พิมพ์หน้านี้ - เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: THIP ที่ 19-04-2008 19:32:20

หัวข้อ: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 19-04-2008 19:32:20
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
ให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่า

++++++++++++++++++++++++++++++++++

นิยายเรื่องนี้ได้รับอนุญาตจากคุณ ภัคD แล้ว
ขอความกรุณาเพื่อนๆ อย่านำเอาเรื่องราวในเรื่องนี้ไปเผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตจากคุณ ภัคD นะคะ


++++++++++++++++++++++++++++++++++



ก่อนความรักจะเริ่มต้น

ผมชื่อตะวันฉาย...เดิมที ผมควรชื่ออะไรก็ได้แต่ไม่ควรมีคำว่าตะวัน เพราะผมเกิดเวลาเที่ยงคืนแบบไม่มีขาดมีเกินเลยแม้สักวินาที

แล้วทำไมผมชื่อตะวันฉาย?

ก็เพราะบังเอิญผมเกิดทีหลังพี่ชายบ้านข้างๆ ที่บังเอิญชื่อตะวัน และบังเอิญพี่ชายคนนั้นอยากให้ผมชื่อเหมือนตัวเอง และบังเอิญใครๆก็ตามใจพี่ชายคนนั้น...ทั้งๆที่ผมเกิดตอนเที่ยงคืน...

ตะวันฉาย เป็นชื่อที่พี่ชายบ้านข้างๆตั้งให้...พี่ชายบ้านข้างๆที่ตอนนั้นเพิ่งอายุแค่สี่ขวบ...พี่ชายบ้านข้างๆที่เอาชื่อผม มาจากเพลงกล่อมนอนของตัวเอง...

...ตะวัน ตัวน้อยๆ มากฤทธิ์...

...ตะวัน ยามสะกิด ร้อนหลาย...

...ตะวัน ยามแผลงฤทธิ์ น่ากลัว...

....หากยามตะวันฉาย มีใครไม่รัก ตะวัน...

เพลงกล่อมนอน ที่แม่ผมแต่งไว้กล่อมพี่ตะวันนอนตั้งแต่เด็ก...แต่พอผมเกิด แม่ก็เลี้ยงพี่ตะวันจนเบื่อแล้ว เลยไม่มีเพลงกล่อมเด็กให้ผมซึ่งเป็นลูกของตัวเองเลยสักเพลงเดียว...ผมก็ไม่ได้น้อยใจอะไร...เพราะเด็กเกินกว่าจะน้อยใจ เพียงแต่ไม่เข้าใจ ทำไมตัวเองต้องชื่อ ตะวันฉาย...

น้าโอ๋...แม่พี่ตะวันเรียกพี่ตะวันว่า...ตะวัน

น้ามะ...พ่อพี่ตะวันก็เรียกพี่ตะวันว่า...ตะวัน

แม่กับพ่อของผมก็เรียกพี่ตะวันว่า...ตะวัน

และผมก็เรียกพี่ตะวันว่า...ตะวัน ตามที่ทุกคนเรียก

ทั้งๆที่ ตะวันก็เป็นชื่อของผมด้วยเหมือนกัน แต่ทุกคนเรียกผมแค่ว่า...ฉาย...

พี่ตะวันก็เรียกผมว่า...ฉาย...ด้วยเหมือนกัน ยกเว้นเวลาทะเลาะกัน พี่ตะวันจะเรียกผมว่า...ไอ้กระบอกไฟฉาย!...

มันก็ไม่ได้เจ็บปวด หรือ ทำให้ผมแสบๆคันๆกับชื่อนั้น...เพียงแต่ไม่เข้าใจ ทำไมผมต้องโดนเรียกว่า ไอ้กระบอกไฟฉายด้วยล่ะ ผมเองก็ชื่อตะวันนี่นา...ซ้ำพี่ตะวันนั่นแหละ เป็นคนตั้งชื่อผมว่า...ตะวันฉาย

เมื่อผมขยับโตขึ้นนิด จนรู้ว่าชื่อตัวเองมักโดนเพื่อนๆล้อว่าไฟฉาย และโตพอเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเอง ผมก็เรียกร้องขอสิทธิ์ในการใช้ชื่อตะวัน แทน ชื่อฉาย

“อ้าว แม่เรียกพี่ตะวันแล้ว ถ้าเรียกฉายว่าตะวันอีก แล้วไม่งงแย่เหรอ?”แม่ถามอย่างมีเหตุผลเมื่อผมเรียกร้องสิทธิ์ แต่เมื่อผมยังเป็นแค่เด็กหกขวบ เหตุผลนั้นจึงตกไป

“อือ...งั๊นให้พี่ตะวันเป็น...พี่วัน เฉยๆ แล้วฉาย เป็นฉายดีไหม?”น้าโอ๋ช่วยหลอกล่อด้วยข้อเสนอที่ผมก็ยังคงชื่อฉายอยู่วันยังค่ำ แต่เมื่อผมยังเป็นเด็กหกขวบ เลยหลงประเด็นเห็นดีไปด้วยง่ายอย่างเหลือเชื่อ

“แต่เรียกวัน เรียกฉายเฉยๆ มันสั้นๆนะ งั๊นเอาอย่างพี่นพ ที่ใครๆเรียกว่าตานพดีมั๊ย เป็น...ตาวันกับตาฉาย...ดีมั๊ย?”แม่ถามโดยยกชื่อพี่นพ ลูกชายเพื่อนแม่อีกคนมาอ้าง และเมื่อผมยังเป็นเด็กแค่หกขวบ ทำไมมันจะไม่ดีล่ะ? ผมไม่ต้องชื่อฉายแล้ว แต่เป็นตาฉายและพี่ตะวันก็ไม่ได้เป็นตะวันแต่เป็นตาวัน...ยุติธรรมจะตาย!

เมื่อผมเห็นดีด้วย แม่กับน้าโอ๋ก็หัวเราะชอบใจกันยกใหญ่...

นานกว่าผมจะรู้ซึ้งว่า ตาฉายนะฟังดูแก่และ แย่ยิ่งกว่าฉายเสียอีก... แล้วตะวันกับตาวัน มันต่างกันตรงไหนมิทราบ?

รวมหัวกันหลอกเด็กชัดๆ!

ว่าด้วยเรื่องของพี่ตะวัน

พี่ตะวันเป็นพี่ชายบ้านข้างๆ อายุมากกว่าผมสี่ปี...พี่ตะวันก็เกิดตอนเกือบๆจะเที่ยงคืนเหมือนกันกับผมแต่ก็ชื่อตะวัน

แม่พี่ตะวันหรือที่ผมเรียกว่าน้าโอ๋ เจ็บท้องตอนก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น และก็หวังว่าลูกของตัวเองคงจะเกิดพร้อมๆกับแสงแรกของวัน เลยคิดตั้งชื่อไว้ตั้งแต่ตัวเองเจ็บท้องว่าตะวัน แต่ปรากฏว่าพี่ตะวันคงนึกไม่ถูกใจชื่อนั้น เลยไม่ยอมออกมาจากท้องน้าโอ๋เสียทีจนข้ามวันไปยันเที่ยงคืนนั่นแหละถึงยอม

แต่น้าโอ๋ก็ไม่ยอมแพ้ ยืนยันว่าพี่ตะวันต้องชื่อตะวัน โดยอ้างว่า สำหรับน้าโอ๋นั้น พี่ตะวันน่ะ มีชีวิตตั้งแต่น้าโอ๋เริ่มเจ็บท้องแล้ว

“งั๊นเธอก็ต้องนับย้อนไปก่อนหน้านั้นเก้าเดือนแล้วล่ะ!”แม่ผมขัดคอ ตามคำบอกเล่าของพ่อ

“ก็นั่นแหละที่ชั้นอยากบอก แต่มันอาย ใครจะกล้าพูด!”น้าโอ๋ว่า

“อาย?...นี่จำใครมาพูดมิทราบ? รู้ความหมายหรือเปล่า?”แม่ยังแดกดันไม่เลิก ส่วนสาเหตุน่ะ พ่อบอกว่า...แม่น่ะแอบงอน เพราะแอบตั้งชื่ออื่นไว้ให้พี่ตะวันตั้งแต่รู้ว่าน้าโอ๋ตั้งท้องแล้ว

“แล้วเด็กเกิดตอนเที่ยงคืน จะไปตั้งชื่ออีท่าไหนว่าตะวัน?”แม่ยังไม่ยอมแพ้

“อ้าว ก็อย่าบอกใครสิว่าเกิดเที่ยงคืน บอกว่าเกิดหกโมงเช้า...แสงแรกของวัน เท่ห์จะตาย!”น้าโอ๋บอก ดังนั้นเรื่องเวลาเกิดของพี่ตะวันเลยนับเป็นความลับของครอบครัวเราเลยก็ว่าได้ แต่ความลับที่ว่านั้นก็เปลี่ยนเนื้อความไปนิดหน่อยเมื่อผมเกิด

“เกิดเที่ยงคืน แล้วจะชื่อตะวันฉายได้ไงล่ะ ตะวัน?”น้าโอ๋ให้เหตุผลเด็กสี่ขวบอย่างพี่ตะวันที่นั่งยัน ยืนยัน จนถึงลงไปนอนร้องไห้ยันจะให้ผมชื่อตะวันฉายให้ได้

“ก็อย่าบอกว่าเกิดเที่ยงคืนสิ ให้เกิดหกโมงเย็น แสงสุดท้ายของวัน เท่รองจากตะวันเลย จริงไหมตะวัน?”แม่แนะ พลางถามความเห็นจากพี่ตะวัน ที่ยังนอนร้องไห้ปานจะขาดใจอยู่บนพื้น

“ตะวันฉาย แล้วจะเป็นแสงสุดท้ายได้ไง?...งั๊นให้ตะวันเกิดตอนเย็น ให้ไอ้ตัวเล็กนี่เกิดหกโมงเช้าแล้วกัน!”น้าโอ๋สรุปเองอีกครั้งโดยไม่ต้องเสียเวลาไปถามหลวงพ่อวัดไหนเรื่องชื่อดีหรือไม่ดี เพราะแม้แต่เวลาเกิด แม่ของเราก็เลือกเปลี่ยนเองกันตามใจจนเสร็จสรรพ

ดังนั้นชื่อของผม...ตะวันฉาย...จึงนับว่า แม้ไม่ได้แลกมาด้วยเลือด แต่ก็แลกมาด้วยน้ำตาของพี่ตะวันเลยก็ว่าได้ และเวลาเกิดของผมกับพี่ตะวันก็ถือว่าเป็นความลับสุดยอดของครอบครัวเราเลยก็ว่าได้

“ใครรู้ อายเขาตาย!”แม่ว่างั๊น เมื่อมาคิดๆดูทีหลัง

ว่าด้วยเรื่องน้าโอ๋...แม่ของพี่ตะวัน

น้าโอ๋ แม่ของพี่ตะวัน...แม่บอกว่านิสัยต่างกันสุดขั้วกับแม่ จนไม่รู้ว่ามาเป็นเพื่อนกันได้ยังไง ( แต่พ่อแอบบอกว่า...นิสัยเหมือนกันแม้กระทั่งเรื่องไม่ยอมรับความจริง! )

น้าโอ๋ เป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กกับพ่อของผม...และนับว่าเป็นรักแรกของพ่อก็ว่าได้

“น้ารู้ว่า แม่ของฉายแอบรักพ่อของฉายอยู่ไง น้าเลยหลีกทางให้”น้าโอ๋เคยแอบกระซิบลับหลังแม่

“หลีกทาง? โดนเขี่ยให้หลีกไปซิไม่ว่า...พ่อของฉายแค่รู้ว่า ของแปลกอย่างนั้นน่ะเหมาะกับการเอาไม้เขี่ยๆดู แล้วเตะทิ้งเท่านั้นแหละ!”และแม่แอบกระซิบลับหลังน้าโอ๋ต่ออีกทีนึง

ผมไม่รู้ว่าเรื่องที่น้าโอ๋กับแม่พูดอันไหนเป็นความจริง แต่ที่รู้ว่าจริงคือน้าโอ๋เป็นของแปลก!

ตั้งแต่เด็ก น้าโอ๋จูงผมเดินไปไหนก็มักมีแต่คนมองตาม...ตอนแรกผมนึกว่าเพราะน้าโอ๋สวย แต่พอโตขึ้นหน่อยถึงรู้ว่าเพราะน้าโอ๋แปลก...และต่อมาพี่ตะวันก็รับช่วงความแปลกนั้นมาอย่างครบถ้วนแบบที่แม่ว่า...สมกับที่เป็นแม่ลูกกันจริงๆ

แม่เคยเล่าว่าสมัยพี่ตะวันยังเรียนอยู่ม.ต้น...พี่ตะวันไปนั่งละเลงสีที่ผนังห้องน้ำที่โรงเรียน ครูเรียกน้าโอ๋ไปพบ พอเห็นผลงานพี่ตะวันเท่านั้นแหละ น้าโอ๋โวยวายพี่ตะวัน จนอาจารย์ต้องเข้ามาห้าม

“ใจเย็นๆค่ะ คุณแม่ เด็กแค่ไม่เข้าใจ โทษก็ไม่ร้ายแรงอะไรมาก แค่แจ้งให้คุณแม่ทราบเพื่อ...”แต่อาจารย์ยังแจ้งไม่ทันจบ น้าโอ๋ก็สวนกลับถึงความผิดพี่ตะวันอันไม่สมควรจะยกโทษให้ อันว่าด้วยหลักการใช้สีและองค์ประกอบศิลป์ ที่พี่ตะวันทำออกมาผลงานไม่ถูกใจน้าโอ๋เท่าไหร่...แม่บอกว่าอาจารย์น่ะตาค้าง ส่วนแม่ที่ไปด้วย ก็แทบแทรกแผ่นดินหนี...ผลคือพี่ตะวันโดนทัณฑ์บน ส่วนน้าโอ๋รอดตัว เพราะโรงเรียนยังไม่มีนโยบายลงทัณฑ์บนผู้ปกครอง

ตอนฟังแม่เล่า ผมน่ะคิดภาพไม่ค่อยออก มาเห็นด้วยตาตัวเองก็ตอนพี่ตะวันเข้าเรียนปวช.ใหม่ๆ... สิ่งแรกที่พี่ตะวันทำให้กับตัวเองคือผมทรงเด็ดร็อค จนวันนี้ผมยังจำได้ดีถึงเสียงแม่กรี๊ดลั่นบ้าน ตอนเห็นพี่ตะวันเดินพาผมเด็ดร็อคสั้นติดหนังหัวเข้ามาที่บ้านและเสียงกรี๊ดที่ดังกว่าของแม่นั้นก็ดัง มาจากน้าโอ๋

“นี่ไปทำอะไรมา มากับแม่เดี๋ยวนี้!”น้าโอ๋ พูดพลางลากพี่ตะวันออกไป

“เออ นานๆทีค่อยเห็นทำตัวสมกับเป็นแม่คนหน่อย!”แม่พูดตามหลังน้าโอ๋กับพี่ตะวันไป แต่แม่คิดผิด เพราะพอตกค่ำ น้าโอ๋กับพี่ตะวันก็กลับมาด้วยผมทรงเด็ดร็อค...ที่สวยและยาวกว่าเดิม...แถมเหมือนกันทั้งหัวแม่และหัวลูก...อ๋อ หัวน้ามะ ที่เป็นพ่อด้วยอีกคน!

“จะไปทำก็ไม่รู้จักมาถามแม่ก่อน...นี่ต้องร้านนี่ทำสวย แถมต่อผมให้ได้ด้วย ไม่ใช่ทรงไส้เดือนตอดหนังหัว”น้าโอ๋พูดกับแม่อย่างภูมิอกภูมิใจ ส่วนแม่ก็ยืนมองหัวพี่ตะวันสลับกับหัวน้าโอ๋ และน้ามะแบบตาค้าง

แล้วเหตุผลที่ต้องพากันไปทำแบบยกครัวน่ะ น้าโอ๋บอกว่า...

“จะได้บอกโรงเรียนตะวันว่าเป็นทรงผมกรรมพันธุ์ไง!...พ่อก็ทรงนี้...แม่ก็ทรงนี้...มันเป็นกรรมพันธุ์...หัวตะวันจะไม่เป็นทรงนี้ได้ไง!” น้าโอ๋ว่างั๊น แต่โรงเรียนพี่ตะวันว่าไงก็ไม่รู้ แต่ผมก็เห็นพี่ตะวันไว้เด็ดร็อคได้ยันเรียนจบ จนพี่ตะวันเลือกตัดมันทิ้งเอง...

“แม่มันเป็นยังงี้ แล้วตะวันมันจะเป็นยังไง?”แม่บ่นพึมตอนมื้อค่ำ ส่วนพ่อได้แต่ยิ้มอย่างคนรู้อะไรดีๆ

ผมไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ ที่แปลกใจคือทำไมแม่คิดว่าน้าโอ๋จะต่อต้านที่พี่ตะวันทำผมทรงแปลกๆอย่างนี้ หรือแม่จำไม่ได้ว่าน้าโอ๋ก็เคยไว้...น้ามะ พ่อของพี่ตะวันก็เคยไว้...แถมแปลกกว่านี้ยังเคย... ตัวพี่ตะวันเองก็เคยโดนน้าโอ๋จับถักเปียเต็มหัวตอนช่วงปิดเทอมอยู่บ่อยๆมาแต่เด็ก ซึ่งผมก็เกือบโดน ถ้าแม่ไม่ยื่นคำขาด...อย่ามายุ่งกับหัวลูกชั้น...ของลูกชั้นต้องทรงพังค์ร็อค!...

และแค่ข้ามวัน ผมก็เข้าใจรอยยิ้มแบบคนรู้อะไรดีๆของพ่อ เพราะเย็นวันถัดไปแม่ก็ยืนเกาะรั้วยืนตะโกนเรียกพี่ตะวัน

“ตะวัน น้าซื้อผ้าโพกหัวมาฝาก!”แม่ตะโกนพลางโบกผ้าโพกหัวสีชมพูแป๊ดไปมาให้พี่ตะวันที่เปิดหน้าต่างห้องชั้นบนชะโงกหน้าลงมาดู...

ว่าด้วยเรื่องน้าโอ๋...แม่ของผมเอง

แม่ของผมก็ชื่อโอ๋...พี่ตะวันเรียกแม่ของผมว่าน้าโอ๋ เหมือนที่ผมเรียกแม่พี่ตะวันว่าน้าโอ๋...เราไม่สับสน เพราะผมคงไม่เรียกแม่ตัวเองว่าน้าโอ๋ เหมือนที่พี่ตะวันคงไม่เรียกแม่ตัวเองว่าน้าโอ๋...ดังนั้น เมื่อผมเรียกน้าโอ๋จึงหมายถึงน้าโอ๋แม่ของพี่ตะวัน และเมื่อพี่ตะวันเรียกน้าโอ๋ ก็ย่อมหมายถึงแม่ของผม...

แม่รู้จักกับน้าโอ๋ก่อนจะรู้จักกับพ่อ แต่รู้จักกันได้ยังไงก็ไม่แน่ใจนัก...

“โอ๊ย เรื่องมันยาว และนาน นานและยาวจนจำไม่ได้แล้ว!”น้าโอ๋ว่างั๊น

“เปล่า...ไม่อยากจำ จำได้แต่ว่า...ไม่น่ารู้จักมันเลย!”แต่แม่ว่างั๊น

เพราะน้าโอ๋รู้จักกับพ่อมาแต่เด็ก เรียกว่านอนเปลเดียวกันมาแต่เกิดและ แย่งกันกินนมขวดเดียวกันมาแต่เด็ก แม่จึงพลอยรู้จักกับพ่อไปด้วย

“ถ้าน้าไม่หลีกทาง ฉายไม่ได้เกิดแล้ว!”น้าโอ๋ชอบพูดให้ฟัง

“ใช่...ถ้าเอาไม้เขี่ยออกไปไม่ทัน ฉายกลายเป็นของแปลก กู่ไม่กลับไปอีกรายแล้ว!”แต่แม่ว่างั๊น

ส่วนพ่อบอกว่า...

“พ่อไม่รู้ว่า แม่เขาจะเหมือนน้าโอ๋!”

ว่าด้วยเรื่องตะวันฉาย...ที่ไม่ใช่ผม

ตะวันฉาย เป็นชื่อหมาพันธุ์ปักกิ่ง เทอเรีย ที่แม่ซื้อให้พี่ตะวันตอนวันเกิดอายุครบสามขวบ

ว่ากันว่าพี่ตะวันรักมันมาก ขนาดที่เอามันใส่ถุงหิ้วไปไหนมาไหนด้วยตลอดจนมันแทบจะไม่รู้ว่าตัวเองเดินได้ จนวันหนึ่งมันหลุดออกมาจากถุงและคงเพิ่งรู้ว่าตัวเองเดินได้ และมันคงติดใจในรสชาติของการเดินมากกว่าการอยู่ในถุง มันเลยวิ่งหนีไปและไม่กลับมาอีกเลย พี่ตะวันนอนร้องไห้อยู่สามวันจนไข้ขึ้น... จนพ่อของผมใจอ่อน ซื้อลูกหมาตัวใหม่ให้โดยแลกเปลี่ยนว่าพี่ตะวันต้องไม่เอามันใส่ถุงอีก

ลูกหมาตัวใหม่ของพี่ตะวันยังเป็นปักกิ่ง เทอเรียที่เหมือนตัวแรกอย่างกับแกะ และยังคงชื่อตะวันฉาย พี่ตะวันไม่ได้เอามันใส่ถุงอย่างที่สัญญากับพ่อ แต่เลือกเอามันใส่ตะกร้าหน้ารถจักรยานสี่ล้อปั่นไปไหนมาไหนด้วยแทน พี่ตะวันไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแต่วันหนึ่งมันก็หายไป พี่ตะวันนอนร้องไห้ไปอีกสามวันจนพ่อของผมใจอ่อนอีกรอบนึง

หมาตัวที่สามของพี่ตะวันก็ยังคงเป็นปักกิ่ง เทอเรียและชื่อตะวันฉาย...แต่มันเป็นหมานักหนีออกจากบ้าน คือถ้าเผลอ มันจะวิ่งหนีสุดชีวิต...แล้ววันหนึ่งมันก็โดนรถชนตายขณะวิ่งหนีและ ต่อหน้าต่อตาพี่ตะวัน...

“หวิดไปทั้งคน ทั้งหมา!”แม่ว่าอย่างนั้น เพราะพอเจ้าตะวันฉายวิ่งหนี พี่ตะวันก็วิ่งตาม และรถเลือกทับหมาแทนที่จะทับเด็ก

พี่ตะวันยังคงนอนร้องไห้ และหลังจากนั้นสามวัน ผมก็เกิด และชื่อตะวันฉาย เพียงแต่ไม่ใช่ปักกิ่ง เทอเรีย แต่พี่ตะวันก็ตั้งชื่อให้ว่าตะวันฉาย...

ผมไม่มีโอกาสเลี้ยงหมาเหมือนพี่ตะวัน เพราะเมื่อผมร้องไห้อยากได้ลูกหมาตัวเล็กๆพี่ตะวันก็บอกว่า...

“ไม่เอานะฉาย มันน่ารักก็แต่เวลา มันเอาขนมาไว้ข้างนอก แต่เวลามันเอาไส้มาไว้ข้างนอก มันไม่น่ารัก!”พี่ตะวันมักพูดไปร้องไห้ไป...ผมเลยถูกแม่ดุทุกครั้งที่ร้องขอเลี้ยงลูกหมา...

และตั้งแต่ผมเกิด ดูเหมือนพี่ตะวันจะเหมาเอาว่าผมเป็นสมบัติส่วนตัวของพี่ตะวันเหมือนเจ้าตะวันฉายสามตัวแรก พี่ตะวันเคยพยายามเอาถุงมาใส่ผม แต่ไม่สำเร็จ เหมือนที่พยายามเอาผมใส่ไว้ในตะกร้าจักรยานสี่ล้อของตัวเองแต่ก็ไม่สำเร็จอีกเช่นกัน...มาสำเร็จก็เมื่อเอาผมซ้อนจักรยานปั่นไปไหนมาไหนด้วยกันได้ เพียงแต่เมื่อเวลาของการ์ตูนเรื่องโปรดมาถึง พี่ตะวันก็ปั่นจักรยานหน้าตั้งกลับมาถึงบ้านพร้อมเบาะหลังอันว่างเปล่า... หลังจากนั้นแม่จึงแก้ปัญหาโดยการเอาเชือกมัดผมติดไว้กับหลังพี่ตะวัน...มันไม่ยากเกินคาดเดา...คือล้มคว่ำลงไปทั้งคนทั้งรถ เหลือบาดแผลลูกผู้ชายที่ขาซ้ายพี่ตะวัน กับที่แขนซ้ายของผม มาจนถึงทุกวันนี้

ว่าด้วยเรื่องราวของเรา

อย่างที่เล่า...แม้แม่จะบอกว่าตัวเองกับน้าโอ๋ต่างกันสุดขั้ว แต่ผมเห็นด้วยกับพ่อคือแม่กับน้าโอ๋มีอะไรเหมือนๆกัน...อาจจะไม่เหมือนกันอยู่อย่างเดียวก็คือมีสามีไม่เหมือนกัน...ส่วนลูก แม่บอกว่าผมกับพี่ตะวันเป็นเด็กสาธารณะ คือเป็นลูกสองบ้านเท่าๆกัน...ดังนั้น จึงมีแค่สามีเท่านั้น ที่แม่กับน้าโอ๋มีไม่เหมือนกัน

อย่างที่ผมเล่า...พ่อนอนเปลเดียวกันมากับน้าโอ๋ตั้งแต่เด็ก อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงรักพี่ตะวันเหมือนลูกของตัวเอง... พอๆกับที่รักผมเหมือนลูกของคนข้างบ้านซะงั๊น...

อย่างที่ผมเล่า...ว่าน้าโอ๋เป็นของแปลก และยิ่งยืนยันความแปลกด้วยการเก็บกระเป๋าออกไปท่องโลกพร้อมน้ามะ ที่แปลกพอๆกัน ตอนพี่ตะวันอายุสิบหกปี...ผ่านไปเนิ่นนาน ไม่มีทั้งข่าวคราวและไม่เคยกลับมาอีกเลย

อย่างที่ผมเล่า...พี่ตะวันเหมาว่าผมเป็นสมบัติส่วนตัวเหมือนไอ้ตะวันฉายสามตัวแรก แม้เวลาจะผ่านไปยิ่งกว่าเนิ่นและนาน แต่ดูเหมือนพี่ตะวันไม่เคยจะยอมเปลี่ยนความคิด...ยังคงเห็นผมเป็นสมบัติส่วนตัว...คือทิ้งขว้างได้ตามใจชอบ...เพราะถ้าไม่ใช่สมบัติส่วนตัว ก็คงจะทิ้งๆขว้างๆไม่ได้...

และสิ่งที่ผมยังไม่ได้เล่า แต่กำลังจะเล่า...คือเรื่องราวระหว่างเรา...ผมกับพี่ตะวัน... เมื่อมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง...

จบ...ก่อนบทที่1 ...ก่อนความรักจะเริ่มต้น


หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: สาวตัวกลม ที่ 19-04-2008 19:35:04
เข้ามาให้กำลังใจพี่THIP ชอบเรื่องที่คุณ ภักD เขียนมากเลยคะ :oni2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 19-04-2008 19:43:45
มาให้กำลังใจเหมือนกาน
มาต่อเร็วๆๆๆเน้อ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 19-04-2008 19:55:16
ขอบคุณกับเรื่องดีๆของคุณภัคD
ดีใจจังที่จะได้อ่านเรื่องที่มีภาษาสวยๆอีก


มาเป็นกำลังใจให้นะคะ

รออ่านต่อค่ะ :m1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 19-04-2008 20:33:16
กรีดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

me// ตาลุกตาวาว


ทิพๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

me// เต้นแร้งเต้นกากระพือปีกพรึบๆ


นิยายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

me//  :pighaun:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 19-04-2008 20:37:18
กริ้ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กริ้ดเป็นเพื่อนเจ้สอง

ชอบมากๆ โดนใจอีกแล้วครับ



เป็นกำลังใจให้พี่ทิพย์เสมอครับ  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Mono_Koro ที่ 19-04-2008 20:40:33
ว้าว  :m1: :m1: :m1:


เรื่องใหม่ของคุณภักดีมาเเร้วววววววววว


รอเป็นกำลังใจให้นะครับ

 :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 19-04-2008 20:55:26
ปลื้มเรื่องแบบนี้อะ  :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 19-04-2008 21:31:43
อ่านแล้วยิ้มได้เลยครับบบบบบบ


รู้สีกได้ถึงความอบอุ่น.......

ชอภาษาที่ใช้จังครับ

รอตอนต่อไปครับ

ปล.น้าโอ๋อย่างฮา
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 19-04-2008 22:59:47
อืมๆๆๆ  :m1:เรื่องราวน่าติดตามดีจัง ทั้งที่เนื้อหามันเยอะ แต่ทำไมกลับอ่านได้ไม่เบื่อเลย แถมยังอ่านทุกตัว ทั้งที่ปกติเหนข้อความพรืดๆ แล้วมันมักอ่านแบบลวกๆ เอาแค่พอเข้าใจ :m23:

แต่พอมาอ่านเม้นของคนอื่นๆ ตั้งแต่อ่านเรื่องราวในบอร์ดนี้มา เพิ่งเคยเหนมีคนชมว่าชอบการใช้ภาษา สงสัยจะเพราะเหตุนี้เหมือนกัน ที่ทำให้เราอ่านแล้วไม่เบื่อ :m4:

จะคอยติดตามผลงานค่ะ  ฝากตัวเปนแฟนคลับเรื่องนี้ด้วยคน :L2:

ปล. ชอบตอนสุดท้ายจังค่ะ ข้อความนี้อ่ะ ใจมันเจ็บแปลบๆไงไม่รู้ :m15:
อย่างที่ผมเล่า...พี่ตะวันเหมาว่าผมเป็นสมบัติส่วนตัวเหมือนไอ้ตะวันฉายสามตัวแรก แม้เวลาจะผ่านไปยิ่งกว่าเนิ่นและนาน แต่ดูเหมือนพี่ตะวันไม่เคยจะยอมเปลี่ยนความคิด...ยังคงเห็นผมเป็นสมบัติส่วนตัว...คือทิ้งขว้างได้ตามใจชอบ...เพราะถ้าไม่ใช่สมบัติส่วนตัว ก็คงจะทิ้งๆขว้างๆไม่ได้...

 
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 19-04-2008 23:15:33
โอ้ .. ดีใจที่เรื่องนี้มาที่เล้าเป็ด

เป็นเรื่องที่อ่านแล้ว ประทับใจสุดๆ กับทั้งเนื้อเรื่องและภาษาที่ใช้


 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 19-04-2008 23:48:07
ต้องสนุกแน่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :a2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 20-04-2008 00:37:04
 o13 เริ่มได้ฮามาก
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ครูคนเมือง ที่ 20-04-2008 00:38:36
โอ้โห ภาษา

อ่านแล้วสะดุ้งเลย

ขอบอกว่าสุดยอดมากๆ
อ่านไม่มีสะดุดสักนิด แทรกอารมณ์ขันได้อย่างพอเหมาะพอดี

โดยรวม

เริ่ดดดดดดดดด o7
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 20-04-2008 01:07:34
เรื่องขึ้นต้นมาก็น่ารักเลย  :m1:

รออ่านตอนต่อไปค่ะ  :oni1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: sirasyung ที่ 20-04-2008 01:56:07
ได้อ่านเรื่องใหม่แล้ว  :laugh:

เริ่มเรื่องได้น่ารักมากกกกก :o8:

มาอัพต่อเร็ว ๆ นะฮับ รออ่าน :oni2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 20-04-2008 03:13:21
น่าติดตาม และ ตามติด 

อิอิ :m23:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 20-04-2008 16:25:22
ทิพจ๋า

ถึงแม้ว่าตอนที่พิมพ์ข้อความอยู่นี้สองยังจะมี "ความเมา" หลงเหลืออยู่ในสติสัมปชัญญะอยู่บ้าง

เพราะเมาค้าง

แต่ที่แน่ใจได้เลยว่าเป็นความจริง

คืออยากอ่านนิยายเรื่องนี้ต่อจ้า

ทิพเชื่อสองเหอะ

สองอยากอ่านจริงๆ


สอง
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 20-04-2008 17:55:16
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 1

ความรัก...มันเริ่มเมื่อผมฝัน....


ความรักมันเริ่มเมื่อผมถูกปลุกขึ้นมากลางดึกคืนหนึ่ง เพื่อมายืนดูพี่ตะวันที่ใส่เสื้อยืดสีขาวกับ กางเกงเลสีชมพูสดแสบตาเหมือนรองเท้าแตะและผมเดร็ดร็อคยาวๆไม่ตอดหนังหัว... ยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่หน้าบ้าน

ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นพี่ตะวันร้องไห้ เพราะบ่อน้ำตาพี่ตะวันตื้นกว่าน้ำก้นถ้วยน้ำจิ้มเสียอีก

“ก็โดนตามใจจนเคยตัว คิดว่าพอร้องไห้แล้วก็ได้ทุกอย่าง!”...ไม่ใช่คำพูดของน้าโอ๋...หรือของแม่ หรือของพ่อผมหรือน้ามะ...แต่ มันเป็นแค่บทพูดในละครทีวี ที่พอทุกคนได้ยิน ก็หันไปมองดูพี่ตะวัน ก่อนหันกลับมามองหน้ากันเองและถอนหายใจอย่างเห็นพ้องต้องกันโดยไม่ต้องเอ่ยปาก

“ทำไมตะวันจะร้องไห้ไม่ได้...ถ้าร้องไม่ได้ น้ำตามันไหลออกมาได้ยังไงล่ะ?”ส่วนนี่คือคำพูดของพี่ตะวัน ที่ยืนกรานว่าตัวเองมีสิทธิ์จะร้องไห้ ตราบใดที่ร่างกายยังผลิตน้ำตาออกมาได้

แต่วันนี้พี่ตะวันมายืนร้องไห้ด้วยข้อเรียกร้องที่พ่อกับแม่หามาให้ไม่ได้...

ตอนนั้นผมยังเป็นแค่เด็กอายุสิบสองขวบที่กำลังเกือบๆจะได้ฝันเปียกครั้งแรก ซึ่งก็ถือว่าช้ากว่าคนอื่น ผมจึงทำได้เพียงยืนอ้าปากหวอ พยายามลืมตาซึ่งสำเร็จก็แค่ข้างเดียว มองดูพี่ตะวันที่น้ำตาไหลพลั่กๆ ยื่นกระดาษใบหนึ่งให้แม่

...จะไปค้นหาตัวเอง อาจใช้เวลาสักหนึ่งวัน...สองคืน...สามอาทิตย์...สี่เดือน หรือห้าปี...ไม่ต้องห่วง...

จดหมายจากน้าโอ๋กับน้ามะ สั้นๆ ง่ายๆ หากแต่ดูจะไม่ได้ใจความอะไรเลย...

ผมไม่รู้ว่าน้าโอ๋ กับน้ามะ มี ‘ตัวเอง’อะไรให้ต้องค้นหากันอีก...ในเมื่อน้าโอ๋กับน้ามะก็เป็นตัวเองอย่างกู่ไม่กลับตามคำบอกของแม่อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว

การหายตัวไปของน้าโอ๋กับน้ามะ เรียกร้องเอากับใคร หรือแจ้งตำรวจก็ไม่ได้ เพราะในจดหมายบอกไว้อยู่แล้วว่า...หรือห้าปี...ดังนั้นเมื่อยังไม่พ้นห้าปี เราก็คงต้องรอไปเรื่อยๆ

“มองโลกในแง่ดี...ก็ยังดีที่พวกมันไม่เขียนต่อว่า ห้าปี หรือหกชาติ!”แม่พูดหลังจากอ่านจดหมายของน้าโอ๋กับน้ามะ...ไม่รู้ว่าแม่หวังจะปลอบใจพี่ตะวันหรือเปล่า แต่ถ้าใช่ก็ถือว่าได้ผล เพราะพี่ตะวันมองแม่ตาปริบๆ ลืมร้องไห้ไปได้แป๊บนึง...

คืนนั้นพี่ตะวันเลยมานอนที่บ้าน ในห้องผม บนเตียงผมและกับผม...ที่เกือบๆจะได้ฝันเปียกครั้งแรกถ้าไม่ถูกปลุกขึ้นมาเสียก่อน

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย คือทำให้พี่ตะวันหยุดร้องไห้ และขึ้นไปนอนหลับอยู่บนเตียงกับผม มันก็เป็นภาคต่อของการฝันเปียกครั้งแรก...ทุกอย่างลุล่วงไปด้วยดี ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าพร้อมความสำเร็จของการฝันเปียกครั้งแรก...แต่ในฝัน บุคคลนิรนามของฝันเปียกครึ่งแรกก่อนถูกปลุกกลับกลายเป็นพี่ตะวันในฝันเปียกครึ่งที่สองหลังหลับต่อ...

เขาว่ารักครั้งแรกยากจะลืม...

เขาว่ารักครั้งแรก จะเปลี่ยนตัวเราไปตลอดกาล...

แล้วฝันเปียกครั้งแรกล่ะ?

ผมไม่รู้ว่าฝันเปียก มันทำปฏิกิริยากับความผูกพัน ผสมผสานกับเสียงสะอื้นน่ารำคาญ และคลุกเคล้าจนเข้ากันดีกับอ้อมแขนของพี่ตะวันที่ใช้ผมแทนหมอนข้างในคืนนั้น จนเคาะพิมพ์ออกมาได้เป็นความรักหรือเปล่า...แต่นับจากวันนั้น ความรู้สึกมันก็เปลี่ยนไปอย่างช่วยไม่ได้

หลังจากผ่านฝันเปียกไปอีกสองหรือสามครั้ง โดยมีพี่ตะวันครองบทบาทผู้แสดงนำ...ผมก็ตัดสินใจบอกรักพี่ตะวัน

“ฉายรักตะวัน...”ผม...เด็กชายอายุสิบสองขวบ กำลังบอกรักพี่ชายที่เพิ่งเป็นกำพร้าบ้านข้างๆ ซึ่งอายุสิบหกขวบ

“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง!”พี่ตะวันตอบอย่างอารมณ์บูดๆ คงเพราะยังไม่ค่อยชินกับสถานะความเป็นกำพร้าเท่าไหร่

อกหักหรือเปล่า?ไม่มั๊ง ก็ผมยังไม่ได้ยินการปฏิเสธ...

“ฉาย...รัก...ตะวัน”ผมพูดทวนอีกครั้ง เผื่อเมื่อกี้จะพูดเร็วไปจนฟังไม่รู้เรื่องอย่างที่พี่ตะวันว่า

“อารมณ์ไหนเนี่ย!?”พี่ตะวันพูดด้วยอารมณ์ที่ยังบูดสนิทเหมือนๆเดิม แต่ดันย้อนถามผมว่าอารมณ์ไหน แต่ผมตอบไม่ถูกเพราะไม่แน่ใจว่า รัก...นี่จัดเป็นอารมณ์รูปแบบนึงหรือเปล่า

“อารมณ์รัก” แต่ผมก็ตอบออกไปแบบนั้น และแถมไปอีกหนึ่งประโยค เมื่อเห็นพี่ตะวันกำลังใช้ส้อมจิ้มหมูทอดชิ้นสุดท้ายในจานตรงหน้าไป

“แม่ทอดให้คนละห้าชิ้น ฉายเพิ่งกินไปสี่ชิ้น ชิ้นสุดท้ายของฉาย!”

หลังจากเป็นกำพร้า พี่ตะวันก็มากินข้าวบ้านผมทุกวัน และเกือบๆจะทุกมื้อ ซึ่งจริงๆก็เหมือนกับตอนก่อนเป็นกำพร้า เพราะพี่ตะวันมักบอกว่าน้าโอ๋แม่ตัวเองทำกับข้าวไม่อร่อย...ซึ่งผมเห็นจริงด้วย นึกเสียดายวัตถุดิบทุกทีที่น้าโอ๋ริทำกับข้าว...แต่ใช่ว่าแม่ผมจะทำอร่อยหรอกนะ...แค่อร่อยกว่าน้าโอ๋ทำเท่านั้นเอง...

“ชิ้นนั้นของฉาย!”ผมย้ำอีกครั้ง เมื่อพี่ตะวันยังจิ้มหมูชิ้นสุดท้ายไปใส่จานตัวเอง

“ความรักคือการเสียสละ!”พี่ตะวันบอก ก่อนตักซอสพริกบรรจงวางลงบนหมูทอดอย่างสวยงาม

“งั๊นทำไมตะวันไม่เสียสละให้ฉายล่ะ?”ผมถาม มองดูหมูทอดอันควรจะเป็นสิทธิ์ของผมแต่อยู่ในจานพี่ตะวัน

“ก็ทำไมต้องเสียสละล่ะ?”พี่ตะวันย้อนถามก่อนจิ้มหมูทอดด้วยซ้อมอีกครั้ง

“ก็ความรักคือการเสียสละ...”ผมทวนสิ่งที่พี่ตะวันบอก

“อือ...”พี่ตะวันรับคำผม ก่อนส่งหมูทอดชิ้นสุดท้ายเข้าปากตัวเอง

ผมอกหักซะแล้ว...หมูทอดชิ้นสุดท้ายคือการปฏิเสธความรักของผมอย่างละมุนละม่อมที่สุด...

แต่ยังไม่ทันได้เศร้า ผมก็ต้องรีบจิ้มหมูทอดชิ้นก่อนสุดท้ายในจานตัวเองเข้าปาก เพราะเห็นพี่ตะวันเหลือบตามองมัน...การถูกปฏิเสธความรักครั้งเดียวก็เกินพอสำหรับเด็กอายุสิบสองขวบอย่างผม ผมไม่ต้องการให้พี่ตะวันใช้หมูทอดชิ้นก่อนสุดท้ายมาเป็นเครื่องมือปฏิเสธความรักของผมเป็นรอบที่สอง

“เพื่อนชวนตะวันไปขายตัว...”พี่ตะวันหันไปบอกแม่ หลังจากกลืนหมูทอดของผมลงคอไป

“คราวนี้เป้าหมายของการขายคืออะไรอีกล่ะ?”แม่ถาม เพราะแม่คิดว่าการกระทำทุกอย่างบนโลกนี้มีที่มาและที่ไป มีสาเหตุและเป้าหมายเสมอ...ยกเว้นก็แต่น้าโอ๋...และตัวแม่เอง

และที่ต้องมีคำว่า...คราวนี้ และ อีกล่ะ...เพราะหลังจากพี่ตะวันเป็นกำพร้า ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่สามแล้วที่พี่ตะวันตัดสินใจจะขายตัว...

“พรุ่งนี้ตะวันต้องซื้อสี กับเฟรมวาดรูป”พี่ตะวันบอกเป้าหมายการตัดสินใจไปขายตัว

“เท่าไหร่?”แม่ถาม

“สี่ร้อยบาท...”พี่ตะวันตอบ

“ก่อนจะขายครั้งต่อไปก็มาถามน้าก่อน น้าไม่มีให้เมื่อไหร่ ค่อยไปขายนะ รู้รึเปล่า!”แม่บอกเป็นครั้งที่สามเช่นกัน หลังจากหยิบแบงค์ห้าร้อยในกระเป๋าส่งให้พี่ตะวัน

“อย่าลืมทอนมาหนึ่งร้อยบาท!”ผมบอก เพราะห้าร้อยลบสี่ร้อยย่อมเท่ากับหนึ่งร้อยบาท

“ตะวันต้องไปขา...”พี่ตะวันจะพูดอะไรไม่รู้สักอย่าง แต่จริงๆก็ไม่ยากเกินคาดเดานัก แม่เลยตัดบท คงเพราะขี้เกียจฟัง...

“ไม่ต้องทอน เอาไว้ไปโรงเรียน!”

“ขอบคุณครับ แม่กลับมาแล้วตะวันจะเอามาคืนให้”พี่ตะวันพูดพลางยกมือไหว้ขอบคุณแม่ แล้วก็ลุกจากโต๊ะไป

“ฉายอกหัก!”ผมบอกแม่ เมื่อพี่ตะวันเดินออกจากห้องไปแล้ว

“เมื่อไหร่?”แม่ถาม

“เมื่อกี้!”ผมตอบ ไม่เข้าใจว่าแม่จะถามทำไม ในเมื่อตอนผมบอกรักและพี่ตะวันปฏิเสธ แม่ก็ยืนล้างถ้วยจานอยู่ใกล้ๆ

“แม่อกหักครั้งแรกตอนอายุสิบขวบ แม่นึกว่าฉายเคยอกหักแล้วซะอีก ไม่คิดว่าจะช้าขนาดนี้...เพราะฉะนั้นอย่าพูดไปนะ อายเค้า!”แม่พูดหลังจากมองดูผมและขยับตัวไปมองดูพี่ตะวันที่เดินไปล้มตัว นั่งดูทีวีกับพ่อที่ห้องนั่งเล่น แล้วแม่ก็ยกจานไปล้างอีกครั้ง ไม่สนใจผมอีก...

ผมชื่อตะวันฉาย มีความรักครั้งแรกตอนอายุสิบสองขวบ

มีเวลาสารภาพรักแค่ชั่วเวลาหมูทอดหนึ่งชิ้นถูกเหยาะซอส และมีเวลาอกหักแค่ชั่วเคี้ยวหมูทอดชิ้นนั้น...

ความเจ็บปวดจากการอกหักก็ไม่ได้รับการแลเหลียวเพราะดันอกหักช้ากว่าเวลาอันควร และหมดโอกาสที่จะระบายความในใจกับใครๆเพราะผมกลัวจะ...อายเค้า!...อย่างแม่ว่า

อกมันกลัดหนองหรือเปล่าไม่รู้เพราะมองไม่เห็น...รู้แต่ฝันเปียกครั้งต่อๆมา ก็ยังมีพี่ตะวันเป็นดารานำแสดงเหมือนๆเดิม


จบ...ความรัก...มันเริ่มเมื่อผมฝัน....

หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 20-04-2008 18:22:58
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 1
..

ผมชื่อตะวันฉาย มีความรักครั้งแรกตอนอายุสิบสองขวบ

มีเวลาสารภาพรักแค่ชั่วเวลาหมูทอดหนึ่งชิ้นถูกเหยาะซอส และมีเวลาอกหักแค่ชั่วเคี้ยวหมูทอดชิ้นนั้น...

ความเจ็บปวดจากการอกหักก็ไม่ได้รับการแลเหลียวเพราะดันอกหักช้ากว่าเวลาอันควร และหมดโอกาสที่จะระบายความในใจกับใครๆเพราะผมกลัวจะ...อายเค้า!...อย่างแม่ว่า

อกมันกลัดหนองหรือเปล่าไม่รู้เพราะมองไม่เห็น...รู้แต่ฝันเปียกครั้งต่อๆมา ก็ยังมีพี่ตะวันเป็นดารานำแสดงเหมือนๆเดิม


จบ...ความรัก...มันเริ่มเมื่อผมฝัน....



ชอบอ่า.........

อ่านแล้วชอบจัง

ชอบสำนวนการเขียนแบบนี้ครับ

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: สาวตัวกลม ที่ 20-04-2008 18:28:19
เข้ามารอตอนต่อไปคะ o13
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: madboo ที่ 20-04-2008 18:33:47
กร๊าก~ น้องตะวันฉายฮาสุดยอด
น่าจะให้พี่ตะวันไปขายตัวดูนะ =[]="
แล้วพ่อแม่ไม่ทิ้งเงินไว้บ้างเลยหรือไงกัน
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 20-04-2008 18:37:59
อ่านเรื่องนี้แล้ว อารมณ์เหมือนดูแฟนฉัน  :m23:

ชอบเรื่องแบบเนี่ย รัก LOVE เรื่องนี้เลยอะ  :m1:

ช๊อบชอบ  :oni1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 20-04-2008 18:53:28
ผมไม่รู้ว่าฝันเปียก มันทำปฏิกิริยากับความผูกพัน ผสมผสานกับเสียงสะอื้นน่ารำคาญ และคลุกเคล้าจนเข้ากันดีกับอ้อมแขนของพี่ตะวันที่ใช้ผมแทนหมอนข้างในคืนนั้น จนเคาะพิมพ์ออกมาได้เป็นความรักหรือเปล่า...แต่นับจากวันนั้น ความรู้สึกมันก็เปลี่ยนไปอย่างช่วยไม่ได้


 :m4: :m4:ชอบตอนนี้ค่ะ เรียงร้อยถ้อยคำได้น่ารักจังค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 20-04-2008 20:07:41
 :o

ทิพนี้เหมือนมีญาณเลยอะ

เอามาลงจิ้มตูดสองเลย อิอิ

เรื่องนี้เวลาอ่านต้องตั้งใจนิดนึงเนาะ  อ่านด้วยสปรีดความเร็วเดิมๆ ไม่ได้  เด๋วมันจะงง  อิอิ

แต่สองเจอจุดพลาดแหละ....“ความรักคือการเสียสละ!”พี่ตะวันบอก ก่อนตักซอสพริกบรรจงวางลงบนหมูทอดอย่างสวยงาม

มันน่าจะเป็น "บรรจงราด"  หรือเปล่า

ช่วยถามคุณคนเขียนให้ด้วยนะ


สอง
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 20-04-2008 20:34:04

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 20-04-2008 21:44:48
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 1
..

ผมชื่อตะวันฉาย มีความรักครั้งแรกตอนอายุสิบสองขวบ

มีเวลาสารภาพรักแค่ชั่วเวลาหมูทอดหนึ่งชิ้นถูกเหยาะซอส และมีเวลาอกหักแค่ชั่วเคี้ยวหมูทอดชิ้นนั้น...

ความเจ็บปวดจากการอกหักก็ไม่ได้รับการแลเหลียวเพราะดันอกหักช้ากว่าเวลาอันควร และหมดโอกาสที่จะระบายความในใจกับใครๆเพราะผมกลัวจะ...อายเค้า!...อย่างแม่ว่า

อกมันกลัดหนองหรือเปล่าไม่รู้เพราะมองไม่เห็น...รู้แต่ฝันเปียกครั้งต่อๆมา ก็ยังมีพี่ตะวันเป็นดารานำแสดงเหมือนๆเดิม


จบ...ความรัก...มันเริ่มเมื่อผมฝัน....



ชอบอ่า.........

อ่านแล้วชอบจัง

ชอบสำนวนการเขียนแบบนี้ครับ

รอตอนต่อไปครับ

คิดเหมือนกันเลย :m1:
กะชอบตอนนี้มากๆอ่า...
“ชิ้นนั้นของฉาย!”ผมย้ำอีกครั้ง เมื่อพี่ตะวันยังจิ้มหมูชิ้นสุดท้ายไปใส่จานตัวเอง

“ความรักคือการเสียสละ!”พี่ตะวันบอก ก่อนตักซอสพริกบรรจงวางลงบนหมูทอดอย่างสวยงาม

“งั๊นทำไมตะวันไม่เสียสละให้ฉายล่ะ?”ผมถาม มองดูหมูทอดอันควรจะเป็นสิทธิ์ของผมแต่อยู่ในจานพี่ตะวัน

“ก็ทำไมต้องเสียสละล่ะ?”พี่ตะวันย้อนถามก่อนจิ้มหมูทอดด้วยซ้อมอีกครั้ง

“ก็ความรักคือการเสียสละ...”ผมทวนสิ่งที่พี่ตะวันบอก

“อือ...”พี่ตะวันรับคำผม ก่อนส่งหมูทอดชิ้นสุดท้ายเข้าปากตัวเอง

ผมอกหักซะแล้ว...หมูทอดชิ้นสุดท้ายคือการปฏิเสธความรักของผมอย่างละมุนละม่อมที่สุด...
คิดได้ไงอ่า สุดยอด :o8:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 20-04-2008 21:56:50
พึ่งเหงว่าทิพย์เอานิยายเรื่องใหม่ของคุณภัคDมาลง ยางมะได้อ่านเยย อิอิ   :laugh:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 20-04-2008 22:16:28
ครอบครัวนี้ป่วงดี ชอบๆ  :a2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Mono_Koro ที่ 20-04-2008 22:41:01
จบตอนที่หนึ่งเเบบอึ้งๆ


ชอบสำนวนเขียนมากเลยครับ


เป็นกำลังใจให้นะครับ

  :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: KiKuMon ที่ 20-04-2008 23:57:02
ครอบครัวนี้

โคตรจะ

แ น ว ! ! !

คิดได้ไง

แต่ละมุก

ชอบ

ที่บอกว่าอกหัก

 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 21-04-2008 00:05:24
เขามาติดตามและเป็นกำลังใจให้พี่ทิพย์ครับ   :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 21-04-2008 07:50:56
ฉายตลกดีจัง ตอนบอกรักตะวัน  ยังห่วงหมูทอดอีกแน่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 21-04-2008 08:27:53
ชอบอ่า..
 :m1:

เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: yukisaki ที่ 21-04-2008 10:25:30
ครอบครัวนี้น่าอยู่ด้วยจริงๆ  :laugh: :laugh: :laugh:


รออยู่น้า~ :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 21-04-2008 18:11:29
:laugh: ไปค้นหาตัวเองหรือหนีหนี้

ขอตอนต่อไป  :a4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gift_deb ที่ 21-04-2008 18:43:52
เข้ามาติดตามด้วยคนค่ะ :m1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 21-04-2008 19:02:22
รอมาต่อ...  :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 21-04-2008 19:07:14
ดูเป็นครอบครัวตัวพิลึกยังไงไม่รู้อ่ะ 555+
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 21-04-2008 19:52:20
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 2

ความรัก...ก็เหมือนภาพที่ยังวาดไม่เสร็จ


ไม่รู้ว่าผมเคยบอกไปหรือยังว่าพี่ตะวันวาดรูปเก่ง...ชอบวาดรูป และเลือกเรียนสายอาชีพสาขาวิชาจิตรกรรมแทนที่จะเรียนสายสามัญ

หรือถ้าจะให้พูดอีกอย่างคือ...พี่ตะวันเรียนหนังสือไม่เก่ง ไม่ชอบเรียนหนังสือ และหมดสิทธิ์เลือกเรียนสายวิชาสามัญ...เพราะสอบเข้าที่ไหนก็คงไม่ผ่าน

ในขณะที่ชื่อผมมักได้ขึ้นบอร์ดในฐานะนักเรียนที่ได้คะแนนสอบสูงสุด...ไม่ใช่แค่ระดับห้อง หากแต่เป็นระดับชั้น... ได้ใบประกาศเกียรติคุณสารพัดจนแม่เลิกเอามันใส่กรอบ หันมายัดใส่แฟ้มก่อนจะเทรวมลงกล่องไว้ในห้องเก็บของ เพื่อรอเวลาชั่งกิโลขายในที่สุด

ถ้าหนึ่งกิโลของเศษกระดาษที่ถูกชั่งกิโลขายเป็นใบประกาศเกียรติคุณของผมเสียครึ่งกิโล อีกครึ่งกิโลคือจดหมายเรียกผู้ปกครองไปพบของพี่ตะวัน

ผมอยากจะบอกว่ากฎข้อเดียวที่พี่ตะวันไม่ทำผิดก็คือ...อะไรสักข้อ...ซึ่งคิดให้ตายก็คิดไม่ออก

สำหรับพี่ตะวันดูคล้ายว่า กฎคือสิ่งที่ต้องทำผิด...

“ก็ทำไมล่ะ พอทำแล้วก็ไม่เห็นเกิดอะไรขึ้นเลยยกเว้นถูกด่าว่าทำผิดกฎ!”พี่ตะวันเถียงน้ำตานองหน้า เมื่อโดนแม่ของผมดุแค่ครึ่งประโยคยังไม่จบด้วยซ้ำ เมื่อทางอาจารย์เตือนมาว่า หากพี่ตะวันไม่ปรับปรุงตัว อาจจะโดนไล่ออกทั้งที่เกือบจะจบม.สามอยู่ไม่กี่เดือนข้างหน้าแล้ว

“ก็กฎมันมีไว้ให้ทำตาม คุณครูตะวันไม่ได้สอนเหรอ?”ผมที่ตอนนั้นยังอายุแค่สิบขวบและยังไม่หลงรักพี่ตะวันถาม พลางมองน้ำตาบนแก้มพี่ตะวัน

“ก็ทำไมต้องทำล่ะ ไม่ทำก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย!”

“ไม่เป็นแล้วร้องไห้ทำไม?”

“ฉาย เราเป็นน้องพูดกับพี่เขาแบบนี้ได้ยังไง?”พ่อหันมาดุผม ก่อนหันกลับไปพูดกับพี่ตะวัน

พ่อดุผมบ่อยๆเรื่องทำตัวไม่ค่อยสมกับเป็นน้อง แต่ผมว่าพ่อน่าจะดุพี่ตะวันมากกว่าที่ทำตัวไม่สมกับเป็นพี่

“ตะวัน...กฏมันมีไว้ให้ทำตาม เพื่อประโยชน์ของคนหมู่มาก...กฏในโรงเรียนตอนนี้ ตะวันอาจจะมองว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร ไม่ก่อให้เกิดผลอะไรร้ายแรงถ้าทำผิด ใช่ไหม?”พ่อถาม และพี่ตะวันพยักหน้ารับ

“มันก็แค่ฝึกให้เรารู้จักบังคับตัวเองให้อยู่ในกฎ เคารพในสิ่งที่คนหมู่มากตั้งขึ้น เพื่อวันหนึ่งเราออกไปอยู่ในสังคมที่ใหญ่ขึ้น ผลของการทำผิดกฎ ก่อผลที่ร้ายแรงขึ้น ตะวันเข้าใจไหม?”พ่อถามอีก แต่คราวนี้พี่ตะวันส่ายหัว

“กฎไม่ได้มีไว้เพื่อตัวเรา ตะวันเข้าใจหรือเปล่า แต่มีไว้เพื่อปกป้องคนอื่นด้วย”พ่อถามอีกครั้ง

“ไม่เข้าใจ!”แต่เป็นผมที่ตอบ

“โง่!”และพี่ตะวันหันมาด่า

“ตอบแทนตะวันนั่นแหละ!”ผมบอก

“ฉาย!”พ่อหันมาปรามผมอีก ก่อนหันไปหาพี่ตะวัน

“เอาง่ายๆอย่างกฎจราจร...เราเคารพกฎจราจรไม่ใช่เพื่อความปลอดภัยของตัวเราอย่างเดียว จริงๆมันเพื่อปกป้องคนอื่นด้วย เหตุผลมันคล้ายๆกัน...เรามองเห็นแค่ตัวเรา การเคารพกฎคือการปกป้องคนที่เรามองไม่เห็น แต่อาจได้รับกระทบจากการกระทำของเรา ตะวันเข้าใจไหม?...กฏง่ายๆในโรงเรียนเพื่อสอนให้เราคุ้นเคยกับการทำตามกฎอื่นๆในสังคม ตะวันเข้าใจหรือเปล่า...การที่ตะวันบอกว่าทำแล้วก็ไม่เห็นเกิดอะไรขึ้น...ผลมันอาจเกิดขึ้นกับคนอื่น โดยที่ตะวันไม่รู้...ตะวันเข้าใจไหม?”พ่อถาม แต่พี่ตะวันเงียบ

“ถ้าฉายไม่เป็นน้อง ฉายจะบอกว่าตะวันโง่...”ผมพูด

“ฉาย!”และพ่อหันมาปรามอีกครั้ง

“อะไรล่ะ พ่อ...ฉายก็ไม่ได้ว่าตะวันซักหน่อย ฉายบอกไงว่าถ้าฉายไม่เป็นน้อง ฉายถึงจะว่า!”ผมอธิบาย และพ่อก็ส่ายหัว

แม่บอกผมว่า ไอ้ที่พ่อพูดกับพี่ตะวันได้คล่องปากน่ะ ก็เพราะครั้งหนึ่ง...หรือจริงๆคือน่าจะหลายๆครั้ง...พ่อเคยพูดกับน้าโอ๋...และแน่นอน เข้าหูซ้ายเพื่อออกหูขวา จนพ่อเลิกพูดเพราะเมื่อยปาก...

แต่กับพี่ตะวัน...จะว่าพ่อสอนดีหรืออย่างไรก็ยากจะบอกแต่หลังจากนั้น ก็ไม่มีจดหมายจากทางโรงเรียนอีก

“เลยไม่มีกระดาษไปชั่งขายเลย!”น้าโอ๋บ่นเมื่อไม่มีจดหมายตักเตือนจากทางโรงเรียนพี่ตะวันอีก

การเรียนอยู่กับเฟรมรูปและสี ดูจะทำให้ชีวิตในโรงเรียนของพี่ตะวันมีความสุขกว่าการเรียนอยู่กับสูตรคูณและการท่องจำ

“ภาพของตะวันได้รางวัลที่หนึ่ง!”พี่ตะวันยิ้มหน้าบาน บอกพ่อกับแม่ ที่พลอยดีใจหน้าบานไปด้วย

พี่ตะวันอวดได้แต่กับพ่อและแม่เท่านั้น ส่วนน้าโอ๋และน้ามะมักบอกว่า...ฝีมือเท่าหางอึ่ง...

ดังนั้น ผมจึงไม่ค่อยแปลกใจที่ในบ้าน มีภาพวาดฝีมือพี่ตะวันเพิ่มเข้ามาทีละภาพ ทีละภาพ และต้องยอมรับว่ารูปพวกนั้นสวยกว่าใบประกาศอะไรต่อมิอะไรของผมบนข้างฝาเป็นไหนๆ...และถ้าถามว่าผมน้อยใจหรือเปล่าที่แม่และพ่อเอารูปวาดของพี่ตะวันมาแขวนข้างฝาบ้านแทนใบประกาศสารพัดของผม...คำตอบก็คือไม่!...ทำไมน่ะเหรอ?...ก็บนฝาผนังบ้านพี่ตะวันก็มีแต่ใบประกาศของผมเต็มไปหมด แถมไม่ใช่ใบประกาศแบบธรรมดาๆ เพราะน้าโอ๋กับน้าม่ะน่ะ เอาไปแต่งใหม่ให้ซะสวยจนเพื่อนๆผมพากันอิจฉา ส่วนครูอยากยึดคืน...

พี่ตะวันชอบวาดรูปดอกไม้ แต่ไม่ชอบวาดรูปคน ยกเว้นแต่งานที่ต้องวาดส่งอาจารย์ พี่ตะวันจึงจะยอมวาด และรูปคนของพี่ตะวันมักทัดดอกไม้ไว้ที่หู แม้จะเป็นรูปผู้ชาย...

จนเมื่อน้าโอ๋กับน้ามะออกเดินทางไปค้นหาตัวเอง พี่ตะวันตัดสินใจจะไปขายตัวสามครั้ง ก็ไม่มีครั้งที่สี่อีก แถมมีเงินมาคืนแม่

“เพื่อนชวนตะวันไปวาดรูป รูปตะวันขายได้!”พี่ตะวันบอกและยิ้มหน้าบาน ตอนเอาเงินมาให้แม่

“เพื่อนคนเดียวกับที่ชวนไปขายตัวหรือเปล่า?”แม่ถาม และพี่ตะวันพยักหน้ารับ

“แล้วเขาขายไปถึงไหนแล้วล่ะ?”แม่ถามอีก ไม่รู้หมายถึงรูปหรือตัว

“พี่เขาวาดรูปสวยกว่าตะวัน เลยขายรูปได้เยอะกว่า แต่ตัวนี่ขายไม่ออก พี่เขาบอกว่าถ้าเป็นตัว ตะวันน่าจะขายได้เยอะกว่า!”พี่ตะวันยิ้มภูมิใจ

“ถ้าวาดสวยกว่าตะวัน แล้วทำไมตะวันได้ที่หนึ่ง”แม่ค้านอย่างไม่ยอมเห็นจริงด้วย

“ตะวันเอารูปพี่เขาไปซ่อน ตะวันเลยได้ที่หนึ่งแค่ครั้งเดียวไง ครั้งหลังๆตะวันได้แต่ที่สอง น้าโอ๋จำไม่ได้เหรอ?”พี่ตะวันบอกเล่าความจริงแบบไม่มีอายสักนิด

“อ๋อ!...แล้วเขายังขายตัวอยู่หรือเปล่า?”

“ขาย แต่ยังขายไม่ออก!”

“ไว้น้าไปดูบ้างดีกว่า เขาขายยังไง”แม่พูด ไม่รู้ว่าพูดจริงหรือพูดเล่น

“เขาติดป้าย ขายตัว แต่ไม่ขายหัวใจ!”

“อ๋อ!...แล้วตะวันล่ะ?”

“ตะวันเลยติดว่า...ขายหัวใจ แต่ไม่ขายตัว!”

“อ๋อ!...แล้วมีคนมาขอซื้อหัวใจตะวันยังล่ะ?”แม่ถาม และค่อยยิ้มออก

“มีแล้ว...ขายไปแล้ว!”

“จริงสิ?”

“จริงสิ!”

พี่ตะวันบอกและยิ้ม ส่วนแม่ยิ้มไม่ออกไปอีกครั้ง

หลังจากนั้น ผมก็เห็นพี่ตะวันวาดรูปบ่อยขึ้น เพียงแต่รูปดอกไม้ของพี่ตะวันดูยากขึ้น และพี่ตะวันก็วาดรูปคนด้วย...พี่ตะวันบอกว่าต้องขยันวาด จะได้เอาไปขาย...

“ก็รับวาดรูปเหมือนด้วยไง...เพื่อนพี่วาดรูปล้อเลียน”

“แล้วตะวันจะเหน็บดอกไม้ไว้ที่หูทุกคนหรือเปล่า ?”ผมถาม นึกถึงรูปดอกไม้บนหูของรูปคนที่พี่ตะวันวาด

“ไม่รู้สิ...ฉายเป็นแบบให้พี่ฝึกมือหน่อยสิ!”

“แต่ห้ามเอาดอกไม้มาเสียบที่หูฉายนะ!”ผมแกล้งพูด ทั้งๆที่ดีใจจะตายที่พี่ตะวันจะวาดรูปผม

ผมชอบเวลาพี่ตะวันวาดรูป มันต่างกันลิบลับกับเวลาพี่ตะวันนั่งทำการบ้านเลข

“ทำไม่ได้ ทำให้หน่อยสิ!”พี่ตะวันมักโอดครวญกับการบ้านเลขเสมอๆ เพียงแต่พี่ตะวันไม่เคยขอให้สอน หากแต่มักบอกว่า...ทำให้หน่อย...ซึ่งก็โทษใครไม่ได้ เพราะแต่เด็ก เวลาพี่ตะวันโยเยไม่ยอมทำการบ้าน ก็แม่กับน้าโอ๋หรือน้ามะนั่นแหละ นั่งเขียนลายมือที่พยายามให้ดูโย้ๆเย้ๆ แทนให้ประจำ ซึ่งผมก็ไม่นึกตำหนิพี่ตะวัน เพราะการบ้านวาดรูปตั้งแต่เด็กจนโตก็น้าโอ๋ น้ามะจนถึงพี่ตะวันนั่นแหละทำให้ผมเหมือนๆกัน

แต่เมื่อการบ้านที่ว่าไม่ใช่คัดก.ไก่ หรือก.กา จึงไม่มีใครทำแทนพี่ตะวันได้


“แม่ไม่รู้เรื่อง ทำไมวิชาเลขมีภาษาปะกฤษด้วยล่ะ?” น้าโอ๋บอก เมื่อพี่ตะวันผลักสมุดการบ้านเลขไปให้ แถมมีคำถามแถมท้ายเป็นการยืนยันว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ

“พ่อก็ไม่รู้เรื่อง!”น้ามะรีบออกตัว เมื่อพี่ตะวันเหล่ตามอง

“น้าจำไม่ได้แล้ว”แม่ก็อีกคน แต่ดูจะรักษาฟอร์มมากกว่า

“งั๊นพรุ่งนี้แม่ปลุกเช้าๆนะ ตะวันจะไปลอกเพื่อน!”มันมักจบลงที่ประโยคนี้ถ้าพ่อของผมไม่อยู่บ้าน เพราะถ้าพ่ออยู่ พ่อจะเป็นคนนั่งสอน และพี่ตะวันมักบอกว่า

“น้าเจดสอนเก่งกว่าครูตะวันอีก...ครูตะวันสอนไม่รู้เรื่อง แต่น้าเจดสอนเกือบรู้เรื่อง!” หมายความว่า พ่อค่อยๆสอน ค่อยๆอธิบาย จนเสร็จไปเป็นข้อๆ แบบพี่ตะวันนั่งฟังและแอบหาวอย่างเดียว...

หากแต่เมื่อการบ้านคือการวาดรูป พี่ตะวันดูจะทำอย่างมีความสุขเสมอๆ ไม่เคยร้องขอให้ใครทำแทน ซ้ำยังหวงอีกต่างหาก

“ใครมายุ่งงานของตะวันอีกแล้ว?”คือประโยคที่ได้ยินจนชิน เพราะพอพี่ตะวันเผลอ น้าโอ๋หรือน้ามะ มักแอบไปหยอดนิดเติมหน่อย ด้วยข้อกล่าวหาว่า...ก็ตะวันไร้ฝีมือ!...

ผมจึงชอบดูเวลาพี่ตะวันวาดรูป...โดยเฉพาะเมื่อผมคิดว่าตัวเองหลงรักพี่ตะวัน ผมก็ยิ่งชอบนั่งดูเวลาพี่ตะวันวาดรูป ดังนั้นมันจึงอดดีใจไม่ได้เมื่อพี่ตะวันจะวาดรูปผม

ผมตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้า สระผม ใส่เสื้อตัวโปรดที่คิดว่าตัวเองใส่แล้วโคตรหล่อ วิ่งไปเป็นแบบให้พี่ตะวันถึงที่บ้าน

“จะวาดรูปนู้ด!”พี่ตะวันบอก ก่อนปรายตามองเสื้อผม

“หมายถึงรูปโป๊?”

“อือ...นั่นแหละ!”พี่ตะวันบอก ผมถึงเพิ่งนึกได้ รูปคนที่พี่ตะวันวาดมักเป็นรูปเปลือยครึ่งตัวกับดอกไม้หนึ่งดอก

ผมเลยถอดเสื้อตัวโปรดที่อุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามารีดจนเรียบกริบออก

“กางเกงด้วยดิ!”พี่ตะวันใช้ดินสอชี้มาที่กางเกงผม

“ทำไมล่ะ?”

“อ้าว ก็รูปนู้ดไง”

“ก็ตะวันวาดครึ่งตัวนี่”

“คราวนี้จะหัดวาดเต็มตัว...ถอดดิ”

ผมจำใจถอด ก็ไม่ได้เขินอะไร เพราะแก้ผ้าอาบน้ำกับพี่ตะวันมาแต่เด็ก

“กางเกงในด้วย!”

คราวนี้ผมเขิน เพราะแก้ผ้าอาบน้ำกับพี่ตะวันมาแต่เด็ก แต่ก็เลิกไปนานแล้ว

“เร็วดิ เป็นผู้ชายอายอะไร!”

“ไม่เอา!”

“ถอดดิ เร็ว!”

“ไม่!”

ให้นั่งยัน ยืนยัน สุดท้ายผมก็ต้องโป๊ยัน ตามใจพี่ตะวันจนได้

“เล็กชะมัด!”พี่ตะวันว่า เมื่อผมถอดกางเกงในออก

ผมยืนตัวแข็งมองดูพี่ตะวัน ที่ตาจับจ้องมาที่ผมสลับกับกระดาษที่ตรงหน้า...และสุดท้าย รูปที่พี่ตะวันร่างไว้ ก็เป็นแค่รูปครึ่งตัว

“ก็ไหนจะวาดเต็มตัว แล้วให้ฉายถอดกางเกงทำไม?”

“ก็มันเล็ก!”

“ฉายถามว่าให้ฉายถอดกางเกงทำไม?”

“ก็มันเล็ก...จิ๋วๆน่ะ รู้จักไหม จิ๋วหลิวเลย!”พี่ตะวันไม่พูดเปล่า ยังทำไม้ทำมือประกอบอีกต่างหาก

ผมไม่สนใจ เพราะผมรู้ว่ามันไม่เล็กขนาดนั้นซะหน่อย....ขนาดของมัน สมวัยต่างหาก!

เช้าวันใหม่ ผมวิ่งมาที่บ้านพี่ตะวันอย่างลิงโลด ตื่นเต้นนึกอยากเห็นรูปของตัวเองที่วาดโดยพี่ตะวัน และผมคิดว่าคงไม่โกรธหรอกถ้าพี่ตะวันจะวาดดอกไม้ไว้บนหูของผมด้วย...ผมตื่นเต้นด้วยซ้ำ ว่าที่ใบหูผมในรูปที่พี่ตะวันวาด พี่ตะวันจะทัดดอกอะไรไว้...

ภาพร่างของผมที่พี่ตะวันวาดค้างไว้ มันยังคงค้างคาอยู่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเพิ่มขึ้นหรือลดลง

ตรงข้ามกับกระดาษอีกใบ ที่เสร็จสมบูรณ์ เพียงแต่ไม่ใช่รูปผม...และเป็นภาพเต็มตัว...นู้ด...และ...สมวัย...

“ก็เขาเท่กว่า ไม่ขี้ก้างเหมือนฉาย!”พี่ตะวันให้เหตุผล พลางมองรูปวาดที่เสร็จสมบูรณ์นั้นอย่างชื่นชม

“อ๋อ...ไม่จิ๋วหลิวด้วย!”พี่ตะวันหันมาสำทับแถมเหลือบตามองเป้ากางเกงผมอีกตะหาก

พี่ตะวันพูดไม่ผิด ผู้ชายในรูปไม่ได้อายุสิบสองเหมือนผม...ไม่ขี้ก้างเหมือนผม แถมเหน็บดอกไม้ที่หูก็ไม่น่าเกลียด...เพียงแต่ผมไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้คือใคร...ใช่คนที่ขอซื้อหัวใจของพี่ตะวันไปหรือเปล่า?

ผมชื่อตะวันฉาย เด็กชายอายุสิบสอง...ที่มีความรักและอกหัก

ความรักของผมก็เหมือนรูปใบนั้น มันแค่เริ่ม แล้วก็จบโดยไม่มีวันเสร็จสมบูรณ์...เพียงเพราะผมขี้ก้าง

อกมันกลัดหนองหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะมองไม่เห็น รู้แต่ว่าศักดิ์ศรีลูกผู้ชายวัยสิบสองขวบโดนย่ำยี

ผมเลยตั้งปณิธาน ...พรุ่งนี้ผมจะกินนมวันละลิตร วิ่งวันละหนึ่งกิโล ปลูกดอกชบาให้เต็มสวนที่บ้าน เผื่อว่าจะมีสักดอกที่เหมาะกับใบหูของผม และที่สำคัญ ต้องทำให้รูปนั้นเสร็จสมบูรณ์ให้ได้ เผื่อมันจะเป็นนิมิตอันดีว่า รักของผมอาจจะสมบูรณ์

จบ...ความรัก...ก็เหมือนภาพที่ยังวาดไม่เสร็จ



--------------------

หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 21-04-2008 21:42:33
ไหงงั้น

แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ตะวันไปเอาใครมาเป็นนายแบบ

แล้วๆๆๆๆ


เปลือยด้วย

 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 21-04-2008 23:34:26
 :m4: :m4:

ตะวัน   น่าตื้บ o12
 
ฉาย    น่ารัก :m13:

เรื่องนี้.....น่าอ่าน..........ต่อ......................เร็วๆ :serius2:

หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: สาวตัวกลม ที่ 22-04-2008 00:12:07
^
^
^
^
เห็นด้วยกะรีบน :a4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 22-04-2008 00:31:21
เห็นด้วยกับ สองรี บน   อิอิ  :m12: :m12: :m12:


เป็นกำลังใจให้พี่ทิพย์ครับ   :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 22-04-2008 00:33:50
ตะวันต้องได้เชื้อพ่อกับแม่มาเต็มๆแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 22-04-2008 08:13:04
ความรักของเด็กอายุสิบสอง   :m4:

รอตอนต่อไปค่า  :m1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 22-04-2008 09:06:07
 :mc4:
รอตอนต่อไปคร้าบ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 22-04-2008 13:03:52
สงสารฉายอ่ะ

แต่เดี๋ยวตะวันมีคู่แข่งก็รู้ตัวเองแหละ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gift_deb ที่ 22-04-2008 13:54:06


 รู้แต่ว่าศักดิ์ศรีลูกผู้ชายวัยสิบสองขวบโดนย่ำยี





 :laugh: :laugh: :laugh: เดี๋ยวศักดิ์ศรีมันก็โตค่ะ 555555
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Mono_Koro ที่ 22-04-2008 14:25:00
มานั่งรอตอนต่อไปครับ


หุ หุ  :m13: :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 22-04-2008 15:24:48
ครอบครัวตะวัน3คนเหมือนกันหมดเลยอ่ะ นิสัยแปลกๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ( = ___ = ) ที่ 22-04-2008 18:15:08

 :o อารายกานนี่... ตะวันจายร้ายยยยยย

เค้าเชียร์น้องฉายคนดี เชียร์คุงพี่ทิพย์คนจ๋วยยยยยย
และคุงภัคDคนแต่ง ที่เขียนเรื่องได้น่าติดตามมั๊กๆๆๆ
หลั่นล้า...รอติดตามตอนต่อปายยยยยจ้า :oni1:


หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 22-04-2008 18:25:43
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 3

ความรัก กับดวงตะวันใต้ฝ่าเท้า


ผ่านไปไม่กี่วัน ผมก็มีโอกาสพบกับผู้ชายในภาพวาด...

เขาไม่ได้อายุสิบสองเท่าผม และไม่ได้อายุสิบหกเท่าพี่ตะวัน

เขาบอกว่าเขาเรียนมหาวิทยาลัย ดังนั้นถ้าเขาไม่โง่จัดจนตกหล่นเกณฑ์หรือเรียนเท่าไหร่ก็ไม่จบ เขาก็น่าจะอายุประมาณ สิบเจ็ดถึงยี่สิบสามปี...แต่ถ้าประเมินจากใบหน้า ผมว่า น่าจะมากกว่านั้น...

เขาเหมาะกับดอกชบาเหมือนที่พี่ตะวันวาดมันไว้บนใบหูเขา...เพราะเขาตัวดำเหมือนเงาะป่าไม่มีผิด!

ผิดกับพี่ตะวัน ผมว่าถ้าพี่ตะวันวาดรูปตัวเอง พี่ตะวันต้องวาดดอกลั่นทมสีขาวไว้บนใบหูตัวเอง...แต่ผมก็ไม่เคยเห็นพี่ตะวันวาดรูปตัวเองเลย

พี่ชายคนนั้นชื่อกบ...พี่ตะวันเรียกเขาว่าพี่กบ...ผมก็เรียกเขาว่าพี่กบ แต่ไม่ใช่เพราะเขาชื่อกบ แต่เพราะปากเขากว้างเหมือนกบ...ยิ่งเวลาเขามาหัวเราะอยู่ใกล้ๆ ผมกลัวหัวจะหายเข้าไปในปากของเขา...

ดังนั้นแล้ว ผมว่าเขาคงไม่ใช่คนที่ซื้อหัวใจพี่ตะวันไปหรอก...ถ้าเพียงแต่ทุกสิ่งที่ผมพูดมาเป็นความจริง...

พี่ชายคนนี้เขาชื่อกบ...เขาชอบหัวเราะปากกว้าง และผมเห็นพี่ตะวันชอบมองดูและยิ้ม เวลาที่เขาหัวเราะ...พี่ตะวันว่ามันดูจริงใจดี...หัวเราะเหมือนพ่อ...พี่ตะวันเคยบอกผม และผมเห็นด้วย พี่กบหัวเราะปากกว้างและชอบเอียงหัวนิดๆเวลาหัวเราะ เหมือนน้ามะไม่มีผิด...

แล้วเขาก็เหมาะกับดอกชบา โดยเฉพาะเวลาที่เขานั่งเป็นแบบให้พี่ตะวันวาดรูป...ผิวเขาคร้าม แต่ยิ้มฟันขาว...เขาตัวสูงใหญ่ และผมอยากเป็นอย่างเขา...

พี่ตะวันเงยหน้ามองดูเขา ในขณะที่มองข้ามหัวผมไปแบบไม่เห็นแม้ปลายผมของผมในตำแหน่งที่สูงที่สุด ถึงผมจะเขย่งจนสุดปลายเท้าก็เหอะ...และเขามีกล้าม ส่วนผมมีแต่ก้าง...

แล้วเขาก็ไม่ได้โง่ แต่เรียนมหาวิทยาลัย และเป็นว่าที่วิศวกรในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าซะด้วย...

ยิ่งกว่านั้นเขามีรอยสักสุดเท่ที่ขาข้างขวา จากใต้หัวเข่าด้านนอกยาวลงไปถึงข้อเท้า

และพี่ตะวันอยากเอาอย่างบ้าง แต่แม่ต่อต้านสุดชีวิต

“งั๊นสักอันเล็กๆก็ได้”พี่ตะวันต่อรอง

“ไม่ น้าไม่ชอบ! แล้วที่โรงเรียนเขาให้สักเหรอ?”แม่ยืนกราน...ซึ่งผมว่าโรงเรียนก็คงปลงแล้ว เพราะสุดท้ายผมก็ไม่เห็นโรงเรียนจะจัดการอะไรได้กับผมทรงเดร็ดร็อคของพี่ตะวันได้

“แต่ตะวันชอบ!”พี่ตะวันก็ยืนกรานเหมือนๆกัน

“แต่น้าไม่ชอบ!”

“แต่ตะวันอยากสัก!”

“แต่น้าไม่อยากให้สัก!”

“แต่ตัวของตะวัน ตะวันจะสัก!”

“ถ้าตัวตะวัน ตะวันก็สัก แล้วก็ไม่ต้องมาถามน้าอีก!”แม่ว่าก่อนงอนตุ๊บป่อง กระแทกเท้าขึ้นชั้นบน เข้าห้องนอนไปตั้งแต่ยังไม่ถึงสองทุ่ม ส่วนพี่ตะวันก็นั่งน้ำตาหยดแหมะๆอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น...ของบ้านผม

ถึงผมจะหลงรักพี่ตะวัน แต่บางครั้งก็อดจะคิดไม่ได้ว่าพี่ตะวันงี่เง่า อย่างที่น้าโอ๋ชอบว่า...โดยเฉพาะเวลามานั่งร้องไห้ตอนผมนั่งทำการบ้าน

“จะสักไปทำไม ไม่เห็นเท่ตรงไหน?”ผมถาม

“ทำไมจะไม่เท่!”

“พี่กบสักเท่ แต่ตะวันสักไม่เท่หรอก...ตะวันก็ขี้ก้างเหมือนฉายนั่นแหละ!”ผมพูดตามจริง และผลของความจริงคือหัวปูด เพราะพี่ตะวันเอาแอปเปิ้ลครึ่งลูกที่กินค้างอยู่ ปาหัวผมแบบไม่มีพลาดเป้า

หลังจากวันนั้นพี่ตะวันก็ไม่พูดถึงเรื่องรอยสักอีก ส่วนแม่พอตื่นเช้าก็หายงอน ซ้ำพี่ตะวันไม่พูดเรื่องสักอีก แม่จึงสรุปว่า ผลของการงอนเป็นที่น่าพอใจ

ส่วนพี่กบ...เมื่อผมเจอพี่เขาบ่อยๆ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่แม่กับพ่อจะไม่เจอเขาบ่อยๆเช่นกัน จนวันนึงพี่กบก็มีที่นั่งประจำตำแหน่งที่โต๊ะกินข้าวบ้านผม

แรกๆแม่ก็ถูกใจพี่กบ แต่ไม่ถูกใจรอยสักที่ขาพี่กบ

“เท่จะตาย ไว้โตฉายก็จะสัก” ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับแม่เรื่องรอยสัก แต่แน่นอนก็ต้องลับหลังพี่กบ

“ไว้รอให้โตก่อน แล้วค่อยมาคุย”แม่บอก

“แล้วทำไมทีตะวันสักไม่ได้!”พี่ตะวันเรียกร้องสิทธิ์ทันที

“น้าไม่ได้บอกให้ฉายสักได้ น้าบอกไว้ค่อยคุย!”

“คุยยังไง น้าโอ๋ถึงจะให้สัก?”

“ก็ไม่ต้องคุยยังไง แค่ให้มันโตกว่าสิบสอง หรือสิบหกก็พอ!”

“อีกสามเดือนตะวันก็จะสิบเจ็ด...”

“สิบเจ็ดก็ยังไม่ได้!”

“น้าโอ๋ว่า...อีกสามเดือนพ่อกับแม่จะเที่ยวเบื่อหรือยัง?”อยู่ๆพี่ตะวันก็เปลี่ยนเรื่อง

“ไม่รู้พวกมัน ไว้มันกลับมา น้าจะไปบ้าง”แม่ตอบ ผมไม่ค่อยตกใจถ้าน้าโอ๋กับน้ามะกลับมาแล้วแม่กับพ่อจะหายตัวไปเที่ยวบ้าง ก็ดูอะไรมันก็ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่นัก จนตอนนี้ผ่านมาร่วมครึ่งปี พี่ตะวันก็ร้องไห้อยู่วันเดียวเท่านั้นเอง

“พาตะวันไปด้วยนะ!...น้าโอ๋จะไปไหน?”

“ตะวันอยากไปไหนล่ะ?”

“แล้วฉายละแม่?”ผมถาม เพราะแม่ทำท่าจะลืมผมที่เป็นลูกตัวเองไปซะงั๊น

“ตะวันอยากไปทุ่งดอกทานตะวัน”พี่ตะวันบอก

“เหมือนกันเลย น้าก็อยากเห็นทุ่งดอกทานตะวัน!”แม่เห็นด้วยกับพี่ตะวัน แต่ไม่เห็นยักกะได้ยินเสียงผม ที่นั่งเรียกร้องสิทธิ์อยู่ใกล้ๆ

“แล้วฉายล่ะแม่?!... แต่ฉายไม่อยากไปทุ่งดอกทานตะวันนะ!”ผมย้ำอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม และครั้งนี้ได้ผล เพราะแม่หันมาดุ

“ฉาย! ตะโกนทำไม!”แม่ดุเป็นอันนึกได้ว่าผมนั่งอยู่ด้วย แต่ก็แค่เดี๋ยวเดียว เพราะแม่หันไปคุยกับพี่ตะวันต่อ

“แต่ดูดอกตะวันต้องดูตอนเช้าๆนะ ตะวันจะตื่นเหรอ?”

“น้าโอ๋ก็ปลุกตะวันสิ!”พี่ตะวันบอกง่าย

“อ้าว!...แล้วใครจะปลุกน้าล่ะ?”แม่ถาม เพราะแม่กับพี่ตะวันน่ะ ชอบนอนตื่นสายพอๆกัน และผมนึกว่าแม่กับพี่ตะวันจะนึกได้ว่าให้ผมปลุก เพราะปกติผมตื่นเช้า...หากแต่แม่กลับบอก

“งั๊นเราเอานาฬิกาปลุก เสียงดังๆไปด้วย!”

“ดีน้าโอ๋...เอาไปหลายๆเรือนนะ!”พี่ตะวันสนับสนุน...ส่วนผมจะอ้าปากตะโกนอีกครั้งว่า...แล้วฉายล่ะแม่!...ก็พอดีเหลือบไปเห็นหมูแฮมในจานเหลืออีกแค่ชิ้นเดียว ผมเลยเลือกเก็บเสียง ล้มเลิกความตั้งใจจะเรียกร้องสิทธิ์ของความเป็นลูก แอบค่อยๆจิ้มหมูแฮมชิ้นสุดท้ายมาครอบครอง ไม่ให้แม่กับพี่ตะวันรู้ตัว...

ไม่ว่าพี่ตะวันจะอยากไปทุ่งดอกทานตะวันหรือผมจะไม่อยากไป แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้น ดอกทานตะวันดอกแรกก็บานอยู่ข้างๆหน้าต่างบ้านพี่ตะวัน

พี่กบเป็นคนเอามาปลูก และพี่ตะวันยิ้มหน้าบานเท่าๆดอกทานตะวันเลย

ผมไม่อิจฉาพี่กบ เพราะจากหน้าต่างห้องนอนผมตอนเช้า จะมองเห็นพี่ตะวันยืนรดน้ำดอกทานตะวันที่หันไปทางตะวันออก และจากห้องนั่งเล่นบ้านผมตอนกลางวัน จะเห็นพี่ตะวันยืนคุยกับดอกทานตะวัน ส่วนตอนเย็นๆ ผมก็จะนั่งมองดูดอกทานตะวันที่หันหน้าไปทางตะวันตก จากห้องนั่งเล่นบ้านผม ...และแน่นอนว่านั่งดูกับพี่ตะวัน

เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าพี่ตะวันเหมาะกับดอกทานตะวันมากกว่าดอกลั่นทมสีขาว

และผมก็อยากให้พี่ตะวันเป็นดอกทานตะวัน เพราะพี่ตะวันจะได้หันมาทางผม...เด็กชายตะวันฉาย...ไม่สนใจกบตัวดำที่ตะเบ็งเสียงร้องอยู่ใต้ต้นทานตะวัน

แต่พี่ตะวันไม่ใช่ดอกทานตะวัน...พี่กบต่างหากที่เป็นทานตะวัน...เป็นกบทานตะวัน

ผมไม่ได้คิดเอง...มุกเห่ยๆแบบนี้ใครจะไปคิดได้ แต่พี่กบต่างหากชอบพูดว่าตัวเองตัวดำเพราะเป็นกบทานตะวัน

ผมไม่เห็นขำ แต่พี่ตะวันมักหัวเราะเมื่อพี่กบพูดแบบนั้น และแน่นอน เวลาลับหลังแม่กับพ่อเท่านั้น พี่กบถึงจะพูด

แรกๆผมก็ไม่ค่อยเข้าใจมุกเห่ยๆของพี่กบ จนเย็นวันหนึ่งก่อนวันเกิดพี่ตะวัน ผมถึงเข้าใจ

ก็ไม่มีอะไรมาก...สำหรับผมการเปิดประตูบ้านพี่ตะวันเข้าไปโดยไม่ขออนุญาต ไม่เรียกว่าถือวิสาสะ เพราะทำมาแต่เด็ก เพราะอย่างที่เคยบอกว่าผมกับพี่ตะวันเป็นเด็กสาธารณะระหว่างบ้านสองหลัง คือบ้านทั้งสองหลังเป็นของเราเท่าๆกัน

ดังนั้นมันจึงไม่แปลกตรงไหน ที่อยู่ๆผมจะเปิดประตูบ้านพี่ตะวันเข้าไป เพียงแค่เหตุผลว่าจะไปนั่งดูการ์ตูนเรื่องโปรด เพราะทีวีที่บ้าน แม่จองเวลาไว้แล้วสำหรับการถ่ายทอดสดอะไรสักอย่างที่แม่บอกว่าพลาดไม่ได้ และสำหรับผม การ์ตูนเรื่องนี้ก็พลาดไม่ได้เหมือนกัน ผมเลยวิ่งไปบ้านพี่ตะวันแทน

แต่ผมก็ไม่ได้ดูการ์ตูน เพราะที่โซฟาหน้าทีวี พี่กบจับจองที่นั่งไว้แล้วกับใครก็ไม่รู้ ที่ผมเห็นแค่ท่อนขาที่พาดไว้บนบ่าพี่กบ และใต้ฝ่าเท้าข้างขวาของขาคู่นั้น ผมเห็นรอยสักสีส้ม รูปดวงตะวัน...

ผมยืนอยู่ด้านหลังพี่กบ... ยืนมองอยู่นาน...ยืนมองรูปดวงตะวันใต้ฝ่าเท้า

พี่ตะวันไม่มีรอยสักใต้ฝ่าเท้า...แต่ผมก็ได้ยินพี่กบเรียกชื่อพี่ตะวัน...และได้ยินเสียงของพี่ตะวันด้วย

ผมยืนอยู่ด้านหลังพี่กบ...ยืนมองดูขาพี่ตะวันกับรูปดวงตะวันสีส้มใต้ฝ่าเท้า แล้วก็ดูดอกทานตะวันนอกหน้าต่าง

พี่ตะวันไม่ใช่ดอกทานตะวัน แต่พี่กบต่างหาก เป็นกบทานตะวัน...ผมเข้าใจมุกเห่ยๆของพี่กบชัดแจ้งแดงแจ๋...แต่ก็ไม่ขำอยู่ดี...ก็เรื่องอะไรมากินตะวันของผมล่ะ!

ผมชื่อตะวันฉาย เด็กชายอายุจวนจะสิบสาม และผมอกหัก

อกมันกลัดหนองหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะยังมองไม่เห็นมันเหมือนเดิม รู้แต่ว่า ฝันเปียกของผมมันพัฒนาไปอีกขั้น เพราะภาพและเสียงระดับสมจริง ที่เปิดโลกเด็กอายุสิบสองอย่างผมให้รู้ว่า ไอ้ที่เคยฝันมาน่ะ... มันเด็กๆ!

นอกจากนั้นภาพเหมือนของผมที่พี่ตะวันวาดค้างไว้ก็เสร็จสมบูรณ์โดยที่ผมไม่ต้องออกปากขอร้องให้มากคำ แค่บอกไปว่า...ถ้าไม่วาดให้เสร็จ ผมจะฟ้องแม่เรื่องรอยสักใต้ฝ่าเท้า...แต่ผมก็ไม่เคยบอกพี่ตะวันว่า เมื่อไหร่ที่ผมแอบเห็นรูปดวงตะวันที่ใต้ฝ่าเท้าของพี่ตะวัน...มันเป็นความลับของเด็กอายุสิบสองย่างสิบสามอย่างผม...และภาพเหมือนของผมที่พี่ตะวันวาดเสร็จ ก็ยังคงมีดอกไม้อยู่ที่หู เพียงแต่มันไม่ได้ทัดหู...มันเสียบอยู่ที่รูหูข้างหนึ่งและทะลุออกที่หูอีกข้าง...ผมเลยไม่แน่ใจว่ามันเป็นนิมิตหมายอันดีว่าความรักของผมจะสมบูรณ์อย่างภาพหรือเปล่า...

จบ...ความรัก กับดวงตะวันใต้ฝ่าเท้า


--------------------
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 22-04-2008 19:07:55
เฮ้ย ตะวันได้กับพี่กบหรอ อ๊ายยยยยยยยยยยยยย  o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 22-04-2008 19:15:37
 :m4:
ขำที่ฉายพูดเกี่ยวกับพี่กบ

ว่าแต่..
ท่อนขาพาดไว้บนบ่า..
ไม่นะ..
 :serius2:

หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 22-04-2008 19:39:18
ขอระบายอีกหนึ่งทีนะ  :o12:

โอ้ยยยยยยยยยยยยยย นี่มันอะไร เนี่ยยยยยยยยยยยยยยย บอกอารมณ์ไม่ถูก

  :m15: :serius2: :o12: o7 :m15: :serius2: :o12: o7
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 22-04-2008 19:51:44
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดด

กบทานตะวัน

 :o
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: yukisaki ที่ 22-04-2008 20:04:09
เสร็จพี่กบไปซะแล้ว=[]= :o :o :o :sad2: :sad2: :sad2:

กบทานตะวัน o12 o12 o12

เด๋วอีกหน่อยตะวันจะทานฉายรึเปล่าเนี่ย :laugh: :laugh:((หรือฉายจะทานตะวันหว่า :m12: :m12:))
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 22-04-2008 21:42:35
  o12ฮึ้ย!!!!ไอ้พี่กบ แกนะแก :angry2: :angry2: :angry2:

ทามมัยตะวันใจง่ายเยี่ยงนี้ฟระ :serius2: :serius2:
 แล้วฉายจะเป็นตากุ้งยิงมั๊ยเนี่ย :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 22-04-2008 23:38:47
 :m30: กบทานตะวันไปซะแล้ว   น่าสงสารตะวันฉายจริงๆ ครับ
อกหักตลอดฤดูกาลเลยนะเรา  -*-

ดูเหมือนเรื่องนี้คงไม่เครียดเหมือนเรื่อง หรือจะให้เป็นเพียงความทรงจำน่ะ -*- เห็นแล้วกลัวจาเครียดจีง
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Mono_Koro ที่ 23-04-2008 13:52:38
เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
 :o8: :o8: :o8: :o8:


ฉายจะเป็นยังไงต่อไปหว่า
 :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gift_deb ที่ 23-04-2008 14:43:44


เพราะภาพและเสียงระดับสมจริง ที่เปิดโลกเด็กอายุสิบสองอย่างผมให้รู้ว่า ไอ้ที่เคยฝันมาน่ะ... มันเด็กๆ!




ขออึ้งไปกับเด็กอายุ 12  :laugh:


สุดท้ายฉายจะได้กับใครน้า....................
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 23-04-2008 15:25:48
กบทานตะวัน เลยตัวดำ 555+
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 23-04-2008 18:32:09
สงสารฉายหนักเข้าไปอีกตรู

จาเข้าไปดูการ์ตูนแท้ๆๆ

กลับได้ดูหนังสด 


ปล  แอบอิจฉาฉาย.......
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 23-04-2008 18:41:48
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 4

ความรัก ที่ผมไม่เกี่ยว


“แล้วตะวันไปสนิทกับพี่เขาได้ยังไง?”เป็นคำถามที่แม่ชอบถามพี่ตะวันบ่อยๆ นับจากรู้จักพี่กบ

“ก็พี่เขามาซื้อรูปของตะวัน”พี่ตะวันเคยบอกแม่อย่างนั้น

“แล้วทำไมยังสนิทกันอยู่อีก คุยกันรู้เรื่องได้ไง?”

“อ้าว!...ก็พี่เขาก็พูดภาษาไทย ทำไมตะวันจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง!”

“น้าหมายถึง เขาโตกว่าตะวันตั้งเยอะ!”แม่อธิบายอย่างอดทน ผมว่าถ้าแม่ไม่อยากได้คำตอบจริงๆ แม่คงฟิวส์ขาดไปแล้ว พี่ตะวันน่ะเป็นแบบที่น้าโอ๋เคยบอกว่า...ไม่รู้โง่จริงหรือแกล้งโง่...ไม่รู้ซื่อหรือกวนฝ่าเท้ากันแน่...ซึ่งผมว่าน่าจะเป็นกรณีหลังเสียมากกว่า...เพียงแต่ว่า ไม่ว่าพี่ตะวันจะแกล้งโง่ หรือกวนฝ่าเท้า...เพียงแค่พี่ตะวันยิ้ม ก็ดูจะไม่มีใครโกรธพี่ตะวันแล้ว...

“สี่ปีเอง ตะวันก็โตกว่าฉายสี่ปี ตะวันยังคุยกับฉายรู้เรื่องเลย พี่กบก็คุยกับฉายรู้เรื่อง พี่กบแก่กว่าฉายตั้งแปดปี...แล้วตะวันก็คุยกับน้าโอ๋รู้เรื่อง น้าโอ๋แก่กว่าตะวันมากกว่าพี่กบอีก”พี่ตะวันตอบยาว ส่วนแม่ก็ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างให้รู้ว่า...นี่ ชั้นกำลังอดทนอยู่นะ!...

ผมเห็นแม่ชอบเปิดผ้าม่านห้องนั่งเล่นมองไปที่บ้านพี่ตะวันบ่อยๆ โดยเฉพาะเวลาพี่กบมา พอผมถามแม่ว่าดูอะไร แม่มักตอบว่า...เปล่า...แต่นั่นมันคือก่อนที่ผมเห็นรูปดวงตะวันใต้ฝ่าเท้าของพี่ตะวัน...หลังจากนั้นผมก็ไม่ถามแม่อีก ก็แม่โตกว่าผม ผมว่าแม่คงรู้อะไรดีๆมากกว่าผมโดยไม่ต้องรอให้เห็นรูปดวงตะวันสีส้มดวงนั้นหรอก

“แล้วนายคนนั้น ยังขายตัวอยู่หรือเปล่า?”พอท่าทางจะถามเรื่องนึงไม่ได้เรื่อง แม่ก็เปลี่ยนไปถามอีกเรื่อง

“นายคนไหน?...อ๋อ!...น้าโอ๋เรียกอ๋อสิ!...พี่เขาชื่ออ๋อ...ยังขายอยู่... ก็ยังขายไม่ออกก็เลยยังขายอยู่”

“อ้าว งั๊นตะวันก็ไม่ขายหัวใจแล้วสิ ก็ตะวันขายได้แล้ว”

“ฮื่อ...ไม่ขายแล้ว”

“แล้วใครซื้อหัวใจตะวันล่ะ”

“พี่กบไง!”

“อ๋อ! แล้วเขาซื้อไปเท่าไหร่ล่ะ?”แม่ถาม ดูอาการแล้ว...ผมว่าแม่ชักฝืดคอเวลากลืนข้าวแฮะ...

“เขาขอเป็นของแถมตอนซื้อรูป”พี่ตะวันตอบ และผมอยากบอกแม่ว่าแล้วพี่ตะวันก็แถมตัวให้เขาไปแล้วด้วย

“อ้าว...งั๊นตะวันก็ขาดทุนสิ!”แม่ถามพลางวางช้อน...คำตอบพี่ตะวันทำให้แม่กินข้าวไม่ลงแล้วแหงๆ

“ไม่ขาดทุนหรอก ตะวันบวกราคาเผื่อต่อ แต่เขาไม่ต่อ พอเขาขอของแถมตะวันเลยแถมไง”

“น้าถามจริงๆนะตะวัน...ตะวันพูดเล่นหรือพูดจริง?”ในที่สุดแม่ก็ถามคำถามใหม่ หลังจากถามคำถามเดิมๆมาตั้งเป็นร้อยรอบ

“เรื่องไหนล่ะน้าโอ๋?”

“ก็...เรื่องที่นายคนนั้น...นายคนชื่ออ๋อน่ะ... ที่ว่าขายตัว...”แม่ว่า แต่ผมว่าไม่ใช่เรื่องนี้หรอกที่แม่อยากถาม ไม่งั๊นจะเปิดม่านแอบดูพี่ตะวันกับพี่กบบ่อยๆทำไม

“ก็พูดจริงสิน้าโอ๋...พี่เขาบอกว่าพอติดป้ายนะ ก็มีคนมาหยุดดูรูปมากขึ้น...จริงๆนะน้าโอ๋ พอตะวันติดป้าย ก็มีคนเข้ามายืนดูกัน แรกๆเขาเห็นป้าย แล้วก็หัวเราะ แล้วก็มาคุยด้วย พอคุยกันสนุกเขาก็ซื้อรูปของตะวัน ไม่ต่อด้วย!...พี่กบก็เหมือนกัน!”พี่ตะวันตอบและยิ้มภูมิใจ แต่ผมว่าที่เขาไม่ต่อน่ะ ไม่ใช่เพราะป้าย เป้ยอะไรนั่นหรอก น่าจะเป็นเพราะไอ้ที่พี่ตะวันยิ้มตาหยีอยู่ตอนนี้มากกว่า ยิ้มแบบที่ว่า... หากพอตะวันฉาย มีใครไม่รักตะวัน...แม้แต่ผมก็ยังรักเลย...

“อ๋อ!...อ้าวแล้วตะวันไม่ติดป้ายแล้ว แล้วไม่เป็นไรเหรอ?”แม่หายใจคล่องขึ้น แถมหยิบช้อนขึ้นมาอีกหน

“อันนั้นตะวันพูดเล่น!”

“อ๋อ!”แม่ว่าพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ และผมอยากบอกแม่ที่กลับไปตักข้าวกินต่อเหลือเกินว่าเรื่องป้ายกับเรื่องพี่กบไม่เกี่ยวกันสักหน่อย...

“น้าโอ๋ถอนหายใจทำไม?”

“เปล่า...แล้วพี่เขาไม่อ่านหนังสือเหรอ เขามาทำไมบ่อยๆ...บางวันน้าเห็นอยู่ ดึ๊ก ดึก”แม่ถาม แต่ผมอยากบอกแม่ว่าใครว่าดึ๊ก...ดึก....แต่ว่ากลับตอนเช๊า...เช้าเลยแหละ...แต่นั่นแหละ แม่ถามถูกทางแล้ว!

“เขามาช่วยเป็นแบบให้ตะวันวาดรูป...แล้วบ้านตะวันก็เงียบ เขาเลยชอบมาอ่านหนังสือ...แล้วก็สอนหนังสือให้ตะวันด้วย วันก่อนก็สอนฉาย...น้าโอ๋ถามทำไม น้าโอ๋ไม่ชอบพี่กบเหรอ?”

“ไม่ได้สอน!...ฉายแค่ลองภูมิ ดูว่าเด็กวิศวะแท้หรือเทียม!”คราวนี้ผมต้องรีบแจง เมื่อถูกพี่ตะวันยกมาอ้าง

“ด้วยเลขเด็กม.สองเนี่ยนะ!”พี่ตะวันแย้งพร้อมปรายตามองผม...ท่าเดียวกันกับแม่ไม่มีผิด...

“แล้วพี่กบก็ไม่ได้สอนตะวัน พี่กบทำให้ต่างหาก..!”ผมหันไปฟ้องแม่ แต่ที่อยากพูดมากกว่านั้นคือ...พี่ตะวันวาดแต่รูปนู้ด เพราะฉะนั้น พี่กบก็ต้องแก้ผ้า...พี่ตะวันด้วย แต่ไม่ได้นั่งวาดรูปกันซะหน่อย!

“ก็...น้าโอ๋ไม่ชอบพี่กบเหรอ?”พี่ตะวันทำท่าจะเถียงแต่คงเถียงไม่ออก เลยหันไปถามแม่ต่อ

“อ๋อ...เปล่า!...ชอบสิ!...มีคนสอนหนังสือให้ตะวัน ทำไมน้าจะไม่ชอบล่ะ...แต่ถ้าพี่เขามา ตะวันก็ชวนเขามานั่งเล่นที่บ้านน้าสิ...ก็เดี๋ยวนี้พอพี่เขามา ตะวันก็ไม่มาหาน้าเท่าไหร่เลย มาวาดรูปที่บ้านน้าก็ได้นี่นา เมื่อก่อนตะวันก็มาวาดที่นี่บ่อยๆ”แม่บอก และจริงตามแม่ว่า เพราะพอช่วงหลังๆ พี่ตะวันก็ไม่ได้พาพี่กบมานั่งเล่นที่บ้านผมเหมือนช่วงแรกๆที่พามาบ่อยๆ

“อ๋อ...น้าโอ๋เหงา!”พี่ตะวันพูด ยิ้มหน้าบานเป็นดอกทานตะวัน แบบ... มีใครไม่รักตะวัน...รวมทั้งแม่ผมด้วย... อีกตามเคย

และหลังจากวันนั้น...พี่ตะวันก็พาพี่กบมานั่งเล่นที่บ้านผมบ่อยขึ้น แม่ก็ดูจะพออกพอใจ ทั้งๆที่พอออกจากบ้านไป พี่กบก็ไม่ได้ตรงกลับบ้านตัวเองเสียหน่อย แต่กลับเข้าบ้านพี่ตะวันต่างหาก...ยิ่งไปกว่านั้น ยังชอบเอารถไปจอดไว้ซะไกล ผมเลยตัดสินใจลำบากว่า...จะบอกแม่ดี หรือ ช่วยเก็บความลับของพี่ตะวันดี...

และตั้งแต่เห็นรูปดวงตะวันใต้ฝ่าเท้าของพี่ตะวัน ผมก็เพิ่งสังเกตว่า พี่ตะวันไม่ค่อยยอมให้ผมไปนอนค้างกับพี่ตะวันเหมือนเมื่อก่อน และพี่ตะวันก็ไม่ค่อยมานอนที่บ้านผมเหมือนๆกัน ซึ่งก็เป็นการเพิ่งสังเกตเห็นพร้อมๆกับรับรู้สาเหตุไปพร้อมๆกันด้วย...และบ่อยครั้งที่ผมมองลอดช่องหน้าต่างห้องนอนออกไปดูที่ห้องนอนพี่ตะวัน...ผมมักเห็นเงาของพี่ตะวันกับพี่กบ... ผมรู้ว่า ถ้าผมเปิดประตูเข้าไปผมคงได้เห็นรูปดวงตะวันใต้ฝ่าเท้าของพี่ตะวันอีกแน่ๆ...แต่ผมก็ไม่ได้เปิดประตูเข้าไป สาเหตุหนึ่งคือผมเป็นฝ่ายเลือกที่จะไม่เข้าไป...ก็ใครจะไปอยากเห็นล่ะ!... ส่วนอีกสาเหตุคือผมไม่มีโอกาสเลือกเพราะเดี๋ยวนี้พี่ตะวันไม่เปิดประตูบ้านทิ้งไว้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว...บ้านหลังนั้น จึงไม่ใช่บ้านผมอีกต่อไป...หลังประตูบ้านที่ไม่มีน้าโอ๋กับน้ามะ...มีแต่พี่กบกับพี่ตะวัน...ก็ไม่มีที่สำหรับผมอีกแล้วเหมือนกัน...เป็นครั้งแรกที่คิดถึงน้าโอ๋กับน้ามะสุดหัวใจเลย...

ผมชื่อตะวันฉาย เด็กผู้ชายอายุสิบสามขวบ...และอกหัก

อกมันกลัดหนองหรือเปล่าไม่แน่ใจ...แต่ผมคงต้องให้แม่พาไปให้หมอเช็คเสียที เพราะอกมันเริ่มเจ็บขึ้นมาแปล๊บๆ ...และถ้าหมอถามว่า.อาการมันเริ่มแสดงครั้งแรกเมื่อไหร่?...ผมคงตอบหมอว่า ตอนที่รู้ว่า...พี่ตะวันล็อคประตูบ้าน...

จบ...ความรัก ที่ผมไม่เกี่ยว



--------------------
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 23-04-2008 18:46:53
ตอบคำถามสอง จากคุณภัคDนะคะ เกี่ยวกับคำว่า บรรจงวาง กับ บรรจงราด 

คำนี้...ในความคิดเรา น่าจะเป็นวางค่ะ...แบบว่า ถ้าราดนี่จะเหมือนกับมันเป็นน้ำๆ...บรรจงราด...ก็ค่อยๆราดลงไปช้าๆ...

แต่ถ้าเป็น...ค่อยๆวาง...แบบว่าซอสพริกมันข้นๆ...พี่ตะวันตักแล้วค่อยๆวางลงอย่างตั้งอกตั้งใจให้มันเป็นวงกลมๆบนหมูทอดน่ะค่ะ...


หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 23-04-2008 18:52:22
ทำไมเวลาอ่านเรื่องนี้แล้งมันเจ็บจี๊ดๆก็ไม่รู้
รูสึกเหมือนตอนที่อ่านเรื่อง หรือจะให้เป็นแค่ความทรงจำเลย :sad2:
ชอบมาเลยเรื่องนั้น และชอบเรื่องนี้ด้วย แต่ดูเหมือนแววเศร้ามาให้เห็นรางๆนะ :serius2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 23-04-2008 19:57:56
สงสารนู๋ฉายของเจ้  :sad2: :sad2:

กบกินตะวันซะแล้ว

มืดเลย

แต่ทำไมใจมันโหวงๆ  อะ   ทำไมต้องเดินเรื่องมาแบบนี้  ใจเจ้จะสลาย



...ต่อไปนี้คือการพยายามช่วยกันหาหลักฐานมาแสดงให้ทราบกันโดยทั่วไป  ไม่ใช่การโต้เถียงเพื่อเอาชนะกันนะเคอะ  เด็กอ่านแล้วอย่าเข้าใจผิดนะเคอะ.....


ตอบคำถามสอง จากคุณภัคDนะคะ เกี่ยวกับคำว่า บรรจงวาง กับ บรรจงราด 

คำนี้...ในความคิดเรา น่าจะเป็นวางค่ะ...แบบว่า ถ้าราดนี่จะเหมือนกับมันเป็นน้ำๆ...บรรจงราด...ก็ค่อยๆราดลงไปช้าๆ...

แต่ถ้าเป็น...ค่อยๆวาง...แบบว่าซอสพริกมันข้นๆ...พี่ตะวันตักแล้วค่อยๆวางลงอย่างตั้งอกตั้งใจให้มันเป็นวงกลมๆบนหมูทอดน่ะค่ะ...


สองว่าซอสพริกมันก็เป็นของเหลวนะ  แม้จะข้นไปสักหน่อย  เหมือนน้ำอย่างว่า  ฮา

ดังนั้นสองก็ว่ามันก็น่าจะใช้กับกิริยา "ราด" นะคุณคนเขียน


สองเลยไปค้นจากเวปฯราชบัณฑิตมา  ได้ความดังนี้....

ราด = ก. เทของเหลว ๆ เช่นนํ้าให้กระจายแผ่ไปหรือให้เรี่ยรายไปทั่ว เช่น   ราดนํ้า ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ข้าวราดแกง, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น เยี่ยวราด ขี้ราด.

ส่วน  วาง = ก. ทําให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งพ้นจากมือหรือบ่าเป็นต้นด้วยอาการกิริยาต่าง ๆ ตามที่ต้องการ เช่น วางข้าวของเรียงเป็นแถว วางกับดักหนูวางกระดานลงกับพื้น วางเสาพิงกับผนัง; กำหนด, ตั้ง, เช่นวางกฎ วางเงื่อนไข วางรากฐาน; จัดเข้าประจําที่ เช่น วางคนวางยาม, วางกำลัง; ปล่อยวาง เช่น วางอารมณ์ วางธุระ; (กลอน)อาการที่เคลื่อนไปโดยรีบร้อน เช่น ขี่ช้างวางวิ่ง.
 
ถ้ายึดตามความหมายนี้  สองว่าในกรณีของซอสพริก  มันก็ยังคงต้อง "ราด" อยู่นะ

วุ้ย!  อิฉันสับสนคร่า  รบกวนใครเป็นคนใช้ภาษาไทย-กลางแต่กำเนิดมาเพิ่มเติมรายละเอียดด้วยคร่า  :serius2:

หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 23-04-2008 20:12:05
สงสารฉายหนักเข้ไปอีกตรู

เมื่อไหร่จะมีคนมาดามหัวจว๊า.......
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 23-04-2008 20:24:01
อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนดูหนังสักเรื่อง

ที่มันเป็นหนังเศร้า แต่พยายามทำตลก

แต่มันไม่ตลก แต่มันทำให้ยิ่งเศร้ากว่าเดิม

แล้วก็น่าสงสาร ฉาย ด้วย ที่ทำเหมือนไม่เจ็บอะไร

ทำตลก แต่มันทำให้เศร้ากว่าเดิมอีก

มันหลายๆอย่างอะ โอ้ยยยยย!!!!

อ่านแล้วมันจี๊ดๆที่ใจไงไม่รู้ มันบอกไม่ถูกอะ

นี่อินมากเกินไปหรือเปล่าเนี่ย แต่ใครเป็นบ้าง...

 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 23-04-2008 21:23:11
ชอบภาษาเรื่องนี้มากเลย :o8:
แต่พอมาลองดูเนื้อเรื่องแล้ว
มันออกจะเป็นเรื่องเศร้านะเนี่ย
แต่ภาษาและการที่คนในบ้านดูจะไม่ซีเรียสเท่าไหร่
เลยขำ ขำซะมากกว่า
เหอๆ

ไงดีล่ะ

สงสารฉาย
อกหักทุกตอนเลยอ่ะ
แล้วบุคคลที่ชื่อ นายกรินกรณ์เนี่ย
จะโผล่มาตอนไหนอ่า
เอ๊ะ หรือ กรินกรณ์ คือนายกบนั่น
แต่อ่านมาไม่รู้สึกปลื้มกับกบเท่าไหร่เลยแหะ :a3:

เหอๆ
แล้วมาต่ออีกนะจ๊ะ :oni1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 23-04-2008 22:56:38
เศร้าเนอะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 24-04-2008 00:59:56
ทำไมอ่านเรื่องแล้วรู้สึกเศร้าไม่รู้อ่ะ

เหมือนจะไม่มีความรู้สึกสมหวังอยู่เลย

หรืออาจจะเพราะว่าอกหักมาหลายตอนแล้วนะ........
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 24-04-2008 01:08:36
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยอ่ะพี่ทิพ ดีใจจังที่พี่ทิพขอมาลง

ชอบการบรรยายเรื่องของคุณภัคD. แนวแบบนี้หาอ่านยาก

อ่านไปอ่านมาจะรู้ได้ว่านายฉายนี่ขี้บ่นใช่เล่นเลยนะ 5555 (อันนี้ความรู้สึกส่วนตัว)

ชอบตะวันด้วยโตแล้วแต่ชอบทำตัวเหมือนเด็กๆ

ฉายที่อายุน้อยกว่ายังดูเป็นผู้ใหญ่กว่าตั้งเยอะ

เป็นกำลังใจให้คนแต่งและคนโพสค๊าบบบบบ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gift_deb ที่ 24-04-2008 12:37:35
สงสารฉายอ่ะ หวังว่าคงไม่กินต่อจากพี่กบนะคะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 24-04-2008 14:49:14
 :a5: งงนิดๆ รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 24-04-2008 17:07:08
เรื่องนี้นี่...สุดยอดดดดดดด
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 24-04-2008 18:32:02
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 5

ความรัก กับเรื่องเศร้าของเขา ไม่ใช่ผม


ถึงจะไม่ต้องทำตัวเป็นผู้ร้าย...ใช้ตุ๊กตาสาปแช่ง หรืออาคมหลวงพ่อวัดไหน...สุดท้ายพี่กบก็แยกจากพี่ตะวัน...ทายสิว่าใครเสียใจ?

ก็พี่กบน่ะสิ!...ยิ้มปากกว้างไม่ออกเลย ส่วนพี่ตะวันก็ยังยิ้มตะวันฉาย เพียงแต่ไม่ได้ยิ้มให้พี่กบหรอก แต่ยิ้มให้พี่ชายอีกคน ที่ชื่อ พี่ปา...

พี่ปาหุ่นเท่กว่าพี่กบเสียอีก แถมรสนิยมท่าจะเข้ากันดีอย่างพอเหมาะกับพี่ตะวัน...พี่ปาชอบไว้จุกเป็นกุมารทอง คะนองเดชอยู่กลางกระหม่อม...ทรงเดียวกับที่น้าโอ๋ไว้ก่อนออกเดินทางค้นหาตัวเองเลย เพียงแต่น้าโอ๋จะเสียบปิ่นสองอันด้วย แต่พี่ปาไม่ยอมเสียบถึงพี่ตะวันจะพยายามแอบเสียบตอนพี่ปาเผลอก็เหอะ...

แต่พี่ตะวันก็ยิ้มให้พี่ปาอยู่ประเดี๋ยวประด๋าว ก่อนหันไปยิ้มกับพี่ขุน...พี่ชายใจดี...กว่าปลากัดนิดเดียวเอง!...

“ทำไมพี่กบไม่ค่อยมาบ้านเลยล่ะ ตะวัน?”แม่ถามถึงพี่กบ เมื่อเดี๋ยวนี้คนที่โผล่มาบ่อยๆคือพี่ปา...ก่อนจะกลายเป็นพี่ขุน

“ทะเลาะกัน”พี่ตะวันตอบ ไม่มีทีท่าใส่ใจ จนผมอดนึกสงสารพี่กบไม่ได้

“อ้าว ทะเลาะกับพี่เขาเรื่องอะไร?”

“ทุกเรื่องเลย...คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง...”

“อ้าว...พี่เขาไม่ได้คุยภาษาไทยหรือไง ตะวันถึงคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง?”แม่ย้อนถามด้วยหน้าแสนซื่อ

“น้าโอ๋!...ตะวันหมายถึงพี่เขาแก่กว่าตะวันตั้งเยอะ เลยคุยกันไม่รู้เรื่อง!”พี่ตะวันให้เหตุผลไม่เข้าท่า เพราะพี่ปาน่ะแก่กว่าพี่กบตั้งปี...และต่อมาพี่ขุนก็แก่กว่าพี่ตะวันสี่ปีพอๆกับพี่กบ

“อ้าว...พี่เขาแก่กว่าตะวันแค่สี่ปีเอง ทำไมคุยกันไม่รู้เรื่อง...ตะวันก็อายุมากกว่าฉายสี่ปี ยังคุยหัวเราะกันเอิ๊กอ๊ากทั้งวัน...แล้วน้าก็แก่กว่าตะวันมากกว่าพี่กบอีก ยังคุยกันรู้เรื่อง...อ๋อ...พี่กบก็แก่กว่าฉายมากกว่าแก่กว่าตะวันอีก พี่กบยังคุยกับฉายรู้เรื่องเลย!”แม่ตอบและผมแสนจะนับถือแม่ ก็แม่ย้อนพี่ตะวันได้ครบถ้วนไม่มีตกมีหล่น ทั้งที่เวลาผ่านมาตั้งเกือบสองปีแล้ว

“แล้วทีนี้ใครช่วยสอนหนังสือตะวันล่ะ?”แม่ถามต่อ เพราะพี่ตะวันงอนเคี้ยวข้าวแก้มตุ่ย เถียงก็ไม่ได้เพราะตัวเองเคยพูดเอง ทั้งแม่ก็คงว่าท่าทางพี่ปาดูจะสอนอะไรพี่ตะวันไม่ค่อยได้

“ตะวันเรียนจบแล้ว ไม่ต้องมีคนสอนแล้ว”พี่ตะวันตอบ นั่นยิ่งทำให้ผมสงสารพี่กบ

“จบ?...เออ ใช่...แล้วเมื่อไหร่ลงทะเบียน?”แม่ไม่ถามต่อเรื่องพี่กบ เพราะนึกเรื่องอื่นได้แทน

“ตะวันเรียนจบแล้ว!”

“นั่นมันแค่ปวช. น้าหมายถึงปวส.!”

“ตะวันไม่เรียนปวส.!”

“ทำไม?”

“ก็ตะวันไม่อยากเรียน ตะวันอยากวาดรูปอย่างเดียว ยังไงตะวันก็จะวาดรูป ทำไมตะวันต้องเรียน ไม่เห็นมีประโยชน์เลย...น้าโอ๋ก็บอกว่าอย่าทำอะไรที่ไร้ประโยชน์...วาดรูปใช้ฝีมือไม่ได้ใช้ทฤษฎี... ใช้ตำรา...ใช้คณิตศาสตร์... ใช้ภาษาอังกฤษ...ใช้ว...”พี่ตะวันคงกะสาธยายจนหมดหลักสูตรที่บังคับ ถ้าแม่ไม่ขัดซะก่อน

“มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละ ว่าเรื่องรียนไม่มีประโยชน์”

“ตะวันโง่ไง!”

“ตะวัน!”

แล้วพี่ตะวันก็น้ำตาร่วงเผาะๆทั้งที่แม่ยังไม่เริ่มต้นบ่นหรือว่าเลยด้วยซ้ำ ส่วนแม่ก็หายใจเข้าหายใจออกอย่างอดทน แต่คงนับหนึ่งไม่ถึงสิบหรอก เพราะแม่วางช้อนแล้วก็ลุกไปเลย ไม่พูดอะไรสักคำ ปล่อยให้พี่ตะวันนั่งร้องไห้อยู่กับผมที่นั่งกินข้าวต่อไปอย่างสงบ...ก็มันชินนี่นา เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเป็นประจำ...แม่ก็ขี้งอน พี่ตะวันก็ขี้แย...เป็นผู้ชายซะเปล่า แถมอายุก็ปาเข้าไปตั้งจะสิบแปดแล้วด้วย...แต่ผมก็รู้ว่าพี่ตะวันไม่ทำตัวขี้แยมากมายขนาดนี้เวลาอยู่กับคนอื่น อย่างพี่กบ หรือว่าพี่ปา...ซึ่งต่อมากลายเป็นพี่ขุน

“เอ้า...ข้าวของแม่แบ่งคนละครึ่งนะ!”ผมแบ่งข้าวที่เหลือของแม่ ใส่จานผมครึ่งหนึ่ง ใส่จานพี่ตะวันครึ่งหนึ่ง เพราะแม่คงไม่กลับเข้ามากินแล้ว

“ไม่เอา พี่กินไปสองจานแล้ว!”พี่ตะวันพูดไปสะอื้นไป พลางดึงจานหลบ

“ฉายก็กินไปสองจานแล้ว...แต่ถ้าเททิ้ง เดี๋ยวก็โดนด่า...ตะวันอยากโดนแม่ด่าหรือไง?”ผมถาม พี่ตะวันถึงยอมผลักจานคืนมาที่เดิม

“อิ่ม!”พี่ตะวันพูด แต่ก็ตักข้าวใส่ปาก ทั้งที่ยังสะอื้นฮักๆ

“เหมือนกันแหละ...ความผิดของตะวันนะ...แล้วจะกินจะร้องก็เลือกเอาสักอย่างสิ!”ผมพูดอย่างที่แม่หรือน้าโอ๋ชอบพูด เพียงแต่ถ้าเป็นแม่หรือน้าโอ๋พูด พี่ตะวันจะหยุดร้องและกิน พอกินเสร็จแล้วค่อยกลับมาร้องต่อ... แต่เมื่อผมเป็นคนพูดพี่ตะวันเลยวางช้อนซะงั้น

“กินเร็วๆสิ เดี๋ยวฉายจะได้เก็บล้างทีเดียว ไม่งั๊นล้างเองนะ!”ผมเปลี่ยนเป็นขู่ พี่ตะวันเลยยกช้อนขึ้นกินต่อ...

บางทีผมก็นึกสงสัย ผมรักพี่ตะวันจริงหรือเปล่า?...ถ้ารัก ทำไมเวลาเห็นพี่ตะวันกับพี่กบ หรือพี่ปา...ซึ่งต่อมารวมพี่ขุนไปด้วยอีกคน... ผมไม่หึง กินไม่ได้นอนไม่หลับ แบบในหนัง

อกมันเจ็บแปล๊บ เวลาที่รู้ว่าพี่ตะวันล็อคประตูบ้าน และผมเข้าๆออกๆบ้านพี่ตะวันตามอำเภอใจไม่ได้... แต่มันไม่เจ็บแปล๊บ เวลาที่รู้ว่าพี่ตะวันกับพี่กบหรือพี่ปาหรือพี่ขุนเป็นมากกว่าเพื่อนกัน...บางทีที่มันเจ็บแปล๊บตอนเข้าบ้านพี่ตะวันตามอำเภอใจไม่ได้ อาจเป็นเพราะผมเสียใจที่ไม่มีทีวีเครื่องสำรองไว้ดูตอนแม่ครองจอทีวีที่บ้านก็ได้...

และผมก็รำคาญเป็นบางครั้งเวลาที่เห็นพี่ตะวันนั่งร้องไห้อย่างไร้สาระ ทำตัวไม่รู้จักโต แถมดูจะฉลาดน้อยกว่าผม...จะเผื่อใจไว้ไม่รำคาญบ้างก็เมื่อสังเกตเห็นว่า ต่อให้พี่ตะวันทะเลาะกับพี่กบ หรือโดนพี่กบดุยังไงพี่ตะวันก็ไม่ร้องไห้...บางครั้งผมเลยเกิดอาการชอบมองเวลาพี่ตะวันนั่งน้ำตาร่วง เหมือนเวลาที่พี่ตะวันยิ้มจนแก้มปรินั่นแหละ...

คืนนั้นพี่ตะวันนั่งอยู่ที่บ้านผมจนดึก โดยที่แม่ไม่ยอมพูดกับพี่ตะวันสักคำ จนพ่อกลับ แม่ก็ขึ้นข้างบน พี่ตะวันทำท่าจะเดินตาม

“ไม่ต้องตามขึ้นมา น้าจะนอนแล้ว!”แม่บอกโดยทำแค่ปรายตามองก่อนสะบัดหน้าเดินฉับๆ พี่ตะวันเลยน้ำตาร่วงเผาะใหญ่ ปล่อยให้พ่อยืนมองแบบอ่อนใจ...พ่อไม่งงในสิ่งที่เกิดขึ้นหรอก...เพราะพ่อก็ชินเหมือนกัน ก็เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นบ่อยจะตาย...

มันเป็นกรณีศึกษาของพ่อกับผมที่แบ่งเหตุการณ์แม่งอน พี่ตะวันน้ำตาร่วงเป็นสองข้อใหญ่ๆ

หนึ่ง...พี่ตะวันพูดไม่รู้เรื่อง(หรือพูดแบบไม่เกรงใจ คืองี่เง่า)... พูดจาไม่น่ารัก (ศัพท์ที่แม่ใช้ดุพี่ตะวัน)...จนเกินไปในบางครั้ง

สอง...แม่งอน เพราะไม่ได้ดั่งใจ หมายความว่า แม่งอนเพื่อพี่ตะวันจะได้เป็นไปในทิศทางที่แม่ต้องการ เหมือนครั้งนี้ ผมว่าให้ยังไง พี่ตะวันก็ต้องเรียนปวส.ต่อ โดยแม่ไม่ต้องออกปากเรียกมาคุยอีกรอบให้เปลืองน้ำลาย

แต่ผมคิดผิดนิดหน่อย...เพราะพอพี่ตะวันน้ำตาร่วง พี่ตะวันก็เดินเข้าไปหาพ่อแทน

“ฉายขึ้นไปง้อแม่เขาก่อน”พ่อหัวเราะเมื่อหันมาบอกผม ผมรู้ว่าแม่น่ะไม่ต้องง้อหรอก เดี๋ยวก็หายเอง แล้วพ่อก็ไม่ได้อยากให้ผมตามง้อแม่ด้วย แต่ความหมายของพ่อคือ ไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ตรงนี้ เพราะเมื่อพี่ตะวันเดินเข้าไปหาพ่อ พร้อมน้ำตาหมายความว่ามีเรื่องจะพูดกับพ่อ

“ตะวันไม่มีตังค์ ไม่อยากขอน้าโอ๋กับน้าเจด...ไว้รอแม่กลับมาแล้วตะวันค่อยเรียนต่อก็ได้”ผมได้ยินพี่ตะวันพูดกับพ่อ

น้าโอ๋กับน้ามะไปค้นหาตัวเองสองปีแล้ว...ผ่านค่าเทอมของพี่ตะวันไปสามครั้ง...พี่ตะวันจ่ายเองเสียหนึ่งครั้ง ส่วนอีกสองครั้ง แม่จ่ายให้...

พี่ตะวันยังเขียนรูปไปนั่งขายกับพี่อ๋อ แต่แย่หน่อย ที่ๆพี่ตะวันกับพี่อ๋อไปอาศัยพื้นที่หน้าร้านเขาขาย เขาเปลี่ยนเจ้าของ และเจ้าของใหม่เขาไม่ให้ใช้พื้นที่ที่หน้าร้านเขา พี่อ๋อเลยชวนพี่ตะวันไปหาพื้นที่แบบต้องจ่ายค่าเช่า...

“รูปพี่อ๋อสวยกว่า พอเอามาเทียบกัน ลูกค้าก็เลือกของพี่อ๋อ...แล้วพอมีค่าเช่าที่ พี่อ๋อก็บอกว่าต้องเพิ่มราคารูป พอมันแพง คนก็ซื้อน้อยลง...ซื้อหลายๆรูปแบบเมื่อก่อนไม่ได้... แล้วก็เลยซื้อแต่ของพี่อ๋อ”หลังจากผ่านเดือนแรกที่ต้องจ่ายค่าเช่า พี่ตะวันก็มานั่งน้ำตาร่วงเผาะๆ บ่นให้แม่ฟัง

“น้าชอบรูปของตะวันมากกว่า!”แม่ปลอบใจหรือพูดจริงก็ไม่รู้...

“รูปของตะวันศิลป์กว่าตั้งเยอะ!”แต่ผมพูดปลอบ เพราะจริงๆผมชอบรูปพี่อ๋อมากกว่า ก็รูปของพี่ตะวันดูไม่ค่อยรู้เรื่อง รูปไหนดูรู้เรื่อง สีสันก็น่ากลัวเหลือเกิน...ไม่เหมือนพี่อ๋อที่วาดสีนุ่มไม่สมตัวเลย

“แต่คนชอบรูปของพี่อ๋อมากกว่า!”พี่ตะวันบอก น้ำตายิ่งร่วงกราว

“ตะวันก็เปลี่ยนมาวาดเหมือนพี่อ๋อสิ”แม่แนะ

“ตะวันไม่ชอบ!... แล้วพี่อ๋อก็ไม่ชอบด้วย...พี่อ๋อไม่ชวนพี่แก้วไปวาดรูปด้วยเพราะพี่แก้ววาดสไตล์เดียวกับพี่อ๋อ”พี่ตะวันบอก ซึ่งก็จริง เพราะผมเคยเห็นพี่ตะวันวาดรูปแบบดูรู้เรื่องและสีไม่น่ากลัว... พี่ตะวันวาดสวยกว่าพี่อ๋ออีก แต่พี่ตะวันกลับว่ามันไม่สวย...ยิ่งเมื่อก่อนที่พี่ตะวันวาดรูปดอกไม้ ผมว่ามันดูเหมาะกับพี่ตะวันเสียมากกว่าอีก

“งั๊นตะวันก็ลดราคารูปของตะวันลงหน่อย บอกว่ารูปของตะวันวาดง่ายกว่าของพี่อ๋อ”แม่แนะอีก

“ใครว่า!”คราวนี้พี่ตะวันหันมาค้าน ลืมร้องไห้ไปชั่วแป๊บ

“น้ารู้...ก็พูดๆเอาใจเขาไง เขาจะได้ยอมให้ตะวันลดราคาลง!”แม่พูดก่อนถอนหายใจคล้ายจะตัดสินใจลำบากว่าตัวเองรู้สึกยังไงแน่ ระหว่างสงสารกับอยากเคาะกบาลพี่ตะวัน

ผลเป็นไงไม่รู้ รู้แต่พี่ตะวันคงเก็บเงินได้น้อยลง...ค่าเทอมๆแรกที่น้าโอ๋ไป พี่ตะวันยังวิ่งมายืมแม่ เพราะเพิ่งเริ่มวาดรูปขาย พอเทอมที่สองพี่ตะวันก็หน้าบานบอกแม่ว่า... ตะวันมีตังค์... แต่พอเทอมที่สามพี่ตะวันก็หน้าหุบต้องขอตังค์แม่ด้วยมุกเดิมๆ..ตะวันจะไปขายตัว...

ผมไม่ได้อยู่รอฟังพ่อคุยกับพี่ตะวัน...เพราะบางครั้งเมื่อเหตุผลของการร้องไห้เป็นสมควร...ผมก็ไม่อยากให้พี่ตะวันร้องไห้...เป็นอีกครั้งที่อยากให้น้าโอ๋กับน้ามะกลับมาเร็วๆ...พี่ตะวันจะได้ไม่ต้องร้องไห้...

แต่ผมก็เริ่มไม่แน่ใจว่าน้าโอ๋กับน้ามะจะกลับมาหรือเปล่า เพราะครั้งหนึ่งเคยได้ยินแม่แอบคุยกับพ่อ...

“เมื่อคืนฝันไม่ดีเลย!”แม่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“ฝันอะไรล่ะ?”แต่พ่อถาม แอบยิ้มขำแบบจริงใจ

“ก็...ช่างมันเถอะ!...ยายโอ๋กับนายมะ มันจะกลับมาหรือเปล่านะ...ให้มันบ้าๆยังไง แต่นี่ทิ้งลูกไว้เกือบปีจะจดหมายหรือโทรศัพท์ก็ไม่มี มันแปลกๆ...หรือว่าไม่แปลก?”แม่ยังพูด และหน้าตาก็ยังจริงจัง

“ก็แปลก...อย่าไปพูดให้ตะวันได้ยินแล้วกัน แค่นี้ก็ใจเสียจะแย่!”ส่วนพ่อก็ยังแอบขำหน้าตาจริงจังของแม่เหมือนเดิม

“ใจเสีย?...เห็นมันทำตัวเป็นหนูร่าเริง!”แม่พูด...ซึ่งก็จริง...

และจะยังไงก็แล้วแต่ วันถัดมาแม่กับพ่อก็พาผมกับพี่ตะวันไปทำบุญที่วัด หลังจากนั้นก็ไล่ผมกับพี่ตะวันออกไปนอกศาลาแล้วก็นั่งคุยกับหลวงพ่อหน้าเครียด...แม่ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่หลังจากนั้น ผมก็เห็นแม่คุยโทรศัพท์บ่อยๆ..ตอนนั้น ผมไม่รู้แม่คุยกับใคร แต่พอจะรู้ว่าเป็นเรื่องน้าโอ๋กับน้ามะ และทุกครั้งแม่ต้องแอบคุย...แต่ก็คงไม่มีอะไรคืบหน้า เพราะ น้าโอ๋กับน้ามะ ยังไม่กลับ... แม่ยังคุยโทรศัพท์กับคนที่ผมไม่รู้จัก แต่น้อยลง...และน้อยลงเรื่อยๆ

“หรือพวกมันจะไปเป็นโยคี หนีโลกอยู่ที่ไหน?”แล้วครั้งหนึ่งแม่ก็พูด

“ฝันอะไรอีกล่ะ?”และพ่อก็ถาม...ส่วนผมที่แอบได้ยินก็เลยรู้สึกขึ้นมาอีกครั้งว่า...เดี๋ยวน้าโอ๋กับน้ามะก็คงจะกลับมา...

ผมชื่อตะวันฉาย อีกไม่กี่เดือนก็จะทำบัตรประชาชนแล้ว...พี่ตะวันสัญญาว่า ถ้าผมทำบัตรประชาชนเมื่อไหร่จะพาผมไปเช่าการ์ตูนร้านใหญ่ๆ

พี่ตะวันยังล็อคประตู แต่ข้างหลังประตูตอนนี้คือพี่ขุน ไม่ใช่พี่กบ...หรือพี่ปาที่โคตรจะเป็นดอกไม้ริมทาง โดนพี่ตะวันฟันแล้วทิ้งไปอย่างรวดเร็ว

อกมันเจ็บแปล๊บๆเหมือนเดิม แต่ไม่ใช่เพราะพี่กบหรือพี่ขุน แต่เพราะพี่ตะวันร้องไห้...ด้วยเหตุผลที่ผมเห็นว่าสมควร

อกมันเจ็บแปล๊บมากขึ้น...เมื่อนึกสงสัยว่า ตอนไม่มีพี่กบ พี่ขุนหรือพี่ปา...พี่ตะวันนั่งร้องไห้คนเดียวหรือเปล่า?

ที่หลังประตูบ้านพี่ตะวัน...ผมจึงดีใจ ที่มีใครอยู่กับพี่ตะวันสักคน ถึงจะไม่ใช่ผมก็ไม่เป็นไร...

จบ... ความรัก กับเรื่องเศร้าของเขา ไม่ใช่ผม


--------------------
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 24-04-2008 18:50:07
อ่านตอนไหนๆๆก้อเรียกน้ำตาได้ทุกครั้งเลยนะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 24-04-2008 18:51:26
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกดีขึ้นมาอีก 1%  :m4:

แต่ตอนจบตอน ก็ยังเศร้าอยู่เลยอะ  o7

สงสารฉาย... :o12:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 24-04-2008 19:38:42
เฮ้อ...........

ไปๆมาๆ  ฉายกลับดูเป็นผู้ใหญ่กว่าตะวันแฮะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 24-04-2008 19:43:45
ฉายจ๊ะ

เจก็แปล๊บที่อกเหมือนกัน

อยากจะร้องไห้  แต่มันร้องไม่ออก

ตูเป็ฯไรมากไปเปล่านี้

สงสัยท่าจะอินจัด  หรือไม่ก็ กินยาลืมเขย่าขวด  :sad2:


ปล. คนเขียนขา  เดินเรื่องแบบนี้  สู้มาตบหน้าเจ้ดีกว่า  เจ้ใจสลายแล้ว

 :a6: :a6: :a6:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 24-04-2008 20:10:40
มันขำแบบเศร้าน่ะเนี่ย.............................. o7
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 24-04-2008 21:48:39
อ่านๆไปแล้ว
คำพูดของตะวัน ดูเด็ก มากเลยอ่ะ :laugh:
ฉายเป็นผู้ใหญ่มากกว่าตะวัน
เพราะฉาย
ขี้บ่น!! .......ม่ายช่ายและ


เศร้าอยู่
ยังเศร้าอยู่
เมื่อไหร่(ฉาย)
จะมีความสุขเสียที
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 24-04-2008 23:19:41
ตะวัน....ชักจะเอาใหญ่ :o8:...ไม่รู้จักโตเล้ย


ฉาย....เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ

งั้นความเศร้าคงใกล้มาเยือนแล้วสิ


เรื่องนี้ตลกร้าย.....กาจ
อ่านแล้วยิ้มทั้งน้ำตา


แต่เราจะติดตามต่อปาย...............  o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 24-04-2008 23:47:48
ฉายยังไม่เคยร้องไห้เลยหนิ

เท่าที่สังเกตดูอ่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 25-04-2008 00:42:39
โอ้ เหมือนว่าจะเห็นพัฒนาการของตัวละคร
เขียนได้น่าติดตามมากๆค้าบ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 25-04-2008 04:16:16
 :m1: :m1: :m1:


 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: สาวเครือฟ้า ที่ 25-04-2008 12:24:56
รออ่านตอนต่อไป 

อยากรู้จะเป็นไง
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gift_deb ที่ 25-04-2008 12:56:08
น่าสงสารเด็กอายุ 14 จริงๆ



เมื่อไหร่ นายกรินกรณ์จะโผล่หน้ามาล่ะ เข้ามารอ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 25-04-2008 14:31:29
รอตอนต่อไปคร้าบ
 :L2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: nithiwz ที่ 25-04-2008 18:15:31
เริ่มสงสารพี่ตะวัน  และน่ารักในความใสซื่อประสาเด็กของน้องฉาย  :sad2:
หลังๆ มาเนื้อเรื่องเริ่มเครียดแล้วแฮะ  เหอะๆๆๆๆ

ตะวันต้องทำงานหนัก (จริงๆ) ทั้งส่งตัวเองเรียน  น่าสงสารมากมาย
ยังไม่เห็นนายกรินกรณ์เลย  เหอะๆๆๆ

นี่ทั้งเรื่องจะมีแต่คนชื่อแนวพระอาทิตย์
อย่าบอกว่าน้าโอ๋ก็ชื่ออังศุมาลินด้วย -*-
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 25-04-2008 18:44:29
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 6

ความรัก ทำให้ผมตาสว่าง


เป็นไปตามคาด สุดท้ายพี่ตะวันก็เรียนต่อปวส.... ด้วยเงินของแม่

พี่กบกับพี่ปายังแวะเวียนมาหาพี่ตะวันบ่อยๆ...โดยมีพี่ขุนนั่งหน้าปลากัดอยู่แถวๆนั้น

เมื่อพี่ขุนกับพี่ปาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมกับพี่ตะวัน...ผมก็ชอบพี่กบมากขึ้น...พี่กบคุยรู้เรื่องกว่าพี่ปา...พี่กบยังทำให้พี่ตะวันหัวเราะและยิ้ม...พี่ขุนก็เข้ากันได้ดีกับพี่กบ จนผมสงสัยว่า พี่กบคงจะผันตัวเองเป็นพี่ชายซะมากกว่า...ผมว่าฐานะของพี่กบคงไม่ต่างจากผมแล้ว...ผมเป็นน้อง พี่กบก็เป็นพี่...และพี่กบก็ยังเป็นคนสอนหรือทำการบ้านแทนพี่ตะวันอยู่เหมือนเดิม...แน่นอนว่า พี่ขุนก็นั่งหน้าปลากัดอยู่แถวๆนั้นนั่นแหละ...

แต่พี่ปานี่ไม่ไหว...ท่าดีทีเหลว มาทีไร ทำพี่ตะวันหัวเสียทุกที จนบางครั้งก็มีเรื่องกับพี่ขุน ส่วนอีกบางครั้งที่ไม่มี เพราะบังเอิญพี่กบอยู่...

พี่กบน่ะเป็นประเภท...เฮ้ย! ใจเย็นสิวะ คุยกันดีๆก็ได้...แต่กูเตือนมึงแค่รั้งเดียวนะ!...

ส่วนพี่ขุนจะเป็นประเภท...กูไม่เตือน! ถ้ามึงชนมา กูก็ชนไป...หรือ แค่รู้ว่ามึงคิดจะมา กูก็ไปแล้ว!...พักหลังๆ พี่ปาเลยไม่ค่อยกล้ามาแหยมกับพี่ขุนเท่าไหร่...

แต่เพราะพี่ปา ทำให้ผมชอบพี่ขุนมากขึ้น...เหมือนๆที่ชอบพี่กบมากขึ้นด้วย...จนกลายเป็นว่า ผมสนิทกับพี่กบมากขึ้น แล้วก็พี่กบนี่แหละที่ผมสารภาพความจริงให้ฟังว่า...ผมน่ะ แอบรักพี่ตะวันก่อนที่พี่กบจะเข้ามาซะอีก...แต่ผมไม่ได้บอกพี่กบเรื่องฝันเปียกหรอก ผมว่ามันส่วนตัวเกินไปหน่อย...และตอนแรกๆเมื่อผมบอกและพี่กบไม่ยอมรับ แถมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้...แต่ไม่เนียน...ว่าผมพูดเรื่องอะไร ผมก็เลยต้องบอกพี่กบว่า ผมน่ะรู้ว่าพี่กบกับพี่ตะวันเป็นอะไรกัน มาตั้งนานแล้ว...พี่กบเลยอายหน้าแดง...และผมว่าพี่กบคงหน้าแดงมากกว่านี้ ถ้าผมบอกเรื่องวันแรกที่ผมเห็นรอยสักรูปดวงตะวันใต้ฝ่าเท้าของพี่ตะวัน...แต่ผมก็ไม่ได้บอก เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวเกินไปอีกนั่นแหละ...

“แล้วตะวันรู้หรือเปล่า?”พี่กบถาม

“ไม่รู้หรอก ไม่งั๊นจะยิ้มหน้าบานอยู่ได้เหรอ?”และผมตอบ

เลยกลายเป็นว่า ผมกับพี่กบที่อายุห่างกันตั้งแปดปี มานั่งปรึกษาปัญหาหัวใจแบบเข้าอกเข้าใจกัน คือ อกหักเหมือนๆกัน โดยคนๆเดียวกัน ด้วยมติแบบเดียวกันคือ...พี่ตะวันน่าที่จะถูกพวกผมรักตรงไหน?

“ทำตัวไม่รู้จักโต...”พี่กบว่า ตาก็มองพี่ตะวันที่นั่งวาดรูปอยู่ใกล้ๆดอกทานตะวัน...ที่พี่ขุนเป็นคนปลูก...ผมไม่ได้บอกพี่กบว่าดอกทานตะวันของพี่กบน่ะถูกพี่ปาถอนทิ้งไปนานแล้ว ...พี่ตะวันโกรธแต่ไม่ร้องไห้ไปหลายวัน ตอนหลังพี่ขุนก็หามาปลูกให้พี่ตะวันใหม่...

“ใช่...บางทีผมรู้สึกว่าผมโตกว่าพี่ตะวันอีก!”ผมเสริมแบบอุตส่าห์เห็นด้วยแต่พี่กบกลับเหล่ตามองผม แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไร คงยังอยากหาเพื่อนระบายความในใจอยู่

“เอาแต่ใจตัวเองด้วย”พี่กบพูดอีก และตาก็ยังมองพี่ตะวันอยู่นั่นแหละ แต่ตอนนี้มีพี่ขุนที่ใส่แต่โสร่งสีส้มแปร๊ดตัวเดียว เดินออกจากบ้าน พร้อมลากเก้าอี้ไม้สีเหลืองมานั่งกับพี่ตะวันที่ใส่กางเกงเลสีชมพูสด ที่พอมาอยู่คู่กับโสร่งสีส้มของพี่ขุนแล้ว...สีสันมันช่างบาดตาบาดใจดีเหลือเกิน...

“พี่รู้ช้ากว่าผมไปตั้งสิบปี”ผมบอก...มองดูโสร่งตัวที่พี่ขุนใส่ซึ่ง ผมจำได้ว่ามันเป็นของพี่ปานี่นา

“อือ...แล้วฉายก็ยังอุตส่าห์ชอบลงนะ”พี่กบพูดพลางถอนหายใจ ไม่มองดูพี่ตะวันแล้ว...ผมเลยเพิ่งนึกได้ว่าเก้าอี้ไม้สีเหลืองที่พี่ขุนลากมานั่งน่ะ พี่กบเป็นคนเอามา...เข้ากับดอกทานตะวัน...พี่กบเคยบอกพี่ตะวันอย่างนั้น...

“พี่ก็ยังอุตส่าห์อกหักเนอะ”ผมพูด ไม่ตั้งใจตอกย้ำ แต่ปากมันเร็วไปหน่อย

“แต่ฉายแก่แดดนะ เพิ่งสิบสองเองใช่มั๊ย ตอนนั้นน่ะ?”

“อือ...พี่กบพรากผู้เยาว์...พี่ตะวันเพิ่งสิบหกกว่าๆเอง”

“ตอนนี้ไม่เยาว์แล้ว...”พี่กบพูด ถอนหายใจเงยหน้ามองดูพี่ตะวันอีกครั้ง

“แต่ตอนนั้นเยาว์...แล้วผมก็ไม่เด็กแล้ว ตอนนี้เป็นนายตะวันฉายแล้ว!”

“เพิ่งเป็นได้วันเดียวเอง... แล้ว พี่ก็เป็นคนพาฉายไปทำบัตร... จำไม่ได้หรือไง เมื่อวานเองนะ!”

“พี่ขอพาไปต่างหาก...ผมไปเองก็ได้!”

“เออ เก่ง!...แต่พี่ชอบเวลาตะวันเขายิ้ม”พี่กบพูด ตาก็มองพี่ตะวันยิ้ม...แต่ยิ้มกับพี่ขุน

“ตอนเด็กๆ พี่ตะวันเขามีเพลงกล่อมเด็กประจำตัว...พอยามตะวันฉาย มีใครไม่รักตะวัน...”ผมบอก และมองดูพี่ตะวันยิ้ม ตะวันฉาย ด้วยเหมือนกัน...

“ไม่เคยได้ยิน”พี่กบพูด หน้าตาไม่ต้องบอกก็รู้ว่า กำลังคิดถึงพี่ตะวัน...ยามตะวันฉาย...ตอนยิ้มกับตัวเองแหงๆ

“แม่เป็นคนแต่ง...แต่ผมไม่ชอบเวลาพี่ตะวันร้องไห้ โตแล้วไม่รู้จักอาย!”

“ก็นานๆครั้ง เวลาเขาคิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ ธรรมดาจะตาย ก็ยังเด็ก... ไม่มีใคร แค่นี้ก็เก่งแล้ว”คราวนี้พี่กบแก้ตัวแทน

“มีบ้านผมไง!...แล้วผมก็หมายถึงตอนอื่น”ผมบอก เพราะผมก็เห็นด้วยกับพี่กบ...เดี๋ยวนี้พี่ตะวันไม่มานั่งร้องไห้กับแม่แล้วเรื่องขายรูปไม่ได้...พี่ตะวันวาดรูปหลายๆแบบ แล้วก็เอาไปฝากขาย หลายๆที่...พี่ตะวันเก่งผมรู้ดี...

“มีพี่ด้วย...แล้วฉายหมายถึงตอนไหนล่ะ?”พี่กบถาม แถมไม่ลืมที่จะอ้างสิทธิ์ แต่ไม่ว่าผมจะบอกว่า...มีบ้านผม และ พี่กบจะบอก...มีพี่ด้วย...แต่ที่เห็นอยู่ตำตา คือ มีพี่ขุนต่างหาก ที่ข้างๆพี่ตะวันในตอนนี้

“ทุกตอนแหละ ร้องบ่อยจนขี้เกียจจำ”

“ไม่รู้สิ...พี่เห็นแต่เขายิ้ม”พี่กบพูด ตาจับอยู่ที่พี่ตะวัน เหมือนเดิม

“ของผม ห้าสิบ ห้าสิบ”ผมพูด...มองพี่ตะวันเหมือนกัน แต่นึกถึงเวลาพี่ตะวัน น้ำตาร่วงเผาะๆแทน

แล้วผมกับพี่กบก็ต้องรีบหันหน้าหนี เมื่อพี่ขุนหันมามองด้วยสีหน้าปลากัดสุดขีด

“พี่ว่า พี่ขุนรู้หรือเปล่าว่าเราคุยกันเรื่องอะไร?”ผมกระซิบถาม

“ไม่รู้สิ...ว่าแต่ฉายแน่ใจนะว่าขุนมันไม่รู้ว่า ฉายแอบรักแฟนมัน?”

“...ไม่รู้หรอก พี่ยังไม่รู้เลย!...”ผมตอบอย่างให้กำลังใจตัวเอง ไม่ใช่กลัวพี่ขุนหรอกนะ แต่ไว้รอให้โตกว่านี้อีกนิด กล้ามใหญ่กว่านี้อีกหน่อย แล้วค่อยเรียกพี่ขุนมาคุยกันให้รู้เรื่องอีกที...

ส่วนกับพี่ปา ผมแทบไม่ค่อยได้คุยด้วย ทั้งตอนที่พี่ปายังไม่โดนพี่ตะวันเขี่ยทิ้ง หรือตอนโดนเขี่ยทิ้งแล้วโดยมีพี่ขุนมาแทน จนกระทั่งโดนเขี่ยกระเด็นไปไกลโดยมีพี่กบกลับมาช่วยเขี่ยอีกแรง

และเมื่อเจ้าของเก้าอี้อีกตัวที่โต๊ะกินข้าวกลายเป็นพี่ขุน แม่ก็ถาม...

“ตะวันทะเลาะกับพี่ปาเหรอ?..”

“เปล่า”

“อ้าว แล้วเดี๋ยวนี้ทำไม พี่เขาไม่ค่อยมา”

“เขาไม่มา ก็เขาไม่ได้เป็นเพื่อนกับตะวัน แค่รู้จักกันเฉยๆ”พี่ตะวันบอกแม่ แม่ก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เพราะผมรู้แม่เองก็ไม่ค่อยชอบพี่ปาหัวกุมารทอง ที่ยกมือไหว้แม่แบบที่แม่บอกว่า...มองไม่ทันมันไหว้สักที...

“เดี๋ยวมาชวนตะวันออกนอกลู่ นอกทาง!”แม่เคยบ่นกับพ่อ ตอนเห็นพี่ปาใหม่ๆ...และผมก็อยากถามแม่ว่า...พี่ตะวันมีลู่ มีทางอย่างคนอื่นเค้าด้วยเหรอ?...

แต่พอเปลี่ยนจากพี่ปาเป็นพี่ขุน ผมดูไม่ค่อยออกว่าแม่รู้สึกยังไงกับพี่ขุน...ที่ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยยิ้ม แต่ไหว้สวย...และมักยิ้ม เวลามองดูพี่ตะวันยิ้ม...นอกจากนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าแม่รู้หรือเปล่าว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับพี่ขุน เพราะแอบเห็นแม่เอียงหัวมองพี่ขุนจากด้านหลังบ่อยๆ...พี่ขุนไม่ได้ทำหัวกุมารทอง...แต่ทำสกินเฮด แถมสักยันต์บนหัวด้านหลังอีกต่างหาก...ยันต์กันภัย กันโดนตีหัวครับ...พี่ขุนเคยบอกแม่อย่างนั้น...แต่แม่บอกพ่อว่า... จะโดนตีก็เพราะยันต์น่ะสิไม่ว่า...

แต่ที่รู้แน่นอน ไร้ข้อกังขา คือแม่พอใจ เมื่อพี่กบกลับมานั่งเป็นแขกประจำที่โต๊ะกินข้าวบ่อยๆ พร้อมพี่ขุน...เพราะเมื่อเทียบกับพี่ปากับพี่ขุนแล้ว รอยสักที่ขาพี่กบน่ะ... เด็กๆ...

“เดี๋ยวนี้กบไม่ค่อยมากินข้าวกับน้า...”แม่ถามเมื่อพี่กบกลับมานั่งกินข้าวด้วยอีกครั้ง

“เดี๋ยวนี้ทำงานแล้วมันเลยไม่ค่อยมีเวลาครับ”พี่กบบอกแม่ แต่จริงๆน่าจะบอกว่า...ผมโดนตะวันเขี่ยทิ้ง เพิ่งหาช่องทางตะกายกลับมาได้... ซะมากกว่า...

“อ้าวแล้วตะวันให้ใครเป็นแบบวาดรูปล่ะ? ขุนหรือเปล่า?”แม่ถาม เพราะหุ่นพี่ขุนก็ใช่ย่อย หากมองอย่างไม่อคติ หุ่นพี่ขุนน่ะน่ามองน้อยกว่าหุ่นพี่ปานิดนึง...สรุปคือ พี่กบน่ะตกอันดับ แต่ก็ยังไม่ถึงกับที่โหล่ เพราะที่โหล่รั้งท้ายน่ะ ยังคงเป็นผม ที่นมวันละลิตร ไม่ช่วยให้ก้างผมน้อยลงเลย...

“เปล่าครับ ผมไม่ชอบ”พี่ขุนตอบสั้น และแม่ขยับปากคงเตรียมถาม...แล้วมาทำอะไร?... ก็พอดีพี่ตะวันขัดขึ้นเสียก่อน

“ตะวันเลิกวาดรูปพี่กบมาตั้งนานแล้ว...พี่กบลงพุง!”พี่ตะวันบอก และพี่กบสำลักน้ำแกงที่กำลังตักเข้าปาก

“เกี่ยวอะไรล่ะตะวัน...นางแบบนายแบบ พุงพุ้ยๆมีตั้งแยะ”แม่พูด...ผมไม่รู้จะเรียกว่าเข้าข้างพี่กบหรือซ้ำเติมดี

“เกี่ยวสิ...ก็ตะวันไม่ชอบวาดพุง!”พี่ตะวันไม่ยืนกรานเปล่าๆ แต่เหลือบตามองพุงพี่กบอีกต่างหาก

“พุงพี่กบไม่พุ้ยสักหน่อย!”เมื่อไม่มีใครเข้าข้างพี่กบ ทั้งผมกับพี่กบก็ผูกมิตรกันมากขึ้นแล้ว ผมจึงต้องออกโรงช่วยปกป้อง

“พุ้ย!”พี่ตะวันเถียง

“ไม่พุ้ย!”ผมเถียงกลับ

“พุ้ย!...ฉายไม่เคยเห็นสักหน่อย!”พี่ตะวันไม่เถียงเปล่า ทำท่าจะเอื้อมมือไปถลกเสื้อพี่กบขึ้นเป็นการยืนยันอีกต่างหาก ดีที่พี่กบปัดทัน ไม่งั๊นผมอาจหมดทางจะเถียงแทน

“ไม่พุ้ย...ทำไมฉายจะไม่เคยเห็น ตอนตะวันวาดรูป ฉายก็อยู่ด้วยบ่อยๆ!”ผมพูดจริง เพราะเคยอยู่กับพี่ตะวันตอนพี่ตะวันวาดรูปและพี่กบนู้ด ทั้งอยู่ด้วยตอนพี่ตะวันบ่นไปวาดไปว่าพี่กบมีพุง แต่ให้มองตาถลน ผมก็ไม่เห็นพุงพี่กบสักนิด...ผมว่าพี่ตะวันหาเรื่องเขี่ยพี่กบทิ้งแหงๆ

“พุ้ยสิ!”พี่ตะวันยังไม่ยอมแพ้

“ตะวัน!...ฉาย!...ไม่มีมารยาท เดี๋ยวพี่เขาก็กินข้าวไม่ลง!”แม่ขัด ผมเลยเพิ่งเห็นพี่กบวางช้อน นั่งหน้าแหย

“ตะวันพูดเล่น มีพุงแต่ไม่ถึงกับพุ้ย!”พี่ตะวันพูดและหัวเราะ เท่านั้นก็ไม่มีใครโกรธ...แต่ยกเว้นพี่ขุนนะ ผมว่า...เพราะทั้งโต๊ะหัวเราะ จะยกเว้นก็แต่พี่ขุนเท่านั้น...

ผมชื่อนายตะวัยฉาย...อายุสิบห้าปีแล้ว แต่ยังคงอกหัก...

วันนี้อกผมยังเจ็บแปล็บๆ แต่มันก็มียาสมานแผลชั้นเยี่ยม คือรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของพี่กบ...

โปรดอย่าเข้าใจผิด คิดว่าใจผมเอนเอียงไปทางพี่กบ...รับรองได้ว่า ให้ตายก็ไม่มีทาง...ก็พี่กบน่ะตัวเบ้อเริ้ม แบกผมได้สบายๆ...แถมฝันเปียกของผมก็ยังมีแต่พี่ตะวัน..และ.ถ้าเปลี่ยนเป็นพี่กบ ผมว่าเลิกฝันหรือตายด้านไปเลยจะดีกว่า!

แต่ที่ว่ารอยยิ้มกับเสียงหัวเราะพี่กบ เป็นยาสมานแผลชั้นดี ก็เพราะ...มันเป็นสิ่งดีๆ...

เมื่อเปรียบเทียบพี่กบ กับพี่ปา...ผมนับถือพี่กบ...ผมรู้พี่กบยังรักพี่ตะวัน แต่พี่กบยังยิ้มได้ เมื่อพี่ตะวันยิ้ม แม้พี่ตะวันจะยิ้มกับพี่ขุนก็เหอะ...

จริงๆผมอาจไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการยิ้มและการหัวเราะของพี่กบ หากไม่มีอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยง และพาลไม่เลิกของพี่ปามาให้เห็นเป็นการเปรียบเทียบ

พี่ปาเลือกที่จะไป ในขณะที่พี่กบยังเลือกที่จะอยู่ใกล้ๆพี่ตะวัน คนที่พี่กบบอกว่า...ยังเด็กอยู่เลย ได้แค่นี้ก็เก่งแล้ว...

อาการอกหักของผมในวันนี้ มันก็เลยเป็นสิ่งดีๆ...ตามไปด้วย

ความรักของพี่กบเลยทำให้ผมตาสว่าง...

จบ...ความรักทำให้ผมตาสว่าง...


--------------------
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 25-04-2008 18:57:09
 :m4:

เถียงกันเรื่องพุงๆ
- -*
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 25-04-2008 19:46:53
ขอถอนคำพูดในตอนแรกที่อ่านว่า ปลื้มเรื่องแนวนี้  :m4:

แต่ตอนนี้อยากจะบอกว่า ตูไม่น่าเข้ามาอ่านเรื่องนี้เลยยยยย  :serius2:

เศร้าสาดดดดดดดดด  :m15:

ปล.ขออภัยที่มีคำหยาบ  :m23:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 25-04-2008 20:44:39
ดูมีความสุขมากนิดหนึ่ง แต่ก้อเศร้าอยู่ดี อิอิ :sad2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 25-04-2008 20:48:21
ตามอ่านทันละ  สนุกปนเศร้า   

แต่ก็ยังรออ่านอยู่เน้อ พี่ทิพ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 25-04-2008 21:05:33
เมื่อไหร่
นายตะวันฉาย จะหายจากอาการอกหักซักที :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: madboo ที่ 25-04-2008 21:12:13
บางทีเราอาจเป็นคนตายด้าน ขวางโลก ไม่เข้าถึงอารมณ์ของตัวละคร อ่านแล้วไม่ได้คิดตาม หรืออะไรก็ตามแต่...

ที่รู้สึกมีแค่อย่างเดียวคือ 'ฮา' นั่งอ่านแล้วก็ยิ้ม ยิ้มให้กับคำพูดของ 'นายตะวันฉาย'  :a3:

แล้วตกลงว่านายกรินกรณ์คือพี่กบจริงหรือนี่

เอาใจช่วยฉายนะ~
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 25-04-2008 23:40:40
 :L2:  :กอด1: :L2:  :กอด1::L2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 26-04-2008 00:00:08
โตขึ้นมาอีกขั้นแล้ว
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 26-04-2008 00:08:40
อยู่ในอารมณ์สับสน

ตรูจะเครียด หรือจะฮาดีว้า    :serius2:



แต่ที่แน่ๆ ใช้ภาษาได้สุดยอดเลยเรื่องนี้  o13
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: premkoe ที่ 26-04-2008 01:09:38
ตะวันเหมือนจะปัญญาอ่อน

แต่เรื่อง...นี่โชกโชนเชียว
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: sin_no ที่ 26-04-2008 01:11:49
เฮ้อ....... :เฮ้อ:

ไม่รู้จะบรรยายอารมณ์ตัวเองยังไงดี

รู้สึกสับสนเล็กน้อย
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 26-04-2008 01:31:39
เป็นตอนแรกที่ไม่ค่อยเศร้ามากเท่าไหร่ ............
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 26-04-2008 14:03:08
ดีที่ฉายรู้จักเลือกที่จะมองโลก   

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 26-04-2008 16:08:17
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 7

ความรัก กับนกกระเรียนพันตัว


ผ่านห้าปีไปแล้ว แต่น้าโอ๋กับน้ามะ ก็ยังไม่กลับ...

แม่กับพ่อไม่มีคำตอบให้พี่ตะวัน ว่าทำไม...พี่ตะวันเลยร้องไห้...

“ตะวัน!...ห้าปีปุ๊บ มันจะต้องกลับมาปั๊บเลยหรือไง?...ทีตะวันบอกน้าว่าจะกลับบ้านห้าโมง...โน่น ทุ่มนึงถึงโผล่มา!”แม่ยกตัวอย่างที่ผมว่าไม่เข้าท่าเท่าไหร่เลย

“ตอนนี้ก็เลยห้าปีมาตั้งหลายชั่วโมงแล้ว!”และพี่ตะวันเถียงได้ไม่เข้าท่าพอๆกัน

“การบ้านตะวัน น้าบอกให้ทำตั้งแต่ปิดเทอม... โน่นกว่าจะยอมแตะ ก็เช้าวันเปิดเทอม”เหตุผลแม่ยิ่งฟังก็ยิ่งงง...ผมรู้ว่าแม่พูดอะไร เพียงแต่อะไรคือสิ่งที่แม่ต้องการสื่อ และคงไม่ใช่แค่ผมที่งง แม้แต่พี่ตะวันก็นั่งน้ำตาร่วงเผาะๆ มองแม่ตาปริบๆ แต่ไม่พูดอะไรอีก

“อายุตั้งยี่สิบเอ็ดแล้ว มานั่งร้องไห้ไม่รู้จักอาย!”แม่ยังดุได้ต่อเนื่อง...เป็นเรื่องจริง เพียงแต่ผมว่ามันไม่ใช่เวลาที่แม่ควรพูดกับพี่ตะวัน

ทั้งเมื่อก่อน พี่ตะวันก็เคยประกาศไว้แล้วว่า...ตะวันจะร้อง ทำไมตะวันจะร้องไม่ได้!...

‘ผู้ชายที่ไหนร้องไห้?!’แม่เคยให้เหตุผลที่ใครๆก็รู้

‘ก็ถ้าร้องไม่ได้ แล้วทำไมตะวันร้องได้?!’พี่ตะวันค้านด้วยคำถามน่าคิด แต่ชวนงง...ถูกของพี่ตะวัน... ถ้าร้องไม่ได้ แล้วร้องได้ยังไง? น้ำตามันไหลได้ไง ถ้าร้องไม่ได้?!...

‘โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว ร้องไห้อายเค้า!’

‘น้าโอ๋ก็ร้องไห้ ตอนพระเอกตาย!’พี่ตะวันแย้ง เพราะแน่นอนว่า ก้นแม่หมาก็เลียไม่ถึงแล้วเหมือนๆกัน และทั้งแม่และพี่ตะวันคงลืมคิดว่า เกรทเดนตัวโตๆน่ะ เลียก้นแม่กับก้นพี่ตะวันได้สบายๆ...

‘มันเหมือนกันที่ไหน!’แม่ยังไม่ยอมแพ้

‘แล้วไม่เหมือนที่ตรงไหนล่ะ?’แล้วมีหรือ ที่พี่ตะวันจะยอม...

‘เออ เชิญเลย อยากร้อง ร้องไป ร้องให้ตายไปเลย ร้องไปก็ไม่มีใครสนใจ!’แม่ตัดบท พร้อมสะบัดหน้าเดินฉับๆ ด้วยท่าประจำตัวของแม่... เป็นอันว่า ยกนี้พี่ตะวันชนะ...ส่วนพ่อกับผมก็นั่งฟังกันเงียบๆ...ก็ข้อถกเถียงกันของคนไร้เหตุผลพอๆกัน ผมกับพ่อขอเลือกฟังเงียบๆดีกว่า...

‘ตะวันไม่ได้อยากให้ใครสนใจ!...ทำไมตะวันเจ็บ ตะวันจะร้องไห้ไม่ได้ ทำไมตะวันเสียใจ ตะวันจะร้องไห้ไม่ได้’ พี่ตะวันพูดทิ้งท้าย...ซึ่งก็จริงตามนั้น... ปริมาณความเจ็บและความเสียใจของพี่ตะวัน วัดได้จากน้ำตาพี่ตะวันเสมอๆ

ดังนั้น วันนี้ ผมว่าจริงๆมันไม่เกี่ยวหรอกว่าจะเลยห้าปีมากี่ชั่วโมงหรือต้องให้ผ่านไปอีกกี่วัน...ไม่เกี่ยวกับวันนี้จะอายุยี่สิบเอ็ด หรือเมื่อห้าปีที่แล้วจะเพิ่งแค่สิบหก...แต่ไม่กลับก็คือไม่กลับ และครั้งนี้น้ำตาของพี่ตะวันมันก็ไม่ใช่เหตุผลของความงี่เง่าด้วย ที่แม่โมโห เพราะแม่จนปัญญาต่างหาก...แม่โมโหตัวเอง...โมโหสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่แน่ใจว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด ที่ควรจะเกิดขึ้นกับพี่ตะวันและแม่จะทำให้พี่ตะวันได้...

พี่ตะวันร้องไห้ จนพี่ขุนอารมณ์เสีย หายหน้าหายตาไปเลย...เหลือแต่พี่กบ ที่ยังวนเวียนมาหาพี่ตะวันบ่อยๆ และพี่ตะวันก็ไม่มีทีท่าเดือดร้อนที่พี่ขุนหายหน้าไป...ลืมไปเลยด้วยซ้ำมั้ง

ดังนั้นเมื่อไม่มีใครอยู่ที่บ้าน ซ้ำคำตอบจากแม่กับพ่อก็ไม่มี พี่ตะวันเลยมาปักหลักอยู่ที่บ้านผม มานอนกับผม...มานั่งร้องไห้อยู่ในห้องนอนผม...ข้างๆผม จนผมชักรู้สึกหูอื้อไปหมด...

“...เอาเลย...สารภาพไปเลย!”พี่กบหลิ่วตาบอกผมอย่างมีความนัย แต่ผมว่าไม่ดีกว่า พี่ขุนตัวโตๆหายไปทั้งคน พี่ตะวันยังไม่รู้สึกรู้สา ถึงตอนนี้พี่ตะวันจะมองข้ามหัวผมไปเฉยๆไม่ได้แล้วเพราะเริ่มสะดุดความสูงก็เหอะ...แต่ เสียงผมสารภาพรัก คงกลายเป็นเสียงแมลงหวี่ แมลงวัน โดนเสียงร้องไห้ของพี่ตะวันกลบเอาแหงๆ...

พี่กบบอกว่า การรู้ให้แน่ชัดว่าอยู่หรือตาย มันดีกว่าที่เป็นอยู่

“แต่อย่างนี้ มันก็ยังมีความหวัง...”แต่ผมคิดอีกทาง ให้ยังไง ผมก็ยังรู้สึกว่าน้าโอ๋กับน้ามะอยู่ที่ไหนสักที่บนโลกนี้ ถึงแม่จะเคยบอกว่า...ให้แปลกยังไง มีหรือจะทิ้งพี่ตะวันไว้แบบนี้ได้โดยไม่ติดต่อกลับมาเลย...แต่แม่ก็เคยบอกอีกว่า...หรือพวกมันจะไปเป็นโยคี หนีโลกกันอยู่ที่ไหน?...ซึ่งฟังแล้วก็ไม่น่าเป็นไปได้ ...แต่ก็เพราะไม่น่าเป็นไปได้นี่แหละ ถึงน่าจะเป็นไปได้สำหรับน้าโอ๋กับน้ามะ...

พี่กบมองผมอย่างชั่งใจ คล้ายจะพูดหรือไม่พูดดี ก่อนตัดสินใจพูด

“แต่ฉายอย่าไปบอกตะวันนะ!”พี่กบกระซิบ ฟังดูคล้ายจะน่าตื่นเต้น แต่ผมว่าต้องเป็นเรื่องที่ผมรู้อยู่ก่อนแล้วแน่ๆ

“พี่ถามน้าโอ๋แม่ฉายว่า ทำไมเราไม่แจ้งตำรวจ มันเป็นเรื่องที่ควรจะทำมาตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ...”พี่กบพูด และเป็นเรื่องคล้ายจะตื่นเต้นที่ผมคิดไว้แล้วจริงๆนั่นแหละ

“แม่ทำตั้งนานแล้ว...พาผมกับพี่ตะวันไปทำบุญแล้วด้วยซ้ำ...ผมว่าแม่ก็งงๆตัวเองอยู่เหมือนกันว่าคิดว่าน้าโอ๋กับน้ามะจะกลับมาหรือเปล่า”ผมบอก พี่กบจะได้เลิกทำเสียงลับลมคมในอย่างไร้ประโยชน์เสียที

“ฉายรู้?”

“รู้สิ ไม่เห็นแปลก...ที่แปลกน่ะ พี่ตะวันต่างหาก ไม่เห็นรู้เรื่องอะไรสักอย่างเลย”ผมพูด...ไม่ได้คิดจริงตามที่พูด เพียงแต่เมื่อเห็นพี่ตะวันร้องไห้อยู่ทุกวัน ผมก็ชักออกอาการเดียวกับแม่คือ ไม่รู้จะทำยังไงดี

“ไม่รู้กับไม่ยอมรับความจริง...มันก็คล้ายๆกันนะ...แต่ได้เท่านี้ก็เก่งแล้วล่ะ พี่ว่านะ...”พี่กบว่าและถอนหายใจ

ผมเห็นด้วยกับพี่กบ...ถึงพี่ตะวันจะร้องไห้เก่งไปหน่อย...งี่เง่า เอาแต่ใจ แถมพูดไม่รู้เรื่องไปนิด แต่ก็บ่อยครั้งที่เห็นแม่มองดูพี่ตะวันอย่างภูมิใจ...และได้ยินแม่พูดกับพ่อว่า...ตะวันมันเก่ง เอาตัวมันรอด...ถ้าเป็นผม ผมคงตกที่นั่ง... คนไม่เอาถ่าน...แหงๆ...ผมวาดรูปอย่างพี่ตะวันไม่ได้...อย่างเก่งคงได้ไปล้างชามก๋วยเตี๋ยว หาเงินมาจ่ายค่าเทอมเองอย่างพี่ตะวันไม่ได้หรอก...

แต่เรื่องเอาตัวรอด เอาตัวไม่รอด มันก็ไม่เกี่ยวกับที่พี่ตะวันร้องไห้ในวันนี้...ตอนที่น้าโอ๋กับน้ามะไป...พี่ตะวันเด็กกว่าผมวันนี้เสียอีก...แล้วจะโทษพี่ตะวันได้ยังไง ที่มานั่งร้องไห้เอาเป็นเอาตายในวันนี้...ห้าปี มันไม่ใช่ระยะเวลาทำใจหรือเตรียมใจอย่างที่แม่หวังให้เป็น...แต่สำหรับพี่ตะวัน มันเป็นการเก็บสะสมความหวังต่างหาก...แล้วตอนนี้มันก็พังไม่เป็นท่า เมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาทั้งน้าโอ๋และน้ามะ มาเปิดประตูยิ้มหน้าบาน แล้วพูดกับพี่ตะวันว่า...ตะวัน แม่กลับมาแล้ว ซื้อของมาฝากตะวันเยอะแยะเลย!...อย่างที่พี่ตะวันหวังไว้ตลอดห้าปี

แต่ก็อย่างที่บอก พี่ตะวันเป็นพวกพูดไม่รู้เรื่อง...ไม่มีเหตุผล...

และก็ต้องยอมรับว่า บางครั้งเหตุผลก็ไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้นสำหรับคบบางประเภท ...ซึ่งก็หมายถึงประเภทพี่ตะวัน...บางสิ่ง บางอย่างที่นอกเหนือเหตุผลต่างหาก ที่ซับน้ำตาพี่ตะวันได้...

ผมตื่นมาตอนเช้า...พี่ตะวันไม่ได้อยู่บนเตียงแล้ว

ที่ห้องนั่งเล่น...พี่กบนั่งอยู่กับพ่อและแม่...โดยไม่มีใครรู้ว่า พี่ตะวันไม่ได้นอนอยู่กับผมที่ในห้อง...

พี่ตะวันอยู่ที่บ้าน...อยู่กับพี่ขุน กับกระดาษสารพัดสี สารพัดลาย กองโตๆ

พี่ขุนเงยหน้ามองดูผมกับพี่กบ...แต่พี่ตะวันยังคงนั่งพับกระดาษอย่างตั้งใจ...

นกกระเรียน...พี่ตะวันนั่งพับนกกระเรียน ที่พี่ขุนสอนให้พับด้วยกระดาษสีสวยๆที่พี่ขุนเป็นคนหามา

นกกระเรียนพันตัว...ผมรู้จักโดยไม่ต้องรอให้พี่ขุนหรือพี่กบแนะนำให้รู้จัก

นกกระเรียนพันตัว...ที่ช่วยให้ความหวังเป็นจริง

ซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัว...ผมเคยได้ยิน แต่ไม่เคยอ่าน...ผมเลยไม่รู้ว่าซาดาโกะขออะไรจากนกกระเรียน และสมหวังหรือเปล่า...รู้แต่ว่า สุดท้ายแล้ว ซาดาโกะก็ตาย...

สองวัน ที่ผม แม่ พ่อ พี่กบ พี่ขุน และพี่ตะวัน นั่งพับนกกระเรียน อย่างแกล้งมีความหวัง...

ผมว่านกกระเรียนมันคงทำอะไรแบบนั้นไม่ได้หรอก...

ทำไมน่ะเหรอ?...

ก็ถ้ามันพาน้าโอ๋กับน้ามะกลับมาได้...มันก็คงพับตัวเองขึ้นมาได้ ไม่ต้องรอให้ผมนั่งหลังขดหลังแข็ง นั่งพับมันอยู่อย่างนี้หรอก...

ผมไม่ได้ว่าตัวเองฉลาดที่คิดได้ ในขณะที่ทุกคนนั่งพับกันเงียบกริบ...หรือจริงๆปวดหลังกันจนพูดไม่ออกก็ไม่รู้...

ผมรู้ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ...รวมทั้งพี่ตะวันด้วย

แต่การนั่งพับไปเรื่อยๆ มันก็ทำให้ใจสงบลงเรื่อยๆ ...

จากน้ำตา เหลือแต่เสียงสะอื้น สุดท้ายก็เหลือแต่ความสงบเงียบ...

นกกระเรียนอาจไม่ทำให้สมหวัง...แต่ก็ทำให้พี่ตะวันไม่ร้องไห้

คนบางประเภท ไม่ต้องการเหตุผลมาเยียวยา...และพี่ขุนรู้ อะไรที่พี่ตะวันต้องการ...ผมกับพี่กบ ไม่รู้ เราจึงหวังแค่ว่า ให้พี่ตะวันเข้าใจเหตุผลและยอมรับ...

พอพับครบพันมั๊ง...ที่ต้องมั๊ง เพราะการนับของพันชิ้น นับกี่รอบ มันก็ไม่ตรงสักที เดี๋ยวขาดเดี๋ยวเกิน...ดังนั้นพออุปมานว่าครบพัน พี่ขุนก็เอาเข็มมาเสียบนก

“เอาไปทำนกย่าง!”พี่ขุนบอก เมื่อเสียบนกเข้าไปจนเต็มเข็ม

มุกฝืด!...ผมคิด แต่เมื่อพี่ตะวันหัวเราะ ผมเลยว่ามันคงไม่ฝืดจนเกินอภัย...

พี่ขุนร้อยนกกระเรียนเป็นสายๆ ...ร้อยหินเม็ดเล็กๆเป็นสีๆ สลับไปกับนกด้วย...แถมตรงปลายก็ใส่กระดิ่ง ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง ตอนลมพัด...

สวย...แต่ไม่เหมาะกับคนทำเลย!...ผมคิด เมื่อมองดู พี่ขุนปีนเก้าอี้เอานกกระเรียน เป็นสายๆขึ้นไปผูกไว้ที่ขอบหน้าต่าง...อันหมายความว่า...อันนี้คือ ตัวอย่างให้เราทำตาม...

เสร็จจากพับนก ก็คือเสียบนก...พ่อกับแม่รอดตัว เพราะมีงานมาอ้าง...มือผมพรุน มือพี่กบก็เป็นแผล แต่มือใหญ่ๆของพี่ขุนกลับทำคล่องจนเหลือเชื่อ...ส่วนพี่ตะวันอู้งาน นั่งมองดูปลายนิ้วพี่ขุนอยู่บ่อยๆ

บ่อยครั้งพี่ขุนเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้พี่ตะวัน และพี่ตะวันก็ยิ้มรับ...

พี่กบก็ยิ้ม เมื่อเห็นพี่ตะวันยิ้ม ถึงพี่ตะวันจะไม่ได้หันมามองพี่กบเลยก็ตามที...

นกกระเรียนเป็นสายๆ ห้อยตามหน้าต่างบ้านพี่ตะวัน ทุกๆบาน...เสียงกระดิ่งดังกริ๊งๆ กับ หินที่กระทบแสง...ตะวัน...เป็นสีๆ...

พี่ตะวันยืนมองนกกระเรียนกระดาษที่เล่นลมอยู่เหนือบานหน้าต่าง...แล้วก็ร้องไห้...

“ตะวันขอโทษ...”พี่ตะวันพูด แล้วพี่ขุนก็กอดพี่ตะวัน...พี่กบเลยส่งสัญญาณชวนผมออกไปข้างนอก

“เดือนหน้าพี่ต้องย้ายไปต่างจังหวัด ยังไม่ได้บอกตะวันเลย แต่ไม่เป็นไรแล้วมั๊ง”พี่กบพูด ...ผมว่าพี่กบคงตัดสินใจยากว่าอยากให้พี่ตะวันนั่งเสียใจกับการต้องจากไปของตัวเองหรือเปล่า...

“ผมก็ว่าผมคงต้องไปเรียนกรุงเทพ”ผมบอก ไม่ได้คิดอะไร เพราะสำหรับผม ยังไงพี่ตะวันก็เหมือนคนในบ้านเดียวกัน เหมือนกับพ่อ เหมือนกับแม่...ที่คงไม่มีวันห่างหายกันไป...เพียงแต่สถานะที่วาดหวัง มันจะเขยิบชั้นขึ้นบ้างหรือเปล่าก็เท่านั้น...

“ประกาศผลแล้วเหรอ?...ยังนี่นา...”พี่กบยังอุตส่าห์ทัก แปลว่าความผิดหวังไม่ได้ทำให้สติสตางค์เสียหายไปเท่าไหร่

“ยังไม่ประกาศ...แต่ผมรู้ ผมเอนท์ติดอยู่แล้ว หรือตอนพี่ นี่ฟลุ๊คติด?”ผมพูด แต่พี่กบแค่ส่ายหัวและถอนหายใจ...คงไม่มีอารมณ์หัวเราะหรือต่อปากต่อคำ ผมก็เหมือนกัน เราเลยนั่งฟังเสียงกรุ๊งกริ๊งๆของกระดิ่งกันเงียบๆ...อิจฉาพี่ขุนชะมัด ได้กอดพี่ตะวัน!...ผมคิด และพี่กบก็คงคิดเหมือนๆกัน ไม่งั๊น ไม่นั่งหน้าจ๋อยแบบนี้หรอก...

แต่พี่กบก็ยิ้มรับ เมื่อพี่ตะวันเดินออกจากบ้านมาพร้อมพี่ขุน...

แปลกพี่ตะวันหยุดร้องไห้แล้ว...แต่กลายเป็นแม่เองที่แอบร้องไห้อยู่กับพ่อ...

ผมชื่อนายตะวันฉาย...อายุปาเข้าไปสิบเจ็ด...จะบอกว่าอกหัก มันก็ชักจะไม่แน่ใจ...

นกกระเรียนไม่เคยมีอิทธิฤทธิ์ หรือความศักดิ์สิทธิ์เท่าหลวงพ่อวัดไหนๆ...

ต่อให้กระดาษที่พี่ขุนขนมา จะเอามานั่งพับหมาหรือว่าลิง...พี่ตะวันก็คงหยุดร้องไห้อยู่ดี...เพราะกระดาษมันไม่ได้ช่วยอะไร...แต่คนช่วยพับ...ที่ไม่ได้หมายความถึงแค่พี่ขุน...ต่างหาก ที่ทำให้นกกระเรียนกระดาษมีความหมาย...และทำให้พี่ตะวันหยุดร้องไห้...

จบ...ความรัก กับนกกระเรียนพันตัว


--------------------
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 26-04-2008 16:17:42
เข้ามาติดตามและเป็นกำลังใจให้พี่ทิพย์เหมือนเดิมครับ  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ของคุณภัคD ดีทุกเรื่องจริงๆ  
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 26-04-2008 16:30:51
อ่านเรื่องนี้แล้ว รู้สึกเหมือนอ่าน บทกวี อะไรซักอย่าง

มันดูเหมือนจะไม่เข้าใจ แต่ก็เข้าใจ

ดูก็เหมือนจะไม่เศร้า แต่ก็เศร้า

มันบอกอารมณ์ไม่ถูก งงอยู่

แต่ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมาอีกนิดนึง...  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 26-04-2008 18:21:35
 :m15: :m15: น่าสงสารตะวันฉาย อึดอัดแทน ไม่ได้บอกความในใจซะที
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 26-04-2008 19:17:06
ถ้าทั้งพี่กบ ทั้งฉาย ไปอยู่ที่อื่นกันหมดแล้ว ตะวันจะอยู่ยังไงน่ะ น่าคิด
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 26-04-2008 19:55:30
หวังว่าตะวันคงไม่คิดจะออกตามหาพ่อแม่นะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 26-04-2008 20:09:20
ตอนนี้สงสารตะวันจังเลย :sad2:
สงสารอีตาพี่กบนิดหน่อย
สงสารฉายที่...อกหักอยู่รึเปล่าไม่รู้ :laugh:
รู้แต่ว่าอ่านตอนนี้แล้วมันเหนื่อยใจจัง  อ่านมาทุกตอนก็รู้สึกไม่เหมือนกันซักตอน
แต่จี๊ดทุกตอน....เอ....ชักงง o2 o2 o2
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 26-04-2008 20:44:07
ตอนนี้เม้นต์ไม่ถูก 

รออ่านต่อเน้อ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: premkoe ที่ 26-04-2008 22:43:00
มีกบทานตะวัน
ปาทานตะวัน
ขุนทานตะวัน

แร้วครายจะมาทานอีกเนี้ย

รึจะเปงตะวันทานฉาย

 :o :o :o
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 27-04-2008 00:54:25
ชอบเวลาที่ฉายคุยกับพี่กบอ่ะ ฮาๆดี
เหมือนผู้ใหญ่คุยกัน แล้วพูดถึงเด็กน้อยอยู่ :m20:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 27-04-2008 02:58:03
ใจหนึ่งก็ดีใจที่ตะวันมีขุน

แล้วฉายของเจ้หละ


รับไม่ได้  :o12:

ปล. คุณภัคดีเก่งจัง

เขียนเรื่องของตะวัน โดยบังคับให้คนอ่านเห็นเหตุการณ์จากสายตาของ ฉาย คนเดียว

ถนัดนักนะ  กะการเขียนเรื่องของอีกคน  ผ่านสายตาของอีกคน 

อย่างเรื่องที่แล้วก็  เขียนเรื่องของเหยา  ผ่านสายตาเอก

อืมๆๆ
ร้ายกาจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจ  o13
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 27-04-2008 13:06:07
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 8

ความรัก ของใคร ใครก็รัก


พี่กบย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัด...พี่ตะวันร้องไห้...แต่ไม่ได้ร้องไห้ที่พี่กบไป แต่ร้องไห้เพราะพี่กบทะเลาะกับพี่ขุนต่างหาก

พี่ตะวันเลือกพี่ขุน...

พี่ขุนคนที่ไม่ได้หัวเราะเหมือนน้ามะ อย่างที่พี่กบเหมือน...

พี่ขุนคนที่ไม่ได้ไว้จุกเป็นกุมารทองเหมือนที่น้าโอ๋ไว้ อย่างที่พี่ปาไว้...

แต่พี่ตะวันก็เลือกพี่ขุน...พี่ขุนคนที่เข้าใจพี่ตะวัน..พี่ขุน คนที่หายหน้า หายตาไปแม้เวลาที่รู้ว่าพี่ตะวันเสียใจ...แต่ก็กลับมาเมื่อตัวเองพร้อมและรู้ว่าต้องทำอย่างไร

พี่ตะวันเลือกพี่ขุน แทนที่จะเป็นพี่กบ...พี่กบคนที่หัวเราะเหมือนน้ามะ...พี่กบ คนที่พร้อมจะอยู่กับพี่ตะวัน แม้จะไม่สามารถเข้าใจพี่ตะวันได้...แต่ก็ยังคงพยายามจะอยู่ข้างๆ แม้ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะทำอะไรได้ก็ตามที...

ผมไม่รู้ว่าพี่กบ ทะเลาะอะไรกับพี่ขุน...หมายถึงไม่รู้อย่างชัดเจน...

ผมว่าตัวพี่กบ กับพี่ขุนเองก็คงบอกไม่ได้อย่างชัดเจน ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร....

อาจจะทะเลาะกันเรื่องความหวาดระแวง...ทะเลาะเพราะพี่ขุนรู้ว่าพี่กบคิดยังไง...ทะเลาะกันเพราะพี่กบรู้ว่าพี่ขุนรู้ว่าตัวเองคิดยังไง...

พี่ขุนจึงทะเลาะเพราะความระแวง...

ส่วนพี่กบก็ทะเลาะเพราะความละอาย...

ก็แล้วทำไมเพิ่งมาระแวง...เพิ่งมาละอายกันป่านนี้?...ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน! ก็ผมไม่ใช่พี่กบ แล้วก็ไม่ใช่พี่ขุนนี่นา...

และถ้าพี่กบกับพี่ขุนทะเลาะกันเพราะความระแวงและละอายจริง ทั้งพี่กบและพี่ขุนก็ไม่แสดงความระแวง และละอายของตัวเองออกมา...เลยกลายเป็นทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระ...ที่ยากจะบอกว่า รู้ตัวกันหรือเปล่า ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร...อย่างที่พี่ตะวันว่า...

“ทะเลาะบ้า อะไรกันก็ไม่รู้...”พี่ตะวันพูดไปน้ำตาร่วงเผาะๆไป อยู่กับผมที่ในห้องนอน

“ก็ทะเลาะอะไรกันล่ะ?”ผมถามอย่างรำคาญ เพราะพี่ตะวันมานั่งร้องไห้ตอนผมนั่งทำการบ้านอีกแล้ว แถมผมก็ยังไม่รู้เรื่องว่าพี่กบกับพี่ขุนทะเลาะกันแรงกว่าที่คิด คือถึงกับต่อยกัน

“ก็บอกว่าไม่รู้ไง!”พี่ตะวันบอก อย่างกับเป็นความผิดผมที่ผมถาม

“ก็ทะเลาะกันเรื่องอะไรล่ะ?”ผมถามไปงั๊นๆ ไม่สนใจเท่าไหร่ ยังพยายามก้มหน้าก้มตากับการบ้านที่ตรงหน้า

“ทะเลาะกันเรื่อง...กาวดักหนู...”พี่ตะวันไม่ตอบเปล่า แต่ยังเอาเท้าถีบเก้าอี้ผม แบบให้รู้ว่าผมควรจะหันไปสนใจพี่ตะวัน

“อะไรนะ?”ผมงง เริ่มเห็นด้วยกับพี่ตะวัน ว่า...ทะเลาะบ้าอะไรกันก็ไม่รู้!...กาวดักหนูมันมีอะไรให้ทะเลาะกัน ได้?...ยกเว้นพี่ขุนจะเป็นกาว พี่กบจะเป็นหนู...หรือไม่ก็พี่ตะวันเป็นหนู...แล้วพี่กบกับพี่ขุนเป็นกาวดักหนูคนละยี่ห้อ...แต่ยี่ห้อกบทานตะวันก็แพ้ยี่ห้อขุนหลุดลุ่ยอยู่เห็นๆ... แล้วจะทะเลาะอะไรกัน?...

“ก็พี่กบบอกให้ใช้ถาดเหลี่ยม...พี่ขุนบอกให้ใช้ถาดกลม...”พี่ตะวันเล่าต่อ แต่ก็ไม่ช่วยให้การทะเลาะกันของคนอายุเกือบข้ามเลขยี่สิบห้าดูดีขึ้นมาได้

“แล้ว?”ผมถาม เพราะเรื่องมันไม่น่าจบแค่นั้น

“แค่นั้น!”แต่พี่ตะวันตอบว่ามันจบแค่นั้น

“แค่นั้น?”ผมถามย้ำ...ก็มันไม่น่าจบแค่นั้นจริงๆ

“แค่นั้น!”และพี่ตะวันตอบย้ำอีกครั้งว่า มันจบแค่นั้นจริงๆ

“...แล้วก็ต่อยกัน...”พี่ตะวันแถมบทสรุป ที่ยังดูไม่น่าเป็นบทสรุป

“ต่อยกันด้วย?”ฟังแล้วยิ่งแย่หนัก กาวดักหนูทำให้ผู้ชายอายุยี่สิบห้าตีกัน ใครจะเชื่อ!

“อือ...ทำสีหก ใส่รูปของพี่หมดเลย มีของลูกค้าด้วย นัดเขาพรุ่งนี้ด้วย...เขาจะไปเป็นตัวอย่างเสนอไปทางรีสอร์ท ถ้าผ่านเขาก็จะสั่งให้พี่วาดอีกตั้งเยอะ...”พี่ตะวันเพิ่มเติม และผมเพิ่งเข้าใจ ไอ้ที่มานั่งร้องไห้อยู่นี่คงไม่ใช่เพราะพี่ขุนต่อยกับพี่กบ แต่น่าจะเพราะรูปของตัวเองเสียหายซะมากกว่า...

“แล้ว?”

“ก็ต้องวาดใหม่น่ะสิ!”พี่ตะวันตอบแบบที่ผมผิดอีกตามเคยว่าถามทำไม

“ฉายหมายถึงพี่กบ กับ พี่ขุน...”

“ก็พอเช็ดสีเสร็จแล้ว ก็ออกไปหาซื้อสีให้พี่น่ะสิ...สีมันหมดพอดี แล้ววันนี้ก็เป็นวันอาทิตย์ด้วย ร้านไหน ร้านไหนก็ปิด!”พี่ตะวันตอบ แถมถีบเก้าอี้ผมอีกที อย่างกับผมเป็นประตูร้านที่ปิด ไม่ยอมขายสีให้พี่ตะวัน...

ฟังแล้วผมไม่รู้จะรู้สึกยังไงดี...ทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กๆ...ต่อยกันด้วยเรื่องไร้สาระ...แล้วก็มานั่งเช็ดพื้น ตบท้ายด้วยออกไปช่วยกันหาซื้อสีให้พี่ตะวัน...ทำบ้าอะไรกัน?...

และยิ่งบ้ากว่านั้น...เมื่อผมกับพี่ตะวันไปถึงบ้านพี่ตะวัน...พี่กบกับพี่ขุนก็กลับมาแล้ว และกำลังช่วยกันขึงเฟรมรูปคืนให้พี่ตะวัน ด้วยสีหน้าบูดๆบึ้งๆ...ถ้าไม่เกรงใจว่าตัวเล็กกว่า ผมคงยืนหัวเราะให้ได้อายกันซะบ้าง...แต่เมื่อยังตัวเล็กกว่า ผมเลยต้องเก็บเสียงหัวเราะ เข้าไปช่วยขึงเฟรมรูปให้พี่ตะวันด้วยอีกแรง...แล้วพี่ตะวันทำอะไร?...ก็ไปนั่งกินมาม่าอยู่ในบ้านน่ะสิ !...

หลังจากวันนั้นพี่กบก็หายหน้าไป จะมาก็วันที่รู้ว่าพี่ขุนไม่มา...ส่วนพี่ขุนก็มาอยู่กับพี่ตะวันบ่อยขึ้น และมา แม้กระทั่งวันที่ปกติจะไม่มา...ผลคือ ต่อยกับพี่กบไปอีกสองสามยก...ด้วยเหตุผลที่ไม่ควรเปิดเผยในที่สาธารณะ...

สุดท้าย พี่กบเลยย้ายไปต่างจังหวัดโดยไม่ได้บอกลาพี่ขุน...พี่ขุนก็ทำหน้าเจื่อนๆหน่อย ตอนที่รู้ว่าพี่กบไปแล้ว...ไม่ต้องพูดถึงพี่ตะวัน...พี่ตะวันไม่ได้ร้องไห้ เพราะร้องมาพอประมาณแล้วก่อนพี่กบไป...ไม่ได้บอกว่าพี่ตะวันโล่งใจที่พี่กบไป แต่เพราะพี่กบบอกพี่ตะวันต่างหากว่าจะโทรมาหาบ่อยๆ...และจะย้ายกลับมาเมื่อสามารถทำได้...เท่านั้นพี่ตะวันก็ยิ้มแบบที่พี่กบชอบ...และพี่กบก็ยิ้ม

“ถ้าฉายไม่อยู่ตรงนั้น พี่จะขอจูบแก้มตะวันสักที ตะวันต้องให้แน่ๆ”พี่กบบอกผมอย่างเสียดาย ตาก็ลอยๆอย่างกับคนฝันกลางวัน

“จะได้โดนพี่ขุนต่อยเป็นการส่งท้ายน่ะซิ!”ผมแย้ง

“ไอ้ขุนมันไม่อยู่ มันจะรู้ได้ไง?”พี่กบก็แย้งกลับ ตาเลิกลอยแล้วเพราะรู้ตัวว่าฝันค้าง

“กลิ่นติดแก้มพี่ตะวัน!”ผมบอก

“โห่...กว่ามันจะรู้ว่าแก้มแฟนมันมีกลิ่นพี่ติดอยู่ พี่ก็ไปถึงไหนถึงไหนแล้ว!...ว่าแต่...ตกลงฉายจะไม่บอกตะวันเลยใช่ไหม...หรือจริงๆก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว?”พี่กบย้อนมาถามผม

“ก็เหมือนพี่นั่นแหละ!”ผมก็ย้อนแต่ไม่ได้ถาม

“เหมือนยังไง?...อย่างพี่เขาเรียกว่าอดีต...ยังไงก็เคยได้แอ้ม แก้มก็เคยได้จูบ... ส่วนฉาย...”

“ไว้วันหลังผมค่อยแอ้ม แก้มก็จะทำยิ่งกว่าจูบอีก!...เอาแบบเป็นปัจจุบันและอนาคต ไม่มีทางโดนปลดเป็นอดีต!”ผมบอก ไม่ใช่ด้วยความมั่นใจ แต่พูดไปงั๊นๆ...ไม่ใช่พูดตามเนื้อผ้า แต่แค่ไหลไปตามน้ำ...

“โห!...มั่นใจ...มั่นใจ!”พี่กบพูดอย่างหมั่นไส้เต็มแก่

“เปล่า...ก็บอกไปแล้วทำอะไรได้...พี่ขุนนั่งหัวโด่อยู่ทั้งคน”สุดท้ายผมก็ต้องยอมรับความจริง

“แล้วผมก็พวกปัญญาชน...ไม่ใช้กำลัง ถ้ามองไม่เห็นทางชนะ!”ผมบอกตบท้าย และพี่กบหัวเราะ

“เออ!...ไว้ฉายกล้ามโตกว่านี้อีกหน่อย แล้วพี่จะกลับมาช่วยรุมมัน!”พี่กบว่า แล้วก็ไป เป็นอันว่าต่อไปผมต้องนั่งอกหักแบบหัวเดียวกระเทียมลีบ...กระเทียมกลีบเดียวอีกต่างหาก!...

ผมรู้ ยังไงพี่ขุนคงไม่ยอมหลีกทางไปง่ายๆ...ไม่งั๊นคงไม่วางมวยกับพี่กบไปหลายยก...

พี่กบรักพี่ตะวัน...

ผมก็รักพี่ตะวัน...

แล้วทำไมพี่ขุนจะไม่รักล่ะ?...

แถมสุดท้ายแล้ว มันอยู่ที่พี่ตะวันรักใครต่างหาก...

คนของใคร ใครก็รัก ใครก็หวงทั้งนั้นล่ะ...หลักฐานคือรอยแตกบนหัวคิ้วพี่กบไงล่ะ...

ผมชื่อนายตะวันฉาย อายุสิบเจ็ดปี มั่นใจว่าจะเอนท์ติด...และคงต้องย้ายไปเรียนกรุงเทพในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า...

พี่กบว่าอย่างผมยังไม่เรียกว่าอกหัก...เพราะยังไม่เคยให้โอกาสหัวอกตัวเอง...

อาจจะจริงอย่างที่พี่กบว่า...แต่จะทำอะไรได้ ในเมื่อในอีกไม่กี่เดือน ผมก็อยู่ข้างๆพี่ตะวันไม่ได้แล้ว...

และยิ่งกว่านั้นคือ มันไม่สำคัญว่าใครรักพี่ตะวัน...แต่สำคัญที่ท่าทางพี่ตะวันจะรักพี่ขุน และสำคัญพอๆกันคือพี่ขุนก็คงรักพี่ตะวันด้วยเหมือนกัน...หลักฐานยังคงเป็นรอยแตกบนหัวคิ้วข้างซ้ายของพี่กบ...

จบ...ความรัก...ของใคร ใครก็รัก
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 27-04-2008 15:01:21
นั่นสินะ ความรัก ของใคร ใครก็รัก
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 27-04-2008 16:04:24
ถ้าไม่มีฉาย  ตะวันจะรู้สึกอะไรบ้างมั๊ย?


รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 27-04-2008 16:34:58
ไม่รู้ว่ามีคนเป็นมั้ย แต่เป็นนิยายเรื่องนึงที่

ไม่อยากเปิดมาเจอ การโพสเรื่องต่อ....

บ้าหรือเปล่าเนี่ย  o12 o12 o12
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: yukisaki ที่ 27-04-2008 16:58:57
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ว่าจะอ่านเมื่อไหร่ก็ทำให้รุ้สึกเศร้าแล้วก็มีความสุขไปพร้อมๆกัน

ทั้งๆที่เรื่องมันเศร้าขนาดนี้...  แต่ก็เผลอยิ้มออกมาเมื่อได้อ่าน

ทั้งๆที่เรื่องมันตลก...  แต่บางทีก็เหมือนน้ำตาจะไหล

ถ้าไม่มีฉาย  ตะวันจะรู้สึกอะไรบ้างมั๊ย?

น่าคิดนะ  ถ้าไม่มีฉาย  ตะวันจะรู้สึกบ้างมั้ยนะ

รอตอนต่ออยู่นะ^^
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: MayMaMee ที่ 27-04-2008 17:56:54
จิงๆ มะอยากอ่านเลย ผลงานของค.ภัคดีเนี่ย เฮ้อออ

คือ เค้าแต่งได้สุดยอดจิงๆ อ่านแล้วได้อารมณ์ที่ซับซ้อน ที่แน่ ๆ รู้สึกหดหู่มากถึงมากที่สุด

เฮ้อ แต่ก็ชอบ (อ้าว) ติดกับอีกแล้วเรา

เฮ้อ เหนื่อยใจเฟ้ย ฉายจะโตเป็นหนุ่มตอนหน้าแล้วเนอะ ใกล้จะเข้าปมแระ หลังจากบทนำมานาน

แค่บทนำำก็หดหู่จะแย่อยู่แล้ว แล้วพอเข้าปมล่ะที่นี้...

เหนื่อยใจ แต่ก็ชอบ


ขอบคุณนะคะ ค.ภัคดี
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 27-04-2008 19:12:52
ของใคร เป็นของใครรู้มั้ง อิอิ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 27-04-2008 21:22:01
ถ้าไม่หวงของรัก แล้วให้หวงอะไรล่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Turn_righT ที่ 27-04-2008 21:29:45
หัวเราะทั้งน้ำตา...รู้สึกเหมือนโดนอัดก๊อปปี้ติดเสาไฟฟ้า  หายใจไม่ออก ขยับหนีจากหน้าจอไม่ได้ อึดอัด :serius2:
อ๊ากกกกกก  :serius2: ฮ่าๆๆๆ  :m20: <--- เหมือนคนบ้าสุดๆ เลย...ตลอดเวลาที่อ่านเรื่องนี้
เหมือนจมดิ่งลงไปในความสับสน  บางครั้งดูฉายไม่คิดไม่น่าต้องเครียด...แต่เราก็เครียดดดด  :o12: 

คุณภักD นี่สุดยอดจริงๆ  o13

เป็นกำลังใจให้คนโพสจ้า   :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 28-04-2008 17:31:14
อ่านเสร็จแล้วเป็นเหมือนรีบนทุกประการ

ขอลาเพคะ

ฮื่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ทำไมเขียนได้ดีแบบนี้   o7
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 28-04-2008 17:37:42
 :a4: :a11: :a4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 28-04-2008 18:41:06
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 9

ความรัก ความลับ


เป็นไปตามความคาดหมาย...สุดท้ายผมก็ได้เก็บกระเป๋าไปเรียนต่อที่กรุงเทพ...

พี่กบคงอิจฉาผม เพราะพี่ตะวันมานั่งหน้าจ๋อยอยู่ที่ห้องผมทุกวัน ตั้งแต่วันประกาศผลยันวันจะออกเดินทางเลย...

“ทำไมไม่เรียนที่เชียงใหม่?”พี่ตะวันถามผมมาสักร้อยรอบเห็นจะได้

“ก็ติดที่กรุงเทพ!”แต่ผมตอบไปแค่สักห้าสิบ ส่วนอีกห้าสิบเมื่อยปากขี้เกียจตอบ

“ก็เลือกม.ที่กรุงเทพทำไมล่ะ?”

“เรียนหมอก็ต้องเรียนมหิดลสิ!”ผมตอบ ก่อนเอื้อมมือไปดึงเสื้อที่พี่ตะวันนั่งทับอยู่บนเตียง

“ตะวันเกะกะ!... ฉายจะเก็บเสื้อผ้า”

“แล้วฉายจะกลับมาเมื่อไหร่?”พี่ตะวันถาม พลางหยิบสมุดในกระเป๋าเดินทางผมมาเปิดดู

“ปิดเทอมก็กลับ...ตะวันอย่ารื้อสิ!”ผมตอบ ดึงสมุดในมือพี่ตะวันโยนเก็บลงในกระเป๋าใหม่

“ไม่ต้องปิดเทอมก็กลับได้...ยืมก่อน”แต่พี่ตะวันไม่สน คราวนี้ดึงถุงเท้าที่ผมพับไว้เรียบร้อยในกระเป๋าออกมาใส่ ดูไม่เข้ากันสักนิดกับกางเกงเลสีส้มสด

“ฉายไม่ใช่ตะวันนะ จะได้โดดเรียน...บอกว่าอย่ารื้อไงเล่า!”ผมพูด ก่อนดึงกึ่งกระชากถุงเท้าออกจากเท้าพี่ตะวัน จนพี่ตะวันหงายหลังลงไปนอนบนที่นอน...และผมมองเห็นรอยสักรูปดวงตะวันใต้ฝ่าเท้าพี่ตะวัน...

“น้าโอ๋ กับ น้าเจดต้องเหงาแน่เลย...”

“ก็มีตะวันไง ไม่เหงาหรอก...ตะวันเลิกเกะกะสักทีซิ!”ผมบอกอย่างเหลืออด เพราะพี่ตะวันกลิ้งตัวมานอนทับบนกองเสื้อผ้าที่ผมเตรียมเอาออกมาจะพับเก็บลงกระเป๋า

“เหงาสิ พี่ไม่พูดมากเหมือนฉายนี่นา!”พี่ตะวันว่า และเพราะล้มลงไปนอน ทีนี้เลยนอนหยิบของในกระเป๋าผมได้สบายยิ่งขึ้น

“อ๋อ เหรอ?”ผมมองอย่างปลงๆ พูดไปก็เท่านั้น...อย่าว่าแต่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเลย...เสียงผมหาทางเข้ารูหูของพี่ตะวันไม่เจอเลยด้วยซ้ำ

“เออสิ!”พี่ตะวันตอบ ดึงเนคไทด์จากระเป๋าของผม เอามาพันรอบคอของตัวเอง...

“เออสิเนอะ...ไม่มีฉายคงเหงาหู....แต่ถ้าไม่มีตะวันคงเหงาปากแย่ ไม่รู้จะบ่นจะด่าใคร”ผมพูดและถอนหายใจก่อนทิ้งตัวลงนั่ง... เลิกเก็บของแล้ว เพราะเก็บไปพี่ตะวันก็รื้อก็หยิบออกมาอยู่ดี

พอพี่ตะวันเห็นผมเลิกเก็บ ตัวเองก็เลิกรื้อเหมือนกัน แต่ไม่เลิกเปล่า กลับใช้มือกวาดข้าวของของผม รวมทั้งกระเป๋าให้หล่นจากเตียง ลงไปกองไว้บนพื้นหมด ส่วนผมก็ทำได้แค่มอง...เพราะให้บ่นจนปากเปียก พี่ตะวันก็ไม่สนหรอก กลับยิ่งทำด้วยซ้ำ...

“พรุ่งนี้ฉายไปกี่โมง?”พี่ตะวันถาม ตบที่นอนส่งสัญญาณให้ผมนอนลงข้างๆ

“รถไฟเที่ยวเช้า เจ็ดโมง ตะวันไปส่งฉายนะ?”ผมถาม แต่แทนที่จะนอนลงข้างๆพี่ตะวัน ผมเลือกเอื้อมมือไปผูกเนคไทด์ที่พันอยู่รอบคอให้พี่ตะวันแทน...มันดูเข้ากันดีพิลึกกับเสื้อยืดสีขาว ที่เก่าจนคอเสื้อทั้งยืดทั้งเปื่อยของพี่ตะวัน

“ทำไมไม่ไปเที่ยวเย็น?”พี่ตะวันถามแทนการตอบ เงยหน้าขึ้นให้ผมผูกเนคไทด์ได้ถนัดมือ

“ก็ทำไมไปเที่ยวเช้าไม่ได้ล่ะ?”ส่วนผมก็ตอบด้วยคำถามเช่นกัน และกระตุกเนคไทด์เบาๆหนึ่งครั้ง เป็นสัญญาณว่าผูกเสร็จ...

“ก็จะได้อยู่ด้วยกันอีกหลายๆชั่วโมง...”พี่ตะวันตอบพลางตบที่นอนอีกครั้งเพื่อให้ผมนอนลงข้างๆและผมก็ทำตาม

“ทำไมตะวันเหงาเหรอ?”ผมถาม ลุกขยับตัวตะแคงข้าง เท้าแขนขึ้นมองพี่ตะวัน ที่นอนห่างผมไปแค่แขนสัมผัสแขน

“เหงาสิ...ฉายไม่อยู่แล้วจะคุยกับใครล่ะ?”พี่ตะวันตอบ ผมเลยได้แต่หัวเราะ เพราะถ้าจะพูดให้ถูก ผมว่าพี่ตะวันน่าจะบอกว่า ไม่รู้จะไปนั่งร้องไห้กับใครมากกว่า...

“หัวเราะอะไร?”พี่ตะวันถาม ขยับตัวหันมาทางผมเช่นกัน...หน้าเราอยู่ใกล้กันแค่โน้มนิดก็จะได้สัมผัสถึง...

ผมนึกถึงวันที่พี่กบจะไป ที่พี่กบบอกว่า...ถ้าฉายไม่อยู่ตรงนี้ พี่จะขอตะวันหอมแก้มหนึ่งที ตะวันต้องให้แน่ๆ...ผมนึกสงสัย ถ้าผมขอ พี่ตะวันจะให้หรือเปล่า

รูปตอนเด็ก ที่แม่กับน้าโอ๋ถ่ายเก็บไว้ มีตั้งเยอะที่ผมหอมแก้มพี่ตะวัน และมีอีกแยะที่พี่ตะวันหอมแก้มผม...เสียดายก็แต่ ตอนนั้น เด็กจนเกินจะจำได้...และวันนี้ เมื่อคิดว่าต่อไปคงไม่ได้เห็นหน้าพี่ตะวันทุกๆวันอย่างที่เคยเห็นตลอดสิบเจ็ดปีที่ผ่านมา...ใจมันก็หายหน่อยๆ...นึกอยากหอมแก้มพี่ตะวันขึ้นมาบ้าง

“เสียดายฉายต้องอยู่หอมหาลัย!”ผมบอก

“ก็ดีแล้วไง!”

“ดีได้ไง...ฉายอยากอยู่หอรวม”

“ทำไมล่ะ?”

“ก็ฉายจะได้จีบสาวไง อุตส่าห์ได้อยู่ไกลๆแม่”

“ก็ไว้ปีนหอหญิงสิ...”พี่ตะวันแนะ ไม่รู้แนะจริงแนะเล่น

“ฉายอยากจีบสาว อยากมีแฟน อยากหอมแก้มแฟน”ผมบอกแต่ตาจ้องที่แก้มพี่ตะวัน

“โห...อายุขนาดนี้ยังไม่เคยอีก...อย่าบอกใครนะ อายเค้า!”วิธีการพูดของพี่ตะวันเหมือนของแม่ไม่มีผิด

“ตะวันเคยแล้วสิ?”ผมถาม ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ เพราะเคยเห็นอยู่แก่ตา

“เคยแล้วสิ!”

“แก้มสาวหอมม่ะ?”ผมแกล้งถาม ทำไมจะไม่รู้...พี่ตะวันไม่น่าเคยหอมแก้มสาว และแก้มพี่กบ แก้มพี่ปา หรือแก้มพี่ขุนดูยังไงก็ไม่น่าหอม แต่แก้มพี่ตะวันน่ะ น่าหอมแน่ๆ

“ไว้ลองเองก็รู้!”พี่ตะวันบอก

“กลัวถึงเวลาแล้วทำไม่เป็น เสียฟอร์มแย่...ลองหอมแก้มตะวันก่อนได้เปล่า?”ผมไหลไปแบบข้างๆคูๆ แถมหน้าด้านสุดๆ และคนที่ตอบก็ไม่ใช่พี่ตะวัน

“หอมแก้มพี่แทนเอามั๊ย?”พี่ขุน ที่วันนี้ก็ยังตัวใหญ่กว่าผมถาม ขณะยืนเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่ตรงประตู

พี่ตะวันหัวเราะร่วน ส่วนผมหัวเราะไม่ค่อยออก รีบกระโดดลุกจากเตียงโดยไม่ตั้งใจ

พี่กบเคยถาม...ฉายแน่ใจเหรอว่าขุนไม่รู้ว่าฉายแอบรักแฟนมัน?...

...นั่นดิ รู้ไหมวะ?...วันนี้ผมเริ่มคิด เพราะพี่ตะวันหัวเราะร่วน แต่พี่ขุนไม่เห็นหัวเราะ ถึงปกติจะไม่ค่อยหัวเราะอยู่แล้วก็เหอะ

“พี่ไปที่บ้านไม่เห็น... เลยว่าตะวันน่าจะอยู่กับฉาย...”พี่ขุนบอก ก่อนย่างสามขุมเข้ามาในห้อง...ผมไม่กลัวหรอกถ้าจะต้องต่อยกับพี่ขุนบ้าง แต่ผมอยากรอให้กล้ามผมโตกว่านี้อีกหน่อย...ถ้าต่อยแล้วไม่เห็นทางชนะ ผมก็ยังไม่ค่อยอยากต่อย ถึงพี่กบจะบอกว่า...ไว้จะช่วยรุมก็เหอะ...ก็ตอนนี้พี่กบไม่อยู่นี่นา!

เรื่องพี่ขุนเป็นแฟนกับพี่ตะวันน่ะเป็นความลับ...ในความคิดของพี่ตะวันคนเดียวเท่านั้นแหละ...ซึ่งผมก็เคยสงสัยเหมือนกันว่า ทำไมพี่ตะวันยังคิดว่ามันเป็นความลับสำหรับผม

พี่ตะวันไม่เคยทำอะไรประเจิดประเจ้อ แบบจับมือ ควงแขน จูบปาก หรือหอมแก้มให้ผมเห็นหรอก ทั้งกับพี่กบ พี่ปา หรือว่าพี่ขุน...หรือจริงๆผมอาจไม่รู้ก็ได้ ถ้าบังเอิญไม่ไปเห็นรูปดวงตะวันใต้ฝ่าเท้าของพี่ตะวัน หรือดันฝันเปียกถึงพี่ตะวันซะเอง จนอดคิดลึกเรื่องพี่ตะวัน กับแฟนเก่า แฟนกลาง หรือแฟนใหม่ของพี่ตะวันไม่ได้...

แต่กับพี่ขุนน่ะ ผมว่าพี่ขุนรู้แน่ๆ ว่าผมรู้...ถึงพี่ขุนจะไม่เคยแสดงออกอะไรมากมายก็เหอะ... ไม่เล่นมุกฝืดแต่หลายง่าม อย่าง...กบทานตะวัน...ที่พี่กบเคยเล่นด้วย

เพียงแต่วันนี้เมื่อพี่ขุนถาม...หอมแก้มพี่แทนมั๊ย?...แล้วก็เดินเข้ามา พี่ขุนไม่ได้ฉุดให้พี่ตะวันลุกขึ้น แต่กลับล้มลงไปนั่งข้างๆพี่ตะวัน...ตำแหน่งที่เมื้อกี้ยังเป็นผมที่นอนอยู่...พี่ขุน เอี้ยวตัว ใช้สองแขนค้ำตัวเองคร่อมอยู่เหนือตัวพี่ตะวัน...

“คืนนี้นอนไหน?”พี่ขุนถามพี่ตะวัน ที่ขยับตัวลอดแขนพี่ขุนลุกขึ้น ส่วนผมรีบหันหน้าไปทางอื่นทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น

...ถ้านอนที่นี่ จะมานอนด้วยกันหรือไงวะ?...ผมนึกอยากตะโกนถาม

“ตะวันอยากนอนกับฉาย...พรุ่งนี้ฉายก็จะไปแล้ว”พี่ตะวันตอบ

“อือ...งั๊นพี่นอนด้วย!”พี่ขุนว่า ทำให้ผมหันหน้ากลับไปมองแทบไม่ทันว่าหน้าตาพี่ขุนน่ะ พูดเล่นหรือพูดจริง...

...พูดจริงชัวร์ ไอ้บ้าเอ๊ย!...ผมสบถในใจเมื่อเห็นหน้าพี่ขุน

“ตะวันกลับไปนอนบ้านตัวเองเลย ฉายยังเก็บของไม่เสร็จเลย ตะวันเกะกะ!”ผมเลยไล่ส่ง และพี่ตะวันทำหน้าจ๋อย...ก็ผมพูดเอง ผมก็ยังใจหายเลย...พรุ่งนี้ก็ไม่ได้เห็นหน้ากันทุกวันอย่างแต่ก่อนแล้ว...

“ไป...กลับบ้าน ฉายจะได้เก็บของ!”พี่ขุนพูด แต่พี่ตะวันยังยืนหน้ามุ่ย

...มันรู้ชัวร์!...ผมบอกตัวเอง ว่าพี่ขุนรู้แน่ว่าผมน่ะรู้สึกยังไงกับพี่ตะวัน

แต่พี่ขุนคงไม่บอกพี่ตะวันหรอก...ปล่อยให้พี่ตะวันไม่รู้น่ะดีกว่า...เป็นผมก็ไม่บอก...เพราะการบอกมันก็เหมือนการเปิดโอกาสให้คิด พี่ตะวันอาจเก็บผมไว้พิจารณาก็ได้ ใครจะรู้...เพราะฉะนั้นพี่ขุนไม่บอกพี่ตะวันหรอก ผมมั่นใจ...มันเป็นความลับระหว่างผมกับพี่ขุน...

“เร็ว!”คราวนี้พี่ขุนเร่ง พลางกระตุกเนคไทด์ให้พี่ตะวันเดินตาม

“ไม่ใช่หมานะ!”พี่ตะวันว่างั๊น แต่ก็เดินตาม

“เร็ว!...พี่ซื้อน้ำเต้าหู้เจ้าที่ตะวันชอบมาให้ด้วย เดี๋ยวเย็นหมด”

“ซื้อมากี่ถุง?”พี่ตะวันถาม

“เจ็ดถุง...ให้บ้านน้าโอ๋ห้า ของตะวันสอง...”

“อ้าว...พี่ขุนไม่กินเหรอ?”

“ถ้าตะวันแบ่ง ก็กิน...”

“งั๊นเดี๋ยวตะวันเอากลับไปอีกถุง”พี่ตะวันบอก...เป็นอันว่า พอได้น้ำเต้าหู้แล้ว พี่ตะวันก็ลืมผม...

พอพี่ตะวันกับพี่ขุนกลับไปแล้ว ผมก็เก็บของต่อ...พยายามไม่คิดอะไร คิดก็แต่ว่า ดีแล้ว...เพราะถ้าผมไม่อยู่ พี่ตะวันก็มีพี่ขุน...พี่ตะวันจะได้ไม่เหงา ไม่ต้องร้องไห้คนเดียว...สำหรับวันนี้ พี่ขุนจำเป็นสำหรับพี่ตะวันมากกว่าผม...แต่ไว้เดี๋ยวเหอะ ให้ผมโตกว่านี้ ผมจะกลับมาทวงพี่ตะวันของผมคืน...ถ้าต้องเลือก...พี่ตะวันเลือกผมอยู่แล้ว!...

ผมชื่อตะวันฉาย อายุสิบเจ็ด กำลังเก็บกระเป๋า เข้ากรุงไปเรียนต่อ...

ผมบอกตัวเองว่า อย่าคิด แต่สุดท้ายก็นอนคิดถึงพี่ตะวันทั้งคืน ตอนเช้าพ่อปลุกยังไงก็ไม่ตื่น... เลยตกรถ...

คืนนั้น พี่ตะวันเลยมานอนคุยกับผมทั้งคืน โดยไม่มีพี่ขุนมาเป็นก้าง เพราะพี่ขุนไม่รู้เรื่องผมตกรถ เลยกลับบ้านตัวเองไปแบบสบายใจเฉิบ...

คืนนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมด่าตัวเองว่าโง่...เพราะพอพี่ตะวันหลับ ผมก็แอบหอมแก้มพี่ตะวัน คิดซะว่าเป็นจูบมัดจำแบบแอบเหมาเอาเอง...เพราะถ้าไม่ฉวยโอกาสทำ มีหวังนอนไม่หลับทั้งคืนนี้ จนตลอดอีกหลายปีจนเรียนจบแน่ๆ...แล้วกลับมาค่อยขอหอมให้เป็นกิจจะลักษณะ...ผมบอกตัวเองอย่างนั้น...

พอหอมเสร็จ ผมก็นอนไม่หลับอีก เพราะมัวแต่นอนนึกเสียดาย ว่าทำไมไม่ทำอย่างนี้ซะตั้งนาน...พี่ตะวันก็มานอนหายใจรดต้นคอผมออกบ่อย...ผมเลยได้แต่ด่าตัวเองว่าโง่ ก่อนแอบหอมแก้มพี่ตะวันไปอีก...หลายๆที...เพื่อทดแทนความโง่ของตัวเองในช่วงหลายๆปีที่ผ่านมา...แล้วก็หลับสบาย...จนเกือบตกรถไปอีกหน...

จบ...ความรัก ความลับ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gift_deb ที่ 28-04-2008 18:50:13
อ่านแล้วตอนนี้หลงรักตะวันฉายมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 28-04-2008 18:53:31
 :L2: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 28-04-2008 21:09:09
หาเอาใหม่ดีกว่าฉายยย

เด็กมหาลัยมีแต่น่าร๊ากกกกกก

อย่าไปสนใจตะวันมันเลย

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 28-04-2008 22:03:21
ฮาได้ใจจริงๆ
สำนวนแบบนี้
ติดงอมแงม
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 28-04-2008 22:31:12

ไปอยู่กรุงเทพ ตะวัน จะคิดถึง ฉายบ้างมั๊ยน๊อ   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 28-04-2008 22:58:25
แอบหอมแก้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม



ปล. บิ้กแบงค์ ขา  ทำไมน่ารักแบบนี้  เกิดมาเพิ่งจะบ้าบอยแบรนด์ เป็นครั้งแรกในชีวิต
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 28-04-2008 23:48:13
ดูฉายน่ารักกว่าตะวันอีกอ่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 29-04-2008 00:09:36
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ฉายยยยยยยยยยยยยยย...น่า....ร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

แอบหอมแก้มด้วยหุหุ :laugh:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 29-04-2008 08:52:48
เฮ้อ..............ฉายเอ้ย................มันเศร้าเนอะ  :a12:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 29-04-2008 12:15:25
จะไปเรียนต่อหละ ขอให้ ฉาย เจอคนรักขอตัวเองซะทีน้า.... :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 29-04-2008 12:29:50
คนอย่างตะวันนี้ น่าค้นหาเนอะ ถึงว่าใครๆๆชอบ อิอิ เราก่อชอบ หุหุ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Turn_righT ที่ 29-04-2008 16:42:24
ก่อนจะพูดเรื่องหอมแก้ม ---> ชอบอ่ะ สองคนนี้คุยกันน่าร้ากกกก :o8:
พอพูดเรื่องผู้หญิง+หอมแก้ม ---> เริ่มหดหู่ใจละ...สงสารฉายขึ้นมาทันที
พอพี่ขุนเข้ามา --->  :serius2: :serius2: ใครจะไปหอมแก้มเมิงงงงง เครียดๆๆๆ เซ็งๆๆๆๆ

ถึงจะน่ารักแต่...ก็ยังแอบหดหู้อยู่ในใจลึกๆ อึดอัดเจรงว้อยยยย  o9
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 29-04-2008 18:58:43
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 10

ความรัก ความไม่รัก

เมื่อผมกลับมาบ้านหลังจบภาคเรียนแรก พี่ขุนก็ออกไปจากชีวิตพี่ตะวัน...และก้าวกลับเข้ามาในชีวิตพี่ตะวันอีกครั้ง ในอีกสองวันให้หลัง...

พี่ตะวันนั่งหัวเราะชอบใจ เมื่อผมมองพี่ขุนตาค้าง ตอนพี่ขุนเดินเข้ามาในบ้านอย่างกับเพิ่งกลับจากไปซื้อของหน้าปากซอย

“ก็ไหนตะวันว่า...”ผมถาม กลืนคำว่า...พี่ขุนไปแล้ว...ลงคอ เมื่อพี่ขุนจ้องหน้าเขม็ง รอฟังว่าผมจะพูดอะไร

“ก็ไปแล้วไง...ไปแล้วก็มาไง!”พี่ตะวันพูดไปหัวเราะไป ก่อนรื้อของฝากสารพัดที่พี่ขุนหอบหิ้วเอามาฝาก...

ผมนึกอยากถามว่า ถ้าพี่ตะวันจะติต่างหลอกผมหรือทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าพี่ขุนเป็นแฟนไม่ใช่เพื่อน พี่ตะวันก็ไม่ควรเล่นมุกอย่างนี้...มุกอย่างนี้ใครเขาเล่นกับเพื่อนกัน...ไอ้ทีท่าหน้าตาจ๋อย เหมือนโดนทิ้งมาตลอดสองวันจนผมสงสารนั่นน่ะ...

ผมนึกอย่างอารมณ์เสีย แต่ให้จริงๆคือแอบผิดหวัง ถึงแม้ใจหนึ่งจะคิดว่า มีพี่ขุน พี่ตะวันจะได้ไม่เหงาเวลาที่ผมไม่อยู่...หากแต่พอตัวเองต้องไปอยู่ไกลจริงๆ...ก็อดหงุดหงิดทุกครั้งที่คิดถึงพี่ตะวันไม่ได้ว่า...ทำไมเป็นพี่ขุนที่ยังได้เห็นหน้าพี่ตะวันอยู่ทุกวันๆ ในขณะที่ผมก็ได้ยินก็แต่เสียงผ่านทางสายโทรศัพท์

“งั๊นฉายกลับดีกว่า”ผมบอกมองดู ปลาปักเป้าเป่าลมตัวโต หนึ่งในของฝากที่พี่ขุนแกล้งเอามาวางไว้บนหัวพี่ตะวัน...และหนามมันปักลงบนผมพี่ตะวัน เลยไม่กลิ้งหล่น ถึงพี่ขุนจะไม่จับไว้ก็เหอะ

“ไปด้วย...”พี่ตะวันหันมาพูดกับผม ก่อนหันกลับไปพูดกับพี่ขุน

“เดี๋ยวตะวัน เอาของฝากไปให้น้าโอ๋ก่อนนะ...น้าโอ๋จะได้ทันทำให้กินเย็นนี้”

“อย่างนั้นเขาเรียกของฝากตรงไหน...เขาเรียกฝากทำให้กินแล้วมั๊ง ตะวัน!”ผมบอก ก่อนเอื้อมมือไปรับถุงใบใหญ่ในมือพี่ตะวันที่ยืนหัวเราะมาช่วยถือให้

ไม่เจออกันแค่ครึ่งปี แต่กลับมาคราวนี้ ผมก็ตัวโตและสูงกว่าพี่ตะวันแล้ว...แต่ต้องไม่นับรวมความสูงพิเศษเพราะผมหยิกๆฟูๆของพี่ตะวัน กับ ปลาปักเป้าที่พี่ตะวันยังปล่อยให้มันตั้งอยู่บนหัวน่ะนะ...

“ตอนนี้ฉายเป็นแบบให้ตะวันวาดรูปได้แล้วนะ...”ผมบอกพี่ตะวัน เมื่อเดินพ้นออกมาจากบ้าน พลางพลิกแขนให้พี่ตะวันดูกล้ามบนแขน

“ไม่จิ๋วหลิวแล้วด้วย!”ผมสำทับ นึกถึงคำสบประมาทของพี่ตะวันได้

“แต่ตอนนี้ลูกค้าสั่งวาดรูปผู้หญิง โบราณๆ...ต้องนุ่มนิ่มๆ กับ ตูมๆ”พี่ตะวันพูดตัดความหวัง แถมเอื้อมมือมาบีบอกผม

“ไม่ตูม!”

“จักกะจี๋นะตะวัน!...ปลามันจะโดนหน้าฉาย ระวังหน่อยสิ!”ผมพูด และหัวเราะ เพราะถือถุงเต็มสองมือ เลยได้แต่ บิดตัวหลบ ทั้งจากมือ และปลาบนหัวพี่ตะวัน

“ตะวันเอาอะไรไว้บนหัว?”แม่โผล่หน้าออกจากครัวมาถาม พลางมองดูปลาบนหัวพี่ตะวัน

“พี่ขุนซื้อมาฝากตะวัน”พี่ตะวันตอบ พลางส่ายหัวไป ส่ายหัวมาโชว์ปลาบนหัวให้แม่ดู

“อันนี้พี่ขุนซื้อมาฝาก...ทำให้กินที!”ผมบอกพลางยื่นถุงส่งให้แม่ และพอมือว่าง ผมก็แกล้งผลักปลาบนหัวพี่ตะวันให้กลิ้งหล่น และเอื้อมมือรับ เอากลับมาวางคืนไว้บนหัวให้ ก่อนพี่ตะวันจะทันโวย

“ไว้ตะวันให้พี่ขุนต่อไฟให้สิ...เจาะรูข้างใต้ใส่หลอดไฟเข้าไป...แล้วเปิดไฟไว้บนหัวตะวัน”ผมแนะ

“กู๊ด ไอเดีย!...ไว้บอกพี่ขุนให้ทำขายดีกว่า”พี่ตะวันยิ้มหน้าบาน เป็นอันว่าพอใจในไอเดียที่ผมเสนอจริงๆ

“ต้องขายพร้อมหัวตะวันสิ...ถึงจะตลก”ผมพูด ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา มองดูพี่ตะวันที่ยังยืนภูมิใจกับปลาบนหัวของตัวเอง

“ตะวันอย่านั่งนะ เดี๋ยวโซฟาน้าขาด!”แม่หันบอกพี่ตะวันก่อนหิ้วถุงเดินหายเข้าไปทางในห้องครัวเมื่อพี่ตะวันทำท่าจะหย่อนตัวลงนั่งข้างๆผม และพอแม่ลับตา ผมก็ดึงเสื้อพี่ตะวันให้ล้มลงนั่งข้างๆผม ผลคือโดนปลาบนหัวพี่ตะวันโหม่งหน้าจังๆ

“เจ็บ!”ผมร้องเสียงดัง แต่มือยังโอบเอวพี่ตะวันไว้ไม่ปล่อย

“ตะวันน้าบอกว่าอย่านั่ง!...คราวก่อนก็ทำโซฟาน้าเปื้อนกาวตราช้างไปทีแล้วนะ!”แม่วิ่งออกมาโวย คงเพราะได้ยินเสียงผมร้อง

“ไม่เป็นไรน้าโอ๋!...โดนหน้าฉาย ไม่โดนโซฟา!”พี่ตะวันรีบแก้ตัว แปลว่าคราวก่อนที่ทำกาวเปื้อนโซฟา คงโดนแม่ดุไปหลายวัน

“แล้วไป!”แม่ว่า พลางมองให้แน่ใจว่าโดนหน้าผมจริงๆ ไม่ใช่โซฟาของแม่ และพอแน่ใจแม่ก็เดินกลับเข้าครัวไป

“ฉายเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยง...โซฟาตัวนี้ต่างหากที่น้าโอ๋แอบคลอดออกมา”พี่ตะวันบอก ก่อนทิ้งตัวพิงพนักโซฟา ไม่สนใจแขนผมที่ยังพาดอยู่ด้านหลังเอว

“ฉายไม่อยู่ ตะวันเหงาหรือเปล่า?”ผมถามคำถามที่นึกอยากถามตั้งแต่กลับมาเห็นหน้า แต่ยั้งปากไว้ไม่ถาม เพราะเห็นพี่ตะวันทำหน้าจ๋อยบอก...พี่ขุนไปแล้ว

“เหงาสิ...ฉายย้ายมาเรียนเชียงใหม่เหอะ!”

“มหาลัยนะตะวัน...ไม่ใช่โรงเรียน!”

“งั๊นถามทำไม?”พี่ตะวันถาม ฟังเสียงก็รู้ว่าเริ่มพาล

“พี่กบโทรหาตะวันบ้างหรือเปล่า?”ผมเปลี่ยนเรื่อง ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนเริ่มตั้งคำถาม

“โทรสิ...โทรบ่อย ไม่เหมือนฉาย!”พี่ตะวันตอบ แต่ไม่ยอมเปลี่ยนเรื่อง

“ก็ตะวันโทรหาฉาย วันละสามเวลาหลังอาหาร แล้วจะให้ฉายโทรหาตะวันตอนไหนล่ะ?”ผมถาม ซึ่งก็จริง เพราะพี่ตะวันยังทำอย่างกับผมนั่งอยู่ข้างๆ หันมาไม่เจอก็ยกหูโทรหา จนค่าโทรศัพท์พุ่งปี๊ด...

“แล้วพี่เขาว่าไงบ้าง?”ผมถามต่อ ทำเป็นไม่สนใจหน้าคว่ำๆของพี่ตะวัน

“ก็บอกว่าถ้าย้ายกลับมาได้ จะย้ายกลับ...ก็ไม่ได้เรียนมหาลัยนี่เนอะ เลยน่าจะย้ายง่าย!”พี่ตะวันตอบ และวกกลับเข้ามาหาผมจนได้ และครั้งนี้ผมหัวเราะ เพราะพี่ตะวันทำหน้างออย่างที่ชอบทำมาแต่เด็กเวลาที่โดนขัดใจ

ผมไม่อยากบอกพี่ตะวันว่า พี่กบน่ะตอแหลเอาใจพี่ตะวันไปงั๊นๆแหละ ก็พี่กบมีแฟนแล้วนี่นา ถึงจะเพิ่งเริ่มๆเป็นก็เหอะ...พี่กบบอกผมอย่างนั้นผ่านทางสายโทรศัพท์

“ฉายเกือบได้หอมแก้มสาวด้วยนะตะวัน...แต่ไม่กล้า...เพราะตะวันแหละ คราวก่อนไม่ยอมให้ฉายลองซ้อม!”ผมเปลี่ยนเรื่อง เพราะพี่ตะวันทำหน้างอ จนผมนึกอยากหอมแก้มพี่ตะวันขึ้นมาอีก ทั้งที่สองคืนที่ผ่านมา พี่ตะวันมานอนค้างกับผม ผมก็แอบหอมไปหลายฟอดตอนพี่ตะวันหลับ

“ทำไมต้องซ้อม เอาปากชนแก้มมันยากตรงไหน?”พี่ตะวันถาม เอาปลาลงจากหัวแล้ว

...ก็ไม่ยากหรอก ก็หอมอยู่ทุกคืน...ผมนึกอยากตอบ ใจก็นึกถึงแก้มนิ่มๆของพี่ตะวัน แต่ก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น

“อ้าว! เอาออกทำไมตลกดี!?”ผมถาม หยิบปลาวางกลับขึ้นไปบนหัวพี่ตะวันใหม่อีกหน

“ฉาย เอนท์ใหม่เหอะ...กลับมาเรียนเชียงใหม่!”พี่ตะวันพูด ผมหัวเราะแทนการปฏิเสธ

“ทำไม กลัวเอนท์อีกรอบ แล้วไม่ติดหรือไง?”พี่ตะวันถาม เหมือนเวลาหลอกให้ผมกินยาขมๆ แทนตัวเองตอนเด็กๆไม่มีผิด

‘ฉายไม่กล้าใช่ไหมล่ะ?’ตอนเป็นเด็ก พี่ตะวันชอบร้องท้า และผมก็รับคำท้าด้วยการกลืนยาขมๆของพี่ตะวันลงคอพิสูจน์ความกล้ามานับครั้งไม่ทวน เพียงแต่ตอนนี้ ผมไม่ใช่เด็กชายตะวันฉายแล้วเท่านั้น...

“ตะวันนี่ โตแต่ตัว!”ผมพูดพลางหัวเราะ ผลักปลาตกจากหัวพี่ตะวัน มองดูมันกลิ้งตกลงบนโซฟาก่อน ตกลงไปบนพื้น และพี่ตะวันใช้เท้าเตะมันกระเด็นไป

“เจ็บไหมล่ะนั่นน่ะ?”ผมถาม ก้มลง ยกเท้าพี่ตะวันที่ยังนั่งหน้างอไม่ยอมพูดยอมจา ขึ้นมาดู

“...ตะวันก็มีพี่ขุนไง...”ผมพูด นวดเบาๆให้ตรงที่เป็นรอยแดง

“ไม่เหมือนกันนี่!”พี่ตะวันไม่พูดเปล่า แต่กระทุ้งส้นเท้าใส่ขาผม

“อะไรล่ะที่ไม่เหมือน?”ผมถาม

“กลับมาเรียนเชียงใหม่เถอะนะ...”แต่พี่ตะวันเปลี่ยนเรื่องไม่ยอมตอบ

“เจ็บหรือเปล่า?”ผมเลยเปลี่ยนเรื่องบ้าง

“เจ็บสิ!”พี่ตะวันตอบ และคงเจ็บจริงเพราะหนามป่าปักเป้าทั้งแข็ง ทั้งแหลม

“แล้วไปเตะมันทำไม?”

“ก็ลืมไงเล่า!”พี่ตะวันตอบอย่างกับผมผิดที่เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้

“ฉายกลับมาเรียนเชียงใหม่เถอะ!”

“เดี๋ยวขอฉายตัดสินใจก่อน!”ผมถอนหายใจก่อนตอบ

“จริงนะ?”พี่ตะวันถามและยิ้มหน้าบาน

“จริงสิ...”ผมตอบ และหัวเราะแก้มที่ยิ้มจนจะปริของพี่ตะวัน

“ตัดสินใจได้ยัง?”

“สองเฮือกเนี่ยนะ ตะวัน?”

“ตัดสินใจอะไรนานนักหนาล่ะ คิดออกยัง?”

“ยัง...ขอเวลา...”

“เท่าไหร่?”

“หกปี!”ผมตอบก่อนผลักขาพี่ตะวันลงจากตัก แล้วรีบลุก วิ่งหนีเข้าครัวไปหาแม่ก่อนพี่ตะวันจะทันโวย

“อะไรกันอีกล่ะ?”แม่ถาม โดยไม่หันมามอง ก้มหน้าก้มตาแล่ชิ้นปลาในมืออย่างกับจะส่งเข้าประกวดงั๊นแหละ

“เปล่า...ตะวันบอกให้ฉายเอนท์กลับมาเรียนที่เชียงใหม่”ผมบอกแม่

“โตแต่ตัว!”แม่พูดเหมือนผมเปี๊ยบ

“น้าโอ๋ก็บ่นอยากให้ฉายกลับมาเรียนเชียงใหม่เหมือนกัน!”พี่ตะวันพูด เมื่อเดินตามเข้ามาในครัวและทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นใกล้ๆที่แม่ยืน ผมเลยหย่อนตัวลงนั่งข้างๆพี่ตะวันที่อีกด้าน...เหมือนตอนเด็กๆ เวลากลับจากโรงเรียน ทั้งผมทั้งพี่ตะวันจะมานั่งป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆเท้าแม่ เล่าเรื่องที่โรงเรียนให้แม่ฟังไปพลาง แอบจับแอบหยิบอะไรใส่ปากไปพลาง

“แล้วไง...แล้วน้านั่งทู่ซี้เหมือนตะวันหรือเปล่า?”แม่ถาม พลางยกเท้าเขี่ยพี่ตะวัน

“ก็น้าโอ๋แก่แล้ว ตะวันเลยทำแทน!”พี่ตะวันพูด คราวนี้แม่เลยเขี่ยพี่ตะวันแรงจนพี่ตะวันล้มมาทับผม

“ไหนน้าโอ๋ว่าห้ามใช้เท้าเตะคนอื่นไง!”พี่ตะวันโวย ยังลมทับมาที่ผมเพราะเท้าของแม่วางกดไว้บนต้นแขนพี่ตะวัน

“ก็คนบางคนมันสมควรไหมล่ะ!”แม่ถามย้ำเท้าลงแรงๆ สองทีก่อนดึงเท้าคืนและไล่ส่ง

“เอ้าออกไปกันได้แล้ว...เกะกะ!”

“ตะวัน ไปเรียกพี่ขุนมาสิ...น้าทอดให้กินเล่นกันก่อน”แม่หันมาบอก เตรียมเทปลาที่แล่เป็นชิ้นบางๆลงในกระทะ

“น้าโอ๋อย่าเพิ่งเท ให้ตะวันออกไปก่อน!”พี่ตะวันร้องบอก แต่แม่ไม่ฟังเสียง เทชิ้นปลาลงกระทะ ดังฉ่าใหญ่ พร้อมกับที่พี่ตะวันร้อง

“โอ๊ย! น้ำมันมันแตกใส่ตะวัน!”พี่ตะวันร้องโวย ก่อนถูที่แขนเป็นการยืนยันคำพูด

“น้ำมันแค่นี้ ร้องยังกับโดนเชือด!..ก็ออกไปซิ! ...เรียกพี่ขุนมาด้วย”แม่สั่งโดยไม่สนใจหันมามอง

“เจ็บไหม?”ผมถาม ก้มลงดูแขนพี่ตะวัน และเป่าให้เบาๆตรงที่เป็นรอยแดงๆ

“แม่บอกให้ไปเรียกพี่ขุน!”แม่สำทับเสียงเข้มอีกหน เมื่อพวกผมยังอ้อยอิ่งกันอยู่แถวประตูครัว

แต่พี่ตะวันไม่ต้องเสียเวลาออกไปเรียก เพราะพอออกมาถึงห้องนั่งเล่น พี่ขุนก็นั่งรอท่าอยู่ที่โซฟาแล้ว โดยมีปลาปักเป้าที่พี่ตะวันเตะกระเด็นไปอยู่ในมือ

“ฉายบอกให้เจาะทำเป็นโคมไฟ...พี่ขุนทำให้ตะวันนะ?”พี่ตะวันวิ่งและกระโดดทิ้งตัวนั่งข้างๆพี่ขุน หรือจริงๆน่าจะทับพี่ขุนไปสักครึ่งตัวมากกว่า ถ้าพี่ขุนไม่เบี่ยงตัวหลบ

“แต่พี่อยากให้ตะวันแขวนไว้เฉยๆ”พี่ขุนบอก มองดูปลาสลับกับหน้าผม

“แต่ตะวันอยากได้โคมไฟ!”พี่ตะวันยืนกราน แย่งปลาจากมือพี่ขุน

“แขวนไว้เฉยๆ!”พี่ขุนก็ยืนยัน

“โคมไฟ!”

“แขวน...”

“ของพี่ขุนหรือของตะวัน?!”พี่ตะวันถาม

พี่ขุนไม่ตอบ แต่จ้องหน้าพี่ตะวันเขม็ง และพี่ตะวันก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ สนใจก็แต่ปลาปักเป้าในมือ...สำหรับพี่ตะวัน เมื่ออีกฝ่ายไม่โต้ตอบ พี่ตะวันก็จะหมายความเอาว่า...อีกฝ่ายไม่ขัดข้อง...แน่นอนว่ายกเว้นแม่ผม เพราะถ้าน้าโอ๋ของพี่ตะวันไม่ตอบแปลว่า...พี่ตะวันต้องไม่ขัดข้อง...

ตลอดเวลาที่พี่ตะวันเถียงกับพี่ขุน ผมก็ได้แต่นั่งฟังเฉยๆ

พี่ขุนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง...เข้าๆออกๆบ้านผมมาร่วมสี่ปีแล้ว ดังนั้นการโต้เถียงระหว่างพี่ขุนกับพี่ตะวันจึงไม่นับเป็นเรื่องแปลกหรือเรื่องที่ทำให้ผมอึดอัดใจจนต้องปลอมตัวเป็นอากาศธาตุ...ก็แค่นั่งฟังเฉยๆ และรอโอกาสเข้าร่วมหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเชื้อเชิญ ซึ่งโดยส่วนมากก็จะเป็นพี่ตะวันแหละที่ต้องการพวก และครั้งนี้ก็เช่นกัน

“พี่ขุนไม่ทำให้ ฉายทำให้พี่นะ?”พี่ตะวันหันมาหาผม และพี่ขุนก็หันมาจ้องหน้าผมเขม็งเช่นกัน...

ผมไม่คิดว่าผมรู้สึกไปเอง...ผมว่าสายตาพี่ขุนที่มองผมมันเปลี่ยนไป อาจเพราะผมไม่ได้เป็นแค่เด็กชายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

“พี่ทำให้...แต่ตะวันต้องกลับบ้านกับพี่เดี๋ยวนี้!”พี่ขุนพูด

“น้าโอ๋ทอดปลาให้!”พี่ตะวันขัดแต่พี่ขุนไม่ฟังเสียง...มือที่ใหญ่กว่าแขนพี่ตะวัน จับแขนพี่ตะวันไว้ไม่ปล่อย ดึงกึ่งกระชากพาพี่ตะวันออกจากบ้านไป

เย็นนั้นพี่ขุนกับพี่ตะวันไม่ได้มากินข้าวเย็น แม่ให้ผมไปตาม ผมก็แกล้งเดินออกไปตาม แต่จริงๆไปเดินวนสนามหนึ่งรอบแล้วก็กลับมา บอกแม่ว่า ออกไปไหนกันก็ไม่รู้...

ดึกจนเที่ยงคืนกว่า พี่ตะวันก็มาหาผมและนั่งร้องไห้ แต่ผมถามว่าเป็นอะไรพี่ตะวันก็ไม่ตอบ...ผมก็เลยทำได้แค่นั่งมองและรอจนพี่ตะวันร้องไห้เสร็จ แล้วเราก็นอนหลับไปด้วยกันบนเตียงของผม ในห้องของผม...

ผมอยู่บ้านหนึ่งอาทิตย์ก่อนกลับไปเรียนต่อ ระหว่างหนึ่งอาทิตย์นั้น ผมไม่เจอพี่ขุนเลย...พี่ตะวันก็ซึม และมานอนกับผมทุกคืน...ผมไม่ได้แอบหอมแก้มพี่ตะวันตอนนอนอย่างที่ชอบทำ...ไม่รู้ว่าทำไม...อาจเป็นเพราะพบว่าพี่ขุนเก็บของๆตัวเองออกจากบ้านพี่ตะวันไปแล้ว ตั้งแต่วันที่พี่ตะวันมานั่งร้องไห้กับผมตอนเที่ยงคืน

ผมชื่อตะวันฉาย...ส่องกระจกดูตัวเองเวลานั้น ผมว่าผมเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว

ผมคิดว่าผมยังรักพี่ตะวัน

และผมก็ยังคงคิดว่าพี่ขุนรักพี่ตะวัน หลักฐานคือพี่ขุนเก็บข้าวของออกจากบ้านพี่ตะวัน...มันคือการหึงหวง...ถ้าไม่รักก็คงจะไม่หึง

และผมก็คิดว่าพี่ตะวันยังคงรักพี่ขุน...น้ำตาของพี่ตะวันอาจไม่ใช่หลักฐานที่ดีนัก เพราะพี่ตะวันร้องไห้ให้กับทุกเรื่อง แต่ถึงไม่มีหลักฐาน ผมก็ยังคิดว่าพี่ตะวันยังคงรักพี่ขุนอยู่ดี

แต่พี่กบไม่ใช่...คนที่พี่กบรัก ไม่ใช่พี่ตะวันอีกต่อไป...ผมเลยเริ่มสงสัย...ผมจะได้บอกรักพี่ตะวัน หรือเปล่า

ผมสงสัย...อีกหลายๆปีข้างหน้า...วันที่ผมเคยคิดว่า ผมจะกลับมาทวงพี่ตะวันของผมคืน...วันนั้นผมจะยังรัก...หรือ ไม่รัก พี่ตะวันแล้ว...

จบ...ความรัก ความไม่รัก


หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-04-2008 19:14:12
และแล้ว  พี่ขุนก้ยังอยู่กับตะวันต่อไปอีก  โดยที่ไม่มีฉาย

ว่าแต่.....ฉายจะลืมตะวันได้จริงๆ หรอ


อ่านเรื่องนี้ทีไร

ใจโหวงๆ ชอบกล

ว่าจะไม่อ่านแล้ว  แต่ก็ไม่อ่านไม่ได้


เสพติดซะแร้นนนนนนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: MayMaMee ที่ 29-04-2008 20:10:20
มาแล้ววว ฮื่อออ มะอยากอ่านแต่ก็ต้องอ่าน หื้ออ เสพย์ติดจิงๆ คุณภัคดีทำได้ไงเี่นี่ย

แต่อ่านครานี้สองตอนรู้สึกเฉยๆ นะ คงเพราะมะได้อ่านทีเดียวรวดเหมือนคราก่อน

แต่ก็รู้สึกเหงาๆ นิดๆ เฮ้อ เดาเรื่องตะวันอยู่ เฮ้อ เหนื่อยใจเล็กๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 29-04-2008 20:26:57
พี่ขุนก็ไปแล้ว พี่กบก็มีแฟนไปแล้ว ฉายก็ไปเรียนกรุงเทพ

ตะวันจะอยู่ยังไงล่ะเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 29-04-2008 20:29:59
 :laugh: :laugh:เสพติด เสพติด :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 29-04-2008 22:14:07
เข้ามามอบ  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: ให้กับพี่ทิพย์คนงาม
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 29-04-2008 22:35:38
 :a1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 29-04-2008 23:38:49
ชอบเรื่องนี้ที่สุดเลยยยยยยยยยยยยยย o13
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 30-04-2008 12:02:43
อ่านทีไร ซึมๆทุกทีเลยอะ  :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 30-04-2008 12:26:41
 :sad2: :sad2:ปล่อยตะวันไว้คนเดียวอีกแล้ว พี่ขุน ฉายก้อต้องไปเรียน กทม อีก แล้วตะวันจะอยู่ได้ไหมอะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 30-04-2008 12:35:04
เมื่อไหร่ฉายจะสมหวังกะเคาซะทีนะ

 :a6: :a6: :a6: :a6:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gift_deb ที่ 30-04-2008 15:23:25
อ่านทีไรก็สงสารฉาย ทำไมไม่หาแฟนที่กรุงเทพฯ ไปเลย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 30-04-2008 18:43:53
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 11

ความรัก ก็ยังคงเป็นความรัก


หกปีผ่านไป ไวยิ่งกว่าโกหก เพราะกระพริบตาตื่นอีกที ผมก็ได้ปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิตมาครอง...

แล้วเกิดอะไรขึ้นในช่วง หกปีที่ผ่านไป ไวยิ่งกว่าโกหกนั้นบ้าง...

จบปีหนึ่ง...ผมยังรักและนอนฝันถึงพี่ตะวัน...และพี่ขุนกลับมาหาพี่ตะวัน ส่วนพี่กบก็กำลังอินเลิฟ

เหตุการณ์สำคัญในปีนี้...

...พี่ขุนกลับมาหาพี่ตะวัน พร้อมปลาปักเป้าเป่าลมหลายสิบตัวที่ต่อไฟพร้อมแขวนแล้วเสร็จสรรพ...มันไม่น่าใช่การง้อ แต่น่าจะเป็นการประชดซะมากกว่า...พี่ตะวันเลยแขวนไว้เต็มเพดานบ้านไม่สะทกสะท้านกับการประชดนั้นเลยสักนิด...แล้วใครเดือดร้อน?...ก็พี่ขุนน่ะสิ ได้เดินสายไฟให้พี่ตะวันซะรอบบ้านเลย...

...พี่ตะวันยังเพียรโทรศัพท์หาผม และค่าโทรศัพท์ก็ยังพุ่งปี๊ด จนผมได้ยินเสียงแม่บ่นมาตามสายควบคู่กับเสียงพี่ตะวันทุกครั้ง แล้วครั้งหนึ่งพี่ตะวันก็บอกแม่ว่า

“ไม่เป็นไรน้าโอ๋...ถือว่าตะวันใช้มรดกของฉายล่วงหน้าแล้วกัน!”แล้วผมก็ได้ยินเสียงพี่ตะวันร้องโวย คาดว่าน่าจะโดนแม่ตบกะโหลก...

จบปีสอง...ผมก็ยังรักและยังคงฝันถึงพี่ตะวัน...และพี่ขุนก็ยังรักอยู่กับพี่ตะวัน ส่วนพี่กบก็กำลังอินเลิฟ...กับแฟนใหม่

เหตุการณ์สำคัญในปีนี้...

...พี่ตะวันเอาโคมไฟปลาปักเป้าไปแขวนที่ร้านพี่ขุน และมันก็เข้าตาลูกค้าเลยขายดี...แล้วพี่ขุนก็พัฒนามันไปอีกขั้นโดยให้พี่ตะวันใช้สีเพ้นท์แก้วเพ้นท์ลายในตัวปลาปักเป้า พอเปิดไฟปุ๊บ ลายเพ้นท์ฝีมือพี่ตะวันก็ไปเต้นระบำอยู่บนผนัง...ขายดีจนทำไม่ทัน... พอช่วงไหนของขาด ก็ปลดปลาปักเป้าบนเพดานบ้านนั้นแหละไปขาย...

...ผมร้องขอค่าไอเดีย...พี่ตะวันเลยเอาเหรียญหนึ่งบาทห่อกระดาษ โยนใส่กล่องส่งไปรษณีย์มาให้ผม...

จบปีสาม...ผมก็ยังรักและฝันถึงพี่ตะวันเหมือนเดิม...และพี่ขุนก็ยังรักอยู่กับพี่ตะวันเช่นกัน...ส่วนพี่กบก็กำลังอินเลิฟกับแฟนใหม่เช่นเคย

เหตุการณ์สำคัญในปีนี้...

...องค์การโทรศัพท์ช่วยผมรักษามรดกด้วยการเปิดบริการ1234

“น้าโอ๋เชย เดี๋ยวนี้เค้ามี1234 โทรทางไกลแค่นาทีละบาท!”ผมได้ยินพี่ตะวันหันไปบอกแม่ หลังจากได้ยินเสียงแม่บ่นพี่ตะวัน...และพอแม่น่าจะคล้อยหลัง พี่ตะวันก็บอกผมว่า...แค่นี้นะ

“อ้าว! ทำไมล่ะ?”ผมถาม ก็เพิ่งคุยกันแค่ครึ่งชั่วโมงเอง

“ก็ลืมกดน่ะสิ!”พี่ตะวันตอบ แบบผมผิดอีกตามเคยว่าแค่นี้ก็ต้องถาม

แล้วพี่ตะวันก็ลืมเป็นประจำ จนตอนหลังพี่ขุนเลยแก้ปัญหาโดยการย้ายโทรศัพท์ไปวางไว้ที่กระจกหน้าห้องน้ำ แล้วเอาเมจิกกันน้ำเขียนติดหน้าผากพี่ตะวันไว้ว่า 1234...

จบปีสี่...ผมยังรักและก็ยังฝันถึงพี่ตะวันเหมือนเดิม...และพี่ขุนก็ยังรักอยู่กับพี่ตะวัน ส่วนพี่กบก็อินเลิฟกับแฟนใหม่อีกเหมือนเดิม

เหตุการณ์สำคัญในปีนี้...

...โคมไฟปลาปักเป้าเกลื่อนเมือง เพราะขั้นตอนการคิดน่ะแสนยาก แต่ขั้นตอนการก๊อปน่ะแสนง่าย...พี่ตะวันเลยขึ้นรถมาหาผมเพื่อขอเงินหนึ่งบาทค่าไอเดียคืน...ผมเลยให้ไปห้าบาทไม่ต้องทอน...บาทแรกถือเป็นเงินต้น บาทสองถือเป็นดอกเบี้ย ส่วนอีกสามบาทเป็นเงินสมทบทุนค่าตั๋วรถไฟที่พี่ตะวันอุตส่าห์นั่งรถไฟกว่าเจ็ดร้อยกิโลมาหาผมเพื่อทวงเงินหนึ่งบาทคืน...ผมนึกอยากถามพี่ตะวันว่า... จริงๆคิดถึงฉายใช่ไหมล่ะ?...เพราะผ่านปิดเทอมไปสองครั้งแล้วที่ผมไม่ได้กลับบ้านเลย...แต่ผมก็ทำได้แค่นึก ไม่ได้ถาม ...ทำไมน่ะเหรอ?...ก็พี่ขุนมากับพี่ตะวันด้วยน่ะสิ...

จบปีห้า จนกระทั่งปีหก ทุกอย่างก็ไม่เปลี่ยนแปลง...ผมยังรัก และฝันถึงพี่ตะวัน เช่นเดียวกับพี่ตะวันและพี่ขุนที่ยังคงรักกันและกัน...เช่นเดียวกันกับพี่กบที่มีแฟนคนใหม่อีกครั้งและอีกครั้ง

เหตุการณ์สำดัญในสองปีนี้...

เรื่องเป็นไงมาไงไม่รู้...รู้แต่ว่า พี่ตะวันถ่ายเงินจากบัญชีน้าโอ๋ น้ามะ เทมาใส่บัญชีตัวเองหมด

“เผื่อวันหลังกลับมา จะไปไหนจะได้ขออนุญาตพี่ก่อน”พี่ตะวันบอกผมอย่างนั้น

“นายขุนเป็นคนแนะ!...นายคนนี้ชักจะไว้ใจไม่ได้...”ส่วนอันนี้แม่มาบ่นกับผม...แต่พี่ขุนก็ไว้ใจไม่ได้แค่สองวันเท่านั้น เพราะพอวันที่สาม บัญชีพี่ขุนก็โดนพี่ตะวันริบหมด...

“วันหลังพี่ขุนจะได้ทิ้งตะวันไปไหนไม่ได้อีก...”ไม่ใช่พี่ตะวันพูดกับผม แต่ผมเดาว่า พี่ตะวันน่าจะพูดกับพี่ขุนประมาณนี้

“สม!...ปลาหมอตายเพราะปาก!”ส่วนอันนี้แม่พูด...ผมเลยเปิดดูบัญชีธนาคารของตัวเอง เผื่อวันหน้าพี่ตะวันจะอยากริบสมุดบัญชีผมไว้บ้าง...


ผมปฏิบัติงานเป็นแพทย์เพิ่มพูนทักษะ ที่ยังคงผ่านไปไวยิ่งกว่าโกหกอีกหนึ่งปี...และทุกอย่างยังเหมือนเดิมทั้งผม พี่ขุน พี่ตะวัน และพี่กบที่ยังหมั่นโทรมาเอาใจพี่ตะวันว่าจะกลับๆทั้งที่ระริกๆอยู่กับแฟนใหม่คนที่เจ็ด ...

และหลักสูตรเฉพาะทางที่ผมเลือกจะเรียนต่อนั้น แม้จะใช้เวลานานถึงสี่ปี แต่โชคดี ผมต้องผ่านการปฏิบัติงานเพื่อชดใช้ทุนก่อนสองปี และผมจับฉลากได้ที่เชียงใหม่...ดังนั้นจึงถึงเวลาทวงพี่ตะวันของผมคืนสักที!

ผมชื่อตะวันฉาย เก็บกระเป๋ากลับบ้านตอนอายุยี่สิบสี่กว่าๆ ทันทีที่หิ้วกระเป๋ากลับถึงบ้าน วางกระเป๋า ไหว้พ่อ ไหว้แม่เสร็จ ผมก็เดินไปเคาะประตูบ้านพี่ตะวัน...แน่นอนเพื่อทวงพี่ตะวันของผมคืน...ส่วนจะด้วยวิธีไหน ไม่ได้คิด...แต่เมื่อเคาะประตูจนมือเจ็บ แม่ก็เดินมาบอกว่า พี่ตะวันไปวาดรูปกับพี่ขุน ที่เมืองปาย แม่ฮ่องสอน อีกอาทิตย์ถึงจะกลับ...

ผมเลยต้องรอต่อไปอีกหนึ่งอาทิตย์...

จบ ความรัก ก็ยังคงเป็นความรัก
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 30-04-2008 19:53:24
นายกรินกรณ์จะออกมาตอนไหนอ่ะ
ฉายเรียนจบแล้วเนื้อเรื่องคงจะเข้มข้นขึ้นอีกละนะ :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 30-04-2008 23:46:10
ตอนแรกนึกว่า6ปีจะทำให้ฉายเปลี่ยนใจซะอีกอ่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: KiKuMon ที่ 01-05-2008 00:00:33
เพิ่งจะรู้!!



ที่แท้!!



โคมไฟปลาปักเป้า



ตะวันฉายเป็นคนคิดนิเอง



 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 01-05-2008 00:05:06
เอ้า รอต่อๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 01-05-2008 04:07:17
ฉายสู้ๆ

ทวงคืนด่วนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน


อิเจ้   :oni2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 01-05-2008 10:38:51
ฉายหวง.....ฉายมาทวงของฉายคืนนนนน


555555555555

ได้เวลาฉายออกศึก   พี่ขุนระวังไว้

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 01-05-2008 10:50:55
ได้เวลา ทวงคืนแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gift_deb ที่ 01-05-2008 11:17:22
ฉายน่ารักจริงๆ  :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 01-05-2008 13:17:38
ฉายกลับมาแล้ววววววว  :oni1:

แต่จะได้ ตะวัน คืนจริงๆหรอ   o7
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: hustsu ที่ 01-05-2008 15:11:13
เกลียดตะวัน สงสารฉาย หมั่นไส้ขุน
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ultramanzaku ที่ 01-05-2008 15:58:41
ฉายน่ารักอ่ะ

 :m1: :m1: :m1:


เกลียดขุน ชิเชอะ

 :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 01-05-2008 17:55:00
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 12

ความรัก ความไม่ลับ


เวลาสิบกว่าปีไม่ทำให้ความรักที่ผมมีต่อพี่ตะวันลดน้อยลง ถึงจะฟังแล้วไม่น่าเชื่อเท่าไหร่ก็เหอะ เพราะแม้แต่ตัวผมยังไม่นึกคิดว่า ความรักข้างเดียวแบบของผมที่ไม่เหมือนต้นฉบับที่มีมาเลยสักนิด เพราะมันช่างไร้ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสอันเป็นรสชาติของการรักใครข้างเดียวนั้น จะยาวนานและมั่นคงได้ขนาดนี้

หากแต่ความฮึกเหิมของการช่วงชิงพี่ตะวันคืนจากพี่ขุนนั้น...แค่อาทิตย์เดียว ใจมันกลับฝ่อ...

ไอ้ที่เคยคิด ยังไงซะ พี่ตะวันก็เลือกผม...ผมชักจะลังเล...ไม่ใช่กลัวว่าพี่ตะวันจะไม่เลือกผม แต่คิดๆดู อย่างพี่ตะวัน ยังไงซะก็ต้องเอาให้ได้ทั้งสองคน ไอ้ที่จะยื่นข้อเสนอ...ถ้าเลือกพี่ขุนผมจะไป...ไม่แคล้วคงต้องได้นั่งวิดน้ำตาของพี่ตะวันออกจากบ้าน แล้วสุดท้ายก็ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง...

ไม่ต้องดูอื่นไกล...พี่กบไปไหนรอด?...ปากก็บอกว่าไม่รู้รักพี่ตะวันที่ตรงไหน...ปากก็บอกว่ามีแฟนแล้ว ...แต่โทรคุยกันทีไร พูดถึงแฟนใหม่สองประโยคแล้วก็จบ ที่เหลือคุยเรื่องอื่น แต่ก็วกกลับมาถึงพี่ตะวันทุกที...ตอนแรกๆผมก็คิดว่า เพราะพี่ตะวันเป็นตัวเชื่อมระหว่างผมกับพี่กบ ในเมื่อเรารู้จักพี่ตะวันทั้งสองคน จึงไม่แปลกที่คุยกันแล้วจะมีชื่อพี่ตะวัน...ต่อมาคิดว่าไม่น่าใช่ เพราะพี่กบลืมไปแล้วมั๊ง ว่าพี่ขุน น่ะใคร...แล้วผมเคยนั่งข้างๆพี่ตะวันตอนคุยโทรศัพท์กับพี่กบ ผมว่าพี่กบลืมไปด้วยแหงๆว่า...ไอ้ฉาย น่ะมันใคร!...

“อยากย้ายกลับเชียงใหม่...”เป็นประโยคที่ได้ยินจนชินหูจากพี่กบ...ตอนแรกผมนึกว่าพี่กบตอแหลเอาใจพี่ตะวันไปงั๊นๆ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าไม่ใช่ แต่ย้ายกลับมาไม่ได้ต่างหาก...

ผมไม่อยากรักข้างเดียวไปตลอดชีวิต ถึงมันจะไม่เจ็บปวดก็เหอะ แล้วผมก็ไม่อยากเป็นอย่างพี่กบไปตลอดชีวิต ถึงจะบอกไม่ได้ก็เถอะว่า เป็นแบบพี่กบ นี่คือเป็นยังไง...เพราะยังไงซะผมก็ไม่ใช่พี่กบ ผมไม่รู้หรอกว่าจริงๆพี่กบรู้สึกยังไงบ้าง...

หนึ่งอาทิตย์ที่ผมกลับมาอยู่เชียงใหม่ แต่พี่ตะวันกลับไปอยู่ปายกับพี่ขุน

หนึ่งอาทิตย์ที่ทำหัวใจโตๆของผมฝ่อลงจนลีบเรียบ

“ตะวันเลือกฉายอยู่แล้ว!”พี่กบบอกเมื่อผมโทรไปปรึกษาปัญหาหัวใจที่เริ่มฝ่อ

“พี่รู้ได้ไง?”ผมถาม ต้องยอมรับ ไอ้ที่พี่กบพูดน่ะ ผมก็คิด แต่ยิ่งพี่กบย้ำ ผมยิ่งได้ใจ เหมือนมีคนมาเป่าลมให้หัวใจฝ่อๆ มันพองลมขึ้นมานิด

“อันนี้เป็นความลับเลยนะ! จริงๆไม่อยากบอก บอกแล้วมันเจ็บใจ เลยเงียบไว้...”พี่กบเกริ่นซะผมใจเต้น จนตอนนี้หัวใจมันพองไม่หลงเหลือความฝ่อสักกะติ๊ด เพราะฟังแล้วดูพี่ตะวันน่าจะให้ความสำคัญกับผมอย่างมากมาย

“ไอ้ขุนมันก็ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่มันก็เงียบใช่ม๊า? พี่ว่ามันก็รู้สึก แต่ไม่อยากชี้โพรงให้กระรอก ให้ตะวันรู้ตัวว่าให้ความสำคัญกับฉายขนาดไหน”พี่กบเกริ่นไม่เลิก ยิ่งฟังผมยิ่งน่าจะสำคัญตัวได้

“อะไรล่ะ?...”ผมถามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด ทั้งที่อยากเอาหัวมุดหูโทรศัพท์ไปบีบคอให้พี่กบพูดออกมาเสียเร็วๆ

“ไม่อยากบอกเลยว่ะ นึกแล้วยังเจ็บใจ!”พี่กบพูด น้ำเสียงดูจะเจ็บใจจริงๆ

“อะไรจะขนาดนั้น เวอร์ซะ!...”ผมพูด บังคับให้ตัวเองแกล้งหัวเราะด้วยความขำ ทั้งๆที่จริงๆผมหัวเราะด้วยความเขิน

“ฉายไม่ใช่พี่นี่!”พี่กบต่อว่าเหมือนจะน้อยใจ และความอดทนของผมก็เริ่มจะน้อยตามใจพี่กบไปติดๆ

“ผมเห็นพี่ตะวันอะไรๆ ก็พี่กบ พี่กบ...”ผมพูดปลอบใจ แต่จริงๆคือเอาใจอยากให้พี่กบพูดซะเร็วๆ

“จริงสิ?..แต่.เวลาอยู่กับพี่ พี่เห็นตะวันอะไรๆ ก็ฉาย...”พี่กบว่า

“จริงสิ?”ผมถาม ลูบหน้าแดงๆของตัวเอง

“จริงสิ!”

“อืม...ไม่รู้สิ...”ผมชักปิดบังความเขินไม่มิดแฮะ

“พูดแล้วช้ำ แค่นี้นะ...”พี่กบว่า ทำท่าจะตัดสายไปซะงั๊น

“เดี๋ยวสิพี่ ประเด็นสำคัญล่ะพี่ ประเด็นสำคัญน่ะ?”ผมต้องลืมอาย ลืมฟอร์ม เพราะพี่กบทำท่าจะลืมเรื่องที่ตัวเองอุตส่าห์เกริ่นซะยาว

“ประเด็นอะไร?”พี่กบถาม ถ้าไม่รู้จักกันมานาน ผมคงคิดว่าลืมจริง แต่นี่ผมรู้ว่าแกล้งลืมเห็นๆ

“ก็ไอ้ที่พี่ว่าเก็บเงียบไว้น่ะ...”ผมทวนความ จะมากกว่านั้นก็เขินปาก

“อ๋อ...พูดแล้วมันเจ็บใจไม่หายจริงๆนะ”พี่กบ เริ่มแบบเดิมเด๊ะ และคงเกริ่นกันอีกยาวถ้าผมจะร่วมแรงแกล้งเขินอีกรอบ

“เล่าเลยเหอะพี่ เกริ่นมามากแล้ว!”ผมพูดตัดบท ขืนมัวเขิน ได้กลับไปเริ่มใหม่แต่ต้นแน่ๆ

“ก็ฉาย จำลอยกระทงปีที่ฉายเป็นเด็กเตรียมเอนท์ได้ไหม?”

“ได้”ผมตอบ เพราะเป็นปีแรกที่ไม่ได้ไปลอยกระทงกับพี่ตะวัน ไม่ใช่เพราะมัวคร่ำเคร่งอยู่กับการอ่านหนังสือ แต่เพราะพี่ตะวันเอาประทัดแดงห้าลูก มาเสียบใส่ดอกกล้วยไม้ห้าดอก จากกล้วยไม้ห้าต้นของแม่แล้วจุดพร้อมๆกันโดยมีผมเป็นผู้ช่วย..

ผลข้อแรกที่เห็นคาตา คือดอกกับต้นไปกันคนละทิศ...

ผลข้อที่สองที่เห็นทีหลังแต่หนักกว่าข้อแรกคือ...กล้วยไม้เป็นกล้วยไม้รอส่งประกวด ราคาคงไม่ต้องบอกว่าน่าจะหลายหลักถ้าผ่านการประกวดแล้ว แต่โชคดีที่มันยังแค่รอส่งประกวด มันเลยยังเป็นแค่กล้วยไม้ธรรมด๊า...ธรรมดา เพียงแต่ว่า...มันไม่ใช่ของแม่...

‘รองเท้าน้าโอ๋สวยกว่าตั้งแยะ’พี่ตะวันแก้ตัวแบบกะเอาใจ ฟังแล้วคล้ายจะไม่เกี่ยว แต่ก็เกี่ยว เพราะกล้วยไม้ที่ตอนนี้เหลือแต่ลำต้นคากระถางคือ...รองเท้านารี... ที่ตอนแม่หิ้วมา แม่ยังบอกว่า... มองยังไงก็ไม่ซาบซึ้งความงาม...แต่เมื่อพี่ตะวันเห็นด้วย แม่กลับทำท่าจะหักคอผมกับพี่ตะวันเสียบใส่กระถางคืนเจ้าของดอกไม้ถ้าพ่อไม่ห้ามไว้...
แม่สั่งห้ามผมกับพี่ตะวันไปเที่ยวงานลอยกระทงคืนนั้น ผมเลยอ่านหนังสืออยู่ในห้อง ส่วนพี่ตะวันแอบปีนหน้าต่างหนีไปเที่ยวกับพี่กบกับพี่ขุน ทิ้งผมได้หน้าตาเฉย...

“ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่...”ผมบอก ความเขินเริ่มลอยหายไปกับสายลม เพราะแค่เริ่ม ก็นึกไม่ออกแล้ว มีอะไรที่พี่ตะวันจะนึกถึงผม

“ก็ในงาน เขามีลูกชิ้นหมูฟูทอด แบบทอดลูกเดียวเต็มกะทะเลย! คนเข้...”พี่กบเริ่มเล่า

“กะทะเล็กน่ะสิ!”ผมขัดตามความน่าจะเป็น

“อย่าขัดสิ!...กะทะปกตินี่แหละ!... คนเข้าคิวซื้อเลยนะ ตะวันบอกว่าอยากกิน เลยยืนรอเป็นชั่วโมง กว่าไอ้ขุนจะเดินเหงื่อแตกออกมาบอกว่าได้สองลูกสุดท้ายพอดี”

“แล้ว?”ผมงง ไม่เห็นมีตรงไหนมีชื่อผมแทรกเข้าไปได้

“ตะวันบอกว่า จะเอากลับไปให้ฉายลูกนึง”พี่กบเฉลย...และผมได้ยินเสียงคล้ายลมถูกปล่อยออกจากหัวใจพองๆของตัวเอง...

“แล้วอีกลูกล่ะ”ผมถาม เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ขุนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“ตะวันกินน่ะสิ”พี่กบตอบด้วยน้ำเสียงว่าผมน่าจะรู้โดยไม่ต้องถาม... ซึ่งก็จริง

“ไหนว่าลูกเดียวเต็มกะทะ ทำไมไม่แบ่งกันกิน?”ผมถามไปงั๊นๆ

“ก็พอขึ้นจากกะทะ มันเหลือนิดเดียว...จากเท่าไข่ห่าน เหลือแค่ไข่มด!”ไม่รู้พี่กบตั้งใจเปรียบให้เห็นภาพ หรือต้องการปกป้องอาการหวงกินของพี่ตะวันกันแน่ แต่อย่างพี่ตะวันจะไข่มดหรือไข่ห่าน ถ้าลองคิดจะกินก็กินคนเดียวได้จนหมด จนแม่ยังเคยสงสัย...ตะวันเอาไปยัดไว้ตรงไหน...

“แล้วถ้าบังเอิญมันมีแค่ลูกเดียวล่ะ?”

“ตะวันก็กินน่ะสิ”พี่กบตอบ แบบที่ผมก็เห็นจริง และใครๆก็คงเห็นจริงถ้าลองรู้จักพี่ตะวัน...เพียงแต่ยังมีความจริงอีกบางข้อที่พี่กบควรรับรู้

“พี่รู้แล้วเงียบไว้นะ!...จริงๆผมไม่อยากพูดเลยนะเนี่ย ”ผมพูดก่อนแกล้งถอนหายใจ

“อะไร?”พี่กบถามอย่างอยากรู้

“ตอนเด็กๆ ตะวันหลอกผมกินลูกชิ้นหมูเน่าๆ...ตั้งแต่นั้นมาผมก็เลิกกินลูกชิ้นไปเลย ทั้งลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นเนื้อหรือลูกชิ้นปลา... ตั้งแต่บัดนั้น ยันบัดนี้ ไม่เว้นแม้แต่วันลอยกระทง ปีที่เป็นเด็กเอนท์ด้วย แล้วก็เชื่อเหอะ...ตะวันไม่เคยลืม!”ผมบอกพี่กบแล้วก็วางสาย

ผมชื่อตะวันฉาย แก่กว่าตอนที่แล้วไม่กี่วัน

ความลับของพี่กบทำให้ผมอึ้ง...

แต่ผมว่าความลับของผมทำให้พี่กบอึ้งกว่า...

แต่ก็นั่นแหละ พี่ตะวันล่ะ...

ลูกชิ้นหมูลูกเดียวมันไม่ทำให้ผมรักพี่ตะวันน้อยลงหรือมากขึ้น...ถึงขนาดมันจะเท่าไข่ห่านหรือว่าเท่าไข่กบ... พี่กบก็คงจะเหมือนกัน แม้พี่ตะวันจะซ่อนลูกชิ้นหมูไว้กินคนเดียวทั้งถุง ผมว่าพี่กบก็คงไม่เลิกรักพี่ตะวันหรอก...

เพียงแต่บางครั้ง ความลับมันก็น่าจะปล่อยให้เป็นความลับตลอดไป...เพราะบางครั้งเมื่อความลับเปิดเผย เราก็รู้สึกตัวว่า...เสียเวลาฟังจริงๆ !

จบ...ความรัก ความไม่ลับ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: MayMaMee ที่ 01-05-2008 18:11:04
อยากเป็นคนแรกกะเค้ามั่ง

...

หลงรักฉายจิงๆ อะไรจะจิตใจมั่นคงเยี่ยงนี้ หามิได้อีกแล้ว

โอ้ ว่าแต่ พี่กบ หรือ พี่ขุนก็ด้วยนี่

พี่ตะวันมีอะไรยอดเยี่ยมนี่ ต้องรออ่านต่อไปชิมิจ้ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 01-05-2008 20:28:24
555
มีมุขมาให้ขำเล็กๆ ทุกตอน น่ารักดี

รออ่านต่อเน้อ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 01-05-2008 20:43:21
ตะวัน
ตะกละ...... o12
เสียเวลาฟังอย่างที่ฉายว่าจริงๆ :sad2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 01-05-2008 23:54:32
สรุปตะวันมีอะไรดีมั้งเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ไม่เข้าใจจิงๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 02-05-2008 03:14:55
เฮ้อออออออออ นึกว่าจะได้ลุ้นสุดท้ายตะวันก็ทำเพื่อตัวเอง
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gagagaa122 ที่ 02-05-2008 11:32:03
เรื่องนี้จะลงเอยยังไงกันนะ


ตะวันนี่จริงๆเล้ยย  o12
เห็นด้วยกับความคิดเห็นบนๆ ตกลงตะวันมีไรดีมั่งเนี่ย 55

รักฉาย รักฉายย ><
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 02-05-2008 11:44:07
ตะวันนี้ติสแตกจิงๆเลย แต่ก้อน่ารักดี อิอิ สู้เค้านะฉายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: christiyaturnm ที่ 02-05-2008 12:30:02
 o13

เปนแนวที่แปลกและแตกต่างจากเรื่องอื่นๆในเล้า



การใช้ภาษาลื่นไหล อ่านเข้าใจง่าย  มีอารมณ์ขันสลับเศร้าเคล้ากันไป


ตัวละครแต่ละตัวมีบุคลิกเด่นชัดดี



อ่านแล้วก็หดหู่และอมยิ้มไปในเวลาเดียวกัน

ผู้แต่งคนนี้ คราวหลังต้องคุยด้วยหน่อยแล้ว

ขอแอดเมลลหน่อยคร้าบๆๆๆๆๆ



ชอบๆๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 02-05-2008 12:32:50

ขำฉายอ่ะ  อุตส่าห์รอลุ้นตั้งนาน   :m20: :m20:

ตะวันก้อ ทำไปได้   :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 02-05-2008 12:58:12
ตอนนี้อ่านแล้ว ขำดีตอนคุยโทรศัพท์กับพี่กบ  :m20:

แต่พอตอนท้าย ก็เศร้าหน่อยๆนะ  :m15:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gift_deb ที่ 02-05-2008 12:59:01
555555 ที่แท้ตะวันก็จะเก็บลูกชิ้นไว้กินคนเดียวนี่เอง :m20:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 02-05-2008 14:20:08
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 13

ความรัก ของเขา เราก็รัก


พี่ตะวันกลับมาแล้ว พร้อมยิ้มหน้าบานเป็นตะวันฉายเหมือนเคย

“ดอกบัวตองส็วย สวย”พี่ตะวันบอก พลางกระโดดมานั่งลงข้างๆผม

“บานเต็มภูเขาเลย!”พี่ตะวันพูดอีก เมื่อผมนั่งหน้าเฉย

“เทศกาลดอกบัวตองน่ะ มันเดือนธันวา...ดอกบัวตองบ้านตะวันสิ บานเต็มภูเขาตอนหน้าร้อน!”ผมขัดคอ หยิบรีโมทกดเปลี่ยนช่องทีวี สนใจก็แต่จอทีวี ไม่สนใจหน้าพี่ตะวัน

“ทำไมจะไม่บาน นี่ไง!”พี่ตะวันว่า พลางโยนโปสการ์ดให้ผม

“โธ่เอ๊ย...แค่นี่ทำเป็นคุย ที่กรุงเทพก็บานเต็มโปสการ์ดเลย อ๋อเซเว่นหน้าปากซอยก็บาน!”ผมว่า พลางเขี่ยโปสการ์ดที่ใช้แค่หางตาแลให้พ้นตัว มองก็แต่จอทีวี

“งั๊นก็ช่างหัวมัน!”พี่ตะวันพูด ก่อนหยิบโปสการ์ดขึ้นมาฉีก แล้วก็ฉีก แล้วก็ฉีก แล้วก็โยนใส่ผมก่อนกระแทกเท้าโครมๆออกจากบ้าน โดยมีพี่ขุนมองตาม

“ไม่ใช่ภาพถ่ายนะ...ปีที่แล้วตะวันเป็นคนวาด...เขาเอามาทำเป็นโปสการ์ด...เป็นโปสการ์ดทำมือ ขายแต่ที่ปาย ชื่อภาพ...ตะวันฉาย”พี่ขุนบอกก่อนเดินตามพี่ตะวันออกไป ผมถึงได้ก้มมองเศษโปสการ์ดที่ถูกฉีกจนเกือบละเอียด...มันเป็นภาพวาดจริงๆ ภาพวาดที่ดูสีสันจะจัดจ้าน หากแต่ก็ไม่เกินงาม เพราะมันยังมองคล้ายสีสันของความจริง

ผมหยิบมันมาลองเรียงๆดู...อยากเห็นชื่อของภาพ...ที่มักจะอยู่ด้านล่างของภาพ หรือไม่ก็ด้านหลัง ผมเลยเพิ่งได้เห็น...น่าจะเป็นลายมือพี่ตะวันเขียนอะไรไว้สักอย่าง...

“ไม่เห็นต้องฉีกซะละเอียดขนาดนี้เลย...”ผมว่า มองดูเศษโปสการ์ดที่พยายามนั่งเรียงมาร่วมชั่วโมง แต่ก็ไม่ได้อะไรนอกจากเศษที่เรียงยังไงก็ไม่เต็มส่วน

สุดท้ายผมเลยตัดสินใจเดินไปหาพี่ตะวันที่บ้าน

“น่า...อย่างี่เง่าน่า...”เสียงพี่ขุนพูด สลับกับเสียงพี่ตะวันสะอื้น

พี่ขุนนั่งอยู่ที่โซฟาข้างๆพี่ตะวัน...แม้ไม่ใช่มุมที่ชัดนัก แต่ก็พอดูออกว่าแขนข้างหนึ่งของพี่ขุนโอบเอวพี่ตะวันไว้

“ก็เสียดายนี่นา...ไม่น่าฉีกทิ้งเลย!...ไอ้บ้าฉาย คนอุตส่าห์ซื้อมาให้!”พี่ตะวันว่า

“ก็เสียดายแล้วไปฉีกทิ้งทำไมเล่า?”พี่ขุนถาม พยายามรั้งเอวพี่ตะวันให้เข้ามาใกล้ แต่พี่ตะวันไม่ยอม

“ก็ตอนนั้นมันโมโหนี่นา!”พี่ตะวันให้เหตุผลอันสมควรแก่ตัวเองเห็นจริงได้คนเดียว

“โมโหอะไร เห็นคุยกันแค่สองคำ!”

“ก็...ก็ฉายไม่ยอมมองนี่นา!”

“แล้วไงล่ะ แล้วต้องฉีกทิ้งด้วยหรือไง?”

“พี่ขุนเข้าข้างฉาย ก็ไปอยู่กับฉายเลย!”พี่ตะวันยังพาลไม่เลิก และคราวนี้พี่ขุนถอนหายใจและลุกขึ้น

“ไปไหน?”พี่ตะวันถามเสียงขุ่น เมื่อพี่ขุนทำท่าจะเดินจากไปจริงๆ

“ไป...ชักว่าว...”แต่พี่ขุนตอบแล้วยิ้ม ก่อนเดินเอื่อยๆออกไปจากห้องแล้วก็ขึ้นบันไดไปชั้นบนเงียบๆ โดยไม่หันมามองพี่ตะวันเลย

ผมลังเลว่าจะเข้าไปหาพี่ตะวันดีหรือเปล่า แต่ยังไม่ทันตัดสินใจ พี่ขุนก็ตะโกนลงมา

“ตะวัน!...จะขึ้นมาดีๆ หรือจะให้ลงไปลากขึ้นมา?”แม้จะตะโกน หากแต่ก็จับน้ำเสียงได้ว่า พี่ขุนไม่ได้อารมณ์เสียอะไร

“ลงมาลาก!”พี่ตะวันตะโกนตอบ และแม้จะตอบไปแบบนั้นแต่ก็กระแทกเท้าโครมๆเดินขึ้นไปชั้นบนแต่โดยดี

แล้วเสียงร้องไห้ของพี่ตะวันก็กลายเป็นเสียงหัวเราะที่ได้ยินมาจากบ้านชั้นบน...

ผมเลยเดินกลับบ้านตัวเอง...กลับไปนั่งเรียงเศษโปสการ์ดต่อไปเงียบๆ...

ผมไม่รู้ว่าพี่ขุนกับพี่ตะวันจะต้องการเวลาส่วนตัวกันนานสักเท่าไหร่ ผมถึงจะไปเคาะประตูทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก้าวเท้าเข้าไปในบ้านพี่ตะวันได้...

ผมเคยดูหนังเอ๊กซ์กับเพื่อน แต่เวลาแค่ชั่วโมงครึ่ง...ผมก็ดูตาแฉะ เพราะก่อนเผลอหลับ เป็นคู่นึง พอเพื่อนสะกิดให้ลืมตาตื่นขึ้นมาดูก็กลายเป็นอีกคู่ พอสติชักจะหลุดไปอีกรอบก็เป็นอีกคู่ จนเพื่อนสะกิดปลุกให้ตื่นอีกครั้งว่าจบแล้ว ก็คลับคล้ายจะเห็นเป็นอีกคู่...ดูจบไปเรื่องหนึ่ง ผมก็รู้ซึ้งถึงเหตุของผลที่ประชากรล้นโลกอยู่ทุกวันนี้...

เพื่อนมันล้อว่าผมน่ะพวกคงแก่เรียน หรือไม่ก็ตายด้าน ผมได้แต่หัวเราะและคิดในใจว่า...จะกี่คนก็ไม่เห็นสู้พี่ตะวันของผมได้ตรงไหน...

ฝันเปียกตอนหลับก็ยากจะประเมินเวลาว่ากินเวลานานเท่าไหร่ หรือจะฝันเคลิ้มๆตอนตื่น แต่อาศัยนารีทั้งห้า เวลามันก็เลยไม่มากมายเท่าไหร่...ผมเลยไม่รู้ว่า เมื่อร่วมแรงแถมร่วมมือ พี่ขุนกับพี่ตะวันจะต้องการเวลากันนานเท่าไหร่แน่...

เมื่อไม่รู้ ผมเลยไม่กล้าไปเคาะประตู...เมื่อไม่รู้ ผมเลยได้แต่นั่งเรียงเศษโปสการ์ดไปเงียบๆ จนเสร็จ...

...ตะวัน- ฉาย...ชื่อภาพเขียนเอาไว้

...ฉลองฉายเรียนจบ ปลายปีนี้ไปนู้ดท้าลมหนาวกัน!...ลายมือเขี่ยๆของพี่ตะวันเขียนไว้ที่ด้านหลังโปสการ์ด...พี่ตะวันคงตั้งใจให้ผมหัวเราะ ผมเองก็อยากหัวเราะ แต่ก็หัวเราะไม่ออก

ผมไม่เคยเห็นดอกบัวตองของจริง ไม่เคยคิดอยากเห็น แต่ตอนนี้นึกอยากเห็น...อยากเห็นมันพร้อมๆพี่ตะวัน...

จากหน้าต่าง ผมเห็นพี่ตะวันกับพี่ขุนลงมาจากชั้นบนแล้ว แต่ผมก็ยังนั่งมองโปสการ์ดอยู่ที่เดิม

จากหน้าต่าง ผมเห็นพี่ตะวันกับพี่ขุนช่วยกันรดน้ำดอกไม้ที่ในสวน ที่เมื่อหลายๆวันที่ผ่านมาเป็นผมที่ต้องเป็นคนไปช่วยรดให้

จากหน้าต่าง ผมเห็นละอองน้ำกระจาย เมื่อพี่ตะวันฉีดน้ำจากสายยางขึ้นไปบนท้องฟ้า...ละอองน้ำสะท้อนแดดจนเป็นสีรุ้งพาดเหนือทานตะวันดอกใหญ่ที่ ริมหน้าต่าง...พาด เหนือร่างพี่ขุนที่ก้มลงจูบแก้มพี่ตะวันเบาๆที่ใกล้ๆทานตะวันดอกใหญ่ดอกนั้น...ผมเลยนั่งมองดูโปสการ์ดอยู่ที่เดิม

ผมนั่งมองโปสการ์ดอยู่ๆเงียบๆ ถามตัวเองเบาๆในใจ...จะยังบอกรักพี่ตะวันอยู่หรือเปล่า?...กล้าไหม ที่จะผิดหวัง?...และผมตอบตัวเองไม่ได้ทั้งสองคำถาม...เลยนั่งมองโปสการ์ดต่อไปเรื่อยๆ

เย็นนั้นพี่ตะวันไม่ได้มากินข้าว...เป็นพี่ขุนที่หิ้วของฝากมาให้ตอนค่ำๆ

“เมาหลับไปแล้วครับ!”พี่ขุนบอกอย่างนั้น ก่อนยกมือไหว้แม่กับพ่อ ลากลับบ้านตัวเองวันสองวัน

“เมาเนี่ยะนะ! ตะวันนี่ชักจะเหลวไหลใหญ่!”แม่บ่นเมื่อพี่ขุนคล้อยหลังไปแล้ว ส่วนพ่อก็ยิ้ม และแม่ไม่บ่นว่าอะไรต่อ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าที่พ่อยิ้มน่ะ มีความหมายอะไร...และผมเองก็รู้เช่นกัน

‘มองตาแป๋วเลยนะ อยากลองสักกรึ๊บไหมล่ะ ฉาย?’น้าโอ๋ถามผม ครั้งที่ผมยังเป็นเด็กชายตะวันฉาย และตายังแป๋ว

น้าโอ๋ถามก็เพราะผมนั่งมองน้าโอ๋กับแม่กับน้ามะนั่งซดเหล้ากันตาแป๋ว...ส่วนตาพี่ตะวันไม่แป๋ว เพราะนอนหลับ หายใจดังฟี๊ดๆ อยู่ใกล้ๆวงเหล้า เพราะเมาเหล้าแค่อึกสองอึกที่น้าโอ๋แกล้งเอาให้กิน


แม่กับน้าโอ๋กับบางทีก็มีน้ามะ ตั้งวงเหล้ายามเย็นกันทุกวันๆ จนวันหนึ่งพ่อก็ถามว่า

‘แล้ววันหลังจะสอนลูกยังไง?’พ่อถาม พลางมองหน้าแม่สลับกับมองผมที่นั่งมองตาแป๋ว กับมองพี่ตะวันที่วันนี้นอนวาดรูปเล่นอยู่ข้างๆเก้าอี้น้าโอ๋

‘สอนวาดรูปเหล้า...วันนี้ตะวันวาดรูปมีกลิ่นเหล้า!’พี่ตะวันบอกพ่อ พลางลุกขึ้นเอารูปที่ตัวเองวาดไปให้พ่อดม

‘เดี๋ยวน้าเจดดูนะ...เดี๋ยวคนนี้เขาจะเมาแล้วก็หัวเราะกิ๊กกั๊กๆ เหมือนแม่กับน้าโอ๋ เพราะตะวันเอาเหล้าผสมสีระบายเขา’พี่ตะวันบอกพ่อ พลางชี้มือให้พ่อดูคนตัวเล็กๆในรูปวาด

แม่มองพ่อหน้าเจื่อนๆ แล้วพ่อก็อุ้มผมกับพี่ตะวันเข้าบ้าน...นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เห็นแม่กับน้าโอ๋นั่งก๊งกัน...แบบเปิดเผย...

เพราะหลังจากนั้น แม่ก็แอบแบ่งกันคนละกรึ๊บกับน้าโอ๋ที่ในครัว...และพฤติกรรมนั้นก็ต้องหยุดเมื่อวันหนึ่งพ่อพาพี่ตะวันเข้ามาหาแม่กับน้าโอ๋ที่ห้องนั่งเล่น

‘ไหนตะวันลองทำให้น้าโอ๋กับแม่ดูสิว่าเหมือนไหม?’พ่อพูดกับพี่ตะวันที่ยืนยิ้มภูมิใจ ก่อนจะทำท่ายกไหล่หัวเราะกิ๊กกั๊กและเทแบ่งกันคนละกรึ๊บของแม่กับน้าโอ๋ได้เหมือนเดี๊ยะ

‘ตะวันทำอะไร?’แม่แกล้งถาม ทำเป็นไม่รู้เรื่อง

‘ทำแบบน้าโอ๋กับแม่ไง!’พี่ตะวันตอบ แถมทำให้ดูอีกรอบ

‘ตะวันพูดอะไร ไม่เห็นรู้เรื่อง!’แม่ยังทำหน้าซื่อถาม

‘พูดความจริงไง!’แต่พี่ตะวันตอบซื่อกว่า ยังยกไหล่ หัวเราะกิ๊กกั๊ก และเทแบ่งคนละกรึ๊บ ให้ดูอีกหลายๆรอบ

ผมไม่รู้ว่าหลังจากนั้น แม่กับน้าโอ๋ไปแบ่งกันกรึ๊บที่ไหนต่อหรือเปล่า แต่พ่อเล่าว่า วันหนึ่งแม่ก็เลิกเหล้าขาด เพราะกลับบ้านมาเจอผมกับพี่ตะวัน แอบเอาเหล้าของแม่มาแบ่งกันคนละกรึ๊บจนหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในครัว

‘ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น...ไปตื่นโน้นโรง’บาล ไอ้ตะวันยังมีหน้า ทำท่ายักไหล่หัวเราะกิ๊กกั๊ก แบ่งคนละกรึ๊บให้หมอดู...แม่น่ะอายแทบแทรกแผ่นดินหนี...วันนั้นยายโอ๋กับนายมะไม่อยู่ แม่เลยซวยคนเดียว!’อันนี้แม่เป็นคนเล่าต่อ ด้วยความเจ็บใจ

ดังนั้นวันนี้เมื่อพ่อยิ้ม แม่เลยไม่กล้าบ่นอะไรต่อ

“จะให้ไปดูหน่อยไหม พี่ขุนไม่อยู่นี่?”ผมอยากไป แต่แกล้งถามแม่ก่อน

“ไปดูหน่อยไป...แล้วนี่ฉายเจอตะวันหรือยัง?”แม่ถาม และผมพยักหน้ารับ ก่อนเดินออกมา

บ้านพี่ตะวันเงียบกริบ ประตูบ้านล็อคไว้...แต่ผมรู้พี่ตะวันกับพี่ขุนซ่อนกุญแจสำรองไว้ตรงไหน...แน่นอนมันไม่ใช่ความลับ ผมได้รับอนุญาตให้หยิบและใช้ไขเข้าไปในบ้านได้ตลอดเวลา ยกเว้นก็เพียงเวลาที่พี่ตะวันหรือพี่ขุนอยู่...

“ตะวัน...”ผมตะโกนเรียกเบาๆ และคำขานรับคือความเงียบ

ผมเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน เปิดประตูห้องนอนพี่ตะวันเข้าไปเงียบๆ...

ไฟในห้องนอนพี่ตะวันปิดสนิท เหลือก็แต่แสงไฟจากห้องน้ำที่พี่ขุนคงเปิดทิ้งไว้ให้เผื่อพี่ตะวันตื่นขึ้นมาตอนกลางคืน

ผมกดสวิทช์ไฟเปิด มองดูพี่ตะวันที่นอนหลับอยู่บนเตียง ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ลายดอกทานตะวัน...ที่แม่เป็นคนซื้อผ้ามาเย็บให้

“ตะวัน...”ผมเรียกเบาๆ แต่ดูพี่ตะวันจะไม่รู้สึกตัว

“ตะวัน...”ผมเรียกดังขึ้นอีกนิด และพี่ตะวันยังเงียบเฉยเหมือนเดิม

ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ นั่งลงที่ริมเตียงอย่างเบาที่สุด...พี่ตะวันยังคงนอนหลับสบาย

ผมลองเขย่าพี่ตะวันเบาๆ พี่ตะวันก็แค่ขยับตัวคล้ายจะรำคาญ

“ตะวัน...”ผมเรียกและลองเขย่าตัวดูอีกครั้ง

“ตะวันจะนอน...พี่ขุนอย่ายุ่งสิ!”พี่ตะวันพูดเสียงงัวเงียก่อนขยับตัวหนี

“ฉายต่างหาก ไม่ใช่พี่ขุน...”ผมพูด แกล้งเอานิ้วเขี่ยแก้มพี่ตะวัน

“ฉาย...รักตะวันนะ...”ผมก้มลงกระซิบข้างๆหูพี่ตะวัน

พี่ตะวันหัวเราะเบาๆ ก่อนพูดเสียงงัวเงีย

“ตะวันก็รักพี่ขุน...”

“...ฉายต่างหาก...”ผมพูดเบา เบาจนพี่ตะวันคงไม่ได้ยิน...

ผมนั่งอยู่ที่เดิม นั่งมองดูพี่ตะวันที่ยังหลับสบาย...แล้วผมก็เห็นพี่ตะวันยิ้ม...เห็นพี่ตะวันหัวเราะ...เห็นพี่ขุนหอมแก้มพี่ตะวัน...แล้วพี่ตะวันก็บอกว่า...ตะวันก็รักพี่ขุน...

“ฉายก็รักตะวัน...รักมาก่อนพี่ขุนอีก...”ผมกระซิบข้างหูพี่ตะวันอีกครั้ง ก่อนลุกเดินไปปิดไฟ ก้าวเท้าออกจากห้อง...

แล้วผมก็เปลี่ยนใจ...

ผมเดินกลับเข้าไปหาพี่ตะวัน...

แทรกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน...แล้วก็ทำสิ่งที่ตัวเองเฝ้าคิด...เฝ้าฝันถึงมาร่วมสิบปี...

“พี่ขุน...ทำไมทำตะวันเจ็บ!”พี่ตะวันพูด พลางใช้มือผลักผม

“ตะวันบอกว่าเจ็บไง!”พี่ตะวันพูดปนสะอื้นเบาๆ

“ก็ไม่เคยนี่นา!”ผมบอก แต่ก็หยุดตัวเองไม่ได้...พี่ตะวันกอดผมแน่น แต่ปากก็ยังเรียกแต่พี่ขุน...พี่ขุน...

ผมชื่อตะวันฉาย...กำลังจินตนาการบรรเจิด...ซึ่งจริงๆก็ยังไม่บรรเจิดเท่าไหร่ เพราะถ้าจะให้บรรเจิดจริง พี่ตะวันต้องเรียกชื่อผมสิ ไม่ใช่พี่ขุน...

ห้าหกบรรทัด ข้างบนโน้น นั่นแค่คิด เพราะในความเป็นจริง ผมทำได้แค่ยืนกลืนน้ำลายเอื๊อก มองพี่ตะวันหลับสบายไม่รู้เรื่องรู้ราว

ไม่ใช่ไม่อยาก...แต่มันไม่ถูก...

ก็ไม่ใช่ว่าเป็นคนดีอะไร...ถ้าเป็นนายงามนายอื่นล่ะก็เสร็จผมไปแล้ว

แต่นี่เป็นพี่ตะวัน...เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตผมนับรองจากพ่อและแม่...เป็นความรักที่ผมไม่อยากให้จบลงที่บนเตียง...ซึ่งอาจมีอายุแค่คืนเดียว เกิดพี่ตะวันไม่แฮปปี้กับสิ่งที่ผมทำ...

ผมกับพี่ตะวัน...เราเป็นของกันและกันมาตลอดชั่วชีวิตผม...ถึงยังไม่ได้ผูกพันกันอย่างคนรัก แต่ผมก็รู้ว่าความผูกพันของเรามันยิ่งกว่านั้น

ทั้งหมดที่คิด มันไม่ใช่คุณความดีในใจ แต่มันเป็นคำพยายามเตือน สิ่งชั่วร้ายในใจตัวเองให้สงบลง..

ผมเลยเดินคอตกออกจากห้อง...เพื่อให้หัวใจตัวเองได้มีโอกาสพองโตขึ้นมาได้อีกครั้งในเวลาที่เช้าวันใหม่มาถึง เพื่อที่จะได้ยิ้มรับรอยยิ้มหน้าบานของพี่ตะวันได้อย่างมีความสุข...

พระเจ้าคงรู้ว่าสิ่งที่ผมทำน่ะยากยิ่ง...ขอผลแห่งความดีที่สุดจะข่มใจทำในวันนี้ ทำให้รักของผมสมหวัง...เถิด...สาธุ

จบ...ความรัก ของเขา เราก็รัก
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 02-05-2008 14:33:08
นึกว่าฉายจะทำจริง 555  แอบลุ้นเล็ก เอิ๊กๆ  หื่นอ่า

รออ่านต่อๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 02-05-2008 14:38:51
น้ำตาจะไหล

สงสารฉายเป็นที่สุด

 :o12:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 02-05-2008 15:04:49
อ่านแล้วได้แต่ ถอนหายใจ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ไม่รู้จะพูดว่าอะไรดี.....
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gift_deb ที่ 02-05-2008 15:32:07
สงสารฉายอีกแล้ว ได้แค่จินตนาการว่ากำลัง......ตะวัน :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 02-05-2008 16:40:23
โอ๊ยโหย๋ว....เป็นคนที่...เก็บกดได้เก่งมากกกกกกกกกกกกกกก
ฉายสู้ๆ :a4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 02-05-2008 17:36:58
สงสารฉายจัง :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 03-05-2008 02:19:29
รู้สึกว่าพี่ขุนนี่อยู่นานนะเนี่ย..............
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gagagaa122 ที่ 03-05-2008 12:11:52
 :m15:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉū
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 03-05-2008 13:12:18
ฉายน่าสงสารจัง :o12:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 03-05-2008 13:36:13
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: นึกว่าฉายจะทำจิงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 03-05-2008 13:39:47
ฉายเอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ultramanzaku ที่ 03-05-2008 13:41:08
 :o12: :o12: :o12:

น่าสงสารฉายอ่ะ






 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 03-05-2008 15:34:32
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 14

ความรัก กับนกกระเรียนตัวที่หนึ่งพันหนึ่ง


“ตะวันเป็นอะไร...เมาค้างหรือไง...นี่มันจะบ่ายสองแล้วนะ น้าว่าถ้าอีกเดี๋ยวยังไม่ตื่น น้าจะนิมนต์หลวงพ่อมาทำพีธีให้แล้ว?”แม่ถาม เมื่อเห็นพี่ตะวันเดินหัวยุ่งๆ หน้ามุ่ยๆเข้ามาในบ้าน

“ตื่นตั้งนานแล้วน้าโอ๋ แต่ตะวัน...”พี่ตะวันพูดแค่นั้นก่อนทิ้งตัวนั่งที่ข้างๆแม่

“ตะวันเป็นอะไร...ไม่สบายหรือเปล่า...ทำไมหน้าซีดๆ?”แม่หันไปถาม ก่อนยกมือแตะหน้าผากพี่ตะวันที่ค่อยๆขยับตัวเอนซบไหล่แม่

“ตะวันปวดหัว...เมื่อวานพี่ขุนลืมปิดหน้าต่างให้ตะวัน...”พี่ตะวันตอบ

“อ้าว!...ก็ไหนฉายว่าไปดู ไม่ได้ปิดหน้าต่างเหรอ?...แล้วกินยาหรือยัง?...กินข้าวหรือยัง? เดี๋ยวน้าทำให้เอาไหม?”แม่ถามพี่ตะวัน แต่กับผม ไม่รู้ว่าถามหรือแค่บ่น

“ก็ไปดู ไม่ได้ไปปิดหน้าต่างนี่...แล้วนั่นนะเมาค้างมากกว่ามั๊ง”ผมตอบ

“กินแล้ว...”พี่ตะวันก็ตอบ แต่หันมาค้อนผม

“ยาหรือข้าว?”และแม่ก็ถามพี่ตะวันกลับ และไม่ลืมหันมาค้อนผมเช่นกัน

“ทั้งข้าว ทั้งยาแหละน้าโอ๋...”

“น้าโอ๋...เมื่อวานพี่ขุนไปกี่โมง?”พี่ตะวันถามเปลี่ยนเรื่อง

“ไปตั้งแต่ทุ่มกว่าๆมั๊ง...ไม่รู้สิน้าไม่ได้มองนาฬิกา...แล้ววาดรูปเป็นไงมั๊ง?”แม่ตอบแล้วถามเปลี่ยนไปอีกเรื่อง

“ตะวันวาดก็ต้องสวยสิ น้าโอ๋!...พี่ขุนบอกหรือเปล่าว่าจะกลับเมื่อไหร่?”พี่ตะวันก็ตอบแล้วถามกลับไปเรื่องเก่า

“อ้าว...น้าจะรู้ได้ยังไง ...ไม่ได้คุยกันเหรอ?...แล้วไปวาดคราวนี้ได้กี่ตังค์ล่ะ?”แม่ก็ตอบ...แล้วก็ถามกลับไปอีกเรื่อง...ส่วนผมก็นั่งฟัง ประหยัดเวลาดีฟังทีเดียวได้สองเรื่องสองราว...

“ก็...ไม่ได้ตังค์...พี่ขุนเอากระเป๋าใบเล็กไป หรือใบโตๆไป?”

“ใบกลาง ใบสีเหลืองน่ะ...แล้วทำไมไม่ได้ตังค์ล่ะ?”

“ก็รีสอร์ทเขาสวย ตะวันกับพี่ขุนเลยขอเขานอนแลกกับค่ารูป...หน้าlow เขาเลยให้ ดีกว่าปล่อยห้องไว้เฉยๆ...ห้องที่ตะวันนอนอยู่บนภูเขา...มีอ่างน้ำกลางแจ้งด้วยนะน้าโอ๋...ตะวันแช่น้ำทั้งวันเลย กลางคืนก็เห็นดาว ตะวันอยากมีบ้านสวยๆแบบนั้นบ้างจัง เราย้ายบ้านกันไหมน้าโอ๋ ไปอยู่บนดอยกัน...ตะวันอยากมีอ่างน้ำใต้ต้นไม้ เงยหน้าก็เห็นดาว...”ท่าทางพี่ตะวันจะเพ้อเจ้ออีกนาน ถ้าแม่ไม่ขัดคอซะก่อน

“ทำไมตะวันจะไม่มี...ต้นไม้หน้าบ้านไง ตอนเด็กๆน้าเอาตะวันใส่กะละมังอาบน้ำที่หน้าบ้านออกบ่อยไป...”แม่บอกคล้ายกับสิ่งที่พี่ตะวันอุตส่าห์เล่าเหมือนกันกับที่แม่พูด พี่ตะวันที่ยังเอนตัวหนุนแม่อยู่ที่ไหล่ก็ทำแค่เงยหน้าขึ้นมองแม่ตาปริบๆ เหมือนพยายามนึกว่าไอ้ที่แม่ว่า มันเหมือนที่ตัวเองอุตส่าห์เล่าหรือเปล่า

“ตะวันว่าแช่น้ำทั้งวัน แล้วได้วาดรูปให้เขาเหรอ?”แม่ถามอย่างเพิ่งนึกได้ ว่าไอ้ที่พี่ตะวันพูดว่าทั้งวัน สำหรับคนอื่นอาจเป็นแค่สำนวน หากแต่ถ้าพี่ตะวันพูด...พี่ตะวันแช่น้ำได้ทั้งวันจริงๆ

“ก็เวลาไม่แช่น้ำตะวันก็วาดรูป...บางรูปก็วาดข้างๆอ่าง...พี่ขุนเลยเอาหมอนกับผ้าห่มมาโยนให้ตะวันนอนในอ่าง”พี่ตะวันเล่าอย่างสุดแสนจะธรรมดา ซึ่งคนที่รู้จักพี่ตะวันดีอย่างผมกับแม่ฟังแล้วก็ไม่แปลกใจอะไร เพราะสำหรับพี่ตะวันถ้าลงว่าชอบหรือกำลังเห่ออะไร ก็แทบจะผูกติดตัวไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง...ครั้งหนึ่งผมก็เคยเป็นของที่พี่ตะวันผูกติดไว้ยี่สิบสี่ชั่วโมง...ไม่ใช่แค่สำนวน แต่พี่ตะวันผูกติดผมไว้จริงๆ คือเอาเชือกคล้องคอของเจ้าตะวันฉาย ปักกิ่ง เทอเรียของพี่ตะวันมามัดเอวแล้วลากผมไปไหนมาไหนด้วยตอนที่ผมเริ่มหัดคลาน...ไม่มีใครห้าม กลับเห็นเป็นสนุก หลักฐานคือรูปถ่ายหลายสิบใบที่มักมีหน้าพ่อ หรือแม่ หรือน้าโอ๋ หรือน้ามะ โผล่มานั่งหัวเราะในรูปถ่ายด้วยเกือบทุกใบ...กับอีกบางรูป พี่ตะวันหลับอยู่กับจักรยานคันโปรดบนที่นอน...

แม่ยังถาม และพี่ตะวันตอบ และเมื่อพี่ตะวันถาม แม่ก็ตอบ ส่วนผมคงกลายร่างเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของชุดโต๊ะรับแขกไปแล้ว แม่กับพี่ตะวันเลยลืมสนใจผม...ก็ไม่ได้น้อยใจ แค่นึกขำเท่านั้นว่าผมหรือพี่ตะวันแน่ที่เป็นลูกของแม่

จนแม่ลุกไปนั่นแหละ พี่ตะวันถึงหันมามองผม แต่ก็ไม่พูดอะไรแค่มองแล้วทำหน้ามุ่ยๆเฉยๆ...ส่วนผมก็ร้อนตัววูบๆ...หรือพี่ตะวันจะได้ยินที่ผมกระซิบบอกพี่ตะวัน...

เขาว่าคนเมาน่ะ มันครึ่งหลับครึ่งตื่น...พอตาสว่าง สติมันก็กลับมาแจ่มแจ๋วเหมือนเดิม ไอ้ที่เคลิ้มตอนเมา สมองมันก็รีเวิร์ดกลับมาให้แบบไม่มีตกไม่มีหล่น...จะจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะผมเองก็ไม่เคยเมา...ผมเลยชักสงสัย ไอ้ที่พี่ตะวันหน้ามุ่ย นี่มันเรื่องโปสการ์ดหรือว่าเรื่องที่ผมแอบบอกรักเมื่อคืน...แล้วผมล่ะอยากให้พี่ตะวันจำได้หรือจำไม่ได้...

“ตะวันปวดหัวเหรอ?”

“เปล่า!”

“อ้าว ก็เมื่อกี้ตะวันบอกแม่ว่าปวดหัว”

“ก็ได้ยินแล้วถามทำไม?”

“ก็...ถามชวนคุย...อยากรู้ว่าตะวันยังโกรธอยู่หรือเปล่า?”

“แล้วรู้หรือยัง?”

“รู้แล้ว...ตะวันไม่โกรธแล้ว!”

“ใครว่า?”

“ฉายว่าไง!...ตะวันหูหนวกหรือไงไม่ได้ยินฉายพูด!”

พี่ตะวันไม่พูดอะไรอีก แค่ขยับตัวจากที่เดิม มานั่งข้างๆผม แล้วก็เอนตัวลงมาซบหนุนไหล่ผม เหมือนที่เมื่อครู่ทำกับแม่

“เดี๋ยวพี่ขุนโผล่มาเห็นก็โกรธฉายอีก!”ผมบอก ลืมสนิทว่าติ๊ต่างว่าตัวเองไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพี่ขุนกับพี่ตะวัน...

พูดเสร็จ ผมก็แกล้งขยับไหล่หนี แต่พี่ตะวันไม่ยอมลุก หัวที่หนุนอยู่ที่ไหล่ผม เลยตกซบที่อกผมก่อนค่อยๆเลื่อนลงมาหนุนตักผมซะงั๊น...และโชคดีที่บนตักผมมีหมอนรองหัวพี่ตะวันไว้อีกที...ทำไมถึงโชคดีน่ะเหรอ...ก็เพราะว่า...ชักมีอารมณ์น่ะสิ...ชักเสียดายที่เมื่อคืนทำตัวเป็นคนดี...

“อีกตั้งหลายวันกว่าจะกลับ...”พี่ตะวันตอบ ก่อนหลับตาลง...และคงลืมไปเหมือนกันว่าผมไม่รู้เรื่องของตัวเองกับพี่ขุน

“ตะวันปวดหัว ทำไมไม่ไปนอนดีๆ”ผมถาม เมื่อพี่ตะวันยกขาขึ้นมานอนขดอยู่บนโซฟา ทำท่าคล้ายจะนอนเสียตรงนี้

“ก็นี่ไงนอนดีๆ”พี่ตะวันตอบโดยไม่ยอมลืมตา

“ฉายหมายถึงไปนอนสบายๆที่ในห้อง!”

“ตรงนี้ก็สบาย...แล้วจะสบายกว่านี้ ถ้าฉายนั่งดูทีวีไปเงียบๆ”พี่ตะวันว่างั๊น ทั้งที่อาศัยตักผมหนุนนอนอยู่

“ก็ฉายเมื่อยขา!”ผมทวงขาผมคืน

“ก็อย่าเมื่อยสิ!”แต่พี่ตะวันตอบซะงั๊น

“หัวตะวันหนักจะตาย จะไม่เมื่อยได้ไง...เร็ว! ขึ้นไปนอนบนห้อง”ผมไม่พูดเปล่า แต่ขยับเข่าสองข้างไม่หยุด แกล้งไม่ให้พี่ตะวันนอน

“ฉาย!...พี่ปวดหัวนะ!”

“ก็ขึ้นไปนอนบนห้องสิ!”

“ขี้เกียจเดินแล้วนี่นา!”

“งั๊นฉายอุ้มมั๊ย?”ผมถาม ไหลไปตามบทสนทนา แต่ก็คงทำอย่างนั้นจริงๆโดยไม่รู้สึกอะไร ถ้าพี่ตะวันยอม แถมเดียวนี้พี่ตะวันตัวเล็กกว่าผมตั้งเยอะ ผมอุ้มได้สบายๆ

“ไม่เอา...อยากนอนตรงนี้แหละ...”

“ตะวันนี่ โตจนป่านนี้ยังขี้อ้อน!”แม่พูด เมื่อเดินออกจากครัว มานั่งลงที่เดิม พร้อมวางชามสีเขียวที่ใส่ทับทิมที่แกะเป็นเม็ดๆสีแดงๆ ตัดกันฉับกับสีของชาม ลงบนโต๊ะ

“แต่ฉายขี้งอน!”พี่ตะวันว่า พลางลืมตามองว่าแม่วางอะไรลงบนโต๊ะ

“ฉาย เอาใส่ปากให้หน่อย”พี่ตะวันสั่ง ทั้งที่เพิ่งว่าผมไปหยกๆ

“ฉายไม่ได้งอน!”ผมพูด พร้อมหยิบเม็ดทับทิมใส่ปากตะวัน ที่แกล้งงับปลายนิ้วผม...เลยยิ่งทำให้อารมณ์ผมเตลิดไปใหญ่

“ไม่งอนอะไร!...ไม่สนใจโปสการ์ดที่ตะวันอุตส่าห์เอามาฝาก...ตะวันวาดรูปเองด้วย...ฉาย เอาอีก”พี่ตะวันฟ้องแม่ แถมท้ายด้วยสั่งผมให้หยิบทับทิมใส่ปากให้อีก ซึ่งผมก็เต็มใจเพราะชอบความรู้สึก เวลาที่ปลายลิ้นพี่ตะวันแตะโดนปลายนิ้วผม

“จริงสิ? ไหนน้าขอดูหน่อย”

“ตะวันฉีกทิ้งหมดแล้ว!”ผมบอก

“ก็ฉายไม่ยอมดู!”พี่ตะวันเถียง

“แม่ว่า อย่างนี้ใครขี้งอน?”ผมถามแม่

“น้าโอ๋...ตะวันอยากขึ้นไปอยู่บนดอย”พี่ตะวันเปลี่ยนเรื่อง แม่เลยไม่ต้องตอบว่าใครกันแน่ขี้งอน หากแต่ก็มองสบตากับผมก่อนยิ้มและถอนใจ เป็นอันรู้กันว่า...พี่ตะวันขี้อ้อน

“ตะวัน...อยากมีอ่างอาบน้ำกลางแจ้ง...ตอนกลางคืนก็เห็นดาว...ตะว...”ผมช่วยต่อให้ แถมเลียนเสียงอ้อนยานคางของพี่ตะวัน แต่พูดได้แค่นั้น เพราะพี่ตะวันยกแขน กำหมัดฟาดเข้าปลายคางผมเต็มๆ

“โอ๊ย...ตะวัน!...ฉายเจ็บนะ!”ผมโวย ลืมตัวผลักพี่ตะวันกลิ้งตกลงไปบนพื้น

“โอ๊ย!...ฉาย!...พี่เจ็บนะ!”พี่ตะวันลุกขึ้นมาโวยบ้าง เรียงประโยคเหมือนผมเป๊ะโดยไม่ได้ตั้งใจ...ซึ่งก็ไม่แปลกเท่าไหร่ ก็ผมโตมากับพี่ตะวัน เดินตามหลังพี่ตะวันต้อยๆมาแต่เด็ก พี่ตะวันแหละเป็นคนสอนผมพูด คำหลายๆคำ...ประโยคหลายๆประโยค...วิธีและสำเนียงเสียงพูด ก็เลียนเสียงมาจากพี่ตะวันทั้งนั้น

แล้วผมก็ล้มตัวลงไปนั่ง พี่ตะวันยืนหน้างอ จับหัวตัวเองปอยๆ มองผมขยับตัวนั่ง...จนเข้าที่เข้าทาง...พี่ตะวันก็กลับลงมานอน หนุนตักผมอีกครั้ง...แม่มองแล้วก็ถอนใจ

“น้าโอ๋บอกฉายยังว่าที่จริง...นกกระเรียนมีเกินมาหนึ่งตัว...”พี่ตะวันถามแม่ หลังจากจัดท่าให้ตัวเองนอนสบาย หัวยังหนุนอยู่บนตักผม

“นกกระเรียนอะไร?”ผมถาม หยิบทับทิมกินต่อ โดยไม่ลืมส่งเข้าปากพี่ตะวันด้วย

“ก็นกกระเรียนที่ผูกไว้ที่หน้าต่างไง...”พี่ตะวันพูดไปเคี้ยวทับทิมไปด้วย

“อ๋อ!...ที่พี่ขุนทำให้หลังจากตะวันร้องไห้อยู่สามวันสามคืนนั่นน่ะเหรอ?”ผมถามถึงวันที่พี่ตะวันคงตัดใจเรื่องน้าโอ๋ กับน้ามะ

“เออ!...ถึงคราวฉาย ฉายไม่ร้องบ้างให้มันรู้ไป!”

“ฉายร้อง...แต่ตะวันร้องมากกว่าชัวร์!”

“ขอโทษนะ...ไอ้ที่คุยกันอยู่...ที่ว่าถึงคราวฉายนี่...หมายถึงแม่หรือเปล่า?”แม่ขัด และเราเพิ่งนึกได้

“น้าโอ๋...ตะ...”พี่ตะวันคงหวังเปลี่ยนเรื่องอีกตามเคย แต่แม่ขัด

“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง!”

“ไม่ได้เปลี่ยนสักหน่อย กำลังจะกลับเรื่องเดิมต่างหาก...”พี่ตะวันพูดอุบอิบ เบาจนแม่ไม่ได้ยิน แต่ผมได้ยิน

“บ่นอะไร ไม่ได้ยิน!”แม่ถาม

“ตะวันบอกว่า...”แต่ผมเป็นคนตอบ แต่โดนพี่ตะวันขัดด้วยกำปั้นที่ยกขึ้นมาซัดคางผมเต็มๆอีกครั้ง

“ตะวัน! ฉายเจ็บ!”ผมพูด คราวนี้เอามือกระตุกผมพี่ตะวันแทนการผลักตกพื้น

“ก็เงียบสิ...คนจะนอน หนวกหู!”พี่ตะวันว่างั๊น

“งั๊นก็ขึ้นไปนอนข้างบน!”ผมไม่พูดเปล่า ลุกขึ้นยืนไม่สนใจหัวพี่ตะวันที่หล่นหงายลงไปบนเบาะ

“ฉาย!”พี่ตะวันร้องได้เท่านั้น ก่อนกอดผมแน่น เมื่อผมก้มลงช้อนพี่ตะวันขึ้นมาอุ้มได้แบบสบายๆ

ผมหัวเราะ ซุกหน้าลงใกล้ๆแก้มพี่ตะวันอย่างลืมตัว

“เดี๋ยวฉายมานะแม่ เอาตัวหนวกหูไปเก็บก่อน!”ผมบอกก่อนอุ้มพี่ตะวันเดินลิ่ว ไม่สนใจแม่อีก...

ไม่ใช่ไม่สนใจแม่อีก...แต่ต้องบอกว่า...พยายามไม่สนใจ...

เพราะเมื่อผมบอก...เดี๋ยวฉายมานะแม่ เอาตัวหนวกหูไปเก็บก่อน...ผมบอกและหันไปสบตาแม่...และทันได้เห็น...แม่ขมวดคิ้วมองดูผม สลับกับพี่ตะวัน ที่ยังหัวเราะและกอดคอผมแน่น ...มือแม่ที่กำลังหยิบทับทิมใส่ปาก ก็ค้างไว้ห่างจากปากแค่นิดเดียว...

ผมรู้...ไม่ใช่แม่ตกใจ ที่เดี๋ยวนี้ผมโตจนอุ้มพี่ตะวันขึ้นมาได้ง่ายๆ...

ผมรู้...และนึกถึงวันนั้น...วันที่ผมบอกแม่...ฉายอกหัก...

ผมรู้...แม่ยังไม่ลืม หรือถ้าลืม ตอนนี้แม่ก็จำได้...ผมเคยบอกผมรักพี่ตะวัน

พี่ตะวันยังพูดเรื่องนกกระเรียนตัวที่หนึ่งพันหนึ่งไม่เลิก จนผมวางพี่ตะวันลงบนตียง

“ตะวันนอนซะนะ...”ผมบอกพี่ตะวัน

“ฉายเป็นไร หน้าหงิกเชียว?”พี่ตะวันถาม เมื่อปล่อยแขนออกจากคอผม เมื่อได้เห็นหน้าผม

“เปล่า...”ผมตอบ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่เปล่า...วันนี้ผมไม่ใช่เด็กชายตะวันฉาย...ที่แม่พูดเล่นๆด้วยได้ว่า...อย่าบอกใครนะอายเค้า!...

วันนี้ผมโตเป็นหนุ่มแล้ว...ความรักของผม มันแตกต่างจากวันนั้น...แม่คงรู้ เมื่อเห็นผมเผลอไผลฝังหน้าซุกแก้มอุ่นๆของพี่ตะวันอย่างลืมตัว...

ต่อไปแม่คงรู้...เมื่อผมเอื้อมมือคว้าเอวพี่ตะวัน...ใจผมมันต้องการมากกว่านั้น

ต่อไปแม่คงรู้...ใจผมไม่บริสุทธิ์...แล้วผมจะตีหน้าซื่ออยู่ได้ยังไง...

“เป็นอะไร?”พี่ตะวันถามย้ำอีกครั้ง ผมจึงทรุดตัวลงนั่งข้างๆพี่ตะวัน

“ตะวันจำวันที่เรานั่งคุยกัน ตอนที่น้าโอ๋ไปแล้วสักสองสามวันได้ไหม?”

“ไม่...ตอนไหนล่ะ”

“ก็ตอนที่นั่งกินข้าวกันไง...”

“ช่วยคิดก่อนนะแล้วค่อยตอบ!”ผมรีบบอกเมื่อพี่ตะวันทำท่าจะอ้าปากตอบ โดยไม่ยอมคิดสักนิด พี่ตะวันเลยหุบปากลง ก่อนกรอกตาไปกรอกตามา

“ใครจะไปจำได้...พี่กินข้าววันละสามมื้อ มื้อละสองจาน...ฉายบอกมาสิว่าจะเอาจานไหน”คราวนี้พี่ตะวันคิดก่อนตอบ...ซึ่งก็จริง

“แล้วมันมีอะไรล่ะ”พี่ตะวันถามต่อเมื่อผมมองหน้าพี่ตะวันอย่างอ่อนใจเต็มที

“เปล่า”ผมบอกก่อนลุกขึ้นหวังจบการสนทนาแค่นั้น

“เปล่าแล้วพูดถึงทำไม?”แต่พี่ตะวันไม่ยอม

“ก็ตอนที่ฉายบอกว่าฉายรักตะวัน!”ผมพูดออกมาในที่สุด

“จำไม่ได้...แล้วมันมีอะไรล่ะ”พี่ตะวันซื่อบื้อ ฟังผ่านหู ไม่ผ่านหัว และตอบแบบไม่คิดอีกตามเคย

“ก็ถ้าจำไม่ได้ก็ช่างมันเถอะ!”

“ก็อะไรล่ะ?”

“ก็แค่จะบอกว่า...วันนั้นผมไม่ได้พูดเล่น ผมพูดจริงๆก็เท่านั้น!”

“พูดเรื่องอะไร?”

“ก็เรื่องที่ฉายบอกว่า รักตะวันไงเล่า!”ผมบอกอย่างรำคาญ ก่อนกระแทกเท้า กระแทกประตูปิด แล้วเดินลงมาข้างล่าง ไม่สนใจสักนิดว่าพี่ตะวันจะทำหน้าหรือมีปฏิกิริยายังไง

“ตะวัน!”ผมตะโกนเมื่อเดินมาถึงชั้นล่างและนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“อะไร!”และพี่ตะวันตะโกนตอบจากชั้นบน

“แล้วอย่าลืมกินยานะ!”ผมตะโกนบอก คราวนี้พี่ตะวันเงียบไม่ตอบ

“ตะวัน!...ได้ยินไหม?!”ผมตะโกนถามย้ำ

“เออ! รู้แล้ว!”พี่ตะวันตะโกนตอบ

“ยาน่ะ ถ้าไม่กินให้ตรงเวลามันก็ไม่หาย...กินไปก็เปลืองเปล่าๆ ได้ยินไหม?”ผมตะโกนถามย้ำ เพราะพี่ตะวันเป็นประเภท ไข้ลดปุ๊บ ก็ทิ้งยาปั๊บ ไข้เลยกลับทุกที

“เออ...รู้แล้ว พูดมาก...หนวกหูโว๊ย!”พี่ตะวันตะโกนตอบอีกครั้ง และเมื่อได้คำตอบที่น่าพอใจ ผมก็เดินกลับบ้าน


ผมชื่อตะวันฉาย...อายุมากกว่าตอนที่แล้วแค่หนึ่งวัน

นกกระเรียนที่ผูกไว้ที่หน้าต่างบ้านพี่ตะวัน นับอายุรวมแล้วน่าจะสัก หกเจ็ดปี...มันมีหนึ่งพันกับหนึ่งตัวมาหกเจ็ดปีแล้ว แต่ผมเพิ่งรู้ก็วันนี้

เหมือนที่ครั้งหนึ่งเมื่อผมบอกแม่ว่า...ผมอกหัก...

เหมือนที่ผมรักพี่ตะวัน นับอายุความรักแล้วก็ สิบสองปี...ผมรักของผมมาสิบสองปีแล้ว...แต่แม่กับพี่ตะวัน คงเพิ่งรู้ก็วันนี้แหละ...

ความรักของผม จึงเหมือนนกกระเรียนตัวที่หนึ่งพันหนึ่ง...คงอยู่มานาน หากแต่คงเพิ่งรู้ว่ามีอยู่...

จบ...ความรัก กับนกกระเรียนตัวที่หนึ่งพันหนึ่ง


หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 03-05-2008 15:45:11
บอกไปแล้ววววววววววววววว แต่ทำไมตะวันยังเฉยอีกล่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: yukisaki ที่ 03-05-2008 16:31:51
นั่นจิๆ   ตะวันเอ๊ย  วันไหนไม่มีฉายแล้วจะรู้สึก~!!!  :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 03-05-2008 18:19:45
ความรัก ข้างเดียวที่ยาวนาน มันคงใกล้ถึงจุดที่มันต้องเปลี่ยนบ้างแล้วล่นะ
แต่..มันจะไปในทางไหนว้า...... :sad2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 03-05-2008 19:16:27
แหมมมมมมม

ตอนแรกก็ลุ้นอยู่ว่านกกระเรียนตัวที่หนึ่งพันหนึ่งเกี่ยวกันยังไง

มันก็เป็นแบบนี้นี่เอง 555+
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 03-05-2008 21:00:03
ชอบจัง เอาเรื่องมาผูกกันได้ "มีมานานแล้ว แต่พรุ่งนี้วันนี้"

แล้วตะวันทำไมเฉยหละ  o12 o12 o12
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gagagaa122 ที่ 03-05-2008 21:12:54
โอ่ย อ่านตอนนี้แล้วใจจะขาด


"...คงอยู่มานาน หากแต่คงเพิ่งรู้ว่ามีอยู่..."


เฮิทเหลือเกิน สงสารฉายอะ  :m15:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 03-05-2008 21:35:39
โอ้ :a6:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 04-05-2008 00:41:12

แล้วแม่จะว่าไงน๊อ  :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gift_deb ที่ 04-05-2008 15:36:35
หวังว่าฉายคงไม่เป็นเหมือนหมอเสริมนะ แบบว่าเก็บกดอะไรทำนองนี้
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 04-05-2008 15:39:51
ได้บอกไปแล้ว คงโล่ง แต่ ก้อเครียดอยู่ว่าไม่มีการตอบรับจาก ใครสักคน ทั้งแม่ และตะวัน
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 04-05-2008 18:51:47
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 15

ความรัก ทำให้ผมตาบอด


โต๊ะกินข้าวมื้อเย็น ไม่มีอะไรผิดปกติไปจากมื้อเช้า...มื้อเมื่อวาน หรือมื้อไหนๆเลยสักนิด...

แม่ยังนั่งคุยกับพี่ตะวัน...

พี่ตะวันยังกินข้าวสองจาน...และกินกับมากกว่าข้าว

และผมเป็นคนเก็บจานไปล้างหลังจบมื้อนั้นลง...

โต๊ะหน้าทีวีคืนนั้น ก็ไม่มีอะไรผิดปกติไปจากคืนเมื่อวาน หรือคืนไหนๆ เลยเช่นกัน...

แม่คุยกับพี่ตะวันบ้าง...

พี่ตะวันแอบเปลี่ยนช่องทีวี เมื่อแม่ลุกไปช่วงโฆษณาบ้าง...

และผมโดนดึงไปเป็นพวก เพื่อ ตัดสินว่าจะดูช่องไหนระหว่างช่องที่แม่อยากดู กับช่องที่พี่ตะวันจะดู...แน่นอนน่าเบื่อสำหรับผมทั้งสองช่อง...

ผมไม่รู้ว่าจะเบาใจดี ที่ทุกอย่างดูเป็นปกติ หรือจะหงุดหงิดใจ ที่คำสารภาพรักของตัวเองปราศจากการถูกเหลียวแลดี...ผมตัดสินใจไม่ถูกจริงๆ...

เมื่อยังตัดสินใจไม่ถูก ผมก็เลยปล่อยมันไปเรื่อยๆ

ความปกติผ่านไปอีกสองวัน พี่ขุนก็กลับมา...

แล้วทุกอย่างก็เหมือนปกติ...

พี่ขุนแวะมาที่บ้าน เพราะรู้ว่าพี่ตะวันคงมาคลุกอยู่ที่นี่ เมื่อพี่ขุนไม่อยู่

พี่ขุนยิ้ม...พี่ตะวันหัวเราะ...

คุยกันหอมปากและหอมคอ แล้วพี่ขุนก็ชวนพี่ตะวันกลับ...

เมื่อพี่ขุนบอกพี่ตะวันว่า...ไป กลับเหอะ...พี่ขุนยกแขนขึ้นโอบบ่าพี่ตะวัน...พี่ตะวันเหลือบตามามองผม...แม่ก็เหมือนกัน...

ผมถึงรู้ว่า...จริงๆแล้วไม่ปกติ...

ถึงเสียงหัวเราะในใจมันจะค้างขึ้นมากะทันหันอย่างกับมีคนมากดปุ่มpauseเอาไว้ เมื่อเห็นแม่กับพี่ตะวันเหลือบตามามอง...แต่ปากผมก็ยังยิ้ม แบบไม่ค้าง เหมือนไม่เห็นความผิดปกติ

พี่ขุนเดินออกจากบ้านไปพร้อมพี่ตะวัน โดยไม่ผิดสังเกตอะไร...คงเหมือนผมเมื่อวาน...หรือเมื่อ สองวันก่อน ที่คิดว่าทุกอย่างเป็นปกติดี

“แม่รู้เรื่องพี่ตะวันกับพี่ขุนด้วยเหรอ?”ผมถามขึ้น เมื่อพี่ตะวันกับพี่ขุนคล้อยหลังไปแล้ว...ผมถาม เพราะถ้าแม่มองผมอย่างเห็นใจแบบนั้น แม่ย่อมรู้ความสัมพันธ์ของพี่ขุนกับพี่ตะวัน และแม่คงรับรู้แล้วด้วยว่าผมรู้สึกยังไงกับพี่ตะวัน

“รู้เรื่องอะไร?”แต่แม่กลับถาม

“...ก็ เรื่องว่าพี่เขาเป็นอะไรกัน?...”ไม่มีเหตุผลที่ต้องเสแร้งแกล้งทำซื่อ ยังไงผมก็คิดว่าแม่รู้อยู่แล้วแน่ๆ

“ฉายถามยังกับมันเป็น...ความลับ?”แม่พูดในสิ่งที่เหลือเชื่อ...ก็ผมคิดว่ามันเป็นความลับน่ะสิ...ถึงพี่ขุนจะมากิน มานอนอยู่บ้านพี่ตะวันร่วมสิบปีแล้วก็เหอะ

“ฉายนึกว่าแม่ไม่รู้...”

“ตาแม่ไม่บอดนะฉาย!”

“แล้วพี่กบกับพี่ปาล่ะ?”

“กบ? ก็อยู่ขอนแก่นไง ส่วนปา ไม่เจอมาชาติเศษแล้ว!”แม่ตอบ ซึ่งบางครั้งผมว่าอาการตอบพาซื่อที่ไม่รู้ว่าซื่อจริงหรือแกล้งซื่อของพี่ตะวันก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่นี่แหละ

“ฉายหมายถึงที่พี่เขาก็เป็นแฟนกับตะวัน ไม่ใช่แค่เพื่อน!”ผมพูดออกมาตรงๆ และแม่ถอนหายใจ...เป็นอันว่าแม่รู้...ผมแปลได้จากเสียงถอนหายใจของแม่

“แม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ผมถามเพราะอยากรู้ว่า ตัวเองซื่อบื้อ หลงคิดว่าตัวเองช่วยเก็บความลับของพี่ตะวันมากี่ปีแล้ว

“แล้วตะวันรู้หรือเปล่าว่าแม่รู้?”ผมถามเพราะอยากรู้ว่า ตัวเองหลงคิดไปเองคนเดียวเรื่องไหนบ้าง

“แล้ว...พ่อ...”มีอีกมากมายหลายคำถามที่คงพรั่งพรูออกจากผม โดยไม่นึกรอฟังคำตอบจากแม่ หากแม่ไม่ขัดขึ้นมาก่อน

“ฉาย!”แม่เรียกผม...ผมถึงรู้ ทุกคำถาม ผมไม่ได้ต้องการคำตอบ ไม่ได้อยากรู้อะไร มากไปกว่าปิดบังความเสียใจและผิดหวังของตัวเอง

ตลอดมาผมไม่เคยสนใจ...พี่ตะวันจะคบกับพี่ขุนยังไง...แม้อิจฉา แต่เมื่อมันเป็นความลับ...ก็ไม่มีใครรู้ว่าพี่ตะวันน่ะเป็นของพี่ขุน

แต่วันนี้ไม่ใช่...แม่รู้...แม่เองก็ยอมรับ...แม่รู้ พี่ตะวันเป็นของพี่ขุน...มันไม่เป็นความลับอีกต่อไป...พี่ตะวันไม่ใช่ของผม...ผมแกล้งหลอกตัวเองไม่ได้อีกต่อไป...

“ฉาย...”แม่เรียกชื่อเบาๆ...น้ำเสียงคล้ายจะปลอบประโลม...ซึ่งนับครั้งได้ที่แม่จะเรียกผมด้วยน้ำเสียงแบบนี้...ครั้งที่หนึ่ง...ใช่เป็นครั้งแรก...

“ตอนเด็กๆ ฉายเคยบอกแม่ว่าฉายอกหัก...”แม่เกริ่น แบบที่ผมรู้ว่าแม่จะถามอะไรต่อ

“ตอนนี้ ฉายก็ยังอกหักเหมือนเดิม!”ผมตอบ โดยไม่ต้องรอให้แม่ตั้งคำถาม

“แม่ไม่คิดว่า...”แม่พูดเท่านั้น คล้ายไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ผมเองก็สุดจะเดาว่าอะไรคือสิ่งที่แม่อยากจะพูด

“แม่ไม่ได้คุยอะไรกับตะวันใช่ไหม?”ผมถาม มันคงยิ่งแย่ถ้าพี่ตะวันรู้ว่าแม่รู้ และก็แย่อีก ถ้าแม่รู้ว่าพี่ตะวันรู้

“คุยเรื่องอะไร?”คราวนี้ผมรู้ว่าแม่ไม่ได้แกล้งซื่อ

“ก็เรื่อง...”

“แม่ไม่พูดหรอก!”แม่รีบปฏิเสธ ไม่ต้องรอให้ผมพูดจบ

“ทำไมล่ะ?”ผมกลับเป็นฝ่ายติดใจเสียเองเมื่อแม่ปฏิเสธเสียเสียงแข็ง...ผมติดใจ การที่แม่ไม่พูดเพราะอะไร...เพราะมันไม่สมควรพูด หรือเพราะผมไม่สมควรรักพี่ตะวัน

“อ้าว!...หรือฉายอยากให้แม่พูด?”

“เปล่า ฉายแค่อยากรู้ว่าทำไม แม่ถึงบอกว่าแม่ไม่พูด...แม่ทำยังกับว่าถ้าตะวันรู้...”อีกครั้งที่ผมพูดไม่จบ

“ถ้าตะวันรู้...จะสบายใจหรือไง ทั้งฉาย ทั้งตะวัน?”แม่ถามตรงจุด แต่สายไปแล้ว...

“แม่ไม่เห็นหน้าตะวันเมื่อกี้หรือไง?”ผมถาม

“หน้าตะวันทำไม?”แม่ตอบด้วยคำถามที่ทำให้ผมนึกขัน

แม่กับพี่ตะวันต่างคนต่างเสแสร้ง แกล้งทำตัวเป็นปกติ หากแต่กลับมองไม่เห็นความผิดปรกติของกันและกันเอง...

“ตะวันก็มองฉายเหมือนที่แม่มองไง...ตอนพี่ขุนกอดตะวัน”

“กอดที่ไหนกัน!”

“อือ...แปลว่าแม่รู้ว่าตอนไหน!”

“แล้วทำไมตะวันรู้”

“ก็ฉายบอก”

“แล้วตะวันว่าไง”

“ไม่รู้...ก็ไม่เห็นว่าไงนี่”

“แม่รู้เรื่องตะวันตั้งแต่เมื่อไหร่?”ผมเปลี่ยนกลับมาเป็นคนถาม เมื่อเริ่มขี้เกียจเป็นคนตอบ

“ก็...”

“ตั้งแต่พี่กบเลยหรือเปล่า?”

“ถ้ารู้ตั้งแต่ตอนนั้น แม่ไม่เอาพี่กบไว้แล้ว ตอนนั้นตะวันยังเด็กอยู่เลย...นายปาอีกคน...นายขุนด้วย!”

“ก็ฉายเห็นแม่เปิดผ้าม่านแอบดูพี่กบกับตะวันบ่อยๆ”

“ก็แค่สงสัย...นี่ฉายรู้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วเหรอ? แล้วทำไมไม่บอกแม่?”

“แล้วตะวันรู้หรือเปล่า ว่าแม่รู้?”ผมถามต่อไม่สนใจจะตอบ

“รู้สิ...ตอนแรกแม่ก็สงสัย เลยลงแย้บๆดู...ถามมันว่า พี่ขุนไม่อยู่หลายวันไม่คิดถึงหรือไง...มันก็บอกว่าคิดถึงสิ...”

“ตะวันก็บอกว่าคิดถึงฉาย ตอนฉายไปเรียน...”ไม่ใช่เรียกร้องสิทธิ์ แต่แค่เตือนแม่ว่า แค่นั้นมันไม่ให้คำตอบอะไรได้เท่าไหร่เลย...

“ก็ แม่ก็ถามมันว่า ใช้ถุงยางบ้างหรือเปล่า...”แม่ขยายความอีกนิดเบาๆ แต่ยกมือขึ้นทำท่าปาดเหงื่อที่หน้าผากแรงๆ

“แม่ถามงั๊นเลยเหรอ?.”ถ้าเทียบกับตัวเองแล้ว บางทีผมก็ทึ่งกับความกล้าของแม่

“ก็อยากรู้นี่นา ...จะให้ถามว่าไงล่ะ?”ฟังคล้ายจะเป็นคำถาม แต่จริงๆแม่แค่ต้องการแจงเหตุผลของตัวเอง

“แล้วตะวันว่าไง?”

“มันตอบว่า...ใช้ทำไม ตะวันมีพี่ขุนคนเดียวเท่านั้นแหละ พี่ขุนก็มีตะวันคนเดียว...”แม่พูด เหลือบตามองดูผม...ผมไม่แน่ใจว่า แม่เกรงใจผม...หรือกระดากปากแน่

“ชัดเจนดี!”ผมพูดก่อนถอนหายใจ เอนหลังลงพิงพนักโซฟา ที่เมื่อกี้ก่อนพี่ขุนเข้ามา ยังมีพี่ตะวันนั่งเสแสร้งแกล้งทำตัวเป็นปกติอยู่ข้างๆ

“ใช่...ชัดเจนจนไม่ต้องสงสัยอะไรอีก!”แม่พูด และทำอย่างเดียวกันกับผมคือถอนใจและทิ้งตัวลงพิงพนักโซฟา

แล้วแม่ก็ตบบ่าผมเบาๆ มองผมอย่างเข้าใจอีกครั้ง เมื่อผมนึกจะพูดอะไรออกมาอีกสักอย่าง ผมเลยต้องหุบปากเพราะจริงๆผมแค่นึกอยากจะถามแม่ว่า...ทำไมแม่ไม่ถามแค่ว่า เป็นแฟนกันหรือเปล่า ไปถามทำไมถึงถุงยงถุงยาง!...แต่เมื่อแม่มองผมอย่างเข้าใจและตบบ่าอย่างปลอบโยน ผมเลยเลือกปิดปาก ปล่อยมันเลยตามเลย...

ผมชื่อตะวันฉาย...หลงเข้าใจว่าตัวเองช่วยพี่ตะวันรักษาความลับของความรัก มาตั้งนมนาน...
ทั้งที่ความลับที่ว่า...มันเป็นแค่ความจริง ที่ไม่มีใครพูดถึง เพราะเป็นเรื่องสุดแสนธรรมดา ที่ผมหลงทึกทักเอาเองคนเดียวว่าเป็น...ความลับ

อะไรทำให้ผมคิดทึกทักเอาอย่างนั้น...

ผมตอบไม่ได้ แต่คงไม่ใช่เพราะผมโง่...หากแต่อาจจะอย่างที่ว่ากันว่า ความรักทำให้คนตาบอด...

ความรักของผมมันปิดตา ทำให้หลอกตัวเองว่าความรักของพี่ตะวันเป็นความลับ...เมื่อความจริงมันมากระตุกผมที่หนังตา...ผมถึงต้องยอมรับว่า ทุกข้ออ้างที่ผมเคยพูดไป มันก็คือความขี้ขลาดดีๆนี่เอง...

จบ...ความรัก ทำให้ผมตาบอด
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 04-05-2008 19:11:34
ความารักที่ทุกคนรูแต่ไม่มีใครพูดถึง ฟังแล้ว เจ็บจี๊ดดยังไงก้อไม่รู้เนอะ สงสารฉายจัง
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 04-05-2008 20:53:02
อ่าตอนนี้ แล้วจีดๆยังไงไม่รู้อีกแล้วอะ  o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 04-05-2008 21:07:57
เซ็งเป็ด

 :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: KiKuMon ที่ 04-05-2008 23:38:50
 o7 o7

เขียนดีจิงๆ

อ่านแล้วตลก

แต่พออ่านจบแล้วรู้สึกเศร้า
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 05-05-2008 00:28:54

เมื่อไหร่ฉายจะสมหวังบ้างน๊ะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 05-05-2008 00:43:28
เห็นด้วยครับ
ตอนอ่านอ่ะ ตลก
แต่พออ่านจบ มันรู้สึกเศร้า o7
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 05-05-2008 00:54:01
แม่ฉายนี้แรงงงงงงงงงงงงงงงงงงงดีจัง ตลกดีด้วย

แต่ทำไมยิ่งอ่าน ยิ่งหัวเราะและเครียดไปในเวลาเดียวกันก็ไม่รู้ เฮ้อออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 05-05-2008 02:29:02
แม่ฉายดูเก่งๆนะ

หรือฉายประมาทแม่ตัวเอง............
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 05-05-2008 10:33:10
 :m23:ก่อนอื่นต้องขอโทษคุณทิพก่อนนะ ที่เราแอบไปอ่านเรื่องนี้มาแล้ว
ตอนนี้เรารู้สึกเจ็บในใจยังไม่หาย  :o12:คุณภัคดี นี่เขียนนิยายได้เก่งจริงๆ o13
เรื่องที่แล้วว่าจี๊ดแล้ว เรื่องนี้จี๊ดกว่า10เท่าเลย อยากร้องให้ตามแต่ร้องไม่ออก
บอกไดเพียงว่าดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่เราก็ไม่สามารถที่จะอ่านอีกรอบได้อีกอ่ะ :sad2:
ไม่รู้จะพูดอะไรได้อีก...ไปเศร้าต่อดีก่า :o12:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 05-05-2008 11:50:30
บอกรักไปแล้ว

ยังเมินเฉยหรือยังไงกันแน่

สงสารฉาย
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ultramanzaku ที่ 05-05-2008 12:30:37
มาต่อแล้ว

เย้ๆ

 o13 o13
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 05-05-2008 15:39:04
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 16

ความรัก กับเรื่องเศร้าของผม ไม่ใช่เขา


“ตะวัน!”ผมตะโกนเรียกพี่ตะวันจากริมรั้วหน้าบ้านตัวเอง มือนึงบิดแฮนด์เวสป้าเร่งเครื่องให้ดังหึ่มๆ ในขณะที่อีกมือบีบแตรเสียงแหลมๆ ดังแข่งไปกับเสียงเร่งเครื่องและเสียงตะโกนเรียกชื่อพี่ตะวัน

“ฉาย ! หนวกหู! เรียกเฉยๆ ไม่ต้องบีบแตร ไม่ต้องบึ่นเครื่อง ไม่ได้หรือไง?”แม่ชะโงกหน้าออกมาทางหน้าต่าง เพื่อตะโกนถาม ก็พอดีกับที่พี่ตะวันวิ่งออกมาจากบ้าน โดยมีพี่ขุนเดินตามมาอย่างเนื่อยๆ

“เร็วๆ”ผมเร่ง เมื่อพี่ตะวันเปลี่ยนเป็นเดินเอื่อยๆ แถมก้มลงเด็ดหญ้าแปลกปลอมต้นสองต้น ที่ขึ้นอยู่ใต้ต้นดอกทานตะวันข้างหน้าต่าง

สงกรานต์ปีนี้ ก็เหมือนกันกับทุกปีที่ดำเนินมาร่วมสิบปี ที่ผมกับพี่ตะวันไม่ได้เล่นสาดน้ำเหมือนคนอื่นๆ หากแต่พี่ตะวันจะซ้อนเวสป้าผม ออกไปให้คนอื่นสาดน้ำเล่น

...ขี่รถอ่อยสาว...พี่ขุนเรียกกิจกรรมขี่รถเล่นน้ำของผมกับพี่ตะวันอย่างนั้น

“สีจะแห้งทันแน่นะตะวัน เดี๋ยวกางเกงเปื้อน...ขี่ๆไปสีหลุด อายเค้าแย่”ผมถามในเมื่อคืนที่ผ่านมา ที่พี่ตะวันมานั่งวาดดอกทานตะวัน สีเหลืองสดใส บนรถเวสป้าคันเก่าของพ่อที่ปีนี้ผมเอาไปทำสีใหม่เป็นสีฟ้าสด ซึ่งตัดกับสีเหลืองสดใส ของดอกทานตะวันที่พี่ตะวันบรรจงวาดทั่วทั้งคันรถ

“ก็ใส่กางเกงสีเหลืองหรือสีฟ้าสิ!”พี่ตะวันแนะ ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้ เพราะทุกปี ทั้งผมกับพี่ตะวันจะใส่แต่กางเกงเลเนื้อบางสีขาว ที่เวลาโดนน้ำแล้วใสแจ๋ว เป็นที่มาของคำว่า...ขี่รถอ่อยสาว...ของพี่ขุน

“เห็นแล้วน้ำลายมันไหล!”แรกๆพี่ขุนเคยพูดไปมองขาพี่ตะวันผ่านกางเกงเลเนื้อบางที่ยังไม่ทันผ่านน้ำไป

“ใช่ม๊า?”พี่ตะวันถาม ยิ้มร่าอย่างภูมิใจ

“ใช่!...เห็นแล้วหิวเลย...เหี่ยวๆแห้งๆเหมือนขาไก่!...น้าโอ๋เย็นนี้ทอดขาไก่กินกันดีกว่า!”พี่ขุนตอบ ก่อนหันไปบอกกับแม่ ตาก็ยังแกล้งชำเลืองมองขาพี่ตะวัน ที่ตอนนี้หุบยิ้มแทบไม่ทัน

แต่ถึงพี่ขุนจะว่ายังไง ผมกับพี่ตะวันก็นุ่งกางเกงขาวใส... ขี่รถอ่อยสาว...กันทุกวันสงกรานต์

ปีนี้ผมใส่เสื้อลายดอกสีชมพูแจ่ม ส่วนพี่ตะวันใส่สีส้ม ทับเสื้อยืดสีขาวข้างใน ห้อยหมวกกันน๊อคแบบครึ่งหัว สีเดียวกันกับเสื้อที่หลังคอ

“ตะวัน หมวกกันน๊อค เขาไว้ใส่บนกบาลนะ ไม่ใช่หลังกบาล ใส่เดี๋ยวนี้!”แม่ชี้มือ มองออกมาจากหน้าต่างห้องนั่งเล่น แต่พี่ตะวันทำหูทวนลม

“ตะวัน!”แม่ทำเสียงเข้ม แต่เมื่อพี่ตะวันยังทำหูทวนลม แม่เลยผละจากหน้าต่าง...ไม่ต้องบอกก็เดาออก ว่าอีกเดี๋ยวแม่ต้องมาโผล่ที่ประตู...แล้วครึ่งนาทีต่อมาก็ต้องมายืนอยู่ตรงนี้

“ไปเหอะฉาย!”พี่ตะวันคงคิดเหมือนกัน เลยเร่งผม พร้อมทำท่าจะกระโดดขึ้นซ้อนท้ายเวสป้า แต่พี่ขุนคว้าคอเสื้อไว้เสียก่อน

“ไปงี้ พี่ก็หูแฉะน่ะซิ!”พี่ขุนว่า

จริงอย่างที่คิด ไม่ถึงนาที แม่ก็มายืนอยู่ตรงหน้า และพี่ตะวันก็ต้องเอาหมวกกันน๊อคขึ้นไปไว้บนกบาลอย่างที่แม่ว่า

“เขาสาดน้ำ แล้วรถล้มขึ้นมาจะทำยังไง!”แม่บ่นไปพลาง มองดูพี่ตะวันเอาหมวกขึ้นมาใส่ไว้บนกบาลไปพลาง...ส่วนผมน่ะ ใส่ไว้อยู่แล้ว เพราะประสบการณ์หลายๆปีที่ผ่านมามันบอกว่า ยิ่งoption เราเยอะเท่าไหร่ เราก็ยิ่งล่อเป้าได้มากเท่านั้น...ยิ่งหมวกกันน็อคสีสดๆ มันทำให้เราดูหล่อขึ้นเป็นกอง ในวันสาดน้ำแบบนี้...

“อย่าให้รู้นะว่าถอด ไม่งั๊นวันหลังจะจับใส่ แล้วล็อคกุญแจไว้!”แม่ขู่ ทำอย่างกับว่าพี่ตะวันอายุไม่กี่ขวบ ทั้งที่จริงๆปีนี้พี่ตะวันอายุปาเข้าไปตั้งยี่สิบแปดแล้ว...แต่ว่าก็ว่าเหอะ ผมว่าผมดูเป็นผู้ใหญ่กว่าพี่ตะวันเป็นไหนๆ...ไม่ใช่ว่าผมหลงตัวเองอย่างที่พี่กบเคยใช้หางตามองผม หากแต่ว่าเดี๋ยวๆใครๆก็ทักว่าผมน่ะเป็นพี่ ส่วนพี่ตะวันเป็นน้องไปซะงั๊น

“ไปนะน้าโอ๋...ไปนะพี่ขุน”พี่ตะวันบอก ก่อนขึ้นมานั่งซ้อนอยู่ข้างหลังผม

“เดี๋ยว!...นั่นตะวันใส่เสื้ออะไร?”แม่ทัก มือยึดไหล่ผมไว้แน่นเป็นสัญญาณไม่ให้ผมออกรถ ส่วนอีกมือก็ดึงเสื้อตัวนอกพี่ตะวันออกดูเสื้อตัวใน

“ใส่ตัวนี้อีกแล้ว...ช่วงนี้ยิ่งจะเลือกตั้งอยู่!”แม่โวย ผมเลยเอี้ยวตัวกลับไปดูว่าพี่ตะวันใส่เสื้ออะไร เพราะเห็นอยู่ว่าเสื้อยืดสีขาวของพี่ตะวันน่ะ มีตัวหนังสือเขียนอยู่ด้านหน้า แต่ไม่ทันอ่านว่าเขียนว่าอะไร

“เฮ้ย! ตะวัน เดี๋ยวก็โดนจับ!”ผมโวยและหัวเราะ เมื่อได้หันไปอ่านเต็มตา

...ถ้าไม่ให้ผมขายเสียง ผมก็จะไปขายตัว...เสื้อพี่ตะวันเขียนไว้อย่างนั้น

“จับทำไม อยากขายเสียงผิดตรงไหน?”พี่ตะวันเถียง ก่อนลงจากรถ เปิดเสื้อด้านหลังให้ผมดู

ด้านหลังเสื้อของพี่ตะวัน...เป็นรูปวาดล้อเลียนแบบการ์ตูน...ซึ่งก็น่าจะเป็นรูปพี่ตะวัน...หัวฟูๆ ทำท่ายืนแหกปากแหกคอ ตะเบ็งเสียง ร้องเพลง...

พี่ตะวันทำท่าภูมิอกภูมิใจ เมื่อผมนั่งหัวเราะจนเจ็บท้อง ส่วนพี่ขุนก็แค่ยิ้มอย่างหน่ายๆ

“ไปเปลี่ยนเสื้อ! ใส่ตัวนี้น้าไม่ให้ไป!”แม่พูด และยืนยันคำพูดด้วยการจิกเล็บลงบนไหล่ผม

“เจ็บ!...จะหยิกก็หยิกตะวันสิ มาหยิกทำไมฉาย...”ผมพูด พยายามเอามือเขี่ยมือแม่ออกจากไหล่ แต่ไม่ได้ผล

“เสียเวลาเดี๋ยวรถติด...”พี่ตะวันบ่ายเบี่ยงก่อนปีนกลับมานั่งซ้อนท้ายผม มือก็สะกิดเอวส่งสัญญาณให้ผมออกรถ

“ไม่ต้องมาสะกิดเลยตะวัน!...แม่จิกไหล่ฉายซะเนื้อแทบหลุดอย่างนี้ไปได้ที่ไหนเล่า!”ผมหันไปบอกพี่ตะวัน มือก็ยังพยายามแกะเล็บแม่ออกจากไหล่

“ไม่เปลี่ยนก็ถอด!”แม่ยื่นคำขาด

“ไม่เอา!...โดนน้ำ เดี๋ยวเห็นหัวนม ตะวันอาย!”พี่ตะวันว่า...เท่านั้นทั้งผมทั้งพี่ขุนก็หัวเราะพรืด ส่วนแม่ปล่อยมือจากไหล่ผม ไปตบปากพี่ตะวัน

“ตะวันพูดอะไร น่าเกลียด”แม่ว่า นอกจากจะตบปากพี่ตะวันแล้วยังหยิกไว้ไม่ปล่อย

“แม่ปล่อยแล้ว ให้ฉายไปเลยไหม?”ผมขยับไหล่ที่เพิ่งได้รับอิสรภาพ พลางแกล้งหันไปถามพี่ตะวัน ที่ตอบกลับมาอู้อี้เพราะโดนแม่หยิกปากไว้

สุดท้าย พี่ตะวันก็ต้องยอมถอด

“เอาหมวกกลับไปไว้บนกบาลด้วย...”แม่สำทับ เพราะพี่ตะวันถอดเสื้อและหมวกกันน็อคออกเพื่อถอดเสื้อยือตัวใน แต่เมื่อใส่กลับเข้าไปใหม่ พี่ตะวันแกล้งลืมหมวกกันน็อคไว้หลังคอ

พอทุกอย่างเรียบร้อย ผมก็ออกรถ ก็พอดีพี่กบที่กลับมาบ้านช่วงสงกรานต์โผล่มาพอดี

“ไปนะพี่กบ...”พี่ตะวันโบกมือให้พี่กบ ในจังหวะที่ผมชะลอเตรียมเบรก แต่เมื่อได้ยินพี่ตะวันว่างั๊น ผมก็บิดคันเร่ง ขี่ผ่านพี่กบไปซะงั๊น พี่กบเลยยกมือค้าง...

“ไหนว่าคิดถึง อยากให้พี่กบกลับมาไง?”ผมทวงคำพี่ตะวัน

“ก็ใช่!”พี่ตะวันรับคำ

“อ้าว...แล้วทำไมทักแต่...ไปนะ พี่กบ...คนคิดถึงกัน เขาทำกันเงี้ยนะ?”ผมถาม

“ก็คิดถึงไง...อยากให้กลับไง?...กลับมาแล้วก็หายอยากไง?”พี่ตะวันอธิบาย ได้เข้าข้างตัวเองและเข้าใจเองคนเดียวอีกตามเคย

“พูดอะไร ไม่รู้เรื่อง!”ผมหันไปบอก

“อ้าว!...อยากกินก็แปลว่ายังไม่ได้กิน...อยากให้อยาก ก็ต้องอย่าให้กินไง!”พี่ตะวันอธิบาย

“แปลว่าอยากให้คิดถึง ก็ต้องอย่ากลับมา?”

“แม่น!”พี่ตะวันรับคำ

“แปลว่า ตอนนี้ก็เลิกคิดถึงฉายแล้วซิ?”

“แม่น!”พี่ตะวันรับอีก ไม่ต้องเห็นหน้า ผมก็รู้ว่าพี่ตะวันคงยิ้มหน้าบาน

“แล้วอยากคิดถึงฉายหรือเปล่า?”ผมถาม

“ฉายจะไปไหน?”พี่ตะวันไม่ตอบ แต่กลับถาม หน้าก็คงหุบแล้ว

“อีกไม่กี่วันฉายก็ต้องไปไชยปราการแล้ว...”

“ไปทำไม?”

“อ้าว!...ก็ฉายได้ไปประจำที่ไชยปราการไง”ผมบอก

“ก็ไหน ฉายว่าได้ประจำที่เชียงใหม่”

“แล้วไชยปราการมันไม่ใช่เชียงใหม่หรือไงตะวัน?”

“แต่มันไกล!”

“ก็ไกล แต่มันก็เชียงใหม่...”

“แต่มันไกล!”

“ก็ใช่ แต่มันก็เชียงใหม่...”

“ไกลโคตร!”


“ไกลโคตร ก็เชียงใหม่...”

“ไกลโคตรๆเลย!”

“ไกลโคตรๆ ก็เชียงใหม่...”

“ไก...”

“ตะวัน!...จะไกลอีกกี่โคตรมันก็เชียงใหม่...พูดยังไง มันก็ไม่ใกล้ขึ้นมาได้หรอก!”ผมต้องขัด

“ก็กลัวตะวันไม่คิดถึงไง...กลัวตะวันลืม ฉายเลยไปอยู่ไกลๆ”ผมพูดและหัวเราะเมื่อคราวนี้พี่ตะวันเงียบไม่ยอมตอบ ผมรู้ว่าตอนนี้หน้าพี่ตะวันคงไม่ใช่แค่หุบแต่คงคว่ำไปเลย

“น่า...ยังไงฉายก็กลับบ้านได้ทุกอาทิตย์...”

มันเป็นวันที่ผ่านวันไม่ปกติมาแค่สองสามวัน ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างก็ดูกลับเป็นปกติดี ทั้งพี่ตะวัน แม่ รวมทั้งผม...ถึงมันจะพูดยากก็เถอะว่า ปกติ หรือ แค่ทำให้เหมือนปกติ...

“ทำใจซะ!”วันก่อนแม่บอกผมงั๊น

“เดี๋ยวก็ลืม!”แม่สำทับ

“ลืมได้ไง...ฉายรักของฉายมาตั้งหลายปี”ผมบอก

“งั๊นก็ไม่ต้องลืม!”แม่ว่างั๊น

“ไหงมันง่ายงั๊นล่ะแม่?”ผมถาม เพราะแม่เล่นพูดซะง่าย

“อ้าวก็รักมาตั้งหลายปี ก็รักต่อไปอีกหลายๆปีซิ...ไม่เห็นต่างกัน”แม่ว่า พลางลุกไปเปิดตู้เย็น เทน้ำจากเหยือกใส่แก้ว...ไม่รู้ว่าคอแห้งหรือแค่อยากตัดบท

...เออ ก็จริง!...แต่ผมก็รับในใจ มองดูน้ำที่ไหลจากปากเหยือกลงแก้วในมือแม่แล้ว ผมนึกอยากจะเปรียบเปรยว่าใจผมในตอนนี้มันโล่ง หายใจคล่องเหมือนสายน้ำที่เทจากเหยือกลงมาในแก้วไม่มีผิด แต่ก็นึกเลิกเปรียบเมื่อแม่ก้มลงไปมองอะไรสักอย่าง น้ำมันเลยกระฉอกออกจากปากแก้วซะงั๊น

“เทเผื่อฉายด้วย”ผมบอก

“ไปเอาผ้ามาเช็ดพื้น!”แม่หันมาสั่ง แลกกับน้ำหนึ่งแก้ว

ผมว่าความรักมันก็เหมือนกับน้ำหนึ่งแก้วในมือแม่...มีหรือที่มันจะได้มาง่ายดาย ไม่ต้องเอาอะไรเข้าแลก...ความรักอาจต้องใช้ความพยายามเข้าแลก เหมือนน้ำแก้วนี้ที่ผมต้องแลกด้วยผ้าขี้ริ้วมาเช็ดน้ำ...แต่พอกลับออกมาจากครัวพร้อมผ้าขี้ริ้ว ผมก็มองซ้ายมองขวาหาน้ำที่บอกให้แม่เทเผื่อไม่เจอ

“เออ...แม่ลืม!”แม่บอกอย่างเพิ่งนึกได้ และผมก็นึกได้เหมือนกันว่า...บางครั้งสำหรับความรัก ความพยายามมันก็อาจจะสูญเปล่า เหมือนผ้าขี้ริ้วในมือผม...

ทุกอย่างดูเหมือนจะกลับมาปกติ แม่เลิกพูดเรื่องนี้อีก...ผมก็เลิกพูด...ส่วนพี่ตะวันไม่ต้องเลิก...เพราะพี่ตะวันไม่เคยพูดถึงมันเลย...

ตอนเย็นพี่ตะวันมากินข้าวเย็นพร้อมพี่ขุน พี่ตะวันก็เฉยๆ...ผมไม่รู้ว่าพี่ตะวันได้บอกอะไรพี่ขุนบ้างหรือเปล่า หรือคุยอะไรกันบ้างไหม แต่ก็ไม่เห็นพี่ขุนมีทีท่าว่าจะรู้อะไรเลย...พักหลังๆ หรือจะพูดให้ถูกคือ หลังจากพี่ขุนเก็บของออกจากบ้านพี่ตะวันไปครั้งที่ผมกลับมาบ้านตอนปิดเทอมครั้งแรก...ผมก็รู้สึกว่าพี่ขุนเลิกเขม่นผมไปแล้ว...เหมือนพี่ขุนจะรู้ว่า...ยังไงผมก็เป็นได้แค่น้องเท่านั้น...

กับพี่ตะวันผมไม่รู้ว่ากลับเป็นปกติหรือแค่แกล้งกลับเป็นปกติอย่างที่ทำมาสองสามวันก่อนพี่ขุนกลับ...แต่เมื่อพี่ตะวันมานั่งหัวเราะอยู่ท้ายเวสป้าผม ผมก็ว่า ...ทุกอย่างเป็นปกติแล้ว...

การเงียบไม่พูดถึง...คือคำปฏิเสธที่ดีที่สุดแล้วสำหรับคนแบบพี่ตะวัน...ผมรู้ดี...

จะเหลือไม่ปกติก็พี่กบ ที่อ้าปากค้างตอนผมบอกพี่กบว่า แม่รู้เรื่องพี่ขุนกับพี่ตะวันแล้ว รวมถึงพี่กบด้วย

“ค้างทำไม...ไม่ดีหรือไง วันหลังจะได้เปิดอกคุย”ผมปลอบใจไปงั๊นๆ เพราะจริงๆก็ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องคุย ก็เรื่องมันผ่านไปนานโขแล้ว นานจนพี่ตะวันลืมไปแล้วมั๊งว่า พี่กบน่ะแฟนเก่าเก็บของตัวเอง...

แต่เรื่องเปิดอกคุยน่ะมันฟังดูง่าย แต่เอาเข้าจริงๆ มันพูดยาก ว่าเส้นแบ่งระหว่าง...เปิดอกคุย กับ คุยกันอย่างกระอักกระอ่วนใจ...อยู่ที่ตรงไหน

“จริงสิ?...แม่ฉายรู้จริงๆเหรอเรื่องพี่กับตะวัน?”ตอนแรกที่บอกพี่กบเรื่องแม่น่ะ ผมว่า ผมเปิดอกคุยกับพี่กบ ตอนพี่กบมาหาที่บ้าน แน่นอนว่าคุยกันตามลำพังสองคน

“เป็นไงได้ข่าวว่าเปลี่ยนแฟนอีกแล้ว?”และแม่ถามพี่กบอย่างเปิดอกหลังจากนั้น

“ก็ดีครับ...”แต่พี่กบน่ะ ตอบอย่างกระอักและกระอ่วนใจพร้อมยิ้มแหยๆ เลยทำให้แม่พลอยนึกขึ้นมาได้ว่า ผมคงคุยกับพี่กบไปเรียบร้อยแล้ว

“ก็ดี...”แม่เลยตอบพี่กบกลับอย่างกระอักกระอ่วนใจตามไปด้วย

แต่มันก็แค่แปล๊บเพราะคุยกันอีกสองสามประโยค กินหมูทอดไปอีกคนละสองสามชิ้น แถมเบียร์อีกหลายๆอึก...เราก็ลืม

ส่วนอันนี้ไม่รู้เปิดอกคุยหรือเปล่า

“ถ้าฉายต่อยกับพี่ขุน ตะวันว่าใครจะชนะ?”ผมแกล้งถามพี่ตะวัน ตอนเบียร์ผ่านคอไปหลายแก้วแล้ว

“พี่ขุน!”พี่ตะวันตอบ แก้มแดงๆ...พี่ตะวันเป็นประเภทกินแอลกอฮอล์แล้วตัวจะแดง ถึงไม่เมาก็เหอะ...

“ทำไมล่ะ? ใหญ่ๆกว่าพี่ขุน ฉายก็ต่อยคว่ำมาแล้ว...”ผมถามพลางกระดกเบียร์ไปอีกอึก

“พี่จะช่วยพี่ขุนรุมฉาย...สองต่อหนึ่ง พี่ขุนชนะอยู่แล้ว!”พี่ตะวันตอบ ก่อนใช้นิ้วดีดถั่วขึ้นฟ้า แล้วแหงนหน้าเตรียมอ้าปากรับแต่พลาดเพราะผมแกล้งเอื้อมมือมาปิดปากพี่ตะวัน...และอาจจะเพราะเริ่มมึนๆ ไอ้ที่ผมบอกว่าปิดน่ะ เลยกลายเป็นตบ จนพี่ตะวันหน้าหงายหล่นเก้าอี้ไปเลย

“ตะวันจะช่วยพี่ขุนรุมฉาย?...ฉายกับพี่ขุน จะรุมตะวันล่ะไม่ว่า!”ผมพูดไปแบบ...พล่อยๆ... โดยไม่ได้นึกวาดภาพอะไรในหัวเลยจริงๆ ...ก็จะนึกภาพอะไรได้ล่ะ ก็มัวได้ดูพี่ตะวันไต่กลับขึ้นมาบนเก้าอี้พร้อมจับปากตัวเองปรอยๆ

“เรื่องอะไร พี่ขุนจะช่วยฉาย?”พี่ตะวันหันมาตบหัวผมคืน ก่อนถามอย่างไม่เข้าใจ ในขณะที่พี่กบหัวเราะจนหน้าแดงที่ไม่ใช่เพราะฤทธิ์เบียร์

“เปล่า!...แล้ววันนี้พี่ขุนมาหรือเปล่า?”ผมตอบ และรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะตอนนี้ระบบภาพระดับสมจริงเริ่มวิ่งเข้ามาในหัว เพราะพี่กบหัวเราะอย่างมีเลศนัยนี่แหละ ส่วนพี่ตะวันน่ะหน้าคว่ำ พยายามเค้นคอจะเอาคำตอบจากผมให้ได้ ก็พอดีแม่เดินกลับออกมาจากครัวพร้อมกับแกล้มจานใหม่ที่ใหญ่กว่าจานเดิม

“หัวเราะอะไรกัน? ตะวันเป็นอะไรหน้าหงิก?”แม่ถาม พลางผลักหัวพี่ตะวันหลบเพื่อวางจานกับแกล้มลงบนโต๊ะ

“ก็ฉายบอกว่า...”พี่ตะวันเตรียมรายงาน ผมตกใจรีบกระโดดตะปบปากพี่ตะวันไว้แทบไม่ทัน แต่พี่ตะวันไม่ยอมดึงมือผมออกจนได้

“ฉายบอกว่า...ฉายกับพี่ขุนจะรุมตะวัน!”

“ไอ้ฉาย!”แม่เรียกผมเต็มยศอย่างนี้ไม่บ่อยนัก เหมือนที่ตบปากผมแบบไม่ยั้งมืออย่างที่กำลังทำอยู่ก็ไม่บ่อย และไม่บ่อยเช่นกันที่จะงอนไม่พูดกับผมไปหลายวัน

“แค่นั้นเอง ทำไมน้าโอ๋ต้องโกรธฉายขนาดนั้นล่ะ?...ตอนแรกตะวันก็บอกว่าจะช่วยพี่ขุนรุมฉายเหมือนกันนะน้าโอ๋!”ผมแอบได้ยินพี่ตะวันมากระซิบถามแม่อย่างเข้าข้างผม ในหนึ่งวันหลังจากนั้น

“ไปไกลๆเลย ไอ้ตะวัน!”แม่หันไปตอบพี่ตะวัน

แล้วอีกวัน ผมก็โดนพี่ขุนต่อยปากแตก...เดาว่าพี่ตะวันคงไปบ่นอะไรให้พี่ขุนฟัง...ผมไม่ได้ตอบโต้ เพราะผมรู้ว่าผมผิด พูดในสิ่งที่ไม่ควร

“สมควร ปากหมา!”แม่ว่า เมื่อเห็นรอยแตกที่ปากผม

ส่วนพี่ตะวันโกรธพี่ขุนไปหลายวัน

“ทะเลาะอะไรกัน?”พี่ตะวันพยายามถามหาคำตอบจากผม หลังจากไม่ได้คำตอบอะไรจากพี่ขุน

“ไหนว่าใหญ่กว่าพี่ขุน ก็ต่อยคว่ำมาแล้วไง ตัวโตซะเปล่า!”พี่ตะวันว่าให้เมื่อเห็นแผลที่ปากผม แต่ไม่เห็นสักแผลที่พี่ขุน

“ไปไกลๆเลยตะวัน!”ผมไล่ส่งบ้าง...แน่นอนไม่ใช่พี่ตะวันไร้เดียงสา รู้ไม่ทันความคิด แต่แค่เพราะพี่ตะวันไม่ทันคิด...ไม่คิดว่าน้องชายอย่างผมจะคิดอะไรแบบนั้นต่างหาก...และไม่ใช่ว่าผมคิดไปเองคนเดียว แต่เป็นพี่ขุนต่างหากที่มาบอกผม หลังจากโดนพี่ตะวันโกรธไปแล้วหลายๆวัน

“ตะวันโกรธพี่...ว่าพี่ต้องขอโทษฉาย แต่พี่ว่าพี่ไม่ผิด...พี่บอกตะวันแล้ว แต่ตะวันบอกว่า...ฉายไม่คิดอะไรสกปรกอย่างที่พี่คิดหรอก...”พี่ขุนบอก จ้องหน้าผมแล้วก็ยิ้ม...

ผมชื่อตะวันฉาย...ต้องให้บอกหรือเปล่าว่าผมรู้สึกยังไง?

จบ...เรื่องเศร้าของผม...ไม่ใช่เขา
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 05-05-2008 16:36:50
16 ตอนผ่านไป ตะวันก้ยังเหมือนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนเดิมมิเปลี่ยนแปลง
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gagagaa122 ที่ 05-05-2008 17:01:14
ทำไมตะวันเป็นคนแบบนี้  :seng2ped:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 05-05-2008 18:51:15
เรื่องนี้คนอ่าน ค่อยหายไปๆ น้อยลงเลื่อยๆ

เพราะมันเศร้าอย่างนี้เนี่ยแหละ  o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 05-05-2008 18:53:49
ฉายเอ้ยยยยยยยยยยยย


หาใหม่ง่ายกว่าป่าว

 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 05-05-2008 19:31:17
ยังคงอ่านอยู่เน้อ  ไม่หายๆ
ตะวันก็ยังคงเป็นตะวันเหมือนเดิมมมมมมมมมมมม  ฮ่วย
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 05-05-2008 19:47:13
เรื่องยุ่งๆเกิดจากเพราะ รักตะวัน

หรือเกิดจากที่ฉายรักเดียวใจเดียวกันแน่
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gift_deb ที่ 05-05-2008 19:47:37
รอความเศร้าต่อไป :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 06-05-2008 12:13:42
ต่อยฉายทำไม

สงสารฉาย

เจ็บกาย-เจ็บใจ

รักทน-รักนาน
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 06-05-2008 14:09:25
อ่านแล้วเครียดวุ้ย

 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 06-05-2008 17:28:30
คนเราเมื่อได้รักใครแล้วก้อจะรักเลย ไม่มีทางเปลี่ยน แม้ว่าเค้าจะทำยังไงกะเราก้อตาม สู้ๆๆต่อไปฉายๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 06-05-2008 19:01:33
ตะวันเอ๊ยยยยยย.... o7
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 06-05-2008 19:21:32

ฉายเอ๊ยยยยยย....  o7
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 06-05-2008 19:23:14
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 17

ความรัก ที่ผมอยากมีเอี่ยว


เรื่องบางเรื่อง...มันเกิดขึ้นรวดเร็วและผ่านไปไวเหมือนโกหก...เพราะมันรวดเร็วจริงๆ เร็วจนเผลอแป๊บ เวลาก็ผ่านไป...เหมือนช่วงตอนที่ผมเรียน ที่ผมเรียนจบได้ในเวลาไม่กี่บรรทัด

แต่เรื่องบางเรื่อง...มันเกิดขึ้นเร็ว แต่ผ่านไปช้า...เขียนจบได้ในไม่กี่บรรทัด แต่ไม่ใช่เพราะมันผ่านไปไวเหมือนโกหก...แต่เป็นเพราะเราโกหก...มันเจ็บปวด เราจึงหลอกตัวเอง...ว่ามันผ่านไปรวดเร็ว...เท่านั้นเอง

ผมไปเป็นหมอประจำอยู่ที่กิ่งอำเภอไชยปราการ...ซึ่งเป็นกิ่งอำเภอหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ หากแต่ผมต้องมาอยู่บ้านพักแพทย์ กลับบ้านได้แค่อาทิตย์ละครั้ง เพราะระยะทางแสนจะไกล ไม่ต้องข้ามห้วย แต่ก็ต้องข้ามเขา ไปกลับใช้เวลาทั้งวัน...

ตรงข้ามกับพ่อ...ที่ต้องไปทำงานที่ลำพูน...ต่างจังหวัด...แต่พ่อไปเช้า เย็นกลับ...ไม่ต้องข้ามทั้งห้วย ทั้งเขา...ไม่ต้องเหยียบถึงร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ถึงที่ทำงานซึ่งเป็นต่างจังหวัดได้ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง...

บางทีผมก็สงสัย ทำไมลำพูนไม่เป็นอำเภอลำพูน แล้วไชยปราการ เปลี่ยนเป็นจังหวัดไปซะเลย...

คำตอบมันก็คงเหมือนความสัมพันธ์ของผมกับพี่ตะวัน...ผมรักพี่ตะวัน และแน่นอนว่าพี่ตะวันก็รักผม ถึงจะรักคนละแบบกันก็เหอะ...ถึงพี่ตะวันจะบอกว่าจะช่วยพี่ขุนคว่ำผม แต่เอาเข้าจริงๆ พี่ตะวันก็โกรธพี่ขุนเป็นวรรคเป็นเวรเมื่อพี่ขุนต่อยผม...ผมรู้ท้ายที่สุดหากต้องเลือก พี่ตะวันจะเลือกผม...ถึงจะในฐานะของน้องชายก็เหอะ...แต่เมื่อไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเลือก...พี่ตะวันก็เป็นของพี่ขุน เป็นคนรักของพี่ขุน...ทั้งที่ผมเป็นส่วนหนึ่งของพี่ตะวันมาตลอดชีวิต และรักพี่ตะวันมาก่อนพี่ขุน...ผมจึงเป็นได้แค่อำเภอไชยปราการ...ส่วนพี่ขุนน่ะเป็นลำพูน ช่วงกิโลเมตรแรกๆเสียด้วยซ้ำ...ไม่ยุติธรรมเลย ผมคิด เมื่อวางกระเป๋าเสื้อผ้าลงบนเตียงในห้องพัก

ทั้งหมดที่พูดมาไม่ใช่เรื่องที่ผมอยากเขียนให้จบในเวลาไม่กี่บรรทัดที่อ้างว่าเพราะมันเจ็บปวด...เพราะผมพูดไปตั้งหลายบรรทัด ทั้งที่เพิ่งทำได้แค่วางกระเป๋าลงบนเตียง...

นับจากนี้ต่างหากที่มันจะผ่านไปไวให้เหมือนผมตั้งใจโกหก...

ผมเป็นหมออยู่ที่ไชยปราการอยู่ได้ร่วมปี โดยกลับบ้านอาทิตย์ละครั้งหรือบางอาทิตย์ก็ไม่ได้กลับ...แม่กับพ่อไม่ค่อยโทรหาผมเท่าไหร่ เพราะยังไงก็เจอกันทุกอาทิตย์ ทั้งก็คงชินเพราะผมไปเรียนกรุงเทพซะตั้งหลายปี แถมกลับบ้านได้แค่ปีละสองครั้ง...แต่พี่ตะวันโทรหาผมบ่อยๆ ซึ่งก็เหมือนกับช่วงเรียน เราคุยกันทุกวัน บางครั้งแค่ประโยค หรือ สองประโยคแล้วก็วางสาย...

แล้ววันหนึ่งพี่ตะวันก็โทรมา...มันผิดเวลา แต่ผมยังไม่รู้ถึงความผิดปกติ

“ฉาย...พ่อกับแม่...ตายแล้ว...”พี่ตะวันพูด

ผมเงียบไปนาน นึกไม่ออกว่าจะปลอบใจพี่ตะวันยังไง...เพราะสำหรับผม ผมรู้สึกว่าน้าโอ๋กับน้ามะจากเราไปนานแล้ว...แต่ผมก็ไม่เคยรู้ว่า สำหรับพี่ตะวัน พี่ตะวันยังหวังอยู่หรือเปล่า

ดังนั้นเมื่อพี่ตะวันโทรมาบอกข่าว...ผมจึงทำได้แต่เงียบ

“ไม่เป็นไรนะตะวัน...”ผมพูดออกมาในที่สุด และเป็นทีของพี่ตะวันเงียบไป

“ฉาย...น้าโอ๋กับน้าเจด...ตายแล้ว”พี่ตะวันพูดช้าและค่อยมากๆ...มากจนผมแทบจะคิดว่าตัวเองไม่ได้ยิน

หลังจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ค่อยได้...มันเบาโหวง เหมือนเรื่องโกหก...และรู้ว่ามันเป็นความจริง ก็ต่อเมื่อกลับมาถึงบ้าน

พ่อกับแม่ อยู่ที่วัดใกล้ๆบ้าน...เพราะไม่มีญาติที่ไหนเลย เพื่อนของพ่อจึงเป็นธุระช่วยจัดการแทนให้

พี่กบนั่งอยู่กับพี่ตะวัน ที่ไม่มีน้ำตาสักหยด...แต่ไม่มีพี่ขุนอีกเช่นเคย...คงรำคาญพี่ตะวันเลยหนีกลับบ้านไปอย่างเคย...ผมคิด

สามวันหลังจากนั้น พ่อกับแม่ก็กลายเป็นอากาศ ลอยขึ้นไปอยู่บนฟ้า...และไม่มีน้ำตาของพี่ตะวัน...

พี่ตะวันไม่ได้ร้องไห้...ตั้งแต่กลับมาผมยังไม่เห็นพี่ตะวันร้องไห้เลย...

“พี่ขุนไปไหน?”ผมถามพี่กบก่อนวันที่พ่อกับแม่จะกลายเป็นควันลอยขึ้นไปบนฟ้า... รู้ตัวว่าเสียงขุ่น เพราะผมไม่พอใจ ทำไมพี่ขุนหนีหายเสมอในเวลาที่พี่ตะวันต้องการใครสักคนเป็นเพื่อน

“กลับบ้านไปแล้ว”พี่กบบอกและจ้องหน้าผมนิ่ง...ตาพี่กบแดง ผมรู้พี่กบก็ร้องไห้ เพราะตัวพี่กบเองก็คุ้นเคยกับพ่อและแม่ดี

“พ่อแม่มันพากลับไปแล้ว”พี่กบบอกอีกครั้ง ก่อนที่ผมจะทันพูดหรือสบถอะไรออกมาเพราะความฉุนเฉียว

“หมายความว่าไง?”ผมถาม

“วันนั้นไอ้ขุนเป็นคนขับรถให้น้าโอ๋กับน้าเจด...ตอนแรกตะวันจะไปด้วย แต่น้าโอ๋บอกให้ตะวันอยู่บ้าน เผื่อฉายกลับมาแล้วเดี๋ยวไม่เจอใคร...น้าโอ๋จำวันผิดน่ะ”พี่กบอธิบายค่อยๆ

“พ่อแม่มันพามันกลับไปบ้านแล้ว...เสียศพพรุ่งนี้เหมือนกัน...แต่มันคงรู้ว่าเราไปส่งมันไม่ได้ มันไม่ว่าหรอก”พี่กบบอก และผมก็ร้องไห้...

คืนนั้นผมกอดพี่ตะวันเอาไว้ทั้งคืน...

“ทำไมตะวันไม่ร้องไห้?”ผมถาม

“ไม่ร้อง...ร้องทำไ..”พี่ตะวันพูดได้เท่านั้น แล้วน้ำตาก็ทำท่าจะไหล พี่ตะวันยกมือขึ้นเช็ดและพยายามฝืนยิ้ม

“ตะวันบอกว่า ถ้าตะวันเสียใจตะวันก็จะร้องไห้ไง?”ผมบอก ดึงพี่ตะวันมากอดไว้

“ร้องเดี๋ยวน้าโอ๋กับน้าเจดกับพี่ขุนเป็นห่วง...”พี่ตะวันว่า เมื่อซุกหน้ากับอกผม

“ไม่เป็นไร ฉายกอดตะวันไว้แบบนี้...แม่กับพ่อ กับพี่ขุนไม่เห็นหรอก...”ผมกระซิบบอกพี่ตะวัน แล้วพี่ตะวันก็ร้องไห้ออกมา

ผมกอดพี่ตะวันที่นอนร้องไห้ไว้ทั้งคืน......พอเช้า...พ่อกับแม่ก็กลายเป็นอากาศ ลอยขึ้นไปบนฟ้า...เหมือนๆพี่ขุน...และพี่ตะวันก็ไม่ได้ร้องไห้ให้พ่อกับแม่กับพี่ขุนเห็น

มันไม่มีทางเลือกเมื่อผมต้องกลับไปทำงาน...พี่กบเองก็เช่นกัน

บ้านสองหลัง...จึงเหลือแค่พี่ตะวัน...

“ทำไมไม่พาตะวันไปด้วย?”พี่กบถามผม คล้ายตำหนิ

“ชวนแล้วตะวันไม่ไป”ผมบอกซึ่งก็จริงตามนั้น

“งั๊นฉายก็ย้ายมาเชียงใหม่สิ!”พี่กบแนะอย่างกับผมเลือกได้

“แล้วทำไมพี่ไม่ย้ายกลับมาเชียงใหม่?”ผมถามคืน

“ย้ายได้ก็ย้ายแล้วสิ!”

“แล้วผมย้ายได้งั๊นแหละ!”

สุดท้ายผมก็กลับชัยปราการ...พี่กบก็กลับขอนแก่น...และพี่ตะวันอยู่คนเดียวที่บ้านสองหลัง...

พี่ตะวันยังคงโทรหาผมทุกๆวันและก็ยังวาดรูปใส่ไปรษณียบัตร ส่งมาให้ผมทุกๆวันอีกด้วย...รูปเดิมๆ ลายเส้นง่ายๆ...รูปบ้านสองหลัง ปิดไฟมืด กับพี่ตะวันนั่งคนเดียวที่หน้าบ้าน...พี่ตะวันไม่ได้เขียนอะไรมาในไปรษณียบัตร แต่ผมก็รู้พี่ตะวันต้องการอะไร

“ตะวันไม่ต้องส่งทุกวันก็ได้ เขาไม่ได้เอามาส่งทุกวัน อาทิตย์ละหนเท่านั้นแหละ...ทีละเป็นปึก!”ผมบอกเมื่อกลับมาบ้านในปลายสัปดาห์ แต่พี่ตะวันก็ไม่สนใจส่งมาทุกวันๆและรูปเดิมๆ

“ฉายทำเรื่องขอย้ายไปแล้ว...เลิกส่งไปซะที...หรือถ้าจะส่งก็เขียนอะไรไปบ้างแบบ...คิดถึง...อะไรเงี้ย”ผมบอกเมื่อกลับมาบ้านในอีกปลายสัปดาห์หนึ่ง แต่พี่ตะวันก็ยังเพียรส่งโดยไม่มีข้อความอะไรเลยเช่นเคย

ผมยังไปๆกลับๆ...หาเส้น ใช้สายเพื่อนๆ...หรือแม้กระทั่งพ่อเพื่อน และเพื่อนพ่อ...สุดท้ายก็ตัดสินใจยื่นใบลาออก พร้อมเตรียมใจใช้ทุนคืนหลวง ทั้งเรื่องเรียนต่อเฉพาะทางที่ตั้งใจไว้ก็คงต้องตัดใจ...แน่นอนว่าผมเสียดาย แต่ก็ไม่รูสึกเสียใจอะไรนัก...

ผมหยิบไปรษณียบัตรของพี่ตะวันขึ้นมา แล้วเอาลิคควิด ลบช่องดำๆที่หน้าต่างให้กลายเป็นสีขาว...ให้เป็นบ้านที่เปิดไฟสว่าง...ใช้ฝีมือวาดภาพสุดห่วยของตัวเอง วาดตัวเองที่ดูยังไงก็ไม่เหมือน แต่คาดว่าพี่ตะวันน่าจะเดาได้ นั่งอยู่กับพี่ตะวันที่หน้าบ้าน ในไปรษณียบัตรใบนั้น.... แล้วหย่อนลงตู้ส่งถึงพี่ตะวัน...

ผมกลับไปถึงบ้าน ตรงไปบ้านพี่ตะวันก่อนที่จะตรงไปบ้านตัวเอง เพื่อเจอพี่ปาเปิดประตูรับผม...พี่ปาไม่ได้แค่มาหาพี่ตะวัน แต่มาอยู่กับพี่ตะวัน...ไม่ใช่แค่เพิ่งมาอยู่ แต่อยู่มานานแล้ว...

คงไม่ต้องพูดให้เปลืองน้ำลายว่าผมรู้สึกยังไง...

ผมเดินกลับบ้าน...ก็พอดีพี่ตะวันกลับมา...พี่ตะวันดูตกใจเมื่อเห็นผม...เราทะเลาะกัน...เราเถียงกัน และเป็นครั้งแรกที่ผมทำร้ายพี่ตะวัน...ผมตบพี่ตะวัน...

“ก็ไม่อยากอยู่คนเดียวนี่!”นั่นคือเหตุผลที่พี่ตะวันบอกผมครั้งแล้วและครั้งเล่า...แต่สำหรับผมในเวลานั้น มันไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอ

พี่ตะวันไม่รู้ว่าผมจะกลับมา...พี่ตะวันไม่เคยเห็นไปรษณียบัตรที่ผมส่งมา...มันอาจตกค้าง...ตกหล่น หรือตกอยู่ในมือพี่ปา...แต่ก็ยังไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอเช่นกันที่เห็นพี่ปากลับมาอยู่กับพี่ตะวัน

เราทะเลาะกันเสียงดัง พี่ปาเป็นคนเข้ามาแทรก พยายามจะพาพี่ตะวันกลับ...ผมต่อยกับพี่ปา...พี่ตะวันเข้ามาห้าม ผมจึงพลั้งมือ ทำร้ายพี่ตะวันโดยที่ผมไม่ตั้งใจ...

พ่อคงโกรธผม...แม่ก็คงโกรธผม...พี่ขุนก็คงโกรธผม...แต่คงไม่มากเท่าที่ผมโกรธตัวเอง...

เช้าวันต่อมาจึงเป็นเช้าแห่งการไร้เหตุ ไร้ผล...

เขาว่าคนบ้ากับอัจฉริยะต่างกันแค่เส้นยาแดงผ่าแปด...

ผม...ที่ไม่ได้เป็นอัจฉริยะ เป็นแค่หมอมือใหม่...เลยยังไม่ถึงขั้นบ้า หากแต่เข้าสู่ภาวะปัญญาอ่อนอย่างเฉียบพลัน...

อย่างที่บอก มันเป็นเช้าแห่งการไร้เหตุ ไร้ผล...เลือกทำอะไรสักอย่าง ก็เพียงเพื่อขอให้ได้ทำอะไรสักอย่างเท่านั้น...ผมไปอำเภอแต่เช้า...คิดอะไรไม่ออก นอกจากบอกตัวเองว่า จะไม่ชื่อตะวันฉายอีกแล้ว...เพราะมันเป็นชื่อที่แม่บอกว่าพี่ตะวันเป็นคนตั้งให้...ผมไม่อยากเป็นของๆพี่ตะวันอีก...ไม่อยากเกี่ยวข้องอีก...หรือก็อาจเพราะไม่อยากเป็นคนที่เคยทำร้ายพี่ตะวัน คนที่ชื่อตะวันฉาย...คนที่ทำร้ายพี่ตะวัน...ผมจะไม่ชื่อตะวันฉายอีกแล้ว...

ผมไปอำเภอเพื่อเปลี่ยนชื่อ...โดยไม่มีชื่ออะไรอยู่ในหัว...รู้แต่ว่าจะไม่ชื่อตะวันฉาย...ชื่อคนที่ทำร้ายพี่ตะวัน...

ผมมองไปโต๊ะข้างๆ...กรินกรณ์...เขากรอกว่าอย่างนั้น...ผมกรอกตาม...เขาหันมาค้อนผม แต่ผมไม่สนใจ...ก็พี่ปายังมาเอาพี่ตะวันของพวกผมไปได้ แล้วทำไมผมจะเอาชื่อของเขามาไม่ได้ล่ะ?...แล้วผมก็ชื่อกรินกรณ์...ชื่อของใครก็ไม่รู้...แต่อย่างน้อยก็คงไม่ใช่คนที่ทำร้ายพี่ตะวัน...

ผมจำได้ ตอนที่สอบติดหมอ แม่ยิ้มร่า

“ชื่อฉายสมกับเป็นหมอ...ตะวันฉาย มันก็เหมือนกับเป็นความหวัง ทำให้คนไข้มีความหวัง!”แม่ว่างั๊น

“มีความหวัง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสมหวัง!”แต่พี่ตะวันขัด เพราะกำลังพาลที่ผมจะไปเรียนที่กรุงเทพ

“ปากเสีย!”แม่ว่า ก่อนตบปากพี่ตะวัน...หลายครั้งแบบไม่มียั้ง จนพี่ตะวันน้ำตาร่วง จนพ่อต้องเข้าไปห้าม

แต่วันนี้ไม่มี...ตะวันฉายอีกแล้ว...ผมคิด และเพิ่งนึกสงสัย...กรินกรณ์แปลว่าอะไร?...

ผมโทรกลับไปที่โรงพยาบาล ขอระงับเรื่องใบลาออก และพร้อมจะกลับไปทำงานทันทีในวันต่อไป...

ไม่มีอะไรต้องจัด ต้องเตรียมมาก เพราะตั้งแต่กลับมา ผมก็ยังไม่ได้รื้ออะไรออกจากกระเป๋า...

จริงๆผมอยากจะบอกตัวเองให้กลับไปแบบถาวร...ติดประกาศขายบ้าน...ไม่กลับมาอีก...แต่ก็เตือนตัวเองว่ามีเวลาไม่มากพอ...และสุดท้ายก็ยอมรับกับตัวเองว่า...ใจไม่แข็งพอ...เพราะยังไงซะ...ผมก็รักพี่ตะวัน...แล้วเราก็เหลือกันแค่สองคน หากไม่นับพี่ปา...

ผมชื่อ...กรินกรณ์...มีความหมายว่า ผู้สร้างทุกๆสรรพสิ่ง...สิ่งเดียวที่คงสร้างไม่ได้...คือความรักแบบที่ผมหวังจะให้พี่ตะวันมีให้ผม...

ผมทำใจให้ยอมรับได้มาตลอดว่าพี่ตะวันเป็นของพี่ขุน...แต่ไม่สามารถยอมรับได้ว่า...พี่ตะวันจะเป็นของคนอื่นอีก...ทำไมไม่ใช่ผม?...

จบ...ความรัก ที่ผมอยากมีเอี่ยว
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Kaku-tsu ที่ 06-05-2008 19:45:49
เศร้า ... แทน นายกรินกรณ์      :o12:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Pongkemon ที่ 06-05-2008 21:29:47
และแล้วก็กระจ่างว่า นายกรินกรณ์ คือใคร อ่านแล้วมันจุกอกจริง ๆ ผมก็เป็นคล้าย ๆ กันเนี่ยแหละเพียงแต่คนนั้นไม่ใช่พี่ชาย แต่เป็นน้องชาย เป็นน้องชายที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดเลย ผมก็ยังอยู่ใกล้ ๆ กันกับเขา ทำอะไรหลาย ๆ อย่างร่วมกัน ที่อยู่ของเราอยู่ห่างกันแค่ชั่วเดินไป 1 นาทีเท่านั้น แถมผมก็เปลี่ยนชื่อตัวเองเพราะมีคนทักว่าชื่อผมมีตัวอักษรกาลกิณี มีอยู่ครั้งหนึ่งผมทะเลาะกับเขาแล้วผิดใจกันนานมาก ผมก็เปลี่ยนชื่อโดยแอบหวังลึก ๆ ว่าชื่อใหม่ที่เปลี่ยนโดยไม่มีกาลกิณีจะทำให้ผมได้อยู่ใกล้ชิดดูแลเขาไปเหมือนเดิม ซึ่งมันก็คงมีผลบ้างมั้งเพราะถึงตอนนี้ผมกับเขาก็กลับมาเหมือนเดิมแล้ว แต่ก็แน่นอนในใจเขาผมเป็นแค่พี่ชายคนหนึ่งเท่านั้นเอง
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gagagaa122 ที่ 06-05-2008 22:00:51
ทำไม ทำไม และ ทำไม



:serius2:


เซ็งเป็ดอวอร์ดปีนี้
ขอสาขา ตัวเอกที่น่าสงสารที่สุด ด้วยนะ

จะโหวตให้ฉายแบบยอมตายเลย

 
:m15:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 06-05-2008 23:00:01
เศร้าเกินไปมั๊ยอ่ะ........
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 06-05-2008 23:02:19
จะเป็นเด็กชายตะวันฉาย หรือนายกรินกรณ์ ก็ยังน่าสงสารอยู่ดี

แต่เซ็งกับตะวันที่จนแล้วจนเล่าก็เป้นเหมือนเดิม เฮ้อออออออออออออออออออออออ

ปล.นี้จบแล้วยังเนี่ย แอบงง
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 06-05-2008 23:24:33
เป็นตอนที่อ่านไม่ขำ
อ่านจบขิ่งไม่ขำใหญ่... :sad2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Simba_rella ที่ 07-05-2008 00:38:20
เคยอ่านเรื่องนี้แล้วคะ

ตั้งแต่อยู่บอร์ดของพี่อินุ

สนุกมากเลย

อ่านไปก็ลุ้นไปด้วย

เพราะตอนตอนอ่านอยากให้ตะวันคู่กับฉาย

-------

ปล. ขออนุญาตแก้ไขเพราะมีบางส่วนสปอยตอนจบของเรื่องคะ  

หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: realtome ที่ 07-05-2008 02:24:15
อ่านไปถึงหน้า 4 แล้วไม่กล้าอ่านต่ออ่ะฮะ

เรื่องเศร้าแน่เลย แง ๆ เด๋วอ่านไปแล้วอิน ไม่อ่านต่อละ ฮือ ๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 07-05-2008 07:39:33
 :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped:

เปลี่ยนชื่อแล้วช่วยไรได้


เศน้าง่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 07-05-2008 09:29:00
ตะวัน

ทำไมถึงทำกับฉายแบบนี้

เกลียดตะวันเป็นที่สุด


 :m31: :m31: :m31:






รักฉาย สงสารฉาย กดโหวตให้ฉายเลยครับ

กร้ากกกกกก

ไม่เกี่ยวกัน

 :m14:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: prp ที่ 07-05-2008 10:46:54
โผล่หัวเข้ามาเพราะอยาก Re อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะพี่น้อง

ตอนแรกๆอ่านไปขำไป แต่แอบเศร้า

ต่อมาเริ่มขำไม่ออกโดยเฉพาะตอนสุดท้ายนี้

เฮ้อ :เฮ้อ: พออ่านเจอพี่ปาปั๊บ  :oอึ้งจนเมาส์หลุดมือ

สงสารฉายตั้งแต่ต้นยันจบ ทำใจไม่ด๊าย :o12:

P.S.ขอบคุณคุณ THIP ด้วยค่ะที่เอาเรื่องดีๆมาให้อ่านน้า :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 07-05-2008 13:01:51
เป็น2คนที่เสมอต้น เสมอปลายดีจริงๆ

ฉายรักตะวันยังไง ก็ยังรักตะวันอยู่อย่างงั้นน

ตะวันไม่รักฉายยังไง ก็ยังไม่รักอยู่ดี.....

 :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ddtgirl ที่ 07-05-2008 13:44:42
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :sad2: :sad2: :sad2:

สงสารฉาย

หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 07-05-2008 15:46:49
^
^
^
เจาะไข่เด็กใหม่

วี้ดวิ้ววววว

 :o8:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ddtgirl ที่ 07-05-2008 16:06:46
มานั่งรออีกดีก่าหุๆๆ :m4: :m4: :m4:

รู้ว่าเศร้าแต่ก็อยากอ่านต่อ รีบมาต่อนะ o7 o7 o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gift_deb ที่ 07-05-2008 16:52:51
เกินจะทน :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 07-05-2008 17:14:02
ไม่สมหวังซะทีอ่า   
เรื่องมันเศร้าแต้ๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 07-05-2008 18:44:19
เศร้าดีแท้  ชีวิต คนเรา ก้อแค่นี้แหละ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 07-05-2008 18:48:37
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 18

ความรัก กับดวงตะวัน ที่มองไม่เห็นบนฝ่าเท้า


คืนก่อนที่จะพาตัวเองกลับไปไชยปราการ...คืนแรกที่ไม่ใช่ตะวันฉาย...ผมนอนไม่หลับ นึกถามตัวเอง ทำไมไม่กลับไปซะตั้งแต่วันนี้ อาจเพราะยังหวังจะได้เจอพี่ตะวัน...หวังว่าพี่ตะวันจะมาหา...แต่ก็เปล่า

ผมหวังว่าพี่ตะวันจะมาหา ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทาง...เพราะรู้ พี่ตะวันคงทำแค่นั่งร้องไห้ และรอให้ผมไปหา...แต่ผมก็ไม่ได้ไป

แล้วผมก็หลับไป เพื่อตื่นขึ้นมาในกลางดึก...เพราะคล้ายจะได้ยินเสียงใครร้องเรียก...

“ครับ?”ผมได้ยินเสียงตัวเองขานรับ ทั้งที่ตายังหลับ...เสียงแม่เรียกแน่ๆ

ผมลุกขึ้น มองไปในความมืดแต่ก็ไม่เห็นใคร...คงฝัน ผมบอกตัวเองอย่างนั้น...

ผมนึกอยากจะหลับตาเพื่อหลับต่อ หากแต่ก็ยังนึกคล้ายได้ยินเสียงแม่เรียกอยู่ที่ปลายหู สุดท้ายผมก็ผมลุกขึ้น เปิดม่าน มองผ่านความมืดไปที่บ้านพี่ตะวัน...ไฟบ้านพี่ตะวันปิดมืด...และในความมืด ผมไม่เห็นรถพี่ปา

ผมใช้เวลาชั่งใจไม่นานนัก ก็พาตัวเองมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านพี่ตะวัน...บ้านพี่ตะวันไม่ได้ล็อค...

“ตะวัน?”ผมเรียกหาพี่ตะวันในความมืด...ก่อนเดินไปยังสวิทช์ไฟอย่างที่เคยคุ้น...

แล้วไฟก็สว่างขึ้น...พร้อมๆกับเงาร่างที่นอนนิ่งซบหน้าลงกับพื้น...และเลือดสีแดง ที่บอกผมว่ามันมากพอที่ร่างที่แน่นิ่งนั้น อาจไร้ชีวิต...

ผมมองไม่เห็นหน้าที่ซวนซบอยู่กับพื้น...ไม่เห็นรูปดวงตะวันบนฝ่าเท้า...ไม่ใช่เพราะมันไม่มี...แต่เพราะมันเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด จนมองไม่เห็น...ตะวันฉาย...ไม่เห็นความหวัง...

ผมจำอะไรไม่ได้มาก...จำได้ก็แต่เสียงภาวนาของตัวเองที่บอกกับแม่...กับพ่อ...กับพี่ขุน ว่าขอพี่ตะวันไว้ให้ผม...

ผมจำไม่ได้ว่าตำรวจถามอะไรจากผมบ้าง...จำไม่ได้ว่าตัวเองตอบอะไรไป...จำได้ก็แต่เสียงพี่กบบอกผ่านมาตามสายโทรศัพท์ว่าให้ผมใจเย็นๆ...ตะวันต้องไม่เป็นอะไร...แล้วพี่จะรีบไป...

บนตัวของพี่ตะวัน มีแผลถูกแทงหลายแผล...และบางแผลเฉียดจุดสำคัญ...กับอีกบางแผลที่ตรงจุดสำคัญ...เมื่อถึงโรงพยาบาล...ความหวังแทบไม่เหลือ...

ผมเคยชื่อตะวันฉาย...แม่บอกว่ามันหมายถึงความหวัง...

แต่ตอนนี้ผมชื่อกรินกรณ์...แปลว่าผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง...แล้วสร้างชีวิต...ต่อลมหายใจได้หรือเปล่า?...ผมสงสัย

แต่ไม่ว่าผมจะชื่ออะไร...ชีวิตพี่ตะวันไม่ได้อยู่ในมือผม...เวลานี้ที่ทำได้คือรอคอย...หวัง...เพื่อสมหวัง หรือผิดหวัง?...ได้เท่านั้น...

จบ ความรัก กับดวงตะวันที่มองไม่เห็นบนฝ่าเท้า


ตอนนี้สั้นๆ หากมีคนรีถึง 5 รี ภายใน 4 ทุ่ม จะแถมให้อีกตอนค่ะ  :oni1: :oni1: :oni1:


หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 07-05-2008 18:52:50
จิ้มๆรีบน
555


มาต่อนะคะ

 :a1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 07-05-2008 19:01:57
มาช่วยรีๆๆ 
มาต่อเหอะพี่ทิพ  กำลังจะนอนละ 555+  ด่วนๆๆ 
เด๋วช่วยรีพลายอีกสองอันได้มะ อิอิ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gift_deb ที่ 07-05-2008 19:07:15
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย ใครแทงตะวันอ่ะ พราปาเหรอ ช่างทำกันได้



กรินกรณ์น่าสงสารขึ้นเรื่อยๆ อ่ะ :m15:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 07-05-2008 19:13:17
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยย
เกิดอารายขึ้นนนนนนนนนน
.
.
.
นี่ผมเริ่มสงสัยนะ
ว่าเรื่องนี้มีมนต์เรียกผมรึไง
เพราะเข้ามาทีไร
ได้อ่านตอนใหม่ทูกที :o8:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 07-05-2008 19:16:06
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 19

ความรัก...กับภาพที่เสร็จสมบูรณ์


พี่กบเป็นคนจัดการเรื่องพี่ปาให้...ไม่นานตำรวจก็จับตัวพี่ปาได้...ไม่ต้องรอให้พี่ตะวันลืมตาตื่นขึ้นมาชี้ตัว...เพราะหลักฐานมัดตัว และพี่ปาสารภาพด้วยเหตุผลของการบันดาลโทสะ...

ผมไม่ได้ทำอะไร นอกจากนั่งเฝ้าพี่ตะวันอยู่ข้างเตียงทุกวันๆ...นึกเห็นภาพเหตุการณ์วันนั้น ผ่านบาดแผลทุกบาดแผลของพี่ตะวัน...และผมร้องไห้ทุกครั้งที่นึกเห็นมัน...

เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่นึกอยากเจ็บแทนใครสักคน...

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่รู้ว่า...การอยากเจ็บหรืออยากตายแทนใครบางคน...นั้นมีจริง

พี่กบลางานไม่ได้นาน เลยต้องไปๆกลับๆระหว่างเชียงใหม่กับขอนแก่น...

แม้พี่กบจะดูเหนื่อย...แม้จะนึกเกรงใจ...นึกอยากบอกว่า ไม่เป็นไร...แต่ผมก็ไม่ได้พูด...เพราะผมกลัวเกินกว่าที่จะอยู่คนเดียว...

“ตะวันอยู่กับฉายนะ...ฉายจะไม่ทิ้งตะวันไปไหนแล้ว ไม่ให้ตะวันอยู่คนเดียว...ตะวันก็อย่าให้ฉายต้องอยู่คนเดียวนะ...อยู่กับฉายนะ...นะตะวัน?”ผมเฝ้าพูดกับพี่ตะวันครั้งแล้วครั้งเล่า...หวังให้เสียงของผมส่งผ่านไปถึงพี่ตะวัน...ให้พี่ตะวันหายโกรธ และลืมตาขึ้นมามองผมเสียที...เฝ้าพูดอยู่อย่างนั้นทุกวัน...และทั้งวัน...

ผมร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร...เมื่อหมอบอกว่า เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงของบาดแผลที่ปอดของพี่ตะวันหลังการผ่าตัดครั้งที่สอง ...แม้พี่ตะวันจะเสียเลือดไปมาก ร่างกายบอบช้ำ...แต่การผ่าตัดครั้งที่สามก็จำเป็น หากแต่การผ่าตัดยังต้องรั้งเพื่อรอเวลา...เพราะอาจเกิดการช็อคเนื่องจากระดับเลือดที่ต่ำจนเกินขีดอันตราย หมอจึงยังไม่อาจให้เกิดการผ่าตัดอีกครั้งได้...และเลือดก็หายากเสียเหลือเกิน...ยิ่งเกร็ดเลือดลดต่ำลงเท่าไหร่...เลือดก็ยิ่งหายากขึ้นเท่านั้น และไม่มีเวลามากพอให้ร่างกายพี่ตะวันฟื้นตัวเพื่อสร้างเกร็ดเลือดขึ้นมาเอง...

ความหวังดูคล้ายจะริบหรี่ลงทุกทีและทุกที จนแทบไม่มีเหลือ... เมื่อการผ่าตัดครั้งที่สามถูกกำหนดขึ้นอย่างแทบจะเรียกว่ากะทันหัน ทั้งที่ร่างกายของพี่ตะวัน ความพร้อมยังแทบจะเป็นศูนย์ ...เพราะเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างฉับพลัน เลือดออกไม่หยุดจากแผลที่ปอด และ ระบบทางเดินหายใจเข้าสู่ภาวะล้มเหลว ...หากไม่ผ่าก็ตาย...และผ่าก็อาจตาย...ผมจึงต้องเซ็นชื่อ ยินยอมให้พี่ตะวันเข้ารับการผ่าตัด...ซึ่งอาจเป็นครั้งสุดท้าย...ไม่ว่าจะด้วยความหมายใด...

พี่กบลางานมาอีกครั้งมาอยู่เป็นเพื่อนผมในวันที่พี่ตะวันเข้ารับการผ่าตัด...เรานั่งหน้าห้องผ่าตัด...นั่งเงียบๆ...ไม่ได้คุยอะไรกันเลย...เพราะเรารู้แล้ว เส้นแบ่งระหว่างกำลังใจกับการหลอกตัวเองนั้นเบาบางเหลือเกิน

ผมไม่ได้คุยอะไรกับพี่กบเลย...แต่คุยกับแม่ในใจ ว่าอย่าเอาพี่ตะวันไป...คุยกับพ่อในใจ ว่าให้ช่วยพี่ตะวันด้วย และคุยกับพี่ขุนในใจ ว่าขอพี่ตะวันให้ผมเถิด ผมสัญญา...ผมสัญญาจริงๆ... แม้ว่าในเวลานั้นผมนึกไม่ออกว่าจะสัญญาอะไร...อาจจะอะไรทั้งหมดในโลกที่มี ขอไว้อย่างเดียวเท่านั้น...ขอพี่ตะวันไว้ให้ผม...

และผมก็เฝ้าบอกกับพี่ตะวันว่า...ถ้าตะวันไป...ฉายก็จะไปด้วยเหมือนกัน...มันอาจคล้ายคำขู่ หากแต่สำหรับผมในเวลานั้น ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ...

ตลอดชีวิตนับแต่เกิด...นับแต่จำสิ่งรอบตัวได้...ชีวิตผมมีพ่อสองคน คือ พ่อกับน้ามะ...มีแม่สองคน คือแม่กับน้าโอ๋...และก็มีพี่ตะวัน

วันหนึ่งน้าโอ๋กับน้ามะก็ไม่อยู่...ผมจำได้แม่บอกพี่ตะวันว่า...ตะวันก็ยังมีน้ากับน้าเจดกับฉายไง...

แล้ววันหนึ่งแม่กับพ่อก็จากไป...ผมนอนกอดกับพี่ตะวันและร้องไห้กันทั้งคืน ผมบอกตัวเองว่า ผมยังมีพี่ตะวัน...และพี่ตะวันก็ยังมีผม...

วันนี้ผมจึงนึกไม่ออก...ชีวิตในวันที่ไม่เหลือใครเลย ผมจะอยู่ได้อย่างไร...

ชีวิตที่ไม่มีพ่อ... ไม่มีแม่...ไม่มีน้าโอ๋...ไม่มีน้ามะ และไม่มีพี่ตะวัน...ผมไม่เคยคิดถึงเลย...ชีวิตแบบนั้น...

เวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆ ในห้องผ่าตัด มันเหมือนคำบอกใบ้ให้เตรียมใจ...ห้าชั่วโมงผ่านไป...ผมก็เริ่มร้องไห้ออกมา...หกชั่วโมง...เจ็ดและแปดชั่วโมง...การผ่าตัดเสร็จสิ้น...ผลเป็นที่น่าพอใจเท่าที่พอจะพอใจได้ คือพี่ตะวันยังมีลมหายใจ แต่...ผมควรเตรียมทำใจ...

คืนนั้นผมกลับไปที่บ้าน...ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนพี่ตะวันที่ยังนอนอยู่ในห้องไอซียู...ผมไม่ได้กลับบ้านตัวเอง แต่เลือกที่จะไปอยู่ที่บ้านพี่ตะวัน

พี่กบจัดการให้เรียบร้อยทุกอย่างจริงๆ...ไม่หลงเหลือหลักฐานความเจ็บปวดของพี่ตะวันเลย แต่กลิ่นเลือดก็กลับยังเจนจมูกผม... พี่ตะวันยังคงนอนซวนซบแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น...และมองไม่เห็น...ตะวันฉาย บนฝ่าเท้าพี่ตะวัน..

นานแล้วที่ผมไม่ได้เข้ามารื้อค้นของในบ้านพี่ตะวันแบบนี้...เมื่อพี่ตะวันมีโลกของพี่ตะวันกับคนที่พี่ตะวันรัก ผมก็ถูกกันออกไปเป็นแค่น้องชายข้างบ้าน...

หรือพี่ตะวันอยากจะไปอยู่กับพี่ขุนมากกว่า...อยู่ดีๆผมก็ฉุกคิดขึ้นมา...พี่ตะวันอาจอยากไปอยู่กับพี่ขุน ไม่ใช่ผม...

ผมพยายามสลัดความคิดในหัวออก...เดินดูรอบๆบ้านที่ไม่ได้ให้ความสนใจกับมันมาช้านาน...

รูปของพ่อ กับ รูปของแม่ วางอยู่กระจัดกระจาย ทั่วบ้านของพี่ตะวัน...ทั้งภาพถ่าย และภาพวาดฝีมือของพี่ตะวันเอง..

ประตูห้องที่พี่ขุนยึดไว้เป็นของตัวเองถูกล็อคไว้ ไม่ได้เปิดทิ้งไว้เหมือนห้องอื่นๆ...ผมเดินไปหยิบกุญแจ ไขเข้าไปอย่างช้าๆ...

ผมเคยเข้ามาในห้องนี้ครั้งที่เป็นเด็กๆ...ครั้งที่มันยังเป็นห้องน้ามะกับน้าโอ๋...เคยทั้งเข้ามาเล่นกับพี่ตะวัน และเข้ามานอนกับพี่ตะวัน...แต่ไม่เคยมีโอกาสเข้ามาอีก เมื่อมันเป็นของพี่ขุน...

ผมจึงรู้แค่ว่า...มันคือห้องพี่ขุน แต่ไม่เคยรู้ว่า ข้างในมีอะไร...

...ผมไม่เคยรู้ว่าทำไม...

สำหรับผม...แม่...พ่อ...น้ามะ หรือน้าโอ๋...

พี่ตะวันสำหรับเรา คือดวงตะวัน...แสงสุดท้ายของวัน...

หากแต่ครั้งหนึ่ง พี่กบกลับปลูกดอกทานตะวันให้พี่ตะวัน...

และในห้องพี่ขุนวันนี้ที่ผมเห็น...ทานตะวันดอกที่สวยที่สุด ถูกวาดไว้บนผนังห้อง ด้วยฝีแปรงที่ผมจำได้ว่าไม่ใช่ของพี่ตะวัน...พี่ขุนคงเป็นคนวาด...คงเป็นดอกทานตะวันที่สวยที่สุด และสำหรับพี่ขุนคนเดียวเท่านั้น...

ผมพลิกดูเฟรมรูปที่วางพิง ทับซ้อนกันอยู่มากมาย...ทีละรูปๆ...มีแต่รูปพี่ขุนจากฝีแปรงของพี่ตะวัน...เป็นอีกครั้งที่ผมนึกรู้...นับจากวันที่พี่ขุนกลายเป็นอากาศลอยขึ้นไปอยู่บนฟ้า พี่ตะวันคงขังตัวเองอยู่ในห้องนี้...ภาพของพี่ขุนที่เรียงรายอยู่ตรงหน้า มันเป็นภาพเงาจากความนึกคิด...ความทรงจำ...หากแต่ดูจะแม่นยำ งดงามและ...สมบูรณ์...

ผมไม่เคยรู้...ทำไมพี่ตะวันชอบดอกทานตะวัน...ทำไมพี่ตะวันวาดรูปดอกทานตะวันที่รถเวสป้า...ทำไมพี่ตะวันถึงขอให้แม่เย็บผ้าห่มลายดอกทานตะวันให้...แล้วทำไมพี่ตะวันชอบนั่งวาดรูปอยู่ใกล้ๆดอกทานตะวัน...

...พี่ตะวันไม่ใช่ดวงตะวัน...และอาจไม่เคยอยากเป็น...พี่ตะวันคงอยากเป็นแค่ทานตะวัน...ของพี่ขุนคนเดียว...เท่านั้นจริงๆ...

ครั้งหนึ่งผมเคยชื่อ ตะวันฉาย...ตะวันฉาย...ที่ผมเคยคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของตะวัน...

แต่วันนี้มันมีแค่...กรินกรณ์...และดอกทาน...ตะวัน...เท่านั้นจริงๆ...

จบ...ความรัก กับภาพที่เสร็จสมบูรณ์


*********

เห็นแก่เด็กๆ บางคน เดี๋ยวนอนดึก  :m32: :m32: :m32:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 07-05-2008 19:31:14
ได้นอนแล้ว  นอนเคล้าน้ำตา  ฮือๆ
เศร้านะ 

รออ่านต่อนะจ๊ะ  ขอบคุณที่มาต่อให้ บวกๆ 555+
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 07-05-2008 19:41:58
 :m15: :m15:เศร้าได้อีก  สงสารตะวันจัง
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 07-05-2008 19:47:07
พี่ค้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
เศร้าไปไหนอ่ะ
ฮืออออออออออออออออออออออออออออออออ
 :sad2:



 :sad2:



 :sad2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 07-05-2008 19:53:02
จะอะไรนักหนาเนี่ย โอ้ยยยยยยยย

มันร้องไห้ไม่ออก บอกไม่ถูก

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 07-05-2008 21:32:33
เครียด เครียดมาก

เกิดอะไรขึ้น

ทำไมต้องทำร้ายฉายแบบนี้

ทิพจ้า ขออีกนิดนะคร้าบบบบบบบบบ

ไม่งั้นคืนนี้นอนไม่หลับแน่ๆ

 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 07-05-2008 22:57:41
จบแบบนี้ไม่ได้นะ  :o12:  :o12:  :o12:

ไม่เอาอ่ะ ฉายรอของฉายมาตั้งนาน ต้องมีอะไรมากกว่านั้นสิ  :serius2:

พี่ปา ไปไกลๆ เลย  :angry2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Sari ที่ 07-05-2008 23:48:41
ไม่รู้จะใช้อีโมชั่นตัวไหนบอกความรู้สึกตัวเอง

เคยอ่านเรื่องของคุณ ภัคD ตั้งแต่ในบอร์ดอินุ อ่านไปได้ 3 ตอน ... ทนไม่ไหว อึดอัด หดหู่ แล้วก็เหนื่อยใจ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า เรื่องราวแบบนี้มันมีจริงในโลก เรื่องของ ด.ช.ตะวันฉาย ก็คงเหมือนกัน

จนถึงหน้าที่ 9 นี้ ก็ต้องชมตัวเองเหมือนกัน ว่า อ่านมาได้โดยไม่ปิดไปตั้งแต่ตอนที่ 3 เหมือนเรื่องก่อน คงเพราะตะวันฉาย ยังมองโลกในแง่ดี ตีความให้ตลก ... ปลอบตัวเอง ไม่ต่างจากเรา

ไม่รู้ใครอ่านแล้วเป็นเหมือนกันป่าว ... เศร้า แต่ร้องไม่ออก
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: [D]a[D]a [T]oo[N] ที่ 08-05-2008 00:00:16
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 08-05-2008 00:02:34

เศร้าได้ใจ จริงๆ   :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 08-05-2008 00:09:22
ยิ่งอ่านยิ่งเครียดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เศร้าไปไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ichbinice ที่ 08-05-2008 00:34:15
ไม่รู้จะใช้อีโมชั่นตัวไหนบอกความรู้สึกตัวเอง

เคยอ่านเรื่องของคุณ ภัคD ตั้งแต่ในบอร์ดอินุ อ่านไปได้ 3 ตอน ... ทนไม่ไหว อึดอัด หดหู่ แล้วก็เหนื่อยใจ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า เรื่องราวแบบนี้มันมีจริงในโลก เรื่องของ ด.ช.ตะวันฉาย ก็คงเหมือนกัน

จนถึงหน้าที่ 9 นี้ ก็ต้องชมตัวเองเหมือนกัน ว่า อ่านมาได้โดยไม่ปิดไปตั้งแต่ตอนที่ 3 เหมือนเรื่องก่อน คงเพราะตะวันฉาย ยังมองโลกในแง่ดี ตีความให้ตลก ... ปลอบตัวเอง ไม่ต่างจากเรา

ไม่รู้ใครอ่านแล้วเป็นเหมือนกันป่าว ... เศร้า แต่ร้องไม่ออก

เหมือนเราเลย

 :sad2: :sad2: :o12: :o12: o7 o7 :m15:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: christiyaturnm ที่ 08-05-2008 08:26:18
 :m15: ทำไม มันเจ็บปวด

ทรมานแบบนี้นะ


 :sad2: อยากให้ฉายได้เจออะไรที่ทำให้ตัวเอง เบิกบานมีความสุขขึ้นมาบ้าง


อย่าผูกติดกับพี่ตะวันอีกเลย


แต่ก็สงสารพี่ตะวันลึกๆนะ

ปาไม่น่าทำแบบนั้นเลย............... :o12:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 08-05-2008 11:01:30
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 20

ความรัก ...เมื่อผมฝันอีกครั้ง


ไม่ว่าพี่ตะวันจะเป็นดวงตะวันของผม...หรือดอกทานตะวันของพี่ขุน

ไม่ว่าจะเพราะความช่วยเหลือของพ่อ แม่และพี่ขุน...หรือคำขู่ของผม

แสงแรกของเช้าวันที่ยี่สิบ...พี่ตะวันก็ลืมตาขึ้น...

มันเป็นแสงแรกของเช้าวันใหม่...และเป็นแสงแรกของชีวิตผม...

เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่เสียน้ำตาให้กับความยินดี...

เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตที่รู้ว่า...ความสุขและความดีใจ มันบีบบังคับให้น้ำตาของผมหลั่งรินออกมาได้จริงๆ...

และผมก็เฝ้าพร่ำบอก...อยู่กับฉายนะตะวัน...

และพี่ตะวันก็รับรู้ ด้วยน้ำตาเช่นกัน...

พี่กบไม่ได้ลางาน...แต่น่าจะเรียกว่าโดดงานมาซะมากกว่า ทันทีที่รู้ว่าพี่ตะวันรู้สึกตัวแล้ว...

เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตที่รู้อีกเหมือนกันว่า...ความดีใจก็ทำให้พี่กบร้องไห้ออกมาได้...

เราเลือกที่จะไม่พูดถึงพี่ปา ยกเว้นก็แค่ครั้งหรือสองครั้งที่ตำรวจจำเป็นต้องมาสอบปากคำพี่ตะวัน...

“พี่ขุนไล่พี่กลับมาอยู่เป็นเพื่อนฉาย...”พี่ตะวันชอบพูดและยิ้ม...ยิ้มอย่างที่เคยยิ้มให้พี่ขุน...ผมรู้ว่า ภาพเงาของพี่ขุนคงจะยังงดงามและสมบูรณ์อยู่ในใจพี่ตะวัน คงทั้งจากนี้ และจะตลอดไป...หลักฐานคือรอยยิ้ม...ทุกรอยยิ้ม...ทุกครั้งที่พี่ตะวันพูดถึงพี่ขุน...

“แล้วแม่กับพ่อล่ะ?”ผมถามถึง ส่งยาให้พี่ตะวันที่รับไปกินพร้อมจิบน้ำที่ผมส่งตามให้แค่อึกสองอึก

“กินให้หมดแก้ว...”ผมบอกและพี่ตะวันก็ทำตาม

“น้าโอ๋เอาไม้กวาดไล่พี่...ชิ้วๆ ไปได้แล้ว!...”พี่ตะวันเล่าต่อและหัวเราะ หลังส่งแก้วเปล่าคืนให้ผม มันทำให้ผมนึกเห็นภาพ...แม่มักทำอย่างนี้เสมอ เวลาที่ผมกับพี่ตะวันนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นและแม่จะกวาดบ้าน

“น้าเจดบอกว่า...ถ้าไม่ไปก็มาทำการบ้าน!...แล้วก็ยกการบ้านมาตั้งเบ้อเร่อ...พี่ส่ายหัวแล้วก็เลยวิ่งหนีก็พอดีเจอฉายเลยวิ่งหนีด้วยกัน...”

“ฉายเนี่ยนะ?...ฉายไม่เคยหนีทำการบ้านเหมือนตะวัน!”ผมพูด เพราะตั้งแต่เล็กจนโต ไม่มีสักวันที่ผมไม่ทำการบ้าน...ทำแม้แต่การบ้านยัดไส้ ที่พี่ตะวันแอบเอาการบ้านตัวเองมากางให้ผมทำหน้าตาเฉย...และผมก็ทำ...จริงๆผมจำไม่ได้ เพราะตอนนั้นยังเด็ก เด็กจนแยกไม่ออกระหว่างการบ้านตัวเองกับการบ้านพี่ตะวัน และพ่อกับแม่มักเอามาเล่าให้ผมฟังตอนโตแล้ว...ซ้ำไปและซ้ำมา เพื่อหัวเราะ...

ตอนเด็กๆพี่ตะวันชอบเอาการบ้านเลขของตัวเองมากางให้ผมทำ...ผมซึ่งยังไม่รู้เรื่องรู้ราวก็นั่งทำ...การบ้านของพี่ตะวันเป็นเลขคูณ เลขหาร แต่การบ้านของผมเป็นเลขบวก เลขลบ...ผมก็อุตส่าห์นั่งลบเครื่องหมายคูณออกแล้วเขียนใหม่เป็นบวก...ลบจุดๆในเครื่องหมายหารให้เป็นลบ...แล้วก็ทำอย่างตั้งอกและ ตั้งใจ...

“ฉายฉลาด...เลขสามหลักยังไม่ได้เรียน ฉายก็เลือกลบเองไปซะหนึ่งตัวให้เหลือแค่สองหลัก...ทำไปได้!”แม่ประชดตบท้ายทุกครั้งที่เล่าให้ฟัง

“เคยสิ...ฉายเคยหนีทำการบ้าน...”พี่ตะวันยืนยัน

“เมื่อไหร่?”ผมถาม มั่นใจจริงๆว่าตัวเองไม่เคย

พี่ตะวันไม่ตอบ แต่ทำเป็นยิ้มภูมิอกภูมิใจอย่างกับตัวเองรู้ะไรดีๆ คงอยากให้ผมเซ้าซี้ถาม

“ไม่เคยแน่ๆ...ตะวันไม่ต้องมาอำ...”ผมยืนยันอีกครั้ง แต่ไม่ถาม

“เคย!”พี่ตะวันก็ยืนยันอีกหน... แต่ไม่ยอมพูดอะไรมากไปกว่านั้น...

“แล้วน้าโอ๋กับน้ามะล่ะ?”ผมเลยแกล้งเปลี่ยนเรื่องถามถึงน้าโอ๋กับน้ามะบ้าง

“พ่อกับแม่ยังไม่ตาย พี่จะเจอได้ไงล่ะ!”พี่ตะวันตอบ แก้มยังยิ้ม ผมเลยทำได้แค่พยักหน้ารับ

ผมจำได้ แม่บอกว่าเงินในสมุดบัญชีน้าโอ๋กับน้ามะ น่ะรายการมันหยุดเคลื่อนไหวไปนานแล้ว

“แล้วตะวันรู้หรือเปล่า?”ผมถามแม่ ในวันที่แม่เล่าให้ฟัง

“มันนั่งจ้อง ตาจะถลน!... แม่ล่ะเสียวสันหลังวาบ ถ้ามันนั่งร้องไห้ไปสามวันสามคืนอีกจะทำยังไง ไม่ต้องมานั่งหลังแข็งพับนกให้มันอีกหรือไง... ฉายก็ไม่อยู่ พี่กบก็ไม่อยู่...แม่งี้เหงื่อตกเลย!”

“แล้ว?”ผมถาม เพราะเท่าที่รู้ และเท่าที่เห็น...ไม่มีนกกระเรียนตัวที่หนึ่งพันสองให้ผมเห็นสักตัวเดียว

...ถ้าเป็นพี่ พี่จะริบให้หมด วันหลังน้าโอ๋กับน้ามะกลับมา จะไปไหนจะได้ขอตะวันก่อนไง!...พี่ขุนบอกพี่ตะวัน และพี่ตะวันก็ยิ้มแก้มปริ...แม่เล่าให้ฟังอย่างนั้น

วันนี้เมื่อพี่ตะวันบอกว่า...พ่อกับแม่ยังไม่ตาย พี่จะเจอได้ยังไง?...ผมเลยสงสัย ถ้าเป็นพี่ขุน พี่ขุนจะพูดอะไร จะพูดยังไงให้พี่ตะวันหัวเราะได้...แต่ผมไม่ใช่พี่ขุน ผมเลยไม่รู้...และถึงผมรู้ ผมก็ไม่พูด เพราะผมไม่ใช่พี่ขุน...ยิ่งกว่านั้นผมรู้ว่า...ไม่ใช่แค่พี่ขุนสักหน่อย ที่ทำให้พี่ตะวันยิ้มและหัวเราะได้...ผมเลยไม่ได้พูดอะไร นอกจากพยักหน้ารับและยิ้ม...และพี่ตะวันก็ยิ้มตอบ

แล้วคืนนั้นผมก็ฝัน...

ฝันถึงบ้าน ที่ยังมีพ่อ...มีแม่...มีน้ามะกับน้าโอ๋...มีพี่ขุน...มีพี่ตะวัน...และมีผม...กับพี่กบวอบแวบๆ จนไม่แน่ใจว่ามีหรือไม่มี

ผมเห็นแม่หัวเราะ...และพ่อยิ้ม พูดอะไรสักอย่างกับแม่...

ผมเห็นพี่ตะวันยิ้ม กอดพี่ขุนไว้แน่น พี่ขุนก็ กอดและกระซิบบอกอะไรบางอย่างที่ข้างหูพี่ตะวัน

“ฉายทำไมเมื่อวานไม่ทำการบ้าน?”อยู่ๆผมก็ได้ยินเสียงแม่ถามเสียงดุ

“ก็ตะวันบอกว่า ถ้าฉายทำ ตะวันจะไม่รักฉาย!”ผมได้ยินเสียงตัวเองตอบ ทั้งที่รู้สึกว่าปากตัวเองไม่ได้ขยับ

“ตะวันไม่ได้พูด!”และผมได้ยินเสียงพี่ตะวันเถียง

“ไม่รักๆ...อย่างกับใครๆรักตัวนักนี่!”คราวนี่แม่หันไปพูดกับพี่ตะวัน แล้วพี่ตะวันก็ร้องไห้

“...โอ๋ๆ...ไม่ร้องนะ... น้ารักตะวันจะตาย”ผมได้ยินแม่พูดคำที่ได้ยินจนชินหู... ก่อนหันไปยิ้มกับพ่อ

“พี่ก็รักตะวันนะ...”พี่ขุนบอกก่อนจูบแก้มพี่ตะวันเบาๆและพี่ตะวันก็ยิ้ม

“ฉายก็รักตะวัน...”ผมบอก...แล้วก็ลืมตาตื่น...

...ฉายก็รักตะวัน...คำพูดยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปาก เมื่อผมลืมตาตื่น...

ผมไม่รู้ว่ามันเป็นแค่ความฝัน..หรือคือความจริงที่ผมหลงลืมไปเพราะความเป็นเด็ก...แต่จำได้ ตั้งแต่เด็ก พี่ตะวันชอบขู่...ตะวันไม่รักแล้ว...พี่ตะวันชอบขู่เวลาที่ใครๆไม่ตามใจ...ผมจำไม่ได้ว่าพี่ตะวันเลิกพูดคำนี้ไปเมื่อไหร่...จริงๆ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจำได้หรือจริงๆจำได้จากปากคำที่แม่เล่าให้ฟัง...

รู้แต่เมื่อผมลืมตาตื่น...คำพูดยังติดอยู่ที่ริมฝีปาก...ฉายก็รักตะวัน...

ผมชื่อ...ตะวันฉาย และยังคงรักพี่ตะวัน...

จบ ความรัก...เมื่อผมฝันอีกครั้ง


หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gift_deb ที่ 08-05-2008 11:12:23
โอ้ยยยยยยยย สมหวังซะทีเถอะค่ะ สุดจะทนแล้ว :serius2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 08-05-2008 11:16:40
แงแง

จะเศร้าไปถึงไหนเนี้ยะ

ขอบคุณคนโพสต์คร้าบบบ

 :a2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 08-05-2008 11:33:37
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 08-05-2008 11:42:09
พูดประโยคนั้นอีกสักครั้งสิ ดูสิตะวันจะว่าไง
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 08-05-2008 12:54:31
 :m22:
:L2:
 :m22:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ddtgirl ที่ 08-05-2008 13:09:01
โฮก :m15: :m15:

เศร้าได้ใจ
 :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 08-05-2008 13:10:07
 :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 08-05-2008 13:42:30
เหลือกันอยู่สองคนแล้วนะ :o12:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: panpan ที่ 08-05-2008 13:53:58
พี่คร้าบ  จะเศร้าไปถึงไหนคร๊าบบบบ

สมาชิกใหม่ขอเจิมโพสต์ที่เรืองนี้แระกัน

 :oni2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gagagaa122 ที่ 08-05-2008 14:24:35
 :serius2:

เศร้าแต่ร้องไห้ไม่ออกจริงๆ

เป็นเรื่องที่เก็บกดที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาละ



โอ้ย ยืนยันคำเดิม
เซ็งเป็ดอะวอร์ดปีนี้ ขอรางวัล ตัวเอกที่น่าสงสารที่สุด ให้กับฉายที

 :m15:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Hero*~ ที่ 08-05-2008 15:56:16
-*- เห็นด้วยกับ รีบน เป็นอะไรที่เก็บกดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :serius2:

อยากจะขอบคุณที่เอามาให้อ่านนะครับ สนุกมาก  o13

ได้แนวคิดเยอะดี

แปลกจริงๆ แปลกๆๆๆๆๆๆๆ

ปล.พ่อแม่ของตะวันฉายยยตาย เหมือนไม่เศร้าเลย ยังไงไม่รู้ - -
ปล2. อ่านๆไปพยายามคิดว่า พี่ขุนจะออกจากชีวิตตะวันยังไง ไม่คิดว่าจะออกด้วยวิธีนี้  :o12:โหดร้ายยยย
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 08-05-2008 18:07:27
เศร้าได้อีก คนเรา สงสารตะวัน กะฉายเนอะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 08-05-2008 18:52:27
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # หลังบทที่ 20

หลังความรักเริ่มต้น...ความรัก ยังคงอยู่


ผมมองดูพี่ตะวันเก็บกระเป๋า...กระเป๋าที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ...และมากใบขึ้นเรื่อยๆ

“ตะวัน...บ้านเราหลังนิดเดียว...”ผมเตือนอย่างเกรงใจ เมื่อเห็นพี่ตะวันคว้ากระเป๋ามาเพิ่มอีกใบ

“ก็โคมไฟอันนี้พี่ขุนทำให้...พี่จะเอาไปไว้ในห้องน้ำ...พี่ขุนทำให้...ตอนทำบอกว่าจะเอาไว้ในห้องน้ำ”พี่ตะวันพูดถึงห้องน้ำกลางแจ้งที่พี่ขุนเคยสัญญาไว้

“แต่บ้านเรายังไม่มีห้องน้ำกลางแจ้งหรอกนะ...”ผมบอก

“ไม่เอาไปก็ได้ แต่...พี่เคยไปวาดรูป...ไม่อาบน้ำสองวันก็อยู่ได้...ที่ไหนพี่ก็อยู่ได้!”พี่ตะวันพูด และเงยหน้ามามองผม ทำหน้าตาเหมือนกลัวจะโดนทิ้ง หากแต่มือก็ยังกอดโคมไฟของพี่ขุนไว้แน่น... จนผมอดไม่ได้ที่จะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆและกอดพี่ตะวันไว้

“ตะวัน...ที่ไหนมันก็มีน้ำให้ตะวันอาบทั้งนั้นแหละ!...ไอ้ที่ไม่อาบน่ะ มันตะวันไม่อาบเองต่างหาก!”ผมพูดและพี่ตะวันก็หัวเราะ

“แล้วถึงอยู่บนยอดดอย ไม่มีไฟ ไม่มีน้ำ... เกิดตะวันอยากอาบน้ำขึ้นมา ฉายก็จะเดินลงดอยไปหิ้วน้ำขึ้นมาให้ตะวันอาบ!”ผมพูดต่อ และก่อนที่พี่ตะวันจะทันพูดอะไร ผมก็ต้องรีบบอก

“ฉายล้อเล่นนะ!”

“แต่ยังไงบ้านเราก็อยู่ที่นี่นะตะวัน...ขายหลังเดียว หลังนี้ไม่ได้ขาย เผื่อน้าโอ๋กับน้ามะกลับมาไง...ตอนนี้ที่เราจะไปอยู่ มันบ้านพักข้าราชการ...อยู่แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง บ้านหลังใหม่เสร็จ เราค่อยกลับมาเอาของอีกรอบ จะได้ไม่ต้องย้ายหลายเที่ยว...นะ?”ผมถาม และพี่ตะวันก็พยักหน้ารับ หากแต่ก็ยังกอดโคมไฟของพี่ขุนไว้แน่นเหมือนเดิม...

“บ้านหลังใหม่ของเราอยู่บนดอย...มีหมอกให้ตะวันดูตอนเช้าๆ แล้วก็มีดาวให้ตะวันนอนนับตอนกลางคืน...มีต้นไม้เยอะแยะ...มีระเบียงให้ตะวันมองเห็นภูเขา ก้มลงมาก็เห็นยอดไม้... พอหน้าหนาว ตะวันก็จะเห็น ดอกหญ้าบานเต็มดอย...แล้วก็มีอ่างอาบน้ำที่มองเห็นดาว...มีโคมไฟของพี่ขุนอยู่ใกล้ๆอ่างอาบน้ำ...ห้องนอนของเราจะมีหน้าต่างรอบเลย...อากาศบนดอยมันหนาว เราจะได้กอดกันนอนทุกคืนๆ...แล้วฉายจะปลูกดอกทานตะวันให้ตะวันรดน้ำตอนเย็นๆ... ตะวันก็นั่งวาดรูปตอนฉายไปทำงาน แล้วพอฉายกลับมา...เปิดประตูเข้ามาปุ๊บ ก็จะได้เห็นตะวันยิ้มหน้าบานอยู่กับดอกทานตะวันไง...”

“อยากไปอยู่เร็วๆจัง”พี่ตะวันพูด เอนหัวอิงกับไหล่ผม ส่วนตาก็ลอยไปไกลถึงบ้านหลังใหม่แล้ว...แต่ถึงตาพี่ตะวันจะลอยไปไกลแค่ไหน หากแต่ในความเป็นจริงนั้น บ้านหลังใหม่ยังเป็นแค่แปลนกระดาษที่มีพี่กบมาช่วยดูให้

ดังนั้นกระเป๋าใบโตๆหลายใบของพี่ตะวันรวมทั้งโคมไฟของพี่ขุนก็เลยไปกองอยู่ที่บ้านพักข้าราชการหลังเล็กๆของผม...

“แล้วตรงนี้ ฉายทำไง?”พี่ตะวันยังถามเหมือนเดิมทุกๆครั้งเมื่อถึงเวลาที่ผมต้องทำความสะอาดแผลให้

“ตรงนี้แผลไม่ใหญ่ ฉายก็กดแผลไว้เฉยๆ”ผมตอบ

“แล้วตรงนี้ล่ะ?”พี่ตะวันถาม เมื่อผมย้ายมาทำความสะอาดที่อีกแผล และเป็นแผลที่เกือบทำให้ชีวิตพี่ตะวันหลุดลอยไป

“ตรงนี้ ฉายก็โกยน้ำแข็งหมดตู้เย็นเลย...เอาผ้าห่อๆแล้วเอามาโปะตะวันไว้”ผมตอบและพี่ตะวันหัวเราะ

“ถึงว่า...พี่ฝันว่าตัวเองเป็นลูกชิ้นปลาแช่น้ำแข็งอยู่ในกะบะ!”และคำตอบของพี่ตะวันมันก็ทำให้ผมหัวเราะออกมาเหมือนกัน...

“ไว้ซื้อที่ทำน้ำแข็งมาเพิ่มนะ...”พี่ตะวันบอก

“เอามาทำอะไร?”

“ก็ทำน้ำแข็งไง!”พี่ตะวันตอบด้วยน้ำเสียงแบบว่าทำไมแค่นี้ผมต้องถามอีกเช่นเคย...

“ฉายหมายถึง...ตะวันจะเอาน้ำแข็งไปทำไม?”ผมถาม เพราะตอนยังไม่ย้ายมา พี่ตะวันก็ทำน้ำแข็งเต็มตู้เย็น และมันก็อยู่เต็มตู้เย็น ไม่เห็นพี่ตะวันเอามาทำอะไร...

“ก็เผื่อพี่ปามาอีกไง...จะได้มีน้ำแข็งเยอะๆ”พี่ตะวันตอบ พลางลูบแผลที่แขนตัวเอง

“ใครจะปล่อยให้พี่ปาทำอย่างนั้นอีกล่ะ ฉาย...”ผมพูดได้เท่านั้นแล้วพี่ตะวันก็ขัด

“วันนั้นฉายก็อยู่ พี่ตะโกนเรียกคอจะแตก!”วันนี้พี่ตะวันพูดความจริงที่ผมเพิ่งรู้

“ตะวันเรียกฉายเหรอ?”ผมถาม นึกถึงเสียงแม่ที่เรียกผม...หรือจริงๆจะเป็นเสียงพี่ตะวันเรียกจนคอจะแตก?...

“เออสิ...เรียกจนคอจะแตก!”พี่ตะวันยังย้ำคำเดิม

“แล้วทำไมไม่เรียกให้คนช่วยเล่า?”ผมถามและหัวเราะ

“ก็คนใกล้ตาย ใครจะไปทันคิดล่ะ?”พี่ตะวันบอก

“หัวเราะอะไร คนอุตส่าห์เป็นห่วง?!”พี่ตะวันถามเสียงขุ่น...แม้ผมไม่ชอบคำว่าใกล้ตาย...แต่ผมก็อดยิ้ม อดหัวเราะไม่ได้กับคำตอบของพี่ตะวัน

“เป็นห่วง? ตะวันเนี่ยนะห่วงฉาย?”

“เออสิ!...เจ็บจะตายอุตส่าห์คลานฮึ๊บ...คลานฮึ๊บ!”

“คลานฮึ๊บ...คลานฮึ๊บ?”ยิ่งฟัง ผมยิ่งหัวเราะ

“ก็มันเจ็บนี่...คลานที ก็ต้องหายใจฮึ๊บที...ได้แค่สองฮึ๊บ ก็หมดแรง...”พี่ตะวันเล่า แถมด้วยท่ายืดคอหายใจฮึ๊บๆ

“แล้วตะวันจะคลานฮึ๊บ...คลานสองฮึ๊บไปไหนล่ะ?”ผมถาม ยังหัวเราะไม่หยุด ...นึกถึงวันนั้น ถ้าเห็นภาพพี่ตะวันคลานฮึ๊บๆ ผมอาจร้องไห้ไม่ออก ไม่ต้องเสียน้ำตาลูกผู้ชายไปหลายปี๊บ

“...ก็ไปหาฉายไง...”พี่ตะวันตอบ และผมก็หยุดหัวเราะ

“โทรศัพท์อยู่ที่มือตะวันเอื้อมถึงเอง คลานทำไมฮึ๊บๆ”ผมยังพยายามแกล้งพูดให้ตลก

“ก็...ใครจะไปทันคิดล่ะ!”พี่ตะวันยังยืนยัน...แล้วผมจะไม่ดีใจได้ยังไง...ในความเจ็บปวด พี่ตะวันคิดถึงก็แต่ผม...

“งั๊นตะวันก็นอนเยอะๆนะ...แผลมันยังไม่หายดี เดี๋ยวได้คลานฮึ๊บ คลานฮึ๊บไปหาฉายที่โรง’บาล”ผมบอก และพี่ตะวันก็ทำตาม แต่ก็ทำตามได้แค่พักเดียวเท่านั้น...เพราะโรงพยาบาลที่ผมไปประจำอยู่เป็นแค่โรงพยาบาลเล็กๆในอำเภอรอบนอก หมอที่ประจำอยู่เลยมีแค่สองคน...ดังนั้นมันจึงช่วยไม่ได้ที่บางครั้งผมก็แทบจะเอาเวลาทั้งวันไปทิ้งไว้ที่โรงพยาบาล และพี่ตะวันก็ทนนั่งเหงาอยู่บ้านคนเดียวได้ไม่นาน พอเข้าแค่อาทิตย์ที่สอง พี่ตะวันก็ขอตามไปโรงพยาบาลด้วย โดยให้ผมหอบหิ้วเอาอุปกรณ์วาดรูปไปให้ด้วย...

ใต้ต้นหูกวาง ริมรั้วกลายเป็นที่นั่งวาดรูปประจำของพี่ตะวันไป...ทุกครั้งที่เปิดผ้าม่านขึ้นดู ก็จะเห็นพี่ตะวันนั่งวาดรูปอยู่ตรงนั้นเสมอ...และรูปที่พี่ตะวันวาด ก็ยังคงเป็นรูปพี่ขุนอยู่เสมอ...ผมเลยหาดอกทานตะวันมาปลูกให้ริมรั้วใกล้ที่พี่ตะวันนั่งวาดรูป และมันก็ดูสวยดี สุดท้ายรอบรั้วโรงพยาบาลเลยมีแต่ดอกทานตะวัน...

จากขาตั้งวาดรูปของพี่ตะวันแค่หนึ่งอัน มันก็เพิ่มมากขึ้นมาทีละอัน...มีคนมาให้พี่ตะวันสอนวาดรูปเยอะแยะ ทั้งเด็ก ทั้งไม่เด็ก...ทั้งชาวบ้าน ทั้งคนไข้...สุดท้ายมันเลยกลายเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่พอเช้าต่างคนก็ต่างหิ้วอุปกรณ์ของตัวเองมา ตอนเย็นก็ต่างหิ้วของตัวเองกลับไป...บางรูปเจ้าของเอากลับ บางรูปแขวนประดับไว้ในโรงพยาบาล และบางรูปที่พี่ตะวันว่าเข้าที พอเข้าเมือง พี่ตะวันก็จะเอาไปฝากขายที่ร้านของพี่อ๋อ...กลุ่มวาดรูปเลยยิ่งขยายใหญ่ขึ้น...เพราะความสุขกลับสร้างรายได้ขึ้นมาได้...

ขยับจากกลุ่มวาดรูป...ก็เริ่มขยายกันไปอีกกลุ่มสองกลุ่ม...โครงการสารพัดเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพเริ่มเข้ามา...สถานที่เหมาะเหม็งกลายเป็นพื้นที่ว่างๆในรั้วโรงพยาบาล

ซ้ายมือของพี่ตะวันเป็นกลุ่มไทเก๊กของคนแก่...ขวามือเป็นกลุ่มแอโรบิคของเด็ก คนยังไม่แก่ และไม่ยอมแก่ พี่ตะวันที่ถือว่าตัวเองมาก่อนก็ไม่ยอมขยับหนีไปทางไหน ปักหลักอยู่ตรงกลางระหว่างสองกลุ่ม...วันดีคืนดี...ลมพัดอากาศกำลังดีตอนเย็นๆ...เปิดม่านขึ้นดู ผมเลยได้เห็นพี่ตะวันถือพู่กันไปรำไทเก๊กอยู่กับกลุ่มข้างซ้าย กับบางทีก็ไปยืนส่ายเอวหัวเราะหน้าบานอยู่กับกลุ่มทางขวามือ...

แถมพอพี่กบมาเยี่ยมเยียน...พี่กบก็ใช้เวลาสองวันของตัวเองอย่างมีคุณภาพ...เอาไม้ไผ่ลำโตมาต่อเป็นบ้านเด็กเล่นหลังเล็กๆ แล้วพี่ตะวันก็ทาสีและวาดรูปดอกทานตะวันลงบนบ้านทุกหลังที่พี่กบสร้าง...เด็กๆเลยชอบมาวิ่งเล่นกันในรั้วโรงพยาบาล

แต่กลุ่มวาดรูปที่โรงพยาบาลก็อยู่ได้ไม่นานนัก ก็ต้องหยุดพักไปชั่วคราว เพราะหัวหน้ากลุ่มอย่างพี่ตะวันดันหันหน้าเข้าวัด...ซึ่งก็ไม่นานเท่าไหร่ เพราะพอวาดรูปจนเต็มกำแพงวัดเสร็จ พี่ตะวันก็กลับมาปักหลักที่โรงพยาบาลเหมือนเดิม...

“ตะวันวาดรูปแบบนี้เป็นด้วยเหรอ?”ผมถาม เมื่อพี่ตะวันพาไปดูผลงานบนกำแพงวัดอย่างภูมิอกภูมิใจ...และภาพบนกำแพงวัดที่เห็น ก็เป็นภาพวาดสไตล์ล้านนา ที่ไม่เคยเห็นพี่ตะวันวาด...

และเพราะพี่ตะวันยิ้มอย่างภูมิอกภูมิใจ ผมเลยรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรไม่น่าไว้วางใจ...พอวันว่างผมเลยหันหน้าเข้าหาวัดด้วยอีกคน มานั่งดูรูปวาดของพี่ตะวันบนกำแพงวัด...แล้วผมก็เจอ...ผู้ชายหน้าเข้ม เสียบดอกไม้สีแดงไว้ที่หู...ไม่ใช่แค่หนึ่งคน แต่ตั้งหลายคน ...

“บาปนะตะวัน!”ผมบอกอย่างปลงๆ...ส่วนพี่ตะวันยังยิ้มไม่รู้สึกรู้สา

“บาปตรงไหน?”

“ก็มันกำแพงวัด!”

“ไม่ได้วาดไว้บนหูพระสักหน่อย!”พี่ตะวันให้เหตุผล

แล้วพอวันเข้าเมือง พี่ตะวันก็พาผมไปท่องวัดในตัวเมือง

“ดูดิ!”พี่ตะวันชี้ให้ผมดูภาพวาดในโบสถ์ของวัดเก่าวัดแก่แห่งหนึ่ง...และภาพวาดนั้นก็เก่าแก่พอๆกับวัด หรืออาจจน้อยกว่านิดหน่อย

รูปวาดโบราณ...ที่ความรู้ผมมีไม่มากพอจะบอกว่ามาจากนิทานพื้นบ้านหรือวรรณกรรมไทยเรื่องไหน...รูปใครสักคนที่แต่งตัวเต็มยศยิงธนูหน้าตาขึงขัง...กับข้าราชบริพารกราบกรานอยู่แทบเท้า...หนึ่งในนั้นเหงื่อตก เหลือบตาขึ้นมองธนูที่ปักอยู่บนหัวตัวเอง...ผมอยากจะหัวเราะแต่หัวเราะไม่ออก...วัดใกล้บ้าน วัดนี้ใช่ว่าจะไม่เคยมา...รูปบนโบสถ์นี้ ก็มายืนแหงนคอตั้งดูกับพี่ตะวันมาแต่เด็ก...แต่ผมเพิ่งเคยเห็น สิ่งที่พี่ตะวันชี้ให้ดู

“พี่ขุนพามาดู มีอีกตั้งหลายที่ไว้จะพาไปดู”พี่ตะวันบอกและยิ้มเมื่อพูดถึงพี่ขุน ส่วนผมก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ

“นั่นสิเนอะ...ฉายคิดได้ไง ว่าพวกแปลกๆแบบตะวันจะมีคนเดียวในโลก!”ผมพูดอย่างปลงๆ คิดไม่ถึงกับอารมณ์ขันของ...บรรพบุรุษไทย...


กลับมาที่เรื่องของพี่กบ...

หลังจากพ่อกับแม่กลายเป็นอากาศลอยขึ้นไปอยู่บนฟ้า...และผมกับพี่ตะวันเหลือกันเองแค่สองคน...พี่กบที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนรักของพี่ตะวันและผันตัวเองมาเป็นพี่ ก็แต่งตั้งตัวเองขึ้นเป็นญาติผู้ใหญ่ของผมกับพี่ตะวัน

พี่กบยังไปๆมาๆหาผมกับพี่ตะวัน...และถึงจะบอกว่า ไปๆมาๆ...แต่ในความเป็นจริง ปีหนึ่งก็แค่หนหรือสองหนเท่านั้น และพักหลังๆ พี่กบก็พาแฟนมาด้วย

ผมเคยบอกว่าพี่กบยิ้มปากกว้าง...แฟนพี่กบน่ะใจกว้างกว่าปากพี่กบเสียอีก...

แฟนพี่กบชื่อพี่ก้ำ ยืนอยู่กับพี่กบแล้วเหมือนภาพขาวดำไม่มีผิด...

“ดีจัง!...พี่กบมาพอดี ตะวันกำลังหาคนช่วยต่อไฟให้ปลาปักเป้าพอดีเลย!”พี่ตะวันยิ้มหน้าบาน วันที่พี่กบมาหาและพาพี่ก้ำมาเปิดตัวครั้งแรก...พี่ตะวันหาคนมาเดินไฟรอบบ้านให้ปลาเป้าเป่าลมของพี่ขุนที่เพิ่งขนมาหลังจากบ้านหลังใหม่สร้างเสร็จไม่ได้...ช่างไฟน่ะหาไม่ยาก แต่ช่างไฟช่วงวันสงกรานต์น่ะหายากยิ่งกว่ายาก พี่ตะวันเลยหน้าง้ำมาสองวันเพราะผมเองก็จนปัญญาจะทำให้

“แต่แฟนพี่มาด้วยนะ...”พี่กบแย้งเบาๆแบบเกรงใจ คงหมายถึงเที่ยวนี้พี่กบพาแฟนมาด้วย เลยจะมานั่งเอาใจพี่ตะวันออกนอกหน้าอย่างทุกทีไม่ได้เพราะเกรงใจแฟน

“พี่ก้ำมาด้วยเหรอ?...ไม่เป็นไร...ดีสิ พี่กบจะได้ไม่ต้องทำคนเดียวไง!”แต่พี่ตะวันว่างั๊น...พี่กบเลยยิ้มค้าง ส่วนพี่ก้ำยืนหัวเราะอยู่ที่หน้าประตู

พี่ตะวันน่ะเคยคุยกับพี่ก้ำผ่านทางสายโทรศัพท์มาหลายหนแล้ว...ไม่รู้ว่าเพราะความเป็นคนดี ความใจเย็นของพี่กบ หรือเพราะอะไร แฟนเก่าทุกอันดับของพี่กบจึงมักเลิกราไปจากพี่กบด้วยดี ซ้ำยังคบหากันเป็นเพื่อน...ไม่ว่าจะเป็นแฟนอันดับไหนก็พลอยรู้จักกันไปหมด...แต่ดูแล้วพี่ก้ำน่าจะถูกใจพี่กบของจริง...

คุยกันได้แป๊บ ผมก็ต้องแยกไปโรงพยาบาล ปล่อยพี่ตะวันทิ้งไว้กับพี่กบกับพี่ก้ำ...และกว่าผมจะกลับก็ดึกจนดื่นแล้ว แต่ดูคล้ายงานต่อไฟรอบบ้านให้พี่ตะวันจะยังไม่เสร็จ...ไม่ผิดจากที่คิด เพราะเปิดประตูบ้านเข้าไป พี่กบยังนั่งอยู่บนกระไดตัวสูง พี่ก้ำคอยส่งอุปกรณ์ให้ ส่วนพี่ตะวัน...ยืนเกาะขากระไดหลับอย่างเจ้าบ้านที่ดี คือไม่ยอมทิ้งแขกไปนอนก่อน...

“แล้วเรื่องไปเรียนต่อนี่เอายังไง ยังคิดอยู่หรือเปล่า?”พี่กบถามผมในเช้าอีกวันที่โรงพยาบาล...ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่กบถาม เพราะครั้งแรก พี่กบถามตอนที่ผมขอให้พี่กบช่วยดูแปลนบ้านหลังใหม่ให้

...ทำไมไม่ดูอะไรให้แน่นอนก่อนแล้วค่อยสร้าง แล้วเรื่องเรียนต่ออีกล่ะ?...ครั้งนั้นพี่กบถาม เพราะแน่นอนว่าถ้าเรียนต่อแล้ว โอกาสที่จะกลับมาที่ไชยปราการมันก็น้อยเต็มที ดังนั้นโครงการสร้างบ้านมันจึงยังควรรอดูอะไรให้แน่นอนก่อน วันนั้นผมไม่ได้ตอบอะไร แต่โครงการสร้างบ้านก็ดำเนินต่อไปจนเสร็จ...และแน่นอนมีห้องน้ำกลางแจ้งให้พี่ตะวันด้วย

“คงไม่เรียนแล้วพี่...อยู่อย่างนี้ก็มีความสุขดี...”แต่วันนี้ผมตอบ

“ถ้าเรียนต่อ ก็คงไม่ได้กลับมาอยู่ที่นี่หรอก ที่นี่มันโรง’บาลเล็กๆ เครื่องมือผ่าตัดอะไรก็ไม่มี พวกcase ใหญ่หน่อยก็ส่งไปโรง’บาลใหญ่หมด”

“อ้าว แล้วฉายไม่อยากเรียนต่อแล้วเหรอ?”

“เป็นหมออะไรมันก็เหมือนๆกันแหละ...แต่อยู่ที่นี่ ผมว่า...ดูมันมีประโยชน์ดี...แล้วก็มีความสุขดีด้วย...ตะวันก็ชอบที่นี่ด้วย...”ผมบอก

“ที่ว่ามีความสุขนี่หมายถึงตะวันหรือฉาย?”พี่กบถามและยิ้ม

“มันต่างกันตรงไหนล่ะพี่?”ผมถามแทนคำตอบ และมองออกไปนอกหน้าต่าง...มองพี่ตะวันที่นั่งวาดรูปอยู่ใต้ต้นหูกวาง...มองดูทานตะวันดอกโต...มองดูพี่ตะวันที่หันมายิ้มให้ผม และผมก็ยิ้มรับ...ใช่แล้ว มันต่างกันตรงไหน ความสุขของผมกับความสุขของพี่ตะวัน...

ผมชื่อตะวันฉาย...เป็นน้องชายของพี่ตะวัน...

เพราะความรักไม่ได้มีจุดสิ้นสุดอยู่แค่ที่ลมหายใจ...พี่ตะวันจึงยังคงรักพี่ขุน และผมยังคงอกหัก แต่เพราะความรัก ก็ไม่ได้มีความหมายอยู่แค่ที่สมหวังหรือผิดหวัง...วันนี้ผมจึงมีความสุข แม้จะเป็นได้เพียง...น้องชายของพี่ตะวัน...

จบ...หลังความรักเริ่มต้น... ความรัก ยังคงอยู่

จบ
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอนบ้านข้างๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 08-05-2008 19:02:41
ส่งท้ายด้วยแรงบันดาลใจของคุณภัคD ที่เขียนไว้ค่ะ

เรื่องนี้ ลัดคิวเรื่องอื่นเขียน...เพราะบังเอิญไปแอบหลงรักเพลง...รักคุณเข้าอีกแล้ว...เป็นเพลงที่ชอบมากๆ...รู้สึกในเพลงไม่ได้บอกอะไรเลย...ไม่ได้บอกว่า สมหวังในรักหรือเปล่า...ยังสมหวังอยู่หรือเปล่า...เป็นรักข้างเดียว หรือรักกันและกัน ...อย่างเดียวที่เพลงบอก คือ...ความรักยังคงอยู่...ชอบมากๆ เลยได้เรื่องนี้ออกมา...

-------------------------------------------------------

ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่อยู่ร่วมกันจนจบ เรื่องนี้เศร้าเกินไปรึเปล่า สำหรับคนโพสต์ตอนอ่านบทที่ 1-20 ไม่ร้องไห้เลย แต่พออ่านตอนจบ น้ำตาไม่รู้มาจากไหน ซึ่งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า น้ำตานี้มาจากความยินดีที่ทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกัน หรือจากความเศร้าที่ฉายยังคงอกหักกันแน่ ไม่รู้จริงๆ  o7 o7 o7

 :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @^_^@PeaZa@^_^@ ที่ 08-05-2008 19:28:41
จบแล้วววววววววววววววววววววววววว

เรื่องนี้เป็นที่สุด ในหลายๆเรื่องที่ตัวเองเคยอ่านมา

เป็นเรื่องนึงที่ไม่รู้ว่า เสียดายที่จบ หรือดีใจที่จบดี

เป็นเรื่องที่อ่านไป จี๊ดที่ใจไป บอกไม่ถูกทุกที

เป็นเรื่องที่อ่านไปลุ้นไป อย่างกับหนังสยองขวัญ

ถึงตอนนี้เรื่องนี้จบลงแล้ว ยังแอบดีใจเล็กๆที่สุดท้าย

ฉายก็ได้อยู่กับตะวัน ถึงแม้จะเป็นในฐานอะไรก็ตาม

ความรักแบบไหน ยังไงก็เป็นความรักอยู่ดี

อีกหนึ่งเรื่อง ในความทรงจำ...

 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gift_deb ที่ 08-05-2008 19:44:10
ชอบเรื่องนี้มาก ถึงแม้สุดท้ายฉายจะได้เป็นแค่น้องชาย ได้แค่นั้นฉายก็คงมีความสุขแล้ว ที่ได้อยู่เคียงข้างตะวัน :bye2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 08-05-2008 19:47:31
จบแล้วววววววววววววว  เรื่องนี้

ชอบมากๆๆๆๆๆๆ  อ่านแล้วได้น้ำตาทุกตอน

แล้วก้อยังได้ข้อคิดดีดี อีกมากมาย ความรักที่เรามีให้เค้าไม่จำเป็นต้องครอบครอง แต่เราก้ออยู่ได้แบบมีความสุขเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 08-05-2008 21:03:40
โอ๊ะ...จบซะและ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Pongkemon ที่ 08-05-2008 21:17:32
โอ้ว ว้าว อ่านได้กลางเรื่อง ก้อเม้นไปทีแระว่าคล้าย ๆ กะชีวิตจริงของผม มาถึงตอนจบนี่ก้อทำให้น้ำตาซึมเลย เหมือนความหวังของผมเลย ขอแค่อยู่ด้วยกันดูแลกันไม่ทอดทิ้งกัน จะอยู่ในฐานะคนรักหรือพี่น้องมันก็ไม่ต่างอะไรกันหรอกถ้าใจของเรากับเขาได้เคียงข้างกัน

ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆ ครับ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: nefkung ที่ 08-05-2008 21:28:32
สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :mc4: :mc4:



ปกติชอบมาสิงอ่านแล้วจากไปแต่เรื่องนี้ทำให้ต้องหยุดเม้นท์จนได้ :m32:

ชอบเรื่องนี้มากจริงๆๆ สำนวนการแต่งการเรียบเรียงเจ๋งมากๆๆ แบบว่า

อารมณ์ค่อยๆซึมเข้ามาในใจคนอ่านทีละนิด และเต็มที่ตอนจบตอน :m1:


เป็นเรื่องที่เศร้ามาทั้งเรื่องแต่ตอนตนจบกลับมีความสุขแบบไม่แฮป์ปี้ เอนดิ้ง


แจ๋วจริงๆๆ :m4:
 
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: 1st prince ที่ 08-05-2008 23:11:17
 :m15: :m15:  อ่านเรื่องนี้แล้วหดหู่ ไม่อยากอ่านนิยายเศร้าเลย ไม่อยากเลย จริง ๆ ...
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 08-05-2008 23:58:35
 :m4: :m32: :m32:
ขอปรบมือให้คุณภัคD และคนโพสด้วยค่ะ
เรื่องนี้เค้าดีจิงๆ(ความจริงก็ดีทุกเรื่องแหละ)
อ่านจบแล้วเหมือนมีบาดแผลเกิดขึ้นมาในใจ
เพราะมันเริ่มบาดลึกมาเรื่อยๆ เจ็บมาเรื่อยๆ
แต่ก็แอบใส่ยาไว้ในนั้น มันจึงไม่เจ็บหนักและค่อยๆหาย
จนในตอนจบ จบแต่ก็ไม่เจ็บกลับรู้สึกตื้นตันมากกว่า
ในความรักของฉายที่มีให้ตะวัน
และความรักของตะวันที่มีให้พี่ขุน
และยังมิตรภาพดีๆของพี่กบที่มีให้กับทั้งคู่
ซึ้งจริงๆค่ะ o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 09-05-2008 00:37:00
โดนมากมาย
ความรักก็คือความสุข
ตราบเท่าที่เรายังมีความสุขอยู่
จะไปแคร์กับอย่างอื่นทำไม  :bye2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: nooww ที่ 09-05-2008 01:59:35
 :m15:  เป็นเนื้อเรี่ิืองที่ดีมากเลย

และเป็นการให้กำลังใจให้กับคนอื่นได้ิอีกเยอะเลย

เป็นความรักที่ไม่ต้องการได้ความรักตอบ

แต่ขอแค่ ตัวเราได้รักอยู่อย่างนี้ตลอดไป

ขอปรมมือ :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:

จากใจจิงเลย   :กอด1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 09-05-2008 10:36:27
จบแล้วจิงๆ เหรอ

เศร้ามากมาย

สุดท้ายฉายก็ไม่สมหวัง แต่การได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข มันก็ทำให้เรายิ้มได้จิงๆนะ

ขอบคุณ คุณภัคD สำหรับเรื่องราวดีๆ

ขอบคุณ Thip ที่เอาเรื่องดีๆ มาให้อ่าน

ขอบคุณ เรย์ สำหรับที่วิ่งเล่น หวังใจว่าเล้าคงจะอยู่ได้นานๆ นะ อย่าเพิ่งถอดใจละ

ขอบคุณ เซ็งเป็ด ที่ทำให้เรารู้จักกัน

ขอบคุณเพื่อนๆ สำหรับมิตรภาพ

ขอบคุณครับ

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 09-05-2008 10:58:52
เศร้ามากเลยค่ะ  อ่านแล้วมันบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังงัย

แต่ที่รู้คือมันมีความอิ่มในตัวของมันเองแล้ว  เอ๊ะ ยังงัย 

สนุกค่ะ  น่าติดตาม ถึงแม้ว่าความเศร้าจะเกาะกินจิตใจ  ก็ตาม o13
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: FOAM ที่ 09-05-2008 11:06:18
จบแบบอิ่มใจ  แต่ไม่สมใจครับ......5555

ขอบคุณคุณภัคD ที่เขียนเรื่องราวดีๆให้ได้อ่าน

ขอบคุณคุณ THIP ที่เอาเรื่องราวดีๆ มาให้ได้อ่านครับ

หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: uuro ที่ 09-05-2008 16:06:05
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่ทำให้เห็นความรักอีกหลายแบบซึ้งมาก สองคนนี้ผูกพันกันเกินจะบรรยายจิงๆ เราว่าทั้งสองคนมั่นคงในรัก ตะวันยังมั่นคงกะพี่ขุน ในขณะที่ฉายก็ไม่เคยรักใครนอกจากตะวัน แต่ที่ใครก็สู้ฉายไม่ได้ก็คือความผูกพัน เค้าเป็นของกันและกันมาแต่เกิดแล้ว เยี่ยมจริงๆ ขอบคุณอีกครั้ง o7
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: holymist1988 ที่ 09-05-2008 16:28:18
ชอบมากๆคับ เป็นแนวการเขียนที่ผมไม่เคยจะเคยเจอซักเท่าไหร่

เรื่องนี้สอนอะไรดีๆเยอะเลยแหละคับ

สรุปคือ ชอบมากกก  :m4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Amamiya ที่ 09-05-2008 16:33:18
อ่านจบไปแล้ว...ด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก...
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ขอบคุณคนเขียนที่เขียนเรื่องดีๆมาให้อ่าน...
ขอบคุณคนโพสที่นำเรื่องดีๆมาให้อ่าน...

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 09-05-2008 17:56:18
จบซะแล้ว

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวค่ะ

 :bye2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: realtome ที่ 09-05-2008 20:23:20
ก่อนอื่นต้องขอบคุณผู้แต่ง และคุณ THIP มากมายนะฮะ สำหรับเรื่องราวดี ๆ

:m15: ในที่สุดก็อ่านจบจนได้ เง้อ เม้นท์ไม่ค่อยออกเลย เวลาเจอเรื่องเศร้า ๆ เนี่ยฮะ เฮ้อ...

โอ๊ย.. เศร้า คืนนี้นอนไม่หลับแน่เลย พรุ่งนี้ไปงาน First Date ซะด้วย ฮือ ๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gagagaa122 ที่ 09-05-2008 21:14:56
จบแล้วหรอ


เศร้ามากกกกกกกกกกกกก


 :m15:


ตั้งแต่ต้นจนจบ ยังไม่มีน้ำตาสักหยดเลย
แต่ในใจนี่ร้องไห้มาตั้งแต่ ตอนที่ 3 แล้วมั้ง


เป็นความรักที่มั่นคงมากๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: prp ที่ 10-05-2008 01:58:47
ไม่มีอะไรจะพูดได้อีก...นอกจาก จบอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

เศร้าที่สุดท้ายก็เป็นแค่นี้ ไม่เศร้าก็ตรงที่สุดท้ายก็ยังมีความสุข

เอ๊ะ! สรุปเอายังไง

เอาเป็นว่าอ่านแล้วมีความสุขแม่ว่าจะไม่ได้คู่แต่ก็ได้อยู่ด้วยกัน

ของเค้าดีจริงๆค่ะ o13 o13

P.S.ขอบคุณคุณTHIP และคุณ ภัคD ด้วยค่ะ :L2:

หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ddtgirl ที่ 12-05-2008 14:45:02
“ก็มันเจ็บนี่...คลานที ก็ต้องหายใจฮึ๊บที...ได้แค่สองฮึ๊บ ก็หมดแรง...”  :laugh: :laugh: :laugh: 555+ชอบตรงนี้จัง มันตลกแบบเศร้าๆไงไม่รู้

.....

>>>เพราะความรักไม่ได้มีจุดสิ้นสุดอยู่แค่ที่ลมหายใจ...พี่ตะวันจึงยังคงรักพี่ขุน และผมยังคงอกหัก แต่เพราะความรัก ก็ไม่ได้มีความหมายอยู่แค่ที่สมหวังหรือผิดหวัง...วันนี้ผมจึงมีความสุข แม้จะเป็นได้เพียง...น้องชายของพี่ตะวัน...<<<

ยิ่งอ่านตรงนี้ยิ่งซึ้งเข้าไปใหญ่

 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ครูคนเมือง ที่ 13-05-2008 00:30:21
โห นายกรินกรณ์ออกมา1ซีน เอิ๊กๆ

ชอบๆครับ
มันดูลักษณะการแต่งแปลกไปจากเดิมๆที่เคยเห็นผ่านตาดี
แล้วก็ค่อนข้างสะท้อนข้อเท็จจริงที่ว่าความรักในนิยายไม่ไช่ว่าจะสมหวังเสมอไป

อ่านแล้วอิ่ม
ของเค้าดีจริง

ปล.นอกจาก สองเรื่องที่ผ่านเข้ามาในเล้านี้แล้วยังมีเรื่องในอีกมั้ยครับ
ช่วยแนะนำผมที ผมอยากติดตามงานเขียนของคุณภัคDอีก
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: BIRD ที่ 13-05-2008 19:04:12
อ่านจบแล้วอมยิ้ม
คุณภัคD ทำให้ผมตาค้างหน้าจอมา 2 เรื่องละน๊า = =

ขอบคุณมากๆเลยนะครับ
^_________^
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 14-05-2008 19:34:37
 :laugh: :laugh: :laugh:
โอยๆๆ อ่านแค่ตอนแรกที่เหมือนเป็นบทนำ ผมก็หัวเราะซะจนปวดท้องไปหมดแล้ว เดี๋ยวว่างๆจะมาอ่านต่อนะครับ  :oni1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Bogiecoco ที่ 15-05-2008 01:58:04
อ่านจบแล้ว
เศร้า
แต่ไม่มีน้ำตาซักหยด

หรือเพราะมันเศร้าจนน้ำตามันไม่ใหล

โอยย อธิบายไม่ถูก

เศร้าเกิน ปกติจะไม่ชอบอ่านอะไรที่เศร้าๆ

ไม่รู้ทำไมถึงอ่านเรื่องนี้จนจบ

ว่าจะเลิกอ่านตั้งแต่ตอนต้นๆแล้ว

แต่ก็ตัดใจไม่ได้ ต้องอ่านจนจบ

ของเค้าดีจริงๆ (ถึงแม้มันจะเศร้า)
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 15-05-2008 10:54:12
ตื่นขึ้นมาสักพัก ก็เปิดอ่านต่อจากเมื่อคืนจนจบ :sad2:
ฉาย คงมีความสุข เพราะพี่ตะวันมีความสุข
ความสุขของเรา คือการได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข  :-[
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ultramanzaku ที่ 15-05-2008 12:17:09
มีความสุขด้วอีกคน


ฮ่า ๆ ๆ

 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: hustsu ที่ 13-06-2008 11:18:01
มาร้องเอาตอนพาสเสจสุดท้ายตอนจบ.....เฮ่อ :a6:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: archi_10_001 ที่ 14-07-2008 16:13:46
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

เรื่องนี้ช้อนเคยอ่านมาแล้วเจ้าค่ะ ((ด้วยความคิดที่ว่า คนแต่งคงไม่แต่ง แต่เรื่องเศร้าๆหรอก....ว่าเปล่า)) สุดท้ายก็มานั่งน้ำตาไหลปอยๆ...เก็บเอาไปฝันอีกต่างหาก เหอๆ สุดยอด

หลงรับนายตะวันฉายเจ้าค่ะ ตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่องเลยเจ้าค่ะ

เท่าที่อ่าน บอกได้คำเดียวว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนดีมาก....ดีเหลือเกินเจ้าค่ะ

เพราะเชื่อจริงๆเลยว่า หากว่าฉายจะเห็นแก่ตัวเสียหน่อย รั้งพี่ตะวันของตัวเองเอาไว้สักนิด พี่ขุนก็พี่ขุนเถอะ....นายฉายชนะขาด เห็นๆ

ส่วนคุณตะวัน เป็นคนน่ารัก ใสซื่อในหลายๆเรื่อง....แต่บางเรื่องคุณเธอก็ไม่ใสนะ 555++

ตะวันเองก็คงรักฉายไม่ต่างเจ้าค่ะ เพียงแค่ฉายไม่ได้หายไปไหน ไม่ได้หนีไปไกล เพราะรู้ว่าตะวันขาดตัวเองไม่ได้...เท่านั้นเอง

ขอบคุณเรื่องดีๆ....ความรู้สึกมากมายถ่ายทอดออกมาจากเรื่องนี้

ซึ่งเจ้าค่ะ

ร้องไห้เป็นเผาเต่าอีกตามเคย....อ่านกี่ครั้งก็ยังร้องมันทุกครั้ง

ขอบคุณมากๆ

ขอบคุณจริงๆเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: dekchin ที่ 16-07-2008 01:05:46
เขียนได้สวยมากๆเลยนะ

แต่ทำไมเศร้าจังเลย
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: tatum1234 ที่ 08-08-2008 14:20:40
 o7 o7 o7รักนั้นคือการที่เรารักแล้วไม่ต้องการสิ่งตอบแทนขอแค่ได้รักและดูแลคนที่เรารักให้มีความสุขก็เพี่ยงพอแล้ว o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: sun-eating_monkey ที่ 23-08-2008 23:18:25
 :m24: ว้าวๆ ชอบเรื่องนี้มากๆ เลยครับ   จะรอผลงานเรื่องต่อๆ ไปนะคร้าบ  :mc4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 27-08-2008 19:54:42
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับ พี่ชายปากบอนบ้านข้างๆ # พิเศษ

ใครจะรู้ว่าหอย...ก็มีชื่อเล่นว่าความรัก...

“เหนื่อยไหม พี่ขุน?”พี่ตะวันร้องถาม พร้อมรอยยิ้มหน้าบาน เมื่อยืนเกาะอยู่ที่หน้าต่างรถด้านคนขับซึ่งพี่ขุนนั่งอยู่ ทั้งที่รถยังจอดไม่ทันสนิทเสียด้วยซ้ำ

ผมไม่รู้ว่าพี่ขุนจะเหนื่อยอะไรได้ กับการขับรถแค่ไม่กี่กิโล ไปเก็บผมมาจากสถานีขนส่ง ...หลังจากผมเดินทางข้ามเขามากว่าร้อยกิโล เป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมง และอีกนับครึ่งชั่วโมงที่นั่งจมเหงื่อท่ามกลางผู้คนที่แออัดเพื่อรอพี่ขุนที่นั่งขับรถตากแอร์เย็นๆให้มารับ...แล้วก็เก็บตกพี่กบที่กำลังลงจากรถสองแถวที่หน้าปากซอยได้เป็นของแถมเพิ่มอีกหนึ่ง...

แม้ว่าการเดินทางข้ามห้วยและข้ามเขาของพี่กบจากขอนแก่น จะกลายเป็นอดีตไปแล้วไม่สดๆร้อนๆอย่างผม แต่มันก็เพิ่งผ่านไปแค่ไม่ถึงวัน ดังนั้น ผมกับพี่กบจึงเหล่มองหน้าคนถูกร้องถามอย่างนึกหมั่นไส้ ก่อนเหล่ตามองกันเองอย่างเข้าใจในหัวอกคนไม่ถูกถามเหมือนๆกัน...

“ไม่เหนื่อย...”พี่ขุนตอบยิ้มๆ ตาก็ทำเหล่ๆมาชำเลืองมองผมกับพี่กบ...คงคิดว่าผมกับพี่กบจะอิจฉาละมั้ง!...พี่กบน่ะผมไม่รู้...ส่วนผม...ยอมรับล่ะ ว่าอิจฉานิดๆ...

“ดีจัง!”พี่ตะวันว่า...เท่านั้นผมก็หัวเราะออกมา...ก็...ดีจัง!...ของพี่ตะวันน่ะ จะดีจริงก็แต่กับตัวพี่ตะวันคนเดียวเท่านั้นแหละ...

และในเมื่อผมรู้ ทำไมพี่ขุนที่รู้จักพี่ตะวันมากว่าสิบปีจะไม่รู้...รอยยิ้มพี่ขุนเลยจะชักเจื่อนๆ

“ตะวัน!”เสียงแม่เรียกพี่ตะวัน ก่อนรีบวิ่งตามออกมาจากในบ้าน และเสียงแม่ก็ฟังดูตื่นๆชอบกล...

“เมื่อกี้มีรถมาขายหอย...ขายถู้ก ~ถูก โลละ20... แต่ตะวันวิ่งออกมาซื้อไม่ทัน ลุงแดงบอกว่าเขาขับไปจอดที่ตลาด พี่ขุนไปซื้อให้ตะวันหน่อยซิ”พี่ตะวันแจ้งจุดประสงค์ โดยไม่สนใจพี่ขุนที่ยิ้มค้าง...ไม่สนใจพี่กบที่ซ่อนหน้ากลั้นยิ้ม แต่แกล้งหัวเราะในคอให้ได้ยินดัง ฮึ...ฮึ...ส่วนแม่ทำหน้าเหมือนอยากป่าวประกาศให้คนทั้งโลกได้ยินว่า...ไอ้นี่มันเป็นแค่หลาน เรื่องอ่อนอบรมน่ะต้องโทษพ่อแม่มัน ไม่ใช่ชั้น!...

ผมเลยหิ้วกระเป๋าลงจากรถ พร้อมพี่กบที่หิ้วถุงของฝากใบโตตามลงมา ส่วนพี่ขุนก็ขับรถกลับออกไปเพื่อซื้อหอยให้พี่ตะวัน...เพราะพี่ขุนไม่เหนื่อย แต่ผมกับพี่กบน่ะ...เหนื่อย!

“โอ๊ย!”เสียงพี่ตะวันร้องลั่น ไม่ต้องหันไปมองให้เสียเวลาก็รู้ว่าเล็บของแม่คงหยิกหมับลงที่ต้นแขนของพี่ตะวัน

“สอนไม่รู้จักจำ!”แม่เปิดฉากการอบรมทันที

“น้าโอ๋สอนอะไรแล้วตะวันไม่ฟัง?!”ถึงมันจะฟังเป็นคำถาม แต่จริงๆแล้วมันเป็นคำเถียง...และถึงแม่จะรู้หากแต่แม่ก็เต็มใจตอบทุกครั้งที่พี่ตะวันร้องเถียง เวลาแม่เริ่มประโยค...สอนไม่รู้จักจำ!...

แม่จะร่ายยาว ทุกสิ่งและทุกอย่าง ที่แม่เคยสอนและพี่ตะวันไม่จำ...ซึ่งถ้าแม่เริ่มอีกครั้งวันนี้ล่ะก็ จนพี่ขุนกลับมาแล้ว ผมว่า แม่ก็ยังร่ายไม่จบ ผมเลยต้องขัด...

“ทุกอย่างแหละ!...แต่แม่เอาแค่เรื่องวันนี้ก็พอ”ผมพูด...แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เพราะแค่เรื่องวันนี้ก็น่าจะเยอะเอาการอยู่นะ ผมว่า

“เอาเรื่องตอนนี้ก็พอ!” ผมบอกใหม่

“น้าบอกแล้วไง ว่าเวลาฟังอะไร ฟังให้มันจบ!”แม่บอก...และมันผิดจากผมคิดไปหน่อย

ตั้งแต่เด็ก จนโต จนจะแก่ พี่ตะวันไม่เคยเปลี่ยน...ถ้าลองใครก้าวผ่านประตูบ้านหรือแม้แต่ประตูรั้วบ้านเข้ามาแล้วมีพี่ตะวันวิ่งหน้าบานออกมารับ เดาประโยคต่อไปได้ไม่ยาก...

...แม่ทำนั่นให้ตะวันหน่อย!...พ่อทำนี่ให้ตะวันหน่อย!...น้าเจดทำโน่นให้ตะวันหน่อย!...น้าโอ๋ทำนู่นให้ตะวันหน่อย!...

ซึ่งก็ไม่ค่อยจะมีใครปฏิเสธ เพราะพี่ตะวันมักร้องขอด้วยรอยยิ้มหน้าบานๆ...ซึ่งผมก็พิสูจน์มาแล้ว!

...ฉายทำนี่ให้พี่หน่อย!...พี่ตะวันร้องขอ และผมก็ทำให้ทุกทีแหละ ถึงจะแกล้งทำหน้าเซ็งๆก่อนก็เหอะ...

“คนกลับมาถึงเหนื่อยๆ คิดจะถามกันสักนิดไหมว่า เหนื่อยไหม ?”และแม่ก็สอนพี่ตะวันในครั้งหนึ่ง...

“เหนื่อยไหม?”พี่ตะวันเลยถามอย่างที่แม่สอน แต่ก็นั่นแหละ จะตอบว่าเหนื่อยหรือไม่เหนื่อย...พี่ตะวันไม่สนหรอก ตอบไปก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆ ...จะขึ้นต้นด้วยประโยคไหน ก็จบลงด้วยประโยคเดิมๆ... และใช่ว่าพี่ขุนจะไม่รู้ แต่เดาว่าคงลืมตัว เพราะมีผมกับพี่กบนั่งมาด้วย...ซึ่งก็พูดได้คำเดียวว่า...สมน้ำหน้า!

แต่ประเด็นที่แม่สอนวันนี้ ผมว่ามันยังไงๆอยู่...

“น้าโอ๋พูดอะไร ยังไม่จบ?”คราวนี้พี่ตะวันไม่ได้เถียง แต่ถามจริงๆ ด้วยหน้าตางงๆ แถมยังมีประโยคต่อท้ายเป็นหลักฐานยืนยัน

“น้าโอ๋หยุดพูดไปแล้ว...”

“น้าแค่หยุดหายใจ!”แต่เป็นแม่เถียง...แต่แม่จะหยุดพูดอย่างพี่ตะวันว่า หรือจะหยุดเพื่อหายใจอย่างที่แม่ว่าก็ยังไม่ใช่ประเด็นที่น่าสังสัย ไอ้ที่น่าสงสัยน่ะ...แม่พูดอะไรไม่จบต่างหาก...

“แล้วตะวันไม่ฟังแม่พูดอะไรจนจบล่ะ?”ผมถามเพราะอยากรู้ ไม่ใช่เพราะเข้าข้างพี่ตะวัน แต่พี่ตะวันคงจะเข้าใจผิด เลยพยักหน้าหงึกๆ เดินเข้ามายืนข้างๆผม

“ฉายอยากรู้ ไม่ได้เข้าข้างตะวันซะหน่อย!”ผมหันไปบอกพี่ตะวัน ก่อนผลักไหล่พี่ตะวันให้ถอยไปสองสามก้าว เป็นการยืนยันคำพูด เพราะไม่งั๊นแม่ก็ต้องดึงเอาพี่กบที่ยังว่างพวกอยู่ มาเป็นพวก และเรื่องเถียงกันไร้สาระแบบนี้ มันก็คงทำให้มีสาระขึ้นมาไม่ได้หรอก...

“ก็แม่บอกมันว่า เดี๋ยวนายขุนกลับมา ให้มันบอกนายขุนให้ออกไปซื้อหอยที่ตลาด...”แม่บอก...

“อ่อ!...”ผมร้องได้แค่นั้น...เพราะเพิ่งนึกได้ว่า...ถ้าเมื่อไหร่แม่กับพี่ตะวันไม่แตกคอ อยู่คนละฝั่งทัพกัน...แม่กับพี่ตะวันน่ะ เหมือนกันไม่มีผิด!

“ก็บอกให้แล้วไง!”พี่ตะวันว่างั๊น ซึ่งผมก็ได้ยิน

“ก็น้ายังพูดไม่จบ!”ส่วนแม่ก็ว่างั๊น

“จบแล้ว!”พี่ตะวันก็เลยเถียง

“ยังไม่จบ!”แล้วมีเหรอที่น้าโอ๋ของพี่ตะวันจะยอม

“จบแล้ว!”พี่ตะวันก็ยังยืนยันคำเดิม

“ก็บอกว่ายังไม่จบ!”ส่วนแม่ก็ยังไม่เปลี่ยนคำ

“จ...”พี่ตะวันจะเถียงต่อ แต่พูดได้เท่านั้น เพราะผมเอื้อมเอามือไปปิดปากไว้ทัน

“น้าจะบอกให้ซื้อแบบโลละสามสิบ ไอ้ที่เขาล้างแล้ว...โลละยี่สิบน่ะ มันต้องมานั่งล้างเอง!”แม่เลยได้โอกาส แจกแจงสิ่งที่พี่ตะวันฟังไม่จบเพราะแม่มัวแต่หยุดพูดเพื่อพักหายใจ

“เย็นนี้มีเมนูอะไรครับ?”พี่กบแทรกแซงด้วยคำถาม เดาว่าน่าจะหวังเปลี่ยนเรื่อง...หรืออาจจะอยากเปลี่ยนเรื่องเบาสาระระดับหนักๆ ให้กลายเป็นเรื่องหนักสาระระดับเบาๆ...

“ก๊งเหล้า!”แม่เลยตอบสั้นแต่ก็เข้าประเด็นดี...ส่วนพี่กบทำหน้าใช้ความคิดอยู่นิดหนึ่งก่อนหยอดคำถามใหม่

“หอยแมลงภู่หรือหอยแครงเหรอครับ?”

“ตะวันได้บอกพี่ขุนหรือเปล่าว่าเอาหอยแมลงภู่?!”แม่หันไปถามพี่ตะวันอย่างเพิ่งนึกได้ แต่ผมตอบแทนได้เลยว่า...ไม่ได้บอก!

“หอยแมลงภู่ หรือ หอยแครงก็แกล้มเหล้าอร่อยทั้งนั้นแหละ!”แม่พูด เดาว่าแม่ปลอบใจตัวเอง เพราะในครัว แม่ทำเตรียมไว้ก็แต่น้ำจิ้มหอยแมลงภู่

“...แต่ตะวันชอบกินหอยลาย...”พี่กบพูดเบาคล้ายจะเกรงใจ หรืออาจไม่อยากทำลายความหวังของแม่...

ก็ใครๆก็รู้ว่า หอยลายสารพัดเมนูน่ะ มันอาหารจานโปรดของพี่ตะวัน...ยิ่งกว่านั้น จะทั้งหอยแมลงภู่หรือหอยแครง พี่ตะวันก็ไม่กินทั้งนั้น...ยกเว้นว่ามันจะสุกเสียจนเปื่อยจนปราศจากข้อสงสัยว่ามันสุกหรือเปล่านั่นแหละ พี่ตะวันถึงจะยอมกิน

ดังนั้นเมนูหอยลวก หอยอบ...หรือสารพัดอาหาร ที่มีคาบเกี่ยวอยู่ระหว่างความสุกมากหรือสุกน้อยนั้น พี่ตะวันไม่ยอมแตะสักอย่าง

‘ฉายลองกินให้หน่อยสิ ว่าอันนี้มันสุกหรือยัง?’คำพูดประจำตัวของพี่ตะวันบนโต๊ะอาหารมื้อนอกบ้าน เมื่ออาหารในจานตรงหน้ามันไม่สุกจนแห้งและไม่แห้งจนสนิท

‘เรื่องไรล่ะ!... เกิดมันไม่สุกล่ะ?’ผมโวย

‘พี่จะได้ไม่กินไง!’และพี่ตะวันตอบ ซึ่งถ้าไม่ตอบเลย น่าจะฟังดูชื่นใจกว่า...

“โอ๊ย...มันรู้แหละ ก็เมื่อกลางวันน้าให้มันไปซื้อเหล้าซื้อน้ำแข็งไว้แล้ว... วันศุกร์ตอนเย็นๆ อยู่กันพร้อมหน้า แถมน้าเจดไปต่างจังหวัด...ถ้ามันไม่รู้ น้าจะตบหัวมันแล้วถามว่า นี่โง่หรือบ้ายะ!”แม่ว่างั๊นหลังประโยคเกรงใจของพี่กบ แต่ผมเห็นแม่มองน้ำจิ้มหอยแมลงภู่ของตัวเองด้วยสีหน้าเป็นกังวลชอบกล...

ไม่นานพี่ขุนก็กลับมา...แล้วเราก็ตั้งวงเหล้าวงเล็กๆ... เพราะมันเป็นเย็นวันศุกร์...อยู่กันพร้อมหน้า แถมมีพี่กบเกินมาอีกหนึ่ง...และที่สำคัญ พ่อไม่อยู่...หากแต่วงเหล้า มันก็ต้องตั้งหลังข้าวมื้อเย็นแบบเบาๆ...

เย็นนั้นเรากินข้าวกับหอยลายผัดพริกเผาเพราะหอยสดดี...เพราะเพิ่งซื้อมา...เช้าพรุ่งนี้หรือมื้อกลางวันก็น่าจะต่อด้วยหอยลายได้อีกมื้อหรือสองมื้อ เพราะพี่ขุนซื้อมาเยอะ...ส่วนกับแกล้มของวงเหล้าวงเล็กๆน่ะเหรอ?...ก็โชคดีที่มีถั่วคั่วเหลือ แถมถั่วตัดที่พี่กบหิ้วเอามาฝากอีกถุงเบ้อเร่อ...

ผมเห็นพี่กบเหล่ตามองแม่แล้วก็ยิ้ม...ส่วนแม่ก็กระดกแก้วเหล้าพร้อมดีดถั่วคั่วเข้าปากด้วยหน้าตาแบบเซ็งๆ...

“น่าจะซื้อหอยแมงภู่มาด้วย...สดซะด้วย เสียดายจัง!”แล้วอยู่ๆพี่ขุนก็พูดขึ้นอย่างนึกเสียดาย...แม่เลยยิ่งเซ็ง...

แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าว่าพี่ขุนว่า โง่หรือบ้า...เพราะถึงจะบ้า ก็คงจะเป็นบ้ารัก...ไม่ใช่สำนวนผมนะ...จำพี่กบมาพูดอีกที เพราะมันลิเกไปหน่อย!

ยิ่งกว่านั้น ผมก็เพิ่งรู้แหละว่า...หอยลายนี่มันก็เป็นสื่อแทนความรักกับเขาได้เหมือนกัน!...ไม่เชื่อก็มาดูหน้าพี่ตะวันได้...ยิ้มหน้าบานกว่าจานถั่วคั่วกลางวงเหล้าซะอีก!


จบ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: ~prince™~ ที่ 28-08-2008 02:55:27

อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกกดดัน อย่างแรงงงงง

แต่ก็อ่านจนจบจนได้ ขอบคุณมากๆค๊าฟ

ขอบคุณที่เอานิยายเรื่องนี้มาลงให้อ่าน


หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: ju_on ที่ 28-08-2008 11:11:51
อ่านแล้ว สงสารตะวัน  :o12:

ขอบคุณนะค่ะ ที่เอาตอนพิเศษมาลง

ตะวัน ก็ยังคงเปนตะวัน ที่ทุกคนรักเหมือนเดิม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 28-08-2008 12:22:31
จิ้มสาวน้อยข้างบน อิอิ มีตอนพิเศษด้วยไม่ยักเห้นที่อินุ

พี่ขุนตายแล้ว ยังมีเรื่องมาให้หวานกันได้อีก สงสารฉาย  :o12: ยังไงก็ไม่มีทางได้เลื่อนขั้นมาอยู่แทนที่ใคร :sad2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: phak ที่ 30-08-2008 23:42:46
โถ ชีวิตช่างรันทด o7 o7
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: echisen ที่ 01-09-2008 00:03:32
 :sad2: :sad2:อ่านจบแล้วฮับ เศร้าจังเลยอ่ะ อ่านตอนแรกๆๆก้อตลกดีอ่ะ ฮาดี แต่พออ่านๆๆไปแล้วเศร้ามากๆๆๆๆ  :sad2: :sad2: สุดท้ายก้อเป็นน้องชาย ฮืออออออออออ  บอกได้คำเดียวเศร้าอ่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: sayings ที่ 01-09-2008 23:11:16
ภาษาสวย น่าอ่าน  ... อ่านไปเศร้าไป   :o12: 

 


หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: NiGhTtakuya ที่ 02-09-2008 22:31:39
 :เฮ้อ: กว่าจะอ่านจบ



ใจจริง อยากให้พี่ขุน คู่กะฉาย  เขี่ยตะวันไปให้พ้นๆ    :m23:



เสียดายพี่ขุนมากมาย   ไม่น่าตายเลยอะ  :serius2:



หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: nopkar ที่ 22-12-2008 17:17:51
ขอบคุณ คุณภัคD มากๆอีกเรื่องนะครับ
ขอบคุณ คนนำมาโพสต์ด้วยครับ

ความรู้สึกของผมคงไม่แตกต่างจากหลายๆคนที่ได้เข้ามาอ่านนะครับ

ความรักมันช่างส่งผลกับคนคนนึงมากมายเลยเนอะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: ไอศกรีมละลาย ที่ 24-12-2008 01:53:21
 :man1:

นึกว่าตอนแรกจะไม่สมหวังแล้วอีก
เกลียดตะัวันไปหลายตอน

เรื่องนี้คนที่เข้าใจถึงความรักได้ดีที่สุดคือฉายอ่ะนะ
มีความสุขที่ฉายมีความสุข



และตะวันมีความสุข


ก็นึกอยู่ว่าชื่อตรงกลางใคร ที่แท้ๆๆ

๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

นายตะวันฉายนี่เอง
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: GajonG ที่ 09-01-2009 23:37:29
เขียนได้ลื่นอ่านได้ไม่สะดุดเลยค่ะ  o13
ชอบสำนวน

แต่เนื้อเรื่องนี่สิ จะว่าเศร้าก็ไม่เศร้า มันเหมือนจะเจ็บแต่ก็ยังไม่เจ็บ
แต่มันทรมานเล็กๆ อึดอัดนิดๆ
ขอให้ฉายกับพี่ตะวันมีความสุขค่ะ

 :pig4: คนแต่ง+คนโพสค่ะ

หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 10-01-2009 15:58:32


 
 . . . .เพิ่งมีโอกาสได้อ่านวันนี้เองค่ะ   . .. . . ไม่น่าเล๊ยย ย ย ย คือคำแรกที่อ่านจบ  . .. . . ไม่น่าหลงเข้า


 มาอ่านเลยค่ะ  . .. . . กดดันสุดสุดอ่ะค่ะ  . .. . . . แต่ชอบจังอ่ะงานเขียนของคุณภัคD
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 11-01-2009 00:49:59
...
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: i-tatae ที่ 11-01-2009 21:15:44
 :z1:

สั้นๆๆ  "เหอะๆ"
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: meadthat ที่ 16-01-2009 13:29:58
อ่านจบแล้วสงสารตะวันฉายจิงๆๆๆ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: blackie ที่ 16-01-2009 15:04:59
อ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ
ไม่ค่อยได้เห็นคนที่มีสไตล์การเล่าเรื่องอย่างงี้มานอนมากแล้ว
ชอบๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: BABOO ที่ 03-02-2009 01:58:06
ขอบคุณคุณภัค D กับ พี่ทิพคับ

เป็นเรื่องที่ใกล้ๆตัว มีแบบทั้งแอบรักพี่หรือน้อง
 
ญาติสนิท เพื่อนบ้าน มีทั้งสมหวังไม่สมหวัง

แต่เรื่องนี้กดดันตะวันฉายมาก ตั้งแต่เด็กๆแล้วน่าจะเข้าใจว่าตัวเองมีสิทธิเป็นได้แค่น้องรัก

ไม่ใช่ที่รัก ก็ดันทุรังมาจนโต  :m15: :m15: :m15:



หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: มาโซซายตี้ ที่ 05-02-2009 22:49:27
ชอบการบรรยายเรื่อยๆเรียบๆ
แต่น่าติดตาม
ความรู้สึกของฉาย ทั้งน่าสงสารและน่าหมั่นไส้
คนอะไร จะรักเดียวใจเดียวมาได้ป็นสิบๆปี
แต่ก็น่าจะมีอยู่จริง

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 09-03-2009 22:44:37
ขอบคุณคุณ ภัคD กับคุณ THIP มากนะคะ
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วประทับใจมากๆ ทั้งในส่วนของลีลาและสำนวนการแต่ง เนื้อหา และแม้แต่ตอนจบ
เป็นเรื่องที่บีบหัวใจคนอ่านได้เป็นระยะๆ และยิ่งบีบคั้นความรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ฉายเรียนจบ
ฉายมั่นคงกับความรักและความรู้สึกของตัวเองมากทีเดียว
ส่วนตะวันเหมือนจะรับรู้แต่แกล้งไม่รู้ความรู้สึกของฉาย อาจเพราะมีคนที่รัก คนที่ใช่ คนที่สามารถอยู่ใกล้ๆ ได้ตลอดเวลา
ตะวันเหมือนคนขี้เหงาที่ขาดคนเคียงข้างไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะพ่อแม่ที่จากไปหรือเปล่าก็ไม่รู้
ส่วนวิธีที่คนแต่งเลือกการตายให้กับพ่อแม่ของฉาย และพี่ขุน ก็ช่างโหดร้ายจริงๆ เลย มันสะเทือนใจมากๆ
สำหรบตอนทีอ่านแล้วชอบที่สุดคือ ตอนที่ตะวันมาอยู่กับฉายที่ไชยปราการและการทำกิจกรรมต่างๆ ที่รพ. น่าประทับใจดีค่ะ
สรุปว่าชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆเลยนะคะ
ขอบคุณน้องนิวที่แนะนำให้มาอ่านเรื่องดีๆเรื่องนี้ด้วยนะจ๊ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 11-03-2009 18:57:35
ชอบภาษามากเลย
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: andyus1 ที่ 11-03-2009 21:41:53
จบแล้ว เส้าจัย

ทำงัยได้ นัยเมื่อมันไม่ใช่ของเรามาตั้งแต่แรก

ยังงัยมันก็คงไม่ใช่ตลอดไป ทำใจ

ซักวันเราจะมีคนของเรา สาธุ  :call:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: myxt ที่ 14-03-2009 11:54:31
อ่านเรื่องนี้แล้วอึดอัดจัง อาจจะเป็นเพราะเราเห็นแค่มุมมองจากคนๆเดียวคือ ฉาย
เอาเข้าจริงๆแล้ว ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตะวันคิดอะไรนอกจากที่ฉายเข้าใจบ้างรึเปล่า
อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกเศร้า แต่ร้องไห้ไม่ออกจริงๆค่ะ
เศร้ากับความรู้สึก"รัก"ของฉายที่ถูกเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆตามเวลาที่เปลี่ยนไป
ซึ้งใจกับความมั่นคงใน"รัก"ของฉายที่มีให้ตะวัน
ดีใจที่ตอนนี้ฉายยังมีตะวัน และตะวันก็ยังมีฉาย
....
ขอบคุณคุณภัคDที่สร้างงานเขียนชิ้นนี้ขึ้น ประทับใจมากๆค่ะ
ขอบคุณคุณTHIPที่ทำให้มีโอกาสได้อ่านเรื่องนี้
ขอบคุณพี่น้ำตาลที่แนะนำ
ขอบคุณน้องนิวที่แนะนำพี่น้ำตาลอีกที

.....
เรื่องนี้ทำให้เข้าใจใน"รัก"ของตัวเองมากขึ้นแฮะ ^_^
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 18-03-2009 16:09:23
ในที่สุดก็อ่านจบแล้ง

อยากบอกว่าชอบที่คุณภักD เขียนมากเลยคะ ภาษาที่ใช่ดีมาเลย แบบว่าไม่ได้สวยหรูแต่ก็ทำให้อ่านไปแล้วเห็นภาพตามไปด้วย

อีกอยาก อ่านเรื่องนี้แล้วเสียน้ำตาไปเยอะมาก

ไอ้ตอนอ่านอ่ะมันไม่ร้องหรอกค่ะ แต่พออ่านจบแล้วน้ำตามันมาจากไหนก็ไม่รู้ ไหลมาพรากๆ เลย

ดีนะที่อ่านคนเดียว ไม่งั้นคงถูกมองแน่ๆ เลย อิอิ

ปล.กระดาษชำระเกือหมดม้วนเลยล่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 21-03-2009 00:17:34
ชอบภาษาที่ใช้เขียนมากๆเลยครับ


จริงๆเคยอ่านมาแล้วรอบหนึ่ง ตอนนั้นอ่านไปร้องไห้ไป จนปวดหัวเลย
อ่านครั้งนี้อีกรอบ ก็ยังร้องไห้อยู่ดี แต่ไม่ปวดหัวแล้ว แหะๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: sporogize ที่ 25-03-2009 11:31:59
ชอบแนวนี้มากเลยอ่ะ o13

ออกแนวเศร้าๆ แต่ก็ยิ้มได้ตลอดเรื่อง




สู้ๆนะฉายย :กอด1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSacrifice ที่ 25-03-2009 11:38:08
^
^
แวะมาเจาะไข่แดง
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: namtansaidang ที่ 29-03-2009 09:07:28
 :pig4: :pig4:  :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: NuPaTT ที่ 02-04-2009 09:22:54
อ่านแล้วเส้าจังเยยยย









 :sad11:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD#ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 16-04-2009 22:27:44
แจ้งข่าวค่ะ

ตอนนี้ผู้เขียนกำลังทำการรวมเล่มนิยายเรื่อง " หรือจะให้เป็นแค่ความทรงจำ" กับเรื่อง "เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ และพี่ชายปากบอนบ้านข้างๆ"

โดยจะทำแค่จำนวนที่สั่งจองเท่านั้น หมดเขตสั่งจองวันที่ 5 พฤษภาคม 2552 ค่ะ

ดูรายละเอียดได้ที่นี่

http://jeraja99.spaces.live.com/
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD (แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Dongdong066 ที่ 19-04-2009 09:36:42
ไม่รู้จะเชื่อไหม แต่อยากบอกว่า จบจบแล้วมันวูบโหวงแปลกๆ ตัวชาเหมือนไม่อยากจะทำอะไร
ได้แต่นั่งนิ่งๆ คิดทบทวนอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นไม่นานน้ำตามันก็ไหลเหมือนเขื่อนแตก
ไม่น่าเชื่อว่าแต่ล่ะตอนไม่ดีไม่เหตุการณ์อะไรหนักหนาถึงขั้นน้ำตาร่วง แต่พอทุกเหตุการณ์
รวมเข้าเป็นหนึ่งเดียว มันกลับบีบเค้นให้ตามตามันไหลออกมาอย่างไม่อาจควบคุม
ขอบคุณจริงๆ ทั้งคนโพสต์และคนแต่ง ที่ทำให้ได้อ่านเรื่องที่ดีมากขนาดนี้
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD (แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 22-04-2009 18:42:57

สุดยอดดดมากกกเลยเรื่องนี้  คุณภักD เก่งมากๆเลยนะ :L1: :L1:

(อ่านถึงตอนจบค่อยหายใจได้ทั่วท้องหน่อย  เห็นคนรักมีความสุขเราก็สุขไปด้วยเน้อะ)

ขอบคุณพี่ทิพย์มากๆจร้าที่เอามาโพส จุ้บๆ  :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD (แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: nonesenze_ ที่ 24-04-2009 23:30:14
เพิ่งได้อ่านอ่ะ ได้หลายแง่มุม หลายความรู้สึกจากเรื่องนี้

ขอบคุณคนแต่งและคนโพสต์มากมายครับ   :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD (แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: tnat ที่ 07-05-2009 10:20:28
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่น่าสนใจ และน่าติดตามครับ
ดีใจที่ได้อ่านนะครับ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 17-05-2009 16:21:11
ความรู้สึกเราคล้ายๆ คุณTHIP นะ (คิดว่า)
คืออ่านตอนแรกถึงตอนที่20 ไม่ได้มีร้องไห้หรือน้ำตาซึมแต่อย่างใด
ไม่ได้รู้สึกเศร้าจนเกินไป มันเรื่อยๆเอื่อยๆบอกไม่ถูก
แต่พอตอนจบถึงได้รู้สึกอยากจะร้องไห้
จริงๆต้องบอกว่าจนถึงประโยคท้ายๆเลยมากกว่า

ขอบคุณเนื้อเรื่องดีๆของคุณภัคD คุณเป็นนักเขียนที่เก่งมาก
ใช้ภาษาได้ดี เราชอบ และนี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อ่านอย่างเร็วๆไม่ได้เลย
ต้องค่อยๆอ่าน ค่อยๆซึมซับเหตุการณ์ต่างๆในเรื่อง

และขอบคุณ THIP ที่นำเรื่องดีๆมาแบ่งปันนะคะ
 
:เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: KIMKUNG ที่ 17-05-2009 19:46:34
 :oo1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Seiki ที่ 21-05-2009 01:14:43
  :monkeysad: เศร้า
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ภัคD ที่ 21-05-2009 23:13:42
บอกว่าจะเอามาลงก็ลืมค่ะ...

เรื่องเล่าของความรัก# 3
 ตะวันฉาย(พิเศษ )

บันทึกของน้าโอ๋


“ตะวัน!...ฟังน้าพูดอยู่หรือเปล่า!?”เราถาม มองมันยืนหัวกลม  ทำปากจู๋ ดูดปีโป้สีแดงๆคาอยู่ในปากครึ่งอัน อยู่ข้างนอกอีกครึ่งอัน แล้วเล่นดูดเข้าแล้วก็ดูดออก

“น้าถามว่าฟังน้าอยู่หรือเปล่า?!”เราถามซ้ำ เมื่อมันยังมองเราตาแป๋ว...สมาธิอันน้อยนิดของมันคงไปรวมกันอยู่ที่ปีโป้สีแดงๆ ไม่ให้ลื่นหลุดออกจากปาก และไม่ให้ไหลเอื้อกกลืนลงไปในคอ...มันเลยมองเราตาแป๋ว แต่ไร้ซึ่งปฏิกิริยาโต้ตอบ

“ตะวัน!”เราเรียกชื่อมันอีกครั้งเสียงเข้ม และครั้งนี้ได้ผล...มันสะดุ้งเฮือก ปล่อยปีโป้หลุดออกจากปาก หล่นลงมาแหมะอยู่บนพื้น...ซี่งก็เละซะไม่มี!

“ทำไมไม่กลืนลงไปเล่า?!...คายออกมาทำไม?!”เราถามอย่างนึกโมโหหน่อยๆ...ที่โมโห เพราะขี้เกียจเช็ด ครั้นจะให้มันจัดการเอง ไม่แคล้วได้เหนียวหมดทั้งบ้าน...และที่โมโหแต่แค่หน่อยๆ...เพราะชินแล้ว...มันทำเลอะให้เรานั่งเช็ดมาร่วมห้าปีแล้ว...เลยเลิกโมโห เพราะโมโหไปก็เหนื่อยเปล่าๆ แถมพอปีโป้ร่วงแหมะลงบนพื้น ตาแป๋วๆของมันก็เริ่มๆปริ่มน้ำตา...

“ขออีกอันนะน้าโอ๋...”มันถามยานคราง พร้อมชูนิ้วชี้ป้อมๆของมันขึ้นมาให้ดูช่วยยืนยันว่า หนึ่งอันจริงๆ...แต่ใครจะเชื่อมัน!

“ไม่ได้!...พอแล้ว กินจนท้องจะมีแต่ปีโป้แล้ว!”

“ห้ามหยิบนะ!”เราพูดแกมสั่ง เพราะพอเราหันหลังให้จะไปหยิบผ้าขี้ริ้ว...มันก็เหล่ตามองปีโป้ถุงโตที่วางอยู่บนโต๊ะ

“...ตะวันอยากกิน...”มันพูด มองเราตาปริบๆ ปากล่างเริ่มยื่นออกมา...

“อยากเยิกอะไร!?...กินไปตั้งกี่อันแล้ว!”เราหันมาพูดกับมัน...แค่พูดไม่ได้ถาม...แต่มันก็ยกนิ้วขึ้นมานับ

เราเลยอาศัยจังหวะที่มันนั่งนับนิ้ว ไปเช็ดๆถูๆไอ้ที่มันทำเลอะ

จนเช็ดเสร็จ ถูเสร็จ ยันซักผ้าขี้ริ้วเสร็จ มันก็ยังนับนิ้วแค่สิบนิ้วของมันไม่เสร็จ...ไอ้ครั้นจะเอาผ้าขี้ริ้วไปตาก ก็กลัวว่าจนผ้าขี้ริ้วแห้งแล้ว มันก็อาจจะยังนับนิ้วแค่สิบนิ้วของมันไม่เสร็จ...

“มานี่!”เรากระดิกนิ้วเรียกมัน...และมันก็รีบเดินเข้ามาหาแต่โดยดี คงขี้เกียจนับนิ้ว... และเดาว่ามันคงแกล้งลืม ว่าตัวเองยังนับไม่เสร็จ...และเดาว่ามันคงคิดว่าเราลืม ทั้งๆที่จริงๆ เราก็ไม่ได้บอกให้มันนับซะหน่อย...

“...ตะวันอยากกินปีโป้...”มันพูดเสียงอ่อย...ทีอย่างนี้ล่ะไม่ลืม!

“มานี่...น้าจะสอนนั่งสมาธิ...”เราแกล้งไม่ได้ยิน...แกล้งพูดเสียงเข้มๆ...แกล้งทำหน้าดุๆโกรธๆ...มันจะได้ยอมฟัง

“...ฉายอยากกินปีโป้...”มันพูดเสียงอ่อยอย่างเดิม แต่คราวนี้ทำเป็นอ้างถึงน้อง

“...เมื่อวานน้าสอนถึงไหน?”เราถามมัน หลังจากหันไปมองไอ้ฉาย ที่นอนดูดนมอยู่บนพื้นแถวๆเท้าพ่อของมัน ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนเอกเขนกอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟาตัวยาว

จริงๆถ้าไอ้ตะวันมันไม่ทัก เราลืมไปแล้ว ว่าในห้องนี้ยังมีอีกสองหน่ออยู่ด้วย...

“เมื่อวานน้าสอนถึงไหน?”เราถามย้ำ และต้องย้ำอีกครั้ง เมื่อตามันมองก็แต่ถุงปีโป้

“เร็ว!...ตอบได้ ให้กินอีกอัน...”

เรายื่นข้อเสนอ เพราะรู้ว่าให้นึกให้ตาย มันก็นึกไม่ออกว่าสอนถึงไหน...เพราะจริงๆ เราก็เพิ่งนึกได้ว่า เมื่อวานยังไม่ทันเริ่มสอน พอเริ่มอ้าปาก มันก็อ้าปากตะโกน...การ์ตูนมาแล้ว!...แล้วก็วิ่งหน้าตั้งออกจากบ้านเรากลับไปบ้านมัน ปล่อยให้เรายืนอ้าปากค้าง...

“หันมานี่!” เราจับหัวกลมๆของมัน หันกลับมาทางเรา...และมันก็หันแต่หัว ส่วนตาก็เหล่มองแต่ปีโป้ จนเราแทบจะเห็นแต่ตาขาวๆของมัน...

“ให้กินอีกอันเดียวนะ...แล้วเดี๋ยวต้องตั้งใจฟังที่น้าสอน เข้าใจไหม?”สุดท้ายเราก็ต้องยอม ไม่ใช่ว่าใจอ่อน...แต่กลัวตามันจะเหล่...

มันลากลูกกะตากลับมามองเรา...ก่อนพยักหน้าหงึกๆ...กอดเราเต็มแรง แล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มหน้าบาน...เราเลยเกือบใจอ่อนแถมให้มันไปเลยทั้งถุง ก็พอดีได้ยินเสียงหัวเราะ...

ไอ้ฉายยังนอนดูดนมไป  เล่นนิ้วเท้าพ่อมันไป...ส่วนพ่อมันถึงจะยกหนังสือพิมพ์ขึ้นมาปิดหน้า เราก็รู้ว่า...กำลังกลั้นหัวเราะ...

“หัวเราะอะไร?!...ไม่ช่วยก็นั่งไปเงียบๆเลย!”เราหันไปบอกเสียงขุ่นๆ...ประสานเสียงกับไอ้ฉายที่คลายจุกนมออกจากปาก เสียงดังฟี๊ดๆ...ส่วนไอ้ตะวันก็ดูดปีโป้ดังจ๊วบๆ...และเราเพิ่งเห็น...มันกินทีละสองอัน!

เจดไม่ค่อยเห็นด้วยกับเราเรื่องสอนไอ้ตะวันนั่งสมาธิ

“เด็กไปมั้ง...”เจดออกความเห็น ตอนเราออกความคิดว่าจะเอาไอ้ตะวันไปหัดนั่งสมาธิที่วัด

และมันเด็กไป อย่างที่เจดว่าจริงๆ  สุดท้ายเลยต้องส่งมันกลับบ้าน แล้วเราไปฝึกนั่งเอง กะว่าค่อยเอากลับมาสอนมันเองที่บ้าน...

“เด็กไปมั้ง...”เจดยังยืนยันคำเดิม เมื่อเราบอกว่าจะเอามันมาสอนนั่งสมาธิด้วยตัวของเราเอง

“แต่เขาบอกว่า พวกเด็กพัฒนาการช้า เรื่องการทำสมาธิจะช่วยได้นะ!”เราแจงเหตุผล ที่บอกไปแล้วเป็นร้อยรอบ

...ไอ้ตะวันมันพัฒนาการช้า...หมอเคยบอกอย่างนั้น...

...ไอ้ตะวันมันเข้ากับเด็กอื่นๆไม่ได้ เข้าใจอะไรช้า...แล้วก็เกเร ชอบแกล้งเพื่อน...ครูมันทุกคนรายงานมาเหมือนกันหมด

...เด็กจะปรับตัวอีกครั้งตอนช่วงเก้าหรือสิบขวบ  เดี๋ยวก็ฉลาด...อันนี้เพื่อนเราพูด...ไม่รู้ว่ามันปลอบใจหรืออะไร แต่ฟังแล้วควันมันออกหูดังปี๊ดๆ...เพราะที่มันว่าว่าเดี๋ยวก็ฉลาด นี่ย่อมแปลว่า ตอนนี้หลานเราโง่!...เราเลยเริ่มฮึดสู้ จะเอาไอ้ตะวันไปหัดนั่งสมาธิ ตามที่เคยมีคนแนะนำมา

“ยืนตรงๆ... เอามือไว้ข้างหลัง...หลับตา...”เราพูดและมันยอมทำตาม หลังจากเราแกะปีโป้ออกจากมือของมันจนได้

“ท่องในใจ...ยืนหนอ...ยืนหนอ...ยืนหนอ...ตอนท่อง ตะวันก็นึกภาพตัวเองยืน...”เราค่อยๆอธิบาย กลัวมันไม่เข้าใจ แล้วมันก็ไม่เข้าใจจริงๆ

“...ลืมตาทำไม?...”เราถาม เพราะมันลืมลูกกะตาขึ้นมา

“ตะวันจำเสื้อตะวันไม่ได้...”มันตอบ ก่อนดึงเสื้อตัวเองขึ้นมาดูอย่างตั้งอกและตั้งใจ

“ดูทำไมเล่า?”เราถาม มองดูเสื้อสีชมพูแป๋นลายประหลาดที่เลอะๆเปื้อนๆของมัน

“ก็น้าโอ๋ให้ตะวันนึก...ตะวันจำไม่ได้...”มันอธิบาย เราเลยเพิ่งเข้าใจ มันคงดู กะจำเอาไปนึกภาพตัวเองยืน

“นึกแบบคร่าวๆ”เราอธิบาย มันมองเราตาปริบๆ เราเลยนึกได้  มันคงไม่รู้ว่า...คร่าวๆ...ที่เราพูดถึงแปลว่าอะไร

“นึกแบบ...ตะวันแค่คิดว่าตัวเองกำลังยืนไง...เข้าใจไหม?”เราถาม มันไร้ปฏิกิริยา แปลว่า...ยังไม่เข้าใจ...

“นึกแบบว่าตัวเองยืน...ไม่ต้องไปนึกถึงเสื้อผ้า...”

“อ๋อ...ตะวันโป๊!”มันร้องอ๋อ อย่างเข้าใจ...แต่มันเข้าใจผิด!

“ไม่ใช่...”เราปฏิเสธ แล้วก็นึกขึ้นได้...ยืนโป๊ก็ยืนเหมือนๆกัน ก็น่าจะได้นี่นา...

“อือ...นึกงั๊นก็ได้ เข้าใจไหม?”เราเปลี่ยนใจ...คราวนี้มันพยักหน้าหงึกๆว่าเข้าใจ...แต่หลับตาไปแป๊บนึงมันก็ลืมตาขึ้นมาอีก

“นมตะวันอยู่ไหน?”มันว่า พลางดึงคอเสื้อ ก้มดูนมมันข้างในเสื้อ  แล้วก็หลับตาต่อ...หลับได้อีกแป๊บ คราวนี้มันไม่ลืมตา แต่มือมันคลำหาสะดือ เราลุ้นว่าเดี๋ยวมันจะถาม...จุ๊ดจู๋ตะวันอยู่ไหน?... แล้วเปิดกางเกงดูหรือเปล่า...แต่ก็เปล่า แปลว่ามันจำตำแหน่งของของมันได้แม่นอยู่

“ท่องแค่สามครั้งก็พอ!...ลืมตาขึ้น!”เราสั่ง เพราะมัวแต่มองมันและคิดอะไรเพลิน...จนมันอ้าปากหาวกว้าง เราเลยเพิ่งนึกได้ว่ามันยืนหลับตานานจนน่าจะหลับไปจริงๆ

“ท่องว่า...ขวา...ตะวันก็กำหนดจิตที่เท้าขวา...”เราพูดแล้วนึกได้ ...กำหนดจิต? จะอธิบายยังไงให้มันเข้าใจ

“ท่องว่า...ขวา...ตะวันก็มองเท้าขวา”เราเปลี่ยน ไม่แน่ใจว่าเหมือนกันหรือเปล่าแต่ก็น่าจะเข้าเค้า

“ท่องว่า...ย่างหนอ...ตะวันก็ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า...”เราอธิบายและทำให้มันดู

“...ขวา...ย่างอะไรน้าโอ๋?”มันถาม

“ย่างหนอ...”เราตอบ

“ไม่ใช่!...ย่าง...อะ...ไร?”มันถามซ้ำ คราวนี้ค่อยๆพูดช้าๆ ชัดๆ เน้นทีละคำ เหมือนเวลาเราพยายามอธิบายอะไรให้มันฟังไม่มีผิด

“อะไร?...ย่างอะไร อะไร?”เราถามเพราะงงมันถาม

“ก็น้าโอ๋บอกว่า...ย่างหนอ...”มันถามยังไม่เข้าใจ
 
“ก็ย่างหนอ...”เราก็ตอบ...ไม่เข้าใจมันเหมือนกัน

“ก็...ย่างอะไร?”มันพูดยกไหล่เน้นคำ เลียนแบบท่าทางของเราเวลาหงุดหงิดพูดกับมันไม่มีผิด

“ก็...ย่างอะไร อะไรเล่า?!”เราก็ชักจะหงุดหงิด

“ย่าง แปลว่า...ก้าวเท้า...”เสียงเจดแทรก เราเลยเพิ่งเข้าใจว่าไอ้ตะวันมันถามอะไร

ไอ้ตะวันมันพยักหน้าให้เจดเหมือนจะบอกว่าเข้าใจ ก่อนหันมามองหน้าเราเหมือนจะบอกว่า...น้าโอ๋พูดไม่รู้เรื่อง!...

“ก็ทียืนหนอทำไมไม่สงสัยเล่า?”เราแอบบ่นเบาๆแค่คนเดียว มองไอ้ตะวันที่ตอนนี้ก้มหน้าก้มตาลงมองเท้าตัวเองอย่างตั้งใจ

“ขวา...ก้าวเท้า...”มันพูดอย่างตั้งใจ...เราอ้าปากจะค้านว่ามันพูดผิด แต่ก็เปลี่ยนใจ เพราะจะย่างหรือจะก้าว มันก็น่าจะเหมือนๆกันแหละ...มีหนอหรือไม่มีหนอก็คงไม่ต่างกันมั๊ง?...

“ซ้าย...ก้าวเท้า...”มันยังพูดอย่างตั้งใจเหมือนเดิม

“ตะวัน...นั่นเท้าขวา...”เสียงเจดพูดแทรกขึ้นอีก เราเลยเพิ่งเห็นว่าจริงอย่างที่เจดพูด...ไอ้ตะวันมันก็หันไปพยักหน้าหงึกๆให้เจด แปลว่าเข้าใจอีก...แล้วก็หันมามองหน้าเรา...แปลว่า..น้าโอ๋ไม่รู้เรื่อง...อีกครั้ง เหมือนๆกัน...

มันเป็นปัญหาอีกเรื่องของไอ้ตะวัน...มันจำซ้ายขวา หน้าหลังสลับกันตลอด...จนป่านนี้ มันก็ยังจำไม่ได้ว่า ‘ก’ หันหน้าไปทางไหน...แล้วหัวกลมๆของค.ควาย หันเข้าหรือหันออก...ครูมันบอกมาว่า ถ้ายังเป็นแบบนี้ มันก็ขึ้นป.1อย่างเพื่อนๆคนอื่นไม่ได้...

“น้าโอ๋...ตะวันเหนื่อย”มันหันมาบอกเราเสียงอ่อย ทั้งที่เพิ่งเดินได้แค่ไม่กี่ก้าว

“ตะวันเดินไม่ไหวแล้ว...”มันพูดพร้อมทำตาปริบๆ

“ขาตะวันจะหลุดแล้ว...”มันยังเดินหน้าสำออย แต่ก็นั่นแหละ เราเลี้ยงมันมาตั้งห้าปี ทำไมเราจะไม่รู้ว่ามันกำลังเริ่มงอแง ถ้าลองมันงอแงเมื่อไหร่ ยังไงก็ไม่ชนะมัน

“งั๊นนั่งลง”เราบอกคล้ายตามใจ มันก็ยิ้มหน้าบานและรีบนั่งลงข้างๆเรา

“ตะวันหลับตา แล้...”เราพูดได้เท่านั้น แล้วมันก็หลับตาปี๋

“เดี๋ยวอย่าเพิ่งหลับ...ลืมตา ฟังน้าก่อน!”

“ก็น้าโอ๋บอกให้ตะวันหลับตา...”มันพูด ลืมตาขึ้นมาแค่ข้างเดียว อีกข้างมันยังหนีบลูกตามันไว้แน่น

“ก็ฟังให้จบก่อน น้าบอกเริ่มแล้วค่อยทำสิ!”เราอธิบายแต่มันยังไม่ยอมลืมตาอีกข้าง  เราเลยต้องเอามือแงะให้ลูกกะตามันลืมขึ้นทั้งสองข้าง ...เรารู้มันไม่เจ็บเพราะมันนั่งหัวเราะคิกๆ

“หายใจเข้า ตะวันก็ท่องพองหนอ...พอหายใจออกตะวันก็ท่องยุบหนอ...”พอแงะลูกกะตามันขึ้นได้สำเร็จ เราก็สอนต่อ ส่วนมันก็ทำหน้างงต่อ

“ตะวันหายใจเข้าลึกๆ”เราบอกและสูดหายใจเข้าให้มันดูเพื่อให้มันทำตาม และมันก็ทำตาม

“เวลาหายใจเข้า ตะวันทำท้องให้พองๆ”เราบอกและมันก็รีบถลกเสื้อขึ้นเปิดพุงให้เราดู...

...พุงมันกลมบ๊อกเหมือนหัวกลมๆของมันไม่มีผิด...

มันหัวเราะคิกๆ  ตอนเราแกล้งเอานิ้วเคาะพุงมันป๊อกๆ เหมือนเคาะแตงโม...

แล้วมันก็หัวเราะเอิ๊ก ลงไปนอนดิ้นปัดๆ  เพราะเราก้มลงไปเป่าพุงมัน...

เสียงเจดแอบหัวเราะ...ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่า คงนั่งมองเราแล้วส่ายหัว...เราเลยนึกได้ว่ากำลังสอนไอ้ตะวัน ยุบหนอ พองหนอ...

แต่จะสั่งให้มันลุกขึ้นมานั่งเลยก็สงสาร...เพราะมันถูกเราเป่าพุง ดิ้นไป หัวเราะไป จนหัวมันมีแต่เหงื่อ แก้มมันแดงแป๊ด... นอนหายใจหอบแฮ่กๆ เหมือนลูกหมาไม่มีผิด...

มันหัวเราะเอิ๊กๆ จนลงลูกคออีกครั้ง เพราะเราก้มลงไปหอมแก้มที่มีแต่กลิ่นเหงื่อของมัน...และมันก็ตอบแทนโดยการหันมาคว้าคอเรา จูบแก้มเราฟอดใหญ่...แก้มเราเลยมีแต่น้ำลายผสมปีโป้ เหนียวเหนอะของมัน...มันยังจูบแก้มเราไม่ยอมปล่อย...แล้วแก้มเราก็ยิ่งเหนียว เพราะมือมันยังกอดคอเราแน่น...ปากมันก็ยังแนบอยู่กับแก้มเรา ซึ่งน่าจะเรียกว่าจูบ...เพียงแต่มันหัวเราะไปด้วย...แก้มเราเลยมีแต่น้ำลายกลิ่นปีโป้ของมันเต็มๆ...

“น้าโอ๋ไม่รักตะวันเหรอ?”มันถาม เมื่อเราผลักหัวมันออกไปเบาๆ

“รักสิ...”เราตอบ...แต่เราไม่รักน้ำลายเหนียวๆของมันนี่นา

“น้าโอ๋รักใครที่สุดในโลก?”มันถาม ตามองเราแป๋ว

“รักตะวันไง”เราตอบและมันยิ้มหน้าบาน

“แล้วฉายล่ะ?”มันถาม

“ก็รักฉายด้วยไง...”

“รักใครมากกว่ากัน...”

“เท่าๆกันสิ!”เราตอบแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด เพราะมันคือความจริง

“น้าเกดบอกว่า ตะวันเป็นหมาหัวเน่า ใครๆก็รักฉาย...น้าโอ๋รักฉาย...ไม่รักตะวัน...”มันพูด...ไม่รู้แค่บอกหรือกะจะฟ้อง...ไม่รู้แค่อยากให้เราบอกว่ารักมัน หรืออยากให้บอกว่าเราไม่รักไอ้ฉาย...แต่ปรากฏว่าเดาผิดหมดเพราะมันพูด

“น้าเกดเป็นหมาหัวเน่า...ตะวันไม่รักน้าเกด...น้าโอ๋ก็ไม่รักน้าเกดใช่มั๊ย?”มันถาม...เลยไม่รู้จะตอบมันว่าไง จะบอกมันว่าพูดถึงผู้ใหญ่อย่างนั้นมันไม่ดี แต่เราก็ไม่คิดอย่างนั้นแฮะ...ก็ยายเกดนั่นแหละเคยว่าไอ้ตะวันหัวช๊า~ช้า...หัวช้าสมเป็นลูกยายโอ๋...

“ตะวันอยากให้น้ารักตะวันมากๆ...มากกว่านี้ไหม?”เราถาม...สบโอกาส...และมันรีบพยักหน้า

“งั๊นตะวันต้องตั้งใจทำอย่างที่น้าสอน รู้หรื...”เราฉวยโอกาส แต่พูดไม่ทันจบ มันก็รีบกระโดดลุกขึ้นยืนตัวตรงแน๊ว
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ภัคD ที่ 21-05-2009 23:14:59
“ขวา...ก้าวเท้า...”มันพูดเกือบตะโกนบ่งบอกถึงความตั้งอกและตั้งใจ... เพียงแต่เท้าที่มันก้าวน่ะ...เท้าซ้ายอีกแล้ว...

“ซ้าย...ก้าวเท้า...”มันตะโกน และก้าวเท้าขวา...เรามองมันก่อนหันไปมองเจด เลยเห็นเจดกำลังมองมันอยู่เหมือนกัน...แล้วเจดก็หันมามองเรา แล้วก็ส่ายหัว ก่อนก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ

“ขวา...ย่างหนอ”มันตะโกนได้ต่อเนื่องเสียงดีไม่มีตก แล้วมันก็ค้าง...หันมามองเราตาปริบๆ

“ตะวันลืม ยืนหนอ...ยืนหนอ...ยืนหนอ...”มันบอก เสียงอ่อยๆ

“ไม่เป็นไร...ก็เริ่มใหม่”เราบอกและมันยิ้ม ก่อนหลับตาปี๋ตะโกนลั่นบ้าน...ยืนหนอๆ พอกำลังจะหนอที่สามมันก็หาวปากกว้าง...พอหาวเสร็จมันก็ตะโกนยืนหนอของมันต่อไป

“ขวา...ก้าวเท้า...”มันเริ่มใหม่...และก็เริ่มที่เท้าซ้ายเหมือนเดิม

หรือจริงๆ จะเริ่มที่ซ้ายก่อนก็สิ้นเรื่อง!...เราเพิ่งคิดได้

แต่เริ่มซ้ายก่อน ก็ไม่ได้จะหมายความว่ามันจะเปลี่ยนมาก้าวเท้าซ้ายนี่นา!...ถ้าเริ่มซ้าย มันน่าจะก้าวขวา...เราคิดได้อีก...

เอางี้ดีกว่า!...เราดีดนิ้วเปาะ วิ่งไปหยิบเมจิก...

“ข้างนี้โดเรม่อน...”เราบอก วาดหัวโดราเอม่อนลงบนเท้าข้างขวาของมัน...มันหัวเราะคิก บิดเท้าหนีคงจักกะจี๋ ...หน้าโดราเอม่อนเลยเบี้ยวหน่อยๆ...

“ข้างนี้โนบิตะ...”เราบอก  จับเท้าซ้ายมันไม่ให้กระดุกกระดิก โนบิตะบนเท้าซ้ายของมันจะได้หน้าไม่เบี้ยวเหมือนโดราเอม่อน

“โดเรม่อน...ก้าวเท้า...”เราพูด และจับเท้าขวามันให้ก้าว

“โนบิตะ...ก้าวเท้า...”เราพูดอีก และจับเท้าซ้ายมันให้ก้าว...

มันมองเราแล้วก็ยิ้มหน้าบาน ก่อนเอื้อมมือมากอดคอเราแล้วจูบแก้มเราแถมน้ำลายกลิ่นปีโป้ไปอีกฟอด

“โดเรม่อน...ก้าวเท้า!”คราวนี้มันพูดเองเสียงดังฟังชัดพร้อมก้าวเท้าขวา

“โนบิตะ...ก้าวเท้า!”เสียงมันยังดังและฟังชัด พร้อมๆกับก้าวเท้าซ้าย หน้ามันยังยิ้มบานไม่ยอมหุบ

“ขยันเดินเข้า จะได้ฉลาดๆ”เราพูดเพราะครึ้มใจเห็นมันตั้งอกตั้งใจเดินไม่มีเหนื่อย...ไม่ได้คิดอะไร แต่มันก็หยุดเดินแล้วหันมามองหน้าเรา

“น้าโอ๋ว่าตะวันโง่เหรอ?”มันถาม หน้าเลิกบาน...ตาเริ่มปริบๆน้ำตาเริ่มปริ่มๆ...

“ใครว่า!...น้าไม่ได้พูดสักหน่อย!...ใครว่าตะวันโง่!?”เรารีบพูด...เจดหันมามองหน้าเราอีกตามเคย

“ครูว่าตะวันโง่...”มันพูด ก่อนเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าเรา และแหงนหน้ามองเรา...อย่างหวังอะไรหรือเปล่า?

แล้วเราจะตอบอะไรมันล่ะ?...

มันยังจ้องเราไม่เลิก...ตามันก็ปริบๆ...จมูกมันก็เริ่มสูดฟุดฟิดๆ...ตามขั้นตอนการร้องไห้ของมัน...

ตอบอะไรมันดี?...

“น้าโอ๋...”มันสูดจมูกอีกครั้งก่อนเรียกเรา

“น้าโอ๋!”มันเรียกเราอีก...คราวนี้เอื้อมมือมาเขย่าแขนเราด้วยเมื่อเราไม่ตอบ

“...อะไร?”เราตอบ...เสียงอ่อยๆ ในใจก็นึกแต่ว่า จะตอบมันว่าอะไรดี...

“ฉายอึ...ตะวันเหม็น...”มันพูด และยืนยันคำพูดด้วยการทำจมูกย่นๆ ทำเสียงฟุดๆฟิดๆให้ดูอีกรอบ...

เหม็นตุ่ยๆจริงๆอย่างมันว่านั่นแหละ...ไอ้ฉายท้องเสียแน่ๆ วันนี้เราล้างก้นมันมารอบนี้จะเป็นรอบที่สามแล้ว...

“อี้...เหม็น!”ไอ้ตะวันพูดเสียงอู้อี้  ยกมือขึ้นมาบีบจมูกตัวเอง ตอนเรายกไอ้ฉายขึ้นมาจากพื้น เราเลยแกล้งอุ้มให้ก้นไอ้ฉายเฉียดๆหน้ามัน...

“ไม่ต้องตามมา น้าจะล้างก้นให้น้อง... เดี๋ยวเหม็นอึน้อง ตะวันก็แหวะออกมาอีก!”เราบอกมัน เมื่อมันทำท่าจะเดินตาม...เรากลัวมันอ๊วก...แต่กลัวกว่าคือกลัวมันมายืนตาปริบๆ แล้วพูดว่า...ครูว่าตะวันโง่...อีกครั้ง...เราไม่รู้จะตอบมันยังไง...

มันไม่ยอมฟังที่พูด...เกาะชายเสื้อเราไม่ปล่อย...แปลว่ามันยังต้องการให้เราพูดอะไรสักอย่างจริงๆ...อะไรสักอย่างที่ไม่เกี่ยวกับอึไอ้ฉาย...

“เจด!”เราเรียกเจด ที่ทำหน้าเมื่อยๆ ลุกขึ้นจากโซฟาตัวยาว...สอดมือเข้าใต้รักแร้มัน แล้วยกมันจนตัวลอยกลับไปนั่งแหมะที่โซฟาตัวเดิมที่ลุกมา...

“ครูเขาพูดเล่น...ครูเขารักตะวันก็เลยพูดเล่นกับตะวัน...”เราได้ยินเจดพูดอย่างนั้น...ตอนที่จับไอ้ฉายมายืนอยู่ในอ่างล้างมือ

เราแกะผ้าอ้อมให้ไอ้ฉายไป ก็หันไปมองไอ้ตะวันไป ว่ามันจะว่ายังไง...

ไอ้ตะวันมันส่ายหัวกลมๆของมัน...แรงจนน่ากลัวจะกลิ้งหล่นลงมา...

“ครูทำอย่างเงี้ย...”มันพูด จับนิ้วชี้เจดมาจิ้ม...จิ้ม แล้วก็จิ้มที่หัวตัวมันเอง

“โง่...โง่...เธอมันโง่...”มันพูด ...และเจดอึ้ง...ส่วนเราก็ได้แต่คิดว่า...โชคดีเหลือเกินที่ไอ้ฉายอึและเรามายืนล้างก้นให้มันอยู่ตรงนี้...

เรารีบหันหน้าหนี เมื่อเจดหันมามองเราเหมือนต้องการความช่วยเหลือ...

“ครูว่าตะวัน...เพื่อนๆก็ว่าตะวัน ครูบอกให้เพื่อนๆมาจับหัวตะวัน บอกว่าเดี๋ยวเขาจะขึ้นที่หัวตะวัน ...”มันพูด น้ำตาไหลอย่างกับน้ำตก ...เราก็แกล้งก้มหน้าก้มตาล้างก้นให้ไอ้ฉายต่อไป...ส่วนเจดก็...เงียบสนิท...

“ตะวันร้องไห้ทำไม?”เสียงยายโอ๋ร้องถามเสียงดัง...ดังจริงๆ...ดังมากๆ ทั้งดังแล้วก็แหลมด้วย...

เราเลยละตาจากก้นไอ้ฉาย หันไปมอง ก็พอดีเห็นยายโอ๋กระโดดปุ๊ลงไปนั่งข้างๆเจด...

“โดนฉายงับพุงอีกแล้วเหรอ?”ยายโอ๋ถาม...ซึ่งข้อสงสัยของมันก็ไม่ผิด...เพราะตอนฟันไอ้ฉายเริ่มขึ้น...ตอนมันคันเหงือก มันงับพุงไอ้ตะวันเป็นประจำ พุงคนอื่นมันไม่สน มันงับพุงไอ้ตะวันคนเดียว...ไม่ว่าไอ้ตะวันจะนั่งหรือจะนอน ไอ้ฉายมันก็คลานดุ้บๆหามุมเหมาะๆ องศาดีๆงับพุงไอ้ตะวันได้เต็มปากเต็มฟันของมัน...มันคงคิดว่าพุงไอ้ตะวันเป็นที่ลับเหงือก ลับฟันของมันมั๊ง...เราคิดว่างั๊นนะ...

แรกๆไอ้ตะวันมันก็ทั้งถีบ ทั้งตีไอ้ฉาย...กับบางครั้งมันก็งับพุงไอ้ฉายคืน...แข่งกันร้องไห้ลั่นบ้าน...

เราต้องค่อยๆบอก ค่อยๆสอนมัน...บอกให้มันจักกะจี๋รักแร้ไอ้ฉาย ให้ไอ้ฉายหัวเราะจะได้ปล่อยฟันจากพุงมัน ไม่ให้มันตีน้อง...ไอ้ตะวันก็ทำตาม...ตอนหลังๆเลยกลายเป็นเสียงประสาน ไอ้ฉายหัวเราะเอิ๊กๆ กับเสียงไอ้ตะวันแหกปากแหกคอร้องไห้ลั่นๆ...แต่นั่นมันก็ตั้งนานแล้ว...เดี๋ยวนี้ฟันไอ้ฉายมันเต็มปาก เลิกคันเหงือกไล่งับพุงไอ้ตะวันมาตั้งนานแล้ว...

“อ้าว...แล้วตะวันร้องไห้ทำไม?”ยายโอ๋ถามซ้ำ เมื่อไอ้ตะวันส่ายหัวกลมๆของมันเป็นการปฏิเสธข้อกล่าวหาแทนไอ้ฉายที่ยืนให้เราล้างก้นอยู่ตรงนี้...

“ครูว่าตะวันโง่...”ไอ้ตะวันว่า

“อ้าว! ...ก็เรื่องจริง แล้วร้องทำไม?!”ยายโอ๋ตอบซะงั๊น เราได้ยินแล้วอยากหยิบผ้าอ้อมเปื้อนอึไอ้ฉายปาหัวมัน แต่ก็ไม่ได้ทำ เพราะถ้าทำ เดี๋ยวเราก็ต้องเป็นคนไปนั่งเช็ดพื้น

“เมื่อก่อนแม่ก็โดนครูว่าเหมือนกัน!”ยายโอ๋ว่าต่อ มือหนึ่งเช็ดน้ำตาให้ลูกมัน ส่วนอีกมือหรืออีกแขน มันท้าวอย่างสบายอยู่บนไหล่ของผัวเรา!...

“จริงเหรอ? แม่ก็โดนว่าเหรอ?”ไอ้ตะวันถามตาโตอย่างมีหวัง ส่วนแม่มันก็พยักหน้าตอบ และยิ้มอย่างภูมิใจ

“จริงสิ!”ยายโอ๋ย้ำ

“แล้วแม่ไม่ร้องไห้เหรอ?”ไอ้ตะวันถาม

“ไม่ร้อง!...ร้องทำไม?!”แม่มันตอบ แต่เราอยากบอกว่าแม่มันน่ะโกหก ก็เจดเคยเล่าให้ฟังว่า กิจวัตรประจำวันของเจดตอนเด็กๆคือนั่งฟังยายโอ๋ร้องไห้งอแงทุกเช้าเพราะไม่อยากไปโรงเรียน แล้วตอนเย็นก็ต้องเดินย่ำต๊อกตามก้นยายโอ๋ที่เดินร้องไห้กลับบ้านทุกวันๆ...

“คนเราโง่เพิ่มขึ้นทุกปีแหละ!”ยายโอ๋บอกไอ้ตะวันลูกมันต่อ

“ปีนี้ตะวันโง่ ปีหน้าคนอื่นๆก็โง่ กว่าจะเรียนกันจบ เหลือฉลาดอยู่ไม่กี่คน!...เราฉลาดเลยชิงโง่ก่อนคนอื่น!”ยายโอ๋ว่างั๊น...

“จริง!”ยายโอ๋ย้ำ เมื่อไอ้ตะวันมันทำหน้าเอ๋อเหรอ อ้าปากหวอฟังแม่มันพูด ลืมร้องไห้ไปแล้ว

“น้าเจดเป็นคนบอกแม่!”มันย้ำคราวนี้ลากผัวเราเข้ามาเอี่ยวเป็นพยานร่วมรู้เห็น  ไอ้ตะวันถึงพยักหน้าหงึกยอมเชื่อแม่มัน  แต่เจดหันมาทำปากพะงาบๆบอกเราว่า...แม่พูด...

“งั๊นพรุ่งนี้แม่ไปโรงเรียนกับตะวันนะ?”

“ไม่เอา!”คราวนี้แม่มันรีบปฏิเสธ ก็จะไม่ให้ปฏิเสธได้ไง ก็ตอนสมัยเรียน เรากับเจดต้องแทคทีมกันทั้งลากทั้งยันกว่าจะเอามันสอบผ่านมาได้แต่ละเทอมๆ...มาแพ้แรงก็ตอนมีนายมะเข้ามาเอี่ยวนี่แหละ

“เช็ดน้ำตาแล้วมาดูดีกว่าว่าแม่กับพ่อเอาอะไรมาฝากตะวัน!”ยายโอ๋พูดรีบเปลี่ยนเรื่องพลางเช็ดน้ำตาให้ไอ้ตะวัน ก่อนลากมันไปยืนใกล้ๆประตู

“แต้น...แต้น...แต้น...”ยายโอ๋ร้องเสียงคีย์ประหลาด ก่อนทำมือทำไม้อย่างกับนักมายากลไปที่ประตู

“ยิปปี้!” เราไม่รู้ว่าเสียงมาก่อนตัว หรือ ตัวมาก่อนเสียง แต่ที่รู้คือเป็นเสียงนายมะ พ่อไอ้ตะวัน...นายมะกระโดดผลุงมายืนอยู่หน้าประตูพร้อมชูขาตั้งวาดรูปอันโคตรเล็กมาข้างหน้า

“ยิปปี้!”ยายโอ๋ร้องบ้าง ด้วยสีหน้าคาดหวังความตื่นเต้นจากไอ้ตะวัน ที่ยืนพุงแอ่น ยกมือเกาหัวกลมแบบเอ๋อๆ เดาว่ามันคงงงว่าพ่อกับแม่มันเป็นอะไร

วันก่อนไอ้ตะวันมันเพิ่งโอดครวญว่าไม่ยุติธรรมที่พ่อกับแม่มันได้นั่งวาดรูปแต่มันต้องยืน วันนี้พ่อกับแม่ของมันเลยไปหาขาตั้งวาดรูปอันเล็กให้มันจนได้ และมันคงตื่นเต้นกว่านี้ ถ้าไม่มัวยืนงงกับ...ยิปปี้...ของพ่อแม่มันซะก่อน...

ในที่สุดไอ้ตะวันมันก็คงตัดสินใจได้หลังจากปล่อยให้พ่อกับแม่มันยืนค้างทั้งยิ้มค้างทั้งมืออยู่ตรงประตู

จากมุมมองด้านหลังไอ้ตะวัน...เราเห็นมันทำท่าฮึดสู้  สูดหายใจลึกก่อนยกไหล่แล้วก็ตะโกนเสียงดัง

“ปีโป้!”

เราเห็นนายมะกับยายโอ๋มองหน้ากันงงๆ แต่ก็แค่แป๊บ แล้วก็ทำท่าฮึดเอาใจลูกมัน

“ปีโป้!”นายมะตะโกน แล้วก็ชูขาตั้งวาดรูปอันจิ๋วขึ้น ก่อนหันหลังวิ่งนำขบวนออกจากบ้านเราไป

“ปีโป้!”ยายโอ๋ตะโกนบ้าง พร้อมๆกับยื่นแขนออกมาหาไอ้ตะวัน แล้วไอ้ตะวันมันก็วิ่งเข้าไปกระโดดให้แม่มันอุ้ม

“ปีโป้!”ไอ้ตะวันตะโกนเสียงดัง กอดคอแม่มันแน่น แล้วยายโอ๋ก็อุ้มไอ้ตะวันวิ่งตามนายมะไป...

เราสบตากับเจด จะว่างงก็ไม่เชิง จะว่าไม่งงก็ไม่ใช่  แล้วก็กลับไปตั้งอกตั้งใจยืนล้างก้นให้ไอ้ฉายต่อ ส่วนเจดก็ยกหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านต่อไปเงียบๆ

“ไปไหน?”เจดถาม เพราะหลังจากล้างก้นให้ไอ้ฉายเสร็จ เราก็หยิบผ้าอ้อม อุ้มมันขึ้นเอวเตรียมจะเดินออกจากบ้าน

“ไปดูขาตั้งวาดรูปของไอ้ตะวัน”เราตอบเจด ก็เราจะไปดูขาตั้งวาดรูปจริงๆ ว่ามันเป็นสีอะไร เราจะได้ซื้อเก้าอี้ตัวใหม่ให้ไอ้ตะวัน...เดี๋ยวหลานไม่รักเรา...

เจดถอนหายใจ ปิดหนังสือพิมพ์แล้ววางลงอย่างเนือยๆ ก่อนลุกขึ้นยืนอย่างเอื่อยๆ...ทำอย่างกับเราขอร้องให้ไปด้วยกันงั๊นแหล....ก็กลัวหลานไม่รักเหมือนกันแหละหว่า!

จบ...
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Ak@tsuKII ที่ 22-05-2009 00:59:23
ู^
^

 :z13:  คุณ ภัคD  อิอิ 


กรี๊ดดดดดดดดดดด  เพิ่งเห็นว่าลงตอนใหม่ด้วย   :impress2: 

 :pig4:  มากๆๆๆๆค่ะ  ชอบเรื่องนี้มากๆๆ  เป็นนักเขียนที่ใช้ภาษาได้สวยแล้วดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ชอบงานเขียนของคุณ ภัคD มากๆๆค่ะ 

 o13 o13 o13



 :3123:  ขอบคุณพี่ทิพย์ด้วยเช่นกันค่ะ  ที่นำเรื่องนี้มาโพสต์

บวกหนึ่ง คุณ ภัคD และ พี่ทิพย์ค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 22-05-2009 07:29:44
นึกภาพตะวันเอ๋อๆตามแล้วน่ารักดี

ขอบคุณมากครับ สำหรับตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกหมีน้ำแดง ที่ 22-05-2009 08:57:34
ขอบคุณ คุณThip ที่เอาเรื่องดีๆ มาให้อ่าน

ขอบคุณ คุณภัคD สำหรับเรื่องราวดีๆที่เขียน

ชอบภาษาการเขียนของคุณภัคDค่ะ ลื่นไหล ไม่มีสะดุด
 
อ่านเรื่องนี้จบแล้วต้องขอบอกว่าชอบมากๆค่ะ

เหมือนความรักจะไม่สมหวัง แต่ก็สมหวังเพราะการได้อยู่คู่กันก็พอแล้วค่ะ

 :pig4:

 :L2:






หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: mk_restaurant ที่ 23-05-2009 01:47:47
ขอบคุณคร๊าบบ
อ่านแล้วแปลกๆดีเนอะ
อิอิ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: nuch1204 ที่ 09-06-2009 07:00:23
Thank you... :3123: It's a good story!

If this one like a movie, it will be a black comedy!!!

It can makes ppl happy and sad at the same time.

It make me wanna smile and cry at the same time.

 :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: dOrA ที่ 11-06-2009 14:48:22
อ่านรวดเดียวจนจบเลยค่า ชอบเรื่องนี้มากๆๆ แบบว่าเขียนได้ดีสุดๆๆค่า

แม้ตอนหลังฉายจะไม่ได้คู่กับตะวัน แต่ไงก้อยังคงอยู่เคียงค้างกันตลอดไป

ความรัก ไม่ว่าจะมองมุมไหน มันก้อยังเป็นความรักอยู่ดี ชอบมากๆๆค่า
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 16-06-2009 15:31:39
อ่านจบแล้ว
ขอบคุณมากฮับ....
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 17-06-2009 01:55:26
ตะวันหนอตะวัน เด็กๆยังน่ารักขนาดนี้  :o8:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 20-06-2009 15:29:49
 :m20:ตอนแรกนี่อ่านแล้วฮาแตกเลยทีเดียว
บอกตรงๆไม่คิดว่า เศ้ราเลยให้ตายเถอะ
เขียนดีมากมายค่ะชอบนะสนุกดีได้อะไรเยอะเลย
มุมมองอะไรหลายอย่าง

 :sad4: แต่มันก็เศ้รา สงสารฉายมากกก
แอบเคืองพี่ขุน แต่ก็เข้าใจนะ ว่ารักตะวันมากก
ไม่งั้นคงไม่อยู๋กันมานานขนาดนี้หรอก
แต่ไม่ค่อยเข้าใจตะวันเท่าไหร่ ไม่รู้คิดไรเนอะ 555
เหมือนจะโต แต่ก็ไม่โต แต่ก็ไม่ใช่เด็ก
วุ้ยยย เอาเป็นว่ารู้สึกดีที่ฉายตัดสินใจแบบนี้นะค่ะ
 o13 o13
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 21-06-2009 00:34:58
พี่ตะวันน่ารัก  :o8:

"ปีโป้!"

 :m20:

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษครับคุณภัคD

รอหนังสืออยู่เน่อออ

สู้ๆครับ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: barbieBot ที่ 11-07-2009 00:02:10
เฮ้ออออออออ~

อ่านจบแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ในอารมณ์ไหน จะว่าสุขก็ไม่ เศร้าก็ไม่ซะทีเดียว รู้แต่ว่ามันตรึงเข้าไปในความรู้สึกเลย

คุณภัคD ถ่ายทอดอารมณืได้เก่งมากๆ นับถือๆ

ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆที่เขียนมาให้เราอ่านนะครับ
 o13
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Soulmate ที่ 21-07-2009 18:02:35
เฮ้ออออออออ~

อ่านจบแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ในอารมณ์ไหน จะว่าสุขก็ไม่ เศร้าก็ไม่ซะทีเดียว รู้แต่ว่ามันตรึงเข้าไปในความรู้สึกเลย

คุณภัคD ถ่ายทอดอารมณืได้เก่งมากๆ นับถือๆ

ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆที่เขียนมาให้เราอ่านนะครับ
 o13
ก็ว่า...        ชอบ :m3:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: kataiiiscas ที่ 23-07-2009 11:34:05
ตามมาอ่านเพราะชื่อผู้แต่ง มันการันตีได้

เพิ่งได้อ่านเรื่อง หรือจะให้เป็นแค่ความทรงจำ จบไปเมื่อคืน
ตอนนี้อารมณ์ยังค้างอยู่เลยค่ะ เฮ้ออออออออออออออออ

กะลังจะเริ่มอ่านเรื่องนี้แล้ว

ทำไมเพิ่งมาค้นพบนิยายดีๆ ของคุณ ภักD น้า

ขอบคุณผู้แต่ง และ ผู้โพสนะคะ

ซารางเฮโย รักนะคะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: kataiiiscas ที่ 24-07-2009 17:44:35
จบแล้วหรอ

ตะวันน่ารักจัง

มันอารมณ์เศร้าๆนะ แต่เศร้าแบบอารมณ์ดี ยิ้มตลอดเลย


ชอบมากๆเรื่องนี้ ได้อะไรมาเยอะเลย จริงๆนะ




ปล. รักผู้แต่ง + รักผู้โพสด้วย
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: giant ที่ 01-08-2009 02:00:02
อ่านจบแล้ว....รู้สึก "จุก" ทันทีครับ
ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ....

ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆ
         
          นับถือจริงๆครับ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: kangkaw ที่ 01-08-2009 09:20:48
ตามมาอ่านเพราะมีน้องแนะนำมาค่ะ (ยังไม่ได้เริ่มอ่านเลย อิอิ)  ได้ข่าวว่าพิมพ์ ร่วมเล่มด้วยใช่รึเปล่า ค่ะ

ไปอ่านก่อน ๆ   
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: yotsaput ที่ 03-08-2009 08:12:58
เรื่องนี้เศร้าจัง อ่านไปก็ร้องไห้ไป  :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: playplay ที่ 19-08-2009 16:49:45
อ่านแล้ว สุดยอดเลย เขียนได้ดีจริงๆ เอาผมอ่านทีเดียวจบเลย ขอบคุณมากกครับสำหรับเรื่องดีๆๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: shampoo ที่ 20-08-2009 00:04:56
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
 :L1: :pig4: :3123:

หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: kangkaw ที่ 21-08-2009 12:06:44
 :z1: แป๊ะ แป๊ะ  ไว้ก่อนมาอ่าน
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: olar74 ที่ 13-09-2009 13:14:17
อ่านตอนแรกๆ ก็เหมือนจะเครียดน่ะ ...

กะว่าจะเลิกอ่าน ... แต่ !!!!!! ไม่ดีก่า .... ลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ ....

มันเหมือนจะเศร้าๆ บอกไม่ถูก ... เดาใจตะวันก็เอาแน่เอานอนก็ไม่ได้ ....

เหมือนฉายก็จะรอความหวัง .... แต่สุดท้าย ก็จะเป็นกำลังใจให้น่ะ ...  :bye2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: kangkaw ที่ 15-09-2009 14:01:13
อ่านจบแล้ว  อยากให้แต่งต่อจัง สนุกมายเลยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: imageriz ที่ 15-09-2009 20:10:44
อ่านจบไปแล้ว แต่ความรู้สึกมันยังคงอยู่ มันยังรู้สึก "จุก"
น้ำตาก็ยังคงไหล ไม่รู้สิว่าตกลงมัน สุข หรือ ทรมาน กับความรู้สึกที่ยังคงเหลืออยู่

อ่านไปตอนแรก ทั้งยิ้มทั้งหัวเราะ กับความน่ารักของ ตะวันฉาย และ ตะวัน
พอเริ่มมีพี่กบก็เริ่มสงสารฉาย และต่อมาพี่ปา และสุดท้ายมาพี่ขุน มันรู้สึก
อึดอัดและทรมานกับตะวันฉาย ที่ทำได้เพียงแค่มองดูคนที่ตัวเองรักกับอื่น
โดยที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรให้ได้ หรือเป็นอย่างอื่นได้ นอกจากคำว่า"น้องชาย" เท่านั้น
ยอมรักว่าน้ำตาไหลว่าตั้งแต่ตอน กลางเรื่อง มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถพูดหรือถ่ายทอด
ออกมาได้ มันได้แต่อึดอัด หลายความคิดของตะวันฉายมันสะท้อนอะไรได้หลายอย่าง
จนกระทั่งมาถึงตอนท้าย กับความคิดของตะวันฉาย  :o12: :o12: :o12:

 
>>>เพราะความรักไม่ได้มีจุดสิ้นสุดอยู่แค่ที่ลมหายใจ...พี่ตะวันจึงยังคงรักพี่ขุน และผมยังคงอกหัก แต่เพราะความรัก ก็ไม่ได้มีความหมายอยู่แค่ที่สมหวังหรือผิดหวัง...วันนี้ผมจึงมีความสุข แม้จะเป็นได้เพียง...น้องชายของพี่ตะวัน...<<<

สำนวนการเขียน และการดำเนินเรื่อง  ไม่ว่าจะเป็นภาษาที่ใช้ o13  o13 o13
อ่านจบแล้ว แต่ความรู้สึกไม่ได้จบไปด้วย ความรู้สึกมันยังคงค้างอยู่
 :pig4: คุณทิพย์ ที่นำเรื่องดี ๆ มาให้อ่านค่ะ
 :pig4: คุณภัคD ที่เขียนเรื่องดี ๆ แบบนี้มาให้อ่านนะค่ะ ขอบคุณค่ะ   :pig4:

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Letm3diE ที่ 19-09-2009 02:34:21
เรื่องนี้อ่านแล้วมันรู้สึกจุกที่อก

เหมือนสุขจนต้องยิ้มแต่ปนมาด้วยความเศร้าและน้ำตา

เหมือนเศร้าแต่ความสุข

เหมือนจะร้องไห้แต่น้ำตาไม่ไหล

บางครั้งน้ำตาไหลแต่ก็ยังรู้สึกถึงรอยยิ้ม

บางครั้งยิ้มก็ยิ้มทั้งน้ำตา

จงไม่รู้ว่าจะบอกความรู้สึกท่มีต่อเรื่องนี้อย่างไรดี

เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ทำให่รู้สึกอย่างนี้

และยากบอกว่าขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ  ที่ได้รังสรรสร้างขึ้นมาให้ได้อ่าน

และที่ขาดไม่ได้คือผู้ที่ได้นำเรื่องนี้มาลงให้ได้อ่าน   :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 25-09-2009 15:07:34
เอื๊อก อิ่มจัง อ่านเรื่องนี้แล้วอิ่มอกอิ่มใจจังค่ะ

มีเรื่องราวหลายๆเรื่องที่เราอ่านแล้วสนุก ตลก กินใจ บางเรื่องคนเขียนก้อทิ้งค้างไว้ให้ติดตามอย่างอยากรู้อยากเห็นความเป็นไปของตัวละคร

สำหรับเรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราประทับใจค่ะ

วิธีการเขียนที่ใช้สำนวนธรรมดาๆ ที่แทบจะไม่มีการบรรยายฉากหรือสภาวะแวดล้อม เหมือนเป็นเรื่องธรรมชาติที่เราจะคุยกันไปเรื่อยๆ ค่อยๆใส่ตัวตนของตัวละครเข้ามาให้เราเห็นภาพอย่างชัดเจนจนรู้สึกเหมือนดูหนังดีๆซักเรื่องหนึ่งโดยปล่อยให้เรานึกภาพของฉาย ตะวัน พี่กบ พี่ปา พี่ขุน แม่ พ่อ น้ามะ และน้าโอ๋ ไปตามจินตนาการของเราเอง

พล็อตเรื่องที่ดูเหมือนจะมีอยู่กลาดเกลื่อน เพราะมีคนใข้แกนของเรื่องแบบนี้อย่างมากมาย รักคนใกล้ตัว รักมานานแสนนาน รักเพราะรัก กลับกลายเป็นเรื่องที่ชวนติดตามมากมายได้ขนาดนี้ เมื่อถูกถ่ายทอดจากการมองความรักและวิธีรักของคนแบบฉาย

ตะวันฉายที่มั่นคง รู้จักตัวเองและคนที่ตัวเองรักอย่างถ่องแท้ เราเห็นด้วยกับหลายๆคนที่บอกว่า ถ้าฉายสู้ขึ้นมาจริงๆ กี่พี่กบกี่พี่ขุนหรือจะกี่พี่(ที่จะตามมา)ก้อสู้ฉายไม่ได้ เพราะเราก้อเห็นๆกันอยู่อย่างชัดเจนว่า ตะวันขาดฉายไม่ได้

เหมือนกับที่ฉายขาดตะวันไม่ได้เหมือนกัน

ตะวันที่มียิ้มสดใสพิชิตใจใครต่อใครหลายๆคนให้ยอมสยบเพียงเพื่อจะได้เห็นรอยยิ้มนั้น ตะวันที่รู้จุดแข็งของตัวเองว่าต้องทำยังไงถึงจะได้ดังใจตะวัน จนบางครั้งเรารู้สึกว่าตะวันเห็นแก่ตัวและเอาแต่เรียกร้อง แต่สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าตะวันชัดเจนและซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเองขนาดไหน และนี่แหละที่เป็นเสน่ห์ที่น่าทึ่งของตะวัน น่าแปลกนะ ทั้งๆที่รู้ว่ากำลังโดน "ใช้" แต่ทำไม๊ทำไม ไม่มีใครตัดใจจากตะวันได้ซักที

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้นะคะ รักที่เราเชื่อว่าเป็นรักแท้อีกแบบหนึ่งที่ งาม เหลือเกิน ขอบคุณ คุณภัค D และคุณ Thip มากๆค่ะ

 :pig4:     

           
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: inuyacha ที่ 03-11-2009 16:49:50
เรื่องนี้ แม้จะไม่ได้จบ แบบ ฉายรักกะ ตะวัน แต่ มานทำให้ คนอ่าน อยากทำแต่สิ่งดีๆ เลยนะ


อยากคิดอะไรง่ายๆ เหมือน ตะวัน และก็อยากมีเพื่อน หรือเป็น คนดี อย่างฉาน


ตะวันฉาย   อยากมีลูกแบบนี้จัง


ขอบคุณมากคับ ผม  อ่านทุกตัวอักษร ก็เห็นภาพ ทุก ตัวอักษร เลย
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: inuyacha ที่ 03-11-2009 19:30:53
ลืมบอกไปอีกนิด

ผมอ่าน ภาคย่อยพิเศษ ตอนที่ตะวัน โดนครูด่าว่า โง่  แล้ว ตะวันเล่าให้ น้าโอ๋ ฟังผม

สงสารเด็กจัง ตอนเด็กๆ เคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้ มาด้วย นึกย้อนไปเวลานั้น

ผมชอบตะวัน และ ตะวันฉายจัง


นี่มานั่งอ่าน งุงิงุงิ อีกหลายๆ ตอน  ดีนะ ที่จบแบบตะวัน ยังได้อยู่กะฉาย ถ้าจบอีกแบบร้องไห้ แน่ๆ

หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 03-11-2009 20:55:36
เรืองนี้จำได้ว่าเคยอ่านที่ไหนมาก่อน ( รึป่าว  จำไม่ได้)

จำได้แต่ว่า  ซึ้งมากค่ะแม้จะดูเศร้าๆไปบ้าง

อยากให้มีตอนพิเศษ

อยากเห็นความสุขสมหวังของ ฉาย  กะ ตะวัน บ้างอะไรบ้าง

หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: inuyacha ที่ 08-12-2009 17:47:58
ทำไงดี ผม ติดนิยายคุณ ภักD

แอบมาอ่านนิดหน่อย ทุกวันเลย แงๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: forest ที่ 11-12-2009 14:08:05
สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด o13
เฮ้อ :เฮ้อ:
ไม่อยากจะบอกเลยอะ
อ่านแล้วเหนื่อยจัง  หดหู่สุดๆ
อ่านง่าย
เนื้อเรื่องสนุก
ยิ่งอ่านยิ่งติด o13
แต่
คือว่าไม่รู้ว่าใครเป็นแบบผมหรือปล่าว
ทั้งชอบและก็เกรียด  :z3:
ชอบมากๆจริงๆ  :กอด1:
แต่ด้วยความที่ว่าอ่านง่ายเกินไป
สบายๆเกินไป
แต่อึดอัดชะมัดเลย
โดนคนแต่งแกล้งเอาแล้ว :a5:
ยิ้มทั้งน้ำตาจริงๆ
เฮ้อเหนื่อยจังเลย :z3:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: kaehoo ที่ 19-12-2009 14:04:29
 :bye2: :bye2:ชอบมากคับ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pong212 ที่ 20-12-2009 01:05:16
เวลาผมอ่านเรื่องนี้แล้วมันให้ความรู้สึกว่า

ผมอยู่ในห้องมืด ๆ คนเดียว หายใจไม่ค่อยออก :z3:

ไม่ค่อยเข้าใจกับความสัมพันธ์ที่น่าเหนื่อยไปด้วยแบบนี้เท่าไหร่

แต่ก็ขอบคุณคนแต่ง ด้วย

ที่นำเสนออารมณ์แปลกใหม่นี้ให้กับผม

สรุปสั้น ๆ >>>> ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 04-02-2010 02:54:24
อ่านแล้วรู้สึกจี๊ด ๆ แน่น ๆ ยังไงไม่รู้ เหอ ๆๆ

มันเศร้าแต่ก็ร้องไม่ออกแหะ สงสัยเราคงจะไม่ใช่ตะวัน

สำนวนแค่ละประโยคอ่านแล้วกินใจ

ฉายยังคงอกหักตั้งแต่รู้จักความรักจนปัจจุบันก็ยังอกหัก

บทสุดท้ายถึงแม้ฉายจะไม่ได้เป็นคนรักของตะวัน

แต่...ฉายก็เป็นคนสำคัญที่ตะวันขาดไม่ได้
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ryokosung_love_ ที่ 05-03-2010 23:41:07
อ่านเรื่องนี้ทีไร ไม่รู้จะร้องไห้ หรือหัวเราะดี :m15:
คุณภัคดีแต่งได้อารมณ์มากๆค่ะ จะติดตามผลงานทุกเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: jantaro ที่ 06-03-2010 19:35:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: กระต่ายชมจันทร์ ที่ 07-03-2010 14:42:04
มันรับได้และรับไม่ได้...

ชอบวิธีการเขียนของพี่ภัคDมาก....

เรื่องนี้เป็นเรื่องยาวเรื่องที่สองต่อจากหรือจะให้ฯ นอกนั้นเป็นเรื่องสั้นหมด

เข้าใจ...ว่าบางครั้งต่อให้เรารักใครก็ใช่ว่าเขาจะรักเราตอบ โดยเฉพาะเมื่อเขามีอยู่ใครอยู่ข้างกายและใจแล้ว

ได้แต่จินตนาการต่อเองว่าต่อไปตะวันอาจจะรักฉายบ้าง เหมือนกับนกกระเรียนที่มีอยู่แต่ไม่รู้ว่ามี

ไม่ได้ร้องไห้หรือน้ำตาซึมตอนอ่านแต่มันโหวงๆในหัวใจค่ะ

ยังไงก็ขอบคุณที่นำเรื่องนี้มาแบ่งปันให้อ่านและพี่ภัคDที่เขียนรวมถึงบทเพลงที่ทำให้พี่ได้แรงบันดาลใจด้วยค่ะ^^

หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: B_O_M ที่ 25-03-2010 23:55:05
ในที่สุด ตะวัน-ฉาย ก็อยู่ด้วยกัน ตลอดไป
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: AtomiZe ที่ 02-04-2010 17:54:23
ตามมาจากเรือง  หรือจะให้เป็นแค่ความทรงจำ  ที่เพิ่งจบไปหมาดๆ  ค่ะ
ชอบผลงานคุณ ภัคD มากๆ  ทำให้อยากอ่านเรื่องนี้
แต่เห็นจากรีบนๆ  ตอนจบฉายกับตะวันได้อยู่ด้วยกันตลอดไป
แต่ไม่ใช่คนรัก  มันคงจะเศร้ามากๆ  บอกตรงๆว่ายังทำใจอ่านไม่ได้
ขอข้ามไปก่อนแล้วกันไม่งั้นจิตตกแน่ๆ ดูจากเรื่องหรือจะให้เป็นแค่ความทรงจำ
ตอนเศร้ามันสุดๆแล้วอ่ะ  ตอนนี้ขอพักทำใจก่อน ให้อารมณ์อยู่ในสภาวะปกติแล้ว
จะกลับมาอ่านนะคะ  สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่าน "หรือจะให้เป็นแค่ความทรงจำ"
แนะนำให้อ่านเลยค่ะ  แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง  มันดีมากๆ และมากที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมาเลย
(จริงๆนะ  :3123:)
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: rainbowboiz ที่ 04-04-2010 01:35:57
เอิ่ม เพิ่งอ่านจบด้วยเวลาไม่นาน

ไม่น่าเชื่อว่าด้วยตอนแค่ไม่กี่ตอนจะเล่าเรื่องราวมากมายได้ดีเท่านี้

ตั้งแต่อายุสิบสอง ยันจนสุดท้าย บรรยากาศดูอึมครึมเหมือนฝนจกตกแต่ขณะเดียวกันก็มีแสงแดดอุ่นๆสลับกันบ้าง

 o13 o13 o13


สุดยอดครับ อ่านแล้วอิ่มเอมหัวใจจังเลย

ทำไมผมรู้สึกว่ามันแฮปปี้เอ็นดิ้งนะ ทำไมไม่รู้สึกว่าพี่ขุนเป็นคนแย่งตะวันไป และอีกหลายๆคำถาม

แต่คำถามเหล่านั้นมันไม่ต้องการคำตอบ หรือเพราะว่ามันลงตัวแล้วในทุกๆมุม

ยังไงก็ขอขอบคุณคนแต่งด้วยครับ^ ^
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: moxnox ที่ 07-05-2010 03:39:52
ครับไม่คอมเม้นคงไม่ได้จริง
เสียดายแทนคนที่ไม่ได้อ่าน 5555
ผมร้องไห้ครับ ไม่ใช่ร้องเพราะสงสารฉาย หรือตะวัน
ไม่ได้ร้องเพราะสงสารใคร  แต่ผมร้องไห้เพราะการสูญเสียครับ
ตอนที่พ่อแม่ตะวันหายไป ผมโหวงๆ  แต่พอตอนพ่อแม่ฉายเสียไป น้ำตามันไหลเลย
สำหรับผม ไม่มีอะไรทำให้เสียใจได้เท่ากับความสูญเสียครับ ....
เฮ้ออ  เศร้าจริงๆนะครับ เศร้ามากๆเลยด้วย
ผมไม่ได้หวังอยู่แล้วว่าเรื่องนี้จะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง
แต่ยังไงในใจก็หวังว่า คงจบได้น่า
แต่สุดท้ายก็เหมือนหลอกตัวเองอยู่ดีที่ก็รูอยู่ว่ามันต้องจบแบบนี้ แต่ไม่เคยอยากคิดให้มันเป็นแบบนี้ 555
ผมบอกได้เต็มปากว่าไม่ชอบตะวัน เพราะ เหมืนตะวันรู้ทุกอย่าง แต่กลับจะตอบสนองแต่สิงที่ตัวเองต้องการ
ผมไม่ชอบ ฉาย เพราะ ผมมั่นใจว่าถ้าผมเป็นฉายผมไม่มีทางทน ในสายตาผมท่ามองเผินๆเป็นแค่คนโง่ที่ปักใจ
แต่ทั้งเรื่อง ผมชอบที่สุดคือ แม่ของฉายครับ บอกไม่ถูกมันผูกพันมากๆเลย เหมือนเป็นส่วนหนึงที่สำคัญมากๆของเรื่อง
ทุกตัวละครทำให้มันสมบูรณ์แบบ  ถึงผมจะบอกไม่ได้ว่าดีแล้วที่จบแบบนี้ แต่บอกได้ว่าดีแล้วที่ได้อ่านเรื่องนี้ครับ
ขอบคุณจริงๆ ทั้งผู้แต่ง และผู้โพสครับ  ดูช้าไปหน่อยที่เพิ่งได้อาน แต่ไม่มีอะไรมากกว่าคำว่า..

ขอบคุณครับ  :pig4:

หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: วิหคท่องนภา ที่ 07-05-2010 18:48:51
แหกขี้ตาตื่นมาตอนบ่ายสอง  ยังไม่ได้ล้างหน้า...

รอเวลาทาครีมละลายสิว นั่งอ่านฆ่าเวลา..ทาครีม

ฆ่าเวลา...

ฆ่าเวลา....

ฆ่าเวลา......

ตอนนี้...อ่านจบแล้ว.....(ก็ยังไม่ได้ล้างหน้า o22)

หันไปมองเวลา...

หันไปมองท้องฟ้า...

แสงตะวันดับหาย...

ทิวากล้ำกลาย...

แต่ 

 "ตะวันยังมีให้เห็น....ไกลๆ"


ภายในใจวนเวียนเฝ้าคิดถึงเพียงเธอ
หลับตายังคงเจอเธอ เหมือนเดิมเสมอทุกวัน
สัมผัส อบอุ่นที่เธอเคยมีให้กัน
กับความทรงจำ ที่ฉันนั้นไม่ลืม

เก็บไว้ จากวันที่ไกลห่างกัน
เมื่อฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้ไหม
ที่จะรักเธอ และมีเธออยู่กับฉันตลอด
ไม่อยากต้องอยู่เพื่อมองเห็นเธอจากไป

แต่วันนี้ ฉันรั้งตัวเธอต่อไปไม่ไหว
เมื่อเธอกับฉันต้องเดินแยกทางกันไป
ไม่มีเธอแล้ว จะอยู่อย่างไร
ไม่ให้รักก็ควรต้องลืมใช่ไหม ฝืนใจตัวเองทุกครั้ง
และพรุ่งนี้ ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง
รู้เพียง ตะวันยังมีให้เห็นไกลไกล
ทุกอย่าง นั้นยังมีแปรเปลี่ยนไป
แต่ฉันจะมีแค่เธอในใจ เหมือนดวงตะวัน

ทุกอย่าง จดจำขึ้นใจได้ดี
เมื่อฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้ไหม
ที่จะรักเธอ และมีเธออยู่กับฉันตลอด
ไม่อยากต้องอยู่เพื่อมองเห็นเธอจากไป

แต่วันนี้ ฉันรั้งตัวเธอต่อไปไม่ไหว
เมื่อเธอกับฉันต้องเดินแยกทางกันไป
ไม่มีเธอแล้ว จะอยู่อย่างไร
ไม่ให้รักก็ควรต้องลืมใช่ไหม ฝืนใจตัวเองทุกครั้ง
และพรุ่งนี้ ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง
รู้เพียง ตะวันยังมีให้เห็นไกลไกล
ทุกอย่าง นั้นยังมีแปรเปลี่ยนไป
แต่ฉันจะมีแค่เธอในใจ เหมือนดวงตะวัน

เธอจะเป็นคนเดียวอยู่ในใจฉัน
และจะเป็นเหตุผลเดียวเท่านั้น
ที่จะทำให้ฉันได้เดินต่อไป

ทุกอย่าง นั้นยังมีแปรเปลี่ยนไป.....แต่ฉันจะมีแค่เธอในใจ มีแต่เธอในใจ เหมือนดวงตะวัน

ขอบคุณสิ่งดีๆที่มอบให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 21-05-2010 04:17:36
 :3123: :3123:

สมัครเข้ามาเพื่อมาเม้นท์ให้เรื่องนี้โดยเฉพาะเลยค่ะ

ชอบมากๆเลย  สนุกและก็น่ารักมากๆๆ

เต็มอิ่มจนบรรยายไม่ถูกรู้แต่ว่า  อ่านเรื่องนี้แล้ว มีความสุขค่ะ

แต่เรื่องใหม่อีกนะค่ะ  จะเป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 23-05-2010 20:05:04

เข้ามาร้องไห้อีกรอบ  สงสารฉาย

เห็นใจฉายกับตะวันมากๆเลยค่ะ  แต่คิดอีกที  ถึงไม่ได้อยู่แบบคู่รัก

แต่ก็อยู่ด้วยกันแบบคู่ทุกข์ คู่ยาก น่าจะมีความสุขมากกว่าคู่ไหนๆ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: m3up9mft ที่ 23-05-2010 23:54:50
อยากจะร้องไห้ให้กับความรักที่ยิ่งใหญ่ของฉาย

มันตื้นตัน จุกอกอยากร้องแต่ก็ร้องไม่ออก

สงสารทั้ง ฉาย ทั้ง ตะวัน

สงสารตะวันจับใจ ถ้าเป็นเรา ก็คงจะหายทางออกไม่ได้ แล้วก็ต้องจมไปกับความเศร้าไปตลอดแน่ๆ

แต่ก็สงสาร ฉายเหมือนกันว่า ถ้าไม่มีดวงตะวัน ก็ไม่สามารถฉายแสงได้






จะรักอย่างไงก็ได้ ขอแต่ได้รัก............................
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: inuyacha ที่ 27-05-2010 09:50:21
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ รักมาก เลย
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: PsYchopaThic ที่ 29-05-2010 18:04:06
ทำไมอ่า....ทำมายยยยยย อึกกกกกกก ๆๆๆ เหมือนจะร้องไห้...แต่ร้องไม่ออก... มันอื้อๆตื้อๆ อ่ะ เอาให้ช้ำในตายไปเลยมั๊ยค่ะ...
คุณภัคD เป็นโรคจิตแหงๆ ชอบทำร้ายจิตใจคนอ่าน ทำร้ายหัวใจตัวละครด้วยหง่ะ...ช้ำ.. อ่านแล้วมันช้ำ เราว่าถ้าคุณภัคดีเปลี่ยนให้ตะวันเล่า หรือคนอื่นที่ไม่ใช่ฉาย เรื่องมันคงไม่ทำร้ายใจได้ขนาดนี้..อ่านจบแล้วอกกลัดหนองเหมือนฉายเลยหง่ะ
ถ้าตะวันเล่า เราก็คงจะไม่ทุกข์ใจไปกับฉายมากมายขนาดนี้อ่ะ ตอนที่พี่ขุนหึงฉาย ตอนที่ขุนจ้องฉายกับพี่กบเป็นหน้าปลากัด เราที่เป็นคนอ่านก็คงเห็นเพียงภาพฉายกับพี่กบแกล้งไม่รู้ไม่ชี้ คงจะไม่ต้องใส่ใจกับการแกล้งไม่รู้ไม่เห็นของฉายเท่าไหร่ แต่เมื่อคุณภัคD ใจร้าย ความรู้สึกนึกคิดของตัวละครในเรื่อง มันถาโถมเข้ามาให้เรารับรู้ ตอนพ่อแม่ฉาย กับพี่ขุนไปแล้ว... โห อะไรมันจะ..... ขนาดนั้น (“.....” คือ เกินจะบรรยาย) ทั้งฉาย ทั้งตะวัน ... มันแบบว่า...
เรื่องเอกกับพี่เหยายังพอได้อ่านไปหวังไป...ว่าตอนจบจะสมหวัง แต่เรื่องนี้มันสุดๆอ่ะ.. บอกตามตรงนะตอนแรกอ่านๆ ไป ก็ยังนึกหวังว่าฉายจะกลับมาทวงตะวันได้ แต่ตอนที่ฉายเรียนจบและบอกจะกลับมาทวง... ตะวันกับพี่ขุนก็คบกันมาเป็นสิบปีแล้ว... เรารู้เลยว่ามันไม่มีทางอีกแล้ว สงสารฉายมาก... แต่ตอนจบคนที่น่าสงสารที่สุดกลับเป็นตะวัน สงสารพี่ขุนด้วย ไปแบบไม่ได้ลากันเลย ทั้งๆ ที่รักกันขนาดนั้น สุดท้ายแล้วพระเอกก็ตาย นายเอกอยู่กับน้องชาย..ที่ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้...
คุณภัคD ติสมาก (ซาดิสด้วยหง่ะ แฮะๆๆ)>>>ล้อเล่นนะ ก็คนมันช้ำนี่นา ขอบคุณมากค่ะ สำหรับเรื่องนี้ ขอบคุณคุณ THIP ด้วย ที่ทำให้มีโอกาสได้อ่านเรื่องดีๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: @Kanda@ ที่ 30-05-2010 23:56:15
เศร้ามากกกกกกกก

เศร้ามากจริงๆ

แบบ บางทีมันเหมือนจะขำ แต่ขำไม่ออก
บางทีเหมือนจะเศร้า แต่ก็ยังเผลอยิ้มอ่ะ


"เพราะความรักไม่ได้หยุดอยู่แค่ลมหายใจ  ตะวันก็ยังคงรักพี่ขุน"

หากมองให้มุมของตะวัน คงต้องนับถือ อยากรู้ว่าเค้าคิดอะไรอยู่บ้าง อยากรู้ว่าเคยมอง ตะวันฉาย บ้างมั๊ย? เคยมองเห็น ซักวินาทีบ้างรึเปล่า?

อยากรู้เหตุผลของรอยสักบนฝ่าเท้า

สงสารฉาย



ตะวันรักพี่ขุน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้รักฉาย

ความรักมันเทียบไม่ได้ว่ามากหรือน้อย สำหรับฉาย ขอแค่รัก ไม่ว่าฐานะไหนก็คงไม่สน


ต่อจากนี้ ฉายก็คงมีความสุขแบบเศร้าๆ เหมือนเคย

ไม่รู้สิคะ อ่านเรื่องไหนไม่เยร้องไห้ แต่เรื่องนี้ กลับต่างออกไป

ไม่ได้แซดแอนดิ้ง เพราะมันไม่เคยแฮปปี้มาตั้งแต่เเรก มันแค่ จบ ที่ตัวของมันเอง

จบ แบบ สูญเปล่าในความหวัง แต่ไม่สูญเปล่าในความรู้สึก







บอกตรงๆว่าสมน้ำหน้า ตอนที่พี่ขุนตาย แอบคิดว่า ฉาย คงมีหวัง แต่ก็อย่างว่า ความรักไม่ได้จบแค่ลมหายใจ


ฉายอดทนได้ดีสุดๆ 

จนไม่รู้ว่าอดทน หรือชินชากันแน่?


อยากให้ทุกคนมีความสุข แต่ความสุขของคนเรามันแตกต่างกัน


เอาซะป้าจุกเลยค่ะ เรื่องนี้

(จำได้ว่าไม่เคยร้องไห้มานานนนนนนนนมาก  ตั้งแต่หมาตาย)
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 25-06-2010 01:29:49
...ไม่ผิดหวังอีกแล้วสำรับนิยายของคุณ ภัคD อ่านรวดเดียวจบอีกแล้ว
...เรื่องนี้อ่านแรกๆแล้วคิดว่าไม่น่าสนใจ เรื่องออกต๊องๆ งงๆ
...กะว่าอ่านซักตอนสองตอนคงเลิก แต่ที่ไหนได้ อ่านมาเรื่อยๆ
...ก็พบว่านิยายเรื่องนี้ มันดูเหมือนจะไม่รู้เรื่อง แต่ก็รู้เรื่อง
...ดูเหมือนจะเป็นเรื่องตก แต่ก็กลายเป็นเรื่องตลกที่แฝงอะไรไว้หลายอย่าง
...ในขณะที่หัวเราะกับสองครอบครัว ก็สะเทือนอารมณ์ไปด้วยเช่นกัน
..เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจมากครับ ตัวละครมีสเน่ห์ในตัวเองทุกตัว
...ขอบคุณครับ สำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 11-07-2010 21:12:34
 :m15: :m15: :m15:
ซึ้งจัง  อ่านแล้วรู้สึกเต็มอิ่ม
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 13-07-2010 18:40:17
สนุกดี
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: เมษายน ที่ 14-07-2010 17:27:23
ได้อ่านนิยายของคุณภัคD มาหลายเรื่องแล้วชอบมาก
..
เรื่องนี้อ่านแล้วต้องยอมรับเลยว่า..ภาษาในการเขียนดี การเล่าเรื่องรื่นไหล
และได้อารมณ์..
ก็เพราะมันได้อารมณ์นี่ล่ะมั้ง..ทำให้อ่านไปร้องไห้ไป
คุณภัคDเล่าเรื่องผ่านสายตาของฉาย
ทำให้เราอ่านแล้วรู้สึกเหมือนที่ฉายเป็น..
แต่เราคงจะไม่ใจกว้างเหมือนฉาย และไม่สามารถอดทนเหมือนฉาย
เราคงทนไม่ได้ที่คนที่เรารักมาก..รักคนอื่น
คงไม่สามารถอยู่ใกล้ได้ ไม่ทนมองเห็นทั้ง2คนได้
แม้ว่าอยากให้ตะวันมีความสุข แต่เราคงไม่สามารถยิ้มได้เหมือนที่ฉายเป็น
ร้องไห้เมื่อรู้ว่าตะวันยังคงวาดรูปพี่ขุน ร้องไห้ที่รู้ว่าไม่ว่าเมื่อไหร่ ตะวันก็ยังรักพี่ขุนอยู่
และฉายก็เป็นได้เพียง"น้องชาย"
........
แต่ก็ เป็นนิยายที่สนุกมาก ขอบคุณทั้งคนแต่งและคนโพสท์ที่ทำให้ได้อ่านนิยายสนุกๆปนน้ำตา
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: jumjim89 ที่ 30-07-2010 00:55:13
  สุดๆ

  o13
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: conne17 ที่ 25-08-2010 21:10:19
เรื่องนี้ทำใจอยู่นานมวากก
เพราะใครๆก็บอกว่าเศร้า..
เราก็เลยไม่อ่าน
แต่แบบไม่ไหววแล้วววอยากอ่านมาก
ขนาดทำใจว่าเศร้าแน่ๆแล้วต้องไม่สมหวััง
แต่อ่านไปก็อดสงสารฉายไม่ได
เศร้าได้ใจ
รู้นะว่าไม่ใช่ความผิดของตะวัน
แต่ก็รู้สึกว่าตะวันน่าจะทำอะไรใหชัดเจนกว่านี้
งื้อ.....ชอบบบบ(ซะงั้นน)

คุณภัคดีเขียนใช้ภาษาได้ดีมาก
อ่านแล้วลิ้มรสถึงความว่านิยายได้เปนอย่างดี
ขอบคุณคุภัคดีมากๆนะคะ
ชอบจริงๆค่ะ >//<
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Rina ที่ 30-08-2010 02:51:58
เรื่องนี้เศร้าได้ใจค่ะ สงสารฉายและตะวัน
คนบางคนเลือกที่จะลืม แต่คนบางคนเลือกที่จะจำ
เราเก็บความทรงจำดีๆไว้ในหัวใจ เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตให้เราก้าวต่อไปได้
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: crazyhemhem ที่ 31-08-2010 21:55:39
สงสารฉายครับ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 31-08-2010 22:46:26
เฮ้ย เรื่องนี้เป็นเเริ่องที่ไม่อยากกลับมาอ่านอีกรอบเลย
ทำใจไม่ได้ อินจัดอ่ะคะ
เกลียดตะวันที่ไม่รักฉายเกินน้อง แต่เอาเถอะ ยังไงตอนหลังก็ยังรู้สึกบ้างอะไรบ้าง
อยากให้คุณภัคดี เขียนเรื่อง ใหม่ ๆ ออกมาอีก
ชอบแนวการเขียน วางไม่ลงเลยจริง ๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 28-09-2010 10:23:11
เข้ามาขอบคุณ คุณภัคD ที่เขียนเรื่องได้แนวมากๆ ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน

อึดอัดเหมือนกันนะ กับความรักของฉายกับพี่ตะวัน แต่ก็เป็นความรักที่น่าชื่นชมอีกเหมือนกัน

เป็นนิยายที่เบาและหนัก เบาคือวิธีการเล่าเรื่อง แต่หนักคืออารมณ์ที่ได้รับ

ชอบค่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 19-10-2010 10:45:47
ตลอดการอ่านเรื่องนี้ ผมรู้สึกหนักๆ
แต่ถึงจะมีเม้่นท์บอกว่าเรื่องนี้จบเศร้าก็ยังอ่านต่อ
แล้วก็พบว่า ตัวเองถอนหายใจยาวมากเมื่ออ่านจบ
อย่างน้อยที่สุดเขาก็ได้อยู่ด้วยกัน

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ease supsnerv ที่ 26-10-2010 00:21:12
หวานซึ้ง ติดตรึงหัวใจ

โฮฮฮฮ

เป็นรักแสนงดงาม แม้ไม่สมหวัง แต่รักนั้นยังคงอยู่
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: at_point ที่ 27-10-2010 21:26:20
เพิ่งมาเจอนิยาย เรื่องนี้

ที่จิงอ่านมาหลายเรื่อง แต่ไม่ค่อยได้แสดงตัว

แต่อ่านนิยายเรื่องนี้ เศร้าจัง

แต่ก้อนับถือ ทั้งคู่ อิอิ (อินจัด)
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Miku ที่ 22-11-2010 06:39:25
ชอบเรื่องที่คุณภักดีเขียนมากค่ะ มันเหมือนเป็นเรื่องเล่า จากปากคนคนหนึ่งจริงๆ
รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องจริง
จนเศร้า ตามตัวละครในเรื่อง
ในชีวิตคนเรา คงไม่ได้สมหวังในรักกันทุก แต่ไม่รู้ทำไมในเรื่องนี้ เรากลับอยากให้ฉายสมหวังเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Cane ที่ 23-11-2010 00:35:35
อ่านแล้วรู้สึกหายใจไม่ออกครับ มันหดหู่ ตะวันรักฉายเถอะ ให้ความรักของฉายส่งผ่านถึงตะวันซักที เฮ้อ เศร้าว่ะ แต่ถ้าผมเป็นฉายแล้วเห็นตะวันมีอะไรกับคนอื่นทุกวันๆ ผมคงทำใจยากอ่ะ มันเจ็บ แต่เพราะรักและผูกพันไปไหนก็ไม่ได้ ตะวันยังไงก็เป็นตะวัน คนที่ต้องมีคนคอยดูแล และคนนั้นก็ยังคงเป็นฉาย รักที่บริสุทธิ์ตลอดกาล
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: XOXO ที่ 23-11-2010 05:47:24
กลับาอ่านอีกรอบ ร้องไห้อีกรอบ T^TTTTTTT
นิยายเรื่องนี้แต่งได้ดีจริงๆ
เป็นอันดับต้นๆในใจเลยค่ะ  :m15:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Maree ที่ 28-11-2010 17:25:41
อ่านจบแล้ว เศร้าค่ะ  :sad11:
มันอั้น ๆ อยู่ข้ืางในอ่ะ
แบบเศร้ามาก อยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก
โอ๊ย ทำไงดี

สรุปว่า ชอบมากค่ะ สนุกมาก

ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆ ทั้งคนโพสต์และคนแต่งค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: soul_merupa ที่ 06-12-2010 15:53:05
เรื่องที่สองของคุณภัคDแล้วว ว (ที่เราเคยอ่านน่ะนะ)
เรื่องแรกก็อิ่มใจปนซึ้งไปแล้ว
เรื่องนี้อ่านจบแล้วจุกบอกไม่ถูกเลยค่ะ
มัน...เสียใจ
เราหวังมาตลอด เชียร์ฉาย ว่าคงมีวันที่ ตะวันจะรัก แต่ทว่าก็... :m15:
ไม่ได้เสียใจอะไรมากมาย
แต่เสียใจ .. เสียใจที่ว่า ทำไมคนที่เรารักมาตลอด เค้าไม่สามารถมองเราได้
ทำไมตะวันอยากให้ใครๆมารัก
พอฉายรักก็ไม่สนใจ..
ทำไมตะวันไม่รักฉาย
ทำไมตะวันเลือกพี่ปา
ทำไมไม่เลือกฉาย(ตอนที่ตะวันไม่เหลือใครแล้วนอกจากฉาย แต่ก็ยังกลับไปเลือกพี่ปา)
มันเหมือนเป็นคำถามที่ อยู่ในชีวิตจริง
เหมือนถามเค้าว่า ทำไมไม่รักเรา ทั้งๆที่เราเองก็รักเค้ามาตลอด
นี่นะ..ตอนที่ตะวันฉายเสียใจแล้วเผลอตบหน้าตะวัน ถ้าเราบอกว่าแอบสะใจ จะดูโหดไปมั้ยนะ
อดรู้สึกแบบนั้นไม่ได้น่ะค่ะ
แต่ตอนที่ตะวันโดนแทงกับตอนที่พ่อแม่และพี่ขุนจากไป เป็นอะไรที่แบบว่าต้องย้อนอ่าน แบบ อึ้งอ่ะ ไม่คิดว่าอยู่ๆก็หายไป (ฮร่า~)
ตอนที่ โดนแทงนั่นน่ะ ลุ้นแทบตาย นึกว่าจะตามพี่ขุนไปซะแล้ว..

หลังจากอ่านจบจนงุ่นง่าน หาทางออกของความรู้สึกตัวเองไม่ได้ก็เลยแบ่งเรื่องนี้ให้พี่อ่าน
พออ่านจบเค้าบอกว่า ที่เราอ่านแล้วรู้สึกจุกๆ เพราะเราเองก็คิดว่า พี่ขุนน่ะเหมาะสมกับตะวันมากกว่าฉาย
และเค้าก็รักกันมาก มากเกินกว่าที่ฉายหรือใครจะไปแทนได้ สังเกตุจากโคมไฟปลาปักเป้าที่ตะวันขาดไม่ได้..
ประมาณว่า จริงๆก็รู้ว่าเค้ารักกันมาก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าข้างฉาย (อ่านแล้ว งงมั้ยนะ ฮ่าๆ) ก็เลยรู้สึกผิดหวังที่ตะวันไม่เลือกฉาย อะไรทำนองนั้น

ซึ่งพอฟังที่พี่เค้าบอกก็รู้ว่า เอิ่ม มันคงจะฟิวนั้นจริงๆ ฟิวเจ็บใจที่รู้ว่ายังไงฉายก็แพ้พี่ขุน  :m15:

ฮร่า... เม้นพอใจแล้วค่ะ ฮ่าๆ
ยังคงดีใจที่ได้อ่านผลงานจากคุณภัคDนะคะ
ผลงานของคุณภัคดีจะมีเอกลักษณ์เสมอ รู้สึกได้ อย่างตอนลงท้ายที่ฉายจะพูดซ้ำๆเกือบทุกบทนั่น เราก็ชอบนะคะ อ่านแล้วยิ้ม (แต่บทหลังๆเริ่มยิ้มไม่ออก ฮร่า) แล้วก็เนื้อเรื่องดูเหมือนชีวิตจริง มันไม่เพ้อฝันเหมือนนิยายน่ะค่ะ เราชอบเนื้อเรื่องแนวนั้น

ผลงานหน้าก็ยังคงรออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: from_mars ที่ 06-12-2010 21:23:31
เพิ่งได้มาอ่าน น้ำตาไหลพรากมากๆ....
เรื่องเดินเร็ว แต่เข้าใขชัดเจน เหมือนเราโตไปพร้อมๆ กับฉาย....

รักของฉายสวยงามจัง....ไม่จำเป็นต้องครอบครอง...
ตาบวมไปทำงานแน่ๆ เหอๆๆๆๆ
ขอบคุณที่ทำให้ได้อ่านเรื่องซึ้ง กินใจแบบนี้ ขอบคุณมากจ๊ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: mook0007 ที่ 07-12-2010 22:34:50
จบเศร้าจัง ตอนที่ขุนตายคิดว่าฉายจะมีหวังซะอีกแต่คิดอีกทีจบแบบนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะตะวันรักฉายแบบน้องคงไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่่น
ตอนที่ขุนยังไม่ตายคิดว่าขุนเป็นคนที่เข้าใจตะวันที่สุด จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดแบบนี้นะ
ตะวันเป็นคนที่รู้ว่าต้องการอะไรส่วนฉายเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในเรื่องเลย อ่านแล้วเศร้า  :o12:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: eyerabbit ที่ 08-12-2010 01:40:46
เศร้าจนเกินกว่าจะพูดได้  อ่านแล้วน้ำตาตกในทั้งนอกเลย
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: norsdavincy ที่ 12-12-2010 06:51:23
อ่านนิยายเรื่องนี้มาตั้งแต่บทแรก  อ่านมาเรื่อยๆ และอ่านไปก็คิดอยู่ในหัวตลอดว่าเลิกอ่านซักที ยิ่งอ่านยิง่ทรมาน ยิ่งอ่านยิ่งซ้ำ อยากร้องไห้แต่มันก็ร้องไม่ออก อัดอัดมาก

รู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้มันคงไม่จบแบบแฮปปี้ แต่ก็ยังอ่านมาถึงตอนสุดท้าย




ขอบคุณนี่ไรต์เตอร์ทำให้เราร้องไห้ออกซักที
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: PrincePP ที่ 14-12-2010 13:48:12
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีนะครับ
อ่านไป เศร้าไป
 :o12:
สงสารฉายมากมาย
ชอบสุดๆคือพ่อแม่ของตะวันกับฉาย
แปลกดีๆๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: iNklaNd ที่ 15-12-2010 18:33:09
จบเรื่องก็เหลือกันแค่2พี่น้องกับกบอีกหนึ่งตัว
ตัวละครหายไปเรื่อยๆ มันน่าเศร้าจัง
ฉายสุดยอด กับความรักที่มีให้ตะวัน ถึงจะมาดีแตกเอาตอนท้าย
แต่เข้าใจล่ะนะ...ว่ามันฉุนขนาดไหนกับการเจอคนที่ไม่คาดฝันในบ้านตะวัน

งานเขียนคุณภัคD คงเส้นคงวา ทำคนอ่านจี๊ดดดดดดดได้ทุกเรื่องจริงๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: rainy_naja ที่ 25-12-2010 05:35:08
merry★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
•。★Christmas★ 。* 。
° 。 ° ˚* _Π_____*。*˚
˚ ˛ •˛•*/______/~\。˚ ˚ ˛
˚ ˛ •˛• | 田田|門| ˚★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
Jaaaaaaaa \\(^^)//
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: treerat002 ที่ 09-01-2011 23:39:10
เพิ่งได้เข้ามาอ่านหลังจากผ่านไปผ่านมาอยู่นาน

ภาษาสวยมากค่ะ

อ่านเรื่องนี้แล้วก็คิด..จะเศร้าไปถึงไหน  :sad4:

ในชีวิตนี้จะมีสักคนไหมนะที่จะรักเราได้เหมือนอย่างที่ฉายรักตะวัน

Sadddddddddddddd  :o12:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ณยฎา ที่ 20-02-2011 20:10:57
ดีใจที่ได้อ่านนิยายเรื่องนีั รักแล้วก็สงสารตะวันมากกว่าใคร ส่วนฉายเรามองว่าเขาคงเข้าใจได้ดีแล้วว่า
ความรักบางทีมันก็ให้รีแอคชั่นกลับมาไม่เท่ากับที่เราให้ไปหรอก พี่ขุนคุณโชคดีมากที่ได้รักและเป็นที่รัก
พี่กบเองเป็นคนดีไม่แพ้ใครเลย ขอบคุณจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: melody.19 ที่ 26-02-2011 06:09:55
เป็นเรื่องที่ทำให้เราอ่านแบบไม่ยอมไปไหนค่ะ ถึงแม้เราอยากจะเลิกอ่านเรื่องนี้เมื่อเจอฉากหนึ่งในบทที่สาม..
ขอบอกว่ารับไม่ได้ เจ็บแทนฉาย และรู้สึกมันเจ็บจริงๆ แต่.. เรามีความอยากค่ะ อยากรู้ว่าเรื่องราวดำเนินไปยังไงต่อ
 เราคิดว่าการที่ตะวันไม่ได้คิดอะไรกับฉายเกินคำว่าน้องชาย เพราะผูกผันมาตั้งแต่เด็ก แล้วฉาย.. ที่บอกรักตะวันไปครั้งนั้น
 ตะวันคงคิดว่าบอกแบบพี่ชายน้องชาย มันไม่ได้หนักแน่นอะไร.. ส่วนปาที่กลับเข้ามาใหม่ในแล้วมาอยู่บ้านเดียวกับตะวัน
ถ้าเราเป็นฉายที่ทำเรื่องลาออกแล้วกลับมาบ้านเจอแบบนี้เขาไปขอบอกว่าเจ็บมากจริงๆ ตะวันสดใส.. แต่ในความคิดเรา..
เมื่อตอนที่ฉายเข้าไปในบ้านตะวันแล้วเห็น.. รอยสักรูปดวงตะวันครั้งแรก.. เราคิดว่าตะวันโดนหลอกกับรักแบบเด็กๆ
คือเราไม่ชอบไม่ตอนนี้มันเจ็บมากๆค่ะ เราคิดว่าการที่ตะวันให้ปาเข้ามาอยู่ด้วยเพราะความเหงานั่น อันที่จริงก่อนหน้านี้
ที่ฉายบอกรักตะวันไปเราว่ามันไม่หนักแน่นพอ ถ้าฉายไม่ไปอยู่ที่ไชยปราการ ปาคงไม่ได้มาอยู่ในบ้านตะวัน
และสุดท้ายถึงแม้ความรักของตะวันที่มีต่อฉายก็ยังคงเป็นแบบพี่ชายน้องชายเหมือนมันเป็นความผูกผันที่ขาดกันไม่ได้
และฉายที่ยังคงรักตะวันตลอดไป เราเศร้ามากค่ะ ถึงแม้ว่าจะอ่านจบแล้ว บางตอนก็ทำให้ร้องไห้  ถึงแม้บาทหนึ่งหรือสอง
ทำให้เราฮาแต่บทสามนี่ฮาไม่ออกจริงๆค่ะ เรื่องนี้เป็นนิยายที่บรรยายดีและรวมถึงเรื่องราว  ขอบคุณพี่คนโพสและไรท์เตอร์ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: A. marco ที่ 13-03-2011 10:39:18
เรื่องนี้ผมอ่านถึงตีสาม เก็บไปฝัน แล้วตื่นขึ้นมาในตอนเช้าสิ่งแรกที่คิดถึงคือ อ่านต่อ แล้วอ่านจนจบ...
จบแล้วก็ทรมานในอก
ไม่เหมือนนิยายทั่วไปที่2คนรักกัน มีหึง หวง หื่น น่ารัก น่าลุ้น และ แฮับปี้เอนดิ้งไรเลยจริงๆ
แต่สุดยอดดด สุดท้าย ขอบคุณ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 14-03-2011 22:01:36
อ่านแล้วปวดใจจัง
เพราะเราอ่านไปก็คาดหวังไป ว่าอยากให้ฉายกับตะวันลงเอยกัน
แต่สุดท้าย อย่างมากที่สุดที่ฉายได้ทำกับตะวันก็คือการบอกรัก และหอมแก้ม
คนที่เป็นน้อง ยังไงก็ยังคงเป็นได้แค่น้อง ..
สงสารฉายนะคะ ไม่เคยได้ความหวังและก็ไม่เคยได้สมหวัง
แต่ถึงอย่างนั้น ฉายก็ยังได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก ได้อยู่กับตะวัน
เราปวดใจแทนฉายจริงๆนะคะ ตอนที่เปิดประตูไปเห็นตะวันกับพี่กบ
เป็นเราคงทนไม่ได้อย่างฉายหรอกค่ะ ทนไม่ได้ที่จะทำเป็นไม่รู้สึกอะไร
บางทีเราก็คิดนะคะ หรือว่าฉายจะไม่ได้รักตะวันแบบคนรักมาตั้งแต่แรกแล้ว?
แต่คิดอีกที ความรัก ก็คือการได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข
ดังนั้น ที่ฉายยังเฉยได้ทั้งที่ต้องเห็นตะวันไปมีความสุขกับคนอื่น ก็เพราะอย่างนี้เอง
เพราะฉายรักตะวันจากใจจริง ..
เรื่องนี้ จะบอกว่าจบแบบแฮปปี้ก็ไม่เชิงนะเนี่ย 55 แต่มันก็แฮปปี้อ่ะ
อย่างน้อยฉายกับตะวันก็ได้อยู่ด้วยกัน ได้รักกัน ถึงจะเป็นแค่รักตามประสาพี่น้องก็ตามที
รู้สึกเสียใจมากที่พี่ขุนกับพ่อแม่ฉายตาย เราช๊อคเลย มันเหนือความคาดหมายสุดๆ
ถ้าเราตีความไม่ผิด พ่อแม่ตะวันก็ตายแล้วเหมือนกันใช่มั้ยคะ?
ดีจังที่อย่างน้อยฉายก็ยังมีตะวัน ดีจังที่ตะวันไม่ตาย เพราะอย่างน้อยฉายก็ยังเหลือหัวใจอยู่

ชอบเรื่องนี้มากค่ะ ขอบคุณพี่ทิพย์ที่มาโพสให้ ทำให้เราได้รู้จักเรื่องนี้
แล้วก็ขอบคุณคุณ ภัคD ที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้ขึ้นมานะคะ
เราชอบทุกเรื่องของคุณ ภัคD เลยค่ะ สนุกทุกเรื่องเลย จะรอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 14-03-2011 23:20:06
แง๊ อ่านแล้วตันแบบจุกๆงะ แต่ก้จบแบบสวยงามดี ไม่ว่า จะเปนความรักมุไหนก้ตาม
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: kaehoo ที่ 22-03-2011 16:21:04
เอากลัมาให้ซึ่งอีกครั้ง

เรื่อราวน่ารักของความรัก
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: skynotebook ที่ 27-03-2011 21:11:38
สรุปว่าทั้งเรื่อง ตะวันจะได้รับความรักจากคนรอบข้างเสมอ
ใครๆก็รักตะวันเนอะ
แอบสงสารฉาย ที่ไม่สมหวัดในความรัก
แต่ก็เป็นความรักแบบการเสียสละหรือป่าวน่า
เพราะฉายรักและดูแลตะวันอย่างเดียวเลยอ่ะ
อยากให้ตะวันรักฉายเหมือนที่ตะวันรักพี่ขุนจังเลย
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: kazama ที่ 28-03-2011 00:22:03
อ่านแล้วรู้สึกอึดอัดยังไงไม่รู้

สนุกไหม?? ก็สนุกนะ  แต่มันเศร้า และสงสารมากกว่า

ตะวันไม่รู้ตัวบ้างเลยเหรอ  เฮ้อออ เหนื่อยใจจริงๆ

สงสารฉายที่สุดเลย  สุดท้ายความรักก็ยังไม่ส่งไปถึงสักที
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: u-only-one ที่ 16-04-2011 20:58:52
อ่านเรื่องนี้จบแล้ว ความรู้สึกคนละอารมณ์กับเรื่อง "หรือ..."เลยค่ะ
อารมณ์เรื่องนี้ ขอให้ได้รัก จะรักไปเรื่อยๆ จะรักตลอดไป แม้ไม่ได้ครอบครอง
แต่อย่างน้อยเรื่องมันเหมือนจะมีปมให้คิดตาม เมื่อเค้ืายังอยู่ด้วยกัน มันคงมีสักวันที่ความรักของตะวันที่มีต่อฉาย
จะสามารถพัฒนาเป็นลึกซึ้งได้บ้าง แต่อย่างน้อยๆตอนนี้ก็มีแค่กันและกัน ฉายก็มีความสุขแล้ว
เรื่องนี้ซึ้ง ปน ฮา น่ารัก ใครๆก็รักตะวัน เป็นทานตะวันที่สดใสในสายตาใครๆ เมื่อตะวันยิ้มโลกทั้งโลกของหลายคนก็ยิ้มตาม
...
ชอบเรื่องคุณภัคD แต่งมากๆ แต่หลังๆไม่เห็นเลยค่ะ คิดถึงสำนวน ภาษาของคนแต่งจริงๆ  :impress3:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 17-04-2011 00:33:39
เศร้าจัง ...แต่ชอบมากเลยอ่านแล้วปวดใจ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: inwe ที่ 17-04-2011 10:34:56
เ รื่ อ ง นี้ น้ำ ต า ท่ ว ม จ อ ค่ ะ  ...

ส ง ส า ร พ ร ะ เ อ ก (?) ม า ก ม า ย :o12:

ช่ ว ง ต อ น ที่ เ กิ ด อุ บั ติ เ ห ตุ อ่ ะ   เ ศ ร้ า ม า ก เ ล ย ค่ ะ   ค น แ ต่ ง สุ ด ย อ ด อ่ ะ  :call:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 29-04-2011 01:47:03
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

โอ่ย เรื่องนี้ จบแล้ว

อ่านแล้วเหมือนถูกคนแต่งกระฉากหัวใจออกมาฉีก ๆ ๆ ๆ

ทำไมถึงทำร้ายคนอ่านอ่านตัวหนังสือได้ถึงขนาดนี้  :m15: :m15:

ภาษางดงามมากครับ ทำให้อ่าานแล้วเข้าถึงมาก

(เลยเป็นบ้าอยู่ตอนนี้ ร้องไห้ไม่เลิก  :m15: :m15:)

โชคดีนะครับที่มายิ้มออกในตอนพิเศษ

ขอบคุณทั้งคนแต่งและคนโพสที่นำเรื่องดี ๆ นี้มาแบ่งปันนะครับ  :L2:

หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Zurruz ที่ 10-05-2011 03:02:26
คนรักเดียวแบบฉาย ตายซักกี่ชาติเราจะหาเจอ?

รัก ทั้งๆที่รู้ว่ายังไงก็ไม่สมควร อดพึมพำไม่ได้ว่า ชีวิตนี้ไม่คิดจะมีแฟน?

เรื่องนี้เห็นนานเเล้ว แต่ไม่กล้ากดเข้ามาอ่าน ไม่รู้เพราะอะไร

แต่มาวันนี้ อ่านได้ ไหงงั้นวะ?

ความรักเนี่ย กว้างเนอะ มีใครคิดเหมือนเค้ามั้ย? /me ถามไปงั้น รู้ว่าไม่มีคนตอบหรอก^^

มันกว้าง เพราะคนเรามันเยอะ รักก็เลยเยอะตาม อ่านเรื่องนี้ เเล้วอยากเจอคุณ

ภัคD อยากจับมาตีก้นซักหลายๆที มันน่านัก! /me โครม โดนถีบกระเด็น!

มีคนบอกเยอะเเล้วล่ะเนอะว่าชอบสำนวนการเขียนของคุณ

เเต่เราขอย้ำอีกครั้ง สำนวนของคุณน่ะมันดี...

ดี จนทำให้หลงใหลไปซะอย่างงั้น^^
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: name ที่ 10-05-2011 09:03:56
อ่านๆมา ประทับใจมากก  นับถือความรักของฉายจริงๆ เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจจริง
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 10-05-2011 09:07:35
เข้ามาอ่านอีกครั้ง น้ำตาก็ยังคลอตลอดค่ะ
มันซาบซึ่้ง ท่วมท้น บอกไม่ถูก เหมือนมันอิ่มแต่ก็ยังอยากกินอยู่เรื่อยๆ
พักนี้ไม่เห็นคุณภัคD เลยค่ะ หายไปไหนแล้ว
ว่าง ๆ ก็เขียนเรื่องดีดีมาให้อ่านกันอีกนะค่ะ คิดถึงจังเลยค่ะ
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: aprilmonth4 ที่ 26-05-2011 14:35:58
เราชอบสไตล์การเขียนของคุณภัคD จริงๆค่ะ
เวลาอ่านเรื่องทีไร  เหมือนถูกดึงให้ไปอยู่ในเหตุการณ์จริงด้วยเลย
บางครั้งความรักก็ไม่ต้องการการตอบแทน
ถึงจะลุ้นให้ตะวันฉายสมหวังในรัก   แต่พี่ขุนก็ดีกับตะวันจริงๆ เอาใจไปเลย :-[ :-[ :-[
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: choco_mousses ที่ 26-05-2011 16:49:02
โอ๊ยยย เศร้าโศกช้ำอ่ะช้ำ!!!!

ไม่ไหวจะร้องไห้ งื้ออออ แต่มันหัวเราะทั้งน้ำตา T^T

 o13

ภาษาดีมากชอบการบรรยายอารมณ์ตัวละครมากกกก ไม่ต้องเวิ่นเว้อแต่ก็เข้าใจ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: prim--prim ที่ 11-06-2011 20:33:54
[คอมเมนท์ตอนที่ 1]
อู๊ยยยยยย อ่านแล้วก็ติดใจ ชอบมากๆกับสำนวนของคุณภัคD ขอบคุณพี่ THIP มากๆนะคะที่เอามาลงให้
อ่านแล้วก็ยิ้มไปเรื่อยๆ อ่านแล้วเพลินเลย

ชอบบบบบบบบบ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: prim--prim ที่ 11-06-2011 20:49:07
อั๊ยยยยยยยย คิดได้ยังไงระหว่างความรักกับหมูทอด
ชอบสุดๆ

สำนวนการเขียนแบบนี้ก็น่าอ่าน น่าติดตาม
อ่านจบบทนึงที่ก็อยากจะคอมเมนท์บอกความรู้สึกในแต่ละบททุกรอบไป

ชอบบบบบบบบบบบบบบ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: prim--prim ที่ 12-06-2011 13:53:32
อ่านจบแล้วก็ยังอยากรู้ว่าน้าโอ๋ และน้ามะ พ่อแม่่ตะวันหายไปไหน
สงสารตะวันสุดๆ ในเรื่องที่พ่อแม่หายไป


ไม่ได้เจอกับพ่อแม่ตั้งหลายสิบปี
แล้วก็นับถือในความรัก ความคิดของฉายมากๆ เป็นคนที่เยี่ยมจริงๆ ดูสุขุม ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
 :-[ :-[


จริงๆอ่านแล้วไม่่ค่อยสงสารฉายเท่าไร ที่ตะวันไม่ได้รักตอบ
แต่รู้สึกว่าที่ฉาย กับ ตะวันเป็นพี่น้องกันแบบนี้ก็ดีแล้ว ฮ่ะๆ (คนอื่นๆ  :beat: :beat:)


ชอบความรักของตะวันกับพี่ขุนมากกว่า
ที่ถึงแม้พี่ขุนไม่อยู่แล้ว แต่ตะวันก็ยังรักพี่ขุน


พี่กบก็ดูเป็นคนน่ารักๆ ดี
ถ้าไม่ได้อ่านตอนพิเศษก็คงยิ้มๆ กับประโยคของฉายที่บอกว่า "แล้วมันต่างกันตรงไหน" กับความสุขของตะวัน หรือ ความสุขของฉาย

ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ
แต่บางจุดก็ตะงิดๆใจ ว่าน้าโอ๋ น้ามะหายไปไหน (อันนี้อยากรู้สุดๆฮ่าๆ)

ขอบคุณคุณภัคD สำหรับเรื่องดีๆแบบนี้
และขอบคุณพี่ THIP ที่เอาเรื่องดีๆมาแบ่งปันค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: chiwat ที่ 12-06-2011 22:06:17
ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีทุกคนก่อน(อิอิ)

ตอนอ่านชื่อนิยายเรื่องนี้คิดว่าน่าจะออกมาในแนวสนุกๆ

พอเริ่มอ่านเข้า เริ่มเค้าความเศร้าขึ้นทุกทีแต่ก็ยังหวังว่า เฮ้ย!!! มันไม่เศร้าไปทั้งเรื่องหรอก

แต่มันไม่ใช่เลยอ่ะยิ่งอ่านยิ่งทรมารเจ็บจี๊ดๆเลย ความผูกพันธ์กับความรักมักมาด้วยกันเสมอ

(กับประสบการณ์อ่านนิยายแทบบ้ามาหลายสิบเรื่อง)

รู้สึกสงสารฉายที่ทำหน้าที่ได้มากกว่าน้องไม่ได้เลย ทั้งที่ใกล้ชิดเป็นที่สุด

ภาพเปลือยรู้สึกแปล๊ปแล้ว ยิ่งภาพตะวันใต้ฝ่าเท้ายิ่งแล้วใหญ่แทบไม่อยากอ่านอ่ะ มันซ้ำ

ตะวันกับขุนก็คงรักกันจริงคบมาได้ตั้งหลายปี กบนี่ก็น่ารักนะถึงแม้ตอนแรกนี่ไม่ชอบขี้หน้าก็เหอะ

ตอนพ่อแม่ตะวันตายนี่รู้สึกทรมารแทน โดดเดี่ยว เหมือนชีวิตขาดไปทีละคน เหมือนต้องอยู่คนเดียวมันก็นะหดหู่(ดรามานิ๊ดนุง)

เหมือนจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออกอ่ะ  ตอนจบนี่สงสารตะวันกับฉายม๊ากมากต้องอยู่กันแค่สองคน...

สุดท้ายขอขอบคุณ คุณภัคD ที่ได้แต่งนิยายกินใจอย่างนี้มาให้อ่าน



สุดท้ายจริงๆขอฝากเพลงนี้ให้ฉายแล้วกัน "ฉันดีใจที่มีเธอ" ROOM39 ฟังกันดูนะ โครตซึ้งอ่ะถ้าอ่านจบแล้วฟัง


   ในโลกที่มี ความวกวน
ในโลกที่ทุกคนต้องดิ้นรน
ที่สับสน ร้อนรนจนใจ นั้นแสนเหนื่อย
ในโลกที่ความทุกข์ท้อใจ
ได้เดินผ่านเข้ามาเรื่อยๆ
จนบางครั้งไม่รู้จะข้ามไปเช่นไร

แต่ยิ่งชีวิต ยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบ ยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด ในใจ

ฉันดีใจทีมีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบ อะไร
และฉันรู้และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ ตรงนี้

ในอุปสรรค ที่มากมาย
ในความหวาดหวั่น ที่วุ่นวาย
และอนาคต ในปัจจุบัน และอดีต
ในความเป็นจริงที่ต้องเจอ

แต่ยิ่งชีวิต ยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบ ยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด ในใจ

ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบ อะไร
แต่ฉันรู้ และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ ตรงนี้

แต่ยิ่งชีวิต ยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบ ยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด แน่ใจ

ฉันดีใจทีมีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะไม่เหลือใครๆ
แต่ฉันก็รู้ และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ ตรงนี้
ฉันก็รู้ และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่กับฉัน

หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 02-08-2011 21:52:16
อ่านจบทุกตอน ทุกตัวหนังสือไม่เว้น ไม่ข้ามเลยค่ะ

ชอบวิธีเขียนของคุณ ภัคD จังค่ะ  :teach:o13 o13

ชอบการผูกเรื่อง ชอบการใช้ภาษา สำนวนการพูด

และ วิธีเล่าเรื่องที่แทรกมุข สนุกๆลงไปดัวยตลอด

น่ารักทั้งฉาย ทั้งตะวัน และครอบครัวที่อบอุ่นทั้งสอง

รวมถึงพี่กบ พี่ขุนด้วย :myeye: :impress2:

คงต้องติดตามอ่านเรื่องอื่นๆ ของคุณภัคD ต่อแล้วล่ะ

 
:c3:  :bye2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ZejHaya ที่ 03-08-2011 01:01:32
มาตามเก็บงานคุณภัคD เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สามแล้วค่ะ.... :m19:

 :z3: ไม่รู้เพราะไปอ่านเรื่องThe Moment of Love มาก่อนหรือเปล่า
จึงทำให้รู้สึกว่า ในเรื่องนี้ หลงรักพี่ขุน มากที่สุด... :-[
ก็ไม่ใช่ว่าไม่รักฉาย หรือตะวันหรอกนะ...แต่เพียงแค่เห็นว่า สุดท้ายแล้วคนที่ต้องไป คือพี่ขุนต่างหาก ไม่ใช่ฉาย
 :m15: มันเลยรู้สึกแบบว่า...ยังไงล่ะ บอกไม่ถูกจริงๆ
แต่พอตอนแรกที่เห็นพี่ขุนโผล่มา แล้วรู้ว่ามันต้องจบยังไงแค่นั้นล่ะ.....
 :m15: ไม่อยากจะอ่านต่อเลย..... ดูทั้งพี่ขุน และ ตะวันก็รักกันดี...
 :m31:แล้วทำม๊ายยยยย (วิบัติเพื่อเสียง)  :a6: คุณภัคD ใจร้าย...ทำไมถึงทำแบบนี้
เอ.... แต่คิดอีกที ถ้าพี่ขุนไม่ไป...คนที่น่าสงสารที่สุดก็คงจะเป็นฉาย
 :m31: โอ๊ยยยย  สับสนกับตัวเอง.....

ถึงคุณTHIP : ขอบคุณมากที่นำนิยายดีๆ แบบนี้มาโพสให้ได้อ่านค่ะ...
ปกติก็ชอบนิยายแนวดราม่า แบบนี้อยู่แล้วนะ แบบอ่านแล้วมันสะใจดี ที่เห็นตัวละครเศร้า
แต่นิยายของคุณภัคD ทำให้ฉันรู้สึกว่า ที่คิดแบบนั้นมันผิดมหันต์
เพราะสุดท้ายคนที่จะขาดใจตายก่อนนิยายก็คือตัวฉันเอง  :sad2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Number1_90 ที่ 10-08-2011 13:50:54
เป็นเรื่องที่ภาษาสาวยมาก

อ่านไปเศร้าไป

ยกนิ้วให้เลยค่ะ เรื่องนี้เจ๋งมากกก
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: bluecoco ที่ 14-11-2011 11:49:15
ประทับใจงานเขียนทุกเรื่องของคุณภัคDจริงๆนะคะ
...มันเป็นอะไรที่มากกว่านิยาย
...ตอนแรกเห็นสปอยตอนจบก็กลัวๆเพราะส่วนใหญ่คนพูดเหมือนจบไม่แฮปปี้เลยเตรียมใจไว้ระดับนึง
แต่พออ่านจบแล้ว...ก็จะมีความรู้สึกอะไรสักอย่างวนเวียนอยู่ในใจ...เหมือนต้องตกตะกอนความคิดอีกที
...ชอบความรักที่ฉายมีต่อตะวัน...เป็นความรักที่มีแต่ให้ไม่คาดหวังมาตั้งแต่ต้น..มันเลยสวยงามได้ขนาดนี้
...ส่วนตะวัน..ลึกๆแล้ว..ฉายเองก็คือส่วนหนึ่งในชีวิตที่ขาดไม่ได้..ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม


...........ส่วนตัวชอบตอนจบมากๆ......
.....ตะวันคบกับพี่ขุนมาเป็นสิบปี...ถ้าเอามาแต่งเป็นนิยายก็คงมีเรื่องราวดีๆมากมายอยู่ในนั้น
การที่ยังลืมพี่ขุนไปไม่ได้ง่ายๆนั้นมันก็เป็นเรื่องที่ควรจะเป็น...และการที่ฉายยอมรับเรื่องนี้ได้ด้วยรอยยิ้ม...ยิ่งดีเข้าไปใหญ่
........เราว่าทุกคนในเรื่อง ไม่ว่าพี่กบ พี่ขุน แม่ ก็รู้ดีว่าทั้งฉายและตะวันนั้น..มีกันและกันมาตลอด...ไม่ว่าในฐานะอะไร
....ก็ได้แต่จิตนาการต่อไปว่า...การที่ทั้งคู่ได้ดูแลกันและอยู่ด้วยกันอย่างนี้.....คงมีสักวันที่ความรักที่มากกว่าความผูกพัน..จะเกิดขึ้น
....และคงมีความทรงจำดีๆที่ทั้งคู่ได้สร้างร่วมกันต่อไปอีกหลายๆสิบปีเลย.....
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: BitterSweet~ ที่ 05-01-2012 14:34:23
อ่านเรื่องนี้จบพร้อมกับความรู้สึกวูบโหวงในอก

มันตื้อ.. เหมือนมีอะไรจุกในคอ

สงสารตะวันฉาย สงสารตะวัน สงสารพี่ขุน

ทุกคนมีความรู้สึกและชีวิตเป็นของตัวเอง

อยากได้ อยากเป็น แต่เลือกเป็นไม่ได้

ชอบภาษาของคุณภัคD มาก ๆ ค่ะ ภาษาสวยมาก ๆ

อ่านจบแล้วให้ข้อคิดดี ๆ มากมาย

ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ เรื่องนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 23-01-2012 15:16:06
กลับมาอ่านอีกรอบ  แล้วก็เหมือนเดิม เศร้าจนชา
บอกไม่ถูกค่ะว่า เศร้าเพราะอะไร รู้แต่ว่ามันชาจนถึงหัวใจค่ะ

ไม่สงสารฉาย เพราะฉายเต็มใจรักตะวัน นั่นเป็นความสุขที่ฉายได้รับ
ไม่โกรธตะวัน เพราะตะวันใช่ว่าจะไม่รักฉาย แต่รักในแบบที่ตะวันรักได้

ฉายคงไม่ได้อยากเป็นแค่อดีต ปัจจุบัน อนาคตของตะวัน
แต่ฉายขอเป็นทุกๆวัน ที่ตะวันยังหายใจอยู่

ซึ้ง...ง ^^

หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 25-01-2012 19:54:37
เราพลาดเรื่องนี้ไปได้ไงน่ะ
ภาษาดีมากค่ะ
อ่านไปก็ยังคิดว่า ตะวัน นี่เขาเป็นอะไรหรือเปล่า
ดูมันจะเหมือนเด็กๆ
แต่ตอนนี้รู้แล้ว 
ตะวันน่าสงสารน่ะ  ที่สุดเลยล่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: lovely2min ที่ 25-01-2012 22:21:15
อ่านไปร้องไห้ไปอ่ะ

เฮ้อ เกลียดตะวันจัง เหอเหอ

ชอบฉายมากกกก
รักมั่นสุดๆ

อยากให้มีคนที่รักฉายมากๆๆๆๆๆ ขึ้นมาเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: saintangel ที่ 25-01-2012 23:47:08
ชอบการใช้ภาษาเรื่องนี้มากๆ แรกๆอ่านแล้วยิ้ม นานๆไปเจ็บหนึบๆ หน่วงๆ แล้วก็เริ่มปวดใจ จนตอนจบเราน้ำตาร่วง อ่านแรกๆเราเชียร์ให้ตะวันรักฉาย อ่านไปถึงจุดๆนึง เราเชียร์ให้ฉายเลิกรักตะวัน แล้วมีคนใหม่เข้ามาในชีวิตฉาย พออ่านจบแล้วไม่ใช่อย่างที่คิด เห็นคำว่าจบ น้ำตาร่วงเลยอ่ะ นอนไม่หลับแน่เลย ต้องหาเรื่องอื่นอ่านเติมความหวาน และความสุขก่อนนอน
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 03-02-2012 03:07:11
เป็นเรื่องที่เท่าไรก็ไม่รู้นะค่ะที่อ่านอ่านของคุณภัคD
ถือว่ามันมีทั้งความชอบและไม่ชอบออยู่ในเนื้อเรื่องตลอดเลย
ก่อนอื่นขอบอกว่าชอบดราม่าเป็นชีวิตจิต
แต่เรื่องนี้ มันไม่ได้ดราม่าในแบบที่ชอบ
มันไม่ได้เศร้า มันไม่ได้เจ็บหน่วงๆ
แต่มันเป็นะไรที่อึดอัด กดดันไปตลอดเรื่อง
แต่นี่คือจุดเด่นของนิยายคุณเลยค่ะ ที่ทำให้เรารู้สึกในหลายๆอารมณ์ได้มากขนาดนี้

ภาษาของคุณภัคD และการสื่อความหมายในมุมที่คนคิดไม่ถึงแต่ว่า
มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเดาออกว่าต้อองการสื่ออะไร
ชอบตรงจุดนี้มากค่ะ ดูเหมือนคุณต้องทำการบ้านเยอะทีเดียวในการสื่ออกมาในตัวอักษร

เรื่องนี้เป็นการมองคนๆหนึ่งจากมุมของคนหนึ่งๆ ซึ่งเราก็เห็นครนๆนั้น
แค่มุมของคนๆหนึ่งๆเท่านั้น เป็นเอกลักษณ์ของนิยายคุณภัคD อีกอย่างเลยก็ว่าได้
ถึงแม้ว่าแนวเรื่องไม่ใช่แนวที่ชอบ แต่ก็อยากอ่านนิยายคุณอยู่ดี
รู้ว่าอ่านต้องเจ็บช้ำน้ำใจ ขัดใจที่พระเอกหรือคนที่เชียร์ไม่ได้กับนายเอก
หรือนายเอกไปเป็นของๆใคร แต่มันก็ไม่สามารีถหยุดอ่านได้
เหมือนกับรู้ว่าต้องเจ็บแต่ก็ยินดีที่จะเจอ
เหมือนได้เปิดโลกทัศน์ของตัวเองในกว้างยขึ้นเลยค่ะ

เรื่องของคุณภัคDไม่ใช่แค่เป็๋นนิยายมันเหมือนเป็นเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งต่างหาก
ให้เรามาศึกษา และเป็นตัวอย่าง ซึ่งมันก็ใช้ได้จริงๆนะ
ทำให้เรามองโลกได้มากขึ้น

การอ่านเรื่องของคุณแต่ละเรื่องทำให้ได้มากกว่าอรรถรสของนิยาย แต่ได้สำนวน
ได้ความคิด ได้แนวทาง แต่ว่าใจต้องพร้อมจริงถึงจะอิ่านได้ ฮ่าๆ

สุดท้ายขอบคุณนะค่ะทั้งคุณทพและคุณภัคD

หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 03-02-2012 17:24:42
คิดถึงตะวันกับฉายจังเลยค่ะ  จู่ๆ ก็คิดถึงขึ้นมาซะงั้น ^^
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 05-02-2012 13:25:49
อยากบอกว่าถึงจะเศร้า  ...แต่มันมีคุณค่าเกินกว่าจะบรรยาย
ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องดีดี
แม้จะเสียน้ำตาไปบ้าง แต่ก้ยังอยากขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 13-02-2012 22:05:38
เป็นเรื่องที่เขียนได้ดีมากเลยค่ะ
หลากหลายอารมณ์ ทั้งสุข เศร้า เหงา ฮา
ขอบคุณคนเขียนมาก ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ho-mo_mikiiz ที่ 14-02-2012 09:46:11
ก่อนอื่นต้องขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่านกัน โดยส่วนตัวไม่อยากอ่านเรื่องแนวนี้เท่าไหร่เพราะรู้สึกอ่านแล้วมันใจหาย แต่พอดีกับช่วงที่อยากอ่านอะไรสั้นๆ แบบไม่ต้องถึงร้อยสองร้อยหน้า ก็มาเจอเรื่องนี้เข้า ขอชมจากใจจริงเลยค่ะว่านอกจากเนื้อเรื่องมันออกจะดราม่าแล้ว สำนวนการเขียนก็คล้องจองเหมาะเจาะส่งให้เนื้อหาดูสวยงามอ่อนไหวต่อจิตใจคนอ่านมาก หลงอ่านไปแค่พาทแรกแม้ว่าจะรู้ตัวแล้วว่าเรื่องนี้มาแนวดราม่าแต่ก็หยุดไม่อยู่จิงๆ การดำเนินเรื่องหลอกล่อใจให้ติดตามมาจนบทสรุป และทั้งที่ในเรื่องคนที่ไม่สมหวังกับความรักจะเป็นฉาย แต่ไม่รู้ว่าจะเข้าใจคนเขียนถูกรึเปล่านะค่ะ แต่เท่าที่รับรู้ได้ เราไม่ได้สะเทือนใจในเรื่องความรักของฉาย แต่กลับสะเทือนใจกับคาเรกเตอร์ของตะวันมากกว่า รู้สึกถึงความเปราะบางของคนๆนี้ และความน่ารักบริสุทธ์สดใสในตัวเค้า ทำให้เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับตะวันเราคนอ่านก็รู้สึกยอกในอกไปด้วยเลยอ่ะ ถ้าถามว่าคนอ่านเปรียบได้กับใครในเรื่อง สำหรับเรา เรารู้สึกเหมือนเป็นฉายอ่ะ คือมันมีความรู้สึกเดียวกันกับฉายเลย ไม่ว่าจะความรู้สึกที่ว่าตะวันสดใสเหมือนดอกทานตะวัน หรือความรู้สึกที่ว่าอยากจะเป็นที่พึ่งและดูแลคนๆนี้ มันแบบว่าทุกอย่างเลยในตัวของตัวละครตัวนี้ที่ทำให้รู้สึกว่าไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนรักเค้า และดูแลความรู้สึกของเค้ามากกว่าใคร ขนาดคนอ่านอย่างเรายังหลงรักตะวันเลย ^^
ประทับใจเรื่องนี้มากเลยค่ะ ไม่เสียใจเลยที่หลงเข้ามาอ่านแนวดราม่า(แต่เราไม่รู้สึกว่ามันเป็นแนวดราม่านะ เรารู้สึกว่ามันเป็นแนวสดใสให้กำลังใจมากกว่า มีปรัชญาการใช้ชีวิตแฝงไว้เยอะมาก) รับรองว่าตะวันจะเป็นตัวละครที่เราจดจำไปอีกนาน
ปล.ประทับใจมากจริงๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ปุยหมาม่วง ที่ 16-02-2012 04:41:01
เหมือนจะมีคนไม่ชอบตะวันเยอะ

แปลกใจตัวเองที่เรากลับรู้สึกรักตะวัน

รู้สึกว่าในแต่ละตอนตะวันน่ารัก บอกไม่ถูก ^^
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 17-02-2012 10:03:43
เข้าใจเลยล่ะค่ะ ว่าความรักเนี่ย ไม่จำเป็นต้อง happy ending ในแบบที่เราต้องการ
เท่าที่ผ่านชีวิตมากว่าสิบปีนี้ เราว่าตอนจบแบบนี้มันมีความสุขมากแล้วล่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: John Doe ที่ 18-02-2012 01:04:05
เป็นเรื่องที่มีเสน่ห์ และมีกลิ่นอายของความบริสุทธิ์
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: MissDaisy ที่ 18-03-2012 22:12:27
ขอบคุณ คุณภัคD
ขอบคุณ คุณTHIP

มีความรู้สึกมากมายต่อเรื่องสั้นเรื่องนี้ แต่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ เพราะตอนนี้มัน "จุก" อยู่ในอก
อ่านเรื่องของคุณภัคD เป็นเรื่องที่ 2 ก็ยังถูกบีบเค้นตับอ่อนเช่นเคย  :sad2:
แต่ใช่ว่าจะเข็ดนะคะ ถ้ามีอีก ก็อ่านอีกค่ะ  :freeze:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 20-04-2012 14:15:37
อยากจะรู้จริง ๆ มีใครทุ่มเทให้ตะวันได้เท่าฉายบ้าง
แอบรักตั้งเป็น 10 ปี สงสารอ้ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 20-04-2012 18:35:59
คิดถึงค่ะ  กลับมาทักทาย ตะวัน+ฉาย สบายดีใช่ไหมค่ะ ^.^
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Kalamall ที่ 25-05-2012 23:15:47
จบแบบหน่วงๆ :m15: 

ฉาย :กอด1:  ขอกอดแน่นๆสักครึ่งชั่วโมงได้ป่าว คิดถึงฉายแล้วมันแน่นหน้าอกขอบตาผ่าวๆ เหมือนจะยอมรับไม่เศร้าแต่มันจุ๊กเหลือเกินในแต่ละตอน

ตะวันเป็นคนแปลกจริงๆ ทุกคนรักตะวันนะ เวลาหน่วงๆกะฉายทีไรตะวันชอบทำให้เรายิ้มได้ตลอดเลย จะตายยังมามีบอกคลานไปหาฉาย อึ๊บ อึ๊บ 5555 (คิดแล้วแค้นใจ ขอให้ปาโดนทั่วคุกเลย(*`へ´*) )

โอ๊ยยยยยยยยยพี่ขุน ถ้าฉายไม่ได้เป็นพระเอกของเรื่องนะพี่ค๊อตเป็นคนรักที่ดีเลยอะ  :กอด1:หลับให้สบายนะ

พี่กบ  o13 o13

พ่อแม่ของทั้งคู่น่ารักมากคะ  :monkeysad:  ขอบคุณสำหรับเรื่องความรักดีๆอีกแง่มุมหนึ่ง ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: bozang ที่ 26-05-2012 02:00:23
อ่านไปปาดน้ำตาไป TT^TT ไม่คิดว่าจะเศร้าแบบดูชื่อเรื่องแล้วดูเป็นรักใสๆ ปนฮา
แต่พอมาอ่าน มันฮาเบาๆ นะ แต่เหมือนเป็นตลกร้าย ยิ้มทั้งน้ำตา
สุดยอด คนแต่งแต่งดีมาก ขอซูฮกให้จริงๆ
นิยายเรื่องนี้ตอบทุกนิยามของความรักเลย

ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆ มาแบ่งปันกันค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 26-05-2012 03:58:46
บางครั้ง คนบางคนหรือสิ่งของบางสิ่งก็เกิดขึ้นมาเพื่อให้เรารัก.. ไม่ได้ให้เราครอบครอง
เรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกได้อย่างนี้เลยค่ะ

เราไม่ได้คิดว่าตะวันควรจะกลับมารักกับฉาย เพราะเราอ่านเรื่องนี้ในมุมมองของฉาย
เราไม่รู้มุมมองของตะวัน บางทีตะวันอาจจะกลัว การผูกมัด
หรืออาจจะไม่ได้มอบความรักให้กับฉายในทางนั้น
หรืออย่างไรก็ตาม..
ถ้าตะวันจะกลับมารักกับฉายเพราะสงสารหรือเพราะไม่มีใคร.. เราคงไม่ให้อภัยตะวันจริงๆ

เป็นนิยายดีดีอีกเรื่อง ที่ทำให้ตาสว่างขึ้นมาเลยค่ะ
ขอบคุณมากสำหรับเล้าเป็ดที่ทำให้เราได้รู้สึกแบบนี้
ขอบคุณคนแต่ง ขอบคุณพี่ทิปที่เอามาลง
ขอบคุณมากๆ จริงๆ แหะๆ
พิมพ์ไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะเบลอๆ นี่ก็จะตี 4 แล้ว 55555555
ขอโทษด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: joycema24 ที่ 02-06-2012 01:23:39
จะว่าเราแปลกไหม แต่เรารู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่เศร้านะ แต่มันอบอุ่นมากกว่า
อาจจะมองว่าความรักระหว่างตะวันและตะวันฉายจบแบบไม่สมหวังหรือไม่ได้คู่กัน
แต่เรากลับมองว่ามันคือความรักที่สมหวังและสมบูรณ์แล้วนะ
เพราะสุดท้ายบทสรุปที่เราได้คือทั้งสองคนรักกัน
แม้สถานะของความรักจะต่างกันห่างเทียบระหว่างความรักของตะวันกับพี่ขุน คือความรักแบบคนรัก
แต่ความรักระหว่างตะวันกับฉาย คือ ความรักแบบพี่น้อง ซึ่งก็ไม่ได้น้อยหน้าหรือด้อยค่าไปกว่ากันเลย
แต่กลับเป็นความรักที่น่าอิจฉามากนะเราว่า คนที่ได้รู้จักกันตั้งแต่เกิด คนที่ได้มีความทรงจำด้วยกันตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ด้วยซ้ำ จะเรียกได้ว่าเขาทั้งสองคนรักกันมานานแล้วเกือบเท่าชีวิตของทั้งสองคนเลยก็ว่าได้
เราว่ามันคือความรักที่สมหวังยิ่งกว่าความรักแบบไหนซะอีกแน่ะ เหมือนเขาเกิดมาเพื่อรักกันแต่ไม่ครอบครองกันละกันก็เท่านั้นเอง เราว่ามันคือความรักในแบบอุดมคติเลยก็ว่าได้นะ

เหนืออื่นใด เราคิดว่าทั้งตะวันและฉายมีครอบครัวที่สุดยอดมากๆ พ่อแม่นี่ยอดคนของแท้เลย
เข้าใจลูก เลี้ยงดูด้วยความรัก บางทีความคิดหรือการแสดงออกของพ่อแม่บ้านนี้อาจจะดูว่ามันแปลกๆ ไปสักหน่อย แต่มันน่ารักมากๆ เลย เราประทับใจครอบครัวของทั้งสองคนมาก

สรุปคือชอบเรื่องนี้มากค่ะ ตัวละครมีเอกลักษณ์มากๆ โดยเฉพาะตะวันคาเร็คเตอร์มีเสน่ห์มากๆ เลย ไม่แปลกใจว่าทำไมฉายถึงยอมอกหักมาจนถึงป่านนี้ มั่นคงมากๆ เลยเรา

ขอบคุณที่ทำให้เรามีความสุขกับการอ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ เป็นงานที่ยอดเยี่ยมทั้งภาษาและการเดินเรื่องจริงๆ ค่ะ สุดยอดมากๆ ขอชมด้วยใจจริง ^ ^
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 08-06-2012 00:27:47
ห๊ะะะะ จบแล้วเหรออออออออ
กำลังอ่านเพลินๆ เฮ้ออออออ  :o12: :o12: :o12:

สงสารฉาย สงสารตะวัน สงสารพี่ขุน สงสารทุกคนนนน อ้ออ ยกเว้น พี่กบ  :laugh:

จริงๆแล้วเรื่องนี้อยากอ่านความรักพี่ขุนกับตะวันมากเลย
อยากอ่านที่พี่ขุนเป็นตัวเอก ในมุมพี่ขุน  :sad4: (จะช้ำใจตายก็ตอนที่พี่ขุนตายนี่แหละ)
แต่อ่านในมุมที่ฉายเป็นตัวเอก ก็เจ็บปวดแท้
เจ็บปวดที่เป็นได้แค่น้องชาย ถึงฉายจะพอใจ ณ จุดนี้ แต่เราก็ยังอดสงสารฉายไม่ได้ ฮืออออ  :o12:

แต่เราชอบความอารมณ์ขันของคุณภัคDมากเลยค่ะ
อ่านไปขำไป ถึงเนื้อเรื่องมันจะชวนเศร้า แต่ร้องไห้ไม่ออก มันขำมากกว่า ๕๕๕๕๕
อาจจะเป็นเพราะเราไม่ได้อ่านเรื่องนี้ติดต่อกันรวดเดียวรึเปล่า เลยทำให้เราไม่ค่อยอินเรื่องเศร้า
มาเอาฮาซะส่วนใหญ่ ๕๕๕๕๕ (จริงๆคือเราเรียนเครียดแล้ว เราก็เลยไม่อยากบิ้วท์ตัวเองให้เศร้าตามมาก)

ขอบคุณคุณภัคDนะคะที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่าน  :L2: :L2:
ประทับใจทั้งสองเรื่อง แอบรู้มาว่ารวมเล่มทั้งสองเรื่องด้วย
จริงๆก็อยากมีเก็บไว้ในครอบครอง แต่ป่านนี้ก็คงไม่หลุดมาถึงมือเราแล้วมั้ง (อยากได้ ฮืออ)

สุดท้ายขอบคุณคุณคนโพสต์นะคะ ถ้าไม่มีคุณ เราก็คงไม่ได้อ่าน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-06-2012 21:03:34
ชอบๆตะวัน :impress2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Nuclear ที่ 10-06-2012 19:56:56
เป็นเรื่องแต่งที่มีทุกความรู้สึกจริงๆๆๆ 
ทั้งสุข เศร้า เหงา เคล้าน้ำตา
ชอบทั้งตะวัน ชอบทั้งฉาย ไปๆมาๆก็เผลอชอบทั้งพี่กบและก็พี่ขุน
เหล่าพ่อๆ แม่ๆ ก็น่ารัก

เป็นกำลังใจให้สำหรับการแต่งเรื่องใหม่นะคะ
เรื่องนี้สนุกมากๆๆๆเลย :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 19-07-2012 13:52:58
เศร้าโคตร ๆ เลยค่ะ เฮ้อ...  ไม่ได้เสร้าที่ตะวันกับฉายไม่ได้ลงเอยกันหรืออะไรนะคะ เราว่ามันเป็นอย่างนี้ดีแล้ว ดังนั้นก็ให้เป็นอย่างนี้ต่อไปเถอะ ความสัมพันธ์ของพี่กบ ตะวัน แล้วก็ฉาย มันงดงามแล้วก็อบอุ่นจริง ๆ

แต่เศร้าเรื่องระหว่างการเดินทางกว่าจะมาถึงตอนจบนี่สิคะ  ความเจ็บปวดมันก็ยังคงอยู่ ไม่ได้หายไปไหน เราคนอ่านเจ็บตามไปด้วย  ทุกความสูญเสีย ทุกความสับสน ทำให้ต้องถอนหายใจเฮ้อ เฮ้ออ..   น้ำตาก็ไม่ไหลเพราะเศร้าไม่สุด แต่น้ำตาตกในอยู่ในอกนี่แหละค่ะ 


บอกไม่ถูกเลยค่ะว่ารู้สึกยังไง  เหมือนกับเป็นเรื่องจริงเลย
ขนลุกล่ะมั้ง...   สุดยอดเลยนะคะ สามารถเขียนเรื่องแบบนี้ออกมาได้  และเขียนออกมาได้จับใจมากเลยค่ะ



ฮือ.. 
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ฮาเดส ที่ 19-07-2012 18:40:21
จบแล้ว...เป็นเรื่องแรกเลยนะที่อ่านรวดเดียวจบ
อ่านแล้วสงสารทุกตัวละครยกเว้นปา  :fire:

ชอบเรื่องนี้มาก
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pepo-pocky ที่ 20-07-2012 23:58:57
เรื่องนี้สนุกมากครับ ชอบผลงานของตุณภัคDมากเลย :L2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pahpai ที่ 24-07-2012 19:33:06
ตะวันกลับมาแล้ว

เพิ่งเห็นว่าผมเมนต์ผิดเรื่อง พอดีเปิดพี่ตะวันกะเรื่องของฉายอ่านพร้อมๆกันอยู่ 55
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-07-2012 02:36:21
วันนี้กลับมาอ่านอีกรอบ

ก็ยังชอบอยู่ดี
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: StillLoveThem ที่ 05-08-2012 17:02:19
...อ่านจบแล้ว เขียนดีมากๆๆ เพราะตะวันเป็นเด็กที่เรียนรู้ช้านี่เอง ถึงได้อึนๆๆ แต่อึนแบบน่ารักดีนะ
...ที่สำคัญความรักของน้าโอ๋น้าเจดที่มีต่อตะวันนั่น ยิ่งใหญ่ และมากมายมหาสาร
...ตอนท้ายอยากให้ตะวัน หันมาสนใจฉายบ้าง ฉายเป็นคนเดียวที่รักตะวันและไม่เคยทำร้ายตะวัน
...ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆๆให้อ่าน คงต้องขอสมัครเป็น fc ของคุณ ภัคD ด้วยคน คนอะไรไม่รู้จินตนาการบรรเจิดมากๆๆ :L2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 05-08-2012 22:02:02
อ่านเรื่องนี้แล้วไม่ร้องไห้แต่บรรยายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก รู้สึกแปลกๆT T
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 06-08-2012 10:41:13
เพิ่งอ่านสงสารฉายแต่ก็สงสารตะวัน

พูดไม่ออก แต่ก็สนุกดีครับ

มันมีทั้งความสุขปนความเศร้าแบบหน่วงๆ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: piengtavan ที่ 07-08-2012 03:44:44
ไม่สงสารใครทั้งนั้น!

แต่มันเศร้า เพราะทุกคนที่เฮชอบในนี้จากไปหมด เหลือทิ้งไว้กันแค่สองคน(+พี่กบมาเป็นตัวแถม แต่ช่างเถอะ...)

เศร้าเกินไปจนปวดหัวไปหมด ขอบคุณตอนพิเศษที่ขยายความว่าำทำไมตะวันถึงดูเหมือนคนแบบนี้ เพราะมันมีสาเหตุ

สาเหตุแรกอาจเพราะความบกพร่อง แต่สาเหตุที่น่าดีใจที่สุด(และน่าเศร้า)คือ ตะวันมีคนรักตะวันมากเหลือเกิน ทุกคนรักตะวัน

เพราะงั้น เวลาอะไรๆมันเริ่มเข้าสู่กาลเลวร้าย เฮเลยหวาดเสียวกับตะวันมากที่สุด

ต่อให้ใครก็เถอะ ถ้ามาเจอตะวัน ไม่รักมันก็ต้องห่วงว่ะ

ส่วนฉาย ชมจากใจ เก่งว่ะ ทั้งพ่อทั้งแม่ที่เลี้ยงฉายก็โคตรเก่งยิ่งกว่าที่เีลี้ยงฉายได้เก่่งขนาดนี้

เรียกว่าหล่อหลอมมาดีมาก มากเกินไปด้วยซ้ำนะฉายนะ รักฉายเลยเถอะค่ะ

ท้ายนี้ แม้นิยายคุฯภักD จะมีมาม่าแบบต้มยำกุ้งผสมต้มโคล้งมากแค่ไหนก็ตาม แม้มันจะเผ็ดจนปวดหัว ไอ้เฮก็จะตามอ่านต่อค่ะ อยากบอกให้รู้ว่าตามอ่านมาตั้งแต่เรื่องของพี่วิกกะออลี่แล้ว จึงจะตามต่อไปค่ะ! ฮึ่ย!!  :a2:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 12-08-2012 12:40:04
อ่านแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูการ์ตูนตลกหน้าตาย
แถมอารมณ์เศร้านิดๆ ต่างคนก็ทำหน้าที่ตัวเองได้ดีแล้ว

ดีใจที่ตะวันกับฉายไม่ตกลงเป็นแฟนกัน
ไม่งั้นฉายคงเหนื่อยน่าดูเพราะตะวันเหมือนจะเห็นแก่ตัว
ไม่คิดถึงคนอื่นเท่าไหร่ แต่จะปล่อยไปก็น่าสงสาร
ให้ฉายเก็บตะวันไว้ข้างๆ ตัวเองเนี่ยแหละดีแล้ว
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 04-09-2012 11:31:24
โห เป็นเรื่องที่ดีมากเลยอะ แค่งได้ถึงอารมณ์สุดๆ .อารมณ์เรานี่แบบว่าไม่ถึงกับร้องห่มร้องไห้ แค่น้ำตาคลอๆ ตอนที่ แม่กับ พ่อของฉายตาย,พี่ขุนอีก นอกนั้นก็จุกๆอยู่ในใจ อยากยอกว่าสงสารฉายจับใจเลย !
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: micmoner ที่ 07-09-2012 22:08:39
อ่านจบแล้วทำให้เราคิด
มันจะมีจริงๆมั้ย คนที่เป็นแบบตะวันฉาย ที่มีรักเดียวกับคนๆเดียว
โดยที่เป็นรักข้างเดียว นานเป็นสิบปี
รู้สึกอิจฉาตะวันจริงๆนะ 
 :z3: :z3: :z3:
ป.ล.เรื่องนี้มันบีบคั้น หัวใจจริงๆ
แต่คุณภัคD ก็ทำให้รู้สึกว่ารักแบบนี้มันก็มีในโลกเหมือนกัน o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 22-09-2012 03:44:58
เศร้าเอามากๆ
อ่านไปก็รู้สึกซ่านในใจไปด้วยแทบทุกตอนเลย
ตอนแรกคิดว่าพี่ขุนไม่ได้รักตะวันมากมาย แต่ก็คิดผิด แถมยังรักขนาดนี้ นานเท่านี้ และตะวันก็รักพี่ขุนด้วย
ตอนที่พ่อแม่แล้วก็พี่ขุนเสียมันตกใจเอามากๆ
แล้วยังจบแบบนี้อีก มันสุขปนเศร้าเคล้าความเจ็บปวด
คุณคนเขียนเขียนออกมาได้ยังไงแบบนี้
มันหนักหน่วงความร้สึกเอามากๆตั้งแต่เริ่มเรืองยันจบ
ชอบมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 21-10-2012 21:38:06
 :m15: :m15: :monkeysad: :monkeysad: :impress3: :impress3:

เรื่ิิองนี้เศร้าอ่ะ......ทำเอาต่อมน้ำตาอักเสบทันทีเลย
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: PARK_BOM1991 ที่ 12-11-2012 14:54:34
อ่านไปน้ำตาซึมไป :monkeysad:
สงสารฉายมากๆแอบรักมานาน แต่สุดท้ายก็ยังเป็นได้แค่น้องชาย
ตะวันเองก็ต้องเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายมามากมาย
แต่สุดท้ายแล้วทั้งสองก็ยังใช้ชีวิตร่วมกัน ถึงจะไม่ใช่ในฐานะคู่รัก
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 13-11-2012 20:03:58
เพิ่งอ่านจบครับ
อยากบอกว่า......ขอบคุณสำหรับสิ่งสวยงามที่มอบให้ครับ
อาจ สนุก ตลก เศร้า ซึ้ง
แต่ทั้งหมด สื่อถึงสิ่งเดียว
ความรัก
ขอบคุณอีกครั้งครับ
 :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 15-11-2012 23:37:06
ไม่เมนท์ไม่ไ้ด้แล้ว....
มาเจอเรื่องนี้หลังจากสี่ปีที่คุณภัคD ได้ลงเอาไว้
เนื้อเรื่องและพล็อตแปลกมากค่ะ แต่กินใจและซึ้งจนต้องระบายให้คนแต่งรู้
หลงรักตะวันหมดใจค่ะ เป็นคนที่ืซื่อตรงกับความรู้สึกไม่ใช่คนโง่อย่างที่โดนคนอื่นว่า
แต่พอมาอ่านตอนพิเศษของน้าโอ๋ถึงได้รู้ว่าตะวันเป้นเด็กพัฒนาการช้า
อ่านไปน้ำตาไหลไป แต่ก็ยังอมยิ้มได้ ไม่มีเลิฟซีนหวือหวาแต่เข้าใจหัวอกของคนแอบรัก
รักข้างเดียวไม่หวังอะไรตอบแทน ยอมรับได้ทุกอย่างที่คนรักเป็น
ฉายเป็นคนในฝันจริง ๆ รักพี่ตะวันหมดใจ ยอมถอยออกมาไม่แก่งแย่ง
น้ำตาไหลตอนที่ตะวันโดนแทงรู้สึกเจ็บแทนฉาย
สำนวนสวยมากค่ะ รักนิยายเรื่องนี้มาก จากใจจริง...ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Bowmeyo ที่ 17-11-2012 17:17:39
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน และก็อ่านรวดเดียวเลย
มันเศร้ามาก แต่ไม่ได้ร้องไห้ ไม่หน่วงที่หัวใจ
ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี
ทั้งเจ็บและหัวเราะทุกครั้งไปกับแต่ละเหตุการณ์ในเรื่องนี้
สงสารฉายนะ สงสารมาก แต่ก็นับถือมากจริงๆ
รักเหมือนเดิมยังไงก็ยังรักเหมือนเดิมอย่างนั้น
และก็สงสารตะวันด้วย บางครั้งก็โกรธตะวัน
ที่เหมือนไม่สนใจความรู้สึกฉายเลย
แต่ก็เข้าใจนะ เพราะในยามที่เจ็บปวดที่สุด
ตะวันก็เรียกหาฉายคนแรก
ส่วนพี่กบ คนนี้ก็ดี นิสัยดีอ่ะ คือจะว่ายังไงดี
ถึงจะไม่ได้รักกันแบบนั้นแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่ตรงนี้
ยังสามารถเป็นเพื่อนเป็นพี่กันได้ ดีใจที่ในที่สุดก็ได้เจอคนที่รักจริงๆแล้ว
แล้วก็พี่ขุน เคยไม่ชอบพี่ขุนเลย โกรธที่มาจากไหนไม่รู้
อยู่ๆก็มาแย่งตะวันไปจากฉาย (ทั้งๆที่พี่กบก็ทำมาก่อนแล้ว ฮ่าๆๆ)
แต่สุดท้ายตะวันก็เลือกพี่ขุนเป็นคนรัก ก็เข้าใจตะวันนะ
พี่ขุนก็คือคนรัก คนที่จะอยู่ในใจตลอดไป
แต่ฉายคือน้อง น้องหนึ่งเดียวที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้เหมือนกัน
แล้วก็พ่อแม่ของทั้งคู่ เป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก
ไม่ต้องเหมือนใคร รักกันแบบที่คนนอกคงไม่มีวันเข้าใจ
ใจหาย เสียใจที่พวกเขาจากไป อยากให้อยู่ดูแลตะวันกับฉายไปอีกนานกว่านี้

อ่านเรื่องนี้แล้วแบบ คือมันไม่ใช่เรื่องเศร้าขนาดต้องร้องไห้น้ำตาไหลพราก
แต่ความรู้สึกจุก หน่วงในใจมันก็ยังค้าง ไม่ไปไหน
ชอบมากเลยอ่ะ เป็นเรื่องที่ดีจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 18-11-2012 18:48:30
 o13  ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: evz ที่ 01-12-2012 22:02:43
ถ้าเรื่องราวความรักของพี่ขุนกับตะวันไม่ได้ถูกเล่าผ่านฉายเรื่องของพี่ขุนกับตะวันคงเป็นเรื่องราวความรักดีๆอีกเรื่องหนึ่งและมันอาจจะไม่เศร้าขนาดนี้ก็เป็นได้ แต่เพราะเรื่องนี้ถูกเล่าผ่านฉาย ฉายที่มีแต่ตะวัน มีแต่ตะวันคนเดียวตั้งแต่แรก ตลอดมาและตลอดไป เรารับรู้ทุกเรื่องผ่านความรู้สึกฉาย เราเลยเศร้าไปฉาย จุกไปกับฉาย เจ็บไปกับฉายจริงๆ ไม่คิดว่าพี่ขุนจะจากไปแบบนี้ แอบหวังว่าพี่ขุนกับตะวันจากกันแบบร้าวฉานกว่านี้ฉายจะได้มีหวัง แต่เพราะพี่ขุนจากไปแบบนี้และความรักไม่ได้สิ้นสุดแค่ลมหายใจ ฉายก็คงเป็นได้แค่น้องชายตลอดไป แต่ความสุขของฉายก็คือตะวันนั่นแหละ ถึงฉายจะเป็นน้องชายตลอดไปแต่ฉายก็คงมีความสุขตลอดไปเหมือนกัน เราหวังให้เป็นแบบนั้นนะ เพราะไม่อยากให้ฉายเจ็บไปมากกว่านี้แล้วจริงๆ
ขอบคุณทั้งคนเขียนและคนโพสต์มากๆค่ะสำหรับนิยายเรื่องนี้ เป็นนิยายดีๆที่ทำคนอ่านช้ำในเลยค่ะ ร้องไม่ออก ทั้งๆที่อยากร้องมาก พอไม่ร้องความรู้สึกเลยหน่วงๆอยู่ในใจเช่นนี้แล  :sad11:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: honeystar ที่ 02-12-2012 23:35:35
เพิ่งอ่านนิยายของคุณภัค D จบค่ะ ก่อนอื่นก็ต้องขอสวัสดีก่อนนะคะ

เราเป็นอีกคนที่ได้อ่านเรื่องนี้หลังจากที่เค้าลงจนจบเลยมาหลายปีเลยค่ะ แอบช้าไปเยอะ

เรื่องนี้ตอนแรกจะเป็นอะไรที่เราจะไม่อ่าน เพราะได้ยินว่ามันเศร้านะ แต่เมื่อเราได้หนังสือมาเเล้ว

จะไม่อ่านก็กระไรอยู่ ระหว่างรอหนังสือก็โอเค เข้ามานั่งอ่านดีกว่า ถ้าไม่สนุกจะได้ไม่เปิดอ่านหนังสือทัน (?)

อ่านไปตอนแรก ๆ จุก และ เศร้าตามฉายนะ แต่ไม่ถึงขั้นร้องไห้อะไร แอบขัดใจ ทำไมเอ็งไม่หาคนอื่นวะ

แต่เข้าใจว่ารักของเค้ามาตั้งนานจะให้ไปหาคนอยู่ก็กระไรอยู่ ก็นั่งอ่านไปต่อ แอบบ่นฉาย หมั่นไส้ตะวันไปด้วย

พออ่านไปเรื่อยๆ แอบเสงสัยเนื้อเรื่องเป็นยังไง ก็เลยไปถามคนที่อ่านเเล้วให้เค้าสปอยให้ฟังหน่อย

ถึงเวลาอ่านถึงช็อตนั้นที่เค้าเล่าให้ฟังมาเเล้วก็ไม่ได้เศร้าอย่างที่คิดนะ ตอนที่อ่านคิดอย่างนั้นเเล้ว

แต่พอมาเอาเข้าจริงตอนจบ น้ำตามันไหลมาได้ยังไงไม่รู้ มันเหมือนเข้าใจความรู้สึก แต่ไม่เข้าใจไปด้วย

ทั้งๆที่ตะวันไม่มีใครเเล้วทำไมไม่ให้ฉายเข้ามาบ้าง ? ตะวันเหมือนจะรับรู้นะว่าฉายรู้สึกยังไง
 
แต่คงตอบสนองความรู้สึกนั้นไม่ได้ เพราะฉายเป็นน้องเเล้วตะวันก็รักพี่ขุน ถึงตอนนี้ที่พี่ขุนกลายเป็นอากศก็ยังคงรักอยู่ ?

มีข้อสงสัยค่ะ พ่อเเม่ตะวันหายไปไหนหว่า ? หายไปนานหลายปีเลย จริงๆ แอบคิดนะว่าตายไปแล้ว มันเป็นปมที่คิดในใจจน

ตอนนี้เลิกสงสัยไปแล้ว เรื่องนี้เป็นอะไรที่หน่วงในใจเราพอสมควรเลยค่ะ กะจะอ่านนิยายของคุณภัค D ให้จบไปพร้อมๆ กัน

จะได้หน่วงที่เดียว จบ ๆ พี่เหยาอาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายที่อ่านยังไงอ่านจบเเล้วเราคงนอยด์ไปหลายวันแน่เลยค่ะ

ยังไงก็ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ กำลังจะไปตามอ่านฝันหวานเจ้าชายกบ ไม่รู้เนื้อเรื่องเป็นยังไง

เพราะคราวนี้ไม่มีคนสปอยให้ฟังเเล้ว คงได้ร้องไห้แบบไม่มีกั๊กแน่ๆ ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้จริงๆค่ะ คุณภัคD


' ฮันนี่
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: loverken ที่ 18-12-2012 20:09:16
 :m15:

อ่านแล้วอิน
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ninenonkung99 ที่ 19-12-2012 23:25:23
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจังไม่กินหัวหอม ที่ 27-01-2013 00:08:08
จบแล้วแต่ก็พูดอะไรไม่ออกเลยครับ
อยากบอกแค่ว่า "ขอบคุณมากครับ"
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: raviiib❁ ที่ 01-05-2013 17:35:20
อ่านเรื่องนี้แล้วน้ำตาคลอเลย
ฉายมันอดทนมากๆนะ แบบว่ารักเค้ามาตั้งหลายปีดีดักแต่เค้าก็ไม่รู้
ตะวันกับพี่ขุนเป็นคู่รักที่น่ารักมาก ถ้าเอาพี่ขุนหรือตะวันเป็นคนเล่าเรื่องหรือไอฉายมันชอบคนอื่น
ตอนท้ายๆสงสารตะวันมาก เสียทั้งพี่ขุนคนที่เป็นเหมือนพ่อแม่ ยังดีที่เหลือไอฉาย
น้ำตาไหลพรากๆ ยิ่งอ่านยิ่งสงสารไอฉาย มันรักตะวันมากๆอะ ปล่อยโฮเลยทีเดียว
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้ให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 01-05-2013 18:20:55
ึคิดถึงจังเลยค่ะ  ตะวัน กับ ฉาย สบายดีนะค่ะ

ไม่ได้มาเยี่ยมตั้งนาน คิืดถึงกันบ้างไหม ^^

ไว้จะมาหาใหม่นะ  ดูแลกันและกัน ให้ดีด้วยนะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Zeitkey ที่ 07-05-2013 13:41:05
เป็นเรื่องใสๆ ที่ทำให้น้ำตาไหลคะ

สงสารฉายมากทั้งๆที่รักตะวันมาตลอด แต่ตะวันกลับไม่เคยสนใจ

แม้ว่าจะเป็นครอบครัวที่แสนสำคัญ แต่ฉายไม่ได้อยากเป็นแค่น้อง อยากเป็นคนรัก

ตอนจบซึ้งกลับประโยคของฉาย ที่บอกว่า ความรักไม่ได้สิ้นสุดแค่สมหวังหรือผิดหวัง

แม้จะรู้ว่าฉายมีความสุขที่ได้อยู่กับตะวัน แต่ก็อยากให้ตะวันมองฉายบ้าง มองในฐาะผู้ชายคนนึง

ขอบคุณคุณภัคดีที่เขียนงานดีๆออกมาคะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: duaen12 ที่ 08-05-2013 08:20:01
 :hao5:เป็นเรื่องที่อ่านแล้วเหนื่อยที่สุด เหนื่อยใจ ทุกครั้งที่อ่านจบตอนในท้องมันโหวงเหว้ง  มันไม่่อิ่ม มันหมดแรง อยากเอามือถือโยนทิ้งทุกครั้งที่อ่านจบ สงสารฉาย และเราหลงรักตะวันในความติสแตกของเธอ แต่ไม่รู้คนอื่นเป็นเหมือนเรามั้ย เราร้องไห้เมื่อรู้ว่าพี่ขุน ตาย เราพึ่งรู้ว่าเรารักพี่ขุน เป็นตัวละครที่ไม่มีบทพูดแต่จริงจังแต่ชัดเจนในใจของเรา
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 22-05-2013 20:41:27
เพิ่งได้อ่านหลังจากผ่านมากี่ปีแล้วเนี่ยยยยยย?
จบแบบหน่วงฝุดๆ สงสารฉาย สงสารตะวัน สงสารพี่ขุน แต่ก็เกลียดพี่ขุนด้วย !
ไม่แฮปปี้เอนดิ้งแต่ก็เหลือที่ให้จิ้นได้ อยู่ด้วยกันแล้วต้องหวั่นหวบ้างสิน่า  :heaven :heaven

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ ตำนานจริงๆ ยกนิ้ว o13
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: cokebundit ที่ 17-07-2013 23:55:29
 :z3:อยากบอกว่าถึงจะเศร้า  ...แต่มันมีคุณค่าเกินกว่าจะบรรยาย :hao5:
 :-[ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องดีดี  o13
 :mew2:แม้จะเสียน้ำตาไปบ้าง แต่ก้ยังอยากขอบคุณ :mew1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: airgear ที่ 16-12-2013 22:01:05
แค่บทนำ ก็ฮาละ :laugh: ขอมาร์คไว้ก่อน เดียวมาอ่านต่อ  :z13:

มาอ่านช้าไปไหม 5555  :sad4: ตามมาจากเรื่อง "หรือจะให้เป็นแค่ความทรงจำ" o13  คิดว่าน่าจะคนละแนวไม่เครียดเหมือนเรื่องที่แล้วนะ  :เฮ้อ:  o18
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 28-04-2014 12:18:57
เป็นเรื่องที่อ่านจบแล้วมีอาการเศร้าเล็กๆอยู่ในใจกับความรักความทุ่มเทที่ฉายมีให้คนอกหักยังไงก็อกหัก มันดูเศร้าเหมือนไม่มีโอกาสเดินไปข้างหน้า แต่อ่านแล้วก็มีความสุขกับสิ่งที่ฉายทำเพื่อความรักทุกอย่าง
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 19-07-2014 00:47:13
อ่านช่วงแรกๆ ก็สงสัยว่าทำไมตะวันถึงดูแปลกๆ ทั้งความคิดความอ่าน การกระทำและคำพูด มารู้ตอนสุดท้ายที่น้าโอ๋บอก
ร้องไห้ตอนจบน้ำตาไหลไม่มาก แต่ก็สงสารฉาย สรุปแล้วมันคืออะไร ตะวันก็ยังเป็นพี่ชายเหมือนเดิมใช่ไหม
แต่ที่เสียใจมากที่สุดก็คือตอนสุดท้ายที่น้าโอ๋บรรยายมันแบบว่าจะร้องไห้กับความทรงจำที่แสนอบอุ่นอย่างนั้น
ตอนที่ตะวันบอกว่าครูทำอะไรเรานี่เสียใจมากเลย เราคิดว่าคนเป็นครูสมควรที่จะทำอย่างนี้ด้วยเหรอ นั่นคือลูกศิษย์นะไม่ว่าอีกฝ่ายจะโง่ดักดาน หรือก้าวร้าวยังไงนั่นก็คือศิษย์ ก็เข้าใจนะว่าเป็นครู แต่ช่วยเก็บไว้ในใจไม่ได้เหรอนั่นเด็กนะ เด็กที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรและแตกต่างจากคนอื่น จำเป็นด้วยเหรอที่จะต้องปฏิบัติแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ เราเสียใจกับครูแบบนี้มากเลยนะ ถึงเราจะไม่ใช่ครู แต่เราก็รู้ว่าครูที่ดีควรจะเป็นยังไง
อ่านแล้วเศร้าอยากร้องไห้แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้ สงสารพี่ขุน สงสารพี่กบ สงสารน้ามะ สงสารน้าเจด สงสารน้าโอ๋ทั้งสอง สงสารฉายและสงสารตะวัน (พี่ปาจะไม่ถูกกล่าวถึง) เม้นไปก็ร้องไห้ไป
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ความสุขคงอยู่กับคนเราไม่ได้ตลอด แต่เราก็สัมผัสมันได้ รู้สึกถึงมันได้ แม้มันจะไม่ได้อยู่กับเราตอนนี้ก็ตาม
ขอบคุณคนเขียนและคนโพสนะคะสำหรับนิยายดีๆ ที่มีคุณค่าเรื่องนี้
ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: loveromance ที่ 19-07-2014 22:52:50
รักฉายย รักตะวันนน รักพี่ขุน รักทุกคนเลยย
สงสารฉายก็สงสารนะ แต่ถ้าได้มองมุมตะวันหรือพี่ขุน ตะวันก็น่าสงสารไม่แพ้ใคร  ฮืออ น้ำตาไหล เรื่องมันเศร้า :sad4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: sasaka8 ที่ 26-07-2014 15:50:22
ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้นะคะ คุณภัคD  และคุณTHIP
บางทีกับความรัก แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว  :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 28-07-2014 02:21:19
ขอบคุณ คุณภัคD คุณTHIP สำหรับนิยายดีดีค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: U-Zero ที่ 04-10-2014 01:01:40
ตามมาอ่านเรื่องนี้ หลังจากชอบเรื่อง "หรือจะให้เป็นแค่ความทรงจำ" มากๆ ครับ

ผมเพิ่งเป็นสมาชิกเล้าเป็ดไม่นาน
ขอบคุณนิยายดีๆ จากผู้แต่งเก่งๆ อย่างคุณ ภัคD
และขอบคุณคนโพสท์อย่างคุณ THIP ด้วยนะครับ o13
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: lahlunla ที่ 07-12-2014 21:55:43
ฉายเป็นคนที่อดทนมากเลยนะ เฝ้ารักมาตลอดไม่เคยเปลี่ยนใจ

หวังว่าในวันข้างหน้า พี่ตะวันจะหันกลับมาเห็นน้องคนนี้บ้าง
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: MaoMao9999 ที่ 12-12-2014 02:57:32
เป็นเรื่องที่แบบ...เจ็บที่สุดเท่าทีเคยอ่านมา
ตอนแรกคิดว่าจะกุ๊กกิ๊ก ...มันแบบ..ยิ่งอ่านยิ่งทรมาน
ตลอดเวลาที่อ่านเรื่องนี้คิดเสมอว่ามีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
แต่มันไม่ทีจริงๆ. ยิ่งอ่านยิ่งเหมือนไดอารี่ความทรงจำTT
มันยังกับเรื่องจริงขอชีวิต. ทรมาน..ร้องไห้ตลอดทั้งเรื่องเลย..
เจ็บ...น้ำตาคลออยุ่เลยตอนที่เม้นคห.นี้
ฮืออออ. ใจร้ายไปปะ. เคยเจอไม่เอนดิ้งก็จริง. แต่นี่มันสุดๆอ่า. ฮืออออ :o12:.  อย่าวิ่งหนีให้ไกลอยากลืมมมม
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: wimannoi ที่ 16-12-2014 20:22:00
รักฉาย สงสารฉาย เสียน้ำตาให้ฉาย
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ปลายไผ่ ที่ 17-12-2014 19:15:58
เกิดอาการหน่วงในหัวใจ   :freeze:

ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกอึดอัด
เหมือนใจโดยบีบ ยิ่งพอตอนที่ตะวันโดนแทงนะ ใจนี้กระตุกเลย
เกิดอาการค้างคาในหัวยิ่งคิดยิ่งเศร้า เศร้า เศร้า

คล้ายว่ามันยังไม่สุดอ่ะ จะจบแต่ยังค้างคาในหัวใจ จะว่าไม่จบแต่มันขัดความรู้สึกที่ว่า
ความรักของฉายคงเป็นได้แค่นี้
 :sad5:
หน่วงๆ  :m21:

ผมนี่...ค้างเลยครับ :o11:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 18-12-2014 01:28:35
ขอบคุณเพลงรักคุณเข้าแล้ว ที่เป็นแรงบันดารใจ สำหรับนิยายดีๆบีบหัวใจ

ชอบทุกตัวละครที่อยู่ในเรื่อง ที่ทำให้เรื่องนี้ออกมาสวยงามหม่นๆ (เศร้าๆ)

ที่รู้สึกตกใจมากที่สุดและคิดไม่ถึงที่สุด คือตอนที่เฉลยว่าพี่ขุนเสียแล้ว
เพราะชอบพี่ขุนมาก
อ่านมาตอนแรกๆก็เชียร์ฉาย หวังทุกตอนว่าฉายได้เป็นพระเอก
แต่เมื่อมีพี่ขุนเข้ามา รู้สึกได้ถึงความรักและเข้าใจ
ทุกอย่างที่เป็นพี่ขุน น่ารักน่าอยู่ใกล้ จนอยากเป็นตะวันบ้าง
เมื่อฉายเรียนจบก็รู้แล้วว่าคงไม่ใช่พระเอกเป็นแน่ ยินดียกบทพระเอกให้พี่ขุนโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
พ่อ แม่เสียก็รู้ว่า อืม คงถึงเวลา
ตอนที่บอกว่าพ่อแม่พี่ขุนมาพากลับ ยังคิดว่าคงมีปัญหาพ่อแม่รับไม่ได้ตามมา
ไม่คิดเลยว่าจะด่วนจากไปแบบนี้

คนที่ทำให้ตึงใจอีกคน คงไม่พ้นตะวัน
ตั้นแต่ต้นมาก็มีดีบ้างเสียบ้างตามสมควร
ที่ได้ใจไป คือยังคงมีพี่ขุนในหัวใจเสมอ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 25-12-2014 21:50:45
เขียนได้ลึกซึ้งกินใจมาก. สำนวนดีมากเลยค่ะ  มันเศร้าเหลือเกิน.  ขอบคุณสำหรับเรื่องราวความรักที่มั่นคง ชอบฉายมากๆ  รักแบบบริสุทธิ์จริงๆ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: QHUNA ที่ 09-02-2015 23:46:04
หน่วง...
อบอุ่นกับความผูกพันธ์ของฉายกับตะวัน
อ่านแล้วยิ้มตาม  แต่ก็เศร้า...แต่เศร้าไม่สุด!
น้ำตามันปริ่ม แต่ก็ไม่ไหลออกมา
อยากจะร้องไห้ แต่ร้องไม่ออก :z3:
หน่วง...
:ling1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 10-02-2015 17:37:32
อานไปเครียดไป แบบเมื่อไหร่มันจะใช่ซะที ลุ้นเหนื่อยได้โล่
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: PHA_ ที่ 10-02-2015 22:57:32
เราแบบหนักๆหน่วงๆถ่วงๆในใจตลอดเลย รู้สึกเศร้าแต่ไม่ร้องไห้
ยังกะรู้ก่อนว่าจะจบแบบนี้
จะว่าคามรักมันแบบนี้ก็คงได้
บังคับไม่ได้ ไขว่คว้าไม่ถึง
ทั้งรัก ทั้งเจ็บ หรือบางทีอาจไม่เลวร้ายถึงเพียงนั้น
เราว่าถ้าเรื่องนี้ตะวันเป็นคนเล่าถึงพี่ขุน
คงบ่อน้ำตาแตกกันอย่างกั๊กไม่อยู่
เราอ่อนไหวเสมอกับการจากตายของคนที่เรารัก
เราชื่นชมคุณ ภัคD เสมอ ที่เลือกมุมมองที่ไม่เคยเหมือนใคร
ให้เราได้ค้นพบรักอีกรูปแบบ
และนิยายดีๆที่จะอยู่ในหัวใจ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 11-02-2015 08:32:36
ไม่แน่ใจว่าแอบเฉลยไว้ตรงไหนหรือเปล่า ตกลงพ่อแม่ของตะวันหายไปไหนคะแอบอยากรู้
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: DKTime ที่ 04-03-2015 00:57:02
เป็นนิยายเรื่่องแรกที่อ่านแล้วถึงกับทำเอาเราไปไม่เป็น
คือ..มันพูดไม่ออก แต่อ่านแล้วอินทุกตอน
เสียดาย...ทำไมตะวันถึงไม่คู่กับฉายอ่ะ ฮืออออออ~
เสียดายแบบสุดๆ ไม่ใช่ไม่ชอบพี่ขุนนะ พี่ขุนก็โอเแต่ด้วยความที่ฉาย สำหรับเรา เราคิดว่าฉายเป็นพระเอกไง
ก็เลย... ฮือออออ
แต่ต้องขอชมเลยว่า สนุกมากครับ
ทำให้มองเห็นความรักได้อีกหลายมุมเลย
โดยเฉพาะความรักของฉายที่มีให้ตะวัน
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 10-03-2015 00:08:30
ค้นหานิยายเก่า ๆ อ่าน เริ่มแรกคิดว่าลองอ่านเรื่องนี้สักหน่อยถ้าไม่น่าสนใจก็จะเลิก
พออ่านไปได้หน่อยก็รู้สึกเศร้า หดหู่ เราจะชอบแบบตลก ขำ ๆ ก็กะว่าจะไม่อ่านแล้ว
แต่ใจมันก็สั่งมือให้เปิดตอนใหม่มาอ่านอยู่นั้นแหละ อ่านรวดเดียวยันดึก คิดเลยว่าถ้าไม่จบไม่นอน
คุณภัคแต่งได้เจ๋งมาก ใช้ภาษาและสำนวนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มันหายากนะคนแต่งอย่างนี้
คุ้มค่าจริง ๆ กับการนอนดึก   :L2: แล้วจะหาเรื่องอื่น ๆ อ่านอีก
 อยากได้หนังสือบ้างจะทำไงดี
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 22-03-2015 15:53:07
บอกไม่ถูก เหมือนจะเศร้า แต่รู้สึกตลกมากกว่า
 :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 10-03-2016 11:30:51
อ่านจบแล้ว
พูดไม่ออกเลย จุกมาก
แต่ยังยืนยันได้ว่า รักเรื่องนี้

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 12-03-2016 15:32:29
หนูจะไม่อ่านของพี่ภัค D อีกเด็ดขาด เข็ดแล้ว เป็นนิยายที่ดีมาก แต่ใจหนูรับไม่ไหวจริงๆ อ่านแล้วเหมือนขาดอากาศหายใจ แต่ไม่ตาย มัน โฮ มันเศร้าอ่ะ แต่ร้องไม่ออก
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 03-05-2016 02:23:28
ร้องไห้หนักมากกก
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: wingzero ที่ 13-07-2016 02:50:10
เป็นสมาชิกในบอร์ดมานาน แต่ไม่ได้เป็นขาประจำแวะเวียนเข้ามาบ้าง นานๆ ที เข้ามาหานิยายอ่านแล้วโดนๆ ซักเรื่อง

เคยอ่าน หรือจะให้เป็นความทรงจำ ของคุณภัคD ก่อนหน้านี้  นานแล้วตอนนั้นเว็บบอร์ดที่เล่นประจำอยู่หลายคนบอกว่าเป็นอะไรที่แรงมากๆ  พอได้มาอ่านก็ยอมรับว่าแรงแต่ในระดับที่รับได้เพราะเตรียมรับอิมแพ็คมาก่อนจะอ่าน  เลยถือว่าอยู่ในระดับที่โอเค แต่ไม่รู้สึกว่ามันฮาร์ดมากอย่างที่คิด

สำหรับ  >>>>>เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ<<<<<   

ถ้าเปรียบเป็นหนังจีน   รอบนี้ที่อ่าน ตอนแรก ความรู้สึกที่ได้รับคือ  "สนุก" และ คุณภัคD นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ   เพลงกระบี่ที่ดูเหมือนเรียบง่าย (เนื้อเรื่อง) แต่แฝงไว้ซึ่งความไม่ธรรมดามาก (การใช้ภาษาเรียบเรียง การเล่าเรื่อง )  หลังอ่านจบ ความรู้สึกในรอบนี้กับเรื่องนี้ คือพ่ายอย่างไม่เป็นกระบวนท่าจริงๆ  ขอคาราวะด้วยใจ   

ไม่รู้ว่าคุณภัคD ยังมีผลงานอื่นๆ อีกไหม หรือ มีนามแฝงอื่นในการสร้างสรรค์งานเขียนไหม เพราะเท่าที่ไปดูในเพจการเคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายคือ กุมภาพันธุ์ 2014   จนปัจจุบันก็ 2 ปีกว่าแล้ว  หายเงียบไปเลย  เสียดายที่มาเจอเรื่องนี้ช้าไป  ไม่รู้ว่า หนังสือจะมีคนขายปล่อยออกมาให้ตามซื้อเป็นมือ 2 ไหม   อยากได้เก็บไว้จัง

ในส่วนของเนื้อเรื่อง
ไม่ได้ชอบตัวละครไหนเป็นพิเศษมากๆ ต่างจากเรื่องอื่นๆ ที่ชอบ จะต้องมีตัวละครซักตัวที่ชอบเป็นพิเศษในใจ    อย่างเรื่องนี้ รู้สึกว่า  ฉาย   เป็นคนที่ นอกจากมี IQ สูง ฉลาด เรียนเก่งแล้ว ก็มี EQ สูง มากๆ เช่นกัน  ซึ่งก็น่าจะเกิดจากเบ้าหลอมจากครอบครัวที่ดี    ตะวัน  ก็ น่ารัก งี่เง่า และ มีเสน่ห์ดี     ส่วนพี่ขุน จริงๆ ออกจะไม่ชอบเล็กๆ เพราะ ธรรมดาก็อยากให้ ตัวเอกได้กันเน๊อะ  แต่มาใจแป๊ว แบบ วูบ ตอนรู้ว่าจากไป     พี่กบ  จริงๆ ตอนแรก โผล่มาไม่ชอบเหมือนเป็นตัวมาร 5555   แต่พอหลังๆ ที่เริ่มผันบทบาท ก็นึกนิยมในใจว่า โอเคดี     
ู้


สุดท้ายนี้  อยากบอกว่า   "เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ"  =   Simply the best    ชอบมากๆ  มันไม่ธรรมดาจริงๆ   ให้ความรู้สึก  สนุก  คละเคล้า ไปกับการสร้าง  อารมณ์ ที่สะเทือนความรู้สึก ได้เจ็บปวด แบบ ยิ้มทั้งน้ำตาจริงๆ   เยี่ยมมากๆ 
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 14-07-2016 12:33:37
น้อยเรื่องนัก สำหรับนิยายที่อ่านแบบทุกตัวอักษร ค่อยๆ อ่าน ค่อยๆ ซึมซับ เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย

อ่านไปจินตนาการไปว่าถ้าเป็นตัวเองจะทำยังไง จะทนได้ไหม

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่ทำให้อ่านได้ทุกตัวอักษรจริงๆ อย่างที่กล่าวข้างต้นน้อยเรื่องนักที่จะอ่านแบบนี้

ว่าแล้วก็ไปหาอ่านผลงานอื่นๆของคุณผู้แต่งอ่านดีกว่า  ฟิ้ว

 :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: anue ที่ 19-07-2016 22:11:34
กลับมาอ่านอีกรอบ หลังจากอ่านไปหลายเรื่อง แล้ววนมาใหม่ ไม่ได้เข้ามานานพอดู
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 27-07-2016 18:05:51
สุดท้ายตะวันก็ไม่ได้รักตะวันฉายเหมือนที่ตะวันฉายรักตะวัน เฮ้อ ๆๆๆ เศร้าใจจัง

 :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 05-10-2016 17:02:00
อ่านกี่ทีก็บีบหัวใจตลอด
ต้องทำใจให้เข้มแข็งเวลาอ่านเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: b02290 ที่ 12-11-2016 22:38:13
หน่วงจนบรรทัดสุดท้าย แต่ครบทุกอารมย์จริงๆเลย เรื่องนี้
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 10-12-2016 23:35:36
เพิ่งอ่านจบค่ะ  ดีใจมากมายที่เข้ามาอ่าน มาร์คทิ้งไว้นานแล้ว

รับได้กับตอนจบนะคะถึงแม้มันจะแตกต่างจากนิยายทั่วไป  ปกติจะไม่อ่านนิยาย bad ending แต่นี่บอกไม่ถูกว่าจะเรียกว่าอะไร  :katai1:
ในชีวิตจริงฉายเองก็คงไม่ได้รู้สึกหน่วงมาก เพราะมันก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว
ดีเสียอีกที่ท้ายที่สุดแล้ว ฉายก็ได้อยู่กับตะวัน

อ่านจบในสองวัน คนเขียนโยนดราม่าใส่นิยายอย่างแนบเนียน
อ่านแบบไม่เสียน้ำตาสักหยด แต่รู้สึกมึนๆ อึนๆ เหมือนจะท้องอืด  :a5:

ขอบคุณที่เขียนขึ้นมานะคะ ชอบมาก เป็นนิยายที่จะวนกลับมาอ่านอีกรอบแน่นอนค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: beer9999 ที่ 21-12-2016 19:49:01
เศร้า แต่... ชอบ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 03-06-2017 11:12:22
จะอ่านกี่รอบก็ยังเสียน้ำตาได้เสมอ รักกกกกกกก :L1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: tarotman ที่ 06-07-2017 18:30:09
นี่คือ นิยายเรื่องแรกที่อ่านจนจบ เมื่อหลายปีก่อน
ตอนนั้น ยังไม่เช้าใจในมัน

ตอนนี้ ยิ่งกว่าเข้าใจ

ความรัก สมหวัง วัดกันที่ตรงไหน

ได้ครองคู่กัน หรือ แค่ เห็น เขามีความสุข ก็ พอ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 12-07-2017 19:41:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: chanabang ที่ 27-07-2017 21:59:06
จะร้องไห้ ก็ร้องไม่ออก
จะยิ้มก็ ยิ้มไม่สุด
บอกไม่ถูกเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D ที่ 04-01-2018 21:20:03
อ่านวันเดียวจบเลย

อินตามอีกแล้ว ชอบทุกบทเลย ถึงขั้นเก็บไปฝันจริงๆ ฝันตอนกลางวัน ฝันว่าฉาย แม่โอ๋ พ่อเจด ช่วยกันประกาศตามหาพ่อแม่ตะวัน แต่พอตื่นขึ้นมาอ่านต่อก็ต้องอึ้ง เมื่อคราวนี้กลายเป็นพ่อเจดกับแม่โอ๋ที่ต้องจากฉายไป แล้วก็ช็อคต่อเมื่อตะวันถูกแทง ฮือออออออออ

อินไปกับทุกคนเลย เป็นอีกเรื่องที่ไม่มีตัวร้าย ไม่มีคำหวาน แต่รับรู้ได้ว่าความรักที่ทุกคนมีให้กันมันมากมายแค่ไหน

อย่างน้อยตะวันก็ได้อยู่กับฉาย แม้จะไม่ใช่ฐานะคนรักแต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะรักกันน้อยไปกว่าคู่รักซะเมื่อไหร่

คุณภัคD แต่งได้กินใจมากจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: HZtaoFan ที่ 30-03-2018 17:48:50
ถ้าใครอกหักแล้วมาอ่านเรื่องนี้
คงฆ่าตัวตายอะ55555555
(ในเลขห้ามีน้ำตาซ่อนอยู่)
 :z10:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: เงาเดือน ที่ 10-09-2018 04:25:43
เสียใจมากตอนรู้ว่าพี่ขุนตาย เรามองจากมุมฉายแต่ก็มีความรู้สึกว่าขุนและตะวันรักกันมากๆจริงๆ เรื่องนี้มันทั้งอบอุ่นทั้งเศร้า ทั้งอยากร้องไห้ไปในเวลาเดียวกัน
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Narugojang ที่ 03-02-2019 11:40:28
ยามตะวันฉาย มีใครบ้างไม่รักตะวัน
พออ่านจบ ประโยคนี้ก็วนอยู่ในหัวตลอด
ตะวันถูกรายล้อมด้วยความรักมาตลอด และฉายก็อยู่ข้างๆตะวันมาตลอดเช่นกัน
พออ่านจบก็ไม่รู้ว่ารู้สึกยังไง มันหน่วงๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าจริงๆมันควรจบแบบไหนถึงจะรู้สึกดี

ขอบคุณ คุณภัคD นะคะ สำหรับเรื่องราวดีๆที่ถ่ายทอดให้เราอ่าน มันเจ๋งมาก :pig4:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 14-06-2019 21:40:29
เป็นครั้งแรกที่อ่านแล้วไม่อยากให้ตะวันกับฉายเป็นพระนายกันเลย เพราะชอบการอยู่คู่กันแบบขนานของทั้งคู่มากกว่า แม้จะเจ็บจี๊ดและสงสารฉายมากก็ตาม ตะวันคู่กับพี่ขุนเหมาะกันดีแล้ว ทั้งสองผูกพันธ์กันมาก ชอบเลยล่ะ แต่เสียใจที่พี่ขุนกลับบ้านเร็วเกินไป ซึ่งก็ทำให้นิยายเรื่องนี้กลมกล่อมดี o13รักเรื่องนี่ ขอบคุณมากเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 30-06-2019 00:11:17
กลับมาอ่านรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้

คิดว่าจะอ่านข้ามๆ ผ่านๆ แต่ทำไม่ได้

ดูทุกตัวอักษรเหมือนเดิม ชอบมากเรื่องนี้ :m1:

ขอบคุณที่เรื่องนี้ยังอยู่ยังไม่หายไปไหน

 :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 08-07-2019 12:58:46
คุณภัคD ทำเราไปไม่เป็น จุกแน่น พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เขียนดีมากกกกกกกกกกกกกกกก สำนวน ภาษาสวยเปรียบเปรยได้ลึกซึ้งกินใจ จนเราคาดไม่ถึง สมคำล่ำลือจริงๆว่าเป็นนักเขียนในตำนาน สุดยอดมาก

รักข้างเดียวของฉาย มันหน่วงใจ น่าสงสารและถ่ายทอดได้อย่างมีอารมณ์ขัน จนทั้งขำทั้งตลกกับฉาย อึนๆทั้งเรื่อง จนร้องไห้หนักมากดิ่งสุด ตอนพีคที่น้าโอ๋ น้าเจด พี่ขุนตาย มันตั้งรับไม่ทันเหมือนตะวันกับฉายไม่มีผิด ใจดหว่งไปหมด ยิ่งมาบีบหัวใจที่ฉายเกือบเสียตะวันไป แทบไปต่อไม่ถูก
ถึงแม้จะเลือนลางแต่ยังคงหวังว่าจะมีสักวัน ที่ตะวันจะหันกลับมามองฉาย คนที่เฝ้ารัก และรอคอยตะวัน คนเดียวมาตลอด ความรักถึงแม้บางครั้งมันจะให้เจ็บปวด ไม่สมหวังดั่งใจหวัง แต่ยังคงสวยงามเสมอ.. เหมือนตะวันฉายที่ยังคงส่องแสงให้กับตะวันของเขา
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 15-08-2019 23:19:45
เรื่องนี้ทำให้เราได้เข้าใจความรักมากขึ้น รวมไปถึงสัจธรรมของชีวิต  อย่างน้อยการได้รักใครสักคน ก็ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงการรัก ไม่จำเป็นต้องได้รับนั้นตอบแทน และเมื่อไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน หรือจะอีกกี่ครั้งที่รัก รักนั้นก็ยังเป็นเธอ
Made my day มากๆค่ะเรื่องนี้  o13
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: gungchan ที่ 20-10-2019 18:27:46
ซื้อนิยายเรื่องนี้จาก meb มาได้สักพักแล้ว เพิ่งได้ดึงมาอ่าน อ่านไปได้ถึงตอนที่ 5 รู้สึกได้ว่า ไม่ชอบตะวัน(คนพี่) แต่ว่าคนทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะถูกรัก แม้ว่าเขาไม่ใช่คนที่เราคิดว่าดีพอ...ก็ตาม

...ชื่นชอบสำนวนการแต่งนิยายของคุณภักD ทุกตัวละครมีเสน่ห์ มีบุคคลิกชัดเจน ขอบคุณมากๆ นะคะ  :L2:


...ขอออกความเห็นต่อนิยายก่อนที่จะอ่านนิยายเรื่องนี้จบ เพราะกลัวว่า ถ้าอ่านจนจบ จะจุกจนพูดไม่ออก  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: piakunaa ที่ 20-10-2019 21:05:24
อ่านแล้วอึดอัด​ มันจุกๆที่อก​ เป็นความรู้สึกที่อยากร้องไห้แต่น้ำตาไม่ไหลออกมา​ อึดอัดกว่าอ่านหรือจะให้เป็นเพียงความทรงจำอีก​ //ภาษาดีมากค่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: ฟ้ารักพ่อนะคะ ที่ 12-11-2022 22:42:09
สารภาพเลยว่าช่วงตอนแรกๆที่อ่านเนี่ยะไม่ค่อยโอเท่าไหร่ รู้สึกว่าอ่านแล้วอึดอัดว่าจะไม่อ่านต่อเลยเกือบจะพลาดของดีไป ดีใจที่ตัดสินใจอ่านให้จบ ตอนนี้รู้สึกจะร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรเลย อะไรที่เคยว่าไปช่วงแรกๆขอถอนคำพูดทั้งหมดเลย รู้สึกผูกพันกับตัวละครทุกตัวนิยายเรื่องนี้ยกเป็นนับเบอวันในหัวใจตลอดชีพเลย คุณไรท์บรรยายได้ดีมากถ้าเกิดทันช่วงนั้นก็อยากจะส่งเรื่องนี้เข้าประกวดงานของเซ็งเป็ดเลย
ถ้ามีให้เปย์ก็จะกดเปย์ด้วย ขอบคุณที่ผลิตเรื่องราวดีๆออกมานะคะ อยากจะอวยพรให้คุณมีความสุข มีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นกับคุณในทุกๆวัน ด้วยรัก.

ปล.หวังว่าไอ้เด็กตะวันฉายจะมีรักดีๆกับเค้าบ้างนะ พี่ตะวันก็ด้วยมีความสุขมากๆล่ะ
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Kacha_mm ที่ 28-05-2023 03:26:56
อยากกอดตัวละครตะวันมากๆเลย อยากบอกว่าเก่งมากๆเลยนะที่ผ่านมาได้ขนาดนี้ เป็นอย่างที่น้าโอ๋บอกจิงๆ เป็นคนเก่งและใช้ชีวิตได้ดีมากๆ เจอเรื่องแย่ๆมากมายแต่ก็ผ่านมาได้ เข้มแข็งที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 29-05-2023 02:10:35
มันหน่วงเกินไปปปป
หัวข้อ: Re: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 06-03-2024 17:57:29
หมดเขตสมัคร  30  เมษายน  2567
ดีแทค  ระบบเติมเงิน  #ได้ทุกเบอร์
เน็ตไม่อั้น  (เน็ตอย่างเดียว)
เร็ว  12 Mbps(เม็ก)  ราคา  193  บาท  นาน  7  วัน
*104*841*8488034#
เร็ว  12 Mbps(เม็ก)  ราคา  482  บาท  นาน  30  วัน
*104*842*8488034#
#ไม่ลดความเร็ว  #ห้ามใช้โหลดบิท
ร้านสราวุธคอมพิวเตอร์  สตูล
สาขามะนัง 0826499917
ไลน์  sarawutcomputer
เปิดทุกวัน  09.00 – 20.00  น.
ท่านเต็มใจมา  ร้านฯ  เต็มใจบริการ
https://web.facebook.com/photo/?fbid=885661673572866&set=a.496909265781444 (https://web.facebook.com/photo/?fbid=885661673572866&set=a.496909265781444)