พิมพ์หน้านี้ - ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5 | END)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: 19august ที่ 31-05-2018 12:37:03

หัวข้อ: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5 | END)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 31-05-2018 12:37:03
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม













_______________________________________________








OTHER HALF
You are my other half





เมื่อมีชีวิตแค่รอวันตาย
ทางเดียวที่จะสามารถอยู่ต่อไปได้คือ ต้องหาคู่แท้ให้เจอ






พบกับอีกหนึ่งจักรวาลที่ชี้ชะตาชีวิตด้วยเวลา
‘TIMEVERSE’








hashtag : #ครึ่งชีวิตของผม

twitter : @19august___ (https://twitter.com/19august___)

facebook : @19august.S (https://www.facebook.com/19august.S)






สารบัญ

Prologue (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3839008#msg3839008)     
Chapter 01 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3842736#msg3842736)            Chapter 02 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3843320#msg3843320)
Chapter 03 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3846025#msg3846025)            Chapter 04 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3847785#msg3847785)
Chapter 05 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3852142#msg3852142)            Chapter 06 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3858509#msg3858509)
Chapter 07 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3862404#msg3862404)            Chapter 08 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3866327#msg3866327)
Chapter 09 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3867423#msg3867423)            Chapter 10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3869699#msg3869699)
Chapter 11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3873433#msg3873433)            Chapter 12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3876659#msg3876659)
Chapter 13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3879887#msg3879887)            Chapter 14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3888849#msg3888849)
Chapter 15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3899272#msg3899272)            Chapter 16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3909945#msg3909945)
Chapter 17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3924714#msg3924714)            Chapter 18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3935097#msg3935097)
Chapter 19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3965193#msg3965193)            Chapter 20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3989659#msg3989659)
Chapter 21 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg4021872#msg4021872)            Chapter 22 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg4026761#msg4026761)
Epilogue (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg4027521#msg4027521)   


SPECIAL

Valentine's Special 2019 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67369.msg3945015#msg3945015)




_______________________________________________


TALK : ลงในนี้ครั้งแรก ผิดพลาดยังไงขออภัยและตักเตือนได้เลยค่า
จะพยายามมาอัพบ่อย ๆ อยากให้ลองดูนะคะ เป็นอีกจักรวาลหนึ่ง
ใครเคยอ่าน omegaverse นี่ก็เป็น verse นึงเช่นกันค่า

( ขอบคุณที่มาจาก www.instiz.net/pt/3428566 และคำแปลจากคุณ @pwbiix )


หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update PROLOGUE 31/5/18)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 31-05-2018 12:43:23
PROLOGUE

Life is too short,
Don’t waste your time.









            ในช่วงชีวิตของคนเรา อาจจะมีโอกาสที่จะเดินสวนกับคู่แท้ของตัวเองเป็นร้อยเป็นพันหน อาจจะมีโอกาสได้สบตากันเสี้ยววินาทีเป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง


            แต่กับผมที่เกิดมาในจักรวาลที่ชีวิตขึ้นอยู่กับเวลา เราไม่ได้มีโอกาสเป็นพันหนที่จะเดินสวนกับคู่แท้ของตัวเองเล่น ๆ หรอก


            เพราะพวกเราเกิดมาพร้อมกับตัวเลขสีเหลืองที่ฝังอยู่บนอกข้างซ้ายตรงกับขั้วหัวใจ มันจะขยับทันทีที่เราเดินสวนกับใครคนนั้น, ใครคนนั้นที่เป็นของเรา



            คู่แท้คือใคร จะรู้ได้อย่างไรน่ะหรือ?


            ผมจะเล่าแบบสั้น ๆ ให้คุณเห็นความโคตรจะมหัศจรรย์ของเราแล้วกัน *ยิ้มเหยียด*


            พวกเราทุกคนเกิดมาพร้อมกับเลข 1 หรือ 100 มันติดตัวมานับตั้งแต่เราออกจากท้องแม่ และแต่ละคนก็จะมีตัวเลขไม่เหมือนกัน ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัวเดียวกัน อย่างเช่น ผมที่เกิดมาพร้อมกับเลข 1 แต่แม่เป็นเลข 100 พ่อเป็นเลข 1 และพี่ชายของผมเป็นเลข 1 มันสุ่มอย่างไรไม่รู้หรอก อาจจะผ่านทางยีนส์อะไรสักอย่างที่บรรพบุรุษคิดค้นขึ้น

            
            แล้ว ... คุณสังเกตเห็นอะไรบ้างไหม?

            พ่อเกิดมาพร้อมกับเลข 1
            แม่เกิดมาพร้อมกับเลข 100

      
            ใช่ครับ, คู่แท้ของคุณจะมีชุดตัวเลขคนละชุดกับคุณ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณบังเอิญเดินสวนกัน เลข 1 จะขยับเพิ่มขึ้น และเช่นกัน เลข 100 ก็จะขยับลดลง

      
            ทันทีที่เลข 1 เพิ่มไปจนถึง 100 คุณจะตายอย่างไม่มีข้อแม้ กรณีเดียวกันกับถ้าเลข 100 ลดลงมาจนถึง 1 ก็จะซี้แหงแก๋

      
            นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องรีบหาคู่แท้ของตัวเองให้เจอ ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย อายุมากกว่า อายุน้อยกว่า หรืออายุเท่ากัน ต้องรีบขวนขวายหาคนนั้นให้เจอ และเมื่อเจอแล้วตัวเลขของคุณและเขาคนนั้นจะหยุดลงที่เลขกลางคือ 50


            ถ้าหากว่าคุณยังไม่เจอคู่หรือไม่แม้แต่กระทั่งบังเอิญเดินเจอกัน ตัวเลขบนอกจะขยับหนึ่งครั้งในทุกหนึ่งปีในวันเกิดของตัวเอง แต่ที่มากไปกว่านั้นคือถ้าเจอคู่แล้วแต่ไม่รู้ว่านั่นคือคู่ของตัวเองเลขจะขยับเป็นสองเท่า ฉะนั้นถึงจะดูว่าอยู่ไปได้อีกนาน อีกร้อยปี ยกเว้นในกรณีถ้าคุณไม่เป็นโรคร้ายหรือเกิดอุบัติเหตุเสียก่อนน่ะนะ

      
            รายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะ สาธยายวันนี้ให้หมดคุณคงปวดหัวกันเสียก่อน ก็นี่แหละชีวิตของผม ดูกระเหี้ยนกระหือรือในการมีคู่ไปหน่อย แต่มันก็ถือเป็นเรื่องตื่นเต้นในชีวิตเหมือนกัน (มั้ง) เวลาจะออกจากบ้านทีก็ลุ้นไปสิว่าเลขจะขยับไหม สอดส่องสายตาไปเรื่อย

      
            ที่มองหน้านี่ไม่ได้หาเรื่องนะ หาเนื้อคู่ต่างหากเล่า

      
            ผมเคยถามแม่ของผมว่า คู่ของตัวเองมันหายากมากหรือเปล่า แม่ตอบกลับมาว่า “มันไม่ยากหรอก พระเจ้าไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น วันหนึ่งลูกอาจจะแค่เดินเล่นบนถนนแต่คนที่เดินลูกไปเป็นร้อยคน หนึ่งในนั้นก็อาจจะเป็นคนของลูกก็ได้”

      
            และมันก็เหมือนกับผมตอนนี้ ตอนที่กำลังร่ายยาวเหยียดเกี่ยวกับเรื่องราวตัวเองอยู่นี้ ก็กำลังสับเท้าวิ่งตามหาคนที่ผมเพิ่งเดินสวนไปเมื่อกี้

      
            เมื่อกี้เองนะ!

      
            อกมันกระตุกเพราะเลขขยับเพิ่มขึ้น บ้าเอ๊ย เผลอแป็บเดียวเอง ไม่ทันมองรอบข้างแค่แวบเดียวเอง ใครจะรู้ว่าจะบังเอิญเจอกันแบบนี้ล่ะ

      
            แล้วผมจะไปหาเจอได้อีกทีไหน ทำไมเกิดมาทีต้องเหนื่อยขนาดนี้วะเนี่ย ...







To be continued.
_____________________________________

TALK : อ่านแล้วเป็นยังไงกันบ้างคะ
คิดเห็นยังไงฝากติชมด้วยน้าา ฝากด้วยค่า


re-write 1 : 16/06/18


#ครึ่งชีวิตของผม
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update PROLOGUE 31/5/18)
เริ่มหัวข้อโดย: จี้ซัง ที่ 31-05-2018 18:11:22
น่าสนใจค่ะ รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update CHAPTER1 7/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 07-06-2018 15:45:37


CHAPTER 01

Forelsket
(n.) the euphoria you experience when you are first falling in love








      
02 กุมภาพันธ์ 2xxx

      
            กันต์ทิ้งกายลงบนเตียงนอนหลังกว้างด้วยความเหนื่อยล้า หยาดน้ำตากลิ้งไหลออกจากหางตาซึมหายลงไปกับหมอนใบโต หยดแล้ว หยดเล่า เรียวตาเล็กหลับลงอย่างอ่อนแรง

      
            ความรักแม่งเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าเรียนให้จบเสียอีก

      
            ถูกบอกเลิกจากคนรักคนที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ในชีวิต ด้วยสาเหตุโง่เง่าอย่างการที่เขาเป็นคนน่าเบื่อ จืดชืด ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แถมมีอะไรด้วยก็ไม่ได้

      
            กันต์พรูลมหายใจออกอย่างหงุดหงิดใจ ตั้งแต่โตเป็นวัยรุ่นรู้ความเขาก็เริ่มค้นหาคู่ของตัวเอง แต่มันไม่ง่ายดายเหมือนการตกหลุมรัก เขามีรักครั้งแรกกับรุ่นพี่ที่โรงเรียน แต่สุดท้ายก็โดนทิ้งเพราะพี่แกเจอคู่ตัวเอง

      
            หลังจากที่ได้ลองลิ้มรสชาติของความรักแล้ว การตกหลุมรักครั้งต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องยาก ทว่าคนอย่างปุณณกันต์คงไร้โชคเรื่องนี้ ไม่ว่าจะรักใครก็ไม่เคยไปรอดเกิน 2 เดือน แค่อยากลองมีความรักดี ๆ ดูสักครั้ง ทำไมมันยากเหลือเกิน

      
            เจอแบบนี้เข้าไปนึกถึงสิ่งที่แม่เคยบอกไว้เลย ‘ที่เป็นอย่างนี้เพราะเขายังไม่เจอคู่ของตัวเอง ความรักที่แท้จริงมักจะเริ่มต้นเมื่อเลขบนอกจรดลงตรงกลางที่ 50’

      
            กันต์เคยย้อนถามแม่ตัวเองเช่นกันว่า เคยมีคนรักกับคนที่ไม่ใช่คู่ตัวเองแล้วไปกันรอดไหม

      
            “มีสิ แต่เป็นความสุขแค่ช่วงสั้น รู้ตัวอีกที เวลาชีวิตก็เหลือน้อยเต็มที” ชีวิตดูไม่ยุติธรรมเลยว่าไหม ทำไมคนเราต้องถูกเลือกให้รักกับใครคนนั้น ทั้งที่เราอาจจะอยากรักกับใครสักคนก็ได้

      
            เคยมีกรณีที่รักกันมาก ๆ ไม่ยอมไปหาคู่แท้ของตัวเองจนเวลาชีวิตใกล้หมด พวกเขาก็แค่จับมือรอเวลาอยู่ข้างกัน

      
            “มันอาจฟังดูโรแมนติกนะกันต์ แต่ยอมรับเถอะลูกว่าใครก็รักชีวิตตัวเองทั้งนั้นแหละ จะหาคนที่ยอมตายไปกับเราได้ มันไม่ง่ายนักหรอก”

      
            มันก็คงจะจริงอย่างที่แม่ว่า กันต์ก็ไม่ได้คาดหวังไปถึงขนาดนั้น แต่เพราะเป็นคนขี้เหงาและพระเจ้าก็สร้างให้เขาเป็นคนตกหลุมรักง่าย ๆ หัวใจจึงมีร่องรอยการใช้งานมาไม่น้อย จนกว่าจะได้คน ๆ นั้นมา ไม่รู้หัวใจจะยังมีเศษเสี้ยวอะไรเหลืออยู่ไหม

      
            “เฮ้อ” สองแขนยกขึ้นก่ายหน้าผาก ท้อแท้ใจกับโชคชะตา ถ้าพระเจ้าไม่อยากให้เขาสมหวังกับคนอื่นนัก ก็รีบทำให้เขาเจอเนื้อคู่ตัวเองเร็ว ๆ เสียสิ


ครืด ครืด ครืด

      
            คนที่กำลังนอนตัดพ้อกับชีวิตรักตัวเองอยู่ลืมตาขึ้น ก่อนจะกดลงบนเครื่องมือสื่อสารหนึ่งที มองชื่อสายเรียกเข้าที่เป็นวิดีโอคอลพลางถอนหายใจ ใครจะรู้จักเขาดีเท่าคน ๆ นี้ ไม่มีทาง แต่ถึงอย่างนั้นกันต์ก็กดปิดกล้องจากฝั่งตัวเองไม่ให้อีกฝ่ายเห็นหน้า

      
            สภาพเป็นอย่างนี้ อายเพื่อนจะตาย แม้จะไม่มีอะไรให้อายแล้วกันเถอะ

      
            ( อยู่ไหนวะกันต์ )

      
            “บ้าน”

      
            ( ไม่มาเรียนหรือไง )

      
            “ขี้เกียจ”

      
            ( โง่แค่เรื่องความรักก็พอแล้วมั้ง อย่าโง่เรื่องเรียนเพิ่มเลย )

      
            โอ้โห

      
            “มึงเป็นเพื่อนกูจริงดิ”

      
            เจ็บฉิบหาย เอาความจริงมาพูดอยู่เรื่อย

      
            ( รีบมา วันนี้คาบแรกอาจารย์คนใหม่ อย่าลืม )

      
            “เออ ๆ”

      
            ไม่ทันได้กดวางปลายสายก็ตัดไปเอง กันต์ลุกขึ้นล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้า จัดสภาพตัวเองให้เป็นผู้เป็นคน หยิบแว่นตาทรงกลมคู่ใจมาใส่บังความบวมของดวงตา ก่อนจะรีบบึ่งพาหนะสี่ล้อกำลังแรงสูงไปที่สถาบัน

      
            เหลือบดูเวลาแล้วเห็นว่ามาทันแบบเฉียดฉิว แต่เหมือนว่าเขาจะคิดไปเองเพราะทันทีที่ก้าวเข้าห้องเรียน เสียงภายในห้องก็เงียบลงพร้อมกับดวงตากว่าห้าสิบคู่จับจ้องมาที่เขาคนเดียว

      
            กันต์ยิ้มแหย

      
            “เกือบสายแล้วนะครับคุณปุณณกันต์”

      
            เจ้าของชื่อสะดุ้งกับน้ำเสียงทุ้ม รีบก้มหัวให้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเพื่อเอ่ยปากขอโทษ แต่เป็นตอนนั้นเอง ตอนที่เราสบตากัน หัวใจพลันกระตุกวูบรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาสีอัลมอนด์ฉายแววสับสน จนกระทั่งได้เห็นรอยยิ้มบางเบาจากคนตรงหน้า สติก็พลันกลับคืน

      
            “เชิญนั่งที่ได้แล้วครับ ผมกำลังจะเริ่มสอน”

      
            อาจารย์คนใหม่ร่างกายสูงใหญ่ ดวงตาคมสีดำสนิทเหลือบมองเขาเพียงครู่เดียว แล้วหันกลับไปสนใจเครื่องคอมพิวเตอร์ด้านหน้า เสียงทุ้มที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากหนาหยักได้รูปนั้นทำเอาคนฟังเผลอเคลิ้มไปอึดใจ

      
            “ค ครับ”

      
            อากัปกิริยาเงอะงะถูกแสดงออกมา กันต์รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด เมื่อหันหลังเพื่อเดินไปที่นั่งตัวเองก็รู้สึกราวกับว่ามีสายตาที่จ้องมาอยู่ทุกฝีก้าว ทว่ามันไม่ได้น่ากลัวหรือชวนอึดอัด แต่กลับทำให้รู้สึกขลาดอายระคนอบอุ่นแปลก ๆ เสียมากกว่า

      
            เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นบ้าอะไร ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย จะว่าตกหลุมรักอย่างนั้นหรือ มันไม่ใช่เลย จากประสบการณ์ที่ผ่านมากันต์รู้ดีว่าเวลาตัวเองตกหลุมรักจะเป็นอย่างไร นี่มันไม่ใช่ มันดูเหมือนมีอะไรมากกว่านั้น

      
            กันต์นั่งลงข้างเพื่อนสนิท พยักหน้าทักทายกันพอเป็นพิธี ก่อนจะหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาเตรียมตัวเข้าสู่บทเรียน สมัยนี้ไม่ต้องใช้หนังสือกันแล้วทุกอย่างอยู่ในเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ขนาดจิ๋วนี่ คนรุ่นเขาแทบจะไม่มีใครเคยจับหนังสือเป็นแผ่น ๆ เสียเลยด้วยซ้ำ โลกพัฒนาไปมาก แม่เคยบอกเขาไว้เช่นนั้น

      
            “เป็นไรวะ นั่งนิ่ง ๆ ดิ” คณกร หรือ ดิม กดเสียงให้เบาลงแล้วถามเพื่อนตัวเองที่นั่งขยุกขยิกมาตั้งแต่ต้นคาบ

      
            ทั้งที่ปกติกันต์เป็นคนตั้งใจเรียนและไม่ค่อยจะวอกแวก แต่ครั้งนี้กลับดูผิดปกติเกินไป จะว่าเป็นเพราะเพิ่งเลิกกับแฟนคนล่าสุดมา ก็ไม่ใช่ ให้เวลามันเสียใจฟูมฟายมากสุดก็ 3 ชั่วโมง ดิมขมวดคิ้วมุ่นมองหน้าเพื่อนตัวเองที่หันมายิ้มแห้งแล้งคืนมา

      
            “เลขที่นั่งแถว C04 ลุกขึ้นครับ”

      
            “มึงอ่ะกันต์”

      
            กันต์สะดุ้งเมื่อมองตัวเลขที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอสลับกับเลขที่นั่งของตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นยืน เหลือบมองอาจารย์คนใหม่ด้วยสายตาระแวดระวัง แต่ที่เห็นคืนกลับมาแม้จะเพียงชั่วแวบเดียวก็ตาม เขาคิดว่าเขาเห็นความเอื้อเอ็นดูอยู่ในนั้น

      
            “คุณคิดว่า หากมีเครื่องทดเวลาจะสามารถช่วยให้ชีวิตคู่ราบรื่นได้จริงหรือเปล่าครับ” อาจารย์ร่างสูงใหญ่ยืนเอามือกอดอกหลังพิงกำแพงพลางมองตรงมาที่นักศึกษาของตัวเอง ทำเอาคนถูกมองรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ

      
            มันต้องเป็นเพราะโดนถามคำถามแน่ ๆ กันต์ปลอบตัวเองในใจ

      
            ปกติแล้วคนอย่างกันต์ไม่เคยหวาดกลัวในการถูกเรียกตอบคำถามในห้องเรียนแม้แต่น้อย แต่วันนี้สมาธิที่แตกกระเจิงตั้งแต่ต้นคาบ ทำเอาบทเรียนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปเสียหมด ดวงตาเรียวเล็กกวาดไปทั่วจอแท็บเล็ตตัวเองคร่าว ๆ อาศัยว่าเป็นหัวดีอยู่แล้วจึงทำความเข้าใจบทเรียนนั้น แล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อตอบคำถาม

      
            “ผม ... ผมมองว่าเครื่องทดเวลามีประโยชน์ในแง่เมื่อคู่ของตัวเองไม่ได้อยู่ด้วย หรือทะเลาะกันแล้วไม่สามารถคืนดีได้ด้วยการกอด จูบ หรือ เอ่อ มีเซ็กส์ ได้ในทันที มันดูเหมือนจะช่วยให้ราบรื่นไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ทำให้เราตายก่อนจะได้คืนดีกันครับ”

      
            วิชาจิตวิทยาพื้นฐานที่เขากำลังเรียนอยู่ตอนนี้กำลังเข้าบทเรียนในเรื่องจิตใจของคู่ครอง มันเป็นวิชาเสริมที่คิดว่า น่าจะช่วยอะไรคนแบบเขาได้บ้าง

      
            อย่างคำถามล่าสุดนี้ เป็นประเด็นมาจากที่รัฐบาลกับนักวิทยาศาสตร์กำลังพยายามสร้างเครื่องทดเวลาเพื่อช่วยในการเพิ่มเวลาชั่วคราว สาเหตุมาจากการที่ถึงแม้เมื่อพวกเราเจอคู่ตัวเองแล้วเลขสีเหลืองบนอกจะหยุดอยู่ที่ 50 แต่มันสามารถลดหรือเพิ่มได้อีกทันทีที่ทะเลาะหรือผิดใจกัน การคืนดีง่ายนิดเดียว เพียงแค่สัมผัสกันด้วยความรัก ไม่ว่าจะกอด จูบ หรือแม้กระทั่งเซ็กส์

      
            “เชิญนั่งครับ ในฐานะจิตแพทย์อย่างผม จะบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการมีเครื่องนี้ก็ไม่เชิง แต่ผมเห็นด้วยกับเพื่อนของคุณเมื่อครู่นี้ หลายคนเข้ามาปรึกษาผม เกิดความเครียดจากการที่หวาดกลัวการทะเลาะหรือแม้แต่การแลกเปลี่ยนความคิดกับคู่ของตัวเอง เพราะกลัวว่าหากทะเลาะกันแล้วจะกลายเป็นปัญหาใหญ่”

      
            “นั่นเพราะส่วนหนึ่งยังไม่วางใจคู่ของตัวเอง การสัมผัสกันด้วยความรักที่จะต่ออายุให้ยืนต่อไปนั้น กลายเป็นเรื่องยาก บางคนที่เป็นคู่กันยังไม่มั่นใจเลยด้วยซ้ำว่ารักกันหรือเปล่า สิ่งที่จะทำให้ชีวิตคู่ราบรื่นได้ ผมว่าเจ้าเครื่องนี้ไม่ได้มีบทบาทอะไรเลยด้วยซ้ำ”

      
            “ผมมักจะบอกกับคนไข้เสมอว่า หากคุณยังไม่มั่นใจ มันก็ไม่เป็นอะไร ถ้าจะลองทำความรู้จักกันไปก่อน ใช้เวลาเรียนรู้กันให้แน่ใจ ถึงพวกเราจะมีเวลาชีวิตที่ไม่แน่นอน แต่พวกเราก็ไม่ได้ตายกันง่ายขนาดนั้น ผมจึงอยากบอกกับพวกคุณเช่นเดียวกัน การเรียนรู้นิสัยใจคอคู่ของคุณมันสำคัญอยู่เหมือนกันนะครับ อย่างน้อย ๆ มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความรัก และหลังจากนั้นต่อให้คุณจะทะเลาะกันกี่ครั้ง ก็จะผ่านมันไปได้ จนไม่ต้องพึ่งจิตแพทย์อย่างผมเลย”

      
            กันต์รู้สึกราวกับว่า ผู้ชายคนนั้นกำลังพูดกับตัวเอง สายตาที่มองตรงมาเขาไม่ได้ตาฝาด มือเรียวขยับทาบอกซ้ายของตัวเองที่กำลังกระตุกไม่หยุด จู่ ๆ ก็ร้อนวาบในอก แน่แล้ว แน่นอนแน่ ๆ ไม่ต้องเปิดเสื้อดูก็รู้ว่าตอนนี้เลขบนอกเขาขยับมาที่ 50 แล้ว

      
            “ผู้ชายคนนั้น”

      
            “อะไรนะ?”


            ดิมหันมามองเพื่อนตัวเองที่จ้องอาจารย์หน้าห้องเขม็ง และน่าแปลกที่อาจารย์คนนั้นก็มองกลับมาเช่นกัน กันต์ลากสายตากลับมาที่ใบหน้าของเพื่อนตัวเองด้วยความสั่นระริก

      
            “ผู้ชายคนนั้น ... คู่ของกู”












            หลังจากที่เลิกคลาสเรียนกันต์ก็รีบลากแขนเพื่อนตัวเองออกไปทันที มันรู้สึกมึนงงที่จู่ ๆ ก็เจอคู่ของตัวเองเสียอย่างนั้น บทจะเจอก็เจอเอาง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ ทำตัวไม่ถูกหรอก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ให้เดินเข้าไปแบบ ฮัลโหล ผมคู่คุณเอง เราไปเดทกันเถอะ ก็ดูจะแปลกไม่น้อย ขอถอยมาตั้งหลักก่อนดีกว่า

      
            “มึงกลัวอะไร”

      
            “กูไม่ได้กลัว แต่กู กูแค่ทำตัวไม่ถูก”

      
            “ไม่เห็นจะต้องทำอะไรเลย”

      
            “ตอนที่มึงรู้ว่าไอ้จาเป็นคู่ มึงทำยังไงวะ”

      
            “ก็ยืนมองกันอยู่พักนึงอ่ะ แล้วก็เดินเข้าไปคุยกัน”

      
            “มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
   
      
            “แล้วมันยากตรงไหน มีแต่มึงนั่นแหละทำให้มันยากเอง”

      
            ดิมไม่ได้สนใจเพื่อนตัวเองที่ใกล้จะสติแตกเต็มที ชาวบ้านชาวเมืองเขาก็ทำกันแบบนี้ทั้งนั้น มีแต่มันนั่นแหละบ้าบอ มีอย่างที่ไหนเดินหนีคู่ตัวเองเสียอย่างนั้น เดี๋ยวพออยากจะหาแล้วเขาหายไป จะขำให้ดู

      

            แต่เหมือนว่าจะไม่ได้ขำแหะ



            ดวงตากลมโตมองอาจารย์คนใหม่ในคราบคู่ของเพื่อนตัวเองด้วยสายตาพิจารณา ร่างสูงใหญ่ดูหนักแน่น แววตามั่นคงแฝงด้วยความอบอุ่นตามประสาคนเป็นหมอ ดูเป็นผู้ใหญ่เอาแน่เอานอนน่าจะได้อยู่ ก็เหมาะกับเพื่อนเขาที่อารมณ์พลิ้วไหวเก่งอย่างกับลมได้

      
            “คุณปุณณกันต์”

      
            “!!!”

      
            “คุณมาไม่ทันตอนผมแนะนำตัว เอาเป็นว่าผมชื่อแทนคุณ เรียกแทนก็ได้ครับ”

      
            กันต์ยังคงนิ่ง เหมือนสมองประมวลผลไม่ทัน ได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ มองคนตรงหน้า จนดิมถอนหายใจก่อนจะยกมือผลักหัวเพื่อนตัวเองอย่างแรงไปทีเป็นการเรียกสติ

      
            “อย่างที่อาจารย์รู้ไอ้นี่ชื่อปุณณกันต์ ชื่อเล่นชื่อกันต์ครับ”

      
            “ครับ คุณคงยังไม่ทันตั้งตัวสินะ ผมเข้าใจ”

      
            ร่างสูงใหญ่ของแทนคุณโน้มตัวลงมาจนใบหน้าคมคายเสมอกับคู่ของตัวเอง ดวงตาทั้งสองสบกันอย่างพอดีพลางยกยิ้มให้อย่างอบอุ่น ฝ่ามือหนาถือวิสาสะวางลงบนหัวทุยพร้อมกับลูบอย่างเบามือ แล้วเลื่อนใบหน้าไปด้านข้าง ก่อนจะทิ้งเสียงทุ้มให้ก้องกังวานไปทั่วประสาทการรับรู้แต่สะท้อนไปถึงหัวใจของคนฟัง

      
            “ถ้าอย่างนั้นไว้เจอกันใหม่นะครับ น้องกันต์

      
            ในวินาทีนั้นเองที่กันต์ได้เข้าใจสิ่งที่เรียกว่าหัวใจเต้นแรงของจริงเป็นครั้งแรก อานุภาพมันรุนแรงยิ่งกว่าที่เคยเป็นมาทั้งชีวิต มันหนักหน่วงและลึกซึ้ง อีกทั้งรอยยิ้มและเสียงทุ้มที่ตรึงอยู่ข้างในให้ความรู้สึกอบอุ่นและหนักแน่นอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

      

            บางทีความรักของจริงอาจเพิ่งกำลังจะเริ่มต้น เดี๋ยวนี้นี่เอง






To be continued.
_____________________________________

TALK : มันแปลกๆ แปร่งๆ มั้ยคะ 5555
อ่านแล้วเป็นยังไงบ้าง บอกกันด้วยน้า


re-write 1 : 16/06/18


#ครึ่งชีวิตของผม
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update CHAPTER1 7/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 07-06-2018 15:50:09
พล๊อตล้ำมากเลย ไม่เคยอ่านเลยง่า ติดตาม
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update CHAPTER2 8/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 08-06-2018 18:15:15
CHAPTER 02

You
(Yes, you)
Need to stop being so adorable.








      
            แผงอกหนาภายใต้เสื้อเชิ้ตสีกรมท่าแขนยาวที่ถูกพับขึ้นมาจนเผยให้เห็นเส้นกล้ามเนื้อตรงช่วงแขน รับกับกางเกงสแล็คทิ้งตัวเข้ากับช่วงขายาวที่ทำให้เจ้าของร่างกายดูสูงมากขึ้นไปอีก หลายคนอดไม่ได้ที่จะลอบมองคนดังกล่าว แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้ยี่หระกับสายตารอบข้างเลยสักนิด ใบหน้าหล่อคมคร้ามมองตรงไปด้านหน้าอย่างไม่คิดสนใจ

      
            ทันทีที่ถึงหน้าห้องเรียนขนาดกลาง ชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวเข้ามารับหน้าที่อาจารย์พิเศษวิชาจิตวิทยาก็หยุดยืนเรียกกำลังใจตัวเองหนึ่งที เพราะนอกจากติวบทเรียนกับเพื่อนฝูงก็ไม่เคยผ่านประสบการณ์การเป็นครูมาก่อน

      
            “สวัสดีครับ ผมชื่อแทนคุณ มาสอนวิชานี้แทนอาจารย์หมอวชิระ หลังจากนี้ตลอดระยะเวลาหนึ่งเทอมฝากตัวด้วยละกันนะครับ ตรงไหนเรียนไม่เข้าใจก็ยกมือถามได้เลย” แทนคุณพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ กับนักศึกษากว่าห้าสิบชีวิต

      
            ในขณะที่กำลังทำความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับวิชานี้ เสียงประตูก็เปิดขึ้นพร้อมกับนักศึกษาชายคนหนึ่งที่ยืนมึนอยู่กับที่เมื่อเห็นว่ากำลังจะเริ่มเรียน แทนคุณเหลือบมองเวลาพบว่าเหลืออีก 2 นาทีจะถึงเวลาเรียนและเป็นเขาเองที่มาไวจึงไม่คิดเอ่ยปากกล่าวโทษ

      
            เขามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏข้อมูลของนักศึกษาคนนั้น ‘ปุณณกันต์’ แทนคุณเห็นหน้าอีกฝ่ายไม่ถนัดนักเพราะเจ้าตัวหลุบสายตาลงแถมยังเอียงหลบเขาราวกับกลัวว่าจะถูกดุอย่างไรอย่างนั้น นี่อาจารย์นะครับ ไม่ใช่ปีศาจ ต้องกลัวอะไรขนาดนั้น

      
            “เกือบสายแล้วนะครับคุณปุณณกันต์”

      
            ร่างนั้นสะดุ้งเมื่อเขาพูดด้วย ใบหน้าที่หลบซ่อนอยู่พลันเงยขึ้นก่อนที่เราทั้งคู่จะสบตากัน แทนคุณรู้สึกว่าอะไรบางอย่างในอกมันกระตุกพร้อมกับความวูบบนอก จากประสบการณ์ที่เคยเห็นคนอื่นเป็นมาตลอด 30 ปี เขาว่าเขารู้นะว่ามันคืออะไร

      
            “เชิญนั่งที่ได้แล้วครับ ผมกำลังจะเริ่มสอน”
   
      
            เด็กคนนั้นมองหน้าเขาด้วยแววตาตกตื่นใจ ดวงตาเรียวเล็กสีอัลมอนด์นั้นสั่นไหวเหมือนลูกกระต่ายที่กลัวราชสีห์เสียอย่างนั้น แทนคุณอดอมยิ้มกับท่าทีน่าเอ็นดูเหล่านั้นไม่ได้เลย

      
            ตลอดระยะเวลาห้าสิบนาทีของคลาสเรียน หลายครั้งแทนคุณเองก็เผลอไม่ได้ที่จะมองคู่ของตัวเอง ใบหน้าน่ามองนั้นง้ำงอแทบทั้งคาบ ท่าทางกระสับกระส่ายแลดูว้าวุ่นใจไม่น้อย คาดว่าคงรู้สึกได้เหมือนกันว่า มันมีอะไรบางอย่างระหว่างเรา

      
            เมื่อเขาเอ่ยปากเลิกคลาส เงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์อีกทีก็ไม่เห็นเด็กคนนั้นเสียแล้ว ให้ตายสิ นี่เขาทำให้กระต่ายตื่นตูมหรือ แต่เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ

      
            แทนคุณส่ายหน้าพลางถอนหายใจ รีบเก็บของใส่กระเป๋าเพื่อกลับไปโรงพยาบาลทำหน้าที่ตัวเองต่อ แต่เมื่อเดินออกมาจากอาคารก็เจอเจ้าเด็กกระต่ายนั่นนั่งบ่นงึมงำกับเพื่อนเจ้าตัวอยู่ ใบหน้าเล็กที่ดูเหมือนแค่ถ้าเขากางฝ่ามือทาบก็น่าจะปิดมิดนั่นชวนให้น่าแกล้งเสียเหลือเกิน

      
            ขอสักหน่อยแล้วกัน

      
            “คุณปุณณกันต์”

      
            โห ดูสิ กระต่ายสะดุ้ง ได้ยินเหมือนเสียงงืด ๆ ในลำคอหลุดออกมาเลย จะทำให้เอ็นดูไปถึงไหน นี่เราเพิ่งพบกันครั้งแรกเองนะ

      
            แทนคุณแนะนำตัวเสร็จสรรพ กระต่ายน้อยของเขาก็ยังนั่งนิ่งเหมือนยังตั้งตัวไม่ทัน จนเพื่อนเจ้าตัวต้องเป็นคนพูดเอง ดวงตาเรียวเล็กหางตาตกที่ช้อนมองมากะพริบปริบ ๆ จนน่ามันเขี้ยว อยากจะแกล้งให้ร้องไห้แล้วกอดปลอบแรง ๆ

      
            ขอแกล้งอีกสักนิดได้ไหมนะ

      
            “ถ้าอย่างนั้นไว้เจอกันใหม่นะครับ น้องกันต์”

      
            เขากระซิบชิดริมใบหูขาวของกันต์ เมื่อผละออกมาใบหูขาว ๆ แก้มขาว ๆ กลายเป็นสีแดงจัด นี่เขินหรือโกรธ แต่ให้เดาคงเป็นอย่างแรก

      
            น่ารักจังโว้ย
   
      
            แทนคุณส่งยิ้มแล้วลูบหัวทุยนั่นอีกครั้งเป็นการส่งท้ายก่อนจะเดินหันหลังจากมา ไม่รู้ว่าพอทำแบบนั้นไปแล้วกระต่ายจะตื่นตูมหนักกว่าเก่าแล้วหนีเขาหรือเปล่า แต่ในเมื่อเจอแล้ว เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปหรอก
   
      
            แม้จะเด็กกว่ากันเป็น 10 ปีนั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เขามั่นใจว่าประสบการณ์เป็นจิตแพทย์มาหลายปี จะช่วยทำให้เขาเข้ากับเจ้าเด็กกระต่ายคู่ของตัวเองได้ มันคงไม่แย่ขนาดนั้น ถ้ากระต่ายจะหนี เขาก็จะไปตามจับกลับมา ง่าย ๆ แค่นั้น ไม่เห็นมีอะไรยากสักนิด












            “แม่~”

      
            กันต์เดินเอื่อย ๆ ไปออดอ้อนผู้เป็นแม่ที่นั่งดูซีรี่ส์อมยิ้มฟินกับพระ-นางอยู่ เดินมาถึงโซฟาก็เอนกายหนุนนอนตักอุ่น ๆ ที่อิงแอบมาตั้งแต่เกิด อาการอ้อนแบบนี้ทำให้ผู้เป็นแม่รู้ทันว่าคงมีอะไรรบกวนจิตใจลูกชายของตัวเองเป็นแน่

      
            “ว่าไงตัวดื้อ”

      
            “กันต์เลิกกับไอ้เวรนั่นแล้วนะ”

      
            “แล้วเป็นยังไง โอเคไหม”

      
            “โอ๊ย สบ๊าย”

      
            “ขี้โม้จังลูกใครวะเนี่ย” ผู้เป็นแม่บีบจมูกลูกชายตัวเองด้วยความหมั่นไส้ ให้เธอเดาก็คงนอนน้ำตาไหลจนเพื่อนเจ้าตัวเรียกออกไปเรียน ที่เดาได้ก็คงเพราะเป็นแบบนั้นทุกครั้ง

      
            “แต่ว่าประเด็นวันนี้ไม่ได้อยู่ที่เรื่องนี้อ่ะแม่”

      
            “หืม”

      
            “แม่ดู” กันต์นอนหงายพลางเลิกเสื้อเปิดขึ้นมาจนถึงอก เผยให้เห็นตัวเลขสีเหลืองขนาดความสูงประมาณ 2 เซนติเมตรซึ่งอยู่ตำแหน่งเดียวกับขั้วหัวใจ ขยับจากเดิมเป็นเลข 23 กลายเป็นเลข 50 ผู้เป็นแม่เห็นดังนั้นก็รีบถาม

      
            “เราเจอแล้วเหรอ”

      
            “อื้อ”

      
            “เขาเป็นใคร ดูเป็นคนดีไหม แล้วเราโอเคหรือเปล่า”

      
            “เขาเป็นอาจารย์พิเศษที่สถาบัน เป็นจิตแพทย์ ก็ดูน่าจะเป็นคนดีล่ะมั้ง”

      
            “ถ้าดี ก็ดีแล้ว แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ก็พามาที่บ้านด้วยล่ะ”

      
            ผู้เป็นแม่บอกพลางลูบหัวลูกชายคนเดียวของเธอด้วยความเป็นห่วง แม้จะดีใจที่ลูกชายได้เจอคู่ของตัวเองเสียที ไม่ต้องให้มาคอยลุ้นกลัวว่าวันไหนลูกชายจะจากไปก่อนตัวเอง แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ตามประสาคนเป็นแม่

      
            “ใจเย็นก่อนแม่ เพิ่งเจอกันเอง”

      
            “แหม ตอนแม่กับพ่อนี่เจอปุ๊บก็พาเข้าบ้านแล้วย่ะ”

      
            “แสบจริงแม่ใครเนี่ย ฮ่ะ ๆ”

      
            กันต์จะไม่บอกแม่หรอกว่าตัวเองสับสนและหวาดกลัวแค่ไหน กลัวบ้ากลัวบออะไรก็ไม่รู้ ถึงบอกว่าประสบการณ์ความรักที่น่ากลัวมันบ่มเพาะให้เขาเป็นคนที่ทั้งโหยหาความรัก แต่ในขณะเดียวกันก็หวาดกลัวความรักอย่างที่คาดไม่ถึง

      
            คืนนี้คนที่เพิ่งเคยเจอคู่ตัวเองครั้งแรกถึงกับนอนไม่หลับ ในหัวมีแต่ภาพรอยยิ้มของคนผู้นั้น ในหูก็เหมือนมีเครื่องเล่นเพลงที่วนเวียนอยู่แต่กับเสียงทุ้มที่เรียกเขา ‘น้องกันต์’

      
            “บ้าเอ๊ย! เขินไรวะเนี่ย” กันต์ขยี้หัวตัวเองอย่างคนฟุ้งซ่าน ไม่รู้จะรับมือกับอาการตัวเองตอนนี้อย่างไร มันไม่เหมือนกับตอนตกหลุมรักกับใครคนอื่นที่ผ่านมา

      
            มันคล้ายกันก็จริง แต่ก็ต่างโดยสิ้นเชิงเช่นกัน



03 กุมภาพันธ์ 2xxx

      
            คืนนั้นเขาผล็อยหลับไปทั้ง ๆ ที่ในหัวยังคิดนั่นคิดนี่อยู่แบบนั้นไม่รู้จบ ตื่นเช้ามาแม้อากาศจะดีมาก ลมเย็นโชยโกรกตลอดไม่ทำให้ร้อนเลยสักนิด แต่สภาพใต้ตาคล้ำของกันต์กลับแปรผกผันกับอากาศเสียเหลือเกิน

      
            “นอนไม่พออีกล่ะสิ” ดิมพูดขึ้นอย่างรู้ทันเมื่อได้เห็นหน้าเพื่อน ร่างโปร่งโงนเงนดูอ่อนแรงคล้ายจะหลับทุกฝีก้าว กันต์ไม่คิดเถียง พยักหน้ารับแต่โดยดีและคงไม่ต้องบอกดิมก็น่าจะรู้ว่า สาเหตุที่ทำให้กันต์นอนไม่พอแบบนี้ เป็นเพราะอะไร

      
            “เมื่อวานกู text หาก็ไม่ตอบ”

      
            “เออใช่ แล้วไอ้จาเป็นไงบ้าง”

      
            กันต์นึกถึงข้อความที่เพื่อนส่งมาหาตั้งแต่เมื่อคืน แต่เขาเพิ่งจะได้เปิดดูเมื่อเช้านี้ จาริณคู่ของดิม ถูกคนวิ่งตัดหน้าจนรถมอเตอร์ไซค์คว่่ำ เห็นว่าแผลลากยาวตั้งแต่แขนยันขา โชคดีที่ใส่หมวกเลยหัวเลยไม่น็อค

      
            “อย่างกับมัมมี่ กูล่ะหงุดหงิดแม่งจริง ๆ บอกไม่ให้ขับเร็วไม่เคยจะเชื่อ เป็นไงล่ะ ง่อยแดก” ดิมพูดอย่างหัวเสีย เป็นเรื่องเดียวที่กันต์เคยได้ยินดิมบ่นคู่ตัวเองให้ฟัง ตั้งแต่มันตกลงปลงใจคบกันจริงจัง ก็เห็นมีแต่เรื่องนี้นี่แหละที่จาริณไม่เคยทำให้ดิมได้

      
            “คงเข็ดแล้วแหละ”

      
            “ไม่จริงหรอก เดี๋ยวพอแม่งหายก็ซิ่งต่อ กูบอกกูไม่รีบ ๆ แม่งก็จะรีบทำไมก็ไม่รู้ ดีแค่ไหนแล้วที่เมื่อวานไม่มีรถใหญ่สวนมา” เสียงดิมสั่นจนกันต์หน้าเสียรีบคว้าตัวเพื่อนเข้ามากอด เห็นปากมันร้ายแบบนี้ แต่มันเป็นเพื่อนที่กันต์รักมาก เราสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แทบไม่เคยเห็นมันร้องไห้เลย ครั้งนี้คงใจเสียหนักมากจริง ๆ ก็นะ มันเกี่ยวกับชีวิตของคู่ตัวเองเลยนี่นา

            
            “ไม่ต้องรอให้ต้องทะเลาะกับกูจนตายหรอก เกือบตายจริงแล้ว เป็นไงล่ะ” ดิมยกมือขึ้นทุบอกตัวเอง ให้เดาว่าเลขคงกำลังเคลื่อนแน่นอน สาเหตุคงมาจากการที่ดิมโมโหจาเมื่อคืนคงมีเถียงกันบ้าง

      
            “ใจเย็นมึง สภาพมันขนาดนั้นแล้ว ถ้ามันยังไม่เข็ด ไม่รักชีวิตตัวเอง ก็แล้วแต่บุญแม่งแล้วล่ะ แต่โกรธกันไปแบบนี้มึงกับมันก็ไม่มีความสุข เอาบทเรียนครั้งนี้ไปสอนแล้วก็พูดให้มันเข้าใจดีกว่า”

      
            “เชี่ย นานทีมึงจะพูดดี”

      
            “กูก็พูดดีตลอดแหละไอ้นี่ มีแต่มึงนั่นแหละชอบด่ากู” กันต์ผลักหัวเพื่อนตัวเองจนมันเซ เลยโดนผลักกลับมา จนกลายเป็นสงครามบ้าบอของเพื่อนรักทั้งสอง กันต์มัวแต่ขยับหนีจึงไม่ได้ดูว่ามันสุดขอบเก้าอี้เสียแล้ว ร่างกายเอนเอียงคว้าเพื่อนไว้ไม่ทันจนจะตกจากเก้าอี้

      
            “เล่นอะไรกันเป็นเด็กเลยนะครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือหัวพร้อมกับรับร่างของกันต์เอาไว้ได้ทันพอดี กลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนคลอเคลียอยู่ตรงช่วงหน้าท้องของคนด้านหลัง กันต์สัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวนั้น รีบเด้งตัวเองกลับคืนมานั่งทันที

      
            “สวัสดีครับอาจารย์”

      
            “สวัสดีครับ แต่เรียกพี่แทนก็ได้ วันนี้ผมไม่ได้มาสอน”

      
            “ครับ งั้นฝากเพื่อนผมแป็บนึงนะครับ เดี๋ยวผมไปซื้อน้ำก่อน” ดิมที่สบโอกาสก็รีบชิ่งทันที กันต์ไม่ทันแม้แต่จะแย้งหรือคว้าตัวดิมเอาไว้ ทั้งโต๊ะเหลือเพียงแค่กันต์ที่นั่งตัวเกร็งกับแทนคุณที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงส่งยิ้มบาง ๆ มาให้

      
            “พี่นั่งด้วยนะ”

      
            “ค ครับ”

      
            “พี่ไม่รู้ว่าเราชอบกินอะไร แต่ชูครีมร้านหน้าโรง’บาลอร่อยมากเลยซื้อมาฝากครับ” ถุงกระดาษวางลงบนโต๊ะตรงหน้ากันต์ที่พอได้ยินว่าเป็นของกินก็ตาเป็นประกาย ทำเอาคนเอามาให้อมยิ้ม

      
            “ขอบคุณครับ” กันต์พูดเสียงแผ่ว

      
            “ครับผม ว่าแต่เรามีเรียนกี่โมงเหรอ”

      
            “สิบเอ็ดโมงครับ”

      
            “แล้วเลิกเรียนล่ะ”

      
            “บ่ายสองครับ”

      
            “ดีเลยตอนบ่ายพี่ไม่มีเข้าเวร งั้นเลิกเรียนแล้วไปกินข้าวกันนะ”

      
            “เอ่อ ...”

      
            “หรือกันต์รังเกียจพี่” กันต์ที่เห็นผู้ชายตัวโตกว่าตัวเองพูดเสียงอ่อย นั่งหน้าสลดอยู่ตรงหน้า ทำเอาเลิ่กลั่กรับมือไม่ถูก

      
            “เปล่านะครับ! คะ คือผมแค่ทำตัวไม่ถูก แต่ แต่ไม่ได้รังเกียจคุณนะครับ”

      
            แทนคุณแอบขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อกันต์ไม่ยอมเรียกตัวเองว่าพี่ แต่ก็รีบคลายออกอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากให้เสียบรรยากาศ ถึงอย่างนั้นแทนคุณก็หมายมั่นปั้นมือไว้ในใจว่าด่านแรกที่เขาจะทำให้ได้ก็คือ ทำให้กันต์ยอมเรียกแทนตัวเขาเองว่า พี่

      
            “จริงนะครับ”

      
            “ครับ”

      
            “เลิกเรียนเจอกันนะ ตั้งใจเรียนนะครับคนเก่ง” เสียงทุ้มพร้อมกับฝ่ามืออุ่น ๆ แตะลงบนหัว สัมผัสบางเบาแต่มันก็ทำให้กันต์รู้สึกได้ เขาพยักหน้าแล้วส่งยิ้มให้คนโตกว่าเป็นการบอกลา ดูเหมือนอีกฝ่ายจะนิ่งค้างไปชั่วครู่

      
            “ให้ตายเถอะกันต์ พี่สั่งห้ามได้ไหม ห้ามได้หรือเปล่าเนี่ย”

      
            “อะ อะไรครับ” กันต์ตกใจกับท่าทีแปลกประหลาดของอีกฝ่ายที่ยืนยิ้มกว้างแต่ก็ยกมือปิดหน้าปิดตาเหมือนคนอับอายจะร้องไห้อะไรแบบนั้น
      
      
            “อย่าไปยิ้มให้ใครแบบนี้อีกนะ มันน่ารัก

      
            “!!”







To be continued.
_____________________________________

TALK : อาจจะมีคนสงสัยว่าแฟนตาซีหรือเปล่า
มันไม่ได้แฟนตาซีจ๋านะคะ ไม่ได้ล้ำขนาดโอเมก้าเวิร์สแบบนั้น
เป็นเหมือนจักรวาลนึงที่มีเหมือนกับโลกทุกอย่าง ยกเว้นเวลาชีวิตกับการมีคู่
สงสัยหรือไม่เข้าใจตรงไหนบอกได้นะคะ
แล้วอธิบายเผื่อว่าถ้าใครสงสัยทำไมเลขของกันต์ขยับจาก 23 ให้ลองอ่าน prologue อีกรอบนึงนะคะ 

ยังไงฝากติดตามด้วยนะคะ

re-write 1 : 16/06/18

#ครึ่งชีวิตของผม
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update CHAPTER2 8/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 08-06-2018 23:33:54
อ้อยกันไปอ้อยกันมา แง่มมม
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update! CHAPTER 03 13/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 13-06-2018 19:44:38


CHAPTER 03

When I say I need you
I’m not just saying that
I truly mean that








      
             กันต์มองท้องฟ้าที่จู่ ๆ ก็มืดครึ้มขึ้นมาเสียอย่างนั้นด้วยอารมณ์เนือย เสียงอาจารย์ที่ดังอยู่หน้าห้องเริ่มไม่กระทบโสตประสาทเข้าไปทุกที คางมนวางตั้งวางอยู่บนฝ่ามือมองนกมองไม้สลับกับมองหน้าอาจารย์ทำทีว่ากำลังตั้งใจเรียนเสียเหลือเกิน

      
            “มึงจะไปเยี่ยมจากับกูไหม” หลังจากหมดคลาสเรียน ดิมก็หันไปถามเพื่อนที่เดินหน้าง่วงอยู่ข้าง ๆ หลังจากเมื่อเช้าเจอพี่แทนไปก็ดูลอย ๆ อย่างไรชอบกล

      
            “คงไม่ได้ไปว่ะ ฝากบอกมันให้หายไว ๆ รีบมากวนตีนกูต่อได้ละ” แม้อีกใจจะอยากไปเยี่ยมเพื่อนที่นอนเจ็บอยู่ แต่เพราะคำชวนเมื่อเช้าจากใครบางคนทำให้กันต์ต้องปฏิเสธเพื่อนไป

      
             ออันที่จริงก็ไม่อยากยอมรับเลยว่าตัวเองตั้งตารอคอยให้หมดเวลาเรียนไว ๆ นี่ขนาดยังไม่ทันได้เริ่มทำความรู้จักกันจริงจัง ก็เกิดอาการนึกถึงบ่อย ๆ เสียแล้ว

      
            “เออโอเค งั้นกูไปละ กลับดี ๆ อย่าแวะไปกัดใครเขาล่ะ” กันต์กลอกตาใส่เพื่อนพลางโบกมือปัดไล่ให้มันไปเยี่ยมคนรักตัวเองสักที

      
             ร่างโปร่งหันรีหันขวางมองหาที่นั่ง อีกฝ่ายบอกว่าเขาเลิกเรียนจะมารับ แล้วนี่ต้องรอถึงเมื่อไหร่ เลิกเรียนจะมารับนี่คือกี่โมงกัน เบอร์โทรศัพท์ให้ติดต่อก็ไม่มี นั่งรอด้วยความเบื่อหน่ายกันต์จึงหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา

      
            “กันต์”

      
            “อ่ะ!”

      
            “รอนานไหม ขอโทษนะครับ พี่ติดเคสกะทันหันแล้วไม่มีช่องทางติดต่อเราเลยไม่รู้จะบอกยังไง” ผู้ชายตัวโตกำลังยืนหอบทำหน้าเศร้าพูดเสียงหงอยใส่ ใครจะโกรธลง

      
            “ไม่เป็นไรครับ ผมก็เพิ่งเลิกไม่นานนี้เอง เอ่อ ...​ คุณนั่งพักก่อนไหมครับ เหงื่อโซมเลย” กันต์ขยับตัวเองแบ่งม้านั่งให้คนตัวโตได้ทิ้งกายลงตามคำแนะนำตัวเอง

      
            “ขอบคุณครับ”

      
             กันต์มองใบหน้าหล่อคมที่ชื้นไปด้วยเหงื่อเห็นแล้วก็นึกสงสาร ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถึงขั้นวิ่งมาจนเหงื่อท่วมแบบนี้ จริง ๆ เขาก็รอมาจวนจะชั่วโมงนึงแล้วแต่พอเห็นแล้วก็โกรธไม่ลง

      
            “หิวหรือยังครับ”

      
            “อ่า ก็นิดนึงครับ”

      
            “งั้นไปกันเถอะ”

      
             คนเป็นน้องก็ลุกขึ้นเดินตามไปอย่างช้า ๆ เมื่อมองจากด้านหลังแล้วก็เพิ่งสังเกตชัด ๆ เดี๋ยวนี้เองว่าอีกฝ่ายตัวใหญ่มากแค่ไหน แผ่นหลังแผ่นนั้นดูทั้งกว้างและหนา ไหนจะช่วงขาที่ยาวชนิดที่ว่าถ้ายืนเทียบกัน ขาน่าจะสูงกว่าเอวของกันต์ด้วยซ้ำ

      
             ผู้ชายคนนี้ดูสมบูรณ์แบบมาก ไม่รู้สิ บางทีกันต์ก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองฝันอยู่

      
             เหมือนที่คอยก่นด่าว่าพระเจ้าไม่รักเขา ท่านเลยตอบแทนส่งคู่ชีวิตคนนี้มาให้ล่ะมั้ง

      
            “เพ้อเจ้อชะมัด”

      
             กันต์อดขำตัวเองไม่ได้ คิดอะไรเป็นตุเป็นตะไปนั่น เขาเหม่อลอยจนไม่รู้ว่าคนข้างหน้าหยุดยืนมองตัวเองอยู่นานแล้ว จนกระทั่งรู้สึกตัวก็สะดุ้งกับสายตาที่มองมาอย่างเอ็นดู กันต์หลุบตาลงอย่างขลาดอาย ไม่รู้ว่าเมื่อกี้เผลอทำหน้าอะไรแปลก ๆ ไปหรือเปล่า

      
            “เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ”

      
            “เปล่าครับ พี่เรียกเราตั้งนานแล้วแต่เราไม่ตอบ คิดอะไรอยู่ถึงยิ้มออกมาแบบนั้น บอกพี่บ้างได้ไหม” เสียงนุ่มทุ้มที่พูดชวนให้หลงคารมได้ไม่ยาก แต่กันต์ยั้งตัวเองอยู่รีบส่ายหน้าหวือทันที ขืนให้รู้ว่าคิดอะไรอยู่มีหวังได้อายมุดดิน

      
            “เรื่องไร้สาระครับ”

      
            “โอเค ๆ งั้นก็ขึ้นรถเร็ว”

   
             แทนคุณไม่ได้โกรธเคืองที่น้องไม่ยอมเล่าเพียงแค่ถามออกไปเผื่อว่าจะโชคดี เพราะอยากรู้ว่าตัวเองเป็นหนึ่งในเหตุผลที่น้องยิ้มแล้วหรือยัง แต่เขาก็ลืมไปว่าเราก็เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่ถึง 2 วันดี ยังไม่สนิทใจกันมากเท่าที่ควร

      
            “เราชอบกินอาหารทะเลไหม”

      
            “อ่าครับ” ถ้าเป็นเพื่อนถามก็จะตอบว่าโคตรชอบ แต่พอเป็นคนตรงหน้าถามก็ได้แต่ตอบเสียงงุบงิบในคอ ไม่รู้ว่าโรคงุ้งงิ้งมันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่อาจจะเป็นตอนที่อีกฝ่ายเข้ามา ทั้งที่ปกติแล้วกันต์ก็ไม่ใช่คนแบบนี้เลย

      
            “ไม่แพ้อะไรใช่ไหม ไม่ชอบอะไรบอกพี่ได้เลยนะ”

                  
            “ครับ”

      
             แทนคุณอมยิ้มกับท่าทางดูเหนียมอายของน้อง ในหัวตอนนี้มีแต่ความคิดที่ว่าจะทำอย่างไรให้เราสนิทกันมากขึ้น ให้เราขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น เขาไม่อยากเร่งรัด อยากให้มันค่อยเป็นค่อยไป แต่ถึงอย่างนั้นก็อดยอมรับไม่ได้ว่า เขาถูกใจเด็กคนนี้มาก ๆ จนอยากให้เราลงเอยกันด้วยดีและรวดเร็ว

      
             ร้านอาหารที่แทนคุณพามาเป็นร้านอาหารทะเลขนาดกลาง ตอนกลางวันคนยังไม่เยอะนักแต่ถ้าตกเย็นเมื่อไหร่แล้วละก็ต้องโทรจองกันเลยทีเดียว ร้านนี้เป็นร้านที่ครอบครัวของเขาชอบมากันบ่อยครั้ง อาจเพราะที่บ้านชอบอาหารทะเลกันแทบทุกคน พอได้เจอคู่ตัวเองก็อยากพามาทานอะไรที่มันอร่อยและโชคดีที่น้องก็ชอบอาหารทะเล

      
            “ชอบกุ้งไหม”

      
            “ชอบครับ” ดวงตาเรียวเป็นประกายจนเขาเชื่อหมดใจว่าน้องชอบอาหารทะเลจริง ๆ น้องกัดริมฝีปากพลางกลอกตาดูเมนูไปมาเหมือนจะเลือกไม่ได้ แก้มใส ๆ พองลมออกมาจนเขานึกเอ็นดู

      
            “อ่า คุณแทนครับ”

      
            “หืม?”

      
            “ผมให้คุณแทนสั่งดีกว่าครับ”

      
            “เลือกไม่ได้ล่ะสิเรา”

      
            “แหะ ครับ” จะน่ารักไปถึงไหนกัน แล้วยังจะมายิ้มตาหยีใส่อีก จะให้เขาหัวใจวายไปตรงนี้เลยไหม

      
            “โอเคครับ” แทนคุณกวาดสายตามองเมนูต่อเพียงครู่เดียวก่อนจะตัดสินใจสั่งอาหาร 3-4 อย่างที่เป็นเมนูเด็ดและเมนูที่เขารับประกันได้ว่าต้องถูกปากน้องแน่ ๆ

      
            “คุณมาบ่อยเหรอครับ”

      
            “อื้ม ที่บ้านชอบอาหารทะเลกันทั้งบ้านเลย”

      
            “ดีจังเลยครับ แม่ผมน่ะแพ้อาหารทะเลเลยไม่ค่อยได้กินเท่าไหร่”

      
            “งั้นต่อไปถ้าอยากกินบอกได้เลยนะ พี่จะพามาเอง”

      
             กันต์พยักหน้ารับพลางกัดช้อนในปากหงับ สายตาของคนเป็นพี่ที่มองมาทำเอากันต์ทำตัวไม่ถูก อะไร ๆ มันก็ดูขัดเขินไปหมด และกันต์ก็ไม่รู้เลยว่าท่าทางที่กลอยตาล่อกแล่กไปมาพร้อมกับแก้มที่ขึ้นสีแบบนั้นมันดูน่ามองแค่ไหน

      
            “อยากไปไหนต่อไหม” แทนคุณถามในขณะที่กำลังเดินกลับมาที่รถ คนถูกถามส่ายหน้าอย่างไร้ความเห็น ปกติเวลาคบกับใครก็ไม่ค่อยได้แสดงความคิดเห็นเท่าไรนัก เป็นฝ่ายตามใจตามน้ำเสียมากกว่า พอถูกถามความเห็นบ้างก็เลยไม่รู้จะตอบอย่างไร

      
             กันต์ขยับตัวล็อคเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแต่นั่งอยู่สักพักสารถีจำเป็นวันนี้ก็ไม่ยักจะออกรถ จึงหันไปหาตั้งท่าจะถามแต่ก็เป็นฝ่ายต้องชะงักเองเพราะพี่เขามองมาอยู่ก่อนแล้ว

      
            “กันต์ครับ”

      
            “ค ครับ”

      
            “พี่รู้ว่ามันอาจจะเร็วไปหน่อย แต่พี่อยากถามให้แน่ใจว่ากันต์จะรังเกียจไหมถ้าพี่จะขอให้เราลองศึกษากันดู”

      
             ทันทีที่จบประโยคกันต์รู้สึกเหมือนมีอะไรวิ้ง ๆ อยู่ในโสตประสาท มันออกจะเขินไม่น้อยที่จู่ ๆ ก็ถามออกมาตรง ๆ และเขาก็ไม่รู้เลยว่าความจริงแล้วตัวเองรอคำพูดอะไรแบบนี้อยู่เหมือนกัน เพราะในตอนนี้หัวใจของกันต์กำลังเต้นแรงมาก

      
            “แต่ถ้ากันต์ไม่พร้อมหรือมีใครในใจอยู่ ไม่เป็นไรนะครับ พี่รอได้”

      
             ดูเหมือนพระเจ้าจะรักเขาจริง ๆ แล้วนะถึงได้ส่งคนที่แสนดีอะไรมาให้ขนาดนี้ กันต์กระแอมไอพยายามหาเสียงตัวเองให้เจอหลังจากนิ่งค้างไปหลายอึดใจจนทำให้ผู้ชายตัวโตหน้าเสีย รีบยกมือขึ้นโบกไปมาก่อนจะละล่ำละลักพูด

      
            “มะ ไม่ครับ ไม่ คือ ผมหมายถึง ผมไม่ได้รังเกียจแล้วก็ไม่ได้มีใคร ... ครับ” ท้ายเสียงแผ่วลงเมื่อเห็นประกายระยิบระยับจากดวงตาคมตรงหน้า

      
            “ถ้าอย่างนั้น เราลองมาศึกษากันดูนะครับ?”

      
            “แต่ว่า”

      
            “?”

      
            “คุณแทนคิดดีแล้วเหรอครับ คือ ผม ผมไม่รู้สิ เราเพิ่งเจอกันเอง แต่ก็ใช่ที่เราเป็นคู่กัน อันนั้นผมรู้ แต่ผมไม่อยากใช้ความเป็นคู่มาผูกมัดคุณไว้”

      
             แทนคุณเงียบไปอึดใจหลังจากฟังคำถามน้องที่ตอนนี้คนถามกำลังมองมาด้วยแววตาจริงจัง คนโตผ่อนลมหายใจออกก่อนจะคลี่ริมฝีปากออกจนเห็นลักยิ้มทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดลดลงเล็กน้อย เป็นอีกครั้งที่แทนคุณถือวิสาสะวางฝ่ามือลงบนกลุ่มผมนุ่มของน้อง แล้วเลื่อนลงมาจนกระทั่งฝ่ามือทั้งสองของตัวเองกอบกุมมือของน้องทั้งหมด

      
            “พี่ยอมรับว่าตอนแรกพี่ก็กังวลเหมือนกัน แต่พี่คิดดีแล้วครับ แล้วกันต์ล่ะคิดยังไง”












            กันต์เดินเข้าบ้านช้า ๆ อย่างกับคนหมดเรี่ยวแรงทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรมาเลยด้วยซ้ำ ก็แค่ไปเรียนแล้วก็ไปกินข้าว แม่ที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่หันมามองอย่างสงสัยกับสภาพลูกชายคนเดียวของเธอ

      
            “เป็นอะไรล่ะเรา แล้วนั่นใครมาส่ง”

      
            “ก็พี่เขา”

      
            “หือ” คนเป็นแม่ตั้งท่าจะถามต่อแต่เมื่อเห็นแก้มลูกชายตัวเองแดงขึ้นมานิด ๆ ก็ยิ้มอ่อนให้ เพราะพอจะเดาได้ว่าพี่เขาที่ว่านั้นคือใคร

      
            “แล้วทำไมไม่ชวนพี่เขาเข้าบ้านล่ะ”

      
            “ไม่รีบสิแม่อ่ะ” กันต์มุ่ยหน้าก่อนจะเดินหนีสายตาล้อเลียนของผู้เป็นแม่ขึ้นห้องตัวเองไป โยนกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วทิ้งตัวบนเตียงนอนทันที สายตามองเหม่อไปที่เพดานห้องครุ่นคิดไปถึงเรื่องราวบนรถที่คุยกันฉับพลันใบหน้าก็ร้อนเห่อ

      
            “พี่แม่ง!” ดีดขา ดีดแขนใส่ที่นอนอย่างนึกขัดใจตัวเอง มาทำเขินอายสะดีดสะดิ้งเป็นผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยโดนหอมแก้มเสียเมื่อไหร่

      
            ใช่ เขาโดนพี่แทนหอมแก้มหลังจากเราคุยกันและตกลงกันอย่างเข้าใจ นึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรไม่รู้ จังหวะที่เขากำลังลงจากรถแล้วหันไปลาก็ฉวยโอกาสขึ้นมาเสียอย่างนั้น ฮึ่ย! พอจะโวยวายก็โดนรอยยิ้มกว้าง ๆ ที่ทำเอาว่าไม่ลง


ครืด ครืด ครืด

      
            เสียงแจ้งเตือนดังจากข้างตัว เครื่องมือสื่อสารที่กันต์เพิ่งจะให้ไอดีพี่เขาไป และชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอก็เป็นชื่อของคนที่เขาเพิ่งโวยวายไปในใจนั่นแหละ

      
            “ครับ”

      
            ( ทำอะไรอยู่ครับ )

      
            “ไม่ได้ทำอะไรครับ แล้วพี่ถึงบ้านหรือยังครับ”

      
            ใช่ กันต์ยอมเรียกอีกฝ่ายว่าพี่แล้วหลังจากโดนขอร้องอยู่นาน และเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เขาโดนหอมแก้มเสียด้วย ก็แค่คิดว่าเรายังไม่สนิทกันจนถึงขั้นนั้นจึงยังไม่เรียก แต่ใครจะรู้เล่าว่าพี่เขาจะเอาเรื่องนั้นมาเป็นข้ออ้างในการหอมแก้มกันแบบนี้

      
            ( พี่กลับมาโรงพยาบาลน่ะ ไม่ได้เข้าบ้านหรอก )

      
            “อ้าว มีงานเหรอครับ”

      
            ( อื้ม พอดีคนไข้พี่แอดมิทน่ะ )

      
            “อ่าครับ”
            
      
            ( ไว้พี่เสร็จงานแล้วจะ text หานะครับ )

      
            “โอเคครับ”

      
            (​ … )

      
            “พี่แทน”

      
            ( ครับ? )

      
            “ไม่ไปเหรอครับ”

      
            ( เฮ้อ โอเคครับ แค่— )

      
            “ตั้งใจทำงานนะครับ!”

      
            กันต์รีบพูดแทรกก่อนจะกดตัดสายอย่างรวดเร็ว ทำไมเขาถึงมีอาการเหมือนพวกเพิ่งเคยมีรักแรกอย่างนี้เนี่ย กับอีแค่คำอวยพรเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ก็เคยพูดอยู่ไม่ใช่ว่าไม่เคยก็เขินอายอย่างกับเด็ก

      

            ‘ขอบคุณนะ แรงใจมาเต็มเลยครับ : )’






To be continued.
_____________________________________

TALK : ตอนนี้สั้นมาก รู้ตัวค่ะ แง
ตอนต่อไปจะพยายามให้มากขึ้นค่ะ
ลองติดตามกันดูค่า คิดเห็นยังไงอย่าลืมบอกกันด้วยนะคะะ *^*

re-write 1 : 16/06/18

#ครึ่งชีวิตของผม
      
      
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 03 13/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-06-2018 19:57:00
  อบอุ่น   :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 03 13/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 13-06-2018 22:59:34
เป็นเวิร์สที่ดี เหมาะกับคนนกๆค่ะ อย่างน้อยไม่มีคนมาจีบเราก็อาจได้เจอเนื้อคู่สักวัน รู้สึกมีความหวัง  :hao7:
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 03 13/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 13-06-2018 23:11:41
ชอบจังเลยค่ะ อยากอ่าน verse อื่นนอกจาก omegaverse มานานแล้ว รอตอนต่อไปนะคะ :mew1:

คำผิดค่า
"เหมือนที่คอยกร่นด่าว่าพระเจ้าไม่รักเขา ท่านเลยตอบแทนส่งคู่ชีวิตคนนี้มาให้ล่ะมั้ง"
 กร่นด่า --------> 'ก่นด่า'
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 03 13/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 13-06-2018 23:19:03
ชอบจังเลยค่ะ อยากอ่าน verse อื่นนอกจาก omegaverse มานานแล้ว รอตอนต่อไปนะคะ :mew1:

คำผิดค่า
"เหมือนที่คอยกร่นด่าว่าพระเจ้าไม่รักเขา ท่านเลยตอบแทนส่งคู่ชีวิตคนนี้มาให้ล่ะมั้ง"
 กร่นด่า --------> 'ก่นด่า'


ขอบคุณมากๆๆนะคะ แก้ไขเรียบร้อยแล้วค่ะ ><
 :mew1:
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 03 13/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BbeeTita ที่ 14-06-2018 23:31:39
แปลกใหม่ดีค่ะ สนุกมากเลยค่ะ สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 03 13/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: nnoii2538 ที่ 15-06-2018 09:30:08
พึ่งเคยอ่านแนวนี้ สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 03 13/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 15-06-2018 11:58:30
ชอบค่า ชอบความแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 03 13/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 15-06-2018 14:21:36
กรี้ดได้มั้ยยยยย เห็นชื่อเวิร์สแล้วรีบกดเข้ามาเลยค่ะ
อยากอ่านเวิร์อื่นๆนอกจากโอเมก้ามานานมากกแล้ว
แต่หาอ่านไม่ได้ซักทีเลยย เคยอ่านบทความในทวิตที่มีคนแปลมา
ว่าแบบมันมีเวิร์สไหนอะไรยังไงบ้าง
แล้วก้รู้สึกสนใจอยู่ไม่กี่เวิรืสค่ะ คือ timeverse กับ rainverse
พอเจอนี่คือพุ่งตัววเลยย แล้วก้ไม่ผิดหวังง
น้องกันต์น่ารักมากก พี่แทนก้ขยันจีบบบ
รอนะคะ
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 04 17/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 17-06-2018 12:58:50


CHAPTER 04

The best medicine in the world is your hug.








      
05 กุมภาพันธ์ 2xxx

      

             “แวะซื้อน้ำแป็บดิ” กันต์หันไปบอกดิมหลังจากเดินเข้ามาเจอคาเฟ่ภายในโรงพยาบาล ดิมพยักหน้ารับ วันนี้หลังจากเรียนเสร็จกันต์ก็ตามดิมมาที่นี่เพื่อมาเยี่ยมคนเจ็บอย่างจาริณ

      
             “กูไปนั่งรอที่โต๊ะนะ” ดิมว่าพลางเดินปลีกตัวไปยังโต๊ะที่ว่าง กันต์ที่มองจนรู้ว่าเพื่อนไปนั่งตรงไหนก็เดินไปต่อคิวเพื่อสั่งน้ำ

      
             “พี่แทน?” กันต์เอ่ยเรียกผู้ชายที่ยืนรอเครื่องดื่มอยู่เคาน์เตอร์ด้านข้างด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ

      
             “ครับ?”

      
             “พี่แทนทำงานที่นี่เหรอครับ”

      
             “ใช่ครับ อ่า ขอตัวก่อนนะ”

      
              เขามองตามร่างสูงใหญ่ที่เดินออกจากร้านไปด้วยสายตาไม่เข้าใจ ทำไมถึงทำราวกับว่าเราไม่รู้จักกัน หรือเผลอไปทำอะไรให้พี่เขาโกรธไม่รู้ตัว หรือว่าไม่อยากให้คนที่โรงพยาบาลรู้เรื่องของเรา เพียงแค่คิดเช่นนั้นกันต์ก็ปวดหนึบในใจขึ้นมา

      
             “เป็นไรปะวะมึง ทำไมสีหน้าไม่ดี” ดิมรีบเข้าไปหาเพื่อนทันทีที่เห็นว่าเพื่อนตัวเองเดินหน้าซีดเซียวผิดกับตอนแรก

      
             “ไม่มีอะไร ไปกันเหอะ เดี๋ยวไอ้จารอนานแล้วโวยวายอีก”

      
              กันต์พยายามสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง มันอาจจะมีอะไรที่เขาไม่รู้ก็ได้ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ เขาพยายามคิดในแง่ดี แม้ในส่วนลึกกลับคิดแต่เรื่องราวแย่ ๆ อยู่ก็ตาม

      
             “ที่ร้ากกกกกกกก” ทันทีที่เดินเข้าห้องไป เสียงของคนเจ็บก็ดังขึ้นทันทีทำเอากันต์เบ้ปากกับความอ้อร้ออ้อนเท้าของแฟนเพื่อนตัวเองจริง ๆ

      
             “มึงมาทำไมเนี่ยไอ้หมา”

      
             “มาดูสภาพคนโง่อ่ะ” นี่คือปกติ เป็นการคุยปกติของเขาและจาริณเราไม่ได้ทะเลาะหรือเกลียดกันแต่อย่างใด

      
             “ไอ้หมาอ้วน!”

      
             “มึงว่ากูอ้วนอีกแล้วนะไอ้จา!” กันต์ปรี่เข้าไปประชิดเตียงก่อนจะหยิกลงไปที่ต้นแขนของเพื่อนแต่ไม่ได้เต็มแรงอะไรหรอก เห็นสภาพแล้วก็เวทนา

      
             “โอ๊ย ๆ ที่รักจาเจ็บ ไอ้หมาอ้วนมันแกล้งจา”

      
             “ตอแหล” เขาว่าเข้าให้ ดิมส่ายหัวแล้วเดินหนีไปยังโต๊ะที่วางสารพัดอาหารอยู่ข้างเตียง ปล่อยให้เพื่อนและคนรักตีกันไปคุยกันไป ได้ยินเสียงด่าสลับกับเสียงโวยวายอยู่เรื่อย ๆ จนอ่อนใจจะห้าม สองคนนี้เจอกันทีไรไม่เคยคุยดีกันได้เกินนาที

      
             “พอ ๆ เลิกตีกันได้แล้ว เอ้านี่แอปเปิ้ลกินซะ” ดิมเดินมาแยกพลางใช้ส้อมจิ้มแอปเปิ้ลยื่นให้คนเจ็บ แต่มีหรือคนเจ็บที่อยากจะอ้อนแฟนจะยอมกินเอง จาริณออดอ้อนออเซาะแสร้งเจ็บออด ๆ แอด ๆ จนกันต์เบ้ปากหมันไส้แย่งแอปเปิ้ลในจานมากินก่อนจะถอยฉากมานั่งที่โซฟา

      
              ดิมกับจาริณเป็นอีกคู่ที่กันต์นับถือใจไม่น้อย คนอย่างพวกเราไม่ได้ถือเรื่องเพศอยู่แล้วนั่นเพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าคู่ของเราจะเพศอะไรจนกว่าจะเจอกัน มันเป็นเรื่องของโชคชะตาล้วน ๆ แต่ตอนที่เจอกันดิมเล่าให้ฟังว่าไม่คิดว่าจะคบกันได้เลยด้วยซ้ำ ด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นผู้ชายตัวใหญ่กันทั้งคู่ ต่างคนต่างสูงเฉียด 190 กันทั้งนั้นหนำซ้ำยังเคยควงแต่คนตัวเล็ก ๆ พอมาเจอกันก็อึ้งกันไปอยู่สักพัก

      
              สุดท้ายมันก็ไปด้วยกันได้ด้วยการใช้เวลาเรียนรู้กันอยู่พอสมควร จนตอนนี้ถ้าเขาจำไม่ผิดก็เข้าปีที่สี่แล้วมั้ง กันต์มองภาพของเพื่อนทั้งสองแล้วมองย้อนมาที่ตัวเอง ถ้าพูดถึงสภาพภายนอกแล้วกันต์ที่สูง 179 ก็ไม่ได้ถือว่าเตี้ย ช่วงแขนช่วงขายาวอยู่ไม่น้อย ส่วนพี่แทนรายนั้นตัวทั้งสูงและใหญ่กว่าเขาอยู่แล้วพอมายืนข้างกันกลายเป็นเขาดูตัวเล็กลงไปถนัดตา

      
              พอนึกถึงแล้วก็ดันคิดถึง

      
              จนถึงตอนนี้กันต์ก็ยังไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่ที่เจอกันทำไมมันถึงมีความกระอักกระอ่วนแบบนั้น ทำไมต้องทำเหมือนไม่รู้จักกัน

                   
              หน่วงชะมัด

      
             “เฮ้อ” กันต์ลุกขึ้นส่ายหัวให้กับความคิดโน่นนี่ของตัวเอง ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำเอาน้ำลูบหน้าก่อนจะยกชายเสื้อขึ้นมาเช็ด สายตาก็พลันเหลือบมองเลขบนอกที่ขยับจาก 50 เป็น 51

      
             “ให้ตาย”
      

              อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย กันต์เองก็เพิ่งรู้นี่แหละว่า ต่อให้ไม่ได้เถียงหรือทะเลาะกันเพียงแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีตัวเลขนั้นก็จะขยับด้วยเช่นกัน กันต์ถอนหายใจจนมวลคาร์บอนไดออกไซด์ในห้องน้ำนี่ครึ่งนึงน่าจะมาจากตัวเขา

      
             “กูไปเดินเล่นนะ จะกลับก็โทรมาแล้วกัน” กันต์ออกจากห้องน้ำแล้วหันไปบอกดิม โดยไม่รอให้เพื่อนตอบรับก็เดินออกไปทันที

      
              นี่มันบ้าชะมัด กันต์ไม่รู้ว่าตัวเลขที่ขยับนี้มันเกิดที่ตัวเองฝ่ายเดียวหรือเกิดทั้งสองฝ่าย แล้วถ้าเป็นด้วยกันทั้งคู่พี่เขาจะสงสัยไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้ามาถามจะต้องตอบว่าอะไร มือเรียวยกขึ้นขยี้หัวตัวเองอย่างคิดไม่ตก สับเท้าเดินวนไปมั่วไม่รู้ทิศรู้ทางเงยหน้าขึ้นอีกทีก็มาโผล่อีกฟากของตึก

      
              กันต์ขยับหมุนตัวเพื่อที่จะกลับไปยังฝั่งของห้องเพื่อนตัวเอง แต่กลับต้องหยุดฝีเท้าเมื่อมองไปเจอร่างคุ้นตาเดินเคียงข้างผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในชุดเสื้อกาวน์เช่นเดียวกัน ทั้งคู่ยืนอยู่หน้าลิฟต์กำลังยืนคุยอย่างเช่นคนที่สนิทสนมเขาทำกัน

      
              ดวงตาเรียวเล็กมองภาพตรงหน้าด้วยความสับสน นี่เขาต้องรู้สึกอย่างไรดี


ครืด ครืด ครืด

      
              กันต์มองเครื่องมือสื่อสารบนข้อมือตัวเอง มองชื่อที่ขึ้นอยู่บนนั้น มองมันด้วยความสับสน มองมันกะพริบถี่อยู่แบบนั้น ครั้งแล้ว ครั้งเล่า จนกระทั่งเงียบสนิทไป

      
              5 สายไม่ได้รับจากคน ๆ เดียว คนที่เขายังไม่พร้อมจะคุย กันต์ไม่รู้ว่าตัวเองต้องพูดอะไร ต้องทำอะไร หรือแม้กระทั่งต้องคิดอะไรในตอนนี้ มันกลายเป็นภาพเบลอ ๆ ในหัวที่มีภาพรอยยิ้ม ความอบอุ่นสลับกับดวงตาว่างเปล่า และน้ำเสียงที่ห่างเหิน

      
             “มึงไม่เป็นอะไรแน่นะ” ดิมหันมาถามในขณะที่รถยนต์จอดลงที่หน้าบ้านของเพื่อนสนิทที่เย็นนี้ทำตัวแปลกไป แม้ตอนเจอกับจาริณจะเฮฮากวนประสาทเหมือนเดิม แต่คนที่รู้จักกับกันต์มาตั้งแต่เด็กอย่างดิมนั้นดูออก

      
             “เออไม่มีอะไรหรอกมึง”

      
             “เออ ๆ มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน” ดิมส่ายหัวให้กับความดื้อของเพื่อนตัวเอง ไม่อยากรบเร้าให้มากความจึงปล่อยให้กันต์ลงจากรถไป เดี๋ยวถ้ามันไม่ไหวก็คงโทรมาเองอย่างทุกครั้งนั่นแหละ— หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ

      
              ร่างโปร่งทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า เหตุการณ์คล้ายซ้ำเดิมห่างเพียงแค่ไม่กี่วันแต่ทำไมอารมณ์มันต่างกันแบบนี้ ยิ่งนึกนั่นนึกนี่นอนทอดอารมณ์ก็ยิ่งฟุ้งซ่าน แต่จะให้ทักไปถามก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร มันตะขิดตะขวงอยู่ในใจ มันไม่สบายใจ ใช่ นั่นแหละ ไม่สบายใจ อารมณ์นี้เลย


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

      
             “กันต์ลูก มีคนมาหา” เสียงแม่เคาะประตูพร้อมเอ่ยเรียก ทำเอาคนถูกเรียกเด้งตัวขึ้นนั่งพลางขมวดคิ้วฉับ

      
              ใครมาหาเอาป่านนี้ หรือจะเป็นดิม?

      
              กันต์เดินเนือย ๆ ลงไปชั้นล่างพบกับแม่ที่นั่งอยู่ที่ประจำกำลังพยักเพยิดหน้าไปทางประตูหน้าบ้าน เขาหรี่ตามองผ่านหน้าต่างไปเห็นเป็นเงาคนกับรถยนต์ลาง ๆ

      
             “ใครอ่ะแม่?”

      
             “แม่ก็ไม่รู้ ไม่คุ้นหน้าเลย เห็นบอกว่าเป็นรุ่นพี่ ไปดูสิ”

      
              รุ่นพี่เนี่ยนะ? ก็แย่แล้ว เขาไม่ได้สนิทกับรุ่นพี่ในภาควิชาขนาดที่มาหากันถึงบ้านได้แบบนี้สักหน่อย ร่างโปร่งในชุดเสื้อยืดย้วย ๆ กับกางเกงขาสั้นเดินเกาหัวด้วยความมึนงงออกไปหน้าบ้าน

      
              เชี่ยละ ...

      
             “พี่แทน”

      
             “กันต์ครับ”
      
      
              แทนคุณหันมาตามเสียงเรียกพร้อมกับเผยรอยยิ้มและลักยิ้มข้างแก้มที่เป็นเอกลักษณ์ ดวงตาคมกวาดสายตามองน้องที่เดินหน้ามึนออกมาจากบ้าน ร่างโปร่งอยู่ในชุดอยู่บ้านดูน่ารักไปอีกแบบ ถึงอย่างนั้นนั่นก็ไม่ได้ทำให้แทนคุณลืมจุดประสงค์ที่มาถึงนี่
   
      
             “พี่ ... มาทำอะไรครับเนี่ย”

      
             “ก็คิดถึง”

      
             “ฮะ?”

      
             “แล้วก็มีเรื่องอยากคุยด้วยนิดหน่อยครับ”

      
              ตาเรียวเล็กหางตาตกหลุบลงมองพื้นอย่างรู้สึกไม่ดี เวลามีคนบอกประโยคประมาณนี้ทีไรมักไม่ใช่เรื่องดีทุกครั้ง และตอนนี้สัญชาตญาณข้างในกำลังฟ้องเช่นนั้น เสียงเรียกชื่อกันต์ดังขึ้นอีกครั้งถึงยอมเงยหน้าขึ้น ระหว่างเรามีเพียงรั้วบ้านกั้นกลางเท่านั้น

      
             “มีอะไรเหรอครับ”

      
             “ตรงนี้ ... เลขของกันต์ขยับไหมครับ” แทนคุณชี้ลงไปที่ตำแหน่งตัวเลขบนอกพร้อมกับมองน้องด้วยความสงสัย

      
              วันนี้ทั้งวันแทนคุณออกตรวจตลอดแทบไม่ได้พัก หนำซ้ำเมื่อบ่ายยังต้องเข้าเวรแทนเพื่อนอีกคนที่ขอเปลี่ยนเวรไปเฝ้าแฟนไม่สบาย กว่าจะรู้ตัวว่าเลขบนอกขยับลดลงมาจาก 50 เหลือ 49 ก็เย็นแล้ว พอรู้ตัวก็โทรหากันต์แต่น้องก็ไม่รับสาย พอออกเวรก็รีบบึ่งรถมาที่บ้านอย่างถือวิสาสะไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า

      
             “ครับ”

      
             “บอกพี่ได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น พี่ ... พี่ทำอะไรให้เรารู้สึกไม่ดีตรงไหนหรือเปล่า” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ และใจเย็นตามแบบฉบับคนเป็นหมอ ดวงตาคมคมฉายแววกังวลระคนสับสนพลางสาวเท้าเข้าไปใกล้จนเกือบชิดประตูรั้ว

      
              กันต์ถอนหายใจ มาถึงตรงนี้ก็ได้แต่คิดว่าเป็นไงเป็นกัน เขาไม่ใช่คนที่มีอะไรแล้วอยากจะอมพะนำเอาไว้ ไม่ชอบการค้างคาใจไม่ได้เคลียร์กัน กันต์เม้มปากแน่นอยู่อึดใจก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปาก แอบตกใจกับตัวเองไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าน้ำเสียงที่ออกไปจะดูนิ่ง แข็ง และจริงจัง

      
             “พี่ไม่รู้จริง ๆ เหรอครับ”

      
             “ครับ วันนี้พี่ทำงานทั้งวัน พอเสร็จงานก็รีบมาหาเราเลย”

      
             “พี่ทำงานที่โรง’บาล xxx ใช่ไหมครับ”

      
             “ใช่ครับ ทำไมเหรอ”

      
             “วันนี้ผมไปเยี่ยมเพื่อนที่โรง’บาลนี้มา”

      
             “หือ วันนี้เราไปเหรอ ทำไมไม่บอกพี่ล่ะจะได้แวบออกมาหา” กันต์ขมวดคิ้วแน่นมองคนตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด ทำไมถึงทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวในเมื่อเราคุยกันด้วยซ้ำ

      
             “แต่วันนี้เรายังคุยกันในร้านกาแฟอยู่เลยนะครับ”

      
             “ฮะ? ไม่ใช่แล้ว เราจะเจอกันได้ยังไง วันนี้พี่นั่งตรวจคนไข้ในห้องตรวจทั้งวันเลย ขนาดข้าวยังต้องฝากพยาบาลซื้อมากินในห้องเลยนะ”

      
             “พี่แทน ผมไม่ตลกด้วยนะ” นี่อย่ามาทำให้สับสนเชียว อย่าบอกเชียวนะว่าเรื่องจะพลิกเหมือนในละครที่เคยดู มาบอกว่ามีแฝดนี่เขาจะโขกหัวตัวเองกับประตูบ้านจริง ๆ ด้วย

      
             “เดี๋ยวนะ อ่า พี่เข้าใจแล้ว คนที่เราเจอวันนี้เราหมายถึงคนนี้หรือเปล่า” แทนคุณยกเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาก่อนจะกดเข้าไปในคลังรูปภาพแล้วโชว์รูปคนสองคนที่ถ่ายด้วยกันให้น้องดู

      
              ดวงตาเรียวเล็กของกันต์เบิกขึ้นกว้างด้วยความตกใจ เวรรกรมแล้วไง เขาต้องเอาหัวโขกกับประตูบ้านจริงเหรอ! นี่มันละครไปหรือเปล่า พี่เขามีฝาแฝดจริง ๆ ด้วย

      
             “แฝด?”

      
             “อื้ม นี่ไอ้แทนรัก แฝดน้องของพี่เอง มันเป็นหมอที่นั่นเหมือนกัน”

      
             “แม่ง” กันต์สบถกับตัวเอง นี่เขาเสียเวลาคิดมากไปทำไมกันเนี่ย พอคิดได้แบบนี้ก็ย้อนนึกถึงไปตอนกลางวันที่เผลอทำตัวงี่เง่าไม่รับสายพี่เขา ถ้าคุย ถ้าถามตั้งแต่ตอนนั้นก็จบเรื่องไปนานแล้ว

      
             “พี่ขอโทษนะ กะว่าจะพาไปแนะนำตัวกับที่บ้านอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าเราจะเจอมันไวขนาดนี้ มันทำอะไรให้เราคิดมากใช่ไหม ขอโทษจริง ๆ นะ”

      
             “ฮือ พี่แทน ผมขอโทษ”

      
              จู่ ๆ น้ำตาก็คลอ ตอนนี้กันต์เริ่มอยากจะโขกหัวตัวเองกับประตูบ้านแรง ๆ จริง ๆ แล้ว งี่เง่า เข้าใจผิดเอง แต่พี่เขาก็ยอมเอ่ยปากขอโทษก่อนอย่างไม่คิดมากเลยด้วยซ้ำ นี่มันจะแสนดีเกินไปแล้ว พระเจ้าตอบแทนความผิดหวังตลอดชีวิตของเขาดีเกินไปแล้ว!

      
             “ออกมาหาพี่ได้ไหมครับ” กันต์พยักหน้ารัว ๆ ก่อนจะเปิดประตูบ้านแล้วเดินเข้าไปยืนหน้าบ้าน

      
              แทนคุณยืนยิ้มกริ่ม แม้จะไม่อยากเห็นน้ำตาน้องแต่ต้องยอมรับแบบแมน ๆ เลยว่าเห็นแล้วอยากบีบจมูกแดง ๆ นั่น ยิ่งตอนช้อนตามองทั้งที่ยังคลอไปด้วยน้ำตานั้น ให้ตายเถอะ ในหัวนี่คิดดีไม่ได้แล้ว

      
             “ไม่ร้องสิครับ ร้องทำไมหืม”

      
             “ผมรู้สึกไม่ดีนี่”

      
              กันต์ยกแขนเสื้อเช็ดน้ำตาจนหน้าแดงไปหมด ไหล่เล็กสั่นเล็กน้อยจากการกลั้นสะอื้น แทนคุณมองเจ้าเด็กกระต่ายที่ยืนตาแดง จมูกแดงอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ไม่อยากฉวยโอกาสสักนิดแต่มือมันไปไวกว่าความคิด ฉวยเอวน้องเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วจนคนที่กำลังรู้สึกผิดไม่ทันตั้งตัว ตาเล็กเบิกค้างมองเขาอย่างเลิ่กลั่ก

      
              กระต่ายตื่นตูมของแท้เลย

      
             “พะ พี่แทน”

      
              แม้กันต์จะพยายามขืนตัวเองเอาไว้ แต่แขนที่อยู่รอบเอวก็แข็งแรงเสียเหลือเกินจนตัวยอมเอนอ่อนปล่อยให้ตัวเองถูกโอบเอวไว้ แต่ไม่กล้ามองหน้าเจ้าของอ้อมแขนสักนิดได้แต่บังคับตัวเองให้มองผ่านไหล่ของพี่เขาไปโฟกัสที่รถด้านหลังแทน

      
             “อย่าร้องเลยนะ พี่รู้สึกไม่ดีเลย”

      
             “ผมขอโทษจริง ๆ นะครับ ถ้ารับสายพี่ตั้งแต่ตอนนั้นก็จบไปแล้ว งี่เง่าจริง ๆ”

      
              กันต์อดไม่ได้เลยที่จะบ่นตัวเอง กันต์รู้สึกแย่อย่างจริงจังจนแทนคุณพาลรู้สึกไม่ดีไปด้วย จึงดึงคนเป็นน้องให้เดินตามมาก่อนที่ตัวเองจะทิ้งสะโพกพิงฝากระโปรงรถยนต์เอาไว้ ให้น้องมายืนระหว่างขาและจับมือทั้งสองของน้องเอาไว้ เพราะแทนคุณนั่งลงทำให้ส่วนสูงเท่ากัน และสายตาเราสบกันพอดี

      
             “กันต์ฟังพี่นะ มันไม่เป็นอะไรเลยจริง ๆ ครับ อย่างน้อยเราก็ได้คุยกัน ได้เคลียร์กันถูกไหม พี่อยากให้เราเก็บเรื่องราววันนี้เอาไว้ ในอนาคตมันคงมีเรื่องราวอะไรอีกมากมายที่อาจทำให้เราต้องรู้สึกไม่ดีต่อกัน แต่พี่ก็หวังว่าอย่างน้อยเราจะได้คุยกันนะครับ”

      
             “ครับ” คนเป็นน้องตอบรับอ้อมแอ้ม

      
             “จำที่พี่พูดในคลาสได้ไหม”

      
             “จำได้ครับ”

      
             “หากยังไม่มั่นใจ มันก็ไม่เป็นอะไร ถ้าจะลองทำความรู้จักกันไปก่อน ใช้เวลาเรียนรู้กันให้แน่ใจ”

      
              เสียงทุ้มที่พูดขึ้นดังประสานกับเสียงทุ้มในความทรงจำของกันต์ มันเป็นรูปประโยคเดียวกัน และความจริงจังของน้ำเสียงกับสายตาก็เป็นแบบเดียวกัน มันทำให้ใจของกันต์เต้นไม่เป็นจังหวะ

      
             “และตอนนี้เราก็กำลังศึกษากันอยู่ ถึงต่อให้ในอนาคตเราจะขยับไปในสถานะอื่น แต่ทุกครั้งที่เราไม่เข้าใจกัน พี่อยากให้ถือว่ามันเป็นการเรียนรู้นะครับคนเก่ง อย่าโทษตัวเองเลยนะ”

      
              กันต์รู้สึกอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ ยิ่งตอนที่คนตรงหน้าส่งยิ้มอย่างอบอุ่นมาพร้อมกับลูบหัวเขาเบา ๆ อย่างทุกครั้ง มันทำให้เขารู้สึกว่าต่อให้ทะเลาะกันเป็นร้อยหนอย่างไรก็ไม่อยากเสียคน ๆ นี้ไป

      
             “ครับ ขอบคุณนะครับ”

      
             “เราเข้าใจกันแล้วใช่ไหม”

      
             “ครับผม” แทนคุณยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อเห็นน้องยิ้มตาหยีส่งมาให้พร้อมกับเสียงตอบรับที่น่ารักจนอยากจะขยำจ้าเด็กกระต่ายตรงหน้า มันเขี้ยวเหลือเกิน

      
             “ถ้าอย่างนั้น มาครับ มาทำให้เลขเรากลับไปเป็น 50 ก่อนเร็ว”

      
              แทนคุณพูดพลางปล่อยมือน้องแล้วอ้าแขนออกทั้งสองข้าง รอยยิ้มที่อบอุ่นกลายเป็นดูเจ้าเล่ห์ไปทันทีเมื่อกดมุมปากเอาไว้ ซึ่งกันต์ที่เห็นเช่นนั้นก็อยากจะฟาดคนตรงหน้านัก พอจบโหมดดราม่าก็เข้าโหมดทะเล้นอีกแล้ว คนตัวเล็กกว่าหมุนไปหมุนมองพลางมองฝ่ามือใหญ่ที่แบออกแล้วกระดิกไปมาด้วยนึกหมันไส้

      
              กันต์ถอนหายใจพลางขยับเข้าไปใกล้ ก่อนที่ตัวของเขาจะถูกรวบเอาไว้ด้วยอ้อมแขนทั้งสองของคนเป็นพี่อย่างแนบแน่น ทว่าไม่ได้ทำให้อึดอัดมันกลับทำให้กันต์รู้สึกอบอุ่น มันอุ่น มันนุ่ม มันรู้สึกเหมือนหัวใจได้รับการเยียวยา ยิ่งในตอนที่เขายกมือขึ้นกระชับร่างใหญ่ ๆ นั่นเอาไว้ แล้วอีกฝ่ายตอบกลับด้วยการทิ้งใบหน้าซบลงที่ไหล่ขยับอ้อมแขนให้แนบชิดจนแทบจมลงไปกับอกนั่น

      












            
06 กุมภาพันธ์ 2xxx


            “อารมณ์ดีแล้วล่ะสิ” กันต์เงยหน้าจากจอเครื่องมือสื่อสารขึ้นมองดิมที่นั่งอยู่ตรงข้ามกำลังเบ้หน้าเบ้ปากใส่ตัวเอง แล้วยักไหล่แล้วโคลงศีรษะไปมาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะโดนเพื่อนผลักหัวด้วยความหมันไส้

      
            “ทีเมื่อวานทำหน้าอย่างกับกินยาขม วันนี้อารมณ์ดีอย่างกับได้ยาดีมา เคลียร์กันแล้วล่ะสิ”

      
            “เออ~ มึงนี่ก็ถามมากจังวะ”

      
            “เอ้าไอ้นี่ เพื่อนเป็นห่วง”

      
            “ห่วงหรืออยากใส่ใจ”

      
            “เออก็ด้วย! แต่ก็ห่วงจริง ๆ ไอ้หมานี่ เล่ามาเลย” กันต์หัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเล่าออกมา ผิดกับดิมที่ทำหน้ายุ่งพลางมองเพื่อนด้วยสายตาเหมือนเห็นตัวประหลาด ขนาดช่วงที่มันอินเลิฟกับแฟนเก่าแต่ก่อนโน้นยังไม่เคยเห็นมันสดใสได้ขนาดนี้เลย

      
            “ซื่อบื้อ”

      
            “ก็กูไม่รู้นี่หว่า”

      
            “ก็น่าจะฉุกคิดสักนิดไหมว่า พี่เขาจะเมินมึงทำบ้าอะไร”

      
            “ก็…”

      
            “ไม่ต้องมาเถียงเลยไอ้นี่นิ แล้วยังไงต่อ โดนพี่เขาด่าไหม” เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้จู่ ๆ แก้มกันต์ก็แดงขึ้นมาจนดิมที่นั่งมองอยู่ถึงกับกลอกตา พอจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงใสที่เล่าอยู่ก็ค่อย ๆ อ้อมแอ้มและเบาลง

      
            “อย่ามาทำหน้าบาง มึงหอมแก้มกับบรรดาแฟนเก่าทั้งหลาย กูก็เห็นมาแล้ว” ดิมพูดไปก็พลางทำหน้าเหม็นเบื่อไป

      
            “อะไรเล่า มึงแม่ง!” กันต์ที่โดนเพื่อนแฉก็เบะปากใส่ก่อนจะสบถด่าไปรอบนึง เผลอแอบมองไปรอบตัวอย่างหวาดระแวง บ้าหน่า เขาไม่ได้กลัวพี่เขาโผล่มาได้ยินพอดิบพอดีอะไรแบบนั้นเลยนะ เปล่าเลย


ครืด ครืด ครืด

      
            คนที่นึกร้อนตัวอยู่สะดุ้งเฮือกเมื่อหน้าจอแจ้งเตือนว่าคนที่กำลังคิดถึงอยู่วิดีโอคอลมา เสียดายที่วันนี้กันต์ไม่ได้หยิบบลูทูธมา จึงจำต้องยอมปล่อยให้เสียงดังลอดออกมาจนคนอยากใส่ใจเรื่องเพื่อนพอดีอย่างดิมขยับตัวเข้ามาใกล้

      
            “ครับพี่แทน”

      
            ( ทำอะไรอยู่ครับ เข้าเรียนหรือยัง )

      
            “อยู่ในห้องแล้วครับ แต่อาจารย์ยังไม่เข้า”

      
            ( เมื่อเช้าพี่บอกให้กินข้าว ได้กินไหมครับ )

      
            “กินครับ พ่อตกใจใหญ่เลยพอเห็นผมมานั่งกินข้าวเช้าด้วย” เพราะปกติกันต์เป็นพวกไม่ชอบกินข้าวเช้า ถ้าวันไหนมีเรียนเช้าก็จะดื่มแค่น้ำเปล่าแล้วรอกินรวบเดียวพร้อมกับมื้อกลางวัน ติดนิสัยตั้งแต่เด็ก พ่อกับแม่บ่นแล้วบ่นอีกก็แก้ไม่ได้

      
            ( ดีแล้วครับ แต่ระวังปวดท้องนิดนึงนะเพราะกันต์ไม่เคยกิน พอมากินแล้วท้องไส้อาจจะปั่นป่วนไปบ้าง พยายามกินให้ได้ทุกเช้าครับมันก็จะปรับตัวได้ ) นี่คือผลของการมีคนคุยเป็นหมอ แม้จะเป็นหมอรักษาจิตใจ แต่เรื่องร่างกายคนเป็นพี่ก็ไม่ยอมให้ละเลยเช่นกัน

      
            “ครับผม— หมันไส้อ่ะ เชื่อฟังผั— อื้อ!”

      
            ดิมพูดแทรกขึ้นมาด้วยความนึกหมันไส้ แต่ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคกันต์ก็ตาโตกุลีกุจอปิดปากเพื่อนตัวเอง แต่เสียงหัวเราะที่ดังลอดออกมาทำให้รู้ว่าปิดไม่ทัน แก้มกลมใสขึ้นสีแดงยิ่งเรียกเสียงหัวเราะและสายตาเอ็นดูจากคู่สนทนา

      
            ( ฮ่ะ ๆ อากาศร้อนเหรอครับ แก้มแดงเชียว )

      
            “พี่แทน!”

      
            ( โอเค ๆ ไม่แกล้งแล้ว พี่ต้องไปทำงานแล้วนะ ไว้จะหาโอกาส text หานะครับ )

      
            “อ่า โอเคครับ”

      
            ( งั้น— )

      
            “เอ่อพี่แทนครับ!”

      
            ( ห หือ ครับ )

      
            “คือพี่พักกลางวันกี่โมงเหรอครับ”

      
            ( อืม มันก็ไม่เท่ากันทุกวันนะ แต่ถ้าไม่ได้มีคิวคนไข้นัดเอาไว้ ก็จะประมาณเที่ยงครึ่งไม่ก็บ่ายโมง มีอะไรหรือเปล่า )

      
            “เปล่าครับเปล่า พี่ไปทำงานเถอะครับ ตั้งใจทำงานนะครับ” กันต์พูดพลางยิ้มตาหยีแบบที่พี่เขาชอบส่งไปให้จนได้รับรอยยิ้มกว้างจนลักยิ้มบุ๋มแบบที่ตัวเองชอบคืนกลับมา

      
            ( โอเคครับ เราก็ตั้งใจเรียนนะ )

      
            “ครับ บายครับ”

      
            แม้สายจะตัดไปแล้วแต่รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงอยู่ กันต์หยุดคิดอะไรอยู่ในหัวชั่วอึดใจก่อนจะหันไปยิ้มเผล่ใส่เพื่อนตัวเองที่ทันทีที่เห็นรอยยิ้มดังกล่าวก็รีบขยับหนีออกห่าง

      
            “ดิม~”

      
            “อะไรมึง เรียกเสียงแบบนี้ทีไรมีเรื่องทุกที”

      
            “มึงอ่ะ กูแค่จะอยากรู้อะไรนิดนึง”

      
            “อะไร”

      
            “มึงคิดว่าฝีมือการทำอาหารกูเป็นไงบ้างวะ”

      
            “ก็พอแดกได้อ่ะ”

      
            “โอเค้ แค่นั้นก็น่าจะโอเคแล้วแหละ”

      
            ดิมว่าในหัวโต ๆ ของเพื่อนตัวเองต้องคิดนั่นคิดนี่อะไรเอาไว้แล้วแน่ จริงอยู่ที่ดิมไม่ได้โกหกว่าอาหารฝีมือของกันต์พอกินได้ มันกินได้จริง ๆ แต่ถ้าเลือกได้ก็ไม่กินก็ดีกว่า และดิมเองก็คิดว่าคนที่รับกรรมนั้นคงไม่พ้นต้องเป็นคู่ของมันเอง

      
            ไว้อาลัยพี่แทนตอนนี้ทันไหมนะ






To be continued.
_____________________________________

TALK : ฮื่อ อยากได้พี่แทนเองทันมั้ยยย
ความแทนคุณคือผู้ชายในอุดมคติของอิชั้นเองเจ้าค่ะ กรี๊ด
ส่วนตอนหน้านั้น ฝากเป็นกำลังใจให้พระเอกของเรากันด้วยนะคะ อิอิ

ฝากเป็นกำลังใจให้กันด้วยค่า

ps. เรารีไรท์เนื้อหาบางส่วนตั้งแต่ prologue-chapter3
ถ้ายังไงลองอ่านกันอีกรอบก็ได้นะคะ


#ครึ่งชีวิตของผม
      
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 04 17/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 17-06-2018 14:55:00
ความมีเนื้อคู่เป็นคุณหมอแบบนี้นี่ดูแลดีจริงๆค่ะ อิจฉา นี่ก็งงว่าพี่เขาเป็นอะไรมาทำเมิน สรุปแฝดดด  :hao7:
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 04 17/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 17-06-2018 15:15:03
ชอบมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 04 17/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 17-06-2018 18:50:39
แปลกใหม่ดีอ่ะ เราชอบค่ะะะ
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 04 17/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 23-06-2018 20:24:14
ชอบบบบบค่า :-[ พล๊อตมันน่ารักโรแมนติกดี รอคุณนักเขียนว่างมาลงตอนใหม่นะคะ สู้ ๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 04 17/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 24-06-2018 03:45:44
นีก้ว่าาา แฝดจริงๆด้วยย
พี่แทนคือดีย์มากกกอะ ความคุณหมอนี้
ดูแลเทคแคร์อย่างดีเลยอะ ฮอลลลลล
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 05 26/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 26-06-2018 18:58:09


CHAPTER 05

No matter what,
There won't be any empty space left for them.








      
            อะไรที่เคยตั้งใจว่าจะทำก็ดันมีเรื่องมาขัดขวางจนใบหน้าชวนพิศขมวดมุ่ยจนทำให้เพื่อนอย่างดิมแอบหัวเราะพลางส่ายหน้า กันต์ที่ตั้งใจอยากจะทำอะไรให้คู่ชีวิตตัวเองบ้างแต่ก็ถูกอาจารย์นัดสอนชดเชยกะทันหัน ได้แต่นั่งเท้าคางมองหน้ทจอแท็บเล็ตสลับกับหน้าอาจารย์อย่างนึกเซ็ง กว่าจะเลิกเรียนก็ปาไปบ่ายคล้อยเสียแล้ว

      
            “มึงเลิกทำหน้ามุ่ยสักทีเหอะไอ้กันต์”

      
            “อะไรล่ะ”

      
            “กลางวันไม่ทัน ตอนเย็นก็ยังทัน”

      
            “กูไม่รู้ว่าพี่เขาเข้าเวรตรวจหรือเปล่า”

      
            “ก็โทรถามสิวะ”

      
            “โทรแล้วจะเซอร์ไพรส์ไหมเล่า” กันต์ทำหน้ายุ่งถอนหายใจดังเฮือก นึกอยากเข้าหาพี่เขาบ้างแต่ก็มีอุปสรรคเสียได้ ดิมที่ทนความซื่อบื้อไม่ไหวจึงยกมือขึ้นเขกลงกลางศีรษะ

      
            “นี่มึงเคยเซอร์ไพรส์แฟนเก่ามึงบ้างปะกูถามจริง”

      
            “หึ” กันต์ส่ายหน้าหวือ แฟนเก่าแต่ละคนที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องนึกอยากเซอร์ไพรส์อะไรกันมาก่อน วันเกิดหรือโอกาสต่าง ๆ ถ้ามีของขวัญหรืออะไรก็ยื่นให้กันตรง ๆ เรียกได้ว่าแม้จะมีชีวิตรักคบกับใครมาไม่น้อย แต่ประสบการณ์การปฏิสัมพันธ์เฉียดค่อนไปทางศูนย์เลยจริง ๆ

      
            “เฮ้อ มึงก็แค่ text ไปถามว่าทำงานอยู่หรือเปล่า ชวนคุยปกติแล้วแย็บถามอ่ะ ทำเป็นไหม”

      
            “เออ ๆ”

      
            กันต์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้ากดออกอยู่ห้องสนทนาอยู่แบบนั้น ก่อนจะยอมพิมพ์ถามไปโต้ง ๆ ไม่มีการแย็บหรือหลอกถามอะไรทั้งนั้น นั่งสั่นขารออย่างใจจดจ่ออยู่เกือบสิบห้านาทีก็มีแจ้งเตือนข้อความตอบกลับมา

      
            เรียวปากเล็กคลี่ออกกว้างเมื่อได้คำตอบที่พึงพอใจ ผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วเสียจนเพื่อนที่นั่งเล่นเกมรออยู่ข้าง ๆ สะดุ้งหันมองด้วยความมึนงง

      
            “ไปซูเปอร์กัน!”
      
            ดิมกำลังเข็นรถตามหลังเพื่อนตัวเองที่กำลังทำหน้ายุ่งเพราะไม่เคยมาซื้อของสดเอง ดูเหมือนว่าจะทุลักทะเลไม่น้อย จนอดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยปากถามหลังจากเดินตามเงียบ ๆ มานาน

      
            “มึงจะทำอะไรนะ”

      
            “ข้าวไข่ข้นใส่ไก่ทอด”

      
            “แล้วมึงกำลังงงอะไร”

      
            “กูกำลังงงว่ากูต้องใช้ไข่เบอร์อะไร ใช้ไก่ส่วนไหน”

      
            “ใช้อะไรก็ใช้เหอะ กูก็นึกว่ามึงกำลังเครียดอะไร มึงรีบซื้อเลยไอ้กันต์นี่มันจะเย็นแล้ว กว่ามึงจะทำเสร็จ ไม่ใช่ว่าพี่เขาไปกินข้าวก่อนแล้วนะ”

      
            “มึงอ่ะ” ใบหน้าน่ามองยุ่งเหยิงเพราะคำพูดของเพื่อน ก็คนมันไม่เคยมาซื้อของเองนี่หน่า ปกตินึกอยากเข้าครัวที่บ้านก็มีของสดไว้แล้ว ถึงจะไม่มั่นใจแต่ก็ยอมรีบดูรีบซื้อด้วยกลัวจะไม่ทันอย่างที่เพื่อนบอก

      
            กลับมาถึงบ้านคิดไว้ว่าจะให้แม่ช่วยเหลือสักนิดสักหน่อยแต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อเห็นโน้ตจากแม่แปะทิ้งไว้ว่าออกไปเยี่ยมเพื่อนกับพ่อ กันต์เม้มปากอย่างกังวลใจไม่น้อย เคยแต่ทำกินเอง ไม่อร่อยก็กินเอง มีบ้างที่ยัดเยียดให้เพื่อนอย่างดิมชิม ส่วนคนรักที่เคยคบมาก็ไม่เคยทำให้เลยสักครั้ง คนขี้กังวลเป่าลมออกจากพลางตบอกเป็นการให้กำลังใจตัวเอง

      
            เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง กลิ่นของอาหารก็อบอวลไปทั่วบ้านจนทำให้ดิมที่นั่งเล่นเกมอยู่ที่ห้องนั่งเล่นต้องเดินมาดูในห้องครัวว่า กลิ่นที่โชยออกมาเป็นกลิ่นของอาหารไม่ใช่กลิ่นจากที่เพื่อนเขาเผาครัวตัวเอง

      
            “มึง ๆๆ มาชิมหน่อยดิ”

      
            ไม่ใช่ว่าดิมไม่เชื่อใจเพื่อนตัวเองหรอกนะ แต่อาหารฝีมือกันต์นี่เอาแน่เอานอนไม่ได้จริง ๆ บางอย่างก็ทำออกมาอร่อย บางอย่างก็กินแทบไม่ได้ เหมือนรสชาติอาหารสวิงไปตามอารมณ์อย่างไรอย่างนั้น ถึงอย่างนั้นดิมก็ยอมเดินเข้าไปหาหยิบช้อนมาตักข้าวในกระทะมาชิมคำนึง

      
            “เออไม่แย่ แต่กูว่าแอบจืดไปว่ะ มึงเอาซอสหรือน้ำจิ้มอะไรแบบนี้ไปด้วยดิ”

      
            “เฮ้อ โอเค” ทันทีที่ได้ยินคำตอบของเพื่อน กันต์ก็พรูลมหายใจออกมาสุดแรงด้วยความโล่งใจ ถ้าดิมบอกว่าไม่แย่แสดงว่าไม่แย่จริง

      
            กันต์รีบเทข้าวใส่กล่องถนอมอาหาร เกือบจะสี่โมงเย็นแล้วจึงรีบบอกลาเพื่อนที่สละตัวเองมาเป็นหนูทดลอง ก่อนจะขับรถของตัวเองไปโรงพยาบาลด้วยความรวดเร็ว

      
            ร่างโปร่งที่ยังอยู่ในชุดเดิมเดินถือถุงกล่องข้าวเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยใจที่เต้นตึกตัก กลีบปากบางเม้มแน่นอย่างคนไม่มั่นใจในตัวเอง เดินละล้าละหลังพลางมองหาป้ายบอกทางไปแผนกจิตเวช

      
            “เอ่อ ขอโทษนะครับ”

      
            “ค่ะ มีอะไรให้ช่วยคะ”

      
            “ผมมาหาหมอแทนคุณครับ”

      
            “ตอนนี้คุณหมอยังติดเคสอยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณหมอนัดไว้หรือคะ”

      
            “อ่อ เอ่อเปล่าครับ พอดีผมเป็นรุ่นน้องครับ ถ้าสะดวกแล้วรบกวนคุณพยาบาลแจ้งให้ทีนะครับ”

      
            “ได้ค่ะ รบกวนนั่งรอสักครู่นะคะ คุณหมอน่าจะใกล้เสร็จแล้วค่ะ”

      
            กันต์เอ่ยขอบคุณก่อนเดินมานั่งรอที่เก้าอี้ด้านหน้าห้องตรวจ มองนาฬิกาสลับกับประตูห้องที่มีชื่อของคนที่เขามาหาแปะอยู่ เห็นพยาบาลคนเมื่อครู่เดินเข้าไปด้านใน สักพักจึงเห็นประตูเลื่อนเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้หญิงในชุดเสื้อกาวน์ที่เมื่อเห็นหน้าก็รู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก

      
            “ขอบคุณมากนะคะแทน”

      
            “อืม ไม่เป็นไร” แทนคุณที่ละความสนใจจากคนอื่นหันมาทิศทางที่พยาบาลบอกว่ามีรุ่นน้องมานั่งรอก็พบกับคนที่กำลังคิดถึงอยู่พอดี

      
             “อ้าว กันต์เองเหรอครับ พี่ก็นึกว่าใคร” แอบอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อน้องแจ้งพยาบาลด้านหน้าว่าเป็นรุ่นน้องของเขาแต่ก็ไม่แปลกเท่าไร ถ้ากันต์กล้าบอกว่าเป็นใครนี่สิที่จะทำให้เขาประหลาดใจ

      
            “พี่แทน” กันต์เลิกมองผู้หญิงคนนั้นแล้วลุกขึ้นยืนเมื่อพี่เขาเดินยิ้มเข้ามาหา

      
            “ทำไมจะมาไม่บอกพี่ก่อนล่ะหืม”

      
            “ก็เอ่อ ...” ให้ตายเถอะ เขินชะมัด แล้วดูรอยยิ้มมุมปากของพี่เขาสิ เห็นก็รู้ว่าอีกฝ่ายรู้ว่าเขาตั้งใจมาเซอร์ไพรส์

      
            “ร้อนเหรอครับ แก้มแดงเชียว”

      
            “พี่แทน~”

      
            “ฮ่ะ ๆ เข้ามาข้างในก่อนมา อ้อ คุณพิมครับมีคิวคนไข้อีกไหมครับ”

      
            “ถ้าที่นัดไว้จะมีอีกทีตอนหกโมงเย็นค่ะ”

      
            กันต์รอจนพี่เขาคุยเสร็จเรียบร้อยก็เดินตามเข้าไปด้านในห้องตรวจ คนแปลกที่แปลกทางเข้ามาก็กวาดสายตาสำรวจไปทั่วอย่างสนอกสนใจ ภายในห้องขนาดกลางที่พอจะมีที่วางโต๊ะของแพทย์และเก้าอี้ตัวใหญ่ที่กันต์คิดว่าน่าจะไว้สำหรับคนไข้ อีกทั้งมีอุปกรณ์ที่น่าจะเกี่ยวข้องกับการรักษาวางไว้ที่ด้านข้างโต๊ะ

      
            “นั่งก่อนครับ ว่าแต่มาหาพี่ถึงนี่ มีอะไรหรือเปล่า หรือเราไม่สบายตรงไหน มีอะไรอยากปรึกษาพี่” แทนคุณอดที่จะสวมบทเป็นหมอตามความเคยชินไม่ได้ ยิ่งเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของน้องแล้วก็ยิ่งเป็นห่วง

      
            “เปล่าครับ ผมสบายดี เอ่อนี่ก็เย็นแล้ว พี่แทนได้กินอะไรบ้างหรือยังครับ” เพราะนั่งกันอยู่คนละฝั่งของโต๊ะทำให้แทนคุณไม่เห็นว่าคนเป็นน้องกำลังทั้งประหม่าทั้งขลาดเขินแค่ไหน นั่งเอาหัวเข่าสีกันไปมาจนกางเกงจะถลอกอยู่แล้ว

      
            “อ่า ยังหรอกครับ กะว่าเดี๋ยวตรวจเสร็จค่อยไปกินทีเดียว”

      
            “ผมก็พอจะเดาได้ ก็เลยทำนี่มาให้ครับ” กันต์เลื่อนถุงผ้าที่ด้านในมีกล่องถนอมอาหารอยู่ไปด้านหน้าของพี่เขา ซึ่งทำให้แทนคุณเผลอชะงักตัวไปเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ มันไม่ใช่ในแง่ไม่ดีอะไร มันดีมากด้วยซ้ำ เพราะจากที่เดานิสัยของคู่ชีวิตตัวเองไว้คร่าว ๆ เขาก็ไม่คิดว่ากันต์จะทำอาหารมาให้แบบนี้

      
            กันต์ที่เห็นว่าคนเป็นพี่นิ่งไปก็เริ่มใจเสีย เม้มปากตัวเองแน่นจึงพูดออกมาแก้เก้อ “แต่ถ้าพี่กลัวไม่อร่อยก็ไม่เป็นไรนะครับ ฮ่ะ ๆ ผมทำเองยังไม่กล้ากินเลย ฮ่ะ ๆ”

      
            แทนคุณไม่รู้ว่าน้องรู้ตัวเองหรือเปล่าว่าเสียงที่หัวเราะออกมานั่นมันแห้งแล้งขนาดไหน ดวงตาเรียวหางตาตกที่เขาชอบมองว่าดูออดอ้อนอย่างที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวนั้น ในตอนนี้กลับฉายแววน้อยใจและเคลือบน้ำใส ๆ เสียแล้ว

      
            “ใครว่าพี่ไม่กล้ากินหืม พี่ยอมรับว่าพี่แปลกใจไม่คิดว่ากันต์จะทำมาให้พี่ ขอบคุณมากนะครับ พี่ขอกินเลยนะครับ” แทนคุณไม่ได้สนใจ ไม่ได้คาดหวังเรื่องรสชาติอาหาร ต่อให้มันไม่อร่อยอย่างที่น้องกังวลจริงเขาก็ไม่คิดว่าอะไรสักนิด เพราะเขาสนใจเพียงเรื่องความตั้งใจของน้องเท่านั้น

      
            กันต์ถูมือตัวเองไปมาพร้อมกับกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความลุ้นยิ่งกว่ารอเกรดออกเสียอีก ยิ่งเมื่อพี่เขาตักข้าวเข้าไปในปากคำโต ก็ยิ่งทำให้รู้สึกอยากจะแย่งช้อนแล้ววิ่งเอาของทั้งหมดกลับบ้าน เขาค่อนข้างคาดหวังไว้เหมือนกันว่ามันจะทำให้อีกฝ่ายประทับใจ หากผลลัพธ์กลับมากลายเป็นว่าพี่เขาไม่โอเคคงจะทำให้ใจเสียไม่น้อย

      
            “อร่อยดีครับ”

      
            “จริงหรือครับ พี่อย่าตอบเอาใจผมนะ”

      
            “มั่นใจในตัวเองหน่อยคนเก่ง อร่อยแล้วครับ อาจจะจืดไปนิดแต่พอกินกับซอสที่เราเอามา รสชาติก็พอดีเลย ขอบคุณมากนะครับ พี่ดีใจมาก ๆ เลย” กันต์ก้มหน้าหงุดเมื่อเห็นรอยยิ้มและสายตาเป็นประกายของพี่เขาที่ส่งมาให้ตัวเอง

      
            แทนคุณยกมือขึ้นลูบหัวคนเก่งของเขาที่เผลอถอนหายใจออกมา สิ่งที่เขาพูดไม่ได้โกหกหรือตอบเอาใจเลยสักนิด พูดไปตามเนื้อผ้า ตามความจริง และรอยยิ้มที่ได้คืนมาจากน้องทำให้มื้ออาหารเย็นนี้อร่อยมากขึ้นไปอีกเท่าตัว

      
            เขาถึงบอกกันว่า บางทีอาหารไม่ได้อยู่ที่รสชาติ แต่มันอยู่ที่ว่าเรากินอยู่กับใครมากกว่า

      
            และต่อให้ตอนนี้แทนคุณจะไปซื้ออาหารตามสั่งข้างโรง’บาลที่รสชาติจำเจจนเบื่อหน่าย แต่ถ้ามีน้องนั่งอยู่ข้างกันรสชาติอาหารมื้อนั้นก็จะดีจนเขาหายเบื่อแน่นอน

      
            “มาหาพี่เสร็จแล้วเรารีบไปไหนหรือเปล่าครับกันต์”

      
            “อืม ไม่ได้ไปไหนครับ”
      
      
            “พี่ออกเวรประมาณทุ่มนึง อยู่รอพี่ก่อนได้ไหม เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

      
            “ไม่เป็นไรครับพี่แทน ผมเอารถมาน่ะ”

      
            “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ขับรถตามเราไปส่งถึงบ้าน พี่เป็นห่วง ... นะ?” แทนคุณมองคู่ชีวิตตัวเองด้วยสายตากึ่งอ้อนกึ่งบังคับ ทำเอาคนถูกมองทำหน้าไม่ถูกได้แต่พยักหน้าอย่างยอมแพ้พร้อมกับหลุบตาลง

      
            “ดีมากครับ”

      












         
            กว่าที่แทนคุณจะหมดเคสคนไข้ก็เลยเวลาจากที่บอกคนรอไปเกือบครึ่งชั่วโมง รีบถอดเสื้อกาวน์ออกจากตัวจนเหลือเพียงเชิ้ตสีเทาอ่อน แล้วเดินออกจากห้องตรวจไปที่ร้านกาแฟชั้นล่างอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่รอลิฟต์ก็กดส่งข้อความไปหาน้องให้ได้รู้ว่าเขาเลิกงานแล้วกำลังจะลงไป

            
            “อ้าวแทนคะ” ลิฟต์เปิดที่ชั้นของแผนกอายุรกรรมพร้อมกับเสียงทักที่ดังขึ้นและคนมาใหม่ก็ก้าวเข้ามา แทนคุณมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ ก่อนจะลากสายตาไปยังอีกคนที่เดินตามหลังเข้ามา

      
            “ไงมึง เพิ่งเลิกเหรอ” แทนรัก แฝดน้องของแทนคุณเอ่ยทัก

      
            “อืม มึงด้วยเหรอ” แทนคุณขยับชิดริมอีกฝั่งปล่อยให้อีกฝั่งนึงเป็นที่ยืนของแฝดตัวเองและคนรัก

      
            “ยังว่ะ วันนี้ซื้อเวรจากเพื่อนมา นี่จะลงไปส่งลินก่อน” แทนคุณพยักหน้ารับสั้น ๆ และไม่ได้ชวนต่อบทสนทนาอะไรอีก ภายในลิฟต์จึงมีเพียงเสียงลมหายใจของคนทั้งสามเท่านั้น

      
            หากจะถามว่าเขากับฝาแฝดตัวเองไม่สนิทกันอย่างนั้นหรือ คงต้องใช้เวลาในการคิดสักหน่อย มันไม่ใช่ว่าไม่สนิทแต่เหมือนเรามีระยะห่างกันมากขึ้น ความจริงก็จะใช้คำว่าเราก็คงไม่ได้ เป็นแค่เขาเองต่างหากที่เว้นระยะออกมาจากแฝดของตัวเอง ช่วงแรกแทนรักก็ตามตื๊อถามเขาว่าทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้น แต่พอเวลาผ่านไปเราก็ต่างเติบโตขึ้นมีชีวิต มีเวลาเป็นของตัวเอง ระยะห่างที่เคยเว้นเอาไว้ก็เพิ่มขึ้นกลายเป็นว่า เราดูเหมือนฝาแฝดที่ไม่ได้สนิทกันอีกแล้ว


ครืด ครืด ครืด

      
            “ครับ ... ได้ครับ ๆ ผมจะรีบไป”

      
            “ลินกลับเองได้ไหม รักถูกตามตัวอ่ะ เคสฉุกเฉิน ถึงบ้านแล้วส่งข้อความมาบอกด้วยนะครับ” แทนรักหันมาบอกคนรักของตัวเองรัว ๆ จนไม่มีช่องให้ใครได้แทรก กดจุมพิตที่ข้างแก้มคนรักก่อนจะผละวิ่งกลับไปขึ้นลิฟต์อย่างรวดเร็ว

      
            เมื่อเห็นแทนรักวิ่งกลับขึ้นลิฟต์ไปแทนคุณก็เดินไปหาน้องที่นั่งรออยู่ไม่ได้สนใจคนที่มองมาทางตนเอง ในเมื่อเขาไม่ได้สนิทกับแฝดตัวเองแล้วนั่นก็หมายความว่าเขาก็ไม่ได้สนใจว่าที่น้องสะใภ้อะไรตัวเองนัก

      
            “กันต์ครับ”

      
            “พี่แทน”

      
            “รอนานไหม ขอโทษทีนะ”

      
            “ไม่เป็นไรครับ”

      
            “ไปกันเถอะครับ เดี๋ยวจะดึก”

      
            ทั้งคู่เดินข้างกันออกมาจากร้านกาแฟแต่เป็นกันต์เองที่รู้สึกเหมือนถูกมองอยู่จนกระทั่งหันไปเจอผู้หญิงคนนึงกำลังมองมาทางเขาทั้งสอง คิ้วเรียวเล็กขมวดอย่างสงสัยก่อนจะหันไปกระตุกข้อมือของคนเป็นพี่

      
            “พี่แทน ๆ พี่รู้จักผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า ผมรู้สึกว่าเขามองเรามาสักพักแล้วอ่ะ” กันต์กระซิบถามพลางใช้สายตานำทางไปที่คนดังกล่าว แทนคุณมองตามไปเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ถอนหายใจอย่างนึกไม่ชอบใจ

      
            “ช่าง—”

      
            “แทนคะ”

      
            “ครับ”

      
            แทนคุณตอบรับอย่างเสียไม่ได้ โดยมีสายตาสงสัยจากกันต์มองสลับไปมาระหว่างคู่ชีวิตตัวเองกับผู้หญิงตรงหน้า ดวงตาเรียวหรี่ลงก่อนจะเบิกขึ้นเมื่อนึกได้ว่าเคยเจอผู้หญิงคนนี้ที่ไหน เป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่เจอตอนเข้าใจผิดเรื่องฝาแฝดของพี่เขา ส่วนอีกรอบคือเมื่อเย็นตอนที่นั่งรอเอาข้าวไปให้พี่เขา

      
            “คือลินขอติดรถกลับด้วยคนได้ไหมคะ ลินไม่ได้เอารถมาน่ะค่ะ มันค่อนข้าง—”

      
            “ขอโทษทีนะ ผมไม่สะดวก ... ไปกันเถอะครับกันต์” แทนคุณปฏิเสธแทบจะในทันที ไม่แม้แต่จะฟังให้จบรวมถึงสนใจว่าอีกฝ่ายจะกลับอย่างไร เขาหันมาคว้าข้อศอกน้องแล้วพาเดินออกมาทันที

      
            “เธอ ... เป็นใครเหรอครับ” ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปรถใครรถมัน กันต์ก็เอ่ยถามขึ้นมาเพื่อคลายความคับข้องใจ

      
            “แฟนไอ้รักมันน่ะ อย่าสนใจเลย กันต์ขับรถดี ๆ นะไม่ต้องรีบ พี่จะขับตามจนกว่าจะถึงบ้าน” แทนคุณตอบอย่างไม่ใส่ใจพลางโคลงศีรษะน้องไปมาแสร้งทำเป็นไม่เห็นว่าสายตาของกันต์ยังไม่เลิกสงสัย

      
            ส่วนคนขี้สงสัยก็ได้แต่ยักไหล่น้อย ๆ บางทีพี่เขาอาจจะไม่ได้สนิทกับคนรักของแฝดตัวเองก็อาจจะเป็นไปได้ และเมื่อพี่เขาบอกไม่ให้สนใจก็จะไม่สนแม้จะอยากรู้ก็ตามที

      
            “คงไม่มีอะไรหรอก” กันต์บอกกับตัวเองแบบนั้นเพราะตอนนี้ก็เริ่มเปิดใจและเริ่มเชื่อใจอีกฝ่ายไปแล้วบางส่วน ไม่อยากให้มีอะไรมาสั่นคลอนความตั้งใจของตัวเอง จึงเลือกที่จะเมินสัญญาณบางอย่างที่ร้องเตือนจากข้างใน






To be continued.
_____________________________________

TALK : น้องไม่สนใจก็ดีแล้วเนาะ ; )
เรื่องนี้เราตั้งใจพยายามเขียนเรื่องของความสัมพันธ์ให้สมจริงที่สุดเท่าที่จะทำได้

คิดเห็นยังไงบอกกันได้นะคะ
ฝากด้วยค่า

#ครึ่งชีวิตของผม
      
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 05 26/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 27-06-2018 00:00:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 05 26/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 27-06-2018 04:02:53
รู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้อยากจะเป็นแค่น้องสะใภ้นะ
แววไม่ดีมาแต่ไกลเลยย
น้องต้องเชื่อใจพี่นะลูกกกก
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 05 26/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 27-06-2018 13:04:54
ติดตามมมมม
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 05 26/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: แมว ที่ 28-06-2018 03:32:44
ผู้หญิงกลิ่นตุๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 05 26/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 28-06-2018 09:16:08
อยากได้พี่เขยล่ะสิ
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 05 26/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-06-2018 21:10:30
ผู้หญิงคนนี้แปลกๆนะ ทำไมดูเหมือนจะพยายามเข้าใกล้พี่แทนตลอดเลย
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 05 26/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: DZiik ที่ 02-07-2018 02:21:42
ไม่โอเคกับผู้หญิงคนนี้จริงๆ :serius2:
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER 05 26/6/18)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 10-07-2018 18:32:34
CHAPTER 06

Honestly is the foundation for trust;
you can’t have one without the other.
(Brenda Jones)









10 กุมภาพันธ์ 2xxx​

      
            “ดิม”

      
            “ว่า”

      
            “มึงว่ามีเยอะไหมวะคนที่ไม่ได้รักกับคู่ตัวเอง”

      
            “ก็มีแต่คงไม่ได้เยอะเท่าไรมั้ง ในเมื่อกำหนดมาแล้วว่าต้องเป็นคู่ชีวิต ต่อให้ช้าหรือเร็วก็ต้องได้รักกันอยู่ดีแหละ” ดิมตอบพลางหันมามองหน้าเพื่อนตัวเองที่กำลังทำหน้าล่องลอยราวกับในหัวโต ๆ ของมันกำลังมีความคิดฟุ้งอยู่ในนั้นเต็มไปหมด

      
            “แล้วมึงว่าความรักกับชีวิตอะไรมันสำคัญกว่าวะ” กันต์ถามต่อด้วยความอยากรู้

      
            ชีวิตของพวกเราเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นไปตามกลไกของธรรมชาติ ไอ้ตัวเลขสีเหลืองบนอกมันก็แค่คล้ายกับเป็นทั้งตัวเร่งและตัวยืดกลไกเพียงเท่านั้น แต่ถึงมันจะเป็นแค่นั้นกลับสำคัญไม่น้อยเพราะต่อให้ไม่รักกับใครคนนั้นอย่างไรก็ต้องรักชีวิตตัวเอง

      
            “ไม่รู้ว่ะ แต่เอาเข้าจริงการที่เรารักคนอื่นนั่นก็หมายถึงเรารักชีวิตตัวเองนี่หว่า”

      
            “ก็จริง”

      
            เครื่องหน้าน่ามองตอนนี้กำลังห้อยตกหมดคล้ายกำลังคิดไม่ตกกับอะไรสักอย่างอยู่ในหัว ไม่ว่าจะหางคิ้ว หางตา ริมฝีปากก็ตกลงจนเผยให้เห็นฟันกระต่ายคู่เล็กของเจ้าตัว ยิ่งเสริมให้กันต์เหมือนกระต่ายที่ถูกเจ้านายไม่สนใจ

      
            “ถามทำไมวะ ทะเลาะกับพี่แทนเหรอ”

      
            “เปล่า”

      
            “เอ้า แล้วเป็นอะไร”

      
            หรือบางทีอาจจะเป็นที่กระต่ายตัวนี้เองที่ไม่เคยสังเกตหรือไม่แม้แต่จะสนใจหันกลับมามองว่า ทุกย่างก้าวของตัวเองนั้น ไม่เคยมีสักครั้งที่เจ้านายจะไม่สนใจ

      
            “ไม่รู้ดิ”

      
            กันต์บอกพลางฟุบหน้าลงกับแขนตัวเอง เขาตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่ากำลังเป็นอะไร เหมือนในหัวมันกำลังคิดนั่นคิดนี่เต็มไปหมด ดราม่ากับตัวเอง คิดเอง เครียดเอง ถ้าเผลอบอกดิมไปอย่างนี้ไม่พ้นว่าจะต้องโดนด่าแน่นอน แต่ถึงไม่บอกเขาก็คิดว่าดิมน่าจะเดาได้ตามประสาเพื่อนสนิท

      
            “มึงเลิกฟุ้ง มีอะไรก็เอาไปถามพี่แทนตรง ๆ ไม่ใช่เก็บมาคิดมาก พี่แทนเป็นคู่ของมึงเขาไม่ใช่ใครคนอื่นเหมือนที่ผ่านมา”

      
            “ฮื่อ”

      
            “ฮื่อเชี่ยไร ลุกขึ้นมาเรียน อาจารย์จะแดกหัวอยู่ละ” ดิมอดไม่ไหวที่จะตีหัวเพื่อนที่ตัวเองด้วยความเหน็ดเหนื่อยใจ นี่ก็เริ่มไม่แน่ใจตัวเองมาสักพักแล้วว่าเป็นเพื่อนหรือเป็นพ่อกันแน่ บางทีมันก็ดูโตสมอายุ บางทีก็ดูเด็กน้อยจนน่าด่าจริง ๆ

      
            พอหมดเวลาเรียนก็แทบคลานออกมาจากห้อง มันก็จะไม่เข้าใจนิดหน่อยว่าที่ตัวเองเรียนอยู่คือศาสตร์แห่งการสื่อสารหรือเรียนการบ้านการเมืองอยู่ ทำไมถึงต้องบังคับลงวิชาวิเคราะห์สถานการณ์ด้วย มันไม่ง่ายเลยสักนิดสำหรับคนที่ขี้เกียจตามข่าวสารอย่างปุณณกันต์ ตอนเลือกเรียนสาขานี้ก็ไม่คิดว่าแต่ละอย่างที่เรียนจะชวนให้ปวดหัว แต่ก็อย่างว่าต่อให้เรียนสาขาอื่นเขาก็ปวดหัวอยู่ดีเพราะขี้เกียจ

      
            “ยังไง จะไปไหนต่อ”

      
            “ไม่รู้ว่ะ กลับบ้านมั้ง มึงอ่ะ”

      
            “ไปหาไอ้จาที่บ้าน”

      
            “อ้าว มันออกมาแล้วเหรอ”

      
            “เออ 2 วันแล้ว ตอนแรกซ่าอยากกลับหอ แต่โดนแม่เพ่นหัวไปทีละบอกให้กลับมาอยู่บ้าน” ดิมพูดไปก็ขำไปเมื่อนึกสภาพเจ็บเป็นมัมมี่ของคนรักตัวเองในขณะที่โดนแม่ตีเข้าให้

      
            “เอองั้นมึงรีบกลับไปดูมันเหอะ”

      
            “แล้วมึงอ่ะ เอารถมาหรือเปล่า”

      
            “เปล่า วันนี้กูอินดี้นั่งบัสมา”

      
            “เดี๋ยวกูไปส่ง”

      
            “ไม่เป็นไร มึงไปเหอะ อีกสักพักมันน่าจะโทรมางอแงแล้วล่ะ”

      
            กันต์โบกไม้โบกมือปฏิเสธเพื่อนก่อนจะตบลงบนไหล่กว้างนั่นไปทีแล้วเดินแยกตัวออกมา มองซ้ายมองขวาแล้วคิดในหัวว่าจะไปไหนต่อดีครั้นจะกลับบ้านก็ยังไม่อยากกลับ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูใจก็พลันนึกไปถึงคู่ชีวิตตัวเองแต่จะให้ไปรบกวนเวลาทำงานก็ใช่ที่ แต่จู่ ๆ ก็คิดถึงอยากเจอขึ้นมา

      
            คิดไปคิดมาก็พาตัวเองมายืนอยู่หน้าโรงพยาบาล มาถึงที่แต่ไม่รู้ว่าคนที่มาหาจะมีเวลาว่างหรือเปล่า ติดงานอยู่หรือเปล่า กันต์เพิ่งจะรู้ว่าตัวเองไม่รู้ตารางงานของพี่เขาเลยสักนิด แต่จะให้โผล่ไปหาเหมือนวันที่เอาข้าวมาให้ก็ไม่รู้จะได้หรือเปล่า

      
            เนี่ยคิดเยอะคิดแยะแบบนี้ไง จะเป็นบ้าเข้าให้สักวัน

      
            “เอาไงต่อดีวะ” ร่างโปร่งยืนยีหัวตัวเองไปมา ตัดสินใจหันเดินไปทางร้านกาแฟก่อนแล้วค่อยส่งข้อความหาพี่เขานั่นอาจเป็นวิธีรบกวนเวลางานน้อยที่สุด

      
            “คุณ?”

      
            เสียงเรียกจากด้านข้างระหว่างที่กันต์กำลังจะเดินเข้าร้านกาแฟดังขึ้น เมื่อหันไปมองเขาก็รู้สึกอยากย้อนเวลา อยากจะทำเป็นไม่ได้ยินไปเสียอย่างนั้น ถึงอยากจะทำแบบนั้นใจจะขาดแต่ความจริงคือทำได้แค่รักษามารยาท

      
            “ครับ?” จะบอกว่าจำหน้าไม่ได้คงโกหก ผู้หญิงคนนั้นที่เจอเมื่อวันที่เอาข้าวมาให้พี่เขา คนเดียว คนเดิม เดินยิ้มเข้ามาหา

      
            “พอดีหมอจำได้ว่าคุณคือคนที่อยู่กับแทนเมื่อหลายวันก่อน เอ่อ ใช่ไหมคะ?”

      
            “น่าจะใช่มั้งครับ” ไม่ได้ตั้งใจจะกวนประสาท แต่หลายวันก่อนนี่กันต์ก็ไม่รู้ว่าเธอคนนี้ไปเจอพี่เขาอยู่กับเพื่อนฝูงใครคนอื่นหรือเปล่า

      
            “อ่า หมอว่าหมอจำได้ค่ะ ว่าแต่คุณมาหาหมอแทนหรอคะ?”

      
            “ครับ”

      
            “งั้นก็พอดีเลยค่ะ หมอก็กำลังจะไปหาแทนเหมือนกัน ไปด้วยกันไหมคะ?” กันต์เม้มปากอย่างนึกหงุดหงิดในใจ มันเรื่องอะไรจะต้องมายุ่งกับเขากันล่ะเนี่ย และถึงจะเป็นแฟนของฝาแฝดพี่เขาก็ตามทีแต่ทำไมต้องไปหาพี่เขาบ่อย ๆ ขนาดนั้น

      
            “อ่า คุณคงลำบากใจ ขอโทษนะคะที่วุ่นวาย”

      
            “ไม่เป็นไรครับ นำไปเลยครับ” แต่เพราะความเป็นผู้ชายมันค้ำคอ ขืนให้ไปจุกจิกจี้ถามหรือทำตัวเป็นคนขี้หึงโวยวาย คงจะไม่ใช่ กันต์ถนัดงี่เง่ากับตัวเองมากกว่า

      
            คนตรงหน้ายิ้มรับก่อนจะเดินนำเขาไปทางที่เขาก็รู้ดีเหมือนกัน ระหว่างทางมีทั้งหมอ พยาบาลและคนไข้ทักทายคนตรงหน้าอยู่ไม่น้อย จากรอยยิ้ม การวางตัวอะไรก็ไม่ได้ชวนให้น่าหวาดระแวงแต่คงเป็นเพราะประสบการณ์เก่า ๆ มันชวนฝังหัวให้กลัวไปก่อนล่ะมั้ง กันต์จึงยังไม่กล้าไว้ใจคนตรงหน้าแม้พี่เขาจะยืนยันว่ามันไม่มีอะไรก็ตาม

      
            “ว่าแต่ชื่ออะไรเหรอคะ? หมอชื่อนิลินนะคะ เป็นเพื่อนสนิทของแทนคุณน่ะค่ะ”

      

            เพื่อนสนิท?



            ลมหายใจเผลอสะดุดไปหลายจังหวะ เมื่อคำพูดของทั้งสองฝั่งไม่ตรงกันถึงอย่างนั้นกันต์ก็ยังคิดจะเชื่อใจคนของตัวเองมากกว่าใครก็ไม่รู้ที่ไม่เคยรู้จักกัน

      
            “กันต์ครับ” เขาพูดสั้น ๆ แค่นั้นจงใจละเลยการบอกความเกี่ยวข้องอะไรทั้งนั้น อีกฝ่ายจึงยิ้มคว้างอยู่ครู่ก่อนจะพยักหน้ารับซึ่งนั่นก็ไม่ได้ทำให้กันต์สนใจ พอดิบพอดีที่ถึงหน้าแผนกจิตเวชเธอเลยไม่ได้ชวนคุยอะไรต่อ

      
            “สวัสดีค่ะคุณหมอลิน มาหาคุณหมอแทนเหรอคะ?” พยาบาลหน้าเคาน์เตอร์ทักถามไถ่ดูสนิทสนม จนหัวคิ้วของคนยืนฟังอยู่ข้างหลังขมวดเข้าหากันไม่รู้ตัว

      
            “ค่ะ แทนเขามีคนไข้อยู่ไหมคะ? พอดีวันนี้ลินไม่ได้นัดก่อนน่ะค่ะพี่วาด”

      
            “ตอนนี้ว่างอยู่ค่ะ แต่ได้แค่สิบห้านาทีนะคะเดี๋ยวจะมีคิวต่อ”
      
            
            “โอเคค่ะ ขอบคุณมากค่ะพี่วาด อันนี้คุ้กกี้เมื่อวานลินลองทำฝากพี่วาดชิมทีนะคะ” คุณหมอคนสวยยังคงแจกรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร ก่อนจะหันมาแล้วชะงักเล็กน้อยเมื่อถูกกันต์ยืนมองอยู่

      
            “อ่า เดี๋ยวยังไงหมอขอเข้าไปคุยธุระสักครู่นะคะแล้วหมอจะบอกแทนให้ว่าคุณกันต์มาขอพบ” กันต์ไม่ทันได้ตอบอะไร ไม่ทันจะได้แย้งอะไรด้วยซ้ำ คนตรงหน้าก็เดินเข้าห้องตรวจที่มีชื่อนพ.แทนคุณแปะอยู่

                  
            ผ่านไปหลายสิบนาที กันต์กำลังคิดว่าจะนั่งรอต่อไปหรือจะกลับเลยดี พี่เขามีเวลาว่างแค่สิบห้านาที คุณหมอนิลินอะไรนั่นเข้าไปทีก็จะหมดเวลาอยู่แล้ว กันต์ถอนหายใจเหลือบมองเวลาก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินออกจากตรงนั้น มันก็แอบน้อยใจปนหงุดหงิดนิดหน่อยแต่นั่นก็เป็นเพราะตัวเขาเองที่ไม่ได้บอกพี่เขาก่อนจะมา

      
            “น้องกันต์ ... กันต์ กันต์ครับ!” เสียงเรียกดังขึ้นจากด้านหลังทำเอาคนกำลังเดินเหม่อสะดุ้งพร้อมกับแรงดึงที่ข้อศอกทำให้เห็นคนที่อยากเจอวิ่งตามมา

      
            “พี่แทน”
   
      
            “ทำไมมาไม่บอกพี่ล่ะครับ ถ้าพี่ออกมาไม่ทันก็คือจะไม่ได้เจอกันใช่ไหม”

      
            “ก็ ... ช่างเถอะครับ แล้วพี่ไม่ทำงานหรอครับ”

      
            “พี่มีเวรต่อจนถึงทุ่มนึงเลยครับ เดี๋ยวก็จะมีคนไข้มาแล้ว เอาไงดี”

      
            “อ่า ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้บอกพี่ก่อนเองนี่นา แล้วนี่พี่เสร็จธุระแล้วหรอครับ?” ดวงตาเรียวเล็กลากมองไปยังคนที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลัง แทนคุณที่เห็นท่าทางของน้องก็อดอมยิ้มไม่ได้ก่อนจะพยักหน้า


            “แล้วนี่เรามายังไง ขับรถมาหรือดิมมาส่ง?”

      
            “บัสครับ”

      
            “คุณหมอคะ คนไข้มาแล้วค่ะ”

      
            “อ่า”

      
            “พี่แทนไปทำงานเถอะครับ เดี๋ยวผมจะกลับแล้ว” กันต์หัวเราะออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นคนตัวโตกว่าทั้งร่างกายและอายุกำลังทำหน้าเง้างอ ยึดข้อมือเขาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยแม้จะมีเสียงเรียกจากพยาบาลแล้วก็ตาม

      
            “พี่อยากให้เรารอ แต่มันต้องนานมากแน่ ๆ แล้วเราก็เพิ่งเรียนมาเหนื่อย ๆ” เสียงทุ้มลดลงมาเป็นระดับที่ทำให้คนฟังใจหวิว ให้ตายสิ มาพูดด้วยท่าทีเกรงใจแต่สายตาที่มองราวกับกำลังอ้อนบอกให้เขาอยู่ที่นี่ อยู่ตรงนี้

      
            เออ แล้วคนอย่างปุณณกันต์จะไปสู้อะไรได้เล่า!

      
            “เดี๋ยวผมไปรอพี่ที่ร้านกาแฟข้างล่าง”

      
            “ขอบคุณนะครับ เอ้านี่ ใช้ได้เลยนะ” แทนคุณกระชับข้อมือน้องเอาไว้ในอุุ้งมือตัวเองพลางลูบไปมาอย่างรู้สึกอารมณ์ดีพลางยื่นกระเป๋าสตางค์ตัวเองให้น้อง ต้องรออีกตั้งหลายชั่วโมงเผื่อน้องจะหิวจะได้ไม่ต้องเปลืองเงินของตัวเอง และนี่ก็เป็นความรับผิดชอบของเขาเองด้วย

      
            “ไม่เป็นไรหรอกครับพี่”

      
            “เอาไว้เถอะ พี่ต้องไปแล้ว หาอะไรกินรอพี่ก่อนนะครับ” คนโตกว่าไม่ยอมให้แย้ง ปล่อยข้อมือก่อนจะยกขึ้นลูบหัวกลมโตของคนเด็กกว่าแทนแล้วหมุนตัวหันหลังเดินกลับไปห้องตรวจอย่างรวดเร็ว

      
            กันต์มองตามพลางยิ้มขำ เก็บกระเป๋าสตางค์ของพี่เขาลงกระเป๋าในเมื่อให้มาก็จะไม่เกรงใจแล้วล่ะกันนะเพราะตอนนี้เขาก็หิวมาก เรียนเสร็จก็มานี่ทันทียังไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องเลย

      
            ร่างโปร่งไม่สนใจคนที่ยืนมองอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรกเลยสักนิด แยกจากพี่เขาแล้วก็เดินลงไปชั้นล่างเพื่อไปหาข้าวหาขนมอะไรกินฆ่าเวลารอคุณหมองานยุ่ง

      
            แต่ก็เหมือนหนีเสือปะจระเข้อย่างไรไม่รู้พอหลังจากซัดก๋วยเตี๋ยวจนอิ่มหนำ กันต์ก็เดินมาที่ร้านกาแฟร้านเดิมเพื่อจะมาหาของหวานล้างปากและกะจะนั่งปักหลักรอพี่เขาอยู่ที่นี่ ดันเจอคนหน้าเหมือนคนที่ตัวเองรออยู่ เหมือนจนแทบจะพิมพ์เดียวกันตอนนั้นเขาถึงทักผิดนั่นแหละ

      
            “เอ้าน้อง” กันต์ยิ้มรับเล็กน้อย วันนี้จะเจอคนแปลกหน้าที่รู้จักกันอีกสักกี่ครั้งเชียว

      
            “น้องที่เคยทักว่าพี่ว่าเป็นแทนคุณ จำได้ไหม ขอโทษทีนะวันนั้นพี่รีบน่ะเลยไม่ได้บอกว่าพี่ไม่ใช่แทนคุณ”

      
            “ครับ ผมทราบครับว่าพี่คือแทนรักแฝดน้องของพี่แทนเขา ขอโทษด้วยเหมือนกันครับที่วันนั้นผมทักผิด” ดูท่าทางแฝดน้องจะอัธยาศัยดีกว่าแฝดพี่ เพราะแค่เห็นหน้าเขาก็พูดยาวเหยียดซ้ำยังชักชวนให้เขานั่งเป็นเพื่อนอีกต่างหาก
      
      
            “แล้วนี่น้องเป็นอะไรกับไอ้แทนมันหรอ ดูท่าจะยังเด็กอยู่เลย รุ่นน้อง เอ๊ะ หรือลูกศิษย์ หรือว่า ... คู่?!”

      
            “ครับ เป็นทั้งหมดนั่นแหละครับ”
      
      
            “ว้าว ดีใจที่ได้เจอกันนะ พี่ยังห่วงมันอยู่เลยว่าอายุขนาดนี้แล้วยังไม่เจอคู่ตัวเองสักที”

      
            “อ่า ครับ”

      
            “เอ้อพี่รบกวนเราอะไรสักอย่างสิ”

      
            “อะไรหรอครับ?”

      
            “อาทิตย์หน้าวันเกิดของลิน แฟนพี่น่ะ เป็นงานรวมตัวบรรดาเพื่อนเก่าด้วย แต่ที่นี้มันไม่ยอมไปมาหลายปีแล้ว พวกเพื่อนก็บ่นคิดถึงถามหามันกันมาหลายครั้งแล้วเหมือนกัน พี่จะรบกวนเราลากมันมาทีได้ไหม ถือว่าพี่ชวนเรามาด้วยเลย ... นะ ช่วยพี่ที”

      
            “ก็ได้ครับ แต่ผมไม่รับปากนะ”

      
            “โอเค แค่เรารับปากพี่ก็วางใจแล้ว ขอบใจมากเลยนะ อยากกินอะไรไหมเดี๋ยวพี่เลี้ยง”

      
            “ไม่เป็นไรครับ ๆ” กันต์รีบปฏิเสธทันที พี่น้องคู่นี้นี่ใจป้ำเหมือนกันเลย เอะอะจะเลี้ยงจะจ่ายให้อย่างเดียว ดีที่แฝดน้องคนนี้ไม่รบเร้าเหมือนแฝดพี่ที่ดื้อดึงจะเลี้ยง

      
            “ขอบใจมากนะ ไว้เจอกันครับ”

      
            “ครับ”

      
            กันต์มองร่างสูงใหญ่ไม่แพ้แฝดอีกคนเดินออกจากร้านไป พอมานั่งนึกดูแล้วตอนแรกที่เผลอทักผิดมันก็ไม่แปลกนักหรอก มองเผิน ๆ ก็เหมือนกันจนแทบแยกไม่ออก แต่พอได้เห็นใกล้ ๆ แล้ว ทั้งคู่กลับมีความแตกต่างกันออกไป ทั้งบุคลิก นิสัย บรรยากาศรอบตัว ต่างกันอย่างสิ้นเชิง


ครืด ครืด ครืด


Dimm : *Sent a photo*
Dimm : ใช่พี่แทนคุณมึงหรือเปล่า?


            คิ้วขมวดเป็นปมเมื่อเห็นภาพจากการแคปหน้าจอของดิม กดเข้าไปแล้วก็พบว่าเป็นแอคเคาท์โซเชียลของใครสักคนที่โพสต์รูปพี่เขากับผู้หญิงที่ชื่อลิน

      
            ลิน, ผู้หญิงคนนี้อีกแล้วหรอ

      
            กันต์พยายามซูมเข้าซูมออกเพื่อเช็คให้มั่นใจว่าคนในรูปคือพี่แทนคุณไม่ใช่พี่แทนรัก และขี้แมลงวันจุดเล็กบนสันจมูกโด่งก็เป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่านั่นคือคู่ของเขาเอง นั่นคือจุดที่เขาชอบมากที่สุด และแอบมองบ่อยมากที่สุดพอ ๆ กับลักยิ้มของพี่เขา
      

Dimm : *Sent a photo*

      
            ดิมส่งมาอีกรูป แต่รูปนี้ไม่ต้องสงสัยให้ยากเพราะเป็นคนกลุ่มใหญ่มีทั้งผู้หญิงคนนั้นและฝาแฝดทั้งสองในเฟรมเดียวกัน ให้เขาเดาก็อาจจะเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้โกหกที่ว่าเป็นเพื่อนสนิทกันน่ะสิ

      
            แล้วทำไมพี่แทนถึงบอกว่าเป็นแค่แฟนของพี่รัก

      
            “ฮ่ะ”

      
            ลมหายใจสะดุดไปจังหวะนึงพร้อมกับอกข้างซ้ายกระตุกอีกครั้ง เปลือกตาสีอ่อนปิดลงพร้อมถอนหายใจ เพียงแค่คิดเท่านั้นร่างกายภายในคงระบุว่ามันเป็นการไม่ไว้ใจสินะ ให้ตายเถอะ กันต์เริ่มจะคิดบ้างแล้วว่าบางทีมีคู่มันก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นหรือเปล่านะ เอะอะอะไรนิดหน่อย ตัวเลขก็ส่อจะลดอย่างเดียวเลย

      
            “51 … ก็ยังโอเค” กันต์พึมพำบอกกับตัวเองหลังจากมองลอดคอเสื้อดูตัวเลขว่าขยับไปถึงไหน นอกเหนือจากอะไรทั้งหมดที่ว่ามากันต์ก็ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามพี่เขาอย่างไร มันดูออกจะไร้สาระไม่น้อยและเขาก็ยังไม่ได้ไม่ไว้ใจถึงขั้นหวาดระแวงอะไรขนาดนั้นสักหน่อย ก็แค่สงสัยเท่านั้นเอง


ครืด ครืด ครืด


T : ทำอะไรอยู่ เบื่อหรือยังครับ

*Sent a photo* : Punnakann
กินโกโก้กับเค้กอยู่ครับ : Punnakann
ไม่เบื่อหรอกครับ ผมมีงานมาทำด้วย ฆ่าเวลาได้สบาย : Punnakann

      
T : ใจร้ายจังครับ ส่งของกินมาตอนนี้ ทำร้ายกันมาก
T : ถ้าเบื่อไม่ไหวก็บอกได้นะ
T : แต่เนี่ยทำงานเหนื่อย ๆ ออกไปเจอคนน่ารัก ๆ ก็น่าจะหายดีมันท่าจะดีเนอะ


รออยู่นี่แหละครับ ไม่ไปไหนหรอก : Punnakann

T : ขอบคุณครับ มีกำลังใจทำงานละ
T : *Sent a sticker*

      
            กันต์อมยิ้มกับสติกเกอร์ตัวการ์ตูนหน้าตาทะเล้นส่งรูปหัวใจ ไม่คิดว่าคนอย่างพี่เขาจะมีสติกเกอร์อะไรแบบนี้ด้วย และเพราะพี่เขาดีเป็นแบบนี้กันต์จึงยิ่งรู้สึกไม่ดีที่เผลอคิดฟุ้งซ่าน ทำไมถึงยังกล้าสงสัยพี่เขากันนะ ยกมือขึ้นทุบหัวตัวเองไปทีเพื่อเรียกสติ

      
            “งี่เง่าเล้ยชะมัดไอ้กันต์”









To be continued.
_____________________________________

TALK : ให้เวลาน้องหน่อยยย น้องกำลังสับสนนน

ย้ำอีกครั้งจ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์
ไม่ได้แฟนตาซีสุดกู่หรือปมซับซ้อนอะไรขนาดนั้นนะคะ

หลังจากนี้เรื่องจะเดินหนักเกี่ยวกับความสัมพันธ์พี่แทนน้องกันต์มากขึ้นค่ะ
จะพยายามให้เต็มที่ค่ะ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ


ใครเล่นทวิตเตอร์ สามารถเล่นแท็กได้น้า ><
#ครึ่งชีวิตของผม

ส่วนอันนี้ทวิตเตอร์เราค่า @19august__
      
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER06 10/7/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-07-2018 21:44:22
น้องกันต์สงสัยอะไรหรือกังวลอะไรก็บอกพี่แทน คุยกับพี่แทนดีๆนะ อย่าเก็บเอาไปคิดมากคนเดียวนะน้อง
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER06 10/7/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 11-07-2018 00:22:32
ผู้หญิงไม่ยอมปล่อยมือ
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER06 10/7/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 11-07-2018 09:38:00
จะเอาพี่เขยว่างั้น
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER07 19/7/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 19-07-2018 20:10:41


CHAPTER 07

Head on quite lap, with fingers in sleeping hair,
I fell into you.








      
            กันต์กำลังนั่งขบริมฝีปากอยุ่บนรถด้วยความกังวลใจ นับตั้งแต่พี่เขาเลิกงานลงมาเจอ ไปกินข้าวเย็นจนมานั่งอยู่บนรถ เรากลับคุยกันไม่เกินสิบประโยค มวลอากาศอะไรบางอย่างแทรกกระจายไปทั่วพื้นที่

      
            ถ้าให้เดาและคงเดาไม่ผิด พี่เขาคงรู้เรื่องที่ตัวเลขขยับแล้วและมันก็เป็นสิ่งที่เกิดเพราะเขาเองอีกครั้ง กันต์ไม่รู้จะต้องพูดอะไรกับความคิดไร้สาระเพียงชั่ววูบตอนนั้น เขาไม่ได้รู้สึกหวาดระแวงจนไม่ไว้ใจมันก็แค่สงสัย

      
            มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่นจนแดงไปหมดเพราะความกดดันแต่กันต์ไม่โทษพี่เขาเลย มันเป็นเพราะเขาเองทั้งนั้น คิดไปคิดมาจนกระทั่งถึงหน้าบ้านก็ยังไม่ได้คุยกันสักประโยค ร่างโปร่งพรูลมหายใจออกอย่างนึกหงุดหงิดตัวเองพลางขยับมือปลดสายคาดนิรภัย

      
            “ขอบคุณที่มาส่งครับ ขับกลับดี ๆ นะ”

      
            กันต์พยายามทำตัวเหมือนเดิม หันไปพูดและยิ้มให้ก่อนจะได้รอยยิ้มจาง ๆ กลับมา เขาเม้มปากเข้าหากันอย่างไม่สบายใจก่อนจะเอี้ยวตัวกลับมาเพื่อเปิดประตู พร้อมเสียงถอนหายใจจากอีกฝ่ายดังขึ้นเพราะภายในห้องโดยสารนั้นเงียบมากจึงได้ยินอย่างชัดเจน และมันยิ่งทำให้กันต์รู้สึกแย่จนอกข้างซ้ายกระตุกอีกครั้ง มือเรียวจับขอบประตูแน่นคิดเพียงอยากจะรีบพาตัวเองออกจากตรงนี้แล้ว ทำไมอะไร ๆ มันถึงแย่กว่าเดิม

      
            “กันต์ครับ”

      
            แต่แรงกอดจากด้านหลังพร้อมกับเสียงทุ้มอ้อนเจือความอ่อนล้าดังขึ้น ก็ทำให้คนที่ไม่เคยสู้ได้เลยยอมปล่อยมือจากที่ประตูทิ้งตัวให้พี่เขากอดอย่างง่ายดาย

      
            ในความเป็นจริงบางครั้งกับคำถามที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร เป็นเพียงคำถามง่าย ๆ และไม่ใช่ว่าไม่เคยพูดกันแต่มันกลับยากในเวลานี้ อาจเป็นเพราะความกลัวที่เกาะกุม กลัวในคำตอบ แม้ท้ายที่สุดมันอาจจะเป็นแค่เราคิดไปเองกลัวไปเองก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้กันต์ไม่กล้าถามเหมือนอย่างทุกที

      
            “พี่ทำอะไรผิดเหรอครับ บอกพี่ได้ไหม พี่รู้สึกไม่ดีเลย บอกพี่เถอะนะ” แค่ได้ยินเสียงทุ้มพูดออกมา กันต์ก็รู้สึกผิด พี่เขาเหนื่อยจากทำงานมากแล้วยังจะต้องมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระอีก กันต์ก้มลงมองมือทั้งสองข้างของตัวเองอย่างใช้ความคิด

      
            “กันต์งี่เง่าเองอ่ะพี่แทน กันต์ไม่รู้ว่าความสงสัยชั่วแวบเดียวมันจะทำให้เราเป็นแบบนี้ กันต์ขอโทษนะ” คนอ่อนวัยกว่าไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอทำอะไรบางอย่างเปลี่ยนจากเดิมไป ทำเอาคนที่เหนื่อยล้าเมื่อครู่กลับมีแรงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ แทนคุณกระชับอ้อมกอดรั้งแผ่นหลังบางให้แนบอกตัวเองมากขึ้น

      
            “ไหนมีอะไรบอกพี่สิครับเด็กดี”

      
            แทนคุณเป็นจิตแพทย์ย่อมรู้ดีว่าต้องทำอย่างไร ใช้น้ำเสียงอย่างไรถึงจะทำให้อีกฝ่ายวางใจที่จะพูดออกมา แต่ไม่เพียงพูดอย่างเดียวเท่านั้น กับน้องในอ้อมแขนคุณหมอแทนคุณเพิ่มออฟชั่นพิเศษวางคางเกยบ่าพร้อมเอียงคอมองเสี้ยวหน้าของน้องไปพลาง ทำเอาคนถูกถามถูกมองถึงกับเขินขึ้นมาชั่วขณะ

      
            และในตอนนั้นเองที่หัวใจเรากลับมาพองฟูอีกครั้ง ตัวเลขก็ค่อย ๆ ขยับกลับเข้าใกล้เลขเดิม

      
            “วันนี้กันต์เจอคุณนิลิน จริง ๆ ตอนที่พี่เห็นกันต์หน้าห้องก็เพราะเธอเข้ามาทักแล้วก็ชวนกันต์มา แล้วก่อนหน้าจะมาที่ห้องเธอแนะนำตัวกับกันต์ว่าเป็นเพื่อนสนิทของพี่ ... กันต์แค่สงสัยว่าทำไมพี่ถึงไม่บอกกันต์ ทำไมบอกแค่ว่า ... แค่ว่าเป็นแฟนพี่แทนรัก ... ก็เท่านั้น”

      
            เพราะความเคยชินทำให้กันต์ลืมตัวเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเวลาคุยกับคนอาวุโสกว่า และแทนคุณก็ไม่คิดจะแย้งเพราะชอบใจเหลือเกินที่น้องแทนตัวเองเช่นนั้น ส่วนสิ่งที่น้องพูดออกมาแทนคุณก็รู้สึกผิดและเข้าใจแล้วว่าทำไมน้องเป็นแบบนี้ มันเป็นเพราะเขาเองที่ดันคิดง่าย ๆ ว่าไม่ได้สำคัญจึงไม่ได้บอกออกไป

      
            “ครับ เธอเป็นเพื่อน แต่ไม่ได้สนิทแล้วครับ พี่ขอโทษนะไม่ได้มีเจตนาจะปิดบังอะไรเลย พี่คิดน้อยไปว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร” คนตัวโตกว่าซุกใบหน้าเข้ากับเจ้าของไหล่มน สูดดมกลิ่นกายเฉพาะตัวของน้อง

      
            “ถามต่อได้ไหมครับว่าทำไม พี่แทนบอกว่าไม่ได้สนิทแล้ว หมายความว่าเคยสนิทกันเหรอครับ”

      
            กันต์ไม่กล้าแม้แต่จะมองภาพสะท้อนของเราทั้งคู่ผ่านกระจก กลัวว่าจะเห็นสายตาไม่ชอบใจที่ถูกซักไซ้ กลัวจะถูกรำคาญ และอาการดังกล่าวไม่มีทางพ้นสายตาจิตแพทย์คนนี้ไปได้ แทนคุณดึงให้น้องหันมาเผชิญหน้า จับปลายคางขึ้นอย่างเบามือให้เราได้สบตากัน

      
            “ถามได้สิครับ ไม่ว่าเรื่องอะไรกันต์สามารถถามพี่ได้ทั้งหมด จำเอาไว้เลยนะ ... ส่วนเรื่องของนิลิน เราเคยเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันตอนเรียนแพทย์ ส่วนที่ไม่สนิทกันแล้วก็คงเพราะห่าง ๆ กันไป รู้ตัวอีกทีก็ไม่สนิทกันแล้ว”

      
            “แล้วทำไมเธอถึงต้องมาหาพี่ที่ห้องตรวจ เธอ ... ไม่สบายหรอครับ”

      
            “อืม เธอมาปรึกษาน่ะว่าเครียดกลัวจะ depression แต่พี่มีคนไข้ประจำค่อนข้างเยอะเลยย้ายเคสเธอไปให้แพทย์อีกคนที่เพิ่งเข้ามาแทนแล้วครับ”

      
            “อ่าครับ”

      
            “มีอะไรสงสัยอีกไหมหืม”

      
            หัวโต ๆ ที่ปกคลุมด้วยกลุ่มผมสีอ่อนสะบัดไปมาตามจังหวะการส่ายหน้า ทำเอาคนที่มองอยู่นึกมันเขี้ยวกวาดแขนรอบคอน้องดึงเข้ามากดจมูกหอมหัวไปฟอดใหญ่

      
            “พี่แทน!”

      
            “มันเขี้ยวอ่ะหนู”

      
            “หนูเหนออะไรอ่ะ ปล่อยเลยผมจะเข้าบ้านแล้ว”

      
            “ไม่เอาสิ”

      
            “อะไรของพี่ ปล่อยหัวผมเลยย” ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ แทนคุณยิ่งซุกจมูกตัวลงบนหัวของน้องพูดเสียงอู้อี้อยู่แบบนั้น

      
            “ต่อไปนี้เรียกแทนตัวเองว่ากันต์แบบเมื่อกี้ได้ไหม”

      
            “ฮื่อ ไม่เอาหรอก”

      
            “ทำไมล่ะครับ”

      
            “น่าอายจะตาย”

      
            “น่าอายอะไร น่ารักออก” เก่งนัก เรื่องทำให้คนอื่นใจเต้นแรงเนี่ย กันต์อยากตีอกชกหัวอีกฝ่ายเหลือเกิน แต่เก่งสุดก็ได้แต่ดิ้นไปดิ้นมาในวงแขนของพี่เขานั่นแหละ

      
            “นะ ... นะครับน้องกันต์ของพี่แทน”

      
            “ใครเป็นของพี่ มั่วแล้ว”

      
            “ก็น้องกันต์คนนี้ไง (ฟอด!) เป็นของพี่แทน (ฟอด!!) รู้ยัง!” แทนคุณพูดพลางหอมหัวน้องอย่างถือโอกาส จนเจ้าของหัวโวยวายและดิ้นไปมา แม้ว่าตัวเองจะสูงไม่น้อยเลยแต่ก็ยังแพ้คนตัวโตกว่าและแข็งแรงกว่า

      
            “โอเค ๆ พี่ปล่อยก่อน หายใจไม่ออกแล้วครับ” แทนคุณยอมปล่อยน้องออกจากวงแขน จนได้เห็นใบหน้าน่ารักน่ามองที่มีเขาเป็นเจ้าของกำลังแดงปลั่งจนนึกอยากฟัดแต่ต้องห้ามใจตัวเองไว้

      
            ก่อนจะเปิดประตูออกไปเหมือนจะมีความคิดอะไรบางอย่างแวบขึ้นมาทำให้กันต์ชะงักตัวเองชั่วครู่ ก่อนจะกดริมฝีปากตัวเองลงบนอวัยวะเดียวกันของอีกฝ่ายจนเกิดเสียงกระทบแผ่วเบา แต่มันกลับกังวาลไปทั้งหัวใจ       
      

            “ขอโทษอีกครั้งนะครับพี่แทน แล้วก็ขับรถดี ๆ นะ ถึงห้องแล้ว text บอกกันต์ด้วยนะ”

      
            เสียงนั้นไม่ได้อ่อนหวานเหมือนกับเสียงผู้หญิงแต่มันกลับชวนให้ใจสั่น ยิ่งมาพร้อมกับรอยยิ้มน่ารักจนเรียวตาเล็กหยีและการจูบเล็ก ๆ นั้นก็ยิ่งทำให้อยากลักพาตัวกลับไปนอนฟัดที่บ้าน แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรตามจินตนาการ กันต์ก็ดับฝันคนช่างเพ้อด้วยการดีดตัวออกจากรถอย่างว่องไว เผลอแป็บเดียวก็ไปยืนโบกมือให้เขาหลังรั้วเสียแล้ว

      
            หัวใจกลับมาพองโตพร้อมกับตัวเลขที่ขยับกลับมาตรงกลาง เมื่อความรู้สึกเราจูนเข้าหากันได้ดีอีกครั้ง แทนคุณเชื่อว่าทุกครั้งที่เราไม่เข้าใจกัน หากได้สื่อสารกันมันจะนำพาความเข้าใจที่มากขึ้นกว่าเดิมกลับมา













14 กุมภาพันธ์ 2xxx

      
            เนื่องจากเมื่อคืนเข้านอนไวทำให้เช้านี้กันต์ตื่นเร็วกว่าทุกทีและในวันที่ไม่มีเรียนอีกทั้งยังเคลียร์งานจนหมดแล้วจึงว่างเสียยิ่งกว่าว่าง พอลงจากห้องจะมากวนแม่เสียหน่อยแต่กลับเจอโพสอิทที่แปะอยู่หน้าประตูตู้เย็นใจความว่า เมื่อเช้ามืดพ่อบินมารับแม่ไปสวีทแล้วที่ต่างประเทศ จะกลับมาอีกทีประมาณสองอาทิตย์หลังพ่อเคลียร์งานเสร็จ พ่อแม่ก็หนีไปเที่ยว ส่วนพี่ชายก็ไม่อยากรบกวนเพราะลูกยังเล็ก

      
            แล้วพอทักหาเพื่อนกะว่าจะชวนออกตะลอนเสียหน่อยไม่ได้เท่ียวด้วยกันมานานแล้ว ก็พบว่าเพื่อนยังต้องติดแหง็กกับการเป็นพยาบาลให้คู่ของมันที่ยังทำตัวง่อยกินอยู่ ทำเอากันต์ถึงกับเซ็งทิ้งตัวลงบนโซฟากลางบ้านด้วยความเบื่อหน่าย

      
            อยู่ ๆ ก็เหมือนกลายเป็นคนว่างงานที่สุดในโลกคนเดียวเลยตอนนี้

      
            กันต์นั่งเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ ก็พบว่าที่วันนี้ทั้งพ่อแม่และเพื่อนต่างไม่ว่างกันก็เพราะเป็นวันแห่งความรักนี่เอง หลงรูปกับคู่ตัวกันรัว ๆ เลย ดูไปก็บ่นพึมพำกับตัวเองไป

      
            “ฮึ่ย”

      
            พาลสิ เพราะวันนี้พี่เขาก็มีเวรตอนเช้า ป่านนี้ไม่รู้ทำอะไรอยู่ เขาก็ไม่รู้วิธีการทำงานของหมอมากนักหรอก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจิตแพทย์จะงานหนักเหมือนพวกหมอแผนกอื่น ๆ ที่คนไข้เข้าบ่อย ๆ หรือไม่ แต่ขึ้นชื่อว่าหมอ มันคงไม่สบายนักหรอก

      
            หลังจากกินข้าวที่แม่ใจดีทำไว้ให้ก่อนไปเสร็จก็นั่ง ๆ นอน ๆ อย่างเบื่อหน่ายจนเคลิ้มหลับไป รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่หูแว่วได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังพร้อมกับเสียงกริ่งหน้าบ้าน กันต์งัวเงียลุกขึ้นมานั่งปรับจูนตัวเองอยู่สักพักก่อนจะกวาดสายตามองหาโทรศัพท์ที่หลุดมือไปตอนเผลอหลับ


ออดดด

      
            แต่เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นอีกครั้งทำให้คนเพิ่งตื่นล้มเลิกการหาโทรศัพท์ตัวเองที่เดาว่าน่าจะหล่นไปใต้โซฟา ลุกขึ้นมองผ่านหน้าต่างบ้านไปก็พบแสงที่สว่างจ้าสะท้อนกลับมาเสียจนมองคนข้างนอกไม่เห็น

      
            “พี่แทน”

      
            “ทำอะไรอยู่พี่นึกว่าเป็นอะไรไป เกือบจะปีนบ้านแล้วเนี่ย” คนโตกว่าขมวดคิ้วหน้ายุ่งมือหนึ่งเกาะขอบประตูรั้วอีกมือหนึ่งถือโทรศัพท์ ทำเอากันต์เดาได้เลยว่าสายเรียกเข้าก็คงไม่พ้นคนตรงหน้านี้

      
            “ขอโทษครับ กันต์หลับอ่ะ เลิกงานแล้วเหรอ”

      
            “ครับ เสร็จก็รีบมาเลย” แม้จะเป็นการพูดเสียงเรียบเฉยอย่างปกติของพี่เขา แต่ก็ทำให้หน้าร้อนวูบวาบได้เพียงเพราะสายตาที่จับจ้องมา

      
            “แดดร้อน เข้าบ้านก่อนเถอะ” กันต์ทำพูดเฉไฉก่อนเปิดประตูพลางถอยให้คนเป็นพี่ไปเคลื่อนรถเข้ามาจอดข้างในแล้วเดินนำเข้าไปในบ้าน กันต์ปล่อยให้แขกนั่งรอที่โซฟาส่วนตัวเองก็เดินเข้าไปเอาน้ำมาให้

      
            เป็นครั้งแรกที่แทนคุณได้เข้ามาภายในบ้านหลังนี้ บ้านสองชั้นขนาดกลางตกแต่งอย่างเรียบง่าย ร่างสูงใหญ่ไม่ได้นั่งอยู่กับที่ ผุดลุกขึ้นยืนเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นกรอบรูปหลายอันวางเรียงกันอยู่บนตู้โชว์ไม่ไกล ไล่มองตั้งแต่รูปแรกจนรูปสุดท้าย ก่อนจะพบว่าเราต่างรู้เรื่องกันและกันน้อยเหลือเกิน เพราะเพียงแค่ต่างฝ่ายต่างมีพี่น้องก็เพิ่งรู้ เราคุยกันทุกวันแต่เหมือนคุยกันน้อยเกินไป

      
            “น้ำครับ” แทนคุณหันกลับไปมองน้องที่ถือน้ำผลไม้เย็น ๆ ยื่นมาให้ เขารับไว้ก่อนจะยกขึ้นดื่มพลางมองคนตัวเล็กกว่าพร้อมกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างในหัว

      
            “กันต์บอกว่าแม่กับพ่อไปต่างประเทศ ต้องอยู่คนเดียวเป็นอาทิตย์ใช่ไหม”

      
            “ครับ”

      
            “งั้นระหว่างนี้ไปอยู่กับพี่นะ”

      
            “ฮะ พี่หมายถึง?”

      
            “โทรหาแม่สิ ถ้าท่านไม่อนุญาตเดี๋ยวพี่คุยให้ก็ได้” แทนคุณบอกต่อทันทีไม่ยอมให้ค้าน มองคนเด็กกว่าด้วยสายตาเร่งรัดพลางพยักเพยิดให้หยิบโทรศัพท์ กันต์ที่ยังคงจับอารมณ์ไม่ทันก็ได้แต่กดโทรหาแม่ด้วยความมึนงง แต่เมื่อแม่รับสายกลับเป็นแทนคุณเองที่ฉวยโทรศัพท์มาคุยเอง

      
            “สวัสดีครับคุณน้า” กันต์ได้ยินเพียงแค่นั้นเพราะพี่เขาเดินหนีไปคุยหน้าบ้านแถมยังส่งสายตาไม่ให้เขาตามมาอีกด้วย

      
            อะไรกันล่ะเนี่ย คุยกับแม่เขาแต่ไม่ให้เขารู้ จะแอบคุยอะไรกัน มันมีอะไรที่เขารู้ไม่ได้หรือไงกันเล่า

      
            “ไปเก็บของครับ คุณแม่อนุญาตแล้ว”

      
            เดี๋ยวก่อนนะ ก่อนออกไปเขาว่าเขาได้ยินว่าพี่ยังเรียกว่าคุณน้าอยู่เลย อยู่ ๆ มาเรียกแม่แล้ว

      
            “พี่คุยอะไรกับแม่”

      
            “ก็แนะนำตัวแล้วก็ขออนุญาตให้เราไปอยู่กับพี่จนกว่าแม่จะกลับ” แทนคุณตอบอย่างไม่ยี่หระ ทำเป็นไม่เห็นสายตาใคร่รู้ของคนน้อง ใช้มือใหญ่ ๆ ของตัวเองดันหลังให้กันต์ขึ้นไปด้านบน น้องหันหลังมามองอีกครั้งแต่เขาทำเพียงแค่ส่งยิ้ม เจ้ากระต่ายก็เลยได้ฟึดฟัดกับตัวเองแล้วเดินหายขึ้นไปชั้นบนส่วนเขาก็นั่งรออยู่ที่เดิม


ไอ้ดิม ๆๆๆ : Punnakann


Dimm : อะไร


บ้านกูไม่มีคนอยู่ใช่ปะ : Punnakann
พี่แทนมาหา แล้วโทรขอแม่กูให้กูไปอยู่กับเขาจนกว่าแม่กูจะกลับ : Punnakann


Dimm : โอ้โหพี่แม่งไวสัด
Dimm : แต่ก็ดีแล้วนี่ มึงจะได้ไม่บ่นเหงา


แต่กูเขิน นี่นั่งตัวแข็งอยู่บนรถ : Punnakann


Dimm : เดี๋ยวพอถึงห้องเขาอย่างอื่นก็แข็งแทน
Dimm : ครั้งแรกมันอาจจะเจ็บหน่อย แต่ต่อไปมึงก็จะชินเอง
Dimm : โชคดีเพื่อนรัก


ไอ้เหี้ยดิม! : Punnakann
กูแค่ไปนอนเฉย ๆ : Punnakann
มึง! : Punnakann
ไอ้ดิม! อยู่เป็นเพื่อนกูก่อน : Punnakann
ไอ้เพื่อนเหี๊ยยยย : Punnakann

      
            กันต์กระแทกมือใส่แป้นพิมพ์อย่างหัวเสีย ถึงจะเคยมีคนรักมามากมาย เคยจูบ เคยกอด แต่ถ้าขั้นนั้นเขายังไม่เคย บ่าแคบแข็งเกร็งด้วยความประหม่า รู้สึกว่าอุณหภูมิในรถมันเย็นกว่าทุกที

      
            และท่าทางแบบนั้นก็ไม่พ้นสายตาของแทนคุณที่แอบเหลือบมองอีกฝ่ายพลางยิ้มขำ เมื่อมือทั้งสองข้างของกันต์กำโทรศัพท์แน่น เอาแต่มองไปนอกกระจกยังไม่ยอมหันมามองเขาเลยตั้งแต่ขึ้นรถ ซึ่งกันต์รู้หรือเปล่าว่ากระจกมันสะท้อนทำให้แทนคุณเห็นอีกฝ่ายกำลังเม้มปาก สายตาลอกแลกดูประหม่าชอบกล

      
            “หิวไหม”

      
            “ไม่ครับ พี่หิวเหรอ” ถ้าเรื่องปากท้องกันต์จะไม่เคยละเลยหรือทำเมินเฉยสักครั้ง นั่นจึงทำให้แทนคุณเลือกที่จะพูดถึงประเด็นนี้ขึ้นมา

      
            “ไม่ครับ พี่กินจากโรง’บาลมาแล้ว งั้นพี่ไปคอนโดเลยนะ ง่วงจะแย่”

      
            “เดี๋ยวผม เอ่อ เดี๋ยวกันต์ขับให้ไหม” กันต์รีบเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองทันทีเมื่อถูกพี่เขาหรี่ตามองดุ

      
            “ไม่เป็นไร ใกล้ถึงแล้วล่ะ”

      
            ใช้เวลาไม่นานก็มายืนหน้ามึนกลางห้องคอนโดของพี่เขา หมุนซ้ายหมุนขวาอย่างไม่รู้จะทำตัวอย่างไร มันเขินแปลก ๆ มองพี่เขาเดินเอาข้าวของไปเก็บในห้องหนึ่งที่เดาว่าน่าจะเป็นห้องนอน ก่อนจะเดินมากอดอกมองเขาพร้อมยังเลิกคิ้วขึ้นด้วย

      
            “อะ อะไรครับ”

      
            “เรานั่นแหละเป็นอะไรทำไมยืนตัวแข็งขนาดนั้น กลัวพี่เหรอ?”

      
            “เปล่า เปล่าสักหน่อย” กันต์ทำตีมึนปฏิเสธรีบนิ่งลงบนโซฟากลางห้องนั่งเล่นท่ามกลางเสียงกลั้วหัวเราะของพี่เขา

      
            นั่งทำใจให้ตัวเองสงบอยู่ได้ไม่ถึงสองนาที ร่างสูงใหญ่ของพี่เขาก็เดินมานั่งข้าง ๆ ชิดเสียจนไหล่กระทบไหล่ทำเอาคนถูกเบียดเผยหน้าตาเลิกลัก พยายามจะขยับออกแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อแขนยาวของคนด้านข้างกวาดโอบรอบเอวเขาไว้เสียแน่น

      
            “อะไรของพี่เนี่ย”

      
            “คิดถึง”

      
            แทนคุณไม่ว่าเปล่ายังโน้มตัวมาจนคนน้องต้องเอนตัวไปด้านหลังจนอกแอ่นขึ้นมาชิดกัน แต่นั่นก็ไม่ทำให้คนนึกอยากแกล้งสำนึกว่ากำลังทำให้หัวใจใครเดือดร้อน ยังคงโน้มหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกของเราแตะกัน ใกล้ขนาดที่แลกเปลี่ยนลมหายใจเดียวกัน

      
            “พ พี่แทน ถอยไปหน่อยก็ได้มั้งครับ”

      
            “ก็พี่คิดถึง”

      
            “ร รู้แล้ว” กันต์ไม่กล้าแม้แต่จะมองตา มองหน้าคนเหนือร่างตัวเองเลยสักนิดเดียว ได้แต่ทิ้งสายตาไว้ที่กำแพง กลัวเหลือเกินว่าถ้าสบตาหัวใจที่อยู่ภายใต้อกข้างซ้ายจะกระเด้งกระดอนออกมา
   
      
            “รู้แล้ว แล้วยังไงครับ” แทนคุณใช้เสียงโทนที่มักใช้พูดให้คนไข้ยอมพูดเรื่องที่อยู่ในใจ และแม้ว่าคนตรงหน้าจะไม่ใช่คนไข้ของเขา แต่แทนคุณก็เชื่อว่ายังไงก็ใช้ได้เพราะแววตาสั่นระริกของกันต์เป็นคำตอบ

      
            “อื้อ ๆ คิดถึง ฮื่อ ถอยได้แล้วพี่แทน” คนตัวเล็กกว่าใช้แรงทั้งหมดดันคนขี้แกล้งตรงหน้าที่ยิ้มชอบใจออกจากตัวเอง แทนคุณยอมถอยออกมาทว่ากลับไม่ยอมผละไปไหนไม่ยอมให้กอดก็จะไม่กอด

      
            “พี่แทน!” กันต์เผลอแหวเสียงลั่นด้วยความตกใจเมื่อหัวของคนตัวโตกว่าทิ้งลงบนหน้าตักของตัวเอง นับเป็นครั้งแรกที่เราแตะเนื้อต้องตัวกันมากขนาดนี้และความไม่ชินทำให้เจ้าของตักนั่งเกร็งแขน เกร็งขา

      
            “เหนื่อยจังเลยครับ”

      
            เสียงทุ้มรวมถึงใบหน้าฉายแววอ่อนล้าจนกันต์พยายามผ่อนคลายตัวเองให้มากที่สุด ดวงตาคมที่มักชอบใช้มองกันต์อย่างทะลุปรุโปร่งตอนนี้กลับหลับพริ้มอีกทั้งลมหายใจก็ผ่อนเข้าออกสม่ำเสมอ ทำให้เจ้าของตักยอมใช้ตัวเองเป็นเบาะมนุษย์นอนหนุน

      
            กันต์มองคนบนตักตัวเองด้วยความรู้สึกที่หลากหลายเพราะอะไรหลายอย่างตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่กันต์อยากทำกับคนรักของตัวเองมาตลอดและบางอย่างก็ไม่เคยได้รับจากคนรักคนไหน

      
            ไม่เคยมีใครใจเย็นกับความงี่เง่าของกันต์ ไม่เคยมีใครพยายามเข้าใจกันต์ ไม่เคยมีใครยอมพักพิงมาที่กันต์เมื่อเหนื่อยล้า

      
            ทว่ากลับคน ๆ นี้แม้จะเข้าหากันเพราะความเป็นคู่ชีวิต แต่พี่เขาก็ทำให้กันต์ได้รับรู้ถึงความใส่ใจที่พยายามแสดงให้กันต์ได้สัมผัสมันตลอด

      
            อาจจะเป็นเวลาเพียงระยะสั้นกันต์ก็ไม่รีบที่จะด่วนตัดสินใจอะไร ความสัมพันธ์ไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ตัวเองทั้งนั้น และเราทั้งคู่ยังมีอะไรหลายอย่างที่ต้องปรับจูนกันอีกมาก แต่กันต์ก็หวังว่า ตัวเองจะมีความสุขกับการเลือกอยู่กับความรักมากกว่าการทนอยู่เพราะต้องมีชีวิต

      
            เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นไม่ใครคงต้องทรมานกันไปข้าง
      
      
            นั่งให้พี่เขาหนุนหัวอยู่อย่างลืมเวลาจนความปวดร้าวมาเยือน กันต์พยายามขยับตัวให้ช้าและเบาที่สุดก่อนจะนำหมอนสอดใต้ศีรษะแทนหน้าตักของตัวเอง ลุกขึ้นขยับร่างกายเพื่อคลายกล้ามเนื้อด้วยใบหน้าเหยเก

      
            เพราะตะวันใกล้ตกดินแล้วกันต์เลยพาตัวเองเข้าไปสำรวจส่วนครัวของเจ้าของห้องที่ขออนุญาตแล้วด้วยการกระซิบบอกข้างหู เปิดตู้เย็นดูของสดต่าง ๆ และพบว่ายังพอมีหลงเหลืออยู่บ้างแม้จะน้อยนิดก็ตาม

      
            กันต์หันกลับไปมองเจ้าของห้องที่พ่วงตำแหน่งคู่ชีวิตสลับกับตู้เย็นด้วยความครุ่นคิด ก่อนจะถอนหายใจพลางพยักหน้ากับตัวเองเพื่อเรียกกำลังใจ นอกเหนือจากความหิวส่วนตัวกันต์ก็อยากเอาใจอีกฝ่าย

      
            ร่างโปร่งหันหาผ้ากันเปื้อนพอได้มาก็เริ่มจากการหุงข้าวที่เหลือพอดิบพอดีกับมื้อนี้ ก่อนจะเริ่มเตรียมวัตถุดิบอย่างอื่นที่หลงเหลือในตู้เย็น มองดูแล้วคงได้กะเพราสักจานกับไข่เจียว คนไม่มั่นใจในฝีมือทำอาหารของตัวเองเม้มปากน้อย ๆ แม้จะเป็นแค่การผัดกะเพราก็ตามที

      
            “เอาวะ”

      
            กันต์กดเปิดเครื่องดูดควันก่อนจะจมจ่อมไปกับอาหารตรงหน้าจนไม่ได้ใส่ใจอะไรรอบกาย ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงคนเดินมาหยุดยืนด้านหลัง

      
            “ช เชี่ย พี่! ตกใจหมด!”

      
            “ทำอะไรกินครับ” แทนคุณที่แหย่จนได้เห็นหน้ากระต่ายตกใจก็อารมณ์ดีเดินเข้ามายืนซ้อนหลังน้องพลางชะโงกข้ามไหล่ไปมองอาหารในกระทะ

      
            “มีแค่กะเพราหมูสับกับไข่เจียวนะครับ ของสดในห้องพี่มีแค่นี้อ่ะ”

      
            กระต่ายร่างโปร่งแต่สัดส่วนไม่ได้ผอมบางอย่างที่คิดหลังจากถูกรัดด้วยสายผ้ากันเปื้อนรอบเอวเผยให้เห็นรอบเอวและสะโพกที่ผายออก ทำเอาคนที่ถอยกลับมายืนมองข้างหลังเผลอคิดดีด้วยไม่ได้จนทำให้ไม่ทันได้ฟังว่าน้องพูดอะไร

      
            “พี่แทน?” คนถูกมองไม่ได้รู้ตัวเลยพอไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากคู่สนทนาก็หันกลับมามอง แต่แทนคุณก็เรียกสติตัวเองกลับมาทัน

      
            “ว่าอะไรนะ?”

      
            “เหม่ออะไรเนี่ย กันต์บอกว่ามีแค่กะเพราหมูสับกับไข่เจียวนะเพราะของสดในห้องพี่มีแค่นี้”

      
            “อ้อ ไม่เป็นไร พี่กินได้หมดแหละ กินกระต่ายยังได้เลย” ท้ายเสียงแผ่วลงเพื่อไม่ให้คนตรงหน้าได้ยิน

      
            “ฮะ ว่าไงนะ”

      
            “เปล่าครับ งั้นเดี๋ยวพี่ตักข้าวรอนะ”

      
            กันต์มองคนตรงข้ามที่กำลังจะตักอาหารเข้าปากด้วยสายตาลุ้น ๆ จนคนถูกมองกลั้วหัวเราะเพราะตอนนี้น้องกำลังทำหน้าเหมือนกระต่ายกำลังรอให้เจ้าของได้ลูบหัวและชมมัน

      
            “อร่อยดีครับ”

      
            หลังจากได้คำชมอย่างพอใจ ต่างคนก็ต่างกินอย่างเงียบ ๆ เราไม่ได้พูดคุยอะไรมากนัก มีเพียงแค่ถามไถ่เรื่องงานเรื่องเรียนของกันและกันเล็กน้อยพอให้มื้ออาหารนี้ไม่เงียบจนเกินไป

      
            “พี่แทน”

      
            “หืม”

      
            “วันนั้นที่กันต์ไปหาพี่ที่โรง’บาล วันที่นั่งรอพี่ถึงมืดอ่ะจำได้ไหม”

      
            “ครับ มีอะไรเหรอ หรืออยากรู้อะไรอีกหรือเปล่า”

      
            “เปล่า ๆ คือกันต์เจอพี่แทนรักน่ะ พี่เขาก็เข้ามาชวนคุยแล้วก็ชวนไปงานวันเกิด เอ่อ คุณนิลิน แล้วเห็นพี่รักบอกว่าพี่ไม่ค่อยได้ไปเจอเพื่อนด้วย ไปกันไหมครับ” ไม่ใช่กันต์ไม่รู้สึกว่าระหว่างฝาแฝดสองคนนี้มีอะไรบางอย่าง แต่กันต์ก็อยากให้พี่เขาไปพักผ่อนจากงาน ไปเจอเพื่อนฝูงบ้าง

      
            “เราอยากไปเหรอ”

      
            “กันต์แค่เห็นพี่ทำงานหนักน่ะครับเลยอยากให้พี่ไปผ่อนคลายกับพวกเพื่อน ๆ บ้าง แต่ถ้าพี่ไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรครับ กันต์แค่คิดว่าพี่รักออกปากขอมาให้ช่วยก็เลยลองมาถามพี่ดู”

      
            แทนคุณฟังแล้วเงียบไปเล็กน้อย ส่วนคนเด็กกว่าที่นั่งรอคำตอบก็มองด้วยแววตาใคร่รู้แต่เพราะเป็นเรื่องราวในครอบครัวจึงไม่คิดซักถามให้ลำบากใจเหมือนเรื่องอื่น ๆ ถ้าเมื่อไรอีกฝ่ายสะดวกใจอยากเล่าเมื่อนั้นกันต์ก็จะเป็นผู้ฟังที่ดี

      
            “ก็เอาสิ ถือว่าพาเราไปแนะนำให้พวกเพื่อนพี่รู้จักด้วย”

      
            “เอ่อ” มันใช่จุดประสงค์ที่ไหนกันเล่า กันต์ล่ะอยากจะบ่นนัก แต่พอเห็นแววตาพี่เขากลับมาเป็นประกายก็ยอมโดนหยอดหน่อยก็ได้

      
            “ก็แฟนพี่ทั้งคน ต้องพาไปโชว์ตัวหน่อยสิ”

      
            “แฟนเฟินอะไรกัน ขี้ตู่นะเราอ่ะ” คนถูกเย้าหน้าขึ้นสีแดงอย่างห้ามไม่อยู่ รีบเก็บจานเดินหนีกลับเข้าครัวไปอีกครั้งโดยมีเสียงหัวเราะและประโยคแกล้งไล่ตามหลังมา

      
            “งั้นเป็นเมียเลยเอาไหม”

      
            “พี่แทน! ทะลึ่ง! ฮึ่ย”








To be continued.
_____________________________________

TALK : พี่แทนนี่เอะอะจะหยอดจะแกล้งน้องอย่างเดียวเลยยย
เปรยไว้ว่าเป็นนิยายโรแมนติก ก็อยากให้เขามีซีนหวานกันบ้างง
และใช่ค่ะ เราก็เลยให้น้องไปอยู่กับพี่เขาซะ *ใส่พานให้ถึงที่*

มาช้าไปบ้าง เพราะอยากมาทีเดียว 100% ค่ะ
อย่าเพิ่งลืมกันนน ฮื่ออ

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ การรีวิวและติดแท็กในทวิตเตอร์นะคะ
เป็นกำลังใจชั้นดีของเราเลย ♡


#ครึ่งชีวิตของผม
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER07 19/7/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-07-2018 22:44:30
 จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER07 19/7/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 19-07-2018 22:51:21
เดี๋ยวๆ  ประเด็นนิลินนี่จบแล้วเหรอคะ ทำไมง่ายๆ สั้นๆแบบนี้ เรายังรู้สึกว่ามันมีอะไรๆอยู่นะ รอค่ะมาต่อเร็วนะ
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER07 19/7/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 23-07-2018 21:44:02
อะเฮ้ยยยยย สนุกอ่ัะ  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER08 27/7/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 27-07-2018 20:11:29

CHAPTER 08

I don't want anyone to take my place.








      
16 กุมภาพันธ์ 2xxx


            "วันนี้พี่สอนเซ็คกันต์ใช่ไหม” กันต์ปลดเข็มขัดนิรภัยพร้อมกับถามสารถีวันนี้โดยไม่กล้าสบตา

      
            ความจริงแล้วตั้งแต่ตื่นมากันต์แทบจะไม่สบตาพี่เขาเลยด้วยซ้ำเพราะความเขินอายจากเมื่อคืนที่รั้นจะนอนโซฟา เกือบตีกันเสียแล้วแต่สุดท้ายพี่เขาก็ยอมให้คนดื้อนอนโซฟาแม้ตื่นมาแล้วพบว่าบนโซฟาที่นอนอยู่มีเจ้าของห้องมานอนซ้อนหลังและกอดตัวเขาเองไว้แน่น

      
            แล้วพอเขาบ่นก็ยังทำพูดหน้าตาเฉยว่า “ก็กันต์อยากนอนโซฟาพี่ก็ให้นอนแล้วไงครับ พี่ผิดอะไร” พูดจบก็เดินเข้าห้องน้ำไปแต่อย่าคิดว่ากันต์มองไม่เห็นสายตาเป็นประกายกับรอยยิ้มที่ติดมุมปากพี่เขา ร้ายจริง ๆ คนนี้


            “เราจะรอพี่กินข้าวกลางวันไหม” เสียงพูดของแทนคุณฉุดให้ความคิดของกันต์กลับมาที่ปัจจุบัน

      
            “อย่าดีกว่าครับ กันต์ไม่อยากให้ใครมามองอ่ะ” กันต์รีบปฏิเสธทันควันถ้ารอไปกินข้าวกลางวันพร้อมกันคงได้เป็นประเด็นแน่นอนแม้จะให้เหตุผลว่าเป็นคู่กันก็ตามที แต่คนมีปากก็มักจะพูดกันไปเรื่อยอยู่แล้วเขาไม่อยากตกเป็นขี้ปากของใคร ซึ่งแทนคุณก็เข้าใจน้องดีจึงพยักหน้ารับอย่างไม่ตื้อให้มากความ

      
            “ตั้งใจเรียนนะ” ฝ่ามือหนาของแทนคุณลูบเบา ๆ ข้างแก้มกระต่ายของตัวเอง แม้วันนี้ช่วงบ่ายแทนคุณต้องมาเป็นอาจารย์พิเศษแต่ก็ต้องไปทำหน้าที่หลักของตัวเองเสียก่อน
      
      
            “ขับรถดี ๆ นะครับ”

      
            คลาสเรียนวันนี้ไม่ได้ถือว่าหนักหน่วงเท่าไรนักเพราะเป็นวิชา Fashion Photography เป็นอีกหนึ่งวิชาที่แสนชิลอาจารย์จะเพียงสอนเทคนิคการถ่ายภาพแฟชั่นต่าง ๆ และลองให้เราได้ฝึกปฏิบัติกัน ซึ่งอาจารย์ก็พาแบบมาให้เราได้ลองฝึกมือกัน นักเรียนกว่ายี่สิบชีวิตจึงพากันออกไปที่ลานกว้างตามคำสั่งอาจารย์เพื่อพบกับแบบที่ตัวเองต้องถ่ายภาพให้

      
            “มึง”

      
            เสียงเรียกของดิมไม่เข้าโสตประสาทเลยสักนิดเมื่อสายตามองไปยังแบบ 1 ใน 3 คนของอาจารย์ เราสบตากันเพียงแวบเดียวเท่านั้นก่อนจะต่างฝ่ายต่างตกใจ กันต์รู้สึกชาตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมกับก้อนเนื้อในอกเต้นรัวและเจ้าของร่างกายที่กำลังแปรปรวนอยู่นี้สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติไป

      
            “ไอ้กันต์!”
   
      
            “ฮ ฮะ มึงว่าไงนะ”

      
            “กูเรียกมึงตั้งนานแล้วมัวแต่มองแบบอยู่นั่นแหละ ‘จารย์ให้เริ่มถ่ายแล้ว long shot 2 medium shot 2 แล้วก็ medium close up 2 มึงจะเอาแบบคนไหนก็ไปต่อคิวเลย” ดิมหันมาอธิบายโจทย์ที่อาจารย์มอบให้เพื่อนสนิทที่ยังยืนแข็งทื่อฟัง

      
            “มึงเข้าใจไหมเนี่ย” ดิมต้องกระตุ้นอีกครั้งเมื่อยังเห็นเพื่อนยืนนิ่ง คิ้วขมวด มาอีหรอบนี้สงสัยจะมีอะไรในใจอีกแน่นอนแต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาซักถาม

      
            “อ เออ ๆ” กันต์ตอบรับก่อนที่เดินแยกไปดูคิวของแบบทั้งสามที่กำลังถูกรุมถ่ายรูปอยู่ เขายังหาจังหวะหามุมให้ตัวเองไม่ได้จึงได้แต่เดินวนไปรอบ ๆ กลุ่มคน

      
            “นี่ ๆ” คนถูกสะกิดหันไปตามเสียงเรียก ฉับพลันมือที่ถือกล้องอยู่ก็แข็งเกร็งอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนที่มาเรียกคือแบบคนหนึ่ง

      
            “ค ครับ”

      
            “ยังไม่ได้ถ่ายเลยใช่ไหม พอดีเราเห็นนายเดินไปเดินมาน่ะ”

      
            “อ่า ครับ”

      
            “งั้นถ่ายเราไหม คิวว่างพอดีเลย” คนตรงหน้าพูดเสียงใสพร้อมกับรอยยิ้มที่สว่างจ้าเสียจนกันต์รู้สึกเหมือนจะแสบตา คน ๆ นึงจะสามารถสดใสอะไรได้ขนาดนี้เลยหรือไงกัน ก่อนจะตอบรับก็กวาดสายตามองไปรอบด้านก็เห็นว่าเพื่อนในคลาสบางคนเดินแยกย้ายกันไปแล้ว คงจะทยอยถ่ายเสร็จกันไปหลายคน

      
            “ครับ รบกวนด้วย”

      
            กันต์พูดพลางเดินถอยห่างจากอีกฝ่ายเพื่อให้พื้นที่ในการโพสต์ท่าให้เขาถ่าย ทุกครั้งที่สบตากันผ่านเลนส์ใจมันกระตุกแปลก ๆ ทุกครั้ง และรู้สึกว่าเลขบนอกอยู่ ๆ เจ็บจี๊ดขึ้นมา กันต์ถ่ายภาพไปก็ขมวดคิ้วไปอย่างไม่เข้าใจอาการของตัวเองว่าเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก

      
            ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็ถ่ายเก็บครบทุกช็อตที่อาจารย์สั่ง บริเวณรอบข้างเหลือเพื่อนในคลาสเพียงไม่กี่คนหนึ่งในนั้นคือดิมที่นั่งรออยู่ไม่ไกล กันต์คล้องสายกล้องเข้ากับคอตัวเองก่อนจะหันไปโค้งเพื่อขอบคุณแบบที่ช่วยโพสต์อย่างเต็มที่แม้จะเป็นแค่การฝึกปฏิบัติเท่านั้น

      
            “ขอบคุณมากนะครับ”

      
            “ยินดีค่ะ เอ่อ เดี๋ยวค่ะ”

      
            “ครับ?”

      
            “นายชื่ออะไรเหรอ เราชื่อแพนนะ เดคฯ ปี 3 ค่ะ” กันต์มองคนตรงหน้าที่แนะนำตัวพร้อมกับยืนยิ้มกว้างเสียจนลมหายใจของเขาติดขัด เด็กเดคฯ ก็คือคนที่เรียน Decorative arts หรือมัณฑนศิลป์นั่นแหละ เป็นสาขาที่ห่างไกลกับตัวเขาเองมากเพราะตึกเราอยู่กันคนละฝากของสถาบัน

      
            “กันต์ครับ เอ่อ ถ้ายังไงขอตัวนะครับ” ไม่ได้อยากเสียมารยาทแต่ให้ยืนอยู่ต่อไปเขาต้องบ้าตายกับตัวเองแน่ ลาเสร็จก็รีบเดินกลับไปหาดิมที่นั่งรออยู่พร้อมกับทรุดลงนั่งด้วยอาการหมดแรง ใบหน้าขาวซีดเซียวและเหงื่อผุดขึ้นมาจนชื้น

      
            “เฮ้ย ทำไมหน้าซีด จะเป็นลมเหรอ ไหวปะเนี่ย”

      
            “เปล่า ๆ กูโอเค”

      
            “มึงเป็นอะไรบอกกูมา” กันต์ก้มลงมองกล้องตัวเองอีกนัยก็เพื่อหลบสายตาที่จ้องมาราวกับทะลุปรุโปร่ง เม้มปากเข้าหากันอย่างติดเป็นนิสัยเมื่อกำลังกังวลหรือใช้ความคิด

      
            “มึงว่า ... ”














      
            ตั้งแต่หมดคาบเช้าจวบจนกระทั่งเข้าคาบบ่าย อาการรวนของร่างกายก็ดีขึ้นทว่าอะไรบางอย่างที่มันตกตะกอนในอกกลับไม่ดีขึ้นเลย กันต์สับสนไปหมด ยิ่งนึกถึงคำตอบของเพื่อนตัวเองก็ยิ่งสับสนและเพราะมัวแต่เหม่อทำให้ไม่รู้เลยว่ากำลังทำให้อาจารย์พิเศษคาบบ่ายของตัวเองไม่สบายใจตามไปด้วย

      
            “ไอ้กันต์ ... กันต์!”

      
            ดิมกดเสียงเรียกเพื่อนจนเจ้าของชื่อสะดุ้งแล้วหันมามองด้วยสายตาเป็นคำถาม ดิมล่ะอยากจะดีดหน้ามันนักรู้ไหมเนี่ยว่าเป็นสาเหตุทำให้เพื่อนในห้องเรียนวันนี้เกร็งกับอาจารย์หมอจนแทบไม่กล้าขยับตัวหรือคุยกันอยู่แล้ว

      
            “มึงตั้งใจเรียนหน่อยดิ พี่แทนมองมึงหลายรอบแล้ว”

      
            “โทษที”

      
            กันต์พยายามตั้งสติตัวเองอีกครั้งภาพในหัวมันตีกลับเข้ามาคล้ายกับว่าเขาเคยเกิดอาการแบบนี้มาแล้ว แต่ก็นั่นแหละมันก็แค่เรื่องที่สันนิษฐานขึ้นมาอาจจะไม่จริงก็ได้ พอได้คิดแบบนั้นเขาก็สามารถเรียกตัวเองให้กลับมาสนใจคนตรงหน้าได้อีกครั้ง พร้อมกับยิ้มให้พี่เขาที่กำลังมองมาด้วยสายตาสงสัยปนเป็นห่วงอย่างแทบจะปิดไม่มิด ทำเอาเขินไม่น้อยเลยทีเดียว

      
            “รายงานชิ้นนี้ผมให้เวลาอาทิตย์เดียวนะครับ” เสียงโอดครวญดังมาจากนักศึกษาหลังจากที่ได้ยินระยะเวลาการทำงาน ก็นั่นแหละนะเรามันเป็นคนเรียนขอให้ได้บ่นสักหน่อยแต่สุดท้ายก็ต้องทำอยู่ดี

      
            “มันไม่ได้ยากมาก ผมแค่อยากให้คุณวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็น เลิกคลาสได้ ขอบคุณครับ” แทนคุณยิ้มบางให้กับนักศึกษาในห้องเป็นการปิดท้าย หลายคนเริ่มทยอยออกจากห้องจนเหลือเพียงแค่แทนคุณ กันต์และดิมเท่านั้น

      
            “เป็นอะไรหรือเปล่า” แทนคุณอยากจะคว้าเด็กตรงหน้าเข้ามากอดแน่น ๆ แต่เพราะสถานที่และบทบาทยังค้ำคออยู่จึงไม่ได้ทำอย่างใจคิด ทำได้เพียงยืนเว้นระยะส่งเสียและสายตาเป็นห่วงไป

      
            “ฮื่อ เปล่าครับ กันต์แค่ง่วง เราไปกันเลยไหมครับ” คนโตกว่าถอนใจเหลือบมองเพื่อนสนิทของคู่ตัวเองที่ยืนส่ายหน้าพลางยักไหล่ให้จึงไม่เซ้าซี้เอาความอะไรต่อ

      
            “ครับ เราลงไปรอพี่ที่รถนะเดี๋ยวพี่ตามไป”

      
            กันต์แยกกับดิมแล้วเดินไปยืนรออยู่ข้าง ๆ รถของพี่เขา ในมือก็กดโทรศัพท์เล่นนั่นเล่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยฆ่าเวลาจนได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้จึงเงยหน้าขึ้น เมื่อขึ้นมาบนรถเรียบร้อยก็ตกลงกันว่าจะกลับไปคอนโดของพี่เขาก่อนแล้วค่อยไปงานเลี้ยงช่วงหัวค่ำ

      
            “งานมีกี่โมงเหรอพี่แทน” แทนคุณพยายามค้นความทรงจำเมื่อตอนที่กดเข้าไปอ่านในกรุ๊ปสนทนาของบรรดาเพื่อนสนิทที่ชักชวนกันไปงานวันเกิดแฟนของแฝดตัวเอง

      
            “เริ่มหกโมงมั้งนะ ... หิวไหม จะแวะกินอะไรรองท้องก่อนหรือเปล่า”

      
            “ไม่เป็นไรดีกว่า กันต์เหนียวตัวอยากกลับไปอาบน้ำ พี่แทนหิวหรือเปล่าครับ” คนถูกถามส่ายหน้าแทนคำตอบ

      
            งานเริ่มหกโมงเย็นแต่กว่ากันต์จะลากคนตัวโตที่อิดออดไม่ได้เต็มใจอยากไปเท่าไรออกจากคนโดนได้ก็ปาไปหกโมงกว่าแล้ว และกว่าจะถึงงานบรรดาพรรคพวกของเจ้าของงานก็เต็มพื้นที่ไปหมดเสียแล้ว กันต์ก็เพิ่งรู้ว่าสถานที่จัดงานคือบ้านหลังเล็กที่มีเจ้าของเป็นสองพี่น้องฝาแฝดโดยสร้างแยกออกมาจากหลังใหญ่ที่พ่อและแม่อยู่

      
            ถามว่ากันต์รู้ได้อย่างไร ก็จี้ถามเอาจากคนที่โอบเอวตัวเองอยู่ตอนนี้นั่นแหละ ดูท่าพี่เขาจะไม่ค่อยชอบกลับบ้านตัวเอง เห็นว่าตั้งแต่เข้าเรียนหมอก็ย้ายออกมาอยู่คอนโดคนเดียวตลอดมา

      
            “ทำหน้าดี ๆ สิครับ”

      
            “ครับ ๆ ว่าแต่เรานั่นแหละไปซื้อของขวัญมาจากไหน”

      
            “ก็กันต์รู้ว่าพี่ต้องไม่มีแน่ ๆ วันก่อนกันต์เลยไปซื้อมา ไม่รู้จะถูกใจคุณลินไหม”

      
            “ก็ช่างเขาสิ” แทนคุณยักไหล่อย่างไม่สนใจ ทำเอาคนเด็กกว่าส่ายหน้ากับอาการดื้อดึงของพี่เขาที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก

      
            เมื่อเดินเข้ามาถึงสวนขนาดย่อมด้านหน้าบ้าน เสียงฮือฮาและทักทายก็ดังขึ้นจนกันต์ตั้งตัวไม่ทัน เพราะคนที่เพื่อนฝูงไม่เห็นหน้ามานานวันนี้ก็มาปรากฏให้ได้เจอ คนถูกมองจึงยกยิ้มเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรมากไปกว่านั้น มือข้างนึงล้วงกระเป๋าอีกข้างก็โอบเอวน้องไว้แน่น

      
            “ไอ้แทนนนนนนน กูนึกว่าไอ้รักจะหลอกกู ไม่คิดว่ามึงจะมาจริง ๆ” ใครสักคนที่วิ่งเข้ามาหาพร้อมกับเสียงดังลั่นงาน ท่าทางจะสนิทกับพี่เขาไม่น้อยเพราะสามารถเข้ามาจับหมับเข้าที่ไหล่เจ้าตัวได้โดยที่ไม่โดนสะบัดออก

      
            “เว่อร์ละ”

      
            “เวอร์เหี้ยไรล่ะ ตอนไอ้รักบอกกูนึกว่ามันจะอำเล่น ไม่เจอหน้าเป็นชาตินึกว่าจะตายคาโรง’บาลไปแล้วไอ้เวร” เมื่อพี่คนนี้เข้ามาทักก็มีอีกคนเดินเข้ามาชนมือกับพี่เขา กันต์ที่พยายามขยับออกก็ทำไม่ได้ดั่งใจเมื่อเจ้าของมือใหญ่ไม่ยอมปล่อยจากเอว


            “แล้วนี่ ...” ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกลากเข้าบทสนทนาเมื่อใครสักคนเปรยขึ้นพร้อมกับลากสายตามองมาที่เขา กันต์ถึงกับทำตัวไม่ถูกเมื่อตกเป็นเป้าสายตา

      
            “นี่น้องกันต์ คู่กู” เท่านั้นแหละเสียงแซวดังขึ้นไม่หยุด แทนคุณยืนยิ้มมุมปากเมื่อเห็นใบหน้าของน้องแดงก่ำเพราะความเขินอาย อยากฟัดแก้มชะมัดแต่ก็ต้องห้ามใจไว้ถึงทำตอนนี้ต้องโดนเด็กงอนแน่

      
            “สวัสดีครับ” กันต์ทักทายคนโตกว่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างเก้ ๆ กัง ๆ

      
            “ไอ้แทน!” เสียงเรียกชื่อดังแหวกกระแสเสียงคนแซวเข้ามา เพื่อนที่ล้อมวงคุยกันอยู่เมื่อครู่ยอมแหวกให้ฝาแฝดเขาได้เจอหน้ากัน

      
            “เออ”

      
            “กูนึกว่ามึงจะเทซะแล้ว” ไม่ผิดที่แทนรักจะคิดเช่นนั้น เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแทนคุณแทบจะฝังตัวอยู่แต่ในโรงพยาบาลกับคอนโดตัวเอง แทบจะไม่ยอมไปตามนัดใด ๆ ของเพื่อนฝูงเลย อีกทั้งวันนี้ยังมาสายไปเกือบชั่วโมงอีก

      
            “ก็มาแล้วนี่ไง”

      
            “ขอบใจนะมึง ขอบใจเราด้วยนะกันต์ที่ลากมันมาได้ ขอบใจจริง ๆ ครับ” แทนรักยิ้มกว้าง


            “เอ่อ ... สุขสันต์วันเกิดนะครับคุณลิน” กันต์เหลือบมองหญิงสาวที่ยืนข้างพี่แทนรักอยู่นานจึงเอ่ยปากออกไปด้วยความสุภาพพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญที่เตรียมมาให้ ทำเอาคนถูกเรียกไม่ทันตั้งตัวสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะละสายตาลากมองมาที่เด็กหนุ่มคุ้นตา

      
            “ขอบคุณนะคะ ได้เจอกันอีกแล้วนะคะ”

      
            “ครับ” กันต์โค้งหัวให้เล็กน้อย แม้ลึก ๆ จะมีประสบการณ์ความรู้สึกที่ไม่ดีกับผู้หญิงตรงหน้าแต่เพราะมารยาททางสังคมอีกทั้งพี่แทนรักที่ยืนยิ้มอยู่ก็ทำให้กันต์เลือกที่จะปล่อยความขุ่นมัวเก่า ๆ ทิ้งไป

      
            “มา ๆ เข้าไปข้างในดีกว่ามึง มา ๆ กันต์ที่พี่บอกจะเลี้ยงวันนี้ก็กินให้เต็มที่เลยนะ” แทนรักเดินนำแฝดและคู่ของแฝดตัวเองเข้าไปข้างใน โดยมีเพื่อน ๆ ตามมาเป็นขบวน

      
            แทนคุณถูกเพื่อนสนิทลากไปแต่เจ้าตัวดูไม่ค่อยอยากห่างจากน้องเท่าไรนัก ถ้าไม่ติดว่าน้องส่งสายตาให้ไปก็คงไม่ยอมถูกลากมาง่าย ๆ เช่นนี้ แม้จะเริ่มสนุกเมื่อได้เจอเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานแต่สายตาของแทนคุณก็แทบจะไม่ละไปจากร่างโปร่งที่กำลังยืนหยิบขนมพลางคุยกับแฝดตัวเอง

      
            ไม่ใช่ว่าหึงหวง แต่ห่วงต่างหาก

      
            “ละสายตาบ้างก็ได้ น้องเขาไม่หายไปไหนหรอก” ตรีหนึ่งในแก๊งเพื่อนสนิทของสองแฝดเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสายตาเพื่อนตัวเองไม่ละไปจากคู่เลยสักนิด

      
            “ก็มีให้มอง”

      
            “โห่”

      
            กันต์ปล่อยให้พี่เขาได้อยู่กับเพื่อนฝูงตัวเองอย่างตามใจ ส่วนตัวเองก็ปลีกตัวออกมานั่งอยู่ริมสวนบนโต๊ะมีทั้งจานของคาวของหวานวางเรียงรายด้วยฝีมือแฝดผู้น้องที่ขยันแนะนำและตักเสิร์ฟเพื่อเป็นการขอบคุณ

      
            “เอ่ออ ... กันต์ ... เรานั่งคนเดียวได้ไหม” แทนรักเอ่ยบอกคู่ชีวิตของแฝดผู้พี่ตัวเองด้วยความเกรงใจ แต่น้องกลับยิ้มพร้อมกับโบกไม้โบกมือเป็นเชิงว่าไม่ต้องห่วง

      
            เมื่อตรงนี้เหลือเพียงกันต์คนเดียว พออิ่มก็เริ่มเคว้งนิดหน่อยแต่ก็พอทนได้อยู่เมื่อเห็นพี่เขากำลังพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนอย่างสนุกสนาน กันต์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอบดิมไปพลางมองรอบงานไปพลาง คนไม่ได้เยอะมากมายขนาดนั้นเห็นว่าก็มีกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันเท่านั้น แต่แค่สองกลุ่มใหญ่ กลุ่มนึงคือเพื่อนของคุณลิน เจ้าของงานกับอีกกลุ่มคือเพื่อนของฝาแฝด

      
            “เบื่อไหม ขอโทษนะครับ” แทนคุณผละออกจากเพื่อนเดินมาหาน้องที่นั่งจิ้มขนมกินเรื่อย ๆ ด้วยสีหน้าเฉยเมยจนเขาเกรงใจ

      
            “ขอโทษทำไมครับ”

      
            “ก็พี่ไม่ได้ดูแลเราเลย”

      
            “ฮื่อ ไม่เป็นไรเลย แล้วเป็นยังไงครับได้มาเจอเพื่อน”

      
            “อื้ม ก็ยังสนุกเหมือนเดิม ขอบคุณนะครับที่พาพี่มาไม่อย่างนั้นพี่คงไม่ได้เจอพวกมัน” แทนคุณนั่งลงตรงที่พักแขนพลางยกมือลูบหัวกระต่ายน้อยของตัวเองเบา ๆ เจ้าเด็กน้อยของเขาก็ยิ้มตาหยีให้เป็นการตอบแทนทำเอาเขาแทบอยากอุ้มน้องเดินเข้าบ้านเลยทีเดียว

      
            อันที่จริงตั้งแต่ไปพาน้องมาอยู่ด้วยกันก็ยิ่งทำให้ภูมิต้านทานของแทนคุณต่ำลงไปทุกที กันต์ของเขาน่ารักไปหมดทุกอย่างทั้งหน้าตา นิสัยใจคอ จนแทบอยากจะกลืนน้ำลายตัวเองที่เคยบอกไว้ว่าให้ค่อย ๆ ศึกษากัน อยากจะเป็นเจ้าของกระต่ายน้อย ได้ครอบครองน้องไว้แต่เพียงผู้เดียว ถึงแม้จะเป็นคู่กันแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังไม่สมบูรณ์นี่นา จะรอไปอีกหน่อยแล้วกัน ให้เวลาอีกสักนิดเดี๋ยวกระต่ายจะตื่นตูม

      
            “ยิ้มอะไรอ่ะ ไม่น่าไว้ใจเลย” เสียงของกันต์ดังขึ้นเรียกสติคนฟุ้งซ่านให้กลับมาอีกครั้งแล้วก็พบน้องกำลังมองพร้อมกับหรี่ตาอย่างจับผิด

      
            “ฮ่ะ ๆ ไม่น่าไว้ใจอะไรเล่า คิดมากนะหนูอ่ะ”    

      
            “บอกว่าอย่าเรียกหนูไงพี่แทน!” ปากสีระเรื่อยู่เมื่อถูกขัดใจ ทำเอาแทนคุณหัวเราะร่าเมื่อได้แกล้งน้องให้หงุดหงิดได้

      
            “เดี๋ยวพี่ไปเข้าห้องน้ำแป็บนึงนะแล้วจะพากลับ เราจะไปด้วยไหม”

      
            “ไม่ดีกว่า กันต์รออยู่นี่แหละ”

      
            แทนคุณพยักหน้าแล้วลุกเดินเข้าไปทางตัวบ้านเพื่อเข้าห้องน้ำ ด้านในบ้านยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง บรรยากาศภายในทำเอาคนที่ไม่ค่อยกลับบ้านก็อดคิดถึงไม่ได้ เมื่อครู่ก่อนจะเดินกลับไปหาน้อง เขาก็เดินไปบ้านใหญ่เพื่อทักทายพ่อและแม่เรียบร้อยแล้ว ก็โดนบ่นไปตามประสา

      
            ร่างสูงใหญ่ของลูกชายคนโตเดินมาหยุดอยู่ที่ตู้โชว์ที่ด้านในเรียงรายไปด้วยรูปของเขา แทนรักและพ่อแม่ รวมไปถึงรูปถ่ายกับกลุ่มเพื่อนสนิทในวันรับปริญญา ภาพอดีตต่าง ๆ ย้อนกลับเข้ามาเมื่อเห็นรูปหนึ่งที่วางอยู่ชั้นล่างสุดตรงกลางระหว่างรูปเดี่ยวของเขาและแทนรัก

      
            เสียงฝีเท้าจากใครสักคนเรียกสติของแทนคุณกลับมา พอจะเดาได้ว่าเป็นใครจึงเลี่ยงเดินเข้าห้องน้ำชั้นล่างใต้บันไดแทนการขึ้นไปใช้บนห้องของตัวเอง ใช้เวลาอยู่ในนั้นจัดการธุระเสร็จสิ้นไม่นานก็เดินออกมาแต่กลับพบคนที่พยายามหลีกเลี่ยงมากที่สุดยืนรออยู่

      
            “แทนคะ”

      
            “ครับ”

      
            พื้นที่ว่างใต้บันไดนั้นที่แคบอยู่แล้วยิ่งแคบมากขึ้นไปอีกเมื่อคนสองคนมายืนออกันอยู่เช่นนี้ แทนคุณพยายามใช้สายตามองเพื่อขอทางแต่อีกฝ่ายกลับทำไม่รู้ไม่เห็นยืนนิ่งไม่ยอมไปไหน

      
            “ทำไมต้องทำห่างเหินกันขนาดนี้ด้วยคะ แล้วงานวันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กคนนั้นแทนก็จะไม่มาอีกเหมือนกันใช่ไหม” เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความสั่นเครือเจือความตัดพ้ออย่างเต็มที่ แทนคุณที่ได้ยินดังนั้นจึงระบายลมหายใจออกอย่างเหนื่อยหน่าย

      
            เขาเบื่อที่จะต้องพูดเรื่องซ้ำ ๆ กับคนเดิม ๆ

      
            “เราพูดทุกอย่างกันไปจบแล้วนะลิน และใช่ งานวันนี้ถ้าไม่ใช่น้องชวนก็ไม่มาอยู่แล้ว แต่ได้มาก็ดีเพราะผมมีโอกาสได้แนะนำน้องกับเพื่อนด้วย ขอบคุณแล้วกันนะครับที่ชวน” เขาไม่ได้สนใจคนตรงหน้ามากไปกว่าการอยากกลับไปนอนกอดเจ้ากระต่ายของตัวเอง จึงพยายามจะแทรกตัวออกมา

      
            “เดี๋ยวค่ะ! แทนทำแบบนี้ได้ยังไง ลินไม่ยอม”

      
            ทว่าก็หนีไม่พ้นเมื่ออีกคนออกแรงดันหลักร่างโต ๆ ของเขาจนกระแทกกำแพงอีกทั้งยังจับแขนเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แทนคุณพยายามดันมือคู่นั้นออกอย่างสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะไม่อยากใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมรามือแม้แต่น้อยทั้งจับและจิกเล็บลงบนแขนเขา

      
            “ลินปล่อยผม” แทนคุณพยายามพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุดเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายอารมณ์กำลังพุ่งขึ้น หากเขายิ่งใส่อีกคนก็จะยิ่งร้อนมากขึ้นไปอีก

      
            “ฮึก ทำไมคะ ทำไมแทนต้องทำแบบนี้ ฮึก ทำเหมือนลินไม่มีค่า ทำ ฮึก ทำเหมือนเราไม่ได้รักกันแบบนี้ ฮือ” ไม่ใช่เพียงคำพูดตัดพ้อและหยาดน้ำตาเท่านั้นที่พรั่งพรูออกมา กายบางของนิลินก็โผเข้ากอดร่างสูงใหญ่ของแทนคุณแนบแน่นและแสนรัก

      
            “เพราะเราไม่ได้รักกันแล้วยังไงล่ะ ปล่อยผมได้แ—”

      
            “ไม่!!! ฮึก ไม่ ไม่ปล่อย ลินจะไม่ปล่อยแทนอีกแล้ว ฮือ อยู่กับลินนะ ฮึก อยู่ด้วยกันแบบเดิมไม่ได้เหรอแทน” ใบหน้าสวยที่เคยทำให้เขาใจเต้นแรงช้อนขึ้นมองพร้อมกับคราบน้ำตา แทนคุณถอนหายใจอย่างอึดอัดเต็มทีที่จะต้องพูดเรื่องเก่าซ้ำไปซ้ำมาให้กับคนที่ไม่แม้แต่จะยอมรับความเป็นจริง

      
            “อยู่แบบเดิมเหรอลิน?! แบบเดิมที่ผมต้องแอบรัก แอบอยู่กับคุณ หักหลังน้องชายตัวเองอย่างนั้นเหรอ ผมไม่อยากกลับไปทำตัวเลวแบบเดิมอีกแล้ว!” นิลินที่ได้ยินดังนั้นก็ราวกับได้ยินเสียงเส้นอารมณ์ของตัวเองขาดสะบั้น ผละออกมาพร้อมพูดทุกอย่างด้วยความโกรธไม่แพ้กัน

      
            “แทนคิดว่ารักไม่รู้เหรอคะ!! เหอะ รักเขารู้หมดแหละ!! เขารู้ว่าเรารักกัน แต่เพราะอีตัวเลขบ้า ๆๆ นี่มันทำให้ลินต้องติดอยู่กับน้องของแทนไง!!! ทำไมไม่สงสารกันบ้าง!”

      
            “ก็รู้นี่ว่าไอ้รักมันรู้! แล้วทำไมคุณยังคิดจะทำร้ายจิตใจมันอีก! มันรักคุณมาก คุณรู้บ้างไหม!”

      
            “แล้วลินรักแทนแค่ไหน รู้บ้างหรือเปล่าแทนคุณ!!!”

      
            ยิ่งพูดยิ่งกลายเป็นการนำอารมณ์มาโต้ตอบกัน เสียงของทั้งคู่ที่ตะโกนใส่กันดังจนแทบจะลั่นบ้าน โชคดีเหลือเกินที่ประตูปิดสนิทและด้านนอกเปิดเพลงเสียงดังเอาไว้ แต่แทนคุณก็ไม่อยากเสี่ยงให้ใครมาได้ยินเรื่องราวเลวทรามของตัวเองจึงพยายามสงบสติอารมณ์

      
            “เรารักกันไม่ได้ ไม่มีวัน และตอนนี้ผมก็ไม่ได้รักคุณ ... ไม่ได้รักอีกแล้ว”

      
            “ไม่จริง! ลินไม่เชื่อ เรารักกันมานานมาก แทนไม่มีทางลืมลินได้ง่าย ๆ เพียงเพราะไอ้เด็กนั่นเข้ามาหรอก”

      
            “เราเลิกกันไปหลายปีแล้วนะลิน คุณอย่ามาพยายามพูดอะไรให้มากความดีกว่า แล้วก็เลิกมาหาผมที่ห้องตรวจได้แล้ว ถ้าอยากปรึกษาอาการจริง ๆ ก็ไปหาคุณหมอวาริศเพราะผมย้ายคุณให้เขาไปแล้ว ผมหมดเรื่องที่จะพูดกับคุณแล้ว ขอตัว” แทนคุณดึงมือของหญิงสาวออกอย่างแรง ไม่แคร์อะไรอีกแล้ว เขาอยากจะไปจากตรงนี้เต็มที

      
            “ลิ—!!”

      
            แทนคุณถูกอีกคนกระชากมาจูบเป็นจูบที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความรุนแรง เขาแขนทั้งสองข้างอีกคนออกแล้วผลักไปอย่างแรงจนกระเด็นไปชนกำแพง แต่อีกฝ่ายก็ไม่คิดยอมแพ้ลุกขึ้นมากอดเขาไว้แล้วพยายามจับมือของเขาไปลูบตามร่างกายตัวเอง รวมถึงพยายามซุกไซร้จนแทนคุณอารมณ์เสียเต็มที

      
            “ปล่อยผม!!”

      
            ไม่สนใจอีกแล้วว่าอีกฝ่ายจะบาดเจ็บหรือไม่กับแรงที่ผลักออกไป แต่แทนคุณรู้สึกไม่ดีเลยสักนิดและเรื่องวันนี้ทำให้เขาไม่สามารถมองอีกฝ่ายในแง่ดีได้อีกแล้ว

      
            ใช่ มันคงจะไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป








To be continued.
_____________________________________

TALK : ไอ้พี่แทนมึ้งงงงงงง!!!
เขียนไปอยากตีพี่แทนไป ฮึ่ย ๆ

ใครที่อยากเห็นอิพี่เป็นคนที่ทำให้เลขลด สมใจอยากแล้วว
ดูสิว่าจะลดไปถึงแค่ไหน หึหึ ;)

ตอนนี้มีสองประเด็นด้วยกันนะคะ มาแอบกระซิบไว้ก่อนกลัวมีใครเผลอตกหล่น
ส่วนตอนหน้ามาย้อนอดีตอิพี่มันหน่อยดีกว่า ดีมั้ยน้ออ

ฝากเป็นกำลังใจให้กันด้วยจ้า ♡


#ครึ่งชีวิตของผม



   
   
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER08 27/7/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 27-07-2018 20:47:05
เหนื่อยใจกับชะนี
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER08 27/7/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 27-07-2018 21:41:52
เมื่อเช้าน้องเป็นไรอ่ะ เดาว่าเป็นคนที่รู้สึกว่าเป็นคู่ผู้หญิงเหรอเลยตกใจ กังวลใหญ่เลย 
อิพี่แทนนนนน แหมมมม นังนี่ลินนนนหน้าด้านนนน โอ้ยยอินน สงสารน้องถ้ารู้ความจริง
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER08 27/7/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 27-07-2018 21:56:19
เธอก็จะเกินไปนะ จะเก็บทั่งคู่ไม่ยอมเสียอะไรเลยหรอ ประสาทละ ตรรกะเพี้ยนดีนะ

แล้วเมื่อเช้าน้องเป็นไร

...คิดว่าน้องจะมาเห็นฉากนี้มั้ย...
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER08 27/7/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 27-07-2018 22:57:30
อู้หูวววววววว

สนุกมาก อ่านไประแวงไป ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER08 27/7/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-07-2018 00:29:12
ตอนที่น้องเจอแบบคนนั้นในคลาสเรียนทำไมถึงได้มีอาการแบบนั้นล่ะ น้องเป็นอะไร
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER08 27/7/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 29-07-2018 17:22:49
แทนคงละอายที่ตัวเองืำแบบนั้นกับน้องสินะเลยไม่กล้าบอกความจริงไป เป็นไงทีนี้ สมน้ำหน้าา
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER09 29/7/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 29-07-2018 23:01:22
     
!! ตัวเอียงจะเป็นพาร์ทย้อนอดีตทั้งหมดค่ะ





CHAPTER 09

When your past calls, don't answer.
It has nothing new to say.








      
            อะไรก็ดูเหมือนไม่เป็นใจให้แทนคุณเสียเลย เพราะบางสิ่งบางอย่างที่แทนคุณพยายามทะนุถนอมไว้ด้วยสองมืออย่างเต็มที่กำลังบอบช้ำและแตกสลาย จนน่ากลัวว่าตัวเลขบนอกที่กำลังทำหน้าที่ของตัวเองอีกครั้งมันจะไปถึงปลายทางในไม่ช้า

      
            หลังจากแทนคุณเดินไปเข้าห้องน้ำด้านในของบ้าน กันต์ที่นั่งรออยู่เพียงครู่ก็ทำน้ำหวานกระฉอกใส่เสื้อตัวเอง จึงเดินตามหลังไว ๆ ของพี่เขาไปจนกระทั่งเข้ามายืนในบ้านหลังขนาดกลาง กันต์มองไปรอบบ้านเพื่อหาคนที่เข้ามาก่อนและห้องน้ำ ยืนหันซ้ายหันขวาอย่างไม่รู้จะไปตรงไหนไม่กล้าเดินไปมั่วซั่วด้วยความเกรงใจ ตัดสินใจจะหมุนตัวเดินออกไปข้างนอกเพื่อไปถามเจ้าของบ้านอีกคน

      
            ทว่ากลับได้ยินเสียงคนคุยมาจากด้านในของบ้านไม่ไกลจากที่ตัวเองยืนอยู่นัก คุ้นเสียงว่าน่าจะเป็นคนที่เขาเดินตามมาทำให้กันต์สาวเท้าเข้าไปใกล้บริเวณนั้น และได้เห็นเงาพาดผ่านผนังเป็นคนสองคนที่กำลังยื้อยุดฉุดกระฉากพร้อมกับเสียงโต้เถียงกันไปมาที่เหมือนจะดังขึ้นเรื่อย ๆ

      
            ใจความมากมายที่เขาได้ยินทำเอาสองขาแทบทรุดลงกับพื้น เจ็บแปรบในอกจนแทบทนไม่ไหว ร่างโปร่งคล้ายจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ถูกพยุงไว้ด้วยสองมือใหญ่ที่กำลังสั่นพร่าไม่ต่างกัน

      
            “พ พี่รัก” แทนรักก้มลงยิ้มบางเบาให้รุ่นน้องพลางลูบไหล่เพื่อปลอบโยนแม้จะแหลกสลายไม่ต่างกัน ไม่สิ อาจจะต่างอยู่เล็กน้อยตรงที่แทนรักต้องกล้ำกลืนฝืนทนเรื่องราวเหล่านี้มาหลายปี ปิดตา ปิดหู ทำราวกับไม่รู้ไม่เห็น

      
            เงาที่พาดผ่านฉายให้เห็นว่าคนทั้งสองกำลังทำอะไรกันอยู่บ้าง จนทำให้คนยืนมองต้องเบือนหน้าหนี จนเสียงตวาดลั่นของแทนคุณดังขึ้นทำให้แทนรักรีบพาน้องออกจากตรงนี้ไปด้านข้างของตัวบ้านเพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้า

      
            “พี่ทนได้ยังไง พี่ทนเรื่องพวกนี้ได้ยังไงกัน” กันต์เอ่ยถามคนที่หน้าเหมือนราวกับพิมพ์เดียวกันของคู่ตัวเองด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง คนทั้งสองยืนมองหน้ากันด้วยอารมณ์ความรู้สึกเดียวกัน

      
            “เพราะพี่เป็นคนมาทีหลัง ... เพราะเขาทั้งสองรักกันมาก่อนยังไงล่ะ”

      
            “พี่เลยต้องยอมอย่างนั้นเหรอ นี่มันบ้าชัด ๆ !” คนเด็กกว่าพูดด้วยความคุกรุ่นเต็มที ภายในหัวของกันต์ตอนนี้มันเต็มไปด้วยหลากหลายความรู้สึกทั้งเสียใจ ทั้งผิดหวัง ทั้งโกรธเคือง จนแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่

      
            “กันต์บอกพี่สิว่าพี่ต้องทำยังไง ในเมื่อพี่รักคู่ของตัวเองจริง ๆ แล้วดันมารู้ว่าเขารักกับพี่ชายตัวเองอยู่ก่อน แต่ถ้าให้เมินเฉยเราต่างก็ต้องตาย พี่ต้องทำยังไงเหรอกันต์” แทนรักพูดด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวเพราะอาการกลั้นสะอื้น ไม่ใช่ว่าไม่เจ็บ ไม่ใช่ว่าไม่รู้ แต่เพราะรู้อยู่เต็มอกและเข้าใจทุกอย่างดีถึงยังยอมทนอยู่แบบนี้


            “ผมขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะว่าพี่นะ”

      
            “เอาเถอะพี่เข้าใจว่ากันต์รู้สึกยังไง แต่ตอนนี้พวกเขาเลิกกันแล้วและไอ้แทนมันก็พยายามเลี่ยงที่สุดแล้ว พี่อยากให้เราฟังมันหน่อยแล้วกันนะ” กันต์ถอนหายใจหลังจากได้ฟัง จะให้พยายามเข้าใจหรือรับฟังอะไรในตอนนี้มันคงยากและแทนรักก็ดูจะเข้าใจรุ่นน้อง

      
            “พี่รู้ว่ามันต้องใช้เวลา กลับไหมเดี๋ยวพี่ไปส่งหรืออยากกลับกับไอ้แทน ตอนนี้มันน่าจะเดินหาเราให้ว่อนงานอยู่”

      
            “ผมรบกวนพี่รักได้ไหมครับ”

      
            “ได้ดิ งั้นรอพี่ตรงนี้แป็บนึงเดี๋ยวขอไปบอกให้เพื่อนช่วยดูงานให้ก่อน” คนอ่อนกว่าพยักหน้ารับและยืนมองท้องฟ้าที่มืดสนิท มืดจนไม่เห็นแม้แต่ดวงดาวสักดวง มันหม่นและมืดคล้ายกับจิตใจของเขาในตอนนี้

      
            กันต์ทรุดลงนั่งยองกับพื้นพิงหลังกับกำแพงอย่างอ่อนล้า จิตใจกำลังดำดิ่งอีกครั้งพร้อมกับตัวเลขที่ปั่นป่วนจนร่างกายทำท่าจะทรุดตาม เพราะไม่เคยมีเรื่องราวหนักหนาอะไรขนาดนี้และไม่เคยได้ศึกษาการรับมือเมื่อตัวเลขขยับอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เขาไม่รู้ว่าต้องอย่างไรต่อไป

      
            มือเรียวขยุ้มอกตัวเองอย่างไร้หนทาง มันหน่วงในอกจนแทบไม่มีแรงจะคิดหรือจะทำอะไรต่อไป อยากระบายความอึดอัดข้างในออกมาแต่น้ำตากลับไม่ไหลสักหยด คำว่าน้ำตาตกในมันเป็นอย่างไรเขาเพิ่งเข้าใจมันในวันนี้นี่เอง

      
            ตลอดทางกลับบ้าแทนรักเล่าเรื่องอดีตที่ไม่อยากนึกถึงเท่าไรนักให้คนอ่อนวัยกว่าขอร้องอยากจะฟัง และตั้งแต่ฟังจนจบกันต์ก็ไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว ยิ่งฟังก็ยิ่งสับสนภายในสมองเหมือนคิดวกวนไปมาราวกับอยู่ในเขาวงกต

      
            ไม่ปฏิเสธเลยสักนิดหากจะถามว่าเรื่องทั้งหมดทำให้เขามองคู่ของตัวเองเปลี่ยนไปหรือไม่ คนที่เขาเคยมองว่าอบอุ่นและจริงใจเสมอ กลับกลายเป็นใครบางคนที่ทำให้กันต์รู้สึกเหมือนว่าไม่เคยรู้จักกันเลยสักนิด

      
            “ขอบคุณมากนะครับพี่รัก ขอโทษด้วยนะครับที่รบกวน”

      
            “ไม่เป็นไรหรอกหน่า พักผ่อนนะกันต์เดี๋ยวพอเช้าวันใหม่ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง” แทนรักเอ่ยบอกคนน้องด้วยความเอื้อเอ็นดู เพราะบททดสอบความเป็นผู้ใหญ่นั้นมาเร็วกว่าที่คิด เมื่อโตขึ้นสิ่งที่เราต้องทำให้ได้นั่นก็คือหลับไปพร้อมกับความผิดหวัง เพื่อตื่นขึ้นมาเผชิญหน้าและรับมือกับมัน

      
            “ครับ ขับรถกลับดี ๆ นะครับ” กันต์ยืนรอส่งจนกระทั่งรถยนต์คันสวยหายลับไปในความมืดก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อกดส่งข้อความหาเพื่อนสนิทตัวเอง

      
เปิดประตูให้กูที : Punnakann

      
            กันต์ยืนพิงร่างกับกำแพงบ้านของเพื่อนสนิท เขาไม่อยากกลับไปที่ห้องนั้นและคงไม่กลับไปที่บ้านให้ถูกตามตัวได้ง่าย ๆ ไม่รู้ว่าพี่แทนรักจัดการกับสถานการณ์ในงานอย่างไร ตอนถูกพาออกมาก็ออกมาทางหลังบ้านเพราะเขายังไม่อยากเจอหน้าอีกฝ่ายตอนนี้ ตอนที่อารมณ์ยังไม่มั่นคงและมันคงไม่กลับมามั่นคงได้ภายในเร็ววัน

      
            ข้อความถูกเปิดอ่านภายในไม่ถึงสองนาที ก่อนที่เสียงลากรองเท้าแตะจะดังขึ้นมากับร่างสูงโปร่งของเพื่อนสนิทตัวเองในชุดนอนพร้อมกับสีหน้าที่เคร่งขรึมและสายตาที่จับพิรุธ กันต์ไม่รู้ว่าแสดงสีหน้าอะไรออกไปถึงทำให้ดิมดูเครียดขึ้นมามากกว่าเดิม เพียงไม่ถึงสิบนาทีคนมาขออาศัยก็ถูกลากขึ้นมานั่งจ่อมอยู่บนเตียงเจ้าของบ้าน

      
            “กูขอนอนด้วยคนนะ”

      
            ดิมไม่ได้แปลกใจกับการที่กันต์จะมาขอนอนด้วยแต่มันแปลกใจตรงที่ว่าตอนนี้เฉียดเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว และสภาพเพื่อนตัวเองก็ดูราวกับเพิ่งไปไหนมาทั้งยังสีหน้าก็ย่ำแย่เต็มที ดิมไม่อยากกดดันหรือคาดคั้นอะไรจึงพยักเพยิดไปที่ห้องน้ำเป็นอันรู้กันว่าให้ไปอาบน้ำและมานอน

      
            ทั่วทั้งห้องปิดไฟจนมืดสนิทแต่ยิ่งมืดก็ยิ่งทำให้กันต์จมจ่อมไปกับความคิดตัวเองมากขึ้นเท่านั้น ย้อนนึกไปถึงเรื่องราวที่ได้รับรู้มาก็ได้แต่ถอดถอนลมหายใจอย่างเหนื่อยล้า ทุกอย่างมันวนไปวนมาในหัวสมองจนอย่างจะให้ร่างกายมีปุ่ม Shift + delete เสียอย่างนั้น แต่เพราะร่างกายไม่ใช่คอมพิวเตอร์เขาถึงยังนึกถึงมันอยู่ตลอดเวลาราวกับหนังที่ถูกฉายซ้ำไปซ้ำมาที่ตอนเดิม ๆ




            “ผมอยากรู้เรื่องราวทั้งหมด พี่ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ” กันต์ก้มลงมองมือทั้งสองข้างของตัวเองที่กำแน่นจนซีดขาว กลั้นใจถามออกมาเพราะทนความอึดอัดกับการไม่รู้ไม่ไหว


            “ได้ยินจากปากไอ้แทนเองไม่ดีกว่าเหรอ”

      
            “ผมจะฟังจากเขาแน่ แต่ผมก็อยากฟังจากพี่ด้วย ... ขอร้องนะครับ”

      
            แทนรักมองคนเด็กกว่าที่หันมาสบตาตัวเองอย่างแน่วแน่ ในตอนแรกยอมรับว่ามองคนตรงหน้าไปในเชิงลบไม่น้อย เพราะยังเด็กกว่าแฝดพี่ตัวเองเป็นสิบปี ไหนจะบรรยากาศรอบกายของเด็กคนนี้ที่ดูเฉยเมยและมีบรรยากาศรอบตัวที่ไม่น่าเข้าหา แต่พอได้ลองคุยรวมถึงการเจอเรื่องนักหนาในคืนนี้ กันต์ไม่มีแม้แต่น้ำตาออกมาให้เห็นสักหยด เข้มแข็งกว่าเขาเสียอีก

      
            “เรื่องมันเกิดตั้งแต่ตอนพวกพี่อยู่ปี 1 ...”

      
            แทนคุณและแทนรัก ฝาแฝดที่แทบจะเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วสอบติดแพทยศาสตร์ด้วยคะแนนสูงลิ่ว หัวสมองระดับกะทิทำให้ไม่มีใครไม่รู้จักสองแฝดแต่แม้จะหน้าตาเหมือนกันแค่ไหน นิสัยกลับต่างชนิดที่ว่าเหมือนกับสีคู่ตรงข้ามอย่างไรอย่างนั้น
   
      
            แทนคุณเปรียบเหมือนสีโทนเย็น และ แทนรักคล้ายกับสีโทนร้อน

      
            แต่ใครเล่าจะรู้ว่าแท้จริงเนื้อในนั้นกลับตาลปัตรอย่างสิ้นเชิง แทนคุณที่เป็นคนสุภาพ อบอุ่น ซ่อนความร้อนของอารมณ์ไว้ภายใน เช่นเดียวกับแทนรักที่ภายนอกดูสนุกสนาน เจ้าชู้ มึงมาพาโวยไปเรื่อยกลับเป็นคนใจเย็นเสียยิ่งกว่าน้ำแข็ง

      
            ปีแรกที่เข้าไปเรียนก็ได้กลุ่มเพื่อนสนิทหลากหลายนิสัยรวมกันได้ห้าคน หนึ่งในนั้นมีหญิงสาวที่พร้อมไปด้วยรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ เป็นเหมือนกับเจ้าหญิงของกลุ่มทุกคนคอยดูแลและให้เกียรติเพื่อนสาวคนนี้เสมอ

      
            ทว่าลับหลังเพื่อนฝูงแล้วแทนรักและนิลินมักจะพูดคุยกันเป็นครั้งคราวด้วยเพราะรู้ว่าต่างเป็นคู่กัน นิสัยของทั้งคู่เข้ากันได้ดีอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ความเป็นคู่กันถูกฉาบด้วยบทบาทของเพื่อนแสนสนิทเพราะนิลินยังไม่อยากให้ใครได้รู้ความสัมพันธ์โดยอ้างว่ากลัวเพื่อนคนอื่นจะอึดอัดและถูกล้อเลียนให้เขินอาย แทนรักที่หลงรักคู่ของตัวเองอย่างสุดใจก็ยอมอ่อนใจทำตาม

      
            แต่เพราะความรักที่มีให้มากเกินไปของแทนรักนั้นสวนทางกับความรู้สึกของอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง เมื่อพ้นสายตาของเพื่อนและแทนรักแล้วนิลินกับแทนคุณมักไปมาหาสู่กันเป็นประจำ เพราะต่างคนต่างรักใคร่ชอบพอซึ่งกันและกัน ความน่าสงสารกลับตกอยู่ที่สองแฝดอย่างไม่รู้ตัวเมื่อนิลินเลือกที่จะจับปลาสองมือเอาไว้

      
             มือข้างหนึ่งคือหัวใจ อีกข้างหนึ่งคือชีวิต

      
            แทนรักคาดว่านิลินคงไปขอร้องให้แทนคุณเก็บเรื่องที่คบกันเป็นความลับเอาไว้ ความสัมพันธ์นั้นจึงถูกบดบังด้วยความเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน ไม่มีใครค่อนแคะหรือสงสัยให้มากความกับการที่นิลินสนิทกับสองแฝด

      
            เรื่องราวความสัมพันธ์ที่พันยุ่งเหยิงราวกับมีเชือกพันเส้นมัดอยู่ดำเนินมาตลอดหลายปี เม่ือเรียนจบจวบจนกระทั่งแยกย้ายกันไปทำงานและเรียนต่อเฉพาะทาง แทนคุณก็เข้ามาขอพ่อและแม่จะย้ายไปอยู่คอนโดโดยให้เหตุผลว่า อยากอยู่ใกล้โรงพยาบาล ในตอนแรกแทนรักจะขอไปอยู่ด้วยเพราะอย่างไรก็ทำงานที่เดียวกันแต่กลับถูกพี่ชายตัวเองปฏิเสธ เขาก็เข้าใจว่าคงอยากมีความเป็นส่วนตัว

      
            แต่เพราะมีอะไรก็มักจะคุยกับแฝดตัวเองเสมอและแทนรักที่อดทนรนใจไม่ไหวอยากจะป่าวประกาศเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของด้วยการแต่งงาน จึงหยิบยกประเด็นนี้ไปปรึกษาพี่ชายฝาแฝดตัวเอง เขาไม่ได้เอะใจที่ความเปลี่ยนไปในคืนนั้นของพี่ชายตัวเองเลยแม้แต่น้อย
      

            ตั้งแต่วันนั้นจนวันที่ได้รู้ความจริง ถึงเพิ่งได้เข้าใจว่าทำไมความสัมพันธ์พี่น้องที่เคยสนิทชิดเชื้อถึงห่างเหินกลายเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ที่ดูราวกับว่าถมเท่าไรก็ไม่มีทางเต็ม

      
            แทนรักไม่ได้ตั้งใจจะไปล่วงรู้ความลับสักนิดและยังโทษตัวเองร่ำไปว่าวันนั้นไม่น่าอยากจะไปหาแทนคุณเลย ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนอย่างทุกวันนี้ อย่างน้อยก็ยอมโง่ดีกว่าต้องรู้ว่าคนที่ตัวเองรักไม่ได้รักกลับมาเลยสักนิดเดียว
   
      
            “เขาไปหากันที่คอนโดเลยเหรอครับ” กันต์ถามขึ้นมาด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำ อยากจะปิดหูไม่รับรู้ความจริงแต่ก็ดันหลุดปากถามไปจนได้

      
            “อืม วันนั้นแม่งโคตรแย่ เป็นวันที่แย่ที่สุดในชีวิตพี่เลยล่ะ ...”

      
            แทนรักก็แค่เข้าเวรจนเหนื่อยไม่มีแรงขับรถกลับบ้านจึงกะว่าจะมาขออาศัยห้องพี่ชายซุกหัวนอนสักคืน กดโทรศัพท์หาเป็นสิบสายก็ไม่มีวี่แววจะมีคนรับ เขาเดินไปเดินมาอยู่หน้าคอนโดจนถูกยามมองด้วยสายตาไม่ไว้ใจ แต่เพราะหน้าที่เหมือนกับแทนคุณจึงทำให้ไม่ถูกไล่ตะเพิดไปเสียก่อน รอจนมีคนสแกนนิ้วมือเปิดประตูเขาจึงเดินตามเข้าไป ดีที่ว่าไม่ต้องสแกนเพื่อกดชั้นในลิฟต์เขาถึงขึ้นมาที่หน้าห้องพี่ชายตัวเองได้

      
            กดออดอยู่สามครั้ง เขาจำได้แม่นยำ ยืนรออยู่สักพักก็ไม่มีคนมาเปิดเสียที แทนรักดูเวลาก็ไม่คิดว่าพี่ชายตัวเองจะอนามัยจัดนอนตั้งแต่สี่ทุ่ม ในขณะที่ลังเลใจว่าจะเอาอย่างไรเพราะตาก็เริ่มจะปิดเต็มที เสียเอะอะดังแว่วมาไกล ๆ ทำให้เขาหมุนตัวหาที่มาของเสียงนั้น

      
            สุดทางเดินคือประตูเปิดออกไประเบียงนั่งเล่นส่วนกลางของแต่ละชั้น เห็นเงาลาง ๆ ของชายหญิงคู่หนึ่งที่ลางสังหรณ์มันบอกว่านั่นคือคนที่แทนรักกำลังตามหา ไวดั่งใจคิดแทนรักก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูที่ปิดไม่สนิท เรื่องราวความรักของพี่ชายฝาแฝดกับคู่ชีวิตของตัวเองหลั่งไหลเข้าสมองจนรับสารดังกล่าวแทบไม่ทัน

      
            ไม่มีคำเตือน ไม่ให้ได้ตั้งตัว

      
            จู่ ๆ ความรู้สึกของเขาก็พังลงแทบเท้าของคนที่เขารักที่สุดทั้งสองคน

      
            “วันนั้นพี่ไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าขับรถกลับมาบ้านได้ยังไงไม่คว่ำตาย ฮ่ะ ๆ”

      
            “พี่เข้มแข็งมากเลยนะพี่รัก แค่ผมถูกแฟนเก่าทิ้งไปหาคู่ตัวเองผมยังแทบบ้าตายเลย แต่นี่ ...” กันต์ไม่รู้จะพูดอะไรออกไป ไม่รู้ต้องปลอบอย่างไร การเสียศูนย์จากการถูกทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าของตัวเองยังเทียบไม่ได้เลยกับเรื่องราวในครั้งนี้

      
            “พี่ไม่เคยพูดและไม่เคยถามเรื่องนี้กับไอ้แทนเลยสักครั้ง มันเลยเหมือนกระอักกระอ่วนแปลก ๆ แม้ว่าพี่จะพยายามทำตัวปกติก็ตามเถอะ แต่พี่อยากให้เราได้ลองคุยกับมันดูนะเพราะพี่เชื่อว่าถ้าเป็นเรา มันจะไม่มีทางไม่พูดแน่นอน”

      
            “ผมกลัวน่ะพี่รัก ผมระแคะระคายคุณลินเขามาหลายรอบ และทุกครั้งพี่เขาก็ตอบว่าเป็นแฟนพี่บ้าง เป็นเพื่อนสนิทบ้าง”

      
            “เอาจริง ๆ นะกันต์ใครมันจะไปบอกเรื่องแบบนี้กับคนรักของตัวเองให้ไม่สบายใจกันล่ะ จริงไหม? พี่เชื่อว่าวันนี้เราหายไปแบบนี้ มันตามหาไม่เจอแบบนี้ คนฉลาดอย่างมันน่ะเดาได้แน่ ๆ ว่าเราต้องไปได้ยิน เพราะฉะนั้นถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็ช่วยฟังมันทีนะ ฟังมันเผื่อพี่ที”

      
            แทนรักก็ยังเป็นแทนรักที่เป็นครึ่งหนึ่งของแทนคุณ เขารับรู้ได้ด้วยสายสัมพันธ์ฝาแฝดห่าเหวอะไรสักอย่างว่า แทนคุณก็เสียใจไม่แพ้กัน แต่เขาก็ไม่กล้าหาญมากพอที่จะฟังจากอีกฝ่ายเพราะเพียงแค่นี้มันก็เหนื่อยล้าเต็มทน

      
            “แล้วพี่จะทำยังไงต่อเหรอครับ”

      
            “บางทีนะกันต์ ถึงแม้หัวใจจะสำคัญแค่ไหน แต่ยังไงก็ต้องรักชีวิตตัวเอง ... ถ้าวันนึงเครื่องทดเวลามันสามารถผลิตออกมาใช้ได้จริง พี่อาจจะเป็นคนแรกที่ไปซื้อมาใช้ก็ได้” แทนรักพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง แต่แววตาที่กันต์มองเห็นมันกลับมีแต่ความจริงจัง กันต์เชื่อว่านี่คือฟางเส้นสุดท้ายของอีกฝ่ายแล้วจริง ๆ






      
            “ทำไมยังไม่นอนอีก” เสียงของดิมดังฝ่าความคิดขึ้นมาทำเอาคนที่นอนคิดเพลิน ๆ อยู่สะดุ้งสุดตัว กันต์หันตัวตะแคงกลับไปหาเพื่อนตัวเอง

            
            “กูนอนไม่หลับ”

      
            “มีอะไรอยากเล่าให้กูฟังไหม” กันต์มองตาเพื่อนรักในความมืดเห็นแววเป็นห่วงในนั้นมากมาย ในวันที่แหลกสลายต่อให้กี่ครั้งดิมก็ยังเป็นคนที่คอยพยุงเขาเสมอ

      
            “68 แล้ว” เจ้าของเสียงถกชายเสื้อขึ้นมากองบนอกให้เห็นตัวเลขสีเหลืองบนตำแหน่งขั้วหัวใจที่ฉายเลขสูงขึ้นจนดิมใจหาย

      
            “เหี้ย!! เกิดอะไรขึ้นมึง กู ... มึง ไม่ อะไรวะ พี่แทนเหรอ” ดิมร้อนรนจนแทบทนไม่ไหว จากที่เคย 50 กลับพุ่งขึ้นเป็น 68 กลัวใจเหลือเกินว่ามันจะเพิ่มมากขึ้นจนถึงปลายทางโดยที่ไม่ได้ตั้งตัว

      
            “นอนกันเถอะพรุ่งนี้ต้องไปเรียน ส่วนเรื่องนี้กูขอพักก่อนนะ หมดแรงแล้วว่ะ” อยากจะเร่งเร้าแต่เพราะน้ำเสียงที่อ่อนล้าของเพื่อนทำให้ดิมยอมล้มตัวลงนอนเช่นเดิม ต้นเหตุได้หลับสนิทไปแล้วทิ้งไว้แต่ดิมที่ยังกึ่งกลับกึ่งตื่นตลอดทั้งคืน

      
            เช้าวันใหม่ไม่ได้สดใสไปกว่าเดิม กันต์ยืนมองโทรศัพท์ในมือที่เขาปิดเครื่องไปตั้งแต่ออกจากงานเลี้ยง ชั่งใจว่าควรจะเปิดเครื่องหรือปล่อยทิ้งเอาไว้แบบนี้ดี แต่สุดท้ายส่วนลึกข้างในก็ทำให้เขายัดเครื่องมือสื่อสารลงก้นกระเป๋าอย่างไม่ใส่ใจ

      
            “เอาไรปะ กูจะไปหาไรกิน” ดิมมองเพื่อนที่นั่งเหม่อลอยด้วยสายตาเป็นห่วง

      
            “ไม่อ่ะ” คนยืนมองถอนหายใจอย่างหนักหน่วงพลางยกมือผลักหัวโต ๆ ของเพื่อนตัวเองอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเมื่อคืนมันดูเหนื่อยมากจนดิมไม่กล้าทวงถามให้เล่่าออกมา ก็คงต้องรอจนกว่าจะพร้อมนั่นแหละดิมถึงจะได้ฟัง

      
            “เออ ๆ เดี๋ยวกูดูมาให้แล้วกัน ฟุบนอนไป” ดิมทิ้งให้คนหน้าซีดนั่งหน้าหงอยเฝ้าโต๊ะส่วนตัวเองก็เดินไปโรงอาหารด้วยความเร่งรีบเพราะไม่อยากปล่อยเพื่อนให้อยู่คนเดียวนาน ๆ

      
            “หวัดดีค่ะกันต์”

      
            กันต์เงยหน้ามองหญิงสาวต่างคณะคนเดียวกันกับเมื่อวันก่อนด้วยแววตากึ่งประหลาดใจกึ่งเรียบเฉย ไม่รู้จะตกวางตัวอย่างไรเพราะสิ่งที่สงสัยยังไม่ชัดเจนมากพอที่จะได้คำตอบ สุดท้ายก็ตอบรับคำทักทายไปตามมารยาทที่พึงมี

      
            “ครับ”

      
            “พอดีเราเห็นกันต์นั่งหน้าซีด ๆ เลยเข้ามาทัก เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”


            “อ่า .. เปล่าครับ ๆ เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย ว่าแต่แพน เอ่อ แพนใช่ไหม ขอโทษทีนะผมเบลอ ๆ”

      
            “ฮ่ะ ๆ ใช่ แพนเอง”

      
            “ครับ ว่าแต่แพนมาทำอะไรที่ตึกสื่อสารเหรอ มาหาเพื่อนเหรอครับ” กันต์ชวนคุยไปเรื่อยเปื่อยพลางผายมือเชิญให้หญิงสาวนั่งลงตรงที่ว่างตรงข้าม

                  
            “อ อื้ม พอดีเพื่อนเราจะให้เรามาช่วยเป็นแบบน่ะ แล้วนี่กันต์ไม่เข้าเรียนเหรอคะ”

      
            “คลาสสิบโมงครับ แพนเรียนเดคฯ ใช่ไหม ยากหรือเปล่า มันพวกตกแต่งบ้านอะไรแบบนี้ใช่ไหมครับ” แม้ในความรู้สึกแรกมันคือความอึดอัดแต่เมื่อได้พูดคุยกันบรรยากาศรอบตัวแพนกลับทำให้กันต์รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา

      
            “ก็ยากในแบบของมันแหละ แต่เดคฯ ไม่ได้มีแค่ตกแต่งบ้านนะมันมีหลายเอกย่อยเลยค่ะ”

      
            “แล้วแพนเรียนอะไรเหรอ”

      
            “ออกแบบภายในค่ะ นี่ไงอันนี้งานที่เราออกแบบไว้ กันต์ว่าเป็นยังไงบ้าง”

      
            ดิมหยุดมองภาพตรงหน้าอยู่ไม่ไกล มองด้วยความสงสัยว่าผู้หญิงที่ไอ้กันต์เพื่อนตัวเองแทบจะชะโงกหัวไปชนเขานั่นเป็นใคร คุ้น ๆ ติดอยู่ปากแต่นึกไม่ออก กันต์ไม่ใช่คนเพื่อนเยอะมากเท่าไรแถมยังไม่ใช่คนมีมนุษยสัมพันธ์กับใครขนาดนั้น จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีเพื่อนคนอื่นที่เขาไม่รู้จัก
   
      
            “ฮ่ะ ๆ เราวาดรูปทุเรศมาก อย่าอยากเห็นเลย” ยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นมันหัวเราะร่ายิ้มตาหยีทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังทำหน้าเหมือนคนใกล้จะตายอยู่รอมร่อ

      
            “หรือว่า ... ฉิบหายล่ะ” ดวงตากลมโตเป็นเอกลักษณ์ของดิมเบิกค้างเมื่อนึกบางอย่างได้ขึ้นมา เขาจำได้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เธอต้องเป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนเขาตั้งคำถามแปลก ๆ นั่นแน่นอน

      
            “เอ้า ไอ้ดิม มาแล้วก็มานั่ง ยืนทำอะไรวะ” ดิมสะดุ้งก่อนจะยิ้มแห้งให้คนทั้งคู่แล้วนั่งลงข้างเพื่อนสนิทตัวเอง

      
            “ไอ้ดิมนี่แพนเด็กเดคฯ ส่วนแพนนี่ดิมเพื่อนสนิทเราเอง” คนถูกแนะนำทั้งสองผงกหัวและยิ้มบาง ๆ ให้กันเท่านั้น ก่อนที่แพนจะขอตัวกลับตึกเรียนของตัวเองจนทั้งโต๊ะเหลือเพียงเพื่อนสนิทที่คนหนึ่งกลับมาแห้งเหี่ยวอีกครั้งแต่น้อยกว่าเมื่อเช้า และอีกคนหนึ่งที่นั่งดูดน้ำจ้องหน้าเพื่อนตัวเองด้วยความสงสัย

      
            “มึงจะพูดไรก็พูดสิวะ นั่งจ้องกูอยู่ได้ แอบชอบกูหรือไง ขนลุกนะเนี่ย” ดิมผลักหัวเพื่อนตัวเองด้วยความหมั่นไส้ กวนตีนแบบนี้ได้สงสัยอาการจะดีขึ้นบ้างแล้ว

      
            “ผู้หญิงคนนี้คือสาเหตุที่วันนั้นมึงถามกูว่า คนเราสามารถมีคู่แท้มากกว่าหนึ่งคนได้หรือเปล่า ... ใช่ไหม?” ถามพร้อมกับจ้องอย่างคาดคั้น

      
            “อืม”

      
            เรื่องราวมันชวนให้ยุ่งเหยิงมากขึ้นไปอีก เมื่อกฎข้อสำคัญอีกข้อของเรานั่นคือ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะถูกกำหนดมาให้มีคู่แท้เพียงคนเดียว บางคนอาจจะมีเพียงหนึ่งและบางคนก็อาจจะมี 2 - 3 คนก็ได้ อยู่ที่ว่าจะเข้ากับคนไหนได้ หรืออยู่ที่ว่าเราจะเลือกใคร

      
            คนกลางอย่างเขาไม่รู้จะต้องแก่ลงไปอีกกี่ปีกับการถอนหายใจในรอบที่ร้อยของเช้าวันนี้ ดิมยกมือขึ้นกุมขมับเมื่อนึกไปถึงคนที่มาก่อน ถ้ายังไม่คิดจะทำอะไรหรือเข้ามาแก้ไขความผิดพลาดมีหวังไอ้กันต์เพื่อนเขาคนนี้คงไม่ต้องรอให้พี่แทนมาทำให้ตัวเลขกลับไปตรงกลางแล้วล่ะ เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีคนรอทำหน้าที่แทนแล้ว

      
            และคนที่แอบเชียร์พี่แทนคุณอย่างเขาก็อดหวั่นใจไม่น้อย ความน่าหวั่นใจที่ว่าคือทั้งสองยังไม่ได้ตกลงปลงใจกันสักที นั่นหมายความว่าถ้าไอ้กันต์มีคู่แท้มากกว่าหนึ่งคนและมันก็ยังไม่ได้เลือกพี่แทน ฉะนั้นแพนก็ยังมีสิทธิ์

      
            แต่ดิมก็ภาวนาให้ตัวเลขบนร่างกายของผู้หญิงคนนี้จะไม่ขยับเพื่อพบกับเพื่อนของเขา ขอให้มันเป็นเพียงแค่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองเขาเอง

      
            “กันต์ครับ”








To be continued.
_____________________________________

TALK : พี่แทนรักของน้องงง *กอดพี่แทนรัก*

ตอนนี้เฉลยครบทุกประเด็นที่เคยหย่อนเอาไว้หมดแล้วจ้า
ยังยืนยันว่านี่คือนิยายโรแมนติกนะคะ ><
แต่หลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อ ฝากติดตามและคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้กันด้วยน้า ♡


#ครึ่งชีวิตของผม



หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER09 29/7/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 30-07-2018 08:30:58
ลุ้นๆๆๆๆๆ สนุกมากเลยรอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER09 29/7/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-07-2018 14:19:05
พี่แทนรีบมาปรับความเข้าใจกับน้องกันต์เร็วเข้า
เหนือคาดไปเลยเรื่องที่สามารถมีคู่ชีวิตได้หลายคน ถ้าแพนเป็นหนึ่งในคู่ชีวิตของกันต์จริงๆ จะทำยังไงต่อไปล่ะ
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER09 29/7/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 30-07-2018 15:49:50
คือต้องคุยกันไม่งั้นถ้ากันต์ไม่แคร์ก็ปล่อยให้พี่แทนคุณตายไปเลยก็ได้ง่ายดี
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER09 29/7/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-07-2018 18:33:31
นิลิน เลว แย่มาก เห็นแก่ตัว  :fire: :fire: :fire:
หมาหวงก้างคบซ้อน  จับปลาสองมือ
อย่างนี้ต้องให้แฝด เทนิลิน ต่อหน้าต่อตากันแบบเปิดเผยไปเลย
จะมีหน้ามาอ้อนวอนขอให้รักตัวเองอีกไหม
แทนรัก ตัดใจไปเลย คนไม่ซื่อสัตย์อย่าได้แคร์ นางยังไม่คิดถึงจิตใจแทนรักเลย  :angry2: :angry2: :angry2:
แทนคุณ ตัดนางให้ขาด แบบกร้าวๆเลย นางหน้าไม่อายจริงๆ

ท่าทางแพนจะมีใจให้กันต์ไปแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER09 29/7/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 31-07-2018 17:20:34
 :katai5: :katai5: รออออ
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER10 3/8/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 03-08-2018 23:03:38

CHAPTER 10

Give me one more chance to love you.






      
            “กันต์ครับ”

      
            ขอบคุณสวรรค์ที่ความคิดของดิมเป็นเพียงแค่การตีตนไปก่อนไข้ ดิมเงยหน้าขึ้นมองคนที่ตัวเองกำลังนึกถึงก่อนหันกลับมามองสีหน้าเพื่อนตัวเองที่ดูหม่นหมอง ไหล่ที่บางกว่าเขาขึงเกร็งขึ้นมาทันควัน

      
            “ใจเย็นมึง” ดิมจับบ่ากันต์พร้อมกับลูบช้า ๆ เพื่อให้เจ้าตัวผ่อนคลาย

      
            แทนคุณมองน้องที่ใช้ฟันคู่หน้ากัดริมฝีปากเอาไว้จนเกรงว่าจะแตกช้ำ สีหน้าของน้องย่ำแย่เสียเขานึกหวั่นใจ เพียงแค่เมื่อคืนที่น้องหายไปก็เดาได้ทันทีว่าน้องจะต้องรับรู้เหตุการณ์หน้าห้องน้ำนั่นอย่างแน่นอน แต่ไม่ว่าจะพยายามติดต่อหรือแม้แต่ไปนั่งโง่ ๆ อยู่หน้าบ้านน้องอยู่นานสองนานก็ไม่สามารถตามตัวได้เลย เมื่อคืนแทนคุณแทบเป็นบ้าอยู่แล้ว

      
            “ผมมีเรียน เอาไว้ค่อยคุยแล้วกันครับ” กันต์ไม่ได้จะเล่นตัวหรือเล่นบทพ่อแง่แม่งอน การที่มึนตึงกันเช่นนี้ก็ใช่ว่าเขาจะสบายใจ แต่เพราะรู้ตัวเองดีว่ายังไม่พร้อมจะเปิดใจรับฟังขืนคุยกันไปตอนนี้ มันก็ได้แต่อารมณ์กลับไปไม่มีทางที่เขาจะได้ใช้เหตุผลคุยกัน

      
            “เลิกเรียนบ่ายโมงใช่ไหม เดี๋ยวพี่มารับนะครับ” พยายามจะอ้อนวอนขอให้เห็นใจแต่บทจะไม่ยอมก็ใจแข็งเหลือเกิน กันต์ส่ายหน้าปฏิเสธความต้องการนั้นอย่างหนักแน่น

      
            “เอาไว้ผมพร้อมเมื่อไหร่ค่อยคุยกันได้ไหมครับ เพราะตอนนี้ผมไม่อยากฟังอะไรจากพี่เลย” แทนคุณถือว่าน้องยังปราณีตัวเองที่ไม่ใช้สรรพนามให้ห่างเกินกันไปมากกว่านี้ ดวงตาคมปิดลงเพียงครู่เพื่อปรับความรู้สึกก่อนจะลืมขึ้นมาและสบตาคนที่เป็นเจ้าของทั้งชีวิตและหัวใจตัวเองอย่างมั่นคง

      
            “ครับ พี่จะรอ”

      
            โชคดีที่วันนี้มีเรียนคาบเดียวและเป็นคาบที่มีวิทยากรพิเศษมาบรรยายเพราะสมาธิการเรียนถูกทำลายลงไปย่อยยับ หลังจากเรียนเสร็จทั้งดิมและกันต์พากันเดินไปหาอะไรใส่ท้องที่โรงอาหาร เพราะเป็นช่วงบ่ายโมงทำให้โต๊ะแทบจะเต็มทุกที่นั่ง

      
            “เอาไงดีวะ หรือจะออกไปกินข้างนอก”
   
      
            “ตอนนี้ข้างนอกคนก็น่าจะเยอะพอกันแหละ” สองเพื่อนซี้ยังไม่ลดละในการสอดส่องสายตามองหาที่ว่าง กันต์แอบถอนหายใจหน่อย ๆ เมื่อเห็นบางโต๊ะกินเสร็จแล้วแต่ยังไม่ยอมลุกเอาแต่นั่งแช่ ไม่ได้ดูเลยว่าคนยืนรอโต๊ะว่างมีมากแค่ไหน

      
            “กลับไปกินบ้านไหม”

      
            “กันต์” ไม่ทันที่กันต์จะตอบคำถามเพื่อนก็ถูกเรียกเอาไว้ ก่อนจะหันไปเจอแพนเพื่อนใหม่ต่างคณะที่ยืนถือแก้วน้ำมองมาที่ทั้งคู่อยู่ ดิมอดใจแอบกลอกตาไม่ได้เลย ทำไมจู่ ๆ ถึงบังเอิญเจอกันบ่อยขนาดนี้ แถวตึกเดคฯ ก็มีโรงอาหารอยู่นี่นา

      
            “อ้าวแพน มากินข้าวถึงนี่เลยเหรอ”

      
            “ค่ะ พอดีอยากเปลี่ยนบรรยากาศน่ะ ว่าแต่กันต์กับดิมหาโต๊ะอยู่เหรอ” ดูเหมือนกันต์จะไม่ได้สังเกตถึงท่าทีขลาดเขินของหญิงสาวตรงหน้าเท่าไรนัก

      
            “ครับ แต่เดี๋ยวคงเปลี่ยนใจไปกินที่อื่นแล้วล่ะ คนเต็มเลย”

      
            “ถ้ายังไงไปนั่งกับเราไหม ยังพอมีที่อยู่ค่ะ”

      
            “ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ไอ้ดิมมันบ่นอยากกินชาบูเดี๋ยวออกไปกินข้างนอก ยังไงก็ขอบคุณแพนมากเลยนะครับ” กันต์หลีกเลี่ยงด้วยหลายเหตุผลหนึ่งในนั้นคือไม่อยากให้ทั้งเพื่อนและตัวเองอึดอัดกับการนั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกับคนไม่สนิท

      
            “อ๋อ โอเคค่ะ เอ่อ กันต์คะ!”

      
            “ครับ?” คนถูกรั้งหันมาตามแรงดึงที่ข้อศอก ดวงตาเรียวมองใบหน้าเพื่อนใหม่และลดสายตามองลงมาที่แขนตัวเอง ทำให้อีกฝ่ายรีบปล่อยมือออกทันทีด้วยความเก้อเขิน

      
            “เรา ... เราขอไอดีกันต์ได้ไหม เอ่อ คือเราเห็นว่าไหน ๆ ก็รู้จักกันแล้วและกันต์คงพอจะดูออกว่าทำไม” แพนสบตาชายหนุ่มตรงหน้า แม้จะทำใจกล้าพูดออกไปแบบนั้นแต่เธอก็ยังอายอยู่มากพอตัว ไม่เคยเลยสักครั้งที่ต้องรุกเข้าหาใครก่อน แต่ถ้าไม่ใช่เพราะโชคชะตาและความถูกใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเธอก็คงไม่ทำเช่นนี้

      
            “ครับ” กันต์รับโทรศัพท์มากดไอดีตัวเองลงไปก่อนจะโดนดิมเอาแขนพาดคอลากออกมาอย่างรวดเร็ว

      
            “มึงให้ไปทำไมวะ”

      
            “ก็ทำความรู้จักไว้ไม่เสียหายนี่หว่า”

      
            “ไม่เสียหายก็เหี้ยละ เธอพูดแบบนั้นแสดงว่าเลขมันขยับน่ะสิ!” ดิมโวยวายออกมาอย่างหัวเสีย นี่ถ้าพี่แทนคุณรู้จะเป็นอย่างไร ความวัวไม่ทันหายจะให้ความควายเข้ามาแทรกอย่างนั้นเหรอ คนกลางได้แต่พ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด

      
            “มึงจะหงุดหงิดทำไมวะ กูกับพี่แทนแค่ยอมรับว่าเป็นคู่แต่ยังไม่ได้ตกลงคบกันแน่นอน เพราะฉะนั้นถ้าแพนเป็นคู่อีกคนของกูจริง กูก็มีสิทธิ์ที่จะเรียนรู้คนอื่นด้วยเหมือนกัน”

      
            “อย่ามาประสาทไอ้กันต์ มึงกำลังลากอีกคนที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยมาอยู่ในวังวนของมึงกับพี่เขา ทะเลาะเหี้ยไรกันก็เคลียร์อย่าประชด กูรู้ว่ามึงชอบพี่เขาและคนที่จริงจังกับความรักไม่มีทางไปชอบคนอื่นได้ง่าย ๆ หรอก!!”

      
            “…”

      
            “มึงก็รู้ว่ากฎการมีคู่มากกว่าหนึ่งมันไม่ได้ดีขนาดนั้น ที่กูหงุดหงิดเพราะอะไรรู้ไหมไอ้กันต์ เพราะกูเป็นห่วงมึง และสิ่งที่มึงคิดจะทำในหัวโต ๆ ของมึงอยู่มันไม่ได้ดีต่อใครเลยจริง ๆ ”
   
      
            คนที่ทำอะไรไม่ทันได้คิดไตร่ตรองเงียบพลันอย่างเถียงอะไรไม่ออกเพราะสิ่งที่เพื่อนพูดมานั้นถูกทั้งหมด แม้จะระแคะระคายว่าแพนจะเป็นคู่อีกคนของตัวเองแต่ทุกอย่างก็ยังไม่ได้ชี้ชัด เพียงแค่อาการใจกระตุกพร้อมกับตัวเลขที่จู่ ๆ ก็กะพริบของเขาในวันที่เจอกันวันแรก มันก็ไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายจะเป็นคู่ของเขา อาจจะเป็นแค่การรวนของระบบร่างกายเท่านั้นก็ได้

      
            แต่ถ้าแพนคือคู่อีกคนของเขาจริง ๆ นั่นหมายความว่าสิ่งที่เขาควรจะทำนั่นคือการบอกความจริงเรื่องที่เขามีคู่อยู่แล้ว ก่อนที่อีกฝ่ายคิดจะอยากเริ่มความสัมพันธ์กับเขา ไม่เช่นนั้นหากช้าไปเพียงแค่วินาทีเดียวมันจะอันตรายถึงชีวิตของแพนได้

      
            “กู ...”

      
            ดิมปล่อยให้ความเงียบล้อมรอบตัวเองและเพื่อนสนิทเพื่อใช้ความคิด ตั้งแต่รู้จักกันมากันต์ไม่ใช่คนไร้เหตุผลและคิดร้ายกับใคร มีแต่คนเข้ามาทำร้ายมันตลอดและครั้งนี้ดิมเองก็รู้ว่าเพื่อนแค่ไม่ทันคิด กำลังจะพาลประชด เขากำลังทำหน้าที่เพื่อนสนิทด้วยการฉุดรั้งเตือนสติเพื่อนตัวเอง


ครืด ครืด ครืด

      
            เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบระหว่างเพื่อนสนิททั้งสอง กันต์ก้มลงมองเครื่องมือสื่อสารที่ขึ้นเตือนว่ามีคนแอดไอดีมาใหม่ คงจะเป็นใครไม่ได้นอกจากคนที่เขาเพิ่งจะให้ไอดีไป

      
            “รีบบอกก่อนที่จะไม่ทันเถอะ” ดิมยืนกอดอกพูดกดดันเพื่อนตัวเอง

      
            “แล้วกูจะแน่ใจได้ยังไงว่าเขาเป็นคู่กู” แก้วตาหม่นแสงกำลังสั่นระริก กันต์ไม่ได้จะอ้างแต่จู่ ๆ จะให้บอกไปเลยก็ใช่ที่

      
            “มึงเป็นคนฉลาด มึงรู้ดีว่าต้องทำยังไง อย่าให้กูต้องด่า” คนถูกเพื่อนดุห่อไหล่ลงอย่างรู้สึกแย่กับตัวเอง กันต์ล่ะอยากจะทุบตัวเองนัก

      
            ไม่น่าเลย ไม่น่าทำอะไรไม่คิดเลย

      
            กฎคู่แท้ในโลกของเรามันคงคล้ายกับระบบคอมพิวเตอร์ ถ้าเราเจอคนแรกแล้วและตกลงปลงใจกันได้ ตกลงคบกัน ระบบในร่างกายดำเนินการด้วยอะไรสักอย่างมันจะทำการล็อกเอาไว้แล้วว่าสองคนนี้คือคู่กัน ยกเว้นแต่ว่าจะไม่เอาหรือทะเลาะกันจนฉิบหายวายป่วงนั่นก็เรื่องชีวิตใครชีวิตมัน และนี่คือกรณีทั่วไป

      
            แต่ในกรณีพิเศษ ถ้าบังเอิญว่าชีวิตนี้ช่างโชคดีเหลือเกินฟ้าดันลิขิตให้มีคู่แท้มาให้เลือกหลายคน หากกำลังนึกอิจฉาอยู่ก็อยากให้เลิกคิดเช่นนั้น เพราะการมีคู่หลายคนมันค่อนข้างโหดร้าย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเวลาว่าจะบังเอิญได้เจอคนไหนก่อนและถ้ากำลังจะคลิกกันหรือตกลงปลงใจกันไปแล้ว ดันเจอเนื้อคู่คนที่ 2 ที่ 3 คือความซวยที่แท้จริง

      
            เพราะถ้าได้เจอกันเมื่อไร ตัวเลขของคน ๆ นั้นจะขยับทันทีเหมือนปกติทั่วไป ทว่าถ้าเราเลือกไปแล้ว นั่นหมายความว่าเราต้องรีบปฏิเสธหรือบอกให้ชัดเจน และต้องบอกก่อนที่เขาจะเริ่มรู้สึกหรืออยากจะเริ่มความสันพันธ์ หรือก่อนที่โชคชะตามันจะทำหน้าที่ หากบอกทันท่วงทีทุกอย่างก็จะถูกให้หมุนไปตามกงล้อของชะตา แต่ถ้าปล่อยให้ยืดเยื้อ ปฏิเสธช้าไปเสี้ยววินาที นั่นหมายถึงชีวิตของใครคนนั้นเลยทีเดียว

      
            กันต์กัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนรู้ได้ถึงกลิ่นคาวของเลือด มันเป็นเรื่องใหญ่และชวนเครียดมากจริง ๆ ไม่มีบรรพบุรุษคนใดหรืองานวิจัยชิ้นไหนบอกเอาไว้ว่า เวลาไหนคือเวลาที่เรียกว่าทันท่วงที เพราะน้อยเหลือเกินแทบจะ 1 ใน 1000 ที่จะมีคนมีคู่แท้มากกว่าหนึ่ง

      
            แม่งเอ๊ย ทำไมชีวิตกูต้องมาเจอเรื่องยากด้วยวะ พระเจ้าไม่ได้รักกูจริงแล้วแบบนี้ ขอถอนคำพูด!!






อักษรเกินที่กำหนด
มีต่อเมนต์ต่อไปจ้ะ

หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER09 29/7/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 03-08-2018 23:04:11
(ต่อตรงนี้จ้า)





TANKHUN’s



21 กุมภาพันธ์ 2xxx   

      
            สี่วันแล้วที่ผมไม่ได้คุย ไม่ได้เจอกันต์ น้องไม่แม้แต่จะอ่านข้อความเลยสักหน ทุกวันหลังเลิกงานผมจะขับรถไปเฝ้าอยู่หน้าบ้านของน้องจนดึกดื่น ให้แน่ใจว่าคนที่รอจะไม่กลับมาแล้วถึงค่อยกลับห้องตัวเอง

      
            พยายามจะเข้าหาแม้กระทั่งใช้สิทธิ์ความเป็นอาจารย์เข้าถึงประวัติส่วนตัวนักศึกษา จนได้เบอร์ของคณกรเพื่อนสนิทของน้องมา รู้เพียงแค่ว่าคืนนั้นน้องไปนอนบ้านเพื่อนจริงส่วนสามวันที่ผ่านมาน้องไปอยู่กับพี่ชายตัวเอง อย่างน้อยก็ยังดีที่ได้รู้ว่าน้องอยู่ในที่ที่ปลอดภัย

      
            ผมยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำมองสภาพตัวเองแล้วก็ได้แต่ถอนใจ พยายามทำกิจวัตรประจำวันของตัวเองให้เป็นปกติมากที่สุดแม้มันจะไม่มีอะไรปกติเลยก็ตาม

      
            มือหนึ่งถือแปรงสีฟัน อีกมือหนึ่งลูบไปบนตัวเลขสีเหลืองบนอกที่ขยับลดลงไปทุกที จาก 50 ขยับลดไปที่ 28 แล้ว แต่ผมไม่ได้คิดห่วงตัวเองเลยสักนิดเพราะห่วงน้องมากกว่า ขนาดผมที่ออกกำลังกายเป็นประจำและมั่นใจว่าตัวเองแข็งแรงดียังเหนื่อยง่ายกว่าเดิมไปหลายเท่า แล้วน้องล่ะ ตัวก็แค่นั้น ผอมโปร่งจนแทบจะปลิวไปกับลมได้อยู่แล้วร่างกายจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้

      
            เพราะฉะนั้นวันนี้ผมจะไปตามตื๊อจนกว่าน้องจะยอมคุยให้ได้ สี่วันก็มากพอที่เราต่างจะได้ใช้เวลาคิดอะไรได้บ้างแล้ว ผมไม่อยากปล่อยให้เวลามันเสียเปล่าไปมากกว่านี้อีกแล้วเพราะรู้ตัวเองดีว่ารักน้องมากกว่าที่ตัวเองเคยคิด อะไรที่เคยบอกว่าค่อยเป็นค่อยไปค่อยศึกษากันสำหรับตอนนี้มันดูจะช้าเกินไป

      
            “ต้องเร่งหน่อยแล้วไอ้แทน” ผมย้ำกับตัวเอง เร่งรุดไปยังสถาบันเพื่อไปรอเจ้ากระต่ายแสนรักของผมกลับบ้าน

      
            ผมมาถึงหน้าตึกเรียนของเด็กสื่อสารฯ ก่อนเวลาเลิกเรียนน้องยี่สิบนาที นั่งรออยู่ที่โต๊ะหน้าลิฟต์กะว่าถ้าน้องลงปุ๊บผมก็สามารถชาร์จตัวน้องได้ทันที ครั้งนี้จะไม่ให้พลาดอีกแล้วเพราะขอความร่วมมือจากเพื่อนสนิทน้องให้ช่วยกล่อมอีกทาง

      
            ไม่รู้จะสำเร็จไหม แต่ผมอยากคุยกับน้องจริง ๆ

      
            “กันต์” ผมผุดลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นน้องเดินออกมาจากลิฟต์พร้อมกับกลุ่มคน ดวงตาเรียวเล็กปลายหางชี้ลงที่ผมชอบมองดูตกใจเล็กน้อยก่อนจะกลับไปเรียบเฉยเหมือนเดิม สายตาน้องทำเอาผมใจแป้วไม่น้อย

      
            “ไม่ทำงานเหรอครับ”

      
            “วันนี้วันหยุดพี่น่ะ เรียนเสร็จแล้วใช่ไหม ไปกับพี่ได้หรือเปล่าครับ” ถึงผมจะไม่ได้แสดงอาการอะไรมากนักแต่บอกเลยว่าข้างในใจกำลังร้อนไปหมด กลัวว่าจะถูกปฏิเสธ กลัวจะถูกเมินอีก

      
            “ครับ ... งั้นกูไปนะ” น้องตอบผมก่อนจะหันไปลาเพื่อน เจ้ากระต่ายของผมเดินนำออกไปนอกอาคาร ผมสบตากับเพื่อนสนิทของเจ้าตัวนั้นเพียงเล็กน้อยก็เข้าใจกัน

      
            “หิวหรือเปล่า”

      
            “นิดหน่อยครับ”

      
            “งั้นกลับไปกินที่ห้องเรานะ”

      
            “ครับ?”

      
            “ห้องพี่ก็ได้ครับ ... นะ?” ผมต้องรีบเปลี่ยนคำพูดเมื่อถูกหันมามองขวับด้วยสายตาแปลก ๆ จากน้อง คนตัวเล็กกว่าผมหรี่ตามองคล้ายจะไม่ไว้ใจแต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้าจนผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างออกมา

      
            ความเงียบในห้องทำเอารู้สึกประหม่าไม่ได้ ผมยืนมองน้องที่เดินไปนั่งบนโซฟาอย่างเงียบ ๆ แต่พอเหลือบมองเวลาก็ตัดสินใจเดินเข้าครัวแทน ก่อนหน้านี้เวลาอยู่ด้วยกันน้องจะเป็นคนทำอาหารให้กิน เพราะฉะนั้นน้องจึงไม่เคยกินฝีมือผมเลยสักครั้งและวันนี้ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้ทำ

      
            ผมยืนอยู่หน้าเตาทำนั่นทำนี่มือเป็นระวิง ทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจและใช้สมาธิสูงกว่าทุกครั้งที่ทำกินเอง จึงไม่รู้ว่าถูกน้องนั่งเท้าคางกับพนักโซฟามองมาอยู่พอหันไปเจอก็ถึงกับเก้อเขินไม่น้อย

      
            “อีกแป็บเดียวนะ ใกล้เสร็จแล้ว” น้องเพียงแค่พยักหน้าตอบรับ ผมจึงหันกลับมาสนใจอาหารตรงหน้าอีกครั้ง เพราะบ่ายคล้อยแล้วผมจึงเลือกทำสปาเก็ตตี้ทูน่าพริกสด กับไก่สไปซี่ที่นำไปกริลล์กับกระทะแทนการทอดพร้อมด้วยสลัดผักชามเล็ก ส่วนที่ไม่ทำข้าวก็เพราะกลัวว่าจะย่อยไม่ทันมื้อเย็น

      
            “กันต์ครับ อาหารเสร็จแล้ว”

      
            “ขอบคุณครับ” เจ้าของร่างโปร่งบอกสั้น ๆ ก่อนที่เราจะต่างฝ่ายต่างจัดการอาหารตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ ผมเองก็ไม่กล้าพูดอะไรนักด้วยกลัวว่าเผลอพูดอะไรไม่เข้าหูตอนนี้น้องจะพาลกินข้าวไม่ลงเสียเปล่า ๆ

      
            “พี่ดูโทรมมากเลยนะครับ งานหนักเหรอ” ผมเงยหน้าขึ้นมามองคนที่นั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว จนเห็นประกายขบขันจากดวงตาน้องแวบหนึ่ง

      
            “ครับ พี่อยู่เวรแทนคนอื่นมาหลายวันแล้วน่ะ”

      
            แต่ก็แค่นั้นแหละครับ น้องไม่ได้พูดอะไรต่อและผมก็เช่นกัน หนึ่งชั่วโมงต่อมาหลังจากจัดการอาหารและล้างจานเรียบร้อย น้องก็กลับไปนั่งบนโซฟาอีกครั้งทั้งที่ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติน้องคงเดินเข้าห้องไปทิ้งตัวลงบนเตียงแล้ว

      
            “น้ำครับ” น้องชอบกินไอ้เจ้าน้ำดำอัดลมนี้มาก มากเสียขนาดว่าเป็นโรคกระเพาะเพราะมันเลยทีเดียว แต่ก็ยังรั้นจนที่บ้านต้องออกห้ามให้ดื่มได้แค่อาทิตย์ละครั้ง

      
            “ขอบคุณครับ”

      
            “กันต์ครับ พร้อมคุยกับพี่หรือยัง” ผมถามพลางขยับตัวเข้าไปใกล้น้องแล้วยื่นมือไปหาอีกฝ่าย คล้ายกับถามน้องอีกครั้งว่าน้องยังพร้อมจะวางใจลงบนมือของผมอีกครั้งหรือเปล่า คนถูกถามหันมามองหน้าผมชั่วครู่ก่อนจะวางมือเรียวเล็กของตัวเองลงมา ทำเอาใจชื้นขึ้นมาหลายส่วน

      
            “อยากถามหรืออยากให้พี่เล่าครับ” ผมกุมมือของน้องไว้หลวม ๆ ราวกับกลัวว่าจะถูกสะบัดออกและอย่างน้อยก็เป็นการเว้นระยะห่างให้น้องไม่อึดอัดใจ
   
      
            “ถ้าพี่มีอะไรจะพูดก็พูดเถอะครับ ผมจะฟัง”

      
            “พี่ ไอ้รัก และลิน เรียนแพทย์มาด้วยกัน ลินจะค่อนข้างสนิทกับพี่แล้วก็ไอ้รักมากกว่าคนอื่นในกลุ่ม ซึ่งอันนี้พี่ก็ไม่รู้ว่าทำไมแต่เดาว่าเพราะตอนนั้นหอของลินกับพวกพี่อยู่ใกล้กัน ไป-กลับก็ไปด้วยกันแทบทุกครั้ง จนประมาณใกล้จบเทอมแรกลินก็มาสารภาพกับพี่ว่าเธอชอบพี่ พี่ตอบตกลงทันทีเพราะจริง ๆ พี่ก็แอบชอบเธออยู่เหมือนกัน”

      
            “…” ผมเล่าพลางเล่นมือน้องไปพลางเพื่อเป็นการย้ำว่าน้องยังอยู่กับผมตรงนี้ ยังคงยอมฟังผมอยู่ตรงนี้

      
            “เราแอบคบกันมาเรื่อย ๆ เพราะลินไม่อยากโดนล้อ โดนแซว ด้วยความที่สนิทกันมากเวลาอยู่ด้วยกัน เทคแคร์กันก็ไม่มีใครสงสัยอะไร เราคบกันอยู่แบบนั้นตลอดหลายปีจนเรียนจบ พอทำงานเราก็เริ่มห่างกันมากขึ้นเพราะพี่เลือกเรียนต่อมาทางนี้ ส่วนลินกับไอ้รักก็ไปทางอายุรกรรม เวลาไม่ตรงกันทำให้ความสัมพันธ์มันแย่ลงเรื่อย ๆ จนทะเลาะกันหนักมาก วันนั้นพี่หยุดงานอยู่ห้อง ลินก็มาหาพี่ที่ห้อง ทะเลาะกันใหญ่โตจนเลิกกันในที่สุด”

      
            “แล้วพี่ไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าเธอเป็นคู่กับพี่รัก”

      
            “ตอนแรกพี่ไม่รู้หรอกครับ ไม่ได้สงสัยอะไรด้วยซ้ำก็อย่างที่บอกว่าลินสนิทกับพวกพี่มากจริง ๆ แต่พี่เพิ่งมารู้ก่อนวันที่พี่กับลินทะเลาะกันนั่นแหละ ไอ้รักมันมาบอกพี่ว่ามันคบกับลินมาตั้งแต่ปี 1 มันขอโทษที่ไม่ได้บอกใครเพราะลินขอไว้ แต่ตอนนี้มันคิดว่าถึงเวลาที่มันจะจริงจังและประกาศความชัดเจนซักที มันเลยมาขอความคิดเห็นเรื่องจะขอลินแต่งงาน พี่ช็อคไปเลยล่ะ ฮ่ะ ๆ”

      
            “…”

      
            “จริง ๆ ตอนนั้นพี่นึกว่าแค่คบซ้อนเฉย ๆ แต่ไอ้วันที่เลิกกันลินเป็นคนบอกพี่เองว่า เธอเป็นคู่ของไอ้รัก ตกลงปลงใจมาตั้งแต่แรกที่รู้แต่ลินบอกว่าไม่ได้รักไอ้รัก เธอรักพี่ ถึงอย่างนั้นสุดท้ายพี่ก็ไม่เอาแล้ว พี่เลิก ... พี่โคตรรู้สึกแย่เลยกันต์ จริง ๆ นะพี่รู้สึกว่าพี่เลวมากที่ทำร้ายน้องชายตัวเอง พี่ไม่รู้ว่าไอ้รักรู้หรือเปล่า พี่ขี้ขลาดที่ไม่กล้าสารภาพความจริง ก็เลยเฟดตัวเองออกมาจนพี่กับมันไม่สนิทกันไปแล้ว”

      
            “พี่รักเขารู้วันที่พี่กับคุณลินเลิกกันนั่นแหละครับ พี่รักเขามาหาพี่ที่คอนโด”

      
            เชี่ย !!! ผมช็อคมากกับความโง่เง่าไม่รู้เรื่องรู้ราวของตัวเอง เพราะไอ้รักมันเก็บความรู้สึกมาตลอด อีกอย่างผมก็เลี่ยงที่จะเจอมันกับลินทำให้ไม่ได้สังเกตเลยว่ามันมีท่าทีรู้เรื่องนี้หรือเปล่า

      
            มันชาไปหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ่งรู้ก็ยิ่งเกลียดตัวเอง ยิ่งรู้ก็ยิ่งรู้สึกแย่ที่ทำร้ายน้องชายตัวเองโดยไม่รู้ตัวเป็นสิบปี แล้วพอรู้แบบนี้ก็ยิ่งสงสารไอ้รักที่มันต้องอยู่กับผู้หญิงเห็นแก่ตัวแบบนิลิน คนที่พร้อมจะทำร้ายทุกอย่างเพราะอยากเก็บเอาไว้ทั้งความรู้สึกและชีวิต

      
            “พ พี่”

      
            “พี่แทน พี่แทนใจเย็นครับ พี่แทนมองหน้าผม” นิ้วเรียวของน้องวาดไปทั่วแก้ม ในตอนนั้นถึงเพิ่งได้รู้ว่าตัวเองกำลังร้องไห้และยังสั่นไปหมด

      
            “พี่ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะกันต์ พ พี่พยายามแก้ไขทุกอย่าง พยายามเลี่ยง พยายามหนีแล้ว กันต์เชื่อพี่นะครับ” ผมบอกทุกอย่างด้วยความสัตย์จริง

      
            “พี่แทนฟังผมนะ พี่กับพี่รักเป็นพี่น้องกัน ไปคุยกันให้เข้าใจเพราะยังไงความเป็นพี่เป็นน้องมันก็ตัดกันไม่ขาดหรอกนะครับ แถมพี่ทั้งสองยังเป็นแฝดกันอีกแค่พี่กล้าที่จะเอ่ยปากขอโทษ ผมว่าพี่รักจะต้องให้อภัยพี่แน่ ๆ”

      
            ผมสบตาน้องผ่านม่านน้ำตา ความอึดอัดในใจตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมามันทะลักล้นออกจนกลายเป็นหยาดน้ำ ผมทรมานกับความรู้สึกผิดมาตลอด ช่วงนั้นผมต้องเข้ารับการบำบัดกับอาจารย์ของตัวเองด้วยซ้ำ

      
            เรื่องราวครั้งนั้นมันทำให้ผมระแวงทุกความสัมพันธ์จึงไม่คิดจะคบใครอีกจนกระทั่งมาเจอน้อง แต่ก็นั่นแหละความกลัวมันยังคงอยู่ ผมจึงไปตามสืบเรื่องน้องมาผมสมควรเพื่อให้แน่ใจว่าน้องไม่มีใคร และถึงค่อยกล้าที่จะให้ใจกับคนตรงหน้านี้ไป

      
            “แล้วกันต์ล่ะ” พยายามตั้งสติและหยุดร้องไห้พลางจ้องน้องอย่างอ้อนวอน “กันต์จะให้ให้อภัยพี่ไหม” ขอร้องการอภัยจากคนของชีวิตและหัวใจเพราะถ้าน้องเลือกที่จะไป ผมคงพังทลายไม่เหลือชิ้นดี

      
            “ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมพี่ต้องปิดบังผม ต้องโกหกผมเรื่องสถานะของคุณลิน แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว ผมให้อภัยพี่นะแต่ความรู้สึกข้างในมันคงต้องใช้เวลา”

      
            “เท่านี้พี่ก็ขอบคุณมากแล้วจริง ๆ ครับ ขอบคุณมากจริง ๆ นะ พี่ไม่อยากสัญญาแต่พี่จะตั้งใจสร้างความรู้สึกของเราที่มันพังไปแล้วให้มันดียิ่งกว่าเดิม ถ้าอย่างนั้นพี่ขอโอกาสได้ไหมครับ ... ขอโอกาสให้พี่ ... ” ผมเว้นจังหวะสูดลมหายใจเข้าเพื่อให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะเขยิบตัวลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้าของน้อง

      
            “?”

      
            “ขอโอกาสให้พี่ได้เป็นคู่ชีวิตและเป็นคนรักของกันต์ได้ไหมครับ?” แม้มันไม่มีความโรแมนติกอย่างที่เคยคิดจะทำให้น้อง แต่ผมกลับรู้สึกว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วที่ผมจะพูดมันออกไป
   
      
            กันต์ยังคงเงียบและมองผมอยู่แบบนั้น ทำให้ผมพยายามพูดต่ออีกครั้งจะหาว่าโน้มน้าวใจน้องก็ย่อมได้ หรือจะเรียกว่าตัดพ้อขอให้น้องเห็นใจก็ได้อยู่เหมือนกัน “พี่รักกันต์นะ หลายวันที่ผ่านมามันทำให้พี่แน่ใจว่าพี่รักกันมากกว่าที่คิด”

      
            “พี่คิดดีแล้วเหรอครับ”
      
      
            “ครับ ไม่ใช่แค่กันต์ที่กลัว พี่ก็กลัวเหมือนกัน แต่ถ้าเราจับมือก้าวผ่านความกลัวทุกอย่างไปด้วยกัน พี่ว่ามันต้องดีกว่าแน่ ๆ” ผมกระชับมือน้องเอาไว้แน่นหนาพร้อมกับมองคนตรงหน้าด้วยสายตาวาดหวัง

      
            “ครับ ลองดูครับ” น้องตอบเสียงอ้อมแอ้มคล้ายจะเขินอายหน่อย ๆ สองมือเรียวจับกระชับคืนมาจนทำให้ผมรู้สึกอุ่นไปทั้งหัวใจ ก่อนจะหยัดตัวยืนเข่าแล้วสอดแขนไปรอบเอวน้องช้า ๆ แล้วกอดน้องจนแทบจะจมลงไปกับอก

      
            “ขอบคุณนะครับ ขอบคุณจริง ๆ” ผมซบลงกับลาดไหล่ที่บางกว่าผมคนนี้ตั้งเยอะแต่สามารถแบกรับความรู้สึกต่าง ๆ รับมือกับหลายอย่างได้ดีกว่าผมเสียอีก

      
            ผมไม่สามารถบรรยายความรู้สึกตอนนี้ออกมาเป็นคำพูดได้เลย มันเหมือนกับว่าอะไรบางอย่างภายในที่ว่างเปล่ามาตลอดทั้งชีวิตถูกเติมเต็ม ราวกับสลักความต้องการมันถูกปลดล็อกออกจนหมดสิ้น เราโอบกอดกันด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มีและแม้ว่าบางส่วนจะแตกสลายไป ผมก็เชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไปเราจะสามารถสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้โดยไม่ต้องไปกอบกู้ซากปรักหักพังให้เจ็บซ้ำ

      
            จากนั่งกอดก็ขยับตัวขึ้นมานั่งพิงพนักโซฟาแล้วดึงกายผอมของน้องให้ซ้อนตัก ปล่อยให้ร่างกายได้สัมผัสไออุ่นซึ่งกันและกัน แต่เชื่อผมเถอะว่าความต้องการลึก ๆ ในตอนนี้มันไม่ได้หยุดอยู่ที่กอดกันเลย

      
            ถ้าน้องรู้มีหวังผมหัวแบะแน่นอน

      
            ผมยังใช้ความเนียนของตัวเองถูไถปลายจมูกไปทั่วกลุ่มผมและกรอบหน้าของน้อง จนกระทั่งวนกลับมาที่ริมฝีปากอิ่มที่ถูกน้องขบกัดเอาไว้เบา ๆ ยิ่งมองก็ยิ่งอยากสัมผัส ผมเลื่อนใบหน้าตัวเองเข้าไปใกล้จนระยะห่างของปากเราเหลือเพียงนิดเดียว และค้างไว้อยู่เช่นนั้นก่อนจะสบตาน้องเป็นการขออนุญาต

      
            ทันทีที่ดวงตาเรียวเล็กปิดลงผมจึงถือวิสาสะว่านั่นเป็นคำอนุญาต แนบชิดอวัยวะเดียวกันให้ประกบเข้าด้วยกัน ลองลิ้มชิมรสสัมผัสความนุ่มนิ่มที่ต่อไปนี้จะมีเพียงแค่ผมที่ได้สามารถแตะต้องได้ ผมจบอยู่เพียงแค่เท่านั้นไม่ได้รุกล้ำเข้าไปให้น้องรู้สึกไม่ดี

      
            “พี่รักกันต์นะ ... พี่รักกันต์” ผมพูดในขณะที่ยังไม่ได้ขยับไปไหน มุมปากเล็กนั่นยกขึ้นจนกลายเป็นรอยยิ้มที่ผมคิดถึงมาตลอดหลายวันนี้ ก่อนจะถูกเจ้ากระต่ายโอบรอบคอแล้วกดจูบลงมาเสียเอง เรียวลิ้นเล็กของน้องแตะไประหว่างรอยแยกของริมฝีปาก ผมเผลอหยุดหายใจแต่สุดท้ายก็ยอมเปิดปากให้คนซนเข้ามา

      
            ความหวานของจูบที่ใครเขาว่ากัน ในวันนี้ผมค้นพบแล้วว่ามันไม่ใช่รสชาติภายในโพรงปากแต่มันหวานด้วยความรู้สึกของคนทั้งสอง หวานจนผมไม่อยากจะละจากไปไหน

      
            “อ อื้อ พี่แทน”

      
            แต่ก่อนที่มันจะเลยเถิดจนหยุดไม่อยู่ เสียงของน้องก็เรียกสติผมขึ้นมาอีกครั้งและพบว่ามือทั้งสองของตัวเองกำลังสัมผัสกับเอวภายใต้เสื้อเชิ้ตของน้อง ก็ว่าทำไมมันนิ่มจัง แต่ให้ตายเถอะเลือดจะขึ้นหน้า แทนที่ผมจะปล่อยมือออกกลับกระชับเอวน้องเอาไว้แน่นจนเจ้าตัวส่งเสียงประท้วง

      
            “พี่แทน” เสียงของกระต่ายน้องอ้อมแอ้มในคอมาพร้อมกับดวงตาที่ช้อนมองมา ยิ่งทำให้ผมไม่อยากหยุดแต่ก็ต้องห้ามตัวเองเอาไว้ จึงสูดลมหายใจเพื่อตั้งสติบอกลูกชายตัวเองให้กลับไปสงบแล้วค่อย ๆ ถอนมือออกจากเอว

      
            “หนูอย่าขยับ”

      
            “ห้ามเรียกหนู!” กระต่ายพยศตีลงมาที่แขนของผมอย่างไม่เบาแรง แต่หน้าที่ขึ้นสีแดงนั่นทำให้ผมรู้ว่าน้องไม่ได้โกรธอะไรจริงจัง น้องทำท่าจะลุกขึ้นจากตักผมแต่คงเพราะนั่งนานเหน็บชาจึงทักทาย ทำให้ทรุดฮวบลงที่หน้าขาผมเช่นเดิม

      
            แต่เหมือนน้องจะไม่รับรู้ถึงอันตรายอะไรเพราะยังขยับตัว ขยับขาเพื่อคลายความเหน็บชาอยู่แบบนั้น มันจะไม่เป็นอะไรเลยถ้าน้องไม่ได้นั่งคาบเอวผมและความนุ่มนิ่มของน้องกำลังปลุกให้ไอ้แทนน้อยตื่น ให้ตายเถอะกระต่ายตัวซน

      
            “ไปอาบน้ำไหม จะได้สบายตัว” ฟ้าเริ่มหม่นแสงคิดเอาเองในหัวว่ามื้อเย็นจะพาน้องไปดินเนอร์ร้านสวย ๆ สักหน่อยเป็นการฉลอง

      
            “ขี้เกียจอ่า”

      
            “ไม่ดื้อสิ เดี๋ยวตอนเย็นพี่พาไปดินเนอร์ดีไหม”
   
      
            “กันต์อยากกินบุฟเฟ่ต์ทะเล พี่แทนพากันต์ไปนะ ...​ นะ ๆ” เอาล่ะสิแล้วคนรักกระต่าย หลงกระต่ายจะตายจะฝ่าฝืนอะไรได้นอกจากยอมพยักหน้า แม้ร้านในหัวจะคิดไว้คือ roof top ตามโรงแรมก็เถอะ

      
            “ได้ครับ งั้นไปอาบน้ำนะ เดี๋ยวพี่ดูร้านให้”

      
            “โอเคครับ ขอบคุณนะครับ” น้องลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งไปทางห้องนอน ผมหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงที่ร่าเริงและรอยยิ้มหวานจากคนรักที่พ่วงตำแหน่งคู่ชีวิต ทำหน้าที่พ่อบ้านด้วยการเสิร์ชหาร้านอาหารตามใจคุณเขา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจ้าเด็กที่ผมบอกให้ไปอาบน้ำวิ่งกลับมาพร้อมกับผ้าผืนเดียวพันรอบเอว

      
            “ก กันต์”

      
            “กันต์ลืม ฟอด! ขอบคุณจริง ๆ นะครับ” ผมเผลอนิ่งค้างไปกับความขาวที่กระแทกตาเข้าอย่างจังไหนจะยังทำตัวซนวิ่งมาหอมแก้มอีก ให้ตาย ๆ สงสัยต้องไปวัดความดันกับตรวจคลื่นหัวใจหน่อยแล้ว กลัวจะวายไปเสียก่อน

      
            “แต่เอ๊ะ ...​” เมื่อกี้ถ้าผมเห็นไม่ผิดเลขบนอกยังไม่กลับมาที่ 50 แม้จะขยับมาใกล้กว่าเดิมแล้วแต่ก็ยังห่างอยู่ดี ลุกขึ้นเดินเข้าห้องไปยืนหน้ากระจกถกเสื้อตัวเองขึ้นดูบ้าง

      
            จากยี่สิบกว่า ๆ ขยับมาที่สี่สิบ

      
            “กันต์ครับ!!” ผมเดินไปหน้าประตูห้องน้ำตะโกนฝ่าเสียงสายน้ำเข้าไป

      
            “ครับพี่แทน”

      
            “เลขของกันต์เท่าไรแล้วครับ”

      
            “​… 60 ครับ เอ๋ ทำไมมันไม่กลับมาที่ 50 ล่ะครับพี่แทน!”

      
            “อย่าคิดมากเลยครับ เดี๋ยวมันก็คงจะดีขึ้น” ผมเอ่ยปลอบไม่ให้น้องวิตก แต่ตัวเองกลับมานั่งกุมขมับคิดว่าเพราะอะไรทำไมตัวเลขถึงไม่กลับมาที่เดิม

      
            หรือเป็นเพราะครั้งนี้เราผิดใจกันค่อนข้างรุนแรง การกอด การจูบจะไม่ส่งผล

      
            นัยน์ตาเบิกกว้างพร้อมกับรีบเงยหน้ามองตัวเองผ่านกระจก หูของผมกำลังแดงจัดเชียวล่ะ! จู่ ๆ ภาพของน้องที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเมื่อครู่ก็วิ่งย้อนกลับเข้ามาในหัว หัวใจเต้นกระหน่ำจนแทบจับจังหวะไม่ได้ ผมค่อนข้างแน่ใจว่าความคิดตัวเองถูกต้องอยู่เหมือนกัน

      
            ทางเดียวที่จะทำให้เรากลับมาเป็นคู่ที่สมบูรณ์ได้อีกครั้ง ต้องทำการชาร์จแบตความเป็นคู่กันด้วยขั้นตอนสูงสุด!

      
            “บ้าเอ๊ย”









To be continued.
_____________________________________

TALK : อย่าเพิ่งเกลียดนังพี่พระเอกของเลาาา
พี่เขากลับมาทวงบัลลังก์แล้ววว อิอิ

ตอนนี้เขียนยากมาก เราเขียน ๆ ลบๆ อยู่หลายครั้งเลย
เพราะกลัวว่าจะอ่านไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจตรงไหนถามได้เลยนะคะ

ส่วนอะไรที่ยังค้างอยู่ในตอนนี้จะมีในตอนต่อ ๆ ไป
รวมถึงสิ่งที่อยู่ในความคิดของพี่แทนด้วย *กัดหมอนแน่น*
ฝากคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้กันด้วยน้า

TWITTER (https://twitter.com/19august___)



#ครึ่งชีวิตของผม
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER10 3/8/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 04-08-2018 22:29:24
 :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER10 3/8/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 04-08-2018 23:21:12
แหม่ ง้อน้องขั้นสุดอ้ะ

แล้วตัวเลขของรักล่ะ  ความรักที่เป็นทุกข์ทำให้เลขลดลงไหม
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER10 3/8/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 06-08-2018 00:34:17
สิบตอนที่ผ่านมาทำให้เห็นได้เลยว่าไม่มีใครดีได้ทุกอย่าง
ทั้งพี่และน้องต่างก็มีเรื่องของตัวเอง แต่ก็เคลียร์กันได้แล้วว
แล้วต้องง้อน้องแบบขั้นสุดงี้เหรอ
ดินเนอร์นี้ท่าทางจะเป็นบุฟเฟต์ทะเลหวานสินะคะ
หัวข้อ: Re: (TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม (update!! CHAPTER11 12/8/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 12-08-2018 19:56:12

CHAPTER 11

I still remember the night i fell in love with you.






      
            กันต์ใช้เวลาอาบน้ำนานกว่าปกติเล็กน้อยอาจเป็นเพราะสายน้ำเย็น ๆ ที่ไหลผ่านร่างกายทำให้ผ่อนคลายจากเรื่องราวเครียดที่กัดกินใจเขาตลอดหลายวันที่ผ่านมา และพอได้ใช้เวลากับตัวเองก็ย้อนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะจากพี่แทนคุณหรือพี่แทนรักก็ทำให้เขาสะเทือนใจทั้งนั้น อีกทั้งยังรู้สึกไม่ดีกับผู้หญิงอย่างนิลินมากขึ้นไปอีกเพราะผู้ชายดี ๆ สองคนไม่ควรมาเจอคนเห็นแก่ตัวเองแบบนี้เลย

      
            ทุกอย่างที่ได้ฟังใช่ว่าจะทำให้ความรู้สึกเขากลับมาเป็นปกติได้ทั้งหมด เรียกว่าเข้าใจได้น่าจะดีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมาจากเพราะความไม่รู้และความเห็นแก่ตัวของคน จะให้เขากล่าวโทษใครไปตอนนี้มันก็เท่านั้น ได้แต่หวังว่าเวลาจะช่วยเยียวยาพี่ทั้งสองคน

      
            และเพราะเรื่องนี้ทำให้กันต์เรียนรู้ว่าต่อให้เป็นคู่ชะตาฟ้าลิขิตอย่างไรก็ใช่ว่าจะเข้ากันได้ดีเสมอไป จริงอยู่คนที่เป็นคู่แท้ย่อมต้องเข้ากันได้ดีกว่าคนอื่น ถึงอย่างนั้นทุกคนก็เป็นปุถุชนที่ต้องมีกิเลสในใจตัวเอง ต่อให้ฟ้ากำหนดว่าเป็นคู่กันแต่ถ้าไม่รัก ไม่ซื่อสัตย์ หัวใจมันไม่ได้สัมพันธ์กับร่างกาย ความเป็นคู่กันก็ไม่ได้เกิดประโยชน์

      
            ถ้าเมื่อใดในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่แปรผกผันกันนั่นก็ย่อมเจ็บปวดเป็นธรรมดา แต่ทุกคนมีทางเลือกเป็นของตัวเอง เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็ได้แต่หวังว่าพี่แทนรักจะเลือกทางที่ตัวเองบาดเจ็บน้อยที่สุด

      
            แต่เรื่องของคนอื่นน่ะช่างมันก่อนแค่เรื่องของตัวเองยังเอาไม่รอด เมื่อครู่ที่พี่เขาถามว่าตัวเลขกลับมาที่ 50 หรือยัง เขาเองก็ไม่ทันได้สังเกตเพิ่งมาเห็นเหมือนกันว่ามันยังไม่กลับมาปกติ เพียงเท่านี้ก็รู้ว่าการปรับความเข้าใจ การสัมผัสที่ทำกันอย่างทุกครั้งยังไม่เพียงพอกับความรู้สึกที่เสียไป


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

      
            “กันต์ ... กันต์! เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมอาบน้ำนานจัง” เสียงเจ้าของห้องดังเข้ามาทำให้กันต์รีบปิดฝักบัวและห่อหุ้มร่างกายด้วยผ้าเช็ดตัว สำนึกได้ว่าอาบนานเกินไปจริง ๆ ก็ตอนเห็นนิ้วมือตัวเองเปื่อยย่น

      
            “ครับ ๆ เสร็จแล้วครับ กันต์กำลังแต่งตัวอยู่”

      
            ตุ๊กตาหน้ารถหนึ่งเดียวเหลือบมองร่างสูงใหญ่ของคนด้านข้างด้วยความสงสัย ตั้งแต่ออกมาจากห้องพี่เขาก็ดูเหมือนมีอะไรในใจ แต่กันต์ก็ไม่ใช่คนชอบเซ้าซี้จึงอดทนรอให้พี่เขาเป็นฝ่ายพูดเองคงจะดีกว่า ดูท่าทางแล้วไม่น่าใช่เรื่องใหญ่อะไรมากนักหรอกมั้ง แค่เหมือนคนกำลังใช้ความคิดตลอดเวลาเท่านั้น

      
            จากคอนโดมาถึงร้านบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลแถบชานเมืองใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง ดีที่ว่าแทนคุณโทรมาจองโต๊ะก่อนไม่อย่างนั้นช่วงเวลามื้อเย็นแบบนี้โต๊ะคงจะเต็มแน่นอน เข้ามาถึงด้านในพนักงานของทางร้านพามาจนถึงโต๊ะที่จองเอาไว้เป็นโต๊ะสำหรับสองที่นั่งติดริมทะเลสาบของทางร้าน ลมเย็นกับท้องฟ้ายามโพล้เพล้ประดับแสงสีม่วงอมส้มส่งผลให้ดูโรแมนติกมากกว่าที่คิด

      
            “ร้านสวยมากเลยครับพี่แทน กันต์ไม่เคยมาร้านนี้เลย พี่แทนรู้จักได้ยังไง” คนน้องที่กำลังตื่นเต้นกับบรรยากาศร้านและส่วนกลางบุฟเฟ่ต์ที่เต็มไปด้วยอาหารทะเลสด ๆ มากมายเอ่ยถามด้วยแววตาพราวระยับ

      
            “ร้านของคนรู้จักพี่เอง”

      
            “ดีจัง ขอบคุณนะครับ”

      
            “เอ้าสั่งซะ อยากกินอะไรก็เต็มที่เลยนะ” แทนคุณพูดพลางเลื่อนเมนูไปให้น้องพร้อมลูบหัวเล็กน้อยก่อนจะได้รับรอยยิ้มคืนมา เพียงแค่รอยยิ้มของน้องนี่แหละที่คนอย่างเขายอมพาตัวเองขับรถนาน ๆ มาถึงนี่ เพราะเป็นคน ๆ นี้แทนคุณจึงยอมทุกอย่าง

      
            “กันต์ขอถ่ายรูปก่อนนะพี่” กันต์รีบพูดทันทีที่อาหารทยอยเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ คนเด็กกว่ากระตือรือร้นดูอารมณ์ดีจนคนพามาก็ดีใจ

      
            ร้านบุฟเฟ่ต์ทะเลแห่งนี้เป็นร้านที่เพียงแค่สั่งว่าอยากได้อะไร แบบไหน เท่าไร เขาก็จะไปจัดมาเสิร์ฟให้ บริการดี บรรยากาศเป็นใจ อาหารก็สด แน่นอนอยู่แล้วว่าราคาไม่มีทางธรรมดา แต่ก็อีกนั่นแหละเพื่อกระต่ายตัวน้อยแล้วแทนคุณยอมจ่าย

      
            “พี่แทนกินเถอะครับ เดี๋ยวกันต์แกะเองก็ได้” กันต์เอ่ยปากอย่างเกรงใจเมื่อพี่เขาเอาแต่แกะกุ้งกับปูให้เเสียจนเต็มจานต่างจากจานตัวเองที่มีแค่เปลือกเท่านั้น

      
            “เดี๋ยวพี่แกะให้เราก่อนก็ได้ จะได้ไม่เจ็บมือ”

      
            “พี่แทน กันต์เป็นผู้ชายนะไอ้พวกนี้กันต์กินเองแกะเองได้สบายมาก” คนน้องเถียงอีกครั้งด้วยความไม่คุ้นชินกับการถูกตามใจเท่าไรนัก เคยแต่เป็นฝ่ายตามใจคนอื่นเขา

      
            “พี่แค่เป็นห่วงแล้วก็อยากทำให้เฉย ๆ ... โอเค งั้นตัวนี้ตัวสุดท้าย” แทนคุณยอมวางกุ้งตัวสุดท้ายลงบนจานน้องแล้วหันมาแกะให้ตัวเอง กันต์อมยิ้มเมื่อเห็นคนโตกว่านั่งกินเงียบ ๆ ไม่หือไม่อือ กลายเป็นตอนนี้เขาโดนคนแก่งอนเสียแล้ว

      
            “พี่แทนครับ อ้าม อ้ามเร็ว” กุ้งตัวขาวอวบอาบไปด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดดูน่ากินถูกยื่นมาตรงหน้าของแทนคุณพร้อมกับรอยยิ้มของกันต์ที่หวานกว่ารสเนื้อกุ้งเสียอีก

      
            “ขอบคุณครับ” เพียงแค่เท่านี้คนที่แอบน้อยใจก็หายเป็นปลิดทิ้งราวกับเมื่อครู่ไม่ได้งอนน้องแต่อย่างใด

      
            ใช้เวลาอยู่กับอาหารทะเลตรงหน้าจนเกือบครบเวลา คนตัวผอมนั่งลูบพุงน้อย ๆ ของตัวเองที่ยื่นออกมาเพราะกุ้งหอยปูปลาเต็มกระเพาะ

      
            “หนังท้องตึงหนังตาหย่อนเลยนะ”

      
            “ฮื่อ อิ่มมากเลยพี่แทน ไม่ได้กินบุฟเฟ่ต์มานานแล้วอ่ะพอวันนี้มากินก็กินจนเหนื่อยเลย” หลังจากจัดการค่าอาหารที่แทนคุณไม่ยอมให้น้องช่วยจ่ายเสร็จเรียบร้อยก็พากันเดินออกจากร้าน ด้วยสภาพที่แทนคุณต้องคอยจับแขนคนเด็กกว่าเอาไว้เพราะดูท่าจะอิ่มจนเดินไม่ไหว

      
            “พรุ่งนี้ไม่มีเรียนใช่ไหม” แทนคุณหันมาถามเด็กน้อยของตัวเองที่นั่งเอนหลังเอียงหน้ามาทางนี้

      
            “ใช่ครับ”

      
            “งั้นพักแถวนี้สักคืนดีไหม พี่ไม่ไหวขับรถเข้าเมืองแล้วล่ะ”

      
            “แล้วพรุ่งนี้พี่ไม่ทำงานเหรอ”

      
            “ลาที่โรง’บาลไป 3 วันน่ะ”

      
            กันต์อยากจะแย้งแต่ก็ไม่อยากเถียงกับคนขับเพราะกว่าจะถึงคอนโดคงดึกมากแน่ ไหนจะก่อนหน้านี้เรายังทะเลาะกันหนักหน่วงถ้าได้ใช้เวลาด้วยกันสักหน่อยก็น่าจะดี จึงพยักหน้ารับก่อนจะปิดเปลือกตาลงอย่างง่วงงุนไม่รับรู้อะไรอีก

      
            แทนคุณขับห่างออกจากร้านอาหารแวะร้านขายเสื้อผ้าริมทางและร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อของใช้จำเป็นให้เรียบร้อย และขับต่อไปไม่กี่อึดใจก็มาถึงโรงแรมมชายทะเลไม่ไกลจากตัวเมืองหลวงเท่าไรนัก ความเงียบสงบของบ้านพักแต่ละหลังที่เรียงตัวกันริมทะเล นั่นทำให้แทนคุณคิดว่ามันคงจะดีไม่น้อยถ้าเขาและน้องได้สร้างความรู้สึกและความทรงจำดี ๆ ร่วมกันที่นี่

      
            “กันต์ตื่นก่อนครับ ถึงโรงแรมแล้วนะ”

      
            คนถูกปลุกทำหน้างอแงใส่แต่ก็ยอมลงจากรถเดินตามพี่เขาไปต้อย ๆ แต่พอเข้ามาถึงด้านในคนที่ง่วงเมื่อครู่ก็ตาสว่างเมื่อเห็นบริเวณโดยรอบของโรงแรมเป็นทะเล อีกทั้งการตกแต่งสไตล์ลอฟต์ก็ดูดีจนอดตื่นเต้นไม่ได้

      
            “เชิญทางนี้ครับ”

      
            พนักงานโรงแรมพามาขึ้นรถกอล์ฟเพื่อไปส่งยังบ้านพักที่แทนคุณได้เลือกเอาไว้ บ้านพักขนาดเล็กหนึ่งห้องนอนที่อยู่ห่างไกลจากล็อบบี้และนักท่องเที่ยว ส่วนคนน้องก็ไม่ได้สนใจอะไรมัวแต่มองบรรยากาศข้างทางไม่ได้สังเกตเลยว่า แววตาอบอุ่นใจดีของพี่เขาตอนนี้กำลังวาววับแค่ไหน

      
            “ยังง่วงอยู่หรือเปล่า” แทนคุณเดินเข้าไปยืนซ้อนหลังคนน้องที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศทะเลยามค่ำคืนอยู่

      
            “ไม่เลย ตอนนี้กันต์ตาสว่างมาก พี่แทนขับรถมาเหนื่อย ๆ ไปอาบน้ำแล้วนอนพักไหมครับ” แทนคุณส่ายหน้าก่อนจะวาดแขนโอบรอบเอวของน้องพลางวางคางลงบนบ่าแคบ

      
            คนถูกอ้อนกลาย ๆ อมยิ้มพลางวางมือทาบทับลงกับฝ่ามือใหญ่ ใบหน้าของพี่เขาซุกซบลงกับซอกคอและลาดไหล่อย่างถือโอกาส แต่เจ้าของร่างกายก็ไม่ได้คิดปริปากบ่นอะไรเพราะตอนนี้กันต์กำลังรู้สึกดีมากทีเดียว การที่เราได้เป็นที่รัก เป็นที่ต้องการของใครสักคนโดยไม่ต้องพยายามให้เหนื่อยมันดีจริง ๆ

      
            “ชอบไหม”

      
            “หมายถึงทะเล?”

      
            “หมายถึงพี่”

      
            “ฮ่ะ ๆ ... ไม่ว่าทะเลหรือพี่ กันต์ก็ชอบหมดนั่นแหละครับ” กันต์เอียงหน้าหลบสายตาคมกริบของคนพี่ที่จ้องไม่วางตา เขินจนอยากจะเดินหนีแต่ก็ติดว่าเอวยังถูกรวบกอดเอาไว้อย่างแน่นหนา

      
            “กันต์” เสียงเรียกชื่อมาพร้อมกับปลายจมูกโด่งที่คลอเคลียอยู่ข้างแก้ม ทำเอาคนถูกเรียกถึงกับขนลุกซู่ทำตัวไม่ถูกกับการกระทำของพี่เขา

      
            “ครับ”

      
            “พี่ขอบคุณจริง ๆ นะที่ยอมฟังพี่และยังอยู่กับพี่ตรงนี้” กันต์คล้ายกับคนหูอื้อตาพร่าไปหมดเมื่อคนด้านหลังไม่ยอมพูดเปล่ากลับทั้งคลอเคลียทั้งกดจูบย้ำ ๆ อยู่ข้างแก้มและซอกคอ มือขาวกำราวระเบียงบ้านเอาไว้แน่นเพื่อตั้งสติตัวเอง

      
            “ค ครับ อื้อ พี่แทน ​.. เดี๋ยวครับ อื้อ ฟังกันต์พูดก่อน” คนถูกหยอกเย้าขืนตัวเอาไว้แล้วดันพี่เขาให้ห่างออกจากกายเล็กน้อยก่อนจะหันมาเผชิญหน้าจึงได้สบเข้ากับดวงตาคมกริบที่มองมา กันต์กำลังรู้สึกราวกับว่าตัวเองเปลือยเปล่าเพียงแค่ถูกจับจ้อง ทำเอาเลือดลมในกายพุ่งทะยานจนผิวขาว ๆ เริ่มแดงเถือก

      
            “หืม ว่าไงครับ” แทนคุณกักตัวน้องเอาไว้ด้วยแขนทั้งสองข้างที่วางลงราวระเบียง

      
            “กันต์อยากจะขอว่า ต่อไปนี้มีอะไรก็คุยกันบอกกันตรง ๆ นะ”

      
            แทนคุณอยากจะบ้าตายจากตอนแรกที่ถูกน้องดันออกมาแต่ตอนนี้กลับถูกกระต่ายใช้ดวงตากลมสีดำสนิทของตัวเองช้อนมอง น้องอาจจะทำไปโดยไม่รู้ตัวแต่เขาที่ใจไม่บริสุทธิ์แต่แรกนี่สิที่กำลังจะคลั่งตาย

      
            “ตกลงครับ”

      
            “งั้นเรา— อื้อ!!”

      
            ปากเล็กที่ขยับขมุบขมิบแลดูนุ่มนิ่มถูกคนเจ้าเล่ห์ครอบครองอย่างไม่ทันตั้งตัว ถึงอย่างนั้นกันต์ก็ไม่ได้ขัดขืนปล่อยให้อีกคนตักตวงจากริมฝีปากตัวเองพลางจูบตอบกลับไป

      
            แทนคุณผละออกมาแล้วใช้นิ้วมือลูบไล้ปากเริ่มบวมเจ่อของน้องเบา ๆ เป็นการขอโทษเพราะเมื่อครู่อดใจไม่ไหวจึงใจร้อนใส่ ถึงจะกลัวอีกฝ่ายเจ็บแต่ก็ยังไม่ยอมเลิกคลอเคลีย ปลายจมูกโด่งไล้ไปตามแก้มนุ่มจนถึงลำคอยาวที่เชิดขึ้นเล็กน้อย ทำให้กลายเป็นเปิดทางให้คนเลี้ยงกระต่ายแสนเจ้าเล่ห์ได้สัมผัส แรงขบและดูดเบา ๆ ก็ทำให้เป็นรอยแดงจาง ๆ ได้เหมือนกัน

      
            “พี่ขอได้ไหม”

      
            กันต์ไม่ใช่คนไร้เดียงสาขนาดนั้นการสัมผัสกันมันเป็นเรื่องปกติของคนรักกัน และรู้ดีว่าอารมณ์ของเราทั้งคู่ในเวลานี้มันมากเกินกว่าใกล้ชิดทั่วไปที่เคยทำกันมา ก็พอจะเดาเหตุผลที่ทำให้พี่เขาเป็นแบบนี้ได้อาจจะเพราะตัวเลขบนอกของเราหรืออาจจะเป็นเพราะบรรยากาศและอารมณ์ที่พาไป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้กันต์คิดจะปฏิเสธ เพราะไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรกันต์ก็ยินยอมที่จะเป็นของพี่เขาทั้งหมด

      
            ดวงตาเรียวที่เปิดอยู่เพื่อสบตาคนตรงหน้าค้นหาความมั่นใจก่อนจะค่อย ๆ ปิดลงเป็นเชิงยินยอมเรื่องราวต่อจากนี้ เพราะความรู้สึกที่ตรงกัน ความต้องการที่เหมือนกัน นั่นจึงทำให้กันต์ยอมปล่อยทั้งหัวใจและร่างกายของตัวเองให้กับอีกคนช่วยดูแล

      
            แทนคุณดึงน้องให้นั่งลงทับตักตัวเองโดยที่ริมฝีปากของเราทั้งคู่โรมรันไม่ห่างกันสักวินาที มือทั้งสองวางลงบนเอวของน้องบีบเค้นอย่างมันส์มือ ไม่ต้องเดาก็คงจะรู้ว่าตอนนี้ผิวเนื้อขาวของกันต์กำลังแดงจัดจากฝีมือของเขา

      
            “อ อื้อ”

      
            ใบหน้าน่ารักราวกับกระต่ายในสายตาของแทนคุณเชิดขึ้นเมื่อถูกโอ้โลมจนตัวกันต์อ่อนปวกเปียก ต่างคนต่างช่วยกันปลดกระดุมเสื้อจนกระทั่งร่างของเราทั้งคู่เปลือยเปล่า

      
            ภายใต้ร่มผ้าที่แทนคุณได้เห็นนั้นทำเอาแทบจะอดใจไม่ไหว น้องที่แม้จะตัวเล็กกว่าเขาแต่ก็ยังสูงโปร่งทำให้ร่างกายส่วนบนดูเพรียวระหง ช่วงเอวบางทว่าก็มีน้ำมีนวลเล็กน้อยจากความเป็นคนชอบกิน ไหนจะยังจุดเล็ก ๆ สีอ่อนทั้งสองข้างของน้องดูน่ารักน่ารังแกจนแทนคุณรีบใช้ปากของตัวเองเพื่อทำการครอบครอง

      
            “พ พี่แทน อื้อ ฮะ อึก”

      
            เพราะอกทั้งสองข้างถูกสัมผัสจากการโลมเลียและดูดดุนทำให้ร่างกายของกันต์บิดพริ้วไปมาเพราะความรู้สึกหวิวไหวตีขึ้นมาในช่วงท้อง ในขณะที่แผ่นหลังแอ่นสู้กับริมฝีปากของพี่เขา ช่วงสะโพกก็ขยับไปมาเสียดสีกับหน้าขาของอีกฝ่ายจนทำให้อะไร ๆ สัมผัสกัน

      
            “เข้าไปในห้องกันดีกว่า” แทนคุณช้อนใต้สะโพกของน้องอุ้มพากลับเข้ามาในห้อง ด้วยกลัวว่าถ้าจะบรรเลงเพลงรักริมระเบียงท่ามกลางอากาศเย็น ๆ ในช่วงกลางคืนน้องจะไม่สบายไปเสียก่อน

      
            แผ่นหลังเปลือยสัมผัสกับความนุ่มของที่นอนร่างกายปล่อยไปตามแรงโน้มถ่วง ทั้งเนื้อทั้งตัวของกันต์เหลือเพียงกางเกงเท่านั้นที่ต่อมาก็ถูกแทนคุณลอกคราบออกจนเหลือเพียงแต่ผิวหนัง เฉกเช่นเดียวกันกับร่างกายสูงใหญ่ตามกรรมพันธุ์และการออกกำลังกายของแทนคุณก็ไร้อาภรณ์ปกคลุม จึงทำให้เห็นกล้ามเนื้อทุกสัดส่วน  คนตัวโตยืนเข่าอยู่ปลายเตียงมองน้องที่นอนบิดกายไปมาอย่างเขินอายด้วยแววตาที่สื่ออารมณ์ทุกอย่าง

      
            เขาเข้าไปสอดหน้าขาข้างใต้ร่างของน้องทำให้ช่วงสะโพกลอยไม่ติดพื้นเตียง ก้อนเนื้อนุ่มทั้งสองด้านหลังแนบไปกับต้นขาแกร่ง แทนคุณมองตัวเลขสีเหลืองบนตำแหน่งขั้วหัวใจที่กำลังวิ่งวนไปมาก่อนจะกดจูบลงไป กดย้ำอยู่แบบนั้นทำเอาคนถูกจูบเขินอายแต่ก็ลุกขึ้นสู้ด้วยการจูบลงบนตำแหน่งเดียวกันบนร่างกายของพี่เขา แทนคำพูดและความรู้สึกภายใน

      
            “อ๊ะ! พ พี่!” กันต์หวีดร้องเสียงดังเมื่อถูกแตะลงบนปลายหัวมนในช่วงที่กำลังเคลิบเคลิ้มไม่ทันตั้งตัว ส่วนที่มีแต่เขาเคยสัมผัสเท่านั้นในเวลานี้กลับถูกอีกฝ่ายรับมันเข้าไปในโพรงปาก

      
            สัมผัสลามเลียตั้งแต่โคนจรดปลายแก่นทำเอาความรู้สึกลุกโชน กันต์ตัวสั่นระริก ปลายเท้าที่ลอยอยู่จิกเกร็งกลางอากาศ บิดเอวไปมาเพื่อบรรเทาเอาความเสียดเสียวแต่มันกลับยิ่งทำให้รู้สึกมากกว่าเดิม พอใกล้ถึงปลายทางกันต์พยายามดันพี่เขาออกแต่ไม่เป็นผล หยาดน้ำรินไหลและแทนคุณรับมันเข้าไปบางส่วนด้วยความเต็มใจ

      
            ส่วนกายร้อนผ่าวแตะหยอกเย้ากระเซ้าอยู่ปากทาง ทำเอาคนถูกแกล้งครางฮือออกมาอย่างน่าสงสาร สะโพกกลมส่ายไปมาเพื่อร้องขอการเติมเต็ม คนเป็นพี่ยิ้มร้ายเมื่อเห็นท่าทางยั่วยวนไม่ได้ตั้งใจของคนน้อง หลังจากเปิดปากทางได้สักพักก็ดาหน้าเข้ามาอย่างเต็มกำลัง

      
            “บ เบา พี่”

      
            แทนคุณเคยมีประสบการณ์มาบ้างแต่กับผู้ชายนี่คือครั้งแรกเช่นกัน ไม่เคยนึกถึงตอนที่ตัวเองจะมีคู่แท้เป็นผู้ชายเลยสักครั้งแม้มันจะมีโอกาสเป็นไปได้ก็ตาม แต่พอถึงเวลาแทนคุณก็พบว่ามันมีความต่างอยู่ไม่น้อย ไม่ใช่ความต่างทางเพศสภาพทว่าเป็นความต่างทางความรู้สึก

      
            การมีเซ็กส์กับการร่วมรัก เขาเพิ่งเข้าใจในตอนนี้ ตอนที่เขาค่อย ๆ ปลอบประโลมน้อง ค่อย ๆ อ่อนโยน ค่อย ๆ ใส่ตัวตนของเขาเข้าไป ตอนที่เราได้จับมือกันระหว่างจะไปถึงขั้วสุดของอารมณ์ ตอนที่เราจูบพร้อมกับมองตากัน ตอนที่ความรู้สึกของเราสอดประสานเป็นหนึ่งเดียว ตอนนั้นที่แทนคุณได้เข้าใจถึงความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างคู่แท้ มันกำลังผูกเราเอาไว้ด้วยกันทั้งหัวใจและร่างกาย

      
            “อ่ะะ!!”

      
            ช่วงเวลาที่เสียงครางต่ำเคล้าคลอกับเสียงคลื่นลม ส่วนหนึ่งของเราทั้งคู่พุ่งทะยานคล้ายกับพลุที่ถูกจุดประกายเต็มท้องฟ้า เมื่อเราบอกรักกันผ่านภาษากายในตอนนั้นเองที่ตัวเลขสีเหลืองขยับกลับมาที่กึ่งกลาง

      
            “พี่รักกันต์”
      
      
            ในคืนนั้นเราทั้งคู่จมสู่ห้วงความฝันที่มีแต่เราทั้งสองตระกองกอดอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน เป็นคืนที่ทำลายฝันร้ายตลอดหลายวันที่ผ่านมาจนแทบหมดสิ้น รอเพียงเวลาที่จะเยียวยาเศษความรู้สึกบางอย่างให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้งเท่านั้นเอง



2 มีนาคม 2xxx

      

            หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างกันต์และแทนคุณก็ดำเนินไปได้ด้วยดี ดีเสียยิ่งกว่าดี ดั่งที่เขาบอกกันว่าหลังพายุฝนเราจะพบสายรุ้งที่สวยงาม ในตอนแรกหลังจากเลิกเรียนกันต์กะไว้ว่าจะไปหาพี่เขาที่โรงพยาบาลแต่เมื่อส่งข้อความไปก็ถูกปฏิเสธเนื่องจากวันนี้พี่เขาต้องเข้าประชุมของพวกหมอด้วยกัน อะไรสักอย่างที่เขาเองก็ไม่เข้าใจนัก

      
            นอนกลิ้งไปกลิ้งมาเพื่อรอมื้อเย็นฝีมือแม่อย่างทุกวัน เล่นเกมจนเบื่อหน่ายก็เปลี่ยนกลับมาที่แอคเคาท์ออนไลน์ต่าง ๆ ของตัวเอง สอดส่องเรื่องราวของชาวบ้านไปตามประสา จนกระทั่งโทรศัพท์สั่นเตือนข้อความเข้าเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็เกือบทำโทรศัพท์ตกใส่หน้าตัวเอง


PAANN : สวัสดี ๆ กันต์ใช่ไหม นี่แพนเองนะะ
      
      
            ตั้งแต่วันที่แลกไอดีกันไปก็เป็นครั้งแรกที่ได้คุยกัน กันต์เผลอมีความสุขจนลืมว่ายังมีอีกหนึ่งปัญหาที่กำลังรอให้แก้ไข ให้ตายเถอะ ปุณณกันต์มึงมันโง่จริง ๆ ลืมเรื่องสำคัญขนาดนี้ได้ยังไง เขาได้แต่ตีอกชกหัวตัวเอง


หวัดดีครับแพน : Punnakann


PAANN : กันต์ทำอะไรอยู่
PAANN : เราทักมากวนหรือเปล่า


เรานอนเล่นอยู่ ไม่กวน ๆ : Punnakann
แพนมีอะไรเหรอ : Punnakann


PAANN : พอดีเรามีเรื่องจะรบกวนกันต์หน่อยจ้า
PAANN : เรากำลังทำพรีเซนเทชั่นโปรเจกต์
PAANN : แล้วมันต้องถ่ายรูปงานที่เราออกแบบน่ะค่ะ
PAANN : กันต์จะมาช่วยเราได้ไหมคะ .__.
PAANN : คือ หรือถ้ากันต์ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรน้า


ถ่ายงานอะไรเหรอ พวก landscape หรือ portrait ครับ : Punnakann


PAANN : แลนด์สเคปจ้า ๆ เป็นแบบออกแบบตกแต่งห้องน่ะ


ช่วงไหนเหรอ : Punnakann


PAANN : อาทิตย์หน้าค่ะ

      
            กันต์กำลังใช้ความคิดอย่างหนักเพราะตัวเองก็พอมีฝีมือด้านนี้อยู่บ้างจากการเรียนและรับจ็อบถ่ายให้พวกรุ่นพี่มา ถ้าจะให้ช่วยก็ช่วยได้แต่คงต้องลากไอ้ดิมไปด้วยกันเพราะเขาไม่อยากให้มีปัญหาหรือมีอะไรเกิดขึ้นมากกว่าการเพื่อนช่วยงานเพื่อน


ได้นะ เดี๋ยวเราไปช่วยได้ : Punnakann
เดี๋ยวเราลากไอ้ดิมไปด้วย ไอ้นี่ก็ถ่ายรูปเก่ง : Punnakann


PAANN : หูยย ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะกันต์
PAANN : ขอโทษด้วยจริง ๆ ที่ต้องรบกวน
PAANN : เดี๋ยวงานเสร็จอยากได้อะไรอยากกินอะไรบอกได้เลยนะ
PAANN : *Sent sticker*
      
      
            เขาทำเพียงแค่กดสติกเกอร์โอเคและส่งข้อความปิดท้ายว่าจะให้ไปวันไหนก็ให้บอกได้เลย ก่อนจะกดออกจากห้องสนทนา ไม่อยากต่อให้ยาวสาวให้ยืด จากตอนแรกที่คิดจะโพล่งบอกไปเลยก็กำลังคิดว่าจะใช้โอกาสนี้สังเกตท่าทีของแพน หากมันเป็นไปอย่างที่เขาและดิมคิดก็จะได้ปฏิเสธไปให้ชัดเจนในตอนนั้น แต่ถ้าไม่ใช่ เป็นเขาคิดมากไปเอง อย่างน้อยก็จะได้ไม่เสียเพื่อน

      
            “กันต์ กันต์ครับ เย็นแล้วไปกินข้าวกัน” แรงเขย่าที่แขนและเสียงทุ้มที่กระซิบข้างหูเพื่อปลุกคนกำลังนอนหลับตาพริ้มจนลืมเวลากินข้าว

      
            “อื้อ แม่เดี๋ยวกันต์ลงไป” กระต่ายน้องของพี่แทนคุณไม่ยอมตื่นขึ้นมาง่าย ๆ หันหนีเสียงเรียกด้วยการมุดหน้าลงกับหมอนนุ่มแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมตัว แต่คนปลุกก็ไม่ย่อท้อสอดตัวแทรกเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันโอบรัดรอบตัวคนขี้เซาเอาไว้

      
            “ถ้ากันต์ไม่ตื่นไปกินข้าว กันต์จะถูกกินแทนแล้วนะ” แรงขบกัดตรงใบหูทำเอาคนนอนอยู่สะดุ้งเฮือกหันขวับมาหาตัวต้นเหตุ

      
            “พี่แทน!!”

      
            “พี่เอง”

      
            “มาได้ไงอ่ะ แล้วนี่ขึ้นมาได้ยังไง” กันต์พยายามดิ้นหนีแต่ก็ไม่เป็นผล แขนแข็งแรงทั้งสองข้างโอบรัดรอบเอวไว้แน่นไม่ปล่อยเหยื่อตัวเองไปง่าย ๆ

      
            “ก็ขับรถมา เสร็จแล้วก็เดินขึ้นมา”

      
            “ฮึ่ย ไม่ใช่สิ พี่เข้ามาในห้องกันต์ได้ยังไง แล้วพ่อกับแม่ล่ะ”

      
            “คุณพ่อกับคุณแม่นั่งรอเราอยู่ข้างล่างน่ะสิ ปะ ไปกินข้าวกัน” แทนคุณอุ้มน้องขึ้นจากที่นอนจนตัวลอย ทำเอากันต์นิ่วหน้าพลางคิดว่าตัวเบาขนาดที่พี่เขาสามารถอุ้มได้ง่าย ๆ ขนาดนี้เลยอย่างนั้นเหรอ แต่ก็คงใช่ เพราะวันนั้นพี่เขาก็อุ้ม ... เชี่ย! กันต์มึงคิดอะไรลามกวะเนี่ย

      
            “เอ้า ๆ หน้าแดง คิดอะไรลามกอยู่แน่ ๆ โดนอุ้มแค่นี้เอง”

      
            “พี่แทนอ่ะ! ปล่อยกันต์เลย ปล่อยสิครับจะล้างหน้า จะได้ไปกินข้าวไง” คนขี้แกล้งยอมปล่อยน้องลงกับพื้นพอตั้งหลักได้กระต่ายน้อยก็กระโดดพรวดเข้าห้องน้ำไป

      
            “อื้อออ พี่แทน”
      

            พอเดินออกมาจากห้องน้ำแก้มใสก็ถูกพี่เขาขโมยหอมไปฟอดใหญ่ จมูกกับปากจมลงไปกับเนื้อนุ่ม ๆ ของกันต์ ข้างเดียวไม่พอแทนคุณฟัดทั้งแก้มซ้ายแก้มขวาจนแก้มขึ้นสีแดง

      
            “ชื่นใจ หายเหนื่อยละ”

      
            “ขี้แกล้ง!” กันต์บึนปากใส่ก่อนจะรีบวิ่งหนีลงมาข้างล่าง โดยมีคนเจ้าเล่ห์เดินล้วงกระเป๋ากางเกงตามมาด้วยความขบขัน

      
            “ขอโทษที่ทำให้รอครับ” แทนคุณเอ่ยขอโทษผู้ใหญ่ทั้งสองที่ต้องรอนาน ทั้งที่เสนอตัวขออนุญาตไปปลุกน้องแต่ก็ชวนน้องเล่นจนเสียเวลา

      
            “ไม่เป็นไรจ้า นั่งเถอะ ๆ จะได้กินข้าว”

      
            บทสนทนาบนโต๊ะอาหารมีเพียงเสียงของพ่อแม่และแทนคุณเท่านั้นที่แลกเปลี่ยนเรื่องราวกันอย่างมีอรรถรส ส่วนลูกตัวจริงอย่างกันต์ได้แต่กินข้าวไปมองพ่อแม่ตัวเองและคนรักไปด้วยความสับสน ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมเขาไม่รู้

      
            “เอ้า ๆ ทำหน้างงอะไรแบบนั้นเจ้ากันต์” คนเป็นพ่อหันมาเห็นลูกชายตัวเองกำลังมองมาอย่างสงสัยก็เอ่ยแซวขึ้น

      
            “ก็งงสิพ่อ ทำไมพ่อกับแม่สนิทกับพี่แทนจังอ่ะ เพิ่งเคยเจอเองไม่ใช่เหรอ”

      
            “ไม่บอกหรอก”

      
            “พ่ออ่ะ ...​ แม่บอกกันต์หน่อย~” ถามพ่อไม่สำเร็จก็หันไปอ้อนแม่ที่นั่งอมยิ้มอย่างเดียวไม่ยอมพูด เรื่องแกล้งลูกน่ะขอให้บอกเลยเชียว พอเหลือบมองพี่เขาก็นั่งยิ้มลอยหน้าลอยตา ดูทรงแล้วคนนี้น่ะขี้แกล้งที่สุดคงไม่เล่าแน่ ๆ

      
            “เอาหน่า ไม่มีอะไรหรอก ผู้ใหญ่เขาคุยกัน แล้วเราน่ะก็อย่าดื้อกับพี่เขาให้มากรู้ไหม”

      
            “ถ้าน้องดื้อมากแทนจัดการได้เลยนะลูก แต่ยังไงแม่ก็ไม่รับคืนแล้วนะจ๊ะ”

      
            “ยินดีครับ”

      
            คนถูกแกล้งมุ่ยหน้าเมื่อถูกหยอกแต่ความรู้สึกภายในกลับเต็มตื้นและถูกเติมเต็ม เพราะชีวิตรักที่ผ่านมามีแต่ความเจ็บช้ำและไม่เที่ยงแท้ พอได้มาเจอ ได้สัมผัสกับคำว่าคู่แท้เหมือนอย่างคนอื่นเขา ก็โชคดีที่ได้เจอรักที่ดี ยินดีที่เรารู้สึกไปในทางเดียวกัน ภูมิใจที่มันเป็นมากกว่าการรักชีวิตตัวเองแต่มันคือการรักชีวิตซึ่งกันและกัน

      
            “ขับรถดี ๆ นะครับ ถึงแล้วบอกกันต์ด้วยนะ”

      
            “ครับผม คิดถึงนะครับ ขอโทษนะที่ช่วงนี้ไม่ว่างมาเจอเลย”

      
            “ไม่เป็นไรเลย กันต์เข้าใจ” เวลาว่างที่พี่เขาจัดสรรมาให้นั่นก็มากเกินกว่าที่กันต์คาดคิดแล้ว เพราะคนเป็นหมอไม่ได้มีเวลาว่างมากขนาดนั้น มีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำและเกี่ยวพันกับชีวิตและจิตใจของผู้คน

      
            ในเมื่อเลือกแล้วที่จะรักก็ต้องเลือกที่จะเข้าใจด้วยเช่นกัน

      
            “น่ารักจริง ๆ แฟนใครวะเนี่ย” แทนคุณยีหัวน้องด้วยความมันเขี้ยว ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเล็ก ๆ ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งแม้จะต้องนอนน้อยลงไปอีกชั่วโมง แต่เพื่อการได้เจอน้องหนึ่งชั่วโมงเขาก็ยอม

      
            “กลับเถอะพี่ ดึกแล้ว” กันต์เดินไปส่งจนถึงประตูรถก่อนจะถูกคว้าคอไปกดจูบลงบนเยลลี่นุ่มหยุ่นส่วนตัวเสียงลั่นดังจ๊วบทำเอาคนถูกจูบเขินหน้าดำหน้าแดง

      
            “ชื่นใจ!”









To be continued.
_____________________________________

TALK : *จับน้องใส่พาลยื่นให้*
พี่แทนเป็นคนรุงรัง เหม็นความรักเนอะ

ว่าแต่มีใครอยากเห็นนังพี่แทนหึงบ้าง ชูมือหน่อยค่า *^*/


ฝากคอมเมนต์หรือแท็กทวิตเตอร์เป็นกำลังใจให้กันด้วยน้า
ช่วงนี้กำลังใจห่อเหี่ยวมากเลยจ้ะพี่จ๋า TT

TWITTER (https://twitter.com/19august___)



#ครึ่งชีวิตของผม
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER11 12/8/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 12-08-2018 21:02:05
เหม็นกลิ่นความรัก //ย่นจมูก
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER11 12/8/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-08-2018 22:04:42
ไม่ค่อยเชื่อว่านิลินจะวางมือจากแทน   :mew2:

แพภน ก็หาทางเข้าใกล้กันต์   :mew2:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER11 12/8/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 13-08-2018 00:11:20
น้องกันต์อย่าลืมไปเคลียร์กับแพนนะ เดี๋ยวจะวุ่นวายไปใหญ่
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER11 12/8/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 13-08-2018 09:21:32
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER11 12/8/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 13-08-2018 09:29:39
 :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER11 12/8/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 13-08-2018 09:34:46
เดี๋ยวนี้ถึงขั้นมี’เยลลี่หนุ่มหยุ่น’เป็นของตัวเองเลยเหรอคะ
อิฉันล่ะอยากจะ แหมมมมม ไปให้ถึงโลกหน้า

พี่แทนจะหึงน้องแบบไหนเนี่ย
หึงแรง หึงโหด โซ่ แส้ กุญแจมือมั้ยคะฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER11 12/8/18 P.2)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 18-08-2018 19:29:20
กรี๊ดดด ทำไมเราเพิ่งเจอ จิ้มๆ ค่าาา เป็นกำลังใจให้นะคะ

ติดตามค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER12 20/8/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 20-08-2018 22:31:19

CHAPTER 12

Only you can give me that feeling.






      
            ร่างผอมภายใต้เสื้อยืดโอเวอร์ไซส์สีเทากับกางเกงยีนส์ตัดขาเหนือเข่าพร้อมรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่เก่งเดินสะพายกล้องเข้ามาในบริเวณอาคารหลังหนึ่ง กันต์ไม่เคยมาแถวนี้เลยสักครั้งมันดูเหมือนเป็นอาคารเปล่า ๆ ที่มีป้ายเขียนว่าเฉพาะนักศึกษามัณฑนศิลป์เท่านั้น คนไม่คุ้นที่รีบกดเครื่องมือสื่อสารส่งข้อความบอกแก่เจ้าถิ่นก่อนจะยืนเขี่ยเท้าและกัดเล็บเล่นอย่างประหม่า จากที่ตั้งใจจะให้ดิมมาเป็นเพื่อนกลับต้องมาคนเดียวเพราะโดนมันเทไปเที่ยวกับแฟน

      
            ไอ้ดิมนะไอ้ดิมทิ้งกันได้ลงคอ ขออย่าให้มีอะไรยุ่งยากเลย พระเจ้าช่วยรักเขาอีกสักครั้งเถอะ

      
            “กันต์” เจ้าของชื่อหันไปตามเสียงเรียกแล้วโบกมือทักทายกลับคืน

      
            “ตึกอยู่ลึกเลยใช่ไหม หายากหรือเปล่า” แพนชวนคุยระหว่างพาเดินเข้ามาข้างใน

      
            “อื้อลึกมากเลย เราเพิ่งรู้ว่ามีตึกแบบนี้ด้วย”

      
            โคตรลงทุนเลย สร้างอาคารเปล่าสองชั้นที่ซอยแยกเป็นห้อง ๆ เพื่อให้เด็กเดคฯ โดยเฉพาะ กันต์มองไปรอบ ๆ ด้วยความสนใจก่อนที่แพนจะพาเข้ามาในห้องหนึ่งที่ถูกดีไซน์เอาไว้อย่างเรียบหรู

      
            “ทั้งหมดนี่แพนทำเองหมดเลยเหรอ พวกเฟอร์นิเจอร์ก็ด้วยเหรอ”

      
            “ใช่ค่ะ แต่พวกเฟอร์ฯ นี่ใช้กันมาหลายรุ่นแล้ว ก็มีแยกส่วนมาประกอบใหม่บ้าง เอามาทาสีใหม่บ้างอะไรแบบนี้ อาจารย์จะให้ใช้สิ่งที่มีอยู่แล้วไม่ต้องไปซื้อ เขาแค่อยากเห็นไอเดียเรา”

      
            “โห เก่งจัง แล้วยังไงดีให้เราเริ่มเลยไหม”

      
            “อื้อ ๆ เริ่มได้เลย” แพนเล่าบรีฟมุมภาพ อารมณ์ของภาพที่อยากได้ เมสเสจที่ซ่อนอยู่ในไอเดียการตกแต่งห้องต่าง ๆ กันต์พยายามทำความเข้าใจและเริ่มถ่ายภาพนำเสนอผ่านการตีความของแพนและของตัวเองออกมา


ครืด ครืด ครืด

      
            “อ่า โทษทีนะ” กันต์เดินออกจากห้องเพื่อไปรับสาย ตกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา เวลานี้ปลายสายควรจะเข้าประชุมตามที่บอกเมื่อคืนนี่หน่า

      
            “ครับพี่แทน”

      
            ( ทำอะไรอยู่ครับ​ )

      
            “กันต์ออกมาถ่ายงานให้เพื่อน ที่เคยบอกไง”

      
            ( อ๋อครับ แล้วนี่อยู่ไหนกัน )

      
            “ตึกเรียนครับ”

      
            ( ออกไปแต่เช้าเลยได้กินอะไรหรือยัง )

      
            “กินนมรองท้องมาแล้วครับ พี่แทนไม่ประชุมเหรอ”

      
            ( วันนี้ยกเลิกกะทันหันน่ะ ศาสตราจารย์บินไปต่างประเทศด่วน )

      
            “อ๋อครับ งั้นเดี๋ยวกันต์ไปทำงานต่อก่อนนะพี่”

      
            ( โอเคครับ ไว้เจอกัน )

      
            กันต์เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วเริ่มถ่ายต่ออีกครั้ง การทำงานร่วมกันครั้งแรกนี้มันไม่ได้อึดอัดอย่างที่คิด เรียกได้ว่าทำงานด้วยกันอย่างราบรื่นเลยเสียด้วยซ้ำ ทำเอาคนขี้ระแวงรู้สึกผิดไม่น้อยที่เผลอคิดไปในแง่ลบ

      
            “เหนื่อยไหม พักก่อนก็ได้นะกันต์”

      
            “ไม่เป็นไร เหลือแค่เก็บมุมกว้างก็เสร็จแล้ว”

      
            “อ่า คือ ...” กันต์ลดกล้องลงมาเมื่อเห็นสีหน้ากังวลจากอีกฝ่าย

      
            “มีอะไรหรือเปล่าแพน ต้องแก้ตรงไหนบอกได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ”

      
            “ไม่เลยค่ะ คือที่ถ่ายมามันโอเคแล้ว แต่ว่าเราจะรบกวนกันต์ถ่ายเก็บโคลสอัพพวกเฟอร์ฯ หน่อยได้ไหมคะเผื่อต้องใช้ในสไลด์พรีเซนต์” แพนพูดออกมาอย่างเกรงอกเกรงใจเพราะอีกฝ่ายก็เพิ่งรู้จักกันแล้วยังมีน้ำใจช่วยเหลืออีก ทั้งที่บอกว่าจะเสร็จก่อนเที่ยงแต่ถ้าถ่ายเพิ่มอาจจะต้องอยู่ต่ออย่างน้อยก็ครึ่งชั่วโมง

      
            “ได้สิ ไม่เป็นไร แต่ว่าเสร็จตรงนี้แล้วเราไปกินข้าวกันก่อนไหม แอบหิวอ่ะ ฮ่ะ ๆ” กันต์พูดพร้อมกับลูบท้องตัวเองประกอบ ตั้งแต่เช้าเขามีแค่นมที่ตกถึงกระเพาะและตอนนี้สิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว อีกไม่นานเสียงท้องไส้ได้ร้องประท้วงแน่นอน

      
            “ฮ่ะ ๆ ได้เลย ๆ เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง”

      
            “เฮ้ยไม่เป็นไร”

      
            “ไม่ได้ อันนี้ห้ามเถียง กันต์อุตส่าห์มาช่วยเราขอเลี้ยงขอบคุณนะ” แพนตีสีหน้าจริงจังก่อนจะเดินหนีทำทีว่าจัดของต่าง ๆ เพื่อไม่ให้กันต์แย้งได้


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


            แพนปล่อยให้กันต์ถ่ายรูปส่วนตัวเองก็เดินมาเปิดประตู “อ้าวเต้ มีอะไร”

      
            “เอาคนมาส่ง พี่เขาบอกว่ามาหาแกอ่ะ” แพนมองเลยไปด้านหลังก็พบว่ามีคนตัวสูงใหญ่ดูท่าจะแก่กว่าตัวเองไม่น้อยยืนส่งยิ้มจาง ๆ มาให้อยู่ เต้ที่ไม่มีหน้าที่ต่อก็ขอตัวเดินแยกจากไป

      
            “มาหาแพนเหรอคะ”

      
            “อ่า แพนเพื่อนกันต์ใช่ไหม พี่ชื่อแทนเป็นคนรักของกันต์ครับ เห็นว่ามาทำถ่ายงานที่นี่แล้วยังไม่ได้กินอะไรกัน พี่เลยเอาเสบียงมาส่งน่ะ ขอโทษนะครับที่รบกวน กันต์ไม่ตอบข้อความพี่น่ะ” แทนคุณเอ่ยยืดยาวจนครบใจความสำคัญทั้งหมดด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ เพื่อเพิ่มความเป็นมิตร

      
            “คนรักเหรอคะ ... อ่า ค่ะ กันต์ถ่ายรูปอยู่ด้านใน เชิญค่ะ”

      
            แพนเปิดประตูแล้วถอยให้คนที่อ้างตัวว่าเป็นคนรักของคนในห้องเดินเข้าไป ส่วนตัวเองก็ได้แต่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยความรู้สึกอึดอัดทำอะไรไม่ถูกเมื่อมองเห็นเจ้าของร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปโอบเข้าที่เอวตากล้องจำเป็นของตัวเองวันนี้

      
            “เฮ้ย! โอ๊ะ พี่แทน! มาได้ไงเนี่ย” คนถูกโอบเอวสะดุ้งเกือบสะบัดทิ้งแต่เมื่อหันมาเห็นว่าเป็นใครก็ถามเสียงลั่นด้วยความตกใจ

      
            “เอาเสบียงมาส่งครับ” แทนคุณชูถุงขนาดใหญ่ในมือขึ้นให้น้องเห็น ก่อนจะตีหน้ายิ้มราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติอย่างไรอย่างนั้น ทั้งที่ปกติแล้วน้อยครั้งมากที่แทนคุณจะมาวุ่นวายกับกิจกรรมหรือการเรียนของกระต่ายตัวเอง

      
            “แล้วพี่รู้ได้ไงว่ากันต์อยู่นี่”

      
            “อ่า”

      
            “ไอ้ดิม?” แทนคุณโคลงศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะร้องโอ๊ยออกมาเสียงดังเมื่อถูกหยิกเข้าที่เอว กันต์ผละออกจากวงแขนของพี่เขาเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นแพนที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู

      
            “พี่แทนนั่นแพนเพื่อนใหม่กันต์ ส่วนนี่พี่แทน ...”

      
            “แฟนครับ”

      
            “พี่แทน!!”

      
            “อะไรเล่า ก็เรามันขี้เขินพี่ก็เลยพูดให้เอง ... ขอโทษนะครับน้องแพนที่มารบกวนเวลา แต่ยังไงนี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วมากินข้าวกันเถอะครับ พี่ซื้อมาเผื่อด้วย” แทนคุณพูดเย้าคนรักก่อนจะหันไปหาหญิงสาวที่ยืนหันรีหันขวางอยู่ไม่ไกล

      
            “เอ่อ แพนไม่รบกวนดีกว่าค่ะ”

      
            “โหย ไม่กวนเลยแพน มากินด้วยกันนะพี่แทนซื้อมาเยอะแยะเลย ว่าแต่เรากินในห้องนี้ได้เลยไหมหรือว่าต้องไปที่อื่น”

      
            “ต้องไปนั่งที่โต๊ะข้างนอกค่ะ”

      
            “โอเค งั้นพักก่อน ไปกินข้าวกันครับ” แทนคุณผายมือให้หญิงสาวเดินนำไปยังสถานที่ที่สามารถนั่งกินข้าวกันได้

      
            ระหว่างมื้ออาหารกลางวันนี้ แทนคุณสวมบทจิตแพทย์อีกครั้งเพื่อใช้น้ำเสียงและรูปประโยคในการพูดแสดงให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่าไม่สามารถไปได้มากกว่านี้ โดยทั้งรอยยิ้มและการสัมผัสร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ไม่ได้ทำให้จนเกินความพอดีจนหญิงสาวฝั่งตรงข้ามรู้สึกเป็นส่วนเกิน

      
            “พี่แทนกับกันต์นี่คบกันมานานแล้วเหรอคะ”

      
            “ก็สักพักแล้วล่ะ”

      
            กันต์ไม่ใช่ไม่รู้ว่าดิมส่งพี่เขามาวันนี้เพื่ออะไร เพราะรู้จึงปล่อยให้เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น แบบนี้น่าจะดีกว่าการที่พูดออกไปเพราะบางอย่างแค่ใช้การกระทำก็น่าจะชัดเจนมากพอ ทว่าส่วนที่น่ากังวลที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของแพนแต่กลับเป็นรอยยิ้มของพี่เขาต่างหาก

      
            รอยยิ้มที่ยิ้มไปไม่ถึงดวงตา

      
            พี่เขาฉลาดมากพอที่จะรู้สึกอะไรบางอย่าง ไม่อย่างนั้นคนอย่างพี่แทนคุณไม่มีทางเข้ามายุ่มย่ามเรื่องงานของเขาแบบนี้หรอก

      
            เสียงพูดคุยเรื่องราวทั่วไปมีขึ้นเป็นระยะ แทนคุณทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการสื่อสารเพื่อไม่ให้ทุกอย่างมันดูอึดอัดและดูเป็นความตั้งใจของตัวเองที่จะแสดงตัวตนมากเกินไป

      
            เขาพูดแม้กระทั่งเรื่องงานการเจอคนไข้ในรูปแบบต่าง ๆ ให้ดูสนุกและพูดเข้าเรื่องเครื่องทดเวลาได้อย่างแนบเนียน เพื่อที่จะลองอย่างหยั่งเชิงดูว่าเด็กสาวตรงหน้าจะใช่แบบที่ดิมเพื่อนกันต์เล่าหรือเปล่า และถ้าใช่ แล้วมันไม่ทันการณ์อย่างน้อยเขาที่ทำงานด้านนี้ก็น่าจะพอช่วยอะไรได้บ้าง

      
            “แล้วนี่น้องแพนเจอคู่หรือยังครับ”

      
            “เจอแล้วล่ะค่ะ ... แต่ว่าคงไม่ทัน”

      
            กันต์นิ่งไปเมื่อได้ยินคำตอบ ทั้งน้ำเสียงและสายตาที่มองมาอย่างไม่ปิดบังของแพนทำให้ไม่ต้องเดาเลยด้วยซ้ำว่าหมายถึงใคร เขาชะงักนานเสียจนพี่เขาทาบฝ่ามือลงบนต้นขาลแล้วลูบเบา ๆ เพื่อเรียกสติ

      
            “อ่า เสียใจด้วยนะครับ แต่สักวันน้องจะได้เจอคนที่เป็นของน้องจริง ๆ พี่เอาใจช่วยครับ”

      
            แม้จะรู้สึกหวงคนของตัวเองอย่างไร แต่ด้วยจรรยาบรรณที่ฝังลึกทำให้เขาเห็นใจเด็กสาวตรงหน้าไม่น้อย มันไม่ใช่ความผิดของใครเพียงแต่เวลาของแต่ละคนเดินเร็วไม่เท่ากัน นั่นจึงทำให้เขาและกันต์ได้เจอกันก่อน ก่อนที่แพนจะได้กันต์ไป

      
            “ฮ่ะ ๆ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แพนก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร โชคดีที่ว่ารู้ว่าไม่ทันก่อนที่ตัวเลขจะขยับ ไม่งั้นแพนคงต้องใช้บริการเครื่องทดเวลาของพี่แล้วล่ะค่ะ” แพนพยายามพูดให้มันเรื่องตลกแม้รอยยิ้มที่กันต์เห็นจะฝืดฝืนเต็มที

      
            “ไม่ได้ใช้ก็ดีแล้วล่ะ อีกอย่างไอ้เจ้าเครื่องนี้ก็ยังอยู่ในระหว่างการทดลอง ยังไม่รู้เลยครับว่าจะสำเร็จหรือเปล่า” ทั้งแทนคุณและกันต์ลอบถอนหายใจเมื่อรู้ว่าตัวเลขของแพนยังไม่เดินอย่างที่กังวล

      
            “เดี๋ยวจะไปทำงานกันต่อใช่ไหม”

      
            “ครับ เหลืออีกนิดหน่อย พี่ต้องกลับไปทำงานใช่ไหม”

      
            “อื้ม นี่เพราะไม่มีประชุมเลยแอบแวบมา จะกลับแล้วบอกพี่ด้วยนะ ไปละ” แทนคุณก้มลงหอมหัวน้องไว ๆ หนึ่งทีแล้วโบกมือลาเด็กน้อยทั้งสอง

      
            “พี่แทนเขาดูรักกันต์ดีจัง” แพนชวนคุยระหว่างการจัดเฟอร์นิเจอร์เพื่อถ่ายเก็บภาพระยะใกล้เป็นอย่างสุดท้ายที่จะทำในงานวันนี้

      
            “อ่า ครับ”
      
      
            “ดีใจด้วยนะคะที่ได้เจอคู่ที่ดี”

      
            หนึ่งชั่วโมงต่อมากันต์กับแพนเดินออกจากอาคารเพื่อแยกย้ายกันกลับ ระหว่างเรากลายเป็นความเงียบที่ให้ความรู้สึกต่างออกไป แม้เราจะไม่ได้สนิทกันมากแต่มันก็มีช่องว่างบางอย่างที่เพิ่มเข้ามา

      
            “แพนกลับยังไงเหรอ”

      
            “เดินออกไปนิดเดียวก็ถึงหอเราแล้ว”

      
            “เราเดินไปส่ง”

      
            “ไม่เป็นไร ๆ เรากลับได้ กันต์กลับเถอะเดี๋ยวเย็นแล้วรถจะติด” กันต์มองหญิงสาวข้างกายที่ส่งยิ้มเจือจางมาให้ มาถึงตอนนี้กันต์คงต้องยอมรับว่าอาจจะเสียเพื่อนใหม่ที่ดีคนหนึ่งไป

      
            “งั้นกลับดี ๆ นะ”

      
            “ค่ะ ขอบคุณมากนะกันต์ ไว้มีโอกาสเราจะเลี้ยงตอบแทนนะ”

      
            “ครับ”

      
            ร่างโปร่งยืนกำสายกระเป๋ากล้องระหว่างรอให้อีกฝ่ายเดินพ้นสายตา อย่างน้อยอีกคนก็เป็นผู้หญิงกันต์จึงเป็นห่วงแบบที่เพื่อนพึงกระทำ แต่จังหวะที่อีกคนกำลังเลี้ยวเข้าซอยด้านหน้าก็หยุดชะงักแล้วหันกลับมาพร้อมกับชูเครื่องมือสื่อสารขึ้นแล้วชี้มา

      
            ไม่นานโทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่นเมื่อกดเข้าไปในห้องสนทนาก็พบข้อความมาจากแพน ที่พอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นเพียงหลังไว ๆ หายไปจากสายตา


PAANN : วันนี้ขอบคุณมากจริง ๆ นะคะ
PAANN : ยังไงก็รับเราเป็นเพื่อนอีกคนนะ


ได้สิครับเพื่อน : Punnakann

      
            มันเหมือนเป็นอะไรที่ปลดล็อกทางความรู้สึกข้างใน ยอมรับตามตรงว่าพอเรื่องออกมาเป็นแบบนี้ก็ค่อนข้างโล่งใจ ทุกอย่างเคลียร์จบชัดเจนและกันต์ไม่จำเป็นต้องเสียมิตรภาพจากใครคนไหนไป กันต์รู้ว่าทุกอย่างมันมีเวลาของมันอย่างเช่นเรื่องนี้ ก็ได้แต่หวังว่าสักวันแพนจะได้เจอใครคนนั้นของตัวเองจริง ๆ















            “กลับมาแล้วครับ” กันต์เอ่ยบอกทันทีเมื่อก้าวเข้ามาในบ้าน ได้กลิ่นอาหารจากในครัวจึงพอจะรู้ว่าแม่น่าจะอยู่ด้านในส่วนพ่อก็คงยังไม่กลับจากบริษัท ลูกชายคนเล็กของบ้านเดินเข้าไปกอดผู้เป็นแม่ ไม่รู้ว่าจะเป็นการอ้อนหรือกวนเวลาทำอาหารกันแน่


            “ทำไมวันนี้ทำเยอะจังอ่ะแม่”

      
            “วันนี้มีแขก”

      
            “ใครครับ”

      
            “พี่กวิน พี่น้ำจะพาหลานมานอนนี่”

      
            “จริงเหรอแม่ เย้ กันต์คิดถึงหลาน” เพราะการเรียนที่มีตลอดพ่วงด้วยงานมหาศาลทำให้กันต์ไม่ค่อยได้ไปหาหลานบ่อยเหมือนอย่างพ่อกับแม่

      
            “ไปอาบน้ำอาบท่าไป เดี๋ยวอีกสักพักพ่อกับพี่เขาน่าจะมากัน” กันต์ทำท่ารับทราบอย่างร่าเริง รีบวิ่งขึ้นไปอาบน้ำจัดการตัวเองให้เรียบร้อยเพื่อรอเล่นกับหลานตัวน้อย จนลืมไปเลยว่าข้อความที่ส่งบอกคนรักยังไม่ได้รับการตอบกลับ

      
            อาหารเสร็จไม่ทันไรเสียงรถยนต์ก็ดังขึ้นที่หน้าบ้านเป็นสัญญาณว่าคนที่รอคอยมาถึงแล้ว “กันต์ออกไปดูสิลูกว่าใคร” กันต์ผละจากครัวเดินออกไปหน้าบ้านแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นรถสามคันจอดอยู่ทั้งที่มันควรจะเป็นสองคันเท่านั้นสิ

      
            “หวัดดีครับพ่อ”

      
            “อืม ไปช่วยพี่เราถือของหลานไป”

      
            “แล้วอีกคันนั่นใ— พี่แทน?!” ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าใครเดินลงมาจากรถคันสุดท้าย แต่ตกใจได้ไม่นานพ่อก็ไล่ให้ไปช่วยถือของพร้อมกับเสียงแม่ที่ออกมาต้อนรับ

      
            “พี่กวินน~” กันต์โผเข้าหาพี่ชายตัวเองเต็มรัก ก่อนหน้าที่พี่ชายจะแยกย้ายไปมีครอบครัวของตัวเองกันต์สนิทกับพี่มาก คุยกันได้แทบทุกเรื่องเพราะมีกันแค่สองคนพี่น้อง มาห่างกันไปก็ตอนย้ายบ้านจำได้เลยว่าพอรู้ว่าพี่ชายจะแยกออกไปก็ร้องไห้ฟูมฟายไม่ยอมห่างจากพี่ตัวเอง

      
            “ไงตัวแสบ” กวินภพลูบหัวเจ้าน้องชาย สายตาเอื้อเอ็นดูยังไม่เคยเปลี่ยนแม้เจ้าตัวแสบของบ้านจะตัวโตขึ้นมากจนแทบจะสูงทันกันอยู่แล้ว

      
            “คิดถึงอ่ะ ไม่มาหาบ้างเลย”

      
            “งอแงไรเนี่ยโตแล้วนะ มาช่วยพี่ถือของเลยมา” กวินดีดหน้าผากน้องอย่างหมั่นไส้ก่อนจะยื่นของใช้ของเด็กเล็กให้ถือ แต่ไม่ทันที่กันต์จะได้รับของมาจากมือพี่ชายตัวเองก็ถูกใครอีกคนที่ยืนมองมานานแย่งไปถือเสียเอง

      
            “สวัสดีครับคุณกวินภพ เดี๋ยวผมช่วยครับ” กันต์ถูกกันออกมาด้วยความมึนงง มองพี่ชายตัวเองกับคนรักที่ยืนจ้องกันไม่วางตา

      
            “น้องกันต์จ๊ะ เข้าบ้านไปเล่นกับหลานกันดีกว่า” พี่น้ำ พี่สะใภ้ที่อุ้มเจ้าตัวน้อยด้วยแขนข้างเดียวใช้มือข้างที่ว่างรุนหลังน้องชายของสามีเข้าไปในตัวบ้าน เพื่อเปิดโอกาสปล่อยให้คนตัวโตทั้งสองคนได้คุยกัน

      
            กันต์เล่นกับหลานไปเหลือบมองนอกบ้านไปด้วยความพะวง ไม่รู้ว่าพี่เขากับพี่กวินคุยอะไรกันบ้างเพราะทั้งคู่ยืนหันหลังให้กับตัวบ้าน พี่กวินน่ะหวงเขาอย่างกับอะไร แฟนที่ผ่านมาก็ให้ไอ้ดิมกับแม่ช่วยปิดไว้เพราะรู้ว่ามันอาจจะไม่จีรัง แต่กับคนนี้นั้นต่างออกไปทุกอย่างคือความจริงจังฉะนั้นพี่กวินต้องการจะคุยด้วยก็คงไม่แปลก เพียงแค่กลัวว่าพี่ตัวแสบของเขาจะทำอะไรร้ายกาจเข้าให้น่ะสิ

      
            “เอ้า ๆ อุ้มหลานดี ๆ เดี๋ยวหลานตกนะเจ้ากันต์” ผู้เป็นพ่อส่ายหน้ากับท่ายงโย่ยงหยกของลูกชายคนเล็ก

      
            “ก็กันต์กลัวพี่กวินจะแกล้งพี่แทนอ่ะพ่อ”

      
            “พูดไปเรื่อย จับหลานให้ดี ๆ” กันต์ยู่หน้าใส่พ่อก่อนจะยอมนั่งลงเล่นกับหลานในอ้อมแขนตัวเองดี ๆ

      
            อาจจะดูแปลกว่าทำไมแทนคุณถึงต้องคุยกับพี่ชายคนโตของบ้านแทนที่จะเป็นพ่อและแม่ของเจ้ากระต่ายของตัวเอง นั่นก็เพราะก่อนหน้านี้แทนคุณได้คุยกับทางผู้ใหญ่ทั้งสองท่านเรียบร้อยแล้วเหลือก็เพียงแต่พี่ชายเท่านั้นที่พ่อกับแม่บอกว่า รายนี้น่ะหวงกันต์ยิ่งกว่าใครในบ้าน

      
            “จ๊ะเอ๋น้องกานต์ นี่อากันต์เอง จำได้ไหมหว่า”

      
            “แหะ แหะ คิก” เด็กชายกานต์ หลานชายคนแรกของตระกูลส่งเสียงตอบรับอาของตัวเองอย่างอารมณ์ดี ทำเอาคนชอบเด็กอย่างกันต์หลงหัวปักหัวปำนั่งหยอกเล่นกับหลานจนลืมความกังวลเมื่อครู่จนสิ้น

      
            “ไหนขออาฟัดพุงกลม ๆ หน่อยน้า” กันต์วางให้หลานนอนหงายกับตักตัวเองก่อนจะก้มลงฟัดพุงหอมกลิ่นแป้งเด็กนั่นจนเสียงหัวเราะคิกคักดังไปทั่วบริเวณ คนเป็นปู่กับย่านั่งอมยิ้มกับภาพตรงหน้า คนเราเมื่อแก่ตัวเองก็ไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่าเห็นลูกหลานรักกันดีและมีความสุข

      
            มื้ออาหารเย็นเป็นไปได้ดีมากกว่าที่คิดไว้อาจเพราะมีเสียงหัวเราะของเจ้าตัวน้อยเคล้าคลอจึงไม่มีเรื่องซีเรียสถูกยกขึ้นมาเป็นบทสนทนาบนโต๊ะอาหาร หลังจากเสร็จสิ้นพี่สะใภ้คนสวยก็ขอพาหลานขึ้นไปให้นมกล่อมนอนบนห้อง ด้านล่างจึงเหลือเพียงพ่อแม่ลูกชายทั้งสองและว่าที่สมาชิกใหม่

      
            “ช่วงนี้งานเป็นยังไงบ้างลูก เหนื่อยไหม” แม่ของบ้านพูดเปิดประเด็นอย่างผ่อนคลาย เราทั้งห้าคนไม่ได้สร้างบรรยากาศที่ตึงเครียดมันเหมือนเป็นแค่คนในครอบครัวล้อมวงพูดคุยกันเท่านั้น

      
            “นิดหน่อยครับคุณแม่ คนไข้ไม่ค่อยเยอะมากแต่ช่วงนี้ประชุมบ่อยเพราะโรงพยาบาลที่ผมทำอยู่เขามีส่วนช่วยทดลองและวิจัยเครื่องทดเวลาน่ะครับ”

      
            “อืม ยังไม่ยอมแพ้กันอีกเรอะ พ่อเห็นข่าวว่าทดลองกันมาหลายรอบแล้วนี่”

      
            “ใช่ครับ เพราะยังไม่สำเร็จนี่แหละครับเลยต้องพยายามกันต่อไป”

      
            “งานหนักแบบนี้จะมีเวลาดูแลเจ้ากันต์เหรอ” กวินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงยียวน คนถูกอ้างในบทสนทนาอย่างกันต์ก็ถลึงตาใส่พี่ชายตัวเอง

      
            “ผมมั่นใจว่าดูแลน้องได้ครับ ถึงงานจะเยอะแต่เราก็พยายามหาเวลาว่างเพื่อเจอกันครับ มีไปรับ-ส่งน้องไปเรียนบ้างหรือบางทีน้องก็มาหาผมที่โรง'บาลบ้างน่ะครับ หรือถ้าไม่ได้เจอก็ติดต่อผ่านโทรศัพท์ตลอดครับ”

      
            “แล้วไอ้ที่ทะเลาะกันแรงจนน้องต้องหนีมานอนบ้านผมนี่คุณจะแก้ตัวยังไง” คำถามของกวินทำเอาคนไม่รู้เรื่องอย่างพ่อและแม่ถึงกับหันขวับมองลูกชายตัวเองกับว่าที่ลูกชายคนใหม่ด้วยสายตาตั้งคำถาม

      
            ส่วนกันต์เองก็ลืมไปเสียสนิทว่าคราวนั้นที่ทะเลาะกันกันต์หอบตัวเองไปนอนบ้าน และนี่คงเป็นสาเหตุของรอยแตกมุมปากขอคนรักที่เขาตื๊อถามไปเมื่อเย็นก่อนกินข้าวแล้วไม่ยอมตอบ

      
            “นั่นคือผลจากการตัดสินใจผิดพลาดของผมครับ ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัวนอกจากการขอโทษคุณพ่อ คุณแม่และคุณกวินที่ทำให้น้องต้องเสียใจ” แทนคุณยกมือขึ้นไหว้ทั้งสามคนด้วยความรู้สึกผิดจากใจ

      
            “แล้วถ้ามันมีอีกล่ะ ถ้าคุณทำน้องผมเสียใจอีกล่ะ” กวินเอ่ยถามซ้ำอีกครั้งแม้จะคุยกันไปแล้วเมื่อตอนเย็นก็ตามแต่ที่ต้องพูดขึ้นมาอีกก็เพื่อให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้ จะบอกว่าเขาแอบขี้ฟ้องหน่อย ๆ ก็ย่อมได้ แต่ถ้าใครได้เห็นสภาพของกันต์ในวันนั้นที่ตาบวมและซูบเซียว คงจะเข้าใจว่าทำไมกวินถึงต้องต่อยผู้ชายคนนี้และต้องพูดมันขึ้นมาอีก

      
            “ผมไม่สามารถสัญญาได้ครับว่าจะไม่ทำให้น้องเสียใจ ในอนาคตมันอาจจะมีเรื่องกระทบกระทั่งตามประสาคนรัก แต่ไม่ว่าจะทะเลาะกันกี่ครั้ง เรื่องพวกนั้นจะไม่ใช่เรื่องของผู้หญิงหรือใครก็ตามที่จะมาแทรกกลาง ผมไม่มีทางนอกใจน้องเด็ดขาดและจะไม่ปล่อยมือน้องไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม นั่นคือสิ่งที่ผมจะสัญญาได้”

      
            ทุกคำแทนคุณพูดมันออกมาจากใจและหนักแน่น หากไม่แน่ใจคนอย่างเขาจะไม่มีวันพูดหรือสัญญาออกมาแน่นอน ฉะนั้นเมื่อใดที่รับปากหรือสัญญานั่นแปลว่าเขารู้ตัวเองดีว่าจะทำมันได้อย่างแน่นอนและไม่มีทางบิดพลิ้ว ฝ่ามือใหญ่กุมมือของคนข้างกายไว้แน่นเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกนี้

      
            “เอาเถอะ ก็ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสุดท้ายแล้ว เราจะอยู่ด้วยกันด้วยความรักที่แท้จริงหรือเป็นรักที่รักเพียงแค่ตัวเอง ยังไงพ่อก็ฝากน้องด้วยมีอะไรก็คุยกันตรง ๆ ถ้าไม่ไหวก็มาปรึกษาผู้ใหญ่ได้”

      
            “ใช่จ้ะ ก็อย่างที่แม่บอกเราไปครั้งก่อนนั่นแหละว่าแม่ให้แล้วไม่รับคืน” แม่พูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีเพื่อไกล่เกลี่ยบรรยากาศคุกรุ่นเมื่อครู่ให้หมดสิ้น

      
            “เอ่อพ่อกับแม่ครับ ... วันนี้ผมขออนุญาตนอนที่นี่ด้วยคนได้ไหมครับ” คนถูกขออนุญาตถึงกับชะงักกลางอากาศเพราะไม่คิดว่าว่าที่ลูกเขยหมาด ๆ จะเอ่ยปากเอง

      
            “ไม่ได้!” แต่คนที่ตอบกลับไม่ใช่พ่อและแม่ กวินเอ่ยห้ามเสียงดังด้วยหน้าตาขึงขัง

      
            “ได้จ้ะ ดึกแล้วเนอะ ยังไงแทนก็นอนห้องน้องนะ คงไม่เป็นไรใช่ไหมพ่อ”

      
            “อืม ตามนั้นแหละ ไป ๆ ไปพักผ่อนกันได้แล้ว เราก็ด้วยกวินขึ้นไปช่วยเมียดูลูกไป”

      
            ภายในห้องนอนขนาดกลางที่เปิดเข้ามาก็เจอเตียงนอนขนาดคิงไซส์ ถัดจากประตูเป็นโต๊ะทำงานและตู้หนังสือรวมถึงชั้นวางของจิปาถะ ส่วนด้านในสุดเป็นห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง แทนคุณกวาดสายตามองเพื่อเก็บรายละเอียด แม้จะเคยขึ้นมาแล้วเมื่อครั้งก่อนแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ทุกอย่างในห้องถูกวางเป็นสัดส่วนและเป็นระเบียบตามนิสัยเจ้าของห้อง

      
            เมื่อเหลืออยู่กันสองคนในที่ส่วนตัว รอยยิ้มที่ติดริมฝีปากของแทนคุณก็จางหายไป เขายังไม่ลืมว่าเมื่อกลางวันเกิดอะไรขึ้นหากไม่ใช่ดิมมาบอกว่าเพื่อนที่น้องไปทำงานด้วยเป็นใคร เขาคงจะไม่รู้และเมื่อได้รู้ก็เกิดหวั่นใจขึ้นมาทันทีเพียงเพราะเราเพิ่งจะดีกันเกรงว่าจะมีใครมาทำให้น้องจากไป

      
            “พี่จะอาบน้ำก่อนไหม” แทนคุณพยักหน้าและรับผ้าเช็ดตัวมาจากน้อง เปิดกระเป๋าที่ใส่เสื้อผ้าตัวเองแล้วหยิบชุดนอนออกมาก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปทันทีไม่แม้แต่จะมองกระต่ายน้อยห่อตัวเพราะโดนเมิน

      
            “เป็นอะไรของเขา” กันต์ถอนหายใจพลางลุกขึ้นหยิบข้าวของไปใช้ห้องอาบน้ำด้านนอกเพื่อจะได้ไม่ต้องรอกันไปมาให้เสียวเลา



(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER12 20/8/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 20-08-2018 22:33:03
(ต่อ)



แก๊ก

      
            กันต์เดินเช็ดหัวเข้ามาในห้องก่อนจะพบว่าร่างสูงใหญ่ของคนรักนอนตะแคงตัวเข้าหากำแพงไปเสียแล้ว เหลือบมองเวลาก็เพิ่งจะห้าทุ่มซึ่งไม่ใช่เวลานอนปกติของพี่เขาเลยสักนิด จะต้องมีอะไรแน่นอนที่ทำให้คนตัวโตงอแงเมินเฉยใส่เขาแบบนี้ แต่ตัวเลขบนอกไม่ลดแสดงว่าไม่น่าใช่เรื่องราวใหญ่โตอะไร

      
            คนตัวผอมนั่งเอนกายอยู่บนเตียงแล้วชะโงกผ่านไหล่กว้างเพื่อเช็คดูว่าพี่เขาหลับแล้วจริงหรือเปล่า กันต์มุ่ยหน้าเมื่อเห็นอีกคนปิดเปลือกตาสนิทแต่ไม่หรอกเขาไม่เชื่อหรอกว่าพี่แทนจะนอนหลับไวแบบนี้

      
            “พี่แทน”

      
            “…”

      
            “พี่แทนครับ กันต์รู้ว่าพี่ยังไม่หลับ คุยกับกันต์หน่อยนะ ... นะครับคนดี” คางมนวางลงบนหัวไหล่แกร่งถูไปมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ

      
            “พี่แทนคร้าบบ”

      
            เมื่อยังถูกวอแวไม่เลิกคนขี้หึงเลยยอมลืมตาแล้วพลิกตัวกลับมาหา แต่ยังไม่ยอมเอ่ยปากพูดกับน้อง ปล่อยให้กระต่ายที่ถูกหึงแต่ไม่รู้ตัวยังถูไถใบหน้าไปกับต้นแขนออดอ้อน แทนคุณพยายามไม่สนใจแต่ความนุ่มนิ่มก็ทำลายสมาธิเสียเหลือเกิน

      
            “พี่แทนงอนอะไรกันต์เหรอ”

      
            “ไม่บอกได้ไหม พี่ไม่อยากงี่เง่าเลยกันต์”

      
            “ไม่เห็นเป็นไรเลย กันต์ยังงี่เง่ากับพี่ไปตั้งเยอะ เพราะงั้นบอกกันต์หน่อยนะครับ ... นะ” กันต์ช้อนตามองเพื่อขอให้พี่เขาเห็นใจ แทนคุณถอนหายใจจนปรอยผมน้องปลิวก่อนจะขยับกายขึ้นนั่งเอนหลังกับหัวเตียงโดยมีร่างโปร่งแอบอิงไหล่

      
            “ทำไมกันต์ถึงไม่บอกพี่เรื่องแพน ตอนดิมโทรมาบอกพี่หึงจนแทบบ้าเลยรู้ไหม” แทนคุณพูดพร้อมกับซุกใบหน้าลงกับไหล่น้อง แรงกอดรัดรอบเอวทำให้กันต์รับรู้ถึงคำว่าแทบบ้าของพี่เขาได้เป็นอย่างดี

      
            “กันต์ขอโทษนะ กันต์แค่อยากจัดการมันด้วยตัวเองแต่ไอ้ดิมคงรู้ทันว่ากันต์คงไม่กล้ามากพอ กันต์ขอโทษนะครับพี่แทน อย่างอนกันต์เลยนะ” มือเรียวลูบเบา ๆ ลงบนฝ่ามืออุ่นร้อนของพี่เขาเพื่อปลอบโยน

      
            “พี่แค่กลัวว่าจะมีใครพากันต์ไปจากพี่ เมื่อกลางวันพี่หึงจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพูดอะไรไปบ้าง”

      
            “พี่แทน~”

      
            “พี่หึงมากเลยรู้ไหม ตอนเห็นหน้าน้องคนนั้นพี่โคตรร้อนใจเลย เขาสวยขนาดนั้นแล้วพี่ก็เพิ่งทำให้กันต์เสียใจอีก ไม่รู้สิครับอะไรในหัวมันตีกันยุ่งไปหมด” คนเด็กกว่าหลุดหัวเราะออกมากับเสียงทุ้มที่งอแงเต็มที ใบหน้าหล่อเหลาที่ซบอยู่กับลาดไหล่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะก็ขบกัดเพื่อเอาคืน

      
            “อื้อ พี่แทนอย่ากัดนะ”

      
            “มันเขี้ยว มีแค่พี่ก็พอแล้วนะ ... นะครับ รับปากพี่สิ” แทนคุณเอียงใบหน้ามองเสี้ยวหน้าของน้อง ที่คาดคั้นหรือที่คิดเช่นนี้ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจแต่เพราะความหวาดกลัวจากส่วนลึกข้างใน ทำให้คนมั่นคงในความรู้สึกเกิดหวั่นใจขึ้นมา

      
            “พี่แทนฟังกันต์นะ” กายผอมขยับหันเข้าหาพี่เขาแล้วจับใบหน้านั้นเอาไว้ให้เราทั้งคู่สบตากันเอาไว้ กันต์แอบขำกับคิ้วเข้มที่ขมวดกับริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันจนเผยให้เห็นลักยิ้มบุ๋มข้างแก้ม

      
            “อย่างที่พี่บอกกับที่บ้านกันต์นั่นแหละ ไม่ว่าจะผิดใจหรือทะเลาะกันยังไง กันต์ก็จะไม่ปล่อยมือพี่ เพราะงั้นเราจับมือกันไว้นะครับ ไม่ต้องแน่นเกิน ไม่ต้องหลวมเกิน จับกันไว้ให้พอดีแบบนี้ พอดีกับระยะความรู้สึกของเรา โอเคไหมครับ”

      
            ไม่พูดเปล่า กันต์ประสานมือของตัวเองกับพี่เขาเอาไว้ในความรู้สึกที่พอดี ที่จะไม่ทำให้เราอึดอัดและเจ็บกับมือที่จับกันแน่นเกินไป และไม่ได้หละหลวมจนทำให้มือของเราต้องแยกจากกันอย่างง่ายดาย

      
            แทนคุณยิ้มกับคำตอบที่แสนน่ารักนั้นและใช้สายตาอบอุ่นมองกระต่ายน้อยของตัวเองที่พูดเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้คนเลี้ยงคนนี้ว่าต่อให้ไม่ว่ายังไงคนที่จะเลี้ยงกระต่ายตัวนี้ได้ก็จะมีแค่คนเขาคนนี้เท่านั้น

      
            “นอนกันเถอะครับ พรุ่งนี้พี่ต้องทำงานนี่นา”

      
            หลังจากคืนล่าสุดคืนนั้นที่ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว พอได้มานอนกอดกันอีกก็พาลทำให้เขินอย่างบอกไม่ถูก ภาพในหัวย้อนกลับมาฉากทีละฉากจนคนแอบคิดรีบมุมหน้าลงกับอกพี่เขาเพื่อซ่อนใบหน้าแดง ๆ ของตัวเอง

      
            “ทีหลังจะเขินก็อย่าลืมปิดหูตัวเองสิ แดงจัดเลยเนี่ย” แทนคุณใช้เรียวนิ้วเกลี่ยใบหูของน้องจนมันแดงกว่าเดิมอย่างน่าเอ็นดู รู้อยู่ว่าน้องคิดอะไรและเขินอะไรอยู่

      
            “พี่แทนอ่ะ”
   
      
            “ไหนเงยหน้าหน่อยครับหนู”

      
            “ห้ามเรียกหนู บอกกี่ครั้งแล้วเนี่ย”

      
            “ฮ่ะ ๆ โอเค ไหนขอพี่ดูหน้าคนขี้เขินหน่อยครับ” กันต์ถูกเชยคางขึ้น ดวงตาคมที่พราวระยับทำให้ทนสบตาต่อไปไม่ไหว แทนคุณหัวเราะออกมาก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้คลอเคลียกับน้องจวบจนกระทั่งขยับให้ริมฝีปากเราประกบชิดเข้าหากัน ดึงดูดความนุ่มหยุ่นจนทำให้รู้สึกวาบหวาม

      
            “อ อื้อ พี่แทน พอก่อน” คนตัวผอมหอบหายใจจนตัวอกกระเพื่อมตัวโยน แทนคุณยอมผละออกมาเหลือแต่จมูกที่ยังคงวอแวไม่ไปไหน

      
            “ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว มาระลึกความหลังหน่อยไหมครับ หืม”

      
            “ไม่เอาแล้ว กันต์ง่วง จะนอนแล้ว!”

      
            “วันนี้ทำพี่หึงก็ควรจะง้อพี่หน่อยไม่ได้เหรอ หืม ๆ”

      
            “ฮ่ะ ๆ พี่ ฮะ พี่ อย่าแกล้ง ฮ่ะ ๆ” กันต์ดิ้นพล่านไปทั่วเมื่อถูกพี่เขาแกล้งฟัดไปทั่วตัว มันจั๊กจี้มากกว่าความรู้สึกอย่างอื่น

      
            “โอเค นอนก็นอน แต่ครั้งหน้าไม่รอดหรอกนะบอกเลย” แทนคุณกดจมูกหอมจนแก้มน้องโย้ก่อนจะยอมนอนกอดเฉย ๆ ปล่อยให้อ้อมแขนของกันและกันขับกล่อมเราทั้งคู่ให้ฝันดี









To be continued.
_____________________________________

TALK : จริง ๆ ที่หึงเพราะอยากลวนลามน้องแหละ

ค่อย ๆ ไปกันทีละสเต็ปน้า เคลียร์กันไปทีละนิดทีละหน่อย

ตัวอักษรเกินเลยต้องแยกส่วน เอาซะดูสั้นเลย 
:katai5:

TWITTER (https://twitter.com/19august___)



#ครึ่งชีวิตของผม
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER12 20/8/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-08-2018 17:19:53
โชคดีที่มีพี่แทนอยู่ด้วยเลยเคลียร์เรื่องแพนไปได้ จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER12 20/8/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 22-08-2018 19:16:03
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER12 20/8/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 22-08-2018 21:39:46
ชอบตอนพี่เรียกน้องว่าหนู  :-[
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER12 20/8/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 22-08-2018 22:13:41
ตะล่อมเด็กอย่างเนียนอ้ะพี่แทน
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER13 28/8/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 28-08-2018 19:33:15


CHAPTER 13

When it gets hard, you know it can get hard sometimes
It is the only thing makes us feel alive
(Photograph - Ed Sheeran)








TANRUK’s


งานวันเกิดนิลิน

      
            หลังจากที่ผมไปส่งกันต์แฟนพี่ชายตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตีรถกลับมาที่บ้านของตัวเองอีกครั้ง เพื่อนที่ฝากให้ช่วยดูงานเดินเข้ามาหาบอกว่า คนอื่นทยอยกลับกันไปหมดแล้วเหลือแต่พรรคพวกเดียวกันที่รอให้ผมกลับมาอยู่ ผมพยักหน้ารับก่อนจะขอบอกขอบใจมันพลางมองไปรอบบริเวณเห็นคนงานเริ่มเข้ามาเก็บกวาดของแล้ว

      
            งานกร่อยไปเลยคงต้องตามไปขอโทษพวกเพื่อนแม่งอีกที

      
            “แล้วไอ้แทนอะ” ผมถามหาแฝดพี่ตัวเองที่กวาดสายตามองหาแล้วไม่พบ

      
            “ออกไปหลังจากมึงแป็บนึง”
      
      
            “อืม ลินล่ะ” ไอ้กายพยักเพยิดหน้าเข้าไปในตัวบ้าน

      
            “มีเรื่องไรกันหรือเปล่าวะ ไอ้แทนทำหน้าโคตรดุเหมือนโมโหใครมา ส่วนลินก็นั่งร้องไห้ตั้งแต่มึงสองคนออกไป”

      
            “... นิดหน่อย ยังไงกูฝากมึงดูคนอื่นทีนะถ้าพวกมันไม่กลับก็ให้นอนห้องเดิม โทษทีนะมึงที่รบกวน กูมีเรื่องต้องทำ”

      
            ผมตบบ่าบอกไอ้กายที่พยักหน้าตอบรับอย่างเข้าใจ มันเป็นเพื่อนในกลุ่มที่สนิทที่สุดของผมพอเห็นท่าทางเคร่งเครียดเลยเข้าใจว่าครั้งนี้สถานการณ์ผิดปกติจริง ๆ ถึงช่วยลากเพื่อนที่เหลือขึ้นไปห้องนอนแขก ทำให้ภายในห้องนั่งเล่นชั้นล่างเหลือเพียงผมและนิลินเท่านั้น

      
            เสียงสะอื้นของผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักและเป็นครึ่งชีวิตของผมดังท่ามกลางความเงียบ มันยิ่งทำให้ผมเจ็บจนแทบจะกลำ้กลืนฝืนทนไม่ไหว รู้ดีว่าหยาดน้ำตาที่กำลังรินไหลมันไม่ได้เกิดเพราะกลัวว่าผมจะโกรธ แต่มันเป็นเพราะคนที่หน้าตาเหมือนผมต่างหาก

      
            ปล่อยให้เธอร้องไห้อย่างเต็มที่จนเวลาผ่านมาเป็นชั่วโมงลินจึงเงยหน้ามองผมด้วยดวงตาบอบช้ำ ร่างกายสั่นระริกคล้ายจะแตกสลายทำเอาผมอดไม่ได้ต้องขยับเข้าไปดึงเธอมากอดไว้ ลินขยับซุกผมแล้วกอดตอบกลับมา

      
            แต่ความรู้สึกที่เคยอบอุ่น ตอนนี้มันกลับเย็นจนหนาวจับขั้วหัวใจกว่าทุกที

      
            “ลิน ... ลินขอโทษนะรัก ลินขอโทษจริง ๆ”

      
            และเสียงที่เคยหวานจนทำให้ผมหลงใหล ตอนนี้ความหวานนั้นกลับขมปร่าไปหมด

      
            “รักขอถามตรง ๆ เลยนะลิน ตลอดเวลาที่เราคบกันมาลินไม่คนรักกันเลยใช่หรือเปล่า” ผมถามพลางกดความรู้สึกเจ็บแปลบเอาไว้ ยังไงวันนี้ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่องถ้าจะจบก็ให้มันจบลงเลยตั้งแต่วันนี้ ผมจะได้กลับมารักษาใจตัวเอง

      
            “รักสิ ลินรักรักนะ แต่ ...”

      
            “หึ แต่ว่ารักไม่เท่าที่รักไอ้แทนใช่ไหม” ผมปล่อยคนรักออกจากอ้อมกอดดันเธอออกไปกลายเป็นเราต่างคนต่างนั่งห่างกันเป็นคืบ ซึ่งนั่นคงจะดีกว่าเพราะผมก็ไม่อยากทำให้เธอรู้สึกอึดอัดหรือถูกคุกคามจากห้วงอารมณ์ไม่ปกติของผม

      
            ชื่อของผมคือแทนรัก แม่บอกว่าผมเป็นตัวแทนความรักของพ่อและแม่ เช่นเดียวกับแทนคุณที่หมายถึงตัวแทนคำขอบคุณของพระเจ้าที่ส่งลูกมาให้พ่อและแม่ แต่เมื่อโตขึ้นผมกลับกลายเป็นตัวแทนความรักให้คนอื่นเสียอย่างนั้น ไม่เท่อย่างที่แม่เคยบอกไว้สักนิด

      
            “ลินขอโทษ ลินผิดเอง”

      
            “ใช่ ลินผิดอยู่แล้ว แต่คนที่ผิดกว่าคือใครรู้ไหม คือรักเองนี่แหละ! ที่รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังยอมโง่หวังว่าลินจะตัดใจจากไอ้แทนได้ รักดีใจแค่ไหนรู้ไหมตอนที่รู้ว่าไอ้แทนมันได้เจอคู่ของมันแล้วมันก็รักกันดี แต่สุดท้ายคนโง่ก็คือคนโง่ ลินก็ยังคงพยายามเข้าหาไอ้แทนอยู่ดี! ทำไมวะ!!”

      
            “ฮึก”

      
            “รักทำอะไรผิดอะลิน” ผมถามด้วยน้ำเสียงกระซิบแผ่วเบา รู้สึกหมดเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้หรือพยายามอะไรอีกต่อไป เพิ่งรับรู้ความรู้สึกลึก ๆ ของตัวเองก็วันนี้ว่าการพยายามเพื่อประคับประคองความสัมพันธ์เพียงฝ่ายเดียวมันเหนื่อยมากแค่ไหน

      
            “รักไม่ผิดเลย ลินขอโทษ ลินขอร้องอย่าทิ้งลินเลยนะ ลินรักรักนะ ลินรักรักจริง ๆ” ยิ่งได้ยินก็ยิ่งเจ็บ ผมเจ็บแปลบขึ้นมาที่อกข้างซ้ายไม่บอกก็รู้ว่าตัวเลขบนนั้นคงขยับไปไกลจากตรงกลางมากแล้ว เช่นเดียวกับนิลินที่กุมอกตัวเองไว้พร้อมกับช้อนมองมาด้วยสายตาเว้าวอน

      
            “เหอะ”

      
            ผมมันมีค่าแค่เอาไว้รักษาชีวิตของตัวเองก็เท่านั้น ไม่รู้ว่าจะมีทางไหนที่จะทำให้เรากลับมาคืนดีกันได้อีก มันดูไม่มีหนทางเลยจริง ๆ

      
            “เอาสิ ก็อยู่ด้วยกันไปแบบนี้แหละ ไหน ๆ ก็จากเป็นไม่ได้ อยู่จนกว่าจะจากตายไปเลยแล้วกัน!” ผมแค่นเสียงพูดออกมาแม้จะเจ็บเจียนตาย ก่อนจะใช้แรงทั้งหมดดันร่างกายของคนที่เป็นครึ่งชีวิตให้นอนราบไปกับโซฟา นิลินดิ้นเพื่อขัดขืนเพราะรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น

      
            “ดิ้นทำไมล่ะครับที่รัก อยากรักษาชีวิตตัวเองไว้ไม่ใช่หรือไง เราก็ต้องทำเพื่อให้เลขมันกลับมาเหมือนเดิมสิ” ผมแสยะยิ้มพูดออกไปราวกับว่าไม่รู้สึกรู้สาอะไร ก้มลงสบกับดวงตาหวานที่ผมเคยรักสุดหัวใจด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากรู้สึกอีก

      
            นิลินนิ่งไปอึดใจก่อนจะหยุดดิ้นแล้วใช้แขนทั้งสองคล้องคอผมเอาไว้ก่อนจะดึงเข้าไปใกล้จนริมฝีปากเราแตะกัน มันเย็นเฉียบคล้ายกับความรู้สึกเราสองคนตอนนี้ที่ดูห่างเหินและไกลเกินกว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม

      
            แต่ต่อให้ชีวิตหลังจากนี้มันจะเจ็บปวดเหมือนอยู่ในนรกแต่ผมก็ยินดีที่กระโจนลงไปให้ไฟมันแผดเผา ในเมื่อมันเลือกไม่ได้ผมก็ขออยู่ไปด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งชังในหัวใจนี้ก็แล้วกัน หลังจากนี้คิดว่าคงได้ใช้บริการจากแผนกพี่ชายตัวเองบ้างเสียแล้วและเริ่มเข้าใจคนไข้บางคนขึ้นมาด้วยเช่นกัน

      
            กับปัญหาคู่ชีวิตใช่ว่าบางทีมีแล้วมันจะราบรื่นเสมอไป หากใจคนมันจะไม่อยู่กับเราต่อให้มีพันธะทางจิตวิญญาณมันก็ช่วยรั้งอะไรไม่ได้อยู่ดี

      
            กว่าอารมณ์ที่พุ่งพล่านจะสงบลงฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้นมา ผมถัดตัวขึ้นเอนพิงหัวเตียงด้วยความเหนื่อยล้าและหัวที่ปวดตุบ ๆ กวาดสายตามองร่างของหญิงสาวที่แดงจัดไปทั่วตัว ย้อนคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าก็ได้แต่แค่นยิ้มอย่างสมเพชให้ตัวเอง เราต่างโยนอารมณ์ใส่กันและกันตลอดทั้งคืนมันไม่เหลือแล้วความอ่อนโยนหรือความรักในการสัมผัสกัน

      
            ผมถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นจัดการตัวเอง ต่อให้ชีวิตจะเฮงซวยเส็งเคร็งยังไงแต่หน้าที่รับผิดชอบชีวิตคนอื่นก็ยังต้องทำต่อไป คนเป็นหมอก็แบบนี้แหละครับ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็ลงมาชั้นล่างมองออกไปไม่เห็นรถของเพื่อนก็คงกลับกันไปแล้ว

      
            “ป้าดาวครับ เดี๋ยวช่วยทำข้าวต้มกับเตรียมยาแก้ไข้ไว้ทีนะครับ แล้วสักประมาณสิบโมงค่อยนำไปให้คุณลินข้างบน” ผมบอกป้าดาว แม่บ้านที่แม่ของผมส่งมาจากบ้านใหญ่คอยช่วยมาดูแลลูกชายของท่าน

      
            “ได้ค่ะ”

      
            “แล้วก็ ... อย่าบอกแม่ผมนะครับ พอดีเราทะเลาะกันนิดหน่อย” บอกกันเอาไว้เผื่อขึ้นไปเห็นสภาพห้องและสภาพของว่าที่ลูกสะใภ้คนเล็กของบ้านแล้วจะตกใจ เกิดไปบอกแม่ขึ้นมาผมยุ่งเลยนะ เก่งกาจในโลกข้างนอกแค่ไหนพออยู่ในบ้านกับพ่อแม่เราก็ยังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ อยู่ดีนั่นแหละ

      
            “ค่ะคุณรัก” ผมยกกาแฟดำซดจนหมดแก้วก็ออกจากบ้านตรงไปยังโรงพยาบาลเพื่อทำหน้าที่ตัวเองเหมือนเช่นทุกวัน ก่อนจะไปเข้าเวรของตัวเองก็แวะไปลางานให้นิลินเรียบร้อยเพื่อไม่ให้ใครมาว่าคนของผมลับหลังว่าทิ้งงานได้

      
            แต่วันนี้ดูเหมือนจะเป็นผมมากกว่าที่โดนผู้ใหญ่และเพื่อนด้วยกันเอ็ดว่าไม่มีสมาธิทำงาน เฮ้อ เอาหน่อยเว้ยไอ้รัก ชีวิตมันไม่ได้มีแค่เรื่องความรักอย่างเดียวเว้ย













      
            ผ่านไปเป็นอาทิตย์ ระหว่างผมกับนิลินก็ยังคงใช้ชีวิตไปตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนกับฝาแฝดตัวเองนั้นยังไม่ได้เคลียร์กัน ไม่ใช่ว่าไม่อยากเปิดใจคุยกันนะแต่เพราะต่างคนต่างยุ่งเลยไม่ได้เจอกันสักทีทั้งทีอยู่โรง’บาลเดียวกันแท้ ๆ

      
            ผมใช้เวลาในช่วงพักหลังจากกินข้าวเสร็จลงมาหากาแฟดื่มกระตุ้นตัวเองสักหน่อย แต่ก็บังเอิญเจอเจ้ากันต์อีกครั้ง น้องมันส่งยิ้มมาให้พร้อมกับเดินมานั่งลงที่โต๊ะเดียวกันกับผม

      
            “ไงเรา” ดูลักษณะแล้วคงเคลียร์กับไอ้พี่ชายผมเรียบร้อย

      
            “ก็ดีครับ พี่ล่ะเป็นไงบ้าง”

      
            “ก็ดี”

      
            เราต่างหัวเราะออกมาพร้อมกัน เพราะอยู่ในจุดเดียวกันเลยทำให้ผมกับน้องเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน ปากบอกทุกอย่างเคลียร์แล้วแต่ในใจมันก็ยังคงมีก้อนความขุ่นมัวตกตะกอนอยู่คงต้องใช้เวลากว่าอะไร ๆ มันจะดีขึ้น

      
            “แล้วนี่มาหาไอ้แทนมันเหรอ”

      
            “ครับ เอาข้าวมาส่ง” น้องมันชี้ถุงที่วางไว้ข้างตัว ผมพยักหน้ารับ อดอิจฉาไอ้แทนไม่ได้เลยที่ได้เจอคู่ชีวิตดี ๆ แบบนี้ เข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงยอมแลกทุกอย่างเพื่อรักษาคนตรงหน้าเอาไว้

      
            “มัน ... เป็นยังไงบ้าง”

      
            “พี่อยากฟังเรื่องไหนล่ะครับ” เนี่ย ไอ้เด็กนี่มันใช้ได้

      
            “หึ อยากเล่าให้พี่ฟังเรื่องไหนบ้างล่ะ” กันต์โคลงหัวไปมาอย่างกวนประสาท แต่สุดท้ายก็ยอมเปิดปากเล่าเรื่องจากฝั่งของไอ้แทนออกมาให้ผมได้รับรู้

      
            “ผมไม่ได้พูดเพราะจะเข้าข้างพี่แทนหรอกนะครับ ผมรู้ดีว่าพี่เองก็เจ็บเหมือนกันแต่ยังไงพี่สองคนก็เป็นพี่น้องกัน ลองหาเวลาคุยกันดูหน่อยนะครับเผื่อจะทำให้ความรู้สึกที่ติดค้างอยู่ในใจของพวกพี่มันดีขึ้น” ผมรับฟังสิ่งที่เด็กคนนี้พูดอย่างเต็มใจ คงเพราะเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายและมักพยายามเข้าใจคนอื่นเสมอทำให้น้องดูเป็นผู้ใหญ่พอที่จะอยู่เคียงข้างไอ้แทนได้

      
            “โกรธไอ้แทนมันบ้างไหม”

      
            “โกรธสิครับ ผมโกรธอยู่ตั้งหลายวันจนทำเอาเราเกือบตาย”

      
            “แล้วทำไมยอมให้โอกาสมันล่ะ”

      
            ผมกำแก้วกาแฟตัวเองที่ปล่อยให้หยดน้ำเกาะจนน้ำด้านในละลายเสียรสชาติกาแฟไว้แน่น กำมือและทิ้งสายตาอยู่แบบนั้นราวกับว่ากำลังหาที่ยึดเหนี่ยวตัวเองเพราะตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ที่ต้องคอยให้ใครสักคนดึงความกล้าหาญในตัวผมออกมา

      
            “เพราะรักล่ะมั้งครับ สุดท้ายผมก็เข้าใจว่าเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นไม่ได้มีแค่เราที่เสียใจอยู่ฝ่ายเดียว พี่แทนเขาก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่กลายเป็นคนทำร้ายน้องชายด้วยมือตัวเอง”

      
            “…”
   
      
            พอได้ยินแบบนั้นผมก็นึกย้อนไปถึงวัยเด็กที่เราสองคนตัวติดกัน เล่นด้วยกัน ไม่ยอมให้ใครมาแย่งความสนใจกันและกันไป มีอะไรก็คอยช่วยเหลือกันตลอด แม้เราจะเกิดวันเดียวกันห่างกันไม่กี่นาทีแต่แทนคุณก็บอกกับผมและตัวเองเสมอว่ามันเป็นพี่ มีอะไรมันจึงเสียสละให้ผมเสมอ เวลามีคนมารังแกผมมันก็จะเป็นคอยจัดการพวกนั้นให้ตลอด

      
            เคยมีอยู่ครั้งนึงสมัยมัธยมผมซ้อนมอ’ไซค์มันกลับบ้านแต่เพราะมีรถตัดหน้าเลยพาเราคว่ำจนทำให้เจ็บทั้งคู่ จำได้เลยว่าวันนั้นมันร้องไห้อย่างหนักเพราะเห็นผมกระดูกขาร้าวจากการถูกตัวรถทับ มันขอโทษพ่อกับแม่ ขอโทษผมอยู่หลายรอบที่ทำให้ผมเจ็บตัวเพราะตัวมันเอง

      
            นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่มันทำให้ผมเจ็บตัว แม้จะไม่ใช่ความผิดมันทั้งหมดก็ตาม ซึ่งไม่ได้ต่างจากครั้งนี้เลยสักนิดและความผิดครั้งนี้จะให้ผมทู่ซี้โยนให้มันผิดคนเดียวก็ใช่เรื่อง

      
            “สู้ ๆ นะพี่ ผมเชื่อว่าพี่สองคนจะผ่านมันไปได้”

      
            “ขอบใจมากนะกันต์ พี่ก็หวังให้เราผ่านมันไปได้เหมือนกัน” น้องค้อมหัวให้ก่อนจะเดินออกจากร้านกาแฟไป ผมละสายตาจากคนรักของพี่ชายกลับมาจมจ่อมกับความคิดตัวเองอีกครั้ง แต่สุดท้ายพระเจ้าก็คงเห็นใจเล็กน้อยไม่อยากให้ผมเส้นประสาทแตกตายไปกอน เสียงเรียกชื่อจากโอเปอร์เรเตอร์ก็ดังขึ้นจากการถูกตามตัวด่วน

      
            อาจจะเป็นหนึ่งในข้อดีของการเป็นหมอที่มีเวลาให้คิดแต่เรื่องงานจนลืมคิดเรื่องแย่ ๆ ไป
      
      

(ต่อข้างล่าง)
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER13 28/8/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 28-08-2018 19:35:18
(ต่อจากข้างบน)



            จบลงไปอีกอาทิตย์ของการทำงาน วันเสาร์นี้เป็นวันหยุดของผมและไอ้แทน ใช่ ผมไปแอบกระซิบถามผู้ช่วยมันมา ทำให้ตอนนี้ผมมายืนอยู่หน้าคอนโดของมัน ชั่งใจว่าจะโทรบอกให้มันลงมารับหรือจะรอจังหวะมีคนเปิดประตูแล้วทำเนียนเข้าไป

      
            “อ้าวคุณหมอแทน ลืมเอาคีย์การ์ดมาเหรอครับ” รปภ.หน้าตึกเข้ามาทักเมื่อเห็นผมยืนจดจ้องอยู่นาน เอาล่ะ มีหนทางที่จะเข้าแล้ว ข้อดีของการมีแฝดนี่แหละครับ

      
            “ครับ พอดีผมรีบ ๆ ยังไงรบกวนพี่เปิดให้ผมทีได้ไหมครับ” พี่รปภ.ตอบรับอย่างยินดี ผมได้แต่ขอโทษพี่เขาในใจแล้วเดินเข้ามาข้างในอย่างที่ไม่ทำให้ใครสงสัย

      
            ดีที่ลิฟต์ไม่ต้องใช้คีย์การ์ดไม่อย่างนั้นคงต้องรบกวนรีเซปชั่นให้ความแตกแน่ ๆ ผมยืนถอนหายใจอยู่หน้าห้องมันเพื่อทำใจ ยอมรับแมน ๆ ว่าไม่อยากเสียฟอร์มแต่ถ้าไม่ได้คุยกันผมก็คงไม่มีทางสบายใจ เรื่องราวมันค้างคามาหลายปีทำความสัมพันธ์พี่น้องพังย่อยยับมันถึงเวลาที่ต้องกู้กลับคืนมาเสียที
      
      
            ผมได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากอีกฝั่งนึงที่เป็นระเบียงออกไปสำหรับพักผ่อนของคนในคอนโด แล้วก็พบร่างผอม ๆ ของกันต์และแฝดพี่ตัวเองที่กำลังทำหน้าเหนื่อยฟังคนรักตัวเองบ่น พอได้ยินว่าน้องมันบ่นอะไรผมก็หลุดหัวเราะออกมา

      
            “พี่อย่าเล่นตัวหน่า โทรหาพี่รักเดี๋ยวนี้เลยว่าพี่เขา— พี่รัก!”

      
            “ไง”

      
            “อ่างั้นกันต์เข้าไปรอในห้องดีกว่า ไม่ดีกันไม่ต้องกลับเข้ามาเลยนะครับ” น้องมันหันไปบอกคนรักตัวเองพร้อมกับดึงคีย์การ์ดมาถือไว้

      
            “ใจเย็น ๆ กันด้วยนะครับ” คนเด็กสุดทิ้งท้ายเอาไว้แล้วหายเข้าไปในห้อง ทั้งทางเดินเงียบ ๆ เลยเหลือผมกับมันที่ยักไหล่แล้วหมุนตัวเดินกลับไปยังระเบียงโดยมีผมเดินตาม

      
            ผมกับมันยืนพิงเหล็กกั้นเอาไว้ มันหันหน้าออกและผมหันหน้าเข้าราวกับว่ากลัวที่จะมองหน้ากัน เราไม่ได้พูดอะไรกันเกือบห้านาที มันคล้ายจะเป็นความกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยเพราะต้องยอมรับว่าเราห่างกันไปนานมากแล้ว จะให้ต่อติดกันภายในชั่ววินาทีเดียวคงเป็นไปไม่ได้

      
            “กูขอโทษนะ” ไอ้แทนยังคงเป็นคนเอ่ยปากก่อน ผมก้มหน้าแค่นยิ้มกับตัวเอง มันก็ยังคงเป็นมันที่ไม่ว่าอะไรก็จะเป็นคนพูดขอโทษก่อนเสมอ

      
            “กูก็เหมือนกัน”

      
            “มึงไม่ผิดจะขอโทษทำไมวะ”

      
            “แล้วมึงผิดอะไรวะแทน มึงก็ไม่ผิดเหมือนกัน” ผมสวนทันทีเช่นกัน ถ้ามันบอกว่าผมไม่ผิด ผมก็ไม่คิดว่ามันผิดเช่นกัน เราต่างไม่รู้ เราต่างถูกหลอกใช้ความรักด้วยกันทั้งนั้น ไม่อยากจะโทษหรอกนะแต่เพราะผู้หญิงคนนี้ทำให้เราผิดใจกันจริง ๆ

      
            “ไม่รู้สิ กูรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนทำลายความรู้สึกของมึง วันที่มึงมาบอกกูว่าจะแต่งงานกับลิน แววตามึงมีความสุขมากเลยว่ะ มันทำให้กูรู้เลยว่ามึงรักเธอมากแค่ไหน กูถึงได้รู้สึกผิดมาจนทุกวันนี้ จนไม่กล้าไปเจอหน้ามึง เจอหน้าพ่อแม่”

      
            ผมฟังความในใจของพี่ชายด้วยอารมณ์คุกรุ่น ทำไมมันถึงเลือกให้คนนอกเข้ามาทำลายความสัมพันธ์ความเป็นพี่น้องของเราวะ ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจว่ามันรู้สึกผิดหรอกนะ แต่ไม่รู้ดิ มันน่าจะมีทางที่ดีกว่าปล่อยผมเคว้งอยู่คนเดียวมาหลายปีหรือเปล่าวะ


พลั่ก!

      
            ครับ ผมกระชากมันมาต่อยไปหนึ่งทีด้วยความหงุดหงิด มันหงายลงไปนอนกับพื้นเพราะไม่ได้ตั้งตัว แต่มันกลับมองผมด้วยสายตารู้สึกผิดและบอกราวกับว่าให้ผมต่อยมันอีก ต่อยจนกว่าจะพอใจ

      
            “กูถือว่าหายกัน จบเรื่องเหี้ย ๆ ไว้แค่นี้”

      
            แต่ผมก็ไม่ได้ทำมันอีกครั้ง ไม่ใช่ว่ามันรักผมฝ่ายเดียว ผมก็รักมันมากเหมือนกัน มันคงไม่รู้ว่าผมมองมันเป็นไอดอลมาตลอดและการที่ผมมาเป็นหมออยู่ทุกวันนี้นั่นก็เป็นเพราะมันเหมือนกัน ผมมันเด็กติดพี่ชายและที่บ้านรู้กันดี ตอนแรกที่จะสอบเข้าหมอพ่อกับแม่ก็เป็นห่วงว่าผมจะไม่เลือกทางที่ผมชอบจริง ๆ

      
            แต่ไม่มีใครรู้หรอกครับว่า ไอ้เด็กติดพี่คนนี้มันมีความสุขกับการที่จะได้ผ่านทุกช่วงชีวิตโดยมีพี่ชายตัวเองเคียงข้างแค่ไหน

      
            “แล้วมึงกับลินเป็นยังไงบ้าง” เราทั้งคู่เดินมานั่งกันที่ม้านั่งข้างกัน บรรยากาศความสบายใจเล็ก ๆ กลับมาอีกครั้ง

      
            “ก็คงต้องอยู่กันไปแบบนี้” ผมหัวเราะเมื่อเห็นคิ้วไอ้แทนขมวดแน่น มันหันมามองหน้าด้วยความไม่เข้าใจ

      
            “ทำไมวะ”

      
            “กูทั้งรักทั้งชังว่ะ ตอนนี้กูกับเขาก็เหมือนอยู่ไปเพื่อกันตายอะ มันสุขไม่สุดแต่มันก็ทุกข์ไม่สุด จริง ๆ มันก็ไม่ได้ต่างจากก่อนหน้านี้เท่าไหร่ เราต่างเล่นละครตบตากันมานานแล้วอะมึง”

      
            ผมเชื่อว่าผมกับนิลินรักกันจริงแต่ไม่ได้รักกันมากพอที่จะปล่อยเรื่องนี้ไปได้ ผมเป็นคนเจ็บแล้วจำ ส่วนเธอก็คงรู้สึกผิดและเคืองที่ทำให้ไอ้แทนมันกลับไปไม่ได้ สภาพระหว่างเราตอนนี้มันก็ไม่ต่างจากที่ผ่านมาเพราะรักแต่แค่ไม่แสดงออกในด้านแย่ ๆ ทำเป็นมองไม่เห็นความลับที่ถูกเผยออกมาจนกัดกร่อนความสัมพันธ์ก็เท่านั้น เราก็ยังคงพยายามปฏิบัติต่อกันเหมือนเดิม

      
            “มึงโอเคเหรอวะ”

      
            “ก็ไม่หรอก ถ้าอยากให้กูหลุดพ้นมึงกับทีมวิจัยก็รีบสร้างเครื่องทดเวลาให้สำเร็จสิ” ผมพูดแหย่จนไอ้แทนเบ้หน้าใส่ รู้กันดีว่าการจะทำให้เครื่องทดเวลาสำเร็จมันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย เขาทำกันมาหลายรอบแล้วและกว่ามันจะสำเร็จอาจจะต้องรอวิทยาการใหม่ ๆ ของอีกสิบปีข้างหน้าล่ะมั้ง
   
      
            “มีอะไรก็คุยกับกูได้เหมือนเดิม” ผมหันไปกระตุกยิ้มใส่คนฟอร์มมากที่พูดเสียงเบาแถมยังทำเป็นมองนั่นมองนี่ไปเรื่อยอีกต่างหาก

      
            “อืม มึงก็ด้วย”

                  
            “เออ”

      
            “แล้วมึงกับกันต์เป็นไงบ้างล่ะ”

      
            “น้องน่ารัก น้องดีมาก ๆ ดีมากจนกูรู้สึกเหี้ยที่ทำให้เขาเสียใจเลยล่ะ” ผมหัวเราะพลางตบบ่าไอ้แทนอย่างเข้าใจ คนแบบน้องกันต์ไม่ต้องพยายามทำอะไรแค่เป็นตัวเองที่ดีขนาดนั้นคงทำให้คนมีชนักติดหลังรู้สึกแย่ไม่ยาก

      
            “มึงโชคดีมากนะที่ได้เจอน้องมัน ใช้ความรักและเวลาเยียวยาไม่นานก็คงดีขึ้น”

      
            “กูก็หวังแบบนั้น”

      
            “รักษาน้องเอาไว้ให้ดีล่ะ”

      
            “กูรู้หน่า”

      
            “หึ” เราสองคนลุกขึ้นยืนเพื่อกลับไปที่ห้องไอ้แทน ผมมองแผ่นหลังพี่ชายตัวเองด้วยความคิดถึงก่อนจะกระตุกยิ้มแล้วกระโดดกอดคอมันไว้ ไอ้แทนหันมาจิ๊ปากใส่แต่ก็ยอมให้ผมกอดคออยู่แบบนั้น ระหว่างทางเดินกลับเราคุยกันถึงเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย

      
            “เดี๋ยวกูกลับเลยแล้วกัน”

      
            “อยู่ด้วยกันก่อนสิพี่รัก” กันต์โผล่หน้าออกจากครัวมาบอก

      
            “ไม่อยากเป็นก้างว่ะ” ผมขำเมื่อโดนเด็กมันกลอกตาใส่

      
            “อยู่กินข้าวด้วยกันก่อน” ไอ้แทนมันพูดนิ่ง ๆ ก่อนจะเดินหนีเข้าครัวไปหาแฟนมัน ส่วนผมที่เห็นหูแดง ๆ ของพี่ตัวเองแล้วก็หลุดหัวเราะเสียงดัง

      
            “ไอ้สัดรัก!”

      
            “คิดถึงกูก็พูด”

      
            “ไอ้ควาย!”

      
            “ฮ่า ๆ”

      
            ผมมองอาหารมากมายที่อยู่บนโต๊ะด้วยความตะลึงเล็กน้อย กินกันสามคนแต่กับข้าวเหมือนทำมาเลี้ยงทั้งคอนโด กันต์หลุดขำเมื่อเห็นสีหน้าผมก่อนจะพยักเพยิดไปทางไอ้พี่ชายตัวดีที่นั่งเก๊กหน้านิ่ง ผมอมยิ้มเมื่อเห็นอาหารเกินครึ่งในนี้นั้นเป็นของที่ผมชอบ

      
            สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นทำให้ผมมั่นใจแล้วว่า ต่อให้ความเป็นคนรักของผมและลินจะไม่เหลือชิ้นดี แต่ความเป็นพี่น้องของผมกับมันจะยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง













      
            “งานอาทิตย์นี้คือให้ไปสัมภาษณ์เพื่อนหนึ่งคน ในหัวข้อเกี่ยวกับเวลา ความยาวอย่างต่ำหนึ่งหน้ากระดาษ ไม่จำกัดคำถาม ทำเป็น Q&A ค่ะ” พอได้ยินสั่งงานก็โอดครวญกันเป็นแถวทั้งที่งานไม่ได้ยากมากหรอกแต่ขอให้ได้บ่นก่อน

      
            “เอ้า ๆ เดี๋ยวค่อยคุยฟังกันก่อน ส่วนคู่สัมภาษณ์เนี่ยจะให้จับฉลากนะคะ ที่ทำแบบนี้เพราะเราเป็นเซ็คใหญ่จะได้รู้จักกันทั่วถึง อีกอย่างในอนาคตคุณคงไม่ได้จะคุยแต่กับเพื่อนสนิทตัวเองหรอกเนอะ มาค่ะ เดินออกมาทีละแถว” อาจารย์อธิบายก่อนจะเปิดโปรแกรมสุ่มเพื่อให้เรากดสุ่มหาคู่ของตัวเอง

      
            วิชานี้เป็นวิชาเทคนิคการสัมภาษณ์งานก็ต้องมาแนวนี้อยู่แล้ว แต่ติดตรงที่กันต์ไม่ชอบสัมภาษณ์ใคร ไม่ชอบคุยกับใครเยอะ ๆ น่ะสิ แล้วดูสิงานนี้ต้องคุยกับคนไม่รู้จักแม้จะเห็นหน้าค่าตากันมาบ้าง แต่ก็ไม่รู้จักไง ไม่รู้ตอนนั้นคิดอะไรอยู่ถึงมาเรียนสื่อสารฯ คนตัวผอมพ่นลมออกมาอย่างท้อใจ

      
            พอถึงคิวกันต์ก็เดินไปกดปุ่มที่คีย์บอร์ดเพื่อเริ่มสุ่มแล้วนับ 1-3 ในใจก่อนจะกดหยุด ชื่อและรหัสของเพื่อนในคลาสเดียวกันปรากฏขึ้นมา ทำเรียวคิ้วสวยขมวดเข้าหากัน ปากเล็กขมุบขมิบกับตัวเองว่า “ใครวะ”

      
            “ใครได้คู่ใครก็ไปคุยกันนะ งานส่งอาทิตย์หน้าในคาบนะคะอย่าลืม วันนี้เท่านี้แหละค่ะ” พออาจารย์เดินออกไปกันต์กับดิมก็ไม่ได้รีบที่จะเข้าไปคุยอะไรนักเพราะหิวเกินกว่าจะมีอารมณ์คุยงาน เลยพากันเดินออกจากห้องทันทีแบบที่ไม่สนใจว่าคู่ตัวเองจะอยากคุยงานหรือเปล่า

      
            “ขี้เกียจชิบหาย งานใหม่มาอีกละ” ดิมเดินบ่นระหว่างกำลังกินข้าวที่โรงอาหาร วันนี้มีเรียนทั้งวันเลยทำเอากันต์ที่นั่งปั่นงานทั้งคืนเพิ่งได้นอนไปสามชั่วโมงนั่งกินข้าวตาปรือ

      
            “ไอ้กันต์ มึงกินให้เสร็จก่อนดิ๊ ลืมตา!”

      
            “ง่วงอะ”

      
            “ก็กูบอกแล้วให้รีบทำ ๆ เป็นไงล่ะ”

      
            “เอออ อย่าบ่นหน่า” กันต์เอียงหัวหลบมือเพื่อนที่เอื้อมมาจะดีดหน้าผาก ก้มหน้าก้มตากินข้าวตรงหน้าให้หมดจะได้มีเวลาเหลือไปงีบก่อนจะเข้าคลาสต่อ


ครืด ครืด ครืด


P’TANN <3 : ทำอะไรอยู่ครับ
P’TANN <3 : เรียนอยู่หรือเปล่า


      กันต์มองแจ้งเตือนแล้วลอบยิ้มออกมาจาง ๆ พักหลังเราไม่ค่อยได้เจอกันด้วยเพราะหน้าที่ของพี่เขาที่ตอนนี้กำลังเลื่อนเป็นอาจารย์หมอเพื่อนักศึกษาแพทย์ที่กำลังจะเข้ามาทำงาน และเขาเองที่กำลังจะใกล้สอบมีทั้งงานและเตรียมตัวอ่านหนังสือ


เพิ่งกินข้าวเสร็จค้าบ : Punnakann
พี่อะ ไม่มีตรวจเหรอ : Punnakann


P’TANN <3 : วันนี้เสร็จแล้วล่ะ
P’TANN <3 : *sent a photo*


            เขากดดูรูปที่อีกฝ่ายส่งมาก่อนจะตกใจเมื่อเห็นใบหน้าหล่อฉีกยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มกำลังนอนหนุนตักแม่ของเขาอยู่

      
            หนุนตักแม่เขาเนี่ยนะ!

      
            ไปสนิทกันขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน


P’TANN <3 : *sent a photo*

      
            รูปแรกยังไม่ทันถามให้เคลียร์รูปต่อมามีให้สงสัยอีกเมื่อกานต์หลานชายของเขานอนทับอกอีกฝ่ายอยู่ ทำไมเหมือนเป็นครอบครัวสุขสันต์ล่ะตกลงว่าใครเป็นลูกชายของบ้านกันแน่เนี่ย กันต์หลุดหัวเราะแม้จะสงสัยแต่ก็รู้สึกดีไม่น้อยที่พี่เขาเข้ากับที่บ้านได้ดีถึงจะยังโดนพี่ชายเขาแซะอยู่บ้าง


ไปอยู่บ้านกันต์ได้ไงเนี่ยย : Punnakann


P’TANN <3 : พี่เสร็จงานเร็ว ตอนแรกตั้งใจจะกลับบ้าน
P’TANN <3 : แต่พ่อกับแม่พี่ไปต่างประเทศ
P’TANN <3 : ก็เลยมาหาเราที่บ้าน แล้วเจอคุณน้ำพาหลานมาพอดี


อะไรอะ กันต์เป็นอาแท้ ๆ ยังไม่ได้เจอหลานเลย : Punnakann
ฮื่ออ คิดถึงน้องกานต์ : Punnakann


ครืด ครืด ครืด

      
            กันต์เงยหน้ามองหน้าห้องเมื่อยังไม่เห็นว่าอาจารย์เข้ามาจึงหยิบหูฟังมาเสียบแล้วกดรับสายวีดิโอคอลจากอีกฝ่าย กล้องสั่นไปมาเล็กน้อยเหมือนพี่เขากำลังหาที่วาง ก่อนที่หน้าจอจะฉายให้เห็นใบหน้าดูดีที่โทรมลงไปไม่น้อยแต่ก็ยังคงส่งยิ้มมาให้ อีกทั้งบนหน้าตักก็มีหลานชายตัวน้อยของเขานั่งจ้องมาตาแป๋วอยู่

      
            “ว่าไงคับน้องกานต์หลานอา หึยย คิดถึง”

      
            ( แอ๊ะ แอ๊ )

      
            ปากเล็กอ้าออกกว้างส่งเสียงอ้อแอ้กลับมา เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่ง ดิมที่เห็นเพื่อนหัวเราะก็โผล่หน้าเข้ามาดูด้วยอีกคน กันต์จึงได้ทีอวดหลานชายกับเพื่อนเสียเลย

      
            “หลานกู ๆ น่ารักปะ”

      
            “เออ หน้าโคตรเหมือนพี่น้ำเลย แต่ตาดูเจ้าเล่ห์ได้พี่กวิน”

      
            “ใช่ ๆ”

      
            “หวัดดีครับพี่แทน” ดิมทักทายแฟนเพื่อนก่อนจะผละออกมาปล่อยให้ครอบครัวเขาคุยกัน

      
            “พี่ได้นอนบ้างหรือยัง” กันต์เอ่ยถามคนรักด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เมื่อเห็นใต้ตาคล้ำและร่องรอยความเหนื่อยล้าปรากฏบนใบหน้านั้น

      
            ( นอนสิ ไม่นอนพี่คงแย่กว่านี้อีก เราล่ะแม่บ่นให้ฟังว่านอนน้อยเหมือนกันนี่ )

      
            “แหะ นิดหน่อยเองพี่ แค่ช่วงนี้แหละ”

      
            ( ดื้อนะ แล้วยังไม่ยอมบอกพี่อีก ) คนเด็กกว่ารีบยิ้มประจบเมื่อเห็นพี่เขาตีสีหน้าดุหรี่ตาคาดโทษมา นึกสภาพออกเลยว่าถ้ากลับไปถึงบ้านคงโดนบ่นแน่นอน

      
            “หูยย น้องกานต์ดูสิ อาแทนบ่นอาอีกแล้ว เอามือปิดปากอาแทนให้หน่อยเร้วว” กันต์ยิ้มจนตาหยีหยอกล้อกับหลานทำเอาคนอยากจะดุก็ดุไม่ออก จึงส่ายหัวไปมากับความขี้อ้อนที่นับวันยิ่งมากขึ้นทุกที

      
            ( เลิกเรียนกี่โมงครับ​ )

      
            “สี่โมงครับผม”

      
            ( งั้นเดี๋ยวพี่ไปรับนะ )

      
            “ไม่ต้องก็ได้ ๆ พี่รออยู่ที่บ้านนั่นแหละวันนี้ไอ้ดิมเอารถมาเดี๋ยวให้มันไปส่ง”

      
            ( เอางั้นหรอ )

      
            “ครับ กันต์อยากให้พี่พักอะ ระหว่างรอพี่ขึ้นไปงีบบนห้องกันต์ก็ได้นะ”

                  
            ( โอเคครับ ๆ งั้นเย็นนี้เจอกันนะ )

      
            คนเด็กกว่าพยักหน้ารับก่อนจะยกมือบ้ายบายทั้งอาและหลานแล้วกดวางสาย โดยมีสายตาล้อเลียนจากเพื่อนที่นั่งค้ำคางมองมาอยู่ กันต์เลิกคิ้วถามแต่ก็ได้รอยยิ้มกวนประสาทกลับมา

      
            “ปิดเทอมไปเที่ยวกันปะ”

      
            “เที่ยวไหนวะ”

      
            “ไม่รู้ว่ะ มึงมีไอเดียปะล่ะ”

      
            “หึ”

      
            บทสนทนาเรื่องจรรโลงใจจบแค่นั้นเมื่ออาจารย์ก้าวเข้ามาในห้อง คลาสเรียนเขียนสารคดีวันนี้มีวิทยากรมากประสบการณ์มาบรรยาย กันต์กระตือรือร้นที่จะเรียนด้วยเพราะชอบด้านการเขียน จนคาบเรียนที่ยาวนานกว่าสองชั่วโมงจบลงอย่างรวดเร็วในความรู้สึก ถึงจะชอบการเรียนวิชานี้แค่ไหนแต่ก็ดีใจที่หมดเวลาเสียทีเขาอยากกลับไปเจอคนที่บ้านจะแย่

      
            “ให้กูไปส่งใช่ปะ”

      
            “เออไปส่งหน่อย พี่แทนรออยู่ที่บ้าน” กว่าจะฝ่าการจราจรมาถึงบ้านก็ทำเอากันต์หลับไปหนึ่งตื่น

   
            “ขอบใจมากมึง”

      
            กันต์เดินเข้ามาในบ้านพบพ่อนั่งดูข่าวอยู่หน้าจอโทรทัศน์และแม่ที่เห็นหลังไว ๆ ในห้องครัว ส่วนคนที่มองหากลับไม่พบ ลูกชายคนเล็กเดินเข้ามากอดผู้เป็นพ่อด้วยความคิดถึงเพราะนานทีพ่อจะว่างจากงาน

      
            “ไงเรา อ้อนจะเอาอะไร”

      
            “พ่ออะ เปล่าซะหน่อย พี่แทนนอนอยู่เหรอ”

      
            “อืม เห็นเขาเพลีย ๆ พอหลานกลับก็เลยไล่ให้ขึ้นไปนอน” กันต์โคลงหัวรับแต่ยังไม่คลายกอด ทำเอาคนเป็นพ่อเหลือบมองลูกชายคนเล็กที่มาแปลกกว่าทุกที ปกติแล้วเจ้าลูกคนนี้จะสนิทกับแม่มากกว่าตัวเองแต่วันนี้กลับมากอดแบบนี้คงมีอะไรในใจ

      
            “พ่อ”

      
            “อืม”
   
      
            “แม่เคยทำให้พ่อโกรธบ้างไหม”

      
            “เคยสิ อยู่กันมาหลายปีจะไม่เคยได้ยังไง”

      
            “แล้วเคยเป็นเรื่องที่มันใหญ่มาก ๆ จนพ่อรู้สึกผิดหวังในตัวแม่บ้างหรือเปล่า” ผู้เป็นพ่อมองด้วยความเป็นห่วงอีหรอบนี้คงมีเรื่องกันมา เดาไปตามเรื่องราวคงไม่พ้นกับเรื่องคราวก่อนที่ทำลูกชายคนเล็กของตนหอบข้าวของหนีไปนอนบ้านพี่ชาย


            “ก็มีบ้าง แต่การที่เราผิดหวังเพราะเราคาดหวังใช่ไหม”

      
            “ก็ ... ครับ”
      
      
            “มันก็ไม่ผิดที่เราจะอยากคาดหวังใครสักคนที่เราให้ใจ แต่ทุกคนน่ะเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ย่อมมีข้อบกพร่องในตัวเองทั้งนั้น ขนาดเรายังทำพลาดได้แล้วทำไมคนอื่นเขาจะไม่ได้ล่ะถูกไหม”

      
            “…”

      
            “เราอาจจะรู้สึกว่าเราถูกทำร้ายความรู้สึก แต่ถ้าอีกฝ่ายเขามีเหตุผลที่ยอมรับได้หรืออย่างน้อยก็พอจะรับได้บ้าง เราก็ต้องถามตัวเองแล้วว่าเราจะเอาความรู้สึกแย่ ๆ พวกนั้นมาทำลายความรู้สึกดี ๆ ระหว่างกันหรือเปล่า”

      
            “หึ แต่กันต์รู้สึกแย่อะพ่อ บางทีมันก็เหมือนไม่กล้าสบตาเพราะกลัวจะแสดงอะไรออกไปยังไงไม่รู้ แบบนี้กันต์ควรทำยังไงดีครับ” กันต์กลายเป็นเด็กน้อยคนนึงที่กำลังเคว้งคว้างอยู่กลางทางต้องการพ่อกับแม่ช่วยปลอบประโลมและชี้นำอีกครั้ง

      
            “เพราะเรายังไม่ได้รู้สึกให้อภัยเขาจริง ๆ น่ะสิ ถึงปากบอกจะว่าไม่เป็นไร แต่ลึก ๆ เรายังไม่ได้รู้สึกแบบนั้นใช่ไหม”

      
            “ลองคิดดูนะว่าเขาทำผิดกับเราขนาดนั้นเลยเหรอ เราถึงไม่ยอมปล่อยวางจากก้อนหินหนัก ๆ ที่ถ่วงความรู้สึกเอาไว้เพื่อไปจับมือกันอีกครั้ง” ไม่ใช่พ่อตอบกลับเป็นแม่ที่เดินยิ้มเอ็นดูลูกชายคนเล็กที่เป็นคนตอบ ฝ่ามืออุ่น ๆ ที่คอยประคับประคองลูกคนนี้ประทับลงกลางกระหม่อมแล้วลูบเบา ๆ

      
            “ขอบคุณนะครับ งั้นกันต์ขึ้นไปหาพี่เขาก่อนนะ”

      
            กันต์รู้สึกเหมือนได้ปลดล็อกอะไรบางอย่างข้างใน เขากอดพ่อและแม่อีกครั้งแล้วลุกเดินขึ้นมาชั้นสองของบ้าน เปิดประตูเข้าไปก็พบร่างสูงใหญ่นอนกอดหมอนข้างจมอยู่ในห้วงนิทรา กันต์วางกระเป๋าลงอย่างเบามือแล้วค่อย ๆ คลานเข่าขึ้นเตียง ขยับเอนตัวนอนตะแคงมองคนรักที่แม้ในเวลานอนคิ้วก็ยังขมวดแน่นไม่ยอมคลาย

      
            นิ้วเรียวจึงยื่นไปคลึงหว่างคิ้วแผ่วเบานวดไปที่ขมับเพื่อช่วยผ่อนคลาย คนตัวโตขยับเอียงซบใบหน้าเข้าหาความอบอุ่นที่คุ้นเคย ปฏิกิริยาอัตโนมัติน่ารักแบบนั้นทำให้กันต์หลุดยิ้มออกมา มองมือตัวเองที่ถูกแนบแก้มอีกคนอยู่ด้วยความรู้สึกอุ่นในใจ

      
            นึกไปนึกมาก็อยากจะอวดช่วงเวลาแบบนั้นอย่างคนอื่นเขาบ้าง จึงหยิบโทรศัพท์ออกมากดถ่ายรูปมือตัวเองกับเสี้ยวหน้าพี่เขาแล้วอัพโหลดลงแอคเคาท์โซเชียลของตัวเอง



            ‘KANN.PK : เป็นของคุณ
      


            กันต์หัวเราะเมื่อเพื่อนหลายคนที่รู้จักรวมถึงดิมและจารินเข้ามาคอมเมนต์อย่างรวดเร็ว เพราะน้อยครั้งมากที่เขาจะเคลื่อนไหวแอคเคาท์ของตัวเอง พอโผล่มาอีกทีก็เป็นภาพที่สื่ออะไรได้หลายอย่างแบบนี้ กันต์ไม่คิดจะตอบกลับปล่อยไว้อย่างนั้นก่อนจะหันมาสนใจคนบนเตียงเหมือนเดิม

      
            คนตัวเล็กกว่าขยับเข้าไปใกล้ซบเข้ากับอกของพี่เขาอิงแอบเอาไออุ่นบ้าง ยิ่งคนตัวโตไม่ได้ใส่เสื้อยิ่งทำให้กันต์ได้สัมผัสอุณหภูมิร่างกายของพี่เขาได้ชัดเจน กันต์แนบใบหน้าลงในตำแหน่งเดียวกับตัวเลขสองหลักสีเหลืองบนอก นอนฟังเสียงหัวใจขยับเต้นเป็นจังหวะจนเพลินและหลับไปพร้อมกับหัวใจที่กลับมาเป็นสุขจริง ๆ อีกครั้ง

      
            โดยไม่ทันได้เห็นดวงตาคมที่เปิดขึ้นหลังจากนั้นฉายประกายความสุขมากแค่ไหน รอยยิ้มวาดออกมาอย่างเต็มแก้มอีกครั้งหลังจากไม่ได้ทำมานาน แทนคุณรู้ดีว่าตั้งแต่วันนั้นน้องก็มีระยะห่างต่อกันเพิ่มขึ้น เขารู้ดีว่าเพราะอะไรทั้งปัญหาวันนั้นที่ยังค้างคาใจและครั้งแรกของเราที่มันก้ำก่ึงระหว่างความเต็มใจและความจำยอม

      
            ก่อนหน้านี้แทนคุณได้แต่จับมือเล็กน้อยเพียงเท่านั้น เขาอดทนเพื่อรอเวลาวันที่น้องจะยอมเปิดใจให้กันอีกครั้งและนี่คงเป็นรางวัลของคนที่รอคอย วันนี้เขาได้น้องกลับคืนมาในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง แทนคุณไม่ขออะไรไปมากกว่าการที่ทุกวันหลังจากนี้เขาจะมีเด็กคนนี้อยู่เคียงข้างตลอดไป ไม่อยากให้มีอะไรมาทำให้เรารู้สึกไม่ดีต่อกันอีกแล้ว เขาได้แต่กระชับอ้อมกอดน้องและภาวนาให้พระเจ้าเข้าใจ









To be continued.
_____________________________________

TALK : โธ่ ๆ พี่แทนรักของน้อง
แทนคุณคือใครเอ่ยไม่รู้จักแล้วว อยากกอดพี่แทนรัก

ขอแจ้งนิดนึงค้าบ*
ตั้งแต่กันยาเป็นต้นไปเราทำงานแล้วและทำ 6 วันเลย
เวลาเขียนนิยายเลยลดลงมาก ๆ แต่จะพยายามมาให้บ่อยเท่าที่จะทำได้
อย่าเพิ่งลืมกันหรือทิ้งกันเลยน้า อยู่ด้วยกันก่อนนน ;-;

ยังไงก็ฝากคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้กันด้วยจ้า

TWITTER (https://twitter.com/19august___)


#ครึ่งชีวิตของผม
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER13 28/8/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 28-08-2018 21:07:46
ได้เติบโตขึ้นบ้าง ได้เรียนรู้ ถึงจะปล่อยวางได้นะ
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER13 28/8/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 28-08-2018 22:04:46
สงสารพี่แทนนนนนน
ลินก็น่าสงสารที่ปล่อยวางไม่ได้
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER13 28/8/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-08-2018 22:10:38
ดีใจที่พี่แทนกับพี่รักเคลียร์ปัญหาคาใจกันเรียบร้อยแล้ว เป็นกำลังใจให้พี่รักนะ
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER13 28/8/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 28-08-2018 23:46:55
ค่อยๆเรียนรู้กันไป
อะไรที่ปล่อยวางได้ก็ปล่อย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER13 28/8/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 18-09-2018 21:38:04


CHAPTER 14

I don’t want to see you with anyone else
But me.








22 มีนาคม 25xx

      
            กันต์รู้สึกตัวจากการถูกก่อกวนในเวลานอน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนที่เปลือกตาสีอ่อนจะค่อย ๆ ขยับเปิดขึ้นมา ภาพพร่ามัวในครรลองสายตาถูกปรับให้ชัดขึ้นตามกลไกของร่างกายเพื่อสบกับตาคมของคนที่นอนข้างกันตลอดทั้งคืน เพียงแค่สติฟื้นคืนมาก็เกิดอาการขลาดอายขึ้นมาเสียอย่างนั้นเมื่อนึกถึงสิ่งที่ทำลงไปเมื่อคืน และพี่เขาคงเห็นแล้วแน่นอนดูจากสายตาวาววับนั่น

      
            “อรุณสวัสดิ์ครับกระต่ายน้อย”

      
            “ค ครับ” แม้จะไม่ค่อยเข้าใจกับสรรพนามที่ถูกเรียกแต่เพราะยังเขินจึงไม่ได้สนใจจะไถ่ถาม กันต์ขยับตัวเพื่อจะลุกหนีแต่ก็ช้าไปแขนผอมถูกดึงไปจนหน้าซบอยู่กับอกพี่เขา

      
            “พี่แทน”

      
            “หืม”

      
            “ปล่อยเลยนะ”

      
            “ไม่ปล่อย ขอดูหน้าคนแอบถ่ายพี่ลงโซเชียลหน่อยซิ”

      
            แทนคุณก้มลงมองน้องที่มุ่ยหน้าอยู่บนอกตัวเองด้วยแววตาเอ็นดู ยิ่งเห็นแก้มที่ขึ้นสีอ่อน ๆ ยิ่งอยากฟัดใจจะขาดแต่ต้องอดใจเอาไว้ก่อน น้องคงไม่รู้หรอกว่าเมื่อเช้าพอตื่นมาแล้วเจอรูปตัวเองพร้อมกับคำบรรยายภาพแบบนั้น มันทำให้เขาใจเต้นแรงขนาดไหน

      
            “อะไรเล่า รู้ได้ไงว่าเป็นพี่ เห็นแค่นั้นเองอาจเป็นคนอื่นก็— อื้อ! พี่แทน” ปากที่เจื้อยแจ้วถูกบีบเมื่อกำลังพูดไม่ถูกหูคนฟัง

      
            “เดี๋ยวเถอะ”

      
            “งอนเหรอ” คนโตกว่าทำตาดุใส่แม้ในใจไม่ได้โกรธหรืองอนอะไรขนาดนั้น เพียงแต่ช่วงนี้ความรู้สึกมันอ่อนไหวพอโดนสะกิดนิดหน่อย ใจมันก็ชิงสั่นไม่สู้ดี

      
            “…”


      
            “ขอโทษนะครับ อย่างอนกันต์เลยนะ” กันต์วางคางบนอกแกร่งแล้วใช้จมูกดุนคางพี่เขาอย่างใจกล้าลืมความเขินอายไปหมดสิ้น

      
            คนถูกอ้อนถึงกับตัวเกร็งไปชั่วขณะเพราะไม่เคยเจอกับท่าทางแบบนี้ของน้อง แค่ช้อนสายตามองกันก็แทบบ้าแล้ว นี่อะไรคือการเอาจมูกมาดุนดันปัดป่ายคางเขาแบบนี้ ท่าทางเหมือนกระต่ายที่กำลังเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นแทนคุณก็บอกได้เลยว่า แพ้

      
            “โอเค ๆ” พอสีหน้าของคนโตกว่าคลายความนิ่งขรึมบนใบหน้า รอยยิ้มหวาน ๆ ที่เริ่มเห็นบ่อยขึ้นก็เผยออกมา นับวันกันต์ยิ่งแสดงกริยาน่ารักออกมาแบบที่เจ้าตัวคงไม่รู้ตัว

      
            จากวันแรกที่ได้เจอกันจนมาถึงวันนี้ที่ได้อยู่ด้วยกัน แทนคุณนึกเสียดายแทนคนรักเก่าที่เคยทิ้งหรือทำร้ายจิตใจน้องไป คนที่ดูภายนอกเหมือนไม่สนใจ ไม่ได้แคร์อะไรกลับเป็นคนที่แคร์มากกว่าที่คิดและน่ารักมากกว่าที่คาดไว้

      
            “นี่ 10 โมงกว่าแล้วนะ ไม่ไปทำงานเหรอครับ”

      
            “เข้าบ่ายครับ”

      
            “งั้นก็รีบไปอาบน้ำได้แล้วครับ เดี๋ยวสาย” คนแก่กว่าอิดออดไม่อยากออกไปทำงานเลยสักนิด พอเหนื่อย ๆ แล้วได้ชาร์จแบตจากน้องก็พาลเอาอยากนอนคุยนอนเล่นกันทั้งวัน

      
            พอนึกถึงความรับผิดชอบต่ออาชีพก็ทำให้ยอมลุกเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเอง ใช้เวลาไม่นานร่างสมส่วนที่อยู่ภายใต้ผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวไว้ผืนเดียวก็เดินออกจากห้องน้ำ ยืนมองเด็กที่ไม่ต้องไปเรียนวันนี้ด้วยนึกอิจฉา
   
      
            นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้พกชุดมาเผื่อแต่ก็แล้วเห็นชุดที่เขาใส่เมื่อวานซักและรีดแขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าเรียบร้อยก็หลุดยิ้มออกมา เหลือบมองน้องที่เล่นโทรศัพท์ทำเหมือนไม่สนใจแต่แก้มใสก็เป็นสีจาง ๆ

      
            “แล้ววันนี้เราจะทำอะไร”

      
            “อ่านหนังสือครับ แล้วก็คงเคลียร์งานด้วย”

      
            “สิ้นเดือนนี้พี่ออกตรวจยาวทุกวัน ไม่ได้เจอกันแน่เลย” คนแต่งตัวเสร็จก็เดินมาหากันต์ที่นั่งเอนหลังอยู่บนเตียง มือหนาอุ่น ๆ จับกระชับสองมือเล็กเอาไว้พลางใช้นิ้วโป้งลูบคลึงไปมือนุ่ม ๆ นั่นอย่างเพลิดเพลิน

      
            “ช่วงนี้กันต์เองก็ยุ่ง ๆ เหมือนกันใกล้ไฟนอลแล้วด้วยคงไปหาพี่ที่โรง’บาลไม่ได้แน่เลย”

      
            “ต้องคิดถึงมากแน่เลย”

      
            “เวอร์แล้วพี่แทน”

      
            “อะไรกัน เราจะไม่คิดถึงพี่เลยจริงอะ”

      
            “พอครับ ๆ ลงไปข้างล่างรอกินข้าวเลยเดี๋ยวกันต์ตามไป” กันต์ไม่ยอมให้พี่เขาต้อนจนอายอีก รีบลุกหนีเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ไล่หลังมา

      
            กว่าจะส่งคนโตที่วันนี้งอแงผิดปกติไปทำงานได้ แก้มของกันต์ก็แทบช้ำเพราะเอะอะก็ถูกจับฟัดจนเหนื่อยจะปราม ก็ถือว่ายอมให้เพราะหลังจากนี้คงได้เจอกันน้อยลงจริง ๆ พอพูดแล้วก็แอบใจหายขนาดตอนทะเลาะกันไม่เจอแค่ไม่กี่วันยังซึมเลย แล้วนี่เป็นอาทิตย์ ๆ จะทนไหวไหมนะ

      
            “เฮ้อ”

      
            หัวโต ๆ ถูกสะบัดไปมาเพื่อเอาเรื่องไม่ดีออกจากสมองก่อนจะเริ่มเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อลงมือเคลียร์งานต่าง ๆ ทั้งงานวิเคราะห์สถานการณ์ที่ต้องส่งถูกอาทิตย์ ไหนจะโปรเจ็กต์ภาพถ่ายไฟนอลที่ต้องจัดรูปเล่มส่งพิมพ์ แล้วยังจะงานใหม่ที่ต้องสัมภาษณ์เพื่อนอีก

      
            บ่นไปก็เท่านั้นสุดท้ายมือก็ต้องทำอยู่ดี เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วไม่รู้แต่ถ้าไม่ได้เสียงโทรศัพท์เรียกไว้เขาคงจมจ่อมกับงานตรงหน้าไปยันเย็นโดยไม่รู้ตัว

      
            peatx add you

      
            “ใครวะ” เพราะไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนแอดมาใหม่ทำให้กันต์ยังไม่กดรับ แต่ไม่นานเสียงข้อความเข้าใหม่ก็เตือนขึ้น และชื่อที่เห็นก็เป็นคนกัน


peatx : หวัดดี
peatx :  นี่ใช่กันต์ ปุณณกันต์ 614007 ปะครับ


อ่าใช่ ๆ : Punnakann
นี่ใครอะ : Punnakann


peatx : เราพีทนะ ที่จับคู่งานสัมกับกันต์อะ


เอ้ยย ใช่ เราลืมว่าจะหาคอนแทคอยู่ : Punnakann
ขอโทษทีๆ : Punnakann


peatx : ไม่เป็นไรๆ
peatx : เราจะมาถามว่าพรุ่งนี้เช้ากันต์ว่างมั้ย ตอนเย็นเรามีธุระน่ะ


จะสัมเลยใช่ปะ : Punnakann
ได้เลย เช้านี่กี่โมงดีอะ : Punnakann
ซักสิบโมงมั้ย เรามีเรียนเที่ยงครึ่ง : Punnakann


peatx : โอเคครับ
peatx : งั้นเจอกันหน้าตึกเนอะ


โอเคค : Punnakann


            หลังจากคุยงานเสร็จนัดแนะกันเรียบร้อยก็ขยับนิ้วไปเช็คห้องสนทนาของพี่เขาแต่ก็ไม่พบข้อความที่ฝากเอาไว้ ดูท่าจะงานยุ่งจนไม่ได้แตะโทรศัพท์เลยล่ะมั้ง กันต์ตัดสินใจทิ้งข้อความไว้เล็กน้อยก่อนจะกดล็อกโทรศัพท์เพื่อทำงานต่อ

      
            ด้านแทนคุนที่อยู่ภายใต้ยูนิฟอร์มของแพทย์รีบใช้เวลาพักสั้น ๆ พาตัวเองไปที่ร้านกาแฟด้านล่างพร้อมกับกล่องข้าวที่ฝากพยาบาลซื้อมา มือหนึ่งก็ตักข้าวเข้าปากอีกมือก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเช็คข้อความจากคนที่คิดถึง

      
            ‘ตั้งใจทำงานนะครับ อย่าลืมกินข้าวด้วยนะ’

      
            น่ารักจริง ๆ แฟนใครเนี่ย

      
            หึ จะหาว่าแทนคุณหลงน้องก็ย่อมได้ เขามีคู่น่ารักแบบนี้จะไม่ให้หลงไม่ให้รักยังไงไหว น้องเป็นแค่เด็กผู้ชายรูปร่างหน้าตาธรรมดาทั่วไป แต่รอยยิ้มกว้าง ๆ เผยให้เห็นฟันคู่หน้า กับดวงตาเรียวเล็กหางตกที่ดูเหมือนตระหนกตลอดเวลามันเป็นความพิเศษที่ดึงดูดใจ ไหนจะนิสัยเป็นคนตรง ถามตรง ตอบตรง ก็ทำให้เขาประทับใจ

      
            “ไอ้แทน”

      
            แทนคุณเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียกก็พบคนที่หน้าเหมือนตัวเองเดินเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวคู่กรณีที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังไม่สบตากันเหมือนทุกที ซึ่งเขาก็เข้าใจดีว่าเป็นเพราะอะไรและมันก็ดีแล้วที่ไม่คิดจะต่อความยาวอีก

      
            “ไงมึง พักเหมือนกันเหรอวะ”

      
            “เออ เดี๋ยวกูมานั่งด้วย ไปสั่งกาแฟแป็บ ... ลินเอาลาเต้ใช่ไหม” แทนรักบอกกับแฝดพี่ก่อนจะหันไปถามคู่ตัวเองที่ยืนเงียบผิดปกติหลังจากพาเดินเข้ามาหาแทนคุณ

      
            เมื่อแทนรักเดินไปทั้งโต๊ะจึงเหลือแต่บรรยากาศกระอักกระอ่วน แทนคุณก็นั่งกินข้าวพลางส่งข้อความไปก่อกวนน้องที่คงทำงานไม่ก็อ่านหนังสืออยู่ โดยไม่ได้สนใจหญิงสาวที่นั่งทำหน้าอมทุกข์อยู่ฝั่งตรงข้ามตัวเองแม้แต่น้อย และความกล้าที่เคยมีมาตลอดของนิลินเองก็หายไปตั้งแต่ในคืนนั้นแล้วเช่นกัน

      
            “แทนคะ”

      
            คนถูกเรียกทำเพียงแค่ละสายตาจากจอโทรศัพท์เหลือบขึ้นมองคนตรงหน้าเล็กน้อยเท่านั้น แค่ความนิ่งของในครั้งนี้ของแทนคุณมันต่างจากที่แล้วมา ก่อนหน้านี้นิลินยังสัมผัสได้ถึงความเกรงใจต่าง ๆ แต่คืนนั้นมันคือจุดแตกหักของความสัมพันธ์ทั้งหมดอย่างจริงจัง ความนิ่งและเฉยชาของแทนคุณจึงน่ากลัวกว่าทุกที

      
            นิลินกลืนก้อนความเสียใจลงไปยอมพูดสิ่งที่ติดอยู่ในใจตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาออกไป “ลินขอโทษนะคะ ขอโทษจริง ๆ” ดวงหน้าสวยสลดวูบเมื่อไม่ได้รับปฏิกิริยาตอบรับอะไรคืนมานอกจากความเงียบ

      
            “ลินคงไม่กล้าขอให้แทนยกโทษให้ แต่ลินอยากให้แทนรู้นะคะว่าตลอดเวลาที่เราคบกัน ลินรักแทนจริง ๆ”

      
            “พอเถอะ ถ้าคุณไม่รู้สึกผิดกับไอ้รักนั่นก็เรื่องของคุณ แต่ผมรู้สึกเพราะงั้นต่อให้เวลาที่ผ่านมามันจะดีแค่ไหน ผมก็ไม่สนใจ เอาเป็นว่ายกโทษให้และเราก็คงไม่มีอะไรติดค้างหรือต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก”

      
            แทนคุณเข็ดหลาบกับการเกรงใจจนทำให้คนที่เขารักเจ็บปวดมาแล้ว การที่กันต์ให้โอกาสเขาอีกครั้งนั่นหมายถึงว่าเขาจะไม่มีวันพลาดอีกเด็ดขาด ไม่คิดจะเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับผู้หญิงคนนี้แม้จะมีศักดิ์เป็นว่าที่น้องสะใภ้ก็ตาม

      
            “แทนคงรักเด็กคนนั้นมากเลยใช่ไหม ถ้าเด็กนั่นไม่ใช่คู่ของแทนล่ะยังจะเลือกอยู่หรือเปล่า” เมื่อได้ยินคำถามเขาถึงกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ นิลินยังหวังที่จะได้ยินคำตอบอะไรจากเขาอีกเหรอ

      
            “มันไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องตอบคุณ”

      
            คนถูกถามหมดอารมณ์จะนั่งพักต่อจึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมาทันทีที่พูดจบ สวนทางกับแทนรักที่กำลังเดินกลับมาแต่แรงตบลงที่บ่าจากน้องชายฝาแฝดก็เป็นอันเข้าใจกันดี แทนคุณส่ายหน้าเมื่อรู้ทันว่าการที่แทนรักปล่อยคู่ตัวเองเอาไว้เมื่อครู่นี้ก็เพื่อจะให้เคลียร์กัน

                  
            แต่ก็นั่นแหละทุกอย่างมันจบลงแล้ว ต่อจากนี้เขาจะใช้ทุกเวลาที่เหลืออยู่เพื่อรักและดูแลอีกครึ่งชีวิตของตัวเองอย่างดีที่สุดเท่านั้น ว่าแล้วก็อดคิดถึงน้องไม่ได้เลยป่านนี้มัวแต่ทำงานไม่รู้ได้กินอะไรบ้างหรือยัง












            สุดท้ายคนที่บอกงานยุ่ง มีเวลาพักผ่อนน้อยก็ยอมลากสังขารตัวเองออกจากคอนโดมาที่บ้านของคนรักตัวเองแต่เช้าตรู่เพื่อรับอีกฝ่ายไปส่งที่ตึกเรียน อาศัยช่วงเวลาบนท้องถนนในการใช้เวลาอยู่ร่วมกัน แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ยังดี
      
      
            แต่ตอนนี้กันต์กำลังยืนหน้ามุ่ยเถียงกับคนรักอยู่ว่าใครจะเป็นคนขับรถยนต์ในเช้าวันนี้ กันต์เองเห็นสภาพใบหน้าแบบคนพักผ่อนน้อยของพี่เขาก็ไม่อยากให้ขับรถขับรา แต่คนโตกว่าก็แสนดื้อรั้นไม่แพ้กันเพราะที่มาก็เพื่ออยากดูแลคนน้อง

      
            “เดี๋ยวกันต์ขับให้ดีกว่านะ”

      
            “พี่ขับได้”

      
            “พี่แทน”

      
            “โอเคครับ ๆ” ก็นั่นแหละแทนคุณแพ้กระต่ายแสนดื้อของตัวเองอยู่วันยังค่ำ ยอมสแกนนิ้วตัวเองลงบนรถยนต์เพื่อปลดล็อกแล้วขยับไปนั่งฝั่งข้างคนขับแต่โดยดี

      
            ระยะทางจากบ้านไปถึงสถาบันค่อนข้างใช้เวลานานเล็กน้อย แอร์เย็น ๆ ในห้องโดยสารกับทำนองเพลงช้า ๆ ช่วยขับกล่อมคนอ่อนล้าให้คอพับคออ่อนไปอย่างง่ายดาย กันต์ลอบขำออกมาเมื่อเห็นเช่นนั้นสิ้นฤทธิ์กับการอาการดื้อดึง ง่วงก็ยังจะออกมาอีกเขาไม่บ่นให้ก็ดีแล้วเพราะเข้าใจกับเหตุผลของพี่เขานั่นแหละ

      
            “พี่แทน พี่แทนครับ”

      
            “ห หือ ถึงแล้วเหรอ”

      
            “ใช่ครับ พี่ไหวไหมเนี่ย”

      
            “ไหว ๆ ...​ ไหวจริง ๆ” แทนคุณยิ้มให้น้องพลางลูบใบหน้าเพื่อเรียกสติตัวเอง เผลอหลับไปจนได้ทั้งที่คิดไว้ว่าจะใช้เวลาตอนนั่งรถมองหน้าน้องให้หายคิดถึงสักหน่อย

      
            “จะกลับคอนโดหรือไปโรง’บาลครับ”
   
      
            “ไปโรง’บาลเลยครับ พี่ออกตรวจ 11 โมง”

      
            “งั้นตั้งใจทำงานนะครับ ไปถึงก็งีบก่อนก็ได้นะครับยังพอมีเวลา แล้วให้พี่พยาบาลเขาปลุก” นิ้วเรียวเล็กลูบลงที่แก้มตอบของคนพี่อย่างเบามือพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง แทนคุณพยักหน้ารับพร้อมทำตามคำบอกของน้องอย่างเต็มใจ

      
            “เรียนเสร็จแล้ว text มานะ”

      
            “ครับ บายครับ” กันต์ชะโงกหน้าไปกดจูบลงที่ข้างแก้มคนพี่แล้วรีบลงจากรถอย่างว่องไวเพราะแอบเห็นสายตาพราวระยับกลับมา ขืนออกช้ากว่านี้ต้องโดนเอาคืนจนไปตามนัดเพื่อนสายแน่ ๆ

      
            กันต์มาก่อนเวลานัดสิบห้านาทีจึงใช้เวลาทวนคำถามที่จะใช้สัมภาษณ์เพื่อนอย่างไม่รีบร้อน เขาคิดว่าตัวเองไม่ใช่นักสัมภาษณ์ที่ดีสักเท่าไร ชวนไอ้ดิมให้มานั่งเป็นเพื่อนก็โดนเทเพราะง่วงจากกิจกรรมเมื่อคืน พอฟังแล้วก็แอบกลอกตาไปหนึ่งทีอย่างนึกหมั่นไส้้เพื่อนตัวเอง

      
            แต่ก็แอบนึกถึงคืนนั้นของตัวเองอยู่เหมือนกัน มันดีนะ ไม่ใช่ว่าไม่ดี เขารู้สึกดีมากเลยแต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเราไม่ได้เริ่มต้นด้วยความต้องการคลี่คลายปัญหาหรือเพื่อทำให้เลขบนอกมันกลับมาเหมือนเดิม พูดแล้วก็เบื่อกับโลกของตัวเองทำไมต้องเอาความเป็นคู่ไปผูกกับเวลาด้วยนะ

      
            “เฮ้อ ... เฮ้ย!” คนกำลังถอนหายใจอย่างเลื่อนลอยสะดุ้งสุดตัวเมื่อบ่าถูกสะกิดจากใครสักคน กันต์อุทานเสียงดังก่อนจะหันไปด้านหลังแล้วพบกับใครสักคนที่ไม่รู้จักแต่คุ้น ๆ หน้าอยู่นิดหน่อย

      
            “เฮ้ยเราขอโทษ ไม่คิดว่ากันต์จะตกใจขนาดนี้”

      
            “อ่า ไม่เป็นไร ๆ นี่พีทใช่ปะ?”

      
            “ครับ ตื่นเต้นนะเนี่ยได้คุยกับกันต์”

      
            “หือ ตื่นเต้นอะไรอะ”

      
            “ฮ่า ๆ ไม่มีอะไร ๆ เราแค่เห็นกันต์มาตั้งแต่เข้าเรียนแรก ๆ แล้วแต่ไม่มีโอกาสได้คุยกันเลยน่ะ” กันต์มองเพื่อนใหม่ที่ไม่ได้ใหม่เท่าไรหรอกพร้อมกับหัวเราะ เพราะเป็นคนพูดไม่เก่ง เข้ามาเรียนก็เกาะมากับดิมทำให้ได้คุยกับเพื่อนคนอื่นแบบผ่าน ๆ เวลามีงานกลุ่มเท่านั้น

      
            “อ๋า~ คุยได้นะเราไม่กัด ฮ่า ๆ ว่าแต่พีทอยู่เอกอะไรเหรอ”

      
            “ทีวีครับ ส่วนกันต์อยู่เจอาร์ใช่ปะเรารู้” 

      
            “เราดูแย่มากเลยอะ จำเพื่อนในเซ็คไม่เคยได้เลย” กันต์อดเขินไม่ได้ที่เพื่อนยังรู้แต่ตัวเองกลับไม่ได้ใส่ใจข้อมูลเพื่อนเท่าที่ควร พีทโบกมือเป็นเชิงไม่ถือสาหาความกับเพื่อนใหม่
   
      
            “เริ่มกันเลยไหม” พีทพยักหน้าก่อนที่เราทั้งคู่จะเริ่มผลัดกันถามคำถามที่เตรียมมา ตลอดระยะชั่วโมงกว่า ๆ ที่ได้พูดคุยทำให้กันต์รู้สึกดีกับเพื่อนใหม่คนนี้มาก อาจจะเพราะความคิดหรือเซนส์บางอย่างมันเข้ากันได้ดี

      
            ดิมกำลังมองเพื่อนตัวเองด้วยความสงสัยว่าทำไมวันนี้ติดโทรศัพท์ชอบกล จะบอกว่าคุยกับพี่แทนคุณ? ก็ไม่แน่ใจ ตั้งแต่มันคบกับพี่เขามาหลายเดือนก็ไม่เคยเห็นคุยโทรศัพท์บ่อยเท่านี้ หรือคุยกับเพื่อน? อันนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้กันใหญ่ กันต์มันไม่ได้มีเพื่อนสนิทถึงขนาดที่คุยกันได้ขนาดนี้นอกจากเขานี่

      
            “กันต์”

      
            “…”

      
            ยัง

      
            “ไอ้กันต์”

      
            “…”

      
            ยังคงนิ่งอยู่
   
      
            “ไอ้เชี่ยกันต์!”

      
            “เชี่ยดิม! ดีดหูกูไมเนี่ย เจ็บนะว้อย” คนตาเรียวหันมาค้อนขวับ ดิมถอนหายใจพร้อมกลอกตาใส่ ไม่ได้อยากจะแกล้งมันหรอกรู้ว่าผิวมันบางจับนิดจับหน่อยก็แดงแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาเพิ่งจะเรียกหรือเปล่า

      
            “กูเรียกมึงหลายรอบละ มัวแต่คุยกับใครวะ”

      
            “เพื่อน”

      
            “ใคร?” พอได้ยินคำตอบดิมก็ขมวดคิ้วทันที มันไปมีเพื่อนคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมเขาถึงไม่รู้

      
            “พีท ทีวี”

      
            “?”

      
            “คู่งานสัมกู”

      
            “เออ ๆ แล้วมึงจะกลับยังไง”
   
      
            “ไม่— อ้าวพีท ไหนบอกทำธุระไง”

      
            ยังไม่ทันได้ตอบคำถามจบ กันต์ก็หันไปทักใครสักคนแล้วยืนคุยอย่างสนิทสนม ภาพตรงหน้าที่ได้เห็นทำเอาเพื่อนสนิททั้งชีวิตอย่างดิมยืนงง คุ้นหน้าคุ้นตาไอ้เพื่อนใหม่นี่อยู่แต่ก็ไม่คิดว่าเพิ่งเจอกันไม่เท่าไหร่จะทำให้สนิทกันได้ขนาดนี้

      
            “เสร็จเร็วเลยกลับมาทำงานต่อที่มอ อะขนม” กันต์ตาวาวเมื่อเพื่อนใหม่ยื่นถุงกระดาษที่สกรีนด้านหน้าเป็นชื่อยี่ห้อบราวนี่ร้านโปรดของเขาท่ีเพิ่งพูดถึงกันไปในข้อความ ไม่คิดว่าอีกคนจะซื้อมาให้แบบนี้

      
            “เฮ้ย ซื้อมาจริงดิ เราพูดเล่นเฉย ๆ เอง”

      
            “230 .. ล้อเล่น ฮ่ะ ๆ ซื้อให้จริง ๆ ถือเป็นของขวัญรับเพื่อนใหม่ละกัน”

      
            “โหย งั้นพีทก็เสียเปรียบแย่เลยอะ มีลูกอมอยู่สองเม็ด เอาไปแค่นี้ก่อนได้ปะ” กันต์หัวเราะตาหยีเมื่อถูกอีกคนดีดหน้าผากฐานกวนประสาทแต่ก็ยอมรับลูกอมสองเม็ดในมือไป

      
            “ขอบใจนะ ซึ้งสุดเลยว่ะ”

      
            “ไว้คราวหน้า ๆ ถ้างานได้เอจะพาไปเลี้ยงข้าวเลย”

      
            ดิมที่ยืนมองเพื่อนตัวเองหัวร่อต่อกระซิกกับคนอื่นแล้วรู้สึกแปลก ๆ จะว่าหวงเพื่อนเหรอ ก็ไม่ได้ขนาดนั้น แค่แปลกใจล่ะมั้งว่าทำไมคนเข้ากับคนอื่นยากอย่างมันถึงเข้ากับเพื่อนใหม่หัวเทานี่ได้ง่าย ๆ แบบนี้ เขาปล่อยให้คนเห่อเพื่อนใหม่ยืนคุยกันไปส่วนตัวเองก็ตั้งใจจะเดินหลบฉากมา แต่ขยับไปได้แค่ไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงักเมื่อหันไปเจอพี่แทนคุณ

      
            อ้าว ชิบหายแน่นอนครับเพื่อนผม รังสีทะมึนแผ่ออกมาขนาดนี้ ต่อให้พี่เขาไม่ได้พูดคำว่าหึงก็รับรู้ได้เหมือนมีคำแปะอยู่บนหน้าผาก

      
            “อ่า หวัดดีครับพี่แทน”
   
      
            “ครับ นั่นใครน่ะ” ตรงประเด็นมากพี่

      
            “เห็นว่าเพื่อนใหม่อะพี่ เป็นคู่งานวิชาสัมภาษณ์ แม่งเพิ่งเจอกันนะเนี่ยแต่โคตรสนิทกันเลย สนิทกันจนผมงงอะ วันนี้ในคาบมันก็เอาแต่กดโทรศัพท์ตอนแรกผมก็นึกว่าคุยกับพี่” คนมีศักดิ์เป็นรุ่นน้องทำทีเหมือนเล่าอะไรไปเรื่อยเปื่อยแต่ก็ยอมรับว่าตั้งใจแกล้งเพื่อน

      
            เดี๋ยวมึงรู้เลยไอ้กันต์ว่าเวลาผัวหึงเป็นยังไง ชอบมาถามกูนัก 

      
            “พี่มารับมันใช่ปะครับ”

      
            “ครับ”

      
            “งั้นตามสบายนะพี่ ผมกลับละ” ดิมลาคนรักของเพื่อนแล้วก็เดินออกมาทันทีโดยที่ปล่อยระเบิดลูกใหญ่ไว้ตรงนั้นให้เพื่อนตัวดีจัดการเอาเอง


โชคดีนะเพื่อนรัก : Dimm

            
      
            “เอ้ย ต้องไปทำงานนี่หว่าเราก็ชวนคุยเพลิน”

      
            “ไม่เป็นไร เพื่อนเราเพิ่งออกจากหอเอง แล้วนี่กันต์กลับยังไงอะ” กันต์ที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าปล่อยเพื่อนตัวเองให้ยืนเคว้งคนเดียวก็รีบหันหลังกลับมาเพื่อจะเอ่ยปากถาม แต่แล้วก็เจอกับคนที่ไม่คิดว่าจะมาอยู่ตรงนี้

      
            “พี่แทน? มาได้ยังไงครับ”


            “แล้วทำไมพี่จะมาหาแฟนตัวเองไม่ได้ล่ะ”

      
            แทนคุณพ่นลมหายใจเพื่อระงับอาการหงุดหงิดแต่ก็ดูเหมือนจะทำได้ยากเหลือเกินในเวลานี้ แค่เห็นกระต่ายของตัวเองคุยกับคนอื่นก็อยากจะเดินไปแทรกกลาง แต่เพราะความเป็นผู้ใหญ่กว่าค้ำคอเลยทำได้เพียงยืนรอแค่นั้น

      
            สาบานจากใจว่าไม่ได้ตั้งใจใส่อารมณ์ไปในน้ำเสียง เพียงแต่การห้ามไม่ให้หึงหวงดูจะยากเกินความสามารถไปสักหน่อย เคยแต่แนะนำคนอื่นพอเจอกับตัวเองแล้วถึงรู้ว่าการหักห้ามใจมันไม่ง่ายเลยจริง ๆ

      
            มันไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความไม่เชื่อใจ แต่หวงแฟนไงครับ นั่นคือสิ่งที่แทนคุณอยากจะตะโกนออกไปแต่ก็ทำได้แค่ยิ้มบางให้เพื่อนใหม่ของน้อง ก่อนจะเดินไปโอบมือแตะอยู่ตรงบั้นเอวน้องเบา ๆ
   
      
            “อ่า … ค ครับ”

      
            กระต่ายตัวน้อยของเขาก็ยังคงน่ารัก ตอบรับเสียงเบาหวิวเพราะความเขินอาย แต่เกือบจะดีแล้วเชียวถ้าน้องไม่หันไปยิ้มให้ไอ้เพื่อนใหม่หน้าละอ่อนนั่น แทนคุณขบกรามตัวเองแน่นแม้ท่าทีเด็กตรงหน้าจะไม่ได้คุกคามหรือก้อร้อก้อติกน้อง แต่ก็ไว้ใจไม่ได้ น้องของเขานับวันยิ่งน่ารักแบบนี้ต้องป้องกันเอาไว้ก่อน
      
      
            “วันนี้พี่มารับไปคอนโดครับ ... ไปนะ คิดถึง” แทนคุณกระซิบบอกข้างหูคนข้าง ๆ แต่มั่นใจว่าคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลต้องได้ยินชัดครบถ้วนแน่นอน









To be continued.
_____________________________________

TALK : เสน่ห์แรงมากเลยหรอเราอะ ผู้รักผู้หลงมากเว่อ
อะให้พื้นที่เขาหวานกันหน่อยนะคุณ

ขอโทษที่หายไปนาน แต่ไม่ว่างเลยจ้ะ
ชีวิตการทำงานทำไมมันเหนื่อยแบบนี้ ;-;
ขอบคุณที่ยังรอกันนะคะ บอกเลยว่า อีกไม่นานก็จะจบแล้ว
อยู่ด้วยกันก่อนน้า


อย่าลืมคอมเมนต์หรือแท็กเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะจ๊ะพี่ๆ

TWITTER (https://twitter.com/19august___)


#ครึ่งชีวิตของผม
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER14 18/9/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: fon270640 ที่ 18-09-2018 23:21:26
น่ารักจังเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER14 18/9/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 20-09-2018 07:24:12
เอ้อออออ เห็นพี่แทนหวงน้องแล้วมันก็กร้าวววว :-[
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER14 18/9/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-09-2018 14:15:49
ดีๆ ไปคิดถึงกันที่คอนโดเลย
กันต์ ชักจะเสน่ห์แรงเกินไปแล้วนะ
พี่แทนยิ่งขี้หึงอยู่ด้วย  :เฮ้อ:

นิลินนี่ด้านชา เกินเยียวยา  :z6: :angry2:
ปากก็ขอโทษรัก ไม่ให้รักทิ้งนาง
ปากขอโทษแทน  แต่ในใจนางไม่ใช่เลย ไม่รู้สึกสำนึกผิดเลย
พอเจอแทนก็ยังพาดพิงมาถึงกันต์อีก วุ่นวายกับแทนไม่เลิก
แทนจะรักคู่ของตัวเองมันก็ถูกต้องแล้วนี่ นางช่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดีสักที

แทน  กันต์   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER14 18/9/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-09-2018 16:55:00
ดูท่าแล้วลินจะไม่ยอมจบง่ายๆเลย
ยังไม่สำนึกเลยว่าตัวเองผิด

ส่วนน้องกันต์ช่วงนี้สเน่ห์แรงมากเลยนะ
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER14 18/9/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-09-2018 18:58:55
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER14 18/9/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 20-09-2018 21:40:43
เบื่อพี่แทนอ้ะ
ทำไมต้องดี ทำไมต้องหล่อ  รักเดียวใจเดียวอีก 

อิจน้องกันต์
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER14 18/9/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 26-09-2018 15:21:48
จะมีปัญหาตามมามั้ย
ทำไมไม่ระวังตัวเองเลยนะกันต์ รอบนั้นก็ทีนึงละ
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER14 18/9/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 12-10-2018 22:14:23


CHAPTER 15

You’re mine and only mine, all rights reserved.








            กันต์ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรผิดเพราะตั้งแต่ขึ้นรถมาบรรยากาศก็เปลี่ยนไปทันที มันมีแต่ความเงียบที่เขาเดาอารมณ์คนข้าง ๆ ไม่ถูก ภายในรถมีเพียงแค่เสียงแอร์และเสียงลมหายใจของเราสองคนเท่านั้น กันต์แอบมองลอดใต้เสื้อตัวเองเข้าไปก็ไม่พบว่าตัวเลขขยับเขยื้อนแต่อย่างใด


            แล้วพี่แทนเป็นอะไรหว่า?

      
            คนโตกว่ากดลมหายใจให้อยู่ในระดับที่สงบ บังคับใบหน้าตัวเองให้ไม่แสดงอาการอะไรไปมากกว่าความนิ่งเฉย แม้ในใจจะมันเขี้ยวน้องที่ทำหน้าซึมเหมือนโดนห้ามกินแครอทอย่างไรอย่างนั้น ไหนจะท่าทางที่เหลือบมองเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ชวนให้อยากวาร์ปไปที่ห้องเสียเดี๋ยวนี้

      
            หากมีคนมาถามเขาว่า การอดทนที่ยากที่สุดในชีวิตคืออะไร

      
            ก็ขอตอบในทันทีว่า อดทนไม่ให้ฟัดกันต์ทุกเช้าเย็นนี่แหละยากที่สุดในชีวิตแล้ว

      
            หลังจากจอดรถยนต์เรียบร้อยแล้วคนน้องก็เดินกำสายกระเป๋าตัวเองแน่นด้วยความไม่สบายใจ เพราะไม่ว่าจะพูดอะไรไปพี่เขาก็ไม่หือไม่อืออะไรกลับมาเลย นั่นทำให้ใจเสียพยายามทบทวนความคิดตัวเองว่าเผลอทำอะไรให้โกรธหรือเปล่า แต่นึกจนสมองแทบแตกก็ยังนึกไม่ออก

      
            แต่ทันทีที่เข้ามาในลิฟต์ร่างผอม ๆ ของกันต์ก็ถูกโอบรั้งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วโดยมีร่างกายของแทนคุณอยู่ด้านหลัง ใบหน้าหล่อลดลงมาแนบชิดกับข้างแก้มน้องพร้อมพ่นลมหายใจอุ่นร้อนชวนให้ใจสั่นไหว แทนคุณลอบยิ้มเมื่อเห็นอาการแข็งขืนของน้องในอ้อมแขน

      
            “เด็กไม่ดีต้องโดนลงโทษ”

      
            “ลง— อ๊ะ! พ พี่แทน” กันต์เผลอส่งเสียงออกมาด้วยความตกใจเมื่อถูกพี่เขาขบกัดลงที่ใบหู ใบหน้าซีดสลับแดงกลายเป็นกระต่ายตื่นตูมที่ทำเอาคนขี้แกล้งลอบยิ้ม นิ้วร้อนไล่วนช่วงเอวผ่านเนื้อผ้าบางทำเอาคนเด็กกว่าเผลอเกร็งหน้าท้องพร้อมกับความรู้สึกที่ตีขึ้นมา


ติ๊ง!

      
            โชคดีที่ลิฟต์มาถึงชั้นก่อนที่เขาทั้งคู่จะเผลอตัวเผลอใจกันไปมากกว่านี้ สงสารคนเฝ้ากล้องวงจรปิดเลยทีเดียว ระหว่างทางเดินมาถึงประตูห้องแขนใหญ่ไม่ปล่อยห่างออกจากเอวน้องเลยสักนิด

      
            ส่วนกันต์เองก็ได้แต่เดินก้มหน้าก้มตาซ่อนความแดงจัดของร่างกายเอาไว้ ไม่ได้คิดไว้เลยว่าพี่เขาจะทำแบบนั้นในลิฟต์มันน่าอายจะตาย แต่กันต์ได้แต่ครวญครางกับตัวเองเท่านั้นเพราะคนเริ่มกลับเดินตาเป็นประกายไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร

      
            “เดี๋ยว ๆ เดี๋ยวครับพี่แทน”

      
            แค่พอเข้ามาในห้องเท่านั้นแหละกันต์ก็ถูกรั้งในตักพี่เขาทันทีแบบไม่ให้ตั้งตัว สภาพกันต์ในตอนนี้กลายเป็นกระต่ายตื่นตูมโดยสมบูรณ์ ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างด้วยความเหลอเหลอทำตัวไม่ถูก ตั้งแต่ตกลงปลงใจกันมา ผ่านค่ำคืนแรกมาด้วยกัน พี่เขาไม่เคยรุกใส่ขนาดนี้มาก่อน

      
            “ว่าไง”

      
            “พี่แทนเป็นอะไร ทำไมวันนี้ดู ... รุกผิดปกติ”
   
      
            “ก็บอกแล้วว่าเด็กไม่ดีต้องโดนทำโทษ”

      
            “อื้อ ด เดี๋ยวสิครับ กันต์ไม่เข้าใจอะ” กันต์ถูกทำโทษด้วยกันขบริมฝีปากล่างคล้ายจะหยอกล้อมากกว่า แต่การกระทำนั่นก็ยิ่งทำให้เขาตาลีตาเหลือกด้วยความไม่เข้าใจ


ครืด ครืด ครืด

      
            กันต์สะดุ้งกับเสียงสั่นเตือนจากโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะด้านหน้าถัดจากโซฟา เราทั้งคู่หันไปมองบนหน้าจอและชื่อที่ปรากฏขึ้นมานั่นทำให้เรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน แทนคุณพ่นลมหายใจออกก่อนจะกระตุกยิ้มเมื่อลากสายตากลับมาที่หน้าของน้อง

      
            “ขอผมตอบข้อความเพื่อนก่อนได้ไหมครับ เผื่อมีเรื่องอะไรด่วน” ไอ้ท่าทางการช้อนตามองเพื่ออ้อนน่ะถ้าไปทำวันอื่นคงแพ้ราบคาบ แต่วันนี้ไม่มีการลดหย่อนโทษให้จำเลยอย่างแน่นอน

      
            “หมดเวลาคุยกับเพื่อนแล้วครับ คุยกับผ...พี่ดีกว่า” เสียงทุ้มที่กระซิบชิดข้างแก้มทำเอากันต์ถึงกับมือไม้อ่อนปล่อยให้โทรศัพท์ร่วงหล่นลงบนพื้น

      
            ก่อนที่ริมฝีปากจะถูกครอบครองอย่างไม่ได้ตั้งตัว คนโตกว่ารุกไล่ตามละเลียดชิมรสเยลลี่หวานนุ่มส่วนตัวไม่ยอมห่าง กายผอมที่อยู่บนหน้าขาถูกจับให้เปลี่ยนท่ากลายเป็นนั่งตัก ท่าทางชวนน่าอายทำให้เจ้าตัวพยายามซ่อนหลบซ่อนใบหน้าแต่ก็เท่านั้นเมื่อแรงที่มีสู้คนพี่ไม่ได้

      
            ใบหน้าเล็กยังคงถูกล็อคเอาไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่ แทนคุณไม่ปล่อยให้หยาดน้ำใสเล็ดลอดออกไปแม้เพียงหยดเดียว ความหวานล้ำที่ใครเขาว่ากันมันคงไม่ได้หมายถึงรสชาติแต่คงเปรียบกับความรู้สึกเมื่อได้สัมผัสและกลืนกินคนที่รักมากกว่า

      
            เนิ่นนานจนแทบหมดลมหายใจ มือเรียวขยุ้มไหล่พี่เขาเป็นเชิงร้องขอให้ได้มีโอกาสสูดลมหายใจสักระยะ เมื่อแทนคุณผละออกมากันต์ก็หอบหายใจอย่างแรงเพื่อกอบโกยอากาศเข้าไปชดเชยเมื่อครู่ ปากของน้องเริ่มบวมแดงจากการดื้อดึงของตัวเอง แอบรู้สึกผิดไม่น้อยแต่ก็อดใจไม่ไหวเลยสักนิด
   
      
            พอเป็นกันต์แล้ว เขาก็ลืมวิธีการควบคุมตัวเองไปจนสิ้น

      
            ก้านนิ้วยาวไกล่เกลี่ยที่ริมฝีปากนั้นอย่างแผ่วเบาเป็นการขอโทษกลาย ๆ ส่วนสันจมูกโด่งที่ยังซุกซนอยู่กับซอกคอขาวไม่ยอมไปไหน เพราะน้องเป็นคนตัวผอมและค่อนข้างสูงทำให้ลำคอเรียวยาว มันน่ามองมากและเป็นส่วนที่เขาชอบเข้าไปวุ่นวายมากที่สุด

      
            “ฮ ฮื่อ พ พี่แทน”

      
            กันต์หลุดครางเสียงแผ่วเมื่อช่วงรอยบุ๋มที่ลาดไหล่โดนดูดดึงจนเป็นสีแดง แทนคุณที่ถูกประท้วงเพราะความเจ็บจากการกระทำตัวเอง จึงไถ่โทษด้วยการใช้เกลียวลิ้นแลบเลียลงบนรอยนั่น แต่กลับยิ่งคล้ายจะแกล้งกันเสียมากกว่าเมื่อมันเรียกเสียงหวานให้ดังกว่าเดิม

      
            กว่าจะรู้ตัวว่าร่างกายของตัวเองถูกพี่เขาสำรวจไปถึงไหนต่อไหนก็เมื่อได้สติสะดุ้งกับความเย็นของแอร์ตกกระทบผิว ขนเส้นเล็กตามร่างกายลุกเกรียวกราวจากทั้งการหยอกล้อจากสัมผัส ทั้งความรู้สึกวาบหวามที่ตีรวน

      
            แผ่นอกเล็กโก่งโค้งบดเบียดกับใบหน้าของคนโตกว่าเมื่อจุดสีอ่อนทั้งสองข้างถูกไล้เลีย เมื่อข้างนึงครอบครองด้วยริมฝีปาก อีกข้างแทนคุณก็ไม่คิดจะปล่อยให้ว่างด้วยการใช้นิ้วทั้งสองคีบมันขึ้นมาจนเต่งตึงแล้วขยี้เรียกอารมณ์ให้พุ่งทะยาน เสียงลามกที่ออกมาระหว่างที่อีกคนใช้ปากกับยอดอกมันชวนหน้าอายเสียเหลือเกิน

      
            และเป็นอีกครั้งที่แทนคุณทิ้งจุมพิตลงบนตัวเลขสีเหลืองบนอกข้างซ้ายของน้องด้วยความรัก กันต์ชะงักลมหายใจเมื่อรับรู้ถึงความรู้สึกที่อุ่นวาบไปทั้งหัวใจ

      
            พี่แทนคงไม่รู้ว่า ทุกครั้งที่ถูกจูบลงมาบนอก ไอ้กันต์คนนี้อ่อนยวบยาบคล้ายจะตายให้ได้เลย

      
            แทนคุณยังคงใช้ปากของตัวเองอย่างเป็นประโยชน์ถึงที่สุด แตะแต้มแสดงความเป็นเจ้าของตั้งแต่ลำคอเรื่อยมาจนผ่านจุดน่าหวาดเสียว ลัดเลาะไปตามเนื้อหนังอ่อนนุ่มที่แอบแฝงความเจ้าเนื้อเล็ก ๆ ไว้ จนกระทั่งถึงฝ่าเท้าขาวที่เหยียดเกร็งเป็นระยะจากแรงอารมณ์

      
            เขากดจูบลงบนหน้าเท้าของน้องอย่างไม่รังเกียจ แต่คนถูกกระทำกลับชะงักงันก่อนจะผุดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วพยายามชักขากลับคืน ทว่าคนดื้อดึงกลับไม่ยินยอมยังคงจับฝ่าเท้าน้องวางแนบลงบนอกตัวเองอยู่แบบนั้น วางลงบนตัวเลข 50 อันนั้น

      
            “พี่แทน! ทำอะไรเนี่ย ไม่เอา พี่โตกว่ากันต์นะ” กระต่ายน้อยเบิกตากว้างร้องบอกเสียงตื่นตูม แทนคุณอมยิ้มเมื่อรู้สึกเหมือนเห็นภาพหูที่ตั้งชี้ขึ้นในขณะที่โวยวายใส่

      
            “พี่เป็นของเรานะ เป็นของเราทั้งหมด ไอ้สิ่งที่มันกำลังเต้นหรือแม้แต่ไอ้ตัวเลขพวกนี้ มันอยู่ใต้เท้าเราแล้ว พี่ให้เราไปหมดแล้ว”

      
            ให้น้องไปหมดแล้ว ทั้งร่างกาย หัวใจและจิตวิญญาณ ให้ไปชนิดที่ไม่เคยมีเสี้ยวความคิดที่จะเรียกมันกลับคืน เขาไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะรู้สึกรักใครได้อีกหลังจากถูกทำร้ายหัวใจจนแหลกสลาย แต่ในวันที่เขาพบน้องที่ห้องเรียนวันนั้น หัวใจที่มันเฉยชากลับเต้นแรงรัว

      
            แบบนี้สินะที่คนเขาเคยพูดกันว่า เมื่อถึงเวลา หัวใจของเราก็จะได้เจอกับคนที่คู่ควร
   
      
            “พี่แทน”

      
            กระต่ายตัวผอมของเจ้าของที่แสนดีเอ่ยขึ้นพร้อมกับดวงตาพร่ามัว แทนคุณโน้มตัวลงไปจูบลงบนหน้าผากไล่เรียงลงมาที่ปลายจมูกกลม แก้มขาว และปากนุ่มนิ่ม ก่อนจะพลิกเปลี่ยนอารมณ์ด้วยการลงลิ้นรัวที่ยอดอกจนคนน้องตั้งตัวไม่ทัน

      
            “อะ อื้อ! พ พี่แทน ฮะ จะ ใจเย็นก่อน” ความเสียดเสียวที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ร่างกายเหยียดตึงสลับกับงองุ้ม ระบบหายใจทำงานไม่เป็นจังหวะ ทุกอย่างมันรวนไปหมดแม้แต่สารในสมอง

      
            สะโพกเล็กถูกจับพลิกคว่ำก่อนจะรับสัมผัสความเย็นจากสารหล่อลื่นที่แทนคุณใช้มันพร้อมกับนิ้วยาวของตัวเองเข้าไปขยับขยายช่องทาง เสียงทุ้มหวานที่ดังให้ได้ยินยิ่งช่วยเพิ่มอารมณ์ให้ส่วนกลางของแทนคุณแข็งขืนกว่าเดิม จนต้องยินยอมให้มันได้ใกล้ชิดกับผู้เป็นเจ้าของตัวจริง

      
            แกนกายที่ถูกสวมทับด้วยเครื่องป้องกันขยับระรัวรวดเร็วและเร่งรีบราวกับว่ากลัวจะไม่ได้ทำมัน ซาลาเปาก้อนกลมถูกบีบเค้นขึ้นสีแดงตัดกับผิวขาว ๆ ทำให้คนหลงน้องอดมันเขี้ยวไม่ได้ จนต้องก้มลงไปกัดฝากรอยฟันเอาไว้เป็นของแถม

      
            กันต์เอี้ยวไปหน้ามาหาพี่เขาเพื่อเรียกร้องความใกล้ชิด แทนคุณโอนอ่อนตามใจโน้มตัวไปป้อนจูบหวาน ๆ พร้อมกับแขนแกร่งทั้งสองข้างที่โอบรัดรอบตัวน้องเอาไว้จนเราแนบชิดกันทุกสัดส่วน โซฟาที่ขยับเขยื้อนไปตามแรงส่งมันกลายเป็นตัวช่วยในการสอดรับกันและกันได้ดีในระดับนึงเลยทีเดียว
   
      
            “หนู”

      
            “ฮื่อ พี่ พี่จ๋า”

      
            สรรพนามที่เขาเคยร้องขอในครั้งก่อนได้ถูกตอบสนองในคราวนี้ ส่วนกลางขยายขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้รับการเร้าอารมณ์กันต์ครางลั่นเสียงสั่นทันที หัวโต ๆ ที่ชอบถูกเพื่อนสนิทเรียกนั้นสะบัดไปมาเพื่ออุทธรณ์ต่อพี่เขาว่าตัวเองจะไม่ไหวแล้ว ยิ่งอารมณ์ที่พุ่งสูงก็ยิ่งยากจะหักห้ามตัวเอง

      
            สะโพกขาวขยับโยกกลับคืนช่วยกันผลักดันและหนุนส่ง แทนคุณอยากฟัดคนขี้ยั่วให้หมดแรงนักใครสอนกันว่าให้ทำแบบนี้ มันยิ่งทำให้เขาคลั่งมากกว่าเดิมน่ะสิ

      
            แทนคุณนึกอยากเปลี่ยนท่าทางจึงพาน้องยืนขึ้นแล้วยึดพนักโซฟาเอาไว้เป็นหลัก ก่อนจะกระโจนใส่อีกครั้ง ดวงตาวาววับเป็นประกายราวกับพรานกำลังล่าเหยื่อที่เป็นกระต่ายตัวน้อยเอาไว้ด้วยลูกกระสุนแห่งความรู้สึก แรงส่งสุดท้ายถูกปลดปล่อยออกมาจนเลอะเทอะแต่โชคดีที่เปรอะเพียงด้านหน้าเพราะส่วนหลังพี่เขายังใจดีสวมสิ่งรองรับเอาไว้

      
            “ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีเรียนจะโดนหนักกว่านี้แน่”

      
            คนตัวสูงยังไม่เลิกสวมบทคุณครูใจร้าย และแม้จะพูดราวกับอยากทำโทษน้องเสียเหลือเกินแต่การกระทำกลับตรงข้าม แขนแข็งแรงอุ้มกันต์ขึ้นพาไปล้างเนื้อล้างตัวพร้อมกันอย่างรวดเร็วเพราะถูกประท้วงด้วยเสียงท้องร้องจากเจ้ากระต่ายกินเก่ง

      
            “พี่แทน” กันต์เรียกพี่เขาที่ยืนทำอาหารฉบับเร่งด่วนให้อยู่และตักโยเกิร์ตที่หยิบมากินรองท้องไปพลาง

      
            “หืม”

      
            “สรุปพี่จะบอกได้หรือยังว่าลงโทษอะไรกันต์อะ” คนถูกทำโทษยังคงสงสัยและไม่เข้าใจจนถึงตอนที่บทลงโทษผ่านพ้นไปแล้วก็ยังสงสัยอยู่ดี

      
            “กินข้าวก่อน เดี๋ยวปวดท้อง” แทนคุณถือจานใส่ข้าวผัดกุ้งมาวางด้านหน้าแต่ก็ไม่ยักที่จะตอบคำถาม ทำเป็นพูดเรื่องอื่นไม่ยอมตอบง่าย ๆ คนถูกเฉไฉมุ่ยหน้าถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดเซ้าซี้ยอมวางถ้วยโยเกิร์ตที่ว่างเปล่าลงแล้วตักข้าวเข้าปากทันที

      
            พักหลังตั้งแต่คบหากันอย่างจริงจังและมาที่คอนโดพี่เขาอยู่บ่อยครั้ง ก็ทำให้กันต์ได้ชิมฝีมือการทำอาหารของจิตแพทย์คนนี้เป็นประจำ ช่วงนี้เจอกันน้อยลงด้วยภาระหน้าทำให้เขาอดคิดถึงรสชาติที่คุ้นเคยเหล่านี้ไม่ได้เลย

      
            แทนคุณที่กินเสร็จก่อนก็นั่งมองกระต่ายตัวผอมที่เริ่มมีเนื้อมีหนังขึ้นเรื่อย ๆ จากการขุนของเขาด้วยแววตาเอื้อเอ็นดู แก้มขาวขยับตามจังหวะการเคี้ยวจนดันเป็นก้อนกลมพอเห็นแล้วก็นึกมันเขี้ยว ไวกว่าความคิดเขาก็ส่งมือตัวเองไปจิ้มลงผิวเนื้อนุ่มนั่น

      
            “หือ”

      
            “น่ารัก”

      
            “ห หา?”

      
            กันต์เลิกลั่กเมื่อได้ยินคนรักชมกันโต้ง ๆ น้อยครั้งมากที่พี่เขาจะพูดออกมาแบบนี้ ทำเอาเขินอยู่ไม่น้อย และปฏิกิริยาของน้องที่ใช้ฟันกระต่ายของตัวเองรีบงับช้อนพร้อมหลุบตาลงไม่จ้องหน้า นั้นทำให้แทนคุณอยากจับฟัดกลางโต๊ะกินข้าวอีกครั้งเลย

      
            หลังจากกินข้าวเสร็จก็ถูกคนโตกว่ามัดมือชกให้โทรไปบอกที่บ้านว่าคืนนี้จะข้างกับตนเอง ก่อนจะมานอนกองกันอยู่บนโซฟาระหว่างที่เปิดหนังดูเพื่อผ่อนคลาย กันต์นอนทับอยู่บนตัวพี่เขาที่ตอนแรกก็เถียงกันอยู่เพราะกันต์ไม่ยอม ก็เขาไม่ได้ตัวเบา ๆ เลยนี่หน่า แต่คำตอบกลับมาของพี่เขาก็ทำให้ยอมแพ้

      
            ‘ทีตอนอยู่บนเตียงเรายังทับพี่ได้เลย แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกหน่า’

      
            อืม เอากับพี่เขาสิ กันต์เลยยอมนอนทับอกพี่เขานิ่ง ๆ แบบนี้

      
            หนังรักเรื่องหนึ่งที่กำลังฉายถึงตอนดราม่าเคล้าน้ำตา แต่แทนคุณที่ไม่ใช่สายหนังรักเท่าไรนักจึงไม่ได้อินเท่าที่ควร เขาละสายตาจากจอกลับมามองเสี้ยวหน้าของน้อง คนที่เขายกให้เป็นทุกอย่างนับจากนี้ด้วยความรักใคร่ อยากขอบคุณอะไรก็ตามที่กันต์ยังอยู่ตรงนี้กับเขาแม้จะผ่านเรื่องอะไรไม่ดีมา

      
            ปลายจมูกมนขึ้นสีแดงกับความอินหนังตรงหน้าทำแทนคุณหลุดยิ้ม นิสัยของกันต์มีอะไรให้เขาเรียนรู้อีกเยอะมากเพราะบางอย่างก็ตรงข้ามกับภาพที่เห็นอย่างสิ้นเชิง อย่างภายนอกน้องดูเป็นคนนิ่ง ๆ เฉยเมยกับทุกสิ่งแต่ภายในกลับเก็บทุกอย่างเอาไว้ทั้งหมด เขาไม่เคยถามว่าเรื่องความรักที่ผ่านมาของกันต์เป็นอย่างไร แม้จะพอจะได้ยินจากดิมมาบ้างว่าไม่ค่อยดีเท่าไร

      
            นั่นเลยทำให้เขาสัญญากับตัวเองว่าจะเป็นคนที่ดีกว่านี้ในทุกวัน เพื่อเด็กผู้ชายคนนี้

      
            “หึง”

      
            “อะไรนะครับ?” กันต์เงยหน้ามองพี่เขาจากปลายคางขึ้นไปเมื่อได้ยินแว่ว ๆ ว่าพี่เขาพูดอะไรสักอย่าง แทนคุณสบตากับคนบนอกก่อนจะใช้นิ้วเขี่ยปลายจมูกน้องเล่น

      
            “ที่ลงโทษวันนี้เพราะหึงตัวเล็ก”

      
            “หึงกันต์?” คนถูกหึงขยับตัวจากตะแคงก็เป็นนอนคว่ำ วางคางไว้บนอกพร้อมกับคิ้วเรียวที่ขมวดเข้าหากันอีกครั้งด้วยความไม่เข้าใจ

      
            เขาไปทำให้พี่แทนหึงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? วัน ๆ ก็แทบจะไม่ได้คุยกับใครอยู่แล้วนอกจากไอ้ดิม หรือกับแพนเองก็แทบจะไม่ได้คุยกันอยู่แล้ว

      
            “คนเมื่อเย็นนั่นใครเหรอ” แทนคุณถามเสียงเรียบไม่ได้ดุดันจะชวนให้บรรยากาศเสียเพียงแค่อยากรู้เท่านั้น ใบหน้าจึงยังคงแต้มรอยยิ้มบาง ๆ เอาไว้เช่นเดิม

      
            “พีท เพื่อนในคลาสครับ ได้ทำงานคู่กัน ... เดี๋ยวก่อน อย่าบอกนะว่าพี่หึงกันต์กับพีท?”

      
            กันต์ที่เห็นว่าพี่เขาไม่ตอบก็ทำให้รู้ทันทีว่าใช่แน่นอน คนตัวผอมถอนหายใจออกมาก่อนจะหลุดขำในลำคอ พอเป็นเช่นนั้นจึงเรียกสีหน้ายุ่ง ๆ จากคนพี่ได้ทันที

      
            “ขำอะไรครับ”

      
            “ขำคนขี้หึงน่ะสิครับ กันต์กับพีทไม่มีอะไรแน่นอน คุยเรื่องงานทั้งนั้น”

      
            “งานอะไร ทำไมต้องคุยแชทกันบ่อย ๆ ด้วย”

      
            “อ๋อ ... ก็มีบ้างที่เขาทักมาปรึกษานั่นนี่แหละ แต่ไม่มีอะไรจริง ๆ นะ”

      
            “…”

      
            “จริง ๆ นะครับ พี่ไม่เชื่อใจกันต์เหรอ” กระต่ายตัวผอมหน้าสลดเมื่อเห็นเจ้าของตัวเองยังคงเงียบไม่โต้ตอบกลับมา จนผ่านไปเพียงเสี้ยวอึดใจร่างโปร่งก็ถูกกกกอดด้วยอ้อมกอดแข็งแรง พร้อมกับสัมผัสที่หน้าผาก

      
            “เชื่อสิ พี่เชื่อใจเราตลอดนั่นแหละ แต่อดไม่ได้นี่ก็เรามันน่ารักขึ้นทุกวัน”

      
            “ก็แย่ละ กันต์ก็เหมือนเดิม”

      
            “ไม่รู้ล่ะ พี่บอกว่าน่ารักก็น่ารักสิ แฟนพี่น่ารักจะตาย” ยืนยันคำพูดด้วยแก้มที่ยุบไปตามแรงหอมจากพี่เขาทั้งซ้ายและขวาผลัดไปมาอยู่เช่นนั้น กันต์ก็ไม่คิดจะห้ามปรามให้ตัวเองเหนื่อยเปล่าจึงปล่อยให้แก้มถูกฟัดอยู่แบบนั้นจนกว่าอีกฝ่ายจะพอใจ














            แทนคุณจำใจต้องผละจากน้องในเช้าวันศุกร์ที่อากาศกำลังสบายและมีคนรักในอ้อมแขน ตอนแรกเขามีเข้าเวรตรวจช่วงเที่ยงซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็จะแวบไปส่งน้องได้ แต่ก็ถูกเรียกประชุมด่วนกับทีมวิจัยเครื่องทดเวลา ดูท่าผลการทดลองที่รอมาตลอดสามเดือนน่าจะมีอะไรคืบหน้าบ้างแล้ว

      
            ภายในห้องประชุมขนาดกลางที่มีผู้เกี่ยวกับการทดลองเครื่องทดเวลาครั้งที่ 8 มีตั้งแต่ศัลยแพทย์ วิสัญญีแพทย์ อายุรแแพทย์ รวมถึงจิตแพทย์อย่างแทนคุณ การประชุมหารือเป็นไปอย่างเคร่งเครียด เนื่องจากผลการทดลองของยาตัวหนึ่งที่ได้ทำการวิจัยและผลิตเพื่อการนี้โดยเฉพาะออกมามีแนวโน้มเป็นไปได้ดี

      
            “เราจะสามารถใช้ยาตัวนี้ได้ในเฉพาะผู้ที่พบคู่ของตัวเองและตัวเลขอยู่ที่ 50 แล้วเท่านั้น หากใครที่ยังไม่พบหรือตัวเลขไม่ได้อยู่ที่ 50 ยาตัวนี้น่าจะยังไม่เป็นผล ซึ่งแน่นอนว่ายาทุกตัวย่อมมีผลข้างเคียง ...” หูก็ฟังคำอธิบายจากอาจารย์หมออาวุโสพลางเปิดแฟ้มเอกสารอ่านตามไป ดูเหมือนว่าแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์จะเลือนลางอีกครั้ง

      
            การประชุมใช้เวลาไปเกือบค่อนวัน แทนคุณเอ่ยลาหมอท่านอื่น ๆ เสร็จก็รีบกลับมาที่แผนกของตัวเองเพราะมีคนไข้ 3 คิวที่ต้องตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อปิดเคส

      
            งานของแทนคุณเกี่ยวข้องกับความรู้สึก จิตใจ กระบวนการทางความคิด และสารบางอย่างในสมองที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจและการอารมณ์ แม้จะไม่ต้องใช้เครื่องมือทางการแพทย์หนักหน่วงในการผ่าตัดหรืออะไรก็ตาม

      
            แต่ทุกครั้งในการตรวจคนไข้เขาเองต้องใช้พลังงานเยอะไม่แพ้กัน คนไข้บางคนควบคุมตัวเองได้ บางคนก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ บางคนอยู่ในสถานหนัก บางคนอยู่ในระยะเริ่มต้น หรือบางคนก็มีปัญหากับไอ้เลขบนอกตัวเอง เว้าวอนขอวิธีให้หลุดพ้นจากคู่ชีวิตที่มันไม่ดี คู่ชีวิตที่พระเจ้าอาจจะวางไว้ผิดที่อะไรแบบนั้น

      
            มาอยู่ในจุดนี้และเผอิญว่าได้สัมผัสด้วยตัวเองมาแล้วทำให้รู้ว่า ไม่ใช่ทุกคนจะยินดีกับการมีเนื้อคู่ หรือโซลเมทอะไรเลยสักนิด

      
            แทนคุณเองก็ได้แต่ทำตามหน้าที่ไปในระยะเบื้องต้นด้วยการจัดการกับอารมณ์ของคนไข้เสียก่อน เพราะเรื่องคู่ชีวิตนี่มันยังไม่มีวิธีแก้จริง ๆ

      
            “เดี๋ยวเสร็จคนไข้ท่านนี้แล้ว คุณหมอไปพักทานข้าวก่อนนะคะ คนไข้ที่เหลือจะมาอีกทีประมาณบ่ายโมงครึ่งค่ะ” แทนคุณพยักหน้าขอบคุณพยาบาลผู้ช่วย

      
            ในระหว่างที่เจ้าของห้องตรวจไปพักก็มีคนหน้าตาพิมพ์เดียวกันเดินสวนเข้ามา แทนรักที่ตั้งใจจะมาหาพี่ชายตัวเองก็พบว่าคลาดกันไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น

      
            “อ้าวคุณหมอรักมาหาคุณหมอแทนใช่ไหมคะ”

      
            “ใช่ครับ ติดตรวจเหรอครับ?”

      
            “อ๋อเปล่าหรอกค่ะ ไปพักทานข้าวน่ะค่ะ น่าจะอยู่คาเฟ่ด้านล่างค่ะ คุณหมอตามไปน่าจะทันอยู่นะคะ”

      
            “ไม่เป็นไรครับ ถ้ายังไงผมขอเข้าไปรอในห้องได้ไหมครับ”

      
            แทนรักเมื่อได้รับการอนุญาตจากพยาบาลผู้ช่วยของพี่ชายตัวเองแล้วก็เดินเข้าไปด้านในและนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัวหมอราวกับเป็นเจ้าของห้อง แทนรักไม่เคยมาหาแฝดตัวเองที่ห้องตรวจเลยสักครั้ง จึงไม่ค่อยรู้เวลาเข้า-ออกหรือชีวิตประจำวันสักเท่าไร แม้พักหลังเราจะคุยกันมากขึ้นแล้วก็ตามที
      
      
            ขณะที่หมุนเก้าอี้เล่นไปมาก็เหลือบไปเห็นแฟ้มเอกสารงานวิจัยเครื่องทดเวลาที่วางอยู่ เขาจ้องมันเขม็งด้วยความอยากรู้เป็นทุนเดิม แต่ถ้าด้วยเป็นเรื่องความลับทางราชการอยูู่ตอนนี้มันจะเป็นเรื่องไม่สมควรหรือเปล่า

      
            ถึงอย่างนั้นฝ่ายดาร์คในตัวก็ชนะไป แทนรักเอื้อมไปหยิบปึกเอกสารนั้นมาเปิดอ่านไปทีละหน้าอย่างไม่เร่งรีบ เพราะลึก ๆ ก็รู้ดีว่าอย่างไรแทนคุณก็ไม่โกรธกันอยู่แล้ว ยิ่งอ่านเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าร่างกายตัวเองเครียดเกร็งขึ้นมา แต่ละบรรทัดที่ผ่านตาไปมันทำให้เลือดสูบฉีดอย่างหนักหน่วง

      
            เขารู้ดีว่าตัวเองสนใจเรื่องนี้มาตั้งแต่รู้ความจริงเรื่องลินและมันเป็นประกายความหวังมากขึ้นไปอีกเมื่อรู้ว่าพี่ชายฝาดแฝดตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของทีมวิจัยครั้งนี้

      
            ‘ … หากไม่สำเร็จ วิธีการดังกล่าวอาจทำให้ผู้ทดลองเป็นบุคคลเสียสติ สูญเสียตัวตน ร่างกายอาจต่อต้านสารบางอย่างภายในตัวยาทำให้ช็อคหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้...’

      
            แทนรักอยากให้โครงการที่คิดค้นมาตลอดหลายสิบปีสำเร็จและเขาก็ยินดีที่จะเป็นผู้ทดลองในครั้งนี้ด้วยความเต็มใจ









To be continued.
_____________________________________

TALK : ชั้นไม่รู้จะหวีดอะไรก่อนดีเลยค่ะ /ทำหน้าตาเลิกลั่ก
ส่วนตาพีทแค่คนที่มาทำให้นังพี่แทนหึงน้องแค่นั้น
สุดท้ายนี้อดทนไว้ ตั้งสติสมาธิไว้ /วิ่งหนี


อย่าลืมคอมเมนต์หรือแท็กเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะจ๊ะ

TWITTER (https://twitter.com/19august___)


#ครึ่งชีวิตของผม
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER15 12/10/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 13-10-2018 01:49:54
อยากจะร้องไห้เลย พี่หมอแทนรักคงเจ็บปวดกับโซลเมต จนตัดสินใจมาร่วมเป็นผู้ทดลองงานวิจัยนี้ใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER15 12/10/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-10-2018 02:20:32
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER15 12/10/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 13-10-2018 12:38:59
เปิดตอนมาแบบหวานๆ แต่ตอนท้ายคือ ไม่นะแทนรักกกกก
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER15 12/10/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 13-10-2018 20:37:01
แทนรักน่าเห็นใจ
.........................................

เหม็นฟามรักโว้ยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER15 12/10/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 14-10-2018 02:02:38
แทนรัก  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER15 12/10/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 14-10-2018 18:31:40
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER15 12/10/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: gakuen ที่ 25-10-2018 07:25:29
ดีจัง
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER15 12/10/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 06-11-2018 03:41:07
สงสารแทนรักมากกกก ลินเขาสำนึกไหมว่าตัวเองทำอะไรลงไปอะ มันแย่มากกกก
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER15 12/10/18 P.3)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-11-2018 06:06:05
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER16 10/11/18 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 10-11-2018 19:48:57


CHAPTER 16

Whatever tomorrow brings, I'll be there.








            ชีวิตนักศึกษาคล้ายกับการใช้กรรมอีกรูปแบบหนึ่ง กันต์นั่งเท้าคางมองสไลด์หน้าห้องแต่เสียงของอาจารย์ที่มาแทนพี่เขานั้นกลับไม่กระทบโสตประสาทเลยสักนิด อาจเป็นเพราะความคิดถึงร่างสูงใหญ่ที่คุ้นเคยล่ะมั้ง เป็นอาทิตย์แล้วที่เราไม่ได้เจอกันเลยมีคุยกันบ้างผ่านเครื่องมือสื่อสารแต่มันก็เท่านั้น เข้าใจว่าพี่เขากำลังยุ่งกับงานวิจัยเครื่องทดเวลาที่กำลังจะจัดการทดลองในเร็ววันนี้

      
            แต่ความคิดถึง มันก็คือความคิดถึงนี่หน่า

      
            “นั่งหงอยหูตกเป็นกระต่ายโดนวางยาเลยนะมึง”

      
            “เสือก”

      
            “เอ้าไอ้นี่” ดิมผลักหัวโต ๆ ของเพื่อนตัวเองด้วยความหมั่นไส้ แค่ไม่ได้เจอแฟนนิดหน่อยทำมาเป็นหน้าเศร้าแต่พอบอกให้หาที่โรง’บาลก็ไม่ยอมไป เอาใจมันไม่ถูกจริง ๆ

      
            “เอาล่ะใครมีอะไรสงสัยไหม” กันต์ภาวนาในใจว่าขออย่าให้เพื่อนในคลาสคนไหนนึกอยากสงสัยอะไรขึ้นมาเลยเพราะตอนนี้เขาต้องการออกจากห้องเรียนเต็มที

      
            “อาจารย์ครับ เมื่อวานผมเห็นข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับค้นหาผู้ที่ต้องการทดลองเครื่องทดเวลา สรุปว่าตอนนี้มันทำได้แล้วเหรอครับ”

      
            ใจที่กำลังคิดฟุ้งซ่านไปเรื่องนั้นเรื่องนี้ถูกกระชากกลับมา สายตาของนักศึกษาทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่กันต์จับจ้องไปที่อาจารย์ของตน ถึงแม้ว่าคนรักของตัวเองจะเป็นหนึ่งในคณะวิจัยแต่ก็ใช่ว่าจะรู้อะไรมากด้วยความที่ไม่อยากก้าวก่ายหน้าที่ของอีกฝ่าย จึงเลือกที่จะรอการชี้แจงอย่างเป็นทางการจากคณะแพทย์และรัฐ

      
            “ถามว่าตอนนี้ทำได้แล้วหรือเปล่ายังไม่มีใครสามารถคอนเฟิร์มได้จนกว่าการทดลองกับตัวบุคคลจะเสร็จสิ้น”

      
            “แล้วอาจารย์รู้วิธีไหมครับ ผมไม่เข้าใจว่าเราจะหยุดไอ้ตัวเลขพวกนี้ที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิดได้ยังไง จะมีเครื่องติดตัวเราไว้เหรอครับ”

      
            เมื่อมีคนเปิดก็ทำให้มีคนกล้าถามต่อ มันเป็นเรื่องที่กำลังอยู่ในความสนใจของบ้านเมืองเพราะการจับมือกันระหว่างหลายฝ่ายเพื่อพัฒนาให้เครื่องทดเวลานั้นประสบความสำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้นข่าวสารที่แจ้งมาทางประชาชนก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้เข้าใจได้ถี่ถ้วน

      
            “ผมไม่รู้อะไรไปมากกว่าที่ได้ศึกษามาจากงานของอาจารย์ผมเองหรอกนะ วิธีที่จะทำคือเราจะใช้สารบางอย่างเพื่อยับยั้งหรือทำลายระบบนั้นให้ร่างกายเราเลิกตอบสนองหรือจดจำใครสักคนที่อะไรสักอย่างมันบ่งบอกว่าคนนั้นเป็นคู่ของเรา แต่ที่เราเรียกว่าเครื่องทดเวลากันนั่นมันแค่คำเรียกเท่านั้น”

      
            “แล้วถ้าการทดลองไม่สำเร็จจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ทดลองคะ”

      
            “ไม่สำเร็จจะมีอยู่ 2 ทางคือไม่สำเร็จเพราะตัวสารเองกับร่างกายปฏิเสธสาร แต่ผลลัพธ์จะเป็นไปในทางเดียวกันแล้วแต่ระดับความรุนแรงคือเสียสติ สูญเสียตัวตน ช็อค หรือหนักที่สุดคือเสียชีวิต”

      
            กันต์เดินออกจากห้องเรียนด้วยความล่องลอยยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้รับรู้ข้อมูลที่ไม่เคยรู้ ภาพใบหน้าของใครบางคนขึ้นมาในหัวก่อนที่ร่างกายจะสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว หากพี่รักเลือกเส้นทางนี้ล่ะก็เขาไม่รู้ว่าควรจะยินดีหรือเสียใจ

      
            “มีอะไร” ดิมทนเห็นสภาพเพื่อนตัวเองที่เดินหน้านิ่วคิ้วขมวดตลอดทางไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากถาม คนถูกถามเม้นปากเข้าหากันแน่นอย่างติดนิสัยเวลามีเรื่องกังวลใจ

      
            “กูกลัวใจพี่รักว่ะดิม”

      
            “แต่เขาก็ไม่ผิดไม่ใช่เหรอวะถ้าจะตัดสินใจแบบนั้น”

      
            “มันก็ใช่ แต่ถ้ามันไม่สำเร็จขึ้นมา ...”

      
            “มึงกับพี่แทนก็มีหน้าที่คอยอยู่ข้างพี่เขาเหมือนเดิม”











      
            บรรยากาศรอบด้านมีแต่ความตึงเครียดไปหมด คนสองคนที่หน้าเหมือนกันแทบทุกระเบียดนิ้วกำลังนั่งจ้องตากันเขม็งอย่างไม่มีใครยอมใคร คนกลางอย่างพ่อและแม่ได้แต่ถอนหายใจกับลูกชายทั้งสองคนด้วยความเป็นห่วง

      
            “คิดอีกครั้งไหมรัก”

      
            คนเป็นแม่เอ่ยถามลูกชายคนเล็กด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอเพิ่งจะรับรู้เรื่องราวทุกอย่างเมื่อครู่นี้เองรวมถึงการตัดสินใจอย่างหนักแน่นของลูกชายด้วยเช่นกัน มันโถมใส่ในคราวเดียวกันจนเธอตั้งรับไม่ถูก ถึงอย่างนั้นก็ไม่นึกโกรธเคืองเลยสักนิดเพราะแต่ละคนโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว เธอมักให้พื้นที่ในการตัดสินใจชีวิตของตัวเองกันเต็มที่ แต่แน่นอนว่าก็อดเสียใจไม่ได้ที่เธอมามีส่วนช่วยในตอนที่สายไป

      
            “ผมตัดสินใจดีแล้วครับแม่”

      
            “แต่กูไม่อนุญาต”

      
            “ไอ้แทน”

      
            “มึงคิดบ้างไหมว่าถ้ามันไม่สำเร็จจะเป็นยังไง ถ้าเกิดว่ามึง ... ถ้ามึงเกิดเป็นเหี้ยไรขึ้นมาแล้วพวกเราทุกคนจะเป็นยังไง”

      
            “แล้วมึงไม่คิดบ้างเหรอว่ากูต้องทนทรมานไปอีกนานแค่ไหน”

      
            “มึงรอให้ผลมันชัวร์กว่านี้ก่อนก็ได้ปะวะ”

      
            “แล้วอีกเมื่อไหร่ล่ะ! อีกเมื่อไหร่ที่ทางการจะเปิดงบสนับสนุนอีกรอบ มึงอยู่ในคณะวิจัยมึงก็รู้ดีว่าถ้าครั้งนี้ไม่สำเร็จ เปอร์เซ็นต์การที่รัฐจะให้งบประมาณและอนุญาตให้ทำอีกครั้งมันแทบจะไม่ถึง 10% ถ้ามึงจะให้กูทนกับผู้หญิงคนนั้นไปวัน ๆ เพื่อรักษาชีวิตตัวเอง ...”

      
            “กูบอกเลยว่ากูยอมตายดีกว่า”

      
            “แทนรัก!!/ไอ้รัก!!”

      
            แทนรักเมินสีหน้าตกใจของคนในครอบครัว เขาไตร่ตรองและคิดมันอย่างถี่ถ้วนแล้วว่านี่คือทางที่ดีที่สุดที่เขาจะได้หลุดพ้นจากวังวนนี้เสียที ทุกวันผ่านไปต้องคอยพยายามรักษาความสัมพันธ์ที่มันแตกละเอียดจนเศษความคมของมันบาดตัวเขาและนิลิน มันไม่ได้ทำให้ใครรู้สึกดีเลยสักนิด

      
            “ขอร้องเถอะนะครับพ่อ แม่ แทน ช่วยยอมรับการตัดสินใจครั้งนี้ของผมด้วยนะครับ” เจ้าตัวพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงทว่ายังมั่นคง พลางเลื่อนเอกสารเซ็นยอมรับจากครอบครัวหรือพยานที่จะให้ผู้ทดลองเข้าร่วมการทดลองนี้ เพื่อเป็นการป้องกันเบื้องต้นว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นผู้ทดลองจะมีคนดูแลต่อไปและคล้ายกับการป้องกันคณะแพทย์จากการฟ้องร้องอีกด้วย

      
            พ่อเป็นคนแรกที่ยอมเลื่อนมือไปจับปากกาขึ้นมาเซ็นยินยอม แม้ในใจลึก ๆ ก็ไม่มีใครอยากให้ลูกตัวเองเอาชีวิตไปเสี่ยง แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่สิ่งหนึ่งที่ควรมีนั่นก็คือการยอมรับการตัดสินใจของลูกตนเอง ก่อนจะตามด้วยแม่และแทนคุณเป็นพยานคนที่สามจนครบถ้วน

      
            “ขอบคุณครับ”

      
            แทนคุณไม่รอฟังอะไรจากน้องชายฝาแฝดตัวเองอีกต่อไป กายสูงใหญ่ลุกขึ้นไหว้ลาพ่อและแม่ก่อนเดินออกจากบ้านใหญ่ไปที่รถยนต์อย่างรวดเร็ว คราวแรกกะว่าจะมานอนที่บ้านสักคืนสองคืนเพราะนานทีจะมีเวลากลับมา แต่หมดอารมณ์แล้วตอนนี้เขาอยากจะวาร์ปตัวเองไปหาก้อนแบตเตอรี่ส่วนตัวเหลือเกิน

      
            “เดี๋ยวไอ้แทน!”

      
            คนถูกเรียกยืนหันหลังนิ่งให้ไม่ยอมแม้แต่จะมองหน้าน้องตัวเองด้วยกลัวว่าจะได้ปะทะคารมกันอีกรอบให้เสียความรู้สึกกัน

      
            “กูขอโทษที่ไม่ได้ปรึกษามึงก่อน กูขอโทษที่ผิดคำสัญญา แต่มึง ...​ อย่าโกรธกูเลยได้ไหมวะ ตอนนี้กูไม่เหลือใครแล้วนะ”

      
            คล้ายกับย้อนไปในวันวานที่สองพี่น้องยืนทะเลาะกันจากการแย่งหุ่นยนต์เพียงหนึ่งตัว คนพี่โกรธเพราะน้องหยิบเล่นโดยไม่ขออนุญาตจนทำมันพัง ในวันนั้นแทนรักก็มายืนคอตกจับชายเสื้อพี่ชายตัวเองเพื่อขอร้องให้ยกโทษให้กัน เอ่ยคำสัญญาเป็นมั่นเหมาะว่าต่อไปมีอะไรจะบอกพี่ทั้งหมด
      
      
            แผ่นหลังกว้างของชายเจริญวัยกำลังสั่นสะท้านเพราะความรู้สึก เขาว่ากันว่าแฝดจะมีอะไรบางอย่างที่เชื่อมความรู้สึก ความนึกคิดให้สัมผัสกันได้ และใช่ เราต่างรับรู้กันและกันดี แทนคุณที่แม้จะค้านหัวชนฝาแต่ก็เป็นเขาเองนั่นแหละที่เข้าใจดีที่สุดว่าทำไมแทนรักถึงเลือกทางนี้

      
            เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่แค่การหมดรัก แต่มันคือการหมดศรัทธา

      
            “วันนั้นกูจะยืนรอมึงอยู่หน้าห้อง มึงต้องกลับออกมาหากู”

      
            “ครับพี่

      
            หลังจากเคลียร์เรื่องวุ่นวายที่บ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วรถยนต์คันสวยของของจิตแพทย์หนุ่มก็มาจอดนิ่งสนิทอยู่หน้ารั้วบ้านหลังเดิม

      
            บ้านที่กลายเป็นที่พักพิง

      
            บ้านที่กลายเป็นแหล่งพลังงานขุมสำคัญของเขา

      
            แทนคุณมองโทรศัพท์ในมือด้วยความลังเลใจเพราะตอนนี้มันดึกมากแล้วและพรุ่งนี้น้องก็มีเรียนอีกด้วย เขาไม่อยากรบกวนแต่ความรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจมันฟ้องและเรียกร้องหาเจ้ากระต่ายตัวนุ่มนี่อย่างรุนแรง

      
            “อ้าวแทน มาหาเจ้ากันต์เหรอ”

      
            “สวัสดีครับแม่ ใช่ครับ น้องนอนหรือยังครับ”

      
            “ไม่แน่ใจนะเห็นหายเงียบไปตั้งแต่เย็นแล้ว เข้ามาก่อนสิ”

      
            “อ่างั้นไม่เป็นไรดีกว่าครับ ผมไม่อยากรบกวน”

      
            “โอ้ย ไม่เป็นไรหรอก ช่วงนี้งานหนักใช่ไหม ลูกแม่น่ะมันหงอยมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ ถ้าพอมีเวลาว่างก็ใช้อยู่ด้วยกันสักหน่อยก็ดี คืนนี้ก็ค้างซะที่นี่เลยแล้วกัน” แทนคุณพนมมือไหว้ขอบคุณที่แม่ของน้องนั้นเข้าใจ เขาจึงไม่เอ่ยขัดอะไรยอมเคลื่อนรถเข้าจอดในรั้วบ้านแล้วเดินขึ้นชั้นสองมุ่งไปยังห้องของน้อง

      
            แทนคุณลองขยับลูกบิดประตูก็พบว่าน้องไม่ได้ล็อกห้องจึงถือวิสาสะเปิดเข้าไป ภายในห้องมืดสนิทมีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศและเสียงลมหายใจเบา ๆ เป็นสัญญาณบอกว่าเจ้าของห้องนั้นหลับสนิทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

      
            ผู้บุกรุกอย่างเขาเดินไปเปิดประตูเสื้อผ้าหยิบชุดของตัวเองที่เคยทิ้งเอาไว้ที่นี่ออกมาและเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายและเสร็จออกมาอย่างรวดเร็ว เขาทำทุกอย่างให้เรียบร้อยด้วยความเงียบ ก่อนจะค่อย ๆ สอดตัวเองเข้าไปในผ้าห่มผืนหน้าและแทรกกายเข้าไปใกล้เจ้าของเตียงหลังกว้าง

      
            แขนแกร่งยกขึ้นพาดผ่านเอวของน้องพร้อมกับกระชับอ้อมกอดจนใบหน้าน่ารักซุกอยู่ที่คอของเขา กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากร่างกายคนในวงแขนช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดได้เป็นอย่างดี น้องเป็นขุมพลังที่สำคัญและยังเป็นยาคลายเครียดให้กับเขาด้วย

      
            นี่มันคงเป็นอีกหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ที่คนรักกันเขาสัมผัสถึงกันได้ล่ะมั้ง

      
            อ่าเลี่ยนชะมัด ให้ตายเถอะไอ้แทนเอ๊ย

      
            “อะ ... หือ เฮ้ย!!” แทนคุณกลั้นยิ้มเมื่อเห็นคนในอ้อมแขนสะดุ้งดีดตัวออกห่างแต่เขาไวกว่าที่คว้าตัวน้องเอาไว้ได้ทำให้อีกคนไม่กลิ้งตกเตียงไปเสียก่อน

      
            กันต์หรี่ตาฝ่าความมืดอาศัยเพียงไฟนอกตัวบ้านที่ส่องลอดผ่านเข้ามาจนเห็นเค้าโครงใบหน้าที่คุ้นตาจึงยอมหยุดดิ้น ดวงตาเรียวค้อนขวับใส่พี่เขาเข้าให้ที่มาทำให้ตกใจ คนกำลังนอนหลับเข้ามาเงียบ ๆ แบบนี้จะมีใครไม่ตกใจบ้าง
      
      
            “พี่แทน! เล่นอะไรเนี่ย!” แทนคุณเท้าแขนไว้กับหัวนอนมองกระต่ายที่กำลังพองตัวขู่เขาอยู่ ดวงตาเรียวเล็กที่จดจ้องมารวมถึงปากที่ขยับบ่นงุบงิบชวนให้อยากยื่นมือไปบีบแรง ๆ ให้ร้องแล้วกอดปลอบจริงเชียว

      
            “ขอโทษครับ”

      
            “ยังจะมายิ้มอีก เดี๋ยวจะโดน” กันต์ทำเป็นขู่ไปเท่านั้นเองนั่นแหละแต่พอพี่เขากางแขนรอให้กลับคืนสู่อ้อมกอดก็ยอมเอนตัวลงนอนเกยอกที่แสนคิดถึงแต่โดยดี

      
            แทนคุณกดจมูกลงหอมกลางกระหม่อมน้องอยู่หลายรอบด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี เพียงแค่เท่านั้นก็ราวกับความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวันไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่แน่นอนว่าคนที่เป็นดั่งครึ่งหนึ่งของชีวิตย่อมต้องจับสังเกตได้

      
            “เหนื่อยไหมครับ”

      
            เพียงแค่คำถามเดียวจากคนรักก็ปลดสลักความรู้สึกทั้งหมด กันต์ไม่ได้รับคำตอบในทันทีมีเพียงกอดที่กระชับแน่นขึ้นจนหน้าเขาจมลงกับอกกว้าง เสียงพ่นลมหายใจ ร่างกายที่สั่นเล็กน้อยของคนตัวโตทำให้กันต์เป็นกังวล

      
            “พรุ่งนี้ต้องไปทำงานหรือเปล่าครับ”

      
            “อื้ม” เสียงทุ้มตอบอู้อี้อยู่ในลำคอส่วนใบหน้าก็ยังไม่ยอมผละออกจากกลุ่มผมนุ่มของน้อง

      
            “นอนกันนะ”

      
            “น้องไม่อยากรู้เหรอว่าพี่เป็นอะไร”
      
      
            “อยากสิครับ แต่ถ้าพี่ยังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร”

      
            “…”

      
            “แต่ไม่ว่าเรื่องอะไรพี่ก็รู้ใช่ไหม ... ว่ายังไงกันต์ก็จะอยู่ตรงนี้”

      
            นานทีจะได้พูดอะไรหวานซึ้งทำเอาคนพูดก็เขินอาย คนฟังก็ระบายยิ้ม แทนคุณกอดรัดน้องให้แน่นยิ่งขึ้นไปอีกพร้อมกับก้มลงกดจูบที่ริมฝีปากนุ่มเบา ๆ แทนคำขอบคุณนับล้านครั้ง

      
            “คืนนี้นอนก่อนเนอะ แล้วพรุ่งนี้ตื่นมาพี่สัญญาจะเล่าให้ฟัง” เพราะเห็นว่าดึกมากแล้วแทนคุณจึงอยากให้น้องรวมถึงตัวเองได้พักผ่อนก่อน วันพรุ่งนี้ยังมีอะไรอีกมากมายรออยู่

      
            “อย่างนั้นก็ได้ครับ มา ๆ มานอนกันดีกว่า พรุ่งนี้พี่ต้องเข้าโรง’บาลกี่โมงนะ?”

      
            “พี่ไปส่งเราเรียนเสร็จค่อยเข้า” กันต์พยักหน้ารับหงึกหงักไม่ได้สาวความต่อ

      
            ทั้งห้องก็เงียบลงเหลือเพียงเสียงลมหายใจและเสียงเต้นของหัวใจที่สอดประสานเข้าด้วยกัน แม้จะอยากพูดคุยกันมากกว่านี้ให้สมกับความคิดถึง แต่ต่างคนต่างเหนื่อยล้าจากภาระหน้าที่เพียงแค่ได้นอนกอดกันก็ถือว่าดีมากแล้ว

      
            เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเสร็จกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ทั้งคู่ก็พากันออกจากบ้านของกันต์มุ่งไปยังมหา’ลัย ระหว่างทางเราคุยและแลกเปลี่ยนเรื่องราวของกันและกันที่ตกหล่นไปในตอนที่ไม่ได้เจอกัน รวมถึงเรื่องที่ค้างคากันไว้เมื่อคืน
      
      
            หลังจากรับรู้เรื่องราวทั้งหมดในห้องโดยสารของพาหนะก็คล้ายจะมีมวลความเครียดและหนักใจโอบล้อมรอบเราทันทีที่แทนคุณเล่าเรื่องแทนรักให้ฟัง กันต์เม้มปากแน่นเพราะมันไม่ได้ผิดไปจากที่เขาคิดเลยด้วยซ้ำ แม้ว่าเราจะเพิ่งรู้จักแถมยังเริ่มสนิทกันเพราะเรื่องราวร้าย ๆ ครั้งนั้น แต่กันต์ก็มีความปรารถนาดีในฐานะที่เป็นพี่ชายและเป็นครอบครัวของคนรัก

      
            “พี่รักคงคิดมาดีแล้วล่ะพี่”

      
            “อืม พี่แค่ ... พี่แค่กลัวน่ะ ถึงการทดลองต่าง ๆ พี่จะรู้รายละเอียดทั้งหมดแต่ก็ใช่ว่าพี่จะเชื่อในมันเต็มร้อย”

      
            “…”

      
            “ถ้าเกิด ... ถ้าเกิดว่ามันผิดพลาด ละ แล้ว—”

      
            “กันต์เข้าใจนะว่าพี่เป็นห่วง กันต์เองก็ห่วงพี่รัก พี่ไม่ต้องเชื่อในไอ้ตัวสารอะไรนั่นหรอก พี่แค่เชื่อในตัวแฝดของพี่ก็พอครับ” มือเล็กเอื้อมไปกระชับฝ่ามือของคนพี่เพื่อถ่ายทอดกำลังใจ เขารู้ว่ามันยากและยิ่งเป็นคนในครอบครัว การที่จะทำใจให้สบายมันไม่ง่ายอย่างแน่นอน

      
            อาศัยจังหวะที่รถติดไฟแดงกันต์จึงขยับตัวหันมามองหน้าคนรักอย่างจริงจัง สอดแทรกเรียวนิ้วจนกระทั่งประสานเข้าด้วยกัน แทนคุณมองหน้าน้องพลางเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยเมื่อเห็นเจ้ากระต่ายตัวน้อยอยู่ ๆ ก็ทำท่าทีขึงขังใส่

      
            “พี่แทน”

      
            “หืม”
   
      
            “สัญญาก่อนว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าโทษว่ามันเป็นความผิดของพี่”

      
            เหตุผลที่กันต์ต้องพูดเช่นนี้เพราะรู้จักนิสัยลึก ๆ ของคนพี่ดีว่าเป็นอย่างไร ยิ่งเรื่องนี้ด้วยแล้วตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องที่สุดหากในวันนั้นเกิดอะไรขึ้นมา เชื่อเลยว่าผู้ชายคนนี้ต้องโทษตัวเองอย่างหนักแน่นอน

      
            “…”

      
            แทนคุณเบนสายตากลับไปยังถนนหนทางด้านหน้าไม่กล้าสบตาคนรัก พยายามซ่อนความสั่นไหวทางความรู้สึกเอาไว้ มือใหญ่เย็นเฉียบด้วยความหนักใจเพราะน้องรู้จักเขาดีกว่าที่คิดถึงได้รู้ทันกันแบบนี้

      
            บอกตรง ๆ ว่าไม่กล้ารับปากเลยสักนิด
      
      
            “พี่ …”

      
            “ได้ไหมครับ”

      
            กันต์ขอเป็นคนเห็นแก่ตัวได้ไหมสักนิดก็ยังดี เขากลัวใจคนรักเหลือเกินว่าถ้าหากทดลองเกิดการผิดพลาดกับพี่รักขึ้นมา หัวใจที่แผลยังไม่หายใจจะถูกตอกย้ำซ้ำรอยจนมันแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี และเขาจะสูญเสียผู้ชายคนนี้ไป

      
            “พี่จะพยายาม”

      
            หัวโต ๆ ของคนน้องถูกคนพี่จับโยกไปมาแล้วดันให้ซบลงบนไหล่ แม้มันอาจจะทำให้ขับรถลำบากไปสักนิด ต้องเพิ่มความระวังเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย แต่แทนคุณและกันต์เองก็ไม่รู้สึกว่ามันจะเป็นอะไรถ้าเราจะกินข้าวเช้าช้าไปสิบนาที

      
            “หือ”

      
            พอเห็นว่าร้านอาหารที่พี่เขาพามาเป็นร้านอะไรกันต์ก็ครางในลำคอด้วยความแปลกใจ ปกติพี่เขาไม่ชอบกินโจ๊ก เอาง่าย ๆ ว่าถ้าเป็นอาหารอะไรที่มันทำมาแบบเละ ๆ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ขนมหวานพวกเต้าส่วนอะไรพวกนี้พี่จะเขาไม่กินเลย แต่วันนี้กลับมาพาแวะร้านโจ๊กชื่อดัง
   
      
            “พี่ไม่ชอบไม่ใช่เหรอ”

      
            และมันยิ่งกว่านั้นคือเมื่อ 2-3 วันก่อนเขาบ่นลงโซเชียลว่าอยากกินโจ๊กร้านนี้ แต่ไอ้ดิมก็ไม่ว่างไปเป็นเพื่อนแถมเขาเองจะให้ถ่อมาคนเดียวก็ขี้เกียจอีก

      
            “พี่กินอย่างอื่นได้”

      
            “แต่ว่า”

      
            “ไปเร็ว เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน”

      
            แทนคุณไม่รอให้น้องปฏิเสธด้วยความเกรงใจจึงชิงลงจากรถออกไปยืนรอข้างนอกก่อนอย่างรวดเร็ว กันต์ที่เห็นพี่เขารีบหนีลงไปเช่นนั้นก็ยิ้มขำ บอกตามตรงว่าใจมันแอบฟูหน่อย ๆ เพราะไม่คิดว่าการบ่นขิงบ่นข่าไปเรื่อยเปื่อยของเราจะถูกคนงานชุกอย่างพี่เขาใส่ใจ

      
            “เอาโจ๊กไก่ใส่ไข่ ไม่ใส่ผักครับ พี่แทนเอาอะไร”

      
            “ไข่กระทะครับแล้วก็กาแฟเย็นแก้วนึง น้องเอาน้ำอะไรไหม”

      
            “ไม่ครับ น้ำเปล่าก็พอ”

      
            ระหว่างรออาหารอยู่ ๆ ก็เกิดอาการเดดแอร์ขึ้นมา เราทำเพียงแค่นั่งมองหน้ากันแล้วยิ้มให้กันเท่านั้นแต่มันกลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดสักนิด คงจะเป็นเพราะไม่ได้เจอกันมานานอีกทั้งเมื่อคืนก็ได้นอนคุยกันอยู่ครู่เดียวด้วย สายตาที่สบกันมันมีแต่ความคิดถึงที่สื่อหากัน มือใหญ่ค่อย ๆ เคลื่อนขยับไปทาบทับบนมือน้องแผ่วเบา นิ้วโป้งคนพี่ลูบฝ่ามือเรียวช้า ๆ เล่นมือน้องไปมาอาหารก็มาเสิร์ฟ


ครืด ครืด ครืด

      
            “แทนคุณพูดครับ”

      
            ( … )
 
      
            “อะไรนะครับ?!”
      
      
            ( … )

      
            “ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้!”
      
      
            “ใจเย็น ๆ ก่อน เกิดอะไรขึ้นพี่แทน”

      
            ฝ่ามือใหญ่กำโทรศัพท์ในมือแน่นจนสั่นสะท้าน กันต์ได้แต่เอื้อมมือไปกุมมือข้างนั้นเอาไว้เพื่อหวังว่ามันจะช่วยปลอบประโลม

      
            “ศูนย์วิจัยโทรมาเรื่องวันทดลองถูกรัฐเลื่อน”

      
            กันต์ได้แต่ภาวนา

      
            “เป็นวันนี้”

      
            แต่ไม่เป็นผล









To be continued.
_____________________________________

TALK : ไม่ได้รักกันเป็นสุขซักทีคู่นี้ /โดนคนอ่านตี

มาช้าแล้วยังจะมาน้อยอีก น้องขอโทษจ้ะพี่ๆ
ตอนนี้ปมหนักสุดท้าย(?)แล้วจ้ะ ฮึบกันไว้

อย่าลืมคอมเมนต์หรือแท็กเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะจ๊ะ

TWITTER (https://twitter.com/19august___) FACEBOOK (https://www.facebook.com/19august.S)


#ครึ่งชีวิตของผม
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER16 10/11/18 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: BaGgYsOdA ที่ 11-11-2018 02:03:33
ขอให้พี่รักปลอดภัย
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER16 10/11/18 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-11-2018 23:15:26
ขอให้ผลการทดลองสำเร็จ และขอให้พี่รักปลอดภัยนะคะ
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER16 10/11/18 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 12-11-2018 06:35:00
พี่รักกกก
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER16 10/11/18 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-11-2018 09:54:17
ขอให้พี่รักปลอดภัยนะ TT
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER16 10/11/18 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: Lostmapb ที่ 06-12-2018 23:09:29
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER17 18/12/18 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 18-12-2018 20:55:09

แจ้งข่าว* หยุดอัพชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 25 ธันวา-2 มกรานะคะ
เราไปรับปริญญาค่ะ และเรื่องนี้จะพยายามให้จบภายในกุมภาค่ะ
เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ









CHAPTER 17

I will try to fix you.








            ข้าวเช้าที่เพิ่งกินไปได้ไม่ถึงครึ่งก็ถูกวางทิ้งไว้ไม่มีใครอยากอาหารทั้งสิ้นในตอนนี้ และเร่งรุดไปโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุดโดยมีกันต์เป็นคนขับมาเองเพราะอารมณ์ของคนพี่ยังไม่มั่นคงเท่าไรนัก เกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุให้ยิ่งแล้วไปกันใหญ่
      
      
            เสียงฝีเท้าทั้งสองคู่พากันวิ่งออกจากลิฟต์ตรงไปยังห้องผ่าตัดที่ตอนนี้มีเพียงผู้เกี่ยวข้องกับงานนี้เท่านั้นที่นั่งอยู่หน้าห้องแม้แต่ญาติก็ยังไม่อนุญาตให้เข้ามาในส่วนนี้ รวมถึงกันต์เองก็ด้วยที่ชะลอฝีเท้าเมื่อมาถึงบานประตูสีกระจกที่ถูกติดฟิล์มกันการมองเห็นจากด้านนอก

      
            “พี่แทน” แทนคุณชะงักตัวหลังจากพุ่งเข้าไปเกินครึ่ง ได้สตินึกคิดกลับมาเมื่อฝ่ามือเล็กสัมผัสลงที่ต้นแขน

      
            กันต์มองใบหน้าคนรักด้วยความเป็นห่วง แววตาที่เคยมั่นคงและเข้มแข็งตอนนี้กำลังสั่นไหวจนเขาอยากจะรีบให้เรื่องพวกนี้ผ่านไปสักที ทำไมคน ๆ หนึ่งถึงไม่สามารถมีความสุขได้โดยไม่ต้องผ่านความทุกข์ระทมด้วย ไม่รู้พระเจ้าจะอยากทดสอบอะไรนักหนาหากอยากให้รู้ซึ้งถึงความสุขก็ไม่จำเป็นต้องยื่นความเจ็บปวดให้กันมากขนาดนี้ก็ได้

      
            “แทนลูก” ไม่ทันที่ทั้งสองจะพูดอะไรเสียงเรียกแทนคุณก็ดังแทรกเข้ามา พร้อมกับร่างบอบางของหญิงวัยกลางคนผู้เป็นมารดาถูกประคองเดินเข้ามา

      
            “แม่ครับ”

      
            “สวัสดีครับ” กันต์ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะถอยฉากออกมาเล็กน้อยอีกทั้งยังไม่แน่ใจว่าพี่เขาเล่าเรื่องตัวเองให้ฟังบ้างหรือยัง แต่ดูจากการพยักหน้าตอบรับและยิ้มบาง ๆ ก็คงพอจะรู้อยู่บ้าง
      
      
            “เกิดอะไรขึ้นอยู่ ๆ รัฐบาลก็ออกประกาศว่าเลื่อนการทดลองมาเป็นวันนี้ แล้วน้องล่ะลูก” แทนคุณจับมือแม่ของตัวเองแน่น พยายามบอกกับตัวเองให้เข้มแข็งเพื่อไม่ให้ใครต้องกังวลใจ

      
            “รักน่าจะอยู่ในห้องแล้วครับ พ่อแม่นั่งรอข้างนอกก่อนนะ ผมต้องเข้าไปข้างในแล้ว ... กันต์พี่ฝากด้วยนะ” คนเป็นพี่หันมาบอกน้อง วางฝ่ามือหนาที่กำลังสั่นเทาลงบนกลุ่มผมนุ่มอย่างต้องการกำลังใจและกันต์ก็เข้าใจจึงส่งยิ้มกว้างที่พี่เขาเคยบอกว่าชอบนักหนาไปให้

      
            “ไม่ต้องห่วงครับ”

      
            ส่วนรับรองด้านนอกเริ่มคลาคลั่งไปด้วยผู้คนทั้งสำนักข่าวทั้งญาติของผู้ทดลองทั้งใครต่อใครแน่นเสียจนรู้สึกอึดอัด แต่ไม่อยากลุกหนีไปไหนด้วยเป็นห่วงคุณพ่อคุณแม่ของพี่เขาและกลัวว่าจะคลาดกันด้วย กันต์จึงอดทนนั่งอยู่ในสภาวะกดดันนี้ต่อไป

      
            ดิมที่รู้ข่าวก็ส่งข้อความมาถามไถ่ เขาเองก็ไม่มีคำตอบอะไรจะให้นอกจากต้องรอคอยเวลาเหมือนกัน เพิ่งผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมงแต่เหมือนผ่านไปหลายวันในความรู้สึกของคนรอ เขาและผู้ใหญ่ทั้งสองไม่ได้คุยอะไรกันมากนักเพราะต่างคนก็ต่างกระวนกระวายใจจนไม่มีกะจิตกะใจจะสนทนานัก


ครืด ครืด ครืด

      
            Dimm : มึง
      
            Dimm : *Sent photo*
      
            Dimm : นี่ใช่คู่วิชาสัมฯ ของมึงปะ

      
            กันต์กดเปิดรูปเพื่อดูรูปที่เพื่อนส่งมาพบว่าเป็นหน้าฟีดโซเชียลของใครสักคนที่แท็กหาพีท เขาอ่านข้อความในนั้นด้วยความตื่นตระหนกเมื่อพบว่าพีทคือหนึ่งในผู้ทดลอง ฉับพลันคำตอบในงานวิชาสัมภาษณ์บางส่วนของพีทก็แวบขึ้นมาในหัว


ใช่มึง : Punnakann            
กูไม่ได้ระแคะระคายคำตอบในงานมันเลยอะ : Punnakann
            

   
      
            ในงานนั้นมีคำถามหนึ่งที่กันต์ตั้งขึ้นเพื่อถามอีกฝ่ายว่า ‘ถ้าเกิดวันนึงชีวิตและความรักมันไปด้วยกันไม่ได้จะทำยังไง’ และพีทก็ตอบกลับมาด้วยคำตอบที่แสนจะธรรมดาไม่ได้ชวนให้ฉุกคิด แต่ในเวลานี้กลับทำให้กันต์เข้าใจได้ทันที ‘ก็แค่เลือกชีวิตที่ไม่มีความรัก’

      
            ถึงแม้จะเพิ่งมารู้จักกันได้ไม่นานจากงานในคลาสเรียน แต่พอได้คุยกันก็รู้สึกได้ว่าพีทเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งเลย กันต์จึงอดเป็นห่วงอีกคนไม่ได้ เขากวาดสายตามองไปรอบบริเวณเพื่อหาครอบครัวของพีทแต่ก็พบว่าตัวเองโง่เง่าเหลือเกินจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นคนไหน

      
            กันต์เลิกมองหาก่อนจะกลับมาจดจ่อกับประตูบานใหญ่ที่คั่นระหว่างคนนอกกับคนในออกจากกัน จากสามสิบนาทีเป็นหนึ่งชั่วโมง คนด้านในก็ยังคงไร้การเคลื่อนไหวจนทำให้คนรอเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้

      
            “คุณลุงคุณป้าทานอะไรมาหรือยังครับ”

      
            “ยังเลยลูก ป้าเป็นห่วงเจ้ารักเลยรีบมา”

      
            “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวกันต์ไปหาอะไรรองท้องมาให้นะครับ”

      
            “ไม่เป็นไรหรอกลูก รบกวนเราเปล่า ๆ”

      
            กันต์มองสีหน้าหม่นหมองของคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ได้แต่เป็นห่วง แต่ถ้าจะให้ปล่อยไว้เช่นนี้ก็เกรงว่าบุพการีของคนรักจะล้มป่วยไปด้วย อีกอย่างหนึ่งคือเขาไม่อยากทนนั่งรออีกแล้วยิ่งอยู่ตรงนั้นก็ยิ่งทำให้ฟุ้งซ่าน สู้ออกมาเดินสูดอากาศสักหน่อยคงคลายความอึดอัดใจไปได้บ้าง

      
            “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวกันต์มานะครับ”

      
            ร่างโปร่งเลือกเข้าคาเฟ่ด้านล่างโรงพยาบาลที่ตอนนี้มีคนมายืนออเต็มไปหมด ก็คงหนีไม่พ้นมารอฟังข่าวจากการทดลองครั้งนี้ เขาเลือกขนมปังไป 2 - 3 ชิ้นกับชารสดีไปฝากคุณลุงคุณป้าทั้งสอง แต่ระหว่างรอจ่ายเงินเสียงคนด้านนอกก็โหวกเหวกขึ้น

      
            “ขณะนี้การทดลองได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ทางรัฐบาลและโรงพยาบาล xx ขอขอบคุณคณะแพทย์ที่ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถตลอดจนผู้มีอุปการะคุณทุกท่านที่ให้ความช่วยเหลือ อีก 15 นาทีเราจะแจ้งผลการทดลองให้ทุกท่านทราบ ขอบคุณค่ะ”

      
            หลังจากนั้นความวุ่นวายก็มากขึ้นทั้งสำนักข่าวทั้งผู้คนที่มารอฟังข่าวการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เรียกว่าสำคัญสำหรับมวลมนุษย์เลยก็ว่าได้ กันต์รีบวิ่งเบียดคนอื่นแทรกขึ้นลิฟต์ไปดีที่ลงชื่อว่าเป็นญาติของผู้ทดลองจึงผ่านกลับเข้ามาโดยง่าย

      
            “คุณลุง คุณป้าครับ”

      
            “กันต์ลูก”

      
            “ออกมากันหรือยังครับ”

      
            “ยังเลย แต่คงอีกไม่นานเมื่อกี้นี้มีพยาบาลเดินออกมาแจ้งว่าให้นั่งรอฟังแถลงข่าวพร้อมกัน”

      
            รออยู่ครู่ใหญ่จนกระทั่งนางพยาบาลเดินมาแจ้งให้เข้าไปนั่งฟังแถลงข่าวในห้องประชุมของโรงพยาบาล ซึ่งอนุญาตให้เพียงญาติผู้ทดลองเข้าไปได้เท่านั้น ทันทีที่ตัวแทนจากรัฐบาลและคณะแพทย์เดินขึ้นมาบนเวทีเสียงอื้ออึงก็เงียบ ทุกคนจดจ่ออยู่กับบุคคลด้านหน้าเพื่อรอคอยคำพูดที่คล้ายจะเป็นตัวตัดสินชะตากรรมครอบครัวแต่ละครอบครัว

      
            “สวัสดีครับทุกท่าน ผมหัวหน้าคณะแพทย์ในการวิจัยนะครับ ก่อนอื่นเลยผมต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความร่วมมือในการสนับสนุนผู้ทดลอง จากการวิจัยมายาวนานตลอด 5 ปีมานี้พวกเราทำงานกันอย่างหนักเพื่อให้ผลลัพธ์มันออกมาดีที่สุด”

      
            “และก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่ผลลัพธ์ของสารตั้งต้นที่ออกมาใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของเรามากที่สุด ก่อนจะมีมติใช้วิธีการฉีดสารตั้งต้นดังกล่าวควบคู่กับการช็อตไฟฟ้าเพื่อระงับการทำงานของตัวเลข บิดเบือนการทำงานของร่างกายและสมอง ทางรัฐบาลจึงออกประกาศหาผู้ที่ยินดีเป็นคนทดลองสารตัวนี้ จนกระทั่งเมื่อเวลา 12 นาฬิกา 35 นาทีที่ผ่านมา การทดลองได้สิ้นสุดลง”

      
            “การทดลองเครื่องทดเวลา ผลปรากฏว่ามีผู้ที่ร่างกายตอบสนองจำนวน 13 ท่าน และผู้ที่ร่างกายไม่ตอบสนองจำนวน 7 ท่าน ทางเราต้องขอยินดีและเสียใจอย่างสุดซึ้งกับผลที่เกิดขึ้น ผมจะให้ผู้ช่วยประกาศรายชื่อทั้งหมดให้ทราบครับ”

      
            ทุกประโยคที่ได้ยินมันบีบคั้นหัวใจคนฟังในทุกประโยค ยิ่งเมื่อได้รู้ว่ามีคนที่ทดลองไม่สำเร็จด้วยแล้วยิ่งทำให้หลายคนใจเสีย กันต์เม้มปากแน่นอยากจะหลับหูหลับตาเพื่อที่จะไม่ต้องรับรู้ผลการทดลองนั้น

      
            “ผู้ที่ร่างกายตอบสนองคนแรกคือ .....”

      
            เขาหันไปมองพ่อและแม่ของพี่เขาทั้งสองที่จับมือกันอย่างเข้มแข็งเพื่อลูกของตัวเอง นั่นทำให้เขาค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ทำตัวเองได้เพื่อตั้งใจฟังรายชื่อที่กำลังประกาศ

      
            “นายพีรศิลป์ ตั้งวรเชษย์ และคนสุดท้ายคือนายแทนรัก วิมุตากุล”

      
            “คุณลุง คุณป้าครับ” ร่างโปร่งที่กำลังนิ่งค้างถูกแม่ของพี่เขาดึงเข้าไปกอดและร้องไห้ด้วยความดีใจโดยมีคนเป็นพ่อลูบหลังปลอบทั้งที่ตัวเองก็พยายามกลั้นน้ำตาไว้ กันต์ดีใจกับพี่แทนรักและครอบครัวมากจริง ๆ ที่ผลทดลองออกมาสำเร็จแบบนี้

      
            “แม่อยากเจอพี่รักแล้วพ่อ”

      
            “ใจเย็นก่อนแม่ รอให้หมอเขาประกาศคนอื่นจบก่อน”

      
            เสียงร้องไห้ที่คล้ายแทบขาดใจของอีกหลายครอบครัวดังขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างที่ประกาศผู้ที่ร่างกายไม่ตอบสนองถึงขั้นเสียชีวิต เสียสติ สูญเสียตัวตนตามลำดับ

      
            “สำหรับผู้ที่เสียสติ สูญเสียตัวตนมีอยู่ 2 ท่านด้วยกันคือนางสาวนิลิน เจียรวัฒนา และ ...”

      
            “พระเจ้า คุณป้าครับนั่นใช่ชื่อของ—”

      
            “หนูลิน”

      
            เราทั้งสามมองหน้ากันด้วยความตกใจไม่คิดว่าคู่ชีวิตของแทนรักจะมาร่วมการทดลองในครั้งนี้ด้วย ทว่าโชคร้ายที่ร่างกายของหญิงสาวไม่ตอบสนองกับการทดลอง ถึงแม้ว่าเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะเธอ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่านี่เป็นสิ่งที่เธอควรจะได้รับ ชีวิตที่พังทลายลงไปทันทีที่ตื่นขึ้นมาบางทีมันอาจจะโหดร้ายยิ่งกว่าตายเพราะผลลัพธ์ในครั้งนี้มันคือการตายทั้งเป็น

      
            “ในส่วนของผู้ที่ร่างกายตอบสนองการทดลองในครั้งนี้ต้องมาฉีดสารและกระตุ้นไฟฟ้าทุกปี จนกว่าคลื่นสมองและหัวใจจะอยู่ในระดับทรงตัว และผลลัพธ์ของการทดลองนี้คือตัวเลขจะถูกหยุดไว้ที่ 50 ไม่มีวันเพิ่มหรือลด เว้นเสียแต่ว่าในอนาคตร่างกายเกิดต่อต้านขึ้นมา เปอร์เซนต์การต่อต้านเราคำนวณไว้ไม่เกิน 10% ส่วนผลค้างเคียงของการทดลองนี้คือความทรงจำเกี่ยวกับคู่ชีวิตจะหายอย่างถาวรทั้งหมดครับ”

      
            “การเข้าเยี่ยมจะเยี่ยมได้หลังจากนี้ 12 ชั่วโมงเพื่อให้ผู้ทดลองได้พักฟื้นร่างกาย”

      
            ทางคณะแพทย์ได้ชี้แจงรายละเอียดบางส่วนทั้งวิธีการดูแลและอื่น ๆ ให้ญาติผู้ทดลองได้รับทราบและทำความเข้าใจและจบการแถลงข่าวอย่างรวดเร็ว

      
            “กันต์จะไปไหนต่อหรือเปล่าลูก หรือจะรอพี่แทนเขาก่อนจ๊ะ”

      
            “รอพี่แทนครับ แล้วคุณลุงคุณป้าล่ะครับ”

      
            “ลุงว่าจะพาป้าเขากลับบ้านไปพักก่อนน่ะ พอให้เข้าเยี่ยมได้คงมีเรื่องต้องคุยกันยาว” กันต์ยิ้มพร้อมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

      
            “ขอบใจมากนะจ๊ะที่อยู่เป็นเพื่อน ยังไงไว้ให้พี่แทนมาพาทานข้าวที่บ้านนะลูก ป้าอยากรู้จักเรามากกว่านี้” มือเรียวเล็กถูกจับเอาไว้อย่างแผ่วเบา กันต์ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่เอ็นดูตัวเองแม้จะเพิ่งได้เจอกันเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตามที


ครืด ครืด ครืด

      
            “ว่าไง”

      
            ( กูดูถ่ายทอดสดเมื่อกี้ ตอนนี้เป็นไงบ้างมึง )

      
            “ก็มีทั้งคนที่ดีใจและเสียใจ”

      
            ( เออพี่แทนรักกับพีทรอดนี่ )

      
            “พีท? เออใช่! กูลืมไปเลย กูมัวแต่รอฟังชื่อพี่รัก สรุปพีทรอดใช่ไหมวะ”

      
            ( เออรอด )

      
            “เฮ้อ โชคดีแล้ว เออมึง มึงจำผู้หญิงที่เป็นคู่พี่รักได้ปะ”

      
            ( จำได้ ทำไมวะ )

      
            “มาทดลองเหมือนกันว่ะ แต่อยู่ในหมวดคนเสียสติ”

      
            ( … เชี่ย จริงปะ แล้วพี่สองแฝดเขารู้เรื่องกันปะวะ )

      
            กันต์เงียบไปอึดใจ นั่นสิ พี่แทนอาจจะรู้เพราะเป็นหนึ่งในคณะแพทย์ ส่วนพี่รักนี่เขาก็ไม่แน่ใจ ช่างเถอะ อย่างไรตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ จริงอยู่ที่เขารู้สึกเสียใจกับเธอและครอบครัวของเธอ จะหาว่าเขาใจดำไปบ้างก็ได้ แต่ใครที่ไม่ได้มาอยู่ในจุดนี้ก็คงไม่เข้าใจ ชีิวิตรักเกือบพังก็เพราะคน ๆ นี้ ไหนจะชีวิตของพี่รักที่แทบไม่เหลือชิ้นดีก็เพราะเธอคนนี้อีกเช่นกัน

      
            “ไม่รู้ว่ะ ช่างเหอะ แค่นี้ก่อนนะมึง พี่แทนออกมาแล้ว”





 









            แทนคุณเดินออกมาจากส่วนห้องทดลองด้วยความเหนื่อยล้า นึกย้อนกลับไปในวินาทีที่การทดลองเริ่มขึ้น ผลการทดลองมีทั้งดีและแย่ปะปนไปจนนึกหวั่นใจไม่น้อย คนแล้วคนเล่าที่ผ่านไปจนกระทั่งมาถึงคิวของน้องชายตัวเอง เขาไม่สามารถบรรยายความรู้สึกวินาทีนั้นออกมาได้เลย อยากจะวิ่งหนีออกจากห้องไปเดี๋ยวนั้น อยากจะเป็นคนขี้ขลาดที่ไม่กล้าเผชิญหน้า

      
            แต่เพราะอีกใจก็อยากทำด้วยตัวเอง มันไม่ไว้ใจใครให้มาทำแทน จึงอดกลั้นกดทุกความรู้สึกลงไป สวมบทบาทความเป็นแพทย์เพื่อน้องชายเพียงคนเดียว ในช่วงวินาทีที่เห็นผลทอดลองแม้ว่าทุกคนในทีมจะเข้ามายินดีอย่างไรมันก็เทียบไม่ได้เลยกับรู้สึกข้างในของเขา มันเหมือนว่าความทรมานได้สิ้นสุดลงแล้ว

      
            ทว่าความชาจากปลายประสาทที่แล่นตั้งแต่หัวจรดเท้าเข้าเล่นงานเมื่อมาถึงผู้ทดลองห้องสุดท้าย นิลิน หญิงสาวที่เขาเคยรักจนหมดหัวใจ กำลังนอนนิ่งรอคอยให้โชคชะตาในกำมือแพทย์ตัดสินชีวิตที่เหลืออยู่

      
            ทันทีที่ผลลัพธ์ออกมานั้นความรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรจุกอยู่กลางอก นิ้วที่ถือปากกาเพื่อบันทึกการทดลองสั่นจนเกือบเขียนไม่ไหว แม้ว่าจะไม่ได้รักกันอีกแต่อย่างน้อยก็เคยมีช่วงเวลาร่วมกัน ทำให้เขาอดเจ็บปวดไม่ได้เมื่อรู้ว่าร่างกายของนิลินไม่ตอบสนองกับการกระตุ้นไฟฟ้าจนทำให้กลายเป็นคนเสียสติ

      
            “พี่แทน”

      
            คนตัวสูงที่เดินออกมาพร้อมคณะแพทย์ถูกเสียงอันคุ้นเคยช่วยเรียกสติที่กระจัดกระจายกลับมา เขาเดินพุ่งเข้าไปหาน้องก่อนจะดึงเจ้ากระต่ายตัวน้อยของตัวเองมากอดไว้แน่น ซุกซบลงบนไหล่น้องเพื่อเรียกร้องกำลังใจที่เสียไปกลับมา

      
            “มันผ่านไปแล้วนะครับ”

      
            “อืม ... ขอบคุณนะครับ”

      
            เขาขอบคุณที่ไม่ว่าเมื่อไหร่หรือเรื่องอะไรน้องก็ยังอยู่ด้วยกันตรงนี้ คอยเป็นขุมพลังงานที่เติมเต็มให้กันตลอดเวลา แค่คิดว่าถ้าเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมาไม่มีน้องนั้นมันจะเป็นอย่างไร แทนคุณก็บอกได้เพียงว่าเขาคงล้มระเนระนาดและพังทลายไม่เหลือชิ้นดี

      
            “พ่อกับแม่ล่ะครับ”

      
            หลังจากกอดน้องจนรู้สึกดีขึ้นก็พาเดินแยกจากฝูงชนมานั่งหลบมุมคุยกันสองคนเงียบ ๆ เวลานี้เขาอยากจะอยู่กับน้องแค่สองคนแต่เพราะหน้าที่ยังมีจึงไม่สามารถไปไหนได้

      
            “กลับไปแล้วครับ จะกลับมาอีกทีตอนหมอให้เยี่ยมเห็นบอกว่ามีเรื่องที่ต้องคุยกันยาว” แทนคุณพยักหน้ารับก่อนจะปล่อยให้ความเงียบปกคลุมเราอีกครั้ง กันต์เองก็ไม่คิดเร่งเร้าก็พอเข้าใจว่าการอยู่ในห้องทดลองกว่าหลายชั่วโมงนั้นคงก่อให้เกิดความเครียดไม่น้อย เลยได้แต่นั่งมองมือตัวเองที่ถูกพี่เขาจับเล่นอย่างเพลิดเพลิน

      
            “หิวหรือยังครับ พี่ขอโทษนะที่ทำให้เราขาดเรียนไปด้วยเลย” คนโตกว่าดึงสายตากลับมาวางไว้ที่ใบหน้าน่ารักของคนข้างกาย

      
            “ฮื่อ ไม่เป็นไรเลยพี่แทน ถึงให้กันต์ไปเรียนนะก็ไม่มีสมาธิหรอกครับ”

      
            “ขอบคุณนะครับ” กันต์เอียงหัวให้ทันทีที่ฝ่ามือหนาลูบลงบนกลุ่มผม ถึงแม้จะไม่ใช่คนอ้อนเก่งอะไรนักแต่ในเวลานี้ก็พยายามทำทุกอย่างให้พี่เขายิ้ม ดวงตาเรียวเล็กเหลือบมองซ้ายขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีมองมาทางนี้ก็ลงมือทำวิธีที่ช่วยผ่อนคลายพี่เขาเบื้องต้น

      
            จุ๊บ
   
      
            แทนคุณหันมามองหน้ากระต่ายตัวดื้อด้วยความตกใจไม่คิดว่าน้องจะหอมแก้มกันแบบนี้ ปากหนาขยับกระตุกยิ้มพยายามจะกลั้นแต่ก็ไม่ไหว ใครใช้ให้คนของเขาน่ารักได้ขนาดนี้ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในเครื่องแบบแพทย์เขาจะคว้าน้องมากอดรัดฟัดเหวี่ยงแน่นอน

      
            “ตัวแสบ”

      
            คนถูกกล่าวหายกยิ้มจนตาหยีอย่างชอบใจก่อนจะปฏิบัติขั้นตอนต่อไปด้วยการคว้าแขนพี่เขามากอดเอาไว้หลวม ๆ แล้วซบแก้มลงบนไหล่กว้าง แทนคุณอมยิ้มกับความขี้อ้อนของน้องที่นับวันยิ่งอ้อนเก่งขึ้นทุกวันโดยที่เจ้าตัวนั้นคงไม่รู้ด้วยซ้ำ แต่คนถูกอ้อนอย่างเขาแทบจะอดใจไม่ให้รุนแรงกับน้องไม่ไหว

      
            “พี่ต้องอยู่ต่ออีกหรือเปล่า”

      
            “อืม แพทย์ในทีมต้องคอยสแตนด์บายตลอด 12 ชั่วโมงนี้เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน” กันต์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจพลางยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาก่อนจะพบว่าบ่ายแก่เต็มที

      
            “แล้วต้องกลับไปทำงานตอนไหนครับ”

      
            “อีกประมาณครึ่งชั่วโมงแหละ มีอะไรหรือเปล่า หืม?”คนพี่ก้มลงมองเจ้าของกลุ่มผมที่คลอเคลียอยู่ก่อนจะจรดหอมหัวน้องย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ จนได้ยินเสียงหัวเราะจากน้อง

      
            “งั้นไปหาอะไรกินกันครับ วันนี้พี่กินอะไรเลยนะ” แทนคุณอยากจะปฏิเสธเพราะยังไม่รู้สึกอยากอาหารเลยสักนิด ตราบใดที่ยังไม่พ้น 12 ชั่วโมงเขาก็ยังไม่สบายใจแบบเต็มร้อยได้อยู่ดี

      
            “แ—”

      
            “นะ นะครับ~”

      
            คนเป็นคู่กันทำไมจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่จึงรีบยื่นอีกไม้ตายที่นานทีจะทำด้วยการแนบแก้มนุ่มของตัวเองลงกับฝ่ามือพี่เขาแล้วช้อนตามอง คิดดูสิว่าคนหลงกระต่ายตัวน้อยตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันจนวันนี้อย่างแทนคุณจะทัดทานได้อย่างไร ยอมปล่อยให้ตัวเองถูกน้องจับจูงมาจนถึงร้านอาหารข้างโรงพยาบาลจนได้

      
            ดวงตาคมปราบจับจ้องอยู่กับวงหน้าของคู่ชีวิตที่กำลังเจื้อยแจ้วเล่านั่นเล่านี่ไปเรื่อยเปื่อย แทนคุณรู้ดีว่ากันต์ไม่ใช่คนพูดเก่งยิ่งไปกว่านั้นคือแทบจะไม่ชอบพูดเลยด้วยซ้ำแต่น้องก็พยายามหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยเพื่อเขา

      
            ขอบคุณพระเจ้าจริง ๆ ที่สร้างน้องมาให้เขา














TANKHUN’s

      

            หลังจากส่งน้องขึ้นรถกลับคอนโดไปผมก็ตรงดิ่งมาที่ห้องพักฟื้นของผู้ทดลอง แต่ละเตียงจจะถูกกั้นด้วยม่านหนาทึบ ไม่ต้องใช้เวลาหาให้นานผมก็จำได้แม่นยำว่าเตียงไหนเป็นเตียงของน้องตัวเอง ผมเปิดม่านออกช้า ๆ อย่างเบามือเพื่อไม่ให้รบกวนเวลาพักผ่อนของไอ้รักและคนอื่น

      
            หน้าตาที่เหมือนกับผมแทบทุกอย่างของมันในตอนนี้ซีดเซียวแถมคิ้วยังขมวดแน่น ให้เดาว่าภายในคงกำลังต่อสู้อย่างแข็งขันเช่นกัน ถึงแม้ร่างกายของไอ้รักมันจะตอบสนองกับการทดลองทั้งหมดแต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะระบบภายในร่างกายบางอย่างเราก็รู้ดีว่ามันฝืนได้ยาก ยิ่งกับระบบตัวเลขที่เป็นตัวกำหนดคู่และชีวิตแล้วด้วยก็ยิ่งไม่มีอะไรง่ายดาย

      
            ผมได้แต่ยืนมองน้องตัวเองอยู่แบบนั้นจนนางพยาบาลเข้ามาตรวจเช็คความดัน ผมยิ้มตอบรับให้เพื่อนร่วมงานก่อนจะถอยฉากออกมายืนด้านนอก แต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกจากห้องก็ได้ยินตะโกนหวีดร้องของใครสักคนพร้อมกับเสียงรองเท้าของแพทย์ที่วิ่งกรูผ่านไป

      
            “หมอแทนคะ เชิญด้วยค่ะ” นางพยาบาลที่กำลังวิ่งมาโผล่เข้ามาบอก ผมจึงรีบตามไปก่อนสภาพที่เห็นจะทำให้แทบลืมหายใจ

      
            “นิลิน”

      
            “กรี๊ดดดดดดดดด!! ออกไป! ฮึก อย่าเข้ามานะ!! ไม่!! รัก!! รักคะ!! รักอยู่ไหน!!!”

      
            หญิงสาวที่เคยสวยงามในความทรงจำของผมตอนนี้เหลือเพียงแต่ร่างกายที่ทรุดโทรม ใต้ตาบวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักหน่วง และดวงตากลมโตสั่นระริกอย่างหวาดกลัว แทบไม่เหลือเค้าเดิมที่เคยเป็นมาจนอดรู้สึกแย่ไม่ได้

      
            “รัก รักคะ รักใช่ไหม รักมาหาลินแล้ว รักยกโทษให้ลินแล้วใช่ไหมคะ”

      
            นิลินกวาดสายตามาก่อนจะเรียกด้วยชื่อของแทนรักอดีตคู่ชีวิตของเธอ ผมเผลอเลียปากด้วยความอึดอัดใจแต่สุดท้ายก็เดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างเตียงและปล่อยให้เธอโผเข้ามากอด นิลินร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ยอมหยุดจนผมไม่กล้าที่จะดันตัวเธอออก


            การที่จะทำให้เธอสงบได้ในตอนนี้คือฉีดยานอนหลับ นั่นทำให้หมออีกคนที่กำลังยืนถือเข็มเดินก้าวเข้ามาจากด้านหลังอย่างระมัดระวังแล้วฉีดยานั้นลงในสายน้ำเกลือ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยผมพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ทุกคนออกไปจนกระทั่งทั้งห้องเหลือเพียงแค่ผมและเธอ

      
            “ยะ อย่าไป”
      
      
            “นอนก่อนนะครับคนเก่ง”

      
            ผมสวมบทเป็นแทนรักอย่างที่เธอต้องการ นิลินพยายามขัดขืนไม่ยอมให้ผมดันตัวเธอลงนอน แต่ยาคงเริ่มออกฤทธิ์ทำให้สุดท้ายก็หลับไปในที่สุด ถึงแม้ว่าเราต่างจะเจ็บปวดกับเรื่องนี้แต่ผมก็ไม่เคยคิดนึกแค้นใจให้ใครต้องเป็นอะไรไป

      
            อยู่ ๆ ก้อนความรู้สึกผิดแม่งก็ตีขึ้นมาจุกอก ถ้าผมคุยกับแทนรักให้รู้เรื่อง ใส่ใจเรื่องของน้องตัวเองสักนิดหรือแม้แต่สนใจเรื่องคู่ชีวิตตัวเองสักหน่อย มันคงไม่เกิดผิดฝาผิดตัวสลับคู่มั่วซั่วกันจนกลายเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะผมไปแทรกกลางป่านนี้ทั้งสองคนคงได้แต่งงานมีครอบครัวมีลูกตัวน้อย ๆ ด้วยกันไปแล้ว

      
            ยิ่งเห็นสภาพของนิลินตอนนี้ผมไม่รู้เลยว่าจะมีส่วนรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยได้อย่างไร ทางเดียวที่คิดออกตอนนี้ก็คือต้องดูแลเธอคนนี้ให้ดีที่สุดก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที นั่นคงเป็นทั้งหมดที่ผมจะทำให้เธอได้









To be continued.
_____________________________________

TALK : ไม่รู้จะสงสารใครก่อนดีเลยนะคะจุดนี้

เรื่องการรักษานี่พยายามเขียนให้พอจะเป็นไปได้
และอ่านเข้าใจง่ายมากที่สุด แต่ถ้ายังไม่เข้าใจก็บอกได้เลยนะคะ

เป็นอีกตอนที่เขียนยากมากสำหรับเรา
เขียนๆ ลบๆ อยู่นานมาก เลยหายไปนานกว่าจะมาต่อได้
ส่วนนึงก็ด้วยสภาพจิตใจของเราด้วยแหละค่ะ เครียดงานมากเว่อ5555

ขอบคุณคนที่ยังรอกันนะคะ เราจะพยายามให้ดีขึ้นกว่านี้ค่ะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจดีๆ ด้วยเช่นกันค่ะ

ฝากคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้กันด้วยน้า

TWITTER (https://twitter.com/19august___) FACEBOOK (https://www.facebook.com/19august.S)


#ครึ่งชีวิตของผม
      
      
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER17 18/12/18 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 18-12-2018 23:26:06
คือบอกตรง ไม่ได้สงสารนิลินเลยอ่า เราใจร้ายไปไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER17 18/12/18 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-12-2018 23:59:26
ดีใจที่พี่รักปลอดภัยนะ
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER17 18/12/18 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-12-2018 00:06:39
พี่รักปลอดภัย ฮืออออออออออออออออออออ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER17 18/12/18 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 19-12-2018 00:39:29
อย่าสงสารเค้าจนละเลยน้องละไม่งั้นจะยิ่งไปกันใหญ่ อย่าทำให้ความสงสารมาทำลายความสัมพันธ์ของแทนกับน้องนา

ปล. เราก็สงสารลินนะแต่ที่เป็นแบบนี้ส่วนนึงก็มาจากการกระทำของลินล้วนๆด้วย และลินก็เลือกที่จะเข้ารับการทดลองเอง เพราะงั้นก็ต้องทำใจยอมรับผลของการกระทำของตัวเองด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER17 18/12/18 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 16-01-2019 08:59:33
 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER18 17/01/19 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 17-01-2019 20:50:38


CHAPTER 18

We need Both the sun and the rain to grow.
- dj. -









10 เมษายน 25xx

      
      
            กันต์ที่วันนี้ตั้งใจว่าหลังจากเรียนเสร็จจะไปเยี่ยมพี่แทนรักก็ต้องเปลี่ยนแผนกะทันหันเพราะต้องมานั่งแก้งานหลังจากที่เพิ่งเข้าพบอาจารย์ ใบหน้าที่ปกติไม่ค่อยแสดงอารมณ์อะไรเท่าไหร่ในตอนนี้กลับมุ่ยลงด้วยความหงุดหงิดใจ

      
            นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วเขายังไม่ได้ไปเยี่ยมเลยแม้พี่เขาจะส่งข่าวมาบอกแล้วก็ตามว่าพี่รักน่ะปลอดภัยดี อีกอย่างคือนอกจากข่าวพี่รักที่ได้รับ เขาเองก็ไม่มีโอกาสได้คุยคนรักของตัวเองเลยเช่นกัน ก็พอเข้าใจว่าช่วงนี้คงยุ่งกับการติดตามผลการทดลองและคอยดูแลพี่แทนรัก

      
            แต่ก็นะ มันอดเหงาไม่ได้นี่หน่า
   
      
            “งานส่งตั้งอีกสองวัน มึงทำทันอยู่แล้ว”
      
      
            “แต่”
      
      
            “มึงเป็นอะไร ไหนพูด” ก็ยังคงเป็นดิมที่รู้ทันเพื่อนคนนี้ไปเสียทุกอย่าง แม้แต่บางอาการที่คิดว่าเก็บไว้มิดแล้วก็ตามที กันต์พรูลมหายใจออกมาพลางเรียบเรียงคำพูดในหัวตัวเอง

      
            “พี่แทนเงียบหายไปเลยอะมึง จะเป็นอาทิตย์แล้วนะ”
      
      
            “งานเขายุ่งหรือเปล่า”

      
            “กูก็คิดงั้น แต่ปกติยุ่งแค่ไหนเขาก็ทักมาหากูได้ตลอดนี่หน่า” พูดไปก็มองรายชื่อผู้ติดต่อในโทรศัพท์ของตัวเองไป อยากจะโทรหา อยากทักไปหา แต่ข้อความล่าสุดที่เพิ่งส่งไปเมื่อคืนยังไม่ถูกเปิดอ่านเลยด้วยซ้ำ

      
            “งั้นวันนี้ไปเยี่ยมพี่รักแล้วก็แวะไปหาพี่เขาดู มา ๆ เดี๋ยวกูไปส่ง” ถ้าจะยกอันดับคนสปอยล์กันต์อันดับหนึ่งบอกเลยว่าไม่ใช่ที่บ้าน ไม่ใช่คู่ชีวิต แต่เป็นเพื่อนสนิทอย่างดิมต่างหาก

      
            เขาเงยหน้ามองเพื่อนอย่างขอความมั่นใจ บอกตรง ๆ ว่าใจมันคิดไม่ดีไปแล้วเพราะประกบการณ์ความรักที่ผ่านมาการที่อีกฝ่ายอยู่ ๆ หายหน้าหายตาไปไม่ติดต่อมา มันคือสัญญาณความล้มเหลวของความสัมพันธ์ที่เขาต้องเตรียมใจรับมัน

      
            “กูรู้มึงคิดอะไรอยู่ แต่ไหนใครบอกกับกูว่า พี่แทนไม่มีทางเหมือนคนอื่น”

      
            สุดท้ายดิมก็พากันต์มาส่งถึงหน้าโรงพยาบาลก่อนจะขอตัวกลับเพราะนัดกับจาริณเอาไว้ เขาเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อสอบถามการเข้าเยี่ยมพี่แทนรัก และโชคดีที่ทางครอบครัวใส่รายชื่อเขาให้เป็นผู้มีสิทธิ์เยี่ยมได้

      
            เขากลับมาที่ชั้นเดิมเหมือนว่าทางโรงพยาบาลจะปรับให้ชั้นนี้เป็นของโปรเจ็คเครื่องทดเวลาไปแล้ว เขามองหมอและพยาบาลที่เดินไปเดินมาประปรายเข้าห้องนั้นออกห้องนี้กันตลอด ว่าแต่ห้องของพี่แทนรักต้องไปทางไหนกันล่ะเนี่ย

      
            “ขอโทษนะครับ ผมมาเยี่ยมคุณหมอแทนรักครับ ไม่ทราบว่าต้องไปทางไหนหรอครับ”

      
            “คุณหมอแทนรักเชิญฝั่งนี้ค่า เดินเข้าไปห้องด้านในสุดซ้ายมือนะคะ”

      
            “ขอบคุณครับ”
   
      
            ดูเหมือนว่าทางโรงพยาบาลจะแยกผู้ทดลองที่ตอบสนองกับไม่ตอบสนองไว้คนละฟาก ที่เดาได้แบบนี้เพราะเสียงจากฝั่งตรงข้ามดังโวยวายมาเป็นระยะและมีหมอผลัดกันเดินเข้าไปบ่อยกว่าปกติ กันต์สังเกตทุกอย่างจนพอใจแล้วจึงเดินไปตามทางที่พยาบาลบอก

      
            ‘แทนรัก วรเชษฐากุล’


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

      
            “เชิญครับ”

      
            “พี่รักครับ~”

      
            “อ้าวกันต์ ว่าไงเรา”
   
      
            กันต์เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายที่เตียง ตอนแรกคิดว่าร่างกายจะยังไม่เข้าที่เท่าไหร่นัก แต่ไอ้ท่าทางการนอนหนุนคอ ไขว่ห้างกระดิกเท้าดูละครได้ก็คงไม่มีอะไรน่าห่วง

      
            “เป็นยังไงบ้างพี่”

      
            “สบายมาก”

      
            “หรอ ๆ ละนี่กินอะไรยังอะพี่”

      
            “เรียบร้อยแล้ว แล้วเราอะมาไงไม่เห็นไอ้แทนบอกเลยว่าจะมาหา”

      
            “เพื่อนมาส่งอะ”

      
            “นั่ง ๆ ดูละครกับพี่ดีกว่า ไอ้แทนออกตรวจอีกสักพักน่าจะกลับมา” กันต์พยักหน้ารับก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง

      
            “อยากกินผลไม้ไหมพี่เดี๋ยวผมปลอกให้”

      
            “เออ ๆ บริการพี่หน่อยไอ้น้อง”

   
            คนเด็กกว่าหัวเราะไปกับบทสนทนาที่อีกฝ่ายชวนคุย เราคุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้แต่ยกเว้นเรื่องเดียวคือคู่ชีวิตคนเก่าของเขา เห็นว่าตามผลแล้วความทรงเกี่ยวกับคู่ชีวิตคนเก่าจะหายไปทั้งหมด ซึ่งสำหรับพี่รักแล้วเขาก็คิดว่ามันเป็นเรื่องดีเหมือนกัน อดีตที่เจ็บปวดบางทีจำมันไม่ได้เลยน่าจะดีที่สุด


ครืด

      
            “กันต์?”

      
            “อ้าวพี่แทน เสร็จงานแล้วหรอครับ”

      
            กันต์ก้าวเข้าไปหาคนรักพร้อมกับแขนแกร่งของแทนคุณอ้าออกกว้างเพื่อรับอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอดพร้อมกับก้มลงหอมขมับด้วยความคิดถึง คนที่เหนื่อยกับงานสายตัวแทบขาดรู้สึกได้รับพลังกลับคืนมาทันที

      
            “ครับ แล้วเรามาได้ยังไง ดิมมาส่งหรอ”

      
            “ใช่ครับ”

      
            “เอ้า ๆ อย่าเพิ่งสร้างโลกส่วนตัว เห็นใจคนโสดหน่อยครับผม”

      
            “งั้นเราไปกันเถอะ” แทนคุณหันไปกลอกตาใส่คนหน้าเหมือนตัวเองด้วยความระอา และนอกจากจะไม่สนใจแล้วยังจับมือน้องเดินออกจากห้องโดยมีเสียงของแทนรักโวยวายตัดพ้อไล่หลังมา

      
            “เย็นแล้วนะได้กินอะไรหรือยังครับ”

      
            “ยังเลย พี่ล่ะ”

      
            “เหมือนกัน งั้นไปหาอะไรกินกัน”

      
            กันต์พยักหน้ารับอย่างแข็งขันยอมให้พี่เขาจับจูงพาไปขึ้นรถ ภายในรถคลอเคล้าไปด้วยเสียงเพลงแนวที่เราทั้งคู่ชอบ คนเด็กกว่าได้เอี้ยวตัวพิงเบาะมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนรักด้วยความคิดถึง ไม่ได้เจอกันเกือบอาทิตย์เขายังแทบบ้า ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะติดพี่เขาขนาดนี้

      
            “มองขนาดนี้จะเอาอะไรครับ”
   
      
            แทนคุณเหลือบมองน้องที่จ้องมาไม่วางตา ไม่รู้ว่าน้องรู้ตัวหรือเปล่าว่าสายตาตัวเองในตอนนี้หวานขนาดไหนจนเขาเองชักจะเขินจนวางตัวไม่ถูกแล้วเหมือนกัน เลยทำเป็นเอ่ยแซวพร้อมกับบีบปลายจมูกรั้นด้วยความมันเขี้ยว

      
            “คิดถึงครับ”

      
            ทันทีที่น้องพูดพลางเอนตัวซบหน้ากับต้นแขนน้ันแทนคุณก็ตัวชาวาบด้วยความรู้สึกผิด ยิ่งกายเล็กสั่นพร้อมกับความชื้นที่สัมผัสได้ในตำแหน่งเดียวกันกับใบหน้าก็ยิ่งทำให้รู้สึกแย่เข้าไปใหญ่ เขาผิดเองที่มัวแต่ทำงานจนละเลยน้อง เอาแค่โทรศัพท์ที่เมื่อครู่หยิบขึ้นมาโทรจองโต๊ะแล้วเห็นแจ้งเตือนจากชื่อน้องที่ค้างเอาไว้เยอะมากนั่นทำให้เขารู้ความผิดพลาดของตัวเองได้อย่างชัดเจน

      
            “พี่ก็คิดถึงน้อง พี่ขอโทษนะคนดี” บอกกล่าวด้วยความรู้สึกจากใจก่อนจะก้มลงไปกดจูบลงที่กลางกลุ่มผมนุ่ม สูดดมกลิ่นที่คิดถึงและกดย้ำสัมผัสที่คุ้นเคย

      
            “ไม่เป็นไร กันต์เข้าใจแต่กันต์ ...​ กันต์แค่คิดถึงพี่ พี่ไม่ตอบข้อความกันต์เลย” เสียงของกันต์แผ่วปลายเมื่อกลัวว่าตัวเองจะงี่เง่าเกินไป

      
            “พี่ขอโทษนะ เป็นเพราะพี่มัวแต่ดูแลคนอื่นจนลืมดูแลคนรักของตัวเอง”

      
            แม้รถยนต์จะมาถึงปลายทางแต่ทั้งคู่ก็ยังไม่คิดจะขยับไปไหน แทนคุณหมายมั่นว่าจะคุยกับน้องให้รู้เรื่องเสียก่อน ซึ่งหมายถึงรู้ในทุกเรื่องที่เขากำลังทำอยู่ ในเมื่อเป็นครึ่งชีวิตของกันและกันและเขาก็ได้รับบทเรียนมาอย่างสาสมแล้ว เขาจะไม่ยอมให้มันพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง

      
            “หิวหรือยังครับ พอจะฟังเรื่องที่พี่อยากจะเล่าได้ก่อนไหม”

      
            เขาไม่คิดเร่งรัดทำเพียงแค่กุมมือของน้องเอาไว้หลวม ๆ และสบกับนัยน์ตาหวานที่ยังประปรายไปด้วยหยาดน้ำ น้องหยุดคิดไปเล็กน้อยพลางหลุบตาลงต่ำคล้ายกับหวาดกลัวอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็พยักหน้าตอบรับ

      
            “ขอบคุณครับ”


            “….”

      
            “หลายวันมานี้ที่พี่ไม่ได้โทรหา ไม่ได้ตอบข้อความเพราะพี่ยุ่งกับงานจริง ๆ กินและนอนอยู่ที่โรงพยาบาลจริง ๆ ไม่ได้นอกลู่นอกทางไปไหนอันนี้เราสบายใจได้เลยครับ แต่ว่าสิ่งที่พี่จะเล่าต่อไปนี้มันอาจจะทำให้น้องไม่พอใจ ถึงอย่างนั้นพี่ก็อยากให้เราฟังพี่ให้จบก่อนนะ โอเคไหม”

      
            “ครับ”

      
            “ช่วงนี้พี่รักษาคนไข้ประจำสลับกับคอยติดตามผลจากผู้ทดลอง ด้วยความที่พี่เป็นจิตแพทย์คนเดียวในทีมเลยต้องวิ่งวนดูแลผู้ทดลอง 20 คน เพื่อรักษาทางด้านจิตใจที่มีแนวโน้มสูงว่าจะหายยากมากกว่าทางร่างกาย”

      
            “…”

      
            “และอย่างที่เรารู้ว่านิลินคือหนึ่งในนั้น พี่ยอมรับว่าพี่คอยดูแลเธอมากกว่าคนไข้คนอื่นแต่ไม่ใช่เพราะพี่ยังรักหรือรู้สึกอะไรกับเธอนะ พี่แค่เห็นใจและพี่เองก็เป็นหนึ่งในคนที่ทำให้เธอและรักมันต้องมาอยู่ในจุดนี้” แทนคุณมองใบหน้าคนรักที่ยังคงเรียบเฉยไม่แสดงอาการอะไรจึงวางใจเล่าต่อไป

      
            “นิลินกลายเป็นคนเสียสติ เฝ้าถามถึงแต่รักและพี่สลับไปมาจนบางครั้งก็อาละวาด ช็อค หมดสติไปเลยก็มี เป็นเพราะความสับสนที่เกิดขึ้นภายใต้ระบบการทำงานของสมอง ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าใครคือคู่ของตัวเอง ถ้าวันไหนพี่อยู่ดูแลเขาก็จะสงบ ให้ความร่วมมือในการรักษา แต่ถ้าไม่เจอพี่เขาก็จะอาละวาด”

      
            “…”

      
            “พอเห็นสภาพแบบนั้นพี่ก็ทั้งเห็นใจและรู้สึกผิด คิดว่าน่าจะมีอะไรที่พี่สามารถชดใช้เธอได้บ้าง จนบางทีมีไม่สามารถไปไหนได้ก็เพราะต้องคอยเฝ้านิลินเอาไว้ แต่เป็นพี่เอง ... พี่ก็หลงลืมไปว่าคนที่พี่ควรจะเอาใจใส่ที่สุด ควรจะสำนึกผิดด้วยมากที่สุดคือคนที่อยู่ตรงหน้าพี่ คนที่ยอมให้อภัยคนโง่ ๆ แบบพี่มานับครั้งไม่ถ้วน”

      
            “…”

      
            “พี่ขอโทษนะครับ”

      
            แทนคุณไม่พูดเปล่าแต่กลับซบหน้าลงกับสองมือของน้องพลางกดจูบซ้ำ ๆ แทนคำขอโทษนับพัน เขารู้สึกผิดจริง ๆ นะให้ตาย ระยะเวลา 3 เดือนที่เราได้เจอและรักกักมีแต่เรื่องที่เขาทำให้น้องต้องเสียใจ ทั้งที่คิดว่าทำเต็มที่แล้ว พยายามที่สุดแล้วแต่ก็ยังทำพลาดอยู่เรื่อยไป

      
            น้องจะเหนื่อยใจที่จะมีเขาบ้างหรือเปล่า —แทนคุณไม่กล้าจะคิดต่อเลย
   
      
            ความรู้สึกที่กระจัดกระจายถูกรวบรวมกลับมาด้วยสัมผัสของน้องที่แตะลงบนหน้าผาก พร้อมกับนิ้วที่ลูบหลังมือเขากลับมา แทนคุณขยับเข้าไปรวบน้องมากอดเอาไว้จนแน่นแม้มันจะไม่ถนัดเนื่องจากอยู่บนรถแต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรค เขาทั้งกอดและซุกหน้าเข้ากับน้องเพื่อที่จะสัมผัสทุกกลิ่นกายว่าเขายังมีน้องอยู่ด้วยกันตรงนี้

      
            “ขอบคุณนะครับพี่แทนที่เล่าให้กันต์ ยอมรับนะว่าก็แอบน้อยใจเหมือนกันแต่เพราะพี่แทนของกันต์คือคุณหมอคนเก่ง กันต์เลยเข้าใจ” แทนคุณกระชับกอดน้องเอาไว้แนบแน่นกว่าเดิม

      
            “อีกอย่างนะพี่แทน กันต์เคยบอกไว้แล้วว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่าโทษตัวเอง พี่ไม่ใช่คนที่ทำร้ายใคร พี่ก็คือหนึ่งในเหยื่อของความรัก เพียงแค่พี่เจอกันต์ พี่ไม่ต้องเป็นบ้า พี่ไม่ต้องเข้าทดลองนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพี่คือคนผิด พี่ไม่จำเป็นต้องชดใช้ให้เธอ โอเค ถ้าพี่อยากจะชดใช้ให้ใคร พี่พูดถูกแล้วว่าคนนั้นคือกันต์”

      
            “…”

      
            กันต์ดึงตัวคนพี่ออกมาและจับให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นให้มองกัน คนเด็กกว่าระบายยิ้มบางเมื่อเห็นแววตาเศร้าจากอีกฝ่าย เรียวนิ้วยาวลูบลงบนแก้มที่ตอบลงจากการโหมงานหนัก มองร่องรอยความเหนื่อยล้าที่ทำเอาโกรธไม่ลง

      
            “รักและใส่ใจกันต์ให้มาก ๆ แค่นี้คือสิ่งที่พี่ต้องทำ พี่จ๋าทำได้ไหมครับ” เขาใช้สรรพนามที่เอาไว้เรียกกันในยามตระกองกอดมาใช้ แม้จะเขินอายจนอยากวิ่งหนีแต่เพราะเป็นคน ๆ นี้ที่เขาอยากให้เราเข้าใจกัน คุยกันได้ทุกเรื่องจึงยอม

      
            “ครับ พี่จ๋าของน้องกันต์ทำได้ครับ ขอบคุณนะคนดี” แทนคุณแนบหน้าผากตัวเองกับน้องเข้าชิดกัน ขยับเลื่อนเคลื่อนปลายจมูกให้หยอกล้อกันจนกระทั่งริมฝีปากของเราสัมผัสกัน นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งจุมพิตที่วิเศษที่สุดและชวนให้หัวใจเต้นแรงที่สุด

      
            บางทีจูบที่หวานที่สุดอาจไม่ได้มาจากตอนที่เราอารมณ์ดี แต่อาจจะเป็นตอนที่เราได้เข้าใจกันมากขึ้นในทุกครั้งที่ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาด้วยกัน

      
            เพราะความเป็นคู่ชีวิตมันมีอะไรมากกว่าการเป็นคู่รัก เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะรับฟัง เข้าใจ และพูดคุยกันเพื่อที่จับมือกันต่อไปได้ อายุไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่าอีกฝ่ายจะตัดสินใจหรือคิดนึกอะไรพลาดไม่ได้ นั่นทำให้การเป็นคู่ชีวิตคือการเติบโตไปด้วยกัน

      
            เช่นเดียวกับเรื่องราวทั้งหมดนี้ที่บางครั้งกันต์ก็ต้องยอมปรับนิสัยที่ไม่ชอบพูด ไม่ชอบอธิบาย หรืออย่างบางหนที่แทนคุณก็ต้องยอมรับว่าน้องมีวุฒิภาวะที่เป็นผู้ใหญ่มากพอ















            “ได้ไปเยี่ยมเพื่อนเรามาหรือยัง” กันต์ชะงักระหว่างกำลังอ้าปากงับแซนด์วิชในมือ ก่อนจะทำหน้าสงสัยว่าเพื่อนคนไหน ไอ้ดิมหรอ มันป่วยเป็นอะไรทำไมเขาไม่รู้ เมื่อวันก่อนยังเจอกันตอนส่งงานแก้อยู่เลย

      
            “พีทน่ะ”

      
            “เออใช่!! มัวแต่ห่วงพี่รักอ่า กันต์ลืมไปเลยว่าพีทก็เข้าทดลอง”

      
            “ฮ่ะ ๆ งั้นแวะเยี่ยมเพื่อนก่อนไหม อยู่ก่อนถึงห้องไอ้รักนี่เอง”

      
            “อื้อ ๆ พี่แทนพากันต์ไปหน่อยนะ” แทนคุณรู้ว่าทำไมน้องถึงอ้อนให้เขาพาไปหาทั้งที่ไปเองก็ย่อมได้ คงจะเป็นเรื่องเมื่อคราวก่อนที่สนิทเกินไปจนเขาหึงนั่นแหละ

      
            แต่พอเดินมาถึงกำลังจะเข้าไปในห้องของพีทนั้นประตูอีกบานนึงของห้องด้านข้างก็เปิดออกพร้อมกับแทนรักที่เดินลากสายน้ำเกลือออกมา หน้าตกตื่นใจเมื่อออกมาเจอพี่ชายของตัวเองจึงทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วทักคนเด็กที่สุดแทนอย่างกันต์

      
            “น้องกันต์มาทำอะไรเนี่ย มาเยี่ยมพี่หรอ แล้วนั่นจะไปเข้าห้องใคร ห้องพี่อยู่ทางนี้ครับ” กันต์ถูกแขนยาว ๆ ของแทนรักล็อคไว้ที่ไหล่คล้ายจะเอาเป็นกันชนพี่ชายตัวเอง แน่ล่ะสิ ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องทั้งนั้นจนกว่าหมอจะลงความเห็นว่าปกติดีร้อยเปอร์เซ็นต์

      
            “อย่ามาเนียนไอ้รัก ใครให้มึงออกมาข้างนอก”

      
            “โห มึงอะ กูนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในห้องมาเป็นอาทิตย์แล้วกูก็เบื่อดิ ขอออกมาเดินเล่นบ้างเส้นจะยึดหมดแล้ว” แทนรักโอดครวญใส่พี่ตัวเอง

      
            “พวกพี่ค่อยเถียงกันต่อได้ไหมครับ กันต์ขอเข้าไปเยี่ยมเพื่อนก่อน” น้องเล็กสุดในที่นี้แทรกบทสนทนาขึ้นมาอย่างเหนื่อยใจ แฝดคู่นี้เจอกันทีไรเป็นอันต้องเถียงกันตลอด

      
            “เพื่อนหรอ ๆ พี่ขอเข้าไปด้วยคนสิ อยู่คนเดียวนะเหง๊าเหงา กันต์ไม่สงสารพี่หรอ” คนถูกอ้อนถึงกับหลุดขำออกมาก่อนจะเลิกสนใจสองพี่น้องแล้วเดินเข้าไปในห้องของเพื่อน และแน่นอนมีหรอแทนรักจะยอมอยู่กับพี่ชายตัวเองตามลำพังมีหวังโดนบ่นหูชาจึงเดินตามหลังแฟนพี่ชายตัวเองมาติด ๆ

      
            “พีท”

      
            “อ้าว ไง มาได้ไงเนี่ย”

      
            “ขอโทษทีนะเรามัวแต่ห่วงพี่ชายเรา ลืมไปเลยว่าพีทก็เข้าทดลอง” พีทมองเพื่อนใหม่ที่เพิ่งสนิทกันได้ไม่นานด้วยสายตาเอ็นดู เขาน่ะไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อนคนนี้หรอกเพียงแค่รู้สึกว่าอยากจะรู้สึกว่าอยากจะรู้จักคน ๆ นี้เท่านั้น

      
            “ไม่เป็นไร ๆ แล้วนั่นน่ะหรอพี่ชายที่ว่า” กันต์หันไปมองตามก่อนจะพบแทนรักที่เดินตามเข้ามาแล้วกำลังนั่งอยู่ที่โซฟาดูโทรทัศน์หยิบผลไม้ของคนอื่นกินสบายใจเฉิบ

      
            “พี่รัก!” แทนรักหันมายิ้มแหยให้แฟนพี่ชายตัวเองก่อนจะมองเลยไปยังด้านหลังแล้วยกมือขึ้นรับไหว้จากคนเด็กกว่า

      
            “ตกใจหมดเลยกันต์” ทำเป็นพูดไปแต่การกระทำไม่ได้บ่งบอกเลยว่าตกใจ กันต์กลอกตาใส่คนกวนประสาทหนึ่งครั้งถ้วน ดูเหมือนว่าพอไม่มีเรื่องอะไรที่ค้างคาอยู่ในใจอีกฝ่ายก็ดูจะเป็นคนอารมณ์ดีเสียเหลือเกิน

      
            “เฮ้อ พีทขอโทษทีนะ นี่พี่แทนรักเป็นแฝดน้องของคู่เราเอง ส่วนพี่แทนนี่พีทเพื่อนกันต์” ได้แต่แนะนำกันไปตามมารยาท

      
            “แล้วนี่พีทรู้สึกโอเคขึ้นบ้างหรือยัง แบบร่างกายอะไรอย่างนี้” กันต์พยายามระมัดระวังคำถามเพราะเขาเองก็ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางก่อนหน้านี้ของเพื่อน

      
            “อื้อ ดีขึ้นเยอะแล้ว อยากออกจากโรง’บาลจะแย่ เบื่อมาก”
   
      
            “บ่นเหมือนพี่รักเลย”

      
            “ใช่ปะ โคตรเบื่อ นี่นะพี่กำลังคิดเลยว่าจะลาพักร้อนยาว ๆ สักเดือนสองเดือนด้วย อยากเปลี่ยนบรรยากาศ เอียนโรง’บาลเต็มที” แทนรักได้ทีก็บ่นออกมายาว ๆ แถมยังเล่าให้คนแปลกหน้าฟังถึงแผนการณ์ตัวเองอย่างเป็นตุเป็นตะ

      
            “ไปเที่ยวหรอครับ”
   
      
            “ใช่ อยากเที่ยวรอบโลกดู ไหน ๆ เลขบนอกก็ไม่ผลอะไรอยู่ละ จะไปไหนอะไรยังไงกับใครก็ได้แล้วที่นี้” กันต์ที่ยืนฟังคนขี้โม้ถึงกับชะงักลมหายใจพยายามจับสังเกตว่าคนพูดรู้สึกอะไรหรือเปล่า แต่ก็พบเพียงแค่ความเรียบเฉย

      
            “นั่นสิ น่าสนแหะ ผมขอไปด้วยคนได้ไหม”

      
            “เฮ้ยไอ้น้องพี่ยังไม่มีแพลนว่าจะหาคู่หูว่ะ อยากลองเที่ยวคนเดียวเท่ ๆ ดูบ้าง รู้ไหมกันต์ไอ้แทนน่ะเห็นมันบ้างานแบบนั้น แต่มันก็เคยลาพักร้อนไปแบ็คแพ็คนะเว้ย”

      
            “จริงหรอครับ พี่แทนน่ะนะ?”

      
            “เออดิ ตอนนั้นแม่งชิ่งไม่ยอมชวนพี่ ครั้งนี้พี่ก็เลยอยากลองบ้าง”

      
            “ถ้าพี่เปลี่ยนใจอยากได้เพื่อนไปด้วยบอกผมได้นะครับ”

      
            “เออ ๆ ไว้ว่ากัน” กันต์มองคนติดลมบนชวนคุยเรื่อยเปื่อยเก่งจนรู้สึกว่าตัวเองไร้บทบาทอย่างไรชอบกลจึงค่อย ๆ ขยับตัวออกมาจากห้อง สงสัยอยู่โรง’บาลเฉย ๆ คงจะน่าเบื่อจริง ๆ พอมีเพื่อนคุยก็คุยไม่สนใจกันเลย

      
            “อ้าว ไอ้รักล่ะ”

      
            “นู่น คุยกับพีทอยู่ เรื่องท่งเรื่องเที่ยวอะไรไม่รู้ เห็นว่าจะลาพักร้อนด้วยนะรายนั้น”


            “อืม ดีแล้ว ให้มันได้ไปเที่ยวบ้างก็น่าจะดี” กันต์มองคนรักด้วยรอยยิ้มที่รู้ทัน คนที่รักน้องชายตัวเองกว่าใครแต่ทำเป็นปากแข็ง เมินเก่งน่ะต้องยกให้พี่เขาเลยเชียวล่ะ

      
            “พอเลยพี่แทน คิดอะไรอยู่ในหัวน่ะหยุดไว้ก่อนเลย ไปทำงานครับเดี๋ยวกันต์เดินไปส่ง” แทนคุณก้มลงมองคนเด็กกว่าที่คว้ามือตัวเองเข้าไปจับแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม วันนี้พกกำลังใจมาทำงานอย่างเต็มเปี่ยม

      
            จังหวะที่กำลังเดินผ่านแผนกพิเศษเพื่อกลับไปยังแผนกจิตเวชของตัวเองดังเดิม ก็ถูกพยาบาลและบุรุษพยาบาลวิ่งกรูผ่านหน้าไปพร้อมกับได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกมาแต่ไกล นางพยาบาลที่หันมาเจอแทนคุณเข้าก็รีบปรี่เข้ามาหา

      
            “คุณหมอแทนคะ!! คนไข้ห้อง 502 อาละวาดอีกแล้วค่ะ!”

      
            “เดี๋ยวพี่มานะ” แทนคุณหันมาบอกลาพร้อมกับลูบหัวน้องก่อนจะวิ่งตามพยาบาลไปอย่างรวดเร็ว กันต์ยืนมองอยู่ตรงเดิมที่ด้วยความสงสัยเพราะเสียงที่ได้ยินคือเสียงของผู้หญิง และลางสังหรณ์ของเขาถ้ามันทำงานไม่พลาด นั่นจะต้องเป็นห้องของนิลินอย่างแน่นอน

      
            ร่างโปร่งมองความวุ่นวายตรงหน้าตัดสินใจเดินไปนั่งรอคนรักที่หน้าห้องบริเวณเดียวกัน เนิ่นนานหลายอึดใจกว่าเสียงด้านในจะสงบลง ไล่สายตามองหมอและพยาบาลค่อย ๆ ทยอยเดินออกมาแต่จนแล้วจนเล่าคนที่รอคอยก็ยังไม่เห็น

      
            “ขอโทษนะครับคุณหมอแทนคุณยังไม่ออกมาหรือครับ” กันต์เอ่ยถามนางพยาบาลคนหนึ่งที่เดินเข้าไปในห้องเดิมและเพิ่งออกพร้อมกับถาดยา

      
            “อ๋อค่ะ คุณหมอแทนคุณต้องดูอาการคนไข้ต่ออีกสักพักค่ะ ไม่ทราบว่ามีเรื่องด่วนหรือเปล่าคะเดี๋ยวดิฉันจะแจ้งให้ค่ะ”

      
            “อ่า ไม่ครับ ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากครับ”

      
            ปากเล็กเม้มเข้าหากันอย่างนึกรู้สึกไม่ดีกับตัวเองที่ดันแอบหวงแม้กระทั่งคนที่สติไม่สมประกอบ เขาไม่ได้กลัวและไม่ได้ไม่เชื่อใจว่าพี่เขาจะกลับไปหรืออะไร เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่อยู่ภายในตัวเราทั้งคู่นั้นไม่ว่าจะหัวใจหรือวิญญาณของเรานั้นตรงกันเสมอ

      
            เขาเพียงแค่กลัวว่ามันจะกลายเป็นความเหินห่างที่ทำให้เราอาจจะมีช่องว่างต่อกันเสียมากกว่า

      
            “เฮ้อ”

      
            “ถอนหายใจอะไรครับ พี่เรียกก็ไม่ได้ยิน”

      
            “เอ๊ะ อะ อ้าว พี่แทน” คนถูกเรียกกะพริบตาปริบเรียกสติตัวเองให้กลับคืนแล้วมองพี่เขานั่งยองอยู่ที่พื้นตรงหน้า รอยยิ้มและแววตาที่ดูเหนื่อยล้าทั้งที่เป็นงานแรกของวัน กันต์ประมวลผลในสมองก่อนจะเผยยิ้มบางให้คนรัก

      
            “เรียบร้อยแล้วหรือครับ”

      
            “อื้ม เธออาละวาดแบบที่พี่เคยเล่าให้ฟัง แต่ครั้งนี้พี่ใช้วิธีฉีดยาแทนการเกลี่ยกล่อมให้เธอคิดว่าพี่หรือไอ้รักยังอยู่กับเธอ อย่างน้อยให้เธอได้รับความจริงดีกว่าหลอกไปวัน ๆ” แทนคุณคิดได้เช่นนี้ก็ในตอนที่ได้เปิดใจคุยกับน้องนี่แหละ ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดจะอะลุ่มอล่วย ใช้วิธีรักษาแบบเดิมต่อไปจนอาจกลายเป็นผลเสียทั้งกับตัวนิลินเองและกับชีวิตคู่ของตัวเอง

      
            “อ่า ….” กันต์ตามไม่ทันบอกตรง ๆ

      
            “หึ น่ารักจังกระต่ายของพี่” คนพี่ยิ้มกว้างกับใบหน้าน่ารักของคู่ชีวิตตัวเองพร้อมกับหยิกแก้มนุ่มไปที เรียกปากบางให้เบะใส่ได้ซึ่งอาการดังกล่าวมันยิ่งน่ารักกว่าเดิมจนแทนคุณรู้สึกได้คลายความเครียด

      
            “ไปเลย พี่ไปทำงานเลย กันต์จะไปเรียนแล้ว”

      
            “ดิมมาหรือยัง”

      
            “กำลังมาครับ เมื่อกี้ส่งมาบอกว่าติดอยู่แยกก่อนถึงโรง’บาล เดี๋ยวกันต์ลงไปรอข้างหน้าเลยดีกว่า”

      
            “พี่คงไม่ได้ลงไปส่งนะ เย็นนี้เลิกเรียนสามโมงใช่ไหมครับ” แทนคุณเดินมาส่งน้องได้ถึงแค่ที่หน้าลิฟต์ ฝ่ามืออุ่นวางอยู่บนกลุ่มผมนุ่มที่ตัวเองชอบแอบขโมยหอม

      
            “อื้อ”

      
            “เดี๋ยวพี่ไปรับนะ คืนนี้ไปนอนกับพี่นะครับ พี่อยากกอดหนูจะแย่”

      
            “พี่แทน!”









To be continued.
_____________________________________

TALK : เกือบไปแล้วนะนังพี่แท๊นนนน ละจะมาอยากกอดอะไรลูกอิชั้นค้าา

มาช้ามาก ไม่มีอะไรจะแก้ตัวเลยจ้ะพี่ๆ
ไม่รู้ยังมีคนรออยู่มั้ย แต่ต่อให้มีแค่คนเดียวเราก็จะยังเขียนต่อไป
คิดไว้ว่าน่าจะไม่เกิน 22-25 ตอนก็จะโบกมือลากัน
เรื่องรูปเล่มจริงๆก็มีสนพ.ติดต่อมา แต่น่าจะติดปัญหาอะไรซักอย่างอยู่
ถ้ามีคนอยากได้ กระซิบบอกเราที จะได้มีกำลังใจสู้จ้ะพี่ ;__;


TWITTER (https://twitter.com/19august___) FACEBOOK (https://www.facebook.com/19august.S)


#ครึ่งชีวิตของผม
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER18 17/01/19 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-01-2019 16:55:04
คิดถึงพี่แทนพี่รักและก็น้องกันต์มากเลย ไรท์สู้ๆนะคะ จะรออ่านตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!CHAPTER18 17/01/19 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 23-01-2019 14:52:46
สู้ๆนะทั้งสองคน
แอบอยากเห็นพี่รักตอนไปเที่ยว  :hao5:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!Valentine's Special P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 14-02-2019 20:35:00


Valentine’s Special

And, darling, I will be loving you ’til we’re 70.
- Ed Sheeran -








            ผมนอนมองใบหน้าของคนที่รักมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว เราทั้งคู่มักจะผลัดกันตื่นก่อน ตื่นหลังสลับกันไปแล้วแต่วัน อย่างถ้าวันไหนเป็นวันหยุดผมก็มักจะตื่นสายกว่าน้อง แต่ยกเว้นวันนี้

      
            คุณเคยมองหน้าคนรักของตัวเองแล้วนึกสงสัยบ้างไหมว่า    
            ทำไมเราถึงรักเขาเหลือเกิน
            เพราะอะไรทำไมเราถึงได้มาเจอกัน
   
      
            แน่นอนว่า ในโลกของคนที่มีเวลาชีวิตเป็นตัวกำหนดเนื้อคู่ อาจจะรู้สึกว่าก็คงเป็นฝีมือของพระเจ้าที่ทำให้เราไม่ต้องคอยกังวลว่าชีวิตนี้จะมีคู่ จะมีความรักหรือเปล่า แต่เพียงแค่ว่าคุณจะต้องรู้จักที่จะรักษาความรักที่มีอยู่ในมือไว้ให้ได้และให้ดี

      
            ‘กันต์’
      
      
            หากให้ผมนิยามเด็กผู้ชายคนนี้ก็คงพูดได้แค่ว่าน้องเป็นครึ่งชีวิตของผม เป็นความรักของผม เป็นโอกาสของผม เป็นยิ่งกว่าลมหายใจ เพราะถ้าไม่มีน้องผมคงไม่สามารถหลุดจากบ่วงที่หาเรื่องมาคล้องคอตัวเองเอาไว้ ผมนึกขอบคุณน้องในใจเสมอที่ยังคงอยู่กับคนไม่เอาไหนอย่างผม คนที่มักทำแต่เรื่องผิดพลาดจนแทบไม่น่าให้อภัย

      
            ถึงอย่างนั้นในวันที่ผมทำตัวแย่ที่สุด เมื่อหันมาก็ยังเจอน้องยืนข้างกันอยู่ดี
            คอยยิ้ม คอยปลอบโยน และคอยรับฟังทุกเหตุผลของผมด้วยความเข้าใจ

      
            กันต์อายุน้อยกว่าผมหลายปี แต่คุณไม่สามารถประมาทน้องได้เลยทีเดียว น้องเป็นคนที่มีความผู้ใหญ่ในตัวเองสูง แต่ก็ยิ่งคงมีความเป็นลูกคนเล็กของบ้านที่มักจะเข้ามาอ้อน (แบบที่ยังไม่ทันตั้งตัว) ทำเอาใจสั่นไหวแพ้ราบคาบทุกที

      
            ผมมองดวงตาเรียวก่อนจะก้มลงไปจูบเบา ๆ ที่หางตาตก ๆ ของเจ้าตัว ก่อนที่เจ้าของดวงตาคู่นี้จะเปิดขึ้น น้องกะพริบตาไปมาเหมือนกำลังตั้งสติให้ตัวเองพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม นั่นคือของขวัญสำหรับเช้านี้ที่ดีที่สุดเลย
   
      
            “ตื่นเร็วจังเลยครับ” น้องเอ่ยถามเสียงแหบแห้งอย่างคนเพิ่งตื่นนอน ถามเสร็จก็ขยับตัวเข้ามาซุกที่อกคล้ายกับคนยังไม่อยากตื่น นี่แหละที่บอกว่าชอบมาอ้อนแบบไม่ให้ตั้งตัว
   
      
            ผมหัวเราะกับเสียงบ่นงุ้งงิ้งในลำคอว่าง่วงอย่างนั้นง่วงอย่างนี้ ก้มลงหอมหัวเด็กน้อยของตัวเองฟอดใหญ่ ก่อนจะขยับตัวโอบกอดน้องเอาไว้แนบแน่น

      
            กันต์เป็นคนร่างสูงโปร่ง ไม่ใช่เด็กผู้ชายตัวเล็กดูอ่อนแออะไรแบบนั้น แต่ถ้าเทียบกับผมแล้วก็ย่อมตัวเล็กกว่าเป็นคืบอยู่ดี นั่นจึงไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยเมื่อเราต้องควบรวมความเก้งก้างของเราทั้งคู่เข้าไว้ด้วยกันในยามกอด ผมน่ะชอบเวลาแขนของเราสามารถโอบอีกคนเอาไว้ได้ทั้งหมดชะมัด

      
            “หิวหรือยังหืม”

      
            “มากกกก” เรื่องของกินนี่ไวเชียว กินเก่งแต่ไม่อ้วนทั้งที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย (ไม่นับที่ผมพากายบริหารบนเตียงนะ หึ) ถึงไม่อ้วนก็จริงแต่ก็ไม่เนื้อหนังนุ่มนิ่มให้ผมได้ฟัดเหวี่ยงได้ กันต์เป็นคนตัวนิ่มมากและหอมมากจากการที่ชอบโบกโลชั่นก่อนนอน

      
            พูดละก็อยากฟัดอีกแต่ผมอาจจะโดนน้องถีบคืนก่อนเพราะเมื่อคืนกว่าเราจะได้นอนก็เกือบเช้าเหมือนกัน

      
            “งั้นลุกไปอาบน้ำเร็ว เดี๋ยววันนี้พาไปกินอาหารทะเลดีไหม?” พูดเอาใจไปพลางใช้นิ้วเกลี่ยปอยผมที่คลอเคลียอยู่ข้างแก้มออกแล้วลูบความนุ่มหยุ่นนั่นอย่างเบามือ

      
            ดวงตาเล็กที่ปรือปรอยเป็นประกายขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินว่าจะพาไปกินของโปรด หัวโต ๆ โคลงไปมาอย่างร่าเริง น้องยิ้มกว้างแล้ว ... อ่า กันต์ ให้ตายเถอะ น้องจุ๊บปลายคางผมพร้อมกับกระซิบข้างหูว่า “ขอบคุณครับแด๊ดดี้”

      
            อาศัยจังหวะที่ผมกำลังเผลอกระโดดโผงออกจากเตียงแล้ววิ่งเข้าน้ำ พร้อมกับเสียงบ่นไล่หลังตามมาว่าเจ็บ ไอ้ดื้อเอ๊ย

      
            ใช้เวลาที่น้องอาบน้ำอยู่โทรจองโต๊ะที่ร้านอาหาร ร้านโปรด ร้านเดิมและร้านแรกที่ผมพาน้องไปเดท นึกแล้วก็ตลกตัวเองทั้งที่ไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าน้องจะแพ้อาหารทะเลไหม แต่ก็ยังพาไปเพราะเป็นร้านประจำของครอบครัว

      
            “พี่ไปอาบน้ำเร็ว ๆๆ กันต์อยากกินแล้ววว” น้องออกมาทั้งชุดคลุมอาบน้ำมายืนเร่งเร้า ๆ อยู่ข้างเตียง ผมจึงต้องรีบลุกก่อนจะโดนโวยวายเพราะความโมโหหิว กับเรื่องกินนี่น้องไม่เคยอ่อนโยนเลยล่ะครับ
      

            เพราะเราทั้งคู่ตื่นก็ปาไปบ่ายกว่าและกว่าจะจัดการตัวเองเสร็จกันเรียบร้อยก็เกือบจะเย็นย่ำเต็มที ทำให้การจราจรค่อนข้างติดขัดอาจจะด้วยที่ว่าวันนี้เป็นเทศกาลพิเศษ ... วันแห่งความรัก

      
            รถที่วิ่งสวนกันไปมาก็คงเป็นคู่รักหรือครอบครัวหรือเพื่อนสนิทที่พากันไปฉลองเพื่อผ่านค่ำคืนนี้ไปด้วยกัน ในระหว่างที่รถชะลอตัวก็เหลือบมองน้องที่นั่งเล่นโทรศัพท์มือเดียวพลางขยับปากฮัมเพลงที่ชอบไปด้วย อ้อ ทำไมน้องเล่นมือเดียวน่ะเหรอ เพราะอีกมือหนึ่งเป็นของผมนี่ไง

      
            มันอาจจะดูอันตรายไปบ้าง แต่เพราะไม่เคยประมาทและอยากจะสัมผัสร่างกายกันเล็ก ๆ น้อย ๆ จึงขอจับมือกันเอาไว้หน่อยก็ยังดี ผมหลุดขำกับตัวเอง ทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่นเพิ่งหัดมีแฟนไปได้ ทั้งที่เราก็คบกันมาจะเข้าปีที่สิบแล้วด้วยซ้ำ ผ่านวาเลนไทน์มาด้วยกันแล้วไม่รู้กี่หน

      
            “ขำไรอ่า” น้องหันมาถามด้วยความงุนงง ผมส่ายหน้าก่อนจะหันไปตั้งใจขับรถ มองท้องถนนที่รถเริ่มบางตาลงเพราะขับออกจากตัวเมือง

      
            เพียงไม่นานรถก็เข้าจอดที่ร้านอาหารแม้จะอยู่นอกตัวเมืองแต่ก็ไม่ได้ไกลนัก ทำให้เวลานี้คนเริ่มทยอยมาเยอะเรื่อย ๆ โชคดีที่จองไว้ไม่อย่างนั้นเด็กข้าง ๆ ผมอาจจะอดของโปรดก็เป็นได้

      
            “จองไว้ครับ ชื่อแทนคุณ” พนักงานตอบรับก่อนจะพาเดินเข้าไปด้านในที่ผมรีเควสขอโต๊ะที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและติดกับริมน้ำ

      
            ช่วงเย็นที่พระอาทิตย์ใกล้ตกแบบนี้น่ะบรรยากาศดีสุด ๆ และแม้ว่าจะมาหลายครั้งแล้วแต่กระต่ายน้อยของผมก็ยังคงตื่นเต้นเหมือนมาครั้งแรกเสมอ อาจเป็นเพราะผมมักพาเข้าไปนั่งตากแอร์ด้านในมากกว่านั่งกินลมชมวิวแบบนี้

      
            “พี่ไปเข้าห้องน้ำแป็บนึงนะ” ผมบอกก่อนจะลุกขึ้นปล่อยให้หน้าที่สั่งอาหารเป็นของน้องไป ส่วนตัวเองก็เดินมาที่ส่วนล็อบบี้ของร้านเพื่อแจ้งอีกหนึ่งอย่างที่ผมขอเอาไว้

      
            รอเพียงไม่นานพนักงานในร้านก็นำช่อดอกไม้ชนิดหนึ่งออกมา เป็นความบังเอิญที่แสนจะโชคดีเพราะดอกนี้หายากและต้องนำเข้า ผมเอ่ยขอบคุณทางร้านด้วยความปลื้มใจก่อนจะคล้องสร้อยที่มีจี้เป็นรูปดอกไม้ชนิดเดียวกันเข้าไว้ที่ตัวช่อก่อนจะซ่อนไว้ข้างหลังแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ

      
            ผมเดินเข้าไปด้วยความเงียบก่อนจะค่อย ๆ โอบน้องจากด้านหลังแล้วยื่นเจ้าดอกไม้และสร้อยเงินเส้นเล็กให้กับน้อง เจ้ากระต่ายหันมามองด้วยความตกใจก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้าง เมื่อน้องรับมันไปผมก็ได้ของตอบแทนเป็นจุมพิตหวาน ๆ

      
            “ฮื่อ ขอบคุณนะครับ” กดจูบลงบนกลางกลุ่มผมนุ่มก่อนจะหยิบสร้อยออกมาแล้วสวมให้น้อง

      
            “ชอบไหม”

      
            “ชอบมากกกกกกกกกก”
   
      

            “ชอบกว่าปีที่แล้วหรือเปล่า”

      
            “กันต์ชอบทุกปีเลย ชอบทุกปีที่มีพี่”

      
            ในทุกปีผมจะมีดอกไม้ช่อหนึ่งที่มอบให้น้องเป็นของขวัญ ของแทนใจ หรืออะไรสักอย่างที่พอจะเป็นตัวแทนความรู้สึกที่ผมไม่สามารถพูดมันออกไปได้หมด บางครั้งผมก็ให้วันครบรอบ บางครั้งผมก็ให้วาเลนไทน์ ปีใหม่ หรืออาจเป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่งเท่านั้น

      
            จึงกลายเป็นความสนุกเล็ก ๆ ของคู่เราที่น้องจะคอยลุ้นว่าจะเป็นวันไหน แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ได้ให้ความสำคัญมากเกินไปนัก เพราะทุกวันที่มีกันต์นั่นแหละเป็นวันที่พิเศษที่สุดแล้วของผม

      
            ดอกสโนว์ไวท์สีขาวบริสุทธิ์ มันดูอ่อนโยนและน่ารัก น่าชื่นชมเหมือนกับตัวของน้อง และยังมีความหมายถึงรักแท้ รักนิรันทร์ที่แทนความรู้สึกของผม

      
            “ขอบคุณนะครับ” น้องโน้มตัวข้ามโต๊ะมาจูบเบา ๆ ที่ข้างแก้มก่อนจะนั่งอมยิ้มแก้มปริกับดอกไม้และสร้อยที่ผมให้

      
            ขอบคุณน้องเช่นกันที่ยอมให้ผมเดินเข้าไปในโลกของเขาและคอยอยู่เคียงข้างกันมาเสมอ

      
            ขอบคุณที่มีกันต์เป็นครึ่งชีวิตของผม









To be continued.
_____________________________________

TALK : พี่แทนเขาโรแมนติกนะคะคุ๊ณณณณ
สุขสันต์วันแห่งความรักค่ะ หากวันนี้ไม่มีใครคุณยังมีเรานะคะ (:

TWITTER (https://twitter.com/19august___) FACEBOOK (https://www.facebook.com/19august.S)


#ครึ่งชีวิตของผม
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!Valentine's Special P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 15-02-2019 09:21:41
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!Valentine's Special P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 15-02-2019 14:13:29
โรแมนติกที่สุด  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!Valentine's Special P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-02-2019 22:19:07
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!CHAPTER 19 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 16-04-2019 16:11:45


CHAPTER 19

Sometimes home can be a person.








3 พฤษภาคม 25xx

      
            หลังจากผ่านเหตุการณ์การทดลองเพื่อปิดระบบตัวเลขภายในร่างกายครั้งใหญ่ของประเทศแล้ว ก็กลายเป็นว่าแทนคุณแทบจะไม่มีเวลาว่างยิ่งกว่าเก่าเพราะหลายประเทศเข้ามาขอรับการรักษา รวมไปถึงคณะแพทย์ที่ต้องร่วมเดินทางไปหลายประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนวิทยาทาน
   
      
            “ดังใหญ่แล้วพี่กู” กันต์พยักหน้ารับกับคำพูดของแทนรักที่นั่งอยู่ข้างกัน ที่อยู่ ๆ ก็ส่งข้อความบอกให้มาหาที่บ้านเพราะพ่อแม่อยากเจอ บอกเลยว่าตอนนี้เขากลายเป็นลูกรักบ้านนี้ไปแล้ว

      
            “เจ้าแทนจะกลับมาเมื่อไหร่นะน้องกันต์” คุณหญิงของบ้านหันมาถามคนรักของลูกชาย เพราะถึงแม้เรื่องราวจะคลี่คลายหมดแล้วแต่ดูเหมือนว่าลูกชายคนโตของเธอจะติดนิสัยไม่ชอบกลับมานอนไปแล้วเสียแล้ว เวลามีอะไรจึงต้องถามผ่านลูกชายคนเล็กบ้าง คนรักของลูกชายบ้าง

      
            “เห็นว่าแลนด์ดิ้งพรุ่งนี้เย็นน่ะครับ”
   
      
            “แล้วเราจะไปรับพี่เขาหรือเปล่าจ๊ะ”

      
            “คงไม่ครับคุณแม่ พรุ่งนี้เย็นกันต์มีติวหนังสือกับเพื่อน” แม่ของพี่เขาเอ็นดูถึงขนาดให้เรียกว่าคุณแม่แทนคุณป้าแล้วด้วยแหละ มันทำให้เขารู้สึกดีที่ได้รับการยอมรับจากครอบครัวของคนรัก

      
            “แล้วอย่างนี้เจ้าแทนมันจะไม่น้อยใจเอาหรือไง” กันต์หันไปยิ้มตาหยีให้กับคุณพ่อก่อนจะตอบพร้อมกลั้วหัวเราะไปว่า “ปล่อยให้น้อยใจไปเลยครับ โทษฐานที่ปล่อยกันต์เหงา”

      
            แทนรักนึกหมันไส้น้องเลยแกล้งผลักหัวไปทีพลางนึกในใจว่าเดี๋ยวคอยดูคนที่จะแกล้งปล่อยให้พี่ชายเขาเหงาสุดท้ายก็กลับมานอนให้ปลอบอยู่ดี ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้ดีว่าแม้จะยิ้มและหัวเราะแต่ในใจลึก ๆ กันต์ก็ต้องเหงาและรู้สึกโดดเดี่ยวไม่น้อยที่ต้องอยู่คนเดียว

      
            อย่างว่าแหละนะคนเป็นคู่ชีวิตพอต้องห่างกันมันจะมีความรู้สึกโหยหาเป็นพิเศษอยู่แล้ว ถามว่าเข้าใจไหม เขาก็ไม่เข้าใจนักหรอกเพราะตัดสินใจหยุดตัวบงการหัวใจและชีวิตไปแล้ว แต่คนที่ยังมีอยู่และเจอคนที่ดีอย่างพี่ชายเขาก็ควรจะโดนสั่งสอนเสียบ้าง หลายเดือนที่คบกับน้องมันมาก็ทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่หยุดไม่หย่อน
         
      
            “มีไรให้ช่วย บอกพี่เลยไอ้น้องรัก”

      
            “มันต้องอย่างนี้สิพี่ชาย”

      
            แม้จะพูดเหมือนทีเล่นทีจริงแต่กันต์ไม่ได้คิดจะแกล้งเป็นจริงเป็นจังแม้แต่น้อยเพราะตอนนี้เข้าสู่ช่วงสอบปลายภาคครั้งสุดท้ายของชั้นปีที่ 2 แล้ว ในวันที่แทนคุณกำลังจะบินกลับมาจากงานที่ต่อเนื่องลากยาวหลายสัปดาห์ ก็เป็นวันที่พวกเพื่อน ๆ นัดกันติวหนังสือกับวิชาแรกที่จะสอบในอีก 3 วันข้างหน้า

      
            “เดี๋ยวพักก่อนกินข้าวแล้วค่อยมาต่อละกัน กูตาลายไปหมดละ” เพื่อนในเอกที่เป็นคนติวเอ่ยขึ้นหลังจากอ่านกันมาตั้งแต่เช้าจรดเที่ยง

      
            “งั้นซักบ่ายครึ่งกลับมาเจอกันที่นี่เนอะ” กันต์พยักหน้าตกลงก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายไปเติมพลังให้ตัวเอง ตอนแรกเพื่อนก็ชวนไปกินด้วยกันแต่นิสัยที่ไม่ชอบเข้าสังคมของเขาเองนั่นแหละทำให้ปฏิเสธเพื่อนไป ดิมยังถอนหายใจใส่ด้วยนึกว่าเขามีคู่แล้วจะดีขึ้นบ้างแต่ก็ยังเหมือนเดิม

      
            “นี่มึงไม่คิดจะคบเพื่อนคนอื่นนอกจากกูแล้วไง?”

      
            “ก็มันอึดอัดนี่หว่า” กันต์มุ่ยหน้าระหว่างตักข้าวเข้าปาก ดีที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุดทำให้ภายในมหาวิทยาลัยมีร้านข้าวเปิดอยู่จึงไม่ต้องออกไปเตร่หาข้างนอกให้เสียเวลา

      
            “เฮ้อ เออแล้วนี่มึงจะไม่ไปรับพี่แทนจริง ๆ หรอวะ”
      
      
            “อือ ทำไมอะ”

      
            “แต่มึงไม่ได้เจอกันจะเป็นเดือนแล้วนะ” ดิมขมวดคิ้วมองเพื่อนตัวเองอย่างไม่เข้าใจ อันที่จริงคบกันมาหลายปีก็ใช่ว่าดิมจะเข้าใจไอ้เพื่อนคนนี้สักเท่าไหร่ บางทีก็ชอบคิดอะไรไม่เหมือนชาวบ้านเขา กันต์ส่ายหัวไม่ได้ตอบอะไรกลับไปแต่ดิมไม่ยอมรามือง่าย ๆ

      
            “หรือมึงงอนพี่เขา?”

      
            “เปล่า เอ๊ ทำไมมีแต่คนคิดว่ากูงอนวะ กูไม่ได้งอน”
      
      
            “เหอะ ไอ้กันต์ มึงหลอกใครก็หลอกได้ แต่มึงหลอกกูไม่ได้หรอก” ดิมเบ้หน้าใส่ก่อนจะเลิกเซ้าซี้คนขี้งอนที่มาทำงอนเอาวันสุดท้ายที่แฟนตัวเองกำลังกลับ ก็นั่นแหละเขาไม่ได้มองว่ามันงี่เง่าหรืออะไร กันต์มันเข้าใจอีกฝ่ายจะตายแต่บางทีคงมีจังหวะอารมณ์อะไรของมันบ้างล่ะมั้ง

      
            หลังจากกินข้าวเสร็จกันต์ก็กลับมารวมกลุ่มกับเพื่อนในเอกแล้วเริ่มติวกันต่อเนื่องด้วยเป็นวิชาที่รายละเอียดค่อนข้างเยอะจึงต้องใช้สมาธิอย่างสูง เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็พบว่าฟ้าด้านนอกมืดสนิทเสียแล้วแต่เพราะเป็นช่วงสอบทำให้บริเวณรอบข้างยังเต็มไปด้วยคนที่นั่งอ่านหนังสือกันอยู่

      
            “แยกย้ายไปทบทวนแล้วกัน เหลือพวกจำอีกนิดหน่อยก็ฝึกท่องเอา” เมื่อเพื่อนทุกคนเห็นด้วยก็เริ่มแยกย้ายกันไปจนทั้งโต๊ะเหลือเพียงแค่กันต์และดิมเท่านั้น

      
            “กลับได้แล้วมึง พักแล้วค่อยอ่านต่อพรุ่งนี้”

      
            “แป็บนึง ๆ กูขออีกหน่อยมันยังติดอยู่นิด ๆ” ดิมยักไหล่หยิบโทรศัพท์ที่ไม่ได้จับมาหลายชั่วโมงขึ้นมากดตอบข้อความคนรักของตัวเองระหว่างรอเพื่อน จนกระทั่งผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงกันต์ถึงจะยอมเก็บของแล้วสะกิดเพื่อนที่จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ให้ลุกขึ้นเพื่อกลับบ้าน

      
            “กี่โมงแล้ววะเนี่ย เฮ้ย! จะสามทุ่มละหรอ” ตาเรียวเบิกกว้างรีบควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาเพื่อเช็คข้อความจากคนรักที่แลนด์ดิ้งตั้งแต่หัวค่ำ ให้ตายเถอะ คราวนี้เขากล้าพูดเลยว่าไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งอะไรแต่เพราะมัวแต่คิดเรื่องสอบจึงลืมสนิท

      
            “มึ้งงง แบตกูหมด ยืมโทรศัพท์หน่อย” ดิมถอนหายใจกับท่าทีลุกลี้ลุกลนของเพื่อนด้วยความเหนื่อยอ่อนใจ เป็นไงล่ะ อยากจะแกล้งเขากลายเป็นจะชิบหายเข้าแล้วจริง ๆ

      
            “โอ๊ย” แต่จังหวะกำลังจะรับโทรศัพท์จากมือเพื่อน กันต์ก็มือไม้อ่อนขึ้นมาฉับพลันก่อนจะส่งเสียงร้องพลางงอตัวลง ดิมรีบตบไฟเข้าข้างทางก่อนจะจอดรถทันทีเพื่อดูอาการของเพื่อน

      
            “เป็นอะไรวะมึง!”

      
            “กู ... อยู่ดี ๆ ก็จี๊ดที่อก” ปากเล็กเปิดออกเพื่องับอากาศเข้าไป ร่างกายสั่นเล็กน้อยจากอาการปวดแปลบขึ้นมาฉับพลัน เขาค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อออกแล้วก้มลงดูตัวเลขที่อกที่เพิ่มขึ้นเป็น 65 เป็นการเพิ่มอย่างรวดเร็วและไม่ได้เป็นอย่างนี้มาสักระยะแล้วคงส่งผลให้เขาเจ็บช่วงอกขึ้นมา

      
            “รีบเอาโทรศัพท์กูโทรไปหาพี่เขาก่อนที่มันจะเพิ่มมากไปกว่านี้เลย!” ไม่ต้องรอให้เพื่อนพูดซ้ำกันต์ก็รีบกดโทรศัพท์ไปยังเบอร์ที่เขาจำได้แม่น จังหวะที่รอสายมือก็ชื้นเหงื่อด้วยความกังวลและเพียงแค่คำแรกที่ได้ยินเขาก็แทบอยากจะวาร์ปตัวเองไปหาอีกฝ่ายทันที

      
            “พี่—”














            ทันทีที่ลงจากเครื่องและร่ำลาผู้ใหญ่แล้ว แทนคุณก็หอบเอาความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจกลับคอนโดด้วยความเร่งรีบ เขาอยากจะกลับไปกอดฟัดน้องเอาพลังที่สูญเสียไปกลับมา แต่ไม่ว่าจะโทรหาหรือส่งข้อความไปก็ไม่ได้รับการตอบรับกลับมา ในใจก็เริ่มกระวนกระวายยิ่งพอถามจากแทนรักก็ได้ความว่าน้องจะไม่มารับเพราะติวหนังสือและคงไม่ได้เจอกันภายในวันนี้ก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีเข้าไปใหญ่

      
            “ตอบข้อความพี่สักทีคนดี” ระหว่างที่นั่งรถกลับคอนโดมือทั้งสองก็พยายามติดต่อน้องตลอดไม่หยุด ไม่ว่าจะทั้งน้องหรือเพื่อนสนิทของน้องก็ไม่มีใครรับสายเขาสักคน

      
            “น้องติวหนังสืออยู่แหละ ใจเย็นไว้ไอ้แทน” เขาพยายามกล่อมตัวเองสุดความสามารถ แต่นอกเหนือจากความกังวลว่าน้องจะโกรธกัน มันคือความเป็นห่วงที่ไม่รู้เลยว่าคนรักของตัวเองอยู่ที่ไหนและทำอะไรอยู่

      
            “เดี๋ยวมึงจะไปไหน!” เสียงเรียกจากแทนรักด้วยความตกใจที่อยู่ ๆ แทนคุณก็ลุกขึ้นพรวดพราด แทนรักที่แวบมาหาพี่ชายตัวเองและพบว่าคนหน้าเหมือนใกล้จะสติแตกเต็มที

      
            “จะไปตามน้อง นี่มันสองทุ่มแล้วนะมึง กูใจเย็นรอมาเป็นชั่วโมงแล้ว”

      
            “แล้วมึงจะไปตามน้องที่ไหน มึงรู้หรอว่าน้องอยู่ไหน”

      
            “ก็มึงบอกน้องไปติวหนังสือ ถ้าไม่บ้านเพื่อนก็น่าจะมหา’ลัย” แทนรักถอนหายใจก่อนจะคว้ากุญแจรถออกจากมือพี่ชายฝาแฝดตัวเอง พอโดนมองด้วยสายตาขวาง ๆ ก็รีบยกมือสองข้างขึ้นเพื่อปรามไม่ให้พ่นควันใส่

      
            “ใจเย็นก่อนดิวะ เกิดคลาดกันขึ้นมาจะทำยังไง”


            “แต่นี่มันดึกแล้ว! กูใจเย็นมามากแล้ว! ทำไมถึงทำนิสัยแบบนี้ไปไหนไม่บอกใคร! โทรศัพท์ก็ปิดเครื่อง! แม่งเอ๊ย!!” แทนคุณผู้เคร่งขรึมไม่เหลือคราบ แทนรักภาวนาให้น้องรีบติดต่อกลับมาก่อนที่ไอ้พี่ชายของเขามันจะระเบิดตัวเอง


ครืด ครืด ครืด


            แทนคุณมองชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอจึงรีบกดรับอย่างรวดเร็วและไม่ทันให้ปลายสายได้พูด เขาก็ชิงถามขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงที่พยายามระงับอารมณ์ไว้ถึงที่สุด


            “อยู่ไหนกันต์!” 


            (กันต์อยู่บนรถกำลังกลับครับพี่แทน กันต์ขอโทษนะ คือ—)


            “พี่อยู่คอนโด กลับมาค่อยคุยกัน บอกดิมขับรถดี ๆ” พูดรวดเดียวจนจบครบใจความก็กดตัดสายทันที


            กายใหญ่เดินมาทรุดนั่งกับโซฟาหลังได้รับสายจากคนรักว่าอีกฝ่ายกำลังมาหาก็พอจะสบายใจขึ้นมาบ้าง แต่บรรยากาศตึงเครียดยังแผ่กระจายออกมารอบตัว


            เกือบครึ่งชั่วโมงผ่านไปเสียงกรอกรหัสหน้าประตูก็ดังขึ้นทำให้รู้ว่าคนที่รอได้มาถึงแล้ว แทนรักได้โอกาสแยกกลับออกมาเพื่อปล่อยให้ทั้งคู่คุยกัน


            “ใจเย็น ๆ นะมึง คุยกับน้องดี ๆ” คนเป็นน้องตบบ่าพี่ชายและส่งยิ้มให้รุ่นน้องอย่างให้กำลังใจ จนกระทั่งห้องเหลือเพียงคนที่เป็นครึ่งชีวิตของกันและกัน


            คนเด็กกว่ายืนกัดริมฝีปากเหลือบมองคนรักอย่างหวั่นใจ จากตัวเลขบนอกทำให้เขาตระหนักถึงสถานการณ์ตอนนี้ดีว่าอีกฝ่ายโกรธกันแค่ไหน กันต์หันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูกเพราะตั้งแต่คบกันมาก็ไม่เคยถูกพี่เขาโกรธเลยแม้สักครั้ง เขาได้แต่มองพี่แทนที่นั่งผินหน้าไปทางอื่นไม่ได้มองมาหากันอย่างทุกที


            “พี่แทน” เสียงน้องเรียกแต่ไม่ทำให้คนเป็นพี่หันกลับมาสนใจแต่อย่างใด


            กันต์ใจเสียกว่าเดิมแต่พยายามอดทนไว้ก่อนจะสูดลมเรียกกำลังใจ เดินอ้อมโซฟาก่อนจะโน้มตัวโอบกอดคนตัวโตจากด้านหลัง แนบแก้มของตัวลงกับบ่าแข็งแรงและถูไปมาอย่างออดอ้อนให้อีกฝ่ายใจอ่อน แต่นอกจากจะไม่หันมาหยอกล้อกันเหมือนทุกทีแล้วยังนั่งนิ่งไม่หือไม่อืออีกด้วย


            “พี่แทนครับ ฟังน้องหน่อยนะ”


            “...”


            “วันนี้น้องมีติวสอบ วิชามันยากมาก ๆ เลย น้องใช้สมาธิด้วยเงยหน้ามาอีกทีก็มืดแล้ว และน้องก็ไม่ได้เช็คโทรศัพท์เลยครับ น้องไม่เห็นว่าแบตมันหมด”


            “...”


            กันต์กัดปากกลืนก้อนสะอื้นลงไปก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงหงอย ๆ


            “น้องขอโทษนะครับที่ทำให้เป็นห่วง ทั้งที่พี่กลับมาเหนื่อย ๆ ยังต้องมาวุ่นวายเรื่องน้องอีก ยกโทษให้น้องได้ไหมครับ” ปากเล็กที่เย็นเฉียบแตะลงบนสันกรามด้านข้างของพี่เขาแผ่วเบา กระชับอ้อมแขนกอดเอาไว้ไม่ยอมคลาย


            ผ่านไปนาทีก็ได้ยินเสียงถอนหายใจมาจากคนตัวโตก่อนที่แขนทั้งสองจะถูกแกะออก ตอนนั้นกันต์น้ำตาก็เกือบร่วงเป็นสายแต่ดีว่าแทนคุณหันกลับมามองหน้าและดึงให้คนตัวเล็กกว่าเดินมานั่งข้างกัน ปุณณกันต์ที่กำลังใจเสียรีบเขยิบชิดร่างสูงใหญ่และซบหน้าลงบนต้นแขนของพี่เขาทันที


            “โกรธนะแต่เป็นห่วงมากกว่า ทีหลังไม่เอาแบบนี้แล้วได้ไหม พี่อยู่กับเราตั้งไกลไม่ได้ดูแลเรา พอกลับมาเจอแบบนี้พี่แทบเป็นบ้า” แทนคุณทอนเสียงให้อ่อนลงหลายส่วนเพราะไม่อยากให้น้องร้องไห้มากกว่านี้ ฝ่ามือใหญ่ประคองหน้าน้องขึ้นมาให้สบสายตากัน


            “รับปากพี่ได้ไหมครับคนดี”


            “ฮึก ครับ ฮึก กันต์ขอโทษ” ใบหน้ากระต่ายดื้อของเขาเบะออกพร้อมกับน้ำตาที่ค่อย ๆ ร่วงลงมา ทำเอาใจของแทนคุณอ่อนยวบ


            “ไม่เอา ไม่ร้องแล้วครับ ไม่กัดปากด้วยเดี๋ยวเป็นแผล” ปลายนิ้วใหญ่นวดคลึงเยลลี่นุ่มส่วนตัวของตัวเองเพื่อให้น้องเลิกกัดแล้วแนบริมฝีปากตัวเองไปแทนที่ กดจูบ ดูดดึงแผ่วเบาและผละออกมา กันต์รู้สึกว่ามันทำให้ใจเต้นแรงกว่าการจูบอย่างลึกล้ำเสียอีก


            “มะ เมื่อกี้เลข”


            “เลขขยับใช่ไหม พี่ขอโทษนะ”


            “ไม่เอา พี่ไม่ต้องขอโทษ กันต์ผิดเองครับ” น้องปรายตามองมาอย่างหงอย ๆ เลื่อนมือออกจากข้อมือเขาไปที่คอเสื้อของตัวเอง ขยับเปิดออกเพื่อเช็คตัวเลขบนอกอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามันกลับมาที่เลขเดิมก็โผเข้ามากอดเขาจนแน่น


            “หืม เป็นอะไร”


            “เลขมันไม่ขยับมานานแล้ว กันต์ใจเสียแล้วมันจี๊ด ๆ ด้วย”


            “เจ็บด้วยหรอ ไปโรง’บาลไหม ให้เขาตรวจหน่อย”


            “ฮื่อ ไม่เจ็บครับแค่มันแบบจี๊ด ๆ ขึ้นมาแวบนึง แต่ตอนนี้หายแล้ว” กันต์มุดหน้ากับอกอุ่น ๆ สูดกลิ่นกายหอม ๆ ที่แสนจะคิดถึง ทั้งสองนั่งตระกองกอดกันอยู่เช่นนั้นจนเวลาผ่านไปหลายนาทีก่อนจะผละออกจากกันเมื่อได้ยินเสียงท้องร้องออกมาจากร่างสูงใหญ่


จ๊อก ~


            “เอ่อ ..” กันต์เกือบหลุดขำแต่เมื่อเงยหน้ามองคนตัวโตที่พยายามเก๊กหน้าขมวดคิ้วมุ่นก็ทำให้ตัดสินใจดึงตัวเองออกจากอ้อมกอด


            “จะไปไหน”


            “ไปทำข้าวให้คนหิวแถวนี้กินนี่แหละครับ” ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเข้าไปในครัว เช็คของสดที่เขาซื้อมาเมื่อ 2-3 วันก่อนที่มาค้างห้องพี่เขาว่ามันยังสามารถกินได้อยู่


            “ยังไม่ได้กินอะไรเลยหรอครับ”


            “ครับ กินแค่กาแฟกับขนมปังบนเครื่องมานิดหน่อย”


            แทนคุณเดินมาพิงตัวกับกำแพงมองคนรักขยับทำนั่นทำนี่ในห้องครัวตัวเองด้วยความคิดถึง หลายสัปดาห์ที่แยกกันทำให้เขาเฉาเหมือนต้นไม้ใกล้ตาย ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยมีปัญหากับการไปทำงานต่างประเทศแต่เดี๋ยวนี้เขานึกเซ็งทุกครั้งที่ต้องบิน


            “แล้วนี่พี่แทนยังต้องบินไปไหนอีกไหม”


            “ถ้าเร็ว ๆ นี้ไม่มีแล้วครับ แต่ที่โรง’บาลอาจจะยังวุ่น ๆ อยู่เหมือนเดิม เห็นว่าคนไข้เยอะมากหมอหลายแผนกต้องมาช่วยกัน”


            กันต์โคลงหัวรับก่อนจะเร่งมือทำกับข้าวง่าย ๆ อย่างผัดผักรวมใส่กุ้งกับต้มจืดใส่วุ้นเส้นกับเต้าหู้ ใช้เวลาไม่นานอาหารทั้งสองก็เสร็จเหลือแต่รอข้าวสุกเล็กน้อย จึงพากันมานั่งกองกันที่โซฟาอีกครั้งระหว่างรอ


            “พี่คิดถึงหนูมากเลยรู้ไหม” แทนคุณที่จับน้องนั่งซ้อนตักก็ก้มลงกระซิบบอกชิดริมหูก่อนจะกดจูบซับตั้งแต่ขมับเรื่อยลงไปถึงลำคอขาว เจ้าของร่างกายก็ไม่มีหวงยอมเอียงคอเปิดทางให้พี่เขาซุกซบ
      

            “ห .. หนูก็คิดถึงพี่” กันต์กระซิบบอกกลับด้วยความอายกับสรรพนามที่ใช้ แต่เพราะไม่อยากให้อารมณ์ฟุ้ง ๆ ตอนนี้มันหายไปจึงยอมเอ่ยปาก และยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์จากคนด้านหลังก็ยิ่งทำให้เขินมากกว่าเดิม


            “หอมจัง”


            “มีแต่กลิ่นอาหารทั้งนั้น อื้อ พี่อย่ากัด” กันต์ขยับเอียงหลบเมื่อคนพี่ดันนึกคันเขี้ยวอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ กัดลงที่ไหล่เข้าจนเจ็บจี๊ดขึ้นมา


            “หนู”


            แทนคุณเรียกคนรักก่อนจะช้อนปลายคางให้หันหน้ามาหาและประกบปากลงไปทันทีไม่รีรอ ลูบแก้มนุ่มเพื่อให้น้องเปิดปากออกแล้วใช้ปลายลิ้นลัดเลาะไปตามไรฟัน กวาดไปทั่วโพรงปากแลกเปลี่ยนเอนไซม์กันอย่างไม่มีใครยอมใคร


            “เฮ้ย!”


            กันต์หอบหายใจไม่ทันใช้จังหวะที่พี่เขาผละออกกอบโกยอากาศ ก่อนจะหวีดเสียงดังด้วยความตกใจเมื่อถูกพี่เขาจับให้หันเข้าหาอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่จูบสูบวิญาณจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง แทนคุณกดจูบที่มุมปากเพื่อเก็บรายละเอียดหยาดน้ำเล็ก ๆ ไล่ไปที่แก้มหอม ๆ ปลายคางมน มาที่ลำคอขาว ใช้ปลายลิ้นไล่เลียไปตามแอ่งชีพจรจนถึงรอยบุ๋มของกระดูก ความพลิ้วไหวของอวัยวะชักชวนให้เจ้าของร่างกายสั่นสะท้านพร้อมแอ่นอกให้แต่โดยดี


            แต่ก่อนที่มันจะมากไปกว่านั้นและกู่ไม่กลับ เสียงดีดตัวของหม้อหุงข้าวก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ของแทนคุณเรียกสติคนทั้งสองกลับคืน

            
            “อ่า ให้ตาย” แทนคุณกัดฟันแน่นเพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังพุ่งขึ้น กันต์อมยิ้มใช้หลังมือเช็ดเหงื่อที่ผุดตามกรอบหน้าให้พี่เขา และพยายามหยัดตัวออกจากตักแกร่งแต่อีกฝ่ายกลับไม่ให้ความร่วมมือ แทนคุณเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มารับทั้งที่มือร้อน ๆ อีกข้างยังลูบวนอยู่ที่บั้นเอวของน้อง


            “ถ้าไม่สำคัญ กูด่าแน่ไอ้รัก”   

      
            (อย่าเพิ่งด่า! มาช่วยกูหน่อย รถกูเสียงกลางทาง อยู่ ๆ เครื่องก็ดับ)

      
            “อยู่ตรงไหน”

      
            (แถว xx)
   
      
            “มึงส่งโลเคชั่นมา”

      
            “มีอะไรหรือเปล่าครับ พี่รักหรอ”

      
            “ครับ มันรถเสียกลางทางเดี๋ยวพี่หาเบอร์ช่างแป็บนึงนะ” กันต์ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำตอบจากคนรัก

   
            “พี่ไปหาพี่รักหน่อยดีไหมครับ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกันดูได้”

      
            “ไม่เป็นไรหรอก มันโตแล้ว” คนเด็กกว่าได้แต่ส่ายหน้ามองหน้าจอโทรศัพท์คนรักที่เช็คโลเคชั่นจากน้องตัวเอง เขาถือวิสาสะจิ้มซูมหน้าจอเพื่อดูสถานที่ตั้งให้ชัดเจน

      
            “นี่มันแถว ๆ คอนโดพีทนี่หน่าพี่แทน งั้นเดี๋ยวกันต์โทรบอกพีทให้ช่วยแวบไปดูพี่รักหน่อยดีกว่า”

      
            “เกรงใจเพื่อนเราหรือเปล่าครับ ไอ้รักมันโตแล้ว มันคุยกับช่างเองได้แหละมั้งพี่ว่า” กันต์โบกไม้โบกมือเป็นเชิงไม่เป็นไร ก่อนจะผุดลุกจากตักคนรักเดินไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ามาเสียบสายชาร์จ รอสักพักจนไฟเข้าเครื่องเปิดติดก็รีบต่อสายหาเพื่อนใหม่ที่เพิ่งสนิทกันทันที

      
            “ฮัลโหลพีท ...”

      
            ด้านแทนคุณที่ติดต่อช่างเสร็จเรียบร้อยก็รอน้องคุยกับเพื่อนจนคนตัวเล็กหันมาพยักหน้า ชูมือเป็นสัญลักษณ์โอเค เขาก็ส่งข้อความไปบอกน้องชายของตัวเองก่อนจะกดล็อคโทรศัพท์โยนไปบนโต๊ะอย่างไม่ได้คิดสนใจอีก

      
            “อื้อ พี่ ... กินข้าวก่อนไหม เดี๋ยวเย็นหมดนะ”

      
            “โธ่คนดีครับ”

      
            “นะครับ ... กันต์หิวแล้วด้วย” นอกจากจะเสียงอ้อนแล้วไอ้ท่าลูบพุงป้อย ๆ มันทำให้แทนคุณอยากจะกินน้องมากกว่าเดิม แต่เพราะเห็นแก่ปากท้องจึงยอมโอนอ่อน

      
            “เฮ้อก็ได้ แต่คืนนี้หนูต้องทบต้นทบดอกให้พี่นะ”

      
            กันต์ไม่ตอบแต่อมยิ้มพลางส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ ตอนแรกที่รู้จักกันไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเจ้าเล่ห์เรื่องอย่างว่าขนาดนี้ แต่พอได้ปลดล็อก ได้มีครั้งแรก ครั้งต่อไปก็ตามมาตลอดไม่มีขาด พอขัดใจเข้าหน่อยเสือตัวโตก็ทำหงอยเหมือนตัวเองเป็นแมวตัวเล็ก ๆ สุดท้ายเขาก็ใจอ่อนอยู่ดี






...






            ภายในห้องนอนที่มีอุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศที่เย็นฉ่ำ แต่บนผืนเตียงกลับร้อนระอุชนิดที่ว่าความเย็นก็ทำอะไรไม่ได้ เงาสองร่างที่สอดประสานสะท้อนกับกำแพงทำให้เห็นว่าทั้งคู่ร้อนแรงกันมากแค่ไหน เรียกได้ทั้งคู่เรียกคืนความคิดถึงตลอดระยะเวลาที่ต้องห่างกันไปหลายสัปดาห์

      
            วินาทีที่ได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดกันและกัน ทำให้รู้สึกเหมือนได้กลับมาอยู่บ้านแสนอบอุ่นและปลอดภัยอีกครั้ง ความตึงเครียด ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดก็หายไปในทันตา นี่คงเป็นความหมายของการสอดประสานความรู้สึกในคืนนี้

      
            “อ่า พี่ อึก หนู อึก หนูไม่ไหว อ่า!!” คนตัวเล็กที่วาดลวดลายบนร่างกายสูงใหญ่ปลดปล่อยออกมาจนเลอะหน้าท้องที่ขึ้นลอนกล้าม และเพราะการเสร็จของคนรักทำให้ช่องทางด้านหลังบีบรัดอย่างรัวแรง แทนคุณจัดการสวนกระแทกกลับไปอีกไม่กี่ครั้งก็ปลดปล่อยออกมา

      
            คนพี่โอบกอดน้องเอาไว้และปล่อยให้อีกคนนอนทับอยู่บนตัวอย่างนั้นไม่ยอมให้ไปไหน ส่วนมืออีกข้างก็เลื่อนลงไปที่อวัยวะด้านล่าง ถอดถอนออกจากช่องทาง ปลดถุงยางอนามัยขมวดปมแล้วโยนลงไปที่พื้นข้างเตียง

      
            “พี่”

      
            “หืม”
      
      
            “จำวันแรกที่เราเจอกันได้ไหม ที่ห้องเรียนวันนั้น”

      
            “ทำไมครับ”

      
            “กันต์ตกใจมาก ๆ เลยนะ ไม่คิดว่าจะได้เจอคู่ตัวเองแบบบังเอิญแถมตอนนั้นยังเป็นอาจารย์ตัวเองอีกต่างหาก แต่นอกจากความตกใจก็รู้สึกดีมาก ๆ เหมือนกัน จำได้ว่าใจเต้นแรงมากด้วย”

      
            “หึหึ”

      
             “ขำอะไรเล่า!”

      
            “ขำคนความจำสั้นครับ เราไม่ได้เจอกันครั้งแรกที่ห้องเรียนสักหน่อย”









To be continued.
_____________________________________

TALK : เอ ... มันยังไงกันน้า มีใครจำได้บ้างเอ่ยยย อิอิ


ปมหมดแล้วนะ จริง ๆ ใกล้จบแล้วจ้า
มาช้ามาก ๆ เพราะปัญหาส่วนตัวเลยค่ะ แง้
เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ

ปล.มีใครอยากอ่านเรื่องพี่รักบ้างม้ยน้อ


TWITTER (https://twitter.com/19august___) FACEBOOK (https://www.facebook.com/19august.S)


#ครึ่งชีวิตของผม
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!CHAPTER 19 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 17-04-2019 01:24:41
เดี๊ยววววว แล้วเจอกันครั้งแรกที่ไหน
 :o11: :o11:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!CHAPTER 19 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 26-04-2019 05:41:19
แอบเชียร์คู่พี่รักกับพีทนะ ถ้าเป็นคู่กันก็เกืดจากสัญชาตญาณล้วนๆ คนเจ็บช้ำมาขนาดนั้นได้เยียวยากันและกันคงดี ส่วนคู่หลักอย่างพี่แทนและน้องกันต์เราจะไม่ขอพูดมาก เพราะเราเหม็นฟามรักกกกก อยากจะขอพี่แทนอีกสัก1ก๊อปปี้ค่ะ คนแบบนี้ไม่ควรมีคนเดียววววว

เราเคยอ่านเวิร์สอื่นๆมาบ้างแล้ว เรื่องนี้เวิร์สที่แปลกใหม่สำหรับเรา แต่สนุกค่ะ อธิบายความเป็นไทม์เวิร์สไปในเรื่องได้เข้าใจง่ายดีค่ะ เอาใจช่วยนะคะรอติดตามค่ะ

ดีใจที่มีการทดลองทำเครื่องทดเวลาอะ ถ้าเราอยู่ในเวิร์สเราคงได้ตายก่อนเจอคู่อะ ขี้เกียจหา รอโชคชะตาอย่างเดียว55555
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!CHAPTER 19 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: BaGgYsOdA ที่ 04-05-2019 12:17:11
ชอบเรื่องนี้มาก ๆ เลย มาต่อไว ๆ น้า
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!CHAPTER 19 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-05-2019 16:47:53
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!CHAPTER 19 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 09-05-2019 18:03:58
+1 o13 :katai2-1: ขอบคุณมากครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!CHAPTER 19 P.4)
เริ่มหัวข้อโดย: Flower ที่ 07-07-2019 11:19:11
ทำไมพึ่งเห็น อ่านแล้วรู้สึกถึงชีวิตรักจริงๆเลย รีบมาต่อนะคะ นักอ่านรออยู่ค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!CHAPTER 20 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 13-07-2019 21:31:37
* อ่านนิยายจบแล้วฝากอ่านทอล์คหน่อยน้า



CHAPTER 20

Seek out the love you deserve.







            “ขำคนความจำสั้นครับ เราไม่ได้เจอกันครั้งแรกที่ห้องเรียนสักหน่อย”

      
            “เอ๊ะ เดี๋ยวนะ พี่หมายความว่ายังไง” กันต์ผงกหัวขึ้นจากอกอุ่น ๆ มามองหน้าคนรักที่ยิ้มยียวนอย่างเจ้าเล่ห์ แทนคุณไม่ตอบแต่กลับเลียปากตัวเองพลางเลื่อนฝ่ามือไปตามกระดูกสันหลังเรื่อยจนถึงรอยแยกของก้อนนุ่มทั้งสองข้าง

      
            “ฮื่ออ พี่แทน! บอกมาก่อนอย่าเพิ่งแกล้ง!”

      
            “ขอข้อแลกเปลี่ยนก่อนสิ แล้วเดี๋ยวพี่จะบอกหนูทั้งหมดเลยครับ”
   
      
            “พี่— อื้อ” แทนคุณไม่ยอมให้น้องปฏิเสธ เขาล็อคท้ายทอยคนรักแล้วกดจูบไปพร้อมกับเรียวนิ้วยาวที่หายเข้าไปอิงแอบความอบอุ่นในร่างกายอย่างรวดเร็ว ก่อนที่หมอแทนคุณจะตรวจน้องทั้งร่างกายและจิตใจอย่างเต็มที่เต็มกำลัง ส่วนเรื่องเจอกันครั้งแรกเอาไว้ก่อนแล้วกัน
      
      
            กว่าจะโดนคนแก่กว่าเอาแต่ใจตักตวงจนพอก็พาลเหนื่อยหอบแต่กันต์ไม่ยอมหลับลงง่าย ๆ หลังจากคนพี่พาไปล้างเนื้อล้างตัวก็มานั่งกอดหมอนพิงหัวเตียงพลางจับจ้องไปยังร่างสูงใหญ่ที่ยืนแต่งตัวอยู่ แทนคุณที่หันมาเจอเด็กน้อยนั่งมองตาแป๋วก็หลุดขำออกมา
   
      
            “ทำไมยังไม่นอนครับ ไม่ง่วงหรอ” แทนคุณเดินไปปิดไฟก่อนจะขึ้นเตียงรับคนรักเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน
      

            “พี่ก็เล่าให้กันต์ฟังก่อนซิ เมื่อกี้นั่งนึกตั้งนานก็นึกไม่ออก” คนเด็กกว่านอนขมวดคิ้วพยายามเค้นความคิดตัวเองว่าเคยเจอพี่เขาไปตอนไหน มันเหมือนติดอยู่ในหัวแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

      
            “ไหนมาหอมก่อน”

      
            “พี่แทน!” กันต์กระฟัดกระเฟียดยกมือทุบแขนเมื่อถูกคนพี่แกล้งไม่ยอมเลิก จนแทนคุณยกมือยอมแพ้ก่อนที่แขนตัวเองจะช้ำ

      
            “โอเค ๆ พี่ยอมแล้ว”

      
            “ซักที" กันต์ยอมทิ้งตัวลงพิงอกคนเป็นพี่แต่โดยดี

                  
            “เราเจอกันก่อนที่พี่จะไปเป็นอาจารย์อีก พี่ก็จำวันแน่นอนไม่ได้แล้ว ทุกทีเวลาไปกินข้าวกับเพื่อนหมอด้วยกันก็จะขับรถไป แต่วันนั้นนึกอะไรกันไม่รู้ชวนเพื่อนเดินไปร้านข้าว ขาไปไม่เท่าไหร่ ขากลับนี่สิ อยู่ ๆ พี่ก็รู้สึกวูบในอกแล้วซักพักหัวใจมันก็กระตุกอย่างแรง”

      
            “..." กันต์นั่งฟังพลางขมวดคิ้วนึกตามเพื่อเค้นหาความทรงจำที่หล่นหาย

      
            “มันกระตุกแรงมากจนพี่ตั้งตัวไม่ทันเกือบจะล้ม แต่จังหวะที่พี่เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นผู้ชายตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารักเหมือนกระต่ายที่พี่เคยเลี้ยงตอนเด็ก ยืนทำหน้าเลิ่กลั่กตกใจ หันไปหันมา ทำท่าจะวิ่งหาอะไรซักอย่างแล้วก็วิ่งผ่านหน้าพี่ไป ใจพี่กระตุกอีกรอบ”

      
            “นั่นแหละทำให้พี่สันนิษฐานว่าเด็กคนนั้นคือคู่ของพี่และยิ่งพอมาเจอกันในคลาสเรียนอีก ท่าทางของเราที่จ้องพี่มันจึงเป็นคำตอบของคำถามที่คาใจมาตลอดหลายเดือน”

      
            แทนคุณเล่าจบก่อนจะก้มลงไปหอมหัวคนน้องหลายครั้ง พอคิดย้อนกลับไปก็ขอบคุณอะไรทั้งหมดที่ทำให้เขาได้เจอน้อง ให้เราได้เจอกันสักที เขาไม่เคยคิดถึงตอนที่ตัวเองมีคู่มาก่อนเพราะในตอนนั้นก็ยอมรับว่าหัวใจเขาไม่เปิดรับใครเลย จนกระทั่งได้เจอน้องที่ทำให้เขาสั่นไหวอย่างง่ายดายเพียงแค่สบตากันเท่านั้น

      
            “กันต์นึกออกแล้ว ถ้าพี่ไม่พูดขึ้นมานี่ลืมไปเลยนะจริง ๆ แต่ยังไงก็ช่าง เราเจอกันแล้วเนอะ” กันต์เงยหน้ายิ้มหวานให้คนพี่ได้ชื่นใจ
   
      
            คนบนอกขยับซุกแนบหน้าลงในตำแหน่งเดียวกับก้อนเนื้อที่เต้นอยู่และตัวเลขที่หยุดลงตรงกลาง สองแขนโอบรัดช่วงตัวคนเป็นพี่ไว้แน่น กันต์อยากจะถอนคำพูดที่เคยก่นด่าพระเจ้าเอาไว้ในวันที่เสียใจกับความรักที่ไม่สมหวัง

      
            ใครจะรู้ว่าหลังจากนั้นไม่นานจะได้พบเจอคนที่เป็นของเราจริง ๆ และความรู้สึกภายในตรงกัน ไม่ต้องพบความยุ่งยากวุ่นวายใจ แม้จะมีอุปสรรคเกิดขึ้นในระยะหลายเดือนที่ผ่านมาแต่นั่นก็เป็นบททดสอบว่าสุดท้ายแล้วจะยังมีกันอยู่ไหม

      
            กันต์ไม่แน่ใจเลยว่าถ้าตอนนั้นที่เกิดเรื่องมากมายแล้วเขายอมแพ้ขึ้นมา เลือกที่จะปล่อยมือคน ๆ นี้ไป ในวันนี้เขายังจะยิ้มได้และมีความสุขอยู่หรือเปล่า

      
            “กันต์มีความสุขจัง”


            “พี่ก็มีความสุขเหมือนกันครับ นอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปไหนไหม” กันต์ดึงน้องขึ้นมานอนหนุนที่หมอนดี ๆ ก่อนจะโอบกอดไว้เช่นเดิม

      
            “พรุ่งนี้กันต์ว่าจะนั่งอ่านทวนที่ติววันนี้ไปก่อน ส่วนวันมะรืนจะนัดติวอีกวิชากับไอ้ดิมครับ”

      
            “สอบวันไหนบ้าง”

      
            “สอบติดกัน 2 วัน 4 วิชาแหนะ เว้นวันนึงแล้วก็สอบตัวสุดท้ายครับ”

      
            “โอเคครับ งั้นนอนกัน”
   
      
            “ฝันดีครับพี่แทน”

      
            “ฝันดีครับคนดี”












      
            ตอนแรกกันต์ตั้งใจจะนั่งอ่านหนังสือทบทวนอยู่ที่คอนโดของแทนคุณ แต่คนตัวโตที่ต้องออกไปทำงานกลับงอแงไม่อยากไปด้วยความคิดถึงและการอยู่ด้วยกันยังไม่เต็มอิ่ม ไป ๆ มา ๆ กันต์ก็ถูกพี่เขากระเตงมาที่โรงพยาบาลด้วยและมานั่งหลบมุมอ่านหนังสือรอคุณเขาอยู่ในร้านกาแฟ

      
            กันต์ละสายตาจากชีทตรงหน้าขึ้นมาเพื่อพักแต่ปลายหางตากลับจับภาพของคุ้นหน้าคุ้นตาได้กะทันหัน เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันเพราะความแปลกใจไม่คิดว่าจะเห็นน้องชายฝาแฝดของคนรักเดินมากับเพื่อนต่างคณะของเขา

      
            “สนิทกันขนาดนี้แล้วหรอวะ” จังหวะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นอีกฝั่งนึงก็เดินมาทางนี้พอดิบพอดี และเป็นพีทที่ดันสายตาดีเห็นเขาก่อนจึงต้องยกมือโบกทักทาย

      
            “ไงกันต์”

      
            “อื้อว่าไงพีท พี่รัก มาทำอะไรกันหรอ”


            “ถามเพื่อนเราเถอะว่าจะตามพี่มาทำไม” กันต์มองรุ่นพี่ที่กำลังกลอกตาดูเบื่อหน่ายกับคนข้างกาย ส่วนพีทที่เขาเคยเห็นจะเป็นคนนิ่ง ๆ ตอนนี้กลับเอาแต่กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์และมองแทนรักด้วยสายตาแวววับแปลก ๆ

      
            เดี๋ยวนะ ... มันต้องมีอะไรที่เขาตามไม่ทันแน่

      
            “ยังไงเนี่ยพีท”

      
            “ก็ไม่ยังไง รักสัญญาแล้วนี่ว่าจะให้ผมไปเที่ยวรอบโลกด้วย”

      
            “กูไปสัญญากับมึงตอนไหนวะไอ้มั่ว แล้วเรียกนี่กรุณามีพี่ด้วยครับกูแก่กว่ามึงนะโว้ย” กันต์มองแทนรักที่กำลังโวยวายแต่หูที่โผล่พ้นกลุ่มผมขึ้นมานั้นกลับแดงก่ำ ทำเอาคนนอกที่กำลังมองอยู่อย่างเขาถึงกับอมยิ้ม

      
            หรือนี่อาจจะเป็นทางเดินใหม่อีกทางที่ดีสำหรับพี่ชายคนนี้ เขาเชื่อว่าถ้าเป็นพีทจะต้องทำให้พี่แทนรักมีความสุขแน่ ๆ

      
            “แล้วนี่มารอไอ้คุณหรอ”

      
            “ครับ”

      
            “นี่ก็อีกคน ขยันเหลือเกิน ฝากบอกมันด้วยว่าเย็นนี้ให้เข้าบ้านด้วยนะแม่บ่นละ” แฝดคนน้องลุกขึ้นยืนพร้อมกับพีทที่ตามติดอีกฝ่ายไม่ห่าง แทนรักถอนหายใจอย่างนึกเหนื่อยอ่อน พอห้ามก็ทำมาบ่นกระเง้ากระงอดไม่ได้ดูตัวเองเลยว่าทำออกมาแล้วมันไม่ได้น่ารัก!
      
      
            “ได้ครับ แล้วนี่พี่จะไปเที่ยวแล้วหรอ”

      
            “ใช่ ศุกร์นี้เริ่มไปญี่ปุ่นประเทศแรก”

      
            “มีเราไปด้วย”

      
            “โอ้ยไม่ได้อยากให้มึงไปเล้ยยย”

      
            กันต์นั่งขำคนตรงหน้าจนถูกแทนรักมองดุเข้าให้จึงยอมปิดปากกลั้นยิ้ม แทนรักชี้หน้าคนรักของพี่ชายอย่างคาดโทษก่อนจะแยกย้ายไป กันต์ที่ถูกทิ้งให้นั่งคนเดียวอีกคร้ังก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาพี่แทนคุณเล่าเรื่องที่เจอสั้น ๆ และปิดท้ายด้วยการให้กำลังใจ

      
            ‘สู้ ๆ นะครับคุณหมอคนเก่ง’

      
            เจ้าของร่างโปร่งนั่งจมจ่อมกับหนังสือเรียนตรงหน้าจึงไม่รู้เลยว่าคนที่ตัวเองรอนั้นหยุดอยู่ข้างตัวจนกระทั่งถูกสัมผัสที่กลางศีรษะทำเอาสะดุ้งเกือบหันไปด่าแล้วหากไม่ได้กลิ่นหอมเฉพาะตัวที่คุ้นเคย

      
            “พี่แทน! เล่นอะไรเนี่ย ตกใจหมดเลย”

      
            “ฮ่า ๆ ก็เราน่ะสนใจแต่หนังสือ พี่มายืนอยู่ตั้งนานแล้วไม่มองซักที” แทนคุณโน้มตัวลงหอมหัวคนรักอีกครั้งก่อนจะนั่งลงบนโซฟาเดียวกัน

      
            “ก็กันต์ตั้งใจอ่านหนังสืออยู่ นี่เสร็จงานแล้วหรอครับ”

      
            “ครับ ออกเวรแล้วล่ะ”

      
            “งั้นกันต์ขอทวนบทนี้ให้จบก่อนนะอีกนิดเดียวเอง พี่สั่งอะไรรองท้องรอก่อนก็ได้” กันต์พูดเสร็จก็กลับสู่โลกของหนังสือเรียนอีกครั้ง ปล่อยให้คนรักนั่งพิงหลังมองเสี้ยวหน้าตัวเองไปอย่างเป็นกำไร ถ้าให้แทนคุณนั่งมองน้องทั้งวันก็ยังได้เลย กระต่ายน้อยของเขาน่ะน่ารักที่สุดยิ่งเวลาตั้งใจทำอะไรแล้วยิ่งน่ามอง

      
            หลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมงทั้งคู่ก็พากันเดินออกมาจากร้านกาแฟแต่ยังไม่ทันไปได้ถึงไหน ข้อมือของกันต์ก็ถูกรั้งจากแทนคุณ กันต์หันมามองหน้าคนรักที่อึกอักดูท่าเหมือนมีอะไรจะพูด

      
            “มีอะไรหรือเปล่าพี่แทน”

      
            “ไปกับพี่แป็บนึงได้ไหม”

      
            แทนคุณจับมือน้องพาขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นที่ต้องการ น้อยครั้งมากที่กันต์จะขึ้นมายังตึกผู้ป่วยด้านบนและชั้นนี้เป็นชั้นที่เงียบมากแต่ละห้องก็อยู่ห่างกันพอสมควร อีกทั้งบางห้องก็มีคนยืนเฝ้าหน้าประตู ดูท่าทางน่าจะเป็นพวกชั้นของวีไอพีอะไรทำนองนั้น
      
      
            “กันต์”
   
      
            “ครับ?” กันต์มองใบหน้าจริงจังจนนึกหวั่นใจว่าจะมีอะไรร้ายแรงหรือเปล่า หรือว่าคนในห้องจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ป่วย แต่ก่อนที่กันต์จะได้คิดไปไกลแทนคุณก็เอ่ยบอกความต้องการของตัวเองออกมา

      
            “พี่พากันต์มาหานิลิน”

      
            อะไรนะ? คนฟังสบตาคนรักอย่างไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า

      
            “?”

      
            “ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายครั้งพี่ยอมรับว่าที่กลับช้าบ้าง ติดงานบ้างเพราะพี่คอยมาดูนิลิน พี่รู้ว่ามันอาจจะไม่ใช่ความรับผิดชอบของพี่ แต่พี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด และอีกอย่างพรุ่งนี้ทางครอบครัวจะพาไปอยู่ต่างประเทศถาวร”

      
            “…” กันต์มองตาคนพี่ที่กำลังตั้งใจถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของตัวเองออกมา ดวงตาคมดูตกประหม่าราวกับกลัวว่าคนรักอย่างเขาจะไม่เข้าใจ แต่แทนคุณอาจจะลืมไปว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเลยสักครั้งที่กันต์จะไม่หยุดฟัง

      
            “พี่เลยอยากพากันต์มาเจอกับนิลิน ส่วนหนึ่งก็เพราะพี่อยากให้กันต์อโหสิกรรมเธอ”

      
            แทนคุณรู้ดีว่าเรื่องราวที่ผ่านมาทำให้น้องรู้สึกแย่แค่ไหน แม้จะเคลียร์ในส่วนของตัวเองไปแล้วแต่เขาก็ไม่รู้ว่าข้างในของน้องยังคงรู้สึกอะไรกับเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้อยู่บ้าง ในเมื่อตอนนี้แต่ละคนก็มีเส้นทางของตัวเองจึงตัดสินใจพาน้องมาเพื่อให้ทุกฝ่ายเลิกแล้วต่อกันไป

      
            “กันต์ถามได้ไหมว่าจริง ๆ แล้วพี่นิลินเขารักใคร”

      
            “พี่ตอบไม่ได้ครับ กระบวนการในจิตใจเป็นอะไรที่ยากจะรู้ได้จริง ๆ ยิ่งกับนิลินที่กำลังอ่อนไหวยิ่งยากกว่าเดิมว่าอันไหนคือเรื่องจริง อันไหนคือสิ่งที่เธอสร้างขึ้น แต่ผลจากการทดลองทำให้เธอยึดติดภาพของแทนรักที่เป็นคู่ไม่ใช่พี่” 

      
            “เข้าใจแล้วครับ”

      
            “พร้อมไหม”

      
            กันต์สูดลมหายใจเพื่อเรียกสติสมาธิตัวเองเพราะไม่รู้ว่าหลังประตูนั้นจะเกิดอะไรขึ้น “ครับ”

      
            ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องผู้ป่วย หญิงสาวในชุดของทางโรงพยาบาลหน้าตาซีดเซียวหันขวับมาทางคนทั้งคู่ ก่อนที่นัยน์ตาแห้งผากจะมีประกายเมื่อเห็นหน้าแทนคุณ สองแขนชูขึ้นเพื่อเรียกให้เข้าไปหาอย่างทุกที แทนคุณหันมาสบตากับคนรักด้วยความเกรงใจ กันต์พยักหน้าให้ก่อนจะมองการกระทำของทั้งคู่ด้วยความสงบ มันเลยจุดความหึงหวงหรืออะไรทำนองนั้นไปแล้ว ในเวลานี้เขากลับนึกสงสารเธอมากกว่า

      
            “รักมาหาลินแล้ว” นิลินพูดพร้อมซบหน้าลงกับต้นแขนของคนที่เธอคิดว่าเป็นคู่ชีวิตของเธอ

      
            “ลินครับวันนี้ผมมาคนมาให้ลินรู้จักด้วย”

      
            “?” ใบหน้าสวยแม้จะทรุดโทรมไปตามอาการป่วยแต่ก็ยังคงดูดีเงยหน้ามองคนตัวโต ราวกับในสายตาของเธอมีแค่แทนคุณเท่านั้น จึงไม่รับรู้การมีตัวตนของกันต์ที่ยืนอยู่ปลายเตียง

      
            “นี่น้องกันต์ครับ”

      
            “?”

      
            “สวัสดีครับคุณนิลิน”

      
            ดวงตาสวยแต่ไร้แววดูเลื่อนลอยจับจ้องมาที่กันต์ก่อนจะมองผ่านเลยไปแล้วกลับไปวางสายตาไว้ที่แทนคุณที่เดิม ราวกับว่าประโยคเมื่อครู่ไม่ได้ถูกรับรู้อีกทั้งยังไม่มีปฏิกริยาตอบรับใด ๆ คืนมา ทว่ากันต์ไม่ถือสา

      
            “คุณอาจจะไม่รับรู้แต่วันนี้ผมไม่คิดโกรธเคืองคุณอีกแล้ว แม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำอะไรกับผมโดยตรงแต่ยังไงเพื่อความสบายใจของคนรัก ผมยินดีที่จะอโหสิกรรมให้ทั้งหมดนะครับ” กันต์เม้มปากเพื่อระงับอาการสั่น ขนาดเขาพูดเสียยืดยาวแต่เธอกลับเลื่อนลอยคอยแต่มองหน้าพี่แทนคุณและยิ้มอยู่อย่างนั้น

      
            “ผมขอให้คุณดีขึ้นในเร็ววันและใช้ชีวิตได้อย่างดีนะครับ” ไม่ได้คิดจะเล่นบทคนดีอะไรเพราะเรื่องที่ผ่านมาก็ทำให้ตนเองเสียศูนย์ไม่น้อย แต่มาจนถึงตอนนี้จะให้เจ้าคิดเจ้าแค้นก็คงใจดำเกินไปนั่นจึงเป็นสิ่งที่เขาพอจะทำให้คนรักของเขาเองสบายใจได้

      
            ฝ่ามืออุ่นเคลื่อนเข้ามากอบกุมพร้อมกับบีบกระชับอย่างแผ่วเบาเป็นการขอบคุณ แทนคุณไม่กล้าแสดงออกมากนักเพราะเกรงว่านิลินจะคลุ้มคลั่ง เมื่อธุระที่ตั้งใจเสร็จสิ้นก็ไม่มีเหตุให้ต้องรั้งอยู่ต่อ เขาใช้มืออีกข้างวางลงบนกลุ่มผมของหญิงสาวก่อนจะเอ่ยคำประโยคสุดท้ายก่อนจะแยกจากกัน

      
            “โชคดีนะครับ”


(ต่อ)
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!CHAPTER 20 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 13-07-2019 21:32:17

            หลังจากออกจากโรงพยาบาลทั้งสองก็มุ่งตรงไปยังบ้านใหญ่ของแทนคุณ เนื่องจากข้อความของมารดาที่ทักท้วงมาว่าให้กลับบ้านก่อนที่แทนรักจะตะลอนไปทั่วโลกแล้วจะไม่ได้เห็นหน้าค่าตาพร้อมกันอีกนาน ระหว่างทางแม้จะรีบแค่ไหนแต่แทนคุณก็ทำเพียงค่อย ๆ ขับไปตามเส้นทางเพราะมืออีกข้างไม่อยากปล่อยมือคนรัก

      
            “ขอบคุณนะครับ”

      
            “หือ? เรื่องอะไรครับ?” คนที่แทนคุณคิดว่าหน้าเหมือนกระต่ายหันมาทำหน้าเหลอหลาใส่ เพราะเอาแต่คิดอะไรในหัวเพลินจึงนึกว่าพลาดสิ่งที่พี่เขาพูดไป


            “ทุกอย่างเลยคนดี” ไม่พูดเปล่าแทนคุณกดจูบลงบนหลังมือของน้อง คนถูกกระทำนั่งหน้าแดงหูแดงด้วยความขลาดเขิน แม้จะคบกันมาหลายเดือนมากกว่าจูบมือก็ยังผ่านมาแล้วแต่การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้มันชวนให้ใจสั่นไม่เบา

      
            พี่เขาอาจไม่รู้ว่าคนที่ผิดหวังกับความรักมาตลอดอย่างกันต์นั้นพยายามอย่างมากที่จะประคับประคองชีวิตคู่ของตัวเองเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม ไม่ให้จบลงด้วยน้ำตาเหมือนอย่างทุกครั้ง และมันคงหนักกว่ามากเพราะครั้งนี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่บางคนที่ผ่านเข้ามา แต่คือคู่ชีวิต คือครึ่งหนึ่งของเวลาชีวิต

      
            ลึก ๆ แล้วเขาต้องการความอ่อนโยนและค่อยเป็นค่อยไปจากความรักมาตลอด เจอคนที่คิดถึงแต่เรื่องบนเตียงอย่างเดียวก็มี เจอคนที่ไม่ซื่อสัตย์ก็ผ่านมาแล้ว พอได้พบกับพี่เขาแล้วเหมือนทุกอย่างมันลงตัวและถูเข้ากันได้โดยอัตโนมัติ แม้จะไม่ได้ราบรื่นถึงอย่างนั้นการที่เราผ่านมาด้วยกันได้กลับยิ่งทำให้ต่างเห็นคุณค่าของกันและกันมากกว่าเดิม

      
            ทั้งสองคนมาถึงบ้านใหญ่ก็พบแทนรักที่นั่งคุยกับผู้ใหญ่อยู่ก่อนแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้คนเพิ่งมาทั้งสองขมวดคิ้วพร้อมกันด้วยความคาดไม่ถึงนั่นคือร่างสูงใหญ่ของพีทที่อยู่ข้างกันกับลูกชายคนเล็กของบ้าน

      
            “สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” กันต์ทำความเคารพผู้ใหญ่ก่อนจะถูกคุณม๊ากวักมือเรียกให้เข้าไปกอดไปหอมอย่างทุกครั้ง

      
            “แทนคุณมาพอดีเลยดุน้องชายเราหน่อยสิ เอาใหญ่แล้วนะ” คนเป็นแม่หน้าบึ้งหันมาฟ้องลูกชายคนโตของตัวเอง ส่วนคนที่ถูกพาดพิงได้แต่ส่ายหน้าไปมากับอาการของแม่ตัวเอง

      
            “รักตัดสินใจไปแล้วนะแม่”

      
            “หึ ตัดสินใจคนเดียวไม่เคยปรึกษากันตั้งแต่เล็กยันโต”

      
            “คุณไม่เอาหน่า” ฝั่งพ่อรีบปรามภรรยาของตัวเองเมื่อเรื่องราวชักบานปลาย

      
            “เกิดอะไรขึ้น” แทนคุณเอ่ยถามฝาแฝดของตัวเอง

      
            “กูลาออกจากโรงพยาบาลแล้ว”

      
            “…” แทนคุณเงียบเพื่อรอฟังเหตุผลแม้จะรู้ดีว่าเมื่อทำลงไปแล้วนั่นหมายถึงแทนรักได้ตัดสินใจมันเป็นอย่างดีและรอบคอบ จึงอยากรู้เพียงเหตุผลของการกระทำเท่านั้น

      
            “ก็แค่เหนื่อย แล้วก็ถึงจะกลับมาเป็นปกติทุกอย่างแต่ข้างในมันก็ยังมีความรู้สึกโหวง ๆ ในหัวเหมือนมีความทรงจำอะไรตัน ๆ อยู่ มันอาจจะทำให้ลืมว่าอีกฝ่ายเป็นใครแต่เรื่องของจิตใจมึงก็รู้แทนว่าจะให้ตัดหมดมันเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา”


            “…”

      
            “และการตัดสินใจลาออกเพราะไม่รู้สิ รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมือนเดิม อยากออกไปพัก ไปหาแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตต่อไป จริง ๆ ก็เคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนเรียนแล้วว่าอยากเปิดคลีนิกเอง ไว้กลับมาจากเที่ยวก็อาจจะทำตามความตั้งใจเดิมอันนี้ ไม่ได้คิดจะหลักลอยหรือจะทิ้งวิชาชีพที่อุตส่าห์เรียนมา”

      
            แทนคุณรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นของฝาแฝดของตัวเองได้ ตอนนี้แทนรักกำลังรู้สึกว่าชีวิตตัวเองเคว้งคว้าง แตกต่างออกไปจากพวก การหยุดในครั้งนี้เป็นการหยุดเพื่อสานต่อและมองหาความหมายของตัวเอง มนุษย์ทุกคนนั่นแหละที่อยากรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า เอาเข้าจริงก็ไม่แปลกใจเท่าไรนักที่รู้ว่าน้องชายตัดสินใจแบบนี้

      
            “ไปวันศุกร์นี้แล้วใช่ไหม”

      
            “อืม”
      
      
            “ติดต่อมาบ้างละกัน” แทนคุณจบบทสนทนาในหัวข้อนี้ด้วยประโยคสั้น ๆ ที่แสดงความเป็นห่วงน้องชายตัวเองอย่างชัดเจน บรรยากาศออกจะดูกระอักกระอ่วนไปบ้างในสายตาของกันต์ที่เห็นพี่น้องสายมึนคู่นี้คุยกันดี ๆ

      
            “แม่” แทนรักเรียกผู้เป็นแม่เสียงอ้อนเพื่อขอให้หายงอนกัน

      
            “เฮ้อ เอาเถอะ ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก มีอะไรก็โทรมาหาได้ทันทีเลยรู้หรือเปล่า”

      
            “ครับผม!” เพราะรอยยิ้มทะเล้น ๆ จึงเรียกเสียงหัวเราะกลับมาได้ไม่ยาก

      
            “ว่าแต่น้องพีทไปกับรักด้วยหรอจ๊ะ”

      
            “ครับคุณป้า”

            
            “เรียกแม่เหมือนน้องกันต์เถอะจ้ะ แต่ก็ดีแล้วล่ะมีคนไปเป็นเพื่อนแม่จะได้ไม่ต้องห่วงมากนัก”

      
            “โหยแม่ รักไม่ได้อยากให้มันไปด้วยเล้ยยย”

      
            “เอ๊ะเรานี่ยังไงเจ้ารัก แม่ไม่คุยด้วยละ ไปทานข้าวกันดีกว่าน้องกันต์ น้องพีท วันนี้แม่ทำของโปรดน้องกันต์ไว้ด้วยนะคะ ส่วนน้องพีทชอบทานอะไรไว้กลับมาแม่จะทำให้นะ”

      
            สายตาสองคู่ที่มองตามแผ่นหลังไปต่างอารมณ์กันโดยสิ้นเชิง แทนคุณมีแต่ความยินดีที่คนรักเข้ากับครอบครัวของตัวเองได้ ส่วนแทนรักกลับเหนื่อยอ่อนใจที่ได้ตัวพ่วงแถมมาด้วยในงานนี้ แต่ก็นะเขาก็ไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไรเด็กมันหรอก ออกจะแอบใจชื้นไปส่วนหนึ่งเหมือนกันที่มีเพื่อนไปตะลอนด้วย เพียงแค่แอบเซ็งที่ผิดแผนอยากไปเที่ยวเท่ ๆ คนเดียวก็เท่านั้น

      
            ในห้องขนาดใหญ่ที่คุ้นเคยถูกทำความสะอาดเรียบร้อยและทุกอย่างยังอยู่ที่เดิมเหมือนอย่างเคย แทนคุณเดินรอบห้องนอนของตัวเองในวัยเยาว์ด้วยความคิดถึง ตั้งแต่พ่อกับแม่สร้างบ้านหลังเล็กไว้ให้พวกเขาสองพี่น้องก็ไม่ได้มานอนที่บ้านหลังนี้อีกเลย

      
            กรอบรูปต่าง ๆ ยังวางอยู่ที่เดิม ถ้วยและเหรียญรางวัลตลอดจนโล่ต่าง ๆ ที่ได้มาตอนเด็กก็ได้รับการดูแลอย่างดีไม่มีแม้แต่ไรฝุ่น เขารู้ว่าพ่อกับแม่ใจจริงก็ไม่ได้อยากให้แยกตัวออกไป แต่เพราะเห็นว่าลูก ๆ โตกันหมดแล้วจึงยินยอม แต่พวกท่านก็คงจะเหงาไม่น้อยอีกทั้งลูกทั้งสองยังเป็นหมอ มีภารกิจงานติดพันรัดตัวจนแทบไม่ได้กลับบ้านกลับช่อง การที่ห้องยังสะอาดเหมือนมีคนอยู่ตลอดจึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้อย่างดีว่านอกจากเจ้าของห้องตัวจริงแล้วก็คงเป็นพ่อกับแม่ที่เข้ามอยู่เสมอ

      
            “หล่อแต่เด็กเลยนะครับ” แทนคุณอมยิ้มก่อนจะวาดแขนโอบเอวน้องที่เดินมายืนข้างกัน คนตัวเล็กกว่าตาเป็นประกายมองของบนชั้นด้วยความสนอกสนใจ เพราะไม่ว่าจะบ้านเล็กหรือคอนโดที่เคยอยู่กันนั้นก็ไม่ได้มีเรื่องราววัยเด็กให้เห็นมากนัก

      
            “เหรียญเงินโอลิมปิกวิชาการ? โห”

      
            เขาชอบที่อีกคนดูตื่นเต้นกับเรื่องราววัยเด็ก รู้สึกดีไม่น้อยที่น้องแสดงความสนใจ แทนคุณปล่อยให้กระต่ายของตัวเองเดินสำรวจไปทั่วห้องอย่างไม่นึกหวงแหน อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย แม้แต่นิลินที่เขาเคยคิดว่าตัวเองรักมากก็ยังไม่เคยอยากจะพาเข้ามาในห้องนี้

      
            “คุณแม่คงคิดถึงพวกพี่มาเลยนะ ท่านถึงยังดูแลห้องนี้ไว้อย่างดี” กันต์มองความเรียบร้อยของห้องแล้วเผลอพูดออกมา ก่อนจะรีบหันไปมองพี่เขาเพราะกลัวอีกฝ่ายจะไม่พอใจที่วุ่นวายกับการตัดสินใจนั้น

      
            “กันต์ขอโทษ”

      
            “หืม พี่ไม่ได้โกรธอะไรครับ จริง ๆ พี่ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน พอเกิดเรื่องก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าละเลยพวกท่านไปมากแค่ไหนเหมือนกัน”

      
            “แล้วพี่คิดจะย้ายกลับมาอยู่นี่ไหม”

      
            แทนคุณจูงมือน้องมานั่งที่ปลายเตียงโดยมีตนเองเป็นเบาะรองนั่งอีกหนึ่งชั้น สองแขนกอดรอบเอวพร้อมกับวางใบหน้าลงที่ลาดไหล่ สูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ เฉพาะตัวของน้องเพื่อช่วยคลายความรู้สึกไม่ดีที่เกิดขึ้น และเจ้าของร่างกายก็รู้ตัวจึงปล่อยให้พี่เขาอิงแอบแต่โดยดี

      
            “พี่กำลังคิดอยู่เหมือนกัน ถ้าจะย้ายกลับมาก็คงอยู่บ้านเล็กนั่นแหละ”

      
            “ก็ดีนะครับ อย่างน้อยก็ยังอยู่ใกล้พวกท่าน แต่พี่จะต้องขับรถไกลขึ้นอีกหน่อยนนึงนะ จะไหวใช่ไหม” ถึงอย่างนั้นกันต์ก็ยังคงห่วงความปลอดภัยของคนรักตัวเองเป็นหลักอยู่ดี เพราะรู้ดีว่างานพี่เขาค่อนข้างหนัก และต้องขับรถไป-กลับระหว่างบ้านและโรงพยาบาล

      
            “คิดว่าไหวนะ ยังไงแผนกจิตเวชก็เปิดเป็นช่วงเวลา ไม่ได้ต้องสแตนบายตลอดเวลาเหมือน ER หรืออายุรกรรมอะไรแบบนั้น นาน ๆ ทีถึงจะมีเคสด่วน”

      
            “งั้นก็แล้วแต่พี่ครับ”

      
            “แต่ว่าพี่แอบเสียดายนิดหน่อย” พูดพลางกอดกระชับน้องจนแทบจะจมอกตัวเอง กระต่ายตัวน้อย ๆ ในความคิดของแทนคุณหันมามองด้วยความสงสัย

      
            “ก็ถึงจะอยู่บ้านเล็ก แต่ถ้าทำอะไร ๆ เสียงดังก็กลัวคนงานในบ้านได้ยินน่ะสิ”

      
            ในคราแรกกันต์ก็ฟังด้วยความไม่เข้าใจจนกระทั่งเห็นสายตาแวววับของคนพี่ถึงรู้ว่า ‘ทำอะไร ๆ’ ที่ว่านั้นไม่ใช่อะไรดี ๆ นั่นเอง มือเรียวเลยฟาดเข้าที่ต้นขาเป็นการทำโทษคนลามก

      
            “ทะลึ่งอะ ใครเขาจะทำอะไรกับพี่ มั่วแล้ว”

      
            “อะไรกัน พี่ยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะทำอะไร น้องนั่นแหละคิดอะไรทะลึ่งเองล่ะสิ ไม่ไหวเลยนะเรา พี่เป็นคนหวงเนื้อหวงตัวนะ” ไม่พูดเปล่า ยังดึงแขนออกจากร่างกายนุ่มนิ่มมากอดอกตัวเองทำเป็นหวาดกลัว กันต์นึกหมันไส้เลยฟาดเข้าให้อีกระลอก


            ใครบอกว่าพี่แทนคุณเป็นคนเงียบขรึมต่างจากพี่แทนรัก ไม่จริงเลยสักนิด อย่างไรก็เป็นฝาแฝดกัน นิสัยขี้แกล้งแถมกวนประสาท พูดจาสองแง่สองง่ามอะไรแบบนั้นพี่แทนคุณก็มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้งจนกันต์ยังอยากจะหยิกให้เนื้อเขียว

      
            “ไม่คุยกับพี่แล้ว! กันต์กลับไปนอนบ้านดีกว่า”

      
            “เดี๋ยว ๆ ไหนบอกจะนอนกับพี่คืนนี้ไงครับ” แทนคุณรีบเด้งตัวขึ้นยืนคว้าตัวน้องเอาไว้

      
            “ไม่! นอนคนเดียวไปเลยคืนนี้ กันต์จะกลับไปนอนที่บ้านครับ ไปครับ ขับรถไปส่งเดี๋ยวนี้เลย”

      
            “โธ่น้อง”

      
            กันต์ทำเมินไม่เห็นสายตาออดอ้อนจากพี่เขา ก่อนจะดันตัวเองออกจากอ้อมแขนของพี่เขา แล้วเดินนำลงไปด้านล่างโดยไม่สนใจคนกินแห้วคืนนี้ หลังจากลาผู้ใหญ่เสร็จพี่เขาก็จำใจขับรถมาส่งที่บ้าน และกันต์ได้ยินเสียงบ่นงึมงำมาตลอดทางแต่ก็ทำเป็นหูทวนลม ทั้งที่จริงก็อยากจะขำให้กับคนตัวโตที่ทำหน้าง้ำหน้างอไม่สมตัว

      
            สมน้ำหน้า ชอบแกล้งกันดีนักก็นอนคนเดียวไปเลยคืนนี้

      
            “เลิกหน้างอได้แล้วหน่า ลืมหรอว่าพรุ่งนี้กันต์มีติวกับเพื่อน ใกล้สอบแล้วครับ”

      
            “มีสอบก็นอนด้วยกันได้นี่ พรุ่งนี้พี่จะได้ขับไปส่งไงครับ” แทนคุณยังไม่ละความพยายาม เพราะห่างกันมาหลายสัปดาห์ทำให้เขาโหยหาอยากจะอยู่ใกล้น้องไม่อยากห่าง

      
            “เอาแบบนี้แล้วกัน หนูขอเวลาจนกว่าจะสอบเสร็จ ถ้าปิดเทอมแล้วหนูจะขอแม่ไปนอนกับพี่จนกว่าจะเปิดเทอมเลยดีไหม”

      
            สุดท้ายแล้วไม่ใช่แค่พี่แทนคุณหรอกที่คิดถึง เขาเองก็คิดถึงอีกฝ่ายไม่แพ้กัน แต่เพราะการสอบก็เป็นเรื่องสำคัญที่ทิ้งไม่ได้ จึงต้องยอมอดทนให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปก่อนแล้วหลังจากนั้นพี่เขาอยากได้อะไรก็จะตามใจเต็มที่

      
            “แล้วจะไม่ได้เจอกันเลยหรอ”

      
            “อดทนนะครับคนเก่งของกันต์ อาทิตย์เดียวเอง ไว้วิดีโอคอลคุยกันนะครับ” กันต์วางมือลงบนแก้มของพี่เขาพลางลูบเบา ๆ เป็นการปลอบโยนคุณหมอคนเก่งที่ตั้งท่าจะงอแง ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากอยู่ด้วยแต่เพราะรู้นิสัยที่ติดคนรักขนาดไหนของตัวเอง ทำให้อยากเว้นช่องว่างสักนิดเพื่อที่จะได้ใช้สมาธิกับการอ่านหนังสือจริงจัง
      
      
            เขาก็ไม่อยากให้ใครเอาไปพูดว่า แฟนคุณหมอแทนคุณคนนี้มันไม่ได้เรื่อง เป็นแค่เด็กมหา’ลัยที่ไม่ได้ความ ไม่สมกันอะไรแบบนั้น แต่ถามว่าไปได้ยินใครพูดหรอ หึ ก็เปล่าหรอก แต่ก็อยากทำเต็มที่นั่นแหละ อยากให้ที่บ้านและคนรักภูมิใจในตัวเขา


            “ก็ได้ครับ งั้นตั้งใจอ่านหนังสือนะครับ อย่ากดดันตัวเอง เหนื่อยก็พัก ถ้าไม่ไหวก็โทรหาพี่ได้ตลอด เวลา รู้ใช่ไหมคนดี” แทนคุณเอ่ยปากเตือนเพราะรับรู้มาจากสายสืบส่วนตัวก็คือเพื่อนสนิทของน้องนั่นแหละ ว่าพอใกล้สอบทีไรกันต์ก็มักจะกดดันตัวเองอยู่บ่อยครั้ง

      
            “ครับพ้มม!” คนตัวเล็กกว่าทำท่าวันทยาหัตถ์รับคำพร้อมยิ้มหวานเสียน่ารักจนแทนคุณไม่อยากจะปล่อยให้เข้าบ้าน หากไม่เห็นว่าพ่อตาตัวเองมายืนมองจากในตัวบ้านนานแล้ว

      
            “ไว้เจอกันนะครับ แล้วบอกเลยว่าเตรียมตัวให้ดีพี่จะไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่าซักวินาทีเดียวแน่ ๆ”

      
            “พี่แทน!”









To be continued.
_____________________________________

TALK : มาช้ามาก ๆ เลยมาให้ยาว ๆ
ใกล้จะจบแบบใกล้มาก ๆ แล้ว
อยากให้ติดตามกันจนถึงปลายทางน้า


สุดท้ายนี้ขออนุญาตแจ้งข่าวค่า

(Timeverse) Other Half #ครึ่งชีวิตของผม
จะตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์พอดี (Bodhi Publishing)
หากเราปั่นต้นฉบับและตอนพิเศษทัน (ต้องทัน!!)
น่าจะได้ปล่อยในงานหนังสือตุลานี้
แน่นอนว่าจะต้องมีการรีไรท์ขนานใหญ่
แต่จะพยายามอย่างเต็มที่

ฝากเรื่องนี้ไว้อีกหนึ่งเล่มนะทุกค้นนน

TWITTER (https://twitter.com/19august___) FACEBOOK (https://www.facebook.com/19august.S)


#ครึ่งชีวิตของผม
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!CHAPTER 20 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 14-07-2019 02:10:06
ขอให้ดีขึ้นเร็วๆนะแทนรัก
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!CHAPTER 20 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-07-2019 01:13:52
 จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!CHAPTER 20 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 16-01-2020 13:42:06




CHAPTER 21

Despite everything, I'm glad we met.
- A Six Word Story -







            หลังจากจัดแจงตารางชีวิตกันลงตัวก็ถึงวันที่เรากำลังจะไปพักผ่อนต่างจังหวัดด้วยกัน แต่ไม่รู้ว่าพี่แทนไปตกลงกับดิมและจาริณกันอีท่าไหน ไป ๆ มา ๆ ทริปทะเลภูเก็ตกลายเป็นมัลดีฟส์และยังเป็นทริปส่วนตัวของเราไปซะอย่างนั้น
ร้ายจริง ๆ
   
            
            “ไปครับ เกทเปิดแล้ว”
   
            
            แล้วดูยังมาทำหน้าซื่อตาใสกระฉับกระเฉงขึ้นมา กันต์ส่ายหัวเล็กน้อยกับอาการกระตือรือร้นของคนพี่ ร่างโปร่งขยับกายลุกขึ้นตามแรงดึงจากฝ่ามือใหญ่ที่เดินนำไปขึ้นเครื่อง ก่อนที่เครื่องจะออกดิมก็ส่งข้อความมาอวยพรพร้อมกับแนบรูปหน้าตากวนประสาทของแฟนมันมาให้
   
            
            กันต์เองก็ได้แต่ส่งข้อความไปขอโทษที่ปีนี้ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันไว้คราวหน้าจะแก้ตัวให้ ตั้งแต่รู้จักกันมาทุกปีหลังปิดเทอมเขาและดิมจะจัดทริปเล็ก ๆ แล้วไปเที่ยวด้วยกัน มีปีนี้ที่ถูกคนเจ้าแผนการมาชิงตัว
   

            “หมดไปเท่าไหร่ครับเนี่ย” ไม่อยากจะบ่นแต่ก็ขอสักหน่อย รู้ว่าทำงานมีเงินของตัวเองแล้วแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรมาใช้ไปยั้งมือแบบนี้ เอาอะไรมาพนันก็ได้เลยว่าพี่แทนต้องจองที่พักไว้แบบอย่างพรีเมียมที่สุดแน่ ๆ
   

            “อย่าไปพูดถึงราคาเลย พี่ถือว่าเป็นการซื้อบรรยากาศให้เราไง” แทนคุณตอบปุ๊บก็ได้รับการย่นจมูกใส่กลับมา ความมันเขี้ยวจึงทำให้เขาก้มลงไปงับปลายจมูกกระต่ายตัวบางของตัวเองหนึ่งที
   

            “พี่แทน!” ถึงแม้ที่นั่งจะค่อนข้างส่วนตัวแต่เขาก็เขินอยู่ดี
   

            “นอนไหม เมื่อคืนก็นอนไม่ค่อยหลับนี่”
   

            “ฮื่อ ก็ตื่นเต้นอ่า” ไปต่างประเทศล่าสุดก็สมัยมัธยมต้น ครั้งนี้เขาจึงตื่นเต้นพอสมควรเลยทั้งยังไปกับคู่ชีวิตอีกด้วยมันเลยยิ่งทำให้เขายอมรับว่าอยากไปจนเมื่อคืนกว่าจะหลับก็ตีสองกว่า
   

            ใช้เวลา 4 ชั่วโมงกว่า ๆ เครื่องก็ลงจอดที่สนามบินมาเล ณ สาธารณรัฐมัลดีฟส์ ทันทีที่ก้าวเท้าลงมาก็มีลมเย็น ๆ ท้องฟ้าสวย ๆ คอยต้อนรับ ก่อนจะรอต่อเรือเพื่อไปเกาะที่แทนคุณวางแผนเอาไว้ มือเล็กเกาะเกี่ยวข้อมือแกร่งเอาไว้แน่นด้วยความตื่นตาตื่นใจ ทะเลของมัลดีฟส์เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่อยากมามากที่สุดสำหรับคนรักทะเลอย่างเขา
   

            “เดี๋ยวเรานั่งสปีดโบ๊ทต่ออีกนิด” กันต์พยักหน้ารัวอย่างอารมณ์ดี ท่าทางของน้องทำให้คนพามาถึงกับอมยิ้ม ตอนแรกก็กลัวว่าน้องจะโกรธที่ทำอะไรไม่ปรึกษาแต่เขาก็รู้จักคนรักของตัวเองดี จึงเลือกมัลดีฟส์เป็นปลายทางในทริปนี้
   

            หลังจากมาถึงวิลล่ากลางทะเล สามารถมองเห็นผืนน้ำสีฟ้าใสได้สุดลูกหูลูกตาแถมยังมีบันไดต่อลงไปถึงพื้นผิวน้ำ คนตัวบางรีบวิ่งมายืนเกาะขอบระเบียงเพื่อเก็บภาพเอาไว้ โดยมีแทนคุณที่เพิ่งตรวจเช็คห้องพักเสร็จเดินตามหลังมา “สวยจังเลยครับ” รอยยิ้มหวาน ๆ ถูกส่งกลับมาให้ยิ่งทำให้แทนคุณใจชื้น
   

            เสียงคลื่นเสียงลมทำให้อารมณ์แจ่มใส ยิ่งมาถูกช่วงถูกจังหวะยิ่งทำให้ทะเลน่ามองมากขึ้นไปกว่าเดิม แทนคุณดึงน้องให้นั่งลงบนตักพร้อมโอบเอวพลางวางคางไว้บนไหล่แคบ กลิ่นตัวหอม ๆ ของน้องเคล้าไปกับอากาศดี ๆ ทำให้ความเหนื่อยล้าจากงานที่สะสมเอาไว้แทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง
   

            กันต์ขยับตัวเข้าหาพี่เขาพลางลูบกรอบหน้าที่ดูโทรมไปหลายส่วนจากการโหมงานแลกเวรเพื่อที่จะหาวันหยุดยาวสักระยะแล้วพาเขามาเที่ยวด้วยความซาบซึ้งใจ เขารู้สึกว่ามันดีจริง ๆ ที่เราอดทนฟันฝ่าอุปสรรคกันมาได้เพราะปลายทางที่พบมันสวยงามที่สุด
   

            “ขอบคุณนะครับ”
   

            “หืม” เราสบตาเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกระหว่างกัน หัวใจที่เต้นไปในจังหวะเดียวกัน ตัวเลขที่ขยับไปที่จำนวนเดียวกันมันบ่งบอกว่าแทนคุณโชคดีเหลือเกินที่ได้หาเด็กตรงหน้าเจอ
   

            “ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ขอบคุณที่อดทนกับพี่มาตลอดนะ”

   
            “พี่...กันต์ไม่เคยต้องอดทนเลย กันต์แค่ใช้ความเข้าใจ”
   

            “น่ารักที่สุดเลยกระต่ายของพี่” แทนคุณกดจูบลงบนลาดไหล่พร้อมกับกระชับกอดแน่น
   

            “ไปนอนพักกันดีไหมครับ บนเครื่องพี่ไม่ได้นอนเลย ไหน ๆ ก็อยู่ที่นี่อีกหลายวัน มาใช้เวลาไปด้วยกันนะครับ”
   

            “ครับคนดี” แต่บรรยากาศหวานซึ้งก็อยู่ได้ไม่นาน
   

            “เห้ย! พี่แทน!!” กันต์เผลอร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ ๆ ก็ถูกอุ้มขึ้นจนตัวลอย แต่มีหรือคนขี้แกล้งจะสนใจ แทนคุณวางน้องลงบนเตียงก่อนจะทาบทับด้วยร่างใหญ่โตของตัวเองไม่ให้อีกฝ่ายดิ้นหนี กอดหมับแนบแน่นทุกอณูจนกันต์ทำได้เพียงส่ายหน้าและถอนหายใจอย่างขบขัน
   

            “แกล้งอีกแล้ว”
   

            “ก็เรามันน่าแกล้ง”
   

            กันต์มุ่ยหน้าใส่ก่อนจะขยับร่างกายให้เข้าที่ด้วยการซุกหน้าลงกับอกของพี่เขาแล้วหลับตาลงเพื่อพักผ่อน ยิ่งเคลิ้มกว่าเดิมเมื่อถูกลูบหัวอย่างแผ่วเบาเพื่อขับกล่อม
   

            ตื่นกันมาอีกครั้งก็ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกดินแล้ว จึงตัดสินใจกันว่าจะไปกินข้าวเย็นที่ร้านริมทะเลและนั่งดูตะวันลับขอบฟ้าที่นั่นทีเดียว แต่ก่อนจะได้ไปสัมผัสบรรยากาศโรแมนติกแทนคุณและกันต์กำลังเถียงเรื่องพาหนะเดินทางอย่างไม่ยอมกัน คนหนึ่งจะใช้บริการเช่ารถยนต์นั่งสบาย ๆ มีคนขับให้ไปทุกที่ แต่อีกคนอยากเช่าจักรยานปั่นเล่นเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป
   

            “พี่อยากให้เรานั่งสบาย ๆ”
   

            “แต่กันต์อยากซ้อนจักรยานกินลมชมวิว”
   

            “มันอันตราย”
   

            “เขาก็ขี่กันเยอะแยะ อีกอย่างเช่ารถมันเปลืองนะพี่ เราไม่ได้จะไปไหนไกลก็แค่ไปหาอะไรกิน จุดชมวิวก็อยู่แถวที่พัก”
   

            “แต่”
   

            “นะ นะครับ นะครับพี่แทน” กันต์แนบหน้าลงกับต้นแขนแกร่งเพื่อลดทอนบรรยากาศอึมครึม แทนคุณที่เจอลูกอ้อนไปก็ได้แต่อ่อนใจยอมพยักหน้าแล้วพากันเดินไปเช่าจักรยานที่อยู่ถัดไปไม่ไกล
   

            พอได้ซ้อนท้ายอย่างที่ต้องการก็อมยิ้มอย่างอารมณ์ดี กันต์จะไม่ยอมให้พี่เขารู้ความลับหรอกว่าที่เลือกจักรยานแทนรถยนต์ก็เพราะเขาชอบการที่ได้กอดซบแผ่นหลังกว้างแผ่นนี้
   

            หลังจากกินข้าวที่เน้นหนักไปทางอาหารทะเลของโปรดของคนทั้งคู่เรียบร้อย แทนคุณก็พาคนตัวเล็กที่ซัดอาหารทะเลจนหยดสุดท้ายกลับมายังหาดทรายบริเวณหน้าโรงแรม ตัดสินใจกันว่าจะเดินกินลมชมวิวก่อนจะเข้าที่พัก เท้าเปลือยเปล่าสัมผัสลงบนหาดทรายละเอียดนุ่มไปตามทาง ข้างทางประดับไฟดูท่าจะเข้ากับบรรยากาศสำหรับคู่รักเสียเหลือเกิน
เมื่อเดินห่างจากผู้คนมาเล็กน้อยทั้งคู่ก็นั่งพักมองดาวที่เริ่มประกายบนท้องฟ้า รอยยิ้มยังคงแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าของคนทั้งคู่ กันต์มีความสุขมากแม้จะเพิ่งวันแรกเท่านั้นแต่มันพาลไม่อยากให้หมดช่วงเวลาดี ๆ แบบนี้ไปเลย
   

            “ชอบไหม”
   

            “ชอบมาก ๆ เลย ขอบคุณนะครับ” เมื่อรอบด้านไม่ค่อยมีใครคนตัวเล็กกว่าจึงทิ้งหัวลงบนไหล่กว้างอิงแอบแนบชิดอย่างตามใจตน กันต์เคยฝันถึงวันที่จะได้เที่ยวได้ใช้เวลาร่วมกับคนที่รักทว่าก็ผิดหวังเรื่อยมา แต่ในที่สุดเขาก็ได้สมหวังเสียที
   

            “กลับห้องกันดีกว่า” แทนคุณดึงตัวน้องให้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว กันต์มองพี่เขาอย่างมึนงงแต่ก็ยอมให้พี่เขาจูงมือกลับเข้าที่พัก
   

            และทันทีที่ประตูห้องปิดลงไม่ทันให้เสียบคีย์การ์ดเพื่อเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า ร่างโปร่งบางก็ถูกดันจนหลังติดกำแพงก่อนจะทาบทับด้วยแทนคุณที่จู่โจมปากนุ่มสีอ่อนของน้องแบบไม่ให้ตั้งตัว อารามตกใจแปรเปลี่ยนไปตามความเคลิบเคลิ้ม กันต์ปล่อยให้พี่เขาจูบและซุกซบตามความพอใจ ไม่คิดแม้แต่จะขัดขืน






...





   
            แสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านรอยแยกของผ้าม่านช่วยปลุกให้คนที่กำลังหลับอยู่รู้สึกตัวขึ้น กันต์ขยับตัวยุกยิกอยู่บนเตียงก่อนจะลืมตาขึ้นแต่กลับพบว่าข้างกายนั้นว่างเปล่า คนเพิ่งตื่นขยับตัวขึ้นพิงหัวเตียงเพื่อเรียกสติ เมื่อวานกว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า ขนาดเผลอหลับกันไปแล้วพอโดนตัวกันเท่านั้นก็ตื่นมาสปาร์คกันอีกรอบ นึกแล้วก็ขำ
   
            
            “นั่งยิ้มอะไรครับ”
   

            “ไปไหนมาครับ” กันต์ส่ายหน้าพลางตอบคำถาม
   

            “จ็อกกิ้งมาครับแล้วก็สั่งรูมเซอร์วิสให้เราด้วย ลุกอาบน้ำไหวไหม” แทนคุณพาตัวเองมาหยุดข้างเตียงพลางยกมือลูบกลุ่มผมนุ่มของคนรักที่ชี้ไม่เป็นทรงจากการตื่นนอนให้เข้าที่
   

            “ไม่ไหวเลยครับ”
   

            “หนู” คนโตกว่ากดเสียงต่ำเมื่อน้องช้อนตามอง รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งกันแต่ถ้ายังอยากออกไปเที่ยวก็ต้องหยุดแกล้งก่อนที่จะเลยเถิด
   

            “ฮ่ะ ๆ พี่จะอาบก่อนไหมไปวิ่งมาเหงื่อเต็มเลย”
   

            “กันต์อาบก่อนดีกว่าเดี๋ยวเผื่อเขามาส่งอาหารพี่จะได้อยู่รับ” กันต์พยักหน้ารับก่อนจะพาร่างเหลวเป๋วของตัวเองจากเหตุการณ์เมื่อคืนเข้าห้องน้ำไป
   

            เมื่อจัดการอาหารเช้าเสร็จก็พอจะมีแรงออกไปเที่ยวต่อโดยเช้าวันที่สองนี้แทนคุณได้จ้างทัวร์เพื่อดำน้ำดูปะการัง ซึ่งดีที่ทั้งคูว่ายน้ำกันเป็นหลังจากที่ทางทัวร์ปล่อยให้นักท่องเที่ยวลงจากเรือเพื่อดำน้ำในบริเวณพื้นที่ที่จัดไว้ให้ก็ไม่รอช้า เราต่างจับมือแล้วพากันดำดูสิ่งสวยงามภายใต้ท้องทะเล
   

            กว่าจะกลับมาจากทัวร์ดำน้ำก็ค่อนบ่ายเข้าไปแล้ว รายการสุดท้ายของทัวร์นี้ได้พาไปทานอาหารทะเลร้านพื้นเมืองบนเกาะที่เราแวะดำน้ำ อาหารประจำชาติพื้นเมืองมีส่วนประกอบหลักเป็นปลาเนื่องจากเป็นประเทศมุสลิมซึ่งกันต์และแทนคุณไม่ได้มีปัญหาตรงนั้นอยู่แล้วจึงมีความสุขกับอาหารตรงหน้า แม้จะรสชาติต่างจากที่เคยกินมาบ้างแต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
   

            “อิ่มไหม เอาอีกหรือเปล่า” คนถูกถามส่ายหน้าหวือพลางลูบท้องที่ป่องออกมาเพราะความอิ่มเกิน ตั้งแต่คบกันมาเขาถูกพี่แทนขุนจนน้ำหนักขึ้นพรวด ถึงอย่างนั้นเพราะความเป็นคุณหมอในสายเลือดจึงพาเขาออกกำลังกายบ่อย ๆ
   

            ออกกำลังกายที่หมายถึงการออกกำลังกายจริง ๆ น่ะนะ
   

            “กันต์รออยู่นี่แป็บนึงนะ พี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” กันต์พยักหน้ารับมองตามจนแผ่นหลังกว้างหายไปด้านหลังของเพิงร้าน
   

            ร่างโปร่งในชุดดำน้ำที่มีเสื้อแขนสั้นตัวโคร่งสวมทับอีกทีนั่งเท้าคางเก็บบรรยากาศรอบข้างอย่างเพลิดเพลิน แรงสะกิดที่ต้นขาทำให้เขาต้องละสายตาจากทะเลมามองก่อนจะพบดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกำลังเงยหน้ามองเขาตาแป๋ว
   

            “ปี้ ปี้กนฉวย” กันต์ทำหน้าเลิ่กลั่กเมื่อเด็กตรงหน้าเรียกเขาด้วยสรรพนามแปลกหู แต่จะให้โกรธก็ทำไม่ลงเมื่อถูกรอยยิ้มหวานแอทแทคเข้าอย่างจัง
   

            “ลูกใครครับเนี่ย”
   

            “ยูก ยูกป๊ะป๋า”
   

            “หรอครับ แล้วป๊ะป๋าหนูอยู่ไหนเอ่ย”
   

            “ป๊ะป๋า ป๊ะป๋าอยู่ อยู่” ดวงตากลมกวาดมองไปรอบตัวก่อนจะสะบัดหน้าจนเส้นผมปิดหน้าปิดตาไปหมด กันต์มองหาผู้ปกครองแต่ก็ไม่พบจึงเริ่มใจคอไม่ดีแล้ว
   

            “ไม่ยู้”
   

            “แล้วหนูอยู่ที่ไหนได้ยังไงครับ”
เอาแล้วไงกับเด็กไม่กี่ขวบจะสื่อสารกันรู้เรื่องได้ยังไง ดูจากการแต่งกายเสื้อผ้าก็ไม่ได้ดูเหมือนเด็กเร่ร่อนเลยสักนิด เสื้อยืดและกางเกงขาสั้นดูสะอาดสะอ้าน กระเป๋าเป้ที่สะพายหลังก็ดูมีราคา ในระหว่างที่เด็กก็ยืนยิ้มหวานส่วนคนโตกว่าก็เริ่มหน้าเครียด ตัวช่วยอย่างแทนคุณก็เดินกลับมาที่โต๊ะพอดี
   

            “มีอะไรคนดี”
   

            “น้องคนนี้น่าจะหลงกับพ่อแม่อะพี่” ดวงตาเรียวสั่นระริกด้วยความสงสาร อาจเป็นเพราะตัวเองก็มีหลานเหมือนกันหากหลานตัวเองพลัดหลงกับผู้ปกครองไปเจอคนไม่ดีคงแย่เป็นแน่
   

            “ใจเย็น ๆ ก่อนนะกันต์” แทนคุณลูบหัวเด็กน้อยของตัวเองเพื่อปลอบโยนก่อนจะนั่งลงจนใบหน้าเสมอเท่ากับเด็กเล็กอีกคน
   

            “สวัสดีครับคนเก่ง หนูชื่ออะไรเอ่ยบอกอาได้ไหมครับ” เสียงทุ้มถูกปรับให้นุ่มลงและดูใจดีเหมาะกับคู่สนทนาเรียกให้เด็กที่ยืนมองคนรักของเขาหันกลับมามองได้
   

            “จื้อ จื้อ จิณณ์ อายุฉอง ฉองขวบคับ!” เด็กน้อยพูดตอบอย่างไม่กลัวคนแปลกหน้าแต่สิ่งเหล่านี้ย่อมเป็นดาบสองคมเสมอหากเด็กไม่ได้อยู่กับผู้ปกครอง
   

            “แล้วหนูมายังไงครับน้องจิณณ์”
   

            “ย้อง ย้องมากาบป๊ะป๋า”
   

            “พี่แทน กันต์ว่าไม่รอดหรอก พาไปแจ้งเจ้าหน้าที่ประกาศตามหาดีกว่า” แทนคุณพยักหน้าเห็นด้วยเพราะขนาดยืนคุยกันมาเป็นสิบนาทียังไม่วี่แววคนจะตามหาเด็กคนนี้ เราทั้งคู่ต่างกลัวว่าจะไม่ใช่แค่พลัดหลงน่ะสิ
   

            หลังจากแจ้งเจ้าหน้าที่บนเกาะให้ประสานงานกับเรือทุกลำที่เพิ่งเข้าเทียบและกลับออกไปจากเกาะ แต่จนทัวร์ของกันต์เรียกเพื่อกลับขึ้นเรือแล้วก็ยังไม่มีผู้ปกครองคนใดติดต่อมารับ และพวกเขาก็ต้องปล่อยให้เด็กอยู่กับเจ้าหน้าที่เพื่อเฝ้ารอ
   

            “ม่าย ฮึก ม่ายทิ้ง ฮึก ทิ้งจิณณ์ ฮึก” แต่เมื่อจะปล่อยมือกลับเป็นฝ่ามือเล็กที่ไม่ยอม เด็กน้อยเริ่มสะอึกสะอื้นทำเอาคนมองดูสะเทือนใจไปตามกัน กันต์มองคนรักอย่างต้องการความช่วยเหลือ จะให้บอกกันตามตรง เขาเองก็ถูกชะตากับเด็กคนนี้มาก แต่จะให้พาลูกเต้าใครเขากลับโรงแรมไปโดยพลการก็ไม่ใช่เรื่อง
   

            “เอาอย่างนี้ได้ไหมครับคุณตำรวจ พวกผมขอลงบันทึกประจำวันเอาไว้แล้วพาเด็กคนนี้กลับไปโรงแรมด้วยกัน หากมีผู้ปกครองมารับก็ให้ติดต่อมาที่ผม" ด้วยมาดที่ดูเป็นคนน่าเชื่อถือตามประสาคุณหมอทำให้ตำรวจยอมเพราะจนใจจะปลอบเด็กน้อยที่เกาะติดขาของคุณอาคนใหม่ไม่ปล่อย
   

            “ผมจะให้นามบัตรเอาไว้นะครับแล้วเดี๋ยวจะช่วยประกาศผ่านโซเชียล แต่ถ้าภายใน 24 ชั่วโมงไม่มีการแจ้งคนหายยังไงรบกวนโทรบอกผมทีนะครับ” โชคดีที่ภายในกระเป๋าสตางค์ยังมีนามบัตรอยู่จึงแลกกับเบอร์โทรศัพท์ของตำรวจที่มาช่วยรับเรื่องและประสานงาน
   

            หลังจากเคลียร์จบกันต์ก็อุ้มน้องเอาไว้ที่กอดคอไม่ยอมปล่อย แก้มกลมซบอยู่บนไหล่แคบชองคุณอาคนใหม่ด้วยความเซื่องซึม ทั้งคู่พากันกลับมาที่เรือและเอ่ยขอโทษแขกคนอื่นที่ทำให้เสียเวลา บนตักของกันต์มีเด็กที่เพิ่งเจอหน้ากันไม่ถึงชั่วโมงเกาะติดไม่ห่างกาย
   

            “เอ ... พอมาเห็นใกล้ ๆ ก็เหมือนจะเห็นแวบ ๆ นะคะน้อง” อยู่ ๆ เสียงแขกร่วมทัวร์คนนึงก็เอ่ยขึ้น ทำให้เขาและทุกสายตาหันไปมองด้วยความหวัง
   

            “พี่เห็นน้องเขามากับผู้ชายตัวสูงใหญ่ท่าทางจะเป็นพ่อ พาน้องมานั่งโต๊ะข้างหลังพี่นี่เอง เห็นคุยอะไรกับเด็กนี่แหละแล้วเดินออกไป แต่พี่ก็ไม่ได้สนใจต่อเพราะคิดว่าพ่อเด็กคงเดินไปสั่งอาหารหรือไม่ก็เข้าห้องน้ำเลยกินเสร็จก็ลุกออกไปเล่นน้ำต่อเลยค่ะ”
   

            “บนเกาะมีกล้องวงจรปิดไหมครับคุณ”
   

            “ตอนสอบถามกับเจ้าหน้าที่เขาบอกไม่มีครับ เกาะนี้ปั่นไฟกันเป็นช่วงเลยไม่ได้ติดกล้องเอาไว้” แทนคุณเป็นคนตอบ
   

            “พี่พอจะจำลักษณะของผู้ชายคนนั้นได้ไหมครับ” กันต์ถามต่อ
   

            “ตัวสูงใหญ่ เสื้อกับกางเกงรู้สึกจะสีดำ เขาเหมือนจะใส่หมวกด้วยนะพี่เลยมองหน้าเขาไม่ชัด”
   

            “พี่แทนลองติดต่อเจ้าหน้าที่ให้เช็คกล้องจากบนฝั่งได้ไหมครับ”
   

            หลังจากถึงฝั่งแทนคุณก็รีบติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนจะสองเด็กต่างช่วงวัยไปพักที่วิลล่า ซึ่งเด็กเล็กก็ตามติดกันต์ไม่ยอมห่าง ทำเอาแทนคุณไม่รู้จะขำหรือหัวเสียดีที่ทริปสองคนกลายเป็นสามคนกะทันหัน แต่ผ่านมาหลายชั่วโมงจนกระทั่งฟ้ามืดหมดแล้วก็ยังไม่มีใครติดต่อกลับมา
   

            “เอายังไงดีพี่แทน”
   

            “ก็ต้องส่งน้องไว้กับเจ้าหน้าที่แหละให้เขาดำเนินการต่อ เราทำเต็มที่แล้วคนดี” แม้ใจจะไม่ยอมรับแต่ก็ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ แม้ส่วนลึกเขาอยากจะรับอุปการะทว่าตัวเขาเองก็ยังเรียนไม่จบ ยังดูแลชีวิตตัวเองไม่ได้แล้วจะเอาอะไรไปดูแลชีวิตคนอื่น
   

            นัยนต์หวานสลดลงด้วยความสะเทือนใจ คงต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่จัดการต่อซึ่งแน่นอนว่าน้องคงต้องเข้าไปอยู่ภายใต้การดูแลของสถานรับเลี้ยงเด็กจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะหรือจะมีคนมาอุปการะ





...





   
            วันสุดท้ายของการพักผ่อนครั้งแรกของเราทั้งคู่จบลงที่การเอนตัวนอนดูน้ำทะเลสวยที่ระเบียงห้องพักเท่านั้น กันต์เกลือกกลิ้งใบหน้าลงบนแผ่นอกของคนรักก่อนจะทิ้งหัวซบลงบนตำแหน่งตัวเลขนิ่งเงียบเพื่อฟังเสียงจังหวะหัวใจคลอเคล้ากับเสียงคลื่นเป็นการขับกล่อม
   

            “ชอบไหม”
   

            “ชอบครับ ชอบทุกอย่างเลย ขอบคุณนะพี่แทนที่พากันต์มา” คนบนอกเงยหน้าจ้องเบาะนอนส่วนตัวตาแป๋ว
แทนคุณยิ้มบางกับรอยยิ้มน่ารักของน้อง เขามองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นก็พบแต่ความสดใสที่แตกต่างกับตอนที่เราเจอกัน ไม่อยากจะอวยตัวเองเท่าไหร่แต่จะถือว่าเป็นเพราะเขาที่ทำให้น้องดูมีชีวิตชีวาขึ้นแล้วกัน


            “พรุ่งนี้ก็กลับแล้วอ่า ไม่อยากกลับเลย”


            “ไว้วันหลังค่อยมาด้วยกันใหม่นะ” เรียวนิ้วยาวเกี่ยวเส้นผมเล็กเล่นจนเพลินมือ แทนคุณก้มลงหอมหัวด้วยเอ็นดูแต่ก็ไม่ใช่แค่น้องคนเดียวที่ไม่อยากกลับ เขาเองก็เช่นกัน ตั้งแต่เรียนหมอมาจนทำงานเรียกว่าแทบไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยก็ว่าได้


            “กันต์”


            “?”


            “เบื่อไหมที่ต้องอยู่กับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาแบบพี่”


            คนโตกว่าตัดสินใจถามในสิ่งที่ค้างคาใจ แม้เขาจะอยู่โรงพยาบาลเอกชนและเป็นหมอที่ต้องมีคิวนัด มีการเข้า-ออกเป็นเวลา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเคสด่วนอีกทั้งหากตัวยังอยู่โรงพยาบาลก็ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะคอยตอบข้อความได้ตลอด เพราะน้องยังเด็กเขาจึงกังวลว่าน้องอาจจะอยากได้คนที่คอยอยู่ดูแล คอยไปไหนมาไหนด้วยกัน ตอบข้อความได้ตลอดอะไรแบบนั้นตามประสาวัยรุ่น
   

            “ไม่เลย ไม่เลยจริง ๆ นะ อย่ากังวลเลยครับ พี่มาหากันต์ไม่ได้เดี๋ยวกันต์ก็ไปหาพี่เองเหมือนทุกครั้งน่ะแหละ” และเขาก็ไม่เคยผิดหวังกับคนของชีวิตเลยสักครั้งเดียว เพราะนอกจากจะได้คำตอบที่ทำให้อุ่นไปทั้งใจแล้วยังมีรอยยิ้มที่ช่วยปลอบประโลม
   

            ตั้งแต่เกิดเรื่องก็ต้องยอมรับว่ากลายเป็นคนขี้กังวลไปทุกสิ่งจนบางครั้งก็ยิบย่อยจนรำคาญตัวเอง แต่ก็นั่นแหละนะเพราะว่ารักมากจึงคิดมาก อยากรักษาและถนอมความรักของคู่เราให้อยู่ด้วยกันเป็นอย่างดีไปอีกนาน
   

ครืด ครืด ครืด
   


            “เดี๋ยวพี่ขอคุยงานแป็บนึงนะ หนูนอนเล่นไปก่อน” แทนคุณหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะขอตัวเดินกลับเข้าห้องไปรับสาย กันต์พยักหน้ารับอย่างว่าง่ายแล้วหยิบเครื่องมือสื่อสารของตัวเองขึ้นมาบ้างเพื่อเก็บภาพบรรยากาศเอาไปอวดเพื่อนสนิท
   

            แทนคุณหายเข้าไปในห้องสักพักก่อนจะออกมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งทว่าหากมองให้ดีก็จะพบแววตาที่เปล่งประกายคล้ายกับว่ามีเรื่องอะไรให้น่ายินดี
   

            “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
   

            “เปล่าครับ หิวหรือยัง ไปหาอะไรกินกันดีกว่าจะได้กลับมาเตรียมเก็บของ” กันต์ลุกขึ้นตามแรงฉุดดึงเดินออกจากที่พักไปเอาจักรยานที่เช่าไว้แล้วพากันไปร้านอาหารเล็ก ๆ แต่รสชาติไม่เบาเลย เป็นร้านที่เมื่อวานเขาและพี่แทนเจอโดยบังเอิญหลังกลับมาจากเที่ยว
   

            “แล้วนี่กลับไปพี่ต้องทำงานเลยหรือเปล่า”
   

            “วันหยุดเหลืออีกวันนึงครับ”
   

            “ดีแล้ว จะได้ไม่เหนื่อย”


            ตกกลางคืนเราทั้งคู่ก็มาช่วยกันนั่งเก็บกระเป๋าสำหรับการเดินทางกลับในเช้าวันพรุ่งนี้ ใบหน้าน่ารักมุ่ยลงอย่างนึกอยากงอแงที่จะต้องกลับไปเรียน  แก้มพองจนคนมองมันเขี้ยวเลยคว้าคอน้องเข้าไปรัดแล้วฟัดจนได้ยินเสียงหัวเราะใสลั่นห้อง


            “ฮะ ๆ พ พี่ อื้อออ แก้มกันต์ช้ำแล้ว ฮะ ๆ” แทนคุณมองน้องที่ดิ้นหนีล้มตัวนอนอยู่บนพื้นกำลังอ้าปากเล็ก ๆ ออกเพื่อกอบโกยอากาศด้วยแววตาพราวระยับ กันต์ที่เห็นสายตาคนพี่ก็หลุดขำก่อนจะยกแขนชูขึ้นพร้อมกับร่างกายใหญ่โตจะโถมทับเข้ามากอด และจากเสียงหัวเราะก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงครวญคราง


            “หนู ... เราลองกันตรงบันไดไหม” ในระหว่างที่กำลังร่างกายสอดประสาน คนพี่ก็ดันนึกพิเรนท์อยากจะพาผาดโผนเสียอย่างนั้น บันไดที่ว่าคือบันไดตรงระเบียงห้องที่ทำหย่อนลงไปในทะเล


            “อ๊ะ พี่จะบ้าหรอ”


            “งั้นตรงระเบียงก็ได้” แทนคุณไม่รอฟังคำตอบเขาอุ้มน้องขึ้นมาโดยที่ร่างกายยังไม่แยกออกจากกันพร้อมกับฉวยผ้าขนหนูผืนใหญ่ของทางโรงแรมวางไว้ให้ไปด้วย


            แทนคุณหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ยาวที่ปรับการเอนได้ จังหวะที่นั่งทำให้กันต์เงยหน้าสูดปากอย่างอดกลั้นเพราะเจอแรงกระแทกเข้าไปอย่างไม่ทันตั้งตัว คนคิดพิเรนท์จับร่างบางให้นอนตะแคงหันหลังจนแผ่นหลังแนบชิดอกของตัวเอง ก่อนจะจับส่วนกายขยับเข้าไปในตัวน้องอีกครั้งโดยมีผ้าขนหนูปิดทับกันสายตาและสายลมที่หนาวเย็น


            “อ๊ะ”


            “ชู่ว หนูอย่ารัดพี่แรง”


            “อื้อ”


            กว่าคลื่นอารมณ์จะสงบก็ทำเอาเราทั้งคู่ตัวเย็นเฉียบ แทนคุณอุ้มน้องกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับช่วยเช็ดตัวจนอีกฝ่ายนอนหลับสบายก็ไปจัดการตัวเองแล้วกลับมานอนกอดน้องหลับไปพร้อมกัน


            “ฝันดีนะคนดี”


            แทนคุณได้แต่หวังว่าเมื่อกลับไปถึงบ้านแล้วทุกอย่างที่เขาเตรียมเอาไว้จะเรียบร้อยเป็นอย่างดีและคงจะไม่มีอะไรผิดแผน เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็อยากให้น้องประทับใจที่สุด
            แล้วผมจะไปหาเจอได้อีกทีไหน ทำไมเกิดมาทีต้องเหนื่อยขนาดนี้วะเนี่ย ...







To be continued.
_____________________________________

TALK : หาไปนานมากกกกก ขอโทษด้วยค้าบ
อีกไม่เกิน 2 ตอนจบจ้า ฝากด้วยนะคะ

ส่วนที่เคยแจ้งเรื่องการตีพิมพ์
ตอนนี้เราประสบปัญหาการติดต่อสื่อสารกับสำนักพิมพ์
ยังไม่รู้จะยังไงต่อ เดี๋ยวถ้ามีอะไรคืบหน้าจะมาแจ้งอีกทีนะคะ



#ครึ่งชีวิตของผม





หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!CHAPTER 21 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 17-01-2020 01:04:51
วางแผนจะทำอะไรน่ะะะะะะะะะะะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!CHAPTER 21 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-01-2020 09:31:02
พี่แทนจะเซอร์ไพรส์อะไรน้อง
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!CHAPTER 22 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 25-02-2020 14:38:09
CHAPTER 22

I’m thinking ’bout how people fall in love in mysterious ways
Maybe just the touch of a hand









            คนที่ยังคิดถึงการเที่ยวที่ผ่านมาอยู่ยังคงนั่งซบไหล่คนรักด้วยท่าทางซึม ๆ ชวนให้แทนคุณอดเอ็นดูแฟนเด็กของตัวเองไม่ได้ ไม่ใช่สิ ... อีกไม่นานจะไม่ใช่แฟนแล้ว เพียงแค่คิดเขาก็อารมณ์ดีขึ้นมาเป็นกอง หวังแต่ว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยอย่างใจนึก
   
            รถยนต์โดยสารที่เช่ามาส่งถึงหน้าบ้านซึ่งภายในเงียบสงัดราวกับไม่มีคนอยู่ชวนให้แปลกใจไม่น้อย ปกติแล้วแม่ไม่ค่อยได้ไปไหนมักจะอยู่บ้านเสมอ เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันพลางชะเง้อคอมองเข้าไปในบ้านแต่ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร
   
            “ทำไมบ้านเงียบจัง แม่ไปไหน”
   
            แต่ในจังหวะที่กันต์จะก้าวเข้าไปในตัวบ้านของตัวเองพลันโลกในครรลองสายตาก็มืดลงพาลให้ทั้งร่างสะดุ้งสั่นด้วยความตกใจ แต่เพราะกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่คุ้นเคยและไออุ่นที่ยังแนบชิดอยู่กับแผ่นหลังของตนจึงค่อย ๆ คลายความกังวลลง
   
            “เล่นอะไรเนี่ยพี่”
   
            “เซอร์ไพรส์ไงคนเก่ง”
   
            “แกล้งกันต์อีกแล้ว อย่าบอกนะว่าที่บ้านเงียบแบบนี้ก็แผนพี่?”
กันต์ที่ถูกปิดตาพยายามหมุนตัวหันกลับไปหาคนด้านหลัง แต่ไหล่เล็กก็ถูกจับเอาไว้แน่นด้วยฝีมือของคนรัก เสียงหัวเราะทุ้มดังอยู่ข้างหูชวนให้นึกหมันไส้ แทนคุณในวันนี้ไม่ได้ต่างจากแทนคุณในวันแรกที่รู้จักกันเลย ขี้แกล้งอย่างไรก็ยังขี้แกล้งอยู่เช่นนั้น

            “ไปครับ ค่อย ๆ เดินนะ” คนโดนเซอร์ไพรส์ถูกดันให้เข้าไปในตัวบ้าน เขาพยายามเงี่ยหูฟังเสียงรอบกายแต่ก็ไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงหายใจของตนเองและคนด้านหลัง 
   
            “เปิดตาได้ยัง” กันต์ลากเสียงยาว เป็นธรรมดาที่เมื่อคนเรามองไม่เห็นมักจะมีความคิดน่ากลัวขึ้นมาในหัว ประกอบกับความอบอุ่นที่เคยแนบชิดกับแผ่นหลังหายไปยิ่งทำให้เรียวคิ้วขมวดมุ่น ร่างกายหมุนเคว้งคว้างไปมาอย่างทำอะไรไม่ถูก แต่ก่อนที่จะตัดสินใจคลายผ้าผูกตาออกนั้นเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น
   
            “เปิดตานะครับคนดี”


            สิ้นเสียงนั้นผ้าก็คลายออกจากการบดบังทัศนวิสัย กันต์ขยับพริบตาถี่เพื่อปรับสภาพสายตาแล้วพบว่าตรงหน้าที่เคยเป็นห้องนั่งเล่นธรรมดา ในตอนนี้กลับประดับประดาไปด้วยดอกไม้พันธุ์ที่เขาชอบ อีกทั้งระหว่างผนังฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่งก็ระโยงรยางค์ไปด้วยสายเชือกที่ห้อยรูปเราทั้งคู่เอาไว้
   
            “คะ คือ” กันต์พูดไม่ออก ความรู้สึกดี ๆ ตีตื้นขึ้นเต็มอกถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเหตุใดพี่เขาถึงมาจัดเซอร์ไพรส์ ไม่ใช่วันเกิดใคร วันครบรอบอะไรยิ่งไม่ใช่เข้าไปใหญ่ หรือมีโอกาสพิเศษอะไรที่เขาไม่รู้หรือเปล่า
   
            ทว่าในตอนที่กันต์หันกายกลับไปหาคนรักก็พบว่าร่างสูงใหญ่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเรียบร้อยแล้ว ดวงตาคมช้อนมองเขาด้วยความหวานซึ้งแบบที่ชวนให้แก้มทั้งสองร้อน ใจเต้นตึกตักราวกับวันแรกที่พบกัน รอยยิ้มอบอุ่นที่ประดับอยู่บนไปหน้าชวนให้ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างขวยเขิน
   
            “ทำอะไรครับเนี่ย” ถามออกไปแต่ดวงตากลับหลุกหลิกไม่ยอมสบตาคนตรงหน้า
   
            แทนคุณตอบคำถามด้วยการกระทำ ฝ่ามือที่ทิ้งอยู่ข้างกายยกขึ้นมาก่อนจะแบนออกเพื่อให้เห็นของที่อยู่ในนั้น กล่องสีดำกำมะหยี่บรรจุแหวนสีเงินเกลี้ยงเกลาสองวงต่างไซส์ ทันทีที่เห็นกันต์ก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ เขาเข้าใจแล้วว่าคนรักกำลังจะทำอะไร แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือทำไมถึงเป็นตอนนี้ ในหัวคิดสาระตะไปหมดจับต้นสายปลายเหตุไม่ถูก
   
            “พี่รู้ว่ามันเร็วไป และหนูก็ยังเรียนไม่จบ แต่วันนี้หนูยอมเป็นคู่หมั้นให้พี่ก่อนได้ไหมครับ เมื่อเรียนจบแล้วค่อยเป็นเจ้าบ่าว*ให้พี่”  ม่านน้ำตากำลังเอ่อคลอบดบังภาพตรงหน้า กันต์พยายามเช็ดออกเพราะอยากมองหน้าคนรักและภาพเหตุการณ์ตรงหน้าให้ชัดเจน แต่เหมือนยิ่งเช็ดกลับยิ่งไหลมากขึ้นทุกที
   
            “กะ กันต์ ฮึก กันต์เป็น ฮึก พี่แทน ฮือ” กันต์ที่มักเข้มแข็งเสมอ ไม่ค่อยแสดงด้านอ่อนแอให้ใครได้เห็น ในวันนี้กลับร้องไห้โยเยจนหน้าแดงต่อหน้าคนรัก แทนคุณสวมแหวนให้น้องแล้วผุดลุกขึ้นรับกายบางเข้ามาในอ้อมอกแล้วกกกอดไว้แน่นหนาพลางกดจูบลงบนหน้าผากเบา ๆ ด้วยความทะนุถนอม
   
            นานอยู่หลายนาทีกว่าคนขี้แยจะหยุดร้องไห้ จากที่ยืนกอดกันอยู่กลางบ้านก็ย้ายมานั่งพะเน้าพะนอที่โซฟา แทนคุณไม่ยอมปล่อยให้น้องห่างตัวแม้จะหยุดร้องแล้วก็ตามส่วนกันต์เองก็ไม่คิดจะลงจากตักผละจากอกอุ่นไปไหน
   
            “หนู”
   
            “หือ”
   
            “ใส่แหวนให้พี่หน่อยครับ” กันต์หลุดหัวเราะกับตัวเองเพราะมัวแต่งอแงเลยลืมแต่จะสวมแหวนคืนให้คนรัก เขารับมาก่อนจะบรรจงสวมลงบนเรียวยาวพร้อมกับกดจูบลงบนหลังมือนั้น สัมผัสแผ่วเบาแต่อุ่นวาบกระทบไปทั่วหัวใจ น้องน่ารักขนาดนี้แล้วคนอย่างแทนคุณจะไปไหนรอด
   
            ที่เขาบอกกันว่า คู่ชีวิตเมื่อพบแล้วอาจไม่ได้รักกันและเข้ากันได้ดีอย่างที่วาดหวัง เกือบครึ่งต่อครึ่งที่ต้องเจอความไม่สมหวัง จนต้องกล้ำกลืนฝืนทนอยู่ด้วยกันไปวัน ๆ เพื่อรักษาตัวรอด ไม่ก็เข้าระบบการรักษา แต่มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นคู่ของเขากับน้องอย่างแน่นอน ความรู้สึกในวันแรกที่รู้ว่าอีกครึ่งของตนเองเป็นใครจวบจนถึงวันนี้ก็ไม่ได้ลดลงเลย ไม่ว่าวันนั้น วันนี้หรือวันไหน อีกครึ่งชีวิตของแทนคุณก็คือกันต์เสมอ
   
            “เราจะรักกันตลอดไปไหมพี่แทน”

            อยู่ ๆ กันต์ก็เผลอคิดไปว่าหากวันหนึ่งไม่มีพี่แทนคุณแล้วจะเป็นอย่างไร ในวันนี้แม้เราจะมั่นใจในความรักของเราดีแต่ก็ใช่ว่าในอนาคตจะราบรื่นเสมอไป กันต์ก็เป็นเพียงคน ๆ หนึ่งที่เคยมีบาดแผลเรื่องความรักมาไม่น้อย แม้อาจจะเทียบกับสิ่งที่พี่เขาเจอมาไม่ได้ แต่กันต์ก็ไม่ใช่คนเข้มแข็งมากขนาดนั้น หากว่าวันหนึ่งความรักเกิดหมดหวานก็ไม่รู้ตัวเองจะทำใจได้อย่างไร

            เพียงแค่ได้ยินคำถามแทนคุณก็หน้าดุขึ้นทันควันแต่เขาก็เข้าใจในอดีตของน้องเข่นกัน ฝ่ามือใหญ่จึงขยับลูบแผ่นหลังบางไปมาคล้ายกับกำลังกล่อมเด็ก ก้มจนริมฝีผากชิดกับขมับของน้องก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำตอบที่มันฉายชัดขึ้นมาในใจอย่างที่ไม่ต้องคิดให้มากความ

            “หากว่าตลอดไปเท่ากับลมหายใจ ก็จนกว่าจะหมดลมหายใจของพี่นั่นแหละ”




...





   
            วันเวลาผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว อีกแค่เทอมเดียวกันต์ก็จะสำเร็จการศึกษาแล้ว อดใจหายไม่ได้ว่าต่อไปต้องเติบโตด้วยขาของตัวเอง กลายเป็นผู้ใหญ่ในสังคม ไหนจะงานที่จะใช้หาเลี้ยงชีพอีก ช่วงนี้หลังจากที่โปรเจ็คไปได้เกินครึ่งทางคาดว่าน่าจะจบแน่ ๆ ก็เริ่มร่อนไปสมัครงานไปตามบริษัทต่าง ๆ เอาไว้บ้างแล้ว
   
            ด้วยนิสัยของกันต์เองแม้จะอยากพักอย่างที่ใจนึกทว่ากลัวตัวเองจะไฟมอดไปเสียก่อนเลยคิดว่าสมัครเอาไว้ก็ไม่เสียหายอะไร ซึ่งทางครอบครัวหรือแม้แต่ตัวพี่แทนคุณเองก็ไม่ได้ห้ามอะไร มีเพียงแต่ชี้แนะแนวทางชีวิตการทำงานให้เท่านั้น

            กันต์ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเครียดเลยจนกระทั่งถูกทัก
   
            “หนู”
   
            “ครับ”
   
            อ้อมกอดอุ่นจากด้านหลังทำให้คนนั่งหน้าเคร่งอยู่กับคอมพิวเตอร์ชะงักและผ่อนคลายลงไปหลายส่วนอย่างไม่รู้ตัว แทนคุณรับเอากายเล็กเข้ามาก่อนจะกดจูบลงบนกลุ่มผมนุ่มอย่างนึกเป็นห่วง พักหลังนอกจากโปรเจ็คจบแล้วเขาก็เห็นว่าน้องค่อนข้างเครียดกับอนาคตข้างหน้าอยู่ไม่น้อย
   
            แต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไรเพราะเขาเข้าใจว่าหลังจากเรียนจบแล้ว อนาคตต่อไปนี้เราต้องเลือกเดินและลองผิดลองถูกด้วยตนเอง ก็อาจทำให้เคว้งคว้างเป็นธรรมดา
   
            “หน้าเครียดแล้วกระต่ายตัวนี้ งานไม่ทันหรอหืม” ริมฝีปากคลอเคลียอยู่ข้างขมับไม่ห่างเพราะอยากดึงความสนใจของน้องมาที่ตนเองชั่วครู่
   
            “ทันอยู่ครับ งานกันต์ยังไปตามแพลนอยู่”
   
            “ออกไปกินข้าวกันครับ พี่โทรจองร้านนั้นไว้แล้ว สนไหม” แทนคุณกำลังหมายถึงร้านอาหารทะเลที่เราเคยไปกินด้วยกันครั้งแรก สารภาพว่าหลังจากคบกันจริงจังน้องก็มาถามว่าทำไมเดทแรกถึงพาไปร้านนี้ เขาเองก็ได้แต่ตอบไปตามความจริงอย่างที่คิด
   
            อย่างที่เคยมีคนบอกว่าถ้าเรารู้ว่าอะไรอร่อย เราก็อยากให้คนที่รักได้ชิม
   
            “เย้! ไม่ได้ไปนานมากกกกกก” กระต่ายตัวจ้อยหวีดเสียงดังที่จะได้ไปร้านดังกล่าวเพราะตั้งแต่ครั้งแรกวันนั้นก็ไม่ได้ไปกินอีกเลย คนตัวบางที่เริ่มไม่บางขึ้นทุกทีวิ่งเข้าห้องไปเปลี่ยนชุดที่ขนเอามาไว้บ้านคนรักจนไม่ต่างกับตู้เสื้อผ้าบ้านตัวเอง
   
            แทนคุณกวาดตามองรอบบริเวณบ้านของตนเองที่ก่อนหน้านี้ก็ห่างหายไปนานหลายปี เคยคิดว่าวันหนึ่งถ้าย้ายกลับมาคงไม่สบายใจเท่าแยกตัวไปอยู่คอนโด แต่ความจริงแล้วกลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองโหยหาความอบอุ่น ความสบายใจจากครอบครัวขนาดไหน คิดถึงบ้าน คิดถึงคนที่บ้านขนาดไหน
   
            วันไหนทำงานมาเหนื่อย ๆ ก็เดินไปอ้อนพ่อกับแม่ได้ วันไหนคิดถึงก็เดินข้ามรั้วไปหาได้อย่างง่ายดาย และที่สำคัญคือเขาคิดถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับแทนรักมากกว่าที่คิด เราเคยสนิทกันมากขนาดไหน ความทรงจำที่ฉายชัดเมื่อเข้ามาอยู่ในบ้านนั้นตอกย้ำได้ดี และยิ่งในวันนี้ที่เขามีคนของตัวเองเพิ่มเข้ามายิ่งทำให้บ้านหลังเล็ก ๆ อบอวลไปด้วยความทรงจำที่เรียกว่าความรักอัดแน่นไปทุกตารางนิ้ว
   
            กายใหญ่เอนหลังพิงกับพนักโซฟาและเมื่อมองไปยังรูปครอบครัวที่เราเพิ่งถ่ายกันไปก่อนแทนรักเดินทางโดยมีสมาชิกใหม่อย่างกันต์เข้าร่วมเฟรม ราวกับว่าความเว้าแหว่งภายในใจได้ถูกเติมจนเต็ม ความรู้สึกที่เคยไร้ค่าเหมือนได้รับการเยียวยา
   
            “พี่จ๋าไปกัน!” เสียงใสเอ่ยอย่างร่าเริงในขณะที่วิ่งลงบันไดมาหา แทนคุณยิ้มก่อนจะรับเอาตัวน้องเข้ามาโอบแล้วพากันเดินออกไป
   
            สิ่งหนึ่งที่แทนคุณหมายมั่นไว้ในใจหลังจากแทนรักกลับมานั่นก็คือให้มันไปต่อเติมขยายบ้าน เพราะเขาจะยึดส่วนของบ้านหลังนี้ไว้เป็นเรือนหอของเขาและน้องเอง!



(ต่อ)
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!CHAPTER 21 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 25-02-2020 14:39:08





...
   




            “จบซักทีโว้ยยย” เสียงเพื่อนร่วมสาขาดังขึ้นหลังจากปิดการพรีเซนท์โปรเจ็คครั้งสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อย แม้มันจะมีช่วงเวลาที่ดีบ้างร้ายบ้างแต่ต้องยอมรับเลยว่าวินาทีที่โปรเจ็คผ่านมาจนถึงวันนี้ได้มันก็โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก และจะไม่พูดถึงเกรดที่ได้รับเพราะทุกครั้งที่พรีเซนท์ส่วนมากจะรู้ตัวเองดีอยู่แล้วว่าจะได้เกรดอะไรกัน
   
            แต่ ณ เวลานี้ไม่มีใครจะคิดถึงจุดนั้น เพราะเรียนจบแล้วก็ต้องฉลองซิ!!
   
            “เราไปไหนกันดีวะมึง” ดิมเดินกอดคอเพื่อนตัวเองลงมาจากตึก ขนาดวันเรียนจบจะไปฉลองยังอยู่กันสองคนเลย
   
            “เฮ้ย ไอ้ดิม ไอ้กันต์ เย็นนี้ไปด้วยกันเปล่าพวกมึง”
   
            “เออ ไปด้วยกันดิ ไม่ค่อยได้ไปไหนกับพวกมึงเลย”
   
            เสียงเพื่อนที่เคยทำงานกลุ่มร่วมกันหลายครั้งตะโกนเรียกเพื่อชักชวน ทำเอาสองเพื่อนซี้หันมองหน้ากันแล้วปรึกษาผ่านสายตา ก่อนที่จะเป็นดิมหันไปพยักหน้าตกลง
   
            “ดีมาก! งั้นเจอกันที่ xxx สองทุ่มนะมึง พวกกูจองโต๊ะไว้แล้วเดี๋ยวได้ตรงไหนจะโทรบอก” กันต์และดิมทำมือสัญลักษณ์โอเคแล้วขอตัวแยกออกมาก่อน
   
            “ไปกินข้าวกันก่อนปะมึง” เรื่องปากท้องสำคัญกว่าเสมอ กันต์หันไปถามเพื่อนตัวเอง
   
            “เออไปดิ แล้วเย็นนี้มึงจะไปไง ให้กูไปรับไหม” คนถูกถามโคลงหัวเป็นการตอบรับ
   
            ระหว่างรอข้าวกันต์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาคนรัก เพื่อเล่าถึงการพรีเซนท์ครั้งสุดท้ายรวมทั้งบอกเรื่องที่จะออกไปกับเพื่อนคืนนี้ ซึ่งแน่นอนว่ามีคนงอแงเพราะความเป็นห่วงด้วยตลอดเวลาที่ผ่านมากันต์แทบจะไม่ออกไปเที่ยวกลางคืนกับกลุ่มเพื่อนเลยด้วยซ้ำ หากไม่นับรวมดิมกับจาริณมาชวนหรือเลี้ยงสายรหัสที่นานทีจะมีครั้ง แทนคุณจึงอดเป็นห่วงน้องไม่ได้
   
            “ฮัลโหล ว่าไงครับคุณหมอ”
   
            ( ให้พี่ไปส่งไม่ได้เหรอ )
   
            “กันต์อยากให้พี่นอนพักมากกว่า พี่ทำงานมาทั้งวันแล้ว”
   
            ( เฮ้อ ก็ได้ครับ แต่ขากลับพี่ไปรับนะ )
   
            “โอเคครับ ๆ” กันต์รู้ว่าถ้าไม่ยอมอีก คุณหมอแทนคุณของทุกคนจะต้องงอแงแน่ ๆ หลังจากตกลงกันได้ก็คุยเรื่อยเปื่อยต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายไปทำงาน
   
            “ดีใช่ปะวะ” จู่ ๆ ดิมก็พูดขึ้นมา กันต์ชะงักตัวไปเล็กน้อยก่อนจะเข้าใจว่าเพื่อนกำลังพูดถึงเรื่องไหนจึงพยักหน้าเป็นการตอบรับพลางวาดรอยยิ้มเต็มแก้ม
   
            “ดีมาก แบบมาก ๆ”
   
            “เออ ดีก็ดีแล้ว”

            ดิมกำลังพูดถึงชีวิตรักของเพื่อนตัวเองเพราะเขาเป็นคนเดียวที่รับรู้เรื่องราวในชีวิตของกันต์มาตลอด ไม่ว่าจะเจ็บปวดหรือมีความสุข แล้วยังเป็นคนที่เห็นคู่นี้ตั้งแต่เริ่มต้น จับมือพากันผ่านเรื่องราวมากมายที่เข้ามาเป็นบททดสอบจนถึงวันนี้ที่บนนิ้วมือของเพื่อนเขามีคนนำแหวนมาจับจอง ภายในระยะปีกว่า ๆ ก็มีเรื่องราวเข้ามาให้ชีวิตได้เรียนรู้มากมาย

            “แล้วจะแต่งกันเมื่อไหร่”

            “ไม่รู้ว่ะ เห็นพี่เขาบอกรอกูเรียนจบ จริง ๆ กูอยากทำงานก่อนค่อยแต่ง แต่ก็นั่นแหละแล้วแต่ผู้ใหญ่” มองพูดเรื่องนี้แล้วก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตคู่ การแต่งงานอะไรแบบนั้นจะได้ทำมันเร็วในอายุเท่านี้

            “เออ แต่ง ๆ ไปเหอะ พี่แทนเขาอยากอยู่กับมึงจะแย่”

            “แต่กูแอบเป็นห่วงพ่อกับแม่อะ ไม่อยากให้อยู่กันสองคนในบ้านเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะไม่มีคนรู้” นี่เป็นอีกเหตุผลนึงที่กันต์ยังคิดไม่ตก เพราะรู้ดีว่าถ้าแต่งงานกันไปแล้วพี่แทนจะต้องอยากใช้บ้านเล็กหลังนั้นเป็นเรือนหอแน่ ๆ

            “มึงลองคุยกับพี่แทนกับพี่ชายมึงก่อนไหม มันต้องมีทางออกแหละ” คนขี้กังวลพยักเพยิดหน้าเห็นด้วยอย่างเสียไม่ได้

            “เดี๋ยวทุ่มนึงกูมารับ” ดิมบอกเพื่อนหลังจากขับมาส่งที่ป้ายรถบัสไม่ไกลจากที่เรียน นัดแนะกันเสร็จเรียบร้อยจึงแยกย้ายไปพักผ่อน

            กันต์เดินลากเท้าเข้าซอยจนมาถึงบ้านแล้วเห็นรถของพี่ชายจอดอยู่เลยรีบวิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว คิดถึงหลานจะแย่ เมื่อมาถึงเสียงใสก็เรียกหลานดังลั่นบ้านจนถูกผู้เป็นแม่เอ็ด

            “น้องกานนนนนนต์”

            “เจ้ากันต์!”

            “แหะ ก็กันต์คิดถึงหลาน ไหนมาให้อากอดหน่อยครับ” กันต์เข้าไปอุ้มหลานที่ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดใส่อาตัวเองอย่างร่าเริง สองหนุ่มเล่นกันเพลินจนเด็กน้อยเพลียหมดแรงหลับคอพับคออ่อนบนอกอาตัวเอง

            “ทำไมวันนี้มาได้ล่ะพี่”

            “มาหาเรานั่นแหละ”

            “มาหา? มาหาทำไมอะ มีอะไรกันเหรอ” กันต์มองหน้าพี่ชายสลับกับพ่อแม่แล้วรู้สึกว่าวันนี้ที่มารวมตัวกันได้จะต้องมีเรื่องอะไรอย่างแน่นอน

            “กันต์ลูก”

            “ครับแม่”

            “เรียนจบแล้วเนอะ”

            “ครับ”

            “คิดเรื่องแต่งงานไว้บ้างหรือยัง”

            “ก็นิดหน่อยอ่าแม่ แต่ว่ามันยังมีเรื่องทำให้กันต์ยังตัดสินใจไม่ได้”

            “ถ้าเป็นเรื่องของพ่อกับแม่ ไม่ต้องกังวลเลยลูก เดี๋ยวพี่กวิน พี่น้ำแล้วก็หลานจะย้ายกลับมาอยู่ที่นี่” กันต์เงยหน้าขึ้นสบตาคนที่บ้านด้วยความสับสน มนุษย์แม่จะน่ากลัวเกินไปแล้ว เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ให้ใครฟังยกเว้นที่คุยกับดิมเมื่อกี้นี้

            ผู้เป็นแม่ที่เห็นลูกตัวเองทำหน้าปุเลี่ยนจึงหัวเราะออกมา “แม่เลี้ยงกันต์มาตั้งยี่สิบเอ็ดปีเชียวนะ จะดูลูกตัวเองไม่ออกได้ยังไง”

            เธอน่ะรู้จักลูกชายคนเล็กของตัวเองดีไม่น้อยกว่าใคร แม้ลูกจะไม่ค่อยกล้าเล่านั่นเล่านี่ตามประสาเด็กวัยรุ่นแต่หลายครั้งความกังวลใจบางอย่างที่ลูกคนเล็กของเธอแสดงออกผ่านสีหน้า สายตาและคำถามเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นก็ทำให้เธอพอจะจับอาการได้

            “จริงเหรอพี่”

            “อืม พี่จะกลับมาอยู่บ้าน ดีที่บริษัทขยายซัพฯ แล้วหัวหน้าเห็นพี่เห็นว่าบ้านอยู่แถวนี้เลยมาถามความเห็น พี่ปรึกษาพ่อกับแม่แล้วพอรู้เรื่องเราด้วยพี่ก็เลยตัดสินใจง่ายไปใหญ่”

            “แต่ว่า ...” กันต์เกรงใจพี่ชายของตัวเองด้วยเหตุผลที่ความรู้สึกของเขาจะกลายเป็นสร้างการภาระให้หรือเปล่า

            “อย่าคิดมาก พี่ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย พี่น้ำก็เห็นด้วยเพราะเขาเองก็อยากมาเปิดร้านขนมแถวนี้ โรงเรียนเยอะและไม่ไกลมหา’ลัยอีก ลูกค้าก็น่าจะมีเข้าบ้าง”

            “ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการเถอะเจ้ากันต์ นั่นน่ะครึ่งชีวิตของเราเองเลยนะ” กันต์มุ่ยหน้าเมื่อพ่อพูดเชิงแซวเลยแกล้งเข้าไปกอดเพื่อแก้เขิน

            “ไว้คิดถึงก็มาหา บ้านพี่เขาก็ไม่ได้ไกลกันจนมาหากันไม่ได้สักหน่อย” เมื่อครอบครัวให้การสนับสนุนขนาดนี้กันต์เองก็ไม่มีเหตุผลที่จะผลัดการแต่งงานออกไปอีก

            หลังจากคุยกันเข้าใจกันต์ก็กลับขึ้นห้องพอได้มานอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็พาลให้นึกถึงคนรัก เขารู้ดีว่าพี่แทนอยากแต่งงาน อยากให้เขาย้ายไปอยู่ด้วยกันแค่ไหน แต่ก่อนหน้านี้เขายังเรียนอยู่และยังถือว่ามีพ่อและแม่เป็นผู้ปกครองความวัยเยาว์จึงยังไป ๆ กลับ ๆ ระหว่างบ้านตัวเองและบ้านของคนรัก

Punnakann : คิดถึงจังครับ
   
            เขาส่งข้อความทิ้งไว้ก่อนจะเปลี่ยนไปเล่นอย่างอื่น แต่แล้วก็ต้องรีบกลับเข้ามาห้องสนทนาเดิมเพราะอีกฝ่ายตอบเร็วมากคาดว่าคงจะไม่มีคนไข้

P’TANN <3 : คิดถึงเหมือนกันคนดี
P’TANN <3 : ทำอะไรอยู่ครับ

Punnakann : นอนกลิ้งอยู่ค้าบบ
Punnakann : *sent a photo*
   
            เขาหัวเราะคิกคักเมื่อพี่แทนรัวแชทและสติกเกอร์มาไม่พอหนำซ้ำยังวิดีโอคอลมาเสียด้วย กันต์ล่ะอย่างชอบเวลาทำให้คนขี้แกล้งเสียอาการได้บ้าง ก็แค่ส่งรูปตัวเองที่ใส่แค่เชิ้ตขาวปลดกระดุมจนถึงกลางอกไปเองก็มีคนทนไม่ไหวแล้ว
   
            ( น้องงงงงง )
   
            “ว่าไงครับพี่จ๋า”
   
            ( ทำไมแกล้งกันแบบนี้ล่ะ ) ปากอิ่มของแทนคุณเบะออกอย่างขัดใจที่พุ่งเข้าไปหาน้องไม่ได้
   
            “ก็เป็นกำลังใจในการทำงานให้ไงครับ”
   
            ( สมาธิกระเจิงหมดเลยหนู )
   
            กันต์หัวเราะลั่นเมื่อได้ยินคำตอบพร้อมกับใบหน้ายับยู่ของคนรัก แต่ทั้งคู่ต้องชะงักบทสนทนาเมื่อได้ยินเสียงพยาบาลแจ้งเรื่องคนไข้ที่จะเข้ามาตรวจ
   
            “ไว้เจอกันคืนนี้ครับ ตั้งใจทำงานน้า” คนขี้ยั่วยิ้มตาใสก่อนจะกดวาง
   
            ‘นอนพักให้พอนะครับ เพราะคืนนี้หลังจากกลับมาหนูคงไม่ได้นอน’
   
            เนี่ยใครว่าคุณหมอแทนคุณเป็นสุขุมเงียบขรึม เขาน่ะอยากเถียงขาดใจว่าไม่จริงเลยสักนิด ขี้แกล้งแถมยังทะลึ่งตึงตังที่หนึ่งเลยล่ะ
   
            สองทุ่มสามสิบนาที กันต์ก็มาถึงร้านนั่งชิลที่เพื่อนในคลาสมาจองโต๊ะกันไว้เป็นโต๊ะใหญ่สุดเลย นับถือคนที่ชวนเพื่อนเกือบทั้งหมดมาได้จริง ๆ ร้านนี้เป็นร้านที่ไม่ไกลจากที่เรียนทำให้ภายในร้านเป็นนักศึกษาเสียส่วนใหญ่ และคืนนี้เกินครึ่งน่าจะเป็นนักศึกษาชั้นปีสุดท้ายด้วย
   
            ยิ่งดึกก็ยิ่งอัดแน่นไปด้วยผู้คน กันต์นั่งจิบเบียร์ในมือพร้อมกับคอยตอบข้อความของคุณหมอเป็นระยะ พลางโยกตัวไปกับดนตรีสดของทางร้าน มีหันไปพูดคุยกับเพื่อนบ้างเล็กน้อยเมื่อถูกถามหรือเป็นหัวข้อที่เขาพอจะคุยได้ กันต์ไม่ได้สนใจใครไปมากกว่าเพื่อนที่โต๊ะและคนในโทรศัพท์ ทำให้ไม่เห็นว่ามีคนกำลังจับจ้องมาทางตนเองอยู่นานสองนาน
   
            เสียแต่ว่าหากเปรียบกันต์เป็นเหมือนกระต่ายตัวน้อย ดิมก็คงเป็นเหมือนแม่ลูกอ่อนที่คอยปกป้องลูกตัวเอง ดวงตาคมตวัดมองไปยังทิศทางนั้นแต่ก็ได้รับรอยยิ้มกวน ๆ กลับมาทำเอาหงุดหงิดไม่น้อย ก่อนจะหันกลับมาร่างโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มตัดกับผิวขาว ๆ ขายเสื้อที่หายเข้าไปในกางเกงยีนส์กระบอกเล็กสีดำ แม้ไม่ได้โดดเด่นจนทุกคนต้องเหลียวหลัง แต่ก็ต้องยอมรับว่านับวันเพื่อนเขาคนนี้ชักจะดึงดูดคนมากเข้าไปทุกที
   
            “มึงเลิกยิ้มไปเรื่อยเหมือนคนเมาดิ” ดิมหันมาเอ็ดเพื่อนที่ยิ้มให้เพื่อนคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยเปื่อยคล้ายคนเมาเมื่อเบียร์เข้าปากเป็นแก้วที่สาม เรียวตาเล็กเริ่มฉ่ำช้อนมองเพื่อนตัวเองด้วยความงุนงงว่าทำไมอยู่ ๆ ถึงถูกดุขึ้นมา
   
            “อะไรของมึงเนี่ยดิม”
   
            “กลับยั—”
   
            “หวัดดีครับ” เสียงคนแปลกหน้าแทรกเข้ามาระหว่างบทสนทนาของเพื่อนสนิท นอกจากดิมและกันต์แล้วเพื่อนที่นั่งใกล้ ๆ กันก็หันไปมองคนมาใหม่ที่ยืนยิ้มพิมพ์ใจอยู่ หน้าตาค่อนข้างดีเหมือนเดือนคณะไหนสักคณะแต่นี่คือชีวิตจริงที่ไม่ใช่ละครที่คนหล่อ ๆ จะดังกระฉ่อนไปทั่ว ยิ่งกับกันต์ที่ไม่ค่อยได้สนใจใครยิ่งแล้วใหญ่
   
            “ชื่ออะไรเหรอ ผมชื่อต้านะ” กันต์ที่ถูกอีกฝ่ายหันมาพูดแบบเจาะจงก็ทำหน้าเหลอหลาเพราะตั้งตัวไม่ทัน
   
            “อ่า”
   
            “โทษนะเพื่อนผมมันเมาแล้ว มึงโทรเรียกแฟนมึงมารับเหอะดึกละ” ดิมแทรกก่อนเพื่อนที่สติไม่ครบถ้วนจะบอกชื่อตัวเองไป เขาที่ถูกพี่แทนขอให้ช่วยดูแลนี่อยากจะทุบไอ้ตัวดีที่หันไปยิ้มให้เขาแล้วค่อยกดโทรหาแฟนตัวเอง
   
            “เดี๋ยวสิ ผมยังไม่ได้รู้จักชื่อเลย”
   
            “อย่ายุ่งดีกว่าว่ะ เดี๋ยวแฟนมันมาแล้วจะเป็นเรื่อง”
   
            “ก็แฟนยังไม่มานี่ จะกลัวอะไร” สองสายตาประสานกันคล้ายจะเกิดเรื่อง กันต์ที่เริ่มมีสติขึ้นมาบ้างเพราะสถานการณ์ตรงหน้ากำลังเลิกลั่กคิดจะพูดอะไรสักอย่างเพื่อห้ามปราม แต่เสียงทุ้มคุ้นหูก็ดังขึ้นแทรกกลางวงเสียก่อน
   
            “ขอโทษนะ หลบทางหน่อยครับน้อง” ร่างสูงใหญ่ของแทนคุณเดินแทรกเข้ามาทำให้คนที่คิดจะวุ่นวายเห็นภาพตรงหน้าก็ได้แต่เบ้ปากยักไหล่แล้วถอยร่นไป เพื่อนในโต๊ะถอนหายใจกันดังเฮือกนึกว่าจะมีเรื่องกันแล้ว
   
            “ทำไมมาเร็วจังครับ”
   
            “พี่จอดรถรอมาซักพักแล้วล่ะ หนูเมาแล้วนะ กลับกันเถอะครับ”
   
            “อื้อ”
   
            “แล้วดิมกลับยังไงให้พี่ไปส่งไหม” แทนคุณหันมาถามเพื่อนสนิทของคนรัก

            “ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวแฟนผมมารับ” คนโตสุดพยักหน้าก่อนจะปล่อยให้กันต์หันไปร่ำลาเพื่อน ๆ แล้วเดินโอบเอวกันกลับไป
   
            เมื่อคล้อยหลังคู่รักนั้นดิมก็ถูกยิงคำถามจากเพื่อนคนอื่นทันที เพราะทุกคนล้วนจำได้ว่าแฟนของกันต์คืออาจารย์พิเศษที่เคยมาสอนอยู่ช่วงนึง และบางคนก็เคยเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันแต่ก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรจึงรอคอยคำตอบด้วย
   
            “เขาเป็นคู่กัน”
   
            “กูก็ว่าแล้ว เคยเห็นอยู่ด้วยกันข้างนอก ตอนแรกก็นึกว่าพี่น้อง แต่เคยเห็นเดินโอบกันก็คงไม่ใช่ละ”
   
            “เออนั่นแหละ”
   
            ส่วนคู่รักที่ถูกพูดถึงกำลังอยู่ในบรรยากาศกระอักกระอ่วน กันต์ขยับตัวอย่างอึดอัดเพราะตั้งแต่ขึ้นมาบนรถพี่เขาก็เงียบไม่พูดจาแถมหน้ายังนิ่งจนเขานึกกลัว รู้ว่าอีกฝ่ายคงเดาเหตุการณ์เมื่อครู่ได้แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงถูกโกรธทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไร

            “พี่จ๋า”
   
            “ครับ”
   
            “พี่โกรธหนูเหรอ”
   
            แทนคุณได้ยินเสียงเบาหวิวของน้องที่ถามออกมาก็พลันใจอ่อนยอมวางความกราดเกรี้ยวในใจลง ก่อนจะถอนหายใจเพื่อปรับอารมณ์ตัวเองให้คงที่ แต่คนที่คิดว่าถูกถอนหายใจใส่ก็เริ่มใจเสียกอปรกับสติที่ถูกลิดรอนด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้การรับรู้ไม่ได้ทำงานเต็มที่ ความคิดในหัวตีกันจึงเป็นเหตุให้น้ำตาไหลยดลงบนฝ่ามือ
   
            “คนดีอย่างร้องครับ” แทนคุณตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทางทันทีเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ แล้วจึงเอี้ยวตัวไปดึงน้องเข้ามากอดไว้แน่น ปากก็พร่ำขอโทษที่ทำให้เสียน้ำตาและกดจูบคลอเคลียกับกลุ่มผมสีอ่อนไม่ยอมห่าง
   
            พอเห็นตาแดง ๆ เศร้า ๆ ใครจะไปโกรธลง
   
            “ไหนให้พี่ดูหน่อยครับว่าเลขลดไหม” กันต์ขยับตัวดึงคอเสื้อลงให้เห็นผิวอกข้างซ้ายที่มีตัวเลขกำกับอยู่ โชคดีที่ยังอยู่เลข 50 เหมือนเดิม แทนคุณจูบลงบนหน้าผากและตำแหน่งตัวเลขเพื่อให้ตนเองและน้องใจเย็นลงกับเหตุการณ์เมื่อครู่
   
            “เมื่อกี้ ... เมื่อกี้มันไม่มีอะไรเลยนะพี่จ๋า”
   
            “ครับพี่รู้”
   
            “แต่พี่โกรธ”
   
            “พี่ไม่ได้โกรธหนู แต่พี่ไม่พอใจคำพูดของมัน มันไม่ให้เกียรติความรักและความรู้สึกของหนูเลย พี่ไม่ชอบ” พูดแล้วก็อยากจะซัดหน้ามันสักที แต่เพราะความเป็นผู้ใหญ่ค้ำคอและตอนนั้นก็อยากพาน้องออกมาให้ไวที่สุด
   
            “โอ๋ ๆ นะครับพี่จ๋า ช่างมันเนอะ” กันต์ถูใบหน้าลงกับต้นแขนเขาพี่เขาเป็นการออดอ้อนให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้น ทั้งยิ้มหวานทั้งอ้อนมีหรือว่าคนอย่างแทนคุณจะทนไหว กว่าจะถึงบ้านปากน้องก็แทบช้ำเพราะพี่เขาเล่นจูบทุกไฟแดง
   
            แทนคุณรู้ตัวเองเลยว่าเขาแพ้น้องทุกทาง และมั่นใจว่าต่อไปหากแต่งงานและได้อยู่ด้วยกันทุกวัน น้องต้องช้ำจากมือเขาแน่นอน จะว่าเขาหลงน้องก็ได้แต่จะให้ทำอย่างไรก็คู่เขาน่ารักเสียขนาดนี้ ในคืนนั้นหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจปลอบใจกันแล้วกันต์ก็หลับอยู่ในอ้อมแขนอุ่น ๆ อย่างเคย เหลือเพียงแต่แทนคุณที่มองมือเราทั้งคู่ที่สวมแหวนหมั้นด้วยแววตาครุ่นคิด
   
            เขาจะขอน้องแต่งงานแบบไหนดีนะ?







To be continued.
_____________________________________

TALK : ตอนหน้าจบแล้วน้า
เดี๋ยวตอนหน้าจะมาแจ้งเรื่องรายละเอียดเล่มน้า
ฝากติดตามด้วยค่า

#ครึ่งชีวิตของผม
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!CHAPTER 22 P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 01-03-2020 03:10:38
รอดูงานแต่ง  :hao5:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 04-03-2020 08:46:26
EPILOGUE

We found love right where we are.









            
            บรรยากาศรอบด้านที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายที่มาร่วมแสดงความยินดีกับนักศึกษาจบใหม่ เช่นเดียวกับครอบครัวของกันต์และแทนคุณที่มาร่วมวันแห่งความทรงจำครั้งนี้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา แทนคุณยอมทำงานหนักก่อนหน้านี้เพื่อที่จะเคลียร์คนไข้รวมถึงผลัดเปลี่ยนเวรกับเพื่อนหมอด้วยกันเพื่อที่จะมางานวันนี้ให้ได้ เขาจะไม่ยอมพลาดมันไปอย่างแน่นอน
   
            จิตแพทย์ชื่อดังที่เคยเป็นหนึ่งในแพทย์ผู้ร่วมโปรเจ็คยักษ์ใหญ่ของประเทศแน่นอนว่าแทบจะไม่มีใครไม่รู้จักเขา ยิ่งวันนี้มาในชุดที่เนี้ยบและดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้ายืนถือของเคียงข้างบัณฑิตไม่ห่างย่อมมีคนสนใจไม่น้อย ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับคนอื่นไปมากกว่าคนข้างกายตนเอง
   
            กันต์ไม่ใช่คนเพื่อนเยอะนักที่มีมาหาก็เป็นเพื่อนสมัยมัธยม รุ่นพี่จากบริษัทที่เขาไปฝึกงานมาก่อนจบและนอกนั้นก็จะเป็นเพื่อนในมหาวิทยาลัยที่เคยทำงานร่วมกัน เพียงเท่านี้เขาก็ยินดีมากแล้ว
   
            “ยินดีด้วยนะกันต์” เจ้าของชื่อยิ้มรับ
   
            “ยินดีด้วยเหมือนกันนะแพน” ยังจำกันได้อยู่หรือเปล่า แพนผู้เป็นหนึ่งในคู่ชีวิตของเขาในวันนั้นที่วันนี้เธอได้พบคู่ชีวิตที่แท้จริงแล้ว เราต่างยิ้มยินดีให้กันอย่างจริงใจ
   
            “หนู” แทนคุณเดินเข้ามาหาคนรักที่กำลังถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ อยู่พร้อมกระซิบบอกว่าตนขอนำของบางส่วนทยอยไปเก็บที่รถและส่งผู้หลักผู้ใหญ่กลับบ้านก่อนแล้วจะรีบกลับมาหา
   
            “โอเคครับ”
   
            “คอยดูโทรศัพท์ไว้นะ เดี๋ยวพี่โทรหา”
               
            “เดี๋ยวเจอกันที่บ้านนะลูก” ผู้เป็นแม่เอ่ยบอกลาก่อนเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าวทำให้บรรดาพ่อ ๆ แม่ ๆ ขอตัวแยกย้ายแล้วค่อยไปเจอกันเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ
   
            กันต์มองแผ่นหลังกว้างของคนรักที่แบกของขวัญต่าง ๆ พาพ่อแม่เดินไปที่รถจนสุดสายตาแล้วจึงเดินกลับไปรวมกับกลุ่มเพื่อนอีกครั้งที่มาสนิทจริงจังในวันที่ไปฉลองด้วยกันวันนั้น เราถ่ายกันเป็นร้อย ๆ รูป ไม่ว่าจะรูปเดี่ยวรูปกลุ่มไปกับทุกกล้องที่ต่างคนต่างจ้างมาด้วยความสนุกสนาน
   
            แน่นอนว่ามันเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียไม่น้อย แต่พวกเขารู้ดีว่าเมื่อจบจากวันนี้ไปเราคงจะได้โคจรกลับมาเจอกันยากกว่าเดิม ทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องเผชิญกันต่อไป หนทางความเป็นผู้ใหญ่กำลังรอทดสอบนักศึกษาจบใหม่ทุกคนอยู่
   
            “ดีใจด้วยนะมึง” หลังจากแยกย้ายกับเพื่อนกลุ่มใหญ่จึงเหลือเพียงเขาและดิมที่จาริณก็พาพ่อแม่กลับไปส่งแล้วค่อยย้อนกลับมาเช่นกัน
   
            เพื่อนรักต่างไซส์นั่งเคียงข้างกันมองตรงไปยังอาคารเรียนที่ใช้ชีวิตในนั้นมาตลอดสี่ปีด้วยความใจหาย เราหันมาสบตากันด้วยความเข้าใจ เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อยไม่ประสาจนตอนนี้ที่เรียนจบต้องแยกย้ายไปทำงาน ไปสร้างครอบครัวแล้ว เป็นเพื่อนที่เรียกได้ว่ารู้ใจกันมากที่สุด ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาด้วยกันมากที่สุด ยิ่งกับกันต์ด้วยแล้วที่ชอบปลีกวิเวกจนไม่ค่อยมีเพื่อนแล้วด้วยนั้น ดิมเป็นยิ่งกว่าเพื่อน ดิมเป็นครอบครัวของเขา
   
            วันที่เรายิ้มและมีความสุขก็มีกันและกันข้างกาย วันที่ร้องไห้หรือทุกข์ใจก็ผลัดกันซับน้ำตา
เมื่อมาถึงอีกไม่กี่ชั่วโมงต้องแยกย้ายแบบที่ต่อจากนี้เราคงไม่ได้เจอกันทุกวันมันทำเอาใจวูบโหวงไม่น้อย

            “กูอยู่กับมึงเสมอรู้ใช่ไหม” ดิมเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ เพราะเขาเองก็รู้ดีว่านอกจากตนเองแล้วกันต์ก็ไม่เคยเปิดใจให้เพื่อนคนไหน

            “อืม กูก็เหมือนกัน มีอะไรก็คุยกันได้ตลอด” ดวงตาเรียวเริ่มสั่นไหวคลอไปด้วยหยาดน้ำ ดิมที่เห็นเพื่อนเริ่มเบะก็เริ่มอยากร้องตามแต่ก็พยายามฮึบเอาไว้ จนกระทั่งกันต์กางแขนออกมาคนที่ตัวโตกว่าก็ดึงเข้าไปกอดและปล่อยน้ำตาแห่งความคิดถึงที่เริ่มทำงานไว้บนบ่ากันและกัน

            “อย่าดื้อกับพี่แทนให้มากรู้ไหม มึงที่เป็นมึงน่ะดีอยู่แล้วแต่บางทีมึงมีอะไรก็ชอบไม่พูด แบบนั้นน่ะไม่ค่อยดี”

            “มึงก็เหมือนกัน อย่าไปตีไอ้จามากแต่ถ้ามันกวนตีนไม่หยุดก็ซํดเลยกูเชียร์” กันต์พูดพลางกลั้วหัวเราะอย่างยอกเย้าด้วยรู้นิสัยแสนจะกวนประสาทของคนรักเพื่อนดี

            “พี่แทนมานู่นแล้ว”
   
            ในตอนที่กันต์หันไปตามสายตาของเพื่อนก็พบคนรักที่เดินถือกล่องบางอย่างเอาไว้ในมือพร้อมช่อดอกไม้ขนาดกะทัดรัดสีสวยในมือ เขายืนอมยิ้มเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวและมั่นคงของพี่แทนมองมา มันหนักแน่นเสียจนทำให้เขาสั่นไหวมากกว่าทุกครั้ง
   
            “ดอกสแตติส” ดิมเอ่ยชื่อดอกไม้เมื่อคนรักของเพื่อนยืนหยุดอยู่ตรงหน้า กันต์หันไปมองหน้าเพื่อนก่อนจะกลับมามองดอกไม้ในอุ้งมือใหญ่ด้วยความสนใจ
   
            “แปลว่ารักที่มั่นคงที่จะมีอยู่ ... ตลอดไป” คนตัวเล็กกว่าหลุบสายตาลงต่ำและเม้มปากด้วยความขลาดเขินเมื่อได้ยินความหมายออกจากปากพี่เขา
   
            “กันต์”
   
            “ครับ”
   
            “กันต์ยินดีจะรับดอกไม้ช่อนี้จากพี่ไหมครับ” กันต์รู้ดีว่าการรับดอกไม้ในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการรับมันมาเฉย ๆ แต่มันคือการรับฝากความรักนับตั้งแต่วันนี้และตลอดไปของผู้ชายตรงหน้าเขา ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอีกครึ่งชีวิต
   
            “ยินดี ยินดีครับ” เสียงสั่นไม่แพ้มือที่ยื่นออกไปรับช่อดอกไม้ ดิมที่ลอบถ่ายรูปเหตุการณ์ตรงหน้าไว้ยืนยิ้มกับความรักที่ดีของเพื่อน ส่วนตัวเองนั้นแม้จะไม่มีการจัดการแต่งงานแต่คนรักของเขาอย่างจาริณก็ได้พาไปจดทะเบียนสมรสเรียบร้อย
   
            “พี่แทน” เสียงดิมที่ดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือของกันต์ที่ถูกจับไว้จากเพื่อนตัวเอง
   
            “ครับ”
   
            “ผมฝากเพื่อนผมด้วยนะครับ” ดิมคล้ายกับเป็นอีกหนึ่งตัวแทนของคนที่รักและหวังดีของกับกันต์ ส่งมือเล็กของเพื่อนวางลงบนฝ่ามือใหญ่ที่ถือเป็นการมอบคนที่เขารักให้กับอีกคนได้ดูแล
   
            “พี่จะทำให้ดีที่สุด” ดิมและแทนคุณมองหน้าก่อนจะพยักหน้าให้กัน ส่วนคนกลางอย่างปุณณกันต์นั้นน้ำตาซึมรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้ เขาไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะเกิดเหตุการณ์ดี ๆ แบบนี้ขึ้นกับตัวเอง ไม่เคยคิดว่าจะได้เจอคู่ชีวิตเร็วแบบนี้และดีขนาดนี้
   
            “กูกลับก่อนนะจามาแล้ว”
   
            “อื้อ”
   
            “ไอ้ขี้แย ไว้เจอกันวันงานมึง กูไปละ”
   
            เมื่อเหลือกันสองคน แทนคุณก็จูงมือน้องพากันไปที่รถเพื่อนกลับไปพักผ่อนยังบ้านของน้องที่ตอนนี้บรรดาแม่ ๆ กำลังเตรียมอาหารเพื่อฉลองให้กับบัณฑิตคนเก่งอยู่ สองมือที่กุมกันอย่างแนบแน่นขนาดที่ขึ้นรถแล้วก็ไม่ยอมปล่อยออกจากกัน ทั้งคู่ยอมที่จะถึงบ้านช้าไปอีกสักหน่อยเพื่อแลกกับการไม่ห่างกันแบบนี้
   
            “นี่”
   
            “ยังมีอีกหนึ่งอย่างที่พี่จะให้หนูนะ”
   
            “ยังไม่หมดอีกเหรอพี่” กันต์หัวเราะเมื่อพบว่าเรื่องเซอร์ไพรส์จากคนรักยังไม่จบลงง่าย ๆ แค่นี้เขาก็ร้องไห้มากกว่าทั้งปีรวมกันแล้ว
   
            “อันนี้พี่ไม่แน่ใจว่าหนูจะถูกใจไหม หวังว่าพี่จะเดาใจหนูถูก”
   
            “หืม ขนาดนั้นเลยเหรอ อยากรู้แล้วอ่า” คนที่กำลังถูกเซอร์ไพรส์ถึงกับใจร้อนอยากให้รีบถึงบ้านไวขึ้นมาเชียว ในหัวก็พลางคิดไปว่าคนรักตัวโตจะมีอะไรมาให้แปลกใจได้อีก มากกว่านี้ไมใช่ว่าที่บ้านจัดงานแต่งรอแล้วหรอกนะ แค่คิดก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
   
            ใช้เวลาบนถนนอีกอึดใจก็มาถึงบ้านของกันต์ ด้านหน้าสนามที่ตกแต่งด้วยไฟสวย ๆ พร้อมกับคนในครอบครัวพร้อมหน้าเดินกันขวักไขว่ไปมา พร้อมกับกลิ่นอาหารหอม ๆ โชยไปทั่วบริเวณ แทนคุณดุนหลังให้น้องเข้าไปโดยมีตัวเองเดินประกบหลังไม่ห่าง
   
            “อ้าวมากันแล้ว แม่นึกว่าจะช้ากว่านี้นะเนี่ย” ผู้เป็นแม่ของแทนคุณเอ่ยพลางยิ้มแซวเมื่อเห็นช่อดอกไม้ คาดว่าทุกคนน่าจะรู้ดีว่าแทนคุณวางแผนอะไรไว้
   
            “ไม่อยากให้น้องเหนื่อยอะแม่”
   
            “พาน้องขึ้นไปพักก่อนเถอะตาแทน เสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยลงมา” พ่อของกันต์บอกซึ่งแทนคุณพยักหน้ารับพลางเดินโอบเอวคนรักที่ยืนอ้อนแม่ให้เข้าบ้าน
   
            ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้องนอน กันต์ก็ชะงักเท้าเมื่อพบใครบางคนนอนขดอยู่บนผ้านวมที่พื้นโดยมีพี่สะใภ้นั่งเฝ้าอยู่ เจ้าของห้องมองพี่น้ำที่ยิ้มทักทายและขอปลีกตัวออกจากห้องไปด้วยงุนงง หันมามองหน้าคนรักด้วยต้องการคำตอบ แทนคุณไม่ได้คลายความสงสัยนั้นแต่กลับดึงตัวน้องให้เข้ามาในห้องแล้วเดินไปใกล้กับคนที่นอนอยู่
   
            “เดี๋ยวนะพี่ ... นี่มันน้องคนนั้นนี่!”
   
            “ครับ น้องจิณณ์”
   
            “คือยังไงอะพี่ กันต์งงไปหมดแล้ว ทำไมน้องถึงมาอยู่ที่นี่ได้” แทนคุณรั้งกายบางเข้ามากอดไว้จากด้านหลัง วางคางลงบนบ่าแคบพร้อมกับกดจมูกลงบนแก้มนุ่มนั้นเบา ๆ
   
            “ตั้งแต่วันนั้นพี่ก็คอยตามเรื่องตลอดจนรู้ว่าไม่มีใครมารับเด็กคนนี้ไป ทางตำรวจจึงส่งให้กับหน่วยงานรัฐไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าและพี่ก็เป็นคนคอยดูแลอยู่ห่าง ๆ คุยกับผู้ใหญ่ทุกฝ่ายเรียบร้อย หนูก็เรียนจบเรียบร้อย พี่ก็ไปทำเรื่องขออุปการะเด็กคนนี้มาเป็นลูกบุญธรรม”
   
            “ลูก”
   
            “ครับ พี่รู้ว่าเราสองคนไม่สามารถมีลูกด้วยกันได้ และกันต์เองก็รักเด็กมาก เวลากันต์ก็เล่นกับน้องกานต์พี่เห็นแววตา พี่รู้ว่าลึก ๆ กันต์ก็อยากมีลูกเป็นของตัวเอง พี่ก็เลยตัดสินใจแบบนี้ กันต์โอเคหรือเปล่าคนดี” แทนคุณมั่นใจว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิด แต่หากถ้าในวันนี้น้องไม่พอใจกับเรื่องนี้เขาก็คงต้องพิจารณาและหาทางออกใหม่
   
            “กันต์โอเค กันต์แค่ตกใจนิดหน่อย แต่ถ้าเป็นน้องจิณณ์ กันต์โอเคมาก ๆ เลย ขอบคุณอีกครั้งนะครับ” กันต์เอี้ยวตัวไปกดจูบลงบนริมฝีปากหนาแล้วผละออกมาหาจิณณ์ที่นอนหลับอยู่
   
            ใบหน้าน่ารักที่ทำให้กันต์ถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็นทำให้เขาปฏิเสธความหวังดีของพี่แทนไม่ออก เขาเชื่อว่าเขาสามารถรักเด็กคนนี้ได้ราวกับลูกของตนเองอย่างแน่นอน และจะพยายามเลี้ยงเด็กคนนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่คน ๆ นึงจะทำได้
   
            “อื้อ” แก้มยุ้ยที่ถูกรบกวนจากคุณพ่อคนใหม่ ดวงตากลมโตกะพริบถี่ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาเต็มตื่น มองคนที่นั่งค้ำเหนือร่างกายตัวเองอย่างสับสนแต่ถึงจะเป็นเด็กก็ความจำดีเยี่ยม รอยยิ้มกว้างที่วาดขึ้นเต็มแก้มทำให้กันต์รู้ว่าน้องจำเขาได้
   
            “พี่ พี่คนฉวย” กันต์รับร่างป้อมเข้ามากอดเมื่อเด็กน้อยออดอ้อน ไม่ได้เจอกันราวปีนึงเสียงที่เคยอ้อแอ้ก็เริ่มชัดขึ้นเล็กน้อยตามพัฒนาการ
   
            “จิณณ์ครับ”
   
            “คับ”
   
            “ต่อไปนี้จิณณ์เรียกพี่ว่าพ่อและเรียกว่าพี่คนนี้ว่าปะป๊านะครับ เราสองคนจะเป็นพ่อคนใหม่ให้จิณณ์เองนะ” เด็กน้อยประมวลผลตามคำบอกของแทนคุณ มองหน้าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อคนใหม่ทั้งสองของตนก่อนจะพยักหน้ารับและยิ้มกว้าง
   
            “คับพ่อ คับปะป๊า!” ตามความเข้าใจในหัวเล็ก ๆ นั้นมีเพียงว่าทั้งสองคนใจดีและสัมผัสได้ถึงความรักจริง ๆ จึงทำตามอย่างไม่มีข้อแม้ ส่วนคนที่ถูกเรียกว่าพ่อและปะป๊าก็เกิดความอุ่นวาบขึ้นมาในใจ ก่อนจะเป็นแทนคุณที่รวบสมาชิกในครอบครัวของตัวเองเข้ามาในอ้อมแขน ที่ต่อไปนี้นับตั้งแต่วันนี้เขาจะตั้งใจดูแลทั้งสองคนให้ดีให้สมกับที่วางใจในตัวเขา





...

   




            ภายในสวนหน้าบ้านของตระกูลวิมุตากุลถูกประดับประดาไปด้วยผืนผ้าสีขาวแซมด้วยดอกสแตติสสีม่วง บนสนามหญ้ามีโต๊ะกลมขนาดกลางจำนวนสิบโต๊ะวางเอาไว้ ด้านข้างเป็นที่วางถาดอาหารสำหรับบุฟเฟ่ต์ ด้านหน้าก่อนจะถึงตัวบ้านเป็นเวทียกสูงเพียงครึ่งเมตร แบ็คดรอปด้านหลังติดตัวอักษรเป็นชื่อเจ้าของงาน ‘แทนคุณ – ปุณณกันต์’
   
            ใช่แล้ว วันนี้วันแต่งงานของผมเอง
   
            ผมที่ปลีกตัวขอมาเข้าห้องน้ำในจังหวะที่กำลังเดินกลับไปเมื่อเห็นผู้ที่ขื่อว่าเป็นสามีด้วยความรู้สึกอิ่มในใจอย่างบอกไม่ถูก เขาผู้ที่เข้ามาเป็นทุกอย่าง เป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย เป็นคนรัก และก้าวเข้ามาเป็นสามี รวมถึงพ่อของน้องจิณณ์ ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปีชีวิตผมกลับก้าวกระโดดมาไกลจนเมื่อมองกลับไปก็ไม่คิดว่าความบังเอิญในวันนั้นจะทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปได้มากเช่นนี้
   
            อย่างที่ผมเคยบอกไว้ว่า ในช่วงชีวิตของคนเรา อาจจะมีโอกาสที่จะเดินสวนกับคู่แท้ของตัวเองเป็นร้อยเป็นพันหน อาจจะมีโอกาสได้สบตากันเสี้ยววินาทีเป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง
   
            ทุกคนล้วนเดินผ่านกาลเวลามาเพื่อให้มีโอกาสได้พบใครสักคน แม้ในพันในหมื่นครั้งนั้นอาจไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ แต่ถึงมันจะเป็นเพียงแค่ครั้งเดียวที่ได้พบกันก็ถือว่านั่นคือความสุขใจที่ทุกคนอยากเจอ

            ขอบคุณตัวเองที่อยู่ ๆ ก็อยากเดินกลับบ้านในวันที่หัวใจเหนื่อยล้าเต็มทน เพราะมันทำให้หัวใจของเขาได้ขับเคลื่อนด้วยตัวเองครั้งแรก

            ขอบคุณพระเจ้าหรือแม้แต่อะไรก็ตามที่ส่งผู้ชายที่ชื่อแทนคุณคนนี้ที่เข้ามาความรัก

            อย่างที่พี่แทนเคยพูดว่า หากตลอดไปเท่ากับหนึ่งลมหายใจ ผมก็จะใช้ลมหายใจครั้งหนึ่งนี้ ใช้มันทั้งหมดเพื่อรักเขาจนถึงวินาทีสุดท้ายของกาลเวลา


            เขา ... ผู้เป็นอีกครึ่งชีวิตของผม
   





Endless Story
_____________________________________

TALK :
*อ่านก็ได้ไม่อ่านก็ได้นะคะ*

ในที่สุดการเดินทางแสนยาวนานของตัวละครเรื่องนี้ก็ถึงบทสิ้นสุด
เรื่องนี้เราเปิดตั้งแต่ 30 พฤษภา 61 และเขียนจบวันที่ 24 กุมภาที่ผ่านมา
ก่อนจะอัพลงในวันนี้ 4 มีนา 63 เป็นเวลาทั้งสิ้น 1 ปี 9 เดือนโดยประมาณ

สำหรับเรามันเป็นเวลาที่ยาวนานมาก ระหว่างทางเราท้อจนคิดอยากจะเทอยู่หลายหน
แต่ไม่อยากให้มันค้างคาก็พยายามเข็นตัวเองมาได้
และคอมเมนต์จากนักอ่านทุกคนก็ช่วยดึงเราขึ้นมาจากความรู้สึกแย่ๆ ได้เป็นอย่างดี
หลายครั้งที่เราชอบย้อนอ่านคอมเมนต์เก่าๆ แล้วมีกำลังใจขึ้นมาด้วย

จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เรามาจับทางวายทั่วไป ไม่ใช่แฟนฟิค
และยังเปิดด้วยพล็อตแนว verse อีกด้วย (มั่นไปอีกก)
เรารู้นะคะว่าผลงานชิ้นนี้มันอาจจะยังดีไม่พอ ด้วยจิตใจ ด้วยประสบการณ์
ในเรื่องถัดไปเราจะพยายามให้ดีขึ้น เพื่อตัวเราเองและผู้อ่านค่ะ

อีกทั้งเรื่องนี้มีสำนักพิมพ์ติดต่อมา ซึ่งตลอดทางเราเจ็บมาไม่น้อยกับจุดนี้
แต่ก็ขอบคุณเพื่อนๆ นักเขียนที่เข้ามาทักถามและให้คำแนะนำต่างๆ มากมายเลยค่ะ
ขณะที่เขียนส่งท้ายตรงนี้เรายังแอบน้ำตาซึมเลย (ไม่ได้เวอร์)
เขียนไป ภาพในหัว ความรู้สึกในตอนนั้นมันย้อนกลับมาแล้วแบบเออ เราทำได้แล้วนะ
ถ้าไม่มีนักอ่านทุกคน เรื่องนี้ก็คงไม่มาถึงตอนจบได้แบบนี้ ขอบคุณจริง ๆ นะคะ

ใครที่ยังไม่ได้ลองอ่าน ก็อยากให้ลองสักนิด ดีไม่ดี คอมเมนต์กันได้ค่ะ

สุดท้ายเรื่องนี้มีการตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์พอดี (Bodhi Publishing) เช่นเดิม
บางคนอาจจะสงสัยว่าเพราะอะไร สามารถอ่านคำอธิบายเรื่องนี้ได้จากในทวิตเตอร์เรานะคะ
ส่วนรายละเอียดเล่มจะมาแจ้งอีกทีค่ะ หวังว่าจะมีคนช่วยอุดหนุนน้องน้า

ขอบคุณทุกคนมากค่ะ
แล้วพบกัน




/ก่อนจากกันไปขอคอมเมนต์กันคนละนิดคนละหน่อยให้เราทีน้า

#ครึ่งชีวิตของผม


หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5 | END)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 08-03-2020 02:58:57
ขอแต่งน่ารักมาก
แต่คิดไม่ถึงว่าจะรับน้องคนนั้นมา TT
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5 | END)
เริ่มหัวข้อโดย: TiGgeRLuMOs62 ที่ 24-03-2020 06:08:57
อยากโอ๋พี่รัก ต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดมานานขนาดนั้น เรื่องของทั้ง3คน จริงๆก็น่าเห็นใจทุกคน แม้ลินจะทำไม่ถูก แต่ก็น่าเห็นใจไม่น้อย น้องกันต์แอบน่าตีเรื่องน้องแพน แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดี ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5 | END)
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 25-03-2020 17:43:52
น่ารักมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5 | END)
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 29-03-2020 09:45:38
พี่จองน้องจิณณ์  :katai4:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5 | END)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 31-03-2020 13:25:46
จบได้แฮปปี้มากๆ
น่ารักมากๆเลยค่ะเรื่องนี้
ไม่เคยอ่านแนวเลย สนุกกน่ารักดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5 | END)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 14-04-2020 13:52:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5 | END)
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 27-04-2020 20:34:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5 | END)
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 28-04-2020 11:42:46
โอ๊ยยยยคือปริ่มมากสมหวังสักทีเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันที่หวานมาก  ไม่เคยอ่านเวิร์สนี้เลยเพิ่งได้อ่านครั้งแรกประทับใจสตอรี่แบบนี้มาก
หัวข้อ: Re: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5 | END)
เริ่มหัวข้อโดย: jjaysn ที่ 11-05-2020 15:49:47
สนุกมากค่าาาา


Sent from my iPad using Tapatalk