอยู่ที่ชั้นเกือบสูงสุด ภายในห้องกว้างขวาง พอเปิดประตูเข้ามาก็พบกับทางเดิน ฝั่งซ้ายเป็นห้องนั่งเล่นกับห้องนอน ฝั่งขวาเป็นห้องครัวกับห้องกินข้าว และจากทุกห้องจะมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองเชียงใหม่ได้


เตชิตเดินไปนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นตามคำเชิญของเจ้าของห้อง ดูจากเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้น เด็กหนุ่มก็สมกับเป็นหลานรักของคุณไกรฤกษ์ มหาเศรษฐีเมืองเหนือจริงๆ นั่นละ ห้องนี่ขนาดเท่าห้องเขากับไอ้วินรวมกันแล้วคูณสองเลยแม่ง


“คุณอยู่ที่นี่คนเดียวเหรอ”


“อยู่คนเดียวสิครับ ใครจะมาอยู่กับผม” คนอ่อนวัยกว่าตอบพลางเดินฉับๆ ไปที่ห้องครัว ก่อนจะยกถาดใส่แก้วน้ำมาวางลงบนโต๊ะตัวเล็กข้างหน้าโซฟา แล้วก็นั่งลงทำหน้ามุ่ยข้างๆ ทันตแพทย์หนุ่ม “เชิญครับ” แต่พอเห็นว่าเตชิตไม่สนใจใยดีอะไร เขาก็นั่งเงียบไปสักพัก จากนั้นจึงค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ แล้วเอนศีรษะซบลงบนหัวไหล่ของอีกฝ่าย


เตชิตยังคงทำเป็นไม่สนใจ เขาเอื้อมมือไปยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม


คีรีชำเลืองมอง “ถ้าผมจะบอกว่าผมใส่ยาปลุกไว้ในแก้ว คุณเตชิตจะว่าไงครับ”


เจ้าของชื่อพ่นน้ำพรวดออกจากปาก เดี๋ยวๆ นี่กรรมตามสนองเขาเหรอวะ! เขารีบยกมือขึ้นเช็ดปากอย่างลวกๆ พร้อมกับหันไปต่อว่า “ล้อเล่นอะไรไม่ตลกนะเว้ยคุณ!”


เด็กหนุ่มตีหน้าซื่อ กะพริบตาปริบๆ “คิดว่าผมล้อเล่นเหรอ กว่าคุณจะยอมมาถึงห้องผมได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ”


เตชิตขมวดคิ้ว “ถ้าแค่จะใส่ยาปลุกให้ผมกิน ไม่จำเป็นต้องมาถึงห้องคุณก็ได้รึเปล่าวะ”


“อ้อ โอเคครับ คราวหน้าจะใส่ให้กินที่อื่นบ้าง”


“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเว้ย!”


คนอ่อนวัยกว่ายื่นหน้าเข้าไปหา “แล้ว... รู้สึกเป็นไงบ้างอะครับ เริ่มร้อนๆ บ้างรึยัง”


เตชิตขึงตาใส่ “คีรี!”


เด็กหนุ่มอมยิ้ม “ในที่สุดคุณเตชิตก็ยอมหันมาคุยกับผมจนได้” เขาใช้ปลายนิ้วเช็ดหยดน้ำบนริมฝีปากคนตรงหน้าออกให้อย่างอ่อนโยน มืออีกข้างเอื้อมออกไปกุมมืออีกฝ่ายไว้ “อย่าใจร้ายกับผมนักสิครับ ผมรักคุณนะ”


“รักผมเลยจะวางยาผมเนี่ยนะ” ก็พูดไป...ตัวเองก็เคยทำมาแล้ว เตชิตถอนหายใจ


“คุณคิดว่าผมจะกล้าทำจริงๆ เหรอครับ”


“ปลอมเป็นชาวเขา ลงทุนเช่าห้อง โกหกอายุก็ทำมาแล้ว จุดนี้ผมว่าไม่มีอะไรที่คุณไม่กล้าทำแล้วล่ะ”


“คุณเตชิตยังโกรธผมเรื่องนั้นอยู่เหรอ”


“...มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะลืมได้ง่ายๆ มั้ยล่ะ หลอกผมซะขนาดนั้น”


“ผมจะต้องทำยังไงให้คุณเตชิตเชื่อใจผม ยอมรับผม เลิกใจร้ายกับผม” คนอ่อนวัยกว่าบีบมือทันตแพทย์หนุ่มเบาๆ “ผมไม่อยากเป็นแค่คนรู้จัก หรือเป็นแค่หลานของเจ้านายคุณนะ”


“เรื่องแบบนี้มันก็คงต้องให้เวลาเป็นตัวตัดสินรึเปล่าวะ”


“ผมต้องรออีกนานแค่ไหน ต้องอดทนไปอีกนานเท่าไหร่ล่ะครับ”


“ทำไมล่ะ คุณอดทนไม่ไหวแล้วเหรอ” เตชิตถามเสียงเรียบ


คีรีนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ แล้วผ่อนลมหายใจออกยาว “ไหวครับ”


ทันตแพทย์หนุ่มชำเลืองมองมือที่กุมมือของตนเองอยู่ ใจอยากจะถามเรื่องเพื่อนหญิงในกลุ่มของคีรีคนนั้น แต่ก็ติดอยู่ที่ว่า ถ้าถามไปแล้ว เขาจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเด็กหนุ่มตอบเขาตามความจริง


“คุณเตชิตครับ ผมรู้ว่าเมื่อก่อนผมทำตัวไม่น่าไว้ใจ ให้ผมขอโทษอีกร้อยครั้งพันครั้งก็ได้ แต่ว่าตั้งแต่แรกผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกอะไรคุณเลยนะ ที่ทำลงไปทั้งหมดก็เพื่อที่จะได้อยู่ในสายตาคุณบ้างต่างหาก” เด็กหนุ่มสบสายตากับคนตรงหน้า


“แต่ก็ถึงขนาดเช่าห้อง แต่งตัวใส่เสื้อผ้าพื้นเมืองทุกครั้ง นี่คุณไม่ได้ตั้งใจเลยนะเนี่ย”


“เสื้อผ้าพื้นเมืองน่ะ ผมมีเยอะอยู่แล้ว และก็ใส่บ่อยๆ ด้วย เพราะคุณตาอยากให้ใส่ มันเป็นผ้าจากในศูนย์ฯ น่ะครับ ส่วนที่เช่าห้อง... ก็เพราะผมอยากใกล้ชิดกับคุณเตชิตนี่นา แต่คุณคิดดูสิ คงไม่มีใครลงทุนขนาดนี้เพื่อที่จะหลอกใครสักคนเล่นๆ มั้ยครับ”


“คุณก็ไม่ได้หลอกเล่นๆ นี่นะ หลอกจริงจังเลยล่ะ”


“โธ่ คุณเตชิต!” คีรีรวบเจ้าของชื่อไว้ในอ้อมแขนทันที เขาจ้องทันตแพทย์หนุ่มด้วยสายตาของลูกสุนัข เพราะรู้ว่าจะทำให้อีกฝ่ายปฏิเสธอะไรเขาไม่ได้ “คุณเตชิตจำได้มั้ยครับว่าเราพบกันครั้งแรกตอนไหน”


เจ้าของชื่อขมวดคิ้ว “ตอนที่คุณมาให้ผมทำฟันให้ที่โรงบาลลำพูนเหรอ”


คนอ่อนวัยกว่าส่ายหน้าพลางยิ้มบาง “ผมเจอคุณครั้งแรกที่คลินิกของคุณลุงตอนก่อนสอบไฟนอลเทอมสองของปีหนึ่ง คุณเตชิตดุคนไข้ที่มาโวยวายจะขอแซงคิว แล้วต่อจากนั้นคุณก็ไปช่วยผมจากปังตอของเฮียร้านข้าวมันไก่”


เอ๊ะ เรื่องนี้ชักคุ้นๆ


เตชิตค่อยๆ นึกย้อนกลับไป แล้วเลิกคิ้วขึ้น “คุณคือคนที่ไม่มีเงินจ่ายค่าข้าวมันไก่คนนั้นเหรอ”


คีรียกมือขึ้นลูบท้ายทอยอย่างเขินๆ “ไม่เท่เลยเนอะครับ อนาถแท้” เขาเล่าต่อเสียงอ่อย “หลังจากวันนั้น อีกวันผมก็เอาเงินที่เหลือไปคืนคุณ อยากพบคุณแทบแย่ แต่คุณไม่อยู่ ต่อมาผมก็เลยไปหาคุณที่โรงบาลลำพูน พยายามจะเข้าไปหาคุณ แต่คุณไม่สนใจ มองผมเป็นอากาศธาตุไปเลย ขนาดขอให้ทำฟันให้ เอาช่อดอกไม้ไปให้ คุณก็ยังไม่แม้แต่จะมองหน้าผมตรงๆ”


ทันตแพทย์หนุ่มนิ่งอึ้งอย่างนึกไม่ถึง “ถ้าอย่างนั้นที่เชียงราย...”


“ช่วงนั้นผมกลับบ้านพอดี ก็เลยถือโอกาสตามไปเฝ้าคุณที่โรงแรมน่ะสิ” เด็กหนุ่มสารภาพตรงๆ “คุณเตชิตคงจำไม่ได้ ผมคือคนที่ขึ้นเวทีไปร้องเพลงให้คุณในวันประชุมวันสุดท้ายไง”


เตชิตเบิกตากว้าง เพราะเขาเสือกจำได้น่ะสิ ถึงจะมองเห็นหน้าคนร้องไม่ชัด แต่จำเหตุการณ์ได้แม่นเลย


“เฮ้ย! ถ้าอย่างนั้น อย่าบอกนะเว้ย ว่าคุณเป็นคนวางระเบิดในตลาดนั่นเองน่ะ!”


“โห ผมอาจจะทุ่มทุนจริง แต่ไม่เสี่ยงคุกนะครับ แล้วมันก็เป็นเสียงประทัดด้วย ไม่ใช่ระเบิด ตอนนั้นผมเป็นห่วงคุณมากนะ กลัวคุณจะเป็นอันตราย ผมวิ่งตามหาคุณอยู่ในไนต์บาร์ซานั่นแทบตาย”


ทันตแพทย์หนุ่มทำหน้างง “แต่ตอนนั้นคุณทำท่าไม่เป็นมิตรกับผมเลยนะ”


“ไม่จริงสักหน่อย ผมแค่ตื่นเต้นมากต่างหาก สถานการณ์ก็ไม่ค่อยจะดีด้วย แล้ว... ผมก็หงุดหงิดนิดหน่อยตอนที่ได้ยินคุณคุยโทรศัพท์กับหมอวิน” คีรีถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ตอนนั้นพอคุณเตชิตเข้าใจผิดว่าผมเป็นพี่ชายน้ำอิง ผมก็นึกถึงเรื่องคุณเตชิตกับชาวเขาขึ้นมาได้ เลยคิดว่าจะปล่อยเลยตามเลยไปก่อน”


“ไปได้ยินมาจากไหนเนี่ย”


“จากลุงภูมิแล้วก็พวกพี่ๆ พยาบาลอะครับ อีกอย่าง ผมเห็นว่าคุณเตชิตยอมไปนั่งร่วมวงกับพ่อแม่น้ำอิงง่ายๆ คราวนี้เลยตัดสินใจว่านี่แหละ สิ่งที่ผมต้องทำ ผมก็เลยไม่แก้ความเข้าใจผิดอะไร คิดว่าถ้าเนียนเป็นชาวเขาไป คุณเตชิตคงจะยอมให้ผมเข้าใกล้คุณ เผื่อว่าจะได้อยู่ในสายตาคุณบ้าง”


นัยน์ตาของเตชิตอ่อนแสงลง พอฟังแบบนี้แล้วเขาก็โกรธเด็กหนุ่มไม่ลงเลย เพราะเขารู้ตัวดีว่าก่อนหน้าน่ะ ตลอดเวลา ในสายตาและในใจเขามีแต่ไอ้วินเท่านั้นจริงๆ


“ที่ผมเอาไวน์ไปที่ห้องคุณ ก็คิดว่าจะแค่ชวนดื่มชวนคุย ทำความรู้จักกับคุณเท่านั้น อยากจะขอเบอร์โทรศัพท์ไว้เพื่อจีบคุณต่อ แต่พอได้ใกล้ชิดคุณเข้าจริงๆ ผมก็อดใจไว้ไม่ไหว...”


“เรื่องที่เกิดคืนนั้น...” ทันตแพทย์หนุ่มหยุดเม้มปากอย่างครุ่นคิด แต่เพราะไหนๆ ก็คุยกันมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาก็ควรจะถามให้เคลียร์ไปเลยมั้ยวะ “คีรี ผมถามจริงๆ นะ คืนนั้น... ผม... เอ่อ... ทำลงไปจริงๆ ใช่มั้ย”


คนถูกถามชะงักไปเล็กน้อย “คุณเตชิตจำไม่ได้เหรอ”


“ผมเมามาก ขอโทษด้วย” เตชิตยกมือขึ้นเกาศีรษะ “ที่จริงจำได้ชัดๆ แค่ว่าคุณกับผมนั่งดื่มไวน์ แล้วก็ย้ายมานัวเนียที่เตียง แค่นั้นนั่นล่ะ ผมจำไม่ได้หรอกว่ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้นบ้าง”


“คุณไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ก็ยังจะรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นเนี่ยนะ”


“มันก็เดาไม่ยากรึเปล่าวะ ดูแค่สภาพคุณกับผมตอนตื่นขึ้นมาก็พอจะเดาได้”


“คุณเตชิตเป็นคนดีเกินไปแล้ว” คีรียิ้มเฝื่อน เขาเข้าใจผิดไปเต็มๆ คิดว่าเตชิตรู้ว่าพวกเขาเคยมีอะไรกันถึงขั้นไหน อย่างน้อยก็น่าจะจำได้ว่าพวกเขานัวเนียกันจนถึงปลดปล่อยอารมณ์ออกมาด้วยกันได้อย่างไร ก็อีกฝ่ายหลับไปหลังจากนั้นนี่หว่า พอเป็นแบบนี้แล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่แย่เอามากๆ เมื่อเทียบกับคนที่เขารัก “คุณคิดว่าคุณเอาเปรียบผม เพราะผมเป็นชาวเขางั้นสินะ แต่ในเมื่อตอนนี้คุณรู้ความจริงของผมแล้ว ยังคิดเรื่องรับผิดชอบอยู่รึเปล่า”


ทันตแพทย์หนุ่มอ้ำอึ้ง เขาลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย “บอกตามตรง ที่ผมบอกว่าจะรับผิดชอบ ไม่ใช่แค่เพราะผมคิดว่าคุณเป็นชาวเขาอย่างเดียว แต่เพราะคิดว่าคุณน่าจะเด็กกว่าผมมากด้วย รู้สึกเหมือนทำมิดีมิร้ายเด็กว่ะ”


“ผมแค่อายุน้อยกว่าคุณ แต่ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับ และคนที่คิดจะทำมิดีมิร้ายคุณ มันก็เป็นผมซะมากกว่า” คีรีนิ่งขรึม เขาก้มหน้าลงมองมือที่เย็นเฉียบซึ่งประสานกันไว้หลวมๆ “ผมนึกว่าคุณจำได้ อย่างน้อยก็น่าจะรู้ว่าเราทำอะไรกันบ้าง และผมก็เห็นว่าคุณรู้สึกผิดมาก เลยใช้ประโยชน์จากตรงนี้ เอาเรื่องคืนนั้นมาขอผูกมัด ผูกปิ่นโตกับคุณ เพื่อที่จะเหนี่ยวรั้งคุณไว้ ทั้งที่ความจริง คุณไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไร เรามีอะไรกันแค่ภายนอกเท่านั้น คุณกับผมก็เป็นผู้ชายเหมือนๆ กัน ไม่ได้เสียหายอะไรสักหน่อย”


เตชิตเบิกตากว้าง “ฮะ!? แค่ภายนอกเรอะ?”


“คุณเตชิตเข้าใจว่าอะไร”


“ผมนึกว่า...” ทันตแพทย์หนุ่มอ้ำอึ้ง “ผมทำอย่างว่ากับคุณจนสุดทางอะดิ”


ใบหน้าของคีรีเคร่งขรึม เขาพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “ที่จริง... คืนนั้นก็เกือบแล้ว แต่ผมยั้งตัวเองไว้ กลัวว่าคุณจะเสียใจทีหลัง ไม่งั้นคุณอาจจะโกรธผมมากกว่านี้”


“ฮะ!?” เดี๋ยวนะ ยั้งตัวเองอะไรวะ! “ไม่ใช่เว้ย! ผมนึกว่าผมปล้ำคุณ! ผมถึงได้คิดว่าต้องรับผิดชอบ!”


“หมายความว่า ถ้าคุณรู้แต่แรกว่าคุณไม่ได้ปล้ำผม ไม่ได้ทำจนสุดทาง คุณจะไม่รับผิดชอบเหรอครับ”


เตชิตชะงัก “.....”


เด็กหนุ่มชำเลืองมองท่าทางและสีหน้าของคนที่นั่งอยู่ข้างกัน เขาเดาสิ่งที่ทันตแพทย์หนุ่มกำลังคิดอยู่ไม่ได้เลย อีกฝ่ายจะเสียใจกับเรื่องราวที่ไม่ควรเกิดขึ้นแต่แรกอย่างที่ผ่านมาขนาดไหน ผิดหวังในสิ่งที่พวกเขาทำลงไปมากหรือเปล่า และต้องการจะทำอย่างไรต่อไป


ทว่าเวลานี้ เขาไม่สามารถยึดเหนี่ยวเตชิตไว้ด้วยวิธีเดิมๆ ได้อีกแล้ว ที่ผ่านมา...เขาเอาเปรียบอีกฝ่ายมามากเหลือเกินแล้ว และเขาก็สัญญาว่าจะซื่อสัตย์ จะจริงใจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้


คีรีกลืนน้ำลายฝืดลงคอ “ในเมื่อคุณไม่รู้ เรื่องที่ผ่านมามันก็ไม่แฟร์กับคุณเลย” คนอ่อนวัยกว่าพูดเสียงสลด ก่อนจะยกมือขึ้นลูบใบหน้าแรงๆ แล้วกุมใบหน้าค้างไว้เช่นนั้น “ผมขอโทษ” เสียงที่เปล่งออกมาแหบแห้ง


ขณะที่ทันตแพทย์หนุ่มครุ่นคิดว่าควรจะตอบคำถามคีรีอย่างไร เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นพรวด เขาเดินดุ่มๆ หายเข้าไปในห้องนอน สักพักก็เดินกลับออกมาพร้อมกับซองยับๆ ในมือ จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง


“ผม... คืนให้คุณ เรื่องสัญญาปิ่นโตนั่นถือเป็นโมฆะไปละกันครับ”


เตชิตนิ่งอึ้ง หัวใจร่วงวูบ เขาหลุบตาลงมองซองสีขาวในมือของเด็กหนุ่ม มันคือเงินร้อยบาทสุดท้ายที่คีรีเคยประกาศว่าหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็จะไม่ยอมคืนให้ เมื่อไม่มีอะไรติดค้างกัน และไม่มีสัญญาปิ่นโตแล้ว เขากับเด็กหนุ่มก็...


“ผมต่างหากที่เอาเปรียบคุณ และก็เอาเปรียบคุณมามากแล้วด้วย” คีรีดึงมือทันตแพทย์หนุ่มมาแล้วยัดซองนั้นคืนให้ เขาไม่กล้าแม้จะสบตาอีกฝ่าย ดวงตาร้อนผ่าว ภาพตรงหน้าเหมือนจะพร่ามัวไปหมด “คุณเตชิตเป็นคนดี ผมขอโทษสำหรับความเห็นแก่ตัวของผมที่ผ่านมาครับ”


“คีรี...” เตชิตกุมซองใส่เงินนั่นไว้


สีหน้าและน้ำเสียงของเด็กหนุ่มส่งผลให้หัวใจของเขาเจ็บแปลบ สมองมึนงง ตื้อไปหมด เขาควรทำอะไรสักอย่าง ไม่สิ เขาต้องทำอะไรสักอย่าง แต่ทำอะไรล่ะวะ!


“แต่... แต่คุณก็เด็กกว่าผมมากอยู่ดี ผม...”


“ขอบคุณครับ แต่พอเถอะครับคุณเตชิต เลิกรู้สึกผิดกับคืนนั้นเถอะ ในเมื่อคุณจำอะไรไม่ได้ ก็อย่าพูดถึงมันอีกเลย” คนอ่อนวัยกว่าสูดหายใจลึก เขาไม่ต้องการมีอะไรติดค้าง แม้จะต้องตัดใจ หรือแม้จะต้องเจ็บปวด แต่เขาไม่อยากให้เตชิตยอมให้เข้าไปใกล้ชิดได้เพราะความสงสารหรือรู้สึกผิดเหมือนที่ผ่านมาอีก


“ความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนะครับ ผมอยากพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมจริงจังและก็จริงใจกับคุณมากจริงๆ” เด็กหนุ่มยิ้มบาง “แล้วคุณเตชิตล่ะ มาถึงตอนนี้ คุณรู้สึกยังไงกับผม ผมยังพอมีหวังบ้าง...” เขาเอื้อมมือออกไปเพื่อจะกุมมือของทันตแพทย์หนุ่ม


ทว่าเตชิตนั่งนิ่งเป็นรูปปั้น สีหน้าที่บ่งบอกว่ากำลังลังเลใจและครุ่นคิดอย่างหนักเป็นผลให้คีรีชะงัก แล้วดึงมือกลับ


ความเงียบงันคืบคลานเข้ามาปกคลุมระหว่างคนทั้งสอง ต่างคนต่างนิ่งเงียบ


เตชิตหันไปสบสายตากับเด็กหนุ่มช้าๆ “ตอนที่ผมอกหักจากวิน ผมบอกตัวเองว่า คนอย่างผมคงจะเหมาะกับการอยู่เป็นโสดมากกว่า ผมไม่คิดจะมีความรักครั้งใหม่กับใครอีก”


คีรีหลุบตาลงต่ำ ที่จริงก็พอรู้ตัวว่าต้องโดนปฏิเสธเข้าสักวัน ถ้าไม่ใช่เพราะความสงสาร สมเพช หรือต้องการรับผิดชอบ เขาก็หวังลมๆ แล้งๆ ไปเอง เขาหลงดีใจไปกับความใจดีของคุณเตชิตในบางครั้ง ไม่ได้คิดเลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา อีกฝ่ายจะต้องอดทนและรู้สึกอึดอัดกับการยัดเยียดของเขามากขนาดไหน เพราะอย่างนี้สินะ ที่ทำให้คุณเตชิตใจร้ายกับเขาอยู่บ่อยๆ


“นั่นสินะ ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณก็ไม่ได้รักผม ไม่เคยคิดจะเปิดใจให้ผม ไม่เลยสักนิดเดียว” น้ำเสียงของคนอ่อนวัยกว่าสั่นพร่า


“ผมไม่ได้พูดอย่างนั้น ผมไม่ได้บอกว่าผมไม่ได้รักคุณ แต่ผมยังไม่แน่ใจ... ผม... ยังให้คำตอบอะไรคุณในตอนนี้ไม่ได้”


“ครับ ผมเข้าใจ... จะคุณไม่ได้รักผมหรือคุณยังไม่แน่ใจ ความหมายมันก็ไม่ได้ต่างกัน”


เจ็บในอกจนน้ำตาจะไหล แต่ไม่อยากให้คุณเตชิตเห็น ไม่อยากให้สงสารหรือสมเพชเขาอีก


“คุณเตชิตกลับไปก่อนได้มั้ยครับ ขับรถผมไปก็ได้ ผมขอโทษที่ไม่ไปส่งคุณด้วยตัวเอง” คีรีเอื้อมมือไปหยิบกุญแจรถมาวางลงข้างตัวทันตแพทย์หนุ่ม


เจ็บ... พอเห็นท่าทางเสียใจของเด็กหนุ่มแล้วหัวใจก็พาลเจ็บปวดไปด้วย เตชิตยกมือขึ้นกุมแผ่นอกด้านซ้าย เขาเองก็ไม่ได้อยากจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เขาอยากจะมั่นใจ อยากจะมีความรักที่มั่นคง แต่ประสบการณ์และเรื่องที่ผ่านมาทำให้เขากลัว... กลัวไปสารพัด


“ผมขอตัวก่อนนะครับ” คีรีลุกขึ้นพรวด แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าห้องนอนไป


เตชิตนั่งอยู่ที่เดิมครู่ใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากห้องพักของเด็กหนุ่มไปช้าๆ เขาไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเดินตามออกมา เขาจึงได้แต่ถอนหายใจ เดินตรงไปที่ลิฟต์โดยสารแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรเรียกเพื่อนรักให้มารับ



ฝ่ายคีรีนั้น เขานั่งนิ่งอยู่บนเตียง ชันขาขึ้นพร้อมกับซบใบหน้าลงบนหัวเข่า ในอกเจ็บร้าวไปหมด เจ็บจนน้ำตาไหล


ราวกับตัวเขาจมดิ่งลงสู่ก้นมหาสมุทรที่เย็นเยือกและมืดมิด ได้ยินแต่เสียงสะอื้นในอกตัวเองดังก้อง


เขาทุ่มเทจนหมดใจ ทุ่มเทจนสุดตัวแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้หัวใจอีกฝ่ายกลับมา เขาคงทำบาปกรรมไว้มากจริงๆ


“ผมจะต้องทำอะไรอีก จะต้องทำยังไงคุณถึงจะมีใจให้ผมสักนิด บอกผมสิคุณเตชิต...”



*TBC*


อย่าเพิ่งเฟี้ยงเกือกมาเด้ออออ มาม่าห่อสุดท้ายแล้วล่ะค่ะ เคลียร์กันไปเลยทุกปัญหา สองหนุ่มจะได้คบกันได้ไม่มีอะไรคาใจสักทีน้าาาา

หมอเต้จะได้เกียมตัวเกียมใจ ว่าจะรุกเด็กหรือจะยอมให้เด็กรุกดี อิอิ

ขอโทษจริงๆ ที่คราวนี้เอามาลงช้านะคะ ฮัสกี้มีทริปไฟไหม้ ต้องเดินทางแบบเร่งด่วน หางจุกตูดมาก ขอบคุณทุกคนที่ยังรอน้าาาา รักทุกคนเลยค่า จุ๊ฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 22-03-2019 17:13:22
น้ำตาจิไหลที้เห็นว่ามาต่อแล้วววววว
สงสารคีรีอ่าาา
หมอเต้ รักแล้วอย่าคิดมากเลยน้า
ขอให้เข้ามจกันไวๆทีเถ๊อะ  :o12:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-03-2019 17:18:01
 :a5:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 22-03-2019 17:27:05
ไม่ได้เตรียมใจเลย 555555555555
ถ้าอยากให้เคลียร์จริงๆทำไมหมอไม่เดินกลับเข้าไปอ่ะ ง่ายกว่าที่จะต้องกลับไปคิดมากคิดไปเองอีกอ่ะ
เจอแบบนี้ไปก็ฟ่อกันฟ่อเน่ออ ถ้าหลังจากนี้แล้วคีรียังพยายามอีกก็คือนับถือใจ ไม่ต้องมาพูดกันแล้วหม๊อออออออออออ
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 22-03-2019 17:41:34
แงงงงอ่านแล้วมันปวดใจจจ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 22-03-2019 17:51:04
สงสารน้องคีรีมากเลยตอนนี้ //น้ำตาไหลตามน้องเลยครับ T^T
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 22-03-2019 18:03:14
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 22-03-2019 18:03:27
ถอยไปเริ่มต้นใหม่ จะได้ไม่มีเรื่องคาใจกันดีแล้ววว ฟ้าสีเหลืองรออยู่พี่หมอเต้ 5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-03-2019 18:11:36
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิพี่หมอเต้  คงตัดสินใจไม่ได้ว่าจะอยู่ในสถานะใดดี  รุก รับ หรือ สลับกัน   อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 22-03-2019 18:28:54
สงสารน้องคีรี ต่างคนต่างไม่เดียงสากับความรักกันเลย ขอให้รักกันเร็วๆนะคะ :hao5:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 22-03-2019 18:41:42
โธ่ คีรีลูก น่าสงสารจริง หมอเต้รีบรู้ใจได้แล้วไม่งั้นเสียคีรีไปจะสมน้ำหน้าให้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 22-03-2019 18:50:35
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 22-03-2019 19:21:18
ทำไมเป็นยังงี้ล่ะโธ่ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-03-2019 19:22:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: HunHan9407 ที่ 22-03-2019 19:24:41
 :hao5:ปวดใจสงสารจัง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 22-03-2019 20:03:19
แงงงงงงง สงสารคีรีอ่ะ ฮือออออออ :o12:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 22-03-2019 20:09:52
สงสารทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: haramoonlight ที่ 22-03-2019 21:06:59
แบบนี้แหละดีแล้ว เคลียร์ทุกอย่างให้ชัดเจนก่อนที่เริ่มต้นใหม่ไม่งั้นต่างคนก็ต่างระแวงไปไม่จบสิ้น ว่ารักจริงหรือหลอก รักจริงหรือแค่สงสาร
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 22-03-2019 21:28:33
หมอเต้ ทำไมทำแบบนี้ โอ้ยยย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 22-03-2019 21:48:08
 :mew4: :mew4:.
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 22-03-2019 22:54:49
……


โอ้วโอ้ว มาม่ารสต้มยำ เผ็ดจนน้ำตาซึมขี้มูกไหล

หมดชามแล้ว อิ่มแล้วอ่ะ. ขอของหวานตบท้ายหน่อยนะไรท์


 :ling1:  :ling2:  :ling3:  :ling1:  :ling2:  :ling3:


 :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:



………
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 22-03-2019 22:55:03
 :katai1: :katai1: :katai1:
ใจจะขาดแล้ววววววว....ลดฐิทิบางเถอะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 23-03-2019 13:00:16
เอาจริงๆก็เข้าใจทั้งสองฝ่ายนะ คนหนึ่งก็กลัวที่จะเริ่มต้นใหม่ อีกคนก็รู้สึกเหมือนความพยายามที่ทำมาผลลัพธ์เท่ากับศูนย์ คงทำได้แค่รอเวลาให้ทุกอย่างมันคลี่คลาย เอาใจช่วยเด็กดอยน้า ไม่ร้องไห้นะ โอ๋ๆๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 23-03-2019 13:17:56
งอนกันหนักๆอย่างนี้แหล่ะดี แปลว่าตอนง้อกันเนี่ยคงดุน่าดู อิอิ ผัวเมียยิ่งทะเลาะกันยิ่งลูกดก นะฮ้าาา  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: Sorada ที่ 23-03-2019 13:50:29
 :o12:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: องศาวาย ที่ 23-03-2019 14:03:01
อื้อออออออ สงสารคีรี หมอเต้ก็คิดเยอะเกิน  :katai1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 23-03-2019 14:03:24
ตอนที่แล้วกับตอนนี้ทำไมมันต่างกันสุดขั้วแบบนี้ :katai1: รีบเคลียร์กันเร็วๆนะอยากเห็นหมาขี้อ้อนแล้ว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-03-2019 00:29:25
กลับไปทบทวนกันเนาะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 24-03-2019 13:16:43
เริ่มใหม่จากศูนย์เลยดีมะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 24-03-2019 17:01:02
ถอยไปเริ่มต้นใหม่ จะได้ไม่มีเรื่องคาใจกันดีแล้ววว ฟ้าสีเหลืองรออยู่พี่หมอเต้ 5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 24-03-2019 17:39:12
เอ๋า

ดราม่าเฉยเลย

คีรีบ่อน้ำตาแตกแล้วลูกเอ๋ย

พี่หมอเต้รับผิดชอบเด็กเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 25-03-2019 01:00:19
 ซีนดราม่าเลย  ตอนนี้เข้าใจทั้งความรู้สึกของคีรีและก็ความรู้สึกของหมอเต้นะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 26-03-2019 18:23:11
กอดดดคีรี สงสารน้อง  :m15:
เรื่องนี้ต้องถึงมือพี่วิน เขย่าความกลัวให้มันกระเด็นตกไป!
พี่เต้ต้องไปให้สุด แล้วหยุดที่ได้เป็นอมตะ!!! 
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 26-03-2019 21:58:30
ฉันมารอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 26-03-2019 22:03:04
รอตอนต่อไปด้วยคน  :m15:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: SunnyB ที่ 27-03-2019 00:02:21
น่าสงสารทั้งคู่เลย :z3:

ก็นั่นล่ะนะ ... กลัวกันคนละอย่าง
เพราะต่างคนต่างก็มีปมกันไปคนละแบบ

เหตุการณ์ที่ผ่านมาก็เปิดอกคุยกันจนเข้าใจแล้ว
แต่ความรู้สึกที่มีนี่สิ จะให้พูดออกมาก็คงจะไม่ง่าย

ทบทวนให้ดี ให้ไวนะหมอเต้
เดี๋ยวเด็กดอยจะถอดใจหนีกลับเชียงรายไปซะก่อน

ส่วนคีรี รู้ตัวรึยังว่าพี่เขาแอบหึงเพื่อนแก๊งเธออยู่  :z6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 28-03-2019 16:32:33
ตามอ่านจนถึงตอนล่าสุดกำลังมาม่าเลยค่ะ
ปวดใจมากๆ หมอเต้รับรักน้องเถอะ น้องหลงขนาดนี้แล้วววววว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 25 : เรื่องของคืนนั้น [220319]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 29-03-2019 20:42:30


Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2


ภายในรถของเตชิตซึ่งมีรวินท์เป็นคนขับ ส่วนตัวเจ้าของรถนั่งอยู่ที่เบาะข้างกัน


รวินท์ขับรถไปก็ชำเลืองมองเพื่อนรักไป อีกฝ่ายสีหน้าดูไม่ดีสักเท่าไหร่ แถมเอาแต่นั่งก้มหน้าไม่พูดไม่จา บรรยากาศเหมือนมีผู้คุมวิญญาณอยู่รอบตัว เล่นเอาเขาไม่กล้าถามเลยว่าเกิดอะไรขึ้น


“ขอโทษนะเว้ยที่รบกวนเวลามึงกับเด็กมึง” คนที่นิ่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่พูดขึ้น


“ไม่หรอก ที่จริงพิงค์ก็อยากมาด้วย เขาก็ห่วงมึงเหมือนกัน แต่เขาคิดว่ามึงคงสะดวกใจจะคุยกับกูตามลำพังมากกว่า เลยนอนเหี่ยวเป็นผักรออยู่ที่ห้อง”


“น่ารักเนอะ เด็กมึงเนี่ย”


“อือ กูรู้”


“แรด”


“เรื่องของกูเว้ย”   


เตชิตยิ้มบาง พลางเอื้อมมือไปตบลงบนตักของเพื่อนรักเบาๆ “ขอบใจมึงมากนะ”


“ไม่เป็นไร ไอ้บ้า ไม่ต้องมาทำซึ้งใส่กู กูไม่ชิน” รวินท์อ้ำอึ้งอีกสักพัก ก่อนจะตัดสินใจถาม “มีเรื่องอะไรวะ บอกกูได้มั้ย ไม่ต้องเสือกคิดปิดบังกูเลยนะ ไม่ต้องตอแหลว่าไม่มีอะไรด้วย เพราะถ้าไม่มีอะไร เด็กมึงไม่มีทางยอมปล่อยมึงกลับเองคนเดียวแน่”


“รู้ดีฉิบหาย” เตชิตส่ายหน้าไปมา แล้วหันมองออกไปทางหน้าต่างกระจกรถ


“เออ เล่าสักที อย่าลีลา”


“คืนนั้นที่เชียงราย กูไม่ได้ปล้ำเขาว่ะ กูเข้าใจผิดไปเอง”


รวินท์รีบเบี่ยงรถเข้าไปจอดข้างทาง แล้วหันไปทำตาโตใส่เพื่อนรัก “มึงรู้ได้ไงเนี่ย!”


“คีรีบอก คือว่าคืนนั้นกูก็มีอะไรกับเขานั่นละ แต่แค่ภายนอกเท่านั้น” เตชิตยกมือขึ้นเกาศีรษะ “เขาดูจะตกใจมาก เขานึกว่ากูรู้อยู่แล้ว เขาขอโทษกู แล้วเขาเลยถามกูว่า เวลานี้เขาไม่ใช่เด็กชาวเขาอีกแล้ว กูจะเอาไงต่อ”


“แล้วมึงว่าไง”


“กู... กูบอกว่า ถึงเขาไม่ใช่ชาวเขา แต่เขาก็ยังเด็กกว่ากูมากอยู่ดี กูควรจะรับผิดชอบ...”


“ไอ้เหี้ยยย~ พระเอกสัส! มึงเกิดยุคไหนวะเนี่ย!” รวินท์อุทานเสียงหลง


“แต่เขาไม่ต้องการให้กูพูดถึงเรื่องรับผิดชอบอะไรนั่นอีก เขาถามกูว่าคิดยังไงกับเขา กูก็ตอบเขาไปตามตรงว่ากูยังไม่มั่นใจ กูไม่รู้”


“ขนาดนี้แล้วมึงยังไม่รู้อีกเหรอไอ้เวร อันที่จริงมึงจะปล้ำหรือไม่ได้ปล้ำเขาคืนนั้น มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับความรู้สึกของมึงตอนนี้รึเปล่าวะ ถ้าแค่นัวเนียถูหนอนกัน แล้วมึงจะไม่รักเขาเหรอ มึงวัดความรักของมึงจากอะไรเนี่ย ขนาดหนอนมึงเรอะ!”


“ไม่ใช่อย่างนั้นเว้ย” เตชิตขมวดคิ้ว พลางยกมือขึ้นกุมขมับ “วิน กูกลัว... กูเคยเหี้ยมามาก มึงก็รู้ กูกลัวกรรมตามสนองกู กลัวคีรีมาหลอกกู เหมือนที่กูเคยทำกับมึง กับคนอื่นๆ”


“โถ ไอ้เต้เอ๊ย เด็กมึงไม่ใช่ผีมะ แม่งจะหลอกอะไรนักหนา” รวินท์เอื้อมมือไปตบไหล่เพื่อนรัก “แล้วมึงหลอกกูเรื่องไหนวะ กูเห็นมึงทำจริงทุกเรื่อง ส่วนความผิดพลาดในอดีตมึงก็ได้รับบทเรียนไปหมดแล้ว ไอ้บ้า คิดมากไม่เข้าเรื่องน่ะ ถ้ามัวแต่หดหัวกลัวแบบนี้ ชาตินี้จะได้มีความรักดีๆ กับเขามั้ยล่ะ”


“บางทีคนอย่างกูอาจจะไม่เหมาะที่จะมีความรักว่ะ”


“ดราม่าเวิ่นเว้อฉิบหาย กำลังคอสฯ เป็นดาวพระศุกร์อยู่เหรอมึงน่ะ คือกูเข้าใจนะ ที่มึงกลัว เพราะเด็กนั่นเข้ามาหามึงแบบโคตรไม่เหมือนชาวบ้านเขา แต่มึงมองย้อนกลับไปดิ ที่เขาทำไปก็เพราะมึงไม่สนใจใคร จะเอาแต่กูซึ่งหล่อที่สุดในโลกหล้าเนี่ย ถ้าเขาไม่ทำอะไรให้สะดุดตามึง เขาจะได้แดกมึงมั้ยล่ะ คิดสิวะคิด เป็นกู กูก็ทำโว้ย!” รวินท์เปลี่ยนจากตบไหล่ไปเป็นตบกบาลเพื่อนรักแทน “มึงลองเทียบกับตัวมึงดูละกัน ถ้ามึงไม่ได้รักกู มึงจะทำอย่างที่มึงเคยทำมั้ย ถึงมันจะผิด แต่บางทีคนเราก็ทำอะไรบ้าๆ สิ้นคิดลงไปเพราะรักมากได้ มึงน่ะก็รู้ดี ไอ้สัส!”


“โห กูไม่รู้จะทึ่งกับประโยคไหนของมึงก่อนเลยว่ะ” 


“คนจะรักกัน มันต้องหัดเชื่อใจกันเว้ย กูรู้ว่ามันพูดง่ายทำยาก กูกับพิงค์ก็เคยทะเลาะกันแทบตายมาแล้ว มึงต้องคุยกับเด็กมึง ค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากัน พยายามเปิดใจคุยกัน มึงจะได้เข้าใจเขา และจะได้มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น กูรู้ว่ามึงกลัว แต่มึงก็ลองคิดดูละกัน ว่าสิ่งที่เขาพยายามทำมาทั้งหมด พอจะช่วยให้มึงยอมเสี่ยงกับเขาบ้างมั้ย”


“นั่นสินะ”


“เอาเหอะ คืนนี้ก็นอนตกตะกอนความคิดไปก่อนละกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้เด็กมึงก็คงห้อแรดมาง้ออีกเหมือนเคย รอดูละกัน”


เตชิตยิ้มบาง “ไม่อยากเชื่อเลยว่าชีวิตนี้จะได้คนอย่างมึงมาเป็นทั้งศิราณีทั้งพี่อ้อยพี่ฉอด”


“อ้าว ไอ้เพื่อนเหี้ย เก็บปากมึงไว้ปรับความเข้าใจกับเด็กมึงเถอะ!” รวินท์ส่งนิ้วกลางให้ ก่อนจะขับรถออกไป



เช้าตรู่วันอาทิตย์ ก่อนถึงเวลาเริ่มงาน เตชิต รวินท์ ภูพิงค์และเพื่อนๆ ถือเค้กมาพร้อมของขวัญให้ตึ๋ง ลูกชายของผู้ช่วยทันตแพทย์ เด็กหนุ่มเจ้าของวันเกิดยิ้มหน้าบานรับของขวัญและคำอวยพรจากทุกคน เสร็จแล้วแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน


จนกระทั่งช่วงบ่ายแก่ๆ เตชิตเสร็จงานก่อน เขาเอาแต่นั่งมองโทรศัพท์และถอนหายใจเฮือกๆ จนรวินท์รำคาญ ไอ้เพื่อนรักเลยบอกให้เขาออกไปซื้อของกินเอาไว้กลับไปกินที่ลำพูน ส่วนเขาก็เคยขัดใจมันได้ซะที่ไหน เมื่อเขาเดินออกไปทางหลังร้านก็เจอกับตึ๋งเข้าพอดี


“พี่เต้จะไปไหนเหรอครับ”


“ไปซื้อของกินน่ะ เอาไว้ไปกินมื้อเย็นที่ลำพูน จะได้ไม่ต้องกินผัดกะเพราไอ้วินมัน”


“โห พูดซะผมอยากลองผัดกะเพราพี่วินเลยอะ”


“เออ ลองแล้วจะได้เลิกกินผัดกะเพราไปชั่วชีวิต”


ตึ๋งหัวเราะร่วน “งั้นผมไปกับพี่เต้ด้วยดีกว่า กำลังว่างพอดี จะได้ช่วยพี่เต้ถือ”


“โห น่ารัก ไปๆ อยากกินไรเดี๋ยวผมเลี้ยง วันเกิดทั้งที”


สองหนุ่มเดินไปด้วยกัน พูดคุยกันไปเรื่อยๆ ทำให้เตชิตไม่ทันเห็นรถ BMW ที่วิ่งสวนเข้ามา


เจ้าของรถคันหรูขมวดคิ้ว ก่อนจะเบี่ยงรถจอดไว้ข้างทาง แล้วนั่งสังเกตการณ์อยู่ในรถนั่นละ ใช้เวลาไม่นานทั้งสองคนก็เดินกลับมาที่ลานจอดรถพร้อมกับถุงพลาสติกเต็มสองมือ


ตึ๋งช่วยยกถุงไปใส่ในรถของเตชิตให้ เสร็จแล้วก็ยืนคุยกันต่อ


“ขอบคุณสำหรับดินสอเขียนแบบนะครับ ผมอยากได้พอดีเลย” คนอ่อนวัยกว่ายิ้มกว้าง


“อืม ว่าแต่หนังสือกับเครื่องเขียนอย่างอื่นมีครบแล้วใช่มั้ย”


“ครบครับ ได้ของเก่าจากพี่รหัสมาบ้าง”


เตชิตขมวดคิ้ว จะว่าไปตอนที่อีกฝ่ายเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ยังไม่ได้ให้ของขวัญอะไรเลย รู้สึกผิดชอบกล พี่นิ้งเองก็ดีกับเขามาก ตึ๋งก็เคยช่วยเหลือเขา ไอ้วินกับพวกพิงค์บ่อยๆ


“พี่เต้ทำไมทำหน้าแปลกๆ”


“ตอนที่รู้ว่าเข้าวิดวะได้ ไอ้วินมันให้อะไร”


“อ๋อ พี่วินให้ตังค์ไปซื้อเสื้อนักศึกษาครับ”


ฉิบหาย! ไอ้วิน! ทำไมไม่ปรึกษากูเลย!


เตชิตรีบหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเปิดดู ก่อนจะหยิบธนบัตรใบละพันออกมาสองใบแล้วส่งให้เด็กหนุ่ม “นี่เป็นของขวัญจากผมนะ ตอนที่สอบติดยังไม่ได้ให้อะไรเลย ช่วงนั้นผมมัวแต่ยุ่งๆ เอาไปซื้อของใช้ที่จำเป็นก็แล้วกัน”


“เฮ้ย! พี่เต้ก็ให้ดินสอผมแล้วไง อันตั้งแพง”


“นั่นเป็นของขวัญวันเกิด แถมหารกับไอ้วินแล้วก็เหลือไม่เท่าไหร่ เอาไปเถอะ คุณตั้งใจเรียนให้มากๆ ต่อไปจะได้เป็นกำลังให้พี่นิ้งนะ”


ตึ๋งยกมือไหว้ รับเงินมาถือไว้ ก่อนจะเข้าไปสวมกอดทันตแพทย์หนุ่ม “พี่เต้กับพี่วินดีกับผมเสมอ แม่บอกว่าพี่ๆ คอยถามเรื่องค่าเทอม เพราะได้ยินว่าของมหาลัยแพง แล้วก็ช่วยแม่จ่ายด้วย แล้วนี่ยังให้เงินผมอีก”


เตชิตยิ้มบาง พร้อมกับยกมือขึ้นลูบศีรษะเด็กหนุ่ม “ไม่ต้องคิดมาก ผมกับไอ้วินบาปหนา มีโอกาสช่วยได้ก็อยากช่วย เผื่อพวกผมจะได้บุญไปด้วยไง”


ตึ๋งหัวเราะร่วน “ผมว่าไม่ต้องแล้วแหละ อีกนิดพี่ๆ ก็จะบรรลุอรหันต์แล้ว”


“ไปเถอะ เข้าไปช่วยแม่เก็บของ บอกวินว่าผมรอที่รถละกัน”


เด็กหนุ่มยกมือไหว้ “ได้เลย ขอบคุณครับ”


เมื่อตึ๋งวิ่งคล้อยหลังไป เตชิตจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดู วันนี้เขาดูหลายรอบแล้ว แต่ก็ไม่มีข้อความใดๆ หรือมิสคอลจากคีรีเลย


เป็นอะไรหรือเปล่าวะ หรือจะยังคิดมากเรื่องเมื่อคืน


หรือเพราะคืนร้อยบาทสุดท้ายมาแล้ว หรือเพราะยกเลิกสัญญาปิ่นโต


หรือเพราะคีรีรอคำตอบจากเขาอยู่...



หากถ้าทันตแพทย์หนุ่มหันมองไปรอบๆ ตัวสักหน่อย เขาก็คงจะเห็นเด็กหนุ่มที่ตัวเขารอคอยมาตลอดทั้งวันจ้องมองมาด้วยสายตาที่แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวด


คีรีนั่งนิ่งเป็นหิน ในใจได้แต่ถามไปมาซ้ำๆ ว่าเด็กหนุ่มคนเมื่อครู่นั้นคือใคร


ที่จริง... วันนี้เขาตั้งใจจะมาขอโทษหมอเต้ที่เมื่อวานปล่อยให้กลับเอง เขานี่มันแย่ชะมัด ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย แต่เหตุการณ์ที่เพิ่งเห็นกับตาเมื่อครู่ ทำให้ความกล้าที่จะไปเผชิญหน้าอีกฝ่ายหายเกลี้ยง


ตอนนี้ก็ได้แต่นึกเสียใจ เจ็บปวดในใจ เขาไม่น่าคืนเงินกับยกเลิกผูกปิ่นโตนั่นไปเลย ตอนนั้นอารมณ์มันพาไป พอกลับมาคิดอีกทีแล้วก็เสียดาย เพราะเวลานี้เขาไม่มีอะไรจะยึดเหนี่ยวคุณเตชิตไว้อีกแล้ว



“ยืนเหม่อไรวะเต้”


เตชิตเงยหน้าขึ้น “รอมึงนั่นแหละ เสร็จแล้วใช่มะ”


“มึงจะขับหรือจะให้กูขับ”


เตชิตขมวดคิ้ว ก่อนจะหยิบกุญแจรถโยนให้เพื่อนรัก “มึงขับเถอะ”


รวินท์รับกุญแจมา จากนั้นรถฮอนด้า CR-V ก็เคลื่อนออกไปจากที่จอดรถช้าๆ มุ่งหน้าไปยังตัวเมืองลำพูน



ในตอนพักเที่ยงของวันจันทร์ ใต้ตึกคณะบริหารมีเสียงฮือฮาดังจนผิดปกติ


คีรีนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนของเขา และคงเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่ได้สนใจเสียงฮือฮาเหล่านั้นแต่อย่างใด


“คีรี วันนี้กลับห้องไปก็หาอะไรเย็นๆ ประคบตาหน่อยนะ ดูไม่ได้เลยเนี่ย” เจนี่พูดขึ้น “ไปทำอะไรมาวะ”


“ไม่รู้ ตื่นมาก็เป็นแบบนี้แล้วว่ะ”


ปิ๊กยื่นหน้าเข้าไปส่องดวงตาเพื่อนใกล้ๆ “โห น่าเชื่อมากเลย ทะเลาะกับหมอเต้อะดิ นึกว่าเคลียร์กันเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อคืนวันศุกร์แล้วซะอีกนะเนี่ย”


“เปล่า ไม่ได้ทะเลาะ”


“ตอแหล”


คีรีตอบเสียงสลด “ไม่ได้ทะเลาะจริงๆ คนอย่างกู คิดว่าจะกล้าทะเลาะกับเขาเหรอ”


คำตอบของเด็กหนุ่มเป็นผลให้เพื่อนทั้งสี่คนเงียบกริบ ได้แต่ส่งสายตาหากัน


ฟลุคกระแอมเบาๆ แล้วเอื้อมมือไปโอบไหล่คีรี “แล้วมีอะไร เล่าให้พวกกูฟังสิ พวกกูเพื่อนมึงนะ จะได้ช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ปัญหาไง”


คีรีขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนจะพูดออกไปเสียงขรึม “มึงว่า... จะเป็นไปได้มั้ย ที่หมอเต้จะมีคนอื่นนอกจากกู”


สองสาวเลิกคิ้วขึ้น “หมอวินเหรอ”


“ไม่ใช่สิวะ... แต่เมื่อวาน ตอนเราไปหาหมอเต้ที่คลินิก เราเห็นหมอเต้กอดกับคนคนนึง”


“คนรู้จักก็กอดกันได้มั้ยมึง” ปิ๊กพูดขึ้นแทรก “ไอ้ฟลุคก็กอดมึงอยู่นี่ไง”


“แต่กูก็เป็นแค่คนรู้จักเหมือนกัน” คีรีประสานสายตากับอีกฝ่าย แล้วพูดเสียงสั่น “หมอเต้...เป็นคนพูดเอง”


ยุ้ยสงสารเพื่อนจับใจ เธอเอื้อมมือไปกุมมืออีกฝ่ายไว้ “ใจเย็น ตาบวมหมดหล่อแล้ว”


เสียงดังฮือฮาใกล้เข้ามามากขึ้นไปทุกที เป็นผลให้เด็กหนุ่มในโต๊ะจำใจต้องหันไปมองหาต้นเสียง


“เสียงดังอะไรกันวะ” ฟลุคบ่น ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น “เย้ย! พี่ภูพิงค์!”


เจ้าของชื่อเดินตรงไปที่โต๊ะตามที่คนนำทางมาชี้บอก เขาไม่ได้มาคนเดียว แต่หิ้วเพื่อนในกลุ่มมาด้วยครบแผง


“ไง”


“พี่พิงค์!” คีรีลุกขึ้นพรวด


“ว่างอยู่ใช่มั้ย”


“ครับ พี่มีอะไร... เอ้อ นั่งก่อนครับ”


เพื่อนของคีรีทั้งสี่คนย้ายฟากไปนั่งเบียดอยู่ฝั่งเดียวกันอย่างรวดเร็ว เพื่อให้พวกรุ่นพี่นั่งอีกฝั่ง


“พี่วินบอกว่าให้มาดูอาการคุณหน่อย”


คีรีเลิกคิ้วขึ้น “หมอวิน...”


“ไม่เป็นไรใช่มั้ย ยังไหวนะ”


เด็กหนุ่มรุ่นน้องพยักหน้าช้าๆ “ไหวครับ ขอบคุณมาก ฝากขอบคุณหมอวินด้วยนะครับ”


“ดีแล้ว มันต้องได้แบบนี้สิ” ภูพิงค์เอื้อมมือไปตบไหล่คนอ่อนวัยกว่า “ที่ผมมานี่ ยังมีอีกเรื่องนะ วันเสาร์นี้คณะผมมีงานไนต์ พี่วินกับผมเป็นพิธีกร พี่เต้ก็จะมางานด้วย สนใจจะมาด้วยมั้ยล่ะ”


คีรีตอบแบบไม่ต้องคิด “สนใจครับ”


“เอ้า ให้ทุกคนด้วย” เด็กหนุ่มรุ่นพี่ส่งบัตรเข้างานให้ห้าใบพร้อมโบรชัวร์ “พวกผมมาเชิญถึงที่เลยนะเนี่ย”


“ขอบคุณครับพี่พิงค์ แต่พวกผมซื้อต่อจากพี่ดีกว่า เกรงใจอะครับ” คีรีรีบเปิดกระเป๋าสตางค์หยิบธนบัตรส่งให้


“ไม่ต้องเกรงใจก็ได้ บัตรพวกนี้ผมซื้อเอง ถือเป็นค่าโจ๊กครั้งนั้นไง”


“ไม่เอาอะพี่ แค่เอาบัตรมาให้พวกผมถึงคณะก็ดีมากแล้ว” เด็กหนุ่มรุ่นน้องรับบัตรมาพร้อมกับยัดธนบัตรลงในมือรุ่นพี่ “ขอบคุณนะครับ”


“ไม่ต้องมาเนียนแต๊ะอั๋งทำตาซึ้งใส่ผมเว้ย ผมมีแฟนแล้ว” ภูพิงค์ยิ้มบาง


คีรียิ้มออกมาได้บ้าง ความรู้สึกเมื่อได้คุยกับพี่พิงค์และหมอวินน่ะ คล้ายๆ กันเลย ทั้งสองคนมีบรรยากาศอบอุ่นรอบๆ ตัว อยู่ใกล้ๆ แล้วสบายใจ ไม่แปลกใจเลยที่ใครๆ ก็หลงรัก เขาก้มลงมองบนโบรชัวร์พลางอ่านข้อความ “จัดหาทุนเพื่อช่วยเหลือโรงเรียนของน้องๆ ในพื้นที่ทุรกันดาร?”


“อ้อ อือ คณะผมจะมีการหาทุนไว้สำหรับช่วยเหลือโรงเรียนบนเขาไกลๆ กับจัดค่ายอาสาทุกปี ก็ใช้วิธีขายเสื้อบ้าง จัดงานนู่นนี่บ้าง งานไนต์นี่ก็เหมือนกัน มีรุ่นพี่ที่จบไปแล้วมาเล่นดนตรีร้องเพลงให้ พวกอาหารกับของที่ตั้งซุ้มขายในงานก็ได้มาจากสปอนเซอร์ เงินกำไรที่ได้มาก็เก็บไว้เป็นทุนน่ะ”


“โห ดีจังครับ เดี๋ยวผมจะไปขอคุณตาให้ช่วยสมทบทุนบ้าง คุณตาผมท่านชอบกิจกรรมการกุศลแบบนี้มากๆ”


“ขอบใจนะ เอาไว้งานหน้าก็ละกัน พวกผมจะทำจดหมายมาให้เรียบร้อย”


เด็กหนุ่มรุ่นน้องพยักหน้า ก่อนจะขมวดคิ้ว “แล้วตอนนี้ยังมีอะไรที่พวกผมช่วยได้บ้างมั้ย”


“ช่วยพวกผมกระจายข่าวชวนคนมาเยอะๆ หน่อยก็แล้วกัน ผมเอาโบรชัวร์มาเผื่อ ฝากให้เพื่อนๆ ในคณะด้วยละกันนะ”


“พี่ภูพิงค์คะ” เสียงสั่นๆ ของเด็กสาวรุ่นน้องดังขึ้นแทรก เป็นผลให้สองหนุ่มหยุดการสนทนา หันขวับไปที่เธอ พร้อมๆ กับเพื่อนๆ ของภูพิงค์อีกสามชีวิตด้วย


“มีอะไร”


เจนี่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ รวบรวมความกล้าแล้วพูดออกไป “ยังต้องการนักร้องสมัครเล่นเพิ่มมั้ยคะ เจนี่กับคีรีเคยออกงานร้องเพลงของคณะเราเหมือนกัน เอาพวกเราไปร้องเพลงคั่นเวลาได้นะคะ”


สี่หนุ่มวิศวะเงียบกริบ ทำให้เด็กสาวรุ่นน้องยิ้มแห้ง “เจนี่เห็นคีรีอยากช่วย เจนี่ก็อยากช่วยเหมือนกันค่ะ” พูดจบก็รีบขยับไปหลบข้างหลังคีรี


ซันหันไปสบตาภูพิงค์ “เออ เคยได้ยินว่าบริหารมีนักร้องเสียงดีอยู่เหมือนกัน”


“หน้าตาน้องๆ ก็น่าจะช่วยเรียกแขกได้อีกเยอะเลยนะเนี่ย” ขิงขยับเข้าไปกระซิบ


ดิวพยักหน้าหงึกๆ “จัดคิวตอนนี้ยังทันปะวะ”


“เรื่องนี้มึงคงต้องตัดสินใจว่ะซัน” ภูพิงค์ตอบ


“แล้ว... พวกคุณจะซ้อมทันเหรอ เหลือเวลาอีกไม่มาก ถ้าต้องไปซ้อมกับรุ่นพี่ที่คณะพวกผมทุกวันจะไหวมั้ย” ซันเบนเข็มไปถามรุ่นน้อง


คีรีพยักหน้า “ไหวสิครับ พวกผมจะพยายามเต็มที่”


“งั้นเดี๋ยวเลิกเรียนไปเจอกันที่คณะได้มั้ย จะได้คุยรายละเอียดแล้วเริ่มซ้อมกันเลย”


“ได้ครับ/ค่ะ”


“ขอบใจมากนะ” ซันยิ้มตอบ นับเป็นรอยยิ้มแรกของนายกสโมฯ คณะวิศวะที่มีให้แก่พวกรุ่นน้องต่างคณะ เป็นผลให้ความรู้สึกอึดอัดภายในโต๊ะเบาบางลงไปบ้าง


คีรีนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอื้อมมือไปสะกิด “เอ้อ พี่ภูพิงค์ครับ ผมขอคุยกับพี่สองคนแป๊บนึงได้มั้ย”


ในขณะที่คีรีพูด เพื่อนเขาอีกสี่คนก็หันขวับ จากนั้นก็ส่งสายตาให้กัน ร้องฉิบหายกันระงม เพราะหวั่นใจที่จะต้องนั่งอยู่กับรุ่นพี่วิศวะที่เหลือตามลำพัง ถึงบรรยากาศจะดีขึ้นบ้างแล้วก็เถอะ แต่สีหน้าของพวกพี่ๆ ก็ยังดูไม่ค่อยจะเป็นมิตรอยู่ดี   


“เอาสิ ไปคุยที่ไหนดีล่ะ”



(ขอจบครึ่งตอนก่อน edit ไม่ทันกิงๆ คร้าาา~ ชีวิตล้มลุกคลุกคลานมั่กตอนนี้~)



เด็กดอยไม่ต้องงอแงแล้วนะ มีทั้งพี่วินทั้งพี่พิงค์มาช่วยแย้ววว~

ขอโทษที่ช่วงนี้ลงช้านะคะ อาจจะมีตัวหนังสือยึกยือแปลกๆ ปนมาด้วย เพราะฮัสกี้ใช้ไอแพดลงนิยายค่ะ และก็ฮัสกี้อยู่ในช่วงออนทัวร์สามอาทิตย์ ต้องไปนู่นไปนี่ทุกวันเลย ก็เลยอีดิตนิยายได้ช้ามากๆ เดี๋ยวกลับบ้านเมื่อไหร่จะลงตรงเวลาเหมือนเดิมนะคะ ฮือออออ~ :sad4:

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากๆ ค่า จุ๊บๆ กู๊ดไนต์ค่า

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 29-03-2019 21:00:31
ฉากหมอเต้กับน้องตึ๋งนี่ดูแบบห่างๆไม่ได้ยินคำพูดก็ชวนคิดลึกนะเนี่ย เหมือนเสี่ยกินเด็กยังไงก็ไม่รู้ ไม่แปลกที่เด็กดอยจะเข้าใจผิด
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 29-03-2019 21:00:41
ต้องไปซ้อมร้องเพลงกะเจนี่
เด๋วก็ได้มีคนหึงอีกหรอกคีรี
ขอให้เข้าใจกะพี่หมอเต้ไวๆนะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 29-03-2019 21:03:05
ระวังสุขภาพด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 29-03-2019 21:06:51
ฮึบหลายรอบมากค่ะ จะร้องไห้แล้ว;-; คุณฮัสกี้อย่าใจร้ายมากนะคะ คนทางนี้หมดแรงแน้ว :hao5:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 29-03-2019 21:15:49
สมควรที่จะกลัวนะหมอเต้ กรรมตามสนองล่ะ เจ็บหนักแน่ แต่อย่าคิดเยอะดิ คีรีจริงจังนะเออ...
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 29-03-2019 22:04:58
เรื่องนั้นยังไม่เคลียร์จะมีเรื่องใหม่จะเข้ามาอีก หมอเต้เมื่อไหร่จะยอมรับใจตัวเองสักทีว่าชอบ(รึจะถึงขั้นรักไปแล้ว)น้องมัน คีรีมีไรก็ถามอย่าคิดเองคนเดียว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-03-2019 22:16:48
โอ๋เอ๋​
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: องศาวาย ที่ 29-03-2019 22:23:42
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-03-2019 22:57:43
 :pig4: :pig4: :pig4:

โถ ๆๆๆๆๆ  เด็กดอยผู้น่าสนสาร  เจอแต่เหตุการณ์พามโนไปในทางเลวร้าย  555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 29-03-2019 23:00:00
เห็นแบบนี้คีรีนึกว่าพี่เต้ผู้ปิ่นโตกับคนอื่นป่าว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: SunnyB ที่ 29-03-2019 23:16:48
เรื่องเก่ายังจบไม่ลง
เดี๋ยวคอยดูเหอะ จะโดนอีกสองคดี คีรีเอ้ยย
ยิ่งช่างอมพะนำกันอยู่ทั้งคู่แบบนี้

ดีนะที่มีหมอวินกับพิงค์เป็นทัพเสริม

ตอนนี้ชอบตรงที่หมอวินพูดกับหมอเต้ที่สุดเลย
ทั้งที่บอกคีรีไม่ใช่ผี ว่าหมอเต้คอสเป็นดาวพระศุกร์
แถมยังชมตัวเองได้อย่างหน้าไม่อายที่สุดด้วย ...  :call:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-03-2019 00:01:38
 :hao4:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 30-03-2019 00:09:51
อดีตเด็กดอย(ปลอม)มีผู้มีอิทธพลหนุนหลังขนาดนี้
รับรองรุ่ง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 30-03-2019 08:50:31
คีรีเห็นหมอเต้ อยู่กับเด็กหนุ่ม อารมณ์ที่ต่อเนื่องมาทำให้คิดไปไกลโน้นนนนเลยนะ อ๊ะ สู้ๆ นะคีรี
 :m27: :m27:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 30-03-2019 09:42:18
จะร้องไห้ตามน้องคีรีแล้วครับเนี่ย หมอเต้ดูจะใจร้ายกับน้องจัง T^T
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 30-03-2019 11:10:41
เต้ตาถั่วมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เปลี่ยนแปลงจริงๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 30-03-2019 17:51:15
รอออออออออ :katai1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 30-03-2019 18:37:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 30-03-2019 18:42:58
ทีมคูมแม่เด็กดอยคร่ะ หนูต้องเอาพี่เต้มาเป็นเมียให้ได้นะรู้กกกก :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 30-03-2019 22:22:02
……


อ้าฮะ. คีรีมีผู้ช่วยเพียบ แบบนี้หมอเต้ไม่พ้นมือน้องคีรีแน่

 
ความรักทำให้คนเราทำได้ทุกสิ่ง สละได้ทุกอย่างนะ หมอเต้

แบบที่หมอวินว่า หมอเต้ก้อเคยหลงมนต์แห่งความรักมาแล้วไง


………


 :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:


หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 31-03-2019 02:35:01
ช็อตเด็ดเลยอันนี้
คีรีลู้กกกกกกกกกกก อย่าเพิ่งคิดไกล  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 31-03-2019 07:33:36
เอ็นดูเด็กดอยมว้ากก ขออย่างนี้ไว้ที่บ้านตัวนึงได้มั้ยคะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 31-03-2019 09:03:43
เห้อออ จิงๆเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 31-03-2019 14:23:44
ต้องมีดาร์ม่าเรื่องคีรีกับเจนนี่อีกแน่ๆเลย อีพี่หมอเต้มันยิ่งระแวงอยู่
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 1/2 [290319]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 01-04-2019 15:19:43


Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2



คีรีลุกขึ้น เดินนำรุ่นพี่ไปคุยกันที่ซอกตึกซึ่งไม่ค่อยมีใครเดินผ่านไปผ่านมามากนัก พวกเขานั่งยองๆ คุยกัน มองเผินๆ ดูเหมือนแอบมาสุมหัวเล่นไพ่


“เอ้า มีอะไรก็ว่ามา”


“คือ... พี่พิงค์ครับ เมื่อวานผมเห็นหมอเต้กอดกับใครก็ไม่รู้ครับ”


ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “เห็นที่ไหน” 


“ที่ลานจอดรถหลังคลินิกน่ะครับ”


“กอดอย่างเดียวเหรอ”


“ก็...ไม่เชิง”


“แล้วทำไรอีก”


คีรีหลุบตาลงต่ำ ไม่กล้าพูดออกไป


“เอ้า! ผมถามว่าพี่เต้ทำไรอีก บอกมาให้หมด!” เสียงของรุ่นพี่ดังไปสักหน่อยด้วยความเคยชิน เกิดเป็นเสียงเอ็คโคในซอกตึก


เด็กหนุ่มรุ่นน้องทำหน้าเจื่อน “เห็นให้เงินครับ”


“อ่อ...”


ภูพิงค์พยักหน้าหงึกๆ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดู แล้วส่งให้อีกฝ่าย “ใช่คนนี้รึเปล่า”


บนหน้าจอโทรศัพท์มีภาพของเด็กหนุ่มคนเมื่อวานอยู่ท่ามกลางกลุ่มทันตแพทย์ ผู้ช่วยทันตแพทย์และเพื่อนในกลุ่มของภูพิงค์ด้วย คีรีเลิกคิ้วขึ้น ตะปบมือรุ่นพี่ข้างที่ถือโทรศัพท์ไว้ทันที “คนนี้แหละ เขาเป็นใครครับ!”


“ถ้าเป็นคนนี้น่ะ ผมจะบอกให้นะ พี่เต้ให้เงิน ให้ของขวัญแล้วยังช่วยค่าเทอมด้วย เขาเป็นรุ่นน้องคณะผมเอง”


เข้ากรณีเขาเป๊ะเลย เหมือนที่คุณเตชิตเคยคุยกับเขา คีรีเบิกตาโพลง ใบหน้าซีดเผือด


“คุณเตชิตมีคนอื่นนอกจากผมอีกเหรอ”


ภูพิงค์หัวเราะร่วน สงสารรุ่นน้องก็สงสารนะ แต่แบบ... เด็กมันน่าแกล้งนี่หว่า นี่เห็นไอ้พี่เต้เป็นเสี่ยเลี้ยงเด็กเหรอวะ


“นอกจากพี่เต้ รุ่นน้องผมคนนี้ก็ยังได้ของขวัญกับค่าเทอมจากพี่วินด้วยนะ”


“ฮะ!?”


“เขาเป็นลูกผู้ช่วยทันตแพทย์ที่สนิทกันกับพี่เต้พี่วิน เคยช่วยเหลือกันมาหลายอย่าง เพราะงั้นพี่ๆ รวมถึงพวกผมด้วยก็เลยเอ็นดูเขามาก”


“หมายความว่า...”


“น้องเขามีแม่ทำงานหาเงินคนเดียว แล้วน้องเขาก็เป็นเด็กดี ขยันเรียน แถมยังเรียนเก่งด้วย พี่เต้กับพี่วินก็เลยอยากช่วยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก พี่ๆ เขาเป็นคนใจบุญ พี่วินมาช่วยคณะผมหาทุนทำค่ายอาสาบ่อยๆ ส่วนพี่เต้ก็ไปออกหน่วยเรื่อยๆ พี่เต้น่ะ ชอบช่วยเหลือชาวเขาเป็นพิเศษ คุณน่าจะเคยได้ยินเรื่องที่พี่เต้เคยไปติดอยู่บนเขาแล้วมีชาวเขาช่วยไว้แล้วใช่มั้ย”


“ครับ คุณลุงผมเล่าให้ฟัง คุณลุงทำงานที่โรงบาลลำพูน เป็นหัวหน้าแผนกของคุณเตชิตกับหมอวินน่ะครับ”


“สถานการณ์ตอนนั้นมันแย่มากเลยนะ ผมยังจำได้ติดตา...”


“พี่พิงค์อยู่ที่นั่นด้วยเหรอครับ”


“ใช่ ผมกับเพื่อนๆ แล้วก็พี่วินตามขึ้นไปสมทบหลังจากสถานการณ์คลี่คลายบ้างแล้ว ตอนนั้น บ้านพักพี่เต้ถูกดินโคลนถล่มปิดทางเข้าออกหมดเลย ไม่มีทางออกไปหาอาหารหรือน้ำเองได้ แต่โชคดีมีชาวเขาที่พี่เต้เคยทำฟันให้ เดินลุยโคลน ลุยน้ำเอาอาหารมาส่ง... คุณลุงชาวเขาคนนึงมาช่วยจนตัวเองบาดเจ็บล้มป่วย พวกเราก็พาหมอไปช่วยดูอาการแล้วก็ให้ยาไว้ ตอนนั้นพี่เต้เสียใจมากๆ ก็เลยฝังใจเรื่องชาวเขาน่ะนะ”


“ผมรู้ว่าคุณเตชิตฝังใจกับเรื่องในตอนนั้น เพราะงั้นพอคุณเตชิตเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นชาวเขา ผมถึงได้เออออไป คิดว่าเป็นโอกาสที่ผมจะเข้าหาคุณเตชิตได้” แววตาของคีรีสั่นไหว น้ำเสียงแหบแห้ง “ผมรู้ว่าไม่ควรทำแต่แรก เพราะงั้นก็คงไม่แปลกที่จนถึงตอนนี้ คุณเตชิตก็ยังไม่ไว้ใจผม”


“พี่เต้มีเรื่องผิดหวัง เสียใจมาเยอะมาก เคยเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ บอกตรงๆ ผมก็ไม่อยากให้พี่เต้ต้องเจ็บปวดอีกแล้ว อยากให้พี่เขามีความสุขบ้าง” ภูพิงค์เอนหลังพิงผนังพลางถอนหายใจ “แม้แต่เรื่องของผมกับพี่วิน พี่เต้ก็เป็นคนเสียสละ ให้ผมกับพี่วินได้รักกัน”


“ผมรักคุณเตชิตจริงๆ นะครับพี่พิงค์ ผมสาบานกับพี่ได้เลยว่าจะทำให้ทุกวันของคุณเตชิตมีความสุข แต่... ตอนนี้น่ะ... ความสัมพันธ์ของคุณเตชิตกับผมร่อแร่มากแล้ว ไม่ว่าจะทำยังไง คุณเตชิตก็ยังไม่ยอมเปิดใจให้ผมสักที”


“อืม ผมเข้าใจ ของแบบนี้มันต้องใช้เวลาหน่อยนะคุณ”


“พี่พิงค์ครับ ผมพยายามทำทุกอย่างตามที่คุณเตชิตต้องการ ทั้งเอาอกเอาใจ ทั้งอ้อนให้คุณเตชิตเอ็นดูผมบ้าง ผมโทรไปหา ส่งข้อความไปเป็นสิบๆ ข้อความทุกวันเพื่อให้คุณเตชิตรู้ว่าเขาสำคัญกับผมมากแค่ไหน แต่ไปๆ มาๆ ผมกลับรู้สึกว่าผมยัดเยียดความรู้สึกของตัวเองให้คุณเตชิตมากเกินไป จนทำให้เขารำคาญ ยิ่งรู้สึกห่างไกลกันมากขึ้นไปอีก” คีรีพูดเสียงเศร้า “บางครั้งผมก็รู้สึกว่าคุณเตชิตต้องอดทนยอมให้ผมเข้าไปป้วนเปี้ยนใกล้ๆ เพราะผมเป็นหลานของหัวหน้าเขาด้วยซ้ำ”


“พี่เต้ไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอก ถ้าหากพี่เขารำคาญคุณจริงๆ น่ะนะ พี่เขาคงไล่เตะคุณกระเจิงไปแล้ว แต่ถ้าคุณรู้สึกว่ามันมากไป ก็ลองถอยออกมาสักหน่อย ผมว่าก็อาจจะดี เผื่อพื้นที่ให้พี่เต้หายใจหายคอได้คล่องขึ้น เผื่อจะคิดอะไรได้ง่ายขึ้นบ้าง” ภูพิงค์กำมือแล้วยื่นเข้าไปกดปลายจมูกเด็กหนุ่มรุ่นน้อง “มันก็เหมือนกำปั้นผมตอนนี้ อยู่ใกล้คุณมาก รู้สึกอึดอัดใช่มั้ย มองเห็นอะไรก็ไม่ชัด เพราะงั้นจึงควรต้องถอยออกมาบ้าง แต่ทิ้งระยะห่างแบบพอดีๆ ให้อยู่ในสายตา ไม่ใช่หายไปเลยนะเว้ย”


คีรีถอนหายใจยาวเมื่อคนที่นั่งอยู่ด้วยกันดึงมือกลับไป ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย “ครับ”


“เรื่องความรักมันเป็นเรื่องของหัวใจ ไปเร่งรัดอะไรไม่ได้หรอก ถ้าคุณรักพี่เต้จริง คุณก็ต้องเข้าใจนะ พี่เต้รุ่นนี้แล้ว ผ่านอะไรมามาก คุณเองก็เปิดตัวเหมือนใครซะที่ไหน ต้องให้เวลาพี่เต้มั่นใจในตัวคุณสักหน่อยนะ”


คนอ่อนวัยกว่าทำหน้าสลด “ครับ”


ภูพิงค์ตบไหล่รุ่นน้องหนักๆ “อย่าทำหน้าเหมือนผมบังคับให้กินกะปิแบบนี้สิวะ ในเมื่อคุณยืนยันว่ารักพี่เต้ ก็ต้องพยายามอีก มาถึงตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอะไรคืบหน้าเลย อย่างน้อยคุณก็ได้ผมกับพี่วินมาอยู่ฝั่งคุณแล้ว ยังไงก็ต้องสู้ให้เต็มที่นะ เข้าใจมั้ย!”


เด็กหนุ่มยิ้มบางพลางพยักหน้าหงึกๆ “ครับพี่”



ตัดภาพกลับไปที่โต๊ะซึ่งรุ่นพี่วิศวะนั่งรวมอยู่กับเพื่อนๆ ของคีรี โต๊ะของพวกเขาเป็นโต๊ะที่เงียบที่สุดในทุกโต๊ะใต้ตึกเรียน พวกรุ่นน้องไม่กล้าสบตารุ่นพี่ตรงๆ ได้แต่ชำเลืองมองกันไปมา


แต่แล้วปิ๊กก็สวมวิญญาณผู้กล้าพูดขึ้นเป็นคนแรก เขาทนความรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในคุกอัซคาบันต่อไปไม่ไหวแล้วโว้ย “เอ่อ... งานไนต์วิศวะ สาวๆ คงจะเยอะแน่ๆ เลยนะครับ”


“คณะคุณยังมีสาวๆ เยอะไม่พอเหรอ ผมได้ยินว่าสาวๆ คณะนี้สวยที่สุดในมหาลัยเลยนี่”


ปิ๊กรู้สึกเหมือนโดนถาดตีกบาล เขายิ้มเจื่อนๆ แล้วหันไปสะกิดเจนี่แทน


“แหะๆ คณะเราก็มีงานวัดประจำปีนะคะ เอาไว้จะฝากคีรีเอาบัตรไปให้พี่ๆ บ้าง”


“ไม่ต้องหรอก พวกผมหาซื้อเองได้”


“พี่ๆ เคยมางานวัดของคณะเรารึยังคะ” ยุ้ยทำใจดีสู้เสือ


“เคยเดินผ่านๆ นะ”


“งานเมื่อปีที่แล้ว คีรีกับเจนี่ก็ขึ้นเวทีร้องเพลงด้วยนะคะ”


พอเพื่อนสาวเปิดทาง ปิ๊กกับฟลุคหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเปิดคลิปวันงานให้รุ่นพี่ดูอย่างไว


“คีรีกับเจนี่ร้องเพลงเก่งมากเลยนะพี่ คณะเรามีงานอะไร สองคนนี่ก็ไปร้องแม่งทุกงานเลย หลังๆ มานี่พวกเราโดนจับไปเป็นแด๊นเซอร์ให้อีก”


“โห เสียงดีกว่าที่คิดไว้อีกนะ ลีดกีต้าร์ได้สุดยอด!” ขิงเอ่ยชม


ซันพยักหน้าหงึกๆ “ผมเคยเห็นคลิปผ่านๆ เพิ่งเคยดูชัดๆ ก็คราวนี้”


“เออ ไหนๆ จะมาร้องเพลงที่คณะ ก็ให้มาร้องเพลงให้พี่เต้ด้วยเป็นไง เผื่อพี่เต้จะซึ้ง จะได้หายซึนสักที” ดิวพูดกึ่งเล่นกึ่งจริง แต่ทำให้ทุกคนในโต๊ะหันขวับมาทางเขา “เฮ้ย! ผมพูดเล่น!”


“จริงพี่! พวกหนู/ผมเห็นด้วย!”


ปิ๊กได้โอกาสก็รีบพูดเสริม “พี่ๆ น่าจะรู้ว่าไอ้คีรีเพื่อนผมมันจีบหมอเต้มาพักใหญ่ๆ แล้ว”


“เออ พวกผมรู้ แล้ววิธีจีบก็ไม่เหมือนใครซะด้วย” รุ่นพี่พยักหน้าหงึกๆ “บอกตามตรง พวกผมก็ทึ่งเพื่อนคุณอยู่นะ ลงทุนโคตรๆ แต่ก็เข้าใจ เข้าใจดีเลยล่ะว่าจีบพี่เต้น่ะ ไม่ใช่เรื่องง่าย”


“พี่ว่าคีรีพอจะมีโอกาสบ้างมั้ยคะ” เด็กสาวรุ่นน้องเอ่ยถาม


“ก็คิดว่าพี่เต้มีใจอยู่นะ แต่คงยังมีปัญหาคาใจอีกหลายๆ อย่าง คงต้องให้เวลาพี่เต้เคลียร์ใจตัวเองก่อน พี่เขาผ่านร้อนหนาวมาเยอะ มันก็น่าจะยากที่จะเปิดใจรับใครสักคน”


“พวกหนูสงสารเพื่อน พี่ดูสภาพมันสิคะ นี่ก็ไม่รู้เพิ่งไปเจอดราม่าอะไรมา”


“พี่เต้ก็ซึนมากซะด้วยสิ” ซันถอนหายใจหนักๆ “พี่วินเองก็กลุ้มใจ เพราะพี่เต้ดูเครียดๆ ไป พอพี่วินเครียดตาม ไอ้พิงค์มันก็เครียดด้วย พวกผมเลยพากันเครียดตามมันไปอีก เลยถึงต้องถ่อมาดูใจน้องเขาถึงที่คณะเนี่ย”


สองสาวรีบโฆษณาเพื่อนต่ออย่างไว “แต่พี่ๆ คะ เรื่องงานไนต์น่ะ เวลาคีรีร้องเพลง จะเท่มากๆ เลยนะคะ มันเล่นได้ทั้งกีต้าร์คลาสสิก กีต้าร์ไฟฟ้า ตีกลองชุดก็ได้ด้วยนะคะ พี่ๆ เอามันไปใช้งานได้ทุกอย่างเลย หมอเต้ต้องประทับใจแน่ๆ เลยค่ะ”


ขิงขมวดคิ้วครุ่นคิด นิ้วมือเคาะโต๊ะรัวๆ “ที่จริงผมว่าก็ดีนะ อาจจะช่วยกระตุ้นอะไรพี่เต้ได้บ้าง”


ดิวหันไปทางซัน “มึงว่าพวกเราพอจะทำอะไรได้มั้ยวะ”


“เฮ้ย! เพื่อพี่เต้มันต้องได้สิวะ!” ซันตอบ “มาน้อง สุมหัว!” สิ้นคำพูด รุ่นพี่รุ่นน้องก็ถลาเข้ามาปรึกษาวางแผนกัน ลืมความอึดอัดและความอึมครึมในคราวแรกไปเสียสนิท


ซันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดอธิบายตารางงานคร่าวๆ “ตามกำหนดการเราจะเปิดให้คนเข้างานได้ตั้งแต่ห้าโมง พวกซุ้มอาหารซุ้มขายของก็จะเปิดพร้อมกัน หลังประธานมากล่าวเปิดงานตอนหกโมงครึ่งก็จะมีวงดนตรีของรุ่นพี่ที่จบไปแล้วมาแสดงต่อ ประมาณสามทุ่มจะมีการเล่นเกมคั่นเพื่อให้นักร้องได้พักเสียงบ้าง”


ดิวเสนอ “เพิ่มเข้ามาอีกสักสี่หรือห้าเพลงให้วงพี่ๆ ไปพักก่อนเล่นเกมคั่นเป็นไง พีๆ จะได้พักนานหน่อย แล้วก็จะได้ให้คีรีมาร่วมเล่นเกมด้วย”


ซันพยักหน้ารัวๆ “แต่เพื่อนพวกคุณเขาจะไม่มีปัญหาใช่มั้ยเนี่ย รอถามเขาก่อนดีมั้ย”


“มันไม่มีปัญหาหรอกพี่ พวกเราเอาหัวเป็นประกันเลย ถ้ามีอะไรให้มันทำเพื่อเรียกคะแนนจากหมอเต้น่ะ มันทำได้ทุกอย่าง”


เด็กหนุ่มรุ่นพี่หัวเราะ “เออ ดี ถ้าได้แบบนี้จริงๆ พวกผมก็อยากช่วยล่ะนะ”


ขิงพูดบ้าง “อย่างที่รู้ งานนี้เราจัดเพื่อรวบรวมเงินไว้สำหรับช่วยเหลือโรงเรียนน้องๆ บนเขา ถือว่าเรามาทำบุญร่วมกันละกันนะ”


“ครับ/ค่ะ! พวกเราจะช่วยสุดแรงเลย”


ซันพยักหน้าหงึกๆ “เอาล่ะ ถ้าร้องห้าเพลงก็แบ่งสามกับสอง น้องเจนี่ว่าไงครับ”


“ให้เจนี่ร้องสอง คีรีร้องสอง ส่วนอีกเพลงเจนี่จะขอโซโล แบบว่าขอคัพเวอร์เป็นเจนนี่แบล็กพิงค์ได้มั้ยคะ งานนี้เจนี่ต้องได้เกิด เดี๋ยวให้ยุ้ยกับไอ้สองคนนี่มาเป็นแด๊นเซอร์ให้”


“ได้สิ ตามใจน้องๆ เลย”


ขิงยื่นหน้าเข้าไปร่วมวงด้วย “อยากได้แสงสียังไงบอกมาเลย เดี๋ยวพวกพี่จะพยายามจัดให้นะ”


“แล้วเรื่องเสื้อผ้าล่ะ” ดิวถามบ้าง


“เดี๋ยวเจนี่จัดการเองค่ะ ใช้ชุดจากงานเก่าๆ ที่เคยใช้ก็ได้ สบายมาก”


ปิ๊กขมวดคิ้วอย่างงงๆ “เดี๋ยวๆ พี่ๆ เจนี่ นี่พวกเรากำลังปรึกษาเรื่องไอ้คีรีกับหมอเต้ไม่ใช่เรอะ”


“ไม่มีปัญหาครับ แค่น้องๆ เต็มใจมาช่วยก็โอเคแล้ว เรื่องเพลงเดี๋ยวให้คีรีเลือกเพลงเองได้เลย คิดว่าเขาน่าจะมีเพลงอยู่ในใจอยู่แล้ว ส่วนเรื่องคีรีกับพี่เต้ พวกผมจะส่งต่อให้พิธีกรกิตติมศักดิ์ผู้มากด้วยประสบการณ์จัดการ รับรองว่าไม่รอดทั้งคู่”


“พิธีกรกิตติมศักดิ์? หมอวินกับพี่พิงค์น่ะเหรอครับ”


“ใช่ แต่เรื่องหลังนี่เก็บไว้เป็นความลับก่อนนะ พวกคุณเตรียมเกณฑ์เพื่อนๆ ในคณะเอาไว้ไปเชียร์คีรีด้วยก็แล้วกัน”


“ได้เลยครับ/ค่ะพี่”


เมื่อคีรีและภูพิงค์เดินกลับมาก็เห็นว่าเพื่อนๆ ของพวกเขากำลังสุมหัวกัน หัวชนกันแบบไม่มีที่ว่างเลยทีเดียว ถ้ามีใครเป็นเหาคงได้แพร่กระจายครบทุกคน ทั้งสองจึงก้มลงไปร่วมวงด้วย


“คุยอะไรกันอยู่วะ” ภูพิงค์ถามขึ้น


“เฮ้ย! มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!” ซันสะดุ้งพร้อมหันไปต่อว่า “ก็คุยเรื่องงานไนต์น่ะสิวะ”


“สรุปว่าน้องเจนี่จะร้องสดสองเพลง เต้นคัพเวอร์อีกเพลง ส่วนคีรี คุณร้องสองเพลงนะ เสร็จแล้วก็เล่นเกมบนเวทีต่อ รายละเอียดเดี๋ยวเราค่อยคุยกันที่คณะผมตอนเย็นอีกทีนะ โอเคมั้ย” ดิวอธิบาย


“โอเคครับ สบายมาก”


“ส่วนเรื่องเพลง พวกผมคิดว่าคุณควรจะเลือกเอง แล้วเดี๋ยวไปซ้อมกับพี่ๆ นักดนตรีรุ่นพี่ของพวกผม” ขิงพูดต่อ


ภูพิงค์หันไปทางเด็กหนุ่มรุ่นน้อง “นั่นสินะ ผมก็เห็นด้วยว่าคุณควรจะเลือกเพลงเอง”


คีรีสบตากับพวกรุ่นพี่ เขามั่นใจว่าทุกคนพยายามจะช่วยเหลือ ให้โอกาสเขาได้แสดงออกเพื่อหมอเต้เต็มที่ เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง “ครับพี่ ขอบคุณมากครับที่ให้โอกาสผม”


“เวลากระชั้นไปหน่อย ไหวนะ” ภูพิงค์ตบไหล่รุ่นน้องเบาๆ


“ไหวครับ ผมจะตั้งใจเต็มที่ ไม่ทำให้พวกพี่ผิดหวังแน่นอน”



ช่วงพักเที่ยงของวันอังคาร เตชิตนั่งถอนหายใจเฮือกๆ เป็นครั้งที่ร้อยของวัน จนเพื่อนรักพลอยถอนหายใจตามกันไปคล้ายเป็นโรคติดต่อ


“มึงจะถอนหายใจทำไมวะ”


“ก็ถอนตามมึง ไม่รู้จะทำไร”


“สัส!”


“อะๆ แล้วมึงเป็นห่าไร” รวินท์หันไปถาม “กูรู้ว่าเป็นเรื่องเด็กมึง เพราะงั้นลงดีเทลมาเลย”


“คีรีหายไปเลยว่ะ ตั้งแต่วันอาทิตย์จนถึงวันนี้ก็จะสามวันแล้ว ปกติเขาจะเมสเสจมาวันละเป็นสิบ หรือไม่ก็โทรมาหาบ้าง แต่นี่หายไปเลย”


“เลิกจีบมึงแล้วมั้ง ยากนัก”


เตชิตหันไปตบกบาลเพื่อนรัก “ไอ้เพื่อนเหี้ย!”


“เอ้า! กูพูดไรผิด เขาก็คนนะมึง มีหัวใจเหมือนมึงนี่แหละ ในเมื่อมึงไม่รักไม่แคร์เขา เขาจะรั้งมึงไว้ให้ตัวเองเจ็บทำไม”


“ไอ้วิน! มึงเป็นเพื่อนกูนะ! เข้าข้างกูบ้างไรบ้าง ไอ้เพื่อนเฮงซวย!”


“กูเฮงซวยตรงไหนวะ! ดูสิ มึงคิดยังไงถึงได้ปล่อยให้เขาหายไปตั้งสามวัน มึงควรจะฉุกใจตั้งกะวันอาทิตย์ตอนเย็นๆ แล้ว ไอ้โง่! จ๊าดง่าว!”


เตชิตยกมือขึ้นกุมขมับ “เออน่ะ เดี๋ยววันนี้กูจะแวะไปดูเขา ยังไงก็จะไปทำคลินิกแทนหมอภูมิอยู่แล้วด้วย”


“กูไปด้วย จะไปหาพิงค์ นัดไว้เหมือนกัน”


“แรด”


“เออ แรดก็แรดวะ ก็กูมีแฟนนี่ ไม่ได้แดกแต่แห้วเหมือนมึง”


“ไอ้สัสวินนน~” เตชิตเริ่มสำนึกได้ เขาไม่ควรต่อเถียงกับไอ้วิน ไม่รู้ทำไมเดี๋ยวนี้มันปากจัดฉิบหาย!


“แล้วจะค้างมั้ยวะ”


“ไม่ล่ะ พรุ่งนี้ต้องทำงานนะเว้ย”


“ก็โอเค” รวินท์ยักไหล่แบบกวนๆ เขาหันไปมองนาฬิกาก่อนจะลุกขึ้น “ไปเหอะ ทำงานเว้ย”


*TBC*


เอาอีกครึ่งตอนมาลงแล้วค่า ช้าไปนิ้ดดด ขออำพัยจิงๆ ค่า รอฮัสกี้กลับบ้านก่อนจะลงตามกำหนดเหมือนเดิมนะคะ แงงง~

ตอนนี้ก็ พิงค์xคีรี หรือ คีรีxพิงค์ ชอบโพไหนเลือกกันตามสะดวกนะคะ 555555

ว่าแต่จำได้มั้ยเอ่ยยย งานไนต์ของวิดวะเมื่อปีที่แล้ว น้องพิงค์กับพี่วินเจออะไรกันบ้าง แล้วงานปีนี้ เด็กดอยกับพี่เต้จะโดนอะไรบ้างล่ะน้าาาา~

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากๆ ค่ะ จู๊ฟฟฟ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-04-2019 15:42:48
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 01-04-2019 15:46:02
ตื่นเต้น อยากอ่านต่อแล้ว ^^
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 01-04-2019 15:48:02
หมอเต้ก็เลิกซึนเสียทีสิ อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: arakanji ที่ 01-04-2019 15:48:43
ชอบนิยายของฮัสกี้ทุกเรื่องเลยค่ะ
รออุดหนุนหนังสือเรื่องนี้เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 01-04-2019 16:24:00
ดีที่มีหมอวิน 55555555555
รอดูงานไนต์แล้วน้า  :hao5:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 01-04-2019 17:27:44
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 01-04-2019 17:42:57
หมอเต้เขาผ่านมาเยอะ วอนน้องคีรีอย่าพึ่งถอดใจนะคะ เชียร์อยู่ตรงนี้ :mew2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 01-04-2019 18:31:08
จะได้ประกาศขอความรักกันกลางงานอีกคู่ไม๊
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-04-2019 18:48:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: Tpt ที่ 01-04-2019 18:52:35
 o22
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 01-04-2019 19:22:50
ลุ้นๆๆๆในงาน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 01-04-2019 19:45:38
สุมหัววางแผนกันแบบนี้ มันต้องสำเร็จแน่เลย รอลุ้น  :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-04-2019 21:45:26
 :pig4: :pig4: :pig4:

รอดูผลงานของพิธีกรกิติมศักดิ์ทั้งสองคน  จะชงจะตบกันยังไงน้อ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 01-04-2019 22:04:37
 :laugh: :laugh: :laugh: งานนี้ต้องได้เกิดดิคีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 01-04-2019 22:38:46
น้องคีรีสู้นะครับ ทำให้เต็มที่ หมอเต้ต้องใจอ่อนบ้างแหละครับ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 01-04-2019 23:22:36
รอดู
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 01-04-2019 23:52:45
ทำคะแนนต่อไป เอาให้พี่เต้ระทวยแข้งขาอ่อนจนเดินไม่ไหวเลยลูกชาย ดูซิจะหนีไปไหพ้น  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 02-04-2019 00:06:50
อยากให้งานไนต์มาถึงเร็วๆ จังว่าจะมีเซอร์ไพรส์อะไรมั่ง
 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 02-04-2019 01:59:28
จะรอดูว่าพิธีกรทั้งสองคนจะช่วยชงได้มากแค่ไหน คีรีสู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 02-04-2019 12:01:52
แรดแต่ไม่แดกแห้ว พี่วินนนนน 5555555555555
นับวันสกิลเมียยิ่งสูงปี๊ดด
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 02-04-2019 13:08:53
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: iNcamisang ที่ 02-04-2019 22:02:15
คีรี x หมอเต้
หมอเต้ x คีรี ฮ่าาาาาา
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: PupleBetterfly ที่ 03-04-2019 15:48:42
 :m20: :m20: 
เว้นพื้นที่ให้คิดถึงกัน เอาใจช่วยหมอเต้xคีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 03-04-2019 19:58:08
ถ้าจะให้ดีพี่วินกับพิงน่าจะลองสมัครเป็นหางเครื่องให้เด็กดอยด้วยน้าา  :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 05-04-2019 14:49:12
คีรีขยันทำคะแนนกับหมอเต้ในงานให้ได้นะคะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 05-04-2019 21:27:05
เด็กมันมีกองหนุนเป็นกองทัพเลย

พี่หมอเต้จะรอดใหม
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 06-04-2019 19:50:06
เอาใจช่วยนะทั้งสองคน  :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: SunnyB ที่ 08-04-2019 21:55:20
รอดูพิธีกรกิตติมศักดิ์ในงานไนท์เลย ว่าจะชงจะตบกันได้เก่งแค่ไหน

หวังว่าจะช่วยคีรีให้ง้างปากหมอเต้สำเร็จซะที
จากตอนแรกทีมหมอเต้ ตอนนี้ย้ายข้างมาเชียร์เด็กดอยแล้ว ปากแข็งนัก :katai1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 08-04-2019 23:01:05
รอตอนต่อไปนะคะ  :sad11:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 09-04-2019 13:06:19
เอาใจช่วยเด็กดอย เข้มแข็งไว้นะลูก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-04-2019 13:44:03
มารอจ้ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 26 : ห่างเหิน 2/2 [010119]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 09-04-2019 19:35:15


Chapter 27 : ใจซึนๆ



หลังเลิกงาน ทันตแพทย์ทั้งสองหน่อก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังเมืองเชียงใหม่ ครั้งนี้เตชิตเป็นคนขับเช่นเคย เขาพาเพื่อนรักไปหย่อนไว้ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ส่วนตัวเองไปทำงานต่อที่คลินิก

“พี่วินมาเร็วจังครับ” ภูพิงค์ยิ้มหน้าบานมารอรับ เขารีบโอบเอวแสดงความเป็นเจ้าของแล้วพาเดินเข้าไปนั่งตรงโต๊ะหินในที่ร่มข้างตึก “กำลังเตรียมทำเวที ยุ่งๆ วุ่นๆ เสียงดังหน่อยนะครับ พี่วินรออีกแป๊บ เดี๋ยวพวกไอ้ซันจะมาคุยเรื่องกำหนดการบนเวทีใหม่ มีเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยน่ะครับ”

“โอเค ผมมาเร็วไปสินะ กวนรึเปล่าเนี่ย”

“โห สำหรับพี่วินไม่มีคำนี้อยู่ในโลกหรอก”

รวินท์อมยิ้ม พร้อมเอื้อมมือไปหยิกแก้มคนอ่อนวัยกว่า “ปากหวานว่ะ”

“หวานเฉพาะกับคนพิเศษเท่านั้นนะครับ”

“เบื่อคำว่าคนพิเศษแล้วอะ ขอเป็นที่รักแทนได้มั้ย”

“ได้สิครับที่ร้ากกก~”

“นี่พี่วิน ไอ้พิงค์ครับ จะบอกว่าพวกคุณมึงไม่ได้อยู่กันสองคนนะครับ แต่พวกกูเนี่ย นั่งอยู่เป็นฝูง จะทำอะไรก็เห็นใจคนไม่มีแฟนอย่างพวกกูด้วยครับ” ดิวที่นั่งตอกตะปูโป๊กๆ บนไม้อยู่บนพื้นตรงหน้าพูดขึ้นแทรก เขาเบะปากกลอกตาจนลูกตาจะตลบกลับไปอยู่ที่หลังหัวแล้วโว้ย!

“พวกมึงนี่ก็ขัดจัง ขัดความสุขกูกับพี่วินแบบนี้ ผลกรรมจะทำให้พวกมึงต้องแดกแห้วไปจนตาย”

“ไอ้สัส! ที่พวกกูแดกๆ กันอยู่ทุกวันนี่ยังไม่สาแก่ใจมึงใช่มั้ย!” เพื่อนๆ ของเด็กหนุ่มพร้อมใจกันเอ่ยปากสรรเสริญ

ภูพิงค์เมินเสียงเพื่อนๆ แต่หยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาซับเหงื่อให้ทันตแพทย์หนุ่มแทน “พี่วินร้อนมั้ย รอแป๊บนะ เดี๋ยวผมไปหาอะไรให้ดื่ม”

“อือ อย่าไปนานนะ”

“คร้าบ~” เด็กหนุ่มตอบเสียงอ่อนเสียงหวาน ทำเอาเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่แถบนั้นหมั่นไส้จนต้องยกนิ้วกลางใส่แบบรัวๆ แถมยังเบ้ปากจนมุมปากจะลากพื้นกันอยู่แล้ว

ขณะที่นั่งรอ รวินท์ได้ยินเสียงดนตรีดังมาแว่วๆ เขาจึงชะเง้อคอมองไปยังต้นเสียง

“น้องๆ กำลังซ้อมดนตรีน่ะครับ สำหรับงานไนต์ไง” ขิงเอ่ยขึ้น

“อ้อ ดีจังเลยนะ ทำงานไปมีเพลงเพราะๆ ฟังไปด้วย” ทันตแพทย์หนุ่มเอียงหูฟัง

“เสียงคุ้นๆ มั้ยพี่วิน”

“อืม จะว่าเป็นรุ่นพี่เมื่อปีที่แล้วก็ไม่น่าใช่ ผมว่าเสียงนุ่มกว่าแฮะ” เจ้าของชื่อขมวดคิ้ว “ใครร้องอะ ผมรู้จักเหรอ”

“เอ้า พี่รู้จักใครไม่รู้จักใครบ้างพวกผมจะรู้มั้ยล่ะ ไม่ใช่ที่ร้ากกกของพี่นี่”

“ถ้าจะถามแบบนี้ ไม่ต้องถามดีกว่ามั้ยวะเนี่ย!”

“ก็ไอ้พิงค์ไม่อยู่ เลยชวนพี่วินคุยไปงั้นแหละ กลัวพี่เหงา”

รวินท์นึกอยากจะเขวี้ยงเกือกใส่ ไอ้เด็กพวกนี้นี่ โตจนหมาเขย่งยังเลียตูดไม่ถึง ยังจะกวนประสาทกันอยู่ได้โว้ย!

“สรุปว่าผมรู้จักมั้ยวะ”

“ก็อาจจะล่ะม้างงงง~”

“พวกมึงหยุดเห่าหอนใส่พี่วินของกูเลยสัส” ภูพิงค์เดินกลับมาพร้อมกับถุงใส่ลูกชิ้นปิ้งและน้ำขวด “เดี๋ยวน้องๆ เขาซ้อมเสร็จผมจะพาพี่ไปหาพวกเขานะ แต่พี่วินยังไม่ได้กินอะไรมาใช่มั้ยครับ กินนี่รองท้องไปก่อนละกัน”

“ขอบใจ” รวินท์เอื้อมมือไปกุมมือเด็กหนุ่มข้างที่ถือถุงไว้พร้อมกับส่งสายตาให้ “แต่ที่จริงอยากกินอย่างอื่นมากกว่า”

ภูพิงค์ยิ้มมุมปาก “รอ...”

“กูทนไม่ไหวแล้ว! คลื่นไส้!” ขิงกับดิวลุกขึ้นพรวด ยกแผ่นไม้ที่เพิ่งตอกตะปูเสร็จขึ้นมาด้วย “ย้ายที่เว้ย!” ปล่อยให้เพื่อนรักกับทันตแพทย์หนุ่มหยอดคำหวานใส่กันต่อไป



ท้องฟ้ามืดลงแล้ว หลังเตชิตเสร็จงาน เขาเดินไปซื้ออาหารใส่กล่อง ระหว่างนั้นก็ส่งข้อความไปหาเพื่อนรักเพื่อรายงานสถานการณ์ด้วย เสร็จแล้วจึงขับรถไปที่คอนโดมิเนียมของคีรี

ขณะที่ขับรถไป ไอ้ช่วงแรกๆ เขาก็รู้สึกดีอยู่หรอกที่จะได้พบกันอีกครั้ง แต่พอเลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถของคอนโดฯ กลับรู้สึกว่าหัวใจชักจะเต้นแบบแปลกๆ

หลังจอดรถเรียบร้อย ทันตแพทย์หนุ่มก็ยังยืนรอเอาฤกษ์เอาชัยอยู่ที่ลานจอดรถ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร จู่ๆ เขาก็ดันรู้สึกป๊อดขึ้นมาดื้อๆ อันที่จริงก็ไม่ได้คิดมาก่อนว่าถ้าเจอคีรีแล้วควรจะทำหน้าอย่างไร ทำตัวอย่างไรต่อ พูดอะไรถึงจะดี ทำเหมือนเดิม เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลยดีไหม

เตชิตถอนหายใจเฮือกๆ หยิบคีย์การ์ดและกุญแจที่ได้รับจากไกรฤกษ์ขึ้นมาดู ยืนทำใจอีกชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าคอนโดมิเนียมไป

แต่เมื่อลองกดกริ่งเรียกหลายครั้งแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาจึงจำเป็นต้องใช้การ์ดที่อยู่ในมือพาตัวเองเข้าไปถึงข้างในห้องพักของเด็กหนุ่ม

ภายในห้องปิดไฟมืด ดูเหมือนว่าเจ้าของห้องจะยังไม่กลับมา เขาเดินวนดูไปรอบๆ ก่อนจะไปนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น

“มาเก้อเลยกู” ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นเกาศีรษะ “เอาไงดีวะเนี่ย เฮ้อ...”

เตชิตเอนหลังพิงพนักโซฟาพร้อมกับแหงนหน้าขึ้นมองเหม่อไปยังเพดานห้อง ยอมรับว่าช่วงสามวันที่ผ่านมานี่ พอคีรีหายไปเขาก็รู้สึกเหงาและโหวงเหวง เหมือนชีวิตขาดอะไรไปสักอย่าง

มือของทันตแพทย์หนุ่มลูบไปมาตรงที่ว่างข้างตัวบนโซฟา เขาหันไปมองช้าๆ ที่ตรงนี้บนโซฟาตัวนี้ เมื่อไม่กี่วันก่อน คีรีคืนเงินร้อยบาทสุดท้ายและยกเลิกสัญญาผูกปิ่นโตกับเขา พอมานึกย้อนกลับไป แวบหนึ่งก็คิดว่าเขาไม่น่าถามเรื่องคืนนั้นออกไปเลย

ถ้าเพียงเขาปล่อยเลยตามเลย คีรีกับเขาก็คงยัง...

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เรียกทันตแพทย์หนุ่มให้ตื่นจากห้วงความคิดของตัวเอง เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูด้วยใจตุ้มต่อม ทว่าคนที่โทรมานั้นไม่ใช่คนที่เขารออยู่

เสียงคนที่ปลายสายดังขึ้นทันทีที่เจ้าของโทรศัพท์กดรับสาย “เป็นยังไงบ้างคุณเต้”

“อ่า ตอนนี้ผมอยู่ที่คอนโดฯ ของคุณคีรีครับ แต่คุณคีรียังไม่กลับห้อง”

“อ้าว มืดค่ำแล้วทำไมยังไม่กลับ เหลวไหลจริง ฉันบอกเขาแล้วนะว่าวันนี้จะมีคนมาหาที่ห้องน่ะ พอฉันไม่อยู่หน่อย วันแรกก็เอาซะแล้วสิ ไอ้หลานคนนี้นี่” คนที่ปลายสายพึมพำ “เดี๋ยวต้องโทรตามสักหน่อย แต่เอ... ฉันต้องรีบไปประชุมซะด้วยสิ”

“คุณไกรฤกษ์ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวผมจะช่วยตามเขาให้ครับ”

“อืม งั้นฝากหน่อยนะ”

เตชิตถอนหายใจ ไม่ต้องห่วงอะไร เขาใช้คุณไกรฤกษ์เป็นข้ออ้างในการติดต่อหาอีกฝ่ายชัดๆ

ทันตแพทย์หนุ่มถือโทรศัพท์มือถือค้างไว้สักพัก ก่อนจะกดไล่หาเบอร์โทรศัพท์ แต่พอเจอกลับเกิดอาการมือสั่น ปลายนิ้วเย็นเฉียบ หัวใจเต้นแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น

แค่ไม่ได้คุยกันมาสามวัน เขายังวิตกจริตไปได้ขนาดนี้

ถ้าเกิดคีรีไม่รอเขาแล้ว เทเขาไปแล้ว จะทำยังไงต่อไปดีวะ

ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นกุมใบหน้า เป็นกังวลเสียจนเจ็บเสียดในอก

“เป็นอะไรวะกู คิดมากทำไม แค่โทรศัพท์แทนคุณไกรฤกษ์เท่านั้นเองไม่ใช่รึไง เฮ้ย!” ทว่าเพราะเครียดจัดจนเหงื่อออก โทรศัพท์จึงลื่นหลุดมือ “เย้ย!” เตชิตร้องลั่น มือคว้าโทรศัพท์ไว้ได้แต่ดันพลาดกดปุ่มโทรออกเข้าให้

“สัส! เอาไงต่อดีวะ!”

แต่ไหนๆ ก็โทรไปแล้ว เขาจำใจรอให้อีกฝ่ายกดรับสาย ความรู้สึกในตอนนี้เหมือนตอนที่รออาจารย์ตรวจเคสของเขาเมื่อครั้งขึ้นคลินิกใหม่ๆ ไม่มีผิด

ทว่ารอแล้วรอเล่าเด็กหนุ่มก็ไม่รับโทรศัพท์ จนกระทั่งสายตัดไป

“อ้าว...” ใจแป้วๆ ร่วงตุ้บลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม

หรือเขาจะโดนเทจริงๆ ซะแล้ววะเนี่ย

แต่ก็ไม่น่าแปลกใจนะถ้าโดนเท เขาแทบจะไม่เคยทำดีกับเด็กหนุ่มเลย มีแต่ทำให้เจ็บช้ำเท่านั้น

เตชิตขมวดคิ้ว แน่นอนว่าไม่กล้าจะกดโทรศัพท์ออกไปอีกรอบ แต่เพราะรับปากคุณตาของเด็กหนุ่มไว้แล้วว่าจะตามตัวให้ เขาจึงเปลี่ยนเป็นส่งข้อความไปหาอีกฝ่ายแทน

‘ทำไมยังไม่กลับห้อง ดึกมากแล้วนะ’

ทันตแพทย์หนุ่มอ่านทวนข้อความที่เพิ่งส่งไปซ้ำๆ สักพักก็ส่งข้อความตามไปอีก ‘คุณไกรฤกษ์ขอให้ผมแวะมาดูคุณ’ คราวนี้พอกดส่งไปเสร็จก็ลุกขึ้นพรวด แล้วตะโกนด่าตัวเอง

“ไอ้สัสเต้เอ๊ย ทำไมมึงจะส่งข้อความดีๆ ไม่ได้วะ ทำไมต้องคุมโทนใจร้ายอยู่ตลอด มึงเป็นบ้าเรอะ!” เขาสะบัดหน้าไปมาแรงๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องของเด็กหนุ่มไป



ฝ่ายคีรีนั้นยังอยู่ในห้องซ้อมดนตรีกับเจนี่และรุ่นพี่วิศวะนับสิบคน เสียงดนตรีที่ดังอยู่ตลอดเวลาทำให้ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ พอซ้อมเสร็จ ทั้งสองก็บอกลาพวกรุ่นพี่แล้วเดินไปหาเพื่อนๆ ที่กำลังซ้อมเต้นอยู่ใต้ตึกใกล้ๆ กัน

ระหว่างทางเดินเด็กหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดู แต่พอเห็นข้อความแจ้งเตือนบนหน้าจอ เขาก็หยุดกึก แล้วเบิกตากว้าง “เฮ้ย!”

“มีอะไรเหรอคีรี” เจนี่หันไปถาม

“หมอเต้โทรมา แต่เราไม่ได้ยิน เขาเลยส่งข้อความมาถามว่าทำไมยังไม่กลับห้อง ดึกมากแล้ว หมาย... หมายความว่า...”

“เขารู้ว่านายไม่ได้อยู่ห้อง ก็หมายความว่าเขาอยู่ที่คอนโดฯ นายรึเปล่าวะ! ไอ้คีรี! ไปเร็ว!” เจนี่พูดเสียงตื่นเต้น

“งั้นเราไปก่อนนะ ฝากลาพี่ๆ ให้ด้วย” เมื่อพูดจบก็ใส่ตีนหมาโกยแน่บ ตรงไปยังรถที่จอดอยู่แล้วขับออกไปทันที

บนถนนในยามค่ำคืนโล่งขึ้นมาก ใช้เวลาไม่นานเด็กหนุ่มก็กลับไปถึงคอนโดมิเนียมที่หมาย พอจอดรถได้ก็วิ่งเข้าไปภายในตึก รีบรุดขึ้นไปที่ห้องของตน

คีรีถลาเข้าไปภายในห้อง วิ่งหาตัวทันตแพทย์หนุ่มเป็นพัลวัน “คุณเตชิต! คุณเตชิตครับ!”

ทว่าเจ้าของชื่อไม่อยู่ที่นั่น เด็กหนุ่มวิ่งตรวจดูจนครบทุกห้อง ก่อนจะสังเกตเห็นกล่องใส่อาหารที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องนั่งเล่นซึ่งเป็นห้องเดียวที่เปิดไฟไว้ทิ้งไว้

“คุณเตชิตซื้อมาให้เหรอเนี่ย”

คีรียิ้มกว้าง เขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูอีกครั้ง แต่คราวนี้ใบหน้าสลดลงทันควัน เมื่อครู่เขามัวแต่ตื่นเต้นจนมองข้ามอีกข้อความไป ไม่ได้เอะใจเลยว่าทำไมคุณเตชิตถึงมีคีย์การ์ดกับกุญแจเข้ามาในห้องของเขาได้ “ป้ออุ้ยขอให้แวะมานี่เอง” เด็กหนุ่มถอนหายใจหนักๆ เขาเพิ่งนึกได้ คุณตาบอกไว้ว่าจะมีคนมาดูแลอาทิตย์ละสองวัน เริ่มตั้งแต่วันนี้ แต่ก็นึกไม่ถึงว่าคนคนนั้นจะเป็นคุณเตชิต นึกว่าจะเป็นลุงภูมิหรือคนของลุงภูมิเหมือนเคย

ที่จริงเขาก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ หมอเต้ไม่มีทางมาหาเขาด้วยตัวเองหรอก เงินก็คืนไปหมดแล้ว สัญญาอะไรก็ไม่มีอีกแล้ว... ไม่เหลืออะไรยึดเหนี่ยวกันไว้อีกแล้ว เพราะงั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่อีกฝ่ายจะมาหาเขาสักหน่อย

เจ้าของห้องทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างอ่อนแรง ในมือกุมโทรศัพท์มือถือไว้แน่น ใจนึกอยากได้ยินเสียงของทันตแพทย์หนุ่ม อยากคุย อยากพบ แต่หัวใจยังไม่พร้อมจะถูกปฏิเสธอีกครั้ง เวลานี้แค่จะส่งข้อความไปหาอีกฝ่ายยังลำบากใจเลย

เขานั่งหายใจทิ้งเฮือกๆ อยู่พักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดพิมพ์ข้อความ ‘กลับมาแล้วครับ ขอบคุณที่แวะมา’

พอกดส่งไปแล้วก็โยนโทรศัพท์มือถือไว้ข้างตัว แต่เพียงชั่วครู่ก็มีเสียงเตือนข้อความเข้า เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยง รีบตะปบโทรศัพท์กลับมาดู

‘อย่ากลับดึกแบบนี้อีก’

ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ หมอเต้ตอบข้อความเขาเร็วอย่างกับรออยู่แล้ว

‘ครับ ผมขอโทษ’

‘กินอะไรมารึยัง’

‘ยังเลยครับ’

‘งั้นก็รีบกินซะ อาหารอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟา เสร็จแล้วก็รีบอาบน้ำเข้านอนล่ะ’


เด็กหนุ่มกดพิมพ์ข้อความอย่างรีบเร่ง

‘คุณเตชิตอยู่ไหนครับ ผมไปหาได้มั้ย ผมคิดถึงคุณนะครับ อยากเจอ...’


แต่แล้วก็ชะงัก จากนั้นก็ลบข้อความทั้งหมดออก เพราะกลัวว่าการเซ้าซี้ของเขาจะทำให้อีกฝ่ายรำคาญ คุณเตชิตก็บอกไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่าคุณตาของเขาขอให้แวะมาเท่านั้น

ไม่ได้อยากจะมาพบเขาเองสักหน่อย

คีรีจึงตอบข้อความกลับไปสั้นๆ ว่า ‘ครับ’ เท่านั้น



คนที่นั่งอยู่ในรถซึ่งจอดอยู่ในลานจอดรถของคอนโดมิเนียมอ่านข้อความในโทรศัพท์มือถือแล้วก็พ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด เขาโยนโทรศัพท์ไว้ที่เบาะนั่งข้างกัน ยกมือขึ้นคลึงขมับ ก่อนจะขับรถออกไปช้าๆ



ในตอนบ่ายของวันพฤหัส ทันตแพทย์ทั้งสองเดินทางไปเชียงใหม่ด้วยกันอีกครั้ง เตชิตซึ่งเป็นคนขับนิ่งขรึมไปตลอดทาง ที่จริงเขาก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์แล้ว แต่หลังจากวันอังคารที่ผ่านมาดูอาการจะหนักขึ้นไปอีก

รวินท์ชำเลืองมองเพื่อนรัก “มึงโอเคเปล่าวะ หน้าตาเหมือนไม่ได้หลับได้นอนเท่าไหร่ ขับๆ รถไปจะน็อคมั้ยเนี่ย ให้กูขับดีกว่ามั้ย”

“ไม่ได้เป็นไรเว้ย แค่รู้สึกเหนื่อยๆ นิดหน่อย”

“นิดหน่อย!? สภาพกายหยาบของมึงตอนนี้เขาเรียกว่าโคตรเป็นเลยโว้ย! อะไรคือความปลอดภัยของชีวิตกูวะเนี่ย!” รวินท์โวยวาย แต่เพราะอีกฝ่ายไม่หือไม่อือด้วยเขาจึงเอนตัวเข้าไปถาม “ว่าแต่... หลังจากวันที่ไปหาเด็กมึงที่ห้องแล้วมึงกับเขาได้คุยกันอีกมะ”

“...ไม่ได้คุยว่ะ”

“ทำไมวะ”

“กูจะไปรู้เขาเหรอ เขาไม่โทรมานี่หว่า”

“แล้วทำไมมึงไม่โทรไปหาเขาล่ะวะ”

“ไม่มีเรื่องอะไร จู่ๆ กูจะโทรไปทำเหี้ยอะไรล่ะวะ”

“อ้าว ไอ้สัส โทรศัพท์เขามีไว้โทรก็ใช้โทรๆ ไปสิมึง หรือปกติมึงมีไว้ส่องเป็นกระจกตอนแคะขี้ฟันวะ” รวินท์ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ “แล้วนี่... มึงเป็นไงบ้างล่ะ”

“ก็ไม่เป็นไรหรอก”

“เอาจริงๆ แบบไม่ตอแหลได้มะ มาถึงขนาดนี้แล้ว มึงจะหลอกตัวเองกับกูไปเพื่ออะไรอีกวะ”

เตชิตนิ่งอึ้ง เขาหัวเราะเจื่อนๆ ก่อนจะพูดเสียงอ่อย “เอาจริงๆ... พอเขาไม่มาวุ่นวาย ก็เหมือนชีวิตขาดอะไรไปว่ะ”

“ถ้าขนาดนี้มึงก็น่าจะรู้ใจตัวเองแล้วมั้ย”

คนถูกถามถอนหายใจหนักๆ แล้วส่ายหน้า “คุยเรื่องอื่นกันเหอะ วันเสาร์นี้มึงจะไปรับจ๊อบออกงานที่คณะไอ้น้องพิงค์ใช่มะ มีไรให้กูช่วยก็บอกนะ ฝากบอกพิงค์ด้วย กูน่าจะว่างอยู่คนเดียวนี่ล่ะ”

“แซนดี้ก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนมึงด้วย ไม่ต้องกลัวเหงาหรอกน่ะ” รวินท์เบือนหน้าไปทางหน้าต่างกระจกรถ แล้วกลอกตาไปมา “เอาจริงๆ ไอ้ที่อยากให้ช่วยก็มี อยากได้หน้าม้าขึ้นมาเล่นเกมบนเวทีอะ ถ้าเป็นมึงได้ก็คงดี”

“ได้อยู่แล้ว เรื่องแค่นี้ จะเอาหน้าหล่อๆ ของกูไปเรียกแขกอะดิ”

“หน้ากูคนเดียวคนก็จะเหยียบกันตายแล้วมะ” รวินท์หันไปทางเพื่อนรักช้าๆ “สัญญาแล้วนะเว้ยว่าจะมาช่วยเป็นหน้าม้าให้กูอะ อย่าให้กูหน้าแห้งเชียวนะมึง เดี๋ยวกูจะบอกน้องๆ ให้คอยคุมตัวมึงไว้”

“เออๆ กูเคยขัดใจมึงได้ด้วยเหรอสัส”

“ดี ทันตแพทย์พูดแล้วต้องไม่คืนคำ”

“มีด้วยเหรอวะ” เตชิตหัวเราะ เขาพาเพื่อนรักไปส่งที่คณะวิศวกรรมศาสตร์แล้วก็ไปที่คลินิกเช่นเดิม



บรรยากาศภายในบริเวณคณะคึกคัก สถานที่จัดงานไนต์และซุ้มร้านค้าจัดแต่งไว้พร้อม มีเสียงดนตรีแว่วมาจากห้องที่ใช้ฝึกซ้อมเฉกเช่นวันก่อน

“พี่วินนั่งรอตรงนี้แป๊บนะ เดี๋ยวผมไปเดินตรวจซุ้มกับไอ้ซันก่อน เสร็จแล้วเราค่อยมาซ้อมคิวงานวันเสาร์กัน”

“ได้ แต่ผมไปด้วยได้มั้ยอะ อยากเดินเล่น”

“โห ได้ดิครับ ผมแค่กลัวว่าพี่จะเมื่อย อากาศมันร้อนด้วย ปะ งั้นไปด้วยกัน” ภูพิงค์ส่งมือให้ทันตแพทย์หนุ่มจับ พอฉุดให้อีกฝ่ายลุกขึ้นมาได้ ก็โอบเอวพาเดินออกไปพร้อมกัน

ซันได้แต่เบะปากกลอกตามองบน เป็นความซวยของเขาที่ต้องมาเดินตามเป็นก้างขวางคอแบบนี้จริงๆ โว้ย เหม็นความรักจะตายอยู่แล้ว

ระหว่างที่เดินไปฟังเสียงดนตรีไป รวินท์ก็ถามขึ้น “พวกเด็กนั่นเป็นไงมั่ง”

“ขยันซ้อมมากพี่ เอาจริงเอาจังกว่าพวกผมไปอีก”

“อือ งั้นคงยุ่งแหละเนอะ...”

“มีอะไรเหรอ”

“ดูเหมือนเด็กนั่นจะไม่ติดต่อไอ้เต้ไปเลย” รวินท์ถอนหายใจ

“ก็ไม่แปลก เขาดูจะเกรงใจพี่เต้มาก พอบรรยากาศอึมครึมก็คงไม่กล้าจะเข้าไปวุ่นวาย แต่ผมว่าปล่อยไว้แบบนี้สักพักก็ดี”

“หือ?” ทันตแพทย์หนุ่มหันไปมองคนรัก

“ให้รู้สึกว่าเวลาขาดเขาไปเป็นยังไงซะมั่ง พี่เต้จะได้รู้ใจตัวเอง ไม่งั้นก็ซึนอยู่อย่างนี้”

“มันรู้แล้วแหละ แต่ยังเสือกซึนน่ะสิ ช่วงนี้มันเครียดมาก ทำหน้าดุตลอดจนผมต้องคอยเตือนมันบ่อยๆ” รวินท์หันมองไปยังทิศที่มาของเสียงเพลง “เดี๋ยวแวะไปหาเขาหน่อยได้มั้ย ครั้งที่แล้วมาคณะก็ไม่ได้เจอ”

ภูพิงค์ส่ายหน้า “ตอนนี้น้องๆ เขาไม่อยู่หรอกพี่ เมื่อวานมาซ้อมกันทั้งวัน วันนี้มาตอนบ่ายแล้วก็บอกว่าตอนเย็นจะขอย้ายไปซ้อมกันต่อที่ห้องของคีรีนั่นล่ะ”

“อ่อ งั้นไม่เป็นไร แต่เขารู้เรื่องคิวบนเวทีวันเสาร์ทั้งหมดแล้วใช่มั้ย”

“รู้แล้วพี่ แต่รู้แค่ว่าจะแสดงอะไรตอนไหนกับมีเล่นเกมต่อ ยังไม่รู้หรอกว่าจะเล่นเกมอะไร แต่น้องเขาก็บอกแล้ว จะให้ทำอะไรก็จัดมาได้เลย เพื่อไอ้พี่เต้ เขาทำได้ทุกอย่าง”

สองหนุ่มมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ ก็ไอ้เกมบนเวทีงานไนต์น่ะ พวกเขาก็เคยมีประสบการณ์มาแล้วเว้ย รู้ดีเลยล่ะว่ามันจะเป็นอย่างไร

“ผมชวนไอ้เต้ไว้เรียบร้อยแล้วนะ”

“ครับ ผมบอกน้องๆ เอาไว้แล้วว่าให้เก็บเรื่องที่จะมาเป็นแขกรับเชิญเป็นความลับด้วย กลัวไอ้พี่เต้แม่งลีลา ทางสโมฯ ก็โฆษณาไว้แค่ว่ามีแขกรับเชิญจากต่างคณะมาเป็นเซอร์ไพรส์เท่านั้น แต่ก็ให้น้องๆ ชวนคนในคณะน้องเขามาแบบปากต่อปากด้วย”

“อืม ดีแล้วล่ะ อย่าลืมเตี๊ยมกับแซนดี้ไว้ด้วยนะ” รวินท์ยิ้มกรุ้มกริ่ม ในใจคิดถึงเพื่อนรักที่เขารักม้ากมาก

ปากแข็งนักใช่มั้ยไอ้เพื่อนเวร งานนี้เสร็จแน่มึง!


*TBC*


หมอเต้นี่ซึนจริงๆ เลยน้า อยากจะง้อเขาก็ง้อเลยสิพ่อ!

แต่ไม่ต้องสงสารเด็กดอยนะคะ เพราะคนนี้พวกเยอะมาก ยังไงหมอเต้ก็ไม่รอด 5555555
 
ตอนหน้ายังไม่ใช่งานไนต์ แต่วุ่นวายมากแน่ๆ บอกโลยยย รอติดตามกันนะค้า

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า  :mew1: รักน้า~

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: lukkwad ที่ 09-04-2019 19:49:05
รองานไนต์ไม่ไหวแล้ว อยากเห็นเค้าดีกันแล้ว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-04-2019 20:12:15
ทำงานเป็น​ทีมดี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 09-04-2019 20:18:45
ทำงานกันเป็นขบวนการมาก ถ้าหมอเต้ยังซึนอยู่เดี๋ยวเราช่วยเองค่ะ (ช่วยเขกกระโหลกนะคะ  :laugh:)
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-04-2019 20:27:21
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 09-04-2019 20:40:20
 :z1: หมอเต โดนแน่ๆ :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 09-04-2019 20:58:49
ลุ้นมากกกกกกกกกก
เมื่อไหร่พี่หมอเต้จะเลิกซึน
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 09-04-2019 21:17:18
หมอวินไม่ค่อยแค้นเลยนะ แหมๆๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 09-04-2019 21:26:56
จัดให้สักที
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 09-04-2019 21:31:34
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 09-04-2019 22:00:33
หมอเต้ไม่รอดแน่นวลลล  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-04-2019 22:20:39
ดีกันเร็ว ๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 09-04-2019 22:30:39
ทำงานกันเป็นทีมดีมาก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 09-04-2019 22:45:40
ซึนสมกับชื่อตอนจริงๆหมอเต้ :z3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: องศาวาย ที่ 09-04-2019 23:03:54
เอาหนักๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: Kiseri ที่ 09-04-2019 23:49:34
จะสงสารพี่หมอเต้ดีมั้ย หรือยังไงดี5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-04-2019 00:03:05
พี่เต้ต้องเจอกามเทพวิน :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 10-04-2019 00:30:45
แผนนี้ใช้ได้ๆ  o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-04-2019 02:41:34
หมอเต้คนซึนโดนรุม
คีรีไม่กล้าไปวุ่นวายเลย
แต่พวกเยอะจริง หมอเต้เสร็จแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 10-04-2019 08:21:52
แทบจะรอไม่ไหวลุ้นว่าจะมีเซอร์ไพรค์แบบไหน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 10-04-2019 08:32:52
มีลางว่างานนี้กำลังจะมีคนเข้าใจผิดหนึ่งอัตรา อิอิ สมน้ำหน้าอีพี่หมอเต้ ปากแข็งดีนัก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 10-04-2019 09:21:48
ซึนได้โล่เลยนะหมอเต้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 10-04-2019 09:25:34
รอพี่เต้เอาจริง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 10-04-2019 19:49:42
ซึนมากหมอเต้ โดนเล่นแน่5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 11-04-2019 14:24:43
มีแต่ทีมคีรี ทีมหมอเต้ไม่มีเลยงานนี้โดนแน่ๆหมอเต้ซึนดีนัก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-04-2019 21:56:37
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: Mariinariiz ที่ 11-04-2019 22:03:03
พี่เต้ควรเลิกซึนอ่ะ สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 27 : ใจซึนๆ [090119]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 16-04-2019 19:17:02


Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด


ภายในห้องพักในคอนโดมิเนียมของเด็กหนุ่ม วันนี้มีเพื่อนๆ อยู่ด้วยครบเซต เสียงเพลงโซโลของเจนนี่แบล็กพิงค์ดังสนั่นหวั่นไหวจนผนังห้องสะเทือน แต่ละคนกำลังเต้นกันสะบัดแบบไม่เกรงใจข้อมือข้อเท้าลำคอและกระดูกสันหลัง ยกเว้นก็แต่คีรีที่ท่องเนื้อเพลงไป สลับมองเพื่อนๆ เต้นกันไป

สักพักก็ทั้งสี่หน่อก็ทรุดตัวลงหอบแฮก

“โอเคมั้ยวะคีรี”

เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้น “ฮะ? ก็โอเคมั้ง”

“หมายความว่าไงวะ”

“ไม่รู้อะ ไม่ได้ดูตลอดนี่หว่า”

“โว้ย! ทำไมไม่ดู ถ้าพวกเราเต้นไม่แรงตรงไหนต้องรีบบอก อย่าให้เสียหน้าต่อหน้าผู้ชาย เอ๊ย ผู้คนมากมายสิ!” เจนี่โวยวายในขณะที่ยุ้ยพยักหน้าเห็นด้วย

“พวกเราเป็นหน้าเป็นตาคณะนะเว้ย”

“โทษทีๆ เต้นใหม่อีกรอบละกัน จะตั้งใจดูละ”

“ไส้พวกกูไหลลงไปกองที่ส้นตีนหมดแล้วไอ้สัส” ปิ๊กกับฟลุคถลึงตาใส่ ถ้าไม่เพราะในงานก็มีสาวๆ มาส่องหนุ่มวิศวะมากมายแล้ว พวกเขาคงจะไม่ซ้อมหนักขนาดนี้ งานคณะตัวเองยังไม่ทุ่มเทเท่านี้เลยนะเนี่ย “พอๆ พักก่อน เต้นจนตับไตไส้อ่อนรวมเป็นก้อนเดียวละเนี่ย เดี๋ยวจะออกไปเอาชุดที่ร้านซักรีดด้วย ไอ้คีรี ชุดมึงล่ะ รู้ยังจะใส่ชุดไหน”

“ว่าจะใส่ชุดที่หมอเต้เคยซื้อให้”

“เฮ้ย เดี๋ยวๆ แค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนเนี่ยนะ ไม่ธรรมดาไปหน่อยเหรอวะ”

“มึงจะให้กูแต่งเป็นก็อตจักรพรรณ์รึไงล่ะ”

“ไอ้เหี้ยยย ทำไมมึงรู้จักวะ!” เพื่อนทั้งสองถึงกับผงะ ก็เพราะคีรีไปอยู่ต่างประเทศตั้งนาน ไม่น่าจะรู้จักได้

“พนักงานที่โรงแรมคุณตาชอบโคฟมาแสดงตอนงานปีใหม่ว่ะ” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “แล้วทำไมพวกมึงรู้จักวะ”

“เออๆ ช่างเหอะ” สองหนุ่มรีบเปลี่ยนเรื่อง “ถ้าจะใส่ชุดนั้น ก็ต้องมีพร็อปอะไรเท่ๆ เพิ่มหน่อยนะเว้ย”

“หล่อขนาดนี้แล้วยังจะให้กูแต่งเพิ่มอีกทำไมนักวะ!”

“มึงเป็นหน้าเป็นตาของคณะเราด้วยนะเว้ย แค่หล่อมันไม่พอ ต้องเอาให้เด่นว่าเด็กวิดวะด้วยดิ”

ฟลุครีบเออออ “กูเห็นด้วย มึงมีเสื้ออะไรมาใส่ทับมะ เข็มขัด แหวน หมวกไรงี้ มึงพร็อปเยอะ กูรู้”

คีรีถอนหายใจ “ไปช่วยกูเลือกหน่อยละกัน” จากนั้นสามหนุ่มก็หายเข้าไปในห้องนอนของเจ้าของห้อง ปล่อยให้สองสาวนั่งซ้อมร้องเพลงไปด้วยกัน


เวลาผ่านไปไม่นานเด็กสาวทั้งสองก็เริ่มหิว พวกเธอจึงไปตามพวกเด็กหนุ่มกลับมา

“มืดแล้วนะ ไปกินข้าวกันก่อนเหอะ จะได้ไปเอาเสื้อผ้าด้วย เดี๋ยวค่อยกลับมาซ้อมต่อ หิวแล้วอะ”

“ซื้อมากินที่นี่ดีกว่า หรือจะสั่งพิซซ่าดี” ปิ๊กเสนอ

“ไม่เอาพิซซ่าอะ ช่วงนี้งดอาหารหนักๆ เดี๋ยวมะรืนนี้พุงออก” สองสาวรีบปฏิเสธ “ไปซื้อเข้ามากินดีกว่า”

“งั้น... เดี๋ยวเรา ปิ๊ก ฟลุคลงไปซื้อข้าวกับไปร้านซักแห้งให้ เจนี่ก็ซ้อมกับยุ้ยไปก่อนละกัน” เจ้าของห้องเสนอ

“โอเค รีบไปรีบมาล่ะ”


หลังจากสามหนุ่มออกจากห้องไปได้สักพัก เสียงโทรศัพท์ของยุ้ยก็ดังขึ้น “แม่โทรมา ตรงนี้เสียงดังอะ เดี๋ยวยุ้ยไปคุยในห้องครัวนะ”

“อื้อ โอเค” เจนี่พยักหน้ารับ

ยุ้ยคว้าโทรศัพท์มือถือแล้วรีบรุดเดินออกจากห้องไป ภายในห้องนั่งเล่นจึงเหลือเจนี่อยู่เพียงลำพัง


เด็กสาวนั่งอยู่บนพื้นพรม เธอเหยียดแขนขา เอนหลังพิงโซฟา ในมือถือเนื้อเพลงที่จะร้องและร้องเพลงคลอไปเรื่อยๆ งานนี้เธอจะร้องเพลงไทยหนึ่งเพลง เพลงเกาหลีอีกเพลง ต้องท่องเนื้อร้องมากหน่อยแถมยังเต้นด้วยแต่เด็กสาวก็บ่ยั่น วันเสาร์นี้เธอจะเป็นทั้งเจนนี่ ฮยอนอา ซอนมีและไอยูผสมกัน โลกจะต้องตะลึง งานนี้ต้องเกิดเท่านั้น ต้องลบคำครหาของคีรีที่ว่าขนาดเธอฉีดน้ำหอมฟีโรโมนแล้วก็ยังไม่มีใครหลงมาติดกับให้ได้

เจนี่ท่องเนื้อเพลงอย่างหน้าดำคร่ำเครียดไปอีกครู่ใหญ่ๆ ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้น เธอขมวดคิ้วเอียงคอมองไปยังทิศทางที่มาของเสียงอย่างงงๆ คิดว่าเพื่อนทั้งสามคงกลับมากันแล้ว “มันจะกดทำไมวะ ลืมไปว่าเป็นเจ้าของห้องเรอะ” แต่คิดอีกที ไอ้พวกนั้นอาจจะลืมคีย์การ์ดก็ได้ เธอจึงลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้องให้

ทว่ายังไม่ทันได้เปิดประตูก็ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กอยู่ที่หน้าห้อง เด็กสาวจึงรีบเปิดประตูออก “เชิญเจ้า...ค่ะ”

ทว่าผิดคาด คนที่ยืนอยู่หน้าประตูไม่ใช่เพื่อนชายทั้งสาม แต่เป็นหมอเต้ คนที่เพื่อนของเธอครางหงุงหงิงคร่ำครวญหาทุกวันด้วยความถี่เป็นสิบๆ ครั้งต่อชั่วโมง

เด็กสาวเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “หมอเต้!”

แต่เจ้าของชื่อดูจะตกใจมากกว่า เขาชักสีหน้า หลุดปากพูดออกไปเสียงดุทันที “คุณมาทำอะไรที่นี่!” ก่อนจะนึกขึ้นได้ เขารีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แม้จะไม่สบอารมณ์อย่างแรง จากนั้นก็ส่งถุงใส่อาหารในมือให้เธอ “ฝากให้คีรีด้วยละกัน” เสร็จแล้วก็หันหลังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

เจนี่เบิกตาโพลง ดูจากสีหน้าก็รู้ว่าหมอเต้ต้องเข้าใจเธอผิดแน่ๆ อีกฝ่ายอุตส่าห์มาหาเพื่อนเธอถึงห้องทั้งที โอกาสแบบนี้จะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด เธอวางถุงใส่อาหารลงบนพื้น แล้ววิ่งไปรวบกอดตัวทันตแพทย์หนุ่มไว้อย่างรวดเร็ว “คุณหมอจะรีบไปไหนคะ! คีรีลงไปซื้อข้าว รอก่อนสิคะ!”

“เฮ้ย! คุณกอดผมทำไมเนี่ย!” เตชิตสะดุ้งโหยง

ทว่าเด็กสาวไม่รอช้า เธอกรีดร้องเสียงดังประหนึ่งว่าตัวเองเป็นสิงโตจะขู่คำรามให้เหยื่อกลัว จากนั้นก็ตะโกนเรียกเพื่อนสาวที่ยังอยู่ในห้องทันที “ยุ้ย! ยุ้ย! ช่วยเจนี่ด้วย! หมอเต้จะหนีแล้ว!”

เจ้าของชื่อถลาออกมาจากห้องทั้งยังถือโทรศัพท์มือถือค้างอยู่ในมือ แต่พอเห็นเตชิตเข้า เธอก็รีบกดวางสายไปก่อน โยนโทรศัพท์ไว้ในห้องพลางหวีดเสียงดังเอาฤกษ์เอาชัยแข่งกับเจนี่แล้ววิ่งเข้าไปโถมตัวเข้าใส่ทันตแพทย์หนุ่มอีกคน “กรี๊ดดด หมอเต้!”

“เดี๋ยว! อย่าเสียงดังสิ! แล้วพวกคุณจะมากอดผมกันไว้ทำมั้ยย!”

“ยุ้ย! โทรตามคีรีเร็ว! หมอเต้เข้าใจผิดใหญ่แล้ว!”

“หา! ยุ้ยโยนโทรศัพท์ไว้ในห้อง ของเจนี่ล่ะ!”

“เจนี่ออกมาแต่ตัว!”

“แย่แล้ว! เราจะทำยังไงกันดี!”

“ลากหมอเต้เข้าห้องทั้งอย่างนี้เลยดีมั้ย!”

“หรือจะนั่งทับไว้ก่อนดี!”

“เดี๋ยวๆ พวกคุณปล่อยผมก่อนเถอะ ค่อยๆ คุยกัน...” ทันตแพทย์หนุ่มพยายามปลอบสองสาวที่กำลังตื่นตระหนก เพราะอะไรเขาเองก็ยังงงอยู่เหมือนกัน

ยุ้ยส่ายหน้า “ไม่! ถ้าไม่กอดไว้เดี๋ยวคุณหมอก็จะหนีกลับ!”

“ผมไม่หนีหรอก จริงๆ”

“ไม่ค่ะ! บอกว่าไม่ก็คือไม่!” เจนี่ปฏิเสธสุดเสียง แล้วบ่อน้ำตาตื้นๆ ก็เอ่อล้น “ถ้าคุณหมอกลับไปทั้งอย่างนี้ เพื่อนหนูต้องช้ำใจจนโดดตึกตายแน่ ฮึก... อยากเห็นเพื่อนหนูขึ้นหน้าหนึ่งเหรอคะ โธ่ คีรี ไม่น่าเลย” พอน้ำตาของเธอไหล เพื่อนสาวเห็นเข้าก็ร้องไห้ออกมาบ้าง แข่งกันครางสะอึกสะอื้นเสียงระงม

“คีรีรอคุณหมอ รอมาตลอดเลย อย่าทิ้งเขา อย่ากลับ”

“ผมไม่กลับหรอก อย่าร้องไห้เลยนะ...” ปากพูดไปแบบนั้นแต่ความจริงเขาอยากร้องไห้มากกว่าพวกเธอแล้วตอนนี้ สภาพเขามีสองสาวกอดแน่นพลางร้องห่มร้องไห้ ใครมาเห็นเข้ามีหวังเข้าใจผิดไปถึงไหนต่อไหน

แน่นอนว่าความซวยยังไม่หยุดแค่นั้น เพราะพวกเธอเสียงดัง คนที่อยู่ในห้องข้างกันจึงเปิดประตูออกมาดู

“เกิดอะไรขึ้น!”

เด็กสาวทั้งสองหันขวับ พวกเธอโพล่งตอบออกไปพร้อมกัน “นี่พี่ชาย/คุณอาของหนู...” ก่อนจะหยุดกึก หันมองหน้ากันแล้วตอบใหม่ “พ่อ/แฟนเพื่อน...”

เตชิตถอนหายใจอย่างอ่อนใจ “ปล่อยผมเถอะ พวกคุณเป็นผู้หญิงมากอดผมแบบนี้ไม่ดีนะ”

“ตกลงเขาเป็นใครกันแน่เนี่ย ต้องเรียกรปภ.มั้ย”

“ว้าย! ไม่ต้องค่ะ! ไม่มีอะไรจริงๆ ขอโทษที่เสียงดังนะคะ!” สองสาวปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

เพื่อนบ้านหรี่ตามองอย่างไม่ค่อยอยากไว้วางใจ เขาล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถือไว้ “ยังไงก็โทรเรียกรปภ.ไว้ก่อนดีกว่า”

“เฮ้ย! เดี๋ยวคุณ ผมไม่ใช่คนร้ายนะ” ทันตแพทย์หนุ่มโวยวาย วินาทีนี้ก็ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรดีเหมือนกัน “ผมเป็นหมอนะคุณ!”

สองสาวรีบเออออ “ใช่ค่ะๆ คุณหมอจะมารักษาคนป่วยที่ห้องของเพื่อนหนูค่ะ! เพื่อนหนูปวดฟันม้ากมาก น่าสงสารที่สุดเลย ฮือ...” พูดไปก็น้ำตาไหลไป

“หมออะไร หน้าเด็กจัง เชื่อได้รึเปล่าเนี่ย”

“หมอฟันค่ะ! เห็นหน้าอย่างนี้ก็ทำฟันเป็นนะคะ!” ยุ้ยหัวร้อนแทนทันตแพทย์หนุ่มไปเรียบร้อย เธอเถียงด้วยเสียงแหลมปรี๊ด

เตชิตหันขวับไปทางเด็กสาว ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจกับบทสนทนานี้ดี แล้วหมอฟันที่ไหนเขาถ่อมารักษาถึงห้องกันวะ จะเอาเครื่องมือที่ไหนมารักษา พูดไปแบบนี้ใครเขาจะเชื่อกัน

“โอเคๆ อย่าทำเสียงดังกันอีกละกันนะ ตกใจหมด” ทว่าเพื่อนบ้านดันยอมถอยกลับไปได้ง่ายๆ เสียอีก


เอ้า ดันเชื่ออีกเว้ย!


“เอาล่ะๆ พวกคุณปล่อยผม...” เตชิตยังพูดไม่ทันจบประโยคบานประตูลิฟต์โดยสารก็เปิดออก แล้วความวุ่นวายก็บังเกิดขึ้นอีกรอบ

“คุณเตชิต!” คีรีร้องลั่น

คนถูกเรียกหันขวับ “บอกให้เพื่อนคุณปล่อยผมที!”

“คีรี! คุณหมอเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว! รีบพาเข้าห้องก่อนเร็ว!” เด็กสาวทั้งสองคนตะโกนเสียงดัง ใบหน้าของพวกเธอเปื้อนน้ำตา

คีรีหน้าเสีย แม้จะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ส่งถุงในมือให้เพื่อนสองคนที่มาด้วยกัน แล้ววิ่งเข้าไปรวบกอดทันตแพทย์หนุ่มไว้พร้อมกับอุ้มอีกฝ่ายขึ้นพาดบ่า “คุณเตชิต! เข้าห้องก่อนนะครับ!” จากนั้นก็พาวิ่งนำเข้าไปในห้องของตนโดยมีเพื่อนๆ อีกสี่ชีวิตวิ่งกรูตามมาข้างหลัง

“เฮ้ย! ไอ้เด็กบ้า! จะอุ้มผมทำไมวะ! ปล่อยผมลง! ผมเดินเองได้!”

“คุณต้องสัญญาว่าจะยอมคุยกันดีๆ ก่อน”

“เออๆ ปล่อยได้แล้วเว้ย!”

คนอ่อนวัยกว่ายอมวางทันตแพทย์หนุ่มลง แต่ยังคงจับมือไว้แน่น และเมื่อกึ่งลากกึ่งจูงอีกฝ่ายไปนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นได้แล้ว เด็กหนุ่มทั้งสามก็นั่งลงประกบสองข้าง ส่วนสองสาววิ่งเข้าครัว เอาถุงใส่อาหารทั้งหลายไปเก็บและไปเอาน้ำมาเสิร์ฟให้

เตชิตค่อยๆ เคลื่อนสายตาไปสบกับเด็กสาวทั้งสองที่ตอนนี้ดูสงบลงไปมากแล้ว พร้อมกับรับแก้วน้ำมาถือไว้ในมืออย่างมึนๆ “ขอบใจนะ” แต่ยังไม่ทันยกขึ้นจิบ คีรีก็ขยับเข้ามาถาม

“คุณเตชิตครับ เอ่อ... มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ”

เด็กสาวพูดแทรกทันควัน “คุณหมอมาถึงก็เจอเจนี่น่ะสิ เจนี่นึกว่าทุกคนกลับมาจากไปซื้อข้าวแล้ว เลยเปิดประตูให้ คุณหมองี้ ทำหน้าโกรธเป็นยักษ์เลย พูดเสียงดุใส่เจนี่ด้วย คุณมาทำอะไรที่นี่!” เธอเล่าพร้อมเอามือดึงหนังตาขึ้นและถลึงตาไปด้วย

“เฮ้ย!” แก้วน้ำในมือของทันตแพทย์หนุ่มแทบจะร่วงลงพื้น

“จริงๆ นะ ตอนยุ้ยวิ่งออกไปช่วยเจนี่จับตัวคุณหมอ คุณหมอหน้าบึ้งมาก แถมดุพวกเราใหญ่เลยด้วย”

“นั่นมันเพราะ...”

คีรีคว้ามือของทันตแพทย์หนุ่มไว้ทันที “โกรธที่ผมไม่อยู่ห้องเหรอ แต่วันนี้ผมกลับมาตั้งแต่หกโมงเลยนะ เพราะผมกลัวคุณจะมาแล้วไม่เจอผมอีก เมื่อกี้แค่ออกไปซื้อข้าวกับไปร้านซักรีดแป๊บเดียว”

ฟลุคขยับเข้าไปร่วมวงด้วย “ไม่ใช่ดิ ไอ้บื้อ! จั๊ดง่าว! แบบนี้น่ะ คุณหมอเขาหึงมึงต่างหาก!”

“ใช่ ก็เล่นเปิดประตูมาเจอผู้หญิงอยู่ในห้อง ใครไม่หึงก็บ้าแล้ว” ปิ๊กช่วยเสริม

ผู้ถูกกล่าวถึงอ้าปากค้าง พวกเด็กสาวและเด็กหนุ่มไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูด แถมยังยิงประตูทำแฮททริกใส่รัวๆ ซะอีก แล้วที่สำคัญ ดันพูดถูกหมดซะด้วยโว้ย!

แต่ดูคีรีจะเป็นคนที่ตกใจมากที่สุด เขาหันไปประสานสายตากับทันตแพทย์หนุ่ม “คุณเตชิต...”

“ไม่ใช่นะ! พวกคุณจะบ้าเรอะ!” เตชิตบอกปัด หากใบหน้าซับสีเลือดเล็กน้อย

“เป็นผู้ใหญ่แล้ว ปากไม่ตรงกับใจไม่ดีเลยนะครับ” ปิ๊กพูดแบบนิ่งๆ แต่ทำให้คนฟังสะอึก

“งั้นคุณหมอบอกมาสิคะ ทำไมต้องดุพวกเรา ทำไมต้องทำหน้ายักษ์ใส่ด้วย” ยุ้ยเปิดศึกต่อ

“นั่นเพราะพวกคุณเข้ามากอดผม” ทันตแพทย์หนุ่มพยายามทำใจดีสู้แม่เสือ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล

“ไม่ใช่สักหน่อย! เห็นหน้าเจนี่ก็ทำหน้ายักษ์ใส่ตั้งแต่ที่ประตูแล้ว!”

“ก็... ก็...” ทันตแพทย์หนุ่มเหงื่อตก

ไอ้วิน~ ช่วยกูด้วยโว้ย~ โทรมาขัดจังหวะที โทรมาเรียกกูกลับลำพูนก็ด้ายยย~ เขาโวยวายอยู่ในใจ

“เห็นมะ เถียงไม่ออก หึงก็บอกว่าหึงสิคะ!” เจนี่พูดอย่างเกรี้ยวกราด “เจนี่กับยุ้ยเป็นเพื่อนคีรีนะคะ ไม่คิดจะเอามันทำแฟนหรอก ปวดหัวตาย คุณหมอสบายใจได้ค่ะ อีกอย่าง คีรีรักคุณหมอคนเดียว รักมากจนทำให้พวกเราวุ่นวายไม่เป็นอันกินอันนอนกันไปหมดแล้วเนี่ย!”

ทันตแพทย์หนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตาเด็กสาว ไม่รู้จะขอบคุณดีไหมที่ช่วยคลี่คลายปมในใจเขาให้ แต่เวลานี้พูดไม่ออกบอกไม่ถูกจริงๆ โดนเด็กดุเอาแบบนี้ หมดสภาพทันตแพทย์มาดขรึมไปเลย

“ถ้าจะห่วงก็ห่วงไอ้ปิ๊กมันจะตีท้ายครัวเถอะค่ะ มันเคยบอกว่าใจอ่อนกับคีรีอยู่”

“เฮ้ย! ยุ้ย! หาเรื่องให้ปิ๊กโดนจับถอนฟันเรอะ!”

เมื่อเห็นว่าเตชิตนั่งนิ่งแข็งเป็นหิน คีรีจึงทำปากขมุบขมิบบอกเพื่อนๆ ให้ไปสุมหัวรอกันอยู่ที่ห้องครัวก่อน เพื่อที่เขาจะได้พูดคุยกับทันตแพทย์หนุ่มตามลำพัง

ทันทีที่ประตูห้องปิดลงสนิท เด็กหนุ่มก็หันกลับมาหาคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน เขากุมมือทันตแพทย์หนุ่มไว้แน่น

“คุณเตชิต ขอโทษนะครับที่เพื่อนผมวุ่นวายไปหน่อย พวกเขาเป็นห่วงผมมากน่ะครับ แล้วพอดีที่มหาลัยจะมีงานด้วย ถ้าอยู่ซ้อมที่มหาลัยมันก็จะดึก พวกผมเลยมาซ้อมกันที่นี่ เพราะหอเพื่อนผมเข้าไปไม่ได้น่ะครับ”

เจ้าของชื่อพยักหน้าหงึกๆ “อือ” เมื่อเขาหลุบตาลงมองมือของเด็กหนุ่มที่จับมือตัวเองไว้ อีกฝ่ายก็ชักมือออก

“ผมคิดถึงคุณมากนะ” คนอ่อนวัยกว่ายิ้มบาง “แล้วผมก็ดีใจมากเลยนะครับที่คุณเตชิตมาที่นี่ ถึงคุณจะมาเพราะคุณตาขอร้องก็เถอะ”

ทันตแพทย์หนุ่มกลืนน้ำลายฝืดลงคอ พอได้ยินคีรีพูดแบบนี้ หัวใจก็เจ็บแปลบๆ ขนาดเขาเป็นคนฟังยังรู้สึกว่าตัวเองช่างใจร้าย แล้วเด็กหนุ่มจะคิดอย่างไรนะ จะพูดประโยคนั้นออกมาด้วยความรู้สึกแบบไหน

ทว่าในขณะที่เตชิตมัวแต่อ้ำอึ้ง คีรีก็ขยับออกไปเล็กน้อย เอาสองมือประสานไว้ด้วยกันแล้วถามเสียงเบา

“แล้ว... ที่พวกเขาพูดจริงรึเปล่า”

“...ฮะ?”

“คุณเตชิตหึงผมเหรอ”

“ไม่เว้ย!” เตชิตตอบไปอย่างไวตามประสาคนซึนปากหนัก ก่อนจะหยุดชะงัก เขาขมวดคิ้ว ถอนหายใจ แล้วพูดเสียงเบา “ผม... แค่ไม่ชอบ”

“ไม่ชอบที่ผมพาเพื่อนมาที่ห้องเหรอครับ งั้นผม...”

“ไม่ใช่” เตชิตถอนหายใจยาวอีกรอบ “ผมนึกว่าคุณอยู่ในห้องกับผู้หญิงคนอื่นตามลำพัง ผมไม่ชอบ”

“เจนี่กับยุ้ยเป็นเพื่อนผมนะครับ”

“กับใครผมก็ไม่ชอบทั้งนั้น”

คีรีกะพริบตาปริบๆ เผยอริมฝีปากค้างอยู่ชั่วครู่ เขาไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลย สายตาตัวเองก็ไม่อยากจะเชื่อด้วย คุณเตชิตกำลังหน้าแดง... แดงเพราะเขา หรือเพราะแสงไฟในห้องกันวะ

“คุณเตชิต... เอ่อ...”

ทันตแพทย์หนุ่มลุกขึ้นพรวด “ผมกลับล่ะ คุณจะได้ซ้อมงานกับเพื่อนคุณต่อ แล้วอย่าลืมกินข้าวที่ซื้อมาให้ด้วยนะ”

เด็กหนุ่มรีบลุกตาม พร้อมกับคว้าแขนอีกฝ่ายไว้ “ถ้าคุณเตชิตไม่ชอบ ผมจะไม่ทำอีก ผมจะไม่อยู่ในห้องกับใครตามลำพังเด็ดขาด นอกจากกับคุณเตชิต”

นะ...น่ารักว่ะ หัวใจเต้นผิดจังหวะไปเลย

ฝ่ามือของคีรีที่สัมผัสท่อนแขนของเขาอบอุ่น ช่วยให้หัวใจที่ห่อเหี่ยวมาเป็นเวลานานสดชื่นขึ้นบ้าง

เตชิตก้มลงมองมือของคนอ่อนวัยกว่าพลางหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วก็ยกมือขึ้นตบๆ ลงบนหลังมือนั้น “ผมกลับนะ ยังต้องขับรถกลับลำพูนอีก”

“ให้ผมไปส่งที่รถนะครับ”

“อือ” ทันตแพทย์หนุ่มเดินนำออกไป แต่พอเปิดประตูห้องเพื่อนๆ ของคีรีก็ไหลลงมากองกันอยู่ที่ตรงหน้าประตู พวกเขายกมือขึ้นลูบท้ายทอยพลางหัวเราะแหะๆ

“จะกลับแล้วเหรอครับ/คะ”

“อืม ผมไปนะ” เตชิตตอบเสียงขรึม วางมาดไว้ก่อนแม้ใจจะอยากจับตีก้นรายตัว แต่ก่อนจะก้าวออกไปก็ประสานสายตากับเด็กสาวทั้งสอง “เอ้อ...”

“คะ?”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อย “ขอบใจนะ”

เจนี่และยุ้ยเบิกตาโพลง อ้าปากค้าง “คะ...ค่ะ”

คีรีชะโงกหน้าเข้าไปบอกเพื่อนๆ “เดี๋ยวเรามานะ ไปส่งคุณเตชิตแป๊บ”


สองหนุ่มเดินออกจากห้อง ตรงไปยังลิฟต์โดยสาร พวกเขาไม่ได้คุยอะไรกัน เพียงแค่เดินเคียงข้างกันไปช้าๆ ราวกับต้องการให้ไปถึงรถที่จอดไว้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้

เตชิตชำเลืองมองคนที่เดินอยู่ข้างกัน เด็กหนุ่มรักษาระยะห่าง ไม่เกาะแกะเขาเหมือนเคย ทำให้เขายังรู้สึกเหงาๆ โหวงๆ แม้จะอยู่ใกล้กันเช่นนี้

อยากให้กลับไปเป็นเหมือนเก่า อยากให้คีรีอ้อนเขา อยากเห็นรอยยิ้มสดใสกับได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝ่าย เขาคิดถึงช่วงเวลาที่มีความสุขในตอนนั้นจริงๆ นะ


เมื่อไปถึงลานจอดรถ พอเจ้าของรถกดรีโมตเปิดล็อก คนอ่อนวัยกว่าก็รีบเดินไปเปิดประตูให้ “คุณเตชิตขับรถกลับดีๆ นะครับ ขอบคุณที่แวะมา”

“อืม” เจ้าของรถจับประตูรถไว้ ยืนลังเลอยู่สักพักจึงตัดสินใจหันกลับไปถาม “วันเสาร์นี้มีงานไนต์วิดวะ... เอ้อ... ไปด้วยกันมั้ย”

คีรีเลิกคิ้วขึ้น ทำหน้ายุ่งก่อนจะหลุบตาลงต่ำ ใจอยากตอบตกลงเหลือเกินแล้ว แต่ทำไม่ได้ เพราะเรื่องที่จะไปเป็นแขกรับเชิญ พี่พิงค์กับเพื่อนๆ ขอให้เก็บเป็นความลับ เขาเม้มปากแน่น สองมือขยุ้มชายเสื้อไว้ “ขอโทษนะครับ ผมติดธุระ คงไปกับคุณเตชิตไม่ได้”

ท่าทีอึกอักของคนอ่อนวัยกว่าส่งผลให้เตชิตไม่สบอารมณ์นิดหน่อย “มีซ้อมงานของคณะอีกเหรอ”

“ครับ”

“ต้องซ้อมทุกวันเลยรึไง”

“ใช่ครับ”

“งานอะไรน่ะ”

“เอ่อ...” เด็กหนุ่มหลบตา ไม่รู้จะหาอะไรมาแก้ต่างดี

เตชิตถอนหายใจ “ไม่อยากไปกับผมงั้นสินะ บอกกันตรงๆ ก็ได้ ไม่ต้องอ้างงานคณะหรอก”

“เฮ้ย! ไม่ใช่นะครับ! ผมติดงานจริงๆ!”

“ช่างเถอะ” ทันตแพทย์หนุ่มก้าวเข้าไปนั่งในรถช้าๆ แต่พอจะปิดประตูรถ คนอ่อนวัยกว่าก็รั้งไว้

“ผมอยากไปกับคุณเตชิตนะครับ”

เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับเด็กหนุ่ม เขาเชื่อคีรีนะ แต่ก็ไม่พอใจนั่นล่ะ ก็ในเมื่อเขาเป็นคนเอ่ยปากชวนเองแท้ๆ งานคณะนั่นมีอะไรสำคัญนักหรือไงวะ “อืม คุณกลับขึ้นห้องไปได้แล้ว”

“ผมจะรอส่งคุณเตชิตก่อนครับ”

“กลัวผมจะไม่ไปจริงรึไง”

“ไม่ใช่นะครับ ผมแค่...อยากอยู่ใกล้ๆ คุณต่ออีกสักนิด”

เตชิตย่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย เอาจริงๆ เขาก็ยังไม่อยากกลับ อยากฉุดคีรีขึ้นรถแล้วพาไปปรับความเข้าใจกัน อยากให้ความรู้สึกอึดอัดในตอนนี้ทั้งหมดหายไป อยากให้พวกเขาเข้าใจกัน และกลับมาเป็นเหมือนเดิม

ทว่าก็หักใจปิดประตูรถ แล้วขับออกไปช้าๆ



*TBC*



หูย ขี้น้อยใจเนอะ หมอเต้เนี่ย แค่เด็กไม่ไปด้วยแค่นี้ ทำเปงงอแง 55555

ตอนนี้วุ่นวายดีมั้ยคะ เพื่อนๆ ของคีรีน่ารัก ถนัดเล่นใหญ่กันทุกคนเลย ส่วนหมอเต้ก็หายข้องใจได้แล้วเนอะ

ตอนหน้าเป็นตอนงานไนต์แล้วค่า คอยดูกันเถอะว่าหมอเต้จะโดนจับเล่นเกมแบบไหน อิ๊อิ๊

ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกคนนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ  :mew1:

ปล. เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังสอบอยู่ช่วงนี้นะคะ อ่านอะไรมาขอให้ออกหมดเลยน้า ขอให้ได้เอกันถ้วนหน้าค่า

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 16-04-2019 19:26:29
คีรีกับหมอเต้ อมพะนำอะไรกัน พูดสิพูด โอ้ยยย ลุ้นใจจะขาด
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-04-2019 19:32:24
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตอนใหม่มาแล้ว  แต่ทำไมไม่ค่อยอิ่มหว่า?
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 16-04-2019 19:40:20
วุ่นวายดีแท้ ตลกเจนี่กับยุ้ยอ่ะ  :laugh:
แต่ถ้าไม่ได้สองคนนี้หมอเต้คงเข้าใจผิดไปแล้ว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-04-2019 19:53:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 16-04-2019 19:59:55
หมอเต้ ทำไมยังแอบซึน
อยากอยู่กะคีรีเหมือนกันก็บอกไปตรงๆเลบสิ
อยากให้เด็กอ้อนก็บอกไป อีกคนอยากอ้อนจะตายแล้วมั้ง
ไม่ต้องนอยคีรีน้าาาา
แต่กว่าจะถึงงาน  ก่อนหน้านั้นคีรีจะกล้าส่งข้อความกะโทรหาหมอเต้รึเปล่าน้า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: lukkwad ที่ 16-04-2019 20:41:50
อ่านจบก้ได้แต่เผลออุทานหยาบคายออกมา skipไปงานไนต์เลยเถอะพลีส
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-04-2019 20:43:07

 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 16-04-2019 21:32:02
55555555
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 16-04-2019 22:24:13
ครบแกงค์เมื่อไหร่ ความวายป่วงบังเกิดขึ้นเมื่อนั้น แกงค์นี้ของเขาดีจริงๆ 5555 บันเทิง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 16-04-2019 22:29:50
งอลเก่งอีหมอ ตีซะมะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 16-04-2019 23:09:04
555555555555555​ เพื่อนคีรีน่ารักมากกกกกกก แก๊งค์นี้ยอมใจในความเล่นใหญ่

ส่วนหมอเต้นี่ทั้งขี้น้อยใจทั้งขี้หึงแถมเอาแต่ใจตัวเองอีกนะคะ อยากให้เขาอ้อนก็บอกเขาไปสิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-04-2019 00:45:21
หมอเต้ใจอ่อนกับน้องคีรีได้แล้วนะครับ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 17-04-2019 01:04:59
สองสาวนี่ ก็เล่นใหญ่ไฟกระพริบจริงๆ เลย
คีรีดีใจมากละสิที่รู้ว่าหมอเต้หึง
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 17-04-2019 03:38:09
เอ็นดุ หมอเต้งอแง  :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 17-04-2019 07:15:39
เคลียร์ไปหนึ่งแต่เหลืออีกเยอะอดทนเอานะคีรี หมอเต้น่าแกล้งดีจริงๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 17-04-2019 09:17:16
วุ่นวายดีแท้  แต่ก็ดีนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-04-2019 09:30:06
ป๊าดดดดดดด เห็นแว่วว่าเลยว่าหมอเต้จะเป็นรับก็ตอนนี้นั่นแหล่ะ คีรีอุ้มแบกได้แบบนี้คงเป็นอื่นไม่ได้แล้วล่ะพี่หมอเต้ อุตส่าห์หวังว่าคีรีอาจจะเป็นรับให้หมอเต้ซะหน่อย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 17-04-2019 10:46:51
โถ่ คุณหมออออ ไม่น้อยใจคีรีน้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-04-2019 13:02:59
สองสาวเล่นใหญ่ไฟกระพริบเลย 5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 17-04-2019 15:43:51
ตลก 2 สาวมากค่ะ
ในที่สุดก็เคลียร์กันสักที :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 17-04-2019 15:59:39
ตลกแก๊งค์เด็กดอย เล่นใหญ่มาก555555555555 แต่สุดท้ายก็ผิดใจกันเล็กๆอีก ท้อค่ะ :z3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: Kiseri ที่ 17-04-2019 17:26:27
หมอเต้คนซึนนนน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 17-04-2019 17:48:42
นี่ซึนไปน้อยไปก็ได้เหรอพี่หมอเต้!

ขำทีมเพื่อนคีรี โดยเฉพาะสองสาวเล่นใหญ่ แท็กทีมกันรุมเหยื่อปากแข็ง555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 17-04-2019 20:14:09
น้องคีรีไม่ต้องไปง้อตาแก่เต้หรอกลู้กก ปล่อยให้เค้าทุรนทุราย ทนไม่ไหวเดี๋ยวก็มาให้เรากินถึงที่เอง คึคึ
ปล ชอบซีนเพื่อนคีรีแอบด่าหมอเต้เบาๆ กร๊ากกก ปากแข็งดีนัก โดนซะบ้าง ไรบ้าง~ ~   :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 17-04-2019 20:48:09
 :impress2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-04-2019 01:23:42
ขำความเล่นใหญ่ของเด็กแก้งนี้มาก 5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 18-04-2019 03:44:08
หมอเต้เริ่มใจอ่อนแล้วนะคีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 18-04-2019 16:17:40
พี่หมอเต้คนซึน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 18-04-2019 20:39:22
ปล่อยให้เด็กมันอุ้มได้ขนาดนี้ อีพี่อย่าหวังว่าจะพลิกโพกลับมาเป็นรุกได้อีกเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 19-04-2019 22:24:39
พี่เต้ใจอ่อนให้น้องเร็วๆนะ สงสารน้องงง

ทีมเต้คิรี 55555555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: SunnyB ที่ 21-04-2019 22:38:47
ตอนนี้ชอบเจนี่กับยุ้ยจัง นึกอะไรไม่ออกกอดไว้แล้วส่งเสียงก่อนเลย
หมอเต้คงตกใจน่าดู
แต่ถ้าไม่ทำขนาดนี้สงสัยหนีไปเข้าใจผิดคนเดียวอีก
ถ้าเรามีเพื่อนแบบแก๊งนี้รักตายเลย ทุ่มสุดตัวเพื่อเพื่อน

แต่หมอเต้คะ ถ้ายังทำซึนแบบนี้อีกหน่อย ระวังเด็กหนีนะคะ
แค่นี้ก็หงอยเป็นลูกหมากลัวเจ้าของเลย ไม่กล้าเข้าไปวอแวแล้วเห็นมั้ย :katai1:

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-04-2019 05:48:37
โอ๊ยย บางทีก็เซ็งเต้ เคืองกันงอนกันไปมา

เต้ได้เจอวินจัดหนักแน่คราวนี้ ช้าดีนัก
แต่ก็เอ็นดูเต้นะ รักก็รักอยู่ แต่ก็กลัวมาก
เพราะเจ็บมาเยอะ แถมคีรีเข้าหาแบบหลอกๆ ด้วย

คีรีพยายามต่อไป กำลังหนุนเยอะมาก
ทำคนซึนหายซึนได้แน่นอน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 23-04-2019 21:02:46
มารอค่ะๆๆๆๆๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 28-04-2019 16:29:26


Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ




บ่ายวันเสาร์ หลังเสร็จจากคลินิก ทันตแพทย์หนุ่มทั้งสองก็รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นจึงไปรับแซนดี้ที่บ้านเช่า ไปกินมื้อเย็นรองท้องเล็กน้อย แล้วจึงเข้าไปที่คณะวิศวกรรมศาสตร์กัน


“กูไปหาพิงค์ก่อนนะ มึงก็ควงแซนดี้เดินเล่นรอเปิดงานไปก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยโทรหาขิงหรือดิวให้มาพาไปยืนตรงที่ของสตาฟฟ์ กูเป็นพิธีกรครึ่งแรก เล่นเกมตอนสามทุ่มนะ อย่าลืมที่สัญญาไว้ด้วย”


“โอเคๆ ครับ” เตชิตพยักหน้าหงึกๆ


แซนดี้สบตากับรวินท์แล้วยิ้มกว้าง จัดการควงแขนเตชิตไว้ทันที “ไปๆ พี่เต้ หาไรกินให้ท้องแตกไปเลย”



คีรีและเพื่อนอีกสี่ชีวิตนั่งรวมกันอยู่ที่ด้านหลังเวที เมื่อเด็กหนุ่มชะเง้อคอมองออกไปทางด้านนอกก็เห็นแค่เพื่อนในกลุ่มของภูพิงค์วิ่งไปวิ่งมา ดูท่าจะยุ่งกันมาก ส่วนพวกเขาก็แต่งตัวพร้อม แต่งหน้าเสร็จสรรพด้วยฝีมือพี่ช่างจากร้านสปอนเซอร์ ตอนนี้ก็ได้แต่รอเวลาขึ้นเวทีกัน


เด็กหนุ่มถือโพยเพลงที่จะร้องไว้ในมือเพื่อทบทวนเนื้อเพลง แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ทั้งตื่นเต้น ทั้งเป็นกังวลจนไม่ได้แม้แต่จะชำเลืองมองเนื้อเพลงเลย ได้แต่ถอนหายใจเฮือกๆ ส่วนเพื่อนๆ ก็กำลังซักซ้อมท่าเต้นกัน เอาจริงเอาจังชนิดที่ว่าถ้าสโมฯ ของคณะพวกเขามาเห็นต้องเคืองอย่างแรง


เสียงด้านหลังเวทีดังอื้ออึงอยู่ตลอดเวลา แต่สักพักก็มีเสียงโวยวายปนผิวปากวี้ดวิ้วดังขึ้นกลบทุกเสียงในตอนแรก คีรีจึงเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็สบตาชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสูทสีขาวเข้าพอดี เขาอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง “หมอวิน โอ้โห!”


เพื่อนๆ ของคีรีหยุดชะงัก หันไปมองทันตแพทย์หนุ่มกันเป็นตาเดียว


“ไง นั่งหน้าเครียดเชียว” รวินท์ก้มลงไปหาคนที่นั่งอยู่ ทว่าเด็กหนุ่มเอาแต่จ้องเขา อ้าปากหวอ ไม่ยอมพูดยอมจา เขาจึงโบกมือไปมารัวๆ ข้างหน้าอีกฝ่าย “เฮ้ยๆ เป็นอะไรวะ”


คีรีกะพริบตาปริบๆ “ตะลึงครับ หมอวินเหมือนไม่ใช่คนเลย”


“เดี๋ยวๆ ไม่ใช่คนแล้วตัวอะไรวะ”


“เทวดา... ตอนตกลงมาจากบนฟ้าเจ็บมั้ยอะครับ”


“น้อยๆ หน่อยเว้ย นี่แฟนผม” คนพูดเอามือกันทันตแพทย์หนุ่มออก แล้วก้าวเข้าไปยืนขวาง


“พี่พิงค์ โห พี่พิงค์ก็โคตรหล่อเลยครับ”


ภูพิงค์อยู่ในชุดสูทสีดำทั้งตัว ส่วนรวินท์อยู่ในสูทชุดขาว ดูแล้วอย่างกับคู่บ่าวสาวอย่างไรอย่างนั้น


“ไม่ต้องมาชมเว้ย ผมรู้ตัวอยู่แล้ว”


รวินท์ยื่นหน้าออกมาจากทางด้านหลังภูพิงค์ “เต้อยู่ข้างนอกนะ เต็มที่ไปเลยนะคุณน่ะ”


คนอ่อนวัยกว่ายิ้มออกมาได้เล็กน้อย “ครับ”


“เดี๋ยวตอนเล่นเกมก็จะมีการประมูล คนชนะประมูลจะมีสิทธิจับฉลาก เลือกคนบนเวทีมาทำตามในฉลาก ซึ่งผมก็คิดว่า แขกรับเชิญน่าจะมีสิทธิโดนเหมือนกัน เพราะงั้นคุณเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้พร้อมนะ” ทันตแพทย์หนุ่มอธิบาย


“ครับ พี่ซันก็บอกไว้คร่าวๆ แล้ว”


“อย่าลืมเซอร์วิสสาวๆ เพื่อเร่งไฟให้การประมูลตามที่เตี๊ยมกันไว้ด้วย”


“ครับ ไม่ลืมแน่นอน”


“โอเค แล้วคุณมีคำถามอะไรจะถามผมมั้ย”


“คุณเตชิตจะเห็นผมร้องเพลงมั้ยครับ”


“ผมให้ถามเรื่องเกมโว้ย”


“เรื่องเกมผมไม่มีปัญหา ทำอะไรก็ได้ครับ ผมขอแค่ให้คุณเตชิตได้เห็นผมร้องเพลงก็พอ”


“เออๆ งั้นก็ดี ไม่ต้องห่วงหรอก ไอ้เต้ได้เห็นคุณแน่” รวินท์เบ้ปาก บางทีก็สงสัยเหมือนกันว่าไอ้เด็กนี่ต้องหน้ามืดตาบอดขนาดไหน ถึงได้รักได้หลงเพื่อนเขาขนาดนี้


ปิ๊กกับฟลุคทำหน้าระรื่น ยื่นหน้ายื่นตาเข้ามาเอาหน้ากับรุ่นพี่ต่างคณะบ้าง “นี่พวกผมขนพรรคพวกมาจากคณะด้วยนะครับพี่พิงค์”


“กลัวไม่มีคนกรี๊ดรึไง”


“โธ่ ระดับพวกผมนี่ยังต้องกลัวอะไร ตั้งใจจะมาร่วมทำบุญกับพี่ๆ ต่างหากคร้าบ”


ภูพิงค์หัวเราะพลางตบไหล่รุ่นน้องเบาๆ “เออๆ ขอบใจทุกคนมากนะ”


“พี่พิงค์ หมอวินคะ ถ่ายรูปกับพวกเราหน่อยสิคะ” ยุ้ยกับเจนี่ถือโทรศัพท์มือถือมารอแล้ว แววตาของพวกเธอเป็นประกาย


“เอาสิ มาๆ”


แล้วทั้งเจ็ดคนก็ยืนขึ้นถ่ายรูปด้วยกัน สลับที่กันไปมา มีรูปคู่แต่ละคน รูปคู่ของรุ่นพี่ และที่แน่ๆ ก็มีรูปของคีรี รวินท์และภูพิงค์ด้วย


“เสียดาย ถ้ามีหมอเต้อีกคนก็คงดี จะได้ครบคู่” เจนี่เปรย


รวินท์ขยิบตาให้ “เดี๋ยวก็มีโอกาส ไม่ต้องห่วง” จากนั้นก็โบกมือลาพวกรุ่นน้อง “เดี๋ยวผมกับพิงค์จะขึ้นเวทีละ ขอไปเตรียมตัวก่อน แล้วเจอกันนะ”



ภายในงานคึกคัก ซุ้มร้านค้าและอาหารเปิดขายกันแล้ว มีคนมาร่วมในงานมากมายทั้งที่ยังไม่เปิดงานอย่างเป็นทางการเลย เสียงเพลงจากลำโพงดังลั่นไปทั่วบริเวณ


เตชิตและแซนดี้เดินดูทีละซุ้ม ซื้อนู่นซื้อนี่ชิมกันไปตลอดทาง


“นั่นตึ๋งนี่พี่เต้ โบกไม้โบกมือซะแรง ขนจั๊กแร้ปลิวลงอาหารแล้วมั้งนั่น” แซนดี้ชี้บอก


“โห บรรยายให้อยากกินหรืออยากหนีกันวะ” เตชิตพึมพำ ก่อนพวกเขาทั้งสองจะเดินเข้าไปหา


“พี่แซนดี้พี่เต้ มาๆ ผมเลี้ยงหม่าล่าคนละไม้ครับ ย่างเองกับมือเลยน้า” เด็กหนุ่มจัดแจงส่งอาหารให้พี่ๆ ทั้งสอง “พี่ๆ เพิ่งมางานไนต์วิดวะครั้งแรกใช่มะ เป็นไงบ้างครับ”


“งานยังไม่เริ่มเลย ผมจะรู้ได้ไงวะ เอาไว้ถามอีกทีตอนจบงานนะ” ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะ พอตึ๋งหันไปคุยกับแซนดี้ เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู


บนหน้าจอว่างเปล่าเหมือนเคย ไม่มีข้อความแจ้งเตือนใดๆ จากคนที่เขารอคอย เงียบสนิทเช่นนี้มาตั้งแต่เมื่อวันสุดท้ายที่เจอกัน


คีรีบอกว่าความรู้สึกที่มีต่อเขายังคงเหมือนเดิม แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง อย่างน้อยก็น่าจะส่งข้อความมาหาเขาสักหน่อยไหมวะ ไม่ใช่กริบแบบนี้


เตชิตขมวดคิ้ว แล้วถอนหายใจออกมาหนักๆ


“พี่เต้ ผมว่าเราเดินไปที่เวทีกันเหอะ ใกล้เวลาแล้ว ถ้าพี่วินขึ้นเวทีแล้วไม่เห็นพี่กับผม โดนด่าหูชาแน่”


ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้า “เออๆ”



เสียงกรีดร้องต้อนรับพิธีกรคู่ขวัญในชุดสูทที่ก้าวขึ้นมาบนเวทีดังก้องจนพื้นดินสะเทือน วันนี้ทั้งสองหล่อเนี้ยบเป็นพิเศษ และต้องยืนโปรยยิ้มอยู่นานกว่าสาวๆ บริเวณด้านหน้าเวทีจะยอมสงบลง


“สวัสดีครับ ภูพิงค์ วิศวะปีสี่ครับ”


“ส่วนผมรวินท์ พิธีกรรับเชิญของคณะวิศวะ เราเคยพบกันเมื่อปีที่แล้ว จำได้ใช่มั้ยครับ”


“จำได้ค่า/คร้าบ” เสียงตอบรับดังก้องอย่างพร้อมเพรียง


หลังจากแนะนำตัวแล้ว ภูพิงค์กับรวินท์ก็กล่าวเชิญประธานขึ้นมาเปิดงาน เชิญประธานสโมฯ ขึ้นมาพูดจุดประสงค์ของงานอีกเล็กน้อย ตามด้วยแนะนำซุ้มร้านค้าและอาหารในงาน จากนั้นก็แนะนำวงของนักร้องรุ่นพี่ตามเสต็ปที่วางไว้


ส่วนเตชิตและแซนดี้ยืนอยู่ที่หน้ารั้วกั้นที่ด้านข้างเวที ซึ่งขิงเป็นคนมาพาไปที่ตรงนั้นให้ แล้วปล่อยให้ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกันท่ามกลางสตาฟฟ์ในงานอีกหลายคน


“ไม่น่าเชื่อว่าไอ้พิงค์จะเป็นงานขนาดนี้ แต่พี่วินนี่โคตรคล่องเนอะพี่เต้” แซนดี้เปรย


“งานถนัดมันแหละ มันเรียกแขกเก่งจนแบบ... ผมว่ามันฝังอยู่ในดีเอ็นเอแล้วว่ะ แต่ว่าทำไมต้องแต่งตัวเหมือนเป็นคู่บ่าวสาวด้วยวะ หล่อกันตายห่าล่ะ น่าหมั่นไส้โคตรๆ เว่อร์ฉิบหาย”


“พี่เต้ บ่นเบาๆ หน่อย พวกเราอยู่ในดงตีนวิดวะนะเว้ยพี่”


เตชิตถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูอีกครั้ง แล้วเก็บใส่กระเป๋ากางเกงไปด้วยสีหน้าเซ็งๆ


ทั้งสองยืนๆ นั่งๆ อยู่ที่ด้านข้างเวที เตชิตหันไปฟังเพลงบ้าง คุยกับขิงและดิวที่แวะเข้ามาหาเป็นพักๆ บ้าง ดูแซนดี้เต้นดึงดาวสลับต่อนยอนเอนเตอร์เทนคนแถวนั้นบ้าง ไม่นานวงดนตรีก็เงียบเสียงไป และพิธีกรคู่ขวัญก็ก้าวขึ้นมาบนเวทีให้เตชิตได้หมั่นไส้อีกครั้ง


เพียงแค่คู่จิ้นประจำคณะขึ้นมายืนยิ้มคุยเล่นกันก็ทำให้บรรยากาศในงานคึกคักมากขึ้นไปอีก ด้านหน้าเวทีมีคนมายืนออกันหนาตาขึ้นเรื่อยๆ


“ตามที่ได้แจ้งไว้แล้ว วันนี้ทางคณะเรามีเซอร์ไพรส์นะครับ เรามีแขกรับเชิญจากต่างคณะ คิดว่าหลายๆ คนก็น่าจะรู้จัก” ภูพิงค์พูดนำ แล้วหันไปทางคนที่ยืนอยู่ข้างกัน


“ผมก็รู้จักนะครับ น้องๆ เขาน่ารักมากเลย”


“พี่วินครับ อะแฮ่ม!” ภูพิงค์เรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเข้ม พร้อมส่งสายตาดุๆ ใส่ เรียกเสียงกรี๊ดได้รอบเวทีเลยทีเดียว จากนั้นก็พูดต่อ “เชิญพบกับน้องเจนี่ น้องยุ้ย น้องปิ๊กและน้องฟลุค จากคณะบริหารปีสองครับ” พูดจบก็จูงรวินท์ถอยออกไปให้ทั้งสี่คนเข้ามาครอบครองพื้นที่บนเวทีกันได้อย่างเต็มที่


รุ่นน้องต่างคณะก้าวเข้ามาบนเวทีด้วยท่าทีเขินๆ ในคราวแรก แต่พอเสียงดนตรีดังกระหึ่มขึ้นก็ออกเสต็ปกันเหมือนจะไม่มีวันพรุ่งนี้ให้เต้นกันอีก ในขณะเดียวกันพรรคพวกหน้าม้าที่มาเชียร์ก็จัดการชูป้ายไฟส่งเสียงกรีดร้องกันดังสนั่น


เตชิตอ้าปากค้าง “เฮ้ย!”


“พี่เต้ เพื่อนๆ ของเด็กพี่นี่ แล้วเด็กพี่ไปไหนวะ ทำไมไม่มาแสดงด้วยกันอะ”


“ผมก็ไม่รู้ คีรีไม่ได้บอกอะไรเลย” ทันตแพทย์หนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แต่ก็ยังไม่มีข้อความใดๆ จากคีรีเหมือนเคย


อะไรกันวะเนี่ย แล้วคีรีไปไหน น่าจะอยู่ที่นี่เหมือนกันไม่ใช่หรือไง


คิดไปคิดมาก็ชักเป็นกังวล เขาจึงกดโทรศัพท์ออกไป


เสียงเรียกเข้าที่ปลายสายดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่มีคนรับสาย


เตชิตชักจะยืนไม่อยู่สุข จะขยับออกไปจากตรงที่ยืนอยู่ก็ไม่ได้เพราะมีคนยืนล้อมไว้แน่น แล้วแซนดี้เองก็เกาะแขนเขาไว้ ไม่ยอมให้เขาขยับไปไหนได้


เมื่อการแสดงแรกของรุ่นน้องจากต่างคณะทั้งสี่คนจบสิ้นลงก็เป็นการฉายเดี่ยวบนเวทีของเจนี่ ใบหน้าน่ารักและน้ำเสียงใสแจ๋วของเธอชวนให้คนที่ได้ฟังเพลงยิ้มกว้างและร้องเพลงคลอตาม หลังจบสองเพลงเธอก็กล่าวขอบคุณและถอยออกไป จากนั้นไฟบนเวทีก็ดับมืดลง คงเหลือไว้แต่เสียงปรบมือและผิวปากที่ยังคงดังกระหึ่ม


เตชิตจ้องขึ้นไปบนเวทีเขม็ง หัวใจเต้นผิดจังหวะ เขากำลังคาดหวัง... ว่าจะคีรีจะมาที่นี่


ต้องมาสิ เขารู้ คีรีต้องมาแน่ๆ เพราะถ้าหากเด็กหนุ่มมีโอกาสทำให้เขาประทับใจได้ อีกฝ่ายต้องทำแน่


ไฟสปอตไลต์ค่อยๆ สว่างขึ้น ส่องตรงไปยังเด็กหนุ่มซึ่งยืนอยู่บนเวทีหลังขาไมโครโฟนที่ตั้งไว้ตามลำพัง มีกีต้าร์โปร่งติดสายหนังคล้องไหล่ไว้ เขายกมือขึ้นจับไมโครโฟนพลางยิ้มบาง “สวัสดีครับ ผม นคินทร์ จากคณะบริหารปีสองครับ”


แม้จะแต่งตัวแสนธรรมดา ใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนที่เตชิตเป็นคนซื้อให้ สวมทับด้วยแจ็กเก็ตยีนกับหมวกแก๊ปสีดำ เครื่องประดับมีเพียงแค่สร้อยข้อมือเท่านั้น แต่ใบหน้าหล่อเหลากับรูปร่างสูงโปร่งก็เพียงพอที่จะเรียกเสียงกรีดร้องดังก้องแบบเซนเซอร์ราวด์


“Acc-ba! Acc-ba!” เสียงเชียร์จากรุ่นพี่รุ่นน้องคณะบริหารที่เจนี่ ยุ้ย ฟลุคและปิ๊กไปเกณฑ์มาดังขึ้นแข่งกับเสียงกรีดร้องของสาวๆ


“ขอบคุณครับ ขอบคุณ” คีรีโปรยยิ้มให้อย่างทั่วถึง พลางยกมือขึ้นลูบท้ายทอย “เขินจังเลยครับ อยู่บนเวทีคนเดียวแบบนี้” จากนั้นก็เด็กหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบๆ เวที ตอนที่เขาเดินออกมาสวนทางกับพี่พิงค์ อีกฝ่ายบอกให้มองไปทางขวา เขาจึงหันไปหยุดมองตามนั้น


แซนดี้กระโดดเหยงๆ ชูไม้ชูมือพร้อมตะโกนเสียงดัง “น้องคีรี้~ ทางนี้ค่า!”


เจ้าของชื่อมองหาที่มาของเสียงทันที เขาผงกศีรษะเล็กน้อยให้แซนดี้ สบสายตากับคนที่ยืนอยู่ข้างๆ อีกฝ่าย ก่อนจะยิ้มกว้าง แล้วก้มลงจับคอร์ดกีต้าร์ไว้ให้พร้อม


ปลายนิ้วของเด็กหนุ่มที่วางอยู่บนสายกีต้าร์ขยับเพียงเล็กน้อย ตามมาด้วยเสียงทุ้มนุ่ม เพลงแรกที่เขาเลือกร้องเป็นเพลงสากล เจ้าของเพลงคือนักร้องและนักแต่งเพลงชาวอังกฤษ นอกจากนั้นก็ยังเป็นนักกีตาร์ด้วย เป็นคนที่เขาชอบมาก



"I'm thinking 'bout how people fall in love in mysterious ways” (ผมครุ่นคิดถึงวิธีการพิศวงต่างๆ ที่ทำให้คนเราตกหลุมรักกัน)


"So baby now 
Take me into your loving arms

Kiss me under the light of a thousand stars

Place your head on my beating heart

I'm thinking out loud

That maybe we found love right where we are”** (ในเวลานี้ ที่รัก โอบกอดผมไว้ในอ้อมแขนแห่งรักของคุณ จูบผมภายใต้แสงระยิบระยับของดวงดาวนับพัน ซบศีรษะคุณลงตรงเหนือหัวใจที่กำลังเต้นของผม
ผมเปรยกับตัวเองว่า พวกเราอาจได้พบความรักแล้ว ณ ที่ตรงนี้)
**(Thinking out loud : Ed Sheeran)



ผู้คนข้างหน้าเวลาส่งเสียงฮือฮากันแค่เบาๆ เพราะต่างก็อยากจะฟังเสียงของคนที่อยู่บนเวทีให้ชัดๆ เสียงก็เพราะ หน้าก็หล่อ ท่าดีดกีต้าร์ก็เท่ มีเสียงชมเชยหวีดร้องดังแว่วมาเป็นระยะๆ จากทั้งผู้หญิงและผู้ชาย


แซนดี้ยิ้มกว้างราวกับว่าเด็กหนุ่มบนเวทีเป็นแฟนของตัวเอง เขาหันไปหยิกแขนเตชิตเบาๆ “ปลื้มอ้าพี่เต้ น้องแม่งเท่โคตร”


ทันตแพทย์หนุ่มยืนนิ่ง นัยน์ตาจับจ้องไปที่คนอ่อนวัยกว่า จะว่าไป นี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาได้เห็นเด็กหนุ่มในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เสื้อผ้าบ้านๆ ที่เขาเคยซื้อให้ดูดีไปถนัดตา แล้วสำเนียงการร้องเพลงภาษาอังกฤษนั่น อย่างกับเจ้าของภาษามาเองอย่างไรอย่างนั้น เสียงก็เพราะเป็นบ้า สะดุดใจเขาตั้งแต่...ครั้งแรกที่ได้ยินในโรงแรมที่เชียงราย


“แหม ตะลึงอะ” แซนดี้อดเบ้ปากไม่ได้ เลยต้องหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอไว้สักหน่อย


เมื่อเพลงแรกจบลง ไฟบนเวทีก็สว่างขึ้น แล้วเหล่านักดนตรีก็ก้าวเข้ามาประจำที่ ตามมาด้วยพิธีกรทั้งสอง


รวินท์และภูพิงค์เดินเข้าไปยืนประกบเด็กหนุ่มรุ่นน้อง “เพลงเพราะมากเลย” รวินท์พูดพลางหันไปถามผู้คนที่อออยู่ข้างหน้าเวที “เพราะใช่มั้ยครับ”


“เพราะมากค่า!”


รวินท์โอบไหล่คนอ่อนวัยกว่า “งั้นขอเสียงตบมือดังๆ ให้น้องนคินทร์อีกทีนะครับ”


“เขินจังเลยครับ” คีรียิ้มกว้าง พลางยกมือขึ้นไหว้ไปรอบๆ “ขอบคุณครับ ขอบคุณ อุ่ย...” แต่พอหันไปเจอหน้าภูพิงค์ก็ชะงัก ทำเป็นยิ้มแห้งตามบทบาท เพื่อเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ


ภูพิงค์ทำหน้าดุ “เพลงเมื่อกี้ความหมายดีจังนะครับ ขนาดผมฟังไม่ค่อยออกยังซึ้งไปด้วยเลย ไม่ทราบว่าร้องให้คนพิเศษรึเปล่าเนี่ย”


“คนพิเศษไม่มีครับ มีแต่คนที่อยากให้เป็นคนพิเศษ” รุ่นน้องตอบพลางส่งสายตาให้รวินท์ “หมอวินล่ะครับ มีคนพิเศษรึยัง”


ภูพิงค์ก้าวเข้าไปขวางระหว่างทั้งสองคนทันที “ใจเย็นครับน้องนคินทร์ เดี๋ยวจะไม่ได้ร้องต่ออีกเพลงนะครับ”


เสียงหวีดร้องคละเคล้าเสียงตะโกนเชียร์ดังแว่วมาจากทุกทิศราวกับอยู่ในสนามมวย มีทั้งบอกให้ภูพิงค์อย่ายอมและบอกให้คีรีสู้ เป็นผลให้ทั้งสามหนุ่มบนเวทีหลุดเก๊ก หัวเราะออกมาเบาๆ


แต่น่าแปลกที่เตชิตยิ้มไม่ออก บอกตรงๆ ก็ไม่ชอบให้เด็กหนุ่มไปเต๊าะคนอื่น ถึงแม้จะคิดว่าเป็นการเตี๊ยมกันมาก็ตามที


ภูพิงค์ยกนิ้วขึ้นจุ๊ปากเพื่อให้สาวๆ แฟนคลับสงบลง แล้วอมยิ้ม “เอาล่ะๆ พอแล้วๆ น้องนคินทร์ยังมีอีกเพลงมาฝากพวกเราใช่มั้ยครับ ให้น้องเตรียมตัวแป๊บนึง ตอนนี้พักคุยกับผมกับพี่วินไปก่อนนะครับ”


“ขอบคุณครับพี่พิงค์” เจ้าของชื่อรับบทต่อ ในระหว่างที่พิธีกรพูดคุยฆ่าเวลาไปก็มีสตาฟฟ์ถือกีต้าร์ไฟฟ้าออกมาให้เขาเปลี่ยนกับกีต้าร์อะคูสติกที่ใช้อยู่ ส่วนรุ่นพี่นักดนตรีก็ทยอยเดินไปประจำที่เช่นกัน


“พี่เต้ ติดต่อกับยานแม่อยู่เหรอวะ สนใจผมบ้างไรบ้าง” แซนดี้ตบแขนทันตแพทย์หนุ่มดังเพี้ยะ! “พี่เต้! ปวดขี้อ่อ!”


เตชิตหันขวับ “เฮ้ย เปล่า ทำไมจู่ๆ ก็ถามแบบนั้นวะ!”


“ก็พี่เต้เอาแต่จ้องน้องคีรีอะ จ้องเหมือนจะขึ้นเวทีไปแดกน้องเขาแล้วเนี่ย”


“คุณจะบ้าเรอะ!” ทันตแพทย์หนุ่มรีบเถียงด้วยความร้อนตัว “ผมเปล่าสักหน่อย อย่ามาหาเรื่อง...” พูดยังไม่ทันจบ แซนดี้ก็หันขวับไปโบกไม้โบกมือไปทางเวที


“อุ๊ย น้องคีรี~”


เตชิตหันตามไปทันที


“ผมล้อเล่น วูบเลยอะดิ”


“นี่คุณ!” ทันตแพทย์หนุ่มอยากจะจับแซนดี้ถอนฟันแล้วตอนนี้


“น้องคีรีเท่เนอะพี่เต้” แซนดี้ยิ้มกริ่ม “พอเปลี่ยนมาคล้องกีต้าร์ไฟฟ้าก็เท่ไปอีกแบบ”


“เออๆ”


“แน้~ ทำหน้าเครียด เดี๋ยวน้องคีรีมองมาไม่หล่อนา”


เตชิตยกมือขึ้นกุมขมับ เกิดปวดศีรษะขึ้นมาตุบๆ


เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้งเมื่อแสงไฟบนเวทีหรี่ลง คีรียืนประจำที่อยู่ที่ด้านหลังที่ตั้งไมโครโฟนตรงกลางเวทีแล้ว เขาปรับสีหน้าให้นิ่งสงบ มือข้างหนึ่งจับคอร์ด มืออีกข้างจับปิ๊กกีต้าร์วางไว้เหนือสายกีต้าร์เล็กน้อย


“ผมเลือกเพลงนี้มาร้องโดยเฉพาะ ขอมอบให้ทุกคน...ที่กำลังพยายามจะชนะใจคนที่คุณรัก” เขาพูดพลางหันไปหยุดสบสายตากับทันตแพทย์หนุ่มที่ยืนอยู่ทางด้านขวาของเวที


คีรีหลุบตาลงต่ำ แตะปิ๊กลงบนสายกีตาร์แล้วเผยอริมฝีปาก “พยายามจะทำวิธีต่างๆ ให้เธอนั้นรักฉัน พยายามทุกวันมอบให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ เหมือนเดินบนสะพานที่มีปลายทางคือใจของเธอ ยังคงคิดและหวัง จะนำเอารักแท้นี้ไปให้”**


ไฟบนเวทีหรี่ลงจนเหลือเพียงสลัว มีเพียงสปอตไลต์ส่องไปที่เด็กหนุ่ม เสียงของคีรีฟังดูเศร้าเสียจนทำให้ผู้คนข้างหน้าเวทีนิ่งเงียบไป


“แต่ทำไม เดินมาเนิ่นนานไม่ถึงสักที แต่ทำไม มองดูเส้นทางเหมือนยาวออกไป อยากรู้ว่าฉันต้องทำตัวอย่างไร”**


เสียงตีกลองหนักๆ ดังขึ้น ฟังดูราวกับเป็นเสียงหัวใจของคนที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวที น้ำเสียงที่แสดงถึงความเจ็บปวดในอกเป็นผลให้แววตาของเตชิตสั่นไหว กลืนน้ำลายฝืดลงคอ



“อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้ บอกที อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉันเสียที มีทางใดที่อาจทำให้เธอสนใจ ได้โปรด บอกกับฉันให้รู้ที ว่าสุดท้ายแล้วฉันยังมีความหมาย”**
**(ไกลแค่ไหนคือใกล้ : เก็ทสึโนว่า)



ถึงแม้บรรยากาศที่รายล้อมตัวเด็กหนุ่มจะดูเศร้าไปสักหน่อย แต่เมื่อมองไปทางด้านหน้าเวทีก็เห็นว่าคนดูยกโทรศัพท์มือถือขึ้นเปิดแฟลช โยกไปตามทำนองเพลงเพื่อเป็นกำลังใจให้ เขาจึงยิ้มออกมาได้เล็กน้อย


“ขอบคุณมากนะครับ ผมจะพยายาม”


เตชิตยืนนิ่ง ใบหน้าเคร่งขรึม เขารู้ตัวว่าเป็นคนที่ทำให้เด็กหนุ่มต้องเสียใจและเสียน้ำตาเสมอๆ แต่ถึงอย่างนั้น อีกฝ่ายก็ยังไม่ท้อ พยายามเข้าหา ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับคำตอบรักจากเขา


ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มบาง บอกกับตัวเองว่ามันคงถึงเวลาแล้ว ที่เขาควรจะตัดสินใจทำอะไรให้ชัดเจนสักที



(มีต่อค่ะ)



หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 28 : ใกล้กันอีกนิด [160419]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 28-04-2019 16:30:55



เสียงปรบมือดังกึกก้องทันทีที่เพลงจบลง แสงไฟบนเวทีสว่างขึ้น ในขณะที่พิธีกรทั้งสองก้าวเข้ามาบนเวทีอีกครั้ง


รวินท์แตะมือลงบนหัวไหล่ของเด็กหนุ่ม “น้องคีรีร้องเพราะมาก แต่เป็นเพลงที่ฟังแล้วรู้สึกเศร้าจังเลยนะครับ”


คีรีไม่ตอบอะไร เพียงแค่ยิ้มบางเท่านั้น


“ให้เวลาน้องคีรีพักสักครู่ พวกเรามาเตรียมเล่นเกมประจำงานไนต์กันดีกว่านะครับ” ภูพิงค์พูดพลางหันไปส่งสายตาให้แซนดี้ ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับ ขณะเดียวกันคีรีก็เดินไปถอดกีตาร์ไฟฟ้าคืนให้รุ่นพี่นักดนตรี


ส่วนเตชิตนั้น ตอนแรกเขายืนอยู่กับแซนดี้ แต่ไปๆ มาๆ ขิง ดิวและซันก็เดินเข้ามาล้อมอยู่ห่างๆ ทำทีเป็นยืนตรวจดูความเรียบร้อยแถวด้านข้างเวที


“หลายๆ คนคงจำกันได้ แต่ผมจะขออธิบายเกมนี้อีกครั้ง เอาแบบง่ายๆ เลยก็คือเราจะประมูลเงินบริจาคกันภายในเวลาสิบนาที ใครให้ยอดเงินสูงสุดก็จะได้ขึ้นมาจับฉลากบนเวที และเลือกใครก็ได้บนเวทีหนึ่งหรือสองคนมาทำตามฉลากครับ”


“ให้เวลาตั้งหลักสามนาทีนะครับ” รวินท์ขยิบตาให้สาวๆ ด้านหน้าเวที เมื่อเขาพูดจบ ภูพิงค์ก็ยกแขนขึ้นโอบไหล่เขาไว้ทันที เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้ทุกคนอยากประมูลกัน


แน่นอนว่าใครๆ ก็อยากเห็นคู่จิ้นของตัวเองเซอร์วิสบนเวที แต่คนที่เพิ่งมาตกหลุมเสน่ห์คีรีก็มีไม่ใช่น้อย แล้วก็ยังมีพรรคพวกนักศึกษาจากคณะบริหารที่มาร่วมงานด้วย งานนี้แพ้กันไม่ได้ แต่ละกลุ่มจึงหันไปลงขันกันยกใหญ่


“มีเกมแบบนี้ด้วยแฮะ ไอ้วินไม่เคยเล่าให้ฟังเลย” เตชิตเปรยกับแซนดี้ ก่อนจะหันมองไปทางด้านหน้าเวที “โอ้โห นี่มันสงคราม”


“พี่เต้ก็ประมูลด้วยดิ จะได้ขึ้นไปเลือกให้ไอ้พิงค์กับพี่วินทำตามฉลากไงค้า”


“ผมจะทำแบบนั้นทำไมวะ!”


“งั้นพี่ก็เลือกเด็กพี่สิ”


ทันตแพทย์หนุ่มชะงัก “ฮะ?”


“น้องคีรีก็อยู่บนเวทีนะพี่เต้ พี่จะทนได้เหรอ ถ้ามีใครเลือกให้น้องเขาทำเรื่องในฉลากกับคนอื่น หรือที่ร้ายกว่านั้น เกิดมีสาวๆ ประมูลมาขอเล่นเกมกับน้องคีรีเอง หนักเลยนะพี่”


“ได้เหรอวะ” เตชิตส่ายหน้าไปมา “แล้วใครจะเลือกคีรีกัน ส่วนใหญ่เขาก็เลือกพิงค์กับไอ้วินกันมะ ที่นี่มันคณะวิศวะนะคุณ ไม่ใช่บริหาร”


“มันก็ไม่แน่น้าาาา น้องคีรีก็ดังเหมือนกันนะเว้ยพี่ นี่พี่เต้รู้เปล่าว่าฉลากปีที่แล้ว ให้ทำอะไรบ้าง” แซนดี้ยิ้มกริ่ม “มีหอมแก้ม ผลัดกันอุ้ม แล้วก็กินป๊อกกี้ พี่วินกับไอ้พิงค์น่ะ โดนให้หอมแก้มกัน ดูสิพี่ กลายเป็นแฟนกันจริงๆ เลย”


“ไร้สาระว่ะคุณ ถึงพวกเขาไม่ได้หอมแก้มกันบนเวทีก็เป็นแฟนกันอยู่ดี” ทันตแพทย์หนุ่มตอบไปเช่นนั้น แต่ในใจก็ชักจะเป็นกังวลอยู่เหมือนกัน อย่างที่แซนดี้ว่า ดูเหมือนคีรีเองก็มีคนรู้จักเยอะ แถมตอนร้องเพลงน่ะ ดูเท่ มีเสน่ห์มาก แล้วบนเวทีก่อนหน้าก็ดูเหมือนจะพยายามชงรักสามเส้ากับไอ้วินและไอ้พิงค์ซะด้วยสิ


ถ้าเกิดใครเลือกให้คีรีหอมแก้มกันกับไอ้พิงค์หรือไอ้วิน เขาจะทำไงดีวะเนี่ย ฟ้าผ่าตายห่า


เสียงจากบนเวทีดังขึ้นแล้ว เตชิตรีบเงยหน้าขึ้น สีหน้าแฝงไว้ด้วยความวิตกกังวล ไม่ทันได้สนใจคนที่ยืนยิ้มร้ายอยู่ข้างกัน และยังหันไปส่งสัญญาณให้ขิง ซันและดิวอีก


“เอาล่ะ ครบสามนาทีแล้ว จะจับเวลาแล้วนะครับ หนึ่ง...สอง...สาม! เริ่มที่หนึ่งร้อยบาทครับ!” สิ้นเสียงของภูพิงค์ จำนวนเงินก็พุ่งขึ้นพรวดๆ จากหลักร้อยกลายเป็นหลักพันในพริบตา


เตชิตไม่รู้ว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า แต่เขาได้ยินเสียงหลายๆ คนหวีดเรียกชื่อคีรีดังแว่วมาเป็นระยะ


รวินท์รายงาน “สี่พันสองร้อยแล้วครับ ยังเหลืออีกห้านาทีนะครับ”


“พี่เต้! ผมว่าผมได้ยินเสียงผู้หญิงกลุ่มนั้นเรียกชื่อน้องคีรีนะ สงสัยจะชอบน้องเขาแน่ๆ เลยว่ะ ดูดิ ประมูลกันใหญ่เลยอ้ะ!” แซนดี้เร่งใส่ไฟ


ทันตแพทย์หนุ่มหันไปประสานสายตากับแซนดี้ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร แซนดี้ก็จับมือเขายกขึ้น “เฮ้ย!”


“บอกจำนวนเงินเร็วพี่เต้!”


เจ้าของชื่อทำหน้าเหรอหรา แต่ปากก็ตะโกนจำนวนเงินออกไป “สี่...สี่พันห้า!”


ภูพิงค์รับช่วงต่อทันควัน “สี่พันห้าจากสุภาพบุรุษหน้าตาดี๊ดีที่ด้านข้างเวทีครับ เหลือสามนาทีแล้ว~” พอเขาพูดเช่นนั้นคีรีก็หันไปสบสายตากับเตชิตทันที


เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่นึกว่าเตชิตจะร่วมเล่นเกมกับเขาด้วย


ทว่าก็ดีใจไปได้เพียงแค่แวบเดียว พอลองคิดไปคิดมา ก็ใช่ว่าคุณเตชิตจะเลือกเขานี่หว่า? แล้วถ้าเลือกเขา จะเลือกเขากับใคร? ไอ้ปิ๊ก ไอ้ฟลุค พี่พิงค์ หรือหมอวินหรือไง


“สี่พันเจ็ด!” กลุ่มหญิงสาวแฟนคลับรวินท์ตะโกนมาจากอีกฝั่งของเวที


“เฮ้ย! Accba ของเราจะน้อยหน้าใครไม่ได้เว้ย! สี่พันแปด!” เพื่อนๆ และรุ่นพี่รุ่นน้องจากคณะบริหารตะโกนสู้


แซนดี้หันขวับ จับมือเตชิตเขย่ารัวๆ “พี่เต้! เร็ว!”


“ฮะ? ผมอีกแล้วเรอะ!”


“สี่พันเก้า!” เสียงจากกลุ่มอื่นแว่วมาอีก


เตชิตทำหน้าเลิ่กลั่ก พอแซนดี้จับมือเขายกขึ้นก็ตะโกนบอก “หะ...ห้าพันครับ!”


“เหลือสามสิบวินาทีสุดท้ายแล้ว เร่งหน่อยครับ” เมื่อรวินท์ประกาศเช่นนั้น ยอดเงินก็พุ่งทะยานขึ้นไปอีก


“หกพัน!”


“เจ็ดพันห้า!”


ทันตแพทย์หนุ่มเบิกตากว้าง “แปดพัน!” คราวนี้เขาตะโกนพร้อมยกมือเองแบบไม่ต้องให้แซนดี้ช่วย


“เหลือสิบวินาทีแล้วนะครับ” ภูพิงค์ประกาศ แล้วเริ่มนับถอยหลัง “สิบ... เก้า...”


เตชิตมั่นใจว่าตัวเขาชนะแน่แล้ว แต่ในวินาทีสุดท้ายนั้น แซนดี้ก็ยกมือขึ้น



“หมื่นนึงครับ!”



ทันตแพทย์หนุ่มหันขวับ “เฮ้ย! เดี๋ยวๆ ทำไมคุณตัดหน้าผมอย่างนี้วะ!”


คีรีเองก็ตกใจ เขาหันไปประสานสายตากับเตชิตด้วยสีหน้าตื่นๆ พลางพึมพำเสียงเบา “คุณเตชิต”


เจ้าของชื่อหน้าเสีย “คีรี”


แต่ไม่ทันแล้ว ภูพิงค์ประกาศผู้ชนะให้ทุกคนได้ยินทั่วกันทันที “ผู้ชนะคือคุณผู้ชายเสื้อยืดสีส้มทางขวาของเวทีนะคร้าบ เชิญขึ้นมาบนเวทีเลยครับ”


แซนดี้ยิ้มกว้าง หันไปขยิบตาให้เตชิตก่อนจะก้าวออกไปอย่างผู้ชนะ ทิ้งให้ทันตแพทย์หนุ่มยืนเจ็บแค้นอยู่เพียงลำพัง


รวินท์เดินเข้าไปหา ส่งยิ้มให้กันเล็กน้อย “จับฉลากก่อนเลยนะครับ อยู่ในซองสามซอง เลือกเลยครับ” พอแซนดี้เลือกซองออกมา ภูพิงค์ก็รับซองไปเปิดอ่าน


“สารภาพรักอย่างเกรี้ยวกราด แล้วหอมแก้มกัน”


“เลือกพี่วินกับน้องคีรีค่า! อยากเห็นคนหึง!” แซนดี้พูดขึ้นทันที ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องและเสียงโวยวายจากรอบๆ เวที


“เฮ้ย!” ภูพิงค์ทำหน้าตกใจตามที่เตี๊ยมกันไว้ “เดี๋ยวๆ ครับ”


รวินท์เองก็เล่นสมบทบาทไม่แพ้กัน เขาทำหน้าเครียดใส่ “เอ่อ... คือ...” แล้วหันไปมองหน้าภูพิงค์


“พี่วินลำบากใจเหรอ” แซนดี้ถาม


“คือผม... ผมไม่คิดว่า... เอ่อ...” รวินท์ทำหน้าน่าสงสาร ตีบทแตกยิ่งกว่าดาราจากทุกช่องทีวี งวดนี้เขาจะต้องได้ออสการ์มาครองแน่ๆ จากนั้นก็เอื้อมมือไปจับแขนภูพิงค์ไว้ แล้วหันกลับมาทางแซนดี้ “คือผมทำแบบนั้นได้กับพิงค์เท่านั้น ขอโทษนะครับ เราสัญญากันไว้” หลังทันตแพทย์หนุ่มพูดจบ เหล่าแฟนคลับของเขากับภูพิงค์ก็เริงร่า กรีดร้องสนับสนุนทันที แถมยังเสนอให้ประมูลต่ออีกด้วย พวกเธอจะสู้สุดใจ ไม่ให้แก้มของรวินท์ตกเป็นของใครนอกจากภูพิงค์เท่านั้น


แซนดี้ทำท่ายืนคิดแบบที่คิดไปเองว่าน่ารักที่สุด “ถ้างั้น...พี่วินหาใครมาทำแทนพี่ละกัน”


“ได้เหรอครับ”


“ก็หยวนๆ อะครับ แต่ต้องเป็นคนที่สูสีกับพี่ และผมโอเคด้วยนะ ไม่งั้นผมจะขอเล่นกับน้องคีรีเอง”


ภูพิงค์รีบหันไปขอเสียงเชียร์จากบรรดาแฟนคลับ “ทุกคนโอเคมั้ยครับ” เสียงตอบรับมีทั้งโอเคบ้าง อิดออดบ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าพวกเขาได้ไปต่อ


“ถ้าจะเอาแบบสูสีกับผม ก็มีคนเดียว เพราะงั้น... ผมขอให้เพื่อนรักของผมมาทำหน้าที่แทนผมละกันครับ” รวินท์หันขวับไปยิ้มเผล่ให้เตชิตที่ยืนอยู่ตรงข้างเวทีทันที “เต้ ขึ้นมาเล่นเกมกับน้องคีรีหน่อยนะ”


เตชิตเบิกตากว้าง สัส! นี่มันแผนของไอ้พวกนี้ชัดๆ!


“สัญญากันแล้วไงว่าจะขึ้นมาเล่นเกมบนเวทีอะ” รวินท์ทวง


“ไอ้...ไอ้พวก...”


ขณะที่เตชิตมัวแต่ตกใจ ซัน ขิงและดิวก็พุ่งเข้าชาร์จ พาตัวทันตแพทย์หนุ่มเข้ามาในรั้วกั้น แล้วกึ่งลากกึ่งจูงไปยังเวทีอย่างรวดเร็ว


ทว่าเตชิตก็ไม่ได้ขัดขืนสักเท่าไหร่ เพราะอันที่จริงเขาก็ไม่อยากให้คีรีต้องรับบทนั้นกับใคร นอกจากเขา

TBC


งานไนต์วิดวะเป็นยังไงม่างค้า คราวนี้พี่หมอเต้กับเด็กดอยได้โดนเข้ากับตัวบ้างแล้ว แต่ผลจะออกมาเป็นยังไงก็คงต้องรอตอนหน้านะคะ อิอิ ที่แน่ๆ ขึ้นเวทีงานไนต์แล้วไม่ได้แฟนไม่ได้น้า พิหมอวินกับน้องพิงค์คอนเฟิร์ม

ขอบคุณคนอ่านทุกคนนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ จุ๊บๆ

ปล. ขอโทษที่เอามาลงช้านะคะ ฮัสกี้ออนทัวร์อยู่ค่ะ เน็ตกากมากกกก แล้วจะเที่ยวเผื่อทุกคนน้าาาาา
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-04-2019 17:02:27
โอ้ยยย ค้างงงง กว่าพี่เต้จะรู้ว่าเป็นแผนของเพื่อนและน้องๆ ก็ต้องขึ้นเวทีแล้ว อยากอ่านต่อแล้ว อยากเห็นคนเขินตอนโดนสารภาพรัก :-[
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-04-2019 17:04:40
 :pig4: :pig4: :pig4:

โอย......ทำไมภาพตัดจบไปที่โคมไฟหัวเตียง?

ลุ้น ๆ ตอนต่อไป  สองหนุ่มจะเซอร์วิสสาววายข้างล่างยังไงน้อ?
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 28-04-2019 17:17:10
แล้วใครจะเป็นคนสารภาพรักคะ ขอทั้งสองคนเลยนะ แต่ให้พี่เต้พูดก่อนบ้าง น้องคีรีพยายามมามากพอแล้ว พี่เต้ต้องแสดงให้ชัดเจนว่าตัวเองก็ต้องการน้องเหมือนกัน ไม่ใช่รอให้น้องเป็นฝ่ายทุ่มเทอยู่ฝ่ายเดียว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 28-04-2019 18:30:50
แผนการร้ายกาจ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-04-2019 19:29:14
 o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 28-04-2019 19:30:46
"สารภาพรักอย่างเกรี้ยวกราด แล้วหอมแก้มกัน” ...หอมแก้มอ่ะไม่เท่าไร แต่สนใจว่าจะสารภาพรักอย่างเกรี้ยวกราดกันขนาดไหน :mew4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-04-2019 20:03:43
 o13 :z1: o13



 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 28-04-2019 20:08:52
โอ้ยยย น้อออ แผนการอะไรเนี่ยร้ายกาจ หมอเต้สู้ๆ
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 28-04-2019 20:14:37
เขาทำงานกันเป็นทีมนะคะะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 28-04-2019 21:07:11
มาลุ้นกันว่าใครจะได้เป็นคนสารภาพรักแบบเกรี้ยวกราด เด็กดอยหรือพี่หมอเต้กันน้า ลุ้นๆๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 28-04-2019 21:14:55
งานนี้จัดได้สุดยอดเลย  o13

มาต่อเร็วๆนะคะคอยอยู่ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-04-2019 21:36:11
55555 ยิ้มแก้มแตก นึกถึงตอนที่หมอเต้บอกรักคีรีอย่างเกรี้ยวกราด
เพราะคีรีน่ะเกรี้ยวกราดใส่หมอเต้ไม่ได้หรอก อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: btoey ที่ 28-04-2019 21:37:29
 :pig4: :pig4: :pig4: :z2: :z3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 29-04-2019 00:32:18
ไม่รอดแล้วหมอเต้ 55555555555555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 29-04-2019 01:34:18
หมอเต้ก็เปิดใจให้น้องคีรีได้แล้วนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: องศาวาย ที่ 29-04-2019 04:49:05
สารภาพเลยคุณหมอเต้~~~ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 29-04-2019 08:37:48
ตอนนี้น่ารักมากๆค่ะ
หมอเต้ยอมมน้องคีรีได้แล้วววว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-04-2019 13:24:53
ทำงานกันเป็นทีมสุดๆ พี่เต้ไม่รอดแล้ว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 29-04-2019 14:40:04
หมอเต้ตัดสินใจได้แล้วนะตอนนี้ถ้าไม่รีบตอนนี้ต่อไปอาจโดนแกล้งหนักกว่านี้แน่ :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 29-04-2019 17:40:16
หมอเต้โดนแกล้งหนักมาก ปากแข็งดีนัก55555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: SunnyB ที่ 29-04-2019 21:51:43
มารูปนี้  ขอให้หมอเต้เป็นคนสารภาพรัก
ส่วนคนหอมแก้มก็ต้องน้องคีรีทีเถอะ ...
 :call:

เพราะถ้าให้หมอเต้สารภาพรักกลางฝูงชนขนาดนี้ ยังไงก็เกรี้ยวกราดแน่นอน ตามประสาคนซึน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 30-04-2019 13:24:15
พิหมอเต้ สารภาพรักเก้วกาด แล้วคว้าคอมาจูบให้ตราตรึงไปเลยยย   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: iikol ที่ 30-04-2019 22:17:02
ฮืออ ค้างสุดๆ อยากเห็นคนบอกรักออย่างเกรี้ยวกราด อ๊ากกกกก คีรีนัลร๊ากกกกกกกกก งื้อออ
 :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 30-04-2019 22:33:00
 :mc4: :mc4: :mc4:จะได้แห่ขันหมากเร็วๆนี้แล้วสินะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 04-05-2019 00:21:22
หึหึ ยังไงละยังไง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 04-05-2019 10:58:36
มาเป็นขบวนการ5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: Mariinariiz ที่ 04-05-2019 14:40:03
จะสงสารพี่เต้ ดีไหม 5555555 แต่แบบรอลุ้นให้น้องคีรีบอกรักแบบเกรี้ยวกราดนะ  :z2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: Kiseri ที่ 04-05-2019 15:38:41
ไม่รอดแน่หมอเต้5555 :z2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 29 : งานไนต์ของวิศวะ [280419]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 07-05-2019 17:15:20


Chapter 30 : สารภาพรัก


เสียงฮือฮาดังขึ้นเมื่อเตชิตก้าวขึ้นไปบนเวที ไอ้เรื่องความหล่อเขาก็พอจะมีความมั่นใจในตัวเองอยู่บ้าง เขาโปรยยิ้มเรียกคะแนน ยกมือขึ้นเสยผม ก่อนจะหันไปสบตากับคีรี

รวินท์เดินไปจูงมือเพื่อนรักมายืนข้างกัน “ขออนุญาตแนะนำสักหน่อย นี่เตชิตหรือหมอเต้ เป็นทันตแพทย์และเป็นเพื่อนสนิทของผมครับ บางทีหลายๆ คนก็อาจจะจำได้ ลีดงานบอลประเพณีปีXX ยังไงละคร้าบ”

ภูพิงค์ใส่ไฟต่อ “ที่สำคัญ หมอเต้ยังโสด โสดมานานแล้วด้วยใช่มั้ยครับ”

คนถูกถามคิ้วกระตุก แต่ก็จำใจต้องเออออเพราะถ้าต้องโต้ฝีปากกันจริงๆ ยังไงเขาก็ต้องแพ้ไอ้พิงค์แน่ๆ “เออครับ ไม่เหมือนคุณพิงค์กับหมอวินหรอกครับ”

“ขอถามความเห็นจากผู้ชนะการประมูลสักหน่อย เป็นเพื่อนผมคนนี้โอเคมั้ยครับ” รวินท์หันไปถาม

แซนดี้ยิ้มกริ่ม สะดีดสะดิ้งนิดหน่อยแต่ก็พยักหน้าหงึกๆ “ก็ด้ะ โอเคค่ะ”

“งั้นน้องคีรีเชิญทางนี้เลยครับ” ว่าแล้วพิธีกรคู่ขวัญก็จับให้สองหนุ่มไปยืนข้างกัน “ให้เวลาหมอเต้กับน้องคีรีได้ทำใจ เอ๊ย มองตากันก่อนจะบอกรักนิดนึงนะครับ ตอนนี้เรามาเฉลยฉลากที่เหลือกันก่อนดีกว่าครับ”

รวินท์หยิบซองมาเปิดอ่าน “ซองแรกนะครับ สารภาพรักแบบหวานโรแมนติกสุดแล้วหอมแก้มกัน กับอีกซอง สารภาพรักแบบดราม่าเคล้าน้ำตาแล้วหอมแก้มกัน โห... ที่จับได้ไปง่ายอยู่นะครับเนี่ย”

ง่ายพ่องส์ เตชิตต่อว่าอยู่ในใจ แล้วทำไมมีหอมแก้มพ่วงมาทุกซองเลยวะ! พวกมึงเขียนเพิ่มเองใช่มั้ยเนี่ย!

รวินท์ไม่ได้หวั่นไหวต่อสายตาสาปแช่งที่เพื่อนรักมีให้ แถมยังยักคิ้วส่งกลับไปรัวๆ “เรื่องเกรี้ยวกราดหมอเต้ถนัดมาก ใช่มั้ยครับ”

เตชิตอมยิ้ม ทว่าปากพึมพำอ่านเป็นคำสั้นๆ ได้ว่า... “สัส” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในระหว่างที่ยืนรอพิธีกรทั้งสองพูดคุยกันในใจก็คิดไปด้วยว่าจะทำอย่างไรกับไอ้เกมที่ว่านี่ดี 

“คุณเตชิต”

“.....”

คีรีใช้ปลายนิ้วเกลี่ยหลังมือของคนที่ยืนอยู่ข้างกันอย่างแผ่วเบา “คุณเตชิตครับ”

ทว่าทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงราวกับถูกของร้อน “ฮะ!? มีอะ...ไร” พอสบตากันเข้าเขาก็ชะงัก

“ผมดีใจที่คุณยอมขึ้นมาเล่นเกมกับผมนะ”

โห อ่อนไปทั้งใจเลยกู... เตชิตครางหงุงหงิงอยู่ในใจ

“ผมไม่รู้ว่าเกมจะเป็นแบบนี้ ขอโทษที่คุณต้องฝืนใจ”

“ไม่... คือ... ผม...” ทันตแพทย์หนุ่มอ้ำอึ้ง ก่อนจะขมวดคิ้วนิ่งขรึม ใจหนึ่งยังซึน แต่อีกใจก็เอาแต่กลัวและกังวลว่าเขาอาจจะพูดหรือแสดงสีหน้าอะไรให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีได้

“แต่มันก็แค่เกมเท่านั้นละครับ ไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย ไม่ต้องคิดมากนะ”

น้ำเสียงกึ่งเศร้าของเด็กหนุ่มเป็นผลให้หัวใจของเตชิตเจ็บหน่วง เขากลืนน้ำลายฝืดลงคอ “คีรี...”

“เชิญหมอเต้กับน้องคีรีตรงนี้เลยครับ” ยังคุยกันไม่ทันรู้เรื่องสองหนุ่มก็ถูกเรียกไปตรงกลางเวทีแทนที่พิธีกรคู่ขวัญซะแล้ว



เสียงเชียร์และกรีดร้องดังก้องต้อนรับทั้งสองคนอีกครั้ง นานจนรวินท์ต้องชูนิ้วแตะริมฝีปากเพื่อกล่อมให้ฝูงชนสงบลง

“ตกลงกันเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยครับว่าใครจะเริ่มก่อน”

เดี๋ยวๆ จะไปตกลงกันตอนไหนวะ! เตชิตเบิกตากว้าง เขารีบโบกไม้โบกมือ “ยะ...”

“ผมเริ่มก่อนก็ได้ครับ” คีรีชิงตอบ

“ฮะ!?”

“โอเค งั้น...พร้อมแล้วนะครับ” ภูพิงค์ถามพร้อมกับถอยออกไปยืนข้างๆ รวินท์และแซนดี้ “สาม...สอง...หนึ่ง เริ่มได้เลยครับ!”

คีรีพยักหน้า หันไปประจันหน้ากับทันตแพทย์หนุ่มแล้วทำหน้าขมึงทึง “หมอเต้! ฟังผมนะ!”

เตชิตผงะไปเล็กน้อย ก็แบบว่าไม่ทันตั้งหลัก นึกไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มจะจู่โจมรวดเร็วขนาดนี้ ดูเอาเถอะ หน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเลย บึ้งตึงอย่างกับไปกินต่อแตนที่ไหนมา

“ผมบอกรักคุณไปเป็นร้อยครั้งแล้ว! เมื่อไหร่คุณจะเชื่อสักที! ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมก็มีแต่คุณ ซื่อสัตย์กับคุณยิ่งกว่าหมา! ผมพยายามพิสูจน์ตัวเองทุกอย่าง! แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงอีกวะเนี่ย! บอกผมมาสิ!”

โห ไหนว่าเล่นเกมไงวะ นี่มันเรื่องจริงชัดๆ ทันตแพทย์หนุ่มนิ่งอึ้งไปพร้อมกับผู้คนด้านหน้าเวที เพราะแววตาที่ฉายชัดถึงความเจ็บปวดและน้ำเสียงที่กระแทกกระทั้น เขาไม่เคยเห็นคีรีเป็นแบบนี้มาก่อนเลย

“ไอ้เต้ สู้สิวะ! เกรี้ยวกราดให้ได้มากกว่าน้องนะมึง!” เสียงเชียร์ของรวินท์ดังมาแว่วๆ

ทันตแพทย์หนุ่มหันไปสบตากับเพื่อนรัก พอตั้งหลักได้ก็รีบเถียงกลับไปทันที

“จะให้ผมเชื่อคุณได้ยังไงวะ ผมโดนคุณหลอกมาเยอะกว่าโดนผีหลอกอีกนะเว้ย! นาทีนึงคุณก็เป็นคนนึง อีกนาทีคุณก็เป็นอีกคน ผมไม่รู้ว่าคนไหนคือตัวตนที่แท้จริงของคุณด้วยซ้ำ!”

“ไม่ว่าผมจะเป็นคนไหน ผมก็คือคนที่รักคุณนั่นล่ะ! คุณเลิกเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างเถอะ ในเมื่อตอนนี้ผมก็ให้โอกาสคุณถอนตัวแล้ว ไม่มีอะไรผูกมัดคุณไว้สักอย่าง แต่คุณก็ยังไม่ไปไหน วนเวียนป้วนเปี้ยนให้ความหวังผมอยู่แบบนี้ คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่ ผมถามจริงเหอะ แกล้งผมให้เจ็บปวด มันสนุกมากเหรอวะ!”


“ไม่ใช่เว้ย! ที่ไม่ไปไหนเพราะผมขาดคุณไม่ได้ต่างหาก!”


คีรีชะงัก เอาจริงๆ ก็ไม่นึกว่าจะได้คำตอบกลับมาแบบนี้ เขาประสานสายตากับทันตแพทย์หนุ่ม ขมวดคิ้ว แล้วก้มหน้าลง “ถ้างั้น... ถ้าคุณพอมีใจให้ผมบ้าง แค่นิดเดียวก็ได้ ก็ช่วยบอกให้ผมรู้ทีเถอะ อย่าปล่อยให้ผมฝันลมๆ แล้งๆ ไปวันๆ ได้โปรด...”

อ้าว ทำไมดราม่าวะ ธีมคือเกรี้ยวกราดมั้ย รวินท์กับภูพิงค์หันไปมองหน้ากันแล้วยิ้มเจื่อนๆ

เตชิตนิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นก็ผ่อนลมหายใจออกยาว “ถ้าถามผมว่าพอมีใจให้คุณบ้างสักนิดหรือเปล่า ผมก็คงต้องตอบว่าไม่”

พอได้ยินคำตอบไหล่ของเด็กหนุ่มก็กระตุกเล็กน้อย นัยน์ตาเหมือนจะร้อนผ่าวขึ้นมาทันที


“ผมว่าไอ้คำว่า แค่พอมีใจ นี่มันฟังดูเหมือนไม่มีอะไรมั่นคงเลยนะคุณ” ทันตแพทย์หนุ่มเกาปลายจมูกตัวเองเบาๆ “เพราะงั้นถ้าจะพูดให้ถูก ผมคงต้องพูดว่าผมรักคุณ ไม่ใช่แค่พอมีใจเท่านั้น”


คีรีเงยหน้าขึ้นพรวด “ฮะ!?” แล้วน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ในตอนแรกก็หยดติ๋ง เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง

“เฮ้ย! คุณจะร้องไห้ทำไมวะ!”

“เมื่อกี้... คุณว่ายังไงนะ ไม่ได้พูดเล่นใช่มั้ย”

“...” เตชิตเม้มปากพร้อมเบือนหน้าหลบ

คนอ่อนวัยกว่าถามย้ำเสียงสั่น “คุณเตชิต... คุณหมายความอย่างที่พูดจริงๆ ใช่มั้ย ถ้างั้นช่วยพูดอีกที พูดให้ผมฟังชัดๆ อีกที...นะ” เขาเอื้อมมือไปจับแขนเสื้อของทันตแพทย์หนุ่มไว้แล้วกระตุกเบาๆ


“เออๆ ผมรักคุณเว้ย! ไอ้เด็กบ้า! ถามเซ้าซี้อยู่ได้! ได้ยินชัดเต็มสองหูรึยัง!”


“คุณเตชิต” คีรียิ้มกว้าง ก่อนจะยกแขนขึ้นเช็ดคราบน้ำตา เวลานี้หัวใจเต้นรัวแรงจนลืมบทเกรี้ยวกราดที่ได้รับมาไปเรียบร้อย จนกระทั่งได้ยินเสียงเชียร์จากแซนดี้ว่าให้ลุยโลด เขาจึงก้าวเข้าไปประชิดตัวทันตแพทย์หนุ่ม จัดการโอบเอวอีกฝ่ายไว้แล้วยื่นหน้าเข้าไปแต้มจูบตรงมุมปาก “ชัดแล้วครับ ขอบคุณมาก”

“เย้ย! คีรี!” เตชิตร้องเสียงหลง

“เฮ้ย! พวกมึงเล่นเกมกันอยู่บนเวทีนะโว้ย!” รวินท์กับภูพิงค์เบิกตาโพลงในขณะที่เสียงกรีดร้องของสาวๆ ดังก้องแบบถล่มทลาย พวกเขาพร้อมใจกันถลาออกไปตบป้าบๆ เรียกสติสองหนุ่มทันที

“หอมแก้มก็พอเว้ย เอ๊ย ครับ!”

“อ้าว งั้นผมขอทำใหม่ ลืมไปเลยว่าเล่นเกมอยู่ครับ”

“พอแล้วโว้ย!” เตชิตรีบยกมือห้าม กวาดสายตามองผู้คนรอบๆ เวทีไปก็ยกขาถีบเด็กหนุ่มออกไปด้วย พร้อมอุทานเบาๆ “ฉิบหายละ”

“แต่หมอเต้ยังไม่ได้หอมแก้มผมเลยนะครับ ต้องผลัดกันไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ต้องแล้ววว~ เฮ้ย! ไอ้เต้! ไหวมั้ยมึง!” รวินท์เลิกคิ้วขึ้น เขาจับไหล่เพื่อนรักที่ยืนตัวแข็งเหมือนโดนสาปเขย่า วิญญาณของอีกฝ่ายดูจะหลุดออกจากร่างไปเรียบร้อย ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงแปร๊ด ก็แบบว่าตั้งแต่คบหากันมาไม่เคยเห็นไอ้เพื่อนรักเขินจนออกอาการขนาดนี้เลยอะ!

ภูพิงค์ก็เช่นกัน เขาอ้าปากพะงาบๆ อยู่สักพัก พอตั้งหลักได้ก็รีบทำหน้าที่ของตัวเองต่อ “เอ่อ การเล่นเกมก็จบลงไปแล้ว เงินที่ได้มาจากการประมูลจำนวนหนึ่งหมื่นบาทจะถูกนำไปใช้สำหรับค่ายอาสาและช่วยเหลือน้องๆ ในท้องที่ทุรกันดารนะครับ ขอบคุณทุกคนที่ร่วมมือ ตอนนี้พวกเราขอคืนเวทีให้กับรุ่นพี่และวงดนตรีก่อน ขอบคุณมากครับ” จากนั้นก็กวาดต้อนทุกคนถอยกลับไปออกันอยู่ที่ด้านหลังเวที

ทันตแพทย์ทั้งสอง ภูพิงค์ แซนดี้ คีรีและกลุ่มของเด็กหนุ่มยืนล้อมวงกันโดยไม่พูดไม่จา เสียงฝีเท้ากับเสียงคุยกันของสตาฟฟ์คนอื่นๆ ที่รีบรุดเดินไปมาเพื่อเตรียมการแสดงและจัดคิวต่างๆ ดังอื้ออึงไปทั่ว

พวกเขามองหน้ากันสลับไปสลับมา ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรก่อนดี ควรจะจุดพลุแสดงความยินดีกับคู่รักใหม่ หรือแซวที่บอกรักกันต่อหน้าฝูงชน หรือต่อว่าทั้งคู่ที่เล่นนอกบทอย่างหน้าไม่อาย หรือ...

“เอ่อ ถ่ายรูปรวมกันก่อนดีมั้ยคะ” เจนี่กับยุ้ยเอ่ยขึ้น

รวินท์พยักหน้า เพราะดูจะเป็นอะไรที่ช่วยให้ไอ้เพื่อนรักกับเด็กของมันทำแก้เขินได้ “เอาสิ มาๆ”

สองสาวจัดให้เตชิตกับคีรียืนอยู่ตรงกลาง ภูพิงค์กับรวินท์ยืนข้างๆ แซนดี้ยืนข้างเตชิตอีกที และคนที่เหลือไปยืนอัดกันทางด้านหลัง จากนั้นก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปคู่รักทั้งสองคู่ด้วยกันตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก

หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จ เตชิตตั้งหลักได้ก็รีบหันไปถามแซนดี้ “คุณไปเอาเงินที่ไหนมาประมูลวะ”

คนถูกถามยิ้มระรื่น “คุณไกรฤกษ์ให้มาค่า”

“ฮะ!” คีรีเลิกคิ้วขึ้น “คุณตาน่ะเหรอครับ”

“ใช่ เนี่ย พี่บอกท่านว่าน้องคีรีจะมาร้องเพลงช่วยงานคณะวิดวะ จะมีเล่นเกมประมูลด้วย ท่านเลยฝากเงินมาบริจาค”

เตชิตเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง เขาชี้ไปทางรวินท์ ภูพิงค์และเพื่อนๆ “แผนของพวกมึงแน่ๆ นี่เตี๊ยมกันไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย!” ก่อนจะหันขวับไปทางคีรี

เด็กหนุ่มรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “ผมรู้แค่ว่าจะมาร้องเพลงกับเล่นเกม แต่ไม่รู้รายละเอียดเกมมาก่อนนะครับ!”

“คีรีไม่รู้หรอกพี่เต้ พวกผมให้เขาเตรียมเพลงมาร้องให้พี่แค่นั้น แล้วก็ขอให้ช่วยเล่นเกมเรียกแขกนิดหน่อย” ซันอธิบาย

“ที่สำคัญ กูว่ามึงมีเรื่องอื่นต้องเคลียร์ปะ” รวินท์รีบตัดบท “หรือคิดว่าแค่บอกรักบนเวทีก็พอแล้ววะ”

ใบหน้าของเตชิตซับสีเลือด ภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นย้อนเข้ามาในความคิดรัวๆ นั่นสิวะ เขาบอกรักคีรี ต่อหน้าคนเป็นพันเลยด้วย! วินาทีนี้จะแก้ตัวว่ามันเป็นเกมก็ไม่ทันแล้ว ก็เขาเล่นตอบย้ำไปซะขนาดนั้น!

ภูพิงค์ถือโอกาสที่เตชิตกำลังช็อกบอกกับรุ่นน้อง “คีรี วันนี้ขอบใจมากนะ คุณพาพี่เต้ออกไปก่อนไป พวกผมยังมีงานต่อ”

“ขอบคุณครับพี่พิงค์” เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง “ขอบคุณทุกคนด้วยนะครับ ผมขอตัวคุณเตชิตไปก่อน”

รวินท์เบ้ปากเล็กน้อย “เออ ไม่ต้องเอากลับมาคืนนะ”

“ไม่คืนแน่นอนครับ” คีรีคว้าแขนทันตแพทย์หนุ่มไว้ เขาหันไปพยักเพยิดหน้ากับเพื่อนๆ ทั้งสี่ซึ่งยืนยิ้มปริ่มเรียงกันเป็นแผง เหมือนลูกชายได้ออกเรือนอยู่ทางด้านหลัง หยิบกระเป๋าใส่กีต้าร์โปร่งมาถือไว้ แล้วบอกลาทุกคน “ไปก่อนนะครับ” จากนั้นก็กึ่งลากกึ่งจูงเตชิตออกจากข้างหลังเวทีไป



พอเดินออกไปได้เล็กน้อย สติกลับเข้าร่างได้เตชิตก็ดึงมือตัวเองออก “ไม่ต้องจูงก็ได้!”

เด็กหนุ่มไม่ปล่อยมือ ทว่าหันขวับไปประจันหน้าด้วย “ไม่ให้ผมจูง จะให้อุ้มเหรอครับ”

น้ำเสียงจริงจังของคนอ่อนวัยกว่าทำให้ทันตแพทย์หนุ่มผงะ “เฮ้ย!”

“ให้ผมจูงดีๆ นะ” คีรียิ้ม แล้วจูงอีกฝ่ายเดินต่อไป “รถผมจอดไว้ด้านหลังตึกเนี่ยครับ”

เตชิตยอมเดินตามไปเงียบๆ พอไปถึงรถ เด็กหนุ่มก็เปิดประตูออกให้เขาขึ้นไปนั่ง เก็บกีต้าร์ไว้หลังรถ จากนั้นก็วิ่งวนไปขึ้นนั่งตรงที่นั่งคนขับ แล้วขับรถออกไปช้าๆ

“ไม่ถามเหรอครับว่าผมจะพาคุณเตชิตไปไหน”

ทันตแพทย์หนุ่มทอดถอนใจ “จะพาไปไหนล่ะ”

“ไปคอนโดฯ ผมได้มั้ย”

“ถ้าผมบอกไม่ได้ คุณจะว่าไง”

“ไม่ได้ก็ช่าง ผมจะพาไปก็แล้วกัน”

“แล้วจะถามผมทำไมวะ!”

“ถามไปงั้นแหละ ที่จริงผมก็รู้ ว่าคุณเตชิตอยากไปกับผม” คีรีหันไปยิ้มกรุ้มกริ่มใส่ “ใช่มั้ยครับ”

เตชิตไม่ตอบ เขาเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ก็เพราะที่เด็กหนุ่มพูดมันแทงใจ เออ เขาอยากไปกับคีรีจริงๆ นั่นล่ะ ไหนๆ ก็มาถึงขนาดนี้แล้ว

รถยนต์วิ่งต่อไปอีกไม่นานก็เข้าไปจอดในที่จอดรถของคอนโดมิเนียม ทั้งสองคนเดินเคียงกันเข้าไปภายในตึก ตรงไปยังลิฟต์โดยสาร



เมื่อเข้าไปยืนอยู่ภายในลิฟต์ คีรีก็ชำเลืองมองคนข้างกันซึ่งแทบจะตลอดทางไม่ยอมหันมาสบตาเขาเลย เขาสูดหายใจเข้าปอดลึก เรียกความกล้าให้ตัวเอง จากนั้นจึงถามออกไป “ที่คุณพูดบนเวที คุณหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ ใช่มั้ยครับ”

เตชิตขมวดคิ้ว ยืนนิ่งเป็นเสาหิน

“คุณเตชิตครับ”

“คุณจะถามซ้ำไปซ้ำมาทำไมนักวะ”

“ก็ผมอยากมั่นใจนี่ครับ อยากได้ยินคำตอบของคุณตอนเราอยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้ นะครับ คุณเตชิต” 

มาถึงขนาดนี้ก็ควรจะซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองได้แล้วโว้ย ไอ้เต้เอ๊ย!

“อือ จริง ขอโทษที่ทำให้ต้องรอคำตอบนานนะ”

“คุณเตชิต...” คนอ่อนวัยกว่าอ้าปากค้าง แล้วยกมือขึ้นหยิกแก้มตัวเอง “นี่ตัวจริงรึเปล่าวะเนี่ย หรือผมกำลังฝัน”

เจ้าของชื่อหันไปทางเด็กหนุ่ม เขายกมือขึ้นช่วยหยิกแก้มอีกข้างให้ “ฝันมั้ยล่ะ”

“โอ๊ยๆ เจ็บครับ” คีรีหัวเราะ พอประตูลิฟต์โดยสารเปิดออก เขาก็คว้ามือทันตแพทย์หนุ่มวิ่งตรงไปยังห้องของตัวเองทันที

“ใจเย็นก็ได้คุณ ผมไม่หนีไปไหนหรอกน่ะ”

พอเปิดเข้าไปในห้องของตัวเองได้ เด็กหนุ่มก็ดึงเตชิตเข้ามาในอ้อมกอด พร้อมกับแนบจูบริมฝีปาก บดเคล้าอย่างแผ่วเบา แล้วถอนออก “คิดถึง... คิดถึงจังครับ คิดถึงคุณทุกวินาทีเลยรู้มั้ย”

ทันตแพทย์หนุ่มเขกศีรษะอีกฝ่าย “ไม่ต้องทำเป็นพูดดี คิดถึงแล้วหายหัวไปไหนตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาเนี่ย ถ้าผมไม่ได้มาหาคุณที่คอนโดฯ ก็ไม่เจอคุณ ไม่รู้เลยว่าคุณไปไหน ทำอะไร”

“อ้าว ผมนึกว่าคุณมาเพราะคุณตาขอไว้ซะอีก”

เตชิตหยุดกึก จากนั้นก็เบือนหน้าหนี

“คุณมาเพราะอยากเจอผมนี่เอง” คีรีสรุปเอาเองเสร็จสรรพ เมื่อเห็นว่าทันตแพทย์หนุ่มไม่เถียง เขาก็จะเหมาเอาว่าเป็นอย่างที่ตัวเองพูดนี่แหละ “ที่จริง... เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วผมไปหาคุณเตชิตที่คลินิกนะ”

“หาตอนไหนวะ อย่ามาโกหก”

“ไม่ได้โกหกนะครับ ผมไปหาคุณ จะขอโทษคุณเรื่อง...คืนก่อนหน้า แต่เจอคุณอยู่กับรุ่นน้องวิดวะ”

เตชิตทำหน้านิ่วพลางนึกย้อนกลับไป “คุณหมายถึงตึ๋งเหรอ เขาเป็นลูกผู้ช่วยผมนะ”

คีรีพยักหน้าหงึกๆ “ผมเห็นคุณกอดเขา ให้เงินเขา ดีกับเขาเหมือนกับผม... ทำให้ผมเข้าใจผิดคิดไปไกล ตอนนั้นตกใจแล้วก็เจ็บมากเลยครับ ผมเลยถอยกลับไปตั้งหลักก่อน แต่โชคดีที่หมอวินส่งพี่พิงค์กับเพื่อนมาที่คณะ ผมเลยได้ถามพี่พิงค์ว่าเขาเป็นใคร”

“รู้แล้วทำไมยังเงียบอยู่ล่ะ ทำไมไม่รีบมาหาผม” เตชิตโอบกอดตอบ จากนั้นจึงซบใบหน้าลงบนหัวไหล่ของเด็กหนุ่ม

“ผมไม่กล้า... บอกตรงๆ ว่าป๊อดมาก ผมยังไม่พร้อม และคงต้องปวดใจตายถ้าหากคุณเตชิตปฏิเสธผมอีก อีกอย่าง... ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมรู้ตัวว่าทั้งบีบคั้นทั้งผูกมัดคุณมากเกินไป เพราะงั้นผมจึงควรจะให้พื้นที่คุณให้หายใจหายคอคล่องขึ้นบ้าง ผมต้องอดทนแทบตาย คิดถึงคุณอยู่ตลอด” คีรีลูบแผ่นหลังคนในอ้อมแขนช้าๆ “พี่พิงค์มาชวนผมกับเพื่อนไปงานไนต์ พวกผมเลยเสนอตัวขอไปช่วยงานด้วย พี่ๆ เขาเลยให้โอกาสผมขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีน่ะครับ ผมรู้ว่าคุณเตชิตจะมางาน ก็เลยเลือกสองเพลงนี่มาร้องให้คุณครับ”

เตชิตยิ้มบาง เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ ด้วย ถ้ามีโอกาสทำให้เขาประทับใจได้ คีรีจะต้องคว้าไว้แน่ “ขอบใจนะ แต่ต่อไปไม่ต้องทำแบบนี้อีกแล้ว”

คนอ่อนวัยกว่าชะงัก เขาคลายอ้อมแขนออกเล็กน้อยเพื่อสบตากับทันตแพทย์หนุ่ม

“ต่อจากนี้ไป ถ้าอยากจะร้องเพลงให้ผมฟังก็ร้องตอนที่เราอยู่ด้วยกันสองคนก็พอ”

แววตาของเด็กหนุ่มสั่นไหวเล็กน้อย เขาอ้าปากค้าง เม้มปาก แล้วก็อ้าปากค้างอีกรอบ อันที่จริงก็ไม่ค่อยอยากเชื่อหูตัวเองสักเท่าไหร่แล้วตอนนี้

“อย่าทำหน้าเหมือนเจอผีแบบนี้สิวะ” เตชิตหลุบตาลงต่ำ “ผมรู้แล้วว่าคุณตกใจ ผมเองก็ไม่เคยพูดกับใครแบบนี้เหมือนกันเว้ย”

คีรียกมือขึ้นจับหัวไหล่ทั้งสองข้างของคนตรงหน้าไว้พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “คุณเตชิต ผม... ขอฟังความรู้สึกคุณชัดๆ อีกครั้งได้มั้ย”

“ผมพูดต่อหน้าคนเป็นพันยังไม่พอใจอีกรึไง”

น้ำเสียงงอนๆ นั่นทำให้เด็กหนุ่มหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ “ต่อหน้าคนเป็นพันยังไงมันก็ไม่สำคัญเท่าบอกผมต่อหน้า เวลาที่เราอยู่กันตามลำพังแบบนี้หรอกครับ” เขากระซิบชิดใบหูอีกฝ่าย “นะครับ บอกผมที”

“คุณก็พูดก่อนสิ”

“ผมรักคุณเตชิตนะครับ รักที่สุดในโลกเลย อะ ผมพูดแล้วนะ”

เมื่อถึงคราวตัวเองบ้าง เตชิตก็พ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “เออๆ ผมรักคุณ”

“งั้น... เราเป็นแฟนกันแล้วเนอะ”

“ขนาดนี้แล้วยังต้องถามอีกเหรอวะ!”

“ก็อยากได้ยินให้ชัดๆ นี่ครับ”

“เออ เป็นก็เป็น”

คีรีหัวเราะ สองแขนรวบกอดทันตแพทย์หนุ่มเข้ามาแนบกาย หัวใจของเขาทำงานหนักมาก มันเต้นแรงจนเหมือนจะกระเด็นออกมานอกอกอยู่แล้ว เขาจูบแก้มอีกฝ่ายพลางกระซิบบอก “ขอบคุณครับ” จากนั้นก็กึ่งลากกึ่งจูงทันตแพทย์หนุ่มให้เดินตามไปอย่างรวดเร็ว

“คุณจะรีบไปไหนอี้กก~”

“ไปที่เตียงครับ”

“ไปทำอะไรที่เตียงวะ!”

“พาแฟนไปฉลองครับ”

“ฉลองอะไรของคุณวะ!” พูดไม่ทันขาดคำ ตัวเขาก็หงายหลังลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว “คีรี!”

เจ้าของชื่อขยับขึ้นไปคร่อมทับ “ครับ”

พอเด็กหนุ่มโน้มใบหน้าลงมา เตชิตก็เอามือยันใบหน้าอีกฝ่ายไว้ “เดี๋ยวๆ”

คีรีจับข้อมือทันตแพทย์หนุ่มยกขึ้นมาตรงหน้า แต้มจูบตรงข้อมือแล้วลากปลายลิ้นลงไปตามท้องแขน

เตชิตเบิกตากว้าง “เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนเว้ย!” ก่อนจะดิ้นพราดๆ ครั้นจะพลิกตัวหลบก็เกรงว่าจะเข้าทางคนบนร่างไปอีก แต่พอดิ้นหนักเข้าก็กลายเป็นว่าเด็กหนุ่มกดข้อมือทั้งสองข้างของเขาลงกับเตียง เขาหน้าเสีย ยกขาขึ้นถีบลมถีบฟ้าแล้วโวยวายเสียงดัง “คีรี! ปล่อยผมนะเว้ย! ไอ้เด็กบ้า!”

“คุณเตชิตเป็นอะไร ใจเย็นๆ ก่อนสิครับ” คนอ่อนวัยกว่าจูบหน้าผากทันตแพทย์หนุ่มอย่างอ่อนโยน “ผมแค่อยากกอดคุณเอง”

“แค่อยากกอด ยืนกอดก็ได้มั้ยวะ!”

“ก็กอดบ้าง ทำอย่างอื่นบ้างไม่ได้เหรอครับ”

“ไม่ได้เว้ย!”

“ทำไมอ่า ผมขอกอดแฟนผมหน่อยไม่ได้เหรอ ก็ผมรักผมคิดถึงคุณนี่นา”

น้ำเสียงอ้อนๆ นั่นเป็นผลให้เตชิตหยุดดิ้นแล้วหันหน้าหนี “คีรี คือผม...” เวลานี้ใบหน้าร้อนเหมือนไอ้วินเพื่อนรักกำลังสุมไฟใส่

“ทำแบบที่เราเคยทำก็ไม่ได้เหรอ ใจผมจะขาดอยู่แล้วนะ คุณเตชิตไม่คิดถึงผมบ้างเลยเหรอ”

คนใต้ร่างอยากจะร้องไห้ น้ำเสียงแบบนี้ ไอ้เด็กนี่ต้องรู้แน่ว่าทำให้เขาใจอ่อนมันทุกที ใช่เว้ย พวกเขาเคยนัวเนียกันมาก่อนหลายครั้งด้วย แต่ตอนนั้น เขาคิดว่าตัวเองเคยปล้ำเด็กหนุ่มแล้วนี่หว่า! ส่วนตอนนี้น่ะ มีแววว่าตัวเองจะเป็นคนโดนปล้ำเองแน่ๆ สถานการณ์มันไม่เหมือนกันโว้ย!

“กอดอย่างเดียวก็ได้ครับ” เด็กหนุ่มปล่อยข้อมือคนใต้ร่างให้เป็นอิสระ เปลี่ยนเป็นโอบกอดพร้อมกับซบใบหน้าลงบนแผ่นอกแทน “คิดถึง”

โอย แย่...แย่แน่กู... เสียเอกราชแน่ๆ

“คุณเตชิตหัวใจเต้นแรงจัง”

ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นปิดใบหน้า ซึ่งเขาคิดว่ามันคงจะแดงมากกว่าเดิมไปสามสิบเฉดแล้วตอนนี้

“มีอะไรรึเปล่าครับ คุณเตชิตเป็นอะไร” คนอ่อนวัยว่ายกศีรษะขึ้นพลางดึงมืออีกฝ่ายที่ปิดใบหน้าไว้ออก พอเห็นว่าทันตแพทย์หนุ่มหน้าแดงเป็นลูกตำลึงก็หัวเราะ “อย่าทำหน้าน่ารักแบบนี้สิครับ เดี๋ยวผมอดใจไว้ไม่ไหวนะ”

“น่ารักกะผี ออกไปเลยเว้ย!”

“อะ ออกก็ได้” คีรีอมยิ้ม ก่อนจะขยับออก หากทันตแพทย์หนุ่มยังคงนอนนิ่งค้างทำตาปริบๆ อยู่ในท่าเดิม “เอ้า ผมขยับออกแล้วนะครับ ไม่รีบลุกขึ้นเดี๋ยวผมเปลี่ยนใจนะ”

เตชิตกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง เขาจ้องเด็กหนุ่มอย่างไม่อยากไว้ใจพร้อมกับค่อยๆ กระถดไปติดกับหัวเตียง

คีรีค่อยๆ ถอยออกจากเตียง จากนั้นก็ส่งมือให้ทันตแพทย์หนุ่ม “มากับผมแป๊บสิครับ จะพาไปดูกีต้าร์ทั้งหมดของผมที่มีอยู่ที่นี่”

ไม่รู้ว่าอะไรทำให้คีรีเปลี่ยนใจ แต่ถึงอย่างไรไปดูกีต้าร์ก็น่าจะโอเคกว่านั่งอยู่บนเตียงแบบนี้ เตชิตคิดแล้วก็เอื้อมมือไปจับมือคนอ่อนวัยกว่า จากนั้นก็เดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในตู้เสื้อผ้าแบบ Walk-in

เจ้าของห้องเลื่อนบานประตูตู้หลังหนึ่งออกกว้าง เผยให้เห็นกีต้าร์โปร่งและกีต้าร์ไฟฟ้าที่จัดวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบภายใน “ตัวนี้ ดูเก่าสุดเลยเห็นมั้ยครับ นี่คือตัวที่ผมสุดรักสุดหวง ที่ผมใช้เล่นให้คุณฟังไง ส่วนตัวที่เล่นให้พวกเพื่อนๆ ฟัง กับที่เล่นในงานไนต์อยู่หลังรถน่ะครับ”

“แล้วกีต้าร์ไฟฟ้าที่คุณเล่นบนเวทีล่ะ ไม่เห็นเอากลับมาด้วย”

“อ๋อ ตัวนั้นผมยืมของรุ่นพี่ใช้ครับ จริงๆ ก็ยังมีอีกนะครับ แต่ต้องไปดูที่บ้านผมที่เชียงราย” พอเห็นว่าเตชิตยื่นหน้าเข้าไปสำรวจดูกีต้าร์ก็พูดต่อ “เห็นมั้ยล่ะ ผมไม่ได้โกหกเลยน้า”

“อือ”

“อยากฟังเพลงอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ”

“เพลงภาษาอังกฤษที่คุณร้องบนเวทีวันนี้” เตชิตหันไปทางเด็กหนุ่มแล้วยิ้มบาง “ร้องให้ฟังอีกทีนะ”

“โอเคเลย”

คีรีเอื้อมมือไปหยิบกีต้าร์โปร่งออกมา มืออีกข้างจูงทันตแพทย์หนุ่มกลับเข้าไปในห้องนอนแล้วก็ดึงให้นั่งลงบนเตียงข้างกัน จากนั้นก็ร้องเพลงและดีดกีต้าร์เพลงที่อีกฝ่ายบอก

เตชิตก้มหน้าลงมองปลายนิ้วที่ขยับไปมาอยู่บนสายกีต้าร์ สลับเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่ร้องเพลงให้ฟัง

“I'm thinking out loud
That maybe we found love right where we are”

เมื่อเสียงเพลงจบลงเขาก็ตบมือทันควัน “เก่งๆ”

“อยากฟังเพลงไรอีกว่ามาเลยครับ”

“อะไรก็ได้”

“more than words ดีมั้ย”

“โอ้โห ร้องเพลงนี้ก็ได้เหรอ เอาสิๆ”

คีรีหัวเราะ “เพลงนี้นี่มันเพลงบังคับของกีต้าร์โปร่งเลยนา ผมเล่นไม่ได้ก็แย่แล้ว”

พอฟังเพลงไป รอยยิ้มของทันตแพทย์หนุ่มก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ จะว่าไปเขาก็ปลื้มนะ ที่แฟนทั้งร้องเพลงเก่งเล่นกีต้าร์เก่ง แถมยังเท่ขนาดนี้ 

คีรีจ้องมองคนข้างกันอย่างไม่วางตาพลางยิ้มกริ่ม ที่ยอมถอยออกมาก่อนแล้วมานั่งร้องเพลงอยู่อย่างนี้ ก็เพื่อที่จะให้เวลาอีกฝ่ายได้สงบใจลงบ้างนั่นล่ะ



*TBC*



ฮัสเก้งกลับมาแร้ววววว คิดฮอดกันบ้างมั้ยค้า~ /โดดทิ้งตัวใส่ทุกคน

ขอเสียงให้หมอเต้หน่อยเร้ววว วันนี้น่ารักใช่มั้ยล่า จุ๊ฟๆ

แต่ให้เวลาหมอเต้อีกนิดนะคะ ยังมั่ยพร้อมจะมีปั๋วเด็ก 555555555 เคยแต่คิดจะรุกเขา พอจะถูกรุกบ้าง มันต้องใช้เวลาทำใจ 55555555555555

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่า หวังว่าตอนนี้จะทำให้ทุกคนยิ้มไปด้วยกับน้องคีรีได้ รักน้า~

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: Mariinariiz ที่ 07-05-2019 17:41:25
เขินอ่ะ เขินนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 07-05-2019 17:43:10
 :o12: โอ้ยยยยยย.ลุ้นตั้งนาน
 :impress2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 07-05-2019 17:52:57
ละลายย เล่นใหญ่ อลังการดาวล้านดวงมากกกก 5555 คีรีเอ๊ยย ดีกันซะดี โอยย ลุ้นแย่เลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 07-05-2019 18:32:07
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 07-05-2019 18:39:49
คีรีมันร้าย

อาศัยจังหวะ

พี่หมอเต้มึนๆงง

ลากขึ้นเตียงคลุกวงใน

ดีพี่หมอเต้สติดี

ไม่งั้นเสร็จอิเด็กดอยปอยเปตนี่แน่ๆ

สงสารพี่หมอเต้ที่เคยเป็นเสือร้าย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 07-05-2019 18:45:50
ของแบบนี้มันต้องลองค่าหมอเต้ ดูหมอวินหรือถามหมอวินได้ ตอนนี้ติดใจการมีปั๋วเด็กไปแว้ววว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 07-05-2019 18:48:43
คราวนี้ก็มานั่งลุ้นกันว่าเมื่อไหร่หมอเต้จะทำใจยอมเสียเอกราชสักที 555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 07-05-2019 19:18:16
ขนาดนี้แล้วหมอเต้โดนกินแน่ๆ ช่วงนี้ดูมึนๆอีกต่างหาก5555 พอจะหวานก็มดขึ้นจอเลยน้า :-[
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-05-2019 19:19:59
 :mc4: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :mc4:

 :L1: :pig4: :L1:


 o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 07-05-2019 19:21:20
หมอเต้อยากเป็นอมตะ เลยต้องกินเด็กคีรีซินะ
แรกๆนี่คิดว่าหมอเต้จะรุกซะอีก แบบนี้ลุ้นไม่ขึ้นแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-05-2019 19:31:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 07-05-2019 20:25:03
เสร็จโจรแน่ๆ หมอเต้คืนนี้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-05-2019 21:52:56
 :pig4: :pig4: :pig4:

เสียเอกราชแน่นอนหมอเต้  ทำใจได้เลย  หุหุ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-05-2019 22:11:43
 :impress2: :impress2:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 07-05-2019 22:34:06
เด็กนี่มันร้ายนะคะหมอเต้

แพ้ทางคีรีทุกทางเลยย ต่อให้คีรี หันมายิ้มเฉยๆก็ดูท่าทางจะชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้

นี่ว่าหมอเต้แพ้ หมอเต้แพ้อย่างหมดรูปเลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 07-05-2019 23:17:02
ในที่สุดก็ได้บอกรักกันแล้ว ^^
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 08-05-2019 00:12:24
ตอนหน้า ถ้าไม่ได้กัน เราไม่ยอมมมมม  :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 08-05-2019 00:40:44
หมอเต้ยอมๆเด็กมันไปเหอะ อิอิ :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 08-05-2019 01:22:27
มีความรู้สึกว่าหมอเต้เหมือนแกะน้อยๆ ทีกำลังถูกหมาป่าล่อลวงยังไงไม่รู้  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-05-2019 01:34:06
รอจุดพลุฉลองตอนพี่เต้เสียเอกราช :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 08-05-2019 10:00:28
อย่ายอมแพ้นะหมอเต้ สู้ๆ สู้ๆ ใจสู้นะ ร่างกายไม่ต้อง อิอิอิ
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 08-05-2019 10:18:24
 :mc4: เป็นแฟนกันแล้ว มาดูกันว่าจะโดนเด็กกิน เอ้ยกินเด็กตอนไหน เชื่อเราให้เด็กกินซะดีๆ หมอเต้จะเป็นอมตะตามหมอวิน  :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 08-05-2019 10:53:32
 :o8:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 08-05-2019 16:46:20
เด็กมันร้ายยยยยยยยย
เขามีแผนค่ะพี่หมอ!!!!  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 08-05-2019 19:27:54
มาต่อเลยได้มั้ย เราทนรอจนถึงวีคหน้าไม่ไหวแล้วอะ  :hao5: :sad4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 08-05-2019 21:41:59
หมอเต้จะรอดมั๊ยนี่
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 08-05-2019 23:14:54
ดีกันสักที
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 08-05-2019 23:36:41
ถ้าไม่ได้เพื่อนๆ น้องๆช่วยจะได้บอกรักกันเมื่อไหร่เนี้ย แล้วคีรีจ๊ะเป็นแฟนปุ๊บลากขึ้นเตียงปั๊บเลยหรา ใจเย็นลูกกก o18
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 09-05-2019 08:26:46
เด็กมันร้าย :mew3: :mew4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 09-05-2019 10:55:11
คบกันสักที o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 09-05-2019 18:39:43
มันส์จริงๆงานนี้  o13 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 10-05-2019 11:15:15
หวานไปอีกกกกก :o8:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 10-05-2019 13:24:31
  :-[ สารภาพรัก เกรี้ยวกาด ประกาศให้โลกรู้กันเลยจ้า 
พิหมอเต้ยังไม่รู้ตัวว่า กลายเป็นลูกกวาง ที่เสือร้ายมันจ้องจะขย้ำ   :z1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 10-05-2019 13:32:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
อ่านทันแล้วจร้าาาาา
 :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 10-05-2019 14:13:11
ละแล้วหมอเต้ก็จนมุม  :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 12-05-2019 01:32:35
# ทีมเกาะขอบเตียง รอพี่เต้เสียกรุง555
 :z2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 13-05-2019 17:43:58
หมอเต้คงต้องปรึกษาเพื่อนรักแล้วล่ะว่าตอนเสียเอกราชต้องทำยังไงบ้าง เตรียมตัวเตรียมใจไว้แต่เนิ่นเนิ่นดีกว่า 5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 15-05-2019 13:03:34
 :call: :call:
Yep!!!! ในที่สุดหมอเต้ก็มีแฟนซะทีแถมได้แฟนงานดีเวอร์ๆน่ารักที่สุดเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 15-05-2019 18:23:40
คุณฮัสกี้ยังไม่มาซะที รอนานแล้วน้าา  :ling1:  :ling3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 30 : สารภาพรัก(สักที) [070519]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 15-05-2019 20:03:26


Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม


เสียงทุ้มนุ่มและเสียงของกีต้าร์ช่วยทำให้บรรยากาศภายในห้องดีขึ้น ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มหน้าบานอย่างมีความสุข นั่งฟังคนรักร้องเพลงไปเรื่อยๆ

“คอแห้งแล้วอะ เดี๋ยวผมไปหาน้ำดื่มหน่อยดีกว่า คุณเตชิตอยากดื่มอะไรมั้ยครับ”

“น้ำเปล่าก็ได้”

“งั้นรอเดี๋ยว”


เมื่อคีรีเดินออกจากห้องไป เตชิตก็หยิบกีต้าร์ที่อีกฝ่ายวางไว้ขึ้นมาดู พอใช้ปลายนิ้วดีดสายกีต้าร์เบาๆ มันก็เกิดเป็นเสียงอยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้ออกมาเป็นเพลงแบบที่คีรีเล่นให้ฟังได้

พอคนอ่อนวัยกว่าเดินกลับเข้ามาเห็นก็กระตุกยิ้มมุมปาก เขาวางแก้วน้ำไว้บนหลังตู้ที่ตรงหัวเตียง แล้วก็รีบคลานขึ้นเตียงไปนั่งประกบอยู่ทางด้านหลังของทันตแพทย์หนุ่ม “อยากเล่นเหรอครับ” เขากระซิบชิดใบหู

“สอนหน่อยสิ”

เข้าทางเด็กหนุ่มเป๊ะ เขารีบวางมือซ้อนมืออีกฝ่าย “เอาแบบคอร์สเร่งด่วนเลยละกัน เดี๋ยวผมจับคอร์ดให้ แล้วมือขวานี่ก็ขยับตามผมไปก่อนนะ”

“โอเค”

“ไล่คอร์ดก่อน ช้าๆ นะ”

คีรีสอนไปก็ขยับเข้าใกล้ทันตแพทย์หนุ่มไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแผ่นหลังอีกฝ่ายแนบสนิทกับแผ่นอกตน จากนั้นก็สอนให้เล่นเพลงช้าๆ ง่ายๆ ร้องเพลงไปก็ใช้ปลายจมูกไล้ข้างแก้มคนในอ้อมแขนไป

เตชิตยิ้มมุมปาก อันที่จริงเขาก็พอจะมองจุดประสงค์ของเด็กหนุ่มออกนั่นละ ก็รุ่นนี้แล้ว แต่เห็นว่าอีกฝ่ายอุตส่าห์ยอมอดทน ให้เวลาเขาได้สงบใจก่อน เพราะงั้นก็ปล่อยให้ตอดเล็กตอดน้อยไปบ้าง ไม่ว่ากัน

แต่แล้วคนอ่อนวัยกว่าก็หยุดนิ่งพร้อมกับกุมมือทันตแพทย์หนุ่มไว้ “ผมทนไม่ไหวแล้วอะ ขอจูบหน่อยได้มั้ยครับ”

เตชิตหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เขาหันกลับไปหาเด็กหนุ่มแล้วแต้มจูบเรียวปากตรงหน้า

คีรีรีบวางกีต้าร์ลง เปลี่ยนเป็นกอดทันตแพทย์หนุ่มไว้ในอ้อมแขนแทน เขาบดจูบกลีบปากนุ่ม สอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดอย่างเนิบนาบและนุ่มนวล พยายามข่มใจไม่ให้รุกหนักจนเกินไป ก่อนจะถอนริมฝีปากออกมาช้าๆ ทว่าดวงตาก็ยังจ้องมองเรียวปากที่เพิ่งจากมาอย่างไม่วางตา

เตชิตค่อยๆ เอนศีรษะซบลงบนไหล่ของเด็กหนุ่ม “ขอบใจนะ”

“ใจเย็นลงมากแล้วใช่มั้ยล่ะ งั้นบอกผมได้รึยังครับ เมื่อกี้เป็นอะไร”

“เครียด”

“เครียดเรื่องอะไรล่ะครับ”

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจหนักๆ “ก็คิดว่าคุณจะปล้ำผมน่ะสิ”

“ก็เข้าใจไม่ผิดหรอก ตอนนี้ก็ยังอยาก”


โห ชัดเลย กูหนอ...


“ไม่ได้เหรอครับ”


แล้วดูมันถาม...


เตชิตเงยหน้าขึ้นมองพลางวางมือประกบแก้มเด็กหนุ่ม “คุณน่ะ เด็กกว่าผมตั้งห้าปีเชียวนะ แล้วคุณตาคุณก็ฝากให้ผมดูแลคุณตอนที่ท่านไม่อยู่ ถ้าท่านรู้ว่าผม...”

“อย่าเอาเรื่องอายุกับคุณตาผมมาเป็นข้ออ้างเลย คุณเตชิตนี่หาข้ออ้างเก่งชะมัด” คีรียกมือขึ้นบีบจมูกคนในอ้อมแขน “อายุมันก็แค่ตัวเลข  ผมมันแก่แดด แถมโตเมืองนอก ความแก่แดดยิ่งเพิ่มไปอีกเท่าตัว ส่วนเรื่องคุณตา ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เพราะท่านเคารพการตัดสินใจของผมเสมอ เมื่อท่านรู้ว่าผมรักคุณ ท่านก็จะรักคุณด้วย”

“โห คารม กล่อมเก่งเนอะ”

“ก็มีแฟนหาข้ออ้างเก่งก็ต้องกล่อมเก่งละครับ” เด็กหนุ่มเชยคางอีกฝ่ายขึ้นพร้อมกับเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกชนกัน “ที่สำคัญที่สุด มันอยู่ที่ตัวคุณเตชิตมากกว่า”

ลมหายใจของทันตแพทย์หนุ่มขาดห้วง “....”


“อยากให้ผมปล้ำคุณมั้ยครับ”


“โห... โรแมนติกโคตรๆ ถามดีๆ หน่อยได้มั้ยเนี่ย”

“อะ ซ็อฟต์ลงหน่อยก็ได้ คุณเตชิตจะยอมเป็นของผมได้มั้ยครับ”

“ขอคิดดูก่อนได้มั้ยอะ”

“ไม่ได้ครับ”

“อะไรวะ นี่มันเรื่องใหญ่นะเว้ยคุณ ผมต้องใช้เวลาเตรียมใจมะ”

“โธ่ ผมก็ยังไม่ได้จะปล้ำคุณวันนี้เลยสักหน่อย แค่ทำเรื่องขออนุญาตไว้ก่อนเอง นะๆ นะครับ”

นี่พวกเขากำลังตกลงอะไรกันอยู่วะเนี่ย!

“อย่าคิดนานสิครับ ตกลงให้ปล้ำได้เปล่า”

เตชิตทำหน้านิ่ว คิดว่าถ้าไอ้วินมาได้ยินเข้า มันต้องหัวเราะจนตกเก้าอี้แน่

“ผมรักคุณนะ ถ้าไม่รักมากก็ไม่อยากปล้ำหรอกนะเนี่ย”

“กล่อมดีๆ หน่อยสิวะ เฮ้ย!” คุยกันอยู่ดีๆ คีรีก็กดเขาลงกับเตียงอีกแล้ว “คุณนี่มัน...” เขายกมือขึ้นกุมขมับ

คีรีจับมือทันตแพทย์หนุ่มไปจูบ เมื่อสายตาประสานกัน เตชิตก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ มองเห็นชะตากรรมตัวเองอยู่รอมร่อ

“ผมสัญญาว่าจะทำให้คุณเตชิตมีความสุข จะถนอมคุณ รักคุณให้มากที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักคนสักคนได้ เชื่อใจผมเถอะนะครับ”

“ผมเชื่อ”

คนอ่อนวัยกว่ายิ้มบาง “ขอบคุณครับ” เขาเอนตัวลงนอนข้างกันแล้วกอดทันตแพทย์หนุ่มไว้แนบกาย

“แต่ยังไม่วันนี้นะเว้ย ขอเวลาผมทำใจก่อน” เตชิตพูดเสียอ่อย

“ครับๆ” เด็กหนุ่มยิ้มกริ่ม

“หน้าตาคุณโคตรไม่น่าไว้ใจเลยว่ะ”

“เมื่อกี้ยังบอกเชื่อใจผมอยู่เลย” คีรีหัวเราะ


ทั้งสองนอนมองตากันนิ่งๆ พักหนึ่งให้ทันตแพทย์หนุ่มได้เสียวสันหลังเล่น แล้วฝ่ามือที่วางอยู่บนตัวเขาก็เริ่มขยับทีละน้อย ลูบไล้ไปบนเสื้อยืดที่สวมอยู่ช้าๆ

เตชิตเห็นท่าไม่ดีจึงผลักเด็กหนุ่มออกไปเบาๆ “คุณไปอาบน้ำไป วันนี้แต่งหน้าด้วยไม่ใช่รึไง อากาศร้อน เหงื่อออกก็เยอะ ไปๆ เหม็นเหงื่อ”

“เหม็นเหรอครับ” คีรียกเสื้อขึ้นดม “แต่คุณเตชิตก็เหงื่อออกเหมือนกันนี่นา”

“เออ นั่นสินะ” ทันตแพทย์หนุ่มจับเสื้อตัวเองขึ้นมาดมบ้าง

“เราไปอาบน้ำด้วยกันมั้ย”

“ฮะ!?”

“ผมล้อเล่นน่า งั้นเดี๋ยวผมมานะ” คีรีลุกออกจากเตียงอย่างว่าง่าย แล้วก็จัดการแก้ผ้ามันที่ตรงข้างเตียงนั่นล่ะ เมื่อถอดเสื้อออกเสร็จก็ปลดซิปกางเกงยีนต่อ พอเห็นว่าคนที่นั่งอยู่บนเตียงมองมาที่ตนก็ยิ้มมุมปาก “อยากให้เต้นประกอบการถอดด้วยมั้ยครับ”

เตชิตหัวเราะพลางส่ายหน้า “ไม่ต้องเว้ย เข้าไปถอดในห้องน้ำนู่นไป๊ แล้วรีบๆ อาบน้ำด้วย”

“โธ่ เอาใจยากจัง” เด็กหนุ่มก้มลงหยิบเสื้อ จากนั้นก็ก้าวฉับๆ เข้าห้องอาบน้ำไป


ทันตแพทย์หนุ่มพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ รู้สึกหายใจหายคอคล่องขึ้นมาหน่อย เขานี่แม่ง เหมือนสาวน้อยรอวันเสียตัวชะมัด

เตชิตยืดแขนขาออก ฝ่ามือกวาดไปบนเตียงกว้าง ไปๆ มาๆ พอคนอ่อนวัยไม่อยู่ก็รู้สึกว่ามันโล่งมากเหลือเกิน ห้องนอนที่กว้างมากอยู่แล้วดูกว้างมากขึ้นไปอีก เขาลุกออกจากเตียงแล้วเดินดูภายในห้อง ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะอ่านหนังสือของเด็กหนุ่ม

โต๊ะหนังสือขนาดใหญ่ทำจากไม้ มีพื้นที่สำหรับจัดวางแล็ปท็อปและชั้นวางหนังสือ หน้าโต๊ะมีกระจกใสวางทับไว้อีกชั้น เอาไว้สำหรับวางแผ่นจดโน้ตสั้นๆ ไว้ภายใต้แผ่นกระจกนั้น ทว่าพื้นที่ตรงนั้นมีรูปถ่ายของเตชิตอยู่เต็มไปหมด

“หือ?” ทันตแพทย์หนุ่มก้มลงพิจารณาดู รูปถ่ายตรงหน้านี่ รวมตั้งแต่สมัยเขายังเป็นละอ่อนน้อยปีหนึ่ง ยาวมาจนถึงรูปในปัจจุบัน มีรูปถ่ายที่ออบหลวงด้วยกันอีกหลายรูป เขายิ้มออกมาเล็กน้อย

“น่ารักว่ะ”

การที่ได้รักใครสักคน และได้รับความรักตอบกลับมามากมาย มันทำให้หัวใจพองโต มีความสุขมากอย่างนี้นี่เอง จะว่าไป เขาเองก็เพิ่งเคยได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก

เมื่อนึกย้อนกลับไป คีรีก็อดทนและพยายามมากจริงๆ

ปลื้มว่ะ เข้าใจอาการยิ้มปากบานของไอ้วินทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องไอ้น้องพิงค์แล้ว

เดินไปเดินมาสักพักก็รู้สึกคอแห้ง เขาจึงเดินไปยกแก้วน้ำที่หลังตู้ข้างเตียงขึ้นมาดู น้ำในแก้วยังเย็นๆ อยู่นิดหน่อย แต่เขาอยากดื่มน้ำอุ่นมากกว่า จึงคิดว่าจะไปหาเอาจากในครัว

พอเข้าไปถึงในครัวก็เดินสังเกตการณ์ไปรอบๆ ก่อนหนึ่งรอบ เห็นมีชาผลไม้อยู่ก็เลยคิดว่าจะชงไปดื่มกับเด็กหนุ่ม พอกดกระติกต้มน้ำร้อนแล้วก็ยืนรออยู่ภายในห้องครัวนั้น

แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงประตูเปิดปิดดังมาแว่วๆ ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าถี่ๆ เตชิตจึงชะโงกหน้าออกจากครัวไปมองดู สบตากับคนที่วิ่งวุ่นอยู่แถวหน้าห้องพอดี


“คุณเตชิต! อยู่นี่เอง!”

เด็กหนุ่มนุ่งผ้าเช็ดตัวไว้หลวมๆ ที่คอมีผ้าขนหนูพาดไว้ เนื้อตัวยังมีหยดน้ำเกาะอยู่ประปราย เส้นผมเปียกชื้นลู่ไปตามกรอบหน้า เขาหอบหายใจหนักๆ สีดูหน้าตื่นๆ

ทันตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว “คุณเจอผีในห้องน้ำมารึไงเนี่ย”

“ออกจากห้องน้ำมาก็ไม่เจอคุณ ผมนึกว่าคุณหนีกลับไปแล้ว ตกใจหมดเลย”

พอได้ยินเช่นนั้นเจ้าของชื่อก็หัวเราะออกมาเบาๆ เขาเดินเข้าไปหา แล้วหยิบผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนลำคอขึ้นมาช่วยเช็ดผมให้ “ผมจะหนีทำไมวะ คุณไม่ใช่เจ้าหนี้ผมสักหน่อย ผมแค่อยากดื่มน้ำอุ่นๆ น่ะ ก็เลยมาชงชาในครัว”

เด็กหนุ่มทำหน้าเศร้า “ก็... คุณไม่อยากโดนผมปล้ำนี่นา”

“ไม่ใช่ไม่อยากเว้ย แค่วันนี้ยังไม่พร้อม”

“ฮะ?”

เตชิตชะงัก เขาพูดอะไรออกไปวะ! ใบหน้าของทันตแพทย์หนุ่มซับสีเลือด “เอ้ย! ผม... ผมหมายถึง...” แต่พอจะดึงมือกลับ คนอ่อนวัยกว่าก็คว้ามือเขาไว้

“อย่าน่ารักมากนักสิครับ รู้มั้ยว่าผมต้องอดใจมากแค่ไหน” เด็กหนุ่มก้าวเข้าไปหาเตชิตช้าๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็ถอยหลังไปจนชิดผนัง เขาวางมือประกบแก้มทันตแพทย์หนุ่มพลางยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ “คุณเตชิต” ก่อนจะแนบจูบริมฝีปากตรงหน้า บดเบียดเข้าหาอย่างเชื่องช้าและนุ่มนวลในช่วงแรก และพออีกฝ่ายเผยอริมฝีปากรับก็รีบสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากอุ่น

เตชิตยกมือขึ้นโอบกอดคนอ่อนวัยว่า สองลิ้นเกี่ยวกระหวัดอย่างไม่มีใครยอมใคร จนหยาดน้ำใสไหลล้นออกมาจากตรงมุมปาก

คีรีละเรียวปากออกมาเล็กน้อย ไล่จูบจากมุมปาก ลากปลายลิ้นผ่านลำคอ แล้วไปหยุดจูบไซ้ตรงซอกคอในขณะที่ฝ่ามือสอดเข้าไปภายในตัวเสื้อเพื่อคลึงเคล้นไปบนลำตัวของทันตแพทย์หนุ่ม เขาใช้ปลายนิ้วหยอกล้อกับติ่งไตที่รัดตัวแข็งจากการสัมผัสของตน จากนั้นจึงเลื่อนมือลงไปรูดซิปกางเกงอีกฝ่ายออกพร้อมกับย่อตัวลงนั่งบนเข่าข้างหนึ่ง

เตชิตก้มลงมองคนอ่อนวัยกว่าใช้ปากกับส่วนไวสัมผัสของตน เขาสอดนิ้วเข้าไปในกลุ่มเส้นผมสีอ่อนพร้อมกับคลึงศีรษะให้ช้าๆ พอเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตาก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย


รู้สึกดีเป็นบ้า


ทันตแพทย์หนุ่มจงใจส่งเสียงครางออกมายั่วเย้า ซึ่งก็ดูจะได้ผลดี อีกฝ่ายเร่งขยับศีรษะ ปลายลิ้นตวัดไหวอย่างรู้งาน เร่งเร้าให้อารมณ์ของเขาปั่นป่วนถึงจนขีดสุด เขาขยุ้มเส้นผมของคนอ่อนวัยกว่าไว้แน่น ร่างกายกระตุกเกร็ง

คีรีถอนริมฝีปากออกช้าๆ พลางแลบลิ้นเลียไปรอบๆ ริมฝีปาก นัยน์ตาจับจ้องใบหน้าที่ฉายชัดถึงความปรารถนา คุณเตชิตของเขานี่เซ็กซี่เป็นบ้า “เป็นไงครับ ปลื้มฝีมือผมใช่มะ”

“น่าจะเรียกว่าฝีปากนะ” เตชิตยิ้มมุมปาก ค่อยๆ ลูบศีรษะคนอ่อนวัยกว่าไปพร้อมกับใช้ปลายเท้าไล้ต้นขาของเด็กหนุ่มขึ้นไปช้าๆ ไปหยุดอยู่ตรงส่วนที่แข็งขึงใต้ผ้าเช็ดตัว แล้วทั้งสองก็สบตากันนิ่ง

เด็กหนุ่มลุกขึ้นพรวด เขาจับมือของเตชิตมาสัมผัสส่วนไวสัมผัสกลางร่าง “คุณทำให้เป็นแบบนี้อะ รับผิดชอบหน่อยสิครับ”

“ผมทำเหรอ”

คีรีดึงตัวทันตแพทย์หนุ่มเข้ามากอด “ก็มีอยู่คนเดียวที่รักขนาดนี้อะ”

“ปากดีโคตรๆ”

“ไม่งั้นคุณเตชิตคงไม่รัก...” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเมื่ออีกฝ่ายผลักให้เขาไปยืนชิดผนัง “ทำไม... เฮ้ย! คุณเตชิต” ก่อนจะร้องลั่นเมื่อเจ้าของชื่อย่อตัวลงนั่งบนเข่าตรงหน้า

เตชิตกระตุกผ้าเช็ดตัวของคนอ่อนวัยกว่าออก แล้วใช้มือกับส่วนที่แข็งขึงช้าๆ

“คุณเตชิต จะลงไปนั่งทำไม”

“ที่ถามนี่ดูไม่ออกจริงๆ เหรอวะว่าจะทำอะไร”

“เฮ้ย! อย่าครับ!” เด็กหนุ่มรีบผลักศีรษะอีกฝ่ายออก “ผมจะไม่ไหวแล้วอะ”

“อยู่นิ่งๆ น่ะ ยังไม่ทันเริ่มเลย” เตชิตดุ “ผมจะทำให้คนที่ผมรักบ้างไง” เขากระชับฝ่ามือแน่น เร่งขยับให้เร็วขึ้นอีก

คีรีเบิกตากว้าง ร้อนวาบไปทั้งตัว และร้อนมากที่สุดโดยเฉพาะส่วนที่อยู่ในมือของทันตแพทย์หนุ่ม อีกฝ่ายโน้มใบหน้าเข้ามาหาส่วนนั้นช้าๆ ริมฝีปากสีแดงเผยอออก ก่อนจะส่งปลายลิ้นออกมาแตะส่วนที่ร้อนรุ่มราวกับไฟของเขา

ภาพตรงหน้าทำให้เลือดในกายพลุ่งพล่าน เขาไม่เคยรู้สึกรุนแรงขนาดนี้มาก่อน ประกอบกับไม่ได้ปลดปล่อยมานาน แล้วยังคำบอกรักนั่น ส่งผลให้ตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไว้ไม่ได้

“อะ...! คุณเตชิต!”

เจ้าของชื่อหยุดกึก เมื่อของเหลวอุ่นๆ ฉีดพ่นเลอะผิวแก้ม “เฮ้ย! คุณจะรีบไปไหนเนี่ย!”

คนอ่อนวัยกว่าชะงัก ตกใจไม่แพ้กัน ก็แบบว่าไม่เคยแจวเรือไปล่มตรงปากอ่าว ไม่สิ เรียกว่าล่มตั้งแต่ยังไม่ทันแจวเรือออกจากฝั่งน่าจะดีกว่า เขาร้องลั่น รีบฉุดทันตแพทย์หนุ่มให้ลุกขึ้น “ผมขอโทษ!” จากนั้นก็กึ่งลากกึ่งจูงอีกฝ่ายตรงไปยังห้องอาบน้ำแล้วจัดการเช็ดหน้าให้ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

“คุณเตชิตอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวผมเอาเสื้อผ้าให้” พูดจบก็วิ่งปรู๊ดออกจากห้องอาบน้ำไป ปล่อยให้เตชิตยืนงงเพียงลำพัง

“อะไรของเขากันวะ”


หลังจากยืนงงอยู่ชั่วครู่ ทันตแพทย์หนุ่มก็ตัดสินใจเดินไปอาบน้ำ พอก้าวออกมาจากฝักบัว ขณะที่เช็ดตัวอยู่ก็เห็นว่าเจ้าของห้องนำเสื้อผ้าชุดนอนมาวางไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เขาหยิบขึ้นมาสวม จากนั้นจึงเดินออกจากห้องน้ำไป


ภายในห้องนอนปิดไฟเรียบร้อย มีเพียงโคมไฟหัวเตียงเปิดทิ้งไว้ ส่วนเจ้าของห้องน่ะ ซุกตัวขดเป็นวงหอยอยู่ในผ้าห่ม

เตชิตเดินไปนั่งลงบนเตียง เขาชะโงกหน้าไปดู แต่มองไม่เห็นอะไรก็เลยเอนตัวทับเด็กหนุ่มไว้ “เป็นอะไรวะคุณ” ก่อนจะขมวดคิ้ว หรือว่า... “คิดมากเรื่องเมื่อกี้เหรอ เลอะหน้าก็ไม่เห็นเป็นไร เช็ดออกก็ได้นี่”

คนในผ้าห่มสะดุ้งเฮือก แล้วโผล่หน้าออกมาช้าๆ “ไม่ใช่... คือผมแบบ... นกกระจอกไม่ทันกินน้ำเลย”

“โห รู้จักสำบัดสำนวน”

“กูเกิลมาเมื่อกี้” เด็กหนุ่มพูดเสียงอ่อย “ปกติไม่เป็นแบบนี้นะครับ ผมตื่นเต้นไปหน่อย”

“ที่กลุ้มใจอยู่นี่ เพราะกลัวผมไม่ให้ปล้ำรึไงวะ”

คีรีพยักหน้าหงึกๆ ใบหน้าของเขาซับสีเลือด ส่งผลให้ทันตแพทย์หนุ่มหลุดหัวเราะเสียงดัง “อย่าหัวเราะผมดิ คนยิ่งเสียเซลฟ์อยู่”

“โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะ” เตชิตพูดกลั้วหัวเราะ “แต่ก็น่าห่วงจริงๆ นั่นละ”

“ก็ผมเก็บกดมานาน ไม่ได้เอาออกเลย แล้วคุณเตชิตก็ยังมาทำท่ายั่วผมแบบนั้น”

“ผมไม่ได้ยั่วนะเว้ย” แต่ไม่รู้สิ เขารู้สึกว่าคีรีโคตรน่ารักเลย ทันตแพทย์หนุ่มขยับเข้าไปสวมกอด

“ผมไม่นึกว่าคุณเตชิตจะทำแบบนั้นให้นี่ครับ มันแบบ โอย... แค่นึกถึงก็เป็นแบบนี้อีกแล้วอะ” คีรีคว้ามือคนที่กอดเขาอยู่ไปสัมผัสส่วนที่ว่า

เตชิสบตาคนอ่อนวัยกว่า เมื่อกี้อาจจะพลาดไปตามที่คีรีพูดก็จริง แต่เขามั่นใจว่าตอนนี้นี่มันแผนชัดๆ แหม ปิดไฟรอเลยนะ ไอ้เด็กเวร


แต่เอาเถอะ ก็รักแล้วนี่นะ ยอมให้เด็กหลอกอีกหน่อยก็แล้วกัน


“จะให้ผมรับผิดชอบอีกแล้วสิ” เตชิตยื่นหน้าเข้าไปแต้มจูบเรียวปากคนเจ้าเล่ห์ “จะทำยังไงดีนะ”

“ทำแบบเมื่อกี้ให้ผมอีกรอบได้มั้ยครับ” คีรีพูดเสียงอ้อน “ใช้แค่มือก็พอนะ เดี๋ยวเรือผมล่มอีก”

“ไม่เอาอะ”

“อ่าว ทำไมล่ะครับ”

“ทำพร้อมกันดีกว่า”

คนอ่อนวัยกว่ายิ้มกริ่ม “คุณเตชิตนี่น่ารักชะมัดเลย”

เตชิตขยับขึ้นไปนั่งคร่อมบนตักของเด็กหนุ่ม ค่อยๆ ถอดเสื้อนอนออกพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปแนบจูบ

ในขณะเดียวกันคีรีก็เร่งถอดเสื้อของตัวเองออกบ้าง จากนั้นจึงยกแขนขึ้นโอบกอดทันตแพทย์หนุ่ม แล้วเลื่อนมือลงมาสัมผัสสะโพกอย่างเชื่องช้า

คนบนร่างทำเสียงดุ “คุณจะทำอะไร”

“แค่จับเอง อยากรู้ว่าพอดีมือมั้ยครับ”

“คุณนี่มัน...” เตชิตหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยิ้มบาง “ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่จู่ๆ ผมก็นึกถึงคืนแรกของเราที่เชียงรายขึ้นมา ตอนนั้นคุณใช้อาฟเตอร์เชฟกลิ่นเดียวกับไอ้วินด้วย แต่ไม่เคยเห็นใช้อีกเลยนะ”

“ก็แหงสิครับ คืนนั้นผมจงใจนี่”

“หือ?”

“ก็เพราะอยากเข้าใกล้คุณน่ะสิ ผมถึงขนาดไปหากลิ่นที่คิดว่าคุณน่าจะชอบมา คิดว่ากลิ่นเดียวกับหมอวินคุณคงจะคุ้นเคย ยอมให้ผมเข้าใกล้ได้บ้าง แต่ไม่เอาอีกแล้ว ผมไม่ใช้กลิ่นนั้นอีกเด็ดขาด”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มบางพลางลูบศีรษะอีกฝ่าย พอนึกย้อนกลับไป เขาก็คิดว่าทุกสิ่งที่คีรีพยายามทำเพื่อให้ได้เข้าใกล้เขานี่ น่ารักชะมัด “ขอบใจนะ ที่พยายามเพื่อผม”

“ไม่ใช่เพื่อคุณสักหน่อย เพื่อตัวผมเองต่างหาก ผมรักคุณนะ ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น”

“น่ารักจังว่ะ” เตชิตเชยคางเด็กหนุ่มขึ้น “ไหนบอกรักพี่เต้หน่อยสิครับ”

คีรีเลิกคิ้วขึ้น สองแขนกระชับทันตแพทย์หนุ่มเข้ามาแนบกาย “พี่เต้... เรียกแบบนี้ได้เหรอ ไม่คุ้นเลยอะ”

“ได้ดิ เราเป็นแฟนกันแล้วนี่ จะเรียกให้มันฟังดูห่างเหินไปทำไม”

“พี่เต้... ผมรักพี่เต้ครับ” พูดไปพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองรอยยิ้มที่เขาคิดว่าน่ารักที่สุดในโลก เขาพลิกตัวทันตแพทย์หนุ่มให้ลงไปอยู่ใต้ร่าง “คุณจงใจยั่วผมอีกแล้ว”

เตชิตใช้ปลายนิ้วแตะเรียวปากคนบนร่างเบาๆ “เรียกพี่สิครับ”

“พี่เต้...จงใจยั่วผมอะ” คนอ่อนวัยกว่าคลอเคลียอยู่ชิดริมฝีปากของทันตแพทย์หนุ่ม ฝ่ามือลูบไล้ผิวกายอุ่นอย่างเชื่องช้า เขาอยากจะสัมผัสร่างกายคนรักให้ทั่ว อยากละเลียดชิมให้หมดทุกส่วน  แต่พอลากปลายนิ้วผ่านยอดอกที่รัดตัวแข็งก็อดใจไม่ไหว ต้องหยุดกดคลึงหยอกล้อเบาๆ จนมันมีปฏิกิริยาตอบสนอง แล้วจึงใช้ฝ่ามือคลึงเคล้นไปบนแผ่นอก

คนใต้ร่างส่งเสียงครางแผ่วๆ เมื่อเด็กหนุ่มเลื่อนเรียวปากไปจูบเม้มตรงซอกคอ สัมผัสของอีกฝ่ายร้อนราวกับไฟ

คีรีถอดกางเกงของทันตแพทย์หนุ่มออก ตามด้วยของตัวเอง เพื่อไม่ให้มีสิ่งใดขวางกั้นผิวกายของพวกเขา ทั้งสองร่างบดเบียด ริมฝีปากหลอมรวมเข้าหากันครั้งแล้วครั้งเล่าขณะที่อยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน

มือของเด็กหนุ่มกอบกุมส่วนร้อนของพวกเขาไว้ด้วยกันแล้วขยับอย่างรู้ใจ เสียงลมหายใจหอบกระเส่าดังแว่ว

เตชิตจิกมือลงบนผืนเตียง ร่างกายกระตุกเกร็ง “คีรี”

“อดทนอีกนิด พร้อมกันนะครับ”

“ผมทนไม่ไหวแล้ว”

คนอ่อนวัยกว่าเร่งจังหวะขยับมือเร็วขึ้น นัยน์ตาจับจ้องใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงของทันตแพทย์หนุ่มพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก จนกระทั่งอารมณ์ของพวกเขาทะยานขึ้นผ่านพ้นขีดจำกัด


หลังจากที่ได้ปลดปล่อยความอึดอัดในกายออกมา ทั้งสองก็ยังคงนอนกกกอด ฟังเสียงหอบหายใจและหัวใจเต้นอยู่อย่างนั้น

ฝ่ามือของคีรีลูบไล้แผ่นหลังที่เปลือยเปล่าไปอย่างเนิบนาบ “เดี๋ยวคุณตากลับมาจากอังกฤษเมื่อไหร่ ผมจะบอกคุณตาเรื่องของเรา”

เตชิตผงกศีรษะขึ้น “เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ ก็ได้ ถ้าคุณไกรฤกษ์ห้ามเรื่องคุณกับผม จะทำยังไง”

“ไม่ห้ามหรอก คุณตาไม่เคยห้ามอะไรผมอยู่แล้ว”

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจ เอาเข้าจริงๆ เขาเองก็กลัวเหมือนกันนะ คุณไกรฤกษ์เป็นคนมีอิทธิพลทางเหนือซะด้วย ถ้าขืนเขาถูกห้ามไม่ให้พบคีรีอีก... คิดไปพลางกระชับอ้อมแขนแน่น

“พี่เต้ครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องคุณตาหรอก ไว้ใจผมสิ”

“ไม่ห่วงได้ไง ถ้าคุณไกรฤกษ์ไม่เห็นด้วยน่ะ...”

“ผมจะพาพี่เต้หนีเอง”

เตชิตหลุดหัวเราะ แล้วส่ายหน้าไปมา “อย่างกับจะหนีพ้น”

“ห่วงบ้านพี่เต้เถอะ”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มบาง “ผมเป็นผู้ใหญ่แล้วนะคุณ เรื่องทางบ้านผมน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก”

“ไม่ห่วงได้ไงอะ ก็ผมรักของผม”

“ผมก็รักของผมเหมือนกัน”

คีรีซบใบหน้าลงบนหัวไหล่ทันตแพทย์หนุ่ม แล้วกัดเบาๆ “พี่เต้น่ารักอีกแล้ว จะให้ผมหื่นทั้งคืนเลยเหรอ”

“ไม่ต้องหื่นแล้วเว้ย ผมจะนอน พรุ่งนี้ต้องทำงาน”

คีรีทำหน้านิ่วใส่ “คอยดูเหอะ ผมรวยเมื่อไหร่นะ จะให้พี่เต้เลิกทำงานแล้วนอนแก้ผ้ารอผมอยู่กับบ้านทุกวัน”

เตชิตเขกศีรษะคนที่นอนอยู่ข้างกัน “ฝันไปเหอะว่าผมจะยอม ไอ้เด็กบ้า นอนได้แล้ว”

เด็กหนุ่มสะกิดให้คนรักยกศีรษะขึ้น แล้วยืดแขนข้างหนึ่งออกให้ทันตแพทย์หนุ่มหนุนนอนแทนหมอน แขนอีกข้างโอบกอดอีกฝ่ายไว้ เขาแต้มจูบบนหน้าผาก พลางกระซิบบอก “กู๊ดไนต์ครับมายดาร์ลิ่ง”

“ขนลุกว่ะ”

“โธ่! พี่เต้อะ!”

“เออๆ กู๊ตไนต์ๆ” เตชิตส่ายหน้า แต่ก็โอบกอดคนอ่อนวัยกว่าตอบ แล้วซบใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มไว้ในอ้อมแขนของเด็กหนุ่ม



*TBC*


ฮัสกี้จัดให้เด็กดอย(เกือบ)เต็มๆ เรยน้าาา ขอโทษที่เอามาลงช้าค่ะ ลืมวันลืมคืน 5555555 ช่วงนี้งานยุ่งมากจิมๆ

สวีตหวานกันแล้วววว หวังว่าหมอเต้ของพ่กเลาจะใช้เวลาเตรียมใจไม่นานนะคะ ฮี่ๆ

ส่วนน้องคีรีก็... อย่าพาเรือไปล่มแถวๆ ปากอ่าวบ่อยนักนะรู้กกก

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า  :mew1:

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 15-05-2019 20:23:23
บทจะปากตรงกับใจก็ ตรงซะ!! หวานเชียววว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 15-05-2019 20:34:48
 :mc4: :mc4: ขออีกๆ....ฉากหวานๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 15-05-2019 20:52:37
พอเข้าใจกันก็หวานเว่อร์ขนาดนี้เลยนะคะ เหม็นความรักกก :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 15-05-2019 20:54:38
คีรีเอ้ยยยย ต่อให้แผนเยอะ
แต่พี่เต้เค้าก็รู้ทันหมดแหละ
พี่เต้นี่พอยอมพูด ก็ยอมน้องเกือบหมด
เหลืออย่างเดียว ยังไม่ยอมโดนกิน 555
คีรี อย่าล่มปากอ่าวอีกน้า   :mew3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 15-05-2019 21:19:19
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 15-05-2019 22:08:04
ประสบกามเยอะทั้งคู่ ดีต่อใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 15-05-2019 22:16:34
คีรีจะรอนานไหม?ที่จะได้กินคงไม่มีเหตุให้ห่างกันอีกนะ รอแซ่บอยู่จ้า :z1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 15-05-2019 22:16:43
เด็กมันขี้อ้อนแบบนี้ไงเล่า  อีพี่หมอมันจะใจแข็งไปได้สักกี่น้ำกัน 555 ตอนนี้คือหวานมากกกกก ดีต่อใจ อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-05-2019 22:43:43
เด็กมันร้าย แต่พี่เต้ก็ยอม 55555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-05-2019 23:05:42
แหมๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 16-05-2019 00:20:05
จ้าาาา
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 16-05-2019 02:46:36
 :z1: :z1: แหม่ๆๆพิเต้ ปากบอกยังไม่พร้อมๆ แต่การกระทำนี่ยั่วเยเด็กมันเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: btoey ที่ 16-05-2019 07:29:12
ในที่สุดหมอเต้ก็หายซึนสักที ให้เด็กมันเต๊าะหน่อยน้าาหมอ
:katai1: :haun4:  :katai2-1:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 16-05-2019 08:22:54
อิพี่เต้คนขี้อ่อย :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-05-2019 09:59:45
 :z1:

 :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :L1:

 o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-05-2019 10:01:15
อร๊ายยยย เขินแทน แหมบอกรักซะคนอ่านอิจฉา
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 16-05-2019 10:17:17
โอ้โห เด็กดอย พอดีกับปุ๊บ เป็นแฟนกันปั๊บ ก็จะจับพี่เต้เข้าหออย่างเดียวเลย 55 ยินดีกับพี่เต้ด้วย ได้เข้าชมรมโดนเด็กกินตามพี่วินแน่นอน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 16-05-2019 10:27:53
 :z1: กล่อมกันเข้าไป ใกล้ละน๊าพี่เต้ จะได้ตามรอยพี่วินแล้ว  :mc4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 16-05-2019 10:51:41
เอ็นดู๊ เอ็นดู คีรี :haun4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 16-05-2019 12:20:48
เชียร์หมอเต้รุกไม่ขึ้นแล้วซินะ
เล่นเตรียมตัวให้คีรีปล้ำซะขนาดนี้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 16-05-2019 12:23:25
เอ็งเหมือนลูกหมาเลยคีรี เอ๊นดู๊ 555555555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 16-05-2019 12:40:06
โอ๊ยยย พอปากตรงกับใจ มาเต็มเหนี่ยวเลยนะพิเต้ ทั้งยั่วทั้งอ่อย อิเด็กขี้หื่นล่มปากอ่าวเลยจ้า  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-05-2019 13:47:03
คีรีขี้หื่นมากอ่ะ นี่ถ้าพี่เต้ยอมเมื่อไหร่ ลุกไม่ขึ้นแน่ๆเลย :z1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 16-05-2019 15:09:24
ใครกล่อมใครไม่รู้แต่ที่รู้คือหวานจนนึกว่ารถน้ำตาลมาจอดดับแถวนี้
พอใจตรงกันอะไรก็ดูลงล็อคไปหมดนะค่ะ :mew2: :ling3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: Kiseri ที่ 17-05-2019 08:03:53
ไม่ไหวแล้ววววว
ใครไหวไปก่อนเลยยยย
อร๊ายยยย :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 17-05-2019 11:21:30
พอรักกันแล้วก้หวานกันเบอร์นี้เลยอะ
พี่เต้คือควีนมาก ยั่วมากก ไม่แปลกใจคีรีจะอาการหนักขนาดนั้นอะ
ส่วนเด็กน้อยคีรีก้คือเอ็นดูน้อง ตื่นเต้นจนล่มปากอ่าวเลยลูก 555555
สงสารเสียเซลฟ์แย่เลย 5555
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 17-05-2019 19:06:07
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 17-05-2019 21:08:07
พิเต้นี่คือไม่มีความคิดอยากจะรุกบ้างเลยเหรอค้าา ~ ~ เตรียมตัวให้เด็กกินขนาดนี้ แปลว่าคีรีนี่ต้องให้กลิ่นอายเพศผู้ชัดกว่าพิเต้มากๆ แต่เท่าที่อ่านมานี่คือเด็กดอยนี่หมาน้อยดีๆนี่เอง ยังไม่เห็นแววผู้ล่าในตัวน้องงเล้ยย :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-05-2019 02:02:32
 :pig4: :pig4: :pig4:

กร๊าก....น่ามสารจัง  นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 20-05-2019 17:03:35
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: SunnyB ที่ 21-05-2019 21:21:30
คีรีเอ้ย จะทำอะไรพี่เต้เขาก็รู้ทันไปหมด
เราเนี่ยน้า เหมือนจะเชี่ยวแต่ลนไปหมด

น่าสงสารตอนเรือล่มตั้งแต่ยังไม่ออก .. :m20:

หวังว่าคุณตาคงไม่เป็นอุปสรรคความรักของเด็กดอยกับพี่หมอนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 23-05-2019 16:37:09
โอ้ยยย  คีรี ขำอ่ะ  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 23-05-2019 19:10:28



Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่



แผนกทันตกรรม โรงพยาบาลลำพูน

ทันตแพทย์หนุ่มนั่งถอนหายใจเฮือกๆ ภายในห้องพักทันตแพทย์ตามลำพัง เขาเพิ่งเลิกงาน แต่สาเหตุที่ต้องมานั่งเหี่ยวอยู่คนเดียวแบบนี้ก็เพราะจะรอไปเชียงใหม่พร้อมกับรวินท์ เขาจะไปทำคลินิกแทนหมอภูมิ ส่วนไอ้วินก็จะไปหาเด็กมันนั่นล่ะ แต่วันนี้มันเป็นตัวแทนหมอภูมิไปประชุมย่อยของโรงพยาบาล เพิ่งโทรมาบอกเขาเมื่อกี้ว่ากำลังจะมาถึงในอีกสิบนาทีนี้

เตชิตหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูด้วยสีหน้าเซ็งๆ ช่วงนี้คีรีใกล้จะสอบมิดเทอม ดูจะยุ่งเอามากๆ เห็นว่าจะทำคะแนนท็อปภาคให้ได้ เพื่อที่จะได้เอาไปอวดคุณตา เมื่อคุณตาพอใจแล้วก็จะได้บอกเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขา

ก็ปลื้มอยู่ละนะที่เด็กหนุ่มคิดจริงจังกับเขาขนาดนี้

แต่...

ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นคลึงขมับ อันที่จริงก็ยังไม่ค่อยอยากจะนึกถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่ ก็แบบว่าพวกเขาเพิ่งเริ่มคบหากันจริงจังได้อาทิตย์กว่าๆ เอง แล้วคุณไกรฤกษ์กับหมอภูมิก็ไว้ใจเขา ถึงกับออกปากฝากให้เขาดูแลคีรีให้ แต่เขาดันคาบหลานชายสุดที่รักไปแดกซะอย่างงั้น เวรกรรมแท้


ใช้ทุนโดนไล่ออกได้ไหมวะเนี่ย หรือเขาควรเตรียมเงินไว้เผื่อต้องลาออกเองวะ


โทรศัพท์มือถือในมือสั่นสะเทือนเพราะมีสายเรียกเข้า ส่งผลให้เจ้าของโทรศัพท์สะดุ้งโหยง “หือ พ่อ?” เขารีบกดรับสาย

“ฮะ!? กำลังขับรถมาลำพูนตอนนี้ เฮ้ย! เดี๋ยวๆ มาได้ไง มาจากไหนเนี่ย มีเรื่องอะไรครับ!”

เตชิตยืนคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเหมือนเห็นผี พอรวินท์มาถึง เปิดประตูห้องพักเข้ามาก็หยุดชะงัก เขายืนรออยู่เงียบๆ จนเพื่อนรักคุยโทรศัพท์เสร็จ

“มีอะไรวะ”

“พ่อมาว่ะ กูก็งง จู่ๆ ก็โทรมาบอกว่าเพิ่งมาถึงสนามบินเชียงใหม่ กำลังขับรถมาที่นี่ มีเรื่องสำคัญต้องคุยกัน แล้วนัดให้กูไปหาที่โรงแรม”

รวินท์ขมวดคิ้ว “มึงไปทำเรื่องอะไรไว้รึเปล่าวะ”

“ไม่เว้ย” เตชิตปฏิเสธเสียงสูงปรี๊ด ก่อนจะทำหน้าสลด “วิน กูมีเรื่องต้องขอร้องมึง...”

“เออ กูต้องไปทำคลินิกแทนมึงสินะ”

“รู้ดีฉิบหายเลยว่ะ แล้ว... ไปดูคีรีแทนกูด้วยนะ เขาบอกว่าหลังเลิกเรียนจะรีบกลับห้อง ไปติวหนังสือกับเพื่อน”

“เออๆ ได้ แต่กูคงค้างเชียงใหม่เลยนะ ขี้เกียจขับรถกลับดึกๆ ว่ะ”

“สัส จะนอนกกเด็กมึงก็บอก”

“หรือจะให้กกเด็กมึงแทนล่ะไอ้เวร” รวินท์ถอนหายใจหนักๆ “ว่าแต่พ่อมึงถึงกับมาหาที่นี่ ต้องคุยต่อหน้าไปอีก แบบนี้น่าจะเรื่องสำคัญน่าดู กูนึกถึงเมื่อตอนบ้านกูหอบบ้านพิงค์กับแม่มึงมาที่นี่เลยว่ะ”

“มึงอย่าพูดให้กูขนหัวลุกสิวะ!”

“พ่อมึงยังไม่รู้เรื่องคีรีใช่มั้ย”

เตชิตหน้าเสีย “ไม่น่าจะรู้นะ” ก่อนจะเม้มปากแน่น “ถึงรู้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา”

“แน่ใจ?”

“แม่กูน่ะไม่มีปัญหา แล้วแม่ก็ใหญ่สุดในบ้าน เพราะงั้นพ่อก็ไม่น่าจะมีปัญหาปะวะ”

“อือๆ ก็โอเค” รวินท์หันไปมองนาฬิกาบนผนังห้อง “กูคงต้องไปละ เดี๋ยวรถติด” แล้วเดินออกจากแผนกไปพร้อมกับเพื่อนรัก

เตชิตตบไหล่คนข้างกันเบาๆ “ขอบใจมึงมากนะเว้ย”

“มึงก็คุยกับพ่อมึงให้รู้เรื่องล่ะ มีอะไรก็ทำใจเย็นๆ ไว้ อย่าลืมโทรไปบอกเด็กมึงไว้ด้วย เดี๋ยวเขางอน มึงจะอดเป็นอมตะไปกับกู”

“ไอ้เพื่อนเหี้ย มึงไม่ต้องขยี้เรื่องนี้นักก็ได้โว้ย!” เตชิตโวยวาย เพราะตัวเขากับรวินท์ไม่มีเรื่องอะไรต้องปิดบังกัน หลังจากวันที่เริ่มคบกับคีรีอย่างจริงจัง เขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนรักฟังด้วย


แน่นอนว่าไอ้วินมันหัวเราะเขาจนล้มลงไปนอนขดตัวงอเป็นกิ้งกือ


“มึงคิดว่าตัวเองเป็นสาวสิบหกที่ยังเวอร์จิ้นอยู่เหรอวะสัส!” นั่นเป็นประโยคแรกที่ไอ้วินพูดกับเขา และประโยคต่อมาก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน


“เป็นไงล่ะ ชอบว่ากูแดกเด็กนัก ตัวมึงน่ะ ได้แฟนเด็กกว่ากูไปอีก แถมยังก๋ากั่นบอกรักกันบนเวทีต่อหน้าคนเป็นพันๆ เออ กูยอมแพ้มึงก็ได้” แล้วมันก็ทำท่าคำนับ “ขอให้คุณเตชิตอายุยืนเป็นหมื่นๆ ปี อ้อๆ กูยังพูดไม่ได้สินะ ต้องรอมึงพร้อมโดนปล้ำก่อน”



และเขาก็คงจะโดนมันแซะต่อไปอีกนานๆ ทันตแพทย์หนุ่มทอดถอนใจยาว



พอรวินท์แยกไปแล้ว เตชิตก็เข้าห้องพักไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า รอเวลาที่นัดไว้กับบิดา เขานั่งลงบนโซฟาในห้อง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเตรียมจะโทรไปหาคีรี ทว่ามีโทรศัพท์เข้ามาแทรกเสียก่อน

คราวนี้คนที่โทรมาเป็นน้องชาย เขารีบกดรับสาย “ว่าไงเตย” ก่อนจะยกมือขึ้นกุมขมับเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้แว่วมาในสาย



หลังจากทำคลินิกเสร็จ ภูพิงค์ซึ่งมานั่งรอรับรวินท์อยู่แล้วก็ขับรถพาอีกฝ่ายไปกินมื้อเย็น จากนั้นก็ไปหาคีรีตามที่เตชิตฝากฝังไว้

สองหนุ่มหิ้วถุงใส่ขนมติดมือมาด้วย รวินท์มีกุญแจห้องที่ได้รับมาจากเตชิต แต่เมื่อไปถึงเขาก็ลองกดกริ่งเรียกดูก่อน

ใช้เวลาหลังจากกริ่งดังไม่นาน เสียงฝีเท้าก็ดังมาแว่วๆ จากทางด้านใน ก่อนประตูห้องจะเปิดออกกว้าง

“พี่เต้! อ้าว...”

“ไม่ต้องทำหน้าตาผิดหวังขนาดนี้ก็ได้มั้ยวะ” ภูพิงค์บ่นขณะที่รวินท์เบ้ปาก

แหม พี่เต้อะไรวะ เป็นแฟนแล้วอัปเกรดคำเรียกอย่างไวเลยนะ กลัวชาวบ้านชาวช่องเขาไม่รู้ว่าจีบติดแล้วหรือไง หมั่นไส้เว้ย

“หวัดดีครับพี่พิงค์ หมอวิน” เด็กหนุ่มรุ่นน้องยกมือไหว้ “แล้ว... พี่เต้ไปไหนอะครับ”

“อ้าว ไอ้เต้ยังไม่ได้โทรบอกคุณเหรอ”

“เห บอกอะไรครับ” คีรีทำหน้างง “อ่า เชิญข้างในก่อนดีกว่า เพื่อนผมอยู่ด้วยหลายคน อาจจะรกสักหน่อยนะครับ” แล้วเจ้าของห้องก็เดินนำเข้าไปในห้องนั่งเล่น ซึ่งเพื่อนพ้องของเขานั่งๆ นอนๆ ระเกะระกะอยู่บนพื้น มีกองหนังสือและเอกสารเต็มไปหมด

“หมอวินกับพี่พิงค์มา เก็บของหน่อยเว้ย”

ทั้งสี่ชีวิตยกมือไหว้ด้วยสภาพเหมือนเด็กขาดสารอาหาร ขยับเขยื้อนช้าๆ ด้วยแรงลม

“ไม่เป็นไรๆ ตามสบายเถอะ” รวินท์แจกยิ้มการค้าตามธรรมเนียม “ผมเอาขนมมาฝาก อ่านหนังสือกันหนักๆ คงจะหิว”

“ขอบคุณครับ/ค่ะ ขนม ขนมมม~” ซอมบี้ทั้งสี่ยืดแขนออกไปรับถุงขนม

คีรียิ้มแห้ง “ผมว่าเราไปคุยกันในห้องกินข้าวกันดีกว่าครับ” แล้วเดินนำสองหนุ่มออกไป

พอทั้งสองคนนั่งลงที่โต๊ะอาหาร เจ้าของห้องก็รีบเอาน้ำมาเสิร์ฟให้ ก่อนจะนั่งลงด้วยกัน “เอ่อ แล้วพี่เต้...”

“ไอ้เต้มันติดธุระด่วนน่ะ พ่อมันมา ผมเลยมาทำคลินิกที่นี่แทนมัน มันเลยขอให้ผมแวะมาดูคุณด้วย แต่เห็นว่าจะโทรบอกคุณก่อนนะ ทำไมไม่โทรก็ไม่รู้สิ”

“ก่อนหน้าผมก็โทรหาพี่เต้ตั้งหลายครั้ง แต่พี่เต้ไม่รับสายผมเลย” เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่

“จะว่าไป ผมยังไม่เคยเจอพ่อพี่เต้เลยนะ เคยเจอแต่แม่พี่เต้ แล้วทำไมจู่ๆ พ่อพี่เต้ก็ถ่อมาถึงลำพูนอะครับ” ภูพิงค์หันไปถามคนรักพร้อมกับวางแขนบนพนักเก้าอี้อีกฝ่าย

“ผมก็ไม่รู้แฮะ แต่คงมีเรื่องสำคัญ เดี๋ยวคุยกับพ่อมันเสร็จมันก็เล่าให้ฟังเองแหละ” รวินท์หันไปสบตาเด็กหนุ่มเจ้าของห้อง “ตั้งใจอ่านหนังสือล่ะ ไอ้เต้มันจะได้ไม่ต้องห่วงมาก”

“ครับ” คีรีทำหน้าหงอย แต่พอเห็นภูพิงค์นั่งเบียดกับหมอวิน ทั้งๆ ที่นั่งเก้าอี้คนละตัวก็ขอพาลสักหน่อย “พี่พิงค์ไม่ต้องอ่านหนังสือสอบเหรอ ทำไมว่าง”

“อ้าว ไม่เจอพี่เต้แล้วงอแงเหรอวะ ผมสอบหลังคุณอาทิตย์นึงเว้ย ยังมีเวลาอู้”

พอพาลไม่ได้ผล คนอ่อนวัยกว่าก็เฉาหนักกว่าเดิมไปอีก “พี่เต้มีเรื่องด่วนอะไรกันนะ”

“ดูตัวด่วนละมั้ง/จับแต่งงานแหงๆ” สองหนุ่มผู้มาเยือนพูดขึ้นพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย

“โห! ทำไมใจร้ายจังอะครับ! ผมเป็นนักศึกษาใกล้สอบนะ!”

“แหม ก็พวกผมไม่รู้ เลยเดาเล่นๆ ตกใจอะดิ๊~” รวินท์พูดกลั้วหัวเราะ “ไม่ต้องห่วงหรอกน่ะ คงเป็นเรื่องที่บ้าน พ่อมันอาจจะอยากเที่ยวลำพูนแบบเร่งด่วนก็ได้ อย่าเพิ่งคิดมากเลย เดี๋ยวมันเสร็จธุระก็คงโทรหาคุณเองนั่นล่ะ”

“ครับ” คีรีตอบรับเสียงอ่อย



หลังจากรวินท์และภูพิงค์กลับไป คีรีกับเพื่อนๆ ก็ยังนั่งงมอ่านหนังสือต่อ จนเกือบห้าทุ่มจึงแยกย้ายกันกลับไป

เด็กหนุ่มเดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เอนตัวลงนอนบนเตียงพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู ทว่าก็ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ จากทันตแพทย์หนุ่มเลย เขาลองกดโทรไปก็ไม่มีใครรับสาย

เกิดอะไรขึ้นวะ

รอไปอีกสักพักจึงตัดสินใจว่าจะนอน เขาวางโทรศัพท์มือถือไว้ที่หัวเตียงแล้วปิดไฟ แต่สักพักเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

คีรีลุกขึ้นพรวด รีบตะปบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย “พี่เต้!”

“ขอโทษที่เพิ่งโทรมานะ พอดีผมเพิ่งเสร็จธุระ”

“ครับ หมอวินบอกว่าคุณพ่อของพี่เต้มาหา”

“อือ พาแขกมาด้วยน่ะ พอดีที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อย”

คำถามผุดขึ้นมามากมายในศีรษะ แขก? ใครวะ ถึงขนาดคุณพ่อของพี่เต้เป็นคนพามาถึงลำพูนเลยเนี่ยนะ สำคัญขนาดไหน เป็นอะไรกับพี่เต้ แล้วมีปัญหาอะไรกับที่บ้านพี่เต้กันวะ

“วันพฤหัสนี้ผมก็คงไปเชียงใหม่ไม่ได้ คงต้องให้วินไปแทน อาจจะเสาร์อาทิตย์นี้ด้วย”

“งั้นผมไปหา...”

“ไม่ต้องๆ ผมไม่ว่างจริงๆ ขอโทษด้วยนะ”

“แต่ผมเป็นห่วง พี่เต้มีเรื่องอะไร”

“เรื่องของคนที่บ้านนั่นแหละ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับคุณหรอก เพราะงั้นไม่ต้องเอามาคิดให้เปลืองพื้นที่สมอง เก็บไว้จำหนังสือที่อ่านไปสอบเถอะนะ”

แม้จะเป็นความหวังดีของทันตแพทย์หนุ่ม แต่คำว่าไม่เกี่ยวมันสะท้อนก้องอยู่ในศีรษะ

เด็กหนุ่มพูดน้ำเสียงงอนๆ “ทำไมไม่เกี่ยวกับผม ผมเป็นแฟนพี่นะ”

“คีรี อย่างอแงสิ ก็มันไม่เกี่ยวจริงๆ” เตชิตถอนหายใจเบาๆ “ดึกแล้ว ไปนอนได้แล้วไป แล้วผมจะโทรมาหาคุณทุกวันเลยนะ อดทนแค่ช่วงนี้เท่านั้นเอง โอเคมั้ย”

“....”

“ไอ้เด็กดื้อนี่ ผมรักคุณนะ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงเลยจริงๆ”

พอได้ยินคำบอกรัก เด็กหนุ่มก็ยิ้มออกมาได้เล็กน้อย “ครับ ผมก็รักพี่เต้นะครับ”

“พักผ่อนเยอะๆ แล้วตั้งใจอ่านหนังสือด้วยนะ”

“ครับ” คีรีถือโทรศัพท์ค้างไว้ในมือ แม้คนที่ปลายสายจะกดวางสายไปแล้ว แต่จะไม่ให้เขาเป็นกังวลได้ยังไง ในเมื่อพี่เต้ไม่ยอมบอกอะไรเขาเลยสักอย่าง

มีแขกมาพร้อมกับคุณพ่อด้วย ใครกันวะ



ในตอนเที่ยงของวันใหม่ ขณะนั่งกินอาหารอยู่ในร้านอาหารตามสั่งแห่งหนึ่ง

คนที่งงและเป็นกังวลไม่แพ้คีรีเลยก็คือรวินท์ เขานั่งทำหน้าถมึงทึง ดวงตาจ้องหน้าเพื่อนรักเขม็ง “ฮะ!? ลากิจตั้งแต่บ่ายวันนี้ถึงวันศุกร์ยังไม่พอ เสาร์อาทิตย์ก็จะไม่ทำคลินิกอีก อะไรของมึงเนี่ย!”

“เดี๋ยวกูทำคลินิกคืนให้มึงทีหลังนะ กูขอโทษจริงๆ มีเรื่องด่วนว่ะ”

“เรื่องอะไรวะ กูทำงานแทนมึงเป็นกุลีขนาดนี้ กูมีสิทธิ์ที่จะรู้นะไอ้สัส”

“เรื่องที่บ้านนี่แหละ อย่าเพิ่งถามรายละเอียดเลยมึง กูบอกได้แค่ว่ากูปวดหัวมาก” เตชิตยกมือขึ้นกุมศีรษะให้เพื่อนรับรู้ว่าเขาปวดมากจริงๆ อย่างที่พูด “เหนื่อยใจฉิบหาย แต่ขอเอาไว้เคลียร์เรื่องเสร็จค่อยเล่าให้ฟังนะ”

รวินท์ขมวดคิ้ว ปกติเวลาไอ้เต้มีเรื่องอะไรกับที่บ้าน มันไม่เคยปิดบังเขา แต่ทำไมครั้งนี้ดูแปลกๆ ดูมีลับลมคมในชอบกล “งั้นตอบคำถามกูมาก่อน ขอแค่ข้อเดียว เรื่องที่มึงปวดกบาลอยู่นี่ มีผู้หญิงมาเกี่ยวข้องด้วยมั้ยวะ”

เตชิตนิ่งไปชั่วครู่ แล้วพยักหน้าช้าๆ

รวินท์เบิกตากว้าง หรือว่าเรื่องที่เขากับพิงค์พูดเล่นกันจะเป็นเรื่องจริงกันวะ “เหี้ย~ จะทำอะไรก็นึกถึงเด็กมึงด้วยนะเว้ย”

“ปัญหาในครอบครัวกู ไม่เกี่ยวกับคีรีหรอก”

“สัส พูดงี้ระวังเด็กมึงน้อยใจ”

“เออ รู้แล้วน่ะ แต่มันไม่เกี่ยวกับเขาจริงๆ นี่หว่า กูก็บอกเขาแล้ว กูไม่อยากให้เขาคิดว่าพ่อกูถ่อมาที่นี่เพราะเรื่องกูกับเขา” เตชิตเกาศีรษะยิกๆ จนเส้นผมยุ่งเหยิง “รีบๆ แดกเถอะมึง เดี๋ยวกูต้องไปแล้ว”

รวินท์หรี่ตามองอย่างสงสัย แต่ก็จำใจต้องยอมปล่อยตัวอีกฝ่ายไป

 

ในตอนบ่ายแก่ๆ ของวันศุกร์ รวินท์ ภูพิงค์และเพื่อนๆ ชวนแก๊งของคีรีไปกินหมูกระทะด้วยกัน และชวนกันไปดูหนังรอบดึกต่อ

ทั้งสิบเอ็ดชีวิตนั่งล้อมโต๊ะตัวยาว ซึ่งบนโต๊ะมีเตาสี่เตาและอาหารสดที่ตักมาเรียงจนเต็มโต๊ะ ช่วงแรกๆ ก็ต่างคนต่างกินด้วยความหิว แต่เมื่อผ่านไปสักพักก็ลดความเร็วลงและหันมาพูดคุยกัน

“เออ อ่านหนังสือกันไปถึงไหนแล้วเนี่ย พวกผมรบกวนเวลาพวกคุณรึเปล่าวะ” ภูพิงค์ถามขึ้น

“ไม่เลยพี่พิงค์ พวกผมตั้งใจอ่านหนังสือมาทั้งอาทิตย์แล้ว วันนี้ขอปลดปล่อยบ้างครับ” ปิ๊กกับฟลุคตอบ

“ตอนปีหนึ่งยังไม่ฟิตขนาดนี้เลยนะคะ” สองสาวตอบพลางชำเลืองมองเพื่อนคนที่ยังคงนั่งอย่างเงียบเชียบ “แต่ครั้งนี้คีรีมันประกาศกร้าวไว้แล้วว่าจะเอาท็อปภาคมาให้ได้ เนอะ”

เจ้าของชื่อพยักหน้า “แน่นอน พี่เต้ต้องปลื้มผมมากแน่”

“เออ ดีๆ” รวินท์ยิ้มอย่างอ่อนโยน พลางเอื้อมมือไปตบไหล่เด็กหนุ่ม

แซนดี้พูดแทรก “อะ ไหนๆ จะผ่อนคลาย เม้าเรื่องไอ้พิงค์ตอนจีบพี่วินใหม่ๆ ให้น้องๆ ฟังดีกว่าเว้ย” พูดจบแก๊งรุ่นน้องก็เฮฮากันยกใหญ่

“เฮ้ย! ทำไมเป็นกู!” เจ้าของเรื่องโวยวาย

“งั้นเดี๋ยวพวกผมเม้าไอ้คีรีบ้าง เนี่ย ตอนนี้ยังมีชุดชาวเขาครบเซตอยู่เลยนะพี่”

คีรีหันขวับ “อ้าว ไอ้ปิ๊ก~”

บรรยากาศครึกครื้นขึ้น เสียงพูดคุยดังสลับเสียงหัวเราะ แต่ไม่นานพวกเขาก็ต้องย้ายจากร้านหมูกระทะไปที่เซ็นทรัลกัน เนื่องจากใกล้เวลาดูหนังแล้ว

รถทั้งสี่คันเคลื่อนออกจากร้านมุ่งหน้าไปยังห้างที่หมาย แต่เพราะเป็นเวลาหัวค่ำของวันศุกร์ การจราจรจึงค่อนข้างจะติดขัดอยู่สักหน่อย

ภูพิงค์ขับรถของรวินท์ ภายในรถมีแซนดี้นั่งอยู่ด้วยอีกคน ส่วนรถอีกสามคันก็ติดแหง็กอยู่ไม่ไกลกันนัก

จู่ๆ แซนดี้ก็เอื้อมมือไปสะกิด “เฮ้ยๆ พี่วิน ไอ้พิงค์ นั่นรถพี่เต้ไม่ใช่เหรอวะ”

ทั้งสองหนุ่มหันขวับ “หือ ไหน?”

รถฮอนด้า CR-V วิ่งชะลออยู่บนเลนซ้ายสุด จอดนิ่งติดไฟแดงเพียงชั่วครู่ก็วิ่งต่อ แล้วเลี้ยวเข้าทางเข้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งไป

“เฮ้ย! รถไอ้เต้จริงๆ ด้วย มันมาทำอะไรแถวนี้วะ มาโรงบาลถึงนี่ทำไมอะ”

“พี่เต้ไม่ได้บอกอะไรพี่เลยเหรอ” ภูพิงค์หันไปถาม

“ไม่บอก มันทำท่าลับๆ ล่อๆ ยังไงบอกไม่ถูก ไม่ได้การแล้วโว้ย” รวินท์ปลดเข็มขัดนิรภัยทันที “พวกคุณไปกันก่อนนะ ผมจะตามไปดูไอ้เต้” พูดจบก็หันมองซ้ายขวา แล้วก้าวออกจากรถไป

“เฮ้ย พี่วิน!” ภูพิงค์มองตามคนรัก ก่อนจะหันไปบอกแซนดี้ “อีแซนดี้ มาขับแทนกูก่อน”

“ฮะ!? บ่าฮ่า! มึงจะทำอะไร้!” แซนดี้ยังด่าไม่ทันจบภูพิงค์ก็ปลดเข็มขัด วิ่งออกจากรถตามคนรักไป ลำบากเขาต้องรีบเปลี่ยนไปนั่งตรงที่นั่งคนขับแทน จากนั้นก็เกาศีรษะอย่างงงๆ “อะไรกันวะเนี่ย!”

รวินท์วิ่งตามรถเพื่อนรักจนกระทั่งรถวิ่งเข้าไปในลานจอดรถ เขาจึงหยุดหลบอยู่ตรงพุ่มไม้ข้างทางก่อน เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะต้องเดินออกจากลานจอดรถมาที่โรงพยาบาลแน่ๆ

“พี่วิน!”

เจ้าของชื่อหันขวับ “เฮ้ย! แล้วใครขับรถเนี่ย!”

“อีแซนดี้ครับ พี่วิ่งตามมาดูอะไรอะ!”

“ก็จะมาดูว่าไอ้เต้มันมาทำไรที่โรงบาล เจ็บป่วยอะไรไม่บอกรึเปล่าน่ะสิ”

ภูพิงค์ย่อตัวลงนั่งหลังพุ่มไม้ข้างกัน “ถึงกับแอบมาเข้าโรงบาลที่นี่ เป็นหนักรึเปล่าวะเนี่ย”

“อย่าพูดงั้นสิวะ ช่วงนี้มันยิ่งดูแปลกๆ ผมใจไม่ดีเลย”


(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 31 : เกลี้ยกล่อม [150519]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 23-05-2019 19:10:51


“หมอวินไม่สบายเหรอครับ” เสียงของใครอีกคนดังขึ้น เป็นผลให้สองหนุ่มหันขวับ

“เฮ้ย! คีรี! มาได้ไงเนี่ย! แล้วใครขับรถคุณวะ!”

“ให้ไอ้ปิ๊กขับอะครับ ผมเห็นหมอวินกับพี่พิงค์พุ่งออกจากรถแล้ววิ่งไปทางโรงบาลท่าทางตื่นๆ ผมเลยตามมาดู”

รวินท์ฉุดแขนเด็กหนุ่มให้เข้ามาหลบหลังพุ่มไม้อีกคน “ผมไม่ได้เป็นอะไรเว้ย หลบก่อน”

“ฮะ!?”



ขณะเดียวกัน เตชิตก็เดินออกมาจากลานจอดรถพร้อมๆ กับชายหญิงวัยกลางคนซึ่งหน้าตาท่าทางไม่ค่อยสู้ดีนัก แล้วพากันเดินเข้าไปในโรงพยาบาล

คีรีเบิกตากว้าง “พี่เต้” ก่อนจะหันไปถามรวินท์ “หมอวิน พี่เต้มาทำอะไรที่นี่อะครับ”

“ผมก็ไม่รู้เว้ย แต่ดูท่าทางมันไม่น่าป่วยนะ อาจจะมาหาใครละมั้ง”

“พี่เต้อาจจะแค่มาหาหมอเพื่อตรวจสุขภาพเฉยๆ ก็ได้นะพี่” ภูพิงค์ออกความเห็น

“มาตรวจสุขภาพต้องพาคนอื่นมาด้วยรึไงวะ แล้วจู่ๆ มันจะมาตรวจทำไม”

“อาจจะมีโปรโมชั่นแบบตรวจสองแถมหนึ่ง ได้ตรวจฟรีเลยมาตรวจไงพี่ เคยเห็นส่งโบรชัวร์มาที่บ้านผมบ่อยๆ” ภูพิงค์จัดการหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูแพ็กเก็จตรวจสุขภาพของโรงพยาบาล “อะ มีตรวจสุขภาพเข่า ตา ช่องท้อง หัวใจ ตรวจสุขภาพผู้ชาย ผู้หญิง สำหรับวัยกลางคน ผู้สูงวัย... ตรวจสุขภาพแต่งงาน? แต่งงานก็มีตรวจด้วยว่ะพี่ แต่คงไม่ใช่พี่เต้หรอกเนอะ”

รวินท์หันขวับไปสบตาเด็กหนุ่มพลางนึกย้อนทบทวนคีย์เวิร์ดต่างๆ ที่ได้ยินมาจากเพื่อนรัก ปัญหาที่บ้าน พ่อ ผู้หญิง วันนี้มีคนรุ่นเดียวกับพ่อแม่โผล่มาอีกสอง เพราะงั้นถ้าวันนี้ไอ้เต้มาตรวจสุขภาพแต่งงานจริงๆ... ก็มีสิทธิ์เป็นไปได้ปะวะ

ทันตแพทย์หนุ่มหน้าเสีย “บ้าน่ะ! ไม่ใช่หรอก คนมาโรงบาลได้สารพัดเรื่อง!” ประโยคหลังนี่เขาบอกตัวเองด้วย

“ผมว่าเราตามเข้าไปดูกันเถอะครับ!”

“เฮ้ย! คีรี!” รวินท์ยังไม่ทันห้าม เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นพรวด เดินอาดๆ ตามเส้นทางที่เตชิตเพิ่งเดินเข้าโรงพยาบาลไป ทำให้เขากับภูพิงค์ต้องรีบวิ่งตาม

เมื่อก้าวเข้าไปในโรงพยาบาล ตามประสาคนหน้าตาดีที่เดินติดกันมาเป็นยวง ทำให้พวกเขากลายเป็นจุดรวมความสนใจของสาวๆ ในบริเวณนั้น พอหญิงสาวพนักงานต้อนรับยิ้มระรื่นเดินเข้ามาหา สามหนุ่มก็ชะงัก ยืนเบียดกันเป็นกลุ่มนกเพนกวิน

“เอ่อ พวกผมตามเพื่อนมาอะครับ เพื่อนมาธุระที่นี่” รวินท์แจกยิ้มการค้าไว้ก่อนเป็นใบเบิกทาง ถือคติว่าหน้าหล่อซะอย่างทำอะไรก็น่าเชื่อถือไปหมด “อ๊ะ เพื่อนผมอยู่ตรงนั้น ขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบก็คว้ามือเด็กหนุ่มสองคนกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปพร้อมกัน

“พี่วินๆ คนมองกันใหญ่เลยว่ะ”

“เพราะหมอวินจับมือ พวกเราเลยดูเป็นรักสามเส้ารึเปล่าครับ”

“เฮ้ยๆ พวกคุณก็เดินดีๆ สิวะ อย่าทำท่าลับๆ ล่อๆ” รวินท์หันไปดุ ก่อนจะเบรกเอี๊ยด ลากสองหนุ่มไปหลบหลังเสา

“ไหนว่าไม่ให้ทำท่าลับๆ ล่อๆ ไงวะพี่!”

“ชี่~ ไอ้เต้เดินมาทางนี้เว้ย”

เตชิตเดินมาหยุดทำหน้างงๆ หันมองหาป้ายบอกทาง แล้วเดินตรงไปยังศูนย์อาหารของโรงพยาบาล พอซื้อข้าวได้ก็เลือกไปนั่งโต๊ะที่ไกลผู้คนสักหน่อย จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกไป

สามหนุ่มนั่งหลบมุมอยู่ที่ใกล้ๆ ศูนย์อาหาร แต่จู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นให้พวกเขาสะดุ้งโหยง มองหน้ากันเลิ่กลั่ก

คีรีตบๆ ที่กางเกง “ของผมเอง” แล้วรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู “พี่เต้โทรมา!”

“รับสิวะ อย่ามีพิรุธล่ะ”

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ พอกดรับสาย คนที่ต้นสายก็พูดขึ้นทันที

“เป็นไง หมูกระทะอร่อยมั้ย แล้วนี่ถึงโรงหนังรึยัง”

“อร่อยครับ กำลังไปเซ็นทรัลเลยครับเนี่ย แล้ว... แล้วพี่เต้อยู่ไหน”

“อยู่โรงบาล กินข้าวอยู่”

“อ้าว พี่เต้ไม่สบายเหรอ อยู่โรงบาลไหนครับ เดี๋ยวผมไปหา”

“ไม่ต้องๆ ไปดูหนังเถอะ ผมแค่มาทำธุระนิดหน่อยน่ะ ไม่ได้ป่วยอะไร ไม่ต้องห่วงนะ”

“แต่ผมคิดถึงพี่เต้อะครับ อยากเจอ...” คีรีพูดเสียงสลด

คนที่ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ “ขอโทษนะ” ก่อนจะพูดตัดบท “แค่นี้ก่อนละกัน ดูหนังให้สนุกล่ะ” แล้วกดวางสายไป

เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง ยังไม่ทันได้อ้อนอีกฝ่ายก็ตัดสายไปเรียบร้อย

“ไอ้เต้มันว่าไงน่ะคุณ”

“บอกแค่ว่ามาทำธุระที่โรงบาลนี่อะครับ ไม่ได้ป่วยอะไร”

รวินท์ขมวดคิ้วทำหน้านิ่ว “งั้นธุระของมันนี่ ถ้าเป็นตรวจสุขภาพ ปกติเขาน่าจะเริ่มตรวจกันแต่เช้า นี่มันอาจจะแวะเข้ามารับผล หรือเอาจริงๆ อาจจะมาเยี่ยมใครคลอดลูกก็ได้ ถ้างั้นเดี๋ยวก็คงกลับโรงแรมล่ะมั้ง”

“โรงแรมไหนวะพี่วิน” ภูพิงค์ถาม

“มันไม่ได้บอกว่ะ บอกแค่ไปค้างกับพ่อ”

สองหนุ่มหันไปมองคนอ่อนวัยกว่าที่นั่งหน้าเหี่ยวเป็นผักตากแดด พลางตบไหล่เบาๆ เพื่อปลอบใจ

“พี่พิงค์กับหมอวินไปดูหนังเถอะครับ เดี๋ยวผมจะรอดูพี่เต้อีกสักพัก”

“ไม่เชื่อใจมันรึไง”

“เชื่อครับ แต่... อยากอยู่ใกล้ๆ อีกสักนิด ผมจะไม่เข้าไปยุ่มย่ามอะไรหรอก ผมสัญญา”

รวินท์กับภูพิงค์มองหน้ากันแล้วถอนหายใจ พวกเขาก็เข้าใจเด็กหนุ่มละนะ ถ้าเป็นพวกเขาก็คงจะทำเหมือนกัน

“งั้นพวกผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณละกัน”

คีรียิ้มบาง “ขอบคุณครับ พี่พิงค์กับหมอวินใจดีมากเลยครับ”

“พอๆ หมอวินอะไร ฟังแล้วขัดหูชะมัด คุณเรียกคนอื่นว่าพี่หมดแล้ว เรียกผมซะแก่อยู่คนเดียวเลย” พูดจบก็นั่งลงบนโซฟากับภูพิงค์ แล้วถอนหายใจยาวเหยียด “ที่จริงผมเองก็สงสัยมันมากเหมือนกัน ตั้งแต่รู้จักกันมา มันไม่เคยมีความลับอะไรกับผมเลย เฮ้ย!”

สามหนุ่มสะดุ้งโหยงเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน เนื่องจากพวกเพื่อนๆ ไปรออยู่ที่ห้างแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะเอายังไงกับพวกเขาทั้งสามคนดี คุยกันไปคุยกันมาก็ตกลงกันว่าให้ทุกคนไปดูหนังกันต่อ ส่วนแซนดี้จะเทตั๋วหนังและขับรถของรวินท์มาส่งให้ แล้วเพื่อนของคีรีจะขับรถของเขาไปไว้ที่คอนโดมิเนียมให้หลังดูหนังกันเสร็จ

ใช้เวลาไม่นานแซนดี้ก็ขับรถมาถึง จากนั้นทั้งสี่คนก็ไปปักหลักนั่งตบยุงกันอยู่ในลานจอดรถ เพื่อคอยเฝ้ารถเตชิตไว้

“ขอโทษนะครับพี่แซนดี้ พี่เลยอดดูหนังเลย” คีรีพูดเสียงอ่อย

“ไม่เป็นไรๆ เรื่องแค่นี้เอง หนังเอาไว้ไปดูเมื่อไหร่ก็ได้”

คีรียกมือไหว้ แล้วหันไปไหว้สองหนุ่มที่เบาะหลังด้วย “ขอบคุณพี่ๆ มากนะครับ”

“ไอ้เต้มันก็เพื่อนผมเหมือนกัน ไม่ต้องขอบคุณอะไรหรอกน่ะ”

“เฮ้ยๆ พี่เต้มาแล้ว หลบเร็ว!” พอภูพิงค์พูดขึ้น ทุกคนก็หมอบลง

รถของรวินท์จอดอยู่ไม่ไกลจากรถของเตชิตนัก และเพราะในลานจอดรถเปิดไฟไว้สว่าง พวกเขาจึงต้องระวัง ค่อยๆ ผงกศีรษะขึ้นมอง

เตชิตเดินมากับบิดาและคู่ชายหญิงวัยกลางคน พอทุกคนเข้าไปนั่งในรถแล้ว เขาก็ขับรถออกไปช้าๆ

แซนดี้ทิ้งระยะห่างเล็กน้อย แล้วจึงค่อยๆ ขับตามออกไป

“คราวนี้มีพ่อไอ้เต้มาอีกคน หรือไอ้เต้มันจะพาพ่อมันมาตรวจสุขภาพวะ” รวินท์เปรย

“แค่ตรวจสุขภาพทำไมต้องถ่อมาตรวจถึงเชียงใหม่วะพี่”

“ถูกของไอ้พิงค์นะพี่วิน ผมว่าน่าจะมาทำอะไรสักอย่างที่เกี่ยวข้องกับทั้งพี่เต้พ่อพี่เต้ แล้วก็อีกสองคนนั่นอะ”

รวินท์ย่นคิ้วเข้าหากัน “ตรวจสุขภาพหมู่เหรอวะ”

“โปรโมชั่นสามแถมหนึ่งเหรอพี่” ภูพิงค์หันไปถาม “เฮ้ย! ไม่ใช่สิ ใครเขาจะถ่อมาตรวจสุขภาพถึงนี่วะ!”

เพียงแค่ครู่เดียว รถของเตชิตก็เคลื่อนเข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่ง แซนดี้เลิกคิ้วขึ้น หันขวับไปทางคนที่นั่งข้างกัน “โรงแรมนี่...”

“ทำไมเหรอ” รวินท์ยื่นหน้าเข้าไปถาม

“ที่นี่เป็นโรงแรมที่คุณตาผมทำงานอยู่น่ะครับ พี่แซนดี้ขับรถไปจอดตรงนั้นก่อนละกัน” เด็กหนุ่มนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกไป พูดคุยสักพักก็หันไปบอกอีกสามหนุ่ม “เดี๋ยวผมมา รอแป๊บนะครับ”

ทั้งสามมองตามคีรีกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปคุยกับพนักงานโรงแรม จากนั้นผลุบหายเข้าไปในโรงแรม แต่ใช้เวลาไม่นานก็วิ่งกลับออกมา

“คือ... ผมขอให้คนรู้จักช่วยเช็กดูให้ พี่เต้จองห้องพักไว้สองห้อง ของคืนนี้กับคืนวันพรุ่งนี้ แล้ววันพรุ่งนี้... มีจองโต๊ะที่ร้านอาหารเรือนไทยของโรงแรมตอนบ่ายโมงด้วย แต่จองไว้สำหรับห้าที่น่ะครับ”

“พี่เต้ พ่อพี่เต้ กับผู้ใหญ่อีกสองคน แล้วใครอีกคนวะเนี่ย” ภูพิงค์พึมพำ

แซนดี้นิ่งขรึม ใช้นิ้วมือเคาะพวงมาลัยรถอยู่พักใหญ่ ก่อนจะพูดเสียงเครียด “ผมว่าอารมณ์มันเหมือนนัดดูตัวจังว่ะ”

“เฮ้ย!” สามหนุ่มหันขวับ เพราะแซนดี้เปิดประเด็นมาได้แทงใจพวกเขาอย่างแรง

“ก็ดูดิ มีพี่เต้ พ่อพี่เต้ แล้วผู้ชายผู้หญิงที่มาด้วยก็น่าจะเป็นสามีภรรยากันป้ะล่ะ อีกคนที่มากินข้าวด้วยก็อาจจะเป็นลูก ถ้าเป็นผู้หญิงวัยใกล้เคียงพี่เต้ด้วยนะ โป๊ะเชะเลย พี่เต้จะโดนจับคลุมถุงชนแหงๆ”

ภูพิงค์โวยวาย “แล้วถ้างั้นผู้หญิงคนนั้นหายไปไหนวะ ทำไมไม่มาโรงแรมด้วยกันอะ”

“ก็อยู่ที่โรงบาลเมื่อกี้ไงมึง จั๊ดง่าว!”

คีรีหน้าเสีย อ้าปากพะงาบๆ อยากจะหาอะไรมาแก้ต่าง แต่ก็นึกไม่ออก เพราะเขาเองก็รู้สึกว่ามันเข้าข่ายอยู่เหมือนกัน “ถ้างั้นก็เข้าใจได้ ว่าทำไมพี่เต้ไม่ยอมบอกรายละเอียดอะไรผม”

รวินท์พลอยเครียดหนักตามไปอีกคน “ไอ้เพื่อนเวร คิดอะไรของมึงอยู่วะ มีเรื่องอะไรทำไมไม่ปรึกษากัน”

“เดี๋ยวดิๆ อย่าเพิ่งคล้อยตามอีแซนดี้กันสิครับ” ภูพิงค์รีบห้าม

“แล้วมึงคิดเป็นอย่างอื่นได้เหรอวะไอ้พิงค์”

พอโดนแซนดี้ย้อนถาม เจ้าของชื่อก็ปิดปากสนิท ก็แบบ... เขาก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าพ่อพี่เต้จะเดินทางมาลำพูนอย่างเร่งด่วนแถมยังลากิจอีกหลายวันทำไม ไอ้พี่เต้ก็พลอยลาหลายวันไปด้วยอีก มันต้องเป็นเรื่องสำคัญมากเลยทีเดียว เขาหันไปทางคนรัก “เอาไงดีพี่วิน”

ทันตแพทย์หนุ่มกลืนน้ำลายฝืดลงคอ “อาจจะเรื่องอื่นก็ได้ ถ้าดูตัวจริง แล้วคนที่มาดูตัวทำไมไปอยู่โรงบาลล่ะวะ”

“ตื่นเต้นจนต้องนอนโรงบาลเปล่าพี่ อาจจะโดนบังคับแต่งเหมือนกันเลยเครียดจัด หรือไม่ก็เป็นหมอที่นั่น โหย ถ้าเป็นหมอนี่ยิ่งดูเหมาะสมกับพี่เต้เลยนะ ใช่ชัวร์ๆ” แซนดี้ใส่ไฟไปอีกชุดใหญ่

“ไม่หรอกน่ะ คงไม่ใช่หรอก” ความมั่นใจในน้ำเสียงของรวินท์ลดลงถึงขีดต่ำสุด เขาหันไปสบตาคีรี “ผมรู้จักเพื่อนผมดี ผมสนิทกับมันมาเป็นสิบปี รู้ว่ามันรักใครก็รักจริง มันไม่ทำให้คนที่มันรักต้องเสียใจหรอก”

“ครับ”

“เชื่อใจมันนะ”

เด็กหนุ่มเม้มปากแน่น แล้วพยักหน้า “ครับ ผมเชื่อ และถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ผมจะไม่ปล่อยให้พี่เต้ต้องจัดการปัญหาคนเดียวแน่”

“ดีมาก ให้มันได้อย่างนี้สิเว้ย ถ้างั้นพรุ่งนี้เที่ยงเรามาพิสูจน์กันให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลย เดี๋ยวผมจะขอให้พี่สิงหาทำคลินิกช่วงบ่ายแทน”

“โอเคครับ งั้นเดี๋ยวผมจะบอกพนักงานไว้ก่อน” คีรียิ้มบาง “ขอบคุณทุกคนมากนะครับ”



*TBC*



เวลาน้องพิงค์กับพี่วินมาเจอน้องคีรีนี่มันป่วนจริงๆ เลย 5555 ไร้สาระมากถึงมากที่สุด

ว่าแต่บ้านของหมอเต้มีอะไรกันน้า~ น่าจะพอเดากันออกนะคะ ฮี่ๆ

ขอโทษที่เอามาลงช้าค่า เมื่อวันก่อนอัปเดตคอมฯ พอมะวานจะเปิดคอมฯ ดันเปิดไม่ขึ้น แบคอัปก็ไม่มี หัวใจจะวาย ฮรือออ กว่าจะแก้จนเปิดขึ้นมาได้ก็ล่อไปหลายชั่วโมงเลยค่ะ บ่ายยันค่ำเลยล่ะ ฮรือออ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า



หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 23-05-2019 19:36:26
เดาว่าน้องชายพี่เต้ทำ ผญ ท้อง รึป่าว?
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-05-2019 19:46:12
 :a5:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 23-05-2019 19:54:34
โอ้ยย ยังไงเนี่ย
ทำไมพี่เต้ไม่ลงรายละเอียดหน่อย
แล้วเตยโทรมาร้องไห้ นี่เพราะเรื่องนี้มั้ยเนี่ย

สงสารคีรี อดเจอแฟนเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 23-05-2019 20:02:58
กว่าจะเข้าใจกันก็นานมากเลยนะคะ พอแล้วกับมาม่า5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 23-05-2019 20:27:31
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 23-05-2019 20:28:33
คืออาการมโนของพิงค์กับแซนดี้ เหมือนยิ่งช่วยให้เข้าใจผิดไปกันใหญ่ 55  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 23-05-2019 20:36:09
คิดไปต่างๆ นาๆ เลยแก๊งนี้ แซนดี้ก็พูดซะเหมือนทุกคนกำลังคิด สู้ๆ นะ คีรี
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-05-2019 20:44:43
ร่วมมือร่วมใจกันดีจัง
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 23-05-2019 20:54:15
 :katai1: เอาอีกแล้ววววววววววว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 23-05-2019 21:17:00
อย่าให้สองแกงค์นี้มาเจอกัน (บริหารกับวิศวะ) มันจะบันเทิงเกินไปแล้ว 5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 23-05-2019 21:44:06
หมอเต้ลับลมคมในมากกกก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 23-05-2019 21:54:24
เรื่องอะไรเนี่ยหมอเต้ คนอื่นพากันเป็นห่วงไปหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 24-05-2019 09:34:18
น้องสาวพี่เต้ไม่ได้ร่วมโต๊ะด้วยเหรอ
หรือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของพ่อ?  :ling2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 24-05-2019 13:02:09
เรื่องนนี้น้องหมอเต้ต้องมีเอี่ยวแน่ๆ :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 24-05-2019 13:13:36
เหมือนดูกนังสืบสวนเลยค่ะตอนนี้วิ่งวุ่นหาหลักฐานกันสนุกเลยรออ่าตอนต่อไปนะค่ะ :katai1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 24-05-2019 14:46:20
เกิดอะไรขึ้น  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-05-2019 15:30:22
มันเรื่องอะไรกันแน่ หรือว่าน้องหมอเต้ทำใครท้องแล้วพามาตรวจที่ไกล ๆ เพื่อไม่ให้มีข่าวกันล่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 24-05-2019 19:52:37
คือแบบแก็งค์นี้รวมตัวกันเมื่อไหร่ มีแต่เรื่องดีๆทั้งนั้น 5555 เล่นมโนเก่งมากแต่ละคน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-05-2019 23:24:43
มาถูกที่ด้วยเนาะ 5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-05-2019 04:26:31
 :pig4: :pig4: :pig4:

สาวเจ้าอาจจะป่วยใกล้ตาย  แต่พ่อแม่ซึ่งก็เป็นเพื่อนสนิทพ่อหมอเต้คงอยากให้ลูกสาวได้แต่งงานก่อนตาย 

เลยขอร้องให้พ่อหมอเต้จัดการงานนี้  หรือเปล่าหว่า

ป.ล. มโนสุด ๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 25-05-2019 08:07:14
แผนนัดดูตัว แต่ดูตัวคีรีปะป่าววววว :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 25-05-2019 09:47:59
อะไรยังไงล่ะครับเนี่ย น้องคีรีจะต้องเสียใจไหมครับ พี่เต้อย่าทำให้น้องเสียใจนะครับ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 25-05-2019 11:06:11
แก็งป่วนชัดๆ555555555

น่าจะน้องชายพี่เด้ไปทำใครท้องป่าว?
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 27-05-2019 15:33:06
สงสัยหมอเต้ก็สงสัย
แต่ก็อดขำแก๊งลักลอบแอบดูไม่ได้ค่ะ 55
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 30-05-2019 00:53:38
ทำงานกันเป็นทีมจริงๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 30-05-2019 19:25:42


Chapter 33 : บิดาของเตชิต



ภายในร้านอาหารเรือนไทยของโรงแรม

คีรีไปรับรวินท์ที่คลินิกตามเวลาที่นัดไว้ แต่ได้ภูพิงค์พ่วงมาด้วยอีกคน แม้รวินท์จะบอกให้อีกฝ่ายอยู่บ้านอ่านหนังสือสอบก็ตามที

“พี่วินเป็นแฟนผม จะปล่อยให้ไปกับผู้ชายคนอื่นตามลำพังได้ไงวะ อีกอย่างพี่เต้ก็พี่ผม หนังสือก็อ่านไปเยอะแล้ว ยังไงผมก็จะไปด้วยเว้ย” ภูพิงค์อ้างแบบนั้น

เนื่องจากเตชิตจองที่นั่งในศาลาข้างนอกเรือนไทยไว้ คีรีจึงเลือกไปนั่งข้างในเรือนไทยตรงที่สามารถสังเกตการณ์ไปยังศาลาได้สะดวกๆ พวกเขามาถึงก่อนเวลาที่ทันตแพทย์หนุ่มจองไว้เล็กน้อย แล้วก็รีบไปปักหลักคอยเฝ้ามองดูสถานการณ์กัน

ใช้เวลาไม่นานเตชิตกับบิดาและคู่ชายหญิงวัยกลางคนก็มาถึง แต่ครั้งนี้มีหญิงสาวมาด้วยอีกคนตามที่แซนดี้คาดไว้ เธอดูไม่ค่อยแข็งแรงสักเท่าไหร่ ใบหน้าค่อนข้างซีด เดินก็เหมือนคนไม่ค่อยมีแรง เตชิตจึงต้องช่วยประคองตลอดทาง

“ทำไมต้องประคบประหงมกันขนาดนี้วะเนี่ย”

“พี่เต้ดูเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นมากเลยนะครับ”

คีรีกับรวินท์ทำหน้าเจื่อน ต่างคนต่างกลืนน้ำลายฝืดลงคอ มองตากันปริบๆ เพราะไม่ว่าจะมองยังไงมุมไหนก็เหมือนมาดูตัวกันจริงๆ

“นี่ๆ ใจเย็นๆ เขาเพิ่งเดินมากันเอง อย่าเพิ่งตัดสินอะไรสิ ดูท่าทางแล้วผู้หญิงคนนั้นคงไม่สบาย อาจจะนอนโรงบาลเมื่อคืนอย่างที่พวกเราเดาๆ กันไว้ พี่เต้เขาก็เลยต้องประคองไง” กลายเป็นภูพิงค์ที่ต้องปลอบทั้งคู่ให้หายตื่นตระหนก



เตชิตประคองหญิงสาวไปนั่ง เชิญบิดาและคู่ชายหญิงวัยกลางคนนั่งลง จากนั้นเขาก็นั่งลงข้างๆ หญิงสาว

ระหว่างที่พนักงานนำเครื่องดื่มและอาหารไปจัดเสิร์ฟที่โต๊ะ ทันตแพทย์หนุ่มก็คอยดูแล หันไปถามนู่นนี่ แล้วตักอาหารให้เธอลองชิม



พอเห็นอย่างนั้น คีรีก็จัดการเรียกพนักงานคนที่ไปเสิร์ฟที่โต๊ะของเตชิตมาสัมภาษณ์ต่อทันที

“ได้ยินไม่ค่อยถนัดเลยค่ะคุณคีรี” พนักงานสาวตอบ “แต่มีพูดถึงงานหมั้นกับงานแต่ง ฝ่ายคุณผู้ชายจะไปหาฤกษ์รอกลับจากต่างประเทศอะไรเนี่ยค่ะ”

“ฮะ!” สองหนุ่มอ้าปากค้าง

“ใครจะแต่งกับใครครับ” ภูพิงค์ถามอย่างงงๆ

“ไม่ทราบเลยค่ะ แต่สีหน้าของคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คุณผู้หญิงดูจะทานอาหารไม่ค่อยได้เลยค่ะ” เมื่อเธอรายงานเสร็จก็กลับไปทำงานต่อ

คราวนี้ภูพิงค์หลุดปากอุทานก่อนใครเพื่อน “ฉิบหาย! หรือพี่เต้จะโดนบังคับแต่งงานจริงๆ วะเนี่ย! ยุคนี้แล้วเนี่ยนะ!”

“ผมว่าใช่แน่ๆ ว่ะ” รวินท์ยกมือขึ้นกุมขมับ “ตอนนั้น... ที่บ้านผมหอบบ้านคุณกับบ้านไอ้เต้มาที่เชียงใหม่ แม่ไอ้เต้มันก็ดูอยากให้มันมีแฟนมากนะ แต่มันไม่ยอมมีสักที นี่พ่อแม่มันคงใจร้อน เลยจัดการให้ซะเองแหงๆ”

“พ่อพี่เต้ดุมั้ยวะพี่”

“ไม่แน่ใจเลยว่ะ ปกติเห็นเงียบๆ ขรึมๆ หน้านิ่งๆ ไม่ค่อยพูดอะไร”

“แบบนี้ก็น่าจะเรียกว่าดุมั้ยวะ แล้วพี่เต้เกรงใจพ่อพี่เต้มากมั้ยอะ”

“ก็น่าจะมากอยู่นะ ปีที่แล้ว ตอนพ่อมันเกิดอุบัติเหตุ มันถึงกับยอมบินกลับกรุงเทพฯ ทุกอาทิตย์เลยนะเว้ย”

“แล้วแบบนี้ถ้าพ่อพี่เต้จะให้แต่งงาน พี่เต้จะปฏิเสธได้เหรอวะพี่” ภูพิงค์พูดเสียงเครียด ไซโคให้ทุกคนเพิ่มความกังวลไปอีกคนละหลายเท่าตัว

คีรีนั่งฟังไปเงียบๆ ทว่าสีหน้าบ่งบอกว่าพร้อมจะยกทัพไปทวงเอาเอกราชคืนแล้วตอนนี้ เขานิ่งขรึมอยู่อีกสักพัก จากนั้นก็ลุกขึ้นพรวด

สองหนุ่มที่นั่งด้วยกันผงะ รีบคว้าแขนคนอ่อนวัยกว่าไว้ “เฮ้ย! เดี๋ยวๆ คุณจะไปไหน!”

“ผมจะไปทำหน้าที่แฟน”

“ผมว่ารอให้เขากินเสร็จก่อนดีมั้ยวะ ใจเย็นเว้ยคุณ” รวินท์กระตุกแขนคนที่ยืนอยู่ให้นั่งลง “แฟนคุณมันก็เพื่อนรักผมนะเว้ย ผมเองก็อยากให้มันมีความสุข ไม่ต้องโดนบังคับแต่งงานกับใครเหมือนกัน”

เด็กหนุ่มรุ่นน้องทำหน้านิ่ว แววตาคุกรุ่นด้วยโทสะ ในใจร้อนเป็นไฟ แต่ก็ยอมนั่งลงที่เดิม เขากัดริมฝีปากจนห้อเลือด กำมือแน่น พร้อมกับจ้องมองไปยังศาลาด้านล่างเขม็ง

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ คีรีหยิบขึ้นมาดูอย่างไม่สบอารมณ์นัก แต่ก็กดรับสาย “คับ ป้ออุ้ย” ทั้งสองพูดคุยถามไถ่ทุกข์สุขกันเหมือนอย่างเคย แต่ดูคนปลายสายจะรู้สึกถึงอารมณ์ของเด็กหนุ่มได้จากน้ำเสียง

“เป๋นอะหยังกะลูก อารมณ์บ่าดีกะ” (เป็นอะไรรึลูก อารมณ์ไม่ดีรึ)

“คับ มีเรื่องนิดหน่อย”

“มีอะหยัง บอกอุ้ยได้ก่อ” (มีอะไร บอกตาได้มั้ย)

เด็กหนุ่มอ้ำอึ้ง เขายกมือขึ้นขยี้เส้นผมบนศีรษะ แล้วถอนหายใจยาว “ถ้า... มีคนมาลู่คนตี้...อุ้ยฮักไป อุ้ยจะยะยังได” (ถ้ามีคนจะมาแย่งคนที่คุณตารักไป คุณตาจะทำยังไง)

“ถ้าอุ้ยฮู้ว่าเขาก่อฮักเฮา อุ้ยก่อจะยะกุอย่างฮื่อได้เขาคืนมานะกะ” (ถ้าตารู้ว่าเขาก็รักเรา ตาก็จะทำทุกอย่างให้ได้เขาคืนมาน่ะสิ)

“คับ”

“อุ้ยท่าปะเขาอยู่หนา” (ตารอเจอเขาอยู่นะ)

คีรียิ้มบาง “คับ ท่าอุ้ยปิ๊กมาจากอังกิตก่อนเน่อคับ” (ครับ รอคุณตากลับมาจาอังกฤษก่อนนะครับ)

ทั้งสองพูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะวางสายไป การคุยกันกับคุณตาก็ทำให้เด็กหนุ่มอารมณ์เย็นลงได้บ้าง แต่ฟิลพร้อมออกรบยังอยู่เต็ม เขาหันไปมองที่ศาลาอีกครั้ง รอให้ทางนั้นกินอาหารเสร็จด้วยใจจดจ่อ

“คิดยังว่าจะทำไงอะคุณ” ภูพิงค์สะกิดถาม “จะบุกเข้าไปหาโต้งๆ เลยเหรอวะ แล้วจะพูดกับพ่อพี่เต้ว่าไง”

“ผมจะเข้าไปแนะนำตัวก่อน ดูลาดเลาว่าพี่เต้จะว่ายังไง ถ้าพี่เต้ไม่ว่าอะไร ให้ลุยต่อได้ผมก็จะลุย ผมจะบอกพ่อพี่เต้ว่าผมเป็นอะไรกับพี่เต้ และผมพร้อมที่จะรับผิดชอบทุกอย่าง แต่ถ้าพี่เต้ไม่โอเค อย่างน้อยผมก็อยากให้พี่เต้รู้ว่าผมพร้อมจะอยู่ข้างพี่เต้เสมอถ้าพี่เขาต้องการ”

“เจ๋งว่ะไอ้น้อง ผมว่าก็ดีนะ รอดูท่าทางของไอ้เต้มันก่อนค่อยลุย งั้นเราไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ เดี๋ยวผมจะเข้าไปเปิดทางให้ก่อนเอง” รวินท์ตบไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ แล้วหันไปสังเกตการณ์ต่อ

จนกระทั่งเตชิตยกมือไหว้คู่ชายหญิงวัยกลางคนที่น่าจะเป็นบิดามารดาของหญิงสาว รวินท์จึงพูดขึ้น “ดูท่าจะกลับกันแล้วเว้ย! เอาเลยมะ!”

“ครับ!” คีรีลุกขึ้นพรวด กึ่งเดินกึ่งวิ่งลงไปจากเรือนไทย โดยมีรวินท์และภูพิงค์วิ่งตามไปติดๆ

คนในศาลาทยอยเดินออกมาจากศาลากันแล้ว สีหน้าเคร่มขรึมในตอนแรกดูดีขึ้นมาก ยกเว้นก็แต่เตชิตนั่นละที่ไม่ได้ยิ้มแย้มไปกับใครๆ

บิดาของทันตแพทย์หนุ่มและคู่ชายหญิงวัยกลางคนเดินนำไปก่อน ส่วนเตชิตประคองหญิงสาวตามหลังไปช้าๆ เขาคอยชี้บอกทางให้เธอเดินอย่างระมัดระวัง

ขณะเดียวกันคีรีก็เดินไปหยุดรออยู่ที่ตรงต้นทางของทางเดินเชื่อมไปยังศาลาอีกฝั่ง ส่วนรวินท์กับภูพิงค์ก็ยืนอยู่ข้างกัน


บิดาของเตชิตเห็นรวินท์เข้าก็เอ่ยทัก “อ้าว นั่นวินนี่!”

เจ้าของชื่อยิ้มรับ “สวัสดีครับพ่อ”

“มาทำอะไรกันรึลูก”

“ผมมากินข้าวกับน้องๆ น่ะครับ”

เมื่อเตชิตได้ยินเสียงคุ้นหูเข้าก็เงยหน้าขึ้นมอง สบสายตากับเด็กหนุ่มคนรักเข้าอย่างจัง “คีรี” เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เพราะหน้าตาอีกฝ่ายดูขึงขังแบบแปลกๆ อย่าว่าแต่คีรีเลย ไอ้วินก็เหมือนกัน ทำท่าเหมือนจะไปยกพวกตีกันกับใครที่ไหน

พอสบตาภูพิงค์ที่ยืนอยู่ข้างหลังรวินท์กับคีรีอีกที เด็กหนุ่มก็ทำปากบอกว่าสองคนข้างหน้าเขาน่ะ กำลังหัวร้อนมาก ให้เตรียมตัวรับระเบิดลง

“แต่ก็มารอเจอเต้ด้วย” รวินท์พูดเสียงเครียด “มันหายหัวไปหลายวัน ไม่รู้มีเรื่องอะไรกันแน่ ผมเป็นห่วง”

เตชิตสะดุ้ง รีบเดินเข้าไปประจันหน้าเพื่อนรัก “ไอ้วิน!” เขาชะงักไปเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายทำตาดุใส่ “เกิดอะไรขึ้นวะ”

“กูควรจะเป็นคนถามมั้ยไอ้สัส!”

“เหย ดุฉิบหาย มึงไปแดกโรงงานน้ำตาลมาเหรอ” เตชิตทำหน้างง “แล้ว... คีรี ทำไมถึงมากับไอ้วินไอ้พิงค์ได้ล่ะ ยังสอบไม่เสร็จไม่ใช่รึไง”

“ก็ผมเป็นห่วงพี่เต้ ไม่ได้เจอกันหลายวันแล้วนี่ครับ”

“ผมบอกแล้วว่าไม่มีอะไรต้องห่วงไง”

ใบหน้าของเด็กหนุ่มยังคงไร้รอยยิ้ม น้ำเสียงบ่งบอกว่าทั้งโกรธและน้อยใจ เขาชำเลืองมองบิดาของคนรักที่ยืนอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย “ผมจะไม่ห่วงได้ไงล่ะ เรื่องของพี่เต้ไม่มีทางที่ผมจะไม่ใส่ใจ ว่าแต่พี่เต้เถอะ มาทำอะไรที่นี่ครับ”

“ผมก็มาคุยธุระน่ะสิ ไม่เอาน่ะ อย่าทำหน้าเหมือนไปกินรังแตนมาแบบนี้สิวะ”

“ธุระอะไรของพี่ ทำไมบอกผมไม่ได้ ในเมื่อผมเป็นฟะ...” ยังพูดไม่ทันจบประโยคก็มีเสียงใครบางคนพูดแทรกขึ้น

“เอ้า มีเรื่องอะไรกันหรือลูก” คู่ชายหญิงวัยกลางคนจูงบุตรสาวเดินเข้าไปหาสี่หนุ่ม “ใครกันล่ะนี่ เพื่อนของเต้หรือจ๊ะ”

เตชิตพยักหน้ารับ “เอ้อครับ นี่วิน เพื่อนซี้มากๆ ของผมครับ ที่มาทำงานใช้ทุนในโรงบาลลำพูนด้วยกัน แล้วก็นั่นคีรีกับภูพิงค์ครับ เป็นน้องที่สนิทกัน น้องๆ เป็นนักศึกษาจากมหาลัยในเชียงใหม่น่ะครับ” จากนั้นก็รีบหันไปแนะนำกับทางเพื่อนรักและพวกเด็กหนุ่ม “นี่คุณพ่อคุณแม่ของน้องพลอย แล้วก็นี่น้องพลอย ว่าที่น้องสะใภ้ของกูเอง”


“ฮะ!?” สามหนุ่มผู้มาเยือนถึงกับผงะ ต่างคนต่างตะโกนเสียงดัง “น้องสะใภ้เรอะ!”


เตชิตสะดุ้งโหยง “เฮ้ย พวกมึงจะตะโกนทำมั้ย!”

คีรีอ้าปากค้าง ก็แบบว่าเรื่องมันหักมุม ผิดคาดไปจากที่คิดเยอะ จากหัวร้อนๆ กลายเป็นเย็นวูบวาบ เล่นเอาทำตัวไม่ถูก จะถอยกลับตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว แต่พอหันไปทางบิดาของทันตแพทย์หนุ่มก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองมาที่ตัวเขาเขม็ง เขาจึงรีบยกมือไหว้ “สะ...สวัสดีครับ”

บิดาของเตชิตก้าวเข้าไปหาเด็กหนุ่ม “เราน่ะ ชื่อคีรีงั้นรึ”

เจ้าของชื่อพยักหน้าหงึกๆ อาการกระฟัดกระเฟียดในคราวแรกหายสนิท เหลือแต่ความเจียมเนื้อเจียมตัวเท่านั้นแล้วตอนนี้ “ครับ”

ในขณะเดียวกัน รวินท์ก็คว้าแขนเพื่อนรักมากระซิบ “สรุปว่าที่มึงทำตัวงุบงิบ หายหัวไปหลายวัน เพราะเรื่องน้องสะใภ้เรอะ! ไอ้ห่า! เอาเวลาที่กูห่วงมึงคืนมาเลยนะสัส!”

“เอ้า กูก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรต้องห่วงอะ!”

“จะไม่ห่วงได้ไง ยิ่งกว่ากูก็เด็กมึงนี่แหละ!”

แต่แล้วการสนทนาของทันตแพทย์ทั้งสองก็ถูกขัดจังหวะโดยหญิงสาวที่ก้าวเข้ามายกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ” แล้วเธอก็หันไปทักทายคีรีกับภูพิงค์ต่อ “ขอโทษที่ทำให้ทุกคนวุ่นวายไปหมดนะคะ”

เด็กหนุ่มทั้งสองคนรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “ไม่เลยครับ พวกเราแค่เป็นห่วงพี่เต้”

“พี่เต้คะ เดี๋ยวพี่เต้เล่าเรื่องให้ทุกคนฟังด้วยนะคะ พลอยขอโทษที่ทำให้ลำบากกันไปหมด ดูเพื่อนๆ ของพี่เต้เป็นห่วงมากเลย”

เตชิตยิ้มบาง “โอเค ขอบใจนะพลอย พี่ว่าจะขออนุญาตพลอยอยู่พอดี”

บิดาของทันตแพทย์หนุ่มพูดแทรก “เต้ พาน้องพลอยกับคุณๆ เขาไปส่งที่โรงแรมก่อนไปลูก แล้วโทรบอกเลขาพ่อให้จัดการเคลียร์บิลให้เรียบร้อยด้วย”

“เห แล้วพ่อ...”

“พ่อจะอยู่คุยกับสามหนุ่มนี่สักหน่อย”

“ฮะ!” ทั้งเตชิตและสามหนุ่มที่ว่าอุทานพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วก็ส่งสายตาหากันเป็นพัลวัน

“ไปสิ รีบไปเถอะลูก”

“ครับพ่อ” เตชิตหันไปสบตาคีรี “เดี๋ยวผมมานะ” จากนั้นก็หันไปช่วยประคองหญิงสาว “เชิญทางนี้ครับ” แล้วพาเดินไปยังลานจอดรถ


ส่วนสามหนุ่มนั้น ยืนตัวลีบเบียดกันเป็นกระจุก ฝ่ายบิดาของเตชิตก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไร แต่ใช้สายตาแสกนกรรมทั้งสามอย่างหนัก โดยเฉพาะ... คีรี

“ไปนั่งในศาลากันเถอะ มากินข้าวแล้วได้กินอะไรกันรึยังล่ะ”

ทั้งสามคนส่ายหน้ารัว พวกเขามานั่งเฝ้าโต๊ะของเตชิตนานแล้วก็จริง แต่ยังไม่ได้กินอะไรเลยสักอย่าง ดื่มแต่น้ำเปล่าไปนิดหน่อยเท่านั้น

บิดาของเตชิตเดินนำกลับไปยังศาลาที่เขาเพิ่งเดินออกมานั่นล่ะ “มาๆ นั่งต่ออีกสักเดี๋ยวร้านเขาคงไม่ว่าอะไรละมั้ง” เขาก้าวเข้าไปนั่งในศาลาก่อนจะกวักมือเรียก “เจ้าวิน มานั่งกับพ่อนี่”

“ครับพ่อ” รวินท์รู้สึกเสียวสันหลังวาบ แต่ก็หันไปทำปากบอกให้คีรีไปนั่งตรงข้ามบิดาของเพื่อนและภูพิงค์นั่งตรงข้ามกับเขา

“เอ้า สั่งอะไรกินกันก่อนสิ” บิดาบอกทุกคนด้วยสีหน้านิ่งๆ

“ครับ” สามหนุ่มก้มลงจ้องเมนูอาหาร พวกเขากินไม่ลงหรอก แม้จะหิวมากก็ตามที แต่จะไม่สั่งอะไรก็เกรงบิดาของเตชิต คีรีก็เลยแนะนำอาหารอร่อยขึ้นชื่อของร้านให้พี่ๆ เอามากินรองท้อง

“คีรีเคยมากินร้านนี้รึ” บิดาเอ่ยถาม

“เอ่อ ครับ”

“มากินกับเต้สินะ แนะนำเมนูเดียวกันเลย”

คนอ่อนวัยกว่ายิ้มเจื่อนๆ “ครับ”

ระหว่างที่พนักงานนำแก้วน้ำมาเสิร์ฟให้ใหม่ บิดาของเตชิตหันไปคุยกับทันตแพทย์หนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกัน “ปีที่แล้วเจ้าเต้รบกวนเรามากเลยสินะ ขอบใจนะลูกที่คอยช่วยเหลือเต้มันทุกเรื่อง”

“ไม่เป็นไรครับ เล็กน้อยเท่านั้นเอง เต้มันก็ช่วยเหลือผมมาเยอะ ก็เราเพื่อนกันอะครับ แต่พ่อหายดีวิ่งได้แบบนี้ผมก็ดีใจ”

“ก็ยังวิ่งไม่ค่อยจะไหวหรอก” คนแก่กว่าอมยิ้มพลางหันไปทางภูพิงค์ “ขอบใจภูพิงค์ด้วยนะ ถ้าไม่ได้ภูพิงค์มาช่วย วินคนเดียวก็คงจะรับมือเจ้าเต้ไม่ไหว”

“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี พี่เต้ก็เป็นพี่ชายผมเหมือนกัน” ภูพิงค์หัวเราะแหะๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแก้เขิน

“วินกับภูพิงค์... ก็คบกันมาเกือบปีแล้วสินะ”

“พรู่ดดด” ภูพิงค์พ่นน้ำออกมาอย่างลืมตัว ก็นั่นสินะ ถ้ามารดาของพี่เต้รู้ว่าเขากับพี่วินคบกัน บิดาก็ไม่น่าจะรอด เขาก้มลงไอแค่กๆ คีรีจึงขยับเข้ามาช่วยลูบหลังและส่งกระดาษทิชชูให้

ทั้งโต๊ะนิ่งสนิท ไม่มีคำพูดคำจาใดๆ อีก บิดาของเตชิตนั่งดื่มน้ำไปเงียบๆ ส่วนคีรีก็นิ่งแข็งเป็นหิน เขารู้สึกว่าคุณพ่อของพี่เต้มองเขาแบบแปลกๆ แต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องตัวเขากับพี่เต้หรอก ก็เขากับพี่เต้เพิ่งคบกันได้ไม่นานเองนี่หว่า แล้วพี่เต้จะไปคุยเรื่องซีเรียสๆ แบบนั้นกับคุณพ่อตอนไหน

ไม่นานพนักงานก็นำอาหารมาเสิร์ฟ

“สั่งกันน้อยจริง เด็กหนุ่มๆ นี่ ปกติเขากินจุกันไม่ใช่รึ” คนแก่กว่าพึมพำ “หรืออยู่กับคนแก่อย่างฉันแล้วกินไม่ลง”

สามหนุ่มเบิกตากว้าง รีบปฏิเสธทันควัน “เปล่านะครับ!” แล้วรีบจ้วงอาหารในจานใส่ปากกันอย่างรวดเร็ว

“สั่งอาหารเพิ่มอีกสิ กินแค่นี้จะอิ่มได้ยังไง”

คีรีกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะพูดเสียงอ่อย “ผมเกรงใจน่ะครับ” แต่กลายเป็นว่าทำให้คนที่นั่งตรงข้ามกันจ้องมองเขาเขม็ง เด็กหนุ่มเลยเสหลบตาไปทางรวินท์แทน

ทันตแพทย์หนุ่มเองก็ทำหน้าตาบอกไม่ถูก เขาชำเลืองมองคนแก่กว่าที หันไปสบตาคีรีอีกที จากนั้นก็ทำปากขมุบขมิบบอกให้เด็กหนุ่มทำเป็นก้มหน้าก้มตากินอาหารในจานไปก่อน

แต่จนแล้วจนรอดบิดาของเตชิตก็ยังคงไม่ละสายตาจากเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วกอดอก “ชื่อคีรี... แปลว่าภูเขาใช่มั้ย”

คนถูกถามเงยหน้าขึ้นช้าๆ “คะ...ครับ”

“เป็นคนเหนือสินะ”

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ “ครับ”

“มีแฟนรึยังล่ะ”

คีรีเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง เหงื่อตก มือที่ถือช้อนส้อมสั่นเล็กน้อย ดูมีพิรุธมันทุกส่วน เขาอ้ำอึ้ง ศีรษะยังตั้งนิ่งแต่ดวงตาเสไปทางรวินท์เพื่อขอความช่วยเหลือ

“มองเจ้าวินทำไม เจ้าวินเขามีแฟนแล้วไม่ใช่เรอะ คุยกับฉันก็มองฉันนี่!” บิดาของเตชิตขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นลูบปลายคางช้าๆ “หน้าตาแบบนี้ ไม่น่ารอด น่าจะมีคนชอบเยอะนะ”

“ก็... เอ่อ... ก็คงอย่างนั้นมั้งครับ ผมไม่ค่อยได้ใส่ใจเท่าไหร่ เพราะผมสนใจแต่คนที่ผมชอบคนเดียวครับ”

“อืมๆ ก็ดีแล้ว คนหลายใจน่ะไม่ดีหรอก” คนแก่กว่าหันขวับไปทางรวินท์ “ใช่มั้ยวิน”

รวินท์สะดุ้ง “ถามผมทำไมครับพ่อ~”

“พ่อก็แค่หาแนวร่วมเฉยๆ ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น”

ไอ้สัสเต้ ทำไมยังไม่มาอีกวะ! มึงไปส่งว่าที่น้องสะใภ้มึงที่ดาวอังคารเรอะ! รวินท์ด่าเพื่อนรักอยู่ในใจรัวๆ

“หรือว่าเจ้าวินหลายใจ ว่าไงน่ะฮึ ภูพิงค์”

เอ้า! นั่งเงียบๆ ก็โดนเว้ยเฮ้ย!

เจ้าของชื่อสำนักน้ำไปอีกระลอก น้ำที่พ่นออกมาเมื่อกี้ยังไม่ทันแห้งเลยนะเนี่ย “มะ...ไม่เลยครับไม่เล้ย~”

“คีรี” แล้วบิดาของเตชิตก็พุ่งประเด็นไปที่เด็กหนุ่มต่อ “สนิทกับเจ้าเต้รึ”

เด็กหนุ่มนิ่งค้างเหมือนถูกสาปอยู่ชั่วครู่ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เขารู้สึกว่าถูกคุณพ่อของพี่เต้เพ่งเล็งมากกว่าใครๆ ในโต๊ะ ก่อนจะตัดสินใจตอบพร้อมพยักหน้าหงึกๆ “ก็...ครับ”

“คิดว่าเต้เป็นยังไงบ้างล่ะ”

คำถามนี้ค่อยตอบง่ายหน่อย คีรีจัดการร่ายยาวทันที “เป็นคนดี ใจดี จริงใจ น่ารัก ใจบุญด้วยครับ เวลาอยู่ใกล้ๆ แล้วมีความสุข เป็นคนที่อบอุ่น เป็นผู้ใหญ่ ถึงจะดุเก่งไปหน่อยแต่ก็เพราะหวังดี บางครั้งก็ปากไม่ค่อยตรงกับใจครับ แต่ผมว่ามันก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของพี่เต้”

“รู้จักเจ้าเต้ได้ยังไงรึ”

“ผม... เอ่อ... คุณลุงของผมเป็นเจ้าของคลินิกที่พี่เต้กับพี่วินทำงานอยู่น่ะครับ ผมไปหาคุณลุงที่คลินิก เลยเจอกัน”

“อ่อ แล้วตอนนี้คีรีเรียนอะไรอยู่ล่ะ”

“ผมเรียนบริหาร อยู่ปีสองครับ”

“อืม อายุห่างกับเจ้าเต้หลายปีเลยนะ ไม่น่ามาสนิทกันได้เลย น่าแปลกจริงๆ” บิดาของเตชิตเปรย

เหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นบนหน้าผากของเด็กหนุ่ม ปากและมือไม้เริ่มขยับไปคนละทิศละทางไม่สัมพันธ์กัน “ได้... ได้สิครับ ไม่แปลกเลย เพราะ... เพราะผมประทับใจในตัวพี่เต้มาก ผมเคยติดเงินร้านข้าวมันไก่ แล้วพี่เต้เข้ามาช่วยจ่ายแทนให้ ทั้งที่ตอนนั้นเรายังไม่รู้จักกันเลย แต่พี่เต้ก็ไม่ได้แม้แต่จะหยุดคิด เขาเห็นว่าผมกำลังลำบาก ก็เลยช่วย มันเป็นธรรมชาติของพี่เต้เอง เพราะงั้นผมเลย...”


“ชอบสินะ”


“ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนจะสะดุ้งสุดตัว “เย้ย!” เขาหันไปมองภูพิงค์กับรวินท์ซึ่งต่างคนต่างยกมือขึ้นกุมขมับพร้อมกับส่ายหน้ารัวๆ


“ชอบแล้วได้จีบรึเปล่าล่ะ” บิดาของทันตแพทย์หนุ่มถามเสียงเรียบ


คีรีอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกโพลง เขาหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาซับเหงื่อ “เอ่อ... เอ่อ...” ส่วนภูพิงค์กับรวินท์น่ะ แทบจะมุดโต๊ะหนีแล้วตอนนี้

“ว่าไงล่ะ”

ปลายนิ้วของเด็กหนุ่มเย็นเฉียบ ไอ้ตัวเขาน่ะ พูดได้เต็มปาก แต่ที่อ้ำอึ้งอยู่เนี่ย ก็เพราะกลัวว่าจะทำให้พี่เต้ของเขาลำบากไปด้วย แล้วบางทีพี่เต้ก็อาจจะอยากเป็นคนบอกบิดาด้วยตัวเองก็ได้

“เอ้า พ่อก็ถามดีๆ ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้น”

“จะ...จีบอยู่ครับ”

“แล้วเป็นไง”

“เอ่อ... ก็...” คีรีถอนหายใจ คิดว่าไหนๆ ก็มาถึงจุดนี้แล้ว จะหนียังไงก็คงไม่รอด คงต้องเดินหน้าสู้ เขาประสานสายตากับบิดาของคนรัก “ที่จริง... ผมไม่ได้แค่ชอบพี่เต้หรอกครับ ผมรักพี่เต้ แล้วก็ตามจีบมาสักพักแล้วครับ”

คนแก่กว่าทุบโต๊ะดังปัง ทำให้สามหนุ่มสะดุ้งโหยง “เออ! ลูกผู้ชายมันต้องพูดให้มั่นใจแบบนี้สิ! คนเป็นพ่อแม่เขาจะได้สบายใจรู้มั้ย!”

“ครับคุณพ่อ” เด็กหนุ่มตอบรับอย่างงงๆ



(มีต่อค่ะ)


หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่ [230519]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 30-05-2019 19:26:07


ขณะเดียวกันเตชิตก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่ศาลา เขาหยุดหอบฮั่กๆ แล้วกวาดสายตามองคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะซึ่งแต่ละคนทำหน้าเหมือนเจอผีหลอกมาหมาดๆ

“ทำไมช้าจังล่ะลูก” บิดาเอ่ยถาม ส่วนรวินท์ก็เขยิบให้เพื่อนรักนั่งลงข้างกัน

“พอไปถึงโรงแรม น้องพลอยก็รู้สึกไม่ค่อยดีอีกแล้ว คุณน้าคุณอาเลยขอให้พาไปส่งโรงพยาบาลอีกรอบน่ะครับ ผมบอกว่าพบหมอเสร็จแล้วให้โทรเรียกผมไปรับ แต่พวกเขาว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวเรียกแท็กซี่ได้”

“พี่เต้ครับ ให้โรงแรมเอารถไปรับก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้” คีรีลุกขึ้น กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในเรือนไทย สักพักก็กลับมาพร้อมกระดาษในมือ “โทรบอกพี่พลอยไว้เลยครับ พบหมอแล้วให้โทรมาที่เบอร์นี้ ทางโรงแรมจะส่งรถไปรับครับ”

“ขอบใจนะ” เตชิตยิ้มพลางรับแผ่นกระดาษมา เขากดโทรศัพท์ออกไป พูดคุยกับปลายสายเรียบร้อยจึงหันกลับมาที่โต๊ะ

“คีรีรู้จักคนในโรงแรมนี้รึ มิน่า เจ้าเต้ถึงบอกว่าอยากให้มาพักที่นี่”

“ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ

“ไม่ต้องถ่อมตัวกับพ่อก็ได้ คุณตาของคีรีเป็นผู้บริหารโรงแรมนี้ครับ”

“อ้อ... โรงแรมก็ต้องมาพักที่นี่ ร้านอาหารก็ต้องมากินร้านนี้ ปลื้มบ้านแฟนมากสินะ มิน่า ไม่ยอมลงไปกรุงเทพฯ บ้างเลย ที่แท้ก็ติดแฟนเหมือนเจ้าวินนี่เอง”

“เฮ้ย!” คราวนี้ทั้งสี่หนุ่มอุทานพร้อมกัน

“พ่อ!” เตชิตร้องลั่น

“แต่เขาบอกว่ายังตามจีบลูกอยู่นะ ตกลงเป็นแฟนกันหรือไม่เป็น เอาให้แน่”

คนถูกถามหันขวับไปทางเด็กหนุ่ม แล้วถอนหายใจออกมาหนักๆ “เป็นครับ เราคบกันอยู่”

“เฮ้ย! พี่เต้!” คีรีเบิกตาโพลง เขาถึงกับต้องยกมือขึ้นหยิกแก้มตัวเองดูว่าฝันไปหรือเปล่า พอตั้งหลักได้ก็รีบพูดบ้าง “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ยอมรับออกไปตรงๆ เพราะกลัวจะทำให้พี่เต้ลำบากใจ กลัวจะทำให้คุณพ่อไม่พอใจด้วย แล้วบางทีเรื่องนี้พี่เต้อาจจะอยากคุยกับคุณพ่อเอง ผมขอโทษนะครับคุณพ่อ”

บิดาของเตชิตพยักหน้าช้าๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปตบไหล่เด็กหนุ่ม “ไม่เป็นไร พ่อเข้าใจ ถึงคีรีจะยังอายุน้อย แต่ก็รู้จักพูดรู้จักรักษาน้ำใจกัน พ่อว่าเป็นสิ่งที่ดีออกนะ”

“ขอบคุณครับ” คีรียกมือไหว้

“เรื่องวุ่นๆ จบสักที พรุ่งนี้พ่อกับบ้านหนูพลอยก็จะกลับกรุงเทพฯ กันแล้ว ขอบใจคีรีมากนะที่ให้พ่อยืมตัวเจ้าเต้ ขอบใจวินด้วย งานคงจะหนักน่าดู”

“ผมชินแล้วครับพ่อ ไอ้เต้มันหายหัวบ่อย ”

“ไอ้วิน~” เตชิตโวย จากนั้นก็หันไปทางบิดา “พ่อจะกลับกี่โมงนะ”

“เลขาพ่อจองไว้ให้เที่ยวบ่ายสามน่ะ” ผู้เป็นบิดาตอบ “พาน้องๆ ไปเที่ยวบ้านที่กรุงเทพฯ บ้าง เจ้าเตยก็ไปทำงานต่างประเทศ ที่บ้านมีพ่ออยู่กับแม่สองคน มันเหงานะ”

“เดี๋ยวน้องพลอยก็ไปอยู่ด้วยแล้วไงพ่อ พอมีหลานแล้วจะร้องขอความสงบกลับคืน” เตชิตพูดกลั้วหัวเราะ “แต่เอาไว้จะกลับบ้านให้บ่อยขึ้นนะครับ จะพาน้องๆ ไปถล่ม เอาให้พ่อเข็ดเลย”

บิดายิ้มกว้าง “พ่อจะรอ” พูดจบเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เขาจึงบอกขอตัวกับทุกคนในโต๊ะ “เลขาพ่อโทรมา สงสัยมีเรื่องด่วนอีก อู้งานมาหลายวันเพราะเรื่องเจ้าเตยเนี่ย พ่อขอตัวแป๊บนะ” ก่อนจะลุกเดินออกจากศาลาไป



พอคนแก่กว่าเดินออกไปพ้นรัศมีสองเมตร รวินท์ก็หันไปดึงหูเพื่อนรักทันที “สัส! สรุปว่ามีเรื่องอะไรกันวะ ทำไมมึงต้องทำลับๆ ล่อๆ ให้พวกกูงงขนาดนี้!”

“ใจเย็นเว้ย มึงให้กูตั้งตัวบ้าง!” เตชิตโวยวาย “คือเรื่องมันเป็นงี้ ไอ้เตยกับน้องพลอยน่ะคบกันมาได้ปีกว่าๆ ทีนี้ไอ้เตยมันเรียนจบ ไปทำงาน แล้วบริษัทส่งมันไปเทรนที่เมกาเว้ย แต่หลังจากมันไปได้ไม่นาน น้องพลอยเขาก็รู้สึกผิดปกติ แบบ...เมนส์ไม่มาไง คลื่นไส้ อาการไม่ค่อยจะดี ทางบ้านน้องเขาเลยพาไปหาหมอตรวจดู ก็เลยเจอว่าท้องได้สามเดือนแล้ว”

“โห! ไอ้เตย! เห็นนิ่งๆ ก็ร้ายเหมือนกันว่ะ!”

“สัส มึงอย่าผิดประเด็น! แต่คือทีนี้ทางบ้านน้องพลอยเขาค่อนข้างจะเคร่ง พอรู้ว่าน้องพลอยท้อง แต่ทางบ้านยังไม่เคยพบหน้าตาไอ้เตย ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าน้องพลอยกับไอ้เตยคบกันก็เลยดราม่าหนัก โวยวายจะให้น้องพลอยพาไปหาไอ้เตยเดี๋ยวนั้น น้องพลอยก็แบบ อารมณ์คนท้องอะมึง ก็เซนส์สิถีพ เสียใจหนักที่โดนต่อว่า ห่วงไอ้เตยด้วย ไม่รู้จะทำยังไง น้องเขาก็เลยเก็บผ้าผ่อนหนีออกจากบ้านมาบ้านกู แต่บ้านกูอะ มีพ่ออยู่คนเดียว แม่กูไปประชุมที่ต่างประเทศ พ่อก็ไม่รู้จะทำยังไง อยู่บ้านตามลำพังกับน้องพลอยก็กลัวจะดูไม่ดี แถมน้องพลอยก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ แพ้ท้องหนักแล้วยังดราม่าทั้งวันทั้งคืน พ่อเลยต้องพาหอบหิ้วกันมาหากูที่ลำพูน แต่พอมาถึงน้องเขามีอาการแพ้ท้องหนักมากว่ะ คงเพราะเครียดด้วย กูกลัวจะเป็นอะไรไปเลยต้องรีบพาไปโรงบาล ไอ้เตยก็ห่วงแฟนมัน มันโทรมาร้องห่มร้องไห้ขอให้กูช่วยดูแลแฟนมันให้ ทางพ่อแม่น้องพลอยก็จะเป็นจะตายเพราะลูกสาวคนเดียวหาย แจ้งตำรวจตามหาตัวกันให้วุ่น มึงเอ๊ย... กูเนี่ยจะบ้าก่อนใครเพื่อนเล้ย”

ทั้งสามหนุ่มได้ยินเรื่องราวก็นิ่งอึ้ง สงสารเตชิตขึ้นมาตงิดๆ

“กูกับพ่อก็พยายามพูดคุยเกลี้ยกล่อมทางบ้านน้องพลอยแทนไอ้เตยมัน สรุปว่าก็จะจัดงานหมั้นงานแต่งให้เร็วที่สุดนั่นล่ะ รอเจ้าบ่าวกลับมาเดือนหน้า” เตชิตสบตากับเด็กหนุ่มคนรัก “ขอโทษที่ไม่ได้บอกรายละเอียดแต่แรก คือมันไม่ใช่เรื่องของผมไง ผมก็เกรงใจไอ้เตยกับน้องพลอยเลยยังไม่กล้าเล่า แต่นี่น้องพลอยขอให้มาอธิบายให้ทุกคนเข้าใจน่ะ เขาคงจะห่วงว่าคุณจะเข้าใจผมผิด”

“พี่เต้...”

รวินท์เลิกคิ้วขึ้น เขารีบเตะขาภูพิงค์ใต้โต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นพรวด “กูไปห้องน้ำเดี๋ยว” เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งสองคนได้เคลียร์กัน

“ผมไปด้วยครับพี่” ภูพิงค์ลุกตามออกมาอย่างรู้หน้าที่

เมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพัง เตชิตก็เปลี่ยนไปนั่งข้างเด็กหนุ่ม แล้ววางมือประกบหลังมืออีกฝ่าย “ไม่เชื่อใจผมเหรอ ถึงต้องมาแอบดูเนี่ย”

“เชื่อสิครับ แต่ผม พี่พิงค์กับพี่วินเข้าใจผิดนิดหน่อย”

“เข้าใจผิดว่าอะไร”

“ก็นึกว่าคุณพ่อพี่เต้บังคับพี่เต้แต่งงาน ก็เลยจะมาช่วย เตรียมจะพาพี่เต้วิวาห์เหาะแล้วเนี่ย”

เตชิตหลุดหัวเราะ เขายกมือขึ้นขยี้เส้นผมคนอ่อนวัยกว่าอย่างมันเขี้ยว “ปล่อยให้อยู่กับไอ้วินไอ้พิงค์นานๆ มีหวังเพี้ยนตามกันไปหมดแน่ๆ”

“เมื่อวานตอนผมกับพี่ๆ ขับรถไปดูหนัง เห็นพี่เต้ที่โรงบาลก็เลยแอบตามไป พี่เต้ท่าทางเครียดมาก เหมือนไม่ค่อยสบายใจ ผมเลยยิ่งเป็นห่วง”

“แหงสิ ห่างแฟนนานๆ ใครจะยิ้มร่าได้ล่ะ”

“โห แฟนผมน่ารักชะมัดเลย” คีรียิ้มกว้าง รีบคว้ามือของทันตแพทย์หนุ่มมากุมไว้ “พี่เต้... บอกคุณพ่อเรื่องของเราแล้วเหรอครับ ผมตกใจมากเลยนะ”

“อือ ที่จริงก็ไม่ได้บอกตรงๆ หรอก พ่อถามว่ามีแฟนรึยัง ผมก็บอกว่ามี ไว้จะพามาเจอ แล้วพ่อก็ถามว่าเป็นใคร อะไรยังไง แต่ผมบอกแค่ว่า ชื่อคุณแปลว่าภูเขา คงเพราะเป็นคนเหนือ แค่นี้แหละ”

“คุณพ่อพี่ไม่ว่าเหรอ ก็ผม... เป็นผู้ชายอะ พี่ได้บอกคุณพ่อไว้ก่อนรึเปล่า”

“ก็บอก บอกว่าเหมือนวินกับพิงค์” เตชิตยิ้มบาง “พ่อไม่ได้ว่าอะไร ท่านว่าผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว ชีวิตเป็นของผม พ่อเคารพการตัดสินใจของผม ใครที่ผมเลือกแล้วว่าดี ท่านก็ว่าดี”

คีรียิ้มกว้าง “คุณพ่อน่ารักชะมัดเลย” เขายกมือทันตแพทย์หนุ่มขึ้นมาจูบ จ้องตากับคนรักด้วยนัยน์ตาหวานเยิ้ม “ขอบคุณนะครับ พี่เต้ของผม”



ห่างออกไปจากศาลาเล็กน้อย บิดาของเตชิต รวินท์และภูพิงค์ยืนเบ้ปากมองทั้งสองคนอยู่ด้วยความหมั่นไส้

“ปกติเป็นแบบนี้มั้ย”

“ไม่หรอกครับ เมื่อก่อนไอ้เต้มันซึนจะตาย เพิ่งจะใจอ่อนให้คีรีเมื่อไม่นานมานี้เองครับ”

ภูพิงค์โคลงศีรษะไปมา ก่อนจะหันไปหาบิดาของเตชิต “คุณพ่ออยากดูคลิปพี่เต้บอกรักคีรีปะครับ”

“หือ มีเป็นคลิปเลยเรอะ!”

เด็กหนุ่มจัดการหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเปิดคลิปให้บิดาของเตชิตดู เมื่อดูจบแล้วอีกฝ่ายก็ยกมือขึ้นกุมขมับ

“เจ้าเต้เอ๊ย บอกรักบนเวทีต่อหน้าคนเป็นร้อยเลยเนี่ยนะ”

“หน่วยผิดครับคุณพ่อ หลักพันเถอะ ถ้าจะเอาตัวเลขคนมางานคืนนั้น ก็ขายตั๋วไปเกือบสี่พันใบอะครับ”

คนแก่กว่าส่ายหน้าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ “หน้าด้านเหมือนพ่อมันเล้ย ไอ้ลูกคนนี้!”



*TBC*



เริ่มตอนนี่ เด็กดอยเปิดตัวมาอย่างเสือสุด แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นลูกหมาซะง้านนน 55555

แต่ก็ได้เปิดตัวกับคุณพ่อแล้วน้าเด็กดอย ดีใจด้วย~ อีกนิดจะได้กินพิหมอแย้วรูกกกก  :hao6:

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า รักน้า  :mew1:
 
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 30-05-2019 20:15:38
ืโง้ยยยยยย คุณพ่อพี่เต้น่ารักกกด แต่พี่เต้น่าตี ทำเอาใจหายใจคว่ำกันหมด
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 30-05-2019 20:27:22
 :impress2: คุณพ่อน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 30-05-2019 20:27:37
โล่งอกเบยยย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-05-2019 20:30:10
 :laugh:


 :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 30-05-2019 20:44:20
คุณพ่อหมอเต้สุดยอดเลย   :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 30-05-2019 20:47:30
น่ารักมากเลยค่ะครอบครัวสุขสันต์แล้วซินะต่อไปจะหวานหรือจะยังไงค่ะรอๆค่ะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: ryokame ที่ 30-05-2019 20:52:43
นับวันรอ พี่เต้จะเป็นอมตะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 30-05-2019 21:14:40
ฝั่งนี้ไม่มีปัญหาแล้ว หุหุหุ
อีกฝั่ง
คุณไกรฤกษ์ คุณไกรฤกษ์ ท่องไว้ในใจนะพี่เต้
เขาฝากให้เป็นผู้ดูแลเด็ก ไม่ใช่จับเด็กกิน
แก้ตัวให้ได้ละกันนะ
 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: Kiseri ที่ 30-05-2019 21:41:03
คุณพ่อออออออ
ทำไมเป็นคนแบบนี้~~
555555 :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 30-05-2019 22:14:16
 :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 30-05-2019 22:40:19
ชอบการตะล่อมถามของคุณพ่อมากค่ะ
แต่แก๊งนี้เหมาะกันที่สุดแล้วจริงๆ 555555555555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-05-2019 23:11:46
 :m20: ขำขันซะงั้น
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: SunnyB ที่ 30-05-2019 23:13:12
รักพ่อพี่เต้จัง 

รู้แล้วว่าไอ้ท่าทางดุๆแต่ใจดีหมอเต้ได้จากใคร :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 30-05-2019 23:54:49
พ่อพี่เต้น่ารักมากเลยอะ ฮือออออ ทับใจจจ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: iikol ที่ 31-05-2019 00:45:56
ที่มาของสำนวน 'มาอย่างเสือ จบอย่าง(ลูก)หมา'  :pigha2:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 31-05-2019 00:49:42
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 31-05-2019 01:18:02
คุณพ่อใจดี ก็เลยโล่งไปเลย แต่อีกฝั่งนึงนี่สิครับ คุณตาจะไม่ว่าอะไรใช่ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 31-05-2019 08:53:29
555 เอ๊า!!!! คุณพ่อ ว่าตัวเองหน้าด้านก็ได้เหรอคะ ดีใจจังไม่มีดราม่าฝั่งพ่อแม่พี่เตเ ส่วนฝั่งคุณตาก็น่าจะสบายเหมือนกันไม๊ เพราะคุณตาก็ดูเป็นแนวร่วมแต่แรก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 31-05-2019 10:12:28
งุ้ยๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 31-05-2019 11:01:43
ไม่มีดราม่านะคะ ตอนแรกก็นึกว่าคุณพ่อจะแกล้งดราม่าใส่คีรีเล่น ๆ ซะอีก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 31-05-2019 11:41:26
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: fammykiki ที่ 31-05-2019 12:16:18
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 31-05-2019 14:03:02
“หน้าด้านเหมือนพ่อมันเล้ย ไอ้ลูกคนนี้!”

ขำคุณพ่อ  :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 31-05-2019 20:11:44
ทีแรกก็ลุ้นแทบตายว่าคุณพ่อพี่เต้จะโหดรึเปล่า แง้ คีรีรอดแล้วนะคะ5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 31-05-2019 21:59:17
ผิดคาดซะงั้น ดีนะคุณพ่อน่ารักงานนี้เลยผ่านฉลุย รอฝั่งคีรีล่ะ o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-06-2019 01:51:10
 :pig4: :pig4: :pig4:

พ่อพี่เต้น่ารักมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-06-2019 02:38:04
คุณพ่อออออออ ทำไมเป็นคนตลกอย่างนี้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: Mariinariiz ที่ 01-06-2019 18:21:42
ขอให้หวานชื่นอย่าได้มีอุปสรรคเลยนะ มีอุปสรรคมาเยอะละ คู่นี้  o13
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 02-06-2019 10:11:28
อ่านไปขำไป สามคนนนี้รวมตัวกันเมื่อไหร่ มีฮา 5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 02-06-2019 23:55:18
สนุกดีตอนนี้ขำมาก :m20:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 03-06-2019 08:08:14
เมื่อไหร่เด็กดอยจะได้แซ่บพี่เต้ซะที~~~  :hao7:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 03-06-2019 11:05:25
“หน้าด้านเหมือนพ่อมันเล้ย ไอ้ลูกคนนี้!”
โอ้ยยยย ขำคุณพ่อ  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 33 : บิดาของเตชิต [300519]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 09-06-2019 08:54:09


Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา


ช่วงบ่ายๆ ของวันเสาร์ หลังจากกินมื้อเที่ยงและพูดคุยกันเสร็จ ทั้งสี่หนุ่มก็พาบิดาของเตชิตไปไหว้พระบนดอยสุเทพ แล้วก็ไปหาร้านอาหารบรรยากาศดีๆ กินมื้อเย็นกัน โดยแบ่งรถออกเป็นสองคัน รวินท์กับภูพิงค์ใช้รถของเตชิต ส่วนคีรีขับรถให้เตชิตและบิดา

“มีลูกชายเยอะๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย” หลังมื้ออาหารสุดอร่อย บิดาก็ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบแล้วเอ่ยอย่างอารมณ์ดี “แม่เขาต้องอิจฉาพ่อแน่ๆ ดีไม่ดีกลับจากประชุมก็จะรีบบินมาบ้าง”

“ฝากบอกแม่ว่าไม่ต้องรีบนะครับ ให้ผมทำงานบ้างไรบ้างเหอะ เดี๋ยวใช้ทุนไม่หมดสักที”

“คงไม่เร็วๆ นี้หรอกน่ะ หลังจากนี้พ่อกับแม่ก็คงจะยุ่งจัดการเรื่องงานแต่งให้เจ้าเตยมัน” บิดาหัวเราะ พลางเอื้อมมือไปตบไหล่ลูกชาย “ขอบใจที่ช่วยเจ้าเตยมันนะ ถ้าไม่ได้เต้ มันคงขาดใจตายอยู่ที่เมกานั่นละ”

“เล็กน้อยครับพ่อ ไอ้เตยมันก็น้องรักผม”

“แล้วทุกคนไปงานเจ้าเตยมันด้วยนะ เราก็เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน”

“ความจริงล่ะพ่อ”

“อยากอวดว่าพ่อมีลูกชายหล่อๆ เพียบเลย คนอื่นต้องอิจฉาแน่” แล้วสองพ่อลูกก็หัวเราะร่วน

ภูพิงค์หันไปสบตารวินท์ เป็นอันรู้กันว่าสองคนนี้คือพ่อลูกกันแน่แท้

คีรีอมยิ้ม พอมองบิดาของคนรักแล้วก็อดนึกไม่ได้ว่าต่อไปเมื่อพี่เต้ของเขาอายุมากขึ้นก็คงจะหล่อแบบคูลๆ แบบนี้เหมือนกัน

เมื่อบิดาของเตชิตหันไปทางเด็กหนุ่มก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องตนเองอยู่เขม็ง เขาจึงเอื้อมมือไปลูบศีรษะอย่างอ่อนโยน “คีรีก็พาคุณพ่อคุณแม่มาเที่ยวบ้านเราที่กรุงเทพฯ บ้างนะ มาค้างที่บ้านเลย มาหลายๆ วันหน่อย เดี๋ยวพ่อกับแม่พาเที่ยว บ้านเราจะได้รู้จักกันไว้”

“พ่อ...” เตชิตสะกิดบิดาเบาๆ “คีรีอยู่กับคุณตาสองคนครับ”

“เปลี่ยนเป็นพาคุณตาไปแทนได้มั้ยครับ” เด็กหนุ่มพูดพลางยิ้มกว้าง

คนแก่กว่าเลิกคิ้วขึ้น “อะ พ่อขอโทษนะลูก ได้สิ มากับคุณตาก็ได้ มาเมื่อไหร่ก็ได้นะ”

“ขอบคุณครับคุณพ่อ ไม่ต้องขอโทษอะไรหรอกครับ คุณแม่ผมเสียไปตอนผมเกิด คุณพ่อก็แต่งงานใหม่อยู่ต่างประเทศ ผมเลยอยู่กับคุณตาคุณยายมาตั้งแต่เกิด แต่คุณยายท่านเสียไปแล้ว พวกท่านก็เหมือนเป็นพ่อแม่ผมนั่นละครับ”

บิดาของเตชิตดึงเด็กหนุ่มเข้ามาสวมกอดแล้วลูบหลังให้เบาๆ “คนเก่ง เข้มแข็งมากเลยนะ คุณตาคงภูมิใจมากแน่ๆ”

คีรีซบใบหน้าลงบนหัวไหล่อีกฝ่ายพร้อมกอดตอบ ความรู้สึกอบอุ่นแบบนี้ไม่ได้มีมานานแล้ว “ขอบคุณครับคุณพ่อ” พอคลายอ้อมแขนก็เอื้อมมือไปกุมมือทันตแพทย์หนุ่ม “คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะครับ ผมสัญญาว่าจะดูแลพี่เต้อย่างดีที่สุดเลย”

เตชิตยกมืออีกข้างขึ้นดีดหน้าผาก “ตื่นๆ เรียนยังไม่จบเลย ผมน่ะเป็นหมอแล้วนะเว้ยคุณ”

บิดาของทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “พ่อจะรอดูละกันว่าใครจะเป็นคนดูแลใคร”

ภาพตรงหน้าทำให้เพื่อนรักอย่างรวินท์และภูพิงค์ยิ้มไปด้วยได้ ต่อจากนี้ไป ไอ้เต้มีคนสวีตด้วยแล้ว พวกเขาคงจะเหงาชอบกล เพราะไม่มีใครคอยมาเป็นกขค

“พ่อน่ะนะ ตอนแรกเห็นวินกับเต้ตัวติดกันตั้งแต่ตอนเรียน ถึงขนาดไปใช้ทุนด้วยกันก็นึกว่าจะได้กันเองซะแล้วสิ”

ทันตแพทย์ทั้งสองยิ้มแห้ง แล้วโพล่งออกไปพร้อมกัน “พ่ออย่าพูดอะไรชวนขนลุก!/เดี๋ยวฟ้าผ่าเถอะพ่อ!”

“แต่พอได้ยินว่าวินมีแฟน พ่อก็ห่วงเต้ล่ะนะ คงจะเหงาแย่”

“โธ่ พ่อ ห่วงไม่เข้าเรื่องเลย”

“ตอนนี้ได้รู้ว่าเต้เองก็มีแฟนแล้ว พ่อก็สบายใจ”

“ไอ้เตยก็ล้ำหน้าพี่มัน จะแต่งงานมีลูกแล้วเนี่ย พ่อสบายใจหนักเลยสิ” เตชิตเสริม

“แต่ลูกพ่อน่ะ ได้แฟนเด็กแถมยังหน้าตาดีซะด้วยนะพ่อ ลูกพ่อมันร้ายโคตรๆ” รวินท์แกล้งแซว

“สัสวิน! แฟนมึงก็เหมือนกันมั้ย!”

“ขอบคุณพี่เต้ที่ชมผมนะครับ” ภูพิงค์ยิ้มรับ “ผมรู้แล้วว่าตัวเองหล่ออะ แต่ก็ดีที่พี่ช่วยย้ำให้อีกที”

“ผมยังไม่ได้ชมคุณเลยเว้ย!”

คีรีได้โอกาสก็รีบประจบ “ตอนผมเห็นคุณพ่อแว่บแรก ผมรู้เลยว่าคุณพ่อเป็นพ่อพี่เต้แน่ๆ ก็หล่อเหมือนกันเลยอะครับ ผมว่าสมัยก่อนคุณพ่อต้องหล่ออลังแหงๆ”

บิดาเลิกคิ้วขึ้น “ปากหวานแบบนี้นี่เอง มิน่าเจ้าเต้ถึงหลงรัก”

“ผมพูดความจริงต่างหากครับ”

เตชิตชกหัวไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ “นี่ๆ ให้มันน้อยๆ หน่อยเว้ยคุณ”

บิดาหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี แล้วก็หันไปกวักมือเรียกพนักงานในร้านมาเก็บเงิน

“คุณพ่อครับ ให้ผมเลี้ยงบ้างนะ” คีรีรีบหันไปบอก

“โอ๊ย ลูกชายพ่อทั้งนั้น แค่นี้พ่อเลี้ยงได้”

เด็กหนุ่มยกมือไหว้ จากนั้นก็ขยับเข้าไปสวมกอด “ขอบคุณนะครับคุณพ่อ”

พอเห็นท่าทางประจบประแจงเดี๋ยวกอดเดี๋ยวซบของคนรักแบบนั้น เตชิตก็คิ้วกระตุกรัวๆ เขาไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มอ้อนใครแบบนี้มาก่อนเลย นอกจากเขา แต่ก็พยายามไม่แสดงอาการอะไรออกมามากนัก



เมื่อจ่ายเงินค่าอาหารแล้ว ภูพิงค์และรวินท์ก็ขอตัวกลับไปที่คลินิกก่อน ส่วนคีรีก็ขับรถพาบิดาของเตชิตไปส่งที่โรงแรม

ทว่าพอไปถึง เตชิตกำลังจะก้าวลงจากรถ ผู้เป็นบิดาก็หันไปยกมือห้าม “ไม่ต้องมาค้างกับพ่อหรอกลูก เดี๋ยวพ่อก็จะอาบน้ำนอนละ เต้ไปกับคีรีเถอะ ไม่ได้เจอกันมาหลายวันคงจะคิดถึงกันแย่”

“อ่า ครับ ขอบคุณครับพ่อ”

คีรีก้าวลงจากรถ แล้วเดินตรงเข้าไปหาบิดาของคนรัก “เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะมารับคุณพ่อกับพวกคุณน้าไปทานมื้อเช้า คุณพ่ออยากทานเป็นพิเศษรึเปล่าครับ ติ่มซำ โจ๊กหรือจะทานอาหารฝรั่ง”

“ไม่ต้องหรอกลูก พ่ออยากนอนตื่นสายสักวัน เครียดนอนไม่หลับมาหลายคืนละ เดี๋ยวหิวก็สั่งกินเอาที่โรงแรมนี่แหละ”

“งั้นเดี๋ยวผมบอกพี่ๆ ที่โรงแรมไว้ ให้ยกอาหารไปให้ที่ห้องคุณพ่อกับพวกคุณน้าละกันครับ จะทานเมื่อไหร่ก็โทรลงไปบอกฟร็อนต์เลย”

บิดาของทันตแพทย์หนุ่มยิ้มอย่างอ่อนโยน “โอเค ขอบใจมากนะ”

“ถ้างั้นผมมารับพ่อไปส่งสนามบินตอนบ่ายเลยละกัน เครื่องออกบ่ายสามนะครับ”

ผู้เป็นบิดาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดู “บ่ายสามยี่สิบน่ะ”

“งั้นสักบ่ายโมงผมจะมารับ”

คีรียิ้มกว้าง “คุณพ่อไม่ต้องรีบเช็กเอาท์นะครับ รอที่ห้องสบายๆ จนถึงเวลาพี่เต้มารับได้เลย ผมบอกฟร็อนต์ไว้ให้แล้ว”

“ขอบใจนะ เอาล่ะ รีบกลับไปพักผ่อนกันเถอะลูก”

“ราตรีสวัสดิ์นะครับคุณพ่อ” เด็กหนุ่มยกมือไหว้ “ปะ พี่เต้ ขึ้นรถครับ”

“เออๆ ผมไปนะพ่อ”   

เมื่อขับรถออกไปพ้นเขตโรงแรม คนอ่อนวัยกว่าก็หันไปบอกกับทันตแพทย์หนุ่ม “ไปคอนโดฯ ผมเนอะ”

“อือ”



ท้องฟ้าในยามค่ำคืนมืดสนิท ทว่าบนท้องถนนยังคงสว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากทั้งเสาไฟ บ้านเรือนและป้ายโฆษณา ตลอดทางจากโรงแรมไปยังคอนโดมิเนียมที่พักของคีรีนั้น ทั้งสองนั่งเงียบๆ ไปตลอดทาง เนื่องจากคีรีเห็นว่าทันตแพทย์หนุ่มเอนหลังพิงพนักเบาะแล้วหันหน้าไปทางหน้าต่างกระจกรถนิ่งๆ เขาจึงคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะเหนื่อย เพราะก็คงจะเครียดมาหลายวัน

คีรีลอบถอนหายใจเบาๆ แต่เอาเถอะ อย่างน้อยเขาก็ได้อยู่ใกล้ชิดกับพี่เต้ของเขา

เด็กหนุ่มขับรถไปช้าๆ ไม่นานก็เข้าไปจอดในลานจอดรถของคอนโดมิเนียม

ทว่าคนที่นั่งข้างกันยังนิ่งสนิท เขาจึงเอื้อมมือไปสะกิด “พี่เต้ หลับรึเปล่า ถึงแล้วครับ”

“เปล่า”

“เหนื่อยใช่มั้ย รอเดี๋ยว เดี๋ยวผมลงไปเปิดประตูให้” คนอ่อนวัยกว่ารีบก้าวลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูรถให้ทันตแพทย์หนุ่ม จากนั้นก็ก้มหน้าลงพร้อมกับส่งมือให้อีกฝ่ายจับ

“นี่คุณ ผมอายุยี่สิบห้า ไม่ใช่ห้าสิบสองนะเว้ย ถ้าจะทำขนาดนี้ไม่เตรียมรถเข็นให้ด้วยเลยล่ะ”

“โธ่ พี่เต้ก็น่าจะรู้ ว่าผมแค่อยากเอาใจพี่” คีรีคว้ามือของคนที่นั่งอยู่ ก่อนจะดึงเบาๆ ให้อีกฝ่ายก้าวออกจากรถ

“ไม่ต้องจับมือก็ได้เว้ย” พอออกมาจากรถแล้วเตชิตก็กระตุกมือกลับ ทว่าเด็กหนุ่มจับมือเขาไว้แน่น “ปล่อยดิ๊”

“พี่เต้หงุดหงิดอะไรอะ”

“รีบเข้าไปข้างในเหอะ ร้อน”

“ครับๆ” คีรีอมยิ้มพลางจูงมือทันตแพทย์หนุ่มเดินออกไป พาเข้าไปในลิฟต์โดยสารแล้วก็ตรงไปที่ห้องของตัวเอง “พี่เต้จะดื่มอะไรสักหน่อยมั้ย”

“อือ”

“งั้นนั่งรอก่อนนะ”

เตชิตเดินไปนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น ส่วนเด็กหนุ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในห้องครัว หลังจากเอนหลังพิงพนักโซฟาและเหม่อมองเพดานไปชั่วครู่ เจ้าของห้องก็ชะโงกหน้าเข้ามามองจากทางด้านหลัง

“คิดอะไรอยู่ครับ” เด็กหนุ่มถาม เขาเดินวนไปนั่งลงข้างทันตแพทย์หนุ่มพร้อมกับส่งแก้วน้ำผลไม้ให้ จากนั้นก็รออีกสักพัก ให้อีกฝ่ายอารมณ์เย็นลงสักหน่อยจึงยื่นหน้าเข้าไปถามใหม่ “บอกได้ยังครับว่าหงุดหงิดอะไร”

เตชิตขมวดคิ้วพลางเบือนหน้าหนี

“พี่เต้คร้าบ”

ทันตแพทย์หนุ่มพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “หงุดหงิดคุณนั่นละ”

คนอ่อนวัยกว่าชี้ไปที่ตัวเอง “ผมเหรอ! ผมทำอะไรอะ!”

“ก็คุณจะอ้อนพ่อผมทำไมนักวะ ชอบคนแก่มากนักรึไง”

เด็กหนุ่มชะงัก แล้วหัวเราะร่วน “โธ่ ก็นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้พี่เต้หวงคุณพ่อนี่เอง น่ารักชะมัดเลย”

“ไม่ใช่เว้ย!”

“เอาน่ะๆ ผมเข้าใจครับ เวลาผมเห็นคุณตาเอ็นดูคนอื่น ผมก็หวงคุณตาเหมือนกัน”

ทันตแพทย์หนุ่มหันไปจ้องหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างกัน “ไม่ใช่อย่างนั้นเว้ย คุณน่ะ จ้องพ่อผมตาเยิ้ม แถมยังแต๊ะอั๋งพ่อผมอีก”

คีรีเลิกคิ้วขึ้น “หือ เดี๋ยวๆ พี่เต้ ผมจะแต๊ะอั๋งคุณพ่อพี่ทำไม”

“เออ ผมก็อยากรู้เหมือนกันเว้ย!”

“ผมแค่... อยากทำให้คุณพ่อประทับใจผมมากๆ จะได้ไม่หวงลูกชาย ก็ผมรักลูกชายคุณพ่อนี่” คนอ่อนวัยกว่าขยับเข้าไปโอบไหล่อีกฝ่าย “พี่เต้... หึงผมเหรอ”

“ก็คุณชอบคนแก่นักไม่ใช่รึไง”

“เฮ้ย! ผมชอบคนแก่กว่า แต่ไม่ได้ชอบรุ่นพ่อครับ! ถ้าจะให้ชัดเจนมากๆ ก็คือผมรักพี่เต้คนเดียวเท่านั้น”

นัยน์ตาของเตชิตอ่อนแสงลง เออ เขาหึงหน้ามืดไปหน่อย ไม่ว่าอะไรก็หึงไปหมด เขางี่เง่า ยอมรับก็ได้วะ แต่เขาไม่ชอบให้คีรีไปยุ่งกับใครทั้งนั้นนี่หว่า เขาอยากให้คีรีมองแต่เขา อ้อนเขาคนเดียวเท่านั้น

แม่งเอ๊ย ตกหลุมรักจนเพี้ยนหนักแล้วมั้ยล่ะกู!

พอเห็นว่าสีหน้าของทันตแพทย์หนุ่มดูผ่อนคลายมากขึ้น คีรีก็ค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าไปหา ไล้ปลายจมูกโด่งบนผิวแก้มอย่างแผ่วเบาเพื่อลองเชิง แล้วเลื่อนลงมาซุกซบตรงซอกคอ “ก็ว่า กลิ่นอะไรหอมๆ กลิ่นพี่เต้นี่เอง”

เตชิตชำเลืองมอง “หอมกะผีอะไร ออกไปตะลอนๆ ทั้งวัน ไอ้กลิ่นที่คุณบอกเนี่ย กลิ่นอาหารเมื่อเย็นติดผมมาละมั้ง”

“กลิ่นอะไรไม่รู้ละครับ แต่พอดมจากตัวพี่เต้แล้วหิวเป็นบ้า”

“หิวก็ไปหาอะไรกินในครัวสิคุณ” ทันตแพทย์หนุ่มตีหน้าซื่อ ที่จริงก็รู้แหละว่าคีรีมาอ้อนเขาแบบนี้เพื่ออะไร

“โธ่ พี่เต้อ่า” เจ้าของห้องจับจ้องผู้มาเยือนนิ่ง “รอแป๊บนะครับ เดี๋ยวผมทำอะไรให้ดู” พูดจบก็ลุกขึ้นพรวด วิ่งหายเข้าไปในครัวสักพักก็เดินออกมาพร้อมแก้วผสมค็อกเทลในมือ เขาเดินไปหยุดยืนที่หน้าตู้เก็บเหล้าขนาดเล็ก หยิบรัม เหล้าผลไม้และว็อดก้ามาเทผสมลงในแก้วที่ใส่น้ำแข็งกับน้ำผลไม้ไว้แล้ว จากนั้นก็จัดการเขย่า

เตชิตมองตามอย่างสนใจ “คุณผสมค็อกเทลเป็นด้วยเหรอ”

“เป็นนิดหน่อยครับ เฉพาะที่คุณตาดื่ม หัดไว้เอาใจคุณตาอะครับ” คีรีเทค็อกเทลสีเหลืองลงในแก้วสองใบ จากนั้นก็เทเกรนาดีนสีแดงลงไปให้นอนก้น เสร็จแล้วก็ยกไปเสิร์ฟให้คนที่นั่งอยู่

ทันตแพทย์หนุ่มยกแก้วขึ้นมอง

“พี่เต้จะจำได้รึเปล่าน้า~”

“หือ?”

“Kiss on the Lips ไงครับ คุ้นๆ ยัง” แต่เพราะคนถูกถามยังคงทำหน้างง เด็กหนุ่มจึงต้องใบ้อีก “ที่ร้านอาหารในโรงแรมที่เชียงราย คืนที่เราเจอกัน”

“อ้อ! นึกออกแล้ว! นั่นก็ฝีมือคุณเรอะ!”

“ผมผสมเองเลยด้วยนะ แล้วให้พนักงานเอาไปส่งให้ แต่พี่เต้ก็ใจร้ายชะมัด ไม่สนใจแม้แต่จะถามหาที่มาเลย แถมยังรับค็อกเทลจากทุกคนไปอีก”

“ก็ถ้าคนให้อยากให้รู้ ก็น่าจะบอกมาเลยรึเปล่าล่ะ” เตชิตพูดพร้อมยกแก้วค็อกเทลขึ้นจิบ “อือ อร่อย”   

“อร่อยเหมือนครั้งที่แล้วมั้ย”

“ไม่รู้สิ จำไม่ได้”

“โห เจ็บปวด” คีรีทำหน้ายุ่งใส่ เขาเอนหลังพิงพนักโซฟา หันหน้าไปยังคนที่นั่งอยู่ข้างกันพลางทำตาละห้อย

เตชิตเอื้อมมือไปลูบศีรษะเด็กหนุ่ม “ขอโทษนะ ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจอะไรเลยจริงๆ นั่นละ”

“รสชาติคงต่างกันนิดหน่อย เพราะที่เชียงรายไม่ได้ผสมว็อดก้าเข้าไปด้วย ผมกลัวพี่เต้เมาแล้วคนอื่นมาหิ้วไป”

“แล้วทำไมครั้งนี้ถึงใส่”

“เผื่อพี่เต้จะเมา ผมจะได้ปล้ำ” คนอ่อนวัยกว่าประสานสายตากับทันตแพทย์หนุ่ม “เพราะงั้นถ้าไม่อยากโดนปล้ำก็ดื่มน้อยๆ นะครับ แค่จิบๆ เอาก็พอ”

ทันตแพทย์หนุ่มได้ยินเข้าก็หัวเราะออกมาเบาๆ เขายกแก้วค็อกเทลในมือซึ่งเพิ่งจิบไปได้เล็กน้อยเท่านั้นขึ้นมอง อมยิ้มเล็กน้อยแล้วดื่มรวดเดียวหมดแก้ว “ขออีกแก้วได้มั้ย”

คีรีเบิกตากว้าง “เฮ้ย! พี่เต้!”

“เอ้า ตกใจอะไรวะ”

เพราะได้รับคำตอบแบบที่คาดไม่ถึง เด็กหนุ่มถึงกับไปต่อไม่ถูก อันที่จริงก็คิดว่าอีกฝ่ายอาจจะล้อเขาเล่นก็ได้ แล้วเขาควรจะทำยังไงต่อดีวะ ลุกไปผสมค็อกเทลสักเหยือกเลยดีไหม

แต่แล้วเตชิตก็หยิบแก้วค็อกเทลในมือเขาไปดื่ม ระหว่างที่ดื่มไปก็ส่งสายตามองมาทางเขา

คีรีเอื้อมมือไปรั้งข้อมือทันตแพทย์หนุ่มไว้ “ไม่เปลี่ยนใจแน่นะครับ”

คนถูกถามยิ้มมุมปาก ก่อนจะยกแก้วค็อกเทลขึ้นดื่มต่อ

พอสบตากับนัยน์ตาหวานฉ่ำคู่นั้น เด็กหนุ่มก็รู้สึกร้อนวาบ หัวใจเต้นรัวแรง เขาหยิบแก้วค็อกเทลจากในมือทันตแพทย์หนุ่มออก เอาไปวางลงบนโต๊ะ ฉุดอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังห้องนอนของตน

เมื่อบานประตูปิดลง ริมฝีปากของทั้งสองก็บดเบียดเข้าหากันราวกับมีแรงดึงดูด ลิ้นอุ่นพันพัว ในขณะที่จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าของกันและกันออกอย่างร้อนรน

คนอ่อนวัยกว่ากดทันตแพทย์หนุ่มลงกับเตียง ขยับขึ้นไปคร่อมทับและจูบริมฝีปากตรงหน้าอย่างกระหาย สองมือฟอนเฟ้นไปบนผิวกายอุ่น ก่อนจะย้ายลงไปปลุกเร้าส่วนไวสัมผัสของคนใต้ร่าง

เตชิตยกแขนขึ้นโอบลำคอของคนบนร่าง ปล่อยร่างกายให้ขยับไปตามแรงอารมณ์ที่ทะยานสูงขึ้น และเมื่อเด็กหนุ่มละเรียวปากออก อีกฝ่ายก็ขยับไปจูบเม้มตามลำคอและบนแผ่นอก ปลายลิ้นหยอกล้อติ่งไตสีชมพูจนมันรัดตัวแข็ง

“พี่เต้หัวใจเต้นแรงจัง” คีรีจับมือทันตแพทย์หนุ่มขึ้นมาทาบบนแผ่นอกด้านซ้าย นัยน์ตาฉายชัดถึงความปรารถนา น้ำเสียงของเขาแหบพร่า “ผมก็เหมือนกัน อกผมจะระเบิดแล้ว พี่รู้สึกมั้ย”

ใบหน้าของเตชิตเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ ยอมรับว่าสีหน้าของคนอ่อนวัยกว่าทำให้เลือดในกายร้อนผ่าว ส่วนนั้นอึดอัดจนแทบบ้า เขาเบือนหน้าหลบสายตาของเด็กหนุ่ม “จะทำอะไรก็รีบทำเถอะ”

คนบนร่างยิ้มมุมปาก มือข้างหนึ่งกดคลึงลูบไล้แผ่นอกของทันตแพทย์หนุ่ม มืออีกข้างกุมส่วนร้อนของตัวเองและคนใต้ร่างไว้ด้วยกันพร้อมกับขยับมือช้าๆ

เตชิตขยุ้มผ้าปูเตียงแน่นเมื่อเด็กหนุ่มเร่งขยับมือเร็วขึ้น เสียงหอบหายใจของอีกฝ่ายราวกับดังอยู่ข้างใบหู ในศีรษะขาวโพลน ปลายเท้าทั้งสองข้างจิกเกร็ง ร่างกายกระตุกเล็กน้อยเมื่ออารมณ์พุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด

“พี่เต้” คนบนร่างครางชื่อของทันตแพทย์หนุ่มเสียงกระเส่า ก่อนจะปลดปล่อยออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน

เตชิตจ้องมองคนอ่อนวัยกว่าพลางเผยอริมฝีปากหายใจ “คี... อะ!” ลมหายใจยังไม่ทันกลับเป็นปกติ อีกฝ่ายก็จับเขาพลิกตัวคว่ำหน้าลงกับเตียง ยกสะโพกขึ้นแล้วเอาหมอนรองข้างใต้ตัวเขาไว้ “เฮ้ย!”

เจ้าของชื่อคร่อมทับอยู่ข้างบน เขาลากลิ้นชื้นไปบนผิวกายอุ่น ละเลียดชิมไปอย่างเชื่องช้า จากต้นคอทันตแพทย์หนุ่มลงไปตามแนวกระดูกสันหลัง

คนใต้ร่างสะดุ้งเฮือกเป็นพักๆ ราวกับเรียวปากและลิ้นของเด็กหนุ่มเป็นของร้อน ก็แบบว่าเขาไม่ชินกับท่าแบบนี้โว้ย น่าอายฉิบหาย ถึงจะ...รู้สึกดีนิดหน่อยก็เหอะ

แต่เดี๋ยว ทำไมมันต่ำลงไปเรื่อยๆ วะ “คีรี เฮ้ย!” เตชิตร้องเสียงหลงเมื่อคนอ่อนวัยกว่าจับสะโพกเขายกขึ้น “คุณจะทำอะไร!”

“อยู่นิ่งๆ สิครับ ผมแค่จะทำให้พี่เต้พร้อมเท่านั้นเองน่า”

“ฮะ?!” ทันตแพทย์หนุ่มเบิกตาโพลงเมื่อรู้สึกถึงความนุ่มชื้นตรงร่องสะโพก เขาขยุ้มผ้าปูที่นอนไว้แน่น

ไม่จริงใช่มั้ยเนี่ยโว้ย! คีรีกำลังเลียตรงนั้นของเขาอะ สอดลิ้นเข้ามาด้วย โว้ย! กูอยากจะบ้า!

“ไม่เอาเว้ย! เอาออกไป!” เตชิตโวยวาย แต่จะหันไปผลักศีรษะเด็กหนุ่มออกตัวเองก็ก็อยู่ในท่าที่ทำได้ลำบาก แล้วพอเขาดิ้น อีกฝ่ายก็ตีก้นเขาดังเพียะ

คีรีผงกศีรษะขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเข้ม “ผมบอกให้พี่เต้อยู่นิ่งๆ ไงครับ อย่าดื้อ”


แง้! ไอ้เด็กนี่มันใครกันวะ! มีดุเขาด้วย!


ไอ้วิน ช่วยกูที~ เพื่อนมึงจะเสียตัวแล้วโว้ย~


“อะ!” เตชิตสะดุ้งตัวอีกครั้งเมื่อเด็กหนุ่มเทเจลหล่อลื่นลงมาซ้ำตรงส่วนที่ใช้ลิ้นจนเปียกชุ่ม เขานิ่งเป็นหิน เม็ดเหงื่อผุดพราย กำลังชั่งใจว่าควรจะชิ่งหรือควรจะไปต่อ

“พี่เต้ อย่าเกร็งนะครับ”

โห ฆ่ากูเถอะ! เจ้าของชื่อเหงื่อตก แล้วหลับตาปี๋เมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่กดแทรกเข้ามาในร่าง มันอึดอัด แต่ก็เข้ามาได้ง่ายกว่าที่คิด ของคีรีเล็กจัดหรือว่าเขาจะเกิดมาเพื่อสิ่งนี้กันวะ ทันตแพทย์หนุ่มรีบหันขวับไปทางคนอ่อนวัยกว่า

“ไม่เจ็บใช่มั้ย ผมจะค่อยๆ เพิ่มนิ้วละนะ”

“ฮะ!” แค่นิ้วหรอกเรอะ! เตชิตเบิกตากว้าง สะดุ้งเฮือกเมื่อจำนวนนิ้วเพิ่มขึ้น

“เจ็บรึเปล่าครับ”

“มันอึดอัดแบบ...แปลกๆ”

“นิ่งไว้เดี๋ยวดีเอง”

จริงเหรอวะ!

ทันตแพทย์หนุ่มขยุ้มผ้าคลุมที่นอนแน่นขณะที่นิ้วอีกฝ่ายขยับอยู่ในกาย รู้สึกแปลกและไม่คุ้นกับสถานการณ์ในตอนนี้อย่างแรง พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ขนาดเขาคิดว่าเตรียมใจไว้ดีแล้วนะ

“อะ!” แวบหนึ่งรู้สึกราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นแปลบเข้ามาในร่าง

“ตรงนี้ใช่มั้ย” ถามแล้วก็กดย้ำอีกหลายๆ ครั้ง จนอีกฝ่ายหันกลับมาหา ใบหน้าของทันตแพทย์หนุ่มซับสีเลือด

วินาทีที่ได้สบตากัน หัวใจของเตชิตราวกับหยุดเต้นไปชั่วครู่ เวลานี้คีรีดูนิ่งขรึมเป็นผู้ใหญ่กว่าทุกครั้ง นัยน์ตาบ่งบอกถึงความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในกาย

คีรีหยิบซองถุงยางขึ้นมากัดฉีกออก จัดการสวมให้ตัวเองแล้วกดไหล่ของทันตแพทย์หนุ่มลง “พี่เต้...” เขาเอนตัวลงไปทาบทับ ซุกใบหน้าลงตรงซอกคอ ขบจูบอย่างแรงพร้อมกับกดแทรกกายเข้าไปในตัวของคนใต้ร่าง

“โอ๊ย... เจ็บ... เจ็บเว้ย”

เด็กหนุ่มคลึงเคล้นหัวไหล่ เลื่อนฝ่ามือลงไปตามท่อนแขนอย่างเชื่องช้า ไปหยุดประกบบนหลังมือแล้วประสานนิ้วกับคนใต้ร่างไว้ เมื่ออีกฝ่ายหันหน้ามาทางตนก็จูบปิดริมฝีปาก

เตชิตครางในลำคอเบาๆ ขณะที่สองลิ้นเกี่ยวกระหวัด เจ็บ...แต่ก็รู้สึกดีชะมัด

คีรีถอนเรียวปากออกมาเล็กน้อย “พี่เต้ ผมรักพี่นะครับ” เขากระซิบบอกพลางขยับตัวช้าๆ

เสียงทุ้มแหบพร่านั่นช่วยกระตุ้นอารมณ์ให้พลุ่งพล่าน เมื่อเด็กหนุ่มกดย้ำซ้ำๆ ตรงจุดสำคัญ ร่างกายของทันตแพทย์หนุ่มก็สั่นสะท้านตามแรงปรารถนาที่เพิ่มมากขึ้น เขาเม้มปากแน่น ซุกใบหน้าลงบนผืนเตียง สองมือดึงทึ้งผ้าปูที่นอนเพื่อระบายอารมณ์ ภายในศีรษะของเขาว่างเปล่า ร่างกายโยกไหวไปตามการชักนำของคนอ่อนวัยกว่า

ความเจ็บปวดถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกหวามไหว เสียงหอบกระเส่าของเด็กหนุ่มดังอยู่ข้างใบหู ลมหายใจร้อนผ่าวตกกระทบลงบนต้นคอและลาดไหล่ ส่งผลให้เตชิตคล้อยตามและส่งเสียงครางออกมาเบาๆ อย่างพอใจ

จากจังหวะที่หนักหน่วงค่อยๆ ผ่อนคลายลงเพื่อเว้นช่วงให้คนใต้ร่างได้หายใจ คีรีขบจูบไปตามลำคอ เขาซุกใบหน้าลงตรงซอกคอแล้วโอบกอดทันตแพทย์หนุ่มไว้ในอ้อมแขน “พี่เต้ของผม รู้สึกดีมั้ยครับ”

ดวงตาของเตชิตปรือปรอย เขาหันหน้าไปทางคนถามช้าๆ พอสบตากันก็รีบหันหน้ากลับ เพราะดวงตาของคีรีที่จ้องมองเขาอยู่ยังคงฉายชัดถึงความกระหาย ทำให้ร่างกายเขาร้อนผ่าวยิ่งขึ้นไปอีก

“พี่เต้ ผมอยากเห็นหน้าพี่ชัดๆ” เด็กหนุ่มถอนกายออก จับคนใต้ร่างที่ตัวอ่อนปวกเปียกเป็นขี้ผึ้งลนไฟให้นอนหงาย ยกขาทั้งสองข้างของอีกฝ่ายขึ้นพาดบ่าแล้วกดแทรกกายกลับเข้าไป

“ไม่เอาเว้ย” เตชิตคว้าผ้าห่มมาคลุมปิดใบหน้าไว้

“พี่เต้” คีรีดึงมือของคนใต้ร่างออกไปพร้อมกับผ้าห่ม แล้วก็พบว่าเขาคิดผิด ใบหน้าของอีกฝ่ายในเวลานี้ดูเย้ายวนที่สุดในโลก เป็นผลให้เขาไม่อาจใจเย็นต่อไปได้ ทั้งที่ตั้งใจจะหยอกคนรักสักหน่อย “พี่ทำให้ผมรักจนจะคลั่งแล้วรู้มั้ย” เขาจับยึดสะโพกของเตชิตไว้แล้วโถมกายเข้าใส่ ภายในกายของคนรักร้อนจนเหมือนว่าตัวเขาจะละลาย

เตชิตอยากจะด่า แต่เวลานี้ปากไม่ว่างเพราะครางจนเสียงแหบเสียงแห้ง มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันวะนี่! พอลืมตาขึ้นมองเด็กหนุ่มตรงหน้า สายตาที่สบประสานก็ทำให้เขารู้สึกต้องการสัมผัสของอีกฝ่ายลึกซึ้งมากขึ้นไปอีก

“คีรี” ทันตแพทย์หนุ่มเรียกชื่อคนรักเสียงกระเส่า

“ครับ” เจ้าของชื่อยิ้มมุมปาก

“อีก... เร็วอีก”

คนอ่อนวัยกว่าเร่งกระแทกกายซ้ำๆ ตรงจุดสำคัญ จนคนรักบิดเร่าอยู่ใต้ร่าง เขากดกายลึกสุดในจังหวะสุดท้าย แล้วโน้มใบหน้าลงไปบดจูบทันตแพทย์หนุ่ม

เตชิตโอบกอดคนบนร่าง สองขาตวัดรัดเด็กหนุ่มไว้ในยามที่อีกฝ่ายพาข้ามจุดสูงสุดของอารมณ์ไป

เด็กหนุ่มปลดปล่อยอารมณ์รักออกมาตามหลังคนรักเล็กน้อย นัยน์ตาจับจ้องใบหน้าของทันตแพทย์หนุ่มอย่างไม่วางตา นัยน์ตาชื้นน้ำกับกลีบปากสีแดงที่เขาบดจูบจนเห่อบวม ผิวกายที่แนบชิดจนไร้ช่องว่าง ร่างกายที่เชื่อมกันสนิท เวลานี้คนที่อยู่ใต้ร่างมีอยู่จริง เป็นของเขา และไม่ใช่เพียงความฝันอีกต่อไป

ทั้งสองหอบหายใจหนักๆ สายตายังคงประสานกัน

คีรีประคองมือของทันตแพทย์หนุ่มขึ้นมาจูบแล้วเอาไปแนบแก้ม “พี่เต้เป็นของผมแล้วนะ และผมก็เป็นของพี่เต้แล้วด้วย”

“....”

“รู้สึกดีมั้ยครับ”

เตชิตกระดิกนิ้วเรียกให้อีกฝ่ายโน้มใบหน้าเข้ามาหาพร้อมกับยกศีรษะขึ้น จากนั้นก็เขกศีรษะเด็กหนุ่มไปหนึ่งที “ครั้งแรกก็ไม่ออมแรงเลย ไอ้เด็กบ้า!”

คีรีหัวเราะ “พี่เต้ยั่วผมขนาดนี้ ใครจะไปทนไหว นี่ผมว่าผมเบามือมากแล้วนะ”

“เอาออกไปสักทีเว้ย”

“พี่เต้โคตรไม่โรแมนติกเลยอะ!” เด็กหนุ่มถอนกายออก ก่อนจะทิ้งตัวลงทาบทับคนใต้ร่างไว้

“หนัก! อะ!” พอทันตแพทย์หนุ่มอ้าปากจะโวย คนบนร่างก็ฉกจูบปิด สอดลิ้นเข้ามารุกล้ำ เกี่ยวกระหวัดช้าๆ เนิบนาบ ตะล่อมให้เขาใจอ่อนคล้อยตาม

คีรีละเรียวปากออกมาเล็กน้อย แต่ยังคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง เขาจดหน้าผากลงบนหน้าผากของคนใต้ร่าง แล้วกระซิบ “คืนนี้ผมไม่ปล่อยพี่นอนแน่ จนกว่าพี่จะยอมโรแมนติกกับผมเลย”

“ฮะ! เดี๋ยว!” เตชิตยกมือขึ้นจะผลักคนบนร่างออก ทว่าเด็กหนุ่มกลับคว้าข้อมือเขาไว้แล้วกดลงกับเตียง แถมยังยิ้มกรุ้มกริ่มใส่ เขารีบกลับตัวกลับใจ พูดเสียงอ่อนลงทันควัน “เหนื่อยแล้ว ปล่อยพี่เต้พักเถอะนะคนดี”

“ได้สิครับ”

รอดเว้ยเฮ้ย!

“พี่เต้นอนเฉยๆ ก็พอ ที่เหลือผมจัดการเอง”

“ไอ้...!” เตชิตอ้าปากจะด่า แต่ไม่ทันแล้ว คีรีจูบปิดริมฝีปากเขาไว้ ฝ่ามือที่คลึงเคล้นไปบนร่างกายปลุกอารมณ์ที่เพิ่งดับมอดไปให้ปะทุขึ้นมาอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหายใจกระเส่าข้างใบหู ร่างกายที่ขยับไปตามการเร่งเร้าของเด็กหนุ่มทำให้ทันตแพทย์หนุ่มต้องปล่อยเลยตามเลย

เขาคงจะไม่ได้นอนแน่ๆ อย่างที่คีรีว่านั่นล่ะ



*TBC*



ขอเชิญทุกคนไว้อาลัยให้ซิงของพี่เต้ เปิดตัวเป็นเคะโดยสมบูรณ์แร้วนะพี่ ได้กินเด็กด้วย อายุยืนหมื่นๆ ปีไปกับพี่วินเรยยย~

ขอเชิญแสดงความยินดีกับเด็กดอยด้วยค่า ในที่สุดก็ได้แซ่บคุณหมอสักที /ปิดหมู่บ้านฉลองกันเถอะจ้าพ่อจ๋าแม่จ๋า~

แล้วก็ขออภัยที่ลงช้าค่ะ เค้ายุ่งมากเลยอ่า ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน (เพราะข้างนอกมันร้อน ปิดม่านไว้ 55555) กลับบ้านเย็นย่ำทุกวันเรยยยย~ เหนื่อยมั่กมากกก ปั่นตอนพิเศษของเด็กดอยกับคุงหมอด้วย หอบหื่นขึ้นคอเยย ฮือๆ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า รัก รัก รัก จุ๊ฟฟฟ จุ๊ฟฟฟฟ  :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 09-06-2019 09:17:23
โอ้ยแม่เจ้า พี่เต้เสียตัวแล้ว เป็นอมตะเหมือนกับหมอวินซักทีนะคะ55555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 09-06-2019 09:32:37
พิเต้ไม่รอด 555 ได้เป็นแม่เลี้ยงทางพฤตินัยแล้วนะคะ  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 09-06-2019 10:12:27
เหอะๆๆๆ นอนเฉยๆก็พอ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 09-06-2019 10:50:21
คีรี ในที่สุดก็ได้กินพี่เต้
พรุ่งนี้พี่เต้จะตื่นไปรับคุณพ่อไหวมั้ยเนี่ย
โดนเด็กกินทั้งคืนแบบนี้
 :jul1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 09-06-2019 10:56:55
ในที่สุด พี่เต้ก็..... 555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-06-2019 10:59:59
พรุ่งนี้พี่เต้จะลุกขึ้นไปส่งคุณพ่อไหวไหมนะ แต่ถ้าไม่ได้ไปส่งคงโดนล้อยันบวชแน่ ๆ เลย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-06-2019 11:53:28
 :pig4: :pig4: :pig4:

คนแต่งใจร้าย

มีฉากอัศจรรย์ของคู่เด็กดอยกับหมอฟันสุดซึน พร้อมแสดงโพชัดเจน

ในขณะที่คู่ของนุ้งพิงค์กับหมอวินยังไม่เคยได้เห็นฉากอัศจรรย์และโพอย่างชัดเจน  อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 09-06-2019 12:46:42
หมอเต้โดนกินเรียบร้อย :m25:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 09-06-2019 13:42:53
เรียบร้อยโรงเรียนเด็กดอยเเล้วนะหมอเต้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-06-2019 13:59:38
คีรีสงสารคนแก่บ้างนะต้ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 09-06-2019 14:00:58
ได้กินสักทีนะคีรี  :m25: อ่านหมอเต้เรื่องนี้แล้วจำนิสัยเจ้าเร่คอยแต่จะกดหมอวินในเรื่องภูสอยเดือนไม่ได้แล้วอ่ะเรื่องนี้มีแต่เสียเปรียบคีรี :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: Pthassa ที่ 09-06-2019 15:30:21
 :z3: พี่เต้บอกเอวยอก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 09-06-2019 15:39:02
ในที่สุดอีพี่เต้ก็จะอยู่เป็นอมตะคู่กับหมอวิน 555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 09-06-2019 16:37:43
 :jul1:พูดไม่ออกเลย โดนเด็กกินซะแล่ว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: Mariinariiz ที่ 09-06-2019 17:20:04
ในที่สุด พี่เต้ก็โดนเด็กกิน  :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 09-06-2019 21:20:33
วรั้ยยย!!! เด็กมหาลัยนี้มันร้ายค่ะคู๊ณณณ ทำ 2 หมอสุดเท่ห์กลายเป็นแมวเชื่องๆ บนเตียงได้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 10-06-2019 02:50:53
ในที่สุด :-[
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-06-2019 08:27:51
" ของคีรีเล็กจัดหรือว่าเขาจะเกิดมาเพื่อสิ่งนี้กันวะ "

:laugh: :laugh:  เด็กดอยมันวอร์มเครื่องน่ะพี่

 :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 10-06-2019 12:32:28
นี่มันเสือดอย

ไม่ใช่เด็กดอย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 10-06-2019 15:51:26
ในที่สุด 5555555555555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 10-06-2019 19:14:35
พิหมอเต้จะสงสัยมั้ยนะว่าทำไมเด็กดอยมันเป็นงานจิงจิ๊งง ขนาดกับผู้ชายด้วยกันยังดูคล่องแคล่วไปซะทุกอย่าง หรือว่าอาจจะรู้อยู่ละ แค่ไม่อยากถาม 555  :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 10-06-2019 19:26:00
 :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-06-2019 21:58:39
พี่เต้เสียซิงแล้วจ้า :mc3: ไม่ได้นอนแน่คืนนี้เด็กมันเครื่องร้อนอ่ะนะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 11-06-2019 09:45:36
 :haun4: คีรีไม่เบาาา
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 11-06-2019 14:04:45
 :mc4: วู้ววว พี่เต้ได้เป็นอมตะ หมื่นๆปีสมใจพี่วินท์แล้ว 555555555555555
ไม่เด็กดอยแล้วพี่ ครั้งแรกยังเชี่ยวขนาดนี้ มันเสือร้ายชัดๆ

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 12-06-2019 00:13:37
จ้าาาา
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 13-06-2019 21:38:30
ฮัสกี้จะมาต่อเร็วๆนี้มั้ยน้าา อยากเห็นสภาพพิเต้ตอนเช้าล้าวว อยากรุว่าเฮียจะลุกเดินไหวมั้ย คึคึ :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 34 : ครั้งแรกของเรา [090619]
เริ่มหัวข้อโดย: huskyhund ที่ 18-06-2019 08:51:44


Chapter 35 : เดือนอิงดอย


แสงแดดอบอุ่นสาดส่องเข้ามาตามช่องว่างผ้าม่านในตอนสายๆ ของวันอาทิตย์ ฉาบไล้สองร่างที่นอนกอดกันกลมซุกอยู่ใต้ผ้าห่ม

คีรีตื่นก่อน เขาหันไปมองนาฬิกาแล้วก้มลงมองคนในอ้อมแขนที่ยังคงหลับสนิท หรือน่าจะเรียกว่าสลบเหมือดหมดแรงเสียมากกว่า เพราะพวกเขาเพิ่งจะได้นอนไปไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น เขาแต้มจูบหน้าผากอีกฝ่ายเบาๆ เส้นผมที่ยุ่งเหยิงปรกใบหน้าทำให้ทันตแพทย์หนุ่มดูเด็กลงไปอีกหลายปี น่ารักน่าฟัดมากขึ้นอีกเป็นกอง

บอกเลยว่าอยากหยุดเวลาไว้ที่ตรงนี้ อยากกอดพี่เต้ของเขาไว้แบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ตื่นนอนมาแบบอินเลิฟสุดๆ

อย่างกับฝันไป

เด็กหนุ่มกระชับอ้อมแขน ฝ่ามือลูบเคล้นไปบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าอย่างเชื่องช้า ไปพร้อมกับจดปลายจมูกลงบนแก้มของทันตแพทย์หนุ่ม หัวใจของเขาเต้นรัวแรง จากนั้นก็ค่อยๆ มุดเข้าไปในผ้าห่ม

เตชิตลืมตาขึ้นทันที เขาขมวดคิ้ว แล้วดึงผ้าห่มออก “นี่คุณ! หื่นแต่เช้าเลยนะ!”

“โธ่ ก็พี่เต้นอนโป๊ให้ผมกอดอยู่แบบนี้ ผมไม่หื่นก็เป็นรูปปั้นหินแล้วมั้ยอะ”

“หื่นมาทั้งคืนแล้วยังไม่พออีกรึไงวะ!”

“สำหรับพี่เต้ เท่าไหร่ก็ไม่มีวันพอหรอก” เด็กหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปหาคนที่นอนอยู่ข้างกัน ทว่าอีกฝ่ายเอามือยันหน้าเข้าไว้ “พี่เต้อ่า! นี่ผมแฟนพี่นะ!”

“เออ เป็นแฟนก็ถีบตกเตียงได้นะ ถ้าคุณนอนนิ่งๆ ไม่ได้ ผมจะออกไปนอนบนโซฟา”

“ยังลุกไหวอีกเหรอครับ”

เตชิตขึงตาใส่ แต่พอเขาทำท่าจะลุกขึ้น คนอ่อนวัยกว่าก็รีบรวบตัวเขาไว้ทันที “โอ๋ๆ ผมนอนนิ่งๆ ก็ได้ พี่เต้นอนพักอีกสักนิดเถอะนะครับ”

“นิ่งให้มันจริงนะเว้ย”

“ครับๆ” คีรีรวบมือเก็บ นอนหันหน้ายิ้มพริ้มไปทางทันตแพทย์หนุ่ม ใช้เวลาไม่นานอีกฝ่ายก็ผล็อยหลับไป คงจะเพลียมากจริงๆ เขาจ้องมองใบหน้าของคนรักไปเรื่อยๆ ก่อนจะค่อยๆ ลุกออกจากเตียง

เด็กหนุ่มลุกไปปิดผ้าม่านให้สนิท เก็บเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมาพับ เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะกลับเข้ามานั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะ อ่านไปก็ชำเลืองมองคนที่นอนหลับอยู่ไป ยิ้มตาเยิ้มอยู่สักพักก็เห็นว่าท่าไม่ดี เพราะไม่มีสมาธิเอาเสียเลย เขาจึงเปลี่ยนเป็นนั่งหันหลังให้อีกฝ่ายแทน

คีรีอถอนหายใจเฮือกๆ พลางบ่นอยู่ในใจ ทำไมต้องมีสอบช่วงนี้ด้วยวะ เขากำลังมีโอกาสได้สวีตกับคนรักแท้ๆ เดี๋ยววันนี้พี่เต้ก็จะกลับลำพูนแล้ว เขาอยากติดสอยห้อยตามเป็นเหาฉลามกลับไปด้วย แต่พรุ่งนี้ก็ดันมีสอบแต่เช้าซะอีก


เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เป็นผลให้เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก เช่นเดียวกับคนที่นอนอยู่บนเตียง

เตชิตผงกศีรษะขึ้นพลางควานหาโทรศัพท์มือถือ “อยู่ไหนวะเนี่ย”

“เดี๋ยวผมหยิบให้” คนอ่อนวัยกว่ารีบรุดไปดูในกองเสื้อผ้า พอหาเจอแล้วก็ส่งต่อให้ทันตแพทย์หนุ่ม

“ขอบใจ” เจ้าของโทรศัพท์รับมาอย่างหงุดหงิด แต่พอกดรับสายเท่านั้นก็พูดเสียงอ่อนเสียงหวานทันที “ว่าไงครับคุณเพื่อน”

“ทำไมเสียงงัวเงียจังวะ เพิ่งตื่นเรอะ นี่มันจะสิบเอ็ดโมงแล้วนะมึง แล้ววันนี้เอาไง จะกลับลำพูนเปล่าวะ รถมึงกูขับมาจอดไว้ที่คลินิกเนี่ย”

“เออ ยังไม่รู้เลยว่ะ ทิ้งไว้งั้นก่อนละกัน”

“สัส ติดเด็กจังนะมึงอะ พรุ่งนี้ต้องมาทำงานนะเว้ย!”

“ทำสิคร้าบ ไม่ต้องห่วง”

คนที่ปลายสายเงียบไปเล็กน้อย แล้วถามเสียงเบา “แล้ว...ความรู้สึกหลังเป็นอมตะเป็นไงล่ะ ฟินจนลุกไม่ขึ้นเลยใช่มะ”

เตชิตเบิกตากว้าง หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง “ไอ้เหี้ย! มึงรู้ได้ไง!”

“อ้อ หมายความว่ามึงโดนแดกไปเรียบร้อยแล้ว แหม กูก็พูดไปงั้น” รวินท์จิ๊ปากเบาๆ “แซ่บมั้ยล่ะไอ้เวร”

“ไอ้วิน~” เตชิตครางหงิง เขาไม่น่าพลาดเสียท่าให้แม่งเลย แต่เรื่องนี้ยอมกันไม่ได้ ต้องขอขิงหน่อย “แซ่บกว่าเด็กมึงแน่นอนเว้ย!”

“ใช่ซี้! เด็กกูมันลูกแกะตัวน้อยๆ แต่เด็กมึงมันหมาป่าชัดๆ!”

“รู้ก็ดีสัส ขอร้องอย่าอิจฉา”

รวินท์คิ้วกระตุก “ขอให้มึงโดนแดกอีกรัวๆ จนฟ้าเหลืองเลยแม่ง!”

ไม่ต้องแช่งแล้วไอ้เพื่อนเวร กูฟ้าเหลืองมาเรียบร้อยแล้ว! เตชิตได้แต่ตอบกลับอยู่ในใจ

“กูไม่คุยกะมึงละไอ้คุณชายอมตะ!”

“มึงก็อมตะมั้ยไอ้...” ทันตแพทย์หนุ่มชะงัก เพราะดันสบตากับเด็กหนุ่มเจ้าของห้องที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะหนังสือพอดี เขารีบกดวางสายอย่างไว


ฉิบหาย! คีรีได้ยินอะไรไปบ้างวะเนี่ย! เตชิตนั่งเหงื่อตก


“อมตะ? หมายถึงพี่วินเหรอครับ ทำไมถึงเป็นอมตะล่ะ”

“มันเป็นศัพท์หมอฟันเว้ย คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก” ทันตแพทย์หนุ่มแถตอบไปแบบนิ่งๆ แต่หน้าตาหลุกหลิกมาก เขาค่อยๆ ก้าวขาออกจากเตียงทีละข้าง “ผมไปอาบน้ำก่อนดีกว่า” ก่อนจะชะงัก เพราะตอนนี้โป๊สุดใจ

“ผมวางเสื้อผ้ากับผ้าเช็ดตัวไว้ให้ในห้องน้ำแล้วนะครับ”

“อือ ขอบใจ” เตชิตก้มมองหาอะไรมาปิดส่วนที่ห้อยต่องแต่งอยู่สักหน่อย ทว่ามองไปทางไหนก็ไม่เจอชิ้นส่วนที่ถอดทิ้งไว้เมื่อคืน เด็กหนุ่มคงลุกขึ้นมาเก็บห้องตอนที่เขายังหลับอยู่แน่ๆ

“พี่เต้หาอะไรเหรอ”

จะให้บอกว่าหาอะไรมาปิดหน่อย เขาไม่อยากแก้ผ้าเดินโทงๆ ก็ดูเสียฟอร์มเบาๆ ทันตแพทย์หนุ่มจึงหาอะไรมาเป็นข้ออ้าง “เอ้อ คือ...ผมหิวน้ำ ขอน้ำอุ่นหน่อยได้มั้ย”

“ได้ครับ” คีรียิ้มกว้าง รีบรุดเดินออกจากห้องไปทันที

ทีนี้ล่ะ ได้โอกาสละ รีบเถอะกู! เตชิตลุกขึ้นพรวด กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ห้องอาบน้ำอย่างรวดเร็ว



ภายในห้องอาบน้ำแบ่งเป็นส่วนแห้งกับส่วนเปียก มีประตูกระจกฝ้ากั้น ขณะที่ทันตแพทย์หนุ่มยืนแปรงฟันอยู่ที่อ่างล้างหน้าก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“พี่เต้ครับ” แล้วประตูก็แง้มเปิดออกให้ทันตแพทย์หนุ่มอ้าปากค้าง ยาสีฟันหยดติ๋งๆ “อ้าว เอ้อ คือ... โทษทีครับ ผมเอาน้ำมาให้ นึกว่าพี่เข้าไปอาบน้ำแล้ว”

จงใจชัดๆ ไอ้เด็กเวร! ถ้าคิดว่าเขาเข้าไปอาบน้ำแล้วจะเอาน้ำมาให้ทำไมวะ!

ถึงขนาดนี้แล้ว ไอ้ครั้นจะหยิบผ้ามาปิดแบบเขินอายมันก็ไม่ใช่ เขาเลยจำใจต้องเก๊กหน้าด้านไว้ก่อน “เอา...วางไว้ก่อน”

“แล้วพี่เต้...หิวหรือยัง” คีรีกลืนน้ำลายเอื๊อก “ผมจะได้โทรสั่งอาหาร”

ไอ้เด็กผีนี่ คุยกับเขาแต่ตาไม่มองหน้าเลยนะ

“หิวแล้ว โทรสั่งได้เลย”

“พี่เต้...”

“ออกไปไป๊!”

ทว่าเด็กหนุ่มยังไม่ยอมถอยออกไป กลับย่างสามขุมเข้าไปหาทันตแพทย์หนุ่มเสียอีก

“คุณจะเข้ามา...!” เตชิตเบิกตากว้าง เมื่อคนอ่อนวัยกว่าก้าวเข้ามาประจบจูบริมฝีปากที่ยังเต็มไปด้วยยาสีฟันของเขา “คุณจะบ้าเรอะ ยาสีฟันเต็มปากเนี่ยเห็นมั้ย!”

“เห็นครับ แต่วันนี้ยังไม่ได้จูบกู๊ดมอร์นิ่งพี่เต้เอาฤกษ์เอาชัยเลยอะ”

“จะเอาฤกษ์เอาชัยไปไหนวะ! แล้วมือนี่อะไร้! เอาออกไป๊!” ทันตแพทย์หนุ่มโวยวาย เพราะไอ้เด็กตัวแสบนี่ ได้ทีก็กอดเขาซะแน่นเลย “ไปสั่งอาหารแล้วรีบไปอ่านหนังสือเลยคุณ พรุ่งนี้สอบไม่ใช่รึไง”

“พี่เต้จำได้ด้วยอ่า น่ารักที่สุด” นอกจากเด็กหนุ่มจะไม่ยอมปล่อยแล้ว ยังยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มอีก

ในเมื่อดุแล้วไม่สะเทือน เตชิตจึงเปลี่ยนแผนเป็นอ้อนบ้าง “คีรี ผมหิวอะ ตอนนี้น่าจะสิบเอ็ดโมงกว่าแล้วรึเปล่า ยังไม่ได้กินอะไรเลย”

เจ้าของชื่อยิ้มมุมปากแบบที่ดูไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่ แต่เขาก็คลายอ้อมแขนออก “งั้นผมจะรีบโทรสั่งอาหาร พี่เต้รีบอาบน้ำนะ”

“อือ ขอบใจ”

“แต่ขอจูบอีกที”

“เฮ้ย!”

ทันตแพทย์หนุ่มถอยไปจนชิดผนังห้องน้ำ เข้าทางคนอ่อนวัยกว่าพอดี เด็กหนุ่มเอามือยันผนัง กักตัวอีกฝ่ายไว้ภายในแล้วบดจูบริมฝีปากสีแดง รสชาติของยาสีฟันอบอวลอยู่ในโพรงปากของทั้งสองคน จูบแบบได้รับฟลูออไรด์ไปด้วย สมกับที่จูบกับหมอฟันดี

คีรีถอนเรียวปากออกมาช้าๆ นัยน์ตาฉายชัดถึงความต้องการคนตรงหน้า แต่เขาก็ไม่อยากดึงดัน เพราะรุกรังแกอีกฝ่ายมาตลอดคืนแล้ว “รักนะครับ”

“เออ รู้แล้ว”

“อยากให้พี่เต้รู้ ว่าเพราะรักพี่มาก ผมถึงได้อดทน” คนอ่อนวัยกว่าอมยิ้ม แล้วหันหลังขวับ รีบจ้ำอ้าวๆ ออกจากห้องอาบน้ำไปก่อนจะตบะแตก

เตชิตยืนนิ่ง ใบหน้าร้อนเหมือนไอ้วินกับไอ้น้องพิงค์กำลังสุมไฟใส่ เขาหลุบตาลงมองพื้นห้องน้ำพลางถอนหายใจ

ไอ้เด็กบ้านี่ แค่นี้ก็หลงรักจะแย่แล้ว ยังมาทำเท่ใส่อีก!



หลังอาบน้ำเสร็จ ทันตแพทย์หนุ่มใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนที่เจ้าของห้องเตรียมไว้ให้ แล้วเดินกลับเข้ามาในห้องนอน ทว่าเด็กหนุ่มไม่อยู่ เขาจึงเดินออกไปมองหา

คีรีนั่งเอนหลังอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น พอได้ยินเสียงประตูเปิด เขาก็รีบลุกนั่ง แล้วตบลงบนที่ว่างข้างกัน “อาหารยังไม่มา พี่เต้มานั่งรอก่อน” จากนั้นก็จ้องมองคนที่เดินเข้ามาหาพร้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“อารมณ์ดีจังนะคุณ”

“ก็ดีใจ นานๆ ทีพี่เต้จะใส่เสื้อผ้าผม”

เตชิตทำเป็นเมินสายตาหวานฉ่ำที่มองมา “อ่านหนังสือไปถึงไหนแล้ว”

“อ่านจบไปรอบแล้วครับ นี่อ่านทวนที่โน้ตไว้เฉยๆ”

“ดีมาก” เตชิตเอื้อมมือไปลูบศีรษะเด็กหนุ่ม

พอทันตแพทย์หนุ่มใจดีด้วยหน่อย คีรีก็เกิดอาการสันหลังละลายขึ้นมาทันที เขาจัดแจงเลื้อยลงไปนอนตักคนที่นั่งอยู่ข้างกัน แล้วทำเป็นยกหนังสือขึ้นอ่านแบบเนียนๆ

ครั้งนี้ไม่โดนไล่ แถมพี่เต้ยังลูบผมเขาอีกด้วย สุขใจจังโว้ย!

“วันนี้อยู่อ่านหนังสือที่ห้องนะ”

“ฮะ!?” คีรีผงกศีรษะขึ้น “หมายความว่าไงครับ”

“ก็หมายความอย่างที่พูดนี่ไง มีอะไรน่าไม่เข้าใจวะ”

“ไม่รวมไปส่งคุณพ่อพี่เต้ใช่มั้ยอะ”

“รวมสิวะ คุณอยู่อ่านหนังสือที่ห้องนี่แหละ เดี๋ยวผมไปส่งพ่อผมเอง”

“ไม่เอาอะ ผมจะไปด้วย”

เตชิตถอนหายใจ “อย่าดื้อสิ”

“พี่เต้จะไปยังไง รถพี่อยู่ที่คลินิกไม่ใช่เหรอ”

“เดี๋ยวนั่งแท็กซี่ไปคลินิกก็ได้”

“ผมจะปล่อยให้แฟนนั่งแท็กซี่ไปคนเดียวได้ยังไง ยิ่งน่าปล้ำอยู่ด้วย ไม่เอาหรอก”

ทันตแพทย์หนุ่มเขกศีรษะคนอ่อนวัยกว่าไปหนึ่งโป๊ก “ใครน่าปล้ำกันวะ!”

“แต่จะไม่ให้ผมไปส่งคุณพ่อพี่เหรอ ผมเป็นแฟนพี่นะ”

“คุณเป็นนักศึกษาติดสอบ ทิ้งการอ่านหนังสือไปร่อนข้างนอก พ่อผมไม่ปลื้มหรอกนะ”

คีรีจนตรอกเถียงไม่ออก แต่เขาก็ไม่อยากอยู่ห่างพี่เต้ของเขาแม้เพียงนาทีเดียว แล้วถ้าพี่เต้ไปส่งคุณพ่อเสร็จก็กลับลำพูนเลยล่ะ เขาไม่เหี่ยวแย่เหรอ

“ไม่ต้องห่วงเรื่องพ่อผมหรอก ไว้เดี๋ยวสอบเสร็จจะพาไปบ้าน”

“จริงเหรอ!”

“อือ จะพาไปเจอทุกคนที่บ้านเลย”

“สัญญานะครับ”

“เออ สัญญา”

“งั้น... พี่เต้เอารถผมไปละกัน” เด็กหนุ่มต่อรอง เพราะอย่างน้อยถ้าเอารถเขาไปก็ต้องเอากลับมาคืนเขาล่ะ “นะครับ พี่คงไม่อยากให้นักศึกษาติดสอบต้องเป็นห่วงพี่จนอ่านหนังสือไม่ได้หรอกใช่มั้ย” นี่แน่ะ ใช้มุกอ่านหนังสือสอบมา เขาก็ใช้กลับได้เว้ย

เตชิตหัวเราะเบาๆ “โอเค ขอบใจนะ”

ทว่าเพราะทันตแพทย์หนุ่มว่าง่ายจนผิดปกติ คีรีจึงทำหน้ายุ่ง “พี่เต้...” แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร เสียงกริ่งก็ดังขึ้น

“สงสัยอาหารมาส่งแล้วนะ”

“เดี๋ยวผมไปดู พี่เต้ไปนั่งรอที่โต๊ะกินข้าวได้เลยครับ”

คีรีเดินไปรับอาหาร พอเดินเข้าไปในครัวก็เห็นว่าเตชิตกำลังวิดีโอคอลกับใครบางคนอยู่ เขาจึงเอาอาหารไปเทใส่จานให้เรียบร้อย พอยกมาที่โต๊ะ อีกฝ่ายก็หันโทรศัพท์มาทางเขา

บนจอภาพเป็นภาพบิดาของทันตแพทย์หนุ่ม

คนอ่อนวัยกว่าเห็นเข้าก็ยกมือไหว้ “สวัสดีครับคุณพ่อ ทานอะไรรึยังครับ เมื่อคืนนอนสบายหรือเปล่า”

“สบายดีๆ พ่ออิ่มแล้วเนี่ย พุงกางเลย ทางบ้านพลอยเขาก็ฝากมาขอบใจด้วยนะ บ่นเสียดายใหญ่ที่ไม่ได้เจอคีรีก่อนกลับ”

“คุณพ่อรู้แล้วเหรอครับ ผมอยากไปส่งนะ แต่พี่เต้ไม่ให้ไปอะครับ”

“ก็หวงแฟนน่ะสิ”

“หวง?” คีรีทำหน้างง

บิดาส่ายหน้าไปมา “กับพ่อก็ยังหวง คนเรา”

“เฮ้ย! ไม่ใช่นะพ่อ อย่ามั่วสิ!” เตชิตร้องลั่น

บิดาพูดกลั้วหัวเราะ “คีรี ตั้งใจอ่านหนังสือสอบนะลูก ไม่ต้องมาส่งพ่อหรอก ไว้เจอกันที่กรุงเทพฯ พ่อจะรอนะ”

“ครับ คุณพ่อเดินทางดีๆ นะครับ” เด็กหนุ่มยกมือไหว้อีกครั้ง ก่อนเจ้าของโทรศัพท์จะกดวางสายไป เขาจ้องทันตแพทย์หนุ่มเขม็ง “ที่คุณพ่อพูดเมื่อกี้...”

“กินข้าวเถอะ ผมหิว สั่งอะไรมาบ้างล่ะ”

แฟนเขาเนี่ย บ่ายเบี่ยงเก่งชะมัด!

“ข้าวมันไก่ครับ จากร้านเฮียแถวคลินิกพี่เต้ไง”

“อ้อ” เตชิตพยักหน้าหงึกๆ “หลังจากครั้งนั้นได้ไปกินร้านเฮียอีกมั้ยเนี่ย”

“ไปครับ ไปทีไรเฮียก็แซวว่าเมื่อไหร่จะมาซื้อร้านเฮียสักที”

ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะร่วน พลางเอื้อมมือไปขยี้เส้นผมคนอ่อนวัยกว่า จากนั้นก็กินข้าวกันไปเงียบๆ เขายังมีเวลาให้นั่งคุยกันอีกนิดหน่อย ก่อนจะออกไปรับบิดาไปส่งที่สนามบิน

“พี่เต้ครับ ส่งคุณพ่อแล้วรีบกลับมาหาผมนะครับ”

“ผมแวะไปหาวินก่อนนะ”

ถ้าเป็นเรื่องของหมอวิน คีรีจะไม่ยอมได้อย่างไร เขาพยักหน้าหงึกหงักแม้จะไม่เต็มใจสักเท่าไหร่

“แล้วจะกลับมาประมาณหกโมงนะ” เตชิตพูดหน้าตาเฉย หันไปมองนาฬิกาแล้วก็ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม “ผมไปแล้วดีกว่า”

คีรีขมวดคิ้วจนแทบเป็นปม ทว่าพอทันตแพทย์หนุ่มลุกขึ้น เขาก็รีบลุกตาม แล้วเดินไปหยิบกุญแจรถมาส่งให้

“ขอบใจ” เตชิตยิ้มรับ เห็นสีหน้ายุ่งเหมือนโดนแตนไล่ต่อยแล้วก็อดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ เขาก้าวเข้าไปสวมกอดเด็กหนุ่ม “ให้เวลาอ่านหนังสือเงียบๆ บ่ายโมงถึงหกโมง ต้องทบทวนให้เสร็จนะ”

คีรีรีบโอบตอบ “แล้วพี่เต้...จะกลับลำพูนรึเปล่า”

“กลับสิ”

“ไม่กลับไม่ได้เหรอครับ”

“ผมต้องทำงานนะ คุณก็รีบเรียนให้จบสิ ทำงานได้แล้วจะได้เลี้ยงผมอย่างที่โม้ไว้ไง” เตชิตลูบๆ แผ่นหลังของเด็กหนุ่มเบาๆ “ไปละ เดี๋ยวเจอกัน”

คนอ่อนวัยกว่าเดินออกไปส่งคนรักที่หน้าห้อง ยืนมองตาละห้อยจนอีกฝ่ายก้าวเข้าลิฟต์โดยสารไป จากนั้นก็กลับเข้าห้องไปอ่านหนังสือต่อ



ฝ่ายเตชิตนั้น เมื่อไปส่งบิดาที่สนามบินแล้วก็แวะไปหาเพื่อนรักที่คลินิก เขาอุตส่าห์บอกมันก่อนไปถึงแค่สิบนาที แต่มันก็ยังอุตส่าห์ตามภูพิงค์กับน้องๆ มารอต้อนรับเขาพร้อมหน้าได้ ไอ้เพื่อนรักนี่มันรักเพื่อนมากจริงจริ๊งงงง!

ทันทีที่เตชิตก้าวเข้าไปในคลินิก เสียงโห่ร้องก็ดังลั่น พวกของภูพิงค์ลุกขึ้นยิงพลุกระดาษ ผิวปากกันเปี๊ยวป๊าว

“พ่อพวกคุณเป็นพญาครุฑเรอะ!” ทันตแพทย์หนุ่มอยากจะไล่เตะเรียงตัว

“แหม ก็อยากแสดงความยินดีอะพี่” ภูพิงค์ตอบ “พี่ไม่สด เอ๊ย ไม่โสดแล้วก็ดีใจด้วย”

“มันก็ไม่สดมาตั้งนานแล้ว” รวินท์พูดแทรก

“สัส! ก็เหมือนมึงมั้ย!” เตชิตหันไปเถียง “แล้วพวกคุณมาเสนอหน้าทำอะไรกันอยู่ที่นี่วะ ใกล้จะสอบแล้วไม่ใช่รึไง กลับบ้านไปอ่านหนังสือไป๊!”

“โห อะไรอะคะ ทำไมเกรี้ยวกราด พี่เต้น่าจะอารมณ์ดีโลกสีชมพูนะเนี่ย” แซนดี้ขยิบตาให้รัวๆ

เตชิตขี้เกียจจะเถียง เขาส่ายหน้าไปมา ยกมือขึ้นเกาปลายจมูก แล้วกระแอมอีกนิดหน่อย “แต่ก็ขอบใจทุกคนมากนะ” เรียกเสียงตบมือและโห่ร้องได้อีกรอบ

“เออ แล้วเด็กมึงไปไหนวะ เสียน้ำมากหมดแรงเหรอ”

“สัส! เขาสอบพรุ่งนี้เช้าเว้ย เลยให้อยู่ห้องอ่านหนังสือ”

“แหม มิน่า วันนี้คุณหมอเต้ขับบีเอ็มซีรีส์เจ็ดเลยนะคร้าบบบ~” ซันป้องปากแซว

ขิงกระโจนเข้ามาร่วมวงด้วย “แต่ๆๆ ดูเสื้อกับกางเกงสิ ไม่พอดีตัวเหมือนทุกทีเลย ทำไมน้า~”

“แถมตรากุชชี่เด่นหรา มีแฟนไฮโซก็งี้อ่า~” ดิวเอาบ้าง

เตชิตอดใจไม่ไหวต้องแจกนิ้วกลางให้น้องๆ คนละที “ก็รถผมจอดอยู่ที่คลินิกนี่หว่า! เสื้อผ้าก็ไม่ได้เอาไปเปลี่ยนโว้ย!” เขาหันไปทางเพื่อนรัก “แล้วเย็นนี้มึงกลับลำพูนกี่โมง”

“เดี๋ยวคุยกับมึงเสร็จก็กลับ พิงค์จะไปด้วย”

ทันตแพทย์หนุ่มเบ้ปากใส่อย่างลืมตัว

“แล้วมึงอะ”

“เอ่อ...” พอถูกถามกลับก็ชะงักไปเล็กน้อย แล้วตอบเสียงแผ่ว “เดี๋ยวกลับพรุ่งนี้เช้านะ”

“โอ๊ย เหม็นความรัก พอๆ กลับบ้านอ่านหนังสือเถอะพวกมึง” แซนดี้ลุกขึ้นโวยวายพร้อมทำมือไล่ชายโฉดและโสดทั้งหลายให้ย้ายตูดกันออกไปจากคลินิกสักที

“โชคเอเว้ยพวกคุณ” เตชิตตะโกนไล่หลัง



หลังจากนั้น ภายในห้องด้านในคลินิกก็เหลือกันอยู่สามคนคือ ภูพิงค์ รวินท์ และเตชิต

“เออ แล้วมึงมานั่งหน้าเจ๋อทำห่าไรอยู่ที่นี่วะ ทำไมไม่รีบกลับไปเฝ้าเด็กมึงล่ะ”

“ให้เขาอ่านหนังสือบ้างสิวะ อยู่กับกูเขาไม่ค่อยมีสมาธิ”

รวินท์เบะปากแล้วเบะปากอีก “เดี๋ยวกูกับพิงค์จะกลับลำพูนแล้วนะ ช้าเดี๋ยวรถติด มึงกลับไปป้อนนมลูกมึงเถอะ”

“สัส! เพิ่งจะสี่โมง พวกมึงจะรีบไปไหน!” เตชิตหันไปทางภูพิงค์ที่นั่งเอานิ้วไชหูแถมยังทำเป็นหูทวนลมใส่เขา “ดูแลแฟนคุณบ้างสิวะ ไอ้น้องพิงค์ ปล่อยหมาวิ่งพล่านเลยเนี่ย”

“จะให้ผมช่วยพี่วินปล่อยบ้างรึไงล่ะ” ภูพิงค์พูดพลางขยับเข้าไปสวมกอดคนรัก “พี่วิน ผมก็จะสอบนะ ไม่ค่อยมีแรงเลยอะ เดี๋ยวไปถึงลำพูน พี่เติมพลังให้ผมเยอะๆ เลยนะครับ”

รวินท์ปรายตามอง ไปๆ มาๆ เขาชักจะเสียเปรียบแฮะ แต่ก็ไม่อยากแพ้ไอ้เต้มัน “งั้นเรารีบกลับกันเถอะนะ อยู่ตรงนี้นานๆ ผมก็เหม็นไอ้เต้มัน”

ทว่าเมื่อสองหนุ่มลุกขึ้น เตชิตก็เอื้อมมือไปคว้าชายเสื้อภูพิงค์กับรวินท์ไว้ “เดี๋ยวดิ ไปกันหมดแล้วกูจะทำอะไรวะ”

“มึงก็กลับไปหาเด็กมึงสิ ถ้ากลัวจะกวนเขาอ่านหนังสือก็หาอะไรทำ ถ้าตัวมึงไม่มีอะไรทำก็หาอะไรทำให้เขา มีโอกาสได้อยู่ใกล้ๆ กันทั้งที มึงจะมานั่งทำหน้าโง่อยู่ตรงนี้ทำไม ไป๊!”

เออ นั่นสินะ ไอ้วินมันก็พูดถูก

ขณะเดียวกันภูพิงค์ก็หันขวับไปมองคนรัก เดี๋ยวนี้พี่วินของเขาพัฒนาไปไกลมาก ถึงขนาดเป็นที่ปรึกษาความรักให้พี่เต้ได้ด้วย เขาอมยิ้มอย่างพอใจ

แต่พอเตชิตเห็นเข้าก็เบ้ปากใส่ “จะงดทำตาหวานใส่แฟนคุณสักนาทีได้มั้ยวะ น่าหมั่นไส้โคตร!”

“ว่าแต่ผมอะ ตอนพี่อยู่กับเด็กพี่ก็อย่าลืมส่องกระจกดูหน้าตัวเองบ้างนะ” 

“ทำไมวะ!”

ภูพิงค์ยักไหล่ แล้วหันโอบไหล่รวินท์ “ไปกันเถอะครับพี่วินที่รัก”

“ครับ น้องพิงค์ที่รัก” รวินท์ตอบ ก่อนจะหันหลังกลับไปพูดกับเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงเย็นชาสุดๆ “สัสเต้ ปิดคลินิกให้เรียบร้อยด้วย กูไปล่ะ”

“เออๆ” เตชิตยกขาถีบส่ง หมั่นไส้จริงไอ้คู่นี้ คบกันมาจะเป็นปีแล้วยังจะสวีตให้น่าหมั่นไส้อยู่ได้ เขามองตามสองหนุ่มเดินออกจากประตูด้านหลังไป จากนั้นก็อมยิ้ม

ดีใจที่เพื่อนรักมีความสุข เหมือนตัวเขาในเวลานี้

นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่สักพักก็ลุกขึ้นไปปิดคลินิกให้เรียบร้อย จากนั้นก็ไปแวะซูเปอร์มาร์เก็ตระหว่างทางสักหน่อย รีบซื้อของจำเป็นแล้วก็ขับรถกลับไปยังคอนโดมิเนียมของคนรัก



ทันตแพทย์หนุ่มหอบข้าวของที่ซื้อมาพะรุงพะรังเข้าไปในตึก พอขึ้นลิฟต์ไปถึงชั้นที่พักก็เดินไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องของเด็กหนุ่ม เขาควรจะโทรบอกอีกฝ่ายก่อนมั้ย แต่เขามีคีย์การ์ดนะ ที่จริงก็อยากรู้เหมือนกันว่าตอนนี้คีรีทำอะไรอยู่ เมื่อตัดสินใจได้ก็เปิดประตูเข้าไปข้างใน

ทว่าเมื่อเจ้าของห้องได้ยินเสียงประตูเปิดก็วิ่งหูตั้งออกมาต้อนรับทันที “พี่เต้!”

“โธ่ ว่าจะแอบดูสักหน่อยว่าคุณทำอะไร”

“อ่านหนังสือสิครับ ก็พี่เต้บอกให้ผมอ่านไม่ใช่รึไง” เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปรับถุงหลายๆ ถุงจากอีกฝ่าย “ซื้ออะไรมานักล่ะครับเนี่ย”

“ของกิน ช่วยถือไปไว้ในครัวหน่อย”

“ได้เลย” คีรีรวบถุงทั้งหมดไว้ในมือเดียว แล้วเอื้อมมือไปกุมมือทันตแพทย์หนุ่ม

“นี่คุณ ผมไม่ได้แก่ขนาดต้องจูงเดินมะ”

“พี่เต้จะให้ผมจับมือไปดีๆ หรือจะให้อุ้ม”

โห เดี๋ยวนี้พัฒนาเว้ย! มีย้อนๆ!

ทว่าก็ได้แต่คิดในใจ แล้วก็ยอมให้คนอ่อนวัยว่าจูงมือไป

ก่อนจะถึงห้องครัว ประตูห้องนั่งเล่นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันเปิดทิ้งไว้ เตชิตจึงมองเข้าไปในห้องอย่างสนใจ บนโซฟามีชีตวางอยู่ บนโต๊ะตัวเล็กข้างหน้าโซฟามีกองชีตและหนังสือวางระเกะระกะ มีไอแพดวางซ้อนไว้

“พี่เต้มองอะไร”

“อยากรู้ว่าอ่านหนังสือตลอดเลยจริงๆ รึเปล่า”

คีรีหัวเราะ เขาปล่อยมือจากทันตแพทย์หนุ่มแล้ววิ่งไปหยิบไอแพดมาส่งให้ “เปิดดูสิครับ ยังอ่านคาไว้อยู่เลย” พูดแล้วก็กดเปิดให้อีกฝ่ายเห็นจะจะ “เชื่อยัง”

“อืม ดีมาก”

เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง ตั้งแต่รู้จักกับพี่เต้มา เขาก็ว่าเขาเป็นเด็กดีที่สุดในโลกแล้วละ ชนิดที่ว่าถ้าคุณตามาเห็นคงต้องน้ำตาไหล เมื่อเดินเข้าไปในห้องครัวแล้ววางถุงลง เขาก็ก้มหน้าลงมอง “หือ ไส้กรอก ไข่ กุ้ง เห็ด...”

“อือ เดี๋ยวทำมื้อเย็นให้กิน”

คีรีเงยหน้าขึ้นพรวด “พี่เต้ไม่ต้องลำบาก...”

“ไม่ลำบากหรอก ผมอยากทำ อยากเอาใจเด็กดี” ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นลูบศีรษะคนอ่อนวัยกว่าพร้อมยิ้มอย่างอ่อนโยน

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นหยิกแก้มตัวเองอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน เขาสบตากับคนที่ส่งยิ้มหวานมาให้ จากนั้นก็ก้าวเข้าไปสวมกอด ซุกใบหน้าลงตรงซอกคอคนในอ้อมแขน หัวใจเต้นรัวแรง “ขอบคุณครับ ผมรักพี่เต้ที่สุด”

สุขจนเหมือนฝันไป

ไอ้วินพูดถูก เขาจะโง่ไปใช้เวลาทิ้งๆ ขว้างๆ อยู่ข้างนอกทำไม ในเมื่อมีคนรักให้อิงแอบหัวใจแบบนี้

“ทบทวนที่จะสอบให้เสร็จ แล้วคืนนี้จะมีรางวัลให้”

เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง “พี่เต้ไม่กลับลำพูนแล้วเหรอ”

“กลับสิ แต่เดี๋ยวกลับพรุ่งนี้เช้า จะอยู่ทำมื้อเช้าให้เด็กติดสอบอีกมื้อก่อน”

คีรีกระชับอ้อมแขนแน่นมากขึ้นไปอีก “รักจนไม่รู้จะรักยังไงแล้ว”

“ผมเอาใจช่วยขนาดนี้ ต้องได้ที่หนึ่งภาคนะ”

คนอ่อนวัยกว่าคลายอ้อมกอดออก แล้วจ้องมองเข้าไปในดวงตาของคนรัก “ถ้าผมได้ ขอรางวัลด้วยได้มั้ย”

“อยากได้อะไรล่ะ”

“ขอบนโต๊ะกินข้าวนี่ทีนึง ในครัวอีกที พี่เต้ใส่แค่ผ้ากันเปื้อนพอ”

เตชิตแทบจะยกขาถีบ เขาผลักหน้าผากเด็กหนุ่มให้ออกห่าง “ไปอ่านหนังสือต่อเลยไป๊!”

“สัญญาก่อนสิ”

“สัญญาอะไรวะ!”

“เรื่องรางวัลไง”

“ไม่เอาเว้ย!”

“ถ้าไม่ให้หลังสอบ ผมจะเอารางวัลเด็กดีของผมเดี๋ยวนี้แหละ”

“ไอ้เด็ก...อุ๊บ!”

คีรีจูบปิดริมฝีปากสีแดงตรงหน้า ทั้งที่ตั้งใจว่าจะอดทนไว้ก่อน แต่พี่เต้ของเขาน่ารักมากเหลือเกิน ไม่ไหวแล้ว ตบะแตกสุด เขากดทันตแพทย์หนุ่มลงบนโต๊ะกินข้าว พาตัวเองเข้าไปอยู่ระหว่างต้นขาทั้งสองข้าง จูบไซ้ซอกคอพร้อมกับดึงชายเสื้ออีกฝ่ายขึ้น

เตชิตพยายามจะดิ้น แต่ยิ่งดิ้น ส่วนกลางร่างของเด็กหนุ่มก็ยิ่งบดเบียดเข้ามาหา “คีรี! เดี๋ยวๆ อะ!” เขาเขกศีรษะคนอ่อนวัยกว่าไปเบาๆ

เด็กหนุ่มผงกศีรษะขึ้น พลางยิ้มมุมปาก “ขอชาร์จพลังนิดเดียว แล้วจะไปตั้งใจอ่านหนังสือต่อครับ” จากนั้นก็ก้มลงจูบบนแผ่นอกตรงหน้าต่อ

ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจอย่างอ่อนใจ อีหร็อบนี้เขาก็คงใจอ่อน ยอมให้คนรักอีกตามเคย เขาเท้าแขนยกตัวขึ้น ก่อนจะใช้สองแขนคล้องลำคอเด็กหนุ่มไว้ แล้วขยับเข้าไปกระซิบชิดใบหู “คีรี บนโต๊ะนี่ไม่เอานะ ผมเจ็บหลัง”

“งั้นให้ผมอุ้มพี่เต้ไปที่เตียงนะ”

“อือ”

บานประตูห้องนอนปิดลงอย่างรีบเร่ง ตามมาด้วยเสียงครางเบาๆ ดังแว่วออกมาจากภายในห้องนอน

ส่วนคืนนี้เตชิตจะได้ออกมาทำมื้อเย็นให้คนรักกินหรือไม่ คงไม่ยากที่จะคาดเดานัก ก็ตัวเขาจะไปไหนรอด ได้แต่อิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของคีรี เด็กหนุ่มที่แสนรักนั่นละ



END



จบแล้วววว แงงงง พี่หมอเต้ น้องพิงค์ สวีตหวาน แฮปปี้ๆๆๆ กันสุดๆ ไปเร้ยยยย

ขอไว้อาลัยให้สะโพกพิเต้ไว้ตั้งแต่ตอนนี้ จะให้ดี พิเต้ก็จูงมือพิวินเข้าฟิตเนส ฟิตๆ กันบ้างนะเจ้า 55555

ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกคน ทุกกำลังใจ ทุกคอมเม้นต์มีความหมายกับฮัสกี้มากๆ ขอบคุณนะคะ รักทุกคนเลยยยย  :mew1:

แล้วก็ ขอให้รอติดตาม ‘เดือนอิงดอย’ ฉบับรวมเล่ม เร็วๆ(?)นี้นะค้า หยอดกระปุกรอกันน้า หยอดกันไปก่อนนน เดี๋ยวฮัสกี้จะแจ้งข่าวอีกทีค่า /เกาะขาทุกคนนนน

ปล. คำว่า อมตะ เป็นศัพท์เฉพาะของหมอฟันที่มีแฟนเด็กน่ะเอง 5555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 18-06-2019 09:29:10
 :m25:  แหมมมมม หมอๆ เขามีอวดแฟนว่าแซ่บกันด้วย  :m20:
 :L1:  :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 18-06-2019 09:47:50
คงไม่ได้กินมื้อเย็นกันแล้วแหละ :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: Mariinariiz ที่ 18-06-2019 10:43:48
พี่เต้ทำยังไงก็ไม่รอดหรอกนะ 55555555555 ให้รางวัลเด็กมันไปเถอะ

จบแล้วอ่ะ ต้องคิดถึงมากแน่เลย

รอติดตามเรื่องใหม่ต่อไปนะคะฮัสกี้  :3123:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: FrozenSnow2019 ที่ 18-06-2019 13:02:55
แหม! อยากจะเป็นอมตะเหมือนกับหมอเต้หมอวินบ้าง 555
จบไปแล้ว รอรวมเล่มอยู่นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 18-06-2019 13:15:41
       เสียดายจังเลยค่ะจบซะเเล้ว
ตั้งแต่อ่านจากภูพิงค์รวินทร์ และมาที่เรื่องนี้ เราว่าเป้นเรื่องที่น่ารักมากๆเลยค่ะตัวละครทุกตัวมีความสัมพันธ์ที่น่ารักทั้งแนวเพื่อนและคนรักอ่านไปก็ให้หยิบที่ดี....ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆนะค่ะรอวันที่หนังสือวางแผงนะค่ะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 18-06-2019 13:17:09
จบแล้ว ขอบคุณจ้า :pig4: :กอด1:

ปล.เปลี่ยนวันที่ด้วยจ้าวันนี้เพิ่งจะวันที่ 18 เองฮักกี้จะรีบไปไหน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 18-06-2019 14:56:10
คีรีนี่กินพี่เต้ไม่เลือกที่จริงๆ ยอมแล้วคู่นี้5555 // จบแน้ววว อุดหนุนรูปเล่มแน่นอนค่ะ รอคั้บ :กอด1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: Cappello ที่ 18-06-2019 15:27:19
คุณหมอเต้ เป็นอมตะอีกคนซะและ 5555555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-06-2019 15:28:10
อยาก​จะ​แหม​~~~ให้​ไป​ถึง​ดวงจันทร์​
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: fahdekkom ที่ 18-06-2019 16:07:46
กว่าจะลงท้ายด้วยดี หมอเต้ก็แหมมมม ปากแข็งแต่ก็นะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 18-06-2019 16:50:51
จะได้กินมื้อเย็นกันตอนกี่โมง โอ๊ยยยย 55555555555555
คบเด็กนี่มันดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 18-06-2019 16:54:56
กินพี่เต้ก็อิ่มแล้วม่ะ คีรี 55 ส่วนพี่เต้ไม่ต้องกินก็ได้ เพราะเป็นอมตะแล้ว
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-06-2019 18:01:04
รวบยอดกินมื้อเช้าเลยล่ะกัน
แต่ต้องคีรีทำนะ พี่เต้ลุกไม่ไหว กร๊ากกกกก
ทำไม๊ทำไมหมอฟันต้องโดนฟันทั้งคู่เลย 5555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 18-06-2019 21:02:05
ไม่จริงอะ จบแล้วจริงๆเหรอ แล้วต่อไปนี้จะอ่านเรื่องอะไรดี ชอบเรื่องนี้ที่สุด ไม่อยากให้จบเลย  :m15: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-06-2019 21:07:54
 :man1: o13 :man1:

 :กอด1: :L2: :L2: :L1: :pig4: :pig4: :pig4:  :L1: :L2: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 18-06-2019 21:31:29
จบได้น่ารักลงตัวมาก ชอบนะ
แต่จะให้ชอบมากว่านี้ อยากรู้ตอนคุณไกรฤกษ์กลับมา พร้อมเจ้าของคลินิค
ขอตอนพิเศษหน่อยนะ อิอิอิ
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 18-06-2019 22:24:22
พี่เต้ต้องมีสักวันที่บนโต๊ะกินข้าวแน่ๆเลย  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 18-06-2019 23:49:09
มีความอิจฉา พวกเป็นอมตะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 19-06-2019 01:27:20
ดูทามื้อเย็น เด็กดอยจะกินหมอเต้แทนแล้วล่ะ รวบยอดไปกินมื้อเช้าทีเดียวเลยละกัน :laugh:

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ รอซื้อเล่มเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-06-2019 01:50:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: love-boy ที่ 19-06-2019 04:40:47
แหมมมมมม
หมอเต้คะ พอรู้ตัวว่ารักแล้วก็หวานกันซะ
 :hao4: :hao3:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 19-06-2019 13:02:14
จบด้วยการไว้อาลัยให้กับสะโพกพิเต้  :hao5:

ยังไม่อยากให้จบเลย สนุกมากกกกกกกก พิเต้คนซึน ที่พอเปิดใจล่ะขี้ยั่วล่ะเกิ้นน
กับหมาป่าขี้หื่นในคราบเด็กดอยขี้อ้อน โอ้ยยย มันน่ารักน่าหมั่นไส้
ไว้รอเล่มนะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่ทำให้เรายิ้มไปอ่านไป ฟิลกู๊ดหัวใจมากๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 19-06-2019 20:50:19
พี่เต้กินเด็กนี่ไม่รู้จะเป็นอมตะหรือหมดแรงฟ้าเหลือง คีรีก็หื่นมากมายด้วย ขอบคุณค่ะสนุกมาก :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 20-06-2019 17:45:43
มื้อเย็นไม่ต้องก้ได้แหละนี่ว่า
คีรีออกจะอิ่มอกอิ่มใจขนาดนั้นแล้ว
กำลังใจดีเหลือเกินนนน
พี่เต้คือไม่ได้ก้าวลงจากเตียงแน่นอนน
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-06-2019 20:45:39
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 22-06-2019 02:34:47
 :mew1: จบแล้ววววว ดีงามละมุนมากกก ตลกโปกฮาอีก คีรีนี่คือใช้ความสดใสใสซื่อมาบดบังความหื่นกามขัดๆ 555555555 คือทายว่าในอนาคตคุณเต้เขาช้ำแน่นอนค่ะ ช้ำจ้ำเขียวแดงม่วงทั้งตัวแน่ โอ๊ยยยยยยยคีรีลูกน่าเอ็นดูเป็นเมะที่แบบเหมือนเด็กน้อยมากกกก หมอเต้ก็กว่าจะหายซึนแต่พอหายซึน หวานมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 22-06-2019 22:03:21
ขอบคุณคนเขียนมาก เต้คือคนซึนขี้แพ้ทางสุดๆ ส่วนคีรีก็น่ารักขี้อ้อน เจ้าเล่ห์มากไม่ไหวแล้ว555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: Number1_90 ที่ 23-06-2019 09:39:49
ชอบมากอ่ะ มีครบทุกรส

พระเอกละมุน นายเอกซึนๆ

+1 เลยจ้า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 24-06-2019 07:15:14
โอ๊ยยย จบแล้ว คือละมุนมากอ่ะ
น้องคีรีหลงหมอเต้แบบหัวปักหัวปำเลยทีเดียว 555+
แต่เรารู้นะ จริงๆ หมอเต้ก็หลงคีรีเหอะ
ตอบจบคือแบบสวีทสุดๆ ไปเลยทีเดียว
ขอบคุณนักเขียนนะคะ สำหรับนิยายดีๆ น่ารักๆ ละมุนๆ แบบนี้
เป็นกำลังใจให้ และจะรอติดตามผลงานต่อไปจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: May.rinz ที่ 25-06-2019 08:53:13
หมอเต้....น่ารักแต่คีรีน่ารักกว่า 55555
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 28-06-2019 10:38:35
หมอเต้เสร็จคีรีจนได้ เป็นคู่ที่น่ารักอีกคู่ที่ชื่นชอบ รอตอนพิเศษค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 01-07-2019 16:15:39
อ่านจบแล้ววว
ขอบคุณนะคะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 01-07-2019 19:19:29
ส่วนตัวชอบความแมนของนายเอกมากเลยค่ะ ทั้งเรื่องของพี่วินและพี่เต้เลย นิยายวายที่เขียนดีและนายเอกไม่ออกสาวมันค่อนข้างหาอ่านยาก แต่งมาอีกนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 02-07-2019 21:51:17
เรื่องนี้น่ารักกก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: tangtey59 ที่ 02-07-2019 23:15:14
เรื่องนี้พระนายน่ารัก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 04-07-2019 21:49:12
ขอบคุณมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 05-07-2019 02:52:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: APO ที่ 06-07-2019 15:57:52
 :mew1: :katai2-1: :ruready
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 08-07-2019 19:21:58
โอ้ยยยยย  จบแล้วหวานชื่นมากกกกก
ตอนหลังนี่หมอเต้กับหมอวินขิงใส่กันใหญ่555555+
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 12-07-2019 20:12:14
น่าร้ากกกกมากค่ะ
ทีมหมอฟันค่ะเป็นอมตะไปด้วยกัน :laugh:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 17-07-2019 10:06:15
แก๊งคุณหมอนี่เป็นอมตะกันหมด 555555555 มีความหมั่นไส้คู่หมอวินกับพิงค์จริงๆ หวานเว่อออ
พี่เต้นี่คือขี้หวงสุดๆไปเลยจ้ากับพ่อยังไม่เว้น  :laugh: ขอบคุณมากค่า
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 24-07-2019 08:23:30
จบซะแล้ววว สนุกมากๆ รอเรื่องถัดไปนะคะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 19-08-2019 16:10:59
พี่วินเปลี่ยนไปเยอะเลย

คือหมอคู่นี้มีสามีหมดเลย เราก็นึกว่าจะเป็นรุกสักคน

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 25-08-2019 13:44:39
คิดถึงเด็กดอย เจ้าหมาน้อยของหมอเต้~~~  :hao5:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 29-08-2019 07:50:14
สนุกและน่ารักมากค่ะ มีความสุขตามเด็กดอยปลอมกับหมอเต้^^
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 03-09-2019 16:48:08
555 หมอเต้เป็นอมตะคู่กับหมอวินเรียบร้อย

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: weapons_space ที่ 10-09-2019 21:50:15
 :call: ขอคารวะให้กับความกวนส้นของเดกเอย สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 16-09-2019 19:19:36
กลับมาอ่านเด็กดอยอีกรอบรอเปย์เล่มค่ะ คิดถึงงงงงง :hao5:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 21-09-2019 19:38:34
ลุ้นจนเพลียเลยค่ะ กว่าเต้จะยอมรับ แพ้ใจตัวเองสักที
ถ้าไม่ได้วินกระตุ้น และทีมพิงค์ไม่ช่วยนะ ไม่ได้บอกง่ายแน่นอน

โว้ววว ใจเย็นนะคะคีรี รู้ว่ารอมานาน อดใจมานาน
แต่ก็ควรให้เต้ได้พักบ้างไรบ้างเนาะ อย่าหักโหม
อ่านหนังสือให้เยอะๆ ใจจะได้ไม่ฟุ้งนะ

พอรักลงตัว เจอพ่อเต้ ที่มีความคูลๆ แล้ว อะไรก็ดีงาม สดใส
ไม่อึนและไม่ซึนกันต่อไปแล้วจ้า หมอเต้เป็นอมตะแล้ว

ขอบคุณนักเขียนมากนะคะ เรื่องราวสนุก และลุ้นตลอดเลย
เป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 26-10-2019 20:47:34
อุแงงงงง อ่านมาราธอน 2เรื่องเลยยยยย สนุกบันเทิงมากๆเลยค่าาา  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: amkang12 ที่ 04-11-2019 22:22:36
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่แต่งมาให้อ่านกันน่ะครับ
อ่านจบแล้วทั้งสองเรื่องเลย ประทับใจมากเพราะเราเป็น มช.ฮ่าๆเลยคิดตามเลยว่าอะไรยังไง

ไปอุดหนุนมาแล้วทั้งสองเรื่องเลยน่ะครับ
ส่งกำลังใจให้ในการเขียนนิยายดีๆเพื่อให้พวกเราได้อ่านกันน่ะครับ
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 16-02-2020 06:28:10
น่ารักมาก..กกกกกก  :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 18-02-2020 21:39:23
 :hao6:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 21-02-2020 12:06:27
หมอเต้น่ารักส่งท้าย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: Mrfoxx ที่ 21-02-2020 20:46:25
อ่านยาก พอดีไม่ใช่คนภาคเหนือ
เวลาตัวละครเอกคุยภาษาภาคกลาง ควรตอบด้วยไทยภาคกลาง ไม่ใช่เหรอ
คนต่าวถิ่นไม่เข้าใจภาษาเหนือทั้งหมดหรอก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 14:00:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 19-05-2020 14:18:09
อ่านกี่รอบก๊สนุก :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: p2w1990 ที่ 25-05-2020 18:36:33
รู้ใจของตัวเองสักทีนะ หมอเต้  :katai4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 9 : ความจริงของคีรี [291018]
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 30-08-2020 00:11:59
 อ่านหลายๆตอนคิดว่าหมอเต้น่าจะเป็นรับ คิรีเป็นรุกนะ ครั้งแรกที่ได้เสียกันก็ไม่บอกคนอ่านด้วยว่าใครรับใครรุก บอกใบ้อาการเจ็บก้นซักนิดก็ไม่มี ไรท์ใจร้าย
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: Bebii123 ที่ 03-09-2020 22:36:33
เขาเรียนว่าโรแมนติกคอมเมดี้
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: Kert ที่ 05-09-2020 22:48:05
เขียนดีมากกกก ชอบคาแร็กเตอร์​ของคีรีมากๆเลย เมะไทป์ยูกหมาหน้าซื่อ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: mymicky ที่ 21-11-2020 18:25:29

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
ยังไงดี กรี๊ดก่อนได้ป๊ะะะะะะ คีรีดีมากกกกกก กรี๊ดมากกกกก อยากมีคีรีในชีวิตจริงแบบมีเยอะๆ คารมพ่อเอ้ยยยยย ยูกหมา ใครจะรอดอ่ะ

ชอบบทพูดของคีรีมากเลย คำพูดคำจาเหนือความคาดหมาย แบบ เอเห๊ ตลอดขนาดนี้

ขอบคุณคนแต่งมากๆ อยากให้แต่งมาให้เสพอีกเยอะๆ ยังมีคนวนเวียนรอเสพนิยายดีๆในเล้าอยู่ค่า

หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 30-04-2021 22:28:42

ขอให้ความรักจงเจริญทุกคู่เลยค้าาาา

 :mew1: :mew1: :mew1:

ขอขอบคุณนักเขียน (ฮัสกี้)

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 02-05-2021 20:42:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: BankkunG23 ที่ 26-05-2021 14:40:48
กรีสสสสส สนุกมากกกกก
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoco-boom ที่ 08-09-2021 10:32:33
พี่เต้ :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 29-03-2022 15:42:19
 :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 02-09-2022 17:17:59
อ่านมารอบที่5แล้วสนุกมาก :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 11-12-2023 18:23:08
สนุกมาก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 14-12-2023 22:09:50
อ่านมาตั้งหลายรอบแล้วชอบมาก :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: Bs_sai69 ที่ 24-12-2023 16:17:20
 :sad4: :hao7: :ling1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 03-03-2024 18:50:38
เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I (https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg (https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368 (https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368)