พิมพ์หน้านี้ - <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>>

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Belove ที่ 13-04-2017 19:53:21

หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>>
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 13-04-2017 19:53:21

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0)
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลงหรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ดการกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com)  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับนิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม










                                                 :pig3: :pig3: :pig3: :pig3: :pig3: :pig3: :pig3: :pig3:






                  บุคคลและสถานที่ในนิยายเรื่องนี้ล้วนแล้วแต่จินตนาการขึ้นมาทั้งสิ้น

                            โปรดจงจินตนาการตามด้วยต่อมมโนของทุกท่าน
                             






                                                       :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:



                 
             สารบัญ


บทที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3615290#msg3615290)
บทที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3620483#msg3620483)
บทที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3623287#msg3623287)
บทที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3625587#msg3625587)
บทที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3630049#msg3630049)
บทที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3632546#msg3632546)
บทที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3635853#msg3635853)
บทที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3646150#msg3646150)
บทที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3649345#msg3649345)
บทที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3652639#msg3652639)
บทที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3654742#msg3654742)
บทที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3657379#msg3657379)
บทที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3659233#msg3659233)
บทที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3664688#msg3664688)
บทที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3668547#msg3668547)
บทที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3674671#msg3674671)
Special Chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3680027#msg3680027)
Special Chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3684230#msg3684230)
บทที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3691248#msg3691248)
บทที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3697074#msg3697074)
บทที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3702474#msg3702474)
บทที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3707176#msg3707176)
บทที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3711225#msg3711225)
บทที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3715778#msg3715778)
บทที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3723525#msg3723525)
บทที่ 24 ตอนจบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59388.msg3727512#msg3727512)






                                                                                ขอบคุณค่ะ


                                                               :วู้วว1: :วู้วว1: :วู้วว1: :วู้วว1: :วู้วว1: :วู้วว1:

หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 13-04-2017 19:59:56

                                                                     ลมหายใจแห่งผืนทราย

                                                                                บทที่ 1


                สายลมฤดูร้อนพัดกรูจนกิ่งไม้ใหญ่เหนือศาลาริมน้ำหลังเล็กโบกไปมาฟังราวกับเสียงดนตรีแสนไพเราะ สายน้ำเอื่อยใน

ลำคลองที่ยังมีน้ำใสสะอาดสะท้อนแสงแดดระยิบระยับงามจับตา ความเงียบสงบของบรรยากาศยามบ่ายในจังหวัดที่ไม่ไกลจาก

กรุงเทพมหานครส่งผลให้เปลือกตาของผู้ที่นอนเอกเขนกบนผืนเสื่อกลางศาลาปิดสนิทคล้อยหลับอย่างสบายใจ


                  “วิน พ่อกวินท์”


                   เสียงปลุกจากหญิงชราที่ก้าวขึ้นศาลามานั่งบนเก้าอี้ยาวด้านขอบปลุกให้เจ้าของชื่อเรียกนั้นค่อยๆเปิดเปลือกตามาอย่าง

เสียดาย เขาผงกศีรษะขึ้นมองผู้ที่ปลุกเขาก่อนจะส่งยิ้มให้และลุกขึ้นมานั่งบิดขี้เกียจอย่างเมื่อยขบ


                  “ครับคุณยาย”


                 “มานอนเล่นตอนบ่ายจัดอย่างนี้ ไม่นึกร้อนบ้างเลยรึพ่อ”


                 กวินท์ แอนเดอร์สัน ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงราวร้อยแปดสิบเซนติเมตร รูปร่างสูงโปร่งและมีใบหน้าที่ได้ส่วนดีของสองเชื้อ

ชาติอย่างลงตัว เส้นผมและดวงตาของเขาเป็นสีน้ำตาลกระจ่างใส กรอบหน้าเรียวลงตัวกับจมูกโด่งและริมฝีปากบางสีระเรื่อตาม

ธรรมชาติ ผิวดั้งเดิมของเขาเคยเป็นสีขาวจัดหากแต่เพราะเจ้าตัวชอบเล่นกีฬากลางแจ้งส่งผลให้ความขาวนั้นทดแทนด้วยสีเข้มของไอ

แดด แต่กระนั้นกลับส่งผมให้เขายิ่งดูดีมากขึ้นไปอีก

                      ชายหนุ่มลุกขึ้นมานั่งเคียงข้างสตรีวัยชราที่ยังกระฉับกระเฉงแล้วโอบกอดด้วยความสนิทสนม คุณยายของเขาเป็น

เศรษฐินีที่ดินเก่าตั้งรกรากอยู่ที่แห่งนี้ตั้งแต่ยังสาว คุณนายรำพึงเป็นแม่ม่ายสามีตายมาหลายปีแล้ว แต่ก็มีลูกหลานมากมายทั้งที่อยู่ใกล้

กันหรือแยกออกไปสร้างครอบครัว หนึ่งในนั้นก็คือคุณรำไพพรรณแม่ของกวินท์ที่แต่งงานไปกับชาวอังกฤษนั่นเอง

                 กวินท์เดินทางมาเยี่ยมครอบครัวทางฝั่งมารดาบ่อยครั้ง เขาชอบความเป็นเอเชียในตัวเขา หากว่างจากงานที่รัดตัวที่แรกที่

กวินท์มักจะนึกถึงเวลาต้องการพักผ่อนคือบ้านของยายนี่เอง บางครั้งกวินท์ก็เคยวางแผนไว้ว่าหากวันไหนที่เขาคิดจะลงหลักปักฐานเมื่อ

เบื่อจากความเร่งรีบวุ่นวายของสังคมแล้ว กวินท์อยากจะมาใช้ชีวิตในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้

   
                      “ก็ร้อนครับคุณยาย แต่ยังดีกว่าความหนาวจนติดลบตอนผมอยู่ยุโรปมากเลย”


                      ภาษาไทยของกวินท์ค่อนข้างชัด จะมีแค่บางคำที่ยังมีสำเนียงแปร่งตามประสาลูกครึ่งที่ไม่ได้อาศัยอยู่ประเทศไทยเป็น

หลัก คุณนายรำพึงมองหลานชายที่นาน ๆ จะมาเยี่ยมให้ชื่นใจด้วยความเอ็นดู


                     “ถ้าทนได้ก็มาบ่อย ๆ นะ ยายคิดถึงรู้ไหม กลับเข้าบ้านเถอะยายปอกมะม่วงจิ้มกับน้ำปลาหวานแสนอร่อยไว้ให้กินแน่ะ”


                    “โอ้โหคุณยาย น่ารักที่สุด ไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”


                    กวินท์จูงมือหญิงชรากลับเข้าไปในตัวบ้านที่ล้อมด้วยพื้นที่กว้างขวางเต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้ที่คุณนายรำพึงปลูกทิ้งไว้

เนิ่นนานแล้ว เขารักความเป็นครอบครัวใหญ่ของคนไทย รักในอัธยาศัยใจคอของคนในครอบครัว กวินท์ตักตวงความสุขจนเวลาผ่านไป

อย่างรวดเร็วเขาจึงได้ปลีกเวลาเข้าห้องพักในยามค่ำ

                  ชายหนุ่มอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนสบายตัวและทิ้งตัวลงไปกับที่นอนแสนนุ่ม เขาคว้าหนังสือที่อ่านค้างไว้ออกมา

เปิดอ่านจนกระทั่งได้ยินเสียงสัญญาณวีดิโอคอลดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือเขาจึงคว้ามากดรับ


                    “สบายจริง ๆ เลยนะยู”


                   ภาพของชายหนุ่มผมสีบรอนด์ปรากฏขึ้นบนจอพร้อมทั้งมองมายังกวินท์อย่างหมั่นไส้ กวินท์หัวเราะให้กับเพื่อนสนิทของ

เขาที่ชื่อวิกเตอร์


                 “นาน ๆ ได้พักทีก็ขอสบายหน่อยสิวะ ได้กลับมาบ้านยายด้วยไม่อยากกลับไปทำงานเลย”


                 กวินท์พูดอย่างนึกเกียจคร้านจนวิกเตอร์แยกเขี้ยวใส่


               “ไม่อยากก็ต้องทำ งานมาจ่อรออยู่ตรงหน้าอีกไม่กี่วันนี่แล้วมึงเตรียมตัวหรือยัง”


                “ยัง” กวินท์ตอบหน้าตาเฉย


                “เฮ้ย จะบ้าหรือไง” วิกเตอร์ทำสีหน้าตกใจ


                  “จะต้องไปที่นั่นอีกไม่กี่วันนี้แล้วนะ”


                  “รู้แล้วน่า เดี๋ยวหาข้อมูลคืนนี้เลย มึงก็รีบ ๆ วางหูสิวะไอ้วิก”


                   วิกเตอร์หัวเราะเมื่อเห็นกวินท์ย่นหัวคิ้วใส่เขา


                    “โอเค ไม่กวนมึงแล้ว อีกสองวันพบกันที่ยูเออีนะ”


                     วางโทรศัพท์ลงแล้วกวินท์ก็ถอนหายใจเมื่อต้องกลับมาอยู่กับความเป็นจริงอีกครั้ง เขาคว้าแล็ปท็อปมาเปิดเครื่องเพื่อ

หาข้อมูลงานที่ต้องทำ

                     กวินท์และวิกเตอร์ทำงานที่สำนักข่าวยอดนิยม ICN สังกัดประเทศอังกฤษ โดยที่กวินท์เป็นผู้สื่อข่าวและวิกเตอร์เป็นช่าง

ภาพ พวกเขาทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ทำงานช่วงแรกจนกระทั่งบัดนี้ก็หลายปีแล้ว งานข่าวของกวินท์ไม่ใช่ผู้สื่อข่าวสายด่วนที่ต้อง

รายงานข่าวอย่างรวดเร็ว แต่เขาเป็นสายข่าวเจาะลึกที่ต้องลงไปหาข้อมูลในพื้นที่และแสวงหาข่าวที่ยังไม่เคยมีใครได้ไปมาก่อน กวินท์

และวิกเตอร์เดินทางมาแล้วเกือบค่อนโลกจนเขาเริ่มเบื่อหน่ายที่ต้องชีพจรลงเท้าแบบนี้

                     กำลังจะเปิดอินเตอร์เน็ตเสียงโทรศัพท์ก็ดังอีกครั้ง คราวนี้กวินท์ยิ้มเมื่อผู้ที่โทรมาคือมารดาที่รักของเขานั่นเอง


                   “ฮัลโหลครับที่รัก”


                   กวินท์มักจะพูดคุยกับมารดาของเขาราวกับเพื่อนรุ่นเดียวกันทั้งที่อีกฝ่ายเป็นสตรีวัยเฉียดหกสิบปีที่ยังงดงามตามวัย แม่

ของเขาส่งเสียงทักทายตอบกลับมาทันที


                   “กวินท์ ยังอยู่บ้านคุณยายเหรอลูก สงสัยกลับมาคราวนี้น้ำหนักจะเพิ่มมากขึ้นอีกนะ”


                   ชายหนุ่มหัวเราะเสียงใส คุณนายรำพึงชอบทำอาหารให้หลานชายคนไกลกินจนอิ่มหนำทุกมื้อ


                       “แม่ก็รู้ว่าคุณยายชอบทำกับข้าว แล้วคุณพ่ออยู่ไหนล่ะครับ”


                       เอ่ยถามถึงมิสเตอร์สมิธ แอนเดอร์สัน เอกอัครราชทูตของอังกฤษที่ตอนนี้ประจำอยู่ในประเทศแถบยุโรปเป็นประเทศ

สุดท้ายก่อนจะเกษียนจากงานในปีหน้า อาจเป็นเพราะกวินท์เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของนักการทูตทำให้เขาต้องเดินทางตาม

ครอบครัวตั้งแต่เด็ก กวินท์จึงพูดได้หลายภาษานอกเหนือจากภาษาอังกฤษและภาษาไทย


                  “พ่อเหรอ คงนั่งบ่นแม่อยู่ที่ห้องรับแขกนั่นแหละว่าแม่แต่งตัวช้า ไม่เข้าใจผู้หญิงบ้างเลยพ่อของลูกน่ะ”


                  มารดาของเขาบ่นไปเรื่อย ๆ ให้กวินท์ฟังอย่างเพลิดเพลิน ชีวิตของนักการทูตต้องมีงานเลี้ยงที่จัดการเป็นเรื่องปกติ เขา

ได้ยินเสียงบิดาของเขาส่งเสียงมาแต่ไกล


                  “ดาร์ลิง ทำไมช้านักล่ะ งานใกล้จะเริ่มแล้ว นั่นคุยกับใคร”


                  “คุยกับลูกสิคะจะคุยกับใครล่ะ” เสียงมารดากระเง้ากระงอดใส่สามีที่กวินท์ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก


                 “ลูกงั้นหรือ ไหนขอพ่อคุยด้วยหน่อย”


                  “กูดอีฟนิ่งเซอร์” กวินท์ทักทายบิดาอย่างสนิทสนม ชายสูงวัยหัวเราะอย่างอารมณ์ดี


                  “ไงลูกชาย ได้พักนานเลยนะรอบนี้”


                    “พ่อเรียกหนึ่งสัปดาห์นี่ว่านานหรือครับ” กวินท์ถอนหายใจ


                    “อยากจะพักให้นานกว่านี้ ผมชักเบื่อการเดินทางเสียแล้ว”


                   “อ้าว นี่เริ่มเบื่อแล้วเหรอ ไหนว่าชอบงานนักข่าว”


                      “มันก็ดีครับพ่อ แต่พอถึงจุดหนึ่งก็อยากจะอยู่กับที่ ไม่ต้องขึ้นเครื่องบินลงเรือนั่งรถจนปวดหลังอีกแล้ว”


                     “ถ้าเบื่อจริง ๆ ก็ลองคิดสิว่าอยากทำอะไรบ้างแล้วก็ลงมือเลยลูกชาย ว่าแต่งานต่อไปจะไปที่ไหน”


                    “ฮาลียันครับพ่อ”


                         “ฮาลียันงั้นรึ” สมิธกล่าวทวน “เพิ่งเปิดประเทศไม่นานนี่นา”


                        “ใช่ครับพ่อ เพราะเขาเพิ่งเปิดประเทศให้โลกได้รู้จัก กษัตริย์ของเขาก็เลยเชิญให้นักข่าวจากหลาย ๆสำนักเข้าไปทำ

ข่าวเพื่อประชาสัมพันธ์ประเทศ”


                    “งานนี้ไม่ใช่สไตล์ลูกนี่ อย่างลูกชอบงานที่ต้องเจาะลึกให้ถึงก้นบึ้งแล้วทำไมได้งานนี้มาทำล่ะ”


                    “หัวหน้าของผมเขาคงอยากจะให้ผมเจาะลึกเรื่องบ่อน้ำมันของเขาน่ะครับพ่อ”


                  “แล้วจะไปเมื่อไหร่ล่ะกวินท์”


                 “วันมะรืนผมต้องไปที่ยูเออีแล้วไปต่อเครื่องที่โน่นครับ นัดกับวิกเตอร์ไว้แล้ว”


                 “พ่อกับแม่อวยพรให้ลูกโชคดีทำงานได้สำเร็จอย่างเช่นทุกครั้งนะกวินท์”


                   “ขอบคุณครับพ่อ”


                  กวินท์วางสายเมื่อเอ่ยคำอำลากับบิดาแล้ว จากนั้นเขาก็เปิดหาข้อมูลประเทศที่เขาต้องไปในอีกไม่กี่วัน


            State of Halyan


                  คือชื่อประเทศเล็ก ๆ ที่อยู่ในตะวันออกกลาง มีการปกครองระบอบกษัตริย์เป็นผู้ครองประเทศ ฮาลียันไม่มีทางออกทาง

ทะเลและส่งออกน้ำมันเป็นเศรษฐกิจหลัก พื้นที่หนึ่งในสามเป็นทะเลทรายที่ติดต่อกับประเทศอื่นในอาหรับ ทะเลทรายนี้มีชื่อว่า ดาฟาร์

                   ข้อมูลเหล่านี้ธรรมดาไปสำหรับกวินท์ มันควรจะมีข้อมูลอื่นเพื่ออธิบายว่าเหตุใดประเทศเล็ก ๆ แต่ร่ำรวยเช่นนี้ถึงเพิ่งจะ

เปิดตัวเองสู่สังคมโลก เขาจึงค้นหาข้อมูลต่อไป

                    เมื่อห้าปีที่ผ่านมา มีข่าวการรัฐประหารโดยกษัตริย์องค์ปัจจุบันที่กระทำต่อกษัตริย์องค์ก่อน ทำให้บ้านเมืองแบ่งเป็นสอง

ฝ่าย ทั้งฝ่ายที่ยังภักดีต่อกษัตริย์องค์เดิมและที่เข้าข้างกษัตริย์องค์ใหม่ ใช้เวลาพักใหญ่กว่าที่บ้านเมืองจะเข้าสู่ภาวะปกติ


                     นี่สิน่าสน กวินท์ไล่อ่านข้อมูลอย่างเพลิดเพลิน


                    เหตุการณ์ทางการเมืองมีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น แต่รัฐบาลของกษัตริย์พระนามว่า ราชิด ทัชฮดิน บินซาฟาร์  อัลฟาดี กลับมี

คู่ต่อกรคนใหม่ นั่นคือกองโจรจากทะเลทรายดาฟาร์อันเลื่องชื่อ


                     “โจรเหรอ โจรที่ไหนบังอาจมาเป็นศัตรูกับผู้นำประเทศวะ”


                   กวินท์พึมพำอยู่คนเดียวเมื่อมุ่งความสนใจไปที่ข้อมูลต่างๆเท่าที่สืบค้นได้ของประเทศฮาลียัน

                    กองโจรเหล่านั้นใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทรายที่ไม่มีใครรู้หลักแหล่งที่มา พวกเขาเหล่านั้นอยู่ในชุดสีดำสนิทราวกับความมืด

ในยามราตรี สู้รบอยู่บนหลังม้าและใช้ดาบเล่มใหญ่เป็นอาวุธได้คล่องแคล่วและเงียบกริบดุจปีศาจร้ายสำหรับทางการ

                     หัวใจของกวินท์พลันเต้นรัว เขานึกภาพกองกำลังที่เต็มไปด้วยฝีเท้าม้าเหยียบย่ำอยู่บนผืนทรายร้อนระอุกว่าห้าสิบองศา

ในเวลากลางวันและลดต่ำลงจนเรียกว่าหนาวเหน็บเมื่อความมืดมาเยือน ภาพของเหล่าบุรุษตัวสูงใหญ่ชูดาบแวววาวอาบไล้แสงจันทร์

ก่อนจะกรูเข้ามาฟาดฟันศัตรู

                  ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหน ใช้ชีวิตเยี่ยงไรในทะเลทรายเวิ้งว้างและต้องการอะไร ที่รัฐบาลและผู้คนรับรู้มี

เพียงหัวหน้าของพวกกองโจรเหล่านั้นมีนามว่า ชารุกข์ เซรีม ปีศาจร้ายแห่งดาฟาร์

                  กวินท์เงยหน้าจากจอของแล็ปท็อปก่อนจะปิดเครื่องลง ในจินตนาการของเขาปรากฏภาพชายผู้เหี้ยมโหดในชุดสีดำสนิท

ปิดหน้าตาทรงตัวอยู่บนหลังม้าอาหรับตัวใหญ่และใช้ดาบไล่ฟาดฟันผู้คนจนโลหิตไหลนองคละคลุ้ง


                 ชารุกข์ เซรีม

                ปีศาจร้ายแห่งดาฟาร์


               กวินท์อยากจะรู้นักว่าภายใต้การปิดบังนั้นโฉมหน้าที่แท้จริงของคน ๆ นั้นจะอำมหิตขนาดไหน



      มีต่ออีกนิด...

หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 13-04-2017 20:09:45
ต่อกันตรงนี้...



                     สองวันหลังจากนั้นกวินท์ก็ต้องจากบ้านริมคลองของคุณนายรำพึงขึ้นเครื่องบินไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เขาพบกับ

วิกเตอร์ คอสเนอร์เพื่อนสนิทและผู้ร่วมงานของเขา


                      “ไม่รู้ว่าบ้านเมืองของฮาลียันจะเป็นยังไงบ้าง”


                       วิกเตอร์กล่าวพร้อมสาละวนตรวบสอบทั้งกล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์อื่น ๆ สำหรับเก็บภาพไปทำสกู๊ปข่าว เขาและกวินท์

เคยไปหลายประเทศในตะวันออกกลางมาแล้ว แต่กับประเทศที่ยังไม่มีใครได้เข้าไปเยือนมากนักสร้างความตื่นเต้นในเขาไม่น้อย


                     “นี่ ข้อมูลที่ได้มา”


                     กวินท์โยนม้วนกระดาษปึกหนึ่งส่งให้วิกเตอร์ เขารับไปเปิดอ่านก่อนจะเงยหน้ามองกวินท์อย่างนึกทึ่ง


                    “มึงนี่มันจอมเสือกระดับโลกจริง ๆ ไอ้ข้อมูลเรื่องที่เขาปิดบังซ่อนเร้นกันแบบนี่มึงไปค้นมาจากไหนวะ”


                   “มันก็อยู่ในอินเตอร์เน็ตทั้งนั้นแหละ อยู่ที่ว่ามึงจะขุดไปลึกถึงแค่ไหน”


                 “ว่าแต่ไอ้หมอนี่มันต้องร้ายมากแน่ ๆ “


                 วิกเตอร์กล่าวออกมาเมื่ออ่านข้อมูลเรื่องกองโจรทะเลทราย


                 “บุกเข้าปล้นรถขนส่งน้ำมันบ้างละ ปล้นธนาคารของรัฐบาลอีกต่างหาก สมควรแล้วที่เขาจะเรียกว่าปีศาจร้าย”


                 “พูดเหมือนชื่นชมนะวิก”


                “ไม่ได้ชื่นชม แค่คิดว่าเจ๋งดีที่กล้าทำขนาดนั้น อ้าว เฮ้ย ไปเช็คอินได้แล้ว”


                  วิกเตอร์ลุกขึ้นบิดขี้เกียจหลังจากที่รอเปลี่ยนเครื่องมาหลายชั่วโมง เขาลากกระเป๋าเดินนำกวินท์ไปยังจุดรับผู้โดยสาร ไม่

นานหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้ขึ้นมาบนเครื่องบินเพื่อเดินทางต่อไปยังรัฐฮาลียัน


                  กวินท์เหม่อมองท้องฟ้าสีสดใสที่มีปุยเมฆบาง ๆ ปกคลุมอยู่เมื่อเครื่องบินที่เขาโดยสารลอยอยู่บนท้องฟ้า อีกไม่นานก็จะ

ถึงฮาลียัน แม้จะผ่านการทำงานมาอย่างโชกโชนแต่ครั้งนี้กลับผิดแผกที่หัวใจของกวินท์เหมือนมีบางสิ่งรบกวนอยู่ มันน่ารำคาญที่เขา

ไม่รู้ว่าสิ่งรบกวนนั้นคืออะไร


                      อยู่ ๆ ภาพบุรุษในชุดสีดำชูดาบบนหลังม้าก็บังเกิดขึ้นมาบนท้องฟ้าที่กวินท์มองอยู่


                      เราจะได้พบกันไหมนะ ปีศาจแห่งดาฟาร์

                                  
                                                                          TBC

                                                                       
                                                                    สุขสันต์วันสงกรานต์


                              ถือโอกาสวันสงกรานต์เป็นฤกษ์ดีเปิดตัวนิยายเรื่องใหม่จ้า


                          ตั้งใจไว้ว่าจะให้เป็นนิยายรักโรแมนติก แต่ไม่รู้จะแต่งได้ขนาดไหน


                                                  เป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วยน้า





                                                                                            :m23: :m23: :m23: :m23:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: lovetogether ที่ 13-04-2017 20:31:20
เจิม เรื่่องใหม่จ้า ขอติดตามนะ
ปล.คงไม่มาม่านะ :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 13-04-2017 20:52:13
 :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 13-04-2017 21:15:40
โรมานส์ ขอกามเทพช่วยพ่อรักน้าคุณเร็วๆ นะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-04-2017 21:49:10
 :L2: :L2: :pig4: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 13-04-2017 22:19:39
 :z1: มาจิ้มก่อน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Ta_ii ที่ 13-04-2017 22:25:14
มีแนวทะเลทรายเรื่องใหม่มาให้ติดตามแล้ว เย้ๆ น่าสนใจมากค่ะ o13
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 13-04-2017 22:59:37
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 14-04-2017 11:15:54
ติดตามค่ะ o13
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-04-2017 14:30:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 14-04-2017 16:42:43
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 16-04-2017 09:00:48
น่าสนุกดีๆ ต่อๆๆๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 16-04-2017 09:35:54
เรื่องก่อนพระเอกเป็นทหารมาเรื่องนี้พระเอดเป็นจอมโจรปล้นใจหรอเนี่ยยยยย ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 16-04-2017 11:20:16
ไม่ค่อยมีแนวนี้มาบ่อย ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 16-04-2017 11:44:58
ชอบแนวทะเลทรายมาก แต่ไม่ค่อยมีใครแต่งเลย

รออ่านตอนต่อไปนะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 16-04-2017 14:03:35
ลอยคอพระเอก :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-04-2017 15:39:43
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-04-2017 18:00:27
โถพ่อหนุ่มลูกครึ่ง... สุดท้ายแล้วคงได้อยู่บนผืนทรายแทนที่จะเป็นสยามเมืองยิ้มเสียแล้วละ

ปล. ไม่รู้ทำไมอ่านไปก็นึกถึงเสราดารัลไป สงสัยเพราะพระเอกเป็นโจรเหมือนกัน ? (หัวเราะ)
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 16-04-2017 22:11:30
เรื่องใหม่แนวใหม่ชวนติดตามมากเลย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 16-04-2017 22:38:47
ติดตามจ้า  :L1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 21-04-2017 03:37:57
รอๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: sahatsawat ที่ 21-04-2017 16:49:50
รอออออ ไม่เอามาม่าาาาน้าาาา
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 1 [13/04/60] สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 21-04-2017 18:33:15
ว้าวววว รอนะคะ^^
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 21-04-2017 21:45:42


                                                                      ลมหายใจแห่งผืนทราย

                                                                                บทที่ 2




                   “ถึงแล้วโว้ย ฮาลียัน”


                   เสียงเพื่อนสนิทดังขึ้นปลุกให้กวินท์ตื่นจากภวังค์ เขาขยับรัดเข็มขัดนิรภัยคาดเอวเมื่อมีเสียงสัญญาณเตือนว่าเครื่องบิน

กำลังจะลงจอดสู่สนามบินนานาชาติฟาดีเลาะฮ์เมืองหลวงของฮาลียัน

                   แสงอาทิตย์ยามอัสดงแต่งแต้มอยู่ขอบฟ้าชักชวนให้กวินท์มองผ่านกระจกเครื่องบินไปยังผืนพสุธาแสนกว้างใหญ่ ฟากฝั่ง

หนึ่งเป็นความเจริญด้วยอาคารสูงที่แข่งกันก่อสร้าง ถัดออกไปคือทะเลทรายที่ยังมีความเจริญอยู่บ้างเมื่อถูกพัฒนาให้เป็นแหล่งท่อง

เที่ยว หากแต่ไกลจนสุดสายตานั้นคือความเวิ้งว้างสีน้ำตาลรับกับแสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า

                    กวินท์เคยอยากรู้ว่ากลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในทะเลทรายนั้นดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไรกับธรรมชาติอันแสนแห้งแล้ง นอกจาก

ทรายจำนวนมหึมาแล้วก็มีเพียงภูเขาหินที่มีเพียงต้นไม้ทะเลทรายไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่ทานทนได้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีมนุษย์บางกลุ่มที่

ปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติได้โดยที่คนที่เติบโตมาแต่ในเมืองใหญ่ต้องแปลกใจ


                       “สนามบินของเขาใหญ่โตกว่าที่คิดนะ”


                        วิกเตอร์เอ่ยขึ้นเมื่อพวกเขาทั้งคู่ลากกระเป๋าก้าวไปตามทางเดินมุ่งสู่ทางออก และเมื่อเดินมาถึงพวกเขาก็มองเห็นชาย

คนหนึ่งในชุดอาหรับถือป้ายชื่อสำนักข่าวของเขา กวินท์และวิกเตอร์จึงเดินตรงไปหา ชายคนนั้นทักทายเป็นภาษาอังกฤษ


                       “มิสเตอร์แอนเดอร์สันและมิสเตอร์คอสเนอร์จากสำนักข่าวไอซีเอ็นใช่ไหมครับ”


                       “ใช่แล้วครับ”


                       เมื่อได้ยินกวินท์กล่าวตอบรับ ชายชาวฮาลียันผู้นั้นจึงผายมือให้พวกเขา


                      “ผมมาจากกระทรวงท่องเที่ยวครับ จะพาพวกคุณไปยังโรงแรมที่พักก่อนที่พวกคุณและเพื่อนนักข่าวทุกสำนักจะเริ่ม

ทำงานในวันพรุ่งนี้”


                       โรงแรมที่รัฐบาลฮาลียันจัดไว้ให้พักนั้นเรียกได้ว่าอยู่ในระดับห้าดาวเลยทีเดียว ที่ล็อบบี้กวินท์พบนักข่าวจากหลาย

สำนักกระจายตัวกันอยู่หลายคน ต่างก็ทักทายกันจ้าละหวั่นก่อนที่จะแยกย้ายกันเข้าไปพักในห้องที่โรงแรมจัดไว้


                    “สบายจริงโว้ย”


                    วิกเตอร์กระโดดหงายหลังลงบนเตียงสปริงอย่างชอบใจ


                    “โรงแรมพวกเศรษฐีนี่มันหรูหราจริงๆ”


                    กวินท์โคลงหัวไปมากับสิ่งที่วิกเตอร์กระทำ เขาเดินไปที่หน้าต่างเพื่อมองแสงไฟระยิบระยับตาในยามค่ำคืนของเมือง

ฟาดีเลาะฮ์


                   “ไปเดินเล่นกันไหมวะวิก”


                   “ไม่ล่ะ เจ็ทแล็ก”


                    วิกเตอร์รีบปฏิเสธโดยพลันทำให้กวินท์มองอย่างหมั่นไส้


                   “นั่งเครื่องไม่กี่ชั่วโมงอย่ามาทำสำออยสิวะไอ้วิก”


                   “ไม่เอา ไม่ไป กูจะนอนแช่น้ำอุ่นในอ่างทองคำกับจิบเบียร์เย็น ๆ ให้สบายใจ มึงอยากไปก็ไปคนเดียวสิ”


                     กวินท์ยกเท้าเตะไปที่ก้นวิกเตอร์เมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อนสนิท เขาคว้ากระเป๋าเป้ใบเล็กสำหรับใส่สิ่งของจำเป็นขึ้นมา

สะพายไว้


                      “อยากนอนอืดอยู่ในห้องก็ตามใจ กูไปเดินเที่ยวเปิดหูเปิดตาดีกว่า”


                     พูดจบกวินท์ก็ปล่อยให้วิกเตอร์อยู่ในห้อง ส่วนเขาก็ก้าวเดินออกจากโรงแรมไปยังเบื้องนอก กวินท์กวาดสายตามอง

ถนนหนทางเพื่อจดจำเส้นทางกลับโรงแรมก่อนที่เขาจะเดินทอดน่องชมความเป็นอยู่ของผู้คนในเมืองหลวงแห่งฮาลียัน

                     สภาพความเป็นอยู่ในเมืองฟาดีเลาะฮ์นั้นไม่แตกต่างจากเมืองใหญ่ในประเทศแถบนี้ที่กวินท์เคยไปมาแล้วเท่าไหร่นัก

ตึกสูงระฟ้าบอกถึงสถานภาพทางเศรษฐกิจที่ไม่เคยมีคำว่าจนแม้แต่นิด ผู้คนที่เดินขวักไขว่อยู่บนถนนมีทั้งชายชาวอาหรับที่สวมใส่ชุด

คลุมยาวกรอมเท้าและมีผ้าโพกศีรษะรวมถึงชาวต่างชาติที่เป็นนักท่องเที่ยวด้วย

                   กวินท์ใช้กล้องจากโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลินและไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด และเพราะความเพลิดเพลิน

นั่นเองที่ชักชวนให้เขาก้าวไปยังตรอกเล็กตรอกน้อยจากถนนเส้นหลักที่เริ่มมีความเงียบเข้ามาปกคลุม ภาพของตึกระฟ้าหายไปกลาย

เป็นบ้านเรือนของผู้คนที่กระจายตัวกันอยู่ห่าง ๆ

                  ชายผู้หนึ่งแต่งตัวด้วยเสื้อคลุมตัวยาวไม่ต่างจากผู้อื่นในเมือง ก้มหน้าก้มตาก้าวพรวด ๆ สวนทางกับกวินท์และชนเข้าที่

ไหล่ของเขาจนเสียหลักก่อนจะรีบจ้ำเดินจากไป กวินท์ได้แต่เลิกคิ้วมองตามหลังและเพราะความเอะใจเขาจึงรีบยกกระเป๋าเป้ขึ้นมอง


                       “แดม!”


                      สบถอย่างเจ็บใจเมื่อเห็นรอยกรีดอยู่ด้านล่าง กวินท์รีบเปิดกระเป๋าดูทันทีและพบว่ากระเป๋าสตางค์อันตรธานไปแล้ว


                    “หยุดนะ!”


                        ตะโกนห้ามแต่ก็ไม่ได้ผล มิจฉาชีพคนนั้นเหลียวหลังมามองแวบหนึ่งและเมื่อเห็นว่าเหยื่อรู้ตัวก็รีบโกยอ้าวไปทันที

กวินท์จึงรีบวิ่งตามไปอย่างไม่ลดละจนกระทั่งจวนเจียนจะคว้าตัวไว้ได้เขาก็กระโจนเข้าใส่แผ่นหลังของโจรจนล้มลงไปด้วยกัน


                   “คืนกระเป๋ามาเดี๋ยวนี้”


                   กวินท์ตะคอกใส่หน้า หากแต่โจรนั่นกลับหันมาแสยะยิ้ม มันพูดภาษาอาหรับรัวเร็วจนกวินท์ฟังไม่ถนัด ทันใดนั้นก็ปรากฏ

ว่ามีพวกของมันโผล่จากมุมมืดของซอกตึกออกมาอีกสามคน กวินท์กวาดสายตามองอย่างโมโหตัวเองที่วิ่งเข้ามาสู่กับดักของพวกมัน

เขารีบลุกขึ้นยืนพร้อมตั้งการ์ดเตรียมต่อสู้เมื่อตอนนี้เขาถูกล้อมไว้ถึงสี่ต่อหนึ่ง


                     “คืนกระเป๋ามาให้ผมก่อนที่ผมจะไปแจ้งทางการ”


                     เขาส่งเสียงภาษาอังกฤษใส่พวกมัน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครฟังออก พวกมันก้าวเข้ามาหากวินท์อย่างไม่ประสงค์ดี

กวินท์ตัดสินใจปล่อยหมัดออกไปทันที

                    พลัก!

                    หมัดหนึ่งซัดเข้าใส่พวกมันได้คนหนึ่ง คนถูกต่อยมองกวินท์ตาลุกวาว มันพูดอะไรบางอย่างออกมาจากนั้นพวกมันทั้งสี่ก็

เข้ามารุมกวินท์ที่ใช้ศิลปะการต่อสู้ที่เคยร่ำเรียนมาป้องกันตัวเองทั้งไอคิโดและยิวยิตสู หากแต่เพราะพวกมันมีจำนวนที่มากกว่าและกวิน

ท์ก็ไม่ได้ฝึกซ้อมนานแล้ว เขาที่มีเพียงคนเดียวจึงเสียเปรียบ กำปั้นของพวกมันคนหนึ่งที่ลอยมากระทบกรอบหน้าจึงทำให้กวินท์มอง

เห็นดาวลอยคว้าง

                 ตุ้บ!

                ขณะที่กวินท์ยังตั้งตัวไม่ทันนั้นกลับมีผู้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ กวินท์ได้ยินเสียงการต่อสู้อยู่อีกพักเดียวพวกโจรเหล่านั้นก็

พูดอะไรบางอย่างด้วยกันก่อนที่จะพากันวิ่งหนีไป ทิ้งให้กวินท์ที่เพิ่งจะลุกขึ้นยืนไหวเผชิญหน้ากับผู้ที่ช่วยเหลือเขาไว้


                 “เอ่อ ขอบคุณ”


                 กวินท์เอ่ยภาษาอาหรับง่าย ๆ ออกไป เขามองผู้ชายที่ช่วยเหลือเขา ชายคนนั้นแต่งชุดคลุมสีน้ำตาลอ่อนสีเดียวกับผ้าโพก

ศีรษะ เหนือริมฝีปากและคางมีหนวดเคราและที่กวินท์แปลกตาคือแม้ในยามค่ำคืนชายผู้นี้กลับใส่แว่นตาสีดำไว้จนมองไม่เห็นใบหน้า

ที่แท้จริงและไม่รู้ด้วยว่าคนตรงหน้ากำลังรู้สึกเช่นไร

                  ไหล่กว้างยักขึ้นอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญพร้อมกับโยนกระเป๋าสตางค์มาให้กวินท์รับคืนไป เขาผู้นั้นสูงกว่ากวินท์ที่ว่าสูง

แล้วเป็นคืบ เมื่อหันหลังจึงเห็นบ่ากว้างและช่วงลำตัวหนาที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อคลุมยามกรอมเท้าเมื่อเขาเดินจากไป


                  “อ๊ะ เดี๋ยวสิคุณ”


                  กวินท์อุทานเป็นภาษาอังกฤษแต่เขาก็ชะงักฝีเท้าและหันกลับมา กวินท์ยิ้มเจื่อนก่อนจะเอ่ยออกไป


                “ผมวิ่งตามไอ้พวกโจรมาจนลืมมองทาง เอ่อ คุณรู้จักโรงแรม...ไหม ผมพักที่นั่น รบกวนช่วยชี้ทางกลับให้จะได้ไหมครับ”


                   เขาคนนั้นถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่งราวกับกำลังรู้สึกเบื่อหน่ายจนกวินท์หน้าชา หากแต่เขาก็เอียงคอเป็นสัญญาณให้

กวินท์เดินตามไป ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้นนอกจากกวินท์จะเดินตามแผ่นหลังกว้างจนถึงถนนหลักและเดินถึงหน้าโรงแรมในที่สุด


                  “ขอบคุณอีกครั้งนะ คุณ เอ่อ คุณชื่ออะไร”


                 ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ให้การช่วยเหลือจนกลับมาถึงโรงแรมได้แม้ว่าจะมีกิริยาชวนให้น่าหมั่นไส้อยู่บ้าง กวินท์จึงกล่าว

ขอบคุณออกไปแต่ดูเหมือนผู้ชายตรงหน้าจะไม่สนใจแม้แต่น้อย เขาหันหลังเดินจากไปโดยไม่เอ่ยตอบแม้แต่คำเดียวจนกวินท์อึ้ง


                   “คนอะไรวะ สงสัยเป็นใบ้”


                   กวินท์ส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันกายก้าวเดินเข้าประตูโรงแรม เขาจึงไม่ได้เห็นร่างสูงนั้นหยุดยืนและหันกลับมามองกวินท์

จนลับสายตา

                    มือใหญ่แบมือออกจนการ์ดนามบัตรใบหนึ่งที่ยับยู่ยี่เพราะกำไว้นานคลายตัว เขาอ่านชื่อที่ปรากฏบนนามบัตรนั้น


                   “Gavyn Anderson”


                    ปากหยักที่ล้อมรอบด้วยหนวดเคราคลี่ออกเพียงเล็กน้อย แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้รู้ว่าเขากำลังอารมณ์ดีก่อนที่

นามบัตรใบนั้นจะถูกเก็บไว้อย่างดีและก้าวจากไปจากโรงแรมห้าดาวที่ตั้งอยู่เบื้องหลัง






มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 21-04-2017 21:53:22

ต่อกันตรงนี้...



                   วิกเตอร์หัวเราะเบา ๆ ในตอนเช้าเมื่อเขามองเห็นรอยฟกช้ำสีเขียวจาง ๆ บนโหนกแก้มของเพื่อนสนิทเพราะตอนที่กวินท์

กลับมาถึงห้องเขาหลับฝันดีอยู่บนเตียงนุ่มและเพิ่งมารู้จากกวินท์เมื่อตื่นมาว่าเพื่อนถูกลูบคม


                  “เสือกจะทำตัวอินดี้เดินชมเมือง เป็นไงล่ะ ดีนะไม่ตายคาตีนโจร”


                   กวินท์ได้แต่เบ้ปากใส่วิกเตอร์ เขาไม่อาจโต้เถียงได้ว่าไม่ใช่เรื่องจริง หากไม่มีคน ๆ นั้นมาช่วยเขาอาจหมอบอยู่ริมถนน

นั่นเอง


                   “จะทับถมอะไรกันนักหนาวะ ไปเร็ว ได้เวลาทำงานแล้ว”


                    เพราะงานนี้เป็นทางการ ทั้งคู่จึงใส่เสื้อเชิ้ตสีอ่อนและสวมสูทสีดำเบื้องนอก กวินท์คว้าสคริปคำถามที่เตรียมไว้ขึ้นมาและ

ก้าวนำวิกเตอร์ที่หิ้วกล้องตัวเก่งตามมาติด ๆ ไปยังด้านล่างของโรงแรมที่มีผู้สื่อข่าวรวมตัวกันแน่นขนัดเพื่อรอขึ้นรถบัสที่รัฐบาลฮาลียัน

จัดมา

                 รถบัสขับมาจอดที่น่าที่ทำการของรัฐบาลภายใต้การปกครองโดยกษัตริย์ราชิด ฮัดชดิน บินซาฟาร์ อัลฟาดี อันมีพระชนมายุ

ราว ๆ หกสิบพรรษา ทรงเป็นชาวอาหรับร่างสูงท้วมใบหน้าดูน่าเกรงขามเมื่อทรงกล่าวต้อนรับคณะผู้สื่อข่าวในห้องประชุมใหญ่


                   “ฮาลียันขอต้อนรับทุกท่าน หวังว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาคงหลับสบายบนผืนแผ่นดินของเรา”


                    ทรงกล่าวแนะนำประเทศให้ช่างภาพที่ยืนเรียงแถวเบื้องหลังถ่ายภาพจนแสงแฟรชวูบวาบ ความเป็นมาของประเทศไม่

ต่างจากที่กวินท์ซึ่งนั่งอยู่แถวหน้าของบรรดานักข่าวหาข้อมูลมานัก


                  “มีอะไรอยากรู้เกี่ยวกับประเทศนี้ก็เชิญถามกันได้”


                  ท้ายที่สุดก็ทรงเปิดโอกาสให้สัมภาษณ์ นักข่าวแต่ละคนทยอยยกมือตั้งคำถามทั่วไป รอสักพักกวินท์จึงยกมือขึ้นบ้าง


                  “ความเห็นที่ไม่ลงรอยกันของกลุ่มที่ฝักใฝ่คนละขั้วการปกครองได้ถูกจัดการให้หมดปัญหาหรือยังครับ”


                เสียงฮือฮาดังขึ้นทันทีจากเพื่อนนักข่าวเมื่อได้ยินคำถามของกวินท์ กษัตริย์ราชิดทรงหันขวับมาจ้องมองเขาด้วยสายตาดุแต่

กวินท์ก็ไม่ได้หลบสายตา


                 “เธอไปรู้มาจากไหนกันพ่อหนุ่มว่าฮาลียันมีเรื่องอย่างนั้น พวกเราอยู่กันอย่างสงบสุขมาตลอด”


                    “แต่ที่ผมหาข้อมูลมาได้ เมื่อห้าปีก่อนฮาลียันมีการผลัดเปลี่ยนผู้นำราชวงศ์และกษัตริย์พระองค์ก่อนทรงหายไปอย่างไร้

ร่องรอยนี่ครับ”


                   สีพระพักตร์กษัตริย์ราชิดเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงขณะจ้องมองกวินท์เขม็ง นักข่าวคนอื่นหันไปซุบซิบกันถึงประเด็นที่กวินท์

จุดขึ้นมา


                    “กษัตริย์พระองค์ก่อนคือพี่ชายของฉัน เขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต จากนั้นฉันก็เข้ามารับช่วงดูแลฮาลียันต่อจากพี่ชาย

พ่อหนุ่มคงได้ข้อมูลมาผิดแล้ว”


                  ทรงฝืนแย้มสรวลทั้งที่พระเนตรกร้าวเต็มที กวินท์จึงเปลี่ยนประเด็นใหม่


                 “แล้วเรื่องที่ว่ามีกลุ่มโจรในทะเลทรายที่จ้องทำลายและปล้นทางการล่ะครับ”


                 “พวกคนเลว”


                 กษัตริย์ราชิดเอ่ยออกมาชัดถ้อยชัดคำ


                “พวกมันเห็นว่ารัฐบาลมีรายได้มากมายจึงคิดจะรวยทางลัด พวกมันก็แค่เบดูอินธรรมดาเท่านั้น”


                   “แต่เห็นว่าหัวหน้าของกลุ่มกองโจรเก่งมาก ทางการจะจับกุมตัวเขาได้ไหมครับ”


                     “เธอเป็นใคร”


                     กษัตริย์ราชิดหันมาให้ความสนใจกับกวินท์เต็มตัวเมื่อได้ยินคำถามที่ไม่เคยมีใครกล้าถาม


                    “กวินท์ แอนเดอร์สันจากไอซีเอ็นครับ”


                   แนะนำตัวเสียงฉาดฉาน กวินท์ไม่เคยกลัวเรื่องการตั้งคำถามเจาะลึกเช่นนี้ แม้ว่าผู้ถูกตั้งคำถามจะขัดเคืองไปบ้างก็ตาม

กษัตริย์ราชิดจ้องมองเขาพร้อมตอบคำถามที่มีแต่คนรอคำตอบ


                    “ชารุกข์ เซรีมคือเสี้ยนหนามขัดขวางความเจริญของฮาลียัน ไม่มีเหตุผลเลยที่จะปล่อยให้มันลอยนวล อีกไม่นานไอ้

ปีศาจนั่นจะต้องถูกจับกุมมาลงโทษอย่างแน่นอน จบการตอบคำถามแค่นี้”


                   กษัตริย์ราชิดก้าวลงจากโพเดียมอย่างรวดเร็วและรัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวก็รีบเข้ามารักษาสถานการณ์ให้ผ่อนคลาย

มากขึ้น


                     “ต่อไปเราจะพาพวกท่านนั่งรถชมเมืองและทะเลทรายที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เราได้จัดรถจี๊ปไว้ให้พวกท่านได้นั่ง

คันละสี่คนเพื่อความคล่องตัวในการเดินทาง ขอให้สนุกกับการท่องเที่ยวนะครับ”






                   “กษัตริย์ราชิดท่าทางจะเคืองมาก”


                   กวินท์และวิกเตอร์รวมทั้งนักข่าวจากสำนักข่าวอื่นอีกสองคนที่นั่งบนรถคันเดียวกันซุบซิบพูดคุยในเรื่องนี้เพราะเกรงว่าเจ้า

หน้าที่ของฮาลียันที่นั่งบนรถจะได้ยิน


                  “ดูตอนที่มองหน้ากวินท์สิ พระเนตรเขียวเลยที่ถูกถามเรื่องการผลัดเปลี่ยนผู้นำ”


                   กวินท์ยักไหล่อย่างไม่นึกเกรงนัก


                    “ก็ถ้าไม่ได้มีการยึดอำนาจจริงแล้วจะมีการทะเลาะกันของประชาชนทำไมล่ะ เพราะอย่างนี้ถึงไม่ยอมให้ใครเข้าประเทศ

อยู่พักใหญ่”


                   เสียงซุบซิบหยุดลงเมื่อขบวนรถจี๊ปออกเดินทางตามกันแถวเรียงเดี่ยวจากในเมืองมุ่งสู่ทะเลทราย รถที่พวกเขานั่งมาเป็น

คันสุดท้ายของขบวน จนกระทั่งเข้าเขตทะเลทรายรถจี๊ปจึงต้องทิ้งระยะห่างจากกันเพื่อไม่ให้ฝุ่นทรายกระจายบดบังเส้นทาง

                 กวินท์เริ่มผิดสังเกตเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลฮาลียันที่นั่งคู่กันตำแหน่งคนขับมองหน้าการเลิ่กลั่กราวกับมีอะไรผิดปกติ


                “เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”


                 อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไปจนเพื่อนที่มาด้วยกันพากันเอะใจ


                “ทำไมรถเรามันห่างจากคันอื่นนักวะ เฮ้ย นั่นอะไร!”


                  วิกเตอร์อุทานอย่างตกใจเมื่อมองเห็นมนุษย์ในชุดสีดำกลุ่มหนึ่งควบม้าเรียงหน้ากระดานตรงมายังรถของเขา คนขับรถรีบ

จอดอย่างลนลานจนปล่อยให้พวกมันเหล่านั้นควบม้าล้อมไว้และส่งเสียงภาษาอาหรับก้อง พวกมันชูดาบขู่สลอนจนพวกเขาต้องร่นตัว

เองลงจากเบาะรถเมื่อเห็นการคุกคาม


                    “พวกโจรทะเลทรายงั้นหรือ”


                     เพื่อนนักข่าวถามอย่างหวาดกลัว กวินท์เองก็ยังตอบไม่ได้ ความตื่นเต้นหวาดหวั่นเกิดขึ้นจนหัวใจเต้นรัวเร็ว และเขาก็ยิ่ง

ตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อพวกมันเหล่านั้นกระโดดจากหลังม้าลงมาที่รถและใช้ดาบทำร้ายคนขับรถจนบาดเจ็บ

                     เสียงร้องลั่นของคนขับรถและเลือดจากต้นแขนที่ไหลรินออกมายิ่งทำให้ทุกคนหวาดกลัว กวินท์ไม่รู้เลยว่าจุดประสงค์

ของพวกมันคือสิ่งใด จนกระทั่งหนึ่งในพวกมันตรงเข้ามากระชากเส้นผมให้เขาและเพื่อนแหงนหน้าทีละคนและเมื่อถึงกวินท์มันก็หันไป

พูดอะไรบางอย่างก่อนที่จะกระชากแขนของกวินท์จนตัวลอยออกจากพื้นรถ


                     “เฮ้ย มึงจะทำอะไรเพื่อนกู”


                       วิกเตอร์โวยวายแต่เพราะปลายดาบจ่อที่คอเขาจึงได้แต่มองอย่างเจ็บใจเมื่อเห็นกวินท์ถูกมัดแขนขาติดกับลำตัวด้วย

เชือกเส้นเขื่องและแบกขึ้นหลังม้าไปกับพวกมัน เขากระโจนออกจากรถแต่ทำได้เพียงแค่มองฝูงม้าที่พากวินท์หายไปลับสายตา






                       กวินท์ตกใจและยังตั้งสติไม่ได้อยู่บนหลังม้า เขาถูกมัดและวางพาดไว้บนอานม้าอาหรับตัวใหญ่และควบอยู่ในทะเล

ทรายจนฝุ่นคลุ้ง


                       “ปล่อยผมนะ พวกคุณเป็นโจรทะเลทรายงั้นหรือ ผมเป็นแค่นักข่าวไม่ใช่คนของรัฐบาล”


                       พยายามตะโกนบอกแต่ไม่มีใครสนใจจนกวินท์เริ่มหวาดกลัว หัวใจของเขาคิดไปถึงบิดามารดาและยายเมื่อไม่รู้ว่าจะ

ได้มีโอกาสกลับไปพบหน้ากันอีกหรือไม่ หรือว่าเขาจะต้องจบสิ้นชีวิตลงกลางทะเลทราย

                    ความคิดของกวินท์สะดุดลงเมื่อเหล่าฝูงม้าพากันชะงักงัน กวินท์รีบเงยหน้ามองไปเบื้องหน้าทันที

                  ถูกลักพาตัวมาก็น่าตกใจมากแล้ว แต่สิ่งที่เกิดตรงหน้าช่างน่าตกใจยิ่งกว่าเมื่อเนินทรายสูงขึ้นไปนั้นมีเหล่าบุรุษในชุดดำ

อีกกลุ่มกระจายตัวกันอยู่บนหลังม้า ดาบใหญ่ยิ่งสะท้อนแสงแวววาวจากดวงอาทิตย์จนแสบตา กวินท์หลับตาลงด้วยความตกใจเมื่อเห็น

พวกเขาบังคับม้าให้กรูกันลงมาประจันหน้าและต่อสู้กับกลุ่มคนที่ลักพาตัวเขามา

                     เสียงดาบกระทบกันดังลั่น และที่น่าหวาดกลัวคือเสียงคมดาบเฉือนเนื้อมนุษย์โดยยังไม่ทันร้องร่างก็ตกไปกองกับพื้น

ทราย ม้าที่มีกวินท์วางพาดอยู่ยกขาหน้าร้องดังลั่นเมื่อคนบังคับร่วงจากหลังของมันทำให้กวินท์เองก็พลัดตกไปด้วย

                  ใจของกวินท์หายวาบเมื่อเขาลอยอยู่กลางอากาศและทำท่าจะร่วงลงไปกระแทกกับพื้น เขาหลับตาเกร็งกายรับการ

กระแทกหากแต่กลับรู้สึกเหมือนถูกกระชากให้ไปสู่หลังม้าอีกตัวหนึ่ง

                    ลืมตาขึ้นมาอย่างตกใจ พลันกวินท์กลับได้สบตากับดวงตาคมคู่หนึ่งที่โผล่พ้นมาจากผืนผ้าสีดำสนิทที่ปิดคลุมจนไม่รู้เลย

ว่าเบื้องหลังผืนผ้านั้นคนที่รับเขามาสู่ม้าตัวนี้มีหน้าตาอย่างไร



                                                                     TBC


                                                    ขอโทษที่หายไปนาน กลับมาแล้วจ้า


                                         
:m5: :m5: :m5: :m5: :m5:





หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 21-04-2017 22:14:32
ชอบค่าาาาา มาต่อไวๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 21-04-2017 23:03:21
 :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-04-2017 23:29:45
มาแบบปกปิดหน้าตาเสียลึกลับเชียว
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-04-2017 23:56:04
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iNcamisang ที่ 22-04-2017 00:13:23
มาแล้วๆๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 22-04-2017 02:36:49
เจอกันครั้งที่ 2 รึเปล่านะ กวินทร์เกือบโดนฆ่าปิดปากมั๊ยล่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 22-04-2017 03:21:59
รอตอนต่อไปค่ะ ทำไมมีแต่คนจ้องจับกวิน เพราะไปกวนใจพระราชารึเปล่า ชอบแนวทะเลทรายมากกค่ะ ❤️
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 22-04-2017 05:57:49
 o13
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 22-04-2017 06:02:43
พระเอกใช่ไหม๊
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-04-2017 08:44:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ta_ii ที่ 22-04-2017 08:45:15
สนุกมาก ชายที่คลุมหน้าเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงอยากได้ตัวกวินกัน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 22-04-2017 09:41:41
รอตอนต่อไปจ้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-04-2017 11:54:14
บีบหัวใจมากค่ะ ทำงานแบบนี้ รอดมาได้ตลอด คือดีมากจริงๆ
คนที่มาช่วยเป็นหน.โจรไหมน้า มาช่วยสองครั้งหรือเปล่า

กวินท์ที่ถูกลักพาตัว เพราะไม่ปลื้มคำถามไหม

ลุ้นมากค่ะ ชีวิตจะไม่รอดได้
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 22-04-2017 14:05:59
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 23-04-2017 07:46:49
ทางรัฐนั่นปลอมเป็นกลุ่มโจรสั่งาาจัดการแน่ๆ แล้วพระเอกของเราก็มาช่วยไว้
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 23-04-2017 19:19:54
 :z13:   เข้ามาเจิมนิยาย เรื่องใหม่จร้า   :L2:   

เรื่องนี้ต้องมีความซีคแน่นอน  แอบเดาเลยว่า พระเอกเราเนี่ยต้องเป็นพ่อมหาโจรชารุกข์ เซรีม  แน่ๆ

แล้วพ่อมหาโจรคนนั้นอีกน่ะแหละที่ต้องเป็นองค์ชายของกษัตริย์องค์ก่อนแน่นวลลลลล 

ส่วนคนที่ช่วย  กวินท์  ไว้สองครั้งสองคราก็ต้องเป็น ซารุกข์ อีกเหมือนกัน

 :hao7:  ถ้าจะพรหมลิขิตขนาดนี้ เป็นเมียพ่อมหาโจรเถอะกวินท์ 

 :mc4:

หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 23-04-2017 20:47:42
เฮ้ยยย ชอบอ่ะะ ค้างมากก มาต่อเร็วๆนะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cookie_ ที่ 24-04-2017 01:16:15
:L2:  ชอบบบบบบ
ใครมาช่วย ลุ้น!!!
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 24-04-2017 01:50:49
เหยยยยยย สนุกมากกกกกกก
ชอบแนวนี้แบบสุดๆ หาอ่านยากมากกก
ติดตามเลยค่ะ

พระเอกคือจอมโจรคนนี้รึป่าวอ่ะ
ลุ้นๆ  o13
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-04-2017 02:49:22
 o13
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 24-04-2017 19:02:08
แค่คิดถึงใบหน้าคมเข้มหลังผ้าโพกก็ฟินและ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 25-04-2017 07:02:07
 :z1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 25-04-2017 11:31:10
ตอนต่อไปใกล้มายังฮับ :hao7:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: runtothemoon ที่ 25-04-2017 11:41:57
เนื้อเรื่องน่าสนใจมากกกกก คนที่ช่วยจับตอนตกหลังม้านี่จะใช่คนเดียวกับที่ช่วยตอนโดนขโมยกระเป๋าตังหรือเปล่าาาาาาา
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 2 [21/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 25-04-2017 11:54:07
รออ่านต่อค่ะ  :ling1:
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 26-04-2017 00:27:29


                                                                    ลมหายใจแห่งผืนทราย


                                                                              บทที่ 3




                       ดวงตาคู่นั้นคมปราบดุดันจนแม้แต่กวินท์ที่ไม่กลัวสิ่งใดยังต้องสะดุ้ง คิ้วเข้มสีดำสนิททอดตัวเป็นแพอยู่เบื้องบนดวงตา

ยิ่งส่งผลให้เขาผู้นั้นดูคล้ายปีศาจที่น่าหวาดกลัว กวินท์ที่เตรียมจะอ้าปากเพื่อพูดอะไรบางอย่างกลับต้องหุบปากตนเองไว้ทันที ดาบใน

มือสะท้อนแสงแดดและมีหยาดหยดแห่งโลหิตประดับไว้ราวกับคน ๆ นี้คือมัจจุราช

                     หัวใจของกวินท์เต้นรัวไปด้วยความตื่นเต้นหวาดหวั่นที่สุดในชีวิตที่เคยเผชิญมา และเมื่อยิ่งคิดถึงการจับตัวนักข่าวเป็น

ตัวประกันในเหตุการณ์ที่เคยมีข่าวเขาก็ยิ่งกลัวจนตัวสั่น หากแต่บุรุษผู้นั่งสง่าบนหลังม้ากลับลดดาบลงก่อนจะรวบเอวของเขาไว้ด้วยวง

แขนเพียงข้างเดียวและจับกวินท์ให้พลิกกายขึ้นมานั่งบนอานม้าอยู่เบื้องหน้าของเขาคนนั้น


                    “เอ่อ...คุณจะ...”


                     ยังไม่ทันประโยคคำถามจะหลุดจากปากกวินท์ เขาก็ยกดาบขึ้นโบกเป็นคำสั่งให้ทั้งหมดควบม้าทันที ม้าอาหรับฝีเท้า

เลิศตะบึงลึกเข้าไปยังกลางทะเลยทรายเวิ้งว้างทิ้งให้ศพของพวกที่ชิงตัวกวินท์มาจากรถจี๊ปของทางการฮาลียันนอนสิ้นลมหายใจ

เกลื่อนอยู่บนผืนทรายรอเป็นอาหารให้เหล่านกแร้งที่เริ่มบินวนเวียนอยู่กลางอากาศเมื่อพวกมันได้กลิ่นคาวเลือด

                      ความนึกคิดของกวินท์ยังคงสับสนไปหมด ชั่วระยะเพียงแค่ไม่นานเขาถูกกลุ่มคนที่ไม่รู้ที่มาชิงตัวมาถึงสองกลุ่ม เขาได้

แต่จ้องมองไปยังเบื้องหน้าที่มีสีน้ำตาลของทรายตัดกับท้องฟ้าสีสดใสในยามบ่ายจัดอยู่บนหลังม้า สายตาของกวินท์ลดระดับลงเพราะ

ความแสบตาจนย้ายมามองรอบตัวจึงเพิ่งสังเกตว่าเขานั่งอยู่กลางวงแขนของคนที่กำลังยึดบังเหียนม้าไว้และบังคับให้ม้าสีดำปลอดวิ่ง

อย่างรวดเร็ว

                          แขนยาวและแข็งแรงด้วยกล้ามเนื้อซ่อนอยู่ในแขนเสื้อสีดำสนิทมีเพียงฝ่ามือเท่านั้นที่ไม่มีสิ่งใดปิดบัง กวินท์มอง

เห็นสีผิวน้ำตาลจัดยึดบังเหียนม้าแน่นหนา เขาอดใจไม่ได้ที่จะเหลียวหลังกลับไปมองโครงหน้าของชายผู้นั้น

มองเห็นเพียงผืนผ้าสีดำสนิทปิดบังทุกอย่างโดยสิ้นเชิง ร่างกายของเขาแม้จะนั่งคู่กันบนหลังม้าก็ยังดูออกว่าสูงกว่ากวินท์เกือบฝ่ามือ

                           ครั้นจ้องนานเข้ากวินท์ก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาคนนั้นพลันก้มหน้าลงมาประสานสายตาด้วยดวงตาดุจนกวินท์

หลบตาแทบไม่ทัน

                         อยู่ ๆ กวินท์ก็ต้องแปลกใจเมื่อม้าตัวใหญ่ทั้งขบวนพลันชะลอฝีเท้าลงจนกระทั่งหยุดนิ่งใกล้กับเนินภูเขาหินทรายที่มี

ต้นไม้ยืนต้นอยู่ไม่กี่ต้นกระจายตัวอยู่ห่าง ๆ พวกเขาเหล่านั้นบนหลังม้ากระโดดลงไปยืนอยู่บนพื้นโดยมีเขาและบุรุษเบื้องหลังเป็นคน

สุดท้าย


                           “อิลลา”


                            ภาษาอารบิคดังขึ้นเหนือศีรษะเรียกสติกลับคืนสู่กวินท์ เขารู้ว่าความหมายของมันคือคำสั่งให้เขาลงจากหลังม้า

กวินท์ได้แต่หงุดหงิดกับสภาพตัวเอง


                          “จะลงได้ยังไงเล่า ถูกมัดไว้ทั้งตัวแบบนี้ แค่กระดิกแขนยังไม่ได้เลย”


                         เขาพูดออกไปด้วยภาษาอังกฤษยืดยาวจนได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างรำคาญ จากนั้นกวินท์ก็ต้องตกใยเมื่อร่างของ

เขาถูกอีกฝ่ายรวบไว้และกระโดดลงจากหลังม้า


                        “โอ๊ย!”


                       กวินท์อุทานดังลั่นเมื่อเขาถูกทิ้งให้ล้มลงไปกับพื้นทรายโดยมีร่างสูงยืนค้ำข้างกาย เขาตวัดสายตามองอย่างโมโหที่

ถูกกระทำดังนั้น


                       “ไม่เป็นไรน่าคุณ”


                         เสียงภาษาอังกฤษสำเนียงแปร่ง ๆ ทำให้กวินท์หันขวับไปตามเสียงทันที เขาคือบุรุษอีกคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามาหาและ

คุกเข่าลงเพื่อช่วยพยุงให้กวินท์ลุกนั่ง เจ้าของประโยคนั้นแกะเชือกให้กวินท์ขณะที่บุรุษแสนดุหันหลังและก้าวเดินหนีไปนั่งพักอยู่บนหิน

ก้อนหนึ่งไกลออกไป


                     “คุณพูดอังกฤษได้งั้นหรือ”


                       กวินท์เอ่ยตอบอย่างยินดี อย่างน้อยเขาก็ยังสื่อสารได้กับหนึ่งในบรรดาทั้งหมดที่ไม่มีใครสนใจเขานักเมื่อทุกคนต่าง

หยุดพักและดูแลม้าของตน


                       “ก็ได้นิดหน่อย ถ้าสำเนียงของผมไม่ดีนักก็อย่าต่อว่าผมนะ”


                      แค่นี้ก็ทำให้กวินท์แทบจะกระโดดโลดเต้นแล้ว อย่าว่าแต่ต่อว่าเลย เขารีบลุกขึ้นยืนเมื่อเชือกเส้นเขื่องหลุดออกจาก

กายจนหมด


                       “ขอบคุณนะที่ช่วยแก้มัด ผมชื่อกวินท์”


                       ยื่นมือไปให้อีกฝ่ายจับทักทายตามธรรมเนียมสากล ชายหนุ่มในชุดสีดำที่มีดวงตาเป็นมิตรยื่นจับทักทายตอบกลับ


                      “เรียกผมว่ายาก็อบก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักกับคุณ”


                       “ผมสับสนเหลือเกิน”


                      กวินท์กล่าวเมื่อเดินตามยาก็อบไปนั่งพักใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีใบกระด้างพอจะให้ร่มเงาได้บ้าง


                     “เกิดเหตุอะไรขึ้นกับผมกันแน่ พวกเขาที่พวกคุณฆ่าตายเป็นใคร ทำไมต้องพาผมมาด้วย และพวกคุณล่ะเป็นใคร”


                      ความลำบากใจเกิดขึ้นในดวงตาที่โผล่พ้นผืนผ้าปิดบังใบหน้าของยาก็อบทันที


                     “บางอย่างผมก็ไม่มีหน้าที่ที่จะบอกคุณได้หรอกกวินท์ หน้าที่ของผมคือทำตามคำสั่งเท่านั้น”


                      กวินท์มองยาก็อบอย่างนึกเคือง


                    “แล้วใครล่ะที่จะตอบผมได้ ว่าเรื่องทั้งหมดคืออะไร”


                    “โน่นไง” ยาก็อบชี้ไปทางบุรุษผู้นั้นที่นั่งทอดสายตาไปยังทะเลทรายเบื้องหน้า


                     “ถามเขาสิ เขาตอบคุณได้ทุกอย่างนั่นแหละ”


                     จะถามอย่างไรเล่า


                     กวินท์นั่งจมอยู่ที่เดิมเมื่อยาก็อบเดินจากไปดูแลม้าของเขา สายตาของกวินท์จ้องมองไปที่ร่างสูงใหญ่ซึ่งกำลังใช้เศษ

ผ้าเช็ดรอยเลือดออกจากดาบแวววาวสีเงินทรงโค้ง และเมื่อเพ่งตามองกวินท์มองเห็นนกเหยี่ยวสีดำสนิทตัวหนึ่งบินอยู่เหนือศีรษะของ

เขาผู้นั้น ก่อนที่มันจะโฉบลงมาเกาะอยู่บนบ่ากว้างราวกับสนิทสนมกันดี

                      ยาก็อบเดินตรงเข้าไปหา ดูออกว่าเขามีทีท่านอบน้อมยิ่งเมื่อก้าวเข้าไปหยุดยืนต่อหน้า ทั้งสองพูดอะไรบางอย่างต่อกัน

และสายตาคมพลันหันขวับมาทางกวินท์จนสะดุ้งโหยงต้องรีบหันหน้าหนีเพราะเกรงจะรู้ว่าเขาเฝ้ามองการกระทำอยู่ กวินท์จำเป็นต้อง

นั่งนิ่ง ๆ ท่ามกลางเหล่าชายในชุดดำที่มองไม่ออกว่าใครเป็นใคร นอกจากเขาที่ช่างมีบุคลิกผู้นำอย่างเด่นชัดเหลือเกิน


                    “ดื่มน้ำเสียหน่อย”


                   กระติกน้ำทรงโบราณยื่นมาตรงหน้าโดยยาก็อบผู้อารีสำหรับกวินท์ เขารับมาดื่มอย่างกระหายเพราะความร้อนของไอแดด

จนคอแห้งเป็นผง หากแต่รสปร่าของน้ำทำให้กวินท์ชะงักและทำหน้าเหยเกทันที


                   “น้ำในทะเลทรายก็มีรสแบบนี้ คุณคงจะไม่ชิน”


                    เรียกว่าไม่เคยลิ้มรสเลยดีกว่า ยาก็อบมองอย่างขำขันและยังหยิบยื่นหาอาหารแห้งส่งให้เขา


                    “กินเสีย เราจะเดินทางอีกพักใหญ่”


                     กวินท์เปิดห่ออาหารออก มันเป็นแผ่นแป้งแข็ง ๆ กับเนื้อตากจนแห้งดูท่าทางไม่น่ากินสักนิด หากแต่เสียงร้องประท้วง

ของกระเพาะทำให้กวินท์ฝืนกินเข้าไปเพื่อให้หนักท้อง


                       “ขอบคุณนะยาก็อบสำหรับอาหารและน้ำดื่ม”


                       “เปล่า ไม่ใช่ของผม” ยาก็อบรีบปฏิเสธ


                         “ของเขาต่างหากล่ะ เขาให้ผมนำมาให้คุณ ทั้งน้ำและอาหารเป็นส่วนของเขาที่ปันให้คุณ”


                        อีกแล้ว เขาคนนั้น คนที่สนใจเหยี่ยวและม้ามากกว่ากวินท์ที่ไปชิงตัวมาเสียอีก


                       “เขาของคุณนี่มีชื่อไหมยาก็อบ ถ้าจะให้ผมไปขอบคุณจะให้ผมเรียกเขาว่าอะไร”


                      “เรียกเขาว่าปีศาจแห่งดาฟาร์สิกวินท์”


                      กวินท์ตาลุกทันทีเมื่อได้ยิน


                        “เขาคือชารุกข์ เซรีม”


                      หัวใจของกวินท์พลันเต้นรัวจนต้องใช้มือกดไว้เพราะความตื่นเต้น กวินท์นึกไม่ถึงว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับบุคคลใน

จินตนาการมาหลายวันตั้งแต่รู้จักเพียงแค่ชื่อเสียงอันเลื่องลือ

                      เขาคนนั้น ชารุกข์ เซรีมพลันลุกขึ้นยืนเหยียดกายสูงใหญ่ และทันทีเช่นเดียวกันบรรดาลูกน้องของปีศาจแห่งดาฟาร์ก็

ลุกขึ้นตามโดยไม่ต้องรอให้สั่ง


                     “เราต้องไปกันแล้ว”


                     ยาก็อบบอกเขา กวินท์หันไปถามด้วยความสงสัย


                     “ไปที่ไหน พวกคุณจะไปที่ไหน”


                     “ถิ่นที่พวกเราอาศัยอยู่ เป็นโอเอซิสในทะเลทรายลึกที่ยังไม่มีใครเข้าไปถึง ชื่อว่าอัลกามาร์”


                      ในขณะที่กวินท์ยังยืนงงอยู่ ร่างสูงนั้นก็กระโดดขึ้นนั่งบนหลังม้าและควบตรงมายังเขา


                       “ฟาวกัร”


                  ภาษาอารบิกง่าย ๆ ที่กวินท์พอจะฟังรู้เรื่องออกคำสั่งให้เขาขึ้นไปบนหลังม้า หากแต่กวินท์ยังอิดออด เขาหันไปหายาก็อบ

มิตรคนแรกกลางทะเลทรายอย่างหวังจะพึ่งพา


                        “ให้ผมไปกับคุณได้ไหมยาก็อบ”


                         ยาก็อบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว


                        “คุณต้องไปกับเขา นั่นเป็นคำสั่งของเขา ผมไม่กล้าขัด”


                           กวินท์เม้มปากอย่างขัดใจ ดูเหมือนว่ากลางทะเลทรายนี้คงไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งปีศาจตนนี้แน่ เขาเงยหน้าขึ้นมอง

ดวงตาดุ เหตุการณ์บังคับให้กวินท์ไม่อาจขัดขืน จำเป็นที่เขาจะต้องกลับไปนั่งอยู่บนหลังม้าตัวเดียวกับคนบ้าอำนาจคนนี้

                        ท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ของกวินท์ที่จะขึ้นไปบนหลังม้าคงสร้างความรำคาญอยู่ไม่น้อย กวินท์ร้องไม่ออกเมื่อวงแขนแกร่ง

รวบกายของเขาและออกแรงไม่มากนักกวินท์ก็ขึ้นมานั่งบนหลังม้าในตำแหน่งเดิม ต่างที่คราวนี้ไม่มีเชือกมาพันธนาการบนร่างกาย แต่ก็

ยังมีแขนทั้งสองข้างตวัดบังเหียนล้อมอยู่ด้านข้างจนกวินท์ต้องทำตัวลีบเมื่อชารุกข์ใช้ส้นเท้ากระทุ้งที่สีข้างของอาชาตัวใหญ่ให้เริ่มวิ่ง

ห้อไปสู่ทะเลทรายเบื้องหน้าอีกครั้ง

                      แรงสะเทือนของม้าอาหรับยามห้อตะบึงอยู่บนผืนทรายทำให้แผ่นหลังขอกวินท์สัมผัสกับแผงอกกำยำโดยไม่ได้ตั้งใจ

จะให้เกิด มือจับบังเหียนม้ากระชับแน่นจนกวินท์อดรู้สึกไม่ได้ว่ามันแคบเข้าหาเขาจนไม่กล้าขยับตัว ได้ยินเสียงลมหายใจจากบุรุษเบื้อง

หลังกลมกลืนไปกับเม็ดทรายที่ฟุ้งกระจายเพราะฝีเท้าม้าเมื่อดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงเรื่อย ๆ และในที่สุดการเดินทางก็สิ้นสุดลงเมื่อฝูง

อาชาชะลอลงบนเนินทรายสูงที่โอบล้อมแอ่งน้ำแห่งหนึ่งไว้

                          ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้กวินท์ตะลึงลาน เขาเบิกตากว้างจ้องมองราวกับตกอยู่ในความฝัน แอ่งน้ำนั้นอยู่ในผืนดินลึก

ลงไปท่ามกลางเนินสูงที่ล้อมรอบเป็นปราการบดบังสายตาเป็นอย่างดี รูปทรงของแอ่งน้ำคล้ายพระจันทร์เสี้ยวด้านฝั่งเต็มไปด้วยต้น

ปาล์มและอินทผลัม น้ำใสในแอ่งกำลังสะท้อนแสงจากดวงจันทร์ที่กำลังทอแสงอยู่บนผืนนภาสีดำราวกับมีพระจันทร์ถึงสองดวง


                        ที่นี่คือ อัลกามาร์


                        สถานที่พักพิงของปีศาจแห่งดาฟาร์และกองกำลังของเขาที่ไม่เคยมีผู้ใดพานพบ





มีต่ออีกนิด...



                   
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 26-04-2017 00:37:37
อ่านต่อตรงนี้..




                      ฝูงม้าทั้งหลายค่อย ๆ เดินลงไปตามเนินทรายจนกระทั่งพื้นราบที่เป็นพื้นดินแข็ง ความชุ่มชื้นของไอน้ำที่ระเหยออก

มาสร้างความสดใสให้กวินท์ที่ไม่คุ้นเคยกับความแห้งแลงได้เป็นอย่างดี เขาสูดเอาอากาศและกลิ่นหอมที่ลอยมาตามกองไฟที่จุดไว้

หน้ากระโจมแต่ละหลังซึ่งตั้งกระจายกันอยู่โดยรอบแอ่งน้ำ เท่าที่กวินท์กวาดสายตานับอย่างรวดเร็วนั้นไม่ต่ำกว่ายี่สิบหลัง ถือว่าเป็น

กลุ่มเบดูอินที่มีขนาดใหญ่พอสมควร

                          เสียงทักทายดังขึ้นเป็นระยะจากชาวเบดูอินที่นั่งล้อมกองไฟหน้ากระโจมของตน บุรุษในฝูงอาชาต่างทะยอยหยุด

หน้ากระโจมของเขาจนเหลือแค่เพียงม้าของชารุกข์และยาก็อบที่ตามมาเบื้องหลังจนกระทั่งม้าหยุดเท้าลงก่อนที่เจ้าของม้าจะกระโดด

ลงไปทิ้งให้กวินท์ยังนั่งงงอยู่เพียงคนเดียว


                       “ลงมาเถอะกวินท์”


                       ยาก็อบบอกเขา กวินท์จึงลงจากหลังม้าอย่างไม่ยากเย็นเท่าตอนที่ขึ้นม้า ยาก็อบเดินมาเคียงข้างแล้วเอ่ยออกมา


                       “ผมต้องไปแล้ว”


                       “คุณจะไปไหน”


                       กวินท์เอ่ยอย่างใจหาย เขาเป็นคนต่างถิ่นที่นี่ ทุกสายตาต่างจับจ้องด้วยความสนใจยามที่ชารุกข์บังคับม้าให้เยื้องย่าง

มาถึงจุดนี้


                      “ผมก็จะกลับกระโจมของผมแล้วสิ กระโจมของผมอยู่ทางโน้น”


                      เขาชี้ย้อนกลับไปทางที่เพิ่งผ่านมา


                       “แล้วผมล่ะ” กวินท์ยังแตกตื่น


                      “ผมต้องทำยังไง ผมไม่รู้จักใครเลยนอกจากคุณนะยาก็อบ”


                      หวังจะให้ยาก็อบเป็นที่พึ่งแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เป็นใจ ดวงตาของยาก็อบมีแววขำขันเมื่อเห็นกิริยาของเขา


                     “อย่าเป็นห่วงไปเลยกวินท์ ที่นี่ปลอดภัยสำหรับคุณ และยิ่งคุณมาพร้อมกับชารุกข์ก็ไม่ต้องกลัวว่าใครจะทำร้ายคุณได้”


                       คนที่พามานั่นแหละที่น่ากลัว


                      กวินท์ลอบกลืนน้ำลายเมื่อยาก็อบตบไหล่เบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ จากนั้นมิตรเพียงคนเดียวก็กลับขึ้นม้าแล้วบังคับมันให้

หันหลังตรงไปยังกระโจมที่ยาก็อบชี้ให้ดู ทิ้งให้กวินท์ยืนอยู่เพียงลำพังกับร่างสูงที่จูงม้าไปดื่มน้ำในแอ่งโดยไม่สนใจเขาสักนิด

                    ห่อไหล่ด้วยความหนาวเหน็บในยามราตรีของทะเลทรายเวิ้งว้าง ความเงียบที่มีเพียงเสียงเพลงท้องถิ่นของชาวเบดูอิน

บางครั้งจากกระโจมที่อยู่ห่างไกลออกไป ความมืดปกคลุมโดยรอบประกอบด้วยจุดสีแดงจากกองไฟและไต้ที่ให้แสงสว่างเพียงสลัว

กวินท์ยังคงนิ่งงันก่อนจะแอบสะดุ้งเมื่อในที่สุดร่างสูงก็หันขวับมาหาเขาและสบตากันอีกครั้งในความมืด

                      ชารุกข์ เซรีมเดินจูงม้ามาผูกไว้ที่เสาต้นหนึ่งด้านหลังกระโจมที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวไกลจากชาวเบดูอินคนอื่นในกลุ่ม เขา

ลูบขนม้าด้วยความทะนุถนอมก่อนจะหันขวับมาหากวินท์อีกครั้ง

                     เคยมีคนบอกว่าสายตานั้นสื่อความหมายได้ดีที่สุดกวินท์เพิ่งจะเชื่อก็วันนี้ แค่เพียงสบตากวินท์กลับเข้าใจในความหมาย

โดยไม่ต้องเอ่ยปากว่าชายคนนั้นสั่งให้เขาเดินตามเข้าไปในกระโจมทรงสูง กวินท์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินตามแผ่นหลังเข้าไป

ด้านในของกระโจม ภายในมีเพียงแคร่ไม้เล็ก ๆ ขนาดพอดีคนและตู้ไม้และโต๊ะวางของ

                      กระโจมบังลมและความหนาวเย็นได้เป็นอย่างดี แต่กวินท์กลับยืนตัวลีบอยู่กลางกระโจมเมื่อเข้ามาแล้ว เขาเห็นเจ้าของ

กระโจมยืนหันหลังให้เขาค่อย ๆ ถอดผืนผ้าปิดบังใบหน้าออกช้า ๆ หน้ากระจกฝ้าฟางใบหนึ่งซึ่งแขวนอยู่บนเสาไม้ และในที่สุดผ้าผืน

นั้นก็หลุดออกจากศีรษะของเขา


                กวินท์ถึงกับกลั้นหายใจเมื่อแผ่นหลังนั้นหันกลับมาหา และเขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของปีศาจแห่งดาฟาร์ ชารุกข์ เซรีม



                                                                                    TBC

                                                                   
                                                                 :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:










                               
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 26-04-2017 00:44:39
กรี๊ด... กว่าจะยอมเผยโฉมหน้านะพ่อคุณ
แต่ถึงเห็นหน้าก็ยังไม่ยอมพูด (ภาษาเดียวกัน) ด้วยเสียทีสินะ พ่อกลัวดอกพิกุลจะร่วงสินะ (หัวเราะ)
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Peterpanmama ที่ 26-04-2017 00:48:48
โอ๊ยยยยยยยยยยยย
กุค้างงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 26-04-2017 00:53:29
จบไป1ตอน พระเอกพูดไปกี่คำกัน แอบมองตาก็รู้ใจ กวินบอกณ จุดนี้คงไม่รู้ไม่ได้ เสี่ยงเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 26-04-2017 01:03:03
ใช่ผู้แต่งเดียวกับอากุยมั้ยคะะ. ถ้าใช่คือชอบสไตล์การเขียนมากๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 26-04-2017 02:31:15
กรี๊ดดด จะได้เห็นหน้าแล้ว
ต้องหล่อวัวตายควายล้มแน่ๆ 555
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-04-2017 03:49:02
 o13
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 26-04-2017 05:29:32
โอ๊ยยยยย อะไรคือตัดจบแบบนี้
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 26-04-2017 06:24:06
พระเอกเป็นคนพูดน้อย?
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 26-04-2017 09:56:42
 :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 26-04-2017 10:02:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 26-04-2017 10:44:58
ชอบๆแนวนี้ รอออออออ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 26-04-2017 11:21:04
จะยอมพูดกับกวินท์เมื่อไหร่คะ คุณปีศาจ(สุดหล่อ)  :hao7:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 26-04-2017 11:39:14
อุต๊ะ! พามาเปิดตัวเหรอ :hao7: //ผิด ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 26-04-2017 16:02:34
ความจริงคือโดนทรยศเอาบัลลังก์ไป
เลยต้องรวมตัวเพื่อเอาคืนรึป่าว
แต่ไม่ยอมพูดกะกวินท์เลย พูดหน่อยเถอะนะ
(เอ แต่เค้ายอมเปิดหน้าให้เห็นนะ)
ต้องมาเจออะไรแบบนี้ขวัญหายไปไกลแล้ว
ราชิดต้องเป็นคนสั่งฆ่ากวินท์แน่เลย
ชารุกข์มาเจอพอดี โอ้ยยยย เดามั่วมาก
อยากรู้เรื่องต่อแล้วว
สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 26-04-2017 16:22:09
โง้ยยยย พระเอกค่าตัวแพง หน้ายังไม่ได้เห้นเลยยย มาต่อเร็วๆ นะคะ :katai1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 26-04-2017 16:26:55
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 26-04-2017 17:11:42
อี๊อ๊ายแรกพบสบตา
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 26-04-2017 18:07:28
ฮรืออออค้างงง :katai4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 26-04-2017 19:10:31
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 26-04-2017 20:35:34
ภาษาดีงามค่ะ ปลื้มมมม  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Minnions ที่ 26-04-2017 22:41:02
แนวนี้แหละที่ตามหามานานนน :hao7: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: 110135T ที่ 26-04-2017 22:48:53
ชอบแนวนี้พระเอกดูโหดนายเอกไม่สาวมาก  ภาษาก็ดี o13
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: tonnum18 ที่ 26-04-2017 23:29:15
ชอบค่ะ อ่านแล้วชอบเข้าไปใหญ่เป็นสาวกเรื่องนี้อีกตามลำดับค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-04-2017 23:38:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 27-04-2017 13:10:28
รอติดตามตอนต่อไปค่า :katai4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 27-04-2017 14:31:30
ก็คนเดียวกันที่ช่วยกวินทร์จากโจรใช่ไหม 55+
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 27-04-2017 16:10:25
อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 27-04-2017 16:37:36
อยากเห็นหน้าพ่อพระเอกกกกกกกก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: cookie_ ที่ 27-04-2017 23:01:47
พระเอกค่าตัวแพงมากกกกก
ออกมาพูดไม่กี่คำเองงงงงง
พูดเถอะๆ ได้โปรดดดดด
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 28-04-2017 03:06:36
โอ้ย พระเอกกลัวดอกพิกุลร่วง
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-04-2017 11:32:28
ว้าวววว เค้าเจอกันแล้วค่ะ

ใครจะเริ่มเปิดก่อนนะ แล้วช่วยไปเพราะสนใจหรืออะไร
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 3 [26/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 29-04-2017 19:32:06
โอ้ยยยชอบ
รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 29-04-2017 20:27:18

                                                                        ลมหายใจแห่งผืนทราย

                                                                                   บทที่ 4




                  ปีศาจร้ายแห่งดาฟาร์ยืนอยู่เบื้องหน้า

                  รูปร่างสูงราวร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ไหล่กว้างกำยำ ช่วงลำตัวหนาแข็งแกร่ง กวินท์เพ่งมองใบหน้าในความมืดเห็นเพียง

โครงหน้ามีสันกรามอย่างเช่นชาวอาหรับ จนกระทั่งเจ้าของกระโจมใช้ไฟแช็คจุดตะเกียงน้ำมันที่วางอยู่บนโต๊ะสร้างแสงสว่างและเงาวูบ

ไหวไปกับผืนผ้ากระโจมก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา ตอนนั้นเองที่กวินท์มองเห็นเขาเต็มสองตา

                     ผิวหน้าของเขามีสีน้ำตาลคล้ายผืนทราย จมูกโด่งเป็นสันคมยาวตั้งแต่หัวคิ้ว ริมฝีปากหนาหยักล้อมไว้ด้วยหนวดและ

กลุ่มเครา กวินท์เลื่อนสายตาขึ้นมองดวงตาลึกบนโหนกแก้ม เขาพลันใจสั่นเมื่อเห็นว่าดวงตาสีเทาใต้คิ้วดกสีดำสนิทกำลังจ้องมองเขา

อยู่เช่นกัน


                        “เอ่อ...คุณ...”


                        พูดจาตะกุกตะกักจนต้องกัดริมฝีปากไว้ กวินท์ต่อว่าตัวเองอยู่ในใจเมื่อนักข่าวฝีปากกล้าเช่นเขากลับกลายเป็นนึกคำ

พูดใดไม่ออกราวกับดวงตาสีเทาคู่นั้นสะกดเขาไว้เสียอยู่หมัด


                     “อาจีลิส”


                     คำสั่งภาษาอารบิกและผายมือไปยังแคร่ไม้เพื่อบอกให้กวินท์นั่งลงที่นั่น แต่กวินท์ก็ยังยืนขาแข็งอยู่จนคิ้วเข้มของ

ชารุกข์ยกขึ้นสูง


                   “ไม่เมื่อยหรือไง”


                   กวินท์อ้าปากค้าง เขาจ้องหน้าปีศาจร้ายแห่งดาฟาร์อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง


                  “คุณพูดอะไรนะ”


                  “ไม่เมื่อยหรือไง”


                    ประโยคเดิมย้ำชัด และเป็นภาษาอังกฤษชัดแจ๋วเหมือนเจ้าของภาษามายืนพูดอยู่ต่อหน้าแถมยังพูดด้วยเสียงทุ้มและนุ่ม

เหมือนคนอ่านข่าวทางช่องข่าวของกวินท์เสียด้วย คราวนี้เองที่กวินท์ได้สติ เขามองชารุกข์อย่างขัดเคือง


                    “คุณพูดอังกฤษได้ แล้วทำไมไม่พูดกับผมตั้งแต่แรก”


                     ชารุกข์ยักไหล่ ดวงตาสีเทาเปล่งประกายล้อกับแสงไฟจากตะเกียงจนกวินท์นึกอยากจะควักมันออกทิ้งเสียให้สาแก่ใจที่

เขาทำให้กวินท์ประสาทเสีย


                   “ก็พูดตอนนี้มันจะต่างจากตั้งแต่แรกของคุณยังไง”


                     ไม่นึกเลยว่าหัวหน้ากองโจรในทะเลทรายอันเลื่องชื่อจะกวนประสาทได้ดีพอกับฝีมือดาบ ความหวาดหวั่นของกวินท์ลด

น้อยลงตามลำดับเมื่อความขัดเคืองใจเริ่มจะมีมากกว่า


                      “ช่างเถอะ”


                      กวินท์เก็บความเคืองไว้ก่อน เขามีข้อสงสัยที่ต้องการคำตอบจากชารุกข์ เซรีม


                     “ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้น พวกที่แต่งชุดดำมาจับผมที่รถจี๊ปเป็นใคร แล้วทำไมเขาต้องทำอย่างนั้นด้วย”


                      ป้อนคำถามที่สงสัยมาหลายชั่วโมงไปเป็นชุด แต่ชารุกข์กลับทรุดนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวเก่าคร่ำและเงยหน้าถามกวินท์


                      “ตกลงว่าจะไม่นั่งเหรอ”


                       ชิท!


                      กวินท์กรอกตามองบน เขาพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินไปที่แคร่ไม้แล้วกระแทกก้นลงนั่งตามคำสั่ง


                     “นี่ไง นั่งแล้ว แล้วคุณจะตอบคำถามของผมได้หรือยังคุณหัวหน้ากองโจร”


                       ชารุกข์กลั้นยิ้ม ดีที่เขายังไม่ได้โกนหนวดเคราจึงกลายเป็นที่กำบังขณะริมฝีปากของเขาคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นสีหน้า

ของอาคันตุกะที่ไปชิงตัวและพามายังอัลกามาร์ เขามองสีหน้าขัดเคืองของนักข่าวจากไอซีเอ็นอย่างอารมณ์ดี


                     “ก็ไปพูดจาขัดหูใครเข้าหรือเปล่าล่ะ”


                      คำตอบของชารุกข์ทำให้กวินท์เอะใจ เขามองชารุกข์อย่างคาดคั้น


                     “คุณรู้เหรอว่าผมไปพูดขัดหูใคร คุณอยู่แต่ในทะเลทรายจะรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง”


                      “ทะเลทรายน่ะมันมีจิตวิญญาณ และอย่าลืมว่าพวกคุณเรียกผมว่าปีศาจ”


                       ชารุกข์เอ่ยตอบเสียงเรียบ หากแต่ไม่ได้ช่วยไขความข้องใจแม้แต่นิดเดียว


                       “แล้วทำไมพวกนั้นต้องใส่เสื้อผ้าเหมือนคุณ ใช้อาวุธเหมือนคุณด้วย พวกเขาปลอมตัวเป็นพวกคุณใช่ไหม”


                      กวินท์ป้อนคำถามต่อ ชารุกข์ลุกขึ้นยืนก้าวเดินไปยังตู้เสื้อผ้าแสนเก่าฝั่งหนึ่งของกระโจมและหยิบผ้าห่มกลิ่นฉุนจมูก

ออกมาผืนหนึ่งโยนให้กวินท์


                   “ศัตรูของรัฐบาลบุกชิงตัวนักข่าวปากจัดที่เป็นแขกของทางการ ท่ามกลางสายตาของเพื่อนนักข่าวต่างประเทศ น่าจะเดา

ออกนะว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป”


                  นั่นสินะ ตอนนี้วิกเตอร์เพื่อนสนิทของเขาคงหัวปั่นอยู่ไม่น้อยเมื่อเห็นเขาถูกชิงตัวไปต่อหน้าต่อหน้า รวมถึงนักข่าวจาก

สำนักข่าวอื่นที่ขึ้นรถมาพร้อมกับเขา กวินท์คงกลายเป็นข่าวดังทั่วโลกไปแล้ว เขานึกกังวลว่าบิดามารดาของเขาจะเป็นอย่างไรบ้างเมื่อรู้

ข่าวนี้


                      “ยานัม”


                      ชารุกข์สั่งให้กวินท์นอน ร่างสูงเอนกายไปกับผืนผ้ากระดำกระด่างที่ปูอยู่บนพื้นอย่างไม่นึกรังเกียจราวกับมันเป็นส่วน

หนึ่งในชีวิตของเขา


                    “อย่ากังวลกับอนาคต ปัจจุบันคือคุณต้องพักผ่อนแล้ว มิสเตอร์แอนเดอร์สัน”


                   “คุณนอนลงได้ยังไง”


                     กวินท์ย่นหัวคิ้วมองคนที่ทอดกายเป็นส่วนหนึ่งกับผืนทรายด้วยเสื้อผ้าชุดเดิมที่มีทั้งเหงื่อและกลิ่นคาวเลือด


                   “ผมเหม็นเหงื่อตัวเอง อยากอาบน้ำ”


                   “ไม่มีใครอาบน้ำเวลานี้กันหรอก ทนนอนไปดีกว่าแล้วผมจะพาคุณไปอาบน้ำตอนเช้า อากาศนอกกระโจมในตอนกลางคืน

จะเย็นจนคุณนึกไม่ถึงเชียวล่ะ”


                 ชายหนุ่มจากแดนไกลไม่เชื่อ เขาก้าวไปที่ทางเข้าของกระโจมและโผล่หน้าออกไป พลันอุณหภูมิที่ลดต่ำลงจนแตกต่าง

จากยามกลางวันทำให้กวินท์ชะงัก เขาเดินกลับมาที่แคร่ก่อนจะเอนกายลงนอนช้า ๆ

                   หันไปมองคนที่เสียสละแคร่ไม้ให้เขา กวินท์เห็นชารุกข์หลับไปแล้วอย่างง่ายดาย แสบไฟริบหรี่จากตะเกียงพาดผ่านจน

เกิดเงาบนใบหน้าทำให้เขายิ่งน่าครั่นคร้าม กวินท์หันใบหน้ากลับมาเขาจ้องมองยอดสูงของกระโจมขณะครุ่นคิดอยู่ในใจ

                   พวกที่มาชิงตัวเขาตั้งใจให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าชารุกข์ เซรีมบุกไปชิงตัวกวินท์ที่เป็นแขกของรัฐบาลมา หากแต่ความจริง

แล้วกองโจรจากดาฟาร์กลับแย่งตัวเขามาอีกทอดหนึ่งโดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ปัจจุบันนี้กวินท์ยังมีลมหายใจอยู่ที่โอเอซิสอัลกามาร์

ท่ามกลางผู้คนของชารุกข์ กวินท์ไม่กล้าคาดเดาเลยว่าหากตอนนี้เขายังตกอยู่ในการควบคุมของโจรปลอมจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา

                    สิ่งที่จะเกิดต่อจากนี้ต่างหาก ปัญหาจะบานปลายแค่ไหนเมื่อเรื่องของเขากลายเป็นข่าวดัง บิดาของกวินท์คงไม่ยอมอยู่

เฉย ๆ เป็นแน่ กวินท์เดาใจของชารุกข์ไม่ออกว่าคน ๆ นี้จะทำอะไรต่อจากนี้

                    กวินท์หลับตาลงช้า ๆ ความอ่อนเพลียทำให้เขาคล้อยหลับลงไป ความหนาวเย็นของทะเลทรายอาบไล้ไปทั่วจนต้อง

นอนห่อตัวงอเป็นกุ้ง กวินท์ไม่รู้เลยว่าคนที่นอนอยู่กับผืนทรายลุกขึ้นมาคลี่ผ้าห่มคลุมให้เขาก่อนจะกลับไปนอนที่เดิมอีกครั้ง







                          เสียงแพะร้องปลุกกวินท์ให้ตื่นจากนิทรา เขาลืมตาตื่นขึ้นมามองเห็นยอดสูงของกระโจมเป็นสิ่งแรก มันทำให้เขา

มั่นใจว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อวานนี้ไม่ใช่ความฝัน และเมื่อมั่นใจแล้วเขาก็รีบเหลียวหาเจ้าของกระโจมทันที

                         มีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น ไม่มีปีศาจร้ายแห่งดาฟาร์อยู่ภายในกระโจม กวินท์รีบผุดลุกจากเตียงและก้าวไปยัง

เบื้องนอกทันที และภาพที่เขามองเห็นในรุ่งอรุณของวันใหม่สร้างความประทับใจให้แก่กวินท์จนตะลึง

                      ฟากฝั่งหนึ่งทางทิศตะวันออกปรากฏแสงสีส้มของดวงอาทิตย์กำลังแรกแย้มความสว่างอาบทอผืนทรายสุดลูกหูลูกตา

ตัดกับท้องฟ้าส่วนที่ยังดำมืดราวกับดวงไฟลูกโตค่อย ๆ ขับไล่มันออกไปทีละนิด ฝูงแพะที่ชาวเบดูอินเลี้ยงไว้เพื่อใช้ผลิดตน้ำนมถูก

ต้อนไปอีกด้านหนึ่งของแอ่งน้ำใสกลางโอเอซิสให้พวกมันได้แทะเล็มยอดหญ้าริมแอ่งน้ำ

                       เสียงภาชนะกำลังตักน้ำขึ้นมาไม่ไกลจากกระโจมของชารุกข์ทำให้กวินท์รีบก้าวตามเสียงไปทันที ต้นกำเนิดเสียงก็คือ

บุคคลที่เขากำลังมองหาอยู่ กวินท์หายใจขัดเมื่อเห็นภาพนั้นเต็มตาเมื่อชารุกข์ยืนอวดร่างกายของเขาที่เกือบจะเปลือยเต็มขั้นมีเพียง

กางเกงชั้นในชายเท่านั้นที่ยังมีหลงเหลืออยู่ ร่างสูงใหญ่อุดมไปด้วยมัดกล้ามอวดลอนซิกแพ็คจนกวินท์นึกอิจฉาและบัดนี้กวินท์มอง

เห็นแล้วว่าสีผิวของชารุกข์เป็นสีน้ำตาลอ่อนไม่ต่างจากฝืนทราย

                        ปีศาจแห่งดาฟาร์ใช้ถังพลาสติกตักน้ำขี้นมาจากบ่อน้ำเพื่อรดไปทั่วร่างกายของเขา กวินท์ได้ยินเสียงผิวปากเป็น

ทำนองเพลงที่เขาไม่รู้จักพร้อมกับที่เจ้าตัวใช้สบู่ถูตามเนื้อตัวอย่างอารมณ์ดี ครั้นพอชารุกข์มองเห็นว่ากวินท์กำลังจ้องอยู่ก็กวักมือเรียก

กวินท์ไปทันที


                          “มาสิคุณ อยากอาบน้ำไม่ใช่เหรอ”


                         กวินท์กะพริบตาปริบ ๆ เขาก้าวเดินลงไปยังแอ่งน้ำใสเบื้องล่างและหยุดยืนเบื้องหน้าชารุกข์ เมื่อเข้ามาใกล้กวินท์ก็

ลอบกลืนน้ำลายเมื่อมองเห็นลอนกล้ามเนื้อเต็มตา เขาพยายามจะไม่ก้มต่ำไปมองเบื้องล่างและนึกขอบคุณที่ชารุกข์ยังเหลือปราการ

ด่านสุดท้ายปกป้องจากสายตาของกวินท์อยู่


                    “ผมลงไปว่ายน้ำข้างล่างไม่ได้เหรอ”


                    “ไม่ได้” ชารุกข์ตอบในทันที


                     “น้ำเป็นสิ่งสำคัญมากในทะเลทราย ฝนไม่ได้ตกบ่อย ๆ และน้ำใต้ดินก็หมดลงได้   พวกเราถือว่าน้ำเป็นส่วนกลาง เราใช้

มันสำหรับกินอยู่ ดังนั้นไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์ใช้น้ำเพื่อการส่วนตัว”


                       กวินท์รับรู้ เหตุผลที่เขาไม่อยากอาบน้ำอยู่บนฝั่งเพราะไม่อยากเผชิญกับดวงตาสีเทาคู่นี้ต่างหาก แต่เมื่อก้มมองสภาพ

ตัวเองแล้ว จำเป็นที่เขาจะต้องชำระร่างกายเสียที


                       “ผมไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยน”


                           ชารุกข์เอียงคอมองเขาอีกครั้งด้วยสายตาพิจารณา อันก่อให้เกิดอาการหน้าร้อนกับกวินท์อย่างไม่มีสาเหตุ ครู่หนึ่ง

ชารุกข์ก็เอ่ยออกมา


                      “รูปร่างของคุณน่าจะพอ ๆ กับเจ้ายาก็อบ เดี๋ยวผมจะไปขอยืมเสื้อผ้าของมันมาให้คุณ”


                     “เอ่อ แล้วเสื้อผ้าเก่านี่ล่ะ ผมจะซักมันได้ไหม”


                      “ได้สิ อาบน้ำแล้วคุณก็ซักมันไปตากที่ราวเชือกตรงที่เจ้าบาฮาอยู่นะ”


                      กวินท์เลิกคิ้วด้วยความสงสัย


                     “ใครคือบาฮา”


                        เหมือนกวินท์จะมองเห็นร่องรอยความขำขันอยู่ในดวงตาสีเทาคู่นั้น มันทำให้ความน่าเกรงขามของบุรุษตรงหน้าลด

น้อยลงไปมาก


                       “คุณรู้จักบาฮาแล้วนี่ ก็ม้าที่คุณขี่มากับผมไงล่ะ”


                      กวินท์ร้องอ๋ออยู่ในใจ เขามองตามแผ่นหลังเปลือยของชารุกข์ที่ก้าวเดินกลับไปยังกระโจม กวินท์เหลียวซ้ายแลขวา

ก่อนจะใช้ถังพลาสติกตักน้ำขึ้นมารดใส่ตัวเองทั้งที่ยังไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกายด้วยซ้ำ






มีต่ออีกนิด...

หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 29-04-2017 20:37:30
ต่อกันตรงนี้...



                     ไม่นานนักชารุกข์ก็เดินกลับมา วันนี้เขาแต่งกายด้วยกางเกงขายาวสีน้ำตาลและเสื้อแขนยาวเนื้อผ้าช่วงลำตัวยาวไป

จนถึงต้นขาสีเดียวกับกางเกงและมีผ้าโพกศีรษะสีน้ำตาลเข้มเฉกเช่นเดียวกับชาวเบดูอินคนอื่น ๆ เมื่อเขามองเห็นสภาพของกวินท์คิ้ว

เข้มก็เลิกสูงอย่างแปลกใจ


                      “คุณอาบน้ำได้ยังไงโดยไม่ถอดเสื้อผ้า”


                      “ก็คุณบอกว่าน้ำเป็นสิ่งจำเป็น ผมก็หาวิธีประหยัดน้ำยังไงล่ะ ผมอาบน้ำและซักเสื้อผ้าไปในคราวเดียวกันไม่ดีเหรอ”


                       คราวนี้ชารุกข์ไม่อาจซ่อนความขำขันได้อีกต่อไป เขาหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับส่ายหน้าในคำตอบของกวินท์


                       “เอาเถอะ ตามแต่ใจของคุณก็แล้วกันกวินท์ นี่เสื้อผ้าของยาก็อบ เขามอบเสื้อผ้าชุดใหม่ของเขาให้คุณสำหรับ

มิตรภาพ”


                       กวินท์ก้าวขึ้นจากตลิ่งและรับเสื้อผ้ามาจากมือของชารุกข์ เขาอึกอักก่อนจะเอ่ยปาก


                     “คุณกลับไปที่กระโจมก่อนเถอะ เดี๋ยวผมตามไป”


                      ชารุกข์มองอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไร เขาหันกลับไปที่กระโจมและกวินท์ก็ถือโอกาสเปลี่ยนชุดที่เปียกออกทันที

เขาสวมชุดใหม่ของยาก็อบอย่างสบายตัว ส่วนสูงของเขากับยาก็อบเท่า ๆ กันจึงไม่มีปัญหาเมื่อเขาสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกับชารุกข์หาก

แต่เป็นสีขาวได้พอดี เขาเดินไปด้านหลังกระโจมที่ชารุกข์ผูกม้าไว้ กวินท์จด ๆ จ้อง ๆ ก่อนจะลูบขนมันเป็นการทักทาย


                       “อรุณสวัสดิ์บาฮา”


                        ม้าอาหรับสีดำปลอดอ้าปากร้องทักทายกลับ สร้างรอยยิ้มบนใบหน้าของกวินท์ขึ้นมาได้เมื่อบาฮาไม่พยศใส่เขา กวินท์

รีบตากผ้าไว้กับเชือกเส้นยาวและรีบเดินกลับไปที่กระโจมเมื่อเรียบร้อยแล้ว

                         บุรุษร่างสูงกำลังสำรวมจิตใจกับการทำละหมาดในรุ่งอรุณ ภาพใบหน้าคมขณะใช้สมาธิทำให้กวินท์นิ่งงัน เขายืนนิ่ง

รอจนกระทั่งชารุกข์ลุกขึ้นยืนและเดินออกมาด้านนอก เขาใช้ไม้ท่อนยาวยึดปลายกระโจมและตั้งมันขึ้นเป็นการเปิดกระโจม


                        “หิวหรือยัง”


                    เมื่อได้ยินคำถามของชารุกข์ กระเพาะของกวินท์ก็ส่งเสียงตอบทันที คนต่างถิ่นถึงกับเม้มปากกับสายตาพราวของชารุกข์


                    ให้ตายสิ คล้ายกับว่าดวงตาสีเทาคู่นั้นมันพูดได้ มันสื่อสารแทนเจ้าของดวงตาทุกครั้งจนกวินท์ไม่กล้าสบตา


                     ชายหนุ่มเบือนสายตาหนี กวินท์นั่งอยู่บนผ้าปูพื้นมองร่างสูงก่อไฟที่มีเชื้อเพลิงอยู่ในก้อนหินก้อนใหญ่สามชิ้นวางเรียง

กันเป็นวงกลม เมื่อไฟติดแล้วชารุกข์ก็ง่วนอยู่กับการหุงต้มอะไรสักอย่างในหม้อใบเก่าปล่อยให้กวินท์เผลอมองอย่างเพลิดเพลิน


                     “เสร็จแล้ว”


                      ชารุกข์ส่งแก้วที่มีของเหลวข้นสีขาวมีกลิ่นหอมส่งมาให้พร้อมกับขนมปังอย่างชาวตะวันตก


                    “ในแก้วคือนมแพะ ส่วนขนมปังนี่ผมไปได้มาตอนไปรับคุณมาจากพวกนั้น”


                       กวินท์รับมาอย่างไม่เกี่ยงงอน งานนักข่าวทำให้เขาต้องปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์ ชารุกข์เทนมแพะใส่แก้วและ

ไปนั่งดื่มที่เก้าอี้ตัวเก่งของเขา


                      “ทำไมคุณถึงมาเป็นโจร”


                        วิญญาณนักข่าวเข้าสิง กวินท์อดไม่ได้ที่จะสัมภาษณ์คนดังอย่างปีศาจร้ายแห่งดาฟาร์ ชารุกข์เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะ

ตอบอย่างไตร่ตรองเป็นอย่างดี


                        “คนเรามันมีความจำเป็นไม่เหมือนกัน บางคนทำเพื่อความอยู่รอด บางคนก็ต้องทำเพื่อหน้าที่”


                       “แล้วความจำเป็นของคุณอยู่ทางฝั่งไหน”


                        ชารุกข์จ้องมองใบหน้าอยากรู้อยากเห็นของกวินท์ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาจนกวินท์ใจหาย


                     “ยิ่งรู้น้อยเท่าไหร่ก็เป็นผลดีต่อคุณมากเท่านั้น มิสเตอร์แอนเดอร์สัน”


                      กวินท์กัดริมฝีปากตัวเอง เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกไม่ดีกับคำถามตนเองเมื่อมันสร้างกำแพงกั้นระหว่างเขากับชารุกข์


                      “ผมขออีกหนึ่งคำถามที่เกี่ยวของกับตัวผม”


                      ตัดสินใจเอ่ยถามอีกครั้งแม้ว่าใจยังนึกหวั่นกับความเย็นชาของชารุกข์


                     “คุณจะทำอย่างไรกับผมต่อไปชารุกข์ เซรีม”


                      ชารุกข์หันกลับมาสบตากับเขา กวินท์มองลึกลงไปในดวงตาสีเทาที่คราวนี้เขาไม่อาจเดาได้เลยว่าอะไรที่ชารุกข์

ต้องการจะสื่อถึงเขา


                    “คุณคงต้องอยู่ที่นี่ต่อไปสักพัก รอจนผมคิดว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วผมจะพาคุณไปส่งที่สถานทูตของประเทศคุณ

ตอนนั้นคุณจะกลายเป็นเครื่องมือของผมเพื่อบอกให้ประชาชนรู้ว่ารัฐบาลของกษัตริย์ราชิดเป็นรัฐบาลที่สกปรกโสมมที่สุดของฮาลียัน”









                   วิกเตอร์ คอสเนอร์เดินกลับไปกลับมาอยู่ที่สำนักงานรัฐบาลของฮาลียัน เขาหงุดหงิดเป็นอย่างยิ่งเมื่อกวินท์ เพื่อนสนิท

ของเขาถูกลักพาตัวไปต่อหน้าต่อตาจากกลุ่มโจรชุดดำที่รัฐบาลอ้างว่าพวกนั้นคือกองโจรภายใต้การนำของชารุกข์ เซรีม ผ่านไปวันหนึ่ง

แล้วแต่ดูเหมือนคนจากรัฐบาลแทบจะไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งที่ข่าวของกวินท์เริ่มเผยแพร่ไปในสำนักข่าวช่องต่างๆ และที่สำคัญ

บิดามารดาของกวินท์ก็ทราบข่าวแล้วจากสถานทูตอังกฤษประจำฮาลียัน มิสเตอร์สมิธ แอนเดอร์สันต่อโทรศัพท์สายตรงถึงเขาและ

สอบถามเรื่องราวเสียงเครียดตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา


                       “โธ่โว้ย พวกคุณทำอะไรกันบ้างเนี่ย”


                        ในที่สุดความอดทนของวิกเตอร์ก็ขาดผึง เขาก้าวเข้าไปทุบโต๊ะเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของสำนักงานและตะคอกใส่หน้า


                       “ทำไมพวกคุณไม่ออกไปตามหาแล้วพากวินท์กลับมาวะ นั่งโง่กันอยู่ได้”


                      “ที่นี่ไม่อนุญาตให้ตะโกนเสียงดัง”


                        น้ำเสียงนิ่งเรียบดังขึ้นเบื้องหลังเพื่อหยุดความก้าวร้าวของวิกเตอร์ ทำให้วิกเตอร์หันขวับไปมองทันที เขาสบตากับ

บุรุษชาวอาหรับสวมชุดสูทแต่โพกผ้าด้วยสายตาหาเรื่อง


                       “ผมเป็นนักข่าวที่รัฐบาลของคุณเชิญมา แล้วคุณเป็นใครใหญ่แค่ไหนถึงจะมีสิทธิ์มาสั่งผมได้”


                         สายตาของชายผู้นั้นมองวิกเตอร์อย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ


                         “คาลีล มาอัซ เลขานุการของกษัตริย์ราชิด อัลฟาดี ใหญ่พอจะออกคำสั่งให้คุณเงียบได้บ้างหรือเปล่าคุณนักข่าว”

                           

                                                                               TBC



                              นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแนวตะมุตะมิ ใครหวังฉากแอคชั่นไม่ค่อยมีนะจ๊ะ                     


                                             
o16 o16 o16 o16 o16

หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 29-04-2017 20:45:45
 :L2:  :L2:  :L2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 29-04-2017 20:48:07
เดาว่าพระเอกไม่ธรรมดาแน่เลย
หรือว่าเป็นกษัตริย์องค์ก่อน
ลุ้นๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 29-04-2017 21:13:23
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 29-04-2017 21:20:51
รอตอนต่อไปค่ะ^^
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-04-2017 21:40:17
ดูจะกวนไม่น้อย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: iNcamisang ที่ 29-04-2017 21:45:31
ชอบๆๆๆๆๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :c4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 29-04-2017 22:07:30
ทอบบบบ มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 29-04-2017 22:21:57
เดาว่า พระเอกเป็นเชื้อพระวงศ์

รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: chananan ที่ 29-04-2017 22:48:13
Toni Mahfud  :hao6: :o8:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-04-2017 23:08:01
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 29-04-2017 23:13:26
ชอบที่เป็นทะเลทรายตะมุตะมิ ตลกกก  o18
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 29-04-2017 23:27:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 29-04-2017 23:38:19
ชอบอะ นายเอกมีเหตุผล ไม่งี่เง่า น่าร๊ากกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 29-04-2017 23:43:19
รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 29-04-2017 23:52:11
รอดูความตะมุตะมิ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 30-04-2017 00:19:14
พระเอกนี่จะใช่เจ้าชายรึเปล่านะ

ลูกของกษัตริย์องค์ก่อน มาทวงแผ่นดินคืนจากทรราชงี้
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 30-04-2017 01:23:32
อย่างสนุกอ่ะ ตอนแรกคิดว่าพระเอกจะเย็นชามากๆๆๆๆ
แต่จริงๆยังอารมณ์ขันดี แถมกวนเบาๆด้วย
ชอบๆๆๆๆๆ ติดตามตอนต่อไปค่าาาาา
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-04-2017 02:45:10
วิกเตอร์กับคาลีล ใช่มั้ย?
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 30-04-2017 07:57:18
ชารุกข์เป็นลูกหลานผู้นำคนก่อนไหม

กวินท์น่ารัก แต่ก็ตามสัญชาตญาณเนาะ เลยพูดไวไปหน่อย อย่าเคืองนานนะคะ

หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 30-04-2017 09:03:13
สงสารคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่สุดอ่ะ ลูกโดนจับไปแบบนั้น
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 30-04-2017 11:39:39
เรื่องราวยังเป็นความลับที่ต้องคาดการณ์ต่อไป
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 30-04-2017 15:23:22
เอ่อ เพื่อนนายเอกเราจะโดนไปด้วยอีกคนรึเปล่า
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 30-04-2017 17:52:53
จะได้กลับง่ายๆจริงดิ
ดูเหมือนมันจะต้องมีอะไรมาขวางง่ะ
รอลุ้นว่าพระเอกจะเป็นใคร ความลับเยอะจัง
รอต่อจ้าา
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 30-04-2017 18:07:24
มาแล้วววว :hao6:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 01-05-2017 16:15:44
ฮุฮุมีสองคู่สินะ ชอบชารุกจังนิสัยดูเป็นกันเอง
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 01-05-2017 20:01:16
มีความหล่ม สุขุม ละมุนลิ้น เอ๊ย ละมุนใจ :o8:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 4 [29/04/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: cookie_ ที่ 06-05-2017 14:11:49
ชอบบบบบบ  :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 06-05-2017 20:55:50




                                                             ลมหายใจแห่งผืนทราย

                                                                           
                                                                        บทที่ 5




                วิกเตอร์ชะงัก ตำแหน่งที่ชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยออกมาดูใหญ่โตกว่าหน้าตาของเจ้าของตำแหน่ง คาลีล มาอัซน่าจะ

อายุราว ๆ ไม่เกินสามสิบปีเท่านั้น แต่กลับได้รับตำแหน่งเลขานุการของประมุขแห่งฮาลียัน คาลีลมีหน้าตาคม สะอาดสะอ้านอยู่

ในชุดสูทเรียบหรู หนวดเคราได้รับการตัดเล็มเข้ารูปอยู่รอบริมฝีปากของเขา


                  “ดีเลย ใหญ่โตแบบนี้ดีแล้ว เพื่อนผมถูกจับตัวไปด้วยฝีมือของโจรจากทะเลทรายตั้งแต่เมื่อวานนี้ คุณช่วยใช้ความ

ใหญ่โตของคุณพาเพื่อนผมกลับมาจะได้ไหม”


                   “รัฐบาลกำลังพยายามอยู่”


                 วิกเตอร์มองคาลีลที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบสนิทอย่างไม่เชื่อถือ


                “ผมยังมองไม่เห็นว่ารัฐบาลฮาลียันทำอะไรนอกจากหาคำพูดแก้ตัวไปตามสื่อต่างประเทศ คำว่าพยายามของผมกับ

ของพวกคุณมันคงไม่เหมือนกันล่ะมั้ง”


                คำต่อว่าของวิกเตอร์ได้ผล มองเห็นสีหน้าที่ตึงขึ้นของคาลีล เขาตวัดสายตาใส่วิกเตอร์อย่างไม่พอใจนักแต่ก็ต้อง

ควบคุมอาการไว้


                    “คุณเป็นผู้สื่อข่าว ไม่รู้เลยหรือว่ามันมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้นที่ใหญ่โตกว่าเรื่องเพื่อนของคุณ”


                    ทำไมจะไม่รู้ วิกเตอร์เถียงอยู่ในใจเมื่อเขารู้ข่าวใหญ่ว่าเกิดการชุมนุมประท้วงของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลตั้งแต่เมื่อเช้า

ตรู่ ประชาชนหลายร้อยคนออกมาเดินขบวนใกล้กับสถานที่จัดงานวัฒนธรรมของรัฐบาล พวกเขาเหล่านั้นต้องการให้นักข่าวจาก

ต่างประเทศมาทำข่าวของพวกเขาเพื่อเผยแพร่จุดประสงค์ที่ถูกปิดกั้นจากสื่อของทางการ รัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไป

ควบคุมสถานการณ์จนเกือบเกิดความรุนแรงก่อนที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลจะสลายตัวไปในช่วงบ่ายของวันนี้


                    “ตอนนี้พวกที่ชุมนุมอยู่ก็กลับบ้านกันไปหมดแล้วนี่”


                   วิกเตอร์ไม่ยอมแพ้ เขามองคาลีลอย่างคาดคั้น


                    “พวกคุณก็ว่างแล้ว คงถึงเวลาที่จะส่งคนไปเจรจากับพวกโจรจากทะเลทรายได้แล้ว คุณคงรู้นะว่าหากนักข่าวจาก

ไอซีเอ็นได้รับอันตราย จุดประสงค์ที่พวกคุณอุตส่าห์เหนื่อยจัดงานเรียกให้สื่อต่างประเทศมาโปรโมทประเทศของคุณคงจะ

เปลี่ยนเป็นตรงกันข้ามแน่ ๆ”


                  “เกิดอะไรกันขึ้น”


                  เสียงที่ดังขึ้นด้วยความอยากรู้ทำให้เจ้าหน้าที่ภายในห้องทุกคนยืนตรงเพื่อทำความเคารพกษัตริย์ราชิด อัลฟาดีที่

กำลังก้าวพระบาทมาจากทางด้านในท่ามกลางเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยส่วนพระองค์ คาลีลหันไปทำความเคารพและพูด

ภาษาอารบิคยืดยาวที่วิกเตอร์ไม่เข้าใจกับกษัตริย์ราชิด พระองค์นิ่งฟังจนจบก่อนจะหันมาทางเขา


                  “มิสเตอร์คอสเนอร์ใช่ไหม”


                  ตรัสเป็นภาษาอังกฤษกับวิกเตอร์


                 “ได้โปรดอภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฮาลียันไม่ได้ต้องการให้เกิดเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ อย่างที่ผมบอกคุณแล้วว่าไอ้

พวกโจรทะเลทรายมันเลวร้ายและจ้องจะหาเรื่องรัฐบาล นี่ผมกำลังให้คนของผมสืบอยู่ว่าโจรชั่วพวกนั้นอยู่เบื้องหลังการชุมนุม

ประท้วงของพวกต่อต้านรัฐบาลหรือเปล่า”


                    วิกเตอร์หรี่ตาครุ่นคิด ข้อมูลที่หลุดออกมาจากโอษฐ์ของกษัตริย์ราชิดเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครคิดมาก่อน


                   “แล้วทำไมโจรพวกนั้นต้องสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามกับพระองค์ด้วยล่ะครับ”


                   กษัตริย์ราชิดเหยียดยิ้ม ดูเหมือนคำถามนั้นจะเข้าทางของพระองค์


                 “ก็ไม่รู้สิ แค่คิดว่าไอ้พวกโจรจากดาฟาร์มันตั้งใจป่วนแต่สมบัติของรัฐบาลแม้แต่บุกเข้าไปในคลังแสงเพื่อขโมยอาวุธ

และมีครั้งหนึ่งที่พวกเราจับคนที่มาชุมนุมไว้ พวกเขาใช้อาวุธที่มาจากการขโมยของพวกโจร คุณคิดว่าเขานำมันไปได้อย่างไรล่ะ”

กษัตริย์ราชิดเอื้อมหัตถ์มาตบบ่าวิกเตอร์เพื่อสร้างความมั่นใจ


                   “ไว้ใจเถอะน่า ผมจะต้องนำเพื่อนของคุณกลับมาอย่างปลอดภัยไม่มีอะไรบุบสลายแน่นอน”


                    แม้จะเป็นคำพูดจากประมุขของประเทศ แต่วิกเตอร์กลับไม่มั่นใจเลยแม้แต่น้อย เขาฝืนยิ้มให้กษัตริย์ราชิดเมื่อ

ตอบกลับไป


                    “ผมหวังจะเป็นเช่นนั้นครับ มิสเตอร์สมิธ แอนเดอร์สัน พ่อของกวินท์ก็กำลังเดินทางมาที่ฮาลียัน อาจจะมาถึง

กลางดึกคืนนี้เสียด้วยซ้ำ ผมอดจะเป็นห่วงความรู้สึกของคนเป็นพ่อแม่ไม่ได้ ท่านคงทราบจากข้อมูลของกวินท์แล้วว่าเขาเป็น

ลูกชายคนเดียวของเอกอัครราชทูตจากอังกฤษ หากกวินท์ได้รับอันตราย เรื่องคงบานปลายกว่าที่คิด”


                      “คุณกำลังพูดจาข่มขู่ผู้นำของฮาลียันอยู่ รู้ตัวบ้างไหมมิสเตอร์คอสเนอร์”


                     คนที่ขัดจังหวะคือคาลีล ชายหนุ่มย่นหัวคิ้วเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นปมได้ คอสเนอร์ดูออกอย่างง่ายดายว่า

กษัตรย์ราชิดขุ่นเคืองพระทัยอยู่ไม่น้อย แต่ก็ทรงฝืนยิ้มออกมา


                   “อย่าโมโหไปเลยมิสเตอร์คอสเนอร์ ผมรับปากแล้ว ดังนั้นก็จงวางใจได้ว่าเพื่อนของคุณจะต้องปลอดภัย”


                  กษัตริย์ราชิดหันไปออกคำสั่งกับลูกน้องที่อยู่เบื้องหลัง


                 “จัดรถยนต์ไปส่งมิสเตอร์คอสเนอร์ที่โรงแรมด้วย”


                  การ์ดของกษัตริย์ราชิดคนหนึ่งก้าวออกมาประกบทันที วิกเตอร์รู้ว่านี่คือการขับไล่อย่างมีมารยาท แต่เขาก็ยังไม่กล้า

จะแข็งข้อใส่ให้เกิดภัยในสถานที่แห่งนี้ เขาจำต้องโค้งคำนับและก้าวเดินออกไป

                 ครั้นเห็นนักข่าวต่างประเทศเดินออกไปจนพ้นสายตาแล้ว กิริยาของกษัตริย์ราชิดจึงไม่จำเป็นต้องฝืนอีกต่อไป

พระองค์หันขวับไปจ้องหน้าของคาลีล


                “เกิดอะไรขึ้น แล้วไอ้นักข่าวปากเสียคนนั้นล่ะ”


                “พวกนั้นมาชิงตัวไปจากพวกเรากระหม่อม รถที่จะไปรับตัวมิสเตอร์แอนเดอร์สันพบแต่ศพของพวกเราที่ถูกดาบฟันอยู่

ไม่ไกลจากจุดนัดหมายนัก ทุกคนเสียชีวิตส่วนนักข่าวคนนั้นกลับหายไป ไม่พบอยู่ในกองศพกระหม่อม”


                  พระเนตรยับย่นเพ่งมองเลขานุการของพระองค์อย่างไม่สบอารมณ์


                 “ก็ไหนว่าได้มือดีมาไงล่ะ ทำไมแค่นี้ถึงพลาด”


                   ทรงตวาดอย่างหงุดหงิดเมื่อเกิดเหตุที่ผิดไปจากแผนเดิมที่ทรงวางไว้ ทั้งที่คิดไว้ว่าจะเก็บกวินท์ไว้สักสองถึงสาม

วันแล้วทำทีพาไปปล่อย แต่พวกโจรแสนเลวกลับมาขัดขวางและชิงตัวประกันหายไปกับผืนทราย คาลีลเห็นพระอาการกริ้วจน

ควันออกหูจึงรีบค้อมศีรษะลง


                     “หม่อมฉันจะรีบส่งคนไปติดตามโดยเร็วกระหม่อม”


                    “ก็รีบทำเสียสิ จะยืนโง่อยู่ทำไม”


                    ทรงตวาดจนเสียงก้องไปทั่วบริเวณ


                  “ไปเอาตัวกลับมาให้ได้ หรือถ้าไม่ได้ จำเป็นจะปิดปากก็ต้องทำ”


                  ตรัสเสียงเหี้ยมพระพักตร์เครียดและดุดัน


                 “เรื่องพวกนี้มันจะได้จบแค่ว่านักข่าวคนหนึ่งถูกโจรจากดาฟาร์มาชิงตัวไปเพื่อประท้วงอำนาจของรัฐบาล”


                  คาลีลมีสีหน้าหนักใจ หากแต่เขาทำได้เพียงค้อมศีรษะคำนับเมื่อกษัติย์ราชิดเดินกระแทกพระบาทจากไป




มีต่ออีกนิด...
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 06-05-2017 21:10:42
ต่อกันตรงนี้




                 เมื่อจัดการจนร่างกายสะอาดเอี่ยมอยู่ในเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว กวินท์เพิ่งจะได้เห็นบรรยากาศรอบ ๆ โอเอซิส

อย่างเต็มตา เหล่ากระโจมที่ตั้งกระจายอยู่รอบ ๆ แอ่งน้ำเปิดออกเพื่อรับแสงสว่าง เจ้าของกระโจมแต่ละหลังออกมา

แสดงตัวด้วยการหุงหาอาหาร บ้างก็ต้อนแพะไปแทะเล็มยอดหญ้า บ้างก็ดูแลม้าของตนเสียยิ่งกว่าลูก กวินท์มองแล้วจึง

เกิดความสงสัย

                       ผู้คนในเบดูอินกลุ่มนี้มีอะไรบางอย่างที่ทำให้กวินท์คิดว่าพวกเขาไม่ใช่คนเร่ร่อนธรรมดา เหมือนกับว่านี่

คือเบดูอินที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการเฉพาะ ไม่มีสตรีแม้แต่คนเดียวในกระโจมทุกหลัง และบุรุษทุกคนกลับคล้ายทหารที่ได้

รับการฝึกปรือมาเป็นอย่างดี

                     หรือว่าทุกคนในที่นี่คือสมาชิกของกองโจรแห่งดาฟาร์ ภายใต้การควบคุมของชายที่กำลังลุกขึ้นยืนและ

ก้าวไปยังลานกว้างด้านหน้า เขาผิวปากเป็นเสียงแหลมบาดแก้วหูคำรบหนึ่ง และไม่นานหลังจากนั้นกวินท์ก็เห็นนก

เหยี่ยวขนาดกลางสีดำปลอดตัวหนึ่งบินโฉบลงมาเกาะอยู่ที่ท่อนแขนแข็งแรงของชารุกข์ เซรีม กวินท์จำได้ว่ามันเป็น

เหยี่ยวตัวเดียวกับที่เขาเห็นเกาะไหล่ของชารุกข์เมื่อวันวานขณะพักจากการเดินทางมาที่อัลกามาร์

                     มือใหญ่ลูบไล้ขนนกสีดำอย่างทะนุถนอม นกเหยี่ยวตัวนั้นก็แสนจะเชื่องกับเขา กวินท์เผลอมองภาพตรง

หน้าเมื่อกวินท์สะบัดแขนให้เหยี่ยวทะยานขึ้นฟ้าและกลับมาเกาะที่เดิมอีกครั้ง


                   “มันเชื่องมาก คุณสอนมันงั้นหรือ”


                    กวินท์เอ่ยถามเมื่อเห็นชารุกข์เล่นอยู่กับเหยี่ยวอย่างอารมณ์ดี ชารุกข์ปล่อยให้เหยี่ยวตัวนั้นแผ่ปีกและขึ้น

ไปเกาะอยู่บนไหล่ขณะก้าวกลับมานั่งที่เดิม


                   “มันเป็นสัตว์เลี้ยงของผมเอง ชื่อว่าอับบาส ว่าไงอับบาส ยินดีที่จะรู้จักแขกของเราไหม”


                    ดวงตาของสัตว์เลี้ยงจ้องกวินท์เขม็ง กวินท์รู้สึกว่าเหยี่ยวสีดำปลอดนี้ไม่ได้ยินดีจะรู้จักกับเขาเท่าไหร่นัก


                   “ผมมีเพื่อนเป็นชาวตะวันออกกลางชื่อเดียวกันนี้ เขาบอกว่าชื่อของเขาแปลว่าสิงโต แล้วทำไมคุณถึงตั้งชื่อ

เหยี่ยวว่าสิงโตกันล่ะเนี่ย”


            ชารุกข์เพียงแค่คลี่ยิ้มจาง ๆ ล้อมรอบไปด้วยหนวดเคราที่ยังไม่ยอมแต่งเล็มให้เข้ารูป เพียงแค่นี้หัวใจของกวินท์

ก็พลันเต้นรัวอย่างไม่มีสาเหตุ


                  “ผมอยากเลี้ยงสิงโตแต่ที่ฮาลียันไม่มีให้เลี้ยง ผมก็เลยบังคับให้อับบาสกลายเป็นสิงโตแทน”


                   กวินท์หัวเราะออกมา เขามองเห็นความเป็นเด็กชายที่แฝงอยู่ในร่างสูงผึ่งผายตรงหน้า และใบหน้าสดใส

ยามหัวเราะของกวินท์ทำให้ชารุกข์เผลอมองจนลืมตัวไปวูบหนึ่ง


                   “แต่สิงโตของคุณดูเหมือนจะไม่ชอบผมเท่าไหร่ มันจ้องผมราวกับจะจิกกิน ไม่เหมือนบาฮาเลยที่ยอมเป็น

เพื่อนกับผม”


                     คิ้วเข้มของชารุกข์ยกสูงเมื่อได้ยินคำพูดของกวินท์ เขาหันไปมองอับบาสที่ก่ออยู่บนบ่าก่อนจะหันกลับมา

หากวินท์อีกครั้ง


                   “ถึงแม้อับบาสจะแปลว่าสิงโต แต่มันก็ไม่ได้ลืมว่าตัวเองเป็นเหยี่ยวดำ มันก็เลยไม่ชอบคุณที่เป็นเหยี่ยว

ขาว”


                    กวินท์เอียงคอมองชารุกข์อย่างนึกทึ่ง


                   “คุณรู้?”


                  “กวินท์เป็นภาษาสก็อตแปลว่าเหยี่ยวขาว”  (Gavyn ชื่อภาษาสก็อต เวลส์ หมายถึงเหยี่ยวขาว: ผู้แต่ง)


                  ผู้ชายที่ชื่อชารุกข์ เซรีมช่างสลับซับซ้อนเหลือเกินในความคิดของกวินท์ ภาคหนึ่งเขาคือหัวหน้ากองโจร

ฝีมือฉกาจตามที่กวินท์เห็นกับตาเมื่อเขาต่อสู้กับศัตรู ส่วนอีกภาคหนึ่งเขาดูเป็นบุรุษเจ้าสำราญไปกับธรรมชาติและสัตว์

เลี้ยงของเขา รวมถึงดื่มด่ำไปกับศิลปะดังเช่นที่กวินท์แอบเห็นหนังสือปรัชญาเล่มเก่าจนกระดาษเหลืองกรอบที่วางอยู่บน

โต๊ะตัวเก่าตรงหน้าของชารุกข์


                “กวินท์เป็นภาษาไทยแปลว่าจอมกวี”


                 “งั้นหรือ ผมเพิ่งรู้ว่าชื่อของคุณมีความหมายทั้งสองภาษา จอมกวีก็เหมาะกับคุณดี ผมเห็นเวลาคุณรายงาน

ข่าวคุณใช้คำพูดได้น่าสนใจทีเดียว แสดงว่าคุณเป็นคนเก่งด้านภาษา”


                  กวินท์ลืมตาโพลง เขาลุกขึ้นก้าวมาหยุดต่อหน้าชารุกข์ก่อนจะถามคาดคั้น


                  “คุณรู้จักผมมาก่อนใช่ไหมชารุกข์ ใช่หรือเปล่า”


                  ชารุกข์ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ เขาไม่ยอมตอบข้อสงสัยของกวินท์และใช้ความเงียบเป็นเกราะกำบัง


                  “ชารุกข์ ตอบสิ”


                 เขาไม่ยอมตอบและยังหันไปหยอกล้อกับอับบาสอีกต่างหาก กวินท์มองอย่างขัดใจที่อีกฝ่ายไม่ยอมเปิดเผย

ความจริง สายตาของกวินท์แอบเหลียวซ้ายแลขวาจนมองเห็นกระดาษแผ่นเล็กยับยู่ยี่สอดอยู่ในหนังสือปรัชญาเล่มเก่าที่

วางอยู่บนโต๊ะ สีและเนื้อกระดาษที่โผล่พ้นออกมาช่างคุ้นตาจนกวินท์ต้องดึงมันออกมา


                   “นี่มันนามบัตรของผมนี่”


                    กวินท์ส่งเสียงดังอย่างแปลกใจ ชื่อของเขาปรากฏหราอยู่บนกระดาษแผ่นเล็กและยังมีรอยรองเท้าย่ำอยู่

บนนามบัตรของตัวเองอีกด้วย กวินท์สะดุดใจทันทีว่านามบัตรแผ่นนี้เดินทางมาสู่ใจกลางทะเลทรายดาฟาร์ได้อย่างไร

เขาเงยหน้าขึ้นมองชารุกข์เพื่อเทียบกับบุคคลที่เขาสงสัย

                 ความสูง ใช่ หนวดเคราก็ใช่ หากชารุกข์ใส่แว่นดำยืนในความมืดล่ะก็...


                “คุณ คุณคือคนที่ไปช่วยผมตอนมีเรื่องกับแก๊งฉกกระเป๋าใช่ไหม”


                ส่งเสียงดังอย่างลืมตัวที่แก้ข้อสงสัยได้ กวินท์ก้าวไปด้านหลังและมองแผ่นหลังกว้างพลางนึกเปรียบเทียบ

มันช่างเหมือนคนที่ช่วยเขาไว้ราวกับคนเดียวกัน


                “ไม่ผิดแน่ ๆ ผมจำรูปร่างคุณได้ละ อย่าบอกนะว่าหัวหน้ากองโจรอย่างคุณไปเดินเล่นอยู่กลางเมืองหลวง

โดยที่ไม่มีใครรู้ ตอบผมมาสิว่าผมพูดถูก”


                   ไหล่กว้างยกขึ้นครั้งหนึ่งพร้อมกับใบหน้ากวนอารมณ์เมื่อชารุกข์ยกยิ้มขึ้นมาใช้แทนคำตอบได้เป็นอย่างดี

กวินท์ทึ่งที่เขาเข้าไปในฟาดีเลาะฮ์โดยที่ไม่ถูกทางการจับกุม ใครจะนึกว่าปีศาจร้ายแห่งดาฟาร์จะไปเดินทอดน่องปะปน

ผู้คนอยู่ในย่านเศรษฐกิจสำคัญเช่นนั้น


                 “คุณไปทำอะไรที่ฟาดีเลาะฮ์”


                 “ก็แค่ไปเดินเล่น”


                 ชารุกข์ตอบกำกวมก่อนจะเดินออกมาจากกระโจมเมื่อเห็นลูกน้องควบม้าเข้ามาหาสองคน


                “สวัสดียามเช้ากวินท์”


                 หนึ่งในสองเอ่ยทักน้ำเสียงร่าเริง กวินท์จำได้ทันทีว่านั่นคือยาก็อบ เมื่อวานนี้เขาไม่มีโอกาสเห็นหน้าเพราะ

ทุกคนอำพรางไว้ แต่วันนี้ยาก็อบเปิดเผยให้เขาได้เห็น กวินท์เดาว่ายาก็อบน่าจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา


                 “สวัสดีครับ ยาก็อบใช่ไหม ขอบคุณสำหรับเสื้อผ้าชุดนี้”


                 กวินท์รีบทักทายกลับ เขาชอบในอัธยาศัยและความมีน้ำใจของยาก็อบ ชายหนุ่มหน้าตาสดใสผิวไม่เข้มเท่า

ชายชาวอาหรับผู้อื่น หากพบเจอกันที่อื่นกวินท์อาจจะคิดว่ายาก็อบเป็นนักศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยมากกว่าเป็นโจร


                “ไปกันได้แล้ว”


                 เสียงเข้มดังขัดขึ้น กวินท์หันไปสบตากับชารุกข์ภาคหัวหน้ากองโจร ท่าทางสบาย ๆ ของเขาหายไปกลาย

เป็นความจริงจัง


                “ครับเชคฮ”


                ยาก็อบเองก็ตอบอย่างจริงจังเช่นเดียวกัน เขารีบบังคับม้าให้ไปนำไปพร้อมกับชายอีกคนที่กวินท์ยังไม่รู้จักชื่อ   

ชารุกข์มองกวินท์ที่ยังยืนนิ่ง


                 “ไปสิ อย่ามัวแต่ยืนนิ่ง”


                  กวินท์ยกมือชี้ตัวเองพร้อมสีหน้าสงสัย


                “คุณหมายถึงผมเหรอ”


                “คิดว่าผมพูดกับใครอีกล่ะ”


                “ไปไหน แล้วทำไมผมต้องไป” กวินท์ยังไม่เข้าใจ


                “ผมยังไม่อยากทิ้งให้คุณอยู่แถวนี้ มันอาจมีอันตรายเกิดขึ้น ทางที่ดีคุณควรอยู่ใกล้ผมไว้ก่อน”


                อันที่จริงกวินท์คิดว่าตัวอันตรายคือคนพูดเองนั่นแหละ แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์เถียงเมื่อตอนนี้เขาอยู่ในการควบคุม

ของหัวหน้ากองโจรแห่งดาฟาร์ กวินท์รีบก้าวตามเมื่อชารุกข์เดินไปหาบาฮาม้าสีดำพาหนะประจำตัวของเขา


               “คุณไม่มีม้าตัวอื่นอีกเหรอ ผมเคยเรียนขี่ม้าตอนเด็ก ๆ”


                 กวินท์เอ่ยอย่างลำบากใจเมื่อเห็นว่าเขาต้องขี่ม้าตัวเดียวกับคนหน้าดุอีกครั้ง หน้าของกวินท์ร้อนวูบเมื่อเห็น

นัยน์ตาคมกริบคู่นั้นส่องประกายแปลกขึ้นมาแวบหนึ่ง


                “ไม่มี ไว้จะไปหาปล้นมาให้ก็แล้วกัน แต่ตอนนี้คุณขึ้นไปบนหลังเจ้าบาฮาได้แล้ว”


                 จำเป็นที่กวินท์จะต้องขึ้นไปบนหลังม้าเพราะคำสั่งนั้น บาฮาเชื่องพอจะยอมให้เขาขึ้นขี่ก่อนที่ร่างสูงจะขึ้น

ตามมานั่งซ้อนหลังกวินท์ ชารุกข์บังคับให้บาฮาเหยาะย่างไปไม่เร็วมากนักตามหลังมาด้วยยาก็อบและลูกน้องของเขาอีก

คนหนึ่ง


                    “ผมได้ยินยาก็อบเรียกคุณว่าเชคฮ”


                     กวินท์เอ่ยปากชวนคุยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งเงียบ มีเพียงสายลมที่พัดผ่านเป็นเพื่อนยามที่บาฮาควบวิ่งอยู่

บนผืนทราย แผ่นหลังของกวินท์สัมผันกับแผงอกของคนเบื้องหลังบ่อยครั้งจนเขาหายใจขัด


                   “มันก็เรียกไปเรื่อย”


                  “ที่ผมเคยเรียนภาษาอารบิคมา เชคฮแปลว่าผู้นำใช่หรือเปล่า”


                   (شيخ / Sheikh ออกเสียงว่า เชคฮ หรือ ชั้ยฮ ไม่ใช่ชีคอย่างที่คนไทยนิยมเรียก หมายถึง หัวหน้าเผ่า หัวหน้าหมู่บ้าน ผู้นำอาวุโส ผู้นำทางศาสนา: ผู้แต่ง)


                “บางทีก็ไม่อยากเป็นนักหรอก”


               “แล้วทำไม...”


               “ถ้าคุณไม่สัมภาษณ์ใครสักวันคุณจะขาดใจตายไหมคุณนักข่าว”


                กวินท์หุบปากฉับเมื่อถูกขัดคอ เขาหันขวับไปมองคนถูกสัมภาษณ์อย่างนึกเคือง มองเห็นก็แต่นัยน์ตาระยิบ

ระยับสะท้อนแสงแดดเท่านั้นเมื่อชารุกข์ยังคงจ้องมองแต่ทะเลทรายเบื้องหน้า กวินท์เคืองจนไม่ยอมเอ่ยปากพูดจาอะไร

อีกจนกระทั่งเขามองเห็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ของชาวฮาลียันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าอันเป็นจุดหมายที่ชารุกข์ เซรีมต้องการมาใน

วันนี้




                                                                       TBC


                                 ขอโทษที่หายไปนาน มัวแต่ไปขายนิยาย กับจัดการเรื่องอื่นๆอยู่
                                                                อย่าเพิ่งลืมกันนะจ๊ะ


                                                 
:m5: :m5: :m5: :m5: :m5:





หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 06-05-2017 21:40:20
ลุ้นๆว่าเขาจะรักกันตอนไหน ติดตามตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-05-2017 21:53:48
หยอกได้หยอกดีนะ

รบกวนคนเขียนระบุเลขหน้าด้วยค่ะ (ถ้ายังไม่ได้ทำสารบัญ)
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 06-05-2017 22:00:46
หยอกได้หยอกดีนะ

รบกวนคนเขียนระบุเลขหน้าด้วยค่ะ (ถ้ายังไม่ได้ทำสารบัญ)


มีสารบัญนะคะ
อยู่โพสเดียวกับกฏนิยายจ้ะ ^^
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: imetvxq ที่ 06-05-2017 22:05:05
ชอบแนวนี้มากเลยค่ะ ติดตามอ่านนะคะ <3
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 06-05-2017 22:28:25
หืมมมมม เรื่องจะไปยังไงต่อเนี่ย
รัฐบาลคงไม่ยอมแน่ถ้าเกิดกวินท์รอดไปออกข่าว
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 06-05-2017 22:42:09
น่ารักดีเนาะ เหย้าแหย่หยอกกัน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-05-2017 22:55:50
ดูท่าแล้วยังไงก็ต้องเป็นคนสำคัญแน่ๆ ถึงได้รู้รอบด้านขนาดนี้
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 06-05-2017 23:56:04
 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 07-05-2017 00:26:22
นี่กษัตริย์ธาตุแท้เป็นคนไม่ดีแน่ๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 07-05-2017 03:28:33
แหม พระเอกเราก็มีอารมณ์ขันนะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 07-05-2017 08:04:25
สนุกดี  :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-05-2017 11:58:51
แสดงว่ารัฐบาลชุดนี้ต้องไม่ดี กลับกัน กองโจรกลายเป็นคนดีซะงั้น  :hao5:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 07-05-2017 12:10:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 07-05-2017 13:21:24
สนุกมาก ชอบพระเอกของเรื่อง โจรหล่อ :mew1:

รอตอนต่อไปจ้า :impress2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 07-05-2017 13:59:20
เท่าที่ดูคือรัฐบาลชุดนี้ไม่ดี
ที่แน่ๆคือกษัตรย์ไม่ดี ส่วนเลขานี่เหมือนจะมีเหตุจำเป็นรึป่าว
และอาจจะได้อำนาจมาอย่างไม่ถูกต้อง
ถ้าที่กษัตริย์พูดว่ากษัตริย์คนก่อนเป็นพี่ชายคือเรื่องจริง
เป็นไปได้ว่าพระเอกเราอาจจะเป็นลูกชายที่มีสิทธิในบัลลังค์โดยตรง
5ปีก่อนหรือมากกว่านั้นอาจจะยังเด็กไป อำนาจไม่พอ คนสนันสนุนไม่พอ
เลยต้องลี่ภัยไปอยู่ในทะเลทรายกับกลุ่มทหารที่สนันสนุน
รอเวลาทวงบัลลังค์คืออะไรแบบนี้
นี่คือมั่วหมดเลย555555 เดาล้วนๆเลยค่ะ
สนุกกกมากก มีปม พล้อตแน่น
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 07-05-2017 16:07:26
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 07-05-2017 21:44:13
น่าตื่นเต้นจัง :-[
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-05-2017 22:52:55
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 08-05-2017 08:53:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 08-05-2017 11:43:21
เงียบได้ซักทีกวินทร์ แอบสงสารชารุกส์ต้องคอยตอบสัมภาษณ์ตลอดเวลา 555+
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 08-05-2017 13:34:24
ไอ้กษัตริย์นั่น ไม่น่าจะดีแน่ๆ

หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 08-05-2017 16:43:15
จะไม่มีฉากบู๊จริงเหรออยากให้มีนะถ้ามีนิยายเรื่องนี้จะน่าติดตามมากขนาดแค่ห้าตอนยังหลงรักเลย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 09-05-2017 00:27:08
มาอ่านใหม่จ้า

เรื่องสนุกมากๆไม่ซ้ำใครดี

พระเอกของเราคือเจ้าชายใช่ไหม

รออ่านตอนต่อไป

เป็นกำลังใจให้ครับ

หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 09-05-2017 10:30:52
รอตอนต่อไปค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 5 [06/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 09-05-2017 22:01:54
ชอบชื่อนายเอกจังความหมายดี
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 10-05-2017 15:00:02


                                                                  ลมหายใจแห่งผืนทราย



                                                                                       บทที่ 6


                  หมู่บ้านในทะเลทรายใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ บ้านชั้นเดียวก่อสร้างจากอิฐและดินบ้างก็เกาะกันเป็นกลุ่มบ้างก็กระจายอยู่ห่าง

กันลดหลั่นอยู่บนเนินทรายและหินผาด้านหลัง กวินท์มองเห็นอูฐบรรทุกของเดินเรียงแถวไปอีกด้านตรงข้ามกับเขา และที่หมู่บ้านนี้เอง

ที่กวินท์เพิ่งจะเห็นผู้คนขวักไขว่มากกว่าที่โอเอซิสอัลกามาร์หลายเท่า



                    “ตรงนี้คือแถบชายแดนของฮาลียัน”



                    เสียงทุ้มดังขึ้นเบื้องหลังบอกเล่าให้กวินท์รับรู้เรื่องราวของชาวบ้านในถิ่นนี้ เจ้าม้าบาฮาเหยาะย่างช้า ๆ พาเขาและ

เจ้าของมันผ่านถนนเส้นเล็กที่มีผู้คนตั้งวางสิ่งของบนแผงข้างทางเพื่อค้าขาย และเมื่อพวกเขาทั้งหลายมองเห็นชารุกข์ต่างก็ค้อมศีรษะ

และเอ่ยทักเป็นภาษาพื้นเมืองตลอดทางที่ชารุกข์บังคับม้าให้ผ่านไป



                      “พวกเขาต้องไม่รู้ว่าคุณเป็นโจรแน่ๆ”



                      กวินท์ตั้งข้อสังเกต



                      “ทำไมใคร ๆ ก็พูดคุยกับคุณราวกับไม่นึกหวาดกลัวในสิ่งที่คุณทำ”



                     “อยู่ที่ว่าผมทำสิ่งที่ควรหวาดกลัวกับใครต่างหาก”



                      ชักชินกับคำพูดแนวกำปั้นทุบดินของหัวหน้ากองโจรแห่งดาฟาร์ กวินท์ก็เลยยอมหุบปากจนกระทั่งมาถึงบ้านหลัง

หนึ่งที่อยู่กลางหมู่บ้านชารุกข์จึงดึงบังเหียนให้บาฮาหยุดฝีเท้าก่อนจะกระโดดลงไปยืนสง่าอยู่บนพื้นดิน กวินท์จึงได้กระโดดลงตาม

ประตูบ้านเปิดออกและมีชายชราคนหนึ่งก้าวออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม



                    “อัสสลามุอะลัยกุม วะเราะมะตุลลอฮฺ วะบะเราะกาตุฮฺ”



                     ชารุกข์ตรงเข้าไปกุมมือทักทายและกล่าวทักทายกับชายชราท่าทางใจดีผู้นั้นทันที มือเหี่ยวย่นรีบกุมตอบและกล่าว

อย่างยินดี



                      “วะอะลัยกุมุสลาม วะเราะมาตุลลอฮฺ วะบะเราะกาตุฮฺ”



                     ทั้งคู่พูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ชารุกข์จะผายมือมายังเขา กวินท์จึงได้รู้สึกตัวและก้าวเข้าไปร่วมวงสนทนา



                   “อัสสลามุอะลัยกุม”



                  เอ่ยคำทักทายง่าย ๆ ที่เขาพอจะรู้จักออกไป ชายชรารีบเอ่ยทักทายเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงท้องถิ่นตอบกลับกวินท์

เช่นกัน



                 “อัสสลามุอะลัยกุมพ่อหนุ่ม ขอให้ปลอดภัยและได้รับสันติ”



                 “ท่านนี้คือเชคฮอาลี เป็นผู้นำของหมู่บ้านแห่งนี้”



                  ชารุกข์แนะนำให้กวินท์รู้จัก ก่อนที่เขาจะหันกลับไปพูดคุยกับเชคฮอาลีอีกพักใหญ่จึงได้ออกคำสั่งกับยาก็อบ



                  “พามิสเตอร์แอนเดอร์สันไปเดินเล่นรอบ ๆ หมู่บ้านนะยาก็อบ”



                 “ครับเชคฮ”



                 ยาก็อบรับคำ เขาลงจากหลังม้าและผายมือให้กวินท์เดินตาม



                “ไปเที่ยวกันเถอะกวินท์”



                  ชารุกข์มองตามหลังกวินท์และยาก็อบจนลับสายตาเขาจึงก้าวเข้าไปในบ้านของอาลี บ้านของอาลีตั้งอยู่หน้าเนินเขา

หินทรายลูกหนึ่ง เมื่อก้าวเข้าไปด้านในจึงปรากฏว่าตัวบ้านได้ขุดเจาะลึกเข้าไปในเนินหินจนพื้นที่กว้างขวางโดยที่มองไม่เห็นจาก

ภายนอก



                 อาลีเปิดประตูกั้นให้ชารุกข์เดินเข้าไปและปิดประตูตามหลังมิดชิดโดยไม่ได้เข้ามาด้วย ภายในเป็นห้องกว้างสะอาด

สะอ้านตกแต่งคล้ายเป็นห้องนอนที่มีเตียงตู้และของใช้ตั้งอยู่ ชายชราอีกผู้หนึ่งนั่งอยู่บนรถเข็นหันมามองชารุกข์พร้อมรอยยิ้ม



               “กลับมาแล้วหรือชารุกข์”



             “ครับพ่อ”



                 ชารุกข์ก้าวเข้าไปหา เขาคุกเข่าลงต่อหน้าและดึงมือของชายชราที่เขาเรียกว่าพ่อมาจูบที่หลังมือด้วยความเคารพ ชารุกข์

ลุกขึ้นยืนดังเดิมและมองผู้เป็นพ่อด้วยความเป็นห่วง



                   “พ่อผอมไปนะครับ”



                  “อย่ามาเอาอะไรกับคนแก่ใกล้ตายนักเลย มีชีวิตอยู่ไปแค่นี้ก็ถือว่าอัลลอฮ์ให้พรแล้ว”



                    ชารุกข์มองชายชราที่นั่งอยู่บนรถเข็นด้วยสายตาแห่งความเคารพนับถือ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเดินไม่ได้และบนใบหน้ามีรอย

แผลเป็นจากไฟไหม้เสียเกือบครึ่ง หากแต่ก็ไม่ทำให้เขาลดความรักที่มีต่อบุพการีไปได้



                     “วันนี้ในเมืองมีการชุมนุมประท้วง”



                    พ่อของเขาเอ่ยขึ้น แม้ว่าจะอยู่เกือบชิดขอบชายแดนฮาลียันแต่กลับล่วงรู้ข่าวจากในเมืองหลวง



                    “รัฐบาลจัดงานวัฒนธรรมและเชิญนักข่าวจากทั่วทุกมุมโลกมาทำข่าวเพื่อประชาสัมพันธ์ฮาลียันสู่สังคมเบื้องนอกครับ

พ่อ ประชาชนที่ไปประท้วงคงหวังจะให้นักข่าวพวกนั้นได้รับรู้ปัญหาที่ถูกซุกไว้ใต้พรมที่รัฐบาลกำลังทำอยู่”



                     ชารุกข์เอ่ยเสียงเรียบราวกับไม่นึกแปลกใจที่มีการชุมนุม บิดาของเขาจึงถอนหายใจออกมา



                    “พ่อรู้ว่าลูกอยู่เบื้องหลังพวกเขา”



                   “ผมแค่สนับสนุนพวกเขาด้วยทุนจากรัฐบาลที่ผมไปหามาให้เท่านั้นเอง”



                    “ชารุกข์” ชายชราเอ่ยอย่างเป็นห่วง



                   “ทำอะไรก็ระวังตัวด้วย ตอนนี้ลูกเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของเขา และเขาคงจะทำทุกวิถีทางที่จะกำจัดลูกทั้งทางตรง

และทางอ้อม อย่างเช่นเรื่องที่เขาใส่ความว่าลูกลักพาตัวนักข่าวที่เป็นแขกของรัฐบาลคนนั้น”



                   “ผมทราบดีครับพ่อ ตอนนี้นักข่าวคนนั้นอยู่กับผม จะได้สมกับข่าวที่ทางนั้นปล่อยไปว่าผมเป็นคนลงมือทั้งที่จริงคือผม

ไปชิงตัวเขามาอีกที”



                   “แล้วลูกจะทำอย่างไรกับนักข่าวคนนั้นล่ะ”



                  ชายชราเอ่ยถามอย่างสงสัย ชารุกข์คลี่ยิ้มส่งให้บิดา



                    “ก็คงจะต้องให้อยู่ที่นี่สักพัก ไม่นานผมจะไปส่งเขา แต่ก่อนหน้านั้นผมคงจะให้เขาได้รู้ว่ากษัตริย์ราชิดได้อำนาจมา

อย่างไม่ชอบธรรมและเขาจะเป็นกระบอกเสียงให้แก่ฮาลียัน”



                    “พ่อขอโทษที่ทำให้ลูกต้องมาลำบากเช่นนี้ เพราะความอ่อนแอของพ่อโดยแท้”



                   สีหน้าของชายชราสลดลงจนชารุกข์ต้องรีบเอ่ยปลอบโยน



                 “อย่าได้เอ่ยเช่นนั้นอีกเลยครับพ่อ ผมไม่นึกกลัวความลำบากหากมันจะนำไปสู่ความถูกต้อง”



                ชายชราที่ซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านใต้เนินหินมองบุตรชายอย่างภาคภูมิใจ



               “อัลลอฮ์จงอวยพรให้ลูกประสบความสำเร็จดังที่หวังนะชารุกข์”



               ชารุกข์ค้อมศีรษะรับคำอวยพรก่อนจะเอ่ยอำลาและก้าวออกมาภายในห้องลับ เมื่อออกมาสู่ตัวบ้านเขาจึงเห็นอาลีนั่งคุยอยู่

กับบุรุษหนุ่มเค้าหน้าเดียวกับเขาสวมใส่ชุดสากลนั่งคู่กับสตรีคนหนึ่งในชุดคลุมอบายะห์สีดำโพกศีรษะด้วยฮิยาบใบหน้างดงาม เมื่อบุรุษ

ผู้นั้นหันมาเห็นชารุกข์เขาจึงลุกขึ้นยืนและตรงเข้ามาทักทายอย่างดีใจ



                  “ว่าไงพี่ชาย”



                 “สบายดี นายล่ะฟาฮีมสบายดีไหม”



                 ฟาฮีมคือน้องชายคนละมารดาของชารุกข์ เขาเผื่อแผ่รอยยิ้มไปถึงน้องสะใภ้แสนสวย



                “นูรอัยนี เป็นอย่างไรบ้าง นี่คงเลี้ยงหลานของฉันจนปวดหัวแน่ๆ”



                 “ฉันสบายดีค่ะชารุกข์อามิร ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะคะ”



                  นูรอัยนีเอ่ยอย่างนอบน้อม เธอเป็นพยาบาลอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในขณะที่ฟาฮีมสามีของเธอเป็นนายแพทย์อยู่ใน

โรงพยาบาลเดียวกัน



                 “ได้ยินข่าวพี่แล้วผมละกลัวแทน นี่กลายเป็นผมเชียร์ฝ่ายโจรอยู่นะครับ”



                 ฟาฮีมกล่าวกับพี่ชายอย่างสนิทสนม เขามองพี่ชายด้วยความนับถือ



                 “ผมเองไม่เก่งเหมือนพี่ จะให้ไปสู้รบกับใครก็ไม่มีปัญญา ก็ได้แต่เอาใจช่วยให้พี่ทำทุกอย่างราบรื่น”



                    “ทุกคนมีความสำคัญทั้งนั้นฟาฮีม อย่าได้กล่าวเช่นนั้น หากไม่มีหมออย่างนายใครเล่าจะดูแลพ่อจนหายจากอาการ

บาดเจ็บปางตายให้แข็งแรงขึ้นมาได้”



                    ชารุกข์พูดให้กำลังใจฟาฮีม แม้ทั้งคู่จะมิได้กำเนิดจากมารดาคนเดียวกันแต่ก็รักใคร่กันแนบแน่น



                   “ดูพี่สิ” ฟาฮีมเอ่ยพร้อมยิ้มขำ



                     “ทำตัวเป็นโจรถาวรไปเสียแล้ว หนวดเคราก็ไม่ยอมโกนจนรกรุงรัง หากหลานทั้งสองเห็นคุณลุงของเขาคงจะจำไม่ได้

เป็นแน่”



                   ปีศาจร้ายแห่งดาฟาร์ยกมือลูบเคราของตนเบาๆ สีหน้าของเขาบอกถึงความสงสัย



                  “พี่น่ากลัวขนาดนั้นเลยรึ”



                  “ถ้าผมไม่ใช่น้องชายของพี่ ผมคงนึกว่าพี่เป็นปีศาจจริงๆดังสมญา”



                    คิ้วเข้มยกสูง ชารุกข์ได้แต่คิดถึงนัยน์ตาสดใสที่จ้องมองเขาในแวบแรกที่สบตากันบนหลังม้า มิน่าล่ะที่กวินท์จะผงะจน

รีบเบือนหน้าหนีขนาดนั้น



                   “ขอบใจที่เตือนนะฟาฮีม พี่จะรีบจัดการกับมันก่อนที่ใครๆจะคิดว่าพี่คือปีศาจไปเสียจริงๆ”



                   ตอนนี้ชารุกข์ได้แต่คิดถึงมีดโกนคมๆ ที่จะทำให้เขาหมดสภาพไปจากความเป็นปีศาจนี่เสียที







                 “เลยจากนี้ไปอีกไม่ไกลก็จะเข้าเขตประเทศเพื่อนบ้านครับกวินท์”



                ยาก็อบชี้ให้เขามองตามเขตแดนประเทศระหว่างฮาลียันกับประเทศอื่น



                   “หมู่บ้านนี้ชื่อยาคีนเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่สืบทอดเชื้อสายมาจากเปอร์เซียในอดีต พวกชาวบ้านชอบที่จะใช้ชีวิตอย่าง

สงบคุณจึงไม่ค่อยได้เห็นความเจริญของวัตถุที่นี่มากนัก ผมเองก็มีแม่ที่เป็นคนจากหมู่บ้านนี้”



                     กวินท์มองยาก็อบอย่างสนใจ



                    “แต่คุณดูไม่เหมือนชาวบ้านในหมู่บ้านเลยนะยาก็อบ ถ้าผมพบคุณที่อื่นคงคิดว่าคุณยังเป็นนักศึกษาอยู่แน่ๆ”



                   ยาก็อบหัวเราะ เขาถูกชะตากับแขกของชารุกข์เป็นอย่างมาก



                 “ผมเป็นนักศึกษาอย่างที่คุณคิดนั่นแหละ แต่ตอนนี้ปิดเทอมผมเลยมาช่วยงานเชคฮชารุกข์”



                  “ทำไมคุณถึงมาช่วยงานเขา นักศึกษาอย่างคุณทำไมถึงมาอยู่ในกองโจรล่ะ”



                     “เชคฮชารุกข์ไม่ใช่แค่โจรธรรมดาหรอกครับกวินท์ เขามีเหตุผลมากกว่านั้น และที่ผมมาอยู่กับเขาคงเป็นเพราะความ

ศรัทธา”



                  กวินท์เลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจ



                 “คุณศรัทธาในความเป็นโจรของเขาอย่างนั้นหรือ อยากรู้จริงๆว่าอะไรในตัวชารุกข์ที่ทำให้คุณคิดเช่นนั้น”



                  “สักวันคุณจะรู้” ยาก็อบเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม



                    “ถึงวันนั้นคุณอาจจะเข้าข้างเขาเหมือนผมก็ได้”





มีต่ออีกนิด...
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 10-05-2017 15:10:56
ต่อกันตรงนี้...



               เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กเล็กขัดจังหวะการสนทนาระหว่างทั้งคู่ กวินท์หันไปมองเด็กหญิงชายหน้าตาน่ารักอายุราวห้าถึงหกปี

ที่กำลังให้ความสนใจกับอุฐตัวหนึ่งที่นอนพังพาบอยู่บนผืนทราย


                 “เจ้าอูฐลุกขึ้นนะ” เด็กชายท่าทางแสนซนทำหน้ามุ่ยเมื่อเจ้าอูฐไม่ยอมลุก


                 “อูฐมันง่วงนอนนะไฟซาล อย่าไปยุ่งกับมันเลย”


               เด็กหญิงวัยเดียวกันสวมใส่ฮิยาบทำแก้มป่องเมื่อเห็นเด็กชายแหย่ให้อุฐลุกขึ้นตามคำสั่ง


               “นูรีนอย่ายุ่งนะ ผมอยากขี่หลังอูฐนี่นา”


               “เกิดอะไรกันขึ้น”


                กวินท์อดไม่ได้ที่จะนำตัวเองเข้าไปยุ่งกับเด็กสองคนที่ท่าทางจะไม่ได้คนพื้นเพในหมู่บ้านนี้โดยกำเนิด ดูจากรูปร่าง

หน้าตาและเสื้อผ้าราคาแพงที่ทั้งคู่สวมใส่ แถมยังพูดภาษาอังกฤษไฟแลบราวกับเรียนจากโรงเรียนนานาชาติ


               “น้องชายของหนูเขาอยากขี่อูฐน่ะค่ะคุณอา”


               เด็กหญิงที่ชื่อนูรีนบอกกล่าว


               “แต่อุฐมันทำหน้าง่วงขนาดนั้นหนูว่าปล่อยให้มันนอนดีกว่า ไฟซาลตอนง่วงนอนแม่ยังไม่ปลุกเลยนี่นา”


              “อูฐมันเป็นสัตว์นะนูรีน มันไม่ง่วงเหมือนคนหรอกน่า นูรีนไม่อยากขี่อุฐเหรอ”


               เด็กชายไฟซาลยื่นข้อเสนอให้พี่สาวยอมแพ้ นูรีนเม้มริมฝีปากเมื่อไฟซาลจี้ถูกจุด


               “ก็อยากนะ แต่ว่า...”


                “งั้นอาจะช่วยเองนะ ได้ไหมยาก็อบ”


               กวินท์นึกสนุกจนต้องหันไปถามยาก็อบ เขาชอบเล่นกับเด็กและเด็กทั้งหลายมักจะชอบเขา ยาก็อบยักไหล่อมยิ้ม เมื่อไม่ได้

เอ่ยห้ามกวินท์จึงก้าวไปลูบหัวของอูฐที่นอนอยู่บนพื้น


               “นี่เจ้าอุฐ ลุกหน่อยสิ ขอพวกเราขี่หลังเจ้าหน่อยได้ไหม”


               อูฐหน้ายามผงกหัวมองส่งเสียงจากปากด้วยความรำคาญก่อนจะกลับไปนอนต่อ กวินท์ยังไม่ยอมแพ้


               “น่า นะ ขอขี่หลังเดินรอบหมู่บ้านรอบเดียว ไม่เหนื่อยหรอก”


                กวินท์พยักหน้ากับไฟซาลเพื่อให้ร่วมมือกัน ผู้ใหญ่กับเด็กต่างก็ช่วยกันออกแรงผลักเจ้าอุฐแก่ให้ลุกขึ้นยืนจนได้ เขาหันไป

ขยิบตาให้ไฟซาลเมื่อสำเร็จไปหนึ่งขั้น กวินท์ก้าวขึ้นไปบนหลังอุฐที่มีอานใส่ไว้ในที่สุด เขายิ้มกว้างอย่างชอบใจก่อนที่จะตกใจเมื่ออูฐ

ตัวนั้นเหวี่ยงตัวไปมา


               “เฮ้ย เดี๋ยวสิ อย่านะเจ้าอุฐ”


              ร่างโปร่งลอยละลิ่วจากหลังอูฐลงมาสู่พื้นเสียงดังพลักท่ามกลางความตกใจของนูรีนและไฟซาล ส่วนยาก็อบได้แต่หัวเราะ

ลั่นเมื่อเห็นกวินท์นอนแผ่อยู่บนพื้นด้วยสีหน้าอับอาย








                ยาก็อบเดินมาส่งกวินท์ที่หน้าบ้านของเชคฮอาลีพร้อมกับนูรีนและไฟซาล กวินท์หน้าเจื่อนเมื่อเห็นสายตาของชารุกข์ที่

มองเขาอย่างสงสัยเมื่อเห็นสภาพมอมแมมของเขา ส่วนเด็กทั้งสองเมื่อเห็นชารุกข์ทั้งคู่จึงวิ่งเข้าหาอย่างดีใจ


                “คุณลุง”


               “ลุงชารุกข์”


              ชารุกข์อุ้มนูรีนและไฟซาลขึ้นมาด้วยวงแขนแกร่ง เขามองหลานทั้งสองที่เป็นบุตรธิดาของน้องชายอย่างเอ็นดู


              “ว่าไงหลานลุง ไปซนที่ไหนกันมา”


                “ผมเล่นกับคุณอากวินท์ครับ”


                ไฟซาลชี้ไปยังกวินท์


                “พวกเราช่วยกันขี่อูฐ”


                “ขี่อูฐ” ชารุกข์ปลายตามาที่กวินท์แล้วส่ายหน้าอย่างระอา


                   “ซนกันเกินไปแล้วนะ”


                “นูรีนห้ามไฟซาลแล้วค่ะ แต่ไฟซาลดื้อ” เด็กหญิงรีบฟ้อง


                 “ไฟซาลชวนคุณอากวินท์ให้ไปช่วยกันปลุกเจ้าอุฐง่วงนอน”


                  ชารุกข์ปล่อยหลานแสนซนทั้งสองลงพื้นก่อนที่เขาจะก้าวมาใกล้และมองกวินท์ตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อผ้าสีขาวกลายเป็น

สีมัวเพราะเปื้อนฝุ่นทราย


                 “ทำอะไรเป็นเด็กไปได้ ถ้าตกหลังอุฐมาแขนขาหักล่ะ ทำไมไม่กลัวบ้าง”


                 กวินท์หน้าจ๋อยจนชารุกข์นึกสงสาร เขาถอนหายใจและเอ่ยออกมา


                “ไปบ้านผมกันเถอะ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตอนเย็นผมจะพามากินอาหารเย็นที่บ้านเชคฮอาลีอีกครั้ง”


                   ชารุกข์หันไปเอ่ยขอบใจยาก็อบที่ช่วยดูแลกวินท์ เขาเดินนำกวินท์ไปยังด้านท้ายหมู่บ้านที่มีบ้านหลังเล็กตั้งอยู่ห่างจาก

บ้านหลังอื่น ตลอดทางมีแต่ผู้คนที่เอ่ยทักทายเขาจนชารุกข์ตอบรับแทบไม่ทัน


                 “บ้านคุณจริงๆเหรอ”


                 กวินท์เอ่ยอย่างสงสัยเมื่อก้าวเข้าไป ด้านในเป็นโถงเล็กๆ มีประตูเปิดไปในห้องฝั่งหนึ่ง ภายในมีอุปกรณ์อำนวยความ

สะดวกดีกว่าในกระโจมมากนัก


                 “ใช่ บ้านผมเอง”


                 “คุณอยู่กับใคร”


                 “ผมอยู่คนเดียว”


                “แล้วครอบครัว ลูกเมียล่ะ”


                “ผมโสด”


                 คำบอกสถานะทำให้กวินท์หน้าร้อนเห่อโดยไม่รู้สาเหตุ เขาไม่กล้าหันไปมองว่าชารุกข์เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าอย่างไร


                 “แล้วที่อัลกามาร์ไม่ใช่ที่อยู่คุณเหรอ”


                 “นั่นก็ใช่ ผมอยู่ไม่เป็นหลักแหล่งหรอก”


                   กวินท์เดาว่าอัลกามาร์อาจจะเป็นด่านหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้ใครรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของชารุกข์อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ

ชายแดนของฮาลียัน


                 “ที่นี่มีห้องน้ำและไฟฟ้าใช้ คุณจะอยู่ที่นี่ได้สบายหน่อย”


                 “เดี๋ยวนะ” กวินท์หันกลับไปมองชารุกข์อย่างแคลงใจ “คุณหมายถึงผมต้องอยู่กับคุณที่นี่จนกว่าคุณจะไปส่งผมที่สถาน

ทูตงั้นหรือ”


                 “ถูกต้อง คุณต้องอยู่ที่นี่ ในฐานะที่คุณเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ผมสละห้องนอนของผมให้คุณ ผมอยู่ข้างนอกได้”


                 ชารุกข์ชี้ไปที่ห้องเล็กๆ ด้านหลัง


               “นั่นห้องน้ำ คุณจะอาบน้ำแต่งตัวใหม่ก็ได้ ยังมีเวลาก่อนที่เราจะไปบ้านของเชคฮอาลี”


                 กวินท์ไม่ปฏิเสธ เขานึกยินดีที่อย่างน้อยก็ยังได้อยู่ในบ้านที่ดูดีกว่ากระโจมกลางทะเลทราย เขาเข้าห้องน้ำไปทำความ

สะอาดร่างกายอย่างสบายใจกว่าตอนเช้าที่ต้องอาบน้ำจากน้ำในโอเอซิส


                “เสื้อผ้าของคุณอยู่ในห้องนอน ผมเตรียมไว้ให้แล้ว”


                 ชารุกข์เอ่ยออกมาจากด้านหลังของบ้านโดยที่กวินท์มองไม่เห็นต้นเสียง ชายหนุ่มรีบก้าวเข้าไปในห้องนอนที่จะกลายเป็น

เขตแดนของเขาหลังจากนี้เป็นต้นไป


                  แต่งตัวเสร็จด้วยเสื้อผ้าแบบเดิมหากแต่มีสีเข้ม กวินท์ผิวปากเดินออกมาก่อนที่จะชะงักเมื่อเห็นร่างสูงของชารุกข์นั่งอ่าน

หนังสืออยู่ที่เก้าอี้โซฟาสำหรับรับแขก และเมื่อปีศาจร้ายแห่งดาฟาร์เงยหน้าขึ้นมาหัวใจของกวินท์ก็พลันเต้นรัวเมื่อใบหน้านั้นมีเพียง

รอยหนวดและเคราจาง ๆ รอบริมฝีปากเมื่อเจ้าของตัดเล็มความรกรุงรังออกไป


                        กวินท์เพิ่งเห็นชัดๆตอนนี้เองว่า บุรุษชาวอาหรับที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาจนสตรีทั่วโลกใฝ่ฝันหานั้นเป็นอย่างไร




                                                          TBC



                                                   กวินท์เริ่มเคลิ้มล้าวว



                               ป.ล.สารบัญอยู่หน้ากฎนิยายนะคะ

                                                  :eiei1: :eiei1: :eiei1: :eiei1: :eiei1:







หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 10-05-2017 15:15:44
เคลิ้มเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 10-05-2017 15:43:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 10-05-2017 15:50:44
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-05-2017 17:33:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 10-05-2017 18:05:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 10-05-2017 18:22:43
รอให้เขารักกัน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 10-05-2017 18:44:08
 :pig4: รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 10-05-2017 18:47:20
โกนหนวดแล้ว คนอ่านก็เคลิ้มจ้า ไม่ใช่แค่กวินท์

รักเรื่องนี้ รักชารุกข์จังเลย เอาชนะพวกนั้นให้ได้นะ

ชอบหลานๆทั้งสองคนด้วย เอาไว้เล่นกับกวินท์จะได้ไม่เหงา ขี่อูฐเที่ยวกันรอบๆหมู่บ้าน

ส่วนยาก็อบเราจองจ้า อุอิ :hao5:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 10-05-2017 18:53:09
เราก็แอบใจเต้นไปด้วย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 10-05-2017 20:04:45
 :o8:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 10-05-2017 20:58:22
กิ้วววววกวินนนนนนใจเต้นแรงอิอิ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 10-05-2017 21:12:02
เคลิ้มด้วยคนนน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 10-05-2017 21:31:35
หวั่ยตั่ยล้าวววววววววววววววววว
มีคนเขินหนึ่งอัตรา เคลิ้มไรจ๊ะหนู
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 10-05-2017 21:47:37
พาเข้าบ้านด้วยยย ฮิ้วววววว
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 10-05-2017 21:53:18
 :hao5: :hao5:
หูยยย เค้าแอบใจเต้นนนน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: FaiiFay_Elle ที่ 10-05-2017 22:00:09
พระเอกเป็นเจ้าชายสินะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-05-2017 22:14:14
อมยิ้มเลย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: imetvxq ที่ 10-05-2017 22:15:07
อยากเห็นหน้าตอนไม่หนวดไม่เคราเหมือนกวินท์บ้างจังเลยยยย 555555
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Sorth ที่ 10-05-2017 23:08:53
ชารุก .. มาดเข้มๆนี่ก้อโอนะ..แต่พอเอาหนวดออกนี่บอกเลย อยากเห็นมากๆว่าจะเด็ดขนาดนี้รึป่าว.....
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-05-2017 23:14:15
 :hao6:



ชอบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 10-05-2017 23:21:41
อ่อที่แท้พระเอกเป็นเจ้าชายนี่เอง

สู้ๆนะเอาความยุติธรรมกลับคืนมาให้ได้

หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 11-05-2017 06:47:41
พอเดาถูกทางค่ะ ชารุกข์เป็นทายาทของกษัตริย์องค์ก่อน

ชารุกข์ชอบทำเข้มกับกวินท์นะ ลุคดี มาดเนี้ยบ ใจดีกับหลาน
กวินท์ตลก ไม่คุ้นอูฐ ดีนะไม่เจ็บตัว แล้วใจเต้นกับชารุกข์นี่คิดไรอยู่

หลานๆน่ารัก เจื้อยแจ้วเลย

ยาก็อบไม่ขัดกวินท์ เพราะห้ามก็คงไม่ฟัง 555555
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 11-05-2017 08:34:14
รักด่วนๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 11-05-2017 15:10:50
เขาจะพากันร้อนแรงแข่งกับทะเลทรายไหม  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 12-05-2017 11:36:59
หล่อมากเลยล่ะซี  :hao7:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: cookie_ ที่ 13-05-2017 01:54:10
อร๊ายยยย รอชมความหล่อของท่านจอมโจร :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 13-05-2017 02:15:28
เคลิ้มด้วยจร้า
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 13-05-2017 05:55:58
อีกไม่นานคงเรักกัน หิ้วววว
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 14-05-2017 10:10:53
เหมือนสมาชิกกองโจรจะใช้ชีวิตปะปนไปกะคนทั่วไปได้แนบเนียน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 14-05-2017 12:50:03
 o13
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 6 [10/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 14-05-2017 13:58:21
รอว่าเมื่อไรชารุกข์ จะรุกกวินทร์ตามชื่อ 555
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 16-05-2017 02:27:58

                                                        ลมหายใจแห่งผืนทราย

                                                                 บทที่ 7



                  หล่ออิ๊บอ๋าย หล่อไม่บันยะบันยัง หล่อวัวตายควายล้ม

                 คำศัพท์สมัยใหม่ที่บรรดาญาติ ๆ วัยรุ่นหลานคุณนายรำพึงเคยสอนมาตอนที่เขาไปพักที่

ประเทศไทยนั้น กวินท์เพิ่งจะมาแจ้งต่อใจในวินาทีนี้เองที่เขาได้แต่มองหัวหน้ากองโจรแห่งดาฟาร์จนเกือบ

ลืมหายใจ จนกระทั่งเสียงกระแอมในลำคอดังขึ้นจากคนที่ถูกจ้องมองเรียกสติกลับคืนมา กวินท์ถึงกับต้อง

หัวเราะแก้เก้อและเสหลบตาไปจากใบหน้าคมที่มองเขาอย่างเก้อกระดาก


                  “ตลกงั้นเหรอ คิดไว้แล้วเชียว”


                  สีหน้าของเชคฮชารุกข์บอกถึงความไม่มั่นใจ เขายกมือลูบคางตัวเองเหมือนทำสิ่งสำคัญ

สูญหาย กวินท์ข่มความขัดเขินและพยายามวางหน้าให้ปกติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้


                 “ใช่ ตลกมาก หน้าตาคุณเหมือนตัวไวลีอีไคโยตี้เลยรู้หรือเปล่า”


                กวินท์หมายถึงตัวการ์ตูนตัวหนึ่งของค่ายวอร์เนอร์บราเธอส์ที่มีต้นแบบเป็นหมาป่าทะเลทรายคู่

ปรับของนกโรดรันเนอร์ซึ่งก็เป็นนกที่วิ่งเร็วที่สุดในทะเลทรายเช่นกัน ชารุกข์มองคนพูดที่พยายามกลั้นยิ้ม

อย่างสุดความสามารถก่อนที่เขาจะหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้


                   “ถ้าผมเป็นไวลีอี ผมคงไม่พลาดที่จะจับโรดรันเนอร์อย่างคุณมากินหรอกคุณนักข่าว”


                  ชารุกข์เห็นกวินท์หน้าแดงเป็นมะเขือเทศสุก ฝ่ายนั้นก้มหน้างุดหลบตาเขาจนอดไม่ได้ที่จะนึก

เอ็นดู แม้กวินท์จะเป็นนักข่าวที่มีชื่อเสียงเรื่องการเจาะลึกข่าวใหญ่ แต่เมื่อได้ใกล้ชิดเพียงวันเดียวเขากลับ

มองเห็นความสดใสราวกับกวินท์เป็นเด็กวัยเดียวกับนูรีนและไฟซาลแทนที่จะเป็นชายในวัยใกล้สามสิบใน

ความเป็นจริง


                 “ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นจะรอนาน”


                  ชารุกข์เดินนำออกไปเบื้องนอก เขาก้าวเดินไปตามถนนเล็ก ๆ เส้นเดิม กวินท์ก้าวตามแผ่นหลัง

กว้างนั้น เขาได้แต่ครุ่นคิดถึงความเป็นผู้นำอย่างน่าอัศจรรย์ของบุรุษคนนี้ การเติบโตมาในโลกเสรีทำให้

กวินท์เป็นคนมั่นใจในตนเองตามแบบฉบับของชาวตะวันตก หากแต่เมื่อมาอยู่ในดินแดนไกลบ้านภายใต้การ

ดูแลของชารุกข์ เซรีม กวินท์กลับรู้สึกว่าเขามั่นใจยินดีที่จะเดินตามหลังและมอบให้ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าปีศาจ

ร้ายแห่งดาฟาร์ปกป้องดูแลเขามากกว่าใคร

                เม้มริมฝีปากเมื่อคิดถึงตรงนี้ ความอุ่นร้อนแล่นฉิวมารวมกันอยู่บนผิวแก้ม กวินทไม่รู้ว่าควรจะ

เรียกอาการที่อยู่ ๆ หัวใจพลันรัวเร็วขึ้นมาว่าอะไรดี


                 “คิดอะไรอยู่”


                 กวินท์สะดุ้งโหยง


                “อะไรนะครับ”


                  ชารุกข์ที่หันกลับมามองเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าสับสนราวกับกวินท์กำลังทะเลาะกับ

ตัวเองอยู่


                 “ก็เห็นเงียบไป ปกติคุณต้องถามโน่นถามนี่ไม่ยอมหยุดไม่ใช่เหรอ”


                กวินท์หัวเราะขำคำพูดของชารุกข์ มีคนเคยบอกว่ากวินท์เป็นคนช่างซักช่างถามมาตั้งแต่เด็ก

และยิ่งโตขึ้นมาประกอบอาชีพนักข่าว เขาก็ยิ่งต้องตั้งคำถามตามสายงาน


               “คุณคงรำคาญ แม่ผมเขายังรำคาญที่ผมพูดมากเลย”


              “ไม่หรอก ฟังคุณพูดแล้วก็รู้สึกเพลิน ๆ ดีเหมือนกัน”


                 พูดจบชารุกข์ก็ผินหน้ากลับไปทันทีจนกวินท์ไม่ทันเห็นสีหน้าของเขาขณะเอ่ยออกมา ตอนนั้น

เองที่กวินท์เพิ่งจะรู้ว่าเขาและชารุกข์เดินมาถึงมัสยิดเล็ก ๆ ของหมู่บ้านที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนที่มาละหมาด

ในยามตะวันตกดิน

                    ชาวหมู่บ้านยาคีนประกอบด้วยประชากรราวร้อยคน ส่วนใหญ่เป็นชาวเบดูอินเชื้อสายเปอร์เซีย

ที่มาตั้งรกรากเป็นการถาวรที่นี่ ใบหน้าของพวกเขาจึงยิ่งเด่นกว่าชาวอาหรับที่อื่น และยังมีวัฒนธรรมของชาว

เบดูอินหลงเหลืออยู่ เช่นการแต่งกายของสตรีที่ใช้ผ้าทอมือปิดบังใบหน้าแทนผ้าฮิยาบ บางคนก็ใช้เครื่อง

ประดับเป็นเหรียญเงินมาร้อยต่อกันจนดูแปลกตา


                  “รออยู่ที่นี่นะ”


                   ชารุกข์ปล่อยเขาไว้กับสตรีชาวยาคีนที่มีตั้งแต่รุ่นเด็กไปถึงวัยชราอยู่หน้ามัสยิด กวินท์กลาย

เป็นจุดเด่นเมื่อสตรีเหล่านั้นมองเขาเป็นตาเดียว เขาโปรยยิ้มเพื่อสร้างสัมพันธภาพจนสาววัยขบเผาะพากัน

ซุบซิบและหัวเราะคิกคัก


                 “คุณเป็นแขกของเชคฮชารุกข์หรือคะ”


                 สาวคนหนึ่งใจกล้ากว่าเพื่อน เธอเดินเข้ามาถามไถ่ด้วยนัยน์ตาอยากรู้ ภาษาอังกฤษแปร่ง ๆ

ของเธอทำให้กวินท์ยิ้มอย่างยินดีที่จะมีเพื่อนคุยอีกคนหนึ่ง


                 “ไม่แน่ใจว่าเป็นแขกหรือเปล่า แต่ผมมากับเขา”


                 “คุณพักที่บ้านเขาด้วยใช่ไหมคะ”


                 สาว ๆ คนอื่นที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันพากันมองและกระซิบกระซาบด้วยความอยากรู้ กวินท์จึงยิ้ม

แห้งตอบกลับไป


                  “ใช่แล้วครับ เชคฮชารุกข์ของพวกคุณเขาให้ผมพักกับเขา”


                  เสียงฮือฮาดังขึ้นเมื่อหญิงสาวที่เอ่ยถามหันไปแปลคำตอบให้พวกเพื่อนสาวฟังก่อนจะหันกลับ

มาหากวินท์


                   “มีหลายคนอยากจะได้โอกาสอย่างคุณค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฉันชื่อซาดิยะ”


                 “คุยอะไรกันอยู่หรือ”


                 เสียงคุ้นหูของยาก็อบดังขึ้น เขาเดินมาสู่วงสนทนาด้วยพลางมองซาดิยะอย่างสนิทสนม


                “รู้จักมิสเตอร์แอนเดอร์สันแล้วหรือซาดิยะ”


                 “เรียกผมว่ากวินท์ดีกว่า”


                กวินท์ถือโอกาสแนะนำตัว


               “เราเพิ่งคุยกันไม่กี่ประโยคเท่านั้น ยินดีที่ได้รู้จักครับซาดิยะ”


               “ซาดิยะเป็นคู่หมายของผมเอง ครอบครัวของเราจัดการให้ตั้งแต่ยังเด็ก”


               “บ้าน่ายาก็อบ ฉันไม่แต่งงานกับเธอหรอก รีบเข้ามัสยิดไปละหมาดเลยไป”


               ซาดิยะสะบัดหน้าแล้วเดินกลับไปยังกลุ่มเพื่อน ยาก็อบได้แต่ส่ายหน้า


              “เธอไม่ค่อยชอบหน้าผมน่ะกวินท์ แต่ทำไงได้ล่ะ อีกไม่นานเราก็ต้องแต่งงานกันตามที่ผู้ใหญ่คุย

กันไว้ ผมขอตัวไปละหมาดก่อนละ”


              ยาก็อบรีบเดินเข้าไปในมัสยิด กวินท์เคยรู้มาว่ามีแต่บุรุษเท่านั้นที่จะละหมาดในมัสยิดได้ ส่วนสตรี

จะต้องละหมาดอยู่ภายนอก ชายหนุ่มถอยฉากออกมายืนสังเกตการณ์อยู่ด้านข้างเมื่อเห็นสตรีชาวยาคีนเริ่ม

อยู่ในความสงบ เขาได้ยินเสียงเชคฮอาลีเป็นผู้นำการละหมาดดังแว่วออกมาจากมัสยิดด้วยท่วงทำนองและ

ภาษาที่เขาไม่เข้าใจ

                  ภาพความสงบเบื้องหน้าทำให้กวินท์ประทับใจ มัสยิดเล็ก ๆ เพียงหนึ่งเดียวที่เป็นจุดศูนย์รวม

ของผู้คนในหมู่บ้าน ที่พากันส่งเสียงแสดงความเคารพต่ออัลลอฮ์ของพวกเรา พักใหญ่การละหมาดจึงเสร็จ

สิ้นลง เหล่าบุรุษทั้งหลายทยอยเดินมาด้านนอกเสียงจอแจก่อนจะพาคนในครอบครัวกลับที่พักอาศัย กวินท์

เห็นชารุกข์เดินมาพร้อมกับยาก็อบ


                 “พรุ่งนี้พบกันนะ”


               “ครับเชคฮ”


             ต่อหน้าชารุกข์ยาก็อบมักจะพูดเป็นอยู่คำเดียว ยาก็อบยกมืออำลาให้กวินท์


           “พบกันพรุ่งนี้นะกวินท์”


             รอจนยาก็อบเดินจากไปแล้วชารุกข์จึงเอ่ยกับเขา


             “คุณคงหิวแล้ว ไปเถอะ”


              มือใหญ่เอื้อมมาแตะที่ปลายข้อศอกของกวินท์อย่างสุภาพ และเพียงแค่นั้นกลับทำให้ผิวสัมผัส

ผ่านเนื้อผ้าร้อนวูบขึ้นมา กวินท์หายใจขัดขณะก้าวเดินเคียงข้างบุรุษร่างสูงใหญ่ไปยังบ้านของเชคฮอาลี ที่

เปิดไฟไว้สว่างไสว


               “เชิญ เชิญ”


               ชายชราอันเป็นผู้นำหมู่บ้านและผู้นำทางศาสนาผายมือไปยังเก้าอี้บนโต๊ะอาหารอย่างยิ้มแย้ม มี

เพียงเชคฮอาลีและภรรยากับชายชราอีกผู้หนึ่งที่นั่งอยู่บนรถเข็น กวินท์มองเห็นใบหน้านั้นไม่ชัดเจนเพราะมี

ผ้าโพกผมพาดปิดบังเสียจนเกือบหมด


               “พ่อของผมเอง ท่านมีชื่อว่ารีฮาน”


               “อัสสลามุอะลัยกุม”


               กวินท์รีบเอ่ยออกไป เขาเห็นดวงตาข้างหนึ่งคมกริบไม่แพ้บุตรชายจ้องมองเขาอยู่


               “ตามสบายเถอะพ่อหนุ่ม เรียกฉันว่าลุงก็ได้”


                 ภาษาอังกฤษสำเนียงระดับดีมากจนกวินท์นึกแปลกใจ สภาพร่างกายที่ต้องนั่งบนรถเข็นกับการ

อำพรางใบหน้าไม่ให้เห็นเด่นชัดทำให้กวินท์ลอบมองอย่างคนช่างสังเกต แต่เขาก็ทำเพียงคลี่ยิ้มอย่างจริงใจ

ส่งให้เท่านั้น


                  “ผมหิวแล้ว รับประทานอาหารเย็นกันเถิด”


                 ชารุกข์เอ่ยขึ้นราวกับเป็นคำสั่ง ภรรยาของเชคฮอาลีรีบตักอาหารใส่จานที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าทุกคน

ทันที กวินท์มองเห็นความนอบน้อมที่หญิงชรามีต่อสองพ่อลูกมากกว่าสามีของตนเสียอีก

           ตลอดเวลาอาหารเย็นนั้น กวินท์แทบไม่มีส่วนร่วม เขานั่งกินอาหารเงียบๆระหว่างที่ชารุกข์และรีฮาน

สนทนาด้วยภาษาอารบิก อาจจะเพื่อกันเขาไม่ให้รับรู้ข้อความทั้งหมดจนกระทั่งมื้ออาหารสิ้นสุดลง


                 “มิสเตอร์แอนเดอร์สัน”


                 รีฮานเรียกเขา


               “โปรดเรียกผมว่ากวินท์เถอะครับคุณลุง”


                กวินท์เอ่ยอย่างเป็นมิตรจนรีฮานเผยรอยยิ้มแรกให้เขา     


               “อย่างนั้นก็ได้ ลุงขอให้เธอสบายใจที่ยาคีน รออีกไม่กี่วันจนมั่นใจว่าปลอดภัยเธอจะได้กลับบ้าน

ของเธอ พักผ่อนให้สบายนะ”


                 ชารุกข์ลุกขึ้นยืน เขาเข็นรถเข็นบิดาเข้าไปในประตูบานหนึ่ง ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เดินออกมา

กล่าวคำอำลาต่อเจ้าของบ้านและพยักหน้าให้กวินท์ก้าวตามมา

              ตลอดทางกลับบ้านของชารุกข์กวินท์เต็มไปด้วยความสงสัย ดูเหมือนทุกคนที่นี่จะให้ความเคารพ

นับถือต่อชารุกข์มากยิ่งกว่าผู้นำหมู่บ้านเสียอีก กวินท์ข้องใจว่าทุกคนจะรู้เรื่องที่ชารุกข์เป็นหัวหน้ากองโจรที่

เป็นศัตรูของรัฐบาลหรือไม่ และหากรู้ ทำไมทุกคนยังเคารพไม่กลัวในข่าวลือเรื่องความโหดร้ายของเขาเลย


               “จะเป็นนักสืบอีกนานไหม”


              เสียงทุ้มปลุกให้กวินท์ตื่นจากภวังค์ เขาเหลียวมองรอบตัวจึงรู้ว่าเดินมาถึงหน้าบ้านของชารุกข์

แล้ว


               “หน้านิ่วคิ้วขมวดตั้งแต่บ้านเชคฮอาลีจนถึงตอนนี้ ผมบอกคุณแล้วว่ายิ่งรู้น้อยยิ่งปลอดภัย”


                “ก็มันอดคิดไม่ได้นี่นา” กวินท์เถียง “คุณจะให้ผมไม่คิดเรื่องคุณน่ะเป็นไปไม่ได้หรอก ใครๆก็

อยากรู้ทั้งนั้นแหละว่าปีศาจร้ายแห่งดาฟาร์น่ะเป็นใคร ทำอะไร อยู่ที่ไหน”




มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 16-05-2017 02:38:01
อ่านต่อตรงนี้...



                 “ไม่อนุญาตให้คิด”


                 เสียงเข้มสั่งกวินท์


                  “คุณควรจะเลิกคิดแล้วซึมซับบรรยากาศที่นี่ไปให้มากที่สุดจะดีกว่า ไหน ๆ คุณก็มีโอกาสได้มา

ท่องเที่ยวหมู่บ้านกลางทะเลทรายแล้ว คุณจะได้กลับไปเขียนข่าววัฒนธรรมของฮาลียันอย่างที่รัฐบาลเรียก

ให้คุณมาทำงานไงล่ะ”


                 ชารุกข์ดึงพรมเก่าผืนหนึ่งที่พับเก็บอยู่ใต้หลังคาบ้านออกมาแล้วปูไปบนพื้นหน้าบ้านนั่นเอง ร่าง

สูงเอนกายลงไปนอนใช้ท่อนแขนสอดใต้ศีรษะต่างหมอนอย่างสบายอารมณ์


                   “นอนชมดาวกันดีกว่า วันนี้กรมดาราศาตร์บอกว่าจะมีฝนดาวตก”


                  กวินท์ยังยืนเก้ ๆ กัง ๆ จนชารุกข์เอ่ยย้ำ


                 “มาสิกวินท์”


                ตบมือลงด้านข้างบอกให้กวินท์มานอนเคียงข้าง กวินท์ไม่อาจปฏิเสธได้เขานอนลงข้างชารุกข์

เหม่อมองท้องฟ้าผืนดำสนิทเบื้องบน

               แสงไฟจากบ้านเรือนทยอยปิดกันจนเหลือแต่ความมืดมิด มันเป็นท้องฟ้าที่กวินท์คิดว่าใกล้ที่สุด

จนแทบจะเอื้อมมือคว้าดวงดาวเกลื่อนกลาดลงมาได้ แสงจันทร์ที่มีเพียงครึ่งดวงทรงกลดเป็นวงเด่นชัดข่ม

รัศมีดวงดาวรอบข้าง มีดาวตกพุ่งเป็นสายแล้วหายลับไปที่ริมขอบฟ้าให้กวินท์ได้มองอย่างตื่นตา

                กลิ่นหอมจากอะไรบางอย่างลอยวนอยู่ในบรรยากาศ มันเป็นกลิ่นหอมเย็นจนอดไม่ได้ที่จะสูด

กลิ่นของมันเข้าไป ชารุกข์หันมามองพลางเอ่ยโดยไม่รอให้กวินท์ถาม


                “กลิ่นกำยานน่ะ หมู่บ้านนี่ผลิตกำยานขาย มันมาจากยางไม้ของต้นกำยานที่อยู่บนภูเขาด้านหลัง

หมู่บ้าน”


               กวินท์พยักหน้ารับรู้ เขาแหงนหน้าขึ้นมองดวงดาวบนท้องฟ้าอีกครั้ง ได้ยินเสียงเพลงดังมาจาก

บ้านหลังไหนสักหลังที่เปิดเพลงฟังในยามค่ำคืน เสียงเพลงอาหรับฟังไม่รู้เรื่อง แต่ท่วงทำนองไพเราะนั้นทำ

ให้กวินท์เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจจนกระทั่งจบเพลง


                  “เนื้อเพลงว่ายังไงบ้าง”


                 เขาหันไปถามชารุกข์ด้วยความอยากรู้ อีกฝ่ายยังคงสนใจจ้อมมองแต่ท้องฟ้าแต่ปากก็ฮัมเพลง

เบา ๆ ในลำคอพอให้กวินท์ได้ยิน



               ك....تملي معااااك..تملي في بالي و فقلبي و لا بنساك.. تملي وحشني لو حتى بكون وياك...تملي حبيبي بشتقلك تملي عنيي تندهلكولو حولي كل الكون
بكون يا حبيبي محتاجلك....تملي معاك ..معاك قلبي معك روحي يا اغلى حبيب ..يا اغلى حبيب و مهما اتكون بعيد عني لقلبي قريب...يا عمري الجي و الحاضر يا

احلى نصيب ...تملي حبيبي بشتقلكتملي عينيي تندهلكولو حولي كل الكون بكون يا حبيبي محتاجلك...




                “เนื้อเพลงบอกว่า...”


                ชารุกข์หันขวับมาสบตากับเขา ดวงตาสีเทาพริบพรายสะท้อนแสงจากดวงดาวบนท้องฟ้า



              “...ผมขอสั่งคุณหากคุณจากไกลด้วยหัวใจของผม

               สั่งคุณอันเป็นที่รักด้วยลายมือ ด้วยดวงตา

               หากว่าจักรวาลจะยินยอมหันกลับมาหา

               ที่รัก ผมต้องการคุณ ผมรักคุณ

              ไม่ว่าคนที่ผมรักจะอยู่ห่างไกลแค่ไหน แต่หัวใจของเราอยู่เคียงกัน

               คุณคือส่วนหนึ่งในชีวิตและปัจจุบัน

              ความรักของผมสั่งคุณ ดวงตาของผมสั่งคุณ

              เพื่อให้จักรวาลทั้งหมดมองเห็น ความรักของผมที่มีต่อคุณ”




         น้ำเสียงนั้นนุ่มเกินไป ทอดหวานเกินไป ดวงตาคู่นั้นกระจ่างแสงเกินไป ทั้งหมดทำให้หัวใจของกวินท์

เต้นรัวจนเจ้าตัวหวั่นไหว เขากัดริมฝีปากและเบนสายตาหลบจากการประสานสายตาพร้อมกับใบหน้าที่ร้อน

เห่อจนนึกเคืองตัวเองไม่ได้


              “ผมง่วงนอนแล้ว”


              พลันลุกขึ้นก้าวเท้าหนีเข้าไปในบ้าน แต่กลับชะงักเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเรียกขัดไว้


              “กวินท์ หลับฝันดีนะ”


              ไอ้โจรบ้า!


                เขาจ้ำพรวดเข้าไปในตัวบ้านพุ่งตัวไปยังเตียงนอนเล็กกลางห้องแล้วซุกหน้าลงกับหมอนอย่าง

รวดเร็ว ในความมืดของเปลือกตาที่พยายามปิดสนิทกลับมีภาพใบหน้าของชารุกข์ เซรีมปรากฏราวกับปีศาจ

หลอกหลอนให้หัวใจหวั่นไหวและกว่าจะข่มใจให้หลับลงได้ก็คลับคล้ายจะได้ยินเสียงฮัมเพลงแว่วหวานอยู่

ในหูตลอดเวลา



                                                  TBC


                                เริ่มอ้อยกันแล้วเว้ยยย



                                   :give2: :give2: :give2: :give2: :give2:


ฟังเพลงกันดีกว่าาาา
https://www.youtube.com/watch?v=aLHs-WAxZJE (https://www.youtube.com/watch?v=aLHs-WAxZJE)










หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 16-05-2017 03:43:34
 :-[   โอ๊ยย ตายๆๆๆๆ  หัวใจอิแม่ยกคนนี้จะวายตายจริงๆ  พ่อเชคของชั้นอะไรจะเปิดฉากได้รุนแรงปานนี้  ดาเมจถล่มถลายมาก

นี่ยังแอบบิดไปบิดมาแทนนู๋กวินเลยยย ถ้านู๋กวินไม่เอาเจ๊ขอนะลูก 555

อ่านย้อนหลังในตอนที่แล้วแอบสงสัยว่าตกลงพ่อเชคเนี่ยใช่เจ้าชายจริงๆหรอ  แบบการแสดงออกของคนในหมู่บ้านมันไม่เหมือนเท่าไหร่ ยิ่งเจอน้องชายต่างแม่แล้วยิ่งไม่มั่นใจเข้าไปอีก 

เพราะถ้าพ่อชารุก เป็นเจ้าชายจริงน้องชายก็ต้องเป็นเจ้าชายเหมือนกัน  แต่ไหงดันใช้ชีวิตได้แบบปกติชนล่ะ 

พอมาอ่านตอนนี้ ก็กลับไปมั่นใจอีกรอบว่าเจ้าชายแน่ๆ 

โอ๊ยย ปวดหัว  :z3:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 16-05-2017 06:10:00
รอลุ้นรอติดตามตอนต่อไปค่ะ^^
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 16-05-2017 06:21:02
หัวใจละลาย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 16-05-2017 06:24:07
แหมหวานไม่เบามีการนอนดูดาว อิอิ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 16-05-2017 09:05:05
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 16-05-2017 10:11:56
พระเอกอ้อยเยอะมาก ส่วนกวินทร์เริ่มหวั่นไหว
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 16-05-2017 10:28:49
กรี๊ด เขาจีบกัน :hao7:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 16-05-2017 10:29:30
อ้อ..เข้าใจหละ

ว่าพ่อของพระเอกเป็นกษัติร์

แล้วโดนน้องชายชิงบังลัง

ซึ่งก็คือกษัติร์องค์ปัจจุบัน

ตอนนี้หวานๆมุ้งมิ้งๆ

หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 16-05-2017 11:50:57
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 16-05-2017 14:33:38
เคยฟังเพลงนี้เมื่อหลายปีก่อนเพราะมีเพื่อนชาวอาหรับเปิดฟัง ไม่ได้รู้ความหมายหรอกแต่ฟังเเล้วเขิน พอมารู้ความหมายแม่งโคตรรรเขินเลย โคตรแย่โอยยยหัวใจ พ่อจอมโจร น้องกวินทร์ไม่เอาแม่ขอนะลูกกก
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 16-05-2017 14:49:57
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ ภาษาสวยมาก

บรรยากาศกองกำลังกู้ชาติคล้ายๆโสมส่องแสง พระเอกคล้ายๆรอยอินทร์

แต่ฉากหลังกลับทำให้นึกถึงฟ้าจรดทรายหรือยังมีรักที่อฮัคการ์

ทั้งหมดทั้งมวลแค่อยากจะบอกว่าคนแต่งเขียนดีมากค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 16-05-2017 16:13:59
ทะเลทรายนะคะ ไม่ใช่ไร่อ้อย  :-[
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 16-05-2017 17:58:49
อ้อยอะไรกันขนาดนี้
เขินนน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 16-05-2017 18:06:12
กรี๊ดดดชอบอ่ามีความจีบกัน เขิลๆนะ
เพลงก็เป็นใจมาก ท่านเชคจ้างใหัเปิดใช่มะเอาดีๆ  :katai2-1: :katai2-1:
แต่แบบอ่านเนื้อเพลงแล้วก็นึกถึงวันที่กวินท์ต้องกลับไป ไม่นะ
 :hao5:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 16-05-2017 20:54:22
ตามติดข้างสนามอย่างใกล้ชิดดด
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-05-2017 21:57:53
มีหยอดมีอ้อยนะจ๊ะ 5555
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-05-2017 22:31:41
หวายยยยย เค้าจีบกันหรอคะ

กวินท์น่ารักนะ ช่างพูดช่างคุย จนชารุกข์ดูออก แถมไม่รำคาญด้วยนะ

ชารุกข์สมกับเป็นทายาท ที่ว่าอีกไม่นานก็ได้กลับ
คือรอเหตุในเมืองสงบก่อนใช่ไหม ถึงตอนนั้นคงรักกันแล้วล่ะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 17-05-2017 00:33:28
โอ้ยๆ ระทวยขอซบอกท่านโจร
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 17-05-2017 00:35:46
กรี๊ด~แนวทะเลทราย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-05-2017 00:49:50
 :-[



แอร้ยยย เขินนนนนน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 17-05-2017 02:48:54
ชอบอ่านเรื่องแนวทะเลทรายสุดๆ เลยค่ะ จินตนาการตามแล้วแอบกรี๊ด
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 17-05-2017 04:08:51
ยังอ่านไม่ถึงตอนปัจจุบัน แต่ขอมมากรีดร้องก่อนนน
งื้ออ ชอบเรื่องแนวนี้มากแบบจริงจัง 
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-05-2017 09:58:51
เนื้อเพลงหวานมากๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-05-2017 14:34:48
ชารุกข์ กวินท์   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-05-2017 16:02:23
ฮือออ เขินมากเลย :m3:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 17-05-2017 16:25:32
ช็อตนี้กูตายย ละลายไปเลยจ้าาา :m3:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 17-05-2017 20:49:50
แพ้ท่านเชคฮไปเต็มๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 17-05-2017 22:11:15
อ้อยนั้นดีต่อหัวใจ :-[
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 18-05-2017 09:38:46
เพลงเพราะจังเลย จีบกันด้วยอิอิ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 20-05-2017 23:19:09
โอ้ยๆ ทำไมหวานน   :impress2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: cookie_ ที่ 24-05-2017 00:53:26
คิดถึงกวินท์ :m17: :m17:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 29-05-2017 15:39:47
รออยู่นะคับ

หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 7 [16/05/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 29-05-2017 20:59:07
มาให้กำลังใจ คนแต่ง  :L2: :กอด1:
รออ่านอยู่นะคะ 
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 02-06-2017 23:03:17

                                                                       ลมหายใจแห่งผืนทราย

                                                                                    บทที่ 8



                 วิกเตอร์ที่กำลังลุกลี้ลุกลนอยู่ที่สนามบินนานาชาติฟาดีเลาะฮ์ยิ้มกว้างอย่างยินดีเมื่อเห็นบุรุษวัยสูงอายุก้าวมาพร้อมสตรีชาว

เอเชีย เขารอมิสเตอร์สมิธและคุณรำไพพรรณมารดาของกวินท์อยู่พักใหญ่ด้วยความกระวนกระวาย เมื่อเห็นว่าบิดามารดาของเพื่อนสนิท

เดินทางมาถึงฮาลียันแล้วด้วยสายการบินที่มาถึงในยามดึกวิกเตอร์ก็อุ่นใจ


                      “รอนานไหมวิกเตอร์”


                       สมิธ แอนเดอร์สัน บุรุษวัยใกล้หกสิบแต่ยังดูแข็งแรงและน่าเลื่อมใสดังเช่นทุกครั้งที่วิกเตอร์ได้พบกับพ่อของเพื่อน

ส่วนคุณรำไพพรรณนั้น หากไม่บอกว่าอยู่ในวัยใกล้เคียงกับสามีวิกเตอร์เองก็เดาอายุไม่ถูกเพราะมารดาของกวินท์ยังดูเยาว์กว่าอายุจริง

มาก แต่วันนี้ทั้งคู่มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัดเมื่อวิกเตอร์เอ่ยทักทายและจับมือตามธรรมเนียม


                  “พักใหญ่ครับคุณลุง ผมทนรออยู่นิ่งๆไม่ไหว”


                   วิกเตอร์เอ่ยตอบ สีหน้าของเขาสลดลงด้วยความรู้สึกผิด


                   “ผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่นึกว่าจะเป็นกวินท์ที่โชคร้ายถูกจับตัวไป”


                  “ไม่มีใครอยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นหรอกวิกเตอร์”


                    รำไพพรรณถอนหายใจพลางเป็นฝ่ายปลอบประโลมเพื่อนสนิทของบุตรชายที่เธอเอ็นดูอยู่มาก


                   “เคยเห็นข่าวนักข่าวถูกจับเป็นตัวประกัน ป้าเองก็นึกไม่ถึงว่าวันหนึ่งจะเป็นกวินท์”


                   วิกเตอร์ผายมือให้ทั้งคู่เดินนำไปก่อน เขารับรถเข็นบรรจุกระเป๋าเดินทางมาเข็นให้เพื่อพาสมิธและรำไพพรรณไปยัง

รถยนต์ของสถานทูตอังกฤษประจำฮาลียันและเดินทางไปยังสถานทูตทันที และเมื่อก้าวขึ้นรถที่มีคนขับรถของสถานทูตติดเครื่องรออยู่

แล้วการสนทนาจึงเริ่มอีกครั้งขณะรถยนต์ขับเคลื่อนไปยังจุดหมาย


                    “แต่ก็แปลกอย่างหนึ่งนะครับ โดยปกติแล้วหากมีการจับกุมตัวประกันจะต้องมีกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีออกมารับว่าเป็นฝีมือ

ของพวกเขา แต่ตอนนี้ผ่านไปสองวันแล้วแต่ยังไม่มีกลุ่มไหนออกมาประกาศ”


                   วิกเตอร์ที่นั่งอยู่ตอนหน้าของรถยนต์หันไปพูดคุยกับบิดามารดาของกวินท์


                  “อ้าว ก็ไหนว่าเป็นการกระทำของกองโจรจากดาฟาร์”


                  สมิธถามด้วยความฉงน วิกเตอร์ขมวดคิ้วครุ่นคิด


                  “นั่นเป็นข่าวที่ออกมาจากรัฐบาลฝ่ายเดียวครับคุณลุง ยังไม่มีแถลงข่าวจากหัวหน้ากองโจรที่ชื่อชารุกข์ เซริมเลย และแถม

กษัตริย์ของฮาลียันที่ควบตำแหน่งประธานคณะรัฐมนตรีก็ดูเหมือนจะไม่มีความเดือดเนื้อร้อนใจแม้แต่นิดเดียว”


                    “กษัตริย์ที่ว่าเพิ่งครองราชย์มาได้ห้าปีใช่ไหม ชื่ออะไรนะ ลุงจำไม่ได้แล้ว”


                    “กษัตริย์ ราชิด ทัชฮดิน อัลฟาดี”


                    ผู้ที่เอ่ยพระนามออกมากลับเป็นรำไพพรรณ หญิงวัยเฉียดหกสิบปีที่ยังงดงามสมกับวัย ดวงตาของเธอคลับคล้ายกวินท์

บัดนี้เต็มไปด้วยความห่วงใยในตัวบุตรชาย


                   “คุณรู้จักด้วยหรือ”


                    รำไพพรรณนิ่งงัน พลันนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตกว่าสามสิบปีตั้งแต่สมัยที่เธอได้ทุนมาเรียนมหาวิทยาลัยที่อังกฤษและได้

รู้จักกับราชนิกุลหนุ่มจากตะวันออกกลางในฐานะเพื่อนร่วมคลาส


                   “ก็รู้จักอยู่บ้างค่ะคุณ”


                     วิกเตอร์อาศัยช่วงที่สามีภรรยาพูดคุยกันหันไปมองกระจกมองข้างของรถยนต์ สายตาของเขาพลันสะดุดกับแสงไฟของ

รถยนต์อีกคันที่ขับตามหลังมาในระยะทิ้งช่วงห่างอย่างสม่ำเสมอโดยไม่ได้พยายามจะแซง บนถนนที่ว่างโล่งของเมืองหลวงแห่งฮาลียัน

คิ้วสีเดียวกับเส้นผมสีบรอนด์ขมวดเข้าหากันอย่างรวดเร็ว สัญชาตญาณของช่างกล้องที่ออกภาคสนามมาแล้วเกือบครึ่งโลกเตือนเขาให้

ระวังภัย วิกเตอร์เหลือบตามองไปยังตอนหลังของรถที่มีสมิธกับรำไพพรรณนั่งอยู่พลางภาวนาให้ถึงสถานทูตโดยเร็วที่สุด

                    ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อรถยนต์จอดอยู่หน้าประตูรั้ว วิกเตอร์รีบเปิดประตูรถลงไปยืนบนพื้นทันที เขาก้มหน้าลงไป

บอกกล่าวต่อบิดามารดาของกวินท์


                   “คุณลุงกับคุณป้าเข้าไปพักผ่อนกันก่อนนะครับเดี๋ยวผมตามเข้าไป”


                   เขาขยับกายออกห่างให้รถยนต์ของสถานทูตแล่นตรงเข้าไปในประตูรั้วสูงใหญ่ที่เปิดรับไปสู่สถานทูตอังกฤษประจำฮาลี

ยัน เพียงอึดใจวิกเตอร์ก็เห็นรถยนต์คันที่เขาจับตาอยู่ขับตามมาช้า ๆ เขารีบพุ่งตัวออกไปดักหน้าทันที


                  “หยุดนะ”


                  วิกเตอร์กางแขนห้ามรถ ดีที่รถคันนั้นชะลอตัวจนกระทั่งหยุดนิ่งอยู่ห่างจากวิกเตอร์ไม่ถึงฝ่ามือ


                 “ลงมาจากรถเดี๋ยวนี้”


                  ตากล้องหนุ่มชี้นิ้วไปที่ตำแหน่งของคนขับรถเพื่อให้ทำตามคำสั่งของเขา ลักษณะการขับรถตามมาห่าง ๆ ทำให้วิกเตอร์

เดาว่าอีกฝ่ายไม่ได้หวังมุ่งร้ายต่อชีวิต แต่เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าของรถคันนี้ขับรถตามพวกเขามาเพราะเหตุใด และเมื่อคนขับรถเปิด

ประตูก้าวลงมายืนบนพื้นวิกเตอร์ก็ยิ่งแปลกใจ


                    “คาลีล มาอัซ”


                         เลขานุการของกษัตริย์ราชิดนั่นเองที่ขับรถตามมา คาลีลอยู่ในชุดลำลองต่างจากในเวลาทำงาน แต่ถึงกระนั้นก็ยังดู

เนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว วิกเตอร์มองเขาอย่างไม่ไว้วางใจนัก


                     “คุณขับรถตามมาทำไม อย่าบอกนะว่านี่เป็นงานที่เลขานุการของกษัตริย์ราชิดต้องลงมาจัดการด้วยตัวเอง”


                       คาลีลยักไหล่ ใบหน้าของเขาเรียบเฉยจนวิกเตอร์เดาไม่ถูกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่


                      “จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิด ผมแค่มาดูว่าการเดินทางของมิสเตอร์และมิสซิสแอนเดอร์สันเรียบร้อยดีไหม”


                      “ไม่ใช่ว่าต้องมาจับตามองการเคลื่อนไหวของพวกผมหรอกหรือ”


                        วิกเตอร์แค่นยิ้ม เขายังมองไม่เห็นความจริงใจจากฝ่ายรัฐบาลของฮาลียันเลยแม้แต่นิดเดียว


                      “ถ้าคุณต้องการจะเข้าใจไปในทิศทางนั้นก็แล้วแต่คุณเถอะ”


                        คาลีลยังนิ่งเฉยแม้จะถูกวิกเตอร์ประชด เขากลับขึ้นรถและปิดประตูสตาร์ทเครื่อง


                      “ผมรับรองว่าจะไม่เกิดเหตุร้ายกับเพื่อนของคุณ”


                       เลขานุการในกษัตริย์ราชิดเปิดกระจกแล้วโผล่หน้าออกมาพูดประโยคสุดท้ายทิ้งท้ายไว้ให้วิกเตอร์ครุ่นคิดก่อนจะขับรถ

จากไป วิกเตอร์มองตามหลังรถยนต์ของคาลีลจนลับสายตาพร้อมกับความข้องใจในพฤติกรรมของคาลีล










                    กวินท์สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงผิวปากของชารุกข์ที่ดังอยู่ด้านนอก เขาเหลียวมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังด้านหนึ่งของ

ห้องจึงได้รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่ เขารีบลุกจากที่นอนเดินออกไปนอกห้อง มองเห็นแผ่นหลังกว้างของร่างสูงใหญ่กำลังเล่นอยู่กับอับ

บาสเหยี่ยวสีดำสนิทและให้อาหารมันอยู่

                   เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าชารุกข์จึงเหลียวกลับมามอง ใบหน้าคมยังคงเรียบเฉยมีเพียงดวงตาที่ฉายแววประหลาดสบตากับ

กวินท์ เป็นเหตุให้คนถูกมองหน้าร้อนวูบอย่างหาสาเหตุไม่ได้


                   “นอนหลับสบายไหม”


                    เสียงทุ้มนั่นอีกเล่าที่ชวนให้ใจสั่น กวินท์นึกเคืองที่เขาไม่เป็นตัวของตัวเองยามอยู่ต่อหน้าคนที่ได้สมญาว่าปีศาจ อันที่จริง

กวินท์ควรจะนึกหวาดกลัวมิใช่หวั่นไหวเช่นในตอนนี้ แล้วเรื่องที่ในฝันของเขามีแต่ใบหน้าของปิศาจแห่งดาฟาร์ลอยไปลอยมาก็ควรจะ

เป็นความลับที่มีแต่เขาเพียงผู้เดียวที่รู้


                     “ครับ”


                      ตอบได้แค่นั้นเพราะหัวสมองหยุดทำงานไปแล้วเมื่อชารุกข์สะบัดแขนปล่อยอับบาสให้โผบินจากไปแล้วก้าวกลับเข้ามา

ในบ้าน


                     “ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าแปรงฟันเถอะ ผมเตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว”


                       ได้โอกาสเลี่ยงความรู้สึกประหลาดไปจัดการตัวเองจนสะอาดเอี่ยม แม้ว่าห้องน้ำจะไม่หรูหราเท่าบ้านในเมือง แต่มันก็

ยังดีกว่าอยู่ที่กระโจมกลางทะเลทรายมากนัก วันนี้กวินท์สวมชุดสีน้ำตาลเข้ม เสื้อตัวยาวถึงเหนือเข่า ช่วงอกแยกออกติดกระดุมยาว

เมื่อออกมาจากห้องเขาได้กลิ่นหอมลอยออกมาจากส่วนครัวจนน้ำลายสอ


                  “นั่งสิ”


            ชารุกข์บอกเขา กวินท์นั่งลงบนเก้าอี้ของโต๊ะอาหารตัวเล็ก บนโต๊ะมีซุปข้นใส่ถ้วย ขนมปังและหม้อใส่เนื้อที่ตุ๋นจนเปื่อย ชารุกข์

ตักซุปแบ่งใส่ถ้วยให้เขา กวินท์รีบเอ่ยปาก


                      “ผมตักเองได้ คุณอย่าลำบากเลย”


                      “นั่งเฉย ๆ เถอะ”


                      กวินท์เงียบกริบ เขามองมือใหญ่จัดแจงวางจานและช้อนส้อมเป็นชุดให้อย่างคล่องแคล่วก่อนจะทรุดตัวลงนั่งตรงกัน

ข้าม


                     “ลองกินดูสิ”


                     ตักซุปเข้าปากช้าๆ รสชาติของซุปกลมกล่อมกำลังดี กวินท์เหลือบตาขึ้นมองก็เห็นว่าชารุกข์เองก็กำลังมองเขาอยู่


                     “อร่อยไหม ซุปถั่วชิกพี ฝีมือผมเอง”


                      สีหน้าภาคภูมิใจของชารุกข์ทำให้กวินท์นึกทึ่ง หากไม่ใช่หัวหน้ากองโจรแล้วชารุกข์น่าจะเป็นชายหนุ่มวัยทำงานอยู่ใน

เมืองที่เป็นที่หมายปองของสาว ๆ เขาดูดีทั้งรูปร่างหน้าตาและบุคลิกโดดเด่น แถมยังร้องเพลงเพราะและทำอาหารอร่อยด้วย


                     “กินนี่ด้วย เนื้อแกะตุ๋น”


                    ชารุกข์เลื่อนจานใส่ขนมปังและถ้วยใส่เนื้อตุ๋นมาตรงหน้า



                     “แค่ซุปอย่างเดียวไม่อยู่ท้องหรอก”


                      เนื้อแกะตุ๋นจนดูยุ่ยอยู่ในเครื่องเทศกลิ่นฉุนกลบกลิ่นคาวเนื้อได้เป็นอย่างดี มีมะเขือเทศและแตงกวาใส่ลงไปด้วยช่วย

เพิ่มสีสันให้ดูน่ากิน ชารุกข์กินขนมปังคู่กับเนื้อแกะตุ๋นอย่างน่าเอร็ดอร่อยกวินท์จึงกินตาม รสชาติเนื้อตุ๋นอร่อยจนกวินท์กินจนแน่นท้อง   

                  “อร่อยจัง นี่ถ้าคุณไม่เป็นโจรนะ ผมว่าคุณไปเป็นเชฟได้เลยนะเนี่ย”


                    คำชมทำให้ชารุกข์คลี่ยิ้ม เขาลุกขึ้นเก็บจานไปล้างกวินท์ได้แต่มองดูอย่างนึกละอายที่อีกฝ่ายทำอาหารแล้วยังต้องมา

เป็นคนล้างอีกด้วย


                    “คุณให้ผมช่วยคุณบ้างก็ได้นะ ผมเกรงใจ”


                   กล่าวเสียงอ่อยเมื่อชารุกข์จัดการทุกอย่างเสร็จหมดแล้วอย่างรวดเร็ว


                    “คุณเป็นผู้มาเยือน อยู่ให้สบายเถอะ ผมไม่ได้เหนื่อยอะไรหรอกเรื่องแค่นี้ ไปกันเถอะ”


                   ชารุกข์ก้าวนำไปนอกตัวบ้าน กวินท์รีบลุกตามอย่างรวดเร็วโดยที่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปไหน เขาได้แต่เดินตามชารุกข์ไป
อย่าง

ที่ราบกว้างด้านหลังหมู่บ้าน กวินท์เห็นยาก็อบกำลังดูแลฝูงม้าอยู่พร้อมกับชายในหมู่บ้านอีกสองคน


               “ผมจะให้คุณหัดขี่ม้า”


               ชารุกข์เพิ่งจะบอกเหตุผล เขากวาดสายตามองม้าแต่ละตัวก่อนจะออกคำสั่งให้ยาก็อบจูงม้าตัวหนึ่งมาทางเขา               “ฝึก

ขี่กับเจ้าซียาก็แล้วกัน เชื่องหน่อย”


                 ซียาเป็นม้าเพศเมียตัวเล็กกว่าตัวอื่นทำให้กวินท์ไม่นึกอยากขี่ เขามองเห็นม้าอีกตัวที่ท่าทางแข็งแรงที่สุดในฝูง


                 “ผมขี่ตัวนั้นไม่ได้เหรอ”


                  “ไม่ได้”


                 ชารุกข์ส่งเสียงดุกลับมาจนกวินท์สะดุ้ง


                   “ตัวนั้นชื่อราบีเป็นม้าดุสำหรับคนแปลกหน้า ผมยังไม่อยากเห็นคุณลอยลงมาจากหลังม้าหรอกนะ”


                   หน้าดุของชารุกข์ทำให้กวินท์ไม่กล้าหือ เขามองราบีอย่างเสียดายแต่ก็ต้องให้ความสนใจกับซียา กวินท์เคยเรียนขี่ม้าตอน

เด็ก ๆ แค่สร้างความคุ้นเคยกับซียาไม่นานนักก็พอจะขี่ได้คล่องโดยมียาก็อบดูแลอยู่ ส่วนชารุกข์กำลังพูดคุยบางอย่างอยู่กับชายอีกสอง

คน


                  “ยาก็อบ” กวินท์เรียกหนุ่มรุ่นน้องด้วยท่าทางราวกับเด็กกำลังซน


                   “ผมขอลองขี่เจ้าราบีได้ไหม”


                   ยาก็อบหันไปมองม้าอาหรับท่าทางแข็งแรงอย่างไม่แน่ใจ เขาไม่รู้ว่าชารุกข์ได้เอ่ยปากห้ามกวินท์ขี่ราบี


                  “จะไหวหรือกวินท์ ราบีไม่เชื่องเท่าไหร่นะ”


                  “คุณก็เห็นว่าผมขี่ม้าได้ น่า ยาก็อบ ผมแค่จะขี่มันเดินวนอยู่แถวนี้เท่านั้นเอง”


                   กวินท์เริ่มเกลี้ยกล่อมให้ยาก็อบร่วมมือด้วย ยาก็อบสบตาใสแจ๋วของกวินท์แล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้


                   “รอบ ๆ ลานนี้เท่านั้นนะกวินท์”



                      ยาก็อบเดินนำกวินท์มาทางที่ราบียืนกินหญ้าแห้งอยู่ กวินท์เหลียวมองชารุกข์ที่ยังยืนคุยกับชายสองคนด้วยสีหน้าจริงจัง

และไม่ได้สนใจเขา ชายหนุ่มจึงรีบขึ้นไปนั่งบนหลังม้าอาหรับสีน้ำตาลเข้มหางยาวเป็นพวงสวยทันที

                อาชาตัวใหญ่กระโจนสองขาหน้าขึ้นและส่งเสียงร้องทันควันเพราะกวินท์ไม่ได้ทำความรู้จักกับราบีก่อนหน้าที่จะขึ้นไปนั่ง
บน

หลังของมัน กวินท์เองก็ตกใจมากเพราะไม่คิดว่าแรงของราบีจะมากจนเขาคุมไม่อยู่เช่นนี้แม้ว่ากวินท์จะพยายามรั้งบังเหียนไว้สุดกำลัง   


            “กวินท์ ระวัง!”


                   ยาก็อบตะโกนดังลั่นหน้าซีดเผือดเมื่อราบีดีดตัวไปมาเกินกว่าจะคุมได้เสียงร้องของม้าและคนเรียกความสนใจจากบุรุษ

ซึ่งกำลังปรึกษาเรื่องงานให้เงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาคมเบิกกว้างเมื่อเห็นกวินท์นั่งอยู่บนหลังม้าพยศที่กำลังใช้ขาหน้าเตะยาก็อบจน

ล้มลงและควบเท้าออกไปจากลานเลี้ยง



มีต่ออีกนิด...




หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 02-06-2017 23:22:16
ต่อกันตรงนี้...



               “กวินท์!”


               ไม่มีเวลาคิดอย่างอื่น ชารุกข์เป่าปากเรียกบาฮาม้าคู่ใจที่ยืนกินหญ้าอยู่ไม่ไกลทันที บาฮาเงยหน้าส่งเสียงร้องและวิ่งมาหา

เขา ชารุกข์รีบกระโดดขึ้นไปบนหลังของบาฮาอย่างคล่องแคล่ว เขาตวัดมือกระทุ้งเท้าที่สีข้างเพื่อสั่งให้บาฮาควบตามราบีที่วิ่งเตลิดไป

ยังทะเลทรายเบื้องหน้า

                เป็นครั้งแรกที่ชารุกข์ขี่ม้าด้วยจิตใจที่ระส่ำระสาย เขามองเห็นแผ่นหลังของกวินท์อยู่บนหลังราบีอยู่เบื้องหน้าของเขา กวินท์

พยายามดึงบังเหียนสุดแรงจนราบีชะงักส่งเสียงร้องลั่นพลางสะบัดตัวไปมาเมื่อชารุกข์ควบบาฮาไปใกล้


                “กวินท์ใจเย็น ดึงบังเหียนไว้”


                เขาออกคำสั่งเพื่อให้กวินท์ได้สติและทำตาม ชารุกข์ขี่บาฮาเข้าไปเทียบและยื่นแขนเข้าไปด้วยดึงบังเหียน


               “ราบี หยุดเดี๋ยวนี้”


                ตวาดอาชาดังลั่นจนราบีขยาด มันหยุดฝีเท้าลงทันทีหากแต่กลับทำให้คนที่นั่งอยู่บนหลังของมันเสียหลักร่วงลงไปจากอาน

ม้าลอยละลิ่วสู่ผืนดิน กวินท์สบถดังลั่นเมื่อแขนข้างหนึ่งกระแทกกับพื้นที่แม้จะมีทรายรองรับแต่มันก็ทำให้เขาเจ็บจนนิ่วหน้า


                “กวินท์”


                 เสียงเรียกดังขึ้น เอวของเขาถูกโอบรัดเพื่อให้ลุกจากพื้นขึ้นมายืน สติของเขาเพิ่งจะกลับคืนมาเมื่อรู้ว่าตนเองปลอดภัยแล้ว

เขาเงยหน้าขึ้นมองคนที่เพิ่งจะช่วยเขาไว้ แต่เมื่อสบตากับดวงตาคมคู่นั้นกวินท์กลับหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อมันช่างโชนแสงแห่งโทสะ

ปะปนไปกับความห่วงใยจนกวินท์รู้สึกผิด


              “เอ่อ...”


              “กลับ”


             “ชารุกข์”


              “เดี๋ยวนี้!”


               แขนข้างที่ไม่เจ็บถูกกระชากให้ก้าวเดินตาม กวินท์ขอบตาร้อนผ่าวเมื่อเขาทั้งตกใจกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นและหวาดหวั่นกับท่าที

ของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะโกรธมาก

              กวินท์ขึ้นไปนั่งบนหลังของบาฮาก่อนที่ร่างสูงจะตามขึ้นมานั่งซ้อนหลัง ชารุกดึงบังเหียนให้ราบีเดินตามบาฮากลับมาที่ลาน

เลี้ยงม้า ตลอดทางไม่มีคำพูดจากับคนที่นั่งมาด้วยแม้แต่คำเดียว กวินท์เองก็ไม่กล้าเอ่ยปาก เขารู้ว่าทั้งหมดเป็นความผิดที่เขาดื้อรั้นต่อ

คำสั่งของปีศาจร้ายแห่งดาฟาร์

                เมื่อมาถึงลานเลี้ยงชารุกข์จึงกระโดดลงจากหลังของบาฮาก่อน ยาก็อบหน้าขาวซีดปรี่เข้ามาทรุดตัวลงกับพื้นและคำนับจน

หน้าผากจรดพื้นดินพลางเอ่ยภาษาอารบิกเสียงสั่นกับชารุกข์ที่ยังยืนสีหน้าเครียดขุ่นมัว กวินท์เดาว่ายาก็อบคงจะกล่าวคำขอโทษกับสิ่ง

ที่เกิดขึ้น


               “กลับบ้านได้แล้วกวินท์”


               กวินท์สะดุ้งเฮือก ชารุกข์หันหลังให้เขาและเดินนำลิ่ว ๆ จนกวินท์ใจหาย ยาก็อบที่เพิ่งจะลุกขึ้นยืนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้


               “ผมขอโทษยาก็อบ” กวินท์สำนึกผิด “เพราะผมทีเดียวที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อนไปด้วย”


               “คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้วกวินท์ รีบตามเชคฮไปเถอะ ก่อนที่เขาจะเดือดเป็นภูเขาไฟ”


              “คุณช่วยผมหน่อยสิยาก็อบ เขาโกรธผมมาก”


               เสียงของกวินท์สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ยาก็อบถอนหายใจออกมา


               “ผมจะช่วยคุณได้ยังไง ผมไม่กล้าหรอก ตั้งแต่อยู่กับเชคฮมานี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำหน้าโหดแบบนั้น ขอให้โชคดีนะกวินท์”


               คำอวยพรของยาก็อปยิ่งทำให้กวินท์เหี่ยวแห้งมากกว่าเดิม เมื่อไม่มีตัวช่วยเขาจำเป็นจะต้องรีบวิ่งตามแผ่นหลังที่เดิน

กระแทกเท้ากลับไปที่บ้านด้วยหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ





               ชารุกข์พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองแล้วอย่างยากเย็น แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าความรุ่มร้อนและหวาดวิตกเมื่อเห็นชายหนุ่มลูก

ครึ่งที่ตกอยู่ในความดูแลของเขากำลังเผชิญหน้ากับอันตรายนั้นมันมีสาเหตุจากสิ่งใด

                 รู้แต่ว่าหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวลจนต้องรีบเข้าไปช่วยเหลือ และแม้ว่ากวินท์จะปลอดภัยแต่ชารุกข์ก็ยังโกรธที่อีก

ฝ่ายฝ่าฝืนจากคำสั่งที่มาจากความห่วงใย


                เขาควรจะเรียกความรู้สึกเหล่านี้ว่าอะไรดี

                ชายหนุ่มผลักประตูบ้านแล้วก้าวพรวดพราดเข้ามายืนพลุ่งพล่านอยู่กลางโถง ได้ยินเสียงฝีเท้าที่วิ่งตามมาหยุดยืนอยู่เบื้อง

หลัง เขาตัดใจไม่หันกลับไปมองจนกระทั่งได้ยินเสียงอ่อยดังขึ้น


                “ชารุกข์ ผมขอโทษ ขอโทษที่ดื้อรั้นและไม่ฟังคำเตือน แต่ผมก็ได้รับบทเรียนแล้ว ยกโทษให้ผมเถอะนะ”


                ปลายเสียงเครือแผ่วปะปนกับเสียงคล้ายสะอื้น ชารุกข์ถอนหายใจเมื่อหัวใจของเขาอ่อนยวบ ร่างสูงหันหลังกลับ เขาก้าว

พรวดเข้าไปและดึงแขนของกวินท์ไว้ มือใหญ่ปลดกระดุมของเสื้อตัวยาวที่กวินท์สวมใส่จนกระทั่งมองเห็นรอยเขียวช้ำปรากฏที่หัวไหล่

ของกวินท์ ชารุกข์กัดกรามกรอด เข้าจ้องหน้ากวินท์และเอ่ยเสียงเข้ม


               “ถ้าผมต้องการให้คุณบาดเจ็บผมคงไม่ช่วยคุณมาจากโจรพวกนั้น แต่เพราะต้องการให้คุณปลอดภัยผมถึงพาคุณมา ได้โปรด

เถอะกวินท์ อย่าทำให้ผมต้องเป็นห่วงคุณมากไปกว่านี้เลย”


                   กวินท์นิ่งงัน ดวงตาเรียวกะพริบถี่ ชารุกข์กัดริมฝีปากของตนเองเมื่อเผลอไผลเอ่ยคำพูดที่ไม่ผ่านการควบคุมออกไป

               
                                               TBC

                          กลับมาแล้วจ้า ไม่ไปไหนแล้ว แต่งกันยาวๆ


                              o19 o19 o19 o19 o19





หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 02-06-2017 23:24:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 02-06-2017 23:31:34
มาให้กำลังใจจ้า

ไม่มาต่อซะนานเลย

จนต้องกลับไปอ่านอีกรอบแหนะ...

หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-06-2017 23:32:52
 :L2: :pig4:

เหมือนจะเริ่มหวานแล้ว
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 02-06-2017 23:39:21
เขินเฉย  :hao3:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-06-2017 23:48:02
โอ้ยยยยยยยยย มีความซับซ้อนในความสัมพันธ์ของแต่ละคน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 03-06-2017 00:09:39
เริ่มรู้สึกแปลกๆต่อกันแล้วสินะ
รัฐก็ทำเหมือนซื้อเวลาไปเรื่อย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-06-2017 00:21:31
ดีนะที่กวินท์ไม่เป็นอะไรมาก ทีหลังอย่าดื้อกับชารุกข์อีกนะ อยู่ด้วยกันก็เริ่มหวั่นไหวแล้วรึป่าว

ไรท์เตอร์มาต่อไวๆนะคะ เป็นกำลังใจให้นะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 03-06-2017 01:20:25
ดีต่อใจมากกก คราวหลังห้ามดื้อน้ากวินทร์
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 03-06-2017 02:28:47
เป็นแฟนเขาหรอมาห่วงเขาอ่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-06-2017 03:21:33
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 03-06-2017 03:38:08
โกรธอยู่ดีๆก้หวานเฉยยยย
อยู่ดีๆก้เขินนนนน5555
ชารุกข์นี่อาการหนักกว่ากวินทร์อีกอะ
อาการออกหนักมากกก
ดีใจที่เรื่องนี้จะมายาวๆแล้ววว
รอค่าาาา
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 03-06-2017 04:39:49
เหตุการณ์ร้ายๆสร้างวีรบุรุษและวีรบุรุษกำลังจะสร้างรัก ฮิ้ววววว
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Ta_ii ที่ 03-06-2017 07:29:29
เย้ๆ คนเขียนกลับมาแล้ว  :กอด1:

เด็กดื้อได้บทเรียนเลยตอนนี้ เจอชารุกโหมดโหดเข้าไป หงอเลยนะกวินท์ แต่เราก็ชอบเด็กดื้อนะ ฮิฮิ

ชารุกจะอดใจไหวมั้ยเนี่ย  :impress2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 03-06-2017 08:46:50
ดื้อ!
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 03-06-2017 08:52:02
กวินทร์ดื้อจนได้เรื่องเลยทีเดียว ทำชารุกข์เป็นห่วงจนหลุดมาดออกมาเลย

ว่าแต่แม่กวินทร์รู้จักใครตอนสมัยสาวๆล่ะ พ่อของชารุกข์รึเปล่า
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 03-06-2017 09:24:04
เช้ามา ก็สดชื่น อารมณ์หวานพอกรุ่นๆ

กวินท์มาทำเสียฤกษ์ไปได้ ดื้อจริง คนเค้าเป็นห่วง ไม่ได้หวงมาหรืออะไร
ชารุกข์ก็ใจเตลิดไปเหอะ เจอคนดื้อไม่ยอมฟัง แต่สุดท้ายก็ต้องมาดูแล เพราะห่วงใย

ว้ายยย ชารุกข์เผยใจแล้ว จะอาการหนักกว่านี้ไหมน้า
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-06-2017 09:58:45
เสียงหัวใจมันชัดเจนขนาดนี้แล้วนะ เอ้าทำแผลกันดีกว่า
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 03-06-2017 10:54:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 03-06-2017 11:25:16
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
 :pig4: :L2:
 
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 03-06-2017 11:32:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 03-06-2017 12:10:36
 :impress2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 03-06-2017 14:06:38
พระเอกเราดูใจง่ายแต่ให้อภัยเพราะคนเขียนน่าร๊ากกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 03-06-2017 14:19:20
“ถ้าผมต้องการให้คุณบาดเจ็บผมคงไม่ช่วยคุณมาจากโจรพวกนั้น แต่เพราะต้องการให้คุณปลอดภัยผมถึงพาคุณมา ได้โปรด

เถอะกวินท์ อย่าทำให้ผมต้องเป็นห่วงคุณมากไปกว่านี้เลย”

บอกทีว่านี้จีบใช่ไหมค่ะ
:mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-06-2017 16:19:29
เริ่มหวั่นไหวแล้วสิ~
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 03-06-2017 16:44:24
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 03-06-2017 17:07:21
โอ๊ยๆมดขึ้น
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-06-2017 17:13:52
โกรธกวินท์มากกกก ขนาดคนพื้นที่ ชำนาญม้าสั่งห้ามแล้ว
บอกด้วยว่าม้าที่อยากขี่น่ะมันเกินกำลัง
กวินท์ก็ยังดื้อ หาเรื่องเจ็บตัวชัดๆ ถึงตายได้ด้วย
รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองไม่ชำนาญการขี่ม้า
แถมทำให้ยาก๊อบเจ็บตัวไปด้วย กวินท์ไม่โอเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 03-06-2017 18:16:17
จะลงโทษยังไงค่ะท่านเชคฮ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 03-06-2017 18:41:41
ดื้อนักต้องลงโทษให้หายเข็ด :hao6:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 04-06-2017 19:15:47
 :mew1:ฉากต่อจากนี้ทั้งสองจะแสดงอาการยังไง
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 04-06-2017 20:46:30
เอ้าๆๆ ขอบคุณน้องม้า
 :katai2-1: :hao6: :z1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 04-06-2017 21:45:55
ดีต่อใจ น้ำทิพย์ชะโลมวิญญาณ อิอิ ความรักซินะเจ้าชาย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 06-06-2017 18:43:05
ตอนนี้น้องหวั่นไหวต่อพี่ชารุกข์มากเลย ต้องเป็นห่วงกวินท์มากๆแน่ๆ

รอตอนต่อไป รอตอนต่อไป รอเจอเด็กทั้งสองคน ยากอบ ม้าบาฮา
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 06-06-2017 20:41:59
แหมๆๆๆๆเป็นห่วงคนรักในอนาคตหรือคะท่านชารุก
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 8 [02/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: white shark ที่ 07-06-2017 21:09:42
 :impress2: :impress2:

ลงโทษเลยค่ะเชคฮ
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 07-06-2017 22:30:46


                                                                     ลมหายใจแห่งผืนทราย


                                                                                บทที่ 9




                ต่างก็เงียบงันจนได้ยินเสียงลมหายใจประสานกันอยู่แผ่วเบา ชารุกข์ไม่นึกว่าเขาจะแสดงความรู้สึกของตนออกไปเช่นนั้น

ทั้งที่ผ่านมาทุกอย่างทุกการกระทำต้องมาจากการกลั่นกรองจากสมองมาแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหลุดจากการควบคุมตนเอง

                    เป็นเพราะชายหนุ่มตรงหน้าโดยแท้ บุรุษผู้มีเชื้อสายอังกฤษไทยร่างสูงโปร่งใบหน้าคมคายที่รวมความเป็นยุโรปและ

เอเชียตะวันออกเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ชารุกข์เคยชมการรายงานข่าวที่กวินท์ไปเจาะลึกเรื่องเส้นทางเครือข่ายยาเสพติดของชนกลุ่ม

น้อยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขานึกทึ่งกับความเฉลียวฉลาดในการตั้งประเด็นให้ผู้คนติดตาม ความฉาดฉาดในการใช้คำพูด ทุก

อย่างทำให้เขาต้องติดตามงานของกวินท์มาตลอด

                      ใครจะนึกว่าวันหนึ่งเขาจะได้พบกับกวินท์ แอนเดอร์สัน ในยามราตรีของฟาดีเลาะฮ์เมืองหลวงแห่งฮาลียัน

                       ภาพที่ชายชาวร่างชาติเพียงคนเดียวพยายามต่อสู้กับโจรที่มีจำนวนมากกว่าอย่างไม่ยอมแพ้อยู่ในซอยเปลี่ยวขณะที่

ชารุกข์กำลังเดินหาข่าวอยู่ในเมืองหลวงทำให้เขาตรงเข้าไปช่วยเหลือทันที และเมื่อการต่อสู้ทุกอย่างจบลงชารุกข์เพิ่งเห็นชัดว่าคนที่

เขาให้การช่วยเหลือคือนักข่าวชื่อดังที่เขาติดตามผลงานมาตลอด

                           เจ้าตัวยังขอความช่วยเหลือให้เขาเดินไปส่งที่โรงแรมที่พักอีกด้วยก่อนที่จะแยกจากกัน และข่าวกรองจากวงในที่

ชารุกข์ได้รับว่ารัฐบาลวางแผนจะทำอะไรบางอย่างในงานแถลงข่าวการจัดงานวัฒนธรรมมันทำให้เขาจำเป็นต้องยื่นมือเข้าไปช่วย

เหลือกวินท์อีกครั้งโดยที่เจ้าตัวไม่รู้

                     กวินท์ตกอยู่ในความดูแลของเขามาตลอดสองวันเต็ม ๆ เป็นสองวันที่ชารุกข์ได้รู้จักชายหนุ่มผู้ซึ่งเติบโตมาในสังคม

ตะวันตกที่ให้อิสระเสรีทางความคิดแต่ก็มีกลิ่นไอของเอเชียผสมผสานอยู่ด้วย เขาได้รู้จักตัวจริงของกวินท์ที่ไม่ใช่เพียงจากงานผู้สื่อข่าว

กวินท์เป็นคนกล้าแสดงออก มีความสดใสร่าเริงอยากรู้อยากเห็นราวกับอยู่รุ่นเดียวกับหลานทั้งสองของเขา อุปนิสัยเหล่านั้นของกวินท์

เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของชารุกข์ที่มีมาตลอดสามสิบปีให้มีชีวิตชีวา เพียงสองวันที่ได้ใกล้ชิดกับกวินท์ชารุกข์ยิ้มมากกว่าอายุสามสิบ

ปีของเขาเสียอีก

                      นอกเหนือจากนั้น ในตอนนี้กวินท์ยังทำให้เขาเป็นห่วง ร้อนรนยามที่ได้รับอันตราย มันเป็นความรู้สึกที่ชารุกข์ยังต้อง

หาสาเหตุว่ามันคืออะไรกันแน่


                      “ผมผิดเอง”


                      สีหน้าสลดและสำนึกผิดของกวินท์คลายความรุ่มร้อนของชารุกข์ลงไปได้อย่างน่าอัศจรรย์


                       “เพราะผมดื้อรั้นอยากจะเอาชนะอยากจะแสดงความสามารถ ทำให้ผมขัดคำสั่งของคุณจนเกิดเรื่องนี้ ผมทำให้ยาก็อบ

เจ็บตัวและทำให้คุณโกรธเขาด้วยทั้งที่ยาก็อบเตือนผมแล้ว ผมขอโทษและถ้าหากคุณจะลงโทษผมแทนยาก็อบผมก็ยินดี”


                        ชารุกข์ถอนหายใจออกมา เขายอมแพ้แล้ว กวินท์ไม่เหมาะกับสีหน้าเศร้าสร้อยแบบนี้จริงๆ


                      “รู้เช่นนั้นก็ดีแล้ว ต่อไปอย่าดื้ออีก ผมสั่งลงโทษคุณด้วยการให้คุณอยู่ใกล้กับผมตลอดเวลาและห้ามขัดคำสั่งของผม

เข้าใจไหมกวินท์”


                      “เข้าใจแล้วครับ”


                          ได้แต่ซ่อนรอยยิ้มไว้ภายใต้หน้ากากเย็นชาเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่ได้แต่เหลือบตามองเขา ผิวสีน้ำผึ้งบนแก้ม

ของกวินท์กลับมีเลือดฝาดขึ้นมาหล่อเลี้ยง มันทำให้ชารุกข์ต้องพยายามหักห้ามใจที่จะเอื้อมมือไปสัมผัส กวินท์ท่าทางขัดเขินจนเขาดู

ออก ชารุกข์ยิ่งไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเขาถึงชอบท่าทีนั้น


                        “ถอดเสื้อสิ”


                        “ว่าไงนะ”




มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 07-06-2017 22:35:21
ต่อกันตรงนี้...



                      กวินท์เงยหน้าขึ้นมาทันที ดวงตาเรียวสีน้ำตาลอ่อนมองเขาอย่างไม่เข้าใจ


                     “ไหล่ของคุณกระแทกพื้น ถึงแม้ว่าจะมีทรายช่วยอยู่บ้างแต่มันก็ทำให้คุณฟกช้ำ”


                       ชารุกข์ดึงแขนของกวินท์ให้ก้าวเข้ามาใกล้ เขาก้มหน้ามองผิวหนังที่เปลี่ยนเป็นสีเขียว คิ้วดกดำย่นเข้าหากันอย่างไม่

ชอบใจนัก


                        “ผมจะประคบยาให้”


                        “ผมไม่เป็นอะไรมากหรอก”


                        “ไหนว่าจะไม่ดื้อ”


                        ชารุกข์ทวงคำสัญญาที่กวินท์เพิ่งจะรับปากเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา ร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่ใกล้เพียงไม่กี่คืบยืนนิ่งก่อนจะ

หลบสายตาและยอมปลดกระดุมเสื้อตัวยาวออก กวินท์ดึงแขนออกจากเสื้อและปล่อยให้มันร่วงผ่านลำตัวไปกองกับพื้น ใบหน้าของเขา

แดงก่ำเมื่อต้องเปลือยท่อนบนอวดสายตาของปีศาจแห่งดาฟาร์


                       “นั่งรอตรงนี้นะ”


                        ออกคำสั่งอีกครั้งให้กวินท์นั่งรอที่เก้าอี้ในห้องโถงก่อนที่ชารุกข์จะเดินหายไปยังห้องครัวด้านหลังพักใหญ่ เขาเดิน

กลับมาพร้อมห่อผ้าที่ทำเป็นลูกกลมมีไอร้อนพวยพุ่งออกมาจากมัน


                       “สมุนไพรของชาวเบดูอิน มันช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ”


                        ชารุกข์ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ยาวตัวเดียวกับกวินท์ เขาวางห่อผ้าร้อนที่มีกลิ่นฉุนลอยออกมาลงไปกับไหล่ข้างที่เปลี่ยน

เป็นสีเขียว กวินท์นิ่วหน้าพลางขยับไหล่หนีเมื่อความร้อนระอุแนบไปกับผิวกาย


                        “อยู่นิ่งๆสิ”


                       เขาดุจนกวินท์จำเป็นต้องยอมนั่งนิ่ง ชารุกข์ยึดต้นแขนของกวินท์ไว้ขณะที่เขาใช้ห่อผ้าสมุนไพรประคบลงไปทั่วบริเวณ

ไหล่ที่ได้รับบาดเจ็บ


                       “เจ็บมากไหม”


                       เสียงอาทรจากชายร่างสูงที่กำลังตั้งใจช่วยเหลือทำให้กวินท์ใจสั่น ยามที่ห่อผ้าวางแนบลงไปด้วยความนุ่มนวลแทบ

จะทำให้ความเจ็บปวดที่ได้รับบาดเจ็บหายวับไปในพริบตา


                     “เอ่อ มะ ไม่เจ็บแล้วครับ”


                      นอกจากใจสั่นแล้วเสียงของกวินท์ก็ยังสั่นเมื่อตอบออกไป ชารุกข์นั่งอยู่ใกล้เขาจนได้ยินเสียงหัวใจภายใต้แผ่นอกหนา

ดังลอดออกมา มือใหญ่สากเพราะจับอาวุธยังคงยึดต้นแขนไว้ไม่ยอมปล่อยจนกระทั่งลูกประคบร้อนค่อย ๆ เย็นลง


                       “ขอบคุณมากที่ช่วย”


                       กวินท์ทำใจกล้าหันไปสบตาใบหน้าที่ยังนิ่งเรียบ หากแต่ดวงตาคมยามมองตอบวับวาวจนกวินท์อยากจะมุดดินหนีหาย

ไปให้พ้นเสียเดี๋ยวนั้น


                    “ถ้าไม่ดื้อก็น่ารักดีนะ”


                    “คำว่าน่ารักใช้กับเด็กอย่างหลานของคุณนะครับชารุกข์”


                    กวินท์เอ่ยตอบโต้เมื่อเขาพูดราวกับกวินท์เป็นเด็กน้อยในสายตา


                   “คุณน่ะดื้อไม่ต่างจากนูรีนและไฟซาลหรอก”


                        ชารุกข์กล่าวพลางลอบมองเรือนร่างโปร่งของกวินท์ ผิวของชายหนุ่มสีน้ำตาลเนียนสวยไปทั้งตัว ต่างจากเขาที่ผิว

คล้ามไอแดด รูปร่างของกวินท์ไม่ได้ล่ำสันแต่ก็มีกล้ามเนื้อพอเหมาะกับเจ้าตัวจนทำให้ดูดี ชารุกข์เคืองตนเองที่ไม่อาจละสายตาและ

รู้สึกหวงแหนหากจะให้ใครคนอื่นมาเห็นอย่างที่เขากำลังมองอยู่ตอนนี้


                       “ใส่เสื้อเถอะกวินท์”


                       ชารุกข์ตัดใจเดินไปหยิบเสื้อตัวใหม่มาให้กวินท์ ชายหนุ่มรับไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ใส่แขนเสื้อข้างที่ได้รับบาดเจ็บด้วย

ความยากลำบากจนชารุกข์ต้องช่วยใส่


                       “ห้ามถอดเสื้อให้ใครเห็นอีก”


                      คำสั่งใหม่ฟังดูแปลกจนกวินท์สบตาอย่างไม่เข้าใจ เป็นครั้งแรกที่ชารุกข์แอบขัดเขินกับความรู้สึกตนเอง


                      “แล้วถ้าผมไปเล่นกีฬา อย่างว่ายน้ำ วินเซิร์ฟล่ะ”


                      “ไม่ได้”


                     ชารุกข์ตอบเสียงห้วน


                    “เปลี่ยนไปเล่นกีฬาอย่างอื่นที่ไม่ต้องถอดเสื้อสิ กีฬามีตั้งเยอะ”


                     เพราะเขาหวง!


                     แต่ชารุกข์ไม่กล้าเอ่ยออกไป กวินท์ทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเองไปแล้ว

                    เจ้าของบ้านคิดอย่างหงุดหงิด เขาเดินไปเปิดโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าเพื่อให้เสียงจากโทรทัศน์ทำลายความเงียบเมื่อ

เขาไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับกวินท์ที่ยังมองเขาด้วยความแปลกใจ

                     ภาพจากโทรทัศน์ดึงความสนใจจากกวินท์ไปได้ ชายหนุ่มจ้องมองรายงานข่าวที่มีบุรุษสูงวัยคนหนึ่งกำลังให้สัมภาษณ์

กับผู้สื่อข่าวที่รายล้อมอยู่ ขอบตาของกวินท์ร้อนผ่าวทันที


                   “พ่อ”


                   มิสเตอร์สมิธ แอนเดอร์สันเดินทางมาถึงฮาลียันแล้ว สีหน้าเคร่งเครียดเต็มไปด้วยความห่วงใยบุตรชายขณะกล่าวตอบ

คำถาม


                     “ผมขอประณามไม่ว่าผู้อยู่เบื้องหลังเป็นใครในฐานะของพ่อที่ลูกชายคนเดียวยังไม่รู้ชะตากรรม และในฐานะที่ผมทำงาน

ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลฮาลียันให้การช่วยเหลือกวินท์อย่างจริงจัง ก่อนที่เรื่องราวจะลุกลามจนกลาย

เป็นปัญหาระดับประเทศในภายหลัง”


                      ภาพข่าวตัดจบไปแล้ว กวินท์นิ่งงันเมื่อต้องรับรู้ความเป็นจริงว่าตอนนี้ตัวเขาเองอาจเป็นชนวนให้เกิดเรื่องราวอีกหลาย

สิ่งที่ยังไม่อาจคาดการได้


                      “เรื่องจะเป็นยังไงต่อไป คุณจะไปส่งผมที่สถานทูตเมื่อไหร่”


                     “ยังไม่ใช่ตอนนี้”


                      เสียงขรึมดังจากคนที่นั่งอยู่ข้างกัน


                     “มีข่าวว่ารัฐบาลกำลังเตรียมจะบุกมาจู่โจมกองโจรดาฟาร์เพื่อกวาดล้างและชิงตัวประกันกลับคืนไป ผมจำเป็นต้องรอให้

มั่นใจว่าจะไม่เกิดความรุนแรงขึ้น”


                     ชารุกข์เงียบไปชั่วครู่ก่อนที่เขาจะเอ่ยอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วคล้ายจะตัดพ้อ


                    “คุณคงต้องการไปจากที่นี่มากสินะ ใครล่ะจะทนความแห้งแล้งเงียบเหงาอยู่ในทะเลทรายเช่นนี้ได้”


                    กวินท์หันขวับไปมอง แต่คราวนี้ชารุกข์ไม่ได้สบตากับเขาเช่นทุกครั้ง ชายหนุ่มมีสีหน้าเคร่งขรึมและจ้องตรงไปทาง

โทรทัศน์ราวกับสนใจรายการข่าวตรงหน้ามากกว่ากวินท์


                   “ผมไม่ได้ใจเสาะขนาดนั้น ผมไม่ได้ยึดติดอยู่กับความสะดวกสบายอย่างที่คุณคิดนะชารุกข์ แต่เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของผม

ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว มันมีความซับซ้อนอื่นๆเข้ามาด้วยจึงจำเป็นที่ผมจะต้องกลับไปก่อนที่เรื่องมันจะบานปลาย หากเป็นเรื่องของผมคน

เดียว ผมคงไม่คิดจะจากที่นี่ไปหรอก”


                         พูดจบกวินท์ก็แทบจะกัดริมฝีปากตนเองเมื่อเขาหลุดปากแสดงความรู้สึกออกไป และดูเหมือนจะเห็นปากหยักของ

ชารุกข์ปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ ทั้งที่ยังไม่ได้หันมามองหน้าเขา


                     “เชคฮอาลีหัวหน้าหมู่บ้านคงจะดีใจหากเขาได้ยินคุณพูดเช่นนี้”


                    “เกี่ยวอะไรกับเชคฮอาลี”


                    กวินท์ถามอย่างนึกขัดเคืองเพราะคนที่ทำให้เขาไม่อยากจากที่นี่ไม่ใช่เชคฮอาลีเสียหน่อย


                     “เขาเป็นผู้นำที่นี่ ส่วนผมมันแค่อาศัยอยู่ อย่าลืมสิ”
               

                   ชารุกข์ตอบกลับ เขาหันมาแล้วและดวงตาคู่นั้นพราวจนกวินท์หายใจขัด
               

                   “ผมมันแค่โจรทะเลทรายใช้ชีวิตอยู่ในกระโจมโทรม ๆ ใครจะมาทนอยู่ด้วยได้”
               

                     “กระโจมกลางทะเลทรายก็เป็นธรรมชาติดีนี่ หากว่าใครจะชอบแนวอนุรักษ์ธรรมชาติ”
               

                    หัวหน้ากองโจรถึงกับหัวเราะออกมา เขามองกวินท์ที่ตอบโต้พร้อมกับเผยความรู้สึกอย่างไม่รู้ตัว และเมื่อสบตากับชารุกข์

กวินท์ถึงเพิ่งรู้สึกว่าหลงไปกับคารมของปีศาจแห่งดาฟาร์เข้าเสียแล้ว เขาเม้มปากและสะบัดหน้าหนีด้วยความขัดเขิดและเคืองอีกฝ่าย


               “ผมดีใจนะกวินท์”


                 ในที่สุดชารุกข์ก็อดใจไม่อยู่ เขาใช้ปลายนิ้วยึดคางมนของกวินท์ให้หันกลับมาสบตากับเขา น้ำเสียงของขารุกข์อ่อนหวาน

กว่าเคยเมื่อเขาตรึงสายตาของกวินท์จนไม่อาจละหนี


                      “ผมดีใจที่คุณชอบทะเลทราย ชอบที่นี่ หากไม่ใช่เพราะเรื่องของการเมือง ผมคงจะไม่ยอมให้คุณกลับไปแน่ๆ”


                       สัมผัสเพียงแผ่วเบาที่ปลายคาง ทว่ามันกลับทำให้กวินท์หวั่นไหว นิ้วของชารุกข์ที่แตะต้องช่างอ่อนโยนผิดกับยามที่

เขาจับดาบฟาดฟันศัตรู ดวงตาคมที่มองมาก็เป็นประกายราวกับสะท้อนแสงแดดจากภายนอก สมองของกวินท์ว่างเปล่าราวกับถูกสะกด

และเหมือนมีแรงดึงดูดกับใบหน้าของชารุกข์ เซรีม


                  ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดอยู่ตรงปลายจมูกกวินท์ถึงได้ผวา เขาสะดุ้งและผลักไหล่กว้างของชารุกข์ออกห่างด้วย

ใบหน้าร้อนจัด


                       “เอ่อ ผมปวดไหล่”


                       เสียงสั่นอย่างห้ามไม่อยู่เหมือนหัวใจที่เต้นไหวระรัว กวินท์รีบผุดลุกขึ้นยืนและก้าวหนีให้พ้นความใกล้ชิดนั้น


                      “ผมจะไปนอนพักแล้ว”


                       ร่างโปร่งชิงเดินหนีเข้าไปในห้องนอนที่ชารุกข์อุทิศให้ กวินท์ปิดประตูทันทีและเขาก็พิงหลังกับบานประตูนั้นอย่างหมด

แรง ชายหนุ่มทิ้งกายลงไปนั่งกองกับพื้นและยกมือวางแนบไปกับหัวใจตนเอง


                     เขาหวั่นไหวยามอยู่ใกล้ชายคนนั้น มันเป็นความรู้สึกที่ไม่อาจปฏิเสธได้เลย


                     ชารุกข์กำลังทำให้กวินท์กลับไปเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่คิดจะมีคนรักในครั้งแรก


                     กวินท์หลับตาลงและรู้สึกได้ถึงลมหายใจของใครบางคนที่อยู่อีกฝั่งของบานประตูที่กั้นกลางระหว่างเขากับใครคนนั้น
               


                                                                                         TBC



                                                            โอ๊ย นี่แค่จับคางเอ๊งงงงงงงงง


                                          :yeb: :yeb: :yeb: :yeb: :yeb:






หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 07-06-2017 22:42:43
ชารุก...รุกเขาแล้ววววว
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-06-2017 22:46:03
เริ่มหวั่นไหวกันแล้วเหรอ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 07-06-2017 22:56:48
นึกว่าจะได้จูบแล้ว
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-06-2017 23:44:02
การลงโทษช่างเด็ดขาดจริงๆ 55555555
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: se7enayo ที่ 08-06-2017 00:07:57
นี่แค่จับคาง ทำไมพี่ต้องเขิลลแทน อ๊ายยยย
 :impress2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 08-06-2017 00:13:31
แค่จับคางเอ๊งงงงงง เคลิ้มมากกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 08-06-2017 00:17:17
กว่าจะได้แตะตัวกันแต่ละที ลุ้นจนหืดขึ้นคอ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 08-06-2017 03:34:23
ปีศาจทะเลทรายอะไรละค่ะจะปากหวานขนาดนี้
.
.
.
.
.
รอตอนต่อไปนะค่ะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 08-06-2017 04:05:32
อ้าวจีบกันเฉยเลย55555555555555 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 08-06-2017 04:59:58
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 08-06-2017 05:20:10
ชารุกแอบปลื้มมานาน พอเจอตัวเป็นๆแบบนี้ยิ่งอดใจไม่อยู่ละซิ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 08-06-2017 09:10:58
อ่านไปยิ้มไป แม่ยกฟินมากค่าาา
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 08-06-2017 09:26:40
 :hao7: :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 08-06-2017 09:28:41
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-06-2017 10:17:58
นี่แค่จับคางเอ๊งงงงงงงงงง ถ้าโดนจูบจะไม่ละลายไหลลงทรายไปเลยรึ  :hao7:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 08-06-2017 10:24:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 08-06-2017 11:22:26
แค่จับคางกวินท์ก้เป็นขนาดนี้แล้วว
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-06-2017 12:08:17
เริ่มละ ชารุกข์
กวินท์ เผลอหลุดความในใจ
ว่าชอบไลฟ์สไตล์แบบทะเลทรายไปซะและ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 08-06-2017 15:26:59
รีบๆ ชา (รุก) เลยนะคะ o13
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 08-06-2017 18:49:51
เิขินนนนนนนแรงงง  กลับไปก็มาใหม่ได้นะกวิน เชียร์สุดดด
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-06-2017 19:06:16
ฟินนนนน~
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-06-2017 19:15:29
อะไรก้อเขินไปหมดค่ะคนมันหวั่นไหว
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 08-06-2017 20:38:56
อ่านแล้วอบอุ่นต่อใจ

รออ่านตอนต่อไป

หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 08-06-2017 20:46:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Warnkt ที่ 08-06-2017 22:17:16
ชอบบบบบบรออออออออ น่ารักอะลุ้นๆๆๆ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: lllittled ที่ 08-06-2017 23:45:05
เพิ่งมีเวลามาหาเรื่องอ่านเห็นชื่อเรื่องดูน่าสนใจคิดว่าน่าจะมาแนวทะเลทรายแล้วใช่ด้วย
พ่อโจรของดิฉันหลงรักจอมโจรทะเลทรายอย่างเต็มเปาควรทำอย่างไรดี ฮา
รอติดตามค่ะอยากรู้แล้วว่พ่อโจรของเราจะเอาคืนพวกรัฐบาลชั่วยังไง
ส่วนเรื่องหัวใจนั้นก็ต้องปล่อยให้เขาสองคนจีบกันต่อไป ฮา
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 09-06-2017 06:02:37
กวินทร์หนูลูกโดนคุณโจรเต๊าะนิดหน่อยยังเขินขนาดนี้ ถ้าโดน...จะเขินขนาดไหนคะยัยหนู
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 09-06-2017 12:53:29
เขินพรี่รุกข์ :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: l2_in* ที่ 09-06-2017 19:53:46
เสียววาบและลุ้นแทน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 10-06-2017 02:10:48
โอ๊ย ค่อยๆ หวานๆ มากขึ้นอีกนิดแบบนี้ ชอบค่า
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: สบายสบาย ที่ 10-06-2017 05:08:51
หวานทีล่ะนิดจิตแจ่มใส
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 9 [07/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 10-06-2017 07:18:55
ใจตรงกันไปอีก

ชารุกข์ออกตัวแล้ว ไม่เท่ากวินท์ออกตัวแรงกว่าแบบไม่รู้ตัว
 
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 13-06-2017 01:33:20

                                                         ลมหายใจแห่งผืนทราย

                                                                   บทที่ 10



                  มิสเตอร์สมิธและรำไพพรรณ แอนเดอร์สันได้รับพระราชทานวโรกาสให้เข้าเฝ้ากษัตริย์ราชิด

อัลฟาดี ณ ห้องทรงงานในอาคารรัฐบาลเป็นการส่วนพระองค์หลังจากที่ทั้งคู่เดินทางมาเพื่อรับฟังความคืบ

หน้าในการติดตามหากวินท์ แอนเดอร์สันผู้เป็นบุตรชายที่นี่ ทั้งคู่ยังคงมีสีหน้าเคร่งเครียดเพราะความห่วงใย

กวินท์

                    กษัตริย์ราชิด อัลฟาดีก้าวพระบาทเข้ามาในห้องรับรองพร้อมองครักษ์ที่หยุดเฝ้ารักษาความ

ปลอดภัยอยู่หน้าห้อง กษัตริย์ราชิดน้อมเศียรรับการโค้งคำนับและถอนสายบัวจากสามีภรรยาแอนเดอร์สัน

ก่อนจะตรัสออกมา


                   “ในฐานะผู้นำของประเทศ ผมขออภัยที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ฮาลียันไม่ได้นิ่งนอนใจเลยเรื่องบุตร

ชายของพวกคุณ”


                    “ผ่านไปสามวันแล้วกระหม่อม”


                   สมิธกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่แฝงไว้ด้วยความไม่พอใจ เขายังคงรักษาท่าทีได้นิ่งด้วย

ความเป็นนักการทูตของเขา


                   “ควรจะมีข่าวคราวของกวินท์บ้าง ฮาลียันไม่ได้มีพื้นที่มากเกินไปจนไม่สามารถหาข่าวกองโจร

ในทะเลทรายได้”


                      สีพระพักตร์ของผู้นำประเทศฮาลียันเปลี่ยนไปแวบหนึ่งก่อนจะกลับมาวางอิริยาบทสุขุมได้

เช่นเดิม


                 “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกมิสเตอร์แอนเดอร์สัน ทางการเฝ้ามองการกระทำของโจรเหล่านี้มาได้พัก

ใหญ่ อันที่จริงเรามีการวางแผนจะกวาดล้างพวกมันให้สิ้นซากเสียนานแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุเรื่องนี้ขึ้น

เสียก่อน”


                “อย่าให้กวินท์ต้องกลายเป็นชนวนแห่งความรุนแรงเลยกระหม่อม”


                สมิธสบตากับกษัตริย์ราชิดด้วยความอึดอัดและเป็นกังวล


                “หม่อมฉันเป็นห่วงเกรงว่าโจรเหล่านั้นอาจจะมองว่ากวินท์เป็นต้นเหตุแห่งความรุนแรง เราต้อง

การกวินท์ที่กลับมาอย่างปลอดภัยกระหม่อม”


                       พระเนตรของกษัตริย์ราชิดวาวแสงเมื่อสมิธพูดจบลง พระขนงย่นเข้าหากันอย่างไม่พอ

พระทัยนัก


                      “เอาละ ฉันรับปากว่าลูกชายของคุณจะกลับมาอย่างปลอดภัย”


                      ทรงดีดข้อพระกรครั้งเดียวองครักษ์ก็ก้าวเข้ามาในห้อง กษัตริย์ราชิดผายพระหัตถ์ไปทาง

ประตูทางเข้าห้อง


                     “ไปส่งมิสเตอร์แอนเดอร์สันที่สถานทูตอังกฤษโดยสะดวกที่สุด”


                     สมิธโค้งคำนับกับการ “ไล่” อย่างสุภาพ เขาหนักใจเมื่อมองไม่เห็นความจริงใจจากท่าทีของ

ผู้นำประเทศ ชายสูงวัยเกือบจะก้าวเท้าออกจากห้องแล้วถ้าไม่ได้ยินเสียงกษัตริย์ราชิดดังขึ้นอีกครั้ง


                    “เพนนี”


             สมิธหันกลับไปมอง รำไพพรรณภรรยาของเขาที่ยังไม่ได้เอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียวกลับเอ่ยขึ้นกับเขา


               “คุณรอด้านนอกก่อนนะคะ ขอเวลาฉันครู่เดียว”


                นัยน์ตาสื่อถึงการขอร้อง สมิธจำใจเดินออกจากห้องและทิ้งให้ภรรยาของเขาอยู่เพียงลำพังกับ

กษัตริย์ราชิด ส่วนรำไพพรรณนั้นหันกลับไปหากษัตริย์ราชิดที่ทอดพระเนตรเธอด้วยความรู้สึกอันหลาก

หลาย


                 “ไม่ได้พบเธอเสียเกือบสามสิบปี เธอยังงดงามเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน”


                 “ขอบพระทัยเพคะ พระองค์ก็ทรงสง่างามดังเช่นอดีตเช่นกัน”


                 “แต่ถึงแม้จะสง่างามเพียงใดก็เป็นแค่ชายที่เธอปฏิเสธ”


                   สุรเสียงฟังคล้ายเยาะหยันและค่อนขอดอยู่ในที รำไพพรรณได้แต่ถอนหายใจ


                  “อดีตผ่านไปนานแล้ว พระองค์ไม่ควรจะยึดติดกับมันอยู่นะเพคะ”


                  “ฉันไม่ใช่คนที่ลืมอะไรง่ายดายหรอกเพนนี”


                  ทรงเรียกรำไพพรรณด้วยชื่อที่คุ้นเคยตั้งแต่ทั้งคู่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว


                “ไม่เคยลืมว่าเธอนั้นปฏิเสธความหวังดีที่ฉันมีให้ หากวันนั้นเธอยอมรับ ในวันนี้เธอคงได้เป็นสตรี

หมายเลขหนึ่งแห่งฮาลียัน”


                 รำไพพรรณลอบถอนหายใจ ราชิดในวันนี้แม้จะอายุล่วงเลยกว่าอดีตมาหลายปีแต่ยังไม่เคย

เปลี่ยนแปลงไปสักนิด ทรงเป็นราชนิกุลที่ยึดอยู่ในความสูงศักดิ์เป็นที่ตั้ง จนเธอนึกดีใจที่ตัดสินใจไม่ผิด


                  “หม่อมฉันไม่เคยเหมาะกับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้เลยเพคะ ขอบพระทัยในพระราชประสงค์

อันดีมาโดยตลอด แต่ทุกวันนี้หม่อมฉันมีความสุขดีกับชีวิตที่เลือกเดิน เพิ่งจะไม่มีความสุขก็เมื่อรู้ว่าลูกชาย

คนเดียวกำลังอยู่ในอันตราย”


                   รำไพพรรณสบตากับผู้นำสูงสุดของฮาลียันอย่างกล้าหาญ


                   “ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นประมุขของประเทศ หม่อมฉันขอกราบทูลให้พระองค์จัดการเรื่อง

เลวร้ายนี้ให้จบลงอย่างเร็วและดีที่สุด และในฐานะที่พระองค์เป็นเพื่อนเก่า หม่อมฉันขอร้องโปรดประทาน

ความเมตตาเอ็นดูแก่กวินท์ด้วย เพราะเขาเป็นแก้วตาดวงใจของหม่อมฉัน ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญเพคะ”


              รำไพพรรณถอนสายบัวอย่างงดงามก่อนจะหันหลังและก้าวเดินออกไปจากห้อง กษัตริย์ราชิดมอง

ตามสตรีที่เคยครอบครองหัวใจของพระองค์รวมทั้งทำลายลงจนเจ็บช้ำมาจนถึงทุกวันนี้ด้วยพระเนตรทั้งรัก

และแค้นเคือง


                   “คาลีล”


                   ตรัสเพียงครั้งเดียวชายหนุ่มที่ดำคงตำแหน่งเลขานุการของพระองค์ก็ปรากฏกายจากด้านนอก

ทันที


                    “กระหม่อม”


                  กษัตริย์ราชิดกัดพระทนต์แน่นเมื่อตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว


                “ดำเนินการตามแผนที่วางไว้”


               “รับด้วยเกล้า”


                คาลีลรับคำด้วยใบหน้าเฉยชาก่อนจะก้าวหายออกไปเบื้องนอก

               





                  กวินท์ลืมตาตื่นมาในยามเช้าตรู่ เขาลุกจากที่นอนด้วยอาการที่ยังขัดยอกไปทั้งตัว จำได้ว่ารู้สึก

ตัวครั้งสุดท้ายเมื่อหัวค่ำเพราะชารุกข์เปิดประตูเข้ามาบังคับให้เขากินซุปถั่วซิกพีและกินยาแก้ปวดตามเข้าไป


                    “ตัวอุ่นแบบนี้ไม่พ้นมีไข้เพราะกล้ามเนื้ออักเสบแน่ กินยากันไว้เลยดีกว่า”


                   “แต่ผม...”


                  กวินท์ทำหน้าปั้นยาก เขาเกลียดการกินยาเป็นที่สุด


                 “กวินท์ ไหนบอกว่าจะ...”


                 “ไม่ดื้อ เฮ้อ กินก็ได้”


                รับยามาจากมือของชารุกข์และกลืนลงคอพร้อมกับทำหน้าย่นเพราะความขม เขารีบรับน้ำดื่มมา

จากชารุกข์และดื่มตามอย่างรวดเร็ว


                  “นอนพักเถอะ”


                  น้ำเสียงอ่อนโยนของชารุกข์ทำให้กวินท์หลับตาลง เขาคล้อยหลับไปและรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น

ในยามดึก


                   “ตัวร้อนจริง ๆ ด้วย”


                  ได้ยินเสียงแผ่ว ๆ คล้ายอยู่ไกลจนเอื้อมมือคว้าไม่ถึง หากแต่ความอาทรกลับอยู่ใกล้ชิดจนอด

ไม่ได้ที่จะไขว่คว้าหาตัวทั้งที่กวินท์ยังหลับอยู่ เขากลับรู้สึกหนาวสั่นเมื่อความชื้นของน้ำแตะต้องไปตามผิว

กายก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นอบอุ่นตามมาทีหลัง


                   “หมดสภาพคนเก่งเลยนะกวินท์”


                   สัมผัสแตะต้องอ่อนโยนที่หน้าผากทำให้กวินท์หลับไปอีกครั้งอย่างสบายตัวขึ้นจนกระทั่งถึง

เช้า เขายังปวดศีรษะรุม ๆ รวมทั้งปวดกล้ามเนื้อไหล่ข้างที่บาดเจ็บ กวินท์ลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวออกจากห้อง

ไปด้านนอก เขาเหลียวหาชารุกข์กลับพบเพียงความว่างเปล่าและเศษกระดาษที่วางไว้บนโต๊ะรับแขก


                “ไปมัสยิด เดี๋ยวกลับ”


                  ชายหนุ่มใจชื้นขึ้นเมื่อรู้ว่าชารุกข์ไปละหมาดช่วงเช้า เขาฝืนเดินเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวอยู่พัก

ใหญ่จนได้ยินเสียงพูดคุยด้านนอก กวินท์พยายามใส่เสื้ออย่างยากลำบาก


                  “โอ๊ย”


               อุทานออกมาพร้อมกับนิ่วหน้าเพราะยกแขนไม่ขึ้น และเพียงไม่กี่วินาทีประตูห้องน้ำก็ถูกเคาะรัวๆ


               “กวินท์ เปิดประตู”


               ชารุกข์ตะโกนเสียงดังจนกวินท์ต้องรีบปลดล็อกและเปิดประตูออก ชารุกข์คว้าแขนข้างที่ไม่เจ็บ

ของเขาให้เดินออกมาด้านนอกทันที


                “เป็นอะไร”


                 ดวงตาคมมองอย่างห่วงใยจนกวินท์หวั่นไหว เขาฝืนยิ้มเพื่อให้คนตรงหน้าสบายใจ


                “ปวดแขนเวลายกขึ้นน่ะครับ ใส่เสื้อลำบากจัง”


                   ชารุกข์เพิ่งเห็นว่ากวินท์ใส่เสื้อได้แค่แขนเดียว เขาถอนหายใจก่อนจะช่วยใส่เสื้อให้กวินท์ มือ

ใหญ่ช่วยเหลือติดกระดุมให้จนหมด ส่วนกวินท์ได้แต่หรุบตาลงมองแต่แผ่นอกของชารุกข์เท่านั้น


                  “ขอบคุณครับที่ช่วย”


                  “เชคฮชารุกข์คะ”


                  กวินท์เงยหน้ามองต้นเสียงเมื่อรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพังกับชารุกข์ เด็กสาวฟาดิยะคู่หมาย

ของยาก็อบนั่นเองที่เป็นบุคคลที่สามในบ้านหลังนี้


                   “ฉันกวาดถูบ้านให้หมดแล้วนะคะ”


                   ฟาดิยะเอ่ยขึ้น หญิงสาวมองชารุกข์อย่างชื่นชมไม่มีปิดบัง กวินท์เจ็บจี๊ดอยู่ในใจราวกับมีเข็ม

ทิ่มแทงเมื่อสังเกตเห็น เขารีบสะบัดความรู้สึกนั้นทิ้งด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องรู้สึกเช่นนั้น


                “ฝุ่นหนามากเลย ฉันว่าเชคฮต้องมีภรรยามาดูแลบ้านให้แล้วล่ะค่ะ”


                หญิงสาวยิ้มอย่างเอียงอาย ชารุกข์ส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจอย่างระอา


                “อย่าแก่นให้มากนักเลยฟาดิยะ ขอบใจที่มาทำความสะอาดบ้านแทนแม่ของเธอ เสร็จแล้วก็กลับ

บ้านเถอะเดี๋ยวพ่อและแม่ของเธอจะเป็นห่วง”


                “เชคฮไล่ฉันอีกแล้ว” ฟาดิยะประท้วงอย่างขัดใจ “ฉันโตพอที่จะแต่งงานมีสามีแล้วนะคะ”


                 “ฉันจะบอกยาก็อบให้ว่าเธอพร้อมจะแต่งงานแล้ว”


                “เชคฮ ฉันไม่แต่งกับยาก็อบนะ ฉันอยากเป็นภรรยาของชะ...”


               “กลับบ้านได้แล้วฟาดิยะ”


                  เสียงแข็งดุดันทำให้ฟาดิยะหยุดปากลงได้ หญิงสาวเม้มปากแน่นพลางสะบัดหน้าเดินออกไป

จากบ้าน เมื่อลับตาแล้วชารุกข์จึงได้หันมาหาและกล่าวกับกวินท์


                 “ฟาดิยะมาทำความสะอาดบ้านแทนแม่ของเขาที่ต้องมาทำสัปดาห์จะสองวัน”


                   อันที่จริงไม่จำเป็นที่จะต้องชี้แจงอะไรก็ได้แต่ชารุกข์ก็พูดออกไปเมื่อเห็นสีหน้าของกวินท์ เขา

เกรงว่ากวินท์จะเข้าใจผิดที่มีหญิงสาวเข้ามาในบ้านตั้งแต่ตอนเช้า


                  “ครับ”


                  ตอบได้แค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีกว่านี้ กวินท์ไม่นึกแปลกใจหากฟาดิยะจะชื่นชมชารุกข์

เป็นพิเศษ ชายหนุ่มตรงหน้ามีบุคลิกและอุปนิสัยที่ใครๆ ไม่อาจเมินเฉย


              “มานี่เถอะ ผมแบ่งอาหารมาจากบ้านของเชคฮอาลี กินเสียให้อิ่มเพราะเราจะต้องนั่งรถไปอีกไกล”


                   ชารุกข์แตะปลายนิ้วไปที่ข้อศอกของกวินท์เพื่อให้เดินตามมาที่โต๊ะอาหาร กวินท์คร้านที่จะ

ถามว่าจะไปไหน เขามีหน้าที่ทำตามคำสั่งของชารุกข์เท่านั้น





มีต่ออีกนิด....



หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 13-06-2017 01:45:06
ต่อกันตรงนี้...




               “ไม่อร่อยเหรอ”


               ชารุกข์ถามเอาใจ เขาตักอาหารไปวางบนจานของกวินท์


              “อารมณ์เสียเรื่องอะไร”


              “เปล่าเสียหน่อย”


              กวินท์กล่าวโต้ เขาหรุบตาลงตักอาหารใส่ปากไม่พูดไม่จา


             “บอกว่าทำความสะอาดบ้านก็คือทำความสะอาดบ้าน ไม่มีอะไรมากกว่านั้นหรอกน่า”


              คนฟังเงยหน้าขวับ ดวงตาเรียวมองคนพูดอย่างหงุดหงิด


              “เขาก็บอกแล้วว่าควรจะมีภรรยาไว้ดูแลบ้านนี่ครับ บ้านจะได้สะอาดไม่สกปรกอย่างนี้”


               “ผมยอมอยู่บ้านสกปรกแทนที่จะต้องมีภรรยาที่ไม่ต้องการ”


                ชายหนุ่มกล่าวพร้อมรอยยิ้ม


                “คุณอยู่ว่างๆ ก็ทำความสะอาดบ้านให้ผมหน่อยสิกวินท์”


                  กวินท์หน้าร้อนเห่อ น้ำเสียงของชารุกข์ฟังดูเป็นปกติ แต่ในถ้อยประโยคคล้ายมีนัยแอบแฝง

ชวนให้ใจสั่น


                   “ผมอิ่มแล้ว”


                   ลุกขึ้นยืนพลางเก็บจานของเขาและชารุกข์มาซ้อนรวมกัน


                 “ผมล้างเอง”


                   “ไม่ต้องครับ ผมจะล้างเอง” กวินท์ชิงหน้าที่ เขารีบยกจานไปที่อ่างล้างภาชนะ


                  “เดี๋ยวบ้านของคุณจะสกปรกอีก”


                     ชารุกข์กลั้นยิ้ม เขามองร่างสูงโปร่งที่หันหลังหนีไปล้างจานอย่างอารมณ์ดี จนเมื่อกวินท์ล้าง

จานเสร็จก็มีเสียงรถมาจอดหน้าบ้านของชารุกข์ เจ้าของบ้านลุกขึ้นยืนทันที


                  “ไปกันเถอะกวินท์”


                      เดินตามไปหน้าบ้านกวินท์เห็นรถจี๊ปที่มียาก็อบเป็นคนขับมาจอดติดเครื่องรออยู่ เมื่อชารุกข์

เดินไปถึงยาก็อบก็ลงจากรถและเปลี่ยนให้ชารุกข์นั่งตรงคนขับแทน


                 “อรุณสวัสดิ์กวินท์ ไหล่คุณเป็นอย่างไรบ้าง”


                 กวินท์ยิ้มจึด เขาตอบด้วยเสียงอ่อยๆ


                 “เขียวช้ำเลยล่ะ คุณล่ะยาก็อบ ราบีทำให้คุณเจ็บมากไหม ผมขอโทษที่ทำให้คุณเดือดร้อน”


                 ยาก็อบส่ายหน้าและยิ้มในแบบของเขา


                “นิดหน่อยน่ะ อย่ากังวลไปเลย ขึ้นรถเถอะเชคฮมองตาเขียวแล้ว”


                 กวินท์หันไปมองก็เห็นจริงตามนั้น เขารีบก้าวไปนั่งคู่กับคนขับโดยเร็ว ชารุกข์ขับรถจี๊ปจาก

หมู่บ้านไปยังทะเลทรายกว้าง กวินท์ที่นั่งเงียบพักใหญ่จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม


                  “เราจะไปไหนกันครับ”


                 “ผมจะพาคุณไปหาฟาฮีม ให้เขาตรวจดูไหล่ของคุณเสียหน่อย”


                 “ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก”


                 “อย่าทำเป็นเก่งเกินกว่าหมอเลยกวินท์ เมื่อคืนคุณมีไข้ทั้งคืนและไหล่ของคุณก็ฟกช้ำมาก ให้

ฟาฮีมดูหน่อยดีกว่า”


                  กวินท์ลอบมองชารุกข์ ความห่วงใยที่เขามีทำให้กวินท์นึกเคืองตัวเองที่หวั่นไหวมากขึ้นเรื่อยๆ

เขามองเสี้ยวด้านข้างที่มีจมุโด่งเป็นสัน รอบริมฝีปากมีเคราที่เริ่มขึ้นใหม่เป็นปื้น แต่กลับทำให้ชารุกข์ยิ่งดูสม

เป็นชายชาตรี


                “ชื่อของคุณแปลว่าอะไร”


                กวินท์ชวนคุย เขาไม่อยากให้ความเงียบเป็นกำแพงระหว่างเขากับชารุกข์


               “อยากรู้ทำไม”


                “ทีคุณยังรู้เลยว่าชื่อของผมแปลว่าอะไร”


               “ชารุกข์แปลว่าราชวงศ์”


                เอ่ยเสียงเรียบขณะจ้องหน้าไปทางทะเลทรายอย่างคุ้นเคย ส่วนกวินท์ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขาอยู่

ที่ไหน


                  “นามสกุลของคุณคือเซรีมเหรอ”


                 “เปล่า นั่นเป็นสมญาแปลว่าผู้กล้าหาญ”


                 “อ้าว ผมนึกว่านามสกุล” กวินท์เลิกคิ้วสูงอย่างแปลกใจ


                 “ถ้าจะอธิบายตามหลักโบราณ ชื่อของชาวอาหรับมีห้าส่วน” ชารุกข์ใจดีอธิบายให้ฟัง


                 “ส่วนแรกคืออิซึ่มเป็นชื่อตัว ส่วนที่สองกุนยาห์เป็นจะบอกการสืบเชื้อสายว่าคนๆนั้นเป็นบิดา

มารดาของใคร ส่วนที่สามเรียกว่าน่ะซับ มีเพื่อบอกว่าเขาเป็นบุตรของใคร ส่วนที่สี่คือลาก็อบ จะเป็นสมญา

เพื่อให้เกียรติแก่เจ้าของชื่อ สุดท้ายคือนิสบาคือนามสกุลแต่เพราะมันยาว บางคนก็ตัดทอนให้สั้นลงเพื่อ

ความสะดวก ”


                  ฟังการบรรยายจบกวินท์ก็อ้าปากค้าง เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าชื่อของชาวอาหรับจะมีความ

หมายมากมายขนาดนี้ ชารุกข์หันมามองใบหน้าเหมือนเด็กที่ยังไม่เข้าใจการเรียนรู้อย่างนึกขำ


                  “งงเหรอกวินท์ ลองบอกชื่อเต็มของคนที่คุณรู้จักมาสิ”


                  “สมเด็จพระราชาธิบดี ราชิด ทัชฮดิน บินซาฟาร์  อัลฟาดี”


                  เมื่อได้ยินพระนามที่กวินท์เอ่ยออกมาเพราะเขาจำได้อยู่คนเดียว ชารุกข์ถึงกับขบกรามกรอด


                 “อิซึ่มนามว่าราชิดแปลว่าฉลาด ลาก็อบสมญาทัชฮดินแปลว่าผู้ยิ่งใหญ่ น่ะซับบินซาฟาร์คือเป็น

บุตรของซาฟาร์ นิสบาราชสกุลอัลฟาดี ไม่มีกุนยาห์เพราะไม่มีบุตร”


                    “แล้วคุณล่ะชารุกข์ ชื่อเต็มๆของคุณคืออะไร”


                จบประโยคคำถามชารุกข์ก็เบรคจนรถสะเทือน เขาหันขวับมามองกวินท์ด้วยดวงตาคมดุจนกวินท์

สะดุ้ง


                     “ผมเคยบอกคุณแล้ว ยิ่งรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ต่อไปอย่าได้ถามเช่นนี้อีก”

             

                                                           TBC


                                            โดนดุอีกแล้ว กวินท์เอ๊ยยย

                                      :m13: :m13: :m13: :m13:











หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-06-2017 01:49:45
โถกวินท์ พ่อคุณก็นะ...ความลับเยอะเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-06-2017 02:07:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 13-06-2017 03:42:01
ถามแค่นี้ทำไมต้องโหดใส่ด้วยอะ555555555
 :sad11:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 13-06-2017 05:13:17
มาสั้นๆ แถมยังมีเรื่องให้อยากรู้มากขึ้นอีก กษัตริย์ราชิดมีแผนอะไรอีกเนี่ย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 13-06-2017 06:58:52
เอ๊ะ

นี่เป็นโรคอารมณ์แปรปรวนหรือ? เดี๋ยวใจดี เดี๋ยวดุ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 13-06-2017 07:12:06
โดนดุประจำเลย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Ta_ii ที่ 13-06-2017 07:41:03
เข้ามารอเรื่องนี้อัพทุกวันเลย อ่านจบแล้วเหมือนสารเสพติด อยากได้อีกเรื่อยๆ เอ็นดูกวินท์จัง อย่างที่ชารุกทำเนี่ย เขาเรียกอ่อยแบบเนียนๆนะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-06-2017 08:23:16
อย่าดุนักสิ!
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 13-06-2017 08:29:12
ดุจังนะ ก็แหมมันก็ต้องอยากรู้เป็นธรรมดามั้ยล่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-06-2017 08:30:28
ชารุกข์ กวินท์   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 13-06-2017 08:33:34
จะดุน้องทำมายยยย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 13-06-2017 08:41:52
ดุแล้วววว :ling3:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 13-06-2017 09:10:47
ดุแล้วต้องโอ๋นะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 13-06-2017 10:05:34
ดุจัง :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 13-06-2017 10:24:20
      โอ๋ๆๆกวินทร์
ชารุกดุไปไหนค่ะเมื่อเช้ายังหวานๆใส่อยู้เลย :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 13-06-2017 12:17:30
แวะมากอดคนแต่ง
เอาอี๊กกกค่าาาาา
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 13-06-2017 14:20:26
เอ้าๆ กวินทร์โดนดุอีกจนได้~

ท่านเชคฮก็ขยันทำตาดุจริ๊งงง

มีแผนอะไรน้อออ :katai1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 13-06-2017 15:27:46
มีซั่มติงรุ่นพ่อรุ่นแม่ด้วย ซับซ้อนนัก
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 13-06-2017 15:53:03
เอะอะทำเป็นเข้ม บู่วว
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 13-06-2017 16:23:01
กวินท์โดนดุอีกแล้ว ว่าแต่แผนของราชานั่นจะทำอะไรอ่ะ จะทำร้ายคุณแม่รึป่าว :katai1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 13-06-2017 16:31:01
กวินท์โดนดุอีกล้าวววว :bye2: :katai1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 13-06-2017 18:32:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 13-06-2017 20:54:39
รอๆรออ่านตอนต่อไปจ้า

หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 13-06-2017 21:07:18
กวินโดนดุบ่อยจัง สงสารนาง
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 13-06-2017 21:22:27
บางครั้งการรู้มากไปก็อาจไม่เป็นผลดี เหมือนอย่างที่ชารุกข์ว่า
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 13-06-2017 21:37:34
ดุจังเลยน้าาาาา :hao7:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-06-2017 22:21:16
เอิ่มมมม กวินท์คงงงว่าแค่ถามชื่อทำไมต้องถูกว่า แล้วทำไมบอกไม่ได้
ชารุกข์ก็เคร่งครัดเหลือเกิน เค้าแค่อยากรู้ชื่อ

เป็นห่วงเป็นใยกันดีจังน้า ออกอาการกันชัดเจน แถมดูกันออกด้วย 55555
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 13-06-2017 22:59:50
อยากอ่านต่อเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 13-06-2017 23:03:39
โดนดุอีกแล้วววกวินท์
ชารุกข์นี่ความลับเยอะเกินน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-06-2017 23:14:35
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 13-06-2017 23:15:02
ชอบดุ กวินงอนเลย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 14-06-2017 14:14:10
บอกกันดีๆก็ได้ทำไมต้องดุด้วย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 14-06-2017 19:38:43
เพราะอยากรู้ชื่อเต็มของชารุกเหมือนกัน เลยโดนดุไปพร้อมกับกวินท์เลยเจ้าค่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 14-06-2017 20:44:56
กวินทร์โดนดุอีกรอบเลย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 14-06-2017 23:29:14
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 10 [13/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Warnkt ที่ 15-06-2017 18:10:01
โดนดุตลอดอะกวินท์ ชารุกข์ก็ความลับเยอะเกิ๊น
แล้วราชานั้นมีแผนไรอี๊กกก  กวินท์จะรอดไหนเนี้ยยยย
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 16-06-2017 18:13:38


                                                                           ลมหายใจแห่งผืนทราย

                                                                                     บทที่ 11



                    เสียงดุของชารุกข์ทำให้กวินท์น้อยใจขึ้นมาครามครัน เขาหันหน้าหนีดวงตาคมดุที่มองมาไปยังผืนทรายเบื้องหน้าราวกับ

จะใช้มันทำให้ความรู้สึกที่เอ่อท้นขึ้นมาบางเบาไปบ้าง กวินท์พยายามเข้าใจความแตกต่างของเขาและชารุกข์ที่เติบโตมาจากคนละเชื้อ

ชาติ ว่าอาจเป็นสาเหตุแห่งความไม่เข้าใจซึ่งกันเหล่านี้


                  “อันที่จริงคุณพูดกับผมดี ๆ ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องดุแบบนี้หรอก”


                   กวินท์เชิดหน้ากลืนความรู้สึกผ่าวร้อนลงไป น้ำเสียงของเขาแข็งกว่าที่เคย


                   “ผมรู้ว่าตัวเองเป็นคนพูดมากอาจก่อความรำคาญให้คุณบ้าง แต่เชื่อเถอะว่าผมไม่ได้คิดละลาบละล้วงอะไรคุณเลย นัก

ข่าวกระจอกอย่างผมจะไปทำอะไรปีศาจร้ายแห่งดาฟาร์อย่างคุณได้ล่ะ”


                   ชารุกข์ไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย


                   เขาไม่ชอบให้กวินท์เมินสายตาไปจากเขาและมีท่าทีมึนตึง น้ำเสียงตัดพ้อกระด้างห่างเหินทำให้เขาสำนึกได้ว่าคราวนี้

กวินท์คงเคืองเขาจริงๆ


                   “ขอโทษ”


                   ชารุกข์ถอนหายใจ เขาเอ่ยคำที่ไม่เคยกล่าวกับใครมาก่อน


                  “ผมขอโทษที่ส่งเสียงดังใส่คุณ ไม่ได้ดุอย่างที่คุณกล่าวหาเสียหน่อย”


                  เสียงอ่อนของชารุกข์ยิ่งเพิ่มระดับความน้อยใจจนกวินท์งงงันว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่ควรบังเกิดความรู้สึกเช่นนี้กับชารุกข์ที่

เป็นผู้ชายเฉกเช่นเดียวกับเขา หากแต่มันก็เกิดขึ้นแล้วอย่างไม่มีเหตุผล กวินท์อับอายเกินกว่าจะหันไปเผชิญหน้ากับชารุกข์จึงไม่เห็นว่า

อีกฝ่ายมองเขาอย่างรู้สึกผิด


                 “ไม่เอาน่ากวินท์ อย่างอนแบบนี้สิ”


                  ลมหายใจของกวินท์สะดุดทันทีเมื่อชารุกข์ดึงมือของเขาไปกุมไว้ มือนั้นสากร้อนชื้นขณะสัมผัสอยู่บนหลังมือของเขา

กลางฝ่ามือของกวินท์ถูกชารุกข์ใช้ปลายนิ้วเขี่ยวนไปมา


                 “ผมไม่ชอบให้คุณทำท่าแบบนี้ หันมามองผมหน่อยได้ไหม”


                  เหมือนไม่ใช่ชารุกข์หัวหน้ากองโจรทะเลทราย น้ำเสียงของเขาราวกับชายหนุ่มที่กำลังงอนง้อขอโทษคนรักที่ทำปั้นปึงใส่

กวินท์แทบจะลืมวิธีหายใจจนต้องรีบตั้งสติ เขาพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมหากแต่ไม่สำเร็จ


                 “ปล่อยนะชารุกข์”


                “หันมาคุยกับผมดีๆก่อนสิแล้วจะปล่อย”


                คนดื้อยังดึงดันและยังยึดมือของเขาไว้แน่นหนา ในที่สุดกวินท์ก็ถอนหายใจและยอมหันกลับมาหา พลันเมื่อสบตากับดวงตา

คมที่มองอย่างสำนึกผิดใจของกวินท์ก็อ่อนยวบ


                  “หันมาแล้วไงครับ ปล่อยมือผมได้แล้วชารุกข์”


                  “มือของคุณนุ่มดีนะ เหมือนคนไม่เคยทำงานหนัก”


                  นอกจากไม่ปล่อยแล้วชารุกข์ยังจับนิ้วเรียวของกวินท์เล่น เมื่อเห็นว่าสีหน้าของกวินท์คลายความขัดเคืองลงบ้างแล้ว

นัยน์ตาคู่นั้นก็เปลี่ยนเป็นประกายวาววับล้อแสงแดดจ้า


                   “หายโกรธผมหรือยังกวินท์”


                   กวินท์จริงจังขึ้น เขาเอ่ยกับชารุกข์ที่ยังมองเขาสายตาพราว


                   “ผมเกิดและโตที่ประเทศทางตะวันตกซึ่งเปิดโอกาสให้ผมมีความคิดแบบอิสรเสรีสุดกู่ ส่วนคุณอยู่ในประเทศที่มีผู้นำเป็น

จุดศูนย์กลาง เราไม่มีอะไรเหมือนกันสักนิดนะครับชารุกข์ เราจะต้องปรับตัวเข้าหากันถ้าคิดจะคบกันต่อไป”


                 กวินท์สะดุ้งเมื่อตัวเองพูดในสิ่งที่คิดอยู่หมดเปลือก เลือดในกายวิ่งมารวมกันอยู่บนใบหน้าจนลามไปถึงใบหู


                 “เอ่อ .. ผมหมายถึงถ้าเราทั้งคู่จะคบกันฉันมิตรที่ดีต่อกันหากเรื่องทั้งหมดจบลง”


                   ใบหน้าแดงก่ำของกวินท์เรียกรอยยิ้มบาง ๆ จากชารุกข์ได้ คำพูดโดยไม่ทันได้คิดนั้นทำให้รู้ว่าบางทีเขากับกวินท์อาจจะ

รู้สึกตรงกัน มองแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งของกวินท์เบาๆ


                     “ตกลงกวินท์ ผมจะปรับตัวเข้าหาคุณ เราจะปรับตัวเข้าหากันดีไหม”


                      ชารุกข์ยอมหันกลับไปมองทะเลทรายเบื้องหน้า เขาผิวปากเป็นบทเพลงที่กวินท์จำได้ว่าชารุกข์เคยแปลความหมายให้

ฟังขณะที่เข้าเกียร์รถจี๊ปแล้วเหยียบคันเร่งให้รถขับเคลื่อนไปเบื้องหน้าอีกครั้ง


                     “ปล่อยมือได้แล้วครับชารุกข์”


                      กวินท์ติงเมื่อมือใหญ่ยังไม่ยอมละจากมือเรียวของเขาแม้ว่าจะขับรถอยู่ แต่คนขับก็ยังนั่งหน้าตาเฉยไม่ยอมทำตามที่

กวินท์บอก จนเขาต้องปล่อยให้เป็นเช่นนั้นต่อไป

                กวินท์ได้แต่ก้มหน้าลงหรุบตามองมือของเขาที่ถูกนิ้วของชารุกข์สอดประสานมากุมไว้ เขาเผลอยิ้มเมื่อรับรู้ถึงความอบอุ่น

ชุ่มชื้นหัวใจที่ชารุกข์ส่งผ่านมาให้ท่ามกลางความแห้งแล้งจากฝุ่นทรายที่ทิ้งไว้อยู่เบื้องหลัง










                       จุดหมายปลายทางคืออาคารไม้สองหลังที่สร้างขึ้นอย่างง่ายๆตั้งอยู่เบื้องหลังเนินเขาหินทรายเพื่อใช้เป็นปราการ

บดบังไว้ มีธงชาติสีขาวกากบาทสีแดงอยู่บนอาคารหลังหนึ่ง และมีผู้คนจำนวนหนึ่งเดินกันขวักไขว่ บ้างก็เป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บเล็ก

น้อย บ้างก็ใส่ปลอกแขนสัญลักษณ์เช่นธงด้านบน บอกให้กวินท์รู้ว่านี่เป็นสถานพยาบาลดูแลคนบาดเจ็บ

                ชารุกข์เดินนำกวินท์มาที่อาคารด้านหน้า ที่นั่นเองที่เขาได้พบกับฟาฮีม นูรอัยนีและลูกของพวกเขา นูรีนกับไฟซาล เด็กทั้งคู่

ส่งเสียงอย่างยินดีเมื่อเห็นกวินท์และเตรียมจะโผเข้าหาถ้าชารุกข์ผู้เป็นลุงไม่เอ่ยห้ามไว้ก่อน


                   “อากวินท์ได้รับบาดเจ็บ ลุงพาอาเขามาให้พ่อของเราทั้งครู่ตรวจก่อน”


                 กวินท์เหลียวมองไปรอบๆ ภายในอาคารมีเปลผ้าใบตั้งเป็นแถวยาวและมีผู้ได้รับบาดเจ็บที่เป็นชายนอนรักษาตัวอยู่จำนวน

หนึ่ง เดาว่าอีกอาคารคงมีผู้เจ็บป่วยที่เป็นสตรี โดยมีฟาฮีมเป็นแพทย์ นูรอัยนีเป็นพยาบาล กวินท์ได้แต่สงสัยว่าผู้คนที่ได้รับบาดเจ็บ

เหล่านี้เป็นพวกไหนกันแน่

               ชารุกข์บอกเล่าเรื่องราวที่กวินท์ได้รับเป็นภาษาอารบิค ฟาฮีมยิ้มอย่างใจดีส่งมาให้และพูดกับกวินท์เป็นภาษาอังกฤษ พี่น้อง

สองคนมีโครงหน้าคล้ายกันอยู่บ้าง แต่ฟาฮีมดูอ่อนโยนและร่าเริงกว่าพี่ชาย


                  “ขอผมตรวจหน่อยนะครับคุณกวินท์”


                  ฟาฮีมจับไหล่และแขนของกวินท์ตามหลักการตรวจทางการแพทย์ครู่หนึ่งก่อนจะชี้แจงอาการให้ฟัง


               “เท่าที่ตรวจดูโดยที่ยังไม่ได้เอ๊กซเรย์ก็ไม่น่าจะมีกระดูกหักนะครับ คงเป็นเพราะกล้ามเนื้อฟกช้ำบาดเจ็บเท่านั้นเอง ผมคิดว่า

พี่ชารุกข์วิตกเกินไป”


                     “นั่นสิครับ ผมก็คิดอย่างนั้น”


                      กวินท์สนับสนุน เขารีบฟ้องการกระทำของพี่ชายฟาฮีมทันที


                     “ผมบอกเขาแล้วว่าผมดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก”


                    “แต่เมื่อคืนกวินท์มีไข้”


                     ชารุกข์ยังยืนยันความเห็นของเขา สายตาที่มองกวินท์เต็มไปด้วยความห่วงใย


                    “นี่ถ้าไม่เช็ดตัวทั้งคืนไข้คงไม่ลดแน่”


                      กวินท์อ้าปากค้าง เขาทบทวนความจำขณะที่ยังสะลึมสะลือเพราะพิษไข้ในราตรีที่ผ่านมา ความหนาวเย็นที่ชโลมตาม

ผิวกายและความอบอุ่นที่ติดตามมาหลังจากนั้นหวังว่าคงไม่ใช่จากชารุกข์หรอก แต่ถ้าไม่ใช่แล้วจะเป็นฝีมือใครเล่า


                     “ตกลงว่าพี่หรือผมที่เป็นหมอ”


                     ฟาฮีมยกมือกอดอกมองพี่ชายอย่างระอา เขาชินชาแล้วกับความดื้อรั้นของชารุกข์


                     “กล้ามเนื้อบาดเจ็บร่ายกายก็มีไข้ได้ กินยาและเช็ดตัวอย่างที่พี่ทำก็ถูกแล้ว แต่ตอนนี้คุณกวินท์เขาก็ดีขึ้นแล้ว พี่จะกังวล

อะไรอีกครับท่านเชคฮชารุกข์”


                     กวินท์กลั้นยิ้ม นึกสะใจที่ชารุกข์ถูกน้องชายย้อนใส่ เขามองเห็นชารุกข์มองเขากลับอย่างคาดโทษ


                   “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว จะไปเล่นกับนูรีนและไฟซาลก็ตามใจ”


                  “เย่”


                    ลุกขึ้นยืนแล้วกวินท์ก็เดินไปหานูรีนกับไฟซาลชักชวนกันออกไปนอกอาคารไม้ ปล่อยให้พี่น้องได้พูดคุยกันเบาๆ ที่โต๊ะ

ตรวจของฟาฮีม


                    “ยังไม่ถึงเวลาที่จะพาเขาไปส่งอีกหรือครับ”


                    เมื่อพ้นสายตาผู้อื่นชารุกข์และฟาฮีมก็พูดคุยกันอย่างจริงจังขึ้น ชารุกข์ส่ายหน้าหัวคิ้วขมวดเข้าหากัน


                   “ยังก่อน บีวันส่งข่าวมาว่ารัฐบาลกำลังหาโอกาสโจมตีเรา ไปส่งกวินท์ตอนนี้ไม่ปลอดภัยแน่”


                   “ดูเหมือนพี่จะเป็นห่วงเขามากนะครับ”


                   ฟาฮีมตั้งข้อสังเกต ชารุกข์อึ้งไปกับคำกล่าวของน้องชาย


                 “กวินท์ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยกับความขัดแย้งของเรากับราชิด เขาไม่ควรจะมาเดือดร้อนเรื่องนี้”


                 “พี่ชารุกข์ก็ยังใจดีเช่นเคย”


                 น้องชายกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ชารุกข์หัวเราะในลำคอ


                “งั้นหรือ บางคนยังหาว่าฉันดุอยู่ร่ำไป”


                “แล้วนี่บีวันแจ้งข่าวอะไรมาอีกครับ”


                 บีวันคือรหัสที่ใช้กับสายสืบที่อยู่อีกฟากฝั่ง พวกเขาเรียกขานกันด้วยรหัสลับ


                 “ช่วงนี้ยังเงียบอยู่ แต่บีวันบอกว่าถ้ามีอะไรรีบด่วนจะส่งสัญญาณวิทยุมา”


                 เพราะหากใช้การติดต่อทางอื่นอาจจะถูกลอบดักฟังและหาพิกัดได้ พวกเขาต้องติดต่อกันด้วยวิธีโบราณที่ยังใช้ได้ผลดี


                “ผมขออีกคำถามเดียว พี่คิดจะจบเรื่องทุกอย่างลงเมื่อไหร่”


                ชารุกข์นิ่งคิดไตร่ตรอง ดวงตาของเขาคมกล้าขึ้นเมื่อคิดถึงแผนที่วางไว้


                “เร็วๆ นี้แหละฟาฮีม ความยุติธรรมจะกลับคืนมา ผู้คนที่ล้มตายจะได้สบายใจที่พวกเขาพลีชีพไม่เสียแรงเปล่า วันนั้นเราจะ

มอบความถูกต้องคืนแก่ประชาชนชาวฮาลียัน”







มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 16-06-2017 18:22:00
ต่อกันตรงนี้...




                  “ที่นี่เป็นเหมือนโรงพยาบาลลับน่ะค่ะ”


                  นูรอัยนีบอกกับเขาขณะป้อนอาหารให้ไฟซาล ส่วนนูรีนนั่งกินอยู่ข้างๆ พวกเขานั่งกันอยู่บนลานหินใต้ต้นไม้ทะเลทรายที่

พอให้ร่มเงาได้


                   “มีฟาฮีมและฉันคอยดูแลอยู่และมาที่นี่เมื่อมีวันหยุด บางทีก็จะมีหมอท่านอื่นที่อยู่ฝั่งเดียวกับเราแวะเวียนมาช่วยบ้าง เรา

สอนให้พวกเขารู้จักการดูแลกันเองอย่างถูกต้องเมื่อไม่มีหมออยู่”


                   “คนที่ได้รับบาดเจ็บเหล่านี้เป็นพวกไหนหรือครับ ผมเดาว่าต้องเป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลใช่ไหม”


                    นูรอัยนีคลี่ยิ้มจางๆ เธอเป็นสตรีเรียบร้อยและอ่อนหวานสมกับฟาฮีม


                   “เรียกว่าอยู่ข้างชารุกข์อามิรดีกว่าค่ะ พวกเราทุกคนอยู่เคียงข้างเขา”


                    มารดาของเด็กทั้งสองไม่กล่าวอะไรอีก เมื่อป้อนอาหารให้ไฟซาลแล้วเธอจึงขอตัวไปทำงานต่อโดยย้ำกับเด็ก ๆ ว่าอย่า

รบกวนกวินท์มากเกินไปนัก


                   “ปกติแล้วนูรีนกับไฟซาลอยู่กันที่ไหน”


                    ถามนูรีนดูจะง่ายกว่า ไฟซาลยังเล็กเกินไปที่จะตอบคำถามของเขาได้


                   “พวกเราอยู่กันที่ฟาดิเลาะฮ์ค่ะ”


                   นูรีนส่งเสียงตอบเป็นภาษาอังกฤษเจื้อยแจ้ว เด็กหญิงสาวผ้าฮิยาบเนื้อนุ่มล้อมกรอบใบหน้าที่งดงามตั้งแต่เด็ก


                   “คุณพ่อกับคุณแม่ทำงานที่โรงพยาบาลเอกชน แล้วนูรีนกับไฟซาลก็เรียนอยู่โรงเรียนใกล้ๆกัน”


                   “เออ อาถามหน่อยสิ เมื่อครู่ได้ยินแม่ของนูรีนเรียกเชคฮชารุกข์ว่าอามิร มันแปลว่าอะไรหรือ”


                  “อันที่จริงคุณพ่อก็ต้องเป็นอามิรนะครับ”


                  ไฟซาลสอดขึ้นมา เด็กชายยันกายมานั่งบนตักของกวินท์อย่างสนิทสนม


                 “แต่คุณพ่อไม่ให้คุณแม่หรือใคร ๆ เรียกว่าอามิร”


                 “แล้วสรุปคำว่าอามิรแปลว่าอะไรล่ะ” กวินท์รีบเอ่ยถามด้วยความอยากรู้


                 “อามิรแปลว่าปรินซ์...”



            ตูม!!!



                   หัวใจของกวินท์แทบจะร่วงหล่นออกมาภายนอกเมื่อได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไม่ไกลจากอาคารไม้นัก ควันและเปลวไฟ

พวยพุ่งออกมาจากจุดเกิดเหตุ รวมถึงความโกลาหลที่เกิดขึ้น ผู้คนวิ่งกันขวักไขว่ ใครที่แข็งแรงก็ช่วยคนบาดเจ็บหลีกหนี เขาหันขวับไป

มองนูรีนและไฟซาลที่ร้องไห้ด้วยความตกใจ กวินท์รีบอุ้มไฟซาลทันทีเขาดีใจเมื่อเห็นนูรอัยนีวิ่งออกมาจากอาคารไม้และรีบอุ้มนูรีน

ขึ้นมา


                “เกิดอะไรขึ้นครับ”


                กวินท์ถามอย่างรวดเร็วด้วยสัญชาตญาณของนักข่าว นูรอัยนีรีบตอบด้วยสีหน้าหวั่นวิตก


                “เราถูกโจมตีค่ะ ฉันต้องพาลูกหนีโดยเร็วที่สุด”


                  ชายหนุ่มเข้าใจได้โดยง่าย เขารีบวิ่งตามนูรอัยนีไปยังรถยนต์ที่มีฟาฮีมติดเครื่องรออยู่ใกล้กับที่ชารุกข์จอดไว้ กวินท์รีบส่ง

ไฟซาลที่ยังร้องไห้จ้าขึ้นไปบนรถ ชารุกข์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลรีบออกคำสั่ง


                 “ฟาฮีม รีบหนีไป”


                 “แล้วพี่ล่ะครับ”


                 ฟาฮีมยังวิตกแทนพี่ชาย ชารุกข์รีบสำทับ


               “ไม่ต้องห่วง นายพาครอบครัวหนีไปให้ปลอดภัยเดี๋ยวนี้”


               ฟาฮีมมองพี่ชายก่อนจะตัดใจขับรถพาครอบครัวหนีไปทางด้านหลัง ชารุกข์หันมามองกวินท์อย่างห่วงใย


              “ผมไม่เป็นไร”


               กวินท์รีบกล่าวเมื่อเห็นสายตานั้น ชารุกข์เหลียวมองโดยรอบเมื่อเห็นว่าผู้ใต้บังคับบัญชาจับอาวุธต่อสู้ เขาก็รีบดึงผ้าโพก

ศีรษะที่ใส่อยู่ตวัดคลุมใบหน้าอย่างรวดเร็ว


               “ระวังนะกวินท์ อยู่ใกล้ๆผมไว้”


                กวินท์พยักหน้ารับ เขาวิ่งตามหลังชารุกข์ไปด้านในอาคารไม้และคว้าปืนขึ้นมากระบอกหนึ่งก่อนจะย่อตัวเล็งกระบอกปืนไป

ที่ขบวนรถยนต์ราวสามถึงสี่คันที่มองเห็นอยู่ไกลลิบ ชารุกข์กัดฟันกรอดขณะที่ลูกน้องคนหนึ่งขยับกายเข้ามาใกล้


                “บีวันวิทยุมาบอกว่าเป็นคำสั่งด่วนมาก เขาช่วยได้แค่ทำให้เป้ายิงคลาดเคลื่อนเท่านั้นครับ”


                  กวินท์มองเหตุการณ์รอบตัวอย่างตื่นเต้นเมื่อผู้คนเกือบทั้งหมดในอาคารไม้ลุกขึ้นมาจับอาวุธรอคำสั่งจากชารุกข์ที่เป็นผู้

บังคับบัญชาของพวกเขา




                                                                         TBC


                                               ว่าจะไม่มีฉากแอ็คชั่นแล้วน้า ใส่เสียหน่อยเดี๋ยวไม่หนุก ^^


                                                    :m23: :m23: :m23: :m23:



หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Ta_ii ที่ 16-06-2017 18:51:51
นี่ขนาดยังไม่ได้บอกคงามในใจกันนะ ยังหวานขนาดนี้ ละมุนไปอีก  :-[

เราชอบฉากบู๊! ใส่มาเยอะๆก็ได้นะจ๊ะ อยากเห็นชารุกบู๊ ฮ่าๆๆ เป็นห่วงก็แต่กวินทร์อยู่ใกล้ชารุกไว้นะ อย่าเจ็บตัวอีกเลย กลัวใจชารุก :กอด1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 16-06-2017 19:16:04
พะบู๊ไปอีก
กวิตจะได้ยินที่เด็กบอกหรือเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 16-06-2017 19:18:51
บีวันนี่ใช่องค์ราชเรขาเปล่า
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-06-2017 19:42:49
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 16-06-2017 19:57:04
บู๊นิดหน่อยพอสมเหตุสมผลแก่เรื่องราว นี่โอเคนะคะ
 แต่แบบว่า บู๊ล้างผลาญ หรือจับเชลยไปทรมาน ขอเว้นไว้ก่อนเถอะค่ะ :mew6:
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 16-06-2017 20:11:01
ขอบู๊อีก
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 16-06-2017 21:04:53
กำลังมันส์เลยยย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-06-2017 21:35:11
ปริ้นซ์จริงๆ ด้วย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-06-2017 21:38:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-06-2017 21:40:21
เออนะ กำลังจะดี กำลังหวาน มาเจอยกพลบุกซะงั้น

กวินท์รู้แล้ว แต่จะทันฟังไหม
ชารุกข์โดนเคืองเข้าใจแล้ว ทำมาง้อนะ ถ้ากวินท์ไม่พูด ก็คงทำขรึมใส่ไปอีก

เค้ามีเยื่อใยต่อกันจ้า อย่าให้เกิดอะไรร้ายแรงเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 16-06-2017 21:53:44
อ้าว

กำลังสืบได้ข้อมูลลับ ดันมีคนมาขวางเสียนี่
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 16-06-2017 21:54:47
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-06-2017 21:57:17
หรือว่าเอวันจะเป็น... เลขาของกษัตริย์องค์ปัจจุบันนะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 16-06-2017 22:17:01
        ลุ้นอย่างกับอยู่ในทะเลทรายที่มีการวางระเบิดซะเอง
ชอบมากเลยเรื่องนี้อยากอ่านแบบยายๆรีบมาต่อนะค่ะกำลังสนุกเลย
                                  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: dark-soleil ที่ 17-06-2017 00:21:05
บีวันคือ อาลี..หรือ อาลีล นะ? ต้องใช่แน่ๆ เลขาของราชาคนนั้นอ่ะ เพราะดูท่าจะได้คู่กับวิคเตอร์เลยคิดว่าไม่น่าจะใช่คนไม่ดี
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 17-06-2017 01:58:58
จริงค่ะน้องกวินทร์ ต้องค่อยๆปรับตัวเนอะจะได้เข้ากั๊นเข้ากัน


หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 17-06-2017 02:20:44
งอนกันแล้วมันดีจริงๆเลย มีความงุ้งงิ้ง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 17-06-2017 08:48:44
มาให้กำลังใจคับ

หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-06-2017 10:58:33
กวินท์ฟังเด็กพูดทันรึป่าวอ่ะที่ชารุกข์เป็นเจ้าชาย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-06-2017 11:30:38
 :katai1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 17-06-2017 13:54:13
เจ้าชาย.... :hao7:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 17-06-2017 14:40:38
ฉากบู้มาแว้วว  o18
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 17-06-2017 18:38:55
ว่าแล้ววววว :katai3:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 17-06-2017 18:44:31
เพิ่งเห็นเรื่องนี้ ฮือออ ชอบอ่านแนวทะเลทรายมาก แต่ก็หาอ่านยากมากเช่นกัน เนื้อเรื่องน่าติดตามมา ชอบตรงที่เล่นประเด็นการเมืองนี่แหละ บีวันที่เป็นสายลับจะใช่เลขาของเชคคนปัจจุบันมั้ย เพราะท่าทางเขาดูแปลกๆ จะว่าภักดีกับกษัตริย์องค์ปัจจุบันก็ไม่ใช่อ่ะ น่าจะเป็นพวกเดียวกับชารุกข์นี่แหละ แล้วก็น่าจะเป็นคนสนิทด้วยหรือเปล่า ถึงได้กล้าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงขนาดนั้น แล้วนี่เกิดการโจมตีแล้ว หวังว่าทุกคนจะปลอดภัยนะ พวกรัฐบาลมันรู้ฐานลับนี้ได้ยังไง แล้วแบบนี้หมู่บ้านทะเลทราย รัฐบาลจะไม่รู้เหรอเนี่ย ลุ้นมาก ขอให้ทุกคนปลอดภัย ฉากบู้มาแรงแซงทางโค้งฉากมุ้งมิ้งเลย เอาเป็นว่าชอบทุกอย่างที่เป็นเรื่องนี้เลยอ่ะ จะติดตามต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: brenda ที่ 17-06-2017 21:56:23
 :-[ :-[ :-[ ชอบค่ะ หวานๆ โรแมนติค

หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 18-06-2017 01:50:32
จะได้บู๊กันแล้ว
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 19-06-2017 01:53:19
รู้แล้วสินะ แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อก็ถึงคราวบู๊ซะแล้ว แต่ก็ดีแล้วค่ะ ตื่นเต้นดี
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-06-2017 07:38:09
ง้องอนกันเบาๆระเบิดลงซะได้
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 20-06-2017 12:23:25
กวินทร์ฟังทันก่อนระเบิดไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 20-06-2017 15:02:28
บีวันนี่คุณราชเลขาแน่ๆอะ
ชารุกข์กับกวินท์หวานมากกกก
ขนาดยังไม่รู้ใจกันนะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 20-06-2017 16:00:03
ตื่นเต้น :hao7:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 11 [16/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Warnkt ที่ 20-06-2017 22:54:40
รอออออ บู๊ได้ค้าาา ต้องปลอดภัยกันน้าาาา
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 21-06-2017 00:41:02


                                                                  ลมหายใจแห่งผืนทราย


                                                                             บทที่ 12



                 ชารุกข์กระชากแขนกวินท์ให้ทิ้งกายนอนคว่ำอยู่ข้างกายขณะที่เขาย่อตัวลงไปอยู่ที่ใต้หน้าต่างโผล่พ้นเพียงศีรษะ สายตา

จ้องมองเบื้องนอกที่มีฝุ่นทรายกระจายสูงขึ้นไปเบื้องบนด้วยความมุ่งมั่น ปืนกลเบาซิกเอ็มพีเอ็กซ์ที่คว้ามาได้ถูกพาดไว้ที่ขอบหน้าต่าง

ชารุกข์เล็งศูนย์ด้วยท่าพรักพร้อมอีกมือกดศีรษะกวินท์ไว้ให้หมอบต่ำที่สุด เขาจ้องมองรถบรรทุกกองกำลังของรัฐบาลที่ใกล้เข้ามาจน

อยู่ในระยะกระสุน และในที่สุดชารุกข์ก็ยิงกระสุนชุดแรกออกไป

                  กวินท์สะดุ้งสุดตัว หูของเขาลั่นเปรี๊ยะเมื่อเสียงปืนดังสนั่นเป็นชุดจากเหล่ากำลังพลที่กระจายกำลังอยู่ทั่วทั้งอาคารไม้เก่า

ผุพัง เขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองว่าทางฝั่งรัฐบาลใช้อาวุธอะไรโจมตีโต้กลับมาบ้าง รู้ได้แค่เพียงเสียงร้องของผู้คนที่ได้รับบาด

เจ็บ กลิ่นโลหิตคาวคลุ้งปะปนกับกลิ่นไม้ที่ถูกความร้อนจากกระสุนเผาไหม้ กวินท์ตัวสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเสียงแห่งความเอะอะโกลาหล

แต่อย่างน้อยเขาก็ยังอุ่นใจเมื่อยังได้ยินเสียงกระสุนจากคนที่ยังอยู่ใกล้

                   ชารุกข์สบถออกมาเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มเสียเปรียบ เขาตะโกนออกคำสั่งบางอย่างกับคนของเขา กวินท์ไม่รู้ว่ามันคือ

อะไร แต่เขาเหลียวไปเห็นพวกเขาเข็นปืนกลหนักออกมาวางพาดกับหน้าต่าง และตอนนั้นพวกเขาก็ใช้มันตอบโต้ กวินท์ใจเต้นจนแทบ

จะหลุดออกมานอกทรวงอกเมื่อเขาตกอยู่ท่ามกลางความรุนแรงของการต่อสู้ หลังจากนั้นอีกไม่นานนักเสียงห่ากระสุนก็เริ่มเบาบางลง


                   “ชารุกข์ เป็นยังไงบ้าง”


                    เขาเงยหน้าขึ้นถามด้วยความหวาดหวั่น ชารุกข์ไม่ได้หันกลับมาหาเมื่อสายตาแห่งความแค้นเคืองจ้องมองเบื้องหน้าจน

แทบไม่กะพริบตา


                   “พวกมันหยุดยิงแล้ว แต่ก็ยังไว้ใจไม่ได้”


                     ชารุกข์ขบกรามจนขึ้นเป็นสัน แวบหนึ่งที่เขาเหลียวมองความสูญเสียที่เกิดขึ้นภายในอาคาร นัยน์ตาของเขาพลันโชน

แสงวูบเมื่อเห็นคนของเขาที่บาดเจ็บล้มตายไปส่วนหนึ่ง ส่วนคนที่ยังยืนหยัดก็เล็งปลายกระบอกปืนไปยังกองกำลังของรัฐบาลที่สูญเสีย

ไปไม่น้อยจนเริ่มเสียขบวน


                  “ระยำ ทำได้แม้จะมีธงสัญลักษณ์กาชาด”


                   น้ำเสียงของชารุกข์บอกได้ว่าเขาเต็มไปด้วยโทสะอย่างที่กวินท์ไม่เคยได้ยินมาก่อน ดวงตาที่โผล่พ้นผืนผ้าปิดบังใบหน้า

แดงก่ำคุโชน และเมื่อเห็นว่ารถบรรทุกทหารคันหนึ่งเริ่มขับเคลื่อนออกไปพร้อมกับเหล่ากำลังคนของฝ่ายตรงข้ามที่เหลืออยู่เขาจึงลุก

ยืนอย่างระมัดระวัง


                 “พวกมันไปแล้ว”


                 ลูกน้องของเขาที่เป็นผู้ดูแลที่นี่อยู่พูดขึ้นอย่างโล่งใจ


                 “มันรู้พิกัดของเราจนได้”


                 “หวังว่ามันคงจะไม่รู้พิกัดที่ตั้งอื่นด้วยนะครับอามิร”


                “อย่าเพิ่งไว้ใจฮะซีน”


                ชารุกข์เอ่ยตอบชายวัยกลางคนที่เป็นลูกน้องคนสนิทอีกคนหนึ่ง


                “พวกมันอาจจะมีเล่ห์เหลี่ยมอื่น ๆ อีก”


                “มันคงไม่กล้าแล้วล่ะครับอามิร ก็เห็นอยู่ว่าพวกเราต่อสู้กันอย่างไม่กลัวเกรง มันคงหนีกันไปหมดแล้ว”


                คำพูดของฮะซีนทำให้คนที่ยังเหลือรอดพากันถอนหายใจโล่งอก แต่ทันใดนั้นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็พลันเกิดขึ้น


                 ตูม!!


                    หัวใจของกวินท์แทบจะหยุดเต้นเมื่อรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากระเบิดที่เกิดขึ้นกับอาคารไม้หลังถัดไป เสียงระเบิดดังจนหู

แทบดับและแรงระเบิดนั้นยังมีผลต่ออาคารไม้หลังที่เขาและชารุกข์ซ่อนอยู่ด้วย ชารุกข์ตะโกนดังลั่นด้วยความแค้นเมื่อถูกลอบโจมตี

อย่างรุนแรง เขาแทบบ้าคลั่งจนกวินท์ตกใจ


                “อามิร!”


                 ฮะซีนที่ได้รับบาดเจ็บถลาเข้ามาห้าม


               “หนีไปซะอามิร”


                “ไม่” ชารุกข์ตวาดตอบโต้ “ฉันจะไม่ทิ้งใคร”


                 “อามิร นี่ไม่ใช่เวลาห่วงพวกเรา อามิรคือความหวัง อามิรต้องรอด”


                ฮะซีนหันขวับมาหากวินท์แล้วพูดภาษาอังกฤษที่กวินท์เข้าใจแม้มันจะผิดเพี้ยนไปบ้าง


               “คุณพาอามิรหนีไปเดี๋ยวนี้ ดูแลอามิรอย่าให้เขาได้รับอันตราย เข้าใจไหม”


               กวินท์รีบลุกขึ้นอย่างไม่อิดออด เขาคว้าแขนชารุกข์ไว้และมองอย่างขอร้อง


               “ชารุกข์ คุณต้องไป”


               “ผมไม่ไป คุณจะให้ผมทิ้งพวกเขางั้นหรือ”


               ชารุกข์กวาดสายตาไปทั่ว เขามองความสูญเสียอย่างเจ็บใจ


              “อามิร ชีวิตของอามิรสำคัญที่สุด หากไม่มีอามิรใครจะกอบกู้ทุกอย่างกลับคืน”


               ฮะซีนเตือนสติ เขาพลันทรุดตัวลงกับพื้นและคำนับจนหน้าผากจรดพื้น


               “ขอร้องเถอะอามิร อย่าเป็นห่วงพวกเรา”


                คนที่ยังมีลมหายใจพากันคุกเข่าต่อหน้าชารุกข์จนเขาต้องกัดฟันกรอด กวินท์วางมือแนบไปกับท่อนแขนของเขา


               “เชื่อพวกเขาเถอะครับชารุกข์ อย่าให้ความหวังของพวกเขาพังทลายเลย”


                สายตาแห่งความภักดีทำให้ชารุกข์กล้ำกลืนอย่างเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าพวกเขาเหล่านั้นกำลังเสียสละครั้งยิ่งใหญ่


              “ขอให้อัลลอฮ์ประทานพร”


                 ชารุกข์ตัดใจคว้าปืนประจำกายขึ้นแล้วพยักหน้าให้กวินท์วิ่งตามเขาไปยังด้านหลังเนินเขาหินที่มีรถจี๊ปจอดซ่อนอยู่ ทั้งคู่

กระโจนขึ้นไปนั่งประจำที่ก่อนที่ชารุกข์จะรีบสตาร์ทรถและขับออกไปทันที หัวใจของชารุกข์เจ็บจนชาเมื่อได้ยินเสียงปืนต่อสู้เริ่มต้นขึ้น

อีกครั้งเมื่อเขาขับรถจากมา


                “ชารุกข์ มีรถตามมาคันนึง”


                กวินท์เอ่ยอย่างตกใจเมื่อเห็นรถทหารคันหนึ่งขับตามหลัง ชารุกข์มองกระจกหลังก็เห็นจริงตามนั้น ดีที่เป็นรถคันเล็กและมี

ทหารรัฐบาลอยู่แค่ไม่กี่คน


                “กวินท์ มาขับรถ”


                เขาสั่งและปล่อยพวงมาลัยพลางลุกขึ้นยืนประทับปืนกลไว้ที่ไหล่ กวินท์รีบลุกจากที่นั่งขยับไปแทนที่ตรงคนขับ เขา

พยายามเหยียบคันเร่งจนจมมิดขณะที่ชารุกข์เริ่มยิงต่อสู้กับรถที่ขับไล่มาเบื้องหลัง กวินท์ได้ยินเสียงชารุกข์เปลี่ยนตลับกระสุนปืนพร้อม

กับสบถ


              “สุดท้ายแล้ว กระสุนชุดสุดท้าย”


               กวินท์ตื่นเต้นตกใจระคนหวาดหวั่นแต่เขาก็ต้องบังคับตัวเองอย่างยากเย็นที่จะขับรถหนีให้เร็วที่สุด ชารุกข์มองไปทางรถ

เบื้องหลังที่เหลือทหารอยู่เพียงคนขับและคนแม่นปืนเท่าเทียมกับเขา หากแต่ชารุกข์ก็ต้องตกใจที่ปลายกระบอกปืนของมันนั้นลดระดับ

ลง ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อสังหรณ์ใจว่าเป้าหมายของมันไม่ใช่เขา หากแต่เป็นกวินท์ที่ขับรถอยู่ พวกมันหมายสังหารกวินท์!


              “ระยำ!”


               ชารุกข์เล็งเป้าไปที่คนแม่นปืนเพื่อเตรียมตอบโต้ แต่นึกไม่ถึงว่าคนขับรถจะคว้าปืนขึ้นมาด้วยอีกมือหนึ่งและทั้งคู่ก็ลั่นไกยิง

มาทาง ชารุกข์ตัดสินใจสาดกระสุนชุดสุดท้ายออกไปในที่สุด กวินท์ตกใจจนถึงกับขับรถส่ายไปมาเมื่อได้ยินเสียงระเบิดจากรถที่ตามมา

เบื้องหลัง และเมื่อเห็นว่าพวกมันไม่อาจติดตามมาได้อีกแล้วเขาก็ถอนหายใจโล่งอก

               ร่างสูงของชารุกข์ยังยืนนิ่งพักหนึ่งจนมั่นใจว่าปลอดภัยแล้ว เขาจึงได้หันกลับทรุดตัวลงนั่งโดยไม่เอ่ยคำใดแม้แต่คำเดียว

กวินท์เหลือบมองเขาด้วยความดีใจที่ทุกอย่างจบสิ้นลง


                “ปลอดภัยแล้วครับชารุกข์ ไม่มีใครตามมาแน่ๆ ชารุกข์ ชารุกข์ คุณเป็นอะไร”


                กวินท์เอะใจเมื่อเห็นชารุกข์นั่งนิ่ง ใบหน้านั้นราวกับจะซุกซ่อนอะไรบางอย่างไว้ กวินท์เหยียบเบรกและจ้องมองชารุกข์อย่าง

พิจารณา พลันกวินท์ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นเสื้อสีเข้มของกวินท์เปื้อนสีแดงคล้ำเป็นวงกว้างอยู่ตรงสีข้างของร่างกาย


                “ชารุกข์ คุณบาดเจ็บ!”


                กวินท์เพิ่งจะรู้จักความหวาดกลัวที่พุ่งเข้ามาจนหัวใจแทบหยุดเต้น มือเรียวสั่นไหวยามเมื่อยื่นไปแตะชารุกข์ ริมฝีปากของ

เขาสั่นระริกและใบหน้าของกวินท์ซีดราวกับกระดาษ


             “คุณถูกยิง”


            “กวินท์ขับรถต่อไปอย่าหยุด เรายังไม่ปลอดภัย”


              ชารุกข์ยังคงนั่งนิ่งราวกับหุ่นปั้น เขาหลับตาลงเพื่ออดทนกับความเจ็บปวดที่ได้รับ เขาใช้มือกดลงไปที่ปากแผลเพื่อห้าม

เลือด


                “ชารุกข์ แต่คุณเจ็บ เลือดคุณไหล และ...”


                 “ขับรถ!”


                 ชารุกข์ส่งเสียงดุเรียกสติ กวินท์สะดุ้งก่อนจะหันไปขับรถทั้งที่ยังละล้าละลังด้วยความเป็นห่วงชารุกข์อย่างที่สุด เขาขับรถ

อย่างไม่รู้ทิศทางกลางทะเลทรายจนตะวันคล้อยต่ำและสุดท้ายรถจี๊ปที่ขับมาก็สะดุดและหยุดลง


                “น้ำมันหมด”


                ไม่เคยมีครั้งไหนที่กวินท์จะกลัวเท่านี้มาก่อน เขาอยู่กลางทะเลทรายอ้างว้างสุดลูกหูลูกตาในขณะที่ดวงอาทิตย์เลื่อนมาอยู่

ที่ริมขอบฟ้าจนความร้อนลดต่ำลงเรื่อยๆ เขาหันไปมองชารุกข์ที่เพิ่งจะลืมตาขึ้นมา


                “ชารุกข์ เป็นยังไงบ้าง”


                อย่างน้อยกวินท์ก็ยังดีใจที่มีชารุกข์เคียงข้าง ใบหน้าเคร่งขรึมหันมาหาและฝืนยิ้ม


             “ไม่เป็นไร กระสุนแค่ถากไป เลือดก็หยุดไหลแล้ว”


                กวินท์ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่เขาก็ยังไม่ไว้ใจจนต้องมองสำรวจชารุกข์จนอีกฝ่ายอดยิ้มออกมาไม่ได้


                “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ”


                “ถอดเสื้อครับชารุกข์ ผมต้องดูแผลของคุณ”


                กวินท์สั่ง แต่ชารุกข์ยังไม่ยอมปฏิบัติ


               “ไกลหัวใจน่ากวินท์ ผมไม่เป็นอะไรมากหรอก”


                “คุณบาดเจ็บ อย่าทำเป็นเข้มแข็งนักเลย” กวินท์โต้อย่างเหลืออด


               “ผมทนไม่ได้หากไม่มั่นใจว่าคุณจะปลอดภัยจริงๆ ดังนั้น ผมจะช่วยคุณถอดเสื้อเอง”


                 มองด้วยสายตาแกมบังคับจนชารุกข์จำเป็นต้องยอม กวินท์ช่วยเหลือถอดเสื้อชุ่มโลหิตออกจากลำตัวของชารุกข์อย่าง

ระมัดระวัง กวินท์สำรวจบาดแผลด้วยสายตา เลือดหยุดไหลแล้วแต่ปากแผลก็ยังเปิดอยู่อย่างน่าเป็นกังวล


              “ใต้เบาะมีชุดปฐมพยาบาลอยู่”


                ชารุกข์เอ่ยเสียงนุ่มเมื่อเห็นความกังวลจากสายตาของกวินท์ อีกฝ่ายรีบก้มลงไปควานหาและยิ้มอย่างใจชื้นเมื่อคว้ากล่องใบ

เล็กออกมาได้ กวินท์รีบเปิดมันออกเขาหยิบห่อผ้าก็อซกับม้วนผ้ายืดออกมา เขาใช้ก็อสปิดปากแผลและพันทับด้วยผ้ายืดไปรอบลำตัว

ของชารุกข์


              “เจ็บไหมครับ”


                 กวินท์แตะปลายนิ้วลงไปแผ่วเบาอย่างกลัวว่าจะทำให้เขาเจ็บไปมากกว่านี้ ชารุกข์มองการกระทำของกวินท์อย่างยินดีที่

กวินท์เป็นห่วงเขา


              “เป่าให้ผมหน่อยสิ จะได้หายเจ็บ”


             เสียงออดอ้อนนั้นทำให้กวินท์เงยหน้ามองอย่างหมั่นไส้


              “ปากแบบนี้แสดงว่าอยากเจ็บเพิ่มขึ้นอีกใช่ไหม ผมจะได้ช่วยสงเคราะห์”


              “ไม่กล้าแล้วครับกวินท์ แค่นี้ก็เจ็บจะแย่”


              “เมื่อครู่คุณบอกเองว่าไกลหัวใจ ตอนนี้ทำเป็นบอกว่าเจ็บ ตกลงเป็นยังไงกันแน่ครับปรินซ์”


               สีหน้าออดอ้อนเลือนหาย ชารุกข์สบตากับกวินท์อย่างแปลกใจกับคำนามที่กวินท์เรียกเขา


               “คุณรู้แล้ว?”


                “คุณอยากจะบอกผมเองไหมล่ะครับท่านเชคฮ ว่าตกลงคุณคือใครกันแน่ หัวหน้ากองโจรทะเลทราย หรือว่าเป็นเจ้าชายผู้

กำลังจะกอบกู้ราชบัลลังก์คืน”





มีต่ออีกนิด...




หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 21-06-2017 00:49:55
ต่อกันตรงนี้...



                  ใบหน้าคมหล่อเหลาที่เริ่มมีหนวดเคราขึ้นหนาตาขรึมลงทันที เขามองกวินท์อย่างลำบากใจ


                 “ผมเคยบอกคุณแล้วว่า...”


                  “ยิ่งรู้น้อยแค่ไหนก็ยิ่งดี” กวินท์ขัดคอก่อนจะมองชารุกข์ด้วยสายตาจริงจัง


                       “มันเป็นไปไม่ได้แล้วครับชารุกข์ที่ผมจะไม่รู้ ชารุกข์ หากตอนนี้ผมไม่ได้เป็นนักข่าว ผมไม่ได้มาทำงาน ผมคือกวินท์

แอนเดอร์สันเท่านั้น คุณจะบอกเรื่องของคุณกับผมได้หรือยังครับ”


                 ชารุกข์ถอนหายใจหนักหน่วง เมื่อในที่สุดเขาก็ไม่อาจปิดบังเรื่องทั้งหมดได้อีกต่อไป


                “โอเค คุณเข้าใจถูกแล้วกวินท์ พ่อของผมถูกน้องชายคนละแม่ช่วงชิงราชบัลลังก์ ราชิดอ้างความชอบธรรมที่มารดาของเขา

เป็นอัครชายา ในขณะที่พ่อของผมมีแม่เป็นแค่พระชายาอันดับต่ำกว่า เขาลอบฆ่าพ่อของผมแต่ไม่สำเร็จ ทหารคนสนิทช่วยพ่อออกมา

ได้แต่พ่อก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส”


                 ยิ่งเล่าเหตุการณ์ในอดีต ดวงตาคมก็ยิ่งโชนแสง กวินท์มองชารุกข์อย่างเห็นใจ


                “กษัตริย์ราชิดทรงทราบใช่ไหมครับว่าปีศาจแห่งดาฟาร์คือหลานของพระองค์”


                “ก็คงจะรู้” ชารุกข์เหยียดยิ้ม


                  “เพราะกองโจรแห่งดาฟาร์ขัดขวางกิจการของเขาที่สูบเงินจากประเทศไปมากมายในฐานะผู้นำรัฐบาล กลายเป็นหอกข้าง

แคร่อันใหญ่ของเขา”


                “แล้วคุณฟาฮีมล่ะครับ เขาเป็นน้องชายของคุณนี่”


                “ฟาฮีมเป็นน้องชายคนละแม่ของผม รายนั้นเขาไม่เปิดเผยตัวเองเท่าไหร่เพราะแม่ของฟาฮีมไม่ใช่พระชายาโดยตำแหน่ง

ของพ่อ และเขาก็ชอบที่จะทำตัวเป็นคนธรรมดามากกว่า เขาก็เลยยังรอดหูรอดตาจากราชิดมาได้ ราชิดไปเติบโตอยู่ต่างประเทศอยู่นาน

จนจำญาติของตัวเองไม่หมดหรอกว่ามีใครบ้าง เขาสนใจแต่ความสูงส่งด้วยเงินทองและบารมี”


                 เมื่อความจริงกระจ่างแจ้งแก่ใจ กวินท์จึงรู้สึกถึงความสูงศักดิ์ของชารุกข์ ในขณะที่เขาเป็นนักข่าวธรรมดาแต่อีกฝ่ายกลับ

เป็นถึงราชนิกุลแห่งราชบัลลังก์ เขาช้อนตาขึ้นมองชารุกข์อย่างสับสน


                “ผมควรจะเรียกคุณว่าอะไรดีครับชารุกข์ คุณเป็นปรินซ์ คุณคือ...”


                “ผมคือชารุกข์สำหรับคุณ”


                 ปลายนิ้วเชยคางให้กวินท์ไม่อาจหลบสายตา นัยน์ตาคู่คมมองกลับจนกวินท์ใจสั่น มันเต็มไปด้วยความล้ำลึกจนดูน่าลุ่ม

หลงจากบุรุษผู้เป็นใหญ่ในทะเลทรายแห่งนี้


               “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะเป็นชารุกข์ของคุณตลอดไป”


                ราวกับรู้ใจโดยไม่ต้องเอ่ยวาจา เพียงแค่กวินท์สบตาและสื่อสารด้วยสัมผัส หัวใจของกวินท์เต้นผ่าวหวั่นไหวและจำเป็นต้อง

ยอมรับว่าเขามีใจให้กับชายซึ่งรู้จักกันไม่นานนัก ทั้งที่กวินท์ก็ไม่เคยนึกฝันว่าจะต้องมาหลงรักคนที่มีเพศสภาพเดียวกัน หากแต่ชารุกข์

ก็ทำให้มันเกิดขึ้นแล้ว หัวใจของกวินท์ร่ำร้องหาแต่ความอบอุ่นที่ชารุกข์มอบให้จนหมดหัวใจ

                เพราะหลงอยู่ในเยื่อใยแห่งเสน่หา กว่าจะรู้สึกตัวกวินท์ก็ถูกวงแขนแกร่งโอบกอดให้ซบอยู่กับบ่ากว้าง เขากัดริมฝีปากอย่าง

ขัดเขินพลางฝืนกายไว้


              “ชารุกข์ ปล่อยก่อนครับ”


             “อยู่อย่างนี้สักพักนะกวินท์ ผมอยากให้โลกหยุดหมุนตอนที่มีเราอยู่กันแบบนี้”


               “แต่คุณจะลืมไม่ได้ว่าตอนนี้เราอยู่กลางทะเลทรายตอนกลางคืน บนรถจี๊ปที่ไม่มีน้ำมันนะครับ อีกอย่าง พวกทหารของ

รัฐบาลอาจจะรู้ตำแหน่งที่ตั้งหมู่บ้านยาคีนก็ได้”


                  กวินท์เตือนสติให้ชารุกข์กลับคืนสู่ความจริง ชารุกข์ถอนหายใจหนักหน่วง เขากดจูบไปที่ขมับของกวินท์แผ่วเบาก่อนจะดัน

กายขึ้นและคว้าวิทยุสื่อสารที่อยู่ในรถยนต์ออกมาเปิดเครื่องและติดต่อหาปลายทาง กวินท์ใจชื้นเมื่อได้ยินเสียงยาก็อบตอบกลับมา     

ชารุกข์พูดคุยกับยาก็อบเป็นภาษาอารบิคที่กวินท์ฟังไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าของชารุกข์เคร่งเครียดจนกระทั่งการติดต่อกับยาก็อบเสร็จ

สิ้นลง


                “ว่ายังไงครับชารุกข์”


               “เพื่อความปลอดภัยของหมู่บ้านยาคีน เราจะยังไม่กลับไปที่นั่น ผมคงจะต้องพาคุณไปกลับไปอยู่ที่อัลกามาร์สักพัก คุณจะ

อยู่ในกระโจมได้ไหม”


               กวินท์คลี่ยิ้มออกมา เขามองชารุกข์ด้วยความมั่นใจ


                “ผมอยู่ได้ทุกที่หากมีคุณอยู่ด้วย”


                ดวงตาสองคู่ประสานถักทอกันด้วยความเข้าใจ ชารุกข์เงยหน้ามองท้องฟ้าสีดำสนิทที่แต่งแต้มด้วยดวงดาว


               “แต่คืนนี้เราคงต้องอยู่กันบนรถคันนี้ก่อนที่ยาก็อบจะมารับเราตอนฟ้าสาง”


               ชารุกข์ขยับลุกขึ้นดึงผ้าใบหลังคารถขึ้นคลุมก่อนจะกลับมานั่งที่เดิม เมื่อไร้แสงอาทิตย์ทะเลทรายจึงคลายความร้อนหมดสิ้น

อากาศกลับเย็นชื้นจนกวินท์ต่อห่อไหล่เพราะความหนาว ชารุกข์ดึงร่างเพรียวเข้าสู้อ้อมกอดอีกครั้ง


              “หนาวหรือเปล่ากวินท์”


                กวินท์ไม่ตอบ หากแต่เขาแสวงหาความอบอุ่นจากอกกว้างด้วยการซุกกายสู่อ้อมกอด ชารุกข์ลูบผมนุ่มด้วยความสงสารที่

กวินท์ต้องมาเผชิญกับความยากลำบากทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของเขาสักนิด


                 “ผมขอโทษแทนทุกเรื่อง ทุกอย่างที่คุณต้องมาเจออะไรแบบนี้”


                 “ไม่ใช่ความผิดของคุณ” กวินท์ส่งเสียงอู้อี้อยู่ในวงแขน


                 “และหากไม่เกิดเรื่องพวกนี้ ผมคงไม่ได้พบคุณ”


                 “ช่างเจรจาเหลือเกินนะคุณนักข่าว”


                  ชารุกข์เย้าเสียงนุ่ม เขารู้สึกดีเหลือเกินที่มีกวินท์อยู่ในอ้อมกอด


                  “อยากรู้จังว่าปากช่างพูดของคุณจะหวานเหมือนคำพูดหรือเปล่า”


                 “ชารุกข์!”


                  กวินท์มิอาจต่อว่าคำใดอีกต่อไปเมื่อริมฝีปากของเขาถูกปิดทับลงมา แม้จะเพียงแผ่วเบาหากแต่กลับทำให้เขาตัวแข็ง

พร้อมกับเบิกตากว้าง เพียงไม่กี่วินาทีแต่หัวใจของเขาก็แทบระเบิดจนชารุกข์คืนอิสระให้ ชารุกข์มองด้วยนัยน์ตาพร่างพราวยิ่งกว่าดาว

ในยามนี้


                    “นอนพักเสียกวินท์ ไม่รู้ว่าเราจะต้องพบเจอกับอะไรอีก”


                    ร่างโปร่งถูกเหนี่ยวรั้งให้เอนกายลงไปกับเบาะนั่งโดยมีชารุกข์โอบกอด กวินท์ถอนหายใจยาวและปิดเปลือกตาลง เขา

ซุกกายกับความอบอุ่นจนลืมความหนาวเย็นที่มีตลอดทั้งคืน





                                                                                 TBC



                                             คึคึ พ่อต๋า แม่ต๋า เค้าจูบกันแล้วจย้าาาา

                                                :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:








หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: m.starlight ที่ 21-06-2017 01:00:49
จูบกลางทะเลทราย  :hao5:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 21-06-2017 01:19:03
ถึงน้ำมันหมดก็บ่หยั่น ยังหวานกันได้ อิอิ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 21-06-2017 01:21:07
จูบกลางทะเลทราย  :hao7:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 21-06-2017 01:42:31
บู๊เสร็จก็เลิฟซีน ตามแบบฉบับบีเลิฟ 555555
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 21-06-2017 02:56:10
จีบกันทุกตอนเลยนะ 55555555555
ปริ๊นซ์มีความเสี่ยว :katai3:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 21-06-2017 04:22:51
ในเรื่องร้ายๆก้ยังมีเรื่องกีๆอยู่นะ
ในที่สุดก้จูบกันแล้ววว
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 21-06-2017 05:05:06
จูบปลอบใจ อิอิ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 21-06-2017 07:13:58
ท่ามกลางสนามรบก็หวานได้ อิอิ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 21-06-2017 07:26:47
มีความน่ารัก ถึงจะบู้ก็หวานกันได้
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 21-06-2017 07:34:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-06-2017 07:47:40
ในความบู๊ก็มีความหวาน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 21-06-2017 08:27:35
นี่แค่จุดเริ่มค้นจุ๊บเบาๆ เฝ้ารอในมุ้ง
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 21-06-2017 08:36:06
ท่ามกลางทะเลทรายก็ยังหวานกันได้~ :impress2: :-[
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-06-2017 09:14:37
 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 21-06-2017 09:54:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Ta_ii ที่ 21-06-2017 10:22:44
ช่วงแรกบู๊กันมันส์ แต่ตัดจบหวานซะนึกว่าอยู่กลางน้ำตาลทราย ฮ่าาๆๆ :impress2:

จะเอาอีกๆๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Warnkt ที่ 21-06-2017 12:19:31
ชอบบบบบบ หวานๆๆๆๆ ทะเลทรายเป็นน้ำตาลกันเลย
รอออออจ้าาา :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 21-06-2017 13:06:27
เบื่อความอ่อยของปรินซ์ หล่อเท่ก็ทำเอาวินนี่หลงรักได้แล้ว
นี่ยังจะมาเป็นชารุกข์ของวินนี่เสมอ

เบ้ปากด้วยความอิจคร่ะ!
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 21-06-2017 14:02:16
และแล้วทะเลทรายก็กลายเป็นทุ่งดอกไม้ไปได้ :mew1: :mew1:
สงสารคนที่โดนรัฐบาลทำร้ายจังเมื่อไรโดยราชิดจะได้รับกรรมนะเกลียดนางมากขึ้นทุกตอนจริงๆๆ :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 21-06-2017 19:11:31
ตามถึงตอนล่าสุดแล้วจ้าาาา จูบกันแล้วววววว จูบกลางทะเลทรายด้วย  :-[

และถ้าตอนต่อไปไม่รีบมาเราอาจจะลงแดงได้   :ling1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 21-06-2017 19:20:05
รักกันแล้วล่ะ สองคนมีใจตรงกันด้วยล่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 21-06-2017 20:40:39
 :3123:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 21-06-2017 20:58:21
 :hao7:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 21-06-2017 21:28:17
 :pig2: ปริ้นซ์ก็ช่างหยอด คุณนักข่าวก็ช่างอ้อย :katai1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-06-2017 21:39:11
บู้แค่ไหนก็หวานได้ คึคึ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 21-06-2017 22:42:27
จูบกันแล้ว

มีความคืบหน้า

ไปอีกขั้นหนึ่ง

กว่าจะได้กันคงอีกนานเลย

คนอ่านว่านะ...

หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-06-2017 23:09:39
 :katai1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 21-06-2017 23:16:05
ต่ออออออออ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 21-06-2017 23:33:28
เม็ดทรายแถวๆนั้นคงเปลี่ยนเป็นน้ำตาลทรายไปหมดแล้วมั้งคะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 22-06-2017 07:17:02
ขนาดหน้าซิ่วหน้าขวานขนาดนี้...ก้อยังจีบกันตลอดดดดดด -//////-
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: shcheribrand ที่ 22-06-2017 13:01:47
หวานทุกตอน มีความเขิน

จูบกันแล้วววววววว :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: VICTORY ที่ 22-06-2017 14:48:44
เขิลลล
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 22-06-2017 23:20:11
เขาจูบกันแล้ว ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้นจะบู๊กันเต็มเหนี่ยว 5555
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 23-06-2017 12:32:16
มันก็จะหวานกันอยู่หน่อยๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 12 [21/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 24-06-2017 00:56:24
หวานไปอีก ฮือ แต่หลับกันลงมั้ย กลัวอีกฝ่ายมาเจอเข้าจริงๆ นี่กลัวแทนเลย
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 24-06-2017 11:50:08


                                                                    ลมหายใจแห่งผืนทราย



                                                                             บทที่ 13



                วิกเตอร์ก้าวไปยังที่ทำการคณะรัฐบาลฮาลียันด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ ข่าวที่ได้รับเป็นการภายในของบรรดาผู้สื่อข่าวต่าง

ประเทศในเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นทำให้เขาเป็นห่วงเพื่อนสนิทเป็นอย่างมาก สำนักข่าวที่เขาทำงานอยู่ส่งผู้สื่อข่าวคนใหม่มาทำงานแทน

กวินท์ที่ผู้จับตัวไปโดยที่ยังไม่รู้ชะตากรรม นักข่าวที่ถูกส่งมาใหม่เป็นรุ่นพี่สาวใหญ่ชื่อแอนนิสซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการทำงานใน

ตะวันออกกลาง 




                  บ่ายจัดของเมื่อวานนี้ แอนนิสโทรศัพท์สายด่วนหาเขา แล้วแจ้งข่าวให้วิกเตอร์รู้




                 “ข่าวด่วนวิกเตอร์ มีการต่อสู้และระเบิดเกิดขึ้นที่พื้นที่แห่งหนึ่งกลางทะเลทราย ฝ่ายหนึ่งเป็นกองกำลังของรัฐบาลแต่อีกฝ่าย

หนึ่งไม่รู้ว่าใคร”


                  วิกเตอร์ตกใจเป็นอย่างมาก เขารีบไปหาแอนนิสทันที ณ จุดรวมของนักข่าวต่างประเทศที่ต่างก็ตรวจเช็คข่าวกันอย่าง


วุ่นวาย




                  “มีข่าวเพิ่มหรือเปล่าแอน”




                    แอนนิสคร่ำหวอดในการทำข่าวแถบนี้มานานแล้ว เธอมีแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือมากมาย สีหน้าของเธอคร่ำเคร่งขณะกำลัง

ตรวจสอบที่มาของข่าว




                    “มีสิ ข่าวทางลับบอกว่า ตรงนั้นเป็นสถานที่สำหรับดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บของกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีกับรัฐบาล”


                “ผู้บาดเจ็บงั้นเหรอ รัฐบาลฮาลียันเป็นบ้าอะไร ทำไมต้องโจมตีพวกบาดเจ็บด้วย ไม่แฟร์เลย”





                     วิกเตอร์กล่าวอย่างแปลกใจกับการกระทำของรัฐบาล แอนนิสยังพูดต่อด้วยข้อมูลที่เธอหามาได้




                     “เด็ดกว่านั้นอีก มีข่าวลับสุดยอด เขาบอกว่าที่กษัตริย์ราชิดโกรธเกลียดหัวหน้ากองโจรแห่งดาฟาร์และมักจะให้ข่าวใน

ทางร้ายกับพวกนั้นเสมอ เพราะว่าพวกกองโจรน่ะให้การสนับสนุนกลุ่มตรงข้ามกับรัฐบาล พวกนั้นน่ะมีทุน มีสายข่าว และมีผู้คนให้การ

ช่วยเหลือจำนวนมาก”


 
                  “ทำไมล่ะ ทำไมคนถึงหันไปช่วยเหลือพวกโจร”




                   วิกเตอร์ไม่เข้าใจ ดูเหมือนจะมีคนไม่เห็นด้วยกับการมีกษัตริย์ราชิดเป็นประมุขของประเทศ




                  “ก็เพราะว่าพวกโจรเหล่านั้น บางทีอาจจะเป็นคนจากกษัตริย์พระองค์เดิมที่ถูกชิงอำนาจไปน่ะสิ”




                  “เฮ้ย นี่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว มันเกมการเมืองชิงความเป็นใหญ่ชัดๆ แล้วกวินท์ล่ะ”




                   วิกเตอร์สบตากับแอนนิส รุ่นพี่ที่ทำงานถอนหายใจออกมา 




                   “บางทีกวินท์อาจจะกลายเป็นเหยื่อทางการเมืองนะ”




                     ตากล้องหนุ่มไม่นึกแปลกใจอีกแล้วว่าทำไมการตามหาเพื่อนของเขาจึงไม่คืบหน้า คืนนั้นทั้งคืนวิกเตอร์จึงต้องอยู่

ทำงานกับแอนนิส จนกระทั่งตอนเช้าเขาจึงมาสำนักงานรัฐบาลด้วยอารมณ์ไม่ดีนัก




                    “พวกคุณไม่จริงใจ”




                   วิกเตอร์โวยวายเมื่อไม่มีใครให้คำตอบกับเขาได้เรื่องการตามหากวินท์




                  “ผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว มันควรจะได้ข่าวอะไรมาบ้าง นี่ผมยังเห็นนั่งสบายไม่เดือดร้อนอะไรเลยที่มีคนต่างชาติถูกจับตัว

ไป”




                  “มิสเตอร์คอร์นเนอร์ หยุดเดี๋ยวนี้”





                     เสียงหนึ่งดังขึ้นเพื่อหยุดการโวยวายของเขา วิกเตอร์หันขวับไปมองด้วยสายตาเยาะหยันเมื่อเห็นว่าเป็นใคร     คาลีล

เลขานุการของกษัตริย์ราชิดนั่นเอง


 

                    “จะใช้สิทธิ์อะไรมาห้าม ผมไม่ใช่คนในประเทศของคุณ ผมไม่ได้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของคุณ”




                       วิกเตอร์โวยวายไม่เลิกจนคาลีลหมดความอดทน เขาเอ่ยปากให้พนักงานรักษาความปลอดภัยเข้ามาจับกุมตัววิกเตอร์

และบังคับให้เดินตามคาลีลมาที่ห้องทำงานของเขา


                   “ไอ้คนบ้าอำนาจ มึงจะทำอย่างนี้ไม่ได้ จับกูมาทำไม”


                   วิกเตอร์เอะอะตลอดทาง จนกระทั่งถูกผลักเข้ามาในห้อง ประตูปิดลงจนเหลือเพียงเขาและคาลีลเจ้าของห้องที่มองเขา


อย่างรำคาญ




                 “จะโวยอะไรอีกก็ตามสบาย เอาให้สบายใจ”




                   คาลีลทิ้งกายนั่งบนเก้าอี้ของเขาด้วย วิกเตอร์มองอิริยาบทของคาลีลแล้วตีความไปว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจใยดีจุดมุ่งหมาย

ของเขาที่มาที่นี่เลยสักนิด วิกเตอร์ก้าวเข้าไปแล้วกระแทกมือทั้งสองใส่โต๊ะทำงานของคาลีลเสียงดังปัง




                  “ผมต้องการคำตอบว่าเมื่อไหร่ฮาลียันจะตามตัวกวินท์พบและพากลับมาอย่างปลอดภัย”




                   “ทางกองทัพทหารของเรากำลังเร่งการค้นหาอยู่”




                  คาลีลตอบด้วยเสียงเรียบเฉย วิกเตอร์หรี่ตามองด้วยความไม่ไว้ใจ




                   “พวกคุณเร่งค้นหาด้วยการถล่มที่ตั้งลับของฝ่ายก่อความไม่สงบนี่นะ มั่นใจได้ยังไงว่าที่นั่นไม่มีกวินท์อยู่”




                    คิ้วโก่งเข้มสีดำสนิทของคาลีลขมวดเข้าหากันทันที เขาลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับวิกเตอร์




                  “ที่คุณพูดหมายถึงอะไร ถล่มที่ตั้งของฝ่ายก่อความไม่สงบไปเกี่ยวอะไรกับพวกโจรที่จับเพื่อนของคุณไป แล้วคุณรู้ข่าวนี้

ได้อย่างไร”




                 วิกเตอร์หัวเราะหยัน คาลีลกำลังแสดงพิรุธบางอย่างออกมาให้เห็น เขาเชื่อว่าคาลีลที่เป็นถึงเลขานุการของกษัตริย์ราชิดจะ

ต้องมีความลับที่ปิดบังไว้อย่างแน่นอน




                     “พวกคุณปิดข่าวไม่ให้คนนอกประเทศรู้ ว่าแท้ที่จริงแล้วพวกโจรทะเลทรายเหล่านั้นคือพวกเดียวกับพวกก่อความไม่

สงบที่คิดจะโค่นเจ้านายของคุณลงจากบัลลังก์”




                   “มิสเตอร์คอร์นเนอร์!”




                   คาลีลกระชากคอเสื้อของวิกเตอร์เข้าหา ดวงตามีแววเกรี้ยวกราดเผยออกมาให้เห็นแม้ว่าจะพยายามควบคุมไว้อย่างเต็มที่




                  “คำพูดอย่างเมื่อครู่นี้อย่าได้เที่ยวพูดให้ใครได้ยินอีกถ้ายังอยากจะกลับประเทศของคุณอย่างปลอดภัย”




                  วิกเตอร์เบ้ปาก เขาดึงข้อมือของคาลีลออกพลางมองกลับอย่างไม่นึกกลัว




                   “คุณกำลังข่มขู่ผมอยู่นะท่านเลขาหน้าห้อง แต่ขอโทษเถอะที่ผมไม่กลัว และถ้าหากผมกับกวินท์เป็นอะไรไปรับรองว่าดัง

ระเบิดไปทั่วโลกแน่ๆ”




                    วิกเตอร์หมุนกายกลับเดินไปทางประตู ก่อนจะออกจากห้องเขาหันมาเอ่ยทิ้งทวน




                      “ผมว่าคุณควรจะกราบทูลกษัตริย์ของคุณให้เขาตามหากวินท์ให้กลับมาอย่างปลอดภัยโดยเร็วจะดีกว่า อย่าทำให้เรื่อง

มันวุ่นวายไปกว่านี้เลย”




                       คาลีลมองตามแผ่นหลังร่างสูงของช่างภาพจากสำนักข่าวต่างประเทศด้วยสายตาเป็นกังวล ความมุทะลุไม่ยั้งคิดของ

วิกเตอร์อาจจะทำให้เรื่องบานปลายมากไปกว่านี้




                    บางทีคาลีลอาจจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้วิกเตอร์ไม่สามารถไปพูดจาเช่นนี้ให้ใครได้ยินอีกจนกว่าเรื่องทุกอย่างจะ

จบลง





มีต่ออีกนิด...




หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 24-06-2017 12:03:50


อ่านต่อตรงนี้....



                 กวินท์ขยับกายช้า ๆ ตามด้วยแพขนตาที่ค่อย ๆ เปิดตามขึ้นมา ความหนาวเหน็บอาบไล้ไปตามแขนขา โชคดีว่าเสื้อผ้าที่ใส่

เป็นชุดแขนขายาวของชนพื้นเมืองจึงพอจะต่อสู้กับความหนาวเย็นได้บ้าง เขาเคยได้ยินมาว่าท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุมากกว่าสี่

สิบองศาเซลเซียสในตอนกลางวัน เมื่อตกกลางคืนผืนทรายจะคายความร้อนโดยไม่เก็บกักแม้แต่นิด และจะทำให้อากาศหนาวเย็นแตก

ต่างกันเป็นอย่างมาก

                    อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้กวินท์ไม่รู้สึกหนาวจนเกินไปนักก็คงจะเป็นอ้อมกอดที่โอบล้อมไปรอบตัวนี่เอง เมื่อตื่นจากนิทรา

แล้วกวินท์จึงแจ้งแก่ใจว่าเขายังคงนอนเบียดกับร่างสูงใหญ่ของชารุกข์อยู่บนเบาะรถจี๊ปสองเบาะแคบๆ อันที่จริงเขาควรจะหวาดกลัวกับ

เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น มันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาเข้าใกล้กับคำว่าสมรภูมิแห่งการสู้รบอันดุเดือดขนาดอยู่กลางเหตุการณ์นั้นทีเดียว

แต่ความหวาดหวั่นนั้นจางหายไปเมื่อกวินท์รู้ว่าเจ้าของอ้อมกอดอบอุ่นนี้จะช่วยปกป้องเขาได้ กวินท์ไว้วางใจในตัวชารุกข์จนสามารถ

หลับตาลงและคล้อยหลับไปจนถึงตอนนี้

                     ใบหน้าของเขาซุกอยู่กับอกกว้างที่มีเพียงผ้ายืดพันทับแผลที่ชารุกข์ได้รับบาดเจ็บเท่านั้นเพราะเสื้อที่ชารุกข์ใส่ขาดวิ่น

ไปหมดแล้ว มีรอยโลหิตไหลซึมออกมาเป็นวงแห้งกรังอยู่บนผ้ายืด ความเป็นห่วงแล่นเข้ามาจับหัวใจจนต้องวางมือแนบไปกับมันอย่าง

แผ่วเบา


                     “ตื่นแล้วหรือกวินท์”


                     เสียงนุ่มเอ่ยถามอยู่เหนือศีรษะ กวินท์เงยหน้าสบตาอย่างเป็นกังวล


                     “แผลของคุณเป็นยังไงบ้างครับชารุกข์ ยังเจ็บอยู่ไหม แล้วนี่คุณหนาวหรือเปล่า”


                    “นอนกอดคุณทั้งคืนแบบนี้ไม่หนาวหรอก อย่าห่วงไปเลย”


                     ชารุกข์เชยคางมนขึ้น มันเป็นความจริงที่ไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิดเมื่อได้กอดร่างอุ่นของกวินท์แนบชิดเช่นนี้ นิ้วมือสาก

แตะไล้อยู่บนริมฝีปากนุ่มที่ตอนนี้แห้งผากไปบ้างจนเขานึกสงสาร


                   “ตอนนี้เวลาเท่าไหร่แล้วครับ”


                   กวินท์เอ่ยถามเมื่อเหลียวมองรอบตัวยังมีแต่ความมืดปกคลุม เขาดันกายห่างจากอ้อมกอดของชารุกข์เพื่อลุกขึ้นนั่ง รู้สึก

ถึงความเมื่อยขบมาเยือนตามร่างกายที่นอนนิ่งตลอดทั้งคืน ชารุกข์ขยับลุกนั่งตามมา


                  “ตีห้าแล้ว ดาววีนัสกำลังส่องแสงสว่างอยู่ทางทิศเหนือ”


                   ชารุกข์ชี้ชวนให้ดู เขาจัดการปลดผ้าใบหลังคารถออกให้ม้วนกลับที่เดิม กวินท์มองเห็นท้องฟ้าที่ยังคงดำสนิท มีประกาย

ดาวส่องแสงกระจายไปทั่ว จุดเด่นที่สุดคือดาวดวงที่สดใสที่สุดในยามเช้าตรู่


                   “คุณยายของผมเคยเล่าให้ฟังว่าดาววีนัสในภาษาไทยคือดาวศุกร์ ตอนหัวค่ำคนไทยจะเรียกว่าดาวประจำเมือง และพอถึง

ตอนเช้าจะเรียกว่าดาวประกายพรึก”


                   กวินท์ส่งเสียงเจื้อยแจ้วกลบความเงียบและเสียงลมหวีดหวิว ชารุกข์ได้แต่มองกลีบปากช่างพูดนั้นยามเล่าเรื่องราวให้เขา

ฟังพลางอมยิ้ม เขาวางมือไปบนบ่าของกวินท์และรั้งให้อีกฝ่ายเอนกายซบบ่าของเขาพลางแหงนหน้าชมความงดงามของหมู่ดาวบน

ท้องฟ้า


                “มันมีความหมายยังไงบ้าง”


                “ยายบอกว่าในทางโหราศาสตร์ดาวศุกร์หมายถึงศิลปะความบันเทิง ความสวยงาม ความรักและความหวัง”


                “โชคดีมากที่ผมได้มานั่งชมดาวดวงนี้กับคุณนะกวินท์”


                   เสียงนุ่มที่เอ่ยนั้นเมื่อได้คิดตามแล้วกวินท์เพิ่งจะเข้าใจความนัย แก้มของเขาเห่อร้อนเมื่อถูกคนพูดน้อยหยอดคำหวาน

โดยไม่ทันตั้งตัว


                “หยอดเสียผมชักเขินแล้วนะครับท่านเชคฮ”


                 กวินท์หันไปมองเสี้ยวหน้าคมอย่างหมั่นไส้ คนที่กอดเขาอยู่บทจะโหดก็ดูน่าเกรงขามทั้งในยามใช้ดาบโบราณหรืออาวุธปืน

ทันสมัย แต่บทจะเอ่ยคำหวานก็ทำให้เขาเกือบละลายคาอ้อมกอดอบอุ่นนี้ กวินท์หวั่นไหวอยู่ในหัวใจจนอดไม่ได้ที่จะนึกไปถึงว่าเมื่อเขา

ต้องกลับไปใช้ชีวิตเช่นที่ผ่านมาเขาจะทนได้หรือไม่


               “เป็นอะไร ทำไมอยู่ ๆ ก็ทำหน้าเศร้า”


                สีหน้าของกวินท์ไม่สามารถปิดบังความคิดเจ้าของได้ ชารุกข์เอ่ยถามอย่างใส่ใจในความรู้สึกของคนที่อยู่ในอ้อมกอด กวินท์

ฝืนยิ้มดวงตางามหมองหม่นลง


               “คิดถึงวันที่เราต้องจากกันครับ”


               “กวินท์!”


                ชารุกข์เองก็อดใจหายไม่ได้หากว่าวันหนึ่งเขาจะไม่ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วใกล้ๆหูเช่นนี้อีก


                “เราจะไม่จากกัน”


                 “ผมเคยบอกคุณแล้วว่าเรื่องของเรามันไม่ได้มีแค่เราเท่านั้น มันมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เราต้องคิดถึง และเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะ

ไม่จากกัน คุณเองก็เคยบอกผมว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมคุณจะไปส่งผมเพื่อให้ผมเป็นกระบอกเสียงแทนพวกคุณ”


                  “ที่ผมพูดนั่นมันก่อนที่ผมจะรักคุณ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เราไม่ต้องจากกัน”


                   กวินท์นิ่งงัน ดวงตาเรียวเบิกกว้าง สมองของเขากำลังประมวลผลจากประโยคคำพูดที่ชารุกข์กล่าวออกมา


                   ชารุกข์เอ่ยคำว่า “รัก” อย่างนั้นหรือ กวินท์หูฝาดหรือเปล่า หรือว่าเขาแปลภาษาอังกฤษที่ใช้มาตลอดชีวิตผิดพลาด


                   “กวินท์”


                    “เอ่อ ว่าไงนะครับ ยังไงนะ คือ ผมว่าผมฟังผิด”


                    ชารุกข์คลี่ยิ้ม ดวงตาของเขาพร่างพราวขณะมองใบหน้าเขินจัดของกวินท์ แม้ว่าจะยังมีแต่ความมืดโดยรอบก็มองออกว่า

บัดนี้แก้มของกวินท์แดงจัด ชารุกข์อดใจไม่อยู่จนต้องวางมือแนบไปกับกรอบหน้านั้นแล้วยึดให้กวินท์สบตากับเขา ชารุกข์โน้มใบหน้า

เข้าใกล้ใบหูของกวินท์แล้วกระซิบเบาๆ


                  “อักฮบักค ฮาบิบี”  (أحبك حبيبي ออกเสียงว่า 'ahbak habibi ใช้วุ้นแปลภาษามาช่วยเร็ว:ผู้แต่ง)


                  พูดจบชารุกข์ก็หอมแก้มนุ่มของกวินท์ เขาสูดกลิ่นกายของกวินท์ไปจนพอใจจึงได้ยอมถอนจมูกโด่งออกอย่างอ้อยอิ่ง

กวินท์ตัวแข็งทื่อกรอกตาไปมาเมื่อถูกคนหน้าเข้มจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว


                  “คุณพูดอะไร ชารุกข์บอกผมมานะ”


                   ส่งเสียงคาดคั้นแต่อีกฝ่ายก็ได้แต่อมยิ้ม กวินท์ทั้งเขินทั้งเคือง


                    “ชารุกข์!”


                   “เดี๋ยวค่อยไปหากูเกิลทรานสเลทแปลก็แล้วกันนะ”


                    “ขี้โกง”


                   “เปล่า” ชารุกข์ยักไหล่


                    “ก็แค่อยากให้คุณฝึกพูดภาษาของผมบ้าง”


                        กวินท์ทำท่าจะเอ่ยปากต่อว่า หากแต่เสียงเครื่องยนต์ที่ดังแว่วมาแต่ไกลก็ขัดขวางไว้เสียก่อน สีหน้าผ่อนคลายของ

ชารุกข์เปลี่ยนเป็นจริงจัง  เขาผลักกวินท์ให้ลงจากเก้าอี้ย่อตัวลงต่ำไปกับที่ว่างด้านหน้า ส่วนตัวเขาก็มองอย่างระแวดระวังจนกระทั่ง

ได้ยินเสียงแหลมอยู่เบื้องบนท้องฟ้า เขาจึงถอนหายใจโล่งอก


                    “อับบาส”


               พึมพำก่อนจะผิวปากตอบรับ พลันนกเหยี่ยวสีดำกลมกลืนกับความมืดก็โผบินฉวัดเฉวียนลงมาปรากฏกายให้เห็น อับบาสกรีด

เสียงร้องเมื่อลงมาเกาะที่บ่าของเจ้านายอย่างดีใจ


               “ขอบใจนะอับบาส”


                 ชารุกข์ลูบขนสีดำสนิทเป็นการตอบแทน ไม่นานหลังจากนั้นแสงไฟจากหน้ารถยนต์คันหนึ่งจึงสว่างชัด จนกระทั่งคนขับ

เหยียบเบรกให้ห่างจากรถของชารุกข์ไม่มากนัก ชารุกข์ขยับไหล่แทนการออกคำสั่ง อับบาสจึงโผบินจากไป


                  “เชคฮครับ ปลอดภัยหรือเปล่า”


                   กวินท์หายใจโล่งอกเมื่อได้ยินเสียงยาก็อบ ชายหนุ่มรุ่นน้องกระโดดลงมาจากด้านหน้าของรถจี๊ปคันเก่าจนไม่น่าเชื่อว่าจะ

ยังใช้งานได้อยู่ ชารุกข์พยักหน้าให้กวินท์ก้าวลงจากรถคันเก่าไปยังรถของยาก็อบ


                  “บาดเจ็บนิดหน่อย แล้วที่หมู่บ้านเป็นยังไงบ้าง”


                      “เชคฮอาลีทราบข่าวแล้วครับ ทุกคนเตรียมกำลังสำหรับเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเชคฮอาลีก็บอกว่า

ให้พวกเรากลับไปที่อัลกามาร์ก่อนสักพัก”


                   ชารุกข์พยักหน้ารับรู้ยาก็อบจึงหันหลังกลับไปยังรถของเขา ชารุกข์จึงหันมาหากวินท์


                  “กลับกันเถอะฮาบิบี”


                    มือใหญ่รวบข้อมือของกวินท์ให้เดินตาม เมื่อถึงรถของยาก็อบกวินท์มองเห็นด้านท้ายซึ่งเป็นที่ว่างมีน้ำและเสื้อผ้าชุด

ใหม่วางอยู่ ชารุกข์ก้าวเข้าไปตรงนั้นและหยิบเสื้อสีดำมาสวม


                 “คุณนั่งด้านหน้ากับยาก็อบนะ ผมขอพักสักหน่อย”


                  เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของกวินท์ชารุกข์จึงไม่ได้หลับตลอดทั้งคืน เขาบังคับตัวเองให้ตื่นเพื่อระวังภัยที่อาจเกิดขึ้น

เมื่อรู้ว่าปลอดภัยแน่แล้วความอ่อนเพลียและเจ็บปวดจากบาดแผลจึงได้มาเยือน เขาค้นหายาแผงยาแก้ปวดที่ยาก็อบเตรียมมาให้แล้ว

โยนเข้าปากก่อนจะดื่มน้ำตาม


                    ยาก็อบขับรถกลับทางเดิมโดยมีกวินท์นั่งคู่ไปด้วย กวินท์เหลียวมองด้านหลังอย่างเป็นห่วง ชารุกข์เอนกายลงกับที่ว่าง

และหลับไปอย่างง่ายดาย กวินท์หันกลับมาหายาก็อบที่นั่งยิ้มให้เขา


                  “ดีใจที่คุณปลอดภัยนะกวินท์”


                  “ทำไมคุณไม่บอกผมว่าเชคฮของคุณที่แท้เขาเป็นเจ้าชาย”


                   ยาก็อบยกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจ


                    “อ้าว ในที่สุดคุณก็รู้ ดีแล้ว ผมจะได้ไม่ต้องคอยปิดบังอีก ผมบอกแล้วไงว่าผมมาทำงานกับเขาเพราะความศรัทธา พวก

เราหวังว่าชารุกข์อามิรจะเป็นคนนำพาความถูกต้องมาสู่ฮาลียัน”


                   ยาก็อบเรียกขานตำแหน่งที่ถูกต้องของชารุกข์กับเขา กวินท์ถอนหายใจเมื่อรู้ว่าชารุกข์นั้นยิ่งใหญ่กว่าที่เขาคิดมากนัก

กวินท์นึกกลัวความผูกพันที่กำลังโอบรัดเขาไว้กับบุรุษที่เป็นความหวังของผู้คน


                     “ยาก็อบ ถามหน่อยสิ เอ่อ...อักฮบักค ฮาบิบี แปลว่าอะไร”


                      กวินท์เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าชารุกข์หลับสนิทแล้ว เขาพยายามออกเสียงให้คล้ายภาษาอารบิกที่ชารุกข์พูดให้มากที่สุด

เมื่อยาก็อบได้ยินเขาถึงกับหัวเราะออกมา


                    “โอ กวินท์ อยู่ฮาลียันไม่นานคุณก็ได้ภาษาไปเยอะนะ แต่ผมไม่นึกว่าคุณจะฝึกพูดคำนี้ นี่คุณจะเอาไปพูดเกี้ยวสาว

ที่ไหน”


                   กวินท์ทำหน้าเลิกลัก ยาก็อบหยุดหัวเราะก่อนจะเฉลยให้ฟัง


                     “อักฮบักค แปลว่ารัก ส่วนฮาบิบี ผมจะแปลว่าอะไรดีนะ อืม ถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษก็น่าจะแปลว่าดาร์ลิง ที่รักทำนองนี้

แหละมั้ง”


                 กวินท์หันขวับไปมองคนที่หลับสนิทอยู่ตรงท้ายรถ เขาเม้มปากห้ามความขัดเขินที่พร่างพรูขึ้นมา หัวใจของกวินท์พองฟู

ราวกับลูกโป่งที่กำลังล่องลอยไปบนท้องฟ้าเมื่อรู้ความหมายของประโยคนั้น





                                                                                         TBC


                          คู่รอง วิกเตอร์กับคาลีล คือยังไม่ได้ตัดสินใจว่าใครจะเคะจะเมะนะ คู่นี้อาจจะไม่จบในเรื่องนี้ก็ได้
                   อาจจะสปินออฟไปเปิดเรื่องใหม่หลังจากนี้อะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้ให้พวกนางทะเลาะกันไปก่อนละกัน ^^


                                                                         :m12: :m12: :m12: :m12: :m12:





หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-06-2017 13:02:15
 :L2: :pig4:

รักกันแล้ว มันก็หวานหน่อยๆนะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 24-06-2017 13:15:18
มีความหวานอยู่กลางทะเลทราย อิอิ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 24-06-2017 13:53:31
 :katai5: :katai5: :katai5:
ติดตามคู่รองค่า เราเป็นบ้าเป็นบอกับคู่รอง
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 24-06-2017 14:25:27
 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-06-2017 14:52:48
เขินนนนนนนนนนน  :-[
ส่วนคู่รองก็น่าลุ้นเหมือนกันค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 24-06-2017 15:07:20
พระเอกเราก็มีความหวานตลอด  :-[
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-06-2017 15:08:18
ได้ทีขยันหยอดเชียวนะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 24-06-2017 15:34:27
ชอบฉากดูดาว 
แล้วก็ ทราย คงกลายเป็น น้ำตาลไปแล้วเพราะชารุกอามิร :o8:
 :L2: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 24-06-2017 16:13:35
บอกความนัยเพื่อรักษาแผล
อิอิ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Warnkt ที่ 24-06-2017 16:27:44
เขินมากกกกก รอออออออ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 24-06-2017 16:36:22
 :-[
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 24-06-2017 17:03:43
ตัวบิดเป็นเกลียวแทนกวินทร์  :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 24-06-2017 17:06:47
วิกเตอร์เคะเลยค่ะ ชอบๆอ่า
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 24-06-2017 17:17:27
มีการสารภาพรักกันด้วยยยยย >\\\<
ฮาบิบีของเชคฮชารุกข์~~~~
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-06-2017 21:11:38
อามิรบอกรักแล้ว กวินท์ก็ขวยเขินไปสิ แถมบอกแล้วด้วยว่าจะไม่ปล่อยให้ไปไหน
กวินท์เตรียมรับมือได้เลยนะ ชารุกข์มีครบทุกโหมด
อ้อมกอดอันอบอุ่น ความห่วงใย ที่มีให้กัน ว้าวๆๆๆ ฟินค่ะ

โอ๊ยยยย แล้วทำไมตามหาเจอ เจอได้ไง สงสารกวินท์ต้องมาเจอเหตุการณ์ระทึกขวัญ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 24-06-2017 21:33:07
ฮาบิบี ฟังแล้วดูมีเสน่ห์ชวนฝันจริงๆนะ :impress2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 24-06-2017 21:48:59
เขินแทนกวินทร์ :-[
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 24-06-2017 22:21:22
จ้าฮาบิบี จ้าาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-06-2017 22:55:56
อั๋ยยยยะ.......นึกอยู่ว่า “อักฮบักค ฮาบิบี”  นี่  น่าจะแปลว่าที่รัก ตรงเผงเลย   :heaven
ชารุกข์ กวินทร์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

วิกเตอร์ โวยเรื่องกวินทร์ ได้ดีมากกกก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เลขาคิดทำไรกับวิกเตอร์ ไม่ใช่เก็บนะ  :fire:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 24-06-2017 23:35:07
อาหักบัก อาบิบี. อิอิ ภาษาเสื่อมมั๊ย เค้าเขิลลลลลล
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-06-2017 23:50:28
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 25-06-2017 00:02:00
หวานจริงๆ เจ้าชายองค์นี้
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 25-06-2017 00:07:47
ยิ้มไม่หุบเลยจ้าาาาาาา :impress2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 25-06-2017 01:07:56
เขินมากกก อะไรกัน  แค่เขารักกันเองทำไมเราเขินได้ขนาดนี้ง่ะ งือออ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 25-06-2017 02:01:26
ดอกรักบานท่ามกลางสงคราม :o8:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 25-06-2017 02:30:30
ช่างเป็นน้ำหวานกลางทะเลทรายจริงๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 25-06-2017 09:53:44
โว้ เชคฮนี่หยอดได้ตลอดเวลาเลยนะ  :-[
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 25-06-2017 12:01:52
โอยย เขินนนชารุกข์
ขยันหยอดจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-06-2017 13:31:16
แหม เรียกที่รักเลยนะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: PAtxxkMxxn ที่ 25-06-2017 13:45:32
เขินหนัก :z3:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 25-06-2017 13:58:06
อยากให้วิกเตอร์เคะ แต่หมั่นไส้คาลีล ให้นางเคะละกัน :hao6:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 25-06-2017 22:19:30
มีบอกรักกันแล้วตอนหน้าจะยังไงต่อนะแต่อันบาสหล่อมากตอนนี้555 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 26-06-2017 07:09:31
เขินแทนกวิน หยอดตลอดดดด
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 27-06-2017 17:30:26
อ๊ายยยมาต่ออีกเร็วๆน้า
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 13 [24/06/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 27-06-2017 22:28:17
ฮาบิบี เจ้าชายจอมเลี่ยน5555
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 02-07-2017 22:00:27


                                                                      ลมหายใจแห่งผืนทราย


                                                                                บทที่ 14




                แยกกับแอนนิสหลังจากที่สรุปข่าวและส่งไปให้สำนักข่าวเรียบร้อยแล้ววิกเตอร์จึงเดินทางมายังสถานทูตอังกฤษที่สมิธและ

รำไพพรรณพักอยู่ที่นี่ เขาเป็นห่วงความรู้สึกของทั้งสองคนเมื่อทั้งคู่กังวลกับความปลอดภัยของกวินท์ แต่เมื่อมาถึงวิกเตอร์ก็พบว่ามีใคร

บางคนนั่งพูดคุยกับบิดามารดาของกวินท์อยู่ก่อนแล้ว


                “อ้าว วิกเตอร์”


                รำไพพรรณเอ่ยทักขึ้นมา ทำให้บุรุษที่อยู่ในชุดสูทเรียบหรูหากแต่พันศีรษะด้วยผืนผ้าสีขาวและมีเชือกถักสีดำคาดทับผ้า

คลุมศีรษะไว้หันมามองเขา วิกเตอร์แปลกใจเมื่อเห็นว่าอาคันตุกะของสามีภรรยาแอนเดอร์สันคือคาลีล เลขานุการของกษัตริย์ราชิด

            ดวงตาของคาลีลปราศจากอารมณ์ใดแสดงออกให้เห็นราวกับเป็นหุ่นยนต์ไร้ความรู้สึก วิกเตอร์รู้สึกไม่ถูกชะตาเลยสักนิด เขา

มองคาลีลอย่างไม่ไว้ใจพลางเหยียดยิ้มขณะก้าวไปนั่งบนเก้าอี้ว่างตัวหนึ่งของชุดรับแขกในบ้านพักของเจ้าหน้าที่สถานทูต


               “ไม่นึกว่าจะพบคนใหญ่คนโตที่นี่ งานคุณยุ่งมากไม่ใช่หรือมิสเตอร์มาอัซ แล้วทำไมสละเวลาอันมีค่าของคุณมาได้ล่ะ”


                ดวงตาคมของชายชาวอาหรับตวัดใส่เขาแวบหนึ่งถึงความไม่ชอบใจนัก แต่เมื่อหันกลับไปเจรจากับคู่สามีภรรยาตรงหน้าเขา

กลับคลี่ยิ้มและเอ่ยอย่างมีมารยาทที่ฝึกฝนมาอย่างดี


                 “ผมขอรับรองความปลอดภัยของคุณกวินท์ด้วยเกียรติของผมครับท่าน บุตรชายของท่านทั้งสองจะต้องกลับมาโดยไม่ได้

รับบาดเจ็บ”


                 “รู้จักพวกโจรพวกนั้นหรือไงถึงได้รับรองขนาดนี้ได้”


                 “วิกเตอร์”


                 สมิธปรามเพื่อนสนิทของบุตรชายด้วยสายตาเพราะรู้ดีว่าวิกเตอร์ไม่ค่อยระวังคำพูดนักและยังเป็นชายหนุ่มเลือดร้อนอีกด้วย


                “ขอบคุณมากที่มาให้กำลังใจครับ”


                 ผู้อาวุโสหันไปกล่าวตอบแม้จะยังมีความกังวลแต่สมิธก็ยังรักษากิริยาได้เป็นอย่างดี


               “ขอให้เป็นอย่างที่คุณพูดเมื่อสักครู่นี้  ผมหวังให้โจรเหล่านั้นคืนกวินท์กลับมาด้วยร่างกายที่ยังมีชีวิต”


                 คาลีลค้อมศีรษะ สีหน้าของเขาจริงจังกว่าเคย


                “อัลลอฮทราบดีว่าใครที่ควรจะมีลมหายใจต่อบนโลกใบนี้ ได้โปรดเชื่อมั่นเถอะครับ”


                เขาลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่ามาเยือนเป็นเวลาพอสมควรแล้ว


                “ผมรบกวนเพียงเท่านี้”


                 สมิธและรำไพพรรณลุกขึ้นยืนตาม คาลีลยื่นมือจับอำลาก่อนที่เขาจะหมุนกายแล้วเดินออกไปโดยไม่สนใจวิกเตอร์ที่เบ้ปาก

ตามหลัง


                 “หมั่นไส้ว่ะ”


                “วิกเตอร์ ทำไมถึงจงเกลียดจงชังเขานักนะ มิสเตอร์มาอัซเขาก็น่ารักดี”


                รำไพพรรณส่ายหน้าเมื่อเห็นท่าทางของวิกเตอร์ เจ้าตัวถึงกับกลอกตาขึ้นบนเมื่อฟังคำชมของรำไพพรรณ


               “น้ำหน้าอย่างนี้คุณแม่เรียกว่าน่ารักหรือครับ คุณแม่เห็นเวลามันทำคอแข็งใส่ผมไหม แล้วเวลาปรายตามองผมอีกล่ะ แม่ง

โคตรหยิ่งยโสเลยไอ้หมอนี่”


                  อยู่ ๆ วิกเตอร์ก็นึกอยากลองดี เขาเดาะลิ้นก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วเดินจ้ำอ้าวตามแผ่นหลังจนไปถึงรถยนต์ของคาลีลที่

จอดอยู่ด้านหน้าสถานทูต คาลีลก้าวขึ้นไปนั่งตำแหน่งคนขับแล้ววิกเตอร์จึงปรี่เข้าไปเปิดประตูฝั่งตรงข้ามและก้าวไปนั่งพร้อมปิดประตู

ทันที


                คาลีลหันมามองด้วยใบหน้าเฉยเมย มีเพียงคิ้วเข้มที่เรียงตัวสวยขมวดเข้าหากันเล็กน้อยแค่นั้นที่พอจะดูออกว่าเขาไม่

ชอบใจการกระทำของอีกฝ่ายนัก


                  “ไปส่งผมที่โรงแรมหน่อยสิ”


                  “รถของผมไม่ใช่รถรับจ้าง”


                 เสียงนั้นกระด้างกว่าเคย วิกเตอร์ยักไหล่แล้วกล่าวต่ออย่างไม่สนใจความขุ่นเคืองของคาลีล


                 “ไหนคุณบอกว่าจะดูแลพวกเราเป็นอย่างดี แค่นี้ก็ทำไม่ได้งั้นเหรอ พูดไม่จริงนี่หว่า”


                  คาลีลพยายามเก็บความโกรธไว้ เขาสะบัดหน้ากลับไปยังเบื้องหน้าและขับรถออกไป วิกเตอร์ยิ้มสมใจที่ได้แหย่ให้หุ่นยนต์

อย่างคาลีลแสดงอารมณ์ออกมาได้


                “นี่คุณ ผมหิวแล้ว พาผมไปหาของกินอร่อยๆหน่อยสิ”


                 “ผมว่าคุณกำลังล้ำเส้น”


                คาลีลเอ่ยเสียงแข็ง ใบหน้าของเขายังมองตรงไปเบื้องหน้า วิกเตอร์เหลียวไปมองด้านข้างของเขาก่อนจะยั่วให้คาลีลยิ่ง

อารมณ์เสีย


                 “อ้าว ผมนี่เป็นแขกบ้านแขกเมืองนะคุณ กษัตริย์ของคุณเชิญมาทำข่าวสำคัญ อย่าลืมสิ”


                เจ้าของรถยนต์ที่ขับมาอาจจะตอบโต้มากกว่านี้ หากว่าเสียงโทรศัพท์มือถือจะไม่ดังขึ้นเสียก่อน คาลีลคว้ามันมารับสายด้วย

สีหน้าเคร่งเครียด วิกเตอร์นิ่งฟังเสียงเจรจาเป็นภาษาที่เขาฟังไม่ออกอย่างสนใจ คาลีลพูดคุยอยู่นานพร้อมกับขับรถไปด้วย จนกระทั่ง

เขาวางสายรถยนต์ที่คาลีลขับมาก็ใกล้ถึงเขตการค้าเข้าทุกที


               “เกิดอะไรขึ้น!”


                วิกเตอร์ขยับตัวนั่งพลางเบิกตามองไปเบื้องหน้า สัญชาตญาณของนักข่าวไหวตัวขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นความวุ่นวายโกลาหล

บนท้องถนน ประชาชนหัวรุนแรงกำลังรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่โดยมีทหารของรัฐบาลต้านทานไว้ด้วยโล่และกระบอง วิกเตอร์ดึงกล้อง

ถ่ายรูปจากกระเป๋าสะพายของเขาเมื่อเห็นแนวโน้มว่าจะเกิดความรุนแรงของการชุมนุมประท้วง


                  “จอด คาลีล”


                  เขาหันไปหาชายหนุ่มที่ยังนั่งหน้าเคร่งหลังพวงมาลัย


                  “จอดให้ผมลง ผมจะไปทำข่าว”


                   นอกจากไม่จอดวิกเตอร์ยังได้ยินเสียงล็อกประตูรถอีกด้วย คาลีลหมุนพวงมาลัยรถให้เลี้ยวไปอีกทางห่างจากความวุ่นวาย

ออกไปขณะที่วิกเตอร์มองอย่างเหลือเชื่อ


                     “จะบ้าหรือไง ผมบอกให้จอดและปล่อยผมลงไปทำงาน”


                     คาลีลหันมามองแวบหนึ่ง เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังทำให้วิกเตอร์รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น


                    “นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ความปลอดภัยของคุณอยู่ในการคุ้มครองของผมแล้วมิสเตอร์คอร์นเนอร์”


                    วิกเตอร์อ้าปากค้างเมื่อคาลีลกล่าวคล้ายจะยึดอิสรภาพของเขาไปด้วย และคาลีลก็ไม่พูดอะไรให้กระจ่างอีกจนกระทั่ง

รถยนต์แล่นมาถึงหน้าประตูรั้วบ้านหลังหนึ่ง คาลีลขับรถเข้าไปทันทีที่ประตูอัตโนมัติทำงาน  วิกเตอร์ถึงกับอึ้งในความใหญ่โตของตัว

บ้านที่ตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นที่กว้างขวาง

                        คาลีลจอดรถยนต์หน้าตัวบ้านแล้วก้าวลงไปยืนเด่นขณะที่มีคนรับใช้วิ่งมาดูแล วิกเตอร์ก้าวตามลงไปด้วยความงุนงง

คาลีลหันมานัยน์ตาของเขาเจือร่องรอยขบขันไว้อยู่ลึกๆ


                  “คุณต้องมาอยู่ที่บ้านของผม สิ่งของเครื่องใช้ของคุณที่โรงแรมจะถูกส่งตามมาทีหลัง”


                 “เดี๋ยวนะ ไอ้ท่านเลขา”


                  วิกเตอร์ก้าวพรวดไปกระชากแขนคาลีลไว้แล้วตะคอกเสียงใส่อย่างก้าวร้าว


                  “ทำอย่างนี้เท่ากับว่าคุณกำลังควบคุมตัวผมอยู่นะ คุณไม่มีสิทธิ์จะทำแบบนั้น ผมไม่ใช่นักโทษหรือเชลยของคุณนะโว้ย”


              “ถ้าคุณจะคิดแบบนั้นก็ตามที่คุณสบายใจ คุณจะทำอะไรก็ได้ในบ้านหลังนี้ยกเว้นเดินออกไปจากประตูรั้ว คนของผมรับคำสั่ง

ให้ดูแลคุณเป็นพิเศษจนกว่าเหตุการณ์วุ่นวายจะสงบลงและถ้าหากคุณฝ่าฝืนการดูแลความปลอดภัยนี้ คนของผมก็จะจัดการพาคุณกลับ

มา เข้าใจแล้วใช่ไหมคุณตากล้อง”


                      คาลีลเดินหนีเข้าไปในตัวบ้าน ทิ้งให้วิกเตอร์ยืนนิ่งราวกับสติหลุดออกจากร่าง เขาสะบัดหน้าไปมาก่อนจะวิ่งตามแผ่น

หลังของคาลีลไป


                       “เฮ้ย เดี๋ยวสิวะ ไอ้ท่านเลขา มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”





มีต่ออีกนิด...











หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 02-07-2017 22:07:07


ต่อกันตรงนี้...






                    กวินท์มองภาพเบื้องหน้าอย่างหวาดเสียว เมื่อบาดแผลที่ชายโครงของชารุกข์ถูกเปิดออกและลูกน้องคนหนึ่งของเขา

เย็บแผลกันสด ๆ ที่กระโจมของชารุกข์หลังจากที่ยาก็อบพามาส่งที่โอเอซิสอัลกามาร์แล้วเมื่อตอนเกือบเที่ยงวัน

                     ชารุกข์นั่งนิ่ง เขาหลับตากัดฟันต่อสู้กับความเจ็บปวดโดยไม่ท้วงติง พักใหญ่กว่าที่ผ้าก็อซจะปิดทับลงไปแล้วตามด้วย

ผ้ายืดสำหรับพันแผลจะถูกพันไปรอบลำตัวของชารุกข์อีกครั้ง ชายผู้ซึ่งเย็บแผลให้ชารุกข์ก้าวมาหากวินท์พร้อมรอยยิ้ม


                    “ฝากดูแลอามิรด้วย นี่เป็นยาปฏิชีวนะ จะต้องกินวันละสามครั้ง”


                    เสียงภาษาอังกฤษคมชัด กวินท์เบิกตากว้างเมื่อเขามั่นใจว่าสมาชิกของกองโจรทะเลทรายนี้แต่ละคนต้องไม่ใช่ชาวบ้าน

ธรรมดาอย่างที่เขาเข้าใจเมื่อถูกชิงตัวมาใหม่ ๆ เป็นแน่ เขารับซองยามาจากชายผู้นั้นก่อนที่เขาจะจากไปและเหลือเพียงชารุกข์และ

กวินท์ภายในกระโจมที่ยังคงสภาพเดิมทุกอย่าง


                 “เจ็บมากไหมครับ”


                  กวินท์เดินไปเคียงข้าง ปลายนิ้วเรียวแตะลงไปที่บาดแผลแผ่วเบา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยอาทรจนชารุกข์

ยิ้มออกมาได้แม้จะยังรู้สึกปวดอยู่มาก


                 “เห็นหน้าคุณก็หายเจ็บแล้วกวินท์”


                “นี่ใช่เวลาปากหวานไหมครับคุณปีศาจแห่งดาฟาร์”


                  กวินท์เดินหนีจากความขัดเขินไปยังเตาแก็สเล็กๆ ที่ยาก็อบทิ้งไว้ให้ก่อนจะจากไปเพราะรู้ว่ากวินท์ก่อไฟไม่เป็น กวินท์อุ่น

นมแพะในหม้อต้มและตักใส่ถ้วยมายื่นให้ชารุกข์


               “ดื่มเสียก่อนแล้วกินยา นี่ยาปฏิชีวนะ นี่ยาแก้ปวด คุณต้องพักผ่อน”


                “แต่ว่าผมยังมี...”


                “ชารุกข์” กวินท์ขัดเสียงแข็ง


                  “ผมรู้ว่าคุณยังมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ แต่ตอนนี้คุณบาดเจ็บร่างกายต้องการพักผ่อน คุณจะไปสู้กับพวกเขาได้ยังไงถ้าคุณ

ยังมีสภาพแบบนี้”


                  ชารุกข์มองเห็นความห่วงใยจากกวินท์ เขาถอนหายใจและรับถ้วยบรรจุนมแพะมาดื่มจนหมดก่อนจะรับยาจากกวินท์กิน

ตามลงไป กวินท์ยิ้มเมื่อชารุกข์ปฏิบัติตามโดยไม่อิดออดอีก


                “นอนได้แล้วครับ คุณต้องนอนพัก”


                “แล้วคุณล่ะ”


                ชารุกข์ยังมองกวินท์อย่างเป็นกังวล กวินท์ผลักไหล่กว้างลงไปบนแคร่เก่ากลางกระโจม


               “ไม่ต้องห่วงน่า ผมจะอยู่ใกล้ๆคุณนี่แหละ ลูกน้องคุณออกจะมีเยอะแยะใครจะทำอะไรผมได้”


                  นั่นเองชารุกข์ถึงยอมหลับตาลง เขาคล้อยหลับไปเพราะฤทธิ์ยาแก้ปวด กวินท์ดูแลจนมั่นใจว่าชารุกข์หลับเขาจึงหา

ของกินใส่ท้องบ้าง เขามองชารุกข์เป็นระยะเมื่อเห็นว่าชารุกข์ยังหลับสนิทกวินท์จึงนั่งมองพระอาทิตย์ตกดินอยู่หน้ากระโจม

                 กวินท์นั่งเงียบๆ ครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ความผูกพันกับชารุกข์ทั้งที่รู้จักกันได้เพียงสัปดาห์เดียวทำให้กวินท์แปลกใจไม่น้อย

ยอมรับว่าบัดนี้ร่างสูงที่ยังหลับอยู่เบื้องหลังเข้ามาครอบครองหัวใจของเขาจนไม่เหลือพื้นที่ว่าง


                 “แม่รู้จักกับพ่อนานไหมกว่าจะรักกัน”


                เขาเคยถามมารดาถึงชีวิตรักสมัยหนุ่มสาว รำไพพรรณแม่ของเขายิ้มสดใสเมื่อระลึกถึงความหลัง


                  “แค่สบตากันครั้งแรกแม่ก็รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่เหมือนผู้ชายคนไหนในโลก มันเป็นความประทับใจอยู่ในหัวใจของแม่ และ

ครั้งแรกที่เราไปเดทกันพ่อกับแม่ต่างก็รู้ว่าเราตกหลุมรักกันไปแล้ว”


                   “ทำไมพ่อกับแม่รักกันเร็วจังครับ”


                    จำได้ว่าเขาถามต่ออย่างแปลกใจ แม่ของเขายังยิ้มแย้มและตอบเขาให้กวินท์ตื้นตันในความรักของทั้งคู่


                  “ถ้าลูกได้พบกับใครสักคนที่เกิดมาเพื่อกัน  ระยะเวลาจะไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย ถ้าใช่ก็คือใช่ แต่ถ้าไม่ใช่ต่อให้รู้จักกันนาน

แค่ไหนหัวใจก็ไม่ยอมรับ”


                กวินท์นึกอิจฉาความรักของพ่อกับแม่ เขาอยากจะมีความรักมั่นคงดั่งเช่นทั้งคู่ หากแต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกเช่นนั้นกับใครจน

กระทั่งเมื่อแรกสบตากับชารุกข์


                “คิดอะไรอยู่ฮาบิบี”


                   สะดุ้งเมื่อวงแขนอุ่นสวมกอดขณะที่เขายังเหม่อมองท้องฟ้าที่มืดมิดลงเพราะแสงอาทิตย์ลาลับ เขาหันกลับไปสบตากับ

ชารุกข์ที่เกยคางไว้กับบ่าของเขา


                 “ผมเห็นคุณนั่งเหม่ออยู่พักใหญ่ ท้องฟ้ามีอะไรดีถึงได้จ้องมองจนไม่สนใจผม”


                 “คิดว่าจะจับปีศาจแห่งดาฟาร์ที่กำลังบาดเจ็บไปส่งให้รัฐบาลอย่างไรดีครับ เผื่อจะได้ค่าหัว”


               ได้ยินเสียงขู่ราวกับสิงห์หนุ่มพร้อมทั้งอ้อมกอดที่รัดแน่นมากขึ้น ชารุกข์พูดเบาๆอยู่ข้างหูจนกวินท์อดยิ้มไม่ได้


               “ลองดูไหมกวินท์ อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าผมถูกจับแล้วคุณจะเป็นยังไง”


               “อย่าขู่หน่อยเลยครับ ใครจะกล้าจับหัวหน้ากองโจรอันแสนร้ายกาจ หายปวดแผลหรือยังครับ”


                กวินท์หันกลับไปหา เขามองใบหน้าคมสันและก้มมองบาดแผลอย่างสำรวจ เบาใจที่มองไม่เห็นเลือดที่ซึมออกมาอีกแล้ว

ชารุกข์ดึงมือของเขาไปกุมไว้และวางแนบอยู่กับแผงอกแกร่ง


                “ดีขึ้นมากแล้ว อย่าห่วงเลยนะกวินท์ ผมเคยบาดเจ็บมากกว่านี้อีก”


                 จริงตามที่ชารุกข์บอก รอยแผลเป็นพาดผ่านอยู่ตามลำตัวจนกวินท์ใจสั่น เขาแตะไล้ไปตามรอยแผลพลางเอ่ยเสียงเบาหวิว


                  “แล้วคุณจะต้องมีรอยแผลพวกนี้อีกกี่รอยกว่าเรื่องทั้งหมดจะจบลง”


                    ชารุกข์นิ่งงัน เขามองใบหน้าที่ก้มต่ำด้วยความหนักใจกับเหตุการณ์รุนแรงที่เขารู้แก่ใจว่าใกล้เข้ามาทุกขณะ


                    “ไม่รู้สิ ผมไม่รู้ว่าเรื่องจะจบเมื่อไหร่ และจะจบอย่างไรด้วยซ้ำ”


                   “คุณต้องรู้”


                 กวินท์เงยหน้ามองเขา ดวงตาแสนงามแดงก่ำจนหัวใจของชารุกข์พลันอ่อนยวบ


                  “ก่อนหน้านี้คุณจะไม่รู้ก็ได้ แต่ตอนนี้คุณต้องรู้เพราะว่าคุณมีผม คุณจะปล่อยให้ผมเป็นห่วงคุณแบบนี้ไม่ได้”


                 สายตาของกวินท์ทำให้ชารุกข์ต้องดึงร่างโปร่งเข้ามากอด กวินท์ซุกหน้าเข้าหาอกกว้างปล่อยหัวใจให้สัมผัสกับความรู้สึกที่

ต่างก็ไม่ปิดบังอีกต่อไป ชารุกข์ลูบผมนุ่มเบาๆ


                “ขอบคุณนะกวินท์”


                 รู้ว่ายากที่จะยอมรับในความรักอันไม่อาจบรรจบลงได้ ชารุกข์ยิ่งหนักใจเพราะตระหนักดีว่าอุปสรรคนั้นมีมากมายแค่ไหนทั้ง

เรื่องศาสนาวัฒนธรรม และความเป็นจริงที่ชีวิตของเขายังแขวนอยู่บนเส้นด้าย หากแต่เขาก็มิอาจห้ามใจในความรักครั้งนี้ เขาได้แต่

ภาวนาขอพรอย่างไม่อาจคาดเดาผลลัพธ์


                  “อย่างน้อยอัลลอฮก็ส่งคุณมาให้ผมได้รู้จักความรัก”


                  ชารุกข์ดันไหล่ให้กวินท์พ้นจากอ้อมอกเพื่อที่เขาจะสบตากับดวงตางดงามราวกับดวงดาว เขาเชยคางกวินท์อย่างอ่อนโยน


                   “สัญญากับผมได้ไหมชารุกข์ ว่าจะรักษาตัวเองให้ปลอดภัย ผมอยากเห็นคุณที่ยังมีลมหายใจ”


                  “ผมสัญญา” ชารุกข์กล่าวเสียงหนักแน่น


                     “ส่วนคุณก็ต้องสัญญากับผม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้เชื่อใจว่าผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เคียงข้างกับคุณ”


                  กวินท์ประสานสายตา เขาพยักหน้าแทนคำตอบ ชารุกข์คลี่ยิ้มพลางเลื่อนมือสัมผัสไปตามกรอบหน้าของคนที่เข้ามาครอบ

ครองหัวใจของเขา


                   “แต่ว่าตอนนี้ขอผมจูบคุณได้ไหม”


                    เสียงของชารุกข์หวานกว่าทุกครั้ง เขาจ้องมองราวกับจะสะกดให้กวินท์ตกอยู่ในภวังค์ ปลายนิ้วอุ่นแตะอยู่ใต้ริมฝีปากรอ

ให้เจ้าของยินยอม


                    “เอ่อ...”


                  กวินท์ตัวแข็งอยู่ในอ้อมกอด สติของเขาเตลิดไปหมดกับการรุกระยะประชิด ชารุกข์เห็นเช่นนั้นเขาก็ยิ่งมองสายตาวิบวับ


                   “ผมจะถือว่าที่คุณไม่ตอบคือคำอนุญาตนะฮาบิบี”


                      เขาเชยคางมนให้แหงนรับแล้วประทับริมฝีปากลงไปช้าๆ ชารุกข์ขบเม้มปากอิ่มทีละนิดพร้อมทั้งกอดร่างสั่นระริกเข้าหา

ลิ้นร้อนแตะลงทักทายอยู่หลังกลีบปากให้กวินท์ได้รู้จักก่อนที่เขาจะบังคับให้กวินท์เปิดทางยอมรับเมื่อเขาส่งผ่านมันเข้าไปภายในโพรง

ปากฉ่ำหวาน กวินท์สะดุ้งสุดตัวเมื่อลิ้นของเขาถูกตวัดเข้าไปเกาะเกี่ยว


                  “อืม ชารุกข์”


                    หวานและอบอุ่นเกินกว่าจะผลักไส กวินท์พริ้มตาและปล่อยให้ชารุกข์ตักตวงจนพอใจ เขาได้แต่หวั่นไหวอยู่ในวงแขน

แข็งแกร่งที่ไม่ยอมปล่อยจนไม่รู้เลยว่าร่างของเขาลอยจากพื้นและไปอยู่บนเตียงไม้แคบๆได้อย่างไร


                    “นอนนะฮาบิบี”


                    ชารุกข์เอนกายนอนเคียงบนเตียงแคบ เขาให้กวินท์หนุนแขนของเขาต่างหมอนและโอบกอดกันลมหนาวไว้


                 “ผมรักคุณ”


                 กวินท์หลับตาลง เขาซุกกายกอดชารุกข์แทนผ้าห่มในราตรีอันหนาวเหน็บ


                “ผมก็รักคุณครับชารุกข์”


                   ไม่รู้ว่าอนาคตเบื้องหน้าจะเป็นเช่นไร แต่ตอนนี้กวินท์ขอตักตวงไออุ่นนี้ไว้ให้มากที่สุด เขาหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดของ

คนที่กวินท์ยอมรับว่ารักเขาไปแล้วเต็มหัวใจ



               
                                                                          TBC


                                                                  หวานให้อีกตอนนึง

                                                จะเข้าสู่โหมดคราม่าแล้วนาจา


                                                               
                                                           o8 o8 o8 o8 o8




หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 02-07-2017 22:18:57
หวานมากกกกก ตอนหน้าดราม่าแล้วอ่ะ  งือ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-07-2017 22:29:50
จะทำยังไงให้ได้อยู่ด้วยกันหนอ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 02-07-2017 23:11:25
โปรดรู้ไว่าว่าใจรักจริง ไม่อยากทอดทิ้งให้ต้องเสียใจ :mew2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 02-07-2017 23:13:47
ดราม่าอย่าหนักมากน้าาา ใจคนอ่านบางมาก :mew2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 03-07-2017 00:36:56
ยังไม่พร้อมจะกินมาม่าา
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 03-07-2017 00:47:10
เตรียมตัวรับแรงกระแทกแล้วสินะ ;- ;
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 03-07-2017 00:50:27
มาม่าอย่าหนักนะ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-07-2017 01:17:20
แงงง จะมาม่าแล้วหรอคะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 03-07-2017 06:25:20
โอ๊ยยย ลุ้นค่ะ

แล้วดูวิคเตอร์ก่อกวนมาก เป็นไง โดนเอาคืนเลย
สรุปแล้วคุณเลขาเป็นคนยังไง

กวินท์น่ารักมากเลยค่ะ เปิดเผยดี ชอบ
ชารุกข์ก็หวานเลยนะคะ ทำเนียนด้วย

อย่าดราม่านานนะคะ สงสารกวินท์
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-07-2017 08:18:59
คู่ปริ้นซ์ก็หวานไปอี๊กกกกกกก
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-07-2017 09:14:26
หวาน~
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 03-07-2017 10:10:30
 :katai1: :katai1:
อารมณ์เขินๆหายไปเลยยย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 03-07-2017 10:25:00
กลัวดราม่าาา
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Warnkt ที่ 03-07-2017 13:43:02
ชอบอะไรหวานๆแบบนี้ รักคู่นี้มากกกกกกก
ดร่าม่าได้แต่อย่านานน้าาาาา รออออออออ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 03-07-2017 17:18:35
กระอักเลือดดดดดดดด :pighaun:
รอออ่านตอนต่อไปจ้าาาา
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-07-2017 17:51:39
ละมุนกลางทะเลทรายและทะเลดาว  ฮิ้้ววว
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 03-07-2017 18:29:56
กลัวมาม่า เรากินดักก่อนเลยได้ไหม
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-07-2017 22:01:54
รักของ ชารุกข์ กวินทร์ เป็นดั่งเช่นเม็ดทราย
แต่เป็นเม็ดทรายจำนวนมหาสาร ทะเลทรายไง
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 03-07-2017 23:00:15
อ่านไปมีความสุขไป แต่พอบอกตอนหน้าจะเริ่มดราม่าอารมนั้นหายไปทันที   :katai1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 03-07-2017 23:38:34
ความรัก จากหัวใจสองดวง ไม่เกี่ยงวันเวลา อื้อๆ หวานอ่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-07-2017 00:22:57
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 04-07-2017 01:38:40
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 05-07-2017 19:03:36
หวานนิดนึงถึงขั้นต้องให้กินมาม่าเลยหรออออออเสียใจ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 07-07-2017 22:37:56
หว๊าน~หวาน~ค่าาา ดราม่าอีสคัมมิงซูนนน
อย่าหนักมากนะคะ โปรดสงสารคนอ่านด้วยเถิดดด

ตอนนี้เราปลื้มคู่รองมากกค่าา
ภาวนาให้วิคเตอร์เคะ อยากให้มาปราบความอารมณ์ร้อนและตวามแสบของนางมากมาย คงสนุกน่าดูค่าาา
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 14 [02/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 08-07-2017 10:26:53
เริ่มหวานกันแล้ว
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-07-2017 21:26:34


                                                                  ลมหายใจแห่งผืนทราย


                                                                            บทที่ 15






                  สมเด็จพระราชาธิบดีราชิด ฮัดชดิน บินซาฟาร์ อัลฟาดี ประทับอยู่หลังโต๊ะทรงงาน สายพระเนตรทองมองโทรทัศน์เครื่อง

ใหญ่ด้านหน้าที่กำลังแสดงภาพข่าวการประท้วงของประชาชนที่บานปลายกลายเป็นเหตุจราจลจนทหารต้องใช้แก็สน้ำตาเข้าปราบ

ปราม สีพระพักตร์เคร่งเครียดและโกรธกริ้วด้วยความไม่พอพระทัยในสิ่งที่เกิดขึ้น

               เวลาผ่านมาห้าปีแล้วตั้งแต่ทรงชิงพระราชอำนาจมาจากพระเชษฐาต่างพระมารดา ด้วยเหตุผลที่ว่ากษัตริย์พระองค์ก่อนไม่

สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำของประเทศได้ ทั้งที่จริงแล้วก็เป็นที่ทราบดีว่าเป็นเพราะภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกและ

จากปัญหาการสู้รบของประเทศในภูมิภาคเดียวกัน แต่ก็ทรงใช้เหตุนี้รัฐประหารและรวบพระราชอำนาจมาเป็นของพระองค์

               ทรงยึดมั่นว่าสิ่งที่พระองค์กระทำลงไปนั้นเป็นที่สิ่งที่ถูกต้องตามธรรมเนียมมาแต่เก่าก่อนด้วยพระองค์เป็นพระราชโอรสของ

พระมารดาอันดำรงตำแหน่งพระราชินี แต่พระเชษฐาที่ได้ครองพระราชบัลลังก์ต่อจากพระบิดานั้นเป็นพระราชโอรสที่มีประสูติกาลจาก

พระชายาในตำแหน่งรองลงมา ทรงน้อยเนื้อต่ำใจมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ที่พระบิดาทรงมองเห็นแต่พระปรีชาสามารถของพระเชษฐา

แต่กับพระองค์นั้นกลับไม่เคยชื่นชมเลยแม้แต่น้อย เจ้าชายราชิดในสมัยก่อนจึงใช้ชีวิตเกษมสำราญอยู่ในต่างประเทศจนกระทั่งพระบิดา

สวรรคต และพระเชษฐากลับได้ขึ้นครองบัลลังก์แทนที่จะเป็นพระองค์

                ทรงเก็บความแค้นไว้ในพระอุระและลอบติดต่อกับเหล่าผู้กุมอำนาจในรัฐบาลที่ยังเข้าข้างฝ่ายพระมารดาอยู่พักใหญ่และรอ

จนกระทั่งทุกอย่างเหมาะแก่การลงมือจึงได้เป็นผู้นำกองทัพทหารและรัฐมนตรีที่อยู่ฝั่งพระองค์บุกเข้ายึดพระราชอำนาจ ณ พระราชวัง

อันเป็นที่ประทับของสมเด็จพระราชาธิบดี อาบูโอมาร์ อาซัล  ฟาอิด บินซาฟาร์ อัลฟาดี ในกลางดึกของคืนหนึ่ง

                มีพระดำรัสให้ตัดรากถอนโคนพระเชษฐาและพระราชโอรสที่ถวายงานใกล้ชิดอยู่กับพระบิดา พระที่นั่งของกษัตริย์อาซัลถูก

เผาวอดและมีผู้พบเห็นพระเชษฐาสวรรคตอยู่ในกองเถ้าถ่าน ส่วนพระภาติยะหรือหลานของพระองค์อันเป็นว่าที่รัชทายาทนั้นถูกพระองค์

สั่งแขวนพระศอในเวลาต่อมา

               ทรงขึ้นครองตำแหน่งประมุขของประเทศมาเป็นระยะเวลาถึงห้าปีแต่กลับยังเกิดความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง เพราะมีกลุ่มที่ยัง

จงรักภักดีกับกษัตริย์พระองค์เก่าตามรังควานไม่เลิกรา พวกมันเหล่านั้นซ่องสุมกองกำลังซุ่มโจมตีรัฐบาลและมีที่ตั้งอยู่ในทะเลทราย

กว้างใหญ่ซึ่งยากที่จะตามหาที่ตั้งแท้จริง ชื่อผู้นำของพวกมันเหล่านั้นโด่งดังเข้าหูพระกรรณ และทรงสงสัยว่ามันจะเป็นพระราชโอรสอีก

องค์หนึ่งของพระเชษฐา

                         กษัตริย์ราชิดใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ พระองค์ไม่ได้สนพระทัยเรื่องในราชตระกูลนักจึงไม่ทรงทราบว่า

พระเชษฐามีพระชายากี่องค์และโอรสธิดากี่องค์กันแน่ หากแต่ผู้นำที่ถือข้างพระองค์ได้บอกกล่าวในภายหลัง พระองค์จึงนึกแค้นที่

ปล่อยพระภาติยะพระองค์นี้ไว้เป็นหอกข้างแคร่

                  ทรงปล่อยข่าวความเลวร้ายของหัวหน้ากองโจรให้ผู้คนหวาดกลัวไปทั่วเพื่อสร้างความชอบธรรมที่จะปราบปรามเสียให้สิ้น

ในนามของรัฐบาล หากแต่ชารุกข์ เซรีมกลับจัดการยากกว่าที่คิด พระองค์กำลังหาทางเจาะเข้าไปให้ถึงตัวของหอกข้างแคร่แสน

อันตรายซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย

                  เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้ากษัตริย์ราชิดเพิ่งจะสั่งโจมตีที่ตั้งลับสำหรับรักษาพยาบาลฝ่ายตรงข้ามเพราะมีข่าวว่าชารุกข์ เซรีมไป

ที่นั่น หากแต่ก็คว้าน้ำเหลวแถมยังเป็นชนวนให้ผู้ฝักใฝ่อำนาจเก่าก่อการประท้วงขั้นรุนแรงและบานปลายกลายเป็นการจลาจลออกข่าว

ไปทั่วโลก พระองค์ตัดสินพระทัยอย่างเด็ดขาดว่าถึงเวลาแล้วที่ทุกอย่างควรจะจบลงเสียที

                 กษัตริย์ราชิดทรงใช้โทรศัพม์มือถือส่วนพระองค์ติดต่อไปยังบุคคลหนึ่งที่พระองค์ดำริว่าจะเป็นตัวช่วยให้สิ่งที่ต้องการ

สำเร็จในเร็ววัน


                “ที่ฉันเคยบอกแกไป แกตัดสินใจได้หรือยัง”


                 สุรเสียงเหี้ยมเกรียมทำให้อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างหวาดหวั่น กษัตริย์ราชิดตรัสต่ออย่างทรงนึกรำคาญ


                  “เงินรางวัลที่ฉันจะให้แกนั้น มันไม่มากพอที่จะอ้าปากบอกมาหรือไงว่าไอ้ชารุกข์มันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ถ้าไม่พอเอาไปอีก

สักเท่าตัวหากว่าจะทำให้แกจะเปลี่ยนใจได้ แต่ถ้าแกยังไม่ยอมบอก แกคงรู้ดีนะว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับแกและครอบครัวของแกบ้าง”


                    พระโอษฐ์แย้มสรวลพระเนตรโชนแสงเมื่อกษัตริย์ราชิดนิ่งฟังสิ่งที่ปลายทางกำลังตอบกลับมา








                 วิกเตอร์หงุดหงิดเป็นเสือติดจั่นอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่คล้ายเป็นกรงขังเขาไว้จากอิสรภาพภายนอก อยากจะโทรศัพท์ไป

บอกให้แอนนิสหาทางช่วยเหลือแต่ก็ทำไม่ได้เพราะโทรศัพท์มือถือของเขาถูกคาลีลยึดไปตั้งแต่เมื่อวานที่ถูกพาตัวมาที่บ้านหลังนี้ มอง

เห็นโทรศัพท์บ้านที่ตั้งอยู่ไม่ไกลแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเขาจำเบอร์โทรของใครไม่ได้เลยก็เท่ากับตัวช่วยเป็นศูนย์ การ์ดของคาลีลเฝ้า

อยู่หน้าทางออกทุกทางและมองวิกเตอร์ด้วยสายตาดุดันหากเห็นเขาทำท่าจะเดินออกไปจากตัวบ้าน


                “โธ่โว้ย”


               ตะโกนระบายความอัดอั้นก่อนจะทิ้งกายนั่งลงบนเก้าอี้หนังเนื้อดีและเปิดโทรทัศน์เผื่อว่าจะช่วยระบายความหงุดหงิด ในที่สุด

คาลีลก็ออกมาจากห้องของเขา วิกเตอร์ปรี่เข้าไปขวางทางเดินจนคาลีลชะงัก สีหน้าของหนุ่มอาหรับดูเครียดขรึมกว่าเคย


                 “ถอยไปมิสเตอร์คอร์นเนอร์”


                 “ไม่ถอย” วิกเตอร์ยียวน


                 “นอกจากคุณจะพาผมออกไปจากที่นี่”


                  คิ้วของคาลีลขมวดเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจนัก


                 “บ้านของผมไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกสุขสบายกว่าโรงแรมงั้นหรือ”


                 “ผมไม่ชอบการถูกกักขัง” วิกเตอร์กล่าวจริงจังกว่าเคย


                  “ถามหน่อยเถอะ คุณกักขังหน่วงเหนี่ยวผมเพื่ออะไร ผมไปทำอะไรให้คุณต้องจับตัวผมไว้เหรอ หรือว่าผมกวนตีนคุณ ถ้า

อย่างนั้นผมขอโทษก็ได้ แล้วคุณช่วยปล่อยผมไปได้แล้ว ผมไม่ได้มีเวลาว่างพอที่จะมานั่งหายใจทิ้งในบ้านหรูของคุณ”


                  คาลีลสบสายตาคู่นั้น ดวงตาสีฟ้าจัดของวิกเตอร์เข้ากับผมสีบรอนด์ของเขาได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นชาวยุโรป

ร่างสูงและมีความเป็นชาวตะวันตกเต็มตัว คาลีลดูออกว่าวิกเตอร์เป็นพวกรักอิสระ การที่คาลีลนำตัวเขามาไว้ที่บ้านโดยไม่แจ้งสาเหตุ

คงจะทำให้วิกเตอร์ขุ่นเคืองไม่น้อย แต่คาลีลก็บอกเหตุผลไม่ได้จริงๆว่าทำไมเขาต้องทำเช่นนี้


                   “ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบ แต่คุณจำเป็นต้องฝืนใจอยู่บ้านของผมต่อไป”


                    คาลีลยืนกรานด้วยสีหน้าเรียบเฉย


                   “อันที่จริงผมไม่ได้อยากจะทำเช่นนี้ แต่เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองนะวิกเตอร์ ช่วยอยู่ที่นี่อย่างสงบสักพักเถอะ เมื่อ

เรื่องทั้งหมดจบลงเมื่อไหร่ผมจะพาคุณออกไปจากบ้านของผมทันที”


                    วิกเตอร์ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เขาเม้มปากด้วยความขัดใจและกรุ่นอยู่ในอารมณ์จนลืมตัวกระชากคอเสื้อของคาลีล

เข้าหาตัว


                   “ผมไม่สงบโว้ย ตราบใดที่ผมยังไม่รู้ว่าถูกจับตัวผมไว้ทำไม นี่มันบ้านป่าเมืองเถื่อนรึไงวะ ไอ้กวินท์ถูกโจรจับตัวไป ส่วน

ผมมาถูกไอ้คนพูดจาไม่รู้เรื่องพาตัวมาขังในบ้าน กูอยากจะบ้า”


                     สบถออกมาอย่างหงุดหงิด คาลีลยืนนิ่งเมื่อเห็นว่าวิกเตอร์กำลังพลุ่งพล่าน

       
                     “ปล่อยผมวิกเตอร์”


                    “ไอ้นี่พูดไม่รู้เรื่อง มึงต่างหากที่ต้องปล่อยกู”


                 แค่คาลีลยกมือดีดนิ้วครั้งเดียว การ์ดของเขาที่เฝ้าทางเข้าบ้านอยู่ก็ตรงเข้ามากระชากวิกเตอร์ออกจากคาลีลทันที วิกเตอร์

ตะโกนลั่นพลางดิ้นรนแต่แขนทั้งสองข้างก็ถูกการ์ดยึดไว้อย่างเหนียวแน่น วิกเตอร์มองคาลีลอย่างโกรธจัดเมื่อเห็นเขาจัดทรงปกเสื้อให้

คืนสภาพเดิม


                  “มึง ไอ้เลขากวนตีน”


                  คิ้วโก่งเข้มสีดำสนิทของคาลีลขมวดมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย เขาส่ายหน้าอย่างระอาพลางสั่งการลูกน้องของเขาเป็นภาษา

อารบิกก่อนจะรีบเดินออกไปด้านนอก วิกเตอร์ดิ้นฮึดฮัดแต่การ์ดของคาลีลก็ไม่ยอมปล่อย จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงรถยนต์ของคาลีล

แล่นออกไปจากบ้าน เขาจึงได้รับอิสรภาพด้วยการถูกเหวี่ยงไปกองอยู่บนพื้น


                  “แม่งเอ๊ย”


                  มองแผ่นหลังของการ์ดหน้าดุเดินจากไปอย่างหงุดหงิด วิกเตอร์ลุกจากพื้นไปนั่งสงบสติอารมณ์อยู่บนเก้าอี้โซฟา เขา

ครุ่นคิดถึงเหตุผลที่คาลีลจับเขามากักบริเวณที่บ้านหลังนี้


                อะไรคือความปลอดภัยของเขาที่คาลีลต้องบอกเมื่อครู่


                หรือเป็นเพราะเขาไปทำอะไรขัดหูขัดตาใครจนทำให้ตัวเองเดือดร้อน วิกเตอร์นึกออกแค่เรื่องเดียวคือเรื่องที่เขาไปเร่งให้

รัฐบาลของฮาลียันตามตัวกวินท์กลับมาโดยเร็วที่สุด หรือว่านั่นเป็นสาเหตุที่จะทำให้เขาได้รับอันตรายอย่างที่คาลีล บอกไว้ แต่ถ้าหาก

เป็นเพราะสาเหตุนี้จริงคาลีลควรจะกำจัดเขาไม่ใช่จับตัวมาแล้วบอกว่าทำเพื่อความปลอดภัยของวิกเตอร์เช่นนี้

                วิกเตอร์สงสัยในคาลีลเป็นอย่างมาก เขาเป็นเลขานุการในสมเด็จพระราชาธิบดีของฮาลียัน แต่กลับมีบุคลิกบางอย่างที่

ทำให้เขาสะดุดใจ


                   บางทีวิกเตอร์อาจจะต้องค้นหาความจริงว่าแท้จริงแล้วคาลีลกำลังทำอะไรกันแน่





มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-07-2017 21:28:33
 :pig4:
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-07-2017 21:34:25
ต่อกันตรงนี้...




                    ผ่านไปสองวันความอิดโรยของชารุกข์ก็หมดไป แผลที่เย็บอยู่ไม่มีเลือดซึมออกมาแล้วเมื่อกวินท์ทำแผลให้เขา ยาก็อบ

ส่งข่าวมาว่าเหตุการณ์ที่หมู่บ้านยาคีนสงบเรียบร้อยดีชารุกข์จึงพากวินท์กลับไป

               เมื่อไปถึงหมู่บ้านยาคีนชารุกข์ก็รีบไปที่บ้านของเชคฮอาลีทันทีโดยมีกวินท์ตามไปด้วย กวินท์รั้งเขาไว้ก่อนที่จะเข้าไปใน

บ้านเชคฮอาลี


                 “ผมควรจะทำตัวอย่างไรกับพ่อของคุณดีชารุกข์ พ่อของคุณเป็นกษัตริย์แต่ผม...”


                 ชารุกข์วางมือไปบนหลังมือของกวินท์และมองอย่างให้กำลังใจ


                 “ทำตัวเป็นปกติของคุณสิกวินท์ คุณไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้น ตอนนี้พ่อของผมไม่ใช่กษัตริย์ เขาเป็นคุณลุงรีฮานที่

ต้องเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านหลังนี้เพื่อความปลอดภัย ความน่ารักสดใสของคุณจะทำให้พ่อของผมสดชื่นขึ้น”


                กวินท์สูดลมหายใจเข้าปอด เขาเรียกความกล้าหาญให้ตัวเองก่อนจะยิ้มกลับคืนให้ชารุกข์


                “ผมพร้อมแล้วครับชารุกข์”


                 ชารุกข์แตะที่ข้อศอกของกวินท์ให้เดินตามเข้าไปในบ้าน เชคฮอาลีและภรรยาออกมาต้อนรับทันที กวินท์ส่งยิ้มให้ทุกคน

แต่วันนี้เขานึกแปลกใจที่เห็นเด็กสาวซาดิยะอยู่ในบ้านด้วยรวมถึงคนที่เขาพอจะคุ้นหน้าในหมู่บ้านอีกครอบครัวหนึ่ง


               “ซาดิยะเป็นหลานปู่ของเชคฮอาลี ที่เห็นคือพ่อกับแม่ของซาดิยะ”


                กวินท์พยักหน้ารับรู้ เขาทักทายทุกคนที่อยู่บ้านตามชารุกข์ โต๊ะยาวกลางบ้านเต็มไปด้วยอาหารเย็นที่สมาชิกกำลังจะรับ

ประทานพร้อมกัน ไม่นานนักชายชราที่นั่งอยู่บนรถเข็นไฟฟ้าก็ออกมาจากประตูห้องที่ฝังลึกเข้าไปใต้ภูเขาหิน กวินท์นึกเกร็งขึ้นมาเมื่อรู้

แล้วว่าที่แท้รีฮานคือใคร


                    “อัสสลามุอะลัยกุมครับคุณลุง”


                   “อัลลอฮอวยพรเถิดพ่อหนุ่ม ตามสบายนะ”


                    รีฮานยิ้มให้เขาอย่างเอ็นดู กวินท์จึงคลายความตื่นเต้นลงบ้าง เขาหันไปสบตากับชารุกข์ที่ผายมือให้เขานั่งเคียงข้างเมื่อ

มื้ออาหารเย็นเริ่มขึ้น


                       “เชคฮชารุกข์หายไปไหนมาหลายวันคะ”


                    ซาดิยะเอ่ยถามจากโต๊ะอาหารเล็ก ๆ อีกโต๊ะหนึ่งที่สตรีต้องแยกไปนั่งรับประทานต่างหาก


                       
                    “ฉันไม่เห็นเชคฮเลย”


                   “ฉันก็หายไปหลายวัน อย่างที่เคยหายไปบ่อยๆไงล่ะซาดิยะ”


                    ชารุกข์พูดเสียงระอา


                    “เธอควรจะถามยาก็อบเช่นนี้บ้างนะ แล้วควรจะบอกแม่ของเธอว่าเธอโตพอที่จะมีครอบครัวแล้ว”


                   “เชคฮ พูดอย่างนี้อีกแล้ว”


                  ซาดิยะค้อนอย่างมีจริตของสาวน้อย ชารุกข์ได้แต่นึกขำ เขาเลิกสนใจซาดิยะและหันมาเอาอกเอาใจกวินท์มากขึ้น


                “คุณกินเผ็ดได้หรือเปล่ากวินท์ อาหารพื้นเมืองบางอย่างมีรสชาติจัดมากสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย”


                 “ผมกินเผ็ดได้ครับชารุกข์ อาหารไทยที่คุณยายทำให้กินก็มีรสเผ็ดไม่แพ้กัน”


                   ชารุกข์ตักอาหารที่คิดว่าไม่เผ็ดมากใส่จานให้กวินท์ ความเอาใจใส่ที่เขามีต่อกวินท์อยู่ในสายตาของรีฮาน ชายชราลอบ

มองการกระทำนั้นด้วยสายตาของผู้ที่ผ่านโลกมาก่อน แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไร รีฮานยังพูดคุยกับกวินท์เช่นปกติจนกระทั่งมื้ออาหารจบ

ลง


                “ชารุกข์ คุยกับพ่อสักครู่เถอะ”


                กล่าวจบรีฮานก็บังคับรถเข็นไฟฟ้านำเข้าไปในห้องลับของเขา ชารุกข์หันมาหากวินท์และเอ่ยเบาๆ


               “ผมเข้าไปหาพ่อก่อนนะ คุณรออยู่ตรงนี้ก่อน”


                  กวินท์ยิ้มรับ เขาไม่มีปัญหาในการพูดคุยกับทุกคนด้วยภาษาอังกฤษง่ายๆและภาษาอารบิคที่เขาเรียนรู้มากขึ้นด้วย

อัธยาศัยอันดีของกวินท์


                 ชารุกข์ก้าวตามเข้าไปและปิดประตูห้อง รีฮานมองเขาด้วยความห่วงใย


                 “ข่าวแจ้งมาว่าลูกได้รับบาดเจ็บ เป็นอะไรมากหรือเปล่า”


                “กระสุนปืนแค่แฉลบครับพ่อ ผมไม่ได้เป็นอะไรมากพ่ออย่าได้วิตกเลย”


                “พ่อไม่วิตกไม่ได้หรอก”


                 ดวงตาที่มีร่องรอยสูงวัยหม่นแสงลง


                “พ่อเสียโอมาร์ไปคนหนึ่งแล้ว พ่อไม่ต้องการให้ลูกคนใดต้องมาจบชีวิตลงอีก”


                ชารุกข์ก้าวไปตรงหน้าและคุกเข่าลง เขาดึงหลังมือของรีฮานมาแตะที่หน้าผากของเขาด้วยความเคารพ


                “ผมสัญญาว่าผมจะระมัดระวังอย่างที่สุดครับพ่อ”


                รีฮานถอนหายใจ เขาลูบศีรษะของบุตรชายเบาๆ


               “ลุกขึ้นเถิดชารุกข์ บัดนี้ลูกเป็นผู้นำอย่างเต็มตัวแล้ว อย่าก้มหัวให้ใครเช่นนี้อีก”


              ชารุกข์ลุกขึ้นยืน สายตาของเขายังมองบิดาด้วยความเทิดทูนไม่เปลี่ยนแปลง


              “ในโลกนี้มีคนเดียวที่ผมก้มหัวให้คือพ่อเท่านั้นครับ”


               “ตอนนี้ในเมืองมีจลาจลแล้ว เหตุการณ์รุนแรงมากขึ้น ลูกคิดวางแผนอย่างไรบ้าง”


                สีหน้าของชารุกข์ขรึมลง เขาครุ่นคิดเรื่องนี้มาพักใหญ่


                 “บีวันแจ้งข่าวไม่ดีนัก เขาบอกว่ามีการเตรียมพร้อมของทหารในกองทัพแต่ไม่รู้ว่าเพื่ออะไร ทุกอย่างเป็นความลับที่แม้แต่

เขาก็ไม่รู้ ผมคิดว่าราชิดน่าจะกำลังเตรียมหาทางมาโจมตีเรา”


                 “ลูกจะรับมือไหวหรือเปล่า”


                 “ผมพร้อมมานานแล้วครับ ครั้งนี้อาจจะเป็นการปะทะกันโดยตรงที่รุนแรงที่สุด เราอาจจะมีสงครามกับรัฐบาลหลังจากที่ต่าง

ฝ่ายก็ซุ่มโจมตีกันมานาน”


                  รีฮานถอนหายใจ เขารู้ดีว่าสักวันเหตุการณ์นี้จะต้องมาถึง


                 “ขออัลลอฮอวยพรให้ลูกทำสิ่งที่ถูกต้องประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เพื่อพ่อแต่เพื่อประชาชนชาวฮาลียันทุกคน”


               ชารุกข์ค้อมศีรษะรับคำอวยพร ส่วนรีฮานเมื่อกล่าวจบสีหน้าของชายชราก็ครุ่นคิดบางอย่างก่อนจะตัดสินใจเอ่ยออกไป


                “นักข่าวคนนั้น กวินท์”


                ชารุกข์สะดุ้งอยู่ในใจเมื่อบิดาเอ่ยชื่อคนรัก


                “เมื่อไหร่ลูกจะพาเขาไปส่งเสียที”


                “เหตุการณ์ยังไม่ปกติ ผมยังไม่วางใจที่จะพากวินท์ไปส่งครับพ่อ”


               “ชารุกข์” รีฮานมองบุตรชายอย่างคนที่รู้จักชารุกข์เป็นอย่างดี


                 “เมื่อครู่ที่โต๊ะอาหาร พ่อมองเห็นความสนิทสนมที่ลูกมีต่อกวินท์ แต่มันอาจจะดูมากเกินไปในฐานะคนรู้จักกัน”


               แม้ว่าสีหน้าจะยังไม่เปลี่ยนแปลงแต่ดวงตาคมบ่งบอกถึงความลำบากใจ ชารุกข์รู้ดีว่าบิดาเป็นคนฉลาด การที่เขาจะเอ่ยแก้ตัว

ใดๆย่อมไม่อาจหลอกลวงผู้เป็นบิดาได้


                “กวินท์เป็นคนพิเศษ ถ้าหากว่าพ่อจะถามความจริงกับผม”


                 รีฮานนิ่งงันเมื่อบุตรชายยอมรับตามตรง ชายชรามองชารุกข์อย่างไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้


                  “ลูกไม่ควรจะรู้สึกเช่นนั้น ในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ กวินท์เป็นผู้ชายเช่นเดียวกับลูก ลูกรู้ดีว่าควรจะกำจัดความรู้สึกเหล่านี้

ออกไปโดยเร็วใช่ไหมชารุกข์”


                นี่เป็นครั้งแรกที่รีฮานมองเห็นความดื้อดึงปรากฏขึ้นในดวงตาคมของบุตรชาย ชารุกข์นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะตอบเขา


                “ผมทราบด้วยเหตุผล แต่ด้วยหัวใจแล้วผมทำอย่างที่พ่อต้องการไม่ได้”


                  “ชารุกข์ เซรีม บินอาซัล อัลฟาดี”


                  เป็นไม่กี่ครั้งตลอดชีวิตที่บิดาเรียกชื่อเต็มของเขาด้วยเสียงเข้มงวด


                   “ก่อนที่ลูกจะตัดสินใจรับเป็นผู้นำของทุกคนพ่อเคยเตือนลูกแล้วว่าความเป็นผู้นำจะมาพร้อมความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่

คำว่าส่วนตัวจะหมดไปเพราะลูกต้องเสียสละทุกอย่างเพื่อคนที่ก้าวตามลูก และเมื่อลูกตัดสินใจแล้วทุกอย่างมันถอยหลังกลับไม่ได้

เข้าใจที่พ่อพูดหรือเปล่ามกุฎราชกุมาร”



               
                                                                            TBC

                                                                             
                                                                      โอ๊ย ปวดใจจจ



                                                :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:




หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-07-2017 21:47:28
งานเข้า! ฝ่ายศัตรูก็ดูเหมือนจะรู้ฐานที่มั่น แถมเตรียมเข้าโจมตี ฝ่ายเดียวกันก็กระชากให้มาเจอความเป็นจริงเสียได้
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 08-07-2017 21:55:42
ต้มน้ำรอแล้ว  :o12:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-07-2017 21:59:01
 :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 08-07-2017 22:03:24
 :katai1:  โอ๊ยยย งานปะทะก็จะมา คุณพ่อก็ปล่อยให้ชารุคเขามีกำลังใจไปก่อนก็ไม่ได้เนอะ 

แอบสงสัยว่าใครคือสายของอิตาพระราชา  :z3: 

เตรียมต่อเข้าสู่โหมดมาม่าต้มสินะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 08-07-2017 22:40:14
มองไม่เห็นปลายทางระหว่างเราเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 08-07-2017 23:29:21
รักแล้วอย่าเสียสละแบบโง่ๆนะชารุก
ต้มน้ำรอเลยใช่ไหม แค่ฟังที่พี่พูดใจคนอ่านก็สั่นละค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-07-2017 00:19:14
 :katai5:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 09-07-2017 00:37:23
ปวดใจแทน ความรักที่มีอุปสรรค
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 09-07-2017 01:12:30
อุปสรรคมากมายพอๆกับเม็ดทราย :hao5:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 09-07-2017 04:09:15
ความหนักใจนี้...บรรยายไม่ได้เลย :ling3:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 09-07-2017 07:20:30
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 09-07-2017 08:05:01
จะเป็นไงล่ะเนี่ยยย  :katai1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-07-2017 08:06:29
เสียสละแล้วรักไม่ได้เหรอ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 09-07-2017 12:56:09
เกลียดคำว่าเสียสรละ งือออ จะม่าเหรอ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 09-07-2017 13:31:20
เฮ้ออ อย่าเพิ่งปล่อยมือกันนะ ไม่อยากให้มาม่าเลย  :katai1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 09-07-2017 15:15:18
แงงงงงงงงงง เค้ากำลังเลิฟกันเลย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-07-2017 15:50:17
ดราม่ากำลังจะมา...
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 09-07-2017 16:43:27
เป็นเรื่องที่พูดง่าย ทำได้ยากจริงๆ สงสารชารุกข์มาก
หน้าที่หรือหัวใจ

ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 09-07-2017 17:37:29
สงสารพี่ชารุกข์กับกวินท์มากๆ  :hao5:

ชอบคาลีลกับเวกเตอร์ด้วยๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 09-07-2017 18:09:21
โอยยย ทั้งศึกนอกศึกในเลยย
งานเข้าสุดๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 09-07-2017 19:05:53
มาม่าชามโตมาแล้ว ปลายทางของเรื่องนี้จะเป็นยังไงเนี่ย เฮ้อ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 09-07-2017 21:11:38
โอ้ยยย จะต้องมีความดราม่าเกิดขึ้นจิงๆหรอออ  :katai1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Ra poo ที่ 09-07-2017 21:49:11
คาลีลคือบีวันสินะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-07-2017 22:08:03
งืมมม
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 10-07-2017 12:31:52
เอ้าาาาาาา
ยังไงดีอ่ะ
พ่อไม่อยากให้รักกัน เข้าใจพ่อนะ แต่เรื่องของหัวใจมันพูดยากกกก
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-07-2017 20:57:47
เพื่อการสืบทอด การเมืองการปกครอง
ต้องละทิ้งเรื่องส่วนตัว เรื่องหัวใจ
ยิ่งเป็นเพศเดียวกัน ยิ่งยากทวีคูณ

ดูท่า คาลิล เป็นสายลับให้ชารุกข์แน่เลย
แล้วคาลิล คิดไรๆกับวิคเตอร์มั้ยนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 11-07-2017 05:34:59
คาลีล โดนบีบใช่รึเปล่า
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Warnkt ที่ 12-07-2017 11:04:17
 :hao7: :hao7: :hao7: รออออออ สู้ๆน้าาาา
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 13-07-2017 02:31:17
อำนาจที่ยิ่งใหญ่มากับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่งสินะ ชอบมากค่ะเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 13-07-2017 10:41:06
ศึก2ทางเลย ฮือ ดราม่าไปอีก แล้วคนนั้นตอบตกลงมั้ย(น่าจะคาลีล/บีวัน) เครียดเลย แต่ศึกในก่อนที่จะได้ทำอะไร อาจโดนศึกนอกประชิดก่อน แล้วนู่น กว่าจะมาจัดการก็คงศึกนอกจบ ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงดีๆ ก็ได้
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-07-2017 17:57:29
ความรักทำให้คนพ่ายแพ้ และชนะโชคชะตาได้พร้อมกัน
ชารุกข์ให้เกียรติกวินท์มากเลย ดูแลดีด้วย

เอิ่มมม พระราชาก็ยังไม่หยุดเนาะ แล้วสายคนนี้เป็นใคร

บีวัน สายของชารุกข์เป็นใครนะ

สปายทำให้เรื่องซับซ้อนไปอีกก ลุ้นค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 16-07-2017 19:17:22
โอยยยย ปวดใจจริงเว้ยยยย

คาลีลน่าจะเป็นบีวันนะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 18-07-2017 16:21:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 15 [08/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 18-07-2017 18:49:50
 :hao5: :hao5: :hao5:
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 19-07-2017 00:25:56



                                                                           ลมหายใจแห่งผืนทราย

                                                                                     บทที่ 16



             สีหน้าของชารุกข์เมื่อเดินกลับออกมาจากห้องของบิดาเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แม้เขาจะฝืนยิ้มให้กวินท์แต่กวินท์ก็ยัง

มองออก เพียงแต่ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยทักออกมาต่อหน้าผู้อื่นเท่านั้น



             “กวินท์”


              เสียงของชายชราบนรถเข็นไฟฟ้าเรียกเขาไว้ให้กวินท์ต้องเดินไปยืนตรงหน้าอย่างนอบน้อมเมื่อเขารู้แล้วว่าแท้จริงบิดาของ

ชารุกข์หาใช่แค่ชายพิการบนรถเข็นเท่านั้น


            “ครับคุณลุง”


            “รู้สึกกลัวบ้างหรือเปล่าที่ต้องอยู่ท่ามกลางอันตรายเช่นนี้”


                รีฮาน หรืออดีตกษัตริย์อาบูโอมาร์ อาซัล ฟาอิด บินซาฟาร์ อัลฟาดี ยังคงมีสายตาปรานีให้กับเขาเช่นเดิม กวินท์ยิ้มแย้ม

และกล่าวตามสัตย์จริง


                 “ก็กลัวอยู่บ้างครับคุณลุง เมื่อก่อนนี้เคยทำข่าวสงครามอยู่บ้างแต่ก็อยู่แต่ในพื้นที่ที่ยังปลอดภัย ไม่นึกว่าวันหนึ่งจะได้มาอยู่

กลางสถานการณ์เช่นนี้”


                กวินท์มองเห็นนัยน์ตาที่แสดงถึงความลำบากใจของรีฮานแวบหนึ่งแต่มันก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว


                   “ลุงขอโทษแทนชาวฮาลียันอีกครั้งที่กวินท์ต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้ แต่อีกไม่นานแล้วที่ทุกอย่างจะจบลง ลุงย้ำให้

ชารุกข์พากวินท์ไปส่งยังสถานทูตโดยเร็วที่สุด รออีกไม่นานแล้ว เฮ้อ วันนี้ลุงเหนื่อยนิดหน่อย ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะ”


                  สะดุดหูกับประโยคนั้นราวกับมีความนัยซ่อนอยู่ กวินท์ได้แต่กล่าวอำลาและมองตามหลังชายชราที่บังคับให้รถเข็นไฟฟ้า

แล่นกลับไปยังห้องลับของตน เขาหันกลับไปสบตากับชารุกข์ที่ยังมีแต่สายตาอบอุ่นส่งมาให้เขา


               “รบกวนเชคอาลีนานเกินไปแล้ว เรากลับกันเถิดกวินท์”


                 ชารุกข์กล่าวอำลาเจ้าของบ้าน กวินท์เอ่ยตามก่อนจะก้าวตามหลังชารุกข์ตรงไปยังบ้านหลังเล็กของเขาโดยไม่ได้เอ่ยอะไร

อีก แผ่นหลังของชารุกข์ค้อมลู่ลงกว่าปกติราวกับคนตรงหน้ามีเรื่องหนักใจให้ครุ่นคิด


                บ้านของชารุกข์ยังคงสภาพเดิมเมื่อทั้งคู่เดินเข้าไป ชารุกข์เปิดหน้าต่างรับลมให้ถ่ายเท เขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ชุดรับแขก

เล็กๆ กวินท์จึงได้นั่งลงตามเขาวางมือไปบนหลังมือของชารุกข์อย่างใส่ใจในคนรัก


             “เป็นอะไรครับท่านเชคฮ ทำไมถึงทำหน้าบึ้งขนาดนี้”


              ชารุกข์หันไปมองกวินท์ เขาสบตากับดวงตาเรียวแล้วอดไม่ได้ที่จะดึงร่างโปร่งเข้ามากอดไว้ กวินท์ซบศีรษะอิงไปกับไหล่

ของชารุกข์และนั่งอยู่เงียบ ๆ โดยไม่ได้รบเร้าอยากรู้สิ่งใดแม้จะมองออกว่าชารุกข์มีเรื่องหนักใจอยู่ก็ตาม

               ชารุกข์ลอบถอนหายใจโดยไม่ได้กวินท์รู้ เขายังนึกถึงเมื่อครู่นี้ที่ยังยืนอยู่ต่อหน้าบิดาซึ่งยื่นคำขาดให้เขาตัดรอนความรักจาก

ร่างนุ่มในอ้อมกอด เขาจำได้แม่นยำถึงความรู้สึกหนักอึ้งที่ถาโถมเข้าใส่หัวใจราวกับมันเป็นก้อนหินมหึมา

               ชารุกข์กัดฟันนิ่งสบตากับบิดาด้วยสีหน้าลำบากใจ เขาเองก็ไม่คาดว่าเหตุการณ์นี้จะนำมาซึ่งความรักต่อเหยื่ออย่างกวินท์

แต่เมื่อรักไปแล้วก็ยากที่คนอย่างชารุกข์จะตัดใจ


               “เป็นผู้นำแล้วมีความรักไม่ได้อย่างนั้นหรือครับ”


               เขาตัดพ้อบิดาเสียงขื่น รีฮานนิ่งงันสบตาบุตรชายพลางถอนหายใจอย่างหนักหน่วง น้ำเสียงของเขาจึงอ่อนลงเมื่อเอ่ย

ประโยคถัดไป


             “ความรักมันห้ามกันไม่ได้ แต่ที่พ่อห้ามนั้นลูกก็รู้ว่าเพราะอะไร ความรักที่ไม่มีวันลงเอยกันได้ย่อมเจ็บปวดเสมอ หรือว่าลูกยอม

ที่จะรู้สึกเช่นนั้นตลอดไป พ่อไม่อยากเห็นลูกเป็นทุกข์เช่นนั้นนะชารุกข์”


               อันที่จริงชารุกข์เข้าใจเหตุผลทุกอย่าง ข้อห้ามทางศาสนาและวัฒนธรรมเป็นกำแพงสำคัญที่กางกั้นระหว่างเขากับกวินท์

และยิ่งเมื่อตัดสินใจจะเป็นผู้นำแล้วเขาต้องไม่มีข้อด่างพร้อยใดๆดังที่บิดากล่าวไว้ หากแต่หัวใจของเขาเล่า หัวใจที่มอบให้คนในอ้อม

กอดไปหมดทั้งดวงแล้ว ชารุกข์จะจัดการมันเช่นไร

                ภายนอกนั้นความมืดเข้ามาปกคลุมแล้ว ชารุกข์ปล่อยให้ภายในบ้านมืดมิดไร้แสงไฟมีเพียงแสงจันทร์นวลที่โผล่พ้นขอบฟ้า

ได้ทำหน้าที่มอบแสงสลัวในยามค่ำคืนผ่านหน้าต่างที่เขาเปิดทิ้งไว้ ชารุกข์จูบที่ขมับของกวินท์แผ่วเบา


                “บางทีผมก็อยากเป็นแค่เบดูอินธรรมดาที่เดินทางค้าขายกลางทะเลทรายเท่านั้น”


                เขาเผยความรู้สึกให้กวินท์รับรู้


                "อิสระที่ถูกจำกัดด้วยคำว่าภาระหน้าที่มันทำให้ผมอิจฉาเจ้าอับบาสเหลือเกินที่มันได้บินอยู่บนท้องฟ้าโดยไม่ต้องคิดถึง

อะไร”


                “โธ่ ชารุกข์”


              กวินท์ลูบแขนชารุกข์เพื่อปลอบประโลม เขานึกสงสารที่คนรักถูกกดดันจากความเป็นผู้นำ


               “เลือดแม่ของผมมันอาจจะแรงก็ได้ รู้หรือเปล่าว่าแม่ผมเป็นใคร”


               น้ำเสียงของชารุกข์ดูดีขึ้นมาบ้างเมื่อกล่าวถึงมารดา


               “แม่ของผมเป็นคนของหมู่บ้านยาคีนนี่แหละ แม่เป็นน้องสาวของเชคฮอาลีไงล่ะ”


                กวินท์เข้าใจแล้วว่าทำไมหมู่บ้านแห่งนี้ถึงให้ความช่วยเหลือชารุกข์และบิดาของเขาเป็นอย่างดี เป็นเพราะชารุกข์คือลูก

หลานของที่นี่ เขาเกิดมาด้วยเชื้อสายเบดูอินจากเปอร์เซียที่เดินทางแสวงหาโชคกลางทะเลทรายในอดีตนั่นเอง


                 “อยากฟังเพลงไหมกวินท์ ผมจะร้องเพลงให้ฟัง”


                 กวินท์เงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ เขามองเห็นสายตาที่ทอดมองเขาอย่างล้ำลึกไม่ปิดบัง


                “อารมณ์ไหนกันครับชารุกข์ แต่ถ้าคุณร้องเพลงเพราะผมก็อยากฟังนะ”


               ชารุกข์บีบปลายจมูกรั้นเบาๆ เขาปล่อยกวินท์จากอ้อมกอดและเดินไปหายไปในความมืดก่อนจะกลับมานั่งตำแหน่งเดิมด้วย

เครื่องดนตรีชนิดหนึ่งที่กวินท์ไม่เคยเห็น ลักษณะของมันคล้ายกีตาร์ในปัจจุบันแต่ใหญ่กว่าเล็กน้อย ด้านหน้าเป็นวงรีคล้ายหยดน้ำ


                 “มันเรียกว่าอัลอูค เป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองอาหรับที่มีมาหลายร้อยปีแล้วนะ” ชารุกข์อธิบาย


                กวินท์ขยับนั่งตัวตรงอย่างสนใจขณะที่ชารุกข์ตั้งสายให้ตึง นิ้วของชารุกข์กรีดไล่ระดับเสียงทดสอบครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะหัน

มายิ้มให้กวินท์และเริ่มบรรเลงให้เสียงดนตรีทุ้มหวานดังขึ้น ท่วงทำนองอ่อนหวานคุ้นหูกวินท์เสียเหลือเกินจนกระทั่งเขาได้ยินเสียง

บทเพลงแว่วหวานจากริมฝีปากของชารุกข์




                      “...ผมขอสั่งคุณหากคุณจากไกลด้วยหัวใจของผม

                     สั่งคุณอันเป็นที่รักด้วยลายมือ ด้วยดวงตา

                     หากว่าจักรวาลจะยินยอมหันกลับมาหา

                     ที่รัก ผมต้องการคุณ ผมรักคุณ

                    ไม่ว่าคนที่ผมรักจะอยู่ห่างไกลแค่ไหน

                     แต่หัวใจของเราอยู่เคียงกัน

                    คุณคือส่วนหนึ่งในชีวิตและปัจจุบัน

                    ความรักของผมสั่งคุณ ดวงตาของผมสั่งคุณ

                    เพื่อให้จักรวาลทั้งหมดมองเห็น ความรักของผมที่มีต่อคุณ”





                  น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงมาเปื้อนแก้มของกวินท์เมื่อถ้อยความในบทเพลงมาถึงท่อนสุดท้าย อารมณ์ในบทเพลงไม่ได้อ่อน

หวานหยอกล้อเหมือนครั้งแรกที่ชารุกข์ร้องให้เขาฟัง แต่คราวนี้น้ำเสียงของชารุกข์ช่างกรีดลึกเข้าไปในหัวใจ กอปรกับดวงตาคมที่มอง

มาทางเขาตลอดบทเพลงมีแต่ความเว้าวอนร้องขอ กวินท์รู้ดีว่าชารุกข์ต้องการสื่อถึงอะไร





มีต่ออีกนิด....


หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 19-07-2017 00:33:06
ต่อกันตรงนี้...





                      “กวินท์”


                     ชารุกข์วางอัลอูคลงและคว้ากวินท์เข้าสู่อ้อมกอด กวินท์ได้แต่ซุกหน้าลงกับแผงอกจนได้ยินเสียงหัวใจของชารุกข์เต้น

เร็วอยู่ภายในทรวงอกของเขา


                   “ชารุกข์ ได้โปรด อย่าพูดอะไรตอนนี้เลย”


                  กวินท์ไม่ใช่คนอ่อนแอ เขาไม่ได้ร้องไห้ให้กับอะไรง่ายๆ แต่ถึงตอนนี้เขาอดใจไม่ไหวเมื่อรู้ว่าเขาจะต้องเผชิญกับความเจ็บ

ปวดในอนาคตอันใกล้ เขาได้แต่ปล่อยให้น้ำตาหลั่งไหลออกมาจนเปียกปอนทั้งใบหน้าและเสื้อของชารุกข์ที่ต้องรองรับน้ำตาของเขา


                  “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็รักคุณ กวินท์”


                     ชารุกข์ดึงกวินท์ออกจากอ้อมกอด เขาโน้มใบหน้าเข้าหาและจูบซับน้ำตาให้กวินท์จนหมดก่อนจะเลื่อนริมฝีปากมาที่

กลีบปากนุ่มและประทับลงไปแผ่วเบาโดยที่กวินท์เงยหน้ารับอย่างเต็มใจ

                  มือใหญ่ประคองกรอบหน้าไว้อย่างมั่นคงขณะที่ชารุกข์ขบเม้มกลีบปากนั้นอย่างโหยหา ความอ่อนโยนอ่อนหวานทำให้

กวินท์เปิดทางให้ปลายลิ้นชื้นเข้าไปสัมผัสภายใน เขาตัวสั่นเมื่อชารุกข์ตวัดลิ้นของเขาเข้าไปเกี่ยวพันอย่างหวงแหน และมิอาจเอ่ยห้าม

ปรามเมื่อชารุกข์ละฝ่ามือจากใบหน้าลงมาเหนี่ยวรั้งเอวของเขาเข้าไปหาให้กายได้แนบชิด


                    “ชารุกข์”


                    กวินท์ผวาอากาศหายใจเมื่อชารุกข์ผละปลายลิ้นออกและฝังจมูกลงไปที่ซอกคอของเขาแทน


                   “รักผมบ้างไหมกวินท์”


                   เขาถามเสียงแหบโหยเป็นเหตุให้กวินท์ละล่ำละลักตอบ


                  “รัก รักที่สุด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมก็จะรักคุณครับชารุกข์”


                   ได้ยินเสียงชารุกข์พึมพำในลำคออย่างยินดีกับคำตอบ พลันกวินท์ก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ ๆ ร่างของเขาก็ถูกอุ้มลอยอยู่ในวง

แขนแข็งแกร่ง ในความมืดสลัวกวินท์มองเห็นความรักและความเป็นเจ้าของฉายชัดสว่างยิ่งกว่าสิ่งใดอยู่ในดวงตาคมคู่นั้นก่อนที่ชารุกข์

จะพาเขาเข้าไปยังห้องนอนและปิดประตูตามดังปัง

                      แผ่นหลังของกวินท์สัมผัสที่นอนอย่างทะนุถนอม ชารุกข์ขยับตามมาสบตากับเขา กวินท์รู้ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นแต่

เขาก็ไม่ปฏิเสธ ความรักที่ท่วมท้นอยู่เต็มหัวใจทำให้กวินท์อยากจะผูกพันกับชารุกข์แม้จะรู้ว่าผลในวันหน้าจะทำให้เขาเจ็บปวดปานใด


                    ไม่ต้องมีวาจาใด ๆ อีกแล้วเมื่อประสานสายตากันด้วยความเข้าใจ ชารุกข์เอนกายลงมาใช้ปลายนิ้วแตะไล้ไปตามกรอบ

หน้ากวินท์แผ่วเบา เขาจูบกวินท์อีกครั้งหากทว่าครั้งนี้ช่างอ่อนหวานกว่าครั้งไหน ๆ มือร้อนสอดไปที่แผ่นหลังของกวินท์แล้วดึงเสื้อแขน

ยาวตัวหลวมให้หลุดพ้นลำตัวไปอย่างรวดเร็ว กวินท์สะดุ้งเมื่อกางเกงขายาวของเขาถูกดึงผ่านปลายเท้าแล้วโยนทิ้งอย่างไม่สนใจใยดี

                     ชารุกข์ถอดเสื้อผ้าตนเองออกจนหมดเช่นกัน ลำตัวของเขายังมีผ้าพันแผลทบอยู่โดยรอบแต่ก็ไม่สามารถปิดบังความ

แข็งแกร่งได้ กวินท์ยกมือแตะไปที่แผลของชารุกข์แผ่วเบา ทั้งคู่สบตากันอีกครั้งก่อนจะโผกอดกันอย่างโหยหา จุมพิตหวานเร่งเร้าให้

ความปรารถนาแห่งรักหลั่งไหล ร่างกายบดเบียดแนบแน่นราวกับจะซึมซับความผูกพันเหล่านี้ไว้ให้ได้มากที่สุด


                “อา...ชารุกข์”


                    กวินท์ผ่อนเสียงหวานอย่างทรมานเมื่อชารุกข์สัมผัสร่างกายของเขาแสดงความเป็นเจ้าของไปเสียทุกส่วน มือสากร้อน

ลากไล้เนื้อตัวจนถึงต้นขา ริมฝีปากแห้งอย่างคนไม่รู้จักการดูแลตนเองขบเม้มเนื้ออ่อนตั้งแต่ซอกคอไล่ต่ำไปถึงกลางทรวงอก ชารุกข์

งับยอดอกเม็ดเล็กอย่างกระหายจนกวินท์ครางฮือเผลอไผลแอ่นกายให้เขาได้เชยชมสมใจ


                  “หวานเหลือเกินกวินท์”


                   อดพึมพำออกมาไม่ได้แม้ว่าจะยังวนเวียนอยู่กับเม็ดเล็กที่แข็งเป็นไตไม่เลิกรา มือร้อนเลื่อนต่ำลงไปที่ระหว่างขา ชารุกข์

ปลุกเร้าความต้องการของกวินท์ให้พุ่งสูงด้วยการเค้นคลึงไปมา เขายกกายขึ้นมองใบหน้าแดงก่ำของกวินท์อย่างถูกใจ


                  “อื้อ...ชารุกข์ อย่าแกล้งกันสิครับ”


                  ไม่รู้เลยว่าเสียงตนเองตอนนี้สั่นพร่าเย้ายวนแค่ไหน กวินท์แหงนหน้ากัดริมฝีปากจนช้ำเพราะความต้องการที่ถาโถมเข้ามา

เขาสะดุ้งเมื่อช่องทางเบื้องล่างถูกปลายนิ้วร้อนนวดเฟ้นโดยรอบก่อนที่จะสะดุ้งรอบสองเมื่อรู้สึกว่านิ้วนั้นค่อยๆสอดเข้าไปทักทายอยู่

ภายใน


                    “ผมจะทำให้คุณเจ็บน้อยที่สุดนะ สัญญา”


                    โน้มกายลงไปกระซิบกระเส่าข้างหู ชารุกข์ดันนิ้วเข้าไปเปิดทางเพื่อให้ร่างกายของกวินท์พร้อมที่สุด เขาไม่ต้องการให้

กวินท์รู้สึกเจ็บปวดมากกับครั้งแรก ชารุกข์ต้องการให้กวินท์ประทับใจกับความผูกพันนี้ตลอดไป


                   “พร้อมแล้วใช่ไหมครับกวินท์”


                       มองด้วยดวงตาหวานล้ำจนกวินท์หน้าร้อนเห่อ ได้แต่พยักหน้ายอมรับว่าเขาต้องการเป็นของชารุกข์ทั้งตัวและหัวใจ

กวินท์ยกแขนคล้องไปรอบคอของชารุกข์เมื่อร่างกายกำยำนั้นทรงตัวอยู่เบื้องบนของเขา ความตื่นเต้นมาเยือนเมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่วินาทีข้าง

หน้าจะเกิดอะไรขึ้น


                   ในวินาทีแห่งรักที่ไฟปรารถนากระพือพัดนี้ ชารุกข์ไม่อาจดับมันลงไปได้อีกแล้ว เขาถ่มน้ำลายตนเองใส่ฝ่ามือและถูไถเข้า

กับความแข็งขันของตนเองเพื่ออย่างน้อยจะช่วยให้กวินท์เจ็บปวดน้อยที่สุด ชารุกข์ยกขาของกวินท์ขึ้นสูงเขาปรนจูบหนักหน่วงกับกลีบ

ปากนุ่มให้กวินท์ล่องลอยไปกับไอรักก่อนจะถือโอกาสนั้นดันกายเข้าไปในร่างกายของกวินท์เบาๆ


                     “อึก อื้อ”


                     กวินท์สะดุ้งสุดตัว แม้ชารุกข์จะถนอมเพียงไหนแต่กับครั้งแรกสำหรับเขาย่อมหนีไม่พ้นความเจ็บปวด ร่างกายของกวินท์

เกร็งโดยอัตโนมัติจนชารุกข์ต้องโอบรัดไว้ในอ้อมกอด


                    “ใจเย็นครับกวินท์ ผ่อนลมหายใจเบาๆนะ”


                     ชารุกข์ปลุกปลอบแต่เขาก็ยังไม่หยุด เขาจูบ เขากอดและประสานกายเข้าหาช่องทางร้อนระอุนั้นช้าๆ จนในที่สุดเขาก็

เผยรอยยิ้มอย่างยินดีที่แทรกกายเข้าไปผูกพันกับกวินท์ได้จนหมด


                 “เก่งมากครับฮาบิบี”


                 เขาเอ่ยเสียงหวานพลางเช็ดเหงื่อที่พรมอยู่บนหน้าผากของกวินท์ให้ ชายหนุ่มตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดเมื่อรับรู้ว่าบัดนี้เขากับ

ชารุกข์ประสานกายกันอย่างลึกล้ำ ชารุกข์หยุดพักให้กวินท์คลายความเจ็บปวดและปรับตัวเข้ากับเขา ทั้งที่ใจจริงชารุกข์อยากจะมีความ

สุขกับร่างกายนี้ใจแทบขาด แต่ชารุกข์ต้องการให้กวินท์มีความสุขไปพร้อมกัน


                    “ชารุกข์ ผม...”


                    เมื่อความเจ็บปวดจางหายกวินท์ก็ไม่กล้าเอ่ยว่าเขาอยากให้ชารุกข์พาให้เขาไปถึงฝั่งฝัน กวินท์หลบตาก้มหน้างุดแก้ม

แดงก่ำแม้ในความมืด ชารุกข์อดไม่ได้ที่จะจูบที่แก้มดังฟอด เขาช้อนมือเข้าใต้สะโพกของกวินท์และยกลอยขึ้นมา


                   “มีความสุขด้วยกันนะครับฮาบิบี ต่อไปนี้คุณเป็นของผมตลอดไป”


                       และนับจากวินาทีนั้นชารุกข์ก็พาให้กวินท์ล่องลอยราวกับอยู่ในความฝัน กวินท์ปล่อยใจให้ความรักนำพาจนผูกพันกับ

ชารุกข์จนยากจะถ่ายถอน วินาทีนี้เขาไม่สนใจว่าอนาคตจะเป็นเช่นไรขอเพียงได้อยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นนี้ก็เพียงพอแล้ว


                    “อา ชารุกข์”


                   “กวินท์ครับ ผมรักคุณ”


                    พร่ำรำพันไปกับความรักจนเหนื่อยอ่อนนั่นเองชารุกข์จึงยอมให้กวินท์ได้พัก เขาตระกองกอดร่างเพรียวที่เป็นของเขาแล้ว

โดยสมบูรณ์อยู่กลางเตียง ผ้าห่มผืนหยาบปกปิดลมหนาวไว้เพียงแค่เอว กวินท์ซุกกายกอดและหลับตาพริ้มอยู่กับอ้อมกอดอุ่น เขาไม่รู้

สึกหนาวเลยสักนิด ชารุกข์หอมหน้าผากของกวินท์อย่างหวงแหน


                   “ถ้าหากผมจะใช้ความรักของผมสั่งคุณให้รักผมตลอดไปจะได้ไหมกวินท์”


                    ทั้งที่หลับตาอยู่แต่กวินท์ก็ยังยิ้มได้ เขาตอบด้วยน้ำเสียงง่วงงุนเต็มที


                  “น้อมรับคำสั่งครับ ผมไม่มีทางเลิกรักคุณเด็ดขาดเลยชารุกข์”


                    กวินท์คล้อยหลับไปแล้ว หากแต่ชารุกข์ยังตาสว่าง เขาลูบกายกล่อมให้กวินท์หลับสนิทในอ้อมกอด ชารุกข์ถอนหายใจ

อย่างหนักใจ


                    ยิ่งได้ผูกพันก็ยิ่งยากที่จะตัดใจ


                    ชารุกข์ไม่รู้ว่าเขาควรทำอย่างไรที่จะทำหน้าที่เพื่อผู้อื่นและหน้าที่เพื่อหัวใจตนเองให้สำเร็จไปพร้อมกันได้


                    แต่ตอนนี้เขาได้แต่กอดร่างอุ่นที่แสนรักนี้ไปตลอดทั้งคืน




                                                                                TBC


                                                           แม่ต๋า แม่ต๋า เค้าได้กันแล้วแม่




                                                                  o7 o7 o7 o7 o7







                                                 
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 19-07-2017 00:49:13
สงสารชารุกข์เลยอะ
บางทีเรื่องที่ถูกต้องมันก้ไม่ถูกใจเราอะนะ
ในที่สุดด เค้าก้เป็นของกันและกันแล้วววว
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 19-07-2017 01:03:41
รักหวานๆ ลึกซึ้งที่สุด. อะไรนะ มีเรท 20 ด้วยอ่ะ ขอเพิ่มทุกตอนนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 19-07-2017 01:14:25
ฮือออ หวานปนขมอ่ะ สงสารจัง  :hao5:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 19-07-2017 01:50:41
เมื่อโลกในนี้โดนแผดเผาจนมลาย สิ่งที่เคยรายรอบกานเลือนหายไป
จึงได้มองเธอจริงๆและได้รู้ได้เข้าใจ อยากมีแต่เธอข้างกาย
เมื่อโลกใบนี้ไร้สิ้นพันธนาการ จะทลายความต่างกันในหัวใจ
จะปลดเปลื้องความเป็นเธอ ความเป็นฉันให้หมดไป
จะมีแต่เราเท่านั้น หล่อหลอมรวมเป็นหนึ่ง


จะไม่มีกำแพงใดของ เผ่าพันธุ์ฐานันดร ต่างพร้อมจะโบยบิยสู่ฟากฟ้า ในวันนี้ ..

-ไร้พันธนาการ - ฟ้าจรดทราย The musical


ตอนนี้เหมาะมากกับเพลงนี้
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 19-07-2017 02:43:24
หวานอมขมกลืนนน สงสารร
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 19-07-2017 02:52:47
 :z3:  คุณพ่อพูดถูกนะ  เข้าใจเขาแหละ  คือถ้ามองในแง่ของวัฒนธรรมแล้ว มันก็ว่ายากนะยิ่งตำแหน่งชารุกด้วยแล้วยิ่งยากไปอีก  แต่ที่ทำให้ยากขอวจริงคือ กำแพงของคำว่าศาสนา  ไม่ได้จะว่าศาสนานี้นะ  เมื่อรวมทุกอย่างแล้วเหมือนกำลังงมเข็มในทะเลจริงๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 19-07-2017 05:09:00
ยิ่งทำแบบนีัยิ่งคิดถึงกันหนักขึันไปอีกถ้าห่างกัน สงสารทั้งคู่อ่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-07-2017 06:12:49
:z3:  คุณพ่อพูดถูกนะ  เข้าใจเขาแหละ  คือถ้ามองในแง่ของวัฒนธรรมแล้ว มันก็ว่ายากนะยิ่งตำแหน่งชารุกด้วยแล้วยิ่งยากไปอีก  แต่ที่ทำให้ยากขอวจริงคือ กำแพงของคำว่าศาสนา  ไม่ได้จะว่าศาสนานี้นะ  เมื่อรวมทุกอย่างแล้วเหมือนกำลังงมเข็มในทะเลจริงๆ

ใช่เลย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 19-07-2017 06:20:03
อย่างน้อยครั้งหนึ่งก็เคยได้มีความสุขร่วมกันเนอะ :monkeysad:
เก็บความสุขนี้ไว้เป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจ เมื่อต้องไกลกัน :o12:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 19-07-2017 06:41:27
ขมอ่ะะะะ สงสารทั้งคู่เลย งื้ออออ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 19-07-2017 06:54:44
เปนการได้กันที่เกือบฟินแล้ว ถ้าตอนต้นทั่นพ่อไม่ได้สะกัดดาวรุ่งไว้ ><
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-07-2017 10:26:40
หวานปนขม อุปสรรคเยอะเลย สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 19-07-2017 10:46:53
ได้กันแล้วววว o13 :impress2:

อุปสรรคมีก็หาทางออกให้ได้น้าท่านเชคฮ  :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 19-07-2017 11:27:21
อย่าดราม่าเยอะนะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 19-07-2017 14:22:19
จากนี้ไปคงไม่ใช่แค่ความรัก แต่ต้องมีอุปสรรคมาขวางกั้นให้ยิ่งไกลห่าง  :hao5:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: Warnkt ที่ 19-07-2017 17:27:06
มันหวานแบบหน่วงๆอะ สงสารแต่ก็ฟินอะ อือออ
รอออออ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 19-07-2017 17:38:40
โอยยยยย รอติดตาม มาไวๆนะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 19-07-2017 19:12:24
มีแววมาม่ามาเต็มอะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 19-07-2017 19:15:00
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 19-07-2017 20:16:27
เขาได้กันแล้ววววว แต่อย่าเศร้านักน้าาาาา
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 19-07-2017 21:04:46
โอ้ยยย การต้องปรับอารมนี้ นี่มันอาร๊ายยย ตอนนี้รู้อย่างเดียว เขาได้กันแล้วค๊าา     :z1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 19-07-2017 21:44:42
     อ่านไปแล้วทำไมไม่ฟินเท่าที่ควรแต่กลับอยากร้องแทน :hao5: :hao5:
สงสารชารุกข์นะยิ่งมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบยิ่งตัวเองไม่ใช่คนธรรมดาแต่เค้าคือคนที่ถูกคาดหวัง
แล้วยิ่งมองมาที่ทางศาสนาด้วยแล้วความยากที่จะทำให้ความรักสมหวังเท่ากับศูนย์
เอาใจช่วยค่ะรออ่านตอนต่อไปค่ะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-07-2017 09:45:52
ได้กันแล้วแต่เหมือนเศร้าๆ...
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 21-07-2017 18:02:41
ได้กันแบบเศร้าๆ ฮืออออ
ทำไมความรักมันเป็นแบบนี้คะ????
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-07-2017 22:40:02
สงสารทั้งคู่เลยค่ะ หลายอย่างบีบบังคับให้เป็นไป

หวังว่าจะมีทางเลือกให้เดิน แล้วมีความสุขทุกคนนะคะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 28-07-2017 08:19:29
awwwww เขินมากกกก  ในที่สุดดดด งือออ :)
เชื่อมั่นว่าทั้งคู่รักกัน แต่อุปสรรคก็เยอะแยะ แง้ 
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 16 [19/07/60] #อาหรับทะเลทราย#
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 28-07-2017 21:56:23
หวานปนขมไปอีก :serius2:
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-07-2017 22:15:24


คำชี้แจงจากนักเขียน

เนื่องจากมีความจำเป็นต้องยืดเวลาจบนิยายเรื่องนี้ออกไป
นักเขียนจึงจะแต่งตอนพิเศษมาให้อ่านคั่นเวลา
ตอนพิเศษนี้ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักทั้งสิ้น
แต่งมาให้อ่านฟินๆกันจ้า



                                                                 ตอนพิเศษ ลมหายใจแห่งผืนทราย

                                                                               ชายในฮาเร็ม

                                                                                 บทที่ 1




               “เหนื่อยว่ะ”


               วิกเตอร์บ่นเบา ๆ พลางเช็ดเหงื่อที่ผุดเต็มหน้าผากเมื่อเขาพากวินท์เพื่อนสนิทที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลทรายจากเมือง

ไทยมาหาเขาที่ประเทศฮาลียัน หนึ่งในประเทศตะวันออกกลางที่ร่ำรวยด้วยน้ำมัน และวิกเตอร์เป็นวิศวกรที่มาทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่

แห่งหนึ่ง เขาชักชวนกวินท์เพื่อนลูกครึ่งอังกฤษไทยของเขาให้มาเที่ยวที่นี่


               “บ่นอะไรนักหนาวะ แค่นี้เอง”


                กวินท์มองเพื่อนพลางส่ายหน้าอย่างระอา วิกเตอร์เป็นคนมีนิสัยขี้โวยวายอย่างนี้ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกัน พวกเขา

ทั้งคู่ชวนกันไปนั่งพักที่ร้านเครื่องดื่มร้านหนึ่งท่ามกลางย่านเศรษฐกิจของเมืองหลวง


              “กษัตริย์ของฮาลียันชื่ออะไรนะ”


              “สมเด็จพระราชาธิบดีชารุกข์ เซรีม บินอาซัล อัลฟาดี”


              วิกเตอร์ตอบอย่างมั่นใจ


             “กูต้องท่องชื่อนี้ตั้งนานกว่าจะจำได้ จำยากโคตรๆ”


             ชารุกข์ เซรีม บินอาซัล อัลฟาดี


             ไม่เห็นจะยากเลย


              กวินท์นึกแปลกใจที่เขาจดจำชื่อภาษาแปลกหูได้อย่างง่ายดายเพียงรอบเดียวที่วิกเตอร์เอ่ยพระนาม เขาจินตนาการถึงภาพ

ของบุรุษสูงวัย รูปร่างท้วมมีหนวดเคราเฟิ้มอย่างเช่นชายในภาคพื้นตะวันออกกลางทั่วไป


               “เขาบอกว่ากษัตริย์พระองค์นี้แปลกๆ มักจะแอบทำตัวเป็นสามัญชนแล้วไปไหนมาไหนโดยไม่มีคนในวังรู้อีกต่างหาก สงสัย

จะมาสืบความเป็นอยู่ของประชาชนมั้ง”


                แปลกจริงด้วย จะมีกษัตริย์ที่ไหนเป็นเช่นนี้บ้างนะ


               “เฮ้ย กษัตริย์แถบนี้มันต้องมีฮาเร็มหรือเปล่า”


               เขายังถามขึ้นมาด้วยความใคร่รู้ วิกเตอร์พยักหน้ารับ


                “มีสิ เป็นที่นิยมของบ้านเศรษฐีที่มีลูกสาวด้วยนะโว้ย กูฟังมาจากหัวหน้าที่เป็นคนฮาลียันเขาเล่าให้ฟัง บางทีก็มีแมวมอง

ส่องหาว่าลูกสาวบ้านไหนสวย หรือบางทีตัวพ่อแม่เองนั่นแหละสมัครใจให้ลูกสาวเข้าไปอยู่ในฮาเร็ม”


              “งั้นฮาเร็มในวังก็มีแต่สาวสวยๆทั้งนั้นสิ”


              “กูจะรู้เหรอว่าสวยหรือเปล่า ทำเหมือนกูเคยเข้าไปงั้นแหละ”


               วิกเตอร์ส่ายหน้า


                “เท่าที่ฟังมาอีกอย่างก็คือ มันจะมีจุดนัดส่งตัวด้วยนะ พ่อแม่ผู้หญิงเขาจะพาลูกสาวไปที่จุดนัดส่งตัวซึ่งมันเป็นร้านค้าอะไร

สักอย่างนี่แหละ พอส่งผู้หญิงเข้าไปด้านหน้าร้าน หลังจากนั้นสาวเจ้าก็ไม่ได้ออกมาอีกเพราะคนในวังจะพาออกทางหลังร้านแล้วเข้าวัง

ไปเลย”


                กวินท์พยักหน้ารับรู้ เขาดื่มกาแฟเย็นที่สั่งมาเพื่อดับร้อนก่อนจะลุกขึ้นยืน


               “ไปห้องน้ำแป๊บ ปวดฉี่”


               เดินตรงไปที่ห้องน้ำ เพื่อทำธุระส่วนตัว เมื่อก้าวเข้าไปถึงกวินท์มองเห็นบุรุษร่างสูงคนหนึ่งยืนอยู่ที่โถปัสสาวะก่อนหน้าเขา

แล้ว กวินท์นึกแปลกใจที่เห็นชายคนนั้นใส่แว่นตาดำแม้กระทั่งภายในตัวอาคารเช่นนี้ เขาคนนั้นหันมามองกวินท์เช่นกัน แต่กวินท์ไม่รู้

เลยว่าเบื้องหลังแว่นสีดำที่บดบังอยู่ สายตาคู่นั้นจะแสดงความรู้สึกเช่นใด

             กวินท์หลบจากสายตานั้น ความรู้สึกแปลกประหลาดร้อนเห่อขึ้นมาบนใบหน้าจนร้อนซู่ไปหมด เขาจำเป็นจะต้องเดินไปยืน

เคียงข้างเพื่อปลดปล่อยออกมา กวินท์พยายามจะไม่สนใจว่าชายที่ยืนอยู่ด้านข้างจะมีปฏิกิริยาเช่นใดกับเขา ชายหนุ่มได้แต่รีบปลด

ปล่อยให้เสร็จโดยเร็วและก้าวหนีไปล้างมือ หากแต่ร่างสูงกลับตามมาล้างมือที่อ่างข้างๆเช่นกัน


                 เหลือบตามองในกระจกเงาเบื้องหน้า กวินท์สะดุ้งเมื่อยังรู้สึกได้ว่าเขายังอยู่ในสายตาของชายแปลกหน้าตลอดเวลา


                “ขอโทษครับมิสเตอร์ มีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”


                  เพราะกวินท์ไม่เคยปล่อยให้เรื่องที่น่าสงสัยผ่านไปโดยง่าย เขาจึงเอ่ยถามเป็นภาษาอังกฤษกับเขาคนนั้นทันที ร่างสูงใน

ชุดเสื้อผ้าแขนขายาวสีขาวมีผ้าโพกศีรษะและแว่นตาดำเอียงคอมองกวินท์กลับพลางชี้นิ้วไปที่ตัวเอง


               “คุณหมายถึงผมงั้นหรือ”


               เสียงตอบกลับทุ้มนุ่มแต่สำเนียงราวกับจะหยอกเย้าทำให้กวินท์หน้าร้อนซู่ เขานึกเคืองโดยไม่มีสาเหตุ


               “ครับ ผมหมายถึงคุณ เห็นคุณมองผมเลยไม่ทราบว่ามีอะไรหรือเปล่า”


                ใบหน้าที่มีไรหนวดเคราจางๆรอบริมฝีปากและใต้คางคล้ายจะยิ้ม กวินท์ขัดเคืองที่เขาไม่มีโอกาสมองเห็นใบหน้านั้นจะแจ้ง

เพราะมีแว่นบังอยู่เกือบครึ่งและไม่รู้ชัดว่าอีกฝ่ายแสดงความรู้สึกเช่นไรผ่านดวงตาคู่นั้น แต่แค่นี้เขาก็แทบจะไม่เป็นตัวเองแล้ว


            “ก็แค่คิดว่าคุณเป็นคนน่ามองดี”


             กวินท์หน้าตึง คิ้วเข้มเรียวได้รูปย่นเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจนัก


            “ขอบคุณครับมิสเตอร์ แต่ผมคิดว่าจะเป็นการดีกว่าถ้าผมจะไม่ได้อยู่ในสายตาของคุณ”


               เอ่ยปากตัดรอนแล้วกวินท์ก็รีบสะบัดหน้าเดินหนีออกไปจากห้องน้ำโดยพยายามจะไม่สนใจว่าคนเบื้องหลังจะรู้สึกเช่นใดกับ

คำพูดของเขา กวินท์รีบจ้ำอ้าวมาหาวิกเตอร์ทันที


              “เป็นอะไรวะ”


             วิกเตอร์เอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนสนิททำหน้าบึ้ง


            “ไปกันดีกว่า อย่าอยู่ที่นี่นานนักเลย”


             กวินท์เอ่ยเสียงห้วนจัดจนวิกเตอร์ยิ่งงงหนัก แต่เขาก็ลุกขึ้นจ่ายเงินและก้าวตามกวินท์ที่รีบเดินออกไปจากร้านทันที






               กวินท์นอนไม่หลับ เขากระสับกระส่ายทั้งคืนจนรุ่งเช้า


                และที่น่าแปลกคือในบางช่วงที่เขาคล้อยหลับไปบ้างกลับปรากฏใบหน้าของชายแปลกหน้าจนต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา เขาลุก

จากเตียงในยามเช้าอย่างไม่สดใสนัก


                ภายในอพาร์ตเมนท์ของวิกเตอร์กวินท์ทำอาหารเช้าง่าย ๆ กินเพียงคนเดียว วันนี้วิกเตอร์ไปทำงานซึ่งเขาบอกกวินท์ไว้ล่วง

หน้าแล้ว


                “กูเช่ารถท่องเที่ยวพร้อมไกด์ไว้ให้มึง อยากไปไหนก็บอกเขาได้ นี่นามบัตรพร้อมเมื่อไหร่ก็โทรให้เขามารับนะ สบายใจเรื่อง

ความปลอดภัย กูตรวจสอบมาอย่างดี”


                กวินท์สะบัดหน้าขับไล่ใบหน้าที่ตามมาหลอกหลอน เขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและโทรศัพท์ติดต่อบริษัทนำเที่ยวตามเบอร์

ในนามบัตรก่อนจะลงมารอด้านล่างของอพาร์ตเมนท์ ไม่นานนักรถยนต์คันหรูคันหนึ่งก็มาจอดเทียบอยู่เบื้องหน้า


               “มิสเตอร์แอนเดอร์สันใช่ไหมครับ ผมชื่อคาลิล เป็นไกด์วันนี้”


              ไกด์ของเขาที่ชื่อคาลิลพูดภาษาอังกฤษชัดแจ๋ว กวินท์เอ่ยตอบคำทักทายนั้นและก้าวขึ้นรถที่คาลิลขับมา

           
              “ผมจะพาคุณไปท่องเที่ยวตามสถานที่ตามโปรแกรมนะครับ”


                     คาลิลขับรถได้นิ่มนวล กวินท์เพลิดเพลินกับข้อมูลที่คาลิลอธิบายให้ฟังจนพอจะลืมเรื่องหงุดหงิดได้บ้าง จนกระทั่งเวลา

ผ่านไปจนบ่ายคล้อยคาลิลก็ขับรถพาเขามาจอดหน้าร้านขายของที่ระลึกแห่งหนึ่ง


                  “ของที่ระลึกที่นี่ราคาไม่แพงและมีหลายสิ่งให้คุณเลือกจนพอใจ เผื่อว่าคุณจะนำของฝากกลับไป”


                 กวินท์ลงจากรถและก้าวเข้าภายในร้านแห่งนั้น สินค้าด้านในไม่ต่างจากร้านค้าอื่น แต่ที่กวินท์นึกแปลกใจคือร้านนี้กลับมี

ลูกค้าน้อยกว่าปกติ เรียกได้ว่าทั้งแรกมีเขาเพียงคนเดียวจะดีกว่า

               ชายหนุ่มชมสินค้าไปเรื่อยๆ เมื่อไม่มีลูกค้าคนอื่น และไม่มีพนักงานมายืนมองหรือเชียร์ให้ซื้อของแม้แต่คนเดียว จะมีก็แต่คน

คุมแคชเชียร์ที่มองตามเขาจนกระทั่งกวินท์เลือกสินค้าได้และนำตะกร้าใส่ของมาวางหน้าแคชเชียร์

                กวินท์ย่นหัวคิ้ว ความสังหรณ์แปลกๆจู่โจมเข้ามาให้เขาระวังตัวเมื่อได้สบตากับชายที่ยืนอยู่ตรงแคชเชียร์ แต่ความ

ระมัดระวังของกวินท์ก็ไม่ทันการเมื่ออยู่ๆ แขนทั้งสองข้างของเขากลับถูกรวบและยึดไว้โดยชายแปลกหน้าสองคนโดยที่กวินท์ไม่ทัน

มองว่าทั้งคู่โผล่มาจากไหน ปากของเขาถูกปิดไว้ไม่ให้ร้องขอความช่วยเหลือ และทันใดนั้นกวินท์ก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อชายที่ยืนอยู่ตรง

แคชเชียร์หยิบกระบอกและเข็มฉีดยาเล็กๆขึ้นมาปักไปที่ต้นแขนของกวินท์



                   เขาดิ้นรนแต่ก็ไม่สามารถสะบัดหลุดได้ อะไรบางอย่างที่ถูกฉีดเข้าไปที่ต้นแขนสร้างความง่วงงุนจนในที่สุดสติของกวินท์

ก็ดับวูบลงไป








มีต่ออีกนิด....



หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1[28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-07-2017 22:25:12


ต่อกันตรงนี้....





              เปลือกตาค่อยๆกะพริบก่อนจะเปิดขึ้นได้เต็มที่ ภาพที่มองเห็นครั้งแรกทำให้กวินท์ต้องเบิกตากว้างและผุดลุกขึ้นมานั่งอย่าง

รวดเร็ว เขาสะบัดหน้าไล่ความงัวเงียจนสติกลับมาแล้วจึงได้เหลียวมองรอบตัว ตอนนี้กวินท์อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมกว้างขวางที่มี

เฟอร์นิเจอร์หรูหราประดับจนลานตา

                ชายหนุ่มนอนอยู่บนเตียงกว้าง เสื้อผ้าของเขาที่เป็นชุดเสื้อเชิตกางเกงยีนส์กลับกลายเป็นผ้าทอแสนนุ่มสีขาวแนบไปกับผิว

กาย มันเป็นกางเกงยาวกรอมเท้าและเสื้อแขนยาวตามแบบชาวอาหรับ


                ที่นี่คือที่ไหน และเกิดอะไรขึ้น!


                กวินท์ครุ่นคิดฉับพลันเมื่อเขามั่นใจว่าถูกฉีดยานอนหลับและพาตัวมาที่นี่ หัวใจของกวินท์สูบฉีดแรงเมื่อนึกถึงอันตรายที่อาจ

เกิดขึ้น แต่ยังไม่ทันจะคิดหาทางออกประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา กวินท์มองอย่างแปลกใจเมื่อบุคคลที่เดินเข้ามาคือคาลิลนั่นเอง กวินท์รีบ

ลุกจากเตียงไปยืนต่อหน้าคาลิลทันที


                “คุณทำอะไรกับผมคาลิล คุณพาผมไปที่ร้านบ้านั่นแล้วผมก็ถูกจับมาที่นี่ นี่มันที่ไหนกันแน่”


                 คาลิลไม่ได้ยิ้มแย้มสดใสเหมือนตอนที่พาเขาเที่ยวอีกแล้ว เขามีเพียงใบหน้าจริงจังจนกวินท์ใจแป้ว


                 “ที่นี่คือตำหนักส่วนพระองค์ของสมเด็จพระราชาธิบดีชารุกข์ เซรีม”


                   ตำหนักส่วนพระองค์!


                    สมองของกวินท์ประมวลผลเร็วจี๋ นั่นมันหมายถึงตอนนี้เขาอยู่ในพระราชวังของกษัตริย์แห่งฮาลียัน กวินท์ยิ่งไม่เข้าใจว่า

ทำไมเขาถึงได้มาอยู่ที่นี่


                    “แล้วคุณจับผมมาทำไม ปล่อยผมไปเดี๋ยวนี้”


                     คาลิลส่ายหน้าปฏิเสธ


                    “คงจะไม่ได้หรอกมิสเตอร์แอนเดอร์สัน ในเมื่อเป็นกระแสรับสั่งของพระองค์เจ้าชารุกข์ที่ต้องการให้คุณเข้าเฝ้าเป็นการ

ส่วนพระองค์”


                  สิ่งที่เคยฟังวิกเตอร์พูดถึงเรื่องฮาเร็มผุดขึ้นมาในหัวทันที เขานึกถึงขั้นตอนที่หญิงสาวทั้งหลายถูกนำตัวเข้ามาใน

พระราชวัง แต่มันต้องไม่ใช่เขาสิ เขาเป็นผู้ชาย!


                  “ผมเกรงว่ากษัตริย์ของคุณอาจจะเข้าพระทัยผิด”


                   กวินท์ฝืนยิ้มทำใจดีสู้เสือ


                 “ผมเป็นผู้ชาย ไม่ใช่สาวๆที่จะเข้ามาปรนนิบัติพระองค์หรอก”


                 คาลิลยังคงมองกลับมาด้วยดวงตาจริงจังจนกวินท์หนาวไปทั่วรูขุมขน


                  “ท่านชารุกข์ไม่เคยพลาดหรอก ผมว่าเราคุยกันมานานแล้ว ผมควรจะพาคุณไปเข้าเฝ้าเสียที”


                 กวินท์สะดุ้งเฮือกเมื่อปรากฏร่างทหารวังจากหน้าประตู ทันทีที่คาลิลพูดจบพวกเขาก็เข้ามาขนาบข้างกวินท์เชิงบังคับให้

เขาปฏิบัติตาม คาลิลเดินนำเขาไปยังเบื้องนอก กวินท์ถึงกับตกตะลึงเมื่อได้เห็นความหรูหราของตำหนักส่วนพระองค์ แต่เขาก็ไม่มีใจจะ

มองความงดงามโอ่อ่าเหล่านั้นเมื่อถูกบังคับให้เดินไปยังอีกห้องหนึ่งที่มีเหล่าบรรดาสตรีอรชรอ้อนแอ้นแต่งกายสวยงามนั่งเล่นกระจาย

ตัวกันอยู่ภายในห้องกว้าง

                  ทุกคนหันมามองกวินท์เป็นตาเดียวพลางหันไปซุบซิบกันเมื่อคาลิลเดินนำเขาผ่านเข้าไป กวินท์กลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อ

ทั้งหมดหยุดยืนอยู่หน้าประตูบานใหญ่ หัวใจของกวินท์แทบจะหลุดออกมานอกทรวงอกเมื่อเดาได้ว่าด้านหลังอของประตูบานนั้นคือ

อะไร

                    ประตูบานนั้นเปิดกว้าง คาลิลหันมาสบตากับเขา กวินท์มองเห็นรอยยิ้มจากดวงตาคู่นั้น


                     “ผมส่งคุณได้เพียงเท่านี้มิสเตอร์แอนเดอร์สัน ภายในเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ ผมขออวยพรให้คุณถวายงานแก่

พระองค์เจ้าชารุกข์จนเป็นที่ถูกพระทัย”


                    กวินท์ขาแข็ง เขาตัวสั่นด้วยความหวาดหวั่น ทหารที่ยืนขนาบข้างบอกให้รู้ว่าเขาไม่มีทางหนีอื่นใดอีกแล้ว กวินท์จำเป็น

จะต้องก้าวผ่านประตูบานใหญ่เข้าไปทั้งๆที่ขาแข็งสั่น และเมื่อกวินท์เดินเข้าไปแล้วประตูก็ปิดตามทันที

                    กวินท์สะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลง เขาหยุดยืนอยู่ภายในห้องที่กว้างกว่าห้องที่เขาฟื้นคืนสติมากนัก ภายใน

ตกแต่งอย่างหรูหรา เด่นชัดที่สุดคงเป็นแท่นพระบรรทมสั่งทำพิเศษที่กว้างกว่าเตียงปกติ แท่นพระบรรทมตั้งอยู่กลางห้อง กวินท์มอง

เห็นเงาตะคุ่มที่มีม่านมุ้งสีขาวละเอียดคลุมอยู่รอบเตียง


                       “เข้ามาสิ”


                       เสียงนั้นช่างคุ้นหู ราวกับเสียงนั้นทำให้กวินท์ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง กวินท์ตัวสั่นเมื่อรู้ว่าบุคคลที่กำลังลุกจากเตียงขึ้นมา

คือประมุขสูงสุดของประเทศฮาลียัน กวินท์ก้าวเข้าไปช้าๆ พร้อมกันกับที่เจ้าของห้องลุกขึ้นยืนและพาพระวรกายออกมาให้พ้นม่านคลุม

เตียง

                  กวินท์ชะงัก ดวงตาเรียวเบิกกว้าง หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับมันจะหลุดมานอกทรวงอกเมื่อเห็นชัดเจนแล้วว่าบุรุษที่

ปรากฏอยู่เบื้องหน้าไม่ต่างอะไรกับชายซึ่งได้พบในห้องน้ำร้านเครื่องดื่มเมื่อวันวาน มีที่แปลกไปคือบัดนี้ปราศจากแว่นสีดำปกปิดบน

ใบหน้า


                ให้ตายเถอะ!


                  กวินท์นึกอยากจะหาแว่นดำมาสวมกลับคืนให้เขา เมื่อสายตาคมคู่นั้นที่จ้องมองมามันทำให้กวินท์แทบละลายไปกองอยู่

กับพื้น




                                                                           TBC
                                                                 
                                                          น่าจะสองตอนจบฮับ

                                                      :eiei1: :eiei1: :eiei1: :eiei1: :eiei1:






หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 28-07-2017 23:07:58
ขออีก กวินทร์เข้าฮาเร็มไปแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-07-2017 23:27:46
 :duck1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-07-2017 23:46:29
ว้ายยยยย กลายเป็นหนุ่มในฮาเร็มของชารุกข์ไปซะแล้ว  :hao6:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 29-07-2017 02:30:56
เข้าฮาเร็มแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 29-07-2017 03:40:38
นี่คือฮาเร็มสวรรค์ราชา เราคือนางฟ้าเราคือสนมราชันย์~~

เพียงนี้ลอยเข้ามาในหัวทันที
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 29-07-2017 07:07:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 29-07-2017 07:30:55
อร๊าย ชอบๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-07-2017 07:45:25
กรี๊ดกร๊าด รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 29-07-2017 13:48:42
เดือนของฮาเล็มมาแล้วค่าาาา :-[
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 29-07-2017 15:50:51
ชอบแนวฮาเร็ม อิๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 29-07-2017 16:45:05
รอตอนหน้า กวินจะรอดเงื้อมือราชสีห์อย่างชารุกข์มั้ยลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 29-07-2017 19:29:11
ยืดออกไป ก็ไม่เป็นไรค่ะ แค่ไม่หายไปก็พอ ตอนพิเศษมาแบบนี้ ดูแซบมากค่ะ

กวินท์เข้าไปในกรงทองแล้ว งานเข้าแล้ว
ชารุกข์คืองานดี แต่แม่นไปไหม ตามได้เหมือนจับวาง

กวินท์จะยอมไหม จะแพ้สายตานั้นไหม แล้วชารุกข์จะสยบหรือเปล่าน้า  :mew3:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 29-07-2017 19:58:31
ยืดออกไปอีกก็ดีนะครับ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ohuii ที่ 31-07-2017 00:35:00
ช่างตัดอารมณ์ได้เร็วมากจำลังอินบทรักปนหน่วงอยู่เลย .. ดีใจที่ยืดออกไปค่ะ อยากอ่านอีกหลายๆตอนเลย

หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 31-07-2017 01:06:24
สนุกแตกต่างจาดเดิมเลย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 31-07-2017 07:37:49
อยากอ่านตอนที่ 2 แล้ว
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 31-07-2017 12:58:42
เรื่องหลักก็หน่วงๆ
พอเจอเรื่องพิเศษเข้าไป บรรยากาศเป็นอีกแบบเลย ชอบทั้ง 2แบบเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 31-07-2017 13:49:15
เข้ามาเชียร์ตอนพิเศษค่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 01-08-2017 16:08:47
กลายเป็นหนุ่มในฮาเร็มไปซะแล้ว 55555
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 02-08-2017 15:30:25
กวินท์อยู่ในฮาเร็ม ชนิดที่ออกไปไหนไม่ได้แน่
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 1 [28/7/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-08-2017 16:11:55
อะเจ๊ยยยยยยยย.... :z3: :z3: :z3:
พูดเรื่อฮาเล็มกันไปแหม่บๆ
กวินท์ ก็กลายมาเป็นนายฮาเล็มซะละ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 05-08-2017 20:12:32


                                                                   ตอนพิเศษ ลมหายใจแห่งผืนทราย

                                                                                  ชายในฮาเร็ม

                                                                                        บทที่ 2
 


              กวินท์ได้แต่ตกตะลึงกับความจริงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า


               เขาจินตนาการว่าประมุขของฮาลียันเป็นบุรุษเลยวัยกลางคนไปแล้ว รูปร่างท้วมไปด้วยไขมันใบหน้าเต็มไปด้วยเหนาเครา

อย่างที่ได้รับความนิยมในบรรดาชายชาวอาหรับ แต่ความจริงนั้นช่างแตกต่างกับสิ่งที่เขาคิดไว้เหลือเกิน


               สมเด็จพระราชาธิบดีชารุกข์ เซรีมเป็นบุรุษร่างสูงกว่ากวินท์เกือบคืบพระชนมายุราวสามสิบพรรษา พระพักตร์คมเข้มด้วยผิวสี

น้ำตาลคล้ายทะเลทรายกลางแดดจัด ดวงตาคมดุหากแต่ยามมองกลับทำให้ร้อนระอุสลับไปกับหนาวสะท้าน รอบริมฝีปากและคางมีไร

หนวดสีเขียวจาง ๆ ทำให้ดูยิ่งคมสัน


                  กวินท์ไม่อาจบังคับสายตาให้หยุดมองได้ เขาเลื่อนมองไปตามไหล่กว้าง ต้นแขนล่ำด้วยกล้ามเนื้อเป็นมัด แผงอกกำยำต่อ

เนื่องกับลำตัวที่มีซิกแพ็กเป็นลอนเด่นชัด ไรขนเป็นระเบียบเรียงตัวสวยไล่จากแผ่นอกเป็นแนวยาวจนถึงเหนือท้องน้อยก่อนมันจะหาย

ไปกับขอบกางเกงสีน้ำตาลบางเบาที่ทรงปกปิดกายท่อนล่างอย่างหมิ่นเหม่ และเมื่อถึงตอนนี้กวินท์ก็เกือบลืมหายใจ


               ร่างสูงก้าวเข้ามาหาเขา ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กวินท์ตัวแข็งเมื่อกษัตริย์ชารุกข์ เซรีมหยุดยืนเบื้องหน้าใกล้เพียงแค่เอื้อมมือ

พระพักตร์คมก้มลงมองสบตากับเขา พระเนตรคู่นั้นวิบวับจนกวินท์อยากจะวิ่งหนี


               “จะไปไหน”


               ตรัสเสียงทุ้มเมื่อเห็นกวินท์ทำท่าจะก้าวถอยหลัง ชายหนุ่มร่างโปร่งหันรีหันขวางจนชารุกข์ทอดพระเนตรอย่างเอ็นดู


               “เข้ามาแล้วออกไปไม่ได้หรอก นอกจากผมจะเป็นคนเปิดประตูให้คุณออกไป”


               “งั้นคุณ เอ่อ พระองค์ก็เปิดประตูให้ผม เอ๊ย หม่อมฉันออกไปสิครับ”


               กวินท์กระสับกระส่าย เขามองทางหนีทีไล่แล้วก็ได้แต่คิดถึงคดีฆาตกรรมในห้องปิดตายที่เคยอ่านจากการ์ตูนสืบสวนของ

ญี่ปุ่น ตอนนี้เขารู้สึกราวกับตัวเองเป็นกระต่ายที่ติดอยู่ในกรงเล็บของสิงโต และสิงโตตัวร้ายก็กำลังจะขย้ำเขาด้วยเขี้ยวฟันแสนคม


                 “คงไม่ได้”


                  ชารุกข์ปฏิเสธทันควัน พระโอษฐ์แย้มสรวลขณะพิจารณาชายหนุ่มตรงหน้าที่ทรงถูกพระทัยตั้งแต่แรกเห็นเมื่อวันวาน


                เมื่อแยกจากกันเพราะอีกฝ่ายก้าวหนีไปอย่างรวดเร็วแล้วชารุกข์จึงสั่งให้คาลิลที่ติดตามอยู่ห่าง ๆ ด้านนอกของร้านเครื่อง

ดื่มรีบถ่ายรูปเก็บไว้ เพียงอึดใจก็ทรงทราบประวัติของชายหนุ่มที่พบกันในห้องน้ำ หนุ่มลูกครึ่งคนนี้มีความสมบูรณ์แบบของเครื่องหน้า

จากสองทวีปอย่างลงตัว ทรงชื่นชมตั้งแต่เส้นผมสีน้ำตาลเข้มและดวงตาสีฟ้า จมูกโด่งรั้นและกลีบปากสีแดงเรื่อธรรมชาติจนไม่อาจถอน

ใจได้ตั้งแต่แรกเห็น

               และในที่สุดกวินท์ก็มาอยู่ตรงนี้ ภายในห้องส่วนพระองค์ที่มีไว้สำหรับทรงพระสำราญ หากแต่ตอนนี้ชารุกข์ไม่ได้นึกถึงสตรี

คนใดที่อยู่เบื้องนอกมากไปกว่ากวินท์ แอนเดอร์สัน


                  “เพราะผมต้องการให้คุณอยู่ในสายตาของผม”


                  “พระองค์ทรงบ้าไปแล้ว”


                  กวินท์ส่ายหน้า เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น


                 “ผมเป็นนักท่องเที่ยว ไม่ใช่ เอ่อ คนของพระองค์”


                 “ผมจะถือว่าคุณเป็นทูตที่มากระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็แล้วกัน”


                  ทรงดื้อรั้นเกินกว่าจะต้านทานได้ กวินท์มองซ้ายมองขวาก่อนตัดสินใจขยับเท้าหลีกหนี แต่วรกายสูงแกร่งกลับตวัดคว้า

แขนของเขาไว้ราวกับคาดเดาไว้แล้ว ร่างของกวินท์ถูกรั้งเข้าหาก่อนที่ชารุกข์จะรวบเอวของกวินท์ขึ้นมาพาดบ่าอย่างง่ายดาย


                “เฮ้ย ปล่อยผม”


                 กวินท์ดิ้นรนอยู่บนบ่ากว้าง เขาตกใจเมื่อชารุกข์ก้าวดุ่ม ๆ ไปที่เตียงกลางห้องอย่างไม่สนใจว่าเขาจะขัดขืนแค่ไหน ทางหนี

ของกวินท์หมดสิ้นทันทีเมื่อชารุกข์เหวี่ยงเขาลงไปบนเตียงก่อนจะโถมกายหนาลงมาทาบทับจนกวินท์หมดสิ้นอิสรภาพ


               “จะดิ้นทำไม คุณก็รู้ว่าหนีไม่พ้นหรอก”


               ทรงหยอกเอินพลางใช้ปลายพระหัตถ์เกลี่ยไล้อยู่บนแก้มเนียน กวินท์ตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมกอดที่กักขังเขาไว้บนแท่นพระ

บรรทมแสนกว้าง ชารุกข์บีบจมูกกวินท์อย่างมันเขี้ยว


             “ยอมรับเถอะว่าเราต่างปิ๊งกันตั้งแต่แรกเห็นเมื่อวานนี้”


             สุรเสียงแสนนุ่มนวลคล้ายจะกล่อมให้กวินท์เลิกหวาดกลัว กวินท์เหลือบสายตามองพระเนตรวาววับพลางเถียงเอาตัวรอด


            “ใครจะไปปิ๊งกันในห้องน้ำล่ะ พระองค์เพี้ยนแน่ๆ”


             “ก็เราไง” ทรงยืนยันกลั้วเสียงหัวเราะ


               “ผมกับคุณมองหน้ากันที่โถปัสสาวะ ใจคุณไม่เต้นบ้างเหรอตอนที่มองผม”


             “หลงองค์เองชะมัด”


               แก้มของกวินท์แดงก่ำลามไปถึงใบหูและลำคอ พยายามออกแรงผลักร่างแกร่งออกแต่ก็ราวกับผลักภูผาหินก้อนใหญ่ ข้อมือ

ทั้งสองของเขาถูกชารุกข์รวบไว้ทันที ชารุกข์คลี่ยิ้มเมื่อเห็นว่ากวินท์ตัวสั่น


              “ตอนนี้ก็ใจเต้นนี่นะ”


              ทรงแนบพระกรรณไปกับหน้าอกของกวินท์เพื่อฟังเสียงหัวใจที่เต้นรัวเร็ว ร่างของกวินท์เมื่อเทียบกับพระองค์แล้วเหมือนจม

อยู่ในอ้อมกอด


                 “ตื่นเต้นเหรอที่ผมกำลังจะจูบคุณแบบนี้”


                 “อยะ อย่านะท่าน อื้อ!”


                   เสียงของกวินท์เงียบหายเมื่อเขาถูกปิดปากจนแนบสนิทด้วยโอษฐ์ของชารุกข์ กวินท์เบิกตากว้างกับสัมผัสเรียกร้องนั้น

ริมฝีปากของเขาสั่นระริกจนชารุกข์ต้องปลุกปลอบด้วยการไล่ขบเม้มก่อนจะฉวยโอกาสสอดปลายลิ้นเข้าสู่โพรงปากหวานฉ่ำที่ทรงอยาก

พิสูจน์ เรียวลิ้นชื้นของกวินท์ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของชารุกข์    เซริมในทันที


               “อืม หวานจริงด้วย”


                 ทรงพึมพำอย่างถูกพระทัยขณะตักตวงตวัดชิวหาไปกับความละมุนนั้น พลางวางพระหัตถ์ลงไปกับต้นขาของกวินท์จนสะดุ้ง

สุดตัว ผ้าทอผืนบางมิอาจช่วยกางกั้นความร้อนจากฝ่ามือที่กำลังถูไถไปกับเนื้ออ่อนเช่นสิงโตหิวโหย ชารุกข์ผละจากปากอิ่มนั้นอย่าง

เสียดายก่อนที่พระองค์จะลิ้มรสเหยื่อคำแรกที่ซอกคอหอมกรุ่น






มีต่ออีกนิด....



หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 05-08-2017 20:19:20


ต่อกันตรงนี้...






              “อื้อ พระองค์”


               “เรียกว่าชารุกข์สิ”


             ตรัสแผ่วเบาอู้อี้อยู่ตรงลาดไหล่ ร่างเพรียวของกวินท์สะท้านไหวอยู่ใต้ร่างของพระองค์ ทรงจับมือกวินท์ที่ดูเกะกะให้คล้องไป

รอบพระศอเพื่อที่พระองค์จะได้ก้มพักตร์ลงไปหน้าเม็ดเล็กที่พุ่งชันผ้าเนื้อผ้าบางเบาขึ้นมาแล้วแตะปลายลิ้นลงไปโลมเลีย


               “ไม่ ไม่นะ อื้มม”


                อยากจะกัดปากตนเองนัก กวินท์เจ็บใจที่เขาเตลิดไปกับสัมผัสหวามไหวที่ชารุกข์กำลังปลุกเขาขึ้นมา เนื้อผ้าทอบางเบา

เปียกชุ่มอยู่รอบเนินอกราบเรียบหากแต่ยอดอกนั้นกลับชูชันเพราะฤทธิ์ปลายลิ้น ซ้ำพระหัตถ์ร้อนยังสอดลึกเข้ามาในเสื้อแล้วขยำมันจน

กวินท์เผลอส่งเสียงน่าละอายออกมา


                  “ถอดนะ เกะกะจัง”


                  “เอ่อ ถอดเหรอ”


                  กวินท์เม้มปากขัดเขิน ชารุกข์ทอดพระเนตรแล้วอยากจะกินเขาใจแทบขาด


                  “คุณจะถอดเองหรือให้ผมถอดให้”


                   ทรงตรัสกระซิบข้างหูก่อนจะเม้มใบหูของกวินท์ด้วยโอษฐ์ กวินท์หลับตาหนีข่มความอายพลางกล่าวตอบเสียงเบา


                   “คุณอยากถอดก็ถอดเองสิ”


                   ชารุกข์คำรามเบาๆราวกับเจ้าป่ายามตะปบเหยื่อ ทรงฉีกผ้าทอที่กวินท์สวมใส่ดังแควก ๆ ไม่กี่ครั้ง กวินท์ก็สะท้านไปทั้ง

กายเมื่อสัมผัสเนื้อแนบเนื้อ ความร้อนระอุของผิวกายของกษัตริย์แห่งฮาลียันทาบทับลงมาแนบสนิทแม้กระทั่งตรงนั้นจนกวินท์สะดุ้งเป็น

รอบที่ร้อย


                     “ผิวของคุณเนียนละเอียดน่าลูบไล้เหลือเกิน”


                  ทรงทอดพระเนตรเรือนร่างเปลือยเปล่าตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า ดวงตาคมโชนแสงแสดงความเป็นเจ้าของออกมาจน

กวินท์ไม่กล้าสบตา วรกายของชารุกข์ช่างน่าตื่นตะลึงเมื่อทรงอวดกายโดยปราศจากกางเกงปิดบัง ท่อนขาของชารุกข์แข็งแกร่งเต็มไป

ด้วยพละกำลังอย่างบุรุษผู้นิยมการออกกำลังกาย กวินท์เบิกตากว้างเมื่อมองเห็นลำกายอันแข็งขัน หน้าเนียนฉีดสีแดงก่ำราวกับมะเขือ

เทศสุก


                    “อย่ากลัวสิกวินท์”


                     ทรงคว้ามือของกวินท์ให้มาจับทักทายส่วนนั้นพลางบังคับให้เขาพรมปลายนิ้วลงไปเบา ๆ พระเนตรคมส่องประกาย

วาววามอย่างพอพระทัยก่อนจะสบถเบาๆ


                    “ทนไม่ไหวแล้ว เป็นของผมเถอะนะกวินท์”


                    พรมจูบไปทั่วร่างเนียนนุ่มอย่างกระหาย ทรงใช้สะโพกกดลงไประหว่างขาให้กวินท์เปิดทางรับ พระหัตถ์ร้อนนวดเฟ้นจุด

อ่อนไหวจนกวินท์ผวา เสียงครางผะแผ่ดังไม่ขาดสายเมื่อปลายนิ้วนวดเฟ้นอยู่รอบช่องทางพลางสอดเข้าไปทักทายภายใน


                   “อึก ชารุกข์”


              กวินท์ยกเอวลอยคว้างอย่างลืมตัว ชารุกข์กระหน่ำปลายลิ้นไปที่ยอดอกทั้งสองข้างพลางฝากรักสีกุหลาบอยู่รอบเนินเนื้อ

สองแขนของกวินท์โอบรัดรอบพระศอและโน้มกดให้ชารุกข์ระเริงอยู่กับร่างกายของเขาจนกระทั่งชารุกข์รู้ว่ากวินท์พร้อมแล้วที่จะเป็น

พระองค์เสียที

               ใจหายเมื่อปลายนิ้วถูกดึงออกจากช่องทางก่อนที่กวินท์จะสะดุ้งสุดตัวเมื่ออะไรบางอย่างที่ใหญ่กว่านิ้วร้อนกำลังจ่อเข้าหา

ชารุกข์ทรงปลุกปลอบพลางบดโอษฐ์ลงมาบนกลีบปากของกวินท์และทรงดันกายเข้าสู่ร่างของกวินท์ช้าๆ


                “อื้อ เจ็บ!”


                “จะไม่เจ็บไปกว่านี้แล้วฮาบิบี”


                พึมพำเสียงกระเส่าเมื่อส่วนกว้างสุดผ่านทางแคบเข้าไปได้แล้ว ชารุกข์ทอดพระเนตรกวินท์ที่หน้านิ่วเพราะความเจ็บปวด

และประทานรางวัลเป็นจุมพิตเร่าร้อนพร้อมกับดันพระองค์ให้แทรกลึกสุดทาง


                  “เยี่ยมที่สุด”


                  ชารุกข์ขับเคลื่อนอยู่ในร่างกายของกวินท์อย่างถูกพระทัย ช่องทางของกวินท์รองรับแรงปรารถนาของพระองค์ได้ดีกว่า

สตรีมากหน้าที่อยู่ในความครอบครองของพระองค์จนเทียบไม่ติด ชารุกข์โถมกายเข้าใส่และสอนให้กวินท์ตอบรับไปกับท่วงท่าที่

พระองค์ประทานให้

               หัวใจของกวินท์เต้นรัว กล้ามเนื้อเต้นระริก เขาโลดแล่นไปตามอารมณ์ที่ชารุกข์ทรงพาเขาให้ล่องลอยราวกับความฝัน บาง

คราวชารุกข์ก็เร่งเร้าเอาแต่ใจ บางคราวก็ปรนเปรอให้กวินท์จนเขากู่ไม่กลับ สมรภูมิบนเตียงกว้างผ่านไปจนกวินท์ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง

เหลือเพียงแค่กษัตริย์แห่งฮาลียันที่กลายเป็นเจ้าของร่างกายของเขาโดยสมบูรณ์







                   “เหนื่อยไหม”


                    สุรเสียงนุ่มนวลกระซิบถามเมื่อสุดท้ายกวินท์หลับตาลงอย่างอ่อนเพลียอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่น เขาไม่สนใจผ้าปูที่นอนยับ

ย่น ร่างกายเปรอะเปื้อนด้วยเหงื่อและร่องรอยแห่งความสุข ชารุกข์ทรงสละท่อนแขนให้เขาได้หนุนนอน ทรงกอดเขาอย่างหวงแหน


                    “หมดแรงแล้วครับ ทำไมทรงพระแข็งแกร่งอย่างนี้”


                    ชารุกข์สรวลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ทรงเชยคางของกวินท์ขึ้นแล้วจุมพิตเบา ๆ


                    “พูดธรรมดากับผมเถอะ อย่าใช้ราชาศัพท์แบบงง ๆ ของคุณเลยกวินท์”


                     “คุณจะปล่อยผมไปไหมครับชารุกข์”


                    กวินท์ฝืนความง่วงงุนลืมตาขึ้นมอง เมื่ออารมณ์ร้อนแรงผ่านไปเขาก็กลับมาสู่ความจริงว่าบุรุษที่เขากอดอยู่คือผู้มีอำนาจ

ที่สุดในประเทศนี้


                  “คิดว่าผมจะปล่อยคุณไหมล่ะฮาบิบี”


                  ชารุกข์ทรงกระชับวงแขนให้กวินท์อบอุ่นยิ่งขึ้น


                 “ผมไม่เคยปล่อยสิ่งที่เป็นของผม นอกจากว่าคุณจะอยากไปจากผมเอง”


                    กวินท์ยิ้มอยู่กับอ้อมกอดนั้น เสียงหัวใจของชารุกข์สะกดเขาไว้ได้ อันที่จริงก็ตั้งแต่พบกันครั้งแรกเมื่อวานนี้ กวินท์ยอมรับ

ว่าเขาตกอยู่ในมนต์สะกดของชารุกข์ เซรีมไปแล้ว


                    “ตอนนี้ผมยังอย่างท่องเที่ยวฮาลียันสักพัก กลับไปก็ยังไม่มีงานทำ ตกงานอยู่น่ะครับ”


                     “งั้นมาทำงานกับผม”


                    “คุณจะให้ผมทำอะไร”


                     กวินท์เอียงคอมองพลางยิ้มหวาน ชารุกข์ทอดพระเนตรอย่างหลงใหล


                    “ถวายงานเป็นการส่วนพระองค์ให้แก่กษัตริย์แห่งฮาลียัน ตำแหน่งนี้ใหญ่พอสำหรับความน่ารักของคุณไหม”


                  “ผมมีวีซ่าท่องเที่ยวแค่สามเดือน”


                   กวินท์พลิกกายขึ้นไปนอนทับอยู่บนร่างแกร่งพลางจูบที่คางของชารุกข์คลอเคลียราวกับเป็นลูกแมวขี้อ้อน ชารุกข์ยก

พระหัตถ์ลูบไล้แผ่นหลังนวลเนียนอย่างถูกใจ


                 “ผมจะออกวีซ่าทำงานให้คุณเป็นกรณีพิเศษ เป็นวีซ่าตลอดชีพ”


                 “ถ้าอย่างนั้น ก็แล้วแต่พระประสงค์ของพระองค์เลยครับ”


                   ชารุกข์พลิกวรกายกลับให้กวินท์กลายเป็นนอนหงายอยู่เบื้องล่างและพระองค์ทาบทับอยู่เบื้องบน ทรงทอดพระเนตรแมว

ขี้อ้อนด้วยดวงตาพราวแสง


                 “ไหนว่าง่วงไงล่ะ”


                 “หายง่วงแล้วครับ อยากเริ่มงานแก่กษัตริย์แห่งฮาลียันโดยเร็ว”


                  กวินท์ช้อนสายตายั่วเย้าจนชารุกข์หมดความอดทน


                 “ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวรับโบนัสได้เลยกวินท์”


                เสียงหัวเราะดังประสานก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงแห่งรักที่จูงมือกันโลดแล่นบนเตียงกว้างอีกครั้ง





                                                       จบดีกว่า


                                                  เราจะไม่ได้เห็นท่านเชคฮชารุกข์หื่นกามเช่นนี้บ่อยนัก
                                                                 ดังนั้นจงตักตวงไว้ซะ 5555

                                                            :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:











หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 05-08-2017 20:49:31
ในเรื่องจริง จะได้เห็นชารุกข์หืนแบบนี้บ้างไหมค๊ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 05-08-2017 20:59:30
เขินนนนนนนนน กวินท์มีความร้อนแรงเบาๆ
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-08-2017 21:12:59
ร้อนแรง  :z1: :pighaun: :haun4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 05-08-2017 21:23:07
มันต้องหื่นแบบนี้
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 05-08-2017 21:50:49
ชารุกข์ก็หื่นว่วนกวินทร์ก็ขี้ยั่ว  :z1:

แต่จะได้เห็นแบบนี้ในตอนหลักมั้ยเนี่ย  :ling1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 05-08-2017 22:19:44
จะผิดไหมถ้าจะบอกว่าอยากได้...อยากได้น้องกวินทร์มาเป็นของตัวเอง // ก้มตัวหลบกระสุน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 05-08-2017 22:47:35
ใจง่าย ชริชริ  :hao5:  นี่มัน ปิ้งรักในห้องน้ำ ใช่มะ  :a5:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 05-08-2017 23:49:38
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 06-08-2017 03:01:24
   เขินนนแต่พอคิดถึงเรื่องหลักถอนหายใจรัวๆๆๆ
ขอให้ไม่มาม่ามากไปนะค่ะใจบ่ดีอิอิ
รออ่านตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 06-08-2017 10:17:26
เอ่อ กวินตอนแรกยังเกรงๆ อยู่เลย พอโดน....แล้วไหงกลายเป็นอ้อยท่านชารุกข์ได้ล่ะ สงสัยโดนเสน่ห์แน่ๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 06-08-2017 16:40:37
กรี๊ดดด ฉันฟินน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-08-2017 17:50:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 10-08-2017 07:31:44
ชอบเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-08-2017 08:29:12
ดูกวินท์จะชอบงานนี้นะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 10-08-2017 12:39:34
โอ้!!!
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-08-2017 14:27:17
 :laugh3:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 12-08-2017 11:41:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-08-2017 07:41:22
55555 ปลื้มใจ

ชารุกข์มุมนี้ มีไม่มาก แต่จะไม่เห็นกวินท์ได้ยั่วเย้าแบบนี้แน่ๆ
น่ารักดีค่ะ ดูอบอุ่น ดูหยอกล้อ

ตกหลุมกันไปเต็มๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 13-08-2017 12:47:50
เป็นเวอร์ชั่นต่างจากเรื่องหลักจริงๆ ร้อนแรงมากค่าาา
เลือดจะไหลหมดตัวแล้วว
 :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> Special chapter ชายในฮาเร็ม บทที่ 2 [5/8/17]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-08-2017 22:18:03
เอาตอนพิเศษมาหลอกล่อให้ตายใจใช่ไหมล่ะ ตอนหลักอย่างหน่วง
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 19-08-2017 14:55:07


                                                                     ลมหายใจแห่งผืนทราย

                                                                               บทที่ 17


               คาลีลออกจากบ้านไปแล้ว และบอดี้การ์ดของคาลีลก็ยอมปล่อยให้วิกเตอร์เป็นอิสระภายในตัวบ้านเท่านั้น คนรับใช้ไม่ได้มา

คอยสอดส่องวิกเตอร์จึงเท่ากับอยู่เพียงลำพังในบ้านหลังใหญ่ เมื่อวิกเตอร์ตัดสินใจว่าเขาจะสืบหาข้อมูลของคาลีลเขาจึงเดินไปบนชั้น

สองที่และไปหยุดหน้าประตูห้องหลังหนึ่งที่วิกเตอร์มั่นใจว่ามันคือห้องส่วนตัวของคาลีล

               ทดลองเปิดประตูก็พบว่าไม่ได้กดล็อกวิกเตอร์จึงเปิดมันและก้าวเข้าไปในห้องด้วยความระมัดระวัง เขากวาดสายตาไปทั่ว

ห้องที่ไม่ได้ต่างอะไรกับห้องนอนกว้างของพวกคนรวย ภายในมีเฟอร์นิเจอร์หรูหราประกอบด้วยเตียงและตู้เสื้อผ้าแบบบิลท์อิน ชุดโฮม

เธียเตอร์กับเครื่องเสียงราคาแพง และมีชั้นหนังสือเล็ก ๆ ตั้งอยู่ที่ผนังด้านหนึ่งของห้อง ใกล้กันมีโต๊ะทำงานกับคอมพิวเตอร์และเอกสาร

กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะคล้ายกับเจ้าของห้องรีบร้อนออกไปโดยไม่ทันได้จัดให้เป็นระเบียบ

                วิกเตอร์พุ่งตัวไปที่โต๊ะทำงานทันที เขาคว้าเอกสารเหล่านั้นขึ้นมาอ่าน บางแผ่นเป็นภาษาอังกฤษ บางแผ่นเป็นภาษาอารบิก
ทั้งหมดประทับตราคณะรัฐบาลซึ่งทำให้วิกเตอร์คิดว่าคงเป็นงานในตำแหน่งเลขานุการในสมเด็จพระราชาธิบดี วิกเตอร์ย่นหัวคิ้วอย่าง

ขัดใจที่ไม่เห็นความผิดปกติใดๆ อย่างที่เขาคาดการไว้

              ลองขยับไปยังชั้นหนังสือ วิกเตอร์เพ่งมองไปตามสันหนังสือเพื่อดูชื่อว่ามีอะไรควรค่าแก่ความสนใจของเขาหรือไม่ เขาดึง

หนังสือบางเล่มออกมาเผื่อว่าจะมีสิ่งผิดปกติ วิกเตอร์พยายามทุกอย่างจนเขาถอดใจ

               บางทีคาลีลอาจเป็นแค่เลขานุการของกษัตริย์แห่งฮาลียัน เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเท่านั้น อาจจะไม่ได้มีสิ่งใดผิดปกติอย่าง

ที่วิกเตอร์สงสัย เขาสบถอย่างขัดใจและหันหลังเพื่อก้าวกลับไปนอกห้อง

               เพราะความรีบร้อนทำให้ไหล่ของวิกเตอร์ชนเข้ากับหนังสือเล่มหนึ่งที่มีมุมยื่นออกมาล้ำกว่าเล่มอื่นจนมันร่วงลงพื้น วิกเตอร์

หยิบมันขึ้นมาเพื่อจะใส่เก็บที่เดิม พลันดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าช่องว่างที่เกิดขึ้นเบื้องหลังหนังสือกลับมีสลักเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ที่

ชั้นหนังสือ วิกเตอร์ชั่งใจครู่หนึ่งเขาจึงตัดสินใจดึงสลักนั้น

              เสียงครืดคราดเกิดขึ้นกับตู้หนังสือเมื่อมันขยับเอียงเปิดเผยช่องลับที่ซ่อนอยู่ด้านหลังของมัน หัวใจของวิกเตอร์เต้นเร็วราวกับ

กำลังดูภาพยนตร์ฉากสำคัญ ชายหนุ่มสองจิตสองใจว่าควรจะเข้าไปในช่องลับขนาดพอดีคนเบื้องหลังชั้นหนังสือดีหรือไม่ เขายังเป็น

ห่วงสวัสดิภาพของตัวเองอยู่ แต่ในที่สุดความเย้ายวนอยากรู้ความจริงก็ชนะวิกเตอร์ตัดสินใจก้าวผ่านช่องแคบนั้นเข้าไป

               ความตื่นตาเกิดขึ้นกับเขาเมื่อแสงสว่างอัตโนมัติพลันวาบขึ้นมาจนทั้งห้องเปิดเผยให้เห็น มันเป็นห้องที่มีความกว้างขนาดได้

สักครึ่งหนึ่งของห้องนอนด้านนอก ทุกด้านเป็นผนังทึบปิดบังซ่อนเร้นจากสายตาได้เป็นอย่างดี วิกเตอร์พุ่งตรงไปที่โต๊ะกว้างกลางห้อง

ซึ่งมีอุปกรณ์บางอย่างวางอยู่ เขาเพ่งมองสำรวจมันและจากประสบการณ์ของเขาที่รู้จักเครื่องมืออิเลกโทรนิคส์ดีพอสมควร วิกเตอร์รู้ทัน

ทีว่านี่คือเครื่องมือส่งสัญญาณวิทยุสื่อสารกำลังแรงสูง

                ในยุคที่ความเจริญของดาวเทียมกระจายไปได้ทั่วโลก แต่ภายในห้องนอนของคาลีลกลับมีวิทยุสื่อสารซ่อนอยู่ วิกเตอร์เดา

ไม่ออกเลยว่าผู้ชายคนนั้นใช้มันเพื่ออะไร วิกเตอร์เบนความสนใจไปที่กองกระดาษบนโต๊ะที่เขียนด้วยลายมือ ล้วนแล้วแต่เป็นข้อความ

ภาษาอารบิกที่เขาไม่เข้าใจ วิกเตอร์สุ่มเลือกแผ่นด้านบนในกองมาสองถึงสามแผ่นพับใส่กระเป๋าเสื้อไว้ก่อนจะรีบก้าวออกจากห้องลับ

                 คิดหาวิธีปิดประตูห้องลับ วิกเตอร์ทดลองดันสลักที่เขาเปิดมันคืนกลับ ทันใดนั้นชั้นหนังสือก็ขยับเคลื่อนที่กลับไปที่เดิม วิก

เตอร์เรียงหนังสือเข้าชั้นกลับที่ของมันก่อนจะเดินมาทรุดตัวนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ของคาลีลแล้วดึงแผ่นกระดาษจากกระเป๋าเสื้อของตน

ออกมามองข้อความสั้น ๆ ด้วยลายมือของคาลีล

               อาจเป็นเพราะคาลีลรีบร้อนออกไปจากบ้านเขาจึงไม่ได้ปิดคอมพิวเตอร์ เมื่อวิกเตอร์ขยับเม้าส์หน้าจอแสตนด์บายก็แสดงตัว

ขึ้น วิกเตอร์ผุดรอยยิ้มขึ้นมา

                เขาว่างมากพอที่จะเรียนภาษาอารบิกแบบเร่งรัด วิกเตอร์เชื่อว่าไม่มีอะไรอยู่เหนือความพยายามของคนเรา จะว่าเขาเป็นคน

สอดรู้สอดเห็นก็ได้ แต่วิกเตอร์คิดว่านี่คือการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ในเมื่อคาลีลต้องการให้เขาอยู่อย่างสงบวิกเตอร์ก็จะทำ เขาจะ

นั่งนิ่ง ๆ อยู่หน้าคอมพิวเตอร์นี่แหละ

                กว่าคาลีลจะกลับมา ภาษาอารบิกแบบเร่งรัดที่เขาเรียนคงประสบความสำเร็จไปหลายแผ่น

                และถึงตอนนั้นวิกเตอร์อาจจะรู้แล้วว่าคาลีลคือใคร







                 คาลีลจอดรถยนต์ของเขาไว้ในซอยแห่งหนึ่งห่างจากถนนเส้นหลักกลางเมืองหลวง เขาถอดเสื้อสูททิ้งไว้บนเบาะรถและใช้

ผ้าปิดบังใบหน้าเหลือทิ้งไว้เพียงดวงตาเท่านั้น ผ้าโพกศีรษะทิ้งชายยาวช่วยซ่อนเร้นเค้าหน้าได้อีกชั้นจนกระทั่งพร้อมแล้วคาลีลจึงได้

ลงจากรถยนต์กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังถนนใหญ่ที่มีแต่ความโกลาหลของจลาจลครั้งใหญ่

              ชายหนุ่มแทรกตัวเองไปกับประชาชนคลาคล่ำบนท้องถนน มองเห็นความวุ่นวายและความรุนแรงของสถานการณ์อย่างน่าเป็น

ห่วง ฝ่ายทหารยืนเป็นแผงใช้กระบองกับโล่เข้าผลักกลุ่มคนหัวรุนแรงที่อยู่ด้านหน้า เสียงโห่ร้องขับไล่ดังก้องไปทั่วท้องถนนในเขต

เศรษฐกิจของฟาดีเลาะฮ์ คาลีลพยายามมองหาบุคคลที่เป็นเป้าหมายของเขาด้วยความยากลำบากเพราะแทบทุกคนล้วนพรางใบหน้า

เฉกเช่นเดียวกัน

                ดูเหมือนเป้าหมายของคาลีลเองก็รอคอยอยู่เช่นกัน ณ จุดนัดพบ ชายวัยกลางคนรูปร่างค่อนไปทางท้วมคนหนึ่งหันมาสบตา

กับเขาอยู่คนละฟากฝั่งถนน คาลีลใจชื้นเมื่อได้เห็น เขาฝ่าฝูงชนข้ามฝั่งไปหาชายผู้นั้นทันที


                   “เหตุการณ์เป็นอย่างไรบ้างคับฮัสซัน”


                   คาลีลเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ชายผู้นี้คือแกนนำของกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้กษัตริย์ราชิดมอบพระราชอำนาจ

คืนเพราะความไม่ถูกต้องของการขึ้นสู่บัลลังก์


                “รุนแรงมาก มีคนบอกว่าทหารเตรียมการใช้แก๊สน้ำตากันแล้ว ผมคาดการว่ากษัตริย์ราชิดกำลังคิดจะโค่นล้มพวกเราลงใน

อีกไม่ช้า”


                 ฮัสซันกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด เขาปิดบังใบหน้าเช่นเดียวกับทุกคนที่กำลังต้านทานพวกตำรวจทหารอย่างแข็งขัน


                 “ทางคุณล่ะคาลีล มีข่าวอะไรหรือเปล่า อามิรเป็นอย่างไรบ้าง”


                   “อามิรปลอดภัยดีอยู่”


                  คาลีลรีบตอบให้ฮัสซันสบายใจ


                 “แต่ผมยังแปลกใจว่าการโจมตีที่ตั้งลับมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ผมรู้ข่าวก่อนหน้านั้นเพียงแค่ไม่กี่นาที ก่อนที่พวกทหารจะ

ระเบิดจนทำให้เราเสียกำลังคนไปเยอะเหมือนกัน”


                “กษัตริย์ราชิดก็ใช่ย่อยหรอกนะ เขาได้กลุ่มทหารที่ภักดีต่อพระชายาพระมารดาของเขาช่วยเหลืออยู่ มิเช่นนั้นไหนเลยจะ

กล้าชิงอำนาจ”


               ฮัสซันกล่าวอย่างเคียดแค้น


                “ผมกลับคิดว่าฝั่งโน้นก็มีสายลับของเขาเช่นกัน ซึ่งเราไม่อาจรู้เลยว่าใครที่ทำเช่นนั้น”


                คาลีลวิตกเรื่องนี้มาได้หลายวัน ฮัสซันสบตาเขาด้วยความกังวล


                “แล้วด้วยหน้าที่ของคุณ ไม่มีข่าวหรือคำสั่งจากกษัตริย์ราชิดเลยงั้นหรือ”


                  “ผมเป็นเลขานุการในฐานะผู้นำรัฐบาลเท่านั้น งานที่รู้ก็มีแต่คำสั่งบริหารงานภายในประเทศ แต่ในฐานะทรงเป็นประมุข

ของประเทศบางทีมันก็นอกเหนืออำนาจที่เขาจะปล่อยให้ผมล่วงรู้ นี่ผมยังคิดว่าพระองค์อาจจะทรงระแคะระคายในสิ่งที่ผมทำอยู่ก็ได้”


               แววตาของความหนักใจเกิดขึ้นทั้งกับคาลีลและฮัสซัน แต่ทันใดนั้นบทเจรจาก็ต้องยุติลงด้วยความตกใจเมื่อพวกเขาและ

ผู้คนที่อยู่โดยรอบได้ยินเสียงระเบิดแก๊สน้ำตาลูกแรก จากนั้นความโกลาหลก็เกิดขึ้นทันทีประชาชนผู้ภักดีต่อกษัตริย์พระองค์เก่าต่าง

ต้องวิ่งหนีกันวุ่นวาย ด่านหน้าที่ยื้อยุดอยู่กับเหล่าตำรวจทหารถูกไอจากแก๊สน้ำตาจนมองอะไรแทบไม่เห็น บางคนถึงกับมีอาการหายใจ

ลำบากเพราะฤทธิ์ของมัน

                คาลีลกับฮัสซันต้องแยกจากกันทันทีเมื่อกองกำลังตำรวจปราบจลาจลบุกฝ่าด่านหน้าของผู้ชุมนุมประท้วงเข้ามาได้แล้ว

ระเบิดแก๊สน้ำตาลูกต่อไปถูกยิงเข้ามาในฝูงชนเป็นระยะ ไอขาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณจนผู้คนต่างก็วิ่งหนีกันวุ่นวาย ตำรวจและทหารที่

มีหน้ากากป้องกันกรูกันเข้ามาใช้กระบองทุบตีผู้ชุมนุมอย่างไม่ปรานี


                 “นี่คือกองกำลังของรัฐบาลซึ่งมีสมเด็จพระราชาธิบดีราชิดทรงเป็นประมุข ผู้ชุมนุมทุกคนจงวางอาวุธ มิเช่นนั้นทั้งตำรวจ

และทหารจะใช้ความรุนแรงเพื่อยุติการชุมนุม”


                 เสียงดังจากลำโพงกระจายเสียงดังขึ้นต่อเนื่องเพื่อข่มขู่ให้ผู้ชุมนุมยอมแพ้ หากแต่คล้ายจะยิ่งกระตุ้นให้ฝ่ายผู้ชุมนุมโกรธ

แค้นเกลียดชังมากขึ้น ความรุนแรงทวีขึ้นทุกขณะเมื่อเริ่มมีการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมประท้วงหัวรุนแรงกับกองกำลังของรัฐบาล


                “หนีไปก่อน”


                ฮัสซันตะโกนบอกคาลีล


                 “อย่าให้ใครจับคุณได้ หนีไป”


               คาลีลละล้าละลัง แต่เขาก็ตระหนักในบทบาทของตัวเองดี ดวงตาเรียวแดงก่ำเพราะไอของแก๊สน้ำตาที่คละคลุ้งไปทั่ว คาลีล

พยายามใช้ชายผ้าโพกศีรษะเช็ดน้ำตาออก ตอนนี้เขาแสบโพรงจมูกจนแทบหายใจไม่ออกแต่เขาจำเป็นต้องหนีไปจากสถานการณ์แห่ง

ความรุนแรงนี้

               ชายหนุ่มกระเสือกกระสนหาทางหนีไปจากประชาชนซึ่งกำลังบ้าคลั่งด้วยความยากลำบากจนกระทั่งสามารถออกจากถนน

ใหญ่ไปยังซอยเล็กที่แยกออกมาจนได้ เขาวิ่งกระเซอะกระเซิงไปถึงรถยนต์ที่จอดไว้ห่างจากที่เกิดเหตุ  คาลีลเปิดกระโปรงท้ายรถควาน

มือหาขวดน้ำดื่มที่เขาจำได้ว่าใส่ไว้และคว้ามันมาล้างที่ดวงตาจนอาการแสบร้อนเจือจางลงจึงได้ทิ้งขวดน้ำและก้าวขึ้นรถ

               คาลีลทุบมือไปกับพวงมาลัยรถยนต์และฟุบหน้าลงอย่างเจ็บใจเมื่อได้ยินเสียงการปะทะกันดังแว่วมาแม้ว่าจะอยู่ห่างออกมา

แล้ว เขาเจ็บใจที่ไม่สามารถช่วยเหลือใครได้เลยแม้ว่าอยากจะอยู่เพื่อต่อสู้ก็ตาม แต่หน้าที่ของเขาที่ต้องรับผิดชอบยังไม่หมดสิ้นลง คา

ลีลจะต้องกลับไปทำหน้าที่ของเขาให้บรรลุเป้าหมายมากที่สุด

                      เขาสตาร์ทรถและขับมันกลับบ้านด้วยสภาพร่างกายที่อิดโรย






มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 19-08-2017 15:01:28


ต่อกันตรงนี้...





                 คาลีลหายไปนานหลายชั่วโมงจนวิกเตอร์นึกเป็นห่วง มันนานจนวิกเตอร์ลุกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความเมื่อยขบและ

ลุกไปที่ห้องครัวเพื่อขออาหารจากแม่ครัวมากินจนอิ่มท้องและกลับมานั่งเปิดโทรทัศน์ในห้องโถงด้านหน้า วิกเตอร์ตาลุกเมื่อเห็นภาพ

ข่าวการปะทะกันของผู้ชุมนุมประท้วงกับฝ่ายรัฐบาล

               วิกเตอร์เลือกเปิดช่องข่าวจากประเทศอื่นที่มิใช่ข่าวจากฮาลียัน เขาฟังการวิเคราะห์ข่าวอย่างเข้มข้นจากสำนักข่าว และ

มั่นใจว่าตอนนี้ฮาลียันกำลังอยู่ในช่วงจุดเริ่มต้นของความรุนแรง วิกเตอร์ตั้งใจฟังข่าวจนกระทั่งได้ยินเสียงรถยนต์คุ้นหูดังขึ้นภายนอกตัว

บ้าน วิกเตอร์รีบผุดลุกขึ้นมาทันทีเพื่อจะรอให้คาลีลก้าวเข้ามา


              “คุณหายไปนานมาก”


               วิกเตอร์พูดขึ้นมาเห็นคาลีล คิ้วดกของเขาย่นเข้าหากันเมื่อเห็นสภาพของเลขานุการของกษัตริย์ราชิดที่บัดนี้แทบไม่เหลือ

สภาพความเนี้ยบให้เห็น เสื้อผ้าของคาลีลเปื้อนมอมแมมไปทั้งตัว ผ้าโพกศีรษะหลุดลุ่ยจนวิกเตอร์เพิ่งจะได้เห็นใบหน้าของคาลีลอย่าง

เต็มวงหน้าเป็นครั้งแรก

                เส้นผมของคาลีลสีดำสนิท ใบหน้าคมคายอย่างบุรุษชาวตะวันออกกลาง สีผิวค่อนมาทางขาวแม้จะไม่จัดนักแต่ก็พอรู้ว่าเขา

เป็นคนที่ไม่ค่อยนิยมให้ร่างกายถูกแดดแผดเผา ดวงตาคมเปลือกตาสองชั้นแดงเรื่อจนน่ากลัว


                “ในเมืองมีการปะทะกันแล้ว คุณควรจะให้ผมไปทำงานของผม”



                 “ถอยไป”


                  คาลีลแทบจะยืนไม่อยู่แล้วตอนนี้ เขาฝืนทรงตัวให้แลดูเข้มแข็งทั้งที่จริงกำลังปวดแสบปวดร้อนไปตามผิวหนังทั้งเนื้อทั้ง

ตัว มันเป็นผลจากแก๊สน้ำตาที่เขารับมันมาเต็ม ๆ แต่ชาวต่างชาติที่เขาพาตัวมาไว้ที่บ้านกลับขวางทางไว้


                “ผมต้องการให้คุณปล่อยผม”


                  วิกเตอร์ส่งเสียงเด็ดขาด เขาชูแผ่นกระดาษในมือขึ้นมาราวกับมันเป็นตัวประกันชั้นดีที่จะทำให้คาลีลต้องยอมทำตามที่เขา

ต้องการ


                     “หากคุณไม่ปล่อยผม กระดาษแผ่นนี้ที่แสดงข้อความการติดต่อกันระหว่างคุณกับจอมโจรแห่งดาฟาร์จะถูกเปิดเผย ว่า

ไงล่ะท่านเลขา”


                 คาลีลตกใจเป็นอย่างมาก กระดาษเหล่านั้นมีลายมือของเขา และลายมือภาษาอารบิกของเขากลับมีภาษาอังกฤษกำกับอยู่

เขากล่าวโทษความเผอเรอของตนเองและไม่นึกว่าวิกเตอร์จะกล้าทำเช่นนี้


                “คุณ...”


                 คาลีลยกมือสั่นเทาชี้หน้าของวิกเตอร์ที่มองตอบอย่างเป็นต่อ วิกเตอร์ยักคิ้วท้าทายให้คาลีลเจ็บใจเมื่อเขาค้นพบความลับ

สุดยอดที่เพียรปิดบังไว้ คาลีลนึกอยากจะออกเสียงสั่งให้คนของเขาที่ยืนอยู่หน้าประตูเข้าบ้านให้เข้ามาจัดการกับวิกเตอร์ แต่ในความ

เป็นจริงสิ่งที่เกิดขึ้นคือร่างของคาลีลกลับเข่าอ่อนร่วงไปกองอยู่บนพื้น


              “คาลีล คาลีล!”


                 วิกเตอร์ตกใจเมื่อเห็นดังนั้น ดวงตาคมลอยคว้างก่อนจะล้มพับไปกับพื้น วิกเตอร์ถลาเข้าไปสำรวจสภาพของคาลลีลอย่าง

รีบด่วน ใบหน้า ดวงตา จมูกของคาลีลแดงก่ำไปหมด ลักษณะท่าทางการหายใจลำบาก วิกเตอร์เอะใจ เขารีบปลดกระดุมเสื้อของคาลีล

แล้วแหวกมันออกทันที

                 จริงอย่างที่คิด ผิวกายแดงก่ำมีผื่นขึ้น อาการเช่นนี้วิกเตอร์ที่ทำงานมาแล้วหลายสถานการณ์รู้ทันทีว่าคาลีลแพ้อะไรบาง

อย่างและมันรุนแรงมาก


                “คาลีล นี่คุณไปทำอะไรมา บอกผมมาเร็ว”


                    ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขานึกเป็นห่วงชายผู้มีท่าทางเคร่งขรึมระเบียบจัดคนนี้ ยิ่งรู้ว่าจุดประสงค์แท้จริงในสิ่งที่คาลีลทำ

คืออะไร มันทำให้วิกเตอร์เข้าใจคาลีลมากขึ้น และอาการของคาลีลมันทำให้วิกเตอร์โยนเรื่องของตัวเองทิ้งไปก่อน


             “แก๊ส แก๊สน้ำตา”


             คาลีลเอ่ยอย่างลำบากเพราะเขาหายใจไม่ทัน วิกเตอร์ละล้าละลังไปกับการช่วยเหลือ


             “ต้องไปโรงพยาบาลไหม หรือจะให้คนของคุณไปพาหมอมาที่นี่ คุณแพ้แก๊สน้ำตานะ ตอนนี้อาการคุณไม่ดีเลย”


              “ไม่ ไม่ได้”


             คาลีลรีบห้าม เขาจะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น


              “ผมมียาแก้แพ้อยู่ในห้อง แค่ แค่พาผมไป”


              วิกเตอร์พยักหน้า เขายกแขนของคาลีลขึ้นพาดบ่าก่อนจะประคองคาลีลให้ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล วิกเตอร์เดินประคองคาลีล

ไปยังห้องนอนและช่วยให้คาลีลได้นอนพักอยู่บนเตียง


               “ไหนล่ะยาแก้แพ้”


             วิกเตอร์ถามทันทีเมื่อช่วยคาลีลนอนบนเตียงแล้ว คาลีลชี้มือไปยังกล่องบนชั้นวางของ วิกเตอร์ที่ก้าวไปทันทีเขาคว้ากล่อง

สำหรับเก็บยาสามัญประจำบ้านขึ้นมาแล้วหายาแก้แพ้อย่างรวดเร็ว เมื่อพบแล้ววิกเตอร์ก็รีบไปที่ตู้เย็นคว้าขวดน้ำมาเทน้ำใส่แก้วก่อนจะ

กลับมาหาคาลีลอีกครั้ง


               “คาลีล กินยา”


                ประคองศีรษะคาลีลด้วยท่อนแขนและป้อนเม็ดยาเข้าปาก คาลีลกลืนมันลงคอพร้อมกับน้ำที่วิกเตอร์ป้อนเขา ชายหนุ่ม

หลับตาลงและปล่อยให้ฤทธิ์ยาทำงาน

                      วิกเตอร์มองใบหน้าที่เพิ่งคล้อยหลับไปด้วยความเป็นห่วง อาการหายใจลำบากทุเลาลงแล้วแต่ใบหน้าและผิวกายของ

คาลีลก็ยังแดงจนน่ากลัว

                   ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจะต้องเป็นห่วงผู้ชายที่นอนหลับอยู่ตรงหน้านี่ด้วย


                   วิกเตอร์ได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจ

               


                                                                            TBC


                                                    แบ่งบทให้คู่รองบ้าง เดี๋ยวน้อยใจ

                                                :m23: :m23: :m23: :m23: :m23:





หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 19-08-2017 15:22:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-08-2017 15:50:06
คาลีลอยู่ฝ่ายชารุกข์จริงๆด้วย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 19-08-2017 16:13:24
ว่าแล้วคาลีลต้องเป็นสายแน่ๆ รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 19-08-2017 17:06:04
อร๊ายชอบคู่นี้มากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 19-08-2017 17:31:34
มาแล้วววว ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 19-08-2017 17:35:22
เอาจริงนี่ลืมไปแล้วว่าตอนก่อนเป็นยังไงจนต้องไปย้อนอ่ายใหม่ 555  ยินดีต้อนรับกลัับมาจ้า
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 19-08-2017 17:55:28
กำลังเข้มข้นเลย :mew2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 19-08-2017 19:42:39
มาต่อแล้ว เย้ๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-08-2017 21:36:53
อย่างที่คิด
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: ohuii ที่ 19-08-2017 22:04:50
ยังเดาทางคู่รองไม่ออก แต่ตอนนี้ก็เริ่มห่วงกันนิดๆแล้ว
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 20-08-2017 00:58:07
วิกเตอร์อยู่เป็นพยาบาลให้คาลีลนะดีแล้ว
แต่ใครเป็นสายของฝั่งราชิดนะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 20-08-2017 01:10:08
ชอบคู่นี้ วิกเตอร์ใจอ่อน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-08-2017 09:49:07
คู่รองเค้าก็เป็นห่วงเป็นใยกันดีนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 20-08-2017 10:40:28
คาลีลอยู่ฝ่ายดีจริง ๆ ด้วย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-08-2017 17:53:07
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 20-08-2017 18:51:45
คาลีลเป็นสายจริงๆด้วย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 20-08-2017 22:36:15
วิกเตอร์ ดูแลนะ เรื่องอื่นเอาไว้ก่อน สงสาร
 :hao5:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 20-08-2017 22:39:56
     คู่หลักรู้ใจกันไปแล้วที่นี้เรามาลุ้นคู้รองต่อค่ะอิอิ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 20-08-2017 22:59:43
ว่าแล้วว่าคาลีลต้องเป็นสาย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-08-2017 07:02:55
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 22-08-2017 07:26:47
 :ling3: :mew2: :ling1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-08-2017 06:35:03
วิกเตอร์สมนิสัยนักข่าว แต่บางอารมณ์ก็ว่ามันเยอะไป 5555

คาลีลเป็นทีมชารุกข์ด้วย ดีงามค่ะ คอนเฟิร์มที่คิดไว้
คงอัดอั้นมาก แต่ด้วยหน้าที่ก็ต้องเก็บไว้
คาลีลแพ้หนักเลย ดีที่ยังฝืนกลับมาถึงบ้านได้ ขอให้คาลีลหายไวๆนะ รีบหายมาทำให้วิกเตอร์หวั่นไหวเล่นๆ ไป

วิกเตอร์ไม่รู้ตัวหรอว่า ตัวเองสนใจคาลีลแต่แรก


หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 17 [19/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: sangzaja122 ที่ 27-08-2017 02:11:05
สนุกมากค่ะ เป็นกำลังใจให้  :L2:
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 30-08-2017 23:00:09


                                                                                ลมหายใจแห่งผืนทราย

                                                                                         บทที่ 18



              คาลีลลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าทั้งห้องมืดมิด มีเพียงแสงจากจอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานเท่านั้นที่ส่องแสงสว่าง เขา

กะพริบตาขับไล่ความมึนงงและย้อนคิดได้ว่าช่างภาพจากสำนักข่าวชื่อดังที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์คนนั้นล่วงรู้ความลับสำคัญของ

เขาเสียแล้ว เขาโทษตัวเองที่เผอเรอรีบร้อนออกจากห้องโดยที่ไม่ได้ปิดล็อกประตูเพราะเป็นห่วงเหตุการณ์การประท้วงจนปล่อยให้วิก

เตอร์เข้ามาในห้องและรู้ความลับเหล่านั้น

                 ชายหนุ่มมองนาฬิกาข้อมือจึงได้รู้ว่าเขาหลับจนถึงเกือบรุ่งเช้าแล้ว เขานึกเป็นกังวลกับสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงที่หลับ

ไปว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ในตอนนี้เพียงแค่นาทีเดียวอะไรก็เกิดขึ้นได้ คาลีลรีบขยับกายขึ้นลุกนั่ง เขานิ่วหน้าเมื่อยังมีอาการ

ปวดศีรษะแล่นมาเป็นริ้ว

                 เสียงอุทานเบา ๆ ทำให้วิกเตอร์หันขวับมามอง เมื่อเห็นเจ้าของห้องตื่นและลุกนั่งด้วยสีหน้าไม่ดีนักวิกเตอร์จึงลุกจากเก้าอี้

ก้าวมานั่งที่ขอบเตียงและมองคาลีลอย่างพิจารณา


                “คุณเป็นยังไงบ้าง ยังมีอาการหายใจลำบากอยู่อีกไหมคาลีล”


                ไม่รู้ว่าคาลีลคิดไปเองหรือเปล่าที่เขามองเห็นสายตาห่วงใยจากชาวต่างชาติคนนี้ เขาส่ายหน้าและรีบกล่าวปฏิเสธทันที


               “ผมหายดีแล้ว และคุณก็ไม่ควรมายุ่งกับผม”


                 แม้น้ำเสียงจะยังอ่อนระโหยแต่คาลีลก็พยายามปั้นเสียงให้แข็งขึ้น เขาหย่อนปลายเท้าลงไปกับพื้นห้องและลุกขึ้นยืน แต่

อาการวิงเวียนกลับมาเยือนจนแทบล้มทั้งยืน ดีที่ได้วิกเตอร์ใช้ท่อนแขนช่วยรับไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะล้มหน้าคว่ำไปกับพื้น


                “คุณยังไม่หายดีหรอกคาลีล สภาพแบบนี้นอนพักต่ออีกนิดเถอะ”


               “อย่ามายุ่งกับผม ผมบอกแล้วไง”


                คาลีลหงุดหงิดกับร่างกายที่ไม่เป็นใจเอาเสียเลย เขารู้สึกแปลก ๆ กับความใกล้ชิดในตอนนี้ที่วิกเตอร์มีต่อเขา ท่อนแขนที่

โอบรัดอยู่ตรงเอวทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะไปบ้าง คาลีลรีบโยนความรู้สึกเหลวไหลนั้นทิ้งทันที

               วิกเตอร์มองผู้ชายที่เขาช่วยไว้ด้วยสายตาเคืองขุ่น หมั่นไส้เต็มกำลังกับความดื้อรั้นจนต้องปล่อยท่อนแขนออกและปล่อยให้

คาลีลทรุดร่วงลงไปนั่งอยู่บนขอบเตียงอีกครั้ง สีหน้าของคาลีลยังซีดแม้ว่าจะอยู่ในความมืดเมื่อเขาปิดไฟและปล่อยให้คาลีลนอนหลับ

ไปหลายชั่วโมง คาลีลนิ่วหน้าพร้อมกับยกปลายนิ้วขึ้นนวดขมับ ยอมรับว่าเขายังไม่หายดีอย่างที่ตัวเองพูดออกไปจริง ๆ


                    “ผมรู้ว่าคุณเป็นคนเข้มแข็ง” วิกเตอร์เท้าเอวแล้วพูดเสียงแข็ง


                    “แต่คนเรามันก็ต้องมีช่วงอ่อนแอด้วยกันทั้งนั้นแหละ อย่างคุณตอนนี้ไง ช่วยทำตัวให้สมกับความอ่อนแอของคุณหน่อย

อย่าฝืนทำเป็นเข้มแข็งหน่อยเลย”


                 ไม่รู้ว่าทำไมคำพูดของคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานถึงกระแทกเข้ากลางใจของคาลีล ราวกับคำพูดนั้นจะผลักภาระที่คาลีลแบก

รับไว้บนบ่าร่วงไปอยู่กับพื้น ขอบตาของคาลีลร้อนผ่าวเขาหงายหลังลงไปบนเตียงแล้วหลับตาลงเพราะไม่อยากให้วิกเตอร์มองเห็น

ความอ่อนแอในหัวใจ

                 วิกเตอร์มองสภาพคนหมดแรงของคาลีลด้วยความเห็นใจ เขาไม่รู้ว่าทำไมผู้ชายที่นอนแผ่ตรงหน้าซึ่งมีหน้าที่เป็นถึง

เลขานุการของกษัตริย์จะต้องมารับผิดชอบงานเสี่ยงต่อชีวิตด้วยการลอบติดต่อกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาล หากฝ่ายกษัตริย์ราชิดมีชัยในการ

ปราบปรามและสืบหาความจริงได้ คาลีลต้องได้รับโทษถึงชีวิตแน่นอน


                       “ผมจะส่งคุณกลับอังกฤษ” คาลีลกล่าวเสียงแผ่วทั้งที่ยังหลับตาอยู่


                      “เที่ยวบินแรกของสายการบินแรกในวันนี้ เท่าที่ผมจะหาบัตรโดยสารให้คุณได้โดยเร็วที่สุด”


                       “ไม่” วิกเตอร์นึกไม่ถึงว่าตัวเขาจะปฏิเสธได้ทันควันขนาดนั้น


                       “นี่คุณจะกำจัดคนที่รู้ความลับของคุณด้วยการเนรเทศออกนอกประเทศงั้นหรือคาลีล คุณไม่กลัวว่าผมกลับอังกฤษไป

แล้วผมจะไปทำข่าวสายลับของขบวนการโค่นล้มกษัตริย์แห่งฮาลียันเหรอ”


                     คาลีลลืมตาขึ้นมา เขามองวิกเตอร์ที่นั่งอยู่บนขอบเตียงใกล้กันกับเขาอย่างแปลกใจ


                    “คุณเรียกร้องให้ผมปล่อยคุณเป็นอิสระ พอถึงเวลาที่ผมจะปล่อยจริงคุณกลับไม่ยอมไป”


                    วิกเตอร์ยักไหล่ เขาส่งยิ้มกวนให้คนที่นอนอยู่


                  “เรื่องอะไรจะกลับล่ะ ในเมื่อตอนนี้ผมได้อยู่ใกล้กับแหล่งข่าวสำคัญระดับโลก ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะตามติดชีวิตของ

คุณ ผมจะเกาะคุณแน่นเป็นเหาฉลามเลยล่ะ”


                คาลีลขมวดคิ้ว เขามองสบตาวิกเตอร์ด้วยความสับสน


                “ทั้งที่คุณรู้ว่าชีวิตของผมไม่เคยแน่นอน จะตายเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ คุณบ้าหรือเปล่า”


                “จะว่าบ้าก็ได้” วิกเตอร์พยักหน้าหงึกหงัก


                 “ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก เป็นห่วงตัวเองก่อนเถิดน่า รับรองว่าผมจะไม่ไปยุ่งกับงานของคุณเด็ดขาด ถือว่าผมเป็นนัก

สังเกตการณ์ในชีวิตของคุณก็แล้วกัน”


                 ยังไม่ทันที่คาลีลจะตอบตกลงหรือปฏิเสธเขาก็ต้องรีบเด้งตัวขึ้นจากเตียงเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณอะไรบางอย่างดังขึ้น ชาย

หนุ่มรีบตรงไปที่ชั้นหนังสือและเปิดทางลับเข้าไปทันที สัญญาณบางอย่างจากเครื่องส่งวิทยุดังเป็นจังหวะเมื่อคาลีลพุ่งตัวไปหามัน

                  วิกเตอร์ไม่รู้ว่าคาลีลตอบโต้กับอีกฝ่ายว่าอะไรเพราะทั้งสองฝ่ายพูดเป็นภาษาพื้นเมือง แต่วิกเตอร์รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีแน่

เพราะเขาเห็นแผ่นหลังของคาลีลสั่นสะท้าน


                  “เกิดอะไรขึ้นคาลีล!”


                   วิกเตอร์ตรงเข้าไปวางมือที่ไหล่ทั้งสองข้างของคาลีลแล้วเขย่าเรียกสติ คาลีลสะดุ้งสุดตัวก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับวิก

เตอร์ด้วยสีหน้าตระหนก


                “กษัตริย์ราชิดสั่งให้ใช้อาวุธจริงกับผู้ชุมนุมประท้วง และสั่งให้โจมตีที่ตั้งของชารุกข์!”


                    “เมื่อไหร่ เขาสั่งโจมตีเมื่อไหร่”


                  วิกเตอร์ตกใจไม่น้อยไปกว่ากันเพราะนั่นหมายถึงอันตรายของกวินท์เพื่อนสนิทที่ตกอยู่ในการดูแลของชารุกข์ หัวหน้ากอง

โจรแห่งดาฟาร์ ริมฝีปากของคาลีลสั่นระริกขณะที่เขาตอบด้วยเสียงเบาหวิว


                  “ตอนนี้ ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษเข้ารับคำสั่งแล้ว”










                   รู้สึกตัวตื่นเพราะอากาศเหน็บหนาวในยามใกล้รุ่งแตะไล้ไปตามผิวกาย เขาขยับกายเบา ๆ ก่อนจะรับรู้ว่าตนเองยังอยู่ใน

อ้อมกอดของวงแขนแกร่งที่โอบรัดเขาไว้ตั้งแต่เมื่อหัวค่ำ ผิวแก้มของเขาร้อนซู่เมื่อต้องยอมรับว่าเขากลายเป็นทาสของชารุกข์จอมโจร

แห่งดาฟาร์ไปแล้วทั้งตัวและหัวใจ

                   มันเป็นความเต็มใจของเขาเองกับสัมพันธภาพลึกซึ้งนี้ ชารุกข์มอบความสุขให้เขาอย่างทะนุถนอมและหอมหวาน กวินท์

ไม่คาดคิดว่าการเดินทางมาทำงานครานี้จะทำให้เขาได้พบกับเรื่องตื่นเต้นและได้พบกับคนที่ครอบครองหัวใจของเขาจนไม่เหลือเผื่อใจ

ไว้ให้ใครอีกต่อไป


                   “ทำไมรีบตื่นล่ะฮาบิบี ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเลย”


                    จุมพิตอ่อนหวานแตะอยู่ตรงหน้าผาก กวินท์เงยหน้าและเกยคางอยู่กับไหล่กว้างที่เขาซบนอนตลอดคืน


                     “วันนี้อากาศหนาวจังครับชารุกข์ หนาวกว่าทุกวันที่ผ่านมา”


                     “อ้อมกอดของผมไม่ทำให้คุณหายหนาวหรือ สงสัยว่าผมจะต้องกอดคุณให้แน่นมากกว่านี้กระมังกวินท์”

เมื่อได้เปิดใจซึ่งกันแล้วชารุกข์กลับกลายเป็นช่างเจรจาด้วยคารมคมคาย ดวงตาของเขาก็ยิ่งมองอย่างดื่มด่ำจนกวินท์ต้องหลบสายตา

ด้วยความขัดเขิน


                    “โอ๊ย ท่านเชคฮ อย่าหวานกว่านี้เลยครับ แค่นี้ผมก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว”


                 ชารุกข์หัวเราะในลำคอ เขาจ้องมองใบหน้าของกวินท์ด้วยความรู้สึกลึกล้ำ ก่อนหน้านี้เขาอยู่โดยปราศจากความสดชื่น แต่

เมื่อได้พบกับกวินท์ ชายหนุ่มในอ้อมกอดเหมือนสายฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าเพื่อต่อชีวิตให้กับกระบองเพชรขาดน้ำในทะเลทรายเช่น

เขา


                 “ผมหวานกับคุณคนเดียว คุณคือชีวิตของผมนะฮาบิบี”


                  อ้อมกอดยิ่งกระชับ ชารุกข์โน้มใบหน้าเข้าหาปากอิ่มเย้ายวนแล้วประทับแนบลงไปด้วยปากของเขา กวินท์เปิดทางรับเมื่อ

ชารุกข์ค่อย ๆ ใช้ปลายลิ้นส่งผ่านเข้าไปแตะชิมอยู่ภายใน เขาตวัดเบา ๆ เพื่อเกี่ยวพันลิ้นเล็กของกวินท์ให้ตกอยู่ใต้อาณัติของเขา


                 “อื้อ...ชารุกข์”


                 นานจนแทบขาดใจกว่าชารุกข์จะพอใจกับจูบนี้ ชารุกข์ผ่อนจูบช้า ๆ และถอนคืนลิ้นอุ่นออกมาอย่างอ้อยอิ่ง เขามองกรอบ

หน้าหวานที่ดวงตากำลังเลื่อนลอยอย่างเอ็นดู


                  “เป็นอะไรไปครับกวินท์”


                  กวินท์ถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง เขามองชารุกข์ด้วยความทึ่ง


                 “คุณจะทำให้ผมขาดใจทุกครั้งที่คุณจูบผมนะ ถามจริงไปฝึกที่ไหนมา”


                  ชารุกข์หลุดขำ กวินท์ทำให้เขาลืมเรื่องเคร่งเครียดจนหมดสิ้น ชารุกข์ใช้ปลายนิ้วเชยคางกวินท์แล้วพูดกลั้วหัวเราะ


                 “ที่ผ่านมาช่างมันเถอะ ต่อจากนี้ผมจะฝึกกับคุณและสอนให้คุณจูบเก่งเหมือนผมด้วยดีไหม แต่ว่าตอนนี้เราสองคนควรจะ

ไปอาบน้ำให้สดชื่นและหาอะไรเบา ๆ กินกันก่อนที่ผมจะไปมัสยิดดีกว่า”


                 ชารุกข์หลิ่วตาหยอกล้อกวินท์


                 “ผมหิวเพราะหมดแรงไปกับคุณทั้งคืน ถ้าเรายังนอนกอดกันแบบนี้ผมเกรงว่าผมจะอดใจไม่อยู่แล้วกินคุณแทนอาหารเช้า”


                “โอ๊ย เกลียดจริงเชียว”


                      กวินท์หัวเราะตาม ร่างของเขาถูกช้อนอุ้มขึ้นอยู่ในวงแขนอย่างง่ายดายเมื่อชารุกข์พาเขาไปยังห้องน้ำ หัวใจของกวินท์

มีแต่ความสดชื่นเบิกบานเมื่อได้รู้จักความรักจนเขาลืมเรื่องอื่นไปแล้วหมดสิ้น

                    เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเรียบร้อยทั้งคู่จึงไปที่ห้องครัวและช่วยกันอุ่นนมแพะเป็นอาหารเช้า กลิ่นหอมฉุนวางอยู่ตรง

หน้าเมื่อชารุกข์และกวินท์นั่งอิงแอบกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร


                   “ประเทศไทยร้อนมากไหม” ชารุกข์เอ่ยถาม


                   “ผมยังไม่เคยไปประเทศไทยเลย”


                  “เมืองไทยร้อนชื้นเพราะอยู่ในเขตมรสุม แต่มันไม่ร้อนรุนแรงเหมือนในทะเลทรายหรอกครับ”


                  “แล้วคุณอยู่กับใครถ้าไปที่ไทย”


                    ชารุกข์ถามต่ออย่างใส่ใจ เขาชอบฟังเสียงเจื้อยแจ้วของกวินท์ เจ้าตัวยิ้มสดใสเมื่อคิดถึงญาติที่ประเทศไทย


                 “ผมอยู่กับคุณยาย ที่โน่นเป็นครอบครัวขยาย ผมมีลุงป้าน้าอากับญาติรุ่นราวคราวเดียวกันเยอะจนจำแทบไม่หมด มันเป็น

ความสัมพันธ์ที่ดีนะ นี่ผมยังคิดเลยว่าถ้าเลิกเป็นนักข่าวผมจะไปหางานทำที่เมืองไทย”


                “คุณอยากทำงานอะไรล่ะ”


                กวินท์กรอกตาไปมาเพื่อหาคำตอบให้ชารุกข์


                “ไม่รู้สิ ผมอาจจะไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ไปเป็นนักเขียนบทความฟรีแลนซ์ หรืออาจจะไปเกาะคุณยายกินก็ได้ แล้ว

คุณล่ะ ถ้าไม่มาเป็นโจรกลางทะเลทรายคุณทำอะไรอยู่”



                เอ่ยถามบ้างด้วยความอยากรู้ ชารุกข์เผยรอยยิ้มพร้อมกับเลิกคิ้วถามกลับ



               “คุณคิดว่าหน้าตาอย่างผมจะเป็นอะไรได้บ้างล่ะถ้าไม่ใช่โจร”



                กวินท์นิ่งคิด เขาจ้องมองใบหน้าคมหล่อเหลาที่เริ่มมีหนวดเคราขึ้นหนาตาและนิ่งคิด



                 “เป็นนายแบบหรือเปล่า คุณหล่อมากเลยนะ แวบแรกที่เห็นคุณผมนี่พูดไม่ออกเลย”



                   ชารุกข์ส่ายหน้าปฏิเสธ กวินท์ยังเดาต่อไป


                  “คุณต้องคุมบ่อน้ำมันสิ ประเทศของคุณร่ำรวยเพราะน้ำมันนี่นา”


                 “เดาไปก็ไม่ถูกหรอก” ชารุกข์ยังคงปฏิเสธ


                “ผมตอบเลยดีกว่าว่าผมน่ะเป็นเชฟ”



                กวินท์ตาเหลือก เขาจ้องมองชารุกข์อย่างไม่เชื่อในคำตอบ



                “เดี๋ยวนะ คุณเป็นเจ้าชาย และผันตัวเองมาเป็นโจร ผมไม่อยากจะเชื่อว่าคุณเป็นเชฟ”



                “งั้นเดี๋ยวมื้อเย็นอยากดินเนอร์ด้วยอาหารฝรั่งเศสไหม ผมจะทำให้คุณชิม”


                  ชารุกข์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง



                  “แต่ว่าตอนนี้ผมต้องไปมัสยิดแล้ว คุณจะไปกับผมไหม”



                กวินท์พยักหน้า เขาลุกขึ้นยืนและเตรียมพร้อมจะไปกับชารุกข์ แต่ยังไม่ทันก้าวข้ามประตูเสียงสัญญาณบางอย่างก็ดังขึ้น

ชารุกข์ชะงักฝีเท้าสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อรีบไปที่เครื่องรับสัญญานที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะรับแขก กวินท์ตื่นตัวเพราะสัญชาตญาณ

นักข่าว เขาจ้องมองชารุกข์ที่มีใบหน้าเคร่งเครียดและดูตกใจ



                    “เกิดอะไรขึ้นครับชารุกข์”



                 รีบถามทันควันเมื่อชารุกข์พลันวิ่งออกไปจากบ้านด้วยความเร่งรีบ และคำตอบของชารุกข์ทำให้กวินท์เองหวาดหวั่นเหลือเกิน



                 “ผมต้องรีบไปที่มัสยิดเพื่อเตือนทุกคน ราชิดสั่งบุกแล้ว”



                  ระยะทางระหว่างบ้านกับมัสยิดไม่ได้ไกลกันนักแต่วันนี้มันช่างแสนไกลในความรู้สึกของชารุกข์เมื่อเขาต้องเร่งฝีเท้าวิ่ง

เต็มกำลัง ทุกวินาทีมีค่ากับข่าวด่วนที่เพิ่งได้รับจากเพื่อนของเขา ชารุกข์วิ่งไปจนมองเห็นมัสยิดกลางหมู่บ้านที่มีชาวยาคีนมารอ

ละหมาดกันในยามเช้าหนาแน่น ชารุกข์กำลังจะตะโกนบอกข่าวออกไปเพื่อให้ทุกคนระวัง






มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 30-08-2017 23:12:36


ต่อกันตรงนี้...




               ตู้มมม


                 เสียงอึกทึกดังขึ้นจนปวดแก้วหู ชารุกข์ถึงกับเสียหลักล้มเมื่อความสั่นสะเทือนเกิดขึ้นจนฝุ่นทรายคละคลุ้ง เสียงร้องและ

เสียงเอะอะเกิดขึ้นทันทีพร้อมกับความวุ่นวายเมื่อเกิดระเบิดใกล้กับมัสยิด

                  กวินท์ที่วิ่งตามมาทีหลังสะดุ้งสุดตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขามองความโกลาหลตรงหน้าด้วยความตกใจ ดีที่ระเบิดลูกนั้นไม่ได้

ตกลงมากลางพื้นที่ชุมนุม จึงยังไม่เกิดความสูญเสียมากนัก แต่มันก็ทำให้ทุกคนพากันวิ่งหนีเข้าที่กำบัง


                   “ราชิดสั่งบุกแล้ว”


                     ทันทีที่ชารุกข์ตั้งหลักได้เขาก็ประกาศกร้าว และดูเหมือนทุกคนจะรู้ว่าในที่สุดวันนี้จะมาถึง ชาวบ้านแต่ละคนพุ่งตัวไปที่

บ้านของตนเพื่อนำอาวุธออกมา ชารุกข์หันขวับมาทางกวินท์ด้วยความเป็นห่วง


               “เชคฮครับ”


               ยาก็อบนั่นเอง กวินท์ไม่เห็นหน้าเขาเสียหลายวัน ยาก็อบมุ่งตรงมาหาชารุกข์อย่างรู้ใจ


                “พากวินท์ไปหาท่านพ่อ และคุ้มกันให้หนีอย่างปลอดภัยที่สุด”


                 ชารุกข์ออกคำสั่ง


                “ให้พวกผู้หญิงและเด็กหนีไปจากหมู่บ้านอย่างที่เตรียมกันไว้ ยาก็อบ ฉันฝากพ่อกับกวินท์ด้วย”


                “รับคำสั่งครับเชคฮ”


                “ชารุกข์!”


                กวินท์สบตากับชารุกข์ด้วยความเป็นห่วงก่อนที่เขาจะถูกยาก็อบกระชากแขนให้วิ่งไปจากตรงนั้น เมื่อหันหน้ากลับมามองอีก

ครั้งกวินท์เห็นชารุกข์ใช้ผ้าสีดำคาดปิดใบหน้าจนเหลือเพียงดวงตาและกระโดดขึ้นบนหลังม้าและควบมันออกไปในฐานะหัวหน้ากองโจร

แห่งดาฟาร์




                                                                                TBC


                                                                         สงครามมาแล้วจ้า

                                                                     



                                                              :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:


หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 30-08-2017 23:34:32
หว่ายยย จะรบกันแล้วเรอะ เจ้าชายอย่าเป็นรัยนะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 30-08-2017 23:42:48
จะรบกันแล้วว

หวานได้แปปเดียวเองงงง :mew3:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 30-08-2017 23:51:17
ลุ้นไปอีกกก  :sad4:
ขอให้ปลอดภัยกันทั้งหมดด้วยเถอะ  :o12:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 31-08-2017 00:05:44
สงครามเริ่มแล้ว ขอให้ทุกคนรอดปลอดภัยนะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 31-08-2017 00:07:51
ใครเป็นใส้ศึกฝั่งกองโจรล่ะ อยากรู้
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 31-08-2017 01:17:37
ชารุก สู้ววววว :mew2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 31-08-2017 03:04:06
        อยากให้คนเลวได้รับกรรมเร็วๆนะ
แต่กลัวเรื่องนี้จบเร็ว
นานๆจะได้อ่านแนวที่ชอบอยากอ่านนานๆๆ
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 31-08-2017 03:41:23
เข้าหอได้คืนเดียว แล้วรุ่งเช้าพระเอกก็ต้องลาเมียไปรบ ตะเตือนใจ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: sangzaja122 ที่ 31-08-2017 06:44:15
สู้เขานะคะเจ้าชาย  :mew2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 31-08-2017 07:20:09
ขอให้ปลอดภัยน้าาาาา
เป็นห่วงจัง
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 31-08-2017 07:41:07
คู่นี้หวานได้สามบรรทัด เธอรียมตัวรบด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 31-08-2017 14:34:24
ระเบิดตู้มๆๆๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 31-08-2017 16:30:45
ขอให้ปลอดภัย ขอให้ชนะ งื้ออออ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 31-08-2017 21:53:25
ขอให้ท่านเชคฮปลอดภัย หวานยังไม่ทันไร สงครามมาซะแล้ว
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 31-08-2017 23:29:14
 :sad11:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 01-09-2017 00:43:25
เปิดศึกกันแล้ววว :ling1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-09-2017 09:24:19
หวานได้ไม่นาน...
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-09-2017 23:30:53
ขอให้ทุกคนปลอดภัยนะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 02-09-2017 01:48:28
สงครามมาแล้ว สู้นะชารุกข์ T^T
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 02-09-2017 07:56:32
วันคืนหวานชื่นได้แปบเดียว กลับมาเจอรสขมซะแล้ว

สงสารชารุกข์นะ คำว่าครอบครัว ทำให้ยั้งมือบ้าง แต่ตอนนี้คงไม่ต้องแล้ว

ชอบ และฟินมาก ตอนเค้าเคียงคู่กัน ขอให้กลับไปเจอกันไวๆนะคะ
ถล่มราชิดให้ล่มไปเลยค่ะ จะได้ไม่ต้องกลับมาเจอเรื่องแบบนี้อีก
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 02-09-2017 16:43:26
โห มาอ่านอีกทีเข้าช่วงดราม่าแล้ว

นี่ดองไว้กะมาอ่านแบบเต็มอีกดันค้างจนได้อีก :hao5:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 04-09-2017 01:33:10
ท่านชารุกข์ในบทพิเศษอ่านจบถึงกับว้าววว เขิน ที่สุด
มาบทปกติ ก็เขินในความละมุน
นี่ไม่อยากให้สองคนต้องจากกันแบบนี้เลยอ่ะ มันจะทรมาน ถ้าคนที่ห่วงเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะเป็นไง
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 08-09-2017 01:05:57
โอ๊ย ลุ้นอีก เครียดอีก ฮือ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 18 [30/8/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 08-09-2017 04:35:27
ลุ้นมาก คืออยากรู้ว่าสายคนนั้นคือใครรร
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 10-09-2017 22:05:10


                                                                           ลมหายใจแห่งผืนทราย

                                                                                     บทที่ 19



                    คาลีลตรงดิ่งไปยังที่ทำการของคณะรัฐบาลด้วยความรีบร้อน เขาก้าวไปยังหน้าห้องทรงงานของสมเด็จพระราชาธิบดีรา

ชิด ทัชฮดิน บินซาฟาร์ อัลฟาดี ทหารรักษาพระองค์ที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องหันมามองเมื่อเห็นว่าเป็นเขาจึงเปิดประตูให้คาลีลก้าวเข้าไป

ในห้องทรงงานได้

                     ชายหนุ่มโค้งศีรษะคำนับผู้นำของประเทศที่ประทับอยู่บนเก้าอี้หนังทอดพระเนตรภาพข่าวจากจอโทรทัศน์ติดผนัง ผ่าน

มาถึงยามเช้ารัฐบาลเข้าสลายการชุมนุมด้วยอาวุธปืนและกระสุนจริงจนเริ่มมีการสูญเสียชีวิตของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ต่างประเทศเริ่มรับรู้

เหตุการณ์ความรุนแรงของฮาลียันจนออกประกาศเตือนภัยความรุนแรงให้แก่ประชาชนประเทศของตนที่อาศัยอยู่ที่นี่


                       “กราบทูลฝ่าพระบาท” คาลีลเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด


                       “สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นผลดีต่อฮาลียันเลยกระหม่อม ถึงพวกเขาจะเป็นฝ่ายตรงข้ามกับพระองค์แต่เช่นไรพวกเขาก็เป็น

ชาวฮาลียันนะกระหม่อม”


                     สมเด็จพระราชาธิบดีราชิดทรงหันขวับมามองเลขานุการวัยหนุ่มของพระองค์ด้วยพระเนตรที่ไม่พอพระทัยนัก


                    “เรื่องนี้ฉันไม่จำเป็นต้องขอความเห็นจากเธอนะคาลีล ฉันออกคำสั่งในฐานะผู้นำของประเทศที่ถูกต้องอย่างแท้จริง และ

คนพวกนั้นคือพวกที่เข้าข้างกษัตริย์ที่รับตำแหน่งอย่างไม่ชอบธรรม”


                    “สมเด็จพระราชาธิบดีอาซัลทรงรับตำแหน่งจากการแต่งตั้งของพระราชบิดาของพระองค์กระหม่อม”


                     กษัตริย์ราชิดใช้สายพระเนตรเคืองขุ่นจ้องมองชายหนุ่มรุ่นลูกที่บังอาจค้านพระดำรัส ทรงตบโต๊ะดังปังก่อนจะยก

พระหัตถ์ชี้หน้าของคาลีล


                     “มากเกินไปแล้วนะคาลีล ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นลูกชายของนายทหารเก่าที่ทำงานให้แม่ของฉันและเป็นคนเก่ง แต่ใช่ว่าฉัน

จะปล่อยให้เด็กอย่างเธอมาสั่งสอนฉันได้”


                     “หม่อมฉันมิบังอาจเช่นนั้น”


                      คาลีลพูดต่อด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบเหมือนใบหน้าของเขา


                       “เพียงแค่กราบทูลให้ทรงทราบถึงความสูญเสียที่จะตามมาในฐานะเลขานุการของพระองค์และในฐานะประชาชนคน

หนึ่งของฮาลียันกระหม่อม”


                      ประมุขของประเทศพลันลุกขึ้นยืน สีพระพักตร์แสดงให้เห็นว่าทรงกริ้วเพียงใดที่ถูกคาลีลย้ำเตือน


                     “หากเป็นคนอื่นฉันคงสั่งแขวนคอเธอเสียให้สิ้นเรื่อง แต่นี่เห็นแก่พ่อของเธอที่เคยทำคุณความดี ฉันขอไล่เธอออกจาก

ตำแหน่งเลขานุการและกักตัวเธอไว้จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลง”


                         ตรัสจบทหารรักษาพระองค์ที่ยืนรักษาความปลอดภัยอยู่หน้าห้องทั้งสองคนก็ปรี่เข้ามายึดท่อนแขนของคาลีลไว้

แล้วกระชากเขาออกไปจากห้องทรงงานทันที 








                    วิกเตอร์นั่งกระวนกระวายอยู่ในรถยนต์ของคาลีลที่จอดนิ่งอยู่ภายนอกรั้วของที่ทำการรัฐบาลฮาลียัน เขาขอร้องแกม

บังคับให้คาลีลพาเขามาด้วยแม้ว่าคาลีลจะไม่เต็มใจก็ตาม


                    “คุณจะปล่อยให้ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้” วิกเตอร์ยืนกราน


                    “ผมเป็นนักข่าว และนี่คือความจริงที่คุณต้องการให้ทั่วโลกรู้ไม่ใช่หรือ ใช้ผมให้เป็นประโยชน์สิ ใช้ผมเป็นเครื่องมือบอก

เล่าเรื่องของคุณให้โลกรู้”


                     “แต่มันอันตราย และผมเองก็ไม่อาจจะดูแลความปลอดภัยให้คุณได้ ผมยังไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวผมด้วยซ้ำ”


                      คาลีลยังคงปฏิเสธแต่วิกเตอร์ก็ยังดื้อดึงตามนิสัยของเขา


                       “ผมดูแลตัวเองได้ แค่คุณพาผมไปด้วยเท่านั้นพอ”


                        เหตุผลเหล่านั้นเองทำให้วิกเตอร์ได้นั่งมาในรถของคาลีลจนกระทั่งคาลีลขับรถมาจอดอยู่ข้างรั้วของที่ทำการรัฐบาล


                        “ทำไมไม่ขับเข้าไปด้านใน”


                      วิกเตอร์เอ่ยถาม คาลีลส่ายหน้า แววตาบ่งบอกความกังวลอย่างเห็นได้ชัด


                       “ผมไม่ไว้ใจสถานการณ์ในตอนนี้ จำไว้นะวิกเตอร์ หากเกิดอะไรขึ้นคุณขับรถหนีไปได้เลยไม่ต้องเป็นห่วงผม และนี่...”


                      คาลีลเปิดลิ้นชักด้านหน้าของวิกเตอร์ เขามองเห็นด้ามปืนสีดำมะเมื่อมวางสงบอยู่ในนั้น


                       “...ใช้มันในยามคับขัน ผมไปละ”


                        วิกเตอร์มองตามแผ่นหลังของคาลีลด้วยหัวใจที่ไม่ปกตินัก เขานึกเป็นห่วงความปลอดภัยเมื่อคาลีลก้าวเดินเข้าไปใน

สถานที่ซึ่งเขารู้แล้วว่าเป็นภัยต่อคนที่กำลังเดินตรงไปยังอาคารที่ออกแบบก่อสร้างอย่างสวยงามและหรูหราเบื้องหน้า วิกเตอร์พยายาม

สอดส่ายสายตามองว่าเมื่อไหร่ที่คาลีลจะเดินกลับออกมา

                     มีเพียงรถยนต์คันหนึ่งเท่านั้นที่ขับออกมาจากประตูทางเข้าออก วิกเตอร์พ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อยังไม่

เห็นคาลีล รถยนต์คันนั้นขับผ่านเขาไป อะไรบางอย่างเรียกให้วิกเตอร์เงยหน้าขึ้นมองท้ายรถคันนั้นราวกับมันเป็นลางสังหรณ์ และสิ่งที่

เห็นทำให้วิกเตอร์เบิกตากว้าง

                  ศีรษะด้านหลังของคาลีล น่าแปลกที่วิกเตอร์จำได้แม่น คาลีลกลับออกมาด้วยพาหนะของรัฐบาลโดยมีนายทหารนั่ง

ประกบข้างมาด้วยคนหนึ่ง เหตุการณ์ไม่ชอบมาพากลทำให้วิกเตอร์ตัดสินใจสตาร์ทรถ เขาขับตามรถคันนั้นไปทันทีพร้อมกับเอื้อมมือ

เปิดลิ้นชักและหยิบปืนกระบอกเล็กขนาดเหมาะมือออกมา

                  หากคาลีลสืบประวัติของเขาจริง ๆ ก็จะรู้ว่าสมัยช่วงวัยรุ่นวิกเตอร์เคยเป็นนักกีฬาแม่นปืนระดับทีมชาติชุดเยาวชนมาแล้ว

เขาพยายามข่มความตื่นเต้นเมื่อนี่คือเหตุการณ์คับขันไม่ใช่ในสนามฝึกซ้อม วิกเตอร์เปิดประจกแล้วใช้เพียงมือเดียวบังคับพวงมาลัยรถ

เขายื่นแขนออกไปนอกหน้าต่างแล้วเล็งปืนไปยังยางของรถยนต์คันที่ขับนำอยู่เบื้องหน้าไม่ไกลนัก


                   เปรี้ยง!


                      ท้ายรถปัดไปมาทันที ระยะแค่นี้ไม่พ้นความแม่นปืนของวิกเตอร์ไปได้ วิกเตอร์ชะลอรถลงพร้อมกับจ้องมองด้วยความ

ระมัดระวัง เขามองเห็นการต่อสู้ของคาลีลกับทหารที่นั่งประกบมาบนเบาะหลังภายในรถคันนั้น


                       “คาลีล ระวัง”


                       วิกเตอร์ตะโกนลั่นด้วยความตกใจ คนขับรถพยายามบังคับทิศทางจนรถยนต์จอดนิ่งสนิทขวางกลางถนน เดชะบุญที่

ถนนว่างโล่งเพราะประชาชนต่างหวาดกลัวกับสงครามกลางเมืองจนไม่กล้าสัญจรไปมา วิกเตอร์รีบจอดรถตามและพุ่งตัวออกจากรถ เขา

วิ่งไปที่ด้านหน้าของรถยนต์ที่คาลีลนั่งมาและเล็งปืนใส่คนขับรถทันที


                        “เปิดประตูรถ”


                        วิกเตอร์ตวาดลั่น เขาเป็นห่วงคาลีลที่กำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ตอนหลังของรถ ทหารที่ประกบคาลีลคว้าข้อมือ

ของคาลีลและกดลำคอของคาลีลอยู่กับกระจกรถจนเจ้าตัวหน้าซีดเผือด คนขับรถมองวิกเตอร์อย่างเดือดดาลก่อนจะเปิดประตูแล้วกระ

โจนเข้าหา


                       เปรี้ยง เปรี้ยง


                      วิกเตอร์ลั่นกระสุนออกไปอีกสองนัด นัดหนึ่งยิงเข้าที่สะบ้าเข่าของคนขับรถจนล้มลง ส่วนอีกนัดเขายิงมือที่คว้าอาวุธ

ปืนจากเอวออกมาจนกระทั่งปืนกระเด็นห่างออกไป เมื่อเห็นว่าคนขับรถที่นอนกองกุมหัวเข่าเลือดไหลแดงฉานไม่สามารถทำอันตราย

เขาได้แล้ว วิกเตอร์จึงพุ่งตัวไปที่ประตูรถแล้วกระชากออก เขาคว้าคอเสื้อทางด้านหลังของทหารคนนั้นด้วยแรงทั้งหมดที่มี

                      กลายเป็นวิกเตอร์ที่ทหารคนนั้นเปลี่ยนมาต่อสู้ด้วย วิกเตอร์ชกด้วยหมัดเข้าที่ครึ่งปากครึ่งจมูกจนคู่ต่อสู้หน้าหงาย เขา

เป็นชาวตะวันตกที่มีรูปร่างได้เปรียบจึงใช้มันให้เป็นประโยชน์ ระหว่างนั้นคาลีลที่ตั้งหลักได้แล้วก็รีบออกมาจากรถยนต์และพุ่งตัวไปยัง

รถยนต์ของเขาทันที


                         “วิกเตอร์ ทางนี้”


                        คาลีลสตาร์ทรถรอ เขาเปิดประตูฝั่งตรงข้ามคนขับและตะโกนบอกวิกเตอร์ เห็นดังนั้นวิกเตอร์ที่ยังต่อสู้พัวพันก็ปล่อย

หมัดฮุคเข้าที่ลิ้นปี่ของทหารจนตัวงอก่อนที่เขาจะรีบวิ่งและพุ่งตัวเข้าไปในรถของคาลีล


                       เปรี้ยง!


                      ทหารคนนั้นยิงปืนใส่เขา วิกเตอร์กัดฟันหันหลังกลับแล้วยิงปืนในมือตัวเองตอบโต้ ฝีมือของแชมป์เยาวชนทีมชาติไม่มี

พลาดเมื่อทหารของรัฐบาลถูกยิงเข้าที่ข้อมือข้างที่จับปืนจนปืนหลุดมือ วิกเตอร์จึงรีบกระโดดขึ้นรถและปิดประตูตาม คาลีลเหยียบคัน

เร่งจนรถกระชากตัวหนีไปอย่างรวดเร็ว

                      วิกเตอร์ทิ้งศีรษะลงไปกับเบาะรถ ท่าทางผิดปกติของชายหนุ่มทำให้คาลีลผิดสังเกต เขาเหลียวกลับมามองวิกเตอร์

เมื่อเห็นว่ารถของรัฐบาลไม่ได้ติดตามมาแล้ว คาลีลเบิกตากว้างเมื่อเห็นไหล่ข้างไกลตัวของวิกเตอร์เต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน






มีต่ออีกนิด...




หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Altasia ที่ 10-09-2017 22:09:18
เว้นบรรทัดหน่อยค่า ตาลาย
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 10-09-2017 22:12:30


ต่อกันตรงนี้...





                 “คุณถูกยิง!”


                  ช่างภาพหนุ่มหันมาฝืนยิ้มทั้งที่สีหน้าเจ็บปวดจากบาดแผล


                  “ไกลหัวใจน่า กระสุนถากไหล่ไปเท่านั้น”


                     น้ำใจที่วิกเตอร์ช่วยเหลือจนได้รับบาดเจ็บทำให้คาลีลรู้สึกผิดและมองวิกเตอร์ในแง่ดีขึ้น เขากลอกตาไปมาก่อนจะคิด

ออกว่าควรจะหาใครมาช่วยเหลือวิกเตอร์ดี


                    ไวเท่าใจคิดคาลีลรีบขับรถไปยังบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ห่างไปจากใจกลางเมืองพอสมควร ระหว่างนั้นเขาก็มองวิกเตอร์ที่นั่ง

กัดฟันต่อสู้กับความเจ็บปวดด้วยความเป็นห่วง และเมื่อถึงหน้าประตูรั้วบ้านหลังนั้นคาลีลก็เปิดกระจกรถให้กล้องมองเห็นใบหน้าของเขา

ไม่นานหลังจากนั้นประตูรั้วจึงเปิดให้คาลีลขับรถเข้าไปจอดหน้าบ้านหลังเล็ก ๆ เขารีบก้าวลงจากรถเดินอ้อมมาฝั่งวิกเตอร์และประคอง

เขาลงจากรถ


                        “อาการของผมยังไม่หนักขนาดนั้นหรอกน่า”


                        แม้จะหน้าซีดเพราะเสียเลือดไปไม่น้อยแต่วิกเตอร์ก็ยังมีอารมณ์แหย่ให้คาลีลมองอย่างหมั่นไส้


                        “พูดมากน่า เดินได้แล้ว เดี๋ยวจะปล่อยให้อาการหนักอยู่แถวนี้เสียเลย”


                          คาลีลช่วยประคองวิกเตอร์เข้าไปยังภายในบ้าน ชายหนุ่มยิ้มรับและเอ่ยทักเจ้าของบ้านที่รีบออกมาต้อนรับ


                         “อัสสลามุอะลัยกุมครับฟาฮีมและคุณด้วยนะนูรอัยนี”


                          “นึกว่าใคร คาลีลนั่นเอง อัสสลามุอะลัยกุมเช่นกันครับ แล้วนั่น...”


                          ฟาฮีมน้องชายของเชคฮชารุกข์มองทางอาคันตุกะแปลกหน้า คาลีลรีบตอบทันที


                        “วิกเตอร์ คอร์นเนอร์ ช่างภาพจากสำนักข่าวครับ เขาได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยผม คุณช่วยทำแผลให้เขาหน่อยได้ไหม

ระหว่างนี้ผมจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณฟัง”







                        บาดแผลที่ไหล่ของวิกเตอร์ได้รับการดูแลเรียบร้อยแล้ว คาลีลกล่าวขอบคุณและรีบขับรถออกมาจากบ้านของฟาฮีม

โดยเร็วที่สุด เขาไม่อยากอยู่ที่นี่นานนักเพราะไม่มั่นใจว่ากษัตริย์ราชิดจะส่งคนตามมาหรือไม่ เขากลัวว่าครอบครัวของฟาฮีมจะพลอยได้

รับอันตรายตามไปด้วย


                        “ผมว่าคุณหาที่หลบซ่อนสักพักเถอะ ตอนนี้คุณคงกลายเป็นตัวอันตรายสำหรับทางการไปแล้วอีกคนก็ได้”


                       ฟาฮีมให้คำแนะนำเมื่อรู้เรื่องแล้ว เขาหน้าเครียดเพราะเป็นห่วงพี่ชายที่อาจจะตกอยู่ในอันตรายกลางทะเลทราย คาลีล

พยักหน้ารับก่อนจะขับรถออกมาจากเขตบ้านของฟาฮีม

                     อันดับแรกที่ต้องทำในตอนนี้คือพาวิกเตอร์ไปส่งที่สถานทูตก่อน อย่างน้อยความเป็นต่างชาติก็จะทำให้เขาปลอดภัย

จากเหตุร้ายในประเทศ คาลีลหันไปมองวิกเตอร์ที่คล้อยหลับอยู่ข้างกายด้วยความเป็นห่วง

                    ความมีน้ำใจและไม่นิ่งดูดายยามเห็นผู้อื่นเดือดร้อนเป็นอุปนิสัยของวิกเตอร์ที่คาลีลได้เรียนรู้ เขาประทับใจความช่วย

เหลือจนได้รับบาดเจ็บของชายหนุ่ม คาลีลไม่ต้องการให้วิกเตอร์เข้ามาข้องเกี่ยวกับความขัดแย้งภายในประเทศไปมากกว่านี้อีกแล้ว

                     เขาปล่อยให้วิกเตอร์ได้หลับเพราะความอ่อนเพลียเและจากฤทธิ์ของยาระงับอาการปวดที่ฟาฮีมฉีดเข้ากล้ามเนื้อ จน

กระทั่งถึงสถานทูตอังกฤษ คาลีลเขย่าตัววิกเตอร์เบา ๆ


                      “วิกเตอร์ วิกเตอร์ ตื่นได้แล้ว วิก”


                   วิกเตอร์สะดุ้งตื่น เขาเหลียวมองนอกรถเมื่อเห็นว่าเป็นสถานทูตประเทศตนจึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ทั้งคู่ลงจากรถมา

ยืนบนพื้นแล้วมองสบตาซึ่งกันด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย


                  “ผมยังไม่ได้ขอบคุณคุณเลยที่ช่วยผมไว้ ขอบคุณนะวิกเตอร์”


                  นัยน์ตาคู่สวยมองวิกเตอร์ด้วยความรู้สึกดีกว่าก่อนหน้านี้มาก วิกเตอร์ยักไหล่อย่างไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่


                   “คนเดือดร้อนก็ต้องช่วยเหลือกันสิ ผมทิ้งคุณไว้กลางทางไม่ได้หรอก”


                       คาลีลถอนหายใจ เขาพยายามไม่สนใจความอ่อนไหวที่ปะทุอยู่ในความรู้สึกเมื่อรู้ว่าถึงเวลาที่เขาจะต้องจากผู้ชายตรง

หน้าไปแล้ว


                    “ผมมาส่งคุณที่สถานทูตแล้ว ต่อจากนี้คุณจะปลอดภัยในพื้นที่ของคุณ ผมขอโทษที่ดึงคุณมาเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้

จนได้รับบาดเจ็บ”


                      “เดี๋ยวสิคาลีล” วิกเตอร์ใจหายวาบ


                      “คุณพูดเหมือนคุณจะกลับไปแล้วไม่เจอผมอีกอย่างนั้นแหละ ผมไม่ยอมหรอกนะ”


                      คาลีลส่งสายตางงงันกลับไป เขาไม่เข้าใจว่าทำไมวิกเตอร์ต้องรั้งเขาไว้


                    “ผมยังต้องกลับไปทำงาน”


                       “หมอฟาฮีมเพิ่งบอกคุณก่อนที่เราจะกลับมาว่าคุณอาจจะกลายเป็นตัวอันตรายของทางการไง คุณลืมไปแล้วหรือ ถ้า

คุณกลับบ้านคุณตอนนี้กษัตริย์ของคุณเขาต้องส่งคนไปจับคุณและเค้นความจริงจากคุณแน่ ๆ “


                     “แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง”


                     คาลีลยังคงไม่เข้าใจจุดประสงค์ของวิกเตอร์


                       “อยู่ที่นี่สิ อยู่ที่สถานทูตกับผมจนกว่าเรื่องทุกอย่างจะคลี่คลาย รัฐบาลของคุณไม่กล้าส่งคนเข้ามายุ่มย่ามในสถานทูต

ต่างประเทศแน่”


                     คาลีลเบิกตากว้างกับข้อเสนอของวิกเตอร์ เขาอึกอักเมื่อยังตัดสินใจไม่ได้


                     “แต่ว่า...”


                   “ผมได้รับบาดเจ็บ ต้องมีคนดูแล”


                     วิกเตอร์ยื่นคำขาด ดวงตาดื้อดึงจ้องมองอย่างไม่ยอมแพ้


                     “คุณบอกว่าแผลของคุณไกลหัวใจไงล่ะ”


                    “มันไกลหัวใจก็จริง แต่ถ้าดูแลไม่ดีมันก็อาจติดเชื้อและผมก็อาจตายได้ ทีคุณไม่สบายเพราะแพ้แก๊สน้ำตาผมยังอยู่ดูแล

คุณเลย คราวนี้คุณก็ต้องดูแลผมบ้าง”


                   ความสับสนฉายชัดอยู่บนใบหน้าของคาลีลจนวิกเตอร์อดใจไว้ไม่อยู่ เขาเหนี่ยวรั้งแขนของคาลีลเข้าหาตัวแล้วส่งเสียง

เว้าวอน


                      “นะ คาลีล อยู่ที่นี่กับผมเพื่อความปลอดภัย อย่าห่างจนผมต้องเป็นห่วงคุณอีกเลย”






                    กวินท์อดตื่นเต้นกับความโกลาหลที่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่ดูเหมือนจะเป็นความวุ่นวายที่ได้มีการจัดเตรียมแผนการกันไว้ล่วง

หน้าแล้ว ทันทีที่ระเบิดลูกแรกส่งเสียงดังชาวบ้านฝ่ายชายก็พากันคว้าอาวุธที่หลบซ่อนอยู่ในบ้านออกมา ส่วนฝ่ายหญิงก็ช่วยกันพาผู้

อาวุโสและเด็กเล็กมารวมกันเพื่อเตรียมหลบหนี

                     ยาก็อบวิ่งนำกวินท์มาที่บ้านของเชคฮอาลี เจ้าของบ้านคว้าปืนกลสั้นมาถือไว้ในมือข้างหนึ่งและเข็นรถเข็นพาอดีต

กษัตริย์ออกมาภายนอกห้องลับ


                   “เกิดอะไรขึ้น ฉันได้ยินเสียงระเบิด”


                   ริฮานเอ่ยถามเสียงเครียด เชคฮอาลีรีบตอบคำถามทันที


                   “เชคฮชารุกข์ได้รับคำเตือนจากบีวันว่ากษัตริย์ราชิดสั่งโจมตีพวกเราแล้ว เราต้องหนีครับ”


                    ชายชราขมวดคิ้ว สีหน้าของริฮานไม่ได้บอกถึงความแปลกใจ


                     “ผมได้รับคำสั่งจากเชคฮชารุกข์ให้มาดูแลท่านกับกวินท์ครับ เราต้องรีบไปแล้ว”


                     ยาก็อบบอกกล่าว เขาตรงเข้าไปเปลี่ยนกับเชคฮอาลีเข็นรถของริฮานออกมานอกตัวบ้าน


                   “กวินท์ คุณวิ่งตามผมมานะ ระวังตัวด้วย”


                    กวินท์พยักหน้ารับ เขาวิ่งตามยาก็อบที่บังคับรถเข็นของริฮานไปทางท้ายหมู่บ้าน กวินท์มองเห็นขบวนอูฐและม้าเกือบสิบ

ตัว อูฐทุกตัวมีของบรรทุกอยู่บนหลัง มีลาจำนวนหนึ่งถูกเทียมไว้ด้วยรถเลื่อนมีหลังคาปิดบัง ยาก็อบพาเขาและริฮานขึ้นไปนั่งบนรถ

เลื่อนเหล่านั้นก่อนที่เขาจะกระโจนขึ้นบนหลังม้าและรับปืนมาจากชาวบ้านคนหนึ่ง คนในขบวนส่วนมากเป็นสตรี คนชราและเด็กเล็ก

                    ขบวนลี้ภัยปิดบังตัวเองกลายเป็นคาราวานเบดูอินเดินทางออกสู่ทะเลทราย ทิ้งไว้แต่หมู่บ้านยาคีนที่กลายเป็นสมรภูมิ

แห่งการต่อสู้ ภาพบ้านเรือนห่างไกลมากขึ้นทุกทีจนเหลือเพียงจุดเล็ก ๆ ท่ามกลางทะเลทรายเวิ้งว้าง ริฮานและกวินท์ต่างก็เฝ้ามอง

ภาพนั้นด้วยความเงียบงัน หัวใจของกวินท์ปวดร้าวจนต้องยกมือมากุมไว้เมื่อคิดถึงภาพของบุรุษบนหลังม้าที่กำลังต่อสู้กับอำนาจอันยิ่ง

ใหญ่


                              และในที่สุดเสียงปืนก็ดังขึ้นที่หมู่บ้านยาคีน!


 

                                                             TBC

                                                  แต่งเองก็หน่วงเองนะ

                                     
:o11: :o11: :o11: :o11: :o11:



หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 10-09-2017 22:37:30
ระทึกมาก
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-09-2017 22:49:09
 :serius2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-09-2017 22:59:00
มาชะเง้อดู (แบบปิดตา)
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 10-09-2017 23:02:36
เนื้อเรื่องตอนนี้ลุ้นระทึกมากเลย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 10-09-2017 23:28:51
 :z3: :z3: :z3: เมื่อไรคนเลวจะได้รับผลของการกระทำค่ะ
แต่แหมๆๆในความกดดันทาการเมืองก็มีโมเม้นต์สีชมพูระหว่างวิกเตอร์กับคาลีนนะค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 10-09-2017 23:35:57
วิกเตอร์ ยังไงค่ะยังไง
ท่าทางเราจะเดาผิด ตอนแรกคิดว่าคาลีลจะรุกวิกเตอร์ มาถึงตอนนี้ชักจะไม่ใช่แล้วนะสิ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 11-09-2017 07:24:24
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-09-2017 07:53:44
เมื่อไหร่สงครามจะจบ!
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 11-09-2017 07:58:57
ตามทั้งคู่หลัก และ คู่รองเลย

คู่หลักก้อฟิน คู่รองก้อน่ารักดี

ชอบความรักท่ามกลางสงครามที่ต้องผ่านไปด้วยกัน

 :katai5:   :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:

..
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 11-09-2017 08:45:47
ขอให้ทุกคนปลอดภัยน้าาาาาา
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 11-09-2017 09:36:18
โอ่ยยย ลุ้นหัวใจจะวาย ปลอดภัยนะทุกคน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-09-2017 12:09:49
คาลีลพ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อยังไม่เห็นคาลีล//////วิกเตอร์
หน้าสิ่วหน้าขวานทั้งสองทีมเลย เอาใจช่วยทุกคน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 11-09-2017 17:09:46
ปวดใจแปลบๆพิกล
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: kakilover ที่ 11-09-2017 17:37:19
หวังว่ามาม่าคงชามไม่ใหญ่นะ  :ling3: :ling3: :ling3: รอตอนต่อไปคับ :mew2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 11-09-2017 19:18:29
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-09-2017 20:17:21
คาลีลกับวิคเตอร์ก็แอบหวานกันนะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-09-2017 20:51:24
ตอนนี้หน่วงมากกก
หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 12-09-2017 02:39:47
ลุ้นทุกตอน

รอตอนต่อไปจ้า


 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 12-09-2017 10:41:30
แหมม วิกเตอร์
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 15-09-2017 19:07:49
ราชาตัวร้ายนี่ก็ร้ายจริงๆ ลุ้นไปอีก
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-09-2017 17:29:21
เพื่ออำนาจแล้ว คนเราทำได้ทุกอย่างจริง ๆ

วิกเตอร์หลงรักคาลีลแล้วใช่ไหม แล้วยังอ้างได้ด้วย คาลีลถึงยอม ขอให้ปลอดภัยนะ

สงสารกวินท์ ยังไม่ทันได้หวานชื่น ก็ต้องมาเจอความทุกข์ที่ยังไม่รู้ข้างหน้า

ขอให้ชารุกข์ปลอดภัยนะ มาตามหาฮาบีบีไว ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 19 [10/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 18-09-2017 22:45:39
โอ้ยยย สงครามมันเกิดขึ้นแล้ววว   :katai1:
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 19-09-2017 22:13:08


                                                                    ลมหายใจแห่งผืนทราย

                                                                              บทที่ 20



                         มิสเตอร์สมิธและรำไพพรรณบิดามารดาของกวินท์ยังคงพักอยู่ในบ้านพักในเขตของสถานทูต ทั้งคู่แปลกใจเมื่อเห็น

วิกเตอร์ดึงแขนชายหนุ่มที่จำได้ว่าเป็นเลขานุการของกษัตริย์ราชิดเข้ามาในห้องรับแขก เมื่อกล่าวทักทายกันแล้วทุกคนจึงได้นั่งสนทนา

กัน

                 วิกเตอร์เล่าให้ผู้อาวุโสฟังเรื่องที่กษัตริย์รีฮานสั่งโจมตีทั้งประชาชนฝ่ายต่อต้านและกองกำลังของโจรแห่งดาฟาร์ซึ่งคาดไว้

ว่ากวินท์ถูกควบคุมตัวอยู่ที่นั่น วิกเตอร์เว้นเรื่องที่คาลีลมีสายสัมพันธ์กับโจรเหล่านั้นไว้เพราะเขารู้ว่านั่นเป็นความลับสุดยอดของคาลีล


                     “ไหนว่าจะทำทุกอย่างให้กวินท์ปลอดภัย แล้วนี่อะไร”


                     สมิธกรุ่นโกรธอย่างเห็นได้ชัด โดยปกติเขาจะเป็นคนใจเย็น แต่เพราะเป็นห่วงบุตรชายทำให้เขาหลุดอารมณ์ออกมาให้

เห็น


                   “สั่งโจมตีเช่นนี้ หากเกิดลูกหลงใส่กวินท์หรือไม่พวกโจรพวกนั้นจะใช้กวินท์เป็นเครื่องมือเรียกร้องในสิ่งที่พวกเขา

ต้องการล่ะ”


                     คนเป็นบิดาห่วงจนสีหน้ามีแต่รอยยับย่น ตอนนั้นเองที่คาลีลได้พูดออกไป


                     “กองโจรแห่งดาฟาร์จะไม่ทำเช่นนั้นหรอกครับมิสเตอร์แอนเดอร์สัน พวกเขามีเกียรติมากพอที่จะไม่ใช้ใครเป็นเครื่องมือ

แลกเปลี่ยนความต้องการของพวกเขา”


                      “คุณพูดราวกับว่ารู้จักโจรพวกนั้นเป็นอย่างดี”


                      สมิธกังขา คาลีลอึกอักครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกไป


                      “ผมเพียงแต่มั่นใจว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคืออะไรครับ”


                       “วันนี้คาลีลไปเสียงเข้าไปเตือนกษัตริย์ของเขาในเรื่องที่เกิดขึ้น ผลคือเขาถูกไล่ออกและกักบริเวณครับ”


                        วิกเตอร์บอกเล่าให้ผู้สูงอายุได้รับฟัง


                      “ผมคิดว่าตอนนี้คาลีลกำลังเป็นที่จับตามองและอาจเป็นอันตรายได้ จึงอยากจะให้เขาหลบอยู่กับผมสักพัก”


                      คาลีลส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย


                   “ผมไม่เห็นด้วย หากผมหลบอยู่ที่นี่อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศขัดแย้งกันมากขึ้นไปอีก ซึ่งเป็นสิ่งที่ผม

ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น”


                   “แต่ผมเห็นด้วยกับวิกเตอร์ อย่างน้อยก็ขอให้เหตุการณ์รุนแรงผ่านไปเสียก่อน อยู่เสียที่นี่เถอะ เพื่อความปลอดภัยของ

คุณ”


                  วิกเตอร์คลี่ยิ้มอย่างสมใจที่สมิธเห็นด้วยกับเขา คาลีลได้แต่ถอนหายใจเมื่อคำค้านของเขาไม่เป็นผล







                    สมเด็จพระราชาธิบดีราชิด ทัชฮดิน บิลซาฟาร์ อัลฟาดี ทอดพระเนตรรายงานข่าวสถานการณ์เร่งด่วนด้วยสีพระพักตร์

เฉยชา แม้จะได้รับรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากการประท้วงจนได้รับการทักท้วงจากนานาชาติ แต่พระองค์ก็ไม่มีพระดำรัสให้หยุดการใช้

กระสุนจริงกับผู้ชุมนุม ทรงละสายพระเนตรเมื่อได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ส่วนพระองค์ และเมื่อได้เห็นว่าเป็นเบอร์ของผู้ใด พระหทัยก็เต้น

แรงด้วยความเจ็บปวด


                       “รำไพพรรณ”


                         นามของหญิงไทยที่ประทับอยู่ในความทรงจำตั้งแต่ยังทรงอยู่ในวัยหนุ่ม นับตั้งแต่ได้รู้จักหญิงสาวที่สวยและฉลาด

คนนี้พระองค์ก็มิเคยรู้สึกล้ำลึกเช่นนี้กับสตรีใดอีกเลย เพียงแต่ว่าผู้หญิงที่ทำให้ทรงหวั่นไหวผู้นี้กลับไม่เลือกพระองค์เป็นคู่ชีวิต


                    “ผมไม่นึกว่าคุณจะจำเบอร์โทรศัพท์ของผมได้ เพราะคุณไม่เคยโทรหาผมมายี่สิบกว่าปีแล้ว”


                    เมื่อได้สนทนาเป็นการส่วนพระองค์ คำศัพท์ที่ใช้จึงกลับกลายเป็นเหมือนสมัยอดีตที่ผ่านมา เสียงของรำไพพรรณยังคง

หวานใส แม้ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแล้วก็ตาม


                   “ในฐานะเพื่อน ฉันยังคงระลึกถึงคุณเสมอค่ะราชิด”


                   รำไพพรรณตอบกลับมาด้วยคำสนทนาเช่นอดีตไม่ต่างกัน


                 “คุณต่างหาก ที่อาจไม่เคยคิดถึงเพื่อนอย่างฉัน”


                  “อะไรทำให้คุณคิดอย่างนั้นเพนนี”


                  ทรงเรียกชื่อของรำไพพรรณด้วยชื่อเล่น สุรเสียงฟังคล้ายเจ็บช้ำระคนเยาะหยัน


                     “เพราะฉันได้ข่าวว่าคุณสั่งให้โจมตีกองโจรกลุ่มนั้น ซึ่งอาจจะทำให้ลูกชายของฉันที่ถูกลักพาไปได้รับอันตรายไปด้วย

หากคุณคิดถึงฉันก็คงไม่ทำอะไรให้คนที่ฉันรักต้องเจ็บปวดหรอกค่ะ”


                  “แล้วคุณไม่คิดบ้างหรือ ว่าเป็นเพราะคุณที่เคยสร้างความเจ็บปวดให้กับผมมาก่อน จึงมีวันนี้เกิดขึ้น”


                  รำไพพรรณเงียบไปพักใหญ่กว่าจะส่งเสียงมาให้พระองค์ได้ฟังอีกครั้ง เสียงนั้นเจือเสียงสะอื้นแผ่วเบา


                   “ฉันคิดว่าฉันรู้จักคุณดีนะคะราชิด และยิ่งวันนี้ฉันก็ยิ่งมั่นใจว่าฉันมองคนไม่ผิด ราชิดคะ ฉันขอพูดกับคุณเป็นครั้งสุดท้าย

ฉันคิดว่าฉันตัดสินใจถูกต้องแล้วที่เลือกสมิธเป็นคู่ครอง”


                     เสียงโทรศัพท์ถูกตัดไปแล้ว สมเด็จพระราชาธิบดีราชิดกลับทรงเจ็บปวดและคับแค้นพระทัยยิ่งกว่าเดิมกับคำตัดรอนซ้ำ

รอยเดิมของรำไพพรรณผู้เป็นมารดาของนักข่าวจากต่างประเทศคนนั้น ทรงต่อสายโทรศัพท์ไปหาบุคคลหนึ่งด้วยเบอร์ที่เป็นความลับ

รออย่างหงุดหงิดพักใหญ่กว่าปลายทางจะรับสาย


                     “ฉันให้เวลาแกสองวัน ไอ้ชารุกข์กับคนที่อยู่รอบตัวมันจะต้องตายทุกคนยกเว้นให้แค่ครอบครัวของแก แต่ถ้าแกทำไม่

สำเร็จ ครอบครัวของแกจะต้องตายเป็นครอบครัวแรก จำใส่หัวไว้”







                      กองคาราวานเบดูอินรอนแรมห่างจากหมู่บ้านยาคีนมาได้ไกลหนึ่งวันกับหนึ่งคืน จนกระทั่งถึงเขตภูเขาหินที่เป็นเหมือง

แร่ร้างจึงได้หยุดขบวนและพักแรมกันที่จุดนี้ กวินท์เพิ่งรับรู้ถึงความลำบากในการเดินทางหลบซ่อนของสตรี ผู้สูงอายุและเด็กเล็ก โดยมี

บุรุษที่ติดตามรักษาความปลอดภัยมาด้วยเพียงไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือยาก็อบที่ได้รับคำสั่งโดยตรงจากชารุกข์

                     ทุกคนเหนื่อยยากลำบาก อาหารและน้ำถูกแจกจ่ายอย่างประหยัด เนื้อตัวของกวินท์เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อและฝุ่นทราย

คละคลุ้งจนเหนียวหนับ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลกับความปลอดภัยของชารุกข์ที่บัดนี้เขายังไม่ได้รับรู้เลยแม้แต่น้อยว่า

เป็นเช่นใดบ้าง ไม่ต่างอะไรกับรีฮานผู้เป็นบิดาของชารุกข์ที่สีหน้าไม่คลายจากความเคร่งเครียด ชายสูงวัยเงียบขรึมจนไม่มีใครกล้าเข้า

หน้า


                       “ทำไมเราต้องมาอยู่ในสภาพนี้ด้วยนะ”


                      เสียงดังขึ้นจากความเหลืออดของซาดิยะ หญิงสาวที่เป็นญาติของชารุกข์


                        “ดูสิ อยู่ดีไม่ว่าดีต้องมาลำบากนอนกลางดินกินกลางทรายคอยหลบลูกกระสุน ไอ้เหตุการณ์ร้าย ๆ มันเกิดขึ้นก็นับตั้ง

แต่เชคฮชารุกข์พาคุณมานั่นแหละกวินท์”


                     กวินท์สะดุ้งสุดตัวเมื่อซาดิยะโยนความผิดมาให้เขา ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นและได้แต่เม้มริมฝีปากเมื่อซาดิยะชี้หน้าด่าทอ


                    “ถ้าไม่ใช่เพราะไปชิงตัวคุณมาจากพวกนั้นเหรอถึงได้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นมา คุณนี่มันตัวซวยสำหรับพวกเราแท้ ๆ”


                      “หยุดนะ ซาดิยะ”


                     คนที่ห้ามปรามซาดิยะได้ในตอนนี้ก็คงมีแต่ยาก็อบที่เป็นคู่หมั้นคู่หมายเท่านั้น เขาตรงเข้ามาขวางทางระหว่างซาดิยะกับ

กวินท์ไว้


                   “อย่าพาลกล่าวหาใครเช่นนี้อีก เรื่องนี้กวินท์ไม่ได้เป็นสาเหตุ เธอก็รู้ว่าถึงไม่มีกวินท์เหตุการณ์เหล่านี้ก็ต้องเกิดขึ้นไม่วัน

ใดก็วันหนึ่ง และพวกเราก็เตรียมพร้อมกับการต่อสู้ครั้งนี้อยู่แล้ว กลับไปตั้งกระโจมแล้วพักผ่อนได้แล้วซาดิยะ พรุ่งนี้เช้าเราจะต้องเดิน

ทางกันอีกไกล”


                       ยาก็อบส่งเสียงเด็ดขาดกว่าทุกครั้งจนซาดิยะได้แต่อ้ำอึ้ง หญิงสาวมองกวินท์อย่างเกลียดชังก่อนจะสะบัดหน้าหมุนตัว

กลับไป ยาก็อบหันมาสบตากวินท์อย่างละอายแก่ใจกับการกระทำของหญิงสาว


                      “ผมขอโทษแทนซาดิยะนะครับกวินท์ ความเป็นเด็กและเอาแต่ใจทำให้เธอพูดจาไม่ยั้งคิด”


                     “ช่างเถอะครับยาก็อบ ผมเข้าใจ ซาดิยะคงเหนื่อยมาก”


                      กวินท์ได้แต่ทรุดนั่งบนก้อนหินเล็ก ๆ ก้อนหนึ่งและกอดตัวเองไว้ เขาเกลียดความรู้สึกอ้างว้างขาดที่พึ่งอย่างในตอนนี้

เหลือเกิน ชายหนุ่มเหลียวมองไปรอบ ๆ ในเวลาโพล้เพล้แสงอาทิตย์ใกล้อัสดง ชาวบ้านกว่าสามสิบชีวิตกำลังหุงหาอาหารประทังชีพ

ด้วยความอ่อนระโหย ใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความอ่อนล้าหวาดระแวง ทุกคนคงอยากให้เหตุการณ์รุนแรงเจ็บลงโดยเร็ว





มีต่ออีกนิด....



หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 19-09-2017 22:23:18


ต่อกันตรงนี้...



                 ชารุกข์ ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่ คุณจะปลอดภัยหรือเปล่า


               กวินท์รำพันอยู่ในหัวใจกับการจากกันโดยไม่ทันตั้งตัว  เขายังไม่อยากเข้านอนในกระโจมตอนนี้ ถึงจะนอนก็นอนไม่หลับ

เพราะหัวใจคิดถึงคนที่ครอบครองเป็นเจ้าของมันอยู่

                  ทิ้งกายลงไปกับผืนทรายที่รายล้อมแล้วมองไปบนท้องฟ้า ดวงจันทร์ข้างขึ้นทอประกายจรัสอยู่บนท้องฟ้าสีดำแต่งแต้ม

ด้วยประกายระยิบระยับจากดวงดาว กวินท์เหม่อมองจ้องแสงจันทร์นวลจนต้องกะพริบตาเมื่อเห็นอะไรบางอย่างบินฉวัดเฉวียนตัดกับ

แสงจันทร์ เขาเพ่งตามองมันก่อนจะเบิกตากว้าง

                   อับบาส เจ้านกเหยี่ยวของชารุกข์


                   ในเมื่อสัตว์เลี้ยงอยู่ที่นี่แล้วเจ้าของมันเล่าอยู่ที่ใด


                   กวินท์ลุกขึ้นนั่ง เขาเหลียวมองโดยรอบพบเห็นแต่ความเงียบสงัดเพราะทุกคนกำลังพักผ่อนอยู่ในกระโจม เหลือเวรยาม

ไม่กี่คนที่นั่งเฝ้าอยู่รอบกองไฟห่างไกลออกไป กวินท์ลุกขึ้นยืนและสืบเท้าไปยังด้านหลังเหมืองแร่ เขาก้าวเดินไปในความมืดโดยมี

แสงจันทร์และอับบาสเหยี่ยวแสนรู้เป็นเข็มทิศนำทาง ไม่นานนักกวินท์ก็เห็นม้าตัวใหญ่คุ้นตายืนนิ่งรออยู่


                    “บาฮา”


                  กวินท์ก้าวไปหามันอย่างดีใจ ยกมือลูบไล้สัมผัสด้วยความคิดถึง เขาตัดสินใจกระโดดขึ้นหลังบาฮาและปล่อยให้มันควบ

เหยาะ ๆ พาเขาห่างจากเหมืองแร่ร้างไปอีกพักหนึ่ง กวินท์เพิ่งจะมีรอยยิ้มเมื่อมองเห็นว่าใครกำลังยืนรอเขาอยู่ใต้เนินหินกลางทะเล

ทรายอันกว้างใหญ่นี้


                  “ชารุกข์!”


                   กระโจนลงจากหลังบาฮา กวินท์ก้าวเข้าไปหาและโผเข้ากอดร่างแกร่งนั้นไว้ วงแขนอบอุ่นโอบรัดตอบกลับอย่างโหยหา

ชารุกข์แนบใบหน้าลงไปกับกระหม่อมของกวินท์


                 “คิดถึงเหลือเกินครับกวินท์”


                     ห่างกันเพียงแค่หนึ่งวันกับหนึ่งคืน หากแต่มันคล้ายกับยาวนานนับปี กวินท์เงยหน้าขึ้นมองชารุกข์ด้วยขอบตาร้อนผ่าว

คนที่ต้องแบกรับภาระมากมายฝืนยิ้มให้เขา กวินท์ยกมือลูบคางสากที่เริ่มมีหนวดเคราขึ้นหนาตา


                   “คุณเป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า พวกทหารโจมตีคุณหนักไหม”


                  ยิงคำถามรัวเร็วเพราะความห่วงใย ชารุกข์ถอนหายใจเขาดึงร่างกวินท์ให้ทรุดตัวลงนั่งหลังโขดหินใหญ่เพื่อใช้เป็นที่กำบัง

สายตา ชารุกข์โอบกอดกวินท์ไว้ก่อนจะกล่าวตอบ


                 “ทหารของราชิดเริ่มบุกพวกเราหนักขึ้น พวกผมแบ่งกำลังต้านพวกนั้นไว้และใช้วิธีซุ่มโจมตีแบบกองโจร ก็ได้ผลในระดับ

หนึ่ง แต่ก็ยังแปลกใจว่าพวกมันรู้ได้อย่างไรว่าผมกับพ่อซ่อนตัวอยู่ที่หมู่บ้านยาคีน”


                  กรามของชารุกข์บดจนเห็นเป็นสัน เขาสงสัยว่าอาจมีเกลือเป็นหนอนแต่เขายังไม่มีหลักฐานที่จะปรักปรำใคร


                  “ในเมืองก็มีการปะทะกันอย่างรุนแรง ผมคิดว่าการต่อสู้กันจนแตกหักน่าจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้”


                  “โอ ชารุกข์ คุณต้องระวังตัว”


                  กวินท์มองเขาด้วยสายตาเป็นกังวล ชารุกข์ยิ้มปลอบโยนพลางยกมือสากลูบแก้มเนียนเบา ๆ


                  “อย่าเป็นห่วงผมเลย ผมเอาตัวรอดได้ ห่วงก็แต่คุณที่ไม่เคยพบกับเหตุการณ์อย่างนี้ ผมเป็นห่วงจนต้องให้อับบาสตามหา

คุณและลอบมาหาเช่นนี้ฮาบิบี”


                ประสานสายตาซึ่งกันด้วยสายใยแห่งรัก กวินท์เป็นฝ่ายโน้มคอชารุกข์ลงมาแล้วประกบริมฝีปากเข้าใส่ ชารุกข์ไม่รั้งรอที่จะ

ตักตวงความหวานด้วยความโหยหา เขาเม้มกลีบปากนุ่มก่อนจะสอดลิ้นร้อนเข้าไปเก็บเกี่ยวอยู่ในโพรงปากหวาน ท่อนแขนที่โอบรัดยิ่ง

กระชับแรงจนเนื้อตัวเบียดรัด


                 “ฮาบิบี”


                  เสียงทุ้มหนักหวานแว่วใกล้หูของกวินท์ ชารุกข์พลิกร่างนุ่มให้ทอดกายอยู่บนผืนทรายหลังโขดหิน เสียงสายลมยามราตรี

หวีดหวิวคล้ายขับกล่อมแทนเสียงดนตรีแสนไพเราะ มือร้อนสากขยับวางแนบเนื้อนุ่มลากไล้แสดงความเป็นเจ้าของก่อนจะค่อย ๆ ดึง

เสื้อแขนยาวของกวินท์ออกจนพ้นศีรษะ


                  “อา ชารุกข์”


                  กวินท์สะท้านเมื่อชารุกข์สัมผัสเขาไปทั่วทั้งตัว ลมหนาวกรูเข้ามาอาบไล้แต่กวินท์ไม่หนาวสักนิดเมื่อชารุกข์ทอดกายอุ่น

ลงมา รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อมีเพียงเนื้อแนบเนื้ออยู่ใต้ท้องฟ้าและมีเพียงดวงจันทราเป็นพยานแห่งรัก


                  “ผมรักคุณด้วยหัวใจ ด้วยวิญญาณ ด้วยทุกสิ่งที่ผมมี”


                      ชารุกข์บอกรักด้วยวาจาและการกระทำ เขาขยับท่อนขาของกวินท์ให้เปิดทางก่อนจะประสานกายเข้าไปอย่างนุ่มนวล

กวินท์พริ้มตาตอบรับให้ชารุกข์ได้เชยชมร่างกายของเขาอย่างเต็มใจที่สุด ดวงตาทั้งคู่สบประสานเมื่อต่างก็ช่วยเหลือให้อีกฝ่ายไปถึง

ปลายทาง


                 “ชารุกข์ครับ ผมรักคุณ”


                  กวินท์เองก็ไม่ต่างกัน แม้ตอนนี้มีเพียงผืนทรายที่ปกคลุมอยู่เหนือพื้นดินแข็งกระด้างต่างเตียงนอน และมีเพียงโขดหิน

ใหญ่เป็นฉากกางกั้นลมหนาว แต่ช่างเป็นสัมพันธ์แห่งรักที่อบอวลไปด้วยความสุขสมจนต้องพร่ำรำพันออกมาแข่งกับเสียงสายลมใน

ยามราตรี ร่างกายอุ่นร้อนเบียดรัดเข้าหาพลางหอบหายใจถี่เมื่อมองเห็นจุดหมายอยู่รำไร


                “โอ ชารุกข์ ผมไม่ไหวแล้ว”


                  ร่างนุ่มสั่นสะท้าน กล้ามเนื้อบีบรัดไปพร้อมกับเงยหน้าส่งเสียงกระเส่าหวานฉ่ำ ชารุกข์มองใบหน้าคมยามหอบหายใจถี่ยิบ

ด้วยความยินดี เขาขยับกายเร็วขึ้น แรงขึ้นเพื่อส่งให้กวินท์ได้ถึงฝั่งฝัน ช่องทางร้อนตอบรับเปียกชื้นตามจังหวะชีพจร กวินท์ผวาเบียด

กายเข้าหาทันที


                   “ฮาบิบี ขอให้ผมตามคุณไปนะครับ”


                    ชารุกข์กดย้ำเอวของกวินท์ไว้ เขาโถมกายโถมแรงแห่งรัก ช่องทางนั้นหวานฉ่ำยามที่เขาเดินทางเคียงคู่กับกวินท์ราวกับ

ที่แห่งนี้คือสรวงสวรรค์หาใช่ทะเลทรายเวิ้งว้าง ชารุกข์จุมพิตที่กลีบปากแทนคำขอบคุณแด่กวินท์ ก่อนที่เขาจึงค่อยๆ ถอนกายออกช้า ๆ

และบรรจงสวมเสื้อผ้าคืนให้กวินท์อย่างนุ่มนวล


                     “ผมต้องไปแล้ว”


                    กวินท์ใจหาย ลมหายใจของเขาติดขัดทันที ดวงตาของกวินท์เบิกกว้างเมื่อรับรู้ว่าเขากับชารุกข์จะต้องห่างกันอีกครั้ง

และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้พบหน้ากันอีก


                “คุณต้องระวังตัวนะครับชารุกข์ อย่าลืมว่าผมรอคุณอยู่”


                มือเรียวที่วางอยู่บนไหล่กว้างบีบกระชับอย่างลืมตัว ชารุกข์คลี่ยิ้มให้คนรักพร้อมกับยกปลายนิ้วแตะไล้ไปตามกรอบหน้า


                 “ผมสัญญาครับฮาบิบี ผมจะมีชีวิตอยู่เพื่อคุณ”


                 ชารุกข์ประคองกวินท์จากพื้นทราย เขาจูงมือกวินท์มาจนถึงจุดที่บาฮายืนสงบรออยู่ ชารุกข์ส่งร่างกวินท์ให้ขึ้นไปนั่งบนหลัง

บาฮา


               “บาฮาจะไปส่งคุณที่เดิม และอับบาสจะนำทางคุณจนถึงกระโจม”


                หัวหน้ากองโจรแห่งดาฟาร์ดึงมือเรียวมากดจูบที่หลังมือ


                 “รอผมนะกวินท์ ผมจะรีบจบเรื่องทุกอย่างโดยเร็วที่สุด และเมื่อถึงวันนั้น เราจะได้มีชีวิตอยู่ด้วยกัน”


                    ชารุกข์ปล่อยมือนุ่ม เขาตบมือลงบนลำตัวของบาฮาเบา ๆ ม้าคู่ใจขยับก้าวพากวินท์ห่างออกไปเรื่อยๆ กวินท์หันมามอง

ร่างสูงในความมืดจนลับตา เขากลั้นสะอื้นทำใจให้ยอมรับเมื่อชารุกข์ต้องทำทุกอย่างเพื่อหน้าที่ของเขา


                      มีเพียงดวงจันทร์เท่านั้นที่เป็นเพื่อนเมื่อกวินท์ต้องกลับไปที่เหมืองแร่ร้างอย่างเดียวดาย




                                                                          TBC



                                นิยายเรื่องนี้เดินทางใกล้จะถึงตอนจบเต็มที เป็นนิยายที่บีเลิฟตั้งใจมาก
                  อยากให้คนอ่านทั้งขาประจำและขาจร ช่วยคอมเมนต์เป็นแรงใจให้บีเลิฟด้วยนะคะ ^^

                                            :impress: :impress: :impress: :impress: :impress:







หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 19-09-2017 22:32:02
ใกล้จบแล้วหรอ ฮรืออ บีบใจมาก นี่ค้องมีเกลือเป็นหนอนแน่ๆ  ใครกันนะ :mew4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 19-09-2017 23:02:21
ขอให้ชารุกส์ทำหน้าที่สำเร็จเร็วๆ นะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-09-2017 23:04:25
ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ
ไม่ได้อ่านหลายตอน ไว้จะกลับมาอ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 19-09-2017 23:20:57
ขอให้ผ่านไปด้วยดีนะ เป็นห่วงจังทั้งชารุกและกวิน
ว่าแต่ใครเป็นไส้ศึกนะ หวังว่าคงไม่ใช่คาลีล
 :z3:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-09-2017 23:30:24
 :hao5:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 19-09-2017 23:41:20
รักของราชิด ยิ่งรักก้อยิ่งแค้น
รักของซารุกข์ เสียสละเพื่อชาติและแผ่นดิน
รักของกวินท์ ยังไงก้อสมหวังนะค้าาาา.
555.  แล้วอย่าลืมต่อด้วยคู่รองนะ

 :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:   :katai2-1:

...
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 20-09-2017 00:36:39
อ่า...ยังกะฉากในฟ้่าจรดทรายดีต่อใจจริงๆ

คนเขียนสู้ๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-09-2017 01:24:21
ท่านซารุกขาาาา หน้าสิ่วหน้าขวานขนาดนี้ยังมีเวลามาเอ้าท์ดอร์นะคะ 55555
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-09-2017 05:46:22
ขอเดาว่าพ่อแม่ของซาดิยะเป็นสายให้กับกษัตริย์แล้วกัน อาจจะเพราะชารุกข์ไม่เอาซาดิยะเป็นคู่หมั้นล่ะมั้งนะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 20-09-2017 09:16:27
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-09-2017 09:33:34
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 20-09-2017 16:57:20
ขอให้ปลอดภัย ขอให้ได้อยู่ด้วกันนะ ฮืออ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-09-2017 18:33:51
ใกล้จบแล้วเหรอ?
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 20-09-2017 21:45:45
โอ้วว ยังมีฉากดีต่อใจในสถานการณ์ที่ย่ำแย่เยี่ยงนี้
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 20-09-2017 22:14:54
หวั่ยยๆๆ หวานปนขม
มาเพื่อบอกรัก ชาร์ทพลังสินะคะชารุกข์
พลังชีวิตเต็มแล้วก็ต้องกลับไปสู้ค่าคุณพระเอก เมียรออยู่
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 21-09-2017 21:10:49
      ขอให้ทุกความรักสมหวังและขอให้คนทรยศเจอจุดจบที่เลวร้าย
รักเรื่องมากไม่อยากให้รีบๆจบ :hao5: :hao5: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-09-2017 01:09:27
ขอให้ชารุกข์ทำสำเร็จนะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 22-09-2017 15:56:56
อยากรู้จังว่าใครเป็นหนอนบ่อนใส้
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-09-2017 21:36:38
เกินเยียวยาจริง ๆ องค์ราชิด

สงสารกวินท์ ต้องมาลำบาก แล้วไม่รู้หนทางข้างหน้า
ชารุกข์ตามมาถูกด้วย ได้เติมพลังแล้ว ขอให้ปลอดภัยนะ

ใครนะ ทำกันได้ อยากรู้จริง
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Lutuan ที่ 23-09-2017 17:26:14
จะจบแล้วหรอ ฮรือ ใจหาย
ท่านชารุกข์ยังมีเวลามาเอ้าท์ดอร์อีก 555555555
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 23-09-2017 18:49:37
อิอิมีncก่อนแยก :hao7: ฟินค่า
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 20 [19/09/17] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: mmanitaa ที่ 27-09-2017 10:42:58
งึยยย ชอบมาก คืออิน อ่านแล้วรู้สึกแบบเขินตาม ร้สึกตาม รอตอนต่อไปน้า
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-09-2017 00:15:44


                                                                           ลมหายใจแห่งผืนทราย

                                                                                      บทที่ 21


                    “ปวดแผลบ้างหรือเปล่า”


                    คาลีลเอ่ยถามเมื่ออยู่เพียงลำพังกับวิกเตอร์ภายในห้องเล็ก ๆ ที่คาลีลใช้อาศัยอยู่ เขาจำเป็นต้องพักห้องเดียวกับคาลีล

เพราะสถานทูตต้องเตรียมที่พักไว้เผื่อสำหรับช่วยเหลือคนอื่นด้วย วิกเตอร์หันไปมองบาดแผลที่ฟาฮีมเย็บและทำแผลให้แล้วจึงเอ่ยปาก

ยอมรับ


                    “ปวดตุ้บ ๆ แต่ไม่เป็นไรหรอกไกลหัวใจ”


                    วิกเตอร์พูดจบเขาก็คว้าโทรศัพท์มากดเบอร์โทรหาแอนนิสรุ่นพี่ที่สำนักข่าวส่งมาให้ปฏิบัติหน้าที่แทนกวินท์ซึ่งยังคงไม่รู้

ชะตากรรม


                  “วิกเตอร์ หายไปไหนมาหลายวัน ฉันเป็นห่วงเสียแทบแย่”


                      แอนนิสส่งเสียงดังมาทางโทรศัพท์ด้วยความตื่นเต้น เธอใจไม่ดีเอาเสียเลยเมื่อวิกเตอร์ขาดการติดต่อไปพักหนึ่ง แค่

กวินท์ถูกจับตัวไปก็เป็นข่าวดังไปทั่วโลกแล้ว แอนนิสเกรงว่าวิกเตอร์จะได้รับอันตรายไปด้วยอีกคน


                    “ไปอยู่กับแหล่งข่าวใหม่น่ะแอนนิส ผมปลอดภัยดี ขอโทษนะที่ทำให้คุณต้องเป็นห่วง  ตอนนี้เหตุการณ์เป็นยังไงบ้าง”


                    “แย่ บอกเลย” แอนนิสกล่าวตอบทันควัน

                     “ผู้ชุมนุมประท้วงตอบโต้อย่างไม่ยอมแพ้ พวกเขาเหมือนไฮดร้า ล้มไปสิบกลับเพิ่มมาอีกยี่สิบ ทุกคนต่างก็มีความจง

เกลียดจงชังต่อรัฐบาลและกษัตริย์ราชิด”


                 “กษัตริย์ราชิดส่งกำลังไปจู่โจมกองโจรในทะเลทรายดาฟาร์”


                “ว่าไงนะ” น้ำเสียงของแอนนิสบอกถึงความตกใจ


                “ไม่เห็นมีข่าวนี้ออกมาเลย นี่นายไปรู้เรื่องจากไหนวิกเตอร์”


                 “ข่าวกรองได้จากวงในสุด ๆ น่ะสิแอนนิส รับรองว่าไม่มีผิดพลาด”


                “เรื่องใหญ่แล้ว หัวหน้ากองโจรที่ชื่อชารุกข์น่ะ เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนในฮาลียันมากเลยนะ ก็อย่างที่เคยบอกไปว่าพวกเขา

อาจจะเป็นคนของกษัตริย์พระองค์ก่อน”


                 “พรุ่งนี้ผมจะไปหาคุณนะ ตอนนี้ผมกลับมาอยู่ที่สถานทูตแล้ว”


                    วิกเตอร์เอ่ยลาและวางสายจากแอนนิส เขาหันกลับมาให้ความสนใจกับคาลีลที่กำลังง่วนอยู่กับการเปิดเครื่องมืออะไร

บางอย่างที่เจ้าตัวแบกมาจากด้านท้ายของรถยนต์ วิกเตอร์ยังนึกทึ่งเมื่อเห็นคาลีลซ่อนมันอยู่ตรงที่วางล้อรถสำรองและมีการปกปิดอย่าง

ดีจนมองไม่ออก


                  “คุณเป็นสายลับเหมือนอย่างในหนังใช่ไหมคาลีล” วิกเตอร์พูดสัพยอก


                 “เป็นเจมส์บอนด์ ซีไอเอ หรือเป็นเคจีบีกันแน่”


                 “ผมก็เป็นผมนี่แหละ จะให้เป็นคนอื่นทำไม”


                    คาลีลอดยิ้มออกมาไม่ได้ วิกเตอร์ร่าเริงจนทำให้เขาลืมความเคร่งเครียดไปได้บ้าง และเมื่อวิกเตอร์มองเห็นรอยยิ้มของ

คาลีลหัวใจของเขาก็เต้นเร็วอย่างน่าประหลาดใจ

               ผู้ชายยิ้มยากตรงหน้ากำลังมีอิทธิพลสำหรับเขาอย่างไม่มีสาเหตุ วิกเตอร์เผลอมองใบหน้าจริงจังเป็นงานเป็นการ หากแต่

เวลายิ้มกลับทำให้สว่างไสวขึ้นมาได้


                   “คุณรู้จักกับโจรคนนั้นเหรอ ชื่ออะไรนะ ชารุกข์ไช่ไหม”


                   “อืม ใช่”


                    คาลีลตอบรับขณะที่ยังสนใจกับการเปิดเครื่องมือของเขา


                    “ไปรู้จักกับเขาได้ยังไง”


                   “ผมกับชารุกข์เป็นเพื่อนกัน เราเรียนโรงเรียนสมัยประถมมาด้วยกัน”


                   คาลีลแปลกใจตัวเองที่ไว้ใจชายชาวต่างชาติที่นอนเค้เก้อยู่บนเตียง เขากล้าจะเล่าเรื่องความลับต่าง ๆ ให้วิกเตอร์ฟัง ทั้ง

ที่หากใครรู้จะเป็นอันตรายต่อเขามาก


                  “คุณเป็นเพื่อนกับโจรคนนั้นทั้งที่เขาเป็นศัตรูกับทางการ และคุณก็ทำงานอยู่ในคณะรัฐบาลเนี่ยนะ”


                  วิกเตอร์เอียงคอจ้องมอง คาลีลทำให้เขาประหลาดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ คาลีลยักไหล่เบาๆ


                  “เขาไม่ใช่โจรธรรมดานะ สักวันคุณก็จะรู้ถ้าเรื่องทุกอย่างมันจบลง อ๊ะ เปิดเครื่องได้แล้ว”


                   คาลีลอุทานด้วยความยินดี เขาหันมาทำสัญญาณให้วิกเตอร์หยุดพูดก่อนที่คาลีลจะเงี่ยหูฟังเสียงคำพูดภาษาอารบิกที่ดัง

ออกมาจากเครื่องนั้น และยิ่งตั้งใจฟังสีหน้าของคาลีลก็ยิ่งเผือดซีดลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขายื่นมือไปปิดเสียงเครื่องมือนั้น


                  “มีอะไรหรือเปล่าคาลีล ไอ้เจ้ากล่องนี้มันคืออะไร แล้วเสียงที่พูดออกมาเป็นเสียงใคร”


                   อดถามไม่ได้เมื่อเห็นอากัปกิริยาของคาลีลที่นิ่งงันไป ราวกับคาลีลกำลังตกใจอะไรบางอย่าง


                  “มันเป็นเครื่องดังฟัง ผมแอบไปติดไมโครโฟนไว้ที่ห้องของสมเด็จพระราชาธิบดีเมื่อเช้านี้เอง”


                    คาลีลตอบเสียงสั่น เมื่อตอนเช้าเขาใช้ช่วงเวลาที่กษัตริย์ราชิดมัวแต่กริ้วแอบติดไมโครโฟนตัวจิ๋วไว้ที่ใต้โต๊ะทำงานของ

พระองค์โดยที่ทรงไม่ทันได้สังเกตเห็น มันเสี่ยงมากคาลีลรู้ดี แต่ผลของมันก็ยอดเยี่ยมเหลือเกิน


                   “เสียงนั่นคือเสียงของกษัตริย์ราชิดงั้นหรือ”


                  วิกเตอร์ตื่นเต้นโดยทันที เขาลุกขึ้นมาและเขย่าที่ไหล่ของคาลีลด้วยความอยากรู้


                 “เกิดอะไรขึ้นคุณถึงทำหน้าเหมือนถูกผีหลอกอย่างนี้”


                 คาลีลกลืนน้ำลาย หัวใจเต้นรัว


                     “ทรงโทรศัพท์ติดต่อกับสายของพระองค์และทรงเรียกชื่อเขาออกมา ไม่ได้การละวิกเตอร์ ผมต้องรีบหาทางติดต่อกับ

ชารุกข์ เขาจะต้องรู้ว่าใครคือคนของสมเด็จพระราชาธิบดีโดยเร็วที่สุด”








                    กวินท์ก้าวเดินกลับมายังเหมืองแร่ร้างที่กองคาราวานจากหมู่บ้านยาคีนใช้เป็นที่ตั้งกระโจมหลบซ่อนจากทหารของ

รัฐบาล บาฮาม้าคู่ใจของชารุกข์พาเขามาส่ง ณ จุดเดิมที่มารับ หลังจากนั้นเขาจึงเดินกลับมาโดยมีเหยี่ยวอับบาสบินนำทางบนท้องฟ้า

เป็นเพื่อน

                  ลมหนาวยามดึกสงัดพัดกรูอาบไปทั้งกายจนกวินท์ต้องยกแขนขึ้นกอดอกและห่อไหล่ไว้ เขาได้แต่นึกถึงความอบอุ่นจาก

อ้อมกอดและสายใยรักที่เพิ่งถักทอทบทวีกับชารุกข์ที่ผ่านมาเมื่อไม่กี่นาที เพื่อให้ความรู้สึกนั้นปลอบประโลมหัวใจยามต้องเดินอย่าง

เดียวดายกลางทะเลทรายกว้าง แต่กวินท์มั่นใจว่าเขาจะอยู่ในสายตาของหัวหน้ากองโจรแห่งดาฟาร์จนกว่าชารุกข์จะมั่นใจว่าเขา

ปลอดภัยแล้ว

                   แรงกอดกระชับจากวงแขนแกร่งยังสลักแน่นอยู่ ความสุขสมในรักทำให้กวินท์ยิ้มออกมาได้ ชารุกข์อ่อนหวานแต่ก็รุ่มร้อน

ดุจเปลวไฟเจิดจ้า เขาเป็นผู้นำพาให้กวินท์หลงอยู่ในแรงปรารถนาทั้งในรักและความสัมพันธ์อันลึกซึ้งจนกวินท์ไม่อาจถอนใจจากเขาไป

ให้ผู้ใดได้อีกต่อไป

                   รอยยิ้มสุขใจเลือนหายทันควันเมื่อกวินท์เดินกลับมาถึงหน้ากระโจมสำหรับเขา มองเห็นเงาตะคุ่มหน้าปากทางเข้า

กระโจมเล็ก กวินท์ชะงักก่อนจะก้าวเข้าไปด้วยความระมัดระวัง และเมื่อจ้องมองผ่านความมืดจนเห็นว่าเป็นใครกวินท์จึงถอนหายใจ

อย่างโล่งอก เขาก้าวเข้าไปหยุดยืนต่อหน้าบุคคลผู้นั้น





มีต่ออีกนิด....


หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-09-2017 00:24:51


ต่อกันตรงนี้....





                “คุณลุงรีฮาน ยังไม่นอนอีกหรือครับ”


                “ฉันนอนไม่หลับหรอกพ่อหนุ่ม”


                 น้ำเสียงของชายสูงวัยเต็มไปด้วยความเครียดและกังวลปะปนกันไป ชายชราบนรถเข็นพ่นลมหายใจระบายมันออกมา


                  “หากเธอเป็นฉัน เธอจะยังนอนหลับได้ลงหรือเมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงในชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้

คนที่รักเราเดือดร้อนไปด้วย เธอจงมองดูพวกเขาเหล่านั้นสิกวินท์”


                  รีฮานทอดสายตาไปยังหมู่กระโจมที่ตั้งกระจัดกระจายอยู่เบื้องหน้าไม่ไกลนัก


                  “พวกเขาเหล่านั้นต้องประสบกับความลำบาก ต้องพลัดพรากจากถิ่นฐานที่อยู่เพียงเพราะต้องการปกป้องคนแก่ไร้ค่าอย่าง

ฉัน”


                     กวินท์จุกในคอเมื่อได้ฟังคำพูดสะท้อนจากหัวใจของรีฮาน เขาเห็นใจชายชราที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นมหาบุรุษผู้ทรงอำนาจ

ที่สุดในประเทศ แต่บัดนี้ต้องกลายเป็นคนพิการใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นและต้องหลบซ่อนตัวตลอดเวลา ไหล่ของรีฮานค้อมลู่สั่นไหวเพราะ

ความรันทด


                    “คุณลุงไม่ใช่คนไร้ค่านะครับ กลับกันเสียอีกเพราะทุกคนรักคุณลุงต่างหากถึงได้ทำทุกอย่างเพื่อให้คุณลุงได้ความชอบ

ธรรมกลับคืนมา”


                      รีฮานแหงนหน้าขึ้นมองพระจันทร์บนท้องฟ้าสีดำที่เริ่มคล้อยต่ำลงจากกึ่งกลางฟ้า น้ำเสียงพร่าสั่นยามเอ่ยออกมา


                     “ได้รับความชอบธรรมแล้วจะเป็นเช่นไร ฉันมันก็แค่ตาแก่ขี้แพ้หมดสิ้นความหวัง แต่อย่างน้อยฉันก็ดีใจว่ายังมีความหวัง

ใหม่ที่เยียวยาและเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจให้กับพวกเขารวมถึงตัวฉันเองด้วย”


                     กวินท์เข้าใจดีว่าชารุกข์นั่นเองที่รีฮานกล่าวถึง


                     “เขาเป็นลูกที่ดี ชารุกข์รู้จักตัวเองและเข้าใจผู้อื่นมาโดยตลอด เขามาในเวลาที่เหมาะสมและกลายเป็นผู้นำที่ใครๆ ก็ให้

ความเคารพ ทุกคนพร้อมจะปฏิบัติตามหากเขาเอ่ยคำสั่งของเขาออกมา”


                      คำพูดของรีฮานสะกิดใจของกวินท์ คิ้วเรียวย่นเข้าหากันเมื่อกำลังคิดตามว่ารีฮานมีจุดประสงค์อะไรกันแน่


                      “ฉันเคยบอกเขาก่อนที่จะตัดสินใจขึ้นมาเป็นผู้นำว่า เขาจะต้องยอมแบกภาระเหล่านี้ไปตลอดชีวิตเพราะมันเป็นหน้าที่

ของผู้นำ ชีวิตของเขาจะมีไว้เพื่อคนที่เขาปกครองหาใช่เพื่อตนเอง และเมื่อไหร่ที่เขาขึ้นขี่หลังเสือก็ยากที่จะลงมาได้ แต่ในที่สุดเขาก็

ตัดสินใจที่จะรับหน้าที่นั้น”


                      รีฮานถอนหายใจยาว ฟังแล้วรู้ว่าชายสูงวัยสงสารบุตรชายของเขา


                     “หากการต่อสู้ครั้งนี้สำเร็จ เขาจะกลายเป็นผู้นำคนใหม่ และในฐานะผู้นำชารุกข์ไม่สมควรจะมีเรื่องด่างพร้อยใดๆมาให้

เป็นที่ครหา เขาจะต้องเป็นผู้นำที่สมบูรณ์แบบสำหรับประชาชนชาวฮาลียันทุกคน พวกเขาสูญเสียกันมามากแล้ว อัลลอฮควรประทานพร

เป็นของขวัญให้พวกเขาทดแทนกับสิ่งที่เสียไป”


                       หัวใจของกวินท์หล่นหายไปกับผืนทราย ขอบตาร้อนผ่าวเมื่อเข้าใจจุดประสงค์ทั้งหมดของชายชราตรงหน้าแล้ว


                      ผู้เป็นบิดามาเยือนเพื่อบอกให้รู้ว่า กวินท์คือเรื่องด่างพร้อยในชีวิตของบุตรชาย


                      บุตรชายซึ่งจะก้าวขึ้นเป็นมหาบุรุษในอนาคตหากได้ชัยชนะในการต่อสู้


                      “คุณลุงต้องการอะไรกันแน่ครับ จะบอกอะไรกับผมกันแน่”


                       เขาแกล้งโง่ถามออกไป เผื่อว่าบางทีอาจจะเข้าใจผิดไปเอง น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปนั้นช่างสั่นไหวเต็มที


                      “คนแก่ผ่านโลกมามากอย่างฉันพอจะมองออกว่าชารุกข์กับเธอรู้สึกต่อกันเช่นไร เขารักและคิดถึงเธอมากจนยอมเสี่ยง

อันตรายที่จะมาหาเธออย่างในคืนนี้”


                        รีฮานไม่ใช่คนโง่ เขามองทุกอย่างกระจ่างไม่ทิ้งลายราชสีห์


                       “เขาจะต้องเสี่ยงอีกกี่ครั้ง แล้วเธอทนได้อย่างนั้นหรือที่เขาต้องเสี่ยงเพื่อเธอ”


                       “คุณลุง!”


                        น้ำเสียงของรีฮานไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เขายังคงพูดเนิบนาบนุ่มนวลแต่ทว่ามันกลับกรีดลึกจนหัวใจของกวินท์แตก

สลายไม่มีชิ้นดี


                       “อาจจะฟังดูเห็นแก่ตัว แต่ในฐานะที่ฉันควรจะทำอะไรเพื่อคนในชาติบ้าง ฉันอยากจะขอร้องเธอกวินท์”


                      กวินท์ตกใจเมื่อจู่ ๆ รีฮานก็เลื่อนกายลงจากรถเข็นมาอยู่กับพื้นดิน ชายชราก้มหน้าซ่อนความเจ็บปวดที่มีไม่แพ้กวินท์

เช่นกัน เสียงของรีฮานแหบเครือเมื่อกล่าวประโยคที่ทำร้ายทั้งตัวเองและชายหนุ่มเบื้องหน้า


                   “ในฐานะของฉัน ฐานะของคนเป็นพ่อ ได้โปรดเสียสละความรักของเธอเพื่อชารุกข์ ขอให้เขาได้ทำหน้าที่ของผู้นำอย่าง

สมบูรณ์แบบ ฉันขอร้องเธอกวินท์”


                   น้ำตาหยดหนึ่งไหลร่วงอาบแก้ม ไหล่ของกวินท์สั่นสะท้านกับคำขอร้องของอดีตกษัตริย์ที่ยอมคุกเข่าให้เขา มันเป็นเรื่อง

ที่กวินท์เองก็เคยคาดการไว้ แต่ไม่นึกว่ามันจะมาถึงอย่างฉับพลันเช่นนี้


                    ชายหนุ่มเดินตรงเข้าไปหา เขายกหลังมือปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะประคองให้รีฮานขึ้นมานั่งบนรถเข็นเช่นเดิม


                  “อย่าทำแบบนี้อีกเลยครับ คุณลุงไม่ควรจะมาคุกเข่าให้คนอย่างผม”


                   “ผิดแล้วกวินท์ ฉันต้องคุกเข่าให้เธอเพราะฉันกำลังขอร้องในสิ่งที่ยากที่สุด ฉันขอโทษ”


                     รีฮานไม่อาจปิดบังความรู้สึกอดสูได้ ดวงตาของเขาแดงก่ำไม่ต่างจากกวินท์ ชายต่างวัยทั้งสองปล่อยให้ความเงียบ

เข้าปกคลุม มีเพียงเสียงลมหวีดหวิวราวกับมันเป็นเสียงร่ำไห้ของหัวใจ


                       “หากผมตกลงในสิ่งที่คุณลุงต้องการ”


                      ในที่สุดกวินท์จึงได้เอ่ยออกมา


                     “ยาก็อบจะเป็นคนพาเธอไปส่งถึงหน้าสถานทูตทันทีที่ตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า”


                      สบตากันโดยไม่ต้องพูดอะไรอีก รีฮานรู้ว่าคนที่บุตรชายของตนหลงรักนั้นจะตัดสินใจอย่างไร


                     “ในฐานะของชาวฮาลียันคนหนึ่ง ฉันขอขอบใจสำหรับการเสียสละของเธอนะกวินท์”


                      อดีตบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ค้อมศีรษะให้เขา ก่อนที่จะบังคับรถเข็นกลับหลังและจากไปในความมืดมิด กวินท์มองตามจนลับตา

แล้วจึงก้าวเข้าไปในกระโจม ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งชันเข่าคุดคู้พลางฝังใบหน้าลงไป เขาร้องไห้ออกมาเมื่ออยู่เพียงลำพัง


                      “รอผมนะกวินท์ ผมจะรีบจบเรื่องทุกอย่างโดยเร็วที่สุด และเมื่อถึงวันนั้น เราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน”


                      ประโยคสุดท้ายที่ชารุกข์พูดยังก้องอยู่ในความทรงจำ กวินท์เสียใจที่เขาไม่อาจอยู่เพื่อคนที่เขารักได้อีกต่อไป








                        กวินท์นั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิม เขาร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตา จนกระทั่งได้ยินเสียงกุกกักหน้ากระโจมจึงได้ลุกขึ้นเดินออกไป

เขาพบยาก็อบยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศเช้าตรู่ในเหมืองแร่ร้างกลางทะเลทราย


                         “ผมได้รับคำสั่งให้ไปส่งคุณครับกวินท์”


                         ยาก็อบกล่าวเสียงเบา กวินท์พยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาก้าวเดินตามหลังยาก็อบราวกับหุ่นยนต์ไปที่ม้าตัวหนึ่ง ยาก็อบ

ช่วยส่งให้เขาขึ้นไปขี่อยู่บนหลังม้าและควบมันตามหลังยาก็อบโดยทิ้งเหมืองแร่ร้างไว้เบื้องหลัง กวินท์ไม่ได้หันไปมองอีก เขาไม่อยาก

ให้ภาพทั้งหมดตอกย้ำความเจ็บปวดให้เขาอีกต่อไป

                   กวินท์แทบจะไม่รู้สึกตัวเลยว่าเขาเดินทางด้วยม้าและต่อด้วยรถยนต์ที่ยาก็อบหาได้จากหมู่บ้านแห่งหนึ่งได้อย่างไร เขา

ตกอยู่ในภวังค์ตลอดทางจนกระทั่งผ่านพ้นเขตทะเลทรายเข้าสู่ความเจริญของตึกรามบ้านช่อง   ไม่นานนักยาก็อบก็ขับรถเข้ามาในเขต

ฟาดิเลาะห์เมืองหลวงของฮาลียัน  กวินท์สะดุ้งสุดตัวเมื่อยาก็อบเขย่าตัวเขาเบา ๆ


                       “กวินท์ ถึงสถานทูตอังกฤษแล้วครับ”


                        ชายหนุ่มเพิ่งจะกลับมามีสติสัมปชัญญะ เขาเหลียวมองรอบตัวก่อนจะถอนหายใจเมื่อกลับมาสู่ภาพอันคุ้นเคย


                        “ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนะ แต่ทำไมดูคุณเศร้าๆ และรู้สึกว่าเป็นการมาส่งคุณในแบบที่ไม่ดีเลย เฮ้อ”


                        ยาก็อบเอ่ยออกมาเมื่อรู้ว่าต้องจากกัน เขาถูกชะตากับกวินท์มาก กวินท์ฝืนยิ้มให้ยาก็อบ


                      “สักวันก็ต้องจากกันอยู่ดี ผมขอบคุณสำหรับมิตรภาพระหว่างเรานะยาก็อบ ขอให้คุณโชคดี”


                       “เช่นกันครับกวินท์”


                      กวินท์ก้าวลงจากรถ ก่อนจะปิดประตูรถเขาหยิบซองจดหมายออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้านในแล้วส่งให้ยาก็อบ


                     “ผมฝากจดหมายฉบับนี้ให้เชคฮชารุกข์ บอกเขาว่าขอโทษที่ไม่ได้อยู่รอความสำเร็จของเขา และขอโทษที่ไม่ได้อยู่

กล่าวคำอำลาด้วยตัวเอง”


                     ยาก็อบรับซองจดหมายจากกวินท์ เขาโบกมืออำลาเป็นครั้งสุดท้าย กวินท์รอจนรถยนต์ของยาก็อบขับจากไปจนลับ

สายตาจึงได้เดินเข้าไปในสถานทูต

                      เมื่อรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่สถานทูตแล้ว ความวุ่นวายก็บังเกิดเมื่อรู้ว่าเขาคือกวินท์ แอนเดอร์สัน ผู้สื่อข่าวที่ถูกกองโจร

แห่งดาฟาร์จับกุมตัวไป นายสมิธและนางรำไพพรรณ แอนเดอร์สันรีบออกมาหาบุตรชายด้วยความตื่นเต้นยินดีเมื่อได้รับการแจ้งว่ากวินท์

กลับมาจากทะเลทราย ทันทีที่กวินท์ได้พบหน้าบิดามารดาเขาก็ตรงเข้าไปสวมกอดและร้องไห้ออกมาอยู่ในอ้อมกอดนั้น

                   กวินท์ไม่รู้ว่าตนเองร้องไห้เพราะดีใจที่ได้พบกับพ่อแม่อีกครั้ง หรือเพราะเสียใจที่ต้องจากใครคนหนึ่งโดยไม่ได้เอ่ยอำลา

กันแน่เพราะมันผสมปนเปกันจนกลั่นออกมาเป็นน้ำตาอาบแก้ม




                                                                     TBC


                                                เป็นบทที่ แต่งยากที่สุดเลย ฮืออออ

                                           
:dont2: :dont2: :dont2: :dont2:





หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 28-09-2017 00:39:47
ความรัก ต้องเสียสละหรือ สงสารจัง
ขอให้ชารุกข์ชนะ เป็นกำลังใจให้
 :mew4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-09-2017 00:51:49
บีบใจ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 28-09-2017 02:25:16
เพราะโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่เราสินะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 28-09-2017 07:53:48
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-09-2017 08:18:18
 :sad11: :sad11: :sad11: :sad11: :sad11:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 28-09-2017 08:40:49
สงสารทุกคนเลย :heaven
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 28-09-2017 08:55:50
เข้าใจทุกอย่าง แต่ก็ยังเศร้าอยู่ดี
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 28-09-2017 09:41:19
ขอบคุณค่ะ  เศร้ามาก
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 28-09-2017 10:49:47
 :hao5:รู้สึกเศร้า ขอให้ชารุกกะกวินสมหวังก็พอ อย่าแยกกันเลยน้า
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 28-09-2017 11:58:52
สงสารกวินทร์จังงงง
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 28-09-2017 12:12:38
 :m15:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 28-09-2017 19:54:58
 :hao5:
   :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 28-09-2017 20:37:41
โอย... น้ำตาจะไหน ชารุกข์จะทำยังไงล่ะนี่
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-09-2017 22:56:08
 :dont2: :dont2: :dont2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 28-09-2017 23:06:27
เพราะหน้าที่อันยิ่งใหญ่ จึงทำให้ต้องแยกจากกันซินะ
ต่างฝ่ายต่างเสียใจ แล้วชารุกข์จะยอมแยกกันง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 28-09-2017 23:20:48
สงสารกวินท์ :hao5:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-09-2017 09:21:54
บีบหัวใจที่สุดเลย  :sad4:
ว่าแต่ ใครคือหนอนบ่อนไส้ล่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 29-09-2017 19:41:29
หน้าที่กับหัวใจสวนทางกัน...
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 29-09-2017 21:31:56
สงสารกวินท์ จะทนอยู่ยังไง ถ้าใจยังรัก
แล้วต้องมาจากลาแบบไม่รู้จะได้เจอกันอีกไหม

เข้าใจนะว่า อยากให้ชารุกข์คู่ควร แต่ลูกจะไม่มีหัวใจ ท่านพ่อจะยอมรับได้หรอ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 30-09-2017 04:02:55
ถึงเวลาต้องจากกันแล้วซินะ

ให้ซารุกข์ปฏิบัติการเพื่อชาติให้สำเร็จก่อน แล้วมาพบกันใหม่

ตอนนี้ขอจี๊ดเจ็บแต่เพียงลำพัง

555 เพ้ออ่ะ. ตื่นมาตอนฝนตกฟ้าร้องมาอ่านดราม่าตอนนี้

หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 30-09-2017 23:44:51
ความรักจะอยู่ในหัวใจอย่างมั่นคง
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 01-10-2017 13:32:55
น่าสงสาร คนสืบตำแหน่งคนต่อไปท่าทางจะต้องเป็นคุณหมอน้องชายแทนเสียแล้วละ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 02-10-2017 02:49:57
วันนี้ก็มาถึงจนได้ tt กวินท์ต้องไปแล้วจริงๆหรอ แง้งงงง 
ก็รู้ว่าพ่อหวังดี ไม่อยากให้ลูกมีความกังวลหรือจุดด่างแม้จะเป็นจุดเล็กๆตอนขึ้นรับตำแหน่งหรือหากได้รับชัยชนะ แต่นี้มันคือการพรากเอาสิ่งที่ทำให้ชารุกข์มีความสุขไปจากเขาเลยนะ ทำไมไม่คิดดีๆอ่ะ ฮึยยยยยย !
#อินเกิน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 02-10-2017 09:14:24
เอาใจช่วยทุกคนนะ ; w ; /
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 21 [28/09/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 02-10-2017 21:02:43
 :mew4: :mew4: :mew4: :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 06-10-2017 22:22:38


                                                                    ลมหายใจแห่งผืนทราย

                                                                              บทที่ 22


                     หมู่บ้านยาคีนเต็มไปด้วยร่องรอยของการต่อสู้ ชารุกข์ใช้บ้านเรือนที่ผู้คนอพยพไปแล้วเป็นฐานที่มั่น เมื่อถึงคราวคับขัน

เหล่าบุรุษในหมู่บ้านจึงกลายเป็นกองกำลังของชารุกข์ เซรีมแห่งดาฟาร์รวมถึงพวกที่อยู่ในกลุ่มกองโจรอยู่แล้ว ทุกคนลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า

สีดำรัดกุมและปิดคลุมใบหน้าด้วยผืนผ้าสีดำไม่ต่างจากผู้นำของเขาพร้อมทั้งจับอาวุธสงครามต่อสู้กับกองกำลังทหารที่รัฐบาลส่งมา

อย่างแข็งขัน


            ภายใต้ความเป็นผู้นำของชารุกข์ เพราะจำนวนคนที่มีน้อยกว่าชารุกข์จำเป็นต้องอาศัยยุทธวิธีแบบกองโจรเข้าช่วย และด้วย

ฝีมือการต่อสู้ของลูกน้องที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีเพียงไม่กี่วันกองกำลังทหารของรัฐบาลจึงเริ่มเพลี่ยงพล้ำ อาจจะเพราะพวกเขา

ประมาทไม่คาดคิดว่าชาวบ้านในดินแดนห่างไกลความเจริญจะมีความสามารถในการต่อสู้ และประกอบกับความไม่ชำนาญในพื้นที่ แต่

ชารุกข์ก็มิได้ประมาทเขาวางแผนการต่อสู้อย่างรัดกุมเสมอ

                 ชารุกข์ใช้ห้องลับของบิดาที่เจาะลึกอยู่ใต้เนินหินสูงภายในบ้านของเชคฮอาลีเป็นสถานที่อำพรางตัวในค่ำคืนนี้ หลังจาก

เขาเสี่ยงขี่บาฮาไปยังกลางทะเลทรายโดยมีอับบาสเป็นเสมือนเข็มทิศนำทางไปหาคนที่เขารักจนสุดหัวใจ และกลับมาถึงหมู่บ้านยา

คีนยามดึกสงัดปราศจากเสียงปืน ถึงอย่างไรการรบก็ต้องมีหยุดพักตามหลักการต่อสู้ของทหารสากล

                  ความอบอุ่นของร่างที่เพิ่งจะได้กอดให้คลายความหนาวยังอบอวลอยู่ในหัวใจ ชารุกข์คลี่ยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าคมของลูก

ครึ่งอังกฤษไทยยามสบตา ชารุกข์รักกวินท์ รักด้วยหัวใจอย่างแท้จริง


                  “รอผมนะกวินท์ ผมจะรีบจบเรื่องทุกอย่างโดยเร็วที่สุด และเมื่อถึงวันนั้น เราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน”


                   เขากล่าวกับกวินท์ก่อนจะจูบอำลาและปล่อยให้กวินท์จากไปพร้อมกับบาฮาและอับบาส ชีวิตของชารุกข์มีความหวังใหม่

รออยู่นั่นคือชีวิตที่มีกวินท์เคียงข้าง

                      เสียงกุกกักดังอยู่มุมหนึ่งของห้องแคบ ชารุกข์หันไปมองเครื่องมือสื่อสารสำคัญที่เขาหอบหิ้วจากบ้านของเขามาเก็บ

ซ่อนไว้ที่นี่ เขาปรี่เข้าไปและเปิดเครื่องมือนั้นทันที


                  “บีวันเรียกเอวัน ได้ยินแล้วตอบด้วย ย้ำ บีวันเรียกเอวัน”


                  “เอวันตอบกลับบีวัน รับสัญญาณแล้ว”


                  ชารุกข์รีบตอบกลับไป เขาได้ยินเสียงสบถเบา ๆ จากเพื่อนของเขา


                  “ปลอดภัยใช่ไหม เกสต์ล่ะ”


                 บีวันหมายถึงกวินท์ พวกเขาใช้รหัสแทนกวินท์ว่าเกสต์


               “ปลอดภัย ตอนนี้อยู่กับพ่อ”


                “ถ้าอย่างนั้นก็เข้าเรื่อง” บีวันพูดน้ำเสียงร้อนรน


               “ที่คิงหาที่ตั้งเจอเพราะมีสายนะ”


                 ชารุกข์ขบกรามจนเป็นสัน เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ไม่มีผิด หากจะดูกันจากภายนอกหมู่บ้านยาคีนไม่มีสิ่งไหนสะดุดตาว่าจะ

เป็นที่ตั้งกองกำลังของเขาได้เลย ชารุกข์ยังสงสัยว่าเพราะเหตุใดกษัตริย์ราชิดถึงได้ส่งกำลังทหารมาโจมตีได้ถูกจุด


                 “ใคร”


                 ชารุกข์เอ่ยถามด้วยความสุขุม เขาจะให้ความขุ่นเคืองมาเป็นตัวนำการกระทำไม่ได้ เขาตั้งใจฟังคำตอบจากอีกฝ่าย และคำ

ตอบนั้นทำให้เขาหลุดคำสบถออกมาอย่างห้ามไม่อยู่






                 ดาวฤกษ์ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าแล้วเมื่อชารุกข์ออกคำสั่งให้ลูกน้องของเขาตั้งแถวหมู่ม้าเรียงหน้ากระดานอยู่ด้านหน้าของ

หมู่บ้าน ชายหนุ่มผู้สง่างามนั่งอยู่บนหลังม้าคู่ใจโดยมีดาบยาวแนบอยู่ที่เอวพร้อมทั้งถือปืนกลเบาในมือ สายตาคมมีแววมุ่งมั่นขณะกวาด

สายตาไปยังลูกน้องทีละคนที่ต่างก็อยู่บนหลังม้าเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดอยู่ในชุดสีดำปิดบังใบหน้า


                  “เราจะไม่เสียเวลาอีกต่อไป”  ชารุกข์พูดเสียงเด็ดขาด


                   “ตอนนี้ภายในเมืองหลวงกำลังมีการปะทะกันอย่างรุนแรง พวกเราจะจัดการพวกมันให้หมดและมุ่งหน้าไปเมืองหลวงเพื่อ

จบเรื่องทุกอย่างลงเสียที”


                 “ชัยชนะจงเป็นของอามิร”


                ลูกน้องของเขาต่างกล่าวอวยพร ทุกคนจ้องมองชารุกข์เป็นจุดเดียว สายตาเหล่านั้นบอกถึงความภักดีเทิดทูนให้กับนาย

เหนือหัวไม่เว้นแม้แต่เชคฮอาลีที่เป็นผู้นำของหมู่บ้านและมีศักดิ์เป็นลุงของชารุกข์

                      ชารุกข์บังคับบาฮาให้มุ่งหน้าไปยังแคมป์ที่พักของเหล่าทหาร หมู่อาชาค่อย ๆ เหยาะย่างอย่างชำนาญพื้นที่ และเมื่อ

ชารุกข์เห็นว่าระยะเหมาะสมแล้วเขาจึงยกปืนกลเบาขึ้นประทับบ่าเล็งไปที่เป้าหมาย ปลายนิ้วสอดไกแล้วลั่นกระสุนออกไปเป็นนัดแรก


                 เมื่อกระสุนนัดแรกจากชารุกข์ เซรีมดังขึ้น การต่อสู้ก็เริ่มต้นทันที กองกำลังของปีศาจร้ายแห่งทะเลทรายดาฟาร์บังคับม้าให้

ควบตรงมุ่งหน้าไปยังเหล่าทหารที่มีจำนวนเหลืออยู่ไม่มากนักและประจัญบานกันด้วยปืนจากระยะไกล เมื่อสามารถบุกเข้าไปในแคมป์

ทหารได้พวกเขาจึงใช้ทั้งดาบและปืนเข้าต่อสู้


                 “ใครยอมแพ้จับมัดไว้ ส่วนใครขัดขืนจงกำจัด”


                 เสียงดุดันดังขึ้นจากชารุกข์ เซรีม เหล่าหทารจ้องมองตาเหลือกราวกับเขาเป็นมัจจุราชปลิดวิญญาณ บ้างก็วางปืนยอมแพ้

ให้จับมัด มีส่วนน้อยที่ยอมเสี่ยงต่อสู้หากแต่ถูกกำจัดโดยง่าย ใช้เวลาเพียงไม่นานแคมป์ทหารรัฐบาลก็ถูกทำลายราบคาบ


                     ชารุกข์ควบบาฮาสำรวจโดยรอบ เมื่อเห็นว่าสามารถยึดพื้นที่ได้หมดแล้วเขาก็ชูดาบขึ้นแสดงชัยชนะ เสียงโห่ร้องดังขึ้น

กึกก้องก่อนที่ชารุกข์จะยกมือให้ทุกคนหยุด


                   “เราได้ชัยชนะแล้วถือว่าเป็นก้าวแรกอันดีงาม แต่ที่น่าเสียใจคือหมู่บ้านของเราถูกทำลายจนเสียหาย บรรดาญาติพี่น้อง

ของเราก็ต้องระหกระเหินหนีภัยทั้งที่หมู่บ้านของเรามีความปลอดภัยอย่างที่สุด น่าแปลกว่าพวกมันรู้ที่ตั้งของเราได้อย่างไร”


                    เสียงฮือฮาดังขึ้นเมื่อลูกน้องของชารุกข์หันไปพูดคุยกันด้วยความสงสัยตามที่ชารุกข์กล่าวนำ ชารุกข์สบตาลูกน้องของ

เขาทีละคน


                    “รวมไปถึงที่ตั้งของอาคารพยาบาลของพวกเราที่ถูกพวกมันถล่มไปก่อนหน้านี้ ทำไมพวกมันถึงรู้”


                    ลูกน้องของเขามองหน้ากันเลิ่กลั่ก มันเป็นข้อสงสัยที่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อน น้ำเสียงของชารุกข์เข้มขึ้นทันที


                       “พวกของเราบาดเจ็บหลายคน ตายหลายชีวิตเพราะความลับที่ตั้งของเราถูกเปิดเผย ทำไมความลับมันถึงเปิดเผยได้

หรือเพราะใครจงใจเปิดเผยมันออกไป”


                     “ชารุกข์อามิรหมายถึงมีใครเอาความลับของเราไปบอกพวกโน้นเช่นนั้นหรือ ใคร มันเป็นใคร”


                    เชคฮอาลีถามอย่างตกใจ พวกเขาทุกคนตั้งสัตย์กันแล้วว่าจะไม่มีใครทรยศเปลี่ยนข้าง ทุกคนมองทางชารุกข์อย่าง

ต้องการคำตอบ


                “คำตอบเหล่านี้คงต้องให้ฮะซีนเป็นคนตอบพวกเราแล้วกระมัง”


                 ทุกคนหันขวับมามองฮะซีนเป็นตาเดียว คนถูกจ้องมองสะดุ้งเฮือกหน้าซีดปากสั่น


                 “เชคฮ คือว่า...”


                “บอกทุกคนสิว่า ในวันที่พวกทหารถล่มอาคารพยาบาล ทำไมแกถึงรอดชีวิตมาเพียงผู้เดียวทั้งที่ทุกคนเสียสละชีวิต แต่แก

มาบอกกับฉันว่าเพราะแกหนีออกมาได้ทัน”


                   สายตาดุจ้องคาดคั้น ชายวัยกลางคนที่เป็นลูกน้องคนสนิทอีกคนหนึ่งของชารุกข์สบตาตัวสั่นงันงก ในที่สุดฮะซีนก็คุกเข่า

ลงไปกับพื้น เขาคำนับหน้าผากจรดพื้น เขาตัวสั่นด้วยความเกรงกลัว


                    “อามิรครับ ผมไม่อยากทำเลย แต่ลูกสาวของผมอยู่ในวังกับกษัตริย์ราชิด เขาขู่จะฆ่าลูกผม ขู่ฆ่าเมียของผมและคนใน

ครอบครัว ผมไม่มีทางเลือก”


                    ฮะซีนร้องไห้โฮ เขาใช้มือกุมข้อเท้าของชารุกข์เพื่อขอเมตตาท่ามกลางสายตาโกรธแค้นของเพื่อนในกลุ่ม แต่ทุกคนก็

ไม่กล้าพูดอะไรออกไปได้แต่รอการตัดสินจากชารุกข์


                   “ฉันตรวจสอบพบเงินในบัญชีของแกงอกเงยกว่าที่ควรจะเป็น นี่หรือคือความจำเป็นที่แกใช้เป็นเหตุผล หากเหตุมีเพียงแค่

นี้ ฉันจะตอบคำถามคนที่ตายไปแล้วเพราะการกระทำของแกว่าอย่างไร พวกเขามีทางเลือกที่จะไม่ตายงั้นหรือ”


                     เสียงของเขาเต็มไปด้วยอำนาจที่ใคร ๆ ก็ต้องศิโรราบ ฮะซีนได้แต่ตัวสั่นอยู่กับพื้น แม้จะไม่อยากทำแต่ชารุกข์จำเป็น

ต้องเด็ดขาดในฐานะของผู้นำเมื่อมีคนทรยศ

                     ดาบที่เอวถูกดึงออกมาจนสะท้อนแสงแดดแรงกล้าในยามบ่ายจัด จนคนที่ยืนรายล้อมต้องเบือนหน้าหลบแสงของมัน

ชารุกข์จับดับมั่นและตวัดเพียงครั้งเดียวศีรษะของฮะซีนก็กระเด็นกระดอนไปตามพื้น เลือดแดงฉานพุ่งเป็นน้ำพุจากลำคอที่ไม่มีศีรษะอีก

ต่อไป

                    ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมา ทุกคนยอมรับผลของการลงโทษครั้งนี้เพื่อจะเป็นเยี่ยงอย่างมิให้ใครกระทำผิดซ้ำอีก ชารุกข์

เก็บดาบคืนฝักและออกคำสั่ง


                        “เตรียมอาวุธให้พร้อม เราจะเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อต่อสู้ครั้งสุดท้าย”







                   “ผมต้องกลับไปแล้ว” คาลีลเอ่ยกับวิกเตอร์ในค่ำวันนั้น ช่างภาพหนุ่มถึงกับใจหาย


                   “แต่การปะทะยังมีอยู่ ผมห่วงว่าคุณจะ...”


                   “มันเป็นหน้าที่ของผม ถึงแม้ว่าคุณจะห่วงผมก็ตาม”


                    ทั้งสองยืนอยู่ข้างรถยนต์ของคาลีลที่ลานจอดรถของสถานทูต แสงแดดของวันกำลังจางหายไปแล้ว วิกเตอร์คิดว่ามัน

ช่างคล้ายกับความรู้สึกของเขาที่ใกล้กับคำว่ามืดมนเข้าไปทุกที


                  “เหตุการณ์นี้มันต้องเกิดขึ้นไม่วันใดก็วันหนึ่ง ผมยังทำงานให้กับคณะรัฐบาลของฮาลียันอยู่”


                 “แต่กษัตริย์ราชิดไล่คุณออกแล้วนะคาลีล แถมยังจะกักบริเวณคุณด้วยอย่าลืมสิ”


                 วิกเตอร์แย้ง คาลีลฝืนยิ้ม


                “ในเมื่อยังไม่มีคำสั่งออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร ก็ถือว่างานของผมยังอยู่”


                คาลีลมองสบตา หัวใจของเขากวัดแกว่งเมื่อเห็นเยื่อใยจากวิกเตอร์ มันเป็นเยื่อใยบางเบาซึ่งเขาเองก็อดที่จะใจหายไม่ได้


                “คุณต้องกลับอังกฤษพรุ่งนี้แล้ว ขอให้เดินทางโดยปลอดภัยนะ”


                คาลีลหรุบตาลงต่ำ เขาไม่อาจสบตาวิกเตอร์ได้อีกต่อไป คาลีลเกรงเยื่อใยของวิกเตอร์จะถักทอหัวใจของเขาจนดิ้นไม่หลุด

วิกเตอร์รั้งต้นแขนของคาลีลไว้


                “คุณจะไปส่งผมที่สนามบินไหม”


                 “ผมคงไปไม่ได้ เราคงต้องเอ่ยคำอำลากันตรงนี้ ขอบคุณที่คุณทำอะไรหลาย ๆ สิ่งเพื่อผม ยินดีที่ได้รู้จักคุณนะ  วิกเตอร์

คอสเนอร์”


                  คาลีลสูดลมหายใจเข้าปอด เขาเบี่ยงแขนหนีและรีบเปิดประตูรถยนต์ก้าวเข้าไปนั่ง คาลีลสตาร์ทรถก่อนจะเหยียบคันเร่ง

ขับออกไปจากสถานทูตอย่างรวดเร็ว เขาแอบมองกระจกมองหลัง ภาพวิกเตอร์ยืนคอตกทำให้คาลีลขอบตาร้อนผ่าว

                 จบเพียงเท่านี้คงดีที่สุดแล้วสำหรับเยื่อใยระหว่างเขากับชาวต่างชาติคนนั้น








                   แอนนิสเผยแพร่ข่าวการกลับมาของกวินท์ แอนเดอร์สัน จากการปล่อยตัวของกองโจรแห่งดาฟาร์ กวินท์ปฏิเสธการให้

สัมภาษณ์กับทุกช่อง เขาแถลงข่าวเพียงแค่ทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด


                    “พวกเขาไม่ได้ลักพาตัวผมไป มิหนำซ้ำเขายังช่วยผมไว้อีกต่างหาก อันที่จริงผมควรจะตั้งคำถามกับรัฐบาลฮาลียัน

มากกว่าว่าทำไมถึงปล่อยให้มีโจรมาทำร้ายผู้สื่อข่าวต่างประเทศได้ทั้งที่อยู่ในระหว่างปฏิบัติงานตามที่ได้รับเชิญมา”


                   กวินท์ตั้งคำถามปลายเปิดเพื่อให้มีการขยายผลหาคำตอบต่อไป กองโจรแห่งดาฟาร์ควรจะได้รับความยุติธรรมจากคนทั่ว

โลก


                      เรื่องทุกอย่างสำหรับเขาจบลงแล้ว กวินท์และวิกเตอร์ได้รับคำสั่งจากต้นสังกัดให้พักจากงานได้ สำนักข่าวส่งช่างภาพ

อีกคนมาทำงานคู่กับแอนนิส สมิธและรำไพพรรณจองตั๋วเครื่องบินกลับอังกฤษทันทีในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่กวินท์ส่งมอบงานให้แอนนิส

เรียบร้อย


                   “ยังตกใจอยู่เหรอลูก”


                   รำไพพรรณลูบผมบุตรชาย ครอบครัวแอนเดอร์สันอยู่รวมกันในห้องเล็ก ๆ ของสถานทูตเป็นคืนสุดท้าย สีหน้าของกวินท์

ราวกับคนอกหักมากกว่าคนที่เพิ่งผ่านช่วงอันตรายมา


                  “เปล่าหรอกครับแม่ แค่รู้สึกว่าเวลาแค่ไม่ถึงเดือนแต่ผมผ่านอะไรมาเยอะมาก”


กวินท์นอนหนุนตักแม่ เขาปล่อยให้มือนุ่มลูบผมของเขาราวกับเป็นเด็กน้อย กวินท์หลับตาลงแต่กลับปรากฏภาพของใครคนหนึ่งอยู่หลัง

เปลือกตานั้น

                     ชารุกข์ ผมจะไม่มีวันลืมคุณได้ใช่ไหม


                     น้ำตาไหลจากหางตาเงียบ ๆ โดยไม่ให้มารดารู้ รำไพพรรณถอนหายใจ


                    “อะไรร้าย ๆ ก็ลืมมันเสียเถอะกวินท์ ทิ้งมันไว้ที่นี่ พรุ่งนี้เราก็จะกลับบ้านกันแล้ว”

                     
                       กวินท์เกรงว่าเขาจะไม่มีวันลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่เลยต่างหาก






          มีต่ออีกนิด...




หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 06-10-2017 22:34:40


อ่านต่อตรงนี้...




                ครอบครัวแอนเดอร์สันและวิกเตอร์ไปถึงสนามบินในตอนเช้าเพื่อเตรียมขึ้นเครื่องบิน เพื่อนสนิททั้งสองคนต่างก็มีสีหน้าเศร้า

หมองไม่เหมือนคนยินดีที่จะได้กลับบ้าน กวินท์ทอดถอนหายใจหลายต่อหลายครั้ง


                   “เข้าเกทได้แล้วกวินท์ วิกเตอร์”


                   สมิธเอ่ยปากเตือนบุตรชายและเพื่อนของลูก ทั้งสองจึงลุกขึ้นยืนสะพายกระเป๋า วิกเตอร์ชะงักเมื่อเห็นใครบางคนเดินตรง

มาหา


                    “คาลีล!”


                     อุทานอย่างแปลกใจระคนดีใจที่เห็นคนที่ทำให้นอนไม่หลับตลอดทั้งคืนมายืนอยู่ไม่ไกลนัก กวินท์เอียงคอมองเพราะ

เขาไม่รู้จักคาลีล แต่เมื่อเห็นแววตายินดีของเพื่อนกวินท์จึงพูดเบา ๆ


                  “มีเวลาอีกสิบนาที รีบตามมาก็แล้วกัน”


                  วิกเตอร์พยักหน้ารับ เขาเดินไปหาคาลีลพร้อมรอยยิ้ม


                  “ไหนว่าจะไม่มาส่งไงล่ะ ใจอ่อนแล้วใช่ไหม”


                   คำพูดกำกวมของวิกเตอร์เรียกเลือดมาเลี้ยงบนใบหน้าของคาลีล เขาพยายามหยุดอาการหวั่นไหวแล้วตอบกลับ


                   “มีเวลาว่างนิดหน่อยก่อนไปทำงานน่ะ ก็เลยแวะมา”


                   “คุณจะไปเที่ยวอังกฤษไหม ผมจะเป็นไกด์พาเที่ยว”


                    วิกเตอร์เสนอตัว คาลีลอมยิ้มพลางกลอกตาไปมาเหมือนกำลังพิจารณาข้อเสนอของวิกเตอร์


                  “ถ้ามีวันหยุดเวเคชั่นผมก็อาจจะไปนะ อยากไปเที่ยวช่วงฤดูหนาว ผมอยากสัมผัสหิมะ”


                 “ผมจะโทรหาคุณนะคาลีล”


                 เสียงนั้นนุ่มและออดอ้อนกว่าเคย คาลีลเลิกคิ้วอย่างสงสัย


                 “ผมไม่เคยให้เบอร์โทรศัพท์คุณนี่ คุณจะโทรหาผมได้หรือ”


                 “ขนาดความลับสุดยอดของคุณผมยังล้วงมาได้ กับแค่เบอร์โทรไม่ยากหรอก”


                  วิกเตอร์ล้วงโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าเสื้อมากดไม่กี่ครั้ง เสียงโทรศัพท์ของคาลีลก็ดังขึ้น คาลีลส่ายหน้าให้กับรอยยิ้ม

อย่างผู้ชนะของวิกเตอร์


                     “หมดเวลาสิบนาทีแล้วรีบไปเถอะ ขอให้คุณโชคดีนะ”


                      ต่างสบตากันอีกครั้ง วิกเตอร์จึงได้ตัดใจกลับหลังเดินไปทางประตูทางเข้า แต่เดินไปไม่กี่ก้าวเขาก็หันกลับมาอีกครั้ง

และก้าวยาว ๆ มาหาคาลีล คราวนี้เขาโน้มตัวเข้าใกล้และประกบปากของเขาลงไปที่ริมฝีปากของคาลีล

                      คาลีลยืนตัวแข็ง หัวใจของเขาเต้นราวกับกลองชุดเมื่อถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเขากลับรู้สึกเหมือน

จะเป็นลมกว่าที่วิกเตอร์จะถอนริมฝีปากกลับไปพร้อมกับมองเขาสายตาพราว


                      “ขอบคุณที่มาส่งนะครับคาลีล”


                      วิกเตอร์ยิ้มกว้างก่อนจะหันหลังแล้ววิ่งเข้าไปในเกทเมื่อประกาศคำเตือนครั้งสุดท้ายดังขึ้น คาลีลได้แต่ยืนนิ่งงันกับ

การกระทำอุกอาจนั้น แต่เมื่อเห็นวิกเตอร์กระโดดโบกมือไปมาจากระยะไกลก็เรียกรอยยิ้มออกมาได้ในที่สุด

                       คาลีลเดินกลับไปที่รถยนต์ของเขาพร้อมกับเยื่อใยจากวิกเตอร์ที่ไม่อาจตัดขาดลงได้







                    สัญญาณปิดโทรศัพท์มือถือและให้ผู้โดยสารรัดเข็มขัดดังขึ้นเมื่อเครื่องบินพร้อมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า นายสมิธนั่งคู่กับ

นางรำไพพรรณ ส่วนกวินท์นั่งคู่กับวิกเตอร์ที่กำลังสนใจกับนิตยสารในมือ กวินท์ได้ที่นั่งริมหน้าต่าง เขาหันไปมองท้องฟ้ายามตะวันขึ้น

เมื่อนกเหล็กลำใหญ่บินอยู่เหนือแผ่นดินฮาลียัน

                   กวินท์นึกถึงวันที่เขาเดินทางมาที่นี่ มาพร้อมกับความสงสัยใคร่รู้และจินตนาการถึงบุคคลที่ได้ยินเพียงชื่อ แต่เมื่อถึงวันนี้

วันที่เขาต้องจากไป กลับปรากฏภาพของเขาคนนั้นชัดเจนโดยมีฉากหลังเป็นท้องฟ้าสีแดงระเรื่อ

                     ดวงตาคม จมูกโด่ง ริมฝีปากหยักมีหนวดจาง ๆ ล้อมรอบ กิริยายามนั่งอยู่บนหลังม้าตวัดดาบสะท้อนแสงแต่แล้วดวงตา

คู่นั้นกลับหันมามองเขา นัยน์ตาอันแสนอบอุ่นยามโอบกอดกวินท์ไว้


                      “ผมรักคุณ ฮาบิบี”


                       เสียงทุ้มเอ่ยใกล้หู ส่งเสียงกระซิบหวานแว่วจนหัวใจโหยหา


                     กวินท์หายใจขัด จมูกของเขาปวดร้อนขอบตาเปียกชื้น


                     ลาก่อน ฮาลียัน เมืองที่กวินท์ทิ้งหัวใจไว้ที่นี่


                     ลาก่อน ชารุกข์ เซรีม ปีศาจร้ายแห่งดาฟาร์ที่ปล้นหัวใจของกวินท์จนไม่เหลือไว้ให้ใครอีกต่อไป


                                                                                               TBC


               Belove 's Talk


               ลมหายใจแห่งผืนทราย  เป็นนิยายที่ประสบความสำเร็จมากทั้งที่ไม่ขายฉากเลิฟซีนของบีเลิฟ ทั้งนี้ก็ต้องขอขอบคุณนักอ่าน

ทุก ๆ ท่านนะคะ ที่มีคนอ่านเยอะอาจเป็นเพราะนักอ่านโหยหาทะเลทรายและบีเลิฟก็บังเอิญมาถูกจังหวะพอดี


                   ถ้าชอบก็อย่าลืมช่วยบีเลิฟโปรโมทผลงานให้ดังๆ ปังๆ ด้วยน้า ช่วยแนะนำต่อๆกันไป ช่วยคอมเมนท์ เป็นกำลังใจให้

บีเลิฟบ้าง

                    บีเลิฟอยากจะพัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆ จากสมัยแรกๆ ที่เน้นขายฉากเรท หลังๆมาก็ลดลงและหันไปเน้นกับเนื้อเรื่องมากกว่า

ก็ไม่รู้ว่านักอ่านที่ติดตามบีเลิฟมาตั้งแต่ต้นจะคิดอย่างไรกันบ้าง แนะนำติชมผลงานกันได้นะคะ


                    บีเลิฟคิดว่าการแต่งนิยายเป็นงานศิลปะ เราต้องปรับปรุงให้มันดีขึ้น รับฟังความคิดเห็นนะคะ

นักอ่านหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาอ่านงานเขียนของบีเลิฟเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก บีเลิฟก็ขอขอบคุณเช่นกันคะ

และอยากจะแนะนำงานเขียนที่บีเลิฟตั้งใจมาก ๆ เช่นกัน  อย่างเรื่อง อนูบิสจ้าวแห่งแดนมรณะ คดีรักนักดูดวง ม่านไหมลายพยัคฆ์

ที่เป็นงานเขียนยุคล่าสุดของบีเลิฟค่ะ



                     สัญญาว่าจะพยายามพัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆ


                     ขอบคุณที่อ่านจนท่านเชคฮชารุกข์และกวินท์ใกล้จะจบแล้วนะคะ ^^


                        :pig3: :pig3: :pig3: :pig3: :pig3:







หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 06-10-2017 22:47:46
สงสัยว่าจะตามไปหาถึงอังกฤษไหม
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-10-2017 22:51:42
ถ้ายึดอำนาจคืนมาได้แล้วชารุกฮ์จะลงยังไงนี่สิ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 06-10-2017 23:00:00
ชารุกข์ต้องรีบทำให้มันจบนะ เพื่อจะได้ตามหาหัวใจ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 06-10-2017 23:06:45
สงสารที่ต้องแยกกันสักพัก  :mew2: :m15:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 06-10-2017 23:24:25
ขอให้ปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติสำเร็จแล้วต่อด้วยปฏิบัติการภาระหัวใจนะท่านซารุกข์

อย่าปล่อย อย่าทิ้งฮาบิบี ...

  :sad4:  :sad4:  :sad4:  :sad4:

...
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 06-10-2017 23:37:53
รีบทำภารกิจให้เสร็จแล้วตามภรรเมียไปเลยค่าชารุกข์
ถือโอกาสไปกราบพ่อตาแม่ยาย แล้วขอลูกเค้ามาอยู่ด้วยเสียเลย
คาลีลก็ด้วยอีกคน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 06-10-2017 23:44:17
กวินทร์กลับแล้ว สถานการณ์ของชารุกคือดีขึ้นแล้วใช่มั้ย คาลีลถึงมาส่งวิกเตอร์ได้เนี่ย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 06-10-2017 23:45:51
ชารุกข์สู้ๆนะ!
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-10-2017 00:01:09
 :hao5:

ฮาบิบี
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 07-10-2017 01:22:58
คดีรัก (จากที่แอนตี้ตำรวจ แต่เเรื่องนี้รักมาก ตำรวจมีหลายมุมมองเหมือนคนทั่วไป) และม่านไหม (ไม่น่าเชื่อว่านิยายอิงประวัติศาสตร์จะมีแนวนนี้ได้ แล้วจบแบบใจแกว่งๆ ซะด้วย ) สนุกมากทั้ง 2 เรื่อง
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 07-10-2017 02:33:22
กวินท์กำลังจะกลับอังกฤษแล้ว ถ้าเกิดว่าสถานการณ์ที่ฮาลียันดีขึ้น ชารุกข์จะมีโอกาสได้พบกับกวินท์อีกครั้งมั้ย แต่ถึงจะสะสางเรื่องสงครามได้ แต่ว่าถ้าชารุกข์ต้องกลายเป็นเชคฮคนต่อไป เรื่องระหว่างชารุกข์กับกวินท์ยังจะเป็นไปได้อยู่อีกมั้ย อยากให้ทั้งสองคนมีความสุขแบบหมดห่วงอย่างคนอื่นเขาบ้างจริงๆ ส่วนคู่คาลีลกับวิคเตอร์ดูจะไปได้สวยทีเดียว
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 07-10-2017 06:59:29
วิธีลงของชารุกข์ คือให้ลุงขึ้นแทนป่าว?
ลุ้นตอนจบว่าจะยังไง รอๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-10-2017 08:34:06
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 07-10-2017 11:26:20
 :L2: :pig4:
 :110011: :pig3: :pig3: :pig3: :z7:
 
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 07-10-2017 11:32:10
ตอนหน้าจะมีฉากไปหาฮาบิบีที่อังกฤษหรือเปล่าหนออ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 07-10-2017 12:04:17
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 07-10-2017 12:18:05
ดีงามมากวิกเตอร์ ตัดสินใจถูกแล้วละที่ฝากรอยประทับไว้
 :hao6:
ชารุกข์ ขอให้แก้ไขสถานการณ์ได้เร็ว แล้วรีบไปหากวินท์นะ
 :man1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 07-10-2017 17:42:01
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 07-10-2017 19:14:23
      โดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบอ่านแนวทะเลทรายอยู่แล้วค่ะแต่แนวทะเลทรายส่วนใหญ่ที่อ่านๆมาเนื้อหาจะเน้นไปทางราชวงค์อะไรทำนองนี้มากกว่าค่ะ
     ส่วนเรื่องนี้แปลกแนวดีค่ะเเละเนื้อหาก็สนุกด้วยค่ะยิ่งเนื้อเรื่องดำเดินมาถึงตอนล่าสุดยิ่งน่าสดใจ
ตอนต่อไปจะเป็นยังไงรอติดตามนะค่ะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-10-2017 19:56:13
กลัวจะเศร้าจังเลยอ่ะ
ผลงานคุณบีเลิฟไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลยค่ะ :)
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 07-10-2017 21:32:01
โอย เศร้าตามไปด้วย คนรักกันอยู่ดี ๆ จะให้ตัดใจ ไม่มีทาง
พระเอกต้องตามไปแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 08-10-2017 02:28:39
เรื่องนี้บีเลิฟปรับบทนายเอกให้แมนขึ้นด้วยล่ะมั๊งนะ เลยถูกจริตนักอ่านหลากหลายมากขึ้น เป็นกำลังใจให้จ้า
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-10-2017 06:12:21
กวินท์กลังอังกฤษแล้ว แต่ชารุกข์ยังต่อสู้อยู่เลย ถ้ารู้ข่าวคงเสียใจไม่แพ้กัน ฮือออ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 09-10-2017 16:04:45
เพิ่งตามอ่านค่ะ แอบเป็นแฟนคลับชารุก
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 09-10-2017 19:59:26
ไม่รู้ว่าจะจบยังไง แต่ขอให้ทั้ง 2 คู่ สมหวัง
ชอบแนวนี้ เนื้อเรื่องสนุก มีแอบหวาน ขยี้หัวใจเบาๆแต่ก็ฟินค่ะ สู้ๆนะคะ ตามอ่านค่า
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-10-2017 20:06:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 09-10-2017 21:07:11
สนุกมากกกกก เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ  ติดหนึบเลย ฮือออ ประทับใจในความรักของชารุกข์กับกวินท์มาก
แต่ดันเข้ามาตอนกำลังดราม่าพอดี โอยย  หวังว่าทุกอย่างจะคลี่คลายได้โดยเร็ว T^T
ชารุกข์ เท่ห์เหลือเกิน กล้าหาญเด็ดเดี่ยว เด็ดขาด เป็นผู้นำสมเป็นเจ้าชายและหัวหน้ากองโจร
แต่เวลาที่อยู่กับกวินท์ ก็ช่างเป็นคนที่อบอุ่นอ่อนโยนที่สุด  :-[ 
กวินท์ ก็เก่ง ฉลาด และใจกล้ามาก ๆ เป็นคนที่เข้าใจในทุก ๆ สิ่งได้ดี เหมาะสมคู่ควรกับชารุกข์
ตอนนี้เอาใจช่วยทั้งคู่ ให้ชารุกข์ทำได้สำเร็จดั่งหวัง อยากให้ได้กลับมาพบกันเร็ว ๆ ฮืออ
เราชอบนิยายที่ภาษาสวย ๆ เดินเรื่องลื่นไหล ไม่ดราม่ามาก ไม่ค่อยเน้นฉากเรท ซึ่งเรื่องนี้ตรงใจมากเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ นะคะ รอตอนต่อไปน้า ขอบคุณคนเขียนมากค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 10-10-2017 01:58:06
กอดดดคุณบีเลิฟค่า
เรื่องนี้เป็น my fav ของเราเลย เพราะชอบและเครซี่ทะเลทราย ถ้าเรื่องไหนภาษาไหลลื่นก็อ่านอ่ะค่ะ แล้วพอดีเปิดมาเจอเรื่องนี้ ตอบสนองความต้องการของเราได้พอดี อีกอย่าง ชอบนายเอกบุคลิกแบบวินนี่ด้วย 
...
ในตอนนี้ชอบฉากที่ชารุกข์อยู่บนมามากกกก ต้องเท่ห์แน่ๆ 
ถ้าทุกอย่างสงบ ท่านเชคต้องไปตามหัวใจของตัวเองกลับมานะ ห้ามปล่อยไปเด็จขาด ละท่านพ่อคะ อย่าค้านด้วย 
เขินนนนนตอนคู่รองลากันที่สนามบิน นี่รอความหวานของคู่หลักมาเยียวยาทุกสิ่ง 5555555  แต่ต้องรอให้จบความวุ่นวายนี้ไปก่อน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-10-2017 09:49:07
ชารุกข์ยังไม่รู้ว่าเมียหาย...
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-10-2017 22:04:56
จากกันในคืนสุข ไม่ทันได้ร่ำลา น่าสงสารทั้งคู่
คนนึงก็รอคอยแบบมีหวัง อีกคนก็จำใจทิ้งไปแบบจำเป็น
ขอให้ชารุกข์รู้ไวๆ นะคะ ว่าดวงใจต้องจากไกลไปแล้ว

ชารุกข์เข้มแข็งมาก เป็นหัวหน้าคนอื่นอะเนาะ จะมาทำให้ขาดความเชื่อมั่นไม่ได้
และโชคดีมาก ที่รู้ไว ไม่งั้นไม่รู้จะต้องเสียอะไรกันอีก

คาลีลวิกเตอร์ คือรักที่รอคอย ขอให้สมหวังนะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 22 [06/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: THANZ ที่ 17-10-2017 11:10:05
เงียบเลยอะ  :z3:
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 21-10-2017 11:03:54


                                                   ลมหายใจแห่งผืนทราย

                                                            บทที่ 23


              ชารุกข์ใช้รถทหารของกองทัพฮาลียันเป็นพาหนะพาเขาและลูกน้องเดินทางไปสู่ฟาดีเลาะห์เมือง

หลวงของฮาลียันที่กำลังมีเหตุปะทะกันอย่างรุนแรง ข่าวลือเรื่องการมาถึงของเขาแพร่สะพัดออกไปในหมู่ผู้

ชุมนุมจนยิ่งสร้างความฮึกเหิมให้แค่กองทัพประชาชนที่ยึดมั่นในความจงรักภักดีที่มีต่อกษัตริย์พระองค์เก่า

ผู้คนต่างออกจากบ้านเข้าร่วมกับการต่อสู้มากขึ้นจนสร้างความลำบากให้แก่กองทัพของรัฐบาล เพราะนาย

ทหารระดับสูงบางคนก็ไม่ได้เห็นด้วยกับเหตุรุนแรงในครั้งนี้ ขั้วอำนาจของระดับผู้นำทางการเมืองเริ่มแบ่ง

เป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน


                  คาลีลไม่ได้ไปทำงานเป็นเลขานุการของสมเด็จพระราชาธิบดีแล้ว เขาเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน

หากแต่ความจริงคือเขาเป็นตัวกลางอย่างลับ ๆ ในการติดต่อกับนักการเมืองบางคนที่มีอิทธิพลเพื่อโน้มน้าว

ให้พวกเขาเปลี่ยนใจมาอยู่ฝั่งเดียวกับชารุกข์ เซรีม ซึ่งก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ


                ระหว่างนั้นชารุกข์เองก็เข้าร่วมการต่อสู้โดยปิดบังหน้าตา แต่เขาก็ลอบส่งสารไปสู่ประชาชนเพื่อ

เป็นขวัญกำลังใจให้แก่พวกเขา การต่อสู้ทั้งบนดินและใต้ดินนี้ดำเนินไปเป็นระยะเวลาเกือบเดือน กองกำลัง

ทหารของรัฐบาลก็เริ่มตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ บรรดานักการเมืองในสภาต่างก็ออกมาโจมตีการบริหารงาน

ของสมเด็จพระราชาธิบดีราชิด ทัชฮดินกันอย่างรุนแรง สร้างความขัดเคืองให้แก่พระองค์เป็นอย่างมากใน

ฐานะผู้นำของคณะรัฐบาล เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมในวันนี้ จึงทรงก้าวพระบาทไปยังรถยนต์ประจำตำแหน่ง

ด้วยสีพระพักตร์โกรธกริ้ว


                 “รีบ ๆ กลับไปที่วังเร็ว ๆ เหนื่อยโว้ย”


               หากอยู่เพียงลำพังสมเด็จพระราชาธิบดีราชิดมักจะไม่ค่อยระวังองค์ในการแสดงออก ทรงบริภาษ

ทุกสิ่งอย่างขณะที่คนขับรถเริ่มขับตรงไปยังพระที่นั่งของพระองค์ในพระราชวัง เมื่อได้ประทับในรถยนต์ที่มี

เครื่องปรับอากาศเย็น ๆ จึงทรงคลายความรุ่มร้อนลงไปได้บ้าง ประกอบกับกลิ่นหอมแปลก ๆ ที่อบอวลอยู่ใน

รถช่วยให้สมเด็จพระราชาธิบดีราชิดทรงผ่อนคลายพระอารมณ์จนถึงกับปิดเปลือกพระเนตรลงและคล้อย

หลับไปกับเบาะรถนั่นเอง


                   ทรงมึนงงแม้ว่ารถยนต์จะขับมาจอดถึงหน้าพระที่นั่งของพระองค์ในพระราชวัง จนคนขับรถ

ต้องลงมาช่วยประคองไว้


                 “หม่อมฉันจะพาขึ้นห้องพระบรรทมกระหม่อม”


                  สมเด็จพระราชาธิบดีพยักพักตร์รับรู้ น่าแปลกที่พระองค์ทรงควบคุมความคิดไม่ได้ ต้องปล่อย

ให้คนขับรถประคองให้ก้าวพระบาทผ่านทหารรักษาพระองค์เข้าไปในพระราชฐานชั้นในจนกระทั่งถึงภายใน

ห้องพระบรรทม และพาพระองค์มาที่เก้าอี้โซฟามุมหนึ่งของห้องกว้าง สมเด็จพระราชาธิบดีราชิดทรงสะบัด

พักตร์ไปมาเพื่อขับไล่ความมึนงงและทรงลืมพระเนตรขึ้นมาอีกครั้งเพื่อพบว่าคนขับรถที่ประคองพระองค์

มายังยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า


                “ทำไมยังไม่ออกไปอีก กูง่วงนอน”


                 ทันทีที่สบตากลับทรงรู้สึกเย็นวูบที่ท้ายทอย บุรุษหนุ่มผู้นี้มีใบหน้าคลับคล้ายคลับคลา หากแต่

ที่ทำให้ทรงรู้สึกเช่นนั้นอาจเป็นเพราะดวงตาคมเย็นเยียบที่กำลังจ้องมองพระองค์นั่นต่างหาก


                   “กราบทูบฝ่าพระบาท หม่อมฉันมีเรื่องที่ต้องกราบทูลให้ทรงทราบ”


                   เสียงนั้นแม้จะนิ่งเรียบหากแต่ฟังมีอำนาจจนสมเด็จพระราชาธิบดีถึงกับหวาดหวั่นและรู้โดย

พลันว่าเขาไม่ใช่คนขับรถธรรมดา สมเด็จพระราชาธิบดีทรงขยับองค์อย่างระแวงทันที


                    “แกเป็นใครกันแน่”


                  เขาผู้นั้นค้อมศีรษะลงเล็กน้อย มุมปากกดยิ้มลึกพลางกล่าวแนะนำตัว


                “ข้าพระองค์มีนามว่าชารุกข์ เซรีม บินอาซัล อัลฟาดี หากจะนับแล้วก็ถือว่าเป็นหลานอาของ

พระองค์พะย่ะค่ะ”


                  กษัตริย์ราชิดเบิกพระเนตรกว้าง ใครจะนึกถึงว่าศัตรูหมายเลขหนึ่งในตอนนี้จะอาจหาญเข้ามา

ถึงที่รโหฐานและอยู่เพียงลำพังจนสามารถมายืนสงบนิ่งต่อหน้าพระองค์ หากแต่เกียรติยศศักดิ์ศรียังมีมาก

พอที่จะฝืนความหวาดหวั่นนั้นไว้และลุกขึ้นยืนพลางเชิดพักตร์ยิ้มเหยียด


                 “ฉันไม่จำเป็นต้องนับญาติกับเธอหรอกชารุกข์ เธอไม่ได้มีค่าพอสำหรับฉัน”


                  ชารุกข์ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดเหล่านั้น เพราะเขาตั้งใจมาปฏิบัติภารกิจสำคัญที่ตั้งใจมากกว่า

เขาแฝงตัวมาเป็นคนขับรถโดยความช่วยเหลือของหลายฝ่าย และใช้กำยานจากเปลือกไม้ที่มีคุณสมบัติช่วย

ให้ผ่อนคลายที่มาจากหมู่บ้านยาคีนภายในรถพระที่นั่ง มันไม่ได้มีฤทธิ์ทำให้สลบไสลแต่ก็ทำให้คนสูดดม

กลิ่นของมันมึนงงไปพักใหญ่ ส่วนตัวของชารุกข์เองที่นั่งมาในรถด้วยนั้น เขามีกำยานอีกสูตรหนึ่งที่สามารถ

แก้พิษกันได้แอบสูดดมเป็นระยะเพื่อไม่ให้ได้รับผลเช่นเดียวกับกษัตริย์ราชิด ในที่สุดชารุกข์ก็สามารถผ่าน

เข้ามาเผชิญหน้ากับบุคคลที่ทำให้ชีวิตของเขาและผู้คนอีกมากมายต้องเปลี่ยนแปลง


                   “กระหม่อมขอถวายข้อเสนอ”


                   ชารุกข์ไม่อ้อมค้อม เวลามีไม่มากสำหรับเขา


                   “ขอให้มีรับสั่งหยุดยิงประชาชน มอบอำนาจที่แท้จริงคืนแก่ผู้ที่เหมาะสม และทรงไปใช้ชีวิตที่

ต่างประเทศด้วยความสุขสบายของพระองค์ตลอดไป”


                   “มึงกล้าขู่กูเหรอ”


                 สมเด็จพระราชาธิบดีราชิดถึงกับกริ้วอย่างหนักเพราะรู้ความหมายโดยนัยนั้นดี เมื่อคนเป็นหลาน

กำลังจะยึดพระราชอำนาจคืนและเนรเทศพระองค์ออกจากฮาลียัน


                “กูคือกษัตริย์ของฮาลียัน”


                “พระองค์คือกษัตริย์โดยการช่วงชิงบัลลังก์จากกษัตริย์ที่ถูกต้องกระหม่อม”


                น้ำเสียงของชารุกข์ราบเรียบแฝงด้วยความเด็ดขาด แต่สมเด็จพระราชาธิบดีราชิดเลือดขึ้นหน้า

เสียแล้ว


                “พ่อของมึงมันแค่ลูกเมียน้อย กูนี่ตั้งหากที่เป็นลูกของแม่ที่มาจากการแต่งตั้งให้เป็นราชินี กูต่าง

หากที่ต้องเป็นกษัตริย์ไม่ใช่พ่อของมึงที่หว่านล้อมพ่อกูจนยกบัลลังก็ให้”


                 ทรงชี้หน้าชารุกข์ด้วยข้อพระหัตถ์สั่นเทา มันเป็นสิ่งที่อยู่ในพระทัยมาเนิ่นนานเมื่อพระเชษฐา

ต่างพระมารดามีความสามารถมากกว่า เป็นพระโอรสองค์โปรดมากกว่า และในที่สุดก็ได้รับการแต่งตั้งเป็น

กษัตริย์ มันเป็นความแค้นจนยอมทุกอย่างเพื่อที่จะได้ครอบครองในสิ่งที่พระองค์คิดว่าเป็นของพระองค์มา

ตลอด


                    “ทรงคิดเพียงแค่นี้จนถึงกับยอมทำลายคนอื่นเพื่อให้ได้อำนาจนั้นมา”


                    ชารุกข์มองอย่างเหยียดหยาม


                    “ใช้อำนาจของพระมารดาเพื่อทำร้ายพี่ชายและหลานจนตาย รู้บ้างไหมกระหม่อมว่าคนที่เป็น

ผู้นำต้องประพฤติตนเช่นไรเพื่อผู้คนที่อยู่ภายใต้การปกครอง”


                 “อย่ามาทำเป็นสอนกู”


                 ทรงตบหน้าของชารุกข์จนขึ้นเป็นรอยแดง


                “กูเป็นกษัตริย์ เป็นเจ้าชีวิตของมึง กูเป็นเจ้าของฮาลียัน ทหาร ทหารอยู่ไหน เข้ามาจับมันไว้ ไอ้

โจรกระจอกมันบังอาจเข้ามาในห้องกู อยู่ไหนกันหมดเข้ามาสิวะ กูจะสั่งแขวนคอพวกมึงให้หมดเลย”


                 สมเด็จพระราชาธิบดีราชิดส่งเสียงโวยวายจนประตูห้องพระบรรทมเปิดออก นายทหารรักษา

พระองค์หลายคนกรูกันเข้ามาในห้องจนพระองค์ยิ้มออกมาได้ หากแต่รอยยิ้มสรวลพลันเลือนหายเมื่อนาย

ทหารเหล่านั้นกลับยืนนิ่งอยู่เบื้องหลังชารุกข์และหันปลายกระบอกปืนมาทางพระองค์


                 “พวกมึงจะบ้ากันแล้วเหรอ นี่ยอมเป็นกบฏงั้นหรือ”


                พักตร์ซีดจนแทบเป็นกระดาษเมื่อนายทหารก้าวเข้ามาและจับกุมพระองค์ไว้ ชารุกข์มอง

เหตุการณ์นั้นด้วยแววตาสงบ


                “ในนามของสมเด็จพระราชาธิบดีอาบูโอมาร์ อาซัล  ฟาอิด บินซาฟาร์ อัลฟาดี ที่ยังทรงมี

พระชนม์ชีพรอดจากการถูกลอบปลงพระชนม์ บัดนี้พระองค์ถูกถอดพระราชอำนาจแล้วพะย่ะค่ะ”


                 วาจาของชารุกข์สร้างความตระหนกให้แก่สมเด็จพระราชาธิบดีราชิดเป็นอย่างยิ่ง ทรงนึกไม่

ถึงว่าพระเชษฐาจะรอดจากการช่วงชิงตำแหน่งในครั้งนั้น ทรงมีรับสั่งให้แขวนพระศอเจ้าชายโอมาร์พระ

ราชโอรสพระองค์โตของพระเชษฐาและให้เผาพระที่นั่งของสมเด็จพระราชาธิบดีอาซัล ฟาอิด จนวอดวาย มี

ผู้พบศพอยู่ในซากปรักหักพังจนแน่ใจว่าพระเชษฐาได้สวรรคตเป็นที่แน่นอนแล้วจึงได้วางใจ ใครเล่าจะนึกว่า

จะยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่และยังมีโอรสที่แสนร้ายกาจอย่างชารุกข์ เซรีมผู้นี้อีกคน


                ข้อพระกรของกษัตริย์ราชิดถูกมัดไว้ด้วยเชือกเส้นใหญ่และถูกนำไปยังด้านหลังของพระราชวัง

ด้วยการบังคับของนายทหาร ใบหน้าของพระองค์ซีดลงเรื่อย ๆ เพราะรู้ดีว่ากำลังถูกนำตัวไปยังที่แห่งใด

ในส่วนด้านหลังของพระราชวัง มีสิ่งก่อสร้างเป็นแท่นปูนยกสูงตั้งอยู่ วรกายของพระองค์สั่นไหว เหงื่อกาฬ

ไหลเปียกชื้น ชารุกข์หันมามองด้วยแววตาของผู้กุมอำนาจอย่างแท้จริง


                “ในนามของเจ้าชายโอมาร์มกุฎราชกุมารผู้เป็นรัชทายาทซึ่งถูกประหารชีวิตโดยไร้เหตุผลและ

ความผิด ณ ที่แห่งนี้ หม่อมฉันก็น้อมถวายโทษทัณฑ์แด่พระองค์เฉกเช่นเดียวกันกับที่พี่ชายของหม่อมฉัน

ได้รับ”


                   “ไม่ มึงจะแขวนคอกูไม่ได้ กูเป็นกษัตริย์ เป็นเจ้าชีวิตของมึง ไอ้ชารุกข์”


                    แม้จะทรงดิ้นรนโวยวายแต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อถูกนายทหารรวบองค์ให้ขึ้นไปยืนบนแท่นปูนนั้น

เชือกเหนียวเส้นใหญ่คล้องไปรอบพระศอซึ่งจ้องมองชารุกข์ราวกับพบเจอปีศาจ ก่อนที่ร่างของอดีตกษัตริย์

ราชิด ทัชฮดิน จะถูกทิ้งให้ล่องลอยกลางอากาศโดยมีเชือกเส้นนั้นเป็นมัจจุราช พระพักตร์บิดเบี้ยวเพราะ

ขาดอากาศหายใจและไม่กี่นาทีหลังจากนั้นลมหายใจของพระองค์ก็หมดสิ้นลง


                 ชารุกข์ เซรีมทอดสายตามองภาพดังกล่าวอย่างสะท้อนใจ

                 
                 นี่คือจุดจบของอำนาจที่มีแต่ผู้คนแก่งแย่งกัน หากสุดท้ายกลับไม่มีผู้ใดได้มันไปอย่างแท้จริง

แม้แต่คนเดียว มีเพียงความตายเท่านั้นที่ทุกคนเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง




                   เสียงโห่ร้องดังขึ้นทั่วทั้งฮาลียัน เมื่อเหตุการณ์ความรุนแรงได้จบสิ้นลงแล้ว




มีต่ออีกนิด.....


หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 21-10-2017 11:13:33


อ่านต่อตรงนี้....




               ชารุกข์บัญชาการให้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นองเลือดโดย

มีนายแพทย์ฟาฮีมน้องชายและคาลีลเป็นคนดูแล ประชาชนชาวฮาลียันต่างมองชารุกข์อย่างเทิดทูน การได้

รับชัยขนะของกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงและการสวรรคตของสมเด็จพระราชาธิบดีราชิด ทัชฮดินโดยไม่แจ้ง

สาเหตุกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ทุกประเทศต่างจับจ้องว่าใครจะขึ้นมารับตำแหน่งประมุขคนใหม่ของฮาลี

ยัน


               บุรุษหนุ่มร่างสูงงามสง่าในชุดสีดำกำลังยืนเพ่งมองไปที่ถนนสายหลักทางเข้าสู่เมืองฟาดีเลาะฮ์

ริมฝีปากหยักมีหนวดเคราล้อมอยู่โดยรอบเพราะมิได้ดูแลตัวเองปรากฏรอยยิ้มเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน

หลังจากจบเรื่องร้ายลงได้ สายตายินดีเมื่อมองเห็นขบวนรถหลายคันมุ่งตรงมาทางเขา ในที่สุดขบวนรถก็มา

จอดเทียบอยู่ริมถนนที่เขาและฟาฮีมยืนอยู่คู่กัน


                ด้านหลังของรถเปิดออก ชายชราผู้ใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นและมีใบหน้าส่วนหนึ่งมีรอยแผลเป็นจาก

ไฟไหม้ได้รับการช่วยเหลือให้ลงจากรถ เมื่อเขาทรงตัวอยู่บนรถเข็นได้เป็นที่เรียบร้อย บรรดาผู้คนที่ยืนอยู่

บริเวณนั้นต่างก็ทรุดกายลงไปกับพื้นดินและคำนับจนหน้าผากจรดพื้นไม่เว้นแม้แต่ชารุกข์และฟาฮีม จน

กระทั่งชายชราวางมือบนศีรษะชารุกข์จึงได้ลุกขึ้นยืน ผู้อื่นจึงค่อยลุกตาม ชารุกข์มองบิดาด้วยนัยน์ตาอ่อน

โยน


             “เรื่องทุกอย่างจบแล้วครับพ่อ”


              รีฮานมองชารุกข์และฟาฮีมบุตรชายของตนด้วยความภาคภูมิ


              “ลูกพ่อทั้งสองคนเก่งมากที่ช่วยเหลือกันจนได้รับชัยชนะ ชารุกข์มีความเป็นผู้นำเฉลียวฉลาดและ

กล้าหาญ ส่วนฟาฮีมก็เป็นคนมีน้ำใจ เมตตาต่อผู้อื่นโดยแท้  พ่อภูมิใจในตัวลูกชายของพ่อทั้งสองคน”


              ชารุกข์และฟาฮีมค้อมศีรษะคำนับรับความชื่นชมนั้น ชารุกข์เล่าให้บิดาฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง รวม

ถึงการสวรรคตของอดีตกษัตริย์ราชิดด้วย รีฮานพยักหน้าพลางถอนหายใจออกมา


                “เขาก็ได้รับผลจากการกระทำของเขาแล้ว หวังว่าอัลลอฮ์จะสอนให้เขาได้รู้จักความดีบ้าง”


                เมื่อได้พูดคุยกับบิดาครู่ใหญ่ชารุกข์ก็เริ่มกระสับกระส่าย เขามองหายาก็อบที่ได้รับคำสั่งให้ดูแล

บิดาของเขา เมื่อมองเห็นว่ายาก็อบกำลังช่วยเหลือผู้คนจากหมู่บ้านยาคีนที่อพยพหนีตายขนของลงจากรถ

บรรทุก ชารุกข์ก็ปลีกตัวจากบิดาและฟาฮีมตรงมาหายาก็อบทันที


               “อามิร”


              ยาก็อบเอ่ยทักอย่างนอบน้อม ต่อจากนี้ชายตรงหน้าอาจจะเป็นผู้นำคนใหม่ของฮาลียัน


              “กวินท์ล่ะยาก็อบ กวินท์อยู่ไหน”


              “กวินท์กลับไปอังกฤษแล้วนี่ครับ”


               ยาก็อบทำหน้าเหรอหรา


               “ก็พระองค์รีฮาน เอ๊ย อาซัล ฟาอิด สั่งให้ผมพากวินท์ไปส่งที่สถานทูตอย่างปลอดภัย อ้อ เขายัง

ฝากจดหมายให้อามิรด้วยครับ”


               ยาก็อบล้วงซองจดหมายมาจากกระเป๋าเสื้อด้านในส่งให้ชารุกข์ เขารับมันมาอย่างใจหาย นึกรู้ทัน

ทีว่าเกิดอะไรขึ้น หัวใจของเขาพลันเหี่ยวแห้งราวกับต้นไม้แล้วน้ำเมื่อเหตุการณ์ทั้งหมดจบลงแล้วแต่กลับไม่

ได้พบหน้าคนที่เขาคิดถึงสุดหัวใจ     ชารุกข์รีบดึงจดหมายออกจากซองและอ่านลายมือภาษาอังกฤษของ

กวินท์




              ถึง ชารุกข์ เซรีม ปีศาจทะเลทรายของผม


            หากคุณได้อ่านจดหมายฉบับนี้ นั่นหมายถึงว่าผมต้องจากคุณไปแล้ว 

            อันที่จริงผมก็พอจะเดาได้อยู่แล้วว่าเรื่องของเราจะลงเอยอย่างไร

            จริง ๆ แล้ว ตัวคุณเองก็คงจะรู้ เพียงแต่เราทั้งสองไม่อาจทำใจยอมรับมันได้แค่นั้นเอง

            แต่ในที่สุดก็ต้องมีวันนี้ วันที่เราต้องกลับคืนสู่โลกแห่งความจริง

             ความจริงที่ว่าคุณเป็นใครและผมเป็นใคร

            บางครั้งความรักก็ไม่อาจลงเอยด้วยคำที่ว่า “ทั้งสองจะเคียงคู่กันตลอดไป”

           แต่ถึงอย่างไร ทุกสิ่งในโลกนี้ก็ไม่สามารถห้ามผมไม่ให้รักคุณได้

           และก็ไม่อาจห้ามใจรักของคุณเช่นกัน

           ถึงแม้จะกลับคืนสู่ความจริง แต่ผมจะไม่มีวันลืมความรักของเราได้ลง

           ถึงแม้จะมีอุปสรรคบีบบังคับไม่ให้เคียงคู่

           แต่จิตใจของเรามันมีอิสรเสรีเสมอ ไม่มีอะไรในโลกนี้บีบบังคับไม่ให้เรารักกัน

           ผมคือ Gavyn

           เหยี่ยวขาวที่โบยบินอยู่เหนือฟากฟ้ากว้างในโลกของคุณ ในจักรวาลแห่งรักของคุณ

           ความรักของคุณสั่งให้ผมรักคุณตลอดไป

            Gavyn Anderson




              มือใหญ่ที่ถือแผ่นจดหมายสั่นเทา ชารุกข์เหลียวมองไปทางบิดา ชายชราสบตากับเขาก่อนจะผิน

หน้าหนีด้วยความละอาย ชารุกข์ไม่โทษบิดา เขาเข้าใจว่าทำไมบิดาถึงต้องทำเช่นนั้น ชารุกข์เข้าใจเรื่อง

ทั้งหมดแต่หัวใจของเขาไม่อาจยอมรับได้ ร่างสูงทรุดตัวลงคุกเข่าอยู่กับพื้นด้วยหัวใจแตกสลาย เขาแนบ

จดหมายไว้กับอกข้างซ้ายของเขา


               จะเกิดประโยชน์อันใดหากทำทุกอย่างเพื่อผู้อื่นยกเว้นเพื่อคนที่รักจนสุดหัวใจ ความสุขของผู้อื่น

ที่แลกมาด้วยเจ็บปวดผิดหวังของคนที่รัก ชารุกข์ได้แต่ถามตัวเองว่าเขาควรจะทำเช่นไรกับชีวิตที่เหลืออยู่

โดยปราศจากกวินท์



                                                             TBC


                                         ตอนหน้าจบแล้ว คอมเมนท์ให้บ้างน้า

                                                          :dont2: :dont2: :dont2: :dont2:




หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-10-2017 11:21:31
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 21-10-2017 11:40:23
ด้วยหน้าที่ของขัตติยะจะสงสารหัวใจตัวเองได้ยังไง 

ปล.บีเลิฟสู้ๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: THANZ ที่ 21-10-2017 11:40:50
เย้้ มามาทันพอดี เรื่องหลายอย่างจบลงแล้ว ไปหากวินท์เลยซารุกข์
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 21-10-2017 12:20:45
ต่อไปก็เป็นตอนตามหาหัวใจสินะ เอาใจช่วยนะจ๊ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 21-10-2017 12:59:48
ชารุกข์จะทำไงต่อไปน้อออ. . ลุ้นๆ :katai1:

หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 21-10-2017 13:28:52
อย่าจบแบบไม่อยู่ด้วยกันได้ไหม รักกัน ก็อยากให้อยู่ด้วยกัน
พ่อมีลูกสองคนก็ยกให้อีกคนไปสิ แยกคนรักออกจากกัน มันบาปนะคุณพ่อรู้ไหม  :ling1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-10-2017 13:54:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-10-2017 14:30:05
ขอจบแบบแฮปปี้น้า~
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 21-10-2017 14:33:01
อยากให้ตอนจบได้อยู่ด้วยกัน  :sad4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 21-10-2017 15:13:48
กวินกลับมาเถอะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 21-10-2017 16:10:15
ต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ ๆ เนอะ ต้องใจเย็น ๆ นะชารุกข์
ยังไง ชารุกข์ก็ต้องจัดการทุกอย่าง หลังศึกสงครามให้เรียบร้อย เข้าที่เข้าทางเสียก่อน
แล้วต้องเจรจากับคุณพ่อให้เข้าใจกันด้วย แล้วหลังจากนั้นค่อยไปรับกวินท์ที่ไทย
กวินท์ไม่มีทางกลับมาเองหรอก ในเมื่อตกลงกับคุณพ่อชารุกข์ไว้แล้ว
เพราะฉะนั้น ต้องเป็นฝ่ายชารุกข์ที่ไปตามหาหัวใจ และเพื่อจะได้เจอกับครอบครัวกวินท์ด้วย
ครอบครัวกวินท์ ยังไม่มีใครรู้อะไรเลย ชารุกข์ ต้องมาแสดงความจริงจังจริงใจกับทางนี้
ไม่อย่างนั้น คุณพ่อคุณแม่ของกวินท์ ก็คงไม่เชื่อใจยอมปล่อยลูกรักไปง่าย ๆ หรอกนะ
เอาใจช่วยทั้งคู่เลย ต้องอดทนเข้าไว้นะ
ขอบคุณคนเขียนมาก ๆ ค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 21-10-2017 16:36:01
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 21-10-2017 16:52:28
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 21-10-2017 18:24:30
ซารุกข์คงต้องยอมสละบัลลังก์

แล้วให้น้องชายขึ้นแทน โดยคอยยืนค้ำบัลลังก์ให้

เพื่อแลกกับการได้กวินทร์คืนมา

จะอยู่โดยไร้หัวใจได้อย่างไรกัน

 :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:

...
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 21-10-2017 20:54:07
เรื่องนี้จะจบแฮปปี้ไหมอ่ะ ตามอ่านมาลุ้นตอนจบมาก
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 21-10-2017 21:30:51
ขอบคุณค่ะ  จะจบแล้วเหรอ  ไวจัง
ชอบเรื่องนี้ที่สุดนะ  เจ๋งมาก  ภาษาสวย  สำนวนดีมาก
ชื่นชมค่ะ  รอซื้อแบบเป็นเล่มนะคะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 21-10-2017 21:48:20
ก็คงต้องยกบรรลังให้น้องชาย แล้วออกตามหาหัวใจตัวเอง
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-10-2017 22:09:47
จะจบแล้วหรอ งืออ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-10-2017 22:41:17
 :katai1:

กรีดน้ำตากัน ออกมาเลย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 22-10-2017 01:06:20
เกือบจะร้องไห้แล้วง่ะ งือออ ตอนชารุกข์อ่านจดหมาย 
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 22-10-2017 04:14:57
      ใจสั่นตามชารุกเลยตอนที่นางอ่านจดหมาย
สงสารจับใจกับคำพูดของกวินท์ที่ว่าไม่อาจเคียงคู่กันเศร้าค่ะ
ไม่อยากให้รีบจบเลย....ร่ออ่านตอนต่อไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: se7enayo ที่ 22-10-2017 05:17:35
งือออ จะร้อง เอาแบบแฮปปี้นะฮะ ไม่ชอบกินมาม่าเลยจริงๆ :hao5:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 22-10-2017 06:47:30
ตามหาหัวใจนะ ซารุกข์
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 22-10-2017 14:41:03
ตอนหน้าต้องตามกากัวใจคืนมาให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 22-10-2017 15:51:24
ไปตามหัวใจตัวเองกลับมาเถอ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 23-10-2017 12:34:47
น่าสงสารชารุก  :mew4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-10-2017 17:36:04
  :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 23-10-2017 22:42:17
ตอนหน้าจบแล้วเหรอเนี่ย ฮือ ไม่อยากให้จบเลย นานๆทีจะมีนิยายแนวทะเลทรายให้อ่าน สงสารชารุกข์ก็สงสารแต่ก็เข้าใจคุณพ่อนะ เพราะอนาคตชารุกข์มีศักดิ์เป็นถึงกษัตริย์ผู้ครองเมืองฮาลียันเลยนะ แต่ก็อย่างที่กวินท์บอกนั่นแหละว่าไม่มีอะไรห้ามไม่ให้มีใจรักต่อกันได้ เราว่าชารุกข์ต้องรอให้อะไรๆมันลงตัวมากกว่านี้ก่อน เพราะตอนนี้ฮาลียันก็ยังไม่แข็งแกร่งมาก ยิ่งช่วงจะผลัดเปลี่ยนผู้ครองเมืองยิ่งอันตราย ต่างชาติจะเข้ามาแทรกแซงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าอะไรๆลงตัวจนหมดห่วง ไม่แน่ว่าเรื่องของชารุกข์กับกวินท์ก็อาจจะเป็นไปได้ก็ได้มั้ง เห้อ เดาตอนจบแบบสวยงามไม่ออกเลบ เพราะที่พูดมันง่าย แต่ทำจริงมันก็ยาก หรือไม่ก็สละตำแหน่งให้น้องชาย ถึงจะเป็นทางเดียวที่ได้มีกวินท์เคียงข้าง
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-10-2017 21:02:53
ไม่อยากให้แยกจากกันแบบนี้เลย  :sad4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 27-10-2017 16:10:16
เมื่อหน้าที่จบลงแล้ว ต่อไปก็คงตามหัวใจ
"จะมีความสุขเมื่อประสบความสำเร็จได้อย่างไร ถ้าเจ้าของหัวใจไม่มาร่วมยินดี"
พึ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ พี่สาวแนะนำมา บอกเลยว่าชอบมากกกกกกกกก โอยยยยยย เขินมากกกกก ประทับใจทุกตอน นิยายบางเรื่องสนุกแต่ไม่ประทับใจอ่านเรื่องใหม่ก็ลืม แต่ถ้าเรื่องไหนประทับใจ เรื่องใหม่ๆมายังไงก็จะอยู่ในความทรงจำเสมอ และกลับมาย้อนอ่านอีกโดยไม่เบื่อหน่าย

ปล. Be love ฉู้ๆ :o8:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 23 [21/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: mmanitaa ที่ 29-10-2017 11:32:47
งือออ ชอบมากๆ เขียนดีมากเลย คือซึ้งแล้วก็เห็นภาพตามชัดมาก
รอตอนจบน้า แต่ยังไม่อยากให้จบเลย  :o12: แต่แอบคิดว่าถ้าจบเศร้ามันน่าจะสมบูรณ์กับเนื้อเรื่องมากเลยอ่ะ :sad4:
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 ตอนจบ [29/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 29-10-2017 19:20:32


                                                                                ลมหายใจแห่งผืนทราย

                                                                                         บทที่ 24



               8 เดือนต่อมา...


               “ประเทศฮาลียัน เป็นประเทศเล็ก ๆ ในเขตเอเชียตะวันออกกลาง 

               พวกเขาร่ำรวยเพราะบ่อน้ำมันและเหมืองแร่ และยังเป็นประเทศที่มีทั้งความเจริญ

               ควบคู่ไปกับผู้คนที่ยังมีวิถีชีวิตอย่างชนพื้นเมือง ความมีน้ำใจที่ยังสัมผัสได้

               นอกเหนือจากนั้น พวกเขายังรักในความถูกต้อง ซื่อสัตย์

               ถึงแม้จะเพิ่งผ่านพ้นเหตุการณ์ร้ายแรงแต่เชื่อได้ว่าในอีกไม่นาน

               พวกเขาจะช่วยกันเริ่มต้นใหม่เพื่อประเทศของพวกเขา

               ด้วยผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และกล้าหาญ เพื่อรอให้ทุกคนไปเยือน

               กวินท์ แอนเดอร์สัน รายงานข่าว”



              กวินท์ปิดหน้าจอเพจ Youtube ที่เขาเปิดดูรายงานข่าวชิ้นสุดท้ายของเขาก่อนจะลาออกจากสำนักข่าวไอซีเอ็น แล้วถอน

หายใจออกมา หลายเดือนผ่านไปแล้วสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กวินท์ยังคงติดตามข่าวสารจากฮาลียันอย่างเงียบ ๆ เขายินดีกับ

ชัยชนะของชารุกข์ เซรีม ผู้นำการต่อสู้ที่เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก


                 หลังจากกลับไปที่อังกฤษกวินท์และวิกเตอร์ต้องส่งรายงานสรุปเรื่องทั้งหมดให้เจ้านาย กวินท์ผลิตสกู๊ปข่าวเรื่องความขัด

แย้งของผู้นำของฮาลียันจนก่อให้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบส่งกองบรรณาธิการ เมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์กวินท์จึงยื่นใบลาออกอย่าง

ที่ตั้งใจไว้ เขาบอกกับบิดามารดาว่าจะกลับมาประเทศไทยและเปิดโรงเรียนสอนภาษาเล็ก ๆ ในกรุงเทพ  นายสมิธและรำไพพรรณก็ตาม

ใจ แถมคุณนายรำพึงผู้เป็นยายยังเป็นตัวตั้งตัวตีออกเงินเช่าตึกและทุนในการเปิดโรงเรียนให้อีกต่างหาก


                 “หลานกลับมาอยู่ไทย ยายให้แค่นี้ยังน้อยไป”


                 อาคารที่เช่าอยู่เป็นตึกแถวสามชั้นครึ่งชานเมืองกรุงเทพใกล้กับทางไปบ้านคุณนายรำพึง กวินท์ใช้สองชั้นรวมชั้นลอยเป็น

ห้องสอนภาษา ส่วนชั้นบนสุดอาศัยเป็นห้องนอน เขาจ้างครูภาษาท่านอื่นมาช่วยสอนด้วยเป็นบางคอร์ส กิจการของเขาไปได้ดีเพราะอยู่

ใกล้แหล่งสถานศึกษาหลายแห่ง กวินท์เพลิดเพลินกับการสอนภาษา แต่บางครั้งหัวใจของเขาก็ยังคิดถึงคนที่อยู่ห่างไกลจนต้องรีบปัด

ความรู้สึกเหล่านั้นทิ้งไป


                    “อาจารย์กวินท์ ผมเคยดูรายงานข่าวของอาจารย์ด้วยครับ”


                    นักเรียนคนหนึ่งของเขาทักขึ้นหลังการเรียนจบลง


                   “ตอนนั้นอาจารย์ดังไปทั่วโลกเลยนะครับที่ถูกพวกโจรทะเลทรายจับตัวไป ผมยังนึกว่าอาจารย์จะถูกฆ่าปาดคอเสียแล้ว

โจรพวกนั้นโหดเหี้ยมหรือเปล่าครับ มันทำร้ายอาจารย์หรือเปล่า”


                “ไม่หรอก ผมไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่รอยข่วน พวกที่จับผมไปเขาไม่ใช่โจรธรรมดา พวกเขาเป็นโจรมีอุดมการณ์”


                 กวินท์กล่าวแก้พร้อมรอยยิ้ม ทั้งที่หัวใจของเขาโหยหาและเจ็บทุกครั้งที่มีใครซักถามเรื่องนี้ มันเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าแม้ว่า

ผ่านไป เขาก็ยังไม่สามารถลืมเลือนใครบางคนได้เลย


                เขาลุกขึ้นเก็บของหลังจากที่ชั่วโมงสุดท้ายของการสอนผ่านไป วันนี้นัดคุณนายรำพึงไว้ว่าจะไปฝากท้องกับอาหารเย็นแสน

อร่อยฝีมือคุณนาย  กวินท์ชะงักเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ที่มาจากต่างประเทศกวินท์ก็รีบกดรับสาย


               “ว่าไงวะ วิก”


               “เงียบไปเลยนะมึง”


               กวินท์ยิ้มเมื่อได้ยินเสียงวิกเตอร์เพื่อนสนิทต่อว่าดังมาจากโทรศัพท์ หลังจากได้ผ่านเหตุการณ์ตื่นเต้นมาด้วยกันที่ฮาลียัน

วิกเตอร์กลับไปทำงานที่สำนักข่าวไอซีเอ็น แต่ก็มีโครงการว่าจะลาออกเพื่อไปเป็นช่างภาพอิสระในเร็ววันนี้


              “กลับไปอยู่ไทยแล้วมีความสุขล่ะสิ ลืมเพื่อนฝูงไปเลยนะ ไม่ติดต่อมาบ้างมึงน่ะ”


             “ไม่ได้ลืมว่ะ แต่งานมันยุ่ง”


              “กิจการโรงเรียนสอนภาษาไปได้ดีใช่ไหม ดีใจด้วยโว้ย”


               กวินท์ยิ้มรับ เขานึกถึงใบหน้าทะเล้นของเพื่อนสนิทที่กำลังส่งเสียงดังตามนิสัย


              “นี่ว่าจะไปเที่ยวหามึงที่ไทย นัดกับคาลีลไว้ว่าเดือนหน้าจะไปเที่ยวงานสงกรานต์ด้วยกัน”


               “เฮอะ คำก็คาลีล สองคำก็คาลีล เขาไปเที่ยวหาที่อังกฤษก็ถึงกับลาพักผ่อนพาเขาไปเที่ยวเป็นอาทิตย์ ถามจริง ๆ เหอะ เขา

ตอบตกลงคบด้วยหรือยังวะ”


                “ยังน่ะสิ เล่นตัวชะมัด แม่งบอกแต่ให้ศึกษากันไปก่อนตลอดเลย ศึกษากันมาหลายเดือนแล้วนะโว้ยจนจะหมดตัวเพราะค่า

ตั๋วเครื่องบินแล้ว นี่กะว่าถ้าไม่ยอมสักทีกูจะไปปล้ำที่ไทยนี่แหละ ให้มันรู้เรื่องกันไปเลย”


                 กวินท์หัวเราะ วิกเตอร์เพียรจีบคาลีลข้ามประเทศตั้งแต่กลับจากฮาลียัน เมื่อมีเวลาว่างวิกเตอร์ก็ขึ้นเครื่องบินไปหา คาลีล

เองก็เคยไปเที่ยวที่อังกฤษตอนนั้นวิกเตอร์ถึงกับลาหยุดเพื่อพาคาลีลเที่ยวช่วงฤดูหนาว  แต่อีกฝ่ายก็ยังใจแข็งไม่ยอมตกลงใจคบใน

ฐานะคนรักเสียทีจนวิกเตอร์กลุ้มใจบ่นให้กวินท์ฟังบ่อย ๆ


                “เออ ที่ฮาลียันน่ะ เขามีพิธีแต่งตั้งกษัตริย์องค์ใหม่เมื่อวานนี้ ดูข่าวหรือเปล่า”


                “เปล่า ไม่ได้ดู”


                เป็นเรื่องเดียวที่กวินท์ไม่อยากรู้ข่าวจากฮาลียัน เพราะที่หัวใจของเขาต้องเจ็บปวดก็เพราะเรื่องนี้


                  คุยกับวิกเตอร์พักหนึ่งจึงได้วางสาย กวินท์ขับรถยนต์ญี่ปุ่นคันเล็กกลับไปที่บ้านของคุณนายรำพึง เขาไม่เคยเหงาเมื่ออยู่ที่

ประเทศไทยเพราะมีญาติแวดล้อมมากมาย ทั้งรุ่นอาวุโส รุ่นเดียวกัน และรุ่นเล็กกว่า


                 “พี่กวินท์กลับมาแล้ว”


                  เสียงเจื้อยแจ้วของสาววัยรุ่นชื่อฟ้าที่เป็นลูกพี่ลูกน้องทักขึ้นเมื่อเขาก้าวเข้าไปในตัวบ้านหลังใหญ่ท่ามกลางสวนกว้างของ

คุณยาย


                “คุณยายล่ะฟ้า”


              “ยายอยู่ที่ศาลาริมน้ำ รับแขกอยู่นั่น นี่พี่กวินท์ แขกคุณยายหล่ออิ๊บอ๋ายเลย”


               “เด็กบ้า”


                กวินท์ยกมือเขกศีรษะน้องสาวท่าทางแก่นกะโหลกของเขาที่ทำหน้าเคลิ้มเมื่อพูดถึงแขกของคุณนายรำพึง


                 “ก็หล่อจริง ๆ  อ้ะ ใช่คนที่เขาเนรเทศออกจากประเทศเพราะหล่อเกินไปหรือเปล่านะ นี่อยากให้เป็นพ่อของลูกเลยนะ ฟ้า

ยอมเสียสละตัวเองเป็นแม่ของลูกให้เอง เออ มัวแต่เม้า ยายบอกว่าถ้าพี่กวินท์มาแล้วให้ตามไปที่ศาลาริมน้ำด้วย”


                “อ้าว ก็คุณยายมีแขกแล้วจะให้พี่ไปทำไม”


               “ก็นั่นแหละ ฟ้าก็ไม่รู้ ยายสั่งไว้ให้บอกพี่กวินท์”


               กวินท์พยักหน้ารับรู้ เขาเดินทอดน่องจากตัวบ้านไปที่ศาลาริมน้ำ ได้กลิ่นน้ำในลำคลองลอยมาตามลม รอบกายเป็นแสงสี

แดงระเรื่อในเวลาใกล้อาทิตย์อัสดง เมื่อเดินไปใกล้ถึงศาลาริมน้ำเขาเห็นคุณยายนั่งคุยกับใครคนหนึ่งซึ่งนั่งหันหลังให้เขา


              “อ้าว พ่อกวินท์มาพอดี”


               คุณยายกวักมือเรียกพร้อมกับลุกขึ้นเดินมาหาเขา


               “มีแขกมาหาแน่ะ ยายชวนเขาคุยแต่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ ภาษาไทยของเขายังไม่แตกฉาน ภาษาอังกฤษของยายก็งู ๆ

ปลา ๆ พอขายของให้ฝรั่งได้เท่านั้น จับใจความพอได้ว่าเขามาหาหลาน ยายเลยมานั่งคุยเป็นเพื่อนเขารอหลานกลับมา นั่งไปมองมา

ยายก็ชักจะเคลิ้มไปกับเขาเสียแล้ว เพื่อนของหลานนี่หล่อทะลุโลกเลย”


                  กวินท์งงงัน สรุปว่าชายคนที่ว่านี้มาหาเขางั้นหรือ


                 “ยายไม่กวนแล้ว คุยกับเพื่อนไปนะ ยายจะไปดูสำรับในครัวหน่อย สักพักก็พาเพื่อนตามไปกินข้าวเย็นกันนะ”


                  คุณนายรำพึงเดินจากไป ทิ้งเขาไว้กับชายคนนั้นที่กำลังลุกขึ้นยืนและหันหน้ามาหาเขา เมื่อได้เห็นใบหน้านั้นชัดเจนแม้ว่า

ความมืดในยามค่ำจะโอบล้อมรอบกาย แต่ดวงตาและหัวใจของกวินท์ช่างกระจ่างชัดยิ่งนัก


                     กวินท์เบิกตากว้าง หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับกลองที่วัดเมื่อคุณยายพาไปทำบุญในวันพระเมื่อจ้องมองใบหน้านั้น มือ

ของกวินท์เย็นเฉียบ ขาของเขาแข็งราวกับทั้งตัวเป็นก้อนหิน


                ร่างสูงใหญ่นั้นแปลกตาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเข้ม กางเกงยีนส์พอดีตัวอวดท่อนขาแข็งแกร่ง สีผิวของเขาสีน้ำตาล

คล้ายผืนทราย จมูกโด่งเป็นสันคมยาวตั้งแต่หัวคิ้ว รอบริมฝีปากหนาหยักเกลี้ยงเกลาปราศจากหนวดเคราเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลา

ชัดเจนและริมฝีปากนั้นกำลังยิ้มให้เขา ดวงตาสีเทาใต้คิ้วเข้มจ้องมองตรงมาด้วยประกายตาล้ำลึก


                 “ชารุกข์!”


                 สบายดีไหม เป็นอย่างไรบ้าง คุณมาที่นี่ได้อย่างไร แล้วงานราชพิธีราชาภิเษกล่ะเรียบร้อยแล้วหรือ คุณเป็นกษัตริย์ไปแล้ว

ใช่ไหม?


                 หลากหลายคำถามประดังวิ่งวนกันอยู่ในหัวสมองแต่กวินท์กลับพูดไม่ออก ริมฝีปากของกวินท์ขยับยกได้เพียงพึมพำชื่อ

ของคนตรงหน้าออกมาแผ่วเบาเท่านั้น เขารู้แต่เพียงว่าขณะนี้หัวใจของเขาเต้นเร็วและแรงจนแทบจะพุ่งออกมานอกทรวงอก ขอบตา

ของเขาร้อนผ่าวเมื่อกวินท์ตระหนักแล้วว่าแม้เวลาผ่านไปเขาก็ยังไม่ลืมเลือนบุรุษผู้ปล้นหัวใจของเขาเลย


                  กวินท์ยืนตัวแข็งเหมือนถูกผีหลอกจนคนมาเยือนต้องเป็นฝ่ายเดินตรงเข้ามาและโอบกอดกวินท์ไว้ทั้งตัว กลิ่นโคโลญจน์

ผู้ชายกรุ่นอยู่ใกล้จมูก และความอบอุ่นของอ้อมกอดทำให้กวินท์รู้ว่าเขาไม่ได้ฝันไป ตอนนั้นเองที่กวินท์เพิ่งจะได้สติและค้นหาเสียงของ

ตัวเองพบ


                 “ทำให้คุณถึงมาที่นี่ได้...”


               “คิดถึงจัง ฮาบิบี”


                 ปลายเสียงของประโยคที่ขัดขึ้นทอดหวานจนกวินท์ใจสั่น ริมฝีปากของเขาสั่นระริกจนต้องขบเม้มไว้ แต่มันก็ถูกอีกฝ่ายใช้

ปลายนิ้วลูบไล้สัมผัส ก่อนที่ชารุกข์จะประกบปากลงมาแผ่วเบา


                 “กวินท์ครับ”


                “ชารุกข์!”


                 เปิดทางให้ปลายลิ้นได้เข้ามาเกี่ยวกระหวัดซึ่งกันอย่างโหยหา กวินท์น้ำตาไหลเป็นทางขณะที่เขายกแขนทั้งสองโอบร่าง

แกร่งไว้แน่น ความอุ่นชื้นในโพรงปากเป็นพยานว่านี่คือเลือดเนื้อแท้ ๆ ของชายชาตรีเช่นชารุกข์และไม่ใช่ความเพ้อฝันของกวินท์


                 “ร้องไห้ทำไม หืม คนขี้โกงที่หนีผมมา ไหนสัญญาว่าจะรอผม”


                  ชารุกข์เอ่ยขึ้นเมื่อยอมถอนริมฝีปากออก เขามองใบหน้าราวกับเทพบุตรนี้ด้วยความโหยหา ทุกวันทุกคืน ไม่มีวันไหนที่เขา

จะไม่คิดถึงคนในอ้อมกอดแม้ว่าจะยุ่งอยู่กับการดูแลสถานการณ์ในประเทศให้กลับคืนสภาพเดิมอยู่หลายเดือน


                   “ผมขอโทษชารุกข์ ผมไม่ได้...”


                   “ผมเข้าใจ ไม่ได้โทษคุณเลยสักคำ แค่ใจหายที่จากกันโดยไม่ร่ำลา”


                   “แล้วนี่ คุณ เอ่อ ผมต้องเรียกคุณว่ายังไง คุณเป็นกษัตริย์ไปแล้ว...”


                     กวินท์งงงัน เขารู้ว่าพิธีสถาปนากษัตริย์พระองค์ใหม่ของฮาลียันมีไปเมื่อวานนี้ แล้วทำไมวันนี้ชารุกข์กลับมายืนตรงหน้า

เขาแทนที่จะเฉลิมฉลองกับงานราชพิธี ชารุกข์หัวเราะเบา ๆ พลางโยกศีรษะกวินท์


                  “เสียชื่ออดีตนักข่าวหมด”


                   ชารุกข์ส่งโทรศัพท์มือถือให้กวินท์ มีรูปราชพิธีอันยิ่งใหญ่หลายรูป แต่ผู้ที่ได้รับตำแหน่งสมเด็จพระราชาธิบดีพระองค์ใหม่

กลับเป็นนายแพทย์ฟาฮีม น้องชายของชารุกข์ เคียงข้างด้วยนูรอัยนีที่ได้ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระราชินีองค์ใหม่ มีเด็กหญิงนูรีนและเด็ก

ชายไฟซาลยืนยิ้มแป้นอยู่ข้างชารุกข์ผู้เป็นลุงและอดีตกษัตริย์อาซัลผู้เป็นปู่ กวินท์ถึงกับอ้าปากค้าง


               “ทำไมไม่ใช่คุณ”


                “ฟาฮีมเห็นใจผม เขาทนเห็นพี่ชายมีชีวิตอยู่เหมือนซอมบี้ไม่ได้เมื่อมีแต่ร่างกายที่ปราศจากหัวใจ เขาเสียสละครั้งยิ่งใหญ่

ด้วยการยอมรับภาระอันหนักอึ้งและปล่อยให้ผมได้มีชีวิตในแบบที่ผมต้องการ ผมต้องขอบคุณที่มีน้องชายที่ดีนะ อ้อ เด็ก ๆ ฝากความ

คิดถึงมาให้คุณด้วย ฟาฮีมกับนูรอัยนีจะพาเขามาเยือนประเทศไทยในเร็ววันนี้เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี นูรีนกับไฟซาลบอกว่าเขาจะมาหา

คุณให้ได้”


                  “แล้วที่คุณมานี่ล่ะครับ”


                 หัวใจของกวินท์เต้นแรง เขารอคำตอบของชารุกข์ด้วยความตื่นเต้น


                   “ก็ได้ข่าวว่าคุณลาออกจากสำนักข่าวและกลับมาเปิดโรงเรียนสอนภาษาที่ประเทศไทย ผมเลยอยากจะให้คุณสอนภาษา

ไทยให้สักสองหรือสามคอร์ส เพราะผมยังพูดไทยได้แค่นิดหน่อย สวัสดีครับ ขอบคุณครับ ขอโทษครับ คุณมีเวลาว่างเปิดคอร์สสอนผม

ไหม”


                     ชารุกข์พูดเสียงนุ่มพลางยกมือประคองใบหน้าที่เขาคิดถึงไว้


                    “ผมขอเรียนประโยคแรกจากคุณครูเลยก็แล้วกันนะ คำว่าผมรักคุณ ภาษาไทยพูดว่ายังไง”


                  กวินท์ช้อนสายตาขึ้นมองสบตา ขอบตาของเขาร้อนผ่าวด้วยความตื้นตัน หัวใจที่เหี่ยวแห้งมานานพองฟูราวกับปุยนุ่น เขา

ยกสองแขนโอบลำคอชารุกข์ไว้ก่อนจะเขย่งเท้าไปกระซิบข้างหูของชารุกข์


                “อักฮบักค ฮาบิบี”


               รอยยิ้มหวานนั้นทำให้ชารุกข์มองกลับด้วยสายตาพราวระยับ


                 “คนขี้โกง”


                  ใบหน้าต่างโน้มเข้าหากัน พร้อมกับริมฝีปากที่สัมผัสซึ่งกันด้วยความคิดถึงและโหยหา


                  หัวใจทั้งสองดวงโลดแล่นไปกับความรักเมื่อได้พบกันอีกครั้ง และครั้งนี้ทั้งคู่สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ปล่อยให้ความรักของ

พวกเขาแยกจากกันอีกต่อไป



                                               THE END



        Belove’s Talk



                นิยายเรื่อง “ลมหายใจแห่งผืนทราย” เริ่มต้นลงในเว็บคือเดือนเมษายน

และมาจบที่เดือนตุลาคม หากท่านเชคฮชารุกข์เป็นข้าราชการ ก็ต้องได้รับการประเมินผลงานแล้ว

ในที่สุดก็มาถึงวันที่ชารุกข์กับกวินท์มีความสุขท่ามกลางความลุ้นของแฟนคลับ

ขอขอบคุณแทนทั้งคู่เลยนะคะที่นักอ่านทุกท่านมอบความรักทั้งสองคน

และหากรักชารุกข์รักกวินท์ อย่าลืมช่วยแนะนำ ช่วยโปรโมทนิยายเรื่องนี้แทนนักเขียนด้วยนะคะ


               นิยายเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่บีเลิฟตั้งใจมากๆ และพยายามพัฒนาฝีมือ

จากคำแนะนำของนักอ่านที่เป็นแรงใจให้นักเขียนได้เป็นอย่างดี หากมีคำแนะนำเพิ่ม

หลังอ่านจบแล้วก็แนะนำมาได้เลยนะคะ บีเลิฟชอบอ่านมาก ๆ


                จบจากเรื่องนี้แล้ว นิยายเรื่องต่อไปอาจจะมาช้าหน่อย ด้วยอายุสังขารและงานการ

ที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น แต่บีเลิฟสัญญาว่าจะแต่งนิยายถ้ามีเวลาว่างและมาลงเว็บ

ให้บ่อยๆ เป็นกำลังใจให้บีเลิฟด้วยล่ะ



             สุดท้าย ฝากผลงานกันหน่อย มีนิยายจ่อคิวรวมเล่มปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าหลายเรื่องเลย

“พี่ไม่หยิ่งรักจริงหวังฟัน” รวมเล่มกับ  Writer books

“ม่านไหมลายพยัคฆ์” รวมเล่มกับ Maze publishing

“คดีรักนักดูดวง” และ “ลมหายใจแห่งผืนทราย” รวมเล่มกับ สนพ.พบรัก

“บัลลังก์รักใต้เงาแค้น” รวมเล่มกับ สนพ.น้องใหม่แห่งหนึ่งที่ยังไม่เปิดตัว


                   ใครรักใครชอบเรื่องไหน ติดตามการอัพเดทข้อมูลได้ในแฟนเพจของบีเลิฟนะคะ

หรือจะมาพูดคุยเม้ามอยกับบีเลิฟก็ได้คะ
รักคนอ่าน
Belove

 :m9: :m9: :m9: :m9: :m9:







หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 ตอนจบ [29/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Altasia ที่ 29-10-2017 19:31:23
ขอตอนพิเศษค่ะ ยังหวานไม่จุใจ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 ตอนจบ [29/10/60] #อาหรับทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 29-10-2017 19:38:50
  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 [29/10/60] @@จบแล้วจ้า ย้ายได้เลย@@
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 29-10-2017 19:42:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 [29/10/60] @@จบแล้วจ้า ย้ายได้เลย@@
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 29-10-2017 20:16:27
ชารุกข์มาหาแล้วนะกวินทร์~ :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 [29/10/60] @@จบแล้วจ้า ย้ายได้เลย@@
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 29-10-2017 20:35:55
มีความสุขกับตอนจบจังเลยค่ะ ขอบคุณนักเขียนนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 [29/10/60] @@จบแล้วจ้า ย้ายได้เลย@@
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 29-10-2017 20:39:12
ฮรือออ ไม่อยากให้จบเลย
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 [29/10/60] @@จบแล้วจ้า ย้ายได้เลย@@
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 29-10-2017 21:11:39
      เป็นนิยายแนวทะเลทรายที่อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจจังเลยค่ะ  :mew1: :mew1:
พระนางมีความสัมพันธ์ที่เรียบง่ายแต่รู้สึกได้ว่านี้ละค่ะคือความรักที่ค่อยๆเกิดขึ้น
     เริ่มจากการแอบมองหน้า การหมั่นไส่ในความหล่อของพระเอง และแอบประทับใจกันและกันในเรื่องเล็กๆน้อยๆของกันและกัน
แต่สุดท้ายปลายทางคือความรักที่ก่อตัวขึ้นอย่างมั่นคงค่ะ
      เป็นแนวทะเลทรายที่ต่างจากที่เคยอ่านมามากเลยค่ะส่วนมากจะแอบมีความแฟนตาซีบ้าง
ความหืนจากพระเอกบ้าง555แต่สนุกทุกแนวนะค่ะ
      และแนวหวานละมุนอย่างเรื่องนี้ก็เป็นอีกแนวค่ะที่อ่านแล้วอิจฉาความรักของชารุกข์และกวินท์ มากเลยค่ะ
      ขอบคุณนะค่ะสำหรับงานเขียนที่ทำให้เวลาว่างของคนที่ต้องทำงานอย่างหนักแบกรับความคาดหวังของผู้ป่วยแบบเรามีโมเม้นต์ยิ้มได้แบบสุดปากจากการอ่านนิยายค่ะ.....ขอบคุณค่ะ :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 [29/10/60] @@จบแล้วจ้า ย้ายได้เลย@@
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 29-10-2017 21:14:06
 :กอด1:
ขอบคุณนะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 [29/10/60] @@จบแล้วจ้า ย้ายได้เลย@@
เริ่มหัวข้อโดย: se7enayo ที่ 29-10-2017 21:16:01
ยังไม่หายคิดถึงกวินท์กับชารุกข์เลย งึมๆ
เอาใจช่วยกับเรื่องใหม่ด้วยนะฮะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 [29/10/60] @@จบแล้วจ้า ย้ายได้เลย@@
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-10-2017 21:25:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 [29/10/60] @@จบแล้วจ้า ย้ายได้เลย@@
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-10-2017 22:01:54
ยังไม่อยากให้จบเลย ขอตอนพิเศษด้วยได้ไหมคะ :L2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 [29/10/60] @@จบแล้วจ้า ย้ายได้เลย@@
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 29-10-2017 22:16:09
ขอบคุณมากค่ะ  สนุกมาก  เขียนเก่งมาก  สำนวนเจ๋ง
ละเมียดละไมมากค่ะ  เขียนผลงานดีๆ  แบบนี้มาให้อ่าน
อีกหลายๆเรื่องนะคะ  รอซื้อเรื่องนี้แบบเป็นเล่มนะคะ
จะรวมเล่มเมื่อไหร่แจ้งข่าวด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 [29/10/60] @@จบแล้วจ้า ย้ายได้เลย@@
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 29-10-2017 22:23:32
ได้อยู่ด้วยกันแล้วน๊าาา ดีจัง
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 [29/10/60] @@จบแล้วจ้า ย้ายได้เลย@@
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 29-10-2017 22:59:59
แงง้ จบแล้วว
ขอบตอนพิเศษได้ไหมค้าาา
ชารุกข์คงอยากรักฮาบิบีม๊ากมากกกก อิอิ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 [29/10/60] @@จบแล้วจ้า ย้ายได้เลย@@
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 29-10-2017 23:01:29
จบแล้ว สนุกมากเลย ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 [29/10/60] @@จบแล้วจ้า ย้ายได้เลย@@
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 29-10-2017 23:06:13
จบแบบแฮปปี้ ขอบคุณคนแต่งที่แต่งนิยายแนวทะเลทรายให้เราได้อ่าน เราชอบแนวนี้มาก ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 [29/10/60] @@จบแล้วจ้า ย้ายได้เลย@@
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 30-10-2017 00:22:51
งื้อออออออออออ แฮปปี้สุดดดด ดีใจจังเลย
ขอบคุณที่เขียนนิยายสนุกๆให้อ่านนะคะ
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 [29/10/60] @@จบแล้วจ้า ย้ายได้เลย@@
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 30-10-2017 00:33:07
 :pig4: :L2: จบแล้ว  ขอบคุณจ้าา
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 [29/10/60] @@จบแล้วจ้า ย้ายได้เลย@@
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 30-10-2017 01:40:32
ขอตอนพิเศษษษษษษษ เถอะนะ พลีสสสสสส เราต้องการความหวานของสองคนนี้ค่ะ 555
ชอบความละมุนของคุณพระเอกมากกกก งืออ เป็นคนที่ใช้เหตุผลในทุกเรื่องเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 [29/10/60] @@จบแล้วจ้า ย้ายได้เลย@@
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 30-10-2017 02:23:45
ถ้าโจรจะหวานได้ขนาดนี้ อ๊อย~ ตายสนิทค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 [29/10/60] @@จบแล้วจ้า ย้ายได้เลย@@
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 30-10-2017 06:04:06
จบแล้ววว คิดถึงแน่ๆ


ว่าแต่คนเขียน ขอตอนพิเศษสักหน่อยนะคะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> บทที่ 24 [29/10/60] @@จบแล้วจ้า ย้ายได้เลย@@
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 30-10-2017 15:26:36
อ่านจบแล้วและขอบคุณมากค่ะ ^^
ขอบคุณที่เขียนจนจบและขอบคุณที่จบแบบแฮปปี้นะคะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 31-10-2017 08:11:39
สนุกมากๆๆๆ ชอบแนวนี้มากๆ เลยครับ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 31-10-2017 12:48:38
ยังไม่อยากให้จบเลย
นิยายแนวทะเลทรายเป็นอะไรที่ชอบมาก
ขอตอนพิเศษอีกสักนิดนะคะๆ พลีสสสส
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: z9_0 ที่ 31-10-2017 13:33:05
ความหล่อนั้นเห็นภาพเลยจ้า
ลุ้นมาก. ลุ้ยอีวิกเตอร์5555
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 31-10-2017 23:39:45
ขอเวลาสวึทกันหน่อยนะคะ ทั้งเรื่องวิ่งตลอด 55555
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 01-11-2017 07:53:48
สนุกมากกกกก เพิ่งได้อ่าน
แต่ประทับใจมากค่ะ
การบรรยาย สำนวนดีงาม ชอบมากกกก
หลงรักเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ
เป็นนิยายทะเลทรายที่ระอุแต่แสนหวานเช่นกัน
เลิฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 01-11-2017 14:03:11
โอ้ยยย ว่างเข้าเล้าอีกทีกวินกับชารุกจบซะแล้ววว  :mew4:
เราชอบอ่านนิยายทุกเรื่องของบีเลิฟมากเลยย  :กอด1:
 :L2: :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: ZaRa ที่ 01-11-2017 16:34:22
น้ำตาจะไหล อ่านจบแล้วคือตื้นตันมาก อินในความรักของทั้งคู่ นับถือในความเสียสละของกวินท์ และความเท่ของชารุกข์ ประทับใจเรื่องนี้มากจริงๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-11-2017 19:15:59
ฮาบิบี จบซึ้งเลย

ชารุกข์จัดเต็มมาก ตอนแรกนึกว่าแค่ขู่ ที่ไหนได้ ทำจริงเลยก็ดีไป จะได้ไม่ต้องมาระแวงใครอีก
แล้วสุดท้ายก็ได้ทำตามหัวใจตัวเองสักที หลังจากต้องช้ำรักมานาน

กวินท์น่ารักนะ รอคอยแม้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน และก็คุ้มค่าการรอคอยมาก
คุณยายน่ารักดีค่ะ คุยไม่รู้เรื่อง แต่คุยกันได้ตั้งนาน 5555

ขอบคุณมากนะคะ ติดตามมาตลอด เป็นกำลังใจให้ต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 02-11-2017 18:37:26
หวานละมุน อบอุ่นหัวใจ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 02-11-2017 22:04:05
กลายเป็นว่าเดาตอนจบถูกซะงั้น 5555 ทีแรกนึกว่าเรื่องจะยุ่งยากมากกว่านี้ เพราะคุณพ่อท่านปล่อยตัวกวินท์กลับมาทั้งๆที่ยังไม่ได้ร่ำลากับลูกชายของท่านเลย แต่ก็นั่นล่ะ ถ้าน้องชายไม่ยอมเป็นกษัตริย์แทน เรื่องของชารุกข์กับกวินท์ก็คงจะยากกว่านี้ และเจ็บกว่านี้ ชารุกข์โชคดีมากที่มีน้องชายที่ดีและเสียสละ เชื่อว่าน้องชายก็ต้องเป็นกษัตริย์ที่ดีแน่ๆ รู้สึกอ่านตอบจบแล้วมันยังไม่พอเลยค่ะ อยากจะได้ตอนพิเศษสักตอนจัง ฮืออ จะรอติดตามซื้อเล่มนะคะ ชอบเรื่องนี้มากเลย มันเป็นแนวที่เราชอบและหาอ่านยากมาก แถมเรื่องแนวนี้ส่วนใหญ่ก็จะเน้นที่ฉากอย่างว่าซะมากกว่าที่จะเน้นเนื้อเรื่อง ถ้ามีโอกาสก็อยากจะให้เขียนแนวนี้อีกสักเรื่องจังค่ะ ฮืออ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 03-11-2017 13:16:10
มาแนวนี้นี่มันใช่สุดๆ....ชอบมากเลย

ตามทุกเรื่องอ่านทุกตอนนะจ๊ะ :L1: :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 03-11-2017 17:01:22
หวานมากกก น่าจะมีตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 03-11-2017 23:03:43
สนุก ลุ้นสุดๆ. ชอบมากเลยค่ะ พลาดเรื่องนี้ไปได้ไงไม่รู้ 5555
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 04-11-2017 18:51:26
โอ๊ย ยังหวานได้อีก
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-11-2017 05:30:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 05-11-2017 09:10:23


เย้ๆ

สมหวังแล้ว

มีความสุข

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 07-11-2017 07:56:36
ขอบคุณสำหรับนิยายละมุนๆ
ดีๆเรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 08-11-2017 21:48:11
สนุกค่ะ ชอบตอนพิเศษมาก  :hao6:
จดหมายของกวินท์ก็เศร้ามากเช่นกัน ล้องห้ายยยย  :o12:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: psyche ที่ 08-11-2017 23:31:48
อ่านจบแล้วว ชอบดีต่อใจค่ะ ขอตอนพิเศษเพิ่มอีกน๊าา อยากรู้ต่อไปจะอยู่กันแบบไหน
ตอนกดมาอ่าน ไม่ได้ดูชื่อคนแต่งนะ พออ่านๆ ไป อ้าว เราอ่านผลงานคุณเดือบครบนี่หน่าา
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 09-11-2017 19:43:19
สนุกดีค่ะ ชอบแนวทะเลทรายมาก
และก็หาอ่านแนวนี้ยากมากด้วย
ขอบคุณนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: wiwari ที่ 12-11-2017 20:20:02
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 15-11-2017 16:18:49
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 22-11-2017 08:57:21
 :L2:สนุกมากกกก ขอบคุณ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-11-2017 09:22:25
 :mew1: :mew1: :mew1:

ขอบคุณไรท์มาก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 06-12-2017 01:39:23
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: super hero ที่ 07-12-2017 00:58:40
ได้น้ำตาเลย

ขอบคุณค่ะที่เขียนนิยายสนุกๆมาให้อ่าน

 :3123:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: numildkub ที่ 07-12-2017 14:14:16
ขอบคุรมากเลยนะค้า
อยากขตอนพิเศษให้กระชุ่มกระชวยหน่อยค่ะ
เพราะว่าอยากเห็นการใช้ชีวิตของชาร์รุกที่ไทย 5555
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: KuMaY ที่ 12-12-2017 17:02:35
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยจ้า
ขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องสนุกๆอย่างนี้มาให้อ่าน
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #นิยายทะเลทราย
เริ่มหัวข้อโดย: c4jeab ที่ 02-09-2018 20:47:35
สนุกมากๆค่ะ
หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #Pre order 7/11/61 - 6/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 07-11-2018 00:44:50

พรีออเดอร์ #ลมหายใจแห่งผืนทราย


Pre order
ผู้แต่ง: Belove
ปก:stecha
จำนวนหน้า:330 หน้าโดยประมาณ
ราคาปก:330 บาท
ราคาพรีออเดอร์:310 บาท ค่าส่ง40บาท/เล่ม (ใครต้องการมากกว่า 1 เล่มขึ้นไป Inbox สอบถามราคาก่อนได้)
ของแถมในเล่ม: ที่คั่น 2 อัน / โปสการ์ด1 อัน
ตอนพิเศษ: #ชายในฮาเร็ม (ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง ลงในเว็บยกเว้น fictionlog) 2 บท // บทใหม่ไม่มีในเว็บ 5 บท
ระยะเวลา 7 พ.ย.61 - 6 ม.ค.62
มีเวลากันยาวๆเลยพี่น้องเอ๊ยยย


ขอความช่วยเหลือ ช่วยบีเลิฟประชาสัมพันธ์ด้วยค่ะ พบปัญหาลูกค้าบอกว่าทราบข่าวหลังปิดจองบ่อยๆ
หากทราบว่าใครต้องการท่านเชคฮ รบกวนแจ้งเพื่อนแต่เนิ่นๆนะคะ
อ่านรายละเอียดการพรีออเดอร์ได้ที่ www.facebook.com/belove.no1 (http://www.facebook.com/belove.no1)



หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #Pre order 7/11/61 - 6/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: peiskos ที่ 09-11-2018 09:57:44
อ่านรวดเดียวจนจบ..
อยากขอบคุณที่สร้างสรรค์นิยายสนุกๆ ให้อ่านกันค่ะ
สำนวนในเรื่อง ข้อมูลทางภาษา แบ็คกราวน์ ความเป็นมา และปมต่างๆ อ่านแล้วสนุก อ่านแล้วยิ้มตามและลุ้นได้ตลอดเลย อยากให้คนเขียนสร้างงานดีๆ แบบนี้ขึ้นมาอีก ชอบมากๆ เลยค่ะ (แถมเรื่องนี้ชอบที่เป็นแนวทะเลทรายด้วย :katai2-1:) จะรอผลงานเรื่องอื่นๆ นะคะ)
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #Pre order 7/11/61 - 6/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 07-02-2019 21:26:15
สนุกมากหวานสุด น่ารักทั้งสองคู่เลย
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #Pre order 7/11/61 - 6/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: Piiiimsen ที่ 09-02-2019 11:59:27
นิยายเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ดีเลยทีเดียว เป็นเรื่องที่มีแก่นเรื่องที่ชัดเจน สนุก ลุ้น น่ารัก ได้หลากหลายอารมณ์ ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ เป็นอีกเรื่องที่น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #Pre order 7/11/61 - 6/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 15-02-2019 21:52:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #Pre order 7/11/61 - 6/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 09-05-2019 11:14:35
 :กอด1:  ขอบคุณผู้แต่งค่า  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #Pre order 7/11/61 - 6/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: hoo ที่ 09-05-2019 14:43:57
 :a5:จริงค่ะ ก็ตามผลงานคุณทุกเรื่องน่ะ แล้วเรื่องนี้มันหล่นมาจากไหนไม่รุว่าหมดพรีไปตั้งแต่เดือน1ปี 62คืองงมากว่าหายไปอยู่ไหนมา  :z3:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #Pre order 7/11/61 - 6/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 11-05-2019 23:49:11
 :L2: ถูกใจมากๆ ไม่ได้อ่านแนวทะเลทรายมานาน
ดีนะที่เข้ามาอ่าน หลังจากที่หยุดอ่านนิยายมาเกือบ 2 ปี
มาเจอเรื่องดีๆแบบนี้ ดีใจมากๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #Pre order 7/11/61 - 6/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: Pitachio ที่ 13-08-2020 23:20:13
 :z2: :mew2:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>> #Pre order 7/11/61 - 6/1/62
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 16-08-2020 02:45:22

อ่านรวดเดียวจบเลยจ้าา
รักในตัวชารุกข์..จริงแท้ และรักกวินด้วย

ประทับใจ..ในความรักที่มั่นคง..ของทั้งคู่..จากใจ
ขอบคุณนักเขียนบีเลิฟ.. เป็นกำลังใจให้ต่อไป

  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>>
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 01-09-2020 03:01:55
 :กอด1: :กอด1: