พิมพ์หน้านี้ - รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)ผมรักคุณหมอภีม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: Tanthai23 ที่ 10-07-2020 12:14:04

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)ผมรักคุณหมอภีม
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 10-07-2020 12:14:04
 :pigha2:***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
สารบัญ
1. EP.1 เปิดตัวครูเขมชาติ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4044615#msg4044615)
2. EP.2 เขมชาติ X ณัฐกานต์  NC เบา ๆ ก่อนณัฐการต์จะกลับ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4044718#msg4044718)
3 .EP.3 วันแรกของการเป็นครู 1  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4044815#msg4044815)
4. . EP.3.1 วันแรกของการเป็นครู2  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4044949#msg4044949)
5. . EP.3.2เดทแรกของครูเขมกับนายคริส  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4045439#msg4045439)
6. EP.4 ผมหวังว่าจะได้เห็นเขาเข้าเรียนกับผมนะ  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4045578#msg4045578)
7. EP.4.1  เมื่อเขาไว้ใจผม (ครึ้งแรก)  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4045578#msg4045578)
8. EP.4.2  เมื่อเขาไว้ใจผม (ครึ้งหลัง)  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4045727#msg4045727)
9. ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ EP.5  เขาทำให้ผมเริ่มสับสน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4045746#msg4045746)
10.ครูเขมชาติXณัฐกานต์ EP.5.1 ปัญหาที่สะสมและความไว้ใจที่ลดลง  (http://)
11. EP.5.2 เขมชาติ  พี่ก้องพยายามบอกอะไรเขมชาติ (http://)
 12. EP.5.3  ผมรู้สึกผิดที่เหมือนกับว่าผมคือต้นเหตุให้พี่ต้นกับพี่เกศรินทร์ทะเลาะกัน  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4045910#msg4045910)
13. EP.6 (ครูเขมXคริสโตเฟอร์)ผู้หญิงที่พ่อผมเคยช่วยเหลือเพื่อนเขาไว้ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4046217#msg4046217)
14. EP.6.1 ผมควรจะเลือกทางไหนความรัก 4 ปี หรือว่าจะไปเร่ิมต้นใหม่  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4046217#msg4046217)
15. EP 7 ครูเขมชาติ X คริสโตเฟอร์   เมื่อคริสโตเฟอร์งานเข้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4046324#msg4046324)
16. EP.7.1 ครููเขมงอนแล้วนะคริสตามง้อ ปล.18+ ครึ้งแรก  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4046368#msg4046368)
17. EP.7.2ครููเขมงอนแล้วนะคริสตามง้อ ปล.18+ ครึ้งหลัง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4046376#msg4046376)
18.EP. 8 (เขมชาติXคริสโตเฟอร์ )  เรื่องธรรมชาติเรามาช่วยกันครับครู NC 18+
  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4046413#msg4046413)
19.(ครูเขม X คริส) EP.9 ความสุขเล็กๆของผมสองคน  1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4046434#msg4046434)
20. EP.9.1 ความสุขเล็กๆของผมสองคน  2  (http://)
21.EP.9.3เขมชาติXคริสโตเฟอร์ เมื่อครูเขมจับได้ว่านายคริสหลอกครูอีกแล้ว  (http://)
22.(ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์) EP.10 ก้าวแรกของปัญหาเริ่มมา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4046564#msg4046564)
23. EP.10.1  (เขมXคริส) อยากแนะนำพี่ให้เพื่อนๆผมรู้จัก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4046579#msg4046579)
24. EP.10.2สุดท้ายความรักของผมก็จบแบบไม่สวย  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4046658#msg4046658)
25. EP.11 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ ทำไมพี่ไม่ฟังหัวใจตัวเองก่อน 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4046673#msg4046673)
26. EP.11.1 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ ทำไมพี่ไม่ฟังหัวใจตัวเองก่อน2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4046774#msg4046774)
27. EP.11.2 เขมชาติXคริสโตเฟอร์ รุกเจอรุก NC 18+(ครึ้งแรก)  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4046787#msg4046787)
28.EP.11.3 เขมชาติXคริสโตเฟอร์ รุกเจอรุก NC 18+(ครึ้งหลัง)  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4046812#msg4046812)
29. (ครูเขมXคริส ) EP.12 นี้คือบททดสอบของผมและเขา 1  (http://)
30.(ครูเขมXคริส ) EP.12.1 นี้คือบททดสอบของผมและเขา 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4046830#msg4046830)
31.EP.12.2 ครูเขมXคริส เมื่อครูลินดาขอให้ผมช่วย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4046863#msg4046863)
32.( ครูเขมXคริส) EP.13 เซอร์ไพรส์มากปันปัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4046902#msg4046902)
33. EP.13.1 แก้มมีสิ่งที่ทำให้ผมต้องยอมทำตามที่เธอขอ  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4046905#msg4046905)
34.EP.13.2 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์  เมื่อครูงอนผมคริสต้องง้อ NC 18+  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4046917#msg4046917)

35. EP.14ครูเขมชาติ X คริสโตเฟอร์  ใครกันที่มาช่วยคริสไว้ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4046937#msg4046937)
36. EP.14.1 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์  จริงๆแล้วโป้งไม่ได้ทิ้งผมไปไหน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4046979#msg4046979)
37. EP.15 ครููเขมชาติXคริสโตเฟอร์  ผมจำเป็นต้องทำแต่ใจก็หวงคริสโตเฟอร์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047001#msg4047001)
38.EP.15.1ครูเขมชาติ X คริสโตเฟอร์  แฟนจำเป็นหรือว่าจะเป็นแฟนจริงๆ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047060#msg4047060)
39. EP.15.2 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ เมื่อคริสทำพี่เขมค้างหนักมาก  NC 18+  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047063#msg4047063)
40. EP.15.3 ครูเขมXคริส  คริสโดนครูเขมทำโทษ 3 วัน  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047081#msg4047081)
41. EP.15.4 ครูเขมXคริส คริสโดนครูเขมทำโทษ 3 วัน  2  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047082#msg4047082)
42. EP.16 เขมX คริส  ผู้ชายคนนี้ของผมแล้วห้ามมาเอาคืน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047092#msg4047092)
43. EP.17 ครูเขมX คริส เมื่ิิอผมกายเป็นครูผู้อกหักในสายตาทุกคน P1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047122#msg4047122)
44. EP.17 ครูเขมX คริส เมื่ิิอผมกายเป็นครูผู้อกหักในสายตาทุกคน P2  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047147#msg4047147)
45. EP.18ครูขม X คริส เมื่อความลับถูกเปิดเผย  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047151#msg4047151)
46. EP.18.1 ครูเขมX คริส เมื่อสถานะถูกเปิดเผย ก็ตอ้งแยกกันสักพักครึ้งแรก  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047198#msg4047198)
47.EP.18.2 ครูเขมX คริส เมื่อสถานะถูกเปิดเผย ก็ตอ้งแยกกันสักพักครึ้งหลัง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047228#msg4047228)
48. EP.19 ครูเขมชาติXคริสโตฟอร์ สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือการถูกทิ้งจากคนที่ผมไว้ใจ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047286#msg4047286)
49. EP.19.1 ความลับที่โป้งเก็บไว้ตลอดห้าปีครึ้งแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047288#msg4047288)
50. EP.19.2 ความลับที่โป้งเก็บไว้ตลอดห้าปีครึ้งหลัง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047308#msg4047308)
51.พิเศษ ปันปัน X โป้ง  ใช้เวลานานไปไหมอ่ะโป้ง NC 18+  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047317#msg4047317)
52.พิเศษ โป้ง VS ปันปัน    เพื่อนกันต้องช่วยกันครึ้งแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047323#msg4047323)
53.พิเศษ โป้ง VS ปันปัน    เพื่อนกันต้องช่วยกันครึ้งหลัง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047333#msg4047333)
54. EP. 20 ครูเขมXคริส  ครูเขมชาติพบทางออกครึ้งแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047371#msg4047371)
55. EP. 20.1 ครูเขมXคริส  ครูเขมชาติพบทางออกครึ้งหลัง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047374#msg4047374)
56. EP.21ทำให้ผมไม่กล้าทิ้งนักเรียนไปจริงๆ  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047391#msg4047391)
57. EP.26 ครูเขมชาติ X คริสโตเฟอร์  พี่เชื่อว่าพรุ่งนี้มันจะดีขึ้นคริส  NC18+ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047404#msg4047404)
58.พิเศษ อาร์ท VS โจ เหตุเกิดจากความรัก 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047413#msg4047413)
59.พิเศษ อาร์ท VS โจ เหตุเกิดจากความรัก 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047436#msg4047436)
60.EP.22 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ เรื่องเตรียมตัวเพื่อไปสอบGED  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047463#msg4047463)
61.EP.22 .1 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ เรื่องเตรียมตัวเพื่อไปสอบGED 2  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047471#msg4047471)
62. EP.23 ครูเขมXคริส  ครูเขมตั้งใจจะตามหาครูมิ้งกับแชมป์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047513#msg4047513)
63. EP.23.1 ครูเขมชาติ ครูอยากให้เธอเข้าเรียนกับครูนะแก้ม  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047521#msg4047521)
64. EP.24 ครูเขมชาติ X คริสโตเฟอร์   การสนทนาระหว่างแม่ของคริส 1  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047522#msg4047522)
65. (ครูเขมxคริส) EP.24.1การสนทนาระหว่างแม่ของคริส 2  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047531#msg4047531)
66. EP.25 ครูเขม Xคริส  งานเข้าคริสโตเฟอร์อีกแล้ว 1  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047555#msg4047555)
67.EP.25.1 ครูเขม Xคริสแก้มช่วยผมอีกครั้งแต่ผมก็รักเธอแบบที่เธอต้องการไม่ได้  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047557#msg4047557)
68.EP.26 ครูเขมXคริส วันแข่งขันบาสเก็ตบอลรอบชิง(ครึ้งแรก)  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047584#msg4047584)
69.EP.26 ครูเขมXคริส วันแข่งขันบาสเก็ตบอลรอบชิง(ครึ้งหลัง) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047607#msg4047607)
70.พิเศษ อาร์ทVS โจ เซอไพรส์วันเกิดอาร์ท 1  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047621#msg4047621)
71.พิเศษ อาร์ทVS โจ เซอไพรส์วันเกิดอาร์ท 2  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047653#msg4047653)
72.พิเศษ อาร์ทVS โจเซอไพรส์วันเกิดอาร์ท - (เอาคืนกี้) NC เบาๆ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047686#msg4047686)
73.พิเศษของโป้งVSปันปัน ขอแค่โป้งจะไม่ปล่อยมือปันปัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047687#msg4047687)
74.พิเศษ โป้งVSปันปัน ขอแค่เราจะไม่ปล่อยมือกัน 2 NC 18+  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4047715#msg4047715)
75. EP.27 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ ลูกศิษย์ผมยังไงก็ต้องช่วย 1  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049024#msg4049024)
76. EP.27.1 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ ลูกศิษย์ผมยังไงก็ต้องช่วย 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049032#msg4049032)
77.EP.28 ครูเขมชาติX คริสโตเฟอร์  เมื่อแก้มเปลี่ยนไปในทางที่ดี  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049047#msg4049047)
78.EP.28.1 ครูเขมชาติX คริสโตเฟอร์  เหตุผลอะไรที่นายกายต้องการให้คริสออกจากโรงเรียน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049056#msg4049056)
79. EP.28.2 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์   เขาคือใครกัน คุณหมอภีมปภพ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049068#msg4049068)
80. EP.29 ครูเขมชาติX คริสโตเฟอร์  โป้งและปันปันถูกใส่ความ  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049071#msg4049071)
81.EP.29.1ครูเขมชาติX คริสโตเฟอร์  หน้าที่ครูที่คอยปกป้องนักเรียนดีดีอีกแล้ว(ครึ้งแรก) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049090#msg4049090)
82. EP.29.2 ครูเขมชาติX คริสโตเฟอร์  หน้าที่ครูที่คอยปกป้องนักเรียนดีดีอีกแล้ว(ครึ้งหลัง)  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049106#msg4049106)
83. EP.30 ครูเขมชาติX คริสโตเฟอร์  หมอภีมนัดครูเขม  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049141#msg4049141)
84. EP.30.1 ครูเขมชาติ X คริสโตเฟอร์  เมื่อคริสทำให้ครูเขมหึง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049156#msg4049156)
85. EP.30.2 ครูเขมชาติให้รางวัลและความจริงจากพี่ก้องเรื่องพี่ต้น NC18+  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049163#msg4049163)
86.EP.31 สวีทกันเบาๆสามคู่ชูชื่น 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049164#msg4049164)
87. EP.31.1 สวีทกันสามคู่ชูชื่น 2  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049172#msg4049172)
88.[url https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049191#msg4049191=] EP.31.3 สวีทกันสามคู่ชูชื่น 3   (ครูเขมหึงนะ) [/url]
89. EP.32 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์  เพื่อนผมโดนทำร้ายผมก็ต้องเอาคืน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049196#msg4049196)
90.EP.32.1 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์  การเข้าใจผิดของผมกับคริสครึ้งแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049201#msg4049201)
91. EP.32./ ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์  การเข้าใจผิดของผมกับคริสครึ้งหลัง (http://)





หัวข้อ: รักนี้เกิดในรั้วโรงเรียน ตอนที่ 1 ครูเขมชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 10-07-2020 12:18:39
ต่อสารบัญ
92.[urlhttps://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049253#msg4049253=] EP.33 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์  ผมรู่วาพี่เขมต้องห้ามผมแน่ๆ [/url]
93. EP.33.1 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ นี้เขากำลังจะทำอะไรคริส (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049285#msg4049285)
94.EP.34 ครูเขมชาติ Xคริสโตเฟอร์ หลักฐานเอาผิดกาย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049301#msg4049301)
95. EP.34.1 ครูเขมชาติ Xคริสโตเฟอร์ ง้อที่รักบนเตียง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049380#msg4049380)
96. EP.35 ครูเขมชาติ X คริสโตเฟอร์  งานเข้าวันเกิดคริส เชอรี่แน่ๆ  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049381#msg4049381)
97.EP.35.1 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ เซอไพรส์วันเกิดคริส NC 18+ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049382#msg4049382)
98. EP.36 ครูเขมชาติ Xคริสโตเฟอร์ ผมยินดีที่จะลาออกจากการเป็นครูหากกายไม่ใช่คนผิด (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049383#msg4049383)
99. EP.36 .1ครูเขมชาติ Xคริสโตเฟอร์ ข่าวดี (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049384#msg4049384)
100. EP.37 ครูเขมชาติxคริสโตเฟอร์ EP.37 ในเมื่อกายมันให้เชอรี่ทำให้่ผมก็ให้แก้มช่วย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049385#msg4049385)
101. EP.38 ครูเชมชาติXคริสโตเฟอร์  พี่เขมผมคิดว่ามันคงจบลงแล้วพี่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049387#msg4049387)
102. EP.39 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์  เรื่องร้ายก็ผ่านไปซะที  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049388#msg4049388)
103. EP.40 ครูเขมXคริส  ฟ้าหลังฝนก็ต้องมีเรื่องดีดีเข้ามา  (http://)

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ครูเขมชาติ


                      ผมชื่อเขมชาติหรือเรียกสั้นๆว่าเขมครับ ผมนั้นจบคุรุศาสตร์บันฑิตจากมหาวิทยาลัยชื่อดังจากการสอบเอ็นทรานส์ติด ผมจบมาได้ปีกว่าแล้วแต่ผมไม่ได้เข้าสอบบรรจุครูทั้นที ผมเข้าไปเป็นครูติวเตอร์ที่ศูนย์ติวเตอร์แห่งหนึ่ง เพื่อนๆผมก็ไปเป็นติวเตอร์ที่นั้น เพราะว่าเงินก็ดีและไม่ต้องมานั่งทำเอกสารและเจ้าของติวเตอร์ก็เป็นอาจารย์ของพวกผมเองด้วย



          และด้วยคำเล่าลืมมาจากรุ่นพี่หลายๆคนของพวกผมที่ได้บรรจุเป็นครู โดยเฉพาะภาครัฐ เขาบอกว่าไม่ได้สอนเหนื่อยอย่างเดียวนะ งานเอกสารก็เยอะ ประเมินนั้นประเมินนี้เยอะแยะไปหมด แต่ทว่าความฝันของผมก็คือการได้รับราชการและเป็นครูเต็มตัว  ผมก็เลยตัดสินใจไปสอบ กพ และว่าผมได้รับจดหมายให้มาเป็นครูที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง เป็นโรงเรียนกินนอนและไปกลับเท่าที่ผมทราบคราวๆ และค้อนข้างไกลจากกรุงเทพฯไปหน่อย ขับรถเกือบสี่ชั่วโมงได้



           “เมื่อไหร่ะถึงซะทีละเขม นั่งเมื่อยแล้วเนี๊ยะ!” นัฐกานต์ คนนี้คือแฟนของผม นัฐกานต์จบบัญชีและเขาก็เข้าทำงานที่ธนาคารทันทีที่เรียนจบ ก็เพราะว่าครอบครัวเขาเป็นนักธุรกิจ ประเภทรีสอร์ททำให้มีเงินเข้าหมุนเวียนเยอะ เขาก็เลยได้สิทธิ์ตรงนี้ไปด้วยตั้งแต่ฝึกงานแล้ว



           “ใกล้แล้วครับกานต์ ถ้ากานต์ง่วงหลับก่อนไหมครับ เพื่อว่าจะดีขึ้น” ผมหันไปแตะต้นแขนนัฐกานต์เพราะว่าเขาดูหงุดหงิดนะตอนนี้ อันที่จริงก็ปกตินะ นัฐกานต์จะหงุดหงิดง่ายมากและนี้ดันอดนอนเมื่อคืนเพราะว่าไปเที่ยวกับเพื่อนกลับมาตีสองกว่าๆ ทั้งที่ผมบอกว่าผมจะมาโรงเรียนใหม่แล้วนะ



           “ใครจะไปนอนลง มันนอนสบายที่ไหนละเขมในรถนะ” นัฐกานต์หันมาหัวเสียใส่ผม ผมหันไปมอง



           “อันที่จริงกานต์ไม่ต้องมาส่งเขมก็ได้นิ ถ้า..กานต์เหนื่อยและง่วงมาก”ผมพูดและหันไปมองทางอื่นแทน  ผมนะพยายามจะไม่ชวนณัฐกานต์ทะเลาะ แต่ก็ไม่วายต้องทะเลาะกันบ่อยๆ จนบางทีผมรู้สึกว่าเหมือนเราจะไปกันไม่รอดแต่ผมก็พยายามยื้อ เพราะว่าผมไม่อยากให้ใครมองว่าความรักแบบผมนะเป็นรักที่



           “นี้จะมาชวนทะเลาะเพราะว่ากานต์ไปเที่ยวกับเพื่อนและกลับมาตีสองอีกเหรอเขม” ณัฐกานต์พูดขึ้น หมันไปมองหน้าณัฐกานต์



           “กานต์เครียดนี้….ดันมีหัวหน้าก็คอยจับผิด มีแฟนก็มานั่งห้ามนั้นห้ามนี้ น่าเบื่อนะเขม” ณัฐกานต์พูดอย่างหัวเสีย ผมก็พ่นลมหายใจยาวๆไป พยายามที่จะไม่โกรธเขา เพราะว่าผมก็รักเขาแม้ว่าเพื่อนๆผมจะพากันยุว่าให้ผมเลิกกับเขาได้แล้ว ไม่มีอะไรขึ้นและณัฐกานต์ก็ไม่เคยเข้ากับเพื่อนผมได้เลย เรียกได้ว่าพอณัฐกานต์ลงมาหาผมทุกคนต้องพากันขอตัวไปกันหมด เพราะความขี้วีนของเขานี้แหละ



           “ก็เวลากานต์ไปกินเหล้านะ มันหมดไปกี่บาท ไหนเราจะสร้างครอบครัวกันไงครับ “ ผมพูดหันบอกณัฐกานต์และหันมามองถนนหนทางต่อ



           “ยิ่งพ่อแม่ของกานต์  พวกท่านก็พูดอยู่ว่าความรักของเรามันไม่มีวันไปได้ไกลและมันดูไม่มีอานาคต ดังนั้นเราควรจะทำมันให้ทุกคนเห็นซิกานต์ “ผมหันไปพูดกับณัฐกานต์ ที่นั่งกอดอก



           “เราต้องช่วยกันเก็บหอมรอมริบ นี้เขมก็อยากมีความมั่นคง เขมเลยเลือกที่จะมาเป็นครูเต็มตัวเพราะมันทำให้เขมดูมีอนาคตที่แน่นอน” ผมบอกณัฐกานต์ ดูท่าเขาจะไม่ได้อยากจะฟังผมเท่าไหร่



           “อนาคตจะไปไกลได้ยังไง ทำไมถึงเลือกมาเป็นครูซะไกลขนาดนี้ กันดาร  ทำไมไม่เป็นครูที่กรุงเทพละ”ณัฐกานต์ถามผม เขาคิดแค่ว่าถ้าได้อยู่ในที่เจริญเท่านั้นชีวิตถึงจะดี



           “ และถ้าเขมได้บรรจุที่นี้ กานต์ไม่ย้ายมาอยู่ด้วยหรอกนะ ไกลและห่างเพื่อนกานต์แบบนี้ ไม่เอาด้วยหรอก” ณัฐกานต์พูด ผมก็เหลือบมองแผนที่บนกูเกิล ที่บอกผมว่าใกล้จะถึงแล้วและเมื่อผมขับไปได้สักพัก็เห็นป้ายชื่อโรงเรียน



           “ถึงแล้วกานต์” ผมบอกคนที่นั่งกอดอกหน้างอ ณัฐกานต์ก็พยักหน้าแบบขอไปที ผมเลี้ยวรถเข้าไปทันที ก่อนจะผ่าน รปภ ของโรงเรียน



           “สวัสดีครับ ผมเป็นครูคนใหม่ครับ” ผมบอกรปภ เขาก็พยักหน้าและออกมาเปิดประตูให้รถผมแล่นเข้าไปได้



           “รบกวนเซนต์ชื่อในสมุดด้วยครับ” รปภ แจ้งกับผมและยื่นสมุดมาให้ผมเซนต์ชื่อในรถ ผมก็ส่งกลับคืนให้เขา



           “ขอบคุณครับ” ผมพูด และขับรถเข้าไปด้านในทันที



           “จะขอบคุณเขาทำไม ก็มันหน้าที่เขาเขม” ณัฐกานต์ อันนี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องของการดูถูกคนของณัฐกานต์ ผมหันไปมองและส่ายหัวเพราะไม่อยากชวนทะเลาะกันมากไปกว่านี้ ผมเข้ามาจอดในที่จอดรถที่ร่มๆหน่อยรถจะได้ไม่ร้อน รถคันนี้เป็นรถของพ่อผมที่ผมรักมาก ไม่อยากซื้อใหม่ แม้ว่าณัฐกานต์จะขยั้นขยอผมก็ตาม



           “นี้เหรอโรงเรียน มีแค่ตึกเดียวและเออ เหมือนจะเป็นโรงอาหาร นักเรียนกี่ร้อยคนเนี๊ยะ” ณัฐกานต์ก้าวเท้าลงมาได้ก็บ่นถึงสภาพโรงเรียนทันที



           “630 คน และเป็นเด็กกินนอนที่นี้ก็ประมาณ 350 คน เขามีตึกเดียวก็จริงแต่เขามีบ้านพักให้เด็กๆอยู่ด้านหลังโน้นนะกานต์” ผมบอกณัฐกานต์ เขาก็พยักหน้าแต่ผมดูก็รู้ว่ามันไม่พอสำหรับณัฐกานต์ เขาเชื่อว่าโรงเรียนใหญ่ๆและมีนีกเรียนเยอะๆนั้นจะบ่งบอกว่าผมจะได้ตำแหน่งดีดี และเงินที่ดีตามมาด้วย



           “แล้วนี้จะไปไหนต่อ” ณัฐกานต์ถามผม



           “จะขึ้นไปห้องธุรการก่อนครับ “ ผมบอกณัฐกานต์



           “ถ้าอย่างนั้นรอข้างล่างนี้นะ ไม่อยากขึ้นไปนั่ง มันอืดอัดที่จะเห็นชะนีมอง...เหมือนเป็นตัวประหลาด” ณัฐกานต์พูดพร้อมกับหันหลังออก ผมก็ทำได้แค่พ่นลมหายออกและเดินหันหลังไปขึ้นตึก ก่อนจะเดินขึ้นไปขอจัดปกเสื้อซะหน่อย ดูดีหรือยังก็ไม่รู ผมสูดลมหายใจเข้าปอดแบบเต็มและเดินหน้าขึ้นไปทันทีแต่ทวะผมกลับได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งเหมือนจะลงมาทางผม



           “ตึงๆ” เสียงน้ำหนักเท้าบอกได้ว่าคงจะเป็นเด็กโตแน่ๆ เพราะนี้มันโรงเรียนมัธยมแล้วนะ จังหวะนั้นผมก็เงยหน้าขึ้น ผมเดินขึ้นมาได้ครั้งทางแล้วและผมก็ต้องผงะเพราะว่ามีเด็กผู้ชายวิ่งส่วนลงมาตรงกับผมพอดี ผมถึงกับทำท่าจะหงายหลัง



           “หมับ” มันช่างเหมือนในหนังหรือซีรี่ย์เกาหลีไม่มีผิดเพี้ยนพระเอกคว้ามือนางเอกไว้ได้ก่อนที่จะหงายหลังตกบรรไดไป มันเป็นภาพสโลโมชั่นมาก และมันทำให้สายตาผมจับภาพใบหน้าหนุ่มคนนั้นได้หมด ติ้วที่ดูรกแต่มีเสน่ต์ และนัยต์ตาคู่นั้น นัยต์ตาสีฟ้าไม่น่าจะใช้คนไทยแน่นอน สีผมที่ไม่ดำและไม่แดง เหมือนคนโกรกสีผมที่มีประกายแดงเวลาออกแดด จมูกที่โด่งบอกได้ว่านี้ไม่ใช่มาตราฐานชายไทยแน่น้อย หุ่นที่สูงและดูก็รู้ว่านักกีฬาแน่ๆ แต่ทำไมผมถึงได้พิจารณาเขาได้ละเอียดแบบนี้ เหมือนวิดิโอที่กดค้างไว้



           “เปี๊ยะ” เสียงดีดนิ้วเรียกสติผม ผมกรีบยืนทรงตัวให้ได้ทันที



           “เกือบแล้ว เกือบได้ทำศัลยกรรมแล้วไหมละ ถ้าตกไป ถึงจะแค่ห้าหกขึ้นก็ตาม” เด็กคนนั้นพูดแซวผม ผมมองที่มือของเขาที่จับคว้าแขนของผมเอาไว้ เขาก็ปล่อยและยิ้มให้ผม พร้อมกับเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ชายเสื้อที่หลุดห้อยออกมา ขณะที่ผมก้มมอง



           “หึ” มีเลิกคิ้วมองผม



           “Thank you so much” ผมพูดบอกขอบคุณเขาเป็นภาษาอังกฤษ เพราะว่าหน้าเขามันบอกได้ว่าไม่ใช่คนไทยแน่นอน



           “พูดไทยก็ได้มั้งครับ ที่นี้ประเทศไทย” เพล้ง! หน้าผมครับ



           “ขอบคุณครับ” ผมพูดและพยักหน้า นี้ยังไม่ทันได้ทำหน้าที่ครูเลยเจอแล้วไงไอ้เขมเอ้ย



           “ไอ้คริสสสส ทำไมมึงไม่รอกูวะ มึงจะรีบไปตามควายที่ไหน” เสียงที่ดังมาก่อนที่ตัวจะมาถึง ผมก็เงบหน้ามองคนที่มายืนอยู่ชั้นบน



           “ก็มึงช้านี้หว่า ลงมาดิจะได้ไป..เยี่ยว” เด็กคนนี้นพูดและหันมาเน้นคำนั้นตรงหน้าผมก่อนจะฉีกยิ้มให้ผมแม้ว่ารอยยิ้มนั้นจะเท่มากก็เถอะแต่ทำไมสายตาผมมันลดลงมามองตรงเป้าหว่า หรือว่าเพราะผมจินตนาการต่ำไป เงยหน้าขึ้นมามองหน้าตากวนๆนั้น แต่จัวหวะนั้นก็มีเสียงที่ทำให้การจินตนาการของผมหยุดชะงัก



           “นายคริส!” เอาฉายเสื้อใส่ในกางเกงเดี๋ยวนี้นะ อยู่ในเขตโรงเรียนและนี้มันเป็นเวลาเรียน ! “



           “ซวยแล้ววว วิ่งดิ” เสียงครูตะโกนลงมา ผมหันไปมองตาม ดูซิวิ่งซะ ผมก็หันกลับไปมองครูที่ยืนอยู่ที่ชั้นบน ครูเขาก็ตกใจที่เห็นผมเช่นกัน



           “อุ้ย!” ครูสาวตกใจยกมือขึ้นทาบอกทันที ผมก็ส่งยิ้มให้



           “สวัสดีค่ะ มาหาใครคะ” คุณครูรีบถามผม ผมหันไปมองสองคนนั้นที่วิ่งหายไป และหันกลับมาตอบครูที่ยืนอยู่ด้านบน



           “ผมมารายงานตัวที่จะเป็นครูบรรจุที่นี้ครับ ผมชื่อเขมชาติครับ” ผมบอกครูที่ยืนอยู่ด้านบนและก้าวเดินเพื่อขึ้น



           “อ้อ ครูเขมชาติใช่ไหมคะ เชิญคะ ท่านผู้อำนวยการรออยู่คะ มาเร็วนะชับรถจากกรุงเทพเลย”



           “ดิฉันชื่อครูสมพิศคะ เป็นครูที่นี้และเป็นเลขาท่านผู้อำนวยการด้วยคะ” ครูสมพิศบอกผม ผมพยักหน้ารับทราบ



           “เดินทางมาคนเดียวเหรอคะ เก่งจังคะ”



           “ผมมากับ..เพื่อนครับ “ ผมบอกครูสมพิศ



           “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเชิญครูเขมด้านในห้องผู้อำนวยการเลยคะ เพราะว่าท่านจะรีบไปประชุมต่อค่ะ” ครูสมพิศบอกผม ผมพยักหน้าและเดินไปตามที่ครูสมพิศผายมือบอกผม หน้าห้องผู้อำนวยการ ผมเดินเข้าไปในห้อง ผมเห็นผู้อำนวนการที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พร้อมกับกำลังคุยโทรศัพท์ไปด้วย ท่านดูไม่แก่จนเกินไป วัยกลางคนอายุก็ราวๆ 50 ปีเห็นจะได้ ผมยกมือไหว้ท่าน



           “เชิญครับ “ ท่านพูดให้ผมอ่านปากและผายมือให้ผมนั่งลงตรงข้ามกับท่าน ผมก็นั่งลงและไม่นานท่านก็กดวางสายที่ท่านคุยอยู่ทันที



           “ผมมารายตัวที่จะเป็นครูที่นี้ครับ ผมชื่อเขมชาติครับ” ผมบอกผู้อำนวนการ ท่านก็หยิบแฟ้มหนึ่งข้างๆท่านออกมาเปิดและมองผมพร้อมกับมองลงไปเอกสาร น่าจะรูปที่ติดแปะไว้



           “แม้โชคดีจัง ตัวจริงดูดีกว่ารูปแต่ก็ยังหล่ออยู่ดีนั้นแหละครับ “ ผู้อำนวนการพูด ผมก็ยิ้มๆ ให้ท่าน



           “คุณเชมชาติใช่ไหมครับ จบจากคณะครุศาสตร์บัณฑิตมาถูกต้องไหมครับ” ผมพยักหน้า



           “ครับ” ผมตอบแค่นั้น



           “ประสบการณ์ เป็นครูที่ศูนย์ติวเตอร์ไม่เคยเป็นครูในโรงเรียนมาก่อน ถูกต้องไหมครับ” ท่านถามผมก็พยักหน้าเบาๆว่าใช่



           “ลูกหลานผมก็เรียนติวเตอร์กันหมด นี้คือสาเหตุที่ผมเลือกรับครูเข้ามา คุณรู้ไหมว่าเพราะอะไร” ผู้อำนวยการถามผม ผมก็ส่ายหัวทันทีว่าไม่รู้



           “เพราะว่าครูติวเตอร์นี้เอ็นเตอเทรนเก่งนะ เด็กตั้งใจเรียนน่าดู เลยลองเอาครูติวเตอร์มาเป็นครูโรงเรียนบ้างท่าจะดี” ผู้อำนวยการบอกผม ผมก็ยิ้มๆแก้เขิน



           “เด็กๆที่นี้อ่อนภาษาอังกฤษกันมีเก่งไม่กี่คน ผมหวังว่าครูจะทำให้นักเรียนของเราเก่งภาษาอังกฤษกันขึ้นนะครับ เพราะว่า AEC เข้ามาภาษาอังกฤษก็จะต้องเข้ามามีบทบาทมากขึ้น “ ผู้อำนวนการพูด ผมก็ได้แค่ยิ้ม



           “ครูแต่งงานหรือยังครับ” ผู้อำนวยการถามผม



           “เออ..ยังครับ” ผมตอบ



           “มีแพลนไหม” ผมก็ทำหน้างง



           “คือเออ... ผมว่ายังครับ” ผมพูดและทำท่าคิด ผมว่าณัฐกานต์คงไม่คิดเรื่องนั้นตอนนี้แน่นอนเขายังรักสนุกอยู่เลยและทางครอบครัวเขาก็คงไม่ได้คิดให้ผมแต่งกันแน่ๆ



           “ที่ผมถามคือว่า ถ้าแพลนแต่งก็อาจจะอยู่ไม่นานก็ย้ายตามกันไป อยากได้ครูที่อยู่กับเรานานๆสักหน่อย อย่างน้อยห้าปีนะ “ ผู้อำนวยการพูด



           “คือจะ....ให้ผมโสดจนถึงห้าปีเลยเหรอครับ” ผมถามท่านผู้อำนวนการ ท่านเงยหน้ามองผม



           “ผมล้อเล่นนะครับแต่อยากให้อยู่ด้วยกันนานๆหน่อย อย่าเพิ่งรีบย้ายไปไหนเลย นะครูนะ” ผู้อำนวนการตอบผมแอบขำผมด้วย



           “แต่ผมอยากเป็นครู ผมว่าถ้าให้ผมอยู่สิบปีก็ได้ครับ เพราะว่าผมรักในอาชีพครูและผมไม่คิดจะทิ้งนักเรียนผมไปไหนแน่นอน” ผมบอกผู้อำนวนการ ท่านก็พยักหน้า



           “ครูเข้ามาตอนนี้ก็คือมาแทนครูมิ้งนะครับ อันนี้ไม่ได้แต่งงานกับใครหรอกแต่หายไปกับนักเรียนซะงั้น มาอยู่เป็นครูได้สามเดือน พานักเรียนผมไปด้วยไปสอนกันที่ไหนก็ไม่รู้ ไปแล้วไปเลย  “ ผู้อำนวยการบอกผม ผมก็ทำสีหน้าตกใจ แต่ท่านนะพูดไปขำไป



           “เออ ถ้าอย่างนั้นผมคงจะให้ครูสมพิศจัดการทุกอย่างให้ก่อนนครับ ผมต้องรีบไปประชุมที่เขตนะครับ วันนี้ครูก็พักผ่อน จัดบ้านก่อนแล้วกันนะครับ วันจันทร์ก็เข้าสอนตามปกติได้เลย ครูสมพิศจะแจกตาราการสอนให้นะครับ ครูเขม “ ผู้อำนวยการพูด



           “อีกเรื่องหนึ่งคือ ทางโรงเรียนนี้ จะมีนักเรียนกินนอนกับเราดังนั้นเราจะมีการสอนพิเศษให้เด็กๆ หลังจากทานอาหารเย็นแต่ก็มีเด็กที่ไม่ได้กินนอนเข้าเรียนด้วย แต่ก็ไม่เยอะมากเพราะว่าพ่อแม่พากันไปหาที่เรียนพิเศษแพงๆดีกว่าเขาว่างั้น” ผู้อำนวยการพูดผมก็พยักหน้า



           “แต่ครูก็คงสักอาทิตย์หน้าค่อยสอนพิเศษเด็กแล้วกันนะครับ” ผู้อำนวยกันหันมาบอกผมก่อนจะหันไปหยิบเสื้อแจ็คเก็ตประจำโรงเรียนมาสวมใส่



           “มีอะไรก็โทรหาผมได้ตลอดนะครับ พรุ่งนี้จะมีเรียนพิเศษดังนั้นห้องอาหารจะเปิดทั้งวันครับครู ที่นี้มีแม่ค้าและแม่ครัวทำอาหารให้ทานตลอดไม่ต้องกลัวผอมครับครู”ผู้อำนวยการพูด ผมก็ยิ้มให้ท่าน ผมว่าดูท่านจะกันเองดีจนผมรู้สึกดูขึ้นจากที่เกร็งๆ ในตอนแรกว่าจะสำภาษญ์ยังไง



           “สวัสดีครับท่าน ขอบคุณนะครับ” ผมยกมือไหว้ท่านและเดินออกมาจากห้องทำงานของผู้อำนวยการ ผมเดินกลับไปยังห้องธุรการทันที ผมเห็นครูที่พาผมไปหาท่าน ครูสมพิศนั้นเอง



           “คุยเสร็จแล้วหรือค่ะ “



           “ครับผม”



           “อันนี้แฟ้มเอกสารประกอบการสอนนะคะ และบัตรประจำตัวของครูค่ะ “ ครูสมพิศยื่นแฟ้มใสๆให้ผม ผมก็รับมาถือไว้



           “และนี้นะคะ กุลแจบ้านพักครูของครูเขมอยู่หลังที่สามค่ะ หลังเดียวกับครูมิ้งเลยค่ะ โชคดีนะคะ “ ครูสมพิศบอกผม ขณะที่ส่งกุลแจบ้านพักให้ผม ผมก็หันไปมองว่ามันหมายความว่ายังไงโชคดีนะคะ



           “คือ บ้านหลังนี้ ครูที่ย้ายมาอยู่ไม่นานซักคน ล่าสุดครูมิ้งก็แค่สามเดือนค่ะ “ ผมพยักหน้า ผมคงต้องไปตามหาว่าใครคือครูมิ้งและเขาหายไปกับนักเรียนดังที่ผู้อำนวนการพูดจริงหรือไม่



           “และหายไปกับนักเรียน” ครูสมพิศพูดขึ้นแต่ก็ทำหน้าตกใจซะเองพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากก่อนจะหันซ้ายและขวา ผมก็ว่าไม่น่าจะมีใครแล้วนอกจากผมกับครู



           “แถมยังมีคนบอกครูมิ้งเอานักเรียนที่เรียนที่นี้ค่ะ ไปนอนที่บ้านนั้นด้วยค่ะ ทั้งที่เด็กคนนั้นเป็นผู้ชาย” ครูสมพิศขึ้น



           “อุ้ย! ครูพูดเยอะไปขอโทษนะคะ ขอโทษนะคะ ถ้ายังไงดิฉันมีสอนขอตัวก่อนนะคะ”



           “ครับครู ผมก็ขอตัวเช่นกันครับ ขอบคุณครูสมพิศมากนะครับ “ ผมพูดและก้าวขาเดินออกทันที นี้ผมมาเป็นครูต่อเพราะว่ามีครูที่หายไป พร้อมกับลูกศิษย์อย่างนั้นรึ แถมครูสมพิศยังอบกอีกว่าบ้านที่ผมจะเข้าพักส่วนใหญ๋ครูที่มาจะอยู่ไม่นานอีก เหมือนเป็นลางเลย ผมเดินลงมาก็เห็นณัฐกานต์ที่กำลังแชทคุยกับใครสักคนยิ้มนอ้ยยิ้มใหญ่เชียว



           “กานต์” ผมเรียกชื่อเขา และมันก็ทำให้ณัฐกานต์ตกใจจนทำมือถือหลนลงไปที่พื้น ณัฐกานต์เงยหน้ามองผมด้วยสายตาที่บอกได้ว่าไม่สบอารมณ์ที่ผมทำแบบนั้น เรียกชื่อของเขาแบบนั้นจนทำให้เขาตกใจ



           “เขมขอโทษ ก็เขมเห็นกำลังคุยดูมีความสุขน่าดูนิครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ



           “แล้วจะตะโกนใส่ทำไหมละเขม เรียกธรรมดาก็ได้นิ “ ณัฐกานต์พูด ก่อนจะลุกขึ้นและเก็บมือถือที่ตกลงพื้นขั้นมาด้ว ผมก็รีบหยิบมาเพื่อจะเช็ดให้แต่ณัฐกานต์สะบัดมือผมออก ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้โกรธผมมากขนาดนี้นะ



           “ร้อนอ่ะ ขอไปล้างมือก่อนนะ มือเหนียวไปหมดแล้ว” ณัฐกานต์พูดและเดินนำหน้าผมไปทันที ผมก็เดินตามไป มีอ่างที่เป็นลางน้ำถอดยาวและมีเด็กๆมาเปิดล้างมือกัน ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงเปลียนคราบเรียน



           “แกดูซิ ครูใหม่หรือเปล่าอ่ะ หล่อจังเลยอ่ะ ชอให้สอนห้องเรานะ อยากได้แบบนี้” นักเรียนหญิงสองสามคนกระซิบและหันมามองผมพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม ผมก็ยิ้มตอบกลับไป



           “อะแฮ้ม...ตั้งใจเรียนก่อนจะดีกว่าไหม แล้วค่อยตั่งตาหาผัว ” ณัฐกานต์พูด ทำเอาสาวๆเงยหน้าขึ้นมามองผมผมและคนที่ก้มหน้าก้มตาล้างมือนั้นคือณัฐกานต์



           “เมียหรือเปล่าวะ” นักเรียนต่างพากันกระซิบและรีบเดินออกไปทันที



           “ณัฐกานต์ ทำไมพูดจาแบบนั้นละ เขาไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย” ผมถามณัฐกานต์ และณัฐกานต์ก็หันมามองผม



           “เด็กแก่แดดไง หรือว่าอยากเปลี่ยน..รสนิยมละ” ณัฐกานต์พูดและมองหน้าผม



           “นี้เราคบกันมาจะห้าปีแล้วนะกานต์” ผมพูด



           “แล้วไง ดูซิ ดูเด็กนี้ อ่อยน่าดู ระวังนะจะตะบะแตก”



           “กานต์” ผมเรียกชื่อเขา ผมพยายามระงับตัวเองไม่ให้โกรธ



           “ไปห้องพักเถอะ และนั่งพักสักครู่ค่อยชับรถกลับนะ หรือจะค้างด้วยกันก็ได้นะ “ ผมบอกณัฐกานต์ ณัฐกานต์มองหน้าผม ยิ้มที่มุมปาก



           “เดี๋ยวเขมเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ “



           “ไปรอที่รถนะ ร้อนเหงือออกทั้งตัวแล้วเนี๊ยะ “ ณัฐกานต์พูด ผมพยักหน้า เขามีกุลแจรถคงเข้าไปสตาร์ทรถรอได้ ผมก็เดินเข้าไปในห้องน้ำชาย ห้องน้ำก็ดูสะอาดดี ผมจัดการธุรตัวเองให้เรียบร้อยและออกมาล้างมือ



           “เฮ้ย” ผมนี้ตกใจเพราะว่าตอนก่อนที่ผมจะก้มลงล้างมือที่อ่างผมไม่เห็นใครแต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็มีหนุ่มในตาสีฟ้านั้นมายืนกอดอกอยู่ด้านหลังผม ผมหันไปมองเขาก็ยิ้มที่มุมปาก

           

           “แฟนเหรอ ดุดีเนอะ พันธุ์อะไรอะจะได้หามาไว้บ้าง” เด็กคนนั้นพูด ผมก็ไม่อยากต่อปากต่อคำให้มากไปกว่านี้ ผมก็ทำท่าจะเดินออก



           “จะมาเป็นครูที่นี้ คิดดีแล้วเหรอ “



           “ฉันเรียนจบด้านนี้มาเพื่อจะมาเป็นครู คงไม่ต้องไปนั่งคิดให้มันมากหรอกก่อนที่จะไปทำหน้าที่ครูที่ไหนๆ”



           “เพราะว่าทุกที่ต้องการครู ว่าแต่นาย อยูชั้นไหนละ” ผมหันมาถามเด็กที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋าอย่างเท่ เขาสูงเท่าๆกับผมเลย ดูท่าจะสูงขึ้นไปอีกนะนายคนนี้



           “จะเอาชื่อไปตัดคะแนนความประพฤติเหรอครับครู “



           “ฉันไม่ใช่คนที่จะเอาแต่หักคะแนนเด็กเล่นไปวันๆ มันต้องมีเหตุผลที่สมควร “ผมหันมากอดอกมอง



           “อยากรู้ว่าอยู่ชั้นไหน หาเอาดิครับ คุณครู เขมชาติ “ เด็กคนนั้นพูดและเอ่ยชื่อผม ผมก็ทำหน้าฉงนแปลกใจว่าทำไมเด็กนั้นรู้ชื่อผมได้ ผมเหลือบมองอ้อ ในแฟ้มเอกสารที่ครูสมพิศมอบให้ผมเป็นตารางการสอนและบัตรประจำตัวครู มันมีชื่ออยู่ เด็กคนนั้นก็หันหลังจะเดินเข้าห้องน้ำแต่เขากลับหันมาหาผมอีก



           “หรือจะตามมาคุยกับผมในห้องน้ำก็ได้นะครับ ผมจะได้ไม่ล๊อก” หันมาเชิญผมไปคุยกับเขาในห้องน้ำนี้นะ และยังพงกหัวเพื่อเชื่อเชิญผมด้วย



           “ไม่ละ ฉันรีบ” ผมพูดและรีบเดินออกทันที ผมจะหน้าแดงทำไมวะ แค่เด็กมันเชื่อเชิญ  ผมรีบเดินผ่านสายตาเด็กผู้หญิงโต๊ะหนึ่ง ผมจำได้ว่าเมื่อกี่ณัญกานต์ได้พูดจาต่อว่าไป ผมส่งยิ้มให้เป็นการขอโทษแทน



           “แกจะเป็นเหมือนครูมิ้งไหมวะ เสียดายตายเลยแก” เด็กๆพูดกับถึงครูที่ครูผู้อำนวนการบอกผม แสดงว่าคงเป็นที่ทอล์คออฟเดอะทาวน์ประจำของในโรงเรียนแน่ๆ เลย และถ้าทุกคนรู้ว่าผมก็ชอบผู้ชายนี้คงได้จับจ้องมองว่าผมจะทำเหมือนครูมิ้งอีกคนไหมแน่ๆ แต่เอาวะ ผมเลือกมาเป็นครูที่นี้แล้วต้องทำให้ดีที่สุด 
 ผมเดินกลับยังที่รถที่ผมจอดไว้ เครื่องยนต์ก็ถูกสตาร์ทไว้เรียบร้อยแล้วโดยณัฐกานต์ ทันทีที่ผมเปิดประตูก็ได้ยินเสียงเพลงดังสนั่นหวั่นไหว ผมก็ต้องรีบเอื่อมมือเข้าไปกดปิดทันที คนที่นั่งโยกหัวถึงกับเงยหน้ามองผม เพราะว่าผมกำลังขัดจังหวะในการฟังเพลงมันๆของเขา

               “ปิดทำไมเนี๊ยะ! คนกำลังฟังเพลงเขม” ณัฐกานต์เงยขึ้นถามผมอย่างอารมณ์เสีย

               “ก็มันดังมากไปนะครับกานต์ และที่นี้มันก็สถานศึกษาเกรงใจคนอื่นบ้างซิกานต์” ผมพูดและเดินเข้าไปนั่งที่นั่งคนขับ ผมขับรถไปยังบ้านพักของครู ซึ้งอยู่คนละโซนกับบ้านพักของนักเรียนแต่ก็ไม่ไกลกันมาก ขณะที่ผมกำลังขับรถไปทำไมในหัวผมถึงมีใบหน้าหมอนั้นนะ หน้าที่กวนๆ ใบหน้าที่บ่งบอกว่าไม่ใช่คนไทยแบบนั้น สีตาออกฟ้ามันดูสวยสะดุดตาผมจนถึงตอนนี้...
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดในรั่วโรงเรียน ตอนที่ 1 ครูเขมชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 10-07-2020 12:47:54
 :hao6: เคมีนี้ใช่เลยครูเขมแต่ครูเขมเป็นรุกไม่ใช่หาร!!!!!
ณัฐกานต์ละวีนได้แบบนี้เลิกเถอะค่ะ :katai1:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดในรั่วโรงเรียน ตอนที่ 1 ครูเขมชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 11-07-2020 00:52:36
คิดถึงคุมครูเขมมากมาต่อให้จบจริงๆนะคะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดในรั่วโรงเรียน ตอนที่ 1 ครูเขมชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 11-07-2020 20:57:28
คิดถึงคุมครูเขมมากมาต่อให้จบจริงๆนะคะ  :sad4:

ขอบคุณค่ะ ที่จำครูเขมได้ คนแต่งอาจจะแก้ไขนิดหน่อยเพื่อให้ไหลรื้นขึ้นมาหน่อยนะคะ เป็นกำลังใจให้ด้วยค่ะ จะลงให้จบแน่นอนคะ  :katai4:
หัวข้อ: รักนี้เกิดในรั้วโรงเรียนEP.2 เขมชาติ X ณัฐกานต์ NC เบา ๆ ก่อนณัฐการต์จะกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 11-07-2020 21:06:17
            EP.2 เขมชาติ X ณัฐกานต์  NC เบา ๆ ก่อนณัฐการต์จะกลับ

               “บ้านหลังที่เท่าไหร่เนี๊ยะเขม” ประโยคคำถามที่ทำให้ผมต้องหยุดความคิดนั้นและหันมาตอบณัฐกานต์คนที่นั่งข้างๆผมในฐานะแฟน

               “หลังที่3 ไงครับ” ผมบอกณัฐกานต์

               “นี้เขมขับเลยมาหลังที่หกแล้วนะ” ณัฐกานต์บอกผม

               “เอี้ยด!” ผมเบรคทันทีและค่อยๆเลื่อนกระจกลง ผมก็มองไปมีบ้านพักที่มีข้าวของมากมายอยู่ในบ้าน มีรถมอเตอร์ไซด์คันเก่าๆจอดอยู่ และมีหมายเลขบ้านที่ตรงหน้าบ้านว่าหลังที่หก ผมหันมามองหน้าคนที่หน้างอหนักเข้าไปอีก นั่งกอดอกมองผม

               “ใจลอยไปไหนเนี๊ยะเขม!” ได้ผลมันทำให้คนข้างๆผมหัวเสียขึ้นมาทันที

               “ทำไม?  หรือว่าสาวๆที่โรงเรียนใส่ยาเสน่ห์ให้หรือไงเขม” ณัฐกานต์พูด พร้อมเบ้ปาก ผมส่ายหัวและค่อยถอยหลังเพื่อนหาที่กลับรถ ผมขับรถย้อนกลับมายังบ้านพักหมายเลขที่3 เป็นบ้านน๊อกดาวน์หลังตาเพิงหมาแหงน ยกพื้นขึ้นสูงและมีที่จอดรถด้านข้างผมว่ามันน่าอยู่มาก ผมก้าวเท้าออกมามองไปรอบๆ บรรยากาศร่มรื่น เห็นแต่ต้นไม้ ไม่มีตึกสูงเหมือนในกรุงเทพฯ
               
               “บ้านอะไรหลังนิดเดียวดูซิ และรอบๆนี้ซิ “

               “ก็ไม่เล็กนะณัฐกานต์ อยู่สองคนก็ยังได้เลย” ผมหันไปพูดกับณัฐกานต์ คนที่ยืนเบ้ปาก ทำเอาผมนี่หุบยิ้มแทบไม่ทัน

               “นี้คือบ้านในฝันของเขมเลยนะ เขมอยากมีบ้านแบบนี้ และอยากมีไร่นาสวนผสมเพิ่มด้วยซ้ำ “ ผมหันไปพูดกับณัฐกานต์แต่ว่าณัฐกานต์กลับเบินหน้าหนีทันที

               “ไม่เอาอ่ะ ยังไงถึงตอนนั้นเขมต้องย้ายกลับกรุงเทพและหางานที่กรุงเทพทำซื้อบ้านที่กรุงเทพ กานต์ไม่อยู่ในที่แบบนี้ ให้ตายยังไงก็ไม่อยู่” ณัฐกานต์หันมากอดอกและพูดกับผม ผมพ่นลมหายใจยาวๆออกมา

               “แต่..เขมอยากมีบ้านที่ต่างจังหวัดและเขมก็มีที่ของแม่ที่อยู่ต่างจังหวัด เขมเคยคิดว่าจะไปปลูกบ้านที่นั้นด้วยกัน “ผมพูดกับณัฐกานต์

               “ก็เลือกเอาถ้าอยากไปอยู่บ้านนั้นก็หาคนอื่นได้เลย กานต์ไม่ไป” ณัฐกานต์ยื่นคำขาดกับผม

               “ขึ้นบ้านได้หรือยังร้อนจะตาย” ณัฐกานต์ถามผม ผมพยักหน้าเพราะว่าผมก็ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับณัฐกานต์ไปมากไปกว่านี้ ผมได้แต่คิดว่าทำไมช่วงนี้ผมกับเขาทะเลาะกันบ่อยหนักนะ ผมหยิบพวกกระเป๋าเสื้อผ้าจากท้ายรถ ผมไม่ได้ขนอะไรมาเลยเพราะว่าวันหยุดณัฐกานต์จะมารับผมกลับ และผมต้องการจะรู้ว่าผมต้องการอะไรเพิ่มบ้าง

               “แอร์ก็ไม่ค่อยเย็น ไม่ซิไม่เย็นเอาวะเลย “ผมเดินขึ้นมาเสียงบ่นของณัฐกานต์

               “นี้ห้องครัวเหรอ มีเตาแก็สเก่าๆ ดูตู้เย็นซิ...สภาพแบบนี้เอาไปร้านขายของเก่าเขายังไม่รับเลยนะเขม” ณัฐกานต์เดินไปรอบๆในตัวบ้านพักผมพร้อมตินั้นตินี้ไปทั่วเลย

               “ร้อนแบบนี้จะอยู่ยังไงนิ” ณัฐกานต์หันมาถามผม

               “มีพัดลมนิเปิดพัดลมก็ได้นะกานต์ แต่จะว่าไป เขมว่าไม่ร้อนเลยนะ “ ผมพูดและวางกระเป๋าลง

               “ไม่ร้อนแต่ก็ไม่เย็นพอสำหรับกานต์” ณัฐกานต์พูด ผมก็ยืนมองณัฐกานต์ ที่ยืนกอดอก ดูท่าอะไรก็ไม่ถูกใจเขาไปซะทุกอย่าง

               “ไม่ค้างด้วยหรอกนะ บ้านแบบนี้” ณัฐกานต์พูด ผมพยักหน้า

               “หมับ” ผมเข้าไปกอดณัฐกานต์ เขาก็มองหน้าผม ผมค่อยใช่มือผมประครองใบหน้าณัฐกานต์อย่างถนอม

               “เขมไม่รู้ว่ากานต์เป็นอะไร ทำไมช่วงนี้เราดูทะเลาะกันบ่อยจัง” ผมถามณัฐกานต์ เขาก็หันหน้าหนีผม ผมใช้นิ้วเรียวๆของผมแตะที่ริมฝีปากเรียวสวยนั้นเบาๆ แต่ณัฐกานต์ยังคงหันหน้าหนีผม ผมก็เลยผลักให้เขาหันมาหาผมและผมก็บดขยี่ริมฝีปากนั้นณัฐกานต์ ณัฐกานต์เปลี่ยนมาเป็นโอบรอบคอผมและตอบสนองผมด้วยกันจูบผมกลับ มือณัฐกานต์ก็ปลอดกนะดุมเสื้อเชิ้ตของผมไปด้ว รวมถึงปลดเข็มขัดของผมและตะขอกางเกงแสลปผม รูดซิบกางเกงผมลง ผมก็รีบดันณัฐกานต์เข้าห้องนอน มีเตียงแต่ยังไม่มีผ้าปูที่นอน แต่ทว่าที่นอนนะดูใหม่แกะกล่องเลยทีเดียว

               “เอาน่าที่นอนใหม่ ฉลองกันหน่อยนะครับ” ผมบอกคนที่หันไปมองด้วยสีหน้ากังวลแต่นาทีนี้อะไรก็คงหยุดผมสองคนไม่อยู่

               “แม้ทำเป็นหน้าบึ่งตึงอยากให้จัดให้ก็น่าจะบอกกันดีดี ..อืมม” ผมพูดและไซ้ซอกคอณัฐกานต์ ณัฐกานต์ก็ปลดกระดุมเสื้อผ้าตัวเองอย่างรีบร้อนและผมก็ช่วยถอดกางเกงเข้ารูปและโยนมันออกไป ไม่นานร่างกายของผมสองคนก็ไม่มีอะไรมาปิดบัง ผมสองคนก็กระโจนขึ้นไปบนเตียงและถาโถมใส่กัน เห็นว่าเขมชาติดูนิ่งๆ แต่เรื่องบนเตียงผมไม่เป็นรองใคร

               “อ๊าห์” เสียงของผมและณัฐกานต์

               “อืมมม..เขม..ซี้ด “

               “อ๊าห์” และเสียงที่ลากยาวบ่งบอกว่าสำเร็จถึงสวรรดิ์ชั้นเจ็ดไปพร้อมๆกัน ผมถึงกับหอบเหนื่อย มองคนที่นอนราบบนที่นอน ดูท่าจะดีขึ้นแล้วมั้ง

               “จ๊วบ” ผมจูบณัฐกานต์

               “เขมรู่ไหม ว่าสิ่งที่ทำให้ณัฐกานต์ไม่อยากเลิกกับเขมก็เพราะ...” ณัฐกานต์ค่อยๆดันตัวเองขึ้น

               “เรื่องบนเตียงไง “ ณัฐกานต์พูดและผมก็ลุกขึ้น ผมสองคนเหงือท้วมตัวกันทั้งคู่

               “ไปอาบน้ำก่อนไหมและตกลงจะกลับเลยเหรอกานต์” ผมพูดและหันไปหยิบเอาผ้าเช็ดตัวในกระเป๋าออกมาผมเอามาหลายผืนกะว่าเผื่อณัฐกานต์จะค้างกับผมด้วย

               “ไม่ละ เออ ...คืนนี้วันเกิดอีแม็กซี่มันอ่ะ “ ณัฐกานต์พูดเสียงอ่อยๆ ผมก็พยักหน้า

               “ก็วันเกิด ยังไงมันก็เพื่อนซี่ของกานต์นะเขม” ณัฐกานต์พูดและลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูที่ผมเอาออกมาวางไว้พันตัว

               “จะดื่มกันหนักอีกไหม เพราะว่าเมื่อคืนกานต์ก็ดื่มเยอะแล้วนะ” ผมพูดเพราะว่าผมเป็นห่วงเขา กลัวเขาเมาแล้วยังขับรถกลับอีก

               “ เขมไม่อยากให้กานต์ขับรถในขณะที่เมา เขมเป็นหวง” ผมบอกณัฐกานต์

               “ให้เพื่อนไปส่ง เพื่อนกานต์มันไม่กล้าดื่มเยอะหรอกถ้ารู้ว่าต้องขับรถนะ แต่กานต์ขอนะ เพราะเพื่อนรักวันเกิดทั้งที่ และพรุ่งนี้วันหยุดด้วย “ณัฐกานต์พูดและเดินเข้ามาหาผมเพื่อออดอ้อน

               “นะเขมนะ อย่างอนซิ “ ณัฐกานต์อ้อนผม ผมก็พยักหน้าไปแบบนั้นเพราะยังไงคนอย่างนัฐกานต์ก็หามยากอยู่แล้ว

               “อย่าหนักมากนะ เพราะถ้าหนักมากวันจันทร์ได้ไปทำงานสายหรืออาจจะไม่ได้ไปเลยและเขมไม่อยู่ คงไม่มีคนช่วยปลุกให้กานต์ตื่น “ ผมบอกณัฐกานต์ ณัฐกานต์กอดผมไว้

               “โทรปลุกซิ” ณัฐกานต์พูด ผมพยักหน้า

               “ถ้าอย่างนั้นเราอาบน้ำพร้อมกันและกานต์จะกลับเลยนะ เดี๋ญวถึงเย็นมาก” ณัฐกานต์พูด ณัฐกานต์เดินเข้าไปในห้องน้ำก่อน ผมก็หันไปหยิบกระเป๋าที่ใส่พวกของใช้ในห้องน้ำออกมา

               “อี้” ณัฐกานต์วิ่งออกมาและทำหน้าตาเหมือนเจอของขยะแขยงยังไงก็ไม่รู้ ผมหันไปมองเขา

               “มีอะไรเหรอกานต์”

               “ดูห้องน้ำซิ อาบไม่ลงอ่ะ “ ผมก็ลุกขึ้นมองหน้าณัฐกานต์ ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำสิ่งที่ผมเห็นคือฝักบัวเหมือนห้องน้ำปกติทั่วไปแต่มันอาจจะดูไม่ดีเท่ากับคอนโดมิเนียมของผม ก็ห้องน้ำแบบบ้านๆ แต่ผมคิดว่ามันโอเคนะ ปูพื้นกระเบื้อง

               “นี่ก็ห้องน้ำปกติ มีฝักบัวอาบน้ำปกติ นิกานต์ “ ผมหันไปถามณัฐกานต์ที่ยืนขนลุกซู่

               “ทำไมไม่มีตู้อาบน้ำ อะไรพวกนี้ ดูพื้นซิ ขยะแขยงเท้า” ณัฐกานต์พูดและยืนเขย่งเท้าไม่กล้ายืนแบบเต็มเท้า 

               “ไม่อาบอ่ะ เอากระดาษเปียกมาเช็ดเอา อาบไม่ไหวอ่ะ น้ำอุ่นก็ไม่มี และน้ำนี้มาจากไหนก็ไม่รู้ ไม่มีกลิ่นคลอรีนเลย” ณัฐกานต์พูด

               “ก็คงเป็นน้ำ อบตนะ เพราะว่าที่นี้การปะปาอาจจะยังเข้าไม่ถึง” ผมพูดและลองเปิดน้ำดู มันก็ไสสะอาดดีนะ แต่ถ้าจะเอาไปต้มนี้คงต้องไปซื้อน้ำแบบถังมาแทน

               “ไม่เอาอ่ะ “ ณัฐกานต์พูดและเดินออกไปหยิบห่อกระดาษทิชชูเปียกมาและเช็ดทำความสะอาดส่วนที่เลอะเทอะจากการร่วมรักของผมสองคนและณัฐกานต์ก็ออกไป เหลือไว้แค่ผมที่เปิดอาบน้ำชำระร่างกายปกติ เพราะว่าผมไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว ผมออกมาก็เห็นณัฐกานต์แต่งตัวพร้อมแล้ว ฉีดน้ำหอมซะหึ่งไปหมดทั้งห้องผมเลย ผมคิดในใจนี้ฉีดหรืออาบกันเนี๊ยะ

               “ตกลงจะให้มารับวันศุกร์หรือวันเสาร์กันแน่ เพราะถ้ามามาคือกลับเลยนะ”ณัฐกานต์ถามผม

               “วันศุกร์ตอนเย็นก็ได้ครับ เราจะได้ไปทานอาหารที่บ้านกัน กานต์ไม่ได้ไปที่บ้านเขมนานแล้วนะ แม่บ่นถึง” ผมพูด

               “ก็ไปครั้งล่าสุด เกือบจะได้ตบปากชะนีพี่สะใภ้เขมไง จำได้ไหม “ ณัฐกานต์พูด ผมก็เกาหัวแกร๊กๆเลยและหันไปแต่งตัวแบบสบายๆ สวมกางเกงวอมที่ไม่หนาและเสื้อยืดเข้ารูป

               “แล้วอาทิตย์นี้มีอะไรพิเศษไหมละ” ณัฐกานต์คงเห็นสีหน้าผมที่รู้สึกไม่ดีเลยถามผมเสียงอ่อนลง

               “จะไปทำบุญครบรอบวันเสียชีวิตพ่อนะ พี่ต้นคงจะมาแต่พี่ดาวจะมาหรือเปล่า เขมไม่รู้” ผมบอกณัฐกานต์ ผมมีพี่น้องทั้งหมดสามคน คนโตคือพี่ต้น พี่ต้นห่างจากผมสิบปี พี่ต้นตอนนี้เป็นปลัดอำเภอที่เชียงใหม่ บ้านเกิดพี่เกศรินทร์ พี่ต้นกับพี่เกศรินทร์มีลูกด้วยกันหนึ่งคน ชื่อน้องเอิร์ธ และพี่ต้นที่ห่างจากผมหกปี พี่คนที่สองพี่ก้องเป็นทหารอยู่สามจัวหวัดชายแดนภาคใต้ พี่ก้องอาสาไปเอง ตอนนี้พี่ก้องได้เป็นพันโทเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าพี่เขาได้ไปประจำการในหน่วยงานที่เสียงและผ่านการฝึกมามากมาย ไม่ว่าจะรีคอน แรงเจอร์ และล่าสุดหน่วยซีล 

               “เอาไว้คุยกันอีกทีนะ เพราะว่า ถ้ายายพี่สะใภ้ของเขมมา กานต์ก็ไม่ไป เพราะว่าไม่อยากตบชะนีนั้นต่อหน้าแม่เขมเหมือนกัน เห็นกานต์แบบนี้ก็รู้นะว่าควรหรือไม่ควรทำ” ณัฐกานต์หันมามองหน้าผม

               “แต่...กานต์ไม่มีความอดทนพอที่จะฟังคำจิกกัดจากชะนีสถุนนั้น ไม่น่าเชื่อว่าพี่ต้นเอาชะนีแบบทำเมียและแม่ของลูกได้ยังไง “ ณัฐกานต์พูด

               “ปากก็ขยะแขย้งเกย์ ตุ๊ด เขมทนได้ยังไง ว่าเขมและกานต์เสียๆหายๆแบบนั้น เหมือน..พวกโรคจิต” ณัฐกานต์พูด

               “เอาละ กานต์กลับแล้ว อยู่ดีดีละ จะเอาอะไรเพิ่มก็บอกนะ “ ณัฐกานต์พูดและเดินเข้ามาหาผม เขาโอบรอบคอผมไว้ผมก็จูบณัฐกานต์

               “กานต์ก็รักเขมนะ แต่ กานต์ก็อายเพื่อนอ่ะ ดูซิมาเป็นครูบ้านๆ ถ้ารักกานต์รีบหาโรงเรียนใหม่ที่ใหญ่และดีกว่านี้นะเขม กานต์ขอร้อง” ณัฐกานต์หันมาบอกผม

               “อืมม”ผมก็พยักหน้าไปแบบนั้นแหละ ณัฐกานต์หยิบกระเป๋าหลุยส์ ใบนี้เขาซื้อมาเมื่อเดือนทีแล้ว ราคาก็เกือบแสนได้ถึงแม้จะเป็นเงินเดือนของเขาก็ตามแต่มันก็น่าเสียดาย แต่ผมก็พูดอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ผมสองคนเดินลงมาที่รถผมจอดไว้

               “คราวหน้าเขมก็เอารถมาใช้เลยแล้วกันเพราะว่ารถใหม่ป้ายแดงของกานต์นะ จะได้วันเสาร์นี้แล้ว “ ณัฐกานต์พูดบอกผม ผมพยักหน้า อีนนี้ก็อีก แต่รถนี้แม่ของณัฐกานต์ซื้อให้เพราะว่าลูกได้งานธนาคาร เป็นหน้าเป็นตาให้แก่ครอบครัวทั้งที่ครอบครัวณัฐกานต์เขามีรีสอร์ท ผมลืมบอกไปว่าณัฐกานต์ เป็นหนุ่มใต้ มีพี่สาวทั้งหมด เขาเป็นลูกชายคนเล็กคนเดียว ทางบ้านนะสีผิวคล้ำกันหมดแต่ณัฐกานต์ขาวโผนอยู่คนเดียว ที่จริงก็ไม่ได้ขาวมากนะแต่ก็ขาวที่สุดในบรรดาพี่ๆทั้งหมดห้าคน ณัฐกานต์ค่อนข้างดูแลตัวเองอย่างหนัก กินและฉีดพวกกรูต้าไธโอน และไหนจะฉีดไวตามินซีเข้ากระแสเลือดเพราะอยากให้ผิวขาวใส ครอสหน้าใส่ตัวไหนออกมาเขามีหมดแถมบางทีก็ไปฉีดฟิลเลอร์และนี้เพิ่งจะไปร้อยเข็มมาอีก ผมไม่เข้าใจว่าเขายังไม่สามสิบเลยนะ ผมกับณัฐกานต์เพิ่งจะ ยี่สอบสามย่างยี่สิบสี่กันเท่านั้นเอง

               “ขับรถดีดีนะกานต์ ที่จริงน่าจะพักก่อนหรือไม่ก็นอนสักชั่วโมงไหม “ ผมถามณัฐกานต์ เขาก็ส่ายหัวว่าไม่ ณัฐกานต์กำลังจะเปิดประตูรถฝั่งคนชับ ผมก็เดินออกมายืนมองณัฐกานต์ด้วยความเป็นหวง ถึงแม้ว่าเขาจะนั่งมาแต่ผมขับมาตลอดทางก็ตามแต่ก็ไม่ได้นอน คือนั่งบ่นผมมาตลอดทางเหนื่อยว่างั้น

               “ปึก!”เสียงเหมือนมีบางสิ่งกระเด็นมาและดังมากผมหันหลังกลับไปมองณัฐกานต์และวิ่งเข้าไปดูณัฐกานต์ ที่ยืนค้างด้วยอาการตกใจอย่างมากที่สุด สิ่งที่ผมเห็นมันคือลูกฟุตบอลแต่ว่ามันมาจากไหนกัน  เพราะสนามฟุตบอลมันก็ค้อนข้างไกลอยู่นะ ณัฐกานต์นิ่งเงียบยังไม่พูดอะไร คงช๊อกที่ลูกฟุตบอลนั้นได้เฉียดผ่านใบหน้าของเขาไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปดไม่อย่างนั้นก็คงโดนเข้าที่จมูกคมสันนั้นแน่ๆ และเขมก็คงงานเข้าต้องพาไปทำใหม่จากที่พึ่งไปทำมารอบที่สาม 

               “กานต์” ผมจับไหล่เขา ณัฐกานต์กลืนน้ำลายลงคอ

               “เห็นไหมว่ามันผ่านจมูกกานต์ไปนิดเดียว นี้ถ้ามันโดนขึ้นมา กานต์ต้องไปทำจมูกใหม่!” ณัฐกานต์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่โมโหสุดๆ เขาหวงจมูกของเขามาก

               “ไม่เอานะ ไม่โดน ยังดีอยู่  “ผมพูดปลอบโยน

               “อะแฮ้ม....” เสียงคนกะแอมดังมาใกล้ๆ ผมหันไปมอง คนนั้นก็คือนายตัวแสบตาสีฟ้าอีกแล้ว ที่วิ่งมาหยุดมองผมสองคน เขาสวมชุดนักกีฬาคงเป็นนักกีฬาของโรงเรียนซินะ แต่นี้มันจะสามโมงจะครึ้งแล้วผมคิดว่าวันศุกร์โรงเรียนน่าจะเลิกเร็วนะ

               “ขอผมเข้าไปเก็บลูกฟุตบอลได้ไหมครับ ผมรับรองจะรีบไปและปล่อยให้คุณสองคนพลอดรักกันต่อ”

               “และสาบ่านได้จะไม่ถายคลิปไปโพสในเว็ป ว่าแอบมีเซ็กซ์กันที่บ้านพักครูแน่ๆ” ผมก็หันไปมองและณัฐกานต์หันขวับไปมองด้วยความโกรธเพราะว่าจมูกนี้เขาหวงมากห้ามแตะต้องแต่ผมนี่ยืนเอามือเท้าซะเอวเพราะว่าเด็กนี้ช่างแก่แดดเหลือเกิน

               “นิ! ไอ้เด็กบ้า! แกเตะฟุตบอลมาไกลจากไหนแม่งก็ไม่รู้แต่ที่ฉันรู้นะ มันก็เกือบจะโดนเข้าที่หน้าฉัน”ณัฐกานต์พูดและเขาก็พยายามสะบัดแขนผมที่จับต้นแขนเขาไว้ให้หลุด

               “ แกรู้ไหมว่าจมูกฉันทำมาทำมาเท่าไหร่ อายุขนาดนี้ไม่มีปัญญามาทำให้ฉันไหมหรอก “ ณัฐกานต์พูด เด็กหนุ่มก็ยืนทำเป็นหูทวนลมและยังผิวปากอีกต่างหาก

               “จะบอกว่าถ้าโดนลูกบอลเข้าไปดั้งแหนบเลยว่างั้น เกิดมาไม่มีดั้ง “

               “มีแต่มันไม่สูง” ณัฐกานต์พูด

               “แต่อันนี้นะมันแหลมไปนะ ยังกะแม่มด ไปทำใหม่เถอะ “ ดูปากนายนั้น ผมหันไปกอดอกมองนี้จะเติมเชื้อให้ณัฐกานต์ทำไม

               “ไอ้...”ผมก็รีบห้ามณัฐกานต์โดนการรวบเอวเข้าไว้ ณัฐกานต์หันไปชี้หน้าและจะเข้าไปใส่นายคนนั้นและนายนั้นก็หาได้เกรงกลัวอะไรไหม

               “เข้าไปเอาลูกบอลนายซะ “ผมบอกเชิงออกคำสั่งบอกเด็กหนุ่มคนนั้น เขาก็มองหน้าผมและเดินผ่านณัฐกานต์ไป ผมก็กอดรัดณัฐกานต์เอาไว้เพราะผมรู้ดีว่าณัฐกานต์ค้อนข้างไว อาจจะได้มีเรื่องกันแน่ๆ

               “กานต์”ผมกัดฟันร้องห้าม

               “มีมารยาทไหม มึงไม่คิดจะขอโทษสักคำหรือไง ไอ้เด็กนรก..ไอ้..ไอ้..”

               “กานต์!”ผมก็ขึ้นเสียง

               “มีนะมายาทนะ ตอนแรกก็ว่าจะพูด แต่พอเห็นแบบนี้ไม่เอาดีกว่า มันมีค่ามากเกินไปที่จะพูดกับหมาบ้าแบบ..คุณ” เด็กนั้นลอยหน้าลอยตาพูด

               “ไอ้เชี้ย)))” ณัฐกานต์ผมก็ยิ่งกอดรัดเขาห้ามเขา และเด็กคนนั้กน็หันมาหยักไหลและเดินไปอย่างไม่ไยดีกับสิ่งที่เขาได้ทิ้งเอาไว้ ณัฐกานต์โหโมจนสั่นเลยก็ว่าได้

               “เป็นไง นักเรียนกับโรงเรียนบ้านนอก มันก็พอกันเลย ถ้าเขมไม่ย้ายภายในปีนี้เราเลิกกัน” ณัฐกานต์พูดและเข้าไปในรถอย่าไวและถอยรถแบบไม่สนใจว่าจะชนอะไรด้วยซ้ำ แต่โชคดีที่ไม่มีอะไรไปวางไว้ ผมยืนมองจนณัฐกานต์ขับออกไปแบบฝุ่นตลบอบอวนไปหมด

                ผมนั่งจัดห้องและจัดที่สำหรับห้องครัวผมว่าจะเอาไมโครเวฟมาด้วยอาทิตย์หน้าและคงหม้อหุงข้าว ตู้เย็นทีนี้มีแล้วแม้จะไม่ใหม่ก็ตามขัดล้างซะหน่อยก็สะอาดดี หม้อกะทะก็มีและดูแล้วน่าจะเพิ่งเปลี่ยนใหม่ไม่นาน และไม่ค่อยได้ใช้ซะด้วซ้ำ จานชามก็มีแต่ถึงยังไงผมก็ต้องพึ่งอาหารที่ห้องอาหารไปก่อน ผมก็เห็นว่ามีร้านค้าถัดไปหน่อยและมีร้านขายอาหารตามสั่งอีก ออกไปหน่อยก็มีวินรถมอเตอร์ไซด์ก็น่าจะพอออกไปได้ ผมไม่รุ้ว่าผมใช้เวลาในการจัดช้าวของและทำความสะอาดกี่ชั่วโมงแต่ตอนนี้ผมรู้สึกหิวแล้วด้วย ผมหันไปมองเวลาเกือบจะหกโมงเย็นแล้วนิ ไปหาอะไรทานดีกว่า ผมก็ลุกขึ้น จะว่าไปณัฐกานต์ไม่ส่งข้อความหาผมเลย ผมก็ไม่รู้ว่าเขาถึงไหนแล้วลองโทรหาดีกว่าแต่ทว่า สายไม่ว่าง คงเม้ากับเพื่อนแน่ๆ

               “กานต์ อย่าคุยโทรศัพท์ขณะขับรถซิครับ” ผมส่งข้อความหาณัฐกานต์

               “คุยธุระกับแม่อยู่ อย่าทำตัวเป็นคนร่างทรงได้ไหมที่รู้ไปหมด น่าเบื่อเขม” นั้นไงคนอุตสาห์เป็นหวงผมเลยเอาโทรศัพท์เก็บเขาไปในกระเป๋ากางเกงวอร์มทันที และเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ของผม ผมเดินออกมา ผมล๊อกประตูบ้าน ผมเดินออกไปเพื่อจะไปห้องอาหาร

               “ปื้นๆ” เสียงแตรรถมอเตอร์ไซด์ ทำให้ผมต้องหันหลังกลับไปมองว่าใครกัน และผมก็เห็นว่าเป็นผู้ชายวัยไม่น่าจะแก่ไปกว่าผมเท่าไหร่ และรถมอเตอร์ไซด์คันเก่าๆ

               “สวัสดีครับ นี้ใช่ครูมาใหม่หรือเปล่าครับ” คนขับรถคันนั้นจอดถามผม ผมก็พยักหน้า

               “ผมชื่อโจ้ครับ ผมเป็นครูช่างที่นี้ครับ สาระพัดช่างครับ ไม่ว่า ไฟฟ้าประปา น้ำไม่ไหล ไฟดับ แอร์เสียบ้านพัง ประตูหน้าต่าง ผมผ่านมาหมด “ บรรยายสรรพคุณให้ผมฟัง ผมก็ยกมือขึ้นลูบผมแบบงง

               “ยินดีที่รู้จักครับคุณ...”

               “เขมครับ ผมเขมชาติครับ เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ”

               “โอ้ว! มายก๊อซ!” ภาษาอังกฤษมาชัดมาก

               “ฮาวฮาร์ยู” ครูโจ้ถามผมและยืนมือมาขอเช็คแฮนด์ ผมก็มองและก็เช็คแฮนด์กลับ

               “พูดไทยก็ได้ครับผม ผมสบายดีครับ “ ผมตอบครูโจ้

               “ว่าแต่ครูจะไปไหนเหรอครับ” ครูโจ้ถามผม

               “ผมว่าจะไปทานข้าวครับที่ห้องอาหารครับ  “ ผมบอกครูโจ้

               “งั้นกระโดดขึ้นมาเลยครับ ผมจะไปหา เมีย เอ้ย! ภรรยาครับ ภรรยาผมเป็นแม้ค้าขายข้าวที่โรงเรียนครับ ไปครับผมพาไปส่งให้ถึงหน้าร้านเมียผมเลยครับ “ ครูโจ้พูดผมก็ยิ้มและครูโจ้ยังตีเบาะให้ผมขึ้นไปนั่งอีก

               “จะได้ถือโอกาสสั่งข้าวร้านเมียผมเลย อิๆ” นั้นไงแผนสูงมาก ผมก็ขึ้นไปนั่ง รถมันเก่าและเล็กเบาะก็เล็ก

               “กอดได้เลยนะครับครู ผมไม่ถือ เมียผมก็ไม่ถือถ้าเป็นผู้ชาย แต่ถ้าผู้หญิงมันถือครับ” ครูโจ้หันมาคุยกับผม ผมก็ชี้มองทางเถอะครับ

               “ถือมีดรอเลยครับ” ครูโจ้พูด ผมก็แอบขำครูโจ้ จะว่าไปครูโจ้นี้เป็นคนตลกน่าดู

               “มาจากไหนครับครูเขม”ครูโจ้เอ่ยถามผม

               “กรุงเทพครับ” ผมบอกครูโจ้

               “ไกลนะครับ แล้วทำไมไม่เอารถมาครับ เพราะว่าแต่ละที่นี้ก็ไกล เอารถมาไว้ใช่สะดวกกว่านะครับครูเขม” ครูโจ้ถามผม

               “ผมให้แฟนเอากลับไปนะครับ เพราะว่าแฟนผมเขาไม่มีรถใช้นะครับและรถคันใหม่เขาจะได้อาทิตย์หน้านี้ครับ นั้นแหละครับผมถึงจะเอารถมา” ผมบอกครูโจ้

               “รักแฟน เหมือนผมคับ รักแฟน มีอะไรให้แฟนก่อน เราทีมเดียวกัน วี้ดวิว” ครูโจ้พูด

               “แฟนครูโจ้เป็น..”

               “เป็นแม่ครัวครับ” ครูโจ้พูด

               “เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายครับ” ผมถาม

               “อ้าว!  ถามผมอย่างนี้ ผู้หญิงซิครับ ผมไม่เค้ย ไม่เคย เอาผู้ชายครับ กลัวฟ้าฝ่า” ผมก็กลืนน้ำลายลงคอ แม้แล้วบอกว่าทีมเดียวกัน ผมเลยเปลี่ยนเป็นยิ้มกลบเกลื่อน ไม่นานรถครูโจ้ก็มาจอดที่หน้าโรงอาหาร ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป แต่ดูแล้วนักเรียนใช้บริการเยอะอยู่นะ

               “นักเรียนเยอะหน่อยนะครับ เพราะส่วนใหญ่จะกลับบ้านกันพรุ่งนี้ ไม่ค่อยกลับวันศุกร์กันหรอก ติดเพื่อนแต่ไม่ติดบ้าน” ครูโจ้พูดและผมก็พยักหน้า

               “ขอบคุณนะครับครูโจ้ “ ผมพูดกับครูโจ้

               “นั้นครับเมียผมคนสวยๆท้องโตๆนั้นนะครับ อุดหนุนได้ครับ ผมไม่หึง” ครูโจ้พูดผมก็ยิ้มให้ คือนี้ไม่น่าจะใช้คำแนะนำให้ไปอุดหนุนน่าจะเป็นการบอกว่าควรจะอุดหนุนดีกว่า

               “ท้องโตขนาดนี้ไม่ต้องหึงผมหรอกครับ ผมมีสติพอ” ผมตอบครูโจ้ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน แต่ละคนก็นั่งทานอาหารและคุยกันเป็นกลุ่มๆ เลย ผมเห็นมีแต่นักเรียนทั้งนันไม่ค่อยมีครูเท่าไหร่ ผมก็เดินไปร้านแฟนครูโจ้ก่อน ผมเห็นว่ามีพวก บะหมี่เกี๋ยวน้ำวันนี้ อันที่จริงก็ไม่ค่อยชอบแต่หันไปเห็นครูโจ้ที่ทำมือให้เข้าไปเลย ก็เอาวะ

               “สวัสดีค่ะ รับอะไรดีค่ะ”

               “บะหมี่เกี้ยวน้ำครับ ไม่ใส่กระเทียมเจียวนะครับ พริกไทยไม่เอาครับและ ไม่ใส่ผงชูรสด้วยครับ” ผมพูดแบบเกรงใจ

               “ร้านนี้ไม่ใส่ผงชูรสอยู่แล้วคะครู”

               “ดีเลยครับ “ ผมตอบและแฟนครูโจ้ก็หันไปจัดการบะหมี่ที่ผมสั่งให้ ผมหันไปเห็นมีกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาด้วยกัน ผมจำได้ดี นายคนนั้นตาสีฟ้าที่เดินมากับผู้หญิงคนหนึ้ง น่าตาน่ารักชุดนี้น่าจะมัธยมปลายแล้วและมีเด็กหนุ่มหน้าตามาตราฐานชายไทย หล่อเข้มเดินมากับหนุ่มหน้าตาตี๋ๆหน่อย พวกเขากำลังจะเดินผ่านผมไป เพราะว่าเขาไมได้สังเกตุผม

               “พี่หวานจะทานอะไรดีครับ “

               “แล้วคริสว่าวันนี้เรากินอะไรกันดี พี่ตามใจคริสนะ”ผมบังเอิญได้ยิน รุ่นพี่นี้เอง นายนี้ร้ายจริงๆ

               “พี่คริสส” เสียงที่ทำให้ทุกคนหันไปมอง เด็กผู้หญิงที่สวมชุดนักเรียนคอซองนั้นคือมัธยมต้น ทื่ยืนกำมัดมองมาที่นายคนนั้น นายนี้ชื่อคริสเหรอ ผมหันไปมองตัวต้นเหตุ ดูท่าจะสับร่างไม่เว้นแต่ละวันละซิท่า

               “ชิบหายแล้วอีแก้มนี้หว่า” เพื่อนของนายที่ชื่อคริสพูดขึ้น

               “เขาเป็นแฟนคริสเหรอ”เด็กผู้หญิงคนนั้นถามขึ้นผมหันไปมอง และจังหวะนี้เขาก็เห็นผมเข้า ผมก็ส่งยิ้มที่มุมปากให้ว่าเป็นไงละ หล่อซะจนงานเข้าเลย

               “พี่คริส พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง และอีพี่หวานมรึงมายุ่งกะแฟนกรูทำไม” ผมก็มองและทำปากอู้วว แฟนเลยเหรอ

               “แก้ม พี่ไม่ใช่แฟนเรานะ”

               “แฟน แก้มบอกว่าแฟน ก็คือแฟน อีพี่หวานไปเลยนะ ถ้าไม่อยากหน้าเสียโฉม”

               “อะไรกันนะคริส” เด็กผู้หญิงอีกคนที่ยืนเกาะแขนนายนั้นที่ชื่อคริสอยู่ และสองสาวก็ประสานสายตากัน

               “ครูคะได้แล้วคะบะหมี่เกี้ยวน้ำ เจี๊ยบว่าครูไปหาที่นั่งก่อนดีกว่าไหมคะ เพราะดูท่าแล้วคงจะจบยาก รักในวัยเรียนก็แบบนี้แหละค่ะ เจี๊ยบผ่านมาเยอะ คิกๆ “ แฟนครูโจ้ ผมก็ยิ้มให้และรับชามบะหมี่ไป เพื่อไปหาที่นั่ง มิหน้าละถึงได้เป็นแฟนคุณโจ้ ตลกเหมือนกันเลย

                    ผมก็หันไปมองนายนั้นที่กำลังแยกสองสาวที่กำลังจะตบกัน ผมส่ายหัวเลย ดูท่านายนี้จะฮอทมากในหมูสาวของโรงเรียนนี้และคงเป็นแบบนี้ทุกวันแน่ๆ คนหล่อและลูกครึ่งใครๆก็อยากได้เป็นแฟน เอ๊ะ! แล้วผมจะไปคิดทำไมว่าใครก็อยากได้เป็นแฟน ไม่ซิ ผมไม่ใช่แบบนี้

                               ผมสะบัดสิ่งที่อยู่ในหัวผมออก ไม่น่ะเขมเราเป็นฝ่ายรุกจะไม่ยอมเป็นรับ และยังไงผมก็รักณัฐกานต์อยากให้คนที่เป็นคู่ชีวิตผมคือณัฐกานต์ เพราะว่าเราผ่านอะไรๆมาด้วยกันเยอะอยู่นะ จะผ่านไปอีกสักหน่อยจะเป็นอะไรไป ถึงตอนนั้นณัฐกานต์อาจจะเปลี่ยนอะไรได้ เพราะว่าผมเสียดายเวลาที่คบกันมาก็ห้าปีกว่าแล้วนะ ผมไม่อยากให้ใครที่ดูถูกความรักแบบของผมและณัฐกานต์ที่ว่ามันไม่มีอยู่จริงและรักประเภทนี้ก็มักจะเปลี่ยนคู่บ่อย  ดังนั้นผมจึงพยายามให้ณัฐกานต์คือรักสุดท้ายของผม

หัวข้อ: รักนี้เกิดในรั้วโรงเรียน (ครูเขมชาติ Xคริสโตเฟอร์)EP.3 วันแรกของการเป็นครู 1
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 12-07-2020 22:19:16
EP.3 วันแรกของการเป็นครู 1

                     วันนี้เป็นวันแรกของการทำหน้าที่ครู เป็นครูเต็มตัวแล้วครับผม ผมสวมชุดเครื่องแบบเสื้อเชิ้ตตารางสีเหลืองไข่ไก่อ่อนๆสลับขาว และกางเกงสแล็คร้องเท้าหนังหัวตัดสีน้ำตาล สวมเน็กไท้ลายจุดสีน้ำตาล จัดแต่งทรงผมให้ดูเรียบร้อยและไม่ลืมที่จะฉีดน้ำหอมที่ณัฐกานต์ซื้อให้ผมเช่นกัน ทั้งหมดนี้ณัฐกานต์เป็นคนออกแบบให้ผม นาฬิกาข้อมือที่พี่ชายคนโตของผมซื้อให้ในวันรับปริญญา แม้ว่าพี่เกศรินจะโกรธพี่ต้นเพราะว่ามันค้อนข้างแพง แต่ผมว่าเขาไมได้โกรธที่ราคาหรอกเขาแค่ไม่อยากให้พี่ต้นซื้ออะไรผมเลยจะดีกว่า



                                ผมเหลือบมองเวลานี้เพิ่งจะ7 โมงเองแต่เดินไปเรื่อยๆและหาข้าวเช้าทานก่อน ผมเดินก้าวเท้าลงจากบรรไดบ้าน ดีที่ออกแต่เช้า เพราะว่าอากาศเมืองไทยรอดมากขนาดนี้เดินไม่ต้องถึงกิโลก็เหงือแตกผลักๆแล้วครับ



                       “ปี้นๆ” เสียงแตรรถดังมาจอดที่หน้าบ้านของผม ผมหันไปมองหลังจากที่ใส่กุลแจล๊อกประตูหน้าบ้าน ผมก็พบว่าเป็นครูโจ้นั้นเองครับ



                       “สวัสดีครับครูโจ้” ผมทักทายครูโจ้



                       “สวัสดีครับครูเขม นี้โจ้กะว่าครูต้องออกเวลานี้แน่ๆนอน ผมเดาเก่งไหมครับ” ครูโจ้พูด ผมเดินลงมายืนด้านล่าง และพยักหน้า



                       “เก่งครับ น่าจะให้ไปเดาว่างวดหน้านี่จะออกเลขอะไรด้วยดีไหมครับคุณโจ้” ผมแซว



                       “ไม่จริงหรอกครับ ...ผมนะขับผ่านมาสามรอบแล้วแหละครับครูเขม  “ ครูโจ้พูด ผมก็ส่ายหัวอันหลังนี้แหละ



                       “ไปครับผมไปส่ง ...ที่เดิมนะครับ” ครูโจ้พูด ผมก็เลิกคิ้วมองว่าที่เดิมนะที่ไหน



                       “ทานอาหารก่อนนะครับ ด้วยความเป็นห่วง เช้านี้เมียผมขายโจ๊กครับ “ ผมก็พยักหน้า เป็นห่วงกลัวผมไม่ได้ทานอะไรก่อน อืม...



                       “ได้ครับแต่ผมขอขึ้นไปห้องธุรการก่อนนะครับและจะรีบลงไปซื้อโจ๊กเลยครับ” ผมพูดและยิ้มๆ



                       “ดีครับ ไปครับ “ครูโจ้พูดแต่ยังไม่ออกตัว



                       “กอดแน่นๆนะครับรถแรงมาก” ครูโจ้พูด ผมก็พยักหน้า



                       “บรื้นๆๆ...” ทำเอาผมนี้แถมหงายหลังเลยครับ



                       “ผมไปแก้ให้สำหรับครูเลยนะครับ เมื่อวานมันช้าไปหน่อยเครื่องไม่แรง แต่วันนี้แรงดีไหมครับ ครูเขม”



                       “ครับครูโจ้ “ ผมตอบครูโจ้ ผมนี้ก็เป็นห่วงทรงผมของผมนี้แหละครับ อุตสาห์หวีมาอย่างดี ไม่นานรถครูโจ้ก็มาจอดที่หน้าตึกที่ผมมาเจอวันก่อน



                       “ขอบคุณนะครับครูโจ้” ผมเอ่ยปากขอบคุณครูโจ้และก้าวเท้าลงจากรถมอเตอร์ไซด์



                       “อย่าลืมนะครับ อาหารเช้าสำคัญมาก โจ๊กครับโจ๊ก” ครูโจ้ตอกย้ำกับผมก่อนจะชับรถมอเตอร์ไซด์ออกไป ผมก็ยืนโบกมือให้และรีบเดินขึ้นไปที่ห้องธุรการที่ผมเจอครูสมพิศเมื่อวานทันที



                       “สวัสดีค่ะครูเขม มาแต่เช้าเลยนะคะ อันที่จริงมมาสัก7โมงครึ้งก็ได้ค่ะ” ครูสมพิศที่เดินตามผมหลังผมขึ้นมา ผมเองก็ไม่ทันได้สังเกตุ



                       “สวัสดีครับครูสมพิศ “ ผมยกมือไหว้



                       “ผมว่าจะเอาแฟ้มไปเก็บที่โต๊ะก่อนนะครับและจะลงไปทานอาหารครับ” ผมตอบครูสมพิศและมองไปรอบๆว่า โต๊ะไหนของผมละครับ



                       “อุ้ยตาย!  พี่นี่ลืมบอกครูเขมไปว่านั่งโต๊ะไหน ก็คงต้องโต๊ะครูมิ้งแหละและพวกหนังสือการเรียนการสอนก็อยู่ที่โต๊ะนั้นหมดค่ะ พี่จัดตารางตามเดิมของครูมิ้งเลยนะคะ แต่ถ้าครูจะให้ปรับเปลี่ยนห้องที่จะสอนยังไง รอคุยกับครูสมชายและครูลิมาค่ะ เขาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษเหมือนกันค่ะ “ ครูสมพิศบอกผม ผมก็พยักหน้า



                       “นั้นค่ะครูโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าต่างเลยคะ” ครูสมพิศบอกผม ผมก็พยักหน้า



                       “ก่อนอื่นลงชื่อด้วยนะคะที่สมุดและลงเวลาที่เข้าค่ะ และเวลาออกก็มาลงอีกทีนะคะ” ครูสมพิศชี้ไปที่สุดเล็มหนึ่ง ผมก็พยักหน้าและเดินไปเปิดเขียนวันที่และลงชื่อตามตารางที่เขาตีไว้แล้ว ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน โต๊ะที่ถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย



                       “ครูมิ้งเขาเป็นคนที่ระเบียบเรียบร้อยคะ นี้พวกพี่ก็ไม่ได้แตะต้องอะไรเลยนะคะ หลังจากที่ครูหายไป “ ครูสมพิศพูด



                       “ตายแล้วพี่ลืมคะ เดี๋ยวพี่ไปเอาเอกสารที่ห้องท่านผู้อำนวนการก่อนนะคะ ต้องส่งแฟล็กซ์แต่เช้า” พี่สมพิศพูดและรีบเดินออกไปทันที



                       “ตืดดดด” ผมกดสายหาณัฐกานต์ก่อน เพื่อจะได้แน่ใจว่าเขาตื่นไปทำงานทันเวลา แต่ทว่ายังคงรอสายจนตัดไปอีกแล้ว นี้ผมกดโทรหาเขาเกือบสิบสายได้แล้วมั้ง



                       “กานต์ ตื่นหรือยังครับ เดี๋ยวไปทำงานสายนะครับ” ผมส่งข้อความกลับไปแต่ก็ไม่มีการตอบรับกับมาแต่อย่างใด ว่าณัฐกานต์ตื่นแล้วหรือยังนอนขี้เซาอยู่นะ



                       “จริงซิคะพี่ถาวร แม้รู้อย่างนี้ลินดาไปด้วยก็ดีนะคะ แต่แม่ซิชวนลินด้าไปบ้านป้าอีกแล้ว “ เสียงผู้หญิงคุยกันเดินเข้ามาในห้องธุรการและห้องพักครู หญิงสาวร่างเล็กบางทั้งคู่ อีกคนมวยผมเหมือนโดนัทและอีกคนก็ปล่อยผมสลวยสวยยาวจนถึงกลางหลัง



                       “พี่ถาวรลงไปทานอาหารเลยไหมคะ” เขาสองคนก็ชวนคุยกันไปมา จนกระทั้งคนที่ปล่อยผมยาวก็เงยหน้าขึ้นมาเจอผมนั่งอยู่ผมก็ยิ้มให้ทันที



                       “อุ้ย! ไม่ทราบว่ามีคนอยู่ในห้องคะ ขอโทษทีนะคะ คุยกันเสียงดังเลย”



                       “ไม่เป็นไรครับ สวัสดีตอนเช้าครับผม “ ผมทักทายสองสาว คนที่ปล่อยผมส่งยิ้มหวานมาให้ผม



                       “ครูมาใหม่ใช่ไหมคะ ดิฉันชื่อถาวรคะ ยินดีที่รู้จักค่ะ” ครูคนที่มวยผมเป็นโดนัทเอ่ยทักทายผมและแนะนำตัวกับผม



                       “ผมเขมชาติครับ  ผมมาเป็นครูวันนี้วันแรกครับ ฝากด้วยนะครับ” ผมพูดแนะนำตัวบ้าง และอีกคนที่หันไปมองครูถาวรก็หันมายิ้มให้ผมอีกที



                       “ดิฉันลินดาคะ ยินดีที่รู้จักคะครูเขมชาติ”



                       “เรียกผมว่าเขมก็ได้ครับ สั้นๆ “ ผมพูด



                       “มาแต่เช้าเลยนะคะ ว่าแต่ทานอาหารเช้ามาหรือยังคะ ถ้ายังไปทานพร้อมกันเลยไหมคะ “ ครูลินดาถามผม ผมก็ส่ายหัวและครูลินดาก็เอ่นปากชวนผมไปทานอาหารด้วยกันเลย



                       “ไปซิคะ พวกเรากำลังจะลงไปอยู่พอดีเลยค่ะ”ครูถาวรเอ่ยถามผมอีกคน ผมพยักหน้าตอบรับและก่อนที่ลุกขึ้นผมก็เหลือบมองมือถือแต่ยังไม่การตอบรับใดๆกลับมาจากณัฐกานต์ ถ้าอย่างนั้นผมว่าไปทานอาหารก่อนดีกว่า ผมก็ไม่อยากพกไปด้วยเลยเก็บมือถือใส่ลิ้นชักเอาไว้



                          “มาสอนภาษาอังกฤษแทนครูมิ้งเหรอคะ” ครูลินดาถามผม ผมก็พยักหน้า อันที่จริงก็ไม่รู้เรื่องอะไรของครูมิ้งเลยก็ว่าได้ แต่ครูสมพิศบอกผมว่าให้ผมมาแทนก็คือแทน ผมคิดในใจและส่งยิ้มให้ครูสาวๆแทน



                         “น่าเสียดายครูมิ้งมากๆนะคะ ครูมิ้งนะนักเรียนทุกคนบอกครูสอนเก่งและครูเขาน่าจะไปเรียนครอสสั้นๆภาษาอังกฤษต่างประเทศมาด้วยเพราะสำเนียงเป๊ะมากค่ะ “ ครูลินดาพูด ครูถาวรก็พยักหน้ารับอีกคน



                          “แล้วครูสองคนสอนวิชาอะไรกันครับ” ผมหันไปถามครูลินดาและครูถาวร



                         “ลินดาสอนนาฏศิลป์ค่ะ ส่วนครูถาวรสอนคณิตศาสตร์ค่ะ” ผมพยักหน้า



                       “ เก่งทั้งคู่เลยนะครับ” ผมกล่าวชม

และผมสามคนก็เดินลงมาถึงห้องอาหาร มีนักเรียนมานั่งทานกันแต่เช้าเลยดูแล้วนักเรียนหญิงมากกว่านักเรียนชายนะโรงเรียนนี้



                    “สวัสดีค่ะครู” นักเรียนกล่าวทักทายผมสามคน ผมก็ยกมือรับไหว้กัน



                        “สวัสดีครับครู “และคนอื่นที่เดินผ่านพวกผมสามคน ผมรู้ภูมิใจในตัวเองที่วันนี้ผมได้เป็นครูอย่างที่ผมตั้งใจไว้



                 คุณแม่ผมเป็นครูสอนคหกรรมแต่ตอนนี้ท่านรีไทแล้ว แม่รีไทก่อนจะเกษียนญ์ราชการได้ห้าปีแล้วครับ ตั้งแต่พ่อผมป่วยแม่คิดว่าคงจะอยู่ดูแลท่านนอีกนานแต่ไม่ใช่อย่างนั้นพ่อผมล้มป่วยแค่ไม่กี่เดือนก็เสียชีวิตลง ทำให้พวกผมตั้งตัวกันไม่ทัน โดยเฉพาะผมที่เพิ่งเข้าเรียนได้ปีหนึ่งเองเพราะว่าผมตั้งใจอยากใส่ชุดครุยถ่ายรูปกับคุณพ่อของผม



                 “ครูเขมจะทานอะไรดีคะ” ครูลินดาสะกิดถามผม ผมหันมามอง



                  “ผมขอเดินดูก่อนดีกว่าครับ ผมว่าจะทานข้าวร้านแฟนครูโจ้นะครับ” ผมบอกครูลินดา



                  “ได้ค่ะ แต่วันนี้ลินดาคงไปดูอย่างอื่นทานค่ะ “ครูลินดาพูด



                  “เพราะว่านี้ก็ทานโจ๊กมาทั้งอาทิตย์แล้วค่ะ ครูโจ้แกก็เชียร์เหลือเกิน แต่จะให้ไปทานตลอดก็เบื่อเหมือนกันนะคะ” ครูลินดากระซิบกระซาบกับผม ผมก็หลุดขำ ผมอาจจะเป็นเหมือนครูลินดาบ้างแหละ



                 “ถ้าอย่างนั้นไปเจอกันที่โต๊ะตรงโน้นนะคะ” ครูถาวรอบกผมและครูสาวสองคนก็เดินออกไป ผมเดินตรงไปที่ร้านของแฟนครูโจ้ทันที



                    “สวัสดีคะ ครูเขม” แฟนครูโจ้ทักทายผม



                    “ผมว่าจะสั่งโจ๊กนะครับ” ผมบอกแฟนครูโจ้ แต่ดูท่าผมจะอดเพราะแฟนครูโจ้เก็บของลงหมดแล้ว



                     “ครูเขมขอโทษจริงๆค่ะ เจี๊ยบเก็บไปหมดแล้วคะ เพราะว่าเจี๊ยบต้องไปหาหมอนัดคะวันนี้” แฟนครูโจ้พูด



                  “ถ้าอย่างนั้นเอาไว้พรุ่งนี้แล้วกันนะครับ” ผมบอกแฟนครูโจ้ เขาก็ส่งยิ้มแบบเกรงใจมาให้ผม ผมเหลือบไปมองเห็นข้าวราดแกงและเห็นว่ามีไข่ลูกเขย ผมชอบทานมากแม่ผมทำให้ผมทานบ่อยมาก ผมก็เลยเดินเลียบๆเคียงๆไปและชะเง้อมองว่าทานอะไรดีนะ อีกย่างผัดผักรวมแล้วกัน



                   “ป้าครับ ผมขอ ไข่ลูกเขยครับ” ผมพูดและส่งยิ้มให้แม่ค้าที่ยืนตักอาหารให้เด็กอยู่ เขาก็หันมามองผมและยิ้มให้ผม



                “ป้า! ผมขอไข่ลูกเขยครับ” มีคนพูดเกือบจะเหมือนผมแต่ต่างกันตรงที่ตอนเรียกป้าเขาไม่มีหางเสียงแบบผมนี้ซิ  และเสียงมันก็ดังมาจากด้านข้างของผมซะด้วยซิ  ผมก็เลยหันกลับไปมองและก็ต้องผงะเป็นฝายถอยเอง เพราะใบหน้าที่ดูกวนๆและนัยต์ตาสีฟ้านั้น มันเกือบวางผาดไว้บนไหล่ผมได้เลย ตัวสูงเท่ากับผมเลยนะนายนี้ 



                     “รอก่อนเลยตักให้ครูเขาก่อน “ ป้าคนขายข้าวหันไปบอกนายนั้น ผมก็หันไปหยักคิ้วให้”



                     “เอาอะไรเพิ่มไหมค่ะครู”ป้าหันมาถามผม



                     “ผมขอเป็น “ผมก็ทำท่าคิด



                        “จะได้ทานวันนี้ไหมเนี๊ยะ” คนที่ยืนใกล้ผมจนไหล่ติดกับผมพูดขึ้นเบาๆ ผมหันไปมอง นี้เรียกว่าเร่งผมใช่ไหมเนี๊ยะ



                       “ผมขอเป็นผัดผักรวมครับป้า”ผมบอกป้าคนขาย เขาก็เดินไปตักให้ผมทันที



                       “ทำไมต้องทานผักด้วยวะ เหม็นเขียว” ผมได้ยินเสียงคนข้างๆผมบ่น ผมก็หันไปมองมันกงการอะไรของเขาถ้าผมจะกินผัก



                      “ป้า ผมเอา ผัดผักด้วยนะป้า แต่ผักไม่ต้องเยอะนะป้าเน้น..หมูป้า” นายนั้นสั่งผัดผักเหมือนผม ทำให้ผมหันไปมองเพราะว่า เพิ่งจะบ่นอยู่เมื่อตะกี้เลยว่าเหม็นเขียวแล้วจะมาสั่งตามผมทำไม ใช่มันสั่งเหมือนผมเลย



                      “อ้าว! มองผมซะขนาดนี้ มองแล้วมันจะทำให้ครูเจริญอาหารขึ้นเหรอครับ” ดูทำท่าพูดเข้าซิ



                        “ครูเขมคะ “ ผมหันไปตามเสียงเรียกของครูลินดา และชี้ว่านั่งโต๊ะไหน



                     “ร้ายไม่เบานะ มาถึงก็หยอดครูสาวสวยประจำโรงเรียนเลย ไม่กลัวเมียเหรอ” ผมหันมามองแต่คิดอีกไม่ดีกว่า และจังหวะที่ป้าส่งจานข้าวมาให้ผมพอดีเลย ผมก็จ่านเงินค่าอาหารให้ป้าและเดินออกมาทันทื



                   “ครูครับ” เสียงนายนั้นเรียกผม ผมก็หันมามองว่าทำไมอีก



                     “ครูหยิบจานผมไปทำไมครับ ของผมนะผักน้อยๆ นี้ครับของครูผักเยอะๆ” นายนั้นพูด ผมก็เหลือบมองจานของผม



                   “นายทานจานนั้นไปนั้นแหละ กินผักเยอะๆบ้าง” ผมหันไปบอกและเดินตรงไปที่โต๊ะที่ครูลินดาและครูถาวรนั่งอยู่ ทั้งคู่กำลังคุยกันและนั่งลงตตรงข้ามสาวๆทันที 



                      “ทานอะไรคะครู อุ้ย ไข่ลูกเขย” ครูถาวรพูดเหมือนแซวผม



                     “ครับผม แม่ผมทำทานบ่อยมากครับและผมก็ชอบ” ผมพูดและสามคนก็ทานอาหารไปคุยกันไป ผมถึงได้ทราบว่าครูลินดาเป็นใต้และดูยังไงก็ไม่ค่อยเหมือนเฉพาะเรื่องสีผิวที่ขาวแต่หน้าตาคมคายใช้เลย และครูถาวรเป็นคนกรุงเทพเหมือนผมเช่นกันครูถาวรสอบติดมหาวิทยลัยชื่อดังในกรุงเทพและที่เดียวกับครูลินดาแต่คนละคณะกัน



                 “เหลือเวลาอีกสิบห้านาทีค่ะครูเขม เราต้องไปยืนคุมนักเรียนเข้าแถวหน้าเสาธงกันค่ะ”ครูลินดาบอกผม



                “ถ้าอย่างนั้นผมขอไปทำธุระส่วนตัวก่อนครับเพราะว่าหลังทำพิธีหน้าเสาธงผมต้องเข้าสอนเลยครับคาบแรก” ผมบอกครูลินดา ผมลุกขึ้นและเอาจานไปเก็บยังจุดที่เขาเตรียมภาชนะไว้ไส่ และเดินขึ้นห้องพักครูก่อน ผมว่าจะไปเข้าห้องน้ำเพื่อแปรงฟันหลังอาหารซะก่อน



              “อ้าวครูเขม ไปไหนมาคะ” ครูสมพิศเดินออกมาจากห้องพักครู



            “ผมไปทานข้าวกับครูลินดาและครูถาวรมาครับ” ผมบอกครูสมพิศ



            “แม้มาถึงได้ควงครูสาวสวยประจำโรงเรียนนี้เลยนะคะครูเขม” ครูสมพิศแซวผม ผมก็ยิ้มๆ



            “เออ ขอโทษครับครูสมพิศครับ ไม่ทราบว่าชั้นนี้มีห้องน้ำครูไหมครับ” ผมถามครูสมพิศ ครูก็ชะเง้อมองไปทางขึ้นบรรได



           “นั้นห้องน้ำครูผู้ชายคะ “ ครูสมพิศบอกผม ผมก็เข้าไปในห้องของใช้ส่วนตัวว่าจะไปห้องน้ำ ผมเดินไปก็เปิดประตูเข้าไปทันทีแต่สิ่งที่เห็นคือ เด็กนักเรียนชายสามคนกำลังบี้บุหรี ทิ้งและหันมามองผม



          “พวกเธอมาทำอะไรในห้องน้ำครู” ผมถามเขาสามคน



          “ก็มาเข้าห้องน้ำ ทำไมอะ “ คนที่ยืนทำหน้าตากวนๆ ถามผม



        “ไปเถอะวะกาย”เด็กผู้ชายอีกคนทีดูล่ำๆน่าจะเป็นนักกีฬาแต่ผมเดาว่านักมวยแน่ๆ



        “ครูใหม่ละซิ อยากให้ผมสามคนต้อนรับครูใหม่หรือไง”คนที่ชื่อกายพูด ผมก็มองหน้าทั้งสามคน และคนที่เป็นหัวโจกทำท่าจะเดินเข้าหาผมแบบไม่เกรงกลัวว่าผมนะเป็นครู



       “พวกเธอทำอะไรนะ! “ เสียงคนที่ดูมีอำนาจ ดังมาจากด้านหลังของผม



      “เปล่าครับ “ คนที่ชื่อกายพูด



     “ไปเตรียมเข้าแถว และนี้เข้ามาทำอะไรในห้องน้ำครู ฉันบอกพวกเธอกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาใช้ห้องน้ำครู “



        “ครับ ผมแค่มาล้างมือกันนะครับครู และจะไปเข้าแถวแล้ว ใช่ไหมครับ ครูคนใหม่” นายนั้นโกหกและหันมาถามผม



        “เออ ครูคนใหม่ใช่ไหมครับ”



      “ใช่ครับ ผมชื่อเขมชาติครับ” ผมหันไปบอก



       “ไปได้แล้วพวกเธอสามคน และอย่าให้ฉันเห็นอีกนะ จะแค่ล้างมือก็ไม่ได้เพราะนี้มันห้องน้ำสำหรับครูใช้เท่านั้น พวกเธอต้องไปใช้ห้องน้ำของนักเรียน เข้าใจไหม กาย อั๋น และเอก “ ครูคนนั้นดุพวกสามคนนั้นหันมามองผม และพวกก็เดินออกไป



              “ผมชื่อครูอครชัยครับ ผมเป็นครูอยู่ฝ่ายปกครองนี้ “ ครูอครชัยบอกผม ผมก็ยกมือไหว้



             “สามคนนี้ ตัวแสบของโรงเรียนเลย ระวังไว้หน่อยนะครับครู นายกายนี้พ่อเป็นนายทหาร เกเรที่สุด ไม่มีที่ไหนอยากรับไปเข้าเรียน เลยต้องอยู่ที่นี้ จะไล่ออกก็ไม่ได้ “ ครูอครชัยพูด ผมพยักหน้า



             “สงสัยสามคนนั้นสูบบุหรีที่ในห้องน้ำครูอีกแล้ว เดี๋ยวผมตามแม่บ้านมาทำความสะอาดดีกว่าครับครู” ครูอครชัยบอกผม



          “ผมแค่เออ ล้างมือครับ “ ผมบอกครูและเดินเข้าห้องน้ำ กลิ่นบุหรีนี้แรงมาก แต่ผมก็ต้องกลั้นหายใจ เพราะว่าผมไม่ชอบกลิ่นบุหรี่เอาวะเลย ผมจัดการธุระส่วนตัวเสร็จก็รีบออก ผมเห็นว่าน่าจะได้เวลานักเรียนเข้าแถวหน้าเสาธงกันแล้วผมเลยเดินลมาชั้นล่าง และเห็นครูหลายๆคนยืนอยู่



           “นี่ไงคะผอ. ครูเขมชาติ” ครูสมพิศ ชี้ให้ท่าน ผู้อำนวยการดูและท่านก็ควักมือเรียกผมเข้าไป



         “เดี๋ยวหลังจากเคารพธงชาติเสร็จผมจะกล่าวแนะนำครูใหม่นั้นคือครูเขมชาติกับนักเรียนของเรานะครับครู” ผมพยักหน้า



          “ครูเขมชาติ นี้คือคุณครูของโรงเรียนเราค่ะ” ครูสมพิศ แนะนำผมกับคุณครูทุกท่านที่โรงเรียน ผมดูแล้วน่าจะเป็นผม ครูลินดาและครูถาวรที่เด็กที่สุด แต่ละท่านนี้ก็หลักสี่กันแล้วมั้งครับ อ้มีครูโจ้อีกคนที่น่าจะแก่กว่าผม ปีสองปี



            “สวัสดีครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” ผมกล่าวกับครูทุกคน



          “ เดี๋ยวเราไปยืนตรวจแถวนักเรียนกันค่ะครู ก็ไม่ต้องทำอะไรมากค่ะ แค่ยืนให้เด็กเข้าแถวอย่างเรียบร้อยค่ะ พอร้อนๆหน่อยก็เขาที่ร่มต้นไม้อะไรอย่างนี้นะคะ “ ครูสมพิศบอกผม ผมหันไปยิ้มให้ครูลินดา และพวกผมก็ย้านกันเดินออกไป ผมเดินไปรอบๆ ที่นี้เขาแยกเข้าแถวกันระหว่างชายหญิง จะแบ่งเป็นชั้นๆ ชั้นหนึ่งก็  ผมเห็นครูผู้ชายก็มักจะยืนที่แถวนักเรียนชาย



          “ครูเขม” ครูโจ้โบกมือเรียกผม ผมก็ไปยืนกับครูโจ้ทันที่ จะได้ไม่วังเวงหากยืนอยู่ในที่โล่งๆคนเดียว



          “อ้าวแล้วครูโจ้ไม่ไปกับแฟนเหรอครับเห็นว่าหมอนัด”



               “อ้อ! ผมให้ พี่ชายเขาพาไปนะครับ “ ครูโจ้พูด ผมพยักหน้า และหันไปยิ้มให้ครูอีกคนที่ท่าทางกระตุ้งกระติ้งหน่อยจะว่าเรียบร้อยมากก็ว่าได้หรือว่าจะมองว่าไม่แมนก็ได้ ผมเลยไม่กล้าตัดสินดีกว่า



            “สวัสดีครับ ผมครูสมชายครับ ยินดีที่รู้จักนะครับ ผมเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่นี้เหมือนันกัน” ผมพยักหน้าและยื่นมือไปเช็คแฮนด์ ระหว่างที่กำลังพิธีร้องเพลงชาติ ผมเหลือบไปเห็นนายคนนั้นหนุ่มลูกครึ้งตาสีฟ้าของผม แต่ว่าวันนี้มันดูไม่ใช่สีฟ้านิ หรือว่าวันก่อนเขาใส่คอนแทคเลนส์ทำให้ตาเป็นสีฟ้ากันแน่  แต่ว่าตอนนี้เขาหันมามองผมและหยักคิ้วให้ผมด้วย ผมก็ทำนิ้วจุปากเพราะเวลานี้ควรจะสำรวม ไม่นานเวลาพิธีหน้าเสาธงเสร็จเรีบยร้อย





                  “นักเรียนทำความเคารพ” พอท่านผู้อำนวนการขึ้นไปยืนก็มีนักเรียนคนหนึ่งที่ทำหน้าที่นำสวน ร้องเพลงชาติลุกขึ้นและบอกให้นักเรียนทุกคนทำความเคารพ



            “สวัสดีครับ นักเรียนที่น่ารักทุกคน อะนั่งลงได้ วันนี้ครูมีเรื่องมพูดไม่นานเพราะว่าดูท่าทางจะร้อนกันแล้ว ” ผู้อำนวนการบอกให้นักเรียนทั้งหมดนั่งลง พอนักเรียนนั่งคุณครูก็ยังคงยื่นอยู่







         “วันนี้ก็เป็นการเปิดภาคเรียนมาได้หนึ่งอาทิตย์กว่าแล้วนะ เทอมที่แล้วใครติดศูนย์ ติดรอแก้ไขให้เรียบร้อยนะ เวลาปิดภาคเรียนใหญ่ได้ไม่ต้องกลับมาแก้อีกและจะได้ไปเที่ยวกันได้สนุกสนาน “ผู้อำนวนการพูด



       “เอาละ ที่ครูขึ้นมาวันนี้ ก็เพื่อที่จะแนะนำคุณครูคนใหม่ ซึ้งเป็นครูหนุ่มใหม่ไฟแรง หล่อด้วย ที่มาเป็นครูสอนพวกเรา” ท่านผอพูดทำเอาผมนี้เขินเลยครับ



      “เชิญครับครูเขมชาติ” พอท่านผุ้อำนวนการเอ่ยชื่อผมและเชิญผมขึ้นไป นักเรียนหันมามองผมกันหมด



      “หล่อด้วยอะแก”ผมได้ยินเสียงนักเรียนสาวๆ แซวผมกันใหญ่เลย และผมก็เห็นนายตาสีฟ้านั้นมองผม ตั้งแต่ผมกำลังเดินไปจนขึ้นเวที



    “แนะนำตัวหน่อยครับครูเขมชาติ” ท่านผู้อำนวนการบอกผมและส่งไมโครโฟนมาให้ผม



     “สวัสดีครับท่านผู้อำนวนการ คุณครูทุกท่าน และนักเรียนทุกคน กะผม นายเชมชาติ จะมาเป็นครูสอนวิชาภาษาอังกฤษที่นี้ครับ ผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะมาเป็นผู้ประสาทวิชาความรู้ให้แก่นักเรียนทุกคนในโรงเรียนนี้และผมจะตั้งใจมอบความรู้ที่ผมได้เรียนมาแก่นักเรียนทุกคนอย่างเต็มความสามารถครับ” ผมพูดและเสียงปรบมือดังขึ้นแต่สายตาผมกับเห็นหนุ่มตาสีฟ้านั้นมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เขามองหันไปทางอื่น



             “ขอบคุณนะครับครู ขอให้สมดังที่ครูตั้งใจที่จะมอบความรู้ต่างๆให้แก่นักเรียนที่นี้ และครูขอให้นักเรียนทุกคนตั้งใจเรียนกับครูเขมชาติกันนะครับ รักและเคารพคุณครู เหมือนเช่นคุณครูท่านอื่นๆ วันนี้ก็คงพอแค่นี้ เชิญแยกย้ายกันขึ้นห้องเรียน” ท่านผู้อำนวนการพูด และนักเรียนก็พากันลุกขึ้นและเดินแถวแยกย้ายเข้าห้องเรียนกัน ผมก็ดันไม่ได้สังเกตุว่านายหนุ่มตาสีฟ้านันเรียนห้องไหนกัน และปีไหนด้วยเพราะมัวแต่คุยกับครูโจ้



          “ครูเขมคะ” ผมหันไปยังเสียงที่เรียกชื่อผม



       “สวัสดีครับ “ ผมทักทายคุณครูผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เดินมาทักผม



              “ดิฉันชื่อครูลิมาค่ะ เป็นครูสอนภาษาอังกฤษเหมือนกันค่ะ ดีใจนะคะที่ได้ครูคนใหม่ไฟแรงมาช่วยเรา ถ้ามีเวลายังไงเราน่าจะนัดประชุมกันนะคะ เราจะมีการแข่งขันภาษาอังกฤษกันนะคะ “ ครูลิมาบอกผม ผมพยักหน้าดีเลย



            “ตอนนี้ลิมาต้องชึ้นสอนก่อน แล้วครูละคะ ชึ้นสอนเลยไหมคะคาบนี้”



            “ใช่ครับผมจะขึ้นสอน นักเรียนชั้นม.4ครับ ห้อง4/1 ครับ” ผมบอกครูลิมา แต่ดูครูลิมาจะทำหน้าตกใจ



            “4/1 เป็นเด็กเรียนเก่งกันทั้งหมดสบายครูไปนะคะ แต่จะมีหนึ่งคนที่ไม่เข้าเรียนเลย อย่าไปอะไรมากเพราะบังคับยังไงก็ไม่เข้าคะ เทอมที่แล้วติดศูนย์ของลิมายังไม่แก้เลยค่ะ เห็นท่านผู้อำนวนการจะเรียกผู้ปกครองมาคุยอยู่ค่ะ “ ครูลิมาบอกผม ผมก็ยิ้ม นี้ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเข้าไปในห้องนักเรียนเลยก็เหมือนจะเจอปัญหาซะแล้ว
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดในรั่วโรงเรียนตอนที2 ครูเขมชาติ Xคริสโตเฟอร์วันแรกของการเป็นครูสอน
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 14-07-2020 07:17:08
เห็นชื่อเรื่อง
“รั่วโรงเรียน “ คนเขียน เขียนผิดหรือตั้งใจเขียนเพื่อต้องการดึงดูดให้คนอ่านสนใจ
แต่การเขียนหนังสือคนอ่านอยากให้คนเขียนสะกดคำให้ถูกมากกว่าค่ะ
“ รั้วโรงเรียน “
ส่วนเนื้อเรื่องน่าติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดในรั่วโรงเรียนตอนที2 ครูเขมชาติ Xคริสโตเฟอร์วันแรกของการเป็นครูสอน
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 14-07-2020 13:08:43
เห็นชื่อเรื่อง
“รั่วโรงเรียน “ คนเขียน เขียนผิดหรือตั้งใจเขียนเพื่อต้องการดึงดูดให้คนอ่านสนใจ
แต่การเขียนหนังสือคนอ่านอยากให้คนเขียนสะกดคำให้ถูกมากกว่าค่ะ
“ รั้วโรงเรียน “
ส่วนเนื้อเรื่องน่าติดตามค่ะ
ต้องขอโทษจริงๆนะคะ ไม่ได้สังเกตุเลยจริงๆค่ะ จะพยายามไม่ให้มีคำผิดเลยค่ะ จะพยายามแก้ไขปรับปรุงนะคะ ถ้ายังไงฝากด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดในรั้วโรงเรียนตอนที2 ครูเขมชาติ Xคริสโตเฟอร์วันแรกของการเป็นครูสอน
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 14-07-2020 17:25:50
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: รักนี้เกิดในรั้วโรงเรียน(ครูเขมชาติXคริส)EP.3.1 วันแรกของการเป็นครู 2
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 14-07-2020 23:07:27
             
      EP.3.1  วันแรกของการเป็นครู 2   
         ส่วนผมก็รีบเดินขึ้นไปบนห้องพักครูทันที ผมต้องเข้าไปหยิบหนังสือที่จะใช้สอนนักเรียนชั้นมัธยมปีที่4 ผมเองก็คุ้นเคยกับการติวเตอร์มาแล้วเท่านั้น แม้มันจะค้อนข้างแตกต่างจากในชั้นเรียนบ้างก็เพราะว่าติวเตอร์จะเน้นทำข้อสอบและสนุกสนานกันเหมือนเพื่อนกัน แต่ทะว่าการเป็นครู ผมต้องสอนและพัฒนาตัวนักเรียน และการสอนต้องสอนให้ให้นักเรียนเข้าใจอย่างแท้จริง ผ่านกิจกรรม การพิสูจน์ การทดลอง เพื่อให้นักเรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ขึ้นมาได้เอง



                      แต่ตอนที่ผมเป็นติวเตอร์ การสอนเวลามันจำกัด ดังนั้นผมต้องสอนแบบ สูตรลัด ตัดช้อยส์ เทคนิคการเดาต่างๆ และจุดประสงค์หลักของนักเรียนที่มาเรียนติวเตอร์คือต้องการทำข้อสอบได้เท่านั้นจริงๆ ทำเอาผมยืนสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ เอาวะเขมนายต้องทำได้ แต่ก่อนจะขึ้นไปที่ห้องของนักเรียนผมก็หยิบมือถือมาดู ณัฐกานต์ยังไม่ตอบข้อความของผมเลย ผมก็ไม่อยากถือไปด้วยเลย



              ณัฐกานต์ =  เขมจะขึ้นห้องสอนเด็กแล้วนะ ตอนเที่ยงเขมโทรหานะครับ เป็นห่วงนะครับ รักครับ

       

                  ผมส่งข้อความหาณัฐกานต์และโยนมือถือใส่ในลิ้นชักก่อนจะหยิบหนังภาษาอังกฤษระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ขึ้นมา ผมคงต้องถามนักเรียนเอาว่าสองอาทิตย์ที่ผ่านมามีครูสอนถึงไหนและผมจะได้ปะติดปะต่อถูก ผมเดินขึ้นไปยังชั้นที่ 2 ของตัวอาคาร แม้จะมีตึกเดียวแต่ก็ดูเหมือนสองตึกมากกว่าและมีทางเชื่อมกันระหว่างตึกด้วย  มีจำนวนห้องเรียนมากมาย แต่ก็ไม่ได้เป็นเฉพาะห้องเรียนทั่งหมด



               ผมเดินไปจนถึงห้องนักเรียนชั้นปีที่ 4/1  ก่อนเข้าก็สูดลมหายใจเข้าปอดอีกที คิดในใจสู้โว้ย และผมก็ก้าวเท้าเข้าห้องไป



              “นักเรียนทำความเคารพ” หัวหน้าห้องรีบบอกนักเรียนในห้องทั้งหมดทำความรพผมทันที



“Good morning Teacher “



                 “Good morning everyone. How are you today?. ผมถามนักเรียนในห้อง นี้เป็นการเจอกันครั้งแรก



                “I’m fine Thank you, and you ?”



               “I ‘m very well Thank you” ผมตอบ



              “โห้! สำเนียงเป๊ะมากอะแก “ นักเรียนหญิงที่อยู่แถวหน้าหันไปกระซิบกับเพื่อน



             “Sit down please” ผมบอกนักเรียนทุกคน และนักเรียนทุกคนก็นั่งลง



             “Thank you Teacher”



                “My name is Khemmachat. I’m glad to meet everyone in my class today.



             “ เอาละ ครูจะขอเช็คชื่อพวกเธอก่อนนะ แล้วก่อนที่ครูจะเริ่มสอนเราตามบทเรียน ครูจะให้เราตั้งคำถาม ถามครูได้คนละคำถาม แต่เป็นภาษาอังกฤษ” ผมบอกทุกคน ทุกคนหันไปยิ้มๆกันโดยเฉพาะ นักเรียนหญิง ผมก็หยิบแฟ้มรายชื่อนักเรียนในห้องเรียนที่ครูสมพิศให้ผมมาออกมาเปิดและขานชื่อแต่ละคน ส่วนใหญ่ก็ตอบว่ามากันหมดจนมาถึงชื่อหนึ่ง



             “คริสโตเฟอร์” ผมเรียกชื่อนี้โดยยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นแต่มันได้ความเงียบกลับมาเป็นคำตอบ ผมก็ต้องเงยหน้าขึ้นมอง ทุกคนนิ่งเงียบกันหมด



          “คริสโตเฟอร์!”



      “where is Chritopher?



      “เขาไม่อยู่คะครู”มีคนตอบผมและมองไปที่โต๊ะนักเรียนด้านหลังสุดติดกับหน้าต่าง



       “เออ.. ใช่คนที่เป็นลูกครึ้งหรือเปล่า ” ผมถามนักเรียนในห้อง



       “ใช่ค่ะ” “ใช่ครับ” ทุกคนตอบพร้อมกันหมด



       “แล้วเขาไปไหน ครูว่าครูเห็นเขานะ เขาเข้าแถวเมื่อตอนเช้าอยู่เลย” ผมพูดขึ้นและมองไปรอบและชะเง้อมองไปด่านนอกห้องเพื่อว่าเขากำลังเดินขึ้นมา อาจจะไปห้องน้ำ



             “ครูเขมชาติคะ เขาไม่มาหรอกค่ะ เขาไม่เคยเข้าเรียนวิชานี้เลยค่ะ วิชาอื่นก็เข้านะคะแต่วิชานี้เขาไม่ยอมเข้าค่ะ”

                                                                                           

         “เนอะพวกเรา”



          “ใช่” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันทำให้ผมตกใจและมันก็ตรงกับที่ครูลิมาพูดด้วย



            “มีใครเห็นเขาบ้าง บอกครูทีซิ” ผมถามนักเรียนในห้อง มีแต่คนส่ายหัวว่าไม่เห็นแต่ก็มีหนึ่งคนที่ยกมือขึ้น



         “ผมเห็นครับ ตอนที่ผมเดินที่รถมอเตอร์ไซด์ที่ผมจอดไว้ ผมเห็นเขานั่งเล่นกีตาร์อยู่ที่ศาลากลางน้ำครับ” นักเรียนชายคนหนึ่งลุกขึ้นตอบผม ผมก็ว่างแฟ้มลง คิดในใจนี้มันใช่เวลาไปนั่งเล่นกีตาร์ไหม ผมไม่แน่ใจว่าใช่นายไหมนะ นายตาสีฟ้า



        “เอาละเดี๋ยวครูมา พวกเธอเตรียมคำถามไว้ถามครู ขอเป็นภาษาอังกฤษนะ ถูกผิดไม่ว่ากัน “ ผมพูดและทำท่าจะเดินออกจากห้อง



        “ครูจะไปตามเขาเหรอคะ อย่าไปเลยคะ เขาไม่มาหรอกคะ” เด็กนักเรียนหญิงที่นั่งด้านหน้าสุด ร้องทักผม ผมหันไปมองว่าทำไม



        “ใช่ครูอย่าไปเลยคะ คริสโตเฟอร์ เคยต่อยครูสมชายมาแล้วนะคะ ครูสอนภาษาอังกฤษนะคะ เขาเลยไม่ยอมมาสอนห้องที่นายคริสเรียนเด็ดขาด” นักเรียนอีกคนพูด ผมคิดว่าคนเดียวกันแล้วแหละ เพราะเขาเรียกว่านายคริส



      “งั้นเดี๋ยวครูมา” ผมพูดแค่นั้นและเดินลงไปชั้นล่าง ผมรู้ว่าศาลากลางน้ำอยู่ตรงไหน จะเลยที่จอดรถไปหน่อย มีบ่อน้ำและมีศาสาที่ตั้งอยู่ไปทางกลางน้ำ ผมเดินจั้มอ้าวลงไปอย่างไม่ได้สนใจใครจนกระทั้งผมไปหยุดที่ทางเดินเข้าไปศาลากลางน้ำ



         ทันทีที่ผมเดินมาถึงศาลากลางน้ำที่ทุกคนพูดถึง ผมก็เห็นมีนักเรียนนั่งอยู่ มือดีดกีตาร์อยู่ ดูจากรูปร่างใช่แน่นอนนายคริสโตเฟอร์ ผมรีบเดินเข้าไปหาเขา เขายังคงนั่งเล่นกีตาร์หันหลังให้ผม เพลงที่เขาเล่นน่ะเป็นเพลงที่ผมชอบซะด้วย All of me  แต่ นี้มันไม่ใช่เวลามาเล่นกีตาร์ เขาควรจะอยู่ในห้องเรียนกับผม



          “คริสโตเฟอร์ “ ผมเรียกชื่อเขา คริสโตเฟอร์หันมามองหน้าผมด้วยอาการตกใจ



        “คุณ เอ้ย ครู” คริสโตเฟอร์



      “นายเล่นกีตาร์และร้องเพลงได้เพราะมากนะและครูเองก็ชอบเพลงนี้มาก แต่จะให้ดีควรจะไปเข้าห้องเรียนหรือถ้าอยากร้องมาก ไปร้องให้เพื่อนฟังดีกว่าไหม”ผมถามนายคริสโตเฟอร์ นายนั้นก็วางกีตาร์ลงและหันมามองผม เหมือนเขาจะพูดอะไรสักอย่างแต่เขาก็ไม่เขาได้หยิบกีตาร์และลุกขึ้นเดินแทรกผมไปทันที ผมก็เดินจามเขา



            “นายคริสโตเฟอร์ หยุดนะ! “ ผมเรียกชื่อเขาและบอกให้เขาหยุดเพราะผมเห็นว่าเขาไม่ได้เดินไปเพื่อไปขึ้นตึกแต่เหมือนจะเดินไปทางบ้านพักนักเรียนมากกว่า



           “นายคริสโตเฟอร์!!” ผมเรียกชื่อเขาเสียงดังมาก



          “ไม่ต้องเสียเวลามาตามผมหรอกครับครู ผมไม่เคยขึ้นเรียนวิชานี้ ใครก็รู้ ไม่ลองถามเพื่อนๆในห้องผมดูละครับคุณครู เขมชาติ” คริสโตเฟอร์หันมามองหน้าผม และเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากเมื่อวานที่เขาเรียกชื่อผม



           “ทำไม นี้มันวิชาตามแผนบังคับการเรียนของนายนะ นายต้องเรียนวิชาภาษาอังกฤษและนายต้องเข้าเรียนกับครู ตอนนี้ “ผมพูดเขายังคงมองหน้าผม



                 “เพื่อนๆรอนายอยู่ไป อย่าให้เพื่อนเสียเวลารอนายคนเดียว”ผมพูดและเดินไปจับข้อมือของนายคริสโตเฟอร์และพยายามจูงให้เขาตามผมไป



                “ผมไม่ขึ้น และผมจะไม่มีวันขึ้น ปล่อนผมนะครู”เขาพยายามสะบัดมือผมให้หลุด





                 “ทำไม!  นายมีเหตุผลไหม ถ้ามันคือเหตุผลที่สมควร ครูก็จะไม่ยังคับนาย” ผมถามนายคริสโตเฟอร์ ขณะที่เขากำลังจะหันและเดินหนีผม



                   “ผมมีเหตุผลของผม “นายคริสโตเฟอร์พูดแต่ผมยังไม่ยอมปล่อยข้อมือของเขา



                    “นายต้องขึ้นห้องเรียนกับครูตอนนี้และเดี๋ยวนี้ “ ผมพูด นายคริสโตเฟอร์ มองมือผมและสะบัดมือผมอย่างแรงและผมก็เสียหลักกระเด็นออกไป นายคริสโตเฟอร์หันมามองผมด้วยความตกใจ



                    “อะไรกันนะ” เสียงครูผู้หญิงร้องทักดังมาและครูคนนั้นก็รีบเดินเข้ามา ผมก็รีบลุกขึ้นสะบัดเศษหญ้าออก



                    “นายคริสโตเฟอร์ นี้นายมีเรื่องกับครูอาจารย์อีกแล้วเหรอ และนี้นายผลักครูเลยเหรอ ครูว่าเธอควรจะไปหาผู้อำนวยการเดี๋ยวนี้” ครูผู้หญิงที่เดินมาหาผม ผมคิดว่าถ้าเป็นเช่นนั้นเรื่องใหญ่แน่ๆ



                    “ครูครับผมไม่เป็นไรครับ และนายคริสเขา..ก็ไม่ได้ผลักผมครับ....ผม..แค่ ลื้นล้มไปเองครับ และมันจังหวะที่นายคริสกำลังเดินกลับไปห้องพักเขา เขาปวดท้องนะครับ” ผมพูด นายคริสโตเฟอร์มองหน้าผม และครูผู้หญิงคนนั้นก็มองหน้าผมสลับกับนายคริสโตเฟอร์เช่นกัน



                       “จริงเหรอนายคริส” ครูที่เดินเข้ามาหันไปถามคริสโตเฟอร์



                      “เออ...ผม..”นานคริสโตเฟอร์ทำท่าอึกอักแต่ผมขยิบตา



                     “ครับครู” นายคริสโตเฟอร์พูดแบบไม่เต็มคำ



                     “นายไปพักเถอะและอย่าลืมทานยาละ พรุ่งนี้ค่อยมาเรียนนะ” ผมพูดและนายคริสโตเฟอร์ก็คว้ากีตาร์และเดินออกไปอย่างเร็ว ผมหันมาเจอครูท่านนั้นที่ยืนมองผม



                     “ครูช่วยเด็ก” ครูผู้หญิงนั้นหันมาพูดกับผม



                           “ครูครับ ผมว่าถ้าให้เขาไปหาผู้อำนวยการมันจะยิ่งแย่ เราควรที่จะรู้ว่าปัญหาของเขาคืออะไรครับ และแก้ไข ไม่ใช่ผลักเขาออก” ผมพูด ครูผู้หญิงตรงหน้าผมก็มองมาที่ผมและถอนหายใจออกมา



                            “ผมขอโทษครับครู”ผมก็กล่าวขอโทษทันทีเพราะยังไงผมก็เพิ่งจะมาใหม่



                        “แล้วนี้ครูเป็นอะไรไหมคะ”ครูผู้หญิงถามผม



                       “ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับครู ผมขอโทษนะครับ ที่ผม”



                      “ค่ะ ดิฉันเห็นแก่ว่าคุณเป็นครูใหม่ ว่าแต่คุณชื่อครูเขมชาติใช่ไหมคะ”



                      “ครับผม”



                      “ดิฉันครูสิรินาฏค่ะ เป็นครูแนะแนวที่นี้ค่ะ”



                      “ยินดีที่รู้จักนะครับ ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนนะครับ นักเรียนในห้องรอผมอยู่นะครับ” ผมพูดและขอตัวเดินออกทันที ผมพ่นลมหายใจออกมา ผมเห็นสายตาที่เขามองผมตอนที่ผมล้มลงไปแล้วผมรับรู้ได้ว่าเขารู้สึกผิด ถ้าเขารู้สึกผิดนั้นแปละว่าเขาไม่ใช่คนไม่ได้ ไม่ใช่เด็กเกเรจนยากจะเยียวยาแต่เขาต้องมีปัญหาอะไรสักอย่างที่ผมควรจะเข้าไปแก้ไข ผมปล่อยเขาแบบนี้ไม่ได้หรอก ผมเดินกลับขึ้นไปบนห้องโดยไม่มีเขาตามกลับขึ้นไป นักเรียนทุกคนก็มองผมและหันไปกระซิบกระซาบกัน ผมก็ปรับสีหน้าให้กลับมาสู่ปกติ



                       “เห็นไหมแกฉันบอกแล้วว่ายังไงเขาก็ไม่ขึ้นมาหรอก” นักเรียนหญิงที่ร้องห้ามผมไม่ให้ลงไปคามคริสโตเฟอร์หันไปกระซิบกับเพื่อนๆของเธอ



                        “เอาละ เรามาเริ่มเรียนกันได้เลยครับ ส่วนคำถามเอาไว้คาบหน้านะครับเพราะว่ามันเกินเวลาไปเยอะ ครูขอโทษนะครับทุกคน” ผมพูดและเปิดหนังสือทำการสอน ในหัวผมนี้คิดฟุ้งซ้านไปหมดเลยวันนี้ 

***************************************************************

[คริสโตเฟอร์ ]



                             ผมนายคริสโตเฟอร์ ผมไม่ได้ขึ้นเรียนวิชาภาษาอังกฤษ และเป็นวิชาเดียวที่ผมไม่เคยขึ้นเรียนจนครูปล่อยผมติดศูนย์ตลอดและวันนี้ก็เช่นกันแต่ว่าวันนี้มีครูคนใหม่มา ผมก็ไม่รู้ทำไมผมถูกชะตากับเขาตั้งแต่ตอนที่เจอกันครั้งแรกที่ตรงบรรได ผมคว้าแขนเขาไว้หรือว่านี้เขาเรียกว่ารักแรกผม บ้าน่านั้นมันครูผู้ชายนะโว้ยไอ้คริส ถามว่าผมเคยมีแฟนไหม เคยมีและตอนนี้ก็ไม่มีแบบเป็นตัวเป็นตน คบๆไปบางทีก็แค่คุยแก้เหง่า เพราะตั้งแต่เชอรี่ถูกส่งไปเรียนเมืองนอกก็เพราะว่าเขามาคบกับผมเชอรี่เป็นลูกสาวคนเดียวของผู้มีตำแหน่งทางการเมือง และเชอรี่คือจุดที่ทำให้ผมกับพี่กายมีเรื่องบาดหมางกันจนมองหน้ากันไม่ติดถึงทุกวันนี้ด้วยเช่นกัน



                                  “อ้าวไอ้คริส มรึงเลิกเร็วเหรอวะวันนี้ มึงเลยมานั่งรอพวกกู”ไอ้โป้งเพื่อนรักของผมแต่อยู่คนละห้อง ไอ้โป้งมันอยู่ ม.5แล้ว ผมนะโดนพักการเรียนไปหนึ่งเทอม เลยช้าไปกว่ามัน



                              “กูไม่ได้ขึ้นเรียนวะโป้ง” ผมบอกไอ้โป้ง



                                   “อะไรอีกวะ ทำไมมึงไม่ขึ้นเรียนวะ เดี๋ยวก็โดนเรียกผู้ปกครองหรอกมึง”ไอ้อาร์ท พูดขึ้นและไอ้โจก็พยักหน้าเห็นด้วย



                                 “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าวะมึง” ไอ้ปันปันอีกคน



                                “กูไม่ได้เข้าเรียนภาษาอังกฤษ และครูเขาลงมาตามกู แต่กูไม่ยอมขึ้น เลยมีการยื้อกันจนครูเขา...ล้มลง เหมือนกูผลักเขา” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด



                                 “และครูสิรินาฏก็มาเห็นตอนแรกเขาจะให้กูไปหาผู้อำนวนการให้ได้วะ แต่ครูเขาโกหกว่ากูไม่ได้ผลัก” ผมพูดอย่างคนรู้สึกผิด



                                   “เออ น่า มันไม่ใช่ครั้งแรกของมึงนิหว่า เพราะว่า มึงก็เกือบจะต่อยครูสมชายไปแล้ว”ไอ้โจมันพูด



                                  “ก็น่าถูกต่อยหรอกนะ ดูมันว่าไอ้คริสดิ เป็นกู กูก็ต่อยวะ เสือกเรียกไอ้คริสว่าฝรั่งขี้นก “ ปันปันพูด ใช่ผมนะโมโหเขามากพยายามจะอดกลั้นแล้วแต่ก็ทนไม่ไหวต่อยเขาไปหนึ่งที



                                “เอานะ ดูแล้วมึงไม่ตั้งใจก็รอไปขอโทษเขาแล้วกันวะ” ไอ้โป้งพูด



                                 “หาอะไรทานกันดีกว่าวะ” ไอ้โป้งบอกทุกคน ผมก็ลุก และเดินไปจะไปดูว่าจะทานอะไรดี เมื่อเช้าเดินไปสั่งอาหารให้เหมือนเขาแต่ดันได้จานที่มีผักเยอะแยะ พูดแล้วยังเหม็นเขียวในปากอยู่เลย ผมไม่ค่อยชอบทานผัก



                                    “กรูไปสั่งก๋วยเตี๋ยวนะ มึงเอาไหมวะคริส” ไอ้ปันปันมันถามผม ผมเหลือบไปเห็นครูเขมเดินไปสั่งร้านข้าวพอดี



                                       “ไม่เอาวะ กูไปซื้อข้าวนะ “ ผมพูดและรีบแทรกนักเรียนที่ทยอยเดินลงมาทานข้าวและผมก็แทรกเดินไปจนถึงครูเขมชาติ ผมรู้จักชื่อเพราะว่าวันนั้นผมสังเกตุจากแฟ้มที่ครูถือผมเห็นจากบัตรประจำตัวของครู  ผมไปยืนใกล้ชิดแต่เขายังไม่รู้สึกว่าเป็นผม จนกระทั้งไหล่ผมชนเข้ากับเขา



                                     “ครู” ผมเรียกเขา เขาก็หันมามองผม สายตาเขาเหมือนผิดหวังและหันกลับ



                                    “ครู ผมขอโทษ ผมไม่ตั้งใจผลักครู”



                                    “ครูรู้ว่าเราไม่ตั้งใจ แต่ครูยังไม่รับคำขอโทษนะ” ผมก็ตกใจ



                                     “ถ้านายจะให้ครูรับคำขอโทษของนาย นายก็ต้องเข้าเรียนกับครูพรุ่งนี้ ครูมีสอนภาษาอังกฤษ คาบบ่ายที่ห้องเรา “ ครูเขมชาติหันมามองผม สายตาที่จริงจัง แต่ผมนี้ยืนกลืนน้ำลายลงคอ



                                     “แต่ว่า..”



                                 “ลองเข้าเรียนก่อน ถ้าไม่ชอบ ครูจะไม่ตอแยเราอีก และอันที่จริง ถ้าเรามีปัญหาอะไร คุยกับครูได้นะ ครูพร้อมรับฟัง” ครูเขมชาติพูดกับผม ผมก็มองครูเขมชาติ สายตาของเขามันทำให้ผมหยุดทุกสิ่งในหัว ผมรู้สึกเหมือนเรายืนอยู่ตรงนี้กันแค่สองคน



                               “คริส” ผมสะดุ้งได้สติ จนมีคนมาเรียกผม ไอ้ปันปันนั้นเอง



                               “ครูเขมคะ เสร็จหรือยังคะ เราไปนั่งโต๊ะตัวยาวดีกว่าคะเพราะว่าครูอีกสองสามคนจะลงมาทานด้วยกันคะ” ครูลินดาเดินมาจับแขนครูเขมชาติและครูเขมก็หันมามองผมก่อนจะเดินตามครูลินดาออกไป



                                “มึงเสร็จยังจะได้ไปนั่งกินได้แล้วไอ้นี่นิ ทำเป็นหึงครูลินดา “ไอ้ปันปันมันพูด ผมหันมามองมันและเดินออกทันที ผมยังไม่ได้สั่งอาหารร้านนั้นเลย ผมคงเลือกทานอย่างที่ผมชอบดีกว่า ก๋วยเตียวไก่มะระแทน แต่ระหว่างที่ผมยืนรอผมก็มองครูเขมชาติที่นั่งคุยกับครูลินดาอย่างกับคู่รัก หรือว่าครูเขมชาติเขาอยากเปลี่ยน หรือจริงๆเขาไม่ได้ชอบผู้ชายจริงๆนะ แล้วผมจะไปคิดมากทำไมวะ แต่ที่ควรจะคิดมากนะตอนนี้คือ ผมควรจะเข้าเรียนภาษาอังกฤษดีไหมวะพรุ่งนี้
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดในรั้วโรงเรียนตอนที3ครูเขมชาติXคริสผมต้องรู้ให้ได้ถึงปัญหาของเขาคือ?
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 19-07-2020 21:42:47
 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: รักนี้เกิดที่ในรั้วโรงเรียนEP.3.2เดทแรกของครูเขมกับนายคริส
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 21-07-2020 18:36:38

EP.3.2เดทแรกของครูเขมกับนายคริส
[ครูเขมชาติ]

                        หลังจากเลิกสอนผมก็เดินกลับไปที่บ้านพักเพราะว่าครูโจ้พาแฟนไปซื้อของเตรียมขายพรุ่งนี้ แต่บ้านพักก็ไม่ได้ห่างไกลจากโรงเรียนมาก และผมต้องเดินผ่านสนามบาสเก็ตบอล ผมเหลือบไปเห็นนายคริสโตเฟอร์ที่กำลังเล่นบาสเก็ตบอลกับเพื่อนๆอยู่ ผมแอบยืนดูเขาอยู่พักหนึ่ง ดูเขามีความสุขมากและเพื่อนๆพวกนี้ไม่ใช้เด็กที่เรียนในห้องเรียนเดียวกับเขาเลย และก่อนที่เขาจะหันมาเห็นว่าผมแอบดูเขาผมก็ต้องรีบหันหลังเดินออกก่อนทันที เขินครับคุณครูหล่ออย่างผมแอบส่องนักเรียน ผมรีบเดินกลับบ้านพักครูเพื่อไปอาบน้ำและ ผมจะได้ออกมาทานอาหารเย็นที่ห้องอาหาร



                “ริง” มือถือผมดังขึ้น ผมก็กดรับสายทันที เพราะว่าณัฐกานต์โทรหาผม ผมพยายามโทรหาและส่งข้อความแต่ณัฐกานต์ก็ไม่ตอบจนตอนนี้



              “กานต์ เป็นอะไรนะ วันนี้ไม่รับสายเขมเลย” ผมถามณัฐกานต์



              “เป็นวันซวยไง “ ณัฐกานต์พูดกรอกสายมาด้วยน้ำเสียงที่บอกได้ว่าเขาหัวเสียอย่างมาก



             “เกิดอะไรขึ้นอีกละกานต์” ผมถามณัฐกานต์



            “ไม่อยากพูด เบื่อ เบื่อมาก อยากเปลี่ยนสาขา “ ณัฐกานต์พูดว่าไม่อยากทำสาขาที่เขาทำอยู่



           “เมื่อเช้าไปสายหรือไง เขมก็บอกแล้วนะว่า...”



         “โอ้ยย! เขมจะบ่นอะไรหนักหนา นี้ก็โดนเจ้านายบ่นมาพอแล้ว แถววันนี้เครื่องนับตังดันลวน นับตังพวกผู้รากมากดีรวยนะ  แต่แค่เงินหายไปพันเดียวทำเป็นโวยวายยังกับหายร้อยล้าน” ณัฐกานต์เริ่มพลานและหัวเสียใจผมอีกแล้ว



             “เขมไม่ได้บ่นเขมแค่”



              “ถ้าจะบ่นแค่นี้ได้ปะ กานต์ง่วงด้วยจะนอนก่อน ถ้าอารมณ์ดีจะโทรหานะ ...ตรูดดด” ณัฐกานต์พูดและกดตัดสายผมทันที ผมก็มองมือถือ ผมก็เข้าห้องน้ำอาบน้ำให้ตัวเองเย็นลงเช่นกัน ไม่นานผมก็ออกมาจากห้องน้ำและตรงไปหยิบมือถือ



               “กานต์ เขมไม่ได้บ่นนะครับ เขมแค่เป็นห่วง ถ้ากานต์คิดว่าสาขานั้นไม่ดีลองไปสมัครสาขาอื่นไหมครับ “ผมส่งข้อความไปหากานต์ ผมหวังว่าถ้าเขาตื่นมาจะอ่าน ผมเหลือบมองเวลาก็เหลือเวลานี้เพิ่งจะห้าโมงกว่าๆ ผมกะว่าสักหกโมงค่อยออกไป



      ผมเลยหยิบเอาหนังสือที่ใช้สอนเด็กแต่เป็นของครูมิ้งที่หายไปออกมาเปิดดู ผมเห็นเขามาร์คเอาไว้ จากที่ดูแล้วเขาสอนเก่งมากและสอนเน้นๆให้นักเรียนได้อ่านและเรียนรู้เข้าใจง่าย เห็นแบบนี้ผมนี้เสียดายแทนนักเรียนที่นี้เลย ผมนั่งเปิดไปอ่านไปจนเวลาล่วงเลยไปเกือบหกโมงเย็นแล้ว ผมก็ลุกขึ้นเตรียมออกไปหาอะไรทานที่ห้องอาหาร เพราะว่าห้องอาหารจะปิดตอนสองทุ่มพอดี

    ระหว่างทางที่ผมเดินผมก็เห็นว่ามีไฟสว่างตลอดทางดูแล้วก็ไม่น่ากลัวถ้าจะเดินกลับ ถึงผมจะเอารถมาก็กะว่าจะใช้แบบจำเป็นจริงๆ

                      ผมเดินจนใกล้จะถึงห้องอาหารและผมก็ต้องผ่านโต๊ะม้าหินอ่อนที่อยู่ด้านข้างห้องอาหาร ผมเห็นนายคริสโตเฟอร์และเพื่อนๆนั่งอยู่ มีรถมอเตอร์ไซค์ Bigbikeจอดอยู่สองคัน เขากำลังคุยกับเพื่อนๆ  ผมว่าจะคุยกับเขาอีกแต่คงไม่ดีกว่า  ตอนกลางวันผมก็ได้คุยกับเขาแค่นิดเดียว ผมอยากรู้ปัญหาของเขาจริงๆ เพื่อจะได้ช่วยเขาได้



                     “ปื้นๆ”เสียงแตรดังมาจากด้านหลังผม ผมคิดว่าครูโจ้แน่ๆ ผมกำลังจะถึงอยู่แล้ว ผมหันไปก็มีรถคันใหญ่แทรงขึ้นมาและจอดข้างกับผม รถคันนั้นเป็นรถBig bike ประเภท sport bike คนขับรถสวมหมวกกันน๊อคแบบคลุมทั้งหัวและเขาก็เอาขาตั้งลงก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถ พร้อมกับถอดหมวกกันน๊อคนั้นออก ผมถึงได้เห็นชัดๆว่าเป็นนายคริสโตเฟอร์



                   “ครูจะไปทานข้าวหรือเปล่า” นายคริสโตเฟอร์ถามผม ผมก็พยักหน้าว่าใช่



                  “ไปทานข้างนอกกันครู”



                  “ไม่เอาอะ ครูว่า”



                     “เอานะ ไปทานข้างนอกกัน ถือว่าผมพาไปเลี้ยงที่ครูช่วยผมวันนี้ไม่ให้โดนส่งตัวไปห้องผู้อำนวยการ” นายคริสโตเฟอร์พูด



                 “ไม่ละนายไปเถอะ”ผมพูดปฏิเสธเพราะว่าผมไม่เคยนั่งรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่แบบนี้



                 “ทำไมอะครู กลัวรถผมเหรอครับ” นายคริสโตเฟอร์ถามผม ผมก็พยักหน้าและจะเดินออก แต่นายคริสโตเฟอร์จับแขนผมไว้



            “ครู! สาวๆโรงเรียนนี้อยากนั่งรถผมกันทุกคนนะ “ นายคริสโตเฟอร์พูดผมก็มองหน้ามา



        “ก็พาพวกเขาไปแทนซิ และปล่อยครูไปทานข้าว” ผมพูดและบอกให้นายนั้นปล่อยแขนผม



         “พี่คริสสสส!!!” เสียงที่ดังมาจากด้านหลัง เด็กผู้หญิงที่ประกาศว่าเป็นแฟนนายคริสวันก่อน



           “แฟนนายนั้น “ ผมพูดและชี้ไปที่ผู้หญิงที่กำลังแหวกผู้คนวิ่งตรงมาทางนี้ ผมเองก็จะเดินออกอีกแต่นายคริสดึงแขนผมไว้



            “ไม่ใช่! เขาไม่ใช่แฟนผม  เร็วครูขึ้นรถ! “นายคริสดึงแขนผม ผมก็มองและนายนั้นก็ส่งหมวกกันน๊อคให้ผม ไม่ส่งเปล่ามันสวมใส่ให้ผมทันที





                 “พี่คริสจะไปไหน รอแก้มเดี๋ยวนี้)))))”



            “ขึ้นรถซิครับครู “นายคริสพูดเสียงดังและจับแขนผมกระตุ๊ก มันก็อัตโนมัติ ผมขึ้นไปนั่งค่อมรถบิ๊กไบค์คันนั้น นายคริสโตเฟอร์สวมหมวกกันน๊อคอย่างชำนาญและออกตัวทันที เล่นเอาผมแทบหงายหลังและนั้นก็ทำให้ผมกอดเขาอย่างเต็มมือ จะว่าไปนี้หุ่นเด็กมัธยมเหรอ ทำไมเต็มไม้เต็มมือแบบนี้นะ เอ๊ะนี้ผมคิดอะไรกับเขา ไม่ได้นะ นี้มันลูกศิษย์ผม ผมกอดเขามาตลอดทางจน



                    “ครูครับ ถึงแล้วครับ เลิกกอดผมก่อนได้ไหมครับ เราจะได้ลงไปทานข้าวกัน” ผมมัวแต่เอาหน้าซุกหลังนายคริสโตเฟอร์ไม่ได้มองทางเลย ก็เพราะว่านายนี้ขับแบบแทรงซ้ายแทรงขวา และรถบิ๊กไบค์มันก็เอียงไปมายังไงก็ไม่รู้สำหรับผม ผมค่อยผงกหัวมองจริงด้วยเขาจอดรถแล้วและผมก็ค่อยลงมายืนที่พื้น ขณะที่ผมกำลังจะปลดหมวกกันน๊อคออก ก็มีมือมาช่วยผมปลด พอหมวกกันน๊อคถูกถอดออกไปผมก็เห็นว่านายคริสโตเฟอร์ยืนส่งยิ้มให้ผม และผมก็มองไปรอบๆ ตรงนี้น่าจะเป็นเหมือนตลาดที่มีอาหารขายและใกล้กับที่ว่าการอำเภอด้วย



           “ที่นี้มีของกินเยอะกว่าที่โรงเรียนและหลากหลายกว่า” นายคริสโตเฟอร์พูด เขาก็ล๊อกหมวกกันน๊อคไว้ที่รถมอเตอไซค์ของเขา จะว่าไปนายนี้เวลาสวมชุดนอกที่ไม่ใช่ชุดนักเรียนนี้ดูเท่เหมือนกันนะ และเพราะว่าหน้าตาเขาไปทางฝรั่งด้วย และหุ่นที่สูง ไม่ได้ผอมก็หุ้นนักกีฬา



              “ทำไมอะ ผมหล่อเหรอ”ผมมองเพลินไปหน่อย ก็เลยต้องรีบเดินหนีแต่เขาดึงแขนผมไว้ ผมหันมามองว่าทำไม เขาก็พยักหน้า ผมหันไปก็เจอเลย รถเข็นปลาหมึกกำลังจะชนผม



          “เกือบเหมารถปลาหมึกเขาแล้วไหมละ” นายคริสโตเฟอร์กระซิบกับผม และพาผมเดินอ้อมไป ผมเดินไปหาดูว่าจะทานอะไรดี



          “ทานอะไรดีอ่ะครู “ คริสโตเฟอร์กระซิบถามผม



          “คริสโตเฟอร์จะกินอะไรละ” ผมถามเขากลับ เขาก็เลิกคิ้วมองหน้าผม



         “เรียกผมว่าคริสก็พอครับ แต่จะว่าไป ผมไม่อยากเรียกครูถ้าออกมาแบบนี้ “ นายคริสพูด



         “ก็เรียกพี่แล้วกัน  พี่เขม” ผมพูด เขาก็ยิ้มๆให้ผม



           “ราดหน้าไหมอ่ะพี่เขม  ราดหน้าเจ้านี้อร่อยดี หมูหมักด้วย” นายคริสโตเฟอร์พูด ผมก็พยักหน้า ผมเดินไปหาที่นั่งก่อน



              “ผมไปสั่งให้พี่เขม พี่กินเส้นอะไร ผมว่าจะเอาเส้นหมี่กรอบ พี่ละ”นายคริสโตเฟอร์บอกผมและถามผมด้วย



               “พี่เอาเส้นใหญ่ดีกว่า “ ผมบอกนายคริส เขาก็พยักหน้าและเขาก็เดินหายไปพักหนึ่งก่อนจะกลับมาพร้อมกับ เครื่องดื่ม มีน้ำเปล่าและน้ำอัดลม



             “ผมไม่รู้ว่าพี่จะเอาน้ำอะไรเลยซื้อมาทั้งน้ำเปล่าและน้ำอัดลมเลย” คริสโตเฟอร์บอกผม ผมก็พยักหน้าและรินน้ำเปล่าแทน



                 “เอาละ ไหนๆพี่ก็มาทานกับเราแล้ว ให้พี่ตั้งคำถามได้ไหม พี่อยากรู้อะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับนาย” ผมถามคริส เขาก็มองหน้าผม



            “พี่อยากรู้จริง ๆเพราะว่าพี่ต้องรับผิดชอบการเรียนนายไปจนจบเทอมนะ “ ผมพูด นายคริสก็มองหน้าผมก่อนจะพยักหน้า



               “ถ้าอันไหนตอบพี่ได้ก็ตอบอันไหนตอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไร “ ผมบอกเขา คริสก็พยักหน้าอีก



            “นายเป็นลูกครึ้งใช่ไหม” ผมถามคริส



             “ใช่ผมเป็นลูกครึ้ง แม่ผมเป็นคนไทยและพ่อผมเป็นคนออสเตรเลีย” นายคริสโตเฟอร์บอกผม สีหน้าเขากังวลที่จะเอ่ยว่าพ่อของเขาเป็นคนออสเตรเลีย



               “แต่ผมได้พ่อมากกว่าแม่ ผมเลยดูแล้วไม่มีเค้าว่าเป็นคนไทยสักเท่าไหร่ถ้าไม่ได้ฟังผมพูดไทย” นายคริสเงยหน้าขึ้นบอกผม



              “ดูนายไม่ค่อยมีความสุขที่ตัวเอง..”



             “เป็นลูกครึ้ง ผมตอบว่าใช่พี่เขม ก็ทุกคนมองผมแปลก และบางคนก็เรียกผมไอ้ลูกผสม ไอ้เลือดผลสมอะไรบ้างอ่ะ มันฟังแล้วผมโคตรจะโมโหเลยพี่เขม” นายคริสพูด ผมหันไปมองคนที่เอาอาหารมาเสริฟผมเป็นเด็กผู้หญิงน่ารัก และเขาก็ส่งยิ้มให้คริสก่อนเลย



            “ขอบคุณครับ” คริสโตเฟอร์พูด ทำเอาคนที่มาเสริฟทำหน้าตกใจ



             “หว่านึกว่าฝรั่ง” น้องเขาพูดเบาๆก่อนจะเดินออกไป ผมก็รับเอาจานของผมมาปรุงรส



              “ตอนนี้นายอยู่กับพ่อและแม่หรือว่าอยู่กับใครคนใดคนหนึ่ง” ผมถามคริส



                 “ผมอยู่กับแม่ แม่ผมมีสปาร์อยู่ที่ภูเก็ต แม่ผมแต่งงานใหม่กับคนเยอรมัน “ นายคริสพูด



                 “ผมไปอยู่กับพ่อผมนะที่ออสเตรเลียตั้งแต่ตอนที่ผมอายุได้เกือบสองขวบ ผมนะเกิดที่ไทยและอยู่บ้านแม่ที่อุดรธานี จนกระทั้งพ่อมารับผมกับแม่ไปอยู่ที่ออสเตรเลียด้วยกันและผมก็เรียนที่นั้นจนอายุได้ 9ขวบ “ คริสเล่าให้ผมฟัง



               “ดังนั้นภาษอังกฤษนายน่าจะได้และดีกว่าคนอื่นๆ ผมพูด



                “ผมยอมรับแต่...”



               “ทำไมนายไม่ขึ้นเรียนภาษาอังกฤษ” ผมเหล่ตามองเขา ดูสีหน้าเขากังวลที่จะตอบผม



             “ก็ผม ..เออ..ผม..”



           “หึ!” ผมเลิกคิ้วมองเขา ผมวางช้อนลง



                “มันทำให้ผมคิดถึงพ่อ พ่อหายไปไม่ติดต่อผมตั้งแต่ผมกลับมาจากออสเตรเลียกับแม่ และนั้นก็เริ่มทำให้ผมเกลียดภาษาอังกฤษ” นายคริสโตเฟอร์พูด แววตาของเขาดูเสียใจมาก



      “นายขาดการติดต่อกับพ่อนายอย่างนั้นหรือคริส”



      “พ่อบอกว่าจะบินมาหาผมและรับผมกลับ..แต่เขาไม่มาและแม่ก็พาผมย้ายไปอยู่ที่ภูเก็ต แม่ต้องไปหางานทำ เพราะว่าพ่อไม่ติดต่อมาและไม่ส่งเงินมาช่วยแม่



         “แม่ต้องไปทำงานดูแลรีสอร์ทให้เพื่อนของแม่  จนแม่พบรักกับ ฟิลิปส์ เขาเป็นคนเยอรมันที่เกษียณอายุแล้วนะครับพี่เขม” นายคริสเล่าต่อ ผมก็พยักหน้า



          “พี่ว่าไม่ใช่เหตุผลที่สมควรที่เธอจะบอกว่าเธอเกลียดภาษาอังกฤษเลยนะ” ผมพูด



             “มันทำให้ทุกครั้งที่ผมได้ยินมันผมคิดถึงพ่อผมทั้งๆที่เขาทิ้งผม ไม่เหลียวแลผมด้วยซ้ำว่าผมอยู่ยังไง เขาไม่เคยติดต่อหาผมเลย แม้กระทั้งทุกวันนี้” นายคริสโตเฟอร์พูด



              “เขาอาจจะมีเหตุผล”



              “เหตุผลอะไรที่สำคัญไปกว่าลูกอีกเหรอพี่เขม”นายคริสโตเฟอร์พูด และรวบช้อนไว้ด้วยกัน



               “ครู  เอ้ย พี่ว่าเราควรกลับเข้าโรงเรียนเถอะนี้มันจะสองทุ่มแล้วนะ” ผมพูดเปลี่ยนเรื่อง



          “พี่เขม ผมถามพี่อย่างซิ “นายคริสถามผม



          “ว่ามาซิ”



          “ตกลงพี่เป็นเกย์หรือเปล่า หรือว่าพี่เป็นไบค์ ที่เอาได้ทั้งผู้หญิงผู้ชายนะ” นายคริสโตเฟอร์ถามผม ผมหันมามองหน้านายคริส ที่เปลี่ยนมาเป็นโหมดกวนๆใส่ผม เร็วจริงๆ



            “พี่เป็นรับหรือรุกอ่ะ” นายคริสยังคงถามผม



            “นายยังไม่สมควรคุยเรื่องพวกนี้ ไปกลับเข้าโรงเรียน”



             “อะไรกัน ผมนะคุยได้แล้ว เพราะว่าผมก็มีอะไรกับผู้หญิงมาบ้างแล้วนะ เหลือแต่” ผมไปมองว่าเหลือแต่อะไร



               “ผู้ชาย”



            “นายนี้มันทะลึงจริงๆ ไปกลับได้แล้ว” ผมบอกเขาขณะที่ผมกำลังจะลุกขึ้น



            “พี่คริส “ เสียงเด็กผู้หญิงเดินมาที่โต๊ะผม เขามองหน้าคริสโตเฟอร์และมองหน้าผม



             “พี่ปล่อยให้แก้มวิ่งตาม พี่หนีมากินข้าวได้ไงอ่ะ “



         “อ้าว! แก้มพีไม่ได้บอกนิว่าจะให้เธอวิ่งตามและพี่ก็ไม่ได้บอกว่าจะพาเธอมากินข้าว” คริสพูดแก้มหันมามองหน้าผม



            “แล้วนี้ใครอะ”แก้มชี้มาที่ผม



            “ครูที่โรงเรียนไง พี่กับครูจะกลับแล้วกินเสร็จแล้ว”



             “ครูคะ หนูขอแฟนคืน” เด็กผู้หญิงที่คริสเรียกว่าแก้มบอกผม ผมก็มองคริส



              “ก็ได้ เดี๋ยวครูนั่งมอเตอร์ไซค์วินกลับ” ผมพูด



            “ไม่ได้ พี่กลับกับผมและแก้มเธอนะกลับบ้าน เดี๋ยวแม่เธอก็มา” คริสพูดและหยุดชะงัก ผมได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซด์จอดดับเครื่อง ผู้หญิงที่ไม่น่าจะเกิน 40 หรือ 40 ประมาณนั้นรีบเดินลงมาเปิดหมวกกันน๊อคแค่ด้านหน้าขึ้น



              “นางแก้ม! นี่ฉันเห็นแกวิ่งอยู่ กูเรียกก็ไม่หัน นี้มึงทำไมไม่กลับบ้านกลับช่อง”



                  “ก็มาหาอะไรกินนะแม่”



                  “แล้วมาหากับใคร อย่าบอกนะว่าเป็นไอ้คนนี้นะ “



                “ก็ใช่ไง พี่คริสของแก้ม”



               “นังแก้ม!” ผู้หญิงคนนั้นก็ดึงแขนแก้ม เรียกว่ากระฉากดีกว่า ส่วนนายคริสก็ขยิบตาให้ผม ให้พากันเดินออก



            “พี่คริส อยู่กับแก้มก่อน แม่แก้มจะให้พี่คริสไปส่ง” แก้มที่พยายามจะเข้ามาถึงแขนคริสโตเฟอร์แต่แม่ของเธอดึงแขนแบบกระฉากเธอกลับ



                  “กูนี้สอนมึง และกูก็ส่งมึงไปเรียน หวังจะให้มึงฉลาดหาผัว ไม่ใช่โง่ไปหาไอ้เด็กฝรังขี้นกนี้” ผมถึงกับหันมามองเขาเรียกนายคริสว่าฝรั่งขี้นก ผมเห็นนายคริสหันไปมองเหมือนกันและเขาก็กำลังกำหมัด ผมก็ส่ายหัวอย่านะคริส  พอเขาเห็นผม เขาก็คลายหมัดนั้น



                   “ทำไมมองหน้า มึงมันแค่ฝรั่งขี้นก ที่ไม่มีที่ไป และก็อยู่แค่นี้ที่ประเทศไท อาศัยประเทศไทย “



                  “แม่ ไปว่าพี่คริสทำไมอีก “



                   “กูจะว่า ก็มันเสือกมายุ่งกับมึงนิ”



                     “ป้าครับ ผมไม่ได้ยุ่งอะไรกับลูกสาวป้านะครับ”คริสโตเฟอร์พูด



                    “ใครป้ามึ กูไม่ใช่พี่สาวแม่มึงซักหน่อย ไม่ต้องมาเรียกกูว่าป้า”



                    “ขอโทษนะครับ ผมว่าเราคุยกันดีดี จะดีกว่าไหมครับ” ผมเลยออกตัวเพื่อไม่ให้มันแย่ไปกว่านี้เพราะว่ามีคนมองมาที่โต๊ะพวกผมกันหมดแล้ว



                   “แล้วนี่คุณเป็นใคร” แม่ของแก้มหันมาถามผม



                    “ผมเป็นครูครับ ผมเป็นครูมาใหม่ นายคริสเลยชวนผมมาทานอาหารด้วยกัน และแก้มก็แค่เดินมาทักทายนายคริสนะครับ”ผมบอกแม่ของแก้ม



                 “ก็ดีคะ คุณครูช่วยอบรมนักเรียนคนนี้ของครูหน่อยนะคะว่าให้ตั่งใจเรียนไม่ใช่มาจอแจกับลูกสาวฉัน และพยายามอยู่ห่างแก้มมันด้วย ฉันไม่อยากได้ลูกเขยที่เป็นฝรั่งขี้นกแบบนี้”



                 “เอ๊ะป้านี้” นายคริส



                  “อย่าคริส” ผมหันไปห้ามปรามและหันมายิ้มให้แม่ของแก้ม



                “ไปกลับบ้าน จะมีผัวนะกูไม่ว่าหาดีดีกว่านี้ “และแม่ของแก้มก็ลากแขนแก้มไป พร้อมกับบ่นและด่าท่อคริสต่างๆนาๆ ทำเอาคนที่นั่งมองกันใหญ่ เพราะไม่ได้ด่าเบาๆ ด่าซะดังลั่นไปทั่วเลย ผมหันมามองนายคริสที่เดินจั้มอ้าวออกไป ผมก็รีบเดินตามเขา จนใกล้จะถึงและผมก็คว้าแขนเขาไหว้



                  “ครูเห็นไหม ว่าเขาเรียกผมว่าอะไร! ไอ้ฝรั่งขี้นก หาว่าผมมาเกาะแผ่นดินนี้อยู่ ทั้งที่แม่ผมเป็นคนไทย” คริสโตเฟอร์พูด ผมก็ได้แต่มองด้วยความเจ็บปวดแทนแต่ผมก็คงทำอะไรไมได้มากไปกว่านี้



                   “แต่พ่อผมไม่ใช่แค่นั้น” คริสโตเฟอร์พูดเสียงอ่อยๆ



                 “ครูเข้าใจเธอนะ แต่ว่าเราไปห้ามความคิดเขาไมได้คริส”ผมพูด



               “ก็นั้นไงผมถึงเกลียดสิ่งที่ผมเป็น”



                “I really hate my self so that’s why I don’t want to go to study English as well. I don’t want it!!! ” นายคริสพูดภาษาอังกฤษกับผมทั้งที่เขาบอกว่าเขาเกลียดมัน ผมก็ได้แต่ยืนมองเขา



              “You should to proud of yourself and proud of everything your mum and dad gave to you! “ผมพูดเขาก็มองหน้าผม นั้นแปลว่าเขาเข้าใจที่ผมพูด



                “ Your reckon ? “เขาถามผมกลับว่าผมคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ



                       “I’m look like idiot for them. Did you see that ?” นายคริสบอกผมด้วยอารมณ์โกรธและถามผมกลับ เขากันไปพ่นลมหายจากออกมาทางปาก



                “No,you not” ผมบอกเขา คริสพยายามสูดหายใจเข้าออกยาวๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง



                 “Yes,I am!!” คริสขึ้นเสียงใส่ผม



                “Just calm down Christ” ผมพูดและทำมือให้เขาเย็นลง



               “ฟู่!!!” เสียงพ่นลมหายใจออกมายาวๆจากคริสโตเฟอร์ เขาคงพยายามเย็นอยู่ แต่ผมเข้าใจว่าเขาคือวัยรุ่น มันอาจจะควบคุมยากซักหน่อย



              “We should back to school right now “ผมบอกเขา เขาก็นิ่งๆไปและพยักหน้า และหันไปไขกุลแจหยิบหมวกกันน๊อคส่งมาให้ผมสวมและเขาก็สวมมัน ผมขึ้นไปซ้อนท้ายและนายคริสก็ออกรถทันที แอบกลัวเหมือนกันว่าจะขับแบบขาดสติ แต่ไม่เขาก็ขับได้ปกติ จนมาถึงบ้านพักของผมและเขาก็จอดรถ



                  “ผมขอโทษครับครู” คริสโจเฟอร์บอกผม ผมก็ส่งหมวกกันน๊อคคืนเขาไปและมองหน้าคริสโตเฟอร์ผ่านแสงไฟที่ผมเปิดไว้ที่หน้าบ้านพัก



                    “ครูรู้ว่าเธอเสียใจ แต่บางอย่างก็ต้องเลือกที่จะปล่อยผ่านไป”ผมบอกเขา



                    “ เหมือนกับครู ครูก็เสียใจเพราะว่าครู..เป็นแบบที่สังคมยังไม่ยอมรับ นั้นคือครูชอบผู้ชายและบ่อยครั้งที่ถูกคนที่ไม่ได้เห็นด้วยเขาเห็นต่าง เขายังไม่เปิดใจยอมรับและต่อว่าครู รังเกียจครู “ ผมบอกคริส เขาก็มองหน้าผม



                      “ครูอยากให้เธอทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุด ตั้งใจเรียน และครูเชื่อว่าพ่อเธอไม่ได้ทิ้งเธอไปแต่เขาอาจจะมีเหตุผลบางอย่าง และถ้านายอยากรู้นายก็ตามหาเขาได้นะ ครูจะช่วย” ผมพูดกับคริส



                            “ผมแค่อยากรู้ว่าทำไมเขาทิ้งผมแค่นั้น แต่นั้นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ผมไม่อยากรู้แล้วเพราะว่ามันนานเกินไปแล้วครับครู “คริสโตเฟอร์บอกผม และก้าวขึ้นรถมอเตอไซค์คันใหญ่ของเขาก่อนที่เขาจะสตาร์ทรถ



                            “ครูอยากเห็นเธอในห้องเรียนกับครูนะคริส ครูขอ” ผมบอกเขา ดูคริสทำสีหน้าลำบากใจอย่างมาก



                           “ผมจะพยายาม” นายคริสพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ



                   “ไม่ซิ! เธอต้องทำ ไม่ใช่พยายามคริส อย่าทำให้ครูผิดหวัง แต่ครูก็ดีใจนะทีได้คุยกับเธอหลายเรื่อง ครูอยากรู้จักเธอมากกว่านี้ “ผมพูดนายคริสหันมามองหน้าผม



                             “ดังนั้นเข้าเรียนภาษาอังกฤษกับครู แต่ถ้าเธอไม่เข้า เธอก็ไม่ต้องมาหาครูอีก นั้นแปลว่าเราจะไม่มีเรื่องต้องคุยกันอีก นายเข้าใจไหมคริส” ผมพูดและหันหลังออกทันที ผมเดินกลับเข้าบ้านพักทันทีและปิดประตูลง ผมยืนอยู่สักพักจนเสียงรถมอเตอร์ไซค์สตาร์ทและออกไป ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงได้ เจ็บปวดแทนเขาที่เห็นเขาเกลียดตัวเองแบบนี้ ผมหวังว่าจะเจอเข้าในห้องเรียนกับผมนะคริสโตเฟอร์
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดในรั้วโรงเรียนตอนที4ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ ออกเดทแรกของผมและเขา
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 21-07-2020 20:26:30
สงสารครู :m15:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดในรั้วโรงเรียนตอนที4ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ ออกเดทแรกของผมและเขา
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 22-07-2020 14:18:28
สงสารคริสโตเฟอร์ ครูเขมเลิกกับณัฐดาต์ทีเถอะ เพี้ยงงงง!
หัวข้อ: รักนี้เกิดในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริส)EP.4 ผมหวังว่าจะได้เห็นเขาเข้าเรียนกับผมนะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 24-07-2020 11:34:23

EP.4 ผมหวังว่าจะได้เห็นเขาเข้าเรียนกับผมนะ

*********************************

ครูเขมชาติ

      ตั้งแต่เช้ามานี้ผมยังไม่เจอนายคริสโตเฟอร์เลย ผมเริ่มใจคอไม่ดี ผมกลัวว่าเขาจะไม่ยอมเข้าเรียนวิชาภาษาอังกฤษกับผม อย่างน้อยมันก็คือวิชาภาคบังคับที่เขาจำเป็นต้องเรียนและถ้าเขาไม่เรียนเขาก็จะต้องติดศูนย์หรือไม่ก็ติดรอ ทำไมผมถึงรู้สึกหงุดงหงิดได้ถึงเพียงนี้นะ



“ริงๆ “ ผมสะดุ้ง เมื่อเสียงมือถือของผมดังขึ้น ผมเหลือบไปมองณัฐากานต์นั้นเอง มันทำให้ความคิดของผมผุดเข้ามาในหัวผมทันที ผมจะไปนึกถึงนายคริสทำไม เพราะว่าผมมีแฟนแล้ว เขมชาติ ถึงแม้จะคุยกันทะเลาะกันบ่อย แต่ความรักของผมและณัฐกานต์ก็ดำเนินมาจนเกือบห้าปีแล้วนะ 



“เขม “ณัฐกานต์เรียกชื่อผมผ่านมือถือ



“ว่าไงครับกานต์”ผมฟังน้ำเสียงของเขาวันนี้น่าจะอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย



“ทำไมไม่โทรหากานต์ “ ณัฐกานต์ถามผม



“เขมไม่อยากทำให้กานต์โกรธนิ เลยคิดว่ารอให้กานต์โทรหาดีกว่านั้นแปลว่ากานต์พร้อมจะคุยกับเขมโดยที่ไม่ต้องมาหงุดหงิดใส่เขมยังไงละครับ “ผมบอกณัฐกานต์



“เขม กานต์ขอโทษนะ ก็ช่วงนี้โดนหัวหน้าด่าบ่อยอ่ะ “ ณัฐกานต์ทำเสียงออดอ่อนใส่ผม



“เออเขม....กานต์ไปเจอคอนโดโครงการใหม่ใกล้กับรัชดา” ณัฐกานต์บอกผม



“แล้วยังไงครับกานต์”ผมถามกานต์กลับ



“คือว่ามันสวยและใกล้กับย่านธุรกิจด้วย เราซือคอนโดใหม่กันไหม” ผมถึงกับกุมขมับเลย อันเก่านี้ก็เพิ่งจะผ่อนหมด นี้จะให้ผ่อนคอนโดใหม่อีก ทั้งที่ผมกับณัฐกานต์เพิ่งจะเข้าอยู่กันได้ไม่ถึงสองปีด้วยซ้ำ



“กานต์แล้วคอนโดเก่าเราละ เราเพิ่งจะผ่อนหมดนะ และมันก็ไม่ได้เก่านิมันยังดีอยู่และก็ใกล้แหล่งชอบปิ้งอยู่นะ แม้จะไกลจากรัชาดที่กานต์ชอบเที่ยวก็เถอะ” ผมพูด



“ที่นี้นะเหรอ ใกล้ตลาดสด เดินผ่านก็เหม็นพวกของคราว กลิ่นปลา และมีอะไรเซเว่นอีเลฟเว่น จะเรียกแท็กซี่ก็ต้องเดินออกไปห้าร้อยเมตร มันสะดวกไหมเขม” นั้นไงณัฐกานต์คนเดิม



“ไม่รู้ละ กานต์อยากอยู่คอนโดใหม่ ไม่ใช่ซอมซ่อแบบนี้ “ ณัฐกานต์พูด



“กานต์ มันยังไม่เก่าเลยนะ และนี้ก็โครงการใหม่นะตอนที่เราซื้อนะ และกานต์ก็คะยั้นคะยอให้เขมซื้อมัน ทั้งที่เราทั้งคู่ยังเรียนไม่จบเขมก็เลยต้องไปทำงานร้านกาแฟเพื่อเอาเงินมาผ่อนคอนโดนี้นะกานต์ เพราะว่าที่จริงเขมอยากได้บ้านมากกว่าด้วยซ้ำ “ ผมพูดตัดพอณัฐกานต์ ผมยืนเอามือเท้าซะเอว



“บ้านเหรอ อีกกี่สิบปีจะได้อ่ะเขม และบ้านที่เขมอยากได้ส่วนใหญ่ก็อยู่ต่างจังหวัด กานต์อยากอยู่ในกรุงเทพในตัวเมือง “ ณัฐกานต์พูด



“และตอนนั้นเขมบอกว่าจะเข้าไปอยู่บ้านกับแม่ของเขมอ่ะ  กาต์ไม่อยากไปอยู่บ้านกับแม่กับเขมนิ มันไม่สวนตัวอ่ะ “



“และที่กานต์ให้เขมซื้อคอนโดนี้ก็เพราะตอนนั้นคิดแค่แค่นั้น แถมห้องที่เราซื้อก็เป็นห้องมือสองไม่ใช่ใหม่สักหน่อย เพราะเราซื้อต่อเขามาอีกทีไม่ใช่เหรอเขม “ ณัฐกานต์พูด



“ทำไมอะ เขมไม่เป็นหวงกานต์บ้างเลยเหรอที่อยู่คนเดียว ที่นี้ก็น่ากลัวนะเวลาเดินทางกลับกลางคืนนะ ยิ่งตีสองยิ่งน่ากลัว” ณัฐกานต์พูด



“ใช่ซิ เขมนะไม่เคยหวงกานต์เลยสักนิด จะเป็นยังไงก็ช่าง ไหนบอกว่า..”



“เอาละกานต์ ....ให้เขมคิดดูก่อนนะกานต์” ผมพูดตัดบททันที ก่อนที่จะไปไกลกว่านี้อีก



“วันเสาร์เราไปดูด้วยกันนะ กานต์จะได้โทรนัดเจ้าของโครงการ และเขาน่ารักมากเลยนะ” อันนี้ทำให้ผมขมวดคิ้วไปรู้จักเจ้าของโครงการด้วยเหรือ



“รู้จักเขาดีเหรอกานต์”



“พอดีเขามาทำธุรกรรมที่ธนาคารนะเขม ก็เลยคุยกัน อย่าหึงซิ ไม่มีอะไรแค่ลูกค้า” ณัฐกานต์พูด ผมพยักหน้า



“ แค่นี้ก่อนนะหัวหน้าแม่งมาแหละ ตายยากชิบหาย “ณัฐกานต์พูดก่อนจะรีบตัดสายผมทันที ผมก็ต้องพ่นลมออกมายาวๆ



“ติ้ง” และณัฐกานต์ก็ส่งลิงค์คอนโดที่เขาชอบมาในมือถอสมาร์ทโฟนรุ่นไม่ได้ใหม่แบบปัจจุบันซะทีเดียว



“ครุเขมค่ะ”ผมหันไปมองต้นเสียง นั้นคือครูลินดาเหมือนเดิม ครุลินดาเดินเข้ามาพร้อมกีบส่งยิ้มหวานๆมาให้ผม และถือกล่องหลายกล่องมาด้วย



“ไปทานอาหารกันคะ นี้อาหารใต้ค่ะ วันนี้ลินดาเอาให้ทานค่ะ” ครูลินดาถามผม



“ไปด้วยกันนะคะ เพราะว่าครูเขมบอกว่าชอบอาหารใต้ไม่ใช่เหรอคะ” ครูลินดาถามผม ผมพยักหน้าก็แฟนผมณัฐกานต์เป็นคนใต้นี่ครับ ผมเก็บทุกอย่างใส่ไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานและเดินลงไปพร้อมกับครูลินดา



“วันนี้ลินดามีขนมลาด้วยนะคะครูเขม พอดีว่าคุณป้าเขามาหาแม่ของลินดาจากใต้คะ เลยเอามาฝากคะครูเขม”ครุลินดาพูด ผมก็ก้มมองในถุง



“น่าทานดีนะครับครูลินดา” ผมพูด ขณะที่กำลังเดินผ่านนักเรียน



“แกครูเขาเป็นแฟนกันหรือเปล่าอ่ะ อกหักเลยพวกเรา” นักเรียนต่างพากันซุบซิบกัน ว่าผมกับครูลินดาเป็นแฟนกันไหม ผมก็คิดว่าคงใกล้ชิดครูลินดาเกินไป ค่อย่หางออกนิดหน่อย และผมสองคนก็เดินคุยกันเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปจนเดินไปหาโต๊ะนั่งทาน มีครูนั่งอยู่แล้ว ครูถาวรที่ส่งยิ้มมาให้ผมก่อน



“แม้มาพร้อมกันเลยนะคะครูเขมครูลินดา” ครูสมพิศแซวผมกับครูลินดาและครูลินดาที่ยิ้มเอียงอายเป็นคำตอบ ผมก็ยิ้มๆให้ ผมเองไม่ได้อะไรแต่ผมกลัวว่าถ้าเกิดการเข้าใจผิดกันไปแบบนี้ จนณัฐกานต์มาได้ยินเข้าผมจะเป็นเรื่องใหญ่ และไม่ใช่ใครครูลินดาจะซวยไปกับผมด้วยนะซิ เพราะว่าณัฐกานต์ไม่ธรรดา บรรดาเพื่อนๆผมยังกลัวกันเลย ไม่ค่อยกล้ายุ่งกับผมกันถ้าณัฐกานต์อยู่ด้วย



“ครูลินดาผมไปซื้อน้ำก่อนนะครับ ครูจะเอาน้ำอะไรดีครับ” ผมถามครูลินดา



“น้ำเปล่าดีกว่าคะ ครูเขม “ครุลินดาตอบผม



“และครูท่านอื่นละครับ” ผมถามเช่นกัน



“ไม่ละคะชอบคุณคะครูเขม ดูแลครูลินดาเถอะค่ะ “ ครูวงเดือนเป็นครูสอนวิชาภาษาไทย ก็ยิ้มให้ผม ผมพยักหน้าและผมคิดว่าควรจะคุยกับครูลินดาแบบสองต่อสองเรื่องของผมและเขา ผมเดินผ่านนักเรียนก็มีแต่คนซุบซิบเรื่องของผมกับครูลินดา



“รับน้ำอะไรดีคะครู” คนขายน้ำประจำโรงเรียนเอ่ยถามผม



“ขอน้ำเปล่าให้ผมสองขวดครับ” ผมตอบไป



“มึงเห็นไอ้คริสไหมวะ มันไปไหนวะ” เพราะชื่อคริสนี้แหละทำให้ผมหันไปตามเสียงนั้น คนนั้นผมจำได้ว่าเป็นเพื่อนของคริสแต่ชื่ออะไรผมไม่รู้



“มันหายไปตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้ววะ แต่ไม่แปลกหรอกเพราะว่าชั่วโมงภาษาอังกฤษของมันตอนบ่ายนี้และมันก็คงหาเรื่องชิ้งโดดไปเลย เหมือนทุกที ”ผมได้ยินที่เขาคุยกันระหว่างรอซื้อน้ำ ผมนี้ต้องระงับความโกรธของผมเอง นี้ตกลงนายไม่เขาวิชาฉันใช่ไหม ผมบ่นกับตัวเองในใจ แต่ก็อย่างว่าและจะเอาอะไรกับเด็ก  ผมเดินกลับมาที่โต๊ะที่นั่งกับครูหลายๆคน ผมเห็นว่าครูลินดาได้จัดจานอาหารไว้ให้ผมเรียบร้อยแล้ว



“แม้ดูแลดีขนาดนี้ ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้นะคะน้องลินดา” พี่สมพิศยังคงแซวผมสองคน ผมนั่งลงทานและมีคุยกันไปบ้างเขาก็ถามถึงครอบครัวของผมมีใครอะไรยังไงคุยกันไปจน



“ตายแล้ว พี่ต้องรีบไปก่อนนะ ผู้อำนวยการให้พี่ไปประชุมอำเภอกับท่านด้วยนะคะ” พี่สมพิศพูด



“พี่ก็ต้องรีบขึ้นไปเพราะว่ามีนัดติวเด็กที่จะไปสอบเอ็นทรานจ๊ะ “ครูถาวรและก็เหลือแค่ผมกับครูลินดาสองคน ผมก็มองครูลินดา เขาก็ยิ้มให้ผม



“ไม่อร่อยเหรอคะครูเขม” ครูลินดาถามผม



“คือเออ ครูลินดาครับผม” ผมก็กำลังจะบอกครูลินดา



“ครูลินดาค่ะ” มีนักเรียนหญิงเดินเข้ามาสองสามคนผมก็ไม่ได้บอกอยู่ดี



“ว่าไงเปรี้ยว”



“ครูลินดาคะ วันนี้มีซ้อมรำไหมคะ “ เด็กผู้หญิงคนนั้นถามครูลินดา



“มีค่ะ เพราะว่าใกล้วันงานเต็มทีแล้ว “ ครูลินดาพูดกับเด็กๆ



“งานอะไรเหรอครับครู”ผมก็เลยขัดจังหวะถามครูลินดา



“งานวันแข็งขันบาสเก็ตบอลประเพณีคะ โรงเรียนเรานี้เป็นแชมป์มาทุกสมัยนะคะ ปีนี้ท่านผอ อยากให้เรามีรำไทยโชว์ก่อนด้วยค่ะครูเขม” ครูลินดาพูดและครูลินดาก็หันไปคุยงานกับเด็กๆ ผมก็นั่งทานอาหารและมองไปด้วย จะหาโอกาสคุยยังไงนะ



“อุ้ย! ครูเขมคะ  จะได้เวลานักเรียนเข้าแถวแล้วคะ และขึ้นสอนตอนบ่ายคะ ครูมีวิชาสอนไหมคะ” ครูลินดาถามผม ผมทานเสร็จพอดีเลย



“มีครับ ผมคาบแรกของตอนบ่ายเลยครับ” ผมตอบครุลินดา



“ถ้าอย่างนั้นเราขึ้นห้องเตรียมตัวก่อนดีกว่าไหมคะ” ครูลินดาพูดและผมก็พยักหน้า ครูลินดาเก็บภาชนะทั้งหมดใส่กระเป๋าและลุกขึ้นพร้อมกับผม ผมก็จะช่วยแต่ครูลินดาร้องห้ามผมไว้ และเด็กๆก็พากันเดินตามครูลินดาขึ้นไปเช่นกัน ผมก็มีโอกาสได้คุยอีกแล้ว ผมเข้าไปในห้องและเตรียมตัวเพื่อทำการสอน แปรงฟันให้เรียบร้อย ผมก็มองตัวเองในกระจก



“จะเอาอะไรกับเด็กอย่างนายได้ละ นายคริสโตเฟอร์ “ ผมพึมพำอยู่ที่หน้ากระจก และผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ผมเห็นว่านักเรียนเตรียมตัวเดินเข้าห้องเรียนกันหมดแล้ว และผมก็หยิบหนังสือเตรียมสอนห้องม.4/1 ผมเดินขึ้นไปยังห้องเรียนทำไมผมรู้สึก ผิดหวังแบบนี้นะ นายคริส นะนายคริส ผมเดินเข้าไปในห้องเรียน



“Good afternoon Teacher “



“Good afternoon everyone “ผมทักทายนักเรียนทุกคน



“How are you today? ผมถามเด็กๆ ผมไม่ต้องมองโต๊ะที่เมื่อวันก่อนมันว่างเปล่าเพราะว่าวันนี้ก็ว่างเปล่าเช่นกัน



“I’m good Thank you and you?”



“’ I’m good Thank you”



“sit down please “ ผมบอกทุกคนให้นั่งลงและผมก็เงยหน้ามองนักเรียนแต่ละคนและผมก็เช็คชื่อนักเรียนทุกคน ยกเว้นคริสโตเฟอร์ เขาก็คงไม่เข้าเรียนและผมก็ต้องติ๊กตามคุณครูท่านอื่นๆที่สอนไว้ว่าไม่มา?



“เอาละวันนี้เราจะเริ่มเรียน” ผมกำลังจะพูด



“Excuse me Sir ! “ เสียงมีคนขออนุญาติผม ผมหันไปมองก็ต้องวางช๊อกลง เพราะว่าคนนั้นก็คือนายคริสโตเฟอร์นั้นเอง



“May I come in please!”เขาขอผมเข้าห้องเรียน



“เฮ้ยย พี่เขาเข้าเรียนวะ”คนในห้องพากันซุบซิบกันใหญ๋เลยแต่ผมไม่ได้นใจ ผมยิ้มให้เขา



“of course, come in please” ผมตอบนายคริสไปและนายคริสก็เดินเข้ามาแต่



“What is your name ?” ผมถามคนที่เดินเข้าและเขาก็หยุด



               “My name is Christopher “

               “Well come to my class, Christopher.” ผมพูดเขาก็ส่งยิ้มอ่อนๆมาให้ผม



           “Christ, I want you to come over here and introduce about yourself to your friends.” ผมบอกนายคริสและชี้ให้เขาเข้ามายืนข้างๆผมตรงหน้าห้องเรียน เขาก็มองหน้าผม ผมรู้ว่าเขาไม่มั่นใจที่ยืนตรงหน้าเพื่อนๆของเขา แต่ผมพยักหน้าให้เขาว่าเขาต้องทำได้ และเขาก็หยุดยืนไม่ใกล้ไม่ไกลจากผม



“เอาละเพื่อน ๆ วันนี้เรามีเพื่อนเรียนด้วย อาจจะไม่ใหม่สำหรับวิชาอื่นแต่ดูแล้วใหม่สำหรับครูแน่นอน และครูคิดว่านักเรียนทุกคนยังไม่รู้จักนายคริสกันเท่าไหร่จริงไหม” ผมพูดและถามทุกคน มีแต่คนเงียบ



“แต่ผมเรียนมาหนึ่งเทอมแล้วนะครับครู” นายคริสหันมาพูดกับผม



“เอาละใครรู้จักชื่อกลางของนายคริสบ้าง” ผมถามทุกคน แต่ไม่มีใครยกมือขึ้นมาเลย ผมหันไปถามคริสโตเฟอร์ ผมหันมาเหล่นายคริสว่านี้ไงทุกคนยังไม่รู้จักชื่อกลางนายเลย



“What is your middle name, Christ? “ ผมหันไปถามคริส เขาก็มองหน้าผมและ



“Anthony ” นายคริสโตเฟอร์ตอบผม



“แต่เวลาเขียนเขาจะเขียนย่อว่า Christopher A Rizzo “ ผมหันไปเขียนไว้บนกระดานดำ ให้เพื่อนๆนักเรียนดู



“ I want you to talk about yourself to everyone in my class. ผมบอกนายคริสโตเฟอร์ เขาหันมามองผม ผมพยักหน้า ผมเชื่อว่าเขาต้องทำได้แน่นอน และนายคริสก็เริ่ม ผมก็หยิบเครื่องบันทึกมากดบันทึกเสียงเขาไว้



“Hi everyone, My name is Christopher Anthony Rizzi. I’m 16 years old. I’m a mix- race person. My mum is a Thai and my dad is a Australian. ”และก็บร้าๆ เขาพูดภาษาอังกฤษได้คล่องมากจนเพื่อนๆฟังกันเพลินเลย เขาบอกวาเขานั้นเป็นลูกครึ้ง แม่เป็นคนไทยพ่อเป็นคนออสเตรเลียและแต่อันที่จริงครอบครัวทางพ่อของเขาเป็นคนอิตาลีและได้ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ออสเตรเลียนานมากแล้วตั้งแต่สมัยคุณปู่คุณย่าของเขายังเด็กๆ



“ไม่น่าเชื่อเลยวะแกว่าพี่เขาพูดอังกฤษได้เก่งมาก นี้ขนาดไม่ได้เข้าเรียนนะแก” เด็กผู้หญิงที่อยู่แถวหน้าสุด



“Have you ever been to Austalia, Christopher?



“Yes, I have. I had been to Australia when I was two-years-old.



“Have anyone ever been to Australia? ผมหันไปถามนักเรียนทุกคน และทุกคนก็ส่ายหัวกันหมดว่าไม่เคย



“ครูอยากให้เธอฟังเรื่องราวที่นายคริสจะเล่านะ เพราะว่าประเทศออสเตรเลีย เป็นประเทศที่นักเรียนไทยหลายคนไปศึกษาที่นั้นเยอะนะ เพื่อจะเป็นช่องทางการติดสินใจหากต้องการไปศึกษาต่อต่างประเทศ” ผมบอกนักเรียนในห้อง



“Where do you live in Australia?



“I lived in Melbourne”



“Can you tell everyone about Melbourne please?”



“Yes, I can. I lived with my dad and my Mum in Melbourne but My grandma lives in Perth. “ I went to daycare while my mum goes to work.



“Daycare ก็คือสถานที่รับดูแลเด็กเล็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 5 ขวบ สำหรับครอบครัวที่ไม่สามารถที่จะดูแลน้องได้ เพราะว่าต้องทำงาน ไปเช้าเย็นกลับ และอาชีพเดย์แคร์นี้ มีคนไทยที่ย้ายถิ่นฐานไปทำงานที่นั้นกันค้อนข้างเยอะนะ และรายได้ดี เพื่อใครสนใจรักเด็กนะ “ ผมอธิบายให้นักเรียนในห้องฟัง



“Keep going please” ผมหันไปบอกคริส



“and then I went to kindergarten until I can go to primary school .



“kindergarten หรือ ‘kindy ก็คือ โรงเรียนเด็กก่อนวียเรียน แต่ส่วนใหญ่เขาจะเรียกว่า Preschool “ ผมก็จะอธิบายในบางคำศัพท์ให้เพื่อนในห้องได้เข้าใจตามไปด้วย





“What is your favourite hobby  you like to do  with your dad, Chris?





“My dad likes to go to the beach and my dad really good to do surfing . My dad taugh me to do surfing when I was 4 years old. I love it. I always go with him every weekend...บร้า....” และเขาก็เล่าว่าพ่อเขาชอบไปทะเลเพื่อ ไปเล่นเสิร์ฟบอร์ด และเขาก็จะไปกับพ่อเขาทุกวันหยุด และชอบไปตกปลา พาไปเล่นสกีตอนหน้าหนาว พ่อเขาจะพาไปที่หิมะตก แต่จะว่าไปเขาก็จำภาพดีดีของเขาและพ่อของเขาได้ดี ผมให้เขาพูดเป็นภาษาอังกฤษและถ้าคำไหนที่เพื่อนไม่เข้าใจผมก็จะแปลและอธิบายให้เขาฟัง พอนายคริสพูดจบ



“แปะๆ”ทุกคนในห้องปรบมือกันหมด



“Thank you so much, Christ. now you can go to have a seat “ ผมบอกนายคริสก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ของเขาได้



“ครูเขมค่ะ หนูอยากพูดเก่งได้เหมือนพี่คริสจังเลยคะ”



“ถ้าอยากพูดเก่งเราต้องฝึกฝนและขยันพูด ดังนั้น พอเวลาเข้าเรียนในคลาสกับครู เราจะสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษกัน ครูเองก็ไปที่ออสเตรเลียเพื่อไปเรียนครอสระยะสั้นๆ ครูไปเรียนที่TAFE” ผมพูดและหันไปเขียนบนกระดานดำ



“เพราะว่าพ่อของครูเป็นนักการทูตประจำที่ออสเตรเลีย ครูไปเยี่ยมพ่อทุกช่วงปิดภาคเรียน “ ผมบอกนักเรียน



“แต่ก่อนที่เราจะเข้าเรียนในบทเรียน ครูมี่คำหนึ่งอยากบอกทุกคน แต่ครูถามเราก่อนนะว่า ถ้าเราพูดถึงลูกครึ้งเราจะนึกถึงคำไหน” ผมถามเด็ๆในห้องเรียนของผม



“ยกเว้นนายคริส ให้เพื่อนตอบ” ผมหันไปชี้นายคริสโจเฟอร์ ผมว่าเขาน่าจะรู้เพราะว่าเขาได้ใช้คำนี้อย่างถูกต้องตอนแนะนำตัว



“มัด บลัด ครับผม”



“Mud- blood คำนี้ใช่ไหมที่เธอบอกครู อนุพงษ์” ผมเขียนบทกระดานดำ



“สงสัยนายจะแฟนคลับแฮร์รี่พอร์ตเตอร์” ผมพูดและเพื่อนๆในห้องพากันหัวเราะ



“ไม่ได้ครับ ผิดและไม่มีฝรังคนไหนเข้าใจ “



“ฮาร์ฟบลัดละคะครู”



“Half-Blood “ผมเขียนบนกระดานดำอีกเช่นกัน



“คำนี้ไม่สุภาพนะ ไม่ควรใช้จะดีที่สุดครับนักเรียน”



“Half-human “ มีตะโกนมากผมก็เขียนให้ดูบนกระดานดำ



“คำนี้อาจจะโดนต่อยกลับมาได้ ใช่ไม่ได้นะครับนักเรียน และมันไม่มีครับ ครึ้งมนุษย์ ไม่มีใครหรือฝรั่งเข้าใจแน่ๆ ”



“คำที่ควรใช้ได้คือ mix- race ตามที่นายคริสโตเฟอร์ใช้ในการแนะนำตัว หรือจะบอกว่า เป็นครึ้งไทย ครึ้งออสเตรเลีย อะไรแบบนี้ บร้าๆ “ ผมก็สอนไป



“เอาละ คราวนี้พวกเธอคงรู้แล้วใช่ไหมว่าควรเรียกเพื่อนที่เป็นลูกครึ้งให้ถูกต้องยังไง เอาละเรามาเข้าบทเรียนกันได้แล้วนะ ทุกคนเปิดหนังสือ” ผมพูด



“โห่ครู อยากเรียนนอกบทเรียนเยอะๆอ่ะ ครู”



“เอาไว้คราวหน้า ครูจะหานอกบทเรียนมาสอนพวกเธอกันนะ ตอนนี้กลับมาเรียนตามหนังสือก่อนและวันนี้ครูจะไม่ให้การบ้านเธอนะ แต่วันศุกร์ครูจะให้” ผมหันไปบอกทุกคน



“เย้ๆ ดีจังเลยครู เพราะว่าวันนี้ก็โดนคณิตศาสตร์ไปแล้วค่ะ “ ผมหันไปยิ้มให้นักเรียนและผมก็สอนตามตำรา ผมหันไปมองนาคริสโตเฟอร์ดูเขาตั้งใจเรียนอยู่นะ ผมแอบดีใจ ทำไมผมถึงรู้สึกดีแบบนี้นะ ผมสอนไปจนจบคาบภาษาอังกฤษ และก็ปล่อยให้นักเรียนไปเข้าห้องน้ำก่อนจะเรียนวิชาอื่นต่อ



“หมับ” ผมก็ต้องสะดุ้งเพราะว่านายคริสที่ยืนที่มุมตึกจับแขนผมไว้ ขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่าน



“ขอบคุณนะครับ ครูเขม” เขาขอบคุณผม ผมก็ยิ้มให้เขา



“วันนี้ครูอัดเสียงเราตอนที่แนะนำตัว ครูว่าจะเอาไปให้ครูลิมาดูและอาจจะเอาตัวนี้มาแก้ศูนย์ของเธอที่ติดไว้เทอมที่แล้ว คริส” ผมบอกคริสโตเฟรอ์



“ขอบคุณครับครู “เขาบอกผมอีกครั้ง



“วันนี้ครูไปทานข้าวกับผมอีกไหม”คริสโตเฟอร์ถามผม ผมก็พยักหน้า



“ผมไปรับครูที่บ้านพักนะครับเย็นนี้” นายคริสบอกผม ผมก็พยักหน้าและเขาก็ยิ้มให้ผม ก่อนจะเดินลงไป ผมก็กำลังจะเดินหันไป เข้าห้องอื่นก่อน ขณะที่ผมกำลังเดินเข้าห้องเรียนชั้นม.2/4 ผมเห็นมีเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ และคนที่หันมาก็คือเด็กผู้หญิงที่ชื่อแก้ม เขาหันมามองผมและชักสีหน้า



“ครูเขามาสอนห้องเราแก เข้าเรียนกันกันดีกว่า” เด็กผู้หญิงคนอื่นพูดและพากันเดินเข้าห้องเรียน ส่วนแก้มก็ค่อยเดินเยื่องย่างเข้าไปในห้องเรียน ผมก็เข้าไปทักทายนักเรียนตามปกติและระหว่างที่ผมขานชื่อนักเรียน ก็มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ เดินมาขออนุญาติผมเข้าห้องเรียน เสื้อผ้าที่ดูเก่าๆ รองเท้าที่ดูขาดจนเป็นรู ที่ผมสังเกตุเพราะว่าเขาเดินมาขออนุญาติเข้าห้องเรียนที่หน้าชั้นกับผม ผมพยักหน้าและผานมือให้เขาไปนั่ง และผมก็ได้รู้ว่าเขาชื่อ อนุชิต และผมทำการสอนตามตำรามีเอามาเสริมบ้างและก็ให้งานกลุ่มทำ แต่ละคนจับกลุ่มกันยกเว้นสมคิดที่ได้แต่นั่งมองเพื่อนจัดกลุ่มกัน



“ทำไมเธอไม่ไปเข้ากลุ่มกับเพื่อนละอนุชิต”ผมลุกขึ้นไปถาม



“คือ..ผม..เออ ..ไม่มีกลุ่มครับ”อนุชิตตอบผม



“ทุกคนมีใครที่สมาชิกในกลุ่มยังไม่ครบบ้าง เพราะเท่าที่ครูดูจากจำนวนมันจะหารลงตัวกันนะ”ผมถามทุกคน



“มีกลุ่มหนึ่งยกมือแบบไม่ค่อยเต็มใจหนัก”



“ทำไมไม่เรียกเพื่อนไปละครับ”



“ก็ได้ค่ะครู”น้ำเสียงที่บ่งบอกวาไม่ค่อยอยากได้ ทำให้ผมมองหน้าเด็กคนนี้



“ทำไมเธอไม่อยากได้เพื่อน บอกเหตุผลครูหน่อย ถ้าเหตุผลที่สมควรครูจะให้เขาทำงานคนเดียวและได้คะแนนเต็มๆ ส่วนพวกเธอคะแนนกลุ่มต้องหารกัน” ผมถามทุกคน แต่ละคนเงียบ



“เขาไม่ค่อยซักเสื้อผ้า มันเหม็นอะครู”



“แค่นี้เหรอ” ผมถามเขากลับ



“ระหว่างสกปรกภายนอกกับใจที่สกปรก เธอเลือกอันไหน” ผมถามทุกคนกลับ



“ตอบครูซิ” ผมถามทุกคนอีกครั้ง                                                   



“อนุชิตมาอยู่กลุ่มเราก็ได้ เราครบแล้วแต่พวกเราเต็มใจที่จะหารคะแนน” อีกคนที่เรียกเขาเข้าไปอย่างเต็มใจ ผมพยักหน้าให้เขาไปหากลุ่มที่พร้อมจะรับเขาจะดีกว่า ส่วนอีกกลุ่มนั้นก็กลุ่มที่มีแก้มอยู่ด้วย และผมก็เดินดูทุกคนทำงานกลุ่มจนหมดคาบเรียน

---------------------------------------------------------------------------------------------------

ฝากนิยานเรื่องแรกนี้ด้วยนะคะ แม้จะไม่ได้ลงที่นี้ที่แรกแต่ก็ได้นำมาแก้ไข และปรับปรุง จนคิดว่าน่าจะลงตัวแล้ว ถ้ามีข้อผิดพล้าดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ (ปล.เจอคำผิดบอกด้วยนะคะ ) 
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดในรั้วโรงเรียนตอนที5ครูเขมชาติXคริส ผมหวังว่าเขาจะไม่ทำให้ผมผิดหวังนะ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 24-07-2020 15:43:56
 :hao7:คริสหยอดครูเขมตลอด
หัวข้อ: รักนี้เกิดที่ในรั้วโรงเรียนEP.4.1 เมื่อเขาไว้ใจผม (ครึ้งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 25-07-2020 18:15:57
EP.4.1  เมื่อเขาไว้ใจผม (ครึ้งแรก)
                   หลังจากหมดชั่วโมงสอนของผม ผมก็ต้องเข้าห้องประชุมต่อทันที  เพราะว่าวันนี้ท่านผู้อำนวนการโรงเรียนจะแนะนำตัวผมกับครูอาจารย์ท่านอื่นๆอย่างเป็นทางการ

      โรงเรียนที่ผมมาทำการสอนนี้มีนักเรียน 630 คน ทั้งหมด 22 ห้องเรียน มีครูบรรจุ 20 คนและครูอัตราจ้าง 6 คน ผมเป็นครูอัตราจ้างหนึ่งในหกคนนั้น ที่นี้มีครูสอนภาษาอังกฤษแค่ 3 คน นั้นคือครูสมชาย ที่ดูธรรมะธรรมโมมาก และครูลิมา เป็นครูที่มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษแต่ครลิมาค้อนข้างที่มั่นใจตัวเองเกินไปหน่อยเลยจะไม่ค่อยรับฟังเท่าไหร่เวลานักเรียนเสนอแนะผมแอบได้ยินนักเรียนในห้องที่ผมเข้าไปสอนคุยกันนะครับ  และเดือนหน้าผมคงต้องสอนยาวทั้งอาทิตย์ และเมื่อประชุมเสร็จทุกคนก็แยกย้าย บางคนก็ทิ้งให้นักเรียนทำงานในห้องเรียนก็ต้องรีบกลับไปดูก่อนจะปล่อยให้เข้าแถวกลับบ้าน ผมก็เดินออกมาจากห้องประชุม

           “ครูเขมครับ ยินดีที่รู้จักอีกครั้งนะครับ มีอะไรปรึกษาผมได้นะครับครู” ครูสมชายเดินมาทักทายผมอย่างเป็นทางการ

           “เราคงต้องคุยกันเรื่องงานวิชาการแข่งขันภาษาอังกฤษกันค่ะ “ ครูลิมาบอกผมสองคน

           “ถ้าอย่างนั้นอาทิตย์หน้าดีไหมครับ ตอนนี้ผมขอตัวไปดูนักเรียนที่ห้องก่อนนะครับ “ครูสมชายพูด

           “เออ ครูเขมคะ พรุ่งนี้ลิมามีห้อง ม.3/1 ค่ะ ห้องนี้ครูมิ้งเขาสอนเอาไว้ค่ะ ถ้ายังไงครูรับช่วงเลยได้ไหมคะ ตอนนี้คาบสอนของลิมาแน่นมากเลยค่ะ “ ครูลิมาหันมาถามผม

           “ขอบคุณนะคะครูเขม เออ ห้องนี้มีคาบเรียนพรุ่งนี้นะคะตอนบ่ายครูมีคาบสอนไหมคะครู”ครูลิมาถามผม

           “มีตอนเช้าครับครูลิมา”

           “คงไม่เยอะเกินไปนะคะ 4 คาบเลย” ครูลิมาพูดด้วยน้ำเสียงที่เกรงใจผมมาก

           “ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจครับว่าช่วงนี้ครูไม่พอ เห็นผู้อำนวนการบอกว่ากำลังมองหาครูอัตราจ้างมาบรรจุเพิ่มนี้ครับ ไม่น่านทุกอย่างก็จะดีขึ้น”ผมพูดปลอบใจครูลิมา ครูลิมายิ้มและทำท่าจะเดินออกไปผม

           “ครูเขมคะ ครูสอนห้องคริสโตเฟอร์ใช่ไหมคะ เห็นมีนักเรียนบอกว่า เขาเข้าห้องเรียนกับครูวันนี้ ครูทำได้ยังไงคะ” ครูลิมาหันขวับมาถามผม ผมก็ยกมือขึ้นเกาหัวเล็กๆ


           “ ผมได้อัดเสียงเขาไว้ด้วยนะครับ ผมให้เขาแนะนำตัวและพูดเรื่องราวของเขาเป็นภาษาอังกฤษและเขาก็ทำได้ดีทีเดียวครับครู ผมว่าจะให้ครูลิมาดูเพื่อจะช่วยเขาได้ทีเขาติดศูนย์กับครูลิมา” ผมพูด

           “ได้ค่ะแต่เรื่องเวลาเรียนไม่พอนะคะ ถ้ายังไงให้เขาเรียนพิเศษกับครูซิค่ะ วันจะชั่วโมงก็พอคะ “ ครูลิมาแนะนำ ผมพยักหน้าว่าดีเลย

           “ขอบคุณนะครับ ผมจะบอกเขาให้เย็นนี้”

           “เขาโชคดีนะคะที่มีครูที่เอาใจใสเขา ลิมาคิดว่าครูผู้ชายด้วยกันอาจจะเข้าใจเขาได้มากกว่าลิมาค่ะ เพราะลิมาก็พย้าม พยามแล้ว  ไม่ได้ผล ชื่นชมครูนะคะ ครูเก่งมากค่ะ “ครูลิมาพูดและเดินหันหลังออกไป ผมก็เดินกลับห้องพักครู เพราะว่าผมหมดคาบสอนแล้ววันนี้

              ผมนั่งตรวจการบ้านเพราะว่าพรุ่งนี้ผมมีสอน4 คาบจากเดิม 3 คาบ ก็เพิ่มมาอีกหนึ่งคาบ และพรุ่งนี้ผมต้องกลับกรุงเทพ ก็ผมบอกณัฐกานต์เอาไว้ว่าจะไปดูคอนโดใหม่กัน

           “ตึง” เสียงมือถือผมดังขึ้นมีข้อความเข้ามา ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นณัฐกานต์ พอผมยิบขึ้นมาดู

           My boy = อย่าลืมนัดเดทของผมนะครับพี่เขม แต่ดูท่าพี่จะติดใจผมแน่ๆถึงได้ไม่ปฏิเสธผม

ข้อความที่เข้ามาในไลน์ผมผมถึงกับงง เพราะว่าใครเนี๊ยะที่มาขึ้นว่า My boy

           My love = คุณคือใคร ผมคิดว่าคุณน่าจะส่งผิด

               ผมส่งข้อความกลับไปแต่ทำไมมันขึ้นว่าMy loveในไอจีไลน์ของผม เหมือนตั้งนิคเนมเอาไว้  เฮ้ย! ผมไปเป็น มายด์เลิฟให้ใครตอนไหนวะเนี๊ยะ แต่ไม่มีใครแตะต้องมือถือผมอยู่แล้ว

           My boy = อะไรกันพี่เขมจำผมไม่ได้เหรอครับ คนที่พาพี่ไปออกเดทเมื่อว่านไงครับพี่เขม

นั้นไงทำให้ผมนึกออกนายคริสโตเฟอร์

           My love = นายคริสโตเฟอร์))))

           My love = นายได้เบอร์พี่ไปได้ยังไง และใครใช้ให้นายมาตั้งว่าMy Love and My boy แบบนี้ เดี๋ยวแฟนพี่ก็เห็น นี้พี่ไม่ขำด้วยนะคริส

           My boy = ผมลืมไปว่าพี่มีแฟนแล้ว

           My boy = พี่อย่าลืมนัดนะ ผมจะเข้าไปรับพี่ทานเข้าวที่บ้านพัก

           Khem = อืมม เจอกันนะ 6โมงครึ้งนะคริส

ระหว่างที่รอนายคริสพิมพ์ข้อความผมก็ตรงเข้าไปแก้ไขชื่อกลับมาทันที

           Christo= ผมอยากให้เวลาเดินเร็วจังเลยอ่ะพี่เขม ผมตื่นเต้นจะได้ไปกินครู

           “พล้วด!”เพราะว่าผมกำลังกระดกขวดน้ำดื่มและก็ต้องพ่นมันออกมาหลังจากที่อ่านข้อความที่นายคริสโตเฟอร์ส่งมาให้ผม มันจะกินผมครับที่เป็นครู

           Khem= นายคริส)))))

           Christ = ผมพิมพ์ตกไปนะครับพี่เขม ผมตื่นเต้นจะได้ไปกินข้าวกับครูเขมครับ

           Khem= ตอนนี้นายไม่ควรจะใช้มือถือคุยนะ เพราะว่ายังไม่หมดเวลาเรียน

           Christ = ไม่เป็นไรครับพี่เขม ถ้าครูอรวรรณถาม ผมก็จะบอกว่าผมกำลังแชทคุยกับกูรูที่รอบรู้วิชาของครูอยู่ครับ โดยทีไม่ต้องไปเสริซหาที่อากู๋อีกที

               นายคริสบอกผม แล้วนี้หมอนี้เรียนวิชาออะไรอยู่ ถึงได้เรียกผมว่ากูรู

           Khem= แล้วตอนนี้นายเรียนวิชาอะไรอยู่

           Christ= เพศศึกษาครับครูเขม

           Khem= นายคริส)))

           Christ= ถ้าวิชานี้เป็นครูเขมสอนนะ ผมจะขอข้ามทฤษฏีไปภาคปฏิบัติเลยครับ

ผมถึงกับต้องกุมขมับ ผมคิดไว้แล้วว่าต้องเจอนักเรียนเกรียนและต้องรับมือให้ได้แต่เจอนักเรียนหื่นแซงหน้าผมแบบนี้ จะรับมือกับมันยังไงวะนี้ ผมคิดในใจ

           Khem= พอเลยนายคริส นายนี้มันทะลึงมาก กลับไปตั้งใจเรียนได้แล้วและพี่กำลังจะตรวจการบ้านจะได้กลับไปเตรียมตัว

           Christ= อาบน้ำปะแป้งรอผมเหรอ

           Khem = “................” สรรหาคำพูดมาต่อกรไม่ถูกเลยผม

           Christ =เขินเลยอะดิพี่เขม  และถ้าพี่หน้าแดงแสดงว่าพี่เขินเพราะว่าพี่คิดกับผมอยู่ ฮาๆ

           Khem= แค่นี้นะพี่จะตรวจการบ้าน

           Off line  จบบทสนทนาซะดีกว่าผมคิดว่า

     ผมพิมพ์ข้อความและกดออกจากแชทที่คุยกับนายคริสทันที และผมก็หันไปมองกระจก ที่โต๊ะครูผู้หญิงพอดีว่ามันอยู่ตรงข้ามกับผมพอดี ผมก็เห็นได้ว่าหน้าผมแดงจริงๆด้วย เสียฟอร์มหมดเลยเขมชาติ อายได้ยังไง ก็แค่เด็กมันหยอดเอาเขมเอ้ย



           “ตึงงง” เสียงข้อความเข้ามาในมือถือผม อย่าบอกนะว่านายเร่งฉันนะคริส



           “เขม..กานต์จะไปทานอาหารญี่ปุ่นกับเพื่อนๆที่ทำงานนะ กลับถึงห้องแล้วจะโทรหานะ “ ณัฐกานต์นั้นเอง



           “ครับกานต์ อย่ากลับดึกนะครับ และอย่าดื่มเยอะนะ เขมเป็นห่วง รักกานต์นะครับ ” ผมส่งข้อความบอกณัฐกานต์ ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินลงบรรไดมา ต้องผ่านห้องน้ำครูผู้หญิง ผมเหลือบไปเห็นครูลินดากับครูถาวร คุยกันอยู่แต่เหมือนทั้งคู่จะคุยกันด้วยซีหน้าเครียดๆ



           “พี่ถาพี่ก็รู้ว่าลินดาทำไปเพราอะไร “



           “ลินดาชอบเขาเหรอคะ ครูเขมนะ “



           “คือว่า “ ครูลินดา ชอบผมอย่างนั้นเหรอ



           “อ้าว ครูเขม ยังไม่กลับบ้านเหรอครับครู ไปครับกลับพร้อมโจ้เลย โจ้กำลังจะกลับไปบ้านพอดีครับ “ ครูโจ้ดันเรียกผมซะดัง และครูถาวรกับครูลินดาก็ออกมาจากห้องน้ำหญิง และมองมาที่ผมทั้งคู่



           “ขอบคุณครับครูโจ้”



           “ไปเลยครับ อ้าวครูถาวร ครูลินดา ยังไม่กลับบ้านเหรอครับ แม้จะชวนไปด้วยก็เกรงว่าจะไม่หมด” ครูโจ้พูด ผมก็มองหน้าจะหมดได้ยังไง รถครูโจ้เป็นรถมอเตอร์ไซด์



           “ไม่ดีกว่าคะ ลินดาเอารถมอเตอร์ไซด์มาค่ะ รุ่นใหม่กวาของพี่โจ้อีก ลินดาไปก่อนนะคะครูเขม และพรุ่งนี้ลินดามีอาหารใต้มาฝากนะคะ อย่าลืมนะคะครูเขม” ครูลินดาพูด ผมก็ยิ้มๆให้และครูถาวรก็ยิ้มให้ผมก่อนจะเดินไปอีกทาง ผมหันมายิ้มให้ครูโจ้ ว่าเราไปกันได้หรือยัง



           "กานต์ครับเขมออกไปทานข้าวเย็นก่อนนะกลับมาแล้วเขมจะโทรหานะครับ รักกานต์นะครับ" ผมส่งข้อความหาณัฐกานต์ก่อนยังไงก็แฟน ส่วนคริสโตเฟอร์ผมว่าคงแค่อยากมีเพื่อนแต่ข้ามรุ่นไปหน่อยเล่นซะรุ่นอาจารย์เลยแต่ก็ดี ผมจะได้มีเพื่อนต่างวัยกับเขาบ้าง



           "ครูเขมครับผมมารับแล้วครับ" คริสโตเฟอร์ขับรถมารับผมที่หน้าบ้านพกเพื่อจะได้ออกไปทานข้าวกัน คริสโตเฟอร์ขับบิ๊กไบค์มารับผม พอผมเดินลงมาก็หยุดมอง ไปคันนี้อีกแล้วเหรอ คนเคยนั่งแต่รถเก๋งไม่ค่อยหรือแถบจะไม่เคยนั่งรถมอเตอร์ไซด์เลยหากไม่จำเป็น



           "เพื่อครู....ผมยอมลงทุนให้ลูกรักเปื่อนฝุ่นบ้างอะไรบ้าง น่ารักไหมครับ ถ้าชอบกดไลน์ถ้าใช้ให้จับกด!! ฟาวสสสส์ " คริสโตเฟอร์พูดทำเอาผม หันหลังจะเดินกลับเข้าบ้านพัก เพื่อไปต้มมาม่ากินดีกว่า (ก็มันเล่นบอกว่าถ้าใช่ให้จับกด) มันน่าไหมละ และยังไงบ้านพักผมก็มีกาต้มน้ำและมาม่าห่อที่ผมหอบมาด้วยเพื่อยามฉุกเฉิน

    “หมับ” คนที่นั่งค่อมรถมอเตอร์รีบคว้าแขนผมไว้ทันที



           “ไม่เอาน่าพี่เขม ผมล้อเล่น เร็วๆ ลูกรักผมรอพี่นั่งอยู่นะ “ ผมหันมามองนายนั้นอีกเขาก็ยื่นหมวกกันน๊อกให้ผมแต่ไม่ใช่อันนเมื่อวาน



           “อันนี้ของผม ผมซื้อไว้เพื่อว่าจะให้คนรักของผมซ้อน อยากบอกว่าใหม่แกะกล่องเลยนะพี่ เพราะที่ผ่านมาผมยังไม่เจอคนที่ใช่ ก็เลยยังไม่เคยเอาออกมาใช่ “ นายคริสโตเฟอร์พูดและหลิกคิ้วให้ผม ผมก็ชี้ตัวเอง แล้วนี้ให้ผมสวมนี่นะ นั้นก็คือ ผมคือคนที่ใช่สำหรับนายคริส



           “เฮ้ยย ไม่น่าจะใช่พี่นะที่ควรจะสวมมัน” ผมรับส่งหมวกกันน๊อคคืน



           “ผมล้อเล่นนะ สวมเถอะแต่เพิ่งซื้อมาใหม่น่ะจริงและรถนี้เอามาไม่ค่อยได้ขับไปไหนหรอก หวงรถ” นายคริสพูดและพยักหน้าให้ผมขึ้นรถซะที ผมก็ก้าวเหยียบที่สำหรับวางเท้าและขึ้นไปนั่งค่อมรถมอเตอร์ไซด์ที่ใครก็บอกเท่หนัก ล้อใหญ่ๆ



         ขณะที่ผมกำลังคลำหาที่ติดใต้ค้างคริสก็เอี้ยวตัวลงใช้มือเขาติดที่ยึดหมวกกันน๊อกให้ผม ผมไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมีโมเม้นแบบนี้ด้วยซึ้งปกติจะเห็นแต่ผู้ชายเขาทำให้ผู้หญิงมันน่ารักดีนะครับแต่นี้ผมผู้ชายครับ ผมก็บอกว่าผมจะติดเองแต่ส่ายหน้าว่าเขาจะติดให้ผม ผมก็เลยต้องนั่งเฉยๆให้ติดให้แทน

       

           คริสก็ค่อยๆออกตัวขับออกไป ผมก็ไม่รู้ วันนี้เขาจะพาผมไปทานที่ไหน ว่าจะถามก็ลืมจะถามตอนนี้ก็คงไม่ได้ยินซะแล้ว เพราะว่าเขาปิดหน้ากากลง คริสขับมาจนเกือบจะพ้นออกประตูโรงเรียนและจู่ๆ ก็มีเด็กผู้หญิง กระโดดออกมาขวางถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้กระชั้นชิดมากแต่ก็มีความเสียงที่จะชนมากด้วยเช่นกัน และโชคดีที่คริสขับมาไม่เร็วเลยเบรคเอาไว้ได้ทัน เด็กผู้หญิงคนนั้นก็ยืนกางแขนกั้นไว้เพื่อไม่ให้ผ่านไปได้ ผมได้กลิ่นยางไหม้ลอยมามาแตะจมูกผมด้วย  ทันที่ที่นายคริสโตเฟอร์ถีบขาตั้งลงแตะพื้น ผมก็รีบลงมายืนด้วยอาการตกใจ เหตุผลนี้แหละที่ผมไม่ค่อยชอบมอเตอร์ไซค์เพราะว่าเนื้อหุ้มเหล็กไม่ใช่เหล็กหุ้มเนื้อแบบนั่งขับอยู่ในรถ



         “คริส ...ถามน้องเขาซิเป็นอะไรไหม ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า” ทันทีที่ผมดันกระจกหน้ากากขึ้น ก็หันไปบอกนายคริส



         “ดูแล้วไม่เป็นอะไรหรอกพี่เขมแค่เป็น..บ้า!” คริสโตเฟอร์หันมาบอกผมด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ว่าเขาหัวเสียแค่ไหน



           "เป็นบ้าอะไรของเธอ..แก้ม!" คริสโตเฟอร์ถอดหมวกกันน๊อคออกก่อนจะหันไปตวาดเสียงดังใส่เด็กผู้หญิงคนนั้น



           "พี่เอาใครซ้อนรถพี่อีกแล้ว" แก้มยืนเอามือเท้าซะเอว ผมก็ถอดหมวกกันน๊อคออกก่อน แก้มหันมามองผมอ้าปากค้างด้วยอาการตกใจ



           "ครูเขม!!"



           "ใช่ครูเขมจะทำไมอะแก้ม ครูเขาไม่มีรถพี่จะพาครูไปกินข้าว มีปัญหาอะไรไหมแก้ม" คริสโตเฟอร์ถามแก้ม



           "เออ...ครู..เขม..เองเหรอ..แก้มก็นึกว่าเด็กผู้หญิงที่ไหน"เสียงเธอเบาลงอย่างรู้สึกผิด



           "ตัวครูเขาก็ออกจะใหญ่..และถ้าพี่จะเอาผู้หญิงหรือใครที่ไหนซ้อนนี้มันก็เรื่องของพี่นะแก้มเธอควรจะหยุดและเลิกยุ่งกับพี่ได้แล้ว แม่เธอนะด่าพี่อยู่ เมื่อวานก็ทีหนึ่งแล้วนะ ถ้าแม่เธอไม่ปลื้ม เธอก็ควรจะอยู่ห่างๆพี่" คริสโตเฟอร์พูดและสวมหมวกกันน๊อคกลับไปพร้อมหันมาพยักหน้าให้ผมทำตามเช่นกัน



           "ถอยออกไปได้แล้วและที่หลังอย่าทำแบบนี้อีกถ้าชนเธอขึ้นมาพี่ก็ผิดและถ้าพี่ล้มไปครูก็เจ็บตัว เธอทำอะไรคิดหน่อยได้ไหมแก้ม" คริสโตเฟอร์ แก้มยืนคริสน้ำตาปริเธอคงเสียใจและเธอก็วิ่งแจ่นออกไปคงร้องไห้แน่ๆ



           "คริส..แรงไปนะ"ผมพูดก่อนจะสวมหมวกกันน๊อคกลับไปและคริสโตเฟอร์ก็ติดใต้ค้างให้ผมเหมือนเดิม ผมยังคงติดเองไม่ได้อยู่ดี



           "ครู....ถ้าผมเบรคไม่ทันผมชนเลยนะและถ้าผมทรงตัวไม่ได้ก็ล้มทั้งคู่อีก...ผมเป็นห่วงครู" คริสโตเฟอร์หันมาพูดผมพยักหน้า และคริสโตเฟอร์ก็สตาร์ทรถออกไป ผมไม่รู้ว่าเด็กผู้หญิงคนั้นจะคิดอะไรไหมที่เห็นผมกับคริสโตเฟอร์ออกไปกันสองคนแบบนี้ เริ่มจะไม่สบายใจขึ้นมาทันที ก็วันนี้ครูลินดาพูดว่าผมนะก็เป็นหวงคริสมากกว่า ลำพังตัวผมเองนะไม่เท่าไหร่หรอก คริสโตเฟอร์ก็ขับพาผมมาทานกันที่ร้านอาหารตามสั่งไม่ไกลจากโรงเรียนมากหนัก



              ผมนั่งทานข้าวกระเพราหมู วันนี้ผมทานแบบเงียบๆไม่ได้ชวนคริสโตเฟอร์คุยนั้นคุยนี้เหมือนเช่นเมื่อวาน ตอนนี้ผมกำลังสับสนว่าผมกำลังทำเกินหน้าที่ครูอยู่หรือเปล่า



           "พี่เขมเป็นอะไรทำไมเงียบจังอะวันนี้" คริสโตเฟอร์ถามผม



           "คือ...เออ. ไม่มีอะไรนะคริส" ผมตอบปฏิเสธเขาไปก่อนจะฉีกยิ้มให้ว่าไม่มีอะไรจริงๆ



           "พี่เขมมีอะไรบอกผมได้นะ ถึงผมจะเด็กแต่ผมก็จะสิบเจ็ดแล้วนะพี่เขมและปีหน้าผมก็จะสิบแปดเข้าผับได้แบบไม่ต้องหลบออกด้านหลังแล้วด้วย” พูดอย่างภาคภูมิใจเสียจริงๆ



           “และถึงผมจะเด็กกว่าช่วยพี่แก้ปัญหาไม่ได้แต่ผมก็ช่วยรับฟังได้นะพี่เขม ผมไม่อยากเห็นพี่เขมทำหน้ากังวลแบบนี้เลย " ผมเงยหน้ามองเขา บางมุมเขาก็เหมือนผู้ใหญ่เกินอายุนะ



           "หรือว่าพี่เขมหึงผมเรื่องแก้ม...พี่หึงผมจริงๆเหรอ .." คริสโตเฟอร์พูดและยังยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าผมมากด้วย ผมต้องเบนตัวออกก่อนเพราะว่านี้มันในร้านข้าวทำอะไรไม่เกรงใจสายตาประชาชนเลย 



           “เห้ย! ไม่ใช่จะหึงทำไม ไม่ได้เป็น..แฟนกัน” ผมพูดต่ำไมแอบหลบสายตามันนะ ทำทีหันไปทางอื่นและก็หันไปเจอสาวๆ ออฟฟิตที่หันมาส่งยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มกลับ มีโบกมือด้วย แต่พอผมหันมาก็เห็นว่านายคริสโตเฟอร์กำลังโบกมือนั้นเอง และนั้นมันก็แปลว่าเขาโบกให้ไอ้คริสครับ ผมหันกลับมา พ่อลูกครึ้ง



           “ครูว่าจะบอกเธอว่า เธอควรจะเรียนเพิ่มกับพี่สักวันละหนึ่งชั่วโมงนะ เพราะครูลิมาบอกพี่มาว่าที่เธอติดศูนย์เทอมที่แล้วนะ เวลาเรียนเธอไม่พอ “ ผมบอกนายคริส เขามองหน้าผมและพยักหน้าอย่างไว



           “ห้ามเบี้ยวเลยนะ “ ผมบอกเขา



           “ไม่เบี้ยวแน่นอนเพราะว่า ผมจะได้...” คริสโตเฟอร์พูดและทำนิ้วไต่หลังมือผม



           “เพี๊ยะ!”



         “อิ้ววว!” ผมจัดการตีมือไม้ที่ดูซุกซนกับผมตลอดเวลาที่เขามีโอกาส และดันร้องซะดั้งลั่นเลย ทำให้สาวๆออฟฟิตโต๊ะถัดไปที่ยิ้มให้ผมก่อนที่ผมสองคนจะนั่งลง แต่ตอนนี้เขาหันมามองผมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปทันที



         "เป็นเกย์อะแก!" ผมได้ยินเขากระซิบกันทำให้รู้ว่าเครื่องแสกนเร่ิมทำงานแล้วและประมวณผลเสร็จสรรพว่าผมถูกจัดให้อยู่ในประเภทไหน  และพอผมหันไปยิ้มให้ก็หันหลังกลับพร้อมกันหมดเลยทีนี้



         “ถ้าอย่างนั้นเราเริ่มกันวันนี้เลยนะคริส “ผมบอกนายคริสโตเฟอร์ เขาก็พยักหน้า ผมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือผม และมันทำให้ผมคิดถึงณัฐกานต์ ผมก็คล้ำหามือถือ



         “หาอะไรเหรอพี่เขม” นายคริสถามผม



         “พี่ลืมมือถือแต่ เอาไว้สอนนายก่อนแล้วกัน” ผมพูดและผมสองคนก็พากันลุกและนายคริสโตเฟอร์กำลังจะหยิบเงินในกระเป๋าสตางค์ของเขา ผมก็รีบเรียกเขาไว้ทันที



         "คริสไม่เอา...กลับมาเอาตังพี่ไปจ่าย"ผมเรียกคริสโตเฟอร์ให้กลับมาหาผม



         "ไม่เป็นไรครับพี่เขม..ผมอยากจ่ายให้พี่เพราะว่าพี่ก็เลี้ยงผมตั้งแต่เมื่อวานและเมื่อเช้าอีกอะ ผมไม่อยากเอาเปรียบพี่เขม ไม่อยากให้พี่เห็นว่าผมอายุน้อยกว่าต้องให้คนอายุมากกว่าดูแลทุกเรื่องนะและอีกอย่างผมอยากให้พี่เห็นว่าผม..ก็ดูแลพี่ได้" คริสโตเฟอร์พูด และหันไปจ่ายเงินแทนผม ผมกับคริสโตเฟอร์ก็รีบกลับไปที่โรงเรียนผมเหลือบมองเวลายังพอมีเวลาเหลืออยู่ ผมหันมามองหน้าเขา ทำไมเขาพูดแบบนั้นละ ว่าอยากให้ผมรู้ว่าเขาจะดูแลผมได้ ว่าแต่หมอนี่มันคิดอะไรกับผมหรือเปล่า



           “มีอะไรเหรอพี่เขม หรือว่าพี่รู้สึกเสียหน้าที่ผมออกค่าข้าวให้” นายคริสถามผม



           "คริสที่พี่ต้องการจะออกให้ก่อนได้เพราะว่าเธอยังไม่มีงานทำไง" ผมพูดตอนที่ถอนหมวกกันน๊อคออก ผมไม่ได้ดูถูกว่าเด็กไม่มีเงินนะ



           "พี่รู้ได้ยังไง ผมนะมีงานพิเศษทำนะ ตอนที่ไปช่วยแม่ที่ภูเก็ตช่วงที่ผมถูกพักการเรียนนะผมได้ติปตั้งเยอะได้เงินจากแม่อีกด้วย" คริสโตเฟอร์พูดผมพยักหน้าว่าผมรู้



           “ถ้าอย่างนั้น ขึ้นไปเรียนที่ห้องพักครูนะ เพราะว่ามันน่าจะดูไม่น่าเกลียด ถ้าขึ้นไปเรียนที่บ้านพักครู ซึ้งมีแค่พี่และนายสองคน คนอื่นจะมองไม่ดี”ผมหันไปบอกนายคริสโตเฟอร์



           “แล้วพี่เขมไม่ขึ้นไปเอามือถือเหรอ” คริสโตเฟอร์ถามผม ผมส่ายหัวว่าไม่ละ



           “หนังสือการสอนพี่อยู่ข้างบนห้องพักครู ไปเราขึ้นไปเรียนการที่ห้องพักครูแล้วกันนะ “ ผมบอกนายคริสโตเฟอร์ ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินขึ้นไปบนตึก ผมเห็นว่าห้องพักครูมีไฟเปิดไว้อยู่แล้ว น่าจะมีครูนั่งทำงานอยู่
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดในรั้วโรงเรียนตอนที6ครูเขมXคริส เมื่อครูเขมต้องปะทะเด็กสายหื่น
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-07-2020 22:13:57
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: รักนี้เกิดที่ในรั้วโรงเรียน (ครูเขมXคริส) EP.4.1 เมื่อเขาไว้ใจผม (ครึ้งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 26-07-2020 13:44:42
       
EP.4.2  เมื่อเขาไว้ใจผม (ครึ้งหลัง)
           “คริส!!!” มีคนเรียกนายคริส ผมสองหันไปตามเสียงเรียกพร้อมกัน ผมก็เห็นเด็กผู้ชายสองคน ที่ขับรถเก๋ง รถแต่งโหลดอีกต่างหากมาจอดและเลื่อนกระจกลง



           “มึงไปไหนมาวะ ไอ้โป้งมันตามหามึงอยู่นะ มันจะชวนมึงออกไปแว้นแก้เซ็งวะ มันนอยด์ เพราะมันตกวิชาคณิตของครูสมพิณ “ เพื่อนนายคริสตะโกนมาบอกคริส



         “ไอ้นี้มันไอ้อาร์ทและไอ้โจครับพี่เขม” คริสโตเฟอร์หันมาบอกผม ผมพยักหน้า



         “หวัดดีครับครู “ นั้นถึงได้ยกมือไหว้ผมทันที ผมยกมือไหว้รับไหว้



         “เดี๋ยวกูส่งข้อความหามันเอง ตอนนี้กูต้องขึ้นไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มกับครูเขมสองต่อสองวะ” นายคริสบอกผมก็พยักหน้าแต่สองต่อสองนี้ ทำให้ผมสะบัดหน้ามามองนายคริส ไม่ต้องบอกเขาแบบนั้นก็ได้มั้ง นายนี่..มันน่าหนัก



“.......” ทำเอาสองคนนั้นมองผมกับคริสโตเฟอร์ ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าพวกเขากำลังจะคิด



“เออ...แค่สอนพิเศษ จริงๆ ไม่มีอะไร “ ผมรีบยกมือขึ้นห้ามทันที ไม่ต้องคิดนาน



            “อ๋อ!!!! “สองคนร้องออกมาพร้อมกัน



               “เฮอๆ...... ผมสองคนคิดเยอะนะครับครู ถ้าอย่างนั้นไปก่อนนะครับครู เด็กพวกผมรออยู่ ชวนออกกำลังกายครับครูและออกแบบสองต่อสองด้วยครับครู เสื้อผ้าไม่เกี่ยว “ คนที่เป็นคนขับตะโกนบอกผมสองคน แม้จะไปออกกำลังกายในร่มละซิ สองต่อสองเนี๊ยะ ผมหันมามองพ่อตัวดี มิน่าจะแก้งเดียวกันได้ สายหื่น ไม่ใช่สายศิลย์แล้วละครับผมว่า และคนที่ขับรถก็เลื่อนกระจกปิดพร้อมขับออกไป ผมหันมามองพ่อตัวดีอีกที  นี่ก็ขยันหางานให้ผมแก้นะ พูดไปได้ยังไงสองต่อสอง



         ผมสองคนเดินขึ้นบรรไดไปบรรไดไป โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่ยกพื้นสูงและผมก็ตรงไปที่ห้องพักครู ผมเห็นมีไฟเปิดไว้ ผมเดินเข้าไปก็พบครูดวงเดือน เป็นครูสอนวิชาภาษาไทย เขาเงยหน้ามองผม



           “ขอโทษนะครับ คือผมจะสอนหนังสือนายคริสเพิ่มนะครับ เพราะว่าเขา”



           “ไม่ได้เข้าเรียนก่อนหน้านี้เหรอคะ เรานะส่งการบ้านครูหรือยังคริส” ครูวงเดือนพูดและถามถึงการบ้านทันที



           “ส่งแล้วครับครู ผมส่งคนแรกเลย”



           “จริงเหรอ เดี๋ยวครูจะตรวจดูนะว่ามีชื่อเธอไหม” ผมหันมาน้องนายตัวดี เขาหันมาแยกเขี้ยวให้ผม ผมเพิ่งจะเห็นว่าเขามีเคี้ยวด้วย และนั้นคงเพราะว่าผมพาเขาขึ้นมางานเข้าทันที



           “อืม เจอแล้ว โชคดีนะเธอเนี๊ยะ”ครูดวงเดือนขยับแว่นและมองนายคริสก่อนจะก้มหน้าก้มตาตรวจการบ้าน ผมก็พยักหน้าให้เขาเข้มานั่งที่โต๊ะตรงข้ามกับผม



           “ครูยังไม่มีสอนพิเศษช่วงหลังเลิกเรียนใช่ไหมคะครูเขม” ครูดวงเดือนถามผม



           “ผมเริ่มอาทิตย์หน้าครับครูวงเดือน”



           “อ้อค่ะ เออ พี่ต้องไปก่อนนะคะ พอดี พี่มีธุระต้องทำ ครูเขมจะอยู่ต่อก็ได้นะคะ แต่รบกวนปิดไฟและแอร์ให้พี่ที และนายคริส ตั้งใจเรียนหน่อยนะ เพราะว่ามีครูไม่กี่คนหรอกนะที่อยากจะเขี้ยวเข็นนายนะ” ครูวงเดือนพูด ผมก็ยิ้มๆให้และขยิบตาให้นายคริส



           “ครับครู “ นายคริส และเมื่อครูดวงเดือน เดินออกจากห้องไป ผมก็เปิดหนังสือถึงบทเรียนที่นายคริสต้องเรียนชดเชยทันที เริ่มที่บทแรกเลย



           "คริส" ผมเรียกคริสโตเฟอร์พยักหน้าให้เขาลุกมานั่งฝั่งเดียวกับผม ซึ้งผมจะได้อธิบายและมอบหมายงานให้เขาทำและนายคริสก็รีบลุกมาพร้อมเก้าอี้



           “พี่จะอธิบายก่อนนะ นี้จะเป็นโครงสร้างของประโยคที่เกิดขึ้นในอดีต..บร้าๆๆๆ “ ผมบอกเขาและอธิบายว่าเขาต้องเขียนยังไง และอะไรคืออะไร มีที่มาที่ไปยังไง อย่างละเอียด และนายคริสก็หัวไวอยู่แล้วเขาเข้าใจง่าย ผมรู้ว่าฝรั่งเขาไม่รู้จักกิริยาสามช่องแต่เขารู้ว่าเขาควรใช้คำไหนสำหรับ อดีตและปัจุบัน



           "และนี้นายลองเขียนเรื่องที่ประทับใจในอดีตให้ครูดูหน่อย ครูจะดูว่าเธอเข้าใจการแต่งประโยคบอกเล่าเหตุการณ์แบบ Past tense แค่ไหน" ผมบอกคริสโตเฟอร์ คริสโตเฟอร์มองผมทำท่าคิดเหมือนเขาจะหนักใจที่จะบรรจงปลายปากกาเขียนเรื่องราวเหล่า



           "คริสคนเราต้องมีเรื่องประทับใจบ้างและครูก็เชื่อว่าเธอต้องมีคริส" ผมแตะหลังมือของคริสโตเฟอร์เบาๆ



           "ต้องเยอะแค่ไหนหรอครู "



           "ตามใจเธอซิ" คริสโตเฟอร์ขมวดคิ้วเป็นปมทันที ผมอยากจะขำเขานะ



           "อืม..สักสี่ห้าบรรทัดก่อนก็ได้" ผมพูด



           "ผมประทับใจครูอะ" ผมก็ต้องอึ้ง คริสโตเฟอร์มองหน้าผมสีหน้าเขาไม่ได้ล้อเล่นเหมือนทุกครั้ง



           "เร็วไปไหมคริส" ผมเงยหน้าถามคริส



           "ไม่นะผมรู้สึกอยู่กับครูแล้วผมสบายใจเหมือนบางสิ่งที่มันหายไปมันกลับคืนมานะครู ..ผมคิดถึงพ่อนะครู ..แต่ผมก็เฝ้าบอกว่าผมเกลียดเขาแต่ผมก็คิดถึงเขาไปพร้อมๆกัน" คริสโตเฟอร์พูด



           "ผมเคยคิดว่าไม่อยากเจอเขาอีกตลอดชีวิตของผม"



           "ครูเชื่อว่าเขามีเหตุผลมากพอที่จะยังกลับมาหาเธอไม่ได้ในตอนนี้คริสโตเฟอร์"



           "เธอยังมีเรื่องราวที่น่าประทับใจระหว่างเธอกับพ่อไหม..เธอยังพ่อจำได้บ้างไหม"ผมถามคริสโตเฟอร์



           "จำได้นะ แต่ผม ..”



           “บางทีการได้เขียนระบายออกมามันอาจจะทำให้นายรู้สึกดีก็ได้นะ ครูดูเธอออก ว่าเธอจำทุกอย่างของพ่อเธอได้แต่เธอแค่ไม่อยากจะรื้อฟื้นมัน” ผมพูด นายคริสมองหน้าผม



           “ทำไมละ ในเมื่อมันคือความทรงจำที่สวยงาม เขียนมันออกมาเถอะ” ผมบอกเขา เขาก็มองหน้าผมและพยักหน้าก่อนจะจรดปลายปากกาลงเพื่อเขียน



           “พ่อเคยสอนผมขี่รถ RTV คันเล็กๆและนั้นคือของขวัญวันคริสมาสที่พ่อให้ผม " นานคริสโตเฟอร์พูด แต่เหมือนเขาจะหยุดนิ่งแค่นั้น



           "ครูอยากให้เธอเขียนมันครูอยากอ่าน" ผมพูดบอกนายคริสโตเฟอร์พยักหน้าและเริ่มเขียนต่อ



               ก่อนที่เขาจะก้มลงเขียนบรรยายสิ่งนั้นออกมาเป็นภาษาอังกฤษให้ผมได้รับรู้ และผมก็เชื่อภาพวันวานมันจะทำให้เขาลบบาดแผลในใจเขาระหว่างพ่อของเขาได้ไม่มากก็น้อย



           "คริส..ครูถามหน่อยได้ไหม..ทำไมเราไม่ค่อยเข้ากับเพื่อนในห้องละ"



           "พวกนี้รุ่นน้องของผมนะครู..ผมนะต้องเรียนรุ่นเดียวกับโป้ง ตอนนี้ก็อยู่ ม.5 แต่ผมโดนพักการเรียน  เพราะว่าผม..."คริสโตเฟอร์พูดเขาคงรู้สึกผิด



           "ผมโดนพักไปหนึ่งเทอมนี้ สาเหตุที่ผมโดนพักการเรียนก็ว่าผม..ต่อยลูกชายนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ผมต่อยจนมันสลบ เพราะว่ามันเรียกผมว่าไอ้ฝรั่งขี้นกไอ้พ่อไม่รักไอ้เด็กพ่อทิ้ง ผมทนไม่ได้ครู"



           "เอานะ..เธอไม่ใช่อย่างที่เขาพูดก็แล้วกันแต่ต่อไปนี้เธอควรจะอดทนกับมันให้มากขึ้นเพราะนั้นจะแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นผู้ใหญ่รู้ไหม"



           "ผอ.บอกว่าถ้าผมมีเรื่องอีกครั้งผมจะไม่มีสิทธิ์เรียนที่นี้ครู"



           "ก่อนจะทำอะไรให้นึกถึงแม่เธอนะคริส"



           "นึกถึงครูได้ไหม" ผมก็ขมวดคิ้ว



           "มานึกถึงครูทำไมละ" -_?



           "ครูเหมือนพ่อ" ^_^



           "ฉันนี่นะคริส" -_?



         "พ่อทูนหัว" " ^_^



         "คริสโตเฟอร์!!!" :o



         "รีบเขียนและจะได้กลับไปนอนพรุ่งนี้ตื่นมาแต่เช้า..ทะลึ่งตลอดเวลาเลยนะเรานะ"



         "ผมไม่ได้ทะลึงกับทุกคนนะครู มีครูคนเดียวนี้แหละ" ผมควรจะดีใจดีไหมละที่ได้สิทธิ์นั้นนะ



                ผมก็นั่งก้มลงมองที่เขาเขียนอันไหนใช้ผิดผมก็แนะนำเขาให้เขาเขียนให้ถูกๆ แต่ทว่ามันน้อยมากที่เขาจะเขียนผิด จังหวะที่ผมก้มลงมองผมไม่ได้มองแค่กระดาษเท่านั้นผมมองไปถึงใบหน้าหล่อๆนั้นด้วย คริสเป็นเด็กผู้ชายที่หล่อจริงๆ อันนี้ผมยอมรับเลย และไม่แปลกทำไมสาวๆถึงจะตบตีกันเพื่อแย่งผู้ชายคนนี้ แค่ลูกครึ้งก็กินขาดแล้วนะผมว่า แต่ว่าผมนะสะดุดตรงคิ้วเขานี้แหละมันหนาและโค้งได้รูปขนตาก็ยาวถ้ามีนัยต์ตาสีฟ้าด้วยคงจะเพอเฟคมากแต่เขากลับมีสีดำธรรมชาติออกจะโตนิดหน่อย แต่ว่าวันแรกผมเห็นว่ามันเป็นสีฟ้านะ หรือว่าตอนนั้นผมมองผิดไปเอง ผมก็จ้องมองอีกที่ที่นัยต์ตาของคริสจน



           "ครูครับผมควรจะใช้ had หรือว่า have ดี...." มองนานไปหน่อยไม่ทันระวัง พอคริสโตเฟอร์เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าของผมกับใบหน้าของคริสมันหางกันแค่ไม่กี่เซนติเมตร ผมควรจะถอยออก ก่อนที่สิ่งที่ไม่ควรจะเกิดมันอาจจะเกิดขึ้น



           "หมับ" มือของคริสโตเฟอร์จับเข้าที่เสื้อผมตรงหน้าอกเอาไว้เพื่อไม่ให้ผมถอยหลังหนีเขา นี้ขนาดผมแค่คิดนะนายนี้ยังเดาผมออกทันทีและมือไม้นี้ก็ไว้มาก



                คริสโตเฟอร์เขาก็ค่อยลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ของเขาและเลื่อนตัวเองมานั่งเบียดเก้าอี้ตัวเดียวกับผม สายตาผมก็มองที่ริมฝีของคริสโตเฟอร์มันเริ่มจะขยับเหมือนเหมือนเขากำลังจะ... ใจผมก็ยิ่งเต้นรัวเหมือนมีกลองมากระหน่ำตีอยู่ข้างในนั้น มันดังมากอยู่ภายในและคงจะมีแค่ผมคนเดียวที่จะได้ยินมัน

         

         คริสค่อยๆขยับตัวเข้าหาผมมันเหมือนเป็นภาพสโลและผมเองก็เหมือนทำอะไรไม่ถูกผมได้แต่นั่งนิ่งผมก็นั่งเก้าอี้ตัวในสุดซะด้วย ซึ้งผมก็ไม่อาจจะหนีไปไหนได้ ผมถูกขังอยู่ในลืบเลยก็ว่าได้ ผมได้แต่มองเขาโดยไม่ได้ขยับเขยื่อนออกแต่อย่างใด มันเหมือนกับว่ามีใครมาตรึงผมไว้เช่นกัน



           "อืมม"ริมฝีปากคริสแตะที่ริมฝีปากผมเบาๆ มือที่กุมเสื้อผมก็เปลี่ยนมาเป็นช้อนที่ใบหน้าของผมไว้แทน



           "ไอ้คริส!!!.."

 

           "คลื้น!!!" เสียงเรียกชื่อคริสโตเฟอร์และมันก็ทำให้ผมและเขารีบผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว และนายคริสเองก็ลุกพล้วดขึ้นอย่างเร็วเช่นกีน   ผมดีดตัวลุกขึ้นยืนทันทีเช่นกัน นายคริสโตเฟอร์ที่มองผม ผมไม่กล้าหันไปมองหน้านายคริส ก็เพราะว่าผมรู้สึกผิดที่ผมกำลังจะจูบลูกศิษย์ตัวเองแม้ว่าจะไม่ได้ถึงขั้นดูดดื่มแต่ถ้าไม่มีคนมาเรียกมันคงไปไกลกว่านั้นแน่ๆ



           "พวกกูพร้อมแล้วเราออกไปแว้นกันได้หรือยัง ..เออ...ครูเขม!!!" โป้งนั้นเองที่มาเรียกคริสโตเฟอร์



           "ครูว่าเราเอาไว้เรียนวันพรุ่งนี้ต่อแล้วกันนะคริส ครูต้องรีบกลับบ้านพักและนี้น่าจะเกินเวลาสอนแล้ว ครูจะลงในสมุดบันทึกไว้นะว่าเราเรียนวันนี้หนึ่งคาบเรียน " ผมพูดและก็รีบเก็บหนังสือทั้งหมด นายคริสที่มองผมโดยไม่ได้พูดอะไร ผมก็แทรกตัวเดินออกมาทันที นี้ผมทำอะไรลงไปวะ ผมพูดกับตัวเอง นั้นผมกำลังจะจูบกับเด็กนักเรียนตัวเอง



      โป้งยืนมองผมกับคริสโตเฟอร์สลับกันผมรีบเดินแทรกโป้งออกมาจากห้องเรียน ผมหวังว่าเขาคงจะไม่เห็นอะไรหรอกนะ ผมนี่รีบเดินจั้มอ้าวกลับบ้านพักทันที ผมไปกำจัดความรู้สึกที่มันกรุ่นๆในตัวผม ขนาดแค่ริมฝีปากผมสัมผัสกันเบา ผมยังรู้สึกไปไกลได้ขนาดนี้ ผมไม่สมควรทำแบบนี้ เพราะเขาคือลูกศิษย์ของผมซึ้งมันผิด



           "ครูเขม!! ครู...ครู..รอผมก่อน ....ครู!” ผมไม่ได้สนใจเลยว่ามีคนวิ่งตามผมมาติด ผมเดินลงมาจนเดินเลยห้องอาหารเรียบร้อยแล้ว แสงไฟสลัวๆที่สาดส่องทางเดินนั้น ผมหันมามองคนที่คว้าแขนผมไว้ นายคริสโตเฟอร์



           “ครู..ผมไปส่ง " นายคริสโตเฟอร์พูด ผมก็ยังรู้สึกผิดที่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมันไม่สมควรเลย



           “พี่กลับเองดีกว่าคริส เราไปกับเพื่อนเถอะแต่ใจพี่ก็ไม่อยากให้เราไปขับรถกลางคืนแบบนั้นเลยนะ “ ผมหันไปพูดบอกกับเขาแต่ก็ต้องหันหน้าหนี เพราะสายตาเขามันทำให้ผมหวันไหวขึ้นทุกที



           “พี่เป็นอะไรอ่ะ ทำไมทำหน้าแบบนั้นอ่ะ พี่โกรธผมเหรอที่ผม ทำท่าจะจูบพี่” นายคริสโตเฟอร์พูด ผมเงยหน้ามองเขา



           “ฟู่” ผมพ่นลมหายใจออกมา



           “มันไม่สมควรเกิดขึ้นคริส ระหว่างครู...กับนายซึ้งเป็นลูกศิษย์” ผมหันไปพูดกับคริสและแกะแขนเขาออกผมจะเดินกลับแต่เขาก็ยังคงคว้าแขนผมไว้



           "พี่เขม..ผมขอโทษ ผมไม่ตั้งใจ..พี่เขม ..พี่เขมอย่าโกรธผมเลยนะพี่..ผมไม่ตั้งใจทำแบบนั้น..และผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำอีก..นะ..พี่เขม "คริสโตเฟอร์พร่ำบอกผม ผมหันไปมองหน้าเขา ผมก็ต้องอึ้งและผมกลับใจแข็งกับเขาไม่ได้



           “และอีกอย่างพี่ก็มีแฟนอยู่แล้ว มันก็ผิดอีกนะคริส” ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์ เขาก็พยักหน้า และ



           “พี่รอผมตรงนี้นะ ผมจะไปเอารถ อย่าไปไหนนะ ผมไปส่ง “ นายคริสบอกผม และผมก็มองไปเพราะว่ามันก็ไม่ไกลเท่าไหร่แล้วนะ

           “ระยะทางไม่ไกลก็จริงแต่มันมืด เพื่อมีงู” คริสโตเฟอร์พูด ผมก็พยักหน้าจะว่าไปก็น่ากลัวเหมือนกันนะ ผมยืนรอจนเขาขับรถบิ๊กไบท์มาที่ผมยืนและผมก็ขึ้นไปซ้อนท้ายรถเขา คริสโตเฟอร์ขับไปส่งผมจนถึงบ้านพัก และนายคริสก็ดับเครื่องลง ผมก้าวขาลงจากรถบิ๊กไบท์





           "พี่เขม ผมถามไอ้โป้ง มันก็บอกว่าไม่เห็นอะไรนี้ “ นายคริสโตเฟอร์บอกผม ผมพยักหน้า แต่แอบคิดว่าผมต้องระมัดระวังให้มากขึ้น เวลาที่ต้องใกล้ชิดเขา



           "ผมจะไม่ทำอีก..." คริสโตเฟอ์พูดอีกครั้งและโผ่เข้ามากอดผมแน่น 



           "ถ้าไม่จำเป็น" ผมตาโตถ้าไม่จำเป็นงั้นรึ ผมดันพ่อตัวดีออกและหันหลังกลับทันทีเช่นกัน นึกว่าจะสำนึกผิดขึ้นมาบ้างไม่มีเลยนายคนนี้



           "พี่เขมอะงอนเป็นสาวๆเลย" คริสโตเฟอร์ ผมหันกลับมามองเขาอีกครั้ง เขายืนเอามือล่วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างเดินเข้ามาหาผม ก็จริงผมวิ่งออกมายังกับตัวเองเป็นนายเอกละครเลย ทำไปได้ยังไงวะ!!



           "พี่เป็นผู้ชาย" ผมกอดอกมองคนที่ยืนตรงหน้าผม



           "ผมรู้นะ ผมแยกแยะออก หน้าอกแบนขนาดนี้" ไม่พูดเปล่าเหล่สายตาลงมาที่อกแบนๆของผม



           "กลับไปนอนพักได้แล้วอย่าไปเถลไถลที่ไหนนะคริส" ผมบอกคริสโตเฟอร์ ก็ผมได้ยินโป้งชวนไปแว้น ผมรู้ความหมายมันหรอกว่าไปขับรถซิ้งอีกแน่ๆ



           "ถ้าพี่ไม่อยากให้ผมไปผมก็ไม่ไปครับพี่เขม..พรุ่งนี้เช้าผมมารับนะพี่นะ..ผมพูดจริงๆ” นายคริสโตเฟอร์บอกผม ผมก็ยังแปลกใจทำไมเคาถึงได้รู้สึกผูกผันกับผมมาก เหมือนที่ผมรู้สึกเช่นกัน



           “นะครับพี่ ผมอยากมารับ มาส่ง ผมอยากมาคุยกับ..” คริสโตเฟอร์พูดและมองหน้าผม



           “พี่เขม” คริสโตเฟอร์บอกว่าอยากคุยกับผม



           “ ผมคุยกับพี่แล้วผมรู้สึกดี เพราะว่าผมรู้สึกไว้ใจ..พี่เขม “ นายคริสโตเฟอร์บอกผม มันทำให้ผมนี้เหมือนต้องมนต์สะกด นี้เขาไว้ใจผมที่เพิ่งจะเข้ามาเป็นครูได้เกือบอาทิตย์และสอนห้องเขาแค่สามวันเองนะ



           “ผมไว้ใจครูเขม แต่ขอ ครูอย่าหนีหายจากผมไปนะ ผมไม่เคยไว้ใจใครได้แบบนี้มาก่อน นอกจาก พ่อแต่เขาก็ไม่กลับมาหาผม..ผมกลัว..” นายคริสโตเฟอร์พูด ผมพยักหน้าเบาๆ เหมือนเป็นการตอบรับว่าผมจะไม่ทิ้งเข้าไป แต่ว่า หลังจากที่นายคริสโตเฟอร์สตาร์ทเครื่องและขับออกไป เขาหันมามองผมแว็ปหนึ่ง ผมก็ยืนมองจนเขาขับพ้นออกไปจริงๆ


           "แต่ครูไม่ไว้ใจตัวเองนะซิคริส!!" ผมพูดกับตัวเองก่อนจะเดินขึ้นบ้าน เดินไปกดเปิดเช็คมือถือที่ผมทิ้งไว้บ้านพัก มีสายจากแม่ผมสองสาย และสายจากณัฐกานต์ 200 สาย ผมถึงกับพ่นลมออกมาโทรไปนี้คงไฟแล๊ปแน่ๆ ขอเลือกโทรหาแม่คุยกับแม่ให้สบายใจดีกว่า พอหลังจากโทรคุยกับแม่เสร็จแล้วผมก็กดโทรหากานต์ แต่ติดต่อไม่ได้



           "กานต์ครับ เขมมีติวหนังสือให้เด็กนักเรียนนะและก็ไม่ได้เอามือถือไป ..เขมขอโทษนะครับ"ผมส่งข้อความสั้นๆแค่นั้น ผมรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสวมใส่ชุดนอนเพื่อว่าณัฐกานต์จะโทรหาผมแต่ไม่มี ผมทิ้งตัวลงบนที่นอน

       

          ผมยังคิดถึงริมฝีปากที่แตะริมฝีปากผมแม้จะแค่ไม่กี่วินาทีแต่มันนานมากสำหรับผมเหมือนกดปุ่มค้างเอาไว้และตามด้วยรีเพล์ มันติดตาและความรู้สึกของผม นิ้วเรียวยาวของผมยกขึ้นลูบริมฝีปากไม่บางและไม่หนามากไปมา ไม่ได้นะเขมนั้นมันลูกศิษย์



           "ฟู่!!" เสียงพ่นลมหายใจออกมาดังๆ ผมรู้ว่ามันผิดมากถ้าครูกับนักเรียนจะรักกันแต่ถ้าเขาไม่ได้เรียนหรือผมเป็นครูโรงเรียนอื่น มันก็คงจะดีกว่านี้ แต่นี่เราอยู่โรงเรียนเดียวกัน ถ้าผมย้ายผมก็ต้องย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพ อันนี้แปลว่าผมก็ต้องทิ้งเขา



           "ครูผมไว้ใจครู" ไม่ได้เขาไว้ใจผมแล้ว ผมจะทิ้งเขาอย่างนั้นเหรอและนี้แค่ไม่ถึงสัปดาห์เลยนะ ม้นแปลกไปไหมที่เรารู้สึกกับเด็กคนนี้เร็วมาก


               ตึง!! ข้อความทางไลน์ ส่งเข้ามาหาผม


           "นอนหลับฝันดีนะครับครู..ขอบคุณนะครับ..ที่ให้ผมได้นึกถึงสิ่งดีดีของพ่อผม มันทำให้ผมเกลียดเขาไม่ลงจริงๆ..แต่ผมก็ยังไม่อยากจะเจอเขา..ในตอนนี้ แต่ผมคิดว่าอนาคตผมอาจจะพร้อมกว่านี้ ผม..รัก..และ..เคารพ..ครูเสมอ ปล.ขอโทษนะครับที่ผมทะลึ้งกับครูบ่อย ผมชอบเวลาครูทำหน้าเขินผม o//o " ผมยิ้มดีใจที่ผมทำให้คริสโตเฟอร์เขาหันกลับมานึกถึงสิ่งดีดีของเขาและพ่อ ผมจะช่วยให้เขาตามหาพ่อของเขาให้ได้และเขาจะได้แก้ปมที่อยู่ในใจว่าทำไมพ่อไม่กลับมาหาเขา ก็เพราะแบบนี้ไงผมถึงทิ้งเขาไม่ได้  ประโยคบอกรักนี้ทำเอาผมหายใจไม่เป็นจังหวะแต่ต้องตกม้าตาย มันบอก รักและเคารพ ..จบเลยเขมชาติ
หัวข้อ: รักนี้เกิดที่ในรั้วโรงเรียน ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ EP.5 เขาทำให้ผมเริ่มสับสน
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 26-07-2020 20:39:54
      ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ EP.5  เขาทำให้ผมเริ่มสับสน


           วันนี้เป็นวันศุกร์ ที่ผมจะได้กลับบ้านไปหาแม่รดาของผม แม่บอกว่าพี่ๆจะมาด้วย ส่วนพี่ต้นผมไม่แน่ใจว่าจะพาเอิร์ทกับพี่เกศรินทร์ไปพักที่ไหนก่อนหรือเปล่า เพราะว่าถ้าพี่เกศรินทร์เขารู้ว่าผมจะไปบ้านด้วยเขามักจะไม่อยากมาอยู่ที่บ้านเดียวกับผม แต่ผมก็มีคอนโดดังนั้นผมเลยคิดว่าจะไปนอนกับณัฐกานต์และค่อยไปหาแม่ตอนเช้าเพื่อไปทำบุญให้พ่อพิทักษ์ของผม จะว่าไปก็คิดถึงพ่อเหลือเกิน พ่อจากไปและทิ้งไว้ซึ้งทำสอนมากมายที่ผมสามคนจะนำมาใช้ในการดำเนินชีวิต

     ผมกำลังจะลุกชึ้นเพื่อไปทำหน้าที่ครูสอนห้องสุดท้ายของวันนี้ ห้องนี้ผมจะได้เข้าสอนวันแรก เป็นห้องม.3/1 ผมก็เอื้อมไปหยิบหนังสือคู่มือการสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 3   หน้าปากเขียนไว้ว่าครูมิ้ง

           “ครูเขม มีสอนอีกเหรอคะ “ ครูสมพิศเอ่ยถามผมทันที ที่เห็นว่าผมกำลังเตรียมออกจากห้องพักครู

           “ครับ ผมมีสอนห้อง ม.3/1 ครับ ครูลิมาเพิ่งจะบอกผมเมื่อวานและห้องนี้..” ผมกำลังจะพูด

           “เป็นห้องที่ครูมิ้งเคยสอนอยู่ค่ะ” ครูสมพิศเอ่ยพร้อมด้วยสีหน้าที่กังวล ผมก็ทำสีหน้าฉงนไปด้วย ว่าจะมีอะไรอีกเหรอครับ

           “ห้องนี้เป็นห้องที่นักเรียนที่ชื่อแชมป์เรียนอยู่ค่ะ “ ครูสมพิศพูด ผมก็พยักหน้าแต่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไม

           “นายแชมป์คือเด็กที่หายไปพร้อมกับครูมิ้งคะ”ผมพยักหน้าอีกทีอันนี้พอเข้าใจมาบ้าง

           “ขอให้ครูโชคดีนะคะ เออ..พี่ไปก่อนนะคะ พอดีว่า พี่ต้องไปรับลูกก่อนเวลาคะวันนี้เพราะว่าครูเขามีประชุมตอนเย็นกันคะ โรงเรียนลูกสาวพี่ โรงเรียนประถมนะคะ “ ครูสมพิศพูด ผมก็พยักหน้าและเดินออก ผมเดินส่วนนักเรียนหลายคนก็ยกมือไหว้ผมและตามมาด้วยคำชมว่าผมหล่อ แต่จะมีตามมาอีกด้วยว่า ผมจะเป็นเหมือนครูมิ้งไหม ตลอดจนผมอยากจะรู้เรื่องครูมิ้งขึ้นมาแล้วซิ

            ขณะที่ผมเดินขึ้นไปที่ห้องเรียนช้นม.3/1 ผมก็รู้สึกว่าบางสิ่งที่อยู่ในหนังสือคู่มือการสอน มันหลุดล่วงออกมา และผมก็ก้มลงมองและเก็บขึ้นมา มันคือรูปถ่าย มีคนที่ดูน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมได้แต่ดูอ่อนแอ่นกว่าผมเยอะ และอีกคนเป็นเด็กผู้ชาย ดูหน้าจะราวๆ สิบสี่สิบห้าได้ เด็กคนนั้น นั่งโดนมีแขนครูมิ้งที่โอบกอดเอวน้อยๆนั้นไว้ สายตาทั้งคู่ดูมีความสุขมาก

           “ครูเขมมาสอนห้องเรา” เสียงที่ทำให้ผมได้สติ ผมก็มองนักเรียนที่ออกมายืนที่ประตู ทันทีที่เขาเห็นผมก็หันไปบอกเพื่อนๆในห้องเรียนทันที ผมก็เอารูปถ่ายนั้นใส่กลับเข้าในหนังสือ ผมเห็นแววตาครูมิ้ง เขาดูรักเด็กคนนั้นมาก มันจึงทำให้ผมเชื่อว่าเด็กยังปลอดภัยดีแน่นอน

           “Good morning Teacher “เด็กๆก็ทักทายผมถามปกติ

           “สวัสดีครับทุกคน นับจากวันนี้เป็นต้นไปครูจะมาสอนแทนครูลิมา” ผมบอกทุกคนในห้องเรียน

           “ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มเปิดหนังสือหน้าที่ที่ครูลิมาสอนค้างไว้กันนะครับ” ผมบอก และหันไปเขียนหัวข้อบนกระดาน

           “แกว่าครูเขมจะเป็นเหมือนครูมิ้งไหมวะ” ผมได้ยินเสียงนักเรีนยซุบซิบกัน

           “ไม่หรอก ใครก็พูดกันว่าครูเขมนะกำลังจีบครูลินดา ครูสอนนาฏศิลย์อยู่ “ มีคนพูดขึ้นมา

           “แต่มีคนบอกว่าเมียครูดุอ่ะ มีคนโดนด่าวันแรกที่เจอครูและเป็นผู้ชายแก”

           “จริงดิ ดูไม่ออกเลยครูมิ้งนะดูออกมากกว่าแก” และผมก็ทำหน้าที่ครูสอนไปจนจบคาบชั่วโมง คำถามมากมาย ใครคือครูมิ้งและใครคือแชมป์ และเขาสองคนรักกันได้ยังไง แถมหายไปโดยไม่มีใครรู้เห็นมันต้องมีที่มาที่ไป และนั้นมันทำให้ผมย้อนกับไปดูสมุดเช็คชื่อ มีหนึ่งชื่อที่ถูกขีดยาวไปเลย

           “เอาละครูให้การบ้านไปทำวันเสาร์อาทิตย์นะครับและวันจันทร์ จะให้ออกมาใช้บทสนทนา จับคู่กันนะครับ ที่หน้าห้อง” ผมบอกนักเรียนทุกคน

           “เออ ครูถามหน่อยซิ นักเรีนที่ชื่อ เด็กชายกรวิทย์ เขาคือใครและเห็นว่ามีการขีดยาวเลย เขาลาออกไปแล้วเหรอครับ” ผมถามทุกคนและนี้กับเป็นคำถามที่ทำให้ทุกคนเงียบกันไปหมด

           “ว่าไงครับทุกคน” ผมถามอีกครั้ง

           “ครูค่ะ คนนี้คือแชมป์ค่ะ ที่หายไปพร้อมกับครูมิ้งคะ” ผมได้ฟังก็นิ่งอึ้งไปนะ ยังเด็กอยู่เลยแต่ผมก็ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นครูที่พานักเรียนหายไปเฉยๆ มันต้องมีที่มาที่ไปซิ หรือว่าทั้งคู่ถูกกดดัน 

           “ครูมิ้งเคยสอนห้องนี้ ครูสอนดีไหมครับ” ผมถามทุกคนอีกครั้ง

           “สอนดีนะคะ สอนเก่งด้วยและมักจะหาแนวข้อสอบมาให้ลองทำด้วยค่ะ แต่ว่าครูเขาเป็นเกย์ค่ะ เขาชอบผู้ชาย” นักเรียนหญิงอีกคนพูดขึ้น ผมพยักหน้าให้คนที่ยืนตอบคำถามแรกผมนั่งลง และผมก็ออกมายืนที่หน้าห้องมองทุกคน

           “เพราะว่าครูเขาชอบเพศเดียวกันนะเหรอครับ “ผมพูด

           “ในโลกนี้ ณะ ปัจจุบันนี้มันมีความหลากหลาย ของคำว่าเพศนะเท่าที่ครูรู้”

           “  LGBTQ เป็นคำที่หมายถึงกลุ่มเพศทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล ทรานเจนเดอร์ เควียร์  บร้าๆๆๆ” ผมก็อธิบายให้เด็กฟังคราวๆ ถึงมันจะไม่เกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียนแต่ผมคิดว่าเด็กๆก็ควรจะได้รู้เอาไว้บ้าง เพราะว่าต่อไปเขาจะต้องพบเจอเรื่องราวต่างๆรอบตัวเขาอีกมากมาย

           “ครูมองว่ามันคือความหลากหลายทางเพศ ซึ้งในประเทศไทยเรายังไม่เปิดใจรับตรงนี้ ครูจึงเข้าใจที่ทำไมพวกเราถึงได้รู้สึกมันเป็นเรื่องแปลกและพิศดาร “

           “ แต่ก็มีหลายประเทศที่ยอมให้มีการจดทะเบียนสมรสสำหรับเพศเดียวกัน 30 ประเทศแล้วนะ แต่ครูก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนต้องเห็นด้วย หรือหลอกเลียน เพราะว่าพฤติกรรมแบบนี้มันลอกเลียนกันไม่ได้อยู่แล้ว “

           “ของแบบนี้มันขึ้นอยู่ที่จิตใจของคนคนนั้น “ ผมพูดกับทุกคน

           “แต่สำหรับเรื่องของครูมิ้งและแชมป์นั้น เรื่องที่เขาทั้งคู่หายไปด้วยกันครูไม่ขอพูดถึงเพราะว่าครูไม่ทราบรายละเอียดตรงนี้ แต่ก็รู้สึกเสียดายนะ ที่ห้องนี้เพื่อนเราหายไปหนึ่งคน”

           “ และครูก็เชื่อว่าเขาสองคนจะกลับมาเมื่อเขาพร้อม ดังนั้น ณ ตอนนี้ ทุกคนก็ตั้งใจเรียนเพื่อที่จะคนหาสิ่งที่ตัวเองชอบและไปตามสิ่งที่ตัวเองฝันกัน ดังนั้นควรตั้งใจเรียนเพื่อพ่อแม่และคนที่พวกเธอรัก ครูพอแค่นี้ หัวหน้าเชิญครับ ” ผมพูดเพียงแค่นี้ และหัวหน้าห้องก็บอกนักเรียนทำความเคารพผมกัน ผมเดินออกมาจากห้อง ผมหันไปดูหมายเลขห้อง

                ผมเปิดหนังสือหน้าที่ผมสอดรูปถ่ายเขาสองคนเอาไว้ ผมหยิบรูปนั้นขึ้นมาดูขณะที่กำลังจะเดินลงไปชั้นล่าง เพราะว่าผมต้องไปเตรียมตัวกลับแล้ว ผมพลิกรูปไปที่ด้านหลัง มีลายมือที่เขียนเอาไว้ ห้องม3/1 พร้อมรูปหัวใจสีแดง และลงชื่อไว้บรรทัดล่างว่า มิ้งรักแชมป์ ผมเข้าใจความรักทั้งคู่แต่มันผิดที่เป็นครูไปรักนักเรียน ถามว่าผิดมากไหม ก็ไม่ได้ถึงขั้นคอคาดบาดตายแต่ว่ามันต้องอยู่ในกฏเกณฑ์และการวางตัว ถ้าเลือกได้ก็ไม่ควรที่จะอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน แต่ถ้ามันเลือกไม่ได้ละ จะทำยังไง นี่ผมคิดไปเพื่อใครหรือเปล่านะ

           “ติ้ง” เสียงข้อความในมือถือผม วันนี้ผมต้องพกมือถือติดตัวตลอดเพราะว่าณัฐกานต์บอกว่าจะมารับผม และถ้ามาแล้วติดต่อผมไม่ได้นี้ละงานจะเข้าและก็ใช้จริงๆด้วย ข้อความจากณัฐกานต์

           “เขม..กานต์มาถึงแล้วนะครับ รอที่ลานจอดรถนะเขม ลงมาเร็วๆนะ กานต์คิดถึงอ่ะ “
ผมอ่านข้อความแล้วก็ต้องแปลกใจตรงคำว่าคิดถึงอ่ะ ปกติไม่ค่อยพูดมานานแล้ว มีพูดช่วงแรกๆที่เราคบกัน ณัฐกานต์พร่ำบอกผมตลอดว่าคิดถึงแต่พอเริ่มย้ายไปอยู่ด้วยกันคำนั้นเลย ไม่ค่อยมี แต่ผมคิดอีกทีน่าจะเป็นเพราะว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยมั้งช่วงนี้ มันเลยรู้จักคำนี้ขึ้นมาทันที

                ผมเดินอมยิ้มและรีบลงไปจากตึกแต่จังหวะที่ผมกำลังจะเดินลง ผมก็เจอคริสโตเฟอร์ที่ยืนอยู่ที่ตรงราวบรรไดก่อนจะลงไปชั้นล่างสุด มันดูเหมือนเขารอผมหรือว่าผมคิดไปเองก็ไม่รู้

           “คริส” ผมเรียกชื่อเขา เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม พร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าเขาดีใจ

           “พี่เขม “ เขาเรียกชื่อผมแต่ว่าพี่นะซิ  ผมรีบขยิบตา เพราะว่านี้มันโรงเรียน

           “เออ ..ครูเขมครับ”

           “ว่าไงเรานายคริส” ผมทำน้ำเสียงให้ดูว่าเป็นการสนทนากันระหว่างนักเรียนและครู จะว่าไปผมก็เริ่มจะเข้าใจความรู้สึกของครูมิ้งนะ กับการที่ต้องถูกทุกสายตามองเรื่องของความไม่ถูกต้องของครูและนักเรียนที่มีความสัมพันธ์กันทางคู่รัก

           “เดินลงไปคุยกันไปได้ไหมครับครู” คริสโตเฟอร์ถามผม ผมพยักหน้าว่าได้ซิ และนายคริสก็มาเดินตีคู่กับผมทันที

           “ครูจะกลับเลยเหรอครับ “ นายคริสถามผมด้วยน้ำเสียงแปลกๆ

           “ใช่ เพราะว่า ..แฟนครูมารับแล้ว” ผมบอกนายคริสไป เขาหันมามองผมด้วยสายที่แปลกไปไม่เหมือนทุกวัน แต่ทะว่าสายตาแบบนี้มันทำให้ใจผมรู้สึกเจ็บจี้ดๆ อย่างบอกไม่ถูก นี้ผมกำลังสับสนอะไรบางอย่างใช่หรือไม่

           "แฟนครูมารอรับแล้วเหรอครับ" คริสโตเฟอร์ถามผม ผมพยักหน้าตอบ ดูสีหน้าคริสโตเฟอร์เศร้าลงไปอีก และมันก็ทำให้ผมเองก็ลำบากใจนะแต่ที่แน่ๆที่แย่ไปกว่านั้นคือไม่เหมาะสมระหว่างผมกับเขานี้แหละ

           "เป็นอะไรละเรา ทำไมทำหน้าแบบนั้น เดี๋ยวพอไปถึงไปสนุกกับเพื่อนเธอก็ลืมครูแต่อย่าลืมการบ้านครู นะคริส " ผมถามคนตรงหน้าพอผมเห็นเขาทำหน้าแบบนี้ใจไม่ดีเลยจริงๆ

           "ครูจะกลับมาวันอาทิตย์เลยหรือเปล่าครับครู" นายคริสโตเฟอร์ถามผม

           "เออ...ยังไม่แน่ใจแต่ครูคงขับรถมาเองและเอารถมาไว้ใช้ด้วย" ผมบอกเขา

           "ครูก็คงไม่ไปทานข้าวกับผมแล้วใช่ไหมครู"

           "คริส..เออ ...ครู...มีแฟนแล้วนะครูไม่อยากทำให้แฟนครูเสียใจนะคริส” ผมพูดคริสโตเฟอร์เงยหน้ามองผม เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ

           “และนายก็ไม่ได้ชอบ..อะไรแบบครูไม่ใช่เหรอ" และผมก็ถามเขา เราเดินลงมาที่ชั้นล่างของอาคารและไม่มีคนเดินผ่านไปมาในข่วงนั้นพอดี

           "น่าจะใช่ เพราะว่าผมก็ไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้กับ...ใครที่เป็นผู้ชายเลยมีแต่ผู้หญิง” นายคริสพูด ทำให้ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ

           “ แต่ผมก็อยากไปกินข้าวกับครูนะ" นายคริสบอกผมแบบนี้แล้วจะให้ผมพูดยังไงต่อ มันจุกเลยไปไม่ถูก และมีคำถามในใจผมว่า ผมจะไปกับเขาโดยที่ผมจะไม่คิดอะไรกับเขาได้ไหมผมกลัวใจผมเองนี้แหละที่จะทำไม่ได้

           "เพื่อนนายมาแล้ว..อย่าไปซ่าที่ไหนหนักละครู.." ผมเลยพูดเปลี่ยนเรื่องทันที ที่ผมหันไปเห็นเพื่อนๆนายคริสเดินลงพร้อมกัน ผมจำได้ดี แม้จะยังไม่รู้จักชื่อทุกคนก็ตาม แต่นายคริสโตเฟอร์ยังคงมองหน้าผมเหมือนเขากำลังคาดคั้นสิ่งที่ผมกำลังจะพูดต่อไป

           "เป็นห่วง..นักเรียนของครู " ผมพูดออกมาได้แค่นั้นจริงๆ ว่าผมแค่เป็นห่วงเขา คริสโตเฟอร์พยักหน้าเบาก่อนจะส่งยิ้มจางๆกลับมาให้ผม นั้นคงเพราะผมลงท้ายว่านักเรียนของผม ผมไม่ได้เป็นห่วงเขาในฐานะคนพิเศษอะไร รอยยิ้มที่ดูจะผิดหวังหน่อยๆ

           "ครับครู" คริสโตเฟอร์ก็เดินไปหาเพื่อนที่ชื่อโป้งที่เขาบอกผม ที่บ้านอยู่ถัดไปไม่กี่สิบกิโล โป้งขับรถกะบะมาเองมาจอดไว้ที่โรงเรียน ผมยืนมองจนทั้งหมดเดินหายไปทางเดินที่จะเข้าบ้านพัก และผมก็เดินตรงไปยังรถเก๋งที่ณัฐกานต์ขับมารับผม เป็นรถของผมเอง  แต่ผมนึกขึ้นได้ว่าผมต้องเอาการบ้านเด็กไปตรวจด้วยนะซิ ผมถือกระเป๋าที่ผมใส่พวกโน๊ตบุ๊คไปไว้ในรถณัฐกานต์ก่อนดีกว่า

           "ไงครับที่รัก..เหนื่อยไหมคับ" ผมแถบจะขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจณัฐกานต์ถามผมว่าผมเหนื่อยไหม!

           "ทำไมทำหน้าแปลกใจแบบนั้นละ..พอกานต์ไม่ถามเขมก็หาว่ากานต์ไม่ใส่ใจ...น่าน้อยใจเนอะ" ณัฐกานต์พูด หรือว่าที่ผมไม่โทรหาเขาสองวันมันทำให้เขาเปลี่ยนตัวเองได้ ผมยิ้มดีใจนะ

           "ดีใจต่างหาก ..เขมอยากให้กานต์เข้าใจเขมบ้างก็แค่นั้น...เดี๋ยวขากลับเขมขับเองนะครับที่รัก...เออ.เขมลืมเอาสมุดการบ้านเด็กนะกานต์ ยังไงขอเขมขึ้นไปเอาสมุดก่อนนะครับ" ผมพูดณัฐกานต์เดินออกมาเพื่อเปลี่ยนมาเป็นคนนั่ง ส่วนผมก็รีบวิ่งกลับขึ้นไปห้องพักครูทันที

           "ครูเขมค่ะ" เสียงที่คุ้นหูผมเรียกผมแบบนี้ทุกวัน เสียงหวานๆ ของสาวร่างบาง ครูลินดา ผมหันไปมอง ครูลินดาเดินเข้ามาหาผมในมือถือห่ออะไรสักอย่างไว้

           "ครูเขมค่ะเมื่อวานแม่ของลินดาทำขนมลานะคะ เป็นขนมขึ้นชื่อมากทางภาคใต้ค่ะลินดาเลยเอามาให้ครูเขมลองดูทานค่ะ ฝากไปให้คุณแม่ของครูด้วยนะคะ" ครูลินดาส่งให้ผมก็รับมาถือไว้

           "แม่ผมรุู้จักครับ เพื่อนของแม่ของผมเคยนำมาให้แม่ผมทานแม่ผมก็ชอบซะด้วยซิ ..ขอบคุณนะครับ"

           "เดี๋ยวผมขึ้นไปเอาของก่อนนะครับ..เจอกันวันจันทร์นะครับครูลินดา" ผมพูดก่อนจะรับวิ่งขึ้นไปบนห้องเพราะกลัวณัฐกานต์จะรอนานยิ่งเขาไม่เหวี่ยงผมแบบนี้ผมยิ่งไม่อยากไปสะกิดมันให้กลับมาอีกเพราะมันจะส่งผลกลับการเดินทางกลับบ้านของผมด้วย

หัวข้อ: รักนี้เกิดในรั้วโรงเรียนครูเขมชาติXณัฐกานต์ EP.5.1 ปัญหาที่สะสมและความไว้ใจที่ล
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 27-07-2020 10:58:26
ครูเขมชาติXณัฐกานต์ EP.5.1 ปัญหาที่สะสมและความไว้ใจที่ลดลง
 ผมจัดการรวบรวมสมุดของเด็กๆที่ผมต้องตรวจและแผ่นงานที่ให้เด็กๆเขียน เพื่อเป็นการฝึกและคัดหาคนที่เก่งด้านภาษาอังกฤษเข้าร่วมแข่งขันในสัปดาห์ภาษาอังกฤษเดือนหน้านี้ ผมคิดว่าผมจะทำให้คริสเข้าร่วมให้ได้ ขณะที่ผมกำลังรีบเดินลงสิ่งที่ทำให้ผมอึ้งคือ ณัฐกานต์เขาออกมาจากมาคุยอะไรกับครูลินดาก็ไม่รู้แต่ดูท่าจะไม่ดีแน่เพราะว่าครูลินดายืนทำท่าจะร้องไห้ ครูลินดาหันมามองหน้าผมและวิ่งออกไปทันที

              ผมเดินมามองหน้าณัฐกานต์ที่ยืนกอดอกมองอย่างผู้มีชัยชนะก่อนจะหันมาเอียงคอมองผมและทำท่าจะเดินนำเพื่อกลับไปขึ้นรถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

           "กานต์ทำอะไรนะ" ผมคว้าแขนณัฐกานต์เอาไว้

           "ก็แค่บอกให้นางชะนีนี้รู้ตัวหน่อยว่าเขมนะมีแฟนแล้วนะ ..กานต์ไม่ได้โง่นะที่จะดูไม่ออกว่านางชะนีนี้อ่อยเขมนะ" ผมมองหน้าณัฐกานต์

           “นั้นเขาเป็นเพื่อนครูที่สอนที่นี้นะกานต์ และครูลินดาเขาก็ไม่ได้ทำอย่างที่กานต์พูดด้วย อ่อยเอ่ยอะไรกัน “ ผมพูดบอกณัฐกานต์ที่ยืนกอดอกทำทีหันไปมองทางอื่นเหมือนไม่ได้สนใจฟังที่ผมพูด

           “และกานต์ก็ไม่ควรจะไปพูดจาว่าครูลินดาแบบนั้น...มันไม่ควรเลยนะกานต์ไม่ควรที่จะพูดจาทำร้ายจิตใจโดยที่กานต์ยังไม่รู้จริงๆด้วยซ้ำไปว่าเขามีเจตนาอย่างไร เพราะอาจจะไม่ใช่อย่างที่กานต์คิดไม่ดีกับเขา” ผมบอกณัฐกานต์

           "เอ๊ะ! นั้นอะไรนะเขม หรือว่านางคนนั้นเอามาให้ใช่ไหม ส่งมานะจะเอาไปทิ้ง" ณัฐกานต์พยายามยื้อแย้งของในมือผม

           "กานต์หยุด!!” ผมรู้ว่าเขาจะเอาไปปาลงถังขยะ ผมจึงยื้อแย้งไว้และหันมาชี้หน้าณัฐกานต์

           "นี้กานต์ผิดเหรอที่หวงแฟนตัวเองจะให้กานต์ใจเย็นรอมันมา..นอนกับเขมก่อนหรือไง"

           "เขมคิดว่ากานต์จะดีขึ้นแล้วนะที่เขมไม่โทรหากานต์เลยสองวันแต่ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย" ผมพูดก่อนจะรีบนำของทุกอย่างไปใส่ไว้ที่หลังรถ ผมยืนพ่นลมหายใจออกมายาวๆ

           "เขม..นี้แหละที่กานต์อยากจะรู้ทำไมเขมไม่โทรหากานต์เลยสองวันเต็มๆมีแค่ข้อความที่ส่งมาขอโทษล่าสุดและไม่มีสายเข้ามาเลยจากเขม เพราะ...ผู้หญิงคนนี้ใช่ไหมเขม"

           "เขมบอกกานต์มาซิ..ว่านางชะนีนี้ใช่ไหม..ทำไมไหนบอกไม่เอาชะนีไงแล้วนี้อะไร" ณัฐกานต์พูดแชะชี้ไปทางที่ครูลินดาวิ่งออกไป

           "ไม่ใช่!.ไม่ใช่ใครทั้งนั้นกานต์"ผมหันมาตะคอกใส่กานต์

           "ที่เขมไม่โทรเพราะว่าเขมเบื่อจะทะเลาะกับกานต์ไงและเขมก็ยุ่งเขมต้องเตรียมติวเด็กๆเพื่อเตรียมความพร้อมเอนทรานซ์สอบเข้ามหาวิทยาลัยและเขมต้องสอนคริสโตเฟอร์นักเรียนของเขมเขาปัญหาเรื่องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ! " ผมพูดออกมาด้วยความโมโห ที่ณัฐกานต์ไม่เคยเข้าใจผมเลยแต่เหตุผลหลักๆของผมคือผมยุ่งกับนายคริสจนไม่โทรหาเขานั้นเอง ผมแอบรู้สึกผิดในใจเหมือนกัน

           “เขมเป็นครูซึ่งมันก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าเขมควรจะเสียสละเวลาเพื่อพวกเขาแม้กระทั้งเวลาส่วนตัวเขมก็ต้องทำ” ผมพูดผมไม่เคยคิดจะขึ้นเสียงใส่ณัฐกานต์เลย ต่อให้โกรธมากแค่ไหนผมก็จะยืนระงับมันก่อนที่จะหันไปคุยกันเพราะคนอย่างณัฐกานต์มักจะใช้อารมณ์ตัวเองเป็นที่ตั้ง ผมควรที่จะเย็นแม่เคยสอนผมไว้แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะเย็นไม่ได้ และเหมือนกับว่าผมกำลังจะระเบิดทุกอย่างที่ผมเก็บออกมาด้วย

           "ส่วนกานต์ไม่เคยเข้าใจเขม เขมก็ไม่ว่าหรอกนะแต่อย่าทำให้งานของเขมต้องมีปัญหาไปด้วยเพราะ...ตัวกานต์เอง"

           “ที่ไม่เคยเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก่อนจะทำอะไรคิดก่อนได้ไหม ว่าที่ทำไปนะ มันส่งผลกระทบต่อใครบ้าง ก่อนที่กานต์จะวีนหรือเวียง” ผมพูดเพราะว่าตอนนี้เราทั้งคู่เดินมาที่ลานจอดรถที่ไม่มีรถคันไหนและคนอื่นๆ

           "เขมไม่เคยไปก้าวก่ายงานของกานต์สักนิดเขมเคารพและให้สิทธิ์ส่วนตัวกานต์มาโดยตลอดดังนั้นกานต์ควรจะให้เขมบ้าง!" ผมไม่เคยขึ้นเสียงใส่กานต์เท่าวันนี้เลย ณัฐกานต์ยืนอึ่งมองผม ผมไม่เคยขึ้นเสียงหรือต่อว่าณัฐกานต์เยอะขนาดนี้มาก่อนเลย นี้เรียกว่าครั้งแรกจริงๆ

         "ขึ้นรถซะกานต์!" ผมหันหลังบอกณัฐกานต์ให้ไปขึ้นรถ ส่วนผมก็ยืนระงับอารมณ์โกรธที่ผมมีต่อกานต์เพื่อให้มันเย็นลง ผมพยายามทำตามที่แม่บอกผมนะ นึกถึงวันแรกที่เรารักกัน

            จนกระทั้งผมคิดว่าเริ่มดีขึ้นมานิดนึงและกลับเข้าไปขับรถออกทันที่เช่นกัน ผมเงียบไปเกือบตลอดทางณัฐกานต์ก็เงียบเช่นกัน เราต่างคนคงต่างใช้ความคิดทบทวนเรื่องราวที่มันเกิดขึ้น นิสัยอย่างเขาใครก็บอกผมว่าผมควรจะทิ้งเขาไปและไปหาคนใหม่

           แต่ผมก็ไม่ทำเพราะว่าผมคิดว่าณัฐกานต์จะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ให้กลับมาเป็นณัฐกานต์ที่น่ารักเหมือนตอนแรกที่ผมรู้สึกอยากจีบเขา แต่ทะว่า เขากลับไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงมันให้ดีขึ้นมาเลยสักนิดมีแต่จะแย่ลง

         "เขม" มือของณัฐกานต์เอื้อมมาแตะหลังมือผมที่กุมเกียร์ไว้ตลอดแม้จะเป็นเกียร์ออโต้ก็ตาม ผมหันมามองหน้ากานต์ ผมก็เย็นลงมามากแล้วด้วย ณัฐกานต์เรียกผมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

         "กานต์ขอโทษ...กานต์กลัว..ว่าเขมเจอคนอื่นเขมจะทิ้งกานต์ไป" ผมหันมาหน้าณัฐกานต์ ผมโอบไหล่กานต์เข้ามาด้วยแขนข้างเดียว

         “เขมขอโทษ ที่ขึ้นเสียงกับกานต์ “ ผมพูดขอโทษเขา เพราะสีหน้าและแววตาของณัฐกานต์ดูตกใจและกลัวผมอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ

         "เขมเคยบอกกานต์ว่ายังไงเขมอยากมีแฟนแค่คนเดียวและอยากจะสร้างครอบครัว สิ่งที่เขมทำนี้ก็เพื่อครอบครัวนะกานต์ และงานของเขมก็ต้องประสานงานกับเพื่อนๆครูทุกคน " ผมพูดบอกณัฐกานต์ และเขาก็เอนตัวมาผิงไหล่ผม

         “แค่เพื่อนครูจริงๆนะ ยาย..เออ ผู้หญิงคนนั้น” ณัฐกานต์พูดและมองหน้าผม ผมก็พยักหน้าให้เขาขณะทีผมกำลังขับรถอยู่

         "ว่าแต่ทำไมเขมต้องสอนพิเศษเด็กที่ชื่อคริสทุกวันด้วยละสอนเพิ่มแบบนี้เขาจ่ายเงินให้หรือเปล่า" ณัฐกานต์แหงนหน้าถามผม

         "บอกตรงๆ ว่าไม่.... เพราะว่าน้องเขา..ขาดชั่วโมงเรียนกับครูคนเก่าไปหลายคาบนะครับ เขมเป็นครูก็ต้องช่วย..." ผมพูดและหยุดนิ่งไปพักหนึ่ง

         “เขาหาทางออก” ผมบอกณัฐกานต์ ใบหน้าของคริสและสายตาเขาที่มองผมตอนที่เขาถามผมว่า แฟนมารับเหรอ มันยังคงติดตาผมอยู่

         "อะไรนะไปนั้งสอนฟรีอย่างนั้นเหรอเขม...สู้เอาเวลามาโทรหาแฟนดีกว่าไหม" ณัฐกานต์ดีดตัวไปนั่งตรงหันมามองหน้าผมเพราะว่าผมบอกเขาไปผมสอนให้คริสฟรีอันนี้ไม่เกี่ยวกับทางโรงเรียน

         "กานต์..เขาต้องการใครสักคนช่วยเขามีปัญหาเรื่องส่วนตัวนะ" ผมพูดกับกานต์

         "ช่างมันเถอะ..แต่เขมเคยบอกว่าไม่ชอบเด็กกว่าอยู่แล้ว" ณัฐกานต์พูดผมหันไปมองถนนเหมือนเดิม

         "วันนี้ไปนอนที่คอนโดนะ วันนี้ต้องไปวันเกิดพุดดิ้ง ตอนนี้อันโก๊ะและป๊อป มันรออยู่ที่ห้องแล้วไม่ซินอนตายรอตั้งแต่เมื่อคืน"

         "กานต์ไปเที่ยวมาเหรอ" ผมหันไปถามณัฐกานต์ เท่านั้นแหละณัฐกานต์ทำหน้าซี้ดเพราะว่าผมเคยบอกให้ไปได้แค่ศุกร์เสาร์และวันอาทิตย์ไม่ควรไปวันจันทร์ต้องทำงานแต่นี้ไปวันพฤหัสบดี และเขาก็บอกกับผมว่าไปทานซูชิกัน และตอนนั้นผมก็คิดว่าน่าจะเบียร์สักคนละขวดสองขวดแต่ถ้าไปแบบว่าสภาพนอนตายแบบนี้แสดงว่าผับเลิกก็ยังไม่กลับ เผอๆก็กลับมาตอนเช้าเลยอีก

         "เขมอะ....ก็แค่ไปกินกันนิดหน่อยในผับอ่ะ และมันก็หลังเลิกงานด้วยก็มันจะวันศุกร์และวันนี้เวรหยุดกานต์ด้วย เขมเลิกทำหน้าตาแบบนั้นได้ไหม " ผมหันไปมองนอกรถแทน คุยกันดีดีไม่ได้ถึงห้านาทีจริงๆ 

        ถ้ากานต์ยังกินยังดื่มยังเที่ยวแบบนี้ก็คงไม่มีละความฝันของผมกับเขานะ ผมใช้เวลาเกือบสี่ชั่่วโมงขับรถเข้ากรุงเทพฯและตรงไปที่คอนโดพรุ่งนี้เช้าค่อยกลับบ้านไปหาแม่ดีกว่า อยู่กับแม่สักสองวันตอนเช้ามืดขับรถไปโรงเรียน เพราะว่าไม่ได้ไกลมากแค่สี่ชั่วโมง ผมออกแต่เช้ามืดก็น่าจะทันคาบแรก แต่ทำไมผมกลับหวนคิดถึงคริส เขาถามผมว่าผมจะกลับวันอาทิตย์ไหม

         "เขม"ผมสะดุ้งจนเกือบควบคุมรถไม่ได้ ผมหันไปมองณัฐกานต์

         "ใจลอยไปไหนนะเขม ซอยหน้าก็ถึงคอนโดเราแล้วนะ..หรือว่าเขมกำลังคิดถึงใครอยู่อย่าบอกนะว่าคิดถึง"

         "กานต์ถ้าเขมชอบผู้หญิงเขมจะจีบกานต์ทำไมละ " ผมห้นไปต่อว่าณัฐกานต์ ผมเลี้ยวรถเข้าจอดในลานจอดรถของคอนโด ณัฐกานต์เข้ามาช่วยผมถือสมุดขึ้นห้องพักปากก็บ่นไปด้วยว่าทำไมผมต้องหอบงานมาทำอีกเวลาพักก็ควรจะพัก

         "พรุ่งนี้ไปหาแม่นะถ้าเป็นไปได้ค้างกับแม่สักคืนนะกานต์" ผมพูดณัฐกานต์หันมามองหน้าผมทันที แม่ผมชอบชวนพวกผมไปวัดไปทำบุญผมก็ตามใจแม่กันนะ เพราะอะไรที่แม่ทำแล้วมีความสุขพวกผมควรจะให้ยิ่งตั้งแต่เสียคุณพ่อไปพวกผมจะไม่ทิ้งแม่โดยเฉพาะผมที่เป็นลูกชายคนเล็กของแม่

         "หวังว่าจะไม่ลากไปเที่ยววัดอีกนะไปอะไรเกือบทุกอาทิตย์เลย กานต์อยากเดินห้าง ดูหนัง หาร้านอร่อยเช๊คอิน เบื่อต้องเข้าไปเดินในวัด กานต์รู้ว่าคนไทยต้องเข้าวัดเข้าวานะ แต่ไม่ใช่เข้าพร่ำเพรื่อแบบนี้เขม" ณัฐกานต์พูดผมกำลังจะอ้าปากต่อว่าณัฐกานต์แต่ คำพูดของแม่ก็ผุดขึ้นมาทันทีเช่นกัน

          "อะไรยอมได้ก็ยอมกันนะลูก ยอมให้คนที่รักไม่เสียศักศรีหรอกนะเขม ในเมื่อเขาตกลงใจจะคบเขาจะรักเขาแล้วก็ดูแลถนอมน้ำใจเขาหน่อยนะ คนเราจะรักกันจะอยู่ได้กันบางอย่างก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่บ้างนั้นแหละถึงจะอยู่กันได้นาน" แม่รดาได้พูดเอาไว้

              และผมสองคนก็เดินหอบสัมภาระขึ้นมาบนคอนโดของผม เพื่อนบ้านที่เคยเห็นหน้ากันก็ยิ้มทักทายให้ผม โดยเฉพาะพนักงานที่ทำหน้าที่อยู่ฝ่ายกลางเขาก็ยิ้มทักทายผมเหมือนเช่นทุกทีแต่ณัฐกานต์ซิ กลับเบ้ปากใส่เขาทุกรอบไป จนเขาไปไม่อยากทักผมถ้าผมอยู่กับณัฐกานต์

         "หวัดดีจ๊าเขม..มาให้อันโก๊ะหอมทีซิ ไม่ได้เจอเลย" ทันทีที่ณัฐกานต์เปิดประตูห้องผมเดินเข้าไปก็เจอเพื่อนณัฐกานต์ เพื่อนตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ตอนนั้นก็แอบแมนแต่ตอนนี้ไปหมดแล้วแต่งตัวแบบเต็มทีที่เขาชอบ ทำสีผม ดัดผม ผมก็ยิ้มๆแต่ไม่กล้าให้กอดแอบดันออกหน่อยๆ

         "นางอันโก๊ะ ของกู หรือพูดเพราะๆนะ ผัวกู" ณัฐกานต์พูดอันโก๊ะถึงกับต้องถอยหลังแค่ยืนส่งยิ้มให้ผมแค่นั้น

         "เสร็จหรือยังละแก จะได้กินและออกไปเร็วหน่อย ดูท่าจะเยอะนะวันนี้ " อันโก๊ะพูดขึ้นพรอ้มหันไปพยักเพยอกับเพื่อนๆคนอื่นๆอีกสองคน นั้นคือ ป๊อป และลี่ เพื่อนสาวของณัฐกานต์ ชะนีนางเดียวเลยก็ว่าได้

         "คนเที่ยวผับนะเหรอที่จะเยอะ " ผมหันไปถามณัฐกานต์ด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

         "อู้ยย บรรยากาศคุสาด" อันโก๊ะพูดและเดินข้างไปยืนข้างป๊อปแทนที่กำลังสาระวนวุ่นวายกับการทำอาหารคลีนทานกันดูแลสุขภาพกัน แต่หน้าตาทุกคนที่ได้มาก็ ฟิลเลอร์ ร้อยไหม โบท๊อกซ์และเสริมนั้นเสริมนี้

         "เขม!" ณัฐกานต์เรียกชื่อผมและหันมามองหน้าผม 

         "ขอเขมอาบน้ำก่อนนะรู้สึกเหนียวตัว เพลียด้วยวันนี้เขมสอนมาทั้งวันแล้ว" ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เอื่อมระอ้าที่สุด ผมคิดว่าผมควรจะกลับมาเจอห้องที่มีแค่ผมกับเขา ผมเดินหันหลังเข้าห้องนอนไป

         Rrrrrr โทรศัพท์ผมดังขึ้นพอดีเลย แม่ผมโทรมาหาผม ผมรีบกดรับสายก่อน

         "แม่ครับ เขมอยู่คอนโดแล้วครับแม่"

         "ดีเลยลูกนี่พี่ก้องเขาเพิ่งจะถึงบ้านนะ พาเพื่อนมาเที่ยวบ้านด้วย แล้วเราละจะมาวันนี้หรือว่าพรุ่งนี้ละ ถ้าพรุ่งนี้แม่จะชวนนำข้าวไปถวายหลวงพ่อซักหน่อย ไหนๆพี่ชายตัวดีเราเขาก็กลับมาบ้านทั้งที" แม่บอกผม ผมก็เชื่อว่าพี่จะต้องมาแน่นอนเพราะว่ามันเป็นวันครบครอบวันที่พ่อผมจากไป 6 ปีแล้ว

         "วันนี้ผมจะออกไปธุระกับกานต์เขาซะหน่อยนะครับแม่ แต่พรุ่งนี้เขมจะเข้าไปหาแม่แน่นอนครับ เขมคิดถึงแม่อยากกอดแม่ใจจะขาดแล้ว"ผมพูดจาออดอ้อนแม่รดาของผม

         "ได้ซิลูก งั้นก็ไปกับกานต์เขาก่อนก็เราเล่นไปทำงานไกลกันเขาคงคิดถึงเรานะ แม่ฝากบอกกานต์ด้วยนะแม่คิดถึง และถ้ากานต์เขามาแม่จะทำของโปรดไว้ให้และน่าจะพรุ่งนี้นะพี่ต้นเขาจะพาเกศกับตาเอิร์ธมาเที่ยวบ้านด้วยนะเขม"แม่พูดฟังน้ำเสียงแม่ผมมีความสุขที่จะได้เห็นหน้าหลานชายคนแรกของบ้าน ตาเอิร์ธคงเกือบสามขวบกว่า ส่วนเกศก็คือ  เกศรินทร์ภรรยาของพี่ชายคนโตผมเอง

         "ได้ครับแม่ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมจะชวนกานต์ไปแต่เช้าเลยนะแม่ ..สวีสดีครับแม่ เขมรักแม่นะครับ" ผมกดวางสาย นี่กานต์เพิ่งจะบ่นผมเรื่องที่แม่ขอบชวนไปทำบุญอยู่เลยแถมเกศพี่สะใภ้ที่ชอบว่าเหน็บผมกับณัฐกานต์เรื่องที่เราสองเป็นเกย์ และกานต์ก็ปะทะคารมกับพี่เกศมาแล้วด้วย ทำให้พี่เกศไม่มาเที่ยวที่บ้านแม่ผมเป็นเดือนๆ จนแม่ต้องบินไปหาเองเพราะคิดถึงหลาน

             ผมรู้ว่าพี่ต้นหนักใจมากแค่ไหน ผมเดินเข้าห้องน้ำเตรียมจะอาบน้ำแต่สิ่งที่ผมต้องขมวดคิวมันวางอยุู่ตรงอ่างผมจำได้ว่ามันไม่ใช่ของผมแน่นอนและก็ไม่ใช่ของสาวแต๋วแตกอย่างอันโก๊ะและป๊อปจะสวมใส่มันแน่ๆและยิ่งผมฝันไปเถอะที่จะทุ่มเงินซื้อของแพงๆพวกนี้

         "เขมทานอะไรก่อนไหมแล้วค่อยอาบน้ำ หรือไม่ก็อาบด้วยกัน คิดถึงอะอยากอาบกับที่รัก" เสียงณัฐกานต์พูดอยู่ในห้องนอน ผมเงียบไม่ได้ตอบออกไป

         "เขม.." ณัฐกานต์เดินเข้ามาในห้องน้ำ ผมหันไปมองพร้อมกับโชว์สิ่งที่ผมเห็นนาฬิกาเรือนนี้ไม่ใช่ของผม ผมไม่ใช้ของแพงแบบนี้แน่ๆ โรเล็กซ์ ดูณัฐกานต์ตกใจจนหน้าซี้ด

         "ของใครกานต์" ผมโชว์นาฬิกาโรเล็กซ์ให้ณัฐกานต์ดู

         "เขมถามว่าของใคร! " ผมขึ้นเสียงดับถามณัฐกานต์อีกครั้ง

         "ทุกเรื่องเขมรับได้ นิสัยขี้วีนขีเหวี่ยง...เขมก็ยังพอรับได้ .... จะไปเที่ยวกินเหล้ากับเพื่อนเมามาเขมก็รับได้"ผมพูดด้วยความโกรธ ผมขบกรามขนขึ้นสันนูนเลยมั้งตอนนี้ผมรู้ได้ถึงกล้ามเนื้อใบหน้าผมมันปวดร้าวไปหมด

         "แต่เรื่องเดียวที่เขมรับไม่ได้คือ..การนอกกายโดยการไปมีอะไรกับคนอื่น" ผมคงไม่นึกถึงคำพูดอะไรต่างที่แม่พร่ำบอกผมแล้วตอนที่ขอคบกันเปิดตัวกันกับพ่อแม่ เพราะเรื่องนี้ผมทนไม่ได้แน่ๆ

         "เขม...นั้นมันนาฬิกาแฟนอันโก๊ะ” ณัฐกานต์พูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ออกจะสั่นๆด้วยซ้ำไป

         “เขาแค่ขอมาเข้าห้องน้ำ"ณัฐกานต์บอกผมด้วยน้ำเสียงที่เบามากๆ แต่ผมก็ได้ยินชัดเจน 

         "ห้องน้ำของเรามีสองห้องกานต์ ในห้องนอนนี้ห้องน้ำสวนตัว ส่วนห้องน้ำด้านนอกคือห้องน้ำสำหรับแขก กานต์"ผมพูดและชี้นิ้วไป

         "ก็เข้าพร้อมกัน..กานต์เลยให้เขาเข้ามาใช้แค่นั้นเองอะเขม"

         "ทำไมเหรอจะหาเรื่องเลิกกันใช่ไหมเขม แสดงว่าอีผู้หญิงนั้นแน่ละซิ " ณัฐกานต์ถึงกับดึงครูลินดาเข้ามาเกี่ยวทั้งที่ไม่ควรเลยด้วยซ้ำ ผมยืนเอามือเท้าซะเอวตัวเอง และพ่นลมหายใจออกมายาวๆ

         "เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับใครอย่าดึงคนที่ไม่รู้เรื่องเข้ามากานต์" ผมพูด

         " ได้กานต์จะไปลากอันโก๊ะเข้ามานี้ของแฟนมัน" ณัฐกานต์เดินออกไปจากห้องนอน ผมยืนพยายาคุมสติตัวเองเรื่องเดียวที่ผมรับไม่ได้ ผมควรทำยังไงดี

             ตื้ดๆๆ มือถือณัฐกานต์สั่นอยู่บนเตียงนอน ผมรีบเดินออกไปดู ผมก็เห็นว่ามี ข้อความส่งเข้ามาและมันเป็นชื่อ Maxxie 

         "เก็บนาฬิกาไว้ให้แม๊คด้วยนะครับ...หรือว่าจะให้ไปเอาคืนคืนนี้ก็ได้นะครับแม๊คว่าง....ขอบคุณสำหรับเมื่อคืนมีความสุขมาก อ้ออีกอย่างถุงยางที่กานต์มีนะแม๊คไม่ชอบอะแม๊คจะซื้อเข้าไปใหม่นะถือว่าเป็งของขวัญจะซื้อไปให้นะเอากลิ่น Peach ดีไหมครับ” ผมอ่านข้อความ คงไม่บอกให้ละเอียดหรอกนะว่ามันคืออะไร ผมเดินไปหยิบเสื้อผ้าสวมใส่ทันที ไม่อาบน้ำแล้ว ผมแต่งตัวอย่างรวดเร็ว

         "ก็ไอ้แม๊คมันลืมไว้นะซิ" ณัฐกานต์เดินเข้ามาในห้องนอน

         “แล้วไปทำอีท่าไหนให้มันลืมซากนั้นซากนี้ไว้ได้ละ” เสียงถกเถียงกันของสองคนขณะเดินเข้ามาในห้อง

         "เขมแต่งตัวทำไมละ ไม่อาบน้ำเหรอ" ณัฐกานต์ตีหน้านิ่งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และถามผม

         "เขมจะกลับบ้าน" ผมพูดเบาๆ โดยไม่หันไปมองหน้าณัฐกานต์

         "คุสาด!!" เสียงอันโก๊ะพูดขึ้นแม้จะไม่ดังจนกเกินไป
 
         "เขมเป็นอะไร นี้แฟนอีอันโก๊ะมันและไหนบอกจะไปงานวันเกิดอีพุดดิ้งตามที่ตกลงกันไงแล้วพรุ่งนี้ค่อยไปหาแม่ของเขมด้วยกันไง  เราคุยกันไว้แบบนี้ไม่ใช่เหรอเขม" ณัฐกานต์พูดผมหันไปมองหน้าอันโก๊ะ หน้าผมนะเวลาดุเหมือนพ่อมาก ผมรู้ อันโก๊ะหันไปมองณัฐกานต์ เหงือก็แตกไปด้วย

         "เขม!! อันโก๊ะขอโทษนะ ที่แฟนอันโก๊ะทิ้งหลักฐานเอ้ย..ลืมนาฬิกาไว้.." อันโก๊ะรีบเดินไปหยิบนาฬิกาที่ที่ผมวางไว้บนที่นอน

         "ซวยกรูอีกแล้ว " พร้อมกับหันหลังแอบพูด นี่คงออกไปเตรี้ยมกันละซิ

         "เขม..ไม่เอานะ..กานต์นะมีเขมคนเดียวนะ..ถ้านอกใจคงไม่อยู่มาได้สี่ปีแบบนี้หรอก"ณัฐกานต์พูดเขายืนมองผมสายตาอ้อนวอน แต่ผมคิดว่านี้คือความผิดที่ยากจะยอมได้

         "ไปอ่านข้อความดูนะกานต์ ..เราแยกกันสักพักและพรุ่งนี้เขมไปกับแม่และพี่ชายเขม พี่ต้นกับพี่ก้อง เราจะไปทำบุญที่วัดกัน พรุ่งนี้พี่เกศรินทร์เขาก็มาด้วย กานต์คงไม่อยากไปเท่าไหร่หรอก ถ้าอย่างนั้นก็ไปเมากันให้เต็มที ตามสบาย" ผมพูดพร้อมกับหยิบกระเป๋าโน๊ตบุ๊กเดินออก

              ณัฐกานต์เดินตรงไปหยิบมือถือผมเดินผ่านเพื่อนของกานต์ออกไปเงียบๆ  มันเจ็บจนจุกใช่ไหม ผมเดินออกมากดลิฟท์ ผมคงเรียกแท๊กซีไปส่ง

         "เขม..." ณัฐกานต์เรียกผม

         "ก็เขมไม่อยู่กานต์เหงาอะและ..เขมก็ไม่โทรหากานต์ กานต์เครียด แม๊คก็คือเพื่อนที่ทำงานก็แค่นั้นและมันแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะเขม" ผมไม่อยากหันกลับไปมองณัฐกานต์ตอนนี้เลย

         "แต่เขมไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียว.ตลอดสี่ปีที่เราคบกัน..เขมซื่อสัตย์กับกานต์..ใช่เขมยอมรับมีบ้างที่หวันไหวเพราะนิสัยของกานต์แต่เขมก็ไม่เคยทำ...แบบที่กานต์ทำ!" ผมหันมาพูดสีหน้าผมบอกได้ว่าผมโกรธมาก

         "หมับ" ณัฐกานต์เข้ามากอดผม

         "ฮือๆ ..กานต์ขอโทษเขมกานต์ขอโทษ..อย่าทิ้งกานต์ไปนะเขม..ฮือๆ"

         "กานต์จะไม่ทำอีกสัญญา" ณัฐกานต์พูด ผมจ้องมองที่ใบหน้านั้นของหน้ากานต์ เขาที่ปาดน้ำตาร้องไห้ไม่ต่างกับเด็กเล็ก ผมเห็นแล้วก็รู้สึกใจอ่อนแต่..ผมก็คงจะอยู่ตรงนี้กับเขาไม่ได้ในวันนี้

         "ฟู่" ผมพ่นลมออกมายาวๆ

         "เราคบกันมาสี่ปีนะเขม..และเส้นทางความรักของเราก็เดินไปได้ครึ้งทางแล้วนะเขม..คิดถึงวันแรกที่เขมขอกานต์เป็นแฟนซิ" ณัฐกานต์พูด มันทำให้ผมหยุดคิดคำพูดของแม่รดาขึ้นมาทันที ให้นึกถึงวันแรกที่เรารักกัน และนี้ก็ทำให้ผมใจอ่อนใช่ไหม ผมก้มลงมองหน้าณัฐกานต์ทีใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตา ผมว่างทุกอย่างที่ผมถือลงไปที่พื้น ก่อนจะกอดณัฐกานต์ตอบ ผมหุนคิดขึ้นมาได้ อย่างที่ใครก็พูดกัน ทำงานคนละที ห่างไกลกัน ไม่มีเวลาให้กัน ก็มักจะเสียคนรักได้เสมอ นั้นคือผมก็ผิดด้วยเช่นกัน

         "อืมมม..แต่เขมไปกับกานต์ไม่ได้นะ..พี่ชายเขมกลับมาเที่ยวบ้านกันทั้งคู่  เขมอยากเจอพี่อยากอยู่กับพี่กับแม่เขมให้เวลากับกานต์มาเยอะแล้วนะที่ออกมาอยู่คอนโดแบบนี้ แม่เขมก็สำคัญนะกานต์" ผมบอกณัฐกานต์เขาก็ทำหน้าเหมือนเข้าใจ

         "รวมถึงนางชะนีปากหมาเน่าก็ไปด้วยใช่ไหม..เขม"

         "ยังไงเขาก็เป็นพี่สะใภ้เขมนะกานต์" ผมพูด

         "ก็ได้...แล้วเขมจะมาหากานต์ได้ไหม"

         "หลังจากพาแม่ทำบุญแล้วเขมโทรหาอีกทีนะกานต์" ผมบอกณัฐกานต์ เขากอดเอวผมไว้ เอาหน้าซุกที่แผ่นอกของผม

         "กานต์อย่าทำอีกนะเขมขอร้องเรื่องนี้ที่เขมรับไม่ได้จริงๆ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวและมันก็เป็นความผิดที่เขมไม่โทรหากานต์ปล่อยให้การเครียดแต่อย่าทำอีกเป็นอันเด็ดขาด..วันนี้ก็ไปเที่ยวกับอันโก๊ะและป๊อป ฝากแฮปปี้เบิร์ดเดย์พุดดิ้งด้วยนะ ฝากขอโทษที่ไปไม่ได้ นะครับ "ผมพูดและใช้มือลูปใบหน้าของกานต์เบาๆ

        ก่อนที่จะก้มลงหยิบกระเป๋าและเดินเข้าไปในลิฟท์ ผมยอมใจอ่อนให้ณัฐกานต์อีกครั้งแต่ความไว้ใจคงลดลงไปเกือบครึ้งหนึ่งได้ และผมก็โบกรถแท๊กซีเพื่อไปบ้านแม่ ไปหาผู้หญิงที่รักผมไม่เคยคิดทำร้ายผมไม่ว่าต่อหน้าหรือว่าลับหลัง ผู้หญิงที่เสียสละให้ผมตั้งแต่ผมได้ลืมตาดูโลก ผู้หญิงที่มีแต่ให้กับให้


Chris-to =
 
ส่งข้อความภาพหาผม ว่าคิดถึงจะแย่แล้ว มันทำให้ผมอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

Khem..Ruk..Kan= ทำมาเป็นปากดีว่าคิดถึงครู ไม่รู้ว่าอยู่กับสาวที่ไหน[/color][/i ผมส่งข้อความออกไปคือใจก็อยากรู้ว่าทำอะไรอยุู่และอยู่กับใครหรือเปล่า

"Christo = ส่งรูปที่เขานอนอยู่บนเตียงเสื้อกล้าม ว่าเขาอยู่คนเดียว

"Christo = ผมว่าจะกลับไปบ้านพักพรุ่งนี้ครับครู                       
Khem..Ruk..Kan= ทำไมละไม่อยู่กับโป้งก่อนละคริสแล้วค่อยกลับวันอาทิตย์                 
Christo = ไม่ละครู แฟนไอ้โป้งมันกลับมาเที่ยวบ้านแฟนมันไปเรียนพยาบาลและแฟนมันก็เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนด้วยนะครับพี่เขม ผมคิดว่าเขาก็อยากจะอยุู่ด้วยกันสองคน ส่วนผมนะคือส่วนเกินกลับไปนอนรอครูที่บ้านพักดีกว่า ดูหนังฟังเพลงร้องเพลงยังดีซะกว่าอีก       
                       
Khem..Ruk..Kan= ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจนะครูคงกลับไปตอนเช้ามืดวันจันทร์เลย                       
Christ-to =เจอกันวันจันทร์เลยนะครับครู และครูคงไม่ไปทานข้าวกับผมแล้วใช่ไหมครับเพราะว่าครูเอารถมาใช้แล้วนิ                             

                  ผมนิ่งเงียบใช้ความคิดที่ผมไม่ไปทานข้าวกับเขา ก็เพราะผมเป็นหวงเขานี่แหละและอีกอย่างผมเองก็มีแฟน
Khem..Ruk..Kan= ทานที่โรงเรียนด้วยกันก็ได้มั้ง
Christ-to = ไม่จริงอะ..เดี๋ยวครูลินดาก็มานั่งกับครู ผมจะบอกครูหลายครั้งแล้วผมคิดว่าครูลินดาชอบครู                               
Khem..Ruk..Kan=ไม่จริงหรอกนะคริสและวันจันทร์เขาคงไม่ลงมากินกับครูแล้วแหละ                       
Christ-to = ทำไมละครู                       
Khem..Ruk..Kan= ไม่มีอะไรหรอกครูแค่คิดว่าเขาคงไม่ลงมาทานกับครูแค่นั้นแหละ คริสครูถึงบ้านแล้ว ขอครูเข้าบ้านก่อนนะและคงจะอาบน้ำนอนเลย ครูรู้สึกเหนื่อยๆนะ" ผมบอกคริส                           
Christ-to = ได้ครับครู..นอนหลับฝันดีนะครับ ฝันถึงผมได้นะผมยินดี แต่ในฝันผมอาจจะเซ็กซี่หน่อยนะครูเพราะผมจะแก้ผ้านอนมันร้อนมาก ฮาๆ "                       
   Khem..Ruk..Kan= นายนี้ทะลึ่งตลอดเวลาเลยนะ . นอนหลับฝันดีเช่นกันนะคริส"                 
       ผมบอกนายคริสแต่มันยังไม่มืดเลยนะ แคสลัวๆ และถึงยังไงผมคงยุ่งกับการใช้เวลาคุยกับครอบครัวมากกว่าเลยบอกฝันดีไปซะตอนนี้เลยแล้วกัน

         ผมเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกง แต่ก็มีแวปหนึ่งนะที่คิดถึงภาพนายคริสแก้ผ้าจริงๆ ไม่นาะผมสะบัดหัวไล่ความคิดแบบนี้ให้ออกไป ไม่เอาไม่คิดเขม!!!

           "พี่ครับซ้ายมือด้านหน้านะครับ"

           "นี่ครับค่าโดยสาร" ผมพูดและส่งเงินค่าโดยสารให้ ผมก้าวขาลงจากรถ ตอนนี้ เกือบหกโมงพอดีเลย ผมเห็นรถโฟวิวของพี่ชายคนที่สองพี่ก้องจอดอยุู่หน้าบ้าน

               ผมรีบเดินเข้าไปในบ้าน ได้กลิ่นหอมๆ ลอยมาจากในห้องครัว รู้ได้ทันทีว่า แกงส้มไข่ชะอมทอดของโปรดผม ค่อยๆเดินเข้าไปด้านในเห็นแม่ยืนคุยโทรศัพท์มือถือพี่ต้นแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดในรั้วโรงเรียนตอนทีค9รูเขมXณัฐกานต์ เขมยอมใจอ่อนแต่ความไว้ใจซิมันลดลง
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 27-07-2020 13:23:17
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดในรั้วโรงเรียนตอนทีค9รูเขมXณัฐกานต์ เขมยอมใจอ่อนแต่ความไว้ใจซิมันลดลง
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 27-07-2020 18:57:04
สนุกดีติดตามอยู่คับ
หัวข้อ: รักนี้เกิดที่ในรั้วโรงเรียนEP.5.2 เขมชาติ พี่ก้องพยายามบอกอะไรเขมชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 27-07-2020 19:11:09
              EP.6.2 เขมชาติ  พี่ก้องพยายามบอกอะไรเขมชาติ     
ผมรีบเดินเข้าไปในบ้านเพื่อหวังจะได้กอดคุณแม่รดาให้ชื้นใจ ผู้หญิงคนนี้ที่รักผมด้วยความจริงใจ เป็นผู้หญิงคนเดียวที่รักผมโดยไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนใดใดกลับไป และจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักมากที่สุด

                ผมยืนสูดกลิ่นหอมๆ ที่ลอยมาจากในห้องครัว รู้ได้ทันทีว่า แกงส้มไข่ชะอมทอดของโปรดของผม นี่ขนาดว่าผมบอกกับแม่รดาแล้วนะว่า ผมกับณัฐกานต์จะมากันพรุ่งนี้นะ ผมค่อยๆเดินย่องๆเข้าไปด้านในผมเห็นแม่ยืนคุยโทรศัพท์มือถือต้องเป็นพี่ต้นแน่ๆเลย

                  "ได้ลูกถ้าอย่างนั้นแม่จัดโต๊ะรอเลยแล้วกันนะต้น ขับรถดีดีนะลูก แม่รักลูกนะ อ้อเหรอ!ย่ารักหนูลูกเอิร์ธ " แม่ผมกดวางสายมือถือ พอแม่เงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตกใจยกมือขึ้นทาบอกก็ผมเล่นย่องเข้ามาเงียบๆแบบนี้

                       "เขม!!" แม่เรียกผม

                  หมับ!!!! ผมตรงเข้าไปกอดแม่ของผมทันที อ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุด อ้อมกอดที่ต้องไปเรียกร้องหรือร้องขอจากใครเพราะว่าคนคนนี้พร้อมที่จะให้ผมได้เสมอและตลอดไป

                  "อะไรกันเนี๊ยะเขมไหนบอกว่าจะมาพรุ่งนี้ไงลูก  และนี่เป็นยังไงมาถึงได้มากอดแม่ซะแน่นเชียว" แม่ถามผมเอามือลูบหัวผมไปด้วยเหมือนผมเป็นเด็กๆผมเงยหน้าขึ้นมองแม่รดา

                  "กานต์ละลูก" แม่ถามหาณัฐกานต์ทันที โดยปกติแล้วก็จะเข้ามาพร้อมกัน ข้อดีของณัฐกานต์ก็คือการเข้าหาผู้ใหญ่ได้เก่งเขาจะตรงเข้ามากอดแม่ผมเหมือนที่ผมทำนี้แหละ
             
                       และนี้ก็คือสาเหตุที่ทำให้ผมเลือกเขามาเป็นแฟน ผมอยากให้คนที่ผมรัก รักแม่ของผมด้วยเช่นกัน ผมไม่ค่อยอยากคบเด็กเพราะผมรู้ว่าเด็กๆจะเข้ากับผู้ใหญ่ได้ยากกว่า

                  "เขาไปธุระกับเพื่อนนะครับแม่และพรุุ่งนี้กานต์ก็ต้องไปทำงานครับ" ผมโกหกเพื่อให้แม่ไม่ต้องมาคิดมากเรื่องผมกับณัฐกานต์ แม่จะกังวลเพราะว่าแม่ไม่อยากให้ผมทะเลาะกัน แม่อยากให้คบใครก็คบกันไปนานๆ เหมือนเช่นพ่อกับแม่
 
                  "ตายจริง! งานธนาคารก็ยุ่งและน่าปวดหัวทุกวันอยู่แล้ว นี้ก็ยังทำงานวันเสาร์อีกเหรอวันหยุดไม่ใช่หรือลูก "แม่รดาถามด้วยความหวงใย

                  แต่ที่ณัฐกานต์พูดวันนี้ซิบอกว่าเบื่อที่แม่ชอบชวนเข้าวัดทำบุญโดยเฉพาะวัดที่หลวงลุงพี่ชายของพ่อผมบวชจนเป็นเจ้าอาวาสและวัดนี้ค่อนข้างสงบเงียบมากด้วย ผมก็ได้แต่มองแม่รดา

                  "ถ้าเจอกันอีกทีลูกสะใภ้แม่ไม่ผอมเหลือแต่กระดูกหรือไง...เขม" แม่ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยณัฐกานต์ และแม่ผมก็ถือคติลูกรักแม่ก็รักด้วย แม้กระทั้งพี่สะใภ้ผม ไม่ว่าจะร้ายกับผมแค่ไหนแม่ก็ยังรัก แม่ผมนี้เรียกได้ว่าประเสริฐที่สุด ถ้าใครได้เป็นลูกสะใภ้นะผมคิดว่า โชคดีที่สุด

                  "แค่ครึ้งวันนะครับแม่ไม่หนักมากขนาดนั้นและกานต์เขาก็ไม่ได้ผอมลงไปยังเหมือนเดิมครับแม่"ผมตอบแม่ แม่พยักหน้า
                 
                       ผมขอโทษนะครับแม่ที่ผมเลือกที่จะโกหกทั้งที่จริงณัฐกานต์เลือกที่จะไปเที่ยวงานวันเกิดเพื่อนมากกว่ามาทานอาหารกับครอบครัวของผมและเหตุผลของเขามันก็สมควรอยู่แล้วที่จะไม่มาเพราะว่าณัฐกานต์ไม่สามารถอดพี่เกศรินทร์ได้เหมือนผม และมันก็จะดีกว่าถ้ามาแล้วทะเลาะกันคนที่หนักใจคือผมกับพี่ต้น เนื่องจากสงครามน้ำลายระหว่างณัฐกานต์ผู้ไม่ยอมใครและพี่เกศรินทร์ที่ต้องการเอาชนะอีกคน ก็จะได้ไม่เกิดขึ้น ก็คงจะมีแค่ผมที่จะต้องอดทนฟังพี่เกศรินทร์เหน็บแหนมบ้างอะไรบ้าง  แต่ผมอดทนได้เพื่อพี่ต้นและหลานชายผมและก็แม่รดาอีกคน

                  "เมื่อไหร่จะแต่งงานกันละคบมาสี่ปีแล้วนะ...เรียนจบแล้ว..หรือว่า..ไม่ได้คิดถึงขั้นอยู่กันจริงๆละเขม" แม่รดาถามผม ผมก้มหน้าลง ผมก็เคยคิดนะผมคิดว่าณัฐกานต์เขาอาจจะไม่อยากอยู่กับผมไปตลอดชีวิตเขาก็ได้แต่ผมก็ฝืนที่จะยิ้มให้แม่

                  "เขมอยากซื้อบ้านก่อนแม่และเขมก็เพิ่งจะไปเป็นครูได้ไม่กี่วันเองรอสักปีก่อนและเขมจะย้ายกลับมาอยู่กับแม่และ...กานต์" ผมพูดแม่ แม่ก็ยิ้มด้วยความดีใจ

                  "ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็เอาแกงส้มไข่ชะอมไปฝากกานต์ด้วยนะเขม ตอนเช้าแม่จะทำให้ใหม่อีกชุดและนี้พี่ต้นเราเขาก็เปลี่ยนใจเดินทางมากันวันนี้เหมือนกัน และคงใกล้จะถึงแล้วด้วย" แม่บอกผม วันนี้เรียกได้ว่าพร้อมหน้าพร้อมตากันสามคนพี่น้อง

                  "ฟ๊อด!!" ผมหอมแก้มคุณแม่รดาคนสวยของผม

                  "ที่อย่างนี้นะมาหอมแก้มแม่ พอแฟนมาก็ไปหอมแก้มแฟน"

                  "แม่หึงผมเหรอ"

                  "ดูพูดเข้าซิลูกคนนี้นิ " แม่รดาหันมาใช้นิ้วบี๋ปลายจมูกผมเหมือนผมเป็นเด็กๆ

                  "พี่ก้องละครับแม่" ผมถามแม่ถึงพี่ชายคนที่สอง

                  "คงอยุู่ในห้องเขานะเขาพาเพื่อนมาเที่ยวบ้านด้วยนะ แหละคงจะไปดูหนังกันเห็นเขาซื้อหนังใหม่ด้วย " แม่ผมพูด ผมพยักหน้า ผมห่างจากพี่ก้อง สามปี ห่างจากพี่ต้น หกปี ผมจึงสนิทกับพี่ก้องมากกว่าเรียกว่ามีเรื่องอะไรมักจะปรึกษาพี่ก้องก่อนเสมอ

                 ผมเดินขึ้นไปชั้นบนของตัวบ้าน ไปหยุดที่หน้าห้องนอนของพี่ก้อง ความทรงจำเก่าๆผมเป็นคนที่กลัวผีมากผมมักจะนอนห้องเดียวกับพี่ก้องตั้งแต่เด็กจนกระทั้งพี่ก้องสอบติดโรงเรียนนายร้อยผมก็ต้องหัดที่จะนอนคนเดียวอยู่ดีดีผมก็นึกถึงวันเก่าๆขึ้นมาซะอย่างนั้นแหละ จะเคาะดีไหมนะ เซอไพรส์ดีกว่าเพราะแม่คงบอกพี่ก้องว่าผมต้องไปหาณัฐกานต์ก่อนและจะมาพรุ่งนี้ค่อยมา ผมเลยถือโอกาสนี้ 

                            "พี่ก้อง!!" ผมรีบหมุดลูกบิดอย่างเร็วและรีบเปิดประตูเข้าไปด้านใน ผมก็ต้องตกใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผม  ผู้ชายสองคนอยู่บนเตียงเดียวกัน และคงไม่ต้องบอกนะว่าทำอะไร อีกคนนั่งทับร่างคนที่นอนอยู่เบื่องล่างอยู่แบบนั้น

                           ปึก!!! เสียงประตูถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว ที่จริงมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรของผมหรอกนะเพราะว่าผมกับณัฐกานต์เราก็ทำกันแบบนี้บ่อย แต่ไม่น่าจะใช้กับพี่ก้อง  ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่ก้องชอบรสนิยมแบบนี้ด้วยเหมือนกัน เรียกได้ว่าผมช๊อกก็ว่าได้

                           ที่ผ่านมาพี่ก้องเขาก็มีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอดและแฟนคนล่าสุดก่อนจะเรียนจบเขาคบกันตั้งแต่สอบติดโรงเรียนนายร้อยใหม่ๆพามาเที่ยวบ้านคบกันอยู่สี่ปี มีแผนการว่าจะแต่งงานกันทันทีหลังจากพี่ก้องรับกระบี่แต่พี่ก้องก็ถูกคัดเลือกให้ไปฝึกรีคอนต่อและพอพี่ก้องกลับมาพี่ก้องก็บอกกับทุกคนในบ้านว่าพี่ก้องกับพี่โบว์เลิกกันแล้ว ทุกคนตกใจมากแม้กระทั้งครอบครัวของพี่โบว์เพราะว่าเขาชอบพี่ก้อง กำลังจะได้รับราชการเป็นทหารติดยศ แต่มันก็เป็นไปแล้ว พี่ก้องเสียใจอย่างหนักกินเหล้านี้ต่างน้ำอยู่พักหนึ่ง และนั้นหรือเปล่าคือสาเหตุให้พี่ก้องขอไปประจำที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมคิดเอานะแต่ไม่เคยกล้าถามพี่ชายผม

                  "เขม!" พี่ก้องเปิดประตูออกมาแต่ผมไม่กล้าหันไปมองเขาหรอก ผมยืนหลังข้างหนีต้องโป้ออกมาแน่ๆเลย จนพี่ก้องสะกิดที่ไหล่ผม

                  "เขม..พี่เองหันหน้าหนีพี่ทำไม"

                  "พี่โป้หรือเปล่าละ..เขมไม่อยากดูพี่ก้องโป้นะ..ถึงตอนเด็กๆจะเห็นบ่อยก็เถอะแต่ตอนนี้ไม่อยากเห็น"ผมยืนหันหลังพูด

                  "โป้บ้าอะไรพี่ใส่กางเกงอยู่ แกจะให้พี่ออกมาโย้นโทงเทงเหมือนตอนอายุ 3ขวบ สี่ขวบหรือไง " พี่ก้องยืนกอดอกอยู่ ผมหันกลับมามองจริงด้วย พี่ก้องยืนกอดอกผิงฝาผนังหน้าห้องนอนพี่ก้อง มองมาที่ผม พี่ก้องสวมแค่กางเกงแต่ไม่ได้สวมเสื้อโชว์กล้ามใหญ่ๆ หุ่นพี่ก้องนี้ไม่ต่างกับทหารอเมริกันกล้ามแขนใหญ่มาก

                  "เขมขอโทษพี่ก้องคือเขมไม่คิดว่าพี่จะ...เออ..จะ.” ผมพูดและก็เขินที่จู่ๆก็เปิดประตูพล้วดพล้าดเข้าไปแบบนั้น คิดว่าจะเซอไพรส์ พี่ชายแต่ดันได้เซอไพรส์กลับมาแทน

                  “ทำแบบนายเหรอ..เห้ย!..พี่มีน้ำยานะและไม่ได้ตายด้านเรื่องอย่างว่าซะหน่อยเพลอๆจะแซงหน้าเราด้วย” พี่ก้องพูดและมาหยักคิ้วให้ผมด้วยน่ะ 

                  "เข้าไปคุยกันในห้องซิเขม" พี่ก้องพูดพร้อมกัยหยักไหล่ พอผมเข้าไปในห้องก็เจอเพื่อนของพี่ก้องสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

                  "นี่ผู้กองนครินทร์ เขาเพิ่งจะมาประจำการที่ฐานที่พี่ไปอยู่นะ เป็นผู้กองคนใหม่ไฟแรง " พี่ก้องแนะนำพี่เขาให้ผมได้รู้จักก่อนที่ผมจะยกมือไหว้

                       “สวัสดีครับพี่นครินทร์”

                  "เรียกพี่ว่าพี่รินทร์ก็ได้ครับ" พี่เขาหันมาบอกผมและยิ้มให้แบบกันเอง

                  "น้องชายเหรอครับก้อง" พี่นครินทร์หันไปถามพี่ก้องที่นั่งขึ้นไปกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง และพี่รินทร์เขาเขานั่งอยู่ใกล้ๆกัน ผมก็นั่งลงที่ปลายเตียงพี่ก้องแทน

                            "ครับน้องชายที่ก้องเล่าให้ฟัง เขาเพิ่งจะไปรับหน้าที่เป็นคุณครูอยู่ต่างจังหวัด"พี่ก้องพูดพี่นครินทร์พยักหน้าตาม

                            "อ้อ..รินทร์จำได้แล้วครับ..ดูหน้าเขาหวานกว่าคุณก้องนะครับ" พี่นครินทร์ชมผมแบบนี้ควรจะดีใจใช่ไหมครับ เล่นชมว่าผมหน้าหวานกว่าหน้าโหดๆของพี่ก้องอีก ผมเหลือบไปมองจริงด้วย เพราะเหตุนี้ไง พี่ชายผมพี่ก้องถึงได้ฉายา ผู้กองบ้าระห่ำมาแล้ว

                            "ตอนแรกนึกว่าจะได้น้องสาวไง" พี่ก้องหันมาพูดแซวผม

                            "พี่ก้อง..ขนาดนี้พี่ยังแซวผมเป็นน้องสาวอีกเหรอหุ่นก็ใหญ่โตขนาดนี้” ผมพูดกับพี่ก้อง น้องแอบงอลน่ะ

                            "เออๆ มันมีเมียแล้วนะคุณรินทร์ ผมลืมบอกคุณไป เห็นแบบนี้มันรุกนะ” พี่ก้องเงยหน้าบอกพี่นครินทร์

                            "หึ?" พี่รินทร์ทำหน้าสงสัยขึ้นมาทันที ทำไมเหรอครับหุ่นผมแค่ไม่ล่ำแบบพี่ก้องหรือมีซีกแพค หุ่นผมแค่ สูงโปร่งก็มาตราฐานชายไทยเท่านั้นเอง

                            "มีเมียเป็นผู้ชาย" พี่ก้องหันไปบอกนครินทร์

                            "เหรอครับ .."พี่นคิรนทร์ทำน้ำเสียงแปลกใจและหันกลับมามองผมใหม่อีกครั้งนี้พี่เขาไม่เชื่อผมจริงๆเหรอ ผมก็อดที่จะขำสายตาที่ดูจะแปลกใจอยู่มิใช่น้อย

                            "เหมือนพี่มันแหละก็กำลังจะมีเมียเป็นผู้ชาย" พี่ก้องพูดหันไปกัดปากใส่พี่นครินทร์ พี่รินทร์หันทำท่าจะตี พี่นครินทร์นะเขาดูเรียบร้อยมาก ดูนิ่มนวล ดูสุขุมด้วยและดูอบอุ่น ส่วนพี่ก้องคนละขั้วกันเลยดูแข็งกร้าว ไม่ใช่ผู้ชายนิ่มนวลชวนฝันแน่นอน
 
                            "คุณก้อง" พี่รินทร์เขาหันมาตีแขนพี่ก้อง ดูท่าทางเขาจะสนิดกันมากเลย ผมมองพี่ก้องผมดีใจนะที่พี่ก้องจะมีความรักอีกครั้งเพราะตั้งแต่พี่ก้องเลิกกับพี่โบว์พี่ก้องไม่คบใครมีแต่เพื่อนและเพื่อนรุ่นพี่ก้องก็แต่งงานกันไปหลายคนแล้วด้วย

                            "ไหนแม่บอกว่าเขมไปอยู่กับกานต์ไง ทำไมกลับมาบ้านละทะเลาะกันมาอีกหรือไง" พี่ก้องหันถามผม พี่ก้องนะรู้เรื่องของผมกับณัฐกานต์ดีที่สุด ผมต้องลมออกมาก่อนจะหันไปพยักหน้าตอบว่าใช่

                            "เดี๋ยวผมอาบน้ำก่อนนะคุณก้องและพอทานข้าวเสร็จผมจะได้กลับบ้าน" พี่นครินทร์พูดก่อนละลุกไปเข้าห้องน้ำในห้องนอนของพี่ก้อง ผมคิดว่าเขาคงอยากให้พี่น้องคุยกัน พี่ก้องกระเทิบเข้ามาหาผมพร้อมกับโอบไหล่ผม บ้านผมนะพี่น้องกอดกันเป็นเรื่องปกติ

                            "ไหวไหมวะเขม..ความรักไม่ได้มีแค่ครั้งเดียวเขม..ถ้าไม่ไหวไม่ต้องยื้อ..เจ็บปวดเปล่าๆ..พี่ไม่ได้ว่าเพราะพี่ไม่อยากซ้ำเติมน้องชายพี่" นี้ขนาดผมยังไม่ได้เอ่ยอะไรเลยนะพี่ก้องก็เปิดบทก่อนเลย คงเพราะดูจากสีหน้าของผม และที่แม่บอกว่าผมจะมาพรุ่งนี้ไม่ใช่วันนี้แต่นี้ผมเปลี่ยนใจนั้นแปลว่ามีเรื่องมาแน่ๆ และมันก็คงไม่ใช่เรื่องดี

                            "ดูกานต์เขาเปลี่ยนไปมากนะไม่เหมือนแต่ก่อนที่เขมพาเขาเข้ามาให้ที่บ้านรู้จัก..เขามีคนอื่นหรือเปล่า" พี่ก้องหันมาพูดผมนั่งก้มหน้าอยู่ ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมคิดอะไรไม่อยากจะคิดถึงมันเลยผมผิดหวังไหมผิดหวังมากผมรักณัฐกานต์ไหมผมก็รักมากเช่นกัน

                            "ผมพยายามทำให้ความรักของผมและกานต์มั่นคงเหมือนเช่นความรักของคนทั่วไปพี่ก้องก็รู้" ผมพูด

                            "นี่ผมก็เปิดบัญชีร่วมกันผมอยากจะซื้อบ้านสักหลัง เขมอยากมีบ้าน ส่วนณัฐกานต์นะเขาก็อยากมีบ้านแต่บ้านของเขากับของเขมมันไม่เหมือนกัน ผมอยากมีบ้านที่ชนบทแต่ณัฐกานต์อยากมีบ้านที่อยู่ใจกลางเมืองและย่านธุรกิจอ่ะพี่ก้อง" ผมพูด พี่ก้องเหล่มองผมและบีบไหล่ผมเบาๆ

                            “และตอนนี้เขาก็เบื่อคอนโดที่เขมซื้ออีกแล้ว เพราะมันไกลจากแหล่งที่เขาชอบเที่ยวกับเพื่อนๆ “ผมหันมาบอกพี่ก้อง พี่ก้องก็พยักหน้า ผมรู้ความหมายมันดี นั้นไม่ได้เข้าใจพี่ก้องเข้าใจแต่หมายถึงอาการ ระอ้าณัฐกานต์

                            "พี่ก้องก็เห็นว่าผมรับสอนพิเศษตั้งแต่ผมยังเรียนไม่จบ"

                            "รักเขามากเหรอ...มากกว่าตัวเองไปหรือเปล่าเขม" พี่ก้องแตะหัวผมยีหัวผมเหมือนเช่นตอนเด็กๆ

                            "ผมถามพี่ก้องหน่อยได้ไหม" พี่ก้องสบตาผมกระพริบตาแปลว่าผมถามเขาได้ คำถามที่ผมไม่กล้าถามเขาในวันนั้นเพราะมันจะยิ่งตอกและย้ำแต่ผมคิดว่าพี่ก้องพร้อมจะตอบผมแล้วในวันที่เขาเข้มแข็งพอ

                            "ทำไมพี่เลิกกับพี่โบว์ละพี่ก้องทั้งที่พี่กับพี่โบว์จะแต่งงานกันอยู่แล้วเหลือแค่กลับมาคุยกันเรื่องสินสอดแค่นั้นเอง” ผมเงยหน้าขึ้นมาถามพี่ก้อง

                            “และนี้แม่รู้เรื่องหรือยังเรื่องที่พี่เปลี่ยนสไตล์ไปแบบนั้นเลยอะเพราะที่ผ่านมาพี่คบแต่ผู้หญิงนะ" ผมถามพี่ก้อง พี่ก้องพยักหน้าแสดงว่าพี่ก้องบอกแม่เรียบร้อยแล้ว

                            “พี่ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกนาย เพราะกะว่าจะเซอร์ไพร์นายนะ” พี่ก้องพูด ผมมองเหล่พี่ชายว่าจริงเหรอ พี่ก้องพยักหน้าว่าจริง 
                            "แล้วนี้นายอยากรู้เรื่องพี่กับโบว์จริงๆเหรอเขม" พี่ก้องหันมาถามผม ผมก็พยักหน้าเบาๆ มันต้องร้ายแรงพอกับผมมั้ง พี่ก้องก็คบกับพี่โบว์มานานมากตั้งแต่ก่อนที่พี่ก้องจะสอบติดโรงเรียนนายร้อยและยิ่งเพลนว่าจะแต่งงานกันหลังเรียนจบทันทีแต่จู่ๆพี่ก้องก็มาบอกกับแม่ว่าพี่ก้องกับพี่โบว์เลิกกันแบบสายฟ้าแลบแบบนั้นอีก

                  " ก็วันที่พี่กลับมาจากฝึกรีคอน พี่กลับไปหาโบว์ก่อนด้วยความคิดถึงและก็ไม่ได้โทรบอกล่วงหน้าเพราะพี่คิดว่าพี่จะขอเขาแต่งงานวันนั้นเลย"พี่ก้องพูด ผมเอื้มมมือไปกุมมือพี่ก้องไว้

                               “ เขาอยากมีโมเม้นถูกขอแต่งงานเหมือนเพื่อนๆเขาใน โบว์เขาทำงานธนาคาร เขาก็อยากจะเอาไปอวดเพื่อนๆบ้าง ตอนแรกพี่ก็คิดว่าไม่จำเป็นหรอกมั้งเพราะว่าแม่กับพ่อแม่โบว์ก็คุยกันเรื่องจะแต่งงานกันเหลือแค่สินสอดที่เรายังตกลงกันไม่ได้"พี่ก้องพูดและมองหน้าผม ผมเองก็อยากมีโมเม้นขอใครสักคนแต่งงานเหมือนกันนะ ผมคิดในใจ

                  "เขม รู้ไหมว่าพี่เจออะไร"พี่ก้องพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

                  "โบว์เขานอนกับผู้ชายคนอื่นอยู่บนเตียง พี่รักโบว์มาก มากจริงๆ จนพี่อยากจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์อยากมีลูกด้วยกันพี่คิดว่าพี่จะขายทีที่พ่อยกให้คนละสิบไร่เพื่อเอามาเป็นสินสอดทองหมั้นแต่งงานกับโบว์" พี่ก้องพูด

                  "พี่ถามเขาว่าทำไมทำแบบนี้ เขาบอกว่าเขาไม่อยากฝากชีวิตของเขาไว้กับพี่เพราะชีวิตพี่มันก็อยู่บนเส้นดายจะขาดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เขม" พี่ก้องพูด แต่มันแปลกที่สีหน้าพี่ก้องไม่ได้บอกเลยว่าเขาเสียใจอาจจะเป็นเพราะว่า เรื่องมันผ่านมาได้หลายปีแล้ว น่าจะสามปีได้แล้วนะที่พี่ก้องเลิกกับพี่โบว์

                  "และสิ่งที่สำคัญมากที่สุดของเขาคือพี่ไม่ได้มีเวลาอยู่กับเขาทุกวัน เขาอยากได้แบบนั้นแบบที่กลับมาบ้านแล้วเจอกันนอนเตียงเดียวกันทุกวันทุกคืน " พี่ก้องพูด ก็อาชีพของพี่ก้อง ต้องออกไปนอนกลางดินกินกลางทรายจะได้กลับก็เดือนละครั้งหรือสองเดือนครั้ง บางทีกลับมาแต่มีงานด่วนพี่ก้องก็ต้องกลับเลยก็มี พี่ก้องอยู่หน่วยรบพิเศษนิ

                  "โบว์เขารู้ก่อนอยู่แล้วว่าพี่จะสมัครใจไปประจำการที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เขาต่อว่าพี่หนักหนาแต่พี่เลือกจะเป็นทหารนะเขมและมันคงเป็นจังหวะที่มีคนเข้ามาจีบเขาด้วยช่วงที่พี่ไปฝึกรีคอน พี่ฝึกหนักไม่ได้ติดต่อโบว์เลย...เขาก็เหงา" พี่ก้องพูดผมทำได้มองพี่ชายทำไมพี่ชายผมเจอเรื่องแบบนี้แต่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้แม้จะเสียใจแต่ก็ไม่นาน ผมผ่านไปในแววตาที่ไม่ยินดียินร้ายอะไรกับสิ่งที่ผ่านมาเลย

                  "พี่เลยยินดีที่จะปล่อยเขาไป..หาคนที่เขาต้องการเพราะคนอย่างพี่ไม่ใช่อย่างที่เขาต้องการ" พี่ก้องหันมาพูด มันทำให้ผมคิดเช่นกันผมใช่คนที่ณัฐกานต์เขาต้องการไหม

                  "พี่คิดว่าจะไม่คบใครทั้งนั้นเพราะไม่อยากให้ใครมานั่งเป็นทุกข์อยู่ข้างหลัง มานั่งเสียใจถ้าพี่เกิดเป็นอะไรไป พี่เลือกแล้วที่พี่จะทำอาชีพแบบนี้"

                  "จนกระทั้งคุณรินทร์เข้ามาประจำการแต่..รินทร์กำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ทางบ้านเลือกให้" พอผมได้ฟังผมกอดพี่ชายผมเลย

                  “หึ?"  น้ำเสียงที่สงสัยและแปลกใจของผมเพราะว่าผมคิดว่ายังมีอีกเหรอยุคต์ที่เรียกว่าคลุมถุงชนนะ

                  "ใช่ยุคต์นี้ยังมีอีกเหรอการคุมถุงชน..แต่มันก็ยังมี..แค่อยากให้ลูกมีภรรยามีลูกมีหลานให้เพราะว่านครินทร์เขาไม่จีบใคร เขาไม่มีแฟนเลยสักคน " พี่ก้องพูดผมพยักหน้าเบาๆ

                  “พี่โอเควะเขม...เพราะว่านั้นคือชีวิตจริงและเราสองคนก็มีความสุขกันดีแม้ว่าความสุขนี้มันใกล้จะหมดเต็มทีอีกแค่ไม่กี่เดือนเพราะว่านครินทร์ก็แต่งงานและครอบครัวทางผู้หญิงก็อยากให้เขาย้ายไปประจำการที่อืนที่ไม่ใช่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้"  พี่ก้องพูด ผมมองหน้าพี่ก้องพี่ทนได้ไง

                       “พ่อของนครินทร์เขาเป็ณนายทหารระดับท่านนายพล ถ้าเขารู้ พี่คงโดนหนักวะเขม” พี่ก้องพูด ผมก็ต้องมีเรื่องกุมขมับของพี่ชายผมเพิ่มอีกคนแล้วใช่ไหมเนี๊ยะ

                      “อย่าทำหน้าอย่างนั้นดิ พี่คงไม่ถึงขั้นโดนเก็บหรอกมึง” พี่ก้องพูด ผมหันมาเหล่มอง มันน่าไหมเนี๊ยะ
                       
                       “แล้งนี่พี่จะทำยังไงต่อไปพี่ก้อง” ผมถามพี่ก้อง พี่ก้องหันมามองผม

                    "ตอนนี้เหรอ ไม่อยากคิดวะ เพราะว่าพี่กับรินทร์ก็มีความสุขกันดี แค่ใช่เวลาที่เหลือให้คุ้มค่า" พี่ก้องหันมาบอกผม แค่นั้นเหรอผมคิด ผมนะคบใครคบแบบต้องไปให้ถึงจุดหมายเลย เช่นผมคบกับณัฐกานต์ เส้นทางชีวิตมันเลยค่อนข้างตึงเกินไป 

                  "เขม พี่ขออย่างดิ อย่าบอกแม่เรื่องนครินทร์จะแต่งงานกับแม่นะ พี่กลัวแม่จะไม่สบายใจวะ" พี่ก้องหันมาขอร้องผม ผมพยักหน้าว่าผมคงไม่บอกหรอก

                  “เสียงรถมาจอดที่หน้าบ้านแล้วนะพี่ก้อง พี่ต้นคงมาถึงแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมลงไปหาหลานก่อนนะคิดถึงเจ้าเอิร์ธ " ผมพูดก่อนจะรีบลุกขึ้น และพี่รินทร์เปิดประตูห้องน้ำออกมาพอดีเลย ผมสิ่งยิ้มให้พี่รินทร์ ผมคิดว่าเขาทั้งคู่คงเพิ่งจะพบความสุขแต่ว่ามันกลับเป็นการพบกันที่สายไป

                   ผมเดินลงมาถึงก็เห็นเด็กน้อยวิ่งมากอดแม่ของผมและพี่ชายคนโต ก็คือพี่ต้น พี่ต้นเดินตรงเข้ามากอดแม่ของผมด้วยความคิดถึงเช่นกัน หลายเดือนแล้วที่พี่ต้นไม่ได้กลับมาบ้านเพราะว่าพี่ต้นเพิ่งจะย้ายไปเป็นปลัดที่ใหม่ที่เชียงใหม่ได้สามปีและมันก็ไกลมากด้วยตอนแรกแค่เขาใหญ่ แต่ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ พี่เกศรินทร์ให้พี่ต้นทำเรื่องขอย้ายไปทั้งที่พี่ต้นเพิ่งจะได้เป็นปลัดที่เขาใหญ่ยังไม่ถึงปีเลย พี่ต้นสอบบรรจุปลัดหลังจากที่พี่ต้นจบปริญญาโท  และโรงเรียนที่ผมเป็นครูสอนก็อยู่ที่เข่าใหญ่ซะด้วยซิ ไม่อย่างนั้นก็คงได้อยู่ใกล้กัน

                  "พี่้ต้น" ผมเรียกพี่ต้น พี่ต้นผละออกมาจากแม่ผม ผมเข้าไปกอดพี่ชายคนโต ตั้งแต่พ่อเสียก็มีพี่ต้นนี้แหละที่เป็นเสาหลักของครอบครัวและตอนนั้นพี่ต้นเพิ่งเข้ารับราชการใหม่ๆ

                  "ไงเขม เป็นคุณครูเต็มตัวแล้วนะน้องพี่" พี่ต้นดันตัวผมออกและจับไหล่ผมพร้อมกับสายตาที่ยินดีกับผมด้วยที่ผมได้เป็นครูสมดังที่ผมตั้งใจ และผมก็หันไปยกมือไหว้พี่เกศรินทร์ พี่เขาก็แค่ยกมือรับไหว้แบบขอไปทีแถมยังหันหน้าเบือนนี้ผมในทันทีเช่นกัน  และนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะว่ามันเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง พี่เกศรินทร์เขาไม่ชอบผม ไม่ซิเขารังเกียจผมอย่างชัดเจนที่ผมเป็นเกย์มีแฟนเป็นผู้ชาย รักเพศเดียวกัน
 
                  "อาเข็ม" หลานชายของผม อายุจะสามขวบแล้วแต่นี้ดันเรียกชื่ออาผิดตลอดเลย ผมก็ย่อตัวลงและ

                  "อาเขมไม่ใช่อาเข็ม" ผมบอกหลานผม เอิร์ธ กางแขนให้ผม

                  "เอิร์ธ..ตัวหนักขึ้นนะเรากินเยอะละซิท่า" ผมอุ้มตาเอิร์ธขึ้นมากอดและหอมแก้ม เอิร์ธหัวเราะใส่ผมใหญ่เลยคงจะจั๊กจี้

                  "อี้!" เสียงสะบดออกมาพร้อมท่าทีว่ารังเกียจที่ผมเล่นกับเอิร์ธ

                    "คุณเกศ" พี่ต้นหันไปหาภรรยาของเขา ผมก็ต้องวาง เอิร์ธลง เอิร์ธได้แต่ยืนมองหน้าผมงงๆ เพราะเขาก็คงยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าเขายังเล็กมาหนัก ผมได้แต่ยืนทำหน้าเจื่อนๆ มองพี่ต้น ผมรู้ว่าพี่ต้นหนักใจแค่ไหน 

                   "ฉันเข้าห้องน้ำก่อนนะ ..คุณเปลี่ยนแพมเพิร์สลูกด้วยนะมันหลายชั่วโมงแล้ว "เสียงออกคำสั่งของพี่เกศหันมาบอกพี่ต้น

                  "ทำไมตอนแวะปั้มคุณไม่รุู้จักเปลี่ยนให้ลูก..เกศ และนี้คุณปล่อยให้ลูกใส่นานเกินไป คุณเป็นแม่ยังไงฮะเกศ " พี่ต้นหันไปต่อว่าพี่เกศรินทร์ทันที

                            "นี้อย่ามาว่าฉันนะ! ...และก็คราวหน้าช่วยเอาคนใช้ติดรถมาสักคนซิคุณจะได้มีคนทำให้ นั่งรถมาก็ไกลเหนื่อยก็เหนื่อยจะมาอะไรหนักหนาถ้าคิดถึงกันมากย้ายไปหมดทั้งครอบครัวเลยซิ แต่ฉันจะไม่มีวันอยู่บ้านเดียวกับพวกวิกลจริตหรอกนะ" พี่เกศรินทร์พูดก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน
    ผมยืนมองพี่ต้น ผมรู้ว่าพี่ต้นก็ลำบากใจแค่ไหนกับเรื่องระหว่างผมกับพี่เกศรินทร์  ผมยื่นมือไปแตะที่ต้นแขนของพี่ต้นพี่ชายคนโตของผม ผมก็โอบกอดตาเอิร์ธที่ทำท่าจะร้องไห้ด้วยความตกใจ ผมพยักหน้าว่าผมโอเคนะพี่ต้น
               
                 "แม่เปลี่ยนให้เองนะลูก” แม่รดาเดินมาบอกพี่ต้นและคว้าเอาตัวเอิร์ทออกไปจากผม
               
                 “เอิร์ธมาหาย่านะลูกเราไปเปลี่ยนชุดกันดีกว่า ไปดูซิมีเป็ดอยู่ห้องน้ำหรือเปล่า"
               
                "เป็ด..เป็ด..กับ กับ"เอิร์ทเดินร้องเพลงไปตามแม่ผมอย่างไร้เดียงสา แม่ผมจูงมือตาเอิร์ธเข้าไปด้านในไปทางห้องนอนของแม่ ผมหันมามองพี่ชายคนโต สีหน้าพี่ต้นเครียดกว่าทุกครั้งเลยคราวนี้

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดในรั้วโรงเรียนตอนที่ 10 พี่ก้องเหมือนจะสื่ออะไรกับเขมชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 28-07-2020 01:09:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: รักนี้เกิดในรั้วโรงเรียนตอน 11 ผมรู้สึกผิดที่เหมือนกับว่าผมคือต้นเหตุ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 28-07-2020 18:48:36
  EP.5.3  ผมรู้สึกผิดที่เหมือนกับว่าผมคือต้นเหตุให้พี่ต้นกับพี่เกศรินทร์ทะเลาะกัน            
     "พี่มีปัญหากันและต้นเหตุเป็นเพราะเขมหรือเปล่าพี่..ถ้าเพราะเขมพี่เลือกครอบครัวเถอะนะพี่ต้น เขมสงสารตาเอิร์ธ" ผมพูดกับพี่ต้น
                  "ปัญหาหลายเรื่องนะเขม...แต่ช่างมันเถอะนะ ยังไงพี่ก็ต้องเลือกน้องชายพี่ซิ " พี่ต้นหันหน้ามาพูดกับผมพร้อมกับยกแขนขึ้นโอบไหล่ของผมและบีบเบา จังหวะพี่ก้องกำลังเดินลงมากับพี่นครินทร์พอดีเลยพี่ต้นเงยหน้ามองพี่ก้องก่อนจะหันมาเลิกคิ้วสูงมองหน้าผมเป็นคำถาม ผมหยักไหล่เป็นเชิงว่าให้พี่ก้องเป็นคนพูดเองจะดีกว่า
                 "พี่ต้น..หวัดดีครับพี่" พี่ก้องเดินมายกมือไหว้พี่ต้นก่อนจะเข้าไปสวมกอดเหมือนปกติของพี่น้อง พี่ต้นเหล่มองคนที่เดินตาพี่ก้องลงมา ความแปลกใจ
                  "แฟนนผมครับพี่ต้น ชื่อนครินทร์ เขาเป็นผู้กองคนใหม่เพิ่งเข้ามาประจำการที่ฐานเดียวกันกับผม” พี่ก้องแนะนำพี่นครินทร์ให้พี่ต้นรู้จักในฐานะแฟน ผมแอบยกนิ้งโป้งให้
                 “รินทร์ครับนี้พี่ต้นพี่ชายคนโตของก้อง " พี่ต้นพยักหน้าพร้อมรับไหว้จากพี่นครินทร์ โดยที่ไม่ได้พูดหรือทักทวงอะไรเลยสักครับ ผมคิดว่าพี่ต้นคงจะเอาไว้ถามทีหลังมากกว่า พี่ต้นนะค้อนข้างวางตัวได้ดีเหมือนกับพ่อผมไม่มีผิด
                 "แล้วเอิร์ธหลานชายผมละพี่"พี่ก้องทำท่ามองไปรอบๆ และหันไปถามพี่ต้น
                "แม่พาเข้าไปเปลี่ยนแพมเพิร์สนะเดี๋ยวก็ออกมา นี้พอพี่บอกจะพามาหาอาๆ เอิร์ธทำท่าตื่นเต้นใหญ่ถามตลอดทางถึงหรือยัง ถึงหรือยัง " พี่ต้นพูดและขำลูกชายไปด้วย และพี่เกศรินทร์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำพอดีเลย
                 "สวัสดีค่ะน้องก้องสุดหล่อ...เออ..?" พี่เกศรินทร์เดินฉีกยิ้มออกมาตรงเข้ามาทักทายพี่ก้อง เขาจะเป็นมิตรกับพี่ก้อง
                แต่ยกเว้นกับผมที่มักจะแสดงสีหน้ารังเกียจผมและยิ่งวันไหนผมพาณัฐกานต์มาด้วยนะ สงครามน้ำลายนี้มักจะเกิดขึ้นจนพี่ต้นต้องขอตัวพาภรรยาและลูกกลับก่อนเสมอแม่ผมเองก็ลำบากใจอีกไหนอีกคนก็ลูกสะใภ้และอีกคนก็แฟนลูกชายคนเล็ก

                 "สวัสดีครับพี่เกศรินทร์ เออ..นี้นครินทร์ครับพี่เกศ" พี่ก้องแนะนำเพื่อนให้พี่เกศรินทร์รู้จัก พี่เขายิ้มเจื่อนก่อนนะ หันไปมองพี่นครินทร์

                  "เพื่อนเหรอค่ะ " พี่เกศรินทร์ถามและหันไปยิ้มให้พี่นครินทร์

                   "แฟนผมครับ" พี่ก้องตอบ ผมหันหน้าไปมองพี่ก้องไหนบอกว่าจะไม่เปิดตัวไง พี่ก้องขยิบตาให้ผมและหันไปโอบไหล่นครินทร์ว่าแฟนกันแน่ชัดแล้ว

                      "แฟน..เอ๊ะ! น้องก้องไม่เคยมีรสนิยมแบบนี้ไม่ใช่เหรอค่ะ " พี่เกศรินทร์หันไปถามพร้อมทำสีหน้าเหยียดๆทันที มีท่าทีรังเกียจขึ้นมากระทันหันที่ได้ยินว่าพี่นครินทร์เป็นแฟนพี่ก้อง เขาเป็นผู้หญิงที่ต่อต้านเรื่องพวกนี้อย่างรุนแรง ผมเคยเห็นเขาโพสลงในเฟสบุ๊กมัน แรงมาก เขาดูถูกเหยียดหยามด่ากลุ่มคนที่รักร่วมเพศจนผมเองต้องบล๊อคพี่เกศรินทร์ไป
                       "เกศรินทร์ ..เขาไปช่วยแม่เปลี่ยนผ้าอ้อมลูกซะ นั้นลูกชายเธอนะเธอจะให้แม่ฉันทำอยู่คนเดียวหรือไง " พี่ต้นหันไปบอกเพื่อให้พี่เกศรินทร์ให้ไปทางอื่นแทน และพี่นครินทร์หันมามองพี่ก้อง
                       "อีกไม่นานผัวกรูคงได้เป็นไปได้วยนี้มันโรคติดต่อหรือไงเนี๊ยะ น่าขยะแขยง!" เสียงจากพี่เกศรินทร์พูดเพื่อจงใจให้พวกผมทั้งหมดได้ยิน พี่นครินทร์ก็มองหน้าพี่ก้องโดยไม่ได้พูดอะไร พี่นครินทร์แค่บีบมือพี่ก้องแค่นั้น ผมเองก็พูดไม่ออกเช่นกัน ผมสงสารพี่ต้นที่สุด
                       "พี่ขอโทษแทนภรรยาพี่ด้วยนะครับ น้องรินทร์" พี่ต้นพูด
                       "ไม่เป็นไรครับพี่ต้น เพราะว่าผมนะทำใจได้แล้วว่าเป็นแบบนี้ผมจะเจออะไรบ้าง "พี่นครินทร์พูดปนขำเล็กน้อย
                       "เอานะมันจะดีขึ้นเชื่อพี่..ไปนั่งดื่มกันหน่อยไหมละ แฟนน้องชายคนที่สอง..ก้อง แกนี่ร้าย
ไม่เบานะ" พี่ต้นพูดพร้อมกับยกแขนตบไหล่พี่ก้องเบาๆ
                       "ผมดื่มไม่ได้นะครับเพราะว่าเดี๋ยวผมต้องขับรถกลับ..พ่อแม่ผมท่านเข้มงวดเรื่องพวกนี้มาก" พี่นครินทร์บอกพี่ต้นและหันไปยิ้มให้พี่ก้อง
                       “น้ำผลไม้ไหม ผมไปแวะซื้อมาจากซุปเปอร์มาเก็ตปากซอย” พี่ก้องถามพี่นครินทร์และโอบเอวพี่นครินทร์ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็น ผมก็แอบยิ้มอยู่คนเดียวไม่ได้เพราะว่ามันน่ารักมากสำหรับผม
         ผมสี่คนเดินเข้าไปในห้องครัวแม่จัดโต๊ะไว้เรียบร้อยแล้วพวกเรานั่งคุยกันไม่ได้เจอกันหลายเดือนก็มีเรื่องคุยกันมากมาย งานพี่ต้นก็เยอะขึ้น ส่วนพี่ก้องก็ต้องเพิ่มเวลาเดิน ลาดตะเวนมากขึ้นและเพิ่มการคุ้มกันครูและนักเรียนผมอยากจะย้ายไปที่นั้นนะแต่พี่ก้องขอร้องไม่ให้ผมไปเขาบอกว่าแค่เขาคนเดียวก็เสี่ยงพอแล้วไม่อยากให้แม่เป็นกังวลเรื่องของผมอีกคน
                       "เอาละพ่อกับอาๆเขาหิวแล้วลูกมากินข้าวกันดีกว่า ..วันนี้ย่าทำอะไรให้เรานะดูซิ ไก่หวานของเราไงเอิร์ธ...หนูชอบไม่ใช่เหรอลูก" แม่ผมอุ้มตาเอิร์ธมาวางลงที่เก้าอี้ ตาเอิร์ธนั่งลงข้างๆกับผมแววตาใสซื่อคู่นั้นแต่มันแปลกนะตาเอิร์ธกับเลือกที่จะสุงสิงอยู่กับผมทุกครั้งที่มาเที่ยวบ้านทั้งที่พี่เกศรินทร์ตั้งแง่รังเกียจผมออกขนาดนั้นแต่ผมก็รักหลานชายคนนี้มากเช่นกันผมจึงทำเป็นไม่สนใจคำพูดของพี่เกศรินทร์เรียกได้ว่าพยายามจะอดทนให้ถึงที่สุดเหมือนกัน
                       "คุณมานั่งข้างลูก!" เกศรินทร์บอกพี่ต้นให้มานั่งข้างลูกแทนเธอไม่อยากจะนั่งใกล้กับผมสักเท่าไหร่ แม่ผมหันมองหน้าผมผมพยักหน้าว่าผมโอเค
                       "อาเข็ม..ตักไก่เอิร์ธหน่อย" เอิร์ธบอกผมพร้อมกับชี้ไปที่จานไก่หวานที่แม่ผมทำให้หลานรักของพวกผม
                       "เวลาพูดมีครับด้วยซิเอิร์ธครับน้องเอิร์ธ" ผมเลิกคิ้วมองเอิร์ธและยิ้มให้
                       "อาเข็มตักไก่เอิร์ธหน่อยกั๊บ" หลานชายพูดจาไพเราะผมก็ยิ้มดีใจ พี่ต้นก็เช่นกันแม่ผมก็ด้วยมองหลานตัวน้อยอย่างเอ็นดูแต่มีแค่พี่เกศรินทร์ที่เบือนหน้าหนีหันไปมองทางอื่นแทน 
                       "วันนี้แฟนไม่มาเหรอปกติก็เห็นตัวติดกันจนจะเกยกันอยู่แล้วหรือเรียกว่าจะขี่กันก็ได้นะ”พี่เกศรินทร์พูดถึงแม้จะไม่ได้เจาะจงแต่มันก็ลงผมเต็มๆผมรู้ดี เพราะว่าถ้าพี่เกศรินทร์มา ณัฐกานต์เขาจะยิ่งแสดงออกเพื่อยั่วพี่เกศเพราะว่าเขารู้ดีว่าพี่เกศรินทร์ออกตัวต่อต้านมากแค่ไหน ณัฐกานต์ก็ยิ่งจะทำให้เขาเห็นมากแค่นั้นและมันก็เหมือนการเอาน้ำมันราดลงบนกองไฟ ผมจึงคิดว่าเป็นการดีถ้าหากณัฐกานต์ไม่มาเติมเชื้อเพิ่มอีกขึ้น
                       "คุณเกศตอนนี้เป็นเวลาทานข้าวนะ ผมขอ!" พี่ต้นหันไปพูดกับพี่เกศรินทร์ สายตาประสานกันและพี่เกศก็หันไปทางอื่นทำเป็นไม่สนใจ
       ผมรู้สึกได้ว่าบรรยากาศเริ่มอึมครึม นี้ผมไม่น่าจะมาใช่ไหม ผมรู้สึกผิดที่ผมตัดสินใจ เดินออกจากห้องณัฐกานต์มาเพื่อมาทานอาหารกับแม่และพี่ๆและก็หลานผม
                       "ทานกันดีกว่าค่ะ ลุูกรินทร์ทานเลยนะลูก แม่ก็ทำอาหารพื้นๆนะ ไม่ได้พิเศษอะไร ทานได้ใช่ไหมลูก" แม่ผมหันไปถามพี่นครินทร์ พี่เขามองพีเกศรินทร์ด้วยสีหน้าค้อนข้างกังวลก่อนจะหันกลับไปยิ้มให้แม่
                       "ใครบอกละครับ อร่อยมากต่างหากผมชิมไปหน่อยหนึ่งแล้วก้องเขาให้ผมชิมนะครับ" พี่นครินทร์ชมฝีมือการทำอาหารแม่ของผมตั้งแต่คำแรกที่พี่ก้องตักให้แล้ว
                       "ปึก" เสียงแก้วน้ำกระแทกลงบนโต๊ะด้วยความไม่พอใจของพี่เกศิรนทร์
                       "อาเขม...เป่าๆ" ตาเอิร์ธกำลังพยายามตักไก่ทานแต่คงร้อนนะเลยชูขึ้นมาให้ผมช่วยเป่าให้มันให้หน่อย
                       "คุณ..เป่าไก่ให้ลูกเองซิ" พี่เกศรินทร์ถลึงตาใส่พี่ต้นเขาไม่อยากให้ผมทำให้ลูกชายเขา
                       "ก็เขมเขาทำให้อยู่...คุณไม่เห็นเหรอเกศ" พี่ต้นพูดตอบโต้กลับทันที 
                       "ตาต้น" แม่ผมรีบส่งเสียงปรามพี่ชายคนโตของผม พี่นครินทร์ก็มองหน้าพี่ก้องด้วยความรู้สึกอึดอัดเหมือนที่พวกผมเป็นอยู่ในตอนนี้แน่ๆ
                       "เอิร์ธ...มาย่าเป่าให้นะลูก..อาเขมจะได้กินข้าวมัวแต่มาเป่าให้เรานะไม่ได้กินกันพอดี..อาเขมยิ่งผอมๆอยู่" แม่ผมจึงเอื้อมมือมาขอส้อมที่จิ้มไก่ไว้จากตาเอิร์ธไปเป่าให้แทน เด็กอย่างเอิร์ธก็ยังคงใสซื่อเพราะเขาคือผ้าขาวบาง เอิร์ธเงยหน้ามองผมยิ้มตาหยี่
                       "ก้องครับ...รินทร์กลับก่อนดีกว่านะครับพอดีว่ามันได้เวลาที่พ่อกับแม่รินทร์นัดรินทร์แล้วนะครับเดี๋ยวจะไปไม่ทัน ..คุณแม่ครับรินทร์ขอโทษนะครับเอาไว้วันหลังรินทร์จะมาทานด้วยอีกนะครับ แต่วันนี้คุณพ่อคุณแม่ท่านนัดผมทานข้าวกับ..เพื่อนพ่อนะครับ" พี่นครินทร์พูด พี่ก้องลุกเดินออกไปส่ง พอสองคนนั้นออกไปบรรยากาศกลับยิ่งดูอึมครึมหนักขึ้นกว่าเดิม
                    ปึก!!!! เสียงช้อนและซ้อมถูกวางลงด้านข้างโดยพี่ต้น
                       "คุณเป็นบ้าอะไรของคุณนะเกศ!...ผมบอกคุณแล้วใช่มั้ย! ว่าให้คุณสงบปากสงบคำคุณไว้หน่อย เพราะอย่างน้อยนี้มันก็บ้านของผมและต่อหน้าแม่ของผมและนี้ก็น้องชายผม" พี่ต้นพูดเสียงดังใส่พี่เกศรินทร์แบบนั้น แน่นอนทำให้เอิร์ธหลายชายของผมตกใจดีดตัวขึ้นมากอดผมตัวนี้สั่นไปหมด ผมก็ต้องกอดประคองเอิร์ธไว้เช่นกัน
                       "คุณรู้จักคำว่ามารยาทไหม..คุณควรจะรักษามารยาทหน่อยในการพูดการจาและยิ่งมีแขกแบบนี้ด้วย..คุณยิ่งไม่ควรจะพูด!!!" พี่ต้นหันไปพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามอดกลั้นจนมือไม้พี่ต้นนี่สั่นไปหมดเช่นกันพี่ต้นกำหมัดไว้แน่น
                       “ต้น ไม่เอานะลูก” แม่ผมเองก็ใจคอไม่ดี ไม่ต่างจากผมกับเอิร์ทตอนนี้ ผมมองพี่ต้น ผมส่ายหน้าเบาๆว่าพอเถอะ
                       “ไม่ได้หรอกครับแม่ ลูกสะใภ้มารยาทยอดแย่แบบนี้แม่จะให้ผมเก็บไว้ทำไม “ พี่ต้นหันมาบอกกับแม่ แม่ผมก็ได้แต่สายหัว
                       "ทำไมเหรอคะคุณต้นตระการ คุณอายเหรอคะ..และนี้มันคือความจริง..และฉันก็จะพูดมันเรื่องของฉัน..ฉันจะพูดมันทุกทีที่ฉันไป " เกศรินทร์เงยหน้าขึ้นตอบพี่ต้นโดยไม่เกรงกลัวสายตาที่ดุดันของพี่ต้นเลยสักนิด
                       "ผมว่าคุณแม่คุณท่านก็ออกงานบ่อยนะท่านน่าจะบอกคุณเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้บ้างนะเกศรินทร์" พี่ต้นหันไปพูดไม่จะไม่ได้ขึ้นเสียงแต่ทุกคำพูดของพี่ต้นเน้นน้ำเสียงได้เจ็บที่สุดนะผมว่า มันเจ็บกว่าการด่าท่อซะอีก
                       "นี่คุณ!! คุณกล้าว่าถึงแม่ฉันเลยเหรอ" พี่เกศรินทร์ถลึงตาใส่พี่ต้นอย่างเดือดดานที่ถูกพาดพิงถึงพ่อแม่ ผมคิดว่าพี่ต้นคงเหลืออดแล้วเหมือนกันเพราะว่ามันไม่ใช่ครั้งแรกและไม่ได้ทำให้ผมรูสึกดีขึ้นมาเลย ก็ผมคือตัวต้นเหตุปัญหาครอบครัวของพี่ต้น
                         "ตาต้น! .ใจเย็นๆลูก หนูเกศด้วยลูก ดูซิตาเอิร์ทตกใจกลัวจนตัวสั่นแล้วนะลูก" แม่ผมก็ร้องเรียกพี่ต้น สีหน้าพี่ต้นบอกได้ว่าโกรธมาก พี่ต้นขบกรามจนขึ้นสันนูนขนาดนั้น
                          "ฉันอยากจะมาด้วยตายละ ดูซิ ผิดปกติขนาดนี้ ไม่ต้องมากอดมาจับต้องลูกฉันนะ เดี๋ยวลูกฉันจะได้ติดไปด้วย" พี่เกศรินทร์หันขวับมาทางผม ผมก็ต้องวางมือจากเอิร์ท เอิร์ทหันไปมองเกศรินทร์ทำท่าร้องไห้ สายตานี้ไม่จะใช้สายตาของคนเป็นแม่แน่ๆ ก่อนที่พี่เกศนะสบัดสายตากลับไปหาพี่ต้นเหมือนเดิม
                "ไอ้โรคตุ๊ดโรคเกย์เนี๊ยะ" ใบหน้าผมชาขึ้นทันทีราวกับถูกตบ
                "เธอว่ายังไงนะ..เกศรินทร์.....ขอโทษน้องฉันเดียวนี้!!!" พี่ต้นแผดเสียงดังใส่พี่เกศรินทร์ตาเอิร์ธก็ยิ่งกอดผมแน่นขึ้นดีดตัวไปด้วยเหมือนอยากจะให้ผมพาเขาออกไปจากตรงนี้
                 "พอแล้วต้น..พอแล้วลูก..ไม่เอานะลููกอย่ามาทะเลาะกันแบบนี้ซิลูก" แม่ผมก็พยายามจะห้ามทั้งคู่
                 "ไม่..ฉันไม่ขอโทษใครทั้งนั้น"พี่เกศรินทร์ตะคอกเสียงดังพร้อมลุกขึ้นยืนสายตาจิกมองมาที่พี่ต้น
                  "ได้...ผมเองก็เหลืออดแล้วเหมือนกัน”
                 “พอผมบอกจะมาหาครอบครัวตัวเองแต่ละทีมีปัญหานั้นปัญหานี้..คุณมันเห็นแกตัวนะรู้ไหม..เกศรินทร์!"พี่ต้นพูดและชี้นิ้วไปที่พี่เกศรินทร์ สายนี้นี้จิ๊กลงไปพร้อมกัน มันไม่เหมือนวันแรกที่แต่งงานกันเลยสายตาทีแพรวพราวแต่วันนี้มันแข็งกร่านจนน่ากลัว
                "ถ้าอยู่กันไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ ในเมื่อคุณรับสิ่งที่น้องผมเป็นไม่ได้ ก็หย่ากันไปเลย..นี้มันครอบครัวของผม ..ผมเลือกครอบครัวผมเหมือนที่คุณเลือกเอาแต่ครอบครัวคุณนั้นแหละ" พี่ต้นลุกพร้วดขึ้นเช่นกัน พี่เกศรินทร์ดูจะโกรธพี่ต้นเอามากทีเดียวกำมือแน่นเช่นกัน
                "พวกผู้ดีจอมปลอม..กับเงินสกปรกที่คุณกินใช้อย่างสำราญมันมาจากการทำนาบนหลังคนทั้งนั้น..ผมนี่คงภูมิใจตายเลยนะที่ได้ภรรยารวยแต่รวยมากับสิ่งผิดกฏหมาย" พี่ต้นแผดเสียงใส่พี่เกศรินทร์
                 "แหง๋ๆ ...ไม่เอา..ไม่เอา" ตาเอิร์ธยิ่งดีดตัวขึ้นกอดคอผมแน่นขึ้น ผมก็อุ้มตาเอิร์ทลุกขึ้นก่อน ผมสงสารตาเอิร์ธเหลือเกินนี่เขากลัวจนกอดคอผมแน่น ผมนี้แถบจะหายใจไม่ออก
                "ตาต้นใจเย็นๆลูก หนูเกศใจเย็นๆ ดูซิตาเอิร์ธตกใจกลัวใหญ่แล้วนะลูก..แม้ขอละลูก"
                "เขมเอาเอิร์ธมาให้แม่ลูกมา..มาหาย่านะลูกนะ" แม่ผมเดินมารับเอิร์ธไปอุ้มแทนผม
                "พอเถอะคุณแม่เกศเบื่อ หย่าก็ดีจะได้ไปหาผัวที่มันฉลาดๆหน่อยและที่ไม่ต้องมาอับอายสังคม หนูรับลูกคุณแม่ไม่ได้หรอกนะค่ะ หนูไม่ใช่พวกโลกสวยยอมรับพวกผิดเพศพวกวิกลจริตได้หรอกค่ะคุณแม่"
                "ถ้าหนูรู้ก่อนหน้าที่หนูจะแต่งหนูก็คงไม่เลือกแต่งกับลูกชายของแม่หรอกนะคะ..แถมกว่าจะรู้ได้ลูกจะโผ่หัวออกมาอยู่แล้ว" เกศรินทร์พูดสายตาเขาเบี่ยงมามองผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อใช่แต่ก่อนผมก็ไม่ได้เปิดเผยแค่บอกว่าณัฐกานต์เป็นเพื่อนสนิทและตอนนั้นพี่เกศรินทร์เขาก็เป็นคนน่ารักแต่พอเขารู้เรื่องของผมกับณัฐกานค์ ทุกอย่างเปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังเท้าทันที จากที่เคยอยู่กันอย่างมีความสุขก็หายไป ผมเงยหน้ามองพี่ต้นอย่างรู้สึกผิด ผมควรจะเดินออกไปจากตรงนี้หรือเปล่า ผมทำท่าจะลุกแต่พี่ต้นหันมาและทำมือให้ผมนั่งลง อย่าไปไหน พี่ต้นหันไปมองหน้าพี่เกศรินทร์ 
                “คุณนะคงไม่รู้สึกอะไรหรอกใช่ไหมน้องเป็นตุ๊ดเป็นเกย์ รักชอบเพศเดียวกันแต่ฉันอาย..บ้านฉันมีเชื้อมีตระกูลดีเป็นที่นับหน้าถือตาแต่จะให้ฉันมายอมรับพวกวิกลจริตฉันทำไม่ได้หรอกนะ"
                 "แหง๋ๆๆๆๆ" เอิร์ธก็ยิ่งร้องไห้ดังขึ้น พี่ต้นก็หันมามองผมอีกครั้ง ผมก็มองพี่ต้นว่าพี่ควรจะเลือกครอบครัวพี่เถอะ เพราะว่าผมสงสารหลาน พี่ต้นพยักหน้าและพี่ต้นก็ลุกขึ้นเทียบเท่ากับพี่เกศรินทร์
                 "วันจันทร์เจอกันที่อำเภอ..ไปหย่ากันผมเบื่อและพอจบเรื่องพวกนี้เราก็แยกบ้านกันไป " สิ่งที่พี่ต้นพูดออกมาทำให้แม่มองพี่ต้นและกอดตาเอิร์ธไว้แน่น ผมเองก็ตกใจกับสิ่งที่พี่ต้นตัดสินใจในวันนี้
                  "ผมจะย้ายออกเองส่วนลูกผมจะเลี้ยงเองคุณเลี้ยงลูกไม่ได้หรอกเกศ...คุณรู้ตัวดี.."
                  "และผมก็รู้ว่าคุณทำอะไรกับเอิร์ธบ้าง แม่บ้านบอกผมหมดแล้ว ว่าเวลาที่คุณโมโหผมคุณก็ลงกับลูก!"
                 "คุณดูซิลูกตัวสั่นกลัวที่จะอยู่กับคุณแค่ไหน" พี่ต้นพูดชี้ไปที่เอิร์ธที่ร้องไห้กอดแม่ผมแน่น ผมอยากจะเข้าไปกอดหลานแต่ผมก็ไม่อยากให้มันแย่ไปกว่านี้เลยทำได้แค่ยืนดูเฉยๆ น้ำตาปริมๆ แต่ผมต้องไม่ร้องไห้ ผมได้แต่กลั่นมันเอาไว้
                  "อย่าท้าฉันนะ...ฉันไปแน่..และจำใส่หัวคุณไว้ด้วยนะว่าพ่อฉันก็ช่วยคุณไว้ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่ได้นั่งเก้าอี้และงานสบายแบบนี้หรอกนะ "
                  “แต่ที่คุณต้องการนะมันไม่ใช่ให้ผมงานสบายหรอกเกศ คุณแค่อยากให้ผมทำให้งานพ่อคุณมันง่ายต่างหากแต่คุณคิดผิด ผมไม่ทำให้งานคนที่ผิดกฏหมายมันได้ลอยอยู่ได้ ต่อให้เขาคนนั้นเป็นพ่อคุณก็ตาม” พี่ต้นพูด พี่เกศรินทร์ที่ยืนกำหมัดแน่นด้วยความโกรธที่ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนน้ำเดือดในหม้อ
                 "ตาเอิร์ธไปกับแม่"พี่เกศรินทร์จะหันไปอุ้มเอิร์ทออกจากแม่ของผม
                  "ไม่เอา..อยู่ย่า..ฮือๆ...อยู่ย่า" ตาเอิร์ธดิ้นและยิ่งกอดแม่ผมหนักขึ้นไม่ยอมที่จะปล่อยมือคือเขาไม่ยอมไปกับพี่เกศรินทร์
                 "อย่ามาแตะลูกผมคุณไม่เคยเลี้ยงดูมีแต่คนใช้..ถ้าจะไปก็ไปแต่ตัว...คุณมีเงินไม่ใช่เหรอบินกลับเองได้แต่เงินนะมันหาความสุขใส่ตัวคุณได้แค่ภายนอก ผมนะสะอิดสะเอียนกับผู้หญิงหน้าเงินอย่างคุณแย่แล้วไปจากชีวิตผมซะก็ดีนะ”
                 “ พอกันที่ ผมทนมามากพอแล้ว 4 ปีที่ผ่านมามันเกินพอสำหรับผมแล้วเกศรินทร์" พี่ต้นพูด ก่อนจะเดินมาอุ้มตาเอิร์ธออกไปจากห้องอาหาร ส่วนพี่เกศรินทร์ก็เดินกระแทกส้นเท้าออกไปเช่นกัน ผมทรุดตัวลงนั่ง ผมมองใบหน้าที่กังวลของแม่
                  "แม่ครับเขมขอโทษครับแม่" ผมเดินเข้าไปกอดแม่น้ำตาผมไหล ผมทำครอบครัวพี่ชายพังใชไหมครับแม่
                  "ไม่ใช่ความผิดของเขมหรอกลูก”แม่พูดปลอบผม ผมก็ค่อยปาดน้ำตาลูกชาย ผมไม่อยากหันไปหากเจอว่าหลานยืนอยู่และจะเห็นว่าอาของเขานั้นอ่อนแอ
                 “เฮ้อ!! ..แม่สงสารตาเอิร์ธ..กินข้าวต่อนะลูกนะแม่จะไปดูหลานกับพี่ต้นเขาซะหน่อย "  ผมพยักหน้าและเดินกลับมานั้งลงที่เดิม แม่ผมลุกขึ้น และตอนนี้ผมจะกินลงได้ยังไงอีกละ พี่ก้องเดินกลับเข้ามาพี่ก้องมองหน้าผม พร้อมกับเดินเข้ามากอดผมทันที
                  "พี่ก้องผมรู้สึกผิดอ่ะ เพราะผมใช่ไหมอะพี่ ที่ทำให้พี่ต้นเขา.."
                 "ไม่ผิดหรอกเขม ..นายไม่เคยผิดสำหรับพี่วะเขม..ใครไม่รักน้องพี่แต่พี่รักโอเคนะเขม"  พี่ก้องพูดปลอบผม
                 "มีลูกก็ไม่ได้อย่างใจ มีผัวก็เฮงซวย มีคนเอาเงินมาให้ก็ยังโง่ แถมมีครอบครัวก็เป็นตุ๊ดเป็นเกย์ แต่งด้วยก็คิดว่าจะได้หน้าได้ตาอุตสาเป็นถึงปลัดอำเภอแต่ปกครองน้องมรึงยังไม่ได้เลย" เสียงพี่เกศรินทร์ที่ยังคงเอ๊ะอะโวยวายอยู่ที่ห้องรับแขก เขาตะโกนเพื่อให้พี่ต้นได้ยิน
                  "ออกไปจากบ้านฉันซะ..ออกไป!" เสียงพี่ต้น แสดงว่าพี่ต้นเอาตาเอิร์ธให้แม่ผมดู และพี่ต้นก็คงเดินออกไปหาพี่เกศรินทร์อีกแล้วแน่ๆ ทำให้ผมสองคนลุกพร้วดพากันออกไปก่อนที่จะเกิดความรุนแรงมันไม่เหมาะสมกับพี่ต้น พี่ต้นจะดูไม่ดี
                  ผมเห็นพี่ต้นถลกแขนเสื้อแต่ผมสองคนเชื่อว่าพี่ต้นไม่ทำร้ายพี่เกศรินทร์แน่นอน พี่ก้องเดินไปจับแขนพี่ต้นไว้กาอน พี่ต้นยืนเอามือเท้าซะเอว พร้อมกับพ่นลมหายใจแรงๆออกมาเหมือนกำลังระงับความโกรธที่ดูแล้วน่าจะสะสมมานานพอดู และพี่เกศรินทร์ลากกระเป๋าเดินทางออกไป และเสียงตาเอิร์ธร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของแม่ผมในบ้าน พี่ต้นยืนมองพี่เกศรินทร์จนเดินพ้นประตูรั่วบ้านออกไป
                 "พี่ต้น...เขมขอโทษนะพี่" ผมเดินไปหาพี่ต้น พี่ต้นหันมามองผมสองคน
                 "หมับ" เราสามคนยืนกอดกัน
                  "เรามีกันสามคนนะอย่าลืมซิ พี่ต้องเลือกน้องแต่ปัญหาวันนี้มันสะสมมานานแล้วไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น มันแค่ช่วยผลักให้มันพังเร็วขึ้นก็แค่นั้น ..แต่พี่โอเค" พี่ต้นพูดพี่ต้นพร้อมกับยกมือขึ้นมาแตะที่หัวผมสองคน แม่ยืนมองผมสามคนกอดกัน
                 “เขม..นายไม่ใช่ต้นเหตุ พี่มีมากกว่านั้น ไม่ต้องคิดมาก” พี่ต้นพูดกับผมก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อไปดูลูกชายของพี่ต้น คือหลานของพวกผม พี่ก้องก็หยักไหล่ให้ผมกลับเข้าบ้านไป พี่ก้องคงเดินไปปิดล๊อกประตูบ้านแน่ๆ
                 และการที่เราสามคนรักกันมากขนาดนี้ก็คงเป็นเพราะว่าพ่อกับแม่สอนผมให้รักใคร่ปรองดองกันโดยเฉพาะ ให้รักกันในวันแย่ที่สุดมันจะช่วยให้เราผ่านทุกสิ่งไปได้ ผมยังจำได้ภาพวันที่ผมสามคนกอดกันในวันที่พ่อพวกผมเสีย ผมสามคนกอดกันร้องไห้แบบนี้และนั้นคือน้ำตาลูกผู้ชายสามคนต่อหน้าคนที่พวกผมรักที่สุดจากไปแบบไม่มีวันกลับ 
                 ผมสามคนนั่งอยู่ในห้องครัว ผมเก็บทำความสะอาดทุกอย่างแทนแม่ เพราะว่าแม่ต้องไปดูแลเอิร์ธหลานชายผม พี่ต้นเล่าว่าเอิร์ธไม่ค่อยเข้าหาพี่เกศเลยเพราะว่าเวลาโกรธกันพี่เกศรินทร์มักจะลงที่เอิร์ธก่อนเสมอ เวลาที่พี่ต้นไปทำงานคนใช้ที่บ้านเล่าให้พี่ต้นฟังจนเอิร์ธกลัวแม่ของเขายิ่งกว่ากลัวคนแปลกหน้าซะอีก
            และเวลาที่ทะเลาะกันพี่ต้นมักจะปลีกตัวออกไปเพื่อให้ความโกรธลดลงก่อนกลับเข้าบ้าน พี่เกศรินทร์ก็มักจะทุบตีเอิร์ธบ่อยครั้งและคนใช้ต้องเข้าไปห้ามปรามเพราะสงสารเด็กจนเป็นเรื่องเป็นราวทำให้ต้องเปลี่ยนคนใช้ไม่รู้กี่คน ช่วงหลังๆ พี่ต้นจึงไม่กล้าปล่อยลูกชายอยู่กับพี่เกศรินทร์ตามลำพังอีก
           “อะพี่” พี่ก้องขับรถออกไปซื้อเบียร์มาให้พี่ต้นนั่งดื่ม เราสามคนนั่งคุยกันดื่มเบียร์กันไปพูดถึงเรื่องราวเก่า ว่าเราสามคนสนิทกันมากแค่ไหนรักกันมากแค่ไหน
           “เราไม่ค่อยมีเวลาแบบนี้กันบ่อยๆเลยเนอะพี่ต้น พี่ก็งานเยอะแถมอยู่ไกลส่วนผมก็ไกลเข้าไปใหญ่และเขมอีกคน สงสารแม่นะพี่ต้องอยู่คนเดียว” พี่ก้องพูดพร้อมกับกระดกเบียร์ขวดสีเขียวดื่ม
           “พี่ก็รอว่าสักวันพี่อาจจะได้ย้ายกลับมาอยู่กับแม่ เพราะว่าไม่มีใครรักและหวังดีกับเราเท่ากับแม่หรอกจริงไหมวะ” พี่ต้นพูด ผมกับพี่ก้องก็พยักหน้าพร้อมกัน 
           “และได้อยู่กับน้องๆของพี่เหมือนเช่นตอนยังเด็กๆ คิดแล้วไม่น่าโตขึ้นเลยวะ ปัญหาเยอะมากมาย ไหนจะหน้าที่การงาน ไหนจะต้องมารับมือกับเมียประสาทแดก ทั้งที่..” พี่ต้นพูดแต่พี่ต้นก็เงียบไป
           ผมก็เห็นตั้งแต่ตอนที่พี่ต้นแต่งงานแล้วเหมือนพี่ต้นไม่มีความสุขเลย พี่ต้นแต่งานเพราะว่าพี่เกศรินทร์ตั้งครรภ์ในตอนนั้น ตอนนั้นพี่ต้นเพิ่งจะจบปริญญาโทใหม่ๆและพี่ต้นก็สอบติดปลัดได้แต่ได้ที่อำเภอหนึ่งที่เขาใหญ่ แต่ไม่นานพี่เกศรินทร์ก็ให้พี่ต้นทำเรื่องย้ายไปเชียงใหม่ เพราะว่าพ่อของเขาค้อนข้างเป็นผู้มีอิทธิพลที่เชียงใหม่ ผมรู้แค่นั้น
           “ตกลงปัญหาของพี่กับเกศพี่เลือกจะจบมันแบบนี้เหรอ พ่อแม่เขาไม่โกรธพี่เอาเหรอ” พี่ก้องหันไปถามพี่ต้น พี่ต้นพยักหน้าเบาๆ
           "ยังไงเขาก็เป็นแม่ของเอิร์ธนะพี่" ผมพูดผมแตะลงที่หลังมือพี่ชาย
           “ก็คงจะโกรธ หรืออาจจะดีใจก็ได้นะเขาอยากให้พี่เลิกกับลูกสาวเขาจะตายไป ตอนนี้พี่ไปขัดผลประโยชน์กับเขาอยู่ เรื่องการเปิดโรงเลื่อยไม้ผิดกฏหมาย เขาลงทุนกับเพื่อนเขาและเรื่องนี้ด้วยแหละที่ทำให้พี่กับเกศเริ่มทะเลาะกันหนักขึ้น"
           “แต่เรื่องผมก็มีส่วนพี่ต้น เขมขอโทษนะพี่ต้น” ผมพูดขอโทษพี่ต้นอีกแล้ว พี่ต้นหันมาโอบกอดไหล่ผมกับพี่ก้อง
           "เลิกโทษตัวเองเขม..มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น..และพี่ก็เลือกครอบครัวของเรา..เรามีกันแค่สามคนพี่น้องนะ พี่สัญญากับพ่อว่าพี่จะไม่ทิ้งน้องๆของพี่" พี่ต้นพูดผมดีใจไหมก็ดีใจนะแต่มันก็รู้สึกผิดในใจอยู่ดี พี่ต้นนั่งคุยกับพี่ก้องส่วนผมผมก็นั่งพลิกมือถือของผมไปมา
           ผมไม่ใช่คอนักดื่มนิ ผมควรจะโทรหาณัฐกานต์ดีไหมนะ ปานนี้คงเมากับเพื่อนๆ ยิ่งวันเกิดพุดดิ้งคงจัดกันจนเมาเละนางทำแบบนี้ทุกปีอยู่แล้ว
     ผมกดมือถือผมไปเรื่อยๆจนกระทั้งหยุดที่แอพพลิเคชั่นสีเขียวและผมก็กดเปิดอ่านข้อความของคริสโตเฟอร์อีกครั้ง อ่านแล้วมันก็ให้ความรู้สึกดีนะขึ้นมาทันที  ผมอ่านไปยิ้มไปด้วย

(https://sv1.picz.in.th/images/2020/09/29/O6NErQ.th.jpg)
   
                "ตาต้น!!..มาเอาลูกไปนอนที่ห้องได้แล้วลูก..เอิร์ธหลับไปได้สักพักแล้วลูก..นี้ก็นอนผวาและร้องหาแต่พ่อตลอด..แม่จะเอานอนด้วยแต่คิดว่านอนกับต้นจะดีกว่า ตอนนี้เขาต้องการพ่อนะ" แม่เดินออกเข้ามาบอกพี่ต้น พี่ต้นพยักหน้า พี่ก้องก็ยักไหล่ว่าจะไปนอนแล้วเข่นกัน
             “ผมก็จะไปนอนแล้วเหมือนกัน” ผมพูดก่อนที่จะผมจะขึ้นบ้านตามไป ผมก็ต้องเก็บทำทุกอย่างแม่จะได้ไม่ต้องตื่นมาทำตอนเช้า

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดในรั้วโรงเรียนตอน 11 ผมรู้สึกผิดที่เหมือนกับว่าผมคือต้นเหตุ
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 28-07-2020 23:56:14
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดในรั้วโรงเรียนตอน 11 ผมรู้สึกผิดที่เหมือนกับว่าผมคือต้นเหตุ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 29-07-2020 15:45:19
 :z6: สำหรับเกศริน ส่งสารพี่ต้น น้องเอิร์ธ สงสารเขมด้วย :mew6:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดในรั้วโรงเรียนตอน 11 ผมรู้สึกผิดที่เหมือนกับว่าผมคือต้นเหตุ
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 01-08-2020 21:23:10
รออ่านต่อครับ :hao7:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนEP.6 (ครูเขมXคริสโตเฟอร์)ผู้หญิงที่พ่อผมเคยช่วยเหลือ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 02-08-2020 19:23:11
EP.6 (ครูเขมXคริสโตเฟอร์)ผู้หญิงที่พ่อผมเคยช่วยเหลือเพื่อนเขาไว้
                   

                   ตื้ด!!! เสียงข้อความผ่านแอฟพริเคชั่นดังขึ้นในเช้าตรู่ของวันเสาว์แบบนี้ และเมื่อคืนกว่าผมจะหลับตาลงได้ก็เกือบจะเที่ยงคืน ก็จะใครกันนะ นายคริสโตเฟอรฺ ที่คอยส่งข้อความมาหาผมมากวนผมแต่มันไม่ได้ทำให้ผมหงุดหงิดเลยสักนิด มีแต่แอบยิ้ม
 
                     ผมค่อยเลือนมือไปควานหาต้นเสียงก็พบว่ามือถือของผมเอง หยิบมันขึ้นมาเปิดฝาดูเพราะว่าเครสของผมเป็นแบบฝาพับเปิดข้าง คริสโตเฟอร์ ผมเปิดอ่านข้อความแรก
 
Christo: Good morning my sweetheart . Are you sleep well last night?
               I was dreaming of you.

          มาถึงก็หยอดแต่เช้าตรู่เลย ไม่ใช่ซิเรียกว่าแกล้งผมจะดีกว่า ทำมาเป็นบอกว่าฝันถึงผมแต่มันก็ทำให้ผมอมยิ้มเล็กๆก่อนจะคีย์ตอบกลับไปเช่นกันว่า

Khem: Good morning Christ . I had slept very well  last night but I didn't dreaming anything about you because I've so tired.
Christo: Oh! No!
Christo:   Can I call to you right now? 
 Christo : Please!! I need to talk to you.
 
Khem Ruk Karn   What for?
Christ-to   : Please!!!
Khem : Up to you!
          แอบคิดในใจที่อย่างนี้ทำมาเป็นพิมพ์ภาษาอังกฤษคุยกับผมนะ 
 
                  Rrrrrr เสียงมือถือของผมดังขึ้น เพราะว่ามีสายเข้า โดยนายคริสโตเฟอร์ ผมกดรับสายทั้งที่ผมตัวยังนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์เตียงนอนและชุดนอนเข้าเซ็ตกัน พี่ต้นซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด 
 
                       “อรุณสวัสดิ์ครับครู"  เสียงกวนแต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีมิใช่น้อย ก็เพราะว่าเมื่อวานผมรู้สึกแย่แย่มากที่ผมคือต้นเหตุที่ทำให้พี่ต้นกับพี่เกศรินทร์เขามีปัญหากัน ผมไม่เคยรู้สึกแย่เท่านี้เลยจริงๆ และคนที่ควรจะโทรมาหาผมก็ควรจะเป็นณัฐกานต์ที่เป็นแฟนของผมจริงๆ 
                       "อรุณสวัดดิ์คริส..ทำไมตื่นแต่เช้าละ"ผมถามคนปลายสายกลับไป
 
                       "แทบจะไม่ได้นอนจะเลยดีกว่า" คริสพูดบอกผมก็ใช้กำปั้นเท้าคางคิด ทำไมถึงไม่ได้นอนไปเที่ยวไหนหรือว่าไปขับรถเล่นที่ไหนทั้งคืนกันแน่ เด็กแว้นก็คงต้องมีสาวแว้นซ้อนท้ายซินะ ทำไมต้องรู้สึกแปลกๆเหมือนไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย (เหมือนอาการคนหึงนะ) ( ไม่จริงนะจะไปหึงเขาทำไม) (หึงแน่ ๆ) เถียงกับตัวเองก็เป็นนะเรานะ 
 
                       "เธอจะบอกว่าคิดถึงพี่เหรอเว้อไปแล้วคริส พี่คิดว่าที่เธอไม่ได้นอนคงเป็นเพราะขับรถไปแว้นที่ไหนมากกว่าและคงจะมีสาวซ้อนท้ายด้วยละซิ" ผมเผอถามนายคริสไป ไวจริงๆเลยปากผม 
 
                       "พี่เขมผมไม่ได้เอารถมานะ...จะไปแว้นได้ยังไงละและตอนนี้ผมไม่อยากได้สาวซ้อนท้ายแล้วด้วยผมนะอยากได้..หนุ่มคนที่ซ้อนท้ายลูกรักของผมวันก่อนมาซ้อนท้ายผมอีกมากกว่า"คริสโตเฟอร์พูดผมก้มหน้าลงกับหมอนเขินครับ คนนั้นคือผมเอง
 
                       "แบบว่าติดใจอะ..คิดแล้วเสียว..ยิ่งตอนที่เขาเอามือลูกหน้าท้องผมนะ.."
 
                       "ไม่ได้ลูบเลยแค่กอดเฉยๆ และที่กอดก็เพราะนายขับเร็วต่างหากพี่กลัวตกต่างหาก" ผมเงยหน้าจากหมอน
 
                       "จริงอะ! พอผมลดความเร็วลงทำไมพี่ยังกอดผมอยู่อะ.แน่นกว่าเดิมด้วย..อย่าเถียงเลยนะยอมรับมาเถอะ" ผมก็จนมุมจนได้
 
                       "อืม!..ยอมรับก็ได้พอใจหรือยังละ..และนี่ยังไม่ได้บอกพี่เลยว่าเธอแถบจะไม่ได้นอนเพราะอะไร"ผมถามคริสโตเฟอร์
 
                       "ก็คิดถึงพี่เขมนั้นแหละ คิดถึงมาก ..ยิ่งดึกๆนี้โคตรคิดถึงเลยอะเพราะว่าไอ้โป้งมันพาแฟนมานอนที่บ้านมันอะ ถึงจะคนละห้องกับผมก็เถอะ" ผมก็เริ่มขมวดคิ้วตัวเองจนเป็นปม มันเกี่ยวกับบอกว่าคิดถึงผมตรงไหนวะ
 
                       "คืออะไร..พี่ไม่เข้าใจ"
 
                       "ก็ไอ้โป้งมันไปรับแฟนมาอยู่กับมันอะพี่เขม" 
 
                       "ทำไมละหึงโป้งหรือไง"
 
                       "ผมจะหึงมันทำไมอะพี่ ..ไม่มีส่วนไหนให้น่าหึงสักนิดแต่ถ้าเป็นพี่ซิน่า..หึงเพราะว่าพี่มีทุกส่วนให้ผมหึง" 
 
                       "คริส!! “ ผมออกเสียงเรียกชื่อนายคริสผ่านมือถือของผม นายนี้มันกวนผมได้โล่จริงๆ 
 
                       “นี่นายจะพูดอะไรของนายพี่ยังไม่เข้าใจอยู่ดี" ผมกลับมาสู่โหมดสนทนาปกติ
 
                       "โป้งมันจะทำอะไรกับแฟนละครับพี่เขม เสียงเตียงดัง..อึ้ดอ้าด..อี้ดอ้าด.สนั่นทั้งคืนผมฟังไปคิดถึงพี่ไปด้วยและแอบจิ้นเป็นพี่กับผม "
 
                       "คริสโตเฟอร์..นายเลิกแกล้งพี่จะได้ไหม...รู้อย่างนี้ไม่น่ากดรับสายเลยจริงๆ" 
 
                       "ฮาๆ " เสียงหัวเราะของคนปลายสายน่าจริงๆ เลย เด็กบ้าเอ้ยดันมาคิดถึงผมตอนที่ได้ยินเสียงซาวน์เรทอาร์นี้นะ
 
                       "พี่เขมแต่ผมคิดถึงพี่เขมจริงๆนะไม่รู้เหมือนว่าทำไม และยิ่งต่อไปนี้พี่เขมจะไม่ไปทานข้าวกับผมแล้วด้วยอ่ะ” นายคริสโตเฟอร์พูด มันก็ยิ้ทำให้ผมคิดว่า ผมผูกผันกับเขามากไปไหม ผมกลัวใจตัวเองเหลือเกิน เพาะรักแบบนี้มันผิด
 
                       "พี่เขมผมอยากจะขอโทษพี่ตั้งแต่เมื่อวันแล้วว เรื่องที่ผมจูบพี่เขมนะ ผมขอโทษ"
 
                       "แล้วเธอทำทำไมละคริส" 
 
                       "ผมไม่รู้..รู้แต่ว่ามัน..พี่เขม ผม เออ..พี่อย่าให้ผมอธิบายเลยนะพี่ผมอธิบายไม่ถูกอะ..รู้แต่ว่าผมรู้สึกดีมาก..จริงๆ แม้จะแค่เกือบจูบ! " คริสโตเฟอร์พูดผมก็ยอมรับว่ามันรู้สึกดีเหมือนกันแต่ว่าผมมีณัฐกานต์อยู่แล้วนะซิ นี้แหละที่รู้สึกแย่ไปพร้อมๆกันด้วย และที่แย่ไปกว่านั้นอีกก็คือเขาเป็นเด็กนักเรียนของผม นักเรียนที่จูบอาจารย์ความรู้สึกแย่เพิ่มเป็นสองเท่าตัว 
 
                  "ผมเคยได้ยินมานะถ้าอยากรู้ว่าคนคนนั้นใช่หรือเปล่าให้ลองจูบดูแล้วจะรู้ได้ว่าใช่คนที่เราตามหาหรือเปล่า" คริสโตเฟอร์พูด ผมเงียบไปหลายนาทีอยู่ 
 
                  "แต่ครูมีแฟนแล้วผมรู้" นายคริสโตเฟอร์พูด 
 
                  "ผมจะกลับไปโรงเรียนวันนี้เลยูพี่เขม ไปกับไอ้โป้งแต่ไอ้โป้งมันแค่ไปส่งผมนะ ส่วนมันจะไปเที่ยวกับแฟนและเพื่อนของแฟนมันอะพี่เขม" คริสโตเฟอร์พูด ผมรู้สึกแปลกที่ได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ของคริสโตเฟอร์แต่ผมบอกกับณัฐกานต์เอาไว้ว่าจะไปหาหลังจากพาพวกผมแม่ไปทำบุญให้พ่อ
 
                       "ผมไม่อยากไป…" คริสโตเฟอร์พูดด้วยนำเสียงที่เบามาก
 
                       "พี่เขม.."น้ำเสียงที่เรียกชื่อผมนั้นเหมือนกับว่าเขากำลังอ้อนให้ผมไปหาเขา ผมเองก็พูดไม่ออกตอนนี้ ก็ผมรับ ปากกับณัฐกานต์จะไปหาหลังจากพาแม่ไปทำบุญที่วัดเสร็จ และตอนนี้ตัวเลือกของผมมันยากขึ้นมาซะอย่างนั้น ตัวเลือกที่จะกลับไปหาณัฐกานต์ที่ยังเป็นแฟนผม เพราะเรายังไม่ได้เลิกกันแต่แค่ความไว้ใจมันลดลง และอีกคนนักเรียนที่ผมรู้สึกดีและเขาก็เหมือนต้องการผม ...
                       “ฟู่” เสียงพ่นลมหายใจพร้อมกับมือประสานด้วยกัน ผมหนักใจขึ้นมาทันที
 
                       "ไม่เป็นไรหรอกครับพี่เขม พี่มีแฟนพี่ก็ต้องอยากอยู่กับแฟน ผมเข้าใจ ผมแค่คนไม่มีแฟน” นี้มันมามุขไหนอีกเนี๊ยะ รู้ไหมคนฟังหนักใจโว้ย!! แอบตะโกนในใจ 
 
                       "เหรอ.แต่ครูว่าเธอนะโสดกระปริบกระปรอยมากกว่ามั้ง"  ผมก็พูดไปแบบนั้นแหละ มันกลบเกลือนความรู้สึกตัวเอง
 
                       "พ่อเปิด..หาอาเข็ม!!"  เสียงหลานรักของผมและประตูถูกเปิดออกโดยพี่ชายคนโตพี่ต้นพี่้ต้นมองผมและชี้มาที่ตัวดีหลานชายของผม หลานชายตัวเล็กเดินลากตุ๊กตากระต่ายที่ผมซื้อให้ตอนแรกเกิดแต่พี่ต้นบอกให้เอาไว้ที่นี้เพราะว่าพี่เกศรินทร์เขาจะทิ้งถ้าเขาเห็น  ผมก็ไม่ว่าอะไรเอาไว้ให้หลานเล่นที่นี้ ดูท่าจะติดซะด้วย
 
                       "อาเข็ม!!" เอิร์ธเดินมาปืนขอบเตียงผม ผมก็ต้องลงไปอุ้มเอิร์ธขึ้นมานั่งบนเตียง 
 
                       "เสียงใครอะพี่เขม...พี่เขมมีลูกเหรอ..จริงดิ..."เสียงที่ดูตื่นเต้นของคนปล่ายสาย
 
                       "นี่เรามีลูกด้วยกันแล้วใช่ไหมพี่เขม..โอ้ว! เยส! " คริสโตเฟอร์และแสดงอาการดีใจผมนึกภาพออกเลยคงเป็นท่าเดียวกับที่เขาชู้ดลูกบาสลงห่วงไปนั้นแหละ
 
                       "จะบ้าเหรอคริส!! เด็กเขาเรียกอา นายก็ได้ยินอยู่ และพี่ไม่ใช่ปลากัดนะที่จะได้ท้องได้เพราะนั่งจ่องตานายนะ  " ผมพูดเสียงดังค้อนข้างดังทีเดียวผมลุกขึ้นยืนบนเตียงและเอิร์ธก็ลุกขึ้นเงยหน้ามองผมทำตาโต 
                       
                  "เออ....อาขอโทษนะครับเอิร์ธ" ผมรีบนั่ง]'ตรงหน้าหลานชาย  แบบว่าอาลืมตัวไป 

                  “นั้นไงยอมรับแล้วว่านั่งจ่องหน้าผม แอบคิดอะไรด้วยละซิ พี่เขม” นั้นไงหลุดเลยผม อายเข้าไปใหญ่และพอเงยหน้าขั้นมาหลานก็มองผมอีก -_?
 
                  “นี้ไม่ใช่ลูกพี่  เขาเป็นลูกของพี่ชายพี่เอง..ถ้าอย่างนั้นเอาไว้พี่โทรหาใหม่แล้วกันนะคริสเพราะว่าพี่ก็จะอาบน้ำแต่งตัวจะพาคุณแม่ไปทำบุญถวายอาหารพระที่วัดกัน"  ผมบอกคริสโตเฟอร์ 
 
                       "ครับได้ครับ .ผมส่งข้อความหานะอยากคุยกับพี่เขม""
 
                       "ได้ซิ" ผมตอบกลับไป
 
                       "บายครับ" และคริสโตเฟอร์ก็กดวางสายไป ทำไมผมใจหายที่ได้ยินว่าเขาจะกลับไปอยู่ที่โรงเรียนวันนี้ทั้งที่เพิ่งจะเป็นวันเสาร์เองนะ

                     ตื้ด!! มือถือผมสั่นทันที อย่าบอกนะว่าคริสโตเฟอร์นะ หรืออาจจะเป็นณัฐกานต์ก็ได้แต้โอกาศน้อยมากเพราะเช้ามากไปสำหรับหนุ่มทำงานออฟฟิตอย่างกานต์ ผมเปิดดู ปรากฏว่าเป็นคริสโตเฟอร์
 
Christo: ตกลงไม่ใช่ลูกผมกับครูแน่เหรอ? (เอ๊ะ! หมอนี่ยังมาถามผมอีก ผมหันไปมองเอิร์ธนั่งยิ้มตาหยีให้ผม )
  Khem:  ไม่ใช่!! และครูจะไปอาบน้ำแล้ว! ไม่คุยแล้ว ผมบอกคริสโตเฟอร์

 ทำไมครูที่เรียบร้อยอย่างผมทำไมถึงได้โคจรมาพบเด็กนักเรียนสุดเกรียนแบบนายได้นะ  นายคริสโตเฟอร์
 
 
           "ไงเอิร์ธมาหาอาแต่เช้าเลย...ชอบไหม..ชอบพี่กระต่ายหรือเปล่า" ผมล้มตัวลงนอนตะแคงข้างๆเอิร์ธ เขานอนกอดกระต่ายกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงของผม 
 
                       "เอิร์ธชอบ.แต่.แม่ไม่ชอบ.." เอิร์ธหันมาตอบผม พอได้ยินหลานรักบอกว่าชอบผมยิ้มดีใจแต่พอบอกว่าแม่ไม่ชอบนี้ผมก็ต้องหุบยิ้มทันที ผมเอามือลูบหัวเอิร์ทเบาๆ เด็กก็คือผ้าขาวบางถ้าแต่งเติมเสริมผิดๆมันก็จะมีแต่สิ่งผิดๆอยู่ในหัวเขาซินะ ผมจะไม่พูดสิ่งไม่ดีของแม่เขาเด็ดขาด
 
                       "ถ้าแม่ไม่ชอบก็เอาไว้เล่นที่นี้นะเอิร์ธอย่าเอาไปบ้านและนี้ขามันขาดแล้วอาจะซื้อตัวใหม่ให้ดีไหมครับ" ผมบอกหลานรักของผม 
 
                       "เอิร์ทลงไปหาย่ากับพ่อดีกว่าอาเขมจะได้แต่งตัว..พ่อบอกว่าวันนี้เราจะไปไหนกันครับ" พี่ต้นเรียกเอิร์ธ พี่ต้นแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
 
                       "บอกอาเขมซิ" พี่ต้นโน้มตัวลงลูบหัวเอิร์ธเบาๆ 
 
                       "ดูปลา..ปลาเยอะๆ"  เอิร์ธลุกขึ้นนั่งและกางแขนออกแปลว่าเยอะๆของเขานั้นแหละ
 
                       "ได้ครับ...ให้อาเขมอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะและอาจะได้พาเราไปดูปลากัน ไปให้อาหารปลาด้วยดีไหม" บอกเอิร์ธดูซิพยักหน้าและยิ้มตาหยีให้ผม 
 
               พี่ต้นอุ้มเอิร์ธออกไป ยิ่งผมเห็นพี่ชายและหลานผมแบบนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ผมเองก็มีส่วนทำให้ครอบครัวพี่ต้นเขามีปัญหากับพี่เกศรินทร์ แม้ว่าพี่ต้นจะบอกว่ามันมีปัญหาอื่นร่วมด้วยก็ตาม  แต่ปัญหาหลักๆมันก็มาจากผมนี้แหละ ยิ่งพี่ต้นรักผมมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้สึกผิดมากเท่านั้นต่อให้ผมเป็นน้องชายแท้ๆของพี่ต้นแต่พอมีครอบครัวพี่ต้น ดังนั้นพี่ต้นก็ควรจะเลือกครอบครัวก่อนมันถึงจะถูก     
 
         "ตื้ด!! เสียงแจ้งเตือนมีข้อความเข้า ผมหยิบมือถือพลิกดูว่าใคร ณัฐกานต์
 
           "อย่าลืมมาหากานต์นะที่รัก..เมื่อวานกานต์เคลียร์กับแม๊คแล้วนะ เราจะไม่เจอกันอีก กานต์รักเขมมากนะ มาหากานต์นะเขม  กานต์ปวดหัวมากเลย อยากทานข้าวต้มฝีมือเขมนะ ...และ..คิดถึงอยาก...จุด ..จุด..นะที่รักเขาสวมกางเกงขาสั้นชุดนอนที่เราซื้อมาเป็คแพ๊คคู่จำได้ไหม..ใส่คนเดียวไม่เหมือนคู่รักเลยอะ..มาหากานต์นะ"
ผมอ่านข้อความแต่ก็ไม่ได้ตอบกลับทันทีแต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะใช่จะรีบตอบ เพราะว่าถ้าช้ากลัวเหวียงและวีน แต่ตอนนี้ผมกลับน่ิ่งและคิดทบทวนคำพูดพี่ก้องตลอด และความรู้สึกของผมที่มีต่อการมันไม่เหมือนเดิมแล้วหลังจากที่ผมจับได้ว่าณัฐกานต์เริ่มจะไม่ซื่อสัตย์ นั้นแหละถึงได้เริ่มหันมามองตัวเองผมให้เขาเยอะไปหรือเปล่าเกินตัวไปหรือเปล่า อย่างที่พี่ก้องพูดบอกกับผม
 
         (  "รักเขามากเหรอ..มากกว่าตัวเองไปหรือเปล่า ????????" ที่พี่ก้องพูดก็ถูกนะ)

                ผมเดินลงมาที่ชั้นล่างของตัวบ้าน ผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะร่วนของพี่ก้องกับหลานเอิร์ธดังอยู่ตรงห้องรับแขก พี่ก้องหันมามองผมหยักคิ้วให้ผม  ลีลาการหยักคิ้วแบบนี้ทำให้ผมนึกถึงคริสโตเฟอร์ แล้วผมจะไปคิดถึงเขาทำไมบ่อยๆนะ   
         
           "ตื่นแล้วเหรอเขม..ฟ้อด!!! “แม่เดินมาหอมแก้มผมหนึ่งที
 
           "เอาละเราไปกันได้แล้วนะ ..น้องเอิร์ธไปลูกเราไปหาหลวงตากัน" แม่ผมเรียกเอิร์ธ พี่ก้องก็ปล่อยเอิร์ธลง และเอิร์ธก็รีบวิ่งมาหาแม่ผมทันที ผมเห็นรอยยิ้มของแม่ผมที่รักหลาน มันก็ทำให้ผมมีความสุข เพราะว่าผมคงไม่มีโอกาสหาผู้หญิงที่จะมามีหลานให้แม่ได้เหมือนพี่ต้นแน่ๆ 
 
           “ดูปลา..ย่าดูปลา” น้องเอิร์ธบอกแม่ผม เขาคงกลัวจะไม่ได้ไปดูละซิ 
 
       ผมช่วยพี่ๆถืออาหารออกไปใส่ไว้ในรถครอบครัวของของพี่ต้น พี่ต้นเป็นคนทำหน้าที่ขับรถ ผมก็ไปนั่งกับแม่ผม ผมเห็นแม่มีความสุขที่ลุูกๆอยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้ก็ไม่อยากจะทิ้งแม่ไปเลยเหมือนกัน 
 
                วัดที่แม่และพวกผมกำลังจะนำอาหารไปถวายอยู่ไม่ไกลอยู่ในเขตปริมณฑลนี้เอง และเป็นวัดที่พ่อกับแม่มาเป็นประจำทุกครั้งที่พ่อผมกลับมาบ้านตอนนั้นพ่อผมยังมีชีวิตอยู่ เพราะว่าลุงที่เป็นพี่ชายของพ่อผมเขาบวชเรียนอยูที่นี้ จำพรรษาอยู่ที่วัดนี้นานมากจนท่านได้ตำแหน่งท่านเจ้าคณะตำบล
 
                  พี่ต้นขับมาเกือบหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่  วัดที่ผมมานี้ค่อนข้างร่มรื่นมีต้นไม้เยอะมาก เงียบและสงบเหมาะแก่การมาถือศิลแม่ผมถ้าไม่ได้ไปไหนก็จะมาถือศิลกับป้าวิไลบ่อยๆ  บ้างทีก็มาบวชชีพราหมณ์กัน พวกผมก็ช่วยกันนำอาหารลงจากรถ และแม่ก็น่าจะบอกกับหลวงลุงไว้แล้วว่าจะพาพวกผมมาที่นี้ในวันนี้เพื่อนำอาหารมาถวายท่าน
 
                       "อาเข็ม..ดูปลา" เอิร์ธยกมือเล็กๆขึ้นมาสะกิดเรียกผมหงึกๆ   
 
                       “เรียกอาเขมซิ เรียกชื่ออาเพี้ยนอีกแล้วเรานะ” ผมก้มลงและใช้นิ้วยีจมูกหลานชายตัวน้อย 
 
                       “เปลี่ยนเป็นเข็มไปเลยซิวะ หลานจะได้ไม่ต้องเรียกผิดอีก..ฮาๆ” พี่ก้องผมหันพูด T_T เข็มนั้นชื่อผู้หญิงชัด ชัดเลย ผมหันไปไล่ทุบพี่ก้อง แม่ตั้งให้ว่าเขมก็ดีอยู่แล้วมาให้เปลี่ยนเป็นเข็มอีกน่าไหมละพี่ชายคนที่สองของผม
 
                       “ตาก้องนี้โตกันแล้วนะยังจะแกล้งน้องอีกเรานิ และเขมเราก็โตจนเป็นอาแล้วเหมือนกัน น่าจริงๆเลยสองอานี้ยังทำตัวเป็นเด็กๆอยู่ได้ อายหลานบ้างไหมเนี๊ยะ หึ! ”แม่ผมพูดและหัวเราะผมกับพี่ก้อง ผมโดนพี่ก้องแกล้งประจำ พี่ต้นไม่ค่อยแกล้งผมหรอกเพราะเราห่างกันมาก 
 
                       "ขึ้นไปหาหลวงตาก่อนนะลูกแล้วค่อยไปดูปลากับอาก้องและอาเขมนะลูก" แม่ผมก้มลงพูดกับเด็กน้อย ทำหน้าตามุ้ยตุ้ยทันที ผมก้มลงเอามือลูปหัว และพี่ต้นก็อุ้มลูกชายตัวเล็กขึ้นไปบนกุฏิ หลวงพ่อท่านนั่งรออยู่แล้วผมพากันคลานเข้าไปพร้อมกับนำอาหารไปวางไว้ตรงหน้าท่าน
 
                       "เจริญพรโยม เป็นไงบ้างละโยมรดา ดูหน้าตาผ่องใสขึ้นนะและนี้พาลูกชายกับหลานมาด้วยรึ ไม่ได้เจอกันนานเลยตั้งแต่โยมพิทักษ์เสียโตเป็นหนุ่มคงมีการมีงานทำกันแล้วละซิ" 
 
                       "ครับหลวงลุงพวกผมทำงานกันหมดแล้วครับ" พี่ต้นเป็นคนตอบ
 
                       "อืมถ้าโยมพิทักษ์ยังอยู่คงภูมิใจเราสามคนพี่น้องมากนะแต่ไม่เป็นไรต่อไปก็ดูแลแม่เราดีดีละ" 
 
                       "ครับหลวงลุง" 
 
                       "น้องเอิร์ธมาไหว้หลวงตาก่อนซิลูกดูซินั่งเบียดพ่อต้นใหญ่เลยมาหาย่ามาลูกมา" แม่ผมเรียกเอิร์ธแต่เอิร์ธไม่ยอมลงจากตักของพี่ต้นเพราะว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าหาคนแปลกหน้า 
 
                       "นี้ก็โตเร็วเหมือนกันเจอกันเมือไม่นามานี้เอง ตอนที่โยมรดามาทำบุญครบครอบหนึ่งปีให้โยมพิทักษ์นะ  ตอนนั้นเพิ่งจะนั่งได้ ยังออกมาคลานเล่นยังมานั่งเล่นนอนเอกเขนกเล่นอยู่เลยนะ  หึๆ “ หลวงลุงแซวหลานชายผม 
 
                       "วันนี้ไม่เข้าหากันซะแล้ว เป็นไงกลัวหลวงตารึ " หลวงพ่อพูดขำๆ หลานชายผม วันนี้นั่งเบียดพี่ต้นกอดพี่ต้นแน่นไม่ยอมออกไปหาหลวงลุง เหมือนที่เคยมาครั้งแรกตอนนั้นเอิร์ธเพิ่งจะนั่งได้   
 
                    เอิร์ธหันมานั่งกับผมตอนที่พี่ต้นและพี่ก้องช่วยแม่รดายกอาหารประเคนให้หลวงลุงก่อนจะถอยกลับมานั่งเเพื่อรับศิลรับพรกัน ระหว่างนั้นผมก็หันไปเจออีกครอบครัวหนึ่งที่กำลังคลานเข่าเข้ามาเช่นกันผู้หญิงนะเป็นคนไทยและผู้ชายต่างชาติพร้อมกับเด็กอีกสองคนหญิงและชาย เขาส่งยิ้มให้ครอบครัวผมอย่างเป็นมิตร พร้อมกับนำอาหารมาวางไว้เช่นกัน   
 
                       "ท่านค่ะอิฉันจะขอทำบุญให้คุณพี่พิทักษ์หน่อยนะคะ และคราวก่อนดิฉันเห็นว่าพัดลมตั้งโต๊ะของท่านมันชำรุดนะเจ้าค่ะ เลยซื้อมาใหม่มาถวายอันนี้ลูกๆดิฉันตั้งใจจะอุทิศให้คุณพี่พิทักษ์ด้วยค่ะ" แม่รดาบอกหลวงลุง และพี่ก้องก็ยกกล่องพัดลมวางไว้ตรงหน้าหลวงลุง
 
                       "ขอโทษนะคะ ..คุณพิทักษ์ นี้เขาเป็นนักการฑูตใช่ไหมคะ" ผู้หญิงคนที่คุกเข่าคลานเข้ามาที่หลังเข้ามาถามแม่ผมว่าเขารู้จักพ่อผมด้วย
 
 
                       "ใช่ค่ะ เขาเป็นนักการฑูตค่ะ"คุณแม่หันไปตอบ 
 
                       "เขาเสียแล้วเหรอคะ" พี่ผู้หญิงคนไทยคนนั้นรีบถามแม่ผมทันที
 
                       "ใช่ค่ะเสียไปได้ห้าปีแล้วค่ะ และนี้ลูกๆ ของดิฉันกับคุณพิทักษ์ค่ะ"แม่รดาพูดพร้อมกับหันมาแนะนำผมทั้งสามคนว่าเป็นลูกของพ่อ 
 
                       “น่าเสียดายนะคะ ดิฉันรู้จักท่านค่ะ สมัยที่ท่านไปเป็นักการทูตที่ประเทศออสเตรเลียคะ ตอนนั้นดิฉันเพิ่งจะย้ายไปอยู่กับแฟนค่ะ รู้จักท่านตั้งแต่ยังไม่ได้มีน้องเลยคะ “ ผู้หญิงคนนั้นพูดและหันไปชี้เด็กๆที่อายุน่าจะสิบห้าขวบได้แล้ว 
 
                       “ดิฉันชื่อพี่เก๋ค่ะ “ พี่เขาแนะนำตัว
 
                       “พอดีว่าช่วงนั้นก็รอวีซ่าคู่สมรสและก็ยังไม่ได้ทำงาน เพราะว่าต้องเรียนเอาใบประกอบก่อนค่ะและก็ได้ช่วยงานพี่สาวที่เคารพ เขาได้จัดตั้งกลุ่มต่อต้านความรุนแรงสำหรับสาวไทนที่ถูกทำร้ายคะ และท่านก็จะมาพบปะพูดคุยกัน ท่านกันเองมากเลยนะคะ “
 
                       “นี้ลูกๆของท่านหน้าตาดีกันทั้งสามคนเลยนะคะ” ผมก็ยิ้มให้ทันที 
 
                       “ดิฉันทราบข่าวแค่ว่าท่านป่วยและขอย้ายกลับไทย โดยมีคนใหม่มาแทนค่ะ เลยไม่ทราบว่าท่านเสีย” 
 
                       “ท่านหัวใจเต้นผิดปกติก่อนละนอนโรงพยาบาล ไม่นานท่านก็เกิดหัวใจวายและเสียชีวิตลงค่ะ ลูกคนเล็กก็เพิ่งจะเข้ามหาวิทยาลัย” แม่ผมพูดและชี้มาที่ผม 
 
                       “ท่านมีบุญคุณกับผู้หญิงไทยหลายคนเลยนะคะ ประสบการณ์ตัวเองนะคะ มีเพื่อนที่ได้แฟนฝรั่งเหมือนกันค่ะ และเขาก็ทำวีซ่าท่องเที่ยวไปหา เพื่อนก็ดีใจรีบบินไป เพื่อนก็คงคิดว่าเจอคนที่รักจริงแล้ว แต่ไม่ใช่ค่ะ พอไปถึงมันก็ไม่ให้เงินใช้ พอเมาก็อาระวาด แต่เพื่อนก็ทน จนกระทั้ง เพื่อนบอกทนไม่ไหว ทะเลาะกันยกใหญ่และผู้ชายไล่ออกจากบ้านในตอนกลางดึกเลยค่ะ “ 
 
                       “เพื่อนไม่รู้ว่าจะไปยังไงที่ไหน เพราะว่าดึกมาก ไม่มีรถ ไม่เหมือนในกรุงเทพ เพื่อนไปอยู่นั้นคือเมืองที่ห่างไกลจากตัวเมือง เมืองที่ไม่มีโรงพยาบาล ไม่มีห้างสรรพสินค้า “
 
                       “เพื่อนโทรหาดิฉัน ดิฉันก็เพิ่งจะย้ายไปอยู่อีกเมืองพอดี ไม่รู้จะทำยังไงดี ดิฉันได้เบอร์โทรท่านก็เลยตัดสินใจโทร ท่านได้รับทราบเรื่องก็บอกว่าจะจัดการให้เลยขอสถานที่เพื่อนอยู่”
 
                       “ไม่นานเพื่อนก็โทรกลับมาบอกว่าท่านะจะให้คนขับรถมารับไปบ้านพักฉุกเฉินคะ ท่านก็ให้เงินเพื่อนติดตัวไปสองสามร้อยดอลล่าห์ ก่อนที่จะให้ตำรวจไปคุยกับแฟนเขาเพื่อขอพาสสปอร์ตคืนและเพื่อนก็ได้กลับไทยอย่างปลอดภัย” 
 
                       “ท่านดีมากๆ ทุกครั้งที่พบปะพูดคุยคนไทย ท่านมักจะสอนเสมอให้ศึกษากฏหมายและคนทีมีสิทธิ์เรียนภาษาฟรี ส่วนใหญ่ก็ถือวีซ่าย้ายถิ่นฐาน ให้ไปเรียน เพราะว่าจะได้มีความรู้ เกี่ยวกับประเทศนี้กัน “  พี่เก๋พูด 
 
                       “ น่าเสียดายคนดีดีอย่างท่านนะคะ ท่านได้ช่วยไว้หลายคนเลย มีคนที่ถูกทำร้ายสำหรับคนทีไปแต่งงานหรือไปอยู่กับแฟน และมีวีซ่าทำงานที่ถูกนายจ้างเอาเปรียบก็มี “ พี่เก๋พูดชมพ่อพวกผมยกใหญ่ นี้ทำเอาพวกผมยิ้มดีใจกันหมด
 
                       “ทุกวันนี้พวกพี่ก็ยังคงจัดตั้งกลุ่มที่เอาไว้ช่วยเหลือคนไทยด้วยกันนะคะ พวกพี่รักที่จะดำเนินตามท่านกันค่ะ” พี่เก๋พูด 
   
                       “พอดีวันนี้จะบินกลับเลยพาลูกๆและแฟนมาทำบุญก่อนบินกลับค่ะ”
 
                       “พี่อยู่ที่รัฐไหนครับที่ออสเตรเลีย” ผมถามพี่เก๋ 
 
                       “พี่อยู่บริสเบนค่ะ เพิ่งย้ายมากจาก เพิร์ทค่ะ ตอนนี้ทำงานที่ศูนย์เดย์แคร์ค่ะ ดูแลเด็กๆ “ พี่เก๋บอกผม ผมพยักหน้ากัน 
 
                       "ไปดูปลา" เด็กน้อยแก้มป่องทำท่าจะไม่ยอมอยู่นี้  ร้องแต่จะไปดูปลา ทำหน้ามุ้ยด้วยแก้มก็ป่องจนจะเป็นปลาปักเป้าอยู่แล้ว พี่ต้นเห็นว่าเอิร์ธเริ่มงอแงตามประสาเด็ก ก็เลยพยักหน้าว่าให้ผมพาลงไปก่อน
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนEP.6.1ผมควรจะเลือกทางไหนความรัก4 ปี
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 03-08-2020 19:12:09
                 
EP.6.1 ผมควรจะเลือกทางไหนความรัก 4 ปี หรือว่าจะไปเริ่มต้นใหม่

               ผมจูงมือเอิร์ธลงไปที่ด้านหน้าของวัดพี่ก้องก็ลุกเดินตามผมออกไปด้วย ปล่อยให้แม่พี่ต้นคุยกับผู้หญิงนั้น  พ่อนะเล่าให้ฟังผมฟังอยู่บ่อยๆ ว่าทุกประเทศที่ไปต้องมีคนไทยที่ได้รับความเดือนและพ่อก็มักจะยื่นมือเข้าไปช่วยอยู่เสมอ 
 
                ผมกับพี่ก้องพาหลานตัวแสบไปดูปลาและให้อาหารปลาตามคำเรียกร้องของเอิร์ธเพราะถ้าอยู่นานๆหลานจะกลายเป็นปลาปักเป้าไปซะก่อนทำแก้มป่องซะหน้ากลมเชียว 
 
                ผมยืนมองเอิร์ธเหวี่ยงอาหารปลากับพี่ก้อง พี่ก้องนะเขารักเด็ก เวลาเขาไปประจำการที่ไหนเด็กติดตามเป็นขบวนชอบถ่ายรูปกับเด็กๆอัพรูปส่งมาให้ผมดูประจำ แม้กระทั้งตอนที่ไปเป็นกำลังหนุนในประเทศอัฟกานิสถานก็ยังมีรูปถ่ายกับกลุ่มเด็กๆที่นั้น ถ้ามีลูกพี่ก้องต้องรักลูกมากๆเช่นกัน 
 
                ตื้ด!! เสียงข้อความอีกแล้วผมก็หยิบขึ้นมาดู คริสโตเฟอร์ส่งรูปถ่ายเขามาให้ผมดู เขากำลังขับรถอยู่คงจะเป็นรถของโป้งมากกว่า
 
Christo = ผมกำลังจะกลับครับครู ครูทำอะไรอยู่?
Khem =   กำลังให้อาหารปลาอยู่ที่หน้าวัด
Christo=  โห่!! ใจบุญแบบนี้ขอมาเป็นพ่อพระในใจคริสสักคนได้ปะ และคริสจะทำบุญด้วย
                     ทุกวันเลยจะได้เกิดมาคู่กันทุกชาติไป"
Khem = นายนี้นะจะทำบุญ
Christo=ใช่คร๊าปเห็นหน้าตาผมแบบนี้ ใจผมหล่อนะครู น้องหมาที่โรงเรียนมีข้าวกินทุกวัน
                  (ผมนึกขึ้นได้กระป๋องที่วางอยู่อย่าบอกนะว่านายคริสโตเฟอร์เอง)
Christo=และถ้ายิ่งให้ทำกับครูนะ ผมขอทำบุญด้วยหัวใจผมเลยครับและแถมจูบให้ด้วยทุกวัน 
                        โปรโมชั่นนี้ไม่มีบ่อยนะครับครู (นี้ผมกำลังถูกเด็กจีบใช่ไหม)
Khem = ถ้าเป็นแบบนี้นายไม่ต้องทำหรอกครูไม่ได้อยากได้จูบจากนายสักกหน่อย 
                    นายนี้มันทะลึ่งกับครูตลอด...อันนี้บาป
Christo= แต่ผมรู้ว่าผมก็ทำให้ครูเขินทุกครั้งที่ผมส่งข้อความหานะ >///<  ทำให้ครู
                     ยิ้มอันนี้ไม่บาปหรอกมั้งครับ 

               ผมยืนยิ้มแก้มแทบปริอยู่คนเดียวก็ข้อความกวนๆไม่ได้กวนตรีนนะแต่มันกวนแบบชวนให้อมยิ้มมากกว่า นานแล้วนะที่ไม่ได้รับข้อความแบบนี้มันเคยเกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อนตอนจีบณัฐกานต์ใหม่รักผมกับกานต์มันเก่าไปแล้วใช่มั้ย   
 
                       "อาเข็ม" ผมสะดุ้งลืมไปเลยว่าอยู่กับหลาน เอิร์ธแตะมือผมและเงยหน้าขึ้นมามองผมทำหน้างง ว่าผมทำไมผมถึงยืนยิ้มคนเดียวละซิ  กระพริบตาปริบๆ ผมต้องยกมือขึ้นมาเกาหัวแก้เขินเล็กน้อย อายหลานเหมือนกันนะ 


Khem = คริสแค่นี้ก่อนนะครูเลี้ยงหลานอยู่ด้วยและก็ให้อาหารปลาด้วย และเราก็ขับรถอยู่
                   ไว้ค่อยคุยกันนะถึงแล้วก็ได้โทรหาครูจะได้รู้ว่าเราถึงอย่างปลอดภัย
Christo=รับทราบคับครู ...ปล.อยากรู้ละซิว่าผมจะอยู่กับใคร? 
Khem = ไม่อยากรู้ว่าอยู่กับใครแค่...ถึงโรงเรียนปลอดภัยแค่นั้นแหละ
Christo= ครับผม... (ส่งรูปส่งจูบมาให้)
                              นักเรียนบ้านอะไรเขาส่งให้ครูแบบนี้วะเนี๊ยะผมแอบคิดในใจแต่มันก็ทำให้ผมยิ้มได้ อยากน้อยก็ยังมีเรื่องดีอยู่บ้างแหละนะเขม ผมเคยคิดแต่ว่าคบเด็กสร้างบ้านเลยไม่สนใจจะมีแฟนเด็กเห็นทีคงต้องคิดใหม่ 
 
                      "เป็นอะไรวะเขม...พี่ไม่ค่อยได้เห็นนายยิ้มแบบนี้นานแล้วนะ..มีกิ๊กเหรอ" พี่ก้องเข้ามากระซิบที่ข้างหูผม พ่อผมหันมามองพี่ก้องมายืนอยู่ทางด้านหลังผมและกำลังชะโงกหน้าอ่านข้อความที่คริสโตเฟอร์
 
                      "เห้ย! ..พี่ก้องห้ามแอบดู" ผมเบี่ยงมือถือหนีพี่ก้อง พี่ก้องก็แย้งยื้อจะดูของผมอีก
 
                      "อ่านหน่อยนะ..โอ้ย! มีส่ง..จูบให้ด้วย..ใครอะ" พี่ก้องถามผม ผมมองหน้าพี่ก้องเบื่อผู้กองที่เก่งคนนี้จริงๆเลย เก่งเรื่องสอดแนมสมกับที่เคยอยู่หน่วยสอดแนมของกองทัพบกมมาก่อน 
 
                      "ช่าย..อาเข็มยิ้มกับกระป๋องด้วยน่า ...ไม่เห็นจะมีอะไรเลย” เอิร์ธพูดก็ผมกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านข้อความของคริสโตเฟอร์และกระป๋องมันก็อยู่ข้างใต้ผมพอดีแถมมันก็กระป๋องเปล่าๆซะด้วย หลานนี้ก็อีกคน ตาเอิร์ธ ที่กำลังเงยหน้ามองผมกระพริบตาปริปๆ
 
                      "นายจนมุมแล้วแหละเขม..สาระภาพมาซะดีดี และพี่เดาว่าไม่ใช่ณัฐกานต์แน่นอน อาการมันเหมือนคนมีรักใหม่ๆ " พี่ก้องพูด 
 
                      “รักใหม่ที่ไหน ยังไม่ใช่ซะหน่อยอย่ามาหาเรื่องน้องเลยนะ” ผมพูดเดินวนหนีพี่ก้อง พี่ก้องชี้โบ้ชี้เบ้ให้เอิร์ธช่วยจับผมแน่ๆ 
 
                      "แบบกำลังซู่ซ่าอะไรแบบนี้" พี่ก้องพูดหยักคิ้วสองทีติด ผมหันไปมองพี่ชายทำท่าจะหันหลังออก
 
                      “หมับ”  เอิร์ธกระโดดกอดขาผม ผมจะสะบัดหลานตัวเองได้ยังไงเล่าไอ้พี่ก้องนะไอ้พี่ก้อง 
 
                      "ได้นายไม่บอกพี่ดีดีใช่มั้ย..เขม"  พี่ก้องพูดถลกแขนเสื้อ อย่าบอกนะว่าจะคั้นความลับจากผมแบบตอนเด็กนะ แถมยังได้ผู้ช่วยเป็นหลานตัวแสบผมด้วยนะ กอดขาผมแบบนั่งทิ้งน้ำหนักทั้งตัวถ่วงผมไว้แบบนี้จะขยับไปไหนได้ละ 
 
                      "พี่ก้องอย่านะ..ฮาๆ...ไม่เอาพี่ก้อง..ฮาๆ "  พี่ก้องจี้เอวผม ผมเป็นคนบ้าจี้มาก จะวิ่งหนีก็ไม่ได้หลานกอดขาผมอยู่ เขาเรียกว่าโดนอากับหลานลุมใช่ไหมเนี๊ยะ   
 
                      "นายจะบอกพี่ได้หรือยัง...เขม" 
 
                      "คิก คิก คิก" หลานเอิร์ธของผม 
 
                      "พอแล้วพี่ก้องบอกแล้วหยุดก่อนดิ...พี่ก้อง ฮาๆ " 
 
                      "เร็วรีบบอกมาไม่งั้นพี่จะให้พี่ต้นคาดคั้นนายนะ" พี่ก้องเอาพี่ต้นมาขู่อีกแล้ว
 
                      “บอกแล้วจริงๆ ..หยุดจี้เอวมก่อนดิพี่ก้อง...” 
 
                      "เด็กนักเรียนที่เขมไปเป็นครูสอนนะ" ผมเลยต้องบอกจนได้ 
 
                      "เห้ย!! เด็กจีบเหรอ..แรงนะน้องพี่"
 
                      "เด็กเกรียนด้วย ผมเองก็ไม่แน่ใจบางทีเขาอาจจะแกล้งผมก็ได้มั้งพี่ก้อง" ผมพูด พี่ก้องเอามือเท้าซะเอวและทำท่าคิด คิด
 
                      "เพราะเขาบอกว่าเขาไม่ใช่เกย์นะพี่ก้อง" 
   
                      "พี่ก็ไม่ได้เป็นนิ" พี่ก้องพูด ผมหันไปเหล่นี้ยังไม่เป็นอีกเหรอเมื่อวานก็เห็นเต็มๆสองตาแล้วนะ 
 
                      "ยังไม่เป็นเต็มตัวแต่ก็เริ่มชอบผู้ชายแล้วละ..เอ๊ะหรือว่าเป็นวะ..แสดงว่าพี่ติดมาจากนายนั้นแหละเขม “ พี่ก้องพูด ผมหันไปมองพี่ก้องเกี่ยวอะไรกับผม
 
                      “ที่จริงชอบผู้ชายด้วยกันมันก็ดีไปอีกแบบน่ะเหมือนอยู่กับเพื่อนและแฟนในคนคนเดียวกัน มันเหมือนเจอคนที่มีเคมีตรงกัน มีงอนบ้างแต่ไม่เท่าผู้หญิงวะ" พี่ก้องพูด ผมหันไปเหล่ตามอง 
 
                      "อยู่ด้วยแล้วมีความสุขมันก็โอเคแล้วเผลอๆจะมีความสุขกว่าอยู่กับผู้หญิงอีก แต่ก็ไม่ได้ว่าผู้หญิงทุกคนอยู่ด้วยไม่มีความสุขนะแค่..บางคน" 
 
                       "คือแบบว่าคุยกันง่าย ไม่งอแง ไม่ต้องมาตามเอาใจยี่สิบสี่ชั่วโมงและอีกอย่างเพศเดียวกันด้วยมั้งมันเลยเข้าใจกันง่ายกว่าไม่ต้องมานั่งอธิบายอะไรมาก" พี่ก้องยืนเอามือล้วงกระเป๋า ผมพยักหน้าบางที่มันใช่นะ
 
                       "ลองเปิดใจดูก็ดีนะเขม...พี่ก็ไม่ได้สนับสนุนให้เราเป็นคนนอกใจนะ...แต่เพื่อบางทีนายอาจจะพบใครบางคนที่ทำให้นายพบความสุขที่แท้จริงๆก็ได้นะ เพราะทุกวันนี้ที่นายเป็นอยู่นะพี่ว่าไม่ใช่เลยเขม" พี่ก้องพูดสีหน้าซีเรียสพอสมควร 
 
                       "..แต่ว่า.."
 
                       "คบมานาน..เคยได้ยินไหมรักไม่ต้องการเวลานะเขม เวลาที่สะสมมาไมได้พิสูจน์นะว่านั้นคือรักแท้จริงๆ " พี่ก้องพูด 
 
                       "แต่เวลาก็สามารถที่จะพิสูจน์ได้แค่ว่าใครกันที่จะอยู่ข้างๆนายได้จริง สิ่งสำคัญของคนรักกันคือการไม่นอกใจหรือนอกกาย"พี่ก้องพูดผมเห็นพี่ก้องพูดแบบนี้กับผมบ่อยเหมือนกันผมเพิ่งจะเข้าใจว่ามันคืออดีตที่พี่ก้องต้องเจอมาพี่ก้องคงไม่อยากให้ผมเหมือนพี่และผมก็ยังไม่ได้เล่าให้พี่ก้องฟังด้วยเรื่องที่ณัฐกานต์เขานอกกายผมไปแล้ว ผมเงยหน้ามองพี่ก้อง ผมควรจะบอกเรื่องนั้นไหมไม่ดีกว่า
 
                       "ถามใจตัวเองซิว่าที่นายทำอยู่ตรงนี้นะเพื่ออะไร..มีความสุขแล้วจริงๆแน่เหรอ และที่ทำให้เขานะเขาคิดว่ามันมีค่าพอไหม สำหรับณัฐกานต์ ”ก้องถามผม

                       “ฟู่” ผมก็ต้องพ่นลมทางปาก 
 
                       "พี่รักน้องนะเพราะว่าพี่เจอมาแล้ว สี่ปีที่ทุ่มไป สุดท้ายเหลือแค่ความว่างเปล่า" พี่ก้องพูดผมก็ว่ามันก็ถูกณัฐกานต์ที่ผมรู้จักกับตอนนี้มันเหมือนไม่ใช่คนเดียวกันเลย เขาเปลี่ยนไปมาก
                  “ก้อง เขม พาหลานกลับบ้านกันเถอะลูก พี่ต้นเขาจะขับรถกลับวันนี้เลย” แม่เดินมาบอกผมสองคน ผมหันไปมองแม่และพาเอิร์ธเดินไปที่รถของพี่ต้นที่จอดอยู่ด้านหน้ากุฏิของหลวงลุง พี่ต้นถือโทรศัพท์อยู่ ทำท่าเหมือนกำลังพยายามโทรหาใครสักคน พี่ต้นกดแล้วกดอีกอยู่แบบนั้นอยู่หลายรอบ

                       "เป็นยังไง..ติดต่อหนูเกศได้ไหม..ทำเพื่อลูกนะต้น..ไหนๆเธอก็เป็นแม่ของตาเอิร์ธแล้วอยู่ด้วยกันมาขนาดนี้ อย่าให้มันมาพังลงเพราะแม่หรือน้องเลยนะต้น" แม่หันไปพูดกับพี่ต้น ผมก็พยักหน้าเห็นด้วยเพราะผมรู้ว่ายังไงตาเอิร์ธก็รักแม่ของเขาเหมือนกัน ถึงแม้จะแอบกลัวจนตัวสั่นบ้าง

                       “คิดถึงลูกพี่ก่อนนะพี่ต้น ผมขอนะ ” ผมพูดกับพี่ต้น พี่ต้นหันมามองผมด้วยสีหน้าที่หนักใจ

                       "พี่ต้นไปง้อพี่เกศเถอะนะพี่ พี่ควรเลือกเขาส่วนผมเป็นน้องพี่ยังไงก็ยังคงเป็นน้องพี่ไปตลอด ทำเพื่อเอิร์ธนะพี่ต้น" ผมพร้ำบอกพี่ต้นอีกครั้ง พี่ต้นยืนถอนหายใจก่อนจะหันมาพยักหน้าเบาๆ กับผม พี่ก้องที่ยืนข้างๆตบไหล่พี่ต้นเบาๆ
       
                    ผมเห็นเอิร์ธหันไปมองพ่อแม่ลูก ผู้หญิงที่บอกว่าเขารู้จักพ่อผมตั้งแต่ตอนที่พ่อผมไปเป็นนักการทูต พวกเขากำลังเดินลงมาพร้อมกัน มันดูช่างอบอุ่นในสายตาเอิร์ธแน่ๆ  ผมก็คงเดาได้ไม่ยากว่าเอิร์ธเองก็อยากได้แบบนั้น
       
        พี่ก้องเป็นคนขับรถกลับแทนพี่ต้น ผมนะไม่ชอบขับรถของพี่ต้น รถพี่ต้นมันใหญ่และใหม่ด้วย รถฟอร์จูนเนอร์ราคาแพง ผมขับไม่ถนัด แต่พี่ก้องก็ขับได้สบายอยู่แล้วขนาดฮัมรีพี่ก้องก็ขับมาแล้วนิจะกลัวอะไรละ เอิร์ธก็หลับปุ่ยอยู่กับอกพี่ต้น เห็นแล้วก็อดที่จะสงสารหลานไม่ได้ ถ้าไม่มีพี่เกศรินทร์ใครจะดูตาเอิร์ธละ พี่ต้นต้องทำงานทุกวัน

           "พี่ขอโทษนะเขม" พี่ต้นหันมาพูดกับผม

           "มันไม่ใช่ความผิดของพี่และสำหรับพี่ก็ยังเป็นพี่ชายที่เขมรักเสมอพี่ต้น" ผมหันไปบอกพี่ต้น และเข้าไปกอด พี่ต้นก็กอดผมตอบ

             พอกลับมาถึงบ้านพี่ต้นก็อุ้มตาเอิร์ธกลับไปนอนด้านใน พวกผมนั่งทานอาหารเที่ยงด้วยกันก่อนที่จะแยกย้ายกันไปพี่ก้องบอกว่าต้องกลับวันนี้พี่ก้องจะขับรถไปเองแต่จะไปกับพี่นครินทร์และแม่ก็คงเหงาอีกแล้ว

                ผมเหลือบมองโทรศํพท์นี้ณัฐกานต์ยังไม่คิดจะโทรหาผมเช่นกันผมก็ไม่โทรไปเหมือนเช่นทุกครั้ง หรือยังไม่ตื่นก็ไม่รู้เมื่อคืนคงเมากันหมดสภาพและเท่าที่ผมเดา ผมก็นั่งหมุนโทรศํพท์เล่นที่ผมหมุนไม่ได้กังวลเรื่องณัฐกานต์นะผมดันคิดถึง คริสโตเฟอร์ ทำไมผมคิดถึงเขานะ นายคริส

                       "สวัสดีครับแม่" พี่นครินทร์เดินเข้ามาในบ้าน พี่เขาแต่งเครื่องแบบทหารมาดูแตกต่างจากเมื่อวานมาก ที่พี่มาแบบชุดลำลองแต่พอแต่งเครื่องดูหล่อเท่สมาร์ทขึ้นมาทันทีพี่ก้องมีคู่แข่งแล้วแหละ พี่ก้องเดินลงมาจากชั้นบนพี่ก้องแต่งเครื่องแบบทหารเหมือนกันด้วย

                       "จะกลับกันเลยแล้วเหรอลูก ก้อง รินทร์..และขับกันไปเองด้วยใช่มั้ย" แม่ถามพี่ก้องและพี่นครินทร์

                       "ครับแม่แต่ไม่เป็นไรผมกับรินทร์นะผลัดกันขับได้ครับ....แม่ไม่ต้องเป็นหวง" พี่ก้องพูดและเดินเข้าไปสวมกอดแม่รดา

                       "ทานอะไรมาหรือยังครับคุณรินทร์"พี่ก้องถามพี่นครินทร์

                       "ทานแล้วครับคุณก้อง รินทร์ไปทานกับคุณพ่อคุณแม่ก่อนจะออกมารับคุณนะ" พี่นครินทร์หันมาตอบ พี่

                       "คุณก้อง"

                       "คุณติดกระดุมไขว้กันนะ ประจำเลยนะคุณนะ ผมต้องแก้ให้คุณแบบนี้บ่อยๆ คราวหน้าอย่าให้ผมต้องทำอีกนะครับ " พี่นครินทร์เรียกพี่ก้องไว้เพราะว่าเขาติดกระดุมไขว้กันจริงๆด้วย ภาพผู้ชายแก้กระดุมให้อีกคนมันน่ารักมากเลยนะและติดกลับให้ใหม่ ผมนั่งมอง

                       “เปรี๊ยะ!!!!” เสียงดีดนิ้วใส่หน้าผม ทำให้ผมต้องตื่นจากภวังค์ ผมกลับนึกถึงตอนที่ผมกำลังหาที่ติดล๊อกหมวกกันน๊อคและนายคริสโตเฟอร์เองก็เป็นคนติดให้ผม

                       "อิจฉาเหรอ" พี่ก้อง ผมพยักหน้า ยิ้มบางๆให้พี่ชาย

                       "เปล่าก็แค่..ไม่เคยเห็น..กับพี่นะ" ผมเอามือเท้าคางมองพี่ก้อง

                       "ก้องนี้นะแม่ทำไว้ให้เอาไปทานกันนะลูก" แม่ทำขนมเม็ดขนุนแม่รู้ว่าพี่ก้องชอบทาน

                       "แม่ทำเองเหรอครับน่าทานมากเลยครับ..ขนมเม็ดขนุนใช่ไหมครับแม่ " พี่นครินทร์เอ่ยปากชมแม่ผมทันทีแม่ผมส่งกล่องขนมนั้นให้ไป

                       "จร๊า..ขับรถกันดีดีนะลูก..อย่าขับเร็วละก้องแม่เป็นหวง.และมาทานข้าวกับแม่ด้วยละ ลูกรินทร์ แม่ขอโทษเรื่องเมื่อวานอย่าไปถือสาแม่เกศรินทร์เขาเลยนะ" แม่พูดแม่ขอโทษแทนพี่เกศ พี่นครินทร์พยักหน้าและเข้ามากอดแม่ผมเหมือนเป็นแม่ของพี่เขาเอง

                       “ครับคุณแม่ “ พี่นครินทร์ยกมือไหว้แม่ผม พี่เขาช่างมารยาทแตกต่างกับพี่เกศรินทร์ตอนนี้สิ้นเชิง

                       “พระคุ้มครองให้ปลอดภัยกันทั้งคู่นะลูกนะ” แม่ผมพูดพี่ก้องและพี่นครินทร์ก็พากันพนมมือรับพรจากแม่ของผมกัน 

                            แม่ผมนะเขาเป็นคนใจดีมีเมตตาไม่เคยคิดร้ายต่อใครเลย ลูกรักใครแม่ก็รักคนนั้นแม่เป็นแบบนี้มาต้ั้งนานแล้ว พี่ก้องกับพี่นครินทร์ยกมือไหว้ลาแม่ แม่ผมก็หอมที่หัวพี่ก้องเห็นแววตาแม่ยิ้มมีความสุขแต่ผมรู้ว่าปนไปด้วยความหวงใย ที่พี่ก้องไปนะอันตรายแค่ไหนแต่พี่ก้องเขาเลือกเดินที่จะเดินทางนี้

                       "พี่ต้น ..ก้องกลับแล้วนะพี่" พี่ต้นเดินออกมาจากห้องหยิบกระเป๋าเดินทางออกมาด้วย

                       "ก้อง...รักษาตัวด้วยนะ พี่เป็นห่วง..โทรหาพี่บ้างจะได้รู้ว่านายสบายดี"พี่ต้นเดินไปบอกพี่ก้องและสวมกอดเบาๆ

                       "ครับพี่..ผมโอเค" พี่ก้องพูดบอกพี่ต้น

                       "คุณรินทร์พี่ฝากน้องชายบ้าระห่ำพี่คนนี้นะ" พี่ต้นหันไปฝากพี่ก้องกับพี่นครินทร์

                       "ได้ครับ..แต่ผมไม่รู้ว่าจะหยุดความบ้ารำห่ำของเขาได้ไหมนะซิครับพี่ต้น..ทั้งหน่วยกลัวคนนี้คนเดียวเลยครับพี่ต้น ไม่ใช่แค่หัวหน้าธรรมดาแต่เป็นถึงหัวหน้าสายบ้าระหำเลยทีเดียวละครับ เพราะว่าพาลุยแหลกทุกงาน" พี่นครินทร์พูดและหันมาขำพี่ก้อง ผมกับพี่ต้นรู้ดีเลยว่าพี่ก้องผมนะผู้กองขาลุยขนาดไหน นี้แม่ผมขอไว้นะไม่งั้นหนักกว่านี้นะผมว่า

                      "เขมพี่ไปนะ..มีอะไรส่งข้อความหาพี่ละ" พี่ก้องหันมาบอกผมก่อนจะพากันเดินออกไป ผมหันหน้ามามองพี่ต้น พี่ต้นก็กำลังจะออกเดินทางเช่นกันตาเอิร์ธเดินออกมาและกอดตุ๊กตากระต่ายออกมาด้วย

                       "พี่กลับแล้วนะเขม..มีอะไรโทรหาพี่นะ..ดูแลตัวเอง..ดูเราผอมไปนะ..ถ้าลำบากให้พี่ช่วยหาโรงเรียนใกล้ๆให้ก็บอกนะ และเราจะได้กลับมาอยู่กับแม่" พี่ต้นหันบอกผม ผมพยักหน้าแค่นั้น แต่ผมก็ไม่รู้ว่าตอนนี้อยากย้ายมาหรือเปล่านะซิ เพราะผมไม่อยากรับรู้เรื่องราวต่างๆที่ณัฐกานต์ทำไว้แล้วซิผม และนี้อาจจะดีถ้าผมกับเขาอยู่ห่างๆกันบ้าง

                       "ไม่เป็นไรหรอกแม่อยู่ได้มีป้าวิลัยเป็นเพื่อนนี้ก็ว่าจะไปทอดกฐินสามัครคีกัน..แม่รู้ว่าลูกๆของแม่ต้องทำงานขอแค่กลับมาทานข้าวกับแม่บ้างก็พอแล้ว" แม่พูดและเข้ามากอดผมกับพี่ต้น

                       "น้องเอิร์ธ ..กลับไปถึงบ้านเข้าไปกอดคุณแม่เกศนะลูกนะ..ช่วยคุณพ่อเขาง้อคุณแม่หน่อย" แม่ย่อตัวลงเอามือลูปใบหน้าเอิร์ธที่เพิ่งจะตื่นนอนมายังงัวเงียอยู่เลย

                       "แล้วแม่เกศจะไม่ตีเอิร์ธอีกเหรอคุณย่า...เอิร์ธกลัว..เอิร์ธก็เจ็บ..แต่แม่ก็ยังตี" ผมไม่อยากจะได้ยินเลยว่าเขาทำร้ายลูกตัวเองเพราะว่าเขาเกลียดผมนี่นะ ผมไม่กล้าก้มลงมองหน้าหลานเลยจริงๆ แม่ผมรับตุ๊กตากระต่ายคืนจากเอิร์ธ 

                       "ไม่ตีหรอกลูก..แล้วที่แม่ตีหนูดื้อหรือเปล่าละเอิร์ธ" แม่ผมก้มลงถามเอิร์ธ ผมก็มองเขา แววตาใสซื่อคู่นั้น

                       "เอิร์ธแค่หิวนม...แต่พ่อไม่อยู่..แม่ก็ตี..พี่มะแตรก็ห้ามไม่ให้แม่ตี” เอิร์ธยืนกอดอกพูดและก้มหน้าเหมือนเขารู้สึกผิด

                       “พี่มะแตไม่อยู่แล้วนะคุณย่า "ผมได้ฟังแบบนี้แล้วก็ใจหาย พี่ต้นหันหลังให้เอิร์ธผมว่าพี่ต้นก็เครียดนะผมนี้เห็นใจเลยทั้งงานและครอบครัวอีก แม่ก็มองหน้าพี่ต้น มันทำอะไรมากไม่หรอกเพราะว่านั้นคือครอบครัวของเขา ต่อให้คนตรงหน้าและที่ยืนข้างๆผมเป็นหลานแท้ๆก็เถอะ ผมย่อตัวลงกอดตาเอิร์ธ

                       "อาขอโทษนะครับเอิร์ธ" ผมย่อตัวลงตับไหล่เอิร์ธ มองไปในแววตาใสซื่อคู่นั้น

                       "พ่อบอกว่าไม่ให้โกรธอาเข็มแต่เอิร์ธก็ยังไม่เข้าใจ...เอิร์ธรักขาเข็ม" เอิร์ธพูดผมดึงร่างเล็กๆเข้ามากอด

                       "เอาละไปกันได้แล้วลูกเดี๋ยวพ่อจะถึงบ้านมืด..แม่ครับต้นไปนะครับแม่..ถึงแล้วต้นจะโทรหานะครับ..ต้นรักแม่..ไม่นานต้นจะกลับมาอยู่กับแม่" พี่ต้นเข้าไปกอดแม่และหันมาแตะหัวผม

                     ผมอุ้มตาเอิร์ธออกไปส่งให้พี่ต้น พี่ต้นให้ตาเอิร์ธนั่งเบาะหลังจะมีเบาะสำหรับเด็กซึ่งมันปลอดภัยกว่าและมีเครื่องเล่นดีวีดีตาเอิร์ธนะเป็นเด็กฉลาดเขาเปิดเองได้เปลี่ยนแผ่นเองได้ ดูซิพอผมอุ้มเข้าไปนั่งก็จัดการเปิดกระเป๋าซีดีเลือกแผ่นการ์ตูนที่ชอบดูขวดนมและขวดน้ำใส่กระเป๋าวางพี่ต้นใส่กระเป๋าวางไว้ใกล้ด้วย เอิร์ธเป็นเด็กที่ไม่งอแงกับพี่ต้นเลยสักนิดเหมือนเขาจะรู้ดีว่าพ่อของเขาเจอเรื่องวุ่นวายภายในบ้านมาเยอะแล้วมันจึงไม่แปลกที่พี่ต้นไม่ค่อยห่างจากลูก พี่ต้นอยู่กลับลูกมากกว่าอยู่กับพี่เกศรินทร์ซะอีก

                       "เอาไว้ย่าจะไปหาเอิร์ธนะลูก" แม่ผมบอกเอิร์ธก่อนจะปิดประตูรถและพี่ต้นก็โบกมือให้ผมกับแม่ ผมยืนมองจนพี่ต้นขับรถออกไป

                       "แล้วเราละจะไปหากานต์เลยหรือเปล่าลูกแม่จะได้ตักแกงส้มใข่ชะอมไว้ให้" แม่ถามผมผมพยักหน้าเบาๆ ผมเดินกลับเข้าไปในบ้าน ผมทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ พี่ๆไปกันหมดแล้ว แม่ก็สาระวนในการอุ่นแกงส้มไข่ชะอมทอดที่จะให้ผมนำไปฝากณัฐกานต์

           ("ถามใจตัวเองซิว่าที่นายทำอยู่ตรงนี้นะเพื่ออะไร..มีความสุขแล้วจริงๆเหรอเขม" คำพูดของพี่ก้อง )

           ("แค่ครั้งเดียวก็กานต์เหงา..เขมไม่โทรหากานต์..กานต์เครียด..เขาแค่เพื่อนร่วมงาน..กานต์ยังรักเขมนะ" คำพูดของกานต์)

           ("ผมรู้สึกดีเวลาคุยกับครูเพราะว่าผมไว้ใจครู" คำพูดของคริสโตเฟอร์ ผมนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นมือก็หมุนโทรศัพท์เล่นวนไปวนมาอยู่แบบนั้นจนกระทั้งมือผมพลาดไปแตะปุ่มฟังชั่นสีเขียวหน้าจอก็เด้งขึ้นมา เป็นการสนทนาของผมกับคริสโตเฟอร์ )

           "แม่ครับเขมจะกลับไปโรงเรียนนะครับแม่..เขมไม่ไปหากานต์..แม่ไม่ต้องตักแกงหรอกนะครับ..เอาเก็บไว้ให้ป้าวิลัยเขาดีกว่านะครับแม่" ผมพูดแม่หันมามองหน้าผม

           "มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าลูกเขมทะเลาะอะไรกันอีก" แม่วางทัพพีลงและเดินมาหาผมแม่แตะไหล่ผมเบาๆ

           "เขมว่าจะบอกแม่หลายครั้งแล้วว่ากานต์เขาไม่กินไข่ชะอมทอดเอาไปเขาก็ทิ้งเปล่าๆ" ผมพูดแม่มองหน้าผมแม่คงเสียใจที่ได้ยินแบบนี้ ผมแตะมือแม่

           "อ้าวเหรอ..ก็เห็นตอนแรกเขาชอบแม่ก็คิดว่าเขายังชอบอยู่"

           "ใช่แม่เมื่อก่อนเขาเห็นผมชอบอะไรเขาก็ชอบตามแต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้วแม่"ผมพูด

           "อือ!! แม่เข้าใจลูก...เลือกทำสิ่งที่ลูกคิดว่าทำแล้วลูกแม่มีความสูขเพราะความสุขของลูกคือความสุขของแม่นะเขม"

           "ผมรักแม่ครับแต่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจะพูดอะไรแต่ไม่นานครับแม่..ผมขึ้นไปเก็บของก่อนนะแม่"

           “ฟ้อด!!” ผมลุกขึ้นก่อนจะเดินออกหอมแก้มคุณแม่ผมทีหนึ่งก่อน ผู้หญิงคนนี้ที่เข้าใจและรักผมมากที่สุด

           "ถ้าอย่างนั้นแม่จะดูอะไรที่เขมจะเอาไปทานได้ก็แล้วกันนะลูกนะ" แม่หันมาบอกผม

           “เอาไปให้ป้าเขาทานดีกว่าครับ เพราะว่ากว่าเขมจะถึงมันจะเสียซะก่อนนะครับแม่” ผมพูดกับแม่รดา แม่ก็พยักหน้าให้ผม และผมก็รีบขึ้นไปบนบ้านเก็บพวกสมุดการบ้านเด็กและชีทที่ให้เด็กนักเรียนทำมาส่ง เอาไปตรวจที่โน้นด้วยเลยก็ดีเหมือนกัน ผมหันไปมองทีวีในห้องนอนผมมันก็ไม่ได้ใช้เอาไปด้วยก็ดีเพราะที่นั้นมันก็เก่าแล้วแต่ผมคงไม่ติดแอร์มันสิ้นเปลืองเปล่าๆ ผมขนทุกอย่างลงมาใส่ไว้ในรถเก๋งของผมคันนี้พี่ต้นยกให้ผมและไปซื้อฟอร์จูนเนอร์รถครอบครัวแทน พี่ต้นบอกไปไหนชอบพาตาเอิร์ทไปด้วยทุกที เพราะจะได้เห็นการทำงานของพี่ต้นด้วย

                       "เขมไปก่อนนะแม่..ต่อไปนี้เขมจะโทรหาแม่ให้บ่อยขึ้น..เขมรู้ว่าแม่เหงาแต่แม่แค่ไม่อยากทิ้งลูกๆเป็นห่วงและแม่ไม่อยากทิ้งบ้านที่พ่อรักไป ไม่นานเขมจะกลับมาอยู่ใกล้ๆแม่" ผมพูดผมเข้าไปหอมแก้มแม่รดาและรีบขับรถไปทันที

                      “  ตืด!!”  เสียงมือถือของผมสั้นผมก็หยิบขึ้นมาดู เป็นข้อความจากณัฐกานต์
           “ เขมจะเข้ามาหรือยังครับ เข้ามาแล้วแวะซื้อกาแฟที่ตรงทองหล่อร้านประจำมาให้ด้วยนะเขมและก็บลูเบอรี่ชิสเค้กด้วยนะมาเร็วๆนะคิดถึงอะ " ข้อความจากณัฐกานต์แต่ว่าผมไม่ได้ไปทางนั้นผมกำลังมุ่งหน้าออกจากกรุงเทพ

         ผมไม่ส่งข้อความตอบกลับไดๆในตอนนี้ เพราว่าผมกำลับใช่ความคิด ผมยังรักณัฐกานต์ไหม ตอบว่ายังรัก เพราะว่าสี่ปีมันย่อมที่จะผูกผันกันมาก แต่เวลามันไม่ได้ช่วยให้ความรักของเราดีขึ้นเลยอย่างที่พี่ก้องพูดมีแต่ทะเลาะกันมากขึ้น ที่สำคัญผมกับเขาเรายังก็ยังไม่เลิกกันและณัฐกานต์ก็บอกว่าเขาจะไม่ทำอีกผมควรจะเชื่อได้อีกไหมนี้ซิ 

ผมคิดไปต่างๆนานา จนมารู้ตัวอีกที คือผม ผมขับรถมาจอดติดไฟแดงเรียบร้อยแล้ว เพราะความเคยชินต้องกลับไปคอนโด ตอนนี้ผมกำลังลังเลใช่ไหม เพราะว่าถ้าผมขับตรงไป ผมก็จะข้ามไปขึ้นทางด่วนไปหาณัฐกานต์หรือผมจะวนรถกลับและขับออกต่างจังหวัด นั้นคือกลับโรงเรียนของผม และถ้าผมวนกลับไปและทิ้ง 4 ปีกับความรักของผม เพื่อไปหาความรักใหม่ที่ดูแล้วปัญหาจะตามมาเยอะมากมาย ไหนจะครูลูกศิษย์ที่ห้ามรักกัน และเขาก็ยังไม่ 18 ปีเลยด้วยซ้ำ
               “ฟู่” เสียงพ่นลมหายใจของผม และมือที่กำพวกมาลัยรถแน่น แบบว่าคิดหนักมากจริงๆ

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอน 12เขมชาติกำลังคิดตามในสิ่งที่พี่ก้องพูดครึ้งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 03-08-2020 19:30:48
ติดตามตลอดครับ :mew1:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นื้ที่ในรั้วโรงเรียน(ครูเขม X คริส ) EP. 7เมื่อคริสโตเฟอร์งานเข้า
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 04-08-2020 19:43:50
= EP 7 ครูเขมชาติ X คริสโตเฟอร์   เมื่อคริสโตเฟอร์งานเข้า

         Part คริสโตเฟอร์ ผมเป็นพระเอกหรือนายเอกนะเอาเป็นว่าเก็บไว้ให้เดาก่อนก็แล้วกัน ยังไม่บอกตอนนี้ เพราะคริสโตเฟอร์เองก็ยังไม่ค่อยรู้ตัวสักเท่าไหร่ แต่ทำไมชอบไปหยอดครูเขมก็ไม่รู้ซิ ผมรู้สึกเหมือนรักแรกพบตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอครูเขาที่ตรงบรรไดและผมก็เกือบทำให้เขาหงายหลัง ตอนนั้นผมคว้าข้อมือเขาเอาไว้ แต่นั้นแหละคือจุดเริ่มต้นของความรู้สึกที่มันสับสนในใจผม มันตีกันไปหมด ก็คริสโตเฟอร์ มีแต่แฟนที่เป็นผู้หญิงมาตลอด

      ผมขับรถมาให้ไอ้โป้งและแฟนมันก็นั่งข้างหลังกับเพื่อนๆสาว ผมรู้ว่ามีคนแอบชอบผมมองผมใหญ่เลยและหันไปซุบซิบกันเกี่ยวกับผมนี้แหละ แต่ตอนนี้ผมกลับไม่รู้สึกอยากจะชายตามอง ผมรู้สึกเหมือนกำลังสับสน ผมรู้สึกดีกับการมองพี่เขมที่เป็นผู้ชายมากกว่ามองผู้หญิงไปได้ยังไงก็ไม่รู้

          "ไอ้คริส..แป้งชอบมรึงวะ..ดูท่าจะฟีเวอร์ซะด้วย” ไอ้โป้งมันพูดกระซิบ ผมเหลือบมองผ่านกระจกมองหลัง เขาก็ยังคงมองผมและยิ้มให้ผม ผมหันมามองไอ้โป้ง

         "อืมม..มาเต็มขนาดนี้..ถ้ากรูไม่รู้ตัวนี้กลับไปเรียนอนุบาลดีกว่าไหมโป้ง" ผมหันไปบอกไอ้โป้ง

         "ไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอวะ" ไอ้โป้งมันถามผม

         "รู้" ผมตอบแต่ตายังคงจับจ้องอยู่ที่ถนนเบื้องหน้า

         "รู้ว่า?" ไอ้โป้งและผมเบียงสายตามามองแค่แว็ปเดียวและรีบหันกลับมาพร้อมกัน

         "กูไม่ได้ชอบเขา..กู...เออ" ผมพูดบอกไอ้โป้ง และดีที่เสียงเพลงค่อนข้างดังที่ด้านหลังอยู่ เขาเลยไม่ได้ยินที่ผมกับโป้งคุยกันจะว่าไปผมเองก็สับสนอยู่ไม่ใช่น้อย ว่าตอนนี้ผมกำลังจะเป็นเกย์หรือเปล่าและยิ่งได้สัมผัสริมฝีปากนั้น นั้นแค่แตะเองนะอารมณ์ยังพลุกพล่านไปถึงไหนต่อไหน ผมกำลังคิดถึงริมฝีปากของครูเขมชาติ

         "กู..เอาไว้กูค่อยอธิบายแล้วกันวะ ตอนนี้กูมีเรื่องเยอะแยะแล้ววะ กูเลยไม่มีอารมณ์จะหาใครมาวุ่นวายวะโป้ง "ผมพูดและหันไปมองที่ถนนต่อ

         ผมเหลือบตามองลงที่มือถือที่วางไว้ข้างๆตัวผม ผมนะรอข้อความจากครูเขมไม่ส่งมาหาสักที หรือว่าไปหาแฟนของครู ผมเห็นแฟนเขาแล้วก็ขัดใจมาก อยากกระโดดกัดหูมันจริงๆ เห็นท่าทีที่มองผมวันนั้นด้วยนะมองแบบเหยียด แม่งสูงมาจากไหนวะ ตอนนี้กรู 175 อีกไม่นานจะ 180 ให้ดู

         "นี้มึง..มีคนที่มึงชอบอยู่แล้วเหรอวะ" ไอ้โป้งมันกระซิบกระซาบกับผมทันที แววตามันบอกได้ว่าจงบอกกูมา

         "ครูคิดว่าใช่วะแต่กูยังไม่แน่ใจวะโป้ง" ผมหันไปบอกมัน คิ้วผมก็ขมวดกันจนจะเป็นโบว์อยู่แล้ว คิดมาทั้งคืนยังคิดไม่ตก ว่าตกลงผมคิดกับครูแบบชู้สาวจริงเหรอ ทำยังไงจะได้พิสูจน์อีกละ

         "ผู้หญิงหรือผู้ชายวะ" ผมหันไปเหล่มองมันและหันกลับมาสนใจการขับรถต่อ

         "เออๆ กลับมาค่อยเล่าแต่มึงสปอยด์กรูขนาดนี้กรูจะนอนหลับไหมคริส..กูคงท้องอืด" ไอ้โป้งมันพูด ทำท่าเบ้ปาก

         ผมเลี้ยวรถเข้าไปในโรงเรียนและจอดไว้ทางด้านหน้า ไอ้โป้งมันก็ออกจากรถมาเปลี่ยนไปขับแทน ผมเดินไปหยิบกระเป๋าตัวเองลงจากท้ายรถ

         "คริสไม่ไปกับพวกพี่จริงๆเหรอ อยู่ที่นี้เหงาจะตาย" พี่น้ำตาลแฟนไอ้โป้ง เป็นรุ่นพี่ที่นี้แหละพอจบไปก็ไปเรียนต่อพยาบาล พี่เขาเป็นแฟนกับไอ้โป้งตั้งแต่มันเข้าเรียนม.4แล้วแปลกนะเป็นแฟนกันยังไงนอนห้องเดียวกันแต่ไม่เคยได้ยินซี้ดอ๊าห์อะไรเลย และนั้นผมก็โกหกครูเขม แต่ผมก็ไม่เคยถามมันหรอกมันอาจจะให้เกีรยติผู้หญิงก็เป็นได้เลยรอวันแต่งงานจริงๆ ส่วนผมนี้ก็เคยมีอะไรกับผู้หญิงนะ เมื่อก่อนซ่ามาก เวลาไปเที่ยวผับก็ได้มาตลอดมีทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่แต่ไม่เกิน25ปีนะ และจะพากันไปเปิดห้องฟันกัน แต่หลังจากที่ผมได้เจอครูเขม ต่อมของผมก็เริ่มทำงานผิดปกติ ปฏิเสธหมด แม้กระทั้งพี่แป้งเพื่อนแฟนของไอ้โป้ง ผมยอมรับว่าพี่เขาสวยแต่ไม่สะดุดตาคริสแล้วอ่ะตอนนี้

         "นั้นซิ..น่าจะไปกับพี่แป้งนะ..พี่แป้งจะได้...." พี่แป้งพูดและหันไปเหล่เพื่อนสาว

         "จะได้อะไร” เสียงที่ทำให้การสนทนาหยุดลงและพากันไปมองต้นเสียง ที่ไม่ใช่ใครอื่นใด แก้ม!!

          “และพี่คริส...แก้มมารอพี่ตั้งแต่เช้าแล้วเนี๊ยะและชะนีหน้าปลวกนี้ใครอะ" แก้มเดินปรีมาเกาะแขนผมทันที แป้งยืนกอดอกมองแก้มตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเลย สายตานี้ฟาดฟันกันมาก คือแบบว่าถามผมสักครับดีกว่าไหมครับ

           "เธอเป็นใคร" พี่แป้งถามแก้มแบบชัดถ้อยชัดคำมาก

           "เป็นแฟนพี่คริส!!!!!" แก้มตะคอกใส่หน้า

           "ตายแล้ว!..จบม.ต้นหรือยังนมเพิ่งจะตั้้งพานเองอะไปรอให้นมมันใหญ่กว่านี้ก่อนดีกว่าไหมน้อง" พี่แป้งยืนแสยะยิ้มให้แก้ม แถมด้วยเบ้ปากและมองบนใส่แก้มอีก

           "นมกรูเล็กแล้วจะทำไมอีปลวก" แก้มก็ไม่ยอมลดลาวาศอก โต้กลับทันที

           "เหรอ! ...ถ้าอย่างฉันหน้าปลวกเธอก็หมาแดกแฟ้ปแล้วละมั้ง" พี่น้ำตาล แฟนไอ้โป้งรีบออกตัวเพื่อช่วยเพื่อทันที ผมหันไปเหล่ตามองไอ้โป้ง  ไอ้โป้งมันก็แบมือว่าให้ทำไงละ ไอ้เวรเอ้ย! นั้นมันแฟนมึงแท้ๆ  ผมก็ยกมือขึ้นแตะที่หน้าผากและหันไปมองไอ้โป้งอีกทีว่ามันจะให้สาวๆพวกนี้ตบกันตรงนี้หรือไง  มันก็ยังทำมือเฉือดคอแปลว่ามันไม่สามารถ ให้พวกนี้จัดการกันเองตามสบาย

           "แก" แก้มง้างมือจะเข้าไปตบกับ "เข้ามาซิ" อีกคนก็ง้างมือรอรับเช่นกันเอาที่สบายใจกันเลยแล้วกันผมคิดนะ

         "พอครับพอ..หยุดครับ..ไม่มีใครเป็นแฟนผมทั้งนั้น..จบนะ..น่าเบื่อ..โป้งกรูเข้าบ้านพักก่อนวะโทรหากูด้วย" ผมพูดตัดบทและหันหลังเดินออกไปในทันที ผมก็ไม่หันกลับไปมองอีกด้วย เพราะว่าผมไม่ค่อยชอบให้มาตบตีกันมันไม่น่าดูสำหรับผมและคนอื่นๆ ผมไม่ได้อย่างเท่แบบนั้นที่มีคนมาตบตีกันเพื่อแย่งผมกัน

          ผมได้ยินเสียงไอ้โป้งมันเบิ้นรถแสดงว่าทุกคนกลับขึ้นรถไปหมดแล้วและขับออกไป ส่วนแก้มก็วิ่งตามผมมาติดๆ เพราะว่าผมได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอดังไล่มาด้านหลังของผม

         "คริส!! เล่นสเก็ตบอร์ดกันไหมวะ" ไอ้ปันปัน ไอ้นี้มันไม่เคยกลับบ้านอีกแล้ว แต่ว่ารอบนี้มันกลับไม่ยอมไปกับไอ้โป้ง หรือมันเกรงใจที่แฟนโป้งมาก็ไม่รู้

         "ไม่วะ..ไม่มีอารมณ์" ผมตะโกนบอกเพื่อนผมไอ้ปันปัน มันรุ่นเดียวกับผมกับไอ้โป้งแต่ไอ้ปัน ปันมันย้ายมาที่หลังตอนที่ผมถูกพักการเรียน และมันได้อยู่ห้องเดียวกับไอ้โป้งด้วยเป็นเพื่อนสนิทไอ้โป้งไปโดยปริยาย

         "เชร็ดโด้! กรูชวนเล่นสเก็ตบอร์ดไม่ได้ชวนไปชักว่าวไม่ต้องรออารมณ์มั้งครับ!" ไอ้ปันปัน ผมหันไปส่งนิ้ว ฟักยู!!  และเดินผ่านไปอย่างไว

         "แซงค์!!!" ผมหันไปมองโรคจิตนะมันเนี๊๊ยะ ผมก็เดินจั้มอ้าวตรงเข้าไปที่บ้านพักของผม โดยมีฝีเท้าของแก้มยังคงวิ่งตามผมอยู่จนเกือบจะทัน

         "หมับ" ก้มโผ้เข้ามากอดผมจากด้านหลัง ผมหยุดนิ่ง

         "แก้มปล่อยพี่..เดี๋ยวแม่เธอก็มาด่าพี่..และที่สำคัญนะพี่ไม่ได้คิดอะไรกับแก้ม" ผมพูดให้เธอปล่อยแต่แก้มก็ไม่ยอม ผมก็ต้องแกะแขนที่กอดเอวผมเอาไว้ออกไปก่อนที่อาจารย์ที่เป็นเวรโรงเรียนจะมาเห็น

         "ไม่จริงอะ พี่ต้องคิดบ้างและแม่ก็ส่วนแม่ไม่เห็นจะแคร์เลย" แก้มพูดผมเอียงคอมองแก้มเอามือท้าวซะเอวมองเด็กหญิงตรงหน้า ลูกกตัญญูแห่งชาติดีเนอะแม่ก็ส่วนแม่ไม่เห็นจะแคร์

         "งั้นตามใจเธอนะถ้าแม่เธอมาด่าช่วยตอบคำถามแม่เธอให้มันถูกๆหน่อยว่าเธอมาเอง..พี่ไม่ได้..เชิญเธอมา" ผมหันไปพูดก่อนจะเดินสาวเท้าขึ้นไปบนบ้านพัก ห้องพักถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย มีแม่บ้านมาทำความสะอาดทุกอาทิตย์

         “และก็ตอบคำถามครูเวรด้วยถ้าเขาเห็นเข้า เธอนี้มันหาแต่เรื่องให้พี่ตลอด เธอรู้ตัวไหม..แก้ม” ผมหันมาต่อว่าแก้ม ที่ยืนมองผมก่อนจะหันซ้ายแลขวา

         "ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยแก้มอยากมา..อยากนั่งมองหน้าพี่คริสสุดหล่อของแก้ม" แก้มพูดผมส่ายหัวอย่างเอือมระอ้าก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำขึ้นกระดกดื่ม แก้มขึ้นนมาถึงก็เดินไปนอนลงที่บนที่นอนของผม เธอสวมกางเกงสั้นมาก เขาเรียกสั้นเสมอหูก็ได้มั้ง แต่หาได้ทำให้ผมสนใจไม่ ตอนนี้ผมสนแค่มือถือผมกับแอพพริเคชั่นสีเขียวที่ผมใช่คุยหยอกกับครูเขม ตอนนี้มันเงียบมากครูเขมไปไหนไม่โทรหาผม แม้แต่ข้อความก็ไม่มี นี้เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง จุดที่เงียบที่สุด!!!

         "แก้มพี่จะอาบน้ำนะและถ้ามีใครมาหาพี่เรียกพี่ด้วยนะ " ผมบอกแก้มคนที่นอนฟังเพลงในมือถือของตัวเองอยู่บนเตียงเล็กๆของผม


         "ค่ะพี่คริส" แก้มพูดผมหยิบเสื้อ้ผ้าเข้าไปเปลียนในห้องน้ำด้วยไม่กล้าออกมสวมข้างนอก แมมันนี้ก็ช่างไม่อายผมบ้างเลยผมเป็นผู้ชายนะ ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำอากาศมันก็ร้อน ผมไม่ได้จะร้อนแค่กายนะใจผมก็ร้อน ทำไมผมคิดถึงเขาได้มากขนาดนี้

          นี้ผมรู้สึกอะไรกับครูเขมหรือเปล่านะ ทั้งที่ผมไม่เคยเป็นแบบนี้กับผู้ชายมาก่อน ขนาดไอ้โป้งที่ผมคบมันมาตั้งแต่เรียนม.ต้นจนเข้าม.ปลายขนาดว่าผมถูกพักการเรียนมันก็ยังไม่ทิ้งผมเลย ผมยังไม่รู้สึกอะไรพิเศษเท่ากับครูเขมที่ผมได้เจอวันแรกสายตาคู่นั้น สายตาที่บอกเขาไม่เคยหลอกผมว่าเขาห่วงใยและจริงใจกับผมมากแค่ไหน

         "ก๊อกๆๆ" เสียงเคาะประตู

          "แก้มไปเปิดประตูดิใครมา" ผมตะโกนออกมาจากห้องน้ำ ผมกำลังอาบน้ำชะระร่างกายอยู่และกำลังโป้ด้วย พออาบเสร็จก็รีบออกมาจากห้องน้ำแต่ยังคงเห็นแก้มนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียงนอน เพราะว่าเขาเปิดมือถือผมไม่ได้หรอก ผมใส่รหัสล๊อกไว้

         "ใครมาแก้ม"   ผมถามแก้มที่เอาแต่กดมือถือตัวเอง

          "ไม่มีนิ" แก้มตอบโดยไม่เงยหน้ามองผม

         "แล้วใครมาเคาะประตูละแก้ม"

         "ไม่มีหรอกพี่คริส พี่นัดใครไว้หรือเปล่าละ"แก้มลุกขึ้นนั่งห้อยขาที่เตียงนอนผมหันหน้ามาทางผม

         "ไม่..ไม่ได้นัด" ผมพูดเบาๆ ผมเดินไปที่ตู้เย็นเปิดมาก็ไม่มีอะไรเลยมีแต่น้ำเปล่า แม่บ้านคงเอาของกินเล่นไปทิ้งหมดแล้วเริ่มจะหิวแล้วซิ

        "ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าไม่มี..มีแค่แก้ม" แก้มยิ้มกรุ้มกริ่ม ผมแค่เหล่สายตาไปมองเธอแค่นั้น

        "แก้มเธอออกมาแบบนี้แม่ไม่ตามหาหรือไง ยิ่งมาอยู่ในห้องแบบนี้กับพี่มันน่าเกลียดเธอเป็นผู้หญิงนะและที่สำคัญเธอยังไม่สิบห้าเลย"ผมเดินมานั่งลงที่เก้าอี้

        "สิบสี่ย่างสิบห้าอีกแค่ไม่กี่เดือนก็จะทำบัตรประชาชนแล้ว..คราวนี้แก้มก็เป็นแฟนพี่ได้แล้วใช่มั้นละพี่คริส"

         "พี่ถามจริงๆเธอมาชอบอะไรพี่หนักหนาแม่เธอก็ม่ได้ปลื้มพี่"

       "แต่พี่หล่อแก้มรู้แค่นี้แหละ..ไม่เอาอะ..แก้มอยากเป็นแฟนพี่คริสนะ..ตั้งแต่อีพี่เชอรี่นั้นไปเรียนที่อื่นพี่ก็ไม่จีบใคร" เชอรี่คือแฟนคนที่ผมคิดจะจริงจังด้วย เชอรี่อายุน้อยกว่าผมสองปี ตอนนี้เธอถูกส่งไปเรียนเมืองนอกแทน เพราะว่าพ่อของเธอไม่ชอบให้ผมไปยุ่งกับลูกสาวเขาและเขอรี่คือจุดที่ทำให้ผมกับพี่กายมี่เรื่องบาดหมางกันเรื่อยมาจนตอนนี้

       "และแก้มนะดีใจแค่ไหนที่มันไปได้ซะที แก้มชอบพี่มาตั้งแต่เข้าเรียนม.1แหละแก้มมองอยู่นานแล้วแก้มอยากได้พี่เป็นแฟน"ตั้งแต่เข้าเรียน ม.1 ก็คิดหาแฟนเลยเหรอ

      "กลับได้แล้วมั้งแก้ม เดี๋ยวแม่เธอมาหรือใครมาเห็นมันน่าเกลียด"ผมพูดและจะออกไปหาอะไรกินด้วยแหละรู้สึกเริ่มหิวขึ้นมาแล้วซิคงต้องออกไปหาอะไรกินและพาน้องแก้มนี้ออกไปส่งก่อนที่แม่ของเธอจะมาตามและด่าผมเอาอีก ผมยิ่งความอดทนหน่อยอยู่ ผมนะไม่ได้ชอบนะให้ใครมาด่ามาว่าผมเป็นฝรั่งขี้นก คำนี้เจ็บที่สุดสำหรับผม

         "น่าเกลียดตรงไหนแฟนกัน"

          "แก้ม..พี่ก็บอกเธอแล้วไงว่าเราไม่ใช่แฟนกัน"

           "แก้มเป็นแฟนของพี่แล้ว" แก้มยังคงลอยหน้าลอยตาพูด ผมนั่งเอามือกุมขมับเครียดกับนางจริงๆ

         "ก๊อกๆ"เสียงเคาะประตูอีกแล้วผมเดินออกไปเปิดประตู ไอ้ปัน ปันนี้เอง

          "มีอะไรปันหน้า ตาตื่น" ผมถามไอ้ปัน

            "แก้มละว่า..แม่มันตามหามันวะ" ไอ้ปัน

             "เชร็ด!!" ผมสะบดออกมา

             "แก้ม..แม่น้องมาตามหานะ..น้องมาอยู่ที่นี้เดี๋ยวไอ้คริสมันก็โดนแม่น้องด่าอีกหรอก" ไอ้ปันปัน เดินเข้ามาพูดกับแก้ม พอแก้มได้ยินก็หันขวับมามองไอ้ปันปัน และกระฉากหูฟังออกจากหูอย่างไม่สบอารมณ์

             “และอีกอย่างน่ะ นี้มันบ้านพักที่ควรมีแต่ผู้ชาย แก้มทำอะไรคิดถึงความเดือดร้อนพวกพี่บ้างแก้ม” ไอ้ปันปันมันพูด ผมพยักหน้าว่าเห็นด้วยวะ

            "น่าเบื่อจริงๆ แม่นี้ก็น่าเบื่อมากจะตามทำไมก็ไม่รู้ ..อื้ย!!! "แก้มลุกขึ้นทำท่าสะบัดสะบิ้ง ผมหยักไหล่กับไอ้ปัน ปัน ว่าไม่รู้จะทำยังไงกับแก้มดี ไอ้ปัน ปันมันก็หยักไหล่ตอบกลับว่าจนปัญญาเช่นกัน

          "เออ...เมื่อกี้ครูเขมเข้ามาหามรึงไม่ใช่เหรอวะ กรูบอกว่ามรึงเดินเข้ามาที่บ้านพักวะ" ปันปันพูด ผมส่ายหัวว่าไม่นิ แต่คิดอีกทีมีคนมาเคาะประตูนะและผมก็บอกให้แก้มเปิดประตู

           "จริงดิวะ" ผมถามไอ้ปันกลับ ผมหันไปมองหน้าแก้ม

          "แก้มครูเขมมาใช่ไหม" ผมหันไปถามแก้มสีหน้าผมบอกได้เอาจริง เธอรีบก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาผม

           "แก้ม!! พี่ถามครูเขมมาใช่ไหม"

            "แล้วทำไมเธอถึงไม่บอกพี่ละ และก็ไม่ยอมเรียกพี่หรือบอกให้ครูเขมรอพี่ก่อนก็ได้" ผมพูดเสียงดังใส่แก้ม

             "แก้ม...แก้ม.."ที่แบบนี้มาพูดตะกุกตะกักไม่ปากดีเหมือนเมื่อกี่เลย คงเพราะสีหน้าผมดูเอาจริงเอาจังมาก แก้มคงจะรู้ตัวดีว่าผมกำลังโกรธเขาอยู่

              "เธอบอกอะไรครูเขม" ผมเดินไปหยุดตรงหน้าเธอก้มลงมองหน้าเธอแบบคาดคั้นเอาความจริง ผมจ้องเธอแบบนี้เธอจะได้กล้าแถ

                "แก้มบอกว่าพี่อาบน้ำอยู่..เพราะว่าเราเพิ่งจะ..." ผมพยักหน้าเธอร้ายมากจริงๆแก้ม เธอพยายามกันทุกคนออกห่างจากผม

           "ออกไปเดี๋ยวนี้เลยแก้ม! และไม่ต้องมาหาพี่อีก...เจอกันก็ไม่ต้องเข้ามาทักพี่ไม่ต้องมาสุงสิงกับพี่อีกเธอนี้มันน่ารังเกียจ..มากแก้ม" ผมหันมาตะวาดเสียงดังไล่แก้มออกไปจากบ้านพักผม ไอ้ปัน ปัน มันก็พยักหน้าให้แก้มรีบออกไป ปัน ปัน มันรู้ว่าถ้าผมโกรธผมจะเป็นยังไง

           "และพี่จะพูดกับเธอครั้งนี้แค่ครั้งสุดท้าย....ว่าพี่ไม่ได้ชอบเธอเข้าใจไหม พี่เบื่อการกระทำแบบหมาหวงก้างของเธอมากเลยนะแก้ม "ผมหันมาพูดกับแก้มก่อนที่ผมจะรีบแทรกตัวลงจากบ้านผมต้องไปหาครูเขมไปอธิบาย เพราะว่าที่แก้มบอกว่าผมอาบน้ำอยู่และแก้มก็อยู่ในบ้านพักผมแบนี้เป็นใครก็คิด

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอน 13 เมื่อเขมต้องเลือกไปหาใครดี ณัฐกานต์ หรือคริส
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 04-08-2020 20:19:06
กำลังเข้มข้นเลยคับ :z13:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอน 13 เมื่อเขมต้องเลือกไปหาใครดี ณัฐกานต์ หรือคริส
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 05-08-2020 05:18:10
เชียร์พี่ก้อง ขอให้เขมเชื่อพี่ก้อง
 :katai5: ไปหาคริสสส
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.7.1 ครููเขมงอนแล้วนะคริสตามง้อ ปล.18+
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 05-08-2020 17:54:37
EP.7.1 ครููเขมงอนแล้วนะคริสตามง้อ ปล.18+   
     
           ผมขับรถมาถึงโรงเรียนนี้ปาเข้าไปเกือบสี่โมงกว่าๆพอรถเลี้ยวเข้ามาผมก็รีบเดินไปถาม กลุ่มเด็กที่เล่นสเก็ตบอร์ดอยู่ เข้าไปถามหาคริสโตเฟอร์ ผมจำได้ว่าเขาคือหนึ่งในกลุ่มเพื่อนๆของนายคริสโตเฟอร์ พอผมเดินไปถามและเขาก็บอกว่าคริสโตเฟอร์มาถึงแล้ว และเดินไปบ้านพักเมื่อสักครู่นี้เอง 

           ผมก็รีบตามเข้าไปถือห่อขนมเข้าไปด้วยกะว่าได้ชวนกินขนมหวานที่แม่ผมทำเอง พอไปถึงผมก็เคาะประตูและผมก็ต้องผงะตกใจมีเด็กผู้หญิงอยู่ในห้องกับคริส มองดูดีดีก็คือแก้ม เดินออกมาเปิดประตูด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงแบบนั้นเป็นใครก็คิดวะ พอผมถามหาคริสโตเฟอร์ เธอบอกว่าคริสโตเฟอร์อาบน้ำอยู่แบบว่าเพิ่งจะ...จุด.จุด..กัน แล้วผมจะยืนรออะไรละเพ่นกลับซิครับ เหมือนนางเองไปมั้ยวะเขม วิ่งทำไมเนี๊ยะ!!! วิ่งหนีมาทำไมเนี๊ยะ!!

                       "โว้ย!!!!" ผมสะบดออกมาพร้อมกับวางของที่ถือลงอย่างหงุดหงิด

                       "เป็นไงละเขมรีบมามากเป็นหวงเขามาก  กลัวเขาอยู่คนเดียวมาถึงแล้วเป็นไงเขาอยู่กับ ผู้หญิง" ผมพูดกับตัวอย่างหัวเสีย

                       "แล้วเราเป็นอะไรวะ ..หึงเหรอ..ไม่นะ หึงทำไมวะ ...เขม" ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ


                       "รู้อย่างนี้อยู่บ้านตรวจการบ้านเด็กหาหนังใหม่ๆมานั่งดูคนเดียวซะก็ดี มาทำไมวะเรา" ผมพูดไปจัดของเข้าทีไปด้วยปึงปึงอยู่คนเดียวนี่แหละ

                       “ก็มาเพราะว่าไอ้หมอนั้นมันบอกเราว่าอยู่คนเดียวเหมือนพี่เบิร์ดไง” ผมยังคงบ่นอยู่คนเดียว

            เว้ยย!! ยิ่งคิดผมก็ยิ่งหงุดหงิดผมกำลังเก็บที่ผมแวะซื้อมาใส่ไว้ในตู้นี้ไปแวะซื้อพวกอาหารสดและของแห้งเข้ามาด้วยจะได้เอาไว้ทำอะไรทานกันใช่ผมคิดจะทำอาหารทานกับคริสโตเฟอร์นั้นแหละ เจอแบบนี้ไม่ต้องกินแล้ว ไปกินข้าวแกงนั้นแหละดี

              อากาศวันนี้ก็ไม่ได้ถึงกับร้อนมากหรอกนะแต่ผมนี้หงุดหงิดจัง มันเหมือนอะไรหว่า (เหมือนประจำเดือนจะมาเพื่อนๆชอบแซว) ผมเลยคิดว่าเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาซะหน่อยก่อนดีกว่าเพื่อจะดีขึ้น

                      ทันทีที่ผมก้าวขาเข้าห้องน้ำผมก็ต้องตกใจ น้ำนองเต็มไปหมด ไม่ใช่น้ำนองเต็มตลิ่งแต่นี้มันนองไปทั้วพื้นในห้องน้ำของบ้านพักครูที่ผมอยู่ และโชคดีที่ไม่ล้นขอบกั้นออกมาละ ไม่งั้นคงได้งานเข้าทั้งบ้านแน่ๆ  ผมก็เงยหน้าขึ้นไปมองฝักบัวมันหลุดไปทั้งหยวงเลย

                       เวรแล้วเขม!!!!แล้วผมจะซ่อมยังไงละทีนี้ผมรีบวิ่งไปรอบบ้านพักถึงมันจะหลังเล็กแต่ ผมก็วิ่งหานั้นหานี้ไม่ค่อยเจออยู่ดีเอาวะหยิบผ้าขนหนูเก่าๆเอาไปอุดไว้ก่อนแล้วผมค่อยออกไปเดินไปหาว่าใครจะซ่อมมันให้ได้บ้างนี้มันวันอะไรเนี๊ยะ ผมก็พยายามอุดมันไว้อยู่

                       "ครูเขม!!!" เสียงคริสโตเฟอร์ จะมาทำไมไม่อยากได้ยิน

                       "ครู!!!" ก็บอกไม่อยากได้ยินไม่ต้องมาเรียก

                       "ครู" ก็บอกไม่ต้องเรียกไง!! โว้ยย ..นี้ก็อุดไม่เข้าน้ำก็ไหลลงมาเปียกผมหมดไปทั้งตัว เปียกเหมือนลูกหมาเลย

                       "ครู!..ทำอะไรนะ!" เสียงคริสโตเฟอร์อยู่ด้านหลังผม พอผมเอี้ยวตัวหันไปชำเรืองมองผมคนที่เดินขึ้นมายืนพร้อมกับเลิกคิ้วสูงมองผมอยู่ด้านหลัง ก็เห็นอยู่แล้วว่ากำลังซ่อมอยู่จะมาถามทำไม ผมก็รีบหันหลังกลับไม่อยากสนใจคนกำลังโกรธ แต่ไม่ได้โกรธฝักบัวบนหัวผมนี้หรอกนะแต่ผมโกรธคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผมต่างหาก

                       “เวลาครูงอนนี้เหมือนนางเอกมากเลยนะครู” นั้นไงว่าผมงอนเป็นนางเอก  ผมหันหลังกลับจะไปบอกว่าผมนี้นะไม่ได้งอนเหมือนนายเอกซะหน่อย แต่...

                       "ครูอย่าเหยียบ!" คนมันจะซวยช่วยไม่ได้เท้าผมดันเหยียกก้อนสบู่เข้าและมันก็ให้ผมเสียหลัก ด้วยความที่ตกใจมือไปจับที่ท่อแป๊ปไว้ได้ทน แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย หักลงมากับมือผมอีกที 

                       "เว้ยยยย" ผมร้องก็เสียงหลง

                       "หมับ! ..ปึก! "มีคนเข้ามารับผมคริสโตเฟอร์ คริสวิ่งเข้ามารับผมไว้ไม่ให้หลังของผมกระแทกกับพื้น ทั้งผมและเขาเปียกไปหมดทั้งตัว
                       คนที่เข้ามารับผมเปลี่ยนเป็นพลิกตัวขึ้นมาค่อมผมแทนแบบที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว คริสใช้แขนเพื่อยันรองรับน้ำหนักตัวเขาเอง และใช้แขนกันไว้ระหว่างช่วงลำตัวของผม สายตาของเขาไล่มองไปตามแผ่นอกของผม และไล่ลงไปเรื่อยๆจนถึงกางเกงขาไม่สั้นเหนือเข่านิดหน่อยตอนนี้มันเปียกฉ่ำไปหมด ผมก็ต้องรีบหนีบเข่าเข้ามาไว้ก่อน  ส่วนสายตาผมก็มองคนที่ค่อมผมไว้ไล่ลงไปเรื่อยๆเช่นกันจนหยุดที่หน้าท้องแน่นๆนั้น ตอนใส่ชุดนักเรียนมันต่างกันกับชุดอยู่บ้าน ชุดกางเกงกีฬาของอาดิแด้ส พอเปียกน้ำมันก็จะเข้ารูปได้ดี

                       "เอื้อก!!" ผมกลืนน้ำลงคอเสียงดัง เขาก็คงรับรู้ได้ว่าผมมองส่วนไหนของเขาบ้าง

                       "ครูเซ็กซี่ดีเนอะ..เวลาเปียกน้ำแบบนี้..โคโยตี้ล้างรถโชว์ยังไม่น่าดูเท่าครูเลยอะครับครู " รอยยิ้มที่เผยออกมาบนใบหน้าต้องคิดอะไรทะลึ่งกับผมอีกแน่ๆ เลยเนี๊ยะ ดูจากสายตาที่จับจ้องมองแบบไม่กระพริบแบบนี้แถมยังคีบคลานเข้ามาหาผม ผมก็พยายามถอยออกพร้อมกับ


                       "หึๆ" ส่ายหัวว่าไม่น่าจะใช่นะ ผมไม่ใช่โคโยตี้

                       “ครูคิดว่าเธอกลับไปดูโคโยตี้เถอะ!” ผมพูดและก้มลงมองเสื้อยืดสีขาวของผมเองด้วย แน่นอนพอโดนน้ำไปก็ไม่ต่างอะไรกับไม่ได้ใส่เพราะมันบางมาก และเงยหน้าขึ้นมอง แววตาเด็กคนนี้นี่มันนี้หื่นมากที่ได้เห็นเรือนร่างของผม

                       "ครูไปหาผมแล้วทำไมครูไม่เรียกผมละครับ" คริสโตเฟอร์ถามผม ผมรีบถอนหายใจออกมาทันทีทำท่าจะลุกแต่ก็ลุกไม่ได้ลำแขนขอคริสโตเฟอร์ที่กระหนาบข้างลำตัวผมอยู่มันขืนผมไว้ไม่ให้ผมลุกขึ้น แถมคริสโตเฟอร์ก็โน้มตัวลงมาใบหน้าเขาเกือบจะติดหน้าผม สายตาของเขาจับจ้องมองอยู่ที่ริมฝีปากชมพูอ่อนๆ (สีธรรมชาติจริงนะไม่ได้ทาลิป)

                       "ก็..เออ..ก็.แค่..ไม่อยากเข้าไปกวน" ผมตอบคริสและเอามือดันหน้าคริสโตเฟอร์ไว้ เพราะว่ามันพยายามเข้ามาใกล้ผมจนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผาวกระทบบนใบหน้า

                       "Q_Q" คริสโตเฟอร์

                       "ก็เห็นอยู่กับสาว..อาบน้ำเสร็จแล้วหรือไง " ผมถามคริสโตเฟอร์ออกไปด้วยน้ำเสียงที่ขุนเคืองกลับมาอีกครั้ง เป็นใครจะไม่เคือง ก็ผมนี่ดันเลือกขับรถมาหาเพราะจะมาอยู่เป็นเพื่อนแต่ดันมาเจอสาวอยู่เป็นเพื่อน ชิส์! และนายคริสโตเฟอร์ก็กลับยิ้มกริ่มส่งกลับมาให้ผมอีก นี่นายไม่รู้สึกนึกบ้างหรือไง(แอบคิดในใจ) 

                       "ครูหึงผมเหรอ" คริสโตเฟอร์ถามผม ปากเรียวๆสีแดงระเรื่อนั้นอยู่ตรงหน้าผมห่างจากปากผมแค่ไม่กี่เซน ผมถึงกับต้องเมมปากตัวเพื่อสะกดความรู้สึกกับสิ่งที่กำลังยั่วยุและปลุกเร้าอารมณ์ของผม สโลแกนแบบนี้ เขาเรียกเด็กมันยั่ว

                       "ไม่..ไม่ได้หึง..ไม่หึงเลย..จริงๆ" ผมพูดพยักหน้าแต่พอก้มลงมอง ผมก็ต้องกลืนน้ำลายเหนียวลงคอไปอีก คริสโตเฟอร์ก็ยิ่งคืบคลานขึ้นมาหาหาผมทุกที ทุกที จนขึ้นมาบนตัวผมเลยก็ว่าได้ ตอนนี้ผมก็เข้าไปอยู่ในมุมพอดิบพอดี  (จนมุมจนได้ผม)

                       "ครูมองหน้าผมซิครับ" คริสโตเฟอร์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ผมก็ยิ่งไม่กล้ามอง คริสใช้มือช้อนหน้าผมให้หันไปเผชิญหน้ากับเขา

                       "อืมมม.."ริมฝีปากของคริสโตเฟอร์ประกบเข้ากับริมฝีปากได้รูปของผม ผมพยายามที่จะขัดขืนนะ เพราะในหัวผมมันสั่งแต่ใจมันไม่ทำตาม แม้กระร่างกายของผมมันก็ไม่ยอมรับฟังความคิดของผมเลยเช่นกัน รสจูบที่คริสมอบให้ผมด้วยความชำนาญและช่ำชองทั้งที่อายุยังไม่สิบแปดปีเลยด้วยซ้ำ แต่ที่แน่ๆมันไม่ใช่รสจูบของเด็กหัดใหม่เพราะว่ามันซาบซ่านจนยากที่บังคับปากตัวเองไม่ให้เผลอครางออกมาเบาๆ ลิ้นนุ่มๆนั้นก็รีบส่วนทางเข้าไปด้านทันที เพื่อเข้าไปเสาะหาความหวานในปากของผม ลิ้นผมก็ถูกส่งกลับไปในปากของคริสโดยอัติโนมัติเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเปรียบกัน คริสดูดดุลปลายลิ้นผมเล่นเบาๆ นิ้วมือคริสกำลังบี้ตุ่มแข็งๆสองจุดที่แปะไว้บนอกผมสลับกัน คริสขยับให้ผมนอนราบลงไปกับพื้นปากคริสก็ยังดำเนินอยู่ไม่ยอมหยุด ปากที่หนาๆทำหน้าที่บดและขยี่ริมฝีปากบางๆอย่างเร้าร้อน น่าแปลกที่สายน้ำที่ไหลลงมาราดรดร่างขอผมและคริส กลับไม่ได้ช่วยดับไฟตัณหามีให้ดับลงแต่จะยิ่งเพิ่มความร้อนแรงเหมือนเปลวเพลิงที่รุกโหมกระหนำเหมือนเอาน้ำมันราดลงบนกองไฟ ลิ้นนุ่มๆที่ลากขึ้นลากลงและเวียนวนไปทั่วทุกอณูของร่างกายมันเสียวซ่านมากจนต้องแอ่นร่างขึ้นรับกับการหยอกเย้าของคนเบื้องบน นิ้วมือที่กดจิกและกอดรัดสลับกันไปมาบนแผ่นหลังเพื่อพยายามลดลั่นอารมณ์ความต้องการ ผมพยายามขืนมันไว้

                       "คะ..คริส..อื้ม!...อ่าห์..." ผมพยามยามเรียกชื่อคริสแต่ก็อดไม่ได้ที่จะไม่ร้องครางตามออกมาด้วย

                       "ครับ...ว่าไง..ครับ..หึ!..บอกผมซิ...หึ!...ว่าครูไม่งอนผมแล้ว.." คริสโตเฟอร์พูดนี้เขาจะแกล้งผมให้ขาดใจตายใช่มั้ย

                       "อืมม" คริสโตเฟอร์ดูดลงที่ตรงท้องนอนผม

                       "ซี้ด!..โอ้วว " มันเสียวมากผมต้องแอ่นตรงส่วนนั้นขึ้นสู้กับปากคริส ผมพยายามกระดกหัวขึ้นมอง คริสโตเฟอร์เงยหน้าขึ้นมองผม

                       "ครูยังงอนผมอยู่ไหม..อืมม" คริสเลื่อนตัวขึ้นมาทาบทับที่ตรงหน้าอกผม ชายเสื้อที่ถูกถลกขึ้นมาด้วย คริสถามผมว่ายังงอนเขาอยู่ไหม พอผมยังไม่ตอบ คริสก็ก้มลง เขาใช้ลิ้นลงตรงกึ่งกลางของหน้าอกแบนและเลื่อนลงไปเรื่อยๆจนจะถึงขอบกางเกงแล้วผมต้องหายใจทางปากช่วย มือหนึ่งก็จับไหล่คริสไว้อยากจะดันออกแต่อีกมือก็กดหัวคริสโตเฟอร์ไว้ไม่อยากให้หยุด

                       "คริส..พะ..พอ..ก่อน..ครู..อื้ม!..อ่าห์."

                       "ครู..ผมว่า..ผม..." คริสโตเฟอร์เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างซึ่งผมฟังไมได้ศัพท์แต่ในความคิดในหัวของผมแวปหนึ่ง เขาเป็นนักเรียน

                       "อืมม..ยะ..อย่า..คริส...นี้..ครูนะ..คริส..อืมมม..พอ..พอ..แล้ว..คริส.ซี้ดดดดดด อ่าห์ " ผมร้องห้ามปรามแต่ร่างกายผมมันก็ไม่หยุดตอบสนองซักที ถึงยังไงผมก็ต้องบอกให้มันหยุดให้ได้เพราะนี้มันผิดมาก ผมจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้

                       "พอเถอะคริส....หยุดได้โปรด....อย่า...ครูทำไม่ได้...เราทำแบบนี้กันไม่ได้ เพราะ.." ผมดันคริสโตเฟอร์ไว้เพื่อให้เขาหยุดและคริสก็หยุดแค่ยั่งคงค่อมอยู่ด้านบนร่างของผม

                       “พี่ยังเป็นแฟนกับณัฐกานต์!” ผมพูดออกมาอย่างรวดเร็วแบบกลั้นใจและทุกอย่างก็หยุดนิ่ง เหมือนกดปุ่มสต๊อปค้างไว้

                       แฮ้ก!!!ๆๆๆๆๆ พร้อมเสียงหายใจหอบเหนื่อบของผมสองคน โดยเฉพาะผมเรียกได้ว่าต้องหายใจทางปากร่วมด้วย เขาเรียกว่าเจอวัวหนุ่มเขาไปนี้หอมเลยใช่ไหมเนี๊ยะ!! เปล่า! เขมชาติเกือบขาดอากาศหายใจตายครับ  ผมได้แต่มองคริส เด็กสมัยนี้ทำไมถึงได้ไวไฟกว่าผมอีก นี้ขนาดยังไม่ 18ปีเลยนะนายนี่ ยังมาทำหน้าเซ็กซี่ใส่ผมอีก

                       "แน่ใจเหรอว่าครูทำไม่ได้..ดูมือครูซิ"คริสโตเฟอร์พูด ผมก็ก้มลงมือผมกำและคลึ่งตรงนั้นอย่างเมามันมาก ส่วนสงวนของคริสโตเฟอร์

                       "เฮ้ย!!! ผมรีบชักมือกลับ มันพองโตและเต็มไม้เต็มมือ

                       "เคล้าและก็คลึงราวกับรู้งาน!!..แบบนี้ "คริสโตเฟอร์ยิ้มที่มุมปาก พอโดนแซวผมก็ทำท่าจะลุกหนีแต่ลุกไม่ได้คริสโตเฟอร์ดึงรั้งผมไว้ไม่ให้ลุกไปไหน ผมหันมามองหน้าเขาโดยไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากผม

                       "ครูกลับมาเร็วครูมาหาผมเหรอครับ"คริสโตเฟอร์ถามผมถ้าบอกว่ามาหาก็เสียฟอร์มครูแย่เลย

                       "เปล่าแค่มาก่อน.ครู...เออ...ครูเป็นห่วงบ้านพักนี้ดูซิ ท่อน้ำแตกถ้าไม่มาวันนี้น้ำท้วมห้องแน่ๆเลย" ผมพูดแก้ตัวแต่คนตรงหน้านะไม่เชื่อผมหรอก

                       "มาหาผมก็พูดมาซิ...แถมครูยังมางอนผมเป็นสาวๆอีกนะ" คริสโตเฟอร์มองจ้องเข้ามาในแววตาของผม

                       "ครูนี้วิ่งหนีผมเหมือนในละครหรือเปล่า ..มุขที่ผู้กำกับเขาใช้กันบ่อยๆ เดินเข้าไปเจอผุู้หญิงและคิดเองเออเองว่าเขามีอะไรกัน...ใช่มั้ยละครับ" คริสโตเฟอร์พูด สายตาที่คาดคั้นผมอยู่ไม่ว่าจะพยายามหลบทางไหนสายตาคู่นั้นก็ตามผมไปจนผมจนมุม ต้องยอมจำนนเลยไม่หนีและหันหน้าไปเผชิญหน้าแทน ก็เล่นต้อนซะไปไหนไม่ถูกแบบนี้

                       "และครูก็เป็นนางเอกวิ่งออกไป"นายคริสพูดยังกับว่ามันยืนมองอยู่ตลอดอย่างนั้นแหละ  ก็ไม่ได้วิ่งแค่เดินอย่างเร็วเฉยๆ ผมคิดในใจ

                       "แต่คริสนะขยันง้อ..ว่าแต่ครูหายโกรธหรือยังอะ..ถ้ายังไม่หายจะได้ง้อต่ออีกรอบ.." คริสโตเฟอร์พูดและเลียริมฝีปากตัวเองพร้อมกับจะเข้าหาผมอีก 

                       "พอ..พอแล้ว!!..ครูไม่ได้โกรธแล้ว" ผมรีบร้องห้ามปรามดันตัวคริสไว้ ที่อย่างนี้ละขยันเชียวนะ

                       "ผมกับแก้มไม่ได้มีอะไรกันนะและผมก็เพิ่งกลับมาถึงก็เลยเข้าห้องน้ำอาบน้ำส่วนแก้มก็เดินตามผมเข้าไปในนั่งเองจะไล่ยังไงแก้มก็ไม่ยอมไป ครูเชื่อใจผมหรือเปล่าและแก้มเขาเคยช่วยผมไว้ตอนที่ผมเกือบโดนรุมทำร้ายผมเลยไม่ได้เด็ดขาดเรื่องแบบนี้แค่กลัวมันเสียใจ”

                       “แต่ผมกับแก้มไม่เคยมีอะไรกันเกินเลยไปกว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง..จริงนะครู ผมสาบานได้" คริสโตเฟอร์พูด ผมเงยหน้ามองคนตรงหน้า

                       "ถ้าครูไม่ชอบผมจะไม่ยุ่งกับแก้มอีกก็ได้นะ...ด้วยเกียรติเคยเรียนลูกเสือมา" คริสโตเฟอร์พูดและทำนิ้วสามนิ้วแบบลูกเสือโชว์ผม

                       "ครูเชื่อผมซิ ..ผมยังเชื่อครูเลยนะเวลาครูบอกอะไรผมนะ แต่นี้พอผมพูดบ้างครูจะไม่เชื่อผมเหรอ" คริสโตเฟอร์พูดสายตาคู่นั้น มันสื่อความหมายให้ผมรู้ว่าเขาพูดจริง

                       "อืม" ผมพยักหน้าเบาๆ 

                       "ทำไมอือละ" ผมเงยหน้าขึ้นไปมองคริส! อือก็แปลว่าเชื่อไง ยังเลิกคิ้วสูงอีกสงสัยเป็นคำตอบที่ไม่พอใจ
 
                       "เชื่อใจ! พอใจหรือยังละและเป็นห่วงเพราะว่ามันไม่เหมาะสมนะถ้าครูใหญ่รู้เรื่องเขานายจะโดน"

                       "ผมรู้ผมก็บอกแก้มไปแล้วว่าอย่ามาหาอีก..สงสัยต้องหาแฟน..." คริสโตเฟอร์พูดก้มหน้ามาหาผมอีกแต่ผมก็ดันตัวเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะทำอะไรผมอีก

                       "คริสลุกขึ้นก่อนซิ น้ำนองเต็มไปหมดแล้วเนี๊ยะ!" ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์ เขาก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับยื่นมือมาให้ผมจับเพื่อยันตัวเองลุกขึ้น คริสโตเฟอร์ถอดเสื้อยืดออกมาบิดน้ำทิ้งและสวมกลับเข้าไปไหม นึกในใจอย่าถอดตรงนี้ได้มั้ย

                       "ไม่เห็นจะต้องแอบมองเลย..ถ้าครูอยากมองผมนะยินดีให้ครูดูอยู่แล้ว" คริสโตเฟอร์พูดพร้อมส่งยิ้มให้ผม ผมคิดว่าช่างไม่อายกันบ้างเลยนายนิ แต่ส่วนใหญ่ฝรั่งไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว 

                       "ครูอยู่บนบ้านนี้แหละ..ผมจะลงไปดูว่าประตูน้ำอยู่ตรงไหน "  คริสโตเฟอร์บอกผม ผมก็พยักหน้าเบาๆ

                       "น่าจะอยู่แถวๆนี้แหละคงเหมือนที่บ้านพักของผม...ผมจะได้หมุนปิดประตูน้ำให้เลย" คริสโตเฟอร์พูด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปเห็นผลงานของผมที่ไปหยิบเอาเศษผ้าอะไรก็ไม่รู้มาอุดไว้ก่อนจะก้มลงมามองหน้าผม ผมก็ยิ้ม มันรีบอะนะ
                       "ใครบอกครูเนี๊ยะ!  ว่าเอาผ้ามาอุดแล้วมันจะดีขึ้นนะครู..ฮาๆ " คริสโตเฟอร์หันมาแซวผม ผมก็ต้องสะบัดหน้าหนีอายลูกศิษย์ แอบนึกในใจทำไมเราคิดไม่ได้วะต้องไปปิดประตูน้ำและประตูน้ำอยู่ตรงไหนยังไม่รู้เลย และที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะมัวแต่โมโหนายคริสนี้แหละ (ปากผมมุบมิบๆบ่นเบาๆกับตัวเอง)
                       “ครูบ่นอะไรผมนะครับ” นั้นยังมีนหน้ายื่นหน้ามาใกล้กับผมอีกน่ะ
                       “ไม่ได้บ่น..อะไร ..นายหูฝาดไปหรือเปล่า” ผมพูดเชิงถามและดันหน้าคริสโตเฟอร์ออกอีกครั้ง

                       “ถ้าอย่างนั้นผมลงไปปิดประตูน้ำให้ก่อนนะครับครู ..หึหึ” นายคริสพูดและเดินหันหลังออกไป เหลือแค่ผม ทื่ยืนมองแป๊ปน้ำ ไม่นานน้ำก็หยุดไหล่

                         ผมยืนลำดับภาพเหตุการณ์เมื่อสักครูเรียกว่ารีเพลย์อีกทีก็ได้นะแบบว่ามันเร็วมาก เสื้อยืดและกางเกงพอมันเปียกน้ำมันก็แนบเนื้อจนเห็นได้ทุกสัดส่วน และยิ่งเมื่อกี่กำไปนี้เต็มมือมาก เชื่อแล้วที่เขาบอกว่าไซ้ฝรังกับคนไทยมันต่างกันเป็นแบบนี้นี่เอง และว่านายนี้มันยังไม่ 18 ปีเลย มันยังโตได้อีกว่างั้น ถึงตอนนั้นไม่อยากคิดนะ ขนรุกเลยครับผม ไม่ได้รุกสู้ด้วยน่ะแต่รุกแบบสยอง

                       "ครู!" คริสโตเฟอร์เรียกผม และมายืนจ้องหน้าผมตอนไหนก็ไม่รู้ 
 
                       "เฮ้ย!! " ผมก็ตกใจซิเพราะมัวแต่จินตนาการภาพเมื่อสักครู่ในห้องน้ำแบบว่ามันจบไปนานแล้วแต่ในหัวผมยังไม่จบ

                       "ทำไมมายื่นจ้องหน้าครูละ..ตกใจหมด"

                       "ผมก็ผมยืนเรียกครูอยู่พักหนึ่งได้แล้วนะครับ ..แล้วครูละคิดอะไรอยู่” นายคริสโตเฟอร์ถามผม

                       “ครูต้องคิดอะไรกับผมแน่ๆ หรือว่าเสียดายมันสั้นไปหน่อย ม้วนวิดิโอที่เราแสดงกันเมื่อสักครู่นี้อ่ะ " คริสโตเฟอร์บอกผมและยังบอกว่าตอนที่ผมกับเขาจูบกันมันสั้นไป ผมแอบคิดในใจ สั้นอะไร นานมากจนผมเกือบขาดอากาศหายใจตายต่างหาก

                       "เพี๊ยะ!!" เสียงฝามือตีลงที่ต้นแขน  "อิว!!" เสียงร้องว่าเจ็บ ก็จะไม่ให้ตีได้ยังไง เอานิ้วมาไต่ที่หน้าท้องของผมและทำท่าจะไต่ขึ้นมาที่แผ่นอกผมด้วย

                       "ผมคิดว่าครูโจ้ไม่อยู่บ้านแน่ๆครู เพราะว่าผมไม่เห็นรถเก๋งครูจอดอยู่มีแต่รถมอเตอร์ไซค์ทีเก่ามาก วิ่งได้ก็บุญหนักหนา " คริสโตเฟอร์บอกผม

                       "แล้วครูจะทำยังไงละ ห้องน้ำก็คงใช้ไม่ได้เพราะว่าไม่มีน้ำ...และต้องรอครูโจ้มาซ่อมพรุ่งนี้อีก " ผมพูด นี้น้ำก็อาบไม่ได้ ห้องน้ำก็เข้าไม่ได้แล้วจะให้ผมทำยังไงละทีนี้

                       "ไปนอนบ้านพักกับผมซิครู ไอ้โป้งไม่กลับคืนนี้นะครู" คริสโตเฟอร์ออกปากชวนผมไปนอนด้วย จะดีเหรอ ขนาดเมื่อกี้ในห้องน้ำยังเกือบเรียกสติกลับแทบไม่ทัน ยังมีหน้ามาชวนผมไปนอนที่บ้านพักด้วยอีก

                       "ไม่เป็นไรนะคริส ครูว่า..ครูอยู่ได้นะ..ไม่เป็นไร... "ผมรีบพูดปฏิเสธทันที

                       "ครู..ไม่มีน้ำใช้นะแล้วครูจะเข้าห้องน้ำยังไงละครับ " คริสโตเฟอร์พูดและเลิกคิ้วสูง มันทำให้ผมคิดก็จริงอะนะ ผมจะเข้าห้องน้ำยังไงละ

                       "ไปนอนบ้านพักกับผมก่อนนะครู..และนี้ครูก็รีบกลับมาเพราะว่าจะมาอยู่กับผมไม่ใช่เหรอ" คริสโตเฟอร์พูดและถามผมกลับพร้อมใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มด้วยความดีใจ

                       "นะ..นะ..ครู" คริสโตเฟอร์พูดเรียกว่าอ้อนจะดีกว่า อ้อนให้ผมไปนอนกับเขา อยากจะรู้อ้อนสาวแบบอ้อนผมไหมเนี๊ยะ เอ๊ะ! หรือว่านึ้อาการเริ่มจะหึง ฮาๆ 

                       "อืมม" ผมพยักหน้าว่าก็ได้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าคนตรงหน้าทันที

                       "ถ้าอย่างนั้นเราเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วกัน เอาของครูใส่ไปก่อน"ผมบอกคริสโตเฟอร์ เขาก็พยักหน้า ผมเดินไปหาผ้าเช็ดตัวให้ รสจูบเมื่อกี้ทำให้ผมถึงกับเคลิบเคลิ้มจนลืมขัดขืนไปชั่วขณะ ช่างน่าอายจริงๆเขมเอ่ย!!

                ผมเดินกลับออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวส่งให้คริสโตเฟอร์เขาก็รับไปเช็ดตัวและเช็ดผมที่เปียก ผมก็รีบเดินกลับเขาไปในห้องนอนถอดเสื้อผ้าที่เปียกออกเช่นกัน นุ่งผ้าเช็ดตัวพันกายไว้เฉยๆ ตาก็มองหาเสื้อผ้าตัวไหนจะให้คริสโตเฟอร์ใส่ได้ คงต้องเป็นเสื้อยืด

                       "ครู….ผมครูเปียกอะครับ" เสียงคริสโตเฟอร์ดังอยู่ข้างๆผม เขาเดินเข้ามายืนประชิดตัวผม อย่าบอกนะว่าจะจูบผมอีกแล้ว หลับตาปี๋(รอจูบใช่ไหมเขม)

                       "ครูผมจะเช็ดผมให้ ไม่ได้จะจูบครูสักหน่อย..ครูนี้ก็หื่นใช่เล่นเหมือนกันนะ " ผมลืมตาโพลง มองคนที่เอาผ้าขนหนูผืนเล็กๆขึ้นมาซับเส้นผมบนหัวผมและขยี่มันเบาๆ ผมก้มลงมองหน้าท้องแบนๆของคริสโตเฟอร์ ถึงไม่มีซีกแพคชัดเจนแต่มันก็มีกล้ามท้องสวยๆ ก็คริสนะเป็นนักกีฬา และมันก็ทำให้คนตรงหน้าอย่างผมไม่อยากละสายตา และผ้าเช็ดตัวที่พันอยู่ต่ำกว่าสะดือของคริสโตเฟอร์ผมก้มมองอยู่พักหนึ่งรอให้คนที่กำลังซับน้ำออกจากผมรองทรงของผม ผมรู้สึกว่ามือที่จับชายผ้าไว้ทั้งสองข้างหยุดนิ่งผมเงยหน้าขึ้นมามองดูคริส สายตาคู่นี้มันทำให้ผมใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาเต้นอยู่ข้างนอกอกผมแทน

                       "อันนี้แหละจะจูบ" คริสโตเฟอร์บอกผมเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม ใกล้มาก มากจน

                       "ครื้ด " เสียงท้องร้องดังมากของคนตรงหน้าผม คริสโตเฟอร์ก้มลงมองดูพุงตัวเองไม่หรอกแบนแบบนี้

                       "หึๆๆ" ผมปิดปากหัวเราะขำคนตรงหน้าผม ยืนเอนหลังผิงกับตู้เสื้อผ้า คริสโตเฟอร์หันมามองหน้าผม

                       "ฮาๆ "และผมหลุดขำออกมาเต็มที จากที่เมื่อสักครู่นี้ผมพยายามกลั้นแล้ว

                       "นี่นายหิวข้าวหรือไง" ผมถามคริสโตเฟอร์

                       "ร้องดังขนาดนี้ไม่หิวก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วครู" คริสโตเฟอร์พูด ผมเลิกคิ้วมองนี้บ่ายสี่กว่าๆ

                       "ใช่ผมยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าก็ตอนนั้นมันไม่หิว แต่พอเจอหน้าครูหิวทันที" คริสโตเฟอร์พูด ผมมองหน้าหิวอะไรกันแน่

                      "หิวครู" คริสโตเฟอร์พูดให้ผมอ่านปาก ผมรีบหมุดเดินหนีออกไปดีกว่า เพราะว่าถ้าผมยังอยู่ตรงนี้นานและยิ่งเขาอยู่ในสภาพแบบผ้าเช็ดตัวพันกายแบบหมิ่นๆด้วย เดี๋ยวผมคงได้โดนเด็กกิน..ตับ..ตับ ...และนายนี่ก็บอกผมอยู่ว่า..หิวครู!

                       "ใส่เสื้อผ้าซะ ครูจะทำอะไรให้ทานแล้วกัน..มาม่าผัดนะ ..ได้มั้ยละคริส" ผมพูดและหันไปถามคริสโตเฟอร์รับเสื้อผ้าจากผมไปสวม ผมก็สวมเสื้อผ้าเช่นกัน และรีบเดินออกไปจัดการเตรียมหันผัก หันหมู ว่าจะทำมาม่าผัดขี้เมา ผมเหลือบตามองไปที่มือถือ

                       "โอ้วเชร็ด!! "ข้อความที่ต่อว่าผมจากณัฐกานต์และสายที่ไม่ได้รับ ผมปิดเสียงมันเอาไว้

                       "เขมเป็นบ้าอะไรถึงได้กลับไปโรงเรียนแล้วทั้งที่วันนี้มันวันเสาร์นะจะรักโรงเรียนอะไรขนาดนั้นเพราะว่าเขมเป็นแบบนี้ไง ถ้ากานต์มีคนอื่นก็ไม่ต้องมาถามหาเหตุผลหรอกนะว่าทำไปทำไม" ผมยืนอ่านแล้วก็รู้สึกผิดนี้ณัฐกานต์คงโทรไปหาแม่ผมและแม่ก็คงบอกว่าผมกลับมาที่โรงเรียนแล้ว

                       "แฟนส่งข้อความหาเหรอครับครู..เขาโกรธใช่มั้ย..ที่ครูเลือกมาหาผม" คริสโตเฟอร์ถามผม

                       "อืม...เขาโกรธแต่ครูเลือกมาแล้วนิ..ช่างมันเถอะเดี๋ยววันอาทิตย์ครูค่อยกลับไป..หาเขา..กลับไปคราวนี้คงต้องคุยกัน.แต่ตอนนี้ครูยังไม่พร้อมจะคุย " ผมพูดและหันกลับไปทำอะไรให้คริสโตเฟอร์ทาน คริสโตเฟอร์นั่งเอามือเท้าคางมองผมทำกับข้าว

                       "ครูทำกับข้าวเก่งเนอะทั้งที่เป็นผู้ชาย..หัดไว้ไปเป็นแม่บ้านให้ใครหรือเปล่า" คริสโตเฟอร์พูดแซวผม

                       “พ่อบ้าน ไม่ใช่แม่บ้าน นายนี้ไม่รู้จะเรียกว่าเข้าใจไม่ถูกต้องหรือใช้คำไทยไม่ถูกกันแน่ นายคริส!” ผมละสายตาไปเหล่มองนายคริสที่ยังคงเอามือเท้าคางมองผมที่หันผักเพื่อจะทำอาหารให้เขาทานไปก่อนและผมก็รีบเปิดแก็ส เพื่อทำการผัดทุกอย่าง นายคริสก็อ้าปากจะแซวผมอีก ผมก็เลยหันไปชี้ด้วยตะหลิว

                       “และอย่าแซวเดี๋ยวปล่อยให้ท้องร้องซะเลย" ผมก็หันไปมองหาจาน ผมเปิดดูในตู้ที่เอาไว้ใส่ภาชนะ ผมไม่เคยใช่จานชามที่นี้เลย พอเปิดออกมาเพิ่งจะรู้นะว่ามีจานอยู่ใบเดียวเอง
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอน 14 ครูเขมXคริส เมื่อคริสงานเข้า
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 05-08-2020 19:02:24
กองเชียร์คริสคับ :z2:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนEP.7.2 ครููเขมงอนแล้วนะคริสตามง้อ ปล.18+ ครึ้งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 05-08-2020 19:49:42
       EP.7.2 ครููเขมงอนแล้วนะคริสตามง้อ ปล.18+ ครึ้งหลัง

                   เฮ้ย!! เรื่องจริงเหรอเนี๊๊ยะ เรื่องจริงยิ่งกว่านิยายแล้วคนเก่าเขาอยู่ยังไงผมเปิดดูอีกชั้นยังดีที่มีช้อนกับซ้อมสองคู่ ผมหันไปมองคริสโตเฟอร์ เสียสละให้กินไปก่อนแล้วกันเดี๋ยวผมค่อยกินทีหลังก็ได้ ผมตักใสจานใบเดียวนั้นแหละและไปวางตรงหน้าคริสโตเฟอร์ เขาหันมามองผม

                    "ครูไม่ทานเหรอครับ"

                      "ทานก่อนเลย" ผมพูดขณะที่กำลังปลดผ้ากันเปื้อนออก

                       "ครู.."

                       "มันมีจานใบเดียวเธอกินก่อนครูกินที่หลังเธอ"ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์กำลังจะเก็บล้างภาชนะระหว่างที่รอ

                       "ไม่เอากินด้วยกันจานเดียวกันนี่แหละ มาเลยมานั่ง" คริสโตเฟอร์เดินมาดึงแขนให้ไปนั่งข้างๆเขา ผมก็นั่งลงเขาก็ใช้ส้อมม้วนเส้นมาม่าเอาขึ้นมาเป่าก่อนที่จะส่งมา ทำท่าจะป้อนผม ผมส่ายหัวไม่ต้องป้อนผมจึงเอื่อมมือไปจะคว้าช้อนส้อมมาถือเองแต่คริสดึงกลับไม่ยอมให้ผม

                       "ป้อนให้..อ้าปากซิครู .." คริสโตเฟอร์บอกผม ผมก็ค่อยๆ อ้าปากมันเขินซิครับให้เด็กมาป้อนให้ถ้าเป็นเอิร์ธหลานผมจะรีบเลยแต่นี้มันนายคริสโตเฟอร์ และเขาก็ป้อนมาม่าผัดเข้าไปในปากผม

                       "อืมม." อร่อยดีเหมือนกันนะฝีมือเราเนี๊ยะ

                       "เป็นไงครู ..ผมเสียสละป้อนครูก่อนเพื่อว่าครูเป็นอะไรไปผมจะได้พาไปโรงพยาบาล อ้อก่อนผมจะพาไปจะผายปอดให้ก่อนด้วย..ปั้มหัวใจผมไม่ค่อยแม่นแต่ผายปอดนี้ผมชอบมาก เมาส์ทธเมาส์ ..อืมมม " นายคริสโตเฟอร์พูดและทำปากแบบท่าจูบ ผมแอบคิดในใจนั้นคือเมาส์ทูเมาส์ที่นายเรียนปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาแน่เหรอ และนี่ก็ทำให้ผมมองค้อนด้วย นายนี้ไม่วายต้องหาเรื่องวุ่นวายกับปากผมอีก

                  ผมลุกขึ้นไปหยิบช้อนส้อมอีกคันมาตักมาม่าผัดในจานเดียวกันและนั่งทาน นายคริสโตเฟอร์ก็หยิบมือถือผมไปเปิดดูรูปถ่าย ส่วนผมก็นั่งทานไปด้วยมองหน้าคนข้างๆไปด้วย

                       “ในรูปเหมือนครูกับแฟนรักกันดีจังนะ” คริสโตเฟอร์พูดและหันมาเหล่มองผม รูปนี้มันน่าจะสองปีที่แล้วยังรักกันดี   

                       “แต่ในความเป็นจริงผมว่าครูไม่มีความสุขเลยจริงไหม” คริสโตเฟอร์เงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนจะก้มหน้าลงไป

                       “ครูเคยได้ยินไหมร้องเท้าสวยแค่ไหนถ้าใส่แล้วมันกัดก็ต้องถอดมันออก คนรักก็เหมือนกันรักมาแค่ไหนถ้าไปไม่รอดก็ต้องเลิก” คริสโตเฟอร์พูด ผมหยุดนิ่งชั่วขณะก่อนจะหันไปมองคนข้างที่กดเลื่อนดูรูปในมือถือผมและทานไปด้วย

                       "นี้พี่ชายครูเหรอครับ ..พี่ชายครูเท่อะ ..เขาเป็นทหารเหรอ"

                       "ทำไมนายรู้ละ" เพราะว่าชุดที่ถ่ายรูปกับผมไม่ค่อยมีรูปที่ใส่เครื่องแบบเอาซะเลย และมันก็แค่เสื้อยืดที่รัดรูปกล้ามนี้เป็นหมัดๆมากกว่าผมซะอีก ก็ทหารหน่วยรบพิเศษ

                       "ดูแววตาที่ดุดันผมว่าเขาเหมาะที่จะเป็นสไนเปอร์มาก และจากความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อดูท่าทางจะฟิตมาอย่างดี ผมอยากได้แบบนี้ "คริสโตเฟอร์เขาหันมามองผมแวปหนึ่งยิ้มที่มุมปาก

                       "ครูชอบไหมคนมีกล้ามแขนใหญ่ๆแบบนี้" คริสหันมาถามผม

                       "เธอมาถามครูทำไมละ เอาไว้ถามแฟนเธอซิคริส" ผมพูด ก้มหน้าลงตักมาม่าผัดใส่ปากเก็บอาการเขิน

                       "ก็ถามอยู่นี้ไง ..ชอบไหมถ้าผมมีกล้ามแขนแบบพี่ชายครูอะ"

                       "ก็ชอบมั้ง.." ผมตอบเบาๆ

                       "เดี๋ยว..ใครแฟนเธอ!" ผมสะบัดนหน้าหันไปมองคริสโตเฟอร์

                       "หึๆๆ.." คริสหัวเราะผมในลำคอและหยักไหล่ให้ผมแค่นั้น
   
                 คริสโตเฟอร์ก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือผมต่อไป ผมนั่งทานผัดขี้เมาฝีมือตัว ผมตักไปจนคำสุดท้าย แต่คำสุดท้ายนี้รู้สึกแปลกๆเส้นสุดท้ายนี้มันไม่ได้มาจากจานผมแต่ว่ามันเหมือนกำลังเชื่อมโยงมาจากคนข้างๆ

        ผมสองคนกำลังกินเส้นเดียวกันอยู่เหรอ เส้นยังคาอยู่ที่ปากของผมและอีกส่วนก็อยู่ปากของคริสโตเฟอร์ พอนายคริสหันมาเห็นก็รีบหมุนเก้าอี้หันมาเผชิญหน้ากับผมทันที ผมส่ายหน้าว่าไม่นะ แต่อีกคนพยักหน้าว่าเอา ยังมีควักมือให้ผมเข้าไปหาเขาใกล้ ผมส่ายหน้าว่าไม่เอาอะ จนอีกคนต้องเม้มปากดูดกลืนเส้นเพื่อจะได้สาวเข้ามาหาผมแทน และนั้นก็แปลว่าคริสมันกลายเป็นฝ่ายรุกเขามาผมและเส้นนั้นก็ล้นเข้ามาเรื่อยๆ จนปลายจมูดคริสโตตเฟอร์ชนเข้ากับปลายจมูกของผม มือของคริสโตเฟอร์ก็รั้งเอวผมไว้ไม่ให้ผมขยับหนี ตอนนี้ผมเลยต้องหลับตาปี๋ไม่กล้ามอง ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยคิดว่าจะทำแบบนี้กับใครเลยแต่ก็เคยเห็นแต่ในหนังสือการ์ตูนและจู่ๆก็มีผู้ชายมาทำแบบนั้นกับผมจะทนดูได้ยังไง รู้สึกได้ว่าริมฝีปากใครบางคนกำลังเลมอยู่ที่ริมฝีปากของผมอย่างเมามัน แขนผมถูกยกให้ไปคลองไว้แบบโอบรอบคอของคริสโตเฟอร์แทน ลิ้นนุ่มเริ่มชอนไชรุกร้ำเข้ามาในปากผม เพื่อลิ้มรสรสชาติมาม่าผัดในปากผม

"คริส!!" ผมทั้งคู่ต้องเบิกตาโพลงมีคนมาเรียกคริสโตเฟอร์
        เสียงเรียกดังอยู่ทีหน้าบ้านพักผม ผมรีบดันอีกคนออกไปจากตัวผมก่อนและคริสโตเฟอร์ก็ลุกขึ้นไปอย่างหัวเสียเพื่อออกไปดูว่าใครที่มาเรียกเขา ถ้าอย่างนั้นแสดงเขาต้องรู้ว่าคริสอยู่กับผมที่นี้ถึงได้มาถูก ส่วนผมเองก็นั่งเอานิ้วแตะที่ริมฝีปากตัวเอง วันนี้โดนไปกี่ทีแล้ววะเขม!! อยู่กับณัฐกานต์มายังไม่เคยโดนจูบมาราธอนขนาดนี้เลย! ผมเก็บจานที่ว่างเปล่าหันไปล้าง

              "อะไรของมึงวะ!" คริสโตเฟอร์ตะโกนถามผู้มาเยือน

              "คืนนี้พวกกูจะไปผับพี่ปืนกันวะ เขาบอกว่าคืนนี้ไปได้ ไม่มีตำรวจและคืนนี้ก็มีโคด้วย" ผมได้ยินการสนทนาของคนข้างล่าง คริสโตเฟอร์หันมามองผมมีโคด้วยโคโยตี้ซิท่า คริสหันมาเหล่มองผม

              "ไม่เอาวะ กูเหนื่อย" คริสโตเฟอร์ตะโกนตอบไป

              "ห๊ะ!! ทำอะไรเหนื่อยวะ" นั้นซิ ผมหันไปมองเหมือนกันว่าเหนื่อยได้ไง ยังไม่ได้ทำอะไรกันสักหน่อย คริสโตเฟอร์หันมายิ้มให้ผม ผมนี้หันไปชี้นิ้ว เดี๋ยวจะโดน

               "เออ..กูเหนื่อยแล้วกันไม่อยากไปและกูก็ไม่ชอบดูโค." ผมแอบยิ้มดีแล้วแหละที่ไม่ชอบไปดูโคโยตี้

                "เหรอ!! ถ้ามึงไม่ชอบไปดูโคแล้วมรึงชอบดูอะไรวะ โคออกจะน่ารัก โคโยตี้นะโว้ยเฮ้ย!! " ผมหันไปเหล่มองจะใจอ่อนไปกับเพื่อนไหมละ

                 ติ๊กต๊อกๆๆๆๆๆๆๆ โคโยตี้สาวๆสวยๆ หุ่นดีดี จะไปไหมละ ? ผมแอบคิดแทนในใจ ไม่กล้าเปิดก๊อกน้ำดังเดี๋ยวไม่ได้ยิน แม้จะไม่ได้ออกไปยืนฟังใกล้ก็ตามแต่ก็คะแคงหูรอฟังคำตอบนายคริสโตเฟอร์ว่า

                 "ไม่ไปวะ... กรูชอบดูครูมากกว่า. "  ผมได้ยิน กำหมัด เยส! แต่มันไปบอกเขาว่าชอบดูครูมากกว่า ผมสะบัดหน้าไปแต่ก็ไม่ทันแล้ว นายคริสนะนายคริสโตเฟอร์ นี้ขยันหางานให้ผมจริงๆ

                 "อ้อ..เออ..ดีวะ ชอบดูครู ......เว้ยย!!! "

                  “ไอ้คริสครับ ดูครูทุกวัน วันละ7 ชั่วโมง..มึงไม่เบื่อบ้างเหรอครับ ดูแต่ครู “ เพื่อคริสโตเฟอร์ตะโกนมา

                      "กูชอบอยู่ดูแลครูเขามากกว่าครูอยู่คนเดียวอันตราย" ผมคิดในใจจะอันตรายก็เพราะนายนี้แหละที่อยู่กับผม

                       "เออ...เหรอ...อันตรายตรงไหนวะ..ถ้าในนี้อันตรายก็ไม่มีไหนปลอดภัยแล้วมั้งนี้มันโรงเรียนนะเว้ยเฮ้ย."

                       "เออ..มึงไปกันเถอะจะไปปล่อยน้องนก น้องแมว น้องต่ายที่ไหนก็ไปเถอะกูไม่ไปวะ"

                       " เออ..ตามใจวะ อย่าโทรให้กูกลับมารับนะมึง..ฟักมึง!! " ผมส่ายหัวให้กับเด็กเกรียนๆแต่มันก็มีสีสันดีนะผมกำลังเก็บล้างภาชนะด้วยน้ำขวดที่มีอยู่ และที่แน่ๆ ผมกำลังยิ้มดีใจที่เขาไม่ทิ้งผมไป

                       "พอบอกไม่ไปนี้ยิ้มดีใจขนาดนี้เลยนะ" นี้ขนาดหันหลังให้นะ คริสโตเฟอร์ยังแอบมายืนข้างหลังผมและพยายามชะโงกหน้ามองผม ผมก็หันหนียังตามอีก ยังอีกจนจะหมุนรอบตัวแล้วเนี๊ยะ!!!
 
                       "พอแล้วคริส!!"  ผมหันมาห้ามเด็กเกรียน

                       "ผมชอบมองเวลาครูเขินอะ..ผู้หญิงนี้ชิดซ้ายไปเลยนะ ฮาๆ " นายคริสพูดแบบนี้ผมควรดีใจหรือไง

                       "หยุดแซวได้แล้ว...และนี้ครูว่าจะตรวจการบ้านซะหน่อยเมื่อวานกลับไปก็เหนื่อยเลยไม่ได้ตรวจ" ผมพูดและคริสโตเฟอร์ช่วยผมเอาผ้าแห้งมาเช็ดจานชามที่ผมล้างเสร็จแล้วเก็บเข้าตู้เก็บของ

                       "ดีเลยผมโหลดหนังใหม่มา Fast and furious ภาคล่าสุด ผมเอามาเปิดดูกับครูนะ" ผมซะบัดหน้าไปมองก็บอกอยู่ว่าจะตรวจการบ้าน

                       "ครูบอกว่าจะตรวจการบ้านไงคริส" ผมหันไปบอกนายคริสโตเฟอร์

                       "ก็ตรวจไปซิครับผมนั่งดูใกล้ๆไม่เห็นเป็นอะไรเลยไม่ได้รบกวนซะหน่อย..." ผมหันไปเหล่ ภาพเมื่อกี้ขนาดผมกับเขานั่งกินมาม่ายัง....อื้ยยยย!! ไม่อยากคิดและดูคนที่พูดว่าไม่รบกวนพูดไปนิ้วนี้ไต่ไปตามแขนผม มันน่าไว้ใจได้ไหมละ

                       "เพี๊ยะ!"

                       "อิววว!!!" ร้องซะเสียงหลงขนาดนี้ผมตีจริงๆเลยเจ็บไง

                       "ถ้าอย่างนั้น...ผมไปเอาฮาร์ดไดรฟ์ก่อนนะครูและจะออกไปซื้อขนมด้วย ครูเอาอะไรไหมครับ " คริสโตเฟอร์ถามผม

                       "น้ำแข็งมาสักหนึ่งถุงแล้วกันและเธอจะซื้อเครื่องดื่มมาด้วยก็ได้นะ..เอาตังครูไปคริส"

                       "โธ่ที่รัก! เรื่องเล็กน้อยนะเดี๋ยวเขาจัดให้" ผมสะบัดหน้ามามองคนที่เรียกผมว่าที่รัก คริสโตเฟอร์หายออกไป ผมก็ลงไปขนพวกสมุดการบ้านนักเรียน และผมก็ยกเอาทีวีหน้าจอ 32 นิ้ว ยกขึ้นมาวางไว้ เดี๋ยวคริสโตเฟอร์เขาจะมาดูหนังที่นี้

                       " กลับมาแล้วครับ" เสียงคริสโตเฟอร์เดินเข้ามาในบ้านพัก ผมหันไปมองในมือถือถุงขนมขบเคี้ยวมาเพียบเลยและพวกเครื่องดื่ม ผมมองว่าทำไมซื้อมาเยอะอย่างนี้นะ

           ผมนั่งบนโซฟา โซฟาที่นี้มีตัวเดียวและมันก็นั่งได้สองคน ผมก็เอาโต๊ะมาตั้งข้างๆเพื่อวางสมุด ส่วน คริสโตเฟอร์ก็สาละวนกับการต่อสายเชื่อมกับฮาร์ดไดรฟ์ของเขา เป็นเครื่องเล่นขนาดพกพา พอคริสเปิดดูผมก็อยากดูนะแต่การบ้านก็อยากตรวจ แล้วอย่างนี้จะมีสมาธิไหมละและไหนผมจะต้องระวังคนข้างๆผมนี้อีก ตั้งแต่ในห้องน้ำแล้ว แสดงว่าไม่ใช่เด็กเกรียนธรรมดา เพราะว่าน่าจะมาพร้อมสายหื่น

                       "น้ำครับ..ที่รัก" คริสโตเฟอร์ส่งกระป๋องเครื่องดื่มาให้ผมหนึ่งกระป๋อง ก่อนจะทรุดลงนั่งข้างๆผม นั่งแบบนั่งเบียดเลยดีกว่าผมก็ก้มหน้าลงเปิดสมุดเล่มแรกขึ้นมาตรวจการบ้านผมรู้สึกว่าไหล่หนักๆพอหันไปดู อ้อ! คริสโตเฟอร์เอาหัวเขามาพาดไว้บนไหล่ผม ตาก็จับจ้องอยู่ที่หน้าจอ ผมก็ปล่อยให้เขาพิงแบบนั้น แต่ก็หันมาเหล่มองเป็นระยะๆ

                       "อะ..อ้าปากซิพี่เขม..ผมป้อน" คริสโตเฟอร์เขาส่วขนมขบเคี้ยวมาจ่อไว้ที่ปากผม พยักหน้าว่าเขาจะป้อน ผมก็อ้าปากงับมันลงไปความรู้สึกรักแรกกลับมาอีกครั้ง

           ผมนั่งตรวจงานไปด้วยดูหนังไปด้วยและกินขนมกับคนข้างๆนี้ไปด้วย อันที่จริงเด็กก็ไม่ได้สร้างบ้านเสมอไปอย่างที่เขาว่าไว้ ผมหันไปหันมาและคนข้างๆผมก็เงียบไปแล้ว ผมก้มลงมองอีกทีคราวนี้หลับปุ๋ยผิงหัวไหล่ผมอยู่ ผมกลัวเขาจะหลับไม่สบายเลยขยับว่าจะลุกพอผมยกแขนถือหนังสือไว้คริสก็ไถลมากอดลำตัวผมแทน ผมก็คงต้องปล่อยให้เขานอนกอดผมไปแบบนี้ใช่ไหม มันคงต้องใช่แล้วแหละ เหมือนเด็กน้อยเลยนะเรานะ

                  "คริส!!" ผมเห็นว่าเขาหลับไปได้สักพักจึงปลุกเรียกให้เขาตื่น

                   "ครับ..."คริสตอบรับการเรียกขานจากผมแต่ตายังหลับอยู่เลย

                  "ตื่นได้แล้วนี้มันจะทุ่มหนึ่งแล้วนะนายหิวหรือเปล่า" ผมถามคริสโตเฟอร์

                  "จริงซิครู...ครูละหิวมั้ย ผมยังอิ่มมาม่าผัดฝีมือครูอยู่เลยอะ..เป็นมาม่าผัดที่อร่อยที่สุดในโลกก็ว่าได้ " คริสโตเฟอร์ค่อยปรือมองผมก่อนจะบิดขี้เกียจและถามผมกลับ

                  "หึๆๆ"

                 "ยังจะมาขำครูอีกนะตกลงอร่อยจริงปะเนี๊๊ยะ"

                 "อร่อยครับดูซิผมกินไปตั้งเยอะ กินเยอะกว่าครูอีกนะ" คริสโตเฟอร์พูด

                "ก็นายเล่นกินไปจนพุงกางขนาดนั้น ..เดี๋ยวครูกินมาม่าต้มก็ได้ครูไม่ค่อยหิวเท่าไหร่" ผมพูดและดันคนที่ผิงผมอยู่ให้ลุกได้แล้ว และผมเดินไปหยิบพวกของใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้าหยัดใส่กระเป๋าเป้ ผมจะต้องไปนอนที่บ้านพักกับคริสโตเฟอร์ ในกระเป๋าเล็กๆของผมมันมีพวกเจลที่ผมเอามาเพื่อว่ามากับณัฐกานต์และผมก็ต้องใช้มัน

               "ไม่เอานะเขม คิดอะไรบ้าๆ " ผมสะลัดความคิดบ้าๆออกไปก่อนจะหยิบมันออกไปจากกระเป๋าใบเล็กและหยิบพวกยาสีฟันและแปรงสีฟัน ครีมล้างหน้า ครีมทาหน้าหยัดใส่ลงไปแทน

                "ครูขับรถไปจอดที่หน้าบ้านพักผมได้เลยนะ เพื่อว่าครูจะกังวลถ้าจะจอดตรงนี้" คริสโตเฟอร์พูดผมพยักหน้าก็จริงนะผมเป็นห่วงรถเหมือนกันและที่สำคัญรถคันนี้ผมรักมากพี่ต้นให้ผมมาและมันทำให้ผมไม่คิดอยากจะซื้อใหม่

                "ผมเอากระเป๋าผมใส่ไว้ในรถครูนะครับ..เจอกันที่บ้านนะครับ..ที่รัก"คริสโตเฟอร์พูดเขาเดินลงไปก่อนและขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปก่อน

           นี้ผมกำลังจะนอกใจจริงๆใช่มั้ย ผมหันมากดเปิดมือถืออีกครั้ง พอเครื่องเปิดปุ้มสิ่งที่ปราฏกบนมือถือคือ ข้อความต่อว่าผมต่างๆนานาจาก ณัฐกานต์ผมก็เลือกที่ปิดมันลงไปอีกครั้ง

           ผมเดินลงจากบันไดบ้านและขับรถออกไปที่บ้านพักของคริสโตเฟอร์จริงอย่างที่คริสพูดนะ
"รองเท้าต่อให้สวยและแพงมากแค่ไหนถ้าใส่แล้วเจ็บก็ต้องถอดออก ก็เหมือนกับคนรักต่อให้รักมากแค่ไหนถ้าไปกันไม่รอดก็ต้องเลิก"

                ผมเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง ระหว่างที่ผมกุมพวกมาลัยผมเหลือบไปเห็นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายผมถอดมันออกและโยนใส่ไปที่กล่องเก็บของในรถเก๋งผมทันที ไม่ใช่แหวนหมั้นแต่มันก็แสดงถึงว่าผมมีแฟนแล้ว ณัฐกานต์ซื้อให้ผมวันวาเลนไทม์เมื่อสามปีที่แล้วและผมก็ซื้อให้เขาเช่นกัน ผมก็เห็นเขาใส่บ้างไม่ใส่บ้าง เขาบอกว่า มันเป็นแหวนเกลี้ยงไม่สวย ผมก็ไม่ว่าอะไร แต่ตอนนี้ผมเลือกที่จะถอดมันออกไปก่อน

                "หรือว่าความรักของเรามันถึงทางตันซะแล้วละกานต์..ถึงยังไงเขมก็ขอบคุณนะที่..เราเคยรักกันมาก " ผมพูดเบาๆ ผมขับรถตรงไปที่บ้านพักของคริสโตเฟอร์ เห็นมีเพื่อนของคริสมายืนคุยด้วยสี่หน้าคน ผมนำรถเข้าไปจอดด้านข้างของบ้านพักคริสโตเฟอร์ คริสโตเฟอร์รีบเดินมาแย่งผมถือพวกกระเป๋าเสื้อผ้าผมและของคริสไปถือไปจากมือผม และพวกเพื่อนๆของคริสโตเฟอร์มองผมกันคริสโตเฟอร์สลับกันไปมาอยู่พักหนึ่ง

                 "สวัสดีครับครู..ไอ้คริสมันบอกพวกผมว่าครูน้ำแตกในห้องน้ำ " ผมสะบัดหน้าไปมองว่ายังไงนะและหันมามองพ่อตัวดี ผมเข้าใจความหมายนะ

                   "ไอ้เชี้ยปันกูบอกว่าแป๊ปน้ำในห้องน้ำครูแตก" คริสโตเฟอร์หันไปทำท่าโบกเพื่อนเขา

                  "ขอโทษครับครูผมคงได้ยินเพี้ยนไป แป๊ปน้ำในห้องน้ำครูแตกเหรอครับ" เพื่อนของคริสถามผม

                   "ใช่แล้ว..ครูเลยต้องมาค้างกับคริสนะ"ผมพูด

                    "Q_Q" ทุกสายตาเบี่ยงไปทางคริสโตเฟอร์

                    "แค่คืนเดียวนะ..พรุ่งนี้ครูโจ้คงจะมาแล้วครูรอจะให้ครูโจ้ซ่อมแป๊ปน้ำให้ก่อน" ผมรีบตอบแทนคริสโตเฟอร์ทันที ผมขยิบตาให้พ่อตัวดีช่วยกันบ้างซิ

                      "ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยผู้ชายทั้งคู่ถ้าผู้ชายนอนด้วยกันไม่ได้แล้วมึงจะให้กูไปเอาหมาที่ไหนมานอนวะ" คริสโตเฟอร์ถามเพื่อน

                       "อืมม" พร้อมกันมาก แต่สายตาแต่ละคนนี้ ผมว่าไม่มีใครเชื่อยุคต์นี้สมัยนี้เพราะว่าแหล่งข่าวเยอะแยะไปทำไมเขาจะไม่รู้จัก

                      “แต่ครูไอ้คริสมัน...” เพื่อนนายคริสอีกคน

                      “หมับ..”นายคริสโตเฟอร์รีบเอามือไปปิดปากเพื่อน

                       “อาร์ทมึงรีบกลับไปอาบน้ำดีกว่าแล้วกลับมารับไอ้ปันปันไปปล่อยโค.”ตริสโตเฟอร์พูดผมก็มองมันต้องมีอะไรแน่ๆ เลย  ผมมองพ่อตัวดี ผมคิดถูกหรือคิดผิดนะที่มานอนด้วยเนี๊๊ยะ

                       "ถ้าอย่างนั้นพวกกูไปเตรียมตัวอาบน้ำแต่งตัวหล่อจะออกไปหา...บ้างอะไรบ้างนะคริส..เออ..พรุ่งนี้พวกกรูไม่ซ้อมบาสกันนะดูท่ามรึงจะ...เหนื่อยละงานนี้ ..ไปก่อนนะ ..ไปก่อนนะครับครู " พวกเพื่อนๆคริสโตเฟอร์พูดและพากันแยกย้ายไป ผมหันมามองหน้าคริสโตเฟอร์ ก็เพื่อนเล่นแซวแบบนี้

                       “พรุ่งนี้วันอาทิตย์ กูไม่ซ้อมอยู่แล้ว ไอ้เชี้ย!” คริสโตเฟอร์พูดตะโกนตามหลังเพื่อนจนเพื่อนเดินหายออกไปกันหมด เหลือแค่ผมกับพ่อตัวดี
                       
                       "เข้าบ้านเถอะครับครู" คริสโคเฟอร์บอกผม และผมก็เดินตามเขาขึ้นไปบนบ้านพัก ผมเหลือบมองไปรอบๆภายในบ้านพัก ตอนแรกที่ผมมาเคาะนะเสื้อผ้ากระจัดกระจายไปคนละทิศละทางแต่ตอนนี้ถูกเก็บอย่างเป็นระเบียบ

                       "แม่บ้านมาทำความสะอาดให้นะครับครู..เขาจะมาทำให้อาทิตย์ละครั้ง" คริสโตเฟอร์หันมาบอกผม

                       "อืมม...ที่จริงเธอหัดทำเองก็ได้นะและผู้ชายทำงานบ้านนะมีเยอะแยะไป" ผมบอกนายคริสโตเฟอร์

                       "เอาไว้รอเป็นพ่อบ้านให้ครูก่อนแล้วผมจะหัดทำนะครู" คริสโตเฟอร์หันมาพูดว่ารอเป็นพ่อบ้านให้ผมก่อน แอบชำเรืองตามอง คิดจะแย้งตำแหน่งพ่อบ้านจากผมงั้นหรอ!!

                       “ครูรับสมัครแต่แม่บ้าน จะเป็นไหม” ผมหันไปถามและยิ้มๆ มีทำท่าคิดและยิ้มอีกนะ  อันนี้น่ากลัวสำหรับผม

                       “ไม่ต้องคิดแล้วไม่เอา ทำเองดีกว่า” ผมพูดตัดบท และผมก็เอากระเป๋าไปหาที่วางเพราะว่าแค่ยังไม่ได้เป็นอะไรกันแบบจริงๆจังๆ ผมนี้ยังโดนจูบไปนับไม่ถ้วนถ้าเป็นขึ้นมานี้ ไม่อยากจะคิดเลยครับเขมชาติ!

                       “ทำไมอะพี่เขม...กลัวผมเหรอ”

                       “มาก!!” ผมพูดและ

                        "ครูหิวไหมผมต้มมาม่าให้ ผมต้มมาม่าอร่อยนะครู" ผมหันไปมองหน้าคนที่บอกว่าต้มมาม่าอร่อย ผมว่าเด็กเล็กก็ต้มอร่อยนะถ้าอย่างนั้นนะ คริสฉีกยิ้มให้ผมก่อนจะเดินไปกรอกน้ำรินใส่กาต้มน้ำไฟฟ้า ส่วนผมก็จัดการหยิบเสื้อ้ผ้าจากระเป๋าออกมาใส่ไม้แขวน ให้ดูเรียบร้อย

                       "ครูแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าผมก็ได้ครับ" คริสโตเฟอร์ละสายตาจากกาต้มน้ำร้อนหันมาบอกผม ผมพยักหน้า ผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของคริสก็ตู้เสื้อผ้าผู้ชายนะ มันก็รกเป็นเรื่องปกติ ผมเห็นคริสโตเฟอร์สาละวนกับการต้มมาม่าให้ผมทาน คงจะอร่อยจริงอย่างที่เขาบอกแน่ๆ 

                  ผมจัดการเปิดตู้ค้างไว้และรื้อเอาเสื้อผ้าออกมาหมดเลย ผมเห็นว่าตูเสื้อผ้าของเขามีลิ้นชักเยอะอยู่ผมคิดว่าจะเอาพวกเสื้อยืดพับใส่ไว้จะดีกว่าและว่าจะพับเรียงเป็นสีให้ด้วยจะได้หยิบได้สะดวก

                   "ครูทำอะไรนะครับ" นายคริสโตเฟอร์หันมาถามผมด้วยน้ำเสียงที่ตกใจ
 
                   "ครูจัดตู้ให้เธอไง" คริสโตเฟอร์เดินมาหาผม ผมหันไปมองหน้าเขาว่าผมอยากทำให้ เห็นเขาแบบนี้แล้วผมรู้สึกว่าเขาคงไม่ค่อยมีใครทำให้เหมือนเช่นผมแม่ผมทำให้ผมตลอดและผมก็เรียนรู้จากแม่รดาของผมนี้แหละ ผมเลยทำเองจนแม่ไม่ต้องมาทำให้ผมแล้ว

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอนที่15ครูเขมXคริส ครูเขมงอลคริสต้องารีบไปง้อ
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 05-08-2020 21:12:48
อ่านไปฟินไป :o8:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนEP.8 (เขมXคริส)เรื่องธรรมชาติเรามาช่วยกันครับครู
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 06-08-2020 14:27:31
EP.9.3 (เขมชาติXคริสโตเฟอร์ )  เรื่องธรรมชาติเรามาช่วยกันครับครู NC 18+
               
              คริสโตเฟอร์ซิแม่เขาคงไม่มีเวลาที่ดูแลเขาเหมือนเช่นแม่ผม ต้องดูแลรีสอร์ทไหนจะลูกใหม่ทอีก ผมหันไปจัดการแยกเสื้อผ้าจะได้เป็นสัดเป็นส่วน เสื้อผ้าพวกนี้ของคริสโตเฟอร์ยี่ห้อดีดีทั้งนั้น จะว่าไปแม่เขานี้ก็ซื้อเสื้อผ้าให้คริสได้ทันสมัยดีเหมือนกัน เช่นพวก Shaps , Desel , Jaspal ผมเลือกแขวนเสื้้อผ้าใส่ไปเที่ยวไว้อีกด้านและชุดนักเรียนของคริสโตเฟอร์ ถุงเท้าก็ม้วนจับคุู่ให้เรียบร้อย กางเกงยืนส์ก็พับเก็บให้อย่างเรียบร้อยเช่นกัน แม้กระทั้งกางเกงชั้นในอีกด้วย (แอบคิดนี้ตกลงใครเป็นแม่บ้านผมหรือหมอนั้นถ้าได้มาเป็นแฟนกันจริงๆ ฮาๆ)

                       "ครูมาทานก่อนเถอะเดี๋ยวมาม่าอืด" คริสโตเฟอร์บอกผม ผมพยักหน้าเดี๋ยวค่อยมาจัดให้ต่อก็แล้วกัน ผมเดินมานั่งที่โต๊ะกลมเล็กๆ บ้านพักนักเรียนนี้ก็ดีเหมือนกันมันน่าอยู่กว่าหอพักหน่อยมีมุมเล็กๆไว้ทำอาหารง่ายที่ใช่ไมโครเวฟแต่ไม่มีเตาแก๊สแค่นั้น

                       "อร่อยแน่นะ" ผมถามคริสโตเฟอร์ เขาต้มมาม่าสองห่อเอาไว้

                       "ไหนเราบอกครูว่าไม่หิวไง"

                       "ไม่อยากให้ครูนั่งกินคนเดียวผมรู้ว่านั่งกินคนเดียวมันเหงา" คริสโตเฟอร์พูด

                       "ผมเลยต้องคอยออกไปกับเพื่อนตลอดไปอย่างนั้นแหละครู...ไปแค่ไม่ให้ตัวเองรู้สึกเหงาแต่จริงๆ " คริสโตเฟอร์พูด เขาก็ใช้ส้อมตักมาม่าทาน ผมก็นั่งทานไปด้วย

                       "แม่เธอไม่มาหาเธอบ้างเหรอคริส"

                       "แม่ผมนะแอบมาบ้าง...ผมเข้ากับพ่อเลี้ยงไม่ค่อยได้ครับครู..คงเพราะว่าผมไม่ชอบภาษาอังกฤษมั้งครับและผมก็มีปัญหากับทางโรงเรียนเรื่องนี้ประจำผมเกือบไม่จบม.ต้น จนแม่มาขอร้องให้ผมไปแก้ศูนย์ที่ติดอยุู่ตั้งแต่เทอมแรก..แม่นะรักผมมากแต่แม่ก็รักสามีใหม่ของแม่ด้วย ผมรู้ว่าแม่ลำบากใจนะครับครู"

                       "ดังนั้นเธอควรจะทำให้เธออยู่บนโลกนี้ได้ด้วยตัวของเธอเองคริส" ผมพูด ผมแตะที่หลังมือของคริสโตเฟอร์

                       "มีอะไรที่ครูช่วยได้ครูยินดีนะและเต็มใจด้วย" ผมพูดบอกนายคริสโตเฟอร์ เขาพยักหน้าเบาๆ ผมสองคนทานกันต่อและคริสโตเฟอร์ก็เป็นคนเก็บล้างเองผมกลับไปจัดตู้ให้คริสโตเฟอร์ต่อแยกว่าชั้นไหนใส่อะไร แยกเสื้อผ้าให้ดูเป็นสัดเป็นส่วน คริสโตเฟอร์เข้ามาช่วยผม พอทุกอย่างเข้าทีเข้าทาง ผมกับคริสโตเฟอร์ช่วยกันจัดจนเป็นระเบียบเรียบร้อยคราวนี้จะหยิบจับอะไรก็สะดวกแล้วซิ

                       "ครูครับขอบคุณนะครับ ไม่เคยมีใครมาทำให้ผมแบบนี้เลย" คริสโตเฟอร์พูด ผมหันไปมองทำท่าจะร้องไห้ ไม่อยากจะเชื่อนะว่าดูเขาเหมือนเป็นคนที่แข็งที่ภายนอกแต่ภายในก็มีมุมที่เรียกว่าอ่อน ผมตรงเข้าไปกอด

                       "ไม่เป็นไรอันไหนครูทำให้ได้ครูก็ทำให้นะ" ผมบอกคริส ผมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือตัวเองมันเกือบจะห้าทุ่มแล้วนิ

                       "ครูอาบน้ำก่อนไหมครับเดี๋ยวผมอาบที่หลังครู" คริสโตเฟอร์ถามผม ผมพยักหน้าก็ดีนะ

                       "ก็ได้คริส" ผมตอบตกลงว่าผมอาบน้ำก่อนผมเดินไปในห้องน้ำก่อนเลย ผมเห็นคริสโตเฟอร์กำลังเล่นมือถือตัวเองอยู่ที่นอนรออาบน้ำหลังผม ผมก็ปิดประตูแต่ว่ามันล๊อกไม่ได้นี้

                       "คริสประตูห้องน้ำเธอมันล๊อกไม่ได้นิ" ผมเปิดประตูโผ่หน้ามาถามคริส

                       "ใช่ครับครูมันล๊อกไมได้ ทำไมเหรอครู" คริสโตเฟอร์ละสายตาจากมือถือขึ้นมาถาผม แล้วผมจะกล้าอาบเหรอครับ คนที่หันมามองผมทำหน้าได้เหมือนเป็นเรื่องที่ปกติของเขาแต่มันผิดปกติของผม

                       "เออ..คือ.." ผมจะพูดยังไงดีแบบนี้ผมจะกล้าอาบน้ำไหม

                       "ครูกลัวผมแอบดูเหรอครู ...ผมนะไม่ใช่พวกถ่ำมองนะ เพราะว่ามันมองเห็นไม่ชัด ผมชอบเปิดดูเลยครู....เห็นแบบจะจะมันได้อารมณ์กว่าเยอะ" คริสโตเฟอร์พูด นั้นแหละที่ผมกลัวว่านายนะจะเปิดเข้ามาดูผมนี่แหละ ขณะที่ผมกำลังโป้ (ผมคิดในใจว่ามันยังไม่ถึงเวลาให้ดู)

                       "ผมไม่เปิดเข้าไปหรอกครับครู..ผมรอให้ครูเปิดให้ผมดูดีกว่า..ตื่นเต้นกว่าเยอะ" ผมจะอมยิ้มดีใจทำไมและผมก็ปิดประตูห้องน้ำถอยหลังกลับเข้าไป ผมอาบนำเสร็จก็รีบแต่งตัวด้วยชุดนอนที่ผมสวมใส่ปกติ ชุดนอนกางเกงขายาว พอเสร็จเรียบร้อยก็รีบออกจากห้องน้ำคริสโตเฟอร์จะได้อาบน้ำต่อจากผม 
 

                       "เฮ้ย!" ผมร้องซะเสียงหลงถึงแม้จะมีผ้าเช็ดสวมพันกายไปครึ้งท่อน

                       "ครูตกใจทำไมละครับ" คริสโตเฟอร์ถามผม "หึๆ " แถมยังขำผมด้วยนะ

                       "ว่าแต่ครูเถอะ ใส่ซะมิดชิดขนาดนี้เลยเหรอครับเวลานอน" คริสโตเฟอร์ชี้ที่ชุดที่ผมสวมอยู่ ผมก้มลงมอง

                       "ก็ใช่นะซิ....ดังนั้นเธอไม่มีทางเห็นสัดสวนของครูแน่นอน" ผมพูด หยักคิ้วให้ด้วย ว่าแต่ผมจะนอนเตียงไหนละ

                       "ครูนอนเตียงไหนละคริส" ผมถามคริสโตเฟอร์เขาหันมามองหน้าผมและเบนสายตาไปที่เตียงนอนเขาไง

                       "นอนเตียงผมไง เตียวเดียวกันนี่แหละทำไมเหรอครู"

                       "เตียงเธอเล็กนิดเดียวนะ"

                       "ผมกลัวไอ้โป้งมันว่าเอานะครูมันหวงเตียงมันอ่ะครู แต่มันให้ไอ้ปันปันนอนได้คนเดียวแค่นั้น" คริสโตเฟอร์พูด ผมถึงกลับต้องกลืนน้ำลงคอเตียงนี้มันเตียงเดี่ยวนะถ้านอนสองคนผมว่าต้องก่ายกันนอนแล้วแหละมั้ง

                           “และถ้าครูนอนเตียงนั้น และเพื่อว่าไอ้ปันปันมันกลับมาละครู มันเมากลับมาเดี๋ยวมันปลั้มครูผมไม่รู้ด้วยนะ ” นายคริสพูดผมหันไปมองหน้า จริงวะ ผมก็พยักหน้า

                       "ครูว่ากลับไปนอนบ้านครูดีกว่าคริส..คือครูไม่อยากเบียดเธอนะ"

                       "ครู..จะทิ้งผมไว้คนเดียวจริงๆเหรอ นี่ผมไม่ไปกับเพื่อนเพราะอยากอยู่กับครูนะ" คริสโตเฟอร์พูดผมหันมามองคริสโตเฟอร์ ทำยังไงละ เมื่อตอนบ่ายก็ทำผมซะกระเจิงไปพักหนึ่งแต่ว่าเอาวะเขมต้องผ่านไปได้คืนเดียว

                       "โอเคครูนอนนี้ก็ได้...ก็แค่คืนเดียวเนอะ" ผมเห็นสีหน้าคริสโตเฟอร์ก็ไม่กล้าทิ้งเขาไป

                       "ไม่แน่พรุ่งนี้ครูอาจจะติดใจก็ได้นะใครจะไปรู้ ....ฮาๆ” คริสโตเฟอร์พูดพร้อมกับหัวเราะชอบใจ ผมรีบหันไปหาอะไรปาตามหลังไปทันที และคริสก็เดินผิวปากเข้าห้องน้ำไป  ทะลึ่งจริงๆ 



ผมล้มตัวลงนอนบนที่นอนของคริส ผมยังไม่ได้กดเปิดมือถือเลยและผมก็เลือกที่จะไม่เปิดมันอีกในตอนนี้ เหมือนกับผมอยู่ตรงนี้แล้วมีความสุขดีเลยไม่อยากจะเก็บเอาบางสิ่งที่มันจะทำให้ผมรู้สึกแย่เข้ามาก็แค่นั้น เพราะว่าผมยังไม่พร้อมที่จะเปิดอกคุยกับณัฐกานต์ 

           พรุ่งนี้้แล้วกันนะผมจะโทรไปหาเขาและนัดกันเพื่อนจะคุย ผมเหนื่อยแล้วไม่อยากเดินไปต่อแล้ว ตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่าผมเองที่อยากขอยุติหรือเพราะว่าผมกำลังเจอคนที่ผมคิดว่าใช่มากกว่าณัฐกานต์และเขาคนนั้นจะเป็นนายคริสโตเฟอร์จริงๆเหรอ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผมว่าอุปสรรค์ความรักของผมคงเต็มไปด้วยขวากหนามแน่ๆ และเขาพร้อมจะก้าวเดินไปกับผมจริงๆหรือเปล่า ในหัวของผมตอนนี้ไม่มีเรื่องณัฐกานต์เลย มีแต่เรื่องของนายคริสทั้งนั้นในตอนนี้(ผมยังไม่รู้เลยว่านายนี้คิดยังไงอะไรกับผมกันแน่แต่เขมชาติคิดไปถึงอนาคตเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่วาดฝันนะแต่มองไปเห็นแต่ปัญหาแล้วซิ แต่ผมเชื่อว่าปัญหาก็ต้องมีทางออกของมันด้วย )

         ผมพลิกตัวไปนอนตะแคงข้าง จะว่าไปเหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายนี้ก็ผมให้ความรู้สึกผมมันค้าง เขาเรียกว่ามาทำให้ยากแล้วก็จากไปใช่ไหมนี่ ผมพยายามขมตาตัวเองให้หลับให้ได้ต้องไม่คิดอะไร ผมได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกมาผมก็ยังไม่กล้าลืมตาถึงแม้จะได้ยินเสียงดังจากนายคริสก็ตาม

         ก๊อกแกร๊ก!! เหมือนหยิบจับอะไรสักอย่าง

           แป๊ก! และตามมาด้วยกดปิดเสียงสวิตส์ไฟ หลังจากนั้นความมืดก็เข้ามาเยือนทันที ผมค่อยๆลืมตา ผมรู้สึกว่าที่นอนทางด้าผมหยุบตัวลงผมรีบหลับตาปี๋อีกครั้ง

                      "ผมคิดว่าผมกำลังตกหลุมรักครูนะครับ แต่ใจผมก็กลัวเพราะว่าคนที่ผมรักมากเขาเคยทิ้งผมไป ดังนั้นผมก็เลยกลัวครูทิ้งผมไปเหมือนเขา...ถึงตอนนั้นผมคงทนไม่ได้ อย่าทำให้ผมเสียใจแบบนั้นได้ไหมครับครู"เป็นเหมือนเสียงกระซิบเบาๆ ที่้ค้างหูผมและจมูกที่ซุกไซ้ที่ซอกคอผมเบาๆ เพื่อสูดกลิ่นกายของผมเล่นเอาผมนี่ขนรุกขึ้นมาทันทีแต่ผมแกล้งทำเป็นหลับจนกระทั้งผมรู้สึกว่าคนข้างๆผมเงียบไปแล้ว และนั้นผมถึงได้ค่อยๆลืมตาขึ้นในความมืด

               ผมค่อยๆกระดกศรีษะเพื่อหันไปมองคริส ที่ซบหน้าลงที่ด้านหลังของผมใจผมเต้นแรงมากและที่สำคัญผมกำลังมีอารมณ์อีกครั้ง

           ไม่ได้นะต้องนอนเขม!  ผมบอกกับตัวเองพยายามขมตาให้หลับลงแต่มันก็ยาก หรือว่าจะลุกไปคริสโตเฟอร์ก็จะรู้ว่าผม....อึ้ย!!!ไม่ได้ไม่ได้ ตอนนี้คนที่กอดผมไว้เขาเงียบไปแล้วหรือว่าจะหลับแล้วจริงๆนะ หลับง่ายดีจังแต่ผมก็ลุกไม่ได้อยู่ดีแขนคริสโตเฟอร์กอดผมไว้อยู่แบบนี้

                       "ฟู่" ผมเผลอพ่นลมออกมาทางปาก

                       "นอนไม่หลับเหรอครับพี่เขม" เสียงกระซิบถามที่ข้างหูผม ทำให้ผมต้องหยุดนิ่ง นี่ผมกำลังปลุกนายคริสใช่ไหม เพราะว่าน้ำเสียงของเขานั้นบ่งบอกว่า เขาพูดทั้งที่เขายังหลับตาอยู่

           และผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่รดต้นคอผมอยู่ ก็เมื่อสักครู ใบหน้าของเขายังอยู่ที่แผ่นหลังของผมอยู่เลย แต่ตอนนี่เขาเลื่อนมาอยู่ที่ซอกคอผมแล้วและแขนก็สอดเข้ามากอดผมไว้ดูเหมือนจะเลื่อนไปเลื่อนมาแถวๆ ท้องน้อยและค่อยเลื่อนต่ำลง ต่ำลง จนกระทั้งถึงตรงนั้น ...ของผม..นั้นมันของสงวนครูนะคริส!!!

                       "เพราะอันนี้หรือเปล่าอะครู" ผมทำตาโตเพราะว่านายคริสจับตรงแกนกายผมเข้าแบบเต็มกำมือ ผมหลับตาปี๋อายซิครับ คริสเลยรู้จนได้ว่าผมกำลังอยู่ในห่วงอารมณ์ไหน

                       "ผมก็เป็นอะครู ตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว เรามาทำด้วยกันนะ ถ้าไม่ทำนี้คงนอนไม่หลับแน่ๆ " คริสโตเฟอร์กระซิบข้างหูผมแต่มันดังก้องเหมือนตะโกนใส่ซะมากกว่า

                       " แต่ผมยังไม่เคยทำให้ผู้ชายด้วยกัน..เคยแต่ให้ผู้หญิงทำให้ " หูผึ่งมันจะดีหรอ?

                       "ครูหันมาซิครู...นะ..ผมว้อนอะ" น้ำเสียงของคริสโตเฟอร์ มันยั่วยวนผมมาก อย่ายั่วครูเดี๋ยวครูใจแตก!

                       "I need you help me, please!." ถึงจะเป็นคำขอที่สุภาพก็เถอะ คริสโตเฟอร์ดันผมให้พลิกไปหาเขา ผมก็ค่อยๆพลิกตัวเองเข้าหาคนที่นอนตะแคงรอผมอยู่ แล้วแถมยังอยู่ในท่าเท้าแขนมองผมด้วยสายตาที่เซ็กซี่ซะด้วย

                        ผมจ้องมองคนที่นอนข้างๆผม เขาไม่ได้สวมเสื้อนอนแต่กางเกงนี้ผมไม่รู้ว่าสวมไหมเพราะผ้าห่มมันคลุมอยู่ครึ้งท่อน คริสก็ดันผ้าห่มออก ผมก้มมองตรงนั้นของคริสมันแข็งและเรียกได้ว่าชี้หน้าผมอยู่ดีกว่า ยังดีที่คริสใส่กางเกงบอล แต่ว่าดูแล้วไมได้ใส่กางเกงยืดข้างในแน่ๆ

                       "นะครู ..ผมอยากให้ครูสอนผม" ผมก็มองหน้าจะดีเหรอ ผมไม่ใช่ครูที่ชำนาญการเรื่องเพศศึกษาแต่แค่มีประสพการณ์เฉยๆ

                       "แต่ว่า.." ผมทำท่าจะปฏิเสธ

                       "ครูมันเป็นเรืองธรรมชาติไม่ใช่เหรอครับ..นะครู..ของครูก็พร้อมแล้วอะ...นะเรามาทำด้วยกันนะครู...อืมม" คริสโตเฟอร์พูดออดอ้อนผมและเขาดึงผมเข้าไปแนบชิดแผ่นอกแน่นๆของคริส คริสโตเฟอร์ก้มลงจูบปากผมเบาๆและคลอเคลียไปตามแก้มไล่ลงมาที่ต้นคอ มือผมก็กุมส่วนนั้นของคริสไว้มันแข็งและเต็มมือมาก อายุแค่นี้ยังซูซีกับผมแล้วไปกินอะไรมาทำไมมันโตไวจังของผมนี้กว่ามันจะโตใช้เวลาตั้งนาน นี้อายุแค่17จะแซงหน้าผมอยู่แล้ว

                       "อืมม..คริส...ซี้ด" ผมซี้ดปากเพราะว่าคริสกำลังใช้มือปฏิบัติกับของผม ผมก็ใช้มือปฏิบัติให้คริสตอบเช่นกันแต่ของผมอาจจะรู้งานมากกว่าคริสโตเฟอร์ เพราะว่าเขายังดูขัดๆเขินๆแต่เขาก็พยายามทำให้เหมือนที่ผมทำให้เขานั้นแหละ ผมก็จูบคริสเราแลกลิ้นกันพัลวัลเลย ม้วนรัดกันอย่างไม่เกรงกลัวว่ามันจะพันกันจนเอาไม่ออก(แต่มันคงไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งเนอะ) ขาก็กอดก่ายกันไปมา ตอนนี้ผมปลดปล่อยความรู้สึกของตัวเอง เรียกได้ว่าตอนนี้ผมเป็นตัวของตัวเองเต็มที่

                       ตอนนี้ความต้องการของหวงอารมณ์ไคร่มันก็กำลังครอบคลุมความถูกผิดไปหมด และคงห้ามได้ยากเพราะนี้ก็คือพื้นฐานของความต้องการของมนุษย์ที่ทุกคนต้องมี  และผมเองก็เป็นเช่นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีรัก โลภ โกรธ หลงและยังคงมีกิเลสตัญหา

                  ผมทั้งจูบทั้งไซ้ลงที่ซอกคอขาวๆนั้นของคริสโตเฟอร์ เมื่อตอนบ่ายมีแค่คริสที่รุกผมส่วนผมก็นอนดิ้นรองรับลิ้นนั้น  แต่ตอนนี้ผมรุกเองแบบผู้ใหญ่เขาทำกันด้วยประสบการณ์ที่เหนือกว่าด้วย

                       "ที่รัก..อืม..เก่งสุด..คริส..ชอบ..อ่าห์....ขอแรงนิดหนึ่งซิที่รัก"เสียงกระเซ้าบอกให้ผมเร่งระดับการปฏิบัติด้วยมือ ขอมาผมก็จัดให้

                       "อืมมม...อืมม..อ่าห์..โอ้วว..คริส..ซี้ด..โอ้วว" ผมร้องครางออกมาเช่นกัน นี้ขนาดบอกว่าไม่เคยทำให้ผู้ชายด้วยกันนะ

                       "อะ..อะ ..อ่าห์...คริสสสสสส...โอ้วว..อู้ " เสียงสุดท้ายผมก็เรียบร้อยไปแล้วและคริสก็เช่นกัน

                       "แฮ้กๆ" เสียงหอบของผมและคริส หลังจากที่เราทั้งคู่เสร็จสมอารมณ์หมายผมก้มมองมือที่กุมของรักของหวงคริสไว้ น้ำสีขาวขุ่นๆ เต็มมือผมไปหมดและที่มือคริสก็เช่นกัน

                        คริสโตเฟอร์มองหน้าผมและก้มลงมาบดขยี่เบาๆ ผมยังคงจ้องมองใบหน้าของคริสโตเฟอร์ นี้ถ้าบอกว่าอยู่มหาวิทยาลัยนะเชื่อสนิทเลยเด็กมัธยมอะไรถึงได้เชียวชาญเรื่องอย่างว่าแบบนี้

                       "คราวนี้นอนหลับสบายแหละ" คริสโตเฟอร์พูดปนยิ้มๆให้ผม แน่ละเรียบร้อยไปพร้อมกันขนาดนี้ไม่มีอะไรติดค้างแล้วนิแถมยังออกมาจนหมดแม๊กเลยก็ว่าได้

            เขาเอื้อมไปหยิบกล่องกระดาษทิชชูและส่งมาให้ผมสองสามแผ่นเพื่อเช็ดทำความสะอาดของตัวเอง

                       "ที่รักเปิดไฟตรงหัวเตียงให้หน่อยซิครับ" คริสโตเฟอร์บอกผมเขาเรียกผมว่าที่รักมันรู้สึกดีแปลกๆ คริสโตเฟอร์ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อนำกระดาษทิชชู้ที่ใช้แล้วทั้งของผมและของเขา เขาหยิบของผมโดยไปทิ้งให้โดยไม่รังเกียจสักนิด

                   คริสโตเฟอร์เช็ดทำความสะอาดบนเตียงนอนจนเกือบหมดคาบแต่ก็ยังมีเลอะเทอะอยู่นิดหน่อย พรุ่งนี้ผมต้องเอาไปซักให้ซะหน่อย แค่คิดใบหน้าผมก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันที มันเป็นเรื่องที่น่าอายจริงๆ

                       "คริส..ครูขอโทษนะ..ที่จริง" ผมพูดขอโทษคนที่นั่งลงบนเตียงข้างผมทิ้งตัวลงนอนลงและสวมกอดผมทันที

           "ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยครู..มันเป็นเรื่องธรรมชาติ..แต่มันสุดยอดมากเลยนะดีกว่าทำเองอีก..ครูว่าไหมและยิ่งทำให้กันแบบนี้ด้วย..ฟินกว่าดูหนังโป้และทำไปด้วยอีก" คริสโตเฟอร์พูด นี้พูดมาได้ไม่คิดจะอายกันบ้างสักนิดเลยหรือไง คริสกำลังใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากผมเบาๆ

                       "นี้แค่มือนะผมยังรู้สึกดีได้ขนานนี้ถ้ามากกว่านั้นละ" คริสโตเฟอร์พูดในตาเป็นประกายผมรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ผมหันไปมองคริสแว๊ปหนึ่ง

                       "ครูยังไม่พร้อมในขั้นนั้นนะคริส" ผมออกปากปฏิเสธไว้ก่อนเลย

                       "ผมรอได้...ผมรักครูนะ..แต่ผมก็กลัว.."

                       "ผมกลัวถ้ารักแล้วครูทิ้งผมไปอีกคนผมจะทำยังไง..ครู"

                       "คนที่เธอบอกว่ารักเธอและเขาทิ้งเธอไปเธอหมายถึงพ่อเหรอ"

                       "อืม"

                       "ถ้าอย่างนั้นเธอต้องตามหาเขาซิจะได้รู้ความจริงๆ "ผมหันบอกคริสโตเฟอร์ ให้ออกตามหาพ่อเขา ผมไม่อยากให้เขาคิดเอาเองว่าพ่อไม่รักเขาทิ้งเขาไป ผมไม่อยากให้เขามีความรู้สึกที่ไม่ดีกับพ่อเขา ผมเชื่อว่าเขาอาจจะมีเหตุผลที่มากพอว่าทำไม

                       "ถ้าครูไม่มีแฟนก็คงจะดี..." คริสโตเฟอร์นอนพลิกตัวนอนตะแคงยกข้อศอกขึ้นตั้งฉากยันศรีษะของเขาไว้ สายตาเขามองผม สายตาคู่นี้ไม่ใช่สายตาเด็กนักเรียนทั่วไปที่ผมเคยเห็นแต่เขาก็ยังเป็นเด็กนักเรียนของผมอยู่ดี

                       "คริสครูกลัวว่านี้มันจะเป็นการทำร้ายเธอ"

                       "ความรักไม่เคยทำร้ายใครไม่ใช่เหรอครู และผมก็เชื่อว่าครูรักผม..ผมมองมันผ่านสายตาของครูได้ ผมรู้สึกแบบนั้น ว่าเราคิดตรงกัน" คริสโตเฟอร์พูด เขาใช้ฝามือประครองใบหน้าของผม

                       "ผมดูออกว่าครูคิดยังไงกับผม...และผมก็รู้ว่าตัวเองคิดยังไงกับครู..เหมือนเราได้เจอคนที่ใช่แต่ในเวลาที่ผิดใช่ไหมครู" พอผมได้ยินแบบนี้ทำไมผมรู้สึกมันเจ็บขึ้นมาที่อกข้างซ้ายของผมยังไงก็ไม่รู้ มันผิดที่ผมเป็นครูและเขาเป็นนักเรียนของผมนี้ซิ

                       "เพราะครูคิดว่าผมเป็กเด็กนักเรียนและเด็กกว่าครูอีกด้วยใช่ไหมครับ ..นี้มันเวทีรักนะครับครูไม่ใช่เวทีนักมวยจะได้ขึ้นชกข้ามรุ่นกันไม่ได้นะ" นายคริสโตเฟอร์พูดและยังมาขำผมอีก

                       "หึหึ" เสียงหัวเราะในลำคอของผมกับมุกที่คนอายุน้อยกว่าพยายามใช้อ้างอิงขอความรักคนอายุเยอะกว่าอย่างผมนะซิ และมันก็ได้ผล ผมเอื้อมมือไปแตะแก้มคริสโตเฟอร์คริสเขาใช้แก้มเขาหนีบมือผมไว้ มือเขาก็บีบมือผมเล่น บีบแล้วคลายบีบแล้วก็คลายอยู่แบบนั้น

                       "นอนได้แล้วคริส..ครูเริ่มง่วงแล้วแหละ..นอนหลับฝันดีนะครับ" ผมพูด คนที่นอนตะแคงก้มลงมาจุมพิศที่ริมฝีปากบางๆของผม

                       "นอนหลับฝันดีครับ..อยากเรียกที่รักไม่อยากเรียกครูแล้วอะ"

                       "นอนได้แล้ว..ได้คืบจะเอาศอกนะเรานะ " ผมพูด พอคริสโตเฟอร์ทิ้งพร้อมกับสอดแขนเข้ามากอดผมเหมือนเดิม กอดไว้แน่นเชียวเหมือนกลัวว่าผมจะหายไปซินะ ผมเอื้อมมือไปกดปิดสวิตซ์ไฟและความมืดก็เข้ามาอีกเยือนอีกครั้งแม้จะมีแสงไฟจากไฟภายนอกแต่ก็สว่างแค่นิดเดียว

                       "ครูรู้ไหมว่าผมกลัวความมืด ผมกลัวการอยู่คนเดียวแต่ผมก็กลัวการมีความรักผมไม่อยากรักใครที่ผมไม่รู้ว่าผมจะไว้ใจเขาได้หรือไม่ ผมกลัวการจากลา" เสียงของคนที่กอดผมอยู่เขาซบหน้าลงที่แผ่นหลังของผม

                       "พอผมได้กอดครูความกลัวเหล่านี้มันก็หายไป ครูอย่าทิ้งผมไปนะ ผมรักครู " เสียงที่พร่ำบอกผมว่าอย่าทิ้งเขาไปมันดังก้องอยู่ในหัวผมตลอดจน ผมเริ่มได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของคริสเขาคงหลับไปแล้ว

                       พอผมได้ยินแบบนี้แล้วผมควรจะเลือกทางไหน และเขาก็พูดถูกซะด้วย ใช่ผมกำลังรักเขาและเหมือนจะรักเขามากกว่าณัฐกานต์ซะด้วย แต่ว่าผมกับณัฐกานต์ยังไมได้เลิกกันอย่างเป็นทางการ

                        เพราะว่ายังมีอะไรร่วมกันอีกหลายอย่าง สมุดบัญชีที่เปิดด้วยกันตั้งแต่ผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยผมรับสอนพิเศษให้เด็กเล็กและรับจ๊อบทำงานที่ร้านกาแฟสดของอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเขาเปิดคาเฟ่เล็กใกล้กับย่านที่พักของนักท่องเที่ยวเขาเห็นว่าผมเป็นคนเก่งภาษาอังกฤษผมพูดได้ดีเลยทีเดียว เขาจึงชวนผมไปทำ จนผมกับณัฐกานต์พอจะมีเงินเก็บหลักแสนและคอนโดที่ผมกับณัฐกานต์ช่วยกันจ่ายจนเป็นอิสระ  และมันก็สมบัติของผมและณัฐกานต์เป็นที่เรียบร้อยเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่าน ถูกโอนเป็นชื่อของผมสองคน
                                   ผมขอให้มันจบลงด้วยดีอย่างน้อยความเป็นเพื่อนก็ยังคงอยู่ สี่ปีมันก็ผูกผันมากพอสมควร ถามว่ารักไหมก็รักมากพอ แต่ถ้าเทียบกับความเหนื่อยล้าแล้วผมยอมรับว่าเหนื่อยมากเหมือนกันเพราะเส้นทางความรักของสองเรามันเหมือนเส้นทางที่ขนานกันสองเส้นที่ไปกันไม่ได้เลย เพราะเรามองต่างกันคิดก็ต่างกัน มองสิ่งเดียวกันแต่ให้ความหมายกันไปคนละอย่างดังนั้นเขมจะไม่รั้งณัฐกานต์ไว้ด้วยคำว่า "เรารักกันมานาน " เพราะบางที่รักเราอาจจะหมดไปตั้งนานแล้วก็ได้แต่ที่ทนอยู่ก็แค่ยื้อไว้เพื่อหวังว่ามันอาจจะดีขึ้นแต่จริงๆแล้วมันกลับยิ่งแย่ลงกว่าเดิม

                               "หมับ" ผมจับมือของคนที่กอดผมไว้มากุมไว้หลวม

                               "ครูจะไม่ทิ้งเธอ ครูสัญญา " คำพูดที่เบามากแต่ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะทำแบบนี้ และผมคงต้องยอมรับถึงสิ่งที่จะต้องตามมาและปัญหามากมายที่ผมและเขาจะต้องพบเจอ ซึ้งมันอาจจะรอผมสองคนอยู่เบื่องหน้าแต่ผมจะไม่ทิ้งเขาเด็ดขาด
 ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
           ขออภัยหากฉากนี้ คนแต่งก็ไม่เคยเขียน NC มาก่อนรู้สึกขัดๆ เขินๆ แต่มาให้จิ้นกันเบาๆ ขอบคุณคุณทุกกำลังใจค่ะ หวังว่านิยายเรื่องนี้จะเป็นถูกอกถูกใจกันบ้างนะ หากมีคำผิดต้องขออภัยด้วยคนแต่งก็พยายามอ่านและตรวจทานอยู่เลยเรื่อยๆแม้จะลงไปแล้วก็ตาม ถ้าเจอจะรีบแก้ให้ทันทีนะคะ
รักคนอ่านจัง .... :pig4: :กอด1: :กอด1:

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอนที่15.1ครูเขมXคริส รู้สึกเหมือนจะเป็นปั๊ปปี่เลิฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 06-08-2020 16:07:57
 :man1:มันส์ดีคับ
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอนที่15.1ครูเขมXคริส รู้สึกเหมือนจะเป็นปั๊ปปี่เลิฟ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 06-08-2020 20:20:46
 :o8:  เขินแทนครูเขมยังไงก็ได้รู้
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน(ครูเขม X คริส) EP.9 ความสุขเล็กๆของผมสองคน1
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 06-08-2020 21:31:42

(ครูเขม X คริส) EP.9 ความสุขเล็กๆของผมสองคน1

                Part คริสโตเฟอร์        เมื่อคืนผมกับรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก จะทำไมก็เพราะว่าพี่เขม หรือครูเขมชาติ คนที่ผมตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ ตอนที่เขาจะตกบรรได ตอนนั้นผมคว้าแขนเขาเอาไว้และนั้นคือการสบตากันครั้งแรกก็ปิ้งเลย ทั้งที่ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครที่เป็นผู้ชายมาก่อน ตอนแรกก็คิดว่าผมคงซ้ำซนไป แต่เมื่อคืนนี้ไม่ซิเมื่อวานเรียกว่าทั้งวันเลยที่ผมได้สัมผัสริมฝีปากที่บางเรียวสวยคู่นั้น พี่เขมเป็นผู้ชายที่ริมฝีปากบางสวย ไม่หนาเหมือนผมมันช่างน่าดูดดื่มซะจริงๆ ว่าแล้ว

                       “อืมมม” ผมก็ค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปและประกบริมฝีปากของพี่เขมที่นอนหลับ ขนาดหลับนะยังดูหล่อซะไม่มี และเมื่อริมฝีปากผมแตะที่ริมฝีปากนั้นและผมก็ค่อยจูบเบาๆ คนที่นอนก็ครางออกมาเบาๆ และเมื่อผมเริ่มมอบรสจูบที่หนักหน่วงขึ้นน พี่เขมก็ค่อยๆลืมตาขึ้นเช่นกัน

                       “คริส “ พี่เขมเรียกชื่อผมแต่ไม่ได้ผลักตัวผมออก

                       “เป็นการปลุกที่น่ารักที่สุดในโลกใช่ไหมครับ” ผมพลิกตัวนอนคว่ำมองหน้าพี่เขม พี่เขมก็หลับตาลงแต่ก็ยิ้มให้ผมอ่อนๆ

                       “กู้ดมอร์นิ่งครับพี่เขม”

                       “กู้ดมอร์นิ่งครับคริส”พี่เขมค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะบอกทักทายผม ผมสองคนก็สบตากัน มันสื่อความหมายได้มากมายเหลือเกินและผมสองคนก็เริ่มขยับเข้าหากัน ริมฝีปากเราสองคนขยับพร้อมกันเหมือนจะต้องการริมรสความหวานของกันและกัน ..แต่

                       “อืมมมม...ปึก” เสียงที่ทำให้ผมสองคนต้องชะงักในท่าจะกำลังจะประครองใบหน้าของกันและกัน สายตาผมสองคนเหมือนมีคำถามว่า “เสียงใครวะ” ผมหันไปมอง มีซากศพ ที่นอนพาดเตียงอยู่ ในชุดที่บอกได้ว่ามันไปปาร์ตีมาแน่ๆ

                       “ไอ้ปันปัน!” ผมพูดและพี่เขมก็ดีดตัวลุกขึ้นและผมก็ลุกพล้วดเช่นกัน แบบว่ามันมาตอนไหน ทำไมผมไม่ได้ยินอะไรเลย และมันจะเห็นผมกับพี่เขมกอดกันไหมวะเนี๊ยะ

                       “ปัน” ผมเดินไปหยิบเอาไม้กวาดและเขียสภาพมันที่นอนพาดอยู่บนเตียงของไอ้โป้ง ไอ้ปันปันมันไม่ได้นอนบ้านพักของพวกผม มันนอนอีกหลังหนึ่งถัดไปสองหลังแต่ไม่รู้วันนี้ทำไมมันกลับมานอนที่นี้

                       “ไอ้ปัน ปัน” ผมเขี่ยและเรียกมันอีกครั้ง มันยังคงไม่กระดุกกระดิก

                       “ไอ้ปันปัน!!” ผมร้องเรียกชื่อมัน

                       “อะไรวะ ..” ไอ้ปันปันกระดกหัวขึ้นและหันมองหาผม

                       “ข้างหลังมึง” ผมบอกมันและมันก็พลิกตัวหันนอนหงายมองผม

                       “มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมถามไอ้ปันปัน

                       “เมื่อไหร่วะ ไม่รู้วะ” มันพูด แสดงว่ามันเมาหนักมาก กลิ่นเหล้าบุหรีจากเสื้อผ้าของมัน และไอ้ปันปันมันก็ลุกขึ้นนั่งและหันไมองรอบๆ และหันมามองหน้าผม

                       “กูมายังไงวะ” ไอ้นี่ถามผมแล้วผมจะไปถามใคร เพราะว่าตื่นมาก็เจอศพมันพาดอยู่เลยแบบนี้ มาตอนไหนผมยังไม่รู้เลย ผมได้แต่ส่ายหัวว่าไม่รู้เหมือนกัน และไอ้ปันปันมันก็กวาดสายตาไปรอบๆห้องและมันก็ไปหยุดที่พี่เขม

                       “มึงมาหากูทำไมวะคริสแต่เช้า” ไอ้ปันปันมันหลี่ตาขึ้นมาถามผม ผมก็ต้องเกาหัว เพราะว่าคนที่มานะมันไม่ใช่ผม

                       “มึงนั้นแหละครับที่มาหากู ที่บ้านพักของกู แต่ตอนไหนอย่าถามกูไม่รู้” ผมบอกไอ้ปันปัน ไอ้นี้มันอยู่ถัดไปสองหลังแต่บางทีถ้าผมมไม่อยู่มันก็จะมานอนกับไอ้โป้งบ้าง แต่ผมนะน้อยครั้งมากที่จะไม่อยู่ นอกจากจะไปกับไอ้โป้งมันเลย

                       “ใครวะ” มันชี้ไปที่ครูเขม ผมก็ผงะ มันก็เจอครูเขมก่อนจะออกไปนะ ไอ้นี้ความจำหายไปเลยหรือไง

                       “ก็ครูเขมไง ครูเขมเขามานอนกับกูอ่ะเมื่อคืน” ผมพูดบอกมัน สงสันไอ้นี้ต้องจูนผมเข้ไปจูนสัญญาณมันนิดหนึ่ง โดยการใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ นวดขมับมันหน่อย มันเป็นมุขจูนสัญญาณ นั้นจำได้ละซิ
                       
                       “อ้อ..ครูหวัดดีครับ “ ไอ้ปันปันหันไปยกมือไหว้พี่เขม พี่เขมก็ยกมือไหว้รับไหว้และขมวดคิ้ว

                       “สงสัยมันยังค้างนะพี่เขม มันเลยจำพี่ไม่ได้” ผมพูดให้พี่เขมอ่านปาก และพี่เขมเขาก็พยักหน้าและค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงนอนของผม

                       “เฮ้ยย!  ครูมานอนกับมึงเหรอวะ ทำอะไรกันเปล่า” ไอ้ปันปันมันลุกขึ้นและมันก็เสือกตื่นจากภวังค์ซะอย่างนั้น มันถามผมและหันไปมองครูเขมที่ลุกขึ้นทำท่าจะหยิบกระเป๋าเป้

                       “ไม่ได้ทำ มึงจะบ้าเหรอ” ผมรีบพูด

                       “เออๆ ว่าแต่ตกลงกูมาอยู่ห้องนี้ได้ยังไงวะ “ ไอ้ปันปันพูด ผมก็คิดว่ามันคงไมได้เห็นอะไรแน่ๆ ระหว่างผมกับครูเขม

                       “กูก็ไม่รู้วะ ..แต่ว่ามึงก็มาแล้ว ไปอาบน้ำไป เหม็นกลิ่นบุหรีและเหล้าชิบหายเลย ” ผมพูดบอกมันและผลักมันให้เข้าห้องน้ำด้วย มันชอบมาอาบน้ำที่นี้หลังซ้อมบาสเก็ตบอล มันเลยเอาเสื้อผ้ามาทิ้งไว้ที่นี้บ้าง

                       “พี่กลับบ้านพักนะคริส พี่ว่าพี่จะกลับไปอาบน้ำที่บ้านดีกว่าคริสและพี่ว่าจะออกไปหาซื้อของใช้สักหน่อย“ พี่เขมบอกผม พี่เขมก็เก็บทุกอย่างใส่กระเป๋าเป้

                       “พี่เขมที่บ้านพักพี่เขมไม่มีน้ำ พี่จำไม่ได้เหรอครับ ทำไมพี่ไม่อาบน้ำจากที่นี้ไปเลยละครับพี่เขม แล้วเราออกไปพร้อมกันเลย ผมจะไปกับพี่ด้วยวันนี้ผมว่าง ผมยกเลิกนัดสาวๆเพื่อพี่เลยนะ “ ผมบอกพี่เขม พี่เขมคงลืม เขาก็ยืนนึกและหันมามองผม

                       “พี่เกรงใจนะคริส” พี่เขมพูด

                       “เกรงใจทำไมละพี่เขม เราเป็นของกันและกันแล้ว”ผมพูดหยอกพี่เขม ผมชอบดูสีหน้าพี่เขมตอนถูกผมแกล้ง เขาหันมากอดอกมองผม
 
                       “ล้อเล่นนะพี่เขม อาบที่นี้แหละพี่ ผมจะได้พาไป...ทานอาหารเช้าแถวๆ โรงเรียนพี่เขม” ผมบอกพี่เขม เขาก็พยักหน้าตอบรับ

                       “ถ้าอย่างนั้นเราอาบพร้อมกันนะพี่เขม” ผมพูดบอกพี่เขม พี่เขมหันมามองหน้าผม

                       “ไม่เอา..ปัน ปันอยู่ และนี้ดีนะที่มาในสภาพที่เมาแบบจำว่าตัวเองมายังไงยังไม่ได้เลย ไม่อย่างนั้นนะคงเห็นนายกับพี่กอดกัน ” พี่เขมพูดเบาๆกับผม

                       “ผมเชื่อว่าปันปันมันไม่ใช่คนอย่างนั้นพี่ เมื่อวานมันก็เป็นคนบอกผมนะว่าพี่มาแต่ แก้มมันไม่ได้บอกผมเลยด้วยซ้ำ “ ผมบอกพี่เขมไป พี่เขมพยักหน้าและพอปันปันมันออกมาได้ ดูสภาพที่ดีขึ้นกว่าก่อนเข้าไป มันนุ่งผ้าขนหนูออกมาแต่มันก็ห่มมาด้วยผ้าขนหนูอีกผื่น ผมคิดในใจทำไมไม่กระโจมอกแบบสาวๆมาเลยละ

                       “เออ..แล้วครูนอนเตียงไหนอ่ะครับ” ไอ้ปันปันมันถามพี่เขม

                       “นอนเตียงคริส” “นอนเตียงกูไง” ผมกับพี่เขมตอบพร้อมกันแต่ไม่เหมือนกันทีเดียว ไอ้ปันปันมันหันมามองหน้าผม

                       “แล้วทำไมไม่ให้ครูนอนเตียงไอ้โป้งละไอ้คริส มันว่างอ่ะ”ไอ้ปันปัน ผมลืมเตี้ยมไว้ก่อน แต่ไม่ทันแล้วมั้งผม

                       “เออ ครู เกรงใจโป้งนะ คริสบอกว่าเขาหวงเตียง” พี่เขมพูดบอกไอ้ปันปัน

                       “ครู ถ้ามันหวงเตียงปานนี้มันกลับมานอนเตียงมันแล้วแหละครับ ไม่ท่อไปนอนโรงแรมหรอกครับครู” ไอ้ปันปัน ผมอยากจะบีบคอมันจริงๆ พี่เขมหันมามองผม เลิกคิ้วด้วยมีคำถามละซิ ผมก็หันไปยิ้มให้

                       “และเตียงนี้เตียงโรงเรียนครับครู ผมจะหวงกันทำไมอ่ะ พอจบไปคนอื่นก็มานอน เอากลับบ้านได้ที่ไหนละครับ” ไอ้ปันปัน ผมก็เดินไปและ

                       “พูดมากไปแล้วครับ ปันปัน” ผมก็กัดฟันบอกไอ้ปันปันและมองหน้ามัน มันก็มองหน้าผม สายตาประสานกัน แน่นอนเพื่อนกันมาหลายปีมันต้องเข้าใจทันที

                       “เหอะๆ เหรอ!  โทษทีนะ กูช้า” ไอ้ปันปันมันพูดและหันไปจัดการแต่งตัวทันที พี่เขมก็มองผมกอดอกและผมก็ต้องเอื้อมไปหยิบผ้าเช็ดตัวส่งให้พี่เขม

                       “อาบน้ำครับคุณครู” ผมบอก

                       “ได้..นายนี้นะ มันน่าหนักคริส! ” พี่เขมชี้หน้าผมและเดินเข้าห้องน้ำไป

                       “ไอ้เชี้ยปัน” ผมหันไปด่ามัน

                       “ฮาๆ สมน้ำหน้า แม้..”

                       “มึงเห็น”

                       “ถึงผมจะเมาแต่ผมก็เห็นได้ชัดเจนครับคุณคริส”

                       “แล้วมึง มายังไงวะ ”

                       “กูก็ไม่รู้ว่า ว่าไอ้อาร์ทมันพากูมาส่งหลังนี้ และพอกูขึ้นมาเห็นเตียงว่างๆเลยนอนเลย “ ไอ้ปันปันมันบอก แสดงว่าไอ้อาร์ทและไอ้โจ มันก็คงเมาเลยเอามันมาส่งผิดหลังด้วย ฮาๆ

                       “มึงจะบอกไอ้โป้งไหมวะ เรื่องกูกับครูอ่ะ” ผมถามไอ้ปันปัน

                       “กูไม่บอกโป้งมันหรอกไอ้คริส มึงรู้ดีว่าทำไม” ไอ้ปันปันมันพูด ผมพยักหน้าและไม่นานครูเขมก็ออกมาจากห้องน้ำ และสวมชุดลำลองกางเกงขาสั้นไม่สั้นมากคลุมเข่าหุ่นพี่เขมดูสูง ไม่ผอมไม่อ้วน เรียกได้ว่าหุ่นดีทีเดียว ผมหันเหล่ไอ้ปันปันมันแอบมองหุ่นพี่เขมผม ผมรีบทำนิ้วเฉือดคอ ห้ามมอง และมันก็ส่งนิ้วกลางให้ผมด้วย และผมก็รีบเข้าห้องน้ำอาบน้ำอย่างไวมาก ปล่อยให้พี่เขมยื่นแต่งหล่อไปก่อน
******************************************************************************************************************************
Part ครูเขมชาติ
           ผมออกมาจากห้องน้ำก่อนผมก็แต่งตัวเพื่อจะได้ออกไปหาอะไรทานกับคริสก่อนและจะเข้าไปดูครูโจ้ว่ามาหรือยังเพราะจะได้รบกวนครูเขาซ่อมแป๊ปน้ำให้ผม ผมจะได้นอนบ้านพักของผม จะให้ผมนอนกับคริสไม่ได้หรอกคืนนี้ ผมกลัวใจผมเองจะทำแบบนั้นอีก ผมหันมาก็เจอปันปันที่ยืนแต่งตัวเตรียมออกเหมือนกัน เขาก็ส่งยิ้มมาให้ผม ผมก็ส่งยิ้มกลับไป

           “ครูเขมครับ ผมฝากบอกไอ้คริสด้วยนะครับผมจะออกไปหาอะไรทานก่อน ผมนัดพวกไอ้อาร์ทและไอ้โจไว้ครับ และผมคิดว่ามันคงจะ..อยากไปกับครูมากกว่า” ปันปันหันมาบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ และหันกลับไปแต่งทรงผมรองทรงของผมและนายคริสก็ออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าพันกายแบบหมิ่นๆมาอีกแล้ว นายนี้ยั่วผมตลอด นายคริสสระผมเลยทำให้ผมเขาเปียก นายคริสไปยืนที่หน้ากระจก ทาครีมทาหน้าด้วยนะ มิหน่าละหน้าใสเชียว และผมก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดที่หัวให้คริสโตเฟอร์ ก็เมื่อวานเขาเช็ดให้ผมแล้ว และนายคริสก็เอียงหัวมาให้ผมเช็ดให้เขาด้วยความเต็มใจ

           “ขอบคุณนะครับที่รัก” คริสโตเฟอร์เอียงคอมองผมและพูดขอบคุณผม ไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย ผมเขาก็แห้งหน่อยๆ ผมหันไปเอาผ้าขนหนูพาดกับราวตากผ้าเล็กในห้องนั้น พอผมหันมาผมก็เห็นนายคริสกำลังสวมเสือคอโปโลและกางเกงขาสั้นแต่มันจะต่างจากผมหน่อยเพราะว่าของผมขามันจะแคบกว่าผมไม่ชอบใส่แบบใหญ๋ๆ ส่วนนายคริสก็จะประมาณนั้นและสวมถุงเท้าของอาดิแดส และผมก็มองไปที่ใบหน้าของเขา โครงหน้าของเขามันบ่งบอกว่าคนนี้ไม่ใช่คนไทยอย่างชัดเจน ผมมองเลือยไปจนหยุดที่นัยต์ตาคู่นั้น และมันก็ทำให้ผมคิด

                       “พี่เขม “ เสียงคริสโจเฟอร์เรียกผมจนผมสะดุ้งสุดตัวเพราะว่าผมมัวแต่คิดถึงสีตาของเขาในวันแรกที่ผมเห็นกับวันนี้มันต่างกัน

                       “มีอะไรคริส” ผมถามคริสกลับแบบแก้เขินที่ผมมัวแต่มองเขานานไปหน่อย

                       “ผมเห็นพี่ยืนนิ่งอยู่พักหนึ่งแล้วผมเลยเรียกอ่ะครับ” คริสโตเฟอร์พูดและหันมามองผม แบบใกล้ชิด ผมก็มองเขาแบบใกล้ชิด ผมเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติไป สีตาของเขาวันนี้มันเป็นสีดำ แต่วันก่อนผมเห็นเป็นสีฟ้านะ ผมเหลือบไปเห็นกล่องคอนแทรคเลนส์วางอยู่ เหมือนกับว่าเขาใส่คอนแทรกเลนส์ด้วย

                       "เธอใส่คอนแทคเลนส์เหรอคริส ? " ผมถามคริสโตเฟอร์ เพราะว่าวันแรกผมนะเห็นตาเขาสีฟ้าและบางวันก็สีดำ
                       "ใช่..เพื่อปกปิดมัน...ผมอยากปิดบังมันไว้...ผมพยายามหลอกตัวเองว่าผมไม่มีส่วนไหนที่ได้มาจากพ่อของตัวเองแต่มันกลับไม่ใช่ผมได้เขามาเกือบทั้งหมด"คริสโตเฟอร์พูด  เขาหันมามองหน้าผม

                               “และวันแรกที่พี่เห็นนายละมันเป็นตาสีฟ้านะ วันนั้นนะ” ผมพูดถามนายคริส

                               “วันนั้นผมหากล่องคอนแทคเลนส์ไม่เจอนะพี่ ก็มีแค่วันนั้นแหละที่ผมไม่ได้ใส” คริสโตเฟอร์พูด บอกผม
                       "ผมไม่อยากเห็นสีตาตัวเองพี่เขม และนี้มันก็ทำให้ผมดูแตกต่างจากคนอื่นเข้าไปอีกอ่ะครู  “คริสโตเฟอร์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ และหันไปมองทางอื่น ผมเข้าใจความรู้สึกเขานะ
                       "ทำไมละ..สีฟ้าแบบนี้สวยดีออก..ครูชอบ..และนี้คือตัวต้นที่แท้จริงของเธอนะคริส" ผมพูดและผมก็พลิกร่างของนายคริสโตเฟอร์ให้หันมาหาผม ผมมองหน้าคริสโตเฟอร์
                               
                               “ถ้าเธอไม่ยอมรับตัวตนของเธอเองแล้วใครจะกล้ายอมรับมันละคริส “ ผมถามคริสโตเฟอร์ เขาก็เงยหน้ามองผม สายตาเขาเหมือนเด็กน้อย

                       "เมื่อคืนเป็นคืนแรกที่ผมนอนหลับสนิทโดยที่ไม่ฝันร้าย..ครูเชื่อไหมผมฝันร้ายทุกคืน..ฝันว่าโดนทิ้งให้อยู่ลำพัง..ฝันว่าคนที่ผมรักเขากำลังเดินหันหลังทิ้งผมไป คำพูดที่บอกว่าจะกลับแต่เขาไม่เคยกลับมาอีกเลย" คริสโตเฟอร์หันมาพูดกับผม สายตาของเขามันแผงไว้ซึ้งความเจ็บปวด มันสำคัญมากในวัยเด็กหากเขาเจออะไรที่สะเทือนใจมันก็จะฝังลึกไปจนโต ผมถึงไม่อยากให้พี่ต้นกับพี่เกศรินทร์เลิกกัน เพราะว่าตาเอิร์ธก็ต้องการทั้งพ่อและแม่

                       "แต่เมื่อคืนผมรู้สึกดีรู้สึกอบอุ่นรู้สึกว่าผมไม่ได้อยู่ตามลำพัง" คริสโตเฟอร์พูดเขาเงยหน้ามองผมสายตาเป็นประกายยิ่งมีแสงอ่อนตกกระทบลงที่ดวงตาสีฟ้าคู่นั้น

                       "ถ้าครูไม่มีแฟนก็คงจะดีซินะ..เราเจอกันช้าไปใช่ไหมครู"
                       "หึ?" ผมเลิกคิ้งสูง ผมมองคนที่ยืนตรงหน้าผม ความสูงเขาเทียบเท่ากับผมได้แล้วอีกแค่ไม่กี่เซนติเมตรและอาจจะเลยแซงหน้าผมเร็วนี้เพราะนายนี้ยังไม่ 18 ปีเลย

                       "ผมรักครู" คำนี้ทำเอาผม หยุดชะความคิดทุกอย่างไปชั่วขณะ เพราะว่าเขาบอกว่าเขารักผม
                       "คริส.... มันเร็วไปหรือเปล่า ...เธอแน่ใจแล้วเหรอว่าเธอเป็นแบบนี้จริงๆ" ผมถามนายคริสโตเฟอร์
                       "คือครูหมายถึง... ครูเองก็ยังเคยสับสน ครูยังต้องใช้เวลาหลายปีเหมือนกันนะกว่าจะค้นพบว่าครูชอบแบบไหนนะคริส" ผมพูดคริสโตเฟอร์หันหน้ามามองผมนิ่งๆ เหมือนเขากำลังใช้ความคิด ผมคิดว่าเขาแค่สับสน
                      "และนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยนะ...ครู..."
                       "อืมมม" เขาดึงผมเข้าไปจูบทันทีโดยที่ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว เราจูบกันอยู่พักหนึ่ง

                       "ผมเคยบอกครูแล้วว่าผมจะพิสูจน์ด้วยการจูบ ถ้าครูสงสัยผมบ่อยๆ ผมคงต้องจูบครูบ่อยๆเช่นกัน"
                        "ครูยังสงสัยอะไรผมอีกไหมครับ" คริสโตเฟอร์ถามผมแบบนี้
                       "หึ" ผมรีบส่ายหัวทันทีถ้าสงสัยก็โดนจูบอีกอะดิวะ คริสโตเฟอร์ยิ้มให้ผมก่อนจะหันไปแต่งตัวต่อและ เขาก็ปล่อยให้ผมยืนทำหน้างง ใช้นิ้วลูบที่ริมฝีปากตัวเองเบาๆ  ผมเหลือบไปมองกล่องคอนแทคเลนส์ เอาจริงๆ คอนแทคเลนส์ไม่ได้ปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเขาไปได้ตลอดหรอกและผมก็ไม่อยากให้เขาใส่มัน แต่ของแบบนี้คงต้องค่อยๆบอกไป
                       "ทำไมยืนทำหน้าแบบนั้นละครู" คริสโตเฟอร์หันมาถามผม
                       "เออคริส...อย่าไปบอกใครนะเรื่องเมื่อคืนนะคริส" ผมพูดกับคริสโตเฟอร์ถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผมกับเขาทำกันสองคน
                       "ไม่บอกแน่นอน เรารู้กันสองคนไม่กล้าบอกคนอื่นหรอก" คริสโตเฟอร์หันมาพูด ดีมากมันก็แบบนี้แหละนะใครจะกล้าไปบอกละว่าทำแบบนั้นกับผู้ชายด้วยกัน
                       "เดี๋ยวคนอื่นเลียนแบบ" Q_o “เห้ย! “ ผมร้องออกมาเบาๆ เขาหันมาหัวเราะผม
                       "ขอบคุณนะครับครูเมื่อคืนมีความสุขมากเลย "
                       "หรือว่าครูไม่มีความสุขแต่ผมเห็นหน้าครูเคลิ้มซะขนาดนั้นแถมยังร้องครางซะดังแบบนั้นอีก ถ้าบอกไม่มีความสุขอีกนะคราวนี้ผมคงต้องหาท่ายากมาเล่นกับครูแล้วแหละ " คริสโตเฟอร์หันหน้ามาพูด ผมควรจะดีใจรอใช่ไหมละ  T_T

                       “ไม่ต้องท่ายากหรอก เอาแค่พื้นฐานให้รอดก่อนเถอะ ปากดีจริงๆนายนิ” ผมพูดเพราะว่าเขาก็ยังดูขัดเขินอยู่นะ สำหรับผม แต่ผมบอกไปว่าเอาแค่ท่าพื้นฐาน นี่ผมคิดอะไรไปไกลขนาดนั้นกับนายคริสจริงๆเหรอเนี๊ยะ ไม่นะเขมไม่เอาต้องไม่คิดบอกตัวเอง
                       "และดีนะที่บ้านพักข้างๆไม่มีใครอยู่นะ.. ฮาๆ คราวนี้เขาคงรู้กันหมดโดยที่ผมไม่ต้องเอ่ยปากบอกเอง " ยังมีหน้ามาขำผมอีกนะ ผมก็ยิ่งอายเข้าไปใหญ่เลย
                       "ว่าแต่ทำไมนายรู้เรื่องพวกนี้ด้วยละ..นายยังเด็กอยู่นะคริส" คริสโตเฟอร์ชี้ไปที่กล่องพาสติกผมก็หยิบมาดูพอเปิดดูก็ต้องหันมามองหน้าเจ้าของเพราะว่านี้มัน หนังสือโป้ ซีดีโป้ ผมก็ต้องรีบปิดมันลง เขาห็นว่าผมเห็นอะไรในกล่องนั้นซิท่า เลยหันมาหัวเราะและหันไปแต่งทรงผมเขาต่อ
                       "ก็เด็กผู้ชายใครเขาก็มีกันครับ ว่าแต่ครูไม่มีเหรอครับ" คริสโตเฟอร์พูด ผมหยักไหล่ไม่มี แต่ก็มีดูบ้างดูจากในยูทูปนั้นคือตอนแรกที่ผมกำลังเริ่มคบณัฐกานต์ ต่อมาไม่ต้องดูแล้วปฏิบัติเลย ผมแอบคิดคนเดียวพูดไปเดี๋ยวเด็กมันรู้

                       "ผมโตเป็นหนุ่มแล้วนะมันก็ต้องมีบ้างครู...แต่..ยังไม่เคยกับผู้ชายนะ"
                       "อ้อเคยแล้วซิ ....กับครูคนแรก..ที่ผมทำให้เมื่อคืนอะ" คริสโตเฟอร์หันมากระซิบกับผม ผมควรจะยิ้มอย่างภูมิใจด้วยใช่มั้ย ผมหันหลังไปจัดการสวมนาฬิกาข้อมือและแหวนที่ผมถอดเอาไว้
                       "ครูเขมครับ" คริสโตเฟอร์ยืนอยู่ข้างๆผมเขาใช้มือดันเอวผมให้หันหน้าไปหาเขาขณะที่ผมกำลังจะก้มลงติดคลิปนาฬิกาข้อมือเขาก็คว้าข้อมือผมไปและบรรจงติดมันให้ผมแทน
                       "ครูเชื่อที่ผมพูดไหม..ว่าผมรักครู" คริสโตเฟอร์หมุดตัวผมให้หันมามองหน้าเขาแววที่ที่ดูจริงจัง
                       "พี่เชื่อ..เพราว่าความรักมันเกิดได้ทุกเพศทุกวัน ทุกช่วงเวลา..แต่พี่ยังไม่ได้เลิกกับณัฐกานต์เลย...พี่รู้สึกผิดนะคริส." ผมเงยหน้าขึ้นมาจากการสาระวนพับแขนเสื้อเชิ๊ตที่ผมสวมทับเสื้อยืดเข้ารูปของผม ผมหันบอกคริสโตเฟอร์  เขาก็ยิ้มให้ผมก่อนจะเดินเข้ามาสวมกอดผม ผมก็กอดเขาตอบมันเป็นกอดที่ทำให้ผมรู้สึกดีมากจริงๆอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนแต่ก็รู้สึกผิดไปพร้อมๆกัน ก็เพราะว่าสถานะของผมกับเขาในตอนนี้ไง ที่มันอยู่กึงกลางระหว่างผมและเขา เปรียบเหมือนกำแพงกั้นแม้ว่าจะบางมากก็ตาม คำว่าครูและนักเรียน

                       "ไปหาอะไรทานกันดีกว่าพี่เขม..ผมพาไปร้านกาแฟสดมีพวกขนมปังปิ้งอะไรพวกนี้ มีอย่างอื่นด้วยนะ " ผมพยักหน้าเบาๆตอบรับ ผมหันไปมองกรอบรูปที่ตั้งอยู่ที่มีแค่รูปเขาและแม่ของเขาแต่อีกส่วนหนึ่งกลับหายไปหายไปผมสังเกตุดูมันน่าจะถูกพับไปด้านหลัวหรือไม่ก็ถูกฉีกออก ผมหันไปมองคริสโตเฟอร์ เขารู้ว่าผมหมายถึงอะไร คนที่หายไปจากรูปนั้นน่าจะเป็นพ่อของเขาซินะ
 
               คริสโตเฟอร์หยิบหนังสือขึ้นมาหนึ่งเล่มมันเป็นหนังสือนิทานภาษาอังกฤษ คริสโตเฟอร์เปิดให้ผมดูมันรูปผู้ชายเหมือนนั่งย่องๆกำลังทำท่าจะหอมใครสักคนและส่วนที่ถูกฉีกออกไปถ้าเอามาแปะต่อจากภาพที่อยู่กรอบรูปมันเข้ากันได้พอดีเลย ภาพผู้ชายต่างชาติเขากำลังหอมคริสโตเฟอร์ตอนเด็กๆ รูปนี้มันเก่ามากแล้วและตอนนี้เขาก็คงเปลี่ยนแปลงไปแล้วตามกาลเวลา แต่จะว่าไปนายคริสนี้ได้พ่อมาเต็มๆเลยนะ ไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอให้ยุ่งยากเพราะเขาเหมือนมากในตอนนี้ ที่เขาโตเป็นหนุ่ม ตอนนั้นพ่อเขาก็คงเพิ่งจะสามสิบกว่าได้ ผมเห็นสายตาที่เขามองผมมันเหมือนมีความสับสนอยู่ในใจ ว่าเขาควรจะตามหาเขาไหม
                       "มันอาจจะกลับมาไม่เหมือนเดิมเพราะแม่เธอก็แต่งงานใหม่ไปแล้วแต่ครูเชื่อว่าเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ บางคนเลิกกันไปแล้วแต่หน้าที่พ่อแม่ยังคงต้องทำอยู่เหมือนเดิมก็เยอะไป..คริส" ผมบอกคริสและส่งรูปนั้นคืนให้เขาเก็บไว้ให้ดีดี
                       "แต่กระนั้นก็เถอะครูยังอยากจะให้เธอได้พบกับพ่อของเธอเพื่อเคลียร์บางสิ่งที่ค้างคาในใจ เพราะยังไงเขาก็เป็นคนให้ชีวิตเธอถ้าไม่มีเขาก็ไม่เธอในวันนี้นะคริส"
                       "ครูจะพยายามช่วยหาเขาให้ได้"
                       "ผมเชื่อว่าครูทำได้..เราไปหาอะไรกินกันดีกว่าผมหิวแล้ว ...หรือว่าครูจะให้ผมหากินในนี้ดีละ...อืมม"
                       "กินอะไรละในนี้" ผมถามคริสโตเฟอร์
                       "กินครู" คริสโตเฟอร์เดินมากระซิบที่หูผมมันดังเหมือนใครกรอกเสียงผ่านโทรโข่ง
                       "พอ..พอ..อันนี้เกินเด็กไปแล้ว..แก่แดดจริงๆเลย "ผมรีบหันหลังออกลงไปรอข้างล่างก่อนดีกว่าปกติเขมเป็นฝายรุกนะไม่ใช่โดนรุกแบบนี้ เขินจนทำตัวไม่ถูกเลยผม ผมสวมรองเท้าผ้าใบไนท์กี้ที่ผมซื้อเอง ไม่ใช่ณัฐกานต์ซื้อให้ เพราะว่าผมไม่ได้เอามาเลย
                            ตอนนี้เกือบแปดโมงครึ้งแล้วซิ ตื่นมาแต่เช้าอากาศดีดีแบบนี้ ผมไม่อยากทิ้งที่นี้ไปเลยจริงๆ ระหว่างที่ผมกำลังยืดเส้นยืดสายก็เห็น รปภ.ของโรงเรียนกำลังปั่นจักรยานกำลังผ่านหน้าผมคงตรวจดูบริเวณรอบๆโรงเรียนตอนเช้าเป็นเรื่องปกติ
                                   "อรุณสวัสดิ์ครับครูเขม" เขาก็ทักทายผม ผมก็หันไปทักทายเหมือนเช่นทุกเช้าที่ผมเจอเขา
                                   "อรุณสวัสดิ์ครับลุงแช้ม"
                                   "เอี้ยด!!" เสียงเบรครถดังจนแสบแก้วหู
                                   "ครูนอนที่นี้เหรอครับ...นอนผิดที่หรือเปล่าครับครู...ฝั่งนี้มันฝังนักเรียนนะครับครู"   ลุงรภป ถามผม ผมก็ร้อง
                                       “อู้ยย!! “ ผมก็ลืมตัวไปผมยืนอยู่หน้าบ้านพักนักเรียน
                                   "เออ...คือ..เมื่อวานห้องน้ำผมแป๊ปน้ำมันหักนะครับและครูโจ้ไม่อยู่ผมเลยต้องมาค้างกับคริสโตเฟอร์เขานะครับ เพราะว่าไม่มีน้ำใช้" ผมบอกอธิบายลุงแกไป
                                   "อ้อ!! เข้าใจแล้วครับ..ถ้าครูประพันธ์มาผมจะแจ้งครูประพันธ์ให้นะครับว่าไปดูห้องน้ำบ้านพักครูเขมให้หน่อย หลังที่เท่าไหร่นะครับ"
                                   "หลังที่ สามครับ"
                                   “อ้อหลังที่สาม..หลังนี้อาถรรพ์มากนะครู เพราะครูแต่ละคนที่ได้มาพักบ้านนี้ ไม่เคยอยู่นานสักคน ล่าสุดสามเดือนไปเลย ไปกับนักเรียนด้วย “ ลุงแช้มพูด ทำเอาผมยืนเหงือแตกเลยครับ เหมือนแช่งผมเลยนะครับลุง ว่าผมอาจจะอยู่ไม่นาน  ลุงแกหันมาเห็นก็ตกใจทันที

                                   "อู้ย! …. งั้นผมไปนะครู.... " (เออ! นักเรียนใจดีให้ครูมานอนด้วย ดี้ดีวะ) ผมก็เกือบไปแล้วรู้อย่างนี้ยืนอยู่บนบ้านก่อนก็ดีอะ ผมหันมามองนายคริสที่กำลังเดินลงมาพร้อมกับผิวปากมาด้วย
                                   "ผมจะเอามินิสตรีท ลูกรักของไอ้โป้งไปนะครูเบียดๆหน่อย..ผมรู้ครูชอบ" คริสโตเฟอร์เดินลงมาผมหันไปเหล่ตามองรู้ได้ยังไง ไม่เคยแสดงอาการอะไรเลยนะ ว่าผมชอบนะ 

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอนที่15.2ครูเขมXคริส18+ เรื่องธรรมชาติเรามาช่วยกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 06-08-2020 22:08:43
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอนที่15.2ครูเขมXคริส18+ เรื่องธรรมชาติเรามาช่วยกัน
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 06-08-2020 22:09:19
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนEP.9.1 ความสุขเล็กๆของผมสองคน 2
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 07-08-2020 10:37:06
                     
EP.9.1 ความสุขเล็กๆของผมสองคน  2
                     หลังจากที่เราสองคนก็ออกไปหาอะไรทานเป็นร้านคาเฟ่เล็กๆ มีพวกขนมปังคุ้กกี้และยังมีไข่กะทะ ผมเลยสั่งไข่กะทะมาทานกันและ
                       เราคุยกันทุกเรื่องไม่ว่าเรื่องตอนผมเด็กๆ ชีวิตวัยเด็กของผมกับพี่ๆของผม เขาก็ฟังแต่เรื่องของผมแต่แปลกเขากลับไม่ค่อยมีเรื่องวัยเด็กให้น่าจดจำเขาเลยไม่ได้เล่าอะไรให้ผมฟังมากจนกระทั้งผมสองคนทานเสร็จ
                        "กลับเข้าโรงเรียนกันดีกว่าครูจะได้เดินไปดูว่าครูโจ้มาหรือยังจะได้ซ่อมห้องน้ำให้ครูก่อน" ผมบอกคริสโตเฟอร์เพราะว่าตอนนี้ก็เกือบจะสิบโมงเช้าแล้ว
                      "และหากต้องซื้ออะไรเพิ่มเติมจะได้ไปหาซื้อมาให้เพื่อว่าวันอาทิตย์ร้านค้าบางร้านจะที่ปิดเร็ว" ผมพูดคริสโตเฟอร์ลุกขึ้นผมดึงเสื้อเขาไว้ส่งธนบัตรให้
                       "ครูจ่ายเองคริส" ผมพูดทำน้ำเสียงดุ ผมเดินไปจ่ายชำระเงินคริสโตเฟอร์ก็เดินมายืนใกล้ๆกับผมแบบสนิมสนม คนที่กำลังทอนเงินให้ผมก็หันมามองผมกับคริสอยู่หลายรอบจนผมต้องเอาศอกกระทุ้งคริสโตเฟอร์แต่ผมก็เดินออกจากร้านด้วยกัน
       
    ในระหว่างที่ผมยืนรอคริสโตเฟอร์อยู่เพราะว่านายคริสโตเฟอร์เขาเดินเข้าไปเอารถที่จอดไว้ด้านข้างของของร้าน ผมก็หยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์โทรหาณัฐกานต์แต่ทะว่ามันกลับเข้าสู้ระบบฝากข้อความเสียง ผมเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นมีรถมอเตอร์ไซค์ สกูปปี้จอดมองผมอยู่ฝั่งตรงข้ามสายตาเขาแสนจะอาฆาตผมมากผมเพ้งมองดีดี นั้นมันเด็กผู้หญิงที่่ชื่อแก้มพอเขารู้ว่าผมเห็นว่าเขามองผมอยู่เขาก็ขับรถออกไปทันที

                       "ครูครับ" คริสโตเฟอร์เรียกผม ผมขึ้นไปนั่งค่อมรถมอเตอร์ไซด์ ผมชอบรถของโป้งนะแต่ว่าเบาะมันสั้นไปหน่อยเป็นรถมินิสตรีทไบค์รุ่นใหม่รูปทรงความทันสมัยและมันก็เข้ากับคนขับรถหน้าตาหล่อๆอย่างคริสโตเฟอร์สังเกตุได้จากตอนขับผ่านสาวๆ เขาหันมาเลี้ยวมองกันเป็นแถว คริสโตเฟอร์จับมือผมไปกอดเอวเข้าไปไว้ อันนี้แหละที่จะทำให้เรทติ้งนายตกคริสโตเฟอร์!
                       
                       ทันทีที่คริสเลี้ยวรถเข้ามาจอดด้านในโรงเรียน ผมก็หันไปเห็นครูลินดาเธอน่าจะมาอยู่เวรโรงเรียนวันนี้ พอดี ครูลินดาหันมาเห็นผมเข้า เธอก็ทำท่าจะรีบเดินไปขึ้นตึกแสดงว่าเธอคงโกรธผมแน่ๆ เรื่องณัฐกานต์ต่อว่าเธอเมื่อวันศุกร์

                       "คริสครูขอไปคุยกับครูลินดาก่อนนะ" ผมพูดคริสโตเฟอร์มองหน้าผมด้วยสีหน้ากังวล

                       "ครูแค่อยากขอโทษ..เมื่อวันศุกร์แฟนครูพูดไม่ดีกับเขา" คริสโตเฟอร์พยักหน้าที่อย่างนี้ละยิ้มออกเชียวนะ ผมรีบกึ่งเดินกิ่งวิ่งตามครูลินดา จังหวะที่ครูลินดาหยุดพูดคุยกับนักเรียนพอดีเลย ผมวิ่งไปหยุดครูลินดา เขาหันมองหน้าผมและเด็กนักเรียนหญิงสองคนนั้นก็มองหน้าผมสลับกับครูลินดา เขาสองคนก็หันมายิ้มให้กันเอง

                       "ครูค่ะ ..พวกเราออกไปซื้อพวกกระดาษสีเพิ่มก่อนนะคะครู เพราะที่มีมันไม่พอนะคะ "นักเรียนหญิงสองคนที่มาทำงานอะไรสักอย่างกับครูลินดา

                       "อืม..... ไปซิแล้วกลับมาทำให้เสร็จนะ" ครูลินดาบอกเด็กผู้หญิงสองคนเขาเดินส่วนผมออกไป ก่อนจะเดินไปหันมามองผมยิ้มๆ คงคิดว่าผมจีบครูลินดานะซิ ผมมาได้ไม่กี่วันและผมก็มักจะไปทานข้าวกับครูลินดาประจำในฐานะเพื่อนแต่ก็ไม่วายโดนเม้าส์ว่าผมกับครูลินดากำลังดูใจกันอยู่บ้าง

                       "ครูลินดาครับผม..จะมาขอโทษเรื่องวันศุกร์ที่กานต์" ผมพูดครูลินดาหันมามองหน้าผม

                       "แฟนคุณมาว่าลินดาพยายามจะเข้ามาเป็นมือที่สามนะเหรอคะ" ครูลินดาพูด ผมพยักหน้าแต่ผมไม่รู้หรอกว่าณัฐกานต์พูดอะไรไม่ดีกับครูลินดาบ้าง

                       "ช่างมันเถอะค่ะครูเขม..ลินดาไม่ถือโทษโกรธเธอแล้ว"

                       "แต่จะว่าไปครูเขมเป็นเกย์เหรอคะ" ครูลินดาถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ

                       "ลินดาเองก็มีเพื่อนเป็นแบบครูหลายคนนะคะ...ลินดาไม่เคยนึกรังเกียจเลยนะคะครูเขม"

                       "ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกครูลินดาตั้งแต่แรกว่าแฟนผมเป็นผู้ชาย"

                       "แล้วนี้มีปัญหากันหรือเปล่าคะ..ดูท่าทางแฟนครูจะหวงครูมากนะคะ"

                       "ครับค้อนข้างหวงและค้อนข้างจะมีปัญหากับคนรอบข้างผมอยู่บ่อยๆ " ผมพูดครูลินดาพยักหน้า ทำท่าจะเดินเข้าไปในห้องพักครู

                       "ไม่ว่าเพศไหน ทั้งผู้หญิงและผู้ชายแหละครับ" ผมพูด ครูลินดาปิดปากขำผม

                       "ครูลินดาครับ...ผมไม่รู้ว่าผมเข้าใจผิดไปเองไหมแต่ถ้าผมเข้าใจผิดผมขอโทษนะครับ..คือผมอยากจะบอกว่าผมอยากเป็นเพื่อนกับครูลินดานะครับ..เราเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหมครับ " ผมพูด ผมว่าเธอเข้าใจความหมายของผมดี จากการที่มีคนเอาเรื่องผมจีบเธอไปพูดกันกระฉ่อนทั้งโรงเรียน

                       "ได้ซิค่ะ..ลินดายินดีค่ะ ..ว่าแต่ทำไมครูมาเร็วจังละค่ะ..มาแต่เช้าตรู่เลย"

                       "คือส่วนใหญ่จะเดินทางกลับมากันตอนเย็นวันอาทิตย์กันทั้งนั้นแหละค่ะ" ครูลินดาพูดผมพยักหน้า ที่จริงผมก็ตั้งใจแบบนั้นแต่เพราะนายตัวดีของผมนี้แหละ ผมยิ้มๆให้ครูลินดา

                       "ผมมาตั้งแต่เมื่อวานนะครับ"

                       "อ้าวเหรอคะ...แล้วนี้ออกไปไหนมาคะ"

                       "ไปทานข้าวกับ...คริสโตเฟอร์นะครับ" ผมบอกครูลินดาว่าผมไปทานข้าวกับคริสตเฟอร์สีหน้าครูลินดาก็เปลี่ยนไปในทันที เธอดูกังวลใจ

                       "ครูเขมคะ...ครูคิดอะไรกับคริสโตเฟอร์หรือเปล่าคะ" ครูลินดาถามผมนำเสียงเธอกังวลใจอย่างมากเช่นกัน ผมก็มองหน้าเธอ

                       "ครูมีอะไรหรือเปล่าครับครูลินดา..ผมเห็นสีหน้าครูกังวลมาก" ผมถามครูลินดากลับทันที ครูลินดามีสีหน้าเหมือนอยากจะบอกผมแต่ก็เหมือนมันจะพูดยากยังไงก็ไม่รู้

                       "เราเข้าไปคุยกันในห้องดีกว่าไหมคะ...ครูเขม" ครูลินดาพูดพยักหน้าให้ผมเข้าไปในห้องพักครูก่อน

                       "ได้ครับ" ผมพูด ผมเดินเข้าไปในห้องพักครู ครูลินดาเปิดพัดลมเพดานก่อนจะลากเก้าอี้ครูท่านอื่นมานั่งลงตรงข้ามกับผม

                       "ครูเขมคะ...ครูใหญ่อาจจะไม่เห็นด้วยแน่ๆนะคะ ถ้าครูกับคริสโตเฟอร์คิดแบบนั้นกันจริง..ลินดารู้คะว่ามันห้ามยากความรักประเภทนี้แต่ที่นี้เพิ่งจะเกิดเรื่องไปก่อนที่ครูจะมา" ครูลินดาพูดว่าเพิ่งจะเกิดเรื่อง

                       "เกิดเรื่องอะไรครับ" ผมรีบถามกลับในทันที

                       "นักเรียนชายของเราหายไปหนึ่งคนและครูที่เพิ่งมาบรรจุก่อนหน้าครู..ก็หายไปด้วย เขาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษเหมือนกับครูเขมค่ะ"

                       "เขาชื่อครูมิ้งหรือเปล่าครับ" ผมถามกลับอย่างรวดเร็ว

                       "ครูรู้ได้ยังไงคะ..ลินดาคิดว่ายังไม่มีใครบอกครูเลยมั้งค่ะเรื่องนี้ " ครูลินดาถามผมด้วยนำเสียงประหลาดใจ

                       “ผมได้ยินนักเรียนพูดกับนะครับ โดยเฉพาะห้องม.3/1 ที่ผมไปสอนแทนครูลิมาเพราะว่าครูมิ้งเขาสอนเอาไว้” ผมพูดบอกครูลินดา

                       “เด็กที่หายไปอยู่ที่ห้องนั้นค่ะครู เขาชื่อแชมป์”

                       “ครับผมทราบตอนที่ผมเช็คชื่อและชื่อของเขาถูกขีดคาดยาว ผมก็ถามจากเพื่อนๆ เขาก็บอกว่าเขาหายไปกับครูมิ้ง”

                       “ดังนั้นครูก็ควรนะวังไว้หน่อยนะคะ ลินดาเป็นหวงเพราะว่าเรื่องนี้ค้อนข้างดัง ก็คุณป้าของแชมป์เขาเป็นดังของแถวนี้ เขารวยมีที่มีตึกเยอะค่ะ และพอหลานหายเขาก็พูดไปทั่วว่าเป็นความผิดของครูทุกคนค่ะ ใครๆก็เลยรู้กันไปทั่วค่ะครูเขม” ครูลินดาพูด ผมก็ยิ้มแหยๆ อะไรมันจะประจวบเหมาะแบบนี้วะเขมชาติ บ้านพักก็บ้านหลังเดียวกัน เป้นครุสอนภาษาอังกฤษเหมือนกัน และตอนนี้นายนั้นก็มาบอกว่าเขารู้สึกดีกับผมอีก

                       “ลินดาก็พอจะได้ยินเด็กๆเขาคุยกันอยู่นะคะเกี่ยวกับครูและที่เด็กๆพูดกันคงเพราะว่าครูมาสอนแทนแถม หน้าตาดีและแต่งตัวแนวเดียวกับครูมิ้งอีก..เด็กๆก็เลย ...”

                       “เข้าใจผมแบบนั้น “ ผมพูดเหมือนจะขำนะ แต่ไม่ขำเท่าไหร่

                       “นี้ครูอยู่เวรเหรอครับ” ผมถามครูลินดา

                       “ค่ะครู”

                       “ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะครับ เพราะว่าห้องน้ำผมแป๊ปน้ำมันแตกนะครับ ผมจะให้ครูโจ้ไปซ้อมให้ผมหน่อย”

                       “อ้อ... ลินดาเห็นครูโจ้เพิ่งจะเลี้ยวรถเช้ามาก่อนหน้าลินดาค่ะ ครูโจ้คงอยู่ที่บ้านพักนะคะ” ครูลินดาพูด ผมพยักหน้าและจะหันหลังเดินออก

                       “ครูเขมค่ะ ..”ครูลินดาเรียกผมไว้ เหมือนจะพูดอะไรกับผม

                       “เอาไว้คุยกันวันจันทร์ดีกว่าค่ะ ดูครูจะรีบ นายคริสก็รอครูอยู่ ลินดามีเรื่องจะคุยด้วยค่ะ ตอนบ่ายก็ได้ค่ะ เพราะว่าลินดาไม่อยู่ช่วงเช้าค่ะ “ ครูลินดาบอกผม ผมก็พยักหน้า และเดินลงมาจากตึก ผมเห็นนายคริสกำลังเล่นมือถืออยู่

                       “คริส ...ครูจะขับรถครูไปนะ และเราไปหาครูโจ้ให้ครูที เพราะว่าครูลินดาเขาบอกครูว่าครูโจ้มาแล้ว” ผมบอกนายคริส เขาก็พยักหน้าและขับรถมอเตอร์ไซด์ออกไป ผมก็เข้าไปในรถเก๋ง ผมสังเกตุเห้นครูลินดาที่ยืนมองผมและยิ้มให้ผมจากด้านบนตึก เหมือนเขามีอะไรอยากจะขอร้องผมยังไงก็ไม่รู้ และผมก็ถอยรถออกทันที
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอนที่16ครูเขมXคริส เมื่อคริสบอกว่าเขารักผม
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 07-08-2020 13:24:59
เยี่ยมมากเลยคับ
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอนที่16ครูเขมXคริส เมื่อคริสบอกว่าเขารักผม
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 07-08-2020 15:07:28
 :-[ :o8:  ทีมคริส!!! เขินแทนครูเขมค่ะ
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนEP.9.3เมื่อครูเขมจับได้ว่านายคริสหลอกครูอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 07-08-2020 17:15:21
      EP.9.3เขมชาติXคริสโตเฟอร์ เมื่อครูเขมจับได้ว่านายคริสหลอกครูอีกแล้ว

                      ผมขึ้นไปบนบ้านผมและเข้าไปดูในห้องน้ำ พื้นก็ยังคงเปียกอยู่และดูท่าคงต้องซ้อมเปลี่ยนพวกฝักบัวหมดแน่ๆเลย ตอนเย็นผมก็ต้องออกไปซื้อของพวกจานชามมาไว้ และพวกหม้อมาบ้างไม่เยอะ ผมว่าจะดูเตาอบแบบไมโครเวฟเตาอบมาไว้ใช้ เพื่อว่าผมจะทำอะไรไว้ทานกัน (กับนายคริส )แอบจิ้นอยู่คนเดียว

                      “อ้าวเหรอ หักมาหมดเลยเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนไปเลย ดีนะที่มีของสำรองอยู่นะ “ ผมได้ยินเสียงครูโจ้เดินคุย อยู่ด้านนอก น่าจะมากับนายคริส ดูท่าจะสนิทกันน่าดูด สักพักทั้งคู่ก็เดินขึ้นมาบนบ้านพัก

                       “ครูเขม น้ำแตกเหรอครับ!” ผมถึงกับสะบัดหน้าไปมองครูโจ้และนายตัวดี แบบว่าเลิกบอกใครๆสักทีว่าผมน้ำแตกมันฟังแล้วกำกวม!

                       “โทษทีครับครู ไอ้นี้มันบอกผม เออ ห้องน้ำครูแป๊ปน้ำแตกเหรอครับ” ครูโจ้รีบขอโทษผมทันทีแต่หันไปหยักคิ้วกับนายคริส แสดงว่าครูโจ้กับนายคริสนี้น่าจะสนิทกันพอสมควร

                       “ใช่ครับครูโจ้ ผมคงต้องให้ครูซ่อมให้ผมหน่อย” ผมบอกครูโจ้ และครูโจ้ก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ ผมหันมามองนายตัวดี ที่ถืออุปกรณ์มาพร้อม เขายิ้มและหยักคิ้วให้ผม ผมก็ยืนเอามือล้วงกระเป๋า

                       “ตอนเย็นไปซื้อของไหมพี่เขมและเราจะได้ซื้ออะไรมาทานด้วยกัน “ คริสโตเฟอร์ถามผม

                       “หึ” ผมเลิกคิ้วเป็นคำถาม

                       “ไอ้โป้งมันไม่กลับคืนนี้มันกะมาเช้าเลยครู เพราะว่ามันบอกว่าอยากอยู่กับแฟนต่ออ่ะครู ไอ้ปันปันก็คงไม่กลับถ้าไอ้โป้งไม่กลับ” คริสโตเฟอร์บอกผม ผมก็พยักหน้า

                       “แต่เธอนอนบ้านพักครูไม่ได้นะ “

                       “ผมรู้ครับ ผมแค่อยู่จนกว่า...”

                       “หึ?” อันนี้คือคำถามว่าจนกว่าอะไร

                       “ครูจะง่วง”

                       “ก็ได้” ผมพูดและครูประโจ้ก็เดินออกมา

                       “ไม่ได้เสียหายเยอะซักหน่อย ทำไมมึงไม่ซ่อมให้ครูเขาคริส มึงซ่อมได้” ครูโจ้พูด ผมหันไปมองนายตัวดี ที่ยืนเอามือเกาหัว เขาซ่อมได้ทำไมไม่ซ้อมให้ผมและให้ผมไปนอนบ้านพักนักเรียนทำไม

                       “เขาซ่อมได้เหรอครูโจ้”

                       “มันซ่อมเองบ่อยไปไอ้นี้ บ้านพักมันเองมันก็วิ่งมาเอาเครื่องมือไปซ่อมเอง เด็กๆในหอนะรู้กันดี เรียกมันไปซ่อมให้ตลอด และตอนนี้ผมยกให้เป็น มือขวาผมเลยครับครูเขม” ผมหันมาพยักหน้า มิน่าละเมื่อวานอาร์ทเหมือนจะบอกผมแล้วแหละว่านายนี้ก็ซ่อมได้!

                       “เหรอ! มือขวาแบบพี่หนุ่ยไมโครเลยไหมครับ! ” ผมถามครูโจ้กลับและหันไปเหล่มองพ่อตัวดีที่ยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

                       “แม้ครูนี้ออฟชั่นครบ หน้าตาดี และตลก เด็กรักตายเลยครับครู และโจ้ก็ชอบครับครู ฮาๆ “ครูโจ้พูดแต่ผมยังคงหันมาเหล่มองพ่อตัวดีข้างๆผม สองเรื่องแล้วนะที่นายนี่หลอกผม ตั้งแต่เตียงนอนโป้งแล้วนะ
 
                       “ครูโจ้ ครูลืมหยิบเทปพันเกียวมาอ่ะครับ” คริสโตเฟอร์หันไพูดกับครูโจ้ หลบสายตาผมละซิ นายนี่จริงๆเลย

                       “เออวะ เพิ่งซื้อมาอยู่หลังรถนะ ไปเอาดิ และบอกเมียสุดที่รักของครูด้วยว่าอีกสิบนาทีไป “ครูโจ้หันไปบอกคริสและนายนั้นก็เดินลงจากบ้านพักไป

                       “เมียผมนะ จะไปหาหมอ ช่วงนี้กิ๊กกับหมอหรือเปล่าก็ไม่รู้หมอนัดทุกอาทิตย์เลยครู ผมเลยต้องไปดู ถึงจะท้องโตผมก็หึงครับครู” ครูโจ้พูด ผมว่าปกตินะ ก็คนใกล้คลอด

                       “ว่าแต่ครูอยู่ได้ยังไงครับไม่มีน้ำ”ครูโจ้ถามผม

                       “ผมเหรอ ผมไปนอนบ้านพักกับนายคริสเมื่อคืนครับครูโจ้”ผมบอกครูโจ้

                       “อ้อ! ไปนอนบ้านพักนักเรียนเมื่อคืน...อะจ๊าก!” ครูโจ้พูดและเขาก็ร้องออกมาดังๆ ผมก็ตกใจซิครับ

                       “ครู ...ไปนอนบ้านพักนักเรียนมา ...ครูไปนอนไม่ได้นะครับครู! มันผิดกฏครับ!” นั้นผมก็ต้องตกใจที่สุดเพราะว่ากฏเป็นสิบๆหน้าผมยังอ่านไม่หมดเลย

                       “เออ คือผม...” ตกใจหน้าถอดสีเลยครับผม มันผิดกฏ! เมื่อเช้าลุงแช้มก็บอกว่าผมอาจจะอยู่ได้ไม่นานอยู่ด้วย เวรแล้วเขมชาติ!

                       “เอานะ น่าจะยกเว้นได้ เพราะว่ามันสุดวิสัยจริงๆ ว่าแต่ ครูได้ของดีมาไหมครับ” ครูโจ้พูดและหันมากระซิบถามผมถึงของดี ผมก็หันไปเหล่มองว่าของดีอะไรของครูโจ้

                       “หนังโป้ครับ มีภาคใหม่มาใหม่ครับ ผมนะแอบได้จากนักเรียนมันมาดูหลายเรื่องเลย มันดูแล้วก็เบื่อ ผมเลยขอมาดูต่อ ถือว่าพลัดกันชม “ ครูโจ้ถามผม ผมหันมามองหน้าครูโจ้ที่รอคำตอบจากผม

                       “ไม่ครับ เพราะว่าผมไม่ชอบดูแบบนั้นครับครู” ผมตอบครูโจ้ไป

                       “อ้าว! แล้วครูชอบแบบไหนละครับ”

                       “ผมเออ..ไม่ขอบแบบไหนเลย “

                       “ครูไม่มีความรู้สึกทางเพศเลยเหรอครับครู!”

                       “ครูโจ้ ผมก็รู้สึกแต่ผมไม่ต้องดูหรอกมั้งครับ” ผมบอกครูโจ้และนายคริสโตเฟอร์ก็เดินขึ้นมาพอดี ครูโจ้หันไปมองและ

                       “โอเค งั้นผมให้นายคริสซ่อมให้นะครูนะ ผมต้องรีบไป เพราะว่าเมียผมจะด่าเอา มันด่าเช้าด่าเย็นแต่ยกเว้นก่อนนอน ถึงได้ท้องป่องแบบนี้ไงครู ผมไปนะครับครู” ครูโจ้พูดผมก็พยักหน้าและหันมายืนมองนายคริส เขาเดินเข้าไปซ้อมเปลี่ยนให้ผมอย่างชำนาญการ ผมยืนกอดอกมองเขา

                       “ทำไมนายซ่อมได้ละคริส” ผมถามนายคริส

                       “ฟิลิปส์แฟนใหม่แม่เขาสอนผมและเขาก็เคยให้ผมติดตามเขาไปรับจ๊อปซ้อมประปาตามบ้านที่ภูเก็ตนะครับพี่เขม ตอนนั้นผมก็ถูกพักการเรียนและเขาก็ให้ค่าขนมผมบ้าง” คริสโตเฟอร์พูด จะว่าไปพ่อเลี้ยงนายคริสก็ดีนะ คือเขาสอนให้คริสรู้จักทำนันทำนี้ให้ได้ด้วยตัวเอง และไม่นานนายคริสโตเฟอร์ก็เปลี่ยนฝักบัวให้ผมใหม่เป็นที่เรียบร้อย
                       “แล้วทำไมนายไม่ซ่อมให้พี่ตั้งแต่เมื่อวาน”ผมถามนายคริส นายคริสค่อยๆหันมายิ้มให้ผม

                       “ก็..ผม..อยากให้..พี่..ไปนอนกับผม..ผมอยากรู้..อะไรบางอย่างกับตัวเอง ว่าผมแค่สับสนหรือว่าผม..” นายคริสพูด ผมก็ยืนมองเขา

                       “ผมค้นเจอแล้ว ว่า ผมรู้สึกแบบนั้นกับพี่เขมจริงๆ ผมรู้สึกดีที่สุดอย่างไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มาก่อน” ผมก็ยิ้มให้เขาอ่อน เหตุผลนี้ทำให้ผมโกรธเขาไม่ลงจริงๆ ที่หลอกให้ผมไปนอนค้างกับเขา ทั้งที่มันผิดกฏ

                       “เสร็จแล้วเราไปหาซื้อของใช้กันคริส” ผมเอ่ยปากชวนเขา

                       “ผมขับรถไอ้โป้งไปเก็บก่อนนะพี่เขม และพี่ไปรับผม แต่..ผมจะขับพาพี่ไปนะที่ตลาด” คริสโตเฟอร์บอกผม ผมก็ส่ายหัวว่าไม่ดีกว่าเขาไม่มีใบขับชี่

                       “ให้ผมขับดีกว่าผมขับในนี้บ่อยและพี่ก็ไม่ชำนาญเส้นทางเชื่อผม ผมขับได้” นายคริสพูดและเขาก็จัดการเก็บอุปกรณ์เพื่อเอาคืนให้กับครูโจ้

                       ผมเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ ผมเปิดมันออกมา รูปคู่ของผมกับณัฐกานต์ตอนที่ผมรับปริญญาณัฐกานต์จบก่อนผมหนึ่งปี เพราะว่าเขาเป็นรุ่นพี่ผม  และณัฐกานต์ตอนจบก็ได้เกียรตินิยมอันดับสาม ผมเลือกที่จะหยิบมันออกและสอดเก็บไว้ในลิ้นชัก ตอนนี้กระเป๋าสตางค์ของผมมันว่างเปล่าไม่มีรูปคู่รักใดในนั้น

                                  ผมเดินลงจากบ้านพักเพื่อจะขับรถพาคริสไปซื้อของใช้เข้าบ้านและจะหยุดคิดถึงณัฐกานต์ได้แล้วนะต้อนนี้ จะว่าไปนายคริสก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือน 14 อีกครั้ง แต่ทำไมผมถึงได้หวนคิดถึงคำพูดของครูลินดา เรื่องครูมิ้งและเด็กชายแชมป์ที่หายไปด้วยนะแถมบ้านที่ผมพักก็เป็นบ้านที่ครูเขามาพักก่อนหน้าผมอีกและหายไป มันจะประจวบเหมาะไปไหม ไม่น่ะ เขมนายคิดมาก ผมบอกกับตัวเอง

                       “พี่เขม หลังจากทานอะไรแล้วเราไปที่ส่วนสาธารณะกันนะ “ คริสโตเฟอร์ถามผม ผมก็หันไปมองหน้าว่าไปทำไม
                       “ผมอยากไปนั่งเล่นที่นั้นนะ ไปกันนะพี่เขม “คริสโตเฟอร์อ่อนผมอีกครั้ง ผมก็พยักหน้าว่าได้ซิ คริสโตเฟอร์ สตาร์ทรถมอเตอร์ไซด์คันเล็กของเขาและขับออกไป ผมก็ขับรถเก๋งผมตามออกไปติดๆ และจอดไว้ตรงทางเดินเข้าบ้านพักนักเรียน ผมเดินออกมาจากรถเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งเป็นคนนั่งแทนเพราะว่านายคริสโตเฟอร์จะอาสาขับให้ผมนั้ง  ระหว่างที่รอผมเหลือบมองมือถือผม

                       “นายอยู่กับใครแล้วมีความสุขมากกว่ากันละเขม” พี่ก้องถามผม ผมก็คิดในใจตอนนี้ ผมมีความสุขมากที่ได้อยู่กับ...

                       และผมก็เลยเลือกที่จะไม่โทรออกไปหาณัฐกานต์เพราะว่าตอนนี้ผมไม่อยากทำลายความสุขเล็กๆของผมด้วยการที่ต้องมาทะเลาะกับณัฐกานต์ ผมขอยื้อไว้อีกหน่อยแล้วกัน
                                   
                       “ครู” คริสโตเฟอร์ เดินเข้ามาเปิดประตูฝังตรงข้ามกับผมและเขาก็เข้ามานั่งทำหน้าที่คนขับรถและ เขาก็หันมามองหน้าผม ผมก็มองหน้าเขา ผมกลับยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

                       “พี่คิดอะไรกับผมเหรอยิ้มซะบ่งบอกได้ว่าพี่หื่นมาก” คริสโตเฟอร์พูด ทำให้ผมหุบยิ้มแทบจะไม่ทันที

                       “ล้อเล่นนะ” คริสโตเฟอร์พูดและหันไปคาดเข็มขัด และนายคริสก็ขับรถออก ที่แรกคือ ผมสองคนพากันออกไปหาซื้อของใช้พวกจานชามและช้อนมาไว้ที่บ้านพัก ซื้อหม้อหุงข้าวมาด้วยแต่ เขมจะมีเวลาไหมนี่ซิ ปกติแม่ทำไว้ให้ตลอด เพราะว่าผมทั้งเรียนและทำงานไปพร้อมๆกัน พอเป็นติวเตอร์ ก็รับชั่วโมงสอนเยอะ ยอมรับว่ารายได้ดีทีเดียว พอย้ายมาอยู่กับณัฐกานต์ไม่ต้องถามว่า ณัฐกานต์ทำกับข้าวไหม ตอบได้ว่าไม่เคย แต่เสาร์อาทิตย์ผมทำนะ ไม่บ่อยเพราะว่าผมพากันไปทานบ้านแม่ทุกอาทิตย์
ผมและนายคริสก็พากันไปหาของทานกันที่ตลาดและพากันขับรถที่ส่วนสาธารณะที่คริสโตเฟอร์ชวนผมไปนั่งเล่นที่สวนสาธารณะตามที่เขาบอกผม บรรยากาศดีทีเดียวนะผมว่า

               “นายมาที่นี้บ่อยเหรอคริส “ผมถามคริสโตเฟอร์ ที่นี้เป็นส่วนสาธารณ มีบึงน้ำอยู่ตรงกลาง ตอนนี้เป็นเวลาโพล้เพล้ คริสโตเฟอร์นั่งลงและตบลงที่พื้นหญ้าเบาๆให้ผมนั่งลงข้างๆเขา ผมก็นั่งลง

               “ ผมไม่เคยมานั่งที่นี้หรอกนะพี่เขม” คริสโตเฟอร์หันมาบอกผม ผมก็มองหน้าเขาแล้วขวนผมมาทำไมละถ้าไม่เคยมานั้นแปลว่าไมได้ชอบมา

               “แต่คู่รักนะเขาชอบมากันนะพี่เขมพี่รู้ปะ” นายคริสหันมามองผมและยื่นใบหน้ามาใกล้แต่ผมขยับออก มือคนที่นั่งนี้ก็ไวมากคว้าเอาผมไว้

               “ไม่เอาคริส “ผมปฏิเสธเพราะว่ายังไงก็สวนสาธารณะ

               “พี่เขม ที่นี้มีตำนานนะพี่”

               “ตำนานอะไร ...ไม่เอานะ ..อย่าพูดเรื่องแบบนั้นนะ พี่ไม่ชอบ และพี่ต้องนอนคนเดียวนะคริส!” ผมพูดเพราะว่าไม่อยากให้เล่าเรื่องจิตวิญญาณอะไรตอนนี้

               “ไม่ใช่แบบนั้น ที่สวนนี้นะ ตกเย็นเวลาประมาณนี้ มักนะมีคู่รัก เขามาพล้อดรักกันพี่ ที่นี้เลย” นายคริสพูดผมก็หันมามอง

               “เขาเป็นครูและลูกศิษย์กันพี่เขม มาพล้อดรักกันบ่อยมากจน บางคนมาแอบตั้งกล้องถ่ายเอาไปดูกันเลยนะพี่!”

               “แถมยังเป็นครูและเด็กนักเรียนที่โรงเรียนด้วยพี่” คริสโตเฟอร์บอกผม

               “นายอย่าบอกนะว่าครูมิ้งกับแขมป์นะ” ผมหันไปถาม

               “พี่รู้ได้ไงอ่ะยังไม่ได้บอกเลย” คริสโตเฟอร์พูด ทำให้ผมลุกพล้วด! ผมยิ่งโดนเพ้งเล็งอยู่ มาพูดแบบนี้เขมชาติจะนั่งอิงแอบอยู่ได้ยังไง ไปครับผมเดินจั้มอ้าวออกเลยทันที

               “พี่เขม!!!”  เรียกก็ไม่หัน ผมเดินไปจนถึงรถยนต์ที่จอดไว้ ไม่น่ามาเลยผม

               “พี่เขม..แฮ้กๆๆ” คนที่เรียกผมแล้วผมไม่หันก็วิ่งไล่ตามผมทันที

               “พี่เขม อะไรจะรีบขนาดนั้น” คริสโตเฟอร์ถามผม

               “ก็นายบอกว่า เขาแอบถ่ายคลิป ใครจะไปนั่งรอละ ไปกลับโรงเรียนเลย   เดี๋ยวนี้! “

               “ฮาๆ พี่เขมผมหลอกพี่!”นายคริสโตเฟอร์

               “ใครจะมาพล้อดรักในที่โล่งแจ้งแบบนี้ละพี่เขม ทั้งที่เขาโดนป้าของแชมป์ ห้ามขนาดนั้น “คริสโตเฟอร์พูด

               “ไม่เอาอะ คริสไปเถอะกลับโรงรียน มันจะมืดแล้วด้วย” ผมพูดและพยักไหล่ให้คริสโตเฟอร์เดินขึ้นไปนั้งบนรถและผมก็ทำหน้าที่คนขับเอง ผมขับรถกลับเข้าไปในโรงเรียน ผมหันมามองหน้าคริสโตเฟอร์ว่าจะเข้าไปนอนบ้านเลยไหมจะได้แวะให้เขาเดินกลับห่อเลย

                “คริส..กลับบ้านพักนักเรียนเลยไหม” ผมถามคริสโตเฟอร์ ทำไมน้ำเสียงผมเหมือนไม่อยากให้เขากลับเลยก็ไม่รู้

               “ผม.. “

               “กลับเถอะเพราะว่า พี่จะเข้านอนแล้ว พี่เหนื่อยจัดของทำโน้นทำนี่มาทั้งวันแล้ว เราด้วย และพรุ่งนี้มีมีสอนห้องเราด้วยนิ เราก็เจอกันแล้ว” ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์ เขาก็มองผม ก่อนจะพยักหน้า คริสโตเฟอร์ หันมามองผมและทำท่าจะจูบผม ผมเองก็มองเขา แปลกนะมันเหมือนมีมนต์สะกดผมไว้ ผมก็ทำท่าจะจูบเขาเหมือนกัน ปากผมก็ขยับพร้อมกับเลื่อนตัวเข้าไปหา

               Rrrrrr เสียงมือถือดังขึ้น มันทำให้ผมสองคนต้องชะงัก มือถือทั้งของผมและคริสโตเฟอร์ดัวขึ้น ผมเหลือบมองของผมก็ณัฐกานต์ ผมแค่หยิบขึ้นมาดู แต่ไมได้กดรับ ส่วนคริสนะกดรับสาย

               “ปันปัน มีไร ไอ้โป้งมันกลับมานอนห้องเลยเหรอวะ มึงละ โอเค เดี๋ยวกูเดินเข้าไปแล้วเนี๊ยะ บอกมันว่ากูกำลังกลับ บอกมันว่าวันนี้กูไปช่วยพี่เขมเขา เอ้ย ครูเขมเขา น้ำแตกในห้องน้ำ เออบอกมันแบบนี้แหละ” ผมสะบัดหน้าตรงน้ำแตกนี้แหละ

               “ท่อน้ำแตกพูดถูกๆ เดี๋ยวใครเข้าใจพี่ผิด...คริส!” ผมบ่นพ่อตัวดีข้างๆผม คริสเอามือป่องโทรศัพท์ตัวเอง

               “มันไม่เหมือนกันเหรอ...พี่เขม” ยังมีหน้ามาถามอีก

               “ไม่เหมือนกัน...คริส! และมันให้คนละความหมายเลย! นี่พี่ควรจะสอนภาษาไทยนายใหม่ด้วยใช่ไหมคริส” ผมพูดบอกนายตัวดีที่ทำหน้าทะเล้นใส่ผม

               “ดีเลยพี่เขม...งั้นเริ่มจาก สอนคำว่ารักให้ผมก่อนเลยได้ปะ” คริสโตเฟอร์พูดแบบนี้แล้วเขมชาติจะไปต่อยังไง

               “...................” สอนคำว่ารักก่อนเลยเหรอ

               “ไปนอนได้แล้วคริส กู้ดไนท์!  “ผมรีบพูดตัดบท ผมก็มองไปเห็นคนเดินออกมาคงเดินมารับนายคริสโตเฟอร์ และมองดีดีคนนั้นก็คือปันปัน 

               “ไปนะพี่เขม..ฝันดีนะครับ..ฝันถึงผมได้นะพี่ ..ผม..อาจจะ..”ผมก็มองว่ามันจะพูดอะไรอีก

               “อาจจะโป้นะคืนนี้ กะว่าจะไม่ใส่อะไรนอนเลยรอพี่ในผัน”

               “ไปนอน!!!” ผมพูดและเปิดประตูเองเลย เด็กหื่น นายคริสนี้นะแต่มันก็ทำให้ผมอบยิ้มไปตลอดจนถึงบ้าน และผมก็หยิบมือถือขึ้นมา เพราะว่าต่อจากนี้รอยยิ้มผมจะหายไปไหม ไม่รู้ว่าณัฐกานต์จะพูดอะไรต่อ ผมควรจะโทรกลับและคุยกันไปเลย หนีไปก็เท่านั้น เพราะยังไงผมกับเขาก็ต้องมีเรื่องต้องคุยกันหลายเรื่องอยู่แล้ว ผมเดินขึ้นไปบนบ้านพัก ปิดประตูลงกลอนให้เรียบร้อย ผมเดินไปในห้องนอน และกดสายหาณัฐกานต์ทันที

               “เขม..ทำไมไม่มาหากานต์ และนี้ก็ไม่โทรหากานต์เลย กานต์ทั้งโทรและส่งข้อความ ทำไมเขม อย่ามาพูดว่ากานต์นอกกายแค่ครั้งเดียวแล้วเขมอยากจะเลิกนะ” ณัฐกานต์ใส่ผมทันที

               “แล้วมันแค่ครั้งเดียวแน่หรือเปล่าละกานต์” ผมถามณัฐกานต์

               “เขม!!!!”

               “ นี้เขมไปหานางชะนีนั้นใช่ไหมเขม เขมนัดมันไหว้ใช่ไหมเขม ทำไมอยากจะกลับไปหาชะนีแล้วเหรอ ทำไมอะ โลเลนี่หว่าเขม” ณัฐกานต์พูด

               “เขมไมได้มาเพื่อ..”

               “อย่ามาโกหกเขม กานต์โทรเข้าเบอร์โรงเรียนแล้วนางชะนีนั้นมันรับสาย กานต์จำเสียงมันได้ดี “

               “กานต์มันไม่เกี่ยวกับครูลินดาเลยกานต์ เรื่องพวกนี้มันเกิดจาก เราทั้งคู่เองกานต์” ผมพูด ผมยืนอยู่ที่หน้าต่าง ผมมองไปยังบ้านพักหลังหนึ่งที่อยู่ไกลๆ คนละฝังกันกับบ้านพักครู นั้นคงเป็นบ้านพักนักเรียน

               “ถ้าอย่างนั้นเขมก็ควรจะรู้ใชไหมว่าเขมควรจะทำยังไง เขมควรจะย้ายกลับมา!” ผมได้แน่นิ่งอึ้ง ผมควรจะเลือกทิ้งคนที่เขาบอกว่าเขาไว้ใจผมเหรอ ตอนนี้ใบหน้าของคนที่ผมเห็นคือคริสโตเฟอร์ รอยยิ้มนั้น แววตาสีฟ้าคู่นั้น

               “เขมย้ายกลับไปไม่ได้กานต์”

               “แล้วเรื่องของเราจะเอายังไงเขม!”

               “ขอเวลาเขมคิดดูก่อนได้ไหม ตอนนี้เขมสับสนกานต์ “

               “ได้ กานต์จะให้เวลาเขม 3 วัน ถ้าเขมยังอยากให้เราเดินต่อไปด้วยกันก็ให้คำตอบกานต์ว่าเขมจะกลับมาไหม “ ณัฐกานต์พูดและกดวางสายไป ผมได้แต่ยืนมองออกไปที่หน้าต่างจากห้องนอนผม บ้านหลังนั้นยังเปิดไฟอยู่

               “ติ้ง” เสียงมือถือผมดังขึ้นมีข้อความเข้าในแอปพลิเคชั่นสีเขียวที่ผมใช่คุยกับคริสโตเฟอร์ ช่วงนี้เราคุยผ่านสิ่งนี่บ่อยมาก ผมไม่ได้ใช้มันมาพักใหญ่แล้ว ส่วนใหญ่ชอบโทรคุยกับณัฐกานต์มากกว่า แต่มันเหมือนผมกลับไปเป็นคนที่กำลังเร่ิ่มต้นมีความรักอีกครั้งใช่ไหม

               Christo = พี่เขมยังไม่นอนอีกเหรอ
               Khem = นอนแล้ว
ผมพูดโกหกไปเพราะว่าตอนนี้ผมสับสนและไม่รู้จะเอาอารมณ์ไหนไปคุยเล่นกับนายคริส

               Christo= พี่เขมโกหก พี่ยังเปิดไฟอยู่เลย

               Khem= นายรู้ได้ยังไง อย่าบอกนะว่านายมาบ้านพี่นะ

               Christo=บ้านพี่มันตรงกับบ้านพักของผมพี่เขม ผมยืนมองพี่อยู่อ่ะ แต่มันไกลไป ผมเห็นได้แค่หลังคาและไฟในบ้านมันสว่างอ่ะ
               Christo=ถ้าพี่ยืนมองจากหน้าต่างห้องนอนพี่ พี่จะเห็นบ้านพักนักเรียนที่ผมอยู่
               ผมถึงกับลุกขั้นจากที่ยืนเอาแขนเท้าขอบหน้าต่าง ใช่จริงๆด้วยหลังที่ผมมองอยู่เมื่อกี้ ผมก็ต้องอมยิ้ม

               Christo= นอนได้แล้วพี่เขม
               Khem= นายก็นอนได้แล้วคริส ดึกแล้ว พรุ่งนี้มีเรียนนะ ถ้านายเข้าห้องเรียนแล้วตอบคำถามพี่ไมได้นายโดนหักเยอะกว่าคนอื่นนะ
               Christo= อ้าว! ทำไมอะ
               Christo = อ้อ! เพราะว่าผมคือคนพิเศษของพี่ใช่ปะ ถ้าอย่างนั้นยอม

               Khem=นอนได้แล้วคริส นอนหลับฝันดีนะคริส
               Christo= นอนหลับฝันดีเช่นกันพี่เขม พรุ่งนี้ผมเดินไปรับพี่นะ ผมอยากคุยกับพี่ นะพี่เขม
               Khem= ได้ซิ พี่ก็อยากคุยกับเรา (เพราะว่าผมเองก็ไม่รู้ว่าถ้าผมเลือกคำตอบของณัฐกานต์ ผมได้จะได้คุยกับเขาอีกไหม )

               Khem = กู้ดไนท์ครับ คริส
Off line ผมบอกคริสและผมก็ออกไลน์ไปทันที ผมก็นั่งลงที่เตียงนอน ทำไมตอนนี้ผมถึงได้เจอเรื่องที่ผมต้องตัดสินใจและมันยากยิ่งกว่าช้อยส์ข้อสอบซะอีกเพราะว่ามันหาคำตอบที่ดีที่สุดไม่ได้เลย ณัฐกานต์คือรัก 4ปี ที่ผ่านทุกอย่างมาด้วยกัน ส่วนคริสโตเฟอร์คือรักที่เริ่มจากศูนย์แต่ว่ามันจะมีอุปสรรคมากมายรออยู่ เขาจะทนมันได้ไหมถ้าผมเลือกดึงเขาเข้ามาเดินร่วมด้วยในเส้นทางของผม
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอนที่16.1 ครูเขมXคริส ทำให้ผมโกรธเขาไม่ลง
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 07-08-2020 17:54:54
ชอบและติดตามอ่านอยู่เสมอครับ
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริส) EP.10 ก้าวแรกของปัญหาเริ่มมา
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 08-08-2020 17:31:08
(ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์) EP.10 ก้าวแรกของปัญหาเริ่มมา

Part คริสโตเฟอร์
                       ผมตื่นมาแต่เช้าตรู่ เรียกว่าเช้ากว่าทุกวันเลยจะดีกว่า เพราะปกติจะตื่นเกือบ เจ็ดโมงครึ้ง ผมรรีบอาบน้ำแต่ตัวตั้งแต่หกโมงเช้า แบบนี้เรียกว่าโคตรเช้าของไอ้โป้งและปันปันด้วย ส่วนผมนะกว่าจะอาบน้ำแต่งตัวก็ปาเข้าไปเกือบแปดโมง อาบน้ำเป็นคิวสุดท้ายตลอด และรีบไปหาอะไรทานแบบรีบๆ ก่อนเข้าแถวที่ 8.15น.

                        แต่ว่าวันนี้ไม่พราะว่าผมนัด กับใครสักคนที่ผมเริ่มคิดว่าเขาคือคนพิเศษของผม ผมแต่งตัวอย่างพิธีพิถัน เสื้อผ้าหน้าผมเป๊ะเว้อมากและก่อนที่ผมจะออก ผมก็มองกล่องคอนแทคเลนส์ ผมเลือกที่จะไม่หยิบมาใส่ วันนี้ทุกคนจะเห็นตาสีฟ้าของผมทั้งวัน ก็เขาคนนั้นบอกผมว่ามันสวยดีสำหรับเขา

                                ผมเหลือบมองเวลา นี้ก็6.45น.  ผมหันไปมองคนที่ค่อยๆลืมตาขึ้นมานั้นคือไอ้ปันปัน มันมานอนกับไอ้โป้งเมื่อคืน มันบอกว่าเพื่อนๆมันไม่กลับมาบ้านพักกัน และมันก็เลยไม่กล้าอยู่คนเดียวมันกลัวผี แต่ว่าตอนนี้ไอ้ปันปันมันค่อยๆลืมตามองผม ผมก็หันไปยิ้มให้มัน และมันก็เหมือนจะกลับไปนอนต่อแต่

                               “เชร็ดโด่!” มันอุทานซะดังเชียว ผมหันไปมองและทำนิ้ว จุปาก อย่าเสียงดัง เดี๋ยวไอ้โป้งมันตื่น ไอ้ปันปนมันก็ค่อยๆเขี่ยขาไอ้โป้งที่กายมันอยู่

                               “มึงไม่สบายปะเนี๊ยะ! ไอ้คริส มึงตื่นก่อนเจ็ดโมงครึ้ง มึงจะไปไหนของมึง” ไอ้ปันปันถามผม ผมก็ก้มสำรวจตัวเอง

                               “มึงเห็นกูใส่ชุดนักเรียนไหมครับ ไอ้ปันปันครับ กะผมก็ไปโรงเรียนซิครับ”

                               “กูว่ามึงต้องโดนใครทำของใส่แน่ๆ โรงเรียนบ้านป้ามึงเด้! เปิดตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมง ใครจะมาเร็วปานนั้น นอกจากภารโรงและครูเวร” ไอ้ปันปันพูด ก่อนมันจะหันหลังเดินออก

                               “เห้ย หรือว่ามึงแอบไปนัดคะ...ครู...” ผมสะดุ้งทันที และรีบเอามือปิดปากมัน มันก็ดิ้น

                               “อู อาย ไอ ไอ่ ออก” ไอ้ปันปันมันพูด ผมก็ลืมไปปิดแน่นไปหน่อย เพราะว่ากลัวโป้งมันตื่น

                               “ปิดขนาดนี้ ฆ่ากูเลยไหมครับ ไอ้คริสครับ ”ไอ้ปันปันพูด
               
                               “พี่ปันปันครับ อย่าเสียงดัง ผมแค่เออ อยากไปเดินสำรวจโรงเรียน และผม เออ ..ผม”

                               “พูดมา ถ้ามึงไม่พูด กูจะเรียกไอ้โป้งขึ้นมาถามมึง” นั้นไง หันหลังกลับจะไปเรียกไอ้โป้ง ผมก็รีบดึงมันไว้ ให้มันหลับนะดีแล้วไอ้นี้นิ
                               
                               “ชู!!!” ผมทำนิ้วอีก และเหลือบมองไอ้โป้ง แต่ดูแล้วจะไม่ทันเอา

                               “กูจะไป หาครูเขมเพราะว่ากูมีเรื่องจะคุยกับเขา อย่าบอกโป้งนะ แค่บอกมันว่ามึงไม่เห็นกูแค่นั้น เรื่องอื่นกูอธิบายเอง” ผมบอกไอ้ปันปัน และรีบหยิบกระเป๋าเป้คู่กายและเดินไปสวมรองเท้า ผมรีบเดินลงไปจากบ้านพักนักเรียน

                               ผมเดินไปทางลัดเพื่อไปที่บ้านครูเขม ผมเดินกึ่งวิ่งไปเพื่อจะได้ทันเวลา เจ็ดโมงเช้า ผมแอบสังเกตุมาว่าครูจะไปถึงโรงเรียนประมาณ เจ็ดโมงสิบนาที เมื่อผมมาถึงก็เห็นว่าประตูบ้านพักครูของครูเขมไม่ได้ครองไว้ด้วยกุลแจ ดังนั้นแสดงว่าครูเขมยังไม่ออกมา ผมยืนรออยู่สักพักไม่นานประตูบ้านพักครูก็ถูกเปิดออก ครูเขมชาติ สวมเสื้อเชิ้ตเข้ารูปมาอีกวันนี้เป็นสีเหลืองอ่อนกางเกงแสล็ครองเท้าหนังหัวตัด ผมยืนมองจนพี่เขมลงมายืนตรงหน้าผม

                               “มารอพี่นานแล้วเหรอ ทำไมไม่ขึ้นไปเรียกละ” พี่เขมถามผม ผมได้แต่ยิ้มให้

                               “แล้ว..นายบอกว่าจะมารับพี่...” พี่เขมมองไปรอบๆ คงเพราะว่าไม่เห็นรถของผม

                               “ท่านผอ. ไม่อนุญาติให้ผมเอารถมาขับในช่วงเวลาเรียนแต่หลังเลิกเรียนได้ครับพี่เขม” ผมบอกพี่เขม

                               “แล้ว” พี่เขมถามผม แต่เขาก็ยิ้มๆนะผมว่าเขารู้ว่า ผมและเขาจะไปโรงเรียนกันได้ยังไง

                               “เดิน..ไหมครับ ... เดินจีบกันไหมครับ” ผมถามพี่เขม แต่นั้นก็ทำเอาพี่เขมหุบยิ้มทันที

                               “นายนี้นะ เลิกทะลึงกับพี่ซักนาทีได้ไหม “ พี่เขมพูด

                               “ผมอยากเดินคุยกับพี่เขมอ่ะ เชิญครับ” ผมพูดและผายมือเพื่อจะได้เดินไปด้วยกัน

                               “นี้เป็นวันแรก วันที่ผมตื่นมาแต่เช้าเลยนะพี่เขม ปกติผมจะตื่นมาเกือบเจ็ดโมงครึ้ง วันนี้ ตื่นหกโมงเช้า เพื่อมาแต่งหล่อให้พี่เขมดูเลยนะ” ผมพูด พี่เขมหันมามองผม และพยักหน้า แบบไม่

                               “ไม่หล่อเหรอ” ผมถามแอบน้อยใจ

                               “หล่อ!” พี่เขมพูดยิ้มให้ผมแสดงว่าเมื่อกี้แกล้งผมนั้นเอง

                               “วันศุกร์นี้พี่เขมกลับบ้านหรือเปล่า” ผมถามพี่เขม

                               “พี่ต้องกลับคริส พี่มีเรื่องต้องไปเคลียร์ให้จบและพี่ก็คิดถึงแม่ แม่พี่อยู่คนเดียวคริส พี่ชายของพี่ไปทำงานไกลบ้าน คนโตก็อยู่เชียงใหม่ แต่ก่อนจะไปอยู่เชียงใหม่พี่เขาเป็นปลัดอำเภอที่นี้ด้วยนะคริส” พี่เขมบอกผม แต่พูดไปผมก็ไม่รู้หรอกปลัดไหน เพราะผมมาอยู่ที่นี้ไมได้ไปไหน รู้แต่ว่าจะไปแข่งรถที่ไหนที่ไม่มีตำรวจก็พอ

                       “แต่แฟนพี่ต้นเขาให้พี่ต้นย้ายด่วน ไปเชียงใหม่” พี่เขมพูดเหมือนเสียดาย

                               “พี่ก้องพี่ชายของพี่ก็อยู่ไกล นราธิวาสโน้นแนะ ดังนั้นพอวันหยุดพี่จะกลับบ้านนะคริส” พี่เขมบอกผม ทำไมใบหน้าผมเหมือนจะเศร้ายังไงก็ไม่รู้

                               “แล้วนายละคริส กลับไปบ้านหาแม่นายหรือเปล่า” พี่เขมถามผม

                               “ผมไม่เคยกลับบ้านช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์หรอกครับครู เพราะว่าภูเก็ตมันค้อนข้างไกล และผม เออ ..” ผมบอกพี่เขม พี่เขาหันมามองผมด้วยแววที่แปลกใจ อันที่จริงๆไม่อยากไปเห็นหลายสิ่งหลายอย่าง

                               “ทำไมละ คริส นายไม่คิดถึงแม่นายหรือไง”

                               “ผมคิดถึงแต่ผม..ไม่อยากไปเห็น ..ฟิลิปส์ ตอนเมาและชอบว่าแม่ผม แม้ว่าตอนสร่างเมาก็จะขอโทษขอโพยแม่ผมตลอดก็ตาม แต่ผมกลัวว่าผมจะทนไม่ได้ ผมคงได้ต่อยพ่อเลี้ยงผมบ้าง” ผมพูด พี่เขมพยักหน้าไปพร้อมกับถอนหายใจ

                               “ผมรู้ว่าการใช้กำลังไม่ใช่ทางแก้ปัญหา “ ผมพูดกับพี่เขม

                               “แล้วเราทำอะไรละในวันหยุด” พี่เขมถามผม

                               “ก็ไปกับพวกไอ้โป้งมันอะพี่เขม ไปเที่ยวบ้านมัน บางทีมันก็พาไปนอนเต้น ไม่ไกลจากบ้านไอ้โป้งมันนะพี่เขม เขาใหญ่-ปากช่องนะพี่เขม บรรยากาศดีมาเลยนะพี่เขม ผมอยากจะ... “ ผมบอกพี่เขม และมองหน้าพี่เขม ใช่ผมกับนึกขึ้นมาได้ ผมอยากพาพี่เขมไปด้วยแต่ แฟนไอ้โป้งมันต้องไปด้วยแน่ๆ ไม่ได้อีก คิดเองเออเองเลยผม

                               “พี่เคยไปไหม “ ผมถามพี่เขม พี่เขมส่ายหัวเบาๆ

                               “อาทิตย์ไหนพี่ไม่กลับบ้าน ไปเที่ยวกันไหมพี่เขม” ผมถามพี่เขม พี่เขาทำสีหน้ากังวล

                               “แฟนพี่อาจจะไม่ให้ไปอะดิ” ผมพูดขึ้นทันที และเอามือล่วงกระเป๋ากางเกงนักเรียน ทำไมผมรู้สึกน้อยใจยังไงก็รู้ แต่สายตาพี่เขมมันบ่งบอกว่าเขาก็แคร์ความรู้สึกผมนะ 

                               “เปล่า ..พี่เป็นห่วงแม่นะ เพราะว่าแม่พี่อยู่บ้านคนเดียวและพี่มาทำงานไกลขนาดนี้ กลัวท่านเหงานะ” พี่เขมบอกผม ผมรู้สึกว่าพี่เขมรักแม่ของเขามาก ผมก็รักแม่มากเลยไม่อยากไปทำให้แม่กับฟิลิปส์ทะเลาะกันเรื่องของผม
               
                               “ถ้าเราไม่รู้จะไปไหน เอาไว้ไปเที่ยวบ้านพี่ก็ได้นะ แม่พี่ใจดี” พี่เขมถามผม ผมก็เงยหน้ามองพี่เขม ยิ้มซิครับรออะไร
               
                               “ปี้นนนนน” เสียงแตรรถดังมาจากด้านหลังของผมสองคน ผมและพี่เขมหันไปมอง คนที่ขับมาก็คือครูโจ้นั้นเอง

                               “ครู ผมไปรับครูแต่ครูออกมาแล้ว ทำไมไม่รอโจ้ครับ จะได้ไม่ต้องเดินให้เมื่อย” ครูโจ้พูดพร้อมมองหน้าพี่เขม ก่อนจะหันมาเห็นว่าผมก็ยืนอยู่ด้วย

                               “เฮ้ยย..แล้ว เรามาทำอะไรนี้นะ คุณนักเรียน “ ครูโจ้ถามผม ผมหันไปมองพี่เขม

                               “เออ...เขาแค่ เดินเล่นนะครับ “ พี่เขมตอบแทนผม

                               “เดินเล่นเหรอ เดินเล่นซะไกลเชียวนะมึง “ ครูโจ้พูดแซวผม ครูโจ้กับผมค้อนข้างสนิทกัน ผมเรียนวิชาช่างอุตกับแกและเคยช่วยครูซ่อมโต๊ะเก้าอี้ของห้องเรียนด้วยและยังช่วยซ่อมน้ำประปาแต่ซ่อมได้เป็นบางอย่าง

                               “ว่าแต่ครูเขมจะขึ้นรถผมไปหรือจะเดินเล่นกับนายคริสนี้ละครับ” ครูโจ้ถามครูเขม ครูเขมมองหน้าผม

                               “ผมว่าเดินอีกหน่อยก็ถึงโรงเรียนแล้วครับ ครูโจ้ไปเถอะครับ “ พี่เขมตอบครูโจ้แต่ก็ทำให้ผมแอบดีใจ อยากจะเซย์เยสสสส

                               “ได้ครับ งั้นผมไปก่อนนะครับ” ครูโจ้ก็ออกรถไปได้หน่อยและก็หยุด ผมกับครูเขมก็มองว่าหยุดทำไม

                               “นี้เดินเล่นหรือเดินจีบกันครับเนี๊ยะ” ครูโจ้หันมาถามผมกับครูเขม

                               “ไม่ได้จีบกันครูโจ้..น้องเขาไม่ใช่สาวๆนี้ครับครูโจ้” พี่เขมพูด ผมก็รู้สึกแปล๊บๆ แอบน้อยใจใช่ไหม

                               “ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไปครับครู เพราะว่าถ้าครูจีบคนอื่นผมจะฟ้องน้องลินดา แม้ได้ข่าวว่ากำลังฟอลอินเลิฟ กันอยู่ และวันนี้คงไม่ได้ซื้ออาหารเมียผมอีกแล้วซิท่า ..ชิส์งอน “ ครูโจ้พูดผมหันไปมองพี่เขม พี่เขมก็มองผมกลับ

                               “ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะครับ เชิญคุณครูกับนักเรียนเดินเล่นกันไปจนถึงโรงเรียนเลยครับผม” ครูโจ้บอกผมกับพี่เขม ผมหันมามองพี่เขมสายตาแบบอยากมีคำถามแต่ ...(เหมือนกับเพลงอยากรู้แต่ไม่อยากถาม..กลัวรับมันไม่ไหว)

                               “คริส!” พี่เขมคงรู้ว่าผมอยากถามอะไร ใช่อันนี้มาเต็มเลยผมหึงครับ ตั้งแต่วันอาทิตย์แล้วที่ครูวิ่งไปหาครูลินดา ผมก้มหน้าไม่กล้าสู้สายตาพี่เขม

                               “ไอ้คริสสสส” เพื่อนผมไอ้สองคนไอ้โจและไอ้อาร์ท มันขับรถเก๋งมาจอดไว้ที่โรงจอดรถที่ผู้อำนวยการทำให้นักเรียนเข้ามาจอด แต่ตอนนี้มันคือมารของผม

                       “เออ.....เพื่อนมาแล้ว พี่ไปก่อนนะ “ พี่เขมพูดแต่เหมือนเขาอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เลือกที่จะไม่พูด ผมพยักหน้า และหันไปมองไอ้สองตัวนั้นดูเดินมาอย่างเท่เชียว

                               “ไปไหนมาวะ ทำไมมึงมากับครูอีกอ่ะ อย่าบอกนะว่าตามไปเรียนกันสองต่อสองที่บ้านพักครูนะสาด” ไอ้อาร์ท ผมหันไปยกนิ้วกลางให้มันสองคน นี้มันเช้าไปไหมและตอนนี้ผมก็กำลังนอยด์ ทำไมผมถึงได้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที หรือว่านี้คืออาการหึงกันแน่นะ  ผมเดินแทรกมันสองคนเข้าไปเพื่อจะเดินไปหาที่นั่งประจำของพวกผมและผมก็ทิ้งให้มันสองคนยืนงงอยู่ในดงลาเวนเดอร์

                       -------------------------------------------------------------------
Part ครูเขมชาติ
                       ผมเดินมาถึงโรงเรียนแต่เช้าพร้อมนายคริสโตเฟอร์ ผมเดินคุยกันเรื่องวันหยุด ผมว่าจะกลับไปบ้านไปคุยกับณัฐกานต์ให้รู้เรื่อง แต่ผมเห็นแววตาเขาที่ถามว่าผมกลับบ้านเหรอวันหยุด เหมือนเขาไม่อยากให้ผมกลับ ผมควรจะทำยังดีละที่นี้ และยิ่งตอนนี้ที่โรงเรียนก็เอาเรื่องผมกับครูลินดาไปพูดกับว่าผมจีบครูลินดาอีก ผมดูสายตาเขาแล้วก็รับรู้ได้เลยว่าเขา กำลังรู้สึกบางอย่างที่เรียกว่าน้อยใจหรือไม่ก็หึงผมแน่ๆ นี้เขารู้สึกกับผมเกินกว่าครูนักเรียนไปแล้วใช่ไหม ผมนั่งเอามือประสานกันอยู่ที่โต๊ะทำงาน ตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงครึ้งเองจะว่าไปก็ไปหาอะไรทานก่อนดีกว่า
                       ผมเดินตรงไปที่ร้านแฟนของครูโจ้ แต่ว่าวันนี้มีผู้หญิงวัยกลางคนยืนขายโจ๊กอยู่แทน ร้านอื่นๆก็คนแน่นมาก ผมเดินตรงไปเข้าไป ก็มีเด็กนักเรียนหญิงยืนอยู่สองสามคน

                       “ครูเขมมาอะ สวัสดีค่ะครู “

                       “สวัสดีครับ ซื้อโจ๊กเหรอครับ”ผมทักทายรักเรียนแม้จะไม่ได้สอนก็ตาม
                       “ค่ะ ว่าแต่ครูมาคนเดียวเหรอคะ แล้วแฟนครูละคะ ครูลินดานะคะ” นักเรียนถามผมผ ผมก็ยืนเกาหัว

                       “อะนี้ได้แล้ว แม้ไปยุ่งอะไรกับครูเขา ไปตั้งใจเรียนโน้น เด็กพวกนี้” แม่ค้าที่ขายโจ๊กบอกพวกเด็กๆและหันมาส่งยิ้มให้ผม ผมก็กำลังจะ     

                       “พี่เขม “ มีคนเดินมาเรียกผม ผมก็หันไปมอง นายคริสโตเฟอร์นั้นเองแต่..

                       “คริส..อย่าเรียกพี่ ..เรียกครู “ผมหันไปกระซิบ เพราะว่าป้าคนขายโจ๊กเขามองผมกับคริสสลับกันไปมา

                       “ครูเขม..ครูทานอะไรครับ” คริสโตเฟอร์ถามผม
                       “กำลังสั่งโจ๊กนะ เราละกินไหม”ผมถามคริสโตเฟอร์ คริสมองป้าคนขายและยิ้มๆ
                       “วันนี้เราจะกินไหมเนี๊ยะ เห็นมายืนมองๆ ไม่สั่งซักที “ ป้าคนชายโจ๊กพูดขึ้น ผมก็มองมีอะไรเหรอ

                       “ครู..ผมสั่งไม่เป็นอะ แต่อยากกินนะ “ นายคริสโตเฟอร์กระซิบกับผม

                       “ทำไมละ ก็แค่สั่งโจ๊ก” ผมก็กระซิบถามกลับอยากหัวเราะแต่ก็เกรงใจป้าเขา

                       “แบบว่าผมไม่กิน..เออ..อันนั้นนะ” คริสโตเฟอร์พูดและชี้ไปที่ใส่ พวกเครื่องในอะไรพวกนี้ ผมก็ปิดปากขำและเดินไปใกล้ๆป้าเขา

                       “น้องเขาอยากสั่งแต่สั่งไม่ถูกครับเพราะว่าเขาไม่ทานทุกอย่างที่ใส่ไปนะครับคุณป้า” ผมพูดด้วยวาจาอ่อนนอม ป้าเขาทำท่าจะขำคริสโตเฟอร์

                       “มิน่าจะมายืนจดๆจ้องๆ ป้าก็ไม่รู้ว่ามันพูดไทยได้ไหม หน้าฝรั่งเชียว เอาว่าไม่กินอะไร จะได้ไม่ใส่ลงไป” ป้าเขาพูดปนขำนายคริส

                       “ผมไม่เอาไส้ ..ไม่เอาตับ..ไม่เอา..อะไรพี่เขม” นั้นไง ผมก็ชะเง้อมอง

                       “เขาไม่เอาขิงครับป้า”

                       “และนั้นด้วยอ่ะพี่เขม” ผมหันมามองแล้วนายจะกินอะไรละที่บอกมาก็แทบจะไม่เหลือะไรแล้ว

                       “เดี๋ยวนะคะครู ...”

                       “มึงให้กูใส่อะไรได้บ้างเนี๊ยะ ไม่เอาซะหมดทุกอย่างแล้วเนี๊ยะ” นั้นไงเขาถาม ผมเองก็คิดเหมือนป้านะ กินอะไรได้บ้างนายนิ

                       “เห็นไหมครู ป้าเขาจะกินหัวผมอ่ะ ใครจะกล้าสั่งอ่ะ” ผมก็หันมาเหล่มองมันก็น่าไหมละ

                       “ป้าครับผมว่าเอาโจ๊กกับหมูเด้งก็พอครับและก็ใส่น้ำซุบให้เขาหน่อย เพราะว่าส่วนใหญ่ฝรั่งเขาไม่ค่อยทานเครื่องในกัน”ผมพูดเพาะเพื่อนผมที่เป็นต่างชาติเขาก็ทำหน้างง ที่เห็นคนทานเครื่องใน ตอนที่พวกเขามาเที่ยวเมืองไทยกัน

                       “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะครู แล้วของครูละคะ “

                       “ผมทานได้ทุกอย่างครับ “ ผมบอกป้าคนขาย

                       “ป้าๆ ผม..เอาหมดทุกอย่างแล้วกัน”  นายคริสโตเฟอร์เปลี่ยนใจบอกป้าคนขายโจ๊กใหม่ว่าเอาทุกอย่าง ผมหันมามองยังไงของนาย

                       “เอาไงนี่ “ ป้าหันมามองหน้าคริสโตเฟอร์

                       “เอาทุกอย่างแล้วกันนะป้า เหมือนครูนั้นแหละป้า” คริสโตเฟอร์บอกป้าและเขาก็พยักหน้า ผมหันมามองแอบยิ้มขำคนข้างๆ ไม่นานป้าก็ส่งชามโจ๊กมาให้ผมสองคน

                       “พี่เขมไปนั้งด้วยกันนะ พวกไอ้อาร์ทแลไอ้โจมันกินกันมาแล้ว มันเลยไปแอบส่องหญิงนะพี่เขม ส่วนไอ้โป้งและไอ้ปันปันมันยังไม่ออกมาเลยส่งสัยมันมาสายแน่ๆ “คริสโตเฟอร์พูด ผมก็พยักหน้าและเดินไปหาที่นั่ง คริสโตเฟอร์พาผมไปหาที่นั่งที่เขานั่งประจำ เป็นโต๊ะมาหินอ่อนด้านข้างโรงอาหาร เขาเลือกนั่งถัดจากผมไป  พอผมและเขานั่งลง ผมก็เหลือบมองเวลาใกล้จะเข้าแถวแล้วเหลืออีกเวลาทานอีกยี่สิบนาทีได้

           “รีบทานคริสจะเข้าแถวแล้ว” ผมบอกนายคริสโตเฟอร์ และผมก็ก้มหน้าก้มตาทานแต่ว่ามีคนตักพวกตับ และของที่เขาบอกว่าไม่ชอบมาให้ผม ยกเว้นพวกขิงและผักชี เขาตักทิ้งไปข้างๆ โต๊ะ นี้เขาสั่งให้ป้าใส่มาเพื่อมาให้ผมทานนี้นะ

           “คริส..ที่หลังไม่ทานก็บอกป้าไม่ต้องใส่มา”

           “ผมเห็นพี่ทานนิ “ คริสโตเฟอร์พูด ผมก็อดอมยิ้มไม่ได้ และก็รีบก้มหน้าก้มตาทานกันแถมยังมีหนุ่มน้อยมาแย้งผมกินหมูเด้ง ผมทำท่าจะไม่ไห้ยกชามหนีด้วย แต่ก็ให้และเพราะรู้ว่าเขาไม่ทานหลายอย่างเลยเดี๋ยวจะไม่อิ่ม

            ผมนั่งอยู่ด้วยกันคุยกันไปด้วยมันก็ทำให้ผมมีความสุขแปลกๆ   และไม่นานสัญญาณเข้าแถวก็ดังขึ้น ก็แยกกับคริสโตเฟอร์ก่อน ผมให้เขาเข้าไปก่อนและผมก็เข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำก่อนจะตามลงไปทำหน้าที่ครูยืนคุมแถวนักเรียน และรักษาไว้ซึ่งสถานะครูและนักเรียน คริสก็มีแอบแต่ไม่ได้น่าเกลียดอะไร แอบแซวผมเวลาผมเดินใกล้ๆ แต่ผมก็หันไปทำหน้าดุ เอ็ดเอาเหมือนกัน พอพิธีหน้าเสาธงเสร็จเรียบร้อยผมก็พากันเดินขึ้นห้องพักครูเพื่อเตรียมตัวเข้าสอนคาบแรก ขณะที่ผมกำลังเดินเข้าห้องพักครู ผมก็เห็นว่ามีผู้หญิงเลยวัยกลางคนเดินตรงมายังห้องพักครู 



                       “สวัสดีค่ะ ครู อิฉันมาหาท่านผู้อำนวยการนะคะครู” คุณป้าเขาก็ทักผมก่อนยกมือไหว้ผมด้วย ผมรีบจับมือคุณป้าเขาไว้ และผมเองที่เป็นฝ่ายไหว้อย่างนอบน้อมกลับ คุณป้าท่านดูผอมบางมาก แต่งตัวด้วยผ้าถุงเสื้อลูกไม้ แต่ผมก็อดแปลกใจไม่ได้เพราะว่ารุ่นนี้ไม่น่าจะเป็นพ่อแม่เด็ก หรือว่าหามาหลานที่โรงเรียนแต่ท่านถามถึงผู้อำนวนการ

                       “สวัสดีครับคุณป้า มาติดต่อเรื่องอะไรครับ” ผมรีบสอบถามกลับทันที

                       “ป้ามาหา ท่านผู้อำนวยการค่ะครู”  ผมก็กำลังจะขึ้นสอนแต่ก็คงต้องพาป้าเขาไปหาพี่สมพิศที่ทำหน้าที่เลขาดูแลผู้อำนวยการอยู่ ณ ตอนนี้

                       “อ้าว คุณป้า มาอีกแล้วค่ะ “ พอดีจังหวะที่ครูสมพิศขึ้นมาพอดีก็เข้ามาทักคุณป้าท่านนั้นทันที อย่างนั้นแสดงว่ารู้จักกันดี

                       “สวัสดีค่ะ ครู อิฉันมาหาท่านผู้อำนวยการค่ะ”

                       “ท่านไม่เข้านะวันนี้ค่ะป้า ท่านมีธุระด่วนค่ะ มาอีกทีจันทร์หน้านะคะ”

                       “อิฉันแค่จะมาถามว่าได้ข่าวหลานฉันบ้างไหมคะ”

                       “ทางเรายังไม่ได้รับข่าวอะไรเพิ่มเติมเลยค่ะ และทางครองครัวครูมิ้งเขาก็ไม่ได้รับการติดต่อใดๆจากครูมิ้งค่ะป้า แต่ถ้ามีข่าวอะไรคืบหน้า ดิฉันจะรีบติดต่อนะคะ “

                       “และอันที่จริงป้าไม่น้าต้องมาเองเลยค่ะ   “ ครูสมพิศพูดกับป้าเขา

                       “ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยววันจันทร์อิฉันมาใหม่นะคะครู สวัสดีค่ะ” และคุณป้าคนนั้นก็กล่าวคำลาพร้อมกับบอกว่าจะมาใหม่อีก ผมหันมามองพี่สมพิศ ไม่เชิงว่าอยากรู้

                       “น่าสงสารแกนะคะ คุณป้าคนนี้เป็นคุณป้าของเด็กที่หายไปกับครูมิ้งค่ะครู เด็กคนนั้นชื่อแชมป์ค่ะ แกคอยมาหาผู้อำนวยการบ่อยมากค่ะ  มาแถบจะทุกอาทิตย์เลยก็ว่าได้ค่ะ เพื่อสอบถามท่านว่าได้ข่าวหลานคนเดียวของแกไหม “ ผมพยักหน้าสีหน้าเศร้านั้นแล้วก็อดสงสารไม่ได้

                       “แล้วทางเราได้ติดต่อครอบครัวครูมิ้งไหมครับ เพื่อจะทราบว่าเขาไปอยู่ที่ไหน” ผมถามครูสมพิศ

                       “ติดต่อค่ะ แต่ทางบ้านครูมิ้งบอกว่าครูมิ้งไม่กลับบ้านเลยคะ คุณป้าแกก็แจ้งความไว้นะคะ เพราะว่าเด็กนะอายุยังไม่สิบห้าเลยค่ะ” ผมก็ต้องตกใจ ยังเด็กเอามากๆ

                       “นี้แกไม่ได้มาหลายอาทิตย์ เพราะว่าแกไม่สบายมาก ที่พี่รู้ก็เพราะว่าพี่นะไปซื้อบ้านอยู่ในหมู่บ้านและที่ดินโครงการที่พี่ซื้อนะคะ อยู่ข้างบ้านคุณป้าเขาค่ะ ป้าแกเป็นคนมีเงินนะคะครู ตึกแถวในตลาดของเขาคุณป้าเขา ป้าเขาเป็นสาวโสด แต่แชมป์นี้เป็นลูกของหลานรักเขาอีกที และพ่อกับแม่ของแชมป์เขามาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตค่ะ หลายปีแล้วค่ะ ป้าเขาก็เลยเลี้ยงหลานเขาที่ชื่อแชมป์มาจนโตนะคะ”

                       “ตอนแรกพี่ก็ไม่คิดว่าจะเขาจะไปกับครูมิ้งหรอกคะครูและนายแชมป์นี้ก็ดูไม่ออกเลยนะค่ะว่าจะเป็นด้วย เพราะว่าเล่นสนุกกับเด็กผู้ชายปกติ ไม่มีอาการอะไรเลยนะคะ จนกระทั้งครูมิ้งมา”

                       “ทางโรงเรียนรู้เรื่องนี้ก็เพราะว่าคุณป้าเขาจับได้ว่ามีทั้งคู่ความสัมพันธ์ที่เกินกว่าครูและนักเรียนหรือเรียกว่ามีอะไรกันแล้วนะค่ะครู” ครูสมพิศพูด

                       “ คุณป้าเขาก็เลยจะย้ายแชมป์ให้ไปเรียนที่อื่นและเพื่อนนายแชมป์ก็บอกว่าป้าเขานะขังนายแชมป์อยู่ในห้องไม่ให้ออกมาเจอครูมิ้งและไม่ให้มาโรงเรียนทั้งอาทิตย์เลยค่ะ”

                       “แต่จู่ๆนายแชมป์ก็ปืนหน้าต่างหนีออกมาได้ทั้งที่บ้านเขานะสองชั้นสูงอยู่นะคะ และคุณป้าก็มาเรียกผู้อำนวยการกลางดึกเลยค่ะ ว่าหลายชายเขาหายไป และผู้อำนวนการก็ไปเคาะประตูเรียกครูมิ้งค่ะ แต่ก็ไม่เปิด จนกระทั้งผู้อำนวนการให้ครูโจ้นะคะ งัดประตูเข้าไป”

                       “ก็พบว่า ครูมิ้งไม่อยู่ เสื้อผ้าก็หายไป เอกสารสำคัญประจำตัวก็น่าจะหายไปด้วย “ ครูสมพิศพูดพร้อมถอนหายใจออกมา

                       “อันที่จริงพี่น่าจะเอ๊ะใจตั้งแต่แรกแล้วละค่ะว่า ทำไม เด็กคนนี้ อยู่กับครูมิ้งหลังเลิกเรียนตลอดเลย ปากเขาก็บอกว่าน้องเขาอ่อนภาษาอังกฤษมาก เลยต้องติวเยอะหน่อย” ครูสมพิศพูด

                       “อันนี้อย่าไปบอกใครนะคะ ว่าพี่พูด มีเด็กนักเรียนที่กินนอนที่นี้ค่ะ เห็นว่าครูมิ้งกับนายแชมป์นะ กอดจูบกันค่ะ โอ้ยย พี่นี้ขนรุกเลย ผู้ชายทั้งคู่นะคะครู “ ครูสมพิศพูดและทำท่าขนรุก ผมก็ยิ้มๆ และเอามือเกาหัว คือผมก็จูบผู้ชาย

                       “แล้วครูมิ้งเขาพ้นสภาพการเป็นครูหรือยังครับครูสมพิศ” ผมถามครูสมพิศ

                       “ยังค่ะ ยังอยู่ในข้อพิพาทอยู่ค่ะ เพราะว่าทางเราไม่รู้ว่าเด็กยินยอมไปเองหรือถูกหลอกไปค่ะ”ครูสมพิศพูด

                       “แต่ก็ผิดอยู่ดีนะคะครู เพราะว่า ครูกับนักเรียน ไม่ว่าจะ ผู้หญิงหรือผู้ชายก็เถอะคะ มันผิดค่ะครู ไม่ควรทำ ครูไม่ควรรักลูกศิษย์แบบ ชู้สาวถูกต้องไหมคะ” ครูสมพิศพูด

                       “ผู้อำนวนการมาพอดีเลยค่ะ เดี๋ยวพี่ขอไปคุยกับท่านก่อนนะคะ”

                       “เออ แต่เมื่อกี่ครูบอกผู้อำนวยการไม่เข้านี่ครับ”ผมถามครูสมพิศ ครูเขาก็หันมายิ้มแหยๆให้ผม

                       “พี่โกหกค่ะ เพราะว่าท่านก็ไม่มีคำตอบให้คุณป้าแก ท่านเลยไม่ขอไม่พบจะดีกว่าค่ะ “ ครูสมพิศพูดก่อนจะรีบเดินเพื่อไปพบผู้อำนวยการ ผมก็ยืนคิด ผมเห็นสีหน้าคุณป้าคนนั้น ท่านคงรักหลานชายของท่านมากและผมเองก็ยังเชื่อว่าครูมิ้งไม่ใช่คนไม่ดี และเป็นคนที่มีความสามารถในการสอนได้ดี ผมดูจากหนังสือคู่มือการสอนของครูมิ้งที่ทิ้งไว้และผมก็เอามาใช้ทำการสอนแทน คือมันดีมากและช่วยผมได้เยอะเลย น่าเสียดายจริงๆทั้งครูและเด็กที่อายุยังน้อย

                     
                   
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอนที่17ความรักของครูและคริสก็เริ่มจะมีอุปสรรค
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 08-08-2020 18:08:44
ขอบคุณมากนะครับ
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนEP.10.1 (เขมXคริส) อยากแนะนำพี่ให้เพื่อนๆผมรู้จัก
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 08-08-2020 19:07:54
EP.10.1  (เขมXคริส) อยากแนะนำพี่ให้เพื่อนๆผมรู้จัก

Part ครูเขมชาติ
             ผมกำลังเดินขึ้นห้องเพื่อทำการสอน ผมเข้าไปในห้องก็ทำการเรียกชื่อนักเรียนแต่ละคนและพ่อตัวดีของผมนายคริสก็มาถึงที่หลัง เขาคงลงไปหาเพื่อนของเขานั้นแหละ ผมหันไปมองนายคริสโตเฟอร์ ที่เดินยิ้มกริ่มมายืนตรงข้ามกันกับผมที่หน้าห้องเรียน

           “May I come in please ?

           “Yes ,come in please “ ผมบอกเขาไป เขาก็เดินผ่านผมแต่ะขณะที่เขากำลังจะเดินผ่าน เขาหยัดกระดาษใส่ผมอย่างเร็ว ในขณะที่คนอื่นก้มหน้าเขียนหัวข้อที่ผมกำลังจะสอนวันนี้ ผมก็ต้องรีบหยัดใส่กระเป๋ากางเกงผมทันที ก่อนที่จะมีคนเห็น ผมหันไปสอนตามปกติ นายคริสก็ตั้งใจเรียน ผมก็ตั้งใจสอนไปจนหมดชั่วโมง แม้ว่าในหัวผมจะคิดไปมากมายเกี่ยวกับครูมิ้งและเรื่องของผมตีกันยุ่งเหยิงไปหมดก็ตามแต่หน้าที่ครูต้องมากก่อนเสมอ 

                       “เอาละ ทุกคน วันนี้ครูมีการบ้านนะ และอาทิตย์หน้าครูต้องการให้พวกเธอ ค้นหาคนที่มีความสามารถในการ ร้องเพลง ตอบปัญหาภาษาอังกฤษ เพื่อเป็นตัวแทนเข้าแข่งขัน งานสัปดาห์ ภาษาอังกฤษ ที่จะมีขึ้นเดือนหน้านี้“ผมบอกทุกคนและคนก็บอกทำความเคารพผม ผมหันไปมองนายคริสโตเฟอร์ก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้องไปเขาก็มองผมแปลกๆ 

                               “พี่เขม ตอนเที่ยงทานข้าวกับผมนะ”

 คริสโตเฟอร์เขียนในกระดาษบอกผมนัดผมทานข้าวเที่ยงที่โรงเรียน ผมก็คิดหนักหน่อยๆนะ เพราะว่า เรื่องเมื่อเช้ามันทำให้ผมกลัวว่าผมจะทำร้ายเขานะซิ   ผมได้แต่ยืนคิด ขณะที่ผมผมกำลังจะเดินไปสอนห้องอื่นต่อ

                       “หมับ” มีคนมาจับแขนผมและลากผมเข้าไปในห้องน้ำครูผู้ชาย ผมก็ต้องตกใจ จนหันมาเจอก็เป็นนายคริสโตเฟอร์

                       “คริส! เล่นอะไรนะ อย่าทำแบบนี้กับพี่ในโรงเรียน”ผมหันมาต่อว่าคริสโตเฟอร์

                       “ผมเห็นพี่เขมสีหน้าไม่ค่อยดีเลยวันนี้อ่ะ พี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”คริสโตเฟอร์ถามผมด้วยน้ำเสียงที่บอกได้ว่าเขาเป็นห่วงผมมาก 

                       “ไม่มีอะไรหรอกคริส” ผมพูดบอกนายคริสไป ผมไม่ได้บอกหรอกว่าผมเริ่มกังวลเรื่องของผมและเขาแล้วซิ แต่ผมก็ยังคงส่งยิ้มให้เหมือนเดิม ผมชะโงกหัวออกไปมองข้างนอกห้องน้ำ

                       “เราจะเข้ามาคุยกันแบบนี้ไม่ได้คริส มันจะดูไม่ดี” ผมบอกเขา

                       “สำหรับพี่เหรอ” นายคริสยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงและทำสีหน้าเสียใจ

                       “คริส! ไม่ใช่แค่พี่ เราด้วยนะ ทั้งพี่และนาย “ผมพูดบอกนายคริส
         
 “ตอนอยู่โรงเรียนพี่คือครู และนายคือนักเรียน แต่ถ้าอยู่บ้านพี่จะไม่ว่าเลย ..เด็กน้อยเอ่ย!”  ผมพูดไม่อยากให้เขาทำสีหน้าแบบนั้น เพราะว่ามันทำให้ผมใจอ่อนทุกที แต่พอผมบอกอยู่บ้านทำได้นี้ยิ้มทันทีเลยนะ ผมก็อดยิ้มให้เขาไม่ได้เหมือนกัน  และผมก็เดินออกมาก่อนและนายคริสก็ตามผมออกมาอีกทีและจัวหวะนั้นก็บังเอิญครูสมชายเดินลงมาจากบันไดอีกชั้นพอดี

                   “ครูเขม...และ..นั้นนายคริส ...ไปทำอะไรกันในห้องน้ำครับ” ผมก็สะดุ้งและหันไปมองนายคริส มันคือคราวซวยใช่ไหม

                   “อ้อ..ผมเข้าไปส่องกระจกเช็คความหล่อของผมนะครู” นายคริสพูด

                    “ในห้องน้ำครูนี่นะ!” ครูสมชายพูด นายคริสแอบดึงแขนเสื้อผม

                   “เออ ..ผมเลยเข้ามาต่อว่าเขานะครับ ว่าไม่ควรใช้ห้องน้ำครู” ผมบอกครูสมชาย

                   “ใช่ครับครู เห็นแบบนี้ เอ็ดได้เลยครับ และนายก็ห้ามมาใช้ห้องน้ำครูอีกนะ ไม่อย่างนั้นครูจะบอกครูที่ดูแลห้องเธอให้หักคะแนนความประพฤติ”ครูสมชายพูดและผมก็แอบโบกมือให้นายคริสไปซะก่อน  ผมก็ยิ้มให้ครูสมชาย

                   “ครูเขมครับ พอจะมีเวลาไหมครับ ผมว่าจะคุยกับครูหน่อยนะครับ”

                   “ได้ครับครู ” ผมบอกครูสมชาย ผมหันมานายคริสก็ไปแล้ว นายตัวดีเป็นไงเกือบได้เรื่องแล้วไหมละ

                   “ครูครับ คือว่าตอนนี้แม่ผมเขาป่วยเขาโรงพยาบาลนะครับ บ้านผมอยู่จังหวัดปทุมธานี ผมว่าจะกลับไปบ้านพักวันศุกร์ตอนเย็นแต่ผมมีเวรวันเสาร์ ผมรบกวนครูอยู่เวรแทนผมทีได้ไหมครับครู “ ครูสมชายบอกผม ผมก็
                   “ได้ซิครับครู เรื่องแบบบนี้ผมเต็มใจช่วยอยู่แล้ว ผมอยู่ให้ครับ”

                   “ขอบคุณนะครับครู”

                   “เออ..ครูครับ ระวังนายนี้ไว้หน่อยนะครับครู “ ครูสมชายหันมาบอกผม ผมก็ทำสีหน้างงซิครับระวังใคร

                   “นายคริสนะครับ นายนี่เกือบต่อยผมแล้วนะครู “ ผมเองก็ตกใจซิ นายนี้นะเหรอ

                   “ครับ ครูระวังด้วนนะครับ ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม ผู้อำนวยการยังเอาไว้อีก น่าจะให้แม่เขามาย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านที่ภูเก็ตจะดีกว่านะครับ “ ครูสมชายพูด ผมก็พยักหน้ารับ ผมว่ามันต้องมีที่มาที่ไปซิที่นายคริสจะต่อยครูสมชาย ผมไม่ได้เข้าข้างนายคริสเนืองจากผมรูสึกพิเศษกับเขา แต่ผมคิดว่านายคริสนี้เป็นคนที่ทำอะไรด้วยเหตุผลนะไม่ใช่คนใช้แต่อารมณ์เป็นที่ตั้ง และนั้นแปลว่าเขาต้องโมโหที่สุดถึงจะทำแบบนั้นได้ แต่ยังไงผมก็ต้องสอนเขาเรื่องนี้เหมือนกัน เรื่องการการควบคุมความโกรธ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นายคริสโตเฟอร์
    วันนี้ผมตั้งใจนัดครูเขมชาติมานั่งทานข้าวด้วยกันเพราะว่าผมอยากแนะนำครูเขมให้รู้จักบรรดาเพื่อนๆผมอย่างเป็นทางการ แต่ผมยังไม่กล้าบอกพวกมันเลยว่าผมตกหลุมรักครูเขมอยู่ โดยเฉพาะไอ้โป้ง  ผมลงมารอครูเขมก่อนเวลา และพวกผมมักจะนั่งด้างหลังกัน ซึ้งจะอยู่ด้านนอกของห้องอาหารและเป็นทางเดินไปห้องน้ำนักเรียนชายด้วย

   “ไอ้คริส ...มาถึงก่อนเวลาเลยนะมึง มารอสาวเหรอครับ”ไอ้อาร์ทมันแซวผมทันที

   “รอทำไมวะสาวๆ กูมารอหนุ่มต่างหาก” ผมพูดและชะเง้อมองแต่..ผมสะบัดหน้ามามองไอ้อาร์ทและไอ้โจ มันก็มองผมแบบเหมือนมีเครื่องหมายคำถามแปะอยู่ที่ใบหน้าของผมทั้งคู่

   “กู..ล้อเล่น” ผมพูด

   “โธ่! กูนึกว่ามึงเอาแล้วไอ้คริส! ชวงนี้ยิ่งแปลกๆ ลากไปเอาสาวเสือกไม่ไป กูสองคนก็นึกว่ามึง....” ไอ้อาร์ทกับไอ้โจหันมามองหน้ากัน

“เปลี้ยนไป้! แบบว่า ...อ้ายยยย สาวแตกอะไรอย่างนี้นะ”ไอ้โจ แต่ไอ้อาร์ทมันสะกิด

“มึงนั้นแหละ ทำซะเหมือนเชียว” ไอ้อาร์ทพูด
“ฟัคยู” ผมชูนิ้วกลางให้มันสองคนทันที และมันสองคนก็พร้อมใจกันส่งกลับมาให้ผมอีกด้วยนะ

“ไอ้ปันปันและไอ้โป้งละวะ ”  ผมถามไอ้อาร์ทและไอ้โจ เพราะว่ามันมากันแค่สองคนและอีกสองคนไปไหนทั้งที่เรียนห้องเดียวกัน
“มันขึ้นห้องพักกับไอ้โป้งนะ ไอ้ปันปันมันบอกว่าให้ไอ้โป้งไปทายาที่ก้นมันให้หน่อย”

“อืมม” ผมพยักหน้า แต่ว่ามันสองคนบอกว่าทายาที่ก้นเหรอ

“เห้ยย!” ไม่ใช่แค่ผม ทั้งสามคน ร้องออกมาพร้อมกับ

“มึงคิดอย่างที่พวกกูคิดไหมวะ” ไอ้อาร์ทถามผม  ใช่ผมก็พยักหน้า

“ไอ้ปันปันมันเป็นเกย์ไหมวะ กูเห็นมันติดไอ้โป้งมากเลยวะ เมื่อวานมันบอกจะนอนกับพวกกูแต่พอไอ้โป้งบอกว่าจะกลับบ้าน มันให้พวกกูมาส่งแทบไม่ทันเลยนะโว้ย” ไอ้โจหันมาพูดกับพวกผมเหมือนจะกระซิบนะแบบว่าระแวงว่าไอ้ปันปันกับไอ้โป้งมันจะเดินมาแล้วได้ยิน 

“ถ้าเป็นและไอ้โป้งมันรู้นะ มันโดนเตะออกจากกลุ่มแน่ๆ เพราะว่าไอ้โป้งมันเกลียดพวกนี้จะตายไป “ ไอ้อาร์ทพูด ผมก็นิ่งไปเลยซิครับ และถ้ามันรู้เรื่องผมกับครูเขมละ มันก็จะเลิกเป็นเพื่อนผมด้วยใช่ไหม เอาไงดี ผมคงปรึกษามันไมได้แน่ๆ ไอ้โป้ง และผมก็คงบอกมันไม่ได้เช่นกัน ผมกลัวเสียมันไป มันคือเพื่อนที่ผมรักมากที่สุดจริงๆ 
“เห้ย! กูไปหาอะไรกินก่อนนนะ จองโต๊ะนี้ไว้ด้วยวะ กูมีแขกมานั่งรวมกับพวกเรา”  ผมบอกพวกไอ้อาร์ทและไอ้โจ

“มึงได้เด็กใหม่มาเหรอวะ สวยไหมวะ ม.ไหนวะและ มอต้นหรือมอปลายวะ..ไอ้คริส” ไอ้สองคนนี้ดูมันทำหน้าตาหื่นขั้นมาทันทีเลย ผมพาเด็กมา เหมือนหาเหยื่อมาให้มันตลอด บางคนก็ไปต่อกับมันสองคนแต่บางคนก็ไม่เอา เพราะว่าผมนะไม่ชอบคบแบบผูกมัดเพราะว่าผมรู้ว่าพวกเขายังไม่ใช่ที่ผมต้องการ แต่ทะว่าตอนนี้ผมว่าผมกำลังโดนมัดไว้ทั้งหัวใจโดยครูเขมชาติ

“เดี๋ยวมึงเห็นก็จะร้อง..ว้าว!” ผมพูดและรีบเดินไปหาครูเขมชาติทันที ครูเดินไปที่ร้านขายข้าวแกงผมก็เดินแทรกนักเรียนไปหาและเข้าไปใกล้ๆ  ผมเห็นว่าครูเขมกำลังชะเง้อมองว่าจะทานอะไรดี

“พี่เขม...กินไรวันนี้” ผมเข้าไปได้ก็กระซิบถามพี่เขม

“ยังดูอยู่เลย เราละ” พี่เขมคงรู้ว่าเป็นผม เขาก็หันกลับมากระซิบกับผม

“ผมเหรออยากกิน..ครู และต้องเป็นครูเขมด้วยนะ”ผมกระซิบตอบกลับแบบชนิดใกล้ชิดพี่เขมจนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนที่พี่เขมฉีดมาแบบอ่อนๆ  พี่เขมหันขวับมาทันที ผมก็ยิ้มให้

“คริส! อย่าทะลึงกับพี่ในนี้” พี่เขมหันมาดุผมอีก

“ทายอะไรดีค่ะครูวันนี้ วันนี้ป้ามีไข่ลูกเขยอีกแล้วนะครู เห็นครูชอบ”

“ผมเอาไข่ลูกเขยกับคะน้าหมูกรอบครับ” พี่เขมสั่ง ผมก็เงยหน้ามองป้า

“เอาเหมือนกันครับป้า” ผมบอกป้าคนขายข้าว ระหว่างที่รอ ผมกระเทิบมาเบียดพี่เขม

“คริส”พี่เขมเรียกชื่อผมไม่ดังมาก เป็นเชิงห้ามปราม

“พี่เขมก็เขาเบียดมา”ผมพูดและมองพี่เขม เขาก็มองไปที่กลุ่มผู้หญิงที่เบียดเข้ามาสั่งอาหารเช่นกัน

“คริส” พี่เขมชี้ไปที่เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนมองอาหารและเดินออกไป ทำท่าเหมือนจะสั่งแต่มันก็ไม่สั่ง มันยืนกลืนน้ำลายเอื้อกๆเลย และผมก็รู้ว่าทำไม

“มันไม่มีตังค์กินข้าวมั้งครับ พี่เขม “ ผมบอกพี่เขม

“ผมรู้มาว่าเด็กคนนี้พ่อมันเปิดอู่และดันไปซื้อของโจรมาเลยต้องไปติดคุกครับพี่เขม “ผมบอกพี่เขม

“และที่ผมรู้ก็เพราะว่าผมเอารถบิ๊กไบท์ลูกรักไปปะยางบ่อยๆ แต่พอวันที่เขาถูกจับไป ร้านค้าข้างๆเขาก็บอกผมมาแบบนั้นนะครู “ผมบอกพี่เขม พี่เขมก็มองเด็กคนนั้น สายตาพี่เขมนี้มันบ่งบอกได้ว่าพี่เขมนึกสงสารเด็กคนนั้นแน่ๆ

“พี่สอนห้องเขานะ” พี่เขมหันมาบอกผม

“พี่สอนห้องไอ้แก้มเหรอพี่” ผมก็ตกใจเพราะว่าเด็กคนนี้ก็เรียนอยู่ห้องเดียวกับแก้ม

“อืมม ทำไมละ” พี่เขมถามผม ผมก็มสีหน้ากังวลทันที

“ระวังไอ้แก้มด้วยนะพี่ แก้มนี้มันแปลก ผมนี่ด่าว่ามันก็ไม่รู้สึกอะไรเลยนะพี่เขม มันจะหาเรื่องให้ผมโดนไล่ออกตลอด “ ผมบอกพี่เขม

“และผมก็กลัวมันจะหาเรื่องกับพี่ด้วย “ ผมบอกพี่เขม

“คริส เราไม่ควรไปด่าผูหญิง มันไม่ดีเลย รู้ไหมว่ามันจะทำให้นายดูเหมือนไม่ให้เกียรติผู้หญิงเขา “ พี่เขมบอกผม

“ก็มันชอบมายุ่งกับผมอ่ะ และนี้ผมคงต้องพูดกับมันตรงๆแรงๆ ไปเลย ใจจริงก็อยากจะบอกไปตรงๆเลยนะ ว่าผมกับพี่..”

“คริส!” พี่เขมทำนิ้วชี้ไม่ให้ผมพูด

“ได้แล้วค่ะ ข้าวราดไข่ลูกเขยกับผัดคะน้าหมูกรอบ”  ป้าคนที่ตักอาหารก็ส่งจานมาให้ผมก็มองนายคริสจะเอาไปก่อนก็ได้นะ

“ผมเหรอครับป้า หมับ”

“เพียะ” นั้นป้าตีมือนายคริส

“ครูก่อนซิเรา ครูเขายืนสอนเหนื่อย เรานะนั่งเรียนรอไปก่อน” นั้นผมก็รับจานข้าวมา นายคริสแอบค้อนผมทันที

“และนี้แก้งเราไปไหนละ” ป้าคนขายก็ถามผม ป้าคงหมายถึง ไอ้โป้ง ไอ้ปันปัน ไอ้อาร์ทและไอ้โจ เพื่อนรักของผมนั้นเอง ซึ้งปกติจะมากวนให้ป้าแกด่าเล่นเป็นประจำ แต่ว่าช่วงนี้คงหายๆไปหน่อยนะ เพราะว่าพี่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวเขาเอาลูกสาวมาช่วยขายด้วย พวกมันก็เลย

“เพื่อนผมนะเหรอป้า ร้านโน้นเลยป้า ร้านที่มีลูกสาวสวยๆมาช่วยขายนะป้า”

“เหรอ ..แม้กูไม่มีลูกสาวละหายหัวไปกันหมด ดูนะครู เด็กมันแก่แดดจริงๆ  ยังไม่ทันไร มันจ่องจะหาเมียกันแล้วค่ะครู ” ป้าคนขายพูดและส่งจานอาหารมาให้ผม 

“ป้าครับผมขอเหมือนผมอีกจานได้ไหมครับ”ครูถามป้าคนขาย ป้าเขาก็พยักหน้าแต่ผมงงมาก พี่เขมจะหิวอะไรขนาดสั่งข้าวมาทานสองจานเลยเหรอ พี่เขมหันมามองผมและยิ้มให้ผม จังหวะนั้นผมหันไปเจอแก้มมันเดินลงมาเหมือนกับว่ามันจะเห็นผมด้วยซิ แต่คนเดินเข้าค้อนข้างเยอะมันเลยแทรกตัวเข้ามายาก

“ดูดิพี่เขม พูดถึงมันยังไม่ทันไรเลย มันเดินลงมานั้นแล้วอ่ะ ...แก้มนะ “ ผมชี้ให้พี่เขมดูและผมก็คิดว่าผมควรจะต้องรีบชิ้งดีกว่า แต่แปลกนะถ้าผมอยู่กับไอ้โป้งแก้มไม่กล้า ถ้าโป้งบอกอย่ามาทำให้พวกมันเดือดร้อนแก้มจะถอยทันที 

“ผมไปก่อนนะพี่ ไปนั่งโต๊ะด้านหลังเลยนะพี่เขม ผมอยากแนะนำพี่ให้เพื่อนๆผมรู้จัก” ผมรีบบอกครูเขมชาติ

“คริส..เอาจานข้าวของครูไปด้วยซิ” พี่เขมพูดบอกผมพร้อมกับส่งจานข้าวที่ป้าเขาตักส่งมาให้ก่อน ให้ผมรับไปถือไว้
“อ้อได้แต่พี่สั่งอีกจานทำไมอ่ะ” ผมถามพี่เขม  พี่เขาคงอยากให้ผมถือไปด้วย ผมคิดว่าแค่นี้ทำไมจะทำให้ที่รักไม่ได้ละ
“เอาจานนี้ไปให้น้องเขา บอกว่าพี่ซื้อให้เขา” พี่เขมบอกผม ผมก็เข้าใจทันที ว่าพี่เขมให้ไปให้เด็กคนนั้นที่ไม่มีตังค์ซื้อข้าวกินแน่  พี่เขมพยักหน้าอีกทีผมก็รีบเดินออกไป เพราะว่าผมเห็นมันหลังไวไวแต่พอผมหันมามอง แก้มมันก็เดินตรงปรี่มาหาพี่เขมผมทันที ไอ้ผมจะเดินกลับเข้าไป  แก้มมันจะขอไปนั่งกับพวกผม ผมรู้นิสัยแก้มดี มันไม่ยอมใคร   

“น้อง” ผมเรียกเด็กคนนั้น ที่ยืนอยู่ด้านนอก

“นี้ครูเขมเขาซื้อให้ไปทานซะ” ผมส่งจานข้าวให้เด็กคนนั้น น้องเขาก็มองหน้าผมแต่พอบอกครูเขมซื้อให้ เขาก็รับไป และเดินไปหาที่นั่งทานเลย ผมก็ยืนชะเง้อมองว่าพี่เขมเดินมาหรือยัง นั้นเดินมาแล้วพร้อมจานข้าวและขวดน้ำสองขวด  แอบยิ้มเลยซิผม

“อ้าว อยู่นี้เอง “พี่เขมพูดกับผม และส่งขวดน้ำมาให้ผมหนึ่งขวด
“พี่เขม พี่คุยอะไรกับแก้มมันอ่ะ”
“อ้อ...เขาแค่...ถามถึงคริสนะ ไม่มีอะไรมากหรอก” พี่เขมพูด ผมเริ่มตะหงิดยังไงก็ไม่รู้เหมือนแก้มมันจะพูดอะไรที่ไม่ดีกับพี่เขมยังไงก็ไม่รู้

“พี่เขม ถ้ามันพูดไม่ดีบอกผมนะ”

“ไม่มีหรอกนะคริส และเขาเป็นผู้หญิง อย่าไปด่าว่าเขามันดูไม่ดี พี่ขอนะ”ครูเขมบอกผม ผมก็เดินไปหาที่นั่งที่ให้พวกไอ้อาร์ทมันจองไว้ และพวกมันก็กำลังนั่งทานก๋วยเตี๋ยว วันนี้แม่ค้าเอาลูกสาวที่เรียนเทคนิคมาช่วย แม้แห่กันไปซื้อใหญ่เลยนะไอ้พวกนี้ ซื้อมากันคนละสองชามเลย 

“เห้ย! กูพาแขกคนพิเศษมานั่งด้วยวะ ไอ้อาร์ท ไอ้โจ” ผมบอกมันสองคน และพวกมันก็หึนมามอง

“พล้วด!” มันพ่นก๋วยเตี๋ยวทันที

“โธ่! กรูสองคนก็นึกว่าสาวสวย” ไอ้อาร์ทมันพูด ครูเขมหันมามองผม

“ไอ้หื่น นี่ครูนี่เด็ดกว่าสาวๆอีก” ผมพูด พี่เขมยืนมองผมและทำท่าจะหันหลังเดินกลับเข้าไปนั่งด้านใน ผมก็คว้าแขนพี่เขมเอาไว้

“ล้อเล่นนะครู ด้านในไม่มีที่นั่งแล้วตอนนี้ คนลงมาทานกันหมดแล้ว และถ้ายืนรอก็อีกนานเลย ส่วนใหญ่จะนั่งแช่กัน” ผมพูดและพยักหน้าให้นั่งลง พี่เขมนั่งลงได้

“สวัสดีครับครู”ไอ้อาร์ทและไอ้โจมันก็ยกมือไหว้พี่เขมกัน และไอ้โป้งกับไอ้ปันปันมันก็เดินมานั่ง ไอ้โป้งมันมองผมและครูเขม

“กูเรียกครูมานั่งด้วย ข้างในที่มันเต็ม” ผมบอกไอ้โป้ง

“สวัสดีครับครู” ไอ้โป้ง และไอ้ปันปันมันมองหน้าผม

“ไม่รู้ใครติดใจใครนะครู” ไอ้ปันปันมันพูด ผมก็ต้องเงยหน้ามอง อยากจะเอาส้อมทิ่มมันจริงๆ

“สวัสดีครับครู”ไอ้ปันปันทักทายพี่เขม  และก็พากันนั่งลง

“ครูเขม นี้ ไอ้โป้ง ครับ” ผมแนะนำไอ้โป้งให้ครูเขมรู้จัก ครูเขมก็พยักหน้า

“และนี้ไอ้ปันปัน ครูเจอมันแล้วนิ” ผมแนะนำไอ้ปันปัน

“ไอ้ปันปันมันบอกว่าครูไปนอนที่ห้อง เพราะว่า ..” ไอ้โป้งพูดครูเขมเงยหน้าขึ้นมา

“แป๊ปน้ำครูแตกไม่ใช่น้ำครูแตก” พี่เขมรีบพูดขึ้นและมองหน้าผมอีก

“ครูรู้ได้ยังไงอ่ะครับว่าผมจะพูดคำนั้น” ไอ้โป้งมันพูดขึ้นและมันก็ทำท่าจะหัวเราะ 

“ครูได้ยินมาหลายคนแล้วแหละโป้ง ก็เพื่อนตัวดีของเรานะเอาไปพูดให้ครูเสียหมดเลย ” พี่เขมพูดแหละหันมาเหล่มองผม

“ไอ้คริสอะดิมันบอกทุกคนว่าครูน้ำแตก ไอ้นี้มันทะลึงหรือว่ามันใช้คำไทยไม่ถูกกันแน่วะ” ไอ้ปันปันอีกคน

“ครูและนี้ ไอ้อาร์ทและไอ้โจ คู่นี้มันเกิดมาก็เป็นผัวเมียกันเลยครู” ผมพูด พี่เขมสะบัดหน้าไปมอง

“ใช่ครับ เกิดมาปุ๊ปพ่อแม่จับแต่งกันเลยครับ ตอนนี้รอไอ้นี้มันท้องลูกให้ผมอยู่ครับครู  “ ไอ้อาร์ทมันพูด และหันไปชี้ไอ้โจ และไอ้โจมันก็ยกเท้าจะถีบไอ้อาร์ททันที

“ครูอย่าไปเชื่อมัน พ่อผมกับพ่อมันเป็นเพื่อนรักกันครับและ แม่ผมกับแม่มันดันมาท้องไล่ๆกันครับ” ไอ้โจมันพูดอธิบาย

“ผมเลยซวยเกิดมาเจอมันทันที ครับครู” ไอ้โจมันก็ไม่ยอม

“และปากมึงนี้ก็โคตรสร้างสรรมากครับไอ้อาร์ทครับ เพียะ! “ไอ้โจหันไปพูดต่อว่าไอ้อาร์ทคู่นี้มันกัดกันประจำและไม่พูดเปล่าตบหัวไอ้อาร์ทด้วยครับ 

       ผมมองเพื่อนๆผมคุยกันสนุกสนานกับครูเขมแบบว่ากันเองดี จนผมนี้อยากจะเปิดไปเลยว่ากับครูเขมกำลังจะคบกันแต่คิดอีกทีไอ้โป้งมันอาจจะเปลี่ยนไป หรือไม่มันาอาจจะตัดผมออกจากกลุ่มแบบที่ไอ้อาร์ทมันพูดไว้ก็ได้

   “ครูขึ้นห้องพักครูก่อนนะ เพราะว่าครูมีสอนตอนบ่ายและเราอย่าลืมไปเรียนชดเชยกับครูนะคริส “ ครูเขมทานเสร็จก็ขอตัวขึ้นห้องพักก่อนทันที ผมก็พยักหน้าและครูเขมก็บอกผมอย่าลืมไปเรียน กับครูด้วย ผมต้องเรียนชดเชยกับครูเขมทุกวัน เพราะว่าเทอมที่แล้วผมขาดไปเลยไม่ได้เรียน

   “ กรูไปห้องน้ำก่อนวะ “ ผมพูดก่อนจะลุกขึ้นไปเพื่อไปเข้าห้องน้ำชาย ระหว่างทีผมกำลังเดินใกล้จะถึง จู่ๆก็มีคนกระโดดออกมาจากมุมตึก คนที่ทำแบบนั้นก็คือแก้ม ผมแอบคิดในใจแก้มนี้มันเป็นเจ้ากรรมนายเวรผมหรือไง

   “เล่นอะไรนะแก้ม” ผมถามแก้ม

   “พีคริสไปไหนกับครูเขมมาอีกแล้วค่ะ เมื่อวานนะคะ” แก้มถามผม ด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงอาการหึงผมกับครูเขมแต่ทะว่าผมกับแก้มไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยมันจะหึงผมทำไม

   “ก็ไปทานข้าวกัน แล้วมันธุระอะไรของเธอละแก้ม” ผมถามแก้มกลับด้วย

   “ทำไมต้องไปกับครูบ่อยๆด้วยอ่ะ พี่ควรจะไปกับแก้มมากกว่าไปกับครู  เพราะว่า”

   “เพราะว่าอะไร..แก้ม” ผมถามแก้ม เธอก็มองหน้าผม

   “เพราะว่าครูเขาไม่ใช่ผู้ชายปกติ เขาเป็นตุ๊ดแน่นอน พี่คริสอย่าไปใกล้เขานะ พี่จะดูไม่ดีไปด้วย แก้มเป็นห่วง” แก้มพูดบอกผม ผมคิดว่าแก้มมันคงพูดไม่ดีกับพี่เขมแน่ๆ

   “ขอบใจนะแก้มแต่ พี่คิดเองได้ว่าครูเขมดีหรือไม่ดี ส่วนเธอนะ กลับไปทำตัวเองให้ดีซะก่อนดีกว่าไหมแก้ม และพี่เห็นนะว่าเธอว่าเธอเข้าไปหาครูเขม”ผมพูดและยืนเอามือล้วงกระเป๋ามองหน้าแก้ม แก้มหน้าซีด

   “เธอพูดอะไรกับครูเขม” ผมถามแก้ม
   “แก้ม ..แก้ม..ไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย แค่..”
   “แค่อะไร..อย่าคิดนะว่าที่เธอช่วยพี่ไว้และเธอจะมามีสิทธิ์ในตัวพี่ไปด้วย พี่ไม่ใช่แฟนเธอแก้ม อย่าทำให้พี่เหลืออดอีก และถ้าถึงตอนนั้น หน้าเธอพี่ก็จะไม่มอง “ผมพูดและทำท่าจะหันหลังออก

   “อย่ายุ่งกับครูเขม”ผมหันกลับมาบอกเธอก่อนจะเดินไป ผมรีบเดินเข้าห้องน้ำทันที  เพื่อทำธุระส่วนตัวก่อนจะไปเข้าเรียนวิชาต่อไป วันนี้ผมว่าจะชวนพี่เชมไปทานข้าวก่อนมาเรียนพิเศษอีกดีกว่า ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินออก ผมก็ต้องเจอกับคู่อริ ผมหันมามองหน้ามัน

   ผมมีเรื่องกับมันก็เพราะว่า พี่เชอรี่สาวสวยระดับดาวของโรงเรียนมาชอบผม ผมก็ชอบพี่เชอรี่เหมือนกัน เราเหมือนใกล้จะคบกันเป็นแฟนแต่มีไอ้พี่กายนี้แหละที่มันแอบชอบพี่เชอรี่เช่นกัน แต่สุดท้ายพี่เชอรี่ก็ถูกส่งไปเรียนเมืองนอกแทนเพราะว่าพ่อของพี่เชอรี่เขาเป็นคนใหญ่คนโตเขาไม่ชอบผมเท่าไหร่
   “ปึก” มันเดินสวนผมและเอาไหล่มากระแทกไหล่ผม ผมก็ยืนนิ่งรอการขอโทษแต่มันไม่ขอโทษ มันแค่หันมามองหน้าผมและยิ้ม
   “มองหน้าเหรอคริส ทำไม มีปัญหาเหรอวะ” ผมหันมามองหน้ามันและไอ้พี่อั้น เพื่อนมันที่เป็นนักมวยสากลประจำโรงเรียน และไอ้พี่ภู เพื่อนของมันอีกคน

   “ไอ้..” ผมกำหมัดรอเลยถ้ามีคำว่าฝรั่งขี้นกออกมานี้ผมต่อยมันแน่ๆ

   “เห้ย! ครูเดินผ่านมา” พี่เอกรินทร์  คือคนที่เดินเข้ามาบอกพวกไอ้พี่กายและพวกมันก็เลยพากันเดินเข้าห้องน้ำไป ผมหันไปมอง พี่เอก พี่คนนี้เขาดีนะ คอยช่วยผมเท่าที่พี่เขาทำได้ คือไม่อยากให้ผมกับพี่กายต่อยกันแต่ผมก็เข้าใจว่าพี่เขาเป็นเพื่อนกัน

   “ขอบคุณครับพี่เอก” ผมขอบคุณพี่เอกเบาๆ

   “กูรู้ว่าถ้ามันรุมมึงก็เจ็บเปล่า..คริส” พี่เอกพูดและผมก็เดินออกมา ผมก็เจอพวกไอ้โป้ง ไอ้อาร์ท ไอ้โจและไอ้ปันปันที่วิ่งหน้าตาตื่นมา

   “แก้มมันบอกว่าพวกไอ้พี่กายมันมาเข้าห้องน้ำเดียวกับมึงอ่ะ กูก็เลยคิดว่าพวกมันจะทำอะไรมึง”ไอ้โป้งพูด ผมหันไปมองและหันกลับมา

   “ไปเถอะวะ พอดีพี่เอกโกหกว่าครูเดินผ่านมามันก็เลยไม่ได้ทำอะไรกู แต่กูนี่เกือบจะต่อยปากแม่งแล้วแหละ” ผมพูดและเดินแทรกพวกมันไปทันที จะว่าไป แก้มมันก็ช่วยผมหลายครั้งอยู่เหมือนกัน แต่ผมรักมันไม่ได้ ยิ่งตอนนี้ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย เพราะว่าผมรักครูเขมไปแล้ว
*************************************************************************************
ฝากไว้อีกตอนนะคะ เหมือนจะงานเข้าเรื่อยๆนะคู่นี้ ครูเขมxนายคริส
ตอนหน้าก็จะดราม่าเยอะหน่อยนะ ขอมาพรุ่งนี้เลยนะคะ  รักคนอ่าน  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอนที่17.1 (เขมXคริส) อยากแนะนำพี่ให้เพื่อนๆผมรู้จัก
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 08-08-2020 19:54:10
เนื้อหอมจริงๆคริสนี่ :katai4:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนEP.10.2สุดท้ายความรักของผมก็จบแบบไม่สวย
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 09-08-2020 17:47:32
EP.10.2สุดท้ายความรักของผมก็จบแบบไม่สวย
           
    ผมกำลังเดินขึ้นห้องพักครู หลังจากที่ผมได้ไปนั่งทานอาหารกับคริสโตเฟอร์และทำความรู้จักกับเพื่อนๆของนายคริส จะว่าไปมันก็ทำให้ผมรู้สึกคิดถึงวัยมัธยม ที่มีแต่ความสนุกสนานกับเพื่อนๆ ก่อนที่ผมจะคบณัฐกานต์ ตอนเที่ยงก็คุยกัน แย่งกันกิน สนุกสนานเฮฮากัน และเพื่อนผมนะไม่มีใครักเกียจผมสักคนที่รู้ว่าผมเป็นแบบไหน แต่พอคบณัฐกานต์ เพื่อนๆก็เริ่มหาย ผมก็ไม่เข้าใจแต่เรียนจบ ผมโชคดีที่ได้ทำงานที่ติวเตอร์ เพื่อนๆผมเข้าไปทำกันเยอะ มีทั้งรุ่นพี่ด้วย ชีวิตการทำงานเลยค้อนข้างจะชิลๆ
                      ผมเลยเข้าใจที่คริสโตเฟอร์ไม่ได้บอกเพื่อนๆของเขาว่าเขากับผมกำลังคิดอะไรกันอยู่ และผมก็ไม่ได้เสียใจเพราะว่าผมค้อนข้างโตเป็นผู้ใหญ่พอที่จะแยกแยะเรื่องพวกนี้ได้ แต่วันที่เขาพร้อมเขาอาจจะบอกเอง และอีกเรื่องที่ผมไม่ได้บอกคริสโตเฟอร์คือ แก้มเข้าถามคริสกับผมเพราะเธอเห็นว่าคริสยืนอยู่ข้างๆผม แต่ประเด็นที่สำคัญคือเธอเข้ามาต่อว่าผมว่าผมจะทำให้เขาเป็นเหมือนแชมป์ที่หายไปกับครูมิ้งนี้ซิ ผมไม่อยากให้คริสไปต่อว่าเธอเพราะนั้นมันทำให้คริสดูไม่ดีด้วย ผมเลยเลือกที่จะบอกไม่มีอะไรจริงๆ

                      “ครูเขม” ผมได้ยินเสียงท่านผู้อำนวยการเรียกชื่อผม ผมก็หันมามอง มีครูลินดาเดินมาด้วยกัน

                      “สวัสดีครับท่านผู้อำนวยการ” ผมยกมือไหว้ท่านและยิ้มให้ครูลินดา

                      “ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้ครูเขมกับครูลินดาไปด้วยกันแล้วกันนะ “ ผู้อำนวยการพูด ผมก็หันไปมองครูลินดามีอะไรหรือเปล่า ผมจะต้องไปไหน

                      “ครูเขมกับครูลินดาจะได้เป็นตัวแทนครูของโรงเรียนถือพานพุ่มครับผมที่ศาลากลางจังหวัดพรุ่งนี้ ” ผู้อำนวยการพูด ผมก็หันไปมองครูลินดาที่ส่งยิ้มให้ผม แต่ผมไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน

                      “อ้ออีกอย่างนะครูเขม ผมลืมแนะนำ ครูลินดาเขาเป็นหลานสาวของผมนะครูพ่อครูลินดานะเป็นเพื่อนรักของผมเลยครับครู  แม้ครูนี้ร้ายใช่เล่นนะครับ “ ผู้อำนวยการพูดและผมก็มองหน้าครูลินดา ว่านี้มันเรื่องอะไรกัน และผู้อำนวยการก็หันมาแตะบ่าผมก่อนจะเดินออกไปทิ้งความมึนงงไว้ที่ผม และผมก็หันมามองหน้าครูลินดาที่ยืนยิ้มเจือนๆให้ผม

                      “ ครูเขมค่ะ คือว่าเมื่อเช้าครูเข้าห้องน้ำครูกับนายคริสใช่ไหมค่ะ” ครูลินดาถามผม ผมก็แปลกใจว่าทำไมครูลินดารู้เรื่องนี้

                      “พอดี ครูสมชายเขาบอกลุงของลินดานะคะ ว่าให้ระวังครูกับนักเรียนอาจจะซ้ำรอยได้ “ ผมยิ่งเลิกคิ้วเป็นคำถาม อันนี้หมายถึงซ้ำรอยครูมิ้งหรือเปล่า ทำไมใครๆก็ต้องคิดว่าผมจะทำแบบนั้นทุกคนน่ะ

                      “ แต่ลินดาบอกกับลุงของลินดาว่าครูกับดาคบกันอยู่ค่ะ ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นแน่ๆ “ ครูลินดาพูด ผมก็ผงะเลยซิครับ ก็ผมเพิ่งจะบอกว่าผมเป็นเกย์ครูลินดาก็รู้ดีเพราะว่าเขาเจอณัฐกานต์แล้ว

                       และตอนนี้ในหัวผมก็ตีกันวุ่นไปหมด เรื่องณัฐกานต์ที่ว่าผมควรจะเอายังไงดี และมาเรื่องคริสนี้ตีกันมากหน่อยเพราะว่าผม ผมยอมรับว่าผมรู้สึกพิเศษกับเขาจริงๆแต่ปัญหาของผมกับเขาซิ  แต่นี้ดันมีเรื่องครูลินดาเข้ามาอีก ผมก็หันหลังออก เอามือเสยผมตัวเองทันที วันนี้วันอะไรผมโดนไปไม่รู้กี่เรื่องแล้วแต่ผมไม่ได้บอกนายคริสหรอกนะ เพราะไม่อยากให้เขาคิดมากเหมือนผมตอนนี้

                      “ลินดาทำเพื่อครูนะคะ” ครูลินดาพูด ผมหันมามอง

                      “ผมว่ามันจะแย่ลงครับ ผมไม่เคยอยากปิดเรื่องของผม ผมยอมรับเลยว่าผมเป็นเกย์ แต่จะให้ผมมาทำเป็นคบผู้หญิงบังหน้า ผมไม่ทำหรอกนะครับครู “ ผมพูดกับครูลินดา

                      “เพราะว่ามันก็จะทำให้คนที่ผมจะคบด้วยเขาจะไม่สามารถที่จะเชื่อใจไว้ใจตัวผมได้เลยครับครู” ผมพูด แต่พอดีจังหวะที่นักเรียนเริ่มเข้าห้องเรียนกันแล้วด้วย

                       “แต่ถ้ามันคือทางเดียวที่จะปกป้องคนที่เรารักละคะครู เพราะถ้าการเปิดเผยมันทำ..คนนั้นเดือดร้อน.”ครูลินดาพูดด้วยน้ำเสียงที่กังวลไม่แพ้กันกับผม

                       “ลินดาทำเพื่อปกป้องคนที่ลินดารักค่ะ ลินดาถึงได้...” ครูลินดาพูดและหันไปมองนักเรียนที่ทยอยเดินขั้นห้องเรียนกัน

                      “ตอนเย็นลินดาขอคุยด้วยได้ไหมค่ะครูเขม ที่ห้องพักนี้ นะคะ “ ครูลินดาบอกผม

                      “ก็ได้ครับครู “ ผมพูดและผมก็เดินเข้าไปหยิบหนังสือเพื่อขึ้นไปทำการสอนนักเรียนคาบบ่ายทันที ในหัวผมเริ่มตีกันไปหมด ทำไมปัญหาเริ่มเข้ามาเรื่อยๆ และถ้ามีเข้ามาตลอดแบบนี้ผมกับคริสจะเดินไปด้วยกันได้หรือไม่  จังหวะที่ผมกำลังจะเดินผ่านชั้นที่คริสเรียนอยู่ เขากำลังจะเดินเข้าห้องเรียนพอดีเลย และหันมาเจอกับผมเข้า เขาก็คงเห็นผมเดินหน้าไม่ยิ้มเลยทำนิ้วให้ผมฉีกยิ้มหน่อย ผมก็เลยส่งยิ้มไปให้แม้จะฝืนไปหน่อยก็ตาม เพื่อว่าเขาจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าผมจะมีปัญหาอะไรไหม

                      ผมเดินเข้าห้องสอนหนังสือตามปกติ แม้ว่าวันนี้จะรู้สึกได้ว่าผมสอนไม่ค่อยสนุกเหมือนทุกครั้งเท่าไหร่ก็ตาม ผมสอนไปจนหมดคาบ ผมก็เดินลงมาทีห้องพักทันทีเพราะว่าผมมีนัดคุยกับครูลินดา แต่จะคุยเรื่องอะไรนี้ซิ ผมยังไม่รู้แน่ชัดสักเท่าไหร่  ผมเลยใช่เวลาว่างนีตรวจการบ้านไปด้วย แต่หัวผมก็คิดถึงเรื่องนายคริส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ผมกำลังโดนอยู่ตอนนี้ ทุกคนมองว่าผมอาจจะเหมือนครูมิ้ง และถ้าผมคบนายคริส นายคริสก็จะถูกมองว่าเหมือนแชมป์เข้าไปอีก ผมคิดมาถึงตอนนี้ผมก็ต้องยกมือขึ้นลูปใบหน้าตัวเอง

           “เฮ้อ!” ผมถอนหายใจไปไม่รู้กี่รอบ ผมหันไปหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดู เป็นวันแรกที่ผมเปิดมันขึ้นมา ผมก็ได้เห็นว่ามีข้อความและสายเรียกเข้า 400 สายจากณัฐกานต์ทั้งที่ผมก็บอกแล้วว่าขอเวลาคิดก่อน 3 วัน จากที่เราคุยกันเมือวาน  แต่ตอนนี้มีทั้งข้อความที่ต่อว่าและล่าสุดข้อความที่บ่งบอกว่าเขาเสียใจ ผมเองก็เสียใจ และจังหวะนี้มันทำให้ผมคิดว่า ผมควรจะลองคุยเพื่อปรับความเข้าใจกับณัฐกานต์ดีไหม ถึงยังไงผมกับเขาก็คบกันมาได้ 4 ปีแล้ว ส่วนคริส ผมก็จะดูแลเช่นพี่น้องเพื่อจะได้ไม่ทำให้เขาเกิดปัญหาตามมาเช่นตอนนี้ ทำไมผมถึงรู้สึกปวดใจลึกๆ และภาพใบหน้าของเขามันลอยมาตลอด

                       ผมคิดว่าวันนี่จะไม่ชวนคริสโตเฟอร์เรียนชดเชย แต่จะชวนเขาทานข้าวและค่อยคุยเรื่องนี้แล้วกัน ส่วนณัฐกานต์จะโทรไปคุยถ้าคุยกันได้ดีก็ละทำข้อตกลงเริ่มต้นความรักกันใหม่ ส่วนครูลินดาผมก็คงยืนยันคำเดิมว่าผมคบกับเขาไม่ได้จริงๆ แต่จะด้วยเหตุผลใดนั้นผมไม่รู้ แต่ผมก็รู้สึกแปลกกับสีหน้าและแววตาของครูลินดา เหมือนเขาต้องการสื่ออะไรอีกมากมายแต่เขาไม่สามารถบอกผมได้

                      “พี่เขม “ คริสโตเฟอร์วิ่งมาหาผม ขณะที่ผมกำลังเดินผ่านชั้นเรียนของเขา

                      “พี่เขม ผมไปซื้ออะไรมาไว้ทานก่อนดีไหมครับ เพราะว่าเราจะได้ทานกันเร็วก่อนที่จะขึ้นเรียนกับพี่” คริสโตเฟอร์วิ่งมาถามผม ผมก็พยักหน้าและส่งกุลแจรถให้เขา เขาจะได้ขับรถผมออกไป

                      “คริส...วันนี้คริสไม่ต้องเรียนพิเศษกับพี่นะ ..พี่ว่าจะชวนเราทานข้าวที่บ้านพักพี่นะ และนายไปซื้ออาหารที่นายชอบมานะ “ ผมบอกคริส คริสมองหน้าผมแปลก ผมเองก็พยายามปั้นหน้าให้ปกติที่สุด

                      “มีอะไรหรือเปล่าพี่เขม”

                      “ คริส..ไม่มีอะไร ..วันนี้ไปซื้อที่คริสชอบมา พี่อยากลองทานที่คริสชอบบ้างนะ นะ “ ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์ยิ้ม เขาก็ทำหน้างงแต่ก็พยักหน้าเข้าใจ พอเขาเดินออกไป ผมนี้เอามือประสานกันทันที นี้ผมรู้สึกปวดใจมากใช่ไหม ทำไมมันปวดในหัวใจผมแบบนี้ นี้ผมรักนายคนนี้ไปแล้วจริงๆหรือ คริสโตเฟอร์

                      และผมก็หยิบมือถือมาพร้อมกับไล่เบอร์กดหาณัฐกานต์ทันที เพื่อโทรไปปรับความเข้าใจกับเขา อย่างน้อยอันนี้ก็จะทำให้ทุกคนเลิกมองผมกับคริสโตเฟอร์ แต่ทะว่าเบอร์โทรของณัฐกานต์เข้าสู่ระบบฝากข้อความแล้ว ณ ตอนนี้

                      “กานต์ เขมขอโทษนะครับที่เขมไม่ได้รับสายกานต์ เขมแค่ใช่เวลาในการคิดเรื่องของเรา เขมคิดว่าเราควรจะได้คุยกัน ถ้ายังไงตอนเย็นเขมโทรกลับหาเขมนะครับ “
ผมพูดฝากข้อความเสียงให้กับณัฐกานต์ ตอนนี้เป็นเวลา 4 โมงเย็นแล้ว ครูคงกลับกันหมดแล้ว ผมรู้สึกแปลกใจว่าทำไมวันนี้ครูกลับกันเร็วจัง

                      “ครูเขมค่ะ” ครูลินดาเดินเข้ามาหาผม ผมองไปรอบๆ เหมือนเป็นคำถามว่าผมกับเขาควรจะคุยกันในนี้ได้ใช่ไหม

                      “ได้ค่ะ เพราะว่าวันนี้ครูท่านอื่นเขาไปงานวันเกิดลูกสาวครูสมพิศกันหมดค่ะ” ครูลินดาพูด ผมก็พยักหน้าและผมก็เป็นฝ่ายลุกขึ้นไปนั่งที่โต๊ะด้านหน้า เพราะว่าโต๊ะทำงานของผมมันอยู่ด้านในเกินไป เหมือนกับเป็นมุมและมันดูจะไม่ดีถ้าผมกับครูลินดาจะนั่งกันสองคนในนั้น ผมนั่งลงตรงข้ามกับครูลินดา

                      “ครูเขมค่ะ ลินดาไมได้จะต้องการเข้ามาเพื่อเป็นส่วนเกินระหว่างครูกับนายคริสนะคะ “ ครูลินดาพูดกับผม

                      “ผมก็ยังไม่ได้อะไรกับนายคริสนะครับครูลินดา และผมเองก็ยังมี ณัฐกานต์เป็นแฟนผมอยู่ แต่ผมแค่..”

                      “จะเลิกกันเหรอคะ ลินดาดูออกค่ะ เพราะว่าการที่ครูมาก่อนตั้งแต่วันเสาร์นั้นแปลว่าครูเห็นอีกคนสำคัญกว่า” ครูลินดาพูดและมันก็ให้ผมถึงกับนิ่งเงียบ ไม่รู้ทำไมผมจังไม่ปฏิเสธครูลินดาไปเลยว่าไม่ได้เลิกกัน และเหมือนกับว่าผมก็กำลังจะง้อเขาอีกครั้ง หรือใจผมไม่อยากง้อแล้วกันแน่

                      “ลินดาไม่ได้อยากจะยุนะคะ ดูแล้วครูเขมกับแฟนครู ไม่น่าจะไปกันได้เลยนะคะ เหมือนคนละขั้วมาเจอกันยังไงก็ไม่รู้นะคะ” ครูลินดาพูด ผมก็พยักหน้าว่ามันก็จริง

                      “แต่ผมกับเขาก็คบกันมาตั้ง 4 ปี” ผมบอกกับครูลินดา

                      “มีเรื่องดีดีมากกว่าเรื่องไม่ดีไหมค่ะ” ครูลินดาถามผม ผมก็ยอมรับว่า ช่วงหลังมานี้หาเรื่องที่ประทับใจกันได้น้อยมากจริงๆ

                      “ลินดาคิดว่าครูน่าจะมีโอกาสเจอคนที่ดีกว่านะคะ “ ครูลินดาพูด

                      “แล้วคนใหมที่ว่านะใครเหรอ ?” เสียงที่ทำให้ผมกับครูลินดาต้องหันไปพร้อมๆกัน เสียงดังมากจากหน้าประตู

                      “ที่หล่อนคิดว่าดีกว่าฉันด้วยนะ” เสียงที่ทำให้การสนทนาของผมสองคนชะงัก ผมหันไปมอง คนที่มาเยือน ไม่ใช่ใครอื่น ณัฐกานต์ เขาเข้ามายืนและถอดแว่นตาเรแบนด์ออก พร้อมกับยืนกอดอกมองผมกับครูลินดาสลับกันไปมา และนี้คือเหตุผลที่ผมโทรหาเขาไม่ติด นั้นคือเขากำลังเดินทางมากหาผมที่นี้ และตอนนี้ ทั้งที่ผมบอกว่าขอเวลา 3 วันให้ผมได้คิดทบทวน ผมไม่คิดว่าเขาจะมาก่อนและในวันนี้

                       "กานต์! " ผมลุกพลวดขึ้นทันที ณัฐกานต์เดินตรงปรี่จะมาหาครูลินดาแต่ผมเข้าไปกันไว้ทัน และดันอกณัฐกานต์เอาไว้ ครูลินดาที่ก้าวถอยหลังออกไปหน่อย

                       "ที่เขมมาโรงเรียนเมื่อวันเสาร์ เพราะ..นางครูนี้ใช่ไหมเขม" ณัฐกานต์ถามผม ผมก็ดันณัฐกานต์เอาไว้ไม่ให้เข้าไปทำร้ายครูลินดา

                       “กานต์ เราไปคุยกันที่บ้านพักครูนะกานต์” ผมพูดบอกณัฐกานต์ เขาหันมามองหน้าผม 

                       "ทำงามหน้าดีนะในโรงเรียนแบบนี้ด้วย ...คงไม่ต้องถามหรอกนะว่าหน้าด้านแค่ไหน..แย้งแฟนก็หน้าด้านพออยู่แล้วและยังนัดแฟนคนอื่นมาพลอดรักกันในห้องพักครูอีก ร่านหนักหรือไง " ณัฐกานต์พูดเสียงดัง ครูลินดาถึงกับหน้าซีดเผือดไปทันที ผมเองก็หันไปมองครูลินดา และหันกลับมาหาณัฐกานต์ ผมโกรธเขามากเลยในตอนนี้ เพราะว่าจาที่เขาพูดมันฟังดูแย่ที่สุด

                       "กานต์หยุด!....หยุดพูดจาแบบนั้นกับครูลินดา" ผมหันไปห้ามปรามณัฐกานต์

                       “และเขมกับครูลินดาไม่ได้นัดมาพลอดรักกัน เราแค่มาคุยธุระกัน” ผมบอกณัฐกานต์

                       “ธุระอะไร ในเมื่อได้ยินอยู่เต็มสองรูหูเลยว่ามันยุให้เขมเลิกกับกานต์ เพราะความร่านมันไม่เข้าใครออกใครแบบนี้ไง เขม “ ณัฐกานต์พูดและหันขวับไปหาครูลินดา

                       “เขมบอกให้หยุดพูดจาแย่ๆแบบนี้กับครูลินดาไง กานต์!” ผมขึ้นเสียงใส่ณัฐกานต์อีกครั้ง

                       "ได้จะไม่พูดแต่จะตบแทน ..หน้าด้านหนักต้องเจอ..กู”  ณัฐกานต์ไม่พูดเปล่าพุ้งตัวจะเข้ามาตบครูลินดาผมก็ดึงรั้งเขาไว้แต่แรงณัฐกานต์ก็พอพอกับผม

                       "..ปล่อยนะ..ปล่อยกานต์นะจะขอตบนางหน้าด้านหน่อยเถอะ"


                       "หยุด..กานต์..เขมบอกให้หยุดไง!! " ผมดันณัฐกานต์ไว้เขาก็ไม่ยอมฟังผม จนผมต้องผลักเขากระเด็นแต่ไม่ถึงกับล้มลงไปแต่ก็เซ ณัฐกานต์มองหน้าผม

                       "ทำไมมันมีดีอะไร ..ไหนเขมอบกว่าไม่เอาชะนีไง ไม่เคยคิดจะเอาชะนีด้วยซ้ำแล้วนี้มันอะไร...ปิดมือถือ ไม่โทรหากานต์ ...ไม่ไปหากานต์ ไหนบอกว่าพาแม่ไปทำบุญแล้วจะเข้าไปหากานต์ไงเขม" ณัฐกานต์ส่งเสียงดังในห้องพักครู ครูลินดาเธอยืนมองผมกับณัฐกานต์ พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน

                       "นี้มันคืออะไร!!"

                       "กานต์..ที่เขมไม่ไปหากานต์น่าจะรู้ตัวเองนะว่าเพราะอะไร และมันไมได้เกี่ยวกับใครทั้งนั้นเลย มันเกิดจากเราเองทั้งคู่" ผมหันไปขึ้นเสียงใส่ณัฐกานต์
                       “และตัวกานต์เอง อย่าให้เขมพูดออกมาเลยนะกานต์ เพราะว่าทุกเรื่องที่ผ่านมา เขมก็ทนที่สุดแล้วแต่เรื่อง...” ผมพูดและมองหน้าณัฐกานต์ ผมว่าเขาเข้าใจดีว่าผมหมายถึงอะไร

                       "ถ้าอย่างนั้นลินดาลงไปข้างล่างดีกว่านะคะ..ครูเขมกับแฟนจะได้ตกลงกันให้เรียบร้อย" ครูลินดาเดินอ้อมจะออกไปจากห้อง

                       "ที่เขมจะพูดเขมกำลังจะบอกเลิกกานต์ใช่ไหม!! และเขมจะไปคบกับมันใช่มั้ย!! " ณัฐกานต์ตะคอกเสียงดังใส่ผม เสียงเขาสั่นผมเองก็ได้แต่ยืนมองนัยน์ตาคู่นันกำลังจะมีน้ำซึมออกมา ผมเองก็เสียใจ

                       "กานต์ไม่ให้ใครหน้าไหนมาแย่งเขมไปได้หรอก..." ณัฐกานต์พูดจังหวะที่ครูลินดากำลังเดินผ่าน  ณัฐกานต์เขารีบเข้าไปกระฉากตัวครูลินดา และมันก็เร็วเกินไปที่ผมจะดึงรั้งณัฐกานต์ได้ทัน ทำให้ครูลินดาเสียหลักเซไปและ
                       "โป้ก" เสียงศรีษะกระแทกกับของโต๊ะและจะลงมาที่พื้นคอนกรีต ผมก็รีบกระโดดเข้าไปรับร่างครูลินดาก่อนจะถึงพื้น

                       “หมับ” ผมรับเข้าไปไว้ได้พอดี ท่ามกลางสายตาของณัฐกานต์ที่ยืนอ้าปากตกใจในสิ่งที่ผมทำ   ครูลินดาก็ยกมือขึ้นแตะที่ตรงหน้าผากมีเลือกสีแดงสดไหลลงมา   และผมกับณัฐกานต์ก็ต้องตกตลึงเพราะว่า เลือดที่ไหลเป็นทางนั้น

                       "ณัฐกานต์นี้ทำบ้าอะไรนะ นี้กานต์ทำอะไรลงไป!" ผมหันมาตะคอกเสียงดังใส่ณัฐกานต์ และรีบจับดูที่หน้าผากครูลินดา ผมรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของผมขึ้นมาซับเลือดทีไหลออกมานั้น

                       "ครูลินดาผมพาไปโรงพยาบาลนะครับครู ครูเลือดไหล "ผมพูดและอุ้มร่างเล็กๆนั้นลอยขึ้น สายตาผมหันมามองคนที่ยืนมือไม้สั่น เขาก็คงตกใจไม่แพ้กัน

                       "ตกลงนี้เขมเลือกนางชะนีนี้ใช่มั้ย" ณัฐกานต์ถามเสียงสั่นเครือ

                       "เราเลิกกันเถอะกานต์ เพราะกานต์เป็นแบบนี้ไง!!!" ผมพูดตะคอกใส่ณัฐกานต์

                       “ตอนแรกเขมว่าจะโทรคุยกับกานต์ เขมคิดว่าเราควรจะได้ลองกันกลับมาคุยกันใหม่ เริ่มต้นกันใหม่ แต่..” ผมหันไปพูดกับณัฐกานต์ ผมค่อยประครองครูลินดาให้ลุกขึ้นเช่นกัน

                       “แต่เขมคิดว่าเราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก! “ผมพูดแม้มันจะปวดใจพอกัน สี่ปีที่ผ่านมามันก็มีทั้งสุขและทุกข์ และคำพูดของแม่ที่เคยบอกผมว่า ยอมได้ก็ยอมเพื่อคนที่ลูกรัก ตอนนี้ผมคิดว่าผมไปต่อไม่ไหวแล้ว ผมนึกขอโทษแม่รดาในใจ

                       "เพราะว่าเราคงไปกันไม่ได้จริงๆ ณัฐกานต์ และไม่ต้องโทษใคร โทษที่เราทั้งคู่โทษที่เราไม่เคยปรับหรือจูนเข้าหากันเรามีแต่จะสวนทางกันทุกอย่าง!”

                       “ เขมรักกานต์มากนะแต่เขมก็ต้องเลือกที่ปล่อยมือ...เขมอาจจะไม่ใช่คนที่กานต์ต้องการเพราะเราไม่มีอะไรที่เขากันได้เลย เวลาสี่ปีก็ไม่ได้ช่วยให้เส้นทางของเรามาบรรจบกันกันได้เลยเหมือนกัน มันมีแต่จะยิ่งห่างกันออกไป... เราเหมือนคนละขั้วกันมากกว่าจะเป็นคู่กันซะอีกกานต์” ผมพูดสายตาของผมกับณัฐกานต์ประสานกัน เจ็บปวดไหม ตอบได้ว่าเจ็บที่ต้องพูดออกไปแบบนั้น

                       “และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือกานต์ทำร้ายคนอื่นๆที่อยู่ใกล้ชิดกับเขมแบบนี้ มันยิ่งทำให้เขมดูแย่!”

                       “เขมไม่ได้ภูมิใจเลยนะกานต์ มันแย่จริงๆ เขมว่าเขมพอแล้ว เราพอกันแค่นี้แหละกานต์” ผมพูดด้วยถ้อยคำที่เหมือนโดนมีดกรีด เพราะว่ามันเป็นการจบความรักสี่ปีที่ไม่สวยงามเอาซะเลย

                       “สุดท้ายเราก็เลิกกันใช่ไหมเขม!!!... ไหนบอกว่าเราจะมีอนาคตด้วยกันไง แต่แค่เขมมาเจอนางชะนีบ้านี้ แค่นี้นะเหรอ ...ถ้าจิตใจเขมไม่ได้เข้มแข็งตั้งแต่แรก มาเป็นเกย์ทำไม ..มาหลอกให้กานต์รักทำไม ..ฮือๆ” ณัฐกานต์พูดไปร้องไห้ไปด้วย ครูลินดาก็บีบมือผมไว้ เขาคงเข้าใจความรู้สึกผมตอนนี้ดี

                       “เขมจะเข้าไปคุยเรื่องทุกอย่างของเราในวันหยุดเรื่องที่เราทำร่วมกันไว้ก็แบ่งไปตามส่วน คอนโดเขมไม่เอา! “

                       “เขมยกให้”

                       “แต่เงินในบัญชีนั้นมันมาจากน้ำพักน้ำแรงของเขม ที่เขมเคยคิดจะสะสมไว้ปลูกบ้านและอยู่ด้วยกันตอนนี้มันไม่จำเป็นแล้วเพราะว่า...มันจบแล้ว!!"  ผมพูดแค่นั้นน้ำตาณัฐกานต์ก็ไหล ผมเองก็น้ำตาไหลเสียใจแต่ผมต้องเลือก ผมอุ้มครูลินดาออกไป มีนักเรียนหญิงสองคนเดินมาคงจะมาหาครูลินดา เขาก็ต้องทำสีหน้าตกใจ
   "ครูลินดา..เลือดไหลด้วยค่ะครูเขม.."  ผมพยักหน้าและผมก็ต้องรีบเดินแทรกเพื่อจะได้พาครูลินดาไปโรงพยาบาลก่อน ดีที่ตอนนี้แถบจะไม่มีนักเรียนอยู่แต่ครูคงไปงานวันเกิดกันเกือบหมดและบางคนคงไปพักที่บ้านพักกัน แต่ผมก็ต้องหันมาเจอนายคริสที่วิ่งส่วนขึ้นบรรไดมา

                       "เกิดอะไรขึ้นครับครู ผมได้ยินเสียงดังและพวกเด็กรุ่นน้องผมเขาบอกว่ามีคนมาถามหาครูสีหน้าเหมือนจะมาฆ่าใครเลย"คริสโตเฟอร์วิ่งขึ้นมาพอดีเลยเขาเห็นผมอุ้มครูลินดาไว้ ครูลินดามองหน้าผม ผมรู้ว่าเธอเห็นใจผมเหมือนกัน และคริสโตเฟอร์ก็ต้องตกตลึงที่เห็นณัฐกานต์ออกมายืนมองผมอุ้มครูลินดา  ณัฐกานต์ยืนมองผมน้ำตาเขาก็ไหลรินลงมาอาบสองแก้ม ผมหันหน้าหนีไม่กล้าที่จะหันกลับไปมอง คริสโตเฟอร์แตะที่แขนผมสายตาเขาเป็นหวงผมแค่ไหนผมรู้ดีและมือของเขานี่แหละที่ทำให้ผมกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก และ ผมก็พยักหน้าว่าผมโอเค

                      "คริสไปเอารถครูมา...ครูจะพาครูลินดาไปโรงพยาบาลครูลินดาหัวแตกนะ" ผมบอกคริสโตเฟอร์ คริสโตเฟอร์พยักหน้าและรีบวิ่งลงไป ผมก็อุ้มครูลินดาลงไปชั้นล่างโดยไม่หันหลังกลับไปมองณัฐกานต์อีกเลย เขาคงรู้ตัวว่าเขาควรจะกลับกรุงเทพเลย

           คริสที่วิ่งนำผมลงไปก่อนเพื่อไปขับรถของผมมา และผมก็ตามมาติดๆเช่นกัน ไม่นานรถเก๋งของผมก็มาจอดตรงหน้าผมและคริสก็ลงมาเปิดประตูให้ผม ผมก็วางครูลินดาไว้ที่เบาะหลังของรถ ผมรีบวิ่งไปฝั่งคนขับผมเพิ่งจะรู้ว่ามือไม้ผมก็สั่นไม่แพ้ณัฐกานต์เหมือนกัน คริสแตะหลังมือผมเบาๆ

           “พี่เขมให้ผมขับเถอะพี่ พี่ขับไม่ได้หรอก พี่เชื่อใจผมนะ “คริสโตเฟอร์บอกผม ผมก็เงยหน้ามองเขา จริงๆอย่างที่นายคริสว่า ผมอาจจะพากันไปเกิดอุบัติเหตุได้ ผมพยักหน้าตอบเขาและเดินอ้อมไปนั่งที่นั่งคนนั้งข้างคนขับแทน  ยกมือขึ้นมากุมใบหน้าตัวเองไว้ สี่ปีที่ผ่านมามันก็มีอะไรทีผูกผัน มีสิ่งดีดีที่มีด้วยกันไม่ใช่ว่าจะมีแต่ด้านลบเสมอไป นายคริสโตเฟอร์รีบออกรถทันทีเช่นกัน ผมได้แต่เหลือบมองณัฐกานต์ผ่านกระจกมองหลัง เขาเดินลงมาจากตึกแล้ว เขาได้แต่ยืนมองผม ผมเดาไม่ได้เลยว่าเขาเสียใจหรือเขาโกรธกันแน่ แต่ผมก็ต้องหันหน้าไปทางอื่น และมีมือใครบางคนมาแตะที่แขนผมเบาๆ


   "ครู..ครูโอเคไหม" คริสโตเฟอร์ถามผม ผมส่ายหัวว่าไม่ ผมไม่โอเค เพิ่งบอกเลิกแฟนไปจะโอเคได้ยังไง เพราะผมคิดว่าความผิดครั้งเดียวมันก็น่าจะให้อภัยได้แต่ทะว่าเหตุการณ์วันนี้มันทำให้ผมฟิวขาดบอกเลิกไปแบบสายฟ้าแล๊ป ทั้งที่ปกติผมเป็นคนที่ต้องคิดทบทวนให้ดีก่อนเสนอ

                     

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอนที่18 เขมXคริส แค่คิดก็ปวดใจแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 09-08-2020 18:45:28
3ประสาน ...ประสานงาคับ
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริส)EP.11เฟอร์ ทำไมพี่ไม่ฟังหัวใจตัวเองก่อน
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 09-08-2020 19:42:59
     
EP.11 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ ทำไมพี่ไม่ฟังหัวใจตัวเองก่อน 1
                        ครูลินดาที่นั่งอยู่เบาะหลังโดยไม่ได้พูดอะไร นั่วเงียบไปตลอดจนรถมาจอดที่ด้านหน้าทางเข้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ผมเองก็ไม่รู้ว่ามายังไง ตาผมมองถนนแต่ใจผมวุ่นวายสับสนไปหมด ผมมารู้อีกทีก็มีเจ้าหน้าที่เดินมาที่รถและนายคริสโตเฟอร์ก็เดินลงไปให้รายละเอียด เจ้าหน้าที่ออกมารับด้วยรถเข็นนั่ง ผมเองก็ลงไปช่วยพยุงครูลินดาลงจากรถและไปนั่งรถเข็น

           "ครู..ผมจะเอารถไปจอดที่ลานจอดรถ ครูไปกับผมหน่อยซิครู" คริสโตเฟอร์บอกผม ครูลินดาก็พยักหน้าให้ผมไปกับคริส และเธอไปกับเจ้าหน้าที่ได้

                       ผมกับนายคริสเดินกลับเข้าไปในรถเก๋ง ผมนั่งโดยมีนายคริสโตเฟอร์ที่กุมมือผมเอาไว้ เขานำรถเข้าไปจอดด้านหลังสุดและไม่ค่อยมีรถมาจอดสักเท่าไหร่ มือคริสโตเฟอร์ยังคงบีบมือผมไว้แบบนั้น สายตาเขาที่มองมาที่ผมเป็นระยะระยะโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำจนกระทั้งรถจอดสนิทเครื่องยนต์ดับลง

                       “พี่เขม..” คริสโตเฟอร์เรียกผม ผมหันไปมองหน้านายคริส สีหน้าเขาก็เหมือนจะมีคำถามกับผม

                       “พี่ยังรักแฟนพี่อยู่หรือเปล่า ....” คริสโตเฟอร์ถามผม สีหน้าเขาบ่งบอกว่าเขารู้สึกเจ็บที่ถามผมแบบนั้น ผมเองก็รู้สึกเจ็บที่ได้เห็นสีหน้าของเขาแบบนั้นเช่นกัน แต่ว่า...

                       “คือพี่..ก็..พี่ไม่รู้..อ่ะ คิดว่าพี่..ยังรักเขาไหม ..แต่.” ผมเริ่มสับสน ระหว่างรักสี่ปีกับรักทีกำลังจะเริ่มต้น สี่ปีมันผ่านอุปสรรคมาเยอะแต่รักที่เริ่มต้นนี้อุปสรรคกำลังรออยู่มากมายกว่าด้วยซ้ำ

                       “พี่ไมได้รักเขาแล้วผมรู้..” นายคริสโตเฟอร์พูด ผมหันไปมองว่าหมายความว่ายังไง

                       “ถ้าพี่ยังรักเขา พี่คงพยายามโทรหาเขาตั้งแต่วันเสาร์แล้ว แต่พี่ไมได้โทรหาเขา..เพราะว่า..พี่อยู่กับผมแล้วพี่รู้สึกมีความสุขมากกว่าเขา ผมรับรู้ได้ เพราะว่าผมเองก็มีความสุขมากที่ได้อยู่กับพี่นะพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด ผมหันไปมองหน้าเขา แว๊ปหนึ่งกับคำพูดครูสมพิศมันกลับเข้ามาในหัวผม “มันผิดค่ะครู”

                       “คริสพี่ว่า”

                       “พี่มีอะไรบอกกับผมตรงๆดิ ผมรู้สึกตั้งแต่ที่พี่ให้ผมซื้อของที่ผมชอบ มันเหมือนกับว่าพี่จะ..ทิ้งผม ทำไมอ่ะพี่เขม” คริสโตเฟอร์ถามผม

                       “ผมรู้ว่าในหัวพี่มีแต่เรื่องผมตลอด เพราะว่าความรักของผมมันมีแต่อุปสรรคใช่ไหมครับพี่เขม พี่ถึงจะเลือกทิ้งผม ทำไมพี่ไม่ฟังหัวใจตัวเองเหมือนที่ผมทำละพี่” คริสโตเฟอร์พูด

                       “ผมรู้ว่าพี่นะ จะกลับไปหาเขาแค่เพราะว่าพี่อยากจะหยุดผมไว้แค่นี้ ทั้งที่พี่ไมได้รักเขาแล้ว พี่รักผม ผมรู้ดี” คริสโตเฟอร์พูดเขามองหน้าผม

                       “พี่รู้ไหมว่าไอ้โป้งมันเกลียดเกย์มาก แต่ผมเลือกที่ฟังหัวใจของผม มากกว่าคนอื่น” คริสโตเฟอร์พูด ผมถึงกับอึ้ง

                       “เพราะว่าผมรักครู..เขมชาติ ...คนเดียว” คริสโตเฟอร์พูด เขาจ้องมองใบหน้าผม มือเขาแตะที่หน้าผมไว้ให้มองจ้องเขา มันทำให้ผมคิด ทำไมผมต้องฟังคนอื่น ทำไมผมไม่ฟังหัวใจตัวผมเอง ที่ผมฟุ้งซ้านมาทั้งวันก็นายนี้ล้วนๆไม่มีณัฐกานต์เลย นั้นมันก็แปลว่าผมรักเขา

                       “หมับ..อืมม” ผมจับใบหน้าเขาและผมก็จูบเขา เราจูบกันในรถ มุมที่มืด แม้จะมีแสงไฟสลัวๆ รอดเข้ามาแต่ก็น้อยมากๆ และนายคริสก็เลื่อนตัวจากที่นั่งคนขับและผมเองก็เหมือนจะรู้ ผมก็กดปรับที่นั่งให้เลื่อนถอยหลังออกไปและดันให้เบาะเอนนอนราบลง และนายคริสก็เลื่อนมาค่อมผมไว้

                       “พี่บอกผมซิ ว่าทำไมพี่ถึงจะถอดใจจากผม “ นายคริสถามผม

                       “คือว่า ..วันนี้พี่โดนไปหลายเรื่องเลยคริส เรื่องแรกที่ทำให้พี่..” ผมพูดและหันไปมองหน้าคริสโตเฟอร์

                       “ เรื่องครูมิ้งกับนายแชมป์ อันนี้มันทำให้พี่คิดเยอะมาก พี่ไม่อยากทำร้ายเรา พี่ไม่อยากให้ใครต่อใครมาพูดว่าเราสองคนจะเป็นแบบนั้น”

                       “แล้วเราจะเป็นแบบนั้นเหรอพี่เขม ผมว่าเราไม่เป็นแบบนันหรอก “ คริสโตเฟอร์พูด เขามองหน้าผมสายตาเขานิ่งมาก

                       “และพี่เห็นว่าอุปสรรค์มันเยอะมากนะ เราจะเดินไปพร้อมกับพี่ไหวเหรอ เพราะว่าพี่ก็ผ่านมาเยอะเหมือนกันพี่รู้ว่ามันบางครั้งมันเจ็บปวดจนร้องไห้เลยก็มี “ ผมบอกนายคริสโตเฟอร์

                       “แล้วไหนจะเพื่อนเราอีกที่บอกว่าโป้งไม่ชอบเกย์ ถ้าวันที่เราคบกันแล้ว..” ผมหันไปพูดและมองหน้าคริส ผมรู้ว่าวัยนี้ค่อนข้างติดเพื่อน ผมก็เป็นมาก่อน

                       “แล้วเราได้ลองหรือยังละพี่เขม เราต้องลองก่อน และที่พี่บอกว่าอุปสรรคนะ ยังไงวันหนึ่งผมก็ต้องเจอ ชีวิตคนเราไมได้ราบเรียบเสมอไปไม่ใช่เหรอพี่เขา”คริสโตเฟอร์พูดมันทำให้ผมคิด ความคิดของเขามันไม่ใช่เด็กตามอายุเลยสักนิด

                       “ แต่อุปสรรคนี้ผมจะผ่านไปได้แน่ๆถ้ามีพี่ ที่จะเดินไปกับผม” คริสโตเฟอร์พูด เขาจ้องมองผม ที่นอนราบมองเขาเช่นกัน

                       “ดูผมซิ ผมยอมรับความเป็นตัวเองแล้ว ตามที่พี่บอก ผมไม่ใส่คอนแทคเลนส์แล้วนะพี่เขม ผมโยนมันทิ้งไปหมดแล้ว ผมจะไม่ปกปิดมัน และนี่พี่เป็นคนบอกผมเองนะพี่เขม “ นายคริสพูดบอกผม นิ้วเขาก็เกลี่ยที่ริมฝีปากผมไปมา

                       “พี่เขมพี่จะถอดใจทิ้งผม คนที่รักพี่จริงๆเหรอ” คริสโตเฟอร์ถามผม ผมก็ยังเงียบนิ่ง
                       “..............................”
                       “บอกผมซิครับ ครูเขมชาติ” ไม่ว่าผมจะพยายามหันหน้าหนีไปทางไหน ใบหน้านายคริสก็ตามไป จนผม
                       “.................................”

                       “พอแล้วนายคริส ..นายต้อนพี่จนมุมแล้ว “ ผมหันมาพูดกับนายคริส ใช่ผมคงต้องการเผชิญกับมันไม่ใช่หนีมัน

                       “พี่เป็นแฟนกับผมนะ พี่เขม และผมรู้ว่ามันเร็วไป แต่ผมว่ามันดีกับผมตอนนี้ ..นะครับ .” นี่ผมกำลังโดนขอความรัก มันเหมือนกับตอนที่ผมขอความรักจากณัฐกานต์เหมือนกันใช่ไหม แต่ผมกับรู้สึกดีกับอันนี้มากกว่านะ

                       "แต่พี่ต้องตามหาครูมิ้งกับแชมป์ก่อน..คริส " ผมพูด คริสโตเฟอร์หยุดและก้มมองผม

                       "ทำไมเหรอพี่เขม"คริสโตเฟอร์ถามผม
                       "ก็ผู้อำนวยเขาคงจะไม่เห็นด้วยแน่ และยิ่งเพิ่งจะเกิดเรื่องครูมิ้งไปไม่นาน ดังนั้นพี่คิดว่าพี่จะช่วยตามหาครูและนักเรียนที่หายไปก่อน ให้เขาทั้งคู่กลับมาก่อน”ผมพูดบอกนายคริสโตเฟอร์ 

                       "ครูว่าตอนนี้เราเข้าไปหาครูลินดาก่อนจะดีกว่าเธอคงทำแผลเสร็จแล้ว" ผมดันคริสโตเฟอร์ให้เขาลุกไปและผมก็แต่งตัวให้เรียบร้อย นายนี้ก็ไว้จริงๆเลย กระดุมเสื้อผมหลุดไปเกือบหมดผมหันไปเหล่มองคนข้างๆ ยิ้งมีหน้ามายิ้มกรุ่มกรุิ่มกับผมอีกนะ คริสโตเฟอร์ขับรถออกจากที่จอดผมเห็นเขาปรับกระจกมองหลังเหมือนมองอะไรสักอย่าง

                       "มีอะไรเหรอคริส" ผมถามคริสโตเฟอร์ สีหน้าเขาดูกังวลเหมือนมีอะไรบางอย่าง

                       "คริสเห็นใครแอบอยู่เหมือนเขาตามเรามายังไงก็ไม่รู้ครู" คริสโตเฟอร์ตอบผม ผมก็เหลียวหลังกลับไปมองทันทีแต่ก็ไม่เห็นมีอะไรมีแค่รถกลางเก่ากลางใหม่ที่จอดอยู่คันเดียว

                       "คงไม่มีอะไรหรอกที่รัก...คริสคงจะคิดมากไปเอง " คริสโตเฟอร์หันมาพูดกับผม ผมพยักหน้า

                       "ผมกลัวว่าจะทำให้ครูมีปัญหาเหมือนที่ครูมิ้งเจอ" คริสโตเฟอร์พูด ผมหันมามองคริสโตเฟอร์ ผมกลับเป็นคนที่จับมือคริสโตเฟอร์ข้างที่เขากลุ่มเกียร์ออโต้ไว้ผมบีบมันให้เขารูว่าผมเองก็พร้อมจะเผชิญกับมัน

                       "แล้วเราจะไปหาเขาสองคนที่ไหนละครู ...ผมนะเคยได้คุยกับแชมป์แค่ครั้งสองครั้ง" ผมชำเรืองตาหันไปมองคริสโเตเฟอร์

                       "ก็ไอ้เชี้ยโป้งอะดิครูมันดันแกล้งส่งจดหมายหาน้องแชมป์ว่าผมนะแอบชอบน้องเขาผมไม่ได้อะไรชอบพวกนี้" ผมหันไปเหล่มองจริงหรอ ?

                       "ตอนนั้นไม่แต่ตอนนี้..หลงเลยดีกว่า" คริสโตเฟอร์หันมาหยักคิ้วให้ผม ผมพยักหน้าพยายามเชื่อนะ

                       "โธ่! ครูไม่เชื่อผมอีกเหรอ ลืมแล้วเหรอถ้าสงสัยในตัวผมจะ..."

                       "นี้นายขับรถอยู่นะคริสและเดี๋ยวเกิดไปชนใครเขาเข้า ครูไม่อยากกลับจากโรงพยาบาลไปต่อกันที่โรงพัก"ผมหันไปชี้หน้านายจอมหื่น

                       "คิดแล้วก็สงสารน้องเขาเหมือนกันพอรู้ว่าโดนแกล้งน้องเขาก็เสียใจตอนนั้นน้องเขายังเรียนอยู่แค่ม.2 เองและแก้มนี้ก็ไปอาระวาดน้องแชมป์" ผมหันมามองก็อยากเกิดมาหล่อทำไมละ สมน้ำหน้า

                       "นี้ครูสมน้ำหน้าผมเหรอ สีหน้าครูมันบอกอะ"

                       "ตรงไหน" ผมถามนายคริสแต่ผมรู้ว่าผมคิดแบบนั้นจริงๆ อยากเกิดมาหล่อนิ

                       "ดูดิ" คริสโตเฟอร์ดึงที่บังแดดมันมีกระจกและเปิดฝาให้ผมดู "อู้ยย" ผมร้องออกมาทันที

                       "เออครูพอพูดถึงแก้มคนที่ผมเห็นเหมือนแก้มเลยนะครู"คริสโตเฟอร์พูด ผมสะบัดหน้าไปมองเมื่อเช้าผมก็เจอแต่ผมไม่ได้บอกคริสโตเฟอร์ หรือว่าแก้มกำลังตามติดผมกับคริสโตเฟอร์ ไม่นะเขาจะตามทำไมซึ่งปกติผมกับคริสโตเฟอร์ก็ไปไหนมาไหนกันด้วยอยู่แล้ว

                       "แชมป์นะเขาเป็นคนเงียบๆ เรียบร้อยนะครู เห็นคนอื่นๆเขาพูดกันนะว่าป้าโคตรดุเจ้าระเบียบ ห้ามไปไหน ห้ามสุงสิงกับใคร ห้ามไปเที่ยวกับเพื่อนหลังเลิกเรียนห้ามเพื่อนมาบ้าน ห้ามใช้โทรศัพท์แต่น้องเขาก็แอบไปซื้อโทรศัพท์นะเพราะว่าเขามีเบอร์ที่โทรหาผมแต่คงต้องไปค้นจากเครื่องเก่าของผมอีกที" คริสโตเฟอร์บอกผม ผมพยักหน้าก็คงพอจะช่วยได้ถ้าซิมนั้นน้องเขายังใช้การได้อยู่ 

                       "ครูลงไปดูครูลินดาก่อนนะนายไปหาที่จอดรถใกล้ๆนี่แหละคริส" ผมบอกคริสโตเฟอร์ขณะที่ผมกำลังจะก้าวขาลงจากรถ

                       "หมับ"ข้อมือของผมถูกจับไว้โดยคริสโตเฟอร์

                       "ครู..คืนนี้ผมไปนอนห้องครูนะ" คริสโตเฟอร์ดึงมือผมไว้ สายตาอ้อนวอน ผมพยักหน้าเบาๆ คนนี้ยิ้มดีใจเหมือนเด็กได้ของเล่นเลยนะ

           ผมเดินตรงเข้าไปด้านในโรงพยาบาลตรงประตูทางเข้าที่ผมส่งครูลินดาเข้าไปทำแผล สายตาผมเหลือบมองไปเห็นครูลินดากำลังนั่งเซนต์เอกสารที่โต๊ะตรวจซักประวัติพอดีเลยแต่ดูแล้วครูลินดาทำแผลเรียบร้อยแล้ว

                       "ครูเขมค่ะ" ครูลินดาเงยหน้าขึ้นมาเจอผมเข้าพอดี

                       "สะดวกมาล้างแผลทุกวันไหมคะ จะได้ลงวันนัดให้เลยค่ะ " จังหวะเจ้าหน้าที่พยาบาลหันมาถามครูลินดาเพื่อทำการออกใบนัดให้ ครูลินดาทำท่าคิด

                       "ครับสะดวกครับมาล้างแผลกี่โมงครับ" ผมถามพยาบาลเองยังไงผมต้องเป็นคนพาเธอมาก็สาเหตุมันก็มาจากผมด้วยเช่นกัน

                       "แฟนน่ารักนะคะ คุณพาแฟนมาล้างแผลช่วงเย็นๆหลังเลิกงานก็ได้ค่ะ ช่วงนั้นคนไข้ไม่ค่อยเยอะจะได้ไม่ต้องรอนานค่ะ" พยาบาลเขาเลยมองว่าผมเป็นแฟนครูลินดาไปซะเลย ครูลินดาปิดปากขำพยาบาลพอเรียบร้อยผมก็พากันเดินออกไปที่รถที่ผมให้คริสโตเฟอร์จอดรอผมไว้

                                   "ผมไปส่งที่บ้านนะครับครู..เมื่อเช้าครูมายังไงครับ" ผมหันมาถามครูลินดาพร้อมกับเปิดประตูรถให้ด้วย

                                   "นั่งมอเตอร์ไซค์วินมานะคะครูเขมเพราะว่าลินดาไปประชุมกับลุงที่อำเภอด้วยค่ะเลยไม่ได้เอารถมอเตอร์ไซด์มาเอง กะว่าจะให้ลุงไปส่งให้ด้วยนะคะ "

                                   "พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปรับแล้วกันนะครับ"ผมตอบครูลินดายิ้มให้ผมก่อนจะเข้าไปในนั่งด้านหลัง

                                   "ผมรู้สึกผิดที่ณัฐกานต์เขาทำกับครูลินดาหนักแบบนี้ " ผมก้มลงพูดกับครูลินดาสายตาผมบ่งบอกได้ว่าผมรู้สึกเสียใจกับสิ่งทีเกิดขึ้น ผมไม่คิดว่าณัฐกานต์จะมาที่นี้ในวันนี้ด้วยซ้ำ

                                   "ไม่ต้องรู้สึกผิดขนาดนั้นหรอกค่ะครูเขม นี่ถ้าครูเขมไม่เข้ามารับลินดาไว้ลินดาคงเป็นหนักกว่านี้แล้วแหละค่ะ" ครูลินดาพููด ผมเปิดประตูให้ครูลินดานั่งด้านหลังและผมก็เข้าไปนั่งด้านหน้า

                                   "คริสไปส่งครูลินดาที่บ้านนะ เธอไปถูกใช่มั้ย" ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์ คริสโตเฟอร์พยักหน้าเบาๆ ว่าไปถูก จู่ๆ โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น แม่รดาโทรหาผมผมรีบกดรับสายทันที

                       "เขมเกิดอะไรขึ้นนะลูก...นี่กานต์เขาโทรมาหาแม่ร้องห่มร้องไห้เขาบอกว่าเขมมีคนอื่นเขมนอกใจเขาแถมเขาบอกว่าเขมไปรักไปชอบกับผู้หญิงที่เป็นครูจริงเหรอลูก" ณัฐกานต์โทรไปฟ้องแม่ผมทำไมนะ ผมไม่อยากให้แม่เครียดและเขาก็บอกแม่ผมว่าผมนอกใจเขาอีกทั้งที่ความจริงเขานั้นแหละนอกใจผมก่อน

                       "แม่..มันมีหลายเรื่องเลยที่ผมไม่เคยได้บอกแม่เอาไว้ผมกลับไปบ้านวันหยุดแล้วกันนะครับผมจะได้มีเวลาคุยเรื่องมันยาวด้วยนะครับแม่ "

                       "เฮ้อ!! แม่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงนะแม่ก็แค่รับฟังกานต์เขาไป"

                       "แต่เขมคงจะกลับวันอาทิตย์นะแม่ เพราะว่าวันเสาร์ผมมีขึ้นเวรที่โรงเรียนก่อนถ้ากลับทันเขมก็จะกลับตอนบ่ายวันเสาร์เลย เขมอยากจบทุกอย่าง"

                       "ไม่ใช่ว่าเขมไม่รักกานต์นะแม่ เขมรักมากแต่เรามีหลายอย่างที่ยิ่งนับวันก็ยิ่งต่างกัน"

                       "เอาเป็นว่าแม่อย่าเครียดกับเรื่องเขมเลยนะแม่" ผมพูด คริสโตเฟอร์หันมามองหน้าผมเป็นระยะและผมก็เห็นว่ามันก็อยู่ในสายตาครุลินดาตลอดเช่นกัน

                       "แม่อยู่บ้านใช่ไหมครับ"

                       "แม่กำลังเดินทางไปหาพี่ต้นเขาลูก"

                       "พี่ต้นเป็นอะไรไปครับแม่" ผมถามด้วยอาการร้อนรน ต้องมีเรื่องแน่ๆ แม่ถึงต้องไปหาทั้งที่พี่ต้นเพิ่งจะกลับไป

                       "แม่ก็ยังไม่รู้อะไรมากนะเขมรู้แค่ว่าเกศนะเขาโยนเสื้อผ้าพี่ต้นเราออกมาจากบ้านหมดเลย" ผมได้ฟังก็ยกมือขึ้นมากุมศรีษะ ปัญหามาจากผมอีกเช่นกัน

                       “แต่พี่ต้นเขาบอกว่าเขาได้แอบไปซื้อคอนโดเอาไว้ เพราะเขาคิดว่าคงมีสักวันที่เกศจะทำกับเขาแบบนี้ “ แม่บอกผม ผมก็พยักหน้า

                       "เอิร์ธละแม่.." ผมถามหาหลานชายด้วยเช่นกัน ผมภาวนาว่าอย่าให้พี่ต้นทิ้งตาเอิร์ธไว้กับพี่เกศเลยนะ

                       "เอิร์ธอยู่กับพี่ต้นลูก เอิร์ธเขาไม่ยอมเอากับใครทั้งนั้นและไม่มีใครเอาเอิร์ธได้ เขมก็รู้เอิร์ธนะติดพ่อเขาและทางตากับยายเขาก็แทบจะไม่ค่อยได้เลี้ยงตาเอิร์ธด้วย พี่ต้นเราก็ต้องกระเตงเอิร์ธไปด้วยเมื่อเช้าก็เอาไปเลี้ยงในออกฟิตที่ทำงานแม่ต้องไปช่วยดูก่อนนะเขม"

                       "บ้านเรานี่มีแต่เรื่องนะช่วงนี้เขม" แม่เอ่ยปากพูดขึ้นมา

                       "โอเคครับแม่ แม่เดินทางปลอดภัยนะแม่ถึงแล้วแม่โทรหาเขมนะเขมเป็นหวง ..เขมรักแม่นะครับ"

                       "จ้าแม่รักลูกนะ ...แค่นี้ก่อนนะลูกนะ ดูแลตัวเองด้วย ทำอะไรมีสตินะเขมนะ" แม่พูดก่อนจะวางสายไป ช่วงนี้มีแต่เรื่องอย่างที่แม่ว่าจริงๆ พอผมกดวางสายรถก็จอดอยู่หน้าตึกแถวสามชั้นครึ้งพอดี ด้านในเป็นร้านอาหาร ป้ายบอกว่าชื่อร้านครัวใต้ ครูลินดาเดินลงจากรถไปผมก็รีบเปิดประตูออกมาทันที ช่วยถือของให้และพาครูลินดาเข้าไปด้านในร้าน ผมเห็นผู้หญิงไม่อ้วนไม่ผอมจนเกินไปผิวคล้ำกว่าครูลินดาหน้าตาคมดูก็ทราบได้ทันว่าเป็นคนภาคใต้แน่         

                       "ลินดาไปโดยอะไรมานะลูก" เขาคงจะเป็นแม่ของครูลินดาแน่ๆ ผมยกมือไหว้ท่าน

                       "ลินดาล้มหัวไปกระแทกขอบโต๊ะนะแม่..และลินก็ไม่เป็นอะไรมาก..ครูเขมเขาพาไปทำแผลที่โรงพยาบาลมาแล้วด้วย"

                       "แม่นี้ครูเขมครูที่มาใหม่" ลินดาแนะนำผมให้ผู้หญิงตรงหน้าได้รู้จัก

                       "ขอบคุณนะคะครู "

                       "ไม่เป็นไรเพื่อนครูด้วยกันครับ”

                       “ถ้าพรุ่งนี้ครูลินดาจะให้ผมมารับก็โทรบอกผมนะครับ เออ..ผมขอเบอร์ครูลินดาด้วยดีกว่า" ผมพูด ผมหยิบมือถือมารอบันทึกเบอร์ครลินดาเอาไว้ ยังไงผมก็ต้องดูแลเขาเพราะคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้คือ ณัฐกานต์ และ  ครูลินดาก็กดบันทึกเบอร์ให้ผมเรียบร้อยภายใต้สายตาของคุณแม่ครูลินดาเขายิ้มให้ผมแบบมีไมตรี

                       "ถ้าอย่างนั้นครูลินดาพักผ่อนเถอะนะครับ ...ผมขอตัวกลับก่อนด้วยนะครับแม่ "

                       "ครู..เอาอะไรไปทานสักหน่อยซิ มาแม่ตักให้" แม่ของครูลินดาบอกผมแต่ผมก็เกรงใจท่านอยู่ดี แม่ของครูลินดารีบเดินไปตักให้ผมสองสามอย่าง และส่งมาให้ผม ผมก็รับมาก่อนจะยกมือไหว้ลา
   
                     ผมรีบออกมาจากร้านก็คริสโตเฟอร์รอผมนานแล้ว ตอนนี้ก็เกือบจะหกโมงครึ้งแล้วด้วย ผมเดินมาที่รถยนต์และเข้าไปนั่งข้างคนขับ นายคริสหันมามองผมและของที่ผมถือมา

                      "เป็นอะไรไปละคริสออกรถซิ" อ้าวนั้นหันค้อนด้วยและออกรถทันที ไม่ยอมพูดยอมจา

                      "คริสเป็นอะไรไป" ผมถามอีกครั้ง

                      "แม่ครูลินดาเขามองครูเหมือนชอบใจครูเลยอะ" นายคริสหันมามองผมแว็ปหนึ่งและหันไปจ้องมองถนนต่อ

                                  "นี้อย่าบอกนะว่าเธอคิดว่าแม่ครูลินดาชอบครูจะบ้าเหรอ...นั้นรุ่นเดียวกับแม่ครูแล้วนะ"

                                  "ผมไม่ได้คิดว่าเขาชอบครูแบบจะเอาไปทำกิ๊กหรืออะไรอย่างนันหรอกครู"

                                  "แต่ผมคิดว่าเขาต้องมองว่าครูเป็นแฟนกับครูลินดาเหมือนที่ใครต่อใครเขาพูดกันทั้งโรงเรียนว่าครูกับครูลินดานะเหมาะสมกันดี" คริสโตเฟอร์พูด ผมหันไปมองควรจะยิ้มดีไหมนะ

                                  "หึงเหรอ" ผมถามนายคริสแอบยิ้มเพราะว่าอาการหึงของเขามันต่างจากณัฐกานต์และมันให้ความรู้สึกดีมิใช่น้อย

                                  "อืม" คนข้างๆผมพยักหน้าเบาๆ ว่าหึง

                                  "นี้แม่ครูลินดาให้กลับข้าวมาเราไปทานกันนะ" ผมพูด คริสโตเฟอร์พยักหน้าแค่นั้นเบาๆ ไม่มีหยอกเล่นเหมือนเดิมสงสัยจะงอนจริงๆด้วย อะไรกันพอจะให้บทแฟนก็มางอนกันซะแล้ว ผมก็เลยไม่พูดอะไรต่อเราสองคนนั่งไปเงียบๆจนถึงบ้านพักครูคริสถือพวกถุงข้าวและแกงที่แม่ของครูลินดาให้ผมมาไป เดินขึ้นไปก่อนเลย นี้งอนจริงๆเหรอเนี๊๊ยะ พอเข้ามาในบ้านผมเห็นถุงแกงวางอยู่บนโต๊ะเจ้าตัวหายไปไหนก็ไม่รู้หรือว่าเดินไปดูห้องน้ำ ผมเดินตามไปหาที่ห้องน้ำก็ไม่มี
-----------------------------------------------------------------------------------------
พอเร่ิมเป็นแฟนก็งอนกันซะแล้ว 555 ฝากไว้ด้วยนะคะ ขอกำลังใจคนแต่งด้วยนะคะ

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอนที่19 ความรัก 4 ปีที่จบลงแล้วแบบไม่สวย
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 09-08-2020 20:30:36
ติดตามคับ
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริส )EP.11.1 ทำไมพี่ไม่ฟังหัวใจตัวเอง 2
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 11-08-2020 12:11:06
               
EP.11.1 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ ทำไมพี่ไม่ฟังหัวใจตัวเองก่อน2

                 
   "คริส" ผมเรียกชื่อคริสโตเฟอร์ว่าหายไปไหน ห้องนอนแน่ๆ ไปทำอะไรในห้องนอนผมละ พอผมเดินเข้ามาเห็นคริสโตเฟอร์ยืนอยู่ เขาหันมามองผมและ
                       "หมับ..ตุ๊บ" ดันร่างผมลงไปบนเตียงโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัวและคริสโตเฟอร์ก็ขึ้นมาค่อมผมทันทีเช่นกัน เห็นแบบนี้คริสโตเฟอร์แรงเยอะเอาการเหมือนกัน

                      "คริสนายจะทำอะไรนะ" ผมถามคนที่ค่อมตัวผมอยู่ แรงเยอะใช่เล่นเพราะว่าเขาล๊อกผมจนดิ้นไปไหนไม่ได้

                       "ตอนผมทำผิดครูยังลงโทษผมเลยนะนี้ก็เหมือนกัน ครูทำให้นักเรียนหึง ครูก็ต้องโดนทำโทษ" คริสโตเฟอร์พูดผมตาโตและไม่ทันได้อ้าปากพูดอะไรทั้งนั้น คริสก้มลงบดขยี่ริมฝีปากผมอย่างหนักหน่วง มือของคริสก็บีบส่วนสงวนที่อยู่ในกางเกงแสลก คริสโตเฟอร์ถลกชายเสื้อเชิ้ตของผมขึ้นและก้มลงดูดดุลสองจุดที่แปะอยู่ที่หน้าอกผมทั้งดูดทั้งขบเล่นมันสร้างความเสียวซ่านให้กับผมอยู่มิใช่น้อย

                       "อย่าทำโทษครูแบบนี้ซิคริส..อ่าห์..พอ..พอ..แล้ว" ผมทั้งร้องทั้งครางสลับกันไปมา

                       "พอก็ได้..ดีนะที่หิวข้าวแล้วนะ" บทจะหยุดก็หยุดซะดื้อเลย ผมกระดกหัวมองดูยิ้มเข้าซิแกล้งกันชัด ชัด

                      "แกล้งให้ยากแล้วตีจาก..ถ้ายังไม่ลงหลังกินข้าวเดี๋ยวคริสจัดให้"คริสโตเฟอร์พูดเขามองตรงจุดนั้นของผมแข็งปังขึ้นมาทันทีเลย

           "เรื่องอะไรนายมาทำโทษครูเนี๊ยะ! " ผมถามด้วยน้ำเสียงแอบโกรธนิดๆ

           "ครูนี้ไม่รู้จริงๆเหรอว่าครูลินดานะชอบครู "

           "ครูบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับครูลินดาและครูก็เป็น"

           "เกย์ผมรู้..แต่มันหึงอะ..หึงแล้วทำอะไรไม่ได้อะ..อึดอัดนะ"คริสโตเฟอร์พูด ดูเขาทำหน้าเขาซิ ผมก็อดยิ้มให้ไม่ได้

                       "จะระวังตัวก็แล้วกัน ที่ตัวเองละไปอยู่กับน้องแก้มครูยังไม่หึงจนต้องทำโทษเราเลยนะ"

                       "อยากทำปะละยอมให้ทำ...แต่ใช้ปากนะกับน้องชายสุดที่รักผมนะ" คริสโตเฟอร์พูดผมเบ้ปากให้ลุกเดินหนีออกมาเพราะว่าตอนที่ทำเมื่อคืนนะผมแอบจินตนาการว่าผมกำลังใช้ปากกับตรงนั้นของคริสโตเฟอร์ ผมออกมาแกะอาหารใส่จานและชาม คริสโตเฟอร์ออกมากอดผมจากด้านหลัง ผมหันไปมองเขาแวปหนึ่ง

                       "ครูตกลงเราเป็นแฟนกันได้ใช่ไหมครูโสดแล้วนิ" คริสโตเฟอร์ถามผม

                       "ครูยังไม่ได้ไปคุยกันอย่างเป็นทางการเลยคริสวันนี้ก็รีบพาครูลินดาไปโรงพยาบาล "

                       "ผมเห็นเขาเสียใจก็อดสงสารเขาไม่ได้เขาก็คงรักครูมากเหมือนกันนะ"

                       "ก็คบกันมาสี่ปีนะคริส"

                       "ทำไมครูตัดสินใจเลิกกับเขามีเหตุผลอื่นอีกไหมครูบอกผมได้ไหม..ผมอยากรู้...ผมจะได้ไม่ทำให้ครูเสียใจเหมือนที่เขาทำ" คริสโตเฟอร์พูดโดยที่ยังเอาคางเกยไว้ที่ไหล่ผม ผมก็ตัดปากถุงแกงเทใส่ชาม

                 "เขา…เออ..เขา....มีคนอื่น..เขาไปมีอะไรกับคนอื่นครูจับได้..ตอนที่กลับไปบ้านครั้งนี้แหละ..เขาก็สารภาพว่าเขาทำจริงแต่เขาบอกว่าแค่ครั้งเดียว" ผมพูดเสียงเบาๆ

                       "ครูเองก็ผิดที่ตอนนั้นครูเริ่มสับสนเองและครูก็มัวแต่เอาเวลาดูเรานั้นแหละเขาเลยเสียใจและมันก็พลาดไป " ผมพูดบอกนายคริส

                       "ครูใจร้ายไปไหมคริสแค่ครั้งเดียวครูกับเขาต้องเลิกกันเลย" ผมถามคริสโตเฟอร์ เขาไม่ได้ตอบอะไรผมยังคงเกยคางไว้บนบ่าผมแบบนั้น เขาก็คงไม่อยากให้ผมกลับไปหาณัฐกานต์เช่นกัน

                       "เอาจริงๆนะผมไม่อยากให้ครูกลับไปคืนดีกับเขาแล้วอะครู..ผมก็รักครูนะ"

                       "ติดใจด้วย" คริสโตเฟอร์พูด สะบัดหน้าไปมองเด็กหื่นเอ่ย

                       "จริงๆนะผมไม่อยากให้ครูกลับไปหาเขา ผมรักครู" คริสโตเฟอร์พูด ผมหมุนตัวกลับมาส่งชามที่ผมแกะถุงแกงใส่ไว้ส่งให้คริสเขาถือเดินกลับไปนั่งรอผมที่โต๊ะ ผมเดินกลับไปที่โต๊ะ และ คริสโตเฟอร์เขาก็ตักอันนั้นอันนี้ให้ผมเหมือนเอาใจและก็ขี้อ้อนไปด้วยในตัวให้ผมตักนั้นตักนี้ให้บ้าง มันก็ทำให้ชีวิตที่ดูเรียบงายของผมมีความน่ารักเข้ามาทีละนิด และเมื่อเราสองคนทานแสร็จ

                       “คริส พี่ล้างเองเราไปนั่งดูทีวีเถอะ” ผมบอกเขาและนายคริสก็พยักหน้า

                       “ผมลงไปเอาของก่อนนะพี่เขม ผมใส่ไว้ในรถยนต์พี่เขมอ่ะ “ นายคริสพูด ผมคิดว่าน่าจะเป็นซีดีหนังอะไรพวกนี้แต่ขออย่าเป็นหนังโป้นะ ไม่อย่างนั้น ผมจะไล่ให้กลับไปนอนบ้านพักตัวเองเลยจริงๆ ผมก็ล้างภาชนะและแยกขยะจะเอาไปทิ้งพรุ่งนี้เช้า

                       “ให้ฉันดูแลเธอรักเธอได้มั้ย ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอ เมื่อเธอเหงาใจ ...” ผมได้ยินเสียงคนดีดกีตาร์เดินเข้ามา และพอผมหันไปมองคนนั้นคือนายคริสโตเฟอร์ มามุกจีบด้วยกีตาร์ เอ๊ะ นี้เขาเล่นเพลงจีบผมอย่างนั้นหรือ และนายคริสก็นั่งลงเล่นเพลงให้ผมฟัง ผมล้างไปด้วยก็ยิ้มไปด้วย อย่างน้อยนี้ก็ทำให้ผมยิ้มมีความสุขขึ้นมาได้

                       “นายนี้เล่นกีตาร์เก่งนะคริส ใครสอนเหรอ” ผมเดินมานั่งข้างๆเขา

                       “ พ่อผมส่งผมไปเรียนกีตาร์ตอนอายุ 7 ขวบนะครับพี่เขม” นายคริสพูด ผมพยักหน้า ตอนที่ผมไปอยู่ออสเตรเลีย จะเห็นพ่อแม่พาลูกๆทำกิจกรรมกัน ในวันหยุดและช่วงปิดเทอมกัน จะมีพวกกีฬาและเต้น

                       “ที่จริงพ่อผมส่งผมไปเข้าชมรมเตะฟุตบอลตอนอายุ 7 ขวบครับพี่เขมแต่ผมไม่ได้ไปเตะลูกฟุตบอล” นายคริสพูด ผมก็เลิกคิ้วมองแล้วไปเตะอะไรละ

                       “ผมไปเตะ นักเตะแทนครับ”ผมก็มองนายคริส นายนี่หัวร้อนแต่น้อยเลยนะ

                      “ก็พวกนั้นมันล้อผมอ่ะครับ ว่าผมเพราะว่าตอนนั้นผมเหมือนคนพูดสองภาษา ภาษาไทยกับแม่และภาษาอังกฤษกับพ่อ แอคเซนต์ผมเลยจะแปลกๆ แต่ที่ทำให้ผมต่อยก็เป็นเรื่อง มันด่าว่าแม่ผมเป็นคนเอเชีย หาว่าแม่ผมจากบาร์ถึงได้เจอพ่อ  ผมก็เลยต่อยไปซะปากแตกเลย ฟันหน้าหักไปสามซี่ และพ่อผมก็เลยเอาผมไปเรียนกีตาร์แทน” นายคริสโตเฟอร์พูด ผมพยักหน้า
 
                                  “นายเล่นเก่งมากนะครูฟังยังเพลินเลย” ผมพูดกับนายคริสโตเฟอร์

                                  “ผมเคยไปเล่นแบบเปิดหมวกตอนปิดเทอมเลยนะครู  street walking ผมได้คืนหนึ่งก็เกือบพันบาทเลยนะครู “ คริสโตเฟอร์พูด

                                  “แต่แม่ให้ผมเลิกเพราะว่าผมเริ่มมีคนทาบทามให้ไปเล่นที่ร้านตอนกลางคืน ผมบอกเขาว่าผมอายุยังไม่ถึง 18 ปีเขาก็บอกได้ไม่เป็นไร เขาเส้นใหญ่ที่นั้น แต่แม่ผมไม่เห็นด้วย เขากลัวผมจะไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดนะพี่เขม” นายคริสพูดผมพยักหน้าว่าเห็นด้วย

                                  “ตืดด” เสียงมือถือผมสั่น ผมเหลือบมองก็เป็นข้อความยาวเหยียดจากณัฐกานต์ที่เขาต่อว่าผมต่างๆนาๆ ผมก็เปิดอ่านดู
                                  “เขม...ทำไมเขมไม่ถึงตอนที่เขมขอกานต์เป็นแฟนละเขม ตอนนั้นเขมจับมือกานต์ขอดูแลกานต์แล้วทำไมตอนนี้มาทิ้งกานต์ละ กานต์อุตสาห์บอกว่ากานต์กลัวเพราะมันไม่ค่อยมั่นคงรักแบบนี้ เขมยังบอกเลยว่าเราจะทำให้ทุกคนเห็นไงเขม...บร้าๆๆๆ” 

         ผมวางมือถือลง มือผมสั่น ผมใจร้ายไปหรือเปล่า? กับคนรักที่คบกันมานานถึง สี่ปีแต่แค่เขาพลาดครั้งเดียวผมถึงกับเลิกกับเขาเลยใช่ไหม แต่อีกห่วงของความคิดหนึ่งของผม ผมก็ทิ้งคริสโตเฟอร์ไม่ได้เขาไว้ใจผมและเขาก็รักผมแล้วด้วยแต่มันแค่ไม่กี่วัน นายคริสเห็นอาการผมหลังจากอ่านข้อความในมือถือ เขาก็หยุดเล่นเพลงทันที

                       "พี่เขมเป็นอะไรไปอะครับ"

                       "พี่แค่รู้สึกแย่...พี่ทำร้ายคนที่คบกันมาตั้งสี่ปี..คริส..พี่...เหมือนเป็นคนผิดเลยนะตอนนี้คริส" ผมพูดเบาๆ คริสโตเฟอร์กุมมือผมไว้ มือถือผมก็สั่นอยู่ตลอดเวลาจนแบทเตอรี่ใกล้จะหมด ณัฐกานต์ก็คอยส่งข้อความหาผม ด้วยถ้อยคำต่างๆนานา คริสโตเฟอร์หยิบขึ้นไปอ่าน
           
                                “เพราะว่าพี่คือคนที่เข้าไปขอณัฐกานต์เป็นแฟน ทั้งที่ตอนแรกเขาปฏิเสธพี่นะแต่พี่ก็ตามจีบเขา จนเราเริ่มปลูกต้นรักที่แท้จริง แต่ตอนนี้พี่...” ผมพูดและผมก็เอาศอกตั้งฉาก มือประสานกันปิดปากเพื่อคิดทบทวนที่ผ่านมา

                                "ครูผมว่าเขาแค่ปันหัวครูเท่านั้นแหละ ตอนผมโดนแฟนทิ้งใหม่ๆ ผมยังไม่เวินเวอร์แบบเขาเลยนะครูผมว่าอันนี้เยอะไปแล้วครูและผมเดาได้เลยครูกลับไปหาเขานะเขาก็ทำแบบเดิมคนแบบนี้ไม่มีวันเปลี่ยนตัวเองได้ผมไม่ได้ว่าผมดีกว่าเขาหรอกนะครู" คริสโตเฟอร์พูด ผมกับคริสโตเฟอร์นั่งอยู่เงียบๆ

                                “ตอนที่แฟนผมเขาจะทิ้งผมไปนะ เขามีเหตุผลและผมก็ควรเคารพการตัดสินใจของเขา ตอนนั้นผมไม่ดีเอาแต่เที่ยว ติดเพื่อน ถ้าตัวผมเองไม่ดีและแฟนขอเลิก นั้นคือผมไม่ควรจะมาสร้างเงือนไขอะไรเพิ่มแล้ว ก็แค่ยอมรับ”คริสโตเฟอร์พูด ผมหันมามองหน้าเขา

                      “แต่ณัฐกานต์ไม่ ทั้งที่เขาผิดเขาแค่ทำไมเหมือนเขาไม่ผิดเลยพี่เขมผิดคนเดียว “ คริสโตเฟอร์พูด
                       Rrrrrr เสียงมือถือผมดังขึ้นแต่แบทกำลังจะหมด เบอร์พี่ก้อง ผมกำลังคิดถึงพี่ชายคนนี้ที่สุดเพราะว่าพี่ก้องเป็นคนที่เข้าใจผมแทบจะทุกอย่างแต่ว่าถ้าผมรับก็ไม่ได้คุย

                       ติด!!! เสียงเตือนแบทใกล้จะหมด

                       "แบทมือถือครูจะหมดคริส พี่ชายครูโทรมานะคริสและที่ชาร์ตแบทก็อยู่ห้องคริสด้วยพี่ลืมไว้วันที่ไปนอนกับเรานะ" ผมบอกนายคริส ก็ตอนไปนอนห้องนายคริสผมลืมเอาและผมก็ปิดมือถือมาตลอดเลยไม่ได้เอ๊ะใจที่จะชาติและพอมาเปิดอีกทีก็เห็นเป็นร้อยสายตาณัฐกานต์อีก คริสโตเฟอร์ยืนมือถือของเขาให้ผม

                       "โทรหาพี่ชายครูซิพี่ใช้มือถือผมก็ได้" คริสโตเฟอร์พูดผมก็รับมากดเบอร์มือถือพี่ก้อง ผมรอสายสักพัก

                       "พี่ก้อง เขมนะ เขมเอาโทรศัพท์ของคริสโทรหาพี่นะ เด็กนักเรียนของผมนะพี่ก้อง โทรศัพท์เขมแบทจะหมด" ผมพูดเบาๆ

                       "ว่าแล้วเชียวกานต์คงกระหนำโทรหาเราเพื่อจะกดดันเราซิท่า" พี่ก้องพูดเหมือนตาเห็นเลย

                       "เขมละเป็นไงบ้างพี่โทรหาแม่ แม่บอกพี่ว่าเราเลิกกับกานต์ มันเกิดอะไรขึ้นบอกพี่ได้ไหมเขม" พี่ก้องถามผม ผมหันไปมองคริสโตเฟอร์ ผมชี้ไปในห้องนอนว่าผมขอเข้าไปคุยแบบส่วนตัวในห้องเขาก็พยักหน้าผมเดินเข้าห้องและปิดประตูมันลงน้ำตาใสๆไหลซึมออกมา ผมทรุดตัวลงนั่งบนเตียง

                  "พี่ก้อง ผมสับสนพี่ก้อง ผมไม่รู้ แต่วันนี้ตอนที่ผมพูดไปผมโกรธเขาที่เขาทำร้ายเพื่อนครูที่ผมสอนที่นี้บาดเจ็บเพราะเขาคิดว่าเธอคือต้นเหตุทั้งที่จริงๆแล้วเรื่องทุกอย่างมันเกิดจากผมกับเขาทั้งนั้นแหละ ปัญหาทั้งหมดนะที่มันสะสมมานานด้วย " ผมพูดกับพี่ก้อง

                       "ฟู่" ผมพูดพร้อมกับพ่นลมออกมาจากปากเพื่อระบายความตึงเครียด
 
                       "พี่พูดตรงๆนะนายมีคนอื่นตอนนี้และนายก็กำลังสับสนระหว่างรักที่สะสมมานานกับรักที่เพิ่งเจอ ถูกต้องไหม "  พี่ก้องพูด ผมคิดว่าอันนี้ก็ด้วยเช่นกัน

                       "มันก็ใช่ด้วยพี่ก้องแต่ผมกับกานต์ก็คบกันมาสี่ปีนะพี่ก้อง เราผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะแต่..ผมกับ..คริส..เรายังแค่จะเริ่มต้น..ปัญหาก็มาแล้วอ่ะพี่" ผมพูดกับพี่ก้อง

                       “ใครที่เขมอยู่ด้วยแล้วมีความสุขมากกว่ากัน” ผมเงียบ ผมยอมรับว่าผมมีความสุขและเป็นตัวของตัวเองที่สุดก็คือตอนที่ผมอยู่กับคริสโตเฟอร์ มันเป็นธรรมชาติแต่กับณัฐกานต์มันบอกไม่ถูกบางทีก็อึดอัดและบางที่ผมก็อยู่ด้วยความวาดระแวงว่าเราจะทะเลาะอะไรกันอีก

                  "พี่ก้องจำได้ไหมที่ผมถามพี่นะว่าทำไมพี่เลิกกับพี่โบว์แลพี่ก็บอกเหตุผลของผม มันแค่ครั้งเดียวใช่ไหม ที่ทำให้พี่เลิกกับพี่โบว์ได้ เพราะเหตุผลนั้นนะพี่ก้อง"ผมถามพี่ชายคนที่สอง

                       "ถ้าพี่บอกว่าหลายครั้งแล้วละและครั้งล่าสุดโบว์เองที่เลือกที่จะจบมันเองด้วย ว่าเขาไม่อยากทนอยู่กับพี่แล้ว " พี่ก้องพูด ผมเองก็ไม่ได้อยากตอกย้ำความทรงจำที่เลวร้ายของพี่ชายหรอกนะ

                       "ทุกครั้งพี่ก็ให้อภัยนะเพราะว่าพี่รักเขา ครั้งล่าสุดพี่ก็ยังจะให้อภัยถ้าเขาร้องขอแต่ครั้งนี้เขาไม่...เขาขอที่จะไปกับคนใหม่" พี่ก้องพูด

                       "พี่ยินดีให้เขาไปเขม"พี่ก้องพูดบอกผม ผมก็เงียบ

                       "ณัฐกานต์เขามีคนอื่น..นายรู้แล้วใช่ไหม" พี่ก้องถามผมทำไมพี่ก้องรู้ละผมยังไม่เคยคุยกับใครเรื่องนี้แม้แต่แม่รดา

                       "หมายความว่ายังไงพี่ก้อง" ผมถามพี่ก้อง

                       "ฟู่" เสียงพ่นลมออกมาทางปากของพี่ก้อง เหมือนกำลังหนักใจกับสิ่งที่พี่ก้องจะพูด

                       "เขมฟังพี่นะ ...พี่เห็นกานต์ควงคนอื่นหลายครั้งแล้วแต่พี่เองก็เห็นเรารักกานต์มากพี่ไม่อยากทำตัวเหมือนคนช่างยุ พี่เลยไม่ได้บอกเรา" พี่ก้องพูดว่าเห็นณัฐกานต์ไปกับคนอื่นหลายครั้งแล้วเหรอ

                       "พี่สังเกตุพฤติกรรมเขามาหลายครั้งแล้วเขม"

                       "แล้วแต่เขมจะตัดสินใจนะว่าจะกลับไปหาเขามั้ย แต่พี่เชื่อได้ว่าเขาไม่เลิกหรอกเขมและที่เขาพยายามจะไม่เลิกกับเราเพราะคนที่เขาคบนะก็ไมได้จริงจังอะไรกับเขาสักคน"
           
                       "และคนอย่างณัฐกานต์ไม่ได้มีแค่เขมคนเดียว เขาไม่เคยซื่อสัตย์ในยามที่เขมหันหลังให้เขา" พี่ก้องพูด ผมหันไปมองที่หน้าต่างที่เปิดไว้ แต่ภาพที่ผมเห็นมันเหมือนการฉายหนัง ถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของณัฐกานต์


                       "เขานอกใจเขมได้ตลอดเวลาแม้กระทั้ง พี่ชายที่เป็นพี่น้องแท้ๆของเขมเขายังไม่มีความระอายใจเลยนะ" พี่ก้องพูด ผมยิ่งตกใจ อย่าบอกน่ะว่าพี่ก้องกับณัฐกานต์

                       "ณัฐกานต์เขาไปหาพี่ที่ฐานเขาบอกว่าเขากลับบ้านและเขาก็ไปเยี่ยมหาพี่ด้วยเลยพี่ก็แปลกใจนะว่าทำไมและเขาชวนพี่ออกไปข้างนอก"

                       "เขาขอมีอะไรกับพี่" ผมเหมือนฟ้าผ่า พี่ก้องเป็นพี่ชายของผมนะ

                       "เขาบอกว่าเขาชอบพี่ แต่พี่รู้ว่าไม่ได้ชอบพี่หรอก เขาแค่ไม่รู้จักพอในสิ่งที่ตัวเองมี" ตอนนี้เหมือนมีอะไรจุกที่อกผม

                       "พี่ปฏิเสธเขาไปเพราะว่า พี่เลือกที่จะไม่ทำเลวลับหลังน้องชายของพี่ พี่บอกว่าพี่ทำไม่ได้ " พี่ก้องพูดผมนี้หน้าชาไปเลยทันที่

                       "เขาก็บอกพี่ว่าพี่นะไม่กล้าบอกเขมหรอกที่เขามาหาพี่ เพราะว่าเขมอาจจะเสียใจมากและพี่จะกล้าทำเหรอวะเขม"

                       "พี่ก็เลยไม่บอกเราตรงๆแค่พูดให้นายคิด "

                       "แต่ผมก็โง่คิดไม่ได้ใช่ไหมพี่ก้อง"

                       "น้องพี่ไม่โง่หรอกแต่น้องพี่นะดีเกินไปสำหรับณัฐกานต์"

                       "พี่ส่งบางอย่างให้ดูทางอิเมลนะ ดูแล้วก็ลบทิ้งซะและตัดสินใจเอาว่าจะเลือกแบบไหน "

                       "ณัฐกานต์คงจะลืมไปว่าเขมมีพี่ชายเคยอยู่หน่วยสอดแนมมาก่อน" พี่ก้องพูด

                       "เขมพี่จะออกไปลาดตะเวนกันต่อ...ถ้าอยากให้พี่โทรหาก็ส่งข้อความมานะเขมพี่รักน้องชายพี่นะพีไม่อยากให้ใครทำให้น้องชายพี่เสียใจเหมือนกัน" พี่ก้องพูด และคิดว่าในความโชคร้ายของผมก็ยังมีความโชคดี ที่มีพี่ที่รักและไม่เคยทำร้ายผม

                                  ผมหันไปหยิบกระเป๋าโน๊ตบุ๊คมือไม้สั่นไปหมดและผมหยิบเอาแอปเปิ้ลสีขาวเครื่องใหม่ล่าสุดมาเปิด ผมใช้ตัวปล่อยสัญญาณไวไฟเพราะว่ายังไม่ได้ติดตั้งอินเตอร์เน็ตที่นี้ ผมรีบเปิดอิเมลของผมทันที ไปดูที่อิเมลเข้าล่าสุด พี่ก้องส่งไฟว์รูปแนบมาให้ผม ผมรีบกดเปิดดูแต่ว่ามันค้อนข้างช้าไม่เหมือนอินเตอร์เน็จจากราวเตอร์

                                   ผมนั่งรอใจผมก็ร้อนรนอยากเห็นที่พี่ก้องส่งให้ผมเร็วๆ แต่มันก็ยังคงดาวน์โหลด หรือว่าในใจผมนั้นร้อนรนเกินไปและถ้าที่พี่ก้องพูดเป็นความจริงเขามีคนอื่นอีกที่ผมไม่เคยไม่รู้ ผมก็คงเหมือนควาย ไม่ต่างอะไรกับควายที่โดนณัฐกานต์หลอก ผมคิดว่าครั้งเดียวก็เลวร้ายมากพอแต่ถ้ามันหลายครั้งละอย่างที่พี่โบว์ทำกับพี่ก้องผม คงรับไมได้ ไม่ว่าจะรักมากแค่ไหนก็ทำใจให้กลับไปไม่ได้แน่ๆ  ผมนั้งมองหน้าจอมือก็ประสานกันไว้ใจก็ภาวนาไม่อยากให้เป็นแบบนี้พี่ก้องพูดเลยจริงๆ

                       ผมรออยู่เกือบสิบกว่านาทีได้ถึงจะมีไฟว์ภาพปรากฏขึ้น ผมคลิกเข้าไปดูให้มันขยายใหญ่ขึ้น เป็นภาพณัฐกานต์ควงกับผู้ชายผมรู้ได้ทันทีว่าใครเขาเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเดินโอบเอวกันแบบนี้และณัฐกานต์ก็ซบอกเขาด้วยน่าจะเป็นตอนที่ผมเรายังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่เลยผมดูวันที่ตรงข้างใต้ภาพนั้นเราก็คบกันไปได้สามปีแล้ว ผมเลื่อนมาดูภาพต่อมาเป็นภาพที่ณัฐกานต์นั่งคุยกับใครสักคนผมเลื่อนเมาส์เพื่อขยายดูภาพว่าผู้ชายอีกคนคือใคร ผมก็ต้องตกใจอีกครั้งเขาคือลูกค้าประจำที่ชอบมานั่งทานกาแฟที่ร้านอาจารย์ที่ผมไปทำงานพาร์ทไทม์เขามาดื่มกาแฟที่ร้านที่ผมทำและเราได้คุยกันนิดหน่อยพี่เขาเป็นผู้จัดการออฟฟิตใกล้ๆและณัฐกานต์มักจะไปนั่งรอรับผมกลับ ในรูปเขากำลังนั่งอิงแอบแนบชิดกันอยู่ในมุมหนึ่ง..ดูแล้ว ถ้าผมเดาไม่ผิดนี้มันในโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท

                       "ฟู่" ผมต้องพ่นลมออกมาเพื่อผ่อนคลาย ผมควรจะดูต่อไปอีกไหมแต่ผมก็ต้องทำ มีหลายรูปเลยและผู้ชายแต่ละคนแทบจะไม่ซ้ำหน้ากันเลย ผมคลิกดู จากที่เมื่อสักครู่ผมรู้สึกเสียใจรู้สึกผิดมันหายไปหมดสิ้นน้ำตาที่ผมมีมันก็เหือดหายไปโดยปริยายมีแต่ความรู้สึกช๊อคเข้ามาแทน ทุกคนที่ณัฐกานต์ควงดูจะมีผลประโยชน์ด้วยทั้งนั้นเขาไปด้วยแม้กระทั้งผู้จัดการสาขาที่เขาไปทำงานด้วยแต่จู่ๆเขาได้ย้ายไปลงสาขาอื่นที่สะบายกว่าสาขาแรก ผมดูไปจนถึงภาพสุดท้ายคนสุดท้ายนี้ผมเคยห็นหน้า ผมเคยเจอเขาตอนไปกินเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่ไปในฐานะแฟนของณัฐกานต์ด้วยซ้ำเขาก็รู้ว่าผมกับณัฐกานต์เป็นแฟนกัน ผมขยายดูรูปนาฬิกาข้อมือมันอันเดียวกับที่ผมเจอในห้องน้ำเลยผมเลื่อนดูรูปนี้เป็นรูปถ่ายเมื่อสองเดือนที่แล้วมหาวิทยาลัยที่ผมจบมาเขาเปิดสอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กๆอาจารย์ที่สนิทกับผมเขาเอ่ยปากชวนผมไปทำงานงานระว่างรอเรียกตัวผมสอนทุกวันเลยกว่าจะเลิกก็เกือบทุ่มแถมณัฐกานต์ยังมารับผมกลับทุกวันผมไม่เอ๊ะใจเลยว่าเขายังมีเวลาไปหาแม๊คไปเดินอิงแอบแนบชิดกันขนาดนี้

                                   "ถ้าดูจบแล้วลบทิ้งซะ..พี่คิดอยูู่นานแล้วว่าพี่ควรจะส่งให้น้องพี่ดูไหม พี่รู้ว่าสี่ปีมีค่าแต่ณัฐกานต์เขาไม่เห็นค่าน้องพี่เลยสักนิด อย่าถามว่าทำไมไม่ส่งให้เร็วกว่านี้ พี่รอวันที่นายเข็มแข็งพอเขม ถ้านายบอกเลิกณัฐกานต์ได้นั้นแปลว่านายพร้อมที่จะรับรู้เรื่องพวกนี้ได้แล้วเช่นกัน..เขมแค่เสียคนที่ไม่รักไปเท่านั้น อย่าไปเสียใจกับมัน..เริ่มต้นใหม่เชื่อพี่ ปล.ฝีมือถ่ายภาพขั้นเทพไม่ต้องชมรู้ตัว ...จากพี่ก้องที่รักและไม่เคยทำร้ายน้อง"

                       "ปึก" ผมสะดุ้งมีมือมากดปิดหน้าจอโน๊ตบุ๊คผม ผมเงยหน้ามองคนที่ปิดมันลงคือคริสโตเฟอร์

                       "ได้คำตอบแล้วใช่ไหมครับ" คริสโตเฟอร์ก้มลงกระซิบข้างหูผมและหอมแก้มผมแต่ผมไม่มีความรู้สึกอะไรแล้วมันชาไปหมดกับสิ่งที่ผมเห็น ผมโง่ทนอยู่กับสิ่งพวกนี้มาได้ยังไงตั้งสี่ปี

                       "พี่เพิ่งจะรู้ตัวนะว่าพี่นี่โง่..และโง่มานานแล้วด้วย ป่านนี้เขาคงหัวเราะพี่แย่แล้วแหละคริส "

                       "ครูไม่โง่หรอกแค่..โดยคนที่โง่กว่าหลอกเอาแค่นั้น..วันหนึ่งที่เขาคิดได้ว่าเขาได้เสียคนที่ดีที่สุดไปและเขานั้นแหละเขาจะรู้ตัวทันทีว่าเขาเป็นคนที่โง่ที่สุด" ผมเงยหน้ามองคนที่ปลอบผม

                       "เขาไม่รักครูหรอกเขาแค่ไม่อยากเสียครูไปเพราะเขากลัวไม่เหลือใครแต่เขาก็หยุดที่ครูคนเดียไม่ได้เช่นกัน..ถูกต้องมั้ยครับครู"

                       "ถ้าครูอยากร้องก็ร้องได้เลยนะผู้ชายร้องไห้ได้เสียน้ำตาเป็น...ผมก็เคยเวลาที่ผมเหนื่อยผมท้อไม่มีปลอบใจผมแต่ผมยังมีน้ำตาไว้เป็นเพื่อนคอยปลอบใจตัวเองผมแค่เลือกที่จะไม่ร้องให้ใครเห็นเพราะว่าเขามีแต่จะสมน้ำหน้าเอาเท่านั้น"

                       "ถ้าครูร้องตอนนี้เธอจะสมน้ำหน้าครูไหม"

                       "ไม่...เพราะผมเป็นคนที่รักครูถ้าครูร้องไห้ผมก็จะปลอบไง" คริสโตเฟอร์พูดแค่นั้นผมก็โผ่เข้าไปกอด ผมกอดเด็กนักเรียนให้เด็กนักเรียนปลอบผมมันคงน่าสมเพศที่สุด

                       "เขาไม่ยอมเลิกกับครู ครูก็ปริ้นซ์รูปพวกนี้ไปให้เขาดู ว่าครูเลิกโง่แล้ว ถ้าเป็นผมนะเอาไปปล่อยที่ทำงานเลย"

                       "ครูทำไมได้หรอก เพราะถ้าทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าเราทำร้ายเขาจนหมดสิ้น ถึงยังไงสี่ปีมันก็มีสิ่งดีดีเกิดขึ้นระหว่างครูกับเขาบ้างแหละคริส" ผมพูดเบาๆ มือของคริสลูบหัวผมเบาๆ

                       "อาบน้ำกันไหม...เพื่อจะดีขึ้น...เดี๋ยวเขาถูหลังให้นะที่รัก" ผมสะบัดหน้าไปมองลืมความโศกไปชั่วขณะ

                       "อาบน้ำกัน...เริ่มทำหน้าที่คนรักตั้งแต่ ณะ บัดนี้ มาซิอาบน้ำกันฉลองฝักบัวอันใหม่ ครูโจ้บอกว่าอันนี้ไฉไลกว่าเดิม"

                       "ไม่ ...ไม่..เอาอะ" ผมรีบปฏิเสธ

                       "นะครูอาบน้ำกัน...มาซิครูจะได้รู้สึกดีขึ้น"

                       "อาบคนเดียวดีกว่าไหม" ผมพูด คริสโตเฟอร์ลุกขึ้นยืนและถอดเสื้อยืดตัวเองออก เขาเดินมาหาผมโน้มตัวลงเอามือจับชายเสื้อยือพอดีตัวผมและถลกขึ้นเพื่อจะถอดมันออกไปทางศรีษะ แต่ทำไมผมยอมเขาง่ายจังยอมให้ถอดแต่โดยดี คริสโตเฟอร์ย่อตัวลงมาปลดนาฬิกาข้อมือออกให้ผม

                       "ไปครับอาบน้ำกัน" คริสโตเฟอร์ดึงมือผมให้ลุกขึ้น ผมก็ลุกตามนะ เดินตามอย่างว่าง่ายเข้าไปในห้องน้ำประตูห้องน้ำถูกปิดลง กางเกงที่ถูกถอดออกเหลือแค่ตัวเปล่าไร้ซึ้งอาภรณ์ มันรู้สึกเขินยังไงก็ไม่รู้ ผมพยายามเอามือปิดส่วนสงวนไว้อยู่ คริสหมุดเปิดให้สายน้ำรินไหลลงมากระทบตัวผมทั้งคู่ คริสโตเฟอร์ถึงมือผมออกจากตรงนั้น เขาหยิบสบู่ขึ้นมถูกไปตามลำตัวของผม ผมได้แต่ยืนมองเขาบรรจงทำให้ผมและก็ส่งมาให้ผมทำให้บ้าง ผมก็รับมาและทำให้อย่างที่เขาทำกับผม พอเริ่มจะคุ้นเคยก็เริ่มจะไม่เขินอายเราช่วยกันอาบน้ำแปลกดีเนอะครูกับนักเรียน ผมยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

                       "ครู....ผมรักครู...ครูจะรักผมได้มั้ย" คริสโตเฟอร์ถามผม ขณะที่เรายังอยู่ในห้องน้ำด้วยคริสโตเฟอร์ตั้งแขนขึ้นมากั้นระหว่างลำตัวผมไว้และก้มลงจูบปากผม ผมก็จูบตอบ

                       "ครูพร้อมจะให้ผมดูแลมันได้หรือยัง"

                       "ผมอยากได้สิ่งนั้นมาดูแลเองและจะไม่ทำให้ครูเสียใจ ผมสัญญา"

                       " แม้วันนี้มันจะเป็นคำสัญญาจากเด็กผู้ชายแต่ผมจะรักษามันไว้เหมือนที่ผู้ใหญ่เขาทำกันจะดูแลมันจะไม่ทำให้สิ่งที่ครูมอบให้ผมมาบอบช้ำครูไว้ใจผมได้มั้ย" ผมได้แต่มองใบหน้าของคริสโจเฟอร์ เข้าเดินเข้าหาผมจนและดันผมไว้ให้ติดกับกำแพงยกแขนขึ้นมาตั้งฉากกันผมไว้ สายตาที่บอกได้ว่าจริงจังมากแค่ไหน มันเป็นสายตาที่มุ้งมั่นเพื่อรอคำตอบจากปากผมว่าผม

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนEP.11.2 เขมชาติXคริสโตเฟอร์ รุกเจอรุกNC18+(ครึ้งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 11-08-2020 20:55:25
EP.11.2 เขมชาติXคริสโตเฟอร์ รุกเจอรุก NC 18+(ครึ้งแรก)

      "ครูไว้ใจเรา..คริส" ผมบอกคริสโตเฟอร์ เขาเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าผมรอยยิ้มเปือนขึ้นอยู่บนหน้านั้นมันส่องประกายแวววาว

                       "แต่ครูเป็นรุก" เท่านั้นแหละมุมปากตกลงไปทันที จากรอยยิ้มเปลี่ยนเป็นทำท่าจะร้องไห้

                       "เธอจะให้ครูมารับเหรอ....เป็นรุกมาตั้งหลายปีบอกเลิกกับแฟนแค่วันเดียวให้เป็นรับเลย
หรือไง" ผมถามคริสโตเฟอร์  ....สีหน้านายคริสโตเฟอร์

                       "และนายก็เคยบอกครูว่านายไม่ใช่แบบพี่ไม่ใช่เหรอหรือว่ายังแค่สับสน" ผมพูดและคริสโตเฟอร์ ก้มหน้าลง

                       "ผมก็เป็นรุก..แม้จะรุกแต่ผู้หญิงก็ตามเถอะครู" คริสโตเฟอร์พูดเสียงอ่อยๆ ผมเอื้อมมือไปปิดก๊อกน้ำ ผมหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดน้ำตามตัวก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไปผมเดินกลับไปในห้องนอน ได้แต่ยืนครุ่นคิดก็ตอนเห็นสีหน้าผิดหวังคริสโตเฟอร์แล้วก็ใจหายเหมือนกัน แต่จะให้ผมเป็นรับนี้นะและอีกอย่างคริสโตเฟอร์เด็กกว่าผมด้วย..โดนเด็กกดเหรอจะเสียฟอร์มไหมเนี๊๊ยะ!
            กึก!! เสียงประตูห้องนอนถูกปิดลงพร้อมกดล๊อกประตู ผมหันหลังกลับไปมองคนที่เข้า นั้นก็คือคริสโตเฟอร์ เขาเดินเข้ามาในห้องมีเพียงผ้าเช็ดตัวพันกายแบบหมิ่นๆ เขาก็ตรงเข้ามาหาผมและยิ่งเห็นสายตาคู่นั้น ผมก็ยิ่งหวั่นไหว

                       "หมับ"คริสเข้ามาสวมกอดผมเขายืนกอดผมนิ่งโดยไม่พูดอะไรส่วนผมก็พ่นลมออกมาจากปาก

                       "ผมรักครู...ผมยอมเป็นรับก็ได้" ผมก้มหน้าลงมองหน้าคริสโตเฟอร์ ว่าคิดดีแล้วเหรอ ที่ผมลังเลไม่ใช่อะไรคือ ผมอยากรู้ว่าเขาหมั่นใจตัวเองดีแค่ไหนที่จะเลือกเดินสายนี้กับผม


                       "และเธอรู้ไหมจะมีสิ่งอื่นตามมาอีกมากมายซึ่งมันก็คือปัญหา...และมันอาจจะเป็นปัญหาที่หนักถ้าเธอเลือกจะเดินทางนี้...เพราะเส้นทางรักแบบนี้มันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดทางและบางช่วงก็จะมีก้อนกรวยที่ทิ่มต่ำเท้า หากเธอตัดสินใจละเลือกเดิน..."ผมกระซิบถามคริสโตเฟอร์กลิ่นอ่อนๆหอมละมุลจาน้ำยาสระผมมันโชยมาแตะที่จมูกผม

                       "ไปกับพี่" ผมพูดเสียงที่เบา ผมเอามือขึ้นลูบหัวคริส

                       "ผมยอมรับมันได้ครู..ขอแค่ผมได้รักครู..ผมรู้สึกดีรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่ผมอยู่ใกล้ครูและผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนหลังจากที่เขาทิ้งผมไป" คริสโตเฟอร์มองผมแววตาใสซื่อคู่นั้น


                       "ผมเลือกแล้วครู..ครูละ..คิดเหมือนผมมั้ย” ได้" คริสโตเฟอร์ถามผม

                       “ครูผมรู้ว่าเราจะเจออะไรบ้างและผมก็ยอมรับมัน” คริสโตเฟอร์มองตาผม มันทำให้มุมปากของผมกระตุกจนเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มให้กับคนตรงหน้า

                       "แต่จะว่าไปนี้มันก็เป็นครั้งแรกของผม..ผมยอมให้คนที่ผมรัก" คริสโตเฟอร์พูดพร้อมลอยยิ้มส่งมาให้ผม ผมก็ยิ้มดีใจนะแล้วอย่างนี้ผมจะไม่รักเขาได้ยังไง

                       "เธอแน่ใจแล้วเหรอว่าเธอรับไหว..เจ็บนะ" ผมพูดบอกเขาและสีหน้าผมบอกได้ว่าจริงจัง ผมมองหน้าเขา ผมก็แอบยิ้มนิดหน่อยแต่ก็พยายามกลั้นไว้เดี๋ยวเห็นว่าผมก็แอบดีใจ 

                       ฟู!!! เสียงลมหายใจถูกพ่นออกมาทางปาก ผมเลิกคิ้วมองคริสโตเฟอร์ จะเอายังไง

                       "ทำยังไงได้ละผมรักไปแล้วนิ...ยอม" คริสโตเฟอร์พูดบอกผม สายตาคู่นั้นมันบอกผมได้มากมายว่าเขารักผมจริงถึงยอมให้ผม ผมก็ยิ้มที่มุมปากก่อนจะก้มลงประกบไปที่ริมฝีปากแดงๆ ทั้งดูดเม้มปากและสอดลิ้นเข้าไปสัมผัสความหวาน  คริสก็ตอบรับลิ้นผมได้ดีและส่งลิ้น กลับมาหาผม ที่ผ่านมาผมให้เขาเป็นคนเร้าโรมผมเองตลอดแต่วันนี้เห็นที่จะไม่ได้แล้วผมต้องรักษาสิทธิ์ผมคืนบ้างแล้ว

                       "แต่ผมก็ยากรุกครูนะ..เราผลัดกันได้ไหม" คริสโตเฟอร์พูด ผมต้องหยุดชะงักชั่วขณะ

                       "แฟร์ๆ นะครู ผมเป็นนักเรียนนะ” คริสโตเฟอร์พูดออดอ้อนที่อย่างนี้ใช้สิทธินักเรียนขึ้นมาทันที ผมยืนนิ่งใช้ความคิดอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าก็ดี ลองดูก็ได้ ก็แฟร์ดี

                                ผมดันร่างคริสโตเฟอร์ลงไปนอนที่เตียงและผมก็กระโจนขึ้นไปค่อมไว้ ใช้มือดึงผ้าเช็ดตัวของตัวเองออกและคริสก็ดึงของตัวเองออกเช่นกัน อารมณ์มันกรุ่นๆตั้งแต่ในห้องน้ำแล้วของผมทั้งคู่มันชูชันพร้อมจะออกรบ ผมก้มลงจูบคริสอย่างเร้าร้อน เขาคงได้รู้คราวนี้แหละว่ารสจูบแบบผู้ใหญ่นะมันเป็นยังไง ผมไซ้ลงมาตามซอกคอขาวๆนั้นดูดดัง  จ๊วบ!!! ในแต่ละจุดที่ผมฝังไว้พรุ่งนี้คงได้มีรอยไปอวดเพื่อนบ้างแหละ ผมก็ใช้ลิ้นเลียวนเล่นที่ตรงสองจุด ทั้งขบและเม้มเล่นอย่างสนุกปากจนคนที่นอนต้องแอ่นขึ้นมาตามปากผมผมเลย มันสร้างความพึงพอใจให้ผมมิใช่น้อย


                                  "เล่นท่า69กัน"ผมกระซิบข้างหูคริสโตเฟอร์ เขาเงยหน้าขึ้นมามองผมและเขาก็พยักหน้านั้นแสดงว่าเขารู้จัก

                                  "พี่นอนข้างล่างส่วนเรายังมือใหม่อยู่ข้างบนและทำตามที่พี่ทำให้เรานะ"ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์ผมแทนตัวเองว่าพี่ไม่อยากใช้คำว่าครูเพราะมันจะทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาที่กำลังจะจับ นักเรียนกดแบบนี้
   
                                คริสโตเฟอร์พยักหน้าอย่างว่าง่ายผมก็นอนไปตามแนวที่นอนคริสโตเฟอร์ขึ้นมานั่งบน หน้าท้องแบนราบของผมโชคดีที่ลำตัวเราพอพอกันและเขาส่งเจ้านั้นมาตรงหน้าผม กลิ่นสบู่ที่เราใช้ทำความสะอาดยังติดอยู่เลย ผมก็จัดการครอบตรงนั้นของคริสโตเฟอร์เข้าปากไป และคนโดนครอบก่อนถึงกับสะดุ้ง ผมส่งสัญญาณมือให้ทำให้ผมไปด้วย ผมรู้สึกเย็นวาบตรงส่วนนั้นและรู้สึกได้ว่ากำลังมีคนกลืนกินมันอยู่ดูดเลียยังกับกินไอติมโคน มันสร้างความรู้สึกเสียวสยิวแปลกๆถึงแม้จะขัดเขินไปบ้าง ส่วนผมก็ใช้ปากอย่างช่ำชองผมรับรู้ได้จากคนด้านบนที่ส่ายสะโพกบิดไปมา

                                  "อืมมม..อืมมม"มีเสียงครางเล็ดรอดออกมาจากปากคนที่กำลังทำให้ผมอยู่แสดงว่าลีลาใช้ลิ้นผมถึงใจเข้าอยู่เหมือนกันบางครั้งก็กระตุ๊กโต้ตอบกลับ ทำไมผมไม่นอนตะแคงก็เพราะว่าผมตั้งใจจะ ลองล้างตู้เย็นให้คริสโตเฟอร์ดู ผมทำไปได้สักพักจนอีกคนก็ไม่เคอะเขินแล้ว ผมก็จัดการจับแก้มก้นขาวเนียนนั้นของคริสโตเฟอร์และจัดการล้างตู้เย็นให้ทันที(รู้จักใช่ไหมครับล้างตู้เย็นเป็นยังไง) ได้ผลคริสแอ่นหลังขึ้นมาทันทีมือก็ดันลำตัวผมทำท่าจะยกก้นหนีผม

                                   "โอ้วว...ซี้ด ....โอ้วววว .. พิ...พี่..เขม" คงเสียวมากละซิถึงได้ขมิบก้นขนาดนั้น ผมยิ่งได้ใจยิ่งเล่นหนักขึ้น นี้แค่ลิ้นนะที่ฉกอยู่นี้นะ

                                   "โอ้ยย...พี่เขม..เสียว..พอ..พอก่อน"คริสร้องและพยายามจะดิ้นหนีผมแต่ผมก็ยึดเขาไว้ว่าจะดิ้นไปไหนละ

                                   “พี่เขมทำอะไรคริสอะ..อู้ยย..ไม่ไหวแล้ว”

                                   “เขาเรียก ล้างตู้เย็น”

                                   “ห๊ะ!..อู้ย..อืมม” ยังจะดิ้นอีก
                                  "อยู่เฉยๆซิ...อดทนหน่อย...มันสุดยอด.." ผมพูดและดึงคนข้างบนให้เข้ามาหาผมอีกและจัดการล้างให้ต่อ คนที่ค่อมผมอยู่ อยู่ไม่เป็นสุข

                                   "อู้ยย...ซี้ด....อาห์....เขม..อาห์....อืมมม" ผมต้องหยุดก่อนที่เขาจะไม่ทนไม่ไหว คริสหันมามองหน้าผมสีหน้าบอกได้เสียวซ่านแค่ไหน คริสหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับผมและขึ้นมาค่อม เขาโน้มตัวลงมาจูบปากผมแบบเร้าร้อนเหมือนที่ผมปูทางทำให้เขาดู มือผมก็จับตรงจุดนั้นโดยอัตโนมัติมันแข็งและสู้มือผมได้ดีมาก คริสทั้งจูบและไซ้ไล่ลงมาที่ซอกคอของผมไล่ลงมาเลื่อยๆจนถึงแผ่นอกและลงลิ้นลากมันลงไปถึงสะดือ นี้แค่ลิ้นผมยังบิดไปบิดมาได้ขนาดนี้คริสเลื่อนตัวขึ้นมาเล่นลิ้นกับสองจุดสีชมพูระเรื่อนั้นอีกครั้งผมก็แอ่นอกขึ้นรับการหยอกเย้าจากคริส เขาลากลิ้นลงไปจุดต่ำสุดอีกและคราวนี้เขาทั้งขบทั้งเม้มตรงเนื้ออ่อนๆ ที่หัวหน่าว

                                  "โอ้ววว...ซี้ดดดดดดดดด" เสียงครางลากยาวดังออกมาจากปากผมและบิดตัวพร้อมกับพยายามสูดลมหายใจเข้าทางปากเพื่อลดอาการกระสั่นทุกครั้งที่คริสขบลงตรงเนินเนื้ออ่อนนั้น มือของคริสที่กำลังจับกุมของผมและขยับมันไปมาเบาๆก่อนจะคอบปากลงเขากลืนและคลาย กลืนและคลายอยู่แบบนั้น มือผมก็จิกผ้าปูที่นอนไปด้วย ยอมรับว่าคริสลีลาดีใช่เล่น สงสัยผู้หญิงจะทำให้บ่อย

                                   "ขอผมก่อนนะที่รัก"คริสเงยหน้ามามองผม ผมพยักหน้าว่าให้ก่อนเดี๋ยวเจอของเขมแล้วคริสอาจจะเปลี่ยนใจไม่อยากรุกก็ได้มั้งแอบคิดเข้าข้างตัวเอง คริสลุกไปหยิบถุงยางที่ผมวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง

                       "ใช้เจลด้วยคริส" ผมหันไปบอกคริส เขาหยิบหลอดสีฟ้าและชูมันขึ้นผมพยักหน้าว่าใช่ เขาเทมันลงตรงส่วนนั้นก่อนจะโยนมาให้ผม และคริสโตเฟอร์ก็เดินมาเข้าทางระหว่างขาของผม

                       "ต้องเบิกทางก่อนมั้ย" คริสโตเฟอร์ถาผม ผมกระดกหัวมอง

                       "เบิกหน่อนก็ดีนะ..รู้ไหมว่านี้ก็ครั้งแรกของพี่นะคริส"

                       "ผมรู้ครับที่รักผมจะถนอมนะ..ถ้ายั้งได้" พอบอกว่าถนอมก็อุ่นแต่พอบอกถ้ายังได้ต้องรีบกระดกหัวขึ้นมองคริสแยกขาผมออก มือก็ยืนมาหยอกเล่นกับสองจุดบนแผ่นอกของผมแทน ผมรู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังสอดเข้าไปช่องทางรักของผม

                       "อู้ยยย" ผมสองร้องครางออกมาเพราะว่ามันคับแน่นแปลๆ

                       "อู้ยยยยย!"ร้องดังขึ้นเพราะว่ามันเริ่มคับแน่นขึ้นไปอีกแสดงว่าเพิ่มจำนวนนิ้ว คริสหยุดใช้นิ้วมือและก้มหน้ากับกับท้องน้อยของผมและเม้มปากขบมันเล่นผมมือก็จับของสำคัญผมไปด้วยคริสจับสะโพกผมยกขึ้น ผมรู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังทักทายอยู่ตรงประตูนั้นและมันก็ค่อยๆดันเข้าไป มือผมก็จิกที่ผ้าปูที่นอนไว้มันเริ่มแน่น เริ่มปวดหนึบๆ

                  "โอ๊ะ...โอย...โอ้ย"ผมร้องเพราะว่าเริ่มเจ็บและจุกไปพร้อมๆกัน ผมกระดกหัวมองสีหน้าคนที่กำลังจะพรากสิ่งทีผมรักและหวงแหน แม้แต่ณัฐกานต์ผมยังไม่เคยให้เขาแบบนี้เลยดูสีหน้าเหยเกของเขา ซึ่งไม่ต่างอะไรกับผมตอนนี้เช่นกัน

                  "โอ้ยยยย...โอ้ยยย...โอ้ยยย" ผมยังคงร้องอย่างต่อเนื่องและคริสก็ผลักดันสิ่งนั้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน สีหน้าคริสบอกได้ทางรักของผมค้อนข้างลำบากนิดนึง มันคงดันเข้าไปยากหน่อยแต่เขาก็พยายาม จนคริสโตเฟอร์ต้องหยุดพักก่อน

                  "ฮู่ๆๆ" เสียงสูดลมหายใจเข้าปอดทางปากของคริส เข้าโน้มตัวลงมาหาผม ผมก็ดึงรั้งให้เขาโน้มลงมาเพื่อจะจูบลดความเจ็บปวดให้กลายเป็นความรู้สึกอื่นเข้ามาแทน

                  "ที่รักครึ้งทางแล้ว..อีกครึ้งเดียว..เราจะสนุกกันแล้ว"คริสบอกผม ผมก็พยักหน้าในเมื่อผมตัดสินใจทำแบบนี้แล้วนิ

                  "อืมม..พล้วด!!!!"

                  "โอ้ยย!!!!!!!"ผมร้องลั่นและคริสก็โน้มตัวลงมาหาผมเขาค้างไว้แบบนั้นก่อน เขากอดผมไว้จนผมรู้สึกว่าความเจ็บค่อยๆเริ่มจะหายทีละนิดและเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่ คริสก้มลงใช้ลิ้นตวัดเล่นกับสองจุดที่แผ่นอกของผม  เขาทำสลับกันไปมาอยู่แบบนั้น สีหน้าผมก็เหยเกด้วยความรู้สึกมีความสุข คริสก็เริ่มขยับเบาๆ และแรงขึ้นเขารับรู้ได้จากมือผมที่บีบบันท้ายเขาไว้และแรงขึ้นเรื่อยๆ

                  "อะ..อืมม..อ่าห์..ซี้ดดด...โอ้วววว....อืมมม"เสียงครางของผมสองแข่งกับเสียงเตียงนอนที่ดังอ๊อดแอดๆ ไปด้วยยังพอจะช่วยกลบเกลื่อนได้บ้าง คริสเคลื่อนตัวขึ้นมาพยักหน้าให้ผมนอนตะแคง ผมนะรู้งานอยู่เพราะเคยทำ คริสทิ้งตัวลงนอนตะแคงด้านหลังของผมและก็สอดสิ่งนั้นเข้ามาที่ด้านหลังผมอีกครั้งเขาใช้แขนสอดเข้ามาโอบกอดผมไว้ด้วยแขนเดียวและอีกข้างก็ยกโคนขาผมลอยขึ้นเล็กน้อย และก็เริ่มออกแรงโยกส่วนล่าง ร่างของผมนี้โยกไปตามแรงเหวียงของคริส แรงเยอะดีจริงเอวก็ดีอีกต่างหาก

                            "ผมชอบท่านี้..ซี้ดส์...ดูมาจากหนัง...อู้ย ..เพื่อนกรูรักมึงวะ...มันโคตรฟินเลยอะพี่เขม...อาห์ " ผมพยักหน้าตอบว่าจริง ดูมาเหมือนกันลองแล้วเหมือนกันแต่ไม่เคยคิดว่าจะมีคนมาลองท่านี้กับประตูหลังผม ไม่เคยคิดเลยจริงๆ

                            "ปักๆๆ"เสียงเนื้ออ่อนกระทบเนื้ออ่อน ร่างผมก็ขยับขึ้นลงขึ้นลงตามจังหวะของคนด้านหลังผมหันหน้าไปจูบคริส กันมันรู้สึกดีบอกไม่ถูกและมือคริสก็จัดการกับของผมไปด้วย

                            "พี่เขม..คริสรักพี่เขมนะ..ขอบคุณที่นะ..คริสจะไม่ทำให้พี่เขมผิดหวัง...อืมมม...อ่าห์" แรงกระแทกที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องมือผมก็ต้องหาที่ยืดก็คือหัวเตียงใช้มือดันไว้ไม่ให้ไถลออก เสียงเตียงไม้ที่ดังแข่งกับแรงกระแทกของคนที่คุมเกมส์อยู่ทางด้านหลังผมคริสดึงรังใบหน้าผมให้หันไปให้เขาจูบ ลิ้นก็วนเลียที่ใบหูผมแยงเข้าไปในรูหู บอกได้ว่า..เสียวครับ

                            "อ่าห์...ที่รัก ...It's cuming now...It's cuming..right now..อ่าห์" คริสร้องบอกผมว่าจะมาแล้วผมก็ยิ่งจิกผ้าปูแถบจะดึงให้หลุดติดมือขึ้นมาเลย และของผมก็กำลังมาเช่นกันจนกระทั้งเสียงกระแทกเงียบหายพร้อมกับเตียงที่หยุดนิ่ง

                            "ฟู่" เสียงคริสพ่นลมหายใจออกจากปาก

                            "Cuming already darling" คริสโตเฟอร์พูด ผมรู้สึกอุ่นๆที่หน้าท้องตัวเองของผมเองที่กระฉอกออกมาจากมือคริสจนเลอะเทอะไปหมดคริสโตเฟอร์มองผมสายตาเขามีความสุขกว่าทุกครั้ง ผมหันไปจูบคริส คริสค่อยๆถอนส่วนนั้นออกและนอนแผอยู่ข้างๆผม ผมดันตัวเองขึ้นนั่งมองคนข้างๆ

                            "สุดยอด!" คริสโตเฟอร์หันมามองผมปากยังคงสูดนำอากาศเข้าปอด ผมเองก็หอบไปด้วยเช่นกัน


                            "จะมีสุดยอดกว่านั้นอีก ..ตาพี่แล้วคริส" ผมพูด คริสโตเฟอร์กระดกหัวขึ้นมามองผมแต่ช้าไปซะแล้ว ผมขึ้นไปค่อมร่างคริสโตเฟอร์ไว้ ผมขึ้นมาทาบทับ จูบปากคริสอย่างเร้าร้อนมือก็ลูบไปทั่วเรือนร่างทีกำยำกล้ามเนื้อไม่เยอะแต่ก็แน่น ผมใช้ลิ้นหยอกเล่นกับสองจุดที่แผ่นอกลากลิ้นวนไปวนมา คริสก็สนองตอบผมด้วยการแอ่นอกขึ้นรับลิ้นนุ่มของผม

                            "อ่าห์...ซี้ด...อ่าห์.."คริสส่งเสียงครางตอบกลับนั้นแปลว่าเขานั้นพึงพอใจกับสิ่งที่ผมปรนเปรอให้ ผมก็ลากลิ้นไล่ลงไปที่หน้าท้องของคริส กล้ามท้องแน่นมากแม้จะยังไม่ถึงกับซีกแพ็คแต่ต่อไปผมว่าไม่แน่   เขาเกร็งหน้าท้องตัวเองทุกครั้งที่ปลายลิ้นผมแตะลงและก็เม้มพร้อมกับขบมันเล่นเบาๆ คนที่นอนเบื่องล่างถึงกับดิ้นส่ายไปมามีขืนตัวขึ้นมาเล็กน้อย เสียงการเต้นจังหวะหัวใจที่ดังแสดงว่าเลือกกำลังสูบฉีด ผมลากลิ้นต่อจากสะดือลงไปอีกถึงหัวหน่าว
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอน20.1ครูเขมXคริส พี่ก้องช่วยให้ผมได้คำตอบ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 12-08-2020 06:38:16
 :m10: :m4:ครูกดหือจะโดนกดนะ รอ รอ  :katai4:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนEP.11.3 เขมชาติXคริสโตเฟอร์ รุกเจอรุก NC18+(ครึ้งหล)
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 12-08-2020 11:24:38
EP.11.3 เขมชาติXคริสโตเฟอร์ รุกเจอรุก NC 18+(ครึ้งหลัง)

                  ผมชำเรืองตาขึ้นไปมองคริส ตอนนี้หน้าตาเขาตาเหยเกเพราะเจอลิ้นที่ช่ำชองของผมเข้าไป มือนี้จิกลงผ้าปูที่นอนไว้แน่น และมือของผมจับสิ่งนั้นขึ้นมามันพองเต็มกำมืออีกครั้งไวจริงๆ และผมทำท่าจะครอบปากลงไป

                  "พี่เขม..พี่เขม..มัน..เลอะเทอะอยู่"  ทำท่าจะร้องห้ามปรามผม

                  "ไม่เป็นไร..เดี๋ยวจัดการให้" ผมพูดบอกคนที่นอนดิ้นพล้านไปมาอยู่บนเตียง

                  "อ่าห์..เขม..อ่าห์..อืมม..ซี้ดดดดดด" เสียงร้องครางดังออกมาจากคนที่ที่นอนบิดไปมา ผมชำเรืองตามองคริสเขาเกร็งหน้าท้องตัวเองไว้ตลอดเวลา พอผมใช้ปากกับตรงนั้นแรงมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเกร็งตามและเด้งตรงนั้นขึ้นตามจนผมต้องเอามือกดมันไว้เพื่อเตือนคริสว่าอย่าเด้งขึ้นมา เพราะเดี๋ยวได้ทะลุคอผมยิ่งยาวๆอยู่ด้วย พอเห็นว่าผมทรมารคนที่นอนดิ้นพล้านไปมาจนได้ ที่ผมก็ลุกขึ้นจากเตียงเดินไปหยิบถุงมาสวมใส่และหยิบเจลมาทาลง คริสโตเฟอร์มองหน้าผมคงแอบกลัวอยู่ในใจละซิ

                  "ไม่ต้องกลัว...เจ็บนิดเดียว..หมอฟันบอกมา" ผมพูดก้มลงไปกระซิบและขึ้นไปนอนตะแคงผมจุูบปากคริส


                  "คริสขึ้นนะ..จะได้ควบคุมมันเองได้ถ้าเจ็บก็หยุดก่อนถ้าดีขึ้นค่อยดันลงมา" ผมก้มลงบอกคริส เขาก็พยักหน้าและพลิกมาค่อมกะให้ตรงกับสิ่งที่เรียกว่าความเป็นชายของผม ดูสีหน้ายังกังวลอยู่มิใช่น้อย ผมมองหน้าเขา คริสก็พยักหน้าว่าโอเคก่อนที่เขาจะกดตรงนั้นลงผมชั้นมือดันยั้งไว้ก่อนว่าอย่าเพิ่ง ผมก็เอาเจลทาที่นิ้วผมไว้เพื่อจะทำการเบิกทางให้ก่อน

                  "โอ้ยยย...เขม..ซู้ด..แค่นิ้วนะยังเจ็บแน่นเลยอะ" คริสบอกผมก่อนจะยกก้นตัวเองลอยขึ้นแต่ผมจับสะโพกเข้าไหว้พยายามกดลงไม่ให้หนี

                  "ถอดใจเหรอ" ผมเลิกคิ้วมองผมรู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ คริสส่ายหัว ผมเบิกทางไปได้สักพักดูสีหน้าเหยเกของคริส ผมคิดว่าเขาพร้อมแล้วแหละและคริสก็ค่อยหย่อนลงมาพยายามครอบส่วนของผมเข้าไปในกายของเขาช้าๆ

                  "อืมมม" คริสถึงกับต้องกัดปากตัวเองไปด้วย

                  "เยี่ยม..อืมม.." ผมร้องครางมันแน่นมาก แน่นมากจริงๆ เขาเรียกว่าเปิดซิงซินะเปิดเด็กมัธยมซะด้วยแต่มัธยมที่แก่แดดไปหน่อยรู้เยอะจริงๆเรื่องอย่างว่านี้  ตอนนี้สีหน้าคริสก็เหยเกไปด้วยไม่รู้ว่าเจ็บหรือว่ายังไงผมสัมผัสส่วนของเขามันแข็งสู้อยู่นะ คริสค่อยๆลงไปเรื่อยๆ เรือยๆ จน

                  "พล้วด" เขาตัดสินใจทิ้งตัวลงมาลวดเดียวเลย

                  "โอ้ยยย" ร้องออกมาลั่นเหมือนกัน มือผมกับคริสกุมประสานกันไว้อยู่

                  "สูดหายใจลึกๆ มันจะดีขึ้นคริส"ผมบอกคริสเขาก็ทำตามที่ผมบอก

                  "เยี่ยมมาก. เยี่ยม...อย่างนั้นแหละ..อืมมม".ผมค่อยขยับช่วยคริสค่อยขยับตามผม ผมใช้แขนยันตัวเองขึ้นคริสก็โน้มตัวลงมาหาผมเพื่อกอดจูบผมก็เด้งสู้คริสก็ขยมตอบ ผมเพริ่งจะรู้นะว่ารุกกับรุกเจอกันนี้มันสนองกันได้ถึงใจจริงๆ

                  "โอ้ววว..โอ้ววว...พี่เขม...โอ้ยยย...อืมม..."เสียงคราวของคริส ผมก็ค่อยพลิกแบบระมัดระวังไม่ให้หลุดจากกันผมผมจับคริสนอนหงายและผมเองก็ลงมายืนที่ขอบเตียงอันนี้ก็ชำนาญอีกเช่นกันและผมก็ซอยหยิบเลยเลยไม่ต้องนับกันเลย

                  "เขม..เบาหน่อย..ซู้ด..อ่าห์...อ่าห์"มันกระแทกเข้าไปแบบลึกและออกเกือบสุดและเข้าไปสุดเช่นกัน

                  "อ่าห์..พี่เขม.." ผมโน้มตัวลงไปเม้มสองจุดสีชมพูอ่อนนั้น และเลื่อนไปจูบปากคริส

                  "ไม่ชอบเหรอ..ฮืมมม"

                  "ชะ.ชอบ..โอ้ว..พี่เขม..คริสไม่ไหวแล้ว.."

                  "จะรีบไปไหนละ..เพี๊ยะ!" ผมพูดและใช้ฝ่ามือตีลงที่ก้นขาวๆนั้น เสียงดังแต่คนที่นอนไม่ร้องสักแอ๊ะ ผมก็ถอดแกนออกและจับคริสหมุน คริสมองผมคงรู้ว่าผมจะใช้ท่าไหนเขาก็ทำตามโน้มตัวลงไปและโก้งก้นโด่งเล็กน้อย ผมก็ขึ้นไปเลยและ

                  "อ๊าก!!...ซ๊้ด" พล้วดเดียวเข้าไปเลย

                  "เข้าไม่บอกกันเลย..อ่าห์..พี่เขมอะ..."

         ปั๊กๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!! เนื้อกระทบเนื้อดังรัวแข่งกับเตียงที่ดังเหมือนจะหักซะให้ได้

                       "พี่เขม..คริสไม่ไหวแล้วอั้นไม่อยู่แล้ว" คริสพูดมือผมก็ปฏิบัติให้อยู่ไม่ขาดตกบกพร่อง ยิ่งผมโยกเร็วเท่าไหร่มือผมก็ทำกับของเขาเร็วเท่านั้นผมเองก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

                       "จะมาแล้วเหมือนกันคริส...โอ้ววว...อืมมม...คริส....อืมมมม..อะ..อะ."

                       "อ่าห์....."เสียงร้องเฮือกสุดท้ายของผมสองคน ผมก็เรียบร้อบไปแล้วเช่นกัน คริสทิ้งตัวลงไปนอนราบกับที่นอน ผมก็ทิ้งตัวนอนทาบทับเขาอีกที

                     แฮ้ก!!!! เสียงหอบเหนือบของทั้งคู่และคนที่นอนเบื่องล่าง ผมค่อยๆถอดของรักผมออกจากตัวคริสโตเฟอร์ ผมก้มลงพลิกร่างนั้นให้หันมานอนหงายและก้มลงจูบขอบคุณอย่างดูดดื่มอีกครั้ง

                       "ผมเชื่อแล้วว่าทำไมเขาไม่อยากเลิกกับเขม" คริสพูดทั้งที่ยังหอบเหนื่อยอยู่เลย

                       "ทำไมละ" ผมถามคริสผมใช้ข้อศอกตั้งยันไว้นอนตะแคงอยู่ข้างๆคริสโตเฟอร์

                       "เอวพี่เขมโคตรดีเลยอะ" คริสโตเฟอร์พูดชมผม ผมว่าแล้วสงสัยจะเปลี่ยนใจเลิกรุกก็วันนี้แหละ ผมหยักไหล่มันแน่อยู่แล้ว

                       “เล่นแบบนี้พรุ่งนี้จะซ้อมบาสไหวไหมเนี๊ยะพี่เขม ..อู้ยยย” นายคริสพูดผมก็มองหน้า

                       “ก็บอกแล้วว่ามันเจ็บนะ ไหนบอกรับไหวไง “ ผมถามคริสโตเฟอร์

                       “เมื่อกี้มันมันแต่ตอนนี้เจ็บนิดๆแล้วอ่ะ” คริสโตเฟอร์พูด ทำให้ผมแอบขำในลำคอ

                       "หึๆ..ไปล้างตัวและพี่จะได้ทายาให้"

                       "ขอบคุณนะครับ..ที่รัก" คริสโตเฟอร์พูดผมพากันเข้าห้องน้ำไปล้าง มีเลือกไหลกันคนละนิดละหน่อยไม่มาก ผมนะโตแล้วรู้จักอดทนเจ็บแค่นี้ทนได้แต่คริสโตเฟอร์นี้ทำหน้าตาเหยเกทันทีที่ผมใส่ยาให้

                       "อู้ยย..เจ็บ..พี่เขม..เบาๆหน่อย"

                       "นิดหน่อยนะ..แค่วันแรกเองนะหรือว่าจะไม่ถอดใจเลิกซะตอนนี้ละ" ผมถามคนที่นอนคว่ำให้ผมใส่ยาให้อยู่

                       "ไม่มีทาง...แต่ต้องตกลงกันนะวันคี่ผมรุกวันคู่เขมรุก โอเคปะ..ถ้ารุกพร้อมกันแบบนี้นะตายแน่ๆ" คริสโฟอร์พูดผมก็ดึงกางเกงบ๊อคเซอขึ้นให้ก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งข้างๆ คริสดูท่าจะอยากเพลียแล้วแหละ

                       “อืมก็ดีนะ..วันคู่พี่และวันคี่เรา ..ห้ามหาเรื่องชิ้งไปไหนละ” ผมพูดคริสโตเฟอร์หันไปมาหยักคิ้วให้ผม

                       “พรุ่งนี้วันคี่นะ” คริสโตเฟอร์บอกผม

                       “ห๊ะ!” ผมสะบัดหน้ามองคนที่นอนค่ำอยู่ และหันไปดูปฏิทิน วันคี่จริงๆด้วย

                       “ทำไมไม่บอกก่อนละทำขอตกลงแบบนี้ และพรุ่งนี้ก็วันคี่อีก ไม่อย่างนั้นพี่จะได้ให้ทำกับพี่พรุ่งนี้ทีเดียว” ผมหันไปถามพ่อตัวดี อย่างนี้ก็โดนสองรอบอะดิ

                       “บอกก็ไม่ได้อะดิ..ไม่รู้แหละพรุ่งนี้เวรผมนะ...เป็นผู้ใหญ่อะอย่าผิดคำพูดนะ” คริสโตเฟอร์พูดมันน่าเค้กหัวไหมเนี๊ยะ แต่ถึงจะวันคู่ผมคงไม่ลงหรอกดูท่าจะระบบเยอะอยู่เหมือนกัน


                       "นอนก่อนก็ได้นะ..เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้มข้าวต้มไว้ให้กินตอนเช้า เราทานอาหารที่นี้แล้วกัน" ผมก้มลงไปมองหน้าคริสโตเฟอร์ใกล้ๆ เขาพยักหน้าแบบสลึมสลือให้ผม ผมหันไปเก็บหลอดยาก่อนจะเดินกลับมาที่เตียงนอน

                       "ฟ้อด!!! " เสียงผมหอมแก้มคริสแต่เขาคงจะหลับแล้วแหละ ผมหันไปหยิบโน๊คบุ๊คขึ้นมาผมเปิดอิเมลและผมกดเลื่อนหาอิเมลณัฐกานต์ ผมเลือก “Forward “ ส่งรูปที่พี่ก้องส่งมาให้ผมส่งต่อไปให้ณัฐกานต์ คราวนี้คงบอกได้แล้วซิว่าสถานะของเราสองคนมันควรยุติได้แล้วผมก็ขอบคุณนะที่เขาก็ดูแลอยู่กับผมมีความสุขกันในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ผมคงรับไมได้ที่เขาจะใช้ร่างกายเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการแบบนี้มิน่าละเขาได้ เกรดการเรียนที่ดีบางวิชาและมันก็ดีจนน่าสงสัยในหมู่เพื่อนของเขาเช่นกัน และ หน้าที่การงานดีดี แต่ด้วยนิสัยของเขาจึงมักจะมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานเสมอ และแม้ระทั้งพี่ชายที่ผมรักเขายังพยายามจะให้พี่ผมหักหลังผมแต่บ้านผมนะรักกันมากแค่ไหนเขาก็น่าจะรู้ดี แม่เคยบอกว่าตอนที่คลอดลูกออกมาแม่เก็บสะดื้อลูกไว้ทุกคนจนถึงรุ่นผมและแม่ก็ต้มให้ลูกกินพร้อมกัน ผมเชื่อแล้วแหละว่ามันทำให้ลูกๆรักกันมันจริง อันนี้ก็เป็นความเชื่อส่วนตัวอย่างหนึ่งที่ใครหลายคนอาจจะคิดว่ามันงมงาย

                     พอส่งเสร็จผมก็ทิ้งตัวลงนอนข้างๆคริสเขาหลับสนิทแล้ว ผมดึงรั้งร่างนั้นเข้าเพื่อจะสวมกอด คริสโตเฟอร์ลืมตามองผม เขาก็ขยับตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ผมสอดแขนเข้าไปกอดเข้าได้ง่ายขึ้น

                  “พี่เขมสัญญานะว่ามีอะไรเราจะคุยกัน เพราะถ้ามันคือปัญหาเราจะช่วยกันแก้และผ่านมันไปด้วยกัน และผมก็ไม่อยากให้พี่ทิ้งผมไป อยู่กับผมนะพี่เขม ผมรักพี่เขมอ่ะ ” นายคริสโตเฟอร์พูดกับผม ผมพยักหน้าให้คนที่เอาหัวมาซุกอยู่ที่แผ่นอกของผม เขาดูเหมือนเด็กน้อยของผมไปซะแล้วนายคริสโตเฟอร์ และมันทำให้ผมรู้ว่าเด็กเกรียนอย่างนายคริสก็มีมุมที่ดูอ่อนไหวเหมือนกัน
                       “พี่สัญญาคริส..ไม่ว่าปัญหาอะไรจะตามมาพี่จะอยู่ตรงนี้ เราจะข้ามมันไปด้วยกัน..ฟ๊อด!”

                       นับตั้งแต่พรุ่งนี้ไปจะเป็นวันใหม่ของเขมชาติ ที่จะมีรักอีกครั้ง ถึงแม่ว่าจะเร็วไปซักหน่อยนะ เลิกกันกับแฟนเก่าไม่ถึง72 ชั่วโมงเลย แต่ทำไมผมรู้สึกรักและผูกผันกับเขามาก จนผมลืมณัฐกานต์ไปหมดสิ้น นี่คงเป็นเพราะว่าผมอยู่กับเขาแล้วผมเป็นตัวของตัวเองที่สุด
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอน20.2 ครูเขมXคริส รุกเจอรุก NC 18+
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 12-08-2020 12:07:13
โหดมากคับ
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริส ) EP.12 นี้คือบททดสอบของผมและเขา 1
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 12-08-2020 18:43:47
            (ครูเขมXคริส ) EP.12 นี้คือบททดสอบของผมและเขา 1              
               
                                       
                                       
                 Part เขมชาติ นี่เป็นสัปดาห์ที่สองของการทำหน้าที่ครูและสัปดาห์แรกที่ผมไม่มีณัฐกานต์ ผมส่ง  อิเมลรูปถ่ายที่พี่ก้องส่งมาให้ผมให้กับณัฐกานต์ เขาตกใจมากผมคิดว่านะว่าผมมีรูปพวกนี้ได้ยังไงผมบอกว่าผมจะเข้าไปเอาสมุดฝากบัญชีเงินฝากที่ฝากด้วยกันวันอาทิตย์และจะพาคริสโตเฟอร์ไปหาแม่ผมด้วย ส่วนณัฐกานต์เขาก็พยายามโทรหาผมอยากคุยกับผมแต่ผมส่งข้อความตอบไปว่าไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้วทุกอย่างมันควรจบแล้ว ผมบอกไปตรงๆ         
                       
                       ว่าผมเจอคนรักใหม่แล้ว เขาก็ยังคิดว่าเป็นครูลินดาอยู่ดีผมก็ให้เขาคิดไปแบบนั้นแหละ ผมบอกกับณัฐกานต์ว่ารูปที่ผมส่งไปให้นะ มันก็น่าจะเพียงพอแล้วกับเหตุผลที่ผมกับเขาควรจะยุติความสัมพันธ์กันคงไว้แค่เพื่อน
                     
                        แต่ในความโชคร้ายของผมก็มีความความโชคดีเข้ามาด้วย ที่ผมได้มาเจอคริสโตเฟอร์เข้ามาอยู่ข้างๆผมตลอด ตั้งแต่ผมมีเขาผมก็เหมือนได้เพื่อนเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ได้น้องชายมาดูแลหนึ่งคน ได้ลูกศิษย์ที่แต่ก่อนดื้อกลับมาเป็นเด็กตั้งใจเรียน และอันหลังนี้มีค่ามาที่สุด ผมได้คนรัก คนรักจริงๆของผม
 
                 แต่เสียที่ว่าผมยังไม่สามารถเปิดเผยเรื่องของผมกับคริสได้ เพราะดันมีเรื่องครูมิ้งกับแชมป์ ก็ที่เขาหายไปก่อนหน้าที่ผมจะมาทำหน้าที่ครูแถมมันยังคาราคาซังอยู่ไง แม้ว่าจะไม่มีหลักฐาน แต่ก็เป็นที่น่าสงสัยและจับตามองของบรรดาครูและนักเรียนทุกคน จนใครๆก็ต่างพากันฟันธงเลยว่าไปด้วยกัน แต่ทำไมไม่บอกว่าจูงมือกันไปเลยละ ขนาดไม่เห็นนะ

                  และดังนั้นผมต้องติดต่อใครสักคนให้ได้ว่าเขาทั้งคู่ทำแบบนั้นจริงหรือไม่ และถ้าทำจริงผมอยากให้เขากลับมาทำสิ่งที่ถูกที่ควรไม่ใช่พากันหนีไปโดยทิ้งความเป็นห่วงเป็นใยไว้ให้คนข้างหลังแบบนี้
     
                       "ฟ้อด!!!" ผมมัวแต่ยืนคิดอะไรเพลินๆ ก็มีคนเข้ามากอดผมจากทางด้านหลังและโน้มตัวผมเข้าเข้าไปหาเพื่อหอมแก้มผมอีกด้วย ผมหันไปมองคริสโตเฟอร์ยังคงสวมเสื้อยืดบางๆที่เขาใส่นอน ส่วนผมก็สวมเสื้อเชิ้ตพอดีตัวและกางเกงสแลคเข้ารูปผมมีเวรยืนหน้าประตูตอนเช้านี้ เลยต้องตื่นมาเตรียมตัวก่อนและไหนจะต้องทำอาหารเช้าให้พ่อตัวดีผมอีก ตอนนี้ผมเป็นครูอัตราจ้างอาทิตย์หน้าผมจะต้องสวมใส่เครื่องแบบสีกากีแต่ไม่ได้ติดเครื่องหมายเหมือนครูบรรจุเท่านั้น

                         ผมกำลังถือแซนวิชแฮมชีสที่ผมทำเองด้วย เพิ่งจะไปถอยเครื่องทำแซนวิชมาไว้ที่บ้านพักคือเราจะทานอาหารเช้ากันที่บ้านพักเลยและเราจะผลัดกันคนละวันลุกมาทำให้ผมคนเดียวคงไม่ไหวละแต่จะให้คริสคนเดียวผมก็ว่าไม่แฟร์ ผมสองคนเลยตกลงกันว่าผลัดกันเหมือนเวลาแบ่งวันทำกิจกรรมบนเตียง วันคี่ ผมให้คริส อันนี้ผมเป็นคนเลือกเองก่อนเลยนั่งน้ำตาไหลซิ มีเยอะกว่าส่วนวันคู่อีก วันคู่เป็นหน้าที่ผมเอง

                       "งับ" นั้นไงอีกคนอ้าปากงับแซนวิชที่ปากผมไปเกือบไปครึ้ง ทำเพื่อ ? ก็ทำวางไว้ให้ตั้งหลายชิ้นมาแย้งที่ปากผมนี้นะ

                       "แย่งกันกินมันอร่อยกว่า" คริสโตเฟอร์พูดหยักคิ้วก่อนจะหยิบในจานที่ผมวางไว้ขึ้นมานั่งทานทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

                       "วันนี้พี่เลิกกี่โมงอะ" ผมหันไปมองเราคุยกันแล้วอยู่บ้านเรียกพี่ อยู่ในโรงเรียนเรียกครู และตอนอยู่บนเตียงเรียกที่รัก

                       "วันนี้พี่มีสอนเยอะเลย เช้าสามคาบ บ่ายสองคาบ และติวอีกหนึ่งคาบ" ผมพูดและเหล่สายตามองไปทางคริสโตเฟอร์

                       "กลับมาคงสลบ" ผมพูดให้คนข้างๆเห็นใจก็คืนนี้มันเป็นวันคี่นี้ และคนข้างๆผมก็หันมาทั้งที่ปากยังคาบแซนวิช อย่าทำท่าจะร้องไห้ได้มั้ย

                       "วันนี้วันคี่นะที่รัก" เอามือถึงแซนวิชที่ปากออกทันที

                       "ก็รุู้ว่าวันคี่แต่ทำยังไงได้ละ...เฮ้อ!.... พี่ก็สอนเหนื่อยทั้งวันเลยนะวันนี้นะ" ผมหันไปแกล้งคนข้างๆ หันมาทำหน้าเข้าซิ อยากจะขำก๊าก! แต่ต้องแกล้งขรึมไม่ให้เห็นว่าผมแกล้งเขา

                       "ไหนบอกผมว่าห้ามชิ้งห้ามหนีไงทำไมตัวเองทำเองอะ!...ทีเมื่อวานผมซ้อมบาสเหนื่อยมากกกกก"ลากเสียงยาว

                       "ผมยังยอมให้พี่เลยนะ" คนข้างๆพูดและนั่งทำหน้ามุ่ยทันทันที เมื่อคืนผมเป็นฝ่ายรุกก็วันคู่จะให้พลาดทำไมยิ่งมีน้อยๆอยู่ ผลก็คือโดนล้างตู้เย็นไปตามระเบียบ

                       "วันนี้มีซ้อมบาสหรือเปล่าและจะสั่งอาหารมาทานที่บ้านไหมละ เราจะได้ไม่ต้องทำและของในตู้เย็นก็ไม่มีอะไรแล้วด้วย” ยืนเอามือเท้าค้างพูดกับหนุ่มน้อยของผม และดูท่าจะหิวทานใหญ่เลย

                       “นี้ก็วันพฤหัสบแล้วด้วย จะออกไปตลาดซื้อของพี่ก็กลัวว่าของจะเน่าเสียในตู้เย็น”

                       “เพราะว่าวันเสาร์เราจะไปบ้านพี่กันไม่ใช่เหรอ" ผมหันไปถามคริสโตเฟอร์ พอบอกไปบ้านผมยิ้มดีใจทันที

                       "คริสซ้อมบาสนะแต่จะออกไปซื้อพวกไข่ไก่ แฮม และขนมปังก่อนก็ได้...พี่เขมจะได้มีอะไรไว้ทานตอนเช้าไง" คริสโตเฟอร์บอกผม ผมหันไปหยิบกระเป๋าสตางค์พร้อมส่งธนบัตรให้คริสโตเฟอร์

                       "ไม่เอาอะคริสออกบ้าง นะเราเป็น...แฟนกันก็จริงแต่คริสจะให้พี่ออกคนเดียวตลอดไม่แฟร์อะ " นายคริสโตเฟอร์พูด เขาพยายามจะแสดงว่าเขาดูแลผมได้ตลอด ผมก็เลยต้องยอม

                       "ก็ได้แต่ไม่ต้องซื้อมาเยอะนะ ไว้วันอาทิตย์ค่อยไปโลตัสกันตอนขากลับและพี่ว่าซื้อไมโครเวฟมาไว้ใช้ด้วย " ผมพูดกับนายคริสโตเฟอร์ เขาก็พยักหน้า

                       "แย่แล้ว!!......พี่มีเวรยืนหน้าประตูวันนี้ เรารีบไปนะนี้หกโมงครึ้งแล้วนะด้วยนะคริส ...ห้ามกลับไปนอนต่อนะถ้าเราออกไปสายพี่ทำโทษนะ" ผมยกข้อมือผมขึ้นมาดูนาฬิกาข้อมือตัวเอง

                       "จริงอะ...ทำตอนนี้เลยปะ" คริสโตเฟอร์หมุดตัวมาทำปากจู่ ในวงแขนของผม อยากได้จูบว่างั้นแต่เขมก็ ขอเล่นตัวบ้างอะไรบ้าง ไม่ให้

                       "จะทำด้วยไม้เรียวหน้าเสาธง! " ผมพูดและรีบเดินหยิบกระเป๋าที่ผมใส่พวกสมุดการบ้านเด็กนักเรียนไว้ คริสโตเฟอร์ยังนั่งกินแซนวิชอยู่เลย กินไปเล่นมือถือไปด้วย อ้อ!ผมติดตั้งไวไฟเรียบร้อยแล้ว

                       "อย่าไปสายนะคริส..พี่ไปแล้วนะ" ผมพูดคริสโตเฟอร์เงยหน้าขึ้นมาปากก็คาบแซนวิช ผมก็หน้าลงก้มลง

                       "งับ!!!" อ้าปากกัดแซนวิชที่คาปากคนที่เงยหน้ามองผมอยู่ ผมกัดเข้าไปเกือบครึ้งได้ ก็เมื่อกี่อยากแย้งผมกินนิผมก็แย้งคืนแค่นั้นเอง ฮาๆ เงยหน้ามองผมเพราะว่ามันเป็นชิ้นสุดท้ายพอดีเลย

                       "ก็บอกเองไม่ใช่เหรอว่าแย่งกันกินอร่อย...อืม ....อร่อยจริงด้วย" ผมพูดก่อนจะรีบเดินออกทันที ผมกับคริสโตเฟอร์อยู่บ้านเดียวกันก็จริงแต่เวลาออกจะออกคนละเวลา คริสโตเฟอร์จะเดินลัดไปทางสนามด้านหลังสนามฟุตบอลที่ผมเคยเดินคุยไปกับเขานั้นแหละและอ้อมไปทางด้านหลังห้องอาหาร ไปนั่งกับเพื่อนๆของเขาพวกโป้ง ปัน ปัน และ อาร์ท และโจ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คริสโตเฟอร์
                      พอครูเขมไปได้สักพักผมก็ออกตามก่อนจะออกก็เก็บล้างทำความสะอาด เราจะผลัดกันเป็นพ่อบ้านคนนะ กวาดบ้านถูบ้านทั้งที่แต่ก่อนผมไม่เคยทำเลย ตั้งแต่ผมเป็นแฟนครูเขมนี้แหละแต่ยังไม่กล้าบอกใครอายที่ต้องมาเป็นพ่อบ้าน

                     ถามว่าผมมีความสุขไหม? มีความสุขมาก ไอ้ความรักแบบผู้ใหญ่นี้มันก็ดีไปอย่างหนึ่งนะมันทำให้ผมดูโตเป็นผู้ใหญ่ไปด้วย อันที่จริงผมก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากก็แค่หลังเลิกซ้อมบาสผมก็ต้องรีบไปช่วยที่รักทำกับข้าว ซักผ้าพวกชุดชั้นในแต่ยกเว้นเสื้อผ้าชุดนักเรียนและชุดทำงานของครูเขมและผม เราจะส่งซักรีดที่กับคนที่เขาเข้ามารับในโรงเรียนและพอเขาเอามาคืนผมก็จะออกไปรับและนำมาใส่ตู้เสื้อผ้าให้ ผมนอนที่บ้านครูมาห้าวันแล้ว ไม่ได้กลับไปนอนที่บ้านพักกับโป้งมันผมบอกว่าผมต้องเรียนพิเศษเพิ่มชดเชย แต่มีแวะไปบ้าง ไอ้โป้งมันก็ถามผมบอกว่าบางทีผมต้องทำการบ้านที่ค้างครูเขมก็สอนพิเศษให้ผมอีก ผมเลยไม่อยากกลับไปดึกดึกรบกวนการนอนของมันกับไอ้ปันปัน ที่จริงไอ้ปันปันมันอยู่บ้านพักคนละหลังกับผมกับไอ้โป้งแต่มันก็มานอนด้วยในบางครั้ง เช่นในเวลาที่ผมไม่อยู่ก็มานอนเป็นเพื่อนไอ้โป้ง และนี้ไอ้ปันปันเลยขอมานอนกับไอ้โป้งยาวเลย
 
                      ผมเดินมาถึงโต๊ะที่นั่งประจำของผมส่วนมากจะเป็นไอ้โป้ง ปัน ปัน และผม ไอ้อาร์ทไอ้โจ้นะนานนานทีเพราะว่ากว่ามันจะมาได้เกือบสายบ้านมันอยู่ทางเดียวและไม่ไกลกันด้วยมันเลยไม่ต้องนอนหอเหมือนผม ผมเห็นไอ้โป้งนั่งก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือนี้ไม่ได้คุยกับมันมาสองวันได้แล้ว เหมือนเวลาไม่ค่อยตรงกันแถมผมยังต้องรีบกลับไปในวันที่ผมต้องทำกับข้าวให้ที่รักกิน เราผลัดกันเป็นพ่อครัวด้วยนะ อิ อิ

                       "ไปไหนกันหมดวะไอ้โป้ง" ผมถามไอ้โป้ง

                       ".................." มันไม่ตอบมันเงียบ หรืออาจจะไม่ได้ยิน

                       "โป้ง!" ผมเรียกชื่อมันอีกครั้ง

                       "....................."มันไม่ฮือไม่อือ

                       "โป้งมรึงเป็นอะไรวะโกรธกรูเหรอ" ผมถามไอ้โป้ง มันเงียบไม่ตอบผม

                       "โป้ง!!!" ผมเรียกมันอีกครั้ง

                       "กูเพื่อนมึงไหมวะคริส" โป้งมันละสายจากมือถือเงยหน้าขึ้นมามองผม และมันก็ถาผม ผมก็ตกใจกับคำถาม

                       “อะไรของมึง .เป็นอะไรเนี๊ยะห๊ะ! ..อย่ามาเล่นมุกนะสัส” ผมพูดกับไอ้โป้งหน้าตามันนิ่งมาก พอผมถามมันกลับเงียบไม่ตอบผมเริ่มรับรู้ได้แล้วว่าไม่ใช่มุก

                       "มีอะไรก็พูดมาโป้งอย่าลังเล เอาแบบตรงๆวะโป้งกูขี้เกียจเดาแล้ววะ " ผมบอกไอ้โป้งให้มันพูดออกมาเลย

                       “และที่มึงซ้อมแค่แป๊ปเดียวนี้เพราะกูด้วยใช่ไหมวะโป้ง” ผมถามไอ้โป้ง ผมเอะใจตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าทำไมพอผมมาถึงสนามไอ้โป้งมันบอกเพื่อนขอตัวกลับไม่ยอมซ้อมกับผม มาสองสามวันแล้ว

                       "ตกลงมึงกับครูเขมเขาเป็นอะไรกัน...มึงคงไม่ได้แค่ไปนอนเป็นเพื่อนหรอกมั้งคริส มึงไม่ได้แค่ไปเรียนพิเศษหรอกมั้งคริส"

                       "กูถามว่าใช่ไหมไอ้คริส!!!" ไอ้โป้งเงยหน้าขึ้นตะโกนถามใส่หน้าผม สีหน้ามันดูจริงจังไม่เหมือนทุกทีที่เราหยอกเล่นกัน ผมเองก็ไม่ได้จะปิดนะแต่ก็คิดว่ากำลังจะต้องบอกมันอยู่แล้ว ไอ้โป้งมันลุกขึ้นเอามือเท้าโต๊ะสายตาผมสองคนประสานกัน สายตาของไอ้โป้งมันกลับเปลี่ยนไป เหมือนมันไม่ใช่เพื่อนรักของผมอีก

                       "เออ ...ใช่..กู..กับครูเขมไม่ใช่แค่ครูอาจารย์ เป็นมากกว่านั้น..กูรักครู..และกูก็เป็น..."

                       "แฟนกัน" ไอ้โป้งชิ้งตอบซะก่อนที่ผมจะพูด

                       "ครื้ดดดด"เสียงเก้าอี้ถูกเลือนออกไปให้พ้นและมันก็ลุกขึ้น ไอ้โป้งทำท่าจะเดินออก ผมยืนมือไปแตะที่ไหล่ของมันแต่ม้ันสะบัดมือผมออกทันที

                       "อย่ามาแตะกรู!" ไอ้โป้งมันสะบัดมือผมออกและหันมามองผมด้วยสายตาที่ไม่เหมือนเดิม มันดูเย็นชากับผมมาก และนี้ก็ทำให้ผมตกใจ

                       "นี้มึงรังเกียจกูใช่ไหมโป้ง!" ผมถามไอ้โป้ง เพื่อนที่ผมคบมาตั้งแต่ม.ต้นแม้กระทั้งผมถูกพักการเรียนผมกลับมาอยู่คนละชั้นคนละห้องผมคอยแต่มาคลุกอยู่กับมัน

                       "กรูถามว่ามรึงรังเกียจกูใช่ไหมโป้ง!”

                       “มึงรังเกียจที่กู...รักครูเขมเพราะครูเขม..เขาเป็นผู้ชาย..และกูก็ผู้ชาย...ใช่ไหมวะโป้ง! " ไอ้โป้งมันไม่พูดมันทำท่าจะเดินออก

                       "แค่ผู้ชายมันรักกันมึงรักเกียจขนาดจะเลิกเป็นเพื่อนกับกูเลยเหรอวะโป้ง" ผมถามไอ้โป้งมันหยุดและมันก็เดินต่อไปทันที ไม่หันหลังมามองผมเลย ผมได้แต่ผายลมออกมาทางปากผมเอง ผมได้แต่ยืนมองไอ้โป้งตอนนี้ก็เหลือแค่ผมยืนอยู่คนเดียว

                       "คริส มาแล้วเหรอวะ .." ไอ้ปันปัน มันวิ่งกลับมาจากที่มันอาสาไปซื้อน้ำมาสามแก้ว(มันจะทำทุกวันอยู่แล้วเป็นหน้าที่ประจำเลย) ไอ้ปัน ปัน นี้มันย้ายมาตอนผมพักการเรียนมันเลยเข้ามาเป็นเพื่อนไอ้โป้งแทนผม ช่วงที่ผมถูกพักการเรียน ไอ้อาร์ทบอกผม

                      ทันทีที่ไอ้ไอ้ปัน ปัน มาถึงมันก็มองผมและหันไปมองที่เก้าอี้ ตอนนี้มันว่างเปล่า เก้าอี้ที่เคยมีไอ้โป้งนั่งอยู่ o_?

                       "ไอ้โป้งละ"มันถามผม

                       "มันไปแล้ว" ผมตอบมันและเดินหลังออกแต่ไปคนละทางกับไอ้โป้งมันผมไม่อยากปะทะไม่อยากต่อยเพื่อนที่ผมรักมาก เรียกได้ว่าเพื่อนตายเลยก็ว่าได้

                       "ไปไหนวะ!!!" ไอ้ปัน ปัน ตะโกนถามผม

                       "ไม่รู้ไปเดินหามันเองแล้วกันกรูจะไปเตรียมเข้าแถววะ" ผมพูดแค่นั้น คนที่งงเป็นไก่ตาแตกคือไอ้ปัน ปัน

                       "เชี้ย! เห็นมีตึกเดียวกูเดินหลงนะสัส!" มันยังคงตะโกนตามหลังผมไป ผมก็เลยให้นิ้วกลางมันไปเพื่อมันจะดีขึ้น

                       " แล้วจะไปหามันที่ไหนวะ!!"

                       " แล้วน้ำนี้ละให้กูไปซื้อมาตั้งสามแก้ว ให้ซื้อมาทำพองมึงหรอ!!!!! " ตะโกนถามกุูแล้วกูจะถามใครละ

                       "และที่เชี้ยมากที่สุดคือทิ้งกรูไว้คนเดียว!!! "ผมปล่อยให้ ไอ้ปัน ปันมันยืนโหวกเหวกโวยวายของมันอยู่คนเดียว หน้าตาก็ออกจะกวนตรีนแต่เสือกงอแงเหมือนเด็กอนุบาลในบางเวลา

                              ส่วนผมก็เดินไปอีกทางเหมือนกันไปแต่ไปทางเข้าโรงอาหาร ผมกำลังจะเดินเข้าไปหาครูเขมผมคิดว่าพี่เขมน่าจะอยู่ที่โรงอาหารกับบรรดาครูก่อนขึ้นไปบนห้องพัก แต่สิ่งที่ผมเห็นก็คือ ครูลินดาเดินเข้าไปหาพี่เขมซะก่อน ผมเห็นการสนทนากันและสายตาที่ครูลินดามองครูเขมมันไม่ใช่เพื่อนมองเพื่อนธรรมดา ถึงครูจะเป็นเกย์ก็เถอะเกย์สมัยนี้มีครอบครัวก็เยอะแยะไปและเกย์นี้ก็กำลังเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ

                      และมันก็ทำให้ผมอดคิดแบบนั้นไม่ได้จริงๆ หรือว่าผมอ่อนแอในตอนนี้ ก็ไหนเพื่อนรักอย่างไอ้โป้งมันก็มาทิ้งผมไป ตอนนี้ที่เหลือคือพี่เขมผมก็คงกลัวเช่นกัน   ผมก็เลยเลือกที่จะเดินถอยหลังกลับมายืนที่เดิมแต่ไม่มีไอ้ปัน ปันแล้ว มันคงไปตามหาไอ้โป้งแน่ๆ   ผมยืนนิ่งหลังชนกำแพง นี้คืออาการหึงใช่ไหมวะคริสโตเฟอร์

                       "เออ..หึง...พี่เขมนะพี่เขม....ทำให้คริสหึงเดี๋ยวกลับบ้านก่อน." ผมยืนกอดอกพูดอยู่คนเดียวเท้าก็เตะฝุ่นบนพื้นซีเมนต์ไปด้วย

                       วันนี้ทำไมซวยอย่างนี้ไอ้โป้งก็มามีท่าทีรังเกียจผม ใครมันเอาเรื่องของผมกับพี่เขมไปบอกมันวะ และกะอีแค่ผมชอบผู้ชายนี้ ถึงกับทำให้ความเป็นเพื่อนมันพังไปด้วยมันเกี่ยวอะไรวะ เหลือเวลาอีกสิบนาทีจะเข้าแถวหน้าเสาธงแล้ว ผมยืนอยู่ที่เดิมไม่รู้จะไปทางไหนดี  เสียงเตือนว่ามีข้อความส่งมาที่แอพพริเคชั่นจากครูเขมที่ผมพิมพ์ให้ครูเขมไว้ว่าMy Darling
                                                                                               
My Darling : "เป็นอะไรไปนะคริสพี่เห็นเราจะเดินมาหาพี่พอพี่หันมาอีกทีเรา เราเดินกลับซะแล้ว"
ChristKhem: เปล่าไม่มีอะไรครับที่รัก
My Darling : งอนอะไรพี่หรือเปล่า
ChristKhem: เปล่า!!!!
My Darling : เสียงสูง..โกหกเปล่า
ChristKhem: เขาไม่ได้เสียงสูงนะเขาพิมพ์คุยกับพี่อยู่ต่างหาก
My Darling : เราอยู่ไหน?
ChristKhem: ด้านหลังห้องอาหารอ่ะ
My Darling : พี่เห็นแล้วละ นี้แน่ใจนะว่าไม่ได้งอนนะ ...ยืนหน้ามุ่ยเลยนะ

                       ครูเขมส่งข้อความว่าผมยืนหน้ามุ่ย จะเห็นได้ยังไงในเมื่อไกลจากที่พี่เขมคุยกับครูลินดาอีก เดาเอาแน่ๆ ผมคิดในใจ ผมกำลังก้มหน้าก้มตากดพิมพ์ข้อความอยู่ หลังก็พิงกำแพง แต่จัวหวะที่ผมเงยหน้าขึ้น ครูเขมก็มายืนอยู่ตรงหน้าผมแล้ว สายตาที่ดูอบอุ่นทุกครั้งที่ผมได้สองมันส่งมาให้ผม
                      พอครูเดินมาถึงผมไม่พูดอะไรตรงเข้าไปกอดครู ผมรู้สึกแย่ๆ แย่มากๆ ตลอดเวลาผมก็มีแต่ไอ้โป้งที่เป็นเพื่อนและเพื่อนที่เล่นบาสด้วยกันแต่ก็ไม่มีใครที่ผมจะไวใจสนิทใจเท่ามันแต่นี้
 
                       "เป็นอะไรไปนะคริส" ครูเขมถามผม และดึงผมหลบเข้ามุมกลัวใครเดินมาเห็น ครูเขมก้มลงมองผม คงคิดซินะเห็นผมแบบนี้จะมีมุมอ่อนแอกับเขาด้วยเหรอ ผมก็มีนะแต่พยายามไม่อยากให้ใครเห็น

                       "ไอ้โป้งมันรู้เรื่องผมกับครูแล้วผมไม่รู้ว่ามันรู้ได้ยังไง.ตอนแรกผมว่าจะคุยกับมันจะบอกมันเองวันนี้แหละ"

                       "ไม่ซิจะบอกตั้งแต่เมื่อวานมันก็มาซ้อมบาสแป๊ปเดียว พอผมไปซ้อมมันก็ขอตัวกลับหน้าตาเฉย “

                       “ผมก็เลยคิดว่าคงมีใครไปกวนตรีนมันครู แต่ว่าวันนี้มัน..." ผมพูดพร้อมกับก้มหน้าลงหนีพี่เขม เพราะว่าน้ำตาผมมันจะไหล ผมไม่อยากให้เขาเห็นว่าผมอ่อนแอเพราะเรื่องของผมกับเขา แต่ผมก็แคร์มันมากเลยนะไอ้โป้งนะ

                       "แล้ว ?" พี่เขมก้มหน้าลงมองผม

                       "มันไม่พูดซักคำมันเดินหนีผมไปมันคงไม่เป็นเพื่อนกับผมแล้วแหละ..ครู" ผมพูด ครูเขมกอดอกก้มลงมองหน้าผม

                       "ถ้าจะกลับไปหาเพื่อนก็ได้นะคริส"

                       "ไม่อะผมต้องเลือกคนที่ผมรักมากกว่า..ผมเชื่อได้ว่ากลับไปก็ไม่เหมือนเดิมผมไม่เหลือใครแล้วนะครู "

                       "หมับ" ครูเขมกอดผมเบาๆ และเอามือลูบหัวผมไปด้วย

                       "ก็เหลือพี่นี้ไง..หึ ? " ครูเขมพูดแทนชื่อตัวเองผมเงยหน้าขึ้นมองผมรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย

                       "พี่ว่าเขาอาจจะแค่โกรธ เป็นเพื่อนกันมันก็ต้องมีงอนกันบ้าง ผิดใจกันบ้าง โกรธกันบ้างเป็นเรื่องปกติ เดี๋ยวก็คงหายนะอย่าไปคิดมาก"พี่เขมพูดและจับไหล่ผม พร้อมกับส่งยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน

                       "หรือไม่ถ้าพี่เจอโป้งพี่จะลองถามเขาดูว่าใช่เรื่องเรากับพี่หรือเปล่า ที่โกรธเรานะ พี่อาจจะพออธิบายกับเขาได้บ้างคริส" ครูเขมพูดบอกผม

                       "ไปเข้าแถวได้แล้ว...ตอนเที่ยงไปกินข้าวที่บ้านพักกันไหมละ ซื้อกับข้าวที่ห้องอาหารและเอาไปทานด้วยกัน "

                       "หึ? "ครูเขมเลิกคิ้วมองผมเป็นคำถาม ผมก็พยักหน้าว่าดีเลยไม่อยากนั่งอยู่โดยที่เพื่อนที่ผมรักมันไม่ยอมพูดยอมจากับผมแบบนี้ ผมเป็นคนอดทนกับควาอึดอัดไม่ได้ซะด้วย

                       "หมดคาบแล้วลงมาหาพี่ตรงนี้ เราเดินไปด้วยกันดีมั้ย " ครูเขมพูดกอดอกมองผมรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นแบบนี้ไง ผมจะไม่รักได้ยังไงละ ผมพยักหน้าเบาๆ แค่นั้นและผมกับครูเขมก็แยกย้ายกันผมเดินไปเข้าแถว
                       ผมเดินผ่านไอ้โป้งมันออกมาหยอกล้อผมเล่นแต่วันนี้มันยืนนิ่งเอามือล้วงกระเป๋าไอ้ปัน ปัน มันก็ชี้ไปที่ไอ้โป้งถามผมด้วยว่ามันเป็นอะไร ผมส่ายหัวผมยังคงมองไอ้โป้งแม้ว่ามันจะไม่มองผมแม้แต่หางตาก็ไม่แลมา มันคือเพื่อนคนแรกของผม มันเป็นเพื่อนที่ผมไว้ใจ มันเป็นเพื่อนที่ผมรักแต่แค่ผมรักผู้ชายมันเปลี่ยนไปเลยในทันแบบนี้เลยเหรอวะ มันใช่ปะวะ? โป้ง ผมเสียใจแต่ผมก็ไม่อยากเสียพี่เขมไป
---------------------------------------------------
         

               
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริส )EP.12.1 นี้คือบททดสอบของผมและเขา 2
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 12-08-2020 19:24:19
                (ครูเขมXคริส ) EP.12,1 นี้คือบททดสอบของผมและเขา 2

               เขมชาติ
                        ผมยืนคุมนักเรียนเข้าแถวหน้าเสาธงกับบรรดาครูท่านอื่นๆ ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลยที่ทำให้คริสโตเฟอร์ผิดใจกับเพื่อนของเขา ที่ชื่อโป้ง เพราะว่าเขามารักกับผมแค่นั้นนะหรอ? ปกติทั้งคู่จะชอบหยอกกันเล่นแต่วันนี้ไม่มีแต่ความเงียบของทั้งคู่หน้ายังไม่มองกันเลยแม้จะอยู่กันคนละแถวเพราะว่าคนชั้นกัน ผมยืนมองทั้งคู่จนกระทั้งกิจกรรมเข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จสิ้น

                      วันนี้ผมก็มีคาบสอนเยอะกว่าทุกวันซะด้วย ผมสอนคาบแรกและคาบที่สองและสาม ยังดีมีพักคาบที่สี่ ผมคงจะลงไปสั่งข้าวไปทานกับคริสโตเฟอร์ที่บ้านพักต้องพาไปปลอบใจตอนเที่ยงอีก เพราะว่าเฮิร์ทที่เพื่อนโกรธ ผมนะเฉยๆแล้วถ้าคนจะโกรธที่ผมเป็นแบบนี้ เพราะว่าผมเจอมาเจอทุกรูปแบบแล้ว แต่คริสโตเฟอร์เขายังใหม่อยู่ซินะ และระหว่างที่นักเรียนกำลังทยอยเดินขึ้นชั้นเรียน ผมหันไปเห็นผู้หญิงร่างบางอายุราวๆ ห้าสิบกว่าๆผมจำได้ว่าครูสมพิศหรือครูนิดบอกผมว่าเขาคือป้าของเด็กที่หายไปกับครูมิ้ง มาหาผู้อำนวยการอีกแล้ว

                       "คนนี้แหละค่ะครูเขมเป็นคุณป้าของแชมป์เขาคงมาถามหาข่าวคราวอีกแล้ว" ครูลินดาเดินมากระซิบกับผม ผมพยักหน้าเบาๆ ผมแค่หันไปมองแค่นั้น ผมก็รีบเดินขึ้นห้องพักครูเพื่อหยิบหนังสือและสื่อการเรียนจะได้ไปทำการเรียนการสอนต่อ ผมเดินคิดไปตลอดทางผมต้องตามหาเขาสองคนให้เจอให้ได้ ยิ่งป้าของแชมป์เขาคอยมาตามข่าวหลานของเขาแบบนี้ เห็นแล้วสงสารเขาเหมือนกันนะ

                       "โป้ง" ผมเดินมาเจอโป้งยืนอยู่คนเดียว ผมจึงเดินเข้าไปแตะทีไหล่เขาแต่

                       "ปึก" เขาหันมาสะบัดมือผมออกแบบไม่ให้แตะต้องเขา มันทำให้หนังสือที่ใช้ในการสอนหล่นกระจายลงสู้พื้น ผมยังไม่ได้ก้มลงเก็บผมยืนจับจ้องมองสายตาที่มองผมเขม็งนั้น นี้เขาโกรธผมไปด้วยอย่างนั้นรึ

                       "อย่ามาแตะผม ไมไม่ใช่เกย์!" โป้งพูดก่อนที่เขาจะหันหลังออกและรีบเดินออกไปในทันที ผมก้มลงเก็บหนังสือบนพื้น ผมเหลืบตามองมีมือใครบ้างคนก้มลงช่วยผมเก็บและส่งมาให้ผม คนนั้นก็คือคริสโตเฟอร์

                       "ผมจะไปคุยกับมันให้รู้เรื่องมันจะมาว่าครูแบบนี้ไม่ได้" คริสโตเฟอร์ส่งหนังสือให้ผม ผมว่าไม่ได้คุยกันหรอกน่าจะไปต่อยกันมากกว่า

                       "หมับ" ผมดึงแขนเขาไว้ คริสโตเฟอร์หันมามองหน้าผม ผมส่ายหัวว่าอย่า

                       "ถ้าเธอมีเรื่องชกต่อยอีกครั้งเธอจะถูกภาคทัณฑ์หรือไม่ก็โดนไล่ออกคริสและนั้นก็เพื่อนเธอไม่ใช่เหรอ “ ผมถามคริสโตเฟอร์

                       “แต่มันว่าครู ...ไม่ซิมันว่าคนที่ผมรัก..ผมทนไม่ได้”

                       “ทนไม่ได้ก็ต้องทน..พี่เคยบอกเราแล้วใช่ไหมว่าถ้าเลือกแล้วต้องยอมรับสิ่งที่จะตามมาให้ได้นะคริส” ผมมองหน้าคริสโตเฟอร์ เขาหันหลังทันทีและผายลมออกมาทางปากเพื่อระบายความอึดอัดภายใน

                       “ครูว่ารอให้เขาเย็นกว่านี้ก่อนค่อยเข้าไปคุยเถอะ ยังไงก็เพื่อนกันมาตั้งหลายปี " ผมพูดสีหน้าผมจริงจัง เขาถึงได้ยืนนิ่งเพื่อฟังผมพร้อมกับก้มหน้าลง นั้นทำให้ผมแอบยิ้มเล็กน้อย

                       "ขึ้นเรียนซะ..เชื่อพี่นะคริส " ผมบอกคริสโตเฟอร์ คริสโตเฟอร์มองผม ผมรู้ว่าสายตาเขาโกรธที่ผมโดนว่าแต่ผมไม่อยากให้เขาใช้เหตุผลนี้ไปต่อยกับเพื่อนหรือกับใครที่ไหนก็ตามที่เขาว่าผม ผมอยากให้เขาใช้ความอดทนไม่ใช่ใช้กำลัง ในการตอบโต้


                       "ฟู่"คริสโตเฟอร์หันหลังพ่นลมออกม เขาพยักหน้า ก่อนที่เขาจะเดินออก ผมดึงแขนเขาเด้งกลับมาโดยที่คริสโตเฟอร์ไม่ทันตั้งตัว

                       "อ้อ!..อย่าทำหน้าโหดบ่อย..มันเซ็กซี่" ผมกระซิบที่ข้างหูคริสโตเฟอร์เขาก็เงยหน้าขึ้นมาใบหน้าบูดบึ่งนั้นค่อยมียิ้มปรากฏ และเขาก็หยักคิ้วตอบกลับเหมือนทุกที

                 ผมก็แยกย้ายออกจากกันเดินไปอีกชั้นหนึ่งวันนี้ผมไปสอนนักเรียนชั้น ม.2/1 ระหว่างเดินผ่านนักเรียนก็ยกมือไหว้ยิ้มทักทายปกติ ผมนะสอนให้นักเรียนสนุกกับการเรียนภาษาอังกฤษ

           "แกจริงเหรอวะที่ครูเขมเป็นเกย์นะ" ผมได้ยินนักเรียนกระซิบกันข้างหลังผม พอผมหันไปมองแค่นั้นผมก็ยิ้มให้โดยที่ไม่ได้ทำหน้าดุใส่พวกเขา แต่พอเด็กนักเรียนกลุ่มที่พูดถึงผมหันมาเห็นผมเข้าเขาก็เดินก้มหน้าเดินไปทันที

                       "เดี๋ยวนี้ไม่ได้แค่ระวังชะนีแย้งผัวเท่านั้นต้องระวังพวกเก้ง กวาง มันแย้งผัวชะนีอีกทีหนึ่งด้วย มีดีอะไรวะมีแค่ตรูดนมก็ไม่มี " เสียงตะโกนแต่ไม่ได้เจาะจงว่าใคร ผมก็หันหลังไปมอง ผมก็เห็นว่าเป็นแก้มเธอยืนตะโกนอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ สายตานะมองจิกมาทางผม เธอก็ยืนเบ้ปากใส่ผมก่อนจะเดินกลับเข้าห้องเรียนเธอไป

                       "ครูเขม" ครูลินดาเธอออกมาจากห้องเรียนพอดีเธอก็คงได้ยินเช่นกัน

                       "ลินดาจะคุยกับแก้มให้เองค่ะครูไม่ไหวเลยจริงๆเด็กคนนี้ไม่ค่อยมีสัมมาคาราวะให้ใครเลย"ครูลินดาพูดพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อยผมก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะส่งยิ้มจางๆให้ครูลินดา

                       "ครูเขมคะ..ลินดาอยากจะคุยด้วยสักแป๊ปหนึ่งครูเขมไม่มีสอนคาบที่สี่ใช่ไหมค่ะ" ครูลินดาเรียกเธอบอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยกับผม

                       "ได้ซิครับครูคาบที่สี่ผมว่างผมมีสอน 3 คาบรวดเช้านี้และมีอีกสองคาบตอนบ่าย " ผมบอกครูลินดา เธอส่งยิ้มให้ผมก่อนจะปลีกตัวออกไปและผมก็เข้าในห้องนักเรียนแทนเพื่อทำการสอนต่อเลย ผมก็ทำหน้าที่สอนหนังสือตามปกตินักเรียนก็ตั้งใจสอนเหมือนเช่นปกติทุกอย่าง
       ผมยอมรับว่าผมเอนเตอร์เทนเก่งดูจากนักเรียนสนุกกับการเรียนของผมมาก ผมพยายามสร้างบรรยากาศให้เป็นการเอง พยายามให้นักเรียนทุกคนเรียนด้วยความสนุกไม่ใช่ตึงจนเกินไป ผมดึงเอาความรู้นอกบทเรียนมาให้นักเรียนวิเคราะห์และเรียนเนื้อหาในหนังสือตาม เพื่อให้เขาคิดและค้นคว้าเองได้

                       "พรุ่งนี้สอบเก็บคะแนนนะนี้คือข่าวดี แต่ไม่ต้องตื่นเต้นดีใจจนนอน....ไม่หลับนะ" ผมบอกนักเรียนในห้องแอบเหล่มองและยิ้มเบาๆ พอ เพราะว่านักเรียนแถวน่านั่งเอามือเท้าค้างมองผมจนจะละลายแล้ว

                       "โห่!!! ครูอันนี้ข่าวร้ายมากกว่าอะครู" เสียงโห่กันทั้งห้อง

                       "ห้ามร้องโห่..คืนนี้อ่านหนังสือและพรุ่งนี้ก็วันศุกร์แล้ว...พอวันเสาร์ก็จะได้ไปลอยกระทงกันครูคิดว่าวันจันทร์อาจจะมีบางคนไปกลับกระทงและยังไม่พร้อมจะกลับมาเรียนกัน” ผมเงยหน้าพูดกับทุกคน

                       “ ครูเลยเลือกสอบพรุ่งนี้ไม่ดีหรือไง " ผมบอกเด็กๆ ขณะที่ผมกำลังเก็บหนังสือสำหรับทำการสอน ผมเห็นเด็กๆในห้องเหมือนมีบางคนก็อยากจะถามผม แต่ก็ไม่กล้าถามผม

                       "มีคำถามไหม.." ผมถามรักเรียนในห้องแต่ละคนมองหน้ากัน แต่ก็พากันส่ายหัวกันเป็นแถม

                       "ถ้าไม่มีครูจะไปแล้วมีสอนห้องอื่นต่อแล้วนะและ อย่าลืมอ่านหนังสือนะพรุ่งนี้สอบข้อสอบก็โหดนะไม่ได้ขู่ “ผมพูด

           “ครับ” "ค่ะ"

                       "ถ้าอ่านหนังสือมาต่อให้ข้อสอบโหดแค่ไหนก็ทำได้เพราะครูก็เอามาจากหนังสือนั้นแหละ..หัวหน้าห้องเชิญครับ" ผมพูดและมองนักเรียนทุกคน

                       “นักเรียนทำความเคารพ”

                       “Thank you teacher , See you tomorrow .
                       
                       “See you tomorrow “ ผมตอบ ขณะที่ผมกำลังจะก้าวเท้าออกจากจากห้อง

                       "แกว่าที่แก้มมันบอกว่าครูเขมเป็นเกย์จริงเปล่าวะ และกำลัง..กับพี่คริสหล่อๆของกรูด้วยอะ" ผมชะงักเท้าแต่ก็ไม่ได้หันกลับไปมองว่าใครพูด

                       แต่ผมก็อดอมยิ้มไม่ได้ก็ดันมีแฟนหล่อประจำโรงเรียนแต่ก็กังวลไปด้วยกันแสดงว่าที่ผมเจอแก้มเขาตามดูผมกับคริสโตเฟอร์และผมกับคริสคงต้องระวังตัวให้มากขั้นจะไม่สวีทกันนอกสถานที่มาก มีความรักแบบนี้มันลำบากนะแต่ทำยังไงได้ผมเลือกไม่ได้มันเหมือนโปรแกรมที่ถูกป้อนไว้ตั้งแต่เกิด ถ้ากินยาแล้วหายผมคงสรรหามากินแล้วแหละ ผมเดินขึ้นไปอีกชั้นเพื่อทำหน้าที่สอนชั้นม.1 ต่อ

                      วันนี้ทั้งวันเลยผมได้ยินแต่นักเรียนกรซิบกันว่าผมเป็นเกย์หรือเปล่า คบกันคริสโตเฟอร์จริงไหม และที่เขาบอกว่าผมเป็นแฟนกับครูลินดาอีกละ คือเดินไปทางไหนก็ได้ยิน ตอนนี้หมดคาบเรียนที่สามแล้ว ผมก็ต้องรีบลงมาที่ห้องพัก เพราะว่าครูลินดาบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับผม แต่เรื่องอะไรนั้น ผมยังไม่รู้ ตั้งแต่ครูลินดาหัวแตกวันก่อน ผมก็ไม่ค่อยได้คุยกับครูลินดาเท่าไหร่ ดังนั้นข่าวคราวของผมกับครูลินดาเลยเงียบแต่ข่าวผมกับคริสซิมาจากไหนกันก็ไม่รู้

                       "ครูเขมครับ" ผมสะดุ้งเพราะว่าท่านผู้อำนวนการเรียกผม ผมสะดุ้งสุดตัวเลย ผมจำได้เสียงผู้อำนวยการแม้จะไม่ได้ยินบ่อยๆก็เถอะ ผมยกมือกุมหน้าอกเกือบฮาร์ทแอทแทคแล้วซิผม

            วันนี้ทั้งวันเลยผมก็ได้ยินแต่นักเรียนกระซิบกระซาบกันว่าผมเป็นเกย์หรือเปล่า คบกันคริสโตเฟอร์จริงไหม และที่เขาบอกว่าผมเป็นแฟนกับครูลินดาอีกละ คือเดินไปทางไหนก็ได้ยิน เล่นเอาผมต้องกุมขมับและที่น่าปวดหัวที่สุดของผมตอนนี้คือข่าวครูลินดากับผมนี้ซิ ที่ผมกังวลเพราะว่าพ่อนักเรียนหัวร้อนของผมอาจจะมีอาการงอนผมได้ (ก็ครูเขมชาติดันเกิดมาหล่อนี่ครับ ...คนแต่งแอบแซว)

          ตอนนี้หมดคาบเรียนที่สามแล้ว ผมก็ต้องรีบลงมาที่ห้องพักเพราะว่า ครูลินดาที่บอกผมว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ดูจากสีหน้าของครูลินดาดูท่าเธอจะต้องการความช่วยเหลือ และผมก็คงจะช่วยเหลือได้ตามที่ผมทำได้

           "ครูเขมครับ" ผมสะดุ้งเพราะว่าท่านผู้อำนวนการเรียกผม ผมสะดุ้งสุดตัวเลย ผมจำได้เสียงผู้อำนวยการแม้จะไม่ได้ยินบ่อยๆก็เถอะ ผมยกมือกุมหน้าอกเกือบฮาร์ทแอทแทคแล้วซิผม

           "ขอโทษนะครับเรียกซะครูตกใจ..ฝันอ่อนเหมือนกันนะครับครูเนี๊ยะ!" ผู้อำนวยการแซวผมทันที คงเพราะว่าผมสะดุ้งแรงไปหน่อย

           "สวัสดีครับครับท่าน..จะออกไปข้างนอกเหรือครับ"

           "ครับผมจะไปให้ปากคำเพิ่มเติมเรื่องเด็กนักเรียนที่หายไป..ครูพอจะทราบจากครูท่านอื่นบ้างหรือยังครับว่าเรามีเด็กนักเรียนหายไปพร้อมกับครูที่มาสอนก่อนหน้าคุณเขมสักสองสามเดือนได้" ท่านผู้อำนวนการพูดผมพยักหน้าว่าผมได้ฟังมาบ้างแล้ว

           "ป้าของเด็กเขาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้นานแล้วครับ  ว่าสาเหตุที่หลานเขาหายไปเป็นเพราะครูมิ้งหลอกหลานเขาไปเด็กยังไม่สิบห้าแต่คงจะสิบห้าปีนี้แหละ"ผู้อำนวนการบอกผม

           "ยุคต์นี้สมัยนี้พ่อแม่ไม่ใช่ว่าต้องคอยระวังแค่ลูกสาวนะครับ มีลูกชายก็ต้องคอยระวังเหมือนกัน"

           "เผลอๆจะมากกว่าลูกสาวซะด้วยซ้ำและประเทศไทยเรา เด็กผู้ชายน้อยลงไปทุกทีดูอย่างโรงเรียนของเรานี้ซิ มีนักเรียนหญิง 4 ต่อ 1 ของเด็กนักเรียนชาย " ท่านผู้อำนวยการพูด

           "แต่เด็กที่หายดันเป็นเด็กผู้ชาย!" ผู้อำนวยการพูดเหมือนบอกอะไรผมเป็นนัยๆหรือเปล่าผมยกมือขึ้นมาเกาต้นคอตัวเอง

           "ครับแต่ผมก็ว่าน่ากลัวทั้งลูกผู้หญิงและลูกผู้ชายและครับ" ผมตอบแบบกลางๆและส่งยิ้มให้ผู้อำนวยการ

           "ผมได้ข่าวเกี่ยวคริสโตเฟอร์" ผมก็เหงื่อแตกไหลย้อยลงมาทันที ผมคิดในใจผมก็ได้ข่าวแต่ข่าวมันบอกว่าผมกับเขากับ....กันอยู่ ผมก็มองท่านผู้อำนวยการ รอฟังว่ามาจากแหล่งเดียวกันไหม

           "ร้อนเหรอครับครู" ผู้อำนวยการถามผม

           "เออ..นิดหน่อยนะครับ" ผมพูดและควักเอาผ้าเช็ดหน้าปาดเหงือบนใบหน้า

           "เดี๋ยวก็ไม่ร้อนแล้วครูพอหลังลอยกระทง...ที่นี้หนาวเอาเรื่องเหมือนกันนะครู รีบหาแฟนมากนอนกอดได้แล้วมั้งครับ" ผมยกมือเก้าท้ายถอยอีก มีแล้วแหละก่อนหน้าหนาวอีกแค่ยังบอกผอ.ไม่ได้เพราะเดี๋ยวท่านจะรู้ ผมก็ยิ้มๆให้ผู้อำนวยการ

           "เออ..ว่าแต่...ท่านได้ยินเรื่องคริสโตเฟอร์มาว่ายังไงเหรอครับ" ปั่นหน้านิ่งถามท่านผอ.ไปแต่ในใจผมนี้ดังกระหึมเหมือนกลองเพล เพราะว่ารุ่นครับว่าผู้อำนวยการ

           "ใช่แล้วครับครู ..ผมได้ข่าวว่า..." ผมก็กลืนน้ำลายลอจะข่าวจากแก้มหรือเปล่าลุ้นยิ่งกว่าผลประกาศผลสลากกินแบ่งรัฐบาลอีก

           "เข้าเรียนภาษาอังกฤษ!!"

         "ฟู่!!" เสียงพ่นลมหายใจ ผู้อำนวยการเลิกคิ้วสูงมองผม

         “.............” สายตาท่านผอ.ที่มองผม

           "คือแบบว่ากลัวจะไปมีเรื่องที่ไหน ผมเห็นว่าเขามีคดีเยอะแล้วนะครับ เป็นห่วง!!  นะครับท่าน" ผมพูดผู้อำนวนการพยักหน้าตาม

           "ผมไม่อยากเชื่อนะเด็กคนนี้ไม่เอาภาษาอังกฤษเลยตั้งแต่เข้าม.1 ติดศูนย์ทุกเทอมเพราะไม่ยอมเข้ายอมทำงานอะไรส่งครู สอบก็กามัวไปแบบนั้นตอนแรกผมจะไม่ให้เรียนต่อที่นี้นะแต่แม่เขามาขอร้องไว้"

           "ครูมีอะไรดีเหรอครับ"

           "ผมเหรอครับ...เออ..ตั้งใจสอนครับและก็..ผม..ผม.." ผู้อำนวยการก็มองหน้าผมเหมือนรอลุ้นผลฉลากกินแบ่งเหมือนผมตอนแรกเหมือนกัน

           "พยายามอธิบายว่าจำเป็นที่เขาจะต้องเรียนแม้จะไม่ใช่ภาษาที่เขาต้องใช้ในชีวิตประจำวันอะไรแบบนี้นะครับ" ผมพูดเหงือก็เริ่มแตกผลักๆ

           "แค่นี้เองเหรอครับครู..สุดยอดมากครูเพราะว่าไม่มีครูสอนภาษาอังกฤษคนไหนทำให้นายคริสเข้าเรียนได้เลยเพลอๆมีเรื่องกันอีกผมนี้ต้องคอยประสานให้...งานเข้าทุกครั้งเลยจริงๆ" ท่านผอ.พูดผมพยักหน้า

           "มีครูคนเดียวที่เขาเข้ากันได้กับเขา" ผอ.พูดและชี้นิ้วให้ผม

           "ครับ...ครับ...เราเข้ากันได้ดี ...เฮอะๆ" ผมพูดปนหัวเราะ

           "ดูท่าทางครูร้อนมากไปพักห้องแอร์เถอะครับ" ผู้อำนวนการบอกผม ผมก็พยักหน้าอยากจะรีบไปเหมือนกันที่ท่านหันหลังจากผม

           "งั้นผมขอตัวไปทำธุระก่อนนะครูเขม"

           "ครูเขมครับถ้ามีเพื่อนที่จบครูและเหมือนครูจะยิ่งดีมากแนะนำผมทีนะครับ ผมอยากได้ครูเพิ่ม เด็กนักเรียนชายเราเกรียนเยอะขนาดมีนักเรียนชายไม่ค่อยเยอะนะครับ"

           " ตอนแรกผมก็ไปคัดครูสาวๆ เอาแบบดาวมหาวิทยาลัยอย่างครูลินดา ครูถาวร ยังเอาไม่อยู่เลยครับ"

           "ลองหาเดือนมหาวิทยาลัยดูดีไหมครับเพื่อนักเรียนจะชอบ" ผมกระซิบ

           "ครู!" ผมสะดุ้ง

           "ผมคิดว่ามันเป็นคำแนะนำที่ดีมาก"

         " อุ้ย! ผมต้องไปแล้วครับ ไว้ผมต้องขอคำแนะนำการปราบนักเรียนเกรียนๆดูบ้างนะครับ"ท่านผู้อำนวนพลิกข้อมือดูนาฬิกา

         "ครับท่าน" พอท่านเดินหันหลังออกไปผมก็เป่าปากผายลมแบบยาวๆเลย

         "ครูเขม" เสียงเรียกชื่อผม

         "คะ...ครับ..ท่าน" ผมชะงักเท้าค้างทันที

         "ผมได้ยินครูเขาพูดกันว่าครูเป็นแฟนกลับยายลินดาเหรอครับ" ผมเลิกคิ้วสูงใครเหรอ

         " อ้อ...เออ..ผมหมายถึงครูลินดาเรียกซะติดปาก หลานสาวผมนะครับครูลูกเพื่อนรักของผม นิสัยดีนะครูลินดานะน่ารักสวยก็สวย ได้ครูเขมมาเป็นหลานเขยนี้ผมจะรีบเสนอตัวเป็นเถ้าแก่ให้ทันที" ท่านผู้อำนวยการบอกผม ผมก็ยืนงง อึ่งกิมกี่ ไปหลายสิบวิก่อนจะยกมือเกาหัวอีกรอบดูท่าจะต้องคุยเรื่องนี้กับครูลินดาด้วยซะแล้วผมไม่อยากให้คริสโตเฟอร์หึงผมนะ เห็นแบบนี้ขี้งอนเหมือนกันถ้างอนขึ้นมาจะเงียบ

         “หึ?” ผมคงยืนคิดนานไปหน่อย ผู้อำนวยการเลิกคิ้วมองผม

         "เออ...อ้อ..ครับ..ครับ..เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ" ผมตอบท่านผอ.ไป พอเห็นว่าท่านเดินลงไปจริงๆผมรีบเดินตรงไปที่ห้องพักครูทันทีรอครูลินดาลงมาคุยธุระด้วย ตอนนี้ผมรู้แค่ว่าผมงานเข้า!!
             

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนEP.12.2 ครูเขมXคริส เมื่อครูลินดาขอให้ผมช่วย
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 13-08-2020 12:13:30
EP.12.2 ครูเขมXคริส เมื่อครูลินดาขอให้ผมช่วย

 Part ครูเขมชาติ
     
        ตอนนี้ใบหน้าผมคบเปียกชุ้มไปด้วยเหงือที่ไม่ได้ร้อนอะไรมากเลย ดีนะที่ห้องพักครูเขาเปิดแอร์ไว้และบรรดาครูก็ขึ้นห้องเรียนเพื่อทำการสอนกันหมด ผมทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ทำงานหยิบหนังสือเล่มบางขึ้นโบกและพัด มีกล่องขนมวางอยู่บนโต๊ะของผม ผมหยิบมาดูใกล้ น่าจะเป็นขนมชั้นนะม้วนเป็นรูปดอกกุหลาบสีสันสวนงามมากและโน๊ตเล็กๆแนบอยู่

         "คุณแม่ลินดาฝากมาให้ค่ะ ..ขอบคุณสำหรับขนมเม็ดขนุนนะคะ..ลินดา ^_^ " ผมก็รีบดึงกระดาษออกและหยัดลงลิ้นชักก่อนคงเอาไปแค่กล่องขนมไปให้คริสโตเฟอร์กินดีกว่า นี้ก็เกือบจะสิบเอ็ดโมงครึ้งแล้วด้วย ผมเขียนกระดาษโน๊ตว่าผมจะลงไปสั่งข้าวก่อนหากครูลินดาเข้ามาให้รอผมแป๊ปหนึ่งผมรีบลงไปสั่งข้าวที่ห้องอาหารทันที ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินผ่านห้องอาหาร

         "ไอ้โป้งมึงจะโกรธคริสมันก็ไม่ถูกนะแค่มันเป็น"

         "เกย์..กูไม่ชอบเกย์ ...ตอนแรกกูก็คิดแค่ว่ามันคงอยากจะได้คะแนนภาษาอังกฤษแต่นี้มันไปคลุกกับเขาและยิ่งแก้มมันเอารูปที่นั่งในรถดูก็รู้กูว่าโม้คให้กันอยู่มันเป็นไปขนาดนี้เลยเหรอวะ ไอ้ปัน ปัน" เสียงโป้ง พูดพอเขาหันมาเจอหน้าผมเขาก็สะบัดหน้าหนีไปเลย ปัน ปันแค่หันมายกมือไหว้ผมผมพยักหน้ารับไหว้และเดินไปสั่งข้าว

         "สวัสดีคะครู วันนี้ทานอะไรดีคะมีหลายอย่างเลย" แม่ค้าขายข้าวเดินมารับออเดอร์จากผม ชะเงอมองก่อนจะส่งกระดาษที่ผมจดไว้แล้วเอาที่คริสโตเฟอร์เขาชอบ ไก่ทอด ผัดวุ้นเส้นและแกงส้มผมชอบกิน

         "ใส่ถุงใช่ไหมคะครู"

         "ใช่ครับ ...ผมจะให้คริสเขามาเอาแล้วกันนะครับพอดีว่ามีคุยธุระกับครูลินดา"

         "ได้ซิคะ...ครู..ครูเขมค่ะ" ผมกำลังจะเดินออก ก็ต้องหันไปตามเสียงเรียก

         "ครูเป็นแฟนกับครูลินดาเหรอคะ..."

         "เออ..ไม่ใช่ครับ...เราเพื่อนครูด้วยกันครับ"

         "แม้บอกเถอะคะ..ลูกสาวดิฉันเขาว่าเมื่อจันทร์ที่ผ่านมาครูลินดาหกขะล้มหัวแตกและครูก็ยังอุ้มไปโรงพยาบาลเลย มีข่าวดีเร็วนะคะ คนสวยก็ต้องคู่กับคนหล่อๆอย่างครูเขม..จริงไหมคะ" ผมก็ยิ้มเจื่อนๆไปทันทีก่อนจะรีบเดินออกอย่างไวเช่นกัน และระหว่างที่ผ่านนักเรียนก็ซุบซิบและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อีกด้วย ผมไม่รู้ว่าเรื่องอะไรเพราะเท้าผมนะรีบจั้มออกจากตรงนั้นแล้ว

My Darling :คริสเลิกเรียกแล้วลงมาเอากับข้าวที่พี่สั่งด้วยนะและเจอกันที่เรานัดไว้" ผมส่งข้อความหาคริสโตเฟอร์
ChristKhem :ครับที่รัก...คิดถึงที่รักอะ..กลับไปกินที่รักแทนข้าวได้ปะไม่อยากกินข้าวแล้ว"
My Dralin : "ทะลึงกินข้าวก่อนพี่โคตรหิวเลย"
ChristKhem :ไม่หิวผมเหรอ"
My Dralin : หิวข้าว)))))))) แต่หลังกินข้าวเราจะให้พี่กินเราต่อก็ได้นะ....วันนี้วันคี่ไม่ใช่เหรอ ?
ChristKhem : เห้ย!! ได้ไง ผมดิต้องกินพี่...คืนนี้โดนแน่ๆ เมื่อวานแกล้งผมเกือบตาย ผมล้างตู้เย็นเป็นขึ้นมาเมื่อไหร่นะจะเอาให้พี่เขมดิ้นพล้านเลย
My DArling :"เรียนไป..ว้อนตลอดเวลาเรานิ.แค่นี้นะ." ผมส่งข้อความคุยกับคริสโตเฟอร์
 ChristKhem : แล้วสปอยด์ทำไมอะแข็งแล้วเนี๊ยะ (แค่พูดมันแข็งเลยเหรอ ไวไปหรือเปล่าไม่ซิ ไม่ซิหื่นไปไหม)
My DArling  : ถ้าอย่างนั้นพี่ไม่คุยแล้ว และพี่จำได้ว่าเราเรียนสายศิลป์นะ ไม่ใช่สายหื่น
 
         ผมเดินขึ้นมาบนห้องเห็นครูลินดายืนคุยกับครูถาวรยิ้มๆหัวเราะชอบใจกันใหญ่ และพอผมเดินเข้าไปในห้องครูถาวรก็หันมาส่งยิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้ผมกับครูลินดาอยู่ในห้องสองคน

         "ครูลินดามีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ" ผมถามครูลินดา เธอก็นั่งลงตรงข้ามผมดูเธออิดออดที่จะพูด

         "พูดมาเถอะครับ" ผมบอกเธอไปสายตาผมก็มอง อึดอัดแทนจริงๆ ผมเองก็โคตรอึดอัดเลย

         "พรุ่งนี้ป้าของลินดาจะมาเยี่ยมนะคะ แม่อยากให้เชิญครูเขาไปทานข้าวเย็นด้วยกันได้ไหมคะ " ผมก็นิ่งอึ่งไปหลายวินาทีเลย

         "นะคะ...ครูเขม..ลินดาขอร้อง..คือลินดาอยากให้ครูเขมช่วยลินดาเรื่องหนึ่งนะคะ ...ช่วยเป็นแฟนให้ลินดาหน่อย"

         "ห๊ะ!! .." ผมตกใจสะบัดหน้ามองครูลินดา ผมเป็นเกย์ครูลินดาก็รู้นี้

         "ครูลินดาครับ...ผมพูดตรงๆนะ..ผมมีคนรักแล้ว"

         "คริสโตเฟอร์"

         "ใช่ครับ ผมไม่อยากให้เราสองคนมีเรื่องทะเลาะกันนะครับ ครูลินดาเข้าใจผมนะครับ..แค่ปัญหาที่ครูมิ้งพาน้องแชมป์ไปมันจึงทำให้ผู้อำนวยการไม่ชอบความรักประเภทผมก็เครียดแย่อยู่แล้วครับ" ผมพูดกับครูลินดาตรงๆ

         "เดี๋ยวนะครับ ผมถามก่อนว่าทำไมครูอยากให้ผมไปเป็นแฟนและคงจะเกี่ยวกับป้าที่จะมาเยี่ยมครูด้วยใช่ไหมครับ"

         "ใช่ค่ะ..ถ้าลินดาไม่มีแฟนเขาจะให้ลินดาแต่งงานกับผู้ชายที่ลินดาไม่เคยรู้จักเขาเป็นคนใต้เหมือนกันเขารู้จักลินดาและเขาก็ชอบลินดานะคะ" ผมพยักหน้าเข้าใจนะแต่ผมก็หนักใจไปพร้อมๆกัน

         "และแม่ก็เข้าใจว่าครูเขมกำลังจีบลินดาด้วยเลยบอกว่าให้เชิญไปทานข้าวที่บ้านป้าของลินดาจะได้ไปบอกทางฝ่ายโน้นว่าลินดามีแฟนอยู่แล้ว และเขาจะได้เลิกส่งผู้ใหญ่มาทาบทามลินดาซะที " ครูลินดาพูดพร้อมทำหน้าตาเศร้าๆ

         "ผมแคร์คริสโตเฟอร์มากนะครูลินดา!"

         "ครูรักเขามากเลยเหรอค่ะ..ครูเพิ่งจะมาไม่กี่วันเองเจอเขากี่ครั้งเอง..หรือว่าเจอเขาบ่อยมากกว่าที่เจอที่โรงเรียนคะ" ครูลินดาพูดเธอมองผม ผมนิ่งเงียบ

         "นี้ลุงครูลินดา เออ..ผู้อำนวยการเขาก็ถามลินดาเกี่ยวกับครูและคริสโตเฟอร์ ลินดาตอบไปว่าแค่ครูนักเรียนจริงๆ และท่านก็เข้าใจว่าครูนะจีบลินดาอยู่ ถ้าผู้อำนวยการเข้าใจแบบนี้ท่านก็จะไม่เพ็งเล็งครูกับคริสโตเฟอร์ถูกต้องไหมคะ"

         "ครูเขมช่วยลินดาก่อนได้ไหมคะ..ลินดาไม่อยากแต่งงาน"

         "ฟู่!!!!"

         “นะคะ ลินดาขอร้อง นะคะครูเขม “ ครูลินดาจับมือผมไว้ เหมือนเขาเดือดร้อนจริงๆ อาการเหมือนผมคือที่พึ่งสุดท้ายของเธอแล้ว

         "ผมจะช่วยครูแต่ครูต้องอธิบายให้คริสโตเฟอร์ฟังหากเขาเข้าใจผมผิด.."ผมพูดกับครูลินดาเธอพยักหน้ากับผม

         "ผมต้องไปแล้วนะครับผมลืมของไว้ที่บ้านพักและจะไปทานข้าวที่บ้านพักด้วยเช่นกัน ..ผมขอตัวนะครับ" ผมรีบพูดและหยิบกุลแจบ้านพักของผมก่อนที่จะลุกขึ้น

         "ค่ะครูเขม..อย่าลืมขนมนี้ด้วยะคะ " ครูลินดาพูดพร้อมหยิลกล่องขนมชั้นขึ้นมาให้ผม ผมรับไปถือไว้และรีบเดินลงไปที่ผมนัดหมายคริสโตเฟอร์ไว้ ผมควรทำยังไงดี

         "ครูเขม" ผมหันไปเจอพี่สมพิศพอดีเลยครูฝ่ายการเงิน เขามองที่มือผมถือไว้ ทำตาโต

         "น่าอิจฉานะคะครูเขม...ครูลินดาทำมาให้ใช่ไหมคะ..ดอกกุหลาบด้วย...พี่นี้ดีใจนะคนสวยๆของพี่จะมีแฟนซะที" ผมก็พยักหน้าไปแบบนั้น

         "ผมขอตัวก่อนนะครับ ผมจะกลับบ้านพักนะครับ " ผมรีบเดินจั้มอ้าวไปด้านหลังห้องอาหารตอนนี้ได้เวลาพักเที่ยงแล้วด้วยเกินไปห้านาทีแล้วด้วยซิพอมาถึงคริสโตเฟอร์ยืนถือถุงขนมไว้อยู่แล้ว ผมควักมือเรียกเขาก็วิ่งมาหาผมทันที ทำท่าจะกอดผม

         "คริส!!" ผมทำหน้าดุตอนพักเที่ยงคนก็เยอะแยะ

         "ครูทำไมวันนี้สั่งกับข้าวเยอะจังอะ"คริสโตเฟอร์พูดผมก็ก้มลงดูในถุงเออ ผมเขียนแค่สามอย่างข้าวสองถุงแต่นี้ให้มาตั้งสีอย่างมีผัดหมีซั่วถุงหนึ่งผมคิดว่าเขาคงแถมมาให้แน่ๆ ขณะที่ผมกำลังจะเดินออกผมหันไปเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กน่าจะม.2 ผมมองดีดี เด็กคนนี้เป็นเด็กนักเรียนห้องที่ผมสอน ผมเห็นเขานั่งแอบอยู่คนเดียวเอามือกุมท้อง

         "มีอะไรเหรอครู" คริสกระซิบถามผม ผมชี้ให้ดูเด็กคนนั้นอีกแล้ว นายอนุชิต วันนี้คงไม่มีตังมาโรงเรียนอีกแล้ว ผมว่าจะคุยกับเขาดูเพื่อว่าจะช่วยเขาได้ ผมมีสอนห้องเขาอีกทีพรุ่งนี้

         "คริสเอาหมีซั่วนี้ไปให้น้องเขาถุงหนึ่งและอะเอาตังค์ครูนี้ให้เขาไว้ซื้อน้ำซื้อขนมกิน "ผมพูดและหยิบกระเป๋าสตางค์ควักเงินออกมาห้าสิบบาท คริสโตเฟอร์ก็วิ่งไปสะกิดเด็กผู้ชายนั้นเขาส่งถุงหมีผัดและเงินให้ไปคริสโตเฟอร์ชี้มาที่ผมว่าผมเป็นคนให้เด็กคนนั้นหันมายิ้มให้ผมเขาดีใจนะถึงจะเล็กๆน้อยก็เถอะ เขายกมือไหว้ขอบคุณผมก่อนจะถือถุงนั้นเขาไปนั่งกินกับเพื่อนๆ

              เราเดินไปด้วยกันสองคนไปทางสนามฟุตบอลและเดินลัดเลาะไปยังบ้านพักผมได้ด้วยแต่ทางไม่คอยเอื้ออำนวยสำหรับรถมอเตอร์ไซค์เขาจึงไม่ค่อยมาใช้ทางนี้กัน พอผมสองคนข้ามที่กีดขวางไว้เหมือนเป็นกำลังแพงกันระหว่างเขตบ้านพักกับโรงเรียน คริสโตเฟอร์ก็เอื้อมมือมาจับมือผม

         "ครู...วันอาทิตย์เราไปลอยกระทงกันด้วยใช่ปะ"

         "อืม..ทำไมละไม่อยากไปเหรอ"

         "เมื่อก่อนไม่อยากไปอะ..แต่ตอนนี้อยากไปแล้วอยากไปมากด้วย"

         "อยากมีโมเม้นยืนถือกระทงใบเดียวกันกับแฟนและอธิษฐานร่วมกัน" ผมหันมาองคริสโตเฟอร์มีโมเม้นน่ารักกับเขาด้วยเนอะขึ้นมาบนบ้านแล้วคริสโตเฟอร์ก็จัดการจัดโต๊ะผมก็แกะถุงแกงใส่ชาม ก็ดีเหมือนกันผมอยากไปลอยกระทง ลอยกระทงที่ไรไม่ได้ไปลอยสักทีเพราะว่าณัฐกานต์เข้าผับตั้งแต่สองทุ่มพอเที่ยงคืนณัฐกานต์ก็เมาคอพับเป็นอันว่ากระทงไม่ได้ลอยแถมต้องแบกกลับห้องอีกด้วย

         "พี่เขม"

         "หึ ? " คริสโตเฟอร์เรียกผม ผมหันไปมองหน้าว่ามีอะไร

         "เหมือนมีใครเอาเรื่องเราไปพูดเลยอะพี่...ไอ้โป้งมันรู้ก่อนที่ผมจะบอกได้ไงอะ"

         "ก็เรามานอนกับพี่มั้ง...สมัยนี้สื่อออกจะเยอะแยะ ผู้ชายค้างกับผู้ชายใครเขาก็ดูออก" ผมพูดแต่ผมไม่ได้บอกหรอกว่าผมได้ยินโป้งพูดมาว่าแก้มเอารูปให้โป้งดู มันทำให้ผมเพิ่งจะคิดได้ว่าที่คริสโตเฟอร์บอกผมว่าเหมือนมีคนตามเข้าไปตอนที่ผมกับเขาไปจอดรถคุยกันระหว่างรอครูลินดาทำแผล ถ้าผมบอกไปคริสโตเฟอร์คงไปเล่นงานแก้มแน่ๆ และนั้นมันก็จะทำให้คริสโตเฟอร์ดูไม่ดี ผมเลยเลือกที่จะไม่บอกจะดีกว่า

         "เสียใจเหรอคริส...ที่โป้งเขา" ผมถามคริสโตเฟอร์

         "เสียใจแต่ผมแคร์หัวใจตัวเองมากกว่า...ผมรักพี่มากนะ..ผมกับไอ้โป้งคงทำบุญกันมาแค่นี้"

         "คริสทำบุญมาแค่นี้ ส่วนใหญ่เขาเอาไว้พูดกับคู่รักที่แตกหักไม่ค่อยมีใครเขาเอามาพูดกับเพื่อนแบบนี้หรอกนะนายนี้"

         "ถ้าอย่างนั้นพี่กับ...ณัฐกานต์ก็ทำบุญกันมาแค่นี้อะดิ"

         "อันนี้เรียกได้ว่าชาติที่แล้วพี่คงไปทำกรรมไว้ดีกว่ามั้งและเลิกพูดถึงณัฐกานต์ได้แล้วเลิกแล้วพี่ก็ไม่อยากจะขุดสิ่งไม่ดีของกันและกันมาพูดอีกคริส"

         "คริสขอโทษพี่เขมคริสแค่พูดขำ ขำ" คริสโตเฟอร์ทำหน้าเศร้า ผมเอามือแตะหัวคริสโตเฟอร์เบาๆ ผมสองคนทานอาหารเสร็จวันนี้คริสโตเฟอร์ล้างทำความสะอาดจะว่าไปก็น่าดีนายนี้

         "คริสต้องออกไปกันแล้วจะบ่ายโมงแล้วคริส" ผมบอกคริสโตเฟอร์ ตอนนี้เที่ยงสี่สิบนาทีแล้ว คริสโตเฟอร์เดินเข้ามาหาผม เข้ามาสวมกอดผมและจูบผมแบบเร้าร้อน ยิ่งนับวันคริสโตเฟอร์ยิ่งเจนจัดเรื่องพวกนี้มากขึ้น มือก็กุมจับตรงเป่าผมคลึงเล่นอย่างรู้งานแต่ทะว่ามันไม่ใช่เวลามาเล่นกันแบบนี้ผมรีบจับมือคริสโตเฟอร์ออกก่อน

         "คริสอย่าล่อเล่นกับอารมณ์พี่แบบนี้ ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วมันห้ามยากนะ" ผมพูด พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นสูง

         "คืนนี้เราเล่นท่ายากกันนะ" ผมยิ้มที่มุมปาก

         "จะคอยดูนะ.."

         "ไม่เชื่อผมเหรอ..เดี๋ยวคืนพี่เขมเตรียมตัวครางไม่หยุดได้เลย "

         "จะคอยดูอยากมีโมเม้นแบบนั้นจัง" ผมพูดเหมือนแกล้งประชด เพราะว่าผมทำให้นะคนนี้ครางดังกว่าผมอีก ผมก็หยิบพวกโทรศัพท์ ผมซื้อโทรศัพท์ใหม่ผมใช้ Nokia Lumia ราคาไม่แพงเท่ากับไอโฟนแต่พอใช้ได้ผมจะเอาไอโฟนไปคืนณัฐกานต์ ถ้าจบแล้วผมก็คืนทุกอย่างที่เขาให้ผมมา ผมไม่อยากเก็บไว้ เพื่อให้คนที่ผมรักคนใหม่ต้องมาคิดมาก เพราะถ้าเลือกที่จะจบแล้วก็คือต้องจบแบบเด็ดขาดไปเลย นั้นคือความคิดของผม
             
                 เหมือนเดิมผมเดินลดเลาะมาด้านหลังและรีบแยกกันก่อน คริสโตเฟอร์ก็เดินกลับไปทางที่เพื่อนๆเขานั่ง ผมก็ยืนชะเง้อมองเพราะว่าผมเองก็เป็นหวงเขาเรื่องโป้งอยู่ไม่ใช่น้อย ผมได้แต่หวังว่าเขาสองคนจะเข้าใจกัน คงไม่โกรธกันไปจนต่างคนต่างเรียนจบนะ   


หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอนที่ 21.1 คำของของครุลินดาให้ผมช่วย
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 13-08-2020 19:14:37
 :pig4 :pig4:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน EP.13 เซอร์ไพรส์มากปันปัน
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 13-08-2020 22:45:47
           ( ครูเขมXคริส) EP.13 เซอร์ไพรส์มากปันปัน
           

            Part คริสโจเฟอร์ ตอนเที่ยงผมไปทานข้าวเที่ยงกับครูเขมทั้งที่ปกติจะทานกับเพื่อน คือไม่อยากทำตัวว่าว่ามีแฟนแล้วจะทิ้งเพื่อนอะไรแบบนี้ ทั้งที่เพื่อนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมกับครูเขมเรา รักจริงปิ๊งเก้อกันไปแล้ว แต่นี้ดันเป็นเพื่อนผมเองที่ทิ้งผมแทนและผมก็ไม่รู้ว่ามีนไม่รู้เรื่องผมกับครูเขมมาได้ยังไงก่อนที่ผมจะบอกมัน และคนนั้นก็คือไอ้โป้ง มันรังเกียจผมมันคงไปได้ยินใครพูดมาก่อนหน้านี้และนั้นแหละใครกันที่เอาเรื่องของผมกับครูเขมไปเม้าส์กัน

      วันนี้ครูเขมบอกว่าจะเลิกหกโมงครึ้งส่วนผมก็กำลังจะเดินไปที่สนามบาสว่าจะซ้อมบาสเกตบอล ผมคิดว่าเลิกซ้อมแล้วค่อยไปเอาอาหารที่ครูเขมโทรสั่งไว้ และคืนนี้จะเล่นอะไรกับที่รักดีนะเพราะว่าคนนี้8iเป็นคืนของคริสโตเฟอร์ อยากจะไปสั่งทำปฏิทินที่มีแต่วันคี่ทั้งเดือน (คิดได้เนอะนายนี้)

                       "อาร์ทดีวะ โจดีวะ " ผมเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วจะเดินมาลงสนามซ้อมกันผมเห็นไอ้อาร์ทและไอ้โจ้มันยืนอยู่เคยเรียนห้องเดียวกันแต่ว่ามันขอย้ายสายไปเรียนวิทย์มันอยากไปเรียนวิศวะกันแต่ก็ยังมาเล่นบาสด้วยกันได้เพราะว่าพวกผมเป็นทีมบาสของโรงเรียน เรื่องเรียนไม่ค่อยเจ๋งแต่พอไปได้ ส่วนเรื่องบาสเก็ตบอลพวกผมนำโด่งเลย

                       "ไอ้คริสมึงไปกวนสนตีนอะไรไอ้โป้งวะวันนี้มันบอกว่ามันไม่ซ้อมรอบเดียวกับมึงวะ" ไอ้อาร์ทถามผมทันทีที่เดินมาถึง ผมหันไปมองไอ้โจอีกคนพวกมันก็หยักไหล่ว่าใช่ ไอ้โป้งมันชักจะเอาใหญ่แล้วผมว่าผมต้องเปิดอกคุยกันแล้วแหละว่ามันจะรังเกียจอะไรผมขนาดนั้น

                       "ไอ้โป้งไปไหนวะไอ้ปัน ปัน" ผมหันถามไอ้ปัน ปัน เพราะปกติมันจะตัวติดกันเหมือนปาท่องโก๋แต่วันนี้มันกับไม่ได้ไปกับไอ้โป้ง

                       "ไปแรด!!!" ไอ้ปัน ปันพูดผมเหล่ตาลงไปมองไอ้ปัน ปันนั่งหน้ามุ่ย มันไม่ชวนไปละซิท่า

                       "ไปกับพี่ม.6 พวกพี่กาย พี่อั๋นอะไรพวกนี้แหละ.. ส่วนไอ้เชี้ยนี้เขาไม่ให้มันไป ฮาๆ " ไอ้โจพูดและก้มลงมองไอ้ปัน ปัน ที่เหลือกตาขึ้นมามองไอ้โจอีกที นี้มันเกลียดผมจน เลิกคบกับผมและไปคบพวกเชี้ยๆอย่างไอ้พี่กายเลยหรือไง เพราะมันก็รูว่าผมกับไอ้พี่กายไม่ถูกกัน

                       "ตกลงนี้มันรังเกียจกูจริงๆใช่ไหมวะไอ้ปัน" ผมเอามือเท้าซะเอวพ่นลมออกมาผมไม่อยากจะเชื่อเพื่อนทีผมคบมาตั้งห้าปี ห้าปีเลยนะ ไปไหนไปกันกินนอนเที่ยวด้วยกัน แค่ผมไปรักผู้ชายห้าวันมันเลิกเป็นเพื่อน ผมหันไปเตะอากาศแทน

                       "ตกลงมึงเป็นเกย์จริงๆเหรอไอ้คริส..." ไอ้โจมันถามผม ผมหันหลังกลับมามองไอ้โจ

                       "ถ้ากูบอกว่ากูเป็นพวกมึงจะทิ้งกูไปอีกไหมละ.." ผมถามกลับทันที

                       "เฮ้ย!! พวกกูยังไม่ได้พูดสักคำเลย พวกกูนะไม่ใช่พวกโลกแคบนะโว้ย" ไอ้อาร์ทพูด ผมก็ยังดีที่ยังเหลือพวกมันนี้แหละแต่ผมก็อยากได้ยินคำพูดนี้จากปากเพื่อนรักของผมอีกคนมากกว่าไอ้โป้ง ทำไมมันรังเกียจเกย์แบบนี้วะ ผมทรุดลงนั่ง

                       "ตกลงมึงเป็นใช่ไหมวะ" ไอ้อาร์ทถามผม

                       "กูไม่รู้แต่กูรู้สึกดี รู้สึกมีความสุข กูรู้สึกว่าครูเขมเขาทดแทนสิ่งที่กูขาดหายไปได้วะ กูเคยมีผู้หญิงมันก็แค่ความสุขในเรื่องอย่างว่าแต่ครูเขมให้กูใด้ทั้งกายและใจวะ พวกมึงเข้าใจกรูไหมวะ" ผมพูดอธิบายและหันไปถามพวกมันกลับ

                       "ไม่อะ!" ไอ้อาร์ทกับไอ้โจตอบมาพร้อมกันว่าไม่เข้าใจแต่ผมไม่ว่ามันหรอกมันสองคนถ้ามันจะไม่เข้าในก็มันมีแฟนเป็นผู้หญิงด้วยกันทั้งคู่ และเป็นรุ่นพี่มันด้วยตอนนี้ไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว(มันบอกไม่ชอบมีแฟนเรียนที่เดียวกัน)

                      "เข้าใจวะ" ไอ้ปัน ปันพูด พวกผมสามถึงกับสะบัดหน้าหันไปมองหน้าไอ้ปัน ปัน พร้อมกันด้วยความประหลาดใจ

                       "เว้ยย..มึงไปเข้าใจมันได้ไงอะ" ไอ้โจหันไปถามไอ้ปัน ปัน

                       "มองกูกันทำไมอะก็แค่กูเข้าใจอะ"ไอ้ปันปัน พูด พวกผมเลิกคิ้วสูงว่ามันเข้าใจว่ายังไงละ

                       "เอาตามความจริงไอ้ปัน อย่าแหล!!" ไอ้อาร์ทพูด ปัน ปันมันก้มหน้าลง ผมบอกแล้วว่ามันหน้าโหดไม่โหดมากหรอกคือแบบเท่ อะไรแบบนี้มากกว่าแต่นี้มันก้มลงทำหน้าเหมือนแมวเลย

                       "กูเข้าใจว่าเวลาที่เจอคนที่เขามองต่างกัน อย่างรักแบบนี้ที่ผิดแปลกธรรมชาติไม่มีใครอยากจะเป็นหรอก และถ้ายิ่งโดนรังเกียจด้วยแล้วนะแม่งโคตรจะช้ำใจเลยวะแถมเป็นเพื่อนสนิท บางที่ก็คิดนะว่ามันผิดตรงไหนวะแค่มีความรู้สึกกับผู้ชายด้วยกัน" ไอ้ปัน ปันพูด ผมมองหน้ามันมึงอินกับควารู้สึกกูไปไหม

                       "ปัน..กลับมาลูก..กูเอาคำตอบตรงๆ " ไอ้โจมันบอกไอ้ปัน ปัน

                       "ถ้ากรูบอกพวกมึงห้ามบอกไอ้โป้งสัญญาก่อนดิวะ" ไอ้ปัน ปันหันมาพูดกับพวกผม มันหันมามองหน้ากันมันชักแปลกๆแล้วซิ แต่ก็พยักหน้าตอบไปว่าได้

                       "อะ อะ พวกกรูสัญญา บอกมาเร็วถ้าช้า พวกกูไม่สัญญาว่ามึงจะกลับไปห้องไอ้โป้งได้แบบสบายๆอาจจะโดนหามไปส่ง" ไอ้อาร์ทพูด

                       "กูก็เป็นเกย์วะ!!!" ไอ้ปัน ปันพูดและพวกผม็หันหน้ามามองตรงเพราะมันก็แค่นี้เอง แค่นี้เองอะ อึกอักอยู่ได้แต่ ..แต่เฮ้ย! มันบอกว่ามันเป็นเกย์!!!

                       "อะไรนะไอ้ปัน ปัน มึงบอกพวกกูว่ามึงเป็นเกย์หรอวะ!" คนแรกไอ้อาร์ทตะโกนส่งเสียงตกอกตกใจไอ้ปัน ปันกระโดดไปเอามือปิดปากแทบไม่ทันที

                  "เอาจริงๆดิวะปัน ปัน มึงอย่ากวนร้องเท้าผ้าใบคู่ใหม่กูได้ไหมวะ เดี๋ยวเตะให้ร้องแต๋วแตกเลยนี้" ผมพูดร้องเท้าผ้าใบคู่นี้ผมไปเจอมาที่ห้างตอนไปซื้อของใช้และครูเขมซื้อให้ไว้ซ้อมบาส รักมากด้วยทั้งรองเท้าและคนให้ พอถอดออกต้องหาอะไรมาปัดฝุ่นออกครูเขมขำผมใหญ่เลยและจะใส่ทุกวันเลยด้วย ปันมันหันมามองหน้าพวกผม ก่อนที่มันจะทำสีหน้าจริงจัง

                       "กูเป็นเกย์จริงๆวะ "

                       "เชร้ดโด้!! มึงติดไปจากไอ้คริสเหรอวะไอ้ปัน ปัน" ไอ้โจ้ ผมหันไปเหล่มองมันเกี่ยวอะไรกับกู

                       "กูไม่ได้เพิ่งเป็นเพราะเขาฮิตกันนะสัส! ..โจ แต่กูนะเป็นตั้งแต่เด็กแล้วแหละ ก่อนกูย้ายมาที่นี้กูเรียนโรงเรียนชายล้วนมาก่อน และพ่อกับแม่ก็คิดว่านั้นคือสาเหตุเลยส่งกูมาเรียนที่นี้เขาบอกที่นี้นักเรียนหญิงเยอะกว่านักเรียนชายและเพื่อว่า” ไอ้ปันปันมันพูด

                       “กูจะดีขึ้น" อันนี้มันพูดด้วยน้ำเสียงที่เบามากและก้มหน้าลง

                       "แล้วมึงหายเลยเหรอวะ" ไอ้อาร์ทมันกระโดนลงมาถามไอ้ปัน ปัน

                       "อาร์ทครับกูเป็นเกย์นะครับไม่ได้เป็นโรคภูมิแพ้ผู้ชายพออยู่ห่างแล้วกูจะได้หายนะสัส!!" เต็มๆหน้าไอ้อาร์ทเลยคำตอบและน้ำลาย ไอ้อาร์ทมันเอามือลูบหน้าตัวเอง

                       "กูหนักกว่าเดิมวะ" ไอ้ปัน ปันพูด

                       "เฮ้ย!!! หนักกว่าเดิม" ปฏิกิริยาตอบเร็วมากไอ้โจ้และไอ้อาร์ทกระเด็นออกคนละทางจากไอ้ปัน ปัน จากที่นั่งติดกับมัน

                       "กู..ก็..กูได้อยู่กับไอ้โป้งมันนะ. อยู่ติดมันตลอดไปไหนก็ไปกับมันอะ..กูเลยไม่หายมั้ง "

                       "และกูก็คิดว่ากูชอบไอ้โป้งวะ" ไอ้ปัน ปันมันบอกว่าชอบไอ้โป้ง ผมยกมือกุมหัวตัวเองเลย ทุกคนพากันสะบัดหน้าไปทางอื่นกันหมดไอ้โป้งมันประกาศว่าเกลียดเกย์ และไอ้ปัน ปันเสือกเป็นเกย์และชอบมันอีกและอยู่ใกล้ชิดสนิทสนมมันขนาดนี้อีก มันเนียนมาก!!

                       "มึงชอบไอ้โป้ง!!!!" ผมสามคนพูดออกมาพร้อมกันอีกครั้ง

                       "อย่าบอกไอ้โป้งนะกูขอร้องวะ กูอยู่ได้แค่ขอให้ได้ใกล้ชิดก็พอ" ไอ้ปัน ปันมันหันมาพูดพวกผมหันมามองหน้ากันพูดอะไรกันไม่ออกเลยหมดคำพูดให้กับไอ้ปัน ปัน

                       "ไอ้ที่แค่ใกล้ชิดก็พอของมึงนี้มันแค่ไหนวะ" ผมมองหน้ามันเพราะว่าไอ้โป้งมันแสดงอาการรังเกียจผมออกขนาดนี้และถ้าผู้ชายอยู่ด้วยจะไม่มีอารมณ์เป็นไม่ได้โดยเฉพาะผู้ชายที่พิสวาสผู้ชายด้วยกัน เช่นผมนี้อยู่กับครูเขมสองต่อสองจะไม่เข้าไปเคล้าคลอทำไม่ได้ต้องไปนั่งชิดติดขอให้ได้สีประมาณนั้น

                       "ก็แบบทุกวันนี้ที่เป็นอยู่ก็พอแล้ว" ไอ้ปัน ปัน มันพูดเบาๆและมองหน้าผมแบบน่ารัก

                       "นี้ไอ้โป้งมันก็ไม่รู้ว่ามึงก็เป็นเกย์และมึงยังชวนมันไปอาบน้ำด้วยกันและนี้มันก็พามึงไปนอนบ้านพักเดียวกับมันอีก ..เนียนชิบหายเลยไอ้ปัน...." ไอ้โจพูดพร้อมกับทำท่าขนรุกไปด้วย ผมลืมบอกไปว่าไอ้ปันปันนะมันไม่ได้นอนบ้านพักเดียวกับผมหรอก บ้านพักมันเป็นเด็กเนิ้ดมาพักด้วย จะมาเที่ยวเล่นกันบ้างค้างคืนบ้าง และช่วงที่ผมไม่อยู่ไอ้โป้งมันเลยเอาไอ้ปันปันมาอยู่แทนเลยมั้ง

                       "มึงนอนเตียงเดียวกับมันหรือนอนเตียงกูวะ" ผมถามไอ้ปัน ปัน มันหันมามองผมแววตาเป็นประกาย อย่าบอกนะว่า พวกผมมองไปในแววตาของมัน ผมรู้มาว่ามันเอาไปปันปันไปนอนช่วงที่ผมไปอยู่กับครูเขมด้วย ปกติไอ้ปันปันมันอยู่บ้านพักคนละหลังกับผมสองคน

                       "กูบอกว่ากูนอนเตียงไอ้คริสไม่ได้หรอก.....เดี่ยวคริสมันว่าเอา มันหวงเตียง และมันก็เลยให้กรูนอนเตียงเดียวกัน" อ้าวนั้นไง....ใช้มุกเดียวกับผมอีกที่เคยใช้กับครูเขม

                                   "ไอ้ตอแหล!!" พวกผมพร้อมใจกันพูด เพราะว่าผมไม่เคยพูดเลยว่าหวงเตียง

                                   "กูยอมรับ" ไอ้ปัน ปัน

                                   "มึงหาเรื่องนอนกับมันมากกว่า และมึงรู้ไหมไอ้ปันว่าไอ้โป้งมันมีเมียแล้ว" ไอ้อาร์ทพูด ผมพยักหน้าว่าจริงด้วยแฟนมันเป็นรุ่นพี่จบไปจากที่นี้ไปเรียนพยาบาลต่อ

                       "กูรู้ตำตากูชิบหายเลยวะ" ไอ้ปัน ปัน

                       " แต่กูไม่เคยรู้ว่ามันเกลียดเกย์วะ อันนี้กูเพิ่งรู้ กูโคตรกลัวเลยวะ ถ้ามันรู้ว่ากูก็เป็นเกย์ มันจะเกลียดกูไหมวะ" ไอ้ปัน ปันพูดผมนี้สงสารมันขึ้นมาทันทีเลย

                       "กูถามมึงหน่อยดิว่า เวลาที่มึงนอนเตียงเดียวกับมันมึงได้กอดมันไหมวะ" ไอ้โจทะลึงถามขึ้นมากลางป่องเลย ไอ้ปัน ปันมันก็หันมามองหน้าพวกผม ผมคิดว่าไม่แน่นอน

                       "ไม่" มันตอบไม่ ผมหันมามองหน้ากันและพยักหน้าพร้อมกันว่ายังดีวะ

                       "ไม่เหลือ" เชี้ยแล้ว! ผมไถลไปตามๆกัน เชี้ยมันเกลียดเกย์แล้วเสือกไปกอดมันอีก

                       "แล้วมึงเคยแอบจูบมันไหมวะ" ไอ้อาร์ทถามต่อ ผมสะบัดหน้าไปมองหน้า ถ้าจูบนี้มันก็ต้องรู้ดิ ผมว่าไม่น่ะแต่

                       "ไม่" พวกผมไม่อยากเดาไม่อะไรพูดให้จบ ผมมองหน้ามัน

                       "ไม่เคย" ไอ้โจ

                       "ไม่เคยพลาด..หอมหลายครั้งแล้วแหละ..แก้มมันนิ่มวะ กูพูดเลย " นั้นอันนี้ไม่ได้ทำให้พวกผมฟินตามนะแต่อ้าปากค้างในความเนียนขั้นเทพของมัน 

                       " มึงลองสัมผัสหนังตีนมันยังอะ....นิ่มเหมือนแก้มไหม..เพื่อว่าโดนเข้าไปจะได้ไม่เจ็บ " ไอ้อาร์ทถามไอ้ปัน ปัน มันหุบยิ้มและส่ายหัวไปมา

                       "ไข่มันกูก็จับนะ ได้นอนด้วยทั้งทีเก็บไว้ทำพองมึงเหรอ" ไอ้เวรเอ้ย! ไอ้ปัน ปัน ผมว่าถ้าไอ้โป้งรู้นี้มันโดนหนักแน่ๆ ผมรู้จักไอ้โป้งดี ผมทำได้แค่ส่ายหัวให้ไอ้ปันปัน มึงนี้มันหาเรื่องชัดๆเลย
   
                  ผมหันมาไอ้สองตัวนั้นวิ่งไปหาที่อ๊วกครับ มันฟังไม่ได้ผู้ชายเขาลวนลามกัน ผมมองไอ้ปัน ปัน มันหยักคิ้วให้ผม ผมเองนะไม่อยากจะคิดว่าถ้าไอ้โป้งมันรู้ว่าไอ้ปัน ปันเป็นเกย์และมันก็นอนเตียงเดียวกัน แถมไอ้ปัน ปันยังกอดมันอีก ไม่ขอจินตนาการนะเพราะว่าผมนะสงสารไอ้ปัน ปัน ไอ้โป้งมันคนจริง

                  "กูถามมึงอีกอย่างมึงรักไอ้โป้งแล้วเวลามันไปกับแฟนมันมึงไม่หึงเหรอวะ"  ผมถามไอ้ปันปัน มันหันมาตีหน้าเศร้าทันที

                       "กูเหรอไม่ไม่ ไม่มีที่กูจะไม่หึงอะแต่กรูทำไม่ได้ นอกจากยืนมอง เจ็บชิบหายเลยวะ"

                       "แต่กูรู้สึกแปลกวะ เป็นแฟนกันจับมือกันน้อยมาก และพี่เขาส่วนมากจะนั่งติดกับเพื่อนเขาวะที่ชื่อแป้งอะ นั่งตัวติดกันเลย กูเคยเห็นเขาหอมแก้มกันด้วยและจุบปากเล่นกันด้วยวะ แต่กูคิดว่าเพื่อนผู้หญิงเขาอาจจะชอบทำแบบนี้มั้ง" ไอ้ปัน ปัน ผมหันมามองหน้ากันอีกที ไม่ใช่เพื่อนผู้หญิงเขาทำกันแล้ว

                       "จูบแบบไหนที่ว่าเขาเล่นกันวะ" ไอ้อาร์ทมันถาม

                       "จูบเหมือนดูดดื่มและแลกลิ้นกันนิดหน่อยๆ" อันนี้พีคมากสำหรับผมสามคน อย่างบอกพวกผมนะว่าแฟนมัน!

                       "เออ..กูแอบเห็นแค่ครั้งเดียวตอนที่กูไปเที่ยวทะเลกันนะและแฟนมันกับเพื่อนไปด้วยไอ้คริสไม่ได้ไป กูเดินลงมาจากบ้านก็เห็นพอดีและกูก็รีบหันหลังและเดินขึ้นเลยวะ ไม่กล้าดู"ไอ้ปัน ปันพูด ไอ้อาร์ททำท่าขย้อยเพราะไอ้นี้สิงห์นักล่าจูบสาวๆ

                       "กูไปอีกรอบนะอันนี้ไม่ไหวจะเคลียร์" ไอ้อาร์ท ฮาๆ ผมหันไปหัวเราะไอ้อาร์ทกับไอ้โจ

                       "ไอ้โป้งมันรู้เรื่องนี้ไหมวะ" ผมหันกลับมาถามไอ้ปันปัน

                       "ใครจะกล้าบอกวะ กูไม่กล้าบอก บอกไปมันก็เตะกูอะดิระหว่างเพื่อนกับแฟนมันจะเชื่อใครวะ" ไอ้ปัน ปันพูดผมพยักหน้าจริงวะ

                       "กรรมของไอ้โป้ง!!!!" ไอ้อาร์ทที่กลับมาตั้งหลักและไอ้โจ พูดออกมาพร้อมกัน

                       "เฮ้ย!! ไอ้โป้งมาวะ" ผมหันไปมองไอ้โป้งมันเดินมาพอมันเห็นหน้าผมมันก็หันหน้าหนีเลยทันที ทำเป็นมองไปทางอื่นแทน

                       "ปัน ไปกลับบ้านวะกูมีหนังใหม่เพียบเลยวะไปดูกันดีกว่า มีfifthy shades of gray ด้วยวะ ผู้หญิงผู้ชายมันน่าดูกว่า...." ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้ามันว่ามันจะพูดอะไร แต่ไอ้อาร์ทมันแตะไหล่ผมพร้อมกับส่ายหัวให้ผมว่าอย่าเลย เพราะมันหนักกว่าผมอีก มันไม่ได้พูดแต่สีหน้ามันบอกผมได้มากกว่าคำพูดอีก ผมก็พยักหน้าตามนั้น ..แต่พอมันพูดว่า

                       "ผู้ชายเอาตูดกัน แถมยังตูด...ครู.." เท่านั้นแหละผมลุกพล้วดเลยกระฉากด้วยความไวผมก็กระฉากคอเสื้อมัน ไอ้โป้ง

                       "เฮ้ยย...ใจเย็นอะไรวะ จะต่อยกันทำไมวะเพื่อนกันไอ้เชี้ย " ไอ้อาร์ทมันลุกขึ้นและดันหน้าอกผมสองคนไว้ให้ออกจากกัน  ผมกำหมัดแน่นและไอ้ปัน ปันมันก็ลุกพล้วดดึงรั่งไอ้โป้งให้ออก สายตาผมกับไอ้โป้งสบตากันไม่ยอมละหนีจากกันเลย

                       "เขาเป็นเพื่อนนายไม่ใช่เหรอคริส" คำพูดของครูเขมลอยขึ้นมาผมมองหน้ามันและหมัดผมก็ค่อยๆลดลง ไอ้โป้งมันสะบัดให้มือผมหลุดจากคอเสื้อนักเรียนของมัน

                       "ไอ้โป้งมึงกับไอ้คริสเป็นเพื่อนกันมาห้าปีนะโว้ยย..พวกกูนี่มาที่หลังยังยอมรับมันได้เลยแล้วมึงละวะเป็นห่าอะไรของมึง " ไอ้อาร์ทพูดกับไอ้โป้งและมันก็ดันอกผมไว้ ผมที่ยืนพยามระงับอารมณ์ความโกรธของผมเอง

                       "ถ้ามึงรับกันได้ก็รับไปกูไม่ ..ไปปัน กูอยากอาบน้ำวะ" ไอ้โป้งมันพูด เหมือนจะโกนให้ผมได้ยิน

                       "ไปเลยดิ..กูอยากอาบน้ำแล้วเหมือนกันวะ " ไอ้ปัน ปัน รีบพูดและดึงลากไอ้โป้งไป

                        " อู้ยย)))))) " ไอ้โจมันร้องและยืนหนีบขาเข้าหากันทันที ที่เห็นไอ้ปัน ปันมันรีบดึงรั้งไอ้โป้งออกไป

                         "กูจะไม่ลงซ้อมหรือแข่งรอบเดียวกับมึง..ถ้ามีมึงก็ไม่มีกู" ไอ้โป้งหันมาชี้หน้าผม และมันก็ประกาศว่าจะไม่ลงแข่งกับผมด้วย

                       "บ้านพักคงไม่ต้องแล้วมั้งไปอยู่รังรักมึงเลยดีกว่ามั้ย แต่ช่วยไปให้คำตอบกับผู้อำนวยการให้ถูกๆหน่อยนะ" ไอ้โป้งมันพูดและไอ้โป้งมันก็เดินกอดคอไอ้ปัน ปันไป พวกผมสามคนได้แต่มองมันเดินออกไป  ผมอยากรู้เป็นเกย์ผิดตรงไหนวะ ไอ้ปัน ปันมันก็กอดเอวไอ้โป้งไปด้วย

                       "ก่อนที่มันจะมารังเกียจเกย์อย่างมึงนะคริส กูว่าให้มันไปหาข้อสังเกตุคนเป็นเกย์ก่อนดีกว่าไหมวะ" ไอ้โจมันหันมาพูดกับผมและไอ้อาร์ท

                       "กูโคตรสงสารเลยวะ" ผมกับไอ้โจหันมามองไอ้อาร์ทสงสารใครวะ ผมหรือเปล่า หรือว่าไอ้ปันปัน

                       "สงสารไอ้ปัน ปันเหรอวะ" ไอ้โจหันมาถามไอ้อาร์ท ผมหันมาเหล่มอง

                       "สงสารไอ้โป้งนี้แหละ มีเมียก็เป็นเลสเบียน มีเพื่อนคู่หูที่ตัวติดกันตลอดแม้กระทั้งอาบน้ำ และมันก็เป็นเกย์”

                       “แต่ไอ้โป้งมันดันเสือกบอกเกลียดเกย์ที่เป็นเพื่อนรักมัน..คือมึงไอ้คริส! " ผมหันไปเหล่มองไอ้อาร์ทเพราะว่าตอนมันพูดว่าเกย์ที่เป็นเพื่อนมัน มันก็หันมามองหน้าผม ยังไงมึงว่ากูเหรอ

                       "มึงเคยเป็นเพื่อนมัน เพื่อนรักมากสนิทกันมากแต่ตอนนี้ไอ้ปันแล้ว..แต่ไอ้ปัน ปัน นี้หนักกว่ามรึงเยอะวะ" ไอ้อาร์ทพูด

                       "กูว่าอาจจะเป็นเมียไอ้ปัน ปันเร็วๆนี้ " ผมสะบัดหน้าไปมอง ไอ้เชี้ยโป้งนี้นะ

                       "และเป็นไงละมันเกลียดเกย์แต่ก็นอนให้เกย์กอดแม่งทุกคืน กูว่าถ้าปล่อยไว้สักเดือนคงจะดีวะ ฮาๆ " ไอ้อาร์ทพูดและมันก็หัวเราะซะท้องแข็งเลย

                       "และมันดู fifthy shades of gray กรูว่าเสร็จคืนนี้แหละ" ไอ้โจอีกคน ผมรู้ว่ามันเป็นหนังอีโรติกส์ กูดูยังต้องช่วยตัวเองเลยนะมึง

                       "ไม่ต้องบอกมันสักพักนะให้มันเสียตัวไแล้วค่อยบอกว่า ฮาๆ กูไม่อยากคิดถึงหน้าไอ้โป้งวะ ฮาๆ "ไอ้โจพูดผมส่ายหัวให้ความคิดของมัสองคนจริงๆ ผมว่าไอ้ปัน ปันนะจะหนักสุดทำไมไม่บอกมันไปเลยว่ามันเป็นเกย์ ผมเหลือบมองเวลาไปเอาอาหารที่ที่รักผมสั่งไว้ดีกว่า

           "กลับแล้วเหรอวะไอ้คริส"

           "เออวะไม่มีอารมณ์ซ้อมแล้วและถ้าไอ้โป้งมันพูดแบบนี้นะ กูออกจากทีมเองวะ พวกมึงต้องมีมัน ส่วนกรูโอเควะ..เนเวอร์มายด์" ผมหันมาพูดและเดินออก ผมหยิบมือถือมากดข้อความหาที่รักผมดีกว่า

           Christ Khem : ที่รัก เขาจะไปรอที่บ้านนะอาบน้ำล้างไข่รอ
           My Darling : เอาลงหม้อน้ำต้มฆ่าเชื่อให้ด้วยก็ดีนะ ฮาๆ
           Christ Khem :ที่รักแรงไปนะ
           My Darling :ทำไมเลิกซ้อมเร็วจังละ ปกติเลิกหกโมงนิ นี้เพิ่งจะห้าโมงครึ้งเองและพี่ก็กำลังจะ    เข้าห้องสอนแล้ว
           Christ Khem : ไม่อยากซ้อมแล้วจะเลิกเล่นบาสแล้ว กลับมาค่อยคุยกันนะที่รัก ..
           My Darling :เพราะโป้งใช่ไหมคริส
           Christ Khem : ช่างมันเถอะ แต่เลิกเร็วก็ดีนะเขาจะได้มีเวลาไปเปิดตำรา
           My Darling : ดีมากคริสอ่านหนังสือบ้างจะสอบแล้ว
           Christ Khem : กามสูตรเปิดตำรา 100 ท่าลีลารัก ไม่ต้องห่วงนะเขาจะพยายามหาท่าที่เข้ากับเราให้มากที่สุด
           My Darling : คริส))) กลับไปอ่านกิริยาสามช่องพี่กลับไปจะให้ท่องให้ฟัง ส่วนกามสูตรเปิดตำรา 100 ท่าลีลารักคริสไม่ต้องอ่าน พี่กลับไปแล้วจะแจงให้เองเพราะคริสอาจจะต้องใช้ภาพประกอบแถมล้างตู้เย็นให้ด้วย
           Christ Khem : ง่ะ..ไม่เอาอะ...ไม่อยากโดนล้างตู้เย็น เพิ่งจะโดนไปเมื่อวานตู้เย็นยังสะอาดอยู่เลย
           My Darling : แค่นี้ก่อนนะคริสพี่จะเข้าห้องสอนแล้ว พี่จะรีบกลับละ เป็นห่วงนะ อ้อถ้าหิวทานข้าวก่อนเลยก็ได้ กินไม่เป็นเวลาเดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะ
           Christ Khem : เป็นอยู่ เป็นเพราะรักเขมไง >///<
           My Darling :ไม่คุยแล้วจะสอนแล้วแค่นี้นะ ...พี่รักเรานะคริส I Love You

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนEP.13.2 แก้มมีสิ่งที่ทำให้ผมต้องยอมทำตามที่เธอขอ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 13-08-2020 23:18:54
     
EP.13.2 แก้มมีสิ่งที่ทำให้ผมต้องยอมทำตามที่เธอขอ

                       ผมเดินอมยิ้มกับหน้าจอมือถือ ผมเปิดไลน์ใหม่ไว้คุยกับพี่เขมอย่างเดียวเลย พี่เขมบอกว่าไม่จำเป็นที่เราจะต้องทำให้คนทั้งโลกรับรู้ว่าเรารักกันแค่ไหนแค่เราสองคนรู้กันแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ถึงเราจะไม่เคยโพสรูปลงไอจี เฟสบุ๊คให้ใครๆเห็น ความรักของเราก็ไม่ได้จะจืดหรืองจางหายไปสักหน่อย เหมือนที่พี่เขมเคยทำกับแฟนเก่าพอเลิกกันพี่เขมปิดเฟสบุ๊คและทุกอย่าง ลบมันทิ้งไปหมด ผมเองก็เหมือนกันลบหมดตอนนี้เหลือแค่เราสองคน แม้กระทั้งเพื่อนรักของผมตอนนี้มันก็ทิ้งผมไปเอง
 
                     " พี่คริส)))))" เสียงแหลมแสบแก้วหูดังมาอีกแล้ว ผมหันไปมองแก้ม ที่ยืนมองผมตาจ้องเขม็งและผมก็หันหลังให้เพื่อจะเดินต่อ  ผมบอกที่รักผมไปแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับเด็กที่พูดไม่รู้เรื่องอย่างแก้มอีก

                       "หยุดนะพี่คริสแก้มรู้แล้วว่าทำไมพี่ถึงได้ผลักไสไล่แก้มเพราะครูเขมใช่ไหมละ…พี่คริส!! " แก้มรีบวิ่งมาจับแขนผมเพื่อรั่งผมไว้ แต่ผมสะบัดมือแก้มออก และหันไปมองแก้มซึ่งผมก็พยายามระงับอารมณ์โกรธของตัวเอง เพราะคำพูดของพี่เขมมันเตือนสติผมว่า คนตรงหน้าคือผู้หญิง

                       "พี่ไม่ได้รักเธอต่างหากแก้มถ้าพี่รักเธอพี่จะผลักไสเธอทำไมละ กลับบ้านไปช่วยแม่ทำงานบ้างเถอะ" ผมหันมาบอกแก้มและทำท่าจะเดินออกอีก

                       "ทำไมอีครูตุ๊ดนั้นมันมีอะไรไปกว่าแก้มเหรอ หรือว่าเขาให้เงินพี่ด้วยละเอาไว้แก้ร่านสวาทตูด" ผมถึงกับหยุดเดินและถอยหลังมาจ้องมองหน้าแก้ม แต่อันนี้ผมว่าผมคงทนต่อไปไม่ได้เขาว่าคนที่ผมรัก

                       "แก้มถอนคำพูดเดียวนี้นะ!! อย่ามาว่าครูเขมนะเขาเป็นครูเธอและเป็น...." ผมหันไปพูดกับแก้มและแก้มก็มองผมนิ่งๆ

                       "เป็นอะไรละ ..อยากรู้หนักว่าผู้อำนวยการรู้เรื่องนี้ขึ้นมาพี่สองคนจะเป็นยังไง ดูจากพี่แชมป์กับครูมิ้งซิยังต้องหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามกันไปเลยและถ้าผู้อำนวยการรู้แม่พี่ก็ต้องรู้ และครูเขมนี้คงต้องกลับไปสอนวัวสอนควายที่บ้าน" อันนี้ยิ่งเพิ่มความโกรธให้ผมมากขึ้น

                       "แก้ม!!!" ผมชี้หน้าเธอแต่ทะว่าคำพูดของครูเขมกับผุดขึ้นมาในหัวผม ที่ว่าเขาเป็นผู้หญิงอย่าไปว่าเขา เพราะมันจะทำให้ทุกคนเห็นว่าผมเป็นคนไม่ให้เกียรติผู้หญิงที่เรียกว่เพศแม่ ผมเลยต้องค่อยๆระงับความโกรธของตัวเองให้ได้

                       "แก้มมีรูปและล่าสุดวันนี้ด้วยนิเดินจับมือกันเลยเหรอ แก้มไม่อยากเชื่อเลยนะว่าพี่จะไปทำอะไรอย่างนั้นได้ลงนะพี่คริส" แก้มพูดพร้อมกับโชว์แฟรสไดรฟ์ให้ผมดู

                       "เอาไฟล์นั้นมาให้พี่เดียวนี้นะแก้ม " ผมทำท่าจะเข้าไปแย้ง แต่แก้มไม่ยอมให้ผม และเขาเอาแฟลซไดร์ฟหยัดใส่ลงไปในเสื้อในของเขา แล้วผมจะกล้าล้วงเข้าหยิบได้ยังไง ผมว่างานคงเข้าเยอะกว่านี้แน่ๆ แค่นี้ ก็แย่มากแล้ว 

                       "เข้ามาหยิบซิ จะได้ร้องว่าพี่นะจับนมแก้มครูเขมจะได้ลงมาเห็นเขาจะได้รู้ว่าพี่ยังอยากกินชะนีอยู่ " ผมก็ต้องถอยหลังออก มือก็กำหมัดทำอะไรคนตรงหน้าไม่ได้ถ้าเป็นผู้ชายนี้ผมต่อยไปแล้ว

                       "แก้มทำไปเพื่ออะไร และพี่ก็ไม่เคยรักแก้ม แก้มทำแบบนี้แล้วพี่จะรักแก้มเหรอ "

                       "วันนี้พี่จะไม่รักแต่สักวันพี่ก็อาจจะรักก็ได้ แต่แค่แก้มรักพี่มันก็พอแล้วนี้" ผมหันหลังออกแก้มเป็นเด็กที่พูดไม่รู้เรื่องจริงๆ อย่างที่พวกไอ้โป้ง ไอ้ปัน ปันมันพูดว่าเด็กคนนี้น่ากลัวขึ้นทุกวัน ผมไม่น่าปล่อยให้แก้มเหิมเกริมกับผมได้ขนาดนี้เลย

                       “ถึงยังไงพี่ก็ไม่มีวันรักแก้ม”ผมพูดขึ้นและหันไปมองหน้าเธอ

                       "พี่จะบอกว่าพี่รักครูตุ๊ดนั้นเหรอ!"

                  "ครูเขมไม่ใช่ตุ๊ด!!!! " เพราะครูเขมเขาออกจะแมนซะด้วยซ้ำท่าทีที่ดูยากของเขาเขาสุขุมเขาวางตัวดี ไม่มีใครดูออกเลยว่าเป็นเกย์วะด้วยซ้ำ

                  "แต่เดี๋ยวนะ!” มันทำให้ผมคิด

                       “ถ้าอย่างนั้น  เรื่องที่ทุกคนพากันพูดว่าครูเขมเป็นเกย์ เป็นตุ๊ด แก้มใช่มั้ยที่เป็นคนไปปล่อยข่าวนั้นนะ " ผมถามแก้ม เธอเบ้ปากใส่ผมอย่างไม่แยแส ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กอย่างแก้มมันจะทำอะไรแย่ๆแบบนี้ได้ลง

                  "ใช่แก้มเอง ..แก้มจะพูดจนกว่าพี่จะเลิกกับเขาหรือจนกว่าเขาจะเลิกยุ่งกับพี่และไปจากที่นี้ก็จะยิ่งดีมาก"

                  "แก้ม!...ทำไมมึงไม่เป็นผู้ชายวะ ไม่อย่างนั้นพี่ต่อยไปแล้ว..แก้มนิสัยเสียมาก...พี่ถามหน่อยทำตัวแบบนี้เหรอจะให้ไปรักฝันเถอะแก้ม" ผมพูดและทำท่าจะหันหลังเดินหนีดีกว่า

                  "และถ้าพี่อยากให้แก้มหยุดพี่ต้องเป็นแฟนแก้ม..แล้วแก้มจะหยุดและรูปพวกนี้ก็ไม่ต้องถึงผู้อำนวยการด้วย พี่ไม่รู้เหรอว่าผู้อำนวยการเขาไม่ชอบพวกตุ๊ดพวกเกย์นะ" แก้มพูดตะโกนใส่ผม ผมชะงักเท้า

                  "ว่าไงพี่คริส" แก้มถามผม

                  "ถ้าถึงผู้อำนวยการก็คงสนุกผลึก...เรื่องไอ้แชมป์กับครูมิ้งยังไม่จบ มีเรื่องครูเขมอีกคนโรงเรียนนี้คงมีอาถรรพ์ครูสอนภาษาอังกฤษมีปัญหาเดียวกันทั้งสองคนเลย" แก้มพูดผมหันขวับกลับแต่ทำอะไรไม่ได้เธอกำลังต่อรองผมอยู่ด้วย...รูปพวกนั้นกับผมและครูเขมที่ผมรัก

                  "วันนี้แก้มอยากนั่งบิกไบท์อะแก้มยังไม่เคยได้นั่งเลยนะ..พี่คริส..แก้มอยากนั่งบิกไบท์อะ" แก้มพูดบอกผม เขายืนทำท่ากอดอกเหมือนผู้ถือไพเหนือกว่า

                       "หรือจะให้แก้มส่งรูปถึงผู้อำนวยการตอนนี้ดีละ"

                       "ส่งดีกว่า"

                       "แก้มหยุด..ได้พี่จะไปเอารถแค่ไปส่งนะ" ผมยกมือเบรคเธอไว้

                       "ไม่เอานั่งคุยกันก่อนที่สวนสาธารณะอยากนั่งกับพี่คริส..อยากนั่งสวีทกับพี่คริส และไม่ใช่แค่วันนี้นะพรุ่งนี้มะรืนนี้ตลอดไป มานั่งกินข้าวกับแก้มด้วยจะดีมากทุกมือเลยนะ เช้า กลางวันและเย็น"

                       "ไม่ได้พี่ต้อง.."

                       "กลับไปเอาใจตุ๊ดหรอไม่เอานะเอาใจแก้มตอนนี้พี่ต้องเอาใจแก้ม..เร็วซิก่อนที่รูปพวกนี้จะถูกส่งถึงผู้อำนวยการพี่คริส" แก้มบอกผม ผมหันไปมองห้องที่ครูเขมกำลังสอน ถ้ารูปพวกนี้ถึงผู้อำนวยการครูเขมก็เดือนร้อนนะซิ

                       "ก็ได้.พี่ไปเอารถเดี๋ยวนี้ " ผมพูดก่อนจะรีบเดินไปที่บ้านพักที่ผมจอดรถผมไว้ บ้านพักผมกับไอ้โป้ง ผมหยิบมือถือกดเบอร์โทรหาครูเขมทันที

                       "ว่าไงคริสพี่สอนอยู่" พี่เขมรับสายผม

                       "พี่เขมผมออกไปข้างนอกกับเพื่อนนะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เบามากๆ และผมก็เอามือทุบกำแพงไปด้วยเจ็บใจที่ผมทำอะไรไมได้มากไปกว่านี้

                       “ พวกไอ้อาร์ท ไอ้โจนะ พี่ลงมาเอากับข้าวเองได้ไหมครับ "ผมไม่กล้าบอกครูผมกลัวว่าครูเขมจะคิดมากเรื่องที่แก้มกำลังต่อรองผม ผมเองก็กำลังคิดว่าจะหาทางฉกเอาไฟล์รูปคืนมาด้วยแต่จะทำยังไงไม่รู้เลย

                      "อ้อได้ซิ กลับดึกไหมพี่จะได้แบ่งข้าวไว้ให้หรือถ้าไม่ดึกมากพี่รอทานด้วย" ผมอยากจะทุบรถตรงหน้าผมให้พังด้วยความโมโห โมโหตัวเองที่ไม่ระวังเลยทำให้ครูเขมเดือดร้อน

                       "ไม่ดึกครับ " ผมตอบพี่เขม

                       "ได้ถ้างั้นไปเถอะ ขับรถไปเองใช่ไหม"

                       "ผมขับบิกไบท์ไปนะพี่เขม"

                       "อืมขับรถวังนะ อย่าขับเร็วละ เรานี้ยิ่งขับเร็วอยู่พี่ว่าจะเตือนหลายครั้งแล้วคริส" พี่เขมพูดด้วยความเป็นห่วงผมแบบนี้ ผมยิ่งรูสึก ปวดใจ

                       "ได้ครับ..ผมจะรีบกลับนะ..ผมรักพี่นะพี่เขม" ผมพูดเบาๆ

                       "เป็นอะไรหรือเปล่าคริส" พี่เขมรีบถามผมกลับ

                       "ไม่ครับผมแค่อยากบอกว่าผมรักพี่"  ผมพูดไปน้ำตาก็คลอไปด้วย จริงด้วย ความรักแบบนี้มันมีแต่อุปสรรคอย่างที่พี่เขมบอกผมไว้ 

                       "อืมม...พี่สอนก่อนนะพี่จะรีบกลับ " พี่เขมพูดและกดวางสายผมไป ผมก็ขึ้นขึ้นไปสตาร์ทรถ และขับออกไปอย่างรวดเร็วระหว่างที่ขับออกมาผมกับเห็นไอ้โป้งมันเดินส่วนกลับเข้ามามันแค่มองผมแวปเดียวก็หันหน้าหนี ผมขับมาถึงที่แก้มยืนรอผมก็จอดรถ ผมไม่เอาขาตั้งขึ้นด้วยให้นางตะเกียกตะกายขึ้นมาแเองแล้วกัน

                       "พี่คริสไม่เอียงให้แก้มหน่อยละแก้มขึ้นไม่ได้" แก้มที่พยายามจะไต่รถคันใหญ๋ของผมเพื่อขึ้นมานั่งแต่แก้มนะตัวเตี้ยเกินไปและผมเองก็ไม่ยอมช่วยเธอด้วย

                       "พยายามเอาซิ เธอพยายามมาตั้งหลายอย่างแล้วนิ" ผมพูดโดยไม่หันหน้าไปมองคนที่พยายามขึ้นมานั่งซ้อยท้ายรถผม จนเธอขึ้นมานั่งได้สำเร็จและกอดเอวผมแน่นเลย

                       "ออกรถซิค่ะพี่คริสเราจะไปสวีทกัน..ออกซิรถซิพี่คริส" แก้มออกคำสั่งบอกผม ผมก็ออกรถทันที พอยิ่งออกตัวนางก็ยิ่งเบียดกอดผมแน่นมากยิ่งพอผ่านหน้าตึกก็ยิ่งกอดแน่นขึ้น เหมือนจะอวดใครผมไม่ได้หันไปมองใครทั้งนั้นอยากจะรีบออกไปจากตรงนี้ ผมนึกโมโหตัวเองว่าไม่น่าเข้าไปยุ่งกับแก้มตั้งแต่แรกเลยและตอนนั้นผมเองก็ไม่คาดคิดว่าเธอคนนี้จะมาใช้ไม้นี้แบบนี้กับผม ยิ่งคิดยิ่งโมโห มือของแก้มที่กอดผมไม่ได้ให้ความรู้สึกอะไรพิเศษกับผมเลยสักนิด ไม่เหมือนครูเขมแค่กอดเอวผมไม่ต้องถึงกับลูกแบบแก้มแบบนี้หรอกผมก็ใจเต้นแรงยอมรับว่ามีอารมณ์ทุกที แต่กับแก้มนี้ผมไม่มีการตอบสนองอะไรเลยมีแต่ความรำคาญ


                        ผมขับรถพาแก้มออกมาโดยไม่เต็มใจสักนิด ผมอยากจะโทรหาครูเขมแต่แก้มก็คอยจิกตามองผมตลอด แก้มเขาให้ผมพามานั่งที่สวนสาธารณะ นั่งถ่ายรูปนั้นรูปนี้จนผมรู้สึกเบื่อหน่ายให้ถ่ายรูปคู่ไม่รู้จะถ่ายไปทำไม นี้ก็ถ่ายไปเกือบจะร้อยรูปได้แล้วมั้ง

                  "พี่คริสยิ้มหน่อยซิ อย่าทำให้แก้มหงุดหงิดได้ปะ มากับแก้มอย่าทำหน้าบึ้งที่ตอนที่พี่ไปกับ...."แก้มทำท่าจะเรียกจิกครูเขมแน่ๆ

                  "อย่าหลุดคำนั้นออกมานะแก้ม!..อย่าให้พี่ต้องเหลืออด! เพราะว่าถ้าปากดีต่อให้เป็นผู้หญิงก็มีสิทธิ์ที่ปากจะมีสีได้นะสีแดงซะด้วย " ผมหันมาชี้หน้าเธอก่อนที่ผมจะลุกหนีเดินออกไป ปล่อยให้นางถือมือถือค้างไว้แบบนั้น ผมหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาดูเวลาครูเขมคงจะสอนเสร็จแล้วแหละ กินข้าวหรือยังก็ไม่รู้อยากกลับไปหาครูแต่ติดแก้มนี้แหละ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหตัวเอง

                  "ทำไมอะพี่คิดถึงเขามากเลยเหรอ..แก้มนี้รักพี่นะ ..รักพี่มากด้วย ..ทำไมพี่ไม่รักแก้มบ้างละ...และพี่ก็รู้ว่าความรักแบบนั้นน่าขยะแขยงจะตายไป"แก้มพูดไปเบ้ปากไปด้วย ผมยืนเอามือเท้าที่เอวมองแก้ม

                  "ถ้าขยะแขยงมากมายุ่งกับพี่ทำไมละแก้ม  เพราะว่าพี่ก็เป็นแบบที่เธอพูดนั้นแหละ พี่กอดผู้ชาย พี่จูบผู้ชาย พี่ไซ้ผู้ชาย ขยะแขยงดีไหมแต่เธอก็ยัง...จะเอาพี่..เธอบ้าไปแล้วเหรอแก้ม " ผมพูด แก้มยืนมองผมด้วยความเจ็บปวดเธอเสียใจแต่สายตาผมนะมองเธอแบบเอื่อมระอาใจซะมากกว่า ก็คนไม่รักจะให้รักได้ยังไง

                       "และพี่ก็ไม่เคยคิดชอบเธอเลย ..โอเคพี่ไม่เคยห้ามให้เธอมาตามติดพี่เพราะเธอเคยช่วยพี่และที่ผ่านมาพี่ยังไม่เจอใครที่ใช่แต่ตอนนี่พี่เจอคนที่พี่รัก..และเขาเป็นคนที่เฝ้ารอ..แก้มไม่ใช่และไม่เคยใช่" ผมพูดผมรู้ว่ามันดูใจจืดใจดำแต่ผมต้องพูด

                       "นางแก้ม!!!!!" เสียงผู้หญิงเกือบวัยกลางคนแม่ของแก้มนั้นเอง เขาเดินตรงปรี่มาทางผมกับแก้ม

                       "ทำไมมึงไม่กลับบ้านห๊ะ! ..และนี้มึงมากับไอ้ฝรั่งขี้นกนี้อีกทำไม!!!" แม่ของแก้มพูดและชี้มาที่ผม

                       "..ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าให้ไปเรียนไม่ใช่ไปหาผัว กลับบ้านเดี๋ยวนี้"แม่ของแก้มเขาดึงกระฉากแขนแก้มให้กลับบ้าน

                       "แม่อะไรเนี๊๊ยะ ...เดี๋ยวก็กลับเองอยากอยู่กับแฟน" แก้มพยายามสะบัดแขนตัวเองให้หลุดจากที่แม่เธอพยายามดึงรั้งเพื่อพาเธอกลับบ้าน

                       "ไอ้นี้นี่นะแฟนแก" แม่ของเธอชี้มาที่ผมอีกครั้ง

                       "ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามายุ่งกับลูกฉันนะ..ห๊ะ!! "แม่ของแก้มหันมาชี้หน้าต่อว่าผม ผู้คนที่นั่งหรือยืนให้อาหารนกก็หันมามองทางนี้กันใหญ่เลย

                       "คุณน้าครับ..ถามลูกคุณน้าซิครับว่าผมเข้าไปยุ่งหรือเขาเข้ามายุ่งกับผมเองกันแน่ ..และผมเองไม่ได้พิศวาสลูกคุณน้าเลยนะครับ...ผมแนะนำว่าให้ซื้อหนังยางให้ลูกคุณหน้าเยอะๆหน่อย " ผมพูดบอกแม่ของแก้ม ทั้งคู่ทำหน้างงไปพร้อมๆกัน

                       "ซื้อทำเชี้ยอะไรบ้านกูไม่ได้ขายข้าวแกง" ไม่เคยรู้อะไรเลยใช่ไหมเนี๊๊ยะ

                       "เพื่อจะมียางอายไว้ใช้บ้าง" ผมพูดแม่ของแก้มยืนทำหน้าเหวอทันที แก้มนะมองหน้าผมเธอกำหมัดไว้แน่นผมไม่สนหรอกผมรีบขึ้นไปนั่งค่อมรถบิกไบท์และขับออกทันทีแม่มาตามก็ดีผมละอึดอัดอยากออกมาจากแก้มจะแย่แล้ว แต่ว่ารูปไฟว์รูปที่แก้มแอบถ่ายนะมันยังอยู่ที่เธอ แล้วผมจะเอามายังไงดีละ และถ้าบอกครูเขม ครูคงเครียดเรื่องผมอีก ส่วนผมนะกังวลเรื่องครูอันดับหนึ่งอีก ไอ้ตัวผมนะไม่เท่าไหร่ไม่แคร์หรอกหากจะโดนไล่ออก แต่พี่เขมนี้ซิ
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอนที่ 21.3 เมื่อแก้มมีสิ่งสำคัญเพื่อต่อรองกับคริส
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 14-08-2020 07:18:08
ยังสนุกเหมือนเดิมค่ะ  o13
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(ครูเขทXคริส)EP.13.2เมื่อครูงอนผมคริสต้องง้อNC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 14-08-2020 08:56:51
EP.13.2 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์  เมื่อครูงอนผมคริสต้องง้อ NC 18+


              คริสโตเฟอร์  ผมขับรถพาแก้มออกมาโดยไม่เต็มใจสักนิด ผมอยากจะโทรหาครูเขมแต่แก้มก็คอยจิกตามองผมตลอด แก้มเขาให้ผมพามานั่งที่สวนสาธารณะ นั่งถ่ายรูปนั้นรูปนี้จนผมรู้สึกเบื่อหน่ายให้ถ่ายรูปคู่ไม่รู้จะถ่ายไปทำไม นี้ก็ถ่ายไปเกือบจะร้อยรูปได้แล้วมั้ง

                  "พี่คริสยิ้มหน่อยซิ อย่าทำให้แก้มหงุดหงิดได้ปะ มากับแก้มอย่าทำหน้าบึ้งที่ตอนที่พี่ไปกับ...."แก้มทำท่าจะเรียกจิกครูเขมแน่ๆ

                  "อย่าหลุดคำนั้นออกมานะแก้ม!..อย่าให้พี่ต้องเหลืออด! เพราะว่าถ้าปากดีต่อให้เป็นผู้หญิงก็มีสิทธิ์ที่ปากจะมีสีได้นะสีแดงซะด้วย " ผมหันมาชี้หน้าเธอก่อนที่ผมจะลุกหนีเดินออกไป ปล่อยให้นางถือมือถือค้างไว้แบบนั้น ผมหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาดูเวลาครูเขมคงจะสอนเสร็จแล้วแหละ กินข้าวหรือยังก็ไม่รู้อยากกลับไปหาครูแต่ติดแก้มนี้แหละ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหตัวเอง

                  "ทำไมอะพี่คิดถึงเขามากเลยเหรอ..แก้มนี้รักพี่นะ ..รักพี่มากด้วย ..ทำไมพี่ไม่รักแก้มบ้างละ...และพี่ก็รู้ว่าความรักแบบนั้นน่าขยะแขยงจะตายไป"แก้มพูดไปเบ้ปากไปด้วย ผมยืนเอามือเท้าที่เอวมองแก้ม

                  "ถ้าขยะแขยงมากมายุ่งกับพี่ทำไมละแก้ม  เพราะว่าพี่ก็เป็นแบบที่เธอพูดนั้นแหละ พี่กอดผู้ชาย พี่จูบผู้ชาย พี่ไซ้ผู้ชาย ขยะแขยงดีไหมแต่เธอก็ยัง...จะเอาพี่..เธอบ้าไปแล้วเหรอแก้ม " ผมพูด แก้มยืนมองผมด้วยความเจ็บปวดเธอเสียใจแต่สายตาผมนะมองเธอแบบเอื่อมระอาใจซะมากกว่า ก็คนไม่รักจะให้รักได้ยังไง

                       "และพี่ก็ไม่เคยคิดชอบเธอเลย ..โอเคพี่ไม่เคยห้ามให้เธอมาตามติดพี่เพราะเธอเคยช่วยพี่และที่ผ่านมาพี่ยังไม่เจอใครที่ใช่แต่ตอนนี่พี่เจอคนที่พี่รัก..และเขาเป็นคนที่เฝ้ารอ..แก้มไม่ใช่และไม่เคยใช่" ผมพูดผมรู้ว่ามันดูใจจืดใจดำแต่ผมต้องพูด

                       "นางแก้ม!!!!!" เสียงผู้หญิงเกือบวัยกลางคนแม่ของแก้มนั้นเอง เขาเดินตรงปรี่มาทางผมกับแก้ม

                       "ทำไมมึงไม่กลับบ้านห๊ะ! ..และนี้มึงมากับไอ้ฝรั่งขี้นกนี้อีกทำไม!!!" แม่ของแก้มพูดและชี้มาที่ผม

                       "..ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าให้ไปเรียนไม่ใช่ไปหาผัว กลับบ้านเดี๋ยวนี้"แม่ของแก้มเขาดึงกระฉากแขนแก้มให้กลับบ้าน

                       "แม่อะไรเนี๊๊ยะ ...เดี๋ยวก็กลับเองอยากอยู่กับแฟน" แก้มพยายามสะบัดแขนตัวเองให้หลุดจากที่แม่เธอพยายามดึงรั้งเพื่อพาเธอกลับบ้าน

                       "ไอ้นี้นี่นะแฟนแก" แม่ของเธอชี้มาที่ผมอีกครั้ง

                       "ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามายุ่งกับลูกฉันนะ..ห๊ะ!! "แม่ของแก้มหันมาชี้หน้าต่อว่าผม ผู้คนที่นั่งหรือยืนให้อาหารนกก็หันมามองทางนี้กันใหญ่เลย

                       "คุณน้าครับ..ถามลูกคุณน้าซิครับว่าผมเข้าไปยุ่งหรือเขาเข้ามายุ่งกับผมเองกันแน่ ..และผมเองไม่ได้พิศวาสลูกคุณน้าเลยนะครับ...ผมแนะนำว่าให้ซื้อหนังยางให้ลูกคุณหน้าเยอะๆหน่อย " ผมพูดบอกแม่ของแก้ม ทั้งคู่ทำหน้างงไปพร้อมๆกัน

                       "ซื้อทำเชี้ยอะไรบ้านกูไม่ได้ขายข้าวแกง" ไม่เคยรู้อะไรเลยใช่ไหมเนี๊๊ยะ

                       "เพื่อจะมียางอายไว้ใช้บ้าง" ผมพูดแม่ของแก้มยืนทำหน้าเหวอทันที แก้มนะมองหน้าผมเธอกำหมัดไว้แน่นผมไม่สนหรอกผมรีบขึ้นไปนั่งค่อมรถบิกไบท์และขับออกทันทีแม่มาตามก็ดีผมละอึดอัดอยากออกมาจากแก้มจะแย่แล้ว แต่ว่ารูปไฟว์รูปที่แก้มแอบถ่ายนะมันยังอยู่ที่เธอ แล้วผมจะเอามายังไงดีละ และถ้าบอกครูเขม ครูคงเครียดเรื่องผมอีก ส่วนผมนะกังวลเรื่องครูอันดับหนึ่งอีก ไอ้ตัวผมนะไม่เท่าไหร่ไม่แคร์หรอกหากจะโดนไล่ออก แต่พี่เขมนี้ซิ

                      ผมหยิบมือถือมาโทรหาครูเขม มันดังแต่เขาไม่รับผมโทรไปด้วยขับรถไปด้วย ดังได้สักพักก็ฝากข้อความเหมือนกับว่าปิดมือถือ ผมก็ยิ่งบิดไปด้วยความเร็วเรียกว่าถ้ามีตำรวจผมก็คงโดนใบสั่งและอาจจะยืดใบขับขี่ผมเลยเพราะว่าผมขับเกินลิมิตที่เขาอนุญาติแต่นาทีนี้ผมต้องรีบไป  พอเลี้ยวพ้นประตูโรงเรียนก็รีบขับเข้าไปบ้านพักเลยโดยไม่สนใจฝุ่นจะจะมาเกาะลูกรักผมไหม ช่างแม่งมันแล้วผมตอนนี้คนที่สำคัญที่สุดคือครูเขม

                       "ก๊อกๆ " ผมขึ้นไปบนบ้านก็เคาะประตู

                       "พี่เขม " ผมเรียกครูเขม

                       "พี่เขม.... ผมกลับมาแล้ว"

                       "พี่เขม"

                       “.................”

                      "พี่เขมผมกลับมาแล้ว " ผมพูดแต่รอบนี้ไม่ดัง ผมทรุดลงนั่งที่ตรงบันไดขั้นบนสุด ถ้าครูไม่เปิดคืนนี้จะไปนอนที่ไหนวะ กับไอ้โป้งก็ไม่ได้มันไม่ให้ผมนอนแน่ๆ ผมเดินลงมายืนที่บันไดชั้นล่างสุดยืนมองแบบไร้จุดหมาย ครูคง...โกรธผมมากหรือว่าครูเห็นผมกับแก้ม ไม่นะครูสอนหนังสืออยู่นิจะเห็นได้ยังไงกันคิดเข้าข้างตัวเอง

                      "แอ๊ด" เสียงประตูเปิดผมหันหลังไปมองพี่เขมเหมือนเพิ่งจะตื่นนี้คงนอนหลับไปแล้วได้สักพัก

                      "หมับ" ผมวิ่งขึ้นไปและเข้าไปกอดพี่เขมทันที กอดแบบกลัวเขาหนีหายผมไปไหน

                      "ไปกับเพื่อนมาเหรอ" พี่เขมถามผม ด้วยน้ำเสียงที่นิ่งๆ แต่สายตาที่ดูเย็นชาและห่างเหิน ผมควรจะบอกว่าไปกับแก้มดีไหมละ ผมกลัวถ้าบอกไปแล้วพี่เขมเกิดเลือกให้ผมอยู่ห่างๆละ

                      "พี่เขมเห็นว่าผมไปกับใครเหรอ" ผมเงยขึ้นถามพี่เขมแนบเอาคางขึ้นไปเกินไว้ที่ไหล่นั้นแขนผมก็กอดลำตัวพี่เขมไว้

                       "ไม่เห็นนิ ครูสอนอยู่จะเห็นได้ยังไง" พี่เขมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ปกติถ้าอยู่บ้านจะใช้แทนตัวเองว่าพี่ แต่นี้ใช้ครูแทนมันห่างเหินยังไงก็ไม่รู้ ผมกอดพี่เขมแน่นไม่ยอมปล่อย

                       "เข้ามาได้แล้วครูจะกลับไปนอนเธอก็อาบน้ำและถ้าหิวก็กับข้าวในตู้เย็นอุ่นเอานะ"พี่เขมพูดเขาแกะมือผมออกและเดินหันกลับเข้าไปในห้องนอน ครูโกรธผมอะ ผมปิดประตูบ้านครูเขมเดินเข้าไปในห้องนอนแล้ว ผมได้แต่ยืนมอง

                       วันนี้อุตสาเป็นวันคี่แล้วนะ ผมเดินไปเปิดตู้เย็น ผมว่าครูยังไม่ได้ทานอะไรเลยแน่ๆ ผมรีบเข้าห้องน้ำอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายทำทุกซอกทุกมุมเลยไม่ได้ผมต้องง้อ พออาบน้ำเสร็จก็รีบเช็ดเนื้อเช็ดตัว ผมเดินเข้าไปในห้องนอน ผมเห็นครูเขมนอนอยู่บนเตียงเหมือนหลับหรือว่าครูจะเพลียนะก็สอนทั้งวัน แต่ว่าผมไม่อยากให้ครูงอลผมข้ามวันข้ามคืนแบบนี้

                       "หมับ" ผมจับเขาที่ตรงนั้นของพี่เขม พี่เขาไม่ได้ใส่กางเกงยางยืดข้างใน น่าจะเป็นบ๊อกเซอที่ผมซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าด้วยกันผมบอกว่าใส่อันนี้นอนสบายกว่าใส่ชุดนอนอีก

                       "คริสครูจะนอน" พี่เขมพูดด้วยน้ำเสียงที่งัวเงีย

                       "ไม่จริงอะ ของครูมันตื่น"ผมพูดค้านเพราะว่าของครูที่ผมจับอยู่นะมันกำลังพองตัว

                       "ไม่เอานะครูจะนอนและมันพองเพราะว่าเธอจับมันอยู่"

                       "ที่รักโกรธอะไรคริสอะ ไหนบอกว่าอยู่บ้านแทนว่าพี่ไง และถ้าอยู่บนเตียงจะแทนว่าที่รักไม่ใช่เหรอ " ผมเข้าไปคลอเคลียร์ ครูเขมพลิกมานอนมองหน้าผม

                       "บอกซิครับว่าโกรธคริสและโกรธเรื่องอะไร"

                       "วันนี้ใครซ้อนท้ายรถนายละ" นั้นไงเห็น พี่เขมหันหน้ามามองผมที่นอนลงข้างๆพี่เขม

                       "ไหนบอกสอนอยู่ไม่เห็นไง"ผมถามกลับและหันไปมองหน้าพี่เขม พี่เขมยังคงน่ิงอยู่

                       "ก็บังเอิญได้ยินนักเรียนหญิงห้องที่พี่สอนพิเศษ เขาพูดกันว่าเธอเอาแก้มซ้อนท้ายไป " ครูเขมแค่ชำเลืองตามองผมและตวัดกลับไปแบบนี้เขาเรียกว่างอนชัดๆเลยนะ

                       "แก้มเขา..มันจำเป็นอะพี่เขม...คริสไม่ได้ต้องการทำแบบนั้นนะ...แต่ที่ทำก็เพราะว่า...เออ..." ผมพูดครูเขมเลิกคิ้วมองหน้าผมก่อนจะดันตัวเองขึ้นมานั่ง เขามองจ้องในแววตาของผม สายตาคนตรงหน้าทำให้ผมไม่อาจจะโกหกเขาได้ทั้งที่ไม่อยากบอกไม่อยากให้ครูเขมเครียด

                       "มีปัญหาอะไรเหรอคริส" พี่เขมหันมานอนตะแครงเอาแขนยันศรีษะขึ้นและถามผมด้วยน้ำเสียงที่หวงใยปนความกังวลใจไปด้วยในตัว อันนี้แหละที่ผมไม่อยากจะบอกไง

                       "บอกพี่ซิคริส" พี่เขมทำสีหน้าดุเพื่อจะให้ผมสาระภาพและมันก็ได้ผลทุกที

                       "แก้มเขาตามติดเราอะพี่เขม ...และเขาก็ถ่ายรูปเราไว้..เขาขู่ว่าจะเอาไปให้ ผู้อำนวยการดู " ผมพูดพี่เขมมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด และนี้แหละที่ผมไม่อยากจะบอกผมกอดครูเขม

                       "ทำไมไม่บอกพี่ละตอนที่คริสโทรหาพี่" พี่เขมถามผมเอามือขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ

                       "ผมกลัวบอกไปแล้วพี่จะให้ผมอยู่ห่างพี่ ผมรู้ว่าพี่เป็นห่วงผมและที่ผมพาแก้มออกไปเพราะว่านางอยากให้ผมคบกับเขา แต่ผมนะอยากจะได้ไฟล์รูปคืน" ผมพูด

                       "แต่ก็ไม่ได้คืนอะ" พร้อมกับผ่ายลมออกมานึกโมโหตัวเองที่ปล่อยให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับคนที่ผมรักและเขาก็กำลังจะเดือดร้อนเพราะผม
 
                       "แล้วนี้ไปส่งแก้มที่บ้านแล้วเหรอ ..ไปไหนกันมา..แล้วเออ.." ครูเขมถามผม

                       "ไม่มีแน่นอนคริสไม่เคยคิดจะทำอะไรแบบนั้นแน่นอนโชคดีที่แม่ของแก้มเขามาเจอแก้มเลยลากแก้มกลับไป " ผมพูดครูเขมพยักหน้า

                       "ที่หลังมีอะไรต้องบอกพี่นะ....คริส"ครูเขมพูดเอามือมาลูบแก้มผม

                       "อู้ยย" ท้องผมร้องเพราะว่าหิวข้าวและมีอาการปวดนิดหน่อยด้วย

                       "หิวข้าวเหรอไปกินข้าวซิ ..ไปพี่อุ่นกับข้าวให้" ครูเขมพูด ผมลูกขึ้นจากเตียง วันนี้ครูเขมสวมแค่กางเกงบ๊อกเซอร์แค่นั้นไม่ได้สวมเสื้อผมยืนอมยิ้มผมชอบดูหุ่นพี่เขมนะ มันไม่บางมากมันดูแมนๆไม่น่าเชื่อว่าหุ่นแบบนี้ทำให้ผมได้อารมณ์สุดๆแค่คิดก็มาแล้วแหละของผมนะ

                       พี่เขมเดินไปเปิดตู้เย็นและหยิบถุงแกงออกมาเทใส่ลงหม้อใบเล็ก ผมออกมานั่งเอามือเท้าคางมอง ผมนั่งลงที่เก้าอี้ตรงโต๊ะท๊อปเป็นชุดครัวสำเร็จรูปที่ต่อยาวจากซิงค์น้ำ โต๊ะตัวนี้ไว้สำหรับนั่งทานข้าวด้วย ผมนั่งมองและคิดว่าจะหาอะไรสนุกๆเล่นกับพี่เขมดี พอผมคิดได้ผมก็ลุกขึ้นเดินออกไปหยิบเก้าอี้นั่งซักผ้าออกมา พี่เขมหันมามองผมว่าหยิบมาทำไม ผมเลิกคิ้วมองมองหุ่นของพี่เขมเขาคงรู้ความหมายของสายตาผมดี

                       "จะทำอะไรนะคริส" ครูเขมถามผม ผมเดินเข้าไปกอดเอวครูเขมไว้ผมเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะประกบริมฝีปากหนาๆของผมกับริมฝีปากบางๆได้รูปของพี่เขม

                       "อยากมีอะไรกับพี่บนโต๊ะนี้อะ " ผมกับกระซิบ ครูเขมหันไปมองที่โต๊ะนั้น

                       "ไม่เอาคริส"รีบสายหัวปฏิเสธผมทันที ผมก็กอดดึงรั้งครูเขมไว้ให้เดินไปที่โต๊ะนั้นและเมื่อหลังพี่เขมชนกันกับขอบโต๊ะ

                       "นะดูท่าจะฟินดีน่ะ...อืมมม" ผมพูดและจูบประกบปากเรียวๆของครูเขมมือก็สอดเข้าไปในกางเกง บีบคลึงเล่นเบาๆ  ครูเขมเหมือนจะขืนแต่ก็ไม่ขืนมากเพราะปากผมก็พรมจูบและซุกไซ้ไปตามสเต็ปทั้งซอกคอ ไซ้ไปที่หลังหูขบติงหูเบาๆ

                       "คริส..อืมม..ไม่..ซี้ด...กิน..ข้าว..อืมม" ครูเขมพูดติดๆขัดๆกับผม ปากผมก็ก้มลงดูดดุลสองจุดสีแดงเรื่อๆนั้นไปมาทั้งสองข้าง

                       "ไว้ก่อนดีกว่าตอนนี้คริสอยากกินเขมอ่ะ ..นะ..อยากกินมากเลย..ไม่ไหวแล้วและวันนี้วันของคริสนะ " ผมพูดเสียงกระเส่ากับคนที่ดิ้นส่ายไปมา ด้านหลังของครูเขมก็ชนกับขอบโต๊ะท๊อปม

                       " อึบ"ผมยกดันร่างครูเขมให้ขึ้นไปนั่งบนพื้นกระเบื่องที่ปุไว้ด้านบน และผมก็ดันเก้าอี้พลาสติกมาพร้อมกับขึ้นไปยืนมันก็จะตรงจุดสำคัญระหว่างผมกับของครูพอดีเลย

                       "คริสปิดแก๊สก่อนซิ" ครูเขมบอกผม ผมหันไปปิดแก๊สและรีบหันกลับมาเดี๋ยวที่รักผมจะกระโดดลงมาซะก่อน

                       "นี้คือวิธีง้อเหรอ" ครูเขมหรี่ตาถามผม ผมพยักหน้าผมแทรกตัวเข้าไประหว่างกลางของครูเขม โอบเอวครูเขมเข้ามาและจูบปากอย่างดูดดื่มแขนครูเขมก็โอบกอดผมกอดรั้งดันผมเข้าไปเหมือนจะให้กายเราประสานเป็นหนึ่งเดียว ผมก็กมลงจูบเลียที่สองจุดใช้ลิ้นตวัดและฉกเล่นจนคนที่นั่งอยู่แอ่นอกด้วยความรู้สึกแปลกใหม่และไล่ลงมาตาหน้าท้องและลำตัว

                       "โอ้วว..คริส..ซี้ด.." ครูเขมครางออกมาเบาๆ ผมก็จับที่ขอบกางเกงบ๊อกเซอร์ของพี่เขม และพี่เขมก็ขยับก้นให้ผมถอดมันออกลงไปกองอยู่ที่เท้า ผมก็ถอดของตัวเองลงไปกองที่เท้าเช่นกัน

                       "จะทำตรงนี้จริงๆเหรอคริส" ครูเขมถามผม ผมหยักคิ้ว ผมก็ย่อตัวลงให้อยู่ระดับต่ำลงมานิดนึงและใช้ปากจับเจ้าสิ่งนั้นของครูเขม ครูเขมใช้แขนเท้ารับน้ำหนักตัวเอง ผมทั้งครอบทั้งดูดดุลจนคนที่นั่งขยับก้นส่ายไปมาเรียกได้ว่านั่งแถบจะไม่ติด ผมแหวกขาครูเขมออก จับตรงโคนขาครูยกขึ้นและยึดมันไว้เพื่อเผยให้เห็นช่องทางรักของครูเขมชัดเจน ผมยึดต้นขาครูเขมเอาไว้แน่น ครูไม่กล้าดันผมหรอกเพราะเดี๋ยวผมหงายหลังผมรู้ดี ผมจะทำสิ่งนั้นให้ที่รักวันนี้ จากที่ไม่กล้าทำเพราว่าวันนี้ผมจะง้อไง

                       "คริสจะทำอะไรพี่นะ" ครูเขมถามผมเสียงหลงด้วยความตกใจเพราะคงไม่คิดว่าผมจะทำ

                       "ทำเหมือนพี่ทำให้ผมไง .."ผมตอบเสียงกระเส่า

                       "เดี๋ยวไม่..โอ้วว..คริส..โอ้ววว..อ่าห์...คริส..อย่า..พี่เสียว ..ซี้ดดดดด" เรียกว่าดิ้นพล้านเลยดีกว่า

                       "คริสจะทำให้พี่อีกถ้าพี่งอนคริสนะ.."

                       "โอ้ว..คริส..คริส..พอ..พอแล้ว.."

                       "พี่งอนคริสอยู่หรือเปล่า"

                       "ไม่.ไม่..งอน..พอ..อ่าห์..."

                       "จริงเหรอ ..คริสยังไม่เชื่อหรอกขอต่ออีกหน่อย หึๆ"

                       "จริงนี้....นี้คริสอย่าแกล้งพี่แบบนี้ซิคริส..อ่าห์คริส..ซี้ดดดดด"

                       "พอแล้ว...พี่ทำให้เราแป๊ปเดียวเอง..อ่าห์..พี่แกล้งเราแป๊ปเดี๋ยวนะ ..อึม..คริส อ่าห์ ..พะ..พี่..ไม่..ไหวแล้ว" ครูพูดและผมสอดสายตาขึ้นไปมอง ครูเขมกำลังบิดตัวไปมา ทั้งขืนทั้งยึดกลัวจะหล่นลงไปทั้งคู่นั้นเอง ผมยิ้มชอบใจกับอาการของครูเขม ผมเห็นสีหน้าอันเหยเกของครูเลยใจอ่อนหยุดทำก่อนที่สุดที่รักจะขาดใจ ฮาๆ ครูเขมมีอาการหอบเหนื่อยเรียกได้ว่าต้องหายใจปากแทน ครูเขมเขมก้มมามองผม ผมลุกขึ้นไปจูบปาก

                       "ผมรู้ว่าพี่เขมรอให้ผมมาทำให้อยู่ล้างซะสะอาดเชียวสงสัยจะสวนจนเกลี้ยงเลย " ผมพูดครูเขมยิ้มเจ้าเลห์ให้ผม

                       "และที่ยังไม่กินข้าวนี้รอผมอยู่ใช่ปะ รอให้มาทำให้ก่อนใช่ปะ อืมม..ที่รักพูดซิว่ารอให้คริสมาทำให้ก่อน..อืมมม" ผมถามไปด้วยปากก็ไล่จูบครูเขมไม่ยอมหยุด

                       "อืมม" ครูเขมส่งเสียงอือออกมา

                       "หึ?"

                       "ใช่...ก็วันนี้วันคี่ไม่ใช่เหรอแต่ดันมาทำให้พี่เซ็ง...ตอนแรกคิดว่าถ้ากลับมาให้ไปใช้มือทำเองในห้องน้ำแล้ว...อืมมม" ครูเขมพูดผมก็ซุกไซ้ไปตามซอกคอ

                       "เสียวปะ" ผมกระซิบถามพี่เขมที่ข้างหู

                       "มาก..แถบขาดใจเลย คิดยังไงทำแบบนั้นให้พี่ละ" พี่เขมถามผม คงหมายถึงที่ผมล้างตู้เย็นให้มั้ง

                       "ก็รู้ไม่รู้จะง้อที่รักยังไงคริสดันทำให้ที่รักของคริสงอนนิเลยต้องพึงท่านี้แหละ ง้อแบบนี้ชอบไหม ถ้าที่รักงอนอีกคริสจะง้อแบบนี้ และจะง้อให้นานกว่านี้อีก" ผมพูดสายตามองจ้องตาคนที่นั่งห้อยขาอยู่

                       "ที่รักคริสไปเอาเจลก่อนนะ เดี๋ยวมา.....นั่งอยู่บนนี้นะอย่าดื้อลงมาละ ถ้าที่รักดื้อคริสจะเอาให้ที่รักร้องดังยิ่งกว่าเมื่อกี่อีกด้วย"

                       "คราวนี้บรรดาครูที่พักบ้านพักเขาคงได้แห่กันมาดู " ผมพูดก่อนจะรีบหันหลังเข้าไปในห้องไปหยิบถุงมาสวมไว้และใส่เจลครูเขมบอกว่าใส่ถุงดีกว่าปลอดภัยเพราะครูเขมมีอะไรกับแฟนทุกครั้ง ครูก็ไม่เคยที่จะไม่ลืมใส่ถุงทุกครั้งเช่นกัน ครูเขาก็ มีเป็นสิบๆกล่องเลย ผมเดินออกมาครูเขมยังนั่งห้อยเท้าอยู่

                      ผมเข้าไปเล้าโรมกอดจูบคราวนี้ครูเขมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ครูเขมโต้ตอบผมเรากอดรัดกันอยู่สักพัก พอผมเห็นว่าครูเขมพร้อมผมก็ ยกขาทั้งสองข้างของครูเขมขึ้นมาจับไว้

                       "โอ๊ะ...คริส..โอ้ว..ซี้ดดดด อื้ม..อ่าห์..." ผมก็ค่อยๆสอดใส่แกนอันกำยำของผมเข้าไปในช่องทางแคบทันทีและเราก็ค่อยๆโยกเบาๆ ครูเขมก็ขยับสะโพกช่วยผม และผมก็โยกแรงขึ้น ผมก็ดันครูเขมให้นอนราบลงไปบนโต๊ะท๊อป มันไม่กว้างมากแต่พอมีพื้นที่และผมก็ขึ้นไปค่อมไว้ สรุปคืนนี้เรามีอะไรกันกันอยู่บนโต๊ะท๊อป เสียวว่าจะตกลงไปเหมือนกัน แต่ว่ามันได้ความรู้สึกแปลกใหม่ ครูเขมใช้แขนก็ค้ำยันตัวเองเพื่อต้านแรงแทกผมไว้ สักพักผมกับครูก็เรียบร้อยถึงฝังฝันอย่างปลอดภัยก็เล่นกันบนโต๊ะแคบๆแบบนี้ครับมันทั้งสูงทั้งเสียวไปพร้อมๆกัน

                       "คืนนี้แกล้งพี่เดี๋ยวพรุ่งนี้นะเราโดนแน่พี่จะเอาให้หนักเลย"ครูเขมพูดปนหัวเราะผมเอาหน้าผมแหนบกับหน้าท้องครูเขมอยู่ผมเงยหน้าขึ้นมา

                       "ถ้าพี่ไม่งอนก็ว่าจะเล่นท่าเบสิคแต่นี้พี่เล่นงอนผมนิ เลยจัดให้เลยท่ายากแถมฟินมาเราทำกันบนโต๊ะสูงและเสียวแบบนี้ "

                       "มาก..พี่นี้กลัวหล่นลงไปมากเลยคริส..คราวหน้าโซฟาดีกว่านะมันยังไม่สูงเท่าไหร่" ครูเขมพูด

                       "นี้คือการง้อด้วยทำโทษด้วยก็พี่อยากงอนผมทำไมอะ พอเวลาพี่งอนนี้แทนตัวเองว่าครูเลยนะ" ผมแซวครูเขม

                       "แต่คิดอีกทีงอนบ่อยๆก็ดีนะเห็นพี่เมื่อกี่อยากทำอีกอะ" ผมพูดกัดปากทำท่าเซ็กซี่ พอเสร็จกิจกรรมของเราสองคน ผมก็นั่งทานข้าวด้วยกันต่อเก็บทำความสะอาดและเข้าไปอาบน้ำด้วยกันก่อนเข้านอน

                       "คริสแล้วจะทำยังไงกับแก้มละที่นี้" ครูเขมถามผมทันทีที่ผมไปที่เตียงนอนตะแคงเบียดกายอยู่ข้างๆครูเขม

                       "ถ้าเขาไปให้ผู้อำนวยการจริงๆ พรุ่งนี้ผมก็ยินดีที่จะลาออกเองครู ถ้าผมเรียนไม่จบครูจะยังรักผมไหม"

                       "ทำไมพูดอย่างนั้นละคริส" ครูเขมวางหนังสือลงเขาหันมามองหน้าผม

                       "ไม่รู้ซิ ..." ผมตอบเบาๆ
           
                       "แต่พี่อยากให้เราเรียนให้จบ..เราไม่ใช่คนเรียนไม่เก่งนะ เรียนเก่งด้วย "

                       "ถ้าออกก็ดีนะคราวนี้ก็ได้อยู่กับพี่ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วกว่าผมจะ18 ก็ปีหน้าแนะพี่เขม " ผมพูด ครูเขมมองหน้าผม เหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างสีหน้าครูเขมมันบอกผมอย่างนั้น

                       "ที่พี่คิดคือพี่ไม่อยากทำร้ายเรา"

                       "พี่ไม่เคยทำร้ายผม...ความรักของพี่ไม่เคยทำร้ายผมนะ...มีแต่จะทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้นเพราะผมอยากจะปกป้องพี่ไง "

                       "คริส...พรุ่งนี้พี่จะไปกินข้าวบ้าน ครูลินดานะเธอ..พ่อแม่เธอชวนพี่ไปนะ" ครูเขมพูดผมเลิกคิ้วมองครูเขม

                       "คริสอย่าทำหน้าแบบนี้ซิ พี่ไม่ได้คิดอะไรกับครูลินดาและครูลินดาเขาก็รู้ว่าพี่มีคริสอยู่แล้วนะ"

                       "ครูลินดาเขาขอให้พี่ช่วย ..." ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีอะ

                       "เขาไม่อยากแต่งงาน" ครูเขมพูด

                       "มุขหรือเปล่า...แล้วพี่ตอบตงลงไปไหมอ่ะ" ผมถามทำหน้าเหมือนเด็กน้อยไม่อยากให้ไปเลย ผมกลัวครูลินดา ผมกลัวใจพี่เขมจะหันไปมีครอบครัวแบบคนปกติยังไงก็ไม่รู้

                       "เขาขอร้องแบบนั้นพี่เลยตอบตกลงว่าไป..แต่พี่สัญญาไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอนคริสเชื่อใจพี่นะ" ครูเขมถาม ครูเขมใช้มือขึ้นมาประครองใบหน้าของผมไปใกล้จูบผมเบาๆแบบนุ่มนวล

                       "พี่ไม่ใช่คนที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจิตใจโลเลนะ ..คริสก็รู้..."

                       "และพี่เลือกจะรักคริสแล้วพี่จะไม่มีคนอื่นแต่พี่คิดว่าครูลินดาเขาต้องการความช่วยเหลือจริงๆ อย่าเพิ่งมองในแง่ร้ายซิ..หึ" ครูเขมพูดผมจะอ้าปากพูด

                       "ขี้หึงเหมือนกันนะเรานิ..แต่พี่ชอบนะ." ครูเขมพูด

                       "และเขาก็จะช่วยพูดเรื่องของเราด้วยคริส" ครูเขมพูดผมยังคงนิ่งเงียบจะไม่รู้สึกอะไรได้ยังไงสายตาคูลินดานะมันก็บอกอยู่แล้ว

                       "หมับ"ครูเขมดึงผมเข้าไปกอดและโน้มตัวมาจูบผมที่หน้าผากผม ผมชอบมันเหมือนตอนเด็กๆก่อนจะเข้านอนพ่อจะทำแบบนี้กับผม

                       "นอนเถอะพรุ่งนี้ต้องไปเรียนนะและครูก็มีสอนห้องเราคาบแรกด้วย..อย่าคิดมากนะคริสและต่อไปมีอะไรต้องบอกพี่นะเราต้องเดินไปด้วยกันปัญหาอะไรที่เข้ามาต้องช่วยกัน"ครูเขมพูด ผมพยักหน้าและพลิกตัวไปกอดลำตัวครูเขม

                       "ปัญหามันเยอะจริงๆด้วยนะพี่เขมแต่คริสจะไม่ยอมแพ้มันหรอกนะขอแต่พี่เขมอย่าทิ้งคริสนะ"

                       "พี่ไม่ทิ้งคริส เพราะว่าพี่ก็เลือกจะดูแลเราแล้วนิ พี่ไม่ทิ้งเธอเด็ดขาด พี่รักคริสนะรักแบบที่ไม่เคยรักใครพี่ไม่รู้ทำไมแต่พี่รักมาก "

                       "ผมถามหน่อยได้ไหม...ระหว่างแฟนเก่าของพี่กับผมพี่คิดว่าตอนนี่พี่รักใครมากกว่ากัน" ครูเขมมองหน้าผม ผมรู้ว่าไม่ควรถามแบบนั้น

                       "ผมรู้ว่าผมไม่ควรถามแต่ผมแค่อยากฟัง" ผมพูด

                       "ยอมรับว่ามากกว่า...พี่รักเรามากกว่าทุกคนที่พี่เคยคบมาแม้กระทั้งณัฐกานต์ " ครูเขมพูดผมดีใจที่สุดรอยยิ้มเปื่อนขึ้นบนใบหน้าของผมทันที และถ้าพรุ่งนี้อะไรจะเกิดก็ช่างผมแค่มีพี่เขมอยู่กับผมก็พอ และแสงไฟจากโคมตรงหัวเตียงก็ถูกกดปิดลงครูเขมเอนตัวลงนอนโดนมีผมกอดครูเขมไว้ ครูเขมก็กอดกระชับผมเข้าไป ในชีวิตของคริสโตเฟอร์ไม่เคยมีความคิดในหัวเลยว่าจะได้มานอนกอดผู้ชายแบบนี้

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน(ครูเขม X คริส)EP.14 ใครกันที่มาช่วยคริสไว
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 14-08-2020 19:52:16
EP.14ครูเขมชาติ X คริสโตเฟอร์  ใครกันที่มาช่วยคริสไว้
คริสโตเฟอร์
             ผมตื่นก่อนพี่เขมเพื่อทำอาหารเช้าพี่เขาทานเพราะว่าวันนี้เป็นเวรของผมตามที่เราตกลงกันแต่ว่าวันนี้ เวรบนเตียงจะเป็นพี่เขมแทน

            ผมรีบขับรถของครูเขมออกไปแต่เช้าตรูเพื่อไปหาซื้อพวกไข่ แฮม ไส้กรอก และขนมปังออกไปตั้งแต่หกโมงเช้าและรีบกลับเข้ามาก่อนหกโมงครึ้งและก็รีบทำอาหารเช้าสไตล์อเมริกัน ผมเคยไปช่วยแม่ที่รีสอร์ทของพ่อเลี้ยงผม และผมก็เคยไปอยู่ที่นั้นตั้งห้าเดือนตอนที่ถูกพักการเรียน

            "หมับ" ผมถูกคนด้านหลังสวมกอดไว้

            "หอมจัง..." ผมหันไปมองคุณครูสายหื่นของผม(ผมเองก็นักเรียนสายหื่น) ครูเขมเพิ่งจะตื่นนอนเพราะว่าเมื่่อวานเหนื่อยมาก เมื่อวานพี่เขมมีตารางสอนเยอะมากกว่าทุกวันและโชคดีนะที่วันนี้พี่เขมไม่ต้องไปยืนหน้าประตู ผมก็เลยปล่อยให้สุดที่รักของผมตื่นสายได้นิดหน่อยแต่ก็ต้องไปถึงโรงเรียนก่อนเจ็ดโมงสี่สิบห้าอยู่ดี และวันนี้ก็วันศุกร์แล้ว ผมคิดว่าพรุ่งนี้จะนอนกอดกันตื่นสายโด่งไปเลย

            “ แอบยิ่มอะไรคริส...และนี่เราอาบน้ำหรือยัง"พี่เขมกระซิบข้างหูผมพร้อมกับฝังจมูกที่ตรงซอกคอผมทำให้ผมต้องหดคอหนี

            "ยังอะ..ทำไมอะจะอาบน้ำกับผมเหรอ" ผมหันไปถามครูเขม

             "ก็ดีนะ..อาบน้ำกัน..แต่รู้สึกว่าพี่นี้จะมีหน้าที่หลายอย่างอยู่นะ เป็นทั้งครู เป็นพี่ชาย และยังต้องเป็นผู้ปกครองจับเด็กอาบน้ำ" ครูเขมพูดกระซิบที่ข้างหูของผม

         "เป็นทั้งสามีและภรรยาเก่งเนอะพี่เนี๊ยะ!" ครูเขมพูด ผมหยักคิ้วให้ผมเองก็ไม่เคยคิดจะมาควบสองตำแหน่งแบบนี้เหมือนกัน ผมมองดูอาหารที่จัดลงจานหมดแล้วผมก็จัดการหาที่ครอบมาครอบไว้ก่อนและรีบพากันเข้าห้องน้ำ อาบน้ำด้วยกันแต่ก็ไม่ได้บ่อยหรอกถ้าครูเขมตื่นมาทำอาหารก่อนเขาก็จะไม่ปลุกผมให้นอนได้นอนหลับได้เต็มตื่นจนเกือบเจ็ดโมงนั้นแหละผมถึงจะตื่น อาบน้ำด้วยกันมันก็สนุกดีนะ(แค่อาบน้ำจริงๆ)
 
          บางครั้งผมก็คิดว่าผมเป็นเด็กน้อยนะและพี่เขมก็เหมือนพ่อของผม  ตอนเด็กๆผมอยู่กับพ่อผมตลอดเขาอาบน้ำให้ผมเราสนิทกันมาก  เพราะว่าแม่ผมจะต้องทำงานแต่ก่อนแม่ของผมทำงานในบาร์ส่วนพ่อผมก็ทำงานอะไรผมไม่เคยรู้แต่พ่อจะบินมาหาผมทุกปีอยู่ครั้งละสามเดือนค่อยบินกลับจนล่าสุดตอนที่ผมเกือบสิบขวบเขาก็ไม่มาอีกเลย

         "พี่เขม...พวกไอ้อาร์ท ไอ้โจ้ และไอ้ปัน ปัน มันรู้เรื่องผมกับพี่แล้วนะ"ผมพูดขณะที่แต่งตัวอยู่ในห้องวันนี้ผมจะออกไปพร้อมกับครูเขมเลยแต่ครูเขมจะขับไปส่งผมที่ด้านหลังก่อนและนำรถไปจอดด้านหน้าที่สำหรับจอดรถของครูและรถประจำโรงเรียน

         "แล้วเพื่อนเราว่าไงละ" ครูเขมหันมามองผม ผมกำลังสาละวนกับการหยัดหยัดชายเสื้อใส่ในกางเกง

         "ก็..ไม่พูดอะไร..พวกมันนะเข้าใจผมนะทั้งที่มันมาที่หลังไอ้โป้งอีกอะพี่เขม"ผมพูด พี่เขมเขาดึงผมเข้าไปและสอดแขนอ้อมหลังไปจับชายเสื้อนักเรียนของผมหยัดลงไปในกางเกงนักเรียนให้

         "ก็ดีนะถ้าเขาเข้าใจเราแบบนั้น แต่สำหรับโป้งพี่ว่าอาจจะต้องให้เวลาเขาหน่อยบางทีเขาอาจจะแค่ตกใจมั้งเพราะว่าที่ผ่านมาเราก็ไม่มีท่าทีว่าจะชอบผู้ชายด้วย" ครูเขมเอียงคอพูด ผมพยักหน้าว่าก็คงต้องปล่อยให้มันหายโกรธผมเองอาจจะต้องใช้เวลาตามที่ครูเขมบอกผมนั้นแหละ

         "ไปทานข้าวกันดีกว่าพี่หิวแล้ว" ครูเขมพูดระหว่างที่ผมเดินออกมาที่ด้านนอกผมก็สองคนก็ต้องตกใจเพราะว่าครูสมชายเขาขึ้นมาบนบ้านผมลืมล๊อกประตูหน้าบ้านตอนเข้าไปอาบน้ำกับครูเขม ครูสมชายตกใจมิใช่น้อยที่เห็นผมกับครูเขมเดินออกมาจากห้องนอนด้วยกัน

         "ครูสมชาย!!!!"

         "เออ..คือ..ผมขอโทษนะครับผมเรียกครูเขมแล้วแต่ไม่ตอบผมเลยถือวิสาสะขึ้นมาเอง"

         "ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้นนะครับ.จริงๆครับไม่เห็นไม่เห็นอะไรเลย!! "ครูสมชายพูดก่อนจะรีบหันหลังให้ผมกับครูเขม ครูสมชายแกเป็นครูที่ธรรมธรรมโม

         "ครูสมชายครับ..ผมว่าจะไม่เห็นก็คงไม่ได้มั้งครับเพราะว่าผมสองคนก็ตัวไม่ใช่เล็กๆ " ครูเขมพูดและครูสมชายค่อยๆหันหลังกลับมามองผมสองคนใหม่อีกครั้ง

         "อู้ย!!!!..จริงด้วยครับ..เต็มๆตาเลยครับ" ครูสมชายค่อยๆหันหลังกับมา ครูเขายิ้มเจื่อนๆให้ผมกับครูเขม ผมก็หยักไหล่ให้ครูเขมและเดินไปนั้งที่โต๊ะอาหาร

           "ครูมีอะไรเร่งด่วนหรือเปล่าครับมาหาผมแต่เช้า" ครูเขมถามครูสมชาย

           "ผมจะกลับบ้านนะครับแม่ผมป่วยผมจะฝากครูดูนักเรียนห้องม.2/3 คาบที่4 ให้ผมหน่อยผมสั่งงานไว้แล้วแหละครับแค่ดูไม่ให้เสียงดังรบกวนห้องอื่นๆเท่านั้นเองครับ"

           "ได้ครับผมว่างคาบที่4พอดีเลยผมจะเข้าไปดูให้ครูไปหาแม่เถอะครับ" ครูเขมพูด ครูสมชายยังคงมองผมอยู่แแบบมีคำถาม

           "ครูเขมครับ....ขอโทษนะครับ....ผู้อำนวยการรู้เรื่องนี้ไหมครับ" ครูสมชายถามครูเขมคงหมายถึงผมมาอยู่บ้านพักกับครูและครูสมชายคงเดาความหมายของมันได้ไม่ยาก

           "ยังไม่รู้หรอกครับผม.....เออ....." ครูตอบสีหน้ากังวล ผมก็ยืนนิ่งไม่รู้จะแก้ตัวแทนยังไงดี

           "ผมเองไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว ครูสบายใจได้แต่ควรจะบอกท่านนะครับเพราะครูปิดแบบนี้ไปได้ไม่นานหรอกครับ"

           "และนายคริสเขาก็เป็นเด็กนักเรียนที่นี้ถึงจะโตแล้วก็ตามนะครับ" ครูสมชายพูดและมองผม ผมก็นั่งนิ่งๆฟัง

           “คือเออ..ผม..กับคริส..ผมเข้าใจว่ามันผิดนะครับครูสมชาย” ครูเขมหันมามองผมเป็นระยะระย

           “คือ เอาจริงๆ ผมก็เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาตินะครับครู รักโลภโกรธหลง ถึงนายคริสจะเคยอยากจะต่อยผมก็ตาม แต่ผมก็ไม่ยุ่งนะครับเรื่องนี้ แต่ผมคิดว่าครูควรจะบอกผู้อำนวยการเองนะครับ ผมว่าทุกปัญหามีทางออก ผมเองก็ไม่อยากให้ เกิดเรื่องเหมือนตอนครูมิ้งนะครับ “ ครูสมชายผมพูด ผมหันไปมองครูเขม

           "ครับครูผมรอให้ทุกอย่างมันพร้อมกว่านี้ผมรู้ว่าที่ทำอยู่นี้มันผิดครับครูแต่..."

           "ผมรู้ครับว่าความรักมันห้ามไม่ได้... บ่อยไปที่ครูรักนักเรียน...... นักเรียนรักครูและปัญหาโลกแตกก็ตามมาเป็นขบวน" ครูสมชายพูด

           "ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะครับครูผมต้องไปต่อรถตู้อีกทีและไปต่อรถทัวป์อีก..ผมฝากด้วยนะครับครู ขอบคุณนะครับ " ครูสมชายพูดก่อนจะเดินลงจากบ้าน ครูเขมมองผม ครูหันมาเอามือลูบหัวผมเบาๆก่อนจะนั่งลงทานอาหารด้วยกัน

                  ผมเริ่มคิดแล้วซิว่าความรักแบบนี้ยากเนอะ และมันไม่เหมือนความรักของผู้หญิงผู้ชายทั่วไปความรักที่คนทั้งโลกยอมรับกันถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่ต้องมานั่งแอบซ้อนมันแบบนี้ ผมนั่งทานอาหารเงียบๆแต่ผมคงหยุดมันไม่ได้แล้วอะผู้ชายข้างๆผมทำให้ผมรักเขามากจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว

           "อร่อยดีนะ.มีฝีมือเหมือนกันนี้เรา" ครูเขมเป็นคนเปิดการสนทนา ผมเงยหน้าขึ้นมองพยักหน้าเบาๆ

           "คริส..ทำไมทำหน้าแบบนั้นละไม่สบายใจเรื่องอะไรอีก"ครูเขมพูดผมก็วางช้อนลง

           "ผมจะทำให้พี่เขมลำบากนะซิ..ผมก็ไม่รู้ว่าครูสมชายจะไปบอกผู้อำนวยการหรือเปล่าและไหนจะแก้มอีกคน "

           "ครูบอกเราแล้วไงว่าถ้าเลือกเส้นทางนี้เราต้องยอมรับปัญหาที่ตามมาให้ได้ หรือว่าเราท้อซะแล้วละ" ครูเขมถามผม ผมส่ายหัวว่าไม่ แต่ครูเขมเลิกคิ้วมองผม

           "ผมแคร์ครูไง..ผมไม่อยากทำให้ครูเขมของผมเดือดร้อนเพราะผมทำให้ใครเดือนร้อนมาเยอะแยะไม่ว่าจะเป็นแม่หรือว่าพ่อเลี้ยงจนเขาเกลียดผม" ผมพูดกับครูเขม

           "พี่ไม่เคยมองว่านี้คือความเดือดร้อนนะเลยนะคริส"

           "ปัญหาพวกนี้คือข้อพิสูจน์จุดยืนของหัวใจเราสองคนว่าเรามั่นคงต่อกันแค่ไหนกับอุปสรรค์และปัญหาพวกนี้มันจะทำให้เราล้มลงและยอมแพ้มันหรือมั้ย"ครูเขมพูด

           "ถ้าเราผ่านมันไปได้เราทั้งคู่ก็จะอยู่บนโลกใบนี้ได้ด้วยความแข็งแกร่ง...โลกใบนี้มันมีบททดสอบอีกมากมาย...นี้อาจจะแค่เริ่มต้นเองก็ได้นะคริส" ครูเขมพูด

           "พี่ท้อไหม" ผมถามครูเขม

           "ไม่!! เพราะว่าพี่ก็เลือกแล้วที่ดูแลเราดังนั้นพี่ต้องพร้อมที่จะเผชิญปัญหาตอนนี้พี่อยากให้เราตั้งใจเรียนเรื่องอื่นๆพี่จัดการเอง"พี่เขมบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ

           "ตอนนี้พี่มีวัยวุฒิและคุณวุฒิและวุฒิภาวะที่เหนือกว่าเรานะดังนั้นหน้าที่ของพี่คือดูแลเรา ไม่ว่าจะในฐานะคนรัก ลูกศิษย์ พี่น้อง พี่ก็จะทำ " ครูเขมพูดมันก็จริงผมยังเด็กอยู่มากยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ

           "ในวันที่ผมพร้อมผมจะดูและพี่...ให้ดีเหมือนและดีกว่าที่พี่ดูแลผมนะพี่เขม" ผมพูด รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพี่เขม

           "แต่....วันนี้พี่ไปกี่โมงอะ..ไปทานข้าวกับครูลินดา" ผมถามครูเขม พี่เขมหุบยิ้มทันทีเขารู้ว่าผมกำลังจะกลับมาสู่โหมดแอบน้อยใจ

           "พี่รู้ว่าเราไม่สบายใจนะคริสแต่พี่แค่ช่วยเขาเพราะเขาขอร้องมาพี่รู้ว่าเราคงจะคิดว่าพี่ช่วยทำไม"

           "เขาไม่ใช่คนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทแต่ยังไงเขาก็ช่วยเรื่องเรากับครูหลายครั้งช่วยบอกปัดในเวลาที่ผู้อำนวยการถาม คนทั้งโรงเรียมเริ่มพูดถึงเรื่องเรากับพี่มากขึ้นส่วนหนึ่งอาจจะมาจากแก้มเอาไปพูดด้วย" ครูเขมพูด ผมพยักหน้าเบาๆ

           "คริสพี่รักเรามากนะและพี่เชื่อว่าพี่หนักแน่นพอ..แต่ถ้าครูลินดาเขามีเจตนาอย่างที่เราคิดไว้จริงๆ มันก็เป็นครั้งเดียวสำหรับพี่ที่จะไว้ใจเขา" ครูเขมพูดผมพยักหน้าเบาๆ ผมนั่งทานอาหารสักพักครูเขมก็เก็บทุกอย่างล้างทำความสะอาดแทนผม

           ตื้ด!! เสียงข้อความเข้ามือถือครูเขมผมชะโงกไปอ่าน เป็นข้อความจากครูลินดา

           "ครูเขมคะ...วันนี้ลินดาไม่ได้เข้าสอนนะคะ..อย่าลืมที่เรานัดทานข้าวกันะคะคุณป้าอยากเจอครูเขมมากนะคะ...แต่งตัวหล่อๆนะคะ ..แล้วเจอกันค่ะ" ผมอ่านและรีบวางลงทันที

           "ใครส่งหาพี่เหรอคริส" ครูเขมถาผม ผมนิ่งเงียบไม่ตอบ ครูเขมเลยหยิบมือถือขึ้นไปอ่านก่อนจะก้มมามองหน้าผม สีหน้าพี่เขมกังวลขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าข้อความใครส่งมา จะให้ผมไม่รู้สึกได้ยังไงคนรักทั้งคน

           "ฟ้อด" ครูเขมกอดผมและหอมแก้มผม

           "คริสทำหน้าแบบนี้พี่กังวลนะ"

           "ผมกลัวเสียพี่ไปนิ " ครูเขมมองหน้าผมก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด ผมไม่อยากเสียของรักไปอีกถ้าผมเสียไปชีวิตผมคงไม่มีอะไรดีแล้ว

           "ผมรู้ว่าควรจะเชื่อใจ..เชื่อใจเท่านั้น..." ผมเงยหน้ายขึ้นพูด ครูเขมพยักหน้า

           "เราไปเรียนกันเถอะเดี๋ยวได้พากันสายทั้งคู่ และคงได้โดนผู้อำนวยการทำโทษทั้งครูและนักเรียนพร้อมกันเลยละที่นี้ " ครูเขมพูดติดตลกแต่ผมก็ขำไม่ค่อยออก

           ผมเดินลงมาพร้อมกับช่วยถือสมุดการบ้านมาให้เอาไปใส่ไว้ในรถและเข้าไปไปนั่งด้านข้างคนขับ ครูเขมขับรถออกมาไม่เกินสิบห้านาทีก็ถึงด้านหลังห้องอาหารของโรงเรียนผมเห็นพวกไอ้โจ้และไอ้อาร์ท แต่ไม่มีไอ้โป้งและคงไม่มีอีกต่อไปแล้วมั้ง ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าไอ้โป้งจะเข้าใจผมและเห็นใจผม วันนี้ก็ไม่มีไอ้ปัน ปันด้วยอีกคนมันก็คงไปกับไอ้โป้งด้วยเช่นกัน

           "วันนี้จะกินข้าวเที่ยงกับเพื่อนไหมละ..หึ ?" ครูเขมถามผม ผมหันไปมองทำท่าคิด

           "ครูละ" ผมถามครูเขมกลับ

           "ครูเหรอก็คงไปทานห้องอาหารกับครูท่านอื่นๆนะ"

           "อยากกินกับครูอะ"

           "งอแง!...แล้วเพื่อนเราละ" ครูถามผม ผมก็นิ่งเงียบ

           "โอเคพี่ลงมาทานด้วยและเพื่อนเราด้วยดีไหมแต่พี่กลัวเพื่อนเราแซวเรานะซิ" ครูเขมพูดผมเลยยิ้มออกมานั้นคือคำตอบว่าอยากให้เป็นแบบนั้น ครูเขมพยักหน้าเบาๆให้ผมเป็นคำตอบเช่นกัน ผมลงจากรถและครูเขมก็ขับย้อนกลับออกไปเพื่อไปจอดด้านหน้าวันนี้ครูเขมสอนห้องผมคาบที่สามด้วย

      ผมเดินเข้าไปมาหาพวกไอ้อาร์ทและไอ้โจ มันสองคนกำลังเมามันกับการกดเล่นมือถือโปรแกรแชทคุยกับแฟนต่างโรงเรียน

           "ปึก" ผมวางกระเป๋าลงทำให้ไอ้สองคนเงยหน้าขึ้นมามองผม

           "ผู้ปกครองมาส่งแล้วเหรอครับ ...ลูกคริสของพ่อเขม" ดูมันทะลึงจริงๆ

           "ไอ้โป้งละวะมันไม่มานั่งนี้แล้วใช่มั้ยวะ" ผมถามไอ้สองคนตรงข้ามกับผม

           "ไปแล้วเห็นบอกว่าไปทำธุระหรือว่านัดสาวไว้ก็ไม่รู้เห็นไอ้ปัน ปันมันบอกไอ้โป้งไปแอบซุ้มอยู่แถวลานบ่อยๆสงสัยไอ้โป้งมันแอบปิ้งเด็กม.ต้นแน่ๆ" ไอ้อาร์ทพูดผมหยักไหล่

           "กูสงสารไอ้ปันปันวะ มันน่าจะบอกไอ้โป้งไปเลยนะว่ามันนะคิดยังไงกับไอ้โป้งเพราะว่าไม่อย่างนั้นก็ต้องเห็นแบบนี้ไปอีกนาน" ไอ้โจ้พูดผมพยักหน้าเห็นด้วยวะ

           "ตำตาตำใจไปอีกนาน" ไอ้โจพูด

           "เฮ้ย!! เจอกันตอนเข้าแถวนะกรูต้องไปซื้อปากกาที่สหกรณ์วะ" ผมพูดและคว้ากระเป๋าเป้ลูกขึ้นผมต้องไปตามหาแก้ม ผมต้องหาวิธีเอาไฟล์รูปที่แก้มคืนมาให้ได้ ผมเดินผ่านไปโรงอาหารและตรงไปที่ลานสำหรับนักเรียนนักทำการบ้านและคุยกันระหว่างพัก

                 จู่ๆสายตาผมเหลือบไปเห็นไอ้โป้งกับไอ้ปันมันนั่งกับน้องๆห้องม.3 มันคงกำลังม้อน้องกี้อยู่แน่ๆ สาวสวยดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งของโรงเรียนผมก็มองไปรอบๆ ผมเห็นแก้มเดินมากับเพื่อนเธอสะพายกระเป๋าเป้อยู่กับตัวเธอ ผมก็คิดว่าแฟลซไดร์ฟต้องอยู่ในกระเป๋าเป้นั้นแน่ๆ แต่ผมจะเข้าไปเอายังไงดีละ ผมเห็นไอ้พี่กายเดินเข้าไปหาแก้มกระซิบกระซาบอะไรกันก่อนจะเดินออกไปกันทั้งคู่ ผมก็เดินย่องตามไป ทั้งคู่เดินไปทางด้านหลัง

           "มีคนบอกว่าเรามีรูปเด็ดๆของไอ้คริสกับครูเขมไม่ใช่เหรอ"

           "มีแล้วจะทำไมละพี่กายอยากได้เหรอคะ" แก้มกอดอกถามพี่กาย

           "ใช่พี่อยากได้..พี่อยากให้ไอ้คริสมันออกจากโรงเรียน"ไอ้พี่กายพูด

           "เพราะอะไรละเพราะว่าพี่คริสเขาเล่นบาสเกตบอลเก่งกว่าพี่ใช่ไหมละ"

           "เอามาให้พี่เถอะนะแก้มเพราะยังไงไอ้คริสนะมันก็คงไม่กลับมาหาน้องแก้มสุดสวยอยู่แล้วตอนนี้มันหลงตูดครูอยู่" ไอ้พี่กายพูดผมอยากเข้าไปตะบันหน้ามันมาก

           "ไม่..แก้มจะเอาไว้ต่อลองกับพี่คริสคนเดียวเท่านั้นและหนูไม่ได้อยากให้พี่คริสออกหนูอยากให้ครูตุ๊ดนั้นออกไปต่างหาก "

           "เสียใจด้วยนะคะพี่กายที่หนูคงช่วยพี่ไม่ได้"แก้มพูดก่อนจะเดินหันหลังออกผมควรจะดีใจดีไหมที่แก้มไม่ยอมให้รูปผมกับครูไปให้ไอ้พี่กายไอ้นี้มันไม่ชอบหน้าผมเพราะว่าผมแยjงตำแหน่งตัวชู้ตมาจากมันและทีมผมก็ทำคะแนนได้ดีกว่าทีมของมันจนได้เป็นทีมประจำโรงเรียนและจังหวัดนี้แหละที่ผู้อำนวยการยังเก็บผมไว้อยู่ ผมยืนรออยู่จนแก้มเดินออกมาจากกลุ่มพี่กาย

           "แก้ม" ผมเรียกแก้ม

           "พี่คริส..มาหาแก้มเหรอค่ะ"

           "ใช่พี่มาหาแก้ม..แก้มพี่ขอละอย่าทำแบบนี้พี่ไม่อยากให้ครูเขมเดือดร้อน ..คืนไฟล์รูปมาให้พี่เถอะนะแก้ม"ผมพยายามพูดจาข้อร้องแก้ม

           "ถ้าพี่อยากให้ฉันคืนให้พี่ก็เลิกกับครูเขมซิ ..ให้เขาไปหาชะนีได้ข่าวว่าจะไปหาพ่อแม่ครูลินดาวันนี้ไม่ใช่เหรอ"แก้มพูด

           "เธอรู้ได้ยังไง" ผมถาแก้ม

           "ทำไมจะไม่รู้ได้ยินครูเขาพูดกันคงเปิดตัวแล้วมั้งแล้วพี่ละ เป็นอะไรเหรอ ผัวครู..." แก้มพูดลอยหน้าลอยตาใส่ผม

           "อย่าลามปรามครูแก้ม..พี่ขอไฟล์รูปคืน ..แก้มพี่ไม่เคยคิดกับเราเกินไปกว่ารุ่นพี่รุ่นน้องนะ"ผมพูดกับแก้ม

           "ทำไมละแก้มไม่ดีตรงไหนละ..แก้มไม่สวยเหรอ..แก้มไม่น่ารักเหรอ..พี่ถึงรักแก้มไม่ได้..และแก้มก็ตามจีบมาตั้งปีหนึ่งแล้วนะ" แก้มพูดผมเอามือขึ้นมาจับเอวตัวเอง ผมยอมรับว่าเหนื่อยกับแก้มมากที่ผ่านมาแต่ก็ไม่มากเท่ากับตอนนี้เลยโคตรจะเหนื่อยอธิบายเลย แก้มเป็นคนเอาแต่ใจและมั่นใจตัวเองสูงเพราะว่าหน้าตาที่ดูสวยและน่ารักแต่ความร้ายกาจมันทำให้ไม่ใครกล้าเสี่ยงเข้ามาจีบเธอและเธอเองก็ไม่สนใจใครเอาแต่ตามผมติด

           "แก้ม..ผู้ชายนะเขาต้องจีบผู้หญิงหรือคนที่เขาสนใจเท่านั้น ไม่ใช่ให้เธอมาตามจีบพี่แบบนี้..หน้าที่จีบนะเป็นหน้าที่ผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิงทำ" ผมพูดแก้มยืนกอดอกมองหน้าผม

           "พี่ไม่เคยคิดจะรักแก้มถ้าเป็นน้องสาวพี่..พี่จะโอเคมากกว่านะแก้ม" ผมพูดผมมองแววตาใสซื่อแต่มันแฝงไว้ซึ่งความร้ายกาจผมไม่อยากเชื่อเลยว่าเด็กมัธยมต้นแบบแก้มนี้จะทำแบบนี้ได้ลง

           "พี่บีบแก้มเองนะ" แก้มพูดและจะแทรกตัวเดินหนีผมออกไป ผมก็พยายามตามเธอ แต่เธอไม่หยุด

           "แก้ม..พี่ขอไฟล์รูปคืน" ผมพูดผมจับที่แขนเธอไว้แก้มก้มลงมองมือผม

           "ไม่......จนกว่าพี่จะเป็นแฟนแก้มและพี่ต้องเลิกกับครู.."แก้มพูด

           "หยุดอย่าพูดคำนั้น!! อย่าให้พี่เหลืออดกับเธอนะแก้ม!! " ผมชี้หน้าแก้ม ผมบีบต้นแขนของแก้มไว้ผมขบกล้ามจนขึ้นสันนูนนั้นแสดงถึงว่าความอดทนผมกำลังจะหมดไปด้วย

           "ทำไมวะในเมื่อเป็นตุ๊ด ..ก็คือตุ๊ด ....มันไม่ควรพูดตรงไหน" เสียงไอ้พี่กาย มันเดินออกมา มันหยักคิ้วให้ผม ผมยิ่งไม่อยากจะเจอหน้ามันอยู่ด้วยแก้มสะบัดมือผมให้หลุดจากแขนเธอ

           "ได้ข่าวว่าหลงตูดครูเหรอวะ" ไอ้กายมันพูดยืนเอามือล่วงกระเป๋ามองหน้าผม

           "กูไม่อยากมีเรื่องกับมึง" ผมพูดและหันหลังจะเดินออกผมต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้อย่างที่ครูเขมบอกผมไว้ถ้าเลือกเดินทางนี้แล้วมันย่อมจะมีคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

           "ถ้าทางตูดครูคงจะมันละซิท่า" ผมหยุดชะงัก

           "กูบอกแล้วไงว่ากูไม่อยากมีเรื่องกับมึงนะไอ้กาย!!!" ผมหันไปประชัญหน้ากับมัน ผมกำลังนับหนึ่ง ผมพยายามจะอดทนอย่างที่ครูเขมบอกผม

           "เดี๋ยวก็คงได้หนีตามกันไป...ไปเป็นผัวหรือเมียเขาละ...ดูท่าครู...จะ.."

           "ผลัก!" ผมตรงปรี่เข้าไปตะบันหน้ามันทันทีหนึ่งหมัดอย่างรวดเร็ว พอมันล้มคว่ำลงไป

           "มึงไม่มีสิทธิ์มาว่าครู...ผลั๊ก!!!!"

           "มึงไม่มีสิทธิ์มาว่าคนที่กูรัก...ผลั๊ก!!!"

           "ผลัก!!!" ผมโดนใครสักคนเตะเข้าที่ชายโครงเล่นเอาตัวผมงอ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้พี่อั๋น ไอ้นี้มันนักมวยประจำโรงเรียนและมันก็ตามเข้ามาเตะผมอีกทีจนร่างผมลอยไปตามแรงเตะ

           "มึงมาช้าวะไอ้สัสอั๋น!"พี่กาย

           "กูยิงกระต่ายอยู่" ไอ้พี่อั๋นหันไปบอกพี่กาย

           "รุมแม่งเลยสัส..ไอ้โป้งมันแตกหักไปแล้วไม่มีหมาตัวไหนมาช่วยมันแล้ว" ไอ้พี่กายพูดและมันก็ลุกมา ไอ้พี่อั๋นเดินมากระฉากคอเสื้อผมขึ้นและโดนเตะไปผมยังจุดอยู่ มันก็ต่อยผมที่ท้องอีกหนึ่งมัด

           "ผลัก"และที่ปากผมอีกหนึ่งหมัดจนหน้าผมสะบัดไปตามแรงและล้มลงไปกองกับพื้น

           "จับมันขึ้นมา" ไอ้พี่กายมันสั่งพี่อั๋นและร่างผมก็ถูกจับและล๊อกแขนไว้ และไอ้พี่กายมันก็ตรงเข้ามาหาผมหน้าตามันบอกได้ว่าโหดเลือดเย็นมาเลย

           "กูจะเอาให้มึงนอนโรงพยาบาลเลยแหละสัส" ไอ้พี่กายพูดและง้างหมัดจะตะบันหน้าผม ผมเองก็ดิ้นไปในไม่ได้ไอ้พี่อั๋นมันยึดผมไว้ด้วยแขนที่มีพละกำลังเหนือกว่ามันเป็นหนักมวยนิ

           "หมับ!!" มีคนมาจับแขนไอ้พี่กายไว้ พอผมกับไอ้พี่กายหันไปมองว่าใคร ?

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอนที่ 22 เมื่อคริสงานเข้าใครกันจะเป็นพระเอกมาช่วย
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 14-08-2020 20:36:56
อย่าลืมทำ # ด้วยนะคะ แต่อยากตบอีนังแก้มมากตลาดล่างมากหร่อนต้องโดนทุบหลัง  :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอนที่ 22 เมื่อคริสงานเข้าใครกันจะเป็นพระเอกมาช่วย
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 15-08-2020 11:37:32
 :z6: ให้น้องแก้ม
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริส )EP.14.1 จริงๆแล้วโป้งไม่ได้ทิ้งผมไปไหน
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 15-08-2020 12:07:48
(ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์)EP.14.1   จริงๆแล้วโป้งไม่ได้ทิ้งผมไปไหน

                        "ไอ้โป้ง!!" พี่กายถึงกับถลึงตาใส่ไอ้โป้ง ผมเองก็ไม่คิดว่ามันจะเข้าช่วยผม ไอ้โป้งมันก็พยักหน้ากับพี่กายว่ามันเองก่อนที่มือมันจะกระฉากพี่กายถอยหลังออกไปและ

                       "ผลัก ผลัก ผลัก" มันก็ใส่ไปสามหมัดติดจนพี่กายล้มลงไปกองกับพื้นและขึ้นค่อมตัวไอ้พี่กาย ไอ้โป้งมันก็ซัดต่ออีกหลายหมัด

                       "โป้ก!! " ผมก็ใช้หัวโขกไอ้พี่อั๋นมันก็ผงะไปข้างหลังไม่ถึงกลับหงายหลง  พอผมหลุดจากที่ไอ้พี่อั๋น จากที่มันได้จับผมล๊อกเอาไว้ได้ ผมก็ถีบมันลงไปกอง และขึ้นไปต่อยหน้ามัน  ส่วนไอ้โป้งมันกำลังซัดไอ้พี่กายอยู่นัวเลยเรียกได้ว่าผลัดกันขึ้นผลัดกันลง ผมก็ต่อยไอ้พี่อั๋นแต่มันยากหน่อยผมไม่ใช่นักมวยแต่ก็ต่อยไม่ยั้งเหมือนกัน

                       "หยุด!!..หยุดเดี๋ยวนี้..ครูบอกให้หยุด!!! " เสียงที่ให้ผมต้องหยุดผมง้างหมัดค้างไว้ ผมหันไปมองคนที่บอกให้หยุดนะ คือ ครูเขม

                       "ผลัก" เสียงหมัดต่อยเข้าที่ใบหน้าของผมจังหวะที่ผมหันไปมองครูเขม ผมกระเด็นออกไปและไอ้พี่อั๋นมันรีบลุกขึ้นมาจะเข้ามาซ้ำผมอีกแต่

                       "หมับ!" ครูเขมวิ่งเข้าไปจับแขนไอ้พี่อั๋นไว้ก่อนที่ไอ้พี่อั๋นจะเข้ามาซ้ำผมที่นอนอยู่ที่พื้น ผมเห็นสายตาระหว่างคูเขมกับพี่อั๋นประสานกัน

                       "ครูบอกให้เธอหยุดแล้วเธอก็ควรจะหยุด!!! เธอเป็นรุ่นพี่ไม่ใช่เหรอ!!"สายตาที่ดุและเอาจริงของครูเขมจ้องมองสายตาที่ดุดันเอาเรื่องของพี่อั๋น

                       " หรือว่าเป็นนักเลง แต่นักเลงตัวจริงนะพอคู่ต่อสู้หยุดก็ควรจะหยุดไม่ทำร้ายคนตอนทีเผลอแบบ นี้มันนิสัยอัธพาลแล้วไม่ใช่นิสัยนักเลง " ครูเขมพูดสายตาครูเขมกับพี่อั๋นไม่ได้ละจากกันเลยส่วนไอ้พี่อั๋นมันคงโกรธมากที่โดนหาว่าเป็นอันธพาล ไอ้พี่อั๋นมันกำหมัดแน่นมองหน้าครูเขมผมกลัวมันจะต่อยครูเขมผมก็รีบดันตัวให้ลุกขึ้น แต่ครูเขมชี้นิ้วให้ผมอยู่เฉยๆโดยไม่ได้หันหน้ามามองผมสายตายังคงจับจ้องที่สายตาพี่อั๋น

                       "เธอจะต่อยครูอย่างนั้นเหรออณุพงศ์" ครูเขมถามพี่อั๋น

                       "เธอทำได้และครูก็จะไม่ต่อยเธอกลับเพราะครูก็คือครู...และครูไม่ทำร้ายลูกศิษย์"

                       "แต่ถ้าลูกศิษย์จะทำร้ายครูนั้นก็แปลว่าเธอไม่เคยให้ความเคารพคนที่ให้ความรู้ ให้อนาคตเธอแม้แต่น้อย"

                       "และครูก็คงจะเสียใจมากเพราะคนที่จะต่อยครูดันเป็นนักเรียน!!" ครูเขมพูดเสียงนิ่ง พี่อั๋นมันคลายกำปั่นออกและสะบัดให้ครูเขมปล่อยแขนของเขา ก่อนจะเดินไปหาพี่กาย ยื่นมือให้พี่กายจับและลุกขึ้นสภาพน่วมเยอะอยู่เหมือนกัน

                       "คริสเกิดอะไรขึ้น" ครูเขมหันมาถามผม

                       "ตรงไหน...อ้าว!!! นั้นครูเขม..ครูเขมครับเกิดอะไรขึ้นครับเด็กวิ่งไปบอกผมว่านักเรียนมีเรื่องชกต่อยกัน" ครูฝ่ายปกครองวิ่งมาดูเขากวาดสายตามองไปรอบๆผมสี่คน

                       "ครับ..เด็กนักเรียนต่อยกันแต่ผมก็ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่แน่ชัด" ครูเขมพูดเขาหันมามองหน้าผมแวปหนึ่ง

                       "นายคริสนายอีกแล้วเหรอ" ครูฝ่ายปกครองหันมาทางผมคนแรก

                       "ครูครับผมเห็นว่าไอ้กายกับไอ้อั๋นนี้มันรุมคริสอยู่นะครับ" ไอ้โป้งหันไปบอกครูฝ่ายปกครองให้ผม

                       "จริงเหรอ ..นายอาณุภาพ..นายเป็นรุ่นพี่นะถึงนายคริสจะอ่อนกว่านายแค่ปีเดียวก็ตามและนายด้วยอณุพงศ์" ครูฝ่ายปกครองหันไปถามพี่กายเป็นเชิงต่อว่า

                       "นายคริสต่อยผมก่อน ส่วนอั๋นมันเข้ามาช่วยผมไอ้โป้งนี้มันมาที่หลังนะครูมันไม่ได้เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นสักหน่อย"

                       "และมันก็มาต่อยผมด้วยนะครูอย่างนี้ครูคิดว่าว่าใครควรจะผิด!!" ไอ้กายมันบอกว่าผมต่อยมันก่อน

                       "ตกลงยังไงใครเห็นเหตุการณ์อีก" ครูฝ่ายปกครองถามหาพยานคนอื่น ครูเขมมองหน้าผม เขาคงเสียใจอยู่ไม่น้อยที่ผมทำไม่ได้ พี่เขมคอยบอกผมเสมอไม่ให้ใจร้อน โดยเฉพาะในเรื่องที่ความรักของผมและเขา เพราะว่ามันอาจจะทำให้ทุกอย่างแย่ลง

                       "พี่คริสเขาต่อยพี่กายก่อนคะหนูเห็นค่ะ..หนูอยู่ในเหตุการณ์ค่ะ" แก้มพูดว่าผมต่อยไอ้พี่กายก่อนไอ้พี่กายหันมายิ้มเยอะให้ผมทันที

                       "พี่กายมันพูดว่าครูเขมผมเลย..ต่อยมันครับครู" ผมพูด

                       "เธอได้ยินไหมแก้ม" ครูฝ่ายปกครองหันไปถามแก้ม

                       "ไม่ได้ยินคะ..พี่กายไม่ได้พูดอะไรค่ะ" แก้มพูด ผมหันไปมองหน้าเธอ แก้มเธอยืนอยู่เธอได้ยินชัดเจนแต่เธอกลับเลือกที่จะโกหก ครูเขมหันมามองหน้าผม

                       "แต่ไอ้นี้มันรุมคริสอยู่มันก็ผิดและถ้าผมไม่เข้ามาช่วยมันคงอัดน่วมไปแล้วนะครู"ไอ้โป้งช่วยค้านให้ผม ผมโคตรซึ้งในน้ำใจมันเลย ครูฝ่ายปกครองหันมามองครูเขม

                       "และไอ้อั๋นมันจะต่อยครูเขม" ไอ้โป้งมันพูดไอ้พี่อั๋นสะบัดหน้าไปมองไอ้โป้งแบบจ้องตาเลย

                       "จริงเหรอครับครูเขม" ครูฝ่ายปกครองถามครูเขม ครูเขมพยักหน้าว่าจริงๆ

                       "นายอณุพงค์ครูคงต้องเรียกผู้ปกครองเธออันนี้มันร้ายแรงนะที่เธอจะทำร้ายครู"ครูฝ่ายปกครองพูดพี่อณุพงศ์ก้มหน้าลง ผมรู้ว่าพ่อพี่อณุพงศ์นะโคตรดุเลยเห็นไอ้พี่อั๋นแบบนี้มันโคตรกลัวพ่อมันเลยมันถึงได้ยืนกำหมัดแน่นขนาดนั้น

                       "ไม่ต้องหรอกครับครูเขาแค่คิดแต่ไม่ได้ทำถือว่าเขายังมีความคิดแยกแยะผิดชอบอยู่..ไม่ต้องเรียกผู้ปกครองหรอกกครับผมว่าเอาแค่เรื่องนักเรียนต่อยตีกันอย่างเดียวก็พอครับ" ครูเขมพูดว่าไม่เอาเรื่องไอ้พี่อั๋น

                       "ตามใจครูเขมแล้วกัน แต่ฉันจะทำโทษพวกเธอทั้งหมดนี้หน้าเสาธง ส่วนนายคริสโตเฟอร์เรานะต่อยเขาก่อนครูจะทำโทษเธอมากกว่าคนอื่นหน่อยและเธอก็มีคดีหลายครั้งแล้วด้วย" ครูฝ่ายปกครองพูด ไอ้พี่กายมันหันมาแสยะยิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกไปกับพี่อั๋น ไอ้โป้งแค่หันมามองผมแวปเดียวและมันก็เดินออกทันทีเช่นกัน

                       "ครูเขมครับ..ผอ.เรียกครับครู...ตอนนี้เลยท่านมีเรื่องด่วนเลยนะครับ" ผมหันไปมองครูเขม ครูเขมพยักหน้าก่อนจะรีบเดินออกเช่นกัน ผมก็เดินตามออกไปผมเดินตามหลังแก้ม

                       "แก้ม" ผมกระฉากเสียงเรียกชื่อแก้มเธอหยุดชะงักเท้าไว้กับที่

                       "ทำไมเธอไม่บอกความจริงว่าไอ้กายมันพูดอะไรกับพี่ว่ามันว่าครูเขมและนั้นพี่ถึงได้ต่อยมัน ทำไมเธอต้องโกหกว่าเธอไม่ได้ยิน..แก้ม!!" ผมถามแก้มด้วยน้ำเสียงที่โกรธเกลี้ยวเพราะว่าเธอเลือกที่จะโกหก

                       "ทำไมต้องพูด..พูดให้ครูเขมเขาเห็นว่าพี่รักเขามากนะเหรอ เพราะพี่รักมากจนกระทั้งที่ยอมเจ็บตัวอย่างนั้นนะหรอ....แก้มไม่ทำหรอก" แก้มพูดก่อนจะเดินออกเช่นกัน ผมก็เดินพาตัวเองไปห้องน้ำชายปากก็เจ็บ แฟลซไดร์ฟก็ไม่ได้ ครูเขมก็คงจะโกรธผมและนี้ผู้อำนวยการก็เรียกครูเขมด่วนอีกมีเรื่องอะไรหรือเปล่านะผมกลัวไปหมดทุกอย่างเลยตอนนี้แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ยิ่งโมโหตัวเองเข้าไปใหญ่

                   ผมเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อจะไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะไปเข้าแถวเคารพธงชาติ ผมเห็นไอ้โป้งมันยืนเปิดก๊อกน้ำล้างหน้าอยู่ ซึ่งมันอยู่ด้านหน้าของห้องน้้ำชาย ผมยืนมองไอ้โป้งมัน ผมไม่คิดว่ามันจะเข้าไปช่วยผม มันทำให้ผมรู้ว่ามันไม่ได้เลิกเป็นเพื่อนกับผมจริงๆหรอก ผมเชื่อว่าห้าปีนะมีค่ามากพอไอ้โป้งมันเงยหน้าขึ้นมาพอมันเห็นว่าผมยืนมองมันอยู่ มันก็หันทำท่าจะเดินออก ไอ้ปัน ปันมันก็ยืนอยู่ด้วยมันหันมามองผมหยักคิ้วให้ผม

                       "โป้ง..กูขอบใจวะ.ขอบใจที่มึงช่วยกู มึงยังเป็นเพื่อนกูใช่ไหมโป้ง" ผมพูดผมถามไอ้โป้ง มันได้ยินมันก็หยุดนิ่งแต่ไม่หันมามองผม

                       "โป้ง..มึงเพื่อนกูนะ ....คนที่กูอยากให้เข้าใจกูมากที่สุดคือมึงนะโป้งเพราะมึงเป็นเพื่อนที่กูรักมาก รักมากจริงๆโป้ง"

                       "แต่กูผิดตรงไหนวะที่กูมีความรักแบบนี้โป้ง!!..กูผิดตรงไหนวะที่กูรักคนที่เขาหวังดีกับกูมากแบบที่กูไม่เคยมีโป้ง!และมันก็เป็นรักที่กูโหยหามาตลอดมึงก็รู้ดีโป้ง"ผมพูด

                       "กูไม่ควรรักเขาเหรอวะโป้ง"เสียงผมอ่อยลง

                       " มึงเป็นเพื่อนคนเดียวที่กูมีตลอดเวลาที่กูเข้ามาเรียนที่นี้โป้ง! " ผมพูดไอ้โป้งมันหันมามองหน้าผมและมันก็หยิบบางสิ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกงมัน ก่อนจะโยนมาให้ผม พอผมรับสิ่งนันไว้มัน มันคือแฟลซไดร์ฟ

                       "คราวหน้าก็อย่าเลือกไปพล้อดรักให้ชะนีมันถ่ายมึงมาอีกละ" ไอ้โป้งมันมาพูดและมันก็เดินออกไป มันไปเอาสิ่งนี้คืนมาให้ผมจากแก้ม ผมจำได้มันเป็นของแก้ม ไอ้ปัน ปันมันยกไหล่สูงและหยักคิ้วให้ผม

                       "มันเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจวะ.... คนเชี้ยอะไรก็ไม่รู้แม่งหล่อทั้งภายนอกภายใน..โคตรรักเลยอะ" ไอ้ปัน ปัน มันพูดมันยิ้มให้ผมก่อนจะรีบเดินตามไอ้โป้งไปเช่นกัน ผมก็อ้าปากค้าง!! ไอ้ตรงโคตรรักของมันนี้แหละ

                       "ไอ้คริสสสสส" ไอ้โจกับไอ้อาร์ทมันวิ่งมาหาผม

                       "ใครฟัดมึงวะน่วมเลยสาด!! ....ไอ้พระเอกของกู"ไอ้อาร์ทมันวิ่งมาจับตัวผมสำรวจไปตามตัวผมด้วย

                       "ทำไมมรึงสองคนไม่มาตอนที่ใครเขาหามกรูไปโรงพยาบาลแล้วละวะ" ผมหันไปถามไอ้อาร์ทกับไอ้โจ

                       "โธ่!!! พ่อยอดขมองอิ่มของครูเขม..."ไอ้อาร์ทผมสะบัดหน้ามามองไอ้อาร์ท

                       "ว่าแต่ใครทำมึงวะ"ไอ้โจ้ถามผม

                       "ไอ้กายกับไอ้อั๋น" ผมบอกพวกมัน พวกมันส่ายหัวเพราะมันรู้ดีว่าพวกนี้คอยหาเรื่องผมตลอดทั้งที่ผมเองก็ไม่อยากมีเรื่องกับมันหรอกมันเส้นใหญ่

                       "พวกกูได้ยินมาว่าไอ้โป้งไปคุยกับไอ้พี่กายมาว่าให้เลิกยุ่งเรื่องของมึงวะ..ที่จริงมันไม่ได้ทิ้งมึงหรอกวะไอ้คริส ไอ้โป้งมันคงแค่ช๊อกนะแต่ก่อนมรึงไม่ใช่เกย์นี้หว่า..มันเลยรับไม่ได้ไปชั่วขณะ" ไอ้โจมันพูดผมพยักหน้าคงต้องให้เวลามันหน่อยอย่างที่ครูเขมพูดบอกผม แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นว่ามันไม่ได้หายไปจากชีวิตผมจริงๆอย่างที่ผมกลัวไว้

                       "พวกกูน่าจะเดินมากับมึงวะคริส มึงก็คงไม่โดนหมาฟัด...ขนาดนี้"ไอ้โจพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนมันรู้สึกผิด และผมก็ยกมือช่างแม่งมันเถอะ

                       "ครูเขม!!!" ไอ้สองตัวนั้นร้องเรียกชื่อใครบางคนจากด้านหลังผม ผมก็กำลังจะหันไปมองแต่ต้นแขนของผมถูกจับและดันลากให้ผมเข้าไปในห้องน้ำชายอย่างรวดเร็วโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว พอผมหันมาอีกทีครูเขมก็ยืนตรงหน้าผมแล้ว

                       "ทำไมเราทำแบบนี้ละคริส..ทำไมถึงไปต่อยกับพวกนั้นมันคุ้มกันไหมคริส!” ครูเขมถามผม ผมก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัวกับครูจริงๆ ได้แต่ก้มหน้าลง

                       “ดีนะที่นายโป้งช่วยพูดให้ไม่อย่างนั้นเราจะโดนภาคทัณฑ์หรือไม่ก็อาจจะ" ครูเขมถามผม ผมก้มหน้าลงสำนึกผิดอะ

                       "โดนไล่ออกครู" ผมพูดบอกกับครู “

                       "แต่ไอ้กายมันว่าครูผมทนไม่ได้ ...ผมรู้ว่าผมต้องอดทนกับสิ่งที่จะเข้ามาในเมื่อผมเลือกทางนี้แล้วครู" ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ว่าผมรู้สึกผิดจริงที่ไม่อาจจะKคุมอารมณ์ตัวเองได้อย่างที่ครูเขมคอยบอกผม

                       "มันไม่ชอบหน้าผม ผมรู้แต่ที่ทำให้ผมต้องต่อยมันก็คือมันเอาคนที่ผมรักและเคารพมาพูดจาดูถูกผมทนไม่ได้"ผมพูด ผมมองหน้าครูเขม ครูเขมก็มองเข้ามาในแววตาสีฟ้าคู่นั้น ผมไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์แล้วนับตั้งแต่ครูเขมบอกว่านี้คือตัวตนที่แท้จริงของผม

                       "ถ้าครูไม่ใช่คนที่ผมรักผมคงไม่เดือดดานได้ขนาดนั้น" ผมพูด สายตาครูเขมดูซอร์ฟลง

                       "ฟู่!!" ครูเขมยืนยกมือขึ้นเท้าเอว ครูเขมก้มหน้าลงมองพื้นและพ่นลมออกมาทางปาก ก่อนที่ครูเขมจะเงยหน้าขึ้นมายกมือขึ้นมาลูบหัวเบาๆ  ผมก็เงยหน้ามองครูเขม มันเป็นโมเม้นที่ดีที่สุดสำหรับผม บางทีผมก็อยากเป็นเด็กแบบนี้ของครูเขมตลอดไป

                       "ผู้อำนวยการเรียพี่เขมเรื่องคริสหรือเปล่า" ผมมองจ้องหน้าครูผมถามด้วยน้ำเสียงที่กังวลและเป็นหวง ครูเขมส่ายหัวเบาๆก่อนจะมีรอยนิ้มเปื้อนขึ้นบนใบหน้าหล่อๆนั้น

                       "ไม่ใช่หรอก!...ผู้อำนวยการเรียกครูไปพบจะส่งครูไปอบรมหนึ่งอาทิตย์เกี่ยวกับการเตรียมตัวเข้าสู้ AEC " ครูเขมพูดผมขมวดคิ้วเลยทันที หนึ่งอาทิตย์เลยเหรอ

                       "แค่อาทิตย์เดียวเอง...ดูทำหน้าเข้าซิ " ครูเขมเลิกคิ้วสูงมองผมใครบอกแค่อาทิตย์ละตั้งหนึ่งอาทิตย์ต่างหาก

                       "เงยหน้าขึ้นซิ..ปากแตกเลยเนี๊๊ยะหึ! " ครูเขมพูดก่อนจะใช้นิ้วเรียวยาวนั้นดันคางผมให้ผมเงยหน้าผมขึ้นและหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเลือดที่มุมปากของผมเบาๆ

                       "อู้ยยย..พี่เขมเบาๆ..เจ็บอะ " ผมร้องทันทีที่ผ้าเช็ดหน้าแตะโดนเข้าที่มุมปากของผมที่เพิ่งจะโดนต่อยมาสดๆร้อนๆ

                       "ไม่ต้องร้องเลยที่เมื่อกี่ยังซัดกันไม่เห็นจะกลัวเจ็บตรงไหนเลย..พ่อพระเอกนักบู้" พี่เขมเหล่สายตามามองผมก่อนจะหยิบหลอดยาขึ้นมาและบีบยาป้ายลงที่นิ้วเรียวๆก่อนจะแตะลงที่มุมปากของผมอย่างเบามือ

                       "ก็ตอนนั้นเลือดมันขึ้นหน้าอะ..ผมรู้ว่าผมควรจะระงับมันให้ได้พี่เขม..พี่เขมโกรธผมมั้ย"ผมถามครูเขม สายตาผมอ้อนวอน ผมไม่อยากให้พี่เขมโกรธผมเลยอะ ผมมองหน้าพี่เขมว่าผมรู้สึกเสียใจจริงๆ พี่เขมมองหน้าผมเอาลิ้นมาแตะลิมฝีปากบนแบบคิดหนัก

                       "โกรธไม่ลงอะ ....จะให้ทำยังไงได้ละพี่ดันมีแฟนเกรียน..นี้หลวมตัวไปได้ยังไงก็ไม่รู้..และพี่ก็คงถอนตัวไม่ได้แล้วด้วย"ครูเขมพูดและยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มที่มุมปากตอบ

                       "เพราะว่าพี่เขมรักผมไง...ถึงจะเกรียนก็รักจริงหวังแต่งนะ...แต่ก็อยากจะฟันก่อนแต่ง" ผมพูดและหยักคิ้วเท่ๆให้ครูเขม

                       "โอ้ยย!!! ..พี่เขมเจ็บ" พี่เขมจิมขอบผ้าเช็ดที่มุมปากผมแรงๆแบบตั้งใจ

                       "หึหึ" คนแกล้งผมยืนหัวเราะในลำคอ

                       "โดนตรงไหนอีก...พี่จะได้ทายาให้ " พี่เขมถามผม ผมก็ถลกชายเสื้อมขึ้นให้ดูที่หน้าท้องโดนไปสองหรือสามหมัดก็ไม่รู้  และไหนจะเท้าไอ้พี่อั๋นอีกมันเตะผมเหมือนผมเป็นกระสอบทรายเลยไอ้บ้าเอ้ย!! ครูเขมก็ย่อตัวลงและป้ายยาที่นิ้วมือเรียวยาวนั้นของเขาและก็ค่อยๆบรรจงทาลงที่ตรงท้องน้อยของผม เขาแตะมันลงไปอย่างเบามือ มีเงยนห้ามองผมเป็นระยะ

                       "อะ...ซี้ด..." ผมก็สะดุ้งตามที่นิ้วสัมผัส

                       "หึๆ" ครูเขมเงยหน้าขึ้นชำเลืองตามองผม เขายิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ นี้แค่นิ้วเรียวนั้นแตะ มันยังทำให้ผมเคลิ้มได้เหมือนกัน

                       "เว้ยยย!!!! " ผมสองคนหันไปมองไอ้อาร์ทกับไอ้โจ้ มันเข้ามาทำไมตอนนี้และท่าย่อตัวของครูเขมมันก็ยิ่งเหมือนกับครูกำลังทำตรงนั้นให้ผมอยู่ ไอ้สองตัวนั้นรีบเอามือขึ้นมาปิดหน้า

                       "จะปิดตาทำไมแค่ทายา!!! " ผมกับพี่เขมพูดออกมาพร้อมก้นและหันไปเหล่มอง ไอ้สองตัวนั้นมันก็ค่อยๆเปิดมือและชำเลืองตามองผมกับครูเขม ครูเขมลุกขึ้นยืนและเก็บหลอดยาใส่กระเป๋าเสื้อนักเรียนของผม

                       "แค่ทายาจริงๆด้วย...ท่ามันให้มากเลยอะ...เป็นพวกจินตนาการเยอะ เนอะอาร์ทเนอะ" ไอ้โจ้พูดมันยืนเกาหัว

                       "กูยังไม่ได้จิ้นเชี้ย! อะไรเลยมึงคนเดียวและไอ้โจ" ไอ้อาร์ทหันไปพูดและตบหัวไอ้โจ้ไปหนึ่งที

                       "อ๊อดดังเข้าแถวแล้วอะครับครู...คริสไปเข้าแถวเถอะวะ.." ไอ้อาร์ทพูด ผมกับครูเขมพยักหน้าพร้อมกันและรีบหยัดชายเสื้อนักเรียนเข้าในกางเกงนักเรียนแบบลวกๆ ครูเขมก้มลงมองก่อนจะหัามาจับส่วนที่ยังไม่เรียบร้อยและใช้นิ้วเรียวดันลงไปให้ผม

                       "ตอนเที่ยงทาอีกรอบนะ...พี่ไปก่อนนะ..แล้วพี่จะส่งข้อความหาเรานะคริส..อย่าไปซ่าอีกละ..พี่เป็นห่วง" ครูเขมพูดก่อนจะเดินแทรกตัวผ่านไอ้โจ้และไอ้อาร์ทออกไป ผมเดินกลับออกไปเพื่อไปรอเข้าแถว ผมใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากของผมเบาๆ ตอนที่พี่เขมทายาให้มันทำให้ผมยิ้มทั้งที่เจ็บนั้นแหละ

                       "พี่คริส!! " เสียงแก้มดูเธอจะโมโหผมมาก ผมหันไปมองหน้าเธอว่ามีอะไรอีก ไอ้โจ้และไอ้อาร์ททำท่าขนลุกก่อนจะโบกมือผมไปเข้าแถวที่ชั้นเรียนของมัน

                       "มีอะไรอีกละแก้ม" ผมถามแก้มด้วยความรำคาญ

                       "พี่ให้พี่โป้งกับพี่ปัน มาเอาแฟลซไดร์ฟแก้มไปใช่มั้ย" แก้มเธอถามผมสีหน้าบอกได้ว่าเธอโกรธมากแต่ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่เธอ

                       "พี่ไม่รู้ว่าเธอพูดถึงเรื่องอะไรนะแก้มแต่พี่จะบอกว่าพี่ไม่แคร์แล้วเธออยากทำอะไรก็ทำก็ดีนะ"

                       "อย่างมากพี่ก็แค่ออก ..ไม่ถูกไล่ออกก็คงลาออกเองและพี่ก็ไม่ต้องเห็นหน้าเธออีกพี่เบื่อที่จะต้องมาเล่นสงครามประสาทกับเธอ..เธอเป็นผู้หญิงที่พูดไม่รู้เรื่อง...ไม่แปลกใจเลยทำไมผู้ชายทั้งโรงเรียนไม่จีบเธอสักคน...แก้ม!!!" ผมพูดและรีบเดินแทรกไปกับกลุ่มนักเรียนคนอื่นๆและเข้าไปเข้าแถวชั้นของตัวเอง ผมหันไปมองไอ้โป้งมันยืนอยู่กับไอ้ปัน ปันมันหยอกล้อเล่นกัน ไอ้โป้งมันหันมาชำเลืองตามมาที่ผมและหันกลับไปหยอกเล่นกับไอ้ปัน ปันต่อ ส่วนไอ้อาร์ทกับไอ้โจ้มันยืนมองไอ้โป้งหยอกกับไอ้ปัน ปัน มันสองคนทำท่าขนลุกให้ผมดูด้วยผมเลยส่งนิ้วกลางให้เป็นคำตอบกลับไป  ผมแอบคิดในใจ ก็มันหยอกแบบนี้ก็คงเพราะว่ามันยังไม่รู้ความจริงยังไงละ ผมไม่อยากคิดว่าถ้าไอ้โป้งรู้ขึ้นมาละจะเป็นยังไง ไอ้ปันปันมันจะหนักกว่าผมไหมวะ แอบสงสารมันขึ้นมาทันที

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน( ครููเขมXคริส ) EP.15 ผมจำเป็นต้องทำแต่ใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 15-08-2020 18:24:04
 EP.15 ครููเขมชาติXคริสโตเฟอร์  ผมจำเป็นต้องทำแต่ใจก็หวงคริสโตเฟอร์
Part ครูเขมชาติ
                      ตอนเที่ยงผมก็รีบลงไปทานข้าวกับคริสโตเฟอร์ด้วยและทายาให้เขาอีกรอบ และผมก็ต้องเข้าประชุมครูก่อนขึ้นสอนอีก เรื่องจะเปิดการแข่งขันวิชาการที่โรงเรียน เป็นการแข่งขันนักเรียนในเขตเขาให้ครูคัดสรรหาคนที่จะเป็นตัวแทนและผู้อำนวยการให้ผมเป็นคนหาคนที่จะมาตอบปัญหาภาษาอังกฤษ ผมคิดไว้ว่าจะให้คริสโตเฟอร์ลงแข็งขันด้วยในภาควิชาภาษาอังกฤษ และมีบาสเก็ตบอลประเพณีอีกด้วย ผมพึ่งจะรู้ว่าโรงเรียนนี้เป็นแชมป์มาตลอด และทีมที่ได้เป็นตัวแทนนั้นคือคริสโตเฟอร์ กับเพื่อนๆของเขา ผมแอบยิ้มภูมิใจในตัวเขานะ แต่ว่าเขากับโป้งทะเลาะกันนี่ซิ แล้วจะลงแข่งกันยังไงละที่นี้ ผมคงต้องหาทางคุยกับโป้งให้เข้าใจซะก่อน

          ขณะที่ผมกำลังจะเดินไปสอนห้องที่สองต่อ เป็นห้อง ม 2/1 ห้องนี้เป็นห้องของแก้มและนายอนุชิต นายคนนี้คือเด็กที่ผมให้คริสซื้อเข้าไปให้เขาบ่อย กะว่าจะขอคุยกับเขาหลังเลิกเรียนซะหน่อย เพราะว่าผมได้ยินมาว่าเขาค้างค่าเทอมและนายคริสยังบอกผมอีกว่าเขาอยู่กับย่าที่แก่มาก บางวันก็ทำขนมขายแต่ไม่เยอะ เพราะด้วยอายุที่มากแล้ว ส่วนพ่อนายอนุชิตก็เพิ่งโดนจับไปข้อหา รับซื้อของโจร แต่ผมก็เล็งเห็นว่าเขาตั้งใจเรียนมากในชั่วโมงเรียนและผมก็คิดว่าเขาก็ตั้งใจเรียนกับครูทุกคนแน่ๆ

           และผมก็เดินเข้ามาในห้องเรียน ทุกคนหันมามองผมกันหมดก่อนจะทำความเคารพ แต่วันนี้เหมือนทุกคนจะมีคำถาม และผมก็คงเดาได้ว่ามาจากแก้มที่ไปปล่อยข่าวเรื่องผมกับคริส เพราะว่าเขาได้บอกผมหมดแล้วเมื่อคืน

                      “ครูเขาหล่ออะแก แต่จะเหมือนครูมิ้งไหมวะ อย่างที่แก้มมันพูดอ่ะ “ ผมได้ยินเสียงเด็กๆกระซิบกัน ตอนนี้เรียกได้ว่าทุกคนพูดกับเกือบจะเหมือนกันหมดว่าผมจะเป็นเหมือนครูมิ้งไหม ที่เหมือนในที่นี้ก็คงหมายถึง ผมจะพาเด็กที่หายไปแบบครูมิ้งไหมแน่ๆ มันทำให้ผมคิดว่า ผมควรจะทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับครูมิ้ง และผมควรจะตามหาเขาเพื่อให้เด็กได้กลับมาหาป้าของเขาให้ได้

                      “แต่ครูเขาคบกับครูลินดาอยู่นะแก”

                      “โอ้ย! คนที่แต่งงานมีครอบครัวแต่แอบไปมีแฟนเป็นผู้ชายก็มีเยอะไป” นักเรียนอีกคน ผมก็จดๆจ้องๆ เขียนบนกระดานและแอบหันไปเหล่ แก้มที่นั่งเอามือเท้าค้างไม่สนใจที่ผมสอนบนกระดานสักนิด ผมก็สอนไปจนหมดคาบเรียน วันนี้ผมสอนในตำราเพราะว่าผมจะทำบททดสอบและเนื้อหามันก็มาจากตำราทั้งหมดด้วย วันนี้เลยไม่ได้หาเนื้อหานอกตำรามาสอนกัน 

                       “เอาละพอแค่นี้นะ ครูจะให้การบ้านไปทำเสาร์อาทิตย์และวันจันทร์มาส่งครนะครับทุกคน“ ผมบอกทุกคน แหละผมก็เก็บหนังสือคู่มือการสอน

                       “อนุชิตเดี๋ยวหลังเลิกเรียนลงไปหาครูที่ห้องพักครูนะ” ผมบอกอนุชิต เขาก็พยักหน้าและผมก็เดินออกจากห้องเรียน ก่อนจะเดินผ่านแก้ม เธอนั่งเอามือเท้าค้างอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ
           
                       “ไม่รู้มีดีอะไรหนักหนานะ นมก็ไม่มี ตูดก็แบน “ ผมก็ก้มมอง ใช่แบนมากแต่ก้นผมก็มีนิดหน่อยนะ และที่ผมได้ยินทั้งหมดนั้นก็คือเธอว่าผมนั้นเอง ผมไม่ได้โต้ตอบแต่ประการใด ผมเดินออกมาห้องเรียน เพื่อจะได้ไปตรวจการบ้านให้เสร็จซะก่อนและจะได้เตรียมตัวไปตามคำขอที่ครูลินดาบอกผมไว้

                      ทำไมผมถึงช่วยก็เพราะว่านี้ก็คือการซื้อใจใครสักคนหนึ่ง ถ้าสิ่งที่เขาทำไม่ได้ตรงตามเจตนารมอย่างที่เขาบอกกับตั้งแต่ทีแรก ผมกับเขาก็คงผิดใจกันไปนานเลย เพราะว่าผมบอกเธอแล้วว่าผมแคร์คริสโตเฟอร์มากแค่ไหน

                       "ครูเขมคะ" ผมสะดุ้งเพราะเพราะว่ามีมือมาแตะที่ไหล่ผมเบาๆ เป็นครูถาวร

                       "ตกใจขนาดนั้นเลยค่ะครู" ครูถาวรถามผม

                       "ครูถาวรมีอะไรหรือเปล่าครับ"

                       "ไม่มีหรอกค่ะเห็นครูนั่งอยู่และเก่งได้ยินข่าวว่าครูเกือบโดนนักเรียนต่อยเอาเหรอคะ" ครูถาวรถามผม

                       "ใช่ครับ..โชคดีที่ยังไม่โดนนะครับ" ผมพูดขำ ขำ

                       "วันนี้ครูจะไปทานข้าวกับครอบครัวของครูลินดาหรือเปล่าคะครูเขม" ครูถาวรถามผม ผมเงยหน้าขึ้นมองว่าทำไมครูถาวรถึงรู้เรื่องนี้ เธอทำสีหน้ากะอักกะอ่วนใจ ผมมองหน้าเธอเหมือนเธอมีบ้างสิ่งอยากจะบอกผม

                       "ครูลินดาบอกเก่งนะคะว่าให้ครูเขมช่วย..ครูเขมคงลำบากใจใช่ไหมคะ"

                       "เออ.." ผมก็อ้าปากพูดไม่ออก

                       "เก่งทราบเรื่องครูกับนายคริสโตเฟอร์จากครูลินดานะคะ..เก่งเข้าใจคะว่ามันยาก..และยิ่งเป็นรักที่สังคมไม่ค่อยยอมรับยิ่งยากต่อให้รักมากแค่ไหนปัญหามันก็เยอะกว่าความรักผู้หญิงผู้ชายทั่วไป" คุณเก่งพูดผมก็พยักหน้าเบาๆ แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเจตนารมณ์ของครูถาวรอยู่ดี

                       "แต่เก่งก็ขอบคุณนะคะครู...ลินดาเป็นเพื่อนของเก่งเป็นครูรุ่นน้องของเก่งนะคะเรารู้จักกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยครูแล้วคะ" ครูถาวรพูด ผมพยักหน้าครับแปลกๆเนอะผมก็ยิ้มๆแหยๆ

                       "ถ้าอย่างนั้นเก่งไปสอนเด็กก่อนนะคะ อีกคาบเดียวก็หมดแล้วเป็นครูนี้เหนื่อยสอนและต้องมาเหนื่อยปราบนักเรียนเกรียนอีก" พอพูดถึงเด็กเกรียนผมก็อดอมยิ้มไม่ได้

                       "งานหนักกว่าไปแบกห้ามซะอีกนะคะครู...แต่ทำยังไงได้เราตั้งใจที่จะเป็นผู้ทำหน้าที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้แล้วนี้ค่ะคงต้องทำต่อไป "ครูถาวรพูดก่อนจะหยิบหนังสือและเดินออกไป ทิ้งความไม่เข้าใจไว้ที่ผมเยอะเลย  ระหว่างที่ผมกำลังตรวจสมุดการบ้านเด็ก

                       “ครูเขมครับ ผมขออนุญาติครับ” ผมจำเสียงของเขาได้อนุชิต

                       “เข้ามาซิ อนุชิต “ ผมบอกเขาและนายอนุชิตก็เดินเข้ามหาผมที่โต๊ะทำงานที่ผมนั่งก้มหน้าก้มตาตรวจการบ้านเด็กอยู่ ผมก็เงยหน้ามองเขาและผายมือให้เขาเอาเก้าอี้มานั่งตรงหัวโต๊ะ อยู่ด้านข้างของผม ผมก็หันมามองนายอนุชิตที่นั่งก้มหน้าลง

                       “ครูเห็นเธอไม่ค่อยมีเงินมาโรงเรียน เธอมีปัญหาทางบ้านหรือเปล่า “ ผมถามอนุชิต

                       “เออ ..คือ...ช่วงนี้คุณย่าผมเขาไม่ค่อยสบายนะครับ คุณย่าก็เลย ตอกกิ๊บไม่ได้และทำขนมไม่ไหวครับ ส่วนผมก็ไม่ได้ไปล้างจานต้องดูแลคุณย่านะครับ “ อนุชิตพูด ผมก็พยักหน้าเข้าใจเขานะ

                       “ครูพอจะทราบคราวๆเกี่ยวกับเรานะอนุชิต พ่อเราไม่ได้อยู่กับเราตอนนี้เพราะว่า”

                       “พ่อติดคุกครับ”นายอนุชิตพูด

                       “แล้วแม่เธอละ เธอ..”

                       “ผมไม่ทราบครับ คุณย่าบอกว่าแม่ทิ้งผมไปตั้งแต่ผมเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลไอ้ไม่กี่วันเอง” ผมก็สะเทือนใจที่ได้ยินแบบนี้ เพราะว่าแม่คือคนที่ควรจะคอยปลอบประโลมลูกๆ ผมยังโชคดีที่มีแม่อยู่ด้วย

                       “ครูเห็นใจเธอนะคริส แล้วนี้เธออยู่กันยังไงกับย่าสองคนโดยที่ไม่มีหัวหน้าครอบครัวเลย”

                       “ปกติผมไปรับจ้างล้างจานให้ป้าแก้วครับ ป้าแกเปิดร้านขายบะหมี่อยู่นะครับ แต่ตอนนี้ป้าเขาปิดร้านไป เพราะว่าป้าเขาไม่สบายนะครับครู”

                       “ครูอยากช่วยนะอนุชิต เออ..ครู..จะ..ให้เธอทำความสะอาดบ้านพักครูของครูเอง ครูให้เธอวันละ 300 บาท แต่ไม่ต้องทำทั้งวันหรอกนะ แค่กวาดถูพอ และล้างห้องน้ำให้ครูบ้างสองอาทิตย์ครั้งก็ยังดี” ผมพูดบอกอนุชิต เขาก็ยิ้มดีใจอย่างบอกไม่ถูก

                       “อ้าวครูเขมยังไม่กลับบ้านอีกเหรอคะ” ครูสมพิศเดินมาพอดี ครูสมพิศสอนวิชาจริยธรรม และครูสมพิศก็มองนายอนุชิตที่มานั่งกับผม
           
                       “คือผมเห็นว่าเขามีปัญหาเรื่องทางบ้านนะครับ” ผมบอกครูสมพิศ

                       “นี้อนุชิต ตกลงพ่อของเธอติดคุกใช่ไหม”

                       “ครับครู ผมเลยยังไม่มีค่าเทอมครับครู” ผมได้ยินแบบนี้ก็เงยหน้ามองครูสมพิศ

                       “ครูเข้าใจนะแต่ว่า อันนี้มันคือกฏของโรงเรียน ยังไงครูจะยืดเวลาไปให้เธอจนถึงก่อนสอบปลายภาคนะ ครูช่วยเธอได้เท่านี้จริงๆ อนุชิต” ผมก็มองหน้าอนุชิตผมคิดว่าค่าเทอมน่าจะไม่เกินจากสองพันบาท และผมให้เข้าวันละ 300 บาทก็คงจะพอเก็บได้บ้าง

                       “ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะคะครูเขม พี่ต้องรีบไปรับลูกสาวนะคะ เดี๋ยวจะงอนซะก่อนแม่ไปรับช้า “ ครุสมพิศพูด ครูสมพิศเป็นครูฝ่ายการเงินของโรงเรียนด้วย ผมหันมามองนายอนุชิต

                       “ถ้าอย่างนั้นเริ่มทำความสะอาดบ้านให้ครูเลยนะวันเสาร์นี้ ครูอยู่เวรโรงเรียนนะ “ ผมบอกอนุชิต ระหว่างนั้นผมก็ก้มลงหยิบธนบัตรใบละร้อยออกมา 3 ใบและผมก็ส่งให้อนุชิต เขาก็ทำหน้างง ๆ

                       “ครูจ่ายเลย เธอจะได้มีไปซื้ออะไรทานกับย่าวันนี้” ผมบอกอนุชิต อนุชิตก็หันมายกมือไหว้ผม ผมเห็นนัยต์ตาของเขานั้นชุ้มไปด้วยน้ำที่เกือบจะเอ่อล้นออกมา เงิน300บาทนี้ มันมีค่ากับเขามากแต่ในอีกหลายคน 300 บาทจะซื้ออะไรได้ แค่เดินออกจากบ้านก็ยังไม่พอเลย และนั้นแปลกว่าคนที่มีก็มีจนมองว่าเงินจำนวนน้อยๆไม่มีค่า แต่คนที่ไม่มีแม้แต่จะซื้อข้าวซิ เงินไม่ต้องถึงร้อยหรอก ก็มีค่ายิ่งกว่าอะทั้งสิ้น

           “ ถ้าอย่างนั้นเธอกลับบ้านเถอะ ย่าจะเป็นห่วงเอา “ ผมบอกนายอนุชิต และนายอนุชิตก็ลุกขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้ผมก่อนจะเดินออกจากห้องไป ผมสังเกตุเห็นรองเท้าที่ดูเก่าและขาดคู่นั้น เห็นแล้วก็อดสะเทือนใจอีกไม่ได้ เขาน่าจะมีคนที่ดูแล เพราะว่าอายุอย่างอนุชิต นั้นยังเด็กเกินไปที่จะต้องปากกัดตีนถีบด้วยตนเอง ผมเหลือบไปมองนาฬิกาที่แขวนไว้บนฝาผนังห้องผมก็เก็บสมุดหนังสือเข้าทีผมต้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว หยิบมือถือมาโทรหาคริสโตเฟอร์ก่อน

           "ครับที่รัก" คริสโตเฟอร์กดรับสายผม

           "อยู่ไหนครับพี่จะกลับไปบ้านพักแล้วพี่จะได้.."

           "อาบน้ำและก็ออกไปเลยใช่ไหมอะพี่เขม"
           "คริส!! อย่าทำแบบนี้ซิ"

           "พี่เขมผมจะออกไปกับพวกไอ้โจ้และไอ้อาร์ทได้ไหมอะ..ผมไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว.ผมไม่สบายใจอะ"

           "ได้ซิ...และเราจะไปยังไง"ผมถามคริส

           "ไปรถไอ้อาร์ทอะพี่เขม..เสร็จแล้วพี่ไปรับผมได้ไหมอะ"

           "ทำไมจะไม่ได้ละคริส เราเป็นแฟนพี่นะ และเป็นแม่บ้านพี่ด้วย” ผมพูดผมรู้ว่าเขากังวลใจเลยพูดหยอดหน่อยจะได้ดีขึ้น แต่เปล่ย นายคริสไม่หยอกล้อผมกลับเหมือนเช่นทุกที ผมก็หนักใจขึ้นมาทันที

           " ถ้าอย่างนั้นพี่จะขับรถไปรับเราหลังจากทานอาหารเสร็จ"

           "ครับพี่เขม..พี่เขมผมอยู่ที่สนามบาสเกตบอลอยู่เลยอะพี่จะไปอาบน้ำเลยก็ได้นะและวันนี้พี่ไม่ต้องสั่งข้าวให้ผมหรอกผมไปทานกับไอ้สองตัวนี้ได้"

           "โอเค...พี่จะรีบกลับนะคริส...เพราะว่าคืนนี้มันคืนของพี่.วันนี้เป็นวันคู่"

           "ที่อย่างนี้ละจำแม่นมากที่คืนของผมพี่ทำเป็นลืม"

           "ใครจะไปจำวันที่ตัวเองจะโดนกดถ้าพี่กดเราซิพี่จะรีบเมมไว้เลยและนี้พี่ก็ตั้งเตือนด้วยนะ" ผมพูดก็ยังมีแอบทะลึ้งกันบ่อยๆ ก็ดันมีแฟนเด็กเกรียนก็ต้องเกรียนตามเด็ก

           "คริสไปแล้วอย่าไปมีเรื่องนะคริสพี่เป็นห่วงเรามากนะ" ผมบอกกับคริส

           "ครับที่รัก" คริสโตเฟอร์

           "พี่เขม...อย่ากลับช้านะ...ตู้เย็นเริ่มสกปรกแล้วอ่ะ" ผมจะว่างก็ว่างไม่ได้เล่นสปอยมาขนาดนี้

           "จริงเหรอ!!..ถ้าอย่างนี้พี่คงต้องขอตัวกลับเร็วหน่อยบอกว่าจะรีบกลับไปล้างตู้เย็น ตู้เย็นสุดที่รักของพี่ดีไหม" ผมพูด

           "โว้ยยย!!...ไอ้คริสครับ พวกกูรอลูกบาสอยู่มึงจะเขินก็ไปเขินนอกสนามไอ้เชี้ย!! "เสียงตะโกนจากเพื่อนๆ (ทำให้ผมอดขำไมได้ ชีวิตวัยเรียนมันจะสนุกสนานแบบนี้แหละ ผมเลยไม่อยากให้เขาทิ้งมันและมาคลุกอยู่กับผมตลอดไง

           "แค่นี้นะพี่เขม...คริสรักพี่นะ..รักมากด้วย"
           "พี่ก็รักคริสนะรักมากเหมือนกัน”

                       ผมพูดและกดวางสายจากคริสโตเฟอร์ อยู่ดีดีผมก็รู้สึกใจหาย ใจผมก็ไม่อยากไปแต่รับปากไปแล้วนิ ผมหันไปมองนาฬิกาต้องรีบไปแล้วตอนนี้นักเรียนและครูบางท่านก็ทยอยกลับบ้านกันเพราะว่าเป็นวันศุกร์แต่ว่าผมต้องอยู่เวรโรงเรียนวันเสาร์ ระหว่างที่ผมเดินมาที่รถ ผมเห็นแก้มยืนอยู่ตรงรถของผม ผมก็ฝืนยิ้มนิดหน่อย ถึงยังไงผมก็เป็นครูและผมก็เป็นผู้ใหญ่มากพอ ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปมองเธอ เธอมีเรื่องอะไรให้ผมช่วยเหลือ

                       "ว่าไงแก้มมีอะไรให้ครูช่วยเหรอ"

                       "มีค่ะ..ช่วยออกไปจากชีวิตพี่คริสของหนูสักทีได้ไหมคะครู"

                       "หึ?...พี่คริสของหนูเหรอ" ผมถามย้อนคำถามเธอ

                       "ก็ใช่นะซิคะพี่คริสของหนู" เธอย่ำกับผม ผมพยักหน้าหัวเราะในลำคอ “หึหึ”

                       "ครูจะทำให้พี่คริสถูกไล่ออก เรียนไม่จบ หรือว่าครูจะเป็นคนหาเลี้ยงเขาเองละคะ ครูถึงได้ทำแบบนั้น..ครูคงใช้เงินเยอะนะคะ"

                       "แก้ม ความรักไม่ได้ซื้อมาด้วยเงินนะแก้ม มันต้องมาจากใจเท่านั้นแก้ม " ผมพูดบอกแก้ม เธอคงคิดว่าคริสโตเฟอร์มาติดผมเพราะเรื่องเงินซินะ

                       "คนเราจะอยู่ด้วยกันได้ก็ต้องเรารักกันนะแก้ม" ผมพูดเธอ แก้มยืนเบ้ปากใส่ผมทันทีแถมชักสีหน้าไม่อยากฟัง

                       "รักแค่ฝ่ายเดียวก็อยู่กันไม่ยืด ต้องทั้งสองคนรักกัน" ผมพูดเธอยืนกำมือแน่นผมคงพูดได้แทงใจดำเธอทีเดียวแต่ผมก็ต้องพูด คริสโตเฟอร์ไม่ได้รักเธอแต่ที่ผ่านมาผมไม่รู้ตื่นลึกหน้าบางทำไมคริสโตเฟอร์ถึงเหมือนให้ความหวังเธอ

                       "ไม่จริงอะ!! พี่คริสเขาไม่ได้เป็น...เป็น"

                      "เป็นอะไรเหรอ"
           
                       "แบบครู!!!"

                       "ครูก็ไม่รู้จะอธิบายกับเธอยังไงนะแก้มเพราะว่าเธอไม่ยอมเปิดใจรับฟังอะไรเลยดังนั้นไม่ว่าครูจะพูดอะไรหรือจะอธิบายอะไรเธอก็คงต้อต้านมัน"

                       "ก็เพราะว่าหนูรักพี่คริสไงคะ หนูถึงพยายามปกป้องคนรักตัวเอง" ผมก็ยืนคิดนะ

                       "แน่ใจนะว่าเธอปกป้องครูว่าดูเหมือนกีดกันมากว่านะมันละความหมายกันเลยนะ" ผมพูดแก้มสะบัดหน้ามามองผม

                       "ปกป้องค่ะ ปกป้องเพราะว่าหนู....รักพี่คริสมากคะ"

                       "แก้มที่เธอบอกว่าเธอรักเขาแต่ดูจากการกระทำแล้วนะ ครูว่าเธอรักตัวเอง เพราะว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่นะมันคือการทำร้ายเขา คนที่เธอบอกว่าเธอรักเขา "

                       "และเธอเองก็ยังไม่รู้จักความรักดีพอนะแก้ม แต่เธอยังมีเวลาเรียนรู้มันอีกเยอะ

                       "ทำไมหนูจะไม่เข้าใจถึงจะยังไม่สิบห้าแต่ก็ใกล้แล้ว"

                       "อืมม..ความรักไม่เกี่ยวกับอายุนะ ไม่จำเป็นต้องอายุมากหรอกถึงจะเข้าใจแต่ควรจะเรียนรู้มันอย่างถูกต้องนะ"ผมยืนพยายามอธิบายดูท่าเธอจะไม่ยอมฟังอะไรเลย

                       "แก้มครูต้องไปธุระแล้วนะ" ผมพูดน้ำเสียงเรียบๆ

                       "หนูจะบอกเรื่องนี้กับผู้อำนวยการครูก็ต้องออกไปเหมือนครูมิ้ง" แก้มพูดแต่ว่าผมต้องไปแล้วเดี๋ยวจะสาย ผมเข้าไปนั่งในรถและขับรถออกแก้มยืนมองผมกำมือแน่นความรักวัยรุ่นรุนแรงจริงๆ

                     ผมรีบขับไปที่บ้านพักเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวหล่อตามแบบของผม เสื้อเชิ้ตสีฟ้าสดใส่กับกางเกงยืนเกือบฟิตและรองเท้าหนังหัวตัดคู่โปรดของผม และผมก็รีบขับรถออกไปก่อนจะผ่านพ่นสนามบาสผมเหลือบตามองไปที่คริสโตเฟอร์เขายังเล่นบาสเกตบอลกับพวกโจและอาร์ทและเพื่อนรุ่นน้องไม่มีโป้งและปัน ปัน ผมเห็นเขาหัวเราะสนุกกับเพื่อนๆแต่มันเหมือนแฝงไว้ซึ่งบางสิ่ง ผมก็ตัดสินใจขับรถออกไปทางประตูทางออกทันทีจะได้รีบทานและรีบกลับไม่อยากกลับดึกเป็นห่วงคริสโตเฟอร์ยังไงก็ไม่รู้ 

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอนที่ 22ครูเขมXคริส ครูเขมจำเป็นต้องช่วยครูลินดา
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 15-08-2020 21:32:40
พึ่งจะเข้ามาอ่านค่ะ สนุกมากมาย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน(ครูเขม X คริส)EP.15.1 แฟนจำเป็นหรือว่าจะเป็นแฟนจริง
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 16-08-2020 11:36:55
               
EP.15.1ครูเขมชาติ X คริสโตเฟอร์  แฟนจำเป็นหรือว่าจะเป็นแฟนจริงๆ
 หน้าจอมือถือของผมดังขึ้น เป็นเบอร์ของครูลินดาผมรีบกดรับสายทางบลูทูธที่แนบใบหู
ของผม เพราะว่า ณ ตอนนี้ผมกำลังขับรถอยู่เพื่อตรงไปหาครูลินดาตามที่ได้นัดหมายเอาไว้

 "สวัสดีค่ะครูเขม” เสียงหวานๆของคนปลายสายดังตอบรับทันที

“ครับครูลินดา”

“ครูออกมาหรือยังคะตอนนี้ลินดารออยู่บ้านตึกแถวนะคะเราจะไปทานอาหารกันที่ร้านกันค่ะครูเขม ครูเข้ามารับลินดาเลยค่ะ "ครูลินดาบอกผม

"ได้ครับผมขับรถออกมาจากโรงเรียนแล้ว"ผมตอบตกลงดีเลยจะได้คุยกันก่อนที่จะเข้าเพื่อพบปะพ่อแม่และป้าของเธอ

"ขอบคุณนะคะที่ช่วยลินดาอีกครั้ง"

"ครับแต่"

"ครูมีปัญหากับคริสเหรอคะลินดาขอโทษนะคะแต่ลินดาจำเป็นจริงๆคะ"

"ผมเข้าใจคริสนะ...ถ้าผมเป็นคริสผมก็คงกังวล...ผมเองบอกตรงๆว่าผมอึดอัดแต่ผมก็เห็นว่าครูลินดาเป็นเพื่อนครูที่น่ารักของผมคนหนึ่ง"

"ครูลินดาต้องบอกเหตุจริงๆกับผมนะครับว่าทำไมถึงให้ผมช่วย " ผมพูดด้วยนำเสียงที่จริงจัง

"ค่ะลินดาจะบอกครูว่าทำไมลินดาถึงต้องทำแบบนี้แต่ตอนนี้ขอให้มันผ่านไปก่อนได้ไหมคะลินดาก็พยายามหาทางแก้อยู่"

"ปัญหาใหญ่มากเหรอครับ"

"ปัญหาลินดาใหญ่พอพอกับของครูนั้นแหละคะ" ครูลินดาพูดเน้นเสียงชัดเจน

"โอเคครับผมคงใกล้จะถึงแล้วอีกสองสามป้ายรถเมย์นะครับ เจอกันนะครับ" ผมพูดและรีบกดวางสายผมก็ยังไม่เข้าใจว่าปัญหาของครูลินดาทำไมใหญ่พอๆกับปัญหาของผมวะ ผมไม่เข้าใจตั้งแต่ครูถาวรพูดแล้วนะ นี้ครูลินดาอีกคน เขาเรียกว่าปัญหาระดับชาติของครู!


                   ผมจอดรถที่หน้าบ้านครูลินดาหลังที่ผมเคยมารับส่งเธออยู่สองครั้งตอนที่เธอหัวแตกเพราะณัฐกานต์ ผมเดินเข้าไปในบ้านตึกสามชั้นครึ้ง นี้ไม่ใช่บ้านเธอจริงหรอกแต่เธอก็เลือกพักที่นี้เพราะว่าใกล้โรงเรียนส่วนพ่อแม่เธอมีบ้านอีกหลังเพิ่งจะปลูกเสร็จได้ไม่นาน  ครูลินดาเธอเดินลงมาเธอสวมชุดแซกสีชมพูอ่อนเรื่อๆขับกับผิวขาวๆของเธอ ทำให้เธอดูสวยสะดุดตากับทรงผมม้วนเป็นลอนประบ่า 

                   "แฟนพี่ลินดาเหรอคะหล่อจังเลยคะ"เด็กเหมือนทอมน่าจะเป็นคนในร้านของเธอ ครูลินดาหันไปยิ้มให้ก่อนจะเดินมาที่รถของผมและผมก็เปิดประตูให้ ครูลินดาเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ใบหน้าคมสวยได้รูปผู้ชายที่ไหนก็อยากจะแจกขนมจีบด้วยทั้งนั้น ผมเข้าไปในนั่งในรถ เธอหันมามองผมยิ้มละไมมาให้ผม

                   "วันนี้มีเรื่องเหรอคะ..ครูถาวรบอกกับลินดานะคะ"

                   "ใช่ครับคริสโตเฟอร์มีเรื่องต่อยกับรุ่นพี่ม.6"

                   "นายอณุพงศ์และนายอาณุภาพใช่ไหมคะ" ผมหันไปเหล่ตามองทำไมครูลินดารู้ละ ผมยังไม่ทันได้บอกรายละเอียดเลย

                   "มีแค่นี้แหละค่ะที่ชอบมีเรื่องกัน นายคริสโตเฟอร์ ก็เขาค่อนข้างจะใจร้อนนะคะ และยิ่งลงสนามบาสนะมีเรื่องกันตลอด" ครูลินดาพูดผมพยักหน้าว่าใช่ นี้ผมคงต้องทำตัวเป็นน้ำเย็นประโลมใจให้พ่อนักเรียนหัวร้อนของผมด้วยใช่ไหม

           "เขามีเรื่องกันเพราะอะไรเหรอคะ" ครูลินดาถามผม

                 "คริสโตเฟอร์บอกผมว่าเขาว่าผมนะครับครูลินดา” ผมบอกครูลินดาถึงกับทำหน้าตกใจ ผมพยักหน้าว่าใช่

           “ผมก็เคยบอกแล้วว่าให้เขาหนักแน่นถ้าเลือกจะเดินไปกับผมเส้นทางแบบนี้มันไม่มีทุกคนไปหรอกครับที่จะยอมรับผมเองก็ต้องคอยดูว่าคนที่คุยด้วยนี้เขารับเรื่องนี้จริงๆหรือเปล่าผมถึงจะบอกนะ ว่าผมเป็นคนชอบประเภทไหน" ผมพูดกับครูลินดา

                 "ลินดาเข้าใจคะมันมีไม่กี่คนหรอกคะ...ลำบากนะคะ..ไม่มีใครเข้าใจ..คอยแต่จะให้มีความรักแบบที่คนทั้งโลกเขายอมรับทั้งที่นี้มันหัวใจของเรานะคะ เราควรมีสิทธิ์ได้เลือกใช่ไหมคะ"

           "และควรได้เลือกเองว่ารักแบบไหนชอบแบบไหน...ทั้งที่ความรักประเภทนี้ไม่ได้ไปทำร้ายใครสักคนหน่อยแค่อาจจะผิดหูผิดตาไปบ้างก็แค่เพศเดียวกัน" ครูลินดาพูดผมพยักหน้าแต่ยังมองด้วยอาการงงว่าทำไมเธอถึงเข้าใจได้ลึกซึ้งขนาดนี้ ไปอ่านตำรารักเพศเดียวกันมาเหรอครับคิดในใจ

                 "......" ผมถึงกับอึ้งกิมกี่ หันไปมองครูลินดาเธอก็ยิ้มแหยๆให้ผม เกาหัวนิดๆ ทำไมเข้าใจจังวะ ผมคิดในใจ

           "ครูเขมคะเลี้ยวเข้าไปร้านด้านหน้าทางซ้ายมือนะคะ...ร้านเพื่อนของพ่อลินดาเอคะ" ผมพยักหน้าและก็รีบเลี้ยวรถเข้าไปจอด ผมเห็นว่ามีรถมาจอดหลายคันอยู่นะ พ่อกับแม่ของครูลินดายืนอยู่ ผมเดินลงจากผมเดินตรงเข้าไปก็ยกมือไหว้ท่านทั้งสอง

                 "สวัสดีคะครูเขม...ว่าที่ลูกเขยของแม่" แม่ของครูลินดารับไหว้ผม พ่อของครูลินดาเลิกคิ้วสูงมองมาที่ผม ที่เพ็งเล็งมากที่สุดก็น่าจะการแต่งกายของผม

           "ผู้ชายอะไรใส่ร้องเท้าหัวตัดแหลมเชียว" อุ้ย!!! ผมก็สะดุ้งสุดตัวลืมไปเลยว่าผมควรจะแต่งตัวแมนๆมา แต่ว่าทั้งตู้ผมมีแต่แบบนี้และถ้าจะใส่กางเกงขาสั้น มันจะยิ่งไปกันใหญ่ แม้จะไม่สั้นมากก็ตาม

                 "นี้ครูซื้อเสื้อมาผิดไซส์หรือว่าตั้งใจโชว์หุ้นมันถึงได้ฟิตขนาดนี้นี่ครับ" พ่อของครูลินดาผมก็มีแต่เสื้อที่พ่อดีตัวท้ั้งนั้น

           "หน้าเกลี้ยงไปไหม" อืมมม!!! หน้าเกลี้ยงก็ผิด ผมว่าหายใจก็ผิดด้วยมั้ง

                 "กางเกงครูนี้เขาตัดมาให้พอดีตัวไม่คิดจะเผื่อเหลือเผื่อขาดบางเหรอครับ..ฟิตทั้งตัว"

           “นี่ทาลิปสติกด้วยเหรอครูปากแดงเชียว”

                 “ไม่ได้ทาครับจับดูได้ อันนี้สีแดงธรรมชาติให้มาครับ” ผมพูดพ่อของครูลินดาเดินมาสำรวจผมใกล้ เดินไปทางด้านข้างจะดูอะไรในหูผม

           “เจาะหูหรือเปล่าครับ”

                 “ไม่ได้เจาะครับ “ ผมตอบเพราะว่ามันไม่สุภาพในเครื่องแบบครูสิ่งเดียวที่ผมไม่ทำ พ่อของครูลินดายืนทำท่าครุ่นคิด

           "......." โหมดเงียบเลยครับผม หมดคำพูด

                 "พ่อค่ะ!!!"

           "นี้ไม่เห็นเป็นอะไรเลยเทรนการแต่งตัวหนุ่มสาวสมัยนี้ไม่ใช่แบบรุ่นพ่อนิ”

                 “ครูเขมคะขึ้นไปไหว้ป้าของลินดาดีกว่าค่ะ" ครูลินดารีบดึงแขนผมขึ้นไปด้านบนก่อนที่ผมจะเปลี่ยนใจวิ่งกลับไปที่รถและขับออกไปอย่างเร็วดูพ่อจะสกีนลูกเขยน่าดูจนน่ากลัว

           "คุณ..สงบปากหน่อยนะ..ได้ลูกเขยแต่งตัวดีก็บ่น นี้หันมามองตัวเองบ้างนะพุงยื่นจะเป็นไอ้แก้ว  ไอ้เปือยอยู่แล้วล้ำหน้าไปถึงไหนๆ " แม่ของครูลินดากำลังเอ็ดพ่อของครูลินดาอยู่ ผมเดินขึ้นมาชั้นบนคนเยอะแยะเหมือนกันแต่ละคนก็สงสำเนียงภาษาใต้ เรียกว่าแหลงภาษาใต้ใส่กัน แน่นอนผมก็คงฟังไม่รู้เรื่องละครับพูดกันเร็วขนานนี้

           "ป้าคะ..นี้ค่ะครูเขม" ลินดาเรียกผู้หญิงคนหนึ่งเธอหันมาหน้ามามองผม ใบหน้าเธอดุเอาเรื่องเหมือนกันผมรีบยกมือไหว้

                 "นี้เหรอ..แฟนเรานะลินดา...หล่อไปไหมเนี๊ยะ!" คุณป้าท่านเขาชมผมนะครับคิดเองในใจ ผมก็ยิ้มขอบคุณดีไหม  แต่ก็ยิ้มครับ

           "ป้าอะจะให้ลินดาไปหาขี้เหล่ที่ไหน....ได้อีก...." ลินดาพูดผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งเธอนั่งมองผมเหมือนจะลุกมาขย่ำคอผมเลย ผมสะกิดครูลินดาว่าใครอะ

                 “ละคะคุณป้า” ผมเดาจากสายตาไม่ต้องผม ผมเข้าใจได้เร็ว นั้นหมายถึงขึ้เหล่เท่าคนนั้นแน่เลย ที่ตั้งท่าจะกัดหูผม มือก็กำช้อนและส้อม ดีนะที่นั่งไกลกันอยู่ ไม่อย่างนั้นผมคงได้โดนสองทีแปดรูแน่ๆ

           "คนนี้แหละคะที่ป้าของลินดาจะให้ลินดาแต่งด้วย..น่ากลัวไหมคะ" ครูลินดากระซิบให้เสียงรอดไรฟันออกมาผมก็พยักหน้าว่าสมควรอย่างยิ่งเพราะว่าฟันหน้าก็ล้ำออกมาขนาดนั้น เขามองผมตาเขม็งมาก

                 "มากครับ" ผมตอบให้เสียงรอดไรฟันเช่นกัน

           "พี่โตคะนี้ครูเขมคะแฟนของลินดาค่ะ"  ผมสะบัดหน้าไปมองครูลินดา แล้วไปแนะนำผมกับเขาทำไมครับแบบนั้น แค่นี้ก็จะฆ่าผมอยู่แล้ว ครูลินดาขยิบตาให้ผม

                 "นี้เหรอครับแฟนน้องลินดา...แต่งตัวเหมือนเกย์เลยครับ..ใส่เสื้อฟิตขนาดนี้กางเกงก็ฟิต...ยิ่งหน้าตานี้บอกได้เลยว่า..เป็นเกย์!!!!" ผมก็สะดุ้ง (กรูเป็นอยู่) ไอ้พี่โตมันลุกขึ้นยืนทำหน้าเหมือนผมไปเผาบ้านมันมาเลย

                     "พี่โตคะอย่าพูดไม่สุภาพซิค่ะ ครูเขมของลินดานะออกจะแมนค่ะ” ครูลินดาพูดและ

           “ใช่ไหมคะ" ครูลินดาหันมาขอความคิดเห็นจากผม ผมก็พยักหน้ายิ้มๆให้ครูลินดา ครูลินดาเธอก็กอดแขนผมเหมือนเราเป็นแฟนกันจริงๆ แต่ผมนี้อึดอัดแต่ก็ต้องยอมนะไหนไหนก็มาแล้ว แสดงนิดนึง

                       "พาครูเขมไปหาที่นั่งซิลูก วันนี้อาหารใต้ครูเขมคงถูกปากนะคะ"แม่ของครูลินดาเดินมาแตะแขนครูลินดาให้พาผมไปหาที่นั่ง

                       “คุณนี้ก็พูดแปลกไม่ถูกปากจะอยากมาเป็นลูกเขยคนใต้ทำไม” พ่อของคุณครูลินดานี้ดุเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี๊ยะ มิหน้าละไม่มีใครกล้าจีบนอกจากพี่เหยิน..เอ้ย..พี่โตคนเดียว

                       ผมก็เดินไปโดยมีสายตาไอ้พี่โตนี้แหละมองผมตลอดจนกระทั้งหย่อนก้นลงนั่ง มันก็ยังมอง ผมต้องพ่นลมหายใจออกมาทางปาก อึดอัดที่สุดในชีวิตเขมเลยแหละ ผมนั่งลงวันนี้รวมญาติเลยมั้งนะผมก็ยกมือไหว้คุณลุงคุณป้าคุณน้าคุณอาญาติเยอะเหมือนกัน

                       "พี่ลินดานี้แฟนพี่เหรอคะ หล่อจังเลยอะ" ลูกพี่ลูกน้องของครูลินดา ผมก็นั่งฟังเขาคุยนั้นคุยนี้และส่วนป้าของครูลินดานะซักประวัติซะละเอียดยิบ ตอนผมยืนบสมัครครูยังไม่เท่านี้เลย นี้มายื่นใบสมัครว่าที่ลูกเขยนะครับ แม้ถามไปยันกระทั้งเคยมีแฟนมากี่คนและทำไมถึงได้มาชอบหลานเขาทั้งที่เพิ่งจะย้ายมา ผมเคยได้ยินมาว่าคนใต้นะส่วนใหญ่จะเป็นคนดุ พอมาเจอกับตัวดุจริงๆด้วย ส่วนครูลินดาก็มีข้อความเข้ามือถือตลอดเช่นกันแต่ของผมนี้เงียบมาก คริสโตเฟอร์ไม่ส่งข้อความหาผมเลย  เงียบๆแบบนี้นะน่ากลัวสำหรับผมมาก ผมกลัวนายคริสไปมีเรื่องเหลือเกิน

                       "รู้จักกันไม่นานเองแค่สองอาทิตย์เป็นแฟนกันแล้วเหรอ..ป้าว่าเร็วไปนะ..ว่าไงคะครูเขม" ป้าของคุณลินดาถามผม ผมหันมายิ้มๆกับครูลินดา

                       "สำหรับผมรักไม่ต้องการเวลาครับ" ผมไม่รู้จะใช้มุกไหนดีมุกนี้แหละ คุณป้าสะบัดหน้ามามองผม แสดงว่าป้าไม่รู้จักเพลงรักไม่ต้องการเวลาแน่เลย

                       "มาเป็นเพลงเลย!" พี่โตรีบขัดผมทันที

                       "ไม่ร้องให้จบเพลงไปเลยละ..แม้รักไม่ต้องการเวลา!" พี่โตนั่งทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ ลินดาก็สะกิดแม่ของเธอพยักหน้าไปทางไอ้พี่โตของคุณลินดา

                       "คุณป้าค่ะเดี๋ยวพอเราได้ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันนั้นก็คือการเรียนรู้แล้วแหละคะแต่เราได้เรียนรู้ด้วยกันจริงๆใช่ไหมคะครูเขม" ครูลินดาพูดและกุมมือผมไว้สายตาเธอมองผม ผมก็ต้องกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอดังเอื้อก!!

                       "ก็ดีนะ พ่อแม่ครูละคะถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะนัดมาคุยกันเรื่องสินสอดทองหมั้นเลยก็ดีนะก่อนที่อะไรอะไรจะเกินเลยไปฉันอยากให้แต่งงานกันก่อน อาทิตย์หน้าเชิญคุณแม่ครูมาเลยได้ไหมคะ" คุณป้าครับไหนบอกว่าสองอาทิตย์เร็วไปกับการที่ผมคบคุณลินดา แต่นี้คุณป้าให้กระผมพาแม่ผมาคุยเรื่องสินสอดเลยเหรอครับ ผมว่าป้านนะรีบไปไหมครับ ? แอบคิดในใจ

                       "ปึก!!" ทั้งช้อนทั้งส้อมล่วงหลุดจากมือผมทันที ผมหันไปมองครูลินดาเธอยิ้มเอียงอายแต่ผมไม่เอียงอายด้วยแล้ว

                       “ตกลงมาได้ไหมคะอาทิตย์หน้าดิฉันจะได้อยู่รอคุย” คุณป้าของครูลินดา

                       "ผมขออนุญาติไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับตอนนี้เลย!!! " ผมรีบลุกพล้วดออกไปทันที ทุกคนมองมาที่ผมกันหมดผมหยิบมือถือและรีบเดินออกทันที ผมน่าจะเชื่อที่คริสโตเฟอร์สังหรณ์ใจแสดงว่าเซ้นคริสนี้แรงดีจริงๆ

                       "ตรู้ดดดดดด....ตรู้ดดดดดดด....ตรู้ดดดดดดด"คริสทำอะไรอยู่ทำไมไม่รับโทรศัพท์ ตอนนี้มันเกือบจะสองทุ่มครึ้ง ผมรีบโทรหาคริสโตเฟอร์ในใจก็ไม่น่ามาเลยเขม ไม่น่าเลย เขมน่าจะเชื่อเซ้นเมียเออ.ผัว.ช่างมันเถอะเป็นมันสองอย่าง คริสโตเฟอร์ก็ไม่ยอมรับสายผมด้วย

                       “อย่าเพิ่งงอนพี่ตอนนี้ได้ไหมคริส!!!” ผมพูดกับโทรศัพท์

                       "ครูเขมค่ะ" ผมหันไปตามเสียงเรียกผม ครูลินดาเขาเดินเข้ามาหาผม ผมไม่ได้เข้าห้องน้ำหรอก ผมพยายามกดเบอร์โทรหาคริสโตเฟอร์อยู่ ติดแต่ไม่รับสายผมกดอยู่แบบนั้น ก่อนจะหันหน้ามาหาครูลินดา

                       "ครูลินดาครับ ผมว่ามันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะครับนี้วันนี้เริ่มจะคุยเรื่องสินสอดทองหมั้นกันแล้ว ครูลินดาเล่นอะไรอยู่!!" ผมถามครูลินดาเธอก้มหน้าลง

                       "นี้ผมมาเพราะว่าผมไว้ใจครู ..ครูลินดาผมรักคริส ผมรักคริสโตเฟอร์เขาเป็นแฟนผม " ผมพูดครูลินดาก็ยังเงียบ

                       "ลินดา...ลินดา...ถ้าเราคบแบบแฟนได้ไหมค่ะ” ครูลินดาบอกว่าให้ผมคบเขาเป็นแฟน

                       “แค่สถานะแฟนคะ ครูเขากับคริสก็รักกันตามปกติเหมือนเดิมลินดาขอแค่เวลาพ่อแม่ ป้า ลินดาแค่นั้นคะลินดาจะไม่ไปรบกวนเวลาอื่นของครูกับคริสโตเฟอร์เลยคะ" ผมก็ต้องทำตาโตตกใจไม่คิดว่าครูลินดาจะพูดแบบนี้กับผม

                       "มันมีเยอะแยะไปนี้ค่ะที่มีครอบครัวเพื่อบังหน้า" ครูลินดาพูด

                       "ผมไม่ทำเด็ดขาดผมเป็นเกย์ ...ผมชอบผู้ชายครูจะมาทำแบบนี้เพื่ออะไรครับ!!!"

                       "และผมจะไม่มีวันที่จะทำแบบนั้น เอาครอบครัวบังหน้าโดยการแต่งงานกับผู้หญิงเพื่อให้ดูว่าผมเป็นเช่นคนปกติแต่เพียงเพราะว่าต้องการปกปิด"

                       "แล้วคนที่ผมคบคนที่ผมรักละเขาจะรู้สึกยังไงครูลินดา!!"

                       "ลินดามีเหตุผลอย่างอื่นด้วยนะคะ..ครูเขม"

                       "ให้ตายยังไงผมก็ทำแบบที่ครูลินดาพูดไม่ได้ ต่อให้สังคมนี้จะประณามผมว่าผมเป็นตุ๊ด เป็นเกย์ เป็นพวกผิดเพศหรืออะไรก็ช่าง..ผมคงทำอย่างที่ครูลินดาพูดไม่ได้หรอกครับ" ผมพูดครูลินดามองหน้าผม ผมต้องหันหลังหนี

                       "ถ้าผมเลือกจะเป็นแบบนี้ผมต้องยอมรับมันให้ได้ ..และผมก็เลือกแล้วที่จะรักคริสโตเฟอร์ เขาก็เลือกแล้วที่จะรักผม ดังนั้นเราก็เลือกแล้วที่จะเดินไปด้วยกันแม้ปัญหาจะหนัก"ผมพูดเอามือขึ้นมาเท้าที่เอว

                       "ทุกวันนี้ปัญหาของผมกับคริสโตเฟอร์ก็มีเยอะอยู่แล้วผมจะไม่เอาปัญหาอะไรเข้าไปเพิ่ม..ผมขอโทษนะครับครูลินดาที่ผมคงช่วยคุณตรงนี้ไม่ได้จริงๆ" ผมหันกลับมาเผชิญหน้ากับครูลินดาอีกครั้งเขาคงเห็นสายตาผมที่แน่วแน่ว่าไม่รับข้อเสนอของเขา

                       "ถ้าครูจะมองว่าผมเป็นผู้ชายที่ใจร้ายใจดำผมก็ยอมแต่ผมจะไม่ทำให้คนรักของผมต้องมานั่งกินน้ำใต้ศอกต้องมานั่งทุกข์ระทมขมขืนเหมือนใช้ชีวิตอยู่ในนิยายโศกเศร้า..ผมเลือกที่จะไม่ทำ!!" ผมพูดอ    ครูลินดามองผม น้ำใสหยดลงมาที่สองแก้ม

                       "แล้วมันจะมีวิธีไหนละคะที่จะทำให้คนทั้งโลกรับรู้ว่านี้คือความสุขเช่นกันไม่ใช่สิ่งที่ผิดปกติ"ครูลินดาพูดเสียงดังใส่ผมเธอก็คงอึดอัดผมว่าเธอมีปัญหาในใจที่หนักพอสมควร

                       Rrrrr เสียงมือถือผมดังขึ้นเบอร์คริสโตเฟอร์ ผมต้องละสายตามองที่หน้าและกดรีบทันที

                       "คริส!..คริส!.." ผมเรียกเพราะว่ามันเงียบ

                        "ครู..ครู..ไม่ซิ..ที่ร๊าก...ผมร๊ากครู..ร๊ากมากด้วยอะ...ผมไม่อยากเสียครู...ผมไม่กลัวนะใครจะว่าผมอะ..ว่าผมชอบผู้ชาย...ผมรักผู้ชาย... พี่..ผมร๊ากผู้ชายวะเพ่(เรื่องของมึงเมาแล้วเกะกะวะ) " ผมถึงกับยกมือกุมหน้าผากงานเข้าแล้วมั้งเนี๊๊ยะ ครูลินดาก็ยืนมองผมแบบมีคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผมมือยังให้คำตอบอะไรไม่ได้

                        "เพ่..ฟังผมก่อนดิพี่ว่าผมรักผูู้ชายยยยยย" น้ำเสียงนี้บอกได้ว่าเขาเมามาก (คริสพอเถอะมรึงเมาแล้ว) เสียงเหมือนโจ้หรืออาร์ทนี้แหละ

                     "คริส...นี้กินเหล้าเหรอ" ผมถามคนปลายสาย

                      "คริส..คริส..ตอนนี้อยู่ที่ไหน...คริส..พี่จะไปรับเดี๋ยวนี้ ...คริสส..คริส.....ตรู้ดดดดด" ผมตะโกนถามคริสจนสายถูกตัดไปทันที


                     "โว้ยย!!...จะรู้ไหมเนี๊ยะว่าอยู่ไหน" ผมพูดกับโทรศัพท์ที่ถูกตัดไปแล้วเลยไม่ทันได้รู้เลยว่าไปเมาที่ไหนผมหันมามองหน้าครูลินดางานผมเข้าแล้วครูลินดาทำท่ากะอักกะอ่วนใจเช่นกัน

                    "ผมผิดหวังที่ไว้ใจครู!!!"ผมหันมาพูดกับครูลินดาเธอมองผมสายตาเธอรู้สึกผิดอย่างยิ่ง

                     "ครูเขมคะอย่าเพิ่งเข้าใจลินดาผิดคะที่ลินดาอยากให้ครูเขมคบกับลินดาแบบแฟนหรือเราแต่งงานกันก็เพื่อปกปิดเรื่องของเราทั้งคู่!!" ครูลินดาพูดว่าเราทั้งคู่ ผมหันไปมองหน้าครูลินดาเธอก้มหน้าลงทันทีไม่กล้าสบสายตาผม

                      "ความลับอะไรของเราทั้งคู่ครับ" ผมหันมาถามครูลินดา

                     "ลินด..ลินดา..ลินดาไม่ได้ชอบผู้ชายค่ะ" O_O

                    "ลินดาชอบผู้หญิงค่ะ..ลินดาก็...กำลังคบอยู่กับ..ครูถาวรด้วยค่ะ..เราเป็นแฟนกันตั้งแต่ลินดายังเรียนไม่จบค่ะ"

                     "เว้ย!!!!"ผมร้องออกมา ถ้าอย่างนั้นที่ผมเห็นหัวเราะต่อกระซิกก็ไม่ใช่แค่เพื่อนนะซิ

                     "ครูเป็น...เออ..ครู....ครูลินดาเป็นเลสเบี้ยนเหรอครับ" ผมถามครูลินดาเธอพยักหน้ากับผม

                    "ค่ะ..ลินดาเป็นเลสเบี้ยนคะ" ยอมรับแต่โดนดี

                    "แต่ผมก็ทำอย่างที่ครูลินดาพูดไม่ได้อยู่ดี ผมทำไม่ได้จริงๆครับ..ผมแนะนำให้ครูบอกพ่อแม่ ป้าคุณและคนที่เขาอยากแต่งงานไปตรงๆเถอะครับครู"ผมพูดสีหน้าผมจริงจัง

                   "ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายไม่วันนี้ พรุ่งนี้ก็ต้องรู้ วันไหนก็ต้องรู้อยู่ดี" ผมพูดผมเองก็เริ่มเห็นใจเธอนะ

                   "ผมเองก็ไม่อยากทนทุกข์ใช้ชีวิตกับคนที่ผมไม่รักและครูลินดาเองก็จะไม่มีความสุขและคนที่คุณคบเขาก็ไม่มีความสุขเช่นกันถ้าให้เขาต้องมาอยู่เป็นแค่เงาของใคร และต่อให้ครูรักเขามากแค่ไหนก็ตาม..มันก็ทุกข์อยู่ดี" ผมพูดครูลินดาเงยหน้าขึ้นมองผม

                   "มันไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็น" ผมพูดเบาๆ

                   "ผมเองยังบอกพ่อแม่ผมตรงๆเลยว่าผมชอบผู้ชายตั้งแต่ผมกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย"

                    "แรกๆท่านก็ตกใจแต่ท่านก็ทำใจรับมันได้พ่อแม่นะครับไม่ทำร้ายจิตใจลูกหรอกครับเชื่อผม" ผมพูดครูลินดาเธอยืนร้องไห้

                    "และครูคงไม่ได้เป็นแค่วันนี้พรุ่งนี้แล้วมันก็หายไปแต่มันอาจจะอยู่กับครูไปทั้งชีวิต...ดังนั้นครูควรเลือกที่จะบอกดีกว่าเก็บมันไว้..ผมรู้ว่าครูอึดอัด" ผมพูดเธอมองหน้าผม

                   "ลินดาไม่อยากแต่งงานกับผู้ชายค่ะครู...ไม่มีใครเข้าใจลินดาเลย...ลินดาชอบผู้หญิงมาตั้งนานแล้วค่ะ...แต่ก็ไม่กล้ามีแฟนจนกระทั้งลินดาเจอพี่ถาวรเขาเป็นรุ่นพี่ของลินดาปีหนี่งคะ...ลินดาชอบเขาเราคบกันพอลินดาเรียนจบพ่อก็ฝากกับผู้อำนวยการให้ลินดามาเป็นครูที่นี้และครูถาวรก็ขอมาเป็นครูที่นี้เช่นกันคะ " ครูลินดาพูดผมเองก็ไอ้แต่แตะไหล่เธอเบาๆ

                   "ลินดาไม่รู้จะหาทางออกยังไงนะคะครูเขม"

                   "แต่ผมเป็นเกย์..ผมคงจะไปทำแบบนั้นกับครูลินดาไม่ได้ผมยืนยันว่าผมช่วยครูไม่ได้ผมขอโทษจริงๆ " ผมพูดบอกเธอ

                   " เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เองน้องลินดาไปหาไอ้เกย์นี้!! "

                    "มาเป็นเพื่อแฟน เพื่อที่จะ...ไม่แต่งงานกับพี่เหรอครับ!!!" ไอ้พี่โตมันเดินออกมาหน้าตามันเหี้ยมมากและชี้มาที่ผม มันย่างสามขุมเข้าหาหาผมและ

                   "พี่จะไปบอกคุณป้าน้องเดียวนี้!!!!" ไอ้ผมก็นึกว่ามันจะเข้ามาต่อยผมซะอีกอุตสาห์ยืนทำตัวลีบ มันก็รีบวิ่งออกไป ผมว่าไอ้พี่โตมันคงแอบฟังขาดไปหลายประโยคตรงที่ครูลินดาเขาพูดว่าเขาเป็น   เลสเบี้ยนด้วย ผมก็หันกลับมามองหน้าครูลินดา

                    "อันนี้ปัญหาใหญ่ระดับชาติของครูลินดาแล้วแหละครับ..ครูคงต้องบอกความจริงแล้วมั้งครับ" ผมพูดกับครูลินดา เธอก็ถอนหายใจออกมายาวๆ

                   "ไปค่ะไปบอกทุกคนกันลินดาจะไม่โกหกแล้วค่ะ..ลินดาขอโทษทุกอย่างนะคะครูเขมที่ทำให้ครูเขมเดือดร้อนและคริสโตเฟอร์เข้าใจผิด" ลินดาจูงมือผมออกมา ผมเห็นป้าของลินดายกมือทาบอกทุกคนมองมาที่ผมกันหมดไอ้พี่โตคงรายงานเรื่องผมเป็นเกย์แกสาธารณชนเป็นที่เรียบร้อยแล้วมันยืนยิ้มเหมือนผู้มีชัย ผมหันมาเหล่ตามองครูลินดา

                   "คิดไว้แล้วเชียวว่าต้องเป็นเกย์อะแต่งตัวดีเกิ้น" เสียงเอ๊ะอะโวยวายจากพ่อของครูลินดา

                   "นั้นซิคนอะไรก็ไม่รู้หล่อมากหล่อเกิ้น" นั้นคุณป้า

                    "ครูเขมเป็นเกย์เหรอค่ะอย่างที่คุณโตพูดจริงไหมคะ" แม่ของลินดาลุกขึ้นจากเก้าอี้เธอถามผม ผมหันมามองหน้าลินดาและ

                   "ใช่ครับผมเป็นเกย์ผมมีแฟนแล้วแฟนผมเป็นผู้ชาย" ผมพูด ทุกคนหน้าเหวอไปหมด

                   "งั้นก็เชิญออกไปจากลูกสาวผมกรูว่าแล้วเชียวผู้ชายอะไรใส่เสื้อผ้านี้ฟิตไปทั้งตัวแถบจะหายใจไม่ออกแบบนี้!!! " พ่อของครูลินดาลุกขึ้นชี้หน้าผมหน้าตาดุดันเอาเรื่องมาก ผมหันมามองหน้าครูลินดา ว่าเขาควรจะเคลียร์ทุกอย่างด้วยตัวของเขาเอง

                   "เย้!!! ถ้าอย่างนั้นโตก็ได้แต่งงานกับน้องลินดาแล้วใช่ไหมครับคุณป้าครับ..โตดีใจที่สุดเลยครับ!!!" ไอ้พี่โตมันกระโดดโล้ดเต้นดีใจใหญ่ผมละโคตรหมันไส้มันเลย

                   "ลินดาขอโทษคะคุณพ่อคุณแม่ คุณป้า..ลินดาแต่งงานกับพี่โตไม่ได้หรอกคะ" ลินดาลุกขึ้นพูดทุกคนหันมามองลินดาเป็นตาเดียวกัน

                   "ทำไมละน้องลินดา!" ไอ้โตมันหยุดดีใจหันมาถามครูลินดา

                   "ลินดาเป็นเลสเบี้ยนคะ ลินดาชอบผู้หญิงคะ ลินดามีแฟนแล้วคะแฟนของลินดาก็คือ..." พอลินดาพูดว่าเป็นเลยเบี้ยนไอ้พี่โตมันก็ถลึงตาโตทันที

                   "ดิฉันคะ" ผมหันไปมองครูถาวรเธอเดินเข้ามายืนทุกคนหันไปมองครูถาวรกันหมด และหันกลับมามองหน้าครูลินดาพร้อมกันหมดพากันอ้าปากค้างเป็นแถว ผมเองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน

                   "ดิฉันคบกับครูลินดาแบบแฟนมาตั้งแต่ครูลินดายังเรียนมหาวิทยาลัยครูคะ..เรารักกันจริงๆนะคะ .." ครูถาวรพูดและครูลินดาก็วิ่งไปกอดครูถาวร ผมนะไม่เท่าไหร่แต่ไอ้ที่ช๊อกมากคือไอ้พี่โต อ้าปากค้างเลย

                   "มายยยยยยย โตรับไม่ได้)))))" ผมก็ยิ้มให้ไอ้พี่โตเป็นไงละมึง ผมหันมาพยักหน้าให้ครูลินดา

                   "งั้นผมขอตัวเลยนะครับ พอดีผมคิดว่าคิวถ่ายละครของผมหมดแล้ว" ทุกคนหันมามองหน้าผมกันหมด

                   "คือเออ..ผมแค่ดารารับเชิญ...ผมขอตัวเลยนะครับ..ยินดีที่ได้รู้จัก..และอาหารอร่อยมาก..ขอบคุณ" ผมพูดและรีบเดินหยิบมือถือแทบจะวิ่งออกเลยดีกว่าเดี๋ยวโดนเรียกเข้าฉากอีก

                   "ครูเขมคะ."ครูลินดาวิ่งตามออกมาเรียกผม ผมหันหลังกลับไปมีอะไรอีกเหรอ

                   "ขอบคุณนะคะ..ขอบคุณทุกอย่าง..พรุ่งนี้ลินดาจะเข้าไปคุยกับคริสโตเฟอร์ให้นะคะ"ครูลินดาพูดผมพยักหน้า

                   "ไม่เป็นไรครับครู มันเป็นปัญหาระดับชาติทีควรได้รับการแก้ไข แต่ของผมปัญหาของผมนี่ระดับชาติมากกว่าต้องตามหาว่าเมียไปเมาที่ไหน..งานผมเข้า!!!" ผมหันหลังบอกครูลินดา แค่นั้นผมก็รีบวิ่งไปที่รถที่ผมจอดไว้ ผมหยิบมือถือมากดโทรหาคริสโตเฟอร์ดังแต่ไม่รับ ผมก็ไม่รู้ว่าไปเมาที่ไหน เบอร์ของอาร์ท กับโจผมก็ไม่มีลืมขอเอาไว้บ้าง แต่ผมจำได้วันก่อนว่าพวกนั้นมาชวนไปผับพี่ปื่นอะไรนี้แหละ

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นทีในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริส)EP.15.2คริสทำพี่เขมค้างหนักมากNC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 16-08-2020 12:03:02

EP.15.2 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ เมื่อคริสทำพี่เขมค้างหนักมาก  NC 18+
ครูเขมชาติ    ผมพยายามโทรติดต่อคริสโตเฟอร์อยู่หลายครั้งเขาก็ไม่กดรับสายผมจนสายตัด ผมขับรถวนไปวนมาอยู่ ณ ตอนนี้ จิตใจของผมกระวนกระวาย เป็นห่วงพ่อตัวดีของผมเหลือเกิน และผมเองก็ไม่รู้เส้นทางที่นี้ดี ผมพยายามกดโทรหาคริสอยู่เรื่อยๆสายตาก็คอยมองไปทั้งสองข้างทางเพื่อว่าจะอยู่แถวริมฟุตบาทเพราะว่าเสียงที่แทรกเข้ามาเหมือนมีรถวิ่งตลอด

                       "คริสพี่ขอโทษ...คริสอยู่ไหน....ทำไมถึงทำให้พี่เป็นห่วงเราตลอดเวลาแบบนี้ละคริส!! รับสายพี่สายซิ!!! "ผมพูดกับมือถือที่ตอนนี้กำลังรอคนปลายสายกดรับ ผมพยายามโทรหลายครั้งเขาไม่กดรับสายผมสักทีใจผมก็ยิ่งร้อนรนกระวนกระวาย ผมโทรจนตอนนนี้เข้าสู่ระบบฝากข้อความไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อ้าว! งานเข้าละซิ!! แล้วผมจะไปหาเขาได้ที่ไหนละ ?

                           ผมพอจะจำได้ว่าเด็กพวกนี้ขอบไปผับคนชื่อปืนก็วันก่อนที่เพื่อนของคริสไปเรียกที่หน้าบ้านผม ไม่แน่วันนี้อาจจะไปที่นั้นก็ได้ ผมขับมาจอดเพื่อตั้งสติเพราะสภาพผมตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนที่กำลังหลงทิศหลงทาง ผมเห็นร้านรถเข็นที่ขายบะหมี่่แฟรนด์ไชส์ ตรงด้านข้างมีเด็กผู้ชายยืนอยู่ผมจำเขาได้อนุชิต ผมรีบลงจากรถไปหาอนุชิต เด็กม.2 ที่ผมจะให้เขาไปทำความสะอาดบ้าน

                       "อนุชิต!!"ผมเรียกอนุชิต มือผมแตะไหล่เขาเบาๆ พอเขาหันมามองผมและส่งยิ้มให้ผม

                       "สวัสดีครับครูเขม"

                       "เธอมาทำอะไรตรงนี้" เพราะว่ามันค่อยข้างจะมืดแล้วนะ นี้มันจะสี่ทุ่มแล้วด้วย

                       "ผมมาช่วยป้าแก้วล้างชามครับแต่ผมกำลังจะกลับแล้วครับครู" อนุชิตตอบผม

                       "เหรอ...ครูขอความช่วยเหลือหน่อยซิอนุชิต" ผมบอกอนุชิตเขามองผมทำหน้างงว่าเขานี้นะจะช่วยแต่ผมไม่มีตัวเลือกต้องเสี่ยงดูเพื่อว่าจะช่วยได้

                       "ช่วยถามคุณป้าหรือใครก็ได้ในร้านให้ครูหน่อยว่ามีคนรู้จักผับคนที่ชื่อปืนไหมและอยู่ตรงไหน...แฟนครูเขาไปกินเหล้าเมาครูจะไปตามหาเขาช่วยครูทีนะอนุชิต ครูขอร้อง" ผมคิดว่านี้คือความหวังของผมถ้าหาเขาไม่เจอคืนนี้ผมกลัวเหมือนกันกลัวจะเสียเขาไป ผมเข้าใจความรู้สึกคริสโตเฟอร์มากขึ้น
จริงๆผมกังวลไปสาระพัดอย่างเลยในตอนนี้

                       "ได้ครับผมถามพี่เคลูกของป้าแก้วให้พี่เขาไปเที่ยวผับบ่อย" และอนุชิตก็วิ่งเข้าไปในร้านไปกระซิบกับผู้ชายดูท่าจะสิบแปดสิบเก้าและอนุชิตก็วิ่งออกมาหาผม

                       "ครูครับพี่เคบอกว่าครูตรงไปทางนี้นะครับ ตรงแยกไฟแดงด้านหน้าครูเลี้ยวขวาจะมีป้ายบอกว่า เอแจ็คนะครับ นั้นแหละครับผับของพี่ปืน" ผมพยักหน้าก่อนผมจะเดินออกผมควักเงินให้ไปหนึ่งร้อยบาท

                       "พรุ่งนี้อย่าลืมไปทำความสะอาดบ้านครูนะ" ผมพูดและรีบเข้าไปในรถผมขับรถไปตามที่อนุชิตบอกผมและผมก็เจอเข้าจนได้ผับ เอแจ็ค ตอนนี้เกือบจะสี่ทุ่มกว่าแล้วด้วยเพราะว่ามัวแต่ขับรถวนไปวนมาอยู่ในตลาด ผมจอดรถให้เยี่ยงทางเข้าผับไปนิดนึงตอนนี้ผู้คนก็กำลังถยอยกันเข้าผับคนก็เยอะแยะ
เต็มไปหมดผมไปยืนชะเงอมอง คนเยอะขนาดนี้คงหายากแน่ๆ ผมเดินออกมาจากผู้คนที่แออัดกันจะเข้าไปเที่ยวด้านในหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อว่าจะโทรติดต่อ แต่ก็มีแต่เสียงหวานๆรับสายผม และบอกให้ผมฝากข้อความ นี้ไปแอบกิ๊กกับสาวที่ไหนเนี๊ยะ แต่คิดอีกที อ้อ ระบบฝากข้อความเสียง อืมม..แล้วไป น่านัก!

                       "ครูเขม!!!!"น้ำเสียงที่ฟัวดูคุ้นๆ  แถมยังเรียกครูแสดงว่าเป็นนักเรียนหรือไม่ก็ใครสักคนที่รู้ว่าผมเป็นครู ผมรีบหันหลังกลับไปมอง และผมก็ก็เห็นเพื่อนของคริสโตเฟอร์ ที่ชื่อโจวิ่งมาหาผม

                       “แฮ้กๆ”  เขาวิ่งมาหาผมและหยุดตรงหน้าผม ดูท่าจะวิ่งมาไกลเหมือนกันดูจากอาการหายใจหอบเหนื่อย

                       "ผมไม่รู้จะโทรหาครูได้ยังไงมือถือไอ้คริสมันก็ล่วงลงน้ำพังไปแล้วและครูตอนนี้มันรั่วมากอยู่ตรงโน้นนะครู!" เสียงโจ้บอกผมด้วยอาการร้อนรนแต่ผมนะร้อนยิ่งว่าที่ได้ยินว่าคริสโตเฟอร์เมารั่ว วิ่งไปที่โจชี้นิ้ว น่าจะสักห้าร้อยเมตรได้แต่ผมก็วิ่งครับ ผมรีบและโจก็วิ่งตามหลังผมมาติดๆ

                       "และพวกผมก็เอามันไม่อยู่แล้วครับครู" โจวิ่งมาประชิดผมและพูดบอกผม พอได้ยินผมก็เร่งสปีด เพื่อไปดูคริสโตเฟอร์ พอไปถึงก็เห็นกำลังเดินควักมือเรียกใครต่อใครไปทั่ว ผมเห็นมีผู้หญิงหน้าตาน่ารักยืนอยู่กับอาร์ท ยืนกอดอกทำหน้าเซ็ง

                       "เพ่...ผมชอบผู้ชายวะเพ่..พี่เชื่อผมมั้ยอะ" คริสโตเฟอร์เที่ยวโบกมือเรียกคนนั้นคนนี้ ทำไปได้ผมถึงกับยกสองมือขึ้นกุมหน้าผากและผมหันไปมองสองคนที่พาพ่อตัวดีผมมาเป็นไงละ ไหนบอกไปกินข้าวไงเขาหุงข้าวใส่แอลกอฮอล์แทนน้ำเหรอ???? ถึงได้เมาหมดสภาพแบบนี้

                       "ก็มันบอกอยากดื่ม..มันว้อนอะครู..แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะว้อนมากขนาดกระดกเพียวๆหมดขวดไปในพริบตา" อาร์ทรับรายงานผมทันที ผมสะบัดหน้ามามอง เพียวๆเลยเหรอ ทำไมไม่ห้าม แต่ละคนยืนเกาหัวกันผมก็เลยยกมือ มันคงทำอะไรไม่ได้แล้ว คริสมันเมาไปแล้ว

                       "ปกติมันไม่รั่วขนาดนี้นะครูแต่อันนี้ไม่ปกติอะ..แต่ก่อนตอนที่มันโดนสาวทิ้งยังกินแค่มึนๆและก็กลับ แต่วันนี้คงเป็นวันพิเศษนะครูดูดิมันกินจนรั่วอะครู" โจบอกผม ผมพยักหน้า พิเศษไปไหม ถามผมก่อนก็ได้มั้งครับ พรุ่งนี้ผมก็ต้องอยู่เวรอีก

                       "น้องจะบ้าเหรอมาบอกอะไรพี่ละ...เฮ้ย!! ..." คนที่เดินผ่านไปมาก็บัดป้องคริสโตเฟอร์ไม่ให้แตะตัวเขา

                       "พี่สาวผมชอบผู้ชายวะพี่..ผมไม่ชอบแบบเพ่อะ"

                       "ก็เรื่องของน้องดิค่ะ...บ้าเปล่าเนี๊ยะ....ตายแล้ว!! ..หน้าตาก็ดีนะแต่พี่ไม่กินเก้งคะ"

                       "หมับ" ผมเข้าไปดึงรั้งคริสโตเฟอร์ให้หยุด

                       "คริส..คริส..ตั้งสติหน่อย..คริสพี่เอง..คริส..พี่เขมไง " ผมใช้มือจับใบหน้าคริสโตเฟอร์ สลึมสลือตามองผมคงกินไปเยอะมากเลยนะ

                       "หมับ"ผมต้องกอดประคองเพราะว่ายืนแทบจะไม่อยู่ คริสโตเฟอร์ใช้มือแตะที่ใบหน้าผมพยามยามมองให้ชัดเจนยิ่งขึ้น 

                       "พี่เขม..พี่มารับผมแล้วเหรอ?" คริสโตเฟอร์ถามผมด้วยน้ำเสียงที่ยานจนฟังแทบจะไม่รู้เรื่องแต่เขาก็โผ่เข้ามากอดผม

                       "ใช่พี่มารับกลับบ้าน.ก็พี่บอกแล้วไงว่าพี่จะมารับนะ..หึ ?"

                       "ผมโคตรกลัวเลยกลัวพี่ไม่มากลัวพี่จะไปแล้วไปจากผม.." ผมกอดคริสโตเฟอร์อยู่ตรงริมฟุตบาท

                       "ทำไมถึงกินจนเมาแบบนี้ละคริส" ผมดันคริสโตเฟอร์ออกก่อนถามคนที่ยืนสลึมสลือ

                       "พี่จะไปอีกไหมอะ..ผมไม่อยากให้พี่ไปเลย..ผมกลัว" คริสโตเฟอร์พูดผมยิ้มให้คนตรงหน้า

                       "พี่ไม่ไปแล้วและพี่ก็ไม่จำเป็นต้องไปแล้วคริส" ผม

                       "จริงนะ!!" เหมือนเด็กน้อยเลย หมดสภาพเด็กเกรียนๆของผม

                       ".พี่เขม...ผมไม่กลัวแล้วนะผมนะไม่กลัวแล้วนะผมจะคบผู้ชาย..ใครจะว่าช่างแม่งมัน"คริสโตเฟอร์พูด พอดีมีรถมาจอดตรงริมฟุตบาทพอดี

                       "..เพ่..เพ่... แฟนผมเป็นผู้ชายหล่อปะ" คริสโตเฟอร์บอกผมและยังเรียกคนที่เดินผ่านไปมาอีกนะ บางกลุ่มก็หัวเราะในความตลกของคริสโตเฟอร์ที่เมาแล้วรั่วได้ขนาดนี้ ผมก็ดึงรั้งคริสโตเฟอร์ออกมาให้พ่น

                       "สาบานได้ว่าพี่จะไม่ให้เราแตะเหล้าอีกเลยคริส!!" ผมพูด

                       "ครูจะเอามันกลับยังไงอะมันเมาเละขนาดนี้นะครู" อาร์ทถามผม

                       "อาร์ทขับรถได้ไหมขับให้ครูหน่อย" ผมถามอาร์ท

                       "ได้ครับครู ส่วนรถผมให้ไอ้โจมันขับตามไป..ว่าแต่รถครูจอดอยู่ตรงไหนครับ" อาร์ทถามผม

                       "ตรงป้ายโฆษณาก่อนถึงทางเข้าผับนั้นนะ" ผมบอกและโยนกุลแจรถให้อาร์ทก็ไปเอารถผมส่วนผมก็กอดคริสโตเฟอร์

                       "ผมรักครูอะ...ผมรู้ว่าผมไม่เหมือนครูลินดา...ผมรู้ว่าผมไม่สวยเหมือนครูลินดา"

                       "และผมไม่อึ๋มเหมือนครูลินดาด้วยอะ แม่ให้มาแค่เนี๊ยะ" ผมยกมือขึ้นกุมขมับก็นายเป็นผู้ชาย

                       "ไม่ต้องอึ๋มหรอกเพราะว่าพี่ชอบแบนๆ ..และก็ต้องแบนแบบนี้ด้วยนะ" ผมพูดแะชี้ที่ตรงอกแบนของคริสโตเฟอร์ เขายืนยิ้มตาเหยิ้มให้ผม

                       "ผมรู้แค่ว่าผมรักครู...ผมรักพี่เขม...อ้อผมรักพ่อเขมด้วยนะ..อืม..อืมม..อ๊วก!!!"คริสเอาแต่พร้ำบอกว่าตัวเองไม่ดีเท่าครูลินดาอย่างนั้นอย่างนี้พูดไปพูดมาก็อาเจียนออกมาทันทีผมก็ต้องรีบประคองไปหาที่อาเจียนตรงร่องที่ท่อระบายน้ำผมก็เอามือรวบผมรากไทรของคริสโตเฟอร์เอาไว้ ตกลงนี้ผมเป็นทุกสถานะเลยใช่ไหม ทั้งครู พี่ เพื่อนไม่ค่อยมีโมเม้นนั้นนะและนี้ยังเป็นพ่ออีกเหรอ!!! อันหลังนี้ไม่เป็นได้ไหมมันแก่ไป

                       "คริสพี่ขอโทษถ้าพี่ไม่ไปเราคงไม่เป็นแบบนี้ พี่ขอโทษ.."ผมเฝ้าบอกคริสโตเฟอร์ว่าผมขอโทษที่ผมเป็นต้นเหตุให้เขากินเหล้าจนเมาควบคุมสติตัวเองไม่ได้ขนาดนี้

                       ผมกอดประคองคริสโตเฟอร์ที่ก้มหน้าก้มตาอาเจียนออกมา และรถของผม อาร์ทก็ขับมาจอดเรียบร้อยแล้ว และโจก็ขับรถของอาร์ทมาอีกที ทั้งคู่วิ่งมาช่วยผมประคองพ่อตัวดีของผมไปขึ้นรถของผมและผมเองก็เข้าไปนั่งที่เบาะหลังกับคริสโตเฟอร์

                       "อาร์ทพวกพี่เข้าไปรอในผับนะ ขอไม่ไปด้วยนะ “สาวอีกคนผมดูก็รู้ว่าแก่กว่าพวกนี้แน่ๆ เล่นรุ่นพี่เลยหรือ ผมก็ส่งยิ้มให้แต่สาวเจ้าแค่ะเบ้ปากให้ผมและคริส

                       “และพอเข้ามาก็ไปหาพี่ข้างในกันเองแล้วกัน  ป่านนี้โต๊ะคงเต็มแล้ว ...น่าเบื่อ!" แฟนอาร์ทเดินมาบอกกับอาร์ทสีหน้าเขาไม่สบอารมร์อย่างยิ่งและรีบเดินออกไปกับเพื่อนทันที อาร์ทหันมายิ้มกับผม
ก่อนจะออกรถส่วนโจ้ก็ขับรถของอาร์ทตามหลัง ผมนั่งอยู่เบาะหลังกับคริสโตเฟอร์ ผมหยิบขวดน้ำขึ้นมา

                       "คริสดื่มน้ำหน่อยนะจะได้สร่างเมา" ผมพูดและค่อยบิดฝาเปิดขวดเอามาจ่อที่ปากเขาก็กระดกดื่มไปและก็ส่งมันคืนให้ผม เขาเองผมเหมือนเด็กน้อย

                       "คริสพี่ขอโทษพี่ไม่ควรไปพี่ไม่ควรทิ้งให้นายคิดมากเรื่องพี่กับครูลินดา..แต่มันจบแล้วพี่จะไม่ทำให้เราไม่สบายใจอีกนะคริสพี่สัญญา" ผมพูดกับคนที่กอดผมไว้เมาไม่ได้สติ ผมไม่รู้ว่าเขาฟังผมพร่ำพูดขอโทษเขารู้เรื่องมั้ย

                       "ครูไอ้คริสมันรักครูมากจริงๆนะครับ ผมไม่ได้พูดเพราะว่ามันคือเพื่อนผมนะครูแต่นี้ผมไม่เคยเห็นมันกลัวอะไรเท่านี้มาก่อนเลยมันกลัวครูจะ..."อาร์ทหันมาพูดกับผมขณะขับรถอยู่

                       "ทิ้งเขา" ผมพูดเบาๆ

                       "ครับครู" อาร์ท

                       "ครูไม่ทิ้งเขาแน่นอน..ต่อให้ต้องเจออะไรหนักหนาครูก็ไม่ทิ้งเขา"ผมพูด

                       "ผมว่าที่ไอ้โป้งมันโกรธคริสเพราะวามันกลัวคริสจะเป็นแบบน้องแชมป์แน่ๆเลยครับครู" อาร์ทพูดอาจจะจริงถ้าอย่างนั้นเขาก็เป็นเพื่อนที่ดีสุดของคริสโตเฟอร์ เราโชคดีแล้วแหละคริส

                       "ครูจะตามหาทั้งคู่ให้เขากลับมาแก้ไขสิ่งผิดแต่คงต้องใช้เวลานะเพราะว่าเขาไปอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครรู้..ตอนนี้รอให้โชคช่วยว่าเขากลับไปที่เขาใหญ่บ้านเกิดครูมิ้งและนั้นครูก็จะได้คำตอบที่ถูกต้องว่าเขาไปด้วยกันจริงหรือไม่!!" ผมพูดผมยังกอดคริสโตเฟอร์ไว้ สักพักอาร์ทก็ขับรถมาส่งที่บ้านพักครู ดีนะที่เป็นวันศุกร์ก็เลยเงียบกริบ บ้านพักหลายหลังว่างเปล่าเพราะว่าบรรดาครูก็พากันกลับบ้านตัวเอง ผมก็รีบดันคริสโตเฟอร์ออกไปอาร์ทออกมาช่วยผมแบบเก้เก้กังกัง คงเพราะว่าอาร์ทกลัวคริสโตเฟอร์จะกอดเขา อาร์ทก็พยายามดัน คริสโตเฟอร์ออก พอผมออกมายืนตั้งหลักทีนอกตัวรถได้ อาร์ทก็แทบจะผลักคืนให้ผมทันทีและยังทำท่าขนลุกขนพองอีก

                       "ผมยังอยากเป็นผู้ชายเต็มตัวครับครูแต่ก่อนผมก็แบกมันนะแต่ตอนนี้ผมให้ครูทำเถอะ" อาร์ทพูดผมพยักหน้า

                       "หมับ..ที่ร๊าก..เขาว้อนอะทำให้หน่อยดิ" กอดผมมือก็ลูบคลำผมไปทั่ว ทั้งอาร์ทและโจยืนมองผม และผมส่งกุลแจให้โจขึ้นไปไขประตูให้ผมหน่อย เพราะว่าผมต้องคอยประคองคริสโตเฟอร์ขึ้นบันไดบ้าน

                       "หมับ..โอ้ว"ผมร้องออกมาเบาๆ คริสโตเฟอร์จับเข้าที่เป้ากางเกงผมเต็มๆมือเลย โจที่ก้มมองมือคริสโตเฟอร์ ผมก็พยายามจับมือออก แต่ก็กลับไปกุมใหม่อีก ส่วนโจก็ไขกุลแลลไม่ได้มองกุลแจเลย แล้วนั้นมันจะไขถูกไหมมีตั้งหลายดอก

                       "โจ..ไขเร็วซิ ครูหนัก" ผมพูดบอกโจ แต่จริงๆนะไม่หนักแต่ที่ต้องเร่งเพราะว่ามันลวนลามผมโชว์เพื่อนแล้วครับ

                       "ผะ..ผะ..ผม...ผมรีบอยู่ครับครู" มือไม้สั่นไปหมดจะตกใจทำไม

                       "อืม...อืมมม" คนที่ผมกอดนี้ก็ไซ้คอผมเล่นเพลินเลย

                       "จ๊วบ!!" ดูดคอผมดังจ๊วบ

                       "ว๊าก!!"อันนี้อาร์ทที่ร้องซะดัง ผมหันไปมองอย่าร้องดังเพื่อว่ายังมีครูที่ไมได้กลับบ้าน อาร์ทก็เลยรีบเอามือปิดปากตัวเอง

                       "เอาไขเร็วๆซิครูจะได้พาคริสเข้าบ้าน" ผมบอก

                       "ผมรีบมากแล้วครู..เคยอ่านนะนิยายพวกแบบว่านิยายวายอ่านไว้เสริมปัญญาแต่ไม่เคยเห็นภาพที่ชัดเจนได้ขนาดนี้นะครู”โจพูด ดีจริงๆ อ่านนิยายเกย์เสริมปัญญา ทำไม่ไม่ไปอ่านหนังสือเรียนครับ

                       “...มันทำแบบนี้กับครูบ่อยไหมเนี๊๊ยะ" ไอ้เจ้าโถามผม

                       "ปกตินะ..อืมม" ผมพูดและพอโจเปิดประตูได้ผมก็พาคริสโตเฟอร์เข้าไปด้านในตรงไปห้องนอนทันที

                       "ครูผมล๊อกประตูให้เลยนะดูท่าครูกับเพื่อนผมคงจะรีบ!"

                       "มาก..ขอบใจนะอาร์ท โจ "ผมตะโกนบอกพอเข้าถึงก็ค่อยว่างคริสโตเฟอร์ลงบนเตียงนอนทันที

                       "ฟู่!! ...พี่จะไม่ให้เราแตะเหล้าอีกคริส" ผมพูดกับคนที่นอนหมดสภาพอยู่บนเตียง

                       "พี่เขม...คริสร้อนอะ..ถอนให้หน่อย" ทำท่าอ้อนให้ผมถอนเสื้อผ้าให้

                       "อ่อยพี่หรือเปล่าเนี๊๊ยะ..ห๊ะ!!" ผมพูดและค่อยดึงรองเท้าผ้าใบออกทีละข้าง ถุงเท้า และเลื่อนมาปลดกระดุมกางเกงยืนที่ละเม็ด คริสโตเฟอร์นอนลืมตาอยู่ สายตาเขาที่มองผมฉ่ำจนเหยิ้มเลย ผมเพิ่งจะปลดกระดุมไปได้แค่ไม่กี่เม็ดก็อดใจทนรอไม่ไหว ผมเลยต้องเลื่อนตัวขึ้นไปประกบปากแดงเรื่อๆนั้นอย่างดูดดื่มมือของคริสโตเฟอร์ก็คลึงตรงกลางเป้ากางเกงของผมเมามันเลย หน้าตาคริสนี้ให้ มันเล้าอารมณ์ผมมาก

                       "พี่เขมคริสว้อนอะ...ว้อนมากอะ..ว้อนพี่เขมอะ.." เสียงก็กระเส่า

                       "ทำไมละพอแอลกอฮอล์เข้าสู่กระแสเลือดนี้ว้อนพี่ขึ้นมาเลยใช่ไหม..น่าทำโทษไหมทำไมกินจนเมาแบบนี้ละคริส"

                       "ผมก็อยากเชื่อใจนะ..พี่เขม..แต่ความกลัวในใจผมมันกว่าอะ...คริสอยากอยู่กับพี่เขมอะ..อย่าทิ้งคริสไปนะ..นะ..ผมรักพี่เขม " คริสพูดไปด้วยมือก็แกะกระดุมเสื้อผมไปด้วยไล่ไปจนถึงกางเกงยีนส์เขาก็ปลดกระดุมกางเกงยีนส์ผมและรูดซิบคริสก้มมองส่วนนั้นของผมแม้มันจะอยู่ในกางเกงอย่างมิดชิดและเงยหน้าขึ้น
                       ผมก็ลุกขึ้นเพื่อถอดมันออกไปอย่างรวดเร็วแม้จะยากหน่อยตรงที่มันฟิตนี้แหละและเสื้อเชิ้ตออกไปด้วยทันที ผมกลับขึ้นมาบนเตียงจับชายเสื้อยืด ฮาร์ทร๊อคคาเฟ่ พอดีตัวของคริสโตเฟอร์ ถอดออกไปทางหัวผมก็ก้มลงจูบปากและไล่ลงไปตามลำคอ

                       "อ่าห์...อืม...พี่เขม...ซี้ด...อ่าห์..คริสว้อนทำให้ผมหน่อยนะ..พี่เขม.." เสียงกระเส่าจากคนที่นอนบิดกายไปมา

                       "พี่ก็ว้อนอย่ายั่วพี่มากหนักซิครับ..อืมมม.." ผมพูดปากก็ไล่ไปตามหน้าท้องแบนราบนั้น เพราะแอลกอฮอล์มันวิ่งในกระแสเลือดด้วยมั้งวันนี้คนที่นอนดูตอบสนอมผมมากกว่าทุกครั้ง คิดอีกทีดื่มก็ดีเหมือนกันนะรู้สึกว่าคืนนี้เซ็กส์ของสองเราจะเร้าร้อนน่าดู ผมลุกขึ้นไปและดึงกางเกงยีนส์คริสโตเฟอร์ออกไปรวดเดียวและหลุดไปพร้อมกับกางเกงยางยืดเลยด้วย

                       "อู้ยยย!! " ผมร้องออกมาด้วยอาการตกใจและยืนหนีบขาตัวเอง ก็ส่วนนั้นของคริสโตเฟอร์มันชี้โด้ทันทีที่หลังจากที่ผมดึงกางเกงออกไป แถมมันตื่นตัวมากกว่าทุกครั้งเลยด้วย หรือว่ามันโตขึ้นวะทำไมวันนี้มันใหญ่จังว่ะวันนี้ จะแซงหน้าผมอยู่แล้วเนี๊ยะ

                       "บุญของเขมที่เป็นวันคู่" ผมบอกกับตัวเอง ผมเองก็ถอดของกางเกงตัวเองออกก่อนและรีบขึ้นไปหาร่างที่บิดกายไปมายั่วผมน่าดู ผมขึ้นไปค่อมโดยใช้แขนค้ำยันรับน้ำหนักตัวเองไว้ผมก้มลงจูบคริส
                       ทันทีที่ปากผมครอบลงไปที่ริมฝีปากอวบอิ่มนั้นคริสก็ส่งลิ้นสอดเข้าไปในปากผม ปลายลิ้นตวัดไปทั่วกระพุ้งแก้มของผมและดูดดุลปลายลิ้นอย่างหืนกระหายสะโพกก็ขยับขึ้นลง นิ้วมือก็บี้สองจุดของผมไปด้วย

                       "พี่เขมทำให้หน่อยไม่ไหวแล้วจะแตกแล้ว" คริสบอกด้วยน้ำเสียงที่กระเส่าหนักกว่าเดิม และชี้ไปพิกัดใต้เข็มขัดของเขาผมก็คงต้องทำให้ก่อนผมค่อยๆเลื่อนตัวลงไปพอมือจับแค่นั้นแอ่นส่วนกลางของลำตัวขึ้นทันที ผมก็ครอบปากลง คนที่โดนครอบนี้แอ่นและเด้งขึ้นผมก็ต้องใช้มือดันไว้อย่าเด้งสวนขึ้นมา

                       "อะ..อืมม...ที่รัก...ผมชอบ..ซี้ด...อ่าห์..อะ..แรงๆ ..ดูดแรงๆ..ชอบอะ" เสียงครางดังกว่าทุกครั้งดีนะที่ไม่มีใครอยู่บ้านข้างๆ เพราะว่ามีหลายอย่างเลยที่ชำรุดต้องรอให้ช่างบริษัทฯข้างนอกมาซ้อมแซมซะก่อนและถัดไปครูท่านอื่นก็กลับบ้าน
                      ถ้าเป็นแบบนี้สงสัยเขาต้องขอผู้อำนวยเปลี่ยนพนังให้หนาขึ้นหน่อย เพื่อป้องกันเสียงผมสองคนจะไปรบกวนชาวบ้านชาวช่องแล้วแหละครับ ปากผมก็กำลังลังสนุกและคนที่นอนก็แอ่นกายขึ้นลงมือก็จับหัวผมกดไว้

                       "อ่าห์..ที่รัก..จะมาแล้ว..อ่าห์...อืมม..โอ้ววว...โอ้ววว..อืมมม."จะร้องอะไรขนาดนั้น

                       "อ่าห์!" นั้นไงเต็มปากผมเลยแถมเยอะกว่าตอนใช้มืออีกผมต้องลุกและวิ่งไปเข้าห้องน้ำบ้วนมันออกมาไม่ใช่ว่ารังเกียจนะแต่ว่ามันเยอะเกิน ก็ทำการบ้วนปากตัวเองก่อนจะเดินกลับมา คราวนี้แหละทีของเขมบ้าง

                       "คริสตาพี่แล้ว" ผมขึ้นไปบนเตียง ผมเรียกคริสโตเฟอร์คนที่ผมเรียกนอนนิ่งเงียบ เมื่อกี้ยังครางลั่นบ้านอยู่เลยนะ

                       "คริสอย่าแกล้งพี่..ทีของพี่แล้วที่รัก"

                       "......." อย่าบอกนะว่านายหลับนะ

                       "คริสสสสส!!!!"

                       "..........."

                       "คริส...คริส...อย่าเพิ่งหลับซิ...คริส" นั้นไงผมสะกิดเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น

                       "แล้วพี่ละ" เสียงอ่อยเลยผม

                       "อืมมม" เสียงครางเหมือนมีคนกวน ผมก็คอตกทันที เขมค้าง!! ค้างมาก...

                       "ทำไมมาหลับตอนนี้ทีเมื่อกี้ยังทำท่าว้อนน่าดู ..พี่เขมผมว้อนครับ..ผมว้อนมากครับ....และนี้อะไรหลับ!!"

                       "อื้ยยยยยย!!! ....ใช้มือก็ได้วะ..." ผมจำต้องพลิกไปนอนตะแคงมองดูคนที่นอนและจินตาการเอาผมมองคนที่นอนเปลือยเปล่าและจัดการบำเรอความสุขตัวเองด้วยมือไปด้วย ไม่นานก็เรียบร้อยไปแบบไม่ค่อยถึงใจหนัก
                       พอเสร็จกิจผมก็เข้าไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวเดินกลับเข้ามาก็หาระดาษทิชชู้เปียกมาเช็ดทำความสะอาดให้คนที่หลับปุ๋ยเหมือนเด็ก เขาบอกเอาไว้ว่าคนเมาห้ามเช็ดตัวหรือพาไปอาบน้ำและให้ปลุกเรียกทุกสองหรือสี่ชั่วโมง ผมสวมกางเกงบ๊อกเซอร์ให้ก่อนจะเดินไปปิดไฟที่หัวเตียงและกลับมาทิ้งตัวลงนอน

                       "หมับ" คนที่นอนพอรู้ว่าร่างผมนอนเบียดเขาอยู่ก็พลิกมากอดผมทันที

                       "แด้ด..แด้ด...คริสอยากให้แด้ดกลับมา...ฮือๆ" ผมมองคนที่กอดผมเขาร้องไห้ ผมเอาลูปปัดผมที่ปกหน้าผากไว้และจูบมันลงเบาๆ

                       "พี่เชื่อว่าพ่อเธอจะกลับมาคริส...พี่จะช่วยตามหาเขา..และพี่จะดูแลเราแทนเขา"

                       "จนกว่าเราจะเจอพ่อ พี่สัญญา" ผมกระซิบบอกคนที่กอดผมแน่นเหมือนกลัวผมจะหายไปจากเขาผมก็กอดเขาแน่นเหมือนกัน เพราะไม่อยากให้เขาหายไปจากผมเช่นกัน

                       "และถ้าเราเจอพ่อแล้วเราจะทิ้งพี่ไปหรือเปล่านั้นซิคริส....เพราะว่าพี่รักเราแล้วนะ..รักมากด้วย" ผมกระซิบกับคนที่นอนหลับซุกหน้าลงที่แผ่นอกของผมเหมือนพยายามโหยหาสิ่งที่หายไปจากเขา
รักคนอ่านจัง :กอด1: :กอด1: :กอด1:

       

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริส)EP.15.3 คริสโดนครูเขมทำโทษ 3 วัน
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 16-08-2020 18:24:51
EP.15.3 ครูเขมXคริส  คริสโดนครูเขมทำโทษ 3 วัน
Part  คริสโตเฟอร์
             เมื่อคืนเกิดอะไรกับผมบ้างตอบได้ว่าจำได้บ้างจำไม่ได้บ้างแต่ภาพสุดท้ายคือผมเห็นครูเขมเปลื่อยกายอยู่กับผมและผมก็โคตรจะมีความสุขมากเลยเพราะครูเขมเขาทำแบบนั้นกับผมอีกแล้วอ่าห์!! ผมไม่แน่ใจว่านั้นคือภาพความสุขที่ผมเมมไว้วันที่ผมกับครูเขมเป็นของกันและกันวันแรกหรือเปล่า แต่ตอนนี้ หัวผมหนักอึ่งปวดหัวปวดหัวตุ๊บๆแต่ก็พอจะทนได้อยู่นะ

              ผมคอยๆเปิดหนังตาขึ้นแสงสว่างจากด้านนอกรอดเข้ามาสู่ด้านในห้องนอนที่คุ้นเคยแม้จะนอนมาได้แค่อาทิตย์เดียวแต่ผมก็คิดว่านี้เป็นห้องนอนประจำของผมกับครูเขมไปซะแล้ว ผมนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงและที่นอนข้างๆก็ว่างเปล่า ครูเขมละ ..ครูเขมไม่อยู่เหรอ หรือว่าเมื่อคืนผมฝันครูเขมไม่ได้กลับมาเหรอมีแค่ผม

                              "หมับ" ผมรู้สึกว่าเตียงนอนหยุบตัวลงอย่างรวดเร็วจากปลายเตียงและเลื่อนมาข้างตัวผมจนผมรู้สึกว่ามีคนมาทาบทับอยู่บนแผ่นหลังของผมไว้ โดยไม่ได้ทิ้งน้ำหนักลงมาทั้งตัวเพราะว่ามีแขนมารองรับไว้แทน

                              "อืมมม" ปลายจมูกที่ฝั่งลงที่ซอกคอของผม กลิ่นกายหอมๆแสดงว่าอาบน้ำแล้วแน่ๆเลย ผมยังคงซุกหน้ากับหมอนเพราะจมูกที่กำลังชอนไชต้นคออยู่นั้นมันทำให้ผมรู้สึกจั๊กจี๋แต่ก็ชอบ

                              " นี่นอกจากจะเป็นนักเกรียน นักบู้และนี้ยังเป็นเมรีขี้เมาอีกนะ..หึ! "ครูเขมแซวผม ผมมองครูเขมผ่านกระจกเห็นว่าเขานุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่   

                               "พี่เขมจะไปไหนอะ" ผมถามครูเขมด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

                               "ไปอยู่เวรโรงเรียนนะและพอบ่ายๆหน่อยก็จะกลับไปบ้านที่กรุงเทพไงพี่บอกเราแล้วนิ"ครูเขมก้มลงพูดอยู่ตรงข้างหูผม

                               "เหรอ" ผมตอบรับด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

                               "ก็ไปด้วยกันทำไมทำน้ำเสียงแบบนั้นละ..หึ! "พี่เขมบอกว่าไปด้วยกัน ที่จริงรอให้คอมเฟิร์มต่างหาก >///< กลัวไม่ชัวร์อะ

                               "ก็ไม่ชัวร์อะว่าให้ไปด้วยหรือเปล่า" ผมพูดหมุดหน้าหนีครูเขมจอมหื่น ครูเขมของผมก็หมุดฝังจมูกแกล้งผมเพราะรู้ว่าผมจั๊กจี๋

                               "ฮาๆ พี่เขมผมจั๊กจี๋พี่" ผมพูด

                               "นี้ตื่นยังอะ..หึ! .ที่รัก..ตื่นหรือยัง" ครูเขมถามผม ผมพยายามลืมตาและค่อยๆพลิกไปมองครูเขมว่าทำไมอะ

                               "เมื่อคืนเราทำพี่ค้างนะรู้หรือเปล่า" ครูเขมพูดว่าผมทำให้เขาค้าง ผมนี้นะ

                               "ว้อนพี่น่าดูแถมยั่วพี่ด้วย... พี่เขมผมว้อนมาก ผมว้อนพี่เขมอยากให้พี่เขาทำให้ผมหน่อยและพี่ก็เลยทำให้เราก่อน" พี่เขมพูดแบบนี้แถบไม่อยากเงยหน้ามองเลย >///< เพิ่งรู้ตัวเมาแล้วยั่ว

                               "แต่พอเราเสร็จปุ๊ปหลับปั๊บเลยและก็ทิ้งพี่ไว้กลางทางเหมือนโปเตโต้เลย..พี่ค้างทั้งคืนเลย!! " ครูเขมพูดผมเอียงหน้าไปมองมาว่าผมทิ้งเขาไว้กลางทางอีก แสดงว่าที่ผมรู้สึกนะไม่ได้ฝันเพียงแค่มีสติเกือบไม่ถึงครึ้ง

                               "ที่รักทำแบบนี้ไม่น่ารักนะ..อืมมม.." ครูเขมพูดและฟัดผมเป็นเด็กๆเลย

                               "ฮาๆ..จริงอะ..ฮาๆ..ก็ผมเมาอะพี่เขมผมไม่รู้เรื่องผมไม่ผิดนะ " ผมก็หัวเราะร่วนเป็นเด็กเลย

                               "ไม่ต้องมาขำพี่เลยนะไม่ตลกเลย..และมันก็ผิดกติกาที่เราตกลงกันไว้นะ..หึ!" ครูเขมเลิกคิ้วสูงมองผม

                               "พี่ยังเหลือเวลาครึ้งชั่วโมง" พี่เขมพูดผมก็กระดกหัวมองนาฬิกา

                               "อย่าบอกนะว่าพี่เอาผมแต่เช้าเลยอะ" ผมถามครูเขมเสียงหลง

                               "ใช่แล้วที่รักพี่ถึงได้ไปอาบน้ำรอแต่เช้า..มาให้พี่ทำโทษซะดีดี" ครูเขมตอบและพยักหน้าว่าชวนผมเล่นผีผ้าผ่มแต่เช้าเลยอะ

                               "แต่ว่าวันนี้วันของผมนะ" ผมรีบค้านครูเขม

                               "อันนี้คือช่วงทดเวลาบาดเจ็บของพี่จากที่เมื่อคืนทำให้พี่ค้าง..อืมมมม.." ครูเขมพูดและเอามือจับใบหน้าผมไว้พร้อมกับก้มลงมาจูบผมแบบบดขยี่ ผมก็ค่อยๆพลิกตัวครูเขมจับแขนผมให้ไปโอบรอบคอไว้ครูเขมขยับกายให้ผมค่อยๆพลิกร่างจากจากนอนคว่ำเป็นตะแคงและมาอยู่ในท่านอนหงาย และ ริมฝีปากเรียวๆของครูเขมก็ไล่ลงไปตามลำคอและแผ่นหลังของผมของผมและวนขึ้นมาเอาลิ้นแหยงเข้าไปในรูหูผมเล่น

                               "อ่าห์..พี่เขม..อ่าห์...อืมม..เสียว..อ่าห์" ผมดิ้นพยายามเอาแขนดันครูเขมไม่ให้แหยงเข้าไปในรูหูของผม ผมเสียเปรียบคนนี้ตรงที่ผมมีประสบการณ์น้อยกว่านี้แหละ ครูเขมก็จูบลงที่แผ่นอกของผม ครูเขมซุกหน้าลงที่สองจุดก่อนจะดูดและใช้ลิ้นตวัดเล่นจนความเสียวเข้ามาเยือนผม ผมต้องจิกนิ้วลงที่ผ้าปูแอ่นอกสู้ลิ้นที่ชำนาญของพี่เขม ลิ้นนุ่มๆลากลงไปเรื่อยๆจนถึงหน้าท้องดูดและขบเล่นเหมือนทุกทีแต่ผมรู้สึกแปลกใหม่กว่าทุกวันคงเพราะว่าฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่มันค้างอยู่มันช่วยปลุกความรู้สึกผมได้เร็ว ครูเขมก็กระตุ๊กผ้าเช็ดตัวออกไปและก้มลงดึงกางเกงบ๊อกเซอร์ผมให้ออกไปด้วยเช่นกัน พี่เขมนั่งย่องๆตรงกลางจับขาผมให้ตั้งฉากขึ้นคงไม่ต้องบอกนะว่าเตรียมพร้อมจะทำอะไร จะมุดเข้าถ้ำผมแต่เช้า

                               "ที่รักหยิบเจลกับถุงให้พี่หน่อยซิครับ" ครูเขมบอกผมเอื้อมมือไปหยิบและโยนไปให้ครูเขมสวมมันลงไปที่แกนของตัวเอง ผมรู้สึกเย็นๆที่ช่องทางแคบเพราะว่าพี่เขมบีบเจลหล่อลื้นใส่นิ้วตัวเองและเขาไปแหวกทาง

                               "อ่าห์..พี่เขม..ซี้ดดดด" ผมส่งเสียงครางออกมาเบาๆตามการขยับของนิ้วครูเขม ขาของผมทั้งคู่ก็ตั้งชันรอส่วนนั้นของคู่เขมอยู่แล้วและครูเขมก็ค่อยๆจับสิ่งนั้นมาจ่อที่ปากทางผม เขาดันมันเข้ามาประมาณหนึ่งเซนได้ครูเขมก็หยุดครูเขมบอกว่าจะไม่ดันพล้วดรวดเดียวเพาะผมอาจจะเจ็บมากและเข็ดที่จะทำแบบนั้นกับครูเขมอีก

                          ตอนนี้สิ่งนั้นค่อยขยับเข้าไปที่ละนิด ผมก็ขยับยกก้นขึ้นเพื่อช่วยให้การเดินทางเข้าไปได้ง่าย มือก็จิกลงบนที่นอนครูเขมก็โน้มตัวลงมาหาผมและค่อยๆดันเข้าไปเรื่อยๆช้าๆ แผ่นอกกครูเขมก็เอนลงมาอยู่ในระดับแนบราบกับตัวผม ครูเขมใช้แขนสอดเข้าโอบหลังผมและจูบปากผมตอนนี้อารมณ์เสียวซ่านมันพุกพล้านอยู่ในกายผมไปหมด สิ่งนั้นก็เคลื่อนทีเข้าไปเรื่อยๆความรู้สึกผมก็เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นเหมือนต้องการมันมาก มากกว่าปกติ

                               "พี่เขม..ดันเข้ามาเลยได้ไหม..อืมม" จนผมต้องร้องขอจากคนที่อยู่ตรงช่องทางรักผมครูเขมโน้มตัวลงมาหาผมเอาใบหน้าแนบที่แผ่นอกของผม

                               "เราจะเจ็บนะซิ" ครูเขมพูดเสียงเบาๆ ว่าผมอาจจะเจ็บ

                               "ดันเข้าไปเลยพี่...ซี้ด..เจ็บทีเดียวนอกนั้นเสียวตลอด..อืมมม.." ผมร้องบอกว่า พี่เขมมองหน้าผมทำท่าจะขำผม

                               "พล้วด" หมดด้ามผมแอ่นอกขึ้นไม่ได้เจ็บมันเสียวและครูเขมก็ยืดตัวตรงและขยับๆ เขาออกช้าๆและก็แรงขึ้นเรื่อยๆ ตามการขยับของสะโพกผม ครูเขมขยับเอวตามจังหวะมีช้าและเร็วสลับกันอยากบอกเอวครูเขมโคตรดีเลย

                               "อะ..อ่าห์..."ผมร้องครางออกมา

                               "อ่าห์..คริส..ซี้ดอืมม..ทำไมวันนี้ตอบรับพี่ดีจังละครับที่รัก.."

                               "สงสัยเหล้ามั้งพี่เขม...อืมม...โอ้วว.พี่เขมผมจะไม่ไหวแล้วอะ.อ่าห์" ที่จะไม่ไหวเพราะว่าผมก็ปฏฺบัติของตัวเองไปด้วย

                               "พี่ก็ไม่ไหวแล้วต้องปล่อยแล้วและอีกสิบนาทีพี่ต้องไปถึงโรงเรียนแล้วคริส..อ่าห์!!!"

                               "พี่คงต้องสปีดแล้วคริส ...ปักๆๆๆ"ครูเขมบอกผมและก็เร็งสปีดการซอยไม่กี่นาทีก็เรียบร้อย ครูเขมก้มลงจูบผมอย่างดูดดื่มก่อนจะรีบถอนเจ้านั้นออกและรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างทำความสะอาดผมก็นอนมองเพดานอยู่แบบนั้น จนครูเขมกลับมาพร้อมกับรีบแต่งตัวอย่างเร็ว ขนาดแต่งแบบลวกๆนะยังออกมาดูดี

                               "จ๊วบ!!" ครูเขมก้มจูบผมอีกที

                               "คืนนี้พี่ชดใช้ให้ไหมพี่รู้ว่าไม่ค่อยถึงใจเพราะพี่ต้องทำเวลา..นะที่รักตอนนี้พี่รีบมาก" ครูเขมพูด

                               "ไม่ได้นะพี่เขมคืนนี้ผมต่างหากพี่อย่าขี้โกงดิ เป็นครูอะไรขี้โกงเด็กอะ"ผมส่งเสียงค้านครูเขมหัวเราะร่วนใส่ผม ผมซิทำปากเบ้ใส่

                               "ครูมีสิทธิ์ทำโทษเด็ก...พี่ทำโทษเราสามวัน....สามวันนี้ต้องเป็นของพี่”

                               “เพราะว่าเมือคืนกว่าพี่จะหาเราเจอนะไปวนตั้งหลายรอบพี่ทำโทษสามวันนี้ยังน้อยไปนะ..และห้ามงอแงเพราะว่าเราผิด..รู้ไหมที่รัก"ครูเขมพูด

                               "ครูมีสิทธิ์ทำโทษนักเรียนได้..โดยเฉพาะนักเรียนเกรียนและดื้อ" ผมหมดคำพูดเลยรอให้พ้นสภาพนักเรียนก่อนเถอะครูเขมขี้โกงงงงง

                               "พี่ไปก่อนนะ พี่ต้มข้าวต้มเอาไว้ให้ และกินยาที่พี่วางไว้บนโต๊ะแก้แฮ้งด้วยนะพ่อเมรีขี้เมา"

                               " ถ้าจะนอนต่อก็ได้นะพี่จะเข้ามาอีกทีคงเกือบบ่ายหรือจะเดินไปหาพี่ก็ได้ถ้าเดินไหว..จ๊วบ!!" ครูเขมพูดและก้มลงจูบที่หน้าผากผมหนึ่งที่

                               "ครับพี่เขม..พี่เขม..คริสขอโทษนะเมื่อคืนผมคงทำตัวงี่เงามาก..แต่เด็กงี่เง่าคนนี้รักพี่นะ"

                               "มันก็น่ารักดีนะแต่อย่าทำบ่อยและพี่จะไม่ให้เราแตะเหล้าอีกเพราะว่า...." O_?

                               "เมื่อคืนหื่นมาก ร้องขอพี่มาตลอดทางเลยตอนที่พากลับ แถมยังยั่วพี่น่าดู ไม่เชื่อไปถามอาร์ทกับโจเอา" ครูเขมบอกผมผมถึงกับสะบัดหน้าทำตาโต ไอ้อาร์ทกับไอ้โจ้ มันเห็นสภาพผมยั่วครูเขมด้วยเหรอ

                               "ห๊!! จริงอะพี่เขม..หมดกัน..มันต้องแซวผมแน่ๆเลย ผมนะเป็นคาซิโนว่าของกลุ่มเลยนะ" ผมตะโกนบอกครูเขม

                               "ถ้าอย่างนั้นวันจันทร์ก็ไปประกาศแขวนน่วมได้เลย" พี่เขมตะโกนกลับมา ชิส์!

                    ผมค่อยๆดันตัวเองขึ้นก่อนจะพาร่างอันเปลื่อยเปล่าเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแต่งตัวออกมาก็เดินไปดูข้าวต้มผมเห็นยาวางไว้ให้แก้แฮ้ง ครูเขมเขียนว่า" Eat me" ผมนั่งทานข้าวต้มฝีมือครูเขมอร่อยหรือหิวหว่ากินไปสองชามเลยผม

                               "ครูคร๊าป" เสียงเล็กๆคงเป็นเด็กที่ครูให้มาทำความสะอาดแน่ๆ ผมเดินออกไปเปิดประตู น้องเขาตกใจเล็กน้อย

                               "ผมมาทำความาสะอาดตามที่ครูเขมบอกนะครับพี่คริส"

                               "ขึ้นมาดิครูเขมไปอยู่เวรโรงเรียนนะ" ผมพูดและเด็กคนนั้นก็ขึ้นมาด้านบน

                               "เราชื่ออะไรนะ"

                               "ผมชื่ออนุชิตครับพี่หรือชิตก็ได้ครับ...ถ้าอย่างนั้นผมทำความสะอาดเลยนะพี่คริส" ผมพยักหน้าและนั่งกินข้าวต้มต่อเด็กคนนี้มันคล่องดีนะขึ้นมาได้ก็กวาดนั้นถูนี้ ผมก็นั่งมองมันทำไป

                               "พี่คริสเมื่อวานครูเขาเจอแฟนเขาหรือเปล่า" ผมหันไปมองมันรู้ได้ไงวะ

                               "ครูเขมเขาเจอผมอ่ะ..เขาถามว่าผับพี่ปืนอยู่ไหนครูเขมเขาดูกังวลและร้อนใจมากเพราะว่าเป็นห่วงแฟนผมนี้สงสารครูเขาเลยนะพี่" อนุชิตพูดผมยิ้มดีใจและผมก็เสียใจกับสิ่งที่ผมทำไปเมื่อคืนครูเขมคงเป็นห่วงผมมาก

                               "ผมดูจากสายตาครูเขมเขาต้องรักแฟนเขามากแน่ๆเลยพี่คริส" เด็กนั้นทำความสะอาดไปด้วยพูดไปด้วยแต่มันไม่รู้หรอกว่าผมนี้แหละแฟนครูเขม แอบยิ้มเขินอะ >////<

                               "พี่คริส"

                               "พี่คริส!" ผมสะดุ้งมันจะเรียกทำไมเสียงดังวะ

                               "พี่เขินทำไมอะผมพูดถึงแฟนครูเขมนะพี่" ไอ้อนุชิตมันยืนมองหน้าผม

                               "ใครบอกเขินมึงตาไม่ดีแล้วไปตัดแว่นไป" ผมรีบบอกปัดแก้เขินโดนเด็กรุ่นน้องมันแซว

                               "และนี้มาทำความสะอาดไม่ใช่เหรอไหนละไม้กวาดนะ" ผมพูดมันก็เกาหัวเดินไปหยิบไม้กวาดม มากวาดถูแบบชำนาญการ

                               "พี่คริส..ดูครูเขาเป็นห่วงและเป็นกังวลแฟนเขามากเลยนะ..แสดงว่าแฟนครูเขาต้องสวยมากด้วยใช่มั้ยอะพี่คริส" ไอ้เด็กคนนี้ถามผม ผมหันไปเหล่ตามองคนที่กวาดไปถามไปนี้มันเกิดปีช่างซักหรือไง

                               "ไม่รู้ดิวะ" ผมพูดตอบด้วยน้ำเสียงห้วนๆ

                               "พี่ไม่เคยเจอแฟนครูเขมเหรอ" ยังถามอีก(นึกในใจก็กูนี่ไง)

                               "เจอแต่ไม่รู้ว่าสวยมั้ย..คิดว่าไม่สวยวะ" ผมตอบไปก็ผมไม่สวยนี้ครับ ผมไม่ได้โกหกนะ อิ อิ

                               "หึ?" O_O

                               "ครูเขมออกจะหล่อทำไมได้แฟนไม่สวยอะแปลกนะ"ไอ้เด็กคนนี้นิ

                               "รีบทำความสะอาดเร็วๆเข้า..ถามมากจริงๆคนยิ่งแฮ้งๆอยู่..นั้นไปกวาดตรงนั้นให้สะอาดและปัดฝุ่นด้วยนะ"

                               "ถ้าไปดูแล้วยังมีฝุ่นเกาะแม้แต่นิดเดี๋ยวโดนเตะแน่ๆ " ผมหันไปชี้นิ้วสั่ง(กรูนายหญิงเฟ้ย)

                               "โห่!! พี่คริสอะ..ถามนิดถามหน่อยเอง "อนุชิตรีบมุดๆปัดฝุ่นแถวชั้นวางทีวีและกวาดพื้นอย่างรวดเร็ว ผมนั่งนิ่งยิ้มกริ่มนี้ครูเป็นห่วงผมขนาดนั้นเลยเหรอ

                                     แล้วนี้เรื่องของครูลินดาผมก็ลืมถามหรือว่าไม่อยากถามกันแน่ก็ไม่รู้ หันมาผมนั่งคิดและ โทรศัพท์โทรไปหาไอ้สองคนนั้นดีกว่าว่าแต่มือถืออยู่ไหนวะ ผมเดินไปยิบเห็นวางอยู่ในตะกร้า ผมใช้นิ้วคีบขึ้นมาสภาพเหมือนตกน้ำมาเลย เวรแล้วอย่างนี้ก็ตายสนิทอะดิ เมื่อคืนเราทำมือถือตกน้ำเหรองะเนี๊ยะ!

                               "ชิต..พี่เดินไปหาครูเขมนะนายทำความสะอาดไปแล้วกัน"

                               "ครับพี่" ผมเดินออกจากบ้านพักครูตรงไปหาที่รักที่โรงเรียน เห็นมีบางคนที่บ้านไกลมากไม่คอยได้กลับวันหยุดเสาร์อาทิตย์เหมือนเช่นผมเพราะบางคนที่ก็เดินทางลำบากต้องมีคนมารับ ก็เลยกลับทีเดียวก็ปิดเทอมวันหยุดเยอะๆอะไรพวกนี้และผมก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่นี้

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน( ครูเขมXคริส )EP.15.4 คริสโดนครูเขมทำโทษ 3 วันP2
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 16-08-2020 19:12:05
EP.15.4 ครูเขมXคริส คริสโดนครูเขมทำโทษ 3 วัน  2
Part ครูเขมชาติ
                              ผมมาทำหน้าที่อยู่เวรโรงเรียนวันแรกและมาแทนครูสมชายด้วย พอมาถึงก็เกือบสายเลยที่สายเพราะว่ามัวแต่จัดการพ่อตัวดีของผม เมื่อคืนชิ้งหลับไปก่อนปล่อยให้ผมค้างถึงจะใช้มือก็ยังค้างอยู่ดีแต่ได้ตอนเช้าค่อยยังชั่วหน่อย แม้ว่าจะในเวลาที่เร่งรีบไปหน่อยก็ตาม แต่มันก็ทำให้ครูเขมกระชุ้มกระชวนขึ้นมาเยอะเลย ผมนั่งตรวจข้อสอบเมื่อวันศุกร์มีการสอบเก็บคะแนนเบาๆ เด็กนักเรียนชั้น.2 และผมก็เตรียมข้อสอบไว้สำหรับนักเรียนชั้นอื่นๆ

               "ก๊อกๆ" เสียงเคาะประตูห้องผมเงยหน้าขึ้นมามอง ครูลินดากับครูถาวรนั้นเองเขาเดินเข้ามาพร้อมกันผมสังเกตุจับมือมาแบบนี้แสดงว่าเมื่อวานลงเอ่ยด้วยดี

                               "สวัสดีครับคู่รักคู่ใหม่.แม้หวานมาไม่เกรงใจผู้ชายอย่างผมเลยนะครับ" ผมหันไปแซวสองคู่ชูชื้นที่เดินจับมือกันเข้ามาดูท่าเมื่อวานท่าเมื่อวานทั้งคู่น่าจะลงเอ่ยด้วยดี

               "แม้ครูเขมอย่ามาพูดเลยครูเขมนะทำให้ลินดาอกหักจากครูนะคะ"ครูลินาพูด

               "ผมว่าอักหักนะดีแล้วนะครับครู ผมเองคงจะก็เทคแคร์ดูแลผู้หญิงไม่เป็น ผมดูแลเป็นแต่ผู้ชาย" ผมหันไปตอบผมถ่ายเอกสารเสร็จพอดี

               "ว่าแต่คริสโตเฟอร์ละค่ะเป็นยังไงบ้างเห็นลินดาบอกเก่งว่าเมาเมื่อคืน " ครูถาวรถามผม

               "เมาเละเลยละครับ..นี้คงยังนอนอยู่บนเตียง..เดี๋ยวบ่ายๆจะพาไปเที่ยวบ้าน" ผมหันไปบอก

               "สวีทหวานกันน่าดูนี้จะพาไปเปิดตัวเลยใช่ไหมคะ"ครูลินดาแซวผมกลับ ผมพยักหน้า

               "ก็ประมาณนั้นแหละครับครู " ผมพูดยิ้มๆให้ทั้งคู่ ผมคิดว่าคู่รักตรงหน้านี้ก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าผมที่จริงผมก็เห็นเขาคุยกันกระหนุงกระหนิงแต่มันดูไม่ออกเลยเหมือนผู้หญิงคุยในเรื่องเดียวกันทั่วไปถ้าไม่สังเกตุดีดีก็จะไม่รู้ก็แค่นั้นเอง

               "เมื่อวานมีปัญหาอะไรกันไหมครับตอนที่ผมออกมาแล้ว" ผมถามทั้งคู่

               "ผมขอโทษจริงๆที่เมื่อวานผมไม่ได้อยู่ช่วยพูดให้เพราะว่าผมเป็นห่วงคริสโตเฟอร์มากนะครับ" ทั้งคู่มองหน้าผมว่าต้องมีบ้างแหละโดยเฉพาะไอ้พี่โตคงช๊อกจนต้องลาไปบวช มันยังพูดเลยว่ามันรับไม่ได้!!!

               "เมื่อวานคุณป้าเป็นลมคะ พ่อก็ช๊อกไปชั่วขณะและแม่ก็เกือบจะเป็นลมแต่ยังไม่เป็นแค่เกือบ ส่วนพี่โตก็หนักหน่อยร้องไห้เสียใจใหญ่เลยคะลินดาไม่รู้ว่าเขาจะรักอะไรลินดาขนาดนั้นนะคะ" ผมพยักหน้าแต่พอบอกไอ้พี่โตร้องไห้ ตัวก็โต้ โต มันร้องไห้ด้วยเหรอ

               "ไม่เคยคุยกันเลยแค่ยิ้มทักทายเวลาที่ลินดาไปเที่ยวบ้านคุณป้าแต่ว่าลินดาไปอยู่ที่นั้นบ่อยช่วงปิดเทอมใหญ่เท่านั้นเองนะคะ" ครูลินดาพูด ผมพยักหน้า

               "เอานะครับใช้เวลาหน่อยเดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเองเชื่อผม..ผมเองยังใช้เวลาอยู่หลายปีเหมือนกันกว่าพ่อแม่ผมจะยอมรับได้" ผมพูดก่อนจะกลับมานั่งที่โต๊ะ

               "แล้วครูจะทำยังไงต่อไปค่ะ.ครูคงปิดเรื่องครูกับคริสโตเฟอร์ไปได้ไม่นานหรอกคะ..หรือว่าครูจะตัดสินใจกลับไปอยู่กรุงเทพกับคริสโตเฟอร์เหมือนมันจะง่ายกว่าไหมคะ" ครูลินดาถามผม ผมกอดอกทำท่าคิด

               "ต้องดูก่อนว่าปัญหามันหนักหนาแค่ไหน..ถ้ามันหนักมากจนคริสรับไม่ไหวผมถึงจะตัดสินใจย้ายกลับไป" ผมพูด

               "เสียดายนะคะครูที่เก่งๆอย่างครูเขม"

               " เก่งนะได้ยินเด็กๆพูดกันว่าครูสอนเก่งและสอนสนุกด้วยคะเด็กๆชอบนะคะ แต่ส่วนหนึ่งเก่งว่าครูหล่อด้วยมั้งคะ" ครูเก่งชมผม ผมพยักหน้าคิดสงสัยจะหล่อจริง

               "อันหลังนี้แน่นอนอยู่แล้วไม่อย่างนั้นเด็กเกรียนๆอย่างนายคริสจะกลับมาตั้งใจเรียนเหรอ..ครูนี้มีดีแน่ๆเลยคะ" ครูลินดาอีกคน

               "เออ...ผมว่าจะซื้อมือถือให้คริสโตเฟอร์ใหม่มีร้านที่ไหนแนะนำบ้างไหมครับ" ผมถามครูลินดา

               "เมื่อคืนดันไปทำตกน้ำพังนะครับ" ผมพูดครูลินดากับครูเก่งพยักหน้า

               "มีค่ะเป็นร้านลูกพี่ลูกน้องของลินดาอยู่ตรงหัวมุมตึกแถวถัดจากร้านบ้านลินดาไปหน่อยนะคะเดี๋ยวลินดาให้เบอร์ไว้และไปเลือกเอาได้เลยคะครูเขม บอกว่าลินดาแนะนำมานะคะเพื่อจะพอมีส่วนลดได้บ้างนะคะ" ครูลินดาพูดผมพยักหน้าเดี๋ยวจะพาไปเลือกก่อนขับรถกลับ

               "แล้วนี้ครูจะออกเดินทางกี่โมงคะถ้าจะไปเลยก็ได้นะคะ ลินดากับครูถาวรอยู่แทนให้ได้นะคะ เพราะว่าวันนี้ไม่มีอะไรทำ อ้อมีแค่ว่าจะไปดูหนังตอนเย็นกันแค่นั้นเอง" ครูลินดาพูดผมพยักหน้าเห็นด้วยเหลือบมองเวลา ไอ้จะโทรหาพ่อตัวดีมือถือก็พังจะโทรยังไงละคงต้องเดินไปดูที่บ้านพัก

               "ลินดาค่ะพี่ลืมกระดาษไขที่จะพิมพ์ข้อสอบเด็กไว้ในรถนะพี่ลงไปเอาก่อนนะ" ครูถาวรพูดและเดินออกจากห้องไป

               "แล้วครูกับแฟนนี้จบลงด้วยดีใช่ไหมคะ ..ลินดาแอบกลัวแทนคริสโตเฟอร์จัง"

               "จบครับ..วันนี้ผมจะไปเอาบางส่วนที่เป็นของผมคืน ครูกลัวเขาทำร้ายคริสโตเฟอร์หรอครับ"

               "ไม่ใช่คะ..ดูท่าจะแรงทั้งคู่คะคงไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอกมั้งคะ แต่ครูเขมนะคนกลางระวังลูกหลงแล้วกัน คิก คิก คิก " ครูลินดาพูดผมพยักหน้าจริงด้วย ณัฐกานต์เป็นคนแรง คริสโตเฟอร์ก็ใช่ย่อย คนที่จะโดนลูกหลงนะคงเป็นผม เห็นแบบนี้บอบบางนะครับ คิดแล้วผมคงไม่ให้เจอหน้ากันจังๆจะดีกว่า เพราะว่าณัฐกานต์เป็นประเภทไม่ยอมใครชอบเอาชนะซะด้วย และนายคริสก็หัวร้อน

               "คริสโตเฟอร์นี้เขาเป็นคนใจร้อนมีเรื่องกับใครง่ายๆ ครูต้องคอยเตือนเขาหน่อยนะคะ" ครูลินดาแนะนำผม ผมพยักหน้าเบาๆว่าจริง

               "ผมก็คงต้องหาวิธีรับมือกับมันหน่อยทำยังไงได้ละครับ ผมดันได้แฟนเกรียน และคงต้องทำหน้าที่ครูฝ่ายปกครองไปด้วยคอยควบคุมพฤติกรรมเกรียนๆให้อยู่หมัด " ผมพูดและครูลินดาก็หัวเราะร่วนเช่นกัน ผมก้มหน้าก้มตาแยะชีทข้อสอบไว้เป็นหน้าๆจะได้เอาไปให้ตัวดีช่วยผมเย็บแยกไว้เป็นชุดๆ

               "ครูเขมคะอันนี้ครูพิมพ์ผิดหรือเปล่าคะ...ข้อนี้นะคะแต่ผิดไม่มากแค่เอาลิควิดลบและใช้ปากกาหมึกดำลงหน่อยก็พอค่ะ" ครูลินดาเตือนผม ผมก็ก้มลงมอง..อือจริงด้วยซิ ผมนะไม่ค่อยถนัดพิมพ์แบบใช้เครื่องพิมพ์ดีดสักเท่าไหร่มันแข็งและกดลำบาก

               "พี่เขม...ไปกี่โมง....อะ.." เสียงคริสโตเฟอร์เขาเข้ามาในห้องผมเงยหน้ามองจังหวะที่ผมกำลังลงมองกระดาษกับครูลินดาพอดีเลย คริสโตเฟอร์มองผมกับครูลินดาสลับกันไปมา

               "เออ...ผมขอโทษครับ..ครู..." คริสโตเฟอร์เดินหันหลังออกทันที งานเข้า!!

               "ครูเขมคะให้ลินดาช่วยอธิบายให้ไหมคะ" ผมส่ายหัวก่อนจะลุกวิ่งตามออกไป คริสโตเฟอร์กำลังเดินลงบันไดผมก็วิ่งลงบันไดตามจะเดินเร็วไปไหน

               "คริส!" ผมเรียกคริสโตเฟอร์

               "คริสโตเฟอร์หยุดก่อน! รอพี่ก่อนซิคริส" ผมเรียกคริส

               "คริสโตเฟอร์..โกรธอะไรพี่"

               "ไม่!!..ไม่ได้โกรธ!! " น้ำเสียงมันชัดเจนอยู่แล้วว่าโกรธและนี้ก็เดินจั้มอ้าวด้วย ผมก็วิ่งตาม ไล่ตาม เขาก็ยิ่งเดินเร็วขึ้น ผมเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหยุดเดินผมต้องกระโดนคว้าแบบกอดเอวไว้ถึงจะหยุดเดินได้

               "คริสโตเฟอร์ฟังพี่ก่อน...อย่างอนกันโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้ซิ"

               "ผมนี่นะจะงอนคุณครูเขมชาติ"

               "อู้ยย!..มาเต็มขนาดนี้ไม่งอนได้ไงเนี๊ยะ" ผมถามคนที่กอดไว้ ไม่เรียกพี่แล้วยังเรียกครูแถมชื่อก็เรียกซะเต็มยศเชียวว่าเขมชาติ

               "อย่าเถียงเพราะว่านี้เรียกว่างอนพี่!! " ผมพูดกระซิบข้างหูคนที่ผมกอดไว้จากด้านหลังไม่ยอมหันหน้าหาผมด้วย

               "ผมจะงอนทำไม...พี่ก็เหมาะสมกันดีกับครูลินดาอยู่แล้ว" คริสโตเฟอร์พูด

               "คริส!! พี่เคยบอกว่าไง..หึ?" ผมถามคริสโตเฟอร์ผมค่อยพลิกให้เขาหันมามองหน้าผม คริสไม่ยอมมองหันหน้าหนีไปมองทางอื่นแทน

               "ว่าให้เชื่อใจแต่ว่า..." คริสโตเฟอร์พูด

               "พี่ทำตัวไม่น่าให้คริสเชื่อขนาดนั้นเลยเหรอ..หึ" ผมพูดและดึงคริสเข้ามากอด

               "คริสโตเฟอร์" เสียงครูลินดาเรียกคริสโตเฟอร์ผมก็คล้ายการกอดเขาไว้ ครูลินดาเดินลงมาพร้อมกับครูถาวร คริสโตเฟอร์ไม่ยอมหันไปมอง

               "คริส!! ฟังครูนะ ครูกับครูเขมนะเพื่อนกันไม่ได้มีอะไรสักหน่อย ...และครูก็ไม่ได้ชอบอย่างครูเขมนะ"ครูลินดาเรียกคริสโตเฟอร์

               "ครูลินดาขอบแบบนี้" ครูลินดาชี้ไปที่ครูถาวร คริสโตเฟอร์สะบัดหน้าหันมามองตกใจละซิ

               "เฮ้ยย!!" คริสโตเฟอร์ทำท่าตกใจถึงขั้นช๊อก!!! ก่อนจะหันมาเลิกคิ้วถามผม ผมก็หลักไหล่ว่าตามนั้นแหละ

               "ครูเป็นเลสเบี้ยนเหรอครับ!!" คริสโตเฟอร์สะบัดหน้าไปถาม แต่ถามเสียงดังไปหน่อยผมเลยต้องเอามือปิดปาก

               "ใช่..คราวนี้เลิกงอนครูเขมได้แล้ว " ครูลินดาพูดผมเลิกคิ้วมองพ่อตัวดีเป็นไงละวิ่งเป็นนางเอกเลย คราวก่อนว่าแต่ผมนี้ทำเองทำซะเหมือนเชียวดูละครบ่อยซิท่า เกาหัวแก้เขินด้วย

               "ผมไม่ได้งอนนะครูแค่...รีบเดินกลับเฉยๆ" คริสโตเฟอร์พูด

               "เหรอ!!!" ผมถามคนตรงหน้า

               "ถ้าอย่างนั้นครูออกเดินทางเลยก็ได้นะคะ..ทางนี้เก่งกับลินอยู่กันสองคนได้ วันนี้ดูแลให้"

               "ขอบคุณเรื่องเมื่อวานที่ทำให้เราสองคนกล้าที่บอกกับทุกคน ...ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" ครูถาวรบอกผม ผมเหลือบมองนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบจะสิบเอ็ดโมงแล้ว ผมเหล่มองคนตรงหน้า ยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ กลับไปนี้จัดการทำโทษก่อนไปดีกว่าถ้าจะดี คริสโตเฟอร์มองตาผม ผมหยักคิ้ว เขาคงรู้ความหมาย

               "ถ้าอย่างนั้นเดียวผมค่อยมาเอาชีทข้อสอบตอนจะออกเดินทาง.. ผมจะรีบกลับไป..."

               "....." ครูลินดากับครูเก่งมองผม ว่ารีบไปไหน

               "รีบไปเตรียมตัวมีบางอย่างต้องเอาไปด้วยไปคริสไป..และครูเก่งครูลินดาสวีทกันตามสบายนะครับ" ผมพูดและดึงแขนคริสโตเฟอร์ลากออกมาพาขึ้นรถและขับออกไปทันที

               "พี่จะรีบไปทำอะไรอะ...อย่าบอกนะว่า.."

               "ว่าอะไรละ"

               "หน้าตาพี่บอกว่าพี่หื่นมาก.."

               "ทำโทษอีกรอบไง.."

               "โธ่!!!! เป็นใครก็คิดเชื่อดิ"

               "แต่ควรจะฟังพี่ก่อน...ต้องทำโทษจะได้ไม่ทำอีก"

               "ทำอีกแหละ...เมื่อเช้าเพิ่งจะโดนไปนะ...ไว้พี่เขมบ้างนะผมจะทำโทษเช้ากลางวันเย็นและก่อนนอนเลย" คนที่นั่งหันมาเหล่ตามองผม

               "เห็นจะยากนะ" ผมหันไปชะเลืองตามองคนข้างๆ ที่นั่งกอดอกอยู่ผมขับได้สักพักก็ถึงบ้านพัก พ่อตัวดีผมรีบเดินขึ้นบ้านไปเลยคิดเหรอว่าจะหนีพ้น ผมก็รีบเดินตาม

               "หมับ"ผมเข้าไปกอดจากด้านหลังไม่พูดพร้ำทำเพลงอะไรพลิกให้หันมาและจับจูบปากไม่ให้ได้คัดค้านอะไรทั้งนั้น

               "อืมม...อืมม.." เสียงค้านเบาๆให้ผมหยุด ผมก็ไม่หยุด ผมดันไปด้วยจูบไปด้วยไปที่โซฟาและทิ้งตัวลงไปที่โซฟาทั้งคู่ผมค่อมร่างนั้นไว้

               "พี่เขม...เดี๋ยว...พี่เขม..." คริสโตเฟอร์พูดแต่ผมส่ายหน้าว่าไม่

               "ยิ่งทำหน้าหึงพี่นี้มันเหมือนยั่วพี่นะ" ผมพูดก้มลงไซ้ซอกคอมือผมก็ขึงมือคริสโตเฟอร์ไว้ด้วย

               "เสร็จแล้วครับ..."ใครวะ ผมหยุดชะงักและหันไปมองว่าเสียงใคร เวรแล้วผม นายอนุชิต O_O

               "เว้ยย!!! " ผมร้องและรีบดีดตัวลุกขึ้นทันที ผมลืมไปเลยว่านายอนุชิตจะมาทำความสะอาดบ้านแล้วทำไมคนนี้ไม่บอกผมเลยละ

               "คริสจะบอกพี่แล้วพี่ไม่ฟังผมเลยว่าไอ้นี้มันยังอยู่ในบ้านอยู่เลย" คริสโตเฟอร์พูดและชี้ที่อนุชิต

               "มิหน้าละพี่คริสถึงได้บอกผมว่าแฟนครูไม่สวยหรอก..ไม่สวยจริงๆซะด้วย"นายอนุชิตมองผมกับคริสโตเฟอร์สลับกันไปมาผมก็ยืนเกาท้ายถอย

               "คือครูเป็นโรคแพ้คนสวยนะอยู่กับคนสวยไม่ได้นะ..เฮอๆ "

               "ครูเลยมีแฟนหล่อแทนนะเหรอครับ" ตรงประเด็นเป๊ะเลย เด็กสมัยนี้เข้าใจอะไรง่ายดีเนอะ!! ทำไมตอนสอนไม่เห็นเข้าใจง่ายเหมือนอย่างนี้เลยสงสัยว่าภาพผมมันจะชัดเจนไปนิดนึง

               "ก็ประมาณนั้นนะและนี้เราทำความสะอาดแล้วเหรอ...ครูลืมไปเลยว่าให้เธอมาทำวันนี้นะ" ผมพูดยิ้มๆให้อนุชิตและหันทำตาดุใส่ไม่บอกำกันเลยว่ามีคนมาทำความสะอาด ยังอีกยังนั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

               "ผมทำความสะอาดเสร็จแล้วผมกลับเลยแล้วกันนะครับครู...เออ..เพื่อว่า...ครู..."นายอนุชิตพูดผมหันไปเหล่มองคนที่นั่ง

               "อนุชิต..เดี๋ยวนะ.."

               "ผมไม่บอกใครหรอกครับครู..ครูนะดีกับผมขนาดนี้" อนุชิตพูด

               "ไม่ใช่..ครูจะให้ค่าทำความสะอาดเธอนะ"

               "แต่ครูให้ผมแล้วนะครับ"

               "เอานะคราวก่อนให้ไว้ใช้แต่นี้ค่าทำความสะอาด ครูให้สามร้อยบาท และขอบใจเรื่องเมือวานที่ทำให้ครูหาแฟนเจอ" ผมพูดก่อนจะควักแบงค์สีแดงสามใบจากกระเป๋าสตางค์ส่งให้อนุชิตไป

               "ขอบคุณนะครับ"อนุชิตยกมือไหว้ผมก่อนจะรับเงินจากผมไปและเดินลงจากบ้านไป ผมหันมาเอามือเท้าที่เอว

               "พี่ไม่ถามผมอะผมก็กำลังจะบอกว่ามีคนทำความสะอาดอยู่...ว่าแต่ไม่ทำแล้วใช่ปะ"

               "ไม่อะเก็บไปทำคืนนี้..เมื่อกี้ช๊อกน้องหดไปแล้ว อายเด็กไหมเนี๊ยะ"

               "ไปแพ๊คของว่าจะเอาอะไรไปบ้างจะได้ออกเดินทางและพี่จะพาไปซื้อมือถือใหม่ด้วย มือถือเรานะอมน้ำจนสำลักน้ำตายไปเรียบร้อยแล้ว " ผมบอกคริสโตเฟอร์ ผมจัดการแพ๊คทุกอย่างลงกระเป๋า

               Rrrr มือถือผมดังขึ้นเบอร์แม่รดาของผม

               "ครับแม่"

               "เขมวันนี้กลับบ้านหรือเปล่าแม่จะได้ทำแกงส้มไข่ชะอมให้"

               "ครับแม่ผมกำลังจะออกเดินทางแล้ว อ้อแม่ผมขอไข่ลูกสะใภ้ด้วยได้ไหมแม่" คริสโตเฟอร์สะบัดหน้าหันมามองผมแยกเขี้ยวด้วยเขารู้ว่าผมหมายถึงอะไรและคริสนะเขาชอบกินไข่ลูกเขย

               "อะไรกันหาลูกสะใภ้ให้แม่เร็วจริงๆ..ได้ซิเขาชอบทานเหรอลูก ..ว่าแต่ไข่อะไรนะเขม" แม่ผม

               "ไข่ลูกสะใภ้แม่"

               "ไข่ลูกเขยนะเหรอ..ทะลึ่งจริงๆเลยลูกแม่นี้และนี่ไปเอานิสียเกรียนนี้มากจากไหนกันคุณครู" แม่ผมรีบแซวผมทันที นี่ถ้าแม่ผมเห็นลูกสะใภ้แม่จะรู้ได้ทันทีว่าผมเกรียนตามใคร

               "อันนี้เขาชอบมากเลยครับแม่ ..อยู่ที่นี้ผมนี้สั่งแม่ค้าให้ทำให้แถบจะทุกวันและอาหารอย่างอื่นเอาแบบไม่เผ็ดนะแม่เขาไม่ทานเผ็ด" ผมพูดคริสโตเฟอร์มองผม

               "ได้ซิ..ครับรถดีดีนะเขม เขมพรุ่งนี้แม่จะไปถือศิลกับป้าวิลัยนะลูก"

               "ครับแม่ไม่เป็นไรผมคงกลับพรุ่งนี้หลังจากเข้าไปเอาของที่คอนโดณัฐกานต์แล้ว" ผมบอกแม่

               " อืม..ถ้าอย่างนั้นเจอกันที่บ้านนะลูก แม่รักลูกนะและแม่ก็รักคนที่ลูกรักเช่นกัน แม่ขอให้ครั้งนี้เป็นรักที่ลูกต้องการนะเขม"

               "ขอบคุณครับแม่ผมรักแม่เหมือนกัน..ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเจอกันนะแม่" ผมพูดและกดวางสายผมหันมามองคนแอบเขินทำเนียนเก็บของลงกระเป๋า

               "พี่ลืมถามเราไปเลยอะว่าจะกินอย่างอื่นอีกไหม...แม่พี่นี้นะทำอาหารอร่อยนะ" ผมหันไปสปอยด์คริสโตเฟอร์

               "ผมอยากกินยานปลาจานละเม็ด ..ได้เปล่าอะ" ผมยืนฟังมันคืออะไรวะญาณปลาจานละเม็ดนะ มีด้วยเหรอ

               "อะไรคริส"

               "พี่ไม่รู้จริงๆอะ" คริสโตเฟอร์เดินเข้ามาหาผมและยืนหน้าเข้ามาทำท่าจะกระซิบที่หูผม

               "อยากYesปรมาจารย์" ผมหันไปเลิกคิ้วสูงมองคนที่กระซิบหยักคิ้วให้ มันเป็นคำผวน

               "อยากอะ" คนข้างๆผมทำตาปิ้งๆ ด้วย

               "รอวันอังคาร!!" ผมหันไปหยักคิ้วให้ และคนฟังนี้หุบยิ้มทันที หนอยแนะจะมาหลอกกิน ยานปลาจาระเม็ด ไม่ใจอ่อนฮาๆ

               "รอไปสามวันค่อย" ผมหันไปตอบ

               "นานอะ..เดี๋ยวลงแดง...พลีส!!!! " คนข้างๆผมทำท่าอ้อนวอน ต้องไม่ใจอ่อนเมื่อคืนปล่อยเราค้างหน้าตาเฉย

               "ไม่นานหรอกแค่สามวันเอง..แต่..สามวันของพี่จะจัดให้หนักเลยไม่รู้จะมีแรงมากินยานปลาจาระเม็ดต่อหรือเปล่านะซิ" ผมหันไปยืนกอดอกเอียงคอมองหน้าคนข้างๆ ทำตาเหลือกขึ้นข้างบนมองผมและรีบเดินกลับไปเก็บของต่อทำปากมุบมิบๆเพราะว่าอยู่ในช่วงโดนทำโทษไง สามวัน ฮาๆ ไม่รอดแน่ๆ ยังหันมาแอบค้อนผมอีกนะ

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน#23.1#ครูเขมXคริส เกือบได้ทำโทษคนงอล
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 16-08-2020 20:17:55
สงสารคริสดีไหมนะ โดนตั้ง 3 วันแนะ อิอิ  :hao6:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน#23.1#ครูเขมXคริส เกือบได้ทำโทษคนงอล
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 16-08-2020 20:55:00
 :กอด1:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(เขมX คริส)EP.16ผู้ชายคนนี้ของผมแล้วห้ามมาเอาคืน
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 16-08-2020 21:36:37
EP.16 เขมX คริส  ผู้ชายคนนี้ของผมแล้วห้ามมาเอาคืน
                    เมื่อวานผมพาคริสโตเฟอร์มาบ้านมาค้างที่บ้านมาให้แม่ได้รู้จัก ตอนแรกก็แอบกังวลเพราะว่าเขายังเด็กแต่ผิดคาดเขาเป็นเด็กที่มีสัมมาคาราวะ แม้จะไม่ได้ทำเหมือนที่ณัฐกานต์ทำคือเข้ามากอดแม่ผมเอาใจแม่ผมจนแม่ผมรักเหมือนเป็นลูกอีกคนก็ตาม
      แต่อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเองก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับแม่มากเขาต้องอยู่โรงเรียนประจำตั้งแต่เล็กๆ ซึ่งไม่แปลกหรอกหากเขาจะไม่ค่อยสนิทกับแม่เหมือนกับผม ที่ได้อยู่กับแม่ใกล้ชิดกับแม่มากที่สุด แต่ก็ต้องมาห่างแม่ตอนย้ายไปอยู่ณัฐกานต์ที่คอนโดเมื่อไม่กี่ปีนี้แต่กระนั้นผมก็ต้องกลับมาหาแม่ทุกเสาร์อาทิตย์

           "ไงลูก..หลับสบายดีไหมคริส" แม่ผมถามคริสโตเฟอร์

           "หลับสบายดีครับแม่" คริสตอบแม่ของผมเขานั่งลงที่โต๊ะอาหารเพื่อรอทานอาหารเช้ากัน วันนี้แม่ผมต้มข้าวต้มกุ้งเราตื่อนไปใส่บาตรกันด้วยและวันนี้เราจะไปลอยกระทงแต่คงจะไปลอยวัดแถวๆ โรงเรียนดีกว่า

           "เดินทางกลับกันวันนี้ใช่ไหมละเขม" แม่เอ่ยถามผม

           "ครับแม่แต่จะไปหา...เออ ..ไปเอาของของผมก่อนนะครับแม่ที่คอนโด..ของณัฐกานต์ " พูดหันมามองคริสโตเฟอร์ ผมกลัวเขาจะกังวลว่าผมจะกลับไปหาณัฐกานต์อีกแม้ว่าเขาจะส่งข้อความแบบทักทาย สบายดีไหม กินข้าวหรือยังผ่านเบอร์มือถือของผม ผมจะเปลี่ยนเบอร์ก็ไม่ได้เพราะว่าเพื่อนๆผมก็จะติดต่อผมไม่ได้เช่นกัน

           "เขม..ค่อยๆพูด ค่อยๆจากันนะลูก ถึงยังไงก็คบกันมาสี่ปีถึงจะหมดรักแต่เหลือไว้ซึ่งความเป็นเพื่อนก็ยังดี" แม่พูดผมหันมามองคริสโตเฟอร์แม่ผมเอียงคอมองหนุ่มข้างๆผมที่ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียวเลยโดยไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่หรือเปล่า

           "คริส" แม่ผมเรียกคริสโตเฟอร์ เขาก็เงยหน้ามองแม่ผมก่อนจะฉีกยิ้มส่งให้แม่ของผม

           "ครับคุณแม่" คริสโตเฟอร์

           "แม่คงไม่ได้ทำให้เราไม่สบายใจใช่ไหมเรื่องที่แม่บอกพี่เขมเขานะ..เป็นมิตรกับเขาไว้เพื่อว่าวันหน้าเราอาจจะได้พึ่งพาอาศัยกัน มีเพื่อนดีกว่ามีศัตรูนะคริส" แม่ผมพูดกับคริสโตเฟอร์ เขาก็พยักหน้าเบาๆ แตะเอื้อมไปแตะบ่าเบาๆเช่นกัน

           "แล้วนี้แม่ของน้องเขารู้เรื่องนี้หรือยังเขม" แม่ถามผม ผมหันไปมองหน้าคริสโตเฟอร์

           "ยังครับแม่แต่คงจะเร็วๆนี้ " ผมพูด

           "ดูท่าจะชอบไข่ลูกเขยเมื่อวานทานหมดเลย หึหึ" แม่ผมพูดและขำคนข้างๆผม เขาพยักหน้าว่าเขาชอบทาน

           "แม่ของพี่เขมทำอร่อยกว่าที่โรงเรียนอีกครับ" คริสโตเฟอร์ตอบแม่ผม

           "ที่จริงพี่เขมเขาก็ทำได้นะและก็ทำเหมือนที่แม่ทำนั้นแหละอร่อยเหมือนกัน"แม่ผมพูด ผมหันไปหยักคิ้วให้ คริสโตเฟอร์มองหน้าผมด้วยอาการแปลกใจ ไม่เชื่ออีกหันมาทำปากยื่นให้ผม น่าจริงถ้าไม่ติดแม่อยู่นะโดนไปหนึ่งจ๊วบแน่ๆ อะนั้นแลบลิ้นให้ผมอีก

           "หึๆ " เสียงแม่หัวเราะเพราะผมสองคน

           "นี้แม่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเขมแบบนี้นานแล้วนะรู้ไหมคริส...ปกติพ่อคนนี้นะหลักการล้วนๆ " แม่ชำเลืองตามองผมกับคริสโตเฟอร์ ผมยอมรับว่าตอนที่คบกับณัฐกานต์คอยแต่จะเป็นผู้ใหญ่มาก วันวันคิดแต่จะสร้างครอบครัวแต่พอผมคบกับคิดผมคอยแต่จะหาความสุขใส่ตัวกันมากกว่าผมก็แปลกใจทำไมผมไม่รู้สึกเกร็งรู้สึกเหมือนตัวเองต้องคอยทำนั้นทำนี้ให้เป็นที่ยอมรีบแต่นี้ผมกับปล่อยให้มันเป็นไปตามความต้องการของหัวใจมากกว่าความต้องการของสายตาคนรอบนอก

           "เสียงรถป้าวิลัยมาแล้วแม่คงต้องไปแล้วนะ..เขมวันจันทร์แม่จะไปอยู่กับพี่ต้นเขานะลูกไปดูแลตาเอิร์ธ" แม่ผมพูด คริสโตเฟอร์มองหน้าผม

           "หลานพี่นะที่เราเคยได้ยินเสียงตอนคุยโทรศัพท์กันไง" ผมบอกคริสโตเฟอร์เขาก็พยักหน้า

           "เขมกลับมาบ้านเหรอลูก" ป้าวิลัยเดินเข้ามาผมหันไปยกมือไหว้

           "คริสไหว้ป้าวิลัยซิ เป็นพี่สาวของแม่พี่เอง" ผมพูดและคริสโตเฟอร์ก็หันไปยกมือไหว้ ป้าวิลัยก็มองคริสโตเฟอร์และหันมามองหน้าผม

           "แล้วพ่อณัฐกานต์ละไม่ได้มาด้วยกันเหรอแฟนเรานะ" ป้าวิลัยถามถึงณัฐกานต์

           "เออ..คือ..เราเลิกกันแล้วครับ และคริสโตเฟอร์นี้แฟนผมครับ" ผมหันไปบอกป้าวิลัยเขาก็ยกมือทาบอกตกใจเล็กน้อยที่ผมบอกว่าเราเลิกกันแน่นอนคบกันมาตั้งสี่ปี

           "แล้วพ่อหนุ่มคนนี้ละ..หน้าตาหล่อเหล่าเชียวฝรั่งรึ" ป้าวิลัยถามคริสโตเฟอร์สีหน้าเขานิ่งเงียบไปพักหนึ่งแม่ผมขยิบตาให้ป้าวิลัยว่าอย่าถามเลยแม่ผมรู้เรื่องคริสโตเฟอร์ตั้งแต่เมื่อวานแล้วผมเล่าให้ฟังว่าเขาพยายามปกปิดว่าเขาเป็นลูกครึ้งเพราะว่าเขาเสียใจที่พ่อเขาหายไปไม่กลับมาหาเขาตามที่เคยบอกเขาไว้แต่เหตุผลอะไรไม่มีใครทราบผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าทำไม

           "ถ้าอย่างนั้นแม่ไปก่อนนะลูกเขม...คริสแม่ไปนะ...ฝากพี่เขาด้วยละ" แม่ผมพูดก่อนจะเดินออกไปกับป้าวิลัย ผมเหลือบตามองคนข้างๆ

           "คิดมากเหรอคริส"

           "ก็ผมไม่อยากให้ใครทักว่าผมเป็นลูกครึ้ง เป็นฝรั่งเลยอะพี่เขม" คริสโตเฟอร์พูด ผมกระเทิบเข้าไปใกล้ๆ แม่ไปแล้วเข้าไปใกล้ได้แล้วที่นี้และเอาแขนโอบเอวคนข้างๆผมไว้

           "คริสอะไรที่เป็นตัวตนจริงๆของเรามันก็เป็นแบบนี้ไปอีกนานแสนนาน เรียกได้ว่าตลอดทั้งชีวิตของคริส"

           "จงภูมิใจกับมันและใช้ชีวิตอยู่กับมันอย่างมีความสุขแค่นี้พี่คิดว่าน่าจะพอแล้ว" ผมพูดกับคนข้างๆของผมและเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองผมพร้อมรอยยิ้มที่เปื่อนขึ้นบนใบหน้า

           "แม่พี่น่ารักดีนะเขารักพี่มากเลยนะ...แม่ผมซิคอยแต่หาเงินไม่มีเวลาให้ผมเลยบางทีแม่ก็มองว่าผมคือภาระตั้งแต่พ่อทิ้งไป แม่รักผมหรือเปล่าผมยังไม่รู้เลยนะพี่เขม" คริสโตเฟอร์พูดเขาหันมามองหน้าผม

           "รักซิ แม่ของคริสต้องรักคริสแต่ที่ต้องหาแต่เงินก็เพื่อให้เราได้อยู่สุขสบายไง อย่าคิดอย่างนั้นเด็ดขาดเลยนะว่าแม่ไม่รัก " ผมพูดคริสโตเฟอร์เขาก็มองผมพยักหน้าเบาๆ ผมใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากหนาๆสีแดงระเรื่อๆเบาก่อนจะประกบปากจูบเบาๆ

           "แม่พี่เขมเขารู้หรือเปล่าว่าพี่โคตรหื่นเลยอะ" ผมก็ต้องถอนปากออกทันทีแม้มาว่าผมหื่นอีก

           "อย่าทำปากให้น่าจูบนักซิ" ผมพูดก่อนจะลุกไปเก็บทุกอย่างล้างทำความสะอาด คริสโตเฟอร์ก็กดมือถือเล่น มือถือเครื่องใหม่ที่ผมแวะซื้อให้ ผมถามว่าจะเอารุ่นไหนผมรู้ว่าวัยรุ่นอยากได้ไอโฟนกันทั้งนั้น ถ้าเขาจะเอาผมก็จะซื้อให้ เขาบอกว่าอยากได้รุ่นเดียวกับผม Nokia Lumia ก็ดีนะไม่แพงมาก

           "คริสจะบอกแม่ของเราเกี่ยวกับเรื่องพี่กับเราหรือเปล่า" ผมหันไปถามคริสโตเฟอร์ เขาละสายตาจากหน้าจอมองมาที่ผมด้วยอาการครุ่นคิด

           "ผมควรจะบอกใช่ไหมพี่เขม...และพ่อเลี้ยงคงจะเกลียดผมมากขึ้นด้วยใช่ไหมพี่เขม จากที่เกลียดผมอยู่แล้ว"คริสโตเฟอร์พูด ผมหันมามองคริส มันคือบาดแผลในใจเขาที่ค้อนข้างลึกมาก ผมเดินไปกอดเขาจากด้านข้าง

           ตื้ด!! เสียงเตือนข้อว่าความเข้าถูกส่งเข้ามือถือผม เป็นเบอร์ของณัฐกานต์ผมลบชื่อออกไปแล้วแต่ผมก็ยังคงจำหมายเลขได้แม่น

           "เขมถ้าจะมาคุยหรือมาเอาอะไรของเขมก็รีบมานะ กานต์มีธุระช่วงบ่ายและเขมจะได้ไปเสพสมกับนางชะนีนั้นคงอยากไปแย่แล้วซิ ไม่ต้องลงทุนบล๊อกเบอร์กานต์หรอกนะ..กานต์ก็เบื่อเขมแย่แล้ว" ณัฐกานต์ส่งข้อความหาผม ผมมองหน้าคริสโตเฟอร์

           "ไปหาเขากันเถอะจะได้จบ ...คริสจะได้สบายใจอันนี้คริสกลัวมากกว่าครูลินดาอีกนะพี่เขมกลัวเขามาแย้งพี่กลับไป " คริสโตเฟอร์พูด

           "ผมจำสายตาของเขาได้มันน่ากลัวชะมันพี่เขม วันแรกที่ผมแกล้งไปชนพี่นะ" คริสโตเฟอร์พูดผมหันหลังกลับมามอง

           "นี้เราแกล้งมาชนพี่เหรอ" ผมเลิกคิ้วมอง นั้นไงสารภาพมาซะแล้ว วันนั้นที่เจอกันที่ตรงบันได

           "ใช่..พอมาเห็นพี่ณัฐกานต์ที่บ้านพักพี่สายตาเขา มันดูช่างแตกต่างจากสายตาของพี่ ผมยังแปลกใจทำไมพี่กับเขาถึงเป็นแฟนกันได้" คริสโตเฟอร์พูด

           "และผมก็รู้ว่าพี่รักเขามากไม่อย่างนั้นจะทนเขาได้นานถึงสี่ปีเหรอ" ผมก้มหน้าลงผมพยักหน้าตอบว่ารักมาก

           "แต่ตอนนี้พี่มีคนที่พี่รักมากกว่าหลายเท่าเลย ..คริสคงรู้ใช่ไหมว่าใคร" ผมพูด คริสโตเฟอร์ยิ้มให้ผม ผมเก็บทุกอย่างเข้าที่ก่อนจะเดินไปหยิบทุกอย่างลงไปใส่รถผมก็เอาพวกหนังสือแกรมม่าร์จะไปให้คริสโตเฟอร์อ่านและผมก็เอาแอร์เคลื่อนที่ไปใช้ทีนั้นด้วยเวลาร้อนมากกว่าก็พอจะช่วยได้ รวมทั้งเสื้อผ้าบางส่วนที่ต้องใช้

           "พร้อมหรือยังที่จะไปปิดบัญชีกับเขาพี่เขม" เรียกวะปิดบัญชีเลยหรือครับคนข้างๆผม

           “หึหึ”ผมก็หัวเราะในลำคอ ผมกับคริสก็ขนของทุกอย่างใส่รถกะว่าจะกลับกันเลยหลังจากนั้น และผมรีบขับรถออกไปเพื่อไปปิดบัญชีอย่างที่คิดว่า ผมขับรถออกมาไม่นานก็ถึงคอนโดของผมและณัฐกานต์ไม่ซิตอนนี้กำลังจะเป็นของณัฐกานต์แต่เพียงผู้เดียวแล้ว

           "ผมยังไม่เข้าไปนะหรืออาจจะไม่เข้าไปเลย...พี่เขมโอเคใช่ป่ะ “ คริสโตเฟอร์หันบอกผม

           “พี่จัดการมันเองได้ใช่ปะ" คริสโตเฟอร์ถามผม ผมพยักหน้าว่าได้ซิ ผมกดเบอร์โทรหาณัฐกานต์

           "ว่าไงเขม" น้ำเสียงตอบรับแม้จะฟังดูเย็นชาแต่ผมก็จำได้ดี นานเกือบอาทิตย์ที่ผมไม่ได้ยินแต่ฟังดูเหมือนเราหายจากกันไปเป็นเดือนก็ว่าได้

           "เขมมาถึงแล้วอยู่ข้างล่างนะเขมจะไม่ขึ้นไปข้างบนเพราะว่าข้าวของของเขมกานต์ก็แพ๊คใส่กล่องไปให้ที่บ้านเขมแล้วไม่ใช่เหรอ" ผมพูดสายกับคนปลายสาย

           "ใช่ไม่ต้องขอบใจหรอกนะที่กานต์ช่วยส่งเสริมให้ไปอยู่กับชะนีไวไว "

           "กานต์กำลังจะลงไปเดี๋ยวนี้นะ..พาชะนีมาด้วยหรือเปล่าละ"

           "ไม่...ไม่ได้พามา" ผมพูดเสียงอ่อย ผมหันไปมองคริสโตเฟอร์เขาไปหาที่นั่งเขาพยักหน้าให้ผมว่าเขาโอเค ผมก็กดวางสายทำไมใจผมเต้นแรงขนาดนี้ จนสักพักณัฐกานต์ก็เดินลงสภาพดูเหมือนเพิ่งจะตื่นไม่นานและดูก็รู้ว่าเมื่อคืนไปเที่ยวผับมาอีกแล้ว

           "นี้ไปเที่ยวผับมาอีกแล้วเหรอกานต์" ผมถามเพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนเราคบกันมาตั้งสี่ปี

           "ก็เที่ยวปกติ..ดูหน้าตาสดชื้นขึ้นนะเขมทำไมเหรอชะนีเอาใจดีเหรอหรือว่าเรื่องอย่างว่าดีด้วยละ" ณัฐกานต์ยืนกอดอกมองผม

           "กานต์ไม่เอานะ...สมุดบัญชีละ"ผมถามณัฐกานต์

           "กานต์เอาส่วนของกานต์ออกไปแล้วนะที่เหลือคือของเขมและที่คอนโดนี้ถ้าเขมจะเอาก็ได้นะกานต์จะได้ขายและแบ่งครึ้งกัน" กานต์พูดนำเสียงนิ่งเงียบเขาไม่มองหน้าผม

           "ทำไมละไม่อยู่นี้เหรอ" ผมถามณัฐกานต์สายตาห่วงใยยังไงก็คนเคยรัก

           "ไม่อยู่..จะไปซื้อบ้านอยู่..ก็เคยบอกว่าไม่ชอบคอนโด..และกานต์จะย้ายไปอยู่กับแฟน" ผมสะบัดหน้ามามองณัฐกานต์เขายิ้มเยอะเย้ยให้ผม ทำไมทีผมชวนซื้อบ้านเขากับปฏิเสธตลอดแต่ตอนนี้

           “บ้านที่เราจะไปซื้อนะ อยู่แถวรัชดาและหมู่บ้านที่มีแต่คนมีเงินอยู่นะเขม ไม่ใช่บ้านชนบทในฝันของเขมหรอก” ณัฐกานต์พูด ผมพยักหน้าเข้าใจ

           "เขม..เขมนะไม่ใช่แฟนกานต์หรอกนะ แม็คนะแฟนกานต์เราคบกันก่อนทีเขมจะมาขอกานต์เป็นแฟนอีก" ผมมองหน้าณัฐกานต์ หมายความว่ายังไง

           "เขาแค่ไปเรียนเมืองนอก....ที่จริงกานต์ก็จะรักเขมนะ...กานต์กำลังจะตัดสินใจว่ากานต์ควรจะเลิกกับแม็คและเราคบกันเป็นแฟนจริงๆดีไหมแต่ตอนนี้เขมทำให้กานต์รู้แล้วว่า..ไม่มีอะไรแน่นอน" ณัฐกานต์พูดผมยิ้มดีใจที่ผมชิ้งบอกเลิกก่อน

           "กานต์ .....เขมถามหน่อยว่ามันคุ้มแล้วเหรอที่กานต์ลงทุนทำไปแบบนั้น.ทำเพื่ออะไรกันและสิ่งที่กานต์ได้มันก็แค่องค์ประกอบแต่ชีวิตของกานต์ละ"ผมพูดณัฐกานต์นิ่งเงียบโดยไม่ตอบอะไร

           "กานต์ทำเพื่อให้ทุกอย่างเพื่อให้ชีวิตกานต์สบาย..มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกเขม"

           "ดูจากเขมซิเขมยังเลือกไปหาชะนีเลย" ณัฐกานต์พูดเสียงดังขึ้นจนคนที่เดินผ่านไปมาหันมามองทางผมสองคน

           "กานต์ครับพอเถอะครับแม็คต้องรีบไปนะจบเรื่องซะที" ผมหันไปมองไอ้แม๊คมันยืนมองผมหยักไหล่ให้ผมก่อนจะแตะแขนณัฐกานต์

           "เรากำลังจะไปดูบ้านใหม่กัน..ส่วนเขมก็กลับไปกินชะนีเน่าๆนั้น..คนอย่างเขมนะน่าเบื่อเอ๊ะอะไรก็จะสร้างครอบครัว..ความรักของเขมนะมันเป็นความรักที่จืดชื้ด"

           "และน่าเบื่อเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อมากกานต์หวังว่าจะชะนีนั้นจะไม่เบื่อเขมเหมือนกานต์นะ" ณัฐกานต์พูด ผมได้แต่ยื่นนิ่งและณัฐกานต์ก็หยัดสมุดบัญชีใส่ที่มือผม ผมยืนมองสมุดบัญชีของผมและแม็คก็เดินเข้ามาโอบเอวณัฐกานต์

           "เขมครับ" เสียงเรียกผม จนทำให้ผมหันไปมอง

           "หมับ" และมือที่เข้ามาโอบเอวผม ก่อนจะจับใบหน้าผมและประกบปากจูบ โดยไม่แคร์สายตาของณัฐกานต์แลแม๊ค และคนที่เดินผ่านไปมาบางคนก็ยกมือขึ้นมาปิดปาก ผมสองคนดูดปากกันอย่างดูดดื่ม

           "ฉลองครับที่รัก...เรากลับกันดีกว่า..รีบไปถวายสังฆทาน..คืนนี้จะไปลอยกระทงด้วยและอุทิศบางส่วนให้นะไม่ต้องตามไปร้องขอส่วนบุญอีก." คริสโตเฟอร์พูดและหันไปมองหน้าณัฐกานต์

           "ถ้าจะบอกว่าเขมน่าเบื่อนะสำรวจตัวเองดีกว่าไหม...น่าเบื่อและน่ารำคาญ"

           "อ้อ...ผู้ชายคนนี้นะของผมแล้วนะเป็นของผมแล้ว..ไม่ต้องไปร้องขอคืนด้วยนะ"

           "เพราะกูไม่ให้คืนกูรักและหวงด้วย..ไปเถอะครับที่รักผีเน่าย่อมจะคู่กับโลงผุผุ " คริสโตเฟอร์พูดผมก็มองหน้าว่าเอาแบบนี้เลยเหรอ ส่วนณัฐกานต์นะจับมือแม็คที่โอบเอวออกเขาตกใจมากที่เขานะเข้าใจผิดมาตลอด

           "มึงว่าใคร" แม๊คทำท่าจะเข้ามาต่อยคริสโตเฟอร์ ผมก็จะออกไปรีบแทรกตัว ออกไปรับหน้าแทน ถึงยังไงคริสก็เด็กกว่า และคริสดันอกผมเอาไว้เพื่อห้ามผมแทน

           “พี่เป็นครูอย่างไปแลกกับมันเลยไม่คุ้ม ผมดีกว่าพี่” คริสโตเฟอร์กระซิบกับผม

           "ลองเข้ามาดิ...ผู้ใหญ่โดนเด็กต่อยอายเขานะโว้ยย" คริสโตเฟอร์ชี้หน้าแม๊ค

           "ไอ้เด็กเมื่อวานซืน น้อยแน่มึงกล้าปากดีกับกูเหรอ ไอ้ฝรั่งขี้นก! "

           "ผลั๊ก" หมัดเขาเต็มๆหน้าไอ้แม็คและหน้ามันก็สะบัดไปตามแรงหมัดผมเช่นกัน   คงรู้ใช่ไหมว่าใครต่อยผมเอง คริสโตเฟอร์หันมามองผม ผมก็ต้องสะบัดมือเจ็บมือครับ หน้ามันแข็งอะไรเบอร์นั้น

           "นี้รักไปต่อยมันทำไมอะเจ็บมือเปล่า" คริสโตเฟอร์รีบเข้ามาดูมือผมทันทีและจับมือผมขึ้นจูบเบาๆ

           "นี้หมายความว่ายังไงเขมและนางชะนีละ" ณัฐกานต์ถามผม เขามองหน้าผมกับคริสโตเฟอร์สลับกันไปมา

           "ตามที่เห็นเลยกานต์ .เขมก็บอกแล้วว่าเขมกับครูลินดาไม่ได้มีอะไรกันกานต์ไม่เชื่อเขมเอง"

           "แต่เราไม่ได้เลิกกันเพราะคนอื่นนะกานต์ เขมไม่อยากพูดให้กานต์ดูแย่ไปกว่านี้เขมเลิกเพราะเขมรับไม่ได้ที่กานต์ทำ เราเลิกกันเพราะกานต์ไม่รู้จักพอ!!!" ณัฐกานต์ยืนหน้าซี้ดมองผม มือไม้สั่นไปหมด

           ""เขม!! นี้เขมหลอกกานต์เหรอ และไอ้นี้มันเด็กที่เตะบอลจะโดนกานต์นิ..ไปรักมันได้ยังไง ..เขม!!" ณัฐกานต์ถามผมสีหน้าเขาดูตกใจและโกรธมาก

           "ที่จริงเขมเองก็นอกใจกานต์..เขมเองก็นอกใจกานต์เหมือนกัน" ณัฐกานต์พูด


           "ก็คิดซะว่าเราเสมอกันแล้วกันกาต์เพื่อจะทำให้กานต์ดีขึ้น..เขมรักเขาตั้งแต่วันแรกที่เขมได้เป็นครูสอนเขา" ผมพูดคริสโตเฟอร์หันมามองผม ผมยิ้มให้คริสก่อนจะหันกลับมามองณัฐกานต์

           "และนี้รีบไม่ใช่หรอไหนบอกจะไปดูบ้านกันไง"

           "ส่วนเขมกับคริสจะไป..เตรียมตัวสวีทกันคืนนี้..ไปเถอะที่รัก"ผมดันคริสโจเฟอร์ออก

           "คราวนี้เขมก็หมดห่วงแล้วซินะมีคนรับกรรมต่อ"

           "ขอให้โชคนะ..ไอ้แม๊ค" ผมหันกลับไปพูดก่อนจะพากันเดินออกด้วยความสบายใจ คราวนี้ก็ไม่มีอะไรติดค้างคาใจแล้วซิ คริสโตเฟอร์หันมายิ้มให้ผม

              ผมสองคนรีบเดินออกทันที มันจบแล้วผมเปิดสมุดบัญชีดู เหลือเงินในสมุดเกือบสองแสนบาทก็ยังดี ที่จริงมีทั้งหมดเกือบห้าแสนกว่าบาทแต่ณัฐกานต์คงเอาไปซื้อพวกระเป๋าราคาแพงช่างมันเถอะ

           "มีอะไรเหรอพี่เขม" คริสโตเฟอร์ถามผม

           "เงินหายไปเยอะเลย" ผมพูดแต่ก็ไม่เสียดายหรอกถือว่าฟาดเคราะห์ไป

           "เราหาใหม่ซิ คริสจะช่วยหานะช่วงปิดเทอมพี่เขมกลับมาอยู่บ้านหรือเปล่าคริสจะมาหางานที่นี้ทำแบบพาร์ทไทม์" คริสโตเฟอร์พูดผมเข้าไปในนั่งในรถ ผมไปมองหน้าคริสโตเฟอร์

           "ไม่เป็นไรหรอกพี่จะรับสอนพิเศษติวเด็กที่ต้องการสอบเอนทรานซ์" ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์

           "เรานะต้องตั้งใจเรียนรู้ไหม" ผมพูดก่อนจะออกรถเพื่อมุ่งหน้าสู่โรงเรียนคริสโตเฟอร์กุมมือผมไว้

           "นี้คือการเริ่มต้นใช่ไหมพี่เขม" คริสโตเฟอร์ถามผม

           "ใช่..นี้แค่เริ่มต้นแต่มันก็จะดีแล้วไม่ใช่เหรอ..เหลือแต่หาครูมิ้งกับแชมป์ให้เจอ พี่หวังว่าครูใหญ่คงจะดีขึ้น" ผมพูดคริสโตเฟอร์มองหน้าผม

           "ครูลินดาบอกพี่ว่าครูใหญ่ไม่สนับสนุนรักเพศเดียวกัน"

           "จริงดิพี่เขม..ผมไม่เห็นเคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยนะ"

           "ก็ครูมิ้งไงกับแชมป์นะที่หายไปด้วยกัน"

           "ป้าของแชมป์ต่างหากมั้งเขาดุขนาดนั้น แชมป์มันเคยโทรหาผมสองสามครั้งนะพูดแต่ว่าพาแชมป์ไปจากที่นี้ทีได้ไหมแชมป์ไม่อยากอยู่" คริสโตเฟอร์พูดผมหันมาคริสโตเฟอร์ ตกลงยังกันแน่เพราะป้าเขาหรือว่าเพราะผู้อำนวยการกันแน่

           "พี่เขมคืนนี้เรา..ลอยกระทงกันเนอะ"

           "ใช่ลอยกกระทงและก็...เพราะว่าคืนนี้วันของพี่..พรุ่งนี้ก็ยังคงเป็นวันของพี่" ผมพูดคริสโตเฟอร์จากที่เอามือมาไต่ที่แขนผมเล่นพอผมบอกว่าคนนี้ยังเป็นของผมเท่านั้นแหละรีบก็ชักมือตัวเองกลับทันที

           "นี้ลืมเหรอว่าพี่ทำโทษนายอยู่นะ" ผมหันไปถามคนข้างๆ

           "ไม่ลืมหรอกแต่ว่า..เขารณรงค์ไม่ให้เสียตัววันลอยกระทงอะ..จะขัดเหรอพี่เป็นครูนะ" เฮ้ย!! จริงด้วยดิ ผมหันมามองหน้าคนข้างๆ เจ้าเล่ห์นักนะ

           "คืนนี้คริสห้ามเสียตัว..อด..ฮาๆ "

           "พรุ่งนี้ก็ได้..เกลียดวันนี้จริงๆเลย ..นี่ดีนะที่ปีหนึ่งมีวันเดียว แต่ถ้ามีทุกเดือนพี่คงร้องไห้และถ้ากับวันของพี่อีกร้องไห้หนักมากเลยจริงๆ " ผมหันไปพูดเล่นกับคนที่กดเล่นมือถือเขา

           Rrrr มือของคริสโตเฟอร์ดังขึ้น ผมเหล่มองว่าใครโทรมาเพื่อว่าจะเป็นแม่ของเขา

           "ฮัลโล ..ว่าไงไอ้โจ...กูสบายดี...ไม่ต้องแซวพอแล้วกูอายอย่าให้ถึงตามึงบ้างนะ..บร้า" เพื่อโจ้โทรมาแซวนั้นเอง

           Rrrrr มือถือผมก็ดังบ้างผมรีบเสียบบลูทูธใส่หูก่อนจะกดรับสายของพี่ก้อง

           "ฮัลโลพี่ก้อง"

           "ไงครับน้องพี่ นี่พี่โทรหาแม่ แม่บอกว่าเขมพาลูกสะใภ้คนใหม่เข้าบ้านและแม่บอกพี่ว่าโคตรแตกต่างกับณัฐกานต์เลยดูแล้วน่าจะลูกเขยมากกว่าลูกสะใภ้ซะอีก"

           "แม้พี่ก้อง...แต่พี่น่าจะชอบน้องสะใภ้บึกบึน" ผมพูดคนข้างๆผมหันมาแลบลิ้นให้ผมและยังคงเม้ามอยด์กับเพื่อนโจ้ต่อไป

           "พี่ดีใจนะที่น้องพี่เจอคนที่ใช่ซะที"

           "พี่รู้ได้ยังไงพี่ยังไม่ได้เจอคริสเลยนะ"

           "แม่บอกว่านายยิ้มมีความสุขมากกว่าทุกครั้ง"

           "เขม....การที่นายเลือกจะมีใครสักคนมาอยู่ด้วยนายไม่ต้องทำทุกอย่างมันเพอเฟคมากหนักหรอกมันก็มีความสุขเชื่อพี่" พี่ก้องพูดผมหันไปยิ้มกับคนข้างๆ

           "ผมเชื่อแล้วพี่..ว่าอะไรคือความสุข"

           "ดีแล้ว..เมื่อวานพี่ต้นโทรหาพี่นะเขาบอกเขาเป็นหวงนายแต่ก็ยังไม่อยากโทรไปกวนนายเขารู้ว่านายต้องการเวลาแล้วนี้เรื่องนายกับณัฐกานต์จบแล้วใช่ไหม"

           "ใช่พี่ก้องมันจบแล้ว ผมเองก็ไม่ใช่แฟนเขานะตลอดสี่ปีที่ผ่านมาเขาแค่คบผมรอให้แฟนเขากลับมาไอ้แม๊ครูปสุดท้ายที่พี่ส่งให้ผมนะแฟนเขา แฟนตัวจริง"

           "เหรอ...ไอ้นี้เชี้ยยิ่งกว่าอะไรซะอีก"

           "ทำไมพี่รู้จักละ"

           "วงการเกย์เขารู้จักมันกันทั้งนั้น..แมงดาตัวพ่อ"

           "พี่พูดเล่นปะเนี๊ยะพี่ก้อง"

           "เออ..รอดูไปเขมว่าณัฐกานต์จะเจออะไร..แค่นี้เขมอีกเดือนครึ้งพี่กลับแล้วอยากเจอน้องเขย"

           "น้องสะใภ้!!!"ผมรีบค้านทันที

           "เออๆ..แค่นี้นะ..พี่รักนายนะเขมนายเป็นน้องชายพี่ พี่ก็อยากให้น้องพี่เจอคนดีดีและรักนาย" พี่ก้องพูด

           "ครับพี่ก้องผมขอบคุณทุกอย่างเลยนะพี่..เขมรักพี่นะ.แล้วเจอกันเร็วๆนี่พี่ก้อง ..บายพี่" ผมพูดก่อนจะกดวางสายไป ผมชักเป็นห่วงณัฐกานต์แต่แบบเพื่อนนะสี่ปีมันก็มีค่าพอที่เหลือไว้แค่เพื่อนยิ่งพี่ก้องพูดมาแบบนี้ผมยิ่งเป็นห่วงถ้า ไอ้นั้นเป็นแบบที่พี่ก้องพูด อย่างนั้นเงินที่หายไปตั้งเยอะภายในไม่กี่เดือน เพราะว่าเมื่อสองเดือนก่อนผมเช็คเงินยังอยู่ตั้งห้าแสนกว่าๆ แต่นี้เหลือเกือบสองแสนได้ ไอ้เวรนี้หลอกเงินณัฐกานต์ไปอย่างนั้นหรือ

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน#24#ครูเขมXคริส ผมชอบคำนี้ "เขาคือผู้ชายของผม"
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 16-08-2020 22:17:40
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนครูเขมX คริส EP.17 เมิ่อผมกายเป็นครูผู้อกหัก
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 17-08-2020 11:59:20
 EP.17 ครูเขมX คริส เมิ่อผมกายเป็นครูผู้อกหักในสายตาทุกคน P1
Part เขมชาติ
           ครูเชมชาติ ผมตื่นมาแต่เช้าทำอาหารให้คริสโตเฟอร์เมื่อคืนไม่ได้มีอะไรมากแค่ลอยกระทงด้วยกันมีความสุขกันเล็กแต่ไม่ได้ อิบ อิบ กันเพราะว่าเขาให้รณรงค์ไม่เสียตัวในวันลอยกระทง ก็เลยไม่คอยมีอะไรที่หวือหวามีแค่ซื้ออะไรมานั่งทานกันและเปิดหนังดูด้วยกันผมเปิดพากษ์ภาษาอังกฤษคริสโตเฟอร์เขาก็ฟังเข้าใจดีที่จริงภาษาอังกฤษนายนี้นะดีมากซะด้วยซ้ำ 

          ผมหยิบสมุดบัญชีของผมแลณัฐกานต์ขึ้นมาดู ทำไมณัฐกานต์เบิกถอนได้เองโดยไม่จำเป็นต้องมีผมรับรู้เพราะว่าเราเปิดบัญชีร่วมกัน โดยใช้เงื่อนไขถอนคนเดียวได้คือใช้"กรณีหรือ" คนใดคนหนึ่งสามารถทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องรออีกคน ไว้สำหรับไม่ค่อยมีเวลาว่างตรงกันทั้งคู่ ผมไม่ได้ใช่ข้อตกลงแบบ "กรณีและ " ที่ต้องใช้สองคนเซนต์ถึงจะเบิกถอนได้แต่ถ้าต้องการปิดบัญชีต้องใช้ลายเซนต์สองคนร่วมเท่านั้นถึงจะทำธุรกรรมต่างๆได้ และนี้มันไม่ใช่เงินผมแต่ฝ่ายเดียวและด้วยเหตุผลว่าถ้าหากกรณีฉุกเฉินแล้วต้องมารอสองคนมันยุ่งยากและช้า แต่คำพูดที่เขาพูดว่า ถ้าไม่ไว้ใจกันจะมาคบกันทำไมนั้นซิถ้าไม่ไว้ใจจะคบทำไม และความไว้ใจมันก็ทำร้ายผมจนได้

         แต่ผมไม่โกรธเขาหรอกนะเพราะว่าตอนที่พ่อผมป่วยหนักเขาก็ช่วยผม ที่ผ่านมาณัฐกานต์เป็นแฟนที่ดีแต่เพิ่งจะมาเปลี่ยนไปมากตอนที่เปลี่ยนสาขาและเริ่มเที่ยวกับเพื่อนมากขึ้น และในความน่ารักที่ผ่านมาของณัฐกานต์มันกลับซ้อนไว้ซึ่งบ้างสิ่งทีผมไม่คาคคิดว่าเขาจะกล้าลงทุนทำได้ถึงขนาดนั้นเพียงเพื่อผลประโยชน์
     
        และผมก็วางสมุดลงไม่อยากจะรื้อฟื้นมันทำให้ผมเองเสียความรู้สึก สู้เอาเวลามาคิดว่าจะทำยังไงดีนะให้เงินมันงอกเงยขึ้นมาได้ ถ้าเป็นครูอย่างเดียวก็คงนาน ผมคิดว่าอยากทำก็คือเปิดสอนติวเตอร์และเปิดร้านกาแฟสดไปด้วยในตัว ตอนที่ผมยังเรียนอยู่อาจารย์ที่มหาวิทลัยได้ชวนผมไปทำที่ร้านกาแฟสดของเขามีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาอุดหนุนมากมายและผมก็ได้เรียนรู้การชงกาแฟนจาก Bristo เขามีประสบการณ์เรื่องกาแฟ เป็นคนสอนผม

           "พี่เขมคิดอะไรอยู่" คริสโตเฟอร์ถามผม ขณะที่ยืนรอให้เขาออกมาทานอาหารเช้า

           "พี่เขมเสียดายเงินที่หายไปเหรอที่จริงเขาผิดนะที่เบิกถอนไปโดยไม่บอกพี่เขมสักคำ" ผมหันไปมองหน้าคริสโตเฟอร์

           "มันก็เงินเขาด้วยนั้นมันไม่ใช่เงินพี่คนเดียวหรอกคริสแต่ช่วงหลังมานี้เขาไม่ค่อยได้เอาเงินเข้าเพราะว่าเงินไม่พอ" ผมพูดกับคริสโตเฟอร์

           "ณัฐกานต์เขาเป็นรุ่นพี่ของพี่ปีหนึ่งเขาเรียนจบก่อนและเขาก็เคยช่วยพี่ให้เรียนจนจบตอนที่พ่อพี่เสียใหม่ๆนะคริส " ผมพูดและวางสมุดบัญชีลง ผมคงทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เงินถูกโอนไปที่บัญชีอื่นก่อน

           "พี่จะไปเอาคืนไหมละพี่เขม"คริสโตเฟอร์ถามผม

           "ไม่ละ......ช่างมันเถอะถือซะว่านี้คือบทเรียน" ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์

           "พี่อยากจะเปิดสอนพิเศษและเปิดร้านกาแฟไปด้วยนะ พี่อยากมีร้านกาแฟนเป็นของตัวเอง"ผมหันไปมองคริสโตเฟอร์

           "พี่รู้สึกชอบตั้งแต่ตอนที่พี่ทำงานพาร์ทไทม์แล้วแหละคริส" ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์

           "แล้วผมจะช่วยอะไรพี่เขมได้บ้างอะผมอยากช่วย..แต่ผมก็ชงกาแฟไม่เป็นอะ" คริสตเฟอร์พูด แค่นี้ก็ทำให้ผมมีรอยยิ้มมีกำลังใจ

           "พี่จะส่งเราไปเรียนชงกาแฟเอาไหมตอนปิดเทอมใหญ่" ผมหันไปถามคริสโตเฟอร์

           "จริงดิ..เอา ๆ " คริสโตเฟอร์บอกผม ผมรู้สึกภูมิใจในตัวเขาจริงๆ

           "และพี่จะกลับไปเป็นครูสอนที่ติวเตอร์ที่พี่เคยทำด้วยเก็บเงินเพิ่มอีกหน่อย" ผมพูดยิ้มดีใจอยากไปอยู่กรุงเทพฯละซิ

           "แต่....เราต้องบอกกับแม่ของคริสก่อนนะเรื่องของเรานะ"คริสโตเฟอร์หุบยิ้มทันที

           "ถ้าพี่พาเราไปโดยที่แม่ของคริสไม่ยินยอมพี่นี่ผิดเต็มประตูเลยนะ" ผมหันมาพูดกับคริสโตเฟอร์ เขาถึงกับชักสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมาทันที

           "ถ้าแม่คริสรับตรงนี้ไม่ได้เราหนีไปด้วยกันแบบครูมิ้งกับแชมป์ดีไหมพี่เขม" ผมสะบัดหน้ามามองคริสโตเฟอร์ว่าทำไมเขาคิดแบบนั้นละ

           "คริสโตเฟอร์! ต่อให้พี่รักเรามากแค่ไหนพี่ก็จะไม่ยอมทำลายอนาคตเราแบบนั้นหรอกนะ"ผมพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังมาก

           "พี่จะไม่พาเราไปทั้งที่เรายังเรียนไม่จบ" คริสโตเฟอร์มองหน้าผม

           "พี่ไม่ได้กลัวเป็นภาระนะคริสแต่ไม่ถูกต้อง" ผมพูดคริสโตเฟอร์ก้มหน้าลง

           "ฟู่" ผมพ่นลมหายใจออกมาแต่ก็วายจะหันไปดึงคนที่นั่งข้างเข้ามากอดปลอบ

           "ไม่เอานะอย่าเพิ่งกลัวสิ่งที่มันยังไม่เกิดขึ้นซิ..คิดบวกเข้าไว้และคริสควรจะทำตัวดีดี ตั้งใจเรียนมีเกรดดีดีไปให้แม่แค่นี้แม่ก็คงจะยอมรับมันได้" ผมพูดปลอบ เขาก็ยิ้มออกมาได้หน่อย

           "พี่ต้องไปแล้วนะพี่มียืนเวรหน้าประตูนะอย่าออกไปสายละและตอนเที่ยงพี่จะลงไปกินข้าวด้วยพร้อมกับเราและเพื่อนๆ " ผมบอกกับคริสโตเฟอร์

           "เลิกทำหน้าเป็นลูกแมวได้แล้วเดี๋ยวพี่เปลี่ยนใจบอกว่าเมื่อคืนลอยกระทง แล้วดันหลงทางเลยพาให้ตื่นสายไปไม่ทันยืนเวร...หน้าประตู" ผมพูดดึงคนข้างเข้ามา คริสโตเฟอร์รีบดันอกผมออกทันที เพราะว่าเขารู้ความหมายของผม
           "ไม่เอานะ...ไม่อยากเดินแปลกๆให้เพื่อนมันแซว" คริสโตเฟอร์พูดเขารู้ว่าผมหมายความว่ายังไง ผมอมยิ้มและก็ลุกขึ้นไปหยิบมือกับกุลแจรถและโน๊ตบุ๊ควันนี้ผมเอาโน๊ตบุ๊คไปด้วย ผมก็รีบขับรถออกมาทันทีเดี๋ยวจะไม่ทันเวรยืนหน้าประตู ถามว่าผมกังวลไหมหากแม่ของคริสโตเฟอร์ไม่ยอมรับเรื่องของผมกับเขาละ ผมคงไม่เลือกทำแบบที่ครูมิ้งทำแน่ๆ

                      Rrrrrrrr เบอร์พี่ต้น ผมรีบกดรับสายทันที

                      "ฮัลโลพี่ต้น"

                      "เขมเป็นไงสบายดีไหม..พี่ขอโทษนะที่ไม่ได้โทรหาเราเลยพี่กำลังยุ่งนะ" พี่ต้นแค่นี้ผมก็ยิ้มดีใจมากแล้ว บ้านผมนะพี่น้องรักกันมากจริงๆ
           
                       “พี่ต้น ผมว่าจะขอให้พี่ช่วยหาครูและนักเรียนที่หายไปให้ผมหน่อยนะพี่ต้น” ผมพูดขึ้น ผมกะว่าวันนี้ผมจะเข้าไปขอข้อมูลกับท่านผอ.

                      “ใครเหรอเขม” พี่ต้นถามผม
                     
                       “เขาเป็นครูที่มสอนก่อนหน้าผมไม่นานและเขาก็หายไปพร้อมกับนักเรียน เด็กอายุยังไม่ถึง 15 ปี นะพี่ต้น “

                                  “แต่รายละเอียดผมจะส่งให้พี่ต้นอีกทีได้ไหมครับและผมเชื่อว่าเขาต้องพากันไปเชียงใหม่ เพราะว่าเขาเรียนจบที่นั้นมา ถึงเขาจะไม่ใช่คนเชียงใหม่ก็ตามพี่ต้น”

                                  “อ้าวแล้วเขาเป็นคนจังหวัดอะไรละ”

                       “เขาใหญ่ครับพี่ต้น ไม่ไกลจากโรงเรียนที่ผมอยู่แต่ผมเชื่อว่าเขาไม่กลับไปที่บ้านของเขาแน่ๆ พี่ต้น เพราะว่าถ้าเขาต้องการให้ใครสักคนช่วย ต้องเป็นเพื่อนและเพื่อนสมัยมัธยมมันหางกันนานเกินไป ผมว่าเขาต้องไปหาเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยช่วยครับพี่ต้น เพราะเขาเพิ่งจะจบมหาวิทยาลัย จบหลังผมปีหนึ่งพี่ต้น” ผมพูดบอกพี่ต้น

                       “ได้ซิเขมพี่จะช่วย ..เออ แม่เพิ่งจะบอกพี่ตอนที่มถึง แม่บอกว่านายพาแฟนเข้าบ้าน เด็กนักเรียนเลยเหรอเขม” พี่ต้นพูด ผมนี้แอบเขินเลย
           
                      "พี่ว่าจะแซวอยู่นะ...กินเด็กเหรอ"

                      "พี่ต้นแซวแรงอะ...เด็กกว่าไม่กี่ปีเอง"

                      "เด็กนักเรียนนายนี้นะเขม"

                      "ยอมรับก็ได้ว่ากินเด็ก"

                      "ฮาๆ "พี่้ต้นขำผม
           
                      “นี้ถ้าพี่ได้ข้อมูลอะไรผมก็กะจะบินไปหาครูกับเด็กเองด้วยพี่ต้น ไปหาพี่ด้วยที่เชียงใหม่”

                      “ดีเลยถ้ามาแล้วพี่จะได้ฝากเอิร์ธกลับไปอยู่กับแม่ด้วยพี่พักอยู่คอนโดตาเอิร์ธลงไปเล่นที่ไหนไม่ได้พี่สงสารลูก"พี่ต้นพูด

                      "ได้ซิพี่ต้น..พี่ต้นเขมขอโทษนะที่ส่วนหนึ่งก็มาจากเขมเองที่ทำให้พี่กับพี่เกศกนกเลิกกัน"

                      "เขมพี่ยืนยันนะว่าไม่ใช่เขม....แต่อย่ารู้เลยว่าเพราะอะไร..พี่ไม่อยากให้เขมโทษตัวเองนะ...พี่คิดไว้แล้วแหละว่าวันหนึ่งมันต้องเป็นแบบนี้พี่ถึงได้พยามอยู่กับลูกตลอดเวลา..พี่จะออกไปประชุมแล้วละเขม"

                      "พี่ต้นเขมก็ต้องลงไปทำหน้าที่ครูยืนที่หน้าประตู..เขมว่างจากชั่วโมงสอนแล้วเขมโทรหาพี่ต้นอีกทีนะครับ"

                      "ได้ซิ เอาไว้ค่อยคุยกัน..เออ..พี่เสียใจเรื่องณัฐกานต์ด้วยนะพี่ไม่คิดเลยว่าเขมจะเจออะไรที่แย่ๆแบบนี้เลย"

                      "ช่างมันเถอะพี่ผมคิดซะว่าผมฝาดเคราะห์ไป...แค่นี้ก่อนนะพี่ต้น..ผมรักพี่นะ"

                      "พี่ก็รักและเป็นห่วงเรามากนะเขม..ดูแลตัวเองดีดีนะเขม....บายนะ"หลังจากที่พี่ต้นวางสายไปผมก็รีบเดินไปยืนที่หน้าประตูทางเข้าทันทีเพื่อทำหน้าที่เป็นครูเวรวันนี้ผมยืนกับครูถาวร เธอสงยิ้มให้ผมปกติ นักเรียนก็ถยอยเดินเข้าโรงเรียน

                      "สวัดดีค่ะครูเขม เมื่อคืนไปลอยกระทงที่ไหนมาคะครูเขม" ครูถาวรถามผมทันที่

                      "ไปลอยที่สวนสาธารณะนะครับไม่มีอะไรพิเศษ" ผมตอบครูถาวร

                      "ครูละครับ"

                      "ไปลอยที่สวนเหมือนกันค่ะ คนเยอะมากปีนี้เลยไม่เจอครูเขมกับคริสโตเฟอร์เลยค่ะ"

                      "ผมสองคนออกไปแค่แป๊ปเดียวก็กลับแล้วนะครับ คนเยอะคริสโตเฟอร์เขาไม่ค่อยชอบนะครับเลยพากันซื้ออะไรมานั่งกินและดูหนังกันแค่นั้นจริงๆ "ผมพูดครูถาวรเขาก็หัวเราะเบาๆ
 
                      "ค่ะเชื่อค่ะครู หึๆ " ครูถาวรพูดและขำผม ผมหันไปเห็นผู้อำนวยการกำลังเดินลงมาและตรงมาทางผม หน้าตาท่านเหมือนร้อนใจอะไรสักอย่างและตรงมาทางผมอย่างเห็นได้ชัดเจน

                      "ครูเขมครับ" ผมสะดุ้งเฮือกท่านตรงมาหาผมและจับแขนผม ครูถาวรหันมามองตกใจเล็กน้อยแต่ผมนี่ตัวลีบเลย

                      "สะ..สวัสดีครับผู้อำนวยการ"ผมรีบยกมือไหว้ท่าน

                      "ผมขอคุยด้วยสักครูซิครับครู" ผู้อำนวยการบอกผม ผมหันไปเหล่มองครูถาวร คือผมยืนเวรกับครูถาวรอยู่นะครับ

                      "ผมขอตัวคุณครูเขมสักปะเดี๋ยวนะครับครูถาวร"

                      "ได้ค่ะ ท่านผอ.เชิญค่ะ" ครูถาวรตอบ ผมก็ต้องเดินเลี่ยงหลบออกมาสักระยะทิ้งห่างพอสมควร ไม่รู้ว่าท่านผู้อำนวยการเรื่องอะไรแต่เช้ากับผมหรือว่าครูสมชายไปบอกท่านแล้วซะก็ไม่รู้

                      "หน้าครูซี้ดมากเลยนะครับ" ผู้อำนวยการทักผม พร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ (เออาจจะเพราะทำโทษลูกศิษย์หนักไปหน่อย ..ลูกคริสครับ คิดในใจ)

                      "ครูโอเคนะครับครู"ผู้อำนวยการถามผมด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงเป็นใยผมเหลือกเกิน ส่วนผมเองก็มองท่านโดยสายตาที่ไม่เข้าใจความหมายว่าไอ้โอเคของท่านนี้คืออะไร ????????? :confuse:

                      "ยืนคู่กับคู่อริซะด้วย...ไม่โกรธเหรอครับครู" ผู้อำนวยการหันไปมองครูถาวรและเธอก็หันมามองหน้าผมกับผู้อำนวยการยิ้มๆให้

                      "อะไรครับท่านคู่อริอะไรกันครับ"ผมรีบถามท่านผู้อำนวยการทันที O_?

                      "ก็ครูถาวรไง!! แย้งครูลินดาไปจากครู" O_O

                      "เสียศักดิ์ศรีลูกผู้ชายหน้าตาดีอย่างครูเขมหมด....ว่าไหมครับ" ผู้อำนวยการพูดและหันไปยิ้มแหย๋ๆกับครูถาวร :mew5: ก่อนจะลากผมออกม่อีกสงสัยยังไม่ไกลพอ

                      "เดี๋ยวนะครับผู้อำนวยการครับผมคิดว่าเรื่องนี้อาจจะมีอะไรที่ผิดพลาดไป" ผมพยายามอธิบายแต่ท่านก็ยกมือห้ามผม

                      "ไม่ผิดหรอกครับครู...แม่ยายลินดานะน้องสาวผม และเผอิญว่าผมนะไปถึงช้า ผมมีงานเลี้ยงส่งท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนะครับ และทุกคนก็บอกผมว่า......” ผมก็ตกใจทุกคนบอกท่านว่าผมเป็นเกย์หรือเปล่า ผมหันมาทำหน้าตกใจที่สุดเหมือนกัน

                      “ยายลินดาคบครูผู้หญิงเป็นแฟนไม่ใช่ครูเขม!”

                      “ ผมนี่ตกใจมากถึงมากที่สุด!! "  o22 ผู้อำนวยการพูด ผมก็ปาดเหงือไปด้วยแล้วไปแต่ยังมีอีกไหมนะ

                      "เออ..คือ..." ท่านก็ยกมือเบรคผมไว้ จับไหล่ผมก้มหน้าลง

                       "ครูลินด !!...เขาไม่น่าทำแบบนั้นกับครูเขมเลยนะครับ..ครูคงเสียใจมากใช่ไหมครับ"

                      "ผมนะเหรอครับเสียใจ" ผมชี้หน้าตัวเอง

                      "ครูไม่ต้องเก็บอาการหรอกครับครู..แสดงมันออกมาเถอะ....ครับพวกผมจะได้ช่วยกันปลอบครูถูก"

                      "ท่านคิดว่าผมเสียใจเรื่องครูลินดาเธอ...เธอ..ไปรักไปชอบกับผู้หญิงด้วยกัน..และที่สำคัญเธอคบกับครูถาวรอย่างนั้นนะเหรอครับ" ผมถามท่าน ผู้อำนวยการ ยังหันไปยิ้มกับครูถาวร

                      "ใช่ครับไม่ต้องห่วงครู..ผมกำลังทำเรื่องให้...." ผมก็สะดุ้งเออเรื่องอะไรละ

                      "ทำเรื่องอะไรให้ผมเหรอครับ" ผมถามท่านผู้อำนวยการ

                      "จะย้ายผมเหรอครับ..หรือว่าครูจะไม่ให้ผมผ่านโปร..ครูจะไล่ผมออกจากครูเหรอครับ" ผมถามผู้อำนวยการท่านเงยหน้าขึ้น

                      “หึ?” ผู้อำนวยการเลิกคิ้วสูง แม้จะไม่ค่อยมีก็ตาม

                      "ครูออกจะเก่งขนาดนี้..ดูซิปราบนักเรียนเกรียนอยากนายคริสโตเฟอร์ได้ให้กลับมาตั้งใจเรียนได้ไม่มีครูคนไหนทำได้เลย.มีครูคนเดียว..ผมคงทำแบบนั้นไม่ลงหรอกครับครู"

                      “ไล่ไม่ลงจริงๆครับ”ท่านผอ.บอกผม ผมค่อยโล้งอก

                      "อยากเอาขึ้นบอร์ดครูดีเด่นปีนี้ซะด้วยซ้ำ" ผมรีบยกมือไหว้ทันที

                      "จริงนะครับท่าน..ไม่ย้ายผม.” ผมถามย้ำอีกครั้ง

                      “ไม่ครับ” ผู้อำนวยการ

                      “ไม่ไล่ผมออก”

                      “ไม่แน่นอน” ท่านผู้อำนวยการพูดแต่มันกำกวมครับ

                      “ห๊ะ!”  ผมเองครับ ครับว่าไม่แน่นอนนี้คืออาจจะไล่ออกใช่ไหม

                      “ไม่ไล่ออกแน่นอนครับ..ไม่ทำครับ..อนุรักษ์ตายเลยครูดีดีแบบนี้"

                      "หมับ" ผมกอดท่านผู้อำนวยการ

                      "ขอบคุณนะครับท่าน...สัญญานะครับท่าน.."

                      "เออ..แปลกนะครับครู...ทำไมต้องกลัวผมไล่ครูออกด้วยละครับ..ผมไม่เห็นมีความจำเป็นต้องทำแบบนั้นเลยนะครับ" ท่านผอ.พูดและเงยหน้ามองหน้าผม

                      ".............." แต่ผมรอคำสัญญาอยู่

                      "ผมสัญญาครับครูเขม"

                      "แล้วที่ท่าน ผอ ..บอกว่าทำเรื่องให้ผมเรื่องอะไรเหรอครับ"

                      "หาครูสาวๆ สวยๆ กำลังไปเล็งครู. ...ครูจบใหม่. ..สะพร้ังให้มาดามใจครู" ผมก็ทำท่าคิด ผมคงต้องบอกผู้อำนวยการซะใหม่ดีกว่าไหมว่าผม...

                      "เออ..ผมว่าไม่ดีกว่าครับ..ผมว่าไม่ต้องหาครูสวย เออคือ ที่ไม่ต้องสวยหนัก...ก็ได้ครับ..ผมไม่ค่อยชอบคนสวย..เฮอะๆ" จะบอกว่าผมไม่ได้ชอบผู้หญิงครับ

                      "อะไรนะครับครู" ผู้อำนวยการมองผม

                      "ท่านผอ.ครับ ..คือผม...มีเรื่องจะบอกท่านนะครับ..เรียกได้ว่าสารภาพก็ได้นะครับ..ผมรู้สึกผิดมากที่ไม่ได้บอกกับท่านไปตรงๆในวันแรกนะครับ" ผมพูดทำหน้ารู้สึกผิดที่สุด


                      “คือ..ผม...ผม....เป็น......" ผมกำลังจะพูดท่านผู้อำนวยการก็อ้าปากตาผม ว่าผมเป็นอะไร
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอนที่25 เมื่อครูเขมกลายเป็นครูผู้น่าสงสารต้องอกหัก
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 17-08-2020 15:01:01
ครูเขมจะบอก ผอจริงเหรอคะ :katai5:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน(ครูเขมX คริส)EP.17.1เมื่ิิอผมกายเป็นครูผู้อกหัก
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 17-08-2020 19:58:20
                    EP.17 ครูเขมX คริส เมื่ิิอผมกายเป็นครูผู้อกหักในสายตาทุกคน P2
                     "ครูค่ะนักเรียนเป็นลมคะ!!!" เสียงที่ทำให้ผมต้องหยุดและหันไปมองเห็นกำลังมุงกันเลยที่ตรงลานที่ไว้ให้ทุกคนนั่งโดยเฉพาะนักเรียน

                      "ผมขอตัวไปดูนักเรียนก่อนนะครับท่าน" ผมพูดและรีบวิ่งไปนักเรียนต้องมาก่อนครับ

                      "อ้าว! ครูเขมครับ....เห็นครูว่าจะสารภาพอะไรกับผมครับ)))" ผู้อำนวยการตะโกนเรียกผม

                      "ผมขอไปดูนักเรียนก่อนครับท่านเดี๋ยวผมไปให้คำตอบทีหลังครับ))))”

                      “ผมต้องบอกท่านแน่นอนผมตัดสินใจแล้วครับ..ขอเวลาไปดูนักเรียนก่อนครับ ผอ.))))" ผมตะโกนตอบกลับไป

                      "ถ้าอย่างนั้นช่วงบ่ายนะครับครู ตอนนี้ผมจะไปที่ว่าการอำเภอไปประชุม" ผู้อำนวยการตะโกนกลับมาบอกผม ผมมาถึง อ้าวนั้น! นักเรียนเป็นลมจริงๆด้วย ครูนิดก็วิ่งลงมาเช่นกันดูน่าจะเป็นเด็กม.ต้น ยังผูกคอซองอยู่เลย

                      "อย่าเข้าไปยืนมุงเพื่อนกันแบบนี้ซิ...คนเป็นลมต้องการอากาศเข้าใจไหม..." เสียงครูนิดเอ็ดนักเรียนที่พากันมุงดู ผมเข้าไปเธอหมดสติไปแล้วจริงๆด้วย

                      "ตายแล้วทำยังไงดี...ครูเขมคะอุ้มไปห้องพยาบาลก่อนเลยค่ะ" ครูนิดบอกผม ผมก็ช้อนร่างเด็กผู้หญิงอุ้มไปที่ห้องพยาบาลทันที ทำหน้าที่ครูที่ดีและส่งต่อให้ครูที่ดูแลห้องพยาบาลดูแลกันต่อไป และสักพักก็สัญญาณเข้าแถวก็ดังขึ้น ผมลงไปช่วยครูคุมเด็กนักเรียนเข้าแถวเหมือนเช่นปกติ

            หลังจากเข้าแถวเสร็จเรียบร้อยผมก็เดินกลับขึ้นห้องพักครูผมเอาโน๊ตบุ๊คมาผมจะทำการย้ายเงินในบัญชีที่ผมเปิดไว้กับณัฐกานต์โดนใช้ internet banking ผมมีไอดีและพาสเวิร์ด แต่คงจะโอนไปได้แค่บ้างส่วนผมไม่สามารถจะปิดบัญชีได้กรณีนี้ต้องใช้สองคนเซนต์แต่ช่างมันเถอะเขาคงไม่เอาแล้วแหละแค่เงินเล็กๆน้อย ไปหาเศรษฐีหนุ่มอย่างไอ้แม๊คดีกว่าแต่ว่าไอ้แม๊คนี้นะแมงดาตัวพ่อ พี่ก้องเข้าใจผิดหรือไม่ก็อาจจะจำคนผิดก็เป็นได้นะผมว่า

           “พี่ถาวรอะ....ทำเป็นพูดดี...อย่าให้หึงบ้างก็แล้วกัน” เสียงคู่รักคู่ใหม่เดินเข้ามาจับมือกันเข้ามาพร้อมกับสายตาของบรรดาครูที่อยู่ในห้องที่จับจ้องมองทั้งคู่และหันมามองผมกันหมด ผมก็ต้องหดลง

           “ครูเขมสวัสดีค่ะ..เมื่อเช้ามีปัญหาอะไรเหรอคะเห็นพี่ถาวรบอกว่าท่าน ผอ.เรียกครูไปคุย”

           “ไม่มีอะไรครับทุกอย่างโอเคดี” ผมพูด

           “ดีค่ะลินดานึกว่ามีปัญหาอะไรเพราะเราสองคนซะอีกไม่อยากทำให้ครูเขมอึดอัดใจไปกว่านี้นะคะ” ครูลินดาพูดก่อนผมยิ้มให้ว่าไม่มีอะไรให้อึดอัดใจอีกแล้วและทั้งคู่ก็เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานด้านหลังสุดผมเหลือบมองเวลาจวนจะได้เวลาสอนแล้วไปก่อนเวลาจะดีกว่า ผมหยิบหนังสือเตรียมไปสอนระหว่างที่จะเดินออก ครูนิดลุกขึ้นเดินออกมาพอดีมาที่โต๊ะของผม

           “ครูเขมคะ...” พี่นิดเดินกระลิ่มกระเลี่ยมาหาผมกระซิบเรียกผมเบาๆ

           “พี่สงสารครูเขมนะคะ ...บาดตาแย่เลยค่ะ...แต่พี่เชื่อว่าครูจะดีขึ้นเร็วๆนี้..นะคะ” พี่นิดพูดก่อนจะหันไปยิ้มให้คู่รักคู่ใหม่  พี่นิดคือครูที่อยู่ห้องพยาบาล

           “มาถึงไม่ทันไรอกหักซะแล้ว...เสียดายที่พี่แต่งงานแล้ว..คงทำได้แค่ช่วยปลอบนะคะครูเขม” พี่นิดผมก็ยิ้มให้แค่นี้ก็พอแล้วมั้งและครูนิดก็ออกไปจากห้อง

           “เออ..ผมจะไปสอนแล้วนะครับ...”ผมหันไปบอกทั้งคู่ก่อนจะรีบเดินออกไม่ได้บาดตาผมเลยสักนิด

           “ครูเขม!!”

           “เว้ยย ..ครูโจ้..ครูโผ่พล้วดมาแบบนี้ผมตกใจนะครับ”

           “ผมได้ยินข่าวที่แสนเศร้า...ไม่มีอะไรเศร้าไปกว่าผู้ชายอย่างเราโดนทิ้ง...” O_O

           “ผมเสียใจกับครูเขมมากจริงๆนะครับ..ปึก” ครูโจ้พูดและเข้ามากอดผม

           “อย่ากอดผมแน่นครับครูโจ้ “ ผมพูดก็ผู้ชายกอดผม(นึกในใจกรูคิดนะโว้ยย)

           “ผมนับถือครูเลย ...ครูสตรองมาก!! เป็นผมนะป่านนี้คงยังเมาค้างน้ำตาหนองหน้าอยู่บนเตียง..ว่าแค่ครูไปทำอีท่าไหนครับครูลินดาถึงได้เปลี่ยนใจไปกับครูถาวรแบบนั้น”

           “มันเสียศักดิ์ศรีผู้ชายอย่างเราๆมากเลยนะครับครู”

           “ถ้าเขาไปกับผู้ชายคนอื่นมันยังไม่...เท่านี้...ครูว่าไหมครับ”

           "นี้ทิ้งผู้ชายหล่ออย่างครูไป...หาผู้หญิง!!"

           “ผมว่าไม่เกี่ยวกับศักดิ์ศรีหรอกมั้งครับ...นี้มันเรื่องของหัวใจครับครูโจ้..เราควรจะยินดีไม่ใช่หรอครับ”ผมพูดและดันครูโจ้ออก บอกอย่ากอดผม

           "และความรักนะไม่ได้แบ่งแยกเพศ หรือศาสนาถูกต้องมั้ยครับ..เราทุกคนรักกันได้ครับ" ผมพูดคนตรงหน้าผมนี่ยืนอึ่ง มองผม และเขาก็ยกมือขึ้นมาจับไหล่ผมกุมไว้

           “ครูหล่อมาก...หล่อทั้งภายนอก.แต่ใจครูก็หล่อมากกว่าครับ” ครูโจ้ผมก็จับมือครูโจ้ลง ...ขยันแต๊ะอั้งผมเหลือเกิน

           “ครับ..ขอบคุณนะครับ..ผมขอตัวไปสอนหนังสือนะครับ..นักเรียนรอผมอยู่นะครับครูโจ้” ผมพูดและทำท่าจะเดินออกแต่ครูโจ้ก็ยังรั้งผมไว้อีก

           “ถ้าครูจะไปปลดปล่อยบอกผม..ผมพาไป..ไป ...แฮ้งโอเวอร์กันผมยินดีนะครับครู” ครูโจ้บอกผม

           “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ชอบ...ดื่มเหล้านะครับ...เพื่อนๆบอกผมเมาแล้ว...ยั่ว..ผมเลยคิดว่าไม่ไปดีกว่า ..เฮ้อๆ”อันตรายแกคนรอบข้าง

           “ก็ดีนะซิครับครูจะได้หาแฟนใหม่เร็วๆ!” ผมสะบัดหน้ามามอง ผมได้แล้วครับคิดในใจ ไม่ต้องไปหา

           “ไม่ดีกว่าขอบคุณนะครับครูโจ้ที่เป็นห่วง..ผมไปก่อนคะครับ”

           “ตอนเที่ยงลงไปทานร้านแฟนผมนะครู..วันนี้ไม่คิดเงิน..ฟรีสำหรับครูผู้อกหัก” ผมก็มองดีใจดีไหมผม

           “โอ้ว..เยี่ยม!” ผมยกนิ้วโป้งให้ครูโจ้และรีบเดินออกดีกว่าผมรีบเดินขึ้นไปชั้นบนของตึกวันนี้มีสอนคราบของคริสโตเฟอร์คาบที่สี่พอดีเลิกสอนจะได้ลงไปทานอาหารเที่ยงกัน ตั้งแต่เข้าแถวก็ยังไม่ได้เจอนายนั้นเลยก็ผมมัวแต่น้อมรับคำแสดงความเสียใจ นี้ผมควรจะต้องบอกความจริงกับครูทุกคนใช่ไหมว่าจริงๆแล้วผมนะเป็น ..เป็น...

           “หมับ” ผมกำลังเดินผ่านห้องน้ำครูมีคนดึงผมเข้าไป

           “ปึก” ประตูถูกปิดผมก็มองคนที่ดึงผมเข้ามาคริสโตเฟอร์

           “อืมม” เขาประกบปากจูบผมและไซ้ที่ซอกคผมแถมมือยังสอดเข้าไปในเสื้อผมบี้สองจุดผ่านเสื้อกร้ามตัวบางๆ

           “คริส...พอ..พอก่อน..อย่า..ในโรงเรียน” ผมห้ามปรามและไล่จับมือคริสโตเฟอร์เอาไว้

           “ผมเห็นพี่เดินอยู่อะ..อืมม..อดใจไม่ไหว” คนตรงหน้าผมหยักคิ้วและยิ้มกรุ่มกริ่มให้ผม

           “นี้ผมได้ยินข่าวว่าบรรดาครูพากันช๊อกเรื่องครูลินดากับครูถาวร...อยากรู้ว่าถ้าเขารู้เรื่องครูกับผมจะช๊อกแค่ไหนนะ” คริสโตเฟอร์พูด

           “พี่ว่าพี่ควรจะบอกท่านผู้อำนวยการดีไหม....แต่พี่ก็กลัวจะทำให้เรามีปัญหานะซิคริส”

           “ผมก็อยากบอกแย่แล้ว..ผมอึดอัด...อยากให้เขารู้ว่าผมกับครูเป็นอะไรกัน.” คริสโตเฟอร์พูด ผมเหล่มองมีอะไรนอกจากอึดอัดอีกแน่ๆ

           “บางครั้งมันหึงอะ!!” ผมแอบหันหน้าหนียิ้มดีใจมีคนหึงเหล่ตามองคนที่ทำตาปิ้งๆ ผมก็อดที่ยิ้มไม่ได้เช่นกัน

           “เออ..คริสพี่ต้องไปสอนแล้ว..เดี๋ยวตอนเที่ยงเราค่อยคุยกัน...ตอนนี้นายควรจะไปเข้าเรียนได้แล้ว”

           “อยากกลับบ้านพักอะ...อยากไปเรียนกับครูเขม”

           “เรียนอะไรกับพี่ละที่บ้าน..หึ?”

           “วิชาเพศศึกษา...ครูรัชนีวรรณสอนผมไม่ค่อนเข้าใจและไม่ดึงดูดใจเท่าเรียนกับ....ครูเขม” คริสโตเฟอร์ ผมควรเปลี่ยนสายวิชาการเรียนการสอนใช่ไหม ผมจบเอกภาษาอังกฤษมาแท้ๆเลย

           “ทะลึ้งจริงๆเลยเรานะ...และพี่นี่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษไม่ใช่ครูสอนเพศศึกษาซะหน่อย..แค่รู้นิดๆหน่อยๆ ” ผมพูดและมองนักเรียนสายหื่นของผม

           “คริสพี่ต้องขึ้นสอนแล้ว ไปได้แล้วและนายควรจะไปรอพี่ในห้องเรียนไม่ใช่มาดักรอพี่ที่ห้องน้ำครูแบบนี้!” ผมพูดเอ็ดคริสโตเฟอร์ พร้อมกับติดกระดมเสื้อเชิ้ตนี้แค่ไม่กี่นาทียังถูกปลอดไปตั้งสามเม็ด ก่อนจะเปิดประตูออกมาก็ โป๊ะเชะ!!!!!!
           
                ครูสมพิศยืนอยู่หน้าห้องน้ำด้วยท่าที่เอาหูแหนบแอบฟังที่ประตู ห้องน้ำที่ผมถูกนายคริสลากเข้าไป ครูสมพิศเงยหน้ามองผมกับคริสโตเฟอร์สลับกับไปมาว่าเข้าไปทำไมในห้องน้ำครูและสองต่อสองด้วย

                       “เออ...ครู..เขม...และ..นี้ ...นายคริส..ทำอะไรกันคะ”ครูสมพิศถามผม

                       “เออ...คือ..ผม..เออ..” ผมก็หันไปมองนายคริสว่าเป็นไงละ ไม่ต้องรอไปถึงผู้อำนวยการผมว่าได้บอกันตรงนี้แหละมั้ง

                       “ครูเขมเขาเห็นว่าชายเสื้อผมหลุดออกมานอกกางเกงนะครับ”

                       “และครูเขมเลยดึงผมเข้าไปแต่งตัวให้เรียบร้อย....ครับครูสมพิศ” คริสโตเฟอร์พูด ผมหันมามอง

                       “จริงครับ..นี้..ทีหลังอย่าเอาเสื้อออกมานอกกางเกงอีกนะ..แต่งตัวให้ดีดี เราเป็นนักเรียนนะไม่ใช่นักเลง...จริงๆเลย” ผมหันมาทำเสียงดุและใช้นิ้วหยัดชายเสื้อที่ยังโผ่ออกมาให้ลงไปในขอบกางเกงสีน้ำเงินนั้น  ผมคิดไม่ถึงนายคริสนี้เก่งจริงๆ แถได้เก่งจริงๆ สงสัยผมต้องเรียนจากนายนี้บ้างแล้วมั้ง

                       “น่ารักมากเลยนะคะครูเขม..สงสัยเราจะได้ครูผู้ช่วยฝ่ายปกครองคนใหม่” ครูสมพิศพูด

                       “นายนี้ก็ประจำเลยคริสโตเฟอร์แต่งตัวไม่เคยเรียบร้อยกับเขาสักที..แค่เจ็ดแปดชั่วโมงเองจะตายหรือไงที่จะทำให้เสื้อนี้นะมันอยู่ในกางเกงตลอดเวลา!!”

                       “ดีมากเลยคะครู กฏมีให้ปฏิบัติไม่ใช่มีไว้ให้แหกกฎกัน ” ครูสมพิศพูดผมก็หันไปช่วยหยัดชายเสื้อนักเรียนด้านหลังให้

                       “เข้าใจไหมนายคริส!!”

                       “ครับครู” คริสโตเฟอร์ตอบและหยักคิ้วให้ผม มันน่าไหมนี่ นายตัวดี ผมจะโดนไล่ออกจากการเป็นครูไม่ใช่เพราะแก้มหรือใคร เพราะนายจอมหื่นผมนี่แหละ

                       “ของครูก็ไม่เรียบร้อยนะครับผมช่วย” คริสโตเฟอร์พูดมันก็ออกมานิดหน่อยก็พอตัวดีนี้แหละมือไวจริงๆ ผมรีบจับมือคริสโตเฟอร์ไว้ว่าอย่าเดี๋ยวทำเอง

                       “ถ้าอย่างนั้นพี่ไปสอนก่อนนะค “ ครูสมพิศพูดแต่เหมือนครูจะพูดอะไรสักอย่าง

                       “เออ..คือพี่หยุดฟัง..พี่ว่าพี่ได้ยินพี่เหมือนนักเรียนแอบมาเปิดคลิปหนังโป้ดูกันในห้องน้ำครูนะคะ ..สงสัยพี่จะหูไม่ค่อยดีหรือว่าคิดมากไปเอง..แต่เสียงมันมันเหมือนมากค่ะ แบบ..อย่าว่าพี่ทะลึ้งเลยนะคะ เหมือนครางอะค่ะ ” ผมก็ต้องตกใจ

            “ไม่มีนะครับ! ..ผมไม่เห็นได้ยินอะไรเลย...จริงๆครับ..ครูสมพิศ” ผมรีบพูดและหันมามองหน้าตัวดี เสียงใครนายหรือพี่ ต่อไปเขมชาติต้องเดินห่างๆห้องน้ำเอาไว้ ยั่งอีกยั่งมาหยักคิ้วอีกนะ

           “ถ้าผมได้ยินดีจะจัดการให้ทันที..ไม่สมควรอย่างยิ่งที่นักเรียนจะมา..ทำเรื่องแบบนั้นในโรงเรียน” ผมพูดและเหล่ตาลงมามองคนข้าง ๆ

           “อ้าว!! นี้ยืนจะมาอยู่ทำไม ไม่มีเรียนหรือไงนายคริส..ไปเรียนซิคะนักเรียน” ครูสมพิศเอ็ดนายคริสโตเฟอร์

            “มีครับครูผมไปเดี๋ยวนี้แหละ..ขอบคุณนะครับครูเขม” คริสโตเฟอร์พูดและยกมือไหว้ผม

             “พี่ไปก่อนนะคะครูเขม” ครูสมพิศพูดและเดินไปผมก็ออกเดินเหมือนกันแต่ผมเดินตามหลังนายคริสโตเฟอร์

              “หึๆๆ” ยังมีหน้าหันมาหัวเราะผมอีกนะ

               “เกือบไปแล้วไหมละคริส..เก็บไว้รอไปทำที่บ้าน...ทะลึ่งตลอดเวลา..เดินไปก่อนเลย ไปรอในห้องเรียน!” ผมพูดและนายคริสก็หันมาหยักคิ้วให้ผมและรีบเดินขึ้นไปชั้นบน ผมก็เดินตามหลังเขา โชคดีที่ผมเดินออกมาก่อนเวลาห้านาทีเดี๋ยวได้เข้าห้องเรียนสายแน่ๆ

                       “เอี้อด!!” เสียงเบรคของผมเพราะว่า แก้ม เธอออกมาหยุดตรงหน้าผม ผมต้องเบรคตัวโก้งเลย

                       “แก้ม..!.”

                       “ที่แท้ครูก็เอาเรื่องที่ครูจีบครูลินดามาบังหน้าแต่ครูลินดานะเขาคงไม่เล่นด้วยใช่มั้ยคะ..ต่อไปจะเอาเรื่องอะไรมาบังหน้าอีกละคะครูเขม”

                       “ครูไม่ได้คิดจะหาอะไรมาเพื่อบังหน้าทั้งนั้นแหละแก้ม..” ผมบอกแก้ม


           “ครูรู้ว่าความจริงก็คือความจริงแต่มันก็อยู่ในขอบเขตที่ควรจะอยู่แค่นั้นและอีกอย่างก็ไม่จำเป็นว่าต้องไปประกาศปาวๆให้คนทั้งโลกรับรู้หรอกมั้งจริงมั้ย"

           “เออ..แก้มครูต้องเข้าสอนแล้วนะ..ครูเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้คอยหาแต่เรื่องครูนะแก้ม..แต่ครูยังคงมองว่าเธอคือนักเรียนของครู”

           “ทำไมครูไม่ไปรักคนอื่น..ไอ้พี่ปัน ปันไง นั้นก็เกย์...ทำไมต้องเป็นพี่คริสของแก้มด้วย”

           “แก้ม...ความรักมันไม่ได้เกิดขึ้นแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมันต้องเกิดทั้งสองฝ่ายแก้ม”

           “ครูต้องไปแล้วจริงๆ “

           “แก้มจะเข้าไปหาผู้อำนวยการเดี๋ยวนี้....ที่แก้มไม่ไปเมื่ออาทิตย์ก่อนเพราะว่าแก้มอยากจะคุยกับครูให้ครูหยุดแต่ถ้าครูไม่หยุด..แก้มก็จะทำให้ครูหยุดเอง” ผมหันมามองแก้ม

           “ตามใจแก้มแล้วกันนะ...ครูขอตัวเพราะว่าครูสายแล้ว”

           “เอาที่สบายใจเลยแก้ม”

           “ครูอย่าประชดแก้มนะ”แก้มพูด ผมก็เหลือบมองเวลาที่ข้อมือ อันนี้สายแน่!

           “ครูไม่ได้ประชด...ตามใจแก้ม..ครูไปนะ..สายเลยทีนี้..เวรแล้ว!!!!!”ผมพูดและรีบวิ่งขั้นไปอีกชั้นเพื่อนไปห้องเรียนวันนี้วันอะไรวะเนี๊ยะ!! ตอนแรกเผื่อเวลาไปวะเยอะแต่ตอนนี้สายไปสิบนาทีได้ พอเข้ามาในนักเรียนที่นั่งรอผมอยู่แล้วก็พากันมองกันมองมาที่ผมทำตาแป๋ว ผมก็รีบทำการสอนตามปกติ มีจะมีสายตาแปลกที่มองผม และพ่อตัวดีนั่งมองผม ชี้ที่นาฬิกาที่ผมซื้อให้เขาใส่ไว้ นั้นแปลว่าผมสาย แม้จะใครละที่ทำให้ผมสาย!
ผมก็ทักทายนักเรียนเช่นปกติและเริ่มทำการสอน

                       "แกได้ยินข่าวครูลินดาเป็นเลสเบี้ยนปะ..ครูลินดาไปคบกับครูถาวรอะแก..ครูเขมเลยอกหักอะ..คิก คิก คิก" ต่างก็พากันซุบซิบนินทาเรื่องที่ครูลินดาไปคบกับครูถาวร เป็นข่าวดังมากแถมผมยังตกเป็นผู้น่าสงสารเป็นครูผู้อกหักรักคุดผู้หญิงไม่เอาไปคบกับผู้หญิงด้วยกันอีกด้วย เอาเข้าไป!
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน(ครูขม X คริส)EP.18 เมื่อความลับถูกเปิดเผย
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 17-08-2020 20:30:15
EP.18ครูขม X คริส เมื่อความลับถูกเปิดเผย
  คริสโตเฟอร์
                     ผมโคตรซะใจที่เห็นหน้าแฟนเก่าครูเขมที่ยืนอ้าปากค้าง ตกใจที่รู้ความจริงเรื่องของผมกับครูเขม อันที่จริงผมก็ไม่อยากออกไปทำให้เขามองครูเขมไม่ดี ที่ผมออกไปเพราะว่าผมทนไม่ได้ก็คือเขาว่าครูเขมว่าน่าเบื่อ น่ารำคาญแถมผู้ชายที่ยืนกวนตีนข้างๆนั้น แฟนเก่าซิของครูเขมบอกนั้นตัวจริงอีก ผมเลยเดินเข้าไปจูบซะเลย ไม่รู้กี่สายตาแต่ไม่ซะใจเท่าสายตาของคนที่ชื่อณัฐกานต์ แต่ก็ไม่วายมีเรื่องให้พี่เขมกลุ่มเรื่องเงินในบัญชี ผมเองก็ไม่เข้าใจเพราะว่าผมยังไม่เจอกับตัวเองที่เขาเปิดบัญชีกับแฟนโดยการไว้ใจ ตั้งเงื่อนไข ใครเป็นฝ่ายเบิกก็ได้ สุดท้ายเขาก็เบิกเงินไปซะเยอะแม้ครูเขมจะบอกความจริงว่าเขาก็เคยช่วยตอนที่พ่อครูเขมเสียชีวิตหรือแม้กระทั้งช่วยเหลือให้ครูเขมเรียนได้สำเร็จก็ตามแต่ก็แค่ปีเดียว

                       "คุยกับใครนะคริส" ครูเขมหันมาถามผม ระหว่างที่กำลังเดินพิมพ์ขอ้ความนัดไอ้โจและอาร์ท ว่าให้เจอกันที่ด้านหลัง

                       "บอกพวกไอ้อาร์ทไงครูว่ากำลังจะลงไป" ผมหันไปตอบ ผมสองคนเดินลงมาจากห้องเรียน ผมเห็นสายตาใครๆก็มองครูเขมและ talk of the timeของบรรดานักเรียนไปด้วยจะเป็นเรื่องใครไปไม่ได้ เรื่องของครูเขมอกหักจากครูลินดาแล้วผมก็อดที่จะขำไม่ได้

                       "ไม่ต้องมาขำครูเลยนะ...เดี๋ยวรอครูแป๊ปหนึ่งนะคริส" ครูเขมบอกผมคงรีบเอาหนังสือไปเก็บ ผมยืนอยู่ตรงหน้าห้องพักครู

                       "คริส!!"ผมหันไปมองพี่ภู รุ่นพี่ม.6 เพื่อนของไอ้พี่กาย กับไอ้พี่อั๋นนั้นแหละ

                       "ว่าไงเพ่" ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่เขาแบบไม่กลัวเกรง ผมเงยหน้าขึ้นมองมันหยักคิ้วให้ว่าแม่งจะมาหาเรื่องอะไรอีก

                       "พี่มาคุยดีดี...เมื่อศุกร์ไปเมามาหรอ" ไอ้พี่ภูมันถามผม

                       "พี่รู้ได้ยังไง"

           "มีคนเห็นและมีคนในผับสนใจมึงวะ..พี่อิทอะ" ผมเงยหน้าขึ้นมอง ไอ้อิทนี้มันเป็นเกย์ ผมรู้ดีแต่มันมาสนใจผมทำไมอะ ผมก็ไม่เคยไปยุ่งกับมันซะหน่อยแค่เคยได้ยินชื่อมันเฉยๆ

                       "สนใจอะไร" ผมถามด้วยนำเสียงกวนตีนกลับไป

                       "สนใตตูดมึงอะ"

                       "ไปไกลไกลตีนดีกว่าพี่ภู...ต่างคนต่างอยู่พี่..ผมเองไม่อยากไปมีเรื่องกับพวกพี่หรอกนะ..แม่งมากวนตีนและคนผิดก็เป็นผมอีกก็แค่ลูกนายตำรวจ..ไม่มีที่เบ่งหรือไง"

                       "ไม่เอานะน้องคริส..ที่ผ่านมากอะไรที่ผิดหูผิดตากันไปก็แล้วกันไป" ผมเอกยืนเอียงคอมองหน้ามันว่ามันจะมาไม้ไหนของมันวะ

                       "พี่พูดจริงมันสนใจมึงมาก..มันอยากได้มึงมาทำเมียมันวะ...ไหน..ไหนมึงก็เป็นแล้วนิ..ลองดูหน่อยไหมเพื่อจะติดใจ..อาจจะลืมของครูไปเลยก็ได้นะ"นั้นไง

                       "ไปไกล ไกล ไป...ผลั๊ก" ผมผลักออกมันให้ออกไป มันแค่เซ่ไปเท่านั้น

                       "อะไรกันนะคริสนี้มีเรื่องอะไรกัน"ครูเขมออกมาพอดีเลย ไอ้พี่ภูหันไปมองหน้าครูเขมและหันกลับมามองหน้าผม

                       "มันฝากบอกว่ามันสนใจมึงมานานแล้วไอ้คริส!! " ไอ้พี่ภูมันพูดกระซิบข้างหูผมและเดินออกไปเอามือล้วงกระเป๋านักเรียนโดยมีสายตาครูเขมที่ยืนมองและเขาก็เข้ามาหาผม

                       "มีเรื่องอะไรอีกเหรอคริส" ครูเขมถามผม ผมหยักไหล่ผมว่ามันคงเข้ามาพูดแซวผมมากกว่า

                       "มันบ้านะครู...มันก็คงมาแขวะผมเหมือนที่ไอ้พี่กายมันทำนั้นแหละครูเขม ..มันเพื่อนกัน"ผมพูดครูเขมก็พยักหน้า

                      "แต่ผมอยู่เฉยๆนะครู..ไม่ได้โต้ตอบด้วยนะ...ผมเก่งปะ" ผมพูดครูเขมยกไหล่ขึ้น

                       "เก่งมาก" แต่อันทำให้คริสโตเฟอร์ยิ้มได้ ผมเดินลงมาด้านล่างกันสองคน

                       ตื้ด!! เสียงข้อความจากแอพพลิเคชั่นสีเขียว
Jo Jo : มาแล้วนะพวกกรูซื้อข้าวกันแล้วด้วยรอที่โต๊ะเลย
KissKhem: กูเข้าไปซื้อข้าวกับพี่เขมก่อนเดี๋ยวกูไปวะ
Jo Jo : @KissKhem:  แม้..เดี๋ยวนี้ ..ติดครูนะครับมึง

                      ผมเดินลงมาจากบันได้ของอาคาร ผมเดินผ่านพวกไอ้พี่ภู ไอ้พี่กาย และไอ้พี่อั๋นมันมองผมกับครูเขม แบบกวนตีนได้อีก ครูเขมหันมามองผม ผมก็หันไปมองทางอื่นไม่อยากมีเรื่อง โดยปกติผมไม่ยอมนะแต่นี้ครูเคยบอกผมไว้ว่าให้ผมอดทนผมต้องทำให้ได้

                      "มีอะไรดีวะ..กะอีแค่ตูด"

                      "แสดงว่ามันต้องมีดีวะ..สงสัยต้องลอง"

                      "เออวะ..ฮาๆ " ผมเดินกำหมัดตัวเองแต่ไม่หันไปมอง ผมกำแน่นมากจนผมรู้สึกว่ามีมือมาจับและพยายามแกะมันให้คลายออก โดยครูเขม

                      "ถ้าปกติผมคงวิ่งเข้าไปตะบันหน้ามันแล้วครู"

                      "ช่างเขาเถอะ ..ไปดูซิว่าจะกินอะไรดี เออ ครูว่าจะไปกินร้านครูโจ้ซะหน่อยเขาบอกว่าวันนี้ครูกินฟรี" ครูเขมพูดผมก็มู่ปากเลย ฟรีครูคนเดียวนะซิ ผมเดินไปดูว่าจะกินอะไรดีเห็นวันนี้ร้านป้าเขามักจะทำอาหารมาขายไม่ค่อยซ้ำกัน และวันนี้ก็มีบะหมี่หมูแดงที่ผมชอบซะด้วย

                      "ครูผมไปซื้อบะหมี่หมูแดงนะครู" ผมพูดและรีบเดินไปทันที

                      "ป้าเอาบะหมี่หมูแดงไม่ใส่ผักกวางตุ้ง!!!!" เสียงประสานกันผมแทบจะไม่ต้องหันไปมองเลยว่าเป็นเสียงของใคร ผมจำได้ดีแม้จะไม่ได้พูดคุยกันมากหนึ่งอาทิตย์เต็ม ผมกับไอ้โป้งชอบอะไรที่คล้ายๆกันยกเว้นสเป็กตอนนี่ผมหันมาชอบผู้ชายไปแซวแล้วแต่ผู้ชายคนเดียวนะคือครูเขม

                      "โป้ง" พอผมหันมาเจอหน้าไอ้โป้งที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋าสองข้างสไตล์ของมัน มันก็หันหลังจะเดินออก ในเมื่อบะหมี่เป็นของโปรดของมันแต่มันเลือกจะเดินออกเพราะผมนี่นะ

                      "โป้งมึงจะงอนกูเป็นสาวๆทำเหี้ยอะไรวะ" ผมสะบัดเสียงไปพูดใส่ไอ้โป้ง

                      "เออกูเห็นด้วยวะกับไอ้คริสวะโป้ง..มึงเป็นบ้าอะไรของมึง!!" ไอ้ปัน ปันมันก็พูดและไอ้โป้งมันก็เดินกลับมายืนโดนที่ยังเก็กไม่พูดอะไร มันก็ยังดีผมก็แค่ยิ้มๆกับไอ้ปัน ปัน

                      "ไอ้โจกับไอ้อาร์ทละวะ" ไอ้ปัน ปันมันถามผม

                      "ด้านหลังวะ..ไปนั่งด้วยกันดิวะ" ผมหันมาบอกไอ้ปัน ปัน ผมแอบเหล่มองไอ้ขึ้เก็กเพื่อนของผม

                      "ไปดิ..วันนี้คนลงมากินที่ห้องอาหารเยอะวะ ...เฮ้ย! ครูเขมเรียกมึงปะวะ" ไอ้ปัน ปันมันชี้ไป ผมหันไปมองครูเขมเขาก็บอกว่าไปรอด้านนอก ผมพยักหน้า

                      "พี่โป้งคะ..อย่าลืมที่ตกลงกับ กี้ไว้นะ...ที่ให้กี้ช่วยแล้วก็อย่าลืมรางวัลของกี้ละ" ผมหันมามองน้องกี้ สาวสวยที่ใครก็พากันจีบแต่น้องเขาแอบชอบไอ้โป้ง ผมหันมามองไอ้ปัน ปัน เมื่อกี้ยังดี้ด้าอยู่เลย

                      "ได้ครับน้องกี้..ตอนเย็นเจอกันนะครับ"ไอ้โป้งมันตอบน้องกี้ไป

                      "ค่ะพี่โป้ง"และน้องกี้ก็เดินออกไป

                      "เฮ้ย!" ผมสะกิดเรียกไอ้ปัน ปัน มันก็พยักหน้าว่ามันโอเค แต่ผมว่าไม่โอเคเท่าไหร่หรอก ไอ้โป้งนี้แม่งก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลยมีคนที่รักมันอยู่ข้างๆ แต่มันดันมองไม่เห็น ผมก็รับชามบะหมี่มาถือไว้ ก่อนะเดินออกผมหยักไหล่ให้มันดึงไอ้โป้งไปนั่งให้ได้นะ ไอ้ปัน ปันมันหยักไหล่กลับ

                      "ครูเขม" ผมเดินออกมาเรียกครูเขม และเดินไปที่นั่งด้านหลังพร้อมกันระหว่างที่ผมถือชามไปผมเห็น แก้มยืนมองผมจาดด้านในและเพื่อนเธอก็หันมามองผมกับครูเขม แก้มเธอสะบัดหน้าไปเดินเข้าไปเพื่อไปเข้าแถวซื้ออาหารเที่ยงตามปกติ ผมเดินมาที่โต๊ะโดยมีพวกไอ้อาร์ทและไอ้โจ มันกินไปเล่นมือถือไป ผมนั่งลงข้างๆกับครูเขม

                      "อาร์ท โจ มึงได้ยินข่าวครูถาวรกับครูลินดาปะ" ผมถามไอ้ที่นั่งกดมือเล่นพอได้ยินว่าครูถาวรมันเงยหน้าพร้อมกันทันที ครูเขมขยิบตา

           "ทำไมวะกรูพล้าดอะไรไปวะ"ไอ้อาร์วางมือถือมันลงและมองผมตาโตเลย หันไปหยักคิ้วให้ครูเขม

           "กรูได้ยินวะแต่กูคิดว่าไม่ใช่เรื่องจริงวะมันไม่ใช่ใช่ปะวะ"ไอ้โจ

           "ครูเขาอยู่สายเลสโว้ยย" ผมพูด

           "ห๊ะ!!!!!" พวกมันต้องร้องออกมาด้วยความตกใจ

           "ไม่จริงอะ...ครูถาวรของอาร์ท..กรูแอบมองมาตั้งนาน!!!!!"

           "ไม่จริงอะ!! ......โจรับไม่ด้ายยย!!" ผมแอบเห็นมันชอบมองครูถาวรอยู่บ่อยๆ ไอ้สองตัวนี้มันชอบสาวอายุเยอะกว่า ดูมันกอดกันกลมเลยอกหักแอบหลงรักครูสาว

           "มันแอบปลื้มครูถาวรพี่เขม...ฮาๆ " ผมหันมากระซิบกับพี่เขม แต่ผมรู้สึกว่ามีคนคีบหมูแดงผมไปกินนะ

           "เฮ้ย!! พี่เขม..เนียนวะ..เอาหมูแดงผมไปกินทำไมมีน้อยๆอยู่." ผมเงยหน้าขึ้นจะแย้งคืนก็ไม่ทันแล้วเข้าปากไปแล้ว

           "กินของพี่ไหมละ..แฟนครูโจ้ให้มาซะเยอะเชียว" ครูเขมพูด ผมก็ตักมากินเรียกได้ว่าแบ่งกันกินนั้นแหละ แต่ผมสองคนลืมไปว่านั่งอยู่ในสายตาไอ้โจกับไอ้อาร์ท

           "เว้ยย" พอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตกใจมันจ้องมองผมสองคนอยู่

           "เบาๆหน่อยก็ได้มั้งเกรงใจเพื่อนบ้าง...อิจอะ" ไอ้โจมันพูด

           "เสือกไปหาแฟนโรงเรียนอื่นทำไมวะ นักเรียนหญิงที่นี้ก็เยอะแยะไม่จีบ" ผมพูดไปครูเขมก็ยิ้ม

           "คริส..เมียเก่ามึงมา..ฮาๆ" ไอ้อาร์ท มันบอกผมเมียเก่าผมเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเป็นไอ้โป้ง มันเดินมากับไอ้ปัน ปัน ผมเลยต้องกระเทิบออกจากครูเขมจากที่นั่งเบียดยังไงก็เกรงใจไอ้โป้งที่มันไม่ชอบเกย์

           "นั่งด้วยได้ไหมวะ" ไอ้ปัน ปัน

           "มาขนาดนี้แล้วปันเอ้ย!!!..นั่งเถอะลูก"

           "ขอบคุณครับพ่ออาร์ท" ไอ้ปัน ปัน พวกผมชอบแซวว่ามันพ่อลูกกัน ไอ้ปันมันบอกว่าพ่อมันชื่อเดียวกับไอ้อาร์ท ชื่อนายอานนท์ พวกผมเลยยกให้ไอ้ปันปันเป็นลูกไอ้อาร์ทไปแบบเล่นๆครับ

           "ไม่เจอกันนานนะลูกปัน ปันของพ่อ " ไอ้อาร์ทมันจับแก้มไอ้ปัน ปัน

           "อย่าจับแก้มผมนานนะครับพี่อาร์ท..เดี๋ยวผมคิดขึ้นมาพี่อาจจะเสียว..."  ไอ้ปันปันมันพูด ทำให้อาร์ทถึงกับชงัก มันคงลืมไปไอ้ปันปันมันบอกว่ามันก็เป็นเกย์

           "เว้ย!! กรูลืมไป!!" ไอ้อาร์ทมันนึกได้ว่าไอ้ปัน ปันมันเคยบอกไปว่าอะไรมันรีบชักมือกลับ

           "นั่งดิโป้ง..มึงจะยืนทำอนุสาวรีย์อะไรตรงนี้..หรือว่าลืมตูดไว้ที่บ้านพัก" ไอ้โจ ผมเงยหน้ามองไอ้โป้ง ไอ้โป้งมันก็ค่อยทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ข้างๆไอ้ปัน ปัน และมันก็นั่งข้างๆ ผม

           "หวัดดีครับครูเขม" ไอ้โป้งมันยกมือไหว้ครูเขม ครูเขมพยักและส่งยิ้มให้โป้ง ไอ้โป้งก็ปั่นหน้านิ่ง

           "ปัน ปัน มึงกินหมูแดงปะ แม่งเยอะเต็มชามกูเลยเนี๊ยะ" ไอ้โป้งมันถามไอ้ปัน ปัน

           "กรูก็มีเยอะอยู่แล้วไอ้โป้งครับ ..แค่นี้กูจะกินหมดหรือเปล่ายังไม่รู้เลย..และว่าจะแบ่งให้มึง..กูคงไม่ต้องแล้วใช่ปะวะ"ไอ้ปัน ปัน มันพูดกับไอ้โป้ง แต่ผมเห็นไอ้อาร์ทมันกำลังอ้าปากแซว ผมเลยรีบห้ามซะก่อน ผมไม่อยากทำลายบรรยากาศของไอ้โป้งและไอ้ปันปัน หามันเผลอแซวว่าไอ้ปันปันมันแอบชอบโป้งขึ้นมา ไอ้อาร์ทมันรีบเอามืปิดปากตัวเองวะก่อน

           "ไอ้คริสมันชอบไม่ใช่เหรอ..ให้มันไปดิ" ไอ้โจมันพูด ผมเงยหน้ามองหน้าไอ้โป้งว่ายังไงของมึง

           "อะ..กู..ไม่ค่อยชอบกินหมู..เท่าไหร่..อะ" ไอ้โป้งมันพูดและคีบมาให้ผม หน้ามันไม่มองผมหรอก ผมหันไปหยักคิ้วให้ครูเขมว่าเพื่อนผมมันเก็กดีไหมละ

           "หึ..หึ.." ครูเขมหัวเราะผมในลำคอ

           "ใจวะ..โป้ง" ผมเงยหน้าขึ้นตอบมัน

           "เออ....พี่เขมอยากะเปิดร้านกาแฟและเปิดสอนติวภาษาอังกฤษด้วยวะ" ผมพูดขึ้นพวกเพื่อนๆผมเงยหน้าขึ้นมามองผมกับครูเขมกันหมดเลย

           "พวกมึงรู้ไหมวะมีที่ไหนที่เขาให้เช่าราคาไม่แพงบ้างไหมวะ" ผมถามขึ้น

           "ตึกแถวป้าของไอ้อาร์ทไง " ไอ้โจมันพูดขึ้น ผมกับครูเขมหันไปมองหน้าไอ้อาร์ท

           "เขายังเช่าอยู่เลยแต่จะหมดสัญญาอีกเดือนพฤษภาคมนี้แหละ" ไอ้าร์ทพูด

           "พี่เขมดีเลยอะ เราเช่าเขาต่อไหมพี่และผมก็ไปเรียนชงกาแฟนะกลับมาก็เปิดได้เลยพี่เขม" ผมพูดพี่เขมก็พยักหน้า

           "ช่วยหน่อยดิวะอาร์ท" ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าไอ้อาร์ท

           "เอาวะกูไปบอกป้าให้แบบเกริ่นๆก่อนนะและรายละเอียดครูเข้าไปคุยกับป้าผมเองนะครับแต่ห้องกว้างครับครูและไม่ไกลจากที่โรงเรียนด้วยครับ"

           "ผมสมัครเป็นพนักงานล่วงหน้าได้ไหมครับครู.." ไอ้โจมันพูด

           "มึงอยากชงกาแฟหรอโจ้" ไอ้ปัน ปัน ถามไอ้โจ้

           "กูอยากไปนั่งดูสาวๆน่ารักวะ เพราะส่วนใหญ่เขาจะมานั่งกันในร้านกาแฟวะ" ไอ้โจมันพูด

           "ไอ้หน้าม้อ!!!"  พวกผมร่วมกันประณามไอ้โจโดยพร้อมเพียงกัน

           "ครูแม่ไอ้โป้งทำเบเกอรี่ส่งด้วยนะ..." ผมหันไปบอกครูเขม

           "ดีเลย....มีกาแฟสดก็ต้องมีพวกเบอเกอรี่บ้าง" ครูเขมพูดและหันไปมองโป้ง แต่มันก็ยังไม่ได้พูดอะไร จังหวะที่

                      Rrrrr มันดังขึ้นพอดีเลย มันรีบวิ่งออกไปเพื่อกดรับสาย ผมได้แต่มองมันดูมันร้อนรนยังไงก็ไม่รู้ เหมือนกับว่ามีเรื่องแน่ๆ ผมได้แต่ชะเง้อมองตามไป

                       "กูลืมบอกพวกมึงไปวะ..พ่อไอ้โป้งเข้าโรงพยาบาล....พ่อมันเป็นโรคหัวใจเฉียบพลันว่ะ" ไอ้ปัน ปัน พูด ทำเอาพวกผมหยุดทานกันหมดเลย พี่เขมด้วย ผมหันมามองหน้ากันหมด นี่ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยนะ แต่ไอ้ปันปันมันบอกว่าโรคหัวใจเฉียบพลันนี้แปลว่าเพิ่งจะเป็นซินะ

           ตื้ด ตื้ด ข้อความเข้ามือถือของครูเขมชาติ

           "พี่ต้องไปก่อนนะคริส..ครูลินดาส่งข้อความหาครูว่ามีประชุมครูด่วน" พี่เขมบอกกับผม ผมพยักหน้าและพี่เขมก็คว้าขวดน้ำเปล่าพร้อมกับลุกขึ้น

           "ดูโป้งด้วยละ..คริส เพราะเขาเป็นเพื่อนเรา" ครูเขมก้มลงบอกผม ผมก็พยักหน้า  ผมก็ยังหันไปมองไอ้โป้งมันคุยโทรศัพท์อยู่ แม่มันแน่ๆเลย

           "เจอกันที่บ้านพักนะ...พี่จะเข้าไปอาบน้ำก่อนและออกมาสอนพิเศษ" ครูเขมชาติบอกผม ผมสะบัดหน้าไปมองพี่เขม

           "ดีเลยงั้นผมจะไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยออกมาซ้อมบาสนะพี่เขม" ผมหันไปบอกครูเขมชาติ พี่เขมก็เลิกคิ้วมองผม และพยักเพยอให้ผมหันกลับไปมองเพื่อนๆ

           "หึ??" ทั้งสามคน ไอ้อาร์ท ไอ้โจ้ และไอ้ปัน ปัน  ผมหันไปมองมันสงสัยทำไม

           "มันต้องซ้อมก่อนค่อยไปอาบน้ำไม่ใช่เหรอว่ะ" ไอ้อาร์ท ครูเขมยืนกอดอกเหล่ลงมามองผม

           “ทำไมอะ มึงไม่เคยทำซะซิท่า “ ผมหันไปแถถามพวกมัน

           “ไม่มีอ่ะไอ้เชี้ย!” ไอ้อาร์ทมันด่าผมอีกและทำท่าจะตบหัวผมด้วย

           "เออ.แต่กูก็คิดว่าท่าจะดีวะ..กูลองชวนไอ้โป้งอาบน้ำก่อนค่อยออกมาซ้อมบาสบ้างวะ" ไอ้ปัน ปัน

           "ไอ้นี้หาเรื่องเนียนกับไอ้โป้งอีกแล้วสาด"ไอ้โจ้ ผมหันไปพยักหน้ากับครเขมและพี่เขมก็เดินออกไป ผมเพิ่งรู้นะว่าเวลารักใครและอยากอยู่กับคนนั้นนานๆไม่อยากห่างหายไปเลยสักนาที่มันเป็นแบบนี้นี้เองอะ

           "ไอ้ปัน ปัน พ่อให้โป้งเป็นหนักไหมวะปัน ปัน" ผมหันมาถามไอ้ปัน ปัน

           "ก็คงหนักอยู่นะ..ไอ้โป้งมันทำหน้าเครียดตั้งแต่เมื่อวานแล้ว" ปัน ปันพูดด้วยสีหน้าซีเรียสทันที

           "เพราะว่าถ้าพ่อมันทำงานไม่ได้มันอาจจะไม่เรียนต่อวะ"ไอ้ปัน ปันพูดผมหันไปมองไอ้โป้งมันยังคุยโทรศัพท์อยู่สีหน้าไม่ค่อยดีเลยและถ้าเป็นแบบที่ไอ้ปัน ปันพูดจริงๆ ไอ้โป้งมันคงแย่

           "มันกำลังจะขายบิ๊กไบท์วะ" ไอ้ปัน ปัน พูด ทุกคนทำหน้าตกใจเพราะว่าไอ้โป้งมันรักบิ๊กไบท์มันมาก

           "กูก็จะขายวะ" ผมหันมาพูดใช่บิ๊กไบท์ผมไง ขายเพื่อว่าจะช่วยครูเขมได้บ้าง

           "อ้าว! ทำไมมึงจะขายวะมึงรักรถคันนี้จะตายไป" ไอ้อาร์ทถามด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจ

           "ระหว่างรถกับคนรักมึงจะเลือกอะไรวะ" ผมถามไอ้อาร์ทกลับไป

           "คนรักว่ะ" ไอ้อาร์ทตอบผมพยักหน้าว่าใช่

           "มึงหาคนซื้อให้หน่อยเอาราคาดีดีนะโว้ย!..เพราะกรูโคตรถนอมลูกรักกูเลยวะแต่กูเลือกจะขายเพื่อช่วยครูเขมวะ" ผมบอกโจ้ พ่อมันเปิดโชว์รูมขายรถย่อมที่จะมีคนรู้จักเยอะ

           "ได้ดิ เพื่อนกันช่วยอยู่แล้ว" ถ้าผมขายแล้วต่อไปก็คงไม่มี คริสและบิกไบท์และถ้าไอ้โป้งอีกคนก็คงไม่มีโป้งและบิ๊กไบท์เช่นกัน ผมสองคนชอบเหมือนกันเลยไปไหนมาไหนกันได้ยิ่งตอนขี่บิ๊กไบท์ไปด้วยกันนี้นะสาวๆหันมองแบบเหลียวหลังเลยและเพราะบิ๊กไบท์ด้วยสาวๆถึงได้ติดตึมเมื่อก่อน แต่ก็ไม่เคยมีใครได้ซ้อนท้ายมีครูเขมคนเดียวและแก้มอันนั้นบังคับผม(ไม่นับดีกว่า)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
                       Part ครูเขมชาติ ผมเดินตามบรรดาครูเพื่อเข้าประชุมด่วน ผู้อำนวยการพอกลับมาจากอำเภอก็เรียกประชุมครูทันที เหมือนรับเรื่องอะไรมาด้วยแน่ๆ

                       "ท่านผอ.ต้องรับงานมาให้แน่ๆเลยเรียกประชุมด่วนแบบนี้ งานที่มีก็เต็มโต๊ะอยู่แล้ว" บรรดาครูต้องแอบบ่นกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา เป็นครูไม่ได้มีหน้าที่สอนอย่างเดียวต้องมีการประเมิณนั้นประเมิณนี้ก่อนจะผ่านประเมิณก็ต้องไปรับการอบรมและมีผลงาน

           “สวัสดีครับครูเขม” ผมหันไปก็เจอครูสมชาย

           “สวัสดีครับครูสมชาย ว่าแต่คุณแม่ครูเป็นยังไงบ้างครับ “

           “แม่ผมนะเหรอครับ ดีขึ้นแล้วครับ ช่วงหลังมาแม่นอนไม่ค่อยกลับนะครับ และคุณหมอก็ให้ทานไวตามินเพิ่มก็ดีขึ้นบ้างแล้วนะครับครูเขม” ครูสมชายพูด ผมก็ยิ้มกลับ ผมยังแอบแปลกใจ ที่ครูลินดาบอกผมว่าครูเขาไปบอกผอ.ให้ระวังครูกับนักเรียน ผมว่าเขาก็ดูไม่ใช่คนร้ายกาจอะไรนะ

           "ท่านผอ.มาแล้ว"ท่านผอ.เดินเข้ามาพอดีเลย ทุกคนก็หันไปมองที่ด้านหน้าห้องประชุม
 
           "สวัสดียามบ่ายแบบนี้นะครับคุณครู ก่อนอื่นผมต้องขอโทษจริงๆที่เรียกประชุมด่วนเรามี"

           "งานให้ทำเหรอคะผู้อำนวยการ ตอนนี้งานเต็มโต๊ะไปหมดแล้วคะ ประเมิณนั้นประเมิณนี้ทำไม่ทันแล้วนะคะ" ครูสมพิศเอ่ยอื่น ครูทุกคนพยักหน้าพร้อมเพียงกันมาก

           "งานนี้จะเป็นงานง่ายๆครับ เราอยากให้ครูนี้เข้าไปพบผู้ปกครองเพื่อพูดคุยเราจะได้ทราบถึงพฤติกรรมความเสียงยาเสพติดของนักเรียน มันเป็นการช่วยและป้องกันได้อีกทางหนึ่งนะครับครูผมขอความาร่วมมือกันหน่อย..บร้าๆๆๆ" ผู้อำนวยการก็พูดไปเรื่อยๆ ผมก็ฟัง

                      "ผมต้องขอชื้นชมครูเขมชาติ ผมได้ยินบรรดาครูพูดกันว่านายคริสโตเฟอร์นี้เขาตั้งใจเรียนมากขึ้นไม่โดดหนีเลยสักคาบเรียนซึ้งปกติเดี๋ยวหาย เดี๋ยวหาย ...ผมโทรคุยกับแม่เขานะเขาดีใจที่ลูกเขากลับมาตั้งใจเรียนมาก" ผมสะดุ้งตรงที่ผู้อำนวยการพูดชมผมนี้แหละ

                       "ครูมีดีอะไรหรอครับ ผมเป็นครูมาสามปียังเอานักเรียนเกรียนๆไม่ค่อยอยู่ ไม่ซิ ไม่อยู่เอาซะเลย" และคำถามก็เริ่มประดังมาที่ผมว่าผมมีดีอะไร

                       "ครูมาแค่สามอาทิตย์กว่าๆเองนะครับครู" ครูโจ้อีกคน

                       "นั้นซิคะมีดีอะไรนะบอกกันบ้างซิค่ะ นักเรียนแต่ละห้องก็มีเกเรกันทุกห้องเลยค่ะ “ครูลิมาพูดขึ้นบ้าง

                       "ไปทำอีท่าไหนนักเรียนเกรียนและดื้อมากอย่างนายคริสนะค่ะ..ถึงได้กลับมาตั้งใจเรียนได้คะ" อู้ยย!! ผมเลยไม่รู้จะตอบคำถามใครก่อนดีทั้งที่มันก็ให้ความหมายเดียวกันนั้นแหละครับและทุกสายตาก็มองมาที่ผมกันหมดเหมือนต้องการคำตอบ ณะ บัดนี้

                       "ขออนุญาติคะ!!!"เสียงดังมาจากทางหน้าห้อง เป็นเด็กนักเรียนหญิง คนนั้นคือแก้ม

                      "เธอมีอะไรครูประชุมกันอยู่" ครูนิดหันไปพูดเชิงต่อว่าแก้ม

                       "หนูมีเรื่องจะพูดค่ะเรื่องครูเขมกับนายคริสโตเฟอร์คะผู้อำนวยการ เขาสองคนทำเรื่องไม่ดีในโรงเรียนค่ะ"

                       "แก้มเอาไว้ไปคุยกับครูที่ห้องดีกว่านะตอนนี้ครูประชุมกันอยู่" ครูลินดาลุกขึ้นแต่ผู้อำนวนการยกมือให้ครูลินดานั่งลง

                       "ผู้อำนวยการหนูควรจะได้พูดค่ะ"

                       "เชิญ..เรื่องอะไรเหรอที่เธอคิดว่าควรจะต้องพูด" ผู้อำนวยการหันไปยกมือให้โอกาสแก้มได้พูด แก้มหันมามองหน้าผม

                       "ครูเขมค่ะกำลังทำเหมือนที่ครูมิ้งทำกับแชมป์คะ " แก้มพูด

                       "โอ้ววว!!!!" บรรดาครูพากันร้องตกอกตกใจกันทั้งหมดและหันมามองหน้าผมกันหมดเช่นกัน

                       "จริงเหรอค่ะครูเขม!!!" ครูรัชนีวรรณเอ่ยถามผมเสียงดัง

                       "จริงค่ะ!! และยังพาพี่คริสไปนอนที่บ้านพักครูด้วยกันด้วยค่ะ "

                       "จริงเหรอครับครู!!!! " อันนี้ผู้อำนวยการถามผม

                       "ครูเขมเป็นเกย์ค่ะ!!" แก้มพูดเสียงดังและหันหน้ามาเบ้ปากใส่ผมด้วยความสะใจ

                       "จริงเหรอครับครูเขม!!!! " อันนี้ครูโจ้ ลุกพล้วดขึ้นมาถามผม ทุกสายตามองไปที่ครูโจ้กันหมด

                       "ทำไมครูโจ้ต้องตกใจอะไรขนาดนั้นละค่ะ" ครูนิดถามครูโจ้ขึ้นทันที

                       "เมื่อเช้ากอดซะแน่นเลย!!...ทำไมครูไม่บอกผมก่อนละครับ.ว่าครูเป็นเกย์" ครูโจ้พูด ผมก็เงยหน้ามอง ผมว่าผมพยายามดันออกแล้วนะครับครูโจ้

                       "นี้ครูเผลอคิดอะไรกับผมบ้างไหมครับเนี๊ยะ!!! " ครูโจ้พูด ผมเงยหน้ามองครูโจ้ ก็บอกอยู่แล้วว่าอย่ากอดผม

                       "ตกลงยังไงกันคะครูเขม...ครูเป็นเกย์เหรอคะ" ครูสมพิศลุกขึ้นถามผม ผมก็คงต้องบอกความจริงซินะว่าผม

                       "ครับ..ผมเป็นเกย์.."ผมลุกขึ้นตอบ บรรดาครูที่นั่งประชุมต่างพากันตกใจ

                       "ผู้อำนวยการคะลินดาขอคุยกับแก้มเองนะ..แก้มตามครูมาเดี๋ยวนี้เราต้องคุยกันแบบลูกผู้หญิง" และครูลินดาก็รีบออกจากห้องประชุมไปลากแขนแก้มออกไปด้วย

                       "โอ้ย! ครูลินดาคะดึงแก้มทำไมละค่ะแก้มเจ็บค่ะ" เสียงของแก้มโวยวายอยูู่ที่หน้าห้องและเงียบไปคงเดินไปกับครูลินดาเรียบร้อยแล้ว บรรยากาศในห้องประชุมตอนนี้เงียบมาก

                       "ถ้าอย่างนั้นที่ดิฉันเห็นในห้องน้ำครูกับคริสโตเฟอร์ก็..." ครูสมพิศพูดขึ้น

                       "ไม่ใช่ครับผมแค่เข้าไปคุยกันเฉยๆ..เออ..มีหอม..กัน....นิดหน่อย..แค่นั้นจริงๆ " ผมหันไปตอบครูสมพิศ

                       "แล้วที่นายคริสโตเฟอร์เดินไปบอกผมว่าฝักบัวหักนี้เพราะ..เออ..เพราะว่าครู..."ครูโจ้อีกแล้วครับที่ยกมือถามผม

                       "เออ..ไม่ใช่ครับมักหักอยู่แล้ว...ผมกลับมาเจอครับ...ไม่ใช่อย่างที่คิดแน่นอนครับครูโจ้ ไม่..ไม่.เออ..มันหักตอนผมลื้นล้มและเอามือไปเท้ามันและนายคริสโตเฟอร์เขาเดินไปหาผมพอดีครับ..จริงนะครับ!!!"

                       "และเหตุผลที่ครูลินดาไปคบครูเก่งก็เพราะว่าครูเป็นเกย์ใช่หรือเปล่าครับ" ครูโจ้ อีกแล้วเหรอครับ

                       "ไม่ใช่ค่ะ ...เก่งกับครูลินดานะเป็นแฟนกันมาตั้งแต่ลินดายังเรียนไม่จบคะ"ทุกคนหันไปมองครูถาวรเป็นตาเดียวกัน ครูเก่งพูดและหันมายิ้มให้ผม เหมือนการส่งกำลังใจ 

                       "ครูเขมครับผมว่าเราต้องไปหาที่เงียบๆคุยกันแล้วมั้งครับ...มีดีแบบนี้นี่เองนะ มิหน้าถามไม่บอกเก็บเงียบเชียว..เลิกประชุมครับคุณครู...งานเข้า!! เรื่องประเมินอะไรช่างมันก่อนครับ " ผู้อำนวยการบอกเลิกประชุมทันทีและชวนผมไปคุยที่ห้องทำงานท่าน ผมเดินตามผู้อำนวยการไปที่ห้องท่านทันทีและบรรดาครูที่เดินออกมาก็พากันถกเถียงเรื่องของผมกับคริสโตเฟอร์

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน(ครูเขมX คริส)EP.18.1 เมื่อก็ตอ้งแยกกันสักพักP1
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 18-08-2020 19:12:09
     (http://image.free.in.th/v/2013/id/200818121824.jpg) (http://picture.in.th/id/8d36934349b6db18d9049b0e28fcda8b)

EP.18.1 ครูเขมX คริส เมื่อสถานะถูกเปิดเผย ก็ตอ้งแยกกันสักพัก(ครึ้งแรก)
Part ครูเขมชาติ          "ครูเขมครับผมว่าเราต้องไปหาที่เงียบๆคุยกันแล้วมั้งครับ...มีดีแบบนี้นี่เองนะ มิหน้าถามไม่บอกเก็บเงียบเชียว..เลิกประชุมครับคุณครู...งานเข้า!!" ผู้อำนวยการบอกเลิกประชุมและชวนผมไปคุยที่ห้องทำงานท่าน ผมเดินตามผู้อำนวยการไปที่ห้องท่านทันทีและบรรดาครูที่เดินออกมาก็พากันซุบซิบเรื่องของผมกับคริสโตเฟอร์

                       "เป็นไปได้ยังไง..ตายแล้วจะมีประวัติซ้ำรอยอีกไหมเนี๊ยะ"

                       "พี่ก็ได้ยินนักเรียนบางคนคุยกันนะแต่พี่ก็ไม่ปักใจเชื่อสักเท่าไหร่"

                         ผมเดินตามผู้อำนวยการเข้าไปในห้องทำงานของท่าน ท่านเปิดแอร์เรียกว่าระดับต่ำมาก ก่อนที่ท่านจะนั่งลงท่านก็ผายมือให้ผมนั่งตรงข้ามท่านเช่นกัน

                       "ครูเขม...มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงครับครู..นั้นนักเรียนนะครับครู" ผู้อำนวยการถามผม ผมพยักหน้ารับโดยไม่โต้แย้งอะไรทั้งนั้น

                       "และนี้มันเกิดขึ้นนานหรือยังครับ" ผู้อำนวยการถามผม

                       "เกือบสองอาทิตย์แล้วครับ" ผมตอบผู้อำนวยการและก้มหน้าลง

           "เกือยจะสองอาทิตย์แล้วเหรอครับ!  นี่ครูเพิ่งจะมาได้สามอาทิตย์เองนะครับครูเขม" ผู้อำนวยการก้มลงมองหน้าผม

            "ครูกับคริสโตเฟอร์ถึงขั้นไหนแล้วครับ..ผมขอโทษนะครับที่ต้องขออนุญาติละลาบละล้วงถามครูตรงๆ" ผู้อำนวยการถามผมว่าผมกับคริสโตเฟอร์ถึงขั้นไหนแล้วก่อนที่ผมจะตัดสินใจตอบผมหันไปมองคนข้างๆ

           "ผม..กับ..คริส..เรา.."ผมทำท่าอึกอักที่จะตอบ

           ปึก!!! เสียงประตูห้องผู้อำนวยการเปิดออกและมีคนวิ่งเข้ามาในห้อง มายืนหายใจหอบเหนื่อย และคนนั้นก็คือ คริสโจเฟอร์

           "ครู....แฮ้กๆๆ..." เขาวิ่งมาหยุดด้วยอาการหอบเหนื่อย

           "ผมรักครู...ผมรักครูเขมครับ..ผอ...ครูอย่าไล่ครูเขมออกเลยนะ..ถ้าไล่..ไล่ผมเถอะ" คริสโตเฟอร์พูดผมหันไปมองคริสโตเฟอร์ ผู้อำนวยการมองหน้าผมกับคริสโตเฟอร์สลับกันไปมา

           "ครูไล่ผมออกก็ได้ครับ..ผมยอมออก..แต่ผมยืนยันว่าผมรักครูเขม" คริสโตเฟอร์พูด

           "ครูคงไล่เธอออกไมได้หรอกนะไม่มีกฏระเบียบข้อไหนที่จะให้ครูไล่นักเรียนออกเพราะว่านักเรียนมีความรักแต่ครูกับนักเรียนนี้มันค่อยเหมาะสมกัน....เท่าไหร่" ผู้อำนวยการพูด

           "แถมครูยังเอานักเรียนผมไปดูแลแนบชิดซะด้วย ไม่ใช่ใกล้ชิดธรรมดาแนบชิดเลยนะครู" ผู้อำนวยการพูดผมก็ต้องก้มหน้ายอมรับว่าจริงๆครับ แต่ไอ้เด็กคนนี้มันก็อ้อนผมด้วยนะครับผอ. อันนี้ผมคิดเองในใจ

            "เราก็อีกคนนะคริสทำไมไม่รอให้เรียนให้จบก่อนละ" ผู้อำนวยการหันไปต่อว่าคริสโตเฟอร์อีกคน

           "ผมยอมรับผิดแต่โดยดีครับท่าน...เอาตามทีท่านเห็นสมควรเถอะครับผมยินดีหรือจะให้ผมลาออกเองก็ได้นะครับ" ผมพูดก่อนจะหันไปมองใบหน้าคริสโตเฟอร์ผมส่ายหัวให้เขาเบาๆผมอยากให้เขาเรียนให้จบ

            "ตกลงครูและคริสโตเฟอร์ถึงขั้นไหนกันแล้วผมถามจริงๆ" ครูใหญ่ถามผม ผมหันไปมองคริสโตเฟอร์

           "ก็เออ.." ผมเองก็ไม่กล้าที่จะบอกไปว่าผมกับคริสเขา
 
            "ผมกับครูมีอะไรกันแล้วครับ!" คริสโตเฟอร์พูดแทนผมสะบัดหน้าไปมอง คนที่ถึงกับผงะคือผู้อำนวยการ

           "เธอนี่นะคริส!..ที่ผ่านมาครูไม่เห็นว่าเธอจะมีท่าที่ไปรักไปอะไรแบบนี้เลยนะแล้วทำไม"

            "ผมไม่ได้รู้สึกกับผู้ชายทุกคน ผมรู้สึกกับครูเขมคนเดียวครับครู..ผมขอโทษครับผมรู้ว่าผู้อำนวยการช่วยผมมาเยอะแล้วตามที่แม่ผมขอร้องท่านไว้หลายครั้งแต่ครั้งนี้ผมจะไม่ขอร้อง..อะไรอีก..ผมแค่จะพูดว่าผมรักครูเขมจริงๆ " คริสโตเฟอร์พูด

           "หมดคำพูดเลยผม..เอาอย่างนี้นะ คริสโตเฟอร์ย้ายกลับมานอนบ้านพักเหมือนเดิม..เธอจะรักหรือจะชอบแบบนี้ครูไม่ว่าแต่เธอต้องบอกพ่อแม่เธอให้ท่านรับรู้"ผู้อำนวยการบอกกับคริสโตเฟอร์

            "เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ"

           "ครูเขมครับ ผมขอปรึกษาปัญหาพวกนี้กับครูระดับผู้ใหญ่ก่อนนะครับเพราะว่าผมเองคงตัดสินใจคนเดียวไม่ได้เช่นกัน" ผู้อำนวยการพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและยังคงหาทางออกให้ผมกับคริสโตเฟอร์ไม่ได้

            "ครูจะโทรให้พ่อแม่เธอมาที่โรงเรียนอาทิตย์หน้านะคริสโตเฟอร์"

           "ส่วนครูเขมผมจะส่งครูไปอบรบออกเดินทางพรุ่งนี้นะครับ อาจารย์ที่จะไปด้วยจะมีครูสมชายและครูปริพนธิ์ ไปอมรมสี่วัน" ผู้อำนวยการพูดผมพยักหน้าตอบรับ

            "และพอครูกลับมาเราค่อยมาคุยกันเรื่องนี้อีกที" ผู้อำนวยการพูด ผมพยักหน้ารับ

           "ผมเสียดายครูเก่งๆอย่างครูมากนะครับครูเขม..." ผู้อำนวยการพูดผมพยักหน้าผมเข้าใจท่านนะ ท่านก็คงหนักใจอยู่พอสมควร

            "กลับมานอนบ้านพักซะคริสโตเฟอร์" ท่านผู้อำนวยการบอกคริสโตเฟอร์ผมกันมามองหน้าเขา

           "ผอ.ครับ ผมรักครูและครูก็รักผม ผมรู้ครับว่ามันไม่เหมาะสมแต่ครูเขมทำให้ผมดีขึ้น ผมตั้งใจเรียนขึ้น ผอ.ครับถ้าทางเลื่อกที่จะให้ผมกับครูรักกันให้ผมออกก็ได้ครับ ให้ผมลาออก..ผมยอม" คริสโตเฟอร์พูดเขาคุกเข่าลงตรงหน้าผู้อำนวยการโรงเรียน

            "ผมรักครู..ผมรักครูเขม" คริสโตเฟอร์พูดบอกว่าเขารักผม ผมได้แต่นั่งฟัง ผมรู้สึกปวดใจมาที่ได้ยินเช่นนี้ มันเหมือนกันพยายามบอกผมเพื่อไม่ให้ผมทิ้งเขาไป

           "ผู้อำนวยการครับ..ผมก็รักคริสโตเฟอร์ครับ...ถ้าทางออกคือการลาออกผมก็ยินดีครับท่าน"  ผมลุกพล้วดขึ้นบอกกับผู้อำนวยการ

            “ผมก็ยินดีจะลาออกด้วยเหมือนกันครับ ผอ.” นายคริสโตเฟอร์อีกคน ผมหันไปมองหน้าเขา เขาพยักหน้าว่าพร้อมจะไปกับผม

           "เฮ้อ!!! ..ฟู่!!!!!..." ผู้อำนวยการถอนหายใจและพ่นลมออกมาทันที ก่อนจะยกมือห้ามผมสองคน
            “ผมว่าอย่าเพิ่งใช่อารมณ์ในการติดสินใจกันตอนนี้เลยนะครับ ทั้งครูและนักเรียน “ท่านผู้อำนวยการร้องห้ามผมสองคน

              “เล่นเอาผมไปไม่ถูกเลยนะครับ ใจเย็นก่อนครับ นั้งลงครับ” ผู้อำนวยการผายมือให้ผมกับคริสนั่งลงก่อน

                      "ผมทราบดีครับครูเขมว่าความรักมันเลือกไม่ได้ว่าจะให้เกิดตอนไหน แบบไหนแต่...และสถานะอะไรแต่ตอนนี้ สถานะที่ครูเป็นอยู่นี้กับคนที่ครูรักมันดูจะไม่เหมาะสมกัน...ดังนั้น..."

           ก๊อกๆ เสียงเคาะประตุห้องท่านผู้อำนวยการดังขึ้น ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดเข้ามาโดยครูลินดา ครูถาวรและครูนิด

            "ขออนุญาตินะคะท่าน"

           "พวกเราคุยกันแล้ว..เห็นใจในความรักของครูเขมกับนายคริสโตเฟอร์นะคะ ..แต่ก็เข้าใจผู้อำนวยการเช่นกันมันดูจะไม่เหมาะสม แต่ถ้าเขาทั้งคู่ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย..ผู้อำนวยการไม่ลองเปิดใจรับตรงนี้ดูบ้างละคะ ท่านผู้อำนวยการ พวกเราไม่อยากเสียครูที่ตั้งใจมาเพื่อสอนไปนะคะ ผู้อำนวยการ..." ครูลินดาพูดขึ้นสายตามองมาที่ผมกับคริสโตเฟอร์ ท่านผู้อำนวยการยกมือห้ามครูลินดาไว้ก่อน

                      "ผมยังให้คำตอบไม่ได้นะครับ..ในตอนนี้ ..รอให้พ่อแม่จองคริสโตเฟอร์มาก่อนแล้วกันนะเราค่อยคุยกันอีกทีนะครับ"

                       “ตอนนี้ทำตามที่ผมแนะนำไปก่อนะครับครูเขมแยกกันสักพัก” ผู้อำนวยการพูดผมพยักหน้าก็คงต้องตามนี้

                      “กลับไปเก็บเสื้อผ้า กลับไปนอนกับโป้งเหมือนเดิมนะคริส ” ผมพูดก่อนจะเดินหันหลังออกมา ใจหายเหมือนกันที่เคยนอนกอดกันทุกคืนแม้จะแค่อาทิตย์เดียวก็ตาม ผมเดินกลับไปเข้าห้องพักครูทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงาน

                      "ครูเขมคะ..ลินดาเชื่อว่าต้องมีทางออกที่ดี ครูอย่าตัดสินใจทิ้งอาชีพครูนะคะ" ครูถาวรเดินมาแตะที่ไหล่ผมเบาๆ ผมพยักหนา พรุ่งนี้ผมต้องไปอบรมตั้งสี่วันแต่ถึงไม่ไปก็ต้องแยกกับคริสโตเฟอร์อยู่ดี แค่คิดก็เป็นห่วงซะแล้ว แล้วถ้านอนร้องไห้ตอนกลางคืนใครจะปลอบละ ใครกอดเราและปลอบเราแทนพี่ละคริสโตเฟอร์
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Part คริสโตเฟอร์
         
                     ผมต้องแยกจากครูจริงๆเหรอ ทำไมปัญหาของผมกับครูมันถึงได้เยอะแบบนี้วะ ผมยืนอยู่ตรงสระน้ำ ยืนมองไปแต่ในหัวผมไม่มีภาพที่อยู่ตรงหน้าผมเลย เพราะว่าในหัวผมมันตีกันไปหมดและถ้าแม่ผมมาแล้วเขาไม่ยอมกับตรงนี้อีกผมก็คง ..เสียคนที่รักผมไปอีกคนแล้วใช่ไหม...ใช่ไหม..

                      "พี่คริส" เสียงเล็กๆแบบนี้ผมจำได้ดี ผมหันมามองแก้มเธอมายืนทางด้านหลังของผม

                      "สะใจเธอพอหรือยังแก้ม!"

                      “พี่ถามว่าซะใจเธอพอหรือยัง!!!” ผมตะคอกถามเธอโดยเพิ่มความดังขึ้น แก้มที่ยืนอยู่ถึงกับสะดุ้งน้ำตาไหลพลาก แต่ผมไม่แคร์ เพราะว่าสิ่งที่เธอทำมันเกินกว่าที่ผมจะมานั่งสงสารเธอในขณะที่เธอร้องไห้ต่อหน้าผมแบบนี้

                      "แก้มเลือกทำสิ่งที่ถูกเพราะพี่ไม่ควรรักกับ.....ครู!" แก้มพูด ผมหันไปเหล่มองพร้อมกับยิ้มเยอะให้เธอย่างสมเพศ เธอช่างกล้าที่จะพูดว่าเธอเลือกทำสิ่งที่ถูกอย่างนั้นรึ

                      "แล้วควรรักกับเธออย่างนั้นเหรอ...แก้ม!"

                      “พี่ควรจะรักเธออย่างนั้นเหรอ!!”

                      "ใช่..เพราะนี้คือรักที่ถูกต้อง ผู้หญิงผู้ชายที่โลกใบนี้เขาสร้างมา เพราะเขาไม่ได้สร้างมาให้พี่รักกับผู้ชายนิ ฮึกๆ"
           
                      "เธอเคยถามพี่สักคำไหมว่าพี่รักเธอหรือเปล่า"

                      "พี่ไม่เคยรักแก้มเลยเหรอ..ทำไมละ..ทำไมแก้มไม่ดีพอเหรอ..แก้มรักพี่คริสมาก..ฮึก.." เธอยืนอยู่ตรงหน้าผมน้ำใสๆไหลรินลงมาอาบแก้มเธอ

                      "ไม่เคยสักนิด..อย่ามาเข้าใกล้พี่อีก..พี่โคตรขยะแขยงเธอเลยแก้ม...เพราะว่าเธอไม่มีแม้แต่ศักดิ์ศรีของความเป็นลูกผู้หญิง ... "

                      "และเธอนะไม่ได้รักพี่จริงๆหรอกแก้มเธอรักตัวเธอเองและเธอแค่อยากเอาชนะ..ครูเขม"

                      "เพราะถ้าเธอรักพี่เธอคงไม่ทำกับพี่แบบนี้!!!"

                      "พี่เสียดายที่พี่เคยมองแก้มว่าเป็นเด็กน่ารัก..เป็นรุ่นน้องที่น่ารัก"

                      "และต่อให้พี่กับครูเขมไมได้อยู่ด้วยกันทุกวันแต่หัวใจพี่อยู่ที่เขา..เธอไม่มีวันได้อะไรจากพี่อีกนับแต่นี้แม้แต่ความรู้สึกดีดีพี่ก็ไม่ให้เธอ" ผมพูดและเดินออกเพื่อขึ้นเรียนคาบบ่ายต่อ และหลังจากเลิกเรียนผมต้องไปเก็บเสื้อผ้าผมที่บ้านพักแม้ตะไม่มากมายก็ตามเพราะว่าผมเอาไปใส่ไม่กี่ชุดมีแค่ชุดนักเรียนชุดซ้อมเล่นบาสสเกตบอลแค่นั้นเอง ระหว่างที่จะเดินขึ้นผมเห็นพวกไอ้โจ้ กับไอ้อาร์ทมันยืนรอผมที่บันได

                      "มึงโอเคไหมวะ..คริส" ไอ้อาร์ทยืนกอดอกมองผม

                      "ไม่วะ..ไม่โอเควะ" ผมพูดเสียงอ่อยๆ

                      "อีห่าแก้มนี้มันบ้ามึงมากขนาดนี้เลยเหรอวะ" ไอ้โจมันพูด

                      " ผู้หญิงบ้าอะไรแบบนี้วะ โชคดีทีกูไม่เคยจีบมันเลยนะ แม่งน่าตาน่ารักซะเปล่า" ไอ้อาร์ทพูดระหว่างที่แก้มเดินตามหลังผมขึ้นมาพอดี ผมหันหน้าไปมองทางอื่นไม่อยากมองหน้าเธอ แก้มแค่หยุดและเดินผ่านพวกไอ้อาร์ทกับไอ้โจไปแค่นั้น และผมคิดว่าเธอคงได้ยินที่มันสองคนพูด

                      "กูขึ้นเรียนแล้ววะและหลังเลิกเรียนกูจะไปบ้านพักครูเก็บเสื้อผ้ากลับมานอนบ้านพัก..บอกไอ้โป้งมันด้วยนะ" ผมพูดกับไอ้อาร์ทและไอ้โจ้แค่นั้นก็เดินแทรกตัวขึ้นห้องเรียนทันที กลับขึ้นไปนั่งเรียนโดยไม่สนใจคำพูดที่พวกรุ่นน้องมันพูด

                      "ครูเขมกับพี่คริสวะเขาสองคนทำเหมือนที่ครูมิ้งกับคนชื่อแชมป์ทำปะวะ"

                      "จริงเหรอวะตอนแรกกูนึกว่าอีแก้มมันโกรธที่พี่คริสไม่รับมันเป็นแฟนซะอีก"

                      "เลยกุเรื่องนี้ขึ้นมา “

                      “แต่นี้ที่ไหนได้พี่คริสที่ว่าแมนๆควงสาวไม่ซ้ำหน้าแต่ไม่เคยให้ตำแหน่งใครว่าเป็นแฟนสักคน....เป็นเกย์เหรอวะ" ผมก้มหน้าก้มตาเขียนในสมุดจดงานไม่อยากสนใจไม่อยากใส่ใจ จนหมดคาบชั่วโมงคณิตศาตร์ ผมเก็บทุกอย่างลงกระเป๋าและเดินออกโดยไม่สนใจสายตาพวกที่มองผม

                      "คริสโตเฟอร์" ครูถาวรเรียกผมให้หยุดก่อน

                      "ครูเชื่อว่าต้องมีทางออกที่ดีสำหรับเธอและครูเขมนะ...ส่วนเธอก็ตั้งใจเรียน..ไม่นานก็จบแล้วคริส ณ ตอนนี้คือตั้งใจเรียน เพื่อคนที่เขารักเธอ" ครูถาวรพูดผมพยักหน้าเบาๆโดยไม่ได้หันมามองผมเดินผ่านลงมาก็ไม่พ้น ผมดันเจอพวกไอ้พี่อั๋นกับไอ้พี่กายและไอ้พี่เอก ผมไม่อยากเจอมันสามตัวเลยจริงๆในเวลาแบบนี้เพราะว่าไม่อยากทำให้มันแย่ไปกว่านี้โดยการมีเรื่องกับพวกมันอีก

                      "ทำไมเหรอ น้องแก้มของมึงเอาความจริงไปเปิดโปรงซะแล้วเหรอ..คราวนี้ก็อดกินตูดกันเลยอะดิ" ไอ้พี่กาย ผมยืนกำหมัด

                      "ต้องอดทน แต่ถ้าทนไม่ได้ก็ต้องทน!" คำพูดของครูเขมผมกเลยต้องคลายหมัดแต่ผมก็เลือกที่จะเดินเลี่ยงพวกมันไป

                      "ทำไมอะกลายเป็นตุ๊ดไปแล้วเหรอวะคริส" ไอ้พี่กายมันยังพูดจาหมาๆใส่ผม

                      "คริส..พวกพี่หาผัวใหม่ให้ได้นะ...ไอ้อิทนะมันอยากได้มึงวะ" ไอ้ภูมันก็พูดผมเงยหน้ามองหน้ามันผมว่าความอดทนคงใช่กับผมไม่ได้แล้วแหละ

                      "หมับ" มีคนมาดันอกผมไว้ให้ออกจากพวกไอ้พี่กาย คนนั้นก็คือ ไอ้โป้ง

                      "ลงไปคริส..อย่าไปยุ่งกับหมา..มันก็แค่หมา มึงกัดมันชนะได้ก็แค่กัดชนะหมา" ไอ้โป้งมันดึงต้นแขนผมไว้ลากผมลงมาจากชั้นที่พวกไอ้พี่กายมันยืนโห่ผมกันกันใหญ่ ไอ้โอ้งมันดันผมลากผมเลยจะดีกว่าให้ลงบันไดไป จนลงมาถึงขั้นล่างสุด

                      “ปึก!” ไอ้โป้งมันดันผมไว้กับกำแพงมันชี้หน้าผม

                      "ถ้ามึงมีเรื่องกับมันเรื่องมึงกับครูเขมจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่.." ไอ้โป้งมันพูดใส่หน้าผม ผมสะบัดหน้าหนีผมไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าใครทั้งนั้น ณ ตอนนี้ ผมได้แต่นิ่ง ผมอ่อนแอมาก ไอ้โป้งมันก็ไม่เคยเห็นผมเป็นแบบนี้มาก่อน
           
           “และคราวนี้มึงคงได้ออกจากโรงเรียนสมใจ..แต่คนที่เสียใจที่สุดคือครูเขม!!” ไอ้โป้งมันพูด ได้ฟังแบบนี้แล้ว ผมก็ต้องหันหน้าหนี น้ำตาลูกผู้ชายมันกำลังจะไหล่
                       
                       “ฟู่” ไอ้โป้งมันพ่นลมหายใจออกมา

                      "กูขอโทษ..กูรู้ว่ากูควรอยู่ข้างๆมึงแต่กู.... " ไอ้โป้งมันพูดเหมือนทำท่าจะอธิบายกับผม เหมือนมันจะพูดอะไรสักอย่าง

                      "ช่างมันเอะโป้ง...กูกับครูไม่รู้ว่าจะมีอะไรเข้ามาอีก กูโคตรกลัวเลยวะโป้ง..กรูอยากหนีไปจากที่นี้วะ " ผมพูด ไอ้โป้งมันส่ายหน้าด้วยความสมเพศผมใช่ไหม

                      "มึงรักครูเขมมากขนาดนี้เลยเหรอวะคริส" ไอ้โป้งมันถามผม ผมพยักหน้า

                      "ทั้งที่เขาเพิ่งจะมาอยู่กับมึงแค่ไม่กี่อาทิตย์นะคริส"

                      "กูรู้แต่เขาคือส่วนที่หายไปจากใจกูวะโป้ง...ตอนที่กูอยู่กับเขา..กูไม่ฝันร้าย..กูไม่ผว่าตื่น..เพราะเขาคือส่วนที่ทดแทนมันว่ะโป้ง" ผมหันมาพูด ไอ้โป้งมันยืนเอามือเท้าซะเอวตัวเองมองผม มันรู้ดีว่าผมเป็นยังไง บ้างคืนมันบอกว่าผมนอนร้องไห้ ผมฝันร้ายผว่าตื่นบ่อยๆ
           
                      "หมับ" ไอ้โป้งมันเข้ามากอดผม

                      "กลับไปนอนบ้านกับกูแล้วซิที่นี้..กูคิดถึงมึงวะ" ไอ้โป้งมันพูด ผมพยักหน้าไอ้ปัน ปันมันเดินลงมาพอดีเลย มันเห็นไอ้โป้งกอดผม มันก็เดินยิ้มลงมา

                      "หมับ" มันเข้ามากอดผมอีกคน

                      "กูโคตรคิดถึงความรู้สึกนี้เลยวะแม่งหายไปตั้งเกือบสองอาทิตย์วะ" ไอ้ปัน ปันพูด คงหมายถึงผมสามคนถึงแม้ว่าจะอยู่คนละชั้นเรียนก็ตาม


หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน(ครูเขมX คริส)EP.18.2 ก็ตอ้งแยกกันสักัพักP2
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 18-08-2020 20:52:51
        (http://image.free.in.th/v/2013/id/200818121824.jpg) (http://picture.in.th/id/8d36934349b6db18d9049b0e28fcda8b)

     EP.18.2 ครูเขมX คริส เมื่อสถานะถูกเปิดเผย ก็ตอ้งแยกกันสักพักครึ้งหลัง
Part  ครูเขมชาติ
   
                     ผมขับรถกลับบ้านพักก่อนเวลาเลิกเพราะว่าจะไปเตรียมตัวแพ๊คกระเป๋าจะต้องออกเดินทางไปสัมมนาพรุ่งนี้กับครูสมชายและครูประพันธ์ ผมทรุดตัวลงนั่งที่ตรงปลายเตียงภาพสองอาทิตย์ที่ผ่านมาของผมกับคริสโตเฟอร์ เห็นเขาแข็งนอกแต่ภายในใจเขาอ่อนแอมากเขาต้องการใครสักคนดูแลเขา

                      "ถ้าพี่ไม่อยู่ดูแลเราต่อละคริส" ผมพูดกับเตียงที่ว่างเปล่า ก่อนจะเดินไปเปิดโน๊ตบุ๊คของผม ผมก็พบกว่าอิเมลส่งมาหาผม เป็นอิเมลจากติวเตอร์ชื่อดัง


To       Khemchati
               ผมพยายามติดต่อคุณเขมแล้วแต่ติดต่อไม่ได้เลย ผมยังคงสนใจที่ให้คุณมาเป็นครูติวเตอร์ วิชาภาษาอังกฤษของเรา ถ้าครูเขมยังสนใจอยู่รบกวนติดต่อกลับ Bristis เบอร์ XXXxxxxxxxx ด้วยครับ
                                                                                      ธรรณธร

                     ผมเคยไปทดลองสอนติวเตอร์เด็กมัธยมต้นและปลายที่นั้น ก่อนที่ผมจะตัดสินใจมาเป็นครูที่นี้และตอนนี้ผมควรจะตัดสินใจกลับไปใช่มั้ย ไปเป็นครูสอนติวเตอร์มากกว่าที่จะมาเป็นครูในโรงเรียนใช่มั้ย แล้วคริสโตเฟอร์ละ ผมควรจะเลือกทิ้งเขาไว้ที่นี้เหรอ

                       "ผมไว้ใจครู" คำพูดของคริสโตเฟอร์ ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของผม

                       "ปึก" เสียงประตูห้องนอนถูกปิดลงผมหันไปมองคนที่เข้ามาในชุดนักเรียน คริสโตเฟอร์

                       "มาเก็บเสื้อผ้าเหรอคริส" ผมหันไปถามคริสโตเฟอร์ ผมพยายามปั่นหน้าให้นิ่งที่สุด เพื่อไม่ให้เขาเห็นว่าผม เจ็บแค่ไหนที่ทำให้เขาเดือดร้อนไปกับผมด้วย และคนที่ยืนเขาก็ไม่พูดอะไรนอกจากเดินเข้ามากอดผม ผมก็กอดเขาตอบ ผมเองก็ไม่รู้ว่านี้จะเป็นกอดสุดท้ายของผมและเขาไหม เพราะผมเองก็มืดไปหมดไม่รู้จะหาทางออกยังไงดี

                       "พี่ขอโทษนะคริสพี่ขอโทษพี่ควรจะควบคุมมันให้ได้ไม่ใช่ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ พี่ขอโทษ"ผมพูดว่าผมขอโทษคนทีก่อดผมตัวเขาสั่นไหว นั้นแปลว่าเขากำลังร้องไห้

                       "ผมไม่อยากอยู่ที่นี้โดยไม่มีพี่เขม. ฮึกๆ”

                       “ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น...ผมไม่อยากเสียพี่ไปเหมือนที่ผม...เสียแด้ดไป ฮึกๆ" คริสโตเฟอร์พูดเขาย่อตัวลงและประกบจูบปากผม

                       "เพราะว่าผมรักพี่สุดหัวใจ" ผมได้ยินแค่นี้ผมก็คงไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ผมจูบคริสโตเฟอร์กลับ ผมดันโน๊ตบุ๊กเลื่อนออกไปและคริสโตเฟอร์ก็ขึ้นมาค่อมผมไว้ เขาจูบผมเนิ่นนานมือก็เลื่อนลงไป ผมรับรู้ได้ว่าเขากำลังปลดเข็มขัดกางเกงของผมอยู่และซิบที่ถูกรูดลงปากก็จูบและไซ้ลงมาที่คอของผม

                       "คริส...พี่..ว่า"

                       "ไม่ต้องห่วงหรอกเพื่อนผมดูต้นทางอยู่นะ..ขอคริสนะพี่เขม...ผมรักพี่...ผมรักพี่เขมมาก"

                       "อืมม..." มือผมถูกคริสโตเฟอร์จับไปวางไว้ข้างลำตัวและมือของคริสโตเฟอร์ก็กุมมือผมไว้ ก่อนที่คริสโตเฟอร์จะดีดตัวเองขึ้นยืดตรงและทำการปลดกระดุมเสื้อนักเรียนออกเหลือไว้แค่กางเกงนักเรียน ผมก้มมองและยกมือของผมขึ้นไปแตะที่ตรงท้องน้อยของคริสโตเฟอร์

                       "ผมไม่อยากเป็นนักเรียนแล้วผมอยากเป็นคนรักของพี่เขม" คริสโตเฟอร์ก้มลงพูดกับผม และเขาก็ลุกขึ้นไปจากตัวผมเขาถอดกางเกงนักเรียนสีฟ้านั้นลงไปพร้อมกับกางเกงยืด

                       "พี่เขมไม่รักคริสเหรอ" คริสโตเฟอร์ถามผม เพราะว่าผมยังคงนอนมองเขาอยู่

                       "คริส...พี่ว่าเรา..ควรหยุดมันไว้ก่อนนะ"

                       "ไม่เอาอะ..นะ..ผมรักพี่...ผมไว้ใจพี่จนผมให้พี่ไปหมดทั้งใจแล้วนะพี่เขม" คริสโตเฟอร์ก้มลงมาพูดข้างหูผม มือเขาก็ปลดกระดุมเสื้อผมไปด้วย

                       "นะ..พี่เขม...ผมรักพี่"

                       "อืมมม..อืมมม."เขาก้มลงประกบจูบปากผมอีกทีและขึ้นมาทาบทับร่างผมไว้อยูู่ด้านบน ปากก็ซุกไซ้ไปตามลำคอของผมและไล่ลงมาที่แผ่นอกเสื่อเชิ้ตพอดีตัวของผมถูกเปิดออกให้เห็นแผ่นอกแน่นๆของผม ริมฝีปากหนาๆก็ก้มลงดูดดุลเล่นกับสิ่งนั้น ไฟราคะมันกำลังลุกโชนขึ้นมา ริมฝีปากหนาๆนั้นไล่ลงไปตามหน้าท้องที่แบนราบ

                       "อ่าห์ ..คริส...ซี้ด..อืมม" ผมร้องครางออกมาเบาๆ มือก็กุมหัวคริสโตเฟอร์ไว้ ผมรับรู้ได้ว่าของรักของผมกำลังออกมาจากที่ซ้อนไว้ โดยคริสโตเฟอร์ได้ทำการดึงเพื่อจะถอดมันออกไปช่วงที่เขาก้มลงจูบที่ตรงเนื้ออ่อนๆนั้นมันทำให้ผมกระดกก้นขึ้นมโดยอัตโนมัติ

                       "อย่า..เพิ่งคริส..พี่ยังไม่ได้อาบน้ำเลย"ผมพูดเบาๆ

                       "ไม่เป็นไร..พี่ไม่เหม็นซะหน่อย..ตัวพี่เขมออกจะหอม..หอมทุกส่วนแหละ..ฟ้อดๆ " คริสโตเฟอร์พูดก่อนจะก้มลงเอาปากครอบส่วนนั้นลงไปแบบไม่รังเกียจสักนิด ผมนอนหลับตาพริมอยู่บนเตียงโดยมีคนที่ปฏฺิบัติอย่างนั้นให้ผม คริสโตเฟอร์หยุดเขาลุกขึ้นไปดึงกางเกงให้หลุดพ้นไปจากเท้าของผม คริสโตเฟอร์เดินอ้อมมาหยิบถุงและเจล เขาสวมมันลงไป ก่อนจะกลับขึ้น

                       "พี่รักผมมั้ยพี่เขม" คริสโตเฟอร์ถามผม ผมกระดกหัวมองคนที่จับขาผมตั้งขึ้น

                       "รักซิ พี่รักมากด้วย" ผมพูดพร้อมชำเรืองตามองคนเบื้องล่าง

                       "ถ้าผมเลือกที่จะไปกับพี่ไปทุกทีละพี่จะให้ผมไปไหม"

                       "พี่.." ผมเองก็ลังเลเพราะว่าผมก็ยังไม่รู้เลยว่าพาเขาไปแล้วมันจะลำบากไหม

                       "ผมรู้ว่าพี่ไม่อยากให้ผมเสียอนาคตแต่อนาคตรของผมคือพี่นะ" คริสโตเฟอร์พูดผม ผมวางศรีษะผมลงบนหมอน ผมรับรู้ได้ว่าสิ่งนั้นกำลังเข้ามาในกายผม

                       "โอ้ะ" ผมร้องออกมาเบาๆ หลายวันแล้วแหละที่คริสไม่ได้ทำแบบนี้กับผม เรียกได้ว่าไม่ได้จับผมกดมากหลายวันเลยทำให้ช่องทางรักผมเริ่มไม่คุ้นเคย

                       "คริส..ซี้ด" ผมร้องครางออกมาอีกเมื่อส่วนนั้นกำลังเข้าไป เข้าไป มือผมก็จิกลงบนที่ผ้าปูที่นอน

                       "ผมรักพี่เขม...ผมรักครูเขม..ผมรักที่รักของผมที่ชื่อเขมชาติ..เขาคือผู้ชายคนเดียวของผม" คริสโตเฟอร์พูดและค่อยแนบตัวลงมาฝังใบหน้าเขาลงที่หน้าท้องของผม ก้นผมก็กระดกขึ้นเพื่อรองรับสิ่งนั้นให้เข้ามาเรื่อยๆ จน

                       "พล้วด!"

                       "อืมมม" มันเข้ามาเกือบหมดด้ามแล้วซินะ"

                       "พี่รักคริส..พี่รักคริส..สุดหัวใจของพี่เหมือนกัน" ผมพูดและคนที่กำลังคุมเกมส์ก็ยิ่งโยกมันเข้าไปใหญ่ ผมต้องเอามือขึ้นไปดันหัวตัวเองไว้ไม่ให้กระแทกกับหัวเตียง คริสโตเฟอร์หยุดและดึงลากสะโพกผมให้เลื่อนลงไปทางปลายเตียงเขาขยับหมุมผมให้เขาลงไปยืนที่ของเตียง

                       "ปึกๆๆๆๆๆๆ ปักๆๆๆๆ " เสียงเนื้ออ่อนกระทบก้นผม มันรัวและเร็วมาก ผมสองคนร้องครางออกมาแทบจะไม่เป็นภาษามนุษย์เพราะว่าฟังไม่รู้เรื่องเอาซะเลย จนกระทั้งผมเสียงเงียบหายไป คริสทิ้งตัวลงนอนราบเอาหน้าซุกที่หน้าท้องของผม น้ำสีขาวขุ่นมันเลอะเทอะไปหมดทั่วทั้งหน้าท้องผมด้วยเช่นกัน เขาถอนสิ่งที่ฝั่งอยู่ในกายผมและไต่ขึ้นมานอนทาบทับผม

                       "คริส..ถ้าพี่ไปเป็นครูที่ติวเตอร์ละเราอยู่คนละทีเราคงคบกันได้เนอะ" ผมพูดและหันมาคริสโตเฟอร์แว๊ปหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองเพดานอย่างไร้จุดหมาย

                       "ผมไปอยู่กับพี่นะ..ที่กรุงเทพ"

                       "รอให้แม่มาก่อนผมจะบอกเขาผมเชื่อว่าแม่ต้องเข้าใจผม...นะพี่เขม"

                       "แต่มันจะทำให้นายเสียเวลาไปอีกนะซิ"

                       "ผมยอมเสียเวลานั้น เพื่อไม่ให้ต้องเสียเวลาดีดีของผมกับพี่ไป..ผมยอมพี่เขม"คริสโตเฟอร์พูด ผมก็มองใบหน้าของเขา

                       "ฟู่!! " ผมพ่นลมออกทางปาก ผมควรเลือกแบบไหนดีละ

                       "รอให้แม่เรามาก่อนแล้วกันนะเราค่อยคิดหาช่องทางด้วยกัน.."

                       "อาบน้ำกันดีกว่าไหมพี่เขม....คริสอยากให้พี่อาบน้ำให้อะ" คริสโตเฟอร์ออดอ้อนผม

                       "จริงอะ" ผมถามคนที่พลิกตัวไปนอนข้างๆผม เขาพยักหน้าว่าใช่

                       "ต้องมีค่าจ้างนะ...อืมม" ผมพูดก่อนจะพลิกตัวไปจูบผมรู้ว่าเขาเข้าใจความหมายมันดี คริสโตเฟอร์พยักหน้าให้ผมก่อนที่จะพากันเข้าห้องน้ำอาบน้ำไปด้วยกัน ใช่ผมสองคนไม่ได้แค่อาบน้ำด้วยกัน ผมก็กดคริสในห้องน้ำนั้นแหละ เสียงร้องครางดังสนั่นแข่งกับสายน้ำทีราดรดกายผมทั้งคู่ จนกระทั้งสมอารมณ์หมายไปอีกคนละยก และเราก็กอดกันอีกครั้งภายใต้ฝักบัว ที่คนนี้เป็นคนซ่อมให้ผม แม้จะหลอกให้ไปนอนที่บ้านพักนักเรียนมาหนึ่งคืนก็ตาม  ผมกอดกันอย่าสักพักก็พากันออกมา

                       "คริส..อ่านหนังสือแกรมม่าที่ให้ด้วยนะและถ้าไม่เข้าใจอันไหนส่งอิเมลถามพี่นะคริส" ผมบอกคริสโตเฟอร์ขณะที่เขากำลังเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเป้

                       "พี่จะคอยโทรหาเรานะแต่คงเป็นช่วงที่เราเลิกเรียนแล้ว" ผมหันไปบอกคริสโจเฟอร์

                       "พี่จะไปเป็นครูสอนติวเตอร์จริงๆเหรอครับ..คริสว่านักเรียนที่นี้ทุกคนอยากเรียนกับพี่นะ" คริสโตเฟอร์หันมาพูดกับผมแว็ปหนึ่งก่อนจะหันกลับไปเก็บของใช้ส่วนตัวของเขาลงกระเป๋าไป

                       "ถ้าทางเลือกที่พี่เลือกมันดีกว่าพี่ก็จำเป็นต้องทำ.."

                      "เป็นครูนะมันมั่นคงว่าใช่ไหมละพี่เขม"

                       "อืมม..ยอมรับว่าใช่" ผมพยัพหน้าเบา

                       "ผมขอโทษนะพี่เขมที่ผมทำให้พี่เดือนร้อนมากที่สุด"

                       "พี่เคยบอกเราแล้วไงว่าปัญหามันเยอะและยิ่งพี่เป็นครูเราเป็นนักเรียนด้วย"

                       "หมับ...เราจะผ่านมันไปด้วยกันได้ใช่ไหมอะ"  คริสโตเฟอร์เดินกลับมากอดผมอีกครั้ง คราวนี้เขาซุกหน้าลงที่ซอกคอของผม

                       "อืมม." ผมพยักหน้าเบาๆ

                       "ผมดีใจจังผมคิดมาตั้งหลายชั่วโมงผมกลัวว่าพี่จะทิ้งผมไว้ที่นี้คนเดียวผมกลัวมาก ผมเข้าใจแชมป์มันแล้วอะพี่เขมว่ามันทิ้งตรงนี้ไปทำไม " คริสโตเฟอร์พูด ผมก็ยิ่งกอดเขาแน่นนั้นคือคำตอบว่าผมจะไม่ทิ้งเขาไปไหน ผมจะพยายามหาทางออกให้เร็วที่สุด

                       "พี่ก็เข้าใจครูมิ้งแล้วเหมือนกันแต่พี่ไม่อยากทำแบบครูมิ้งนะ" ผมพูดบอกคริส ผมใช่ฝ่ามือผมลูบหัวคริสโตเฟอร์เบาๆ

                       "ผมก็เข้าเข้าใจ..แชมป์มันพี่เขมว่าทำไมมันถึงได้ตัดสินใจไปกับครู "คริสโตเฟอร์พูด ผมเหลือบไปมองเวลา มันจวนจะได้เวลาเรียนพิเศษแล้ว

                       “คริส...พี่จะต้องไปสอนพิเศษแล้ว "ผมดันคริสโตเฟอร์ออก ผมพูดบอกเขา

                       “ทำไมทำหน้าแบบนั้นละ" ผมถามเพราะวาดูสีหน้าเหยเกของคนตรงหน้าผมซิ

                       "เจ็บก้นอะ" คริสโตเฟอร์พูดและเอามือไปแตะที่บั่นท้ายตัวเอง ทำหน้ายู่ด้วย

                       "หาเรื่องไม่เข้าเรียนเดี๋ยวจะโดน" ผมพูดก่อนจะคนข้างเข้ามากอด และพากันเดินลงมาจากบ้านพัก พวกเพื่อนๆของคริสโจเฟอร์นั่งเอามือเท้าคางรอกันอยู

                       "เสื้อผ้ามึงเยอะขนาดให้พวกกรูรอเกือบสองชั่งโมงเลยเหรอครับคุุณคริส!!"

                       "เสื้อผ้าไม่เยอะแต่อย่างอื่นกูเยอะ..." คริสโตเฟอร์พูดก่อนจะเดินไปขึ้นรถของอาร์ทและมีโจยืนอยู่ด้วย  ผมยืนมองเพื่อส่งเขาและยิ้มก็ให้เขา ผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่ากลับมาจากอบรมันจะดีขึ้นหรือแย่ลงกันแน่ ต้องมาลุ้นกับแม่ของคริสโตเฟอร์นี้แหละ

หัวข้อ: รักนี้ที่เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริส)EP.19สิ่งที่ผมกลัวที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 19-08-2020 19:06:06
EP.19 ครูเขมXคริส สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือการถูกทิ้งจากคนที่ผมไว้ใจ   
 Part  คริสโตเฟอร์
   
                       เมื่อเช้าผมมาส่งครูเขมขึ้นรถตู้เพื่อไปอบรมต่างจังหวัด เมื่อคืนผมแถบจะไม่ได้นอนเลยผมคิดถึงปัญหาของผมกับครูตลอดทั้งคืน ใจผมนี้กลัวเหลือเกินกลัวครูเขมจะทิ้งผมไปเหมือนพ่อผม ผมไม่รู้ว่าที่เขาทิ้งผมไปเพราะว่าผมเป็นภาระของเขาหรือเปล่า เขาถึงได้ไม่กลับมาหาผมอีกและนี้ครูเขมอีกคนเขาต้องมาเดือดร้อนเพราะผมอีกและนี้คือสิ่งที่ผมกลัวมันจะเป็นสาเหตุให้เขาทิ้งผมไปเช่นกัน
 
                      "ปึก" เสียงชามโจ๊กวางลงตรงหน้าผม ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่วางมันลงและเดินไปนั้งตรงข้ามกับผม คือไอ้ปัน ปัน

                      "มึงต้องกินอะไรบ้างนะไอ้คริสตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะที่มึงยังไม่ได้กินอะไรเลย" ไอ้ปัน ปันพูดผมพยักหน้า ผมแค่ชำเลืองตามองไปที่ชามที่วางอยู่มันคือโจ๊คใส่ไข่ ไม่ใส่ขิง ไม่ใส่ตับและไม่ใส่ไส้ มันรู้ได้ยังไงว่าเพราะว่าตอนที่ผมอยู่กับพวกมัน ผมไม่เคยสั่งโจ๊กมากินเลยสักครั้ง มีแต่ผมไปสั่งกับพี่เขมเพราะว่าผมสั่งไม่เป็นและกลัวป้าเขาด่าผมเอา พี่เขมที่รู้แต่นี้ไอ้ปัน  ปัน มันกลับสั่งมาให้ผมถูก

                      "กูไม่หิววะ มึงซื้อมาทำไมวะ" ผมถามไอ้ปัน ปันและดันชามโจ๊กออก

                      "คริส..ครูเขมเขาสั่งไว้ให้มึงอะ เขารู้ว่ามึงคงแดกอะไรไม่ลงและคงไม่ลุกไปหาซื้ออะไรกินเองอีกด้วย..ครูเขมเขาสั่งกับครูโจ้ไว้ให้มึงอะ"  ไอ้ปัน ปันพูดผมเงยหน้ามองหน้ามัน ผมก็ดึงชามกลับมาตักใส่ปากทนกินไปได้หน่อยแต่ปากมันไม่อยากรับอะไรเลยตอนนี้ จริงๆ มันก็หิวอยู่หรอก

                       “และครูโจ้ก็บอกให้กูยกมาประเคนให้มึงด้วย หรือมึงจะให้กูป้อนมึงด้วยมั้ยละ”ไอ้ปันปันมันพูด ผมเงยหน้ามองและรู้สึกขนรุกขนพองขึ้นมาทันที่ ตรงที่มันจะป้อนให้ผมนี้แหละ และผมก็รีบหยิบชามโจ๊กมาตักทานเอง

                       "โป้งกินตับปะ" ปัน ปันเอ่ยปากถามไอ้โป้ง

                      "กิน...ปัน ปัน แต่ถ้ามึงไม่กินทำไมมึงไม่บอกเขาไปละว่าไม่ต้องใส่มา..และเขาจะได้เอาอย่างอื่นที่มึงกินใส่มาแทน..ไอ้บ้าเอ้ย" ไอ้โป้งมันเม้งไอ้ปันปัน เหมือนเดิมแต่ไอ้ปัน ปันมันก็คีบลงชามไอ้โป้ง และหันมาหยักคิ้วให้ผม ผมพยักหน้าว่าเข้าใจความหมายของมันดี แต่ผมไม่มีอารมณ์จะแซวมัน

                      "ดีวะ..ไอ้คู่ผัวเมียนี้ก็แบ่งกันกินแบ่งกันใช้อีกแล้ววะ ไอ้โจ" ไอ้อาร์ทมันมาถึงก็แซวไอ้ปัน ปัน กับไอ้โป้ง

                      "คู่สามีพองมึงดิ" ไอ้โป้งรีบพูดและหาอะไรปาใส่ไอ้อาร์ทกับไอ้โจ ผมนั่งมองมือถือไม่เห็นพี่เขมส่งข้อความมาหาเลย ถึงไหนแล้วนะ

                      "กูไปห้องน้ำก่อนนะ" ระหว่างที่ผมเดินไปห้องน้ำเสียงการวิพาษณ์วิจารเรื่องผมกับครูเขมเริ่มจะหนาหูขึ้นเรื่อยๆ นี้คงแค่การเริ่มมันเป็นแค่บททดสอบเบื้องต้น จากภาพความรักที่หวานชื้นมันต้องมีวันที่ต้องข่มบ้างว่าไม่ แต่ทำไมช่วงเวลานี้มันช่างเนินนานกว่าเวลาของความสุขนะ 

                       ผมเดินผ่านผู้คนที่พากันพูดถึงเหมือนไม่ได้ยิ้นสิ่งเหล่านั้นเข้ามาในหู แม้ว่าการวิจารณ์เหล่านี้จะมีทั้งเห็นใจและคัดค้านไปด้วยในบางคนที่ไม่นิยมรักของครูกับนักเรียน บางก็กลัวว่าถ้าคบกันจะเกิดความลำเอียงเรื่องคะแนน แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย ตอนนี้ผมกำลังทำงานแก้ศูนย์อยู่ที่ครูเขมให้ไปหา พวกฟุตฟิตฟอร์ไฟว์และทำเป็นเล่มมาให้ครูเขมดูพร้อมกระโยคตัวอย่างนั้นไม่ได้แปลว่าครูเขมลำเอียงกลับผมสักหน่อยแต่ใครจะรู้ใครจะเข้าใจจริงมั้ย และยิ่งเวลานั่งเรียนพิเศษนี้ เรียนคือเรียนถ้าเล่นพี่เขมก็ตีจริงเจ็บจริงด้วยซ้ำ

                      "พี่เขมไม่ว่าใครจะพูดว่าพี่ยังไงผมเท่านั้นที่รู้ว่าพี่รักและหวังดีกับผมแค่ไหนและผมจะต้องผ่านสิ่งเหล่านี้ไปให้ได้ เพราะนี้มันคือบททดสอบความรักและอดทนของผมกับพี่" ผมพูดกับกระจกในห้องน้ำชายหลังจากที่ทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว และเตรียมจะออก

                      "ไงผัวหายไปไหนละ...หรือว่าโดนไล่ออกไปแล้ว..ทำไมไม่ตามไปแบบไอ้แชมป์ซะละหนีตามกันไปเลย " เสียงที่ตามหลอกหลอนผมพวกไอ้กาย

                      "ปกติจะมีแต่ผู้หญิงนะที่หนีตามผู้ชาย..มึงก็คงจะเป็นอีกคนที่ผู้ชายหนีตามผู้ชาย" ผมยืนสูดหายใจเข้าเพื่อไม่ให้ระเบิดมันออกมาก่อนจะเดินแทรกตัวออกไปผ่านกลุ่มพวกพี่กาย พี่อั๋นและไอ้พี่เอก ผมเองที่พยายามสะกดอารมณ์ตัวเองไว้ ผมต้องไม่ก่อเรื่องเพิ่ม

                      "กลายเป็นตุ๊ดไปซะแล้ว" ผมได้ยินเสียงสุดท้ายก่อนจะปิดประตูลง ผมต้องยอมเป็นคนขี่คลาดเดินผ่านพวกมันออกไป ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้ ผมทำได้แค่กำมือแน่นหลบไปยืนอยู่ด้านข้างตรงกำแพงและผมก็

           "ปัก! ปัก! ปัก! ปัก!" เสียงหมัดกระทบกำแพงแบบไม่ยั้งด้วยความโกรธ ผมยกมือขึ้นมาเท้ากำแพงเพิ่งจะเห็นนะว่ามีเลือดซึมติดที่กำแพงนันจากมือผมเอง เลือดที่ซึมออกมากการลงหมัดเพื่อระบายความโกรธของผมแต่มันกับไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลยที่มือของผม แต่ใจผมนี้โคตรเจ็บยิ่งกว่าต่อยกำแพงซะอีก


           "พี่คริสเจ็บมากไหม" มีมือเล็กๆมาจับแต่ผมสะบัดก่อนจะหันไปมองว่าเป็นใคร

           "อย่ามาแตะต้อง...ออกไปให้พ้น"ผมหันไปตะหวาดใส่คนที่มาแตะมือผม แก้ม เธอยืนมองผมน้ำตาคลอ

           "ทำไมพี่รักเขามากขนาดนี้เลยอะทำไม ทำไม ทำไม ฮึกๆ"แก้มเข้ามาทุบต้นแขนผมไม่แรง แก้มยืนร้องไห้

           "เธอไม่มีวันเข้าใจแก้ม..ไปให้พ้น..."ผมพูดโดยไม่ได้มองหน้าเธอ

           “พี่คริสมือพี่เลือดไหลอ่ะ ฮือๆ”

           “Just leave me alone!!!” ผมหันไปตะคอกใส่หน้าเธออีกครั้ง แต่เธอทำหน้าไม่เข้าใจ และผมก็ดันเธอไปให้พ้นทางก่อนจะรีบเดินออกเพื่อเตรียมไปเข้าแถว เลือดที่ตรงหลังมือผมก็ซึมออกมาทุกทีแต่ผมก็ยังคงเดินไปเขาแถวตามปกติแบบคนเลื่อนลอยไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะกี่สายตาที่มองมาที่ผม

           "คริสโตเฟอร์.." เสียงครูนิดวิ่งมาเรียกผม

           "แม่เธออยู่ในสายเขาบอกว่าเธอไม่รับโทรศัพท์เขาเลย โทรเข้าเบอร์โรงเรียน เธอขึ้นไปรับสายแม่เธอตอนนี้เลยนะคริส" ครูนิดบอกผม ผมก็ใจเต้นรัวยังไงก็ไม่รู้

           "ฟังจากน้ำเสียงของแม่เธอแล้วเขาดูเป็นห่วงเธอมากนะ" ครูนิดบอกผม ผมพยักหน้าก่อนจะเดินส่วนกลับขึ้นไปที่เล็กๆจะมีโทรศัพท์อยู่สี่ห้าเครื่องเอาไว้ให้นักเรียนติดต่อทางบ้านแต่ไม่ค่อยมีคนใช้เท่าไหร่เพราะว่าแต่ละคนล้วนแต่มีมือถือเป็นของตัวเอง ผมเดินไปนั่งตรงเครื่องโทรศัพท์ที่ถูกยกหูวางไว้ ผมหยิบมันขึ้นมา

           "ฮัลโล มัม"  ผมเรียกมัมมากกว่าคำว่าแม่

           "เกิดอะไรขึ้นคริส..ทำไมผู้อำนวยการโทรมาบอกให้แม่ลงไปหาเราด่วนละ"

           "แม่..คริสขอโทษ..ฮึก...ฮึก.."น้ำตาผมไหลทันที

           "คริส..แม่ขอโทษนะลูก....ที่แม่ดูแลลูกไม่ได้ดีเหมือนแม่คนอื่นๆ"

           "แม่ดูแลผมดีที่สุดแล้ว..."

           "แม่ผม..ผมไม่อยากเรียนแล้ว"

           "ทำไมละคริสทำไมละลูก..หรือว่ามีคนล้อลูกเหรอคริส.." แม่คงเข้าใจว่ามีคนล้อผมว่าเป็นไอ้ฝรั่งขี้นกแต่เรื่องแค่นี้ผมไม่สนใจอยู่แล้วอย่างมากก็แค่ต่อยกลับแต่เรื่องครูเขมมันทำให้ผมไม่อยากทนอยู่ตรงนี้เพราะว่าสิ่งเหล่านี้มันกำลังรุมทำร้ายความเข้มแข็งที่ผมมีให้อ่อนแอลงไปเรื่อยๆ

           "ไม่มีหรอกแม่ที่ผมไม่อยากเรียนเพราะว่า.....เพราะว่าผมไม่อยากเป็นนักเรียนแล้วแม่"
"
           "ผมเลยรักครูไม่ได้"

           "ผมรักครู...แม่...คริสรักครูเขมแม่ ..ฮือๆ .."

           "อะไรนะ..ครู..ครูอะไรนะ..แล้วนี้เรา..อย่าบอกนะว่าที่ผู้อำนวยการบอกให้แม่ลงไปเพราะว่าเรามีเรื่องชู้สาวเกิดขึ้นในโรงเรียนอย่างนั้นเหรอ"

           "แม่ครูที่ผมรักนะเขาเป็นผู้ชาย"

           "อะไรนะคริส...นี้ลูกแม่เป็นเกย์เหรอ"

           "แม่รังเกียจผมไหม...แม่โกรธผมมากไหม..."

           "โธ่..คริส..แม่จะรังเกียจลูกตัวเองได้ยังไงละคริส...แต่..ฟิลิปส์เขาคง.." แม่คงหมายถึงพ่อเลี้ยงของผม

           "รับผมไม่ได้..." ผมพูดเบาๆ เสียงแม่ถอนหายใจออกมายาวๆ

           "แม่....ถ้าผมไม่เรียนผมเรียนไม่จบแม่จะลืมไปเลยก็ได้นะว่าผมเป็นลูกแม่..ผมรู้ว่าผมไม่เคยทำให้แม่ภูมิใจสักครั้งมีแต่ทำเรื่องให้แม่..แม่..คริสคิดถึงแด้ด..ฮือๆ" ผมร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กน้อย

           "คริสแม่จะลงไปนะ..คงไปวันจันทร์นะลูก..คริส..แม่ไม่ได้ต้องการอยากได้ลูกที่เก่งเหนือใครแต่แม่ต้องการลูกที่เป็นคนดีลูก..เป็นคนดีของแม่แค่นั้นลูก"

           "เขารักลูกของแม่หรือเปล่าละคนนั้นนะ"แม่ถามผม

           "รักผมมากที่สุดเขาดูแลผมดี ..เขาทำให้ผมอยากเรียกภาษาอังกฤษ..เขาทำให้ผมอยากตามหาแด้ด"ผมบอกแม่

           "แม่ดีใจนะที่คริสคิดได้แบบนั้น...น้องตื่นแล้วนะลูก..วันจันทร์แม่จะลงไปนะ..ดูแลตัวเองละคริส..อ้อแม่โอนเงินไปเพิ่มให้แล้วนะและดูแลตัวเองดีดีนะ เจอกันวันจันทร์คริส" แม่ผมพูดและกดวางสายไปผมได้ยินเสียงน้องชายร้องเรียก มัม มัม และเสียงเรียกจากพ่อเลี้ยงเรียกให้แม่ไปดูน้อง
       
        ผมเอื้อมไปหยิบกระดาษทิชชู้มาซับเลือดที่หลังมือของผมก่อนจะเดินออกเพื่อไปขึ้นเรียน ตอนนี้นักเรียนแยกย้ายเข้าห้องเรียนกันเกือบหมดแล้ว
     
    Christ Khem: พี่เขมถึงหรือยังผมคิดถึงพี่..ผมรู้สึกอ่อนแอ..ผมอยากจะกอดพี่เขม
                       ข้อความถูกส่งออกไปจากมือถือผมโดยแอพพลิเคชั่นสีเขียวที่เราใช่คุยกันหยอกล้อกันทะลึ้งกันบ้าง ผมเดินเข้าไปในห้องเรียนที่มีแต่รุ่นน้อง นี้ถ้าผมไม่มีเรื่องผมคงอยู่ม.5แล้วซินะและคงไม่นานพอที่ผมกับพี่จะรอได้แต่นี้แค่ ม.4 เทอม 2 เอง

                      "ขออนุญาติเข้าห้องครับ"ผมพูดกับครูลิมาที่มาสอนแทนครูเขม เขาแค่พยักหน้าผมก็เดินเข้าไปในห้องโดยมีสายตาเพื่อนและบรรยากาศในการเรียนมีแต่ความเงียบ ทั้งที่ตอนที่ครูเขมสอนมีแต่เสียงหัวเราะครูเขมเขาสอนสนุกเขาเน้นแกรมม่าและการสนนทนาเพราะว่าในชีวิตจริงครูบอกว่าใช้การสนาทนามากกว่าแต่แกรมม่าก็สำคัญ ผมหยิบหนังสือ Essential Grammar in use ของ Raymond murphy ที่ครูเขาให้ผมมาหยิบมันขึ้นมาดูเมื่อคืนผมก็อ่านมัน  ขอบคุณนะครับพี่เขมขอบคุณที่ผมได้เจอพี่

           "แกเรียนกับครูลิมาน่าเบื่อวะสู้เรียนกับครูเขมไม่ได้วะสนุกดีวะ"

           "แกน่าเบื่อตรงที่แกไม่รับฟังพวกเราเลยเอาแต่สอนในตำราบางอย่างที่เราอยากได้มากกว่าตรงนั้น"

           "และพอเราเสนอความคิดเห็นแกก็หาว่ารู้ดีอีก..สู้ครูเขมไม่ได้วะ....อธิบายทั้งในและนอกตำราไปพร้อมๆกัน"

           ".แล้วนี้ครูเขมไปไหนก็ไม่รู้เมื่อเช้าไม่เห็นเลยและตอนเดินไปดูตารางติวเตอร์นะไม่มีชื่อครูเขมตลอดทั้งอาทิตย์นี้เลยวะ"

           "ครูเขมโดนพักการสอนหรือเปล่าวะ"

           "ก็คงเป็นเรื่องที่ครูแกเป็นเกย์นะซิและ..ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาสอนอีกไหม"

           "เป็นเกย์แล้วเกี่ยวอะไรวะ"

           "แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงที่ครูเป็นเกย์หรอกมันอยู่ที่แกรักกับนักเรียนมันผิดนะ..เวรแล้วพี่คริสอยู่ในห้องนี้แก"

           "ที่จริงมันก็เรื่องส่วนตัวนะแกแต่ที่แย่เพราะนางแก้มนะดันไปพูดถ้ามันไม่พูดก็ไม่มีใครรู้" ผมได้ยินเสียงผู้หญิงในห้องพูดคุยเรื่องนี้กันในก็จริงนะผมลุกขึ้นและเดินที่โต๊ะที่น้องเขานั่งอยู่

           "น้องครับ"  ทุกคนตกใจผมกันหมด ผมก็ส่งยิ้มให้และนั้นถึงทำให้น้องเขาเริ่มไม่กลัวผม

           "น้องอยากให้ครูเขมสอนที่หรือเปล่าครับ" ผมถามน้องที่นั่งคุยกันเขาหันมามองหน้าผมและหันไปมองหน้าเพื่อนๆในกลุ่ม

           "เออ...อืมม.." น้องเขาหันไปมองหน้าเพื่อนๆกันและ

           "อยากซิพี่ครูเขมนะสอนสนุกและเราก็เข้าใจมากกว่าเรียนกับครูลิมาอีก เคร่งเครียดตลอดเวลา" พวกน้องพูด

           "พี่คริส...แล้วตกลงพี่กับครูเขมเป็นแฟนกันจริงปะ"น้องในห้องคนหนึ่งถามผม

           "ใช่แต่.."

           "พวกเราเอาใจช่วยนะ...พวกเรานะอยู่ข้างครูเขมกับพี่คริสนะ"ผมยิ้มให้ก่อนจะเดินออกจากห้องและไปเข้าห้องน้ำ ผมควรจะทำอะไรสักอย่างใช่ไหมเพื่อช่วยพี่เขม แต่ก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีผมเลยเลือกเดินลงไปไม่รู้จะไปไหนก็คงไปที่ศาลานั่งกลางบ่อน้ำ ผมไม่อยากกินอะไรเลย ผมเดินไปหาที่นั่งหยิบมือถือขึ้น พี่เขมอ่านข้อความแล้วแต่ไม่ได้ตอบกลับ

           "พี่เขมทำไมพี่ไม่ตอบข้อความผมเลยละ...." ผมพูดกับหน้าจอมือถือ นี่เขากำลังตัดสินใจทำอะไรของเขาอยู่หรือเปล่าหรือว่าพี่ถอดใจแล้ว
 
  Christ Khem : พี่เขมทำไมพี่เงียบไปละ...พี่ถึงหรือยัง..ขอบคุณนะครับสำหรับโจ๊กที่พี่สั่งไว้ให้ผม

                ผมส่งข้อความหาพี่เขมอีกแล้ว พอข้อความถูกส่งไปผมก็รับรู้ได้ว่าอ่านมันแล้ว แต่ก็ไม่ตอบกลับมาหาผมอยู่ดี ผมวางมันลงบนโต๊ะ ไม่มีกะจิตกะใจอยากจะเรียนเลยจริงๆ

           "แปะ!! "ผมสะดุ้งสุดตัวเพราะว่ามีของเย็นบางอย่างมาแตะผมที่แก้มผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ไอ้โป้ง

           "กินซะหน่อยซิ..ดูมึงเพลียๆวะ เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ" ไอ้โป้งนั่งลงแน่นอนมันก็มาพร้อมกับไอ้ปัน ปันที่เดินกินกูลิโก๊ะมาด้วย รสสตอเบอรี่ ไอ้โป้งมันเปิดขวดน้ำอัดลมและส่งมาให้ผม ผมพยักหน้าก่อนจะรับมากระดกดื่ม

           "กูไม่อยากเรียนเลยวะวันนี้..เดี๋ยวกูจะกลับไปบ้านพักวะ" ผมหันไปบอกไอ้โป้ง มันก็พยักหน้าเบาๆ ผมลุกขึ้นพร้อมกันสะพายเป้ขึ้นบ่าไป ผมกลับไปห้องพักผมว่าจะกลับไปนอนสักหน่อยเมื่อคืนหลับๆตื่นๆ เมื่อคืนนอนน้อยมาก ผมกลับมาก็ทิ้งตัวลงนอนบนที่นอน ครูเขมก็ยังไม่ตอบข้อความผมเลย ผมนอนมองมือถือข้างๆตัวจนเผลอหลับไป

           "พี่เขม...พี่เขม.."ผมรู้สึกว่ามีมือมาเกลี่ยที่ใบหน้าของผม หรือว่าพี่เขมกลับมาแล้วใช่ไหม ผมลืมตาขึ้นภาพเลื่อนลางแต่ไม่ใช่ใบหน้าของครูเขมอย่างที่ผมคิดไว้แต่มันกลับเป็นใบหน้าของไอ้โป้ง แววตามันไม่เหมือนทุกครั้งที่มองผม แต่มันไม่สำคัญเพราะว่าเวลานี้มันต้องอยู่ในห้องเรียนซิ

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนEP.19.1 ความลับที่โป้งเก็บไว้ตลอดห้าปีครึ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 19-08-2020 20:36:39
EP.19.1 ความลับที่โป้งเก็บไว้ตลอดห้าปีครึ้ง


Part คริสโตเฟอร์
                  "พี่เขม...พี่เขม.."ผมรู้สึกว่ามีมือมาเกลี่ยที่ใบหน้าของผม หรือว่าพี่เขมกลับมาแล้วใช่ไหม ผมลืมตาขึ้นภาพเลื่อนลางแต่ไม่ใช่ใบหน้าของครูเขมอย่างที่ผมคิดไว้แต่มันกลับเป็นใบหน้าของไอ้โป้ง แววตามันไม่เหมือนทุกครั้งที่มองผม แต่มันไม่สำคัญเพราะว่าเวลานี้มันต้องอยู่ในห้องเรียนซิ

                               “อืม” ผมยังไม่ทันได้ถามอะไรเลยมันก็ก้มลงจูบผมทันที ผมก็พยายามเม้มปากคัดค้านการกระทำของมัน นี้มันขึ้นมาค่อมผมไว้ทิ้งน้ำหนักลงมาทั้งตัวด้วยและแขนผมก็ถูกมันตรึงไว้เช่นกัน พอมันจูบผมไม่สำเร็จมันก็ใช่ปากเลื่อนลงไปที่ซอกคอของผมแทน

               “อย่า..อย่า..อย่า..ไอ้..สัส..โป้ง!” ผมพยามดันมันออกจนมันกระเด็นออกไปผมก็รีบดีดตัวขึ้นมานั่งมองหน้าไอ้โป้ง ว่าที่มันทำกับผมคืออะไรไหนบอกว่าไม่ชอบเกย์ไหง แล้วนี้มันคืออะไร

               “มึงทำเฮี้ยอะไรกับกูไอ้โป้ง!” ผมตะคอกเสียงดังถามมันไป ผมยกมือขึ้นเช็ดปาดริมฝีปากของผม มันกล้าดียังไงมาจูบผมทั้งที่มันก็รู้ว่าผมควรจะให้ใครจูบที่ไม่ใช่มัน

               “ทำเหมือนที่ครูเขมทำกับมึงไง” โป้งพูด

               “ไอ้สัส..โป้ง..” ผมด่ามันพร้อมรีบลุกขึ้นยืน

               “มึงมันก็เหมือนพวกไอ้พี่กายนั้นแหละ...กูเสียใจวะ..กูคิดว่ามึงนะเพื่อนกูเพื่อนที่เข้าใจกูมากที่สุดและจะไม่ทำร้ายกู” ผมชี้หน้ามัน

               "ทำไมมึงคิดว่าที่กูเป็นแบบนี้มันสนุกมากหนักใช่ไหมโป้ง!!" ผมถามมันแววตาผมบอกได้ว่าผมเสียใจที่สุด

               “กูไม่เหมือนพวกมันหรอกคริส พวกไอ้กายนะ แต่นี้กูทำเพราะกูรู้สึกกับมึงแบบนั้นจริงๆ คริส!” ไอ้โป้งมันพูดว่ามันไม่เหมือนแต่การกระทำที่มันกำลังจะทำกับผมนี้นะไม่เหมือน

               “กูไม่เหมือนพวกมันหรอก...แต่กูเหมือนที่ครูเขมเป็น กูก็เหมือนครูเขมของมึงนั้นแหละ” ไอ้โป้งพูดมันทำท่าจะเดินเข้ามาหาผม

               “อย่านะไอ้โป้ง..กูไม่อยากต่อยมึง...นี้มึงเป็นบ้าอะไรขึ้นมา..ไหนมึงเกลียดเกย์ไง” ผมค่อยถอยหนี ผมรู้สึกหวาดกลัวมันขึ้นมาทันที

               “มึงถามกู!! ..แต่กรูว่ามึงควรจะถามตัวเองดีกว่า...มึงนั้นแหละที่บอกว่ามึงไม่ใช่เกย์"  ไอ้โป้งมันถามผม

               "มึงจำได้ไหม!” โป้งมันถามผม สายตามันจับจ้องมองผม

               “ที่กูเขียนจดหมายไปหาน้องแชมป์โดยลงท้ายว่ามึงชอบเขานะ”ไอ้โป้งพูดผมพยักหน้าว่าจำได้ ผมยังด่ามันเลยเอาความรู้สึกน้องเขามาล้อเล่นทำไม นับตั้งแต่ผมบอกเขาไปเขาก็ไม่กล้าเจอหน้าผมเลยคอยหลบหน้าผมตลอดจน จนกระทั้งน้องเขาหายไปกับครูมิ้ง

               “เพราะกูจะลองใจมึงไง...แต่มึงก็บอกน้องแชมป์ไปว่ามึงไม่ใช่เกย์!! “

               “กูก็ทำใจว่ามึงไม่ใช่ ...กูทำใจให้เป็นเพื่อนแค่มึง..เพราะกูกลัวเสียมึงไป" ไอ้โป้งมันพูด

               "และกูต้องทำเป็นว่ากูไม่ใช่เกย์!! ...กูต้องทำเป็นว่ากูมีแฟนเป็นผู้หญิง"

               “กรูต้องหลอกตัวเอง!!!” ผมอึ่งพูดอะไรไม่ออกเลย

               “มึงพูดเชี้ยอะไรเนี๊ยะ”ผมถามไอ้โป้ง

               “กูเลยจะเลิกเป็นเกย์ไง...กูเลยพยายามเลิกเป็นนี่ไง! ..ไอ้เกย์เนี๊ยะ!..กูพยายามเลิกเพราะกูจะได้ไม่รู้สึกอะไรกับมึงทุกครั้งที่นอนอยู่บ้านเดียวกัน!!”ไอ้โป้งพูด ผมยืนกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ ผมไม่คิดว่าก่อนเลยว่ามันแย่ขนาดนี้เลยเหรอผมทำให้มันแย่ขนาดนี้เลยเหรอ

               “แต่พอครูเขมมามึงกลับกลืนน้ำลายตัวเอง มึงกลับไปอยู่กับเขา ไปนอนกับเขา ไปกอดเขา ไปจูบเขา ...กูนี้อยู่กับมึงมาห้าปี..”

               “กูเก็บความรู้สึกตัวเองมาได้ตั้งห้าปี!!!”

               “โป้ง...กูไม่รู้...กูไม่รู้ว่ามึงเป็น...และกูยังยืนยันว่ากูไม่ใช่..แต่กูแค่...รักครูเขม..แต่กูก็คิดว่ากูไม่ใช่เกย์..แต่กูรู้สึกดีกับครูเขม”

               “ที่เป็นผู้ชายโป้ง...”

               “นี้ยังไม่ใช่อีกเหรอคริส!”

               “อย่านะไอ้โป้ง..มึงจะทำบ้าอะไรกับกู”

               “กูจะทำตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแต่กูเห็นมึงนอนร้องไห้...กูอาจจะไม่มีทุกอย่างดีเท่ากับครูแต่กูก็รักมึงวะคริส” ไอ้โป้งมันไม่พูดเปล่ามันกระโดดขึ้นเตียงนอนผมและพุ้งตรงมาหาผม

               “อย่าไอ้โป้ง!!” ผมร้องห้ามถึงตัวจะพอพอกันแต่ผมจะต่อยหน้าไอ้โป้งเพื่อนผมได้เหรอวะ ผมทำได้เหรอวะ

               “ปึก” ร่างผมถูกดันลงไปบนที่นอนไอ้โป้งมันขึ้นมาค่อมผมไว้ มันไซ้ที่ตรงคอผมและพยายามจูบปากผมแต่ผมเบือนหน้าหนีมันตลอด

               "กูบอกให้มึงหยุดไงไอ้โป้ง..โป้งหยุด!!" ปากผมก็ร้องพยายามใช้เข่าดันก็ไม่เป็นผลเพราะว่ามันกันผมไว้หมด พอมันจูบผมไม่ได้อีกมันก็ไซ้ลงไปที่คอของผมมือมันก็สอดลงไปที่กางเกงผมผมรู้สึกว่ามันกำลังปลดเข็มขัดเพราะตัวผมกับมันพอพอก็จริงแต่แรงผมคงน้อยกว่าหน่อยก็เมื่อวานไม่ได้กินข้าวและตอนเช้าก็กินไปนิดเดียวเอง

               "อย่าโป้ง....อย่า..อย่าทำกูแบนี้ ..ฮือๆ"

               "กูจะทำให้มึงรู้ไงว่าจริงๆแล้วกรูไม่เคยรังเกียจมึงคริส...เป็นเมียกู..คริส!! "

               "มึงจะได้ไม่ต้องเจอเรื่องเฮี้ยๆแบบนี้...จะได้ไม่มีใครว่ามึงคริส..อืมมม" มือผมก็กำหมัดแน่น

               "ครูรักกับนักเรียนมันผิด!”

               “มึงควรมารักกับเพื่อนมึงอย่างกูนี้คริส!!"

               "ผลัก" ผมตัดสินใจต่อยหน้ามันไปหนึ่งที ผมไม่เคยคิดจะต่อยมันเลยจริงๆ ไอ้โป้งมองหน้าผม มุมปากมันมีเลือดซิบ และมันก็ยกนิ้วขึ้นมาแตะที่ตรงมุมปาก

               "อย่าโป้ง..อย่าทำแบบนั้นกับกู" ผมร้องห้ามอีกครั้ง

               "กูขอร้องนะไอ้โป้ง...อย่าทำให้กูแย่ไปกว่านี้ได้ไหมวะโป้ง..กูรับอะไรไม่ไหวแล้วโป้ง" ผมพูดด้วยน้ำเสียงทีสั่นเครือ น้ำตาผมไหล ตอนนี้คนที่นึกถึงคือพี่เขม

                               “อย่าทำให้กูต้องเสียมึงไปตอนทีกูอ่อนแอแบบนี้โป้ง” ผมพูดน้ำเสียงผมบอกได้ว่าผมเสียใจแค่ไหน เพราะว่ามันคือเพื่อนที่ผมรักและไว้ใจอีกคนเหมือนทีผมไว้ใจครูเขมแต่ผมแค่ไม่เคยให้ใจในเหมือนที่ผมให้ครูเขม และผมเองก็ไม่เคยคิดว่ามันจะคิดแบบนี้กับผม ผมก้มลงมองกางเกงนักเรียนที่เกือบจะหลุดออกไปอยู่แล้วนี้มันดึงรวดเดียวให้กางเกงนักเรียนและชั้นในหลุดไปพร้อมกัน

                              "ไอ้โป้ง!!!.มึง..." เสียงไอ้ปัน ปันมันเปิดประตูเข้ามาและมันก็ยืนตกตะลึง ผมรีบคว้าหมอนมาปิดบังส่วนสงวนของผมไว้ก่อน คงไม่ต้องบอกไอ้ปัน ปันนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น

                               "ปึก" ประตูถูกปิดลงทันที

                               "มึงทำอะไรมันนะไอ้โป้ง" ไอ้ปัน ปันถามไอ้โป้ง ไอ้โป้งไม่ได้พูดอะไรนอกจากมองหน้าผมและเดินแทรกตัวออกไป

                              "ดูมันให้กูทีปัน ปัน " ไอ้โป้งมันกระซิบกับปัน ปัน ผมค่อยๆลุกขึ้นดึงกางเกงนักเรียนขึ้นมาสวมให้เรียบร้อย ไอ้ปัน ปันมันนั่งลงมันคงตกใจมากซิท่า

                              "มันทำอะไรมึงหรือยังวะคริส" ไอ้ปันมันมองผมจากสภาพผมแบบนี้มันก็เห็นได้ชัดว่านี้ผมกำลังถูกเพื่อนขมขืนไง

                              "ยังหรอกวะ...แค่เกือบวะปัน" ผมพูดเบาๆ

                              "จู่ๆมันก็หายออกจากห้องไปตอนที่ครูสั่งงานกูไม่คิดว่ามันจะกล้ามาทำอะไรกับมึงแบบนี้วะ" ไอ้ปัน ปัน มันาถามผม ผมส่ายหัวว่าไม่รู้ไม่อยากพูดถึง

                              "ให้กูอยู่เป็นเพื่อนไหมคริส" ไอ้ปัน ปันพูดผมส่ายหัวว่าไม่

                              "ตอนเที่ยงกูเอาข้าวมาให้นะ...นอนพักเถอะ"

                              "กูคิดว่าไอ้โป้งมันคงเสียใจมาก"

                              "กูมองมันผิดมาตลอดเลยไอ้ปัน ปัน มันบอกว่ามันคิดแบบนั้นกับกูมาตั้งห้าปีปัน แต่กูไม่ได้รักมันแบบนั้นมึงเข้าใจกูไหมวะปัน ปัน และกูรักพี่เขมมันก็รู้มันยังทำกับกูแบบนี้ทำไมวะปัน "ผมเงยหน้ามองไอ้ปัน ปัน มันยืนนิ่งเงียบ

                              "มิหน่าละ...มันถึงได้คอยตามดูแลมึงแม้ว่ามันจะทำเหมือนรังเกียจมึง..กูเข้าใจมันแล้ววะ..มันคงทรมารมากเลยวะที่ต้องเก็บความรู้สึกมันไว้ตั้งห้าปี กูเองก็ยังเก็บความรู้สึกมาตั้งปีกว่าแหละ กูว่ากูแย่แล้วนะมันแย่กว่ากูอีกวะ" ไอ้ปัน ปันมันพูด

                              "นอนพักวะ...คืนนี้กูมานอนเป็นเพื่อนที่นี้ถ้ามึงกลัวมันนะ" ไอ้ปัน ปันพูดก่อนจะเดินออกไป ผมยกมือขึ้นมากุมใบหน้าผมไว้ ตอนนี้ผมอ่อนแอมาก ผมอยากเจอพี่เขม

              KissKhem : พี่เขม ...ผมอยากเจอพี่...ผมกลัวผมจะไม่ได้เจอพี่อีก...พี่เขม..คริสไม่ไหวแล้วอะ ...
                              ผมส่งข้อความหาพี่เขม แต่ทว่ามันกลับเงียบมากไม่มีการตอบรับหรือว่าอ่านข้อความจากผมเลย ถ้าเป็นแบบนี้ผมคงหลับตานอนไม่ได้แน่ๆ ผมรู้สึกกลัวไอ้โป้ง ผมลุกขึ้นเพื่อที่จะไปนอนที่บ้านครูเขมดีแทน ผมไม่อยากนอนที่นี้
   
                               ผมหยิบเสื้อผ้าไปสองสามชุดผมมีกุญแจสำรองของครูเขม ผมไม่สนอะไรแล้วเพราะว่ามันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วหากผู้อำนวยการจะรู้และผมจะโดยอะไรที่หนักหนาไปกว่านี้อีกก็คงไม่มีอีกแล้ว

                               ผมเดินกลับมาที่บ้านพักครูเปิดประตูเข้าไปผมก็ปิดประตูลงทำเหมือนไม่มีใครอยู่ที่บ้านพัก เดินเข้าไปในห้องนอนของพี่เขมกับผม(เคยเป็น) ผมนั่งลงบนเตียง พี่เขมเปลี่ยนผ้าปูที่นอนก่อนออกไปแน่ๆเลย ผมเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบกางกางบ๊อกเซอร์ที่ผมไปซื้อมาคู่กัน เอาตัวของผมมาสวมใส่และเสื้อยืดตัวเก่าๆของพี่เขมกลิ่นกายพี่เขมยังติดอยู่เลย ผมทิ้งตัวนอนผมหยิบเสื้อเชิ้ตที่พี่เขมสวมใส่บ่อยๆมากอดไว้ ผมเพิ่งจะรู้ผมเป็นเอามากก็วันนี้เอง

                              "คริส!!" เสียงเหมือนใครมาตะโกนเรียกผมอยู่หน้าบ้าน หรือว่าครูเขมกลับมาแล้วผมรีบลุกขึ้นและวิ่งไปเปิดประตูแต่ไม่ใช่ เป็นพวกไอ้อาร์ทและไอ้โจ้ มันมากับเด็กที่ชื่ออนุชิต แต่ไม่มีครูเขม ใช่ซิเพิ่งจะไปเมื่อเช้านี้เองกว่าจะกลับก็วันศุกร์

                              "พวกกูคิดไว้แล้วเชียวว่ามึงต้องมาอยู่ที่นี้" ไอ้อาร์ทพูดมันเดินขึ้นมาบนบ้านพักมันเอากระเป๋เป้มาด้วยคนละใบ

                              "พี่คริสครับนี้ชุดทำงานครูเขมและเสื้อผ้าของพี่ ที่ครูเขมส่งสัก..ครูฝากจดหมายน้อยให้ผมไปเอาให้พี่ทีครับ" อนุชิตบอกผมนี้พี่เขมสั่งคนใกล้ๆตัวไปเอาของให้ผมเพราะเขารู้ว่าผมไม่มีกะจิตกะใจจะไปไหนแน่นอน

                              "ใจวะชิต" ผมบอกไป

                              "พวกมึงละ"ผมหันไปถามไอ้อาร์ทและไอ้โจ้ อนุชิตเดินลงจากบ้านไปแล้ว

                              "กูมานอนกับมึงไง...ไอ้โป้งมันสาระภาพแล้วว่ามันจะเอามึงทำเมียเพราะว่ามันขาดสติ" ไอ้อาร์ทพูดผมหยักไหล่ให้เข้ามาดิ มันก็เดินเข้ามากัน

                              "โป้ง...มันให้พวกกูมานอนเป็นเพื่อนมึงมันบอกว่ามึงต้องมานอนบ้านครูเขมแน่ๆและมึงคงจะไม่กล้านอนคนเดียวด้วย" ไอ้โจ้มันพูด ผมพยักหน้าพวกมันเดินเข้ามาในบ้าน
               
                              " หิวยังวะพวกกูหิวแล้ววะ" ไอ้อาร์ทถามผม

                              "มึงไปหาซื้ออะไรกินกันก่อนก็ได้วะ" ผมบอก

                              "หาซื้อทำไม นี่ครูเขมเขาสั่งป้าใจไว้ให้มึงแล้วนี้พวกกูไปเอามา ไข่ลูกเขย ผัดวุ้นเส้นและ แกงจืดเต้าหูไข่ ปลาทอดด้วยว่ะ" ไอ้อาร์ทมันพูด ผมหันไปมองจริงด้วยครูเขมสั่งกับข้าวไว้ให้ผมด้วยเหรอ

                              "ป้าใจแกบอกว่าครูลินดาลงมาสั่งให้และครูลินดาก็บอกว่าครูเขมเขาฝากสั่งให้มึงอีกที" ไอ้อาร์ทมันพูดและหันไปมองไอ้โจ

                              "ครูเขมคงจะฝากครูลินดาดูมึงด้วยแหละว่ะ" ไอ้โจ้พูดผมพยักหน้าและมานั่งลงพวกไอ้โจ้มันก็แกะกับข้าวใส่จานและชาม

                              "เขารู้ว่าสภาพมึงต้องไม่โผ่หัวไปหาอะไรกินแน่ๆ..คงคุดอยู่แต่ในห้อง..และคิดมาก" ไอ้อาร์ทพูดมันตักข้าวใส่จานมาให้ผม

                              "กูไม่แปลกใจแล้ววะว่าทำไมมึงรักครูเขมมากวะเป็นกูก็รักวะ..ครูเขมโคตรดีกับมึงมากเลยวะ" ไอ้โจ้พูดผมพยักหน้า

                              "ไอ้โป้งเป็นไงบ้างวะ"

                              "มันเสียใจเรื่องที่มันทำลงไปวันนี้มากนะไอ้คริส..และพวกกูก็เพิ่งจะรู้ความจริงวันนี้เหมือนกัน มันแอบรักมึงเหรอว่ะ" ไอ้อาร์ทพูด

                              "มิหน้าละมันโคตรเป็นห่วงมึงเลยวะไอ้คริสคอยตามดูแล..แบบอยู่ห่างอย่างห่วงๆ " ไอ้โจ้พูด

                              "ไอ้ปัน ปันมันเสียใจไหมวะกรูไม่อยากให้ปัน ปันมันคิดว่ากู..."ผมพูดและรับจานข้าวมาจากไอ้โจ้ที่มันตักให้ผม

                              "ไม่หรอกมันดีใจซะด้วยซ้ำไอ้ปัน ปันมันคงบอกความในใจได้เร็วขึ้นวะ" ผมตักน้ำแกงจืดมาสด

                              "นี่ถ้าครูเขมไม่เข้ามา..กูว่ามึงอาจจะได้โดย มันสองคนผัวเมียจับมึงกินแซนวิชกันบ้างละ" ไอ้โจพูด

                              "พล้วด..แคร๊ก! " มันเล่นพูดแบบนี้ผมจะกล้าไปนอนบ้านไหม ผมหันไปมองหน้ามัน

                              "มึงชอบกินไม่ใช่เหรอแซนวิสนะ" ไอ้โจมันถามผม

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนEP.19.2 ความลับที่โป้งเก็บไว้ตลอดห้าปีครึ้งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 20-08-2020 11:46:42
 EP.19.2 ความลับที่โป้งเก็บไว้ตลอดห้าปีครึ้งหลัง
                                ผมนั่งทานอาหารแค่ให้พอประทังไปได้ พวกไอ้อาร์ทกับไอ้โจ้มันช่วยกันเก็บล้างแทนผม ผมแทบนั่งเฉยๆมองดูมันสองคนแกล้งกันเอง ไอ้สองคนนี้เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อนุบาลชอบอะไรเหมือนกันทุกอย่างแม้กระทั้งสเปคหญิงยังชอบเหมือนกันเลยและแฟนมันสองคนส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนกัน คือถ้าไอ้อาร์ทจีบใครไอ้โจ้ก็จะได้เพื่อนของแฟนไอ้อาร์ทมาเป็นแฟนด้วยเช่นกันเป็นแบบนี้ตลอดแถมอกหักมันก็หักทีเดียวพร้อมกันทุกที

                              "กูลงไปเอาถุงนอนก่อน..พวกกูนอนข้างนอกได้วะ"

                              "เฮ้ย! ไปนอนในห้องกันก็ได้ไอ้บ้า"

                              "ไม่เอาอะ...มึงต้องกลัวพวกกูบ้างแหละไอ้คริสวันนี้มึเจอมากูว่าต้องหวาดระแวงพวกกูบ้างแหละว่ะจริงไหมละ" ไอ้อาร์ทมันพูดผมพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี

                              "กูไม่ปลั้มมึงหรอกนะ..แดกเหล้าด้วยกันมากี่ครั้งมึงเมาจนไม่มีสติกูยังไม่หน้ามืดปลั้มมึงทำเมียเลยและนี้ยิ่งมีสามีแล้วยิ่งไม่ทำโว้ยมันผิดศิลโว้ย ข้อที่สาม ไม่เป็นชู้กับเมียชาวบ้าน" ไอ้อาร์ทพูด

                              "ปัก" ผมเอาหมอนอิงปากใส่ไอ้อาร์ทปากมันเหรอนั้น

                              "เห็นหน้าตาแบบนี้ศิลห้าข้อมีนะครับ.."ไอ้อาร์ทผมลุกขึ้นมันนี้นะถือศิลห้าข้อ ขอแรกมีหรือยังหรอก

                              "มึงมีครบเหรอวะ" ไอ้โจ้

                              "อ้าวไอ้นี้ดูถูก"

                              "ข้อแรกอะไร"

                              "ปลานาก็คือปลานาเพราะว่าปลานาก็คงจะไม่กลายเป็นปลาสวน ..ถูกต้องไหมครับคุณโจ!!" +_+ ผมรับถือคริสแต่ศิลห้าข้อที่ครูสอนผมท่องได้ถูกนะครับ

                              "กูไม่แปลกใจในคะแนนสอบวิชาพระพุทธศาสนาของมึงเลยครับคุณอาร์ท ที่มึงได้เกือบตกทุกรอบก็เพราะ ปลานาก็คือปลานาของมึงนี้แหละครับ.....โป๊ก!!" ผมปล่อยให้สองคนนั้นมันแกล้งกันอยู่หน้าห้องนั้นแหละ

                                    ผมลุกขึ้นไปอาบน้ำดีกว่าจะได้อ่านหนังสือที่ครูเขมให้ผมมา พอออกมาจากห้องน้ำก็เห็นพวกไอ้โจมันก็เปิดทีวีนอนดูกันที่ปูถุงนอนเล่นมือถือไปด้วยเพราะว่าครูเขมมีไฟไว ผมเปิดอ่านหนังสือยังใหม่กิ๊กอยู่เลย พอผมเปิดก็มีกระดาษล่วงลงมา

                              "ทำแบบฝึกหัดด้วยละไม่ใช่อ่านอย่างเดียวพี่กลับมาจะมาตรวจถ้าผิดหนึ่งข้อจะโดนทำโทษหนึ่งยก " ผมหัวเราะ

                              "ถ้าทำถูกหมดพี่มีรางวัลให้....ให้เลือกเอาเองอยากได้อะไร" พี่เขมเขียนไว้ให้ผมในสมุด

                              "อยากกินพี่เขมถูกหนึ่งข้อผมก็จะเอาพี่เขมหนึ่งยกเหมือนกัน ^_^" ผมเขียนตัวเล็กๆเอาไว้ในกระดาษ ก่อนจะสอดมันกลับไว้ในหนังสือและผมก็อ่านและทำแบบฝึกหัดไปด้วย หนังสือเล่มนี้อธิบายเกี่ยวกับการใช้แกรมม่าทั้งหมดอ่านเข้าใจง่ายแม้ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดเพราะว่าตอนเด็กๆผมเรียนโรงเรียนนานาชาติก่อนที่พ่อผมจะหายไปไม่กลับมาและคนที่สอนให้ผมก็เป็นเพื่อนพ่อผมด้วย ดังนั้นภาษาอังกฤษมันก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมมาได้พักใหญ่ๆเหมือนกัน

                             “ ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตห้องนอนผมลุกขึ้นไปเปิดว่าใครมาไอ้ปัน ปัน กับไอ้โป้ง

                              "ขอคุยด้วยหน่อยดิ" ไอ้โป้งมันพูด

                              "ในห้องได้ไหมให้ไอ้ปัน ปันมันอยู่ด้วยถ้ามึงไม่ไว้ใจกูแล้วคริส"

                              "ไม่ใช่ว่ากูไม่ไว้ใจมึงนะไอ้โป้งแต่..กู..กลัวมึงวะ"

                              "เออกูไม่ทำอะไรมึงหรอกนะ" ไอ้โป้งพูดผมพยักหน้า

                              "ปัน ปัน ไม่เข้ามาละ"

                              "มึงคุยกันดิ" ไอ้ปันปันมันพูด แต่โป้งมันดึงแขนปันปันเอาไว้ สายไอ้โป้งมันมองปันปันไม่เหมือนเดิมนะผมว่า

                              "เข้ามาดิ...ปัน ปัน " ไอ้โป้งเรียกไอ้ปัน ปัน ก่อนที่มันสองคนจะเดินเข้าไปในห้องนอนของครูเขมไอ้โป้งมันนั่งลงที่เก้าอี้เขียนหนังสือ เก้าอี้ทำงานของครูเขม ไอ้ปัน ปันมันนั่งลงบนเตียงผมก็นั่งลงตรงข้ามกับไอ้โป้ง

                              "คริส..กูขอโทษเมื่อตอนบ่ายกูได้ยินใครต่อใครพูดเรื่องมึงกับครูเขม มันมีทั้งเห็นใจและบ้างก็คัดค้านกูกลัวมึงจะตัดสินใจบ้าแบบน้องแชมป์นั้น..และกูก็ทนไม่ได้วะที่กูเห็นมึงรักครูเขมมากดูสภาพมึงดิ..แทบจะไม่กินอะไรเลย" ไอ้โป้งพูด

                              " เพราะเขารักกูและเขาก็ดีกับกูวะโป้ง..กูไม่ได้จะรักใครง่ายๆนะมึงก็รู้..และเขานี้แหละคือสิ่งที่กูตามหามานานตั้งแต่พ่อจากกูไป" ผมพูด

                              "ส่วนมึงนะไอ้โป้งมึงเป็นเพื่อนที่กูรัก..มึงเป็นเพื่อนตายกูเลยนะไอ้โป้ง..เพื่อนที่กูจะไม่มีวันลืมที่กูได้เป็นเพื่อนมึง" ผมพูดไอ้โป้งมันลุกจากเก้าอี้เดินมาหาผมทันทีทำท่าจะ

                              "เฮ้ย!" ผมยกเท้าขึ้นรอยันมันไว้โดยสัญชาติญาณ

                              "อะไรขอกอดแค่นั้น..กูจะทำอะไรมึงต่อหน้าไอ้ปัน ปันหรอกนะ" ไอ้โป้งมันพูดและชี้ไปที่ไอ้ปัน ปัน

                              "กูกลัวนิหว่าไอ้โป้ง...กูยังสยองมึงอยู่เลยวะ." ผมพูด ไอ้โป้งมันยืนทำท่าจะเดินกลับ

                              "หมับ"นั้นไงมันหมุนตัวกลับมากอดผมโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัวจนได้

                              "คริสกูรักมึงว่ะและกูจะรักมึงแบบเพื่อนไปจนตาย..กูกลับห้องก่อนนะ...เจอกันพรุ่งนี้นะ..อย่านอนดึกละ" ไอ้โป้งมันกระซิบก่อนที่มันจะปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระและเดินออกไปตามด้วยไอ้ปัน ปัน ก่อนออกไปไอเช้ไอ้ปัน ปันมันหันหยักคิ้วให้ผม

                              "ปัน ปัน พรุ่งนี้กูไม่กินโจ๊กนะ" ผมพูด

                              "พรุ่งนี้กูทำแซนวิชแฮมชีสให้ครูเขมเขาบอกว่ามึงชอบกิน" ไอ้ปัน ปันมันหันมาบอกผม คำพูดไอ้อาร์ทมันลอยเข้ามาในหัว แหละนี้มันบอกว่าจะทำแซนวิชให้ผมกินอีก

                              "หรือถ้าไม่อยากไปนั่งที่โต๊ะไปกินทีบ้านพักก็ได้นะ ..กูเพิ่งไปซื้อเครื่องทำแซนวิสมาเหมือนกัน"

                              "ไม่อะกูกินโจ๊กเหมือนเดิมอีดีกว่า"

                              "อ้าว!!" O_O

                              "เออกูกินโจ๊กวะ..ไม่กินแซนวิส" ผมส่ายหัวอย่างเร็ว
               
                              "ตามใจนะ...เจอกันพรุ่งนี้นะ" ไอ้ปัน ปันพูดก่อนจะปิดประตูลง ผมทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนเปิดหนังสืออ่านและทำแบบฝึกหัดไปด้วย

                              KissKhem : พี่เขาคริสคิดถึงพี่อะ..แต่พี่คงนอนแล้ว..เหนื่อยไหมวันนี้..ขอบคุณนะครับสำหรับกับข้าวที่พี่สั่งให้ผมนะ ผมไม่รู้ทำไมพี่ไม่ตอบข้อความของผมเลย...ผมรักพี่เขมนะ...นอนหลับฝันดีครับ


                              ผมกดส่งข้อความอีกครั้งคงเป็นข้อความสุดท้ายของวันนี้แล้ว ผมกำลังจะก้มลงอ่านหนังสือต่อมือถือผมก็มีข้อความตอบกลับผมรีบคว้าขึ้นมาอ่าน

               My Darling : พี่ขอโทษนะคริส..พี่ขอโทษ...ไม่ต้องคิดมาเรื่องพี่นะคริส..นอนหลับฝันดีนะ..พี่รักคริสแต่พี่ก็ไม่อยากทำร้ายคนที่พี่รักไปพร้อมกัน...กลับไปเราค่อยคุยกัน..พี่เข้านอนแล้ว


                              ข้อความจากพี่เขม มันทำให้ผมรู้สึกตือไปหมดตกลงนี้พี่เขมเขาคิดยังไงกันแน่ เขาจะหยุดมันไว้แค่นี้หรือว่าจะไปต่อกันแน่ ผมวางมือถือลงก่อนจะเอนตัวลงนอนเปิดหนังสืออ่านแต่ในหัวก็เหมือนตีกันไปตีกันมา ผมเลยตัดสินใจปิดไฟที่ตรงหัวเตียงพยายามขมตาให้หลับให้ได้ ผมรู้สึกว่าด้านนอกก็ปิดไฟแล้วด้วยแต่เหมือนเปิดทีวีค้างไว้ ส่วนตัวผมเองยังคงนอนตาค้างอยู่ในความมืด ยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผากพี่เขมจะเป็นเหมือนผมไหม ผมคิดหาวิธีจนหัวแทบแตกแต่มันก็มองไม่เห็นหนทางเลยจริงๆ

               My Darling : คริส!! พี่นอนไม่หลับอะ..พี่คิดถึงเรามาก..แต่พี่ไม่อยากให้เรารับรู้ว่าพี่กังวลมากแค่ไหน..เราเจอกันผิดที่และผิดเวลาไป
               KissKhem : พี่รักผมไหม ผมรักพี่เขม
               My Darling : พี่รักเรามาก มากจริงๆ
               Kiss       Khem : ผมก็นอนไม่หลับอะพี่เขม..อยาก...
               My Darling : ????????????
               KissKhem : อยากกอด
               My Darling : อยากกอดอย่างเดียวเหรอ
               KissKhem : ใช่อยากมีคนมาหยอกเล่นมันเพลินทำให้ผมหลับแต่ไม่ต้องห่วงเพราะว่าเอานะเอาอยู่แล้ว
               My Darling : เวลาแบบนี้ยังมาคิดถึงทะลึ้งกับพี่ตลอดเลย..แต่จะว่าไปอีกตั้งหลายวันกว่าจะกลับคิดถึง
               KissKhem : คิดถึงอยากกอดผมเหรอ
               My Darling : คิดถึงตู้เย็นไม่ได้ล้างมาหลายวันแล้ว =O=
               KissKhem : พี่เขมกลับบ้านพี่กันไหมอะถ้าไม่อยู่ในโรงเรียนก็คงไม่ผิดใช่ไหมอะ
               My Darling : กลับไปค่อยคุยกันอีกทีคริส พี่ว่าตอนนี้เรานะนอนได้แล้วนะอย่านอนดึกไม่ดีรู้ไหมเพราะตอนเช้าตื่นมาจะเรียนไม่รู้เรื่องจำได้ไหมพี่อยากให้เราตั้งใจเรียน
               KissKhem: ครับพี่เขม       
               My Darling :Good night I always love you my student.
               KissKhem : Good night I always love you too My teacher.
   
               off line.........

                             ผมวางมือถือลงอีกที รู้สึกคอแห้งอยากดื่มน้ำ ผมเลยลุกขึ้นเดินออกไปผมเปิดประตูเบาๆเพราะคิดว่าพวกไอ้อาร์ทกับไอ้โจ้มันอาจจะหลับกันแล้วเดี๋ยวจะเสียงดังจนทำให้พวกมันตื่น แค่มานอนเป็นเพื่อนก็รบกวนมันสองคนแย่แล้วซึ่งปกติมันจะไปหาแฟนไปนั่งไปคุยกับแฟนที่เรียนคนละทีเป็นรุ่นพี่พวกมันรู้สึกว่าแฟนมันจะเรียนมหาวิทยาลัยแล้วด้วยนี้มาอยู่กับผมแฟนคงโกรธบ้างแหละ ผมแหง้มประตูเบาๆแต่ผมก็ต้องรีบปิดแบบเบาๆทันที
               
                              ผมเห็นไอ้อาร์ทมันกำลังจูบอยู่กับไอ้โจ!!! ที่นอนตะแคงอยู่ตรงด้านหน้าไอ้อาร์ทอีกที แค่เห็นเขาจูบกันแค่นั้น น้องผมก็ยังลุกขึ้นพรึบเลย

                              "อาร์ท...พอ..เชี้ยเดี๋ยวไอ้คริสมันก็เปิดประตูออกมาตกใจพอดี" โจมันดันไอ้อาร์ทให้หยุด ผมเลยไม่กล้าเปิดประตูออกไปเลยอะ

                              "เข้าห้องน้ำกันปะ"

                              "ไม่เอา"

                              "น่า..อยากอะ.."

                              "มาอยากบ้าอะไรตอนนี้..พอ..พอ..พอ.."

                              "ดูหนังโป้เข้าหน่อยมีอารมณ์นะมึงอะ"     

                              "คริสมันหลับแล้วมันปิดไฟในห้องแล้วเข้าห้องน้ำกัน" ไอ้อาร์ทมันชวนไอ้โจ้เข้าห้องน้ำ

                              "เอามาเปล่าถุงกับเจลนะ
                              "เอามาดิ..ไม่เคยขาดเพราะโอกาสมันมีไม่เยอะ" และมันสองคนก็พากันเข้าไปในห้องน้ำทันทีผมค่อยแง้มประตูออกตกลงไอ้สองตัวนี้ด้วยเหรอ แต่ที่สำคัญมันมีแฟนกันทั้งคู่นะ -o-

                      ผมรีบวิ่งแบบย่องๆเพื่อไม่ให้มีเสียงไปหยิบขวดน้ำในตู้เย็นก่อจะรีบวิ่งกลับเข้าห้องนอนทันทีไม่กล้าไปแอบฟังอะ พอเข้าห้องนอนได้ผมก็รีบกดล๊อกประตู อันที่จริงที่ผ่านมานะผมคลุกคลีกินนอนอยู่กับเกย์มาตลอดเลยไม่เคยรู้ตัวเลยด้วยซ้ำก็มันเล่นมีแฟนเป็นผู้หญิงทั้งนั้นหมดเลยนิจะดูออกได้ไง ผมรีบกระโดดขึ้นเตียงคุมหัวคุมโปงต้องนอนให้หลับ เพราะไอ้คู่นี้น่ากลัวที่สุดนะผมว่า

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนพิเศษ ปันปัน X โป้ง ใช้เวลานานไปไหมอ่ะโป้ง NC 18+
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 20-08-2020 17:51:52

(http://image.free.in.th/v/2013/il/200819013457.jpg) (http://picture.in.th/id/5378f0cf710c2f14b46e4556e2f6da9d)
พิเศษ ปันปัน X โป้ง  ใช้เวลานานไปไหมอ่ะโป้ง NC 18+
 

 Part โป้ง VS ปันปัน

                 ผมเดินกลับบ้านพักนักเรียนพร้อมกับ ปันปัน ผมเดินไปดูไอ้คริสโตเฟอร์ที่บ้านพักครูเขม คริสโตเฟอร์มันหนีผมไปนอนที่นั้นก็เพราะว่าวันนี้ผมระงับความรู้สึกลึกๆในใจของผมกับไอ้คริสไม่ได้ทั้งที่ผมไม่ควรจะทำเพราะว่ามันไว้ใจในฐานะเพื่อนรักมันมากแต่ผมก็เกือบจะทำแบบนั้นกับเพื่อนที่รักของผมเอง

                 ที่จริงผมแอบไปหาคริสโตเฟอร์ที่บ้านพักนักเรียนตั้งใจแค่ไปดูอาการมันเห็นมันซึมตั้งแต่เรื่องของมันกับครูเขมถูกเปิดโปรง แต่ยิ่งผมเห็นอาการที่มันจะเป็นจะตายกับครูเขมแล้วผมกับทนไม่ได้ผมเกือบทำแบบนั้นกับคริสโตเฟอร์ไป ดีที่มี่นต่อยผมจนสติกลับคืนและจังหวะที่ปัน ปัน มันเข้ามาพอดี ผมเลยได้สารภาพมันไปตรงๆว่าผมเป็นเกย์และที่คบรุ่นพี่เป็นก็แค่บังหน้าส่วนแฟนผมในะเขาเป็นเลสเบี้ยนเขาก็คบผมบังหน้าเช่นกัน เฮ้อ!!!! ชีวิตไม่ค่อยสมประกอบ

                 เมื่อก่อนจะมีผมกับคริสโตเฟอร์ไปไหนไปกันจนกระทั้งคริสโตเฟอร์ถูกพักการเรีบนและไอ้ปัน ปันก็ย้ายเข้ามาผมกับปันปันสนิทกันเร็วมาก เพราะว่ามันไม่ค่อยพูดไปไหนก็ไป ไม่ฮือไม่อือลากไปไหนก็ยอมไปทั้งนั้น และผมเองก็รู้ว่าปัน ปัน มันเป็นเกย์ วันที่พ่อมันยืนด่ามันให้มันเลิกเป็นแบบนี้ ผมไม่แปลกใจทำไมวันหยุดมันไม่กลับบ้านเลย ผมสงสารมันนะดูเตี่ยกับม๊าไม่ชอบมันเอาเอามากมาก ไม่อย่างนั้นจะทิ้งให้มามันเรียนไกลจากบ้านขนาดนี้เลยเหรอ

                 “หมับ” ผมจับมือปัน ปัน โดยที่คนข้างเดินกดมือถือเล่นไปด้วย ปัน ปัน แค่หันมามองหน้าผมโดยไม่พูดอะไร บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจตัวเองนะว่าทำไมผมยังไม่เปิดใจให้ปัน ปัน มันทั้งปัน ปันมันรู้ใจผมทุกอย่างเรียกได้ว่ามองตาแล้วรู้ใจแทบจะไม่ต้องพูดอะไร

                 “จับมือได้แล้วเหรอ” เสียงคนข้างๆเอ่ยถามผมโดยไม่หันมามองหน้า

                 “อืม” แค่นั้นสั้นๆ

                 “หึๆ”เสียงหัวเราะในลำคอของคนเดินเคียงข้าง

                 “ใช้เวลานานเนอะ”
               
                 “แค่ปีครึ้งเองไม่นานหรอก”

                 “ปีครึ้งนี้นะไม่นาน นึกว่าจะรอให้กูวางยาและจับทำเมีย”

                 “หึๆ แน่ใจเหรอว่า...ว่าจะยอมให้กดนะ..เดี๋ยวรู้ว่าใครกดใคร” ผมพูด ตอนนี้เดินมาถึงบ้านพักแล้วผมไขกุลแจเข้าบ้านพัก ทีนที่ผมปิดประตูลง

                 “หมับ” ปันป้น มันกอดผมจากด้านหลัง

                 “ถ้าอย่างนั้นโป้งก็รู้ดิว่าปันปันเป็นเกย์”

                 “รู้นานแล้วแหละ “ ผมพูดไป

                 "กูแอบได้ยินตอนเตี่ยมึงมาหาและเขายืนด่ามึงอะ..ที่ให้มึงเลิกเป็นเกย์!!" ผมพูดไอ้ปัน ปันมันก้มหน้าลง วันนั้นผมโคตรสงสารมันเลยอะ

                 “ทำไมต้องทำเป็นรังเกียจเกย์ด้วยละ..กูโคตรเครียดเลยนะโป้ง..กูกลัวมึงไม่อยู่กับกู...กูกลัวไปทุกอย่างเลยนะรู้ไหม..ไอ้บ้า!! “ แต่ตอนท้ายมันด่าผมทำไมเนี๊๊ยะ
               
                 “เวลามึงมานอนกับกูมึงลวนลามทั้งคืน แบบนั้นถ้ากูไม่เป็นนี้มึงคงกระเด็นออกไปตั้งแต่คืนแรกแล้วปันปัน ” ผมพูดขณะที่ผมกำลังถอดนาฬิกาข้อมือออกสายชำเลืองไปมองคนที่ยืนหน้าทำหน้าแดงเพราะผมรับรู้การกระทำของมันตลอดถ้าผมไม่ใช่มันคงโดนเตะไปแล้ว
 
                 “และ..กูพยายามอยากจะมีทางเลือกอื่น” ผมพูดโดยยืนหันหลังให้ ปันปัน

                 "พยายามเลิกนะเหรอ..เกย์นะไม่ใช่ริสซี่จะได้เลิกเป็นได้.." ผมสะบัดหน้าไปมองไอ้ที่ยืนทำตาแป๋ว!!

                 “และที่โป่งอยากเลิกเพราะไอ้คริสมันเคยบอกว่าไม่เป็นด้วยใช่มั้ย” ไอ้ปันปัน มันถามผม ผมนิ่งเงียบ

                 “โป้งรักคริสมากเลยใช่ไหม” ปันปัน มันถามผม ผมหั่นหลังให้พร้อมถอนหายใจยาวๆเป็นคำตอบ ผมรู้ตลอดปีครึ้งมันดีกับผมแค่ไหน มันพยายามเข้ามาแทนที่คริสโตเฟอร์มากแค่ไหน ผมเดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่พูดอะไรทิ้งให้ ปีน ปัน ยืนอยู่กลางห้อง ผมปิดประตูห้องน้ำลง ไอ้อาร์ทนะมันบอกผมตลอดแหละว่าไอ้ปัน ปัน มันรักผม
               
                 “ไม่อาบน้ำก่อนนอนหรือไง..เร็วเลย..มาทำหน้าที่ถูหลัง” ผมเปิดประตูห้องน้ำบอกคนที่ยืนก้มหน้าอยู่ตรงกลางบ้านพัก ผมถอดเสื้อผ้ารอในห้องน้ำจนปัน ปัน มันเข้ามา

                 “โป้งถ้าอย่างนั้นมึงก็รู้นะซิว่ากูคิดยังไงกับมึงอะ”

                 “แล้วคิดยังไงละ” ผมกันมายืนตรงหน้าไอ้ไอ้ปันปัน ยืนกอดอกมอง
               
                 “แค่สนุกเพราะอยากล้อเล่นกับความรู้สึกแค่นั้น.หรือว่าไง” ผมถามคนตรงหน้า ผมถูกสอนมาให้โตเกินตัวโดยพ่อของผม พ่อผมเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง มีบริษัทรับเหมาเป็นของตัวเองในช่วงปิดเทอมผมจะต้องกลับไปช่วยพ่ออยู่เสมอ

                 “ไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อยนะโป้ง”

                 "ไม่จริงอะมึงแกล้งให้กูต้องเข้ามาช่วยตัวเองหลายครั้งแล้วนะ.." ผมพูดเลิกคิ้วมองคนที่เอาแต่ก้มหน้าเขินผม ผมชอบเวลามันเขินนี่แหละ

                 "ชอบเล่นกับรู้สึกคนอื่นแบบนี้นักหรือไง"ผมถามปันปัน

                 "ไม่ได้ล้อเล่นกับใครทุกคน..ไม่เคยอะ..เห็นกูเป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิดแต่กูก็ไม่เคยนะโว้ย...เออ..ก็..ก็มี..แอบมองหน้าตาดีบ้างแต่กูไม่เคยไปทำแบบนั้นนะกับใครจริงๆ"ปัน ปันมันพูด

                 "หึ?” ผมเลิกคิ้วมอง

                 “จริงๆแค่มอง ไม่เคยทำแบบนั้นกับใคร...ทำกับมึงคนเดียว” ปัน ปัน มันก้มหน้าลงมันเขินผมใหญ่เลย

                 "กูแรดเงียบ" คนตรงหน้าผมพูด

                 "หึ ๆ ต่อไปห้ามแรด..เข้าใจไหม..และห้ามไปทำแบบนี้กับใคร..ไม่ว่ากับไอ้อาร์ทหรือว่าไอ้โจ้..ห้าม" ผมพูดมันเงยหน้ามองผม

                 "มึงเห็นได้ไงอะ"

                 "เห็นดีผู้ชายที่ไหนเขาไล่จับ...ตรงนั้นกันละดีนะที่สองตัวนั้นมันไม่เตะมึงเอาละ" ผมพูด

                 “ถอดเสื้อผ้าซิจะได้อาบน้ำ หรือว่าจะอาบทั้งชุดละ” ผมถามคนตรงหน้า

                 “หึ? “

                 “ถอดเสื้อผ้าออก..ที่แบบนี้ทำป๊อด...ที่ต่อหน้าพวกไอ้อาร์ททำปากเก่ง”

                 “รู้นะว่าพูดอะไรไว้นะ”

                 “ไอ้เชี้ยอาร์ทแม่งไหนบอกไม่พูดไงวะ” ปันปันหันไปพูดข้างๆ

                 “หมับ” ผมจับชายเสื้อค่อยเลิกมันขึ้นช้าๆ ผมคิดไว้อยู่แล้วเชียวตั้งแต่เห็นหน้าวันแรกที่เดินเข้าห้องเรียนผิวพรรณหน้าตามันผิดแปลกจากผู้ชายทั่วไป ตอนนี้เสื้อกล้ามกำลังถูกถอดออกไปทางศรีษะ ในกำลังเผยให้เห็นผิวเนียนๆ ปัน ปัน มั้นเป็นผู้ชายตัวเล็กที่คล้องแคล้วว่องไวจึงได้ตำแหน่งPoint Guard (PG) ไปโดยปริยาย

                 ทันทีที่ผมถอดออกไปเสื้อกล้ามบาสของปันปันออกไป ร่างบางที่โดนถอดเสื้อออกไปก็รีบมือขึ้นมากอดอกปิดสองจุดนั่นอย่างเอียงอายเอาแต่ก้มหน้ามองพวงของผม

                 “ปกติเอาแต่แอบมองวันนี้เห็นเต็มๆตาเลยดิ”

                 “......”

                 “รู้ได้ไงวะ” เงยหน้าขึ้นมามองผม T_T

                 “รู้แล้วกันนะ"

                 "และเวลานอนนี้ก็กุมไข่กูไว้เป็นตัวประกันจนช้ำหมดแล้วเนี๊ยะ..มึงนี้โรคจิตนะเนี๊ยะ" ผมพูดและจับขอบกางเกงบอลจะดึงลงให้

                 "หมับ" มือที่จับรั้งมือผมไว้ ปัน ปันเงยนหน้าขึ้นมามองหน้าผม

                 "โป้งแน่ใจแล้วเหรอที่จะทำแบบนั้น...กับ...เรา.." ปันปันถามผม ผมก็เลยต้องปล่อยมือและเปลี่ยนไปเป็นยืดตัวตรงยกมือขึ้นช้อนเข้าที่ใบหน้าของปัน ปันก่อนจะประกบริมฝีปากครอบริมฝีปากบางๆ ริมฝีปากไอ้ปัน ปัน มันบางและเล็กมากไม่เหมือนริมฝีปากผู้ชายทั่วไปสักเท่าไหร่ ปัน ปัน เผยอปากเล็กน้อยให้ผมสอดแทรกลิ้นเข้าไปลิ้มรสความหวาน

                 "อ่าห์" เสียงครางเบาๆมาจากคนที่ถูกผมจูบ

                 "ปัน ปัน กูพยายามรักมึงนะแต่มันยังไม่เต็มร้อยดีวะ" ผมพูดตรงหลังจากที่ผมถอนริมฝีปากตัวเองออก

                 "แล้วจะรักหรือเปล่า" ปัน ปันถามผม ผมพยักหน้า

                 "งั้นก็..ไม่รอนะ...เพราะว่ากูรักมึงแล้วนะโป้ง...ให้กูรักล่วงหน้าไปก่อนแล้วกัน"

                 "สักวันมันคงตามทันใช่ปะ" ปัน ปันมันถามผม มุมปากผมกระตุ๊กขึ้นพร้อมร้อยยิ้ม ผมก้มมองปันปันมันถอดกางเกงของมันเอง

                 "ฮึก!!" ผมก้มลงมองต้องอดขำไม่ได้

                 "ขำอะไร"

                 "ทำไมเล็กจังวะ"

                 "ไอ้เขี้ย...กูใส่กลับเหมือนเดิมแล้ว" ปันมันทำท่าจะดึงกางเกงกลับ

                 "ไม่เป็นไรเพราะว่าคงไม่ได้ใช้หรอก"ผมพูด

                 "เอาเปรียบวะ"T_T

                 "มันเล็กโดนไปเสียความรู้สึก...แต่ตอนนี้รีบอาบน้ำดิจะได้ไปต่อกันที่เตียง"

                 "ไม่ทำในนี้เหรอ..เคยดูในAV ในห้องน้ำฟินดีวะ.."

                 "มึงเคยเหรอ"

                 "ไม่เคยอะ..ลองดู...แต่อย่าทำกูเจ็บนะ...กูครั้งแรก" ไอ้ปันปันพูดยืนปิดเอียงอายด้วย

                 "เห็นกูแบบนี้นะ...ยางอายกูมีเยอะนะโว้ย..และเห็นกูแรดแต่แรดอย่างมีระดับ..กูรักนวลสงวนตัวมาตลอดน่า!!" มันพูดแบบนี้ผมควรจะจับกมันกดลงไหมละ

                 "เออๆ..มาดิอาบน้ำดึกแล้ว..รีบทำจะได้รีบนอนหรือจะไม่ทำ"

                 "ทำ!!"

                 "แรดอย่างมีระดับ!!" ผมสะบัดหน้าหันไปมองหน้า ปันปัน ผมหมุดเปิดก๊อกน้ำ น้ำที่ฝักบัวก็ไหล่ลงมาผมดึงร่างบางเข้ามายืนตรงหน้าส่วนสูงมันเตี้ยกว่าผมหน่อยผมสุงเท่าๆกับไอ้คริสโตเฟอร์

                 "หันหลังซิ...สิวหายแล้วนิ..เหลือแค่ไม่กี่เม็ดเอง" ผมพูดเอาสบู่ถูหลังให้

                 "ยังไม่หายเลยบอกให้แม่ส่งสบู่มให้อยู่เนี๊๊ยะ " ปันปันพูดเอี้ยวตัวมาพูดกับผม ผมใช่มือแตะที่ตรงแผ่นหลังคนร่างบางเบาๆ ชอบเปิดหลังให้ผมทายาให้ประจำ ตั้งแต่มันเริ่มขึ้นจนจะหายแล้วเนี๊ยะ และผมก็ค่อยๆหมุนปันปันหันมาหาผม ร่างบางเงยหน้ามองหน้าผม ผมก็ส่งสบู่ให้ พอรับไปสบู่หล่นจากมือ

         "เก็บสบู่ก่อนนะ" ปัน ปัน โน้มตัวลงเก็บสบู่ ผมรู้เลยว่ามันอ่อยผม แถบอ่อยประจำด้วย

          "ทำท่าเก็บสบู่อ่อยกูอีกแล้วไอ้ปันปัน " ปันปันมันก็เอาสบู่นะมาถูตามตัวผมไปด้วย ระหว่างที่ก้อนสบูถูไถไปกายกำยำ ผมก็ใช้มือช้อนใบหน้าเล็กๆนั้นเข้ามาแลประกอบปากจูบ ปันปัน มันทำตามผมได้ดีมากเราแลกลิ้นกันพัลวันเลย แลผมก็ไล่จูบจั้งแต่แผ่นอกเล็กๆแบนๆไล่ลงไปจนถึงหน้าท้อง

           "อืมมม..อืมม..อืมม"เสียงครางเบาๆของที่ยืนบิดไปมา

            "อ่าห์....โป้ง...โป้ง.." เรียกชื่อผมใหญ่เลยนะทันทีที่ผมครอบแกนกายของปัน ปัน เล็กกระทัดรัดดีจริงๆ ปันปันถึงกับเด้งสู้ปากผมใหญ่เลย

           "โป้ง ..ปัน ปันชอบอ่าห์"

           "ชอบก็ช่วยยืนเฉยๆได้ไหมปัน ปัน" ผมถอดปากบอกคนที่ยืนเด้งหน้าเด้งหลังผมใช้ปากอยู่พักหนึ่งก่อนจะดีดตัวขึ้นมา หยักเพยอให้ลงไปทำให้ผมบ้างซิ ปัน ปันก็รีมหมุดลงไปทำให้ราวกับว่าอยากทำมานานแล้ว

          "อ่าห์..ซี้ด..ปัน ปัน"ผมครวญครางออกมาด้วยความรู้สึกดี ปันปันมันทำให้ผมราวกับกำลังกินไอติมยังไงยังงั้นเลย

           "โอ้วว.ปัน...ปัน..ซี้ดดดด" เสียงซี้ดปากยาวๆของผม ปัน ปันปลุกอารมณ์ผมซะกระเจิงไปหมด ถามว่าเคยมีอะไรกับผู้ชายใหม่เคยพวกทีมาแข่งรถมันจะเอาเด็กมันมาเป็นเดิมพันและผมก็ได้ทั้งหญิงและชายนั้นแหละ ดังนั้นมันทำให้ประสบการณ์กับผู้ชายพอจะมีบ้าง ผมดันร่างปันขึ้นมาและพลิกให้ปัน ปันไปยืนผิงกำแพง

         "แล้วเราจะทำยังไงกันอะ" ปัน ปันมันถามผม

          "เดี๋ยวก็รู้ " ผมพูดและยกเท้าปันปันขึ้นมาข้างหนึ่ง

           "เอาแขนคล้องคอไว้ซิปันปัน"

            "ห๊ะ"

             "เอาแขนมาคล้องคอโป้งไว้" ผมพูดและจับแขนปัน ปันไปคล้องต้นคอผมไว้

              "ชอบให้แทนว่าโป้งอะ" ปัน ปันพูดก่อนจะยกแขนพาดคล้องคอผมไว้ ผมหยิบสบูเด็กมาทูมือไว้และทำการเบิกทางให้ก่อน

               "โอ้ยย..โป้ง" ปันปันสะดุ้งโหยงเลยทีเดียว

                "เจ็บหรือเปล่า"ผมกระซิบถามปันปัน

                "เจ็บอะแต่..จะอดทน" ปันปันกระซิบตอบผม

                "เก่งมาก" ผมกระซิบกลับก่อนจะเพิ่มเป็น 2 นิ้ว"

                "อู้ยย..." ร่างบางร้องครางออกมาตามการขยับของนิ้วมือและผมก็เพิ่มเป็นสามนิ้ว

                 "อ่าห์ ..โป้งง..แน่นอะ"

                  "ยังไม่เจอของจริงเลยนะ..ปันปัน" ผมกระซิบ

                  "อยากเจอยังงะ" ผมกระซิบเพื่อปลุกอารมณ์ปัน พร้อมกับไซ้ซอกคอขาวๆ มือก็เบิกทางไปด้วยผมเริ่มรู้สึกว่าปัน ปันเริ่มโยกย้ายส่ายสะโพกนั้นแปลว่า ปัน ปันกำลังพร้อมไปกับผม ผมหยิบสบูทีเป็นเศษมาและทางลงที่ช่องทางรักของปัน ปันจะได้สอดใส่ได้ง่ายขึ้น ท่าทีจะใช้นี้ต้องใช้กำลังขาเยอะพอสมควร มันแรกมันชวนผมเล่นท่ายากเลยอะ

                  "คล้องคอโป้งไว้นะปันปัน" ผมบอกปุ๊ป ปัน ปันรีบทำตามที่บอกทันทีและผมก็ยกสะโพกปัน ปันให้ลอยดันปัน ปันให้หลังติดผนังห้องน้ำไว้

                  "เหมือนจะยากเลยอะโป้ง"

                  "มันยากตั้งแต่ชวนเล่นในห้องน้ำแล้วแหละ ...ที่จริงนายควรจะเริ่มจะท่าเบสิคก่อนนะ" ผมพูด +_+

                  "เขาชวนเล่นผิดที่ใช่ป่ะ" O_O

                 "ถูก!..แต่จะพยายาม..เคยเล่นแต่กับสาวๆไม่เคยเล่นกับผู้ชายท่านี้" ผมพูดแต่ไม่ยากสำหรับผมหรอก ผมกำลังจ่อช่องทางรักแล้วและค่อยๆดัน

                  "โอ้ยย..โป้งง...เจ็บ....เจ็บอะ.."

                   "อดทนหน่อยซิ...อยากมีสามีต้องอดทน" ผมพูดบอกปันปัน

                   "อ่าห์...ทำไม..อ่าห์..ในหนังมันดูเหมือน..อู้ยย..ไม่เจ็บอะ..อู้ยย.โป้งงงง"

                    "อะ..นี้เขาจะมีสามีแล้วเหรอ? " ผมเงยหน้ามองเข้าไปจะครึ้งแล้วนะยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ

                      "อืมม...อ๊าก...พล้วด"มันเข้ายากจริงๆ ผมต้องออกแรงดันจนมันเข้าไปมิดด้าม

                       "อ๊ากกกก..โป้งง" ปันร้องลั่น ผมเงยหน้ามองอย่าร้องดัง ปัน ปันเลยเอามือปิดปากตัวเอง ผมก็รอให้มันได้ทีสักพักจนเริ่มคุ้นเคยก็ค่อยๆขยับ เบาๆ เบาๆ

                        "อ่าห์..โป้ง...ซี้ด....เสียว!" ผมยิ้มอย่างพอใจคนที่ผมกำลังร่วมสนุกด้วยคราวเสียงกระเซ่าออกมาแสดงว่ากำลังต้องการ ผมก็เร่งขึ้นมาอีก และเร่งเร็วขึ้น เร็วขึ้น ปัน ปันก็กอดคอผมแน่น ผมเริ่มจะหนักเลยลดตัวลงให้ปัน ปัน ยืน และยกขาปัน ปันขึ้นมาพาดเอวและใส่ไม่ยั้งเลย ปัน ปันร้องเสียงดัง มือก็จัดการของตัวเองไปด้วยมือของตัวเองส่วนผมก็ยันผนังห้องน้ำไว้และเปลี่ยนมาท่าที่ชอบยั่วผมเหลือเกิน ท่าเก็บสบู ผมจับปัน ปันพลิกมาอยู่ข้างหน้าและกดให้ปัน ปันโน้มตัวลงไปและใส่ที่ด้านหลังอีกทีรัวไม่ยั้งเช่นกัน

                    "อ๊ะ...อ๊ะ..เป็นไง..ปัน.ปัน.ห๊ะ.."

                    "อู้ย.โป้ง...อู้ยย...อะ..อะ...อะ..อะ ..อะ..."

                    "ปัน..ปัน ..ไม่ไหวแล้ว..โป้งออกแล้วนะ..."ผมพูด ผมเอื้อมมือไปจับไหล่ปันและซอยรัวกว่าเดิมจนผมรู้สึกว่าของเหลวทะลักออกมเหมือนภูเขาไฟที่ปะทุพ่นลาวาออกมา ผมก็ค่อยช้าๆลง ช้าลง จนมันผมรู้สึกว่าน้ำรักของผมมันน่าจะออกมาหมดแล้ว และผมก็จูบปันปัน

                      "ขอบคุณนะครับ" ผมกระซิบบอกก่อนที่จะปล่อยขาทั้งสองข้างของปันปันลงแตะพื้น เพื่อให้ปันปันยืน

                      "พูดเพราะก็เป็นเนอะ" ปันปัน ทำตาหยี่ใส่ผม

                      "ชอบเหรอ" ผมก็หรี่ตาถามคนตรงหน้า

                        "ชอบดิ..รู้ไหมว่าอิจฉาเวลาโป้งพูดกับสาวๆพูดเพราะๆกูโคตรอยากไปเกิดใหม่เลยอะ..จะได้เป็นผู้หญิง T_T" ปันปันเอียงคอหันมาตอบผม

                        "ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมไม่ต้องไปเกิดใหม่ และจนภูมิใจเถออะที่มึงเกิดเป็นชาย..เพราะจริงๆกูไม่ได้ชอบผู้หญิง..คบแก้ขัดและเขาให้กู กูก็เอาเพราะไม่ชอบปฏิเสธของฟรี"  ผมพูด มันรีบยิ้มตาหยีทันที และผมก็หันไปเปิดก๊อกน้ำเพื่อชำระร่างตัวผมและปันปัน
     
                          ผมสองคนก็อาบน้ำล้างตัวกันก่อนจะออกมาสวมเสื้อผ้า ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนอน ปัน ปันมันต้องทาครีมบำรุงหน้าก่อนะนอนผมนั่งมองและคนร่างเล็กก็เดินมาทิ้งตัวลงนอนข้างๆผม ผมพลิกตัวมานอนตะแคง

                         "ปันปัน ถ้าพ่อมึงรู้ว่ามึงไม่ได้ดีขึ้นเลยละวะเขาไม่ด่ามึงเหรอวะปัน ปัน" ผมถามปัน ปัน

                         "หมับ "ปันปัน มันเข้ามากอดผม

                        "ไม่รู้อะโป้งแต่กูทำไม่ได้อะ..ทำให้ตัวเป็นปกติเหมือนคนอื่นทำไม่ได้"

                         "ถ้าโป้งอายไม่ต้องบอกใครก็ได้นะ" ปัน ปันพูด

                         "ทำไมคิดแบบนั้นอะปัน ปัน...ถ้าอายคงไม่ทำแบบเมื่อกี้หรอกนะ..นี่ไม่ใช่พวกทำเพราะนึกสนุกนะ" ผมพูดปัน ปันมันเงยหน้ามองผม

                         "โป้ง ไหนมึงบอกว่าจะดู fifthy shades of gray ไง วันนั้นเอามาก็ไม่ได้ดูอะ...กูอุตสาห์ตั้งตารอดู..รอกับโป้งด้วยนะ"

                        "อยากดูเหรอถ้าดูแล้วมีอารมณ์ต้องให้กดอีกรอบนะ" ผมพูด ไอ้ปันปันเงยหน้ามองทำหน้าเบ้เล็กน้อยคงยังเจ็บอยู่ละซิ ผมเลยลุกขึ้นไปหยิบโน๊ตบุ๊คมาเปิดแผ่นหนังที่ปันปันมันอยากดูมาเปิดดู

                       "โป้งรักปันปันบ้างไหมวะ...ถามจริงๆเถอะ"

                       "ก็รู้สึกดีอะ.....เออ...."ผมทำท่าจะอธิบายแต่ปันปัน มันโน้มคอผมและประกบจูบผมซะก่อน มันดูดดื่มมันแตกต่างจากจูบสาวๆที่ผมได้สัมผัสมา

                        "รู้สึกดีปะว่ะ" ปันปันถามผม  ผมพยักหน้าเบาๆและปันปันมันก็หันไปดูหนังต่อ ผมสวมกอดคนตรงที่นอนตะแคงอยู่วันนี้มันรู้สึกดีกว่าทุกวัน เพราะว่าผมกอดคนนี้ตอบ ที่ผ่านที่เอามันมานอนเป็นเพื่อนแทนไอ้คริสโตเฟอร์นะปันปัน มันมักจะเป็นฝ่ายกอดผมจากด้านหลังเสมอ

                       "โป้ง ปันปัน รักโป้งนะ...ไม่อยากจะเชื่อเลยอะว่ามาถึงจุดนี้ได้ยังไง"

                        "จุดนี้จุดอะไร" ผมถามปันปัน

                        "ที่ได้เป็นเมียโป้ง" สีหน้ามันบ่งบอกได้ว่า นี้คือความฝันอันสูงสุดของมัน

                        "กูดีใจแทนเตี่ยกับม๊ามึงจริงๆว่ะปันปัน ....นี้อุดมคิตมึงเลยใช่ไหมวะ...อยากเป็นเมียเนี๊ยะ" ผมหันไปถามไอ้ปันปัน มันไม่มีสำนึกมันกลับยิ้มและพยักหน้า

                         "ใช่ตั้งแต่ตอนที่ครูให้กูไปยืนหน้าห้องแล้ววันแรกที่แนะนำตัวอะพอกูเห็นมึงนะ.....อยากได้ทำสามีวะ"

                          ".............." หมดคำพูดเลยผม

                      "ปันปัน กูว่ามึงเก็บหนังไว้ดูพรุ่งนี้เถอะ..ดึกแล้วเดี๋ยวมึงพากูตื่นสายจนได้"ผมรีบพูดกลัวจับมันกดอีกรอบปันปันกดปิดโน๊ตบุคและลุกไปกดปิดไฟก่อนจะกลับมาทิ้งตัวลงนอนเตียงที่ปกติที่นอนได้คนเดียวแต่มันไม่คับแคบไปเลยสำหรับผมสองคนปันปันมาซุกหน้าลงที่อกผมบ้างครั้งมันก็เหมือนเด็กน้อยที่โหยหาความรักความเข้าใจ วันนั้นที่ผมแอบได้ยินเตี่ยยืนด่ามันโคตรสงสารมันเลยแต่ผมก็ไม่อยากเปิดใจ ผมพยายามที่เดินออกจากเส้นทางนี้แต่มันก็ทำไม่ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็เป็นแม่งไปเลยแล้วกัน

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ โป้ง VS ปันปัน เพื่อนกันต้องช่วยกันครึ้งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 20-08-2020 19:07:05
(http://image.free.in.th/v/2013/il/200819013457.jpg) (http://picture.in.th/id/5378f0cf710c2f14b46e4556e2f6da9d)

      พิเศษ โป้ง VS ปันปัน    เพื่อนกันต้องช่วยกัน(ครึ้งแรก)

            ผมตื่นแต่เช้าเหมือนทุกวันแต่ทะว่าวันนี้มันดีกว่าเป็นไหนไหน  เป็นเช้าที่สดชื้นไม่จืดชืดเหมือนทุกวันของผม ก็เพราะว่าชีวิตที่แห้งเหียวของโป้งกำลังมันเปลี่ยนไป ผมออกมาจากห้องน้ำได้กลิ่นอะไรหอมๆ ปันปันมันยืนทำแซนวิสอยู่มันไปหาเครื่องทำแซนวิสมาจากไหนก็ไม่รู้ และผมมองไปรอบๆ ไม่เห็นคริสโตเฟอร์นี้ก็ออกไปแต่เช้ากว่าผมอีกนะ มันคงเดินไปรับครูเขมที่หน้าบ้านเช่นทุกวัน ผมนะเคยแอบตามไปดูมันนะ ตอนนั้นก็เจ็บใจที่ทำไมมันต้องทำแบบนี้ทั้งที่มันบอกว่ามันไม่ใช่แบบผม ตอนนี้ผมคงปล่อยมันไปหาคนที่มันรักและรักมันได้แล้ว ส่วนผมก็...
 
           "โป้ง...หิวปะ" ผมเดินไปดูขณะที่กำลังติดกระดุม ปันปัน มันหันมาช่วยผมติดกระดุมเสื้อนักเรียนให้ผม
 
           "อยากทำให้แบบนี้ตั้งนานแล้วแต่ไม่กล้า" ปันปันพูดไปมือก็ติดกระดุมเสื้อนักเรียนผมไปด้วย
 
           "ทำไมอะ" ผมเอียงคอถามคนตรงหน้า
 
           "กลัวถูกเตะ!!" T_T
 
           "ที่อย่างนี้ละทำเป็นกลัว...ที่ตอนกูนอนไอ้ใต้เข็มขัดกูละคลึงมันมือมึงเลยนะ" ผมพูดและยืนนิ่วให้คนที่ติดกระดุมให้ผมทำหน้าที่นั้นไป
 
           "รู้ว่าถ้าโป้งหลับนะตื่นยาก!!..และถ้าจับได้ ปันปันก็แกล้งบอกว่านอนละเมอก็ได้นิ ฮาๆ" ดูคนตรงหน้าผมพูดทำตาปริ้งๆ
 
           "นี้ทำซะตั้งเยอะไปให้ใครกิน..จะไปแจกหนุ่มที่ไหนเนี๊ยะ!" ผมเดินมาดูแซนวิสที่ปันปันทำเอาไว้ มันทำซะเยอะเชียว
 
           "หึงเหรอ" ทำตาเป็นประกายเชียว ไม่น่าเปิดโอกาสให้มันเลยปันปัน
 
           "ก็มึงเป็นเมียกู..บอกแล้วไงให้เลิกแรด!"
 
           "รู้แล้ว..ว่ามีสามีแล้ว.แต่ทำไปเพื่อให้อาร์ทกับไอ้โจมันและก็คริสแค่นี้เอง ไม่ได้ทำให้ไปให้หนุ่มที่ไหนสักหน่อย" ผมหยักไหล่ตอนหันหลังแอบอมยิ้มเล็กน้อยและเดินไปหยิบเข็มขัดมาคาด ผมรู้สึกว่ามีมือมาจับชายเสื้อผมหยัดลงไปในกางเกงด้านหลังให้ผม ผมหันไปมองปันปันนั้นแหละ
 
           "อยากทำให้..." ปันปันพูดเบาๆ ผมหันมายืน
 
           "ก็ทำดิ..."ผมหยุดนิ่งสักพักก่อนจะพูดออกไปมันรู้สึกดีจังไงบอกไม่ถูก
 
           "โป้ง...ปันปัน สงสารคริสมันอะ...มันรักครูเขมมาเลยนะ..นี่ไม่ได้พูดตอกย้ำมึงนะ" ปันปันพูดทั้งที่ก้มหน้าก้มตาแต่งตัวผม โดยเฉพาะกางเกงนี้ดูแลนานไปไหม จับยัดซ้ายยัดขวาอยู่นั้นเอง
 
           "ไม่ได้ตอกย้ำเลยปันปัน...เต็มๆเลย .." ผมพูดโดยไม่ได้มองหน้า
 
           "โป้งอะ!..." ปันปัน แอบเหล่ขึ้นบนมองผม
 
           "แต่มันก็คือความจริง..."ผมพูดและก้มลงน้องคนที่ทำตาเหมือนลูกแมว
 
           "โป้งควรจะดีใจที่คริสมีคนที่รักและหวังดีกับคริสมากขนาดนั้นนะ" ปันปันยืนตัวขึ้นและยืนมองผม
 
           "และโป้งก็มีปันปันนะที่รักและหวังดีอยู่แล้วทั้งคนหรือว่าไม่จริงง่ะ"ปันปันพูดผมเงยหน้าขึ้นจริงมันไม่เคยทิ้งผมเลยอยู่ข้างๆผมตลอดแม้กระทั้งเวลาไปกับแฟนมันคงเจ็บปวดเหมือนผมที่เคยมองเห็นไอ้คริสมันมีคนนั้นคนนี้เข้ามาแต่ที่เจ็บที่สุดคือตอนที่ครูเขมเข้ามานี้แหละ
 
           "พอแล้วน้ำตาจะไหล..ไปเรียน.."ผมรีบพูดก่อนจะเดินไปหยิบเป้มาสะพายและปันปันก็เช่นกัน ผมเดินลงมาชั้นล่าง
 
           "โป้งถ้าพ่อไม่ให้ปันปันเรียน...ปันปันไปอยู่กับโป้งได้ไหม...ปันปันจะหางานทำ...เพราะว่าพ่อเคยพูดไว้ว่าถ้าปันปันไม่เลิกเป็นเกย์เขาจะไม่ยอมรับปันปันกลับไปอยู่ที่บ้าน" ปันปันพูด ผมหันมามองหน้าปันปัน ไม่ได้พูดอะไรนอกจากจับมือมันคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดผมว่านะ
 
           ตื้ด!! เสียงข้อความเข้ามือถือไอ้ปันปัน
 
           "น้องกี้นัดไปคุยที่หลังโรงเรียนอีกแล้วอ่ะ"
 
           "ไปไหมละ" ผมถามและหันหน้าไปมองทางอื่น
 
           "หึงเหรอ"
 
           ".........." ไม่ตอบโหมดเงียบคิดเอาเองดิ กว่ากูหึงไหม
 
           "ไม่ไปนะ" ปันปันถามผม
 
           "คิดเองดิ....มีผัวแล้วนะ" ผมพูดแต่ปันปันมันก็ก้มหน้าก้มตาพิมพ์ตอบไปผมชะเง้อคอมองว่ามันพิมพ์ว่าอะไร
 
           "พี่ไปไม่ได้ครับน้องกี้ ผัวพี่เขาไม่ให้ไปครับ..พี่ขอโทษนะครับพี่มีผัวแล้ว!!" มึงปฏิเสธเขาตรงไปมั้ย! ครับไอ้ปันปัน! ผมละเชื่อมันเลย  และมันยืนข้างผมไงผมเลยได้อ่านที่มันพิมพ์ส่งไปทุกถ้อยคำเลย แอบส่ายหัวให้เมียตัวเอง
 
           "fu** you " ที่น้องกี้ส่งกลับมาให้มัน ปันปันเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ผม
 
           "เขาชมปันปันด้วยอะโป้ง!" >///< มันทำหน้าเขินแบบไร้เดียงสาที่สุด
 
           "ชมบ้านมึงดิ!!..นี่เขาด่าเว้ย!!!" ผมเดินมาถึงโต๊ะที่นั่งประจำ เห็นไอ้อาร์ทกับไอ้โจ้มันนั่งก้มหน้าก้มตาเล่นไอไฟน ผมนั่งลงตรงข้ามมันสองคนแต่ทว่าไม่เห็นคริสโตเฟอร์นั่งอยู่ที่โต๊ะ
 
           "ไอ้อาร์ท ไอ้โจ แล้วไอคริสละ..เมื่อคืนมันหลับสบายดีไหมวะ"
 
           "สบายมาก.."มันตอบพร้อมเพียงกัน
 
           "มันหรือมึงสองคนที่หลับสบายวะ"ไอ้ปันปัน พูดมันสองคนเงยนห้าขึ้นมามองหน้าผม
 
           "อะนี้แซนวิชกูทำมาเพื่อ" ปันปันมันสาวแซนวิชตรงหน้าไอ้สองตัวมันก็หันไปมองหน้ากัน
 
           "มันชวนกินแซนวิชวะโจ!!!" ไอ้อาร์ทพูดและยิ้มแบบนี้ผมรู้ได้ทันทีว่ามันคิดทะลึ้งกันแน่ๆ แต่อีกคนหาได้รู้ไหม
 
           "ปันปันเก็บแซนวิชลงกระเป๋าไปและเอานันยางขึ้นมาวางแทน เพื่อมันจะอยากบริหารฟัน" ผมหันไปบอกไอ้ปันปัน มันก็ทำตาโตปากเป็นรูปตัวโอก่อนจะหยิบแซนวิชกลับคืน
 
           "อย่า!! ..แซวนิดแซวหน่อย...กินจร๊ากิน" ไอ้อาร์ทรีบดึงไว้ทันทีและหยิบไปกินกันคนละชิ้น
 
           "แล้วนี้มันไปไหนวะทำไมยังไม่มา" ผมถามไอ้สองตัวนั้น มันคงเข้าใจอยู่แล้วว่าผมหมายถึงคริสโตเฟอร์
 
           "มันกำลังออกมาแหละมันต้องเก็บที่หลับที่นอนให้เรียบร้อยก่อน ตอนนี้มันเป็นแม่บ้านนี้หว่า"ไอ้โจพูด ไอ้คริสนี้นะเก็บที่นอน
 
           "กูไม่เชื่ออะ" ผมรีบแย้งเพราะว่ามันนี้นะ ไม่เคยเก็บอะไรเลย ผมนี้คอยเก็บให้มันตลอด ไม่ว่าจะเสื้อผ้า ที่นอนก็เก็บให้เรียบร้อย
 
           "แม่บ้านแม่เรือนเลยแหละ...มันถวายตัวเป็นนางสนมคุณครูเขมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..เก็บทำสะอาดกิ๊ก!!" ผมกับไอ้ปันปัน ทำหน้าแปลกใจทันที
 
           "พูดง่ายว่าคริสโตเฟอร์กลายเป็น ปดิวรัดาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฮาๆ " ไอ้อาร์ท
 
           "มันแปลว่าอะไรนะโจ" ไอ้อาร์ทมันพูดและยังหันไปถามโจ
 
            "ก็ แปลว่า ภรรยาผู้ซื่อสัตย์และภักดีต่อสามีไง" ไอ้โจ ผมหันหยักเพยอให้คนข้าง ดูทำตาปริ้งๆส่งมาให้ผมอยากเป็นหรือไง
 
           "นั้นไงเดินมาแล้วนั้นนะ" ไอ้อาร์ทมันพูดผมหันไปมอง คนที่เดินกดมือถือมาด้วย
 
           "คริส!!!!" ไอ้โจมันตะโกนเรียกคริสโตเฟอร์มันสะพายกระเป๋าเป้เดินมานั่ง มันมองไอ้โจกับอาร์ทและหันมามองผมกับปันปัน มันมองผมสี่คนสลับไปมา
 
           "เป็นอะไรของมึงคริส" ผมถามมันนี้มันยังหลอนผมอยู่หรือไง
 
           "คริสแซนวิชกูทำมาเผื่อวะ...กินแซนวิชกัน" ปันปัน มันเรียกคริสโตเฟอร์กินแซนวิส มันมองลงไปที่กองแซนซิสก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมกับไอ้ปันปัน และหันกลับไปมองไอ้อาร์ทและไอ้โจอีกอีก และนี่มันทำให้ผมรู้สึกแปลกกับสายตาของมันด้วย
 
           "แซนวิชไงครับคุณคริส" ไอ้อาร์ทมันโชว์แซนวิสให้คริสโตเฟอร์ดูมันก็ผง๊ะก่อนจะเพ็งมอง
 
           "ไม่เอาอะกูไปกินโจ๊กดีกว่า..กูไปซื้อก่อนนะ" มันลุกพล้วดชึ้นทันที  = O =
 
           "อ้าว! ปกติมึงชอบไม่ใช่เหรอวะแซนวิช" ผมถามไอ้คริสโตเฟอร์และชี้ไปทีแซนวิช มันก็มองและทำท่าขนรุกอีกด้วย
 
           "วันนี้ไม่กินอะใจวะ...พรุ่งนี้กูก็ไม่กิน...งดกินแซนวิชไม่มีกำหนด" ไอ้คริสโตเฟอร์พูดก่อนจะรีบเดินไปออกไปและไอ้สองตัวนี้ก็หันมามองหน้ากันหัวเราะกันผมว่ามันต้องพูดอะไรแน่ๆ ปันปันหันมาเลิกคิ้วสูงหันมามองผม และพยักหน้า
 
           "มึงพูดอะไรไอ้อาร์ท!!" ผมถลึงตาใส่ไอ้สองตัวที่นั่งข้ามผม
 
           "กูไม่ได้พูดอะไร" อาร์ทมันพูดและหันไปมองโจไอ้คนข้างๆ ดูมันยักคิ้วให้กันแบบนี้มีแน่ๆ
 
           "ปกติมันชอบแซนวิชจะตายไป" ไอ้ปันปันพูด
 
           "กูแแค่บอกว่ามึงสองคนอาจจะชวนมันไปกินแซนวิช รู้จักไหมแซนวิสนะ" ไอ้อาร์ทพูดผมว่าแล้วเชียวเรื่องทะลึ้งนี้ไม่มีใครเกินไอ้อาร์ทกับไอ้โจ
 
           “ฮาๆ “ ไอ้อาร์ทและไอ้โจมันหันมาแท๊กทีมแตะมือกันและขำท้องแข็งกันไป
 
           "ไอ้อาร์ท!!!" ผมอยากเตะมันวะ
 
           "มันคืออะไรอะโป้ง...ดูหน้าตาไอ้สองคนนี้ความหมายมันต้องหื่นเหมือนหน้ามันแน่ๆเลยวะ ...หน้าตามันบ่งบอก" ไอ้ปันปัน พูดและหน้าตาใสซื่อของมันที่มองผมตาแป้วมาก
 
           "อ้าว! ลูกปันปันครับ..พูดไม่เพราะนะครับว่าพี่สองคนหน้าตาหื่น" ไอ้อาร์ทมันพูด
 
           "เดี๋ยวค่อยบอก" ผมหันไปกระซิบ
 
           "ต้องไปบอกกันสองคนเหรอ" ปันปันหันมา ผมว่าไอ้สองคนนะไม่หื่นหรอกมึงนี้แหละหื่นผมคิดในใจ และไอ้สองคนตรงหน้าผมนี้ก็กระซิบกระซาบผมอีก ผมเลยหยิบหนังสือปาใส่มันเลย
 
           "จะว่าไปแซนวิชมึงอร่อยวะ...." ไอ้โจพูดและหันไปหยิบแซนวิสป้อนไอ้อาร์ทเพราะว่าไอ้นี้เอาแต่กดมือถือเล่น
 
           "โป้งเดี๋ยวมานะปันปันไปเอาของก่อนนะคิดว่าคงถึงวันนี้แหละจะได้ใช้กันวันนี้เลย!!" ปันปันบอกผม ผมพยักหน้าเพราะผมรู้ดีว่ามันจะไปเอาพัสดุที่มันบอกว่าแม่ส่งมาให้มัน
 
           "เซ็กส์ทอยเหรอ" ไอ้โจผมสะบัดหน้าไปมองหน้ามัน
 
           "ตุ๊กตาเทพหรือเปล่า"ไอ้อาร์ท
 
           "บ้ากูไม่ชอบของปลอม" ผมเงยหน้ามองคนที่พูด
 
           "มึงรีบไปเถอะปันปัน...มึงนี้ก็ไปบ้าจี๋ตามไอ้อาร์ทกับไอ้โจมัน...รีบไปจะได้รีบมาก่อนเข้าแถว" ผมรีบบอกปันปัน
 
           "ไอ้ปันปัน ...ฝากซื้อน้ำมาให้ขวดหนึ่งดิ"
           
           "อืมม" ปันปันพยักหน้า
 
           "โป้งละกินอะไรปะ...เอานมปะ..."
 
           "ก็ได้..เอามากล่องหนึ่ง..เอาตังโป้งไปดิ"
 
           "ไม่เป็นไรหรอกแค่นมกล่องเดียว...เดี๋ยวปันปันซื้อมาให้นะ" ผมพยักหน้าและปันปันก็เดินออกไป พอผมหันมา
 
           "เฮ้ย!! "ไอ้คู่นี้มันจ้องมองผมตานี้แถบจะถล้นออกมาจากเบ้าเลย
 
           "สารภาพมาเลยปกติมึงไม่เคยแทนชื่อตัวเองกัน..นอกจะ..เรียบร้อยกันไปแล้วไอ้โป้ง" ไอ้อาร์ทมันพูด ผมแอบคิดในใจ ผมไม่ร่าหลุดเลย ไม่ได้อยากจะปิดแต่เพราะว่าผมแสดงอาการรังเกียจไว้เยอะไง มันเลยเสียฟอร์มแต่นี่คงไม่ทันแล้ว
 
           "โป้ง...ไอ้ปันปันมันโคตรรักมึงนะ..มันไม่อยู่ห่างจากมึงเลยนะ..และกูโคตรสงสารมันเลยตอนมันมองมึงไปกับแฟนมึงนะแต่มันก็ยังคงจะอยู่กับมึงวะ" ไอ้โจพูด
 
           "มึงก็ใจร้ายกับมันมาตั้งนาน...แล้วนี้เมื่อคืนเรียบร้อยแล้วซิ" ไอ้อาร์ทมันแซวผม ผมนั่งเอนหลังผิงพนักไม่ได้ตอบอะไร จนกระทั้งไอ้คริสโตเฟอร์มันเดินกลับมาพร้อมกับชามโจ๊ก
 
           "เชิญนั่งครับพี่คริส" ไอ้โจมันลุกไปลากเก้าอี้แต่ไอ้คริสโตเฟอร์มันสะดุ้งกระโดดหนี
 
           "เป็นอะไรไปครับพี่คริส.." ไอ้อาร์ทมันถามไอ้คริส พอมันหันมาเจอไอ้สองตัวนี้มันก็ทำท่าตกใจอีก วันนี้มันแปลกๆนะผมว่า
 
           "ไม่มีอะไรกูแค่ตกใจสาด!! "
 
           "ไอ้ปันปัน ไปไหนอะ" คริสโตเฟอร์ถามผม
 
           "ไปเอาพัสดุม๊ามันส่งของมาให้มันนะ" ผมพูด ผมเห็นไอ้คริสโตเฟอร์มัน
 
           "อาร์ท ..ปวดเยี่ยววะไปห้องน้ำกันวะ"
 
           "อะไรวะ..เออๆ เร็วๆดิ" และไอ้อาร์ทมันก็ลุกไป ผมสังเกตุเห็นสายตาให้คริสโตเฟอร์มองไอ้อาร์ทกับไอ้โจแปลกๆ มันมองจนพวกมันเดินลับหายไปด้วย
 
           "คริส!!"
 
           "โว้ยย" มันร้องตกอกตกใจ
 
           "มึงเป็นอะไร..กูเห็นมึงมองไอ้อาร์ทกับไอ้โจแปลกๆนานแล้วนะมึง"ผมถามไอ้คริสโตเฟอร์
 
           "พูดมา!!" ผมบอกให้มันพูด
 
           "กูถามอะไรอย่างดิวะ...มันสองคน..เป็น..เป็นเกย์ไหมวะ..." ไอ้คริสถามผม ผมก็ส่ายหัวดิ ไม่เคยเห็นว่ามันจะมีอาการอะไร และก็เห็นมันเอาผู้หญิงปกติ จะว่าไปผมก็มีอะไรกับผู้หญิงนะ แต่ว่ามันไม่รู้สึกมีความสุขได้เท่ากับผมและไอ้ปันปันเลย
 
           "มึงเห็นอะไร" ผมถามไอ้คริสนิ่งๆ
 
           "กู..กู...” ไอ้คริสมันพูดและชะเง้อมองไอ้สองคนนั้น ผมโบ้ยมือไป อีกนานเพราะว่า ช่วงนี้นักเรียนชายรอเข้าห้องน้ำกันเยอะ
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วพิเศษ โป้ง VS ปันปัน เพื่อนกันต้องช่วยกันครึ้งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 20-08-2020 20:59:22
 พิเศษ โป้ง VS ปันปัน    เพื่อนกันต้องช่วยกันครึ้งหลัง
         

          “เมื่อคืนกูเห็นมันจูบกันและมันก็ชวนกันเข้าห้องน้ำอะไอ้โป้ง..." ไอ้โป้งพูด ผมก็ชี้หน้ามันทันที
 
           "กูเห็นมันแปลกๆมาอาทิตย์หนึ่งแล้ววะแต่กูคิดว่ากูคงคิดมากไปวะนี้มันถึงขั้นนั้นเลยเหรอวะ"ผมพูด
 
           "มึงกลัวมันเหรอวะมันคงไม่ปลั้มมึงหรอกเวลามึงไปเมามันยังไม่ปลั้มมึงเลย"ผมพูด
 
           "แต่มึงจะปลั้มกู" ไอ้คริสโตเฟอร์
 
           "กู...เชี้ยเอ้ย!!"นั้นยังไงวนกลับมาหาผมจนได้
 
           "ก็กู...ห้ามใจตัวเองไม่ได้คริสแต่กูคงไม่กล้าทำมึงแล้วแหละ" ผมพูดผมรู้สึกผิดกับมันมาก
 
           "ไอ้ปันปันมันชอบมึงอะมึงรู้ยังอะ" ไอ้คริสโตเฟอร์มันถามผม ผมพยักหน้า
 
           "กูโคตรดีใจที่มึงมีคนที่รักมึงนะโป้ง"คริสโตเฟอร์พูด
 
           "มันบอกพวกกูแต่มันไม่ให้พวกกูบอกมึงวะเพราะว่ามันกลัวถูกมึงเกลียดมัน" ไอ้คริสโตเฟอร์มันบอกผม
 
           "กูรู้นานแล้ว..ตั้งแต่วันที่เตี่ยมาหามันและด่าว่ามัน...มันน่าสงสารว่ะ..กูทำไม่ลงหรอกว่ะ" ผมพูดไอ้คริสโตเฟอร์มันพยักหน้า
 
           “แต่กู...ก็...กลัวมึงจะทิ้งกูออกจากกลุ่มไป เพราะว่ากูเป็นแบบนี้ แบบที่มึงพึ่งเป็นไงคริส” ผมพูดและมองหน้ามัน
 
           “แต่มึงชิ้งทิ้งกูก่อน ไอ้สัส!” ไอ้นี้ทำให้ผมอยากโบกกะบาลมันจริง
 
           "แล้วมึงจะเอายังไงวะเรื่องมึงกับครูเขมนะ...กูกลัวใจมึงวะ..กูกลัวมึงตัดสินใจเหมือนน้องแชมป์วะ" ผมพูดไอ้คริสโตเฟอร์มันก้มหน้าลง
 
           "อย่าบอกกูนะว่ามึงคิดจะทำนะไอ้คริส..ถ้ามึงทำนี้กูหมดศรัทธาในตัวครูเขมไปด้วยนะมึง" ผมพูด
 
           "แต่กูไม่รู้ว่ากูจะทำยังไงโป้ง..กูรักเขามาก..กูรู้มึจะบอกว่านี้มันบ้าแต่..กูไม่อยากเสียคนที่รักกูมากไปเช่นกัน...โป้ง"ไอ้คริสโตเฟอร์มันพูด
 
           "พี่เขมไม่โทรหากูเลยมีแต่ส่งข้อความกูคิดว่าครูเขมก็คงเครียดเรื่องนี้"
 
           "กูกลัวว่าครูเขมจะตัดสินใจลาออกจากการเป็นครูเพราะว่าครูเขมพูดว่าจะไปเป็นติวเตอร์แต่ถ้าดูจากความมุ้งมั่นของครูเขมแล้วเขาอยากเป็นครูมากกว่า" คริสโตเฟอร์มันพูดผมพยักหน้า
 
           "กูได้ยินพวกนักเรียนคุยกันเรื่องนี้เยอะมากแต่ละคนก็บอกว่าเสียดายครูเขมแกสอนดี ดีกว่าครูหลายคนที่สอนแค่ตามตำราแกสรรหาสิ่งดีดีมาแนะนำนักเรียนและยิ่งชั่งโมงติวเตอร์นี้ด้วยนะเหมือนไปเรียนติวเตอร์มีระดับราคาแพงๆ " ผมพูดคริสโตเฟอร์มันพยักหน้า
 
           "มึงไม่ลองให้นักเรียนที่นี้ลงชื่อดูละว่าใครอยากให้ครูเขมอยู่สอนต่อบ้าง" ผมพูดขึ้นไอ้คริสโตเฟอร์มันทิ้งช้อนลงในชามทันที
 
           "จริงดิวะโป้งกูคิดไม่ได้เลยวะ" ไอ้คริสโตเฟอร์มันมองหน้าผม
 
           "กูนะนักวางแผน" ผมพูดก่อนที่ไอ้อาร์ทกับไอ้โจ้และปันปันมันเดินกลับมาพร้อมกล่องพัสดุ
           
           "โป้ง..ได้แล้วนี้มาม๊าส่งสบู่มาให้แล้วคืนนี้โป้งถูหลังให้ด้วยและม๊ายังบอกอีกว่าให้ถูนานเลยจะได้หายเร็วๆ" ไอ้ปันปันมันพูด ผมนี้ไถลเลยจากที่ผมใช้ข้อศอกเท้าโต๊ะอยู่ มันจะพูดทำไมนานเลย พวกที่ได้ยินมันคิดไปถึงไหนก็ไม่รู้
 
           "เว้ยย" พวกไอ้าร์ทกับไอ้โจ และไอ้คริสโตเฟอร์มันก็เงยมอง ปันปัน
 
           "พวกมึงมองกูกันทำไมอะ" ไอ้ปันปัน ผมนี้ยกมือขึ้นมาจับขมับ ก็เพราะมึงบอกพวกมันแบบนี้ไง
 
           "มาม๊ามึงบอกอย่างนั้นจริงๆเหรอครับไอ้ปันปัน" ไอ้โจถามไอ้ปันปัน
 
           "ช่ายแม่ย้ำด้วยนานๆ" ไอ้ปันปันพูดย้ำอีก ผมก็ต้องเกาหัวตัวเอง เอาเข้าไป
 
           "แล้วมึงบอกแม่มึงไหมว่ามึงให้โป้งที่เป็นผู้ชายถูหลังให้มึงนะ" ไอ้อาร์ทมันยิ่งได้ถูกมาก ผมชี้หน้ามัน
 
           "ไม่ได้บอกวะแค่บอกว่ามีคนถูให้เฉยๆวะ..กูลืมไปวะโทรกลับไปบอกดีกว่าไหมอะ" ไอ้ปันปันมันหยิบมือถือขึ้นมาจะโทรบอกอีก ผมรีบคว้าไว้ก่อนเดี๋ยวมึงก็งานเข้า ม๊ากับป๊ามึงได้ขับรถไฟแล๊ปมาหามึงแน่ๆ
 
           “ไอ้ปันปัน...มึงจะบ้าเหรอ!!” ผมพูดห้ามมัน ไอ้คริสมันปิดปากขำ ผมนี้หันไปจะยกเท้าถีบมันและไอ้อาร์ทกับไอ้โจอีก พวกนี้มันก็รู้ว่าไอ้นี้มันบ้าจี้
 
           "ม๊ามึงคงภูมิใจตายเลยลูกชายกูมีผู้ชายถูหลังให้ ...ฮาๆ" ไอ้อาร์ท
 
           "หึๆ " ไอ้คริสโตเฟอร์มันกลั้นเสียงหัวเราะไว้ในลำคอ
 
           “กูล้อเล่นกูยังไม่กล้าบอกหรอกแม้..แต่มาม๊ากูคงคิดว่ามีสาวๆถูกหลังมาม๊าดีใจใหญ่เลย”ไอ้ปันปันพูดและมันนั่งลงข้างๆผม ไอ้คริสโตเฟอร์มันมองแค่นั้นคงไม่ต้องพูดอะไรมากมันคงเข้าใจดี ว่าผมกับไอ้ปันปันเป็นยังไงกัน
 
           "อะนมของโป้งนะ" ปันปันมันซื้อนมกล่องมาให้ผม
 
           "ตอนเย็นคุยกันอีกทีว่ามึงจะเอายัง...เย็นนี้พวกไอ้อาร์ทมันยังอยู่นิให้มันช่วยเลย"
 
           "ช่วยอะไรวะ" ไอ้อาร์ทหันมามองและมองหน้าผมสองคนไอ้โจ้ด้วยและปันปัน
 
           "ตอนเย็นค่อยบอกวะ..." ไอ้คริสโตเฟอร์พูดมันลุกขึ้นเอาชามโจ๊กไปเก็บก่อนที่สัญญาณเข้าแถวจะดังขึ้น ปันปันมองหน้าผมแบบมีคำถาม
 
           "เดี๋ยวค่อยบอก..เป็นการส่วนตัว"ผมกระซิบเบาๆที่้ข้างหูปันปันเบาๆ
 
           "แม้ๆ...กูเบื่อผัวเมียคู่นี้วะ"
 
           "มึงไม่ต้องเบื่อกูเลย ..เมื่อคืนมึงทำอะไรในบ้านครูเขมละ"
 
           "เฮ้ย!!" นั้นไงสะดุ้งทั้งคู่
 
           "สารภาพมาเลยไอ้คริสมันเห็น..ตกลงมึงยังไงไอ้อาร์ท ไอ้โจ กูเห็นหลายครั้งแล้วนะในห้องน้ำชายนะ..เก็บเสียงหน่อยสัส" ผมพูดก่อนจะลุกขึ้น
 
           "มึงนะชอบร้องเสียงดัง" ไอ้อาร์ทหันมาบ่นไอ้โจเบาๆ
 
           "คริสมันเห็นเหรอวะ" ไอ้โจมันถามผม ผมพยักหน้า
 
           "กู...พวกกู..สองคน..เออ..ไม่รู้ว่าแต่รู้สึกดีวะ...กูเข้าใจแล้ววะทำไมมึงรักผู้ชายกันไม่รู้ดิ...กูก็รู้ว่ากูขาดไอ้โจไม่ได้มันบอกไม่ถูกวะกูสองเคยเลยลองจูบกันก่อนแต่พอรู้สึกดีก็เลยพัฒนาเป็น.." ไอ้อาร์ทพูด  พูดไปเขินไปด้วยและอีกคนนี้เขินหนักกว่าอีก พวกผมสามคนหันมามองหน้ากัน เกาหัวกันเล็กน้อย
 
           "ขยับขั้นให้มันเป็นเมียกรู" ไอ้อาร์ท
 
           "อาร์ท..มึงช่วยขอความเห็นกูนิดนึงได้ไหม..อาร์ท...กูอยากเป็นผัวหรือเมีย" ไอ้โจมันพูด
 
           "ไม่ดีเหรอ..ภูมิใจเถอะมีพี่เป็นผัว!!"
 
           "ดีพองมึงดิ"ไอ้โจ้พูด T_T
 
           "แล้วเมียมึงละ"
 
           "พี่ปริมนะเหรอเขาเลิกกับกูไปเมื่อวันที่คริสมันเมาแล้วเขาบอกกูมีความเสี่ยง"
 
           "เสี่ยงอะไรวะ"ปันปัน ถามไอ้อาร์ท
 
           "ว่ากูจะเป็นเกย์เพราะว่ากูนะกระเตงไอ้โจไปตลอดเวลา เขาบอกว่าถ้ากูจะคบเขาต้องเลิกชวนโจไปไหนมาไหนด้วยกูทำไม่ได้"
 
           "กูเลยเลือกที่จะเลิกกับเขาวะ"
 
           "ช่ายแล้วเพื่อนเขาก็บอกเลิกกูด้วยเช่นกัน"
 
           "เพราะ ..?"
           
           "กูติดไอ้อาร์ทมากไป..." ไอ้โจ
           
           "จำเริญเถอะมึง....ไปเข้าแถว..." ผมพูดและพากันเดินแยกย้ายไปเข้าแถวตามชั้นเรียนไอ้คริสโตเฟอร์มันเดินไปเข้าแถวชั้นเรียนของมันและไอ้อาร์ทกับไอ้โจ้ก็ไปเข้าแถวห้องมันผมก็ดันหลังปันปันไปยืนข้างหน้าผมปกติ ระหว่างที่ยืนรอร้องเพลงชาติ
 
           “เฮ้ย” เสียงไอ้ปันปันร้องขั้นมา ผมเห็นไอ้พี่อั๋นมันยิ้มและหยักคิ้ว ส่วนไอ้ปันปันก็เอามือจับที่ก้นมันอย่าบอกนะมันจับก้นไอ้ปันปัน
 
           “ก้นนิ่มวะ” ไอ้พี่อั๋นพูดและผมก็ไวซะด้วย
 
           “ผลัก” ไม่ต้องรอคำอธิบายว่าจับทำไมผมต่อยไอ้พี่อั๋นลงไปทันที ผู้คนพากันแตกฮือออกไปก่อนเลย
 
           “ผลัก...ผลัก “สองหมัดซ้อน
 
           “อย่าโป้ง...อย่าโป้ง..พอแล้วโป้ง” ปันปัน มาดึงรั้งผมให้หยุดและพวกไอ้อาร์ทกับไอ้โจด้วย ไอ้คริสมันมายืนรออยู่ข้างหลังคือถ้าถ้าพี่กายเข้ามาเสริมมันคงลุยให้ผมอีกที
 
           “หยุด!! เดี๋ยวนี้..นี้มันอะไรกัน” ครูอครชัยตะหวาดเสียงดัง
 
           “ไอ้โป้งมันต่อยเพื่อนผมครับอาจารย์” ไอ้พี่กายรีบพูด
 
           “เพื่อนมึงทำเชี้ยอะไรไว้ละ” ผมลุกขึ้นมาได้จากที่ค่อมตะบันหน้าไอ้พี่อั๋น ผมไม่เคยกลัวมันหรอกก็แค่หนักมวยประจำโรงเรียน
 
           “นายอั๋นทำอะไร” อาจารย์อครชัยหันไปถามไอ้พี่อั๋น ผมยืนมองหน้ามันหยักหน้าว่ามันจะตอบว่าไง 
 
           “แค่เข้าใจผิดกันนะครับอาจารย์พอดี ผมผลักไอ้อั๋นไปชนน้องปันปันและโป้งก็เลยคิดว่าไอ้อั๋นมันตั้งใจ...พี่ขอโทษนะครับโป้ง” ไอ้พี่เอกมันเป็นฝ่ายออกมาพูดมันรู้ว่าผมนะไม่จบง่ายถ้าไม่ได้คำตอบที่ถูกใจ
 
           “พอเถอะโป้ง” ปันปันกระซิบกับผม
 
           “ตกลงยังไง”
 
           “แค่เข้าใจผิดครับอาจารย์”
 
           “อย่าให้มีอีกนะ...เข้าแถวตามเดิม” ผมยืนมองหน้าไอ้พี่อั๋นก่อนจะเดินไปเข้าแถวเหมือนเดิมสายตาผมยังมองจ้องไอ้พี่อั๋นมันก็แค่หยักไหล่ให้ผม ผมว่านี้มันคงแค่เริ่มต้นมันคงรู้แล้วแหละว่าผมกับไอ้คริสโตเฟอร์กับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว จนเข้าแถวเสร็จก็เดินขึ้นตึกเพื่อทำการเรียนตามปกติ ระหว่างทางที่เดินขึ้นผมเห็นแก้มพยายามจะพูดกับคริสโตเฟอร์แต่คริสมันไม่สนใจแก้ม เรียกได้ว่ามันทำเย็นชาใส่เลยดีกว่า
 
           "เป็นไงละแก้ม...พี่ถามหน่อยซิว่าเธอมีความสุขมากหนักเหรอที่ทำกับไอ้คริสแบบนั้นนะ" ผมถามแก้ม เธอหันมามองหน้าผมตาขมึง และนี่แหละที่ผมกลัวใจผู้หญิงเวลาหึงเวลาโกรธ เลยไม่ค่อยชอบจีบมาเป็นแฟนเท่าไหร่และยิ่งเด็กๆด้วยผมนี้ไม่จีบเลย
 
           "พี่โป้งไม่ต้องมาพูดหรอกแก้มรู้นะว่าพี่นะก็เสียใจเหมือนกัน"
 
           "แก้ม...ทำไมแก้มไม่รักศักดิ์ศรีของตัวเองบ้าง..พี่ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าเธอจะอยากได้ผู้ชายมากขนาดมองข้ามคุณค่าของตัวเธอไปได้ขนาดนี้"
 
           "และผู้ชายนะเขาไม่ชอบผู้หญิงที่ชอบจุ้นจ้านหรอกนะ และนี้ยังไม่ทันได้ตำแหน่งแฟนเลย เธอยังจุ้นวุ่นวายได้ขนาดนี้ไม่ต้องคิดถึงว่าตอนเป็นแฟนกันเลยนะว่าจะขนาดไหน" ผมพูดและยิ้มที่มุมปากพร้อมกับหันมามองโป้งที่ยืนหยักไหล่ให้ผม
 
           "นี้พี่โป้งว่าแก้มเหรอ"
 
           "พี่โป้งเขาคงชมน้องแก้มอยู่มั้งครับ" ปันปันพูดผมหันไปมองคนข้างๆยิ้มๆ แก้มหันมาค้อนให้ผมสองคนและเดินลงไปชั้นเรียนของตัวเองทันที ผมก็เดินกลับขั้นห้องเรียนกับปันปัน ไม่ลืมที่จะจูงมือปันปันไปด้วย
 
-
-
-
    เวลาผ่านไปจนเลิกเรียนผมก็รีบลงจากห้องเรียนเพื่อไปยังที่เรานัดหมายกันจะปรึกษากันว่าจะทำยังไงดี พรุ่งนี้แล้วซินะที่ครูเขมจะเดินทางกลับมาจากอบม ผมนัดเจอกันที่บ้านพักนักเรียนของผม
 
           "ขึ้นบ้านดิ"ผมเรียกพวกมันไอ้คริสโตเฟอร์มันกำลังยืนเหมือนส่งข้อความหาครูเขม ครูเขมไม่โทรหามันเลยมันบอกว่ามีแค่ข้อความที่คุยกันเมื่อวานแค่นั้นเองผมก็สงสารมันนะดูมันไม่ร่าเริงเหมือนเดิมสงสัยครูเขมยังไม่โทรหามันอีกแล้วแน่ๆ
 
           "ตกลงจะให้พวกกูช่วยยังไงวะว่ามาดิ" ไอ้อาร์ทมันถามขึ้น
 
           "พวกเรจะทำบอร์ดเชิญชวนมาลงชื่อว่าใครอยากให้ครูเขมสอนที่นี้ต่อกูเชื่อว่ามีหลายคนแต่จะได้ตามเป้าหมายไหมไม่รู้ว่ะ"
 
           "แต่มันก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยวะ" ไอ้คริสโตเฟอร์พูด
 
           "ไอ้ปันปันมันแต่งบอร์ดได้มันมีฝีมือเรื่องพวกนี้ " ผมหันไปบอกปันปัน มันยิ้มตาหยีให้ผม
 
           "เชียร์เมียน่าดู"ไอ้อาร์ท ผมหยิบหมอนปาใส่ไอ้ปากปีจอเพื่อนของผม
 
           "แผ่นกระดาษที่ให้นักเรียนลงชื่อไอ้อาร์ทกับไอ้โจทำแล้วกัน ..มึงจะใช้โน๊ตบุ๊กกูไหมละแต่ไม่มีปริ้นเตอร์วะ" ผมพูดบอกมันสองคน
 
           "ไม่เป็นไรกลับไปทำที่ห้องนอนดีกว่า" ไอ้โจพูด
 
           "มึงแน่ใจนะว่าไปปริ้นงานนะ"ไอ้ปันปันพูด มันรู้ทันและนั้นผมก็คิดนะ กูจะได้งานไหม มันสองคนก็เพิ่งจะบอกว่าเลื่อนขั้นกันมาแล้วจากเพื่อนเป็นผัวเมีย
 
           "มึงจะทำอะไรกันก็เรื่องของมึงแต่ขอให้ได้ตามที่กูสั่งก็แล้วกันเอามาสัก 22 ชุด แบ่งตามห้องไปเลย" ผมพูดไอ้คริสโตเฟอร์มันพยักหน้า
 
           "ส่วนมึงก็เขียนบทความภาษาอังกฤษที่มึงประทับใจครูเขม" ผมหันไปบอก เพราะว่ามันไม่เคยเข้าเรียนภาษาอังกฤษ แต่พอครูเขมมามันเข้าเรียนและยังไปเรียนพิเศษด้วย ผมว่านี้แหละที่จะทำให้ทุกคนรู้ว่าครุเขมชาติเขาเป็นครูที่ทุกคนต้องการ คือมุ่งมั่นสอนหนังสือแค่ไหน
 
           "คริสประทับใจส่วนไหนของครูเขมเหรอ" ปันปันมันหันไปถามคริสโตเฟอร์ มันก็ก้มหน้าลง
 
           "อย่าเสือกใส่เรทอาร์มานะไอ้คริส!!" ผมเลยรีบดักมั้นไว้ก่อน ไอ้นี้มันทะลึ่งอยู่
 
           "กูว่าผู้อำนวยการอ่านปุ๊ป! คงรีบเชิญเลยแหละ" ผมพูด ทุกคนหันมามองหน้าผมกันหมด
 
           "เชิญออก!!ทั้งคู่!!!"  ผมพูดออกมา
 
           "รู้ได้ไงวะ" ไอ้คริสโตเฟอร์ นั้นไง ความคิดที่มันกำลังจะเขียนออกมา ผมก็กุมขมับทันที
 
           "หน้ามึงบ่งบอกมากลูกคริส!!!" ไอ้โจมันพูด
 
          " เอาละแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จแล้วรีบกลับมาเจอกันที่บ้านพัก คริสมึงนั่งพิมพ์ที่นี้หรือว่าจะ.."ผมหันไปถามไอ้คริสโตเฟอร์
 
          "ที่บ้านพักครูดีกว่าวะ...มันเห็นอะไรได้ชัดเจนมากขึ้นวะ" ไอ้คริสโตเฟอร์พูดผมหยักไหล่เรียกปันปันให้ไปที่เขาเก็บบอร์ด เอาไว้ลงนับคะแนนเลือกตั้ง ผมหวังว่านี้คงะจะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่คงจะไม่น้อยเต็มที และผมก็เชื่อว่ามีหลายคนอยากให้ครูเขมสอนต่อ ถึงผมจะเคยคิดว่าทำไมครูเขมต้องมาแย้งเพื่อนที่ผมรักไปด้วย พอผมเห็นอาการไอ้คริสโตเฟอร์แล้วผมทำใจไม่ได้ต้องเข้ามาช่วยมันอยู่ดี ช่วยให้คนที่ตัวเองรักสมหวังแต่ขอบคุณที่ทำให้ผมได้คนที่รักผมมาด้วยคือปันปัน
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอนที่ 3ครูเขมXคริส พี่เชื่อว่าวันพรุ่งนี้จะดีขึ้น
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 20-08-2020 23:15:30
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนตอนที่ 3ครูเขมXคริส พี่เชื่อว่าวันพรุ่งนี้จะดีขึ้น
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 21-08-2020 07:46:14
รอครูเขมx คริส
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นทีในรั้วโรงเรียนพิเศษโป้ง VS ปันปัน เพื่อนกันต้องช่วยกันครึ้งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 21-08-2020 09:23:09
 พิเศษ โป้ง VS ปันปัน  เพื่อนกันต้องช่วยกันครึ้งหลัง
           
            “เมื่อคืนกูเห็นมันจูบกันและมันก็ชวนกันเข้าห้องน้ำอะไอ้โป้ง..." ไอ้โป้งพูด ผมก็ชี้หน้ามันทันที
 
           "กูเห็นมันแปลกๆมาอาทิตย์หนึ่งแล้ววะแต่กูคิดว่ากูคงคิดมากไปวะนี้มันถึงขั้นนั้นเลยเหรอวะ"ผมพูด
 
           "มึงกลัวมันเหรอวะมันคงไม่ปลั้มมึงหรอกเวลามึงไปเมามันยังไม่ปลั้มมึงเลย"ผมพูด
 
           "แต่มึงจะปลั้มกู" ไอ้คริสโตเฟอร์
 
           "กู...เชี้ยเอ้ย!!"นั้นยังไงวนกลับมาหาผมจนได้
 
           "ก็กู...ห้ามใจตัวเองไม่ได้คริสแต่กูคงไม่กล้าทำมึงแล้วแหละ" ผมพูดผมรู้สึกผิดกับมันมาก
 
           "ไอ้ปันปันมันชอบมึงอะมึงรู้ยังอะ" ไอ้คริสโตเฟอร์มันถามผม ผมพยักหน้า
 
           "กูโคตรดีใจที่มึงมีคนที่รักมึงนะโป้ง"คริสโตเฟอร์พูด
 
           "มันบอกพวกกูแต่มันไม่ให้พวกกูบอกมึงวะเพราะว่ามันกลัวถูกมึงเกลียดมัน" ไอ้คริสโตเฟอร์มันบอกผม
 
           "กูรู้นานแล้ว..ตั้งแต่วันที่เตี่ยมาหามันและด่าว่ามัน...มันน่าสงสารว่ะ..กูทำไม่ลงหรอกว่ะ" ผมพูดไอ้คริสโตเฟอร์มันพยักหน้า
 
           “แต่กู...ก็...กลัวมึงจะทิ้งกูออกจากกลุ่มไป เพราะว่ากูเป็นแบบนี้ แบบที่มึงพึ่งเป็นไงคริส” ผมพูดและมองหน้ามัน
 
           “แต่มึงชิ้งทิ้งกูก่อน ไอ้สัส!” ไอ้นี้ทำให้ผมอยากโบกกะบาลมันจริง
 
           "แล้วมึงจะเอายังไงวะเรื่องมึงกับครูเขมนะ...กูกลัวใจมึงวะ..กูกลัวมึงตัดสินใจเหมือนน้องแชมป์วะ" ผมพูดไอ้คริสโตเฟอร์มันก้มหน้าลง
 
           "อย่าบอกกูนะว่ามึงคิดจะทำนะไอ้คริส..ถ้ามึงทำนี้กูหมดศรัทธาในตัวครูเขมไปด้วยนะมึง" ผมพูด
 
           "แต่กูไม่รู้ว่ากูจะทำยังไงโป้ง..กูรักเขามาก..กูรู้มึจะบอกว่านี้มันบ้าแต่..กูไม่อยากเสียคนที่รักกูมากไปเช่นกัน...โป้ง"ไอ้คริสโตเฟอร์มันพูด
 
           "พี่เขมไม่โทรหากูเลยมีแต่ส่งข้อความกูคิดว่าครูเขมก็คงเครียดเรื่องนี้"
 
           "กูกลัวว่าครูเขมจะตัดสินใจลาออกจากการเป็นครูเพราะว่าครูเขมพูดว่าจะไปเป็นติวเตอร์แต่ถ้าดูจากความมุ้งมั่นของครูเขมแล้วเขาอยากเป็นครูมากกว่า" คริสโตเฟอร์มันพูดผมพยักหน้า
 
           "กูได้ยินพวกนักเรียนคุยกันเรื่องนี้เยอะมากแต่ละคนก็บอกว่าเสียดายครูเขมแกสอนดี ดีกว่าครูหลายคนที่สอนแค่ตามตำราแกสรรหาสิ่งดีดีมาแนะนำนักเรียนและยิ่งชั่งโมงติวเตอร์นี้ด้วยนะเหมือนไปเรียนติวเตอร์มีระดับราคาแพงๆ " ผมพูดคริสโตเฟอร์มันพยักหน้า
 
           "มึงไม่ลองให้นักเรียนที่นี้ลงชื่อดูละว่าใครอยากให้ครูเขมอยู่สอนต่อบ้าง" ผมพูดขึ้นไอ้คริสโตเฟอร์มันทิ้งช้อนลงในชามทันที
 
           "จริงดิวะโป้งกูคิดไม่ได้เลยวะ" ไอ้คริสโตเฟอร์มันมองหน้าผม
 
           "กูนะนักวางแผน" ผมพูดก่อนที่ไอ้อาร์ทกับไอ้โจ้และปันปันมันเดินกลับมาพร้อมกล่องพัสดุ
           
           "โป้ง..ได้แล้วนี้มาม๊าส่งสบู่มาให้แล้วคืนนี้โป้งถูหลังให้ด้วยและม๊ายังบอกอีกว่าให้ถูนานเลยจะได้หายเร็วๆ" ไอ้ปันปันมันพูด ผมนี้ไถลเลยจากที่ผมใช้ข้อศอกเท้าโต๊ะอยู่ มันจะพูดทำไมนานเลย พวกที่ได้ยินมันคิดไปถึงไหนก็ไม่รู้
 
           "เว้ยย" พวกไอ้าร์ทกับไอ้โจ และไอ้คริสโตเฟอร์มันก็เงยมอง ปันปัน
 
           "พวกมึงมองกูกันทำไมอะ" ไอ้ปันปัน ผมนี้ยกมือขึ้นมาจับขมับ ก็เพราะมึงบอกพวกมันแบบนี้ไง
 
           "มาม๊ามึงบอกอย่างนั้นจริงๆเหรอครับไอ้ปันปัน" ไอ้โจถามไอ้ปันปัน
 
           "ช่ายแม่ย้ำด้วยนานๆ" ไอ้ปันปันพูดย้ำอีก ผมก็ต้องเกาหัวตัวเอง เอาเข้าไป
 
           "แล้วมึงบอกแม่มึงไหมว่ามึงให้โป้งที่เป็นผู้ชายถูหลังให้มึงนะ" ไอ้อาร์ทมันยิ่งได้ถูกมาก ผมชี้หน้ามัน
 
           "ไม่ได้บอกวะแค่บอกว่ามีคนถูให้เฉยๆวะ..กูลืมไปวะโทรกลับไปบอกดีกว่าไหมอะ" ไอ้ปันปันมันหยิบมือถือขึ้นมาจะโทรบอกอีก ผมรีบคว้าไว้ก่อนเดี๋ยวมึงก็งานเข้า ม๊ากับป๊ามึงได้ขับรถไฟแล๊ปมาหามึงแน่ๆ
 
           “ไอ้ปันปัน...มึงจะบ้าเหรอ!!” ผมพูดห้ามมัน ไอ้คริสมันปิดปากขำ ผมนี้หันไปจะยกเท้าถีบมันและไอ้อาร์ทกับไอ้โจอีก พวกนี้มันก็รู้ว่าไอ้นี้มันบ้าจี้
 
           "ม๊ามึงคงภูมิใจตายเลยลูกชายกูมีผู้ชายถูหลังให้ ...ฮาๆ" ไอ้อาร์ท
 
           "หึๆ " ไอ้คริสโตเฟอร์มันกลั้นเสียงหัวเราะไว้ในลำคอ
 
           “กูล้อเล่นกูยังไม่กล้าบอกหรอกแม้..แต่มาม๊ากูคงคิดว่ามีสาวๆถูกหลังมาม๊าดีใจใหญ่เลย”ไอ้ปันปันพูดและมันนั่งลงข้างๆผม ไอ้คริสโตเฟอร์มันมองแค่นั้นคงไม่ต้องพูดอะไรมากมันคงเข้าใจดี ว่าผมกับไอ้ปันปันเป็นยังไงกัน
 
           "อะนมของโป้งนะ" ปันปันมันซื้อนมกล่องมาให้ผม
 
           "ตอนเย็นคุยกันอีกทีว่ามึงจะเอายัง...เย็นนี้พวกไอ้อาร์ทมันยังอยู่นิให้มันช่วยเลย"
 
           "ช่วยอะไรวะ" ไอ้อาร์ทหันมามองและมองหน้าผมสองคนไอ้โจ้ด้วยและปันปัน
 
           "ตอนเย็นค่อยบอกวะ..." ไอ้คริสโตเฟอร์พูดมันลุกขึ้นเอาชามโจ๊กไปเก็บก่อนที่สัญญาณเข้าแถวจะดังขึ้น ปันปันมองหน้าผมแบบมีคำถาม
 
           "เดี๋ยวค่อยบอก..เป็นการส่วนตัว"ผมกระซิบเบาๆที่้ข้างหูปันปันเบาๆ
 
           "แม้ๆ...กูเบื่อผัวเมียคู่นี้วะ"
 
           "มึงไม่ต้องเบื่อกูเลย ..เมื่อคืนมึงทำอะไรในบ้านครูเขมละ"
 
           "เฮ้ย!!" นั้นไงสะดุ้งทั้งคู่
 
           "สารภาพมาเลยไอ้คริสมันเห็น..ตกลงมึงยังไงไอ้อาร์ท ไอ้โจ กูเห็นหลายครั้งแล้วนะในห้องน้ำชายนะ..เก็บเสียงหน่อยสัส" ผมพูดก่อนจะลุกขึ้น
 
           "มึงนะชอบร้องเสียงดัง" ไอ้อาร์ทหันมาบ่นไอ้โจเบาๆ
 
           "คริสมันเห็นเหรอวะ" ไอ้โจมันถามผม ผมพยักหน้า
 
           "กู...พวกกู..สองคน..เออ..ไม่รู้ว่าแต่รู้สึกดีวะ...กูเข้าใจแล้ววะทำไมมึงรักผู้ชายกันไม่รู้ดิ...กูก็รู้ว่ากูขาดไอ้โจไม่ได้มันบอกไม่ถูกวะกูสองเคยเลยลองจูบกันก่อนแต่พอรู้สึกดีก็เลยพัฒนาเป็น.." ไอ้อาร์ทพูด  พูดไปเขินไปด้วยและอีกคนนี้เขินหนักกว่าอีก พวกผมสามคนหันมามองหน้ากัน เกาหัวกันเล็กน้อย
 
           "ขยับขั้นให้มันเป็นเมียกรู" ไอ้อาร์ท
 
           "อาร์ท..มึงช่วยขอความเห็นกูนิดนึงได้ไหม..อาร์ท...กูอยากเป็นผัวหรือเมีย" ไอ้โจมันพูด
 
           "ไม่ดีเหรอ..ภูมิใจเถอะมีพี่เป็นผัว!!"
 
           "ดีพองมึงดิ"ไอ้โจ้พูด T_T
 
           "แล้วเมียมึงละ"
 
           "พี่ปริมนะเหรอเขาเลิกกับกูไปเมื่อวันที่คริสมันเมาแล้วเขาบอกกูมีความเสี่ยง"
 
           "เสี่ยงอะไรวะ"ปันปัน ถามไอ้อาร์ท
 
           "ว่ากูจะเป็นเกย์เพราะว่ากูนะกระเตงไอ้โจไปตลอดเวลา เขาบอกว่าถ้ากูจะคบเขาต้องเลิกชวนโจไปไหนมาไหนด้วยกูทำไม่ได้"
 
           "กูเลยเลือกที่จะเลิกกับเขาวะ"
 
           "ช่ายแล้วเพื่อนเขาก็บอกเลิกกูด้วยเช่นกัน"
 
           "เพราะ ..?"
           
           "กูติดไอ้อาร์ทมากไป..." ไอ้โจ
           
           "จำเริญเถอะมึง....ไปเข้าแถว..." ผมพูดและพากันเดินแยกย้ายไปเข้าแถวตามชั้นเรียนไอ้คริสโตเฟอร์มันเดินไปเข้าแถวชั้นเรียนของมันและไอ้อาร์ทกับไอ้โจ้ก็ไปเข้าแถวห้องมันผมก็ดันหลังปันปันไปยืนข้างหน้าผมปกติ ระหว่างที่ยืนรอร้องเพลงชาติ
 
           “เฮ้ย” เสียงไอ้ปันปันร้องขั้นมา ผมเห็นไอ้พี่อั๋นมันยิ้มและหยักคิ้ว ส่วนไอ้ปันปันก็เอามือจับที่ก้นมันอย่าบอกนะมันจับก้นไอ้ปันปัน
 
           “ก้นนิ่มวะ” ไอ้พี่อั๋นพูดและผมก็ไวซะด้วย
 
           “ผลัก” ไม่ต้องรอคำอธิบายว่าจับทำไมผมต่อยไอ้พี่อั๋นลงไปทันที ผู้คนพากันแตกฮือออกไปก่อนเลย
 
           “ผลัก...ผลัก “สองหมัดซ้อน
 
           “อย่าโป้ง...อย่าโป้ง..พอแล้วโป้ง” ปันปัน มาดึงรั้งผมให้หยุดและพวกไอ้อาร์ทกับไอ้โจด้วย ไอ้คริสมันมายืนรออยู่ข้างหลังคือถ้าถ้าพี่กายเข้ามาเสริมมันคงลุยให้ผมอีกที
 
           “หยุด!! เดี๋ยวนี้..นี้มันอะไรกัน” ครูอครชัยตะหวาดเสียงดัง
 
           “ไอ้โป้งมันต่อยเพื่อนผมครับอาจารย์” ไอ้พี่กายรีบพูด
 
           “เพื่อนมึงทำเชี้ยอะไรไว้ละ” ผมลุกขึ้นมาได้จากที่ค่อมตะบันหน้าไอ้พี่อั๋น ผมไม่เคยกลัวมันหรอกก็แค่หนักมวยประจำโรงเรียน
 
           “นายอั๋นทำอะไร” อาจารย์อครชัยหันไปถามไอ้พี่อั๋น ผมยืนมองหน้ามันหยักหน้าว่ามันจะตอบว่าไง 
 
           “แค่เข้าใจผิดกันนะครับอาจารย์พอดี ผมผลักไอ้อั๋นไปชนน้องปันปันและโป้งก็เลยคิดว่าไอ้อั๋นมันตั้งใจ...พี่ขอโทษนะครับโป้ง” ไอ้พี่เอกมันเป็นฝ่ายออกมาพูดมันรู้ว่าผมนะไม่จบง่ายถ้าไม่ได้คำตอบที่ถูกใจ
 
           “พอเถอะโป้ง” ปันปันกระซิบกับผม
 
           “ตกลงยังไง”
 
           “แค่เข้าใจผิดครับอาจารย์”
 
           “อย่าให้มีอีกนะ...เข้าแถวตามเดิม” ผมยืนมองหน้าไอ้พี่อั๋นก่อนจะเดินไปเข้าแถวเหมือนเดิมสายตาผมยังมองจ้องไอ้พี่อั๋นมันก็แค่หยักไหล่ให้ผม ผมว่านี้มันคงแค่เริ่มต้นมันคงรู้แล้วแหละว่าผมกับไอ้คริสโตเฟอร์กับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว จนเข้าแถวเสร็จก็เดินขึ้นตึกเพื่อทำการเรียนตามปกติ ระหว่างทางที่เดินขึ้นผมเห็นแก้มพยายามจะพูดกับคริสโตเฟอร์แต่คริสมันไม่สนใจแก้ม เรียกได้ว่ามันทำเย็นชาใส่เลยดีกว่า
 
           "เป็นไงละแก้ม...พี่ถามหน่อยซิว่าเธอมีความสุขมากหนักเหรอที่ทำกับไอ้คริสแบบนั้นนะ" ผมถามแก้ม เธอหันมามองหน้าผมตาขมึง และนี่แหละที่ผมกลัวใจผู้หญิงเวลาหึงเวลาโกรธ เลยไม่ค่อยชอบจีบมาเป็นแฟนเท่าไหร่และยิ่งเด็กๆด้วยผมนี้ไม่จีบเลย
 
           "พี่โป้งไม่ต้องมาพูดหรอกแก้มรู้นะว่าพี่นะก็เสียใจเหมือนกัน"
 
           "แก้ม...ทำไมแก้มไม่รักศักดิ์ศรีของตัวเองบ้าง..พี่ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าเธอจะอยากได้ผู้ชายมากขนาดมองข้ามคุณค่าของตัวเธอไปได้ขนาดนี้"
 
           "และผู้ชายนะเขาไม่ชอบผู้หญิงที่ชอบจุ้นจ้านหรอกนะ และนี้ยังไม่ทันได้ตำแหน่งแฟนเลย เธอยังจุ้นวุ่นวายได้ขนาดนี้ไม่ต้องคิดถึงว่าตอนเป็นแฟนกันเลยนะว่าจะขนาดไหน" ผมพูดและยิ้มที่มุมปากพร้อมกับหันมามองโป้งที่ยืนหยักไหล่ให้ผม
 
           "นี้พี่โป้งว่าแก้มเหรอ"
 
           "พี่โป้งเขาคงชมน้องแก้มอยู่มั้งครับ" ปันปันพูดผมหันไปมองคนข้างๆยิ้มๆ แก้มหันมาค้อนให้ผมสองคนและเดินลงไปชั้นเรียนของตัวเองทันที ผมก็เดินกลับขั้นห้องเรียนกับปันปัน ไม่ลืมที่จะจูงมือปันปันไปด้วย
 
-
-
-
    เวลาผ่านไปจนเลิกเรียนผมก็รีบลงจากห้องเรียนเพื่อไปยังที่เรานัดหมายกันจะปรึกษากันว่าจะทำยังไงดี พรุ่งนี้แล้วซินะที่ครูเขมจะเดินทางกลับมาจากอบม ผมนัดเจอกันที่บ้านพักนักเรียนของผม
 
           "ขึ้นบ้านดิ"ผมเรียกพวกมันไอ้คริสโตเฟอร์มันกำลังยืนเหมือนส่งข้อความหาครูเขม ครูเขมไม่โทรหามันเลยมันบอกว่ามีแค่ข้อความที่คุยกันเมื่อวานแค่นั้นเองผมก็สงสารมันนะดูมันไม่ร่าเริงเหมือนเดิมสงสัยครูเขมยังไม่โทรหามันอีกแล้วแน่ๆ
 
           "ตกลงจะให้พวกกูช่วยยังไงวะว่ามาดิ" ไอ้อาร์ทมันถามขึ้น
 
           "พวกเรจะทำบอร์ดเชิญชวนมาลงชื่อว่าใครอยากให้ครูเขมสอนที่นี้ต่อกูเชื่อว่ามีหลายคนแต่จะได้ตามเป้าหมายไหมไม่รู้ว่ะ"
 
           "แต่มันก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยวะ" ไอ้คริสโตเฟอร์พูด
 
           "ไอ้ปันปันมันแต่งบอร์ดได้มันมีฝีมือเรื่องพวกนี้ " ผมหันไปบอกปันปัน มันยิ้มตาหยีให้ผม
 
           "เชียร์เมียน่าดู"ไอ้อาร์ท ผมหยิบหมอนปาใส่ไอ้ปากปีจอเพื่อนของผม
 
           "แผ่นกระดาษที่ให้นักเรียนลงชื่อไอ้อาร์ทกับไอ้โจทำแล้วกัน ..มึงจะใช้โน๊ตบุ๊กกูไหมละแต่ไม่มีปริ้นเตอร์วะ" ผมพูดบอกมันสองคน
 
           "ไม่เป็นไรกลับไปทำที่ห้องนอนดีกว่า" ไอ้โจพูด
 
           "มึงแน่ใจนะว่าไปปริ้นงานนะ"ไอ้ปันปันพูด มันรู้ทันและนั้นผมก็คิดนะ กูจะได้งานไหม มันสองคนก็เพิ่งจะบอกว่าเลื่อนขั้นกันมาแล้วจากเพื่อนเป็นผัวเมีย
 
           "มึงจะทำอะไรกันก็เรื่องของมึงแต่ขอให้ได้ตามที่กูสั่งก็แล้วกันเอามาสัก 22 ชุด แบ่งตามห้องไปเลย" ผมพูดไอ้คริสโตเฟอร์มันพยักหน้า
 
           "ส่วนมึงก็เขียนบทความภาษาอังกฤษที่มึงประทับใจครูเขม" ผมหันไปบอก เพราะว่ามันไม่เคยเข้าเรียนภาษาอังกฤษ แต่พอครูเขมมามันเข้าเรียนและยังไปเรียนพิเศษด้วย ผมว่านี้แหละที่จะทำให้ทุกคนรู้ว่าครุเขมชาติเขาเป็นครูที่ทุกคนต้องการ คือมุ่งมั่นสอนหนังสือแค่ไหน
 
           "คริสประทับใจส่วนไหนของครูเขมเหรอ" ปันปันมันหันไปถามคริสโตเฟอร์ มันก็ก้มหน้าลง
 
           "อย่าเสือกใส่เรทอาร์มานะไอ้คริส!!" ผมเลยรีบดักมั้นไว้ก่อน ไอ้นี้มันทะลึ่งอยู่
 
           "กูว่าผู้อำนวยการอ่านปุ๊ป! คงรีบเชิญเลยแหละ" ผมพูด ทุกคนหันมามองหน้าผมกันหมด
 
           "เชิญออก!!ทั้งคู่!!!"  ผมพูดออกมา
 
           "รู้ได้ไงวะ" ไอ้คริสโตเฟอร์ นั้นไง ความคิดที่มันกำลังจะเขียนออกมา ผมก็กุมขมับทันที
 
           "หน้ามึงบ่งบอกมากลูกคริส!!!" ไอ้โจมันพูด
 
          " เอาละแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จแล้วรีบกลับมาเจอกันที่บ้านพัก คริสมึงนั่งพิมพ์ที่นี้หรือว่าจะ.."ผมหันไปถามไอ้คริสโตเฟอร์
 
          "ที่บ้านพักครูดีกว่าวะ...มันเห็นอะไรได้ชัดเจนมากขึ้นวะ" ไอ้คริสโตเฟอร์พูดผมหยักไหล่เรียกปันปันให้ไปที่เขาเก็บบอร์ด เอาไว้ลงนับคะแนนเลือกตั้ง ผมหวังว่านี้คงะจะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่คงจะไม่น้อยเต็มที และผมก็เชื่อว่ามีหลายคนอยากให้ครูเขมสอนต่อ ถึงผมจะเคยคิดว่าทำไมครูเขมต้องมาแย้งเพื่อนที่ผมรักไปด้วย พอผมเห็นอาการไอ้คริสโตเฟอร์แล้วผมทำใจไม่ได้ต้องเข้ามาช่วยมันอยู่ดี ช่วยให้คนที่ตัวเองรักสมหวังแต่ขอบคุณที่ทำให้ผมได้คนที่รักผมมาด้วยคือปันปัน
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริส)EP. 20 ครูเขมชาติพบทางออกครึ้งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 21-08-2020 11:09:24
EP. 20 ครูเขมXคริส  ครูเขมชาติพบทางออกครึ้งแรก
           
              Part ครูเชมชาติ
 
              ผมมาอบรมผ่านไป 3 วันแล้วเหลืออีกแค่วันนี้`และพรุ่งนี้ผมก็ได้กลับแล้ว ผมมาอบรมกับครูสมชายและครูประพันธ์ มาวันแรกครูประพันธ์นี้กลัวผมน่าดูผมเลยอธิบายให้เขาฟังว่าผมเป็นเกย์แต่ไม่ได้จะรู้สึกกับผู้ชายทุกคน  ขอให้เขาสบายใจได้ว่าผมไม่แอบทำอะไรเขาแน่นอน  และผู้อำนวยการทำการจ้องห้องพักแบบประตูเชื่อมถึงกันสองห้อง ห้องของผมนอนคนเดียวและเพื่อความสบายใจผมเลยแนะนำให้ครูประพันธ์แกนอนกับครูสมชายแทน  เพราะครูสมชายเขาธรรมะธรรมโม
 
                       ผมคิดถึงคริสโตเฟอร์หลือเกินและผมก็พยายามใจแข็งไม่โทรหาเขา มีแค่ส่งข้อความไปหา แต่มันก็ไม่รู้สึกดีได้เท่ากับได้ยินเสียงเขาแม้จะกวนผมบ้างแกล้งผมบ้างแต่มันก็ยังดีกว่าตอนนี้ เงียบมากจนผมรู้สึกใจหาย  ส่วนคริสก็พยายามอยากจะโทรหาผมแต่ผมก็ไม่ตอบกลับเพราะว่าผมยังหาทางออกเรื่องคริสโตเฟอร์ไม่ได้เลยเช่นกัน ผมกลัวจะทำให้เขาคิดมากไปใหญ่และจะยิ่งเสียการเรียนไปด้วย
 
           "ครูโอเคหรือเปล่าครับ ...ผมนี่เห็นใจครูนะ...ถ้านายคริสเรียนจบซะก่อนครูคงไม่ต้องเป็นแบบนี้" ครูสมชายพูดขึ้นผมพยักหน้าแต่ความรักผมมันมาเร็วไปใช่ไหมครับมาตอนคริสยังอยู่แค่ม.4 นายนั้นก็ไม่น่าไปมีเรื่องจนต้องพักการเรียนเลยไม่อย่างนั้นก็อยู่ม.5.ไปแล้ว แถมไม่เอาภาษาอังกฤษเลยด้วปล่อยให้ติด 0 นี้ ผมก็ให้งานเขาทำเขาก็ทำได้นะแต่ดันมามีเรื่องซะก่อน และถ้าผมยังหาทางออกไม่ได้ ผมก็คงไม่ได้สอนห้องคริสโตเฟอร์หรืออาจจะไม่ได้สอนโรงเรียนนี้เลยก็เป็นไปได้
 
           "พรุ่งนี้อบรมอีกครึ้งวันก็ได้กลับบ้านแล้วครับครู" ครูประพันธ์พูดขึ้นระหว่างที่กำลังนั่งอยู่ในห้องอาหารของทางโรงแรม สายตาผมเหลือบไปเห็นเพื่อนผม ไอ้รชานนท์ เป็นครูเหมือนกันแต่มันโชคดีหน่อยที่เป็นครูโรงเรียนของคุณป้าของเขาเองและก็เป็นโรงเรียนเอกชน และที่ผมมาอบรมนี้เป็นตัวเมืองในเขาใหญ่ และเป็นโรงแรมระดับ สี่ดาวส่งสัยเพื่อนผมคงจะมาเที่ยวแน่ๆ
 
 
           "ครูสมชาย ครูประพันธ์ครับ ผมขอตัวไปหาเพื่อนผมหน่อยนะครับ" ผมพูดและลุกขึ้นผมเดินทางผู้ชายสองคน อีกคนดูยังเด็กๆอยู่เลยดูน่าจะรุ่นเดียวกับคริสโตเฟอร์ ทั้งคู่กำลังก้มลงดูอะไรด้วยกันหัวนี้แถบจะชนกันผมว่าไม่ใช่แค่เพื่อนกันธรามดาแล้วแหละ
 
           "รชานนท์" ผมเรียกเพื่อนผม ไอ้รชานนท์สะดุ้งพร้อมกับเงยหน้าขึ้นเขาตกใจมากที่เจอผมที่นี้เช่นกัน
 
           "เฮ้ยไอ้เขม!!!...เป็นไงมาไงทำไมมาเจอที่นี้วะ..." เพื่อนผมลุกขึ้นผมเดินอ้อมไปนั่ง
 
           "นายละเป็นไงบ้าง" ผมถามเพื่อนผมและสายตาเหล่มองไปยังร่างเล็กๆน่ารักที่นั่งเคียงข้าง
 
           "ลืมแนะนำ นี้ออกัส เป็นแฟนกรูเอง" ไอ้รชานนท์บอกว่าน้องที่นั่งข้างๆ ดัดฟันน่ารักเชียว
 
           "ดูยังเด็กๆอยู่เลยอย่าบอกนะว่านายไปคว้ามาจากโรงเรียนนะ" ผมแซวเพื่อนผม มันหันไปยิ้มกับน้องออกัส
 
           "กูยอมรับว่าเขม..ว่าแต่มึงกับกานต์เป็นไงบ้างวะ..ตั้งแต่เจอกานต์หวีนเหวี่ยงพวกกูไม่กล้าติดต่อมึงกันเลยวะ" ไอ้รชานนท์พูดผมยิ้มให้
 
           "กูกับกานต์เลิกกันแล้ววะ"
 
           "เอาจริงดิ..มึงอย่าหลอกเพื่อนมึงนะโว้ยย..กูเห็นมึงรักเขามากจนปลีกตัวออกจากพวกกู"
 
           "ไม่ใช่รักมากธรรมดาทั้งรักและเทอดทูนพี่ณัฐกานต์ซะจนพวกกูนี้คิดว่าเขาทำของใส่มึงแน่ๆวะ" นี้มันประชดผมใช่ไหมเนี๊ยะ
 
           "ที่กูปลีกตัวเพราะว่าหลายอย่างวะ..กูทำงานพิเศษ...เก็บเงินอยากจะมีอนาคตกับกานต์ให้เร็วที่สุดแต่..อย่ารู้เลยวะ"ผมพูดกับไอ้รชานนท์มันก็พยักหน้าว่าคงไม่อยากฟังเรื่องไม่ดีของณัฐกานต์สักเท่าไหร่
 
           "มึงทำงานอะไร...ยังเป็นครูที่ติวเตอร์อยู่ไหมวะ" ไอ้รชานนท์มันถามผม
 
           "มาบรรจุเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนและกูคงจะได้กลับไปเป็นอาจารย์ที่ติวเตอร์ว่ะ กูงานเข้า" ผมพูดไอ้รชานนท์มันเอนหลังไปผิงพนักโซฟามองหน้าผม
 
           "พี่นนท์ ..กัสออกไปโทรหาแม่ก่อนนะแม่โทรมา" น้องเขาขอตัวออกไปโทรศัพท์
 
           "เรื่องอะไรวะร้ายแรงขนาดที่มึงต้องย้ายกลับไปเป็นครูที่ศูนย์ติวเตอร์เลยเหรอวะเขม"
 
           "มึงนะตั้งใจอยากบรรจุเป็นครูมากกว่าติวเตอร์ไม่ใช่หรือไง..ไม่อย่างนั้นคงไม่ไปสอบใบประกอบวิชาชีพครูหรอก" รชานนท์พูดบางคนก็เลือกไปสอบบางก็ไมได้ไปสอบถ้าคิดจะไปทำอย่างอื่นที่มีรายได้ที่ดีกว่า
 
           "กู...รักกับนักเรียนวะและตอนนี้ทุกคนรู้แล้ว คือถ้าไม่มีใครรู้มันก็คงไม่มีปัญหา" ผมพูดกับรชานนท์เพื่อนผม มันก็ทำสีหน้าเหมือนจะตกใจและแปลกใจไปพร้อมๆกัน แต่รชานนท์มันก็ยิ้มให้ผมนะ
           
           "อันที่จริงนะ ครูรักกับนักเรียนมันก็ไม่ได้ผิดมากจนถึงขั้นคอคาดบาดตายหรอก"รชานนท์พูดบอกผม
 
           "แต่ควรจะปิดเป็นความลับแล้วมึงไปทำอีท่าไหนวะให้ความลับรั่วไปได้" รชานนท์ถามผม
 
           "กูโคตรเครียดเลยวะหาทางออกไม่ได้เลยเนี๊๊ยะ..น้องเขายังเรียนอยู่ม.4 อยู่เลย อันที่จริงก็ควรจะขึ้นม.5แล้วแหละแต่โดนพักการเรียนไปหนึ่งเทอม" ผมบอกไอ้รชานนท์
 
           "เขม...ออกัสแฟนกรูนะอายุครบ 17 เมื่อเดือนที่แล้วเอง"
 
           "นี้กูกับแฟนจะไปเรียนเมืองนอกกัน" ไอ้รชานนท์พูด
 
           "พ่อแม่กูกับพ่อแม่น้องเขารับรู้เรื่องความสัมพันธ์ของกูสองคนเรียบร้อยแล้ว"
 
           "ออกัสนะกูเจอกันเขาที่เรียนม.4 กูก็แอบคบกันนะแต่อย่างว่าและมันจะปิดได้นานแค่ไหนจริงไหมวะกูเลยให้น้องเขาไปสอบ GED ไม่ต้องรอจบม.6 นี้ไปสอบTOFEL มาแล้วด้วย กำลังจะไปเรียนเมืองนอกเดือนหน้านี้แหละวะ"รชานนท์บอกผม GED
 
           "มึงสนใจใช่ไหมละ " รชนทท์พูด น้องออกัสเดินกลับมาพอดีเลย
 
           " GED คือ General Educational Development เป็นการสอบที่เทียบเท่ากับวุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลายในประเทศไทย ตามหลักสูตรการศึกษาของสหรัฐอเมริกา เป็นที่ยอมรับในการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีภาคภาษาอังกฤษ (International Program) นักเรียนอาจจะรู้จัก GED ในคำอื่น เช่น High School Diploma, Equivalent M.6,  "รชานนท์มันอธิบายให้ผมฟัง ผมพยักหน้าผมเคยได้ยินมาบ้าง
 
           "แล้วไปสอบที่ไหนวะ"
 
           "ศูนย์ที่ใช้ในการสอบก็ที่ The Enterprise Resources ชั้น 3 อาคารชาญอิสระ 2 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ " ผมรู้จักผมเคยผ่านไปที่นั้น
 
           "สอบยากไหมวะ" ผมถามไอ้รชานนท์
 
           "ตอบได้ว่ายาก เพราะว่าข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดแต่มึงเป็นครูสอนภาษาอังกฤษกลัวอะไรวะจับน้องติวดิวะ ภาษาอังกฤษมึงนะพี่ที่ติวเตอร์เอ่ยปากชมเลยนะ" ไอ้รชานนท์บอกผม
 
           "และพวกไอ้เกรท มันก็ไปเป็นครูสอนติวเตอร์ให้กับสถาบันสำหรับคนที่จะไปสอบGED โดยเฉพาะ พวกมันเก่งนะแต่ไม่อยากไปสอบใบประกอบวิชาชีพ บางแขนงเรียนมาก็ยากกว่าจะจบมาได้พอจบมาอยากเป็นครูต้องไปสอบใบประกอบวิชาชีพครูอีก"
 
           "ดังนั้นจะหาครูเก่งๆเฉพาะทางมาเป็นครูสอนก็คงจะยากเพราะบางแขนงวิชากว่าจะเรียนจบใช้เวลาตั้ง 5ปี 6ปีให้มาสอบใบประกอบวิชีพอีกบางคนก็ไม่เอาแล้วเหนื่อยหันไปทำอย่างอื่นดีกว่า "
 
           "และพวกไอ้เกรทมันเลยเลือกเป็นติวเตอร์ดีกว่าวะสบายใจไม่ต้องมาแบกรับ..ไหนจะปัญหานักเรียน..ไหนจะปัญหาผู้ปกครอง .ไหนจะกฏระเบียบ.มันก็เยอะอยู่เหมือนกันที่ต้องแบกนะถ้าไม่ใจรักและอดทนจริงๆคงเป็นอยากวะ " พอดีน้องออกัสเดินกลับมานั่งลงข้างๆ รชานนท์
 
           "นี้ตัดสินใจไปเรียนปริญญาโทเมืองนอกจบมาจะได้หาอะไรที่ดีกว่าเพื่อจะเปิดติวเตอร์บ้างอะไรแบบนี้และไปดูแลออกัสด้วย" รชานนท์พูดก่อนหันไปเอามือแตะหัวคนข้างๆที่ยิ้มจนเห็นเหล็ดดัดฟัน
 
           "อายุเท่าไหร่ถึงจะสอบได้" ผมถามรชานนท์และน้องออกัสก็หันมายิ้มให้ผม
 
           "อายุ 17 ปีครับพี่... ออกัสเพิ่งจะไปสอบมา...กว่าจะสอบผ่านได้ เสียเงินไปสอบตั้งหลายรอบออกัสไม่เก่งเคมีนะครับ" ออกัสพูด และยิ้มๆ ถ้าไม่ผ่านก็สอบใหม่และเสียเงินนี้เอง
 
           "มีสอบทั้งหมด 5 วิชา คือ Mathematics เลข ,Reading การอ่าน, การเขียน Writing, Social studies สังคม, และ Science วิทยาศาสตร์"
 
           "พี่เคยได้ยินนะแต่ไม่เคยสนใจเพราะว่าส่วนตัวพี่คิดว่ามันเร็วไปควรไปตามสเต็ปของการเรียนแต่ตอนนี้พี่อยากจะ..." ผมพูดบอกออกัส
 
           "พี่เขมเขากินเด็กเหมือนพี่อะ" รชานนท์หันไปบอกแฟนมัน น้องเขาก็พยักหน้าเข้าใจทันทีและหันมายิ้มโชว์เหล็กดัดฟัน
 
           "จริงเหรอครับ ....ออกัสนะเข้าใจนะมันอึดอัดมากเลยกลัวเพื่อนเอาไปบอกคนนั้นคนนี้และเวลามีแฟนเป็นครูมักจะโดนมองว่าแฟนจะลำเอียงให้คะแนนหรือเปล่า" ออกัสพูดผมพยักหน้า
 
           "จริงๆแล้วไม่ใช่เลย ให้งานยากกว่าและคะแนนก็ต้องได้มาด้วยความสามารถตัวเองล้วนๆ เผลอๆจะยากกว่าคนอื่นด้วยและต้องมานั่งติวเพิ่มทุกวันแต่ตอนนี้สบายใจแล้ว" ออกัสพูดและหันไปมองคนข้าง
 
           "ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่เหรอครับออกัส"
 
           "ถามกูนี้กูจ่าย ..หมื่นกว่าบาทไม่เกินสองหมื่นและขึ้นอยู่กับเรทอัตราแลกเปลี่ยนวะ"
 
           "ค่าสมัครล่าสุดที่กูพาออกัสไปนะ อยู่ที่  วิชา $50 หรือประมาณ 1620บาท ต่อรายวิชา"
 
           "และก็ขึ้นอยู่กับว่าต้องสอบกี่ครั้งเพราะว่าคะแนนเต็มเนี๊ยะ 800 คะแนนต่อรายวิชาต้องสอบให้ได้ ขั้นต่ำ 410คะแนนรวมทั้งห้าวิชาต้องได้ 2250 คะแนนคือสรุปแต่ละวิชาต้องได้อย่างต่ำ 450 คะแนนขึ้นไป " รชานนท์พูด
 
           "เรียนจบไปต่อที่ไหนได้ไหมถ้าไม่ไปต่างประเทศ " ผมถามต่อ
 
           "ก็ไปต่อหลักสูตรนานาชาติ มหาวิทยาลัยอินเตอร์ แต่ก็ต้องสอบ TOEFL (iBT) ,IELTS และSAT 1 " ราชานนท์บอกผม
 
           "หลักสูตร มหาวิทยาลัย นานาชาติมหิดล (MUIC) หรือไม่ก็ หลักสูตรที่เป็นภาคภาษาอังกฤษอะไรพวกนี้ ธรรมศาสตร์และจุฬาลงกรณ์" รชานนท์พูด ผมพยักหน้า
 
           “เออ…ไปต่อที่ประเทศออสเตรเลียก็ได้นะโว้ยเขม” รชานนท์พูด ผมก็ต้องยิ้มเพราะว่าคริสโตเฟอร์เขาได้ซิตี้เซ้นออสเตรเลียแล้วตั้งแต่เกิด พ่อเขาทำให้ ดังนั้นถ้าคริสโตเฟอร์โอเคกับทางเลือกนี้ ผมก็ต้องพยายามติดต่อพ่อเขาให้ได้ เพื่อว่าเขาจจะได้ไปเรียนต่อที่นั้น แต่ว่าถ้าข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษหมดแล้วคริสจะไหวไหม
 
           "กลัวอะไรวะเขม .....มึงเก่งกว่าพวกกูอีกแถมมึงยังไปเรียนแลกเปลี่ยนมาตั้งปีหนึ่งเต็ม"รชานนท์บอกผม ผมทำท่าคิด
 
           "อาจารย์อรปรียาเขาเปิดศูนย์ สอนพิเศษติวสำหรับคนที่จะไปสอบGED โดยตรงมึงพาแฟนเข้าไปปรึกษากับอาจารย์ดิวะ พวกไอ้เกรทมันก็เป็นติวเตอร์ที่อาจารย์เปิดนั้นแหละ...แต่ไม่รู้ว่าเกรทมันเข้าทุกวันไหม"ราชานนท์พูดผมพยักหน้า
 
           "เข้าไปคุยกับอาจารญ์ดิวะเขามีแนวข้อสอบและมึงก็ศิษย์คนโปรดเขา...เขาช่วยมึงอยู่แล้วแหละ" รชานนท์พูด
 
           "น้องออกัสครับพี่ขอกระดาษหน่อยได้ไหมครับพี่จะจดเว็ปไซต์อันไหนให้ไอ้พี่เขมมันเข้าไปดู...มันอยากมีเมียเด็กแย่แล้ว" ไอ้รชานนท์พูดผมอยากจะเตะมันจริงๆ เลยและน้องออกัสก็หยิบกระดาษขึ้นมา รชานนท์มันจดให้ผมว่าเข้าเว็ปไซต์ พอผมรีบมาผมดีใจนะที่ได้มาเจอเพื่อนผมวันนี้ ยิ่งเห็นมันหยอกกับน้องออกัสแล้วก็คิดถึงคริสโตเฟอร์
 
           "โทรหากูบ้างละนนท์ " ผมบอกมัน
 
           "มีอะไรโทรหากูได้วะเขม...ปรึกษาได้วะ กรูเข้าใจอยากกดเด็กใจจะขาดเป็นไง ..ติดแต่ว่าเป็นคุณครูลำบากวะ"รชานนท์พูดผมหยักไหล่
 
           "กูต้องไปแล้ววะไว้คุยกันพรุ่งนี้อบรมวันสุดท้ายก็เดินทางกลับแล้ววะ...เฮ้อ!" ผมพูดและพ่นลมหายใจออกมาไม่รู้ว่าผลจะออกหัวหรือออกก้อย เรื่องระหว่างผมกับคริสโตเฟอร์
 
           "โชคดีวะ" รชานนท์พูด
 
           "โชคดีนะครับพี่เขมขอให้แฟนพี่เขมสอบได้ไวไว...เขาคงกังวลเหมือนออกัสอยู่ไม่น้อยหรอก" ออกัสบอกผม ผมก็ส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินออกไป ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูจากที่แถบจะไม่แตะมันเลย เพราะว่าผมเองก็เครียดแต่ไม่อยากแสดงให้คริสรู้ แต่ว่าตอนนี้ผมร้อมแล้วที่จะบอกเขาว่าผมหาทางออกให้เขาได้แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าใจเขาสู้ไหม ไหวหรือเปล่า
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน (ครูเขมXคริส)EP. 20.1 ครูเขมชาติพบทางออกครึ้งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 21-08-2020 12:08:50
EP. 20.1 ครูเขมXคริส  ครูเขมชาติพบทางออกครึ้งหลัง

           KissKhem : อรุณสวัสดิ์นะครับพี่เขม..ผมตื่นมาก็คิดถึงพี่แล้วอะ...วันนี้ผมตื่นแต่เช้าผมลืมไปว่าพี่ไม่อยู่ลืมไปว่าไม่ต้องลุกมาทำอาหารเช้าให้พี่เขม ผมคิดถึงพี่เขมทั้งคืนเลย (8ชั่วโมง)
           KissKhem: พี่เขมทานข้าวเที่ยงหรือยัง ผมอยากคุยกับพี่เขมอะ อยากได้ยินเสียงพี่เขม( 5 ชั่วโมง)
           KissKhem: พี่เขมคริสขอโทษที่ทำให้พี่อึด คริสขอโทษ (1 ชั่วโมง)
 
           "ฮัลโล...คริส"ผมกดโทรหาคริสโตเฟอร์ทันที จากที่ไม่ได้โทรเลยมีส่งข้อความคุยกันแค่นั้น ถามว่าอยากโทรไหมอยากโทรใจจะขาด
 
           "พี่เขม...ฮึก ..ฮึก "
 
           "คริสเป็นอะไรร้องไห้ทำไม" ผมรีบถามคนปลายสายด้วยความตกใจเพราะไม่บ่อยเลยที่จะเห็นว่าเขาร้องไห้แสดงว่าเขาคงหนักมากแล้วจริงๆ
 
           "ผมคิดว่าพี่เขมจะเลือกที่จะ...ทิ้งผมไว้ที่นี้..ผมไม่อยากเสียพี่เขมไปอะ" คริสโตเฟอร์พูด ผมหยุดเดินปลายลิ้นแตะที่ริมฝีปากบน
 
           "พี่ไม่เลือกทิ้งเราแน่นอน..พี่ได้คำตอบแล้ว..พี่กลับไปคุยนะ..แต่คริสคงหนักหน่อย..ใจสู้หรือเปล่า" ผมพูดกับคนปลายสายผมเริ่มมีหวังแล้วใช่ไหม
 
           "สู้ซิ ...ว่าแต่ทางออกของพี่คืออะไรอะ"
 
           "กลับไปถึงแล้วพี่จะคุยกับเราและผู้อำนวยการและแม่ของเราด้วย"
 
           "และถ้าหากทั้งสองฝ่ายเห็นด้วยนี้ก็จะเป็นทางออกของพี่และเราคริสโตเฟอร์" ผมพูดน้ำเสียงที่มีหวัง
 
           "ต่อให้หนักแค่ไหนคริสก็สู้พี่เขม....ผมพร้อมที่จะไปกับพี่นะ"
 
           "แม่จะลงมาวันจันทร์พี่เขม...แม่รู้เรื่องของผมกับพี่แล้ว"
 
           "แม่ว่ายังไงบ้างแม่โกรธหรือเปล่า"
 
           "ไม่อะแม่ไม่โกรธเพราะว่าแม่รักผมจากที่ผมเคยคิดว่าแม่รักผมไหมตอนนี้ผมรู้แล้วพี่เขมว่าแม่รักผมพี่"
 
           "พี่บอกเราแล้วไงว่าไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูกหรอก" ผมพูดผมดีใจที่เขาได้มุมมองความรักของพ่อแม่ซะใหม่
 
           "ผมควรจะพยายามตามหาพ่อด้วยใช่ไหมพี่เขม"
 
           "พี่จะช่วยเรื่องนี้ด้วยแต่ตอนนี้เอาเรื่องของเราให้ผ่านไปก่อน ..นี้พี่กำลังเดินขึ้นห้องพัก"
 
           "พี่ไปไหนมาอะ" เปลี่ยนโหมดทันที
 
           "ไม่ได้ไปไหนอยู่แต่ในโรงแรมไม่มีอะไรหรอกคริส..อ้อพอดีพี่เจอเพื่อนที่เรียนด้วยเขามาเที่ยวกับแฟนเขานะ แฟนเด็กเหมือนพี่ซะด้วย"
 
           "พี่เลยได้คำตอบเพิ่งจะได้เมื่อสักครู่นี้แหละ"
 
           "จริงอะ...คริสหึงอะเห็นหายเงียบนึกว่าไป...."
 
           "ไม่ต้องหึงหรอกมีเด็กคนนี้คนเดียวผมพี่ก็จะหงอกเร็วกว่ากำหนดอยู่แล้ว..พี่นอนไม่ค่อยหลับมาหลายคืนแล้วเนี๊๊ยะ"
 
           "เหมือนคริสเลยนอนไม่หลับเลย..คิดถึงพี่เขมอะ"
 
           "แล้วผมจะไปกับพี่เขมได้ไหมอะวันเสาร์อะ"
 
           "เออ...."
 
           "พี่เขม!!!"
 
           "กลับแล้วเราค่อยคุยกันเรื่องนี้นะคริส..พี่ก็อยากอยู่กับเรานะเคยอยู่ด้วยกันทำไมพี่จะไม่รู้สึกละ"
 
           "นี้อาบน้ำหรือยัง" ผมถามเด็กน้อยอยู่ในสาย เพราะว่าตอนนี้เขากำลังอ่อนแอ ผมรู้ดี ผมเองก็อยู่ไกลเกินไม่อย่างนั้นผมคงจะดึงเขาเข้ามากอด
 
           "ยังอะรอพ่อเขมมาอาบให้" คริสโตเฟอร์เรียกผมว่าพ่อเขม แต่มันกลับทำให้ผมอดขำไม่ได้
 
           "เป็นอะไรก็ได้นะยกเว้นเป็นพ่อได้ไหมพี่แก่อะ" ผมพูด
 
           "ฮาๆ ยังไม่ได้อาบน้ำเลย.."
 
           "อาบน้ำได้แล้วแหละก็นอนซะ"
 
           "นี้นอนที่บ้านพักกับโป้งใช่ไหม" ผมถามคริสโตเฟอร์
 
           "พี่เขมคริสมานอนบ้านพักของพี่นะ...คือ..คือ.." พอคริสโตเฟอร์บอกว่านอนบ้านผม ผมก็ตกใจ
 
           "เกิดอะไรขึ้นคริส" ผมถามด้วยน้ำเสียงซีเรียสมันต้องเกิดเรื่องแน่ๆเลย
 
           "พี่เขมไอ้โป้งมันไม่ได้รังเกียจเรื่องที่ผมเป็นเกย์หรอก..แต่มันโกรธที่ผมเคยบอกแชมป์ไปว่าผมไม่ใช่เกย์มันเสียใจเพราะว่ามัน..มัน..แอบรักผมมาตั้งนานแล้วแต่พอผมบอกไม่ใช่เกย์มันก็เลย..พยายามหยุดความรู้สึกตัวเอง"
 
           "พอมันรู้ว่าผมกับพี่...มันเลยโกรธมาก..และที่ผมไม่กล้านอนกับมันก็เพราะว่ามัน..จะปลั้มผมอะ"
 
           "อะไรนะคริส`!...นี้โป้งทำอะไรเราหรือเปล่า" ผมถามด้วยอาการตกใจ และถ้านายนั้นทำอะไรคริสไปนี้ผมคง เสียใจที่สุดเพราะคริสโตเฟอร์ก็เป็นแฟนของผมโป้งก็รู้ ผมยอมรับว่าโกรธโป้งขึ้นมาทันที 
 
           "เปล่ามันยังไม่ได้ทำ เพราะว่าผมต่อยมันไปจนมันได้สติ...แต่เราคุยกันเข้าใจแล้วมันจะไม่ทำกับผมอีกพี่เขมและมันก็..มีคนที่รักมันแล้วคือไอ้ปันปัน" ค่อยยังชั่วหน่อย ผมค่อยโล่งอกไปหน่อย
 
           "พี่ขอโทษนะคริสที่พี่ไม่ได้โทรหาเราเลยนะ" ผมพูดอย่างรู้สึกผิด
 
           "ใช่พี่เขมผมอ่อนแอมากผมคิดถึงพี่เขมมากผมคิดไปต่างๆนาๆ ว่าพี่กำลังจะ...ทิ้งผมไปเหมือนพ่อ"
 
           "พี่ไม่ทิ้งแน่นอน...เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ก็กลับแล้วนะ" ผมพูดอ่อนคริสโตเฟอร์
 
           "ถ้ากล้วเปิดไฟตรงหัวเตียงไว้ได้นะคริส"
 
           "ครับพี่เขม"
 
           "ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกจากใจเราเองที่กลัวไปเอง...และพี่ก็อยู่ใกล้ๆ ..."
 
           "ใกล้ตรงไหนไกลจะตาย"
 
           "หัวใจไง"
 
           "แหว๊ะ ! แต่ชอบ"
 
           "พี่เขมผมโคตรรักพี่อะพี่รู้ตัวปะ..ขอบคุณนะ นี่ขนาดพี่ไม่อยู่กับผมพี่ยังสั่งกับข้าวไว้ให้ผม แล้วแบบนี้ทำไมผมจะไม่อยากไปทุกที่มีพี่ละ" คริสโตเฟอร์พูด มันทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เมื่อผมได้ยินว่าเขาอยากไปทุกที่ที่มีผม ผมก็อยากไปทุกที่ที่มีเขาเช่นกัน ผมถึงได้พยายามทุกอย่างเพื่อเขา
 
           "หึๆ ..พี่ก็รักเรามากเหมือนกันนะคริส..ไม่เคยรู้ตัวเองมาก่อนเลยว่าจะรักใครได้มากเท่านี้"
 
           "พี่รักผมมากกว่า...ณัฐกานต์แล้วใช่ปะ"
 
           "หึ ?" ผมก็ทำน้ำเสียงแปลกใจในคำถาม แต่ผมก็เข้าใจเขาแหละ
 
           "พี่เขมอะ...แค่อยากรู้...อยากให้รักมากกว่า" บทจะขี้อ้อนนี้ก็อ่อนเป็นลูกแมวเลย
 
           "หึๆๆ "ผมหัวเราะในลำคอแล้วแบบนี้ผมจะหาช่องทางแค่ผมคนเดียวไปได้ยังไง
 
           "รักมากกว่าหลายเท่าเลย...พี่จะเข้าห้องพักแล้วนะนอนได้แล้วคริส....พรุ่งนี้เจอกันแล้วคริส..และห้ามนอนดึกเดี๋ยวจะเรียนไม่รู้เรื่อง "
 
           "ครับครูเขม...กู้ดไนท์นะครับที่รัก"
 
           "กู้ดไนท์ครับที่รัก..พี่รักคริสนะ "
     
        ผมพูดตอบก่อนจะกดวางสายไปผมเดินเข้าไปในห้องพัก ผู้อำนวยการจองห้องพักให้พักได้คนละห้อง ค่าห้องเบิกได้ แต่ผมยังไม่อยากนอนผมรีบเปิดโน๊ตบุ๊กศึกษาเรื่อง GED ทันทีว่าผมควรจะให้คริสโตเฟอร์เตรียมตัวยังไงบ้าง รายวิชาและแนวข้อสอบ เป็นภาษาอังกฤษล้วนๆเลยนิผมนะอ่านเข้าใจแต่ ผมต้องเน้นภาษาอังกฤษให้คริสโตเฟอร์เยอะ ผมคงต้องให้ไอ้เกรทเพื่อนผมช่วยเรื่องสังคมศาสตร์ มันเป็นติวเตอร์ด้านนี้
 
        Email : To เกรท
                   เกรทนี้เขมนะ มีเรื่องให้ช่วย  เขมสนใจเรื่องการสอบ GED อยากได้รายละเอียดวิชาและถ้าเป็นไปได้อยากให้นายติวให้แฟนเราหน่อยจะพาไปสอบ GED รบกวนติดต่อกลับหาเขมด้วยนะ ขอบคุณล่วงหน้าเกรท
 
                       เขมชาติ
 
 
     ผมส่งข้อความหาเกรททางอิเมลและเปิดเว็ปไซต์ที่รชานนท์ให้ผมมา คำถามเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆเลยครับ ผมเริ่มกังวลแทนคริสโตเฟอร์
 
            Rrrrrr มือถือผมดังขึ้นเบอร์ เกรท เพื่อนที่ถือว่าสนิทของผมแม้จะไม่ได้คุยกันได้สักพักเนื่องจากต่างคนก็ต่างมีงานมีหน้าที่ต้องที่จะต้องทำ
 
           "ดีวะเขม...กูเพิ่งวางสายจากไอ้นนท์ ...ดีใจด้วยนะที่มึงเลิกงมงายซะที" มาถึงนี้มันก็แสดงความดีใจที่ผมเลิกกับณัฐกานต์ทันทีผมจำได้ว่าณัฐกานต์ด่ามันไว้เยอะและนั้นคือสาเหตุให้ผมกับพวกเพื่อนห่างกันด้วย
 
           "กูไม่ได้อยากซ้ำเติมมึงนะ...แต่กูคิดว่ามึงต้องเลิกเพราะว่าเมียมึงแรด" T_T เกรทมึงชมเขาตรงไปไหม ไอ้นี้มันปากไว เลยทำให้ทะเลาะกับณัฐกานต์บ่อย
 
           " กูเห็นหลายครั้งแล้วแต่พวกกูก็ไม่อยากทำร้ายหัวใจดวงน้อยๆของมึง..เห็นมึงตั้งความฝันไว้สวยหรูแบบนั้น..พวกกูเลยเลือกที่จะไม่พูดเพราะว่าพูดไปก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อพวกกูไหมนะซิ"
 
           "พวกกูเห็นณัฐกานต์เข้าไปหาอาจารย์ผู้ชายเพื่อให้ได้มาซึ้งเกรดดีดีหลานครั้งแล้วและกูได้ยินเพื่อนๆมันนะนินทากันเองว่าเกรดที่ได้นะไม่สมกับความสามารถเลยเอาตัวแรกมาชัดชัดและที่สำคัญนะกูเห็นหลายต่อหลายครั้งแล้วที่ไปกับคนนั้นคนนี้ นี้กูก็ไม่อยากพูดเพื่อตอกย้ำมึงเลยวะเขม"
 
           "เกรท..มึงพูดไปหมดแล้วแหละ" ผมเกาหัวตัวเองไม่ได้ตอกย้ำกูเลย!!
 
           "lol"
 
           "กูไม่อยากรื้อเพราะว่ากูกับเขาเลิกลาต่อกันไปแล้วเกรท ...ตอนนี้กูมีเรื่องรบกวนให้มึงช่วยกูวะ"
 
           "กูรู้คร่าวๆแล้ว พวกมึงนี้เขาให้ไปเป็นครูนะเว้ย..เขาให้ไปสอนเด็กไม่ได้ให้ไปสอยเด็ก!!"
 
           "และเห็นหน้ามึงเงียบๆนี้ก็ฟาดเรียบเหมือนกันนะครับคุณเขม” เกรทพูด
 
           "กูก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้วะแต่มัน..พูดไม่ถูกวะ..." ผมพูดไอ้เกรทมันเงียบไปพักหนึ่ง
 
           "เออกูเข้าใจวะที่จริงมันก็เป็นเรื่องปกตินะที่ครูจะรักนักเรียนหรือนักเรียนจะรักครูแต่ขึ้นอยู่กับว่าจะควบคุมมันยังไงก็เท่านั้น"ไอ้เกรทพูด
 
            “และนี้กูก็เพิ่งหาทางออกให้ไอ้นนท์ไปมึงเข้ามาต่อคิวเลยเหรอวะ ..กูลากออกไปเป็นศิราณีดีกว่าไหมวะ.....ไม่เป็นแล้วครูติวเตอร์เนี๊ยะ" ไอ้เกรทมันพูดขำ ขำ
 
              "ตอนนี้กูต้องขอให้มึงช่วยแล้วเกรท" ผมพูด
 
             "เออว่ามา"ไอ้เกรท
 
             “กูอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับการสอบ GED วะพวกหนังสือ แนวข้อสอบยิ่งละเอียดยิ่งดีแต่ว่าTOEFL (iBT) ,IELTS และSAT 1 อะไรพวกนี้กูมีประสบการณ์กูพอจะติวน้องได้เอง ” ผมบอกไอ้เกรทไป
 
           "มึงเข้ามาวันเสาร์นะตอนสายๆหน่อยอาจารย์อรปรียาเขาจะเข้ามาที่บ้านติวเตอร์GED ..อาจารย์เขายังถามถึงมึงอยู่เลยนะ"
 
           "แต่กูบอกว่าเมียมึงดุ๊ ดุ กูไม่กล้าโทรวะ"
 
           "เขาไม่ใช่เมียกูแล้ว"
 
           "อดีตเมียมึงดุ!"
           
           "แต่กูรู้สึกผิดวะที่ไม่ได้ไปหาอาจารย์เลยจะไปหาทีก็มีเรื่องถึงจะได้ไป"
 
           "เอานะกูว่าอาจารย์เข้าใจ..ส่วนเรื่องติวสังคมกูติวให้...เดี๋ยวมานัดกันอีกทีว่าน้องเขามาให้กูติวให้วันไหน"
 
           "แต่ถ้าติวไปติวมาน้องเขาหลงกูไม่รู้นะเว้ย"
 
           "กูเชื่อว่ามึงคงไม่อยากให้หลงหรอกเพราะไม่ได้บอบบางเหมือน น้องออกัสไอ้นนท์นะมึง"
 
           "แล้วมึงไปหานักมวยปล้ำที่ไหนมาทำแฟนละครับ ...รสนิยมมึงนี้แปลกแหวกแนวตั้งแต่ณัฐกานต์แล้ว"
           
           "ความรักนะมันออกแบบไม่ได้มึงเข้าใจไหมวะเกรท...อ้อมึงออกแบบได้นิกูลืมไป..แฟนสวยยังกับนางฟ้า" ผมพูดแซวมัน
 
           "กูต้องมีดีบ้างแหละ" ไอ้เกรทพูด
 
           "กูขอบใจวะเกรท...ขอบใจล่วงหน้าวะ"
 
           "เออ..เพื่อนกันมีอะไรก็ช่วยกันวะ....ที่จริงมึงมาเป็นครูสอนติวเตอร์ที่อาจารย์อรปรียาก็ดีนะ"
 
           "ขอคิดดูก่อนวะถ้าไม่แน่กูจะไปหรือเปล่า..นี้คุณธรรณธรเขาส่งอิเมลหากูด้วย"
 
           "เชร็ด!! มึงตอบตกลงไปไหมวะ" น้ำเสียงไอ้เกรทมันดูเป็นกังวลมากที่ผมพูดถึงพี่ธรรณธร
 
           "มีอะไรวะ"
 
           "คุณธรรณธรนะเขาเป็นเกย์...เขาขอเบอร์มึงจากพวกกูหลายครั้งแล้วแต่กูบ่ายเบี่ยงไม่ให้ไปแล้วนี้เขาไปเอาอิเมลจากมึงมาได้ยังไงวะ"
 
           "กูไม่รู้วะ ...คงเพราะว่าตอนที่ไปทดลองเป็นติวเตอร์ให้เขาก็มีส่งเอกสารทางอิเมลกับออฟฟิตวะ"
 
           "ระวังก้นมึงให้ดีเถอะไอ้เขม" O_O รู้สึกดีขึ้นทันทีเลยผม
 
           "กูรู้หรอกนะ....กูขัดขืนเป็น..และกูก็คงไม่ลงทุนขนาดนั้นต้องไปพลีกายให้เขาหรอกมั้งครับ..ไอ้เกรท"
 
           "อ้อเพราะว่ามึงพลีกายให้เด็กไปแล้วอะดิ.....ว่าแต่เด็กของมึงอายุเท่าไหร่แล้ววะ"
 
           "จะ17 ปี เต็มแล้ว"
 
           "อีกตั้งปีหนึ่ง ตอนนี้ก็ไอคุก ไอคุกไปก่อนว่ะ" ดูมันพูดให้กำลังใจผมดีจริงๆ
 
           "ขอบใจ!" ผมพูดกัดฟันเล็กน้อย
 
           "แค่นี้ก่อนนะ...กูต้องต้องเข้านอนแล้ววะถึงจะสอนไม่เช้าแต่ก็ต้องตื่นเช้าไปส่งว่าที่ภรรยาไปเป็นครูที่โรงเรียนนะเว้ยเห้ย" ไอ้เกรทมันมีแฟนแล้วเป็นครูสอนอยู่โรงเรียนนานาชาติ
 
           "มีอะไรโทรมาวะเขม..มาแล้วไปหาอะไรกินกัน..คิดถึงวะ"
 
           "ได้ดิ..เจอกันวันเสาร์วะ ...บายวะ"
 ผมวางสายจากเกรท ผมคงต้องขอให้ครูลินดอยู่เวรโรงเรียนวันเสาร์ให้ผมก่อนและวันอาทิตย์ค่อยกลับมาอยู่เวรแทนครูลินดา ผมต้องพาคริสโตเฟอร์ไปกรุงเทพพรุ่งนี้ด่วน
 
       ผมเข้าไปดูตัวอย่างข้อสอบที่หนักหน่อยคงเป็นคณิตศาสตร์ ถ้าเป็นภาษาไทยคงไม่หนักอกหนักใจแต่นี้ภาษาอังกฤษล้วนๆ ต้องติวภาษาอังกฤษให้คริสโตเฟอร์อย่างหนักเลยแหละผม เพราะถ้าแปลผิดก็หาคำตอบที่ถูกไม่ได้แน่ๆ


        Question 7: Last month, the balance in Tisha's checkbook was $1219.17. Since then she has deposited her latest paycheck of $2425.66 and written checks for $850.00 (rent), $235.89 (car payment), and $418.37 (credit card payment).
 
What is the current balance in Tisha's checking account?
1.$921.40
2.$2,140.57
3.$3,215.27
4.$3,929.92
5.$5,149.09
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ข้อมูลเกี่ยวกับการสอบ GED ถ้ามีข้อมูลใดผิดพลาดไป ผู้แต่งต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน(ครูเขม Xคริส)EP.21ทำให้ผมไม่กล้าทิ้งนักเรียนไปจริงๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 21-08-2020 18:42:01
EP.21 ครูเขม Xคริส ทำให้ผมไม่กล้าทิ้งนักเรียนไปจริงๆ

Part คริสโตเฟอร์
                      เมื่อคืนผมได้นอนกันเกือบตีสองช่วยกันทำบอร์ดใครต้องการลงชื่อเพื่อให้ครูเขมยังคงเป็นครูสอนที่นี้กันบ้างและผมก็เชื่อว่าต้องมีคนมาลงกันบ้างผมเชื่ออย่างนั้น และเมื่อวานผมก็ได้คุยกับครูเขมด้วยจากที่ครูเขมใจแข็งไม่โทรหาผมเลย แต่ผมก็ไม่ได้บอกครูเขมเรื่องสิ่งที่ผมทำ ครูเขมบอกผมว่าที่ไม่ได้โทรหาผมก็เพราะครูไม่อยากให้ผมรู้ว่าครูกังวลกับเรื่องของผมมากแค่ไหน ครูเขมบอกผมว่าได้คำตอบแล้วผมนี้ตื่นเต้นจนทนรอไม่ไหวอยากรู้ใจจะขาดแต่ก็ต้องรอเพราะครูเขมคงเดินทางกลับบ่ายๆนั้นแหละ
 
         ผมตื่นแต่เช้าตรู่รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกที่ลานเอนกประสงค์ ผมมาเดินดูผลงานตัวเอง ผมไม่ขอให้มีคนเห็นใจความรักของผมแต่ผมต้องการสื่อให้เขารับรู้ว่าครูเขมทำให้ผมดีขึ้นมากแค่ไหน และนั้นแปลว่าครูเขมเป็นครูที่มีคุณภาพมากเช่นกัน
 
          "พวกเรามาดูบอร์ดนี้ซิ!"
 
           "นี้พี่คริสเป็นคนเขียนอะแกไหนใครบอกว่าแกไม่เคยเข้าเรียนภาษาอังกฤษไงเขียนดีกว่ากูอีกวะ"
 
           "ไหนอะ..เออวะ..แต่กูแปลไม่ออกวะ" ผมก็ต้องยกมือขึ้นแตะหน้าผาก
 
           "เฮ้ยมีแปลไทยให้ด้วย...นี้ไง "และก็กรูกันเข้าไปอ่านที่ผมแปลกไว้ให้ด้วยเป็นภาษาไทย
 
           "ใครอยากให้ครูเขมเป็นครูที่นี้ต่อให้ลงชื่อว่ะ”นักเรียนที่มาแต่เช้าพากันมาอ่านที่บอร์ดที่พวกผมทำกันเมื่อคืนเลยพากันนอนดึกเป็นแถว ผม ไอ้โป้ง ไอ้ปันปัน ไอ้อาร์ทและไอ้โจ ผมนี้โชคดีที่มีพวกมันเป็นเพื่อนและยังมีพวกเด็กที่มาเล่นบาสกับพวกผมอีก นี้มันก็บอกเดี๋ยวค่อยมาลงให้ ก็เกือบยี่สิบคนได้ และพวกที่อยู่บ้านพักบางหลังก็ผมเคยไปช่วยมันซ่อมท่อน้ำ ซ่อมเปลี่ยนฝักบัวให้ มันก็จะมาลงให้ผมด้วย แต่ผมอยากได้จำนวนเยอะๆนี้ซิ ผมได้แต่ยืนลุ้น ว่านักเรียนที่นี้อยากเรียนกับครุเขมไหม
 
          “ลงชื่อด้วยดีไหมอะแก”
 
          “แต่ครูเขมเขา”
 
          “ครูเขมสอนดีวะฉันเคยไปเรีนนติวเตอร์กรุงเทพนะ แพงมากสอนดีด้วยเหมือนที่ครูเขมสอนเปรี้ยบเลยว่ะ"
 
          “แต่เรื่องพี่คริสกับครูเขมละ”
 
          “ฉันก็ไม่เห็นว่าพี่คริสกับครูเขมจะมีอะไรน่าเกลียดสักหน่อย”
 
           “เพราะว่าตอนที่ครูอยู่โรงเรียนเขาก็เป็นครู..มีแต่อีแก้มนั้นแหละที่เที่ยวไปโพยทะนาว่าครูเขาอย่างนั้นอย่างนี้ และพี่คริสก็ไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียดแบบที่อีแก้มพูดซักหน่อย “
   
       ผมยืนอยู่ผมได้ยินพวกเด็กรุ่นน้องคุยกันเรื่องตัดสินใจลงชื่อหรือไม่ลง จนพวกไอ้โป้งมันเดินออกมากับปันปั่น มันออกมาแต่เช้าเหมือนกันและพวกไอ้อาร์ทและไอ้โจด้วย ไอ้อาร์ทมันถือโทรโข่งมาด้วยและมันก็ขึ้นไปยืนบนโต๊ะนั่ง
 
           "ฟังทางนี้ครับฟังทางนี้)))) " ไอ้อาร์ทมันเรียกความสนใจทุกคนที่ถยอยกันเข้ามานั่งที่ลานเอนกประสงค์ ทุกคนหันมามองมัน ณ จุดเดียว
 
           “โอ๊ย!!” มันพูดดังไปหน่อยหนวกหูเลยผม ผมก็ต้องเอามือขึ้นป้องหูไว้ด้วย และนักเรียนทุกคนที่นั่งอยู่ที่บริเวณลานเช่นกัน  ไอ้โป้ง ไอ้ปันปัน และไอ้โจมันเดินมาหาผม ไอ้โป้งมันกอดคอผม ผมหันไปพยักหน้าเป็นเชิงว่าขอบคุณพวกเพื่อนๆของผม ไอ้โจส่งสัญญาณให้อาร์ท
 
           "ขายอะไรอะเพ่" พวกรุ่นน้องม.ต้น ตะโกนถามไอ้อาร์ท
 
           "ลำไยหว้าน หวานๆ แตงโมหวานฉ่้ำๆ ส้มกินได้บางลูกมาแล้วจร๊า" ดูมันหันไปตอบเขาผ่านโทรโข่ง
 
           "เว้ย!!.ไม่ได้มาขายเฟ้ย...แต่..."
 
           "พี่มีเรื่องวะ!!" อ้าว พวกผมหันมามองหน้ากัน
 
           "เว้ยย!!!" น้องพากันร้องและรีบเก็บกระเป๋าพร้อมกับ   "คลื้น" ไอ้อาร์ทน้องๆพากันลุกจากเก้าอี้
 
           "ไอ้อาร์ท!!!" พวกผมหันไปเรียกชื่อมัน
 
           "เดี๋ยวใจเย็นๆ..พี่มีเรื่องมาขอความร่วมมือจากน้องๆ ..นั่งลงฟังพี่ก่อน..เห็นหน้าตาพี่หาแต่เรื่องแบบนี้พี่มีโมเม้นเด็กดีนะครับ" ไอ้อาร์ทมันพูดออกโทรโข่ง
 
           "มีพี่ที่ไหนมีเรื่องที่นั้นทุกที" เด็กมันตะโกนมา
           
           “นี้มึงชมพี่เหรอครับ” ไอ้อาร์ทมันถามน้องแบบขำๆ
 
           "วันนี้ไม่มีวันนี้พี่งด.." ไอ้อาร์ท
 
          “น้องๆครับพี่คิดว่าทุกคนอยากได้ครูเก่งๆไว้คอยให้ความรู้ แต่ไม่ใช่ว่าครูที่น่ารักท่านอื่นไม่เก่งนะครับเก่งแต่เรอยากได้ครูเก่งๆอยู่กับพวกเราเพิ่มถูกต้องไหมครับ"
 
           "และพี่ก็เชื่อว่าน้องนะต้องรู้ว่าพี่หมายถึงใคร นั้นก็คือครูเขม"
 
           "ครูเขมนะเขาตั้งใจสอนพวกเราแค่ไหนและพี่ว่าพวกเรารู้ดี "
 
           "แต่อย่าให้พวกเราต้องเสียครูดีดีและเก่งๆ ไปเพราะคนคนเดียวเลยนะครับน้องๆ" ไอ้อาร์ทมันพูดและโบ้ยปากไปทางแก้มที่ยืนกอดอกมองมาทางพวกผม  แปลกนะผมเห็ยยืนคนเดียวปกติจะมีเพื่อนแต่วันนี้ไม่มี
 
           " ถ้าน้องๆเห็นด้วยกับพี่....ลงชื่อที่บอร์ดเลยนะครับเพื่อครูเขมจะได้อยู่กับพวกเรา” ไอ้อาร์ทพูดผมยกนิ้วให้มันเพราะว่ามันพูดได้ดีถูกใจผมมาก นักเรียนหลายคนก็ถยอยเดินเข้ามาตรงบอร์ดเพื่อจะทำการลงชื่อ ผมหันไปเห็นครูลินดากับครูถาวรยืนอยู่เขายกนิ้วให้ผมว่าทำดีมาก ตอนนี้บนบอร์ดมีรายชื่อพวกผม5คนแล้ว
 
      “ พี่ผมลงได้ปะ”เสียงอนุชิตวิ่งมาขอพวกผมลงชื่อ พวกผมหันไปมอง
 
       “ได้ดิ...อะ..ปากกา” ไอ้โจมันพูดและส่งให้อนุชิตก็รับไปแต่
 
       “พี่...ผมเขียนไม่ถึงอะ” o_o  เออมันเตี้ยลืมไปบอร์ดกับไซส์ของมันช่างต่างกันมาก
 
       “ถ้ารู้ว่าเกิดมาเตี้ยทำไม่พกเก้าอี้มาด้วย...ลำบากูอีก...ถอดรองเท้าด้วยนะ”ไอ้อาร์ทพูด
 
           "เตี้ยแล้วยังทะลึ้งลงอันดับต้นๆซะด้วย" ไอ้อาร์ทมันลงทุนให้ขึ้นไปเหยีบบหลังมันและลายเซนต์ที่6 ก็ปรากฏขึ้น
 
          “ครูลงด้วยได้มั้ย” ครูลินดาถามพวกผมก่อนจะเดินมาหยิบปากกาคนละแท่งและส่งให้ครูถาวร พากันไปลงชื่อที่บอร์ดเช่นกัน
 
          “พี่คริส..พวกเราด้วย”น้องที่ผมเรียนด้วยอีกเกือบ 10คนและมีกลุ่มอื่นอีกหลายกลุ่มมารอด้วยเช่นกัน ผมหันไปเห็นแก้มยืนมองผม ผมแค่แสยะยิ้มให้แค่นั้นและเด็กม.ต้นที่ครูเขมสอนก็ถยอยมาลงชื่อกันอย่างต่อเนื่อง ทุกคนให้เหตุผลต่อท้ายว่าครูเขมสอนดีอยากเรียนกับครูเขมกันทุกคน
 
          “ครูโจ้สวัดดีครับ” พวกผมไหว้ครูโจ้ ครูโจ้เดินมามองที่บอร์ดก่อนจะเดินไปขอปากกาเพื่อทำการลงชื่อด้วย
 
          “ครูโจ้คิดอะไรกับครูเขมปะเนี๊ย!”ไอ้อาร์ทมันแซวระหว่างที่ครูโจ้กำลังลงชื่อ
 
          “คิดซิ!...ไม่คิดจะมาลงเหรอ”
 
          “ว๊าก!!!” ทั้งครูโจ้และไอ้อาร์กับไอ้โจ
 
          “คิด! แต่คิดว่าเสียดายครูเก่งอย่างครูเขม..พวกนี้นิทำครูเขวนะเนี๊ยะ..อย่าพูดไปเมียยิ่งระแวงอยู่”ครูโจ้หันมาพูดกับพวกผม
 
           "เป็นคนรักเมียนะเว้ยเฮ้ย!!" ครูโจ้พูด
 
           “ครูโจ้ขอบคุณนะครับ”ผมพูด
 
          “ไอ้หนูป้าลงได้ไหมลูก” ผมหันไปมอง ป้าใจร้านขายข้าวที่ครูเขมชอบสั่งข้าวป้าแกทุกวันขนาดว่าตัวไม่อยู่ยังสั่งข้าวสั่งกับข้าวและจ่ายไว้ให้ผมเรียบร้อยเลยด้วย
 
           “ครูเขมแกเป็นคนน่ารัก อัธยาสัยดี น่ารัก หล่อด้วย..พูดจาก็ไพเราะเสียดายนะที่ป้าไม่มีลูกชาย...ไม่อย่างนั้นป้าขอไปเป็นแฟนลูกป้าแล้วแหละ” ผมต้องยืนเกาหัวแกร๊ก
 
           “ผมว่าป้ากลัวไม่มีคนสั่งข้าวหรือเปล่า” ไอ้อาร์ทมันถามป้าใจ
 
           “นี้ก็ด้วยครูสั่งเยอะดี ครูเขมนี่นะลูกค้าชั้นดีของป้าเลยนะ...ทำไมจะไม่......." O_? =O= O_?
 
           "..ว้าย!...ดูพูดเข้าซิ..เขาก็รู้หมดนะซิว่าป้า..คิดแบบนั้น...เอาปากกามาจะรีบลงไม่มีคนเฝ้าร้านอยู่..เด็กพวกนี้นิ “ป้าหันมาจะตีไอ้โจ้ แม้กระทั้งแม่ค้าขายข้าวยังขอมาลงชื่อเลย
 
           "มาลงด้วยซิป้าใจเอาปากกามา" บรรดาแม่ค้าในห้องอาหารครูเขมแกเป็นคนนอบน้อมถ่อมตน
 
           “ครูนิดหวัดดีครับ” ครูมาหยุดอ่านที่บอร์ดก่อนจะเดินไปหยิบปากและมาลงชื่ออีกคน
 
           "ครูดีใจแทนแม่เธอนะคริสโตเฟอร์รู้ไหมว่าแม่เธอเป็นห่วงเธอมากจริงๆ...และครูก็เชื่อว่าครูเขมทำให้เธอดีขึ้นได้จริงๆ แม่คงดีใจด้วยเช่นกันและเขาก็คงหมดห่วงที่จะมีคนดูแลเราแทนเขา แต่อย่าลืมดูแลเขาเป็นการตอบแทนกลับละในวันที่เธอมีโอกาส" ครูนิดพูดผมพยักหน้า ครูนิดเป็นเพื่อนของแม่ผมและเป็นคนแนะนำให้แม่พาผมมาเรียนที่นี้
 
           “ลุงลงได้ไหมวะ” ลุงแช่มรนขับรถเดินมาขอลง
 
           “ครูเขมแกนิสัยดี วันแรกมาถึงยกมือไหว้เจอทุกเช้าทักทายทุกเช้าแกเป็นคนกันเองดีและไม่ถือตัวไม่หยิ่ง และที่สำคัญแกเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่ที่ไหนก็เจริญ”ลุงแช่มพูดก่อนจะลงชื่อตัวใหญ่เบ้อเล้อเลย พวกไอ้อาร์ทมันยกมือขึ้นเก่าหัวกันเป็นแถว ลุงเล่นกินทีแถวล่างเขานะนั้นนะ ผมพยักหน้าไม่เป็นไร
 
    ตลอดเวลาช่วงเช้ามีแต่คนมาลงชื่อเรียดได้ว่าเยอะเกินค่าดมากจากนักเรียนเกือบ630คนมาลง450คนแล้วด้วยเกินครึ้งแล้วและมีทั้งครูอาจารย์ที่ลงชื่อแม่กระทั้งแม่ค้าขายข้าวก็มาลง
 
           “พวกเราลงด้วยดิ ขอปากกาด้วยค่ะ” มีนักเรียนหญิงสองสามคนมาขอลงชื่อ พวกผมก็ส่งปากกาให้ไปคนละด้าม แต่มีอยู่คนหนึ่งก่อนจะลงเขาดันยกมือไหว้ พวกผมก็มอง
 
           “น้องครับ บนอะไรเหรอครับ” ไอ้อาร์ทมันถาม
 
           “ขอให้เทอมหน้าได้เรียนกับครูเขมค่ะพี่ สาธุ”
 
           “ถึงครูจะชอบผู้ชาย แต่ก็เป็นครูหล่อบอกต่อด้วย เนอะ นั่งดูอย่างเดียวก็ยังดี “
 
           “ชะนี ถามเมียครูเขายังยืนอยู่นี้ เดี๋ยวเขาก็ตบเอาหรอก “ ไอ้โจมันพูดและชี้มาที่ผม
           
           “อู้ยย” น้องเขาตกใจเลยสาด แต่มันว่าผมเป็นเมียพี่เขม ผมหันไปจะเตะมันครับ ผมนี้สามีครับแต่ไม่กล้าตะโกนออกไป ฮาๆ และบรรยากาศตอนนี้ดูอบอุ่นมาก เพราะว่ามีคนถยอนมาลงชื่อกัน พวกผมก็เดินดูแล้ว ทุกห้องเลยครับ ยิ่งห้องไหนครูเขมสอน มาลงกันเกือบหมดเลยก็ว่าได้ พวกผมกอดคอกันมองผลงานที่พวกผม ผมหันไปมองไอ้โป้งไม่ได้พูดอะไร ผมนึกขอบคุณในใจ ขอบคุณที่ผมได้เจอพวกมันเป็นเพื่อนแท้ของผม
 
 “แก้มไม่มาลงละ” ไอ้โป้ง มันหันไปเจอแก้มที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
 
   “ไม่!!!!” แต่นั้นก็สะบัดออกไปทั่นที่ ผมกับไอ้โป้งหันไปมองพวกพี่กายมันยืนกอดอกมองพวกผมก่อนทำปากเบ้ใส่ทางพวกผม แต่ท ผว่าเพื่อนๆในกลุ่มของแก้มกลับเดินมาลงชื่อกันแก้มเธอมองด้วยสายตาที่ไมพอใจยิ่งหนัก  ผมหันไปเห็นผู้อำนวยการเดินลงมาแสดงว่ามีคนไปรายงานท่าน
 
   “มีคนบอกว่าพวกเธอมาตั้งบอร์ดลงชื่อให้ครูเขมรึ”
 
  “ครับท่าน ผอ! “
 
  “ผมขอโทษนะครับที่ผมต้องทำแบบนี้ผมไม่อยากให้โรงเรียนนี้ต้องสูญเสียครูดีดีเพราะผม”ผมพูดก่อนจะคุกเข่าลงผมก้มลงกราบผู้อำนวยการ เพื่อนๆผมนี้ตกใจกันมาก
 
   “คริสลุกขึ้นเถอะ”ผู้อำนวยการจับไหล่ผมใก้ลุกขึ้นและเดินดูที่บอร์ดมีคนลงชื่อให้เหตุผลไว้มากมาย ท่านเดินไปอ่าน
 
   “ครูเชื่อแล้ว...” ท่านผู้อำนวยการหั๊นมาพูด
 
           “ปากกามาซิ”
 
           "....."  =O= O_?
 
          "อ้าว!! ยืนนิ่งอยู่ทำไมปากกาซิจะได้ลงบ้าง...กลัวตกเทรนด์..เดี๋ยวคุยกับบรรดาครูเขาไม่รู้เรื่อง..เอามาปากกา" ผู้อำนวยการพูดและรับปากกาไปลงชื่อก่อนจะหันมามองพวกผมที่ยืนลุ้นอยู่ด้านหลังท่าน

 
          “ครูได้ยินนักเรียนพากันชื้นชมการสอนมาหลายคนแล้วและแอบไปดูมาบ้าง สอนดีจริงๆปกติครูบ้างคนก็เน้นสอนง่ายๆตามตำราคือเปิดตำรามาสอนแค่นั้นจบ"
 
                      "แต่ครูเขมแกดีนะมีสอนนอกตำรา นับว่าสรรหาครูมาไม่ผิดหวังจริงๆแล้วทำไมจะไม่อยากรักษาครูดีดีไว้ละจริงไหม "
 
                      "เข้าใจคิดนะที่ช่วยครูเขาแบบนี้...ว่าแต่บอร์ดนี้ไปลากมายังไงเนี๊ยะ"ผู้อำนวยการหันมาถามพวกผม
 
                      "เสร็จแล้วลากกลับด้วยนะ..ความพยายามสูงจริงๆพวกเธอนี่" ผู้อำนวยการพูด
 
                      "ต้องลากกลับอีกเหรอครับ" ไอ้อาร์ทมันถามผอ.โรงเรียน
 
                      "อ้าว! แล้วให้ใครเอากลับละดูภารโรงซิ..หายใจยังเหนื่อยเอามาแล้วเอากลับด้วยละ" ผู้อำนวยการพูดขำๆ พอดีเสียงสัญญาณเข้าแถวดังขึ้นพอดีเลย
 
                      "ไปเข้าแถวกันได้แล้ว" ผู้อำนวยการบอกพวกผม ผมพยักหน้าและพวกไอ้อาร์ทกับไอ้โจ้มันก็เก็บทุกอย่างลงกระเป๋าเป้ก่อนจะรีบเดินออกไปด้วยกัน ไอ้โป้งมันก็เดินไปกับไอ้ปันปัน เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาแก้มเธอยืนมองผมและเธอก็เดินหันหลังออกไป
 
                      "ความรักวันรุ่นนะ...ถ้าเราใช้วิธีผิดๆมันก็ส่งผลเสียกลับมาได้เช่นกัน" ผู้อำนวยการพูดพยักหน้าเบาๆ
 
                      "และความรักก็หมือนดาบสองคม ดาบด้านแรก จะฟาดฟันทุกอุปสรรคเวลาคุณมีความรัก คุณจะไขว่คว้ามันจนถึงที่สุด ส่วนดาบอีกด้านหนึ่ง มันก็พร้อมจะฟาดฟันหัวใจกันให้เป็นแผล ดังนั้นจึงควรมีความรักอยู่ด้วยความไม่ประมาท"
 
                      "ครูดีใจนะที่เธอดีขึ้นมาก..คริส..กลับมาตั้งใจเรียนทำเพื่อแม่เธอนะต่อให้พ่อเลี้ยงเธอเขาดูเหมือนจะไม่ได้รักเธอเท่ากับลูกแท้เขาก็ตามแต่แม่เธอรักเธอมากนะคริสโตเฟอร์ทำเพื่อแม่"
                       
                       “และเพื่ออีกคนที่เขาดูแลเธอ เอาใจใส่เธอ  ไม่ว่าจะในสถานะใดก็ตาม ต่อไปนี้ทำอะไรก็คิดถึงเขาหน่อยนะ “ ท่านผู้อำนวยการพูดแม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อพี่เขมตรงๆผมก็เข้าใจดี ผมพยักหน้า
 
                      "ครูอยากเห็นเธอดีขึ้นแบบนี้ไปเรื่อยๆไม่มีครูคนไหนไม่อยากเห็นความสำเร็จของลูกศิษย์นะคริส"
 
                      "ครับผอ. ผมขอโทษนะครับที่ผ่านมาผมทำให้ท่านปวดหัวมากกับพฤติกรรมของผม"
 
                      "เอานะวัยรุ่นเข้าใจเคยเป็นมาก่อน"
 
                      "ไปเข้าแถวได้แล้วไปคริส" ผู้อำนวยการบอกผม ผมก็ทำท่าจะวิ่งไปเข้าแถวกับเพื่อนๆ
 
                      "อ้อ …คริสโตเฟอร์ ...จะมีกิจกรรมสัปดาห์ภาษาอังกฤษและมีการแข่งขันตอบปัญหาภาษาอังกฤษระดับโรงเรียนปีนี้เราได้เป็นเจ้าภาพ ครูหวังว่าเธอจะลงแข่งนะ..ไหนๆก็มีคนช่วยติวแล้วทำชื่อเสียงให้โรงเรียนหน่อย" ผมหันมามองผู้อำนวยการก่อนผมพยักหน้าว่าผมจะลง ผมวิ่งมาเข้าแถวก่อนก่อนที่จะเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสา ทำกิจกรรมตามปกติเช่นทุกวัน แต่วันนี้ผมกับมีความสุขมากกว่าทุกวันเหมือนกับว่าความมืดหม่นของผมกำลังจะค่อยๆจางลงเมฆหมองเริ่มเปิดทางพอจะเห็นแสงสว่างสาดส่องเข้ามาบ้างแล้ว
 
                      "คริส!! เจอกันตอนเที่ยงวะ" ไอ้อาร์ทมันตะโกนมาไอ้โจมันก็โบกมือให้ผมก่อนจะแยะขึ้นไปห้องเรียนของผมมัน ผมหันไปมองไอ้โป้ง
 
           "เจอกันตอนเที่ยงนะโป้ง" ผมบอกมันไอ้โป้งหยักไหล่และเดินแยะไปขึ้นห้องเรียนมันเช่นกัน ผมเลือกจะเดินไปดูที่บอร์ดอีกทีก่อนจะกลับขึ้นชั้นเรียน ผมเห็นครูหลายท่านเลยที่มาลงชื่อผมรู้สึกดีใจ
 
           "พี่เขมผมจะทำให้พี่ยังเป็นครูที่นี้ให้ได้ผมจะทำให้พี่ทิ้งอาชีพครูไปเพราะไม่ได้..ถ้าผมต้องเป็นคนไปจากโรงเรียนนี้เองผมก็ยอมแต่ผมจะไม่ไปจากพี่เขม" ผมพูดเบาๆ
 
           "มึงคิดว่าเขายังควรจะเป็นครูอีกเหรอวะคริส" เสียงไอ้พี่กาย
 
           "กูถามมึงจริงๆเถอะ...มึงมีปัญหาอะไรกับครู"
 
           "กูมีปัญหากับมึง" ไอ้กายมันพูด ผมหันไปมองหน้ามัน
 
           "งั้นเจอกันตัวต่อตัวบนเวที...มึงนะไม่ใช่ไอ้พี่อั๋น"
           
           "ทำไมกูต้องเจอกับมึงด้วยวะ..มึงเป็นใคร"ไอ้พี่กายมันพูด ผมก็ยิ้มที่มุมปาก ที่จริงไอ้พี่กายมันมีอะไรที่น่ากลัวสำหรับผมเลยมีแต่พวกก็เท่านั้นและพ่อที่เป็นนายตำรวจ
 
           "ถ้ามึงดีแต่เห่า..ก็ตามใจมึง..มึงมันไม่ต่างอะไรกับนักเลงคีย์บอร์ดที่ดีแต่ว่าคนอื่นแต่ไม่กล้าออกมาเผชิญหน้า...ถ้าแน่จริงทำไมไม่ตัวต่อตัวกับกูไปเลยวะ" ผมพูดสายตาผมมองจ้องเข้าไปในแววตาคู่นั้น ก่อนจะเดินเลี่ยงขึ้นห้อง
 
           "อย่าเก่งแต่ปาก!!" ผมพูดก่อนจะเดินออกเพื่อกลับขึ้นห้องเรียน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 ครูเขมชาติ
           
           วันนี้เป็นวันอบรมวันสุดท้ายแล้วพออบรมเสร็จพวกผมก็พากันเดินทางกลับทันที เพราะว่าครูปริพนธ์จะพาแฟนกลับไปบ้านลูกชายเพิ่งจะนั่งได้ อยากกลับไปหาลูกชายแย่แล้ว และครูสมชายก็จะไปถือศิลที่วัดทำเพื่อแม่ของเขาที่นอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนผมเองก็รีบกลับผมเป็นห่วงคริสโตเฟอร์มากอาจจะเป็นเพราะผมได้ยินที่เขาบอกผมว่าโป้งจะปลั้มเขา นี้เรียกว่าหึงหวงใช่ไหม..ตอบว่าใช่!!! ตอนนี้เกือบสี่โมงครึ้งแล้วรถตู้เลี้ยวเข้ามาจอดด้านในโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้วเหมือนกัน
 
           "ครูเขมคะ...ผู้อำนวยการบอกว่าถ้าครูเขมมาถึงให้ขึ้นไปหาท่านค่ะ..ตอนนี้เลยนะคะ" ครูนิดเดินอย่างรวดเร็วลงมาตามผม อย่าบอกนะว่าคริสโตเฟอร์ก่อเรื่องขึ้นนะ ผมก็รีบนำกระเป๋าไปใส่ไว้ในรถของผมก่อนเลยคริสโตเฟอร์ส่งข้อความบอกว่าเอารถมาจอดไว้ให้ที่ด้านหน้า และผมก็รีบเดินขึ้นไปยังห้องทำงานของท่านผู้อำนวยการทันที
 
           "ก๊อกๆ"ผมเคาะประตู
 
           "เชิญครับ"
 
           "สวัสดีครับท่านผู้อำนวยการ"
           
           "เชิญครับครูเขม..เชิญนั่งครับ..เป็นยังไงบ้างครับอบรม"
 
           "ดีครับได้รับความรู้เพิ่มเติมเยอะเลยครับ วิทยากรก็ให้ความรู้ดี มีประโยชน์มากสำหรับครูที่มีประสบการณ์ในการเป็นครูในโรงเรียนน้อยอย่างผมครับท่าน" ผมตอบท่าน
 
           "แม่ของคริสโตเฟอร์ติดต่อมาหาผมว่าเขาจะลงมาวันจันทร์นะครับ"
 
           "ครับ..คริสโตเฟอร์บอกผมแล้วครับท่าน"
 
           "ครูคิดว่าครูจะแก้ปัญหามันยังไงครูคิดไว้หรือยังครับ"
 
           "ผม..เออ..ผม..คิดว่า...ผมอาจจะกลับไปเป็นครูติวเตอร์เหมือนเดิมครับ"ผมตอบท่านผู้อำนวจการแบบไม่ค่อยเต็มเสียงสักเท่าไหร่ แต่ถ้ามันคือทางออกผมคงต้องเลือก
 
           "ทำไมละครับครู...ผมว่าครูตั้งใจอยากจะเป็นครูสอนมากกว่าจะไปเป็นติวเตอร์นะไม่อย่างนั้นครูคงไม่ไปสอบใบประกอบครูหรอกจริงไหมครับ" ผู้อำนวยการพูดผมพยักหน้า
 
           "แต่ถ้ามันทำให้ทุกอย่างดีขึ้นผมจำเป็นก็คงต้องทำอย่างนั้นนะครับท่าน" ผมพูด
 
           "ไม่คิดถึงนักเรียนที่นี้เหรอครับ...พวกเขานะชื่นชมผลงานการสอนครูนะ นี้แค่มาสอนได้ไม่กี่อาทิตย์เอง" ผู้อำนวยการพูด
 
           "ครูลงไปที่ลานเอนกประสงค์กับผมหน่อย" ผู้อำนวยการบอกผม ผมก็ทำหน้าไม่เข้าใจแต่ก็ลุกตามท่านไป
 
           "เชิญครับ...นี้แสดงว่าครูไม่เห็นที่ตรงลานเอนกประสงค์ใช่ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้น" ผู้อำนวยการถามผม ผมส่ายหน้าว่าไม่ได้มองเพราะมัวแต่กังวลที่ผู้อำนวยการเรียกผมขึ้นไปจะเป็นเรื่องคริสโตเฟอร์มากกว่า ผมเดินตามหลังท่ายลงมายังลานเอนกประสงค์และสิ่งทีผมเห็นก็คือกระดานบอร์ดแผ่นใหญ่ที่กางอยู่ ผมเดินไปดูที่กระดานเริ่มตั้งแต่กระดาษA4 ที่แปะอยู่เขียนด้วยลายมือเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ เขาบรรยายตั้งแต่เจอผม เขาบรรยาสองอาทิตย์มานี้มีสิ่งดีดีร่วมกันมากและบรรยายถึงตอนที่ผมสอนพิเศษเขาทุกวันวันละชั่วโมงว่าเขาได้อะไรบ้าง และผมก็หันมาดู
 
           "ลงชื่อเพื่อให้ครูเขมอยู่กับพวกเราต่อ" ผมยิ้มเพราะว่ามีจำนวนรายชื่อมากมายที่มาลงเพื่อให้ผมอยู่เป็นครูต่อ ผมไม่อยากเชื่อเลยนะว่าพวกเขาต้องการผม ต้องการให้ผมเป็นครูสอนพวกเขา
 
           "ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อนะครูแต่ก็ต้องเชื่อ...ครูคงไม่คิดหาทางออกทิ้งพวกเขาไปนะ"
 
           "ครูผมไม่ได้เข้าข้างนะผมก็ไม่เห็นครูทำอะไรที่เสียหายในโรงเรียน"
 
           "แต่ผมก็ขอไว้เรื่องครูกับคริสโตเฟอร์ ..ครูจะรักกันก็ขอให้อยู่ในกดระเบียบของโรงเรียน..ถ้าเป็นไปได้เสาร์อาทิตย์คงเพียงพอเพราะว่าผมเองก็ประจำการเป็นผู้อำนวยการจันทร์ถึงศุกร์หยุดเสาร์อาทิตย์"
 
           "คงไม่มานั่งจับตาดูครูทั้งเสาร์และอาทิตย์ไม่ได้หรอกครับ” ท่านผู้อำนวยการพูด ผมเงยหน้ามองท่าน ท่านก็ยิ้มให้ผม
 
“เดี๋ยวเมียหึง" อู้ยย!! ท่านโน้มตัวมากระซิบกับผม
 
           "ถ้าจะให้ดีนอกโรงเรียนก็จะดีมากครับครู อยู่ในโรงเรียนขอให้รักษาไว้ซึ่งสถานะครู..คงพอได้นะครับ"
 
           "ครูนี้ก็ใจร้ายเหมือนกันนะครับ"ผมเงยหน้ามองผู้อำนวยการผมไปใจร้ายตรงไหนครับ
 
           "ก็เล่นคนหล่อประจำโรงเรียนขนาดนี้และทำเอาสาวๆอกหักกันไปครึ้งโรงเรียนได้แล้วมั้งครับ" ผู้อำนวยการพูดก่อนจะเดินกลับขึ้นห้องทำงานไป ว่าแต่นายคริสโตเฟอร์อยู่ไหนละ
 
           "ครูเขมนิ...ครูค่ะครู" ผมหันไปเห็นเด็กผู้หญิงสี่ห้าคนพากันวิ่งมาตรงที่ผมยืนอยู่
 
           "ครูเขมอยู่เป็นครูสอนพวกเราก่อนนะคะอย่าทิ้งพวกเราไปนะคะครู " แต่ละคนพูดออกมาพร้อมๆกัน ผมยืนยิ้มให้ผมรู้สึกดีใจ
 
           "ครูไม่ทิ้งเพราะว่าครูตั้งใจอยากจะเป็นครูที่นี้"
 
           "วันจันทร์ครูมาสอนเหมือนเดิมใช่ไหมคะ ครูไปไหนมาคะ" หนึ่งในนั้นถามขึ้นแต่ละคนพยักหน้านี้
 
           "เออ...ครูไปอบรมมานะ..วันจันทร์ครูเข้าสอนเหมือนเดิมครับ"
 
           "เย้ๆๆ ..เจอกันวันจันทร์นะคะครู " พวกเด็กแสดงอาการดีใจ ผมหยิบมือถือขึ้นมาจะโทรหาคริสโตเฟอร์ แต่เขาไม่รับสายผมอยู่ทีไหนของเขานะหรือว่าอยู่ที่บ้านพัก ต้องบ้านพักแน่ๆ ก่อนจะหันหลังเดินไปผมหันมามองที่บอร์ดอีกที ผมใช่มือแคะที่กระดาษขนาด A4 ลายมือที่บรรจงขีดเขียนนี้เขาคงอ่านหนังสือที่ผมให้ไว้ด้วยแน่ผมดูจากแกรมม่าที่เขาบรรจงเขียนมันถูกเกือบทั้งหมดแค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว จากคนที่ไม่ชอบภาษาอังกฤษแถบเขายังเกลียดมันแต่วันนี้เขารักมันแล้วแหละ
 
                       ผมได้อ่านที่เขาบรรยายเกี่ยวกับสิ่งที่ผมได้ทำให้เขาสามอาทิตย์ที่ผ่านมา ตั้งแต่วันแรกที่ผมไปตามเขา และผมได้ให้เขามานั่งเรียนพิเศษกับผมวันหนึ่งชั่วโมงเพื่อชดเชยที่เขาขาดไป ผมก็ยังให้งานทำเพ่ิมเพื่อแก้ศูนย์ และคะแนนทุกอย่างที่เขาได้ก็มาจากที่ผมเคี่ยวเข็ญเขาให้เขาทำถึงช่วงที่่เขาไปอยู่บ้านพักกับผม ผมก็ให้เขานั่งอ่านหนังสือไม่ได้นั่งเฉยๆ และก็ไม่เคยมีคะแนนพิเศษไปกว่าเพื่อนคนอื่นๆถ้าเขาทำไม่ได้นั้นคือผมก็ไม่ให้ดังนันเขาจึงต้องใข้ความพยายามเหมื่อนคนอื่น และตั้งใจเรียนหมือนคนอื่นๆเช่นกัน และเขายังบรรยายเกี่ยวที่ผมได้ทำเขานั้นจากที่ไม่เคยคิดว่าจะเจอพ่อ ตอนนี้เขาพร้อมที่เจอพ่อของเขาหาว่าผมสามารถติดต่อเขาได้
 
                       ผมยืนอ่านไปและก็ยิ้มไปด้วย ผมนึกขอบคุณที่โชคชะตาได้พาให้ผมมาเจอเขาคนนี้ ที่นี้ในโรงเรียนแห่งนี้ แล้วอย่างนี้ผมจะทิ้งเขาไปได้ยังไง ไม่ว่าจะเกิดอะไรพี่จะไม่ปล่อยมือนายเด็ดขาด คริสโตเฟอร์  เพราะว่าพี่รักนายสุดหัวใจของพี่
 

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริส)EP.26พี่เชื่อพรุ่งนี้มันจะดีขึ้นNC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 21-08-2020 21:09:47
EP.26 ครูเขมชาติ X คริสโตเฟอร์  พี่เชื่อว่าพรุ่งนี้มันจะดีขึ้นคริส  NC18+

   ครูเขมชาติ
           หลังจากที่ผมได้เห็นผลงานของคริสโตเฟอร์และนักเรียนหลายๆคน ที่อยากจะให้ผมเป็นครูสอนที่นี้ต่อมันทำให้ผมต้องล้มเลิกความคิดที่จะทิ้งเด็กนักเรียนที่นี้ไปในทันที และในเมื่อผมเลือกที่จะสอบใบประกอบวิชาชีพครูแล้วผมควรจะเป็นครูดังที่ผมผมตั้งใจซิและผมจะมาทิ้งไปเพราะปัญหาแค่นี้อย่างนั่นหรือ
 
            ผมขับรถเข้าบ้านพักเดินขึ้นไปบนบ้าน บ้านดูสะอาดตาผมมองไปบนโต๊ะที่เรานั่งทานอาหารกัน มีโทรศัพท์ถูกชาร์จวางอยู่มิหน้าละโทรไม่รับกันเลยนะทำให้เป็นห่วงน่าโดนทำโทษไหมเนี๊ยะ ผมเดินเข้าไปในห้องนอนก็ต้องยืนอมยิ้มให้กับคนที่กำลังเก็บเสื้อผ้าของผมใส่ตู้เสื้อผ้าให้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย คงเพราะว่าเขาเห็นผมทำแน่ๆ และผมก็ค่อยๆย่องเดินเข้าไป
 
           “หมับ! ”ผมสวมกอดคริสโตเฟอร์จากด้านหลัง คนที่ถูกผมกอดสะดุ้งก่อนจะหันมามองว่าใคร พอเขาเห็นว่าเป็นผมเท่านั้นแหละรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าทันที่
 
           “พี่เขม!” น้ำเสียงบอกได้ว่าดีใจมากขนาดไหนที่เห็นผมตอนนี้ เขาหันมากอดผมตอบราวกับไม่เจอกันเป็นเดือนและกอดเหมือนกลัวกลัวผมหายไปจากเขาอีก คือกอดผมแน่นมาก ผมก็กอดเขาตอบเช่นกันเพราะว่าผมก็คิดถึงเด็กเกรียนคนนี้เหลือเกิน
 
           "คิดถึงพี่ขนาดนี้เลยเหรอ" ผมถามคนที่กอดผมอยู่
 
           "มาก"คริสโตเฟอร์ตอบผม
 
           "พี่ละ..คิดถึงผมมากมั้ย" คริสโตเฟอร์ถามผม
 
           "ตอนนี้ยังบอกไม่ได้หรอกไว้ค่อยบอกที่หลัง" ผมพูดหยักคิ้วให้คนที่เงยหน้ามองผมขมวดคิ้วมองผมสายตาแปลกใจ
 
           "ไปแพ๊คเสื้อผ้าลงกระเป๋า เอาเสื้อผ้าไปสองสามชุดนะคริส” ผมบอกคนตรงหน้าผม เขาเงงยหน้ามองผมพร้อมขมวดคิ้วเข้าหากัน
 
           “ไปกรุงเทพกัน”  ผมบอกคริสโตเฟอร์
           
           “วันนี้เลยเหรอ?” คิดโตเฟอร์ถามผมด้วยสีหน้าที่แปลกใจ
           
           “อืม” ผมพยักหน้าบอกเขา
           
           “ผู้อำนวยการบอกกับพี่ว่า....ถ้าเราสองคนออกนอกเขตโรงเรียนถือว่าผิดไม่มากหากจะไป ...สวีทกัน”ผมพูดก่อนจะหันไปแพ็คสิ่งจำเป็นลงกระเป๋า คริสโตเฟอร์ด้วยเช่นกัน วันก่อนเขาเอาไปแค่ชุดนักเรียนยังเหลือเสื้อผ้าชุดลำรองอยู่สองสามชุด ผมเดินไปเช็คห้องน้ำก่อนออกว่าไม่ได้ลืมเปิดอะไรทิ้งไว้ เช็คตู้เย็นทุกอย่างถูกนำออกจากตู้เย็หมดของที่มีความเสียงว่าจะเน่าเสีย
 
           “พร้อมหรือยัง..คริส” ผมหันมาถามคริสโตเฟอร์เขาพยักหน้าและผมสองก็พากันเดินลงจากบ้านไปขึ้นรถเพื่อเตรียมออกเดินทาง ระหว่างที่กำลังผ่านประตูผมเห็นอนุชิตกำลังจะกลับบ้าน
 
           “พี่จะรับอนุชิตไปส่งเขาที่บ้านด้วยนนะคริส” ผมหันไปบอกคนนั่งข้างๆ
 
           “อนุชิตมาขึ้นรถครู..เดี๋ยวครูไปส่ง” ผมเลื่อนกระจกลงและเรียกอนุชิต
 
           “เออ” อนุชิตทำท่าอึกอักคงเกรงใจผมแน่ๆ
 
           “มาซิครูไปส่ง” ผมย้ำอีกที
 
           “ครับครู”และอนุชิตก็เปิดประตูขึ้นมานั่งด้านหลัง
 
           “สวัสดีครับครูเขม”
 
           “หวัดดีครับพี่คริส” อนุชิตทักคริสโจเฟอร์เช่นกัน
 
           “อืม...เดี๋ยวครูจะให้กุญแจบ้านพักไว้นะวันเสาร์หรืออาทิตย์เข้ามาทำความสะอาด” ผมพูดสายตามองผ่านกระจกมองหลังก่อนจะหันไปพยักหน้ากับคริสโตเฟอร์ให้หยิบกุลแจในลิ้นชักเล็กเขาก็หยิบกุลออกมา เป็นกุลแจสำรอง
 
           “ครับครู” อนุชิตตอบรับและรับกุลแจจากคริสโตเฟอร์ไป
 
           “คริสหยิบเงินในกระเป๋าครูส่งให้อนุชิตด้วยซิ " ผมบอกคนนั่งข้างๆ
 
           "ครูไว้ค่อยมาจ่ายก็ได้ครับ" อนุชิตพูดเหมือนเกรงใจผม
 
           "จ่ายเลยเธอจะได้มีไว้ใช้ซื้ออะไรทานกับย่าเธอไง" ผมพูดคริสดเฟอร์ก็หยิบธนบัตรออกมาแต่ว่ามันมีแต่สีม่วง
 
           "ให้เขาไปเถอะคริส" ผมพูดเบาๆ คริสโตเฟอร์ส่งกุลแจและธนบัตรให้กับอนุชิต เขามองหน้าผม
 
           "ครูให้ที่เธอไปรับเสื้อผ้าที่ครูส่งซักให้ยังไงละ..รับไปเถอะ" ผมพูดเขาก็ส่งรอยยิ้มมาให้ผม พ่อผมเคยสอนไว้ว่าถ้าเรามีแล้ว สิ่งไหนที่เราแบ่งปันให้คนที่ไม่มีได้ก็ควรจะทำ ผมจอดรถที่ตรงทางเข้าบ้างของอนุชิตก่อนจะออกรถไปเพื่อมุ่งหน้าสู่กรุงเทพ ตอนนี้เกือบจะห้าโมงครึ้งแล้วกว่าจะถึงคงเกือบสี่ทุ่มแน่ๆ คนข้างๆผมก็เหลือบตามองผมเป็นระยะ
 
           "หมับ!" ผมเอื้อมมือไปจับมืออีกข้างที่วางไว้ข้างลำตัวของเขา คริสโตเฟอร์เอียงคอมามองผม
 
           "ขอบคุณนะครับ..ที่ทำให้พี่รู้ว่าโรงเรียนนี้ต้องการพี่เป็นครูของพวกเขาอยู่" ผมหันไปพูดก่อนจะหันหน้ากลับมาสนใจถนนต่อ มุมปากกระตุ๊กขึ้นพร้อมรอยยิ้มบางๆ แค่นี้ก็รับรู้ได้ว่าเขาดีใจแค่ไหน ผมขับรถยิงยาวรวดเดียวเลยมีจอดพักเพื่อให้เข้าห้องน้ำกันบ้าง และไม่นานก็มาถึงบ้านผมเกือบสี่ทุ่มเราแวะหาอะไรทานกันที่ปั้มมาก่อนแล้ว
 
           "แม่พี่ไม่อยู่บ้านนะไปช่วยพี่ชายคนโตพี่ดูแลหลานนะ" ผมพูดคริสโตเฟอร์พูด ขณะที่เปิดประตูเข้าบ้านไป คริสโตเฟอร์ยกกระเป๋าของผมและเขาขึ้นไปบนบ้าน นี้ก็เกือบสี่ทุ่มกว่าแล้ว ผมเดินตามหลังขึ้นไปเข้าไปในห้องนอน พอคริสโตเฟอร์วางกระเป๋าลง
 
           "พี่เขมจะอาบน้ำก่อนไหม" คริสโตเฟอร์หันมาถามผม ผมนะปลดเน็กไท้ออกรอแล้วและโถมตัวเข้าไปหาทำให้คนที่ยืนอยู่ด้านข้างเตียงนอนของผม เขาไม่ทันได้ตั้งตัวก็ล้มลงไปบนเตียงทันที
 
           "อยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าพี่คิดถึงมากแค่ไหน" ผมถามคนที่นอนอยู่เบื้องล่าง
 
           "จริงอะ" คนที่นอนส่งเสียงท้าท้ายมาขนาดนี้ผมพยักหน้าให้ดูสิ่งที่กำลังพอโตแม้จะอยู่ในกางเกงสแล๊ปตัวเก่งของผม และผมก็ค่อมร่างคนเขาอยู่ ผมไม่รอช้าจู่โจมทันที ริมฝีปากบางๆประกบริมฝีปากหนาได้รูปนั้นอย่างรวดเร็ว สอดแทรกลิ้นผ่านริมฝีปากทีเผยอเล็กน้อยรอการสอดใส่เข้าไปอย่างรู้งาน
 
           "อืมม...พี่เขมต้องให้ผมก่อน..อืมม..ซิ..อืมมม"
 
           "ทำไมละ"ผมถอดปากออกถามคนที่นอนทำหน้าเคลิบเคลิ้ม
 
           "ก็ผมทำผลงานดี"
 
           "ไม่ได้ให้พี่ก่อนพี่ไม่ไหวแล้ว..อื้ม...อื้ม...." ผมพูดและก้มลงไซ้ตามซอกคอมือไม้ก็ปลดกระดุมเสื้อนักเรียนไปด้วย ร่างคนเบื่องล่างก็บิดไปตามความรู้สึกของอารมณ์ที่กำลังแตกกระสันจากปลายลิ้นของผม อีกมือผมก็ปลดเข็มขัดและรูดซิบลง คริสโตเฟอร์ดันตัวขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอน พอผมก็ได้จังหวะดึงเสื้อนักเรียนออกไปทันทีพร้อมกับรูดกางเกงออกไปด้วยจนถึงปลายเท้า โดยที่ปากไม่หลุดจากกันสามารถไหม และใช้ปลายเท้าดีดกางเกงนักเรียนหลุดไปก่อนเลย เหลือไว้แค่กางเกงยางยืด
 
           "อ่าห์ ...พี่นะต้องให้ผมก่อน...อ่าห์..ผมเป็นนักเรียนนะ"  ผมคิดไว้แล้วว่าต้องมามุขนี้ไง
 
           "ไหนละชุดนักเรียน"ผมถามคนที่นั่งก้มมองตัวเองไปหมดแล้ว
 
           "เห้ยย..โคตรไวเลยอะ"
 
           "แต่พี่เป็นครูอะ" นั้นไงมุกคุณครูป้ายที่ห้อยอยู่ ตอนที่อบรมเขาให้แขวนป้าน "ครูเขมชาติ"
 
           "พลึบ!!" ผมรีบดึงป้ายออก
 
           "หยุดพักทำหน้าที่ครูชั่วคราว...เพราะต้องทำหน้าที่คนรักที่พึงกระทำและบทสามีตามพฤตินัย" ผมพูดมองคนที่เอนตัวนอนราบ หาเหตุผลไม่ได้แล้วมั้ง   ผมรีบดีดตัวขึ้นมาลุกขึ้นยืนและรีบปลดกระดุมชุดทำงานอย่างรวดเร็วถอดกางเกงออกเหลือไว้แค่กางเกงยางยืด และกระโจนเข้าหาคนที่นอนรอผมเพราะว่าเขายังไม่ได้ถอดออกไปไม่มันหมด ยังคงเหลือไว้แค่ปราการสุดท้ายเช่นกัน
 
           "อ่าห์....อืมม...พี่เขม.."เสียงคราวกระเซ่าของคริสโตเฟอร์ผมได้พรมจูบไปทั่วตั้งแต่ลำคอไล่เรื่อยลงมาถึงหน้าท้องแบบรายนั้นก่อนจะขบฟันลงที่หน้าท้องน้อยๆเหนือเนินหัวหน่าวทำให้คนที่นอนถึงกับเกร็งตัว
 
           "อ๊ะ! ....พี่เขม...ซี้ดดดดดดด" เสียงซี้ดยาวออกมารู้ได้ทันทีว่ากำลังอยู่ในจุดไหนแล้วของห่วงอารมณ์ ผมเลื่อนตัวลงไปที่จุดสำคัญของคริสก่อนจะใช้ปากผมใช้มือคลึงมันเบาๆ คนที่นอนถึงกลับตาพริ้ม อารมณ์คงจะครุกรุ่นอยู่เหมือนกัน ผมจัดการถอดปราการสุดท้ายออกและครอบปากลงไปกับสิ่งนั้น
 
           "อาห์..อื้ม.."เสียงคำรามในลำคอว่าเขามีความสุขแค่ไหนกับสิ่งที่ผมกำลังมอบให้ ผมชำเรืองมองดูมือที่จิกอยู่บนผ้าปู เอวที่ขยับไปมาเพราะว่าความเสียว ผมใช้ลิ้นกับส่วนนั้นราวกับว่านี้คือของหวาน
 
           "นี้คือรางวัลจากพี่นะครับ...ที่รัก"
 
           "ซี้ด...อู้ยย...ชอบอะ....อื้ม!!!"เสียงตอบรับจากคนที่นอนบิดกายไปมา ผมถอนปากออกเพราะว่ากลังคนที่นอนจะชิ้งถึงฝั่งฝันไปซะก่อน ผมลุกขึ้นไปหยิบเจลหล่อลื่นที่มีไว้ในลิ้นชักและถุงยาง คือว่าซื้อมาตุนไว้ตอนที่คบกับณัฐกานต์แต่เอาเข้าจริงๆใช้ไปกล่องเดียวเองในรอบครึ้งปีที่ผ่านมา ก่อนจะเลิกกันแต่นี้ผมกับใช้กับคริสโตเฟอร์หมดไปสองกล่องแล้ว หื่นเหมือนกันนะเรานี้ ผมจับขาขนที่นอนมองผมตาเหยิ้มว่าพร้อมนานแล้วตั้งขึ้นและบีบเจลหล่อลื้นลงที่ปลายนิ้วเรียวยาวของผมก่อนจะสอดแทรกเข้าไปในช่องทางรัก
 
           "อ๊ะ!..อ๊าๆ..พี่เขม..อ๊า!" พอหนึ่งนิ้วเริ่มเพิ่มจำนวนเป็นสามนิ้ว จนช่องทางรักของคริสโตเฟอร์เริ่มคุ้นเคย ผมโน้มตัวลงไปจูบคริส
 
           "วันนี้พี่จะติวท่ายากให้ ไม่เน้นทฤษฏีพี่เน้นปฏิบัติ"
 
           "ห๊ะ!!" คนที่นอนถึงกับผงกหัวขึ้นมามองผม
 
           "วันนี้พี่จะติวท่ายากให้...จัดเต็ม!"
 
           "ท่าอะไรอะ!"คริสโตเฟอร์ถามผมเสียงหลง
 
           "ท่าแรก The Missionary , 2.Victory , 3.Men on top, 4.Reverse Cowboy และจบด้วยThe Doggie  ห้าท่าห้าบทเรียนพอไหมที่รัก” ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์ คริสทำสีหน้าตกใจ  ผมก็อมยิ้ม ผมและคริสก็เริ่มปฏิบัติไปที่ละท่าแต่ละท่าของผมทำเอาคนคริสร้องครางฟังแทบจะจับใจความไม่ได้โดยเฉพาะท่าที่หันหน้าชนกันและก็แลกลิ้นกันพัลวันเลย
           
           "อ๊ะ ...อ่า...อ๊ะ...พี่เขม..พี่เขม...แรงหน่อย..พี่เขม..." คนที่นอนส่งเสียงครางคว้ำหน้าลงกับที่นอนลีลารักท่าสุดท้ายที่ผมใช้เป็นตอนจบภาคปฏิบัติด้วยท่า The Doggie คนที่นอนร้องขอให้แรงอีกหน่อย ขอมาแบบนี้เขมจัดให้เลย
 
           "ได้ที่รัก...พี่จัดให้นะ ...พลั่บๆๆๆๆๆ!!!! "เสียงดังสะนั่นดีนะที่ห้องเป็นผนังเก็บเสียงได้ก็พอจะป้องกันเพื่อนบ้านแอบฟังเสียงครูหื่นกับนักเรียนสายหื่นเขาทำอะไร
 
           "คริสเอื่อมมือไปหยิบรีโมทเปิดทีวีให้พี่หน่อย..ซี้ดดด" ผมร้องบอกคริสโตเฟอร์ เขาก็เอื้อมไปที่โต๊ะตรงหัวเตียงพร้อมกดเปิดทีวีโดยยื่นแค่มือ แต่หน้ายังคงซุกลงที่เตียงนอนทันที่ที่ทีวีถูกเปิดเพื่อกลบเกลื่อนเสียงดังอขงผมสองคน และผมก็จัดการกระแทรกเนื้ออ่อนนั้นรัวๆอีกครั้ง
 
           "อ๊า!!!"เสียงครางดังกว่าเดิมพร้อมเสียงเนื้ออ่อนกระทบเนื้ออ่อน
 
           "อ๊า...ที่รักพี่จะถึงแล้วนะ...พี่จะ..อ๊า!!!" เสียงคราวครั้งสุดท้ายเหงือออกท่วมไปหมดทั้งสองคนและคนที่คุกเข่าอยู่ถึงกับทิ้งร่างให้นอนแผ่ลงไปบนที่นอนเช่นกัน ผมก็ค่อยๆถอนแกนของตัวเองออกทิ้งตัวลงนอนข้างร่างของคริส และคริสก็พลิกตัวหันมาหาผมเพื่อสวมกอดผม
 
           "ขอบคุณนะครับที่รัก" ผมไม่ลืมหันไปขอบคุณคนที่ที่ทำให้ผมมีความไม่ใช่แค่ทางกายอย่างเดียวทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำให้ผม เวลามีทุกข์เราก็ช่วยกัน มีสุขก็สุขด้วยกัน
 
           "เป็นไง..."
 
           "นี้พี่เก็บกดหรือว่ายังไงเนี๊ยะจัดท่ายากหมดเลยอะ" คริสโตเฟอร์ถามผม
 
           "นี้คือคำตอบว่าพี่คิดถึงมากแค่ไหนไง..หึๆ"
 
           "รู้แล้วว่าคิดถึงมาก..และก็หื่นมากด้วย" คริสโตเฟอร์พูดเขาพลิกตัวขึ้นค่อมผมแค่ครึ้งตัว พร้อมกับจูบผมเบาๆ แบบใช้ลิ้นหยอกเหย้ากับริมฝีปากของผมเล่น
 
           "จะต่อเลยไหม"ผมถามคริสโตเฟอร์
 
           "ขออาบน้ำก่อนได้ไหมอะ รู้สึกเหนียวตัวและอยากอาบน้ำกับพี่เขมด้วย" คริสโตเฟอร์พูดผมพยักหน้าได้ซิผมก็ว่าดีเหมือนกัน ก่อนจะพากันลุกจากเตียงไปหยิบผ้าเช็ดตัวผมเห็นเขาหยิบเจลหล่อลื่นกับถุงยากเข้าไปด้วยรู้ได้ทันที่ว่าตั้งใจจัดผมในห้องน้ำแน่ๆ พอเปิดน้ำคริสก็เข้ามาจูบผมกายเราแนบชิดกันผมรู้สึกว่าเขาสูงทันผมแล้วนะเนี๊ยะหรือว่าเพราะกินชิสเยอะก็ไม่รู้กระดูกยืดเร็วชะมัดเลย ผมเทครีมอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายคนตรงที่ยืนประชิดตัวผมส่วนคริสโตเฟอร์ก็ไล่ตจูบปากผมไปด้วย
 
           "อ๊า"ผมครางเบาที่คริสใช้ปากพรมจูบผมตามซอกคอและเลื่อนลงมาทีแผ่นอกอย่างหื่นกระหาย ห้องน้ำผมค้อนข้างกว้างและแบ่งแยกสัดส่วนโซนอาบน้ำและโซนทำธุระไว้ด้วยกำแพงกั้นกลางครึ้งห้อง ในห้องน้ำมีกระจกบานใหญ่ที่ตรงอ่านล้างหน้าและผมก็อยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นตัวเองกำลังดิ้นทุรนทุรายกับผนังห้องน้ำเพราะใครบางคนที่ปลุกเร้าอารมณ์ผมยิ่งนับวันคริสยิ่งเก่งและเชี้ววชาญเรื่องพวกนี้ ตอนนี้จะว่าเขาแซงหน้าผมแล้วก็ได้
 
           "อ๊ะ...อื้มม" ผมแอ่นอกสู้ลิ้นที่วนและขบเม้มยอดที่แข็งชูชันนั้น มือก็จับหัวคริสไม่อยากให้เขาปล่อยมัน
 
           "ผมไม่มีท่ายากเหมือนพี่แต่ผมเชื่อว่าผมจัดได้ลึกถึงใจและคืนนี้มีเซอร์ไพรส์" คริสโตเฟอร์พูดและ ผมก็ชำเรืองตามองที่กำลังชูแข็งพร้อมจะออกรบ
 
           "ฟู่"  พอเห็นแบบเต็มๆตาก็ต้อง พ่นลมออกมาทันที ไม่เจอสามวันเองทำไมมันโตเร็วจังวะ
 
           "เออ...มันใหญ่ขึ้นหรือเปล่า" ผมถามคริสโตเฟอร์ คือว่ามันจะแซงของผมไปแล้วนะ ของผมนี้คงหยุดโตแล้วแหละ แม้จะมาตราฐานชายไทยก็ตาม
 
           "สงสัยโจ๊กมั้งมันเลยโตเร็ว" คริสโตเฟอร์พูด ใช้ผมสั่งให้เขาทุกวันเลย
 
           "วันจันทร์งดสั่งโจ๊ก" ผมพูดและพยักหน้าเพราะถ้าขืนทานต่ออาจจะแซงผมไปไกลเลยแน่ๆ แค่คิดก็เสียวทันที
 
           "อ๊า...ผมก็ร้องครางออกมาอีกริมฝีปากคริสโตเฟอร์เลื่อนลงไปที่ท้องที่แข็งไปด้วยกล้ามเนื้อแม้จะไม่มีซีกแพคแต่ก็สมชายชาตรีอยู่นะ ผมสะดุ้งทุกครั้งที่เขาเม้มและดูดนั้นจนแทบจะหลุดติดปากนั้นไปเลยก็ว่าได้
 
           "โอ้ววว..ซี้ดดด ..คริส...อย่าทรมารพี่ซิ..โอ้ววว.."ผมร้องครางเชิงห้ามปรามเพราะว่ามันเสียวเหลือเกินที่เขาดูดมันแบบนั้น
 
           "เขาเรียกว่ามอบความสุขต่างหากละที่รัก...เส้นทางรักเราอีกยาวนาน..." คริสโตเฟอร์เงยหน้าขึ้นมาพอพูดและเขาก็จับส่วนนั้นของผม ผมก็หลับตารอความรู้สึกแปลกใหม่ที่กำลังจะเข้ามา ปากที่ครอบลงที่ส่วนนั้น ผมถึงกลับเคลิ้มไปเลยร่างกายโยกไปโดยอัตโนมัติ คริสหยุดและยืนขึ้นเขาเอื้อมไปถุงยางและทาด้วยเจลหล่อลื่นคริสจับแขนผมคล้องคอเข้าไว้ ปากก็จูบผมแบบดูดดื่ม
 
           "ไม่เบิกทางนะแต่จะค่อยๆทำ"คริสกระซิบกับผมพร้อมยกขาผมขึ้นมาพาดไว้ที่เอว ผมรับรู้ได้ว่าช่องทางรักผมกำลังถูกรุกล้ำ
 
           "โอ๊ะ" ผมร้องเท้าก็เขย่งตัวขึ้นแต่คริสดันเอวผมไว้
 
           "อ๊ะ...อ๊ะ...มันคับแน่นกว่าเดิม”
 
           "มันหลายวันแล้วเลยพองเต็มทีไปหน่อย"คริสโตเฟอร์กระซิบ ผมก้มลงมอง สามวันเองนะมันยังขนาดนี้เลย ถ้าหายไปสักเดือนแล้วกลับมมันจะขนาดไหน มีสามีสายฝอก็ต้องทำใจใช่ไหมเขมชาติ (เมื่อสักครูเขมเป็นสามี แต่ตอนนนี้เป็นภรรยาแล้วครับ)
 
           "โอ๊ะ...อ๊า...คริส...พี่เจ็บอะ.."ผมพูดว่าเจ็บคริสก็หยุดชะงักเพื่อให้ผมรู้สึกดีขึ้นก่อน  คริสใช้ลิ้นเลียวนที่ฐานของผมไปมากและตวัดลิ้นเล่นจนความรู้เจ็บถูกเปลียนเป็นความสุขมือผมจับสะโพกเขาขยับว่าต้องการแล้วเขาก็ค่อยๆดันเลื่อนเข้ามา เข้าไป เข้าไป เรื่อยๆ จน
 
           "ฟูู่" เสียงพ่นลมหายใจออกมาจากคนเบื้องหน้าผมและตามมาด้วยการขยับเข้าออกอย่างรวดเร็วผมเองก็กอดโน้มคนที่ตรงหน้าผม
 
           "ไปที่นั่งที่ตรงห้องน้ำนะ" คริสโตเฟอร์บอกผม เขาถอดสิ่งนั้นออกก่อนและพาผมไปยังผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตราฐานเชื่อว่าไม่หักง่ายๆเพราะลองมาแล้วฮาๆ คริสโตเฟอร์นั่งลงก่อน
 
           "อยากขี่ยังอะ" คริสโตเฟอร์ถามผมเสียงนี้ได้อารมณ์มากฟังแล้วสยิวแปลกๆ ผมก็ย่อนก้นลงช้าๆกับที่ชี้โด่อยู่ เราหันหน้าเข้าหากันตอนนนี้เรียกได้ว่าผ่านไปง่ายขึ้นจนแก้มก้นผมแตะหน้าขาคริสโตเฟอร์คริสก็จับมือผมกอดคอเข้าไว้
 
           "ควบเต็มที่เลยนะครับที่รัก..รู้ตัวไหมว่ากำลังโดนทำโทษอยู่นะ..อืมมม " ผมก็ต้องโยกเบาๆเพราะคนที่นั่งโยกเอวเป็นสัญญาณให้ผมขยับก้นได้แล้ว ผมมองคนที่นั่งเป็นเก้าอี้ให้ผมอยู่แบบไม่เข้าใจ คริสโบ้ยปากไปตรงอ่างมีลักษณะเพื่อนแพ๊คเก็จยาอะไรสักอย่าง
 
           "ซี้ดดด..ยาอะไร" ผมถามปากก็ครางไปด้วย
 
           "อึด..ทน..แข็งนาน" ผมถลึงตาใส่คนที่นั่ง
 
           "อีกยาวนายเลยที่นี้...คืนนี้จะจัดให้ที่รักหายยากไปเลยไม่ยอมโทรหาเลยรู้ไหม....ต้องโดนทำโทษ..อึม..อึม..อึม"
           
           "อ๊ะ..อ๊ะ..อ๊ะ..อ๊ะ " พอคริสกระแทกขึ้นมาทีผมนี้ก็ส่งเสียงร้อง ตายแน่เลยคืนนี้ เขมชาติ
 
           "โอ้ว..คริส..ขี้โกงพี่นิ..อู้ยยย..."
 
           "แบบว่าท่ายากไม่มีแต่คริสจัดให้ถึงใจ..อึมม..ยาวไปยาวไป." คริสโตเฟอร์พูดและยิ้มเจ้าเหล่ให้ผม
 
           "อ๊ะ..คริส..เบาหน่อย..โอ้วว..ซี้ด"
 
           "ขวบมันหน่อยซิที่รัก..อื้ม..อย่างนั้น...ที่รัก...เยี่ยม..ควบแบบนั้นแหละ..โอ้ววว..." เส้นทางรักยาวนานเหลือเกินสมกับที่ไม่ได้เจอกันมาสี่วันสามคืน แถมพ่อตัวดียังไปเอายาแข็งอึดทนและนานมาจากไหนไม่รู้ ไม่ต้องบอกนะว่านานแค่ไหนหนึ่งชั่วโมงเต็มในห้องน้ำและออกมาต่อกันที่เตียงอีก ผมเดินลงไปรินนมขึ้นมาให้คนที่นอนสวมเสื้อกล้ามกับกางเกงบ๊อกเซอร์นอนเปิดดูเว็ปไซต์ที่ผมให้เขาดูเกี่ยวกับการสอบ GED
 
           "คริส..นม" ผมส่งแก้วนมให้คริสเขาดีดตัวขึ้นมานั่งพร้อมกับรับแก้วนมไปดื่ม
 
           "ขอบคุณครับที่รัก"
 
           "อ่านแล้วพอเข้าใจบ้างไหม" ผมถามคริสโตเฟอร์
 
           "พอเข้าใจครับพี่เขมแต่วิชาสังคมนี้ผมไม่ค่อยแม่นอะพี่เขม"
 
           "เพื่อนพี่เขาจะติววิชาสังคมให้เองพรุ่งนี้พี่จะพาเข้าไปหาอาจารย์ของพี่และจะได้ดูว่าจะต้องวางแผนกันยังไงพี่อาจจะซื้อหนังสือจากอาจารย์พี่มาให้เราอ่าน"
 
           "แต่มันจะเป็นภาษาอังกฤษหมดเลยพี่คงต้องติวเราเพิ่มตอนเที่ยงครึ้งชั่วโมงที่ห้องสมุดและตอนเย็นหนึ่งชั่วโมงจะหนักไปไหมสำหรับเรา" ผมถามคริสโตเฟอร์
 
           "หนักก็ยอมพี่เขม....เพื่อให้ได้มาซึ้งความสุขผมยอมพี่เขม" คริสโตเฟอร์บอกผม ผมรับแก้วนมมาถือไว้
 
           “มันจะกระทบกับการซ้อมบาสเก็ตบอลเราหรือเปล่า พี่เห็นที่บอร์ดข่าวสารโรงเรีนกำลังจะมีการแข่งขันเดือนหน้าแล้วนิ “ ผมถามคริสโตเฟอร์
 
           “ผมไหวนะพี่เขม “ คริสโตเฟอร์ตอบผม ผมก็พยักหน้า
 
           "พี่ลงไปปิดไฟชั้นล่างก่อนนะ" ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์ก่อนจะเดินลงไปชั้นล่างผมเดินผ่านรูปถ่ายครอบครัว  ผมเพิ่งจะเข้าปีหนึ่งแต่พ่อผมไม่รู้นึกยังไงให้ผมไปเช่าชุดครุยของคณะที่ร้านและถ่ายรูปครอบครัว และตอนนั้นพี่ก้องสวมชุดสีขาวตอนรับกระบี่แล้ว  ส่วนพี่พี่ต้นสวมชุดข้าราชการสีขาวเช่นกัน  พ่อกับแม่ก็สวมชุดข้าราชการเช่นกัน มันเป็นภาพสุดท้ายไม่นานพ่อผมก็เสียชีวิตลงและนี้ก็คือความภูมิใจมากที่ผมได้เกิดมาเป็นลูกพ่อ ขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านรูปพ่อ ความคิดแว๊ปหนึ่งผมเกิดขึ้นมา พ่อเคยให้ผมช่วยแปลจดหมายจากชาวต่างชาติคนหนึ่งเขาเขียนมาขอความช่วยเหลือให้พ่อผมช่วยตามหาครอบครัวแต่ผมจำไม่ได้ว่าจดหมายเหล่านั้นแม่ผมไว้ที่ไหนนะ ตอนนี้ก็ดึกแล้วรอพรุ่งนี้เช้าคอยโทรหาแม่ดีกว่า ก่อนจะกลับขึ้นมาทิ้งตัวลงนอนและคนข้างๆผมก็ปิดโน๊ตบุ๊คเตรียมตัวนอนเช่นกันเรากอดกันอีกครั้งไฟตรงหัวเตียงดับลงเพราะว่าผมเอื้อมมือเพื่อปิดมัน
 
           "ผมนอนไม่หลับอะไม่ได้กอดพี่เขม ที่ผ่านมาที่เราต้องแยกกันอ่ะพี่เขม และนี้เราก็คงได้อยู่ด้วยกันแค่เสาร์อาทิตย์เองอ่ะพี่เขม" คริสโตเฟอร์พูด น้ำเสียงของเขาดูกังวล
 
           “ผมกลัวเหลือเกินอาทิตย์ที่พี่ไปอบรบนะ นั้นแค่ ห้าวันเองแต่ถ้าเราต้องห่างกันนานกว่านันผมจะทนได้เหรอพี่เขม “ คริสโตเฟอร์พูด
           
           "นอนพักซะนะคนดี พี่เชื่อว่าพรุ่งนี้มันจะดีขึ้น ...พี่รักคริสนะ."  ผมพูดกอดคริสโตเฟอร์ มือก็ลูบไล้ไปตามต้นแขนของเขา ผมลูบไปจนคนข้างๆผมผล่อยหลับไปแล้ว แต่ผมซิ ยังคงนอนคิด เรื่องความรักของผมกับคริส ผมยังไม่รู้ว่าเราทั้งคู่จะเจออะไรเข้ามาอีก แต่ผมจะพยายามไม่สั่นคอน เราจะต้องเข้มแข็งเพื่อจะได้ก้าวผ่านมันไปได้ด้วยกัน ย้ำว่าด้วยกัน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนหน้าเป็นตอนพิเศษของ อาร์ทกับโจ เอ๊ะเขาไปรักกันได้ยังไงนะ ...
 

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ อาร์ท VS โจ เหตุเกิดจากความรัก1
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 21-08-2020 22:51:18
(https://www.img.in.th/images/2233dd1b07e75ad161f046901011f04c.jpg) (https://www.img.in.th/image/YcAEXv)

พิเศษ อาร์ท VS โจ เหตุเกิดจากความรัก 
            ผมชื่อโจ ผมเป็นเพื่อนกับไอ้อาร์ทมาตั้งแต่เกิดเลย  พ่อของผมกับพ่อของอาร์ทเราเป็นเพื่อนกันเรียกได้ว่าดองกันมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่าแล้วจนกระทั้งถึงรุ่นพ่อและรุ่นผมกับอาร์ท ไม่ใช่แค่พ่อเราเป็นเพื่อนกันแม่ของเราสองคนก็เป็นเพื่อนรักกันอีก (เอาเข้าไปครับ ฮาๆ )
 
           พ่อผมนะตามจีบแม่ของอาร์ทก่อนแต่พ่อของอาร์ทก็ไปเป็นเพื่อนพ่อของผมเพื่อจีบแม่ของอาร์ท แต่ไม่รู้ว่าจีบกันอีท่าไหน  แม่ของอาร์ทบอกพ่อของผมว่าเขาไม่ได้ชอบพ่อผม แต่เขาชอบพ่อของอาร์ทแทน เหมือนจะเศร้าแต่ไม่ครับ เพราะว่าความเป็นเพื่อนของระหว่างพ่อของผมกับพ่อของอาร์ทมันแข็งแรงเกินกว่าจะผิดใจกันด้วยเรื่องผู้หญิง พ่อผมจึงยอมเปิดทางให้และหันไปจีบเพื่อนสาวของแม่อาร์ทแทน ทุกวันนี้ก็เลยกลายมาเป็นแม่ของผมครับแต่งงานก็ยังแต่งไล่ๆกันเลยครับ
 
            ดังนั้นผมกับอาร์ทจึงเกิดไล่เลี่ยกันห่างกันแค่สองเดือนเองแต่แปลกที่เราเกิดวันเดียวกัน คือวันที่ 8 เหมือนกัน และเราก็เรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่อนุบาล ผมกับอาร์ทเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่ผมยังจำความไม่ได้เรามีภาพถ่ายคู่กันตั้งแต่แรกเกิดเลยก็ก็ว่าได้
 
           "ดูไม่เบื่อเหรอโจ” อาร์ทเดินเข้ามาในห้องพร้อมแก้วนมที่แม่ปิ่นให้เอามาให้ผมแน่ๆ"
 
           "ไม่อะมันตลกดีว่ะหน้ามึงอะ" ผมพูด วันนี้ผมมานอนค้างบ้านอาร์ท พรุ่งนี้แม่กับพ่อของผมและน้องชายชื่อจัสมินเพราะว่าเกิดวันแม่พอดีเลย แต่จะให้มันชื่อมะลิก็แปลกอยู่ เราสองคนมีน้องชายก็มีไล่ๆกันอีก อายุอานามก็เลยไล่เลี่ยกันด้วยจัสมินอายุ9 ขวบ น้องชายของอ้าร์ทชื่อว่าไอซ์ก็จะเก้าขวบเช่นกันแต่ห้างกันสองเดือนเหมือนกันอีกด้วย (นึกในใจ นี้พ่อผมกับพ่อไอ้อาร์ทนัดวันเวลากันเพื่อจะปั้มลูกหรือเปล่าน่ะ ฮาๆ)
 
           "แม่ถามว่าพรุ่งนี้กินข้าวต้มกุ้งหรือเปล่าแม่จะทำให้...ให้.." ผมเงยหน้าขึ้นมองว่าให้...อะไร...
 
           "ให้เมียของลูกชายกิน"  ไอ้อาร์ทพูด ผมถึงกับสะบัดหน้าไป
 
           "อาร์ทมึงบอกน้าปิ่นแล้วหรอว่ะ" ผมเงยหน้ามองหน้ามันด้วยความตกใจ
 
           "ทำไมอะ..มึงเป็นเมียกูแล้วนะ.." ไอ้อาร์ทพูด ผมขม้วดคิ้วทำหน้าเครียดทันที
 
           "ยังหรอกนะแต่อยากจะบอกเร็วๆนี้อะ..ว่าเราสองคนเป็นอะไรกันแล้ว...อาร์ท..ไม่อยากปิดไม่อยากให้โจรู้สึกไม่ดี..และอาร์ทรู้สึกเหมือนไม่ใช่ลูกผู้ชายเลยอะทำแล้วไม่รับผิดชอบ" ผมมองหน้าคนที่สอดแขนเข้ามาโอบเอวผมด้วยแขนเพียงข้างเดียวพร้อมกับหอมแก้มผม
 
           "พี่อาร์ท...ยืมปากกา...กา..กา..กา" ไอ้น้องตัวดีของไอ้อาร์ทเปิดประตูเข้ามาพอดีมันยืนอ้าปากค้างเหมือนหัวอ่านสะดุด
 
           "พอแล้ว…. กาอยู่นั้นแหละหัวอ่านมึงสะดุดหรือไงไอซ์..อยู่บนโต๊ะ" ไอ้อาร์ทบอกน้องชายมัน ไอ้ไอซ์มันก็รีบวิ่งมาหยิบปากกาและรีบออกไปทันทีราวกับเจอเรื่องสยองขวัญ
 
           "น้องมึงจะไปบอกแม่กับพ่อมึงไม่ไหมว่ะ" ผมถามไอ้อาร์ท แอบเอียงอายเล็กน้อยพอเป็นพิธี
 
           "ไม่หรอกอาร์ทรู้จักไอ้ไอซ์ดีเห็นแบบนี้มันไม่เคยเอาเรื่องอะไรของอาร์ทไปฟ้องพ่อนะ" อาร์ทพูดผมพยักหน้าเบาๆ
 
           "เดี๋ยวขึ้นมานะเอาแก้วนมลงไปเก็บก่อน...ขึ้นมาเล่นหมาป่าไล่ล่าลูกสุนัชจิ้งจอกกัน..งั้ม" อาร์ทพูดและลุกขึ้นไปเปิดประตูและมันก็เดินออกไปจากห้อง
 
           เอ๊ะท่านผู้ชมคงจะงงกันใช่ไหมครับว่าผมสองคนไป..ลงล๊อกกันตอนไหนเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวันที่คริสโตเฟอร์เมาหนักมากเพราะว่ามันกลัวครูเขมชาติทิ้งมันไป คืนนั้นและที่ผมโดนพลากความหนุ่มของผมไปด้วยเช่นกัน ใครพรากมันไป ไปติดตามชมกันดีกว่าครับ
 
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
           ผมกับอาร์ทเรามีแฟนอายุเยอะกว่าตลอดส่วนมากก็จะห่างประมาณ 2 ปีถึง 3ปี และส่วนใหญ่ก็จะเรียนมหาวิทยาลัยกันแล้ว และแฟนของผมก็มักจะต้องเป็นเพื่อนสนิทกับแฟนของอาร์ท และเป็นเช่นนี้มาตลอด คือถ้าอาร์ทอกหักผมก็มักจะหักไปกับมันด้วย คือเพื่อนกันพอเลิกแม่งก็เลิกพร้อมกันไปเลย 
 
           แต่คนล่าสุดคือพี่ปริม เขาเป็นแฟนอาร์ทมาตั้งแต่อาร์ทเรียนอยู่ชั้นม.4หนึ่งปีพอดีเลยวันนั้นด้วย วันที่อาร์ทถูกบอกเลิก อาร์ทกับพี่ปริมคบกันและพากันไปเที่ยวผับ วันนั้นเพื่อนพี่ปริมก็ไปด้วย เห็นบอกว่าแฟนบอกเลิก พี่เขาเสียใจ และพี่ทรายก็มาขอคบกับผมเป็นแฟนโดยที่พี่ปริมเป็นคนแนะนำอีกเช่นกัน  ต่อมาความรักของทั้งคู่คืออาร์ทกับพี่ปริมก็เริ่มระห่องระแห่ง ผมรู้ว่าต้นเหตุมันจากอาร์ทไปไหนก็พาผมไปด้วย ส่วนพี่ปริมเองก็คงอยากจะไปกันสองต่อสองบ้าง พี่ทรายก็คบผมเหมือนแค่เพื่อเลือก เขาเองก็มีคนที่ไม่เชิงเรียกว่าแฟนแต่ไม่ใช่เพื่อนผมเองก็ไม่ได้สนใจขอแค่ให้ได้ไปกับอาร์ท เพราะว่าผมมีความรู้สึกลึกๆที่แอบซ้อนในใจตัวเองมาตลอดมาและผมก็ไม่รู้ว่ามันจะคิดเหมือนผมไหมจนกระทั้งวันนั้น
วันที่เกิดเหตุ
           "ไม่อยากเชื่อเลยว่ะว่าไอ้คริส...มันจะเปลี่ยนแนวไปได้เร็วขนาดนี้ว่ะ...หรือว่ามันเอาสาวมากไปว่ะจนมัน...เกิดภาวะไม่อยากอิบ อิบ" ผมพูดขณะที่ไอ้อาร์ทมันขับรถกลับไปยังผับ พวกผมขับไปส่งครูเขมและไอ้คริสที่ดันกระดกเพียงๆเลยนำหน้าพวกผมไปก่อน เรียกว่านำโด่งจนต้องให้ครูเขมพามันกลับบ้านพักครู
 
           "เลยเปลี่ยนมาเป็นให้ครูเขมอิบ อิบมันแทนว่ะโจ" ไอ้อาร์ทมันถามผม ผมหยักไหล่ไม่รู้ซิ
 
           "ที่ผ่านมามันคงยังไม่รู้ใจตัวเองก็ได้มั้ง" ผมพูดพร้อมส่งยิ้มกลับไปให้มัน
 
           "มีด้วยเหรอว่ะ" ไอ้อาร์ท ผมหันไปเหล่มองไอ้อาร์ท
 
           "มีดิเยอะแยะไป!!"  ผมพูด
 
           "ทำไมต้องเสียงสูงด้วยว่ะโจ"
 
           "ไม่นี้)))))"
 
           "อันนี้นะมาเลยโจ))))" ไออาร์ทมันเลยตะโกรกรอกหูผมกลับมาทันที 
 
                       อาร์ทขับรถกลับมาที่ด้านหน้าผับอีกครั้งเพราะว่าแฟนไอ้อาร์ทพี่ปริมกับพี่ทรายเขาไปรอผมสองคนในผับ บางที่ผมเองก็ไม่อยากมาเลย ไม่อยากเห็นไอ้อาร์ทมันนัวเนียพี่ปริมเลยจริงๆ ทั้งกอดทั้งจูบกันแบบนั้นและผมรู้สึกว่าพี่ปริมนะจงใจทำเพื่อให้ผมเห็นจะจะซะด้วยซ้ำ พี่ทรายเลยถามผมว่าผมคิดอะไรกับอาร์ทเปล่า เพราะว่าเขาคงเห็นสายตาของผม และเขาก็บอกว่าเขามองตาผมเขารู้ความหมาย สายตาของผมมันเก็บซ้อนความจริงที่แสนเจ็บปวดไว้และมันก็ไม่ดีเอาซะเลย แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าพี่ทรายจะบอกพี่ปริมบ้างไหม และที่สำคัญของผม ก็คือไอ้คนข้างๆผมนี้เขากลับไม่เคยเห็นมันเพราะมันมองเห็นแค่ว่าเพื่อนที่สนิทไปไหนก็ไปด้วยกันมาตลอด
 
           พวกผมสองคนอายุ 17 ปีแล้วแต่ยังไม่สิบแปดดังนั้นพวกผมจะเข้าได้ก็ต่อเมื่อพี่ปืนเช็คให้แล้วว่าไม่มีตำรวจมานะ เจ้าของผับนะผมรู้จักพี่ปืนเป็นรุ่นพวกผมพี่ปืนจบไปหลายปีแล้วเป็นรุ่นพี่พวกผมที่ผมรู้จักผ่านรุ่นพี่อีกที ก็ตอนพี่ปืนใกล้จบ ผมก็เพิ่งจะยู่ม.ต้นกันเอง
 
           "อ้าวเพื่อนไปแล้วเหรอเมารั่ววะ" พี่การ์ดด้านหน้าแซวผมสองคน
 
           "โทษทีพี่มันงอนแฟนนะแต่ปานนี้แฟนคงกำหลาบสลบค่าที่นอนแล้วแหละพี่" ผมหันไปบอกพี่การ์ดประจำผับเขารู้จักผมสองคนดี
 
           "ที่มันบอกว่ามีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหมว่ะ เพราะว่าได้ยินมันตะโกนอยู่กลางถนนหนทางโน้นว่ะ " พวกพี่เขาถามผมสองคนและผมสองก็พยักหน้าว่าใช่
 
           ”เว้ยย!" พวกพี่ๆเขาร้องออกทำท่าขนลุก ผมเดินผ่านเข้าไปด้านในและผมก็คิดว่าพี่ปริมคงเลือกโต๊ะนั่งแถวตรงกลางๆ ผมไม่ได้คิดไปเองนะ พี่ปริมเป็นผู้หญิงที่สวยหนุ่มในผับต่างจับจ้องมองพี่ปริมหลายคนบางคนก็จีบไม่เกรงใจว่าไอ้อาร์ทมันมากับพี่ปริม ไอ้อาร์ทก็ไม่น้อยหน้ามันกอดมันจูบพี่ปริมโชว์ว่านี้ของมันแต่คนที่ยืนดูอย่างผมโคตรเจ็บเลย ระหว่างที่เดินผ่านทางเข้าเพื่อตรงไปด้านใน
 
           "เชร้ด!" เสียงสะบดของอาร์ท ผมเองก็เห็นว่าไอ้อาร์ทมันเห็นอะไรพี่ทรายกำลังนั่งอิงแอบกับไอ้หนุ่มที่ชอบทำผมทรงหนามทุเรียน และก็มาเป็นลูกค้าประจำผับนี่เช่นกัน แต่ทุกทีก็แค่สงสายตาให้กัน แต่ว่าวันนี้เข้าไปอิงแอบแนบชิดกันเลยดูท่าทางสนิทกันมากเหมือนคุ้นเคยกันมาก่อน
 
           "อาร์ท..อย่า..เขาบอกกูนานแล้วว่าเขา..อยากเลิกกับกู..ไปหาพี่ปริมเถอะ" ผมพูดและกระฉากแขนอาร์ท ให้ออกมาไม่ให้เข้าไปหาเรื่องไอ้หนามทุเรียนนั้น อาร์ทเดินเข้าไปเห็นพี่ปริมกำลังนั่งโดยมีหนุ่มรูปหล่อมานั่งใกล้จนแถบจะแนบกันเลยดีกว่า ผมคงไม่ต้องห้ามไอ้อาร์ทแล้วแหละ เพราะอันนี้มันเกินกว่าพี่ทรายไปเยอะ จะเรียกว่าขี่กันเลยก็ได้
 
           "สัสเอ้ย!! ...ผลั๊ก" อาร์ทตรงเข้าไปต่อยไอ้คนนั้นทันที
 
           "เฮ้ยย!!" เสียงโวกเวกโวยวายดังมาทันที
 
           "อาร์ทต่อยพี่เขาทำไม!" พี่ปริมลุกขึ้นและถามอาร์ทก่อนจะรีบไปประคองคนที่ถูกต่อยลงไป
 
                      "ถามว่าต่อยทำไมแล้วพี่ให้มันมานั่งอิงแอบพี่ทำไมพี่เป็นแฟนอาร์ทนะพี่ปริม" อาร์ทพูดด้วยความโมโหและผมก็แตะแขนมันเบาๆให้มันใจเย็นๆ อาจจะแค่มาคุยกัน ผมไม่อยากให้มันทะเลาะกับพี่ปริมเลย
 
                      "และนั้นพี่ทรายก็ไปอิงแอบไอ้เวรนั้น...ไอ้โจละ..."อาร์ทพูดพี่ปริมลุกขึ้นมาเดินมาประชันหน้ากับอาร์ท
 
                      "ปริมครับตกลงไอ้เด็กนี้แฟนปริมเหรอครับถ้าใช่พี่ไม่ยุ่งนะครับพี่ไม่ชอบแย้งของเล่นเด็ก" ไอ้เวรนั้นลุกขึ้นมา อาร์ทจะเข้าไปใส่อีกแต่พี่ปริมออกมาขวาง
 
                      "ไม่ใช่ค่ะ..ปริมขอตัวคุยกับเด็กมันก่อนนะคะเดี๋ยวปริมมาคะ" พี่ปริมพูดผมรู้สึกสงสารไอ้อาร์ทเหลือเกิน พี่ปริมหันมาหยักไหล่ว่าให้ออกไปคุยที่อื่น อาร์ทเดินตามพี่ปริมทีเดินอย่างรวดเร็วแหวกผู้คนออกมาไป จนถึงด้านหน้าห้องน้ำ
 
                      "พี่ปริมพี่พูดแบบนั้นได้ยังไง..ว่าเราไม่ใช่..นอนกันทุกคืน..ไม่เรียกว่าใช่อีกเหรอ" อาร์ทพูดกับพี่ปริม พี่ปริมหันหน้ามามองอาร์ท
 
                      "คิดว่าแคร์เหรอ...นี้ถามหน่อยมึงเป็นเกย์ปะอาร์ท" พี่ปริมถามไอ้อาร์ท
 
                      "นี้ยังคิดว่าผมเป็นเกย์อีกเหรอ ...เอากันอยู่ทุกคืนนะพี่ยังคิดว่าผมเป็นเกย์อีกเหรอ" อาร์ทถามพี่ปริม ผมนี้จุกเข้ามาในอกผมเลย ตรงที่มันบอกว่าเอากันทุกคืน ใช่แต่มันเพิ่งจะพาพี่ปริมเข้าไปค้างที่บ้านเมื่ออาทิตย์ก่อนเองและก่อนหน้านี้ก็พากันไปเปิดโรงแรมนอนกันส่วนผมนะกลับบ้าน ดังนั้นผมกับพี่ทรายนะไม่เคยทำอะไรอย่างนั้นกันหรอกครับ ผมแค่จูบกันแต่ไม่ถึงสิบวิผมก็ถอนออกและผมก็มักจะให้เหตุผลว่าพ่อแม่ผมต้องไปดูไร่ที่ทำไว้ทุกเสาร์อาทิตย์ ดังนั้นผมต้องอยู่เป็นเพื่อนน้อง เรื่องจะพาใครไปนอนหมดสิทธิ์ครับ
 
                      "เกย์มันก็เอาผู้หญิงได้ทำไมมันจะเอาไม่ได้แต่เอาไม่ถึงใจเหมือนผู้ชายและที่อาร์ททำกับพี่นะ ...ไม่เคยถึงใจพี่เลยสักครั้ง " ผมรู้สึกหน้าชาขึ้นมาทันที ใบหน้าร้อนผ่าว เพราะผมอายแทนพี่ปริมไม่ใช่อายแทนอาร์ทมันนะแต่นางไม่แคร์คนที่เดินผ่านไปมาอาร์ทมันก็หันไปมองรอบๆ
 
                      "ไม่รู้ว่าเป็นเกย์หรือว่า บ่มีไก๊..เขาใจความหมายมันปะ...และไม่รู้ว่าจะกระเตงกันไปอะไรหนักหนาคือถ้ามีอาร์ทต้องมีโจ...กระเตงกันแบบนี้เวลาแต่งงานมึงจะกระเตงไอ้โจขึ้นหอด้วยมั้ย" พี่ปริมถามอาร์ท ผมได้แต่ยิ่งนิ่ง ส่วนอาร์ทก็ยืนกำหมัดแน่น
 
                      "เอาไงถ้าจะให้พี่เป็นแฟนเราก็บอกให้โจกลับไปแล้วเราก็เป็นแฟนกันเหมือนเดิมแล้วไม่ต้องเชิญมาด้วยอีกนะเพราะว่าทรายมันกลับไปคืนดีกลับผัวมันแล้ว" ผมได้ยินแบบนั้นผมว่าผมหันหลังดีกว่า
 
                      "อาร์ทกูกลับเองนะ" ผมเดินออกทันทีไม่รอฟัง อาร์ทมันบอกว่ามันรักพี่ปริมมันอยากให้พี่ปริมคือคนสุดท้ายเพราะว่ามันคบมานานที่สุดแล้วปีหนึ่งเต็มผมควรเลือกเดินออกไป
 
                      ผมรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากผับ มันก็จริงอย่างที่พี่ปริมพูดแฟนก็ต้องอยากอยู่ด้วยกันสองคนจะมาคนสามตลอดเวลาก็ไม่ใช่ ถ้าเป็นแบบนี้ผมจะเสนอหน้าอยู่ทำไมวะ ผมหยิบมือถือขึ้นเลื่อนหน้าจอและกดโทรออก ผมกดโทรหาอาร์ท แล้วจะโทรหามันทำไม ก็เพราะว่ามันชินยังไงละรีบกดวางสาย จะโทรหาใครดีละไอ้คริสโตเฟอร์เหรอมันคงหลับไปแล้วเมาขนาดนั้น ไอ้โป้งละมันกลับบ้านแต่รอบนี้มันพาปันปัน กลับไปด้วย ไม่ต้องพูดถึงไอ้ปันปันเลย นอกนั้นก็เบอร์พ่อก่บแม่และจัสมินน้องชายผม มันเก้าขวบเอง ใจก็ไม่อยากกลับตอนนี้เลยอ่ะ แต่ก็ไม่มีที่ไหนแล้วเอาวะเดินให้เหนื่อยจะได้กลับไปถึงหลับเลย ถึงมันจะไกลจากผับมากเหมือนกันแต่ผมคิดว่าผมเดินได้สบายมากแต่ก็เล่นเอาหอบเหมือนกันนะกว่าจะถึง แต่ตอนนี้ผมนะรีบเดินให้เร็วที่สุดจากออกไปให้พ้นจากตรงจุดนี้ให้เร็วที่สุดเช่นกัน
 
                      "ตับๆๆๆ"เสียงฝีเท้าวิ่งตาหลังผมมาอย่างรวดเร็วแต่ไม่ทันทีที่ผมจะหันหลังกลับไปมอง
 
                      “หมับ”กลับมีมือมาจับต้นแขนทั้งสองข้างของผมไว้ซะก่อน ผมเหลียวกลับไปมอง คนที่วิ่งตามผมออกมาคืออาร์ท
 
                      “แฮ้กๆ ..อย่าเพิ่งขยับ..กูจุก..แฮ้กๆ”เสียงหายใจหอบเหนื่อย
 
                       “อาร์ท” ผมเรียกอาร์ทไม่ดังแต่ในใจผมโคตรดังเลยเหมือนตะโกนออกมาโดยไม่มีเสียง
 
                      “ทิ้งกันทำไมวะ” มันเงยหน้าขึ้นมาถามผมยังมีท่าที่หอบเหนื่อยอยู่เลย
 
                      “จริงอย่างที่พี่ปริมพูดมึงไม่ควรมีกูทุกทีทุกเวลาที่มึงอยู่กับ...เขา...และเป็นใครก็คงไม่ชอบ” ผมพูดและจะหันหลังเดินออก
 
                      “ทำไมพูดอย่างนี้วะ...โจ!!!!” ไอ้อาร์ทมันตะคอกถามผม
 
                      “กูออกมาเพราะมึงคือเพื่อนกูนะ” ไอ้อาร์ทพูดบอกผมว่ามันออกมาเพราะมันคือเพื่อนผม
 
                      “และกู..ยอมเลิกกับพี่ปริมเพราะมึงนะไอ้โจ”แถมมันยังบอกเลิกพี่ปริมเพื่อผมนี้นะ มันบ้าไปหรือเปล่า ผมเองที่ทำหน้าตกใจ
 
                      “ = 0 = ”
 
                      “มึงอยู่กับกูมากี่ปี” อาร์ทถาผม ภาพตั้งวัยเด็กเราอยู่ด้วยกันเพราะพ่อแม่เราสนิทกันมากตั้งแต่แรกเกิดเลยก็ว่าได้ จนเข้าเรียนอนุบาล ประถม มัธยมแม้กระทั้งย้ายมาอยู่ที่นี้ยังย้ายมาด้วยกันทำไมจะไม่รู้ละว่ามันกี่ปี
 
                      “17 ปีไง”ผมตอบเบาๆ เกิดมาก็เจอเลยแม้จะยังไม่รู้เรื่องก็ตาม
 
                      “ใช่!..แล้วพี่ปริมเขาอยู่กับกูปีเดียวนี้นะให้กู้ลือกเขาเหรอวะ” ผมหันมามองหน้าอาร์ทก่อนจะเดินกลับมาหาอาร์ท
 
                      “แต่มึงรักพี่ปริมมึงอยากให้เขาเป็นคนสุดท้ายไม่ใช่หรอ”
           
                      “ช่างมันเถอะ ....เดินกลับไปที่รถ..”อารทพูดและหยักไหล่ให้พากันเดินกลับไปตรงที่อาร์ทมันจอดรถไว้
 
                      “ยืนเซ้ออีกไปขึ้นรถ” ดูมันว่าผมอีกว่าผมยืนเซ่ออีก ผมหันซ้ายและขวา ก็คงจะจริง งั้นรีบเดินครับ
 
                      "จะเดินกลับบ้านหรือไงเมื่อไหร่ถึงละเกือบสว่างมั้ย!"อาร์ทหันมาขึ้นเสียงกับผมผมรีบเดินตามไปไกลพอสมควรถึงที่อาร์ทจอดรถไว้ ผมรู้ว่าอาร์ทเสียใจนะเพราะว่าอาร์ทมันก็พาพี่ปริมเข้าบ้านไปหาพ่อแม่แล้วด้วยเมื่ออาทิตย์ก่อน ซึ่งนั้นแปลว่าอาร์ทจริงจังแล้วผมได้ยินว่าแพลนจะให้อาร์ทไปเรียนกรุงเทพอยู่กับพี่ปริมพออาจจบค่อยแต่งงานกันทันที ผมได้ฟังแล้วผมไม่อยากจะจบม.หกเลยจริงๆ เพราะว่าไม่อยากให้มันไปไง
 
                      ตอนนี้อาร์ทขับรถมาจอดที่หน้าเซเว้นอีเลฟเว่นสาขาหนึ่งไม่ใกล้บ้านแต่ก็ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่
 
                      “ลงไปหาอะกินดิวะ..เอาที่เขาเอาไว้กินแกล้มเบียร์ด้วยวะโจ”อาร์ทมันสั่งผม
 
                      “วันนี้อาธรกับน้าจี้ดไม่อยู่บ้านใช่ปะวะ” อาร์ทถามผมพยักหน้าว่าไม่อยู่ไปหาคุณยายผม
 
                      “อืม...มีไรอะ” ผมถามกลับตาก็มองหาว่าจะกินอะไรดี
 
                      “ไปกินที่บ้านมึงนะไม่อยากกลับบ้านวะ” ไอ้อาร์ทบอกผมก็หยักไหล่ตามใจมันดิ ถึงพ่อแม่ผมอยู่มันก็ไปมาหาสู่ได้เหมือนเป็นลูกอีกคนของแม่ผมเลยแหละ
 
                      "ไปหยิบเบียร์นะ" อาร์ทหันมาบอกผม
 
                      “อืม”ผมพยักหน้าก่อนนะเดินเข้าไปเลือกของกินเล่นกูลิโก๊ะป๊อกกี้ คุ้กกี้หมีมีช๊อกโกแลตข้างไหนด้วย กัดไปฟินเวอร์ และก็คุกกี้รูปดอกไม้มีช๊อกโกแลตตรงกลาง มะข้ามจี้ดจาด ข้าวโพดอบกรอบเคลื้อบคาราเมล ผมหอบมาวางไว้หน้าเคาเตอร์และไอ้อาร์ทก็หอบเบียร์มาวางสองโหล อาร์ทหันมามองหน้าผมและมองกองขนมที่วางไว้ด้วยกัน เราสบตากันเปรี้ยงปร้างและพนักงานก็มองผมสองคนสลับกันไปมา
 
                      “มาด้วยกันหรือเปล่าครับพี่ ถ้าไม่ผมจะได้ให้พี่คนที่หอบขนมนี้คิดเงินที่หลัง เพราะว่ากว่าจะคิดหมดเบียร์พี่จะร้อนซะก่อน” ผมหันไปมองหน้าคนที่ยืนประจำหน้าเคาเตอร์ไม่สมควรจะมาด้วยกันตรงไหน
 
                      “อู้ยย ตงลงมาด้วยกันใช่ไหมครับ” ผมหันหน้าสะบัดไปมองมันถึงกับหด รัศมีเมียมีนะโว้ยย (ทั้งที่ยังไม่ใช่)
 
                      "กูสองคนก็เดินเข้ามาด้วยกันไงไม่เห็นหรือไง" ผมถาม เขาก็มองของผมที่วางและเบียร์ก่อนจะพยักหน้า
 
                      “กูก็ก็ชักจะไม่แน่ใจวะว่ามาด้วยกันหรือเปล่า” อ้าว!! ไอ้อาร์ท ไงพูดหมาๆอย่างนั้นละ
 
                      “โจมึงรู้จักขนมกินแกล้มเหล้าไหมวะ ใครกินกูริโก๊ะป๊อกกี้แก้มเหล้าวะ”ไอ้อาร์ทพูด =0=
 
                      “แล้วนี่จะเอายังไงอะมีคนรอจ่ายตังอยู่นะครับ” มีมายืนต่อแถวสองสามคน
 
                      “เออๆคิดตังเลยขี้เกียจเดินเข้าไปหยิบใหม่แล้ว.....นี้แหละฟินดีกินป๊อกกี้กับเบียร์”อาร์ทพูดแครชเชียร์และหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาเพื่อจ่ายตังแอบหันมาเหล่มองผมก่อนนจะคว้ามถุงขนมมาให้ผมเป็นคนถือออกไปและอาร์ทมันก็ถือขวดเบียร์ไปใส่ไว้ในรถรีบขับกลับไปที่บ้านของผม อาร์ทไม่ได้พูดอะไรอีกเลยผมก็ไม่รู้ว่าในใจของอาร์ทมันคิดยังไงกันแน่ เพราะว่ามันนิ่งมาก
 
                      "อาร์ทกูขอโทษนะที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดเรื่องขึ้นระหว่างมึงกับพี่ปริมนะ" ผมพูดเบาๆ
 
                      "พอเถอะวะ..มันไม่ใช่ครั้งแรกมึงก็รู้..ผู้หญิงนี้เข้าใจยากวะ มีเพื่อนบ้างจะเป็นอะไรวะเพื่อนก็เพื่อนผู้ชาย"
 
                      "หรือจะให้ไปมีเพื่อนผู้หญิง.... พอเห็นเข้าหน่อยว่ามีผู้หญิงมาตีสนิทก็ทำหน้าหึงหน้างอน..กูไม่เข้าใจวะจะไม่ให้มีใครเลยหรือไงวะ" อาร์ทพูดออกมาอย่างหัวเสีย ไม่นานรถก็แล่นเข้ามาจอดในบ้านของผม ไฟหน้าบ้านติดอัตโนมัติที่มีรถเข้ามาจอดอาร์ทเดินไปขนทุกอย่างเข้าในบ้านอย่างคุ้นเคย ทั้งที่นี้มันบ้านผมครับ
 
                      อาร์ทเดินไปนั่งลงที่โซฟาห้องนักเล่นของผมซึ้งมันจะแยกกับห้องนั่งดูทีวีของพ่อกับแม่เพราะว่าผมชอบเล่นเกมส์กันกับไอ้อาร์ท ผมหยิบที่เปิดขวดมาวางไว้และถังขยะเพราะมันคงดื่มหนักละคืนนี้
 
                      "ดูหนังไหม" ผมถามอาร์ท ผมหยิบพวกขนมเลย์เอาไว้ทานเล่นมาแกะให้มันไอ้อาร์ทมันเปิดขวดเบียร์ได้ก็กระดกดื่มทันที
 
                      "ทำไมโลกนี้ไม่มีผู้หญิงที่รักจริงๆซักคนวะ...กี่คนแล้ววะโจ..กูเปลี่ยนเยอะฉิบหายเลยวะ" อาร์ทพูดพร้อมกระดกรวดเดียวหมดกระป๋องไปและต่ออีกกระป๋อง
 
                      “พี่ปริมนี้เขา..ดูเป็นผู้ใหญ่นะมึงช่วงแรกๆไม่งอแง เหมือนเด็กๆ แต่นี้แม่ง..โว้ยย!”ไอ้อาร์ทมันพูดและมันก็ตะโกนออกมา
 
                      "บางที่มันอาจจะไม่ได้มีแค่ผู้หญิงก็ได้นะอาร์ท มันอาจจะมีผู้ชายที่รักจริงก็ได้นะอาร์ท"ผมพูดก่อนจะเปิดเบียร์อีกกระป๋องกระดกดื่มแต่ค่อยๆดื่ม อาร์ทแค่หันมามองหน้าผม มันนั่งดื่มแล้วดื่มอีกผมเองก็ไม่กล้าไปขัดมันหรอกต้องปล่อยมันนั่งกินไป มันกินแบบไม่พูดไม่จา
 
                      "= 0 ="
 
                      "เออ...เออ..."
 
                      "อาร์ทกู...ขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะรู้สึกเหนียวตัวไม่สบายตัวเลยวะ" ผมรีบลุกขึ้นไปอาร์ทมันพยักหน้าและกระดกดื่มอยู่แบบนั้น ผมเข้าไปจัดที่นอนเตียงนอนผมเป็นเตียงใหญ่ส่วนห้องนอนไอ้อาร์ทนะเป็นเตียงเดียวมันชอบที่กว้างๆดังนั้นถ้าผมไปนอนห้องมันนะได้นอนเตียงเสริมทุกทีแต่ผมก็ยอมผมใช้เวลาอาบน้ำอยู่พักหนึ่งก่อนจะรีบลงมาดูอาร์ท พอลงมาถึงผมก็เห็นเบียร์จำนวนมากมายที่ถังขยะนี้มันกินจนหมดไปโหล่หนึ่งเลยเหรอคนเดียวเลยนะและมันนอนตะแคงหลับอยู่บนโซฟาเรียบร้อยแล้วด้วย ผมจัดการเก็บซากทุกอย่างมัดใส่ถุงขยะเก็บซากขนมขบเคี้ยวเพราะว่าแม่จี้ดผมเจ้าระเบียบมากอยู่บ้านนะผมนี้เรียบร้อยเป็นกุลสตรีเลยแหละ แม่ผมสอยผมเหมือนจะให้ผมไปเป็นแม่บ้านแม่เรือนมากกว่าพ่อบ้านซะอีกนะ 
 
                      "อาร์ท...มึงเสียใจมากใช่ไหมวะ...แต่มึงรุู้ไหมวะว่ากูเสียใจมากกว่ามึงอีก" ผมเดินกลับมาผมโน้มตัวลงพูดกับคนที่เมาหลับไม่ได้สติ
 
                      "17 ปี แม้ว่าเออช่วงแรกกูไม่รู้สึกอะไรก็เด็กๆแต่กูเริ่มโตขึ้นกูเริ่มรูสึกวะ ..ว่า...กูรักมึงวะอาร์ท"
 
                      "แต่กูเป็นได้แค่เพื่อนรักมึงวะ...มึงเคยเห็นความรักกูไหมวะ" ผมพูดกับคนที่เมาหลับพูดไปมันจะรู้เรื่องอะไรวะ ทำไมผมไม่กล้าพูดตอนที่มันมีสติวะ คืนนี้คงปล่อยให้มันนอนที่โซฟาอีกเช่นเคยและผมก็นอนเฝ้ามันใกล้ๆมันนี้แหละเรียกได้ว่าเป็นประจำทุกครั้งทีมันเมามาก แล้วใครจะแบกมันขึ้นไปบนชั้นสองตัวหนักจะตาย ว่าแล้วลุกไปหยิบผ้าห่มให้มันดีกว่า
           
                      "หมับ" ขณะที่ผมทำท่าจะลุกขึ้นจู่ๆก็มีมือมาจับที่แขนผม ผมหันไปมองอาร์ท มันดีดตัวขึ้นมานั่งมองหน้าผมมันจับแขนผม
 

TCB....
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ อาร์ท VS โจ เหตุเกิดจากความรัก 2
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 22-08-2020 13:02:01
(https://www.img.in.th/images/2233dd1b07e75ad161f046901011f04c.jpg) (https://www.img.in.th/image/YcAEXv)

พิเศษ อาร์ท VS โจ เหตุเกิดจากความรัก 2
         
          "มึงไม่ได้เมาหลับไปเหรอวะ"
 
           "ไม่อะ..ได้กินเยอะขนาดนั้นกูไม่อยากทำร้ายตัวเองเพื่อคนที่ไม่รักกูหรอกวะโจ้" ไอ้อาร์ทพูด
 
           "เออ...เออ..." หวังว่ามันคงไม่ได้ยินที่เว้นเวอร์เผ้อเจ้อไปนะ สายตามันมองผมด้วยความประหลาดใจหรือแปลกใจหรือไม่ก็ช๊อก!! ตกใจ ผมทำท่าจะลุกหนี ถ้ามันได้ยินนี้ผมคงอาย แต่ว่าไอ้อาร์ทละมันคงขยะแขยงผมเหมือนกับไอ้โป้งที่รู้เรื่องไอ้คริสอีก
 
           "หมับ" มันดึงผมอีกทำให้ร่างผมขณะที่ผมกำลังจะลุกขึ้นไป แน่นอนผมก็ต้องเซกลับไปหาไอ้อาร์ทมัน  หัวไหล่กระแทรกเข้าที่อกนั้นเต็มๆ ผมค่อยๆหันไปมองหน้าอาร์ทมัน ใบหน้าจองผมและอาร์ทใกล้ชิดกันมาก จนลมหายใจผมสองคนรดกัน
           
           "มึงคิดแบบนั้นกับกูตั้งแต่เมื่อไหร่วะ" อาร์ทมันถาม มันได้ยินทั้งหมดที่ผมพูดไป
 
           "เออ..." ผมทำท่าจะดิ้นออกแต่อาร์ทมันกอดรัดผมไว้แน่นกว่าเดิม
 
           "บอกดิ!! ..."
 
           "ไม่รู้..ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นตอนไหน ...แต่..มันเกิดไปแล้ว..กูพยายามแล้วอาร์ท...พยายามไม่คิด...แต่กูทำไม่ได้" ผมพูดและหันหน้าหนีไม่กล้าสู้หน้ามันจังๆเลยที่นี้
 
           "หันมามองหน้าดิวะ" อาร์ทมันบอกผมแต่ผมไม่กล้าหันจนอาร์ทมันใช้มือจับใบหน้าผมหันไป อาร์ทก็มองแต่พิกัดมันอยู่ริมฝีปากผม
 
           "หมับ" อาร์ทมันจูบผม ตาผมเบิกโพรงไม่จริงใช่มั้ย ฝันไปใช่หรือเปล่า รสจูบที่ไม่อ่อนหวานเหมือนจูบกับสาวๆ อาร์ทจับแขนผมให้ไปโอบกอดรอบคอของอาร์ทไว้ปากก็ยังคงทำหน้าของมันต่อ ประสบการณ์เรื่องพวกนี้ของอาร์ทค้อนข้างเยอะผมรู้ ผมรู้สึกว่าฝ่ามืออาร์ทลูบเข้าในเสื้อยืดตัวนิ่มใส่สบายตอนนอนของผม
 
           "อ๊ะ"ผมสะดุ้งเพราะอาร์ทกำลังบิดสองจุดที่แข็งเป็นไตตั้งแต่โดนมือลูบแล้ว และอาร์ทก็พลิกให้ผมเป็นฝ่ายนอนลง
 
           "อ๊ะ..อาร์ท...อื้ม.." อาร์ทมันเลื่อนปากลงมาที่ซอกคอ ชายเสื้อถูกเลิกขึ้นไปจนถึงหน้าอกริมฝีปากนั้นก็จูบลงที่แผ่นอกของผมและหยอกเย้ากับสองจุดที่ชูชันรอการเล้าโรม อาร์ทเลื่อนตัวลงไปที่หน้าท้องของผม สายตาผมมองไปบนฝ้าปุเพดานห้องนั่งเล่นของผมมันเคลิ้มมาก ร่างกายก็บิดไปมาเหมือนพยายามต่อต้านแต่ก็ทนแรงปรารถนาไม่ไหว
 
           "อ๊า..อาร์ท..ยะ..อย่า..ตรง...นั้น..เสียววววว" เปล่งเสียงติด ติด ขัด ขัด ออกมา อาร์ทหยุดและเลื่อนตัวขึ้นมาทาบทับผม
 
           "ถอดเสื้อออกซิ..." อาร์ทกระซิบกับผม เหมือนมันมีมนต์สะกดผมถอดแต่โดยดีอาร์ทก็ถอดของตัวเองออกเช่นกัน
 
           "อมให้หน่อยซิครับ" เสียงกระเส่าฟังดูสยิวมาก อาร์ทนั่งลงอีกฝั่งของโซฟาตัวเดียวกันนั้นแหละ พร้อมกับปลดเข็มขัดและกระดุมกางเกงยีนส์ตัวเก่งออกและถอดมันออกไปทั้งชั้นนอกและชั้นในสุดพร้อมๆกัน ผมได้นั่งมองส่วนกำลังชี้หน้าผมอยู่ ผมรู้ว่าไม่ใช่เล็กๆแต่ก็ไม่ได้ถึงกับใหญ่ไซส์ฝรั่งเหมือนไอ้คริสโตเฟอร์แต่ก็น่าหม่ำ(เฮ้ย!!นี้คิดอะไรของเราเนี๊ยะ)
 
           "อมให้หน่อยซิครับ...มาซิ"อาร์ทมันพูดเสียงกระเส่าเชื้อเชิญผมอีกครั้ง ผมก็ไม่รอช้าตอนนี้อารมณ์ผมมันกระเจิดกระเจิงไปจนหยุดไม่อยู่ ผมก้มลงไปทั้งอบทั้งดูด(แต่ก็แอบคิดนี้กูทำทำไมวะ เพื่อนกันเขาไม่ทำแบบนี้นะโจ!!)
 
 
           "อ๊าห์ ..ซี้ด...โอ้วว......อื้ม...เสียวมากเลยอะโจ...เสียวกว่าพี่ปริมทำให้อีก..ซี้ด" อาร์ทพูดผมก็เหมือนได้รับคำชมยิ่งทำใหญ่เลย จู่ๆอาร์ทก็ดันผมให้ลุกขึ้นอาร์ทเดินไปที่กางเกงยีนส์หยิบถุงยางออกมาและถุงเล็กๆผมรู้ว่านั้นคือเจลหล่อลื่นแต่หยิบมาเพื่อน อาร์ทเดินกลับมาและพลิกผมให้หันหลังให้อาร์ทจับผมให้อยู่ในท่าคลาน
 
           "ขอนะไม่ไหวแล้ว.." อาร์ทพูดกระซิบข้างหู ผมพยักหน้าก็มันเป็นคนที่ผมรักนิ
 
           "เบาๆนะ..กูไม่เคย" ผมพูดเบาๆ
 
           "ไม่เคยเหมือนกันแต่คงไม่ยากเหมือนเอาหญิงหรอกประสบการณ์เอามาเยอะ"
 
           "เออ..รู้" ผมพูดและหลับตาทำใจ..แม่จี้ดลูกกำลังจะโดนพลากของรักทางประตูหลัง...แม่เป็นกำลังใจให้โจด้วย!!!!
 
           "โอ๊ะ..อาร์ท..เจ็บ!!" ผมร้องเพราะว่าคนเบื้องหลังกำลังสอดสิ่งนั้นเข้าไปมันเจ็บมาก
 
           "อาร์ท..เจ็บ..ไม่..ไม่..เอา..แล้ว...อาร์ททท"
 
           "นิดเดียวน่ะ..อืม..ดันยากจังวะ..อย่าหนีซิโจ"
 
           "ก็มันเจ็บอะ..โอ้ยยยย..." ผมร้องหน้าตาผมคงเหยเกด้วยความเจ็บปวด อาร์ทก็กอดรัดเพื่อดึงรั้งตัวผมเอาไว้ ปากก็ดูต้นคอของผมจากด้านหลังมือที่กอดรัดผมก็ตรงกับหน้าอกผมพอดี นิ้วมือที่บิดบี้สองจุดผมเส้นจนกผมเริ่มไม่ดิ้นหนีแล้ว
 
           "ดีขึ้นแล้วใช่ไหม...ดันต่อเลยนะ...ซี้ด..ของอาร์ทมันปวดนึมไปหมดแล้วอะไม่ไหวอยากระบายแย่แล้ว" อาร์ทกระซิบผมก็พยักหน้าตอนนี้คงเข้าไปได้ครึ้งทางได้แล้วแหละเป็นไงเป็นกันวะโจ
 
           "อ๊าก!!!" ผมร้องออกมาเสียงดังทันที่สิ่งนั้นแทรกตัวเข้าไปในช่องทางคับแคบผมอย่างต่อเนื่องจนกระทั้งสุด น้ำตาไหลเลยผมมันเจ็บมากแต่ไอ้คนที่ใส่มันจะรู้ไหมมันเมา
 
           "อาร์ทเจ็บ!!"
 
           "พลั่กๆๆๆ" มันโยกเข้าออก ผมรับรู้ได้ว่าเข้าเกือบสุดออกก็เกือบสุด มันโยกสักพักจากความเจ็บปวดเริ่มเปลี่ยนเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ มีความสุขแปลกๆและเหมือนผมเองก็โยกโต้ตอบ นี้คือตัวตนที่แท้จริงของโจใช่มั้ย..แต่รู้สึกดีมาก
 
           "โจ..โจ.." คนที่กำลังควบคุมทางด้านหลังผมร้องเรียกผม ตอนนี้ผมคงกำลังทำหน้าเคลิ้มมาก
 
           "อืม..มีไร..ซี้ด..อ๊าห์"
 
           "เราเป็นแฟนกันนะ!!" ผมลืมตาโพรงอีกครั้ง อาร์ทมันขอผมเป็นแฟน แถมขอตอนที่มันซอยผมอยู่ มันซอยเรียบร้อยแล้ว ทำไมาขอตอนนี้ละสาด ผมหันไปมองหน้ามันฟินมากเคลิ้มมาก มือก็จับสะโพกผมไว้แน่น โยกเข้าโยกออกแบบลืมไปเลยว่านี้มันก้นนะเว้ยเฮ้ย!!
 
           "เป็นแฟนกันนะโจ.ไหนๆโจก็รักอาร์ทแล้วเรา..เรา..เป็นแฟนกันนะ"
 
           "มึงมาขอกูตอนนี้นี้นะ..อาร์ท" ถ้ามีคนมาถามตอนขึ้นเวทีเจ้าบ่าวเจ้าสาว ขอเป็นแฟนกันตอนไหนให้กูตอบเขายังไงละเนี๊๊ยะ!!
 
           "กูขอช้าไปเหรอ"
 
           "ช้ามากและมึงมาขออะไรตอนที่เอากูอยู่ไอ้อาร์ท"ผมหันไปบอกและเอาใบหน้าแนบกับโซฟา อาร์ทก็โยกไม่บันยะบันยังโซฟาบ้านผมเลย
 
           "อ๊ะ..อ๊ะ..อาร์ท..อ๊ะ..อ๊ะ" ผมร้องครางตลอดกิจกรรมการร่วมรักของผมกับอาร์ท
 
           "ซี้ด...โอ้วว....มันฟิตมาก...มันรู้สึกดีมาก..โจ..ทำไมไม่ยอมให้อาร์ทเอาโจเร็วกว่านี้วะให้ไปหาRubbish food กินอยู่ได้..ซี้ดด"
 
           "..อู้ยยยย..อาร์ทเข้าใจแล้วทำไมไอ้คริสมันถึงเปลี่ยนไป" อาร์ทพูดและอาร์ทก็จับไหล่ผมให้ลุกขึ้นมาโดยพยายามประคองส่วนนั้นไม่ให้หลุดและอาร์ทก็นั่งลงโดยให้ผมนั่งอยู่บนตักอาร์ท อาร์ทจับเอวผมขยับขึ้นลงผมก็คงรู้หน้าที่ซินะผมก็โยก
 
           "ดูแลมันดีดีนะ...ซี้ด..ยกให้ดูแลคนเดียวเลย..."
 
           "ตลอดไปเลยปะ" ผมหันไปถามคนที่ผมโยกให้อยู่ ผมหยุดชะงักรอคำตอบ
 
           "ตลอดไป..ไม่หาใครแล้ว..สัญญา"
 
           "สัญญาว่า" ผมทวนคำพูดนั้น
           
           "จะรักและซื่อสัตย์กับภรรยาสุดหล่อคนเดียวไม่หาแล้วภรรยาสวยๆ ไม่อยากได้แล้วอยากได้หล่อๆ" ผมก็จัดการโยกให้คนที่นั้งเป็นเก้าอี้ให้ผมพอยิ่งโยก็ยิ่งมัน ยิ่งคุมเกมส์เองยิ่งรู้ว่าตัวเองต้องการช้าหรือเร็วตอนไหน
 
           "อ๊าห์...อ๊าห์...อ๊าห์" เสียงผมสองคนร้องครางดันลั่นบ้านดีนะที่อยู่ด้านในสุดและไม่มีใครอยู่ไม่อย่างนั้นคงได้รู้กันหมด
 
           "ไม่ไหวแล้วโจ..มาแล้ว ไ
 
           "อ๊าห์!!"เสียงสุดท้าย ต่างคนต่างสุขสมไปตามตามกัน เพราะว่าอาร์ทก็ใช้มือทำให้ผมไปด้วยควบคู่กันไปจะได้ไม่มีใครค้างคา
------------------------------------------------------------------------------------------------------
                หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผมสองคนก็เปลี่ยนไปเร็วมากเรียกว่าบางทีก็ปรับตัวแถบจะไม่ทันจากเพื่อนรักมาเป็นแฟน ผมยังคงนั่งเปิดดูรูปตอนเด็กๆในอัลบัม มีรูปผมกับอาร์ทตั้งแต่แรกเกิดอาร์ทเกิดก่อนผมเป็นพี่ผมสองเดือน นอนยิ้มแป้นข้างๆกัน ตอนเด็กๆอาร์ทแก้มยุ้ยมาก ตอนที่นั่งได้ เริ่มคลานและแม้กระทั้งหัดเดินพ่อกับแม่ยังพามาหัดเดินด้วยกัน แม่เล่าว่าเดินชนกันพัลวันเลย
 
           "หมับ" อาร์ทขึ้นมากอดผมจากด้านหลัง
 
           "ดูรูปนี้ซิอาร์ท...หน้าอาร์ทตลกอะ..ฮาๆ " เป็นรูปที่ตักข้าวกินกันเป็นข้าวบดสีเหมือนฟักทองบด หัดตักกินกันเองและผมก็ป้อนอาร์ทด้วย
 
           "ใช่โจนะป้อนได้แม่นมาก ป้อนเข้าเบ้าตาอาร์ทชัดชัดเลย ...ไอ้บ้าเอ้ยดูหน้าตาเละหมดเลยอะ..หมดหล่อเลยด้วย"
 
           "รูปนี้ใครถ่ายวะ..พ่อแน่ๆเลย" ผมเพิ่งเห็นรูปที่ผมยืนร้องไห้อยู่ตรงทางเดินส่วนสัตย์ฟาร์มจระเข้ ผมเดินผ่านไปไม่ได้เพราะว่ามันมีจระเข้ปลอมอยู่ไอ้อาร์ทนะมันวิ่งนำหน้าผมไปแล้ว แต่ผมซิยืนร้องไห้กลัวของปลอมวะ
 
           "เอาออกไปเลยอาร์ทอายเขา"ผมทำท่าจะดึงออกแต่อาร์ทไม่ยอม
 
           "น่ารักดีออกเวลาอาร์ทเจอเรื่องไม่สบายดีดูรูปนี้แล้ว" อาร์ทพูดว่าดูรูปผมยืนร้องไห้ชี้ไปที่จระเข้ปลอมที่อ้าปากอยู่
 
           "ดูแล้วหัวเราะวะ..ฮาๆ " ไอ้อาร์ท
 
           "รูปกูยืนร้องไห้ข้างจระเข้ปลอมนี้นะแรงบรรดารใจมึงเหรอ" ผมพูดและเปิดหน้าต่อไป
 
           "ทำไมพึ่งจะมาบอกกันอะ..ปล่อยให้หาผิดหาถูกอยู่ตั้งนาน..ห๊ะ!!" อาร์ทถามผม ผมก้มหน้าลงจะให้กล้าพูดได้ยังไงละว่าแอบรักเพื่อนสนิท มันก็เหมือนเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออะ
 
           "ขอบคุณที่อยู่ข้างๆอาร์ทมาตลอดไม่ว่ายามทุกข์ ยามสุข ท้อแท้แม้กระทั้งตอนโดนพ่อดุและตอนที่อาร์ทโกรธพ่อคนนี้ก็ช่วยให้อาร์ทเย็นลงกลับมาขอโทษพ่อขอบคุณนะ...ตอนนี้อาร์ทรู้แล้วว่าตำแหน่งเมียนั้นถ้ามอบให้ผิดคนนี้อาจจะผิดพล้าดไปทั้งชีวิต"
 
           "แล้วตอนนี้ละ"
 
           "ก็มอบให้ถูกคนแล้วไง" อาร์ทพูดผมปิดหนังสือลงด้วยอาการเขินและหัน
 
           "เขินอะ" >////<
 
           "อย่าผลัก...เตียงแคบอยู่โจ!!!!!.."อาร์ทร้องแต่ไม่ทันผมผลักไปแล้ว
 
           "ตุ๊บ" เสียงดังเพราะว่าตัวไม่ใช่เล็กลงไปนอนอยู่ที่พื้น
 
           "อาร์ท)))" น้ำเสียงเป็นห่วงผัว
 
           "กูว่ายกให้ผิดคนแล้วมั้ง...เขินได้น่ากลัวมาก!!"
 
           "เกิดอะไรขึ้นลูกอาร์ท ลูกโจ..เสียงดังเชียว" แม่ปิ่นแม่ของอาร์ทเปิดประตูเข้ามา
 
           "โจมันทำร้ายอาร์ทอีกแล้วแม่ปิ่น" ไอ้อาร์ทรีบฟ้องแม่ปิ่นทันที ผมทำหน้ารู้สึกผิด
 
           "สงสัยเตียงจะเล็กไปแล้วแหละพ่อซื้อเตียงให้ลูกใหม่เถอะ" พ่อของอาร์ทเดินมาดูด้วย
 
           "อืม..พรุ่งนี้แล้วกัน"
 
           "แล้วเตียงเก่าพี่อาร์ทละพ่อ" ไอซ์น้องชายไอ้อาร์ทเดินมาดูด้วย
 
           "ก็ยกให้เราไง"แม่ปิ่นกอดอกพูด
 
           "มรดกจากพี่อาร์ทอีกแล้ว!!!"ไอซ์กอดอกก่อนจะรีบเดินกลับห้องไป
 
           "นอนได้แล้วลูกและเบาๆกันหน่อย จะสิบแปดกันทั้งคู่แล้วนะเล่นกันเหมือนตอนยังสองสามขวบไปได้เรานิ"
 
           "แม่ไปนอนแล้วนะ...ราตรีสวัสดนะลูกอาร์ท ลูกโจ" แม่ปิ่นพูดและทำท่าจะปิดประตู
 
           "ราตรีสวัดครับแม่ปิ่น" ผมทั้งคู่พูดพร้อมกันพ่อแม่ปิดประตูลง ผมก็เอื้อมมือไปให้อาร์ทจับมือผมขึ้นมาบนเตียง ดูซิยังทำหน้างอนอยู่เลย
 
           "อาร์ทอะงอนอะไรอะขอโทษไม่ได้ตั้งใจเจ็บมากไหมอะ" ผมถามยังอีก
 
           "งอนจริงๆอะ" ผมทำเสียงอ่อนลง
 
           "หมับ" คนที่แกล้งงอนผมนะโถมเข้ามากอดผม
 
           "คืนนี้ต้องทำโทษ"
 
           "ไม่เอานะเดี๋ยวอาวินัยกับน้าปิ่นได้ยินหรอก"
 
           "ก็อย่าร้องเสียงดังซิ...ร้องเบาๆไม่มีใครได้ยินหรอก..นะ...นะ..ที่รัก " ผมเจอลูกอ่อนแบบนี้จะทนได้เหรอทนไม่ได้ต้องยอม บทรักที่เร้าร้อนก็เกิดขึ้นทันทีแต่ว่าภายใต้ผ้าห่มนะเพื่อจะช่วยเก็บเสียงได้บ้าง
 
           "อ๊าห์!! ที่รัก..ซี้ด"เสียงซี้ดอยู่ภายใต้ผ้าห่มนั้นร่างกายที่กอดกายกันพัลวันจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันจนเราสองคนไปถึงฝั่งฝันเรียบร้อยไปคนละยกและก็พากันลุกไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวและพากันเข้านอน
 
           "จุ๊บ"
 
           "ฝันดีนะครับ" อาร์ทจุ๊บปากบอกผมและบอกฝันดี
 
           "อยากให้เป็นแบบนี้ทุกคืนอะ" ผมพูด
 
           "ก็มาอยู่ด้วยกันเลยดิ..เดี๋ยวพ่อก็ซื้อเตียงให้ใหม่แล้ว..และวันเสาร์อาทิตย์ไปอยู่บ้านแม่จี้ดกัน" อาร์ทพูด
 
           "นอนเถอะ..ที่รัก" ผมเอนตัวลงนอนแสงไฟในห้องก็ดับวูบลง ผมสวมกอดอาร์ทเขาก็กอดผมตอบมันอบอุ่นดีเหลือเกินเตียงที่เล็กแต่ไม่ได้ทำให้ผมอึดอัดหรือนอนไม่สบายเลยสักนิดกลับหลับสบายตลอดทั้งคืน ผมตื่นนอนมาด้วยความสดชื้น
 
            แม่ปิ่นก็ทำข้าวต้มไว้ให้ผมทานแม่ปิ่นรักผมเหมือนผมเป็นลูกอีกคนหนึ่ง วันนี้ผมก็อยู่กับบ้านกับอาร์ททั้งวันไม่ได้ไปไหนดูหนังเล่นเกมส์ เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกินจนกระทั้งเย็นวันนี้ น้าปิ่นทำอาหารเย็นเพราะว่าพ่อแม่ผมกับน้องชายผมจัสมินจะมาทานอาหารเย็นด้วยกัน ครอบครัวผมกับอาร์ทจะนัดกันอาทิตย์ละวันสลับกันถ้าอาทิตย์มาทานบ้านอาร์ท อาทิตย์หน้าก็พากันไปทานบ้านผม เป็นกิจกรรมทุกวันเสาร์
 
           "ได้ข่าวว่าเราพาแฟนมาหาพ่อแม่แล้วเหรออาร์ท" พ่อของผมถามไอ้อาร์ท(แอบคิดในใจพ่อนั้นมันคำถามที่ทิ่มแทงใจลูกพ่อ เพราะว่าแอบหึงผัวไม่กล้าบอกพ่อ กาสิก กาสิก ) 
 
           "นั้นซิทำไมอาทิตย์นี้ไม่พาพี่ปริมมาทานข้าวที่บ้านกับเราละอาร์ท" แม่ปิ่นถามอาร์ทอีกคน ผมนั่งอยู่ข้างๆ อาร์ท
 
           "เออ...เขาไม่มาแล้วครับ..ผมกับพี่ปริมเลิกกันแล้วครับ" อาร์ทมันพูด
 
           "อ้าวเหรอ...อย่างนี้แหละนะรักวัยรุ่น...หาใหม่ลูก" พ่อผมให้กำลังใจอาร์ท ผมเห็นไอ้ไอซ์น้องชายของอาร์ทมองหน้าอาร์ทยิ้มๆ และผมด้วย
 
           "พ่อครับแม่ครับ...โจจะมาอยู่กับผมนะครับ จันทร์ถึงศุกร์และเสาร์อาทิตย์ผมผมจะไปนอนบ้านน้าจี้ด" อาร์ทพูดขึ้นผมวางช้อนหันไปมองหน้าอาร์ท
 
           "ดีเลยซิเพราะว่าโจนะก็ไปโรงเรียนพร้อมอาร์ทอยู่แล้วจะได้ไม่ต้องขับรถย้อนไปย้อนมา..แต่น้าก็เกรงใจแม่ปิ่นนะซิ"
 
           "ไม่เป็นไรหรอกจี้ด โจก็เหมือนลูกชายฉันอีกคน" แม่ปิ่นพูด
 
           "ผมมีเรื่องจะบอกพ่ออิทกับแม่ปิ่นและพ่อธรกับแม่จี้ดว่าผม..ผม..กับโจ....เรา..” อาร์ทพูดแต่ผมนี้หันไปมองหน้ามัน อย่าเพิ่งเลยผมกลัวว่า แต่พ่อแม่ผมและพ่อแม่อาร์ทหันมามองหน้าผมสองคนเขม้งเลย ผมนี้หัวหดทันที
 
           “เป็นแฟนกัน..นี้เลยเป็นเหตผลที่ผมอยากให้โจ้มาอยู่กับผมนะครับ" ผมสะบัดหน้าไปมองอาร์ท
 
           "อะไรนะ!!" พ่อผมกับพ่ออิท
 
           "เปร้ง! เปร้ง! เปร้ง! " เสียงช้อนและส้อมถูกวางลงจาแม่ปิ่น แม่จี้ ไอ้จัสมินน้องชายผมยกเว้นไอซ์มันรู้อยู่แล้ว
 
           "โป้ก!" โดยไอ้จัสมิน
 
           "เขาตกใจกันมึงก็กินอยู่ได้ไอ้ไอซ์" จิสมิน ไอ้ไอซ์มันก็สะบัดหน้ามามองผมสองคน ทำท่าตกใจ มันช้าไปไหม
 
           "ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี๊ยะ!" พ่อผมถามเสียงดัง
 
           "คุณ"แม่จี้ดแตะแขนพ่อผม ผมหันมามองไอ้อาร์ททำไมไม่บอกผมเลยว่ามันจะพูดเรื่องนี้วะ
 
           "ได้สองอาทิตย์แล้วครับอาธร...ผมสองคนรักกันแต่เพิ่งจะรู้ใจตัวเองนะครับอาธร"
 
           "ไอ้อิท!!" พ่อผมเรียกอาอิท อาอิทก็ลุกขึ้นยืนต้องเกิดเรื่องแน่ๆเลย พ่อผมลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปหาอาอิท อย่าบอกนะ พ่อผมจะต่อยกันนะ ผมคงเสียใจมากกกก
 
           "อาร์ท..มึงพูดทำไมว่ะ" ผมถามไอ้คนที่ก้มหน้าลง
 
           "อิท..กรูดีใจด้วยวะ...เราเป็นทองแผ่นเดียวกันอย่างที่เราตั้งใจไว้แล้ววะ"
 
           “หมับ” พ่อผมกับอาอิทกอดกันแน่นมาก
 
           "O_O" ผมกับไอ้อาร์ท "เปร้งๆ" ช้อนและส้อมของผมสองคนล้วงหลุดจากมือพร้อมกัน
 
           "พ่อเขาเคยตกลงไว้ตั้งแต่แม่ท้องแล้วแหละถ้ามีลูกให้แต่งงานกันแต่ที่ไหนได้ออกมามีจู๋ทั้งคู่" แม่ปิ่นกับแม่จี้ดหันมายิ้มให้กัน
 
           " ^0^ " หน้าตาบรรดาน้องชายผมทั้งคู่
 
           "ตกลงเราสองคนคิดแบบนั้นกันจริงๆเหรอลูก" แม่จี้ดถามผมสองคนอีกที ผมพยักหน้าก่อนจะหันไปมองคนข้างๆ
 
           "แม่ดีใจจริงๆเลยได้ลูกชายเพิ่มอีกคน..โจ...ไม่ต้องเรียกน้าแล้วซิเรียกแม่ซินะ" แม่ปิ่นบอกผม
 
           “เดี๋ยวนะแม่..แม่คิดจะคัดค้านให้โจหน่อยเหรอแม่” ผมขมวดคิ้วถามแม่จี้ดคนสวยของผม
           “ไม่เลยลูก!!..แม่สองคนเห็นด้วยอย่างยิ่งลูก” ห๊ะ!
 
           "ถ้าอย่างนั้นดีเลยจี้ดจะได้เดินทางไปเรียนเมืองนอกด้วยกันจบแล้วค่อยแต่งงานกันดีไหมลูก" แม่ปิ่นพูดกับแม่จี้ด
 
           “หมั้นกันก่อนไหมจี้ด ให้หมั้นกันก่อนไปเรียนเมืองนอกเนอะ และกลับมาแต่งงาน บร้าๆๆ” พ่อกับแม่วางแผนชีวิตรักผมสองคนกันใหญ่ อยากบอกว่าตอนที่ลูกจะมีผัวลูกไม่ได้แพลนถึงอนาคตเลยนะแม่น่ะ ผมควรจะดีใจดีไหม
 
                        ผมมีความสุขโชคดีว่าครอบครัวไหนๆก็ว่าได้ที่พ่อแม่เข้าใจไม่ว่าเราเลยสักนิดและโชคดีที่ทั้งสองครอบครัวเรา พ่อแม่เป็นเพื่อนกันที่รักกันมาก ผมไม่เคยรู้เรื่องแม่จี้ดกับแม่ปิ่นพูดมาก่อนเลยว่าถ้ามีลูกจะให้แต่งงานแต่ดันออกมาเป็นผู้ชายทั้งคู่แถมน้องก็เป็นผู้ชายทั้งคู่แต่มันไม่ใช่อุปสรรค์ทางเพศอีกต่อไป ผมสองจะรักกันจนแต่งงานกันให้ได้
 
           หลังอาหารเย็นพ่อก็ไปนั่งคุยกับพ่อธรต่อ ส่วนแม่จี้ดกับแม่ปิ่นก็คุยกันตามประสาแม่บ้านแม่เรือน ผมนั่งเล่นเกมส์ในห้องนั่งเล่นของอาร์ท ส่วนอาร์ทก็นอนหนุนตักผมเล่นเกมส์ด้วยกัน
 
           "พี่อาร์ทเล่นมั้งจิ" ไอ้ไอซ์มันเดินเข้ามาขอเล่นเพลย์สเตชั้น 4 ใหม่ล่าสุดเลยก็ว่าได้
 
           "อืม" อาร์ทมันส่งเสียงและส่งจอยส์เกมส์ไร้สายไปให้น้องชายมัน จัสมินก็นั่งลง เล่นเกมส์ด้วยกันกับไอซ์ ผมก้มลงมองคนที่นอนหนุนตักผมเอามือลูบผมนั้นเบาๆ อาร์ทมันก็จับมือผมไปจูบ
 
           "ไม่เห็นมีอะไรที่น่ากลัวเลยโจ..คิดมากไปเอง"
 
           "ก็ใครมันจะไปรู้ละว่าพ่อแม่ของเราเคยตกลงกันไว้แบบนั้นแต่ที่เขาตกลงคือไม่กูหรือมึงน่าจะออกมาเป็นผู้หญิงสักคนหนึ่งนะอาร์ท"
 
           "เพราะพ่อแม่เรารักกันไม่ว่าเพศไหนท่านก็อยากให้เราเราดองกันอยู่ดี"
           
           "พี่โจ!!" จัสมินมันเรียกผม
 
           "ไอ้ไอซ์หอมแก้มจัสมินอะ"น้องชายผม
 
           "ปึก" ผมคว้าหมอนปาไปที่ไอ้ไอซ์ ถึงยังไงผมก็ยังหวงน้องชายผมอยู่ดี
 
           "น้องมึงนี้มันทะลึ้งเหมือนมึงไม่มีผิดเลยไอ้อาร์ท!!!"
 
          ไม่นานแม่กับพ่อผมก็ขอตัวกลับบ้านส่วนผมก็ยังคงนอนอยู่บ้านอาร์ท เราคุยหลายเรื่องตั้งแต่จบแล้วไปเรียนมหาวิทยาลัยและกลับมาทำธุรกิจของพ่อแม่ด้วยกัน พ่อของอาร์ททำธุรกิจผู้รับก่อสร้างบ้านบริษัทค้อนข้างใหญ่ที่นี้และพ่อของผมก็เป็นผู้รับเหมาให้กับการประปารับเหมาติดตั้ง ผมเดินกลับขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวชุดนอนและอาร์ทก็ด้วย
 
           "ฟ้อด" อาร์ทขึ้นมาบนเตียงได้ก็ดึงผมเข้าไปหอมแก้มและถ่ายรูปเซลฟี่ และมันก็ก้มหน้าก้มตากดเล่นมือถือต่อ
 
           ตื้ด!!! เสียงเตือนว่ามีการอัพเดทบนแอพพลิเคชั่นตัวเอฟของผม ผมหยิบมาดู
 
           ขณะ Arty ได้ทำการเปลี่ยนสเตตัสบนเพจของเขาเป็น Married with JoJo เรียบร้อยแล้ว
 
           ผมถึงกับสะบัดหน้าไปมองอาร์ทเอาแบบนี้จริงๆเหรอ อาร์ทหยักคิ้วแต่ผมกลับดีใจแปลกๆ ไม่กล้ายิ้มต่อหน้าต้องหันหลังแอบดีใจ แม่จี้ดลูกชายแม่มีผัวอย่างถูกต้องแล้วเขาแต่งงานแล้วนะ ในเฟสบุ๊ค อิอิ
 
           "ทำไมต้องหันหลังดีใจด้วย..หึ!!" คนที่นั่งข้างหนังผมพยายามไล่ต้อนผมจนเรียกได้ว่าจนมุมเลยทีเดียว
 
           "จ๊วบ!!" รสจูบที่ดูดดื่ม
 
           "คราวนี้เป็นเมียกับแบบสมบูรณ์แล้วมาทำหน้าที่เมียเลย จันทร์ถึงอาทิตย์ ไม่มีวันหยุด ไม่ว่ามันหยุดนักขัติฤกษ์ เพราะรักเราไม่มีวันพัก" ผมควรจะดีใจหรือเสียวะเนี๊๊ยะที่ไม่มีวันหยุดรักและมันก็ไม่มีวันพักให้ผมอีก..อาร์ท..อ๊า!!!
 

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริส) EP.22 เรื่องเตรียมตัวเพื่อไปสอบGED
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 22-08-2020 21:32:43
         
EP.22 ครูเขมXคริส เรื่องเตรียมตัวเพื่อไปสอบGED

   ​​​​​​​ครูเขมชาติ ผมพากันตื่นเช้าช่วยกันทำความสะอาดบ้าน ถึงแม่ผมไม่อยู่บ้านแต่ผมก็ทำเอาไว้ให้แม่ตอนที่แม่กลับมาจะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำอีก คริสโตเฟอร์ก็ช่วยตัดหญ้าข้างๆ บ้านให้เขาบอกว่าเคยช่วยแม่เขาทำตอนพักการเรียนไปอยู่ที่รีสอร์ต เช้านี้ผมทำอาหารทานกันง่ายๆ ข้าวผัดไข่ ไม่รู้คนที่กินอยู่ตรงหน้าผมนี้หิวหรือว่าผมทำอร่อยจริงๆ ซะก็ไม่รู้ทานหมดเกลี้ยงเลย



"พี่เขมวันนี้เราไปที่ไหนกันครับ" คริสโตเฟอร์ถามผม ขณะที่ยืนช่วยกันล้างจานกัน



"พี่จะพาเราไปหาอาจารย์ของพี่นะเขาเป็นคนอาจารย์ภาคภาษาอังกฤษและเป็นอาจารย์ที่พี่เคารพรักคนหนึ่งตอนนี้อาจารย์เปิดศูนย์เพื่อติวคนที่ต้องการสอบเข้าGED ซึ่งพี่จะให้เราสอบนี้แหละ" ผมหันมาบอกคริสโตเฟอร์



"คริสโตเฟอร์ขึ้นไปอาบน้ำก่อนก็ได้นะ"



"ไม่อาบด้วยกันเหรอตะได้ช่วยกันประหยัดน้้ำ" ผมเหลียวหลังหันไปมอง คนที่ยืนทำสายตาเชื้อเชิญ



"แค่อาบน้ำนะเพราะว่าเราต้องรีบไป..คริส" ผมพูดคริสโตเฟอร์พยักหน้าให้ผม และผมสองคนก็พาเดินขึ้นห้องเพื่อเตรียมอาบน้ำด้วยกัน เราสองคนอาบน้ำด้วยกันแค่น้ำอาบน้ำเท่านั้นแต่ก็มีความสุขแล้ว



ผมสองคนแต่งตัวเพื่อเตรียมออกไปข้างนอกไปหาเพื่อนผมไอ้เกรทและไปเยี่ยมอาจารย์ผมด้วยไม่ได้ไปนานปีกว่าได้แล้ว เมื่อก่อนอาจารย์มีกิจกรรมรุ่นน้องและอาจารย์ก็มักจะเอ่ยปากถามผมและผมก็ไม่เคยปฏิเสธอาจารย์เลยที่จะเข้าร่วมด้วย ผมขับรถมายังตึกที่มีออฟฟิศจำนวนมากมายและมีศูนย์ติวเตอร์มาเช่าที่นี้จำนวนมากมายเช่นกัน



"ตื่นเต้นหรือไง" ผมหันไปถามคริสโตเฟอร์ เขาพยักหน้าก่อนจะเดินลงจากรถ



"ฮัลโล..เกรท "



"ว่าไงถึงไหนแล้ววะ"



"อยู่ที่ลานจอดรถแล้วว่ะเกรท"



"งั้นขึ้นมาเลยวะชั้นที่ 16 "



"อารจารย์อรปรียากำลังเดินทางมาถึงวะ"



"โอเคงั้นเดี๋ยวเจอกันวะ" ผมวางสายหันมามองหน้าคริสโตเฟอร์ดูเขาแอบกังวลนิดหน่อยนะ หลังจากโทรหาเกรท มันบอกว่าอาจารย์กำลังจะเข้ามาผมพาคริสโตเฟอร์ขึ้นไปรอที่ศูนย์จะได้คุยรายละเอียดกับเกรทก่อน ระหว่างอยู่ในลิฟต์ผมเห็นเด็กสาวมองคริสโตเฟอร์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก็แน่ละหน้าลูกครึ้งเป็นทุนอยู่แล้ว และที่นี่เป็นศูนย์ติวเตอร์ก็ต้องมีเด็กมัธยมซะส่วนใหญ่ด้วย



“หมับ” ผมรู้สึกว่ามือสอดเข้ามาในฝ่ามือผมและกุม มือผมเอาไว้



“แกเขาเป็นแฟนกันวะ” ผมได้ยินสาวๆ คุยกัน ผมหันมาเหล่ตามองคนข้างทำแบบนี้เรทติ้งจะตกเอานะ



“รักเดียวใจเดียว” คริสโตเฟอร์กระซิบที่หูผม และจังหวะที่ลิฟต์เปิดพอดี



“เสียดายอะหล่อด้วย” สาวๆ พากันร้องด้วยอาการเสียดายเป็นแถว ผมเดินตามป้ายบอกทางไปถึงติวเตอร์ GED พอเปิดประตูเข้าไปประชาสัมพันธ์ก็ออกมาต้อนรับทันที



“สวัสดีค่ะ ...พาน้องชายมาเรียนพิเศษเหรอคะ” ผมหันไปมองคริสโตเฟอร์ ก็ยังดีกว่าถามว่าพาลูกมาเรียนติวเตอร์หรือเปล่า เพราะว่าช่วงนี้ ชอบเรียกพ่อเขมอยู่ด้วย



“เขม!” เส่ยงเรียกชื่อผม เกรท เพื่อนผมเดินออกมา



“ดีวะเกรท...เออ..นี้คริสโตเฟอร์” ผมทักทายและแนะนำคริสโตเฟอร์ทันที ไอ้เกรทหยักไหล่ให้



“น้องฟางครับนี้เขมชาติเพื่อนพี่ครับ” เกรทมันแนะนำผม



“แล้ว ...”



“คริสโตเฟอร์...แฟนเพื่อนพี่ครับ”



“โห่!!! ...” สาวๆ ที่นั่งที่โต๊ะพากันร้องด้วยความเสียดาย



"แม้เห็นเด็กๆ หน่อยไม่ได้เลยนะ " ไอ้เกรทมันแซวทุกคนในห้องนั้น



"ไปว่ะ ..เขาไปคุยกันด้านในดีกว่า" ไอ้เกรทพูดผมหันไปยิ้มให้สาวๆ ที่ทำหน้าละห้อยแทน และเดินตามหลังเพื่อนผมเข้าไปโดยมีคริสโตเฟอร์ตามหลังผมอยู่เช่นกัน



"น้องเขาเป็นลูกครึ้งประเทศอะไรวะ" ไอ้เกรทมันกระซิบถามผม



"ไทย-ออสเตรเลีย..แต่อย่าถามน้องเข้าเรื่องนี้มากนักนะ เกรท น้องเขาไม่พร้อมจะคุยเรื่องเกี่ยวกับพ่อของเขา " พูดกระซิบกับไอ้เกรทมัน มันก็พยักหน้าผมไม่รู้ว่ามันจะเข้าใจผมไหม ผมคิดว่ายังไม่ควรถามเกี่ยวกับครอบครัวเขามากเพราะว่าคริสยังไม่เปิดใจเรื่องนี้เต็มร้อยและอาจจะเขว่



"โอเครู้เรื่อง" ไอ้เกรทพูดและหันไปหยักคิ้วกับคริสโตเฟอร์ ผมเดินเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ



"นั่งเลยครับ" เกรทมันผายมือให้ผมสองคนนั่งลงตรงข้าม ผมหันมามองคริสโตเฟอร์



"ไม่ต้องเครียดไปครับ..ถึงข้อสอบจะเป็นภาษาอังกฤษแต่เนื้อหาก็เหมือนกับที่เราเรียนที่โรงเรียนนั่นแหละครับและยิ่งเป็นแฟนพี่เขมที่เก่งภาษาอังกฤษขนาดนี้ด้วยแล้ว..ถือว่าเราล้ำหน้าคนอื่นไปเกือบครึ้งแล้วนะ" เกรทมันพูด



"มึงจะให้น้องเขาติวสังคมอย่างเดียวหรือว่า วิทยาศาสตร์ด้วยละ" เกรทถามผม



"ก็ดีวะ ว่าแต่มึงจะมีเวลาว่างให้เหรอว่ะเกรท"



"วันอาทิตย์ดิครึ้งวัตอนเช้าไหวไหมว่ะ หรือไม่ก็ติวออนไลน์ได้ ไม่ยากเลย" เกรทผมพยักหน้า ผมหันมามองคนข้างซิว่าไหวไหม



"ไหวครับพี่เขม" คริสโตเฟอร์ตอบผม ผมพยักหน้ากับ



"พวกหนังสือนี้สั่งตามเว็บไซต์ก็ได้หรือว่าในซีเอ็ดบุ๊กก็ได้ว่ะ แต่แนะนำ หนังสือ GED ของ BARRON เนื้อหาค่อนข้างตรงกับที่สอบ"



"ส่วนวิทยาศาสตร์รอว่าที่เจ้าสาวพี่แกรนด์เขามาสอนแล้วกันวะ "



"น้องมึงเรียนจบแล้วเหรอวะ"



"เพิ่งจบก็ได้ชิมลางสอนที่นี้เลยดีไหมล่ะ" ไอ้เกรทพูด ผมรู้จักน้องแกรนด์ ผมนั่งคุยกันได้สักพัก คุยจิปาถะไม่ว่าเรื่องที่มหาวิทยาลัยตอนสมัยเรียน จนกระทั่งเสียงอาจารย์อรปรียาดังเข้ามาในห้องทักทายติวเตอร์ที่มารอสอนเด็กๆ ผมหันไปมองอาจารย์



"อาจารย์อรปรียาสวัสดีครับ" ผมรีบยกมือไหว้



"ไงจ๊ะเขม..ตายแล้วไม่เจอกันนานเลย สบายดีไหมเราแล้วนี่ไปเป็นคุณครูที่ไหนละ ได้ยินว่าหนีไปซะไกลจากกรุงเทพเลย "อาจารย์อรปรียาถามผมด้วยความห่วงใย



"โรงเรียนที่ไปผมไปเป็นครูอยู่ไม่ไกลมากหรอกครับอาจารย์ ขับรถแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้วครับ"



"พอวันหยุดผมก็ก็ต้องกลับมากรุงเทพมาหาแม่นะครับ"



"ดีแล้ว..ไปทำงานไกลๆ กันหมด ท่านคงเหงาแย่เลยและยิ่งเออรี่ไปก่อนตอนที่พ่อเราป่วยหนักน่ะ " อาจารย์อรปรียารู้จักคุณแม่ของผมเพราะว่าท่านเป็นครูสอนอาจารย์มาก่อนตอนเรียนโรงเรียนมัธยม



"ว่าแต่หนุ่มน้อยนี้ใครกันละน้องชายเราเหรอเขม..เอ้!! เท่าที่อาจารย์ทราบเราเป็นลูกคนเล็กไม่ใช่เหรอ"



"คนนี้แฟนมันครับอาจารย์" ไอ้เกรทมันรีบตอบแทนผม



"อ้อเหรอ! ..แล้วแฟนคนเก่าเราละ"



"เลิกไปแล้วครับ" ผมตอบอาจารย์อรปรียาและอาจารย์อรปรียาก็หันไปมองคริสโตเฟอร์



"ลูกครึ้งเหรอเรา" อาจารย์อรปรียาถามคริสโตเฟอร์



"คะ...ครับ..ผมเป็นลูกครึ้งแม่เป็นคนไทยส่วนพ่อเป็น...คนออสเตรเลียครับ"



"ดีเลยซิ เธอน่าจะได้ซิตี้เซนนะ ได้โอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศได้ด้วย"



".หึ? ..หรือว่าไม่อยากไป" อาจารย์อรปรียาถามคริสโตเฟอร์



"นี้แหละครับอาจารย์ เขมมันเลยพาน้องเขาเข้ามาคุยกับผมพวกผมและมาหาอาจารย์ด้วยครับ..เรื่องที่น้องจะไปสอบ GED ครับอาจารย์ "



"อืม...ได้ซิ...แล้วมีอะไรให้อาจารย์ช่วยก็บอกได้เลยนะ เขมนะเป็นคนดีตอนเรียนก็ช่วยงานที่อาจารย์ขอเยอะแยะเลย ดังนั้นเรื่องนี้ก็บอกอาจารย์ได้นะ อาจารย์เต็มใจช่วย เขม" อาจารย์บอกผม ผมหันไปยิ้มกับเกรท



"ผมแค่จะพาน้องเขามาเรียนพิเศษที่นี้ทุกวันอาทิตย์นะครับ"



"ได้เลยเรื่องค่าสอนก็ตกลงกันเองแล้วกันนะ" อาจารย์อรปรียาพูดและมองผมกับเกรท



"เขมปิดเทอมใหญ่ว่างไหมล่ะ..มาติวภาษาอังกฤษที่ศูนย์ให้อาจารย์หน่อยจะได้มีรายได้เพิ่มเพราะว่าครูสอนภาษาพากันไปเรียนต่อที่ต่างประเทศหลายคนเลย" อาจารย์เอ่ยปากชวนผมแบบนี้ ผมนี้ดีใจที่สุด



"ได้ครับอาจารย์" ผมตอบรับคำขอของอาจารย์ทันที โดยไม่ลังเล



"ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ไปคุยกับผู้ปกครองที่เขาจะพาลูกมาเรียนที่นี้ก่อนนะ" อาจารย์อรปรียาเดินออกไป ผมหันมามองเกรท มันก็หยักไหล่ ผมหันมานั่งลงที่โต๊ะเหมือนเดิมไอ้เกรทมันเดินไปหยิบพวกหนังสือตัวอย่างวิชาสังคม



"พี่แจงหวัดดีครับพี่" เกรททักทายคนที่เข้ามาใหม่ผมรู้จัดพี่คนนี้เป็นรุ่นพี่ของมหาวิทยาลัยผมเอง ผมหันไปยกมือพี่แจงและคริสโตเฟอร์ก็ด้วย พี่เขาหันมามองคริสโตเฟอร์



"นักเรียนใหม่เหรอ...เขมพาน้องชายมาเรียนเหรอ...มีคุณครูประจำหรือยังอะ..หล่ออะ.อยากแสดงความดูแล" พี่แจงรีบพูดทันที และมองคริสโตเฟอร์พร้อมกับทำตาเล็กตาน้อยใส่



"พี่แจงจะกินเด็กเหรอพี่..ที่บ้านอะ"



"พี่จะไปฆ่ามันทิ้งวันนี้แหละ"



"กินไม่ได้หรอกพี่น้องเขาไม่กินชะนี" ไอ้เกรทพูด พี่แจงหันมามองเกรท ไอ้เกรทมันก็พยักหน้าว่าตามนั้นแสดงว่ารู้กัน



"ชะนีเซ็งค่ะ" พี่แจงสะบัดหน้าเดินกลับไปที่โต๊ะ



"เกรท! ..นี้พี่สั่งหนังสือมาให้นักเรียนคนหนึ่งนะ..จู่ๆ นางก็ไม่เอานางบอกว่ามีแล้ว และหาว่าพี่แจงไม่บอกเขาว่าหนังสือหน้าตาเป็นยังไง" พี่แจงพูดอย่างอารมณ์เสีย



"จริงดิพี่!! ..งั้นพี่ก็ขายให้เขมไปเลยพี่มันอยากได้"



"จริงซิ ..ให้น้องคนนี้ใช่มัยอ่ะ...ถ้าอย่างนั้นพี่ให้ส่วนลดแต่..ไปกินข้าวกับพี่หนึ่งวัน ดูหนังด้วยหนึ่งรอบอันนี้พี่สมนาคุณให้ " พี่แจงรีบยื่นขอเสนอทันที ผมหันไปมองคริส เอาไหมส่วนลดแต่ไปกับพี่เขาหนึ่งวัน คริสโตเฟอร์แอบส่ายหัวว่าไม่ไป



"เขมมึงยอมจ่ายเต็มเถอะว่ะ" ไอ้เกรทพูด ผมก็พยักหน้าว่ายอมจ่ายเต็มไม่งั้นเด็กผมโดนงาบครับ



“อุ้ยตายแล้ว! แม้ตอบไม่ใช่เวลาคิดเลยนะย๊ะ” พี่แจงหันมาค้อนทันทีและพี่แจงก็หยิบหนังสือมาส่งให้ผม

"พี่ล้อเล้นคะ ...นี้ค่ะน้องเขม...ว่าแต่น้องอยากไปสอบGEDเหรอคะ ..ดูท่าทางยังไงก็สอบได้แน่ๆ นอน...ลูกครึ้งก็คงต้องเก่งภาษาอังกฤษอยู่แล้ว" พี่แจงพูดผมหันมาเหล่มองคริสโตเฟอร์



"พี่เกรท..อุ้ย! ....นักเรียนใหม่เหรอคะ" อีกคนก็น่าจะรุ่นน้องพวกผมแน่นอน ผมกันไปส่งยิ้มให้



"ทำไมละน้องมิล..."



"มาเรียนวิชาอะไรเหรอ..เรียน GED Math กับพี่ไหมคะ..อยากสอนอะ"



"ชะนี! ..นักเรียนเธอนั่งตาแป้วอยู่ในห้องเรียนนะ..อันนั้นก็น่าสอนนะย๊ะ! " เกรทมันหันไปบอกน้องเขา ทำเบ้ปากใส่เลยก่อนจะเดินออกไป ไอ้นี้ก็ทำเหมือนแต๋วแตกขึ้นทุกวัน



"จะรอดไหมวะเด็กมึงเนี๊ยะ!  มีแต่คนอยากงาบ" ไอ้เกรทมันแซวผม ผมเดินไปหยิบกล่องหนังสือที่มีคนสั่งไว้แต่ไม่มาเอาที่โต๊ะพี่แจง และก็จัดการจ่ายเงินทันที ผมหยิบมานั่งเปิดดู ภาษาอังกฤษไม่ยากสำหรับผมนะ จะมีพวกwritting and reading ซึ่งผมถนัดอยู่แล้วและมีพวกคณิตศาสตร์จะหนักหน่อยแต่เขามีสูตรให้



"คณิตผมได้นะพี่เขม" คริสโตเฟอร์บอกผม ผมพยักหน้าว่าดีแล้ว



"เดี๋ยวเราไปหาอะไรทานกันดีกว่าวะ..กูไม่มีสอนเช้าจะมีก็ตอนบ่ายเลยจนถึงเย็นวะและกูจะขับรถไปรับแฟนก่อน" ไอ้เกรทมันพูด



"วันนี้แฟนอยู่เวรโรงเรียนวะ"



"โอเคถ้าอย่างนั้นเจอกันที่ห้างเลยนะว่าจะไปซื้อของสักหน่อย" ผมหันไปบอกเกรท มันก็พยักหน้า ก่อนไปผมเดินไปไหว้ลาอาจารย์อรปรียาก่อนและพากันเดินออกมา ผมเห็นหนังสือก็แอบกลัวว่าคริสโตเฟอร์จะเครียดเกินไปนะซิ ผมขับรถออกมาจากตึกและตรงไปที่ห้างว่าจะพาคริสโตเฟอร์ไปหาซื้อเสื้อผ้าไว้ใส่สักหน่อย



"เป็นไงพอจะไหวหรือเปล่า" ผมถามคริสโตเฟอร์เขามองหน้าผมและพยักหน้าคณิตผมเข้าใจแต่บางสูตรผมยังอ่อนอยู่เลยอะพี่เขมและผมก็กลัวจำสูตรได้ไม่หมดนะซิ"



"ไม่ต้องกล้วเขามีสูตรให้และเครื่องคิดเลขเพราะว่าเวลาสอบใช้คอมพิเตอร์สอบ" ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์ก่อนจะเลี้ยวรถเพื่อเข้าไปหาชั้นที่จอดรถ



"เดี๋ยวพี่พาเราไปหาซื้อพวกรองเท้า เพื่อว่าอยากได้คู่ใหม่ๆ เอาไว้ใส่ไปเที่ยวอะไรพวกนี้" ผมหันไปถามคริสโตเฟอร์



"เออ...ไม่เอาดีกว่าเปลืองเงินพี่เขมแค่หนังสือก็จ่ายเยอะแล้วนะ"



"เอาน่ะไปเถอะ! " ผมพูดระหว่างที่ผมกับคริสโตเฟอร์เดินจะเดินตรงไปที่ประตูทางเข้าตัวห้่ง



"พี่เขม! " คริสโตเฟอร์เรียกผม ผมหันไปมองว่ามีอะไร และมองตามสายตาของคริสโตเฟอร์ ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาคุ้นๆ มากกำลังยืนกอดเอวผู้ชายอีกคนที่ใครก็รู้จักดีเกย์แถวหน้าของวงการแถมยังมีหน้าที่การงานดีซะด้วย



"นั้นมันไอ้คนที่แฟนพี่บอกว่าเป็นตัวจริงไม่ใช่พี่นิ...มันชื่ออะไรนะ.."



"ไอ้แม๊ค..พี่ก้องพี่ชายพี่บอกแล้วแหละว่ามันเป็นน้องๆ แมงดาไม่คิดว่าพี่ชายพี่จะพูดถูกซะด้วย "



"ถ้าอย่างนั้น...แฟนพี่ ..."



"เขาไม่ใช่แฟนพี่แล้วนะ....หึ? "



" ผมกลัวเขากลับมาหาพี่จังเลย"



"คริสเชื่อพี่นะ..ได้ไหม..ไม่ว่ายังไงพี่ก็ไม่กลับไปหาณัฐกานต์ " ผมพูดผมรู้เป็นใครก็ต้องกังวล ผมเดินเข้าไปในตัวห้างทันที เดินจับมือกันเข้าไปตรงไปหาซื้อรองเท้า คริสโตเฟอร์เขาชอบคอนเวิร์ส ออลสตาร์ ผมก็พากันไปหาซื้อมาคู่หนึ่งและพวกกางเกงยีนสองสามตัวและเสื้อเชิ้ต ระหว่างที่ผมกำลังเดินผ่านร้านที่ขายพวกชุดนักเรียนผมกลับหวนคิดถึงอนุชิต เสื้อผ้าเก่าๆ มาก และรองเท้าที่ขาดวิ่นต่อให้ใกล้จะจบม.3 แล้วก็ตาม



"พี่ขอเข้าไปดูชุดนักเรียนกับรองเท้านักเรียนหน่อยซิ"



"พี่จะซื้อให้ผมเหรอ"



"เรามีเยอะแยะแล้วพี่จะซื้อให้อนุชิตนะ..เขาน่าสงสารนะ " ผมพูดแต่



"พ่อพี่สอนว่าถ้าเรามีแล้วเราควรแบ่งปันให้คนที่ไม่มี เขาจะได้มีบ้าง" ผมพูดกับคริสโตเฟอร์ ผมเข้าไปเลือกชุดนักเรียนกะไซส์เอาคิดว่าคงจะเผื่อเหลือไว้หน่อยและรองเท้าอาจจะใหญ่นิดหน่อยไม่มากหนัก ผมก็จ่ายเงิน



"พี่เขม..ทำไมพี่เขมดีอย่างนี้ละ..ผมว่าพี่ควรจะเป็นครูนะ...พี่มีจิตใจเมตตาดีจังเลยอะ"



"แล้วคริสละอยากจะเป็นอะไร" ผมหันไปถามเด็กหนุ่มตรงหน้า



"ผมไม่เคยคิดถึงอนาคตเลยสักนิดจนกระทั่ง.."



"หึ? "



"เจอพี่เขม..ผมคิดว่าผมต้องมีอนาคต.."



"แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าผมจะทำได้ไหมอะพี่เขม"



"อยากเป็นอะไรละ" ผมถามคริสโตเฟอร์ ผมมองเข้าในแววตาคู่นั้น ที่เขามองผม



"ณ ตอนนี้ ผมอยากเป็นครูเหมือนพี่เขมแล้วซิ " นายคริสโตเฟอร์พูด ผมก็ยิ้มให้เขา



"ทำได้ซิถ้าเราตั้งใจ"ผมพูด



Rrrrrrrrr โทรศัพท์ผมดังขึ้นพอดีเลย ไอ้เกรทมันโทรหาผมมันคงถึงแล้วซินะ ผมรีบกดรับสายทันที



"อยู่ไหนวะเขม"



"อยู่ชั้นเสื้อผ้าเด็กผู้ชายนะ"



"ขึ้นไปชั้นบนเลยนะไปทานร้านประจำเรากัน" เกรทบอกผม



"ได้แต่ขอเอาของไปเก็บก่อนนะขึ้นไปก่อนเลยเดี๋ยวตามขึ้นไปวะ "



"โอเคเจอกัน..นี้นิน่าเขาตื่นเต้นอยากเจอพี่รหัสแย่แล้วเนี๊ยะ"



"เอ๊ะ!! หรือว่าจะเปลี่ยนใจมา" ผมแอบแซวไอ้เกรท



"อย่าพูดจาหยาบคายอย่างนั้นดิวะ" ทำเสียงเหมือนจะหึงแฟนขึ้นมาทันที



"กูพูดเล่นเดี๋ยวเจอกัน" ผมกดวางสาย



"เดี๋ยวเราเอาถุงหิวพวกนี้ไปเก็บที่รถกันก่อนดีกว่า" ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์ผมเดินเอาถุงไปเก็บที่รถและรีบเดินกลับขึ้นไปชั้นโซนร้านอาหารที่นัดเกรทกับแฟนของเกรทไว้ ผมรู้จักนิน่าเธอเป็นน้องรหัสของผมและเธอเองก็เคยแอบชอบผมอยู่ตอนนั้นผมคบกับณัฐกานต์แล้ว นิน่าก็โดนณัฐกานต์ด่าว่าเสียๆ หายๆ จนเธอไม่กล้ามาเรียนเป็นอาทิตย์และไม่นานผมก็รู้ว่าเธอกับเพื่อนผมไอ้เกรทกับคบเป็นแฟนกันซึ่งผมก็ดีใจนะที่เกรทเพื่อนสนิทของผมจะได้ดูแลน้องรหัสที่ผมรักเหมือนน้องสาวผมคนหนึ่ง



"ขอโทษทีวะเกรท...สวัสดีครับนิน่า" ผมรีบเดินเข้าไปและทักทายนิน่า



"นิน่านี้คริสโตเฟอร์" ผมแนะนำคริสโตเฟอร์



"สวัสดีค่ะ ..คนนี้เหรอแฟนพี่เขม..รสนิยมเปลี่ยนไปเยอะนะ" นิน่าแซวผม



"พอนิน่าได้ข่าวว่าพี่เขมเลิกกับพี่ณัฐกานต์ดีใจด้วยนะคะ..นิน่าเห็นเขาทำกับพี่แล้วรู้สึกเสียดายคนดีดีอย่างพี่เขม" นิน่าพูดผมพยักหน้า



"ว่าแต่น้องคนนี้เรียนอยู่เหรอคะ"



"ใช่ครับ..และนี้เขมมันพามาจะให้น้องเขามาติวเพื่อจะไปสอบ GED "



"มาแนวเดียวกับพี่นนท์อีกแล้วใช่ไหมเนี๊๊ยะ!"นิน่าพูดปนขำผม



"เราสั่งอาหารทานเลยดีกว่า" ไอ้เกรทพูดผมก็เปิดเมนูดูที่ไม่เผ็ดให้คริสโตเฟอร์



"น่าอิจฉาอะดูเขารักกันดีจังอะพี่เกรท" ผมได้ยินนิน่าเขากำลังพูดถึงผมกับคริสโตเฟอร์ ผมก็คุยทุกเรื่องตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยและก็ไม่พ้นเรื่องณัฐกานต์ที่เคยต่อว่านิน่าเพราะนิน่าคือน้องรหัสของผม ผมต้องติดตามดูแลว่าเป็นยังบ้างต้องการหนังสืออะไร



"พี่เขมนะเป็นพี่รหัสพี่ที่น่ารักมาก แต่แฟนดุมากด้วย แฟนพี่เขมยังเคยด่าพี่หน้าลานตรงซุ้มจนพี่นะไม่กล้าไปเรียนสองอาทิตย์เลย "



"แต่น่าภูมิใจอย่างหนึ่งนะพี่เขมแมนมากปกป้องพี่..พี่นี้แอบปลื้มเลยะแต่เสียดายพี่เขมดันไม่ชอบผู้หญิง" นิน่าพูดและปิดปากหัวเราะผม



"แต่พี่เขมก็ยังแอบเอาหนังสือของพี่เขม พี่เขาจะจดโน้ตเอาไว้ะละเอียดมากพี่จบมาได้ก็มาจากพี่เขมส่วนหนึ่งนะคะน้องคริส" นิน่ากล่าวชมผม และผมก็ยื่นมือไปแตะหัวนิน่าอย่างเอ็นดู



"จะมีข่าวดีกันเมื่อไหร่" ผมถามทั้งคู่แต่ละคนหันมามองหน้ากัน



"คงรอให้เลยเก้าเดือนไปก่อนวะ"



"ทำไมอะ"



"นิน่ากำลังตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วค่ะ"



"จริงดิวะ...ดีใจด้วยวะ" ผมลุกขึ้นจับมือกับไอ้เกรทที่มันจะเป็นพ่อคนแล้ว"



"เลยต้องรอให้คลอดน้องก่อนดีกว่านะคะพี่เขม" นิน่าพูด



"อย่าลืมบอกกูนะ"



"แน่นอน" ไอ้เกรทพูด



"แล้วนี่จะมาเรียนกับพี่เกรทวันไหนคะ"



"วันอาทิตย์ครับช่วงเช้าช่วงบ่ายจะได้อยู่กับนิน่าไง"



"ไม่เป็นหรอกค่ะแค่ไม่เถลไถลไปไหนก็พอ..คิก..คิก" นิน่าพูดและหัวเราะให้หนุ่มข้างๆ ผมนั่งทานอาหารและของหวานก่อนจะแยกย้ายกันกลับ ผมพาคริสโตเฟอร์กลับบ้าน พรุ่งนี้ค่อยขับรถกลับดีกว่าเพราะว่ากลับไปก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันและวันนี้ผมจะลงมือทำไข่ลูกเขยฝีมือเขมชาติให้คริสโตเฟอร์ทานเอง



"เดี๋ยวพี่โทรหาแม่พี่ก่อนนะคริส"ผมหันไปบอกคนที่นั่งดูหนังเรื่องใหม่อยู่ ผมหยิบโทรศัพท์บ้านมากดเบอร์มือถือแม่รดาของผมทันที ผมจะถามหาซองจดหมายเก่าๆ ของพ่อผม เพื่อว่าผมจะหาอะไรได้บ้าง

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริส)EP.22 .1เรื่องเตรียมตัวเพื่อไปสอบGED 2
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 22-08-2020 23:35:57
           
EP.22 .1เรื่องเตรียมตัวเพื่อไปสอบGED 2
            "เดี๋ยวพี่โทรหาแม่พี่ก่อนนะคริส"ผมหันไปบอกคนที่นั่งดูหนังเรื่องใหม่อยู่ ผมหยิบโทรศัพท์บ้านมากดเบอร์มือถือแม่รดาของผม ผมกดรอสายสักพักแม่ก็กดรับสายทันที
 
             "ฮัลโล..เขม…ว่าไงลูก" แม่กดรับสายผม
 
              "แม่สบายดีไหมครับ "
 
             "สบายดีเขม แล้วนี้เราพาน้องไปที่บ้านหรือเปล่า แม่ได้ยินว่าเรามีปัญหาเรื่องน้องนะเขม" แม่รดาถามผม
 
            "ครับแม่..แต่ผมหาทางออกให้น้องได้แล้ว ผมจะให้น้องไปสอบเทียบม.6หลักสูตรอเมริกาแทนนะแม่"
 
            "อืมมม...ดูน้องหน่อยแล้วกันนะเราเป็นครูและเป็นพี่ด้วยเขาด้วยนะ" แม่พูด ผมก็อดยิ้มให้แม่ที่เข้าใจผมไม่ได้
 
             "แม่ครับเขมถามหน่อยซิแม่ ..จดหมายที่พ่อเคยให้เขมช่วยแปลกนะครับจดหมายที่เขาเขียนมาถึงพ่อเพื่อขอความช่วยเหลือนะครับ ผมไม่แน่ใจผมจำได้ว่ามีชาวต่างชาติเคยเขียนมาขอร้องพ่อให้ตามหาครอบครัวเขานะครับที่เมืองไทยนะครับแม่" ผมถามแม่รดา
 
            "แม่ก็ไม่แน่ใจนะลองดูในกล่องในห้องทำงานพ่อซิลูกแม่ไม่ได้ย้ายอะไรของพ่อเลยนะนอกซะจากแม่เก็บให้มันเข้าที่เข้าทางก็เท่านันเองนะเขม"
 
            "ว่าแต่เขมจะเอาไปทำอะไรรึ"
 
            “ผมคุ้นๆนะแม่ พ่อเคยให้เขมช่วยแปลให้พ่ออยุ่และมันมีฉบับหนึ่ง เขาตามหาเด็กผู้ชายอายุเก้าขวบและได้กลับมาไทยกับแม่ของเขาและเขาก็ขาดการติดต่อไป และมันก็ตรงกับข้อมูลของคริสนะครับแม่” ผมพูดบอกแม่รดา
 
            "ผมอยากจะช่วยคริสโตเฟอร์ตามหาพ่อของเขานะครับแม่ นี่คือความหวังที่ผมพอจะมี"ผมพูดกับแม่รดา
 
            "แล้วเขาไม่โกรธเคืองพ่อเขาแล้วเหรอเขม ที่จะให้เราตามหาพ่อของเขานะ"
 
            "เขมว่าไม่แล้วครับแม่ "
 
            "ดีแล้วแหละสอนให้น้องเขาเข้าใจ..โกรธเคืองบิดามารดานะมันบาปลูก"
 
            "ครับแม่"
 
             "ตาเอิร์ธตื่นนอนพอดีเลย ...นี้ก็ร้องจะไปหาอาเข็มอาเข็ม.."
 
            "อาเข็ม..อาเข็ม" ผมได้ยินเสียงหลานชายของผม แม่คงส่งโทรศัพท์ให้เอิร์ธแน่ๆ
 
            "ว่าไงเอิร์ธ..คิดถึงอาเหรอ"
 
            "อาเข็ม..พี่ต่าย ตายแหง๋แกแล้ว..แม่ดึงคอขาด....แต่พ่อบอกว่าพี่ต่ายตายนานแล้ว"
 
            "พี่ต่าย..ตายตอนที่แม่ดึงต่างหาก!!" เด็กหนอเด็ก
 
            "ไว้อาเขมซื้อให้เอิร์ธใหม่นะว่าแต่เรายังจะเล่นกระต่ายอีกเหรอ"
 
            "เอาๆ..มีพี่ต่ายผีไม่มา"
 
            "ไม่มีผีหรอกย่าก็อยู่กับเอิร์ธ..ไม่มีผีหรอกลูก"
 
            "อะ..พอแล้วเดี๋ยวจะไปอาบน้ำกันเดี๋ยวพ่อต้นกลับมาแล้ว" แม่ผมพูดส่งสัยวันนี้พี่ต้นออกไปดูงานวันหยุดอีกแน่ๆเลย
 
            "แค่นี้ก่อนนะเขม..อ้อ..จุดธูปไหว้พ่อเขาซะซิพ่อจะได้ช่วย...เรื่องวุ่นวายจะได้เบาลงนะลูกนะ”
 
            “เขม… `วันที่ไปทำบุญให้พ่อเรานะ ผู้หญิงที่เขาบอกว่ารู้จักพ่อเขาฝากนามบัตรไว้ให้ เพื่อว่าเขาจะช่วยได้ ลองพกไว้ก็ดีนะ เห็นว่าอยู่ออสเตรเลียเหมือนกันนะลูก” แม่รดาบอกผม ผมก็นึกขึ้นมาได้ พี่เขาชื่อพี่เก๋
 
            “แม่เอาแป๊ะไว้ที่หน้าตู้เย็นนะเขม แม่คิดว่าเพื่อช่วยอะไรได้บ้าง “ แม่รดาพูด ผมก็ยิ้มออกมา
 
            “ถ้าอย่างนั้นแค่นี้ก่อนนะเขม “
 
            "ครับแม่..เขมรักแม่นะครับ" ผมพูดก่อนนจะหันไปมองพ่อคนที่นอนดูทีวีหลับไปเรียบร้อยแล้วผมเดินไปปรับแอร์ให้อยู่ในอุณภูมิปกติ ก่อนนะเดินขึ้นไปเปลี่ยนใส่กางเกงสบายๆ จะได้ลงมาทำอาหารก่อนจะเดินผ่านห้องทำงานพ่อผม
 
            ผมเดินเข้าไปเปิดลิ้นชักหากล่อง มันก็มีพวกจดหมายที่เขาเขียนมาถึพ่อผม หลายคนบ้างคนก็ช่วยได้บ้างก็ไม่สามารถทำอะไรได้แต่ก็พอจะส่งให้หน่วยงานที่ช่วยเหลือตรงนี้จัดการต่อ ผมเปิดหาดูทุกฉบับก็ไม่เจอเลยส่วนใหญ่เป็นเครสจากตุรกี เพราะผู้หญิงประเทศนี้บางคนชอบใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงและก็มีประเทศอื่นบ้างแต่ไม่มี คนที่ต้องการหาครอบครัวของเขาหรือว่าผมอาจจะจำผิด
 
            "พี่เขม!!" เสียงคริสโตเฟอร์เรียกหาผม ผมเดินไปเปิดประตู เขาคงตกใจว่าผมหายไปไหน
 
            "เป็นอะไรคริส"
 
            "ก็ผมเผลอหลับไปและหาพี่ไม่เจออะผมตกใจ"
 
            "ตกใจทำไมพี่อยู่ในบ้านนี้แหละ"
 
            "พี่ว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าและจะลงไปทำอาหารให้เราทาน"
 
            "คริสช่วยพี่เขมทำนะ” คริสโตเฟอร์บอกผม
 
            "ตามใจซิ "ผมพูดและหันไปยิ้มให้เขา สายตาเขามองผมแบบมีคำถามว่าผมกำลังทำอะไรอยู่
 
            "พี่เขามาหาจดหมายพี่จำได้ว่ามีชาวต่างชาติเคยตามหาครอบครัวเขา พี่ไม่แน่ใจว่าภรรยาเขาเป็นคนไทยไหม พี่เคยช่วยพ่อแปลให้แต่พี่หาไม่เจอ"ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์
 
            "พี่เลยคิดว่าเป็นพ่อผมใช่ไหมที่ตามหาผม"
 
            "พี่คิดว่าใช่"
 
            "ถ้าใช่ก็คงจะดีผมจะได้รู้ว่าเขาไม่ได้ทิ้งผมไปและเขายังกลับมาหาผม"
 
            "ภาวนาขอให้พี่หาเจอ" ผมพูดก่อนจะเดินกลับเข้าห้องนอนผมเปลี่ยนเสื้อผ้าสวมกางเกงสบายๆ และคริสโตเฟอร์ก็เปลี่ยนมาใส่ชุดสบายๆเช่นกัน
 
            "โห่!! อะไรวะแม่งแซงคู่เราเลยอะพี่เขมไอ้อาร์ทกับไอ้โจ้อะ" ผมหันไปมองคนที่หยิบมือถือขึ้นและสะบดออกมาแบบนอยด์ๆ
 
            "พี่เขมดูดิไอ้อาร์ทกับไอ้โจ้ มันประกาศแต่งงานกันในเฟสบุ๊คแล้วอะ"
 
            "หึ?" ผมก็ทำหน้างงไปด้วยอีกคน
 
            "อะไรนะแต่งงาน..สองคนนี้เขาเพื่อนกันไม่ใช่เหรอคริส ? "
 
            "ผมลืมเล่าให้ฟัง ..วันที่โป้งจะปลั้มผมนะ อาร์ทกับโจ้ไปนอนเป็นเพื่อนผมและพอผมตื่นมาจะดื่มน้ำแต่ก็เจอมันสองคนจูบกันนะพี่เขมผมนี้ตกใจไม่คิดว่ามันสองคนจะเป็น"
 
            "เขามีแฟนกันไม่ใช่เหรอ แฟนเป็นผู้หญิง..วันนั้นที่พี่ไปรับเราแฟนเขายัง..น่าจะแค่สองอาทิตย์เองนะ" ผมพูดแต่วันนั้น ผมหันไปยิ้มทักทายยังทำหน้าบึ้งใส่ผมอีก
 
            "แฟนมันบอกเลิกวันที่ผมเมาเขาบอกว่าไอ้อาร์ทมีแววว่าจะเป็นเกย์เพราะว่าผมด้วยมั้ง" ผมหันไปมองคริสโตเฟอร์ ผมเลิกคิ้วสูง
 
            "แล้ว..ทั้งคู่ก็หันไป..."ผมหันไปถามคริสโตเฟอร์
 
            "อาร์ทกับโจมันโตมาด้วยนะพี่เขม...พ่อแม่เขาเป็นเพื่อนสนิทกันแต่นี้ประกาศแต่งงานแล้วมันคงบอกพ่อแม่รับรู้แล้วมั้ง" คริสโตเฟอร์พูดผมพยักหน้า
 
            "ถือว่าโชคดีที่พ่อแม่เข้าใจนะ" ผมพูด
 
            "ใช่แต่บ้างคนที่ไม่เข้าใจละ ...พี่เขมไอ้โป้งกับปันปันนะ ผมไม่แน่ใจเรื่องโป้งนะเพราะว่าผมก็ไม่เห็นพ่อแม่จะเป็นคนเข้มงวดอะไรจะกวดขันอะไรโป้งแต่กับไอ้ปันปัน มันไม่เคยกลับบ้านเลยมันบอกว่าเตี่ยมันเกลียดกระเทยเกลียดตุ๊ด บอกว่ามันจะเป็นคนที่สร้างความอับอายกับวงค์ตระกูล"
 
            "ถ้าปันปันอยากให้พี่ช่วยก็บอกนะ" ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์
 
            "โป้งมันบอกผมว่าเตี่ยมันดุจะตายครูเหมือนพวกไม่ฟังเหตุผลใครนะแต่ม๊ามันนะคงรักปันปันมากเลยพี่เขม"
 
            "บางทีเตี่ยดุนะรักมากนะถึงได้ดุ..ส่วนแม่แน่นอนต้องรักมากเช่นกันก็อุ้มท้องมาเองแต่สองคนอาจจะแสดงความรักได้ต่างกันและไม่ใช่แปลว่าคนใดคนหนึ่งไม่รักนะรักทั้งคู่แหละ" ผมหันไปพูด
 
            "หมับ..พี่เขมละ...รักผมมากใช่ปะ"
 
            "ยังถามอีก.." ผมหันไปมอง
 
            "หมับ..."คริสโตเฟอร์รวบเอวผมตอนนี้สวมแค่กางเกงขาสั้นยางยืดและทำท่าจะขยับปากเข้าหาผม
 
            "ทำกับข้าวก่อนจะเย็นแล้ว" ผมรีบพูดดักตอพ่อตัวดี
 
            "พี่เขมจะทำอะไรวันนี้"
 
            "ไข่ลูกเขยไงอยากกินฝีมือพี่ไม่ใช่เหรอ"
 
             "เปลี่ยนเป็นกินไข่เขมแทนได้ไหมอะ...ไม่ต้องลงไปทำข้างล่างด้วยทำกันบนนี้เลย..งับ"
 
             "หื่นตลอด...พอเลยไปลงไปช่วยพี่ทำกับข้าวเลย..หัดบ้างก็ดีนะ..หาอย่างอื่นทำจะได้ลดอาการหื่นลงบ้าง" ผมพูดและดันคนหน้าให้ออกก่อนจะสวมเสื้อทับลงไปและเดินลงมาชั้นล่าง ผมเปิดตู้เย็นหยิบไข่เป็ดที่มี ออกมาและทำการใส่หม้อต้ม หยิบพวกหอมแดงออกมาจะซอย
           
            "ให้ผมทำอะไรดีละที่รัก"
 
             "หันหอมแดงแล้วกันแต่ระวังนะ..จะร้องไห้ละ"ผมหันไปพูด คริสโตเฟอร์หันมาหยิบหอมแดงเล็กมาปลอกเปลือกผมก็เตรียมทำซอสและคอยดูว่าไข่จะสุกหรือยังได้ตักลงแช่น้ำเย็นให้เป็นไข่ตานี
 
             "พี่เขมแสบตาอะ" นั้นไงได้ผลเลย คริสโตเฟอร์หันมา น้ำตาไหลใหญ่เลย ผมเลยต้องละจากที่ทำไปหากระดาษทิชชู้มาซับน้ำตาให้แทน
           
               "เป็นไงละ"
 
              "กว่าจะได้กินนี้ยากเนอะ..." คริสโตเฟอร์พูดผมก็ยืนซับน้ำตาให้
 
              "ไหวไหมเนี๊๊ยะ" ผมถามคริสโตเฟอร์
 
                 "ไหว..ไม่ให้ที่รักทำหรอกเดี๋ยวที่รักร้องไห้"
 
                 "หึๆ ..ทำปากดีนะเรานะ..." ผมทำเสียงหัวเราะในลำคอ กอดอกมองหนุ่มที่ตัวสูงทันผมแล้ว คริสโตเฟอร์ยกมือขึ้นมาโอบใบหน้าผมก่อนจะประกบปากจูบเบาๆ
 
                "มัดจำไว้ก่อน...คืนนี้เป็นของผมนะอย่าลืมละเพราะว่ามันเป็นวันคี่"
 
                 "หึ ? ..อะไรกันเมื่อว่านก็จัดพี่ไปแล้วนะ"
 
                  "นะ..นะ..หลังวันนี้อีกตั้งหลายวันกว่าจะวันหยุดอะอยากให้หลังจากวันอาทิตย์เป็นวันเสาร์ตอ่เลยได้ไหม" คริสโจเฟอร์พูด ผมนี่แอบส่ายหัวเบาๆ ตอนนี้นักเรียนหื่นแซงหน้าครูเขมไปแล้วครับ  ผมก็หันไปทำการตักไข่มาพักน้ำเย็นที่เตรียมไว้และทำซอสและก็เจียวหอมไปด้วย และผมก็ทำพวกผัดผักเพิ่มผัดคน้าหมูและแกงจืดเต้าหู้ไข่ ไม่นานอาหารเย็นฝีมือผมก็เรียบร้อยและเราก็นั่งทานด้วยกัน
 
                  “ ไข่ลูกเขยฝีมือพี่อร่อยเหมือนแม่พี่ทำเลยอะ”
 
                  “แน่นอนแม่ลูกกัน” ผมพูด
 
                  “ทำไมพี่เขมไม่ทำเองละพี่เขมทำอาหารอร่อยออก”
 
                  “พี่จะเอาเวลาว่างที่ไหนไปทำละคริสและนี้พีต้องสอนเราเพิ่มนะเอาไว้วันหยุดค่อยมาทำกินกัน” ผมพูดกับคริสโตเฟอร์
 
                  “จริงซิ คริสลืมไปพี่เขมเหนื่อยแย่เลย”
 
                  “คริสพี่ไม่ได้เหนื่อยมากขนาดนั้นนะ..ถ้าพี่เหนื่อยพี่รู้ตัวเองว่าควรทำยังไงคริส..แค่เราตั้งใจเรียนแค่นั้น” ผมพูด ไม่นานมื้ออาหารก็จบลงคริสโตเฟอร์ช่วยทำคยวามสะอาดเราเก็บทุกอย่างก่อนนจะเดินทางเดินทางกลับแต่เช้าตรู่ผมต้องไปอยู่เวรโรงเรียนพรุ่งนี้ด้วย
 
                  "คริส..แม่เธอชื่ออะไรนะ" ผมถามคริสโตเฟอร์
 
                   "แม่ผมนะเหรอชื่อลลิลภัทร์ ทำไมเหรอพี่พี่เขม"
 
                   "อ้อพี่แค่ถามดูนะเพื่อว่าจะเจอในจดหมายมีผู้ชายต่างชาติเขียนมาขอให้พ่อพี่ช่วยตามหาครอบครัวเขาให้หน่อยนะ" ผมพูดกับคริสโตเฟอร์ แต่ชื่นี้ไม่ค่อยคุ้นหูเลย
 
                   “คริสไปรอพี่ทีห้องนอนก่อนนะพี่จะไปไหว้พ่อพี่ในห้องพระของแม่หน่อย” ผมพูดกับคริสโตเฟอร์ระหว่างที่เดินขั้นห้องบนชั้นสองของบ้าน
 
                    “ผมเข้าไปด้วยได้ไหมครับ” คริสโตเฟอร์ถามผม
 
                    “ได้ซิ” ผมพูดผมเปิดประตูเข้าไป และผมก็จดธูปคนละดอกให้คริสโตเฟอร์รับไป ผมไหว้พ่อที่ผมรัก ผมขอให้ผมได้ขอ้มูลของพ่อของคริสโตเฟอร์ด้วยผมอยากช่วยให้เขาตามหาพ่อเขาให้เจอ
 
                      “ผมรู้สึกว่าผมคุ้นๆหน้าเขานะแต่มันนานมาแล้วตอนนั้น ผมไปบ้านพ่อที่ออสเตรเลียและผมก็เพิ่งจะเก้าขวบเองพี่เขม” คริสโจเฟอร์พูดบอกผม
 
                      “ใช่พ่อพี่เคยเป็นประจำที่นั้นอยู่สี่ปี พี่เคยไปด้วยวีซ่าติดตามพ่อไปเรียนภาษาที่นั้นด้วยนะ ไปอยู่ครั้งละสามเดือนเอง ” ผมหันไปพูด
 
                      “ผมไม่แน่ใจผมมอาจจะจำผิดก็ได้แต่ตอนนั้นแม่ผมเป็นคนพาผมไปหาท่าน ก่อนที่แม่จะพาผมมาเที่ยวไทยและผมก็ไม่ได้กลับไปที่ออสเตรเลียอีกเลย ”
 
                       “แม่บอกผมว่าเราต้องรอให้พ่อมารับแต่พ่อก็ไม่ติดต่อหาแม่ “ คริสโตเฟอร์พูด
 
“ไม่เอานะ..ไปนอนเถอะพรุ่งนี้ตื่นแต่เช้า..หนังสือเอาไว้อ่านพรุ่งนี้แล้วกันวันนี้พักเถอะ” ผมพูดและปิดประตูห้องพระลง
 
“โคร้ม!!!!” เสียงของในห้องนอนแม่ผมหล่นลงทั้งที่ห้องนอนอยู่ตรงข้ามห้องพระ
 
“พี่เขม!!”คนข้างๆ กระโดนกอดผมทันที
 
                    "ไม่มีอะไรหรอกนะคริส" ผมพูดปลอบคนที่ข้างๆผม นี้กลัวผีเอาเรื่องเหมือนกันนะ ผมเดินไปเปิดประตูห้องนอนแม่ของผม เป็นห้องนอนของแม่และพ่อผมนั้นแหละ ผมเปิดไฟและสอดสายตามองไปรอบๆผมก็เห็นเหมือนกล่องทำจากหวายหล่นลงมาผมเดินไปหยิบดีก็พบกว่าเป็นกล่องที่มีจดหมายจำนวนไม่น้อย ชุดนี้แหละที่ผมช่วยพ่อผมแปลให้ ผมหยิบขึ้นมาแต่ว่ามันก็เยอะอยู่นะเลยต้องหยิบไปทั้งหมด
 
                    "พี่เขมไปได้ยังอะผมกลัวอะ" คริสโตเฟอร์ยืนหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆห้องนอน
 
                   "จะกลัวทำไมไม่มีอะไรสักหน่อย" ผมหันไปพูดก่อนจะหยิบถุงสีน้ำตาลออกมาและหยิบจดหมายและหนังสือพวกนี้ใส่ลงไปในถุงคืนนี้คงไม่ได้อ่านเอาไว้ไปอ่านพรุ่งนี้ที่ทำงานแล้วกันระหว่างที่อยู่เวรที่โรงเรียน ผมเดินกลับมาที่ห้องนอนก็คงต้องอาบน้ำกันก่อนเพราะว่ากลิ่นอาหารคุ้งตัวผมไปหมด คริสโตเฟอร์ช่วยผมถอดเสื้อผ้าทันที
 
                     "ไวจริงๆเลยนะเรื่องนี้นะ" ผมเงยหน้ามองคนที่พยายาถอดเสื้อยืดออกทางศรีษะให้ผม เขาหยักคิ้วให้ผมและก้มลงผมถอดกางเกงให้และเราก็อาบน้ำด้วยกันไม่มีอะไรมากไปกว่ากอดจูบกันในห้องน้ำแค่นั้นจริงๆ
 
                       "หมดไปอีกวันแล้ว...ทำไมเวลาที่มีความสุขมันสั้นจังพรุ่งนี้ก็ไม่ได้กอดคนนี้แล้วอะ..คิดอีกทีคริสโคตรจะโกรธและเกลียดแก้มเลยอะพี่เขม”
 
                       "อย่าไปเกลียดเขาเลย...แก้มเขารักเรามากแต่เขายังเด็กหนัก..เขายังไม่รู้จักความรักดีพอ"
 
                        "ก็ไม่เป็นเพราะแก้มเหรอทำให้ผมกับพี่เขมเดือดร้อน"
 
                        "เอานะแค่ห้าวันเอง"
 
                       "ทรมารเหมือนห้าปี..ตอนที่พี่ไปอบรมนะผมโคตรทรมารเลยอะคอยดูปฏฺิทินว่าเมื่อไหร่จะผ่านไปอีกวันอีกวัน ทั้งที่มีเรื่องวุ่นวายเขามามากมายแต่เวลาที่ผมไม่มีพี่อยู่ด้วย เวลามันเดินช้ามากๆเลยนะ..พี่เขม"
 
                        "ขอบคุณนะที่ผมเจอพี่นะ..ก่อนที่ชีวิตผมจะแย่ไปกว่านี้ "
 
                         "ที่จริงเราควรจะทำเพื่อแม่นะไม่ใช่เพื่อพี่"
 
                         "ผมรู้พี่เขมแต่หนึ่งในนั้นก็ต้องมีแขมพี่เขมแหละ..นอนหลับฟันดีนะครับ..." ผมพยักหน้าเบาๆ สงสัยไม่อยากทำมั้ง
 
                           "ฝันดีครับ"ผมพูดและพลิกไปปิดไฟหัวเตียงปล่อยความมืดเข้ามาคริสโตเฟอร์นอนเบียดผมอยู่มือที่จับไหล่ผมลูปไล้แขนผมเล่นและไล่ลงไปจนถึงหน้าท้อง ผมต้องหลี่ตามองในความมืดอะไรของเขาอีกละ
 
                             "จะหลับแล้วเหรอ"
 
                             "อืมม......พรุ่งนี้ตื่นเช้านิ"
 
                              "คิดถึงวันแรกที่เราช่วยกันอะ..จำได้ไหมอะพี่เขม"
 
                             "จำได้ทำไมละ" ผมหลับตาถามคนที่กอดผมจากดันหลังเอาปลายจมูกมาฝังลงที่ซอกคอผม
 
                               "เรามาช่วยกันอีกไหมอะ.."
 
                               "หมับ"มือคริสโตเฟอร์ค่อยๆสอดลงไปในกางเกงบอกเซอร์ของผมและจับสิ่งสำคัญของผมไว้ พร้อมกลับคลึงมันเบาๆ
 
                                 "คริส!!"
 
                                 "หันมาหาผมซิ..พี่เขม..ผมอยากให้พี่เขมทำให้เหมือนวันนั้นอะ" เสียงกระเส่าบอกผมให้หันไปหาเขา พร้อมกับดันตัวผมด้วย ผมจึงต้องหันไปหาคริสโตเฟอร์ คริสถลกกางเกงลงจนสิ่งนั้นพ้นออกมาและเขาก็ดึงกางเกงของผมลงเช่นกันจนสิ่งนั้นพ้นออกมาเช่นกัน มือของเขาจับของผม ขยับเบาๆ ขึ้นลงไปมาช้าๆเนิบๆและผมก็ทำเหมือนที่เขาทำกับผมเช่นกันแต่คราวนี้ไม่เขินอายเหมือนวันแรกแล้ว ปากก็จูบกันอย่างดูดดื่ม
 
                                "อ๊าห์ ..คริส...ซี้ดดด" เสียงซี้ดยาวๆของผม เมื่อคริสเร่งความเร็วให้โดนไม่ต้องบอกเลยว่าให้เร็วหรือช้าตอนไหน
 
                                  "อื้ม!! ..เสียวอะพี่เขม...อ๊าห์!!!"
           
                                  "อ๊ะ..อ๊ะ..อ๊ะ...อ๊าห์!!" สองเสียงประสานกัน น้ำสีขาวขุ่นๆ กระจายออกมาเต็มมือไปหมดดีที่เราหันหน้าท้องเบียดเสียดกันมันเลยเลอะเทอะแค่นั้น ผมต้องลุกขึ้นไปล้างทำความสะอาดก่อนจะกลับมานอน
 
                                  "คราวนี้นอนจริงๆนะอย่ากวนพี่อีกนะพรุ่งนี้พี่ขับรถนะ" ผมหันไปทำเสียงดุใส่เด็กหื่นข้างๆผม
 
                                  "คร๊าป..กอดนะ"
 
                      "กอดอย่างเดียวห้ามจับของพี่" ผมเหลียวมาชี้นิ้วห้ามปราม เด็กอะไรก็ไม่รู้มือเป็นปลาหมึกเลยเชียว
 
                      "ก็ได้ไม่จับ...กอดอย่างเดียว"
 
                      "หอมได้ปะ"
 
                      " O _ O "
 
                      "ฟ๊อด" ยังไม่ได้บอกเลยนะ หอมซะแล้ว แล้วจะถามทำไม
 
                      "จูบได้ปะ" = 0 =
 
                      "จ๊วบ!!"
 
                      " เอาได้ปะ"
 
                      "No!!!" ผมหันไปตอบ
 
                      "ไม่ต้องมาทำหน้ายู่เลยนอนได้แล้วดึกแล้ว!!!" มีแฟนเด็กมันเหนื่อยตรงนี้แหละแต่มันก็เป็นความสุขไปอีกแบบหนึ่ง วันหยุดทีได้อยู่ด้วยกันมันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน ต่อไปตอนที่อยู่โรงเรียนต้องพยายามรักษาสถานะไว้แค่ครูกับนักเรียนไม่ได้นอนบ้านเดียวกันด้วยแค่คิดก็ใจหายซะแล้ว ภาวนะขอให้เขาพร้อมที่จะไปสอบ GED เร็วๆ

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริส )EP.23ครูเขมตั้งใจจะตามหาครูมิ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 23-08-2020 12:58:52
           EP.23 ครูเขมXคริส  ครูเขมตั้งใจจะตามหาครูมิ้งกับแชมป์   

           เวลาผ่านไปเร็วเหมือนกันนะ อาทิตย์นี้เป็นที่ห้าแล้วที่ผมมาเป็นครูที่นี้ เกือบไม่ได้เป็นครูต่อก็เพราะความลับของผมกับคริสโตเฟอร์ถูกเปิดเผย แต่ผมโชคดีที่ผมยังมีนักเรียนที่รักและอยากจะให้ผมเป็นครูสอนที่นี้ต่อ รวมทั้งเขาคนนั้นคริสโตเฟอร์ และบรรดาครูทั้งหลาย ยังไม่รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าอาหารของโรงเรียนอีก ต่อไปผมจะตั้งใจทำหน้าที่ครูให้ดีที่สุด ผมสัญญา
 
           ผมออกมากันแต่เช้าและทำหน้าที่เป็นครูเวรโรงเรียนในวันหยุด และเวลาว่างผมก็เปิดจดหมายที่มีคนเขียนมาให้พ่อผมช่วยเหลือมีทั้งคนต่างชาติและคนไทยบางฉบับก็ถูกส่งไปเป็นส่วนหนึ่งในการขึ้นศาลช่วยเหลือคนที่ถูกกระทำรุนแรงผมเปิดดูแต่ว่าผมไม่พบชื่อลลิลภัทร์เลยสักคน
 
             แต่ผมเห็นมีอยู่ฉบับหนึ่งเขาต้องการตามหาครอบครัวผู้หญิงทำงานในบาร์แห่งหนึ่งทางพัทยามีลูกชายหนึ่งคน แต่ตรงชื่อเด็กนี้จากจนดูไม่รู้ว่าชื่ออะไรน่าจะเปียกน้ำ แต่จะว่าเป็นตัวหนังสือในจดหมายฉบับนี้ก็น่าจะถูกเขียนไว้หลายปีแล้วเหมือนกัน สังเกตุได้จากหมึกที่มันจางลงไปมาก มากจนผมอ่านแทบจะไม่รู้เรื่องและด้วยหลายมือต่างชาติ ภาษาอังกฤษเขาเป็นตัวเขียนด้วยก็อ่านยากเข้าไปอีกแต่ก็พอจะจับใจความได้บ้าง แต่ชื่อนี้ซิผมเห็นชื่อไม่ชัดมันขาดๆหายๆ แต่ว่าที่อยู่อิเมลที่ให้ติดต่อกลับก็พอจะเห็นได้ชัดเจนอยู่จากคนที่ต้องการให้พ่อผมติดต่อกลับ แต่ว่าชื่อภรรยาเขานั้นชื่อวนิดา ไม่ใช่ลลิลภัทร์ ผมเลยไม่แน่ใจเลยต้องพักไว้แค่นั้นก่อน
 
            เมื่อวานผมให้คริสโตเฟอร์กลับไปนอนบ้านพักนักเรียนกับโป้ง คริสบอกผมว่าโป้งและปันปันอยู่ด้วย โป้งกับปันปันเขาคบกันอย่างเป็นทางการแล้ว   โป้งบอกความจริงกับแฟนสาวของเขาและทุกอย่างก็จบลงด้วยดีเพราะว่าแฟนเขาก็กำลังจะบอกทางบ้านเหมือนกันว่าเขาชอบผู้หญิง ผมได้ฟังก็แอบเกาหัวเหมือนกันนะผมว่าของผมกับคริสโตเฟอร์ยุ่งเหยิงแล้วนะ โป้งนี้ยุ่งเข้าไปอีก แต่ก็ลงตัวกันแล้ว ผมก็ยินดีด้วย และตอนนี้ก็เหลือแต่ผมกับคริสโตเฟอร์นี้แหละวันนี้แม่ของเขาจะลงมาหาคริสโตเฟอร์จะลงมาหาในวันจันทร์ก็คือวันนี้  รู้สึกกังวลหรือตื่นเต้นก็ไม่รู้ เพราะว่าจะได้เจอทั้งแม่ยายและแม่สามี ในคนเดียวกัน แต่ถึงแม้ว่าคริสโตเฟอร์จะบอกผมว่าแม่ของเขาไม่ได้ว่าอะไรเรื่องที่เขารักกับผมที่เป็นผู้ชายเพราะว่าคริสได้เอ่ยปากบอกแม่เขาไปแล้วเมื่อวันก่อนทีผมจะกลับมาจากอบรมซะอีก 
 
            ผมขับรถไปตรงด้านหลังที่คริสโตเฟอร์นั่งอยู่กับเพื่อนๆ แปลกนะอยู่ใกล้กันนิดเดียวแต่เรากับต้องทำเหมือนเราไกลกันจะคุยกันก็ต้องคุยผ่านแอพพลิเคชั่นแทน แต่ก็ยังดีดว่าไม่ได้คุยเมื่อคืนผมสองคนคุยกันจนดึกจนผมหลับคามือถือเลยเช้านี้ต้องหยิบเอาที่ชาร์สติดตัวมาด้วย นานแล้วนะที่ไม่เป็นแบบนี้ มันเคยเกิดขึ้นเมื่อตอนที่ผมกับณัฐกานต์จีบกันใหม่ๆ โทรศัพท์นี้ไม่ห่างมือแต่พอเป็นแฟนกันแล้วและยิ่งผ่านไปหลายปี จะโทรหาทีเมื่อมีเรื่องจำเป็นเท่านั้น
 
            "สวัสดีครับครูเขม" พวกโจ อาร์ท ปันปันและโป้งหันมายกมือไหว้ผมและพ่อตัวดีผมด้วยเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอขนาดผมบอกจะถึงแล้วยังกดส่งข้อความคุยกับผมอยู่นั้นแหละ
 
            "สวัสดีเป็นไงพวกเราไปซ่ากันที่ไหนมาละ" ผมถาม
 
            "ไม่ได้ไปซ่าที่ไหนครับอยู่บ้านอ่านตำราครับครู"อาร์ทบอกผม ผมพยักหน้าดีมาก
 
             "ดีแล้วละอ่านเยอะๆ" ผมได้ยินแบบนี้ก็ค่อยภูมิใจหน่อย  ถึงจะพากันแสบซ่าทั้งกลุ่มแต่ก็ยังมีเวลาอ่านหนังสือหนังหาบ้าง
 
            "ตำรานี้หรือเปล่าที่มึงเอามาให้กูกับโป้งดูนะ" ปันปันยกขึ้นมาโชว์ผมถึงกับขมวดคิ้วอ่านชื่อหนังสือ
 
            “ตำราว่าด้วยลีลารักเกย์หัดใหม่พร้อมท่ายาก(มีรูปประกอบ) !!! ผมหันมามองแต่ละคน นี้เหรอตำราที่พวกนายอ่านเนี๊๊ยะ
 
            "เฮ้ย!! ยื่มอ่านมั้งดิว่ะ" พ่อตัวดีของผมรีบยื่มทันทีเลยนะ ผมหันมาเหล่มองหนังสือเมื่อวานหอบมาห้าเล่มอ่านยังไม่พออีกเหรอ คนที่แบมือไปขอหนังสือเล่มนั้นก็รีบชักมือกลับมาทันที
 
            "จริงๆเลยนะพวกนายนี้...หนังสือเรียนนะควรจะอ่านกัน และตั้งใจเรียนกันให้จบ พอจบแล้วค่อยอ่านก็ได้ตำราพวกนี้นะจะรีบไปไหนกัน หึ!" ผมพูดและว่างกล่องที่ผมทำแซนวิสมาฝากคริสโตเฟอร์ลง คริสโตเฟอร์มองกล่อง
 
            "หนังสือเรียนนะพวกผมอ่านอยู่ครับครู แต่อันนี้เป็นหนังสืออ่านยามว่างครับ " โจพูด ^_^ ผมเหล่ตามองว่ามันใช่หนังสืออ่านยามว่างตรงไหน
 
            "ไม่ใช่เหรอครับครู...ถ้าอย่างนั้นโทษไอ้อาร์ทเลยครูมันเป็นคนไปหามา" โจพูดและชี้ไปที่อาร์ททันที
 
            "อ้าวเมียครับปากหมานนะครับ ตั้งแต่ผมหามานี้ผมยังไม่ได้จับเลยนะครับและคุณเมียตั้งตาอ่านกว่าตำราเรียนอีกนะครับ" อาร์ทรีบหันมาว่าโจทันทีแต่ว่ามันก็น่ารักไปอีกแบบน่า ไม่ได้หวานจนเกินไป เหมือนเพื่อนกันและมันให้ความหมายที่มากกว่านั้น
 
            "ครูเขมทำแซนวิชมาใช่ปะครับ"โจถามผมถึงของในกล่องที่ผมวางไว้ให้
 
            "ใช่แล้ว ให้พวกเราทานกันไง อาหารเช้านะสำคัญนะ "ผมบอกทุกคน
 
            "ครูไอ้คริสมันบอกไม่ชอบกินแซนวิชอะครับ" โจบอกผม ผมก้มลงมองคริสโตเฟอร์ว่าทำไมไม่บอกละและที่ทำให้ทุกวันละกินหมดด้วย
 
            "จริงด้วยวันก่อนปันปันทำมันบอกไม่กินแซนวิชแล้วครู" ปันปันอีกคน
 
            "งั้นครูให้พวกผมนะ" อาร์ทรีบดึงกล่องแซนวิชไป ผมก็พยักหยักหน้าละหยิบจะส่งให้ สงสัยต้องหาอย่างอื่นให้พ่อตัวดีทานและคงต้องคุยกันทางไลน์ใหม่ว่าถ้าอันไหนไม่ชอบให้บอก
 
            "หมับ" มีคนดึงกล่องไว้ไม่ยอมให้ผมยกให้ใคร
 
            "ใครบอก...และนี้พี่เขม..เอ๊ย!..ครูเขมทำมาให้กูต่างหากละดังนั้นกูต้องเป็นคนกิน" คริสโตเฟอร์แย่งคืนไปหน้าตาเฉย ผมก็เหล่ตาไปมองว่ายังไง ถ้าไม่กินแซนวิชผมจะให้ไปซื้อข้าวในโรงอาหารทาน
 
            "กูชอบกินแซนวิชโว้ยและที่ไม่ชอบเพราะว่าไอ้..อาร์ทกับไอ้โจ้ต่างหากพูดว่า..ปันปันกับไอ้โป้งจะชวนกินแซนวิช" คริสโตเฟอร์พูดผมเข้าใจความหมายว่าแซนวิสที่อาร์ทกับโจพูดนะหมายถึงอะไร ทั้งปันปันและโจสะบัดหน้ามามองคริสโตเฟอร์
 
            "ไอ้อาร์ท! ไอ้โจ! "
 
            "มึงจะบ้าเหรอ...กูไม่เอาแบบนั้นแน่นอน" โป้งรีบออกตัวก่อนเลย ผมถึงกับพยักหน้าเข้าใจแล้ว นี้ผมมีแฟนเกรียนไม่พอ เพื่อนๆแฟนก็เกรียนพอกันเลยใช่ไหม คงต้องไปหาตำราเกรียนมาไว้อ่านบ้างจะได้ตามทัน แต่ก็ทำให้ผมแอบยิ้มไม่ได้
 
            "โป้ง..พ่อเป็นยังไงบ้างคริสบอกครูว่าพ่อเราไม่สบาย" ผมถามโป้งดูสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โป้งเงยหน้ามองผม
 
            "พ่อผมต้องเข้ารับการรักษาโดยการทำบอลลูนครับอาจารย์แต่ค่าใช้จ่ายเยอะมาก ผมว่าจะพักการเรียนนะครับครู" ผมได้ยินแบบนี้ใจหาย
 
            "แม่มีเงินเก็บไว้สำหรับให้ผมเรียนแต่ผมต้องการให้พ่อหายนะครับครู"
 
            "โป้งครูเข้าใจนะแต่ครูก็ไม่เห็นด้วยที่เธอจะพักการเรียนตอนนี้อยากให้เรียนให้จบอีกปีเดียวเอง"
 
            "ใช่โป้งแม่โป้งก็บอกว่าไม่อยากให้โป้งพักการเรียน" ปันปัน
 
            "เอาอย่างนี้ขาดเหลือมากน้อยแค่ไหนครูจะช่วยครูพอมีตอนแรกว่าจะเอาไว้เปิด ร้านกาแฟกับเปิดติวเตอร์ ตอนนี้ครูให้เธอยื่มก่อน" ผมบอกโป้งแต่ดูเขากำลังปฏิเสธผม
 
            "อย่าเพิ่งคิดเป็นอื่น....ช่วยพ่อเธอก่อน....เลิกเรียนแล้วขึ้นไปหาครูนะโป้ง" ผมพูดคริสโตเฟอร์มองผม ผมพยักหน้าให้ก่อนจะที่เดินออกจากกลุ่มพวกเพื่อนของคริสโตเฟอร์ไป
           
            ผมเดินไปยังห้องพักครูผมหิ้วถุงกระดาษมาด้วยเป็นกระเป๋าและรองเท้านักเรียนที่ผมซื้อให้อนุชิต เขาจะได้มีของใหม่ใส่กับเขาบ้าง ผมเดินเข้าไปในห้องพักครูได้ยินเสียงบรรดาครูคุยกันก็คงเป็นครูนิด ครูลินดา ครูถาวรและครูสุมณฑา พอผมเดินเข้ามาอ้อมีครูโจ้อีกคน
 
                      "ครูเขมคะวันนี้ครูสมชายเขาไปเฝ้าแม่นะคะเห็นว่าแม่อาการทรุดลง ครูเขมเข้าสอนห้องครูสมชายทีได้ไหมคะ" ครูลิมาเดินตามผมเข้ามาพอดีเช่นกันคงตั้งใจมาบอกเรื่องนี้อยู่
 
            "ได้ซิครับห้องไหนเหรอครับ"
 
            "ห้อง 2/1 ค่ะ" ผมจำได้ดีคือห้องแกมและนายอนุชิตและผมนะไม่ได้สอนห้องนี้แล้วหลังจากที่แก้มนำเรื่องของผมเข้าไปบอกท่านผู้อำนวยการ ต้องเป็นครูสมชายสอนต่อจากผม ที่ผู้อำนวยการเปลี่ยนห้องไม่ให้ผมสอนเพราะว่า แก้มอาจจะพูดจาเสียดสีผมได้ผม ผมเองน่ะไม่ได้อะไร ผมมีความเป็นผู้ใหญ่มากพอ แต่คนที่จะดูไม่ดีนั้นคือแก้ม
 
            “ได้ครับและผมก็บอกครูสมชายไปแล้วด้วยครับว่าผมยินดี”ผมก็ตกลงรับปากครูลิมา ครูลิมาได้ยินเข้าก็ท่าโล่งอกทันที
           
            "ถ้าอย่างนั้นรบกวนหน่อยนะคะลิมามีสอนหลายคาบติดกันแล้วค่ะ จะให้ไปอีกคาบสังขารจะไม่ไหวเอานะคะ" ครูลิมาพูดผมก็หัวเราะนิดหน่อยแต่ก็พยักหน้าว่าผมยินดี และครูลิมาก็ขอตัวเดินไปเข้าสอน
 
            "ครูเขมผลเป็นยังไงบ้างคะที่ไปคุยเรื่องคริสโตเฟอร์นะคะ" ครูลินดารีบถามผมทันที
 
             "ผมไปคุยกับอาจารย์มาแล้วครับ ผมก็ได้หนังสือมาเป็นแนวทางให้คริสโจเฟอร์อ่าน ผมคงต้องติวให้เขาเยอะขึ้นเป็นตอนเที่ยงครึ้งชั่วโมงและหลังสอนพิเศษอีกหนึ่งชั่วโมงนะครับ" ผมพูด
 
            "มีวิชาอะไรบ้างคะเพื่อนว่าถาวรช่วยได้"
           
            "จะมีวิชาคณิตศาตร์นะครับคริสโตเฟอร์บอกว่าบ้างสูตรยังไม่ค่อยแม่นนะครับ ข้อสอบก็มี บวก ลบ คูณ หาร, เลขสถิติ,เรขาคณิต, พีชคณิต อะไรพวกนี้นะครับแต่ไม่เยอะครับและเขามีสูตรกับเครื่องคิดเลขให้อยู่แล้ว" ผมพูด
 
            "ถ้าอย่างนั้นถาวรยินดีจะติวให้นะคะ ถาวรเคยเป็นครูติวเตอร์ให้กับสถาบันXXX วิชาคณิตศาสตร์ค่ะ"
 
            "ขอบคุณมากเลยครับ" ผมดีใจที่ได้ยินแบบนี้
 
            "มีวิทยาศาสตาร์ด้วยใช่ไหมครับครูเขม" ครูปริพนธิ์หันมาถามผม
 
            "มีครับจะมีบทความให้อ่าน มีรูปพวกดีเอ็นเอ พวกคาน พวกแรงไฟฟ้าอะไรพวกนี้นะครับดูจากรูปภาพและคำอธิบาย ส่วนนี้จากรูปภาพ ใช้ทำงานอะไร และถ้าขาดส่วนนี้ไป จะกระทบต่ออะไร ประมาณนี้นะครับ" ผมพูดเพราะว่าผมเองก็เข้าไปอ่านมาบ้างแล้วเพื่อจะได้หาแนวทางให้คริสโตเฟอร์ได้ ดังนั้นผมต้องศึกษาเองก่อน
 
            "ถ้าอย่างนันให้ผมช่วยติวให้ก็ได้นะครับเพราะว่าถ้ามีบทความให้แต่ติวให้รู้จัดว่าส่วนไหนใช้อะไร ผมติวให้ได้นะครู แต่คงต้องไทยปนอังกฤษนะครับครู อังกฤษล้วนๆผมไปไม่รอดแน่ๆ " ครูปริพนธิ์พูดผมก็ยิ้มเป็นการขอบคุณ
 
             "ดีเลยครับครูปริพนธิ์..ผมขอบคุณมากครับ" ผมพูดขอบคุณ เพื่อนครูในห้องพักครู
 
            "ครูเขมวันนี้ วนิดา แม่ของคริสโตเฟอร์จะเดินทางทีโรงเรียนนี้คะ" ครูนิดบอกผม แต่เขาเรียกชื่อได้เหมือนสนิทกันมาก่อน  ชื่อวนิดานี้ ผมคุ้นๆมาก เหมือนในจดหมายเลยครับ ผมสะบัดหน้าไปมองครูนิด
 
            "แม่ของคริสโตเฟอร์ชื่อคุณวนิดาเหรอครับ" ผมคุ้นชื่อนี้มาก
 
            "ใช่ค่ะ....แต่ปัจจุบันเธอเปลี่ยนเป็นลลิลภัทร์แล้วนะคะ แต่พี่นิดเรียกติดปากมาตั้งแต่เรียนมัธยมด้วยกันแล้วค่ะ " ครูนิดบอกผม ผมพยักหน้าไว้รอถามแม่ของคริสโตเฟอร์อีกทีดีกว่า เสียงสัญญาณเข้าแถวดังขึ้นพอดีเลยผมเดินลงไปกับครูทั้งหลายเพื่อไปควบคุมนักเรียนเข้าแถวเคารพธงชาติ ระหว่างที่ผมเดินลงไปผมเห็นผู้หญิงที่เป็นป้าของแชมป์เขามาหา ผู้อำนวยการอีกแล้วแต่รอบนี้ดูร่างกายซูบผอมลงไปมากสีหน้าหมองหม่นอย่างเห็นได้ชัด ผมได้แต่ยืนมองแค่นั้น
 
            "ครูเขม" ผู้อำนวยการเรียกชื่อผมหลังจากที่ท่านคุยกับคุณป้าของแชมป์และกำลังจะเดินขึ้นห้องทำงานแต่ท่านหันมาเจอผมเข้าซะก่อน
 
            "สวัสดีครับผู้อำนวยการ" ผมยกมือไหว้ท่านดูสีหน้าท่านกังวลอย่างบอกไม่ถูก
 
            "เขามาหาผู้อำนวยการอีกแล้วเหรอครับ" ท่านคงรู้ว่าผมหมายถึงใครที่เพิ่งเดินผ่านผมออกไป
 
            "ใช่ครับครู.ก็เด็กคนนั้นก็เป็นหลานเพียงคนเดียวที่เขาจะฝากผีฝากไข้..โชคดีนะที่ครูไม่คิดจะทำอย่างนั้นเหมือนครูมิ้งกับแชมป์ผมกระทบมันตกอยู่กับคนข้างหลัง" ผู้อำนวยการพูด
 
            "ผมไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาดครับ"ผมตอบผู้อำนวยการไป
 
            "ดีแล้วแหละครู..ไม่ต้องเสียหน้าที่การงานว่าแต่ครูมีทางออกที่ดีเตรียมไว้แล้วใช่ไหครับ"
 
             "ใช่ครับท่านแต่ผมรอถามแม่ของคริสโตเฟอร์อีกทีว่าเห็นด้วยกันกับที่ผมและคริสไหมนะครับ" ผมตอบท่าน
 
            "นี้คุณป้าของแชมป์เขาบอกกับผมว่าเขาเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายนะครู และเขาก็อยากเจอหน้าหลานเขาอีกครั้ง" ผมก็ต้องตกใจที่ได้ยินแบบนี้ ผมมองหน้าท่านผอ. ผมว่าท่านก็รู้สึกสะเทือนใจมิใช่น้อย
 
            “ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงครับครู งานผมก็เยอะและผมเองก็อายุขนาดนี้แล้วจะไปวิ่งตามใครไหวครับครู” `ผู้อำนวยการพูด ผมก็เข้าใจท่าน เพราะว่าท่านก็ออกไปประชุมบ่อยเหมือนกัน
 
            “ผมอยากจะช่วยได้ไหมครับ ว่าแต่ครูมิ้งบ้านเขาอยู่ที่ไหนเหรือครับ” ผมหันไปถามท่านผู้อำนวยการ
 
            “ครูมิ้งเป็นคนอำเภอมวกเหล็กครับ แต่ผมติดต่อทางบ้านแล้ว ครูมิ้งไมได้กลับไปบ้านที่มวกเหล็กเลยครับครู ทางบ้านก็เป็นห่วงเหลือเกินเหมือนกัน ครูมิ้งเป็นลูกชายคนเดียวของที่บ้านด้วย เขามีพี่สาวอีกสามคน” ผู้อำนวยการพูด ถ้ามวกเหล็กก็ไม่ไกลจากโรงเรียนนี่เลย ถ้าเป็นผมไม่กลับแน่ๆ ถ้าคิดจะพากันหนีไปแบบนี้
 
            “แต่ครูมิ้งเขาจบมหาวิทยาลัยที่เชียงใหม่นะครู “ ผู้อำนวยการบอกผม ผมสะบัดหน้าไปมองผู้อำนวยการ เพราะว่าพี่ต้นอยู่ที่เชียงใหม่แล้วแต่ว่า ก่อนจะย้ายไปพี่ต้นย้ายจากมวกเหล็กไป ทำไมมันบังเอิญแบบนี้นะ
 
            “ผมคิดว่าครูมิ้งจะไปเชียงใหม่ครับท่าน” ผมบอกท่านผู้อำนวยการ ท่านหันมามองหน้าผมแบบมีคำถาม
 
            “คือว่าถ้าครูเขาตัดสินใจหนี และแชมป์นี้เขาอายุไม่ถึง 15ปี คุณป้าเขาต้องแจ้งความแน่ๆ เขายิ่งไม่ไปไหนที่ใกล้ๆกับบ้านเกิดเขาแน่ๆ ครับ”ผมพูด
 
            “และถ้าเขาไปเขาต้องรู้ว่าไปแล้วจะมีคนช่วยเขาได้ ถ้าที่มวกเหล็กก็คงมี่แต่เพื่อนที่เรียนมัธยม ผมว่าระยะเวลาหางกันเกินไป ถ้าเพื่อนมหาวิทยาลัยยังคงติดต่อกันและครูมิ้งเพิ่งจะจบมาใหม่ด้วยนะครับ”ผมพูดและครูใหญ่สะบัดหน้ามามองผม
 
            “คือผมเห็นรูปที่เขารับปริญญาถ่ายกับครอบครัวอยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำงานนะครับ ดูจากปีพอศอที่เขาถือป้ายถ่าย หลังผมหนึ่งปีครับ แต่ครูมิ้งน่าจะทำงานที่ติวเตอร์ไม่นาน ผมทำมาได้ปีหนี่งพอดีครับก่อนที่ท่านจะเรียกตัวผมมาเป็นครู”ผมอธิบายให้ผู้อำนวยการฟัง
 
            “แล้วครูจะช่วยยังไงละครับ” ผู้อำนวยการถามผม
 
             "ผมให้พี่ชายที่เคยเป็นปลัดอำเภอที่เขาใหญ่นี้แต่ว่าตอนนี้ย้ายไปอยู่เชียงใหม่แล้วนะครับ ช่วยนะครับ อาจจะพอหาข้อมูลได้บ้าง เพราะว่าพี่ผมเพิ่งจะไปประจำการได้สามนะครับท่าน"
 
            “ถ้าอย่างนั้น ผมขอความร่วมมือเลยนะครับครู ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไง ผมต้องรบกวนครูเขมแล้วแหละครับ จริงๆ” ผู้อำนวยการหันมาพูดและจับมือผมไว้ประสานกัน
 
            “ผมช่วยได้ผมก็จะช่วยครับท่าน” ผมพูดและค่อยๆดึงมือผมออก ท่านครับผมเป็นเกย์ครับท่านอย่ากุมนานเดี๋ยวนักเรียนคิดครับผม คิดว่าผมกับท่านครับ และท่านอาจจะเป็นท๊อคออฟเดอะทาวน์ไปพร้อมๆกับผมและคริส 
 
            “อุ้ยย! ผมลืมไป เดี๋ยวเด็กมันจะคิดว่าผม กลัวตกเทรน” ผู้อำนวยการพูดและหันซ้ายแลขวาเหมือนผมใช่ไหมละครับ นั้นไงใช่ด้วย ผมเองก็เลือกครับ ผมคิดในใจและต่างก็พากันเกาหัวไปตามๆกันแก้เขิน
 
             “ถ้าครูหาพวกเขาเจอ ครูจะได้บุญหนักหนาเลยนะครับ ป้าของแชมป์เขาก็ไม่รู้จะอยู่ได้นานแค่ไหน เขาบอกร่างกายเขาทรุดหนักลงทูกวันและแม่ของครูมิ้งก็เป็นห่วงครูมิ้ง จนไม่ได้นอนไม่หลับ ร้องไห้ทุกครั้งที่เห็นรูปลูกชาย “ ผู้อำนวยการพูด ผมก็ยังไงก็ต้องหาครูมิ้งและแชมป์ให้เจอให้ได้
 
            "เอาละ ผมจะได้ให้ครูสมพิสไปหาข้อมูลใบสมัครของครูมิ้งให้กับครูเขมนะครับ"ผู้อำนวยการบอกผม
 
            "ขอบคุณมากเลยนะครับครู...ช่วยทีเถอะครูสงสารทั้งป้าของแชมป์และแม่ของครูมิ้งนะครับ “ ผู้อำนวยการพูดก่อนจะเดินกลับขึ้นไป ผมต้องตามครูมิ้งกลับมาให้ได้และผมไม่ได้ต้องการทำเพื่อให้ทุกคนยอมรับผมกับคริสแต่ผมทำเพื่อคนหลายคนไม่จะว่าป้าแชมป์และครอบครัวของครูมิ้งผมคิดว่าครูมิ้งก็น่าจะเป็นครูทีมีคุณภาพคนหนึ่งนะแต่ด้วยเหตุผลอะไรผมไม่แน่ใจทำไมเขาถึงได้ตัดสินใจทิ้งอาชีพครูไปแบบนั้น
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.23.1 ครูเขมชาติ ครูอยากให้เธอเข้าเรียนกับครูนะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 23-08-2020 16:58:54
 EP.23.1 ครูเขมชาติ ครูอยากให้เธอเข้าเรียนกับครูนะแก้ม
           

             หลังจากเข้าแถวเสร็จผมก็รีบเดินขึ้นห้องพักครูหยิบหนังสือเพื่อทำการสอนนักเรียนชั้น ม.4/1 และนักเรียนชั้น ม.2 /1 ที่ผมต้องไปดูแลแทนครูสมชายที่เขาขอไปดูแลแม่ของเขาที่ล้มป่วยลงครูสมชายแกก็พยายามทำทุกวิธีทางไปเข้าถือศิลให้แม่เขาหายเจ็บป่วย
 
            พอพูดถึงตรงนี้ยังมีอีกหลายคนเลยที่มองข้ามสิ่งสำคัญตรงนี้ไป บางคนพอชีวิตเข้าสู่วัยรุ่นไม่อยากอยู่กับพ่อแม่อยากอยู่กับเพื่อน รู้สึกเบื่อพ่อแม่ดุด่าว่ากล่าวหรือตักเตือนจนอยากออกไปมีชีวิตเป็นของตัวเองจะได้ไม่ต้องมีใครคอยบ่นคอยว่า แต่อายุเริ่มมากขึ้นทั้งตัวลูกและพ่อแม่ยิ่งพ่อแม่แก่ชราลงเวลาก็เหลือน้อยลงทุกทีและยิ่งมีโรคภัยไข้เจ็บถึงตอนนี้จะมาขอยื้อให้อยู่กับตัวเองนานๆ
 
            ผมทำการเข้าสอนห้องคริสโตเฟอร์คาบแรกของทุกวันจันทร์ ผมก็ทำตัวตามปกติเป็นครูสอนส่วนคริสโตเฟอร์ก็ทำหน้าที่นักเรียนตั้งใจเรียนและเริ่มเข้ากับเพื่อนๆในห้องจะดีขึ้นอีกด้วยแม้จะรุ่นน้องก็ตาม ผมดีใจที่เขามีการพัฒนามนุษยสัมพันธ์กับเพื่อนไปด้วย มีเล่นมุขกันมาขึ้นเลยทำให้บรรยากาศในห้องเรียนดูสนุกสนานคึกคัก เขาเองก็ทำเหมือนผู้ช่วยสอนให้ผมไปโดยไม่รู้ตัว
 
             "นักเรียน...อีกสองอาทิตย์จะมีการแข่งขันตอบปัญหาภาษาอังกฤษเพื่อคิดเลือกเป็นตัวแทนแข่งขันระดับเขต"
           
            "ครูอยากให้ห้องเธอส่งตัวแทนเพื่อตอบปัญหาและร้องเพลงภาษาอังกฤษ"
 
            "พี่คริสโตเฟอร์ดิแกพี่เขาเก่งขึ้นเยอะเลยอะ" พวกเด็กๆหันไปปรึกษากันทันทีและชื่อที่ผมได้ยินคือคริสโตเฟอร์ ผมหันไปมองพ่อตัวดี
 
            "ถ้าอย่างนั้นให้พี่คริสโตเฟอร์กับเอกราชค่ะครู ตอบปัญหา " ผมหันไปมองหน้าเอกราชเขาก็พยักหน้าคนนี้เก่งด้านแกรมม่า ผมรู้สึกว่าเขาจะเรียนติวเตอร์ชื่อดังซะด้วยในกรุงเทพ และเขาก็เดินทางกลับกรุงเทพทุกอาทิตย์ และที่ผมรู้มาที่นี้ราคาแพงมากด้วยและนั้นไม่ใช่ปัญหาเพราะว่าทางบ้านเขามีทุนทรัพย์เยอะ
 
            "ถ้าอย่างนั้นเพื่อนๆช่วยกันติวให้เพื่อนที่เป็นตัวแทนด้วยก็แล้วกัน...ช่วยกันซ้อมเพราะว่าชื่อเสียงก็คือห้องเรานะ" ผมบอกทุกคนในห้อง
 
            “และให้พี่คริสร้องเพลงได้ไหมคะครู เพราะว่าสำเนียงพี่เขาเป๊ะเวอร์มากค่ะ” มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยกมือขึ้น แนะนำให้คริสร้องเพลงและทุกก็พยักหน้าเห็นชอบเช่นกัน
 
            “ถ้าทุกคนเห็นตรงกันก็เอาตามนี้แล้วกันนะ ผมพยักหน้า
 
            "เอาละไว้เจอกันพรุ่งนี้...อย่าลืมงานที่ครูให้นะให้เขียนเรื่องราวที่ประทับใจ" ผมพูด
 
             "ครับครู "  "ค่ะครู"
 
            "นักเรียนทำความเคารพ"
 
            "Thank you Teacher , See you tomorrow.
 
            "See you tomorror " ผมพูดก่อนจะเดินออกจากห้องเรียน
 
ตื้ด!!! เสียงแอพพลิเคชั่นดังขึ้นผมหยิบมือถือขึ้นมาดู
 
            KissKhem:พี่เขมคิดถึงอะ..ทำไมวันนี้พี่ไม่คอยยิ้มเหมือนทุกวันเลยอะมีอะไรหรือเปล่า"  ขนาดผมก็พยายามหัวเราะแล้วนะ คริสยังแอบเห็นว่าผมมีเรื่องให้คิดอีก
            My Darling: พี่มีเรื่องคิดนิดหน่อยแต่ไม่เกี่ยวกับเราหรอก
            KissKhem: เรื่องอะไรละบอกได้ไหมอะอยากรู้ผมเป็นห่วง (อันนี้ผมทำให้ผมอมยิ้มได้ทันทีที่รู้ว่าเขาเป็นห่วงผม)
            My Darling: แค่นี้พี่ก็ดีขึ้นแล้วคริส...ตั้งใจเรียนละพี่จะเข้าห้องสอนต่อแล้ว แลเเจอกันตอนเที่ยงครึ้งนะที่ห้องสมุด
             KissKhem: ครับที่่รัก..จูุ๊บ! 
           
                      ผมเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกงตัวแสลคเข้ารูปของผม ก่อนจะก้าวเท้าเข้าห้องเรียนที่ผมเคยสอนมาก่อน แต่ตอนตอนนี้ต้องกลับมาสอนใหม่ และคู่อริผมก็อยู่ในห้องนี้ซะด้วย ไม่รู้ว่าบรรยากาศจะน่าเรียนหรือตึงเครียดกันแน่
 
             "เฮ้ย! ครูเขมกลับมาสอนห้องเราแล้ววะ ...เย้ๆ " แต่ละคนดูดีใจกันที่เห็นว่าผมกลับมาทำหน้าที่ครูสอนอีกครั้งแต่ในฐานะ ครูสอนแทนครูสมชาย ที่ประจวบเหมาะลาไปดูแลคุณแม่ของเขาที่ป่วยอยู่แต่ผมไม่รู้ว่าท่านป่วยเป็นโรคอะไรจริงๆ
 
              "นักเรียนทำความเคารพ"
 
              "Good mornign , How do you do ?
 
              "Good morning teacher , I'm fine thank you , and you ?"
 
               "Pretty good Thank you "
 
              " Sit down pleas !!"
 
               "Thank you teacher" และแต่ละคนก็นั่งลง ผมเหลือบมองไปเห็นแก้มนั่งอยู่คนเดียวโต๊ะตัวเดียวปากตินักเรียนจะนั่งคู่กันแต่มีอยู่แถวหนึ่งนั่งกันสามคน
 
                "ทำไมครูเปิดด้วยประโยค How do you do ? วันนี้ " ผมจงใจใช้คำนี้ ทั้งที่ผมเคยเจอนักเรียนห้องนี้มาแล้วแต่นี้เป็นการกลับมาสอนอีกครั้ง และผมก็เลยยกมาตั้งเป็นคำถามและผมก็สอดสายตาไปรอบห้องมีแต่คนยกมือขอตอบและยกเว้นแก้ม วันนี้เธอแปลกไปกว่าทุกวัน เธอนั่งอยู่คนเดียว จากที่เคยนั่งเป็นกลุ่มๆ
 
                "แก้มลุกขึ้นตอบครูซิครับ" ผมเรียกแก้มที่นั่งอยู่คนเดียวเธอเงยหน้ามองผมก่อนจะลุกขึ้นและหันไปมองเพื่อนๆเธอ
 
                 "ไม่ทราบคะ" แก้มตอบผมว่าไม่ทราบ
 
                 "คิก คิก" เสียงเพื่อนๆหัวเราะ
 
                 "หนูทราบคะ เพราะว่าเราเจอกันครั้งแรกค่ะแต่ครูเคยเข้ามาแล้วนี่คะ" นักเรียนหญิงอีกคนพูดและถามผมกลับเช่นกัน
 
                  "แก้มนั่งลง...เราด้วย" ผมหันไปบอกแก้มและคนที่ลุกขึ้นตอบ
 
                   “พวกเราคงทราบกันแล้วนะว่าที่จริงครูไม่ไดสอนห้องนี้แล้ว”
 
                  “โห่! ทำไมละค่ะครู “ นักเรียนผู้หญิงพากันร้องไปตามๆกัน
 
                  “ครูสมชายเขาจะดูแล ครูสมชายก็สอนดี และครูเชื่อว่าครูสมชายก็ทำหน้าที่ครูผู้ให้ความรู้ได้เหมือนๆกับครูเช่นกัน”
 
                  “ และที่ครูใช้คำว่า How do you do ? เพราะว่าครูได้กลับมาสอนเธออีกครั้งแม้จะ เป็นครูสอนแทน และครูจงใจเพราะว่าอยากจะทราบว่านักเรียนรู้จักการทักทายกันมากแค่ไหน “ ผมพูดและมองทุกคนในชั้น ผมมองไปรอบๆจนเจอนายอนุชิต ผมก็ยิ้มให้เขาวันนี้ดีหน่อยมีเพื่อนนั่งด้วยแล้ว
 
                  "How do you do ? คือการทักทายของการพบกันครั้งแรกหรือคนอเมริกันเขาก็ใช้ทักทายกันแบบธรรมดาแต่ส่วนใหญ่จะใช่ how are you มากกว่าแบบว่าเน้นถามเรื่องสุขภาพ และประโยคตอบกลับสำหรับ How do you do ที่ถูกต้องคือ How do you do ? แต่ คำลงลงท้าย do เน้นเสียงสูง"
 
                  "แต่พอเจอกันในครั้งต่อไปก็ใช้เป็น How are you ? แทน หรือถ้าใช่กับเพื่อนสนิทอาจจะไม่ใช่ How are you? อาจจะใช่ How’s it going ? หรือวัยรุ่นบางคนใช้สั้นว่า Howdy ?  และHow have you been?"
 
                  "ประโยคที่ใช้ตอบกลับ ซึ้งเราควรจะตอบกลับด้วยเพราะนี้คือมารยาท เช่น very good , แต่ไม่ควรใช่คำว่า I'm good มันแปลว่าฉันเป็นคนดี ซึ่งเขาไม่ได้ถามว่าคุณเป็นคนดีหรือไม่ "
 
                  "หรือไม่ควรจะตอบว่า Good , Thanks หรือ Thank you ก็ได้ และอีกอย่าง Can't complain. แปลกว่าทุกอย่างดีไปหมดนั้นเอง...บร้าๆๆๆ" ผมก็อธิบายบร้าๆ
 
                  “และมีอีกคำที่ คนออสเตรเลียจะใช้ทักทายบ่อยมาก สำหรับเพื่อนร่วมงานแต่ส่วนใหญ่จะทักกันในเพื่อนผู้ชายด้วยกัน”
 
                   “G’day mate “ ผมพูดและเขียนขึ้นบนหน้ากระดานดำ
 
                  “อันนี้คือการทักทายใช้แทนคำว่า ฮัลโล .....บร้าๆ”แล้ว จู่ๆ แก้มก็เดินออกไปโดนไม่พูดไม่จา ผมหันหลังไปมอง ก็เลยวางช๊อกที่ขอบกระดานดำและรีบตามเธอออกไปเช่นกัน
 
                  "แก้มเธอจะไปไหนนะทำไมขออนุญาติครูก่อนละ" ผมเรียกแก้มไว้เธอแค่หยุดเดิน
 
                  "ครูพอใจหรือยังคะ...ไม่มีใครอยากให้แก้มนั่งอยู่ในห้องนี้หรอกค่ะ ทุกคนมองว่าแก้มคือตัวร้ายทำลายความักของครูกับพี่คริส " แก้มหันมามองผมน้ำตาปริมๆอยู่ที่ขอบตาทั้งสอง
 
                  “ทั้งที่มันผิด!”
 
                 “แต่ทุกคนมองว่าแก้มผิดมากกว่า!”
 
                "แก้ม...มันไม่ใช่ความพอใจของครูเลยนะ และครูก็ไม่เคยมองว่าเธอคือคนที่ผิด" ผมพูดและแก้มก็ทำท่าจะเดินออก
 
                 “ครูรู้มันต้องใช้เวลาว่าแต่เธอ..เธอจะไปไหนหรือ" ผมถามเธออีกครั้ง
 
                "หนูจะไปห้องน้ำคะ" แก้มตอบผม
 
                 "แล้วทำไมไม่บอกครูละแก้ม แค่เธอขอครู ครูก็ให้เธอไป และการที่เธอขอครูไปห้องน้ำทุกครั้ง นั้นมันดีต่อตัวเธอ "ผมพูด แก้มหันมามองหน้าผม
 
                 “ถ้าเธอหายไปนานและยังไม่กลับมาครูจะได้ให้เพื่อนไปตามเธอถูก เพื่อว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอรู้ไหมแก้ม “ ผมพูดบอกเธอ ด้วยน้ำเสียงทีห่วงใย เธอหันมามองหน้าผม
 
                "ก็หนู..หนู..พูดไม่ได้นี้คะภาษาอังกฤษนะคะ"
 
               "แล้วทำไมเธอไม่อยู่เรียนติวตอนเย็นกับเพื่อนๆละ"แก้มเงียบผมรู้มาว่าเธอไม่ไปเรียนติวเตอร์ทีไหนเลยแม้กระทั้งที่โรงเรียนทั้งที่โรงเรียนนี้เขามีให้จะได้ไม่ต้องไปไขว้ขว้าหาที่ไหนแต่แก้มก็ไม่เคยเข้าเรียนเลยสักครั้งในตอนเย็น แก้มยืนนิ่ง
 
                "แก้มครูคือผู้ให้ความรู้แต่ถ้าศิษย์ของครูไม่ได้รับความรู้ที่เพียงพอครูก็เสียใจนะแก้ม...ครูเชื่อว่าแม่ของเธอก็อยากให้เธอตั้งใจเรียนเพราะว่าไม่ทรัพย์สินเงินทองใดๆไม่มีค่ามากพอและอยู่กับเราได้นานเท่ากับความรู้นะแก้ม นั้นแหละที่มีค่ามีราคาและติดตัวเธอไปตลอด" ผมพูดเธอยังคงนิ่ง
           
                "ทรัพย์สินเงินทองทีพ่อแม่สร้างมามันมีวันหมดแต่ความรู้ไม่มีวันหมดหายไปจากเธอ" ผมพูด
 
                 "รีบไปรีบมานะ...ครูจะได้ให้ทำงานกลุ่มกับเพื่อน ๆ" ผมพูดบอกแก้ม ก่อนะหันหลังเดินกลับเข้ามาในห้องเรียน
 
                "เอาละครูสมชายสั่งงานกลุ่มไว้ใช่ไหมดังนั้นจับกลุมทำงานเลยมีปัญหาไม่เข้าใจตรงไหนยกมือถามครู" ผมบอกนักเรียนทุกคนก็หันหน้าเข้ากลุ่มผมยืนรอสักพักแก้มก็ยังไม่เดินกลับมาเข้าห้องเรียน
 
                 "ใครพอจะไปตามแก้มที่ห้องน้ำหญิงให้ครูได้บ้าง"ผมถามนักเรียนในห้องแต่ทุกคนกับเงียบไม่มีใครให้ตอบผมเลยว่าใครจะอยากไปตามแก้มขึ้นมาเข้าเรียน
 
                 "เขาเป็นเพื่อนเธอหรือเปล่า" ผมถามนักเรียนในห้อง
 
                "แต่แก้มมันนิสัยไม่ดีนะคะครูและเรียนก็ไม่เก่งไม่มีใครอยากให้เข้ากลุ่มหรอกค่ะ"นักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดขึ้น
 
               "ทุกคนไม่ได้เก่งมาตั้งแต่เกิดบางคนต้องใช้เวลาในการฝึกฝน และอีกอย่างครูเชื่อว่าการให้โอกาสคนนั้นคือการให้ทานที่ประเสริฐที่สุด" ผมพูดทุกคนในห้องพากันเงียบ
 
                "บางทีแก้มไม่ได้อยากจะเป็นคนนิสัยไม่ไดีก็ได้นะ" ผมพูด
 
                "ใครจะทำเพื่อครูได้บ้าง"
 
                 "หนูไปตามเองคะครู" คนที่พูดกับผมเรื่องแก้มลุกขึ้นและอาสาจะออกไปตามแก้มให้ผมเอง
 
                "ดีมากครับ ไปตามแก้มมาแหละให้เพื่อนเข้ากลุ่มด้วยนะครับ"ผมบอกเด็กผู้หญิงที่อาสาคนนั้นก็วิ่งลงไปผมเดินไปดูงานตามกลุ่มต่างๆแต่คนละคนก็ตั้งใจเรียนกันดีจนกระทั้งแก้มขึ้นมาพร้อมกับเพื่อนในห้องดูก็รู้ว่าเพิ่งจะผ่านการร้องไห้มาด้วย
 
                "เข้ากลุ่มกับเพื่อนและช่วยเพื่อนๆทำงานนะ...มีอะไรไม่เข้าใจถามครูนะแก้ม" ผมบอกเธอ เธอแค่พยักหน้าและนั่งลงแบบกล้าๆกลัวๆ แก้มนั่งอยู่กับเพื่อนแค่นั่งมองเพื่อนทำ ผมยืนมองผมคิดว่าผมควรจะบอกครูสมชายเรื่องนี้ อันนี้คือปัญหาของเด็กที่ครูไม่ควรจะปล่อยปะละเลยเพราะมันจะส่งผลไปถึงอนาคตของเด็ก
 
                 "แก้มทำไมไม่ช่วยเพื่อนทำละ" ผมเดินมาแตะที่ไหล่เธอเบาๆ
 
                 "แก้มทำไมได้ค่ะ"
 
                 "เอาหนังสือออกมานั่งที่โต๊ะกับครูนะแก้มครูจะอธิบายเธอเอง " ผมเรียกแก้มให้เธอหยิบหนังสือมาและผมก็นั่งดูให้เธอทำให้ดูตรงหน้า แก้มอ่อนภาษาอังกฤษมากคำศัพท์ง่ายๆแก้มยังไม่รู้เลยว่าหมายถึงอะไรแต่ผมเต็มใจที่จะฝึกฝน
 
                 "คราวนี้เข้าใจขึ้นแล้วใช่ไหมแก้ม"
 
                  "ค่ะครูแต่..."
 
                "ครูคิดว่าเธอควรจะเรียนพิเศษนะในเมื่อทางโรงเรียนเขามีตรงนี้เธอควรที่จะเรียน..โชคดีที่ไม่ต้องไปหาติวเตอร์แพงๆนะแก้ม"
 
                "มีปัญหาอะไรหรือเปล่า...บอกครูมาซิ"
 
                 "แม่ไม่ให้เรียนค่ะ....แม่บอกว่าเรียนไปก็ต้องไปมีผัวอยู่ดีแม่เลยบอกว่าเรียนแค่ในห้องเรียนก็พอแล้วค่ะครู"แก้มพูด เสียงเพื่อนๆพากันหัวเราะคิกคัก เพราะตลกในคำพูดของเธอ แต่ผมนี้ถึงกับถอนหายใจทำไมแม่แก้มถึงได้สอนมาแบบนี้ ชีวิตลูกผู้หญิงไม่ได้จบลงที่การแต่งงานและไปอยู่บ้านให้สามีเลี้ยงดูทุกคนซะหน่อย เพราะบางที่เธออาจจะเจออะไรมากมายกว่านั้น
 
                 "แก้มเธอรู้ไหมมีผู้หญิงหลายคนที่ถูกกระทำความรุนแรงถูกเอารัดเอาเปรียบจากเพศที่เข็มแข็งกว่าและส่วนใหญ่พวกเขาไม่รู้หนังสือ อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ถึงได้ถูกล้อลวง"
 
                  "และครูก็ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับลูกศิษย์ของครู...ครูคิดว่ามันสำคัญกับเธอนะแก้ม" ผมพูดแก้มก้มหน้าลง
 
                  "ครูจะคุยกับแม่เธอดีไหมแก้ม"
 
                  "แม่ไม่ฟังหรอกคะครูแม่คิดแต่ว่าจะต้องมีเงินเก็บเยอะๆเพราะแม่ไม่เคยคิดว่าแก้มจะอยู่กับแม่ไปจนแก่"
 
                  "ครูจะลองทำหนังสือถึงคุณแม่เธอดู..เธอควรจะได้เรียนพิเศษทุกวัน ...กับครูก็ได้เพราะว่าครูยินดีสอนทุกคน" ผมพูดบอกเธอด้วยสีหน้าว่าผมเต็มใจ
 
                  "แม้กระทั้งหนูเหรอคะครู" แก้มเงยหน้าขึ้นถามผม
 
                 "ใช่ทำไมละ" ผมถามเธอกลับ
 
                  "หนู...หนู..ทำไม่ดีกับครูตังเยอะนะคะ"
 
                  "ทุกคนมีผิดพล้าดกันได้และมันไม่สายเกินไปนะแก้ม..ที่สำคัญนี้คืออนาคตของเธอครูไม่ทำลายอนาคตลูกศิษย์แค่เพราะเรื่องส่วนตัว" ผมพูด แก้มก้มหน้าลง
           
                   "เอาละไปนั่งที่นะหมดชั่วโมงแล้ว...พรุ่งนี้ครูมีสอนติวเตอร์ห้องเธอตอน 5โมงครึ้ง เพราะว่าครูสมชายยังไม่กลับมา และครูจะยินดีถ้าเห็นเธออยู่ในห้องเรียน" ผมพูดและแก้มก็ลุกกลับไปนั่งที่ ผมลุกคนพยักหน้าให้ทุกคนว่าผมจะต้องไปแล้ว พอนักเรียนทำความเคารพก็เดินออกจากห้องเรียน ระหว่างที่กำลังเดินผมเห็นอนุชิต
 
                  "อนุชิต"
 
                 "ครับครู..ครูมีอะไรให้ผมช่วยครับ"
 
                 "ไม่มีหรอกตอนเที่ยงไปหาครูทีห้องพักครูนะ"
 
                   "ได้ครับครู"
 
                  "ครูเขมหวัดดีครับ " "ครูเขมหวัดดีคะ"
           
                  "ครูวันนี้เราเข้าห้องโสตกันใช่หรือเปล่าคะ"
 
                  "ใช่ครับ..วันนี้เราจะฝึกการฟัง"
 
                   "เย้ๆ..พวกเราชอบค่ะเพราะว่าที่ครูเอามาให้พวกเราฟังนะสนุกมากเลยค่ะ " พวกเด็กๆเหล่านี้ชอบที่จะเข้าไปฟังซีรีย์ภาษาอังกฤษ ที่ผมหามาให้โดยให้มีเนื้อหาสอดคล้องกับในหนังสือเป็นการฝึกการฟังไปในตัวผมรู้ว่าแกรมม่าก็สำคัญผมก็สอนเน้นแกรมม่าเช่นกันแต่ในชีวิตจริงๆ เราใช้การฟังและพูดมากกว่าในชีวิตประจำวันจริงๆ ยิ่งมีการใช้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้นผมเดินกลับมานั่งเปิดจดหมายดูใหม่อีกครั้งผมต้องแกะลายมือจากหมึกที่จืดจางเต็มที จนกระทั้งใกล้เวลาพักเที่ยง
 
                  "ครูเขมครับ" อนุชิตเดินเข้ามาหาผมพอดีเลย
 
                  " มาแล้วหรอ"ผมเงยหน้าขึ้นก่อนจะหันไปหยิบถุงกระดาษและส่งให้อนุชิต เขาทำหน้างง ผมก็พยักหน้าว่าให้รับไป พอเขารับไปเปิดดูเขาเงยหน้ามองผมแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจทันทีที่เขาได้เห็นของในถุง
 
                 "ครูซื้อให้รับไปซิจะได้มีใส่เหมือนเพื่อนๆเขา หรือจะลองเลยก็ได้นะ."
 
                  " ครูก้มมองดูเบอร์รองเท้าของเธอวันที่เธอถอดไว้หน้าห้องโสตนะและนี้ครูซื้อมาเพื่อสักเบอร์สองเบอร์นะ" ผมพูดอนุชิตหยิบมันขึ้นมากอดไว้ในอ้อมอกเขาดีใจที่จะได้รองเท้าคู่ใหม่ ถึงมันจะไม่มีค่าอะไรมากแค่สี่ห้าร้อยบาทแต่กับบางคนสี่ห้าร้อยบาทนี้หามาด้วยหยาดเหงือและแรงงานเหนื่อยยากจนสายตัวแถบขาด อนุชิตหยิบเสื้อตัวใหม่ขึ้นมาดูและกางเกงตัวใหม่สองชุดที่ผมซื้อให้เข็มขัดก็ใหม่ ถุงเท้าก็ใหม่
 
                 "ครูให้ผมจริงๆเหรอครับ"
 
                 "ใช่ครูให้เธอแต่เธอคงต้องไปให้ร้านเขาปักตัวย่อชื่อโรงเรียนเอานะ"
 
                  "ย่าผมปักได้ครับครู..ขอบคุณครับครู" อนุชิตวางและตรงมากราบผมแต่ผมรีบรับไหว้เขาทันที
 
                   "ครูทำเพราะว่าเธอเป็นเด็กดีอนุชิตเป็นแบบนี้ตลอดไป เธอเลือกไม่ได้ว่าจะต้องเกิดมาร่ำรวยหรือยากจนแต่เธอเลือกเป็นคนดีได้ ตั้งใจเรียนได้แค่นี้ครูว่าเธอทำได้อนุชิต" ผมพูดเขาพยักหน้า
 
                  "ผมจะตั้งใจเรียนครับครู..ผมโตขึ้นผมจะเป็นครูครับ"
 
                   "ดีมากไปทานข้าวเถอะ" ผมพูดและอนุชิตก็หยิบถุงกระดาษออกไปรอยยิ้มดีใจของเขาแม้ว่าสิ่งที่ได้จะไม่ได้มากมายแต่เชื่อว่ามันทำให้เขามีความสุข ผมเก็บทุกอย่างลงจากโต๊ะก่อนจะเดินลงไปเพื่อหาซื้ออะไรทานและตอนเที่ยงผมจะต้องไปสอนพิเศษคริสโตเฟอร์ที่ห้องสมุดผมรีบทานและรีบไปผมเห็นคริสนั่งรอผมอยู่แล้วพร้อมกับกางหนังสือเกี่ยวกับ Reading ที่จะใช้ในการสอบGED อ่านอยู่ ผมก็ต้องเทรนเรื่องการอ่านเพื่อจับใจความและใช้ในการตอบคำถาม ผมให้เขาอ่านคำถามก่อนเป็นอันดับแรกก่อนจะไปอ่านเนื้อเรื่องเพื่อช่วยประหยัดเวลาที่จะหาคำตอบได้เร็วขึ้น ผมสอนคริสท้ามกลางสายตานักเรียนที่มาอ่านหนังสือในห้องสมุดและสายตาครูประจำห้องสมุด ครูสุรีวัลย์ เขาก็ยิ้มให้ผม ส่วนคริสโตเฟอร์ก็ตั้งใจเรียนมากไม่ดื้อเลยสักนิดเพราะเขารู้ว่าเวลาครึ้งชั่วโมงนะมันน้อยนิดเดียวเขาควรจะตั้งใจฟังผมมากกว่า

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน (ครูเขม X คริส)EP.24 การสนทนาระหว่างแม่ของคริส1
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 23-08-2020 17:01:29
EP.24 ครูเขมชาติ X คริสโตเฟอร์   การสนทนาระหว่างแม่ของคริส 1
   
           Part  ครูเขมชาติ
                             หลังจากที่ผมไปสอนติวคริสโตเฟอร์ที่ห้องสมุด วันนี้ผมก็ให้เขาไปลองทำข้อสอบดูสักสิบข้อก่อน ในหัวข้อ Reading GED คริสโตเฟอร์ทำการบ้านมาดีแสดงว่าเขามุ้งมั่นในการอ่านหนังสือมากตั้งแต่ผมซื้อให้เขาเมื่อวันเสาว์ที่ผ่านมา ผมมีสอนคาบบ่ายต่ออีกสองคาบและระหว่างที่ผมสอนอยู่ครูอรพรรณก็เดินาตามผมบอกว่าท่านผู้อำนวยการเชิญผมที่ห้องทประชุมเล็ก แม่และพ่อเลี้ยงของคริสโตเฟอร์เดินทางมาถึงที่โรงเรียนแล้ว

                              ผมก็รีบสั่งงานเด็กก่อนจะลงไปพบกับแม่ของคริสโตเฟอร์ ผมรู้สึกใจตุ่มๆต่อมๆแอบกลัวเหมือนกันถ้าหากแม่ของคริสโตเฟอร์เขาไม่เห็นด้วยในความรักของผมสองคนละ
               
                               ผมเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของผู้อำนวยการ ผมก็เห็นผู้หญิงดูไม่แก่น่าจะเกือบสีสิบได้ผิวสีแทนออกไปทางคล้ำ หุ่นสูงโปร่งรูปร่างผอมแต่ไม่เข้าขั้นบอบบางเพราะเป็นคนกระดูกใหญ่สันจมูกเป็นสันจนคมดวงตากลมโตรับใบหน้าเรียงมีสันกรามเล็กน้อย ลักษณะใบหน้าเป็นแบบที่ฝรั่งส่วนใหญ่ชื่นชอบ ยืนอยู่กับชาวต่างชาติหคนหนึ่ง ดูจากรูปร่างหน้าตาไปทางโซนยุโรบและเด็กผู้ชายหน้าออกลูกครึ้งคล้ายกับคริสโตเฟอร์แต่ไม่เหมือนวะทีเดียว อายุราวๆสองขวบกว่ากำลังยืนกอดขาผู้ชายคนนั้นอยู่เดาได้ว่านี้คือพ่อของเด็กและคริสโตเฟอร์ที่ยืนอยู่ถัดจากแม่ของเขาไปหน่อย ผมเดินเข้าไป

               "สวัสดีครับ..ผมครูเขมครับ" ผมทักทายและแนะนำตัวทันที

               "สวัสดีค่ะ..ดิฉัน..เป็นแม่ของคริสโตเฟอร์ค่ะ เรียกว่าดาก็ได้คะและนี้สามีดิฉันคะ..ฟิลิปส์ เขาพูดไทยได้นิดหน่อยคะ"

               "สวัสดีครับฟิลิปส์ ยินดีที่ได้รู้จักครับผมเขมชาติ หรือเรียกสั้นๆว่าเขมครับ"

               "สวัสดีครับคุณเขม ยินดีที่รู้ตักเช่นกันครับ"

               "สบายดีไหมครับ “

               "ครับสบายดีครับ แล้วคุณละเป็นยังไงบ้าง" เขาก็ตอบกลับอย่างสุภาพพร้อมกับถามตอบ

               "ผมสบายดีครับ "

               "เออ..คุณเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่นี้เหรอครับ "

               "แน่นอนครับผมเป็นครูที่นี้แหละเป็นครูสอนภาษาอังกฤษและที่สำคัญผมสอนคริสโตเฟอร์ด้วยครับ"
 
               " ยอดเยี่ยม!..เขาพูดภาษาอังกฤษได้ใช่ไหมครับ"

               "ใช่ครับเขาพูดได้ เขามีพื้นฐานมาจากพ่อเขานะครับ ผมคิดว่ามันอยู่หัวเขาตลอดก็เหมือนคนไทยที่เรียนรู้ภาษาไทนมาแต่เด็กต่อให้ต้องไปอยู่ที่อื่นโดยภาษาที่สองเขาก็ยังคงพูดภาษาไทยได้อยู่ดีนะครับ"

               “ผมดีใจนะที่เขาพูดภาษาอังกฤษได้ "

               " ฟิลิปส์ค่ะ...คุณช่วยพาสตีเฟนลงไปข้างล่างก่อนได้ไหมคะ ระหว่างที่ฉันจะคุยธุระนะคะ”

               “ได้ซิครับ..สติเฟนพ่อพาไปเดินข้างล่างนะ”

               “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณเขม ..ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้ง...บายครับ”

               “เช่นกันครับยินดีที่รู้จักอีกครั้ง คุณฟิลิปส์..บายครับ”

               ผมกล่าวปิดการสนทนาก่อนจะหันมาทางผู้อำนวยการว่าจะคุยกันที่ไหนดี ผู้อำนวยการผายมือไปทางห้องประชุมเล็กผมและแม่ของคริสโตเฟอร์พากันเข้าไปคุยกันด้านในห้องประชุมห้องเล็กของโรงเรียน คริสโตเฟอร์มองผม ผมพยักหน้าว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ผมเดินไปนั่งตรงข้ามกับแม่ของคริสโตเฟอร์ และคริสโตเฟอร์นั่งลงข้างๆผม

               "ผู้อำนวยการค่ะ ดาขอโทษด้วยนะคะ ที่ต้องมาเป็นธุระให้ดาอีกแล้วนะคะ"

               "ไม่เป็นไรคุณดาถือว่าช่วยๆกันเพราะยังไงนายคริสโตเฟอร์นี้เขาก็เป็นลูกศิษย์ของผมเหมือนกันแม้จะไม่ได้สอนก็ตาม" ผู้อำนวยหันไปตอบแม่ของคริสโตเฟอร์

               "ครูเขมคค่ะ ..มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ...ดิฉันไม่ได้ว่าครูนะคะแค่อยากทราบนะคะ"แม่ของคริสโตเฟอร์หันมามองหน้าผม ผมก็หันไปมองหน้าคริสโตเฟอร์ก่อนที่ตอบแม่ของเขา

               "เกือบจะสี่อาทิตย์ได้แล้ว...ผมต้องขอโทษจริงๆ ผมไม่ได้มีเจตนาจะปกปิดเรื่องนี้แต่แค่..ไม่มีโอกาสได้บอกก่อนเท่านั้นเอง"

               "ค่ะ..ดิฉันไม่ได้ว่าตรงนั้นหรอกคะ..ดิฉันคิดว่าคุณปกปิดเพื่อปกป้องเขา" พูดและหันไปมองคริสโตเฟอร์
               
               "แต่ลูกตัวดีของดิฉันซิคะกว่าจะบอกได้ก็เกิดเรื่องพอดี..มันน่าไหมละคริส..และนี้ยังทำให้ครูเขมเขาเดือนร้อนอีก" แม่ของคริสโตเฟอร์พูด

               "ผมขอโทษครับแม่ ผมขอโทษครับผู้อำนวยการ” คริสโตเฟอร์ยกมือไหว้แม่และผู้อำนวยการ”

               “แต่ผมรักครูเขมจริงๆ..และครูเขมเขาก็หวังดีกับผมไม่ได้มาทำร้ายผม..และเขายังทำให้ผม...เรียนภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น" คริสโตเฟอร์พูด ผมเห็นสายตาท่านผู้อำนวยการที่มองพวกผมอย่างเมตตา

           “และที่สำคัญเรารักกันนะครับแม่” คริสโตเฟอร์พูด ผมพยักว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แม่ของคริสมองผมยิ้มๆให้

           “ เอาจริงๆก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร คนลือกันเยอะไปเองก็เท่านั้นแหละครับ เลยทำให้ ท๊อคออฟเดอะทาวน์ไปอาทิตย์หนึ่งเต็มๆ “ ท่านผู้อำนวยการพูดป่นขำ

           “และที่เขาลือกันหนาหู ก็เพราะว่า นายคริสนี้ก็หล่อระดับต้นๆของโรงเรียน “ ผู้อำนวยการพูด นายคริสหันขวับมาหยักคิ้วให้ผมทันที

           “ดูจากที่ผ่านมา สาวๆนี้ตบตีกันทุกวันแย่งพ่อพระเอกประจำโรงเรียนลูกคุณแม่นี้แหละครับ” อันนี้ทำเอาผมแอบขำแต่คนข้างๆถึงกับขมวดคิ้วเลย เรทติ้งดีนะ ผมหันไปมองคริสที่แอบหยักคิ้วให้ผม

           “และครูเขมครูมาใหม่ไฟแรงหล่อด้วย นิสัยดี น่ารัก มาครบหมดทุกฟังชั่น ทำเอาครูและนักเรียนตกหลุมรักไปตามๆกัน แต่ดันมา...สอยนักเรียนชายของผมซะงั้น แถมเล่นคนหล่อประจำโรงเรียนซะด้วย “

           “ทั้งครูและนักเรียนอกหักกันระนาวเลยนะครับคุณแม่....โรงเรียนของผม” ผู้อำนวยการพูด ผมก็ต้องยกมือขึ้นเกาหัวหน่อยๆ ผมไม่ได้ตั้งใจครับผู้อำนวยการ 


           “แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมไม่กล้าที่จะคัดค้านทั้งคู่ก็เพราะนายคริส ที่การเรียนดีขึ้น “ผู้อำนวยการพูดและหันมาทางคริส

                      "ไม่ใช่แค่ภาษาอังกฤษนะครับ ครูท่านอื่นๆเอ่ยปากชมว่านายคริสดีขึ้นเร็วมากตั้งแต่ครูเขมเข้ามานี้แหละไม่หนีเรียน ไม่ขับรถมอเตอร์ออกไปข้างนอกโรงเรียน..ก็ถือว่าผลงานของครูเขาดีจริงๆนะครับ" ผู้อำนวยการพูดเสริมให้ผมอีกที

                      "ทว่าครูกับนักเรียนรักกันมันก็ไม่ค่อยถูกต้องสักเท่าไหร่”

“แต่เท่าที่ผมเห็นครูเขมเขาวางตัวกับคริสโตเฟอร์ในโรงเรียนค้อนข้างดีทีเดียว ส่วนเรื่องที่
เกิดขึ้นจนทำให้ทุกคนทราบน่าจะเป็นเพราะความหล่อเกินไปนะ..ทำให้สาวๆเขาไม่พอใจเลยเอามาบอกผม" ผู้อำนวยการพูด แม่ของคริสโตเฟอร์หันขวับมามองหน้าลูกชายของเขาทันที และนายคริสก็หันไปยิ้มแหยๆ เป็นไงละ ผมแอบเหล่สมน้ำหน้าเล็ก หล่อดีนัก คนข้างๆผมทำปากยู่ใส่ผม และผมก็แอบหยิกให้อยู่นิ่งๆ ผู้อำนวยการแอบมอง โดยการแอบหยิกเบาๆ

                      "และที่สำคัญนายคริสก็ยังอยู่ม.4 ผมอยากจะให้รอให้เด็กเรียนจบก่อน" ผู้อำนวยการพูดและหันมามองผม

                      "แต่ผมแอบไปได้ยินมาครูมีทางออกไว้ให้เขาไม่ใช่เหรอครับ" ผมสะดุ้งยังแอบได้ยินเรื่องผมมาอีกเหรอครับ

                      "ครับผมได้ปรึกษาเพื่อนผมและผมก็ได้พูดคุยเรื่องนี้กับคริสโตเฟอร์ เรื่องการเข้าสอบเทียบมัธยมปลายเป็นหลักสูตรที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก คือหลักสูตรสอบเทียบม.ปลายของอเมริกานะครับ หรือ GED " ผมพูดท่านผู้อำนวยการถึงกับพยักหน้า

                      "แล้วคริสโตเฟอร์ว่ายังไงละลูก มันยากไปหรือเปล่า"

                      "ไม่ครับแม่ผมอยากไปสอบครับและผมก็เริ่มอ่านหนังสือบ้างแล้วพี่เขมพาไปหาซื้อหนังสือมาหนึ่งชุดและพี่เขมก็ยังติวให้ผมทุกวัน ตอนเที่ยงครึ้งและหลังจากพี่เขมสอนติวเสร็จแล้วทุกวันครับแม่" คริสโตเฟอร์พูด

                      "ถ้าเราคิดว่าเราไหว ...แม่ก็คงไม่ขัดอะไรท่านผู้อำนวยการ"

                      "ดิฉันคงไม่กล้าขัดอะไรหรอกคะท่าน...ถ้ามีคนที่หวังดีหยิบยื่นโอกาสดีดีให้ลูกชายดิฉันได้ขนาดนี้..ต้องขอบคุณเสียด้วยซ้ำค่ะ" แม่ของคริสโตเฟอร์พูดเขามองหน้าผมพร้อมรอยยิ้มที่ปลื้มปิติยินดี

                      "แต่ว่าจะรบกวนคุณครูมากไปหรือเปล่าคะ"

                      "ไม่หรอกครับผมเต็มใจ...ผมเต็มใจที่จะดูแลเขา."

                      "ผมพูดตรงๆนะครับ..ผมรักเขา...และผมยินดีที่จะดูแลเขาแทนคุณแม่..ถ้าคุณแม่ไว้ใจผม" ผมพูดพร้อมกับหันมามองหน้าคนข้างๆผมเขาก็กุมมือผมไว้

                      "ถ้าอย่างนั้นดิฉันก็คงไม่มีข้อขัดแย้งใดใดค่ะ ท่านผู้อำนวยการ..ดิฉันเชื่อใจครูเขมคะท่าน"

                      "เอาเป็นว่าเข้าใจตรงกันทั้งสองฝ่ายแล้วนะครับ...แต่ผมก็ยังจะขอให้ครูเขมกับคริสโตเฟอร์คงรักษาซึ่งสถานภาพของครูกับนักเรียนในขณะที่อยู่ในโรงเรียนแบบนี้แต่เสาร์อาทิตย์ผมไม่เข้าไปก้าวก่ายแน่นอน" ผู้อำนวยการพูด

                      “ยิ่งคุณแม่ไม่ขัดแย้งอะไรตรงนี้ก็คงไม่มีปัญหาเหมือนครูมิ้งกับแชมป์อันนั้นป้าเขาขัดแย้งมากไม่ยอมจนกระทั้งเด็กหนีตามครูไป”

                      “เด็กผู้ชายเหรอคะผู้อำนวยการ”ดูแม่ของคริสยกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ

                      “ครับคุณดาและผมหวังว่าครูเขมจะหาตัวครูมิ้งเจอ...ครูเขมคนนี้เขาดีมากและนักเรียนที่นี้ก็รักและอยากให้ครูเขมอยู่ด้วยกันนานๆ นี้พากันมาลงชื่อทำให้ผมสั่งพักงานครูเขมไม่ลงนะครับคุณดา” ผู้อำนวยการพูด

                      "ส่วนนายคริสโตเฟอร์...ก็ตั้งใจเรียนแบบนี้อย่าเกเร อย่าเหลวไหลละเพราะคนที่จะเดือดร้อนนั้นคือครูเขมรู้ไหม ต่อไปนี้ทำอะไรคิดถึงแม่และคนที่เขาตั้งใจดูแลเธอ นั้นคือครูเขมอีกคน"ผู้อำนวยการบอกคริสโตเฟอร์เขาก็พยักหน้าและหันมามองผม

                      "ขอบคุณนะคะท่านที่เมตตา คริสโตเฟอร์มาโดยตลอด ให้อภัยแล้วให้อภัยอีกไม่รู้กี่ครั้งกี่หน" แม่ของคริสโตเฟอร์หันไปยกมือไหว้ท่านผู้อำนวยการ

                      “ไม่เป็นไรครับอะไรที่ช่วยได้ผมยินดีช่วยอยู่แล้ว”
           
                      "ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนแล้วคุณแม่กับครูเขมจะได้คุยกันต่อเพราะว่าผมมีเอกสารด่วนจากกระทรวงศึกษาธิการผมต้องรีบไปตอบกลับด่วน...แถมด่วนทุกอย่างยกเว้นตกเบิกช้าที่สุด ฮาๆ อันนี้ผมล้อเล่นนะครับ และผมคงจะลาเลยนะครับคุณดา ผมต้องรีบไปประชุมต่อด้วย " ผู้อำนวยการ ผมทุกคนก็ยกมือไหว้ท่านผู้อำนวยการ ก่อนที่ท่านจะเดินออกไปจากห้องประชุม

                              ผมหันไปสะกิดคริสโตเฟอร์ให้เข้าไปหาแม่เขาซิ คริสโตเฟอร์ก็ลุกขึ้นไป เขาก้มลงกราบแม่ของเขาในทุกเรื่องที่เขาทำไว้ เพราะวัยนี้ก็เหมือนหัวเหลียวหัวต่อนะผมว่า

                              "ไม่บ่อยเลยนะคะครูเขมที่ลูกชายตัวดีจะทำแบบนี้กับแม่..ตอนแรกคิดว่าโตเป็นหนุ่มเลยไม่อยากกอดแม่ซะอีก ...ฟ้อด!" แม่ของคริสโตเฟอร์พูดเขาหันมายิ้มให้ผม คริสโตเฟอร์ลุกขึ้นกอดแม่ของเขามันเป็นภาพที่น่าประทับใจอย่างมากและแม่ของเขาก็หอมแก้ม และมันคงจะจริงที่แม่เขาพูดเขาคงเขินอายที่จะกอดแม่ตัวเองแบบว่าโตแล้วอะไรแบบนี้ แต่กับพวกผมไม่ใช่ไม่เคยเขินอายเลยกอดทุกที ถ้าเราเขินอายที่จะกอดแม่แต่กลับไม่เขินอายที่จะกอดคนรักผมว่านั้นแหละผิด

                              "เขม..แม่เรียกเขมแล้วกันนะคะ แม่คิดว่าเป็นลูกชายแม่อีกคน” ผมพยักหน้าได้เพราะว่าผมเต็มใจ

                              “ครับคุณแม่” ผมพูดและคริสโตเฟอร์หันมามองผม

                              “แล้วนี้การไปสอบมีค่าใช่จ่ายมากหรือเปล่าคะ"

                              "ผม...พอมีเงินเก็บอยู่บ้างนะครับ..และนี้คือการแสดงความรับผิดชอบของผมกับน้องเขาด้วยนะครับคุณแม่"

                              "บอกดิฉันเถอะคะคุณเขม..ดิฉันพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้างไว้สำหรับให้เขาเรียนจะให้คุณเขมออกแต่ฝ่ายเดียวไม่ได้หรอกคะยังไงเขาก็เป็นลูกชายดิฉัน"แม่ของคริสโตเฟอร์พูด

                              "เอาเป็นว่าถ้าผมต้องการให้คุณแม่ช่วยผมจะบอกแล้วกันนะครับแต่ตอนนี้ไม่มีครับ"

                              "แล้วนี้เราดื้อกับพี่เขมหรือเปล่า"

                              "ไม่ดื้อสักหน่อยแม่..คริสโตแล้วนะแม่" คริสโตเฟอร์ทำเสียงค้าน ผมก็หันหน้าไปมองทางอื่น

                              "แสดงว่าน้องดื้อใช่ไหมคะ"

                              "พี่เขม..ผมไม่ดื้อนะ" รีบเถียงเลยนะ แต่เอาจริงๆก็ไม่ค่อยดื้อ

                              "ก็นิดหน่อยนะครับ" ผมพูด

                              "เชื่อฟังพี่เขมเขาและถ้าน้องดื้อแม่อนุญาติคะตีได้เลยคะ " คุณแม่อนุญาติแล้วด้วยและคนที่ได้ยินถึงกับทำท่าที่ไม่รู้ไม่ชี้

                              "ขอโทษนะคะเขมอายุเท่าไหร่แล้วคะ"

                              "ผมอายุ 25 ปีเต็มกุมภาพันธ์ปีหน้านี่แหละครับ "

                              "วันที่ 25 ครับแม่ 25  กุมภาพันธ์ คริสโตเฟอร์บอกวันเกิดผมเสร็จสับไม่รู้ว่าไปแอบดูมาจากไหนยังเลิกคิ้วขึ้นหยักคิ้วขึ้นลงและทำหน้าตาล้อเลียนผมอีก

                              "เพี๊ยะ!" นั้นไงแม่ตีแขนเลย
               
                              "ยังอีกพี่เขาอายุเยอะกว่ายังทำท่าล้อเลียนพี่เขาอีกเรานะต้องเคารพพี่เขาคริส"

                              ""โอเคมัม” คริสโตเฟอร์พูด

                               “คริสเขาเกิดวันที่ 25 ธันวาคม แม้วันที่25 เหมือนกันเลยนะ “ แม่ของคริสโตเฟอร์พูดและยิ้มๆให้ผมสองคน

                              "เขม ....อันไหนที่น้องทำไม่ถูกไม่ควรสอนได้เลยนะคะเขม ...แม่นะไม่ค่อยมีเวลามาอบรมสั่งสอนเขาเท่าไหร่ และพ่อคุณก็ไม่กลับไปบ้านเลยเสาร์อาทิตย์ " แม่ของคริสโตเฟอร์และหันไปมองคริส

                              “แม่ก็ช่วงนี้ผมติดเรียนกับพี่เขม”

                              “เสาร์อาทิตย์ด้วยเหรอเรา”

                              “ผมขยันนะแม่ เรียนเจ็ดวันเลย” นายคริสโตเฟอร์ ผมได้ยินนี้ก็เกาหัวเลย ไม่มีใครเขาสอนนายเจ็ดวันหรอกนะนายตัวดี

                              “หึหึ”แม่ของคริสโตเฟอร์แอบขำลูกชาย

                              “แม่เองก็ยุ่งค่ะเขม ที่สปาร์นะคะ มีลูกจ้างน้อย ทำเองซะส่วนใหญ่ แต่โชคดีที่ได้ฟิลิปส์ช่วยเหลือ”

                              “อันที่จริงปากกับใจเขาไม่ตรงกันหรอก ฟิลิปส์นะเขาก็เป็นห่วงคริสนะ แต่พ่อคนนี้ซิเขาแข็งกร้าวเหมือนพ่อของเขาและฟิลิปส์นะมีปัญหาเวลาเมาเท่านั้นแหละ ปากเสียตอนเมานะเขม" แม่ของคริสโตเฟอร์พูด

                              “และพ่อคุณนี้ก็หัวร้อนง่าย แม่ก็กลัวเขาจะมีเรื่องกัน แม่ก็เลยไม่ค่อยห้ามเขาเวลาเขามาบอกจะไปหาเพื่อนหรืออะไรแต่ก็คอยกำชับไม่ให้ไปยุ่งกับพวกยาเสพติดแค่นั้น”ผมก็ยิ่มและจู่เสียงเคาะประตูห้องที่ผมกำลังคุยก็มาขัดการสนทนาของผมกับแม่ของคริส

               “ก๊อก” เสียงเคาะประตูห้องที่ผมกำลังคุยกันอยู่ ครูนิดนั้นเอง

               “ขออนุญาตินะคะครูเขม พอดีพี่ว่าจะรีบไปประชุมกับท่านผอ.นะคะ ขอทักทายเพื่อนครูแป๊ปหนึ่งนะคะ”

               “เชิญครับครูนิด”ผมพูด

               “ดาเป็นไงบ้างไม่ค่อยได้เจอกันเลยมีแต่โทรคุยขอบใจของฝากเยอะแยะอีกแล้ว นิดจะรอให้ปิดเทอมจะลงไปหาที่ภูเก็ตนะ ลูกสาวอยากไปเล่นน้ำทะเล "

“ได้จ๊ะนิด โทรหาดานะ ดาจะจัดห้องพักไว้รอ “

               “ไม่รบกวนแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะครูเขม บายนะดา นิดต้องไปกับท่านผอ.นะ “ครูนิดพูดก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมไป
 
               "ครูนิดเป็นเพื่อนของดิฉันคะ เราเรียนโรงเรียนมัธยมด้วยกันนิดเขามีโอกาสมากกว่าได้ไปต่อมหาวิทยาลัยครู ส่วนแม่ก็ไปต่อแค่ ปวส และพอจบก็ทำงานบริษัท แต่ไม่นานก็โดนจ้างออก แม่ก้เลยตัดสินใจไปหางานทำที่พัทยา ไปอยู่กับพี่สาวที่แม่นับถืออีกที ”

                       “นั้นแหละแม่ถึงได้รู้จักพ่อของคริส ตอนนั้นแม่ทำงานที่บาร์ที่พัทยา แต่แม่ทำในตำแหน่งผู้จัดการค่ะ และไปเจอเดนิสเขาที่นั้น “

                       “ตอนนั้นเดนิสเขาทำงานเป็นช่างภาพอิสระและมาถ่ายรูปให้ค่ายหนังที่มาถ่ายทำในไทย และแม่กับเขาก็ได้เจอกัน ได้คุยกันและสานสัมพันธ์กันเรื่อยมาจนกระทั้งคบกันเป็นแฟน”

                       “เดนิสเขาก็ดูแลแม่ดีนะ ส่งเงินให้ใช้ เทียวมาหาตลอดแต่เขาบอกว่า ตอนนั้นแม่ก็ยังทำวีซ่าไปหาเขาไมได้ เพราะว่าเขาเคย สปอนเซอร์คนไทยและไปทำไม่ดีไว้จนต้องบอกเลิกและแม่เขาก็เลยไม่ค่อยปลื้มที่เขาจะมีแฟนเป็นคนเชียอีกครั้ง” แม่ของคริสโตเฟอ์พูด

                       “แต่แม่ก็คบเขาจนกระทั้งแม่ตั้งครรภ์และเขาก็ให้แม่อยู่บ้าน แต่แม่ก็ใม่ได้กลับไปกลับบ้านเกิดแต่ยังอยู่ที่พัทยา เพราะว่าเดนิสมักจะมาเพื่อพักผ่อนนะ เขาชอบทะเลที่ไทย มันเงียบและไม่มีคลื้นลมแรงเหมือนที่ออส” แม่ของคริสโตเฟอร์พูด

                               “และพอแม่คลอดคริสโตเฟอร์จนกระทั้งเขาอายุได้ขวบกว่าๆ เดนิสเขาบอกว่า เขาไม่สามารถที่จะไปหาแม่บ่อยๆได้ เดนิได้ทำวีซ่าให้แม่และยื่นเรื่องขอซิตี้เซนให้คริสเขา และแม่ก็ได้วีท่องเที่ยว แม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสแต่จดแบบยืนยันความสัมพันธุ์แทน จนกระทั้งแม่มาออสเตรเลีย แม่ถึงได้ยื่นขอวีซ่าดิเฟคโตและแม่ก็ได้วี บริจจิ้ง บี ที่สามารถทำงานได้ด้วยนะคะ”

                              "แต่ตอนที่แม่ไปถึงประเทศออสเตรเลียความฝันที่วาดไว้ไม่ใช่เลยคะ แม่ของเดนิส ส่วนพี่น้องบางคนค่ะ เดนิสมีพี่สาวสองคนและพี่ชายสามคน ส่วนเขาเป็นเล็กสุด “


               “แม่เขารับดิฉันไมได้ส่วนพี่น้องเขาไม่ยุ่งอยู่แล้วและเขาก็ดีกับแม่นะ และเหตุผลที่แม่เขาไม่ชอบแม่ก็เพราะว่าแม่เคยทำงานที่บาร์ และยังมีภรรยาของเพื่อนของแฟนอีกทีที่เป็นคนไทยคอยยุยงพูดให้ทางครอบครัวของเดนิสไม่ต้อนรับแม่อีก"

               “แม่นะเคยทำงานที่บาร์ก็จริงแต่แม่ทำงานในตำแหน่งผู้จัดการค่ะ แต่ก็อย่างว่าแหละ พอได้ยินว่าทำที่บาร์มาก่อนก็มองแม่ไม่ดีกันแล้ว ส่วนคนไทยนะ พอเห็นเดินกับฝรั่งก็มองว่าทำงานอย่างว่าอีก “ แม่ของคริสโตเฟอร์พูด ส่วนผมก็เห็นใจเพราะว่าคนส่วนใหญ่คิดแบบนั้นจริงๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาเอาตรรกะอะไรคิดกัน

                               “แต่ก่อนแม่จะได้บริจจิ้ง เอ เป็นวีซ่าสำหรับคนที่ยื่นขอวีซ่าที่ประเทศออสเตรเลีย ตอนนั้นแม่ยื่นขอดีแฟคโต้ไว้ เพราะว่าแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส  แม่ก็รออยู่นานมากแม่คิดว่าวีซ่าแม่คงติดปัญหาหลายอย่างอยู่ ต่อให้แม่มีลูกกับเขาก็ตามและแม่ก็ไม่เคยไปใช่ชีวิตที่นั้นมาก่อน”

                               “ช่วงที่แม่รอวีซ่าแม่ก็ไปอยู่ที่บ้านแม่ของเดนิสเขาทีเพิร์ทค่ะ แต่แม่ก็ลำบากใจมากเพราะว่าแม่ของเขาไม่ค่อยชอบแม่ คงเนื่องจากคนเก่าทำไว้แฟนเก่าของเดนิสนะคะ เขามีแฟนคนไทยและเลิกกันก่อนจะมาเจอแม่ ไม่กี่เดือนค่ะ”


                               “ และเขาก็คนแก่ที่กลัวลูกทุ้มความรักให้ดิฉันกับลูกมากเกินไป แต่เขาก็รักคริสโตเฟอร์นะ แม่มีปัญหากับแค่แม่ของเขานะ พี่น้องเขาน่ารักมาก “

                               “แต่ด้วยปัญหาที่จูจี้จุกจิก และเดนิสคงเห็นแต่เขาไม่พูด จนมาที่ปัญหาที่หนักสุดคือเพื่อนของเดนิสเขาได้ผู้หญิงคนไทยนั้นแหละค่ะที่ชอบมาคุยมาบอกแม่ย่าว่าพี่นะ แอบคุยกับผู้ชายและส่งเงินให้ใช้”


                               “ แม่นี่นะส่งให้แต่พ่อแม่ของแม่ทั้งนั้น แต่เงินนั้นเดนิสให้แม่อีกทีก็แม่ยังทำงานไม่ได้ และเมืองเล็กๆแบบนั้น ไม่ต้องถามเลย คนในพื้นที่ถ้าไม่ทำฟาร์มก็ไม่มีมีงานอื่นหรอกคะ แหล่งช๊อปปิ้งยังไม่มีเลยค่ะ จะซื้ออะไรทีต้องรอสามีขับรถพาไปชั่วโมงหนึ่งเต็ม “

                              “แม่เขาก็ต่อว่าแม่และยังไปบอกให้เดนิสเลิกกับแม่ แต่ดีที่เดนิสเขาไม่ฟังใคร และเขาก็บอกแม่ของเขาว่าขอย้ายไปอยู่เมลเบิร์นแทน ตัวแม่เองนี่ก็ดีใจมาก และคริสก็เริ่มเข้าkindergaden ได้” ผมพยักหน้าตาม


                              “และแม่ก็จะได้ไปหางานทำได้ แม่ก็ได้งานร้านอาหารแห่งหนึ่ง ร้านอาหารไทยคะ เป็นคนในครัว ทำงานหนักมาก เงินก็ไม่ได้ถึงกับว่าดีนะ เพราะว่าเขาหักนั้นหักนี้ ไหนจะภาษีอีกละ แต่สุดท้ายแล้ว แม่โดนเจ้าของร้านแอบเอาไปยื่นภาษีเองและแม่ก็ไมได้ภาษีคืน “แม่ของคริสโตเฟอร์พูด

                              “แม่นี้ท้อหนักมากนะเขม เดนิสเขาอยากให้อยู่บ้านไม่ต้องไปทำงานแต่ ที่ประเทศออสเตรเลีย ค่าครองชีพมันสูงแต่ค่ากินอยู่ก็สูงตามนะคะ ค่าเช้าบ้าน ก็ สองร้อยกว่าดอลล่าร์แล้วค่ะ ต่อสัปดาห์ และไหนจะค่าอาหารการกิน แต่ละสัปดาห์ก็สองสามร้อยดอลล่าร์ “

                              “แม่ก็เลยทนทำต่อไป จนกระทั้งวันหนึ่ง แม่โดนคนออสฯแต่ไม่ทุกคนนะคะ คนนั้นคนเดียวที่แม่เจอ เขาไม่ชอบคนเอเชียเอามากๆ เหมือนพวกสัทธิแปลกๆ เขาเดินมาและถุยน้ำลายใส่แม่ ตอนนั้นแม่อยู่บนรถไฟค่ะ กำลังจะไปทำงาน แม่นี้ตกใจมาก” ผมได้ฟังก็เข้าใจ มีคนโดนมาหลายคนเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ส่วนเยอะมันแค่ส่วนน้อย

                              “โชคดีที่ขบวนนั้นคนเอเชียเยอะค่ะเลยช่วยแม่ไว้และกันนางออก แต่พอลงสถานี มีตำรวจมารอและจับนางไป นางยังด่าพี่อีกนะ ว่า Fuxx off เอเชีย และด่าสารพัด แม่ยืนน้ำตาไหล แม่คิดว่าแม่ไม่อยากอยู่แล้ว “

                              “พอแม่กลับมาบ้าน ไปรับคริสโตเฟอร์ที่โรงเรียน แม่เห็นคริสเสื้อผ้าเลอะเทอะ เหมือนโดนแกล้ง แม่ถามครูที่ดูแลเขาก็บอกเขาไม่เห็นอะไรเลย มันน่าไหมคะ เหมือนเขาไม่ใส่ใจ ซึงแม่ก็เคยแอบดูนะเวลาส่งลูกเราเสร็จ บางคนก็เข้าดูแลลูกเราดี บางคนก็ไม่สนใจเลย บางที่โดนเด็กแกล้งแต่คริสเขาเก่ง เขาสู้คน มันก็เลยกลายเป็นเขาผิดอีก แม่นี้สงสารจนแอบร้องไห้ตลอด” แม่ของคริสพูด

                              “บางทีไปรับนี้นะ ขี้ดินเต็มหน้าเต็มตาลูกเราเลย เขาบอกแม่ว่าเพื่อนสาดใส่หน้า แม่ก็โมโหนะ แต่บอกไปเขาก็ไม่ได้ทำอะไร “ แม่คริสโตเฟอร์พูดและหันไปมองหน้าคริส

                              “และพอแม่ได้งานเป็นแม่บ้านทีโรงแรมแห่งหนึ่ง ก็เหมือนจะดีขึ้นนะ งานก็หนักพอสมควร และคริสเริ่มเข้าเรียนชั้นประถม โอ้ย! อันนี้ ไม่ไหวจะเคลียร์ ตีกันกับเพื่อน เราเข้าใจเด็กบางคนพ่อแม่เชาไม่เคยสอนเรืองแบบนี้ เหมือนการบลูลี่กันประมาณนั้น แต่คริสก็ไม่ยอมคนอีกเหมือนกัน ...แม่นี้โดนครูโทรตามทุกอาทิตย์แต่บางทีแม่ก็ให้พ่อเขาไปแทนเพราะว่าภาษาอังกฤษแม่ไม่แข็งแรง” ผมก็เกือบจะกุมขมันแทนแม่เหมือนกัน

           “ที่หนักสุดจนพ่อเขาคิดว่าจะให้คริสเรียนแบบ โฮมสกูล ก็คงวันที่เขาโดนเพื่อนกัดที่แขน เรียกว่าจมเขี้ยวเลยนะ ครูโทรตามแม่จากที่ทำงาน พอแม่ไปถึงแม่เห็นคริส แม่โกรธมากที่เห็นคนทำกับคริสแบบนั้น “ ผมก็พยักหน้าเห็นใจเลย เป็นใครก็โกรธ

           “แต่พอครูพาคู่อริมา แม่ก็ต้องกุมขมับเขม คนที่มีเรื่องกับคริสนะ ดังหัก ตานี้เขียวแป้ดเลยสองข้าง ปากแตก  คิ้วเกือบแตก” พอแม่พูดอันนี้ผมกุมขมับแทนครับแม่

           “หนักกว่าคริสเข้าไปอีก พอกลับมาบ้านเดนิสทำโทษคริสหนักมกกว่าทุกครั้งและบอกกับแม่ว่า คริสต้องเรียนโฮมสกูล “ แม่ของคริสโตเฟอร์พูด


                              “แม่รู้แม่เห็นว่าคริสนะโดนมาเยอะ และในตอนนั้นแม่เองก็เริ่มจะไม่ไหวเหมือนกัน เพราะวัฒนธรรมที่แตกต่างนะเขม และเดนิสเขาก็มีงานที่ไมได้อยู่กับที่ เขาเดินทางบ่อยโดยเฉพาะต่างประเทศ แม่เริ่มที่จะต้องจัดการหลายๆอย่างตามลำพังและมันก็เริ่มกดดันแม่ แถมยังต้องมาเจอเพื่อนร่วมงานอีก และการเป็นอยู่ และด้วยความที่แม่คิดถึงบ้าน อาหารการกินด้วย จะมากลับไทยบ่อยๆก็ไม่ได้ค่าตั๋วก็แพง แม่เลยคิดว่าไม่อยากอยู่แล้ว อยากกลับไทยแบบถาวรเลย” แม่คริสโตเฟอร์พูด

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรีย(ครูเขมxคริส) EP.24.1การสนทนาระหว่างแม่ของคริส 2
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 23-08-2020 20:20:36
EP.24.1 ครูเขม x คริส การสนทนาระหว่างแม่ของคริส 2
                 
                  “แม่บอกเดริสว่าขอกลับไปเที่ยวที่บ้านก่อนที่คริสจะเปิดเทอม พ่อเขาก็จองตัวให้แบบไปกลับนะและจังหวะที่เขาต้องเดินทางไปทำงานที่ยุโรป นานเลยสี่สัปดาห์ได้”       

        “และแม่ต้องการพาคริสกลับไทยถาวรด้วยเช่นกัน แต่แม่จะทำยังไงดี ให้คริสไปและหาที่เรียนต่อได้เลย แม่ก็เลยปรึกษาคนที่รู้คนหนึ่งและเขาก็ช่วยให้คำแนะนำทุกอย่างแม้กระทั้งช่วยเรื่องคริสได้พาสสปอร์ต โดยใช้แค่ใบมอบอำนาจจากพ่อของคริสที่เขาเซนต์ไว้ให้แม่ก่อนที่เขาจะไปยุโรป”

                     “ อันนี้พ่อเขาทำไว้ให้เอาไว้ตอนแม่จะพาน้องบินไปไทยค่ะ เพราะว่านามสกุลแม่กับคริสไม่เหมือนกัน คริสเขาใช้นามสกุลพ่อและนั้นก็มักจะโดนทักเรื่องพาเด็กออกนอกประเทศและเข้าประเทศไทย “

                      “เดี๋ยวนะคะ คนที่เคยช่วยแม่เรื่องเอกสารของคริสนี้นามสกุลเดียวกับเขมเลยค่ะ เขาเป็นนักการทูตค่ะ “ แม่ของคริสโตเฟอร์ชี้มาที่ป้ายชื่อที่ผมห้อยคอไว้ นั้นคือบัตรประจำตัวครูที่โรงเรียนนี้ ผมก็ก้มมองป้ายชื่อประจำตัวครูที่ทำการสอนที่นี้
     
   "พ่อผมชื่อพิทักษ์ครับ พ่อผมเป็นนักการทูฑที่ทำหน้าที่ประจำสถานทูตไทยในประเทศต่างๆนะครับ ท่านเคยเดินทางไปประจำที่ออสเตรเลียอยู่สี่ปีก่อนจะย้ายไปประจำที่อังกฤษสองปีและกลับมารักษาด้วยเรื่องจากป่วยครับ ตอนนี้ท่านเสียชีวิตไปได้ห้าปีแล้วครับ" ผมพูด
 
                         "ใช่คะคุณพิทักษ์จำได้แล้วคะ “

                       “ เขมรู้ไหมว่าท่านช่วยคริสหลายเรื่องมาก เรื่องเอกสารจากโรงเรียน ท่านก็โทรคุยให้แม่คุยภาษาอังกฤษแบบเป็นทางการกับเขาไม่ได้ ท่านจัดการให้หมดเลยเขม แม่นี่เป็นหนี้บุญคุณท่านเยอะเหลือเกิน " แม่ของคริสโตเฟอร์พูดบอกผม
 
 
                        “ท่านเสียแล้วเหรอค่ะ แม่เสียใจด้วยนะเขม ท่านดีมากเลย ถ้าแม่ไม่ได้ท่าน แม่ก็คงงมอยู่ตรงนั้น ครั้นแม่จะให้เดนิสทำให้เขาก็จะรู้ว่าแม่จะไม่กลับไปหาเขาและเขาก็จะไม่ให้คริสมากับแม่ แม่ห่วงเขามาก”
 
                         “และที่แม่รู้จักท่านก็ผ่านเพื่อนของแม่ที่มีปัญหากับแฟนฝรั่งคะ เขาขอวีซ่าไปพร้อมๆกับแม่ แต่เขาโชคร้ายกว่าแม่ค่ะ แฟนเขาเมาและอาละวาดแถมยังไล่ออกนอกบ้านกลางดึกค่ะ เงินติดตัวก็ไม่มี ตั๋วเครื่องบินก็โดยยกเลิกทันที รวมทั้งวีซ่าที่เขาสปอนเซออีก และคุณพ่อของเขมนี้แหละค่ะที่ช่วยติดต่อบ้านพักฉุกเฉินให้และทำเรื่องถูกทำร้ายร่างกายจนเพื่อนแม่ได้ตั๋วบินกลับไทย ในกรณีที่มาแล้วถูกทำร้ายค่ะ”
 
                          “ตอนนี้นางไปแต่งงานกับคนเยอรมัน ได้ดิบได้ดีไปแล้วแต่ก็ยังบ่นถึงคุณพ่อของเขมอยู่เลยนะคะ นางคงไม่รู้ว่าท่านเสียแล้วนะคะ”
 
                           “และพอแม่ได้กลับไทยสมดังที่แม่ต้องการ ได้เอกสารที่จะพาคริสมาเข้าเรียนได้และแม่ก็พาคริสโตเฟอร์ไปเข้าทะเบียนบ้านเรียบร้อยแต่..”
 
                              “ นั้นคือการสินใจที่เหมือนจะผิดพลาดของแม่อีกครั้ง เพราะแม่ทำให้คริสมาเจอเรื่องที่แย่ๆไปกว่านั้นอีก ฮึก ฮึก ” แม่ของคริสพูดและปาดน้ำตาไปด้วย ผมก็รีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ทันที ส่วนคริสโตเฟอร์ก็หันไปจับมือแม่ของเขา
 
                              “ขอบคุณจ๊ะเขม” แม่ของคริส
 
                              “เพราะว่าสถานการณ์มันแย่ลงเขม แม่โดยเพื่อนๆบ้านนินทา ว่าแม่ถูกสามีทิ้ง ซมซานกลับมา ถูกไล่มาบ้างและก็ต้องกระเตงลูกมาด้วย พ่อแม่พี่น้องก็อับอายเขาไปทั่ว เพราะว่าไม่มีบ้านใหญ่โตเหมือนคนอื่นๆเขา และคริสก็ยังโดนล้ออีก เก้าขวบเริ่มเข้าใจเริ่มรู้แล้วไม่เหมือนตอนเด็กเล็กๆ ก็เริ่มตอบโต้กลับโดยใช้กำลังบ้าง “
 
                              “แม่เสียใจมากและแม่มีเพื่อนที่แม่เคยรู้จักที่พัทยา แต่เขาย้ายไปอยู่กับแฟนเขาที่ภูเก็ต และเขาก็ชวนแม่ไปที่นั้น แม่ก็เลยตัดสินพาคริสไปและไปเรียนที่นั้นด้วย แม่คิดว่าเป็นไงเป็นกัน ไปตายดาบหน้า และนั้นแม่ก็คิดว่าเดนิสเลยติดตามแม่ไม่ได้ด้วย “ แม่ของคริสโตเฟอร์พูด
 
                              “เพราะแม่ตัดขาดการติดต่อทั้งหมดกับเดนิส เปลี่ยนเบอร์ เปลี่ยนชื่อ และแม่ก็บอกทางบ้านว่าถ้าเขาติดต่อไปที่นั้นไม่ต้องบอกเขาว่าแม่อยู่ที่ไหน ทางบ้านเกิดแม่นะคะเขม พ่อแม่และพี่น้องของแม่ก็อยากให้แม่ไปหาแฟนคนใหม่อยู่แล้ว เพราะพวกเขาตั้งความหวังไว้ที่แม่สูงเกินไป คิดว่าแม่จะเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆในหมู่บ้านที่ไปแต่งงานกับต่างชาติและได้เงินก้อนโตมาซื้อที่ ปลูกบ้าน พาญาติพี่น้องไปทำงานต่างประเทศ แต่ไม่ใช่กับเดนิส เขาไม่เห็นด้วยที่จะให้แม่ช่วยเหลือครอบครัวจนเกินตัวไป ดังนั้นไม่แปลกที่เขาจะไม่เคยไปบ้านเกิดแม่สักครั้งและนั้นก็ยิ่งยากถ้าเขาจะตามหาแม่ ”
 
                             “คุณแม่ครับ ถ้าอย่างนั้นพ่อของคริสโตเฟอร์ก็ไม่ได้ทิ้งเขาไปอย่างที่เขาเข้าใจนะซิครับ”ผมเอ่ยปากถามแม่ของคริสโตเฟอร์ แม่ของคริสมองหน้าผมแบบรู้สึกผิด
 
                              “ใช่ค่ะ..แม่โกหกคริสเพื่อให้เขาเลิกถามถึงพ่อเขา..ฮึกๆ” แม่ของคริสโตเฟอร์ร้องไห้และคนที่นั่งข้างๆผมเขามีสีหน้าตกใจไม่แพ้กันแต่ผม พยักหน้าไม่อยากให้เขาโกรธแม่ของเขาผมคิดว่าเขาทำไปเพราะไม่อยากเสียคริสโตเฟอร์ไปและสถานการณ์ของแม่คริสโตเฟอร์เขาเรียกว่ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ไม่ผิดหรอกหากมีช่องทางที่ดีกว่าและเขาจะเลือกมัน
 
                               “แล้วแม่ก็ไม่อยากกลับไปใช้ชิวิตเดิมๆกับเขา และแม่ก็เลยย้ายคริสโตเฟอร์ไปเรียนโรงเรียนที่ภูเก็ต ส่วนเดนิสก็หายเงียบไปคงเป็นเพราะว่าเขาติดต่อแม่ไม่ได้ ส่วนแม่ก็ได้งานดูแลกิจการรีสอร์ทของเพื่อนแม่นั้นแหละค่ะ เป็นรีสอร์ทที่เพิ่งจะสร้างหลังจากเกิดซึนามิไม่นานจนแม่ได้เจอกับ ฟิลิปส์ที่เพิ่งจะหย่าขาดจากภรรยาเขา เขามาเที่ยวและเขาก็คิดว่าอยากจะย้ายมาอยู่ไทย และพอเขากับแม่ตกลงปลงใจที่จะคบกัน เขาก็ทำเรื่องย้ายไปอยู่ที่ประเทศไทยทันที “
 
                               “แม่และฟิลิปส์ ได้จดทะเบียนสมรสที่บางรัก เพื่อเขาจะได้มีสิทธิ์ซื้อที่ดินและทำธุรกิจในเมืองไทยได้อย่างถูกกฏกหมายและนั้นคือจุดเปลี่ยนทั้งฉันและคริสโตเฟอร์เช่นกันคะ"
               
                               “ฟิลิปส์ก็ดูแลแม่และคริสโตเฟอร์ดีและเขาก็ส่งแม่ไปเรียนสปาร์และพวกนวดแผนไทย และต่อมาก็เปิดร้านสปาร์ให้แม่ด้วยเงินของเขาที่เขาได้มาเมื่อเขาเกษียรญอายุ มันก็เยอะมากพอสมควร และชีวิตแม่กับคริสก็ดีขึ้น จนกระทั้งทุกวันนี้ ส่วนคริสก็ย้ายจากโรงเรียนวัดมาเรียนโรงเรียนสามภาษาแทน และนั้นปัญหาของคริสก็เริ่มมา” แม่ของคริสพูดและหันไหมองคริสโตเฟอร์
 
                              “น้องไปมี่เรื่องอีก เพิ่งเข้าเรียนม.1 ได้ไม่ถึงเดือนเองแต่ครั้งนี้หนักกว่าทุกครั้ง และเป็นลูกผู้มีอิทธิพลซะด้วย และเขาก็พูดว่าเขาจะไม่เอาน้องไว้เขม..ฮีกๆๆ” ผมก็ตกใจ ผมหันมามองคริสโตเฟอร์สีหน้าเขารู้สึกผิดแต่ผมก็เข้าใจวัยนี้มันหัวเลี้ยวหัวต่ออยู่แล้ว
 
                              “แม่ต้องหาทางที่จะให้น้องออกจากที่นั้นก่อน แม่ก็คิดว่าเขาควรจะกลับไปอยู่กับพ่อเขาเพราะว่าเขายังเป็นซีตีเซนชิฟอยู่ แต่แม่ไม่มีเบอร์เขาแล้ว ที่อยู่ก็มีแค่ที่เพิร์ท ที่เมลเบิร์นก็ติดต่อไปแต่เขาย้ายไปแล้ว เพราะว่านั้นคือบ้านเช่า แม่รู้ว่าเขากำลังซื้อบ้านก่อนแม่จะออกมานะเขม”
 
                              “และพอแม่หาใครไม่ได้แม่ก็นึกขึ้นมาได้แม่มีเพื่อนนิ ชื่อครูนิด ครูนิดคุยกับผู้อำนวยการให้และให้แม่ขับรถพาน้องมาเลย แม่ก็ขับรถพาคริสมาที่นี้ ไกลแค่ไหนแม่ก็มา เพราะว่าแม่กลัวเขาทำอะไรน้องเขม ฮือๆ” ผมเห็นแบบนี้แล้วน้ำตาซึมเลย ส่วนนานคริสก็แอบปาดน้ำตา ผมเข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้นลงไป
 
                               "คุณแม่ครับผมขอถามอะไรหน่อยนะครับ ไม่ทราบว่าจะละลาบละล้วงไปไหม ...คุณแม่เคยเปลี่ยนชื่อหรือเปล่าครับ"
 
                              "ใช่คะ ชื่อเดิมของดิฉันขื่อ วนิดาคะ ทำไมเหรอคะคุณเขม"
 
                              "ผมเคยเห็นจดหมายจากชาวต่างชาติตามหาครอบครัวเขา แต่ชื่อและนามสกุลเด็กนะมันจางมากจนอ่านไม่ได้ แต่ทีผมแปลไว้ชื่อผู้หญิงนั้นชื่อวนิดาครับ "พอผมพูด แม่ของคริสโตเฟอร์ยกมือขึ้นทาบอก
 
                              "นานหรือยังคะ" เธอถามผมเสียงสั่น คริสโตเฟอร์มองหน้าผม
 
                              "ตอนที่พ่อผมเริ่มป่วยครับผมคิดว่า เกือบหกปีกว่าได้แล้วครับ" ผมพูด แม่ของคริสโตเฟอร์ถึงกับน้ำตาซึม ผมรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าส่งให้เธอทันที
 
                              "ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ฉันรู้สึกผิดมาคะคุณเขม ฉันเหมือนคนเห็นแกตัว เหมือนฉันรักตัวเองมากกว่า ถ้าฉันไม่พาคริสหนีออกมา ทุกอย่างก็จะไม่เป็นแบบนี้ ฮืกๆ "
 
                              "ผมคิดว่าคุณเดนิสเขาเข้าใจคุณครับแต่ควรจะให้พ่อลูกเขาได้เจอกันนะครับ ..ผมจะลองส่งอิเมลไปหาเขาดู เขาชื่อเดนิส เอนโทนี่ ริสโซ ใช่ไหมครับ"
 
                              "ใช่คะถึงจะผ่านมาหลายปีฉันยังจำชื่อและนามสกุลเขาได้อยู่เลยค่ะ แต่ที่อยู่นี้แม่มีแค่ที่อยู่ที่เพิร์ทนะคะ เพราะแม่ใช้ที่อยู่นั้นเพื่อยื่นวีซ่าค่ะ "
 
                              "และเขาก็ระบุว่าครอบครัวของภรรยาเขาเป็นคนจังหวัดอุบลราชธานีครับ"
 
                              "ฮึกๆๆ" น้ำตาใส่ๆไหลรินออกมาอีกครั้ง ผมเอื่อมมือไปแตะหลังมือแม่ของคริสโตเฟอร์แค่นั้น
 
                              "แม่.." คริสโตเฟอร์กุมมือแม่เธอไว้
 
                              "คุณแม่จะว่าอะไรไหมครับถ้า ผมอยากจะให้คริสโตเฟอร์ตามหาคุณพ่อของเขานะครับ" ผมพูดแม่ของคริสโตเฟอร์เขาก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าผม
 
                              "ผมทราบครับว่าคุณแม่มีคนใหม่แล้ว แต่ผมอยากจะให้คริสโตเฟอร์ขจัดบางสิ่งที่ขัดข้องหมองใจเกี่ยวกับพ่อของเขาออกไปได้ไหมครับ"
 
                              “อันที่จริงแม่ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะคะเขม ถ้าหากว่าเขาจะไปอยู่กับพ่อของเขา เพื่ออนาคต แม่ก็ยินดีค่ะ”
 
 
                              “ แม่ไม่ได้ผลักไสเราไปไหนนะคริส แต่ถ้ามีสิ่งที่ดีกว่าเข้ามาแม่อยากให้เราเลือกสิ่งนั้น และแม่เชื่อว่าพ่อนะรักเรามาก แต่แม่เองที่เห็นแก่ตัวจริงๆคริส พ่อเขาไมได้ทำอะไรผิดเลย มีแค่แม่ที่ ...อดทนไม่พอ” แม่ของคริสหันไปพูดกับคริสโตเฟอร์
 
                               “แม่..คริสไม่อยากทิ้งแม่ไปนิ และคริสไม่อยากทิ้งพี่เขมไป ...แต่คริสก็คิดถึงแด้ดแม่ ฮืกๆ” ผมแอบน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว ต้องหันหน้าหนี ปาดน้ำตาตัวเองผมก็คิดถึงพ่อผมเช่นกัน แต่พ่อผมจากไปแบบไม่มีวันกลับไม่เหมือนคริส
 
                              “ถ้าอย่างนั้นช่วยพี่เขมตามหาพ่อซิคริสและคุยกับเขาก่อน บางทีมันอาจจะดีขึ้นก็ได้นะ แม่เชื่อว่าพ่อเรานะ เขาเป็นคนที่เปิดกว้างเรื่องแบบนี้เช่นกัน” แม่ของคริสพูดและหันมายิ้มให้ผม
 
                               “และพ่อเรานะ รักเรามากคริส ทุกอย่างที่เขาทำเพื่อเรา เขาทำงานหนักเก็บเงิน แม้ว่างานเขาจะไม่ได้แบกห้ามก็ตามนะ และที่สำคัญคือเขาให้ชีวิตเรา เราควรจะกลับไปหาเขา แม่เชื่อว่าเขารอลูกอยู่” แม่ของคริสโตเฟอร์บอกคริส คริสหันมามองหน้าผมก่อนจะหันไปพยักหน้าเบาๆให้กับแม่เขาว่าเขาจะตามหาพ่อของเขา
 
                              "ถ้าอย่างนั้นผมจะส่งอิเมลหาเขานะครับแม่ แต่ผมคงต้องภาวนาขอให้เขายังใช้อิเมลเดิมผมจะพยายามติดต่อเขาดูนะครับคุณแม่ " ผมพูดและหันมามองหน้าคริสโตเฟอร์น้ำตาที่ปริมๆแต่เขาฝืนที่จะไม่ร้องไห้
 
                               "ขอบคุณนะคะลูกเขมแม่ขอบคุณจริงๆ ...และแม่ก็จะภาวนาขอให้ติดต่เขาให้ได้นะคะ ถึงดิฉันจะมีฟิลิปส์แต่เดนิสเขาก็ดีกับฉันนะที่ผ่านมาและครั้งนี้อย่างน้อยแม่ก็ทำเพื่อลูก..เรายังเป็นเพื่อนกันได้..ฉันคิดว่าเขาคงมีครอบครัวใหม่เรียบร้อยแล้ว ครอบครัวที่พ่อแม่เขายอมรับนะคะ"
 
                               "คุณแม่ทำดีที่สุดแล้วครับ...คุณแม่รักและดูแลคริสโดยไม่ทิ้งเขาแค่นี้ผมว่าคุณแม่เป็นผู้หญิงที่เก่ง"
 
                               "อดีตที่เลวร้ายก็แค่ปล่อยให้มันผ่านไปเพราะถึงยังไงก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้..และผมก็เชื่อว่าคริสโตเฟอร์คือความภูมิใจขอบคุณแม่ในวันข้างหน้า เขาเองไม่ใช่เด็กที่ไม่เอาไหนแต่มีบางสิ่งที่ป่นเปื่อนในใจเขารอให้มันถูกปัดออกไปก็เท่านั้น..และนั้นก็คือเรื่องพ่อของเขา "
 
                               “ถ้าผมได้ข้อมูลอะไรผมจะรีบติดต่อคุณแม่ทันที"
 
                              "ขอบคุณนะคะ...ขอบคุณจริงๆคะ ..ถ้าอย่างนั้นดิฉันคงต้องกลับก่อนเพราะว่าต้องไปดูสปาร์เพราะว่าคนงานไม่ค่อยมีหายากที่จะตั้งใจทำงาน ส่วนใหญ่มาทำไม่กี่เดือนพอหาสามีต่างชาติได้ก็ไปกันหมด"
 
                              “คริสอย่าดื้อกับพี่เขานะรู้ไหม ต่อไปพี่เขาว่าอะไรเตือนอะไรนี้ฟังนะ เพราะว่าเราเด็กกว่าพี่เขามีความรู้มีประสบการณ์มากกว่า “แม่ของคริสหันมาบอกคริสโตเฟอร์
 
                              “นี้เขาดื้อกับเราไหมเขม ถ้าห้ามไม่ฟังบอกแม่นะ เวลาแม่ดุเขาแม่ก็ดุจริงๆเลยนะเขมไม่อย่างนั้นเอาพ่อคุณไม่อยู่หรอก”
 
                      “มีวันแรกเลยครับแม่ เขาไม่ยอมเข้าเรียนวิชาภาษาอังกฤษกับผม ผมต้องไปตามเขาเพราะเขานั่งเล่นกีตาร์แทนทีจะขึ้นเรียนกับผม” ผมพูดป่นขำกับแม่ของคริส แม่คริสก็หันไปมองหน้าคริสโตเฟอร์ที่เกาท้ายทอยตัวเอง

                      “เขมคริสนะ เขาไปอยู่ที่ออสตั้งแต่ขวบกว่าๆ ตอนนั้นก็เริ่มหัดพูดได้บ้างคำ แต่พอไปอยู่ที่โน้น มีแต่คนพูดภาษาอังกฤษ พ่อเขา ย่าเขา และลุงกับป้าเขาอีก พี่ชายและพี่สาวเดนิสนะเขม และไหนจะไป เดย์แคร์อีก” แม่ของคริสพูดบอกผม ผมพยักหน้า เพราะว่าเด็กเล็กๆนะเรียนรู้ได้เร็วกว่าผู้ใหญ่อยู่แล้ว

           “แม่นี้พูดไทยด้วยน้องไม่เคยตอบแม่เป็นภาษาไทยเลย พูดแต่ภาษาอังกฤษ จนแม่เออ ไม่พูดไม่ก็พูดและพอแม่จะกลับไปอยู่ไทย เอาละซิ แล้วถ้าไปอยู่ที่นั้นลูกจะไปคุยกับตายายรู้เรื่องไหมละเขม” แม่ของคริสพูดและหันไปมองคริสที่นั่งเกาหัว ผมก็เหล่ตามอง ผมเข้าใจว่าเขาไม่เอาภาษาอังกฤษเลยมาตั้งนาน

           “จังหวะที่เดนิสต้องไปทำงานที่นิวซีแลนด์สามเดือดและแม่กำลังจะขอเขากลับไทยหลอกว่าจะไปเยี่ยมพ่อแม่ แต่ก่อนจะไปแม่ต้องขอไปทำเอกสารหลายเรื่อง แม่บอกว่าแม่ต้องทำใบเกิดไปเลยที่สถานทูตไทย ณ กรุงแคนเบอร่า แถมคุณพิทักษ์ยังให้แม่ไปพักที่บ้านพักของท่านเลยคะ และแม่ก็บอกท่านว่ากลุ่มใจลูกไม่เอาภาษาไทยเลย ไม่รู้จะไปสื่อสารกับตายายยังไง ตอนนั้นท่านเลยแนะนำ ลูกชายเขานะ ให้สอนภาษาไทยให้คริสเขาเพราะว่าลูกชายเขาเก่งแต่แม่ไม่แน่ใจว่าใช่เขมไหม..มันนานมากอ่ะเขม “ ผมสะบัดหน้าไปมอง และผมก็ลองนับนิ้วดู

           “ตอนนั้นเขาอายุเท่าไหร่ครับแม่” ที่ผมถามเพราะว่า ผมและพี่ๆก็ทำวีซ่าไปเยี่ยมพ่อกันแต่ไปกันคนละรอบ

           “เก้าขวบ” แม่ของคริสโตเฟอร์บอกผม และผมก็เริ่มนับตอนนี้ 17ปี และถ้าเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมอายุ 17 ปี ใช้นั้นผมไปออสเตรเลียครั้งแรกผมไปกับแม่ผมด้วย

           “แม่ครับ คนนั้นผมเองครับ ผมทำวีซ่าไปกับแม่ผมไปเยี่ยมหาพ่อผมที่นั้น และวันนั้นพ่อผมให้ผมสอนภาษาไทยเด็กคนหนึ่งลูกครึ้ง แต่ผมจำชื่อเขาไม่ได้เพราะว่าสอนได้สองสามวันเอง และน้องแทบจะไม่ยอมเรียนเลยครับ จะเล่นแต่เกมส์” ผมพูดและหันมมองหน้านายคริส ที่แถบจะหมุดหน้าหนีผม ผมเองจำไม่ได้แต่นานนี้น่าจะจำได้อยู่นะ

           “สุดท้ายก็กลายมาเป็นลูกศิษย์กันอีกครั้ง เขาเรียกพรมลิขิตแล้วมั้งเขม” แม่ของคริสพูดและหันไปมองคริส

           “แต่พอพ่อตัวดีมาอยู่ไทย ก็เกิดมาโมโหอะไรก็ไม่รู้ ไม่พูดภาษาอังกฤษกับฟิลิปส์ซะอย่างนั้น กวนดีไหมละเขมแถมยังไม่ยอมขึ้นเรียนภาษาอังกฤษเลยจนติดศูนย์และมานั่งแก้ทีหลัง” แม่ของคริสพูด

           “แต่เห็นแบบนี้นะ แอบไปทำงานเป็นไกด์ให้กับนักท่องเที่ยว อย่างดำนำอะไรแบบนี้ และไปร้องเพลงเปิดหมวกที่ถนนคนเดิน “ แม่ของคริสพูด ผมพยักหน้าเพราะว่าเขาเล่าให้ผมฟังมาบ้างแล้ว
 
                              “แม่ก็ไม่รู้จะขอบคุณเขมยังไงให้มันเพียงพอกับที่เขมทำให้น้อง แต่แม่ก็จะพูด ว่าขอบคุณจริงๆ”
 
                              “ผมยินดีครับแม่ และยิ่งตอนนี้ผมก็ยินดีมากๆที่จะช่วยเขาและดูแลเขาต่อจากแม่” ผมพูด
 
                              “อย่าลืมบุญคุณพี่เขมนะรู้ไหม เมื่อเราดูแลพี่เขมได้ เราต้องดูแลพี่เขาให้ดีและดีกว่าที่พี่เขาทำให้เราอีกเข้าใจไหมคริส ..”
 
                              “ครับมัม “คริสพูดและมองหน้าผม
 
                              "คริส เขม  แม่กลับก่อนนะลูก ..”
 
                               “คริสอยู่กับพี่เขมเขามีอะไรก็ช่วยพี่เขมนะลูกนะ..อย่าเอาแต่ขับรถเล่นละเราต้องเปลี่ยนนิสัยตัวเองแล้วนะลูก ไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วนะ "แม่ของคริสโตเฟอร์พูด ผมหันไปมองเป็นไงละผมนะเตื่อนเขาเรื่องขับรถบ่อยแต่ช่วงสองสามอาทิตย์นี้เขาแถบจะไม่ได้แตะรถบิ๊กไบท์เขาเลยแต่ก็ขับรถเก๋งผมออกไปบ้างนี้รอให้สิบแปดก่อนจะพาไปสอบใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล
 
                              “แม่คงต้องไปแล้วเดี๋ยวจะไม่ทันไปขึ้นเครื่องที่ดอนเมืองเพื่อจะกลับภูเก็ตนะคะ”
 
                              “ได้ครับ...คุณแม่เดินทางปลอดภัยนะครับ”
 
                              “แม่ไปนะคริส..มีอะไรบอกแม่นะเรื่องเงินด้วยจะได้ไม่ไปรบกวนพี่เขมเยอะ นี้แม่ก็โอนเข้าบัญชีเราอยู่เรื่อยๆนะคริสและตั้งใจอ่านหนังสือจะได้สอบผ่านแม่ดีใจที่ลูกเห็นความสำคัญของอนาคต” แม่ของคริสโตเฟอร์พูดและเดินออกมาจากห้อง ผมพยักหน้าให้คริสโตเฟอร์เขาเดินไปส่งแม่ของเขา
 
                              “สวัสดีนะครับ...แม่”  ผมยกมือไหว้แม่ของคริส เองก็นับถือเป็นแม่ของผมอีกคน
 
                              “เรียกแม่นั้นแหละค่ะ เพราะว่าแม่ก็อายุจะสี่สิบห้าปีแล้วค่ะและแฟนลูกก็เหมือนลูกแม่เอง แม่เต็มใจค่ะ ”
 
                              “ผมก็ต้องขอบคุณแม่นะครับที่เอ็นดูผมเช่นกัน..นี้แม่ผมก็รักคริสโตเฟอร์เหมือนลูกชายแท้ๆ”
 
                              “ผมพาไปบ้านมาแล้วนะครับ.แม่ของผมเขาทำไข่ลูกเขยของชอบให้คริสโตเฟอร์..เขาทานเขาชอบทานมากนะครับ” แม่ของคริสหันไปมองลูกชายก่อนจะพยักหน้ากับผมเบาๆ
 
                              “แม่ฝากน้องด้วยนะคะลูก ดูแลกันดีดีนะ คริสก็ดูแลพี่เขมเขาบ้างเราเข้าใจไหม ”แม่ของคริสโตเฟอร์พูด
 
                               “มีอะไรก็หนักแน่นกันนะลูกนะ หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยกัน แม่ไม่ห่วงเขมหรอกเพราะเขมดูเป็นผู้ใหญ่กว่า ห่วงแต่พ่อคนนี้แหละ” แม่ของคริสโตเฟอร์พูดและชี้ไปที่พ่อตัวดี
 
“ แต่จะว่าไป มิน่าละสีอาทิตย์ที่ผ่านมานี้แม่โทรคุยกับน้องนะเขม ความคิดน้องเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลยนะเขม ” แม่คริสโตเฟอร์พูดก่อนจะหันไปเอามือแตะหัวคริส และหันมาแตะทีไหล่ผมอีกคน
 
                               “ไอมิสยูมัม “ คริสโตเฟอร์กอดแม่ของเขาและบอกว่าเขาคิดถึงแม่ของเขา
 
                               “ อ้อ เอาเบอร์เขมไหว้ด้วยกีกว่าเผื่อว่ามีอะไรจะได้คุยกัน “ แม่ของคริสโตเฟอร์ก็หยิบมือถือขึ้นมาเพื่อบันทึกเบอร์ของผมลงในเครื่อง ฟิลิปส์เดินอุ้มลูกชายที่หลับพาดบ่ามาหาแม่ของคริสโตเฟอร์ และผมกับคริสโตเฟอร์ก็ร่ำลาแม่กับฟิลิปส์
 
 วันนี้คริสโตเฟอร์คงรู้และเข้าใจแม่เขามากขึ้นผมคิดว่าทุกเรื่องที่แม่ของเขาเล่ามาในวันนี้คริสโตเฟอร์ไม่เคยรู้มาก่อนและนี้เขาคงจะเลิกพูดว่าแม่รักเขาไหม ..ผมว่าแม่รักเขามาก ส่วนเรื่องพ่อเขาที่แม่เขาบอกว่าเขาโกหกเพื่อไม่ให้คริสถามถึงนั้น เขาก็คงไม่เอามาคิดโทษโกรธตรงนี้ เพราะการที่เขาไม่อยากให้คริสถามถึงนั้นเป็นเพราะว่าแม่ของเขากลัวจะเสียเขาไปนั้นเอง ผมคงต้องไปแกะข้อมูลในจดหมายฉบับนั้น แต่ตัวหนังสือมันก็จางมากเต็มที
 
                               “คริส! อาทิตย์นี้พี่จะให้เราพักนะไม่ต้องเรียนพิเศษ เพราะว่า เราต้องซ้อมหนักวันพุธจะได้มีแรงลงแข่งรอบชิงบาสเก็ตบอล” ผมหันมามองคริสโตเฟอร์ คริสโตเฟอร์พยักหน้าว่าได้ ส่วนผมก็ว่าจะกลับไปที่ห้องพักครูและจะร่างเขียนจดหมายถึงพ่อของคริสโตเฟอร์และค่อยส่งอิเมลตอนเย็น
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ปล.เรื่องที่ลงในตอนนี้เป็นเพียงเหตุการณ์ที่สมุติขึ้นเท่านั้นค่ะ
                                                                                                   
 
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(ครูเขม Xคริส)EP.25 งานเข้าคริสโตเฟอร์อีกแล้ว 1
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 24-08-2020 09:08:50
EP.25 ครูเขม Xคริส  งานเข้าคริสโตเฟอร์อีกแล้ว 1
`
Part ครูเขมชาติ
                       การสนทนาของผมกับแม่ของคริสโตเฟอร์ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี แม่ของคริสโตเฟอร์ไม่ว่าอะไรหากผมกับลูกชายของเขาจะคบกับเรียกได้ว่าท่านเปิดทางให้แต่ผู้อำนวยการก็ขอไว้เรื่องการวางตัวในโรงเรียนซึ้งปกติผมกับคริสโตเฟอร์ไม่เคยแสดงกิริยาเกินไปกว่าครูนักเรียนกันในโรงเรียนอยู่แล้ว
           
                       แม่ของคริสโตเฟอร์ได้เล่าถึงสาเหตุของปัญหาระหว่างพ่อของคริสโตเฟอร์กับแม่ของเขาให้กับผมและคริสโตเฟอร์ฟังถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น มันเกิดมาจากที่ครอบครัวทางผู้ชายเขาไม่ยอมรับผู้หญิงทำงานบาร์ และนี้คงทำให้คริสโตเฟอร์รับรู้ว่าแม่ของเขานะต่อสู้กับปัญหามามากน้อยแค่ไหน เขาคงหมดความเคลือบแคลงใจว่าแม่รักเขาหรือเปล่าและ
 
            และอีกสิ่งที่หนึ่งที่ค้างคาใจเขาเกี่ยวกับพ่อ ความจริงก็คือพ่อไม่ได้ทิ้งเข้าไปแต่แม่ของเขาต้องการเลือกที่จะเดินออกมาเอง เพราะว่าชีวิตต่างแดนไม่ได้สวยหรูเสมอไป มีหลายคนที่พอไปอยู่แล้วก็อยู่ไม่ได้ เพราะว่าวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ไกลบ้านเกิดเมืองนอน  และตอนนี้แม่ของเขาก็ได้พบรักใหม่และดูจะราบรื่นกว่าและแน่นอนกว่า เพราะว่าแฟนใหม่ของแม่เขาเลือกที่จะอยู่ที่ไทยกับเขา
 
           และพอผมได้ทราบถึงสาเหตุจริงๆ ผมก็ตัดสินใจเขียนจดหมายขึ้นมาหนึ่งฉบับถึงชายชาวต่างชาติที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นคุณเดนิสพ่อของคริสโตเฟอร์และผมก็แนบเรื่องราวความประทับใจวัยเด็กของคริสโตเฟอร์ที่เขาคิดว่าเป็นช่วงที่มีความสุขที่สุด ผมคิดว่าพ่อลูกน่าจะมีสิ่งที่ประทับใจร่วมกันบ้าง ผมส่งอิเมลไปตามที่อยู่อิเมลที่ชายชาวต่างชาติคนนั้นได้ให้ไว้ในจดหมายและผมยังแสกนรูปถ่ายที่มีแม่เขาและพ่อเขาและคริสตอนยังเด็กซึ่งเป็นรูปที่เขาฉีกส่วนที่มีพ่อเขาออกไปและเขาก็ได้นำมันกลับมาแปะเหมือนเดิม ผมได้ส่งเป็นไฟว์แนบไปให้ ผมหวังว่านี้จะเป็นหลังฐานที่แสดงว่าผมไม่ใช่แสกมเมอร์แน่นอน  และผมก็หวังว่าเขาจะยังคงจะใช้อิเมลนี้
 
                       ผมไม่ได้หวังให้ครอบครัวกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ต่างคนอาจจะต่างมีคนใหม่แล้วก็ได้ ผมอยากให้คริสโตเฟอร์ลบภาพแสนเจ็บปวดในใจเขาหรือเขาอาจจะได้ช่องทางในชีวิตที่ดีขึ้นใครจะรู้จริงไหมครับ แต่ตอนนี้ผมได้แค่ภาวนาให้เขาติดต่อผมกลับว่าใช่เขาหรือไม่
 
                      “พี่เขม” ผมสะดุ้งจากการถูกสวมกอดเข้าทางด้านหลังของผม ก็คงไม่มีใครกล้าทำแบบนี้กับผมแล้วแหละนอกจากนายคริสโตเฟอร์ เมื่อวานเราคุยกันไว้ว่าจะเดินไปโรงเรียนด้วยกัน เราจะเดินคุยกันโดยเขาจะเป็นเดินมารับผมที่บ้านพักด้วย
 
                      “ฟ้อด” คนที่กอดผมจากด้านหลังกำลังโน้มตัวเพื่อหอมแก้มผม
 
                      “พี่เขมทำแซนวิสให้ผมเหรอ”
 
                      “ก็ใช่นะซิถ้าพี่ไม่ทำให้เราจะทำให้ใครละ”
 
                      “ อ้อ!....โป้ง ปันปัน โจและอาร์ทด้วยนิ “ ผมพูดแกล้งคนที่ยืนกอดผมอยู่เอาคางเกยไว้ที่ไหล่ของผม ลมหายใจอุ่นก็รดต้นคอผมไปด้วย
 
                      “ดูท่าทางยังง่วงอยู่เลยนะเมื่อคืนนอนดึกเพราะคุยกับพี่ใช่ไหมเนี๊ยะ ..ถ้าอย่างนั้นคืนนี้งดแชทนะ” ผมพูดก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าผ้าที่ผมใส่สมุดการบ้านเด็กเอาไว้เมื่อวานเอามาตรวจด้วย คริสโตเฟอร์แบมือมารับไป
 
                      “นอนดึกจะเรียนไม่รู้เรื่องเอานะคริส” ผมพูดเป็นเชิงเอ็ดนิดหน่อย คริสโตเฟอร์เดินลงไปยืนรอผมที่บันไดชั้นล่างสุดส่วนผมก็กำลังใส่กุลแจล๊อกประตูบ้านเสียก่อน ผมเดินลงก็พากันเดินออกไปทางทีสามารถลัดเลาะไปทางด้านหลังจะผ่านสนามฟุตบอลของโรงเรียน
 
                      “พี่ต้องใช้มาตราการเด็ดขาดกับเราซะแล้วนะคริส” ผมหันไปทำเสียงดุ อันนี้ดุจริงๆ
 
                      “ไม่เอาอะอยากคุยกับที่รักทุกวัน...อยู่โรงเรียนก็ไม่ได้คุยอย่างอื่นนอกจากในตำราเรียน..เลิกเรียนก็ได้คุยกันแค่ในชิทแชท..ทั้งที่อยู่ใกล้แค่นี้เอง..อยากปืนหน้าต่างขึ้นมาหาใจจะขาด”
 
                      “อย่าได้ทำแบบนี้นเชียวนะ”
 
                      “ทำไมอะ”
 
                      “พี่อายเขา...มีหนุ่มปืนหน้าต่างหาแถมเป็นนักเรียนอีกต่างหาก..มีหวังพี่ได้โดยพักการสอนจริงๆแน่”ผมพูดคนข้างๆผมหัวเราะผมใหญ่เลย
 
                      “เมื่อคืนอ่านหนังสือถึงไหนแล้ว” ผมถามคริสโตเฟอร์
 
                      “ก็อ่านได้เยอะแล้วครึ้งเล่มแล้วแหละพี่เขม” ผมก็อมยิ้มที่ได้ยินแบบนั้น
 
                      “ถ้าวันไหนเหนื่อยจะพักบ้างได้นะไม่ต้องอ่านทุกวันหรอกคริส “ ผมเริ่มเป็นห่วงเขา แต่ดูแล้วเขาน่าจะเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
 
                      “ไหนเราจะซ้อมบาสอีกช่วงนี้ซ้อมหนักขึ้นนิ วันพรุ่งนี้ก็จะลงสนามแข่งแล้วไม่ใช่เหรอ และนี้ก็ต้องลงแข่งขันตอบปัญหาภาษาอังกฤษอีกละคริส “ ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงคนเดินแนบชิดกับผมจนไหล่ชนกับไหล่ผม ผมไม่ได้สอนเขาทุกวันมาเกือบอาทิตย์แล้วเพราะว่าคริสโตเฟอร์ต้องไปแข่งบาสรอบก่อนชิงชนะเลิศ ตอนนี้พวกเขาผ่านเข้ารอบชิงแล้ว นั้นคือพรุ่งนี้
 
                      “ไม่หรอกพี่เขมผมไหว...ตอนนี้ผมไหว..และผมยอมที่จะเหนื่อยเพื่อให้ได้มาซึ้งสิ่งที่ผมคาดหวัง..และมันก็เป็นความสุขของเราสองคนด้วย” คริสโตเฟอร์พูดผมหันไปมองด้วยรอยยิ้ม
 
                      “เหนื่อยวันนี้เพื่อความสุขวันข้างหน้า” คริสโตเฟอร์พูดผมหันมายิ้มให้เขา..ไม่คิดว่าคนทะลึ้งๆแบบนี้ก็มีหลักการกับเขาด้วย
 
                      “ผมอยากจะรีบไปสอบให้เร็วที่สุดผมอยากเรียนจบไวไว ไม่อยากเป็นนักเรียนแล้ว “
 
                      “และถ้าผมเรียนจบผมก็จะได้กดพี่ทุกวัน..โคตรทรมารเลยเนอะพี่เขม..อาทิตย์หนึ่งได้สองวันเองอะ” ผมถึงกับสะดุดเท้าตัวเองหน้าแทบทิ่มพื้น ที่เขาพูดมาทั้งหมดและทำให้ผมยิ้มภูมิใจสุดท้ายคำตอบที่ได้คืออยากกดผมทุกวันนี้นะ ผมก็แสนจะภูมิใจจริงๆ ยังยิ้มให้ผมอีก ผมหันไปมองคนข้างๆพร้อมกับขมวดคิ้ว
 
                      “นี้คือเป้าหมายในชีวิตนายเลยใช่ไหมเนี๊ยะ!” ผมถามนายคริสโตเฟอร์
 
                      “คนเราจะทำอะไรต้องมีเป้าหมายไม่ใช่เหรอพี่เขม” ผมก็ต้องพยักหน้า มันก็ถูกนะแต่เป้าหมายนายมันใช่เหรอครับคุณนักเรียนของผม
 
                      “และก่อนที่คริสจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านผมนึกถึงสิ่งนี้ปุ๊ปนะพี่เขม คริสรู้สึกว่ามันกระปรี้กระเปร่าเหมือนโดปลิโฟเลยอะพี่เขม.....มีแรงฮึดขึ้นมาทันทีทันใด” คริสโตเฟอร์บอกผมด้วยความภาคภูมิใจ  ผมนี้ถึงกับเอาฝามือแปะที่หน้าผาก
 
                      “เฮ้อ!! ...มันเริ่มจะทำให้พี่รู้สึกว่า พี่คิดผิดหรือคิดถูกที่ลงทุนให้นายไปสมัครสอบ GED เพื่อจะได้จบมัธยมปลายเร็วๆ รู้อย่างนี้ให้รอไปเถอะ 2ปี นั้นแหละค่อยจบ” ผมพูดและรีบเดินจั้มอ้าวให้เร็วขึ้นทันที รู้สึกเขินหรือรู้สึกอายกันแน่นะ
 
                      “โธ่พี่เขมอะ..หรือว่าพี่เขมไม่คิดถึงผมเลยอะ)))” ผมหยุดเดินทันทีแต่ยังไม่หันหลังกลับไปมอง
 
                      “ผมคิดถึงพี่เขมนะ..อยากกอดอะ..และไม่ใช่ว่าเรานะอยู่ไกลกันซักหน่อย อยู่ใกล้แค่นี้เองแต่ทำได้แค่ ยืนดูจากหน้าต่างแค่นั้น ผมทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ มันรู้สึกเจ็บอ่ะพี่เขมบางที ” คริสโตเฟอร์พูด ผมก็ต้องก้มหน้าลงมองพื้น
 
                      “แถมอยู่ในโรงเรียนต้องรักษาระยะห่างไว้แค่ครูกับนักเรียนทั้งที่ในใจนะเป็นมากกว่านั้น” คริสโตเฟอร์พูด ตอนนี้ผมหันหลังกลับไปมองหน้าเขา  และมันก็จริงนะผมเองก็รู้สึกแต่ก็ต้องพยายามอดทนเพราะว่าผมโตเป็นผู้ใหญ่แล้วไงแต่คริสโตเฟอร์ก็ยังมีความอดทนไม่มากพอเท่ากับผม
 
                      “คริส! พี่เชื่อว่ามันจะดีขึ้น ตอนนี้คริสอย่าเพิ่งไปหมกมุ่นกับมันมาก คริสควรจะใช้เวลากับเพื่อนๆ สนุกกับเพื่อน เพราะว่าถ้าคริสสอบผ่าน คริสก็อาจจะได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยได้เลย ถึงตอนนั้นคริสจะคิดถึงเพื่อนๆของคริสมาก “ผมพูดกับคริส
 
                      “ผมก็กลัวอ่ะพี่เขม ผมกลัวว่าถ้าพ่อติดต่อมาและชวนผมไปอยู่กับเขาแล้วมันไกลกันกับพี่เขม ผม...กลัวใจเราจะห่างกันด้วย ผมกลัวหลายๆอย่างนะพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด ผมก็ต้องอมยิ้มให้หนุ่มตรงหน้าผม
 
                      “ใจของพี่เข้มแข็งพอคริส พี่เคยบอกแล้วว่าพี่ไม่ใช่คนใจโลเลดังนั้นถ้ามอบให้ใครแล้ว เขาจะเป็นคนเดียวของพี่ตลอดไป “ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์ เขาก็ยิ้มและทำท่าจะกอดผมแต่ผมชี้นิ้วห้ามเพราะว่ามันเข้าเขตโรงเรียนแล้ว
 
         และผมสองคนก็เดินเข้ามาถึงเขตด้านหลังของห้องอาหารโรงเรียนแล้ว ผมคิดว่าคงจะต้องแยกจากเขาตรงนี้เพราะว่าวันนี้ผมมีเวรยื่นหน้าประตูทางเข้า
 
                       “ตอนเที่ยงเจอกันนะคริส” ผมพูดก่อนจะส่งกล่องแซนวิสให้คนตรงหน้าทำท่าจะเดินออก
 
                       “หมับ” ต้นแขนผมถูกจับไว้
 
                       “พี่เขมแต่นั้นนะมันยังไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของผมหรอก..ที่ผมอยากเรียนให้จบมัธยมและผมก็จะได้เข้ามหาวิทยาลัยและพอผมเรียนจบมหาวิทยาลัย..”
 
                       “ผมจะแต่งงานกับพี่เขม” ผมได้ยินแต่เหมือนจะไม่ค่อยแน่ใจ หูตัวเองผมสะบัดหน้ามองคนที่ดึงรั้งต้นแขนผมไว้แววตาคู่นั้นดูจริงจังมาก
 
                       “และผมจะดูแลพี่เขมเองให้พี่เขมพักบ้าง”
 
                       “เราแต่งงานกันนะพี่เขมหลังจากทีผมเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว..อยากให้เราเป็นครอบครัวเดียวกัน” ผมนิ่งอึ้งอยู่หลายวินาที นี้ผมกำลังถูกทาบทามอยู่ใช่ไหม
 
                       “พี่เขม” ผมสะดุ้งมันบอกไม่ถูกว่าดีใจหรือว่าตกใจ หรือช๊อก
 
                       “ผมพูดจริงๆนะ...เราแต่งงานกันนะ...พี่เขม”
 
                       “อันนี้แหละคือเป้าหมายสูงสุดที่ผมตั้งไว้...เรียนจบมหาวิทยาลัยและเราจะแต่งงานกัน” คริสโตเฟอร์พูด ผมมองคนตรงหน้าผมก็ไม่แน่ใจว่ารอยยิ้มปรากฏขึ้นตอนไหน แต่มันก็เผลอยิ้มออกไปแล้วซิ
 
                       “วี้ดวิ้ว!!!” เสียงผิวปากแซวผมสองคนจากเพื่อนๆของคริสโตเฟอร์เดินมานั่งที่โต๊ะพอดี
 
                       “เพื่อนแซวแล้ว...อะนี้แซนวิส..กินด้วยละ..ถ้าไม่กินอาหารเช้าหัวสมองจะไม่แล่นนะและจะเรียนไม่รู้เรื่อง....ชั่วโมงเรียนในคลาสก็สำคัญนะคริสตั้งใจเรียนละ...”
 
                       “ตอนเที่ยงเจอกันนะ” ผมและรีบเดินหันหลังออกผมเพิ่งจะรู้สึกเขินเป็นก็ตอนนี้แหละ
 
                       “คริส...พี่จะรอดูนะเป้าหมายสูงสุดนะ” ผมหันหันหลังกลับไปเรียกคริสโตเฟอร์อีกครั้ง เขาทำท่าตะเบะตอบรับให้ผมและเดินไปหาเพื่อนๆของเขา
 
                       “แน่นอนพี่เขมเพราะว่าพี่คือคนที่ผมจะแต่งงานด้วย...เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวได้เลย” ผมก็รีบเดินออกตรงขึ้นห้องพักครูทันทีเก็บสมุดหนังสือลงก่อนจะเดินลงไปยืนประจำหน้าที่หน้าประตูตรวจนักเรียนไม่เยอะมากหรอกครับเพราะส่วนใหญ่จะอยู่หอพัก อันนี้จะมีครูตรวจตรงหอพักอยู่แล้ว
 
                           หลังจากกิจกรรมเข้าแถวผ่านพ้นไป ผมก็กลับมานั่งตรวจการบ้านเด็กนักเรียนต่อ มีบ้างสิ่งที่ทำให้ผมยิ้มได้คือ คริสโตเฟอร์ คำพูดของเขาที่บอกผมว่า เขาตั้งใจเรียนให้จบเพื่อจะได้แต่งงานกับผม ใช่ผมคิดถึงการมีแฟนสักคนและหวังจะได้ใช้ชีวิตด้วยกันไปจนแก่จนเฒ่า ไม่ใช่รักๆเลิกๆ
 
                        “นี้มีจดหมายจากกระทรวงเรื่องนำเสนอเด็กเรียนดีแต่ยากจนเพื่อเข้ารับทุนการศึกษา พี่อ่านเงื่อนไขแล้วก็ท้อแทนเด็กเลยค่ะ และใครจะมีเวลาให้ขนาดนั้น แม้จะอยากให้นักเรียนตัวเองได้ทุนก็ตาม” ครูนิดพูดขึ้น
 
                        “ทุนเด็กเรียนดีเหรอครับ เขาให้ได้กี่คนครับครูนิด”ผมลุกขึ้นถามทันที
 
                       “ตามในหนังสือนี้เขาแจ้งไว้ว่าจำนวนสิบทุนค่ะ ก็คงโรงเรียนละหนึ่งคนแต่เอกสารและหลักฐานเพื่อยืนยันว่าเหมาะสมที่จะได้รับทุน เยอะมากจริงๆคะครูและเรางานก็เยอะเหมือนกันค่ะ ..ก็คงปฏิเสธตามเคยคะ”
 
                       “ผมอยากให้ อนุชิตเข้ารับทุนนี้ครับครูนิด เขาเรียนเก่งแต่ขาดทุนทรัพย์”
 
                       “เข้าใจค่ะครูเขมแต่...”
 
                       “ผมยินดีทำให้ถ้าครูท่านอื่นๆไม่สะดวก และผมยินดีมากถ้าจะทำให้เด็กคนหนึ่งได้มีโอกาสได้เรียนต่อแม้ว่าเงินจะจำนวนไม่มากอย่างที่ทุกเข้าใจแต่มันอาจจะเพิ่มโอกาสทางการศึกษาของใครบางคนได้มาก”
 
                       “ครูจะเหนื่อยขึ้นนะซิค่ะ เอกสารยุ่งยากมากและไหนจะต้องไปดูบ้านเด็กไหนจะติดตามผลอีก ไหนจะต้องไปหาผู้ใหญ่บ้านเพื่อพูดคุยสอบถาม”
 
                       “ผมยินดีครับ”
 
                       “ถ้าอย่างนั้นครูเขมถือหนังสือฉบับนี้ไปคุยกับผู้อำนวยการตอนบ่ายหลังจากที่ท่านกลับจากประชุมนะคะ”
 
                       “ได้ครับครูนิด”ผมตอบและพี่นิดก็ส่งเอกสารชุดนั้นให้ผมศึกษาดูก่อน
 
                       “ถ้ามีอันไหนไม่เข้าใจถามพี่ได้นะคะครูเขม”
 
                       “ครับผมเดี๋ยวผมขอศึกษาดูก่อนแล้วกันนะครับ”
 
                 ผมขึ้นทำหน้าที่สอนตามปกติ เมื่อสอนเสร็จผมก็กลับลงมานั่งอ่านเอกสารและรายละเอียดคุณสมบัติผู้เข้ารับทุนและแจกแจงดูว่าผมต้องทำอย่างไรบ้าง รายละเอียดมันเยอะจริง แต่ผมจะทำเพื่อให้นักเรียนที่ตั้งใจเรียนจริงได้รับโอกาสที่จะเข้ารับการศึกษาต่อผมอ่านไปจนได้เวลาพักทานข้าวผมก็รีบลงไปทาน ตอนเที่ยงครึ้งมีสอนคริสโตเฟอร์และวันนี้จะให้ข้อสอบไปลองทำสักยี่สิบข้อ
 
                      หลังจากที่ผมทานอาหารเสร็จผมรีบกลับขึ้นห้องหยิบหนังสือ ผมก็พบว่าแก้มกำลังอ่านอะไรสักอย่างให้ครูลินดากับครูถาวรฟังอยู่ ผมยืนมองสักพัก
 
                       “ลินดาให้แก้มอ่าน หนังสือเกี่ยวกับกุลสตรีไทยให้ฟังนะคะ...เพื่อจะแก่นิสัยม้าดีดกระโหลกได้บ้าง”ครูลินดาพูดขำ ขำ ผมยกนิ้วให้ว่าเยี่ยมก่อนจะเดินออกไป ผมเดินลงมาเจอคริสโตเฟอร์พอดี
 
                       “คริส” ผมเรียกนายคริส
 
                       “ผมเข้าห้องน้ำมานะครับครู” คริสโตเฟอร์บอกผมและยืนอย่างสุภาพเพื่อรักษาสถานะความเป็นครูและนักเรียนเอาไว้
 
                       “อืม” ผมพยักหน้าให้ แต่คนข้างๆผมนี้ก็ขยันหยักคิ้วกวนให้ผมตลอด ผมเดินถึงห้องสมุดก็ทำการติวทันทีเวลายิ่งมีน้อยๆอยู่
 
                       “ครูเขมนี้ขยันจังนะคะติวหนังสือให้นายคริสทุกเที่ยงเลยค่ะ”
 
                       “ส่วนเราคริส....อย่าทำให้ความตั้งใจครูเขาเสียแรงเปล่าละ” ครูสุรีวรรณ์พูดผมหันไปยิ้มให้ ผมก็นั่งก้มหน้าก้มตาตรวจที่ผมให้เขาไปทำเมื่อวาน ผมนั่งตรงข้ามเขาพ่อตัวดีของผมอยู่แต่ผมรู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังเขี่ยพิกัดที่สำคัญมากของผมอยู่ ผมเงยหน้ามองคนที่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ ที่ผมไปหามาให้อ่านเสริม ดูทำหน้าตาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น..เนียนมาก!
 
                       “คริส!..เอาเท้ากลับไปเดี๋ยวนี้!” ผมพูดให้เสียงรอดไรฟัน ทำให้คนที่ก้มหน้าก้มตาอ่าน พอผมบอกก็หน้ามุ่ยนิดหน่อยก่อนจะชักเท้ากลับไป แม้เขี่ยตรงนั้นผมเพลินเลยนะ ผมก็เพลินครับไม่ใช่ไม่เพลินแต่นี้มันห้องสมุด น่าจริงๆ มีแฟนหื่นนี้เหนื่อยเหมือนกันนะ
--------------------------------------------------------------------------------------
Part คริสโตเฟอร์
                       หลังจากเลิกติวหนังสือกับพี่เขมผมก็เตรียมตัวไปเข้าแถวก่อนจะขึ้นเรียนคาบบ่าย แต่ยังพอมีเวลาเหลือผมจึงเดินไปเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า ระหว่างที่เดินไปผมเดินส่วนทางกับแก้ม เธอแค่มองหน้าผมและเดินส่วนไปทันที ผมก็แค่มองหน้าแก้ม ผมทำได้แค่นี้จริงๆ ถ้าเธอไม่ทำกับผมและครูเขมจนเดือดร้อนแบบนี้ ความเป็นพี่น้องน่าจะยังคงอยู่แต่นี้ไม่เลย มันหมดแล้วนะผมคิดว่า
 
                       “พี่คริสคะ” ผมเห็นกี้นั่งอยู่มือจับข้อเท้าอยู่
 
                       “กี้เป็นอะไรหรือครับ”
 
                       “กี้สะดุดรากไม้นี้แล้วหกขล่มนะคะ”
 
                       “พี่คริสช่วยพยุงกี้ไปนั่งตรงนั้นหน่อยได้ไหมคะ”
 
                       “ได้ซิครับจะให้พี่พาไปห้องพยาบาลเลยไหมครับ”
 
                       “ไม่เป็นไรคะพี่คริสแค่พยุงพากี้ไปและขึ้นไปเอาสเปย์ที่พ่นข้อเท้านะคะที่ครูสุมณฑาให้กี้หน่อยนะคะพี่คริส..ตอนนี้กี้ปวดค่ะกี้เดินไปไม่ไหวหรอกค่ะ”
 
                       “ก็ได้ครับ” ผมพูดและหันหลังจะวิ่งไปที่ห้องพยาบาลผมวางเป้นักเรียนไว้ตรงนั้นเพื่อจะได้วิ่งไปได้เร็วขึ้นหน่อย ผมวิ่งขึ้นไปถึงผมไม่เห็นครูสุมณฑา ผมเลยหยิบขวดสเปย์ลงมาแทนแต่พอลงมาถึงก็ไม่เจอน้องกี้แล้วแต่เจอแก้มแทนที่ยืนอยู่ข้างกระเป๋าผม
 
                       “แก้มทำอะไรนะ!” ผมตะคอกถามแก้มด้วยความตกใจ
 
                       “ปะ...เปล่า..ไม่ได้ทำอะไร” แก้มพูดบอกผม ด้วยท่าทีที่มีพิรุธ และผมก็รีบคว้ากระเป๋ามาถือไว้ผมไม่ไว้ใจอะไรเธอทั้งนั้น
 
                       “กี้ละ” ผมถามแก้ม
 
                       “มันไปแล้ว.....พี่นัดมันมาจู๋จี๋เหรอ” แก้มลุกขึ้นจ้องมองผมและถามผม
 
                       “แก้มจะบ้าเหรอไม่มีใครเขาทำในโรงเรียนแบบนี้หรอก” ผมรีบปฏิเสธไป ในมือก็ถือขวดสเปย์ที่กี้บอกว่าจะใช้แต่เธอก็หายไปแล้ว เดี๋ยวค่อยเอาไปคืนครูแล้วกันผมคิดว่า
 
                       “ดีแล้วแหละที่พี่รู้ว่าที่ไหนควรที่ไหนไม่ควรและแก้มจะเตือนพี่คริสเอาไว้อย่างหนึ่งนะ” แก้มพูดผมหันมามองหน้าเธอ เธอนี่นะจะมาเตือนผม
 
                       “ว่านางกี้นะมันไม่ได้แสนดีอย่างที่พี่คิด!” แก้มพูดก่อนจะรีบเดินออกไป  ผมก็รีบเดินกลับไปลานเอนกประสงค์เพื่อเข้าแถมกับนักเรียนคนอื่นๆ ผมเห็นไอ้พี่กายมันมองมาที่ผมก่อนที่มันจะลุกไปหาครูอครชัยและกระซิบอะไรกับครูสักอย่าง และมันก็เดินกลับมานั่งที่เดิม
 
                       “แยกย้ายกันขึ้นห้องเรียนได้แล้ว” ครูอครชัยพูดและทุกคนก็เตรียมตัวเดินแถวขึ้นห้องเรียนแต่ละชั้นเรียน
 
                       “ยกเว้นคริสโตเฟอร์ออกมาหาครู” ผมถึงกับต้องทำหน้างง ว่าทำไมผมถึงถูกครูฝ่ายปกครองเรียกและจังหวะที่ครูเขมยืนคุมเด็กนักเรียนเข้าแถวด้วย เขาจึงหันมามองผม ผมก็ส่ายหัวว่าไม่รู้เรื่องอะไร ไอ้โป้งก็ยืนมองผมด้วยความเป็นห่วง ผมแค่หันไปพยักหน้าก่อนจะเดินไปหาครูอครชัย

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(ครูเขม Xคริส)EP.25.1 แก้มช่วยผมอีกครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 24-08-2020 11:18:51
EP.25.1 ครูเขม Xคริสแก้มช่วยผมอีกครั้งแต่ผมก็รักเธอแบบที่เธอต้องการไม่ได้

    Part คริสโตเฟอร์
                ผมเดินออกมาหาครูอครชัย เป็นครูฝ่ายปกครอง ผมเองก็ติดบัญชีดำไว้เยอะอยู่ อันดันแรกคือเรื่องชกต่อยและคู่กรณีผมก็ไม่ได้มีหลายคนมีแต่พวกพี่กายนี้แหละและตามมาคือโดนเรียน
 
                      “นายคริส..ขอครูตรวจกระเป๋าเป้เธอหน่อยซิ” ครูอครชัยพูดว่าขอดูกระเป๋าเป้ของผม
 
                      “ทำไมเหรอครับครู” ผมถามครูอครชัยกลับและหันไปเหล่มองไอ้พี่กายที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ามองหน้าผม
 
                      “ส่งกระเป๋าเป้เธอมาใครครูเดี๋ยวนี้...คริสโตเฟอร์”
 
                      “ครูครับผมขอโทษนะครับนี่มันเกิดอะไรขึ้นหรอครับ” ครูเขมเข้ามาถามครูอครชัยและมองหน้าผม
 
                      “นายกายบอกว่าในกระเป๋านายคริสมียาเสพติดนะครับครูเขม” ครูอครชัยหันไปบอกครูเขมชาติ ผมเองก็สายหัวว่าไม่จริง
 
                      “ผมไม่เคยเสพยานะครับครู” ผมรีบปฏิเสธทันที ถึงผมจะเกเรแต่ว่าผมไม่เคยคิดจะหันไปลองสิ่งของพวกนั้นอยู่แล้ว
 
                      “ส่งกระเป๋ามาให้ครูคริส” ครูอครชัยบอกผม ผมหันไปมองหน้าครูเขม และพี่กายนะยืนเลิกคิ้วมองผม นักเรียนที่กำลังทะยอย แก้มยืนมองผมอยู่ผมหันไปและมองไปที่แก้มอย่าบอกนะว่าเธอเป็นคนใส่นะ กี้ก็ยืนมองผมอีกมุมหนึ่ง ผมจำใจส่งกระเป๋าให้ครูอครชัยเปิดดู ครูเขาเททุกอย่างออกจากระเป๋าผมมันก็มีแค่หนังสือและอุปกรณ์การเรียนแค่นั้น ครูอครชัยหันไปมองหน้าพี่กาย
 
                      “ในกระเป๋าด้านหน้านะครับครู” พี่กายรีบพูดและชี้ไปที่กระเป๋าด้านหน้าเป้ของผม
 
                      “เดี๋ยวนะครับครู..ผมว่ามีอะไรแปลกๆ ” ครูเขมพูดและมองหน้าพี่กาย ส่วนพี่กายมันหาได้แสดงอาการเคารพครูเขมไม่ มันยืนเอามือล้วงกระเป๋า
 
                      “ยืนดีดีๆ หน่อยนะนายกายครูเขมเขาเป็นครูที่นี้นะ..เธอควรให้เกียรติครูทุกคน” ครูอครชัยหันไปพูดต่อว่าพี่กาย ที่ยืนด้วยท่าทางที่ไม่เคารพพี่เขมในฐานะครูเอาซะเลย ถ้าไม่ติดว่าครูฝ่ายปกครองอยู่ตรงนี้ นี้ผมคงต่อยมันไปแล้วในฐานะที่มันทำตัวหยาบๆกับพี่เขมของผม
 
           “ทำไมเธอถึงรู้ละ.....เหมือนกับว่าเป็นคนใส่ลงไปเองอย่างนั้นแหละ..กาย” ครูเขมพูด ทำให้พี่กายชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจทันที
 
                      “น้องกี้เขาบอกผมว่าเขาเปิดกระเป๋านายคริสเจอนะครับครูเขม..น้องเขาเลยวิ่งมาบอกผม..... เพราะเห็นว่าผมนะเป็นรุ่นพี่” ผมหันไปมองกี้ที่เธอให้ผมขึ้นเอาสเปย์พ้นข้อเท้าและพอลงมาเธอก็หายไป กี้เห็นผมหันไปมองเธอก็รีบเดินขึ้นไปทันที
 
                      “โรงเรียนนี้เข้าโครงการต่อต้านยาเสพติดไม่ใช่หรอครับ..ถ้ามีคนกล้านำยาเสพติดเข้ามาแบบนี้ได้..ผมคิดว่าครูควรจะใช้มาตราการเด็ดขาด..ไล่ออก” พี่กายพูดเขาไม่ได้มองหน้าผมสักนิดสายตาจับจ้องมองที่ครูเขมมากกว่าเหมือนการท้าทาย
 
                      “ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงต้องทำโทษตามจริง... “ครูฝ่ายปกครองพูดก่อนจะเปิดดูกระเป๋าด้านหน้าแต่ว่ามันมีแค่ลูกอมธรรมดา ผมจำได้ว่าแก้มชอบซื้อกิน
 
                      “ไม่เห็นมีอะไรเลย...มีแค่ลูกอมธรรมดา..นี้นายโกหกครูเหรอ” ครูอครชัยพูด พี่กายทำสีหน้าตกใจ ผมยืนเลิกคิ้วมองพี่กายว่ายังไง
 
                      “ ไม่จริงอะครู...ก็..ผม..ไม่ซิ ..น้องกี้เขาเจอในกระเป๋าคริส...” ครูเขมและครอครชัยหันหนาไปมองที่พี่กายพร้อมกัน
 
                      “ แต่..ผมคิดว่า คริสมันต้องซ้อนไว้ที่ไหนสักที่ครูค้นตัวดูซิครับ”ไอ้พี่กายพูด ผมก็ล้วงมือเข้าไปและควักด้านกระเป๋ากางเกงทั้งสองด้านออกมาให้ดูและกระเป๋าเสื้อนักเรียนด้วยว่าไม่มีอะไรซ้อนอยู่ แม้กระทั้งรองเท้าผ้าใบผมก็ถอดมาเคาะให้ดูด้วย ก็ไม่มีอะไร ผมยืนมองหน้าให้พี่กาย ใบหน้าที่ตอนแรกบ่งบอกว่ามันมั่นใจว่าผมจะโดนข้อหาหนักหายไปหมดสิ้น
 
                      “ก็กี้..เขา..” ไอ้พี่กายจะหันไปมองหากี้แต่ทว่ากี้ไม่อยู่แถวนี้ซะแล้วนางชิ้งเดินหนีขึ้นไปแล้ว
 
                      “พอได้แล้ว!” ครูอครชัยพูด
 
                      “เอาเป็นว่าไม่มีอะไรและนายอย่าเล่นอะไรแบบนี้อีกนะไม่ใช่เรื่องที่จะมาล่อเล่นนะ..นายจะโดนภาคทัณฑ์ นายจะจบม.6 แล้วนะกาย..คราวนี้ต่อให้พ่อเธอมาขอครูก็คงจนปัญญาจะช่วย” ครูอครชัยพูด ผมก็หยักไหล่ให้มัน และหันมายิ้มให้กับครูฝ่ายปกครอง
 
                      “ไปขึ้นห้องเรียนกันได้แล้ว” ครูอครชัยบอกผมกับพี่กาย และพี่กายก็เดินแยกออกไปอย่างหัวเสีย ผมหันมามองหน้าครูเขม นี้แสดงว่ากี้หลอกผมเรื่องเท้าเจ็บและอย่าบอกนะว่าทำตามคำสั่งให้พี่กายมันนะ พี่เขมไม่ได้พูดอะไรสักนิด พี่เขมหันหลังเดินกลับขึ้นตึกทันทีเช่นกัน  ขณะเดียวกันผมก็เห็นแก้มแอบมองผมอยู่ผมนึกขึ้นมาได้เธอเข้ามาที่กระเป๋าผมตอนที่ผมเดินลงมา ผมรีบวิ่งไปหาแก้มแต่เธอกลับรีบเดินหนีผม
 
                      “แก้ม...แก้ม...พี่ขอโทษ..แก้มช่วยพี่ใช่ไหม” ผมดึงแขนของแก้มไว้
 
                      “ใช่!แก้มช่วยพี่เอง ...เพราะว่าแก้มเห็นนางกี้นะมันกำลังเอาห่ออะไรใส่ไว้และมันก็โทรบอกผัวมันว่ามันใส่แล้ว...และแก้มเองที่เป็นคนไปหยิบมันออกมา!..และเอามันไปทิ้งให้พี่ไง! “
 
                      “แต่พี่ก็มองว่าแก้มจะทำอะไรไม่ดีกับพี่” แก้มพูดด้วยใบหน้าที่เศร้าลงทันที
 
                      “แต่ถ้าแก้มจะไม่ทำก็ได้นะ..และคนที่รู้สึกผิดคงเป็นครูเขม..แต่..” แก้มพูดและเงียบนิ่งไป
 
                      “แก้มพี่ขอโทษ” ผมพูดคำว่าขอโทษที่มองแก้มไม่ดีตอนที่เห็นแก้มมายุ่งกับกระเป๋าของผม
 
                      “แก้มก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแก้มจะช่วยทำไม...ทั้งที่รู้ว่าทำไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น..พี่ก็ยังมองว่าแก้มเป็นเด็กไม่ดี”
 
                      “แก้มพี่ขอโทษแต่พี่ให้มากกว่าพี่ชายไม่ได้จริงๆ”
 
                      “แก้มรู้แล้วแหละว่าทำไมพี่รักครูเขม..แต่แก้ม...แก้ม..ก็ยังรักพี่อยู่นิ...” แก้มพูดก่อนจะเดินกลับขึ้นห้องไป ผมเดินตามขึ้นไปเช่นกัน พวกไอ้โป้ง ปันปัน อาร์ท และโจ ยืนรอผมอยู่
 
                      “เกิดอะไรขึ้นวะคริส” โจรีบถามผมทันที
 
                      “ไอ้พี่กายมันกะทำให้กูโดนไล่ออก..มันให้กี้เอายามาใส่กระเป๋ากูแต่..”
 
                      “แต่อะไรอะ” ปันปันถามผม
 
                      “แก้มมาหยิบมันออกไปซะก่อน...”
 
                      “นางน้องกี้นี้มันทำแบบนี้เพื่อะไรวะ” อาร์ทเอามือเท้าซะเอว
 
                      “โรงเรียนนี้อยู่ยากขึ้นทุกวันชะนีแต่ละตัวดุฉิบหายเลยวะ” ไอ้โป้งพูดก่อนจะหันมามองมามองหน้าผม
 
                      “กี้...มันนะเมียไอ้กาย...กูได้ยินพวกเด็กๆมันพูดกันว่าไปเอากันบนตึกนะในห้องเรียนอ่ะ แต่ไม่รู้ว่าห้องไหนไม่อยากไปแอบดูเสียสายตา” ไอ้โจพูด ผมก็ได้ยิน
 
                      “ไปขึ้นเรียนเถอะวะ ..ระวังตัวด้วยละมึงไอ้คริส” ไอ้โป้งพูดและหันไปโอบเอวปันปัน ขึ้นห้องเรียนพวกไอ้โจและไอ้อาร์ทมันลงไปเรียนวิชาพละกับครูประวิทย์ต่อส่วนผมก็เดินขึ้นห้องเรียนผม คายบ่ายวันนี้มีเรียนกับครูเขมด้วย
 
                      “คริส...”
 
                      “เลิกเรียนค่อยคุยกันนะพี่เขม...”
 
                      “อืมม” ครูเขมพยักหน้าแค่นั้นและเดินเข้าห้องเรียนไปทำการสอนตามปกติ วันนี้พี่เขมให้ทำงานกลุ่ม ผมเห็นสีหน้าครูเขมดูกังวลกับเหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายมาก นี้ไอ้กายมันกะจะให้ผมถูกไล่ออกเลยงั้นหรือ มันเล่นผมแรงขนาดนี้เลยเหรอ ผมคิดว่ามันคงไม่อยากให้ผมได้ลงแข่งบาสเก็ตบอลพรุ่งนี้ด้วยแน่ๆ
----------------------------------------------------------------------------------------
Part ครูเขมชาติ
 
                      หลังจากหมดเวลาทำการเรียนการสอน ผมก็เตรียมจะกลับบ้านพักวันนี้มีสอนติวภาษาอังกฤษนักเรียนชั้น 2/1 มีไม่กี่คนหรอกครับแค่สิบเอ็ดคนถ้ามีแก้มอีกคนตามที่ผมได้บอกเขาไว้ก็คงจะสิบสองคน ผมรีบเดินกลับบ้านพักก่อนเลย
 
                      “นางแก้มปล่อยฉันนะ..ฉันบอกให้ปล่อยฉันไง..” เสียงเอ๊ะอะโวยวายเหมือนกับว่ามีเรื่องกัน ทำให้ผมต้องหยุดชะงัก
 
                      “ถ้าแกยุ่งกับพี่คริสอีกนะแกโดนหนักแน่นางกี้..ฉาด!” เสียงดังมาขนาดนี้ใช่เลย ตบกันแน่ๆ ผมรีบหันหลังและเดินอย่างไวที่สุด
 
                      “อีเชี้ยนี้ออกไปจากตัวกูนะ..มึงรู้ไหมว่ากูนะใคร...กูเมียพี่กาย...ฉาด!” เสียงยังคงเล็ดรอดออกมาผมถึงกับรีบวิ่งเดินไปยังจุดนั้น
 
                      “คนตบกันวะ” ผมได้ยินเสียงเด็กนักเรียนพูดขณะที่ยืนมุงกันอยู่ ผมจึงเดินแหวกนักเรียนเข้าไป และผมก็เห็นว่าแก้มกำลังนั่งค่อมร่างของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งผมเคยเห็นเธอในบอร์ดนักเรียนดีเด่น เธอเป็นคนถือคฑาไม้หนึ่งของโรงเรียนนี้ทุกปีก็ว่าได้
 
                      “แก้ม...หยุด..เดี๋ยวนี้..เธอทำอะไรเพื่อนนะ” ผมรีบเข้าไปห้ามเธอ แต่เธอก็ไม่ฟังยังคงกระหนำตบหน้าของผู้หญิงคนนั้นอยู่ เธอลงมือตบหน้าผู้หญิงคนนั้นแบบไม่ต้องนับกันเลย
 
                      “ครูบอกให้เธอหยุดแก้ม!! ” ผมรีบจับต้นแขนของเธอและดึงแก้มให้ลุกขึ้นจากการค่อมเด็กคนนั้น แก้มก็ต้องลูกตามที่ผมดึงรั้งเธอขึ้น
 
                      “ครูคะนางแก้มมันตบหนูค่ะ” เด็กผู้หญิงที่ถูกแก้มตบก็ลุกขึ้นมาและชี้ไปที่แก้ม
 
                      “ก็แกนะทำชั่ว...อย่าให้รู้นะว่าแกกล้ามาเอาอะไรใส่กระเป๋าพี่คริสอีกไม่อย่างนั้นเจอหนักแน่” แก้มพูด ผมหันไปมองเด็กผู้หญิงที่แก้มพูดถึง อย่าบอกว่าเรื่องเมื่อตอนบ่ายเป็นฝีมือผู้หญิงคนนี้ สีหน้าเธอปลี่ยนไปทันที
 
                      “ฉันไม่รู้เรื่อง…แกพูดบ้าอะไร” ผู้หญิงคนนึ้นพูดและรีบคว้ากระเป๋านักเรียนเดินแทรกตัวออกไป
 
                      “แก้ม...เรื่องเมื่อตอนบ่ายใช่ไหม...เธอเป็นคนช่วยคริสโตเฟอร์ใช่ไหม..แล้วเขาเอายาใส่ไว้ในกระเป๋าคริสโตเฟอร์จริงๆเหรอแก้ม” ผมถามแก้ม เธอยื่นนิ่งไม่ตอบอะไรผม แต่มันก็ทำให้ผมยิ้มได้
 
                      “ไม่ตอบครูไม่เป็นไรแก้ม...เธอทำถูกแล้วนะ...นี้แหละแปลว่าเธอเริ่มรู้จักความรักแล้วนะแก้ม รักคือการให้...โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน” ผมพูดกับแก้ม
 
                      “เอาละ...ครูหวังจะได้เจอเธอในคลาสติววันนี้นะแก้ม” ผมพูดก่อนจะเดินออกไปเพื่อจะได้เข้าบ้านพักรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อรีบไปเข้าห้องสอนก่อนห้าโมงครึ้ง
 
                      “พี่เขม” เสียงคริสโตเฟอร์เขาวิ่งมาหาผมพร้อมกับหิ้วอาหารที่ผมสั่งแม่ค้าไว้ด้วย
 
                      “พี่สั่งเยอะเลยสั่งเพื่ออนุชิตอีกแล้วใช่ไหมอะ”
 
                      “แล้วเราให้เขาไปหรือเปล่า” ผมหันมาถามคริสโตเฟอร์
 
                      “ให้ซิผมแบ่งไปสองอย่างนะครับพี่เขม” คริสโตเฟอร์ตอบผมก่อนจะหยิบถุงอาหารใส่ไว้ในตู้เย็น ผมหันไปยิ้มตอบคริสโตเฟอร์
 
                      “พี่เขม...เรื่องเมื่อตอนบ่าย”
 
                      “พี่รู้เรื่องแล้วแหละคริส..ฝีมือนายกาย” คริสโตเฟอร์หันมามองหน้าผมด้วยความแปลกใจ
 
                      “พี่รู้ตอนที่แก้มกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนะเขาตบกันและพี่ก็เลยถามแก้มว่าเรื่องเมื่อตอนบ่ายแก้มเป็นคนช่วยเราใช่ไหม”
 
                      “และเขาตอบว่าใช่” ผมพูดคริสโตเฟอร์พยักหน้า ผมยืนตรงหน้าเขาพร้อมกับจับไหล่ทั้งสองของคริสโตเฟอร์ไว้
 
                      “พี่เชื่อว่าคนดีพระคุ้มครองแค่เราตั้งมั่นเป็นดีส่วนคนที่คิดร้ายสักวันมันจะแพ้ภัยตัวเองคริส”
 
                      “ผมรอวันนั้นไม่ได้หรอกพี่” คริสพูดผมหันมามองหน้าคริสโตเฟอร์
 
                      “ทำไมละคริส และนายจะไปทำอะไรเขา ถ้าเป็นอย่างนั้น มันก็คือการต่อความยาวสาวความยืด ไม่จบไม่สิ้นกันสักที ” ผมพูดเตือนสติเขา เพราะว่าเท่าที่เขาเล่าให้ผมฟังว่าเรื่องมันเกิดอะไรและยิ่งบานปลายก็เพราะว่าทั้งคู่ไม่ยอมจบยังคงคอยเอาคืนกันอยู่แบบนี้
 
                      “เมื่อไหร่ละพี่เขม..และพวกไอ้กายนี้มันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย..มันก็ยังสุขสบายแถมมันยังพยายามทำให้ผมออกจากโรงเรียนให้ได้ด้วยวิธีที่สกปรก พี่ก็เห็น” คริสโตเฟอร์พูด
 
                      “ต่อไปคริสก็ระวังตัวเองนะ..รู้ไหม ” ผมก็คงพูดได้แค่นั้น
 
                      “ผมเหนื่อยแต่พอเห็นหน้าพี่เขมแล้วผมรู้สึกดีขึ้น”คริสโตเฟอร์พูดพร้อมกันสวมกอดผมทันที ผมก็กอดคนตรงหน้ากลับ
 
                      “พี่ต้องรีบไปสอนติวแล้วคริส” ผมพูดคริสโตเฟอร์พยักหน้า ผมเดินลงจากบ้านพร้อมกันและเดินกลับไปที่โรงเรียน เราเดินคุยกันถึงเรื่องอนาคต อันที่จริงเด็กคนนี้เขามีหลายสิ่งที่น่าสนใจมากและเขาไมได้เป็นเด็กที่เหลวไหลไม่มีอนาคตอย่างที่ใครๆเข้าใจ พอผมเดินมาถึงหน้าตึกก็แยกย้ายกัน คริสโตเฟอร์เดินแยกตัวออกไปซ้อมเล่นบาสกับเพื่อนผมเห็นมีโค้ชของพวกเขาที่ว่ามาอาทิตย์ละวันมาช่วยเทรนวันนี้ก่อนลงสนามพรุ่งนี้  ส่วนผมก็เดินขึ้นห้องเรียนเพื่อทำการติวภาษาอังกฤษ สิ่งที่ทำให้ผมดีใจคือแก้มเธอนั่งอยู่ในห้องเรียนด้วย
 
                      “ครูดีใจนะแก้มที่เธอเข้าเรียนติวกับครูวันนี้” ผมพูดก่อนจะเดินไปที่หน้ากระดานไวท์บอร์ด เพื่อทำการเรียนการสอนตามปกติ แต่แก้มอาจจะไม่ค่อยเข้าใจผมก็ต้องคอยอธิบายเนื่องจากแก้มเขาที่หลังที่ผ่านมาแก้มไม่เคยเข้าเรียนติวเลย
 
                      “เอาละ...วันนี้ครูจะให้การบ้านนะ...ครูจะให้บทความจากหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษไปแปลมาส่งครุ..ครูมีคะแนนให้คนละ 20 คะแนน “
 
                      “กลับบ้านได้แล้วครับ” ผมพูด นักเรียนก็แยกย้ายลงจากตึกกันแก้มก็รีบเดินลงไปเช่นกัน ผมหวังว่าเขาจะเข้าเรียนแบบนี้ทุกครั้งไป
 
                      หลังจากที่ผมปิดหน้าต่างประตูห้องเรียนผมก็รีบเดินตามลงมาที่ชั้นล่างสุด คริสโตเฟอร์ ปันปัน และโป้ง กำลังยืนคุยอยู่ด้วยกันกับแก้ม และผมเห็นผู้หญิงวัยไม่ถึงกลางคนเดินตรงมาที่คริสโตเฟอร์ยืนอยู่ ผมจำได้ดีแม่ของแก้ม และดูท่าจะไม่ได้คุยกันดีดีแน่ เพราะว่าผมเห็นปันปันนะจับคริสไว้อยู่ ผมเลยรีบสาวเท้าเดินไปให้ถึงให้เร็วที่สุด เพราะว่าพ่อเจ้าพระคุณยิ่งหัวร้อนอยู่ด้วย
 
                      “นางแก้ม! ฉันนึกว่าแกกลับไปบ้านแล้วซะอีกและนี้อะไร แอบมาคุยกับไอ้..ไอ้..ฝรั่งขี้นกอีกแล้วเหรอนังแก้ม”
 
                      “แม่หนูเรียนติวภาษาอังกฤษต่างหากละแม่”
 
                      “แกนี้นะเรียนติวภาษาอังกฤษเห็นแต่ก่อนฉันถามว่าจะเรียนไหมแกบอกไม่ชอบไง”
 
                      “ตอนนั้นไม่อยากเรียนเพราะเรียนไปแม่ก็ให้ฉันจบแค่ม.3อยู่ดีนั้นแหละแต่ตอนนี้หนูอยากเรียนแล้วหนูจะเรียนต่อด้วย”
 
                      “ขอโทษนะครับคุณแม่..แก้มเขาเรียนภาษาอังกฤษกับผมครับ จริงๆนะครับ” ผมรีบเดินเข้าไปบอกกับแม่ของแก้ม
 
                      “แล้วคุณเป็นใครคะ” ผู้หญิงคนนี้นหันมาถามผม
 
                      “ผมเป็นครูครับ ผมเคยเจอคุณแม่เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนที่ตลาดนะครับ” ผมบอกแม่ของแก้ม เขาก็ทำท่านึกและคงนึกไม่ออกแน่ๆ
 
                      “แล้วไป...ฉันก็นึกว่าแกมาคลุกอยู่กับไอ้ฝรั่งขี้นกนี้ ไปได้แล้วกลับบ้าน นี้ป้าแกเขามาเยี่ยมนะ เขาถามหาแกอยู่กำลังจะคุยเรื่องจะทำวีซ่าให้แก และเขาจะได้พาไปแต่งตัวสวยๆ ยืนตามร้านอาหาร “
 
                      “ไม่แน่ไม่ต้องเรียนมันแล้วที่นี้นะ อยากมีผัวทั้งหาดีกว่าไอ้ฝรั่งขี้นกนี้หน่อยนะรู้ไหม....พ่อมันยังทิ้งไปไหนก็ไม่รู้..แกนี้มันก็หัวไว้กั้นหูอย่างเดียวเลยไม่รู้จักคิดว่าใครดีไม่ดี...บร้าๆ ” แม่ของแก้มพูดบ่นแก้มไปเรื่อยจนถึงที่เขาจอดรถจักรยานต์ไว้และขับพาแก้มออกไป  ผมก็รู้ว่ามันทำร้ายจิตใจคนทที่ยืนฟังอยู่ไม่น้อยเลย ผมหันไปมองคริสโตเฟอร์ เขาได้แต่ยืนมองส่วนพวกโป้งและปันปันก็เดินหันหลังกลับ คงคิดว่านาทีนี้คงต้องเป็นผมแล้วแหละที่จะปลอบเขา  ผมหันไปมองคริสที่ยืนทำหน้านิ่งมาก ผมเมมริมฝีปากเข้าหากันก่อนจะ
 
                      “คริส” ผมเรียกคริสที่ยืนนิ่งมากจนผมรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ผมรู้ว่าเขารู้สึกยังไงที่มีคนเรียกเขาแบบที่เขาไม่ชอบ
 
                      “ทำไมเขาต้องมองว่าผมเป็นไอ้ฝรั่งขี้นกด้วย...ผมโดนใครๆว่าผมแบบนี้ตั้งแต่ผมเรียนอนุบาลแล้วนะพี่เขม” คริสหันมาพูดกับผมแววตาของเขามันบอกได้ว่าเขาเสียใจ
 
                      “ไม่เอานะ..พี่รู้ว่านายมีดีกว่านั้น” ผมพูดและเอามือแตะที่ไหล่เขาเบาๆ
 
                      “หิวไหม”ผมก้มหน้าลงถามคริสโตเฟอร์
 
                      “ไปหาอะไรทานกันที่บ้านพี่ดีกว่า...ไปสอนที่บ้านด้วยแล้วกัน” ผมพูดกับคริสโตเฟอร์และดันเขาให้เดินออกคริสโตเฟอร์เงียบตลอดทางจนเดินมาถึงบ้านพัก ผมวางหนังสือลง
 
                      “ทานข้าวกันก่อนนะพี่รู้สึกหิวนะ”
 
                      “ผมไม่หิวอะพี่เขม”
 
                      “นะทานหน่อยและเดี๋ยวจะได้ติวให้ “
 
                      “เออ...หรือว่าจะหยุดหนึ่งวันก็ได้นะดุท่าทางเราเพลียๆ คงเหนื่อยวันนี้ซ้อมบาสก็หนักไม่ใช่เหรอคริส” ผมพูด ผมเห็นว่าคริสโตเฟอร์ไม่ได้โตตอบอะไรผมจึงลุกขึ้นจะแกะอาหารออกมาอุ่นในไมโครเวฟ
 
                      “หมับ” คริสโตเฟอร์จับข้อมือผมไว้
 
                      “พี่กอดผมหน่อยได้ไหม”
 
                      “พี่เขมกอดผมหน่อยซิ..พี่เขม” คริสโตเฟอร์เงยหน้าขึ้นมองผมแววตามันดูฉ่ำๆ ผมทรุดตัวกลับไปนั่งและกางเขนแค่นั้นคริสโตเฟอร์โผ่เข้ามากอดผม ผมรับรู้ได้ว่าอกเสื้อของผมเปียกชุ้มไปด้วยน้ำตาลูกผู้ชาย ผมได้แต่ยกมือขึ้นลูบหัวเขาเบาๆ 
 
                      “ผู้ชายร้องไห้ได้ใช่ไหมพี่เขม” คริสโตเฟอร์ถามผมโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองผม
 
                      “ร้องเถอะ...ไม่มีกฏข้อไหนห้ามผู้ชายร้องไห้นิ” ผมพูดพร้อมกับเอามือลูปหัวคริสโตเฟอร์ไปด้วย
 
                      “นอนกับพี่ไหมคืนนี้” ผมถามคนที่ผมกอดอยู่ เขาพยักหน้าตอบผมเบาๆ ผมนั่งปลอบโยนเด็กเกรียนของผม ตอนนี้เป็นเด็กน้อยขี้แยไปซะแล้ว ผมลุกไปอุ่นอาหารคริสโตเฟอร์และเขาก็ลุกขึ้นมาช่วยผมจัดโต๊ะก่อนจะมานั่งทานกัน วันนี้คงเจอมาหลายเรื่องอยู่เลยทำให้เขากินได้น้อยกว่าทุกวัน หลังจากทานอาหารเสร็จผมก็บอกให้คริสโตเฟอร์ไปอาบน้ำก่อนผมจัดการเก็บล้างทุกอย่างเอง พอเสร็จปุ๊ปผมก็อาบน้ำที่หลังสุด
 
                      “คริส” ผมเห็นคริสเขาเปิดอ่านจดหมายจากชาวต่างชาติที่เขียนมาขอร้องให้พ่อผมช่วย ผมขึ้นไปบนที่นอนและ คริสโตเฟอร์ก็หันมามองหน้าผม
 
                      “เขาตามหาผมจริงๆใช่ไหมพี่เขม”
 
                      “เขาคนนี้จะใช่พ่อผมไหม”
 
                      “พี่เชื่อว่าใช่...คริส..พี่เชื่อว่าเขาใช่” ผมพูด คริสโตเฟอรวางจดหมายนั้นลงก่อนจะหันกลับมาเขาใช้ฝ่ามือโอบใบหน้าของผม เอียงคอเล็กน้อยๆ ริมฝีปากอวบอิ่มนั้นประกบริมฝีปากบางๆของผม ผมเองก็จูบตอบกลับ ปลายลิ้นนุ่มๆนั้นสอดเข้ามาควานหาความหวานในปากผม ควานไปทั่วทั้งกระพุ้งแก้มก่อนจะวนมาหยอกเล่นกันปลายลิ้นของผม
 
                      “รอเสาร์อาทิตย์ดีกว่า” คริสโตเฟอร์หยุดการกระทำแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลย แต่ผมก็ว่าดีนะ
 
                      “ดื่มนมก่อนนอนนะพี่ออกไปเอามาให้” ผมพูดและลุกไปรินนมใส่แก้วให้คริสโตเฟอร์ พร้อมกับเดินกลับมาส่งแก้วนมให้คนที่นอนเปิดดูอิเมลของผมไปด้วย คริสโตเฟอร์รับแก้วผมนมผมไปดื่ม
 
                      “พี่เขม..มีอิเมล.ส่งมาหาพี่ด้วยจาก..ณัฐกานต์”
 
                      “หึ ? “ผมไม่อยากจะเชื่อเลย คริสโตเฟอร์ก็รีบเปิดกล่องข้อความให้ผมดูด้วย
 
                       “เขมสบายดีไหม..เป็นไงบ้างความรักครั้งใหม่ขอบเขม มันดีกว่าตอนที่อยู่กับกานต์ใหม่..เขมรู้ไหมว่ากานต์ เหมือนคนที่มีเสื้อผ้าใส่แต่ยังไม่พอใจอยากจะได้ของใหม่ ..เขม..กานต์..คิดถึงเขม..คิดถึงคนที่เคยทำทุกอย่างเพื่อกานต์..คิดถึงคนที่เคยเช็ดตัวให้กานต์ตอนที่เมากลับมา..คิดถึงคนที่คอยเป็นห่วงคอยถามว่าทานยาหรือยังเวลาที่กานต์ไม่สบาย..คิดถึงความฝันที่เราเคยวาดไว้ด้วยกัน...มันไม่มีวันกลับมาอีกแล้วใช่ไหมเขม...กานต์เพิ่งจะรู้ว่ากานต์เสียคนที่รักกานต์หมดหัวใจไปเพราะความไม่รู้จักพอของกานต์เอง..” ผมอ่านไป ก็สังเกตุเห็นสีหน้าที่กังวลของคริส ผมเลยตัดสินใจกดลบและบล๊อก คริสโตเฟอร์หันมองหน้าผม
 
                      “พี่ไม่ทำร้ายจิตใจคนที่อยู่ข้างพี่ที่สุดหรอกครับ”
 
                      “ขอบคุณนะครับพี่เขม”
 
                      “นอนเถอะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หอพักด้วยนิเรานะ.”
 
                      “นอนพักซะพรุ่งนี้จะดีขึ้น..เชื่อพี่นะ...พรุ่งนี้เช้าพี่จะสั่งโจ๊กไปนั่งกินกับเราและเพื่อนๆ ..ไม่ได้กินข้าวเช้าด้วยกัน...นานแล้ว”
 
                      “ครับ..ฝันดีนะครับที่รัก..จ๊วบ”
 
                      “ฝันดีครับ” ผมพูดและจูบคนที่ริมฝีปากอวบอิ่มนั้นเบาๆ ก่อนจะพากันล้มตัวลงนอนผมเอื้อมไปกดปิดไฟที่หัวเตียง ทันทีที่ร่างผมเอนลงบนที่นอนคนข้างๆก็สวมกอดผมทันที ผมใช่มือลูบหัวเบาๆ ไม่นานคนข้างๆก็หลับสนิท ผมรับรู้ ได้จากจังหวะการหายที่สม่ำเสมอกัน ผมเองก็กำลังจะหลับตาลงตามเช่นกันด้วยความอ่อนล้า ผมหวังแค่ว่าจะไม่มีอะไรที่มากระทบกระเทือนจิตใจคนที่ผมกอดไว้อีก เขาไม่ใช่ประอิฐพระปูนนะที่ได้รองรับได้ทุกเรื่องไป และผมก็คงต้องดูแลเขาให้มากขึ้นช่วงนี้มันเหมือนหัวเลี้ยวหัวต่อของเขาเหมือนผมต้องประครองเขาไปให้ได้
                      "ทนอีกหน่อยนะคิดพี่เชื่อว่า คริสจะผ่านมันไปได้ “ผมพูดและกอดคนที่หลับสนิท เขาคงเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไหนจะซ้อมบาสและอ่านหนังสือที่ต้องหนักขึ้น ผมก็ไม่รู้ว่าผมคิดผิดหรือถูกที่ดึงเขาเข้ามาในเส้นทางที่ไม่สวยหรูของผมแต่ผมจะไม่ยอมปล่อยมือเขาเด็ดขาด

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนตอนที่ 38 ครูเขมช่วยแก้ม ครึ้งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-08-2020 17:48:13
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.26ครูเขมXคริส วันแข่งขันบาสเก็ตบอลรอบชิงP1
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 24-08-2020 20:17:04
      EP.26 ครูเขมXคริส วันแข่งขันบาสเก็ตบอลรอบชิง(ครึ้งแรก)
       
          วันนี้เป็นวันพิเศษ วันนี้คริสโตเฟอร์และเพื่อนๆทีมบาสเก็ตบอลจะทำการแข่งขันรอบชิงที่โรงเรียนนี้ด้วยเพราะว่าโรงเรียนเราเป็นเจ้าภาพ ผมรู้สึกภูมิใจในตัวเขาจริง ๆ เมื่อวานผมเลยไม่ได้สอนพิเศษเขา เพื่อเขาจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แต่ดันมามีเรื่องแม่แก้มเข้ามากวนใจทำให้คริสเสียใจเมื่อวานผมเลยชวนคริสโตเฟอร์มานอนที่บ้านพักครู ผมตื่นมาก็ไม่เห็นเขาแล้ว สงสัยรีบ
 
          ผมตื่นมาก็ทำหน้าที่ครูเวรยืนหน้าโรงเรียนเช่นเคย วันนี้นักเรียนดูจะตื่นเต้นกันเป็นพิเศษเพราะว่า วันนี้มีเด็กนักกีฬาจากโรงเรียนอื่นๆ มาร่วมแข่งขัน แต่ละทีมก็เป็นตัวเก็งกันทั้งนั้น คริสโตเฟอร์บอกกับผมว่า พวกเขาผ่านการคัดตัวเมื่อเทอมที่แล้วจากการแข่งขันภายในโรงเรียนก่อนและนี้อาจจะเป็นสาเหตุให้กายพยายามนำยาเสพติดใส่ในกระเป๋าคริส ผมเลยพยายามบอกเขาให้เขาระวังตัวเองดีดี 
 
         “คริส” ผมเดินไปหาคริส ที่กำลังยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ข้างสนาม คริสโตเฟอร์หันมามองผม และส่งยิ้มมาให้ผมทันที
 
         “เต็มที่นะ พี่รอดูนายอยู่” ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์
 
         “วันนี้จะให้รางวัลผมไหมพี่เขม ผมจะชู้ต 3แต้ม ได้เกินยี่สิบลูก” คริสโตเฟอร์ถามผม ผมเองไม่ได้ไปดูเขาแข่งรอบคัดเลือกเลยแต่ได้ยินครูประวิทย์ ที่เป็นครูพละพูดว่านายคริสทำคะแนนให้โรงเรียนทุกแม๊ทเลย
 
         “ก็ได้ถ้านายได้แชมป์ พี่ให้รางวัลก่อนเสาร์อาทิตย์ “ ผมพูดเพราะว่านี้เพิ่งจะวันพุธเอง ปกติต้องรอเสาร์อาทิตย์ คริสโตเฟอร์ยิ้มให้ผมทันที ที่แบบนี้ละกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที   ผมหันไปเห็นโป้งที่เดินมาพร้อมกับปันปัน อาร์ทและโจ พากันยกมือไหว้ผม ผมก็หันไปรับไหว้ และมีเด็กที่เป็นตัวสำรองนั่งรอยู่ข้างสนามตรงจุดนักกีฬา
 
         “ถ้าอย่างนั้นพี่ไปนั่งรอดูเราตั้งโน้น กับครูลินดาและครูถาวรนะ “ ผมพูดก่อนจะเดินหันหลังออกไป
 
         “พี่เขมไม่กอดผมหน่อยเหรอครับ ผมอยากได้กำลังใจ” คริสโตเฟอร์ถามผม ผมหันมามองหน้าเขา
 
         “แค่กอดอ่ะ พี่เขม” คนตรงหน้าอ่อนผม ผมก็พยักหน้าว่าได้ และผมก็เดินเข้าไปกอดเขา
 
         “สู้ๆนะ พี่รอให้รางวัลอยู่” ผมพูดกระซิบ
 
         “วี้ดวิ้วว” อันนี่พวกเพื่อนในทีมเขา ตรงที่ผมมาคุยกับเขาจะเป็นจุดพักนักกีฬาก็จะไม่มีคนมาก เพราะว่าผมเองก็ต้องทำตามที่ผู้อำนวยการบอกผม ว่าผมควรจะคงไว้ซึ้งครูอาจารย์และคริสโตเฟอร์คือนักเรียนของผม ผมเดินกลับมาที่นั่งสำหรับกองเชียร์
 
         “ครูเขม ทางนี้ค่ะ”ครูลินดาเรียกผม ไปนั่งด้วยและครูถาวรก็นั่งอยู่ตรงนั้น
 
         “คริสโตเฟอร์เป็นยังไงบ้างคะ” ครูถาวรถามผม
 
         “ดูเขาชิวๆสบายๆนะ ไม่ได้เครียดอะไร” ผมตอบครูถาวรไป
 
         “แล้วนี่ครูจะพานายคริสไปสอบเมื่อไหร่คะ” ครูลินดาถามผม ครูลินดาคงหมายถึง สอบGED แน่ ๆ
 
         “ผมว่าจะรอให้เขามั่นใจมากกว่านี้หน่อยนะครับ อยากให้เขาทำคะแนนได้ดีกว่านี้อีกหน่อย “ ผมพูด ตอนนี้คริสได้ไปเรียนติวกับเพื่อนผมเกรท และน้องสาวของเกรท แกรนด์ แกรนด์เขาสอนให้ฟรีเพราะว่าผมก็ติวแกรนด์มาก่อน จนสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่น้องเขาอยากเข้าได้ และนี่แกรนด์เลยไม่คิดเงินผม
 
         “ตอนนี้ก็สบายใจเรื่องแม่ของคริสโตเฟอร์แล้วใช่ไหมคะครู “ ครูลินดาถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่
 
         “ผมได้ส่งอิเมลไปหาพ่อของคริสโตเฟอร์นะครับ พ่อของคริสโตเฟอร์เคยเขียนจดหมายมาหาพ่อผมเพื่อให้ช่วยตามหาเขา แต่ว่าพ่อผมเริ่มป่วยและไม่นานทันก็เสีย ผมก็เลยไม่ได้สานต่อ แต่ตอนนี้ผมคิดว่าผมควรจะทำนะครับ” ผมหันไปบอก
 
         “นายคริสนี้โชคดีจังนะคะ เอ๊ะ!  หรือว่ารักนี้คือพรมลิขิตค่ะ ดูประจวบเหมาะไปหมดเลย ตั้งแต่ครูมาเป็นครูที่นี้แล้ว และพ่อของครูยังเคยช่วยครอบครัวนายคริสโตเฟอร์เอาไว้อีก แถมครูก็ยังเคยเจอคริส แม้ว่าตอนนั้นคริสโตเฟอร์ยังเด็กก็ตาม ลินดาว่านี้คือพรมลิขิตแล้วแหละค่ะ ครูเขม” ครูลินดาพูด ผมหันมามองและลำดับเหตุการณ์ มันใช่จริงด้วย ผมเองก็ไม่เคยเชื่อเรื่องพรมลิขิตมาก่อน แต่ตอนนี้ผมเชื่อได้สนิทใจแล้วว่าพรมลิขิตมีจริง
         
         “โรงเรียนเราลงสนามแล้วค่ะครู “ ครูถาวรพูด ผมก็มองนักกีฬา บาสเก็ตบอลลงไปอยู่ที่กลางสนาม และคุณกรรมการ รอบนี้เป็นรอบชิงชนะเลิศแล้ว โรงเรียนคู่แข่งเป็นอดีตแชมป์เมื่อเก่ามาก่อน แต่มาเสียแชมป์ให้ทีมของคริสเมื่อปีแล้ว
 วันนี้คริสสวมเสื้อกล้ามเหลืองแดงแถบสีขาว เป็นสีประจำโรงเรียน คริสเขาได้หมายเลข 11 อยู่ใน Shooting GuardและPower Forward   ตำแหน่งนี้เรียกได้ว่าเป็นเอส ของทีมเป็นตำแหน่งทำได้ทุกอย่างไม่ว่าจะชู้ต 2 แต้ม, 3 แต้ม, การครองบอล, การส่งบอล, Rebound  และเขาก็ทำได้ดีโดยเฉพาะชู้ต 3 แต้ม เขาเลยตำแหน่งนี้ไปโดยปริยาย  ผมไปยืนดูเขาซ้อมมาหลายครั้งแล้ว คริสโตเฟอร์ชู้ต 3แต้มแม่นทุกลูกเลย
 
 ตำแหน่ง Guard นั้นคืออาร์ท เบอร์ 9 เป็นตำแหน่งที่มีความเร็ว ความคล่องแคล่ว และยังมีความสามารถในการRunning (การวิ่ง) Dribble (การเลี้ยงบอล) Steal (การแย่งบอล) 3 Point (การชู้ต 3 แต้ม) และ Pass (การส่งบอล)  อาร์ทความเร็วในทุก ๆ ด้าน ส่งและรับบอลได้อย่างแม่นยำและเป็นตัวทำเกมให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ดี
 
   ส่วนโป้งเบอร์ 10    ตำแหน่ง Center เป็นตำแหน่งที่เปี่ยมไปด้วยพละกำลังที่แข็งแกร่ง การBlockที่เฉียบขาด การReboundบอลที่แน่นอน รวมไปถึง การDunkที่ดุดัน  ผมนั่งดูพวกเขาซ้อมกันหนักเมื่อวาน โป้งทำรีบาวน์ได้ได้ยอดเยี่ยมมาก ผมว่าโป้งนี้มีพรสวรรดิ์ทางด้านนี้ ผมอยากให้เขาไปลองทีมชาติ เขาต้องได้แน่ๆ
 
 ส่วนปันปัน เบอร์4  ก็ เป็นตำแหน่ง Point Guard เป็นตำแหน่งที่จะเคลื่อนที่ไปทั่วสนาม เพื่อที่จะหลอกล่อคู่ต่อสู้และสร้างโอกาสให้กับทีมได้อยู่เสมอ รวมไปถึงการทำแต้มด้วยตัวเอง ทั้ง 2 แต้ม และ 3 แต้ม ปันปันตัวเล็กคล่องแคล้วว่องไว และเป็นตัวทำโอกาสให้โป้งได้ทำแต้ม และยังทำหน้าที่ Small Forward เหมือนเป็นตัวกลางของทีมที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่าง Center (โป้ง) และ Guard(อาร์ท)
 
 และโจ เบอร์ 7ตำแหน่ง    Forward  จะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างภายในเส้น 3 แต้ม และตรงบริเวณ Center ที่อยู่ใต้แป้น และด้วยค่าการเริ่มต้นที่สมดุล ทำให้การใช้ความรวดเร็วของเท้า และการชู้ตตรงกลางสนามที่แม่นยำ ทำให้กลายเป็นกุญแจสำคัญของการแข่งขัน
 
“เด็กกลุ่มนี้เขามีพรสวรรดิ์เรื่องบาสเก็ตบอลจริงๆนะคะ น่าสนับสนุนพวกเขา” ครูถาวรพูด ผมก็พยักหน้า จังหวะนั้นผมเงยหน้าขั้นไปเห็นกาย ที่ยืนมองด้วยสายตาที่ไม่พอใจหนัก ผมทราบมาว่าเขาโกรธที่ทีมเขาแพ้เมื่อเทอมที่แล้ว เลยทำให้ทีมของโป้งและคริสได้เป็นตัวแทนในการเข้าแข่งขันระดับโรงเรียนอีกปี  และก็คงเสียหน้าด้วยแหละผมว่า พอนายกายเห็นว่าผมมองเขา นายกายก็หันไปคุยกับเพื่อนอีกคนที่ชื่ออณุพงษ์ เขาเกือบจะต่อยผมในวันนั้นและพากันเดินลงจากชั้นที่นั่งสำหรับกองเชียร์
 
“เรานำห่างแล้วนะครูเขม” ผมหันกลับมามอง จริงด้วยนำห้างไปสิบห้าแต้ม 57 – 42  แต่ละแต้มมาจากการรีบาวน์ของโป้งและคริสที่ดั้งลงไปแบบสวยๆ ตอนนี้ครูประวิทย์เรียกนักกีฬาเพื่อประชุม คริสโตเฟอร์หันมามองผมและยกนิ้วโป้งให้ผม ผมก็ยกนิ้วโป้งให้เขาเช่นกันแปลว่าเขาทำดีมากผมแอบนั่งนับคริสชู้ต 3แต้มไปแล้ว 14 ลูกสงสัยผมจะต้องให้รางวัลคืนนี้แน่ๆ ตอนนี้อีกทีมกำลังขอเปลี่ยนตัวนักกีฬา และคริสกับเพื่อนก็กลับไปลงสนามแข่ง รอบนี้คงจะเป็นแม็ตสุดท้ายแล้ว
 
 พอลงไปได้ไม่ถึงห้านาที คริสก็ทำ3แต้มได้ทันที ทำให้คะแนนเพิ่มมาอีก ภาพที่เพื่อนๆเข้ามากอดกันมันทำให้ผมนึกถึงตอนวัยเรียนมัธยมของผม ผมไม่รู้ว่าผมคิดถูกหรือผิดที่ให้เขาไปสอบGED เพราะเขาอาจจะไม่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้อีกแล้วหากเขาเลือกที่จะไปเรียนมหาวิทยาลัยเลย แค่คิดก็แอบใจหายเหมือนกัน ใจหายที่ผมจะไม่ได้เห็นเขาอยู่ในโรงเรียนเดียวกับผม
 
             “โคล้ม!”เสียงดังสนั่นลั่นยิมที่ใช้แข่งขันบาสเก็ตบอล นายคริสโตเฟอร์ลงไปนอนอยู่ที่พื้นข้างสนาม  ผมก็ตกใจลุกขึ้นยืนดู หนี่งในทีมตรงข้ามชนกับคริสโตเฟอร์ ผมไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือไม่ และดูท่าคริสจะได้รับบาดเจ็บซะด้วย เขากุมที่หัวไหล่ของเขาเอาไว้ยังคงนอนตัวงออยู่ที่พื้น ผมเริ่มใจคอไม่ดีแล้วซิ
 
                  “ครูเขมลงไปดูคริสเถอะค่ะ” ครูลินดาบอกผม ผมก็รีบแหวกคนที่นั่งดูและรีบวิ่งลงมา ผมเห็นครูประวิทย์วิ่งเข้าไปในสนาม กรรมการก็วิ่งเข้าไปดู เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลอีกคนวิ่งเข้าไป ผมเห็นคนที่ชนคริสโตเฟอร์เดินออกมา ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกผิดอะไรเลย นั้นแปลว่าเขาจงใจ จังหวะนั้นผมเหลือบไปเห็นนายกายที่ยืนอยู่ชั้นล่าง มองอย่างสะใจอย่าบอกนะว่านี้คือแผนของนายกาย
 
                  “ผมว่าเราต้องพาไปโรงพยาบาล” ผมได้ยินเสียงครูประวิทย์วิ่งมาบอกกรรมการข้างสนาม และกรรมการก็ยกมือขอเวลานอก
 
                  “ครู คริสเป็นยังไงบ้างครับ”  ผมถามครูประวิทย์
 
                  “เขาเจ็บมากครับ ผมคิดว่าควรจะพาไปโรงพยาบาลครับ ผมไม่แน่ใจว่ากระดูกหักไหมนะครับครู” ครูประวิทย์บอกผม ผมหันไปมองนายกาย ทำไมเขาต้องทำกันถึงขนาดนี้
 
                  “ผมไปกับคริสเองครับครู” ผมพูด ครูประวิทย์พยักหน้า ผมเดินตามเจ้าหน้าที่ที่เอาเปลไปรับคริสโตเฟอร์ออกมา ผมเห็นสีหน้าเขาปวดมากจริงๆ
 
                  “คริส” ผมเรียกเขา คริสก็นอนเอามือกุมหัวไหล่ที่ได้รับบาดเจ็บเอาไว้ สีหน้าบ่งบอกได้ว่าปวดมากจริงๆ ผมเห็นแบบนี้แล้วอยากจะเจ็บแทนเขาจริงๆ
                   “รถพยาบาลรอด้านนอกแล้วครับ “มีเจ้าหน้าที่วิ่งมาบอก
 
                  “ผมเป็นครูครับ ผมจะไปกับนักเรียนครับ”ผมบอกเจ้าหน้าที่
 
                  “ได้ครับครู” เจ้าหน้าที่บอกผม คริสโตเฟอร์มองหน้าผมแต่ก็ยังคงฝืนยิ้มให้ผม ผมหันไปเห็นโป้ง โป้งคงรู้ว่าอีกฝั่งเล่นสกปรก โป้งวิ่งออกมาจากสนามและตรงไปหาคนที่ทำให้คริสเจ็บ ผมคิดว่ามันจะยิ่งทำให้แย่เข้าไปอีกหากเขาถูกกรรมการตัดสินให้เขาออกจากการแข่งขันอีกคนตอนนี้ เพราะว่าไปต่อยฝ่ายตรงข้าม
 
                  “มึงจงใจนี่หว่า” โป้งตรงเข้าไปคว้าคอเสื้อ ผมก็ต้องวิ่งเข้าไปดึงแขนโป้งออก
 
                  “โป้ง อย่า!” ผมดึงแขนโป้ง และปันปันก็วิ่งมาช่วยดึงรั้งโป้งเอาไว้
 
                       “โป้งอย่า!” ปันปันร้องห้ามโป้งอีกคน
 
                  “ครูเขมมันจงใจอ่ะ!”  โป้งหันมาบอกผม
 
                  “มันจงใจทำให้คริสเจ็บอะครู” โป้งพูดด้วยสีหน้าที่เดือดดาน
 
                  “โป้ง กลับเข้าสนามไป ถ้านายมีเรื่องอีกคนและนายต้องออกจากสนามการแข่งขันไป ใครจะคุมเกมส์ละโป้ง คิดถึงตรงนี้ซิ ทุกคนทุ่มเท่เพื่องานนี้ อย่าทำมันพังเพราะอารมณ์ชั่ววูบโป้ง  “ ผมพูดบอกโป้งและปันปันที่ส่งสายตาอ้อนวอนโป้งว่าอย่าเข้าไปหาเรื่องเขา อาร์ทและโจก็วิ่งมาดึงรั้งห้ามโป้งอีกคน
 
                  “ครูจะไปดูคริสเอง ตอนนี้ทั้งทีมต้องการนายโป้ง นายคือตำแหน่งเซนเตอร์และความหวังของทีม  ส่วนคริสครูดูแลเอง” ผมพูดบอกโป้ง โป้งมองหน้าผมและพยักหน้า
 
                  “ไปเถอะวะ เอาคืนให้คริสมัน ด้วยรีบาวน์เท่ๆ” ปันปันพูดบอกโป้ง ผมก็ยิ้มให้ และรีบเดินออกเพราะว่าเจ้าหน้าที่กำลังพาคริสโตเฟอร์ไปโรงพยาบาล ผมเดินขึ้นไปนั่งกับคริสในรถพยาบาล ผมดูสีหน้าครสิโตเฟอร์ ดีขึ้นมาหน่อย คงเพราะเจ้าหน้าที่ได้ปฐมพยาบาลเบื่องต้นให้แล้ว
 
                  “คริส เป็นไงบ้าง” ผมถามคริสโตเฟอร์
 
                  “เจ็บอ่ะครู สงสัยจะตักข้าวกินเองไม่ได้ไปหลายวันแน่ๆ “ คริสโตเฟอร์พูดและยังมาหัวเราะอีก ผมก็มอง
 
                  “คงต้อง… ขอผู้อำนวยการไปนอนบ้านพักครู จะได้มีคนป้อนข้าวป้อนน้ำ” คริสโตเฟอร์พูด ผมก็ต้องเกาหัว
 
                  “นายลงทุนมากไปไหม เจ็บขนาดนี้เลย และยังมาพูดตลกอีกนะ หึ “ ผมก้มลงพูดไม่ดังมากแค่พอได้ยินกันสองคน ไม่นานรถโรงพยาบาลก็นำคริสโตเฟอร์มาส่งที่โรงพยาบาล ผมก็เดินเจ้าหน้าที่เข้าไปแต่ว่าผมรอหน้าห้องฉุกเฉินแทน เขาไม่อนุญาติให้ผมเข้าไปด้านใน และผมก็ไปทำเรื่องแจ้งประวัติคนไข้ โชคดีที่นายคริสมีประกันสำหรับนักกีฬาประจำโรงเรียน ดังนันทางโรงเรียนจึงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดแทน นายคริสต้องได้รับการเอ็กซ์เรย์ดูกระดูกที่หัวไหล่
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.26ครูเขมXคริส วันแข่งขันบาสเก็ตบอลรอบชิงP2
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 25-08-2020 07:10:28
 EP.26 ครูเขมXคริส วันแข่งขันบาสเก็ตบอลรอบชิง(ครึ้งหลัง)
             
                Rrrr เสียงมือถือผมดังขึ้้น ผมเหลือบมองเป็นเบอร์แม่ของคริสโตเฟอร์นั้นเอง วันก่อนที่คุยกันก็ได้แลกเบอร์กันเอาไว้ แม่ของคริสบอกว่าคริสไม่ค่อยบอกเขาเวลามีเรื่อง ดังนั้นแม่เลยเลือกที่จะคุยกับผมแทนคริส



“สวัสดีครับแม่”



“เขมน้องเป็นอะไรลูก ครูนิดเขาโทรมาบอกแม่ว่า คริสได้รับบาดเจ็บขณะที่แข่งขันบาสเกตบอล” แม่ของคริสโตเฟอร์รีบถามผมด้วยอาการร้อนรน



“ตอนนี้น้องอยู่ในห้องฉุกเฉินครับแม่ ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมากครับแม่”



“นี่โชคดีนะที่มีเขมอยู่ที่นั่น แม่ฝากน้องด้วยนะลูก มีอะไรโทรหาแม่นะเขมนะ “แม่ของคริสโตเฟอร์บอกผม



“ได้ครับแม่ ถ้าคริสออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้วผมจะรีบโทรหาแม่นะครับ”



“ขอบคุณค่ะเขม “และแม่ของคริสโตเฟอร์ก็กดวางสายไป ผมได้แต่ยืนรอ อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ผมผมเห็นเจ้าหน้าที่เปิดประตูออกมา



“เชิญญาตินายคริสโตเฟอร์ ค่ะ” พยาบาลเรียกหาญาติของคริสโตเฟอร์



“ผมครับ ผมเป็นครูของเขาครับ” ผมเดินเข้าไป และพยาบาลก็ผายมือให้ผมเดินเข้าไปด้านใน ผมเห็นนายคริสโตเฟอร์นั่งห้อยขาอยู่บนเตียงคนไข้ ดูท่าจะไม่เป็นไรมากแล้ว ผมสังเกตเห็นว่ามีผ้าคาดประคองแขนอยู่ แต่ว่าคืนนี้พ่อตัวดีของผมคงได้ปวดระบบไหล่แน่ๆ



“สวัสดีค่ะ” ผมหันไปเจอคุณหมอที่สวมเสื้อกาวน์ยาวมายืนถือแฟ้มคนไข้ ส่งยิ้มมาให้ผมและนายคริสโตเฟอร์



“คนไข้พูดไทยได้ไหมคะ” คุณหมอคนสวยเอ่ยถามผม



“คนไข้พูดไทยได้ครับ” ผมหันไปตอบคุณหมอ ผมเข้าใจว่าทำไมคุณหมอถึงถามเช่นนั้น นี่คงเป็นเพราะว่าชื่อนามสกุลของเขาแน่ๆ



“ไม่ทราบว่าคุณเป็นอะไรกับคนไข้คะ” คุณหมอถามผม ผมก็กำลังจะหันไปตอบว่าเป็น



“คุณพ่อครับ” คริสโตเฟอร์ตอบให้เสร็จสรรพ ว่าผมเป็นคุณพ่อ ผมสะบัดหน้ามามองนายคริสโตเฟอร์ นี้ให้เป็นพ่อเลยเหรอ



“คุณพ่อเหรอคะ หน้าเด็กมากเลยนะคะ คุณแม่น้องเป็นคนต่างชาติเหรอคะ “คุณหมอรีบชมผมทันทีว่าคุณพ่อหน้าเด็ก แต่จริงๆ ไม่ใช่สักหน่อย และยังถามผมอีกนะว่าผมไปมีภรรยาเป็นคนต่างชาติเหรอ ผมหันมามองพ่อตัวดีที่นั้งห่อยขาอยู่บนเตียงคนไข้ (รอกลับบ้านก่อนจะให้ตักข้าวกินเองทั้งที่แขนเจ็บๆ เลย ผมคิดในใจ)



“เป็นพ่อทูนหัวของผมนะครับ” นายคริสโตเฟอร์พูดและหันมาทำตาเล็กตาน้อยใส่ผมแต่นั่นก็ทำเอาคุณหมอที่ยืนถือแฟ้มอยู่ หันมามองผมกับคริสสลับกันไปมา



“ถ้าอย่างนั้นคุณหมอขอเรียกคุณแฟนก็แล้วกันนะคะ ยังไงคืนนี้น้องเขาน่าจะปวดมากหน่อยนะคะ คุณแฟนก็คงต้องดูแลนิดนึงนะคะ หมอดูจากฟิล์มเอ็กซเลย์แล้ว ไม่มีกระดูกหักกระดูกร้าวนะคะ แต่น่าจะบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ ยังไงหมอจะให้ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบกล้ามเนื้อและยานวดไปด้วยนะ คุณแฟนก็ทาบางๆ ไม่ต้องนวดเยอะนะคะ เพราะน้องอาจจะระบบได้ค่ะ “คุณหมออธิบายพรั้อมยิ้มให้ผมสองคน



“ช่วงนี้ก็ใช้อาร์มสลิงไปก่อนนะคะ สักสองสามวัน ถ้าดีขึ้นไม่ต้องคล้องแล้วก็ได้นะคะ” คุณหมอพูด



“แต่ถ้าน้องปวดมากจนทนไม่ไหว พากลับมาโรงพยาบาลได้นะคะ ถ้ายังงั้น หมอขอตัวนะคะ”



“ขอบคุณครับคุณหมอ” ผมพูดขอบคุณ คุณหมอคนสวยและหันมามองพ่อตัวดี พ่อทูนหัว



“เดี๋ยวเชิญไปรับยาได้เลยนะคะ ที่ห้องรับยาด้านหน้าค่ะ “เจ้าหน้าที่พยาบาลเดินมาบอกผม



“นั่งรถเข็นไหมคริส” ผมถามคริสโตเฟอร์



“ไม่เอาอ่ะพี่เขม “คริสโตเฟอร์พูดและผมก็พยุงให้เขาลงจากเตียงคนไข้ ผมหยิบกระดาษใบสั่งยาขึ้นมาดู มียาพาราเซตามอลสำหรับแก้ปวด และยาแก้ปวดคล้ายกล้ามเนื้อและยานวด



“เสียดายอ่ะพี่เขม สงสัยผมจะไม่ได้รางวัลจากพี่แน่ๆ เลย” คริสโตเฟอร์พูดทำสีหน้าเสียใจ ผมนี้ควรจะหันไปใจอ่อนดีไหม ที่กลัวนี้คือไม่ได้กดผมก่อนเสาร์อาทิตย์หรือไง



“ทำไมกลัวไม่ได้อิบอิบพี่เหรอ” ผมกระซิบที่ข้างหู



“ใช่อะดิ ชู้ดสามแต้มไปแค่สิบห้าลูกเอง “คริสโตเฟอร์พูด ขณะที่ผมเดินออกมาจากห้องรับยา ผมก็เห็นว่ามีเด็กผู้หญิงที่สวมชุดนักกีฬาประจำโรงเรียนที่ผมเป็นครูสอน ผมว่าเหมือนแก้มเลย ผมก็ชะเง้อมองหา เพราะว่าผมเห็นแว๊ปเดียวเอง



“พี่เขมมองหาใครอ่ะ” คริสโตเฟอร์ถามผม



“แก้มนะคริส พี่เห็นเหมือนแก้มมาดูนายที่นี้นะ” ผมบอกคริสโตเฟอร์



“ช่างมันเถอะพี่ ตอนนี้ผมไม่แคร์แล้วถ้ามันจะมาแอบถ่ายรูปพี่กับผมไปทำอะไรอีก และผมก็พร้อมจะไปสอบแล้วด้วยนะพี่เขม ผมเบื่ออ่ะ “คริสโตเฟอร์พูด ผมก็มองคริส



“อย่าคิดแบบนั้นซิ พี่ว่าแก้มเขาดีขึ้นแล้วนะ “ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์แต่คริสก็ยักไหล่ไม่สนใจ



“ไปรับยาเถอะพี่เขม ผมเริ่มปวดแขนแล้วอ่ะ “นั้นไงงอแงเพราะปวดแขนนี่ไง



“ก็ได้ แล้วคริสจะกินอะไรดีละ “ผมหันไปถามคริส ผมหันกลับไปมองแก้มเดินออกไปแล้ว ผมเองก็สงสารแก้มนะ



“อยากกินข้าวต้มฝีมือพี่เขมอ่ะ ไม่ต้องใส่อะไรเลยนะนอกจากใส่ใจก็พอแล้ว “คนข้างๆ ผมกระซิบที่ข้างหูผม ทำให้ผมหันไปมอง



“เลี่ยนอ่ะ” ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์ และผมกับคริสโตเฟอร์ก็มานั่งรอรับยาด้วยกัน



“ไอ้คริส!!” เสียงเรียกชื่อคริสจากเพื่อนๆ ของเขาที่ตามมาที่โรงพยาบาล โป้ง ปันปัน โจและอาร์ทนั้นเอง ผมหันไปมองพวกเขา ผมนับถือความเป็นเพื่อนที่เหนียวแน่นของพวกเขาจริงๆ



“เป็นไงบ้างว่ะคริส” โจเดินมาถึงก็ถามคริสโตเฟอร์ คริสก็ยกนิ้วแล๊ปโย๊ะว่าโอเคอยู่



“แล้วผลการแข่งขันเป็นไงบ้าง” ผมถามทุกคนคน



“ชนะครับครู โป้งมันเล่นair walk 10 ลูกติด ชนะขาดลอยไปเลยครับ “ปันปันพูด ผมหันไปมองและยกนิ้วโป้งให้โป้งไปเลย คริสโตเฟอร์ก็ใช่กำปั้นข้างที่ไม่เจ็บชนกับโป้งและเพื่อนๆ ทีมบาสเกตบอล นั้นแปลว่าเขาโอเคแล้ว



“แต่พวกผมเจ็บใจไอ้คนที่ทำคริสเจ็บอ่ะครู มันจงใจนะผมว่า” อาร์ทพูด ผมก็รู้ดี และคิดว่านายกายคือเบื้องหลังอีกแน่ๆ



“ครูเห็นกายเดินลงมาจากชั้นที่นั่งเชียร์ และตอนที่คริสได้รับบาดเจ็บนะ นายกายก็อยู่ใกล้ๆ กับทีมที่แข่งขันด้วยนะ แต่ครูไม่มีหลักฐาน ดังนั้นครูก็คงพูดไปแบบนั้นไม่ได้” ผมพูดกับทุกคน



“ผมเชื่อว่ามันแน่ๆ ครู ไอ้นี่มันเจ็บใจที่พวกผมได้เป็นตัวแทนเพราะมันแพ้พวกผมตอนแข่งขันคัดตัวของโรงเรียนเทอมที่แล้วครับครู” โจพูด ผมพยักหน้า



“ท่านผอ ฝากบอกว่า คือนี้ ให้ครูดูแลคริสด้วยนะครับ “ปันปันบอกผม ผมหันไปมองพ่อตัวดี



“เอ๊ะ หรือว่ามึงจะกลับไปให้กูดูแลแทนละคริส” ปันปันหันกลับไปถามคริสโตเฟอร์ และคนที่สะบัดหน้ามามองคือโป้ง ส่วนคริสนะทำท่าตกใจจนผมอดขำไม่ได้ และขนลุกอีกต่างหาก



“ไม่เอา ให้ครูดิ มึงไม่ใช่เมียกูนิ” ดูคริสโตเฟอร์พูด มันน่าไหมเนี๊ยะ ผมยืนกอดอกมองพ่อตัวดี เดี๋ยวให้นอนบ้านพักนักเรียนซะเลย



“กูถามจริงนะ มึงลงทุนเจ็บตัวเพื่อไปนอนบ้านพักครูหรือเปล่าวะ นี้ยังไม่เสาร์อาทิตย์เลยนะคุณคริส!” อาร์ทถามคริสโตเฟอร์



“เออวะ ไอ้นี้แผนสูงนะมึง” โจอีกคน และผมก็เดินไปรับยาแทนให้คริสโตเฟอร์ เพราะว่าถึงหมายเลขชองเขาแล้ว



“สวัสดีค่ะ รับยาของคนไข้ชื่ออะไรคะ” เภสัชกรถามผม



“รับยาคนไข้ชื่อ คริสโตเฟอร์ เอนโทนี่ ริซโซ ครับ”



“เป็นอะไรกับคนไข้คะ”



“เป็น….” ผมกำลังจะพูดว่าผมเป็นครู



“แฟนครับ” คริสโตเฟอร์เดินมายืนข้างๆ ผมทันที เรียกว่ายืนเบียดเลยก็ว่าได้ ทำเอาภสัชกรเงยหน้ามองผมและคริสโตเฟอร์สลับกันไปมา



“แป๊บหนึ่งนะคะ ถ้าอย่างนั้นขอเปลี่ยนฉลากยาเป็นภาษาไทยแล้วกันนะคะ ดูท่าจะไม่ต้องใช้ภาษาอังกฤษแล้ว “เภสัชกรเงยหน้าบอกผมและเขาก็ส่งตะกร้าที่ใส่ยากลับไปด้านหลังเพื่อให้เจ้าหน้าที่เปลี่ยนฉลากยาให้ใหม่ ผมไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมเขาใช้ภาษาอังกฤษเลย เขาคงคิดว่าคริสโตเฟอร์พูดไทยไม่ได้แน่ๆ เพราะชื่อมันบ่งบอกว่าต่างชาติล้วนๆ



“ได้แล้วค่ะ ยาของคุณคริสโตเฟอร์นะคะ มียาแก้ปวด ทานเวลาปวด ทุกสี่ถึงหกชั่วโมง บร้าๆๆ” ผมก็ยืนฟังให้เขา และรับถุงยามาถือไว้ คุณเภสัชกรยังคงมองผมสองคนและยิ้มให้



“น่ารักดีนะคะ” มีชมผมสองคนด้วย ผมเดินออกมาก็หาพวกโป้ง ปันปันและอาร์ทและโจ ยืนอยู่

“ถ้าอย่างนั้นผมสองคนกลับบ้านกันเลยนะครับครู ส่วนครู ไอ้โป้งมันเอารถมันมา เดี๋ยวมันไปส่งครูเองครับ” อาร์ทบอกผม ผมพยักหน้าว่าได้ อาร์ทและโจก็แยกย้ายกันที่ด้านหน้าโรงพยาบาลทันที ผมก็เข้าไปนั่งด้านหลังกับคริสโตเฟอร์ ผมเห็นสีหน้าเขาเริ่มจะปวดแขนแน่ๆ เลย



“ไหวไหมคริส” ผมถามคริสโตเฟอร์ คริสพยักหน้าบอกผม โป้งก็ออกรถจากโรงพยาบาล



“พี่ว่าเราซื้อข้าวต้มแถวนี้ไปทานกันดีกว่าคริสเพราะว่ากว่าพี่จะทำให้เราทานนะ และไหนเราจะต้องทานยาแก้ปวดอีกละ “ผมบอกคริสโตเฟอร์



“แถวนี้มีร้านขายข้าวต้มด้วยครับครู ผมกับโป้งออกมาทานด้วยกันบ่อย เนอะโป้งจัง” ปันปันพูด



“บอกว่าอย่าเรียกโป้งจังไง มันดูคิกขุ” โป้งรีบเอ็ดปันปันแต่เขาก็ไม่ได้โกรธอะไร ผมหันมามองคริสโตเฟอร์ คริสก็พยักหน้าว่าได้ และโป้งก็นำรถเข้าไปจดด้านหน้าตลอด ผมเองก็นั่งรอในรถ ส่วนคริสโตเฟอร์ก็นั่งเอาหัวผิงหัวไหล่ผม



“โป้งเอาเงินครูไปนะโป้ง และเราสองคนจะทานอะไรซื้อมาได้เลยนะ ครูเลี้ยงที่เราชนะวันนี้” ผมพูดบอกโป้งและปันปัน ผมยื่นธนบัตรใบละห้าร้อยให้ไป



“ของครูกับคริสเอาข้าวต้มปลาแล้วกันไม่ใส่ขิง ไม่ใส่ผักชี ไม่ใส่พริกไทย” ผมพูดและหันไปมองคริสโตเฟอร์ ผมว่าเขากึคงไม่ใส่เหมือนตอนสั่งโจ๊กนั่นแหละ



“ได้ครับครู “โป้งพูดและปันปันก็เดินลงจากรถไป เหลือแค่ผมกับคริสโตเฟอร์



“คริสโทรหาแม่ด้วยนะแม่เป็นห่วงนายมาก” ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์



“ครับพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูดและนายคริสโตเฟอร์ก็หยิบมือถือออกมาด้วยแขนข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าเขากลับทำหล่นลงไปที่พื้นในรถของโป้ง



“พี่เขมมือถือหล่นอ่ะ” คริสโตเฟอร์หันมาบอกผม ผมก็พยักหน้าว่าใช่ และมันก็หล่นตกลงไปด้านข้างของคริสโตเฟอร์



“เดี๋ยวพี่เก็บให้” ผมพูดและโน้มตัวลงไปเก็บ ตอนเก็บนะผมไม่ได้คิดอะไรหรอก เพราะว่ามันต้องผ่านตรงเป้ากางเกงนายคริสไปก่อน



“อืมมม อ้าห์ อู้ยย เสียวอ่ะพี่เขม ดูดแรงๆ หน่อย” เสียงกระเซ่ามันมาได้ยังไง ผมเงยหน้าหน้ามอง ทำหน้าเหมือนผมกำลังโม๊คอันนั้นอยู่



“โอ๊ยย!!!” เสียงร้องดังลั่นรถเพราะว่าผมหยิกเขาเข้าให้ที่พุง



“นายนี่มันทะลึงจริงๆ ตอนนายล้มไม่น่าจะเอาไหล่ลงหรอกนะ น่าจะเอาเจ้าโลกของนายนะหัวปักลงไปแทน” ผมพูดและส่งมือถือคืนให้คริสโตเฟอร์



“หักไปไม่เสียดายแย่เหรอพี่เขม” ยังหันมาทำหน้าหื่นใส่ผม (แอบคิดเสียดายซิ ฮาๆ) และนายคริสโตเฟอร์ก็ไล่กดเบอร์หาแม่ของเขา



“ฮัลโหลมัม ผมโอเคครับมัม พี่เขมอยู่นี้ คืนนี้จะไปนอนบ้านพักกับพี่เขม ก็หมอให้คล้องผ้าไว้ก่อนสักสองสามวันนะมัม พี่เขมไงมัม (@#%) “คริสโตเฟอร์คุยโทรศัพท์กับแม่ของเขา พอบอกพี่เขมไง นี้หันไปกระซิบกระซาบอะไรอีก



“โอเคมัม ไอเลิฟยูมัม บาย” คริสโตเฟอร์พูดกับแม่เขาจนวางสายไป และหันมามองหน้าผมยิ้มๆ



“แม่ถามอะไรนายถึงยิ้มแบบนี้”



“แม่ถามว่าเวลาอาบน้ำจะทำยังไง ผมก็บอกว่าพี่เขมไง เดี๋ยวพี่เขมจะจับผมแก้ผ้าอาบน้ำให้” คริสโตเฟอร์พูด ผมก็ต้องมือขึ้นกุมขมับ แต่ก็ต้องแอบขำไปด้วย สภาพแบบนี้ผมคงต้องเป็นคุณพ่อจับลูกคริสอาบน้ำด้วยซินะ และโป้งก็เดินกลับมาที่รถ คริสก็เอาหัวพิงหัวไหล่ผมและใช้มืออีกข้างกดมือถือเล่นไปด้วย ผมสังเกตเห็นโป้งเหลือบมองผมสองคนจากกระจกมองหลังและโป้งก็ขับมาส่งผมสองคนที่บ้านพัก



“ขอบใจนะโป้ง” ผมพูดขอบใจโป้ง



“ไม่เป็นไรครับครู “โป้งพูด



“ครูเขมครับ ขอบคุณนะครับที่เตือนสติผม ตอนที่ผมจะเดินไปต่อยไอ้คนที่ทำให้คริสมันเจ็บนะครับครู” โป้งพูดขึ้น ผมหันไปมองโป้ง



“ดีแล้วแหละที่นายยับยั้งชั่งใจได้ เพราะว่าการใช้กำลังไม่ได้ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ครูชอบการเล่นบาสเกตบอลของเรานะ ครูอยากสนับสนุนให้เราไปทางนี้แบบสายอาชีพเลยโป้ง ถ้ามีอะไรให้ครูช่วย ครูยินดี” ผมพูดบอกโป้ง



“ขอบคุณครับครู “โป้งพูดก่อนจะเดินกลับเข้าไปในรถ และปันปันก็ยกมือไหว้ผม ผมหันมามองคริสโตเฟอร์ที่ยืนยิ้มกริ่มให้ผม



“ผมดีใจอ่ะพี่เขม ที่โป้งมันเปิดใจยอมรับผมกับพี่เขม ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว” คริสโตเฟอร์พูด ผมก็พยักหน้าว่าดีใจเหมือนกัน และผมก็พาพ่อตัวดีของผมขึ้นบ้าน และพาไปป้อนข้าวป้อนน้ำ พาอาบน้ำ แต่งตัวแต่ไม่ต้องทาแป้งเหมือนหลานเอิร์ธผม และพากันนอน นอนอย่างเดียวไม่ได้ทำอะไรจริงๆ คงเพราะว่ายาแก้ปวดทำให้คริสโตเฟอร์ผล่อยหลับไปในไม่กี่สิบนาที ช่วงนี้ผมคงต้องทำหน้าที่คุณพ่อดูแลลูกคริสไปหลายวันเลย

----------------------------------------------------------

ขอบคุณกำลังใจจากคนอ่านด้วยนะคะ xoxo

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ อาร์ทVS โจ เซอไพรส์วันเกิดอาร์ท 1
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 25-08-2020 13:00:54
พิเศษ อาร์ทVS โจ เซอไพรส์วันเกิดอาร์ท 1
      
      โจ วันนี้เป็นวันเกิดของอาร์ท ผมอยากมีเซอไพรส์ให้กับอาร์ทบ้างแต่คิดให้ตายก็คิดไม่ออกจนผมไปอ่านนิยายวายเรื่องหนึ่ง ผมก็เห็นไอเดียพระเอกพยายามทำเค้กเซอไพรส์ให้กับนายเองทั้งที่ตัวเองทำไม่เป็นผมเองก็เช่นกันไม่เคยทำกินแทบจะไม่เคยกินเลยด้วยซ้ำไม่ค่อยชอบกินเค้กเท่าไหร่แล้วอย่างนี้โจจะรอดไหม ไม่ต้องถามเลยว่าในเค้กเขาใส่อะไรลงไปบ้าง รู้แค่ว่าไข่กับแป้งแหละครับ ฮาๆ

"อาร์ท ...กลับบ้านก่อนนะ" ผมรีบหันไปบอกอาร์ท

"ไม่รอไปพร้อมกันละ" ไอ้อาร์ทมันหันมาถามผมด้วยสีหน้าที่เหมือนผมมีพิรุธ

"อาร์ท..เดี๋ยวเย็นนี้โจก็มาแล้วไม่ต้องไปที่บ้านหรอกอยู่กับแม่ปิ่นบ้าง" ผมพูดอาร์ทยืนขมวดคิ้วมองผมทำท่าสงสัย

"มีอะไร" น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นโหมดโหดทันที ทำตาขวางใส่ผมด้วย โหมดหึงนี้เอาเรื่องเหมือนกันนะ

"ไม่มีอะไรแค่ไม่อยากแย่งความรักคนในครอบครัวนะอยู่กับแม่ปิ่นบ้าง" ผมพูดบอกมันไป ต้องเก็บอาการที่สุด

"ต้องมีอะไรแน่ๆ " อาร์ทยังอีก

"ก็บอกไม่มีไง! " ผมพูด ตาก็เหลือบมองไปเห็นนาฬิกาบอกเวลา ..แย่แล้วแม่จี้ดรอแน่ๆ ตอนนี้มันจะเลยเวลานัดเพื่อนของแม่ให้ช่วยสอนผมทำเค้กให้หน่อยและยังเป็นเค้กก้อนแรกในชีวิตของโจด้วย

"ไม่เอาอะไปด้วยซ้อนใครไว้ที่บ้านแน่ๆ เลย" ดูมันคิดได้ยังไง ถ้ากูจะซ้อนกูจะซ้อนในบ้านให้พ่อกับแม่กูเห็นเหรอมึง!!!

"จะซ้อนใครไว้จะบ้าเหรอ..ถ้าซ้อนพ่อกับแม่ก็รู้อะดิ"ผมพูด

"ถ้าอย่างนั้นก็ไปซ้อนที่อื่นอะดิ" ไอ้อาร์ทตัวพ่อ ตัวพ่อทุกอย่างงี่เง่าก็ตัวพ่อ ผมสะบัดหน้าหันไปมอง

"ไม่มีที่ไหนทั้งนั้นแหละอาร์ท" ผมพูดทำตาแข็งเข้าไว้ต้องไม่เลิกลักเดี๋ยวมันจับได้

"ทำไมไม่ให้ไปบ้านละวันนี้ทั้งที่เราคุยกันแล้วว่าจะไปทุกวันเสาร์อาทิตย์ไง" โหมดหน้าโหดมาทันทีเลยอาร์ท ผมก็ยืนแนบติดกำแพงห้องทันทีเอาไงดีวะ

"คือวันนี้มีนัดไปบ้านเพื่อนแม่นะ" นั้นไงคำสารภาพเริ่มมาทีละนิด นี้ใช้ไหมที่เขาเรียกว่า โกหกไม่เนียนไปเรียนมาใหม่ โจเอ๊ย!

"ว่าไง! " นั้นเสียงดังอีก มันยังคงตะคอกขู่ผมฟู่ๆ เลยครับ

"แม่ชวนไปเป็นเพื่อน" ผมพูดจริงเพราะว่าผมจะไปเรียนทำขนมเค้กแบบฉบับเร่งด่วนที่บ้านเพื่อนของแม่และเขาก็เป็นครูสอนทำขนมเค้กเขาเปิดโรงเรียนสอนทำเบเกอรี่ด้วย

"เห็นเหมือนแอบคุยแชทกับใครตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ" นั้น ผมตาโต แอบขนาดนี้มึงยังเห็นอีกเหรออาร์ท

"และท่าที่มีลับลมคมในตั้งแต่เมื่อวาน จู่ๆ ก็หายออกไปปล่อยให้กูซ้อมกับไอ้โป้ง ปันปันและไอ้คริส แต่มึงหาย! " นั้นไง กูมาเลยเต็มๆ แปลว่าโกรธและนี่มันจะอัดผมให้แทรกตัวเข้าไปฝั่งอยู่ในกำแพงห้องมันเลยหรือไง

"ไม่มีอะไรอาร์ท"

"โจต้องรีบไปแล้วแม่รอ" ผมบอกอาร์ท

"ก๊อกๆ " เสียงเคาะประตูห้องนอนอาร์ทโดยไอซ์

"พี่อาร์ทพ่อบอกว่าให้สอนทำการบ้านหน่อย" แทรงก๊อซ!! ที่เข้ามาช่วยโจให้รอดพ้นจากการถูกตามล่าหาความจริง

"พรุ่งนี้ได้ไหมพี่จะไป.." ไอ้อาร์ทมันพูด ทำให้ผมถลึงตามองไอ้อาร์ท มันจะไปไหน อย่าบอกนะว่าไปกับผมนะครับ

"ไม่ได้พ่อบอกให้สอนทำการบ้านให้วันนี้และตอนนี้ “น้องไอ้อาร์ทยืนยันให้มันสอนการบ้านให้ได้ ไอ้อาร์ทหันมามองหน้าผม กูไม่ได้ทำอะไรครับไอ้อาร์ทครับ

"ก็ได้! " อาร์ทพูดและเดินออก ผมถอนหายใจอย่างแรงดีนะที่ไอซ์มันมช่วยเอาไว้ทันผมนะขอให้แม่ปิ่นช่วยให้ไอ้อาร์ทมันอยู่บ้านวันนี้ก่อน ไม่อย่างนั้นผมจะทำได้ยังไงละเค้กวันเกิดมันได้ยังไงละครับ ผมหันไปยิ้มให้ไอซ์และรีบหยิบกระเป๋าเป้และรีบเดินลงจากบ้านทันทีโดยที่อาร์ทนะแยกไปห้องของไอซ์เพื่อไปสอนการบ้าน

"โจ..เป็นไงลูก"

"เกือบไปแล้วแม่ปิ่นอาร์ทมันงอนโจด้วย"

"ตายแล้วลูกคนนี้..และเดี๋ยวคงหายงอนนะลูก"

"ครับผมรีบไปก่อนนะครับแม่ปิ่น...แม่จี้ดรอผมอยู่ครับ"

"ขับรถดีดีนะโจระวังละลูก"

"ครับแม่ปิ่น" ผมรีบออกมาสตาร์ทรถทันที ผมก็รีบขับมารับแม่จี้ดก่อน เพราะว่ามันเลยเวลานัดมาครึ้งชั่วโมงได้แล้วนะซิ ผมตั้งใจจะทำเค้กช๊อกหน้านิ่มรูปหัวใจวันก่อนที่หายไปก็ไปซื้ออุปกรณ์ทำเค้กนี้แหละ ผมขับรถมาถึงบ้านแม่ก็รีบเดินออกมาทันที

"ทำไมมาช้าจังละโจ"

"โธ่แม่ก็ไอ้ลูกเขยแม่นะซิมันหาว่าโจมีพิรุจซ้อนผู้ชายอื่นไว้นะซิ" ผมพูดทำแก้มป่อง มันหาว่าลูกแม่มีชู้นี่มันดูละครหลังข่าวมากไปไหม และมันก็ต้องงอนเหมือนนางเอกใช่ไหม และโจก็ต้องนั่งร้องไห้เพราะพระเอกเข้าใจผิดใช่ไหม เอ๊ะ!นี่มันผมแล้วมั้งครับที่ดูละครหลังข่าว

"คิก คิก คิก อาร์ทหึงนะซิ นั้นแปลกว่าเขารักเรามาก" แม่จี้ดหันมาพูดและขำผมด้วยนะ แม่นะแม่ขำตรงไหน ต้องให้แม่ไปเห็นหน้าโหดๆ ของมันเหมือนผมซะหน่อยมั้ง

แต่ตอนนี้ผมนี้เริ่มใจไม่ดีเลยกลัวมันงอนยาว เค้กรูปหัวใจ สำหรับวันเกิดของมัน คงได้หย่อนลงถังขยะไม่ได้กินแน่ๆ และไอ้เจ้าของวันเกิดมันโกรธจนบอกเลิกผมด้วยอีก

ตอนนี้ผมขับรถมาที่บ้านเพื่อนแม่ของผม เขาเป็นครูสอนทำขนมเค้กด้วย ผมบีบแตรอยู่หน้า
บ้านสักพัก ก็มีเด็กผู้หญิงวิ่งออกมาตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ ผมว่าหน้าตาคุ้นนะเหมือนน้องกี้ ดัมเมเยอร์ประจำโรงเรียนของผม (ซวยอะไรขนาดนี้วะโจ ผมแอบคิดในใจ)

"สวัสดีคะน้าจี้ดแม่รออยู่ด้านในห้องครัวแล้วค่ะ" น้องกี้พูดและก็มองมาที่ผม สายตานี้เชื้อเชิญมาก ดูท่าจะไม่ได้เชิญแค่เข้าไปในบ้านแล้วมั้งครับ แต่โจขนลุกขนพองทั้งตัว กลัว!!

"สวัสดีค่ะพี่โจ แม้กี้ก็นึกว่าหนุ่มที่ไหนมาเรียนทำขนมเค้ก"

"ครับสวัสดีครับน้องกี้"

"อ้อลืมไปเรียนโรงเรียนเดียวกันนิใช่มั้ยลูก" แม่ผมถามผมพยักหน้าว่าใช่ ผมก็รีบเดินตามแม่เข้าบ้านไปทันที น้องกี้ใครก็รู้ว่าสาวสวย สวยและไฟแรงเวอร์ คือว่าเธอชอบจีบผู้ชายมากกว่าให้ผู้ชายจีบเธอแต่ผมยังคงคิดว่าผู้ชายนะควรจะจีบผู้หญิงก่อนนะครับ

ตอนนี้โจเดินตามหลังแม่ต้อยๆ กลัวชะนีครับแม่ น้องกี้นี้ก็คอยชำเลืองมองผมด้วยสายตาที่แทะโลมผมไปด้วย น้องเขาพาผมเข้ามาในครัว แม่ของน้องเขายืนรอผมอยู่แล้ว พร้อมอุปกรณ์การเรียนทำเค้ก

"สวัสดีครับ"ผมยกมือไหว้ผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของผม เธอดูเธอเป็นคนเรียบร้อยผิดกับกี้มาก
กี้เป็นผู้หญิงมั่นใจในตัวเองสูง เธอเคยเขียนจดหมายมาจีบผมตั้งแต่เธอเข้ามาเรียนม.2แล้ว เธอย้ายมาจากโรงเรียนอื่นปีที่แล้ว แต่ผมก็ไม่ได้สนใจผมบอกผมมีแฟนแล้วก็ตอนนั้นมีแฟนแล้วจริงๆ นิ

"เอาละเรามาเริ่มกันเลยนะ น้าเตรียมอุปกรณ์ไว้หมดแล้วเดี๋ยวเรามารู้จักกันเลย ว่าอะไรเป็นอะไร นี้จะทำให้แฟนเหรอจ๊า"

"พี่โจมีแฟนแล้วเหรอคะ กี้ไม่หยักกะรู้" เธอพูดพร้อมสายตาที่จับจ้องมองมาที่ผม

"มีแล้วจ๊าหนูกี้" แม่ผมรีบตอบให้ทันควันเพราะว่าสายตาเธอกำลังชอนไชผม แม้จะไม่แสดงอาการมากมายแต่ก็ทำให้ผมขนลุกซู่ขึ้นมาทันทีด้วยความกลัวผมหันไปมองหน้าแม่ (แม่ลูกกลัว!!) ทำปากสั่นๆ ด้วย

"มาเรามาเริ่มทำกันดีกว่าโจ..นั้นผ้ากันเปื้อนนะและ นี้ก็คือแป้งเค้ก แป้งอเนกประสงค์ ผงฟู เบคกิ้งโซดา บร้าๆ " ผมก็ยืนฟังและก็ตักตวงตามที่เพื่อนของแม่บอกทุกประการโดยมีสายตาน้องกี้ยืนเอามือเท้าคางมองผม ผมก็มือไม้สั่นไม่ได้เขินกลัวครับ

"กี้ไปทำอย่างอื่นก่อนซิลูกแม่จะสอนพี่เขาทำเค้ก เรานิมากวนสมาธิพี่เขาอยู่ได้" เพื่อนของแม่ทำน้ำเสียงดุใส่กี้ทันที

"ก็พี่เขาหล่อนี้ค่ะ..พี่โจนะหล่ออันดับต้นๆ ของโรงเรียนเลยนะ และยังเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลด้วยค่ะแม่..แต่ว่ามีแฟนแล้วอยากรู้จังว่าใครคือแฟนพี่โจ..กี้อยากรู้ว่าสวยกว่ากี้ไหม" น้องกี้พูด ผมยอมรับเธอสวยเลือกได้ ผิวขาวเหมือนหยวกกล้วยหุ่นก็ดีแต่ไม่ใช่สเปกผมเลยสักนิด

ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาทำเค้กต่อไประหว่างที่เรียนรู้แม่จี้ดก็คอยบันทึกวิดีโอให้ด้วย ผมยืนรอเค้กที่
อยู่ในเตาอบด้วยจิตใจจดจ่อ ตื่นเต้นแถมตอนนี้แป้งนี้คลุ้งไปหมดไม่รู้ว่านี้สงครามแป้งหรือว่าอะไรขาวโพนไปทั้งโต๊ะเลยผม อายเพื่อนแม่จริงๆ เลยผม

"พี่โจ..ทำให้พี่อาร์ทเหรอคะ" เสียงถามผมดังมาจากทางด้านหลัง

"กี้รู้นะว่าพี่กับพี่อาร์ทนะแอบทำอะไรกันทำไมผู้ชายหน้าตาดี ถึงได้ไปเป็นเกย์กันหมดนะ" น้องกี้ถามผม

"แต่เมื่อก่อนพี่ก็มีแฟนเป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอคะ"

"พี่ไม่ตอบคำถามกี้เลยละคะ"

"พี่ไม่จำเป็นต้องตอบมั้งครับกี้" ผมพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ

"กี้นะชอบพี่โจนะ...ชอบมองพี่โจตอนที่ลงสนามบาสมากเลยนะรู้ไหมคะ"

"ผู้หญิงสวยๆ อย่างกี้นะไม่ได้จะมีใครให้กี่ชอบง่ายๆ นะ" กี้พูดและมือไม้ก็ไต่มาที่แขนผม จนผมต้องจับมือกี้ให้หยุดจังหวะที่แม่ผมเดินมากับแม่ของกี้พอดีเลย

"หมับ" แม่ผมรีบจับมือกี้

"อย่าทำแบบนี้นะคะหนูกี้ เป็นสาวเป็นนางมันไม่งามรู้ไหมคะ..หนูกี้ " แม่รีบเข้ามาจับมือเธอไว้ก่อนจะไต่ไปถึงไหนไหนของผม ผมนี้แสนจะดีใจจริงๆ ผมรีบยืนแอบหลังแม่จี้ด (แม่จ๊าช่วยลูกด้วย) ส่วนสายตาแม่ของกี้ก็แอบมองเธอด้วยความไม่พอใจ ผมยืนคิดในใจว่าทำไมแม่ลูกถึงได้ต่างกันขนาดนี้นะ

"กี้ไปนั่งดูหนังไป..พ่อเธออยู่บ้านนะกี้" แม่ของเธอออกคำสั่ง

"หรือว่าอยากให้พ่อเธอรู้นิสัยจริงๆ ของเธอละ...กี้"เพื่อนของแม่พูดแต่แม่ผมแตะแขนห้ามไว้ซะก่อน กี้มองผู้หญิงที่เรียกได้ว่าแม่ตาเขม้งเลย

"ไปซิกี้! " แม่ของกี้บอกให้ลูกสาวเขาเดินไปทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่มายืนมองผมเหมือนทำท่าจะกินผมเป็นขนมหวานแบบนี้ น้องเขามองจ้องผมซะผู้ชายอย่างผมนี้กลัวจนขนแขนลุกชันขึ้นมาทันที ผมเงยหน้าขึ้นมายิ้มๆ ให้แม่ของเธอ เขาก็ยิ้มแหยๆ ตอบผมกลับมาเช่นกัน พร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อยให้กับน้องกี้แน่นอน

"ค่ะ! " เสียงสะบัดตอบของเธอพร้อมกับเดินสะบัดสะบิ้งออกไปทันทีเช่นกัน สายตาแม่จี้ดและเพื่อนของแม่มองตามไปด้วยความเอื่อมระอา

"นี้ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกสามีฉันนะแม่จี้ด…..ฉันคงไม่ทนหรอก" ผมเข้าใจแล้วไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ นี้เอง ถึงได้แตกต่างกันราวกับหน้ามือและหลังเท้า (ไอ้ครั้นโจจะใช้คำว่าหลังตีนมันก็ไม่สุภาพ)

"เอานะยังเด็กนัก..แต่ลูกชายฉันนี้มีเจ้าของแล้ว" แม่กระซิบกับเพื่อนของแม่ เขาก็มองผมยิ้ม

"ดูท่าจะรักแฟนมากนะดูซินั้นนะบรรจงแต่งหน้าเค้กออกมาซะหวานได้ขนาดนั้นะเธอ" เพื่อนของแม่ชมผมกับแม่จี้ดด้วย

"หน้าตาดีไปนะคะคุณลูก" แม่แซวผมอีกนะ ผมอยากบอกว่าไม่ได้อยากได้นางเลยจริงๆ

"แต่ลูกเขยหน้าตาดีกว่า..ได้ลูกเขยหล่อแม่ปลื้ม!! "

"ตกลงนี้ลูกเธอไปเป็นลูกสะใภ้เขารึ..คิก คิก คิก " เพื่อนของแม่ผมหัวเราะกับแม่ผมสองคน แม่นี้ช่างภูมิใจในตัวผมน่าดูนะแม่นะ สนับสนุนให้ลูกชายมีสามี
--------------------------------------------------------------------------------------------------
ARTY ผมนั่งสอนการบ้านไอซ์ใจก็คิดนะมันมีอะไรที่แอบผมอยู่แน่ๆ เลย ผมนั่งมองไอซ์กำลังทำการบ้านคณิตศาสตร์อยู่ มือก็กดดูแอปพลิเคชั่นที่ใช้คุยกันแต่ทว่าโจไม่ตอบผมเลยน่าไหมเนี๊ยะไปอยู่ไหน

"ไอซ์"

"ไปหยิบโทรศัพท์ให้พี่หน่อยดิไอซ์" ผมบอกไอซ์ ไอซ์มันมองหน้าผมก่อนจะวิ่งไปหยิบโทรศัพท์บ้านมาให้ผม ผมก็กดโทรศัพท์บ้านไปที่เบอร์บ้านโจ้ทันที

"ฮัลโล" เสียงพ่อธร

"พ่อธรครับนี้อาร์ทนะครับ"

"ว่าไงไอ้ลูกเขย"

"ขอสายโจครับ"

"อ้าวแล้วโจไม่ได้อยู่บ้านเราเหรอ"

"โจกลับไปบ้านตั้งแต่เช้าแล้วครับพ่อ"

"ไม่นะไม่อยู่นิ"

"โจบอกไปหาแม่จี้ดนะครับ"

"แม่จี้ดเขาไปบ้านเพื่อนแต่พ่อไม่เห็นโจนะ"

"เหรอครับขอบคุณครับพ่อ"

"หรือว่าไปด้วยกันพ่ออาจจะไม่เห็นเพราะว่าพ่อทำสวนอยู่หลังบ้านนะลูก"

"ให้พ่อโทรตามให้ไหมพ่อลูกเขย" อากำธรพูด

"ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมโทรหาโจเองขอบคุณครับพ่อ"

"ได้ไอ้ลูกเขยของพ่อ..คืนนี้อย่ารังแกลูกพ่อหนักนักละไอ้ลูกเขย..ถนอมลูกพ่อหน่อยนะลูกอาร์ท" พ่อธรพูดให้ผมถนอมมันเหรอ มันทำผม หึงครับพ่อตา) )) )

" O _? " ผมก็รีบกดวางสายและกดหาโจ้ทันที แต่ก็ไม่ยอมรับสายเลยไปไหนของเขานะ ไอซ์ก็มองหน้าผม

"อาร์ท.."แม่ปิ่นเรียกผม

"อาร์ทออกไปซื้อของให้แม่หน่อยซิลูก” แม่ปิ่นบอกผมให้ไปซื้อของ ผมก็พยักหน้า

“พ่อกับแม่และไอซ์จะค้างกันที่ไร่นะอาร์ท ส่วนเราก็ตามสบายนะลูกนะ พ่อกับแม่ เปิดโอกาสให้สวีทกันตามสบายนะลูกนะ " แม่ปิ่นพูด ผมก็หันไปเหล่มอง อะไรของแม่ครับ

“วันนี้โจคงมีเซอไพรส์ให้ลูกชายแม่แน่ๆ “แม่ปิ่นพูดและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้ผม เซอไพรส์อะไร ทำตัวลึกลับกับผมมาทั้งวันนี้นะ เซอไพรส์

"คืนนี้ก็ตามสบายนะลูกแม่กับพ่อและไอซ์ไม่อยู่ขัดขวาง" แม่ปิ่นพูดแสดงว่าจริงอย่างที่ไอซ์มันพูดว่าแม่กับพ่อจะไปสวีทกันที่อื่น

"คิดว่าคงมีมั้งแม่ เซอไพรส์นะ! " ผมตอบไปด้วยน้ำเสียงนอยด์ๆ ก่อนจะเดินไปหยิบกระดาษที่แม่เขียนรายละเอียดไว้ ผมเดินไปหยิบวีโก้สีดำของพ่อขับออกไปที่ตลาด ระหว่างทางก็พยายามโทรหาโจแต่ก็ไม่รับสายอยู่ดี ผมแวะซื้อตามที่แม่สั่งเป็นพวกอาหารที่แม่จะเอาไปทำทานกัน พ่อกับแม่ผมบ้านพักตากอากาศและมีไร่องุ่นเพื่อทำไวน์ แต่ของกินเยอะแบบนี้คงไม่ใช่แค่พ่อแม่และไอ้ไอซ์แล้วมั้ง ผมขับไปเรื่อยๆ จนถึงร้านขายของในซูเปอร์แห่งหนึ่ง

"พี่อาร์ท" ผมหันมาเจอน้องกี้ สาวสวยดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งของโรงเรียน

"ว่าไงครับน้องกี้มาซื้อของเหรอครับ"ผมทักน้องกี้ไปตามมารยาท ผมรู้ว่ากี้เคยเขียนจดหมายมาจีบโจด้วย เลยต้องเก็บอาหารหึงครับ วันนี้ผมทำไมมีแต่เรื่องหึงวะ

"ค่ะมาซื้อของ...พอดีว่ามีหนุ่มมาทำเค้กที่บ้านของกี้นะคะ" น้องกี้บอกผม ผมหันไปมองมีหนุ่มมาทำเค้กให้ทานเหรอ ชิส์

"ไม่แปลกใจหรอกครับ น้องกี้สวยจะตายไป"

"เอ๊ะถ้าพี่รู้ว่าใครอาจจะแปลกใจก็ได้นะ" กี้พูดบอกผม

"ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ตามมาทำเค้กวันเกิดให้ถึงบ้านเลยอะ..และคืนนี้คงได้...ฉลองวันเกิดด้วยกันสองคน " น้องกี้พูด ผมพยักหน้าไปแบบนั้น

"แฟนคนใหม่เหรอไม่ซิมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วงั้นเหรอครับ" ผมกลั้นใจถามที่จริงเมื่อไหร่ของที่สั่งจะได้หว่าจะได้ไปรำคาญนางเวิ้นเวอร์เยอะเกิน

"น่าจะใช้เพราะว่าเขาแต่งหน้าเค้กหวานมากเหมือนกำลังขอความรักเลยอะพี่อาร์ท...มีช๊อกโกแลตรูปหัวใจเคลือบแดงหวานแหว๋วมากค่ะพี่อาร์ท! " ผมก็ยืนชะเง้อมองอาแป๊ะหาของนานจังว่ะวันนี้ รำคาญชะนีแปะ แอบคิดในใจ

"พี่อาร์ทว่ากี้สวยมากไหมคะ" กี้ถามผม

"แน่นอนครับดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งของโรงเรียน" (นึกในใจสวยแต่ไร้สมองกูก็ไม่เอามาทำแม่ของลูกหรอกว่ะเฮ้ย!)

"สวยค่ะสวยมาก..สวยไม่บันยะบันยังเลยค่ะ..สวยไม่เพื่อแผ่ใครเลยค่ะ ซวยอยู่คนเดียว เฮ้ย สวยอยู่คนเดียวเลยน่ะ " ผมพูดเธอหุบยิ้มทันทีเธอรู้ดีว่าผมประชด

"กี้ก็คิดว่ากี้สวยค่ะ.....พี่โจนะเขาก็ชมว่ากี้สวย น่ารัก และอยากได้กี่เป็นภรรยา เป็นแม่ของลูกด้วยนะคะ" ผมสะบัดหน้าไปมองน้องกี้

"อ้าวพี่โจไม่ได้บอกพี่อาร์ทเหรอคะ..นี้กี้ออกมาซื้อของเพิ่มพอดีมันไม่พอนะคะ..พี่โจว่าจะออกมาด้วยแต่กี้เห็นพี่โจขมักเขมั้นในการทำเค้กให้กี้ และกี้ออกมาซื้อของให้เองจะดีกว่า แฟนกันเนอะ ทำให้กันได้" น้องกี้พูดอย่างบอกนะว่าท่าที่ที่มีพิรุจนี้คือมาทำเค้กให้สาวเหรอ และเป็นน้องกี้อีกต่างหาก ปากก็บอกไม่ชอบที่ไหนได้แอบมา...โว้ยยยย!!! ก็น้องกี้อะไรเคยเขียนจดหมายบอกว่าชอบโจตั้งแต่ปีที่แล้ว ควันเริ่มออกหู

"ได้แล้วไอ้หนุ่ม" ของที่ผมสั่งได้พอดีเลยผมก็ไม่ตอบอะไรทั้งนั้นเดินถือกล่องที่อาแป๊ะเจ้าของร้านส่งมาให้ผม ผมเห็นกี้แสยะยิ้มก่อนจะหันไปรับของที่เธอสั่งบ้าง แต่ก่อนที่ผมจะเดินออกไป ผมควรจะไทิ้งระเบิดไว้สักลูกสองลูกจะดีกว่า

"อาแป๊ะ..น้องเขาอยากได้อย่าหยุดมโนอะแป๊ะมีไหมน้องเขาถามอยู่" ผมถามอาแป๊ะเจ้าของร้านและกี้สะบัดหน้ามองผมทันที

"มีแต่อีโนวะมันใช่ตัวเดียวกันไหมว่ะ" อาแป๊ะหันมาถามผมแทน

"อีหนูตกลงจะเอายาอะไรลูก อีโน หรือหยุดมโนลูก" อาแป๊ะเลยหันไปถามพร้อมกับมองหน้าผมและกี้ แต่ผมชี้ไปที่น้องกี่ ให้อาแป๊ะว่าถามเขาเอาเถอะ

"ไม่เอาอะไรทั้งนั้นแหละแป๊ะ! ...รีบคิดเงินซิ! ..จะรีบกลับแฟนรออยู่! " เสียงแสดงถึงอาการไม่พอใจและผมก็รีบเดินออกจากร้านอย่างรวดเร็ว อาแป๊ะก็ยืนเก้าหัว ผมก็ยักไหล่ไม่รู้ก่อนจะเดินออกไปทันทีเช่นกัน

ผมเดินมานั่งบนรถไม่ได้ต้องเห็นด้วยตาตัวเองซิถึงจะถูก ผมขับรถตามกี้ทันที เธอขับรถที่บ้านออกมาเด็กยังไม่สิบห้าขับรถเก๋งพ่อแม่มาซื้อของแล้วอะแรงไหมล่ะ ผมขับตามไปช้าๆ ไม่เร็วมากจนกระทั่งถึงหน้าบ้านของเธอสิ่งที่ผมเห็นคือรถของโจที่ขับไปบ้านผมเพื่อวานจอดอยู่จริงด้วย กี้เอารถเข้าไปจอดในบ้าน ผมยืนมองจากรั่วบ้าน ผมเห็นกี้เดินเข้าไปในบ้านและสักพักโจเดินตามออกมาจริงๆ ด้วยสวมชุดผ้ากันเปื้อนออกมาและมาช่วยกี้ถือของเข้าบ้านด้วย

"แค่นี้ทำไมไม่บอกความจริงวะ" ผมพูดกับตัวเอง

"ว้ายพี่โจค่ะ" ผมได้ยินเสียงร้องเธอเดินสะดุดและโจก็เข้ามารับ

"ขอบคุณะนะคะ" ผมรีบหันหลังเดินออกกลับบ้านไม่อยู่บ้านแล้วไปกับพ่อแม่ดีกว่า ว่าจะอยู่ด้วยกันวันเสาร์อาทิตย์ ไม่เอาแล้วไปอยู่ที่ไร่กับพ่อแม่ดีกว่า

"ไอซ์แพ็คกระเป๋าหรือยังลูก" แม่กำลังถามไอซ์อยู่

"แม่อาร์ทไปด้วยนะ เบื่อไม่อยากอยู่บ้าน" ผมบอกแม่และรีบจะเดินขึ้นบ้านทันที โมโห!!!

"อ้าวทำไมไม่อยู่กับโจ ก็วันนี้มันวัน….."แม่รีบถามผมหันมามองหน้าแม่ผมว่าวันอะไรเหรอแม่

“วันพิเศษ….เอ้ย วันที่เราสองคนสวีทกันไม่ใช่เหรอ” แม่ปิ่นพูดบอกผม ใช่ครับ วันเสาร์อาทิตย์คือวันของผมกับโจ จะพยายามไม่ไปไหนจะอยู่ด้วยกันและครอบครัว

"ไม่เอาอะแม่อาร์ทไปนะอาร์ทไปแพ๊คกระเป๋าก่อน" ผมพูดก่อนจะเดินขั้นบ้านไปทันทีเสื้อผ้าสองสามชุดเกมไปเล่นด้วยและไม่ส่งข้อความบอกโจด้วย เขาคงอยากอยู่กับสาวสวยดัมเมเยอร์ไม้หนึ่ง ไหนบอกไม่ชอบไง แล้วนี่อะไรไปทำเค้กให้กัน ไปแอบมีอะไรกันตอนไหนวะ อันนี้เขาเรียกเมียมีชู้ไหมวะ เจ็บใจ

"ตื้ด!! " เสียงเตือนข้อความทางเอปพลิเคชั่นสีเขียว
JOJO : อาร์ทกินอะไรเป็นพิเศษไหมแม่จี้ดจะทำไปให้
ARTY : ................
JOJO : อาร์ทยังโกรธอีกเหรอ
ARTY : .....................
JOJO : ทำไมต้องโกรธด้วยอะแค่ไปกับแม่
ARTY : เอาที่สบายใจ
JOJO : คืออะไร..เดี๋ยวคืนนี้ไปหานะ...รักอาร์ทนะ (รูปหัวใจ)

ผมกดวางมือถือไปทันทีและเดินลงมาที่ชั้นล่างของบ้าน ผมเห็นแม่กำลังเอากระเป๋าเสื้อผ้าลงมาวางและผมก็ถือกระเป๋าผมลงมาด้วยผมตัดสินใจไปกับแม่ดีกว่า

" เป็นอะไรไปอาร์ท"

"ไม่มีอะไรผมแค่อยากอยู่กับพ่อแม่บ้าง ส่วนโจมันก็จะได้อยู่กับน้าจี้ดและอาธรบ้างผมไปด้วยนะแม่นะ" ผมพูดแม่พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันมามองหน้าพ่อ

"แล้วนี่เราโทรบอกโจหรือเปล่าว่าจะไปด้วยกันนะ"

"บอกแล้วครับแม่เขาไม่ว่าอะไรนิ"

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปฉลองกันที่โน่นก็แล้วกันนะ แปลกจริงลูกคนนี้นิ” แม่ปิ่นพูด ฉลองอะไรกันไม่รู้แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจแล้ว มันหึงครับ ผมเองก็ช่วยพ่อของผมขนทุกอย่างใส่รถเพื่อจะได้ไปบ้านไร่ ผมทำตัวให้ยุ่งเพื่อจะได้ไม่คิดถึงโจมันด้วย ไม่อยากจะคิดถึงวันจันทร์เลย ว่าผมจะทำตัวยังไง ต่อหน้าไอ้โป้ง ไอ้ปันปัน และไอ้คริสโตเฟอร์อีก

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนตอนที่40 ใครกันคือคุณหมอภีมปภพ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 25-08-2020 20:34:28
หมอภีมปภพ กับพี่ต้นใช่หรือเปล่า แสดงว่าพี่ต้นก็เป็น สมน้ำหน้าชะนีเกศรินทร์แต่นางไปแล้วอย่าย้อนกลับมานะ  :mew6:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ อาร์ทVS โจ เซอไพรส์วันเกิดอาร์ท 2
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 25-08-2020 21:38:53
พิเศษ อาร์ทVS โจ เซอไพรส์วันเกิดอาร์ท 2

   Part    JOJO ผมยืนมองเค้กที่ผมทำสำเร็จมันคุ้มค่ามากได้เค้กที่ทำเองกับมือตกแต่งเองด้วยแม้จะไม่ค่อยสวยเหมือนสั่งทำที่ร้านแต่รสชาติใช้ได้(แอบชิมมาแล้ว )  ผมก็ต้องรีบกลับบ้านแม่จะได้ทำอาหารของโปรดอาร์ท แม่บอกว่าคุยกับพ่ออิทและแม่ปิ่นแล้ว (พ่อแม่สามี อิอิ) ว่าจะเปิดโอกาสให้ผมสองคนสวีทกันในวันเกิดของอาร์ท เพราะว่าที่ผ่านมาก็ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน ปีนี้ปีแรกของโจเลย ที่จะเอาตัวเองผูกโบว์ให้เป็นของขวัญวันเกิดอาร์ทมัน คิดแล้วตื่นเต้น
 
"ขอบใจนะกุ้ง"
 
"คราวหน้าทำเองได้แล้วละซิ ดูท่าจะรักแฟนมากตั้งใจทำมากแถมครั้งแรกออกมาได้ขนาดนี้ถือว่าเก่งแล้ว"
 
"กุ้งฉันขอเข้าห้องน้ำหน่อยซิ"
 
"ได้ซิฉันพาไป" แม่ผมเดินไปห้องน้ำผมก็นั่งมองกล่องเค้กไม่อยากคิดเลยว่าตอนอาร์ทเห็นเค้กจะว่ายังไง
 
"ตั้งใจทำให้เขาเหลือเกินนะ" น้องกี้เดินมาหาผม
 
"ก็ทำให้คนที่เรารัก" ผมพูดโดยไม่หันไปมองหน้าเธอสักนิดเพราะว่าผมไม่อยากเสียสมาธิ และถ้าตะบะผมแตกขึ้นมา ผมอาจจะหยิบเค้กตรงหน้าปาใส่หน้าชะนีคนนี้ซะก่อน ยังเสียดายอุตสาห์นั่งทำตั้งนาน
 
“น้องกี้ ครับไม่มีคนทำเค้กวันเกิดให้บ้างเหรอครับ “ ผมหันไปถาม ดูจากสีหน้าของเธอที่เปลี่ยนเป็นโหมดบึ้งตึงขึ้นมาทันที นั้นก็แปลว่า ผมถามได้ตรงเป้ามาก เพราะคงไม่มีแน่ๆ ผมก็ยังคงยิ้มให้น้องกี้
 
"พี่ไม่ต้องมายิ้มเยาะเย้ยหรอกคะพี่โจ ไม่แน่เค้กนี้พี่อาจจะไม่ได้ให้เขาหรอก..หึๆ"กี้พูดและหัวเราะก่อนจะเดินออกไป ผมไม่เข้าใจความหมาย แต่ช่างมันเถอะ
 
"กูไม่ชอบเห็นคู่รักคู่ไหนมีความสุข “  เสียงพูดดังแว้วมาแต่ผมไม่ได้สนใจ แม่จี้ดเดินออกมาพอดีผม
ก็เดินถือเค้กไปด้วยความระมัดระวังเรียกได้ว่าประคองเลยดีกว่าและแม่ก็เข้าไปนั่งในรถก่อนเพื่อถือประคองเค้กให้ผม ก่อนจะออกรถผมยกมือไหว้เพื่อนของแม่และรีบขับรถออกไปทันที
 
"แม่จะไปค้างที่บ้านพักในไร่องุ่นกับน้าปิ่นเลยเหรอครับ" ผมถามแม่จี้ด
 
"ใช่ซิ ..ลูกจะได้สวีทกันยังไงละ..นี้พ่อกับแม่และน้าปิ่นทำเพื่อลูกสองคนเลยนะ วันเกิดอาร์ททั้งที" แม่จี้ดพูดแบบนี้ลูกชายแม่เขินเลยนะ ที่แม่สนับสนุนให้ลูกได้เสียตัวในวันพิเศษของคนรักแบบนี้
 
"ว่าแต่หนูกี้อะไรนี้ดูแปลกๆนะ" แม่จี้ดพูด ผมขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีนึกถึงคำพูดนาง
 
"ไม่รู้ซิครับแม่ผมไม่ค่อยสนิทกับน้องเขาหรอกน้องเขาอยู่โรงเรียนเขาแรงเขาชอบจีบผู้ชายมากกว่าให้ผู้ชายตามจีบเขา"
 
"ตายแล้วมีแบบนี้ด้วยเหรอ...มิหน้าละเพื่อนแม่ถึงได้บอกว่าลูกสาวแฟนเขานะ พอลับหลังพ่อเขานะร้ายมากตอนแรกแม่ก็เข้าใจว่าน่าจะปัญหาลูกเลี้ยงแม่เลี้ยงอะไรแบบนี้"
 
"ผมยังแปลกใจทำไมแม่กับลูกต่างกันราวกับฟ้ากับดิน อ้อนี้ลูกติดสามีเขาเหรอครับ"
 
"ใช่แล้วแหละ.และนี้ดีนะที่แม่เข้ามาทันไม่อย่างนั้นลูกแม่โดนงาบแน่ๆ"
 
"แม่อย่าแซวผมต่อหน้าอาร์ทนะ เมื่อเช้าก็ทำท่าเหมือนจะงอนอยู่"
 
"เอานะพออาร์ทเห็นเค้กที่เราตั้งใจทำแม่คิดว่าคงหายโกรธแล้ว "
 
"ตั้งใจทำให้แฟนขนาดนี้แม่แอบน้อยใจนะ"
 
"ไว้ทำให้แม่กับพ่อกินที่หลังนะ โจว่าโจทำเป็นแล้วแม่"ผมพูดจาอ้อดอ้อนแม่จี้ดสุดที่รัก
 
"นี้แม่จะรีบไปทำอาหารนะจะได้เอาไปทานกับอาร์ท….ฉลองวันเกิดพ่อลูกเขยแม่ทั้งที " แม่จี้ดพูดก่อนจะรีบเดินเข้าบ้านและผมก็รีบตามเข้าไปพร้อมกอดประคองเค้กที่ผมบรรจงฝีมือแต่งแต้มหน้าตาของมัน
 
Happy Birthday
JOJO Love ARTY
เนื่องจากว่าผมยังทำไม่เป็น เค้กก่อนแรก เลยทำรูปหัวใจไปก่อน ปีหน้าจะทำลายบาสเก็ตบอลให้แล้วกันนะอาร์ทนะ ผมแอบคิดในใจ
 ---------------------------------------------------------
        ARTY  ผมเป็นคนขับรถมาให้พ่อครึ้งทางแรกและพ่ออิทก็เปลี่ยนมาขับจนถึงไร่องุ่น แม่ปิ่นถามผมว่าผมบอกโจหรือยัง ผมบอกแม่ว่าผมบอกแล้วแต่จริงๆผมโกหก ผมไม่บอกหรอกปล่อยให้รอเก้อไปเลยไม่โทรหาด้วยผมปิดมือถือตั้งแต่ก่อนออกจากบ้านแล้ว ผมขับรถมเกือบหนึ่งชั่วโมง ก็ถึงบ้านไร่ของพ่อผม วันนี้วันอะไรผมก็ไม่รู้ แต่รู้ๆว่าเป็นวันที่ซวยที่สุดของอาร์ทเลย เจอเมียนอกใจไปมีชู้กับชะนีที่สวยแต่ไร้สมอง ทำไมไม่หาดีกว่านี้วะโจ!!!
 
                  ผมหยิบกระเป๋าและขึ้นห้องพักของผมทันที ผมเปิดทีวีและเล่นเกมส์ โดยไม่ได้ลงไปเดินเที่ยวที่ไร่ เปิดเกมส์เล่นนอนเล่นนั่งเล่น เกมส์ก็ยิ่งกันสนั่นไปหมดและผมก็ยิงรัวๆ ด้วยความโกรธ กดยิ่งจนจอยเกมส์แถบทะลุ 
 
"ก๊อกๆ" เสียงเคาะประตูห้องนอนผม ผมก็ลุกขึ้นมาเปิด ปรากฏว่าเป็นแม่จี้ดและแม่ปิ่น ผมก็ต้องตกใจ อย่าบอกนะว่าโจมาด้วยนะ
 
"อาร์ทไม่ได้อยู่บ้านเหรอลูก" แม่จี้ดถามผม
 
"เออ...ผม...เออ.." ผมก็อึกอัก แม่ปิ่นก็มองหน้าผม ก็ผมโกหกแม่ไปว่าผมบอกโจแล้ว ว่า
ผมจะมาที่บ้านไร่กับพ่อและแม่ด้วยแต่จริงๆผมไมได้บอกหรอก
 
     “นี้เราไมได้บอกโจเหรอว่าเราเปลี่ยนใจมากับแม่และพ่อนะ” แม่ปิ่นถามผม ผมได้แต่ส่ายหัว แม่ปิ่นหันไปมองแม่จี้ดอีกที

"อาร์ทโกรธโจเหรอลูกที่เมื่อเช้าเขาไปหาแม่นะ" แม่จี้ดถามผม และหันไปมองหน้าแม่ปิ่น
 
"ไม่เชิงหรอกครับน้าจี้ด" ผมตอบไม่เต็มเสียงดีหนัก
 
"เมื่อเช้าเขาไปทำเค้กไม่ใช่เหรอครับที่บ้าน..." ผมถามแม่จี้ดไป
 
"ใช่เมื่อเช้าโจไปทำเค้กที่บ้านเพื่อนของแม่ เขาเป็นครูสอนทำขนมเค้กนะ โจเขาทำให้เรานะยืนตั้งใจทำอยู่เป็นชั่วโมงเลยอาร์ท " ผมสะบัดหน้าไปมองแต่ น้องกี้บอกทำให้เขานิ
 
"แล้วอาร์ทรู้ได้ยังไงลูก" แม่จี้ดถามผม
 
"ผมเจอรุ่นน้อง และนั้นก็บ้านรุ่นน้องที่โรงเรียนผมครับ"
 
"หนูกี้เหรอลูก"
 
"ครับแม่"
 
"เขาบอกอาร์ทว่ายังไงลูก"
 
"เขาบอกว่าโจ้ไปทำเค้กให้เขาและจะฉลองวันเกิดด้วยกันด้วยครับแม่จี้ด"
 
"ตายแล้วเด็กคนนี้.ทำไมพูดจาแบบนี้นะ ไม่เป็นความจริงเลยลูก อาร์ท” แม่จี้ด
บอกผม
“เค้กที่โจทำให้นะ สำหรับวันเกิดเรานะอาร์ท “ แม่จี้ดพูด แม่จี้ดพูด ทำให้
ผมอึ้ง เออ วันเกิดผมเหรอ
“เดี๋ยวนะ วันนี้วันเกิดผมเหรอครับ!!!!” ผมถามแม่จี้ดกับแม่ปิ่น แม่ทั้งสองคนพยักหน้า ผม
ลืมไปเลยว่าวันนี้มันวันเกิดผม ใครละที่ทำตัวมีพิรุธจนผมลืมวันลืมคืนไปเลย และโจก็ดันไปเซอไพรส์ทำเค้กที่บ้านย้ายกี้ตัวแสบ
 
“ก็ใช่ไง วันเกิดเรานะและโจนะเขาอยากมีโมเม้นฉลองวันเกิดกับเราสองคน เพราะว่าที่ผ่านมา
เราก็ฉลองแบบครอบครัวมาตลอด แต่นี่โจเขาอยากทำเซอไพรส์เราบ้างนะ  “  แม่จี้ดพูด ผมก็มองหาซิครับ
 
                  “โจไม่ได้มาหรอกอาร์ท เพราะว่าโจตั้งใจจะขับรถเอาเค้กไปเซอไพรส์เรา“แม่จี้ดบอกผม
 
"และโจก็ไปก่อนที่พ่อกับแม่และจัสมินจะออกมานะอาร์ทไม่กี่นาทีไม่อย่างนั้นแม่คงพาโจมา
ด้วย จะได้มาฉลองกันที่นี้ "แม่จี้ดพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงโจ้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
 
"ถ้าอย่างนั้นดูคลิปนี้นะลูกนะและหนูกี้อะไรนี้ก็โกหกลูก"
 
"อาร์ททำไมไม่เชื่อใจกันละลูก" แม่ปิ่นพูดผมรับมือถือจากแม่จี้ดมาดูเป็นคลิปที่โจกำลังตั้งใจ
ทำขนมเค้ก เขาตั้งใจมากหน้าตานี้เต็มไปด้วยแป้งเค้กผมดูจนจบผมก็เห็นหน้าเค้กเขียนด้วยความบรรจง
         Happy Birthday     
   JOJO Love ARTY
 มือถือแม่จี้ดแทบหล่นลงจากมือผมเลย ยายกี้ผมไม่รู้ว่าโกหกผมเพื่ออะไรมันน่าหนัก ยายชะนีวัยกระเตาะคอยดูนะ อาร์ทจะเอาคืนแน่ๆ  แต่ตอนนี้อาร์ทจะต้องไปง้อเมียก่อนเมียรักงอน
 
"แม่ผมต้องรีบไป" ผมบอกแม่จี้ดและแม่ปิ่น
 
"แต่ว่านี้เย็นมากแล้วนะ กว่าจะถึงจะมืเfอาวะก่อน ไปพรุ่งนี้ดีกว่าไหม”
 
“แม่โทรไปบอกโจแล้วแหละว่าเรามาด้วยโจเงียบไปเลยคงเสียใจ" แม่จี้ดบอกว่าโจน่าจะเสียใจ ผมก็เสียใจเช่นกัน วันเกิดตัวเองแฟนทำเค้กให้แต่ผมมันงี่เง่าไง
 
“แต่ไม่เป็นไร เราฉลองกันพรุ่งนี้อีกวันก็ได้มั้งอาร์ท “ แม่จี้ดพูดบอกผม
 
"ไม่ได้ครับแม่!  อาร์ทไปวันนี้ พรุ่งนี้อาร์ท ค่อยมาฉลองกับพ่อแม่นะครับ ผมขอวันนี้ไปหาเมียผมก่อน "ผมบอกแม่จี้ดกับแม่ปิ่น
 
"งั้นเอารถพ่อไปแล้วกันขับรถดีดีละอาร์ท" พ่อผมพูดผมรีบคว้ากุญแจและวิ่งลงไปเลยไม่เอาเกมส์กลับไปด้วยทั้งนั้น ยายกี้คอยดูนะวันจันทร์ก่อนจะทำให้ไม่กล้าโผ่หน้าไปโรงเรียนเลย ผมรีบขับรถออกจากไร่พ่อแม้จะเป็นเวลาโผ้เผ้แล้วก็ตาม
------------------------------------------------------------------------------------------------------
JOJO   ผมขับรถกลับมาบ้านตัวเองพร้อมน้ำตาหนองหน้า ร้องไห้มาตลอดทาง ตาก็หันมองเค้กที่อุตสาห์ทำให้เป็นเค้กวันเกิดก้อนแรก แต่คนที่จะให้ดันหนีไปบ้านไร่ของพ่อเขาซะนิแล้วนี้ ผมยืนทำเพื่ออะไรว่ะ มันน่าน้อยใจปะว่ะ  ฮือๆ แม่งเอ้ย อุตสาห์ไปหัดทำเค้กวันเกิดให้ เกิดมาไม่เคยคิดเลยว่าตัวกูนี่จะมีโมเม้นทำเค้กให้คนรักเองนะโว้ยเฮ้ย และนี้มันเซอไพรส์ด้วย มึงเข้าใจคำว่าเซอไพรส์ไหมไอ้อาร์ท_))))))))
 
"ไอ้อาร์ทไอ้โง่" ผมพูดไปร้องไห้ไปด้วย ขับรถเข้าที่จอดและเดินกลับเข้าไปในบ้าน มือก็ถือกล่องเค้กน้ำตาก็ไหลริน ผมวางกล่องเค้กลงบนโต๊ะ
 
                  และตอนที่รีบผมรีบออกไปหาอาร์ทมันมือถือแบทจะหมดพอดีเลยหลังจากที่คุยกับแม่ปิ่นสายสุดท้ายมือถือผมก็กลั้นใจตายตามเจ้าของเครื่องเช่นกัน หน้าจอมืดสนิทขนาดมือถือยังรับไม่ได้เลยนับประสาอะไรกับใจโจ สามีหนี!
 
                  ก็แม่ปิ่นโทรมาบอกว่าอาร์ไปบ้านไร่ด้วยและแม่ปิ่นก็ไม่รู้ อาร์ทมันบอกแม่ปิ่นว่าบอกผมแล้วแต่จริงๆมันไม่ได้บอกด้วยซ้ำ ถ้าบอกผม ผมก็คงตามพ่อแม่ไป
 
ผมตั้งใจเซอไพรส์วันเกิดมันด้วยและคิดว่าจะฉลองอีกวันกับครอบครัวแทน เพราะว่าผมไม่เคย
ได้มีโมเม้นแบบนี้ให้มันเลยไง เป็นไงละนี่ปีแรกที่จะได้ฉลองแบบแฟนก็แห้วรับประทานเลยไงไอ้โจ  ผมก็วางมือถือที่ตายสนิทไม่อยากชาร์จหรือทำอะไรกับมันทั้งนั้น...ผมได้มองมือถือคิดในใจเดี๋ยวกูตามไปขอเฮิร์ทแป๊ป!
 
"อาร์ท..ฮือๆ กูอุตสาห์ตั้งหน้าตั้งตาฟังเพื่อนแม่กูแค่ไหน เพราะกูอยากทำเค้กวันเกิดให้มึงอะ อาร์ท ฮึก ฮึกๆ “ ผมพูดไปก็ร้องไห้ไปด้วย
 
"ฮึก ฮึก ฮึก" ผมนั่งปาดน้ำพอเงยนห้าขึ้นมาก็เห็นเค้กที่ตัวเองตั้งใจทำเกิดอาการทนดูไม่ได้หยิบมันขึ้นมาและหย่อนลงถังขยะที่ว่างเปล่าและกลับมานั่งที่แต่ก็ยังคงเสียดายอยู่ดีอุตสาห์ทำเค้กเป็นทั้งที่ไม่เคยทำเอาวะก้มลงไปหยิบขึ้นมาใหม่อีกที
 
"ไอ้บ้าเอ้ย!!" ผมหยิบกล่องเค้กขึ้นมาอีกที
 
"กริ้ง !!" เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ผมก็เดินไปกดรับเพื่อว่าจะเป็นแม่จี้ดโทรมาก่อนจะรับสายต้องพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติ
         
"ฮัลโลครับ"
 
"โจ...โจ" เสียงไอ้อาร์ท
 
"ไปไหนมึงก็ไปเลย ไม่ต้องโทรมา...เลิกกันไปเลย...กูซ้อนชู้ไว้เต็มบ้านเลยแม่ง..ฮึกๆ " ผมพูดไปร้องไห้เหมือนเด็กน้อยปาดน้ำตาไปด้วย และผมก็กดวางสายทันที
 
                  ผมนั้่งมองกล่องเค้กในถังขยะใจก็เสียดายกเลยเดินกลับไปหยิบมันขึ้นมาดีนะที่ทิ้งลงไปทั้งกล่องยังคงสภาพเดิมมีเละตรงขอบๆนิดหน่อย
 
                   ติ้งต่อง!!! เสียงกริ่งหน้าบ้านไม่เปิด ผมจะไม่ออกไปเปิด ผมเปิดกล่องเค้กออกมาดูกินเองก็ได้วะ แม่งจะกินให้หมดก้อนเลยคืนนี้ ผมใช้นิ้วปาดเค้กชิม ฝีมือใช้ได้นี้หว่า คืนนี้โจจะเมาเค้กให้ดู ฮึกๆกินให้เมาลุกไม่ขึ้นเลยพรุ่งนี้
 
"อะไรไหนบอกว่าทำให้เขาไง" เสียงดังมาจากทานด้านหลัง ผมไม่หันไปมองและรีบหันหลังกลับ น่าทีนี้ไม่สนใจเข้ามายังไงก็เรื่องของมัน
 
"โจ...อาร์ทขอโทษ"
 
"ไปให้พ้น..แค่กูจะทำเซอไพรส์ให้มึงนี้นะกูต้องบอกมึงก่อนเหรอและมันจะเรียกเซอไพรส์ได้ยังไงวะใช่ปะวะ" ผมพูดน้ำตาก็ยิ่งไหล่ ตอนนี้เหมือนเด็กน้อยเลยผม ปาดน้ำตาร้องไห้ แฟนแม่งไม่เข้าใจ
 
"หมับ..อาร์ทขอโทษ อาร์ทขอโทษแต่ที่อาร์ท...อาร์ทงอนไม่ใช่ที่โจ้ไม่ได้บอกอาร์ทนะ"
 
"............"
 
"ก็อาร์ทเจอน้องกี้ที่เคยเขียนจดหมายจีบโจ้อะเขาบอกอาร์ทว่าโจไปทำเค้กที่บ้านเขาทำให้เขาอะ อาร์ทหึงอะ"
 
"อะไรนะ" ผมหันหลังกลับมามองอาร์ท นางน้องกี้!!
 
“และนางยังบอกอาร์ทอีกว่า โจนะบอกว่ากี้เขาสวยและอยากได้มาเป็นแม่ของลูกด้วยอ่ะ เขาเสียใจอ่ะตัวเอง” ไอ้อาร์ท ผมอยากจะดึงขนจมูกมันให้ออกมาทั้งยวงจริงๆ มึงนี้มีหัวไปไว้กั้นหูจริงๆ
 
           “อาร์ท กูนี้ถวายตัวเป็นเมียมึงแล้วกูจะไปหาเมียที่ไหนอีกว่ะ ในเมื่ออุดมคติกูนี้ที่จะเป็นแม่ของลูกมืง!!!!” ผมพูดและมองหน้าอาร์ท มันทำหน้าตกใจ
 
                    "หมับ"อาร์ทกอดผมจากด้านหน้า
 
"อาร์ทขอโทษที่ไม่ถามคนของตัวเองก่อนว่าอะไรจริงไม่จริง อาร์ทขอโทษนะ" อาร์ทใช้มือช้อนหน้าผมให้เงยขึ้น
 
"อาร์ทเห็นคลิปที่แม่จี้ดถ่ายให้ดูแล้ว...ขอบคุณนะครับ..ก้อนนี้หรือเปล่าเออ..ทำไมขอบ ..ขอบเค้ก" ไอ้อาร์ทชี้ไปที่เค้กทีผมเพิ่งจะหยิบกลับขึ้นมาจากถังขยะ
 
"ก็โจโกรธอะ..โจเลย..หย่อนลงถังขยะแต่หย่อนไปทั้งกล่องนะ และเปลี่ยนใจเอากลับขึ้น แต่ดูแล้วก็น่าจะพอทานได้อยู่นะ " ผมพูดใจก็คิดโกรธนางน้องกี้วันจันทร์ได้เห็นดีกันแน่ๆ
 
"อาร์ท..โจไม่รู้ว่าเพื่อนของแม่ที่จะสอนโจนะเป็นแม่ของกี้เขา "ผมพูดบอกอาร์ท
 
“ไม่เป็นไร เรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่าพูดถึงเลยนะครับคนดี” อาร์ทพูดและจับไหล่ผม เขามองหน้าผม และอาร์ทก็กอดผมอีกครั้ง
 
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะครับอาร์ท “ ผมพูดกระซิบบอกอาร์ท
 
“ขอบคุณนะครับ โจ “ อาร์ทดันผมไว้และอาร์ทก็ประกบริมฝีปากกับริมฝีปากของผมอย่าดูดดื่ม
 
"โอ้ย..ซี้ด" อาร์ทร้องว่าเจ็บทันทีที่ผมโอบกอดให้กระชับมากขึ้น
 
"อาร์ทเป็นอะไร" ผมถาม
 
"ตกต้นไม้ตอนปีนเข้ามาอะ" อาร์ทบอกผม ผมก็จับอาร์ทหันหลังและถลกชายเสื้อขึ้นผมก็เห็นเป็นรอยถลอกเลยยาวนิดหน่อย ฮึกๆ น้ำตาแตกอีกครั้งแล้วผม
 
"เจ็บนิดเดียวอย่าร้องนะคนดี...อาร์ทขอโทษ"
 
"เขาขอโทษที่ไม่ยอมออกไปเปิดประตูให้ ..ฮืกๆ"
 
"โอ๋ๆ ...แค่นี้เขาหายแล้ว" อาร์ทพูดตอนนี้เลยกลายเป็นอาร์ทปลอบผมแทน
 
"เลิกร้องไห้งอแงได้แล้วไม่มีจระเข้ปลอมซะหน่อย" ดูซิยังมีหน้ามาแซวผมอีกนะ ตอนเด็กๆผมกลัวที่สุดคือตุ๊กตาจระเข้ เห็นทีไรร้องไห้ตลอด  ผมแอบหยิกไอ้อาร์ท
 
                       “กูโตแล้วอาร์ท “ ผมพูดพร้อมกับปาดน้ำตา
 
"หลับตาก่อนซิ เขามีของมาง้อ ตอนแรกว่าจะให้วันเกิดเดือนหน้า แต่วันนี้เอามาง้อเมีย ทำให้เมียเสียใจ  " ผมอมยิ้มตื่นเต้นแต่ก็นั่งหลับตารอเสียงอาร์ท เดินออกไปจากห้อง
 
           “มาแล้ว นี้อาร์ทเดินจนเมื่อยขาเลยนะ กว่าจะหาตัวที่น่ารักเหมือนเมียได้” ไอ้อาร์ทมันสปอยด์ซะผมนี้ตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ น่ารักเหมือนเมียเลยเหรอ
 
"อาร์ทลืมตาได้ยังอะตื่นเต้นอะ ..ตื่นเต้นอะ ...อะไรน๊า!! อยากรู้.." ผมพูดไปด้วยขนลุกตื่นเต้นมาก
 
"เดี๋ยวซิ..มาแล้วที่รัก "
 
"เอาละค่อยๆลืมตาที่รัก" อาร์ทบอกผม ผมก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาก็เจอดวงตาสีดำสนิทกลมโตมองผมปลายจมูกสีดำไม่ซิแทบจะทั้งหน้าเลยดีกว่าแถมยังทำหน้าย่นสงสัยว่าผมนี้คือใคร ดวงตาทั้งสองคู่ประสานกัน
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ อาร์ทVS โจเซอไพรส์วันเกิดอาร์ท (เอาคืนกี)
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 26-08-2020 12:11:02
 พิเศษ อาร์ทVS โจเซอไพรส์วันเกิดอาร์ท - (เอาคืนกี้) NC เบาๆ

"ว๊าก!!" ร้องเสียงดังจนเจ้าน้องหมาดีดดิ้นลงจากมืออาร์ทไปทันทีและไปหาที่แอบผมเลย สุนัขพันธ์ปั๊ก!!
 
"นี้นะนี้มึงตะเวณหาเพื่อให้น่ารักสมกับหน้าตากูนะอาร์ท"
 
"ไม่ชอบเหรอพันธุ์ปั๊กเลยนะ"
 
"ให้ชื่อ เจอาร์ มันมาจากโจ้อาร์ท " อาร์ทพูดผมก็ค่อยลุกเดินไปหาน้องหมา พยายามเรียกแต่ก็ไม่ยอมกออกมาเลยต้องหาของกินมาล่อใจเลยออกมาได้ ผมก็อุ้มขึ้นมาปลอบขวัญทันที
 
"เจอาร์ "
 
"ขอบคุณนะ" ผมหันไปบอกอาร์ท เราสองคนจุ๊บลูกหมาน้อยพร้อมกัน ดูแล้วน้องหมาน่าจะสองเดือนได้แถมยังขี้อ้อนน่ารักดีผมเลยเริ่มจะหลงรักเจอาร์มากกว่าอาร์ทแล้วซิ
 
"อย่าจูบหมาเยอะดิ" อาร์ทดันหน้าผมไว้
 
"ทำไมอะมันน่ารัก"
 
"หึง...หมาก็หึงนะ.." ผมเงยหน้ามองอาการหนักนะมันนิ
 
"ถ่ายรูปนะ" อาร์ทบอกผม เขาถ่ายตอนที่ผมอุ้ม และทำท่าจะจุ๊บหมาด้วย
 
"ลูกของเราชื่อน้อง เจอาร์ " ไอ้อาร์ทพูดและมันก็ อย่าบอกนะว่ามันโพสเฟสบุ๊กนะ
 
"อาร์ทมึงจะบ้าเหรอเดี๋ยวใครก็เชื่อหรอก" ผมพูดขำขำ และมองน้องจีอาร์ นี้นั่งมองผมทำตากลมโต ผมดูจากปลอกคอสีดำมีตัวอักษร ตัวเจและเออาร์ ที่อาร์ทสั่งทำมาให้

ผมนั่งทานอาหารเย็นกันอย่างมีความสุข ส่วนเป่าเค้กตั้งใจจะไปเป่าพรุ่งนี้ที่บ้านไร่ด้วยกันกับครองครัว คิดแล้วก็น่าเจ็บใจผมกับอาร์ทเกือบไม่ได้ฉลองวันเกิดด้วยกันแล้ว ความรักเกือบร้าวฉานเพราะยายกี้ตัวแสบ ควันออกหูเลยผม มนุษย์เมีย!!
 
"อร่อยดีอะนี้ทำครั้งแรกจริงๆเหรอ" อาร์ทชิมเค้กที่ผมทำให้แม้ว่าหน้าตามันเละไปหมดจากการที่โยนลงไปทั้งกล่อง แต่ก็ถือว่าโชคดีไม่อย่างนั้นก็อดกิน ผมหยักคิ้วให้ ผมสองคนและน้องที่ผมอุ้มอยู่ผมก็ป้อนด้วยเค้กดูท่าจะชอบเลียมือผมใหญ่เลย
 
"ปันปันมาโพสตอบแซวเราอะที่รัก" อาร์ทหันมาบอกผม
 
"แซวว่าไง น้องหมาน่ารักเหรอ" ผมถามอาร์ทโดยที่ไมได้หันไปอ่านข้อความเพราะว่ามัวแต่สนใจน้องหมา
 
"มันบอกว่าลูกหน้าเหมือนแม่เลยวะ..ฮาๆ"
 
"มึงช่วยตอบกลับมันทีนะว่าแม่มันโคตรดุ..ระวังแม่มันกระโดดกัดหูเอา" ผมบอกอาร์ท ผมพูดและยังคงอุ้มเจอาร์ มันขี้อ้อนผมน่าดูและที่ไม่แพ้น้องหมาก็คุณแฟนผมนี้แหละพอเห็นป้อนน้องหมาก็กระเทิบมานั่งติดกับผม
 
"ป้อนเขามั้งดิเขามาก่อนหมานะเอาใจเขาดิ" ผมกับเจ้าเจอาร์หันไปมองหน้าคนข้างๆพร้อมกัน อาการหนักนะมันเนี๊ยะ
 
"หมามันตักเองไม่ได้แต่มึงอะมีมือตักเอา" ผมพูดบอกอาร์ท
 
"ง่ะ" ผมหันมาเหล่มอง งานเพิ่มเลยซิผมไหนจะน้องหมาไหนจะสุดที่รักอีกต้องตักป้อนทั้งคู่ จนกระทั้งย้ายไปนั้่งดูหนังผมก็เอาเจ้าเจอาร์ไปนั่งด้วยมันฉลาดมากนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างผมกับอาร์ท
 
"ตกลงนี้มันวันเกิดหมาหรือวันเกิดอาร์ทกันแน่ครับ ที่รัก” อาร์ทบอกผม ใช่ซิ หมาก็ต้องมีวันเกิด
 
                  “รู้ไหมว่ามันเกิดวันไหนอะไรอ่ะอาร์ท “ผมถามอาร์ท
 
                  “ไม่รู้ไม่ได้ถามเจ้าของ  ทำไมอะ”
 
                  “ถ้าอย่างนั้นปีหน้าจัดวันเดียวกับอาร์ทไปเลยนะ วันเกิดอาร์ทและวันเกิดเจอาร์ “ ผมพูดแต่ทำไมไอ้คนที่ฟังมันทำท่าจะร้องไห้หว่า
                 
                  “ทำไมอ่ะ ทำไมทำหน้าแบบนั้นละ”
 
                  “มันเป็นเกียรติไปไหมที่จะให้หมามันเกิดวันเดียวกันอาร์ทนะครับเมียครับ” อาร์ทพูดบอกผม ผมพยักหน้าว่าใช่
 
                  “จะได้จำง่ายๆไง วันเกิดอาร์ทและวันเกิดเจอาร์” ผมพูดและยกเจอาร์ขึ้นมาหอม
 
"อาร์ทก็ดูซิมันคงคิดถึงแม่มันแน่ๆเลย..ดูซิซบใหญ่เลยอะ ...โอ๋ๆ" ผมก็ยิ่งอุ้มมากอดมาโอ๋ใหญ่เจ้าเจอาร์มันก็หมุดหน้ากับพุงของผม
 
                  “โจโทรหาแม่กับพ่อก่อนดิ จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” อาร์ทบอกผม ผมก็พยักหน้าและหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาแม่จี้ดทันที ผมเปิดลำโพงด้วย
 
                  “ฮัลโลแม่ “ผมเรียกแม่จี้ดของผม
 
                  “เป็นไงลูกชายฉัน แล้วนี้พ่อลูกเขยแม่ละ “ แม่จี้ดถามหาลูกเขยทันทีเลยนะ
 
                  “อยู่นี้ไงแม่ กำลังกินเค้กอยู่ “ผมบอกแม่จี้ด
 
                  “งอนกันน่ารักเชียวน่ะ งอนกันเป็นพระเอกนางเอกละครหลังข่าวไปได้ ลูกฉัน” แม่จี้ดแซวผม ทำเอาผมนี้เขินหนักมาก อาร์ทที่อุ้มเจอาร์อยู่ก็มองผม
 
                  “แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะอาร์ท มีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรงนะลูกนะ” แม่ผมพูดอวยพรวันเกิดให้อาร์ท
 
                  “ขอบคุณครับแม่จี้ด “
 
                  “อย่าเล่นบทงอนกันบ่อยหนักนะ พ่อกับแม่ยังไม่งอนเหมือนเราสองคนเลยนะตอนจีบกันใหม่ๆนะ คิกๆ “ แม่จี้ดผมแอบแซว
 
                  “เอาละแม่ไม่กวนแล้วนะ พรุ่งนี้เข้ามาฉลองกันที่บ้านนี้นะ “
 
                  “ราตรีสวัสดิ์ครับแม่ ผมรักแม่ครับ” ผมพูดบอกแม่จี้ด และหันมามองอาร์ท ตอนนี้เจอาร์มันผล๋อยหลับไปซะเฉยๆอย่างนั้นแหละ
 
"มันง่วงแล้ว ดูซิคอผับหลับปุ๋ยไปเลย" ผมก็ขมวดคิ้วเพราะว่าเมื่อกี้ตายังโตอยู่เลยนะ
 
"เอาเจอาร์ไปนอนในบ้านหมาแล้วเราขึ้นไปฉลองวันเกิดกันนะ  รู้ไหมว่าเขาต้องใส่ชุดวันเกิดกันด้วยถึงจะเรียกว่าฉลองวันเกิดของแท้”  ไอ้หื่นเอ้ยแต่มันใช่ที่โจตั้งใจไว้อยู่หลายปีแล้ว ปีนี้ได้โอกาส โจจะปล่อยให้พลาดไปได้ยังไง
         
                  ผมนะอ่านหนังสือมาโดยละเอียดมาก ตั้งใจศึกษาหาความรู้มาก ไม่ใช่ตำราเรียนนะแต่เป็นสำหรับเกย์หัดใหม่ต้องทำยังไงกันบ้าง และผมก็ถึงได้รู้ว่าก่อนจะทำอะไรกันเราควรจะ ทำแท้งกันซะก่อนนั้นคือทำความสะอาดช่องทางของเราให้เรียบร้อยไม่ให้มีสิ่งใดมาขัดขวาง ลำบากเนอะเอาหญิงซะก็หมดเรื่องนะผมนะ ส่วนอาร์ทเองก็ขมักเขม้นมากอ่านตำราลีลารักอะไรของมันนี้แหละ
 
หลังจากที่ผมหายเข้าไปในห้องน้ำสักพัก ผมก็ออกมาและขึ้นไปบนเตียงนอนและทิ้งตัวลงข้างๆอาร์ทแบบกึ่งนั้งกึ่งนอน
 
"แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะครับที่รัก...ที่จริงโจก็บอกอาร์ททุกปีแต่ปีนี้มันพิเศษกว่าทุกปีนะ ตรงที่ว่าโจบอกในฐานะ คนรักของอาร์ท"
 
"ขอบคุณนะครับ อยู่บอกกับอาร์ทแบบนี้ไปทุกปีเลยนะครับ ที่รัก จ๊วบ!!!"และอาร์ทก็ใช้ฝ่ามือโอบใบหน้าของผมเข้าไปใกล้พร้อมกับประกบปากจูบอย่างดูดดื่มเราสองคนจูบกัน มือผมของผมก็ลูบไล้ไปตามลำตัวของอาร์ทและไล่ลงไปที่ขอบกางเกงบ๊อกเซอร์ ผมสอดมือไปในกางเกงนั้นสิ่งนั้นที่มือของผมได้สัมผัสมันกำลังพองโต
 
"อื้ม..."เสียงร้องครางอย่างพึงพอใจที่ผมกำลังบีบคลึ้งเล่นสิ่งนั้นเบาๆ
 
"ทำต่อซิเขาชอบ..." อาร์ทกระซิบไม่ให้ผมหยุดมือกับสิ่งนั้น ปากของผมสองคนก็ยังขบและเม้มริมฝีปากเล่นกันอย่างเมามัน อาร์ทค่อยๆดันล่างผมให้นอนราบลงอาร์ทขึ้นมาค่อมผมไว้ปากก็จูบและดูดไปตามลำคอไล่ลงไปที่แผ่นอก ผมไม่ได้สวมเสื้อคือแบบเตรียมพร้อมมากที่จะเป็นของขวัญวันเกิดปีนี้ให้อาร์ทมัน  โจพร้อมมากครับคุณหญิงแม่ทั้งสอง
 
"อ๊ะ..อ๊ะ..อ๊าห์..ที่รักเขาเสียวมาก"
 
"ดีครับเพราะอาร์ทตั้งใจมากที่จะทำให้ที่รักเสียว" ปากของอาร์ทไล่ลงไปที่ตรงท้องนอน ผมนี่แทบจะหยุดหายใจมันกระสันไปหมด ผมรู้สึกตัวเองกำลังถูกโยนให้ลอยขึ้นไปบนอากาศเมื่อปากของอาร์ทครอบสิ่งนั้นของผมไว้ดูแลมันด้วยลิ้น มันสุขทุกทีที่เขาทำให้ผม
 
"ที่รักครับ เล่นท่า 69 กันดีกว่า" อาร์ทบอกผม ผมพยักหน้าเราศึกษากันมาดีแล้วผมรู้ว่าท่า69คืออะไร เราจะได้พลัดกันไม่ใช่ฟินเวอร์อยู่แต่ฝ่ายเดียว ผมก็จัดการกลับหัวกลับหางและก้มหน้าลงที่ตรงนั้นของอาร์ท มันแข็งปังเลยนะแทบจะแตกเลยมั้งเนี๊ยะ
 
"ฮ๊ะ..อ๊าห์..ที่รัก..ซี้ดเสียวมาก"
 
"มะ..มะ..เหมือนกันที่รัก...อู้ยย" ผมร้องครางไม่ต่างกันผมช่วยกันใช้ปากปลุกอารมณ์กันจนได้ที่อาร์ทก็เปลี่ยนมาจับผมนอนตะแคงจะใช้ท่าเข้าข้างหลังอาร์ทเอื้อมไปหยิบถุงมาสวมและตามด้วยเจลอันนี้ไอ้คริสมันแนะนำมามันบอกจำเป็นอย่างยิ่งเลยต้องไปซื้อมาสองหลอดที่บ้านผมหลอดนึงที่บ้านอาร์ท หลอดหนึ่ง อีผัวเมียคู่นี้มันขยันเอา เจลหล่อลื่นคงได้ขายดีแน่ๆ เพราะที่แน่ๆ ไอ้โป้งแอบไปซื้อมาแล้วหนึ่งหลอด ฮาๆ ส่วนไอ้คริสไม่ต้องถามว่ามันซื้อไหมแต่ยี่ห้อนี้มันแนะนำมา
 
"อ๊าก!! ที่รัก..อู้ยยย" ผมร้องเพราะว่านิ้วสอดเข้าไปในช่องทางรักผมหนึ่งนิ้ว สองนิ้วและสามนิ้ว ตามลำดับ
 
"ที่รักอยากได้ของเขาเป็นของสมนาคุณวันเกิดหรือยังอะ..หึ ? "มันถามได้กระเส่าอารมณ์ผมมาก
   “อาร์ทครับ วันนี้วันเกิดมึงครับ ” ผมพูดบอกมัน วันเดียวกันแต่คนละเดือนไอ้บ้าแอบคิดในใจ
 
      “ล่วงหน้าและจะจัดให้อีกด้วยถือว่าเบิ้นในวันเกิดด้วย ใจดีไหม” ไอ้อาร์ทมันถามผม แต่โจชอบครับ ยิ้มตาหยี
“ตกลงอยากได้ไหมครับ” อาร์ทถามผมอีกที นึกในใจกูพร้อมขนาดนีั้มึงยังถามอีกเหรอว่ะ ไอ้คุณสามี
 
"อยากได้แล้วที่รักรีบหน่อยมันจะเที่ยงคืนแล้วครับ เดี๋ยวเลยวันเกิดมึงครับ "
 
"อ้าวจริงดิ..งั้นใส่เลย" ไอ้อาร์ทมันเหลือบไปมองนาฬิกาและมันก็อบกว่ามันใส่เลย โจก็ฟินรอซิครับ
 
"มันควรจะเป็นอย่างนั้นนะที่รัก...ที่รักจะรอหาพระแสงด้ามสั้นอะไรละครับ"
 
"ครับ...เมียเวลาเมียมีอารมณ์นี้ออกจะซาดิสนะ"
 
"อึบ.."
 
"อ๊าห์ที่รัก..ดันเข้ามาเลยเรื่อยๆ เพราะว่าเขาพร้อมมาก..อ๊าห์...นั้นแหละ..อ๊าห์...อู้ย"
 
"อ๊าห์ที่รักเขาเข้าไปหมดแล้วนะ..ต่อไปนี้เขาไม่ปราณีแล้วนะ...ปั๊กๆๆๆๆๆ" นั้นมันก็ไม่
ปราณีผมจริงๆด้วยและผมก็โต้ตอบโดยการขยับสะโพก ร่อนสะโพกไปด้วยความรู้สึกเสียวซ่าน ของขวัญวันเกิดที่เร้าใจที่สุดตั้งแต่เกิดมาเลยใช่ไหมอาร์ท
 
"ที่รักก้นที่รักเนียนมากเลย...ซี้ด...และมันตอบสนอมเขาดีมากเลยอะ..อ๊าห์ ..."
 
"อาร์ท..อ๊าห์..แรงหน่อยซิอาร์ท..ซี้ด"
 
"ได้ครับแต่เขาจะเสร็จแล้วนะ"
 
"งั้นเร่งเลยนะ..พลั่กๆๆๆๆๆๆ" เสียงรัวและเนื้ออ่อนกระทบกันดังลั่นสนั่นห้องไปหมดโชคดี
แล้วแหละที่พ่อกับแม่ไปสวีทกันในไร่องุ่นของพ่ออิทและจัสมินก็ไปด้วยไม่อย่างนั้นคงไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันทั้งคืน
--
-
-
       เช้าวันจันทร์ผมก็รีบไปโรงเรียนกันแต่เช้าเพื่อนจะได้นำสิ่งสมน้ำหน้าคุณไปให้น้องกี้ถึงลานเอนกประสงค์ทันที ผมมีของขวัญ เป็นสัตว์น่ารักน่าชังไว้ให้น้องกี้ ใส่กล่องผูกโบว์เอาไว้ กะว่าน้องเปิดมานี้กรี้ดลั่นลานเอนกประสงค์แน่ๆ
 
"นั้นไงยายกี้อะ" ปันปัน กระซิบบอกผม พวกผมมายืนรอนางกันได้สักพักหนึ่งแล้ว ซึ้งปกติ
จะนั้งกันจนสัญญาณเข้าแถวดังแต่วันนี้พิเศษ มารอเลยครับ
 
"จะทำแบบนี้จริงๆเหรอว่ะมีหวังน้องเขาได้ถอดกระโปรงมาคุ้มหัวหรอกมึง" ไอ้คริสโตเฟอร์หันมาถามผม
 
"ก็น้องมันทำกับกูสองคนก่อนนี่หว่า เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับโจ" ผมหันไปพูดพร้อมกับหันไปพยักหน้ากับอาร์ทใหัมันหยิบโทรโข้งขึ้นมา และตอนนี้นักเรียนก็ทยอยเดินเข้านั่งที่ตรงลานเอนกประสงค์เยอะแล้วและน้องกี้ก็นั่งทำหน้าสวยอวดหนุ่มๆ คอยชม้อยชายตามองแต่เฉพาะคนหน้าตาดีแต่ถ้าคนไหนขี้เหล่นะน้องจะเบ้ปากใส่ทันที
 
"สวัสดีครับน้องๆ "
 
"พี่อาร์ทมาอีกแล้ว"
 
"วันนี้เพื่อนพี่มีของขวัญจะมอบให้สาวสวย ประจำโรงเรียนดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่ง " พออาร์ทพูดเท่านั้นทุกคนหันไปมองทางน้องกี้ เธอก็ลุกขึ้นยืนทันทีนางรู้ตัว
 
"พี่โจเขาไปหามาให้เองเลยนะครับ น้องน่ารัก เลี้ยงง่าย ว่ายน้ำเก่ง พาเดินเล่นได้นะครับน้องกี้ !!" ไอ้อาร์ทมันพูดและบรรยายของขวัญที่ผมเตรียมไว้ให้น้องกี้
 
"กรี้ด!!" ทุกคนส่งเสียงผมก็เดินออกมาจากที่แอบ ผมถือกล่องของขวัญและผูกโบว์สีดำ (คอนเซ็บ โบว์รักสีดำ)กล่องใหญ่พอสมควร   ผมเดินทำหน้าหล่อไปหาน้องกี้ เธอยืนเอียงอายผมและหันมาทำตาปริ้งๆ ผมก็ไปหยุดตรงหน้าเธอ
 
“ของกี้เหรอค่ะ อันที่จริงก็ยังไม่ถึงวันเกิดกี้สักหน่อยแต่ ไม่เป็นไรค่ะ พี่โจอยากให้กี้ก็ยินดีรับค่ะว่าแต่ ข้างในอะไรเหรอคะ เห็นพี่อาร์ทบอกว่าน้องน่ารัก เลี้ยงง่ายด้วย ดูแล้วน่าจะ ชิสุหรือชิวาวาแน่ๆเลยค่ะ กี้นะชอบกี้รักหมาค่ะ  “ น้องกี้พูดและถามผมถึงของในกล่องที่ผมเตรียมไว้ให้เธอ  ผมแอบคิดในใจ หน้าอย่างน้องนะสุนัขมันไม่เข้ากันค่ะ ผมแอบคิดในใจ
 
"พี่โจกี้ว่ายืนส่งให้กี้บนโต๊ะดีกว่าค่ะ เพื่อว่าเพื่อนๆจะได้ถ่ายรูปชัดชัดนะคะ เอาไปลง เว็ปโรงเรียน" กี้เธอบอกผม ผมก็พยักหน้า แต่อันที่จริงผมก็ไม่ได้จะแหกหน้าเธอบนโต๊ะแบบนี้หรอกนะ แต่เธอเลือกเองช่วยไม่ได้
 
"ได้ซิครับ..ดีเลย "ผมพูดน้องๆหลบให้ผมขึ้นไปยืนบนโต๊ะและน้องกี้ก็เหยียบเก้าอี้ขึ้นไปยืน
 
                  “โจ เปิดให้น้องเขาด้วยซิวะ” ไอ้ปันปันมันตะโกนมาบอกผม ผมก็หันมามองน้องกี้ และผมก็ค่อยแกะโบว์ออกก่อน น้องกี้ก็มองผม ทำตาหวานซึ้ง และผมก็ค่อยเปิดกล่องและสิ่งที่ไม่คาดคิดคือ อึงอ่างมันกระโดดออกมาจากกล่องไปอยู่ที่อุ้งมือของน้องกี้เพราะว่าเธอแบมือไว้รอของขวัญผมอยู่   กี้ถึงกับยืนอ้าปากค้างและมองหน้าผม กรี้ดไม่ออกละซิ เพราะว่ามันน่ารักมาก ก ไก่ล้านตัว
 
                  “พี่เดินหาทั้งตลาดนัดเพื่อน้องคนเดียวเลยครับ น้องกี้ชอบไหมครับ อึ่งอางนะครับ “ ผมถามน้องกี้ เธอมองหน้าผมและหันไปมองรอบ
 
                       “ฮาๆ โอ้ยย น้องกี้ ชอบเลี้ยงหรือชอบกินกันแน่ครับ” มีคนแซวเธอดังมาจากกลุ่มนักเรียนที่นั่งอยู่ ผมก็ยิ้มให้เธอพร้อมกับหยักคิ้วให้เธอด้วย และผมก็ย่างสามขุมเข้าหาเธอ กี้เธอโกรธผมมากจนมือไม้สั่นแต่เธอก็ถอยหลังหนีผมด้วย
 
                  “ถ้ามันดื้อไปหน่อย” ผมพูด
 
“ เลี้ยงไม่เชื่องเหมือนน้อง!!!”
 
“ จะเอาไปปิ่งย่างกินก็ตามอัธยาศัยได้นะคะน้องกี้”
 
“เพราะว่าพี่ยกให้น้องแล้ว และพี่คิดว่าหน้าตามันก็สวยใกล้เคียงกับน้องมากที่สุด “ ผมพูดกระแทกเสียงใส่เธอ ตอนนี้เธอยืนอยู่ที่ปลายสุดของโต๊ะและหลับตาปรี่ใส่ผม คงคิวด่าผมจะตบเธอละซิท่า ผมไม่ทำ ผมกระโดนลงจากโต๊ะและเดินออกทันที
 
                  “กรี้ดดดด” นางกรี้ดดังลั่นลานเอนกประสงค์และรีบโยนสัตว์เลี้ยงน่ารักที่ผมอุตสาห์หามาให้ทิ้งไป เธอมองผมด้วยสายตาที่โกรธผมมากแต่ผมก็หันกลับไปมองเธอเช่นกัน
 
                  “อ้ายยยยยยย..พี่โจ...กี้จะให้พ่อกี้ไปเอาเรื่องพ่อแม่พี่!! " เธอตะโกนสุดเสียงบอกผม
 
"เชิญเลยถ้าอยากจะประจานตัวเองให้พ่อเธอรู้นิสัยที่แท้จริงก็เอานะกี้ถ้าเธอกล้าแลกกับพี่..พี่ก็กล้าเพราะว่าพี่จะไม่ยอมให้ปากพล้อยๆของเธอมาทำให้ความรักของพี่ร้าวฉานและพี่เป็นคนเอาคืนหนัก ถ้าเธออยากลองของเชิญ! " ผมพูดโดยแค่เหลียวไปมองแค่นั้นและผมก็เลยผมเดินไปหาอาร์ททันทีและโอบเอวเดินออกไป

                  “ชื่อกี้มันเพราะเกินไป ต่อไปก็เรียกเธอว่าน้องอึ่งอ่างแล้วกันนะ มันเหมาะสมดี” ผมหันไปบอกกี้ที่ยืนอยู่บนโต๊ะใจกลางสายตานักเรียนในโรงเรียน
 
                  “กรี้ดดด” เสียงกรี้ดตามหลังผม อาร์ทที่ยืนอยู่บนโต๊ะห่างไปสักหน่อย ก็กระโดดลงมา และเดินมาหาผม ผมยักไหล่ นางทำตัวเองถ้าไม่มาหาเรื่องกับผมก่อนผมก็จะไม่ทำแบบนี้   ผมเดินตามพวกไอ้คริสโตเฟอร์ ไอ้โป้ง และไอ้ปันปัน ออกไปทันที ทิ้งไว้แค่เสียงหัวเราะขบขันพวกนักเรียนที่นั่งรอเข้าแถวกัน
 
"ที่รักเขาจะปกป้องไม่ให้ใครมาทำร้ายจิตใจที่รักนะ" ผมหันไปพูดกับอาร์ท อาร์ทมองผมด้วยแววหวานฉ่ำมากคือซึ้งและเข้ามาซบลงที่อกผม
 
"เออ..กูเคยเห็นแต่พระเอกปกป้องนางเอกวะ...แม่งของมึงนี้นางเอกปกป้องพระเอก..โธ่พ่อเซลามูน" ไอ้โป้ง มันหันพูดชมผมครับ
 
“คืออะไรอะโป้ง” ปันปันมันถามไอ้โป้ง
 
“ผดุงความรักและความยุติธรรมไง ไม่เคยดูหรือไง” ไอ้โป้งมันบอกไอ้ปันปัน มันคิดไม่ถึงละซิท่าว่าไอ้โป้งจะดูการ์ตูนแบบนี้ด้วย ฮาๆ อาร์ทหันมาซิบอกผมโชว์ไอ้ปันปัน เป็นไง อิจฉาละซิ
 
"กูไม่รู้ว่ากูควรจะกลัวอึ่งอ่างที่มึงเอามาให้น้องกี้ หรือกลัวมึงแทนดีวะ ไปเข้าแถวกันดีกว่าโป้งจัง"ไอ้ปันปันพูดและดึงแขนไอ้โป้งไปทันที
 
"กูไม่ขอพูดแล้วกันนะ...เอาที่มึงสองคนสบายใจ" ไอ้คริสโตเฟอร์หันมาพูดกับผมและมันก็แยกตัวไปเข้าแถวห้องมัน  ยุคนี้เราต้องดูแลกันและกันทำไมฟ่ะ ผมยังคงกอดปลอบที่รัก
 
“นี้จะยืนกอดกันอีกนานไหม เสาร์อาทิตย์ไม่พอหรือไง ไปเข้าแถวซิ “ครูอุไรวรรณ หรือว่าแม่วรรณของพวกผม อาจารย์แม่เลยก็ว่าได้ เพ่นซิครับรออะไร วิ่งไปต่อแถวแถบไม่ทัน ระหว่างที่เข้าแถวผมเหลือบไปมองกี้ เธอหันมามองผมมือก็กำหมัดแน่น ส่งสายตาประสาน อย่าให้เห็นมาว่ายุ่งกับผมและอาร์ทอีก โดนหนักกว่านี้แน่ เธอก็หันหน้าหนีผมทันที
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษของโป้งVSปันปัน ขอแค่โป้งจะไม่ปล่อยมือปันปัน
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 26-08-2020 12:13:04

     
                Part's โป้ง หลังจากจบการแข่งขับบาสเกตบอล พวกผมก็ได้ครองแชมป์เป็นสมัยที่สองติดกัน ได้รับเหรียญทองหน้าเสาธง แต่ถึงจะหมดฤดูกาลการแข่งขันไปแล้ว แต่พวกผมก็ยังคงเล่นและซ้อมกันทุกวัน เพราะว่าการเล่นบาสมันเข้ามามีบทบาทจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของพวกผมกันไปซะแล้วและนี้คือจุดเริ่มต้นของมิตรภาพที่ดีของคำว่าเพื่อน มันทำให้ผมรู้ว่าเพื่อนตายมีจริง ผมกับไอ้คริส อาร์ท และโจ ส่วนปันปันนี้ผมรู้สึกว่ามันคือคนพิเศษมาพักใหญ่แล้วแต่ไม่ได้บอกมันก็เท่านั้นเอง

หลังจากการแข่งขันจบลง และไอ้คริสโตเฟอร์มันก็ได้รับบาดเจ็บ  และนี่มันก็เลยถือโอกาสไปนอนให้ครูเขม ให้ครูเขมดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำ และตอนนี่มันก็ยังไม่ยอมกลับมานอนบ้านพักกับผมเลย เวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้วด้วย ผมไม่รู้ว่ามันยังไม่หายดี หรือว่าพยายามอ้อนครูเขมต่อซะก็ไม่รู้ แต่ว่าผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมันหรอก ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าการมีคนรักแล้วอยากอยู่ด้วยกันมันเป็นยังไง อยากอยู่ด้วยกันตลอดไป และคนคนนั้นของผมก็คือปันปัน

ขณะที่ผมกับปันปันกำลังเดินไปเข้าห้องน้ำก่อนจะเข้าแถว ผมแอบไปได้ยินเสียงคนคุยกันทางด้านท้ายตึกผมจำได้ดีว่าเป็นเสียงของไอ้กาย ผมหันมามองหน้าปันปัน ก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางเดินไปแต่ปันปัน รีบดึงรั้งแขนผมเอาไว้ว่าไม่ให้ไป

“อย่าเลยโป้ง...ปันปัน กลัวมันจะทำอะไรโป้งนะ”

“มันไม่กล้าหรอกน่า...” ผมหันไปบอกคนข้าง (ยิ่งนับวันก็ยิ่งรักผมเพิ่งจะรู้ว่าเป็นคนที่ถูกรักนี้มันดีแบบนี้นี้เอง) ผมเดินออกไปยืนตรงมุมเสา ภาพที่ผมเห็นคือไอ้กายและเพื่อนมันอีกสองคน แต่ไม่มีไอ้พี่อั๋น และกี้สาวสวยดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งประจำโรงเรียน นางเพิ่งจะบอกว่าชอบปันปัน นางเป็นผู้หญิงแรง แต่นี้ดันมายุ่งกลับไอ้กายอีก ใครก็รู้ว่าไอ้กายเป็นคนยังไงไม่มีใครอยากหาเรื่องกับมันเพราะบารมีพ่อมัน  ผมยืนมองผมเห็นสีหน้าการสนทนาของท้่งคู่ ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

“จะมาเอาอะไรกี้..งานก็ทำไม่สำเร็จกะอีแค่เอายาไปใส่ไว้ในกระเป๋าให้คริสมันแค่นี้เธอยังทำพล้าดเลย และดูซิ มันเลยได้ลงแข่งอีกด้วย เธอนี่มันไม่ได้เรื่อง แล้วอย่างนี้นะเหรอจะมาขึ้นแท่นเมียกู!” เสียงไอ้กายมันโวยวายใส่กี้ ฝีมือมันนี้เองไอ้กาย

“แต่กี้ทำได้แล้วนะ ส่วนที่ไม่สำเร็จ พี่ต้องไปโทษนางแก้มมันต่างหาก” กี้พูด  ผมหันมามองหน้าปันปัน กี้มันเพิ่งบอกปันปันว่ามันแอบชอบปันปัน อย่างนั้นก็แสดงว่ามันเป็นนกต่อให้ไอ้กายด้วยนะซิ

“ไม่รู้ละวันนี้พี่ต้องพากี้ไปดูหนังนะเราเป็นแฟนกันนะ”

“แฟนบ้าอะไรใครบอกเธอ..อ้อเลิกไปโพนทะนาบอกใครต่อใครนะว่าเธอเป็นเมียพี่...เลิกทำซะก่อนที่พี่จะเปิดเผยให้ทุกคนรู้ว่าพี่ไม่ใช่ผัวคนเดียวของเธอกี้” ไอ้พี่กาย ผมยืนกอดอกแสยะยิ้มอย่างสมเพชคนสวยประจำโรงเรียน กี้เธอยืนหน้าซีดเผือดไปเลยทันทีที่กายมันพูดประโยคนั้นออกมา

“ทำไมละ พี่เป็นผัวกี้นะ..และมันก็เป็นเรื่องจริง!”

“หึๆ” เสียงหัวเราะที่เยือกเย็นของพี่กาย ไอ้นี่นะเหรอเรื่องฟันผู้หญิงทิ้งจะขึ้นชื่อแล้วทำไมคนสวยๆ อย่างกี้ยังไปหลงมันอีกว่ะ ผมละไม่เข้าใจเลย

“นี้ไอ้อั๋นมันก็ผัวเธอ..ไอ้เอกอีกละ...ห๊ะ!” ไม่น่าเชื่อเลยว่าดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งของโรงเรียนจะทำตัวแบบนี้ ผมหันมามองปันปันก็ยืนทำท่าขนลุกขนพอง ก็ตอนที่ผมให้น้องเขาช่วยหยิบแฟรซไดรฟ์จากกระเป๋าแก้ม เธอขอแลกกับการได้นั่งคุยกับปันปัน เธอบอกว่าเธอก็ชอบปันปัน (แอบคิดในใจ เซ้นเธอช่างแย่จริงๆ มันเลือกชอบปันปัน และยังเคยเขียนจดหมายบอกวาชอบไอ้โจอีกด้วย)

“คิดเหรอว่าพี่จะเอาคนมากผัวอย่างเธอมาเชิดหน้าชูตาว่าเป็นแฟน เมีย ...ไปไหนก็ไปเลยไปกี้อย่าให้กูหมดความอดทนนะ”

“ฉันจะไปหาพ่อแม่พี่”

“ก็ไปซิ ...ท่านนะเข้าใจว่าของเล่นก็คือของเล่นและ...ลองดูนะว่าคลิปที่โดนพวกไอ้อั๋นกับไอ้เอกน่ะ ถ้ามันจะไม่แพร่ออกไปทั้งโรงเรียน...เธอลองคิดดูเอาแล้วกันกี้”

“ไอ้พี่กาย..ไอ้พี่ชั่ว..ฮือๆ ..พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง..”

“หยุด!! ..อย่ามาทุบตีกูแบบนี้คราวหน้ามึงโดนแน่...กี้” ไอ้พี่กายมันง้างฝ่ามือทำท่าจะตบกี้ แต่เพื่อนมันถึงแขนห้ามมันเอาไว้ ไอ้กายมันเลยชักมือกลับ

“ดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่ง...อยากรู้ว่าจะดังเท่ากับความสวยเธอมั้ย..ไอ้คลิปที่โดนรุมนั้นนะ.แถมมันดูก็รู้ว่าเธอสมยอม” ไอ้กายนี้มันเลวได้ดีจริงๆ และกี้ก็วิ่งร้องไห้ออกไปผ่านพวกผมสองคนออกไป กี้หันมามองผมกับปันปันแว๊ปหนึ่งก่อนวิ่งผ่านไป

“กูจะทำยังไงดีวะ ...ถ้าไม่มีนางแก้มเข้ามายุ่งวันนั้นไอ้คริสมันคงถูกไล่ออกไปแล้วและมันก็คงไม่ได้ลงแข่งบาส คิดแล้วเจ็บใจฉิบหายเลยวะ” ไอ้กายพูด ผมเดินออกมาจากที่หลบมุม แม้ว่าปันปันจะดึงแขนผมไว้ก็ตาม ไอ้พี่กายมันหันมามองผม มีเพื่อนมันอีกสองคนแต่ไอ้สองคนนี้มันไม่กล้ากับผมหรอก เพราะว่าไม่ใช่ไอ้อั๋นกับไอ้พี่เอก แต่พี่เอกก็ไม่ทำผม ผมนะมีบุญคุณกับพี่เขาอยู่ ดังนันก็จะมีแค่ไอ้กายกับพี่อั๋นดังนั้นผมจึงไม่ต้องกลัวอะไร

“ยืนแอบฟังคนอื่นไม่มีมารยาทปะว่ะ” ไอ้กายมันหันมาพูดกับผม

“มารยาทไว้ใช่กับคนที่สมควรวะ แต่คนอย่างมึงนะไม่สมควรได้รับหรอก ไอ้กาย!”

“มึงจะทำอะไรกูไอ้โป้ง” ผมเดินย่างเข้าไปหามัน ตาก็จ้องหน้ามัน แต่ไอ้กายมันก้าวถอยหลังออก ที่อย่างนี้ไม่ปากดีวะ ผมคิดในใจ ผมยังคงจ้องมองหน้ามันและก้าวเท้าเข้าหามันเช่นกัน

“หมับ” ผมจับที่คอเสื้อมันทันที ไอ้กายมันหน้าซี้ดเป็นไก่ต้มทันที ผมดันมันอัดไว้กับกำแพงและหันไปชี้ไอ้สองตัวที่ยืนอยู่ว่าอย่าเข้ามาหาเรื่องเจ็บตัว มันก็ถอยหลังมันรู้จักผมดีว่าถ้าไม่หมอบผมก็ไม่หยุด

“เลิกยุ่งกับไอ้คริสซะ...ไม่อย่างนั้นมึงนะได้กลับไปนอนหยอดน้ำเกลืออีกรอบแน่...และกูนี้แหละที่จะต่อยมึงเอง..กูไม่แคร์หรอก ถ้ากูจะถูกไล่ออกหรือพักการเรียนสาเหตุเพราะกูต่อยลูกตำรวจอาการสาหัส!” ผมพูด สีหน้าผมจริงจังแค่ไหน ดูหน้าไอ้กายก็รู้มันกำลังกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงในคอ

“ปึก” ร่างมันกระแทกกับกำแพง ไอ้กายมันไม่มีอะไรที่น่ากลัวหรอกสำหรับผม มันแค่มีสมุนและมีพ่อเป็นเกราะกำบังแค่นั้น

“พอเถอะโป้งอย่าไปกัดกับหมาบ้าอย่างมันเลยว่ะ” ปันปันเข้ามาดึงแขนผมไว้ ไอ้กายมันมองหน้าผม มือมันกำหมัดเอาไว้แน่น

“โป้ง!” คริสโตเฟอร์ ไอ้อาร์ทและไอ้โจ้มันวิ่งมาทางท้ายตึกเช่นกัน

“ไม่เอานะโป้ง ...” คริสโตเฟอร์มันดึงแขนผมไว้ พวกไอ้อาร์ทมันมองหน้าไอ้สมุนขี้ขลาดที่ยืนชิดติดกำแพงอยู่ จนกระทั่งไอ้อั๋นกับไอ้พี่เอกเดินเข้ามาพอดีมันคงปืนข้ามรั่วเข้ามา เพราะมันมาสายกัน และพอไอ้พี่อั๋นมันเห็นพวกผมเท่านั้นแหละกรูกันเข้ามาทันที ส่วนไอ้พี่เอกมันมองหน้าผม มันแอบส่ายหัวให้ผมหยุดไม่ให้ผมแลกกับพวกมัน

“พวกมึงมาซ่าอะไรกับเพื่อนกู” ไอ้พี่อั๋นมันยืนประชันหน้ากับผม ผมก็หันไปประชันหน้ากับมันแบบไม่กลัวเกรงอะไรทั้งนั้น ต่อให้มันเป็นนักมวยของโรงเรียนก็เถอะ

“มึงช่วยห้ามความบ้าของเพื่อนมึงหน่อยนะไอ้อั๋น” ผมพูดกระแทกเสียงไม่ต้องตะโกนแต่มันก็มีพลังพอที่จะทำให้คนตรงหน้าผมกำมือแน่นด้วยความโกรธ

“เสียงสัญญาณเรียกเข้าแถวดังแล้วว่ะโป้ง ไปกันเถอะวะ” ไอ้อาร์ทบอกพวกผม ผมก็ยักไหล่ไอ้พี่เอกไม่ได้พูดอะไรมันแค่ยืนมองพวกผม ไอ้พี่เอกนะผมเคยช่วยชีวิตมันไว้แต่มันก็เป็นเพื่อนไอ้กายผมรู้ มันก็คงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกัน ผมหันหลังออกเดินตามเพื่อนๆ

“มึงรู้ได้ไงว่ะ ว่าพวกกูอยู่ตรงท้ายตึกอะ” ปันปันถามไอ้สามคนที่วิ่งมาหาผม

“แก้มอะดิ มันบอกว่าเห็นมึงกับปันปันเดินหายไปทางท้ายตึกและแก้มมันก็เห็นกี้วิ่งออกมาจากที่นั่น มันเลยคิดว่าอาจจะมีเรื่องอะไร และพอกูได้ยินเช่นนั้น พวกกูก็เลยทิ้งอาหารเช้าวิ่งมาหามึงสองคนนี้แหละ “ไอ้อาร์ทมันพูด ผมพยักหน้า ลงทุนไปไหมวะไอ้พวกนี้แต่ผมก็นึกขอบใจพวกมัน ที่มันเป็นห่วงผม

“มึงจะไปหาเรื่องมันทำไมวะโป้ง” ไอ้โจถามผม

“โป้งเข้าไปเตือนมันให้เลิกยุ่งกับคริสนะ” ปันปันพูดแทนผมนะเป็นคนปากหนักและไม่ชอบแสดงเพื่อเอาหน้า

“โป้ง..ถ้าเรื่องที่มันยัดยาให้กูนะ..ช่างมันเถอต่อไปกูจะระวังตัวมากกว่านี้และกูไม่อยากให้มึงไปยุ่งว่ะโป้ง..กูกลัวมันเล่นสกปรกกับมึงอีกคนแค่กูก็แย่พอแล้ว” คริสโตเฟอร์มันพูด ผมหันไปมองหน้าไอ้คริสมัน และถอดหายใจออกมายาวๆ จะว่าไปผมก็มีส่วนทำให้มันกับไอ้กายผิดใจกันเหมือนกัน

“ครูเขมฝากถามว่าพ่อมึงเป็นยังไงบ้าง..และได้รับการผ่าตัดทำบายพาสหัวใจหรือยัง “ไอ้คริสบอกว่าครูเขมถามเรื่องของพ่อผม

“ครูเขมเขาเต็มใจช่วยมึงนะโป้ง” คริสโตเฟอร์พูด

“ช่วยพ่อมึงก่อนโป้ง ...พ่อมึงสำคัญนะโป้ง”

“แต่ว่าเงินมันไม่ใช่น้อยๆ เลยนะคริส” ผมพูดเพราะว่าหมอบอกว่าถ้าทำบอลลูนหัวใจ พ่อผมมีความเสี่ยงเยอะกว่าทำบายพาสและค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นอีก

“ครูเขมเขาเต็มใจและมึงก็หามาคืนเขาที่หลังซิโป้ง” คริสโตเฟอร์พูดผมพยักหน้าเบาๆ

“ตอนเที่ยงนะไปกับกูที่ห้องสมุดว่ะโป้ง..ครูอยากจะคุยกับมึงเรื่องพ่อมึง..ครูขออยากช่วยและมึงจะได้เรียนให้จบ” คริสโตเฟอร์หันมาบอกผม ก่อนจะเดินแยกเพื่อไปเข้าแถว ผมหันมามองคนที่สวมมือเข้ามาจับมือผมบีบไว้ ถ้าไม่มีคนนี้ข้างๆ ผม ผมคงรู้เหมือนกำลังสู้อยู่คนเดียวเหมือนกัน

“ปันปันเห็นด้วยนะโป้ง..และปิดเทอมเราไปช่วยแม่โป้งทำเค้กจะได้มีรายได้เพิ่มดีไหม..เราชอบโดนัทที่แม่โป้งทำอะ ..เราไปขายตามตลาดนัดเปิดท้ายก็ได้ดีไหมโป้ง” ผมยิ้มออกมาทันที ทำไมผมคิดไม่ได้นะ

“เราช่วยกันนะ” ปันปันพูด

“อืมม...ขอบใจนะ..และอย่าทำหน้าตาแบบนี้ได้มั้ย” ผมหันไปมามองคนที่ยิ้มตาหยีให้ผม

“ทำไมอะ” = 0 = ทำแก้มป่องด้วย

“มันน่ารัก” พอผมชมเข้าหน่อยคนที่ถูกชมถึงกับยิ้มตาหยีทันที ผมพากันเดินไปเข้าแถวผมนะให้ปันปันยืนด้านหลังผมเพื่อออกตัวปกป้องคนรักผมเอง

“ขอบคุณนะ..โป้งจัง”

“บอกอย่าเรียกโป้งจังไงปันปัน!!!”

“ทำไมอะเขาชอบ”

“โป้งไม่ใช่ตัวการ์ตูนญี่ปุ่นซะหน่อยและมันฟังดูไม่โหด ..โป้งจัง~” ผมพูดชื่อตัวเองยังแอบขนลุกเลย ไอ้พี่กายมันหันมามองหน้าผม ผมก็ทำเป็นไม่สนใจ จนกิจกรรมหน้าเสาร์ธงเสร็จสิ้น

ผมก็เดินไปขึ้นห้องเรียนตามปกติพยายามตั้งใจ ผมต้องเรียนให้จบ ม.6 ก่อนให้ได้และนั้นผมจะได้คิดหาช่องทางทำงานเพื่อช่วยเหลือครอบครัว เมื่อก่อนพ่อทำงานได้เยอะๆ ที่ละเป็นหมื่นๆแต่ตอนนี้หมดไปกับค่ารักษาก็เยอะอยู่เงินที่มีก็ร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ เช่นกัน

เมื่อก่อนไม่ซิไม่นานมานี้ผมยังเที่ยวสนุกกับแฟนผมที่เป็นนักเรียนพยาบาลเธอเรียนปีสองแล้วแต่ตอนนี้เราเลิกกันอย่างเป็นทางการเธอคงตัดสินใจบอกพ่อแม่เธอไปตามจริงๆ นะว่าเธอเป็นสาวกเลสเบี้ยน ส่วนผมก็คงจะบอกแม่ผมเร็วๆ นี้แหละว่าผมเป็นอะไร ที่จริงแม่ก็เริ่มสงสัยแล้วเรื่องผมกับปันปัน แม่ถามผมแต่ไม่ได้ถามเชิงว่าจะต่อต้านนะแต่ผมก็ยังแค่ยิ้มๆ ไม่ได้ตอบอะไร

“หมับ” ผมเอื้อมมือไปกุมมือคนที่นั่งข้างๆ ผม ระหว่างที่ครูให้จดบนกระดานไวท์บอร์ด ผมเหลือบมองคนที่ตั้งใจเรียน ปันปันเป็นคนที่เรียนเก่งเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านเขามีพี่สาวถึงห้าคน ปันปันเป็นลูกคนสุดท้อง ไม่แปลกใจหรอกที่เตี่ยปันปันจะพยายามให้ลูกกลับไปสู้โลกที่คนปกติเขา เพราะคนจีนนะมักฝากความหวังไว้ที่ลูกชายมากกว่าลูกสาวและปันปันมันก็ดันมาเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านอีก

“มีอะไรอะ” ผมสะดุ้งปันปันยื่นหน้าใกล้ๆ ผม ใกล้มาก

“ไม่มีอะไร!!” ผมตอบเสียงสูงไปหน่อย ฮาๆ

“เห็นจ้องตั้งนานแล้วนะ” ปันปันมันยังคงกดดันผม มันก็รู้ว่าผมจ้องมันทำไม และผมเองก็เป็นคนปากหนัก ปากกับใจไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่ ก็มันเขินด้วยแหละ หันหน้าหนีดีกว่า

“เปล่า!”

“เสียงสูงอ่ะ” ยังอีก ยังพยายามตามตื๊อเอาคำตอบอีก

“อย่าถามเยอะได้มั้ย” ผมพูดคนที่นั่งข้างทำปากยู่ใส่ผมทันที

“หงึกๆ” มีมือมาสะกิดข้างหลังผม ผมหันไปมองเป็นสองสาว ที่นั่งข้างหลังผมนั้นเอง เป้ยกับมะนาวเป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนของพวกผม

“ว่าไง” ผมหันไปถาม

“ถามหน่อยซิ ตกลงนายสองคนเป็นแฟนกันหรือเปล่า” มะนาวถามผมแววตาเป็นประกายฟรุ้งฟริ้งมาก ส่วนคนข้างๆ ผม นี่ซิ เขินอายซะขนาดนี้ ผมคงไม่ต้องหาคำตอบแล้วมั้ง

“ปันปันเขินใหญ่เลยอ่ะ...ตกลงเป็นแฟนกันใช่ปะ”

“อืมม” ผมพยักหน้าตอบ

“เห็นไหมแกฉันบอกแล้วว่าท่าทางสองคนเขาแบบนี้เป็นกันชัวร์ “มะนาวพูด

“พวกเราเป็นสาววายอะ..อยากรู้จังว่ารักกันได้ยังไงอะไรแบบนี้” ดูซิ พูดไปทำหน้าฟินไปด้วย
ผมกับปันปันหันมามองหน้ากัน และเกาหัวเขิน

“พวกเราอยากเขียนนิยายเรื่องความรักของผู้ชายกับผู้ชายอะ..” เป้ยพูดพร้อมกับมองหน้าผมสองคน ผมหันมามองหน้ากัน

“ไม่รู้ซิว่าเกิดตอนไหน...คงระหว่างที่เราเป็นเพื่อนกันมั้ง..คือมันบอกไม่ถูกอะว่าไปรักกันตอนไหน..รู้ตัวอีกทีก็รักไปแล้วอะ” ผมพูด

“ฟินมากอะ...รักกันนานๆ นะ” สองสาวที่นั่งโต๊ะข้างหลังผมสองคนพูดผมพยักหน้าขอบคุณ ครูสมชายเข้ามาสอนภาษาอังกฤษพอดีเลย ผมก็หันไปตั้งหน้าตั้งตาเรียนกันต่อ และช่วงนี้ที่คริสมโตเฟอร์มันเรียนพิเศษกับครูเขมมันก็ดึงพวกผมขึ้นไปนั่งเรียนด้วย และมันก็ก็ดีกับพวกผมมากด้วย เพราะได้ความรู้เพิ่ม ไม่ใช่เรียนแค่ในตำราอย่างเดียว

หลังจากเลิกคาบที่สี่ ผมก็เดินลงจากตึกจะรีบไปหาอะไรทานไอ้คริสโตเฟอร์มันคงรอทานกับพวกผมอยู่ด้านล่างและมันบอกผมว่าครูเขมอยากจะคุยกับผมเรื่องพ่อ ผมเข้าใจแล้วแหละว่าทำไมคริสโตเฟอร์มันรัก ครูเขม มากขนาดนี้ ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินออกมาผมเจอพี่เอกยื่นอยู่เหมือนเขารอผมอยู่

“พี่เอกมีอะไรเหรอ” ผมถามพี่เอก ปันปันมองหน้าผมกับพี่เอกสลับกันไปมา

“กูอยากให้มึงเลิกเข้าไปยุ่งกับไอ้กายวะก่อนที่มันจะมาเล่นมึงอีกคน โป้ง” พี่เอกบอกผมน้ำเสียงที่บอกได้ว่าเป็นห่วงแต่ว่าไอ้คริสโตเฟอร์นะมันเป็นเพื่อนรักของผมนะซิ

“มึงก็รู้ว่าไอ้กายเป็นคนพาล “พี่กายพูด ผมพยักหน้าว่าผมรู้ว่ามันเป็นคนยังไงแต่ไอ้คริสมันเพื่อนผม

“ผมไม่ยุ่งไม่ได้พี่เอก..พี่นะควรจะบอกเพื่อนพี่ให้เลิกยุ่งกับไอ้คริสมันและเรื่องที่มันท้าแข่งรถกับไอ้คริสคราวก่อนนะ ไอ้คริส มันไม่รู้เรื่องว่าพ่อมันจะเป็นคนไปจับคนที่แข่งรถในคืนนั้น และไม่มีใครรู้ทั้งนั้นว่าใครเป็นคนโทรแจ้ง” ผมพูดกับพี่เอก พี่เอกพยักหน้า ผมว่าพี่เอกรู้ว่าใครโทรแจ้ง

“เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วด้วยพี่ควรจะบอกไอ้กายมันเลิกบ้าได้แล้ว”

“พี่บอกมันได้เหรอวะ บอกไปมันก็ฟังพี่หรอก โป้ง” พี่เอกพูดพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะหันมามองหน้า ไอ้ปันปัน ที่ยืนทำหน้างง เหตุการณ์คืนนั้นผมจำได้ดีว่าเราไปท้าแข่งรถด้วยเงินเดิมพัน หนึ่งหมื่นบาทแต่คืนนั้นดันซวยพ่อพี่กายที่เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เป็นคนไปดักจับพวกแข่งรถเองและจับลูกชายตัวเองซึ้งมันสร้างความอับอายให้เขาเป็นอย่างมากและไอ้พี่กายก็คิดว่าเป็นฝีมือไอ้คริสโทรไปแจ้ง ทั้งที่พวกผมก็โดนและพ่อแม่ก็มาประกันตัวกันและหลังจากวันนั้นไอ้คริสโตเฟอร์ก็มีเรื่องต่อยกับไอ้พี่กายหนักที่สุดก็ไอ้พี่กายมันด่าถึงพ่อแม่มันนั่นแหละ ไอ้กายมันเลยโดนต่อยไปจนสลบคาที่และคริสโตเฟอร์ก็โดนพักการเรียนไปทันที

“ไปกินข้าวกันเถอะว่ะ...ดูแลปันปันดีดีละ” พี่เอกพูดก่อนจะเดินแยกไปอีกทางเพื่อไม่ให้พี่กายเห็นว่าพี่เอกนะญาติดีกับพวกผม ผมเคยช่วยพี่เอกไว้ตอนนั้นเราไปเที่ยวกันพี่เอก กำลังถูกรุมกระทืบและมันก็ชักมีดขึ้นมาแต่พวกผมลงไปช่วยไว้ซะก่อนพี่เอกเลยรอด

“ทำไมไอ้พี่เอกมันดีกับโป้งจังเลยอ่ะ”

“โป้งเคยช่วยพี่เอกไว้นะปันปัน..ตอนที่พี่กายโดนคู่อริไอ้กายมันไล่กระทืบเอา มันกะเล่นพี่เอกถึงตายเลย แต่โป้งผ่านไปพอดีก็เลยช่วยพี่เขาไว้ “ผมบอกปันปัน ปันปันก็พยักหน้า

“เออ..ต่อไปนี้ห้ามอยู่ห่างๆ จากโป้งนะรู้ไหม” จากที่พี่เอกพูดผมเริ่มเป็นห่วงปันปันมากขึ้น ผมเดินลงไปที่โรงอาหารเหมือนเช่นปกติ ปันปันก็เดินไปหาซื้อของชอบของเขา ผมเห็นไอ้โจ้กับไอ้อาร์ทมันยืนใช้ความคิดเลือกว่าจะกินอะไรดี พ่อมันสองคนเป็นที่รู้จัก ไม่ค่ยอมีใครกล้ายุ่งกับไอ้อาร์ทและไอ้โจ้หรอกแต่มันสองคนดีที่ไม่เคยเอาพ่อมาเบ่งเหมือนไอ้กาย

“กินไรวะโป้ง” ผมสะดุ้งมือไอ้คริสโตเฟอร์มาแตะที่ไหล่ผม

“ทำไมวันนี้หน้ามึงบอกบุญไม่รับเลยว่ะ” ไอ้คริสโตเฟอร์ถามผม

“ไม่มีอะไรหรอกนะ” ผมหันไปพูดกับคริสโตเฟอร์

“โป้งข้าวผัดปูที่โป้งชอบอะ” ปันปันซื้อข้าวผัดปูมาให้ผมร้านป้าใจแน่ๆ ผมหันไปรับจานข้าวมาถือ คนนี้เรียกได้ว่ารู้ใจผมมาก คริสโตเฟอร์แตะไหล่ผมเบาๆ และเดินเลี่ยงออกไปหาครูเขมผมเดินไปที่นั่งทางด้านหลังกัน พอเดินถึงก็เห็นไอ้คู่รักจากเพื่อนสนิทกลายมาเป็นคู่รักหวานแหว๋ว โจ้กับอาร์ท

“นี้มึงสองคนยังรักกันอยู่ดีใช่ปะ” ผมสะบัดหน้ามามองปันปัน ถามอะไรนะ ไอ้อาร์ทก็สะบัดหน้ามามองปันปันอีกคน

“ปากมึงเหรอครับปันปันของพ่อ” ไอ้อาร์ทเงยหน้าขึ้นมาพูด

“ก็กูเห็นไอ้โจมันถ่ายรูปคู่กับหมา และโพสต์ลงอินทาแกรมตลอดนี้หว่า..ฮาๆ ไม่เห็นมีมึงเลยอ่ะไอ้พ่ออาร์ท!” ปันปันพูด ผมหันมาพยักหน้าจริงว่ะ

“เห็นไหม..ใครเขาก็เข้าใจผิดกันหมด งดอัพรูปกับเจอาร์เดี๋ยวนี้! ...ไม่อย่างนั้นเขาจะเอาไปคืนร้านขายพันธุ์สุนัข” ไอ้อาร์ทมันสั่งห้ามโจ โจหันมาทำท่าจะโบกปันปัน

“โป้งเดี๋ยวเขาต้องไปเอาสบู่ที่ม๊าส่งมาให้ใหม่” ปันปันบอกผม

“ที่แม่มึงส่งมาให้ใช้หมดแล้วเหรอวะปันปัน ..มึงถูหรือมึงกินเข้าไปด้วยวะ” ไอ้อาร์ทมันถามไอ้ปันปัน ผมหันไปมองคริสโตเฟอร์เดินมาพร้อมกับครูเขมมานั่งทานกับพวกผมด้วย

“นั้นดิ” ไอ้โจ

“ก็มันเล่นถูนานขนาดนั้นกูนี้ตัวจะเปื่อยหมดแล้ว” ผมพูดและหันไปมองปันปัน แค่สิวไม่กี่เม็ดเองแถวตัวมันก็ขาวจั๋วมาก

“ปันปัน ไปหาหมอเถอะมึงก่อนที่ไอ้โป้งมันจะเปื่อยเพราะต้องเข้าไปถูหลังให้มึงน้าน..นาน” ไอ้โจพูด คนที่ได้ยินทำปากมุบมิบทันที

“และเพื่อว่าหมอจะให้ยาแต่ไม่ใช่ยารักษาสิวน่ะ แต่เป็นยาลดอาการหื่นแทนว่ะ” ไอ้อาร์ทพูด ผมยื่นมือไปแตะมือว่าจริงมาก

“แป๊ะ!”

“โป้งจัง” คนนี้ทำหน้า สงสัยต้องให้เลิกอ่านนิยายวายญีปุ่นชั่วคราว เพราะว่าหน้ามันเหมือนนายเอกในนั้นเข้าไปทุกวันแ

“อีกแล้วบอกว่าอย่าเรียกโป้งจังไง” ผมหันมามองคนที่นั่งข้าง

“อายเขา!!” >////<

“ไอ้เชี้ยนี้มันอยากดูไอ้โป้งแก้ผ้าอะดิ..ดูหน้าก็รู้...บ่งบอกได้ว่าโรคจิตมาก..ฮาๆ “ผมนั่งทานอาหารเที่ยงกันพร้อมกันเสียงหัวเราะ นี้คือความทรงจำของคำว่าเพื่อนแท้ ไม่จำเป็นต้องนานแค่ไหนแค่ความจริงใจแค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับผม

หลังจากทานอาหารเที่ยงผมตามคริสโตเฟอร์ขึ้นไปห้องสมุด ผมนั่งรอครูเขมเขาเดินเข้ามาหาผมโดยปล่อยให้คริสโตเฟอร์อ่านหนังสือต่อ

“โป้งครูอยากช่วยเธอนะ..ครูไม่ได้อยากจะช่วยให้เธอยอมรับครูกับคริสโตเฟอร์แต่ครูยินดีจะช่วยเธอในฐานะครูและลูกศิษย์..เธอเป็นลูกศิษย์ของครูนะถึงแม้จะไม่ได้สอนก็ตาม”

“พ่อเธอต้องการมันนะโป้ง” ครูเขมกุมมือผมไว้

“ครูให้ยื่มก่อนเมื่อเธอสามารถคืนครูได้เธอค่อยคืนแต่เธอต้องเรียนให้จบก่อนนะโป้ง..สัญญากับครูว่าเธอจะตั้งใจเรียนให้จบ” ครูเขมบอกผม ผมเงยนห้ามองครูเขมชาติ ก่อนจะพยักหน้าตอบ ผมจำต้องยอมรับความช่วยเหลือจากคนที่ผมเคยพูดไม่ดีด้วย ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ ผมย่อตัวลง ผมก็รีบก้มลงกราบครูเขมชาติ

“อย่าทำแบบนี้ซิโป้ง” ครูเขมตกใจและรีบรับมือผมไว้ ผมรู้ว่าครูยังอายุไม่มากพอแต่ตอนนี้ผมเคารพครูเขมเหมือนเช่นครูคนอื่นๆ

“ผมขอโทษครับครูที่ผมเคยพูดไม่ดีกับครูผมขอโทษครับ..ผมรู้แล้วว่าทำไมคริสมันรักครู มันยอมทำทุกอย่างเพื่อครู เพราะครูดีแบบนี้นี่เองครับ..แม้กระทั่งผม”

“ครูเป็นครูโดยอาชีพ ครูต้องไม่เลือกปฏิบัติและครูยินดีที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยลูกศิษย์เมื่อลูกศิษย์ต้องการ...ในขณะที่ครูยังมีแรงทำได้อยู่” ครูเขมพูดและมองหน้าผม ผมสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นของครูเขม ผมคิดว่าโรงเรียนนี้ต้องครูแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นยังไงผมก็ต้องช่วยคริสมันปกป้องครูหากใครคิดจะทำร้ายครูดีดีอย่างครูเขมแน่นอน

“พรุ่งนี้ครูจะโอนให้เอาไปเพื่อรักษาพ่อเธอและเธอก็ตั้งใจเรียนให้จบแค่นี้ที่ครูอยากได้” ครูเขมผมพูด มือนั้นลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะดันผมให้ลุกขึ้นและครูเขมก็เดินกลับไปหาคริสโตเฟอร์เพื่อทำการติวหนังสือให้คริสโตเฟอร์ต่อ ผมเดินออกไปหาปันปัน ผมหยิบมือถือขึ้นมาและกดโทรหาแม่

“แม่”

“ว่าไงโป้งลูก”

“ผมมีเงินให้พ่อทำบายพาสหัวใจแล้วแม่”

“ไปเอามาจากไหนนะโป้ง”

“ครูเขมเขาให้ผมยื่มและผมจะพยายามหางานทำพิเศษผมจะค่อยๆใช้คืนครูเขมเขาแม่”

“ฮึกๆ ...”

“แม่บอกหมอได้เลยนะว่าพ่อพร้อมจะเข้ารับการทำบายพาสแล้วแม่..ต่อไปโป้งจะไม่เหลวไหลอีกแล้วแม่..โป้งรักแม่รักพ่อนะ..โป้งขอโทษที่ผ่านมาโป้งทำตัวไม่ดีเลยแม่” ผมพูดน้ำตาผมซึมแต่ผมพยายามกลั้นเพื่อไม่ให้ไหล

“โป้งดีสำหรับแม่อยู่แล้วลูก...ฝากขอบคุณครูคนนั้นด้วยนะ และถ้ามีโอกาสแม่จะไปขอบคุณเขาเองลูก” แม่ผมพูด

“ครับแม่...แม่ดูแลพ่อต่อเถอะครับ” ผมกดวางสาย ผมหันมามองปันปันกำลังใจที่อยู่ข้างๆ ผมอีกคน ปันปันกุมมือผมไว้ เหมือนกับว่าเขายัดบางสิ่งในมือผม ผมแบมือขึ้นมาดู มันเป็นสร้อยทองหนักหนึ่งบาท

“เอาไปขายช่วยพ่อโป้งนะ..แม่ของโป้งนะดีกับปันปันมาก ปันปันช่วยโป้งได้ไม่มากแต่อยากช่วย”

“เราเป็นแฟนต้องช่วยแฟนซิ”

“แต่นี้ม๊าปันปันซื้อให้ไม่ใช่เหรอ”

“เอานะไว้เราเก็บเงินทำใหม่ก็ได้นิ..ม๊านะเป็นผู้หญิงที่เข้าใจปันปันมากที่สุด แม้ว่าเตี่ยจะไม่เคยเข้าใจแต่ม๊านะเข้าใจและรักปันปันเขาเชื่อว่าม๊าจะไม่ว่าอะไรปันปัน หากจะใช้สิ่งนี้ช่วยคนที่ปันปันรัก” ปันปันพูดพร้อมกับกอดผม ผมก็หันไปกอดปันปันตอบ
TBC......

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนตอนที่41 ปันปันและโป้งโดนใส่ความ 1
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 26-08-2020 12:18:32
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ โป้งVSปันปัน ขอแค่เราจะไม่ปล่อยมือกัน 2 NC
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 26-08-2020 19:52:47
พิเศษ โป้งVSปันปัน ขอแค่เราจะไม่ปล่อยมือกัน 2 NC 18+                      
                       ผมกลับมามีสมาธิในการเรียนมากขึ้นหลังจากเรื่องของพ่อผมมีทางออกที่ดีขึ้น และต่อไปผมจะตั้งใจเรียนผมคิดไว้ในใจตั้งแต่ตอนนี้โดยมีคนข้างๆผมที่คอยเป็นกำลังใจให้เขาไม่ได้เป็นกำลังใจ อย่างเดียวเท่านั้นเป็นทุกอย่างเป็นทั้งเพื่อนเป็นน้องชายเวลาง้องแง้งกับผมเป็นคนที่รักผมว่าจะการบ้านหรืองานกลุ่มปันปันทำให้ผมเกือบหมดแล้วอย่างนี้ผมจะไม่รักได้ยังไง
 
“วันนี้พี่อลันแกจะมาหรือเปล่าวะ”ผมเดินลงมาที่สนามผมเปลี่ยนชุดเตรียมซ้อมบาสเก็ตบอลกับพี่อลัน พี่แกเป็นครูสอนพละที่วิทยาลัยพละศึกษาแห่งหนึ่งในตัวเมืองและเป็นรุ่นพี่ของที่นี้ด้วยพี่แกสละเวลามาซ้อมให้พวกผม อาทิตย์ละครั้งพี่แกเป็นหลานผู้อำนวยการอีกด้วย
 
“นั้นไงมาแล้วนะ” ไอ้โจ้มันพูดพร้อมกับชี้นิ้วไป ผมหันไปเห็นพี่อลันแกเดินผิวปากเท่ๆมาแตไกล
 
“ไงครับน้องๆ วอร์มกันหรือยัง” พี่อลันมาถึงก็ถามเลย
 
“วอร์มจนอุ่น..และก็อุ่นจนร้อนแล้วนะพี่” ไอ้อาร์ท มันพูดกวน
 
“อาร์ทครับ..กวนตีนครับ” พี่อลันพูดผมพากันกลั้นหัวเราะไอ้อาร์ท
 
“ออกมาปั่นจิ้งหรีดเดี๋ยวนี้เลยครับอาร์ทครับ..คราวนี้ได้วอร์มจนเหงือแตกพลั่กแน่ๆ ” พี่อลันพูดและไอ้อาร์ทมันก็โดนปั่นจิ้งหรีดไปยี่สอบรอบ
 
                       พี่อลันก็จัดการวางแผนการเล่นให้พวกผมทันทีถึงแม้ว่าตอนนี้จะปิดฤดูการไปแล้วแต่พี่แกอยากให้พวกผมซ้อมเอาไว้เพื่อฤดูการหน้า และผมยังคงเป็นอยู่ในตำแหน่งเซนเตอร์ที่คอยคุมเกมส์ในสนามเหมือนเคย ตำแหน่งชู้ดยังคงเป็นของคริสโตเฟอร์และตำแหน่งพอยส์การ์ดเป็นของปันปันและไอ้โจ้กับอาร์ทอยู่ตำแหน่งแบคหลัง พอพี่อลันพูดจบก็ให้พวกผมลงสนามเลยแข่งกับทีมสำรองรุ่นน้องๆที่จะขึ้นแท่นแทนรุ่นพวกผมต่อไปหลังจากที่พวกผมจบแล้วดังนั้นปีหน้าผมต้องเทรนรุ่นน้องให้หนักขึ้นและพยายามให้รุ่นน้องลงสนามแข่งทุกรอบเพื่อว่าจะได้เรียนรู้จากพวกผมก่อนที่จะจบ ระหว่างที่พวกผมซ้อมผมเห็นพวกพี่กายมันมายืนกอดอกมองพวกผม สักพักมันก็พากันเดินออกไป
 
“เอาละแยกย้ายกันได้แล้ววันพฤหัสดีหน้าพี่มีทีมให้ลองฝีมือวะ พวกพี่เขาเป็นนักบาสที่มหาวิทยาลัยพละ” พี่อลันพูดบอกพวกผม ไอ้คริสมันก็รีบลุกขึ้น มันจะรีบไปอาบน้ำเพราะว่ามันมีนัดเรียนภาษาอังกฤษกับครูเขม พวกไอ้อาร์ทกับไอ้โจมันก็รีบกลับบ้าน ไอ้คู่นี้เลิกแล้วรีบกลับไม่เถลไถลนั่งแช่เหมือนเมื่อก่อน มันต้องแอบไปทำอะไรกันแน่ๆ
 
“โป้ง..” พี่อลันเรียกผม
 
“ได้ข่าวว่าพ่อไม่สบายเหรอวะ”
 
“ครับพี่อลัน”ผมตอบพี่อลัน พี่เขาพยายามชวนผมอยู่อยากให้ผมไปคัดตัวทีมชาติ
 
“ตอนแรกผมว่าจะหยุดเรียนเพราะว่าค่าใช้จ่ายในการรักษาพ่อนะเยอะพี่อลัน”
 
“พี่เสียดายเราวะ..บอกตรงๆนะการเล่นเราดีวะ..อยากให้ไปเรียนวิทยาลัยพละหรือที่ไหนก็ได้แต่ไม่อยากให้เราทิ้งบาสยิ่งท่า แอร์วอล์คของเรานี้นะพี่โคตรชอบเลยวะ” พี่อลันพูด

                       “วันที่ชิงแชมป์พี่โคตรเสียดายเลยที่ไม่ได้มาดู มีแต่คนชมนายวะ โป้งวันนั้นนะ” พี่อลัลพูดและวันนั้นไอ้คริสก็ได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ เพราะว่าไอ้รองแชมป์มันเล่นขี้โกง มันตั้งใจชนแบบให้คริสได้รับบาดเจ็บแต่โชคดีที่คริสมันแค่ไหล่ซ้นแค่นั้น
 
“แต่ผมคง..ไปไม่ได้ไกลขนาดนั้นหรอกพี่” ผมหันไปพูดกับพี่อลัน ถึงแม้ว่านั้นก็คือความฝันของผมด้วยเช่นกัน
 
“พี่เชื่อว่านายไปได้ดีในเส้นทางนี้ว่ะโป้ง เพล้อๆนานน่าจะไปได้ถึงขั้นนักกีฬาทีมชาติเลยว่ะ” พี่อลันพูดกับผมก่อนจะเดินออกไป ไอ้คริสโตเฟอร์มันก็เตรียมตัวไปอายน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจะได้ไปเรียนติวกับครูเขม ผมเดินออกไปทางด้านหน้ากับพี่อลัน
 
“พี่อยากให้เราได้เรียนต่อและเอาดีทางด้านบาสเก็ตบอลหรือยึดเป็นอาชีพไปเลยจะดีมากพี่ว่านายทำได้โป้ง” พี่อลันพูด จังหวะที่ครูเขมเดินลงมาพอดีเลยตอนนี้ก็น่าจะหกโมงครึ้งได้แล้ว ครูเขมสอนติวภาษาอังกฤษเสร็จแล้ว
 
“ครูเขม...ไอ้คริสมันกลับไปอาบน้ำนะครับครู” ปันปัน หันไปบอกครูเขม ครูเขมพยักหน้าพี่อลันพอหันไปเจอก็หรี่ตามองครูเขม
 
“ใครวะ” พี่อลันถามผมกับไอ้ปันปัน
 
“ครูเขมครูสอนภาษาอังกฤษที่นี้นะพี่อลัน”
 
“ที่มาแทนครูมิ้งเหรอวะ”
 
“ใช่พี่”
 
“เฮ้ยเขาเป็นเกย์เปล่าวะ” พี่อลันกระซิบกับผม ผมถึงกับยกมือขึ้นมาเกาหัวทันที พี่แกตรงไป
ไหมวะพี่อลัน
 
“ทำไมอะพี่อลัน”
 
“กูจีบได้ไหมวะ”
 
“เฮ้ยพี่!..เป็นเกย์เหรอ”
 
“เออดิ”
 
“โว้ยย!!” พวกผมกับไอ้ปันปัน หันมามองหน้ากันแม้แต่โค้ชยังเป็นเลยอะ ดูแลกันมาตั้งสองปี นี่เพิ่งจะรู้วันนี้เอง ว่าพี่แกก็ไม่รอด
 
“พี่ไปแอบที่ไหนมาอะ” ไอ้ปันปัน รีบถามเขาเชียวนะ ผมหันไปเหล่มองเมีย บอกว่าให้เลิกแรด!!!!
 
“แล้วกูจะต้องแปะไว้ที่หน้าฝากหรอครับว่ากระผมเป็นเกย์นะครับ” พี่อลันหันหน้ามาบอกไอ้ป้นปัน
 
“ครูเขามีแฟนแล้วพี่..แฟนครูโคตรโหดสาดเลยอะ..หมามองครูมันเตะเลยนะ” ไอ้ปันปันมันพูดได้เวอร์มาก
 
“ขนาดหมามองมันยังเตะหมาเลยเหรอวะ” พี่อลันถามไอ้ปันปันมันพยักหน้าหงึกๆ ทันที (ตอแหลชัดชัด คนอย่างไอ้คริสโตเฟอร์มันเอาข้าวฟรีเลี้ยงหมาทุกวันมันนี้นะจะเตะหมา)
 
“จริง!!!” เสียงสูงจนต้องพากันยกนิ้วขึ้นมาอุดหู
 
“และแม่งยังกระทีบหมาซ้ำอีกอะโหดสาดอะ” ไอ้ปันปัน
 
“นี้มึงขู่กูปะเนี๊ยะ..เตะให้ร้องแต๋วแตกเลย” พี่อลันหันไปจะเตะไอ้ปันปัน
 
“เขามีแฟนแล้วพี่” ผมเลยพูดอีกคน
 
“อะไรวะอกหักตั้งแต่แรกเจอเลยเหรอวะเซ็งว่ะ” พี่อลันพูดก่อนจะเดินออกและยังหันไปส่งยิ้มพร้อมโบกไม้โบกมือให้ครูเขมอีก ครูเขมก็ยิ้มๆตอบ ผมหันมามองคนข้างๆ ช่วยไอ้คริสโตเฟอร์มากเลยนะ ปันปันหยักไหล่และเดินกลับเข้าบ้านพักระหว่างที่เดินกลับผมเห็นไอ้คริสโตเฟอร์มันเดินสวนออกมาเพื่อจะไปเรียนติวกับครูเขม
 
“โป้งไปเรียนปะ..กูจะไปกินข้าวกับพี่เขมก่อนวะ เจอกันที่บ้านพักครูนะ”
 
“เออก็ได้วะ” ผมพูดและรีบพากันเดินกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบพร้อมกันไปเลยด้วยพอเสร็จแล้วก็ออกมาแต่งตัวปันปันหยิบผ้ามาเช็ดผมรองทรงข้างบนยาว แถมยังเอาไดมาเป่าผมให้ผมด้วย เรายืนอยู่หน้ากระจกด้วยกัน ปันปันมันเป่าทั้งของผมและของปันปันสลับกันไปมาจนผมแห้งทั้งคู่ ก็พากันแต่งตัวเพราะว่าเดี๋ยวครูเขมกับคริสโตเฟอร์จะรอ
 ผมสองคนพากันไปที่บ้านพักครูของครูเขมกัน ผมขับรถมอเตอร์ไซค์คันเล็กของผม คันนี้ผมได้มาเพราะว่าผมไปแข่งรถกันและก็ได้รถคันนี้มาเป็นรางวัลที่ผมชนะ

“ครูเขมครับ” ผมเดินเข้าไปในบ้านพักครูพอดีเลย ครูเขมหันมามองผม
 
“เข้ามาซิโป้ง ปันปัน มาทานข้าวเย็นกันก่อนมะ”
 
“ไม่เป็นไรครับ”
 
“มาเถอะครูสั่งมาตั้งหลายอย่างและนี้ก็ทำสตอผัดพริกเพิ่มอีกคริสโตเฟอร์เขาอยากกินนะ” ครูเขมพูดผมก็นั่งลงข้างๆกับปันปัน ส่วนคริสโตเฟอร์เดินไปนั่งข้างๆครูเขมแทน ผมได้แต่นั่งมองอาหารพวกนี้คริสมันชอบทั้งนันเลยนะ ครูเขมนี้เขาดีกับคริสโตเฟอร์มากถ้าผมเป็นมันผมก็รักครูเขม
 
                       หลังจากทานอาหารเสร็จผมก็นั่งฟังครูเขมติวภาษาอังกฤษให้วันนี้ครูเขมสอนเรื่องWritting ผมไม่ได้เรียนกับครูเขมหรอกแต่ดูจากการติวแล้วผมเคยไปติวภาษาอังกฤษกับครูติวเตอร์ราคาแพง แต่ผมขี้เกียจเกินไปเพราะผมมุ่งมั่นให้กับบาสเก็ตบอลซะมากกว่า จนพ่อไม่อยากส่งผมไปเรียนติวที่ไหนแล้ว ดังนั้นผมจึงรู้เลยว่าครูเขมสอนได้ดีเหมือนได้ไปเรียนติวเตอร์เลยจริงๆ
 
“เอาละพรุ่งนี้เธอสองคนกลับบ้านกันใช่ไหมโป้ง ปันปัน “ ครูเขมถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่ ปันปันก็ไปกับผมด้วย
 
“วันจันทร์แล้วกันมาติวกันอีกนะ” ครูเขมพูดผมพยักหน้า
 
“โป้งครูโอนให้แล้วนะทางอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง ไปเช็คดูนะและครูขอให้พ่อเธอหายป่วยไวไว” ครูเขมบอกผม ผมหันไปมองครูเขมและผมก็ยกมือไหว้ขอบคุณครูเขมอีกครั้งที่ช่วยเหลือผม
 
“เอานะครูพอมีครูก็ช่วยได้..ไปนอนพักผ่อนกันได้แล้ว”
 
“คริส” ครูเขมเรียกคริสโตเฟอร์ คงจะให้กลับบ้านพักพร้อมพวกผมเลยแน่ๆ แต่ผมดูจากสีหน้ามันแล้วมันกำลังงอแงกับครูเขมแน่ๆ
 
“วันนี้นอนกับพี่เขมอีกวันได้ไหมอะ” คริสโตเฟอร์มันทำน้ำเสียงอ้อนขอนอนกับครูเขม
 
“อะไรกัน”ครูเขมหันไปทำหน้าดุใส่ไอ้คริส มันหดทันที
 
“ให้มันนอนนี้ก็ได้ครับ พวกผมสองคนไม่ไปบอกใครหรอกครับ” ปันปันพูด ผมยกมือไหว้ลาครูเขมและพากันลงจากบ้านผมขับรถมอเตอร์ไซค์เบาะสั้นนั่งสองคนเบียดกันดี
 
“ครูเขมเขารักคริสโตเฟอร์มากเลยเนอะโป้ง” ปันปันพูดขึ้นขณะที่กอดเอวผม ผมนิ่งเงียบปันปันคงคิดว่าผมยังเสียใจเรื่องคริสโตเฟอร์อยู่ละซิถึงได้คลายมือออกจากการกอดเอวผม
 
“หมับ” ผมรีบจับมือเล็กๆนั้นไว้ไม่ให้ปลอยจากการกอดเอวของผม ผมไม่ได้พูดอะไรเพราะเป็นคนพูดน้อยต่อยหนัก ปันปันสวมกอดแน่นกว่าเดิมใบหน้าสซุกลงที่แผ่นหลังของผม
 
“อยากอยู่แบบนี้ตลอดไป” ปันปันพูดเบาๆ แต่ผมก็ได้ยินชัดเจนผมแค่เหลียวไปมองคนที่ซบแผ่นหลังผม ผมหันมามองถนนที่จะเข้าไปยังบ้านพักโซนของนักเรียนมุมปากกระตุ๊กขึ้นเป็นรอยยิ้ม
 
“ปันปัน” ผมเรียกปันปัน ที่ซบนี้หลับเหรอ พอเรียกถึงกับขยี่หูขยี่ตามองหน้าบ้านพักนักเรียน
 
                        หาว!!! ตามมาด้วยการบิดขี้เกียจและหาวอ้าปากซะกว้างเชียว
 
“ง่วงเหรอ” ผมเอี้ยวตัวไปถามปันปัน ที่ยืนขยี่หูขยี่ตาเป็นเด็ก
 
“นิดหน่อยนะ...หาว!”
 
“อุ๊บ!” ผมรวยเอวบางนั้นเข้ามาหาผมและประกบปากจูบอย่างรวดเร็วจนคนที่ยืนหาวตั้งตัวไม่ติดแต่สักพักก็เอาแขนขึ้นไปโอบรอบคอผม
 
“ปะ..โป้ง...จะ..เอาตรงนี้เหรอ..” ผมชะงักหยุดทันที
 
“ใครบอกละ..ไม่มีคนแต่ก็อายต้นไม้..ไปขึ้นบ้านพักได้แล้ว..หื่นนะเรานะ” คนที่จูบคงอายม้วนจนหน้าแดงเลยซะซิผมองเห็นไม่ชัดหรอกเพราะว่าไฟหน้าบ้านสว่างแค่พอมองเห็นทางเดินขึ้นเท่านั้นเองผมพากันเดินขึ้นบ้านพักและจัดการล้างหน้าล้างตาก่อนจะออกมานอนรอคนที่เข้าห้องน้ำต่อจากผม หายเข้าไปนานเลยเกือบ ครึ้งชั่วโมงได้ ผมแทบจะหลับรอเลย ไปทำอะไรของเขานานมาก
 
“โป้ง..รอนานปะ”
 
“นานมากไปทำอะไรในห้องน้ำนานโคตรเลยปันปัน” ผมถามก่อนจะหยิบมือถือวางลงผมกำลังโพสเพื่อต้องการขายรถบิกไบท์คู่ใจของผมเพื่อช่วยแม่ ตอนนี้แม่ไม่มีรายได้อะไรต้องดูแลพ่อที่โรงพยาบาล
 
“ก็ไปเข้าไปทำแท้งมาเลยนานไปหน่อย”
 
“ห๊!”
 
“ปันปันมึงตั้งท้องเหรอ!!” ผมดีดตัวขึ้นนั่งตกใจหน้าซี้ดเลยผม นี้ผมทำผู้ชายท้องเหรอว่ะ
 
“จะตกใจทำไม ทำแท้งมันแปลว่าทำความสะอาดตรงนั้นอะ..เวลาเรา..อึบๆกันจะได้ไม่มีอะไรมาทำลายความสุขของเราไงโป้ง” ผมก็มอง อ้อ! สวนล้างตรงนั้น
                     
                       ปันปันพูดจบก็ขึ้นมาบนเตียงนอนนั้น ค่อยๆคลีบคลานเข้ามาหาผมจากปลายเตียงเหมือนแมวยั่วสวาทเลยผมก็เปิดผ้าห่มที่คลุมตัวไว้คลึ้งนึงออก
 
“เว้ย!” ปันปันร้องตกใจเพราะว่าผมไม่ได้ใส่อะไรเลย
 
“รออยู่” ผมพูดและกัดปากให้ดูเซ็กซี่ สงสายตาเชื้อเชิญให้คนที่กำลังคลานเข้ามาหาผม จัดการมันอยู่ ปันปันเลียริมฝีปากบางๆชวนให้สยิวน่าดู ปันปันก็พรมจูบผมตั้งแต่โคนขาอ่อนขึ้นไปเรื่อง ผมถึงกับนอนมองเพดานหลับตาพริ้ม
 
“อ๊ะ..ปันปัน...ซี้ด” ผมรู้สยิวมากขึ้นเมื่อริมฝีปากบางๆนั้นแตะที่ตรงเนื้ออ่อนของผม เหนือสิ่งที่บอกความเป็นชายขึ้นมาหน่อยและขบกัดเบาๆ จนผมสะดุ้งมือก็กดหัวปันปันเอาไว้ ทั้งขบทั้งเม้มและดูดดุลด้วยปลายลิ้น จนผมสยิวมากร่ายกายผมแอ่นขึ้นเพื่อพยายามลดอาการเซียวซ่าน
 
“ปันปัน...ซี้ด..อย่าแกล้งโป้งซิ..อ๊าห์” ผมร้องครางออกมาเชิงห้ามปรามนิดหน่อยเสียงหัวเราะในลำคออย่างพอใจของปันปันและปลายลิ้นนุ่มๆนั้นก็ลากขึ้นมาเรื่อยตามซีคแพคของผมจนมาวนเล่นทีกล้ามเนื้ออก
 
“อื้ม...อ๊าห์” ผมร้องครางออกมาตลอดตาก็หลับพริ้มด้วยความสุข ผมกับปันปันไม่ได้ทำกันมาสองสามวันแล้วเพราะว่าผมเครียดเรื่องพ่อ วันนี้คงได้จัดกันหนักหน่อยแหละ
 
“อืมมม” ปันปันเลื่อนตัวขึ้นมาทาบทับผมพร้อมประกบปากลงที่ริมฝีปากหนาๆ นั้นของผมและผมเองก็ตอบสนองอย่างเร้าร้อน เราสองคนกอดกัดฟัดกันไปมาอยู่บนเตียงแคบๆ
 
“ที่รักขึ้นให้โป้งนะ” ผมพูดปันปันเลิกคิ้วมองผม ใช่ผมยังไม่เคยเรียกที่รักเลยสักครั้งเรียกแต่ชื่อและตอนนี้คงได้เวลาแล้วแหละ
 
“ยกให้เป็นสุดที่รักหรือว่าไม่ชอบ”
 
“ใครบอกชอบมากอยากเป็นที่รักของโป้ง”
 
“งั้นก็ดูแลมันให้ดีดีนะ..อันนี้นะ” ผมพูดและชี้กำลังตั้งเด่อยู่
 
“เพราะว่าใครๆก็อยากขย่มโดยเฉพาะสาวๆ ”
 
“ตอนนี้ไม่ให้ใครแล้วเพราะว่าคนนี้จะเก็บเอาไว้ขย่มเอง” ปันปันพูด ผมเอื้อมมือไปหยิบเจลหล่อลื่นมาทางลงที่ชี้โด่เด่อยู่ ตั้งแต่โป้งมีเมียเป็นตัวเป็นตนถุงยางกับเจลต้องคอยดูแลว่าจะหมดหรือเปล่า
 
                       พอผมทาเจลเสร็จเรียบร้อย ปันปันก็ค่อยย่อนลงนั้นลงมาช้าๆ สีหน้าเหยเกของปันปันบอกได้ว่าเจ็บเอาการอยู่ตัวปันปันมันเล็กกว่าผมบอบบางกว่าสูงน้อยกว่าผมเกือบสิบเซนติเมตร ผมเห็นอาการเจ็บของปันปันแล้วสงสารจับใจเลยใช้แขนดันตัวเองขั้นใช่มือช้อยประคองใบหน้าของปันปันเพื่อทำการจูบและสอดลิ้นเข้าไปหยอกเย้าเล่น จนปันปันรู้สึกดี รับรู้ได้จากการขยับลงมาเรื่อยๆแบบไม่มีหยุด
 
“อ๊าห์” ปันปัน อ้าปากครางออกมาทันทีที่ก้นของปันปันลงมาจนสุด
 
“ซี้ด” ผมก็ร้องซี้ดยาวเลยมันคับแน่นมากและปันปันก็สวมบทคาวบอยกับผมทันที
 
“ที่รัก..อ๊าห์...โอ้วว” ผมร้องครางแถวจะไม่เป็นภาษามนุษย์เลย ปันปันโยกเก่งมากสงสัยเพราะเปิดหนังให้ดูบ่อย
 
“เก่งมากที่รัก..ที่รักเก่งที่สุด..แบบนั้นแหละ...คาวบอยหวานใจโป้งต้องแบบนี้..อ๊าห์..เยี่ยม...อู้ยย” ผมเอ่ยปากชมปันปันตลอดเอวผมก็เด้งสวนกลับตลอดเช่นกัน
 
“อะโป้ง...ซี้ด...โป้ง..ยะ..อย่า..สวนขึ้นมาซิ..อ๊าห์” ปันปันร้องห้ามปรามผม ผมเผลอลืมตัวทุกทีผมทิ้งตัวลงนอนราบ พอผมเห็นว่าปันปันเริ่มเหรือจึงพลิกเปลี่ยนท่าให้ปันปันหันหลังให้และผมก็เข้าทางข้างหลัง
 
“อ๊าห์!! “ ปันปันร้องออกมาไม่ดังมากทันทีที่ผมสอดใส่มันกลับเข้าไป และเด้งโยกจนเตียงนี้ดังจากแรงเหวียงของผมสองคน
 
“โป้ง..โป้ง...โป้ง” ปันปันร้องเรียกชื่อผมตลอดผมก็ยิ่งเพิ่มแรงขึ้นเรื่อย ปากก็เม้มขบเล่นที่ติ่งหูปันปันและจูบปากปันปันด้วย
 
“ที่รักโป้ง ...ไม่ไหวแล้วจะออกแล้วนะ...”
 
“อืมม..ปันปันก็มะ..ไม่..ไหวแล้วอะโป้ง...อื้ม “ ปันปันพูดและพลิกตัวมาจูบผมตอบ มือที่ปฏิบัติให้ปันปันไปด้วยรู้สึกอุ่นๆ แสดงว่าน้ำรักของเราสองคนพุ้งกระจายออกมาพร้อมกัน ผมจูบปากปันปันต่อปล่อยให้ค้างอยู่ท่านี้สักพัก
 
“ขอบคุณนะครับที่รัก”
 
“ยัวเวลคัม” ปันปันพูดภาษาอังกฤษกับผม
 
“โป้งคิดเหมือนปันปันไหม..”
 
“คิดว่าอะไรละ” ผมใช้ข้อศอกตั้งฉากเอามือเท้าศรีษะไว้ เอียงคอถามปันปันที่นอนแผ่หลาข้างหน้าของผมร่างกายเต็มไปด้วยเหงือจากกิจกรรมเมื่อสักครู่
 
“เราจะคบกันไปนานะเลยนะ..เราจะรักกัน..เราจะอยู่ด้วยกัน .ปันปันอยากอยู่กับโป้งไปตลอดชีวิต”
 
“คิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมถามปันปัน ใช้นิ้วเกลี่ยปลายผมที่ปรกหน้าผากออก
 
“คิดตั้งแต่ได้เป็นเพื่อนแล้ว...และก็ยังคิดอีกว่าถ้าวันหนึ่งเราต้องจากกันจะได้ด้วยเหตุผลอะไร โป้งอาจจะไปเรียนที่อื่นอะไรแบบนี้ปันปันเองยังคิดไม่ออกเลยว่าจะอยู่ยังไง” ปันปันพูด
 
“ถ้าคิดจะไปกับโป้งแต่หนหางมันไม่ราบเรียบนะปันปัน และอาจจะมีอุปสรรค์ มีความลำบากรออยู่ด้วยละ...โป้งไม่ใช่ผู้ชายที่ดีพร้อมคือแบบว่ามีพร้อมทุกอย่างอะไรแบบนั้นนะปันปัน” ผมพูด
 
“ปันปันไปได้ทุกทีขอแค่โป้งอย่าปล่อยมือปันปัน ..ต่อให้ลำบากแค่ไหนเราก็จะเดินไปด้วยกัน และปันปันก็ไม่กล้วเพราะว่าปันปันเชื่อว่าสักวันเราจะสุขด้วยกันและเรารักกันมากกว่าเดิมถ้าเราผ่านจุดที่ลำบากไปสู่จุดที่สบายที่สุดของเราสองคน ”
 
“จ๊วบ!!!” ผมจูบลงที่ริมฝีปากบางๆ นั้นทันทีเป็นคำตอบของผม
 
“ไปอาบน้ำกันดีกว่า ...ทำให้นอนดึกอีกแล้ว” ผมแกล้งบ่นคนที่ลุกขึ้นทำปากยู่ใส่ผม น่ารักจริงๆ ผมพากันอาบน้ำแต่วตัว ก่อนจะออกมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนอันใหม่ พรุ่งนี้ได้ส่งซักผ้าปูที่นอนก่อนเวลาปกติจะส่งซักอาทิตย์ละครั้ง และกลับมานอนกอดกันเหมือนอยู่บนเตียง
 
“โป้งรู้ไหมว่าความสุขของปันปันคือโป้ง”
 
“ทนมันมานานแค่ไหนแล้วอะปันปัน “ ผมถามปันปัน เขาเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม
 
“ทนดูโป้งไปกับผู้หญิงคนนั้นคนนี้มานานแค่ไหนแล้ว..เจ็บปวดมากไหมปันปัน”
 
“ก็เจ็บพอดูแต่รักมากกว่าเจ็บนิ”
 
“โป้งสัญญานะว่าจะไม่ทำให้ปันปันเสียใจอีกแม้แต่ครั้งเดียว” ผมบอกปันปัน เขายิ้มและซุกหน้าลงที่แผ่นอกของผม ผมก็กอดร่างบางๆนั้นกระชับเข้ามาราวกับว่าไม่อยากปล่อยให้หลุดหายไปไหน

“ขอบคุณนะ..ที่อยู่เคียงข้างกัน..ไม่ว่าทุกข์หรือสุข...ขอบคุณที่รักและดูแลโป้งตลอดปีครึ้ง ต่อไปนี้โป้งจะเป็นที่รักปันปันเองนะสัญญาจะดูแลให้ดีที่สุด...ฟ้อด”ผมพูดและหอมแก้มคนที่ซุก หน้ากับอกของผม ผมก็กอดปันปันเอาไว้ ผมจะบอกแม่กับพ่อผมสักที่แต่คงต้องรอให้พ่อผ่าตัดบาสพาสวะก่อน

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนตอนที่42 พี่หมอภีมปภพแอบนัดครูเขม
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 27-08-2020 11:08:12
คู่พี่ต้นจะมาแล้วใช่ไหมคะ :hao6:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนตอนที่42 พี่หมอภีมปภพแอบนัดครูเขม
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 21-09-2020 08:28:28
 :z3:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.27 ครูเขมXคริส ลูกศิษย์ผมยังไงก็ต้องช่วย 1
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 23-09-2020 07:50:36
EP.27 ครูเขมXคริส ลูกศิษย์ผมยังไงก็ต้องช่วย 1
ครูเขมชาติ
                       วันหยุดที่ผ่านมาผมก็พาคริสกลับบ้าน แต่แม่ไม่อยู่บ้าน แม่ไปอยู่ช่วยพี่ต้นดูเอิร์ธอีก พี่ต้นงานยุ่งช่วงนี้  ส่วนคริสโตเฟอร์ผมก็พาไปเรียนติวกับไอ้เกรทและน้องแกรนด์น้องสาวของเกรท ผมคิดว่าอาทิตย์หน้าจะให้พักสักอาทิตย์แต่คริสบอกว่าเขาอยากจะเรียนเพิ่มอีกหน่อยเพราะว่าอยากจะไปสอบเร็วๆ ผมไม่รู้ว่าผมเองหรือเปล่าที่ยังไม่อยากให้คริสเขารีบไปสอบ ก็มันแอบใจหายยังไงก็ไม่รู้ ถ้าเขาไปแล้วผมก็คงไม่มีเด็กกวนอยู่ใกล้               

ตอนนี้ผมได้ทำหน้าที่ดูแลเรื่องการขอทุนให้กับอนุชิตตามที่ผมได้เข้าไปขอผู้อำนวยการ ท่านก็ยินดี ผมได้รวบรวมเอกสารและข้อมูลเบื้องต้นโดยการพูดคุยกับอนุชิต ทำให้ผมพอทราบคราวๆว่าพ่อของเขาโดนตำรวจจับข้อหารับซื้อของโจร พ่อของอนุชิตคือเสาหลักของบ้าน รับซ้อมรถมอเตอร์ไซด์ มีรายได้ค่อนข้างดี ส่วนแม่ของอนุชิตก็หายไปตั้งแต่อนุชิตเพิ่งจะเกิด และหลังจากที่พ่อเขาติดคุกก็มีแต่ย่าเท่านั้นที่ดูแลเขาและย่าอนุชิตก็อายุมากแล้วด้วยทำงานอะไรหนักๆไม่ไหว  ดังนั้นอนุชิตจึงต้องออกไปรับจ้างล้างชาม ร้านขายก๋วยเตี๋ยวทุกวันหลังเลิกเรียน บางวันก็ไม่มีเงินมาซื้อข้าวแต่เขาอยากเรียนและเขาก็ตั้งใจเรียนมาก และเป็นเด็กดี ผมรู้ว่ามันยากสำหรับอนุชิตตรงที่ว่าพ่อเขาติดคุกแต่ผมก็ยินดีจะเพื่อจะได้ปูทางให้เขาได้เรียนต่อไปได้อีกให้ได้ 

                       วันนี้ผมไม่มีคาบสอนที่สี่  ผมจึงตั้งใจจะไปพบย่าของอนุชิตเพื่อไปพูดคุยสอบถามข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับอนุชิต ผมดีใจที่ได้เห็นเขาใส่ชุดนักเรียนใหม่ๆกับเขาบ้างเสื้อผ้าไม่มีส่วนไหนขาด กางเกงก็พอดีตัวไม่หลวมโคร่งจนเกินไป ร้องเท้าก็ใหม่ ทั้งหมดนี้ผมเต็มใจที่จะซื้อให้เขา

                      “นั้นครับครูบ้านของผม “ อนุชิตพูดผมก้าวเท้าลงจากรถ บ้านผมเห็นเป็นบ้านปูนชั้นเดียวไม่ได้ทาสีแต่อย่างใด เหมือนกับว่าเพิ่งจะปลูกได้ไม่นาน

                      “พ่อผมปลูกบ้านหลังนี้ก่อนที่พ่อจะโดนตำรวจจับนะครับ” ผมพยักหน้าและเดินตามเข้าเข้าไปด้านในบ้าน พื้นที่ถูกฉาบด้วยปูนซีเมนต์ ด้านบนไม่ได้ปุด้วยฝ้าแพดานทำให้เห็นโครงไม้ด้านในตัวหลังคาของบ้าน ผมมองไปก็มีห้องโล่งๆ ทีวีเก่าๆและมีผู้หญิงอายุ 60 กว่าๆ รูปร่างผอมกำลังนั่งตอกกิ๊บหนีบเสื้อผ้าอยู่หลายกระสอบ หันมามองผมด้วยอาการตกใจเล็กน้อย

                      “ย่าครับนี้ครูเขมครับ ครูที่ให้ชิตไปทำความสะอาดบ้านพักครูนะครับย่าและครูคนนี้แหละที่ให้กับข้าวเราเกือบทุกวันเลยย่า” อนุชิตบอกกับผู้หญิงที่อนุชิตเรียกว่าย่า ผมยกมือไหว้ผู้หญิงคนนั้น

                      “ไหว้พระเถอะค่ะครู...”

                      “อนุชิตนะมันพูดถึงครูบ่อยๆ หน้าตาใจบุญแบบนี้นี่เองค่ะครู”

                      “แล้วนี้ครูมาส่งอนุชิตมันเหรอคะ..เอ๊ะทำไมวันนี้เลิกเร็วละลูก”

                      “ครูเขาจะมาหาย่านะ ครูเขมจะมาคุยกับย่าด้วย”อนุชิตหันไปบอกกับย่าของเขาและผมก็นั่งลงกับพื้น

                      “เรื่องค่าเทอมหรือเปล่าคะครู” สีหน้าของคนที่ถามผมดูจะกังวล ผมเพิ่งจะได้ยินวันนี้เองว่าอนุชิตยังไมได้จ่ายค่าเทอมและอาจจะไม่มีสิทธิ์เข้าสอบด้วย ผมคิดว่าจะไปกดเงินเพื่อจะมาจ่ายค่าเทอมให้เขาไปก่อนเพราะทุนคงใช้เวลานานอยู่ในการทำเรื่องขอ

                      “คุณครูคะรออีกสักสองสามวันให้เงินค่าตอกกิ๊บนี้ออกก่อนเถอะคะ ...อิฉันจะรีบให้อนุชิตไปให้เลยค่ะ” คุณย่าของอนุชิตพูดพร้อมกับจับมือผมเหมือนเชิงอ้อนวอน

                      “ผมไม่ได้มาด้วยเรื่องนั้นครับ..ผมจะมาดูสภาพความเป็นอยู่ ผมกำลังจะขอทุนเรียนดีแต่ยากไร้ ให้กับอนุชิตนะครับ” ผมบอกคนผู้หญิงตรงหน้าเขามองผมด้วยสายตาแปลกใจ

                      “ใครจะให้มันละค่ะครู...อนุชิตนะมีพ่อติดคุกเขามองว่าไม่ดีกันหมดแหละค่ะครู”

                      “ผมจะพยายามครับผมเชื่อว่าจะมีคนที่คิดเหมือนผม พ่อก็ส่วนพ่อและลูกก็ส่วนลูกถูกต้องไหมครับและนายอนุชิตก็มีคุณสมบัติคู่ควรที่จะได้รับทุน เพราะว่าเขาเป็นเด็กขยัน เรียนหนังสือเก่งและเป็นเด็กที่มีน้ำใจไม่ว่ากับผมคุณครูท่านอืนๆหรือว่าเพื่อนๆ” ผมพูด

                      “ นี้คุณย่าตอกกิ๊บได้วันละกี่กระสอบครับ” ผมถามเพราะดูแล้วคงได้มากหนัก

                      “หูตาไม่ค่อยจะดีแล้วแหละค่ะครู ทำได้อย่างมากก็ไม่กี่กระสอบ วันหนึ่งได้สักร้อยสักชั่งได้”

                      “แค่นี้ก็ปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวแล้วแหละค่ะ..แต่จะให้ทำยังไงได้เกิดมาไม่มีเหมือนเขา “คุณย่าของอนุชิตคงหมายถึงเกิดมาไม่สบายมีเงินมีทองเหมือนคนอื่นๆ

                      “แต่ถ้าช่วงหน้าฝนจะมีคนเอางานปลอกเปลือกไม้โสนที่เขาเอาไปทำดอกไม้อะไรพวกนี้นะคะ อันนั้นจะได้เงินดีหน่อย” ผมพยักหน้าผมมองไปเห็นมีมุมห้องครัวเล็ก มีเตาแก๊สกลางเก่ากางใหม่ มีตู้เย็นไม่เก่าไม่ใหม่พอใช้ได้ มีหม้อสองสามใบเพื่อปรุงอาหารได้

                      “อนุชิตช่วยทำงานบ้านบ้างหรือเปล่าครับ” ผมถามในมือผมถือที่อัดเสียงเอาไว้จะเอาไปเรียบเรียงและพิมพ์ข้อมูลส่ง

                      “ช่วยค่ะช่วยได้มากเลยค่ะ ไม่ว่าจะกวาดบ้านถูบ้าน ไปซื้อของและว่างๆยังเดินไปช่วยหลวงพี่ เขาเป็นพี่ชายอิฉันนะคะ ท่านบวชเป็นพระท่านจะแบ่งอาหารที่ญาติโยมนำมาถวายมาให้ดิฉันกับอนุชิตบ้างและอนุชิตไปช่วยท่านกวาดศาลาทำความสะอาดกุฏิที่ท่านจำวัดอยู่” ผมหันมามองอนุชิตว่าเขาเป็นคนที่สู้ชีวิตจริงๆ ผมเชื่อว่าอนาคตถ้าเขาได้มีโอกาสเรียนเขาจะไปได้ไกลทีเดียว
 
                      ผมลุกไปเดินดูห้องนอนที่มีเตียงและที่นอนเก่าๆ ส่วนของอนุชิตก็เป็นเหมือนที่นอนยางพาราเขานอนกับยายของเขา มีทีวีแต่ดูท่าจะใช้การไม่ได้แล้ว

                      “ทีวีเสียเหรออนุชิต” ผมถามอนุชิต เขาก็พยักหน้าเบาๆ

                      “ครับครู”

                      “แย่เลย..ไว้ครูเอาของครูมาให้นะ....ที่บ้านครูมีหลายเครื่องพี่ชายครูไม่ค่อยได้อยู่ห้องครูจะยกมาให้เธอ”

                      “ไม่เป็นอะไรครับครู ครูให้ผมมาเยอะแล้วนะครับ ผมเกรงใจครู”

                      “เอานะครูมีอยู่เก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้และมันก็ไม่ได้ใหม่ซะทีเดียวพอดูได้นะ “

                      “เก็บไว้ทำไมเปล่าประโยชน์สู้เอามาให้เธอ เธอจะได้มีไว้ดูความรู้นะมันมีอยู่รอบๆตัวเรา ยุคนี้สมัยนี้ทีวีก็เป็นแหล่งสือความรู้อย่างหนึ่งนะถ้าใช้ให้เกิดประโยชน์” ผมพูดผมเห็นอนุชิตเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว

                      “ผมจะไปช่วยป้าเขาล้างชามที่ร้านบะหมี่นะครับครูป้าเขาจะให้หนึ่งร้อยห้าสิบบาทล้างชั่วโมงสองชั่วโมงก็เสร็จแล้วครับ”

                      “อย่ากลับดึกละอันตรายรู้ไหม”

                      “ครับครู..สองทุ่มกว่าๆผมก็กลับแล้วครับ”

                      “ดีมาก......ถ้าอย่างนั้นติดรถครูออกไปด้วยกันเลยซิ ครูก็จะกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าครูมีสอนติวนะ” ผมบอกอนุชิต ผมเดินออกมายกมือไหว้ลาคุณย่าของอนุชิตและขับรถพาอนุชิตออกมาด้วยผมส่งเขาที่ตรงร้านขายบะหมี่ ผมเห็นมีบะหมี่หมูแดงที่คริสโตเฟอร์เขาชอบ ผมก็เลยสั่งบะหมี่ไว้ทานด้วยกันเย็นนี้ โป้งและปันปันด้วย และผมก็สั่งเพื่อไว้อีกถุงเพื่อนายคริสจะหิวมากวันนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้มันแค่บ่ายสีโมงเองก็ตาม แยกน้ำก็คงจะไม่อืดนะเส้นนะ

                      ระหว่างที่ผมยืนรอบะหมี่อยู่และอนุชิตเขาก็กำลังช่วยเจ้าของร้านขายบะหมี่เป็นป้าวัยกลางคนตักพวกเครื่องปรุงบรรจุใส่ถุงเล็กสำหรับคนที่สั่งกลับบ้าน
           
                       ผมหันไปเจอเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาเหมือนแก้มมาก  ไม่ซิ ใช่แก้มจริงๆด้วย และเหมือนกับกำลังจะถูกจับให้ขึ้นรถเก๋งไปกับใครก็ไม่รู้หน้าตาที่บอกได้ว่าไม่น่าไว้ใจได้เลยสักคน ผมเห็นทางทางพวกนั้นเหมือนจะไม่ใช่คนดีเอาซะด้วย

                      “อนุชิต...ครูฝากบะหมี่ก่อนนะครูจะไปดูแก้มไม่รู้ว่าขึ้นรถไปกับใครดูหน้าตาไม่น่าไว้ใจเลย” ผมบอกอนุชิตและทำท่าจะวิ่งออกไปดูแต่

“ครูนี้มันพวกเด็กสกอยด์พวกนี้มันชอบพาคนไปรุมข่มขืนที่ตรงตึกร้างนะครับครูและพวกมันก็
มีอาวุธนะครู” อนุชิตดึงแขนผมไว้และเขาก็บอกกับผมว่า พวกนั้นเป็นพวกเด็กสกอยด์ที่ชอบจับเด็กไปข่มขืนด้วย ผมได้ยินแบบนั้นไม่ได้หรอกนั้นลูกศิษย์ผม ผมก็รีบขึ้นรถไปทันทีและขับรถออกไปตามพวกมันไป ถึงยังไงแก้มก็เป็นลูกศิษย์ของผม ผมควรจะปกป้องลูกศิษย์ของผมด้วยซิ

                      ผมขับรถตามพวกรถเก๋งสีดำพวกนั้นขับรถตามเข้าไปในซอยเปลี่ยว ผมเห็นว่ามีรถมอเตอร์ไซค์ขับออกมารับและพากันเข้าไปด้านในซอย

                      Rrrrrr เสียงมือถือผมดังขั้น เบอร์ของคริสโตเฟอร์

                      “พี่เขม..พี่เขมอยู่ไหนอะ” คริสโตเฟอร์ถามผมเสียงมันอู้อี้เพราะว่าเสียงลมดังอื้อแทรกเข้ามาเหมือนกับว่าเขาขับรถมอเตอไซค์อยู่

                      “พี่มาดูแก้มนะคริส..พี่คิดว่ามีคนจะทำมิดีมิร้ายกับแก้ม” ผมพูดโดยใช้มือขึ้นมาป้องไว้

                      “ไอ้อนุชิตมันวิ่งมาบอกผมแล้วเนี๊ยะ...ว่าพี่จะไปช่วยแก้มพี่เขมพวกมันมีอาวุธไม่ใช่เหรอพี่เขม”คริสโตเฟอร์พูดถามผม

                      “ไม่รู้ซิคริสเพราะว่าพี่ยังขับตามพวกนั้นอยู่เลย” ผมบอกคริสและตาก็มองตามรถที่ผมขับตามอยู่ไม่อยากให้คลาดสายตา

                      “พี่อย่าเข้าไปนะรอผมก่อนผมกำลังขับรถไปหาพี่” คริสโตเฟอร์พูด ผมหันไปมองบ้านเหมือนจะเป็นโรงพยาบาลหรือคลีนิคร้างอะไรสักอย่างนี้แหละ

                      “ตรงปากซอยที่พี่จะเข้าไปมีคลีนิคร้างอยู่นะคริส” ผมบอกคริสโตเฟอร์

                      “ผมรู้แล้วแหละพี่เขมและนี่ผมก็กำลังขับไปหาพี่เขม...พี่รอผมก่อนนะพี่อย่าเพิ่งเข้าไปนะพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูดด้วยน้ำเสียงร้อนรนแต่ทำยังไงละนั้นลูกศิษย์ผมทั้งคนนะ

                      “แค่นี้นะคริส” ผมพูดและดับเครื่องก่อนผมมองไปรอบๆมีรถเก๋งสีดำผมจำได้ว่าแก้มถูกดันให้ขึ้นรถมาและรถมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ด้วยอีกสองสามคัน ที่ผมจอดรถอยู่นี้เป็นตึกร้างไร้ซึ้งผู้คนและซอยนี้คงไม่มีใครผ่านไปผ่านมาแน่นอนเพราะว่าด้านในก็มีแต่ป่ารกเต็มไปหมด ผมเดินย่องเข้าไปด้านในยังไม่ทันถึงดีผมก็ได้ยินเสียง

                      “อย่านะ...ฮือๆ..ปล่อยนะ..ฮือๆ..ช่วยด้วย” เสียงร้องขอความช่วยเหลือ ผมหันไปยิบไม้แถวๆนั้นขึ้นมาเพื่อเอาไว้ป้องกันตัวได้บ้าง ผมไม่ได้ยินเสียงร้องแล้วผมคิดว่าพวกมันคงทำร้ายร่างกายแก้มด้วยแน่ๆ ผมรีบเดินย่องเข้าไป

                      “นมเล็กฉิบหาย!” ผมได้ยินเสียงพวกมันกำลังจะกระทำระยำกับลูกศิษย์ของผมงั้นหรือ

                      “หยุดนะ!..นั้นพวกนายกำลังจะทำอะไรนะ”ผมเข้ามายืนพวกที่ยืนรุมล้อมแก้มอยู่ถึงกับตกใจที่มีคนมาพบเห็นและแก้มก็ดีดตัวถอยหนีเสื้อผ้าชุดนักเรียนที่ถูกดึงจนขาด น้ำตาไหลรินอาบสองแก้มของเด็กสาวเธอหวาดกลัวจนตัวสั่น

                      “ฉิบหาย!...แล้วใครให้ไอ้บ้านี้เข้ามาวะ” หนึ่งในห้าคนนั้นตะโกนถามเพื่อน

                      “แก้ม!....มาหาครู...” ผมเรียกแก้มแต่คนที่ยืนอยู่ควักมืดพกออกมาแก้มเลยไม่กล้าวิ่งมหาผม

                      “พวกนายยังเด็กอยู่เลยนะทำแบบนี้มันเสียอนาคต...และลูกผู้ชายต้องไม่รังแกผู้หญิง”

                      “แล้วมาเสือกอะไรด้วยวะ..ห๊ะ!..พระเอกเหรอ ?”

                      “เฮ้ย!.จัดการวะ “ พวกนี้ก็กรูกันเข้ามาผมก็มีไม้อันเดียวที่ใช้ป้องกันตัวและรับมือกับเด็กพวกนี้

                      “ครู...” แก้มร้องเรียกผม

                      “ไอ้นี้มันเป็นครูวะ อีแก้มมันเรียกครู” พวกนั้นตะโกนบอกพวกที่ยืนอยู่

                      “เป็นครูดีดีไม่ชอบอยากเจ็บตัวนักใช่ไหม..ได้จัดให้ครูแกหน่อยวะ”

                      “ผลัก” โดยหมัดผมเอง แม้ว่าไม้มวยไทยครูเขมไม่เคยไปฝึกแต่แม่ไม้มวยมั่วครูเขมมีนะครับ ผมก็จัดการแต่ก็พลาดท่าโดนต่อยหนึ่งในนั้นต่อยเข้าจนได้ ผมถึงกับลงไปคลุกฝุ่นตามมาด้วยเท้านับไม่ถ้วน ผมเห็นคนหนึ่งถือมีดจะเข้ามาแทงผม แต่ผมก็คว้าไม้กันไว้ได้

                      “โอ้ย...” แต่ก็โดนที่ต้นแขนเข้าหนึ่งที เสื้อแขนยาวขาดวิ้นทันทีพร้อมเลือดที่ไหลซึมตามออกมา

                      “ฮือๆ” เสียงแก้มร้องไห้เพราะความตกใจ ที่เห็นผมถูกทำร้าย ผมหันไปยกมือไม่ให้แก้มร้องเพราะว่ายิ่งร้องพวกนั้นจะหันไปทำร้ายเธอด้วย

                      “เอาอะไรอุดปากอีนี้ดิว่ะ” ไอ้คนที่ถือมีดอยู่มันกำลังจะเข้ามาแทงผม ตอนนี้ผมไม่มีอาวุธอะไรจะใช้ป้องกันตัวแล้ว

                      “กูจะจัดการไอ้ครูชอบแส่หาเรื่องนี้ซะหน่อยคราวนี้” ไอ้คนที่พูดมันกำลังถือมืดคัทเตอร์เดินตรงปรี่มาหาผม ผมเองก็พยายามถอยหนี มือก็คลำไปด้วยเพื่อจะเจออะไรมาเป็นอาวุธป้องกันตัวได้บ้าง

                           “โครม!” เสียงดังสนั่นร่างใครสักคนกระเด็นลอยไปชนฝาผนังห้อง ตามมาด้วยคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู คนนั้นก็คือเพื่อนๆคริสโตเฟอร์ โป้ง ปันปัน อาร์ท กับโจ และมีเด็กคนอื่นๆอีกที่ตามมาช่วยด้วยน่าและคนที่เข้ามาเตะคนที่จะเข้ามาทำร้ายผมลอยไปนั้นก็คือคริสโตเฟอร์ เขาหันมามองหน้าผมแว๊ปหนึ่ง คงเห็นว่ผมได้รับบาดเจ็บ

                      “ผลัก!” ผมใช้จังหวะนี้ตอนที่คนที่กำลังถือมีดคัทเตอร์ค้างไว้อยู่และหันไปมองผู้มาเยือนใหม่ด้วยสีหน้าที่ตกใจ ผมก็รีบคว้าไม้ที่กระเด็นไปห่างจากผมฟาดเข้าที่ข้อมือจนมีดกระเด็นหลุดลอยไป พวกกลุ่มคนร้ายเห็นว่าคนน้อยกว่าทำท่าจะเผ่นหนี ผมรีบลุกขึ้นและตรงเข้าไปหาแก้มก่อนทันที เธอตกใจกลัวมาก

                      “แก้ม ..แก้ม” ผมเรียกแก้ม ผมพยายามเรียกให้เธอมีสติเพราะว่าตอนนี้เธอดูหวาดกลัวไปเสียทุกอย่าง

                      “ครู..ครู.ฮือๆ....มันจะข่มขืนแก้มค่ะครู ..ฮือๆ..ครู..มันจะข่มขืนหนูค่ะครู ..ฮือๆ ” เธอโผเข้ามากอดผมเนื้อตัวที่มอมแมมจากการต่อสู้ แต่สิ่งที่แย่คือเธอยังคงรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นวนวันนี้ไปอีกนานและมันอาจจะเป็นรอยแผลในใจเธอด้วยซิ ผมก็กอดเธอตอบเพื่อปลอบขวัญเธอ

                      “แก้มไม่เป็นไรแล้วนะครูอยู่นี้นะ...แก้มเธอปลอดภัยแล้ว”ผมพยายามปลอบโยนร่างที่สั่นระริกด้วยความกลัว ผมถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองและสวมทับให้แก้มทันที

                      ผมก็ได้ยินเสียงโหวเหวกอยู่ทางด้านหน้าของตึกร้าง คงมีตำรวจมาด้วยผมก็รีบอุ้มแก้มออกจากที่เกิดเหตุพอออกมาก็เห็นมีชาวบ้านเข้ามามุงดูและคนร้ายก็ถูกจับได้เกือบทั้งหมด

                      “อ้อนางแก้มนี้เองอะ...กูก็นึกว่าใคร..เป็นไงละมึง” เสียงชาวบ้านที่ตะโกนมาทันทีที่เห็นว่าผมอุ้มแก้มออกมาผมไม่อยากเชื่อเลยนี้คือประโยคแรกที่เขาจะพูดกับคนที่เสียขวัญแบบนี้หรือผมรู้ว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงค่อนข้างก้าวร้าวแต่ผมก็เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มันเปลี่ยนแปลงกันได้

                      “บอกแล้วอย่าไปไหนมาไหน ค่ำๆมืดๆ แบบนี้เป็นไงละชอบนัก”

                      “พอเถอะครับเด็กเสียขวัญแย่แล้วนะอย่าซ้ำเติมเด็กเลยนะครับผมขอ” ผมพูดขอร้องชาวบ้านที่เข้ามามุงดูเหตุการณ์และคงจะเข้ามาช่วยด้วย

                      “ผมคิดว่าครูควรจะพาเด็กไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลใกล้ๆแถวนี้ก่อนนะครับ” คุณตำรวจหันมาบอกผม ผมก็พยักหน้า ผมอุ้มแก้มไปที่รถและคริสโตเฟอร์ก็ขึ้นมาทำหน้าที่ขับรถ ผมนั่งที่เบาะหลังกับแก้มเพื่อคอยปลอบโยนเธอ โชคดีที่ผมมาช่วยไว้ทันไม่อย่างนั้นชีวิตแก้มจะเป็นยังไง

                       “พี่เขมแขนพี่เลือดไหล่อ่ะพี่ พี่เอาเสื้อผมนะพันแขนพี่ไว้ก่อนพี่เขม”คริสโตเฟอร์บอกผม ผมก็หันไปหยิบมาพันแขนให้แน่นหน่อยเพราะเลือดไหลเยอะเหมือนกัน น่าจะบาดเข้าไปลึกพอสมควร

                      “ฮือๆ ...ฮือๆ...ฮือๆ” เสียงสะอึกสะอื้นร้องไห้ของแก้ม ทำให้ผมหันมากอดเธอไว้เพื่อปลอบโยนและเรียกขวัญ เป็นใครก็คงจะขวัญหนีดีฝ่อและไอ้พวกนี้ไม่ว่าถ้ามันสนุกกันแล้วมันจะปล่อยให้แก้มมีลมหายใจกลับไปบ้านหรือไม่ ผมไม่อยากจะคิดถึงข้อนี้เลย และนี้ผมก็ทำในฐานะครูที่เป็นห่วงลูกศิษย์ ทำไมพวกนี้ถึงได้กล้ากระทำอนาจารแบบนี้กับเด็กที่สวมชุดเครื่องแบบนักเรียนแบบนี้ได้
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.27.1ครูเขมXคริส ลูกศิษย์ผมยังไงก็ต้องช่วย2
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 23-09-2020 15:34:33
EP.27.1 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ ลูกศิษย์ผมยังไงก็ต้องช่วย 2
                     
                     ไม่นานรถก็แล่นมาถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัดเป็นโรงพยาบาลตัวเมืองเขาใหญ่ ห่างจากโรงเรียนมาประมาณ30 นาทีขับรถโดยปกติ แต่วันนี้คริสขับรถมาด้วยความเร็วค่อนข้างเร็วมาก  รถของตำรวจมาถึงก่อนผมไม่กี่นาที ผมรีบอุ้มแก้มลงจากรถ และวางเธอลงที่รถเข็นของทางโรงพยาบาลที่เข้ามารอรับ เจ้าหน้าที่เข็นเธอเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันทีเช่นกัน ตำรวจหนึ่งนายก็เข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ต้องการให้ตรวจอะไรบ้าง

                      “พี่เขม เลือดพี่ไหลใหญ่เลยอ่ะพี่ ..นี้พวกมันทำพี่บาดเจ็บด้วยเหรอ” คริสโตเฟอร์ถามผมด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงผมมาก

                      “พี่เข้าไปทำแผลก่อนเถอะ” คริสโตเฟอร์พูดบอกผม  ผมเห็นเสื้อผ้าแก้มขาดจากการถูกกระฉากของกลุ่มคนร้าย ผมก็เลยผมถอดเสื้อเชิ้ตตัวเองออกและส่งให้แก้มสวมใส่ไว้แทน ดีที่ผมสวมแค่เสื้อกร้ามสีขาวซับในไว้  แต่ตอนนี้เลือดไหล่เป็นทางและหยดลงที่พื้น

                      “นั้นซิครับครูเข้าไปทำแผลก่อนเถอะครับ” คุณตำรวจหันมาบอกผม ผมก็พยักหน้า ก่อนจะเดินตามเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินผมยกแขนที่ไม่เจ็บขึ้นแตะที่ไหล่คริสโตเฟอร์ว่าผมโอเคนะ

                      ผมเดินตามเจ้าหน้าห้องฉุกเฉินเข้าไปเพื่อจะได้ให้เขาทำแผลให้ผม แผลของผมต้องเย็บ คุณหมอเลยให้เย็บไปห้าเข็มได้ พอทำแผลเสร็จผมก็ออกมาจากห้องฉุกเฉิน คริสโตเฟอร์นั่งอยู่รีบลุกขึ้นมาหาผมเขาถอดเสื้อแจ็คเก็ตให้ผมสวมทับเอาไว้ เพราะตอนนี้ผมอยู่ในชุดเสื้อกล้าม บอกตรงๆ ว่าเขมไม่เคยใส่เสื้อกล้ามโชว์สัดส่วนที่ไหนมาก่อนเลยโดยเฉพาะในโรงพยาบาลแบบนี้ เล่นเอาผมอายคุณพยาบาลทั้งหลายที่พากันหันมามองผมและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กัน

                      “ครูเขมเป็นยังไงบ้างคะ “ ครูลินดาและครูถาวร ครูนิด และครูท่านอื่นๆ ก็เดินตรงมาทางผม คงพากันมาดูแก้มและผมที่โรงพยาบาลกัน

                      “ท่านผู้อำนวยการทราบเรื่องแล้วกำลังเดินทางมาค่ะครู ...ครูนี้ใจกล้ามากเลยนะคะที่บุกเดี่ยวเข้าไปแบบนั้นนะคะ” ครูนิดหันมาพูดกับผม ผมก็ยิ้มๆให้ ทำยังไงได้ผมดันเป็นคนเห็นเหตุการณ์และจะให้ผมไม่เข้าไปช่วยผมคงทำไม่ได้จริงๆ

                      “ก็นั้นลูกศิษย์ของผมนะครับครูแต่ว่าถึงไม่ใช่ผมก็ต้องช่วยครับในฐานะผู้ชายหรือคนที่เห็นเหตการณ์”

                      “จะให้ผมนิ่งดูดายไม่ทำอะไรเลยผมคงทำไม่ได้ถ้าจะแค่กลัวว่าตัวเองจะมีบาดเจ็บไปด้วย”

                      “เพราะผลที่ตามมาผมคงทำใจไม่ได้เช่นกันหากผมปล่อยให้สิ่งเลวร้ายนั้นเกิดขึ้นโดยเฉพาะกับลูกศิษย์ตัวเอง” ผมหันไปพูดกับครูนิดเขาพยักหน้าและยิ้มให้ผม

                      “ขอโทษนะคะ คนไข้ชื่อคุณเขมชาติใช่ไหมคะ” คุณพยาบาลเข้ามาถามชื่อผม

                      “ใช่ครับ”ผมหันไปตอบพยาบาลที่ทำประวัติให้ผมก่อนจะเข้ารับการทำแผล

                      “รบกวนไปรอรับยาที่ห้องจ่ายยาได้เลยนะคะคุณหมอสั่งยาให้แล้วนะคะ ” เจ้าหน้าที่ส่งใบมาให้จะได้ไปยื่นและรอรับยา ณ ช่องจ่ายยาของโรงพยาบาลแต่ว่าคริสโตเฟอร์ยื่นมือมารับไปซะก่อน

                      “ครูผมไปรับให้ดีกว่าครูอยู่นี้แหละ” คริสโตเฟอร์บอกผมว่าเขาจะไปรับยาให้ผม ผมหันไปพยักหน้าเบาๆให้คริสโตเฟอร์และเขาก็เดินถือใบยาออกไป

                      “คริสโตเฟอร์เอาเงินครูไปด้วยซิ” ผมเรียกแต่เขาไม่ยอมหันกลับมา

                      “ของครูใช้สิทธิ์เบิกได้นะคะและครูแจ้งว่ามีประกันอุบัติเหตุอีกด้วยใช่ไหมคะ..ดังนั้นบางส่วนประกันจ่ายให้คะ” เจ้าหน้าที่พยาบาลแจ้งผมและเดินกลับเข้าห้องฉุกเฉินไป

                      “ครูเขมอยู่ไหนครับ...ครูเขมของโจ้...ครูเขมเป็นอะไรไหมครับ” ครูโจ้รีบวิ่งแหวกบรรดาครูเข้ามาหาผม ด้วยอาการตกใจและหมุนตัวผมสำรวจใหญ่เลย

                      “ครูเขมไม่เป็นอะไรเลยเหรอครับ...ครูห้อยพระรุ่นอะไรครับ..ปลุกเสกจากวัดไหนครับเนี๊ยะ..” ครูโจ้ถามผม ผมก็ทำท่าคิด

                      “ไม่มีหรอกครับครูโจ้เพราะไม่อย่างนั้น คนร้ายคงฟันผมไม่เข้าหรอกครับแต่นี้” ผมพูดกับครูโจ้และผมก็ขี้ที่ต้นแขนผมให้เขาดู ครูโจ้ถึงกับขมวดคิ้วมองผม

                      “ที่ต้นแขนขวานิดหน่อยนะครับ เย็บไปห้าเข็มเองครับครูโจ้” ผมพูดและโชว์ที่ต้นแขนข้างซ้ายของผมมีผ้าก๊อซพันไว้ ให้ครูโจ้ดู

                      “แต่ผมก็ยังเชื่อว่าครูมี่ของดีอยู่ดีนะแหละครับครูเขม” ครูโจ้พูด

                      “ผมว่าครูเขมนี้ต้องเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ปลอมตัวมาเป็นครูแน่ๆ เลยครับ” ครูโจ้

                      “พี่โจ้นี้ดูหนังมากไปหรือเปล่า” ครูลินดาพูดพร้อมกันปิดปากขำครูโจ้

                      “ดูซิ...ครูเขมนะเพิ่งจะมาได้เดือนเดี๋ยวเองนะครับ ...ครูทำผลงานแซงหน้าพวกผมไปซะแล้ว..รีบเหรอครับครู!” ครูโจ้พูด ผมก็ยกมือขึ้นเกาหัวนิดหน่อย

                      “คือถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้หรอกครับครูโจ้ผลงานที่แลกมาด้วยการเจ็บตัวนี่นะครับ”

                      “และผมก็เชื่อว่าถ้าเป็นคนอื่นผ่านไปเห็นก็คงเข้าต้องไปช่วยเหมือนที่ผมทำแหละครับ” ผมพูด ผมเห็นผู้หญิงไม่ถึงวัยกลางคนดีเดินตรงเข้ามา สีหน้าและท่าทางตกใจมิใช่น้อย ผมจำได้ดีว่าเป็นแม่ของแก้ม

                      “ครูคะ..ลูกสาวดิฉันอยู่ไหนคะ....นางแก้มนะคะ...ใครทำอะไรมันคะครู” แม่ของแก้ถามด้วยน้ำเสียงลุกลี้ลุกลนเขาคงตกใจมากและรีบมาทันทีที่มีคนโทรไปบอกและดูจากชุดเหมือนเพิ่งจะเลิกงานมาหรือเพิ่งจะมาจากที่ทำงานแน่ๆ แม่เขาทำงานอยู่ที่แพปลาขายส่งแม่ของเขาหุ้นส่วนกับเพื่อนเปิดแพปลา เพื่อส่งไปขายอีกทียังตลาดที่ต่างๆ

                      “แก้มไม่เป็นอะไรแล้วค่ะคุณแม่..นี้ครูเขมเขาช่วยแก้มไว้ไม่อย่างนั้นก็คงไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขั้น..เรียกได้ว่าโชคดีครูเขมไปช่วยไว้ทันและนี้บรรดาหนุ่มๆรุ่นพี่ด้วยค่ะ”

                      “ คริสโตเฟอร์นี้เขาก็ตามไปช่วยด้วยนะคะ” ครูลินดาพูดกับแม่ของแก้ม เธอมองมาที่ผมผมและมองไปยังคนที่เดินถือถุงใส่ยาตรงมาหาผม

                      “ครูเหรอคะ....ที่ช่วยนางแก้มลูกสาวดิฉัน” แม่ของแก้มหันมาถาม

                      “ครับแต่ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอก ...คริสโตเฟอร์และเพื่อนๆของเขาก็ตามไปช่วยด้วยเพราะว่าผมคนเดียวก็คงเอาพวกเด็กนั้นไม่อยู่เหมือนกัน” ผมบอกกับแม่ของแก้มและหันไปมองคริสโตเฟอร์ ผมแม่ของแก้มมองหน้าผมและคริสโตเฟอร์สลับกันไปมาสักครู่

                      “ขอบคุณนะคะครู ...ขอบคุณค่ะครู....ดิฉันมีลูกคนเดียว...ก็คือนางแก้ม..ถ้ามันเป็นอะไรไปดิฉันจะอยู่ยังไง ....ฮึกๆ” ทำท่าจะยกมือไหว้ผมดีนะที่ผมรีบเอามือของเขาเอาไว้ได้ทัน

                      “ไม่ต้องขอบคุณผมขนาดนั้นหรอกครับ ผมคิดว่าถ้าเป็นคนอื่นที่เห็นเหตุการณ์ก็ต้องเข้าช่วยนะครับ”ผมพูดกับแม่ของแก้ม  ตอนนี้เจ้าหน้าที่พาแก้มออกมาจากห้องตรวจเพื่อตรวจหาร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายและจะได้นำมาใช้ในสำนวนการให้การกับคนร้ายถึงการกระทำความผิด พอแก้มออกมาเจอแม่ของเธอก็วิ่งเข้ามาเข้ากอด แม่ของเธอก็เช่นกัน ภาพสองคนแม่ลูกกอดกันพากันร้องไห้

                      “แก้ม....แม่มีแกคนเดียวนะแก้มใครมันทำกับลูกของแม่.หึ! ..”

                      “ฮึกๆ ..แม่...แก้มกลัวจะไม่ได้เจอแม่อีก..ฮือๆ...” แก้มก็กอดแม่ของเขาร้องไห้

                      “ต่อไปแม่จะไปรับแกเอง แม่จะไม่มัวแต่ทำงานงกๆ หาแต่เงินจนแม่ไม่มีเวลาแม้จะไปรับลูกตัวเอง”

                      “แม่รู้แล้วว่าเงินกับลูกสาวของแม่อันไหนสำคัญกว่ากัน ฮือ..โธ่ลูกแม่” ผมยืนมองและอมยิ้มบางๆ ครูลินดาก็หันมาพยักหน้าให้ผม คุณตำรวจก็เดินมาทางพวกผมพร้อมกันท่านผู้อำนวยการ

                      “เราจับคนร้ายได้เกือบทั้งหมดและโชคดีที่ครูเข้าไปช่วยได้ทันถือว่าโชคดีมากมากเพราะเส้นทางนั้นเปลี่ยวและแทบจะไม่มีรถผ่านเข้าไปและที่ตรงนั้นมีคดีถูกขมขืนบ่อยมาก” คุณตำรวจพูด

                      “แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับทางเราจะดำเนินคดีกับเด็กพวกนี้เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก” คุณตำรวจที่เข้าทำหน้าดูแลกล่าวกับพวกผม

                      “หนึ่งในนั้นกลุ่มของคนร้าย...มีหนึ่งคนที่คิ้วแตกไม่รู้ว่าโดนใครเขาฟันศอกเอา” คุณตำรวจพูดปนหัวเราะ ผมหันมามองคริสโตเฟอร์ โป้งและปันปัน แต่คงไม่ใช่ปันปันแน่ๆ เล่นซะคนร้ายคิ้วแตกเลย ไม่โป้งก็คริสนี้แหละครับ สองคนนั้นยกมือขึ้นเกาท้ายถอนกันทั้งคู่

                      “โชคดีมานะครับที่ครูเขมตามไปช่วย...น่าภูมิใจแทนท่านผู้อำนวยการนะครับที่มีครูที่ใจกล้าขนาดนี้เข้าไปปกป้องนักเรียนของตัวเองโดยไม่เกรงกลัวภัยอันตรายใดๆ “ คุณตำรวจกล่าวชมผมกับผู้อำนวยการ

                      “ครับท่านรองฯ ครูคนนี้เพิ่งมาได้ไม่นานผลงานเยอะ นักเรียนรักใคร่กันมากนะครับ” ผู้อำนวยการพูดและหันมายิ้มกับผมก่อนจะหันไปตอบบุคคลในเครื่องแบบ นี้เขาเป็นถึงท่านรองผู้กำกับเลยหรอดูยังไม่แก่เลยสักนิด ท่านหันมายิ้มให้ผมแบบกันเอง

                      “ผมชอบคนดีครับครู..มีอะไรก็โทรหาผมได้นะครับ ผมรองผู้บังคับการฯ ผมพันตำรวจโทอนุสรณ์” ท่านก็ให้นามบัตรผมไว้ด้วย ผมรับมาถือไว้

                      “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ คนร้ายทำแผลเสร็จพอดีจะได้พาไปหาข้าวฟรีกินในสถานพินิจ ข้าวบ้านคงไม่อร่อยอยากไปกินข้าวฟรีกันในนั้น ” ท่านรองฯพูด เด็กผู้ชายที่ถูกนายตำรวจสองนายพาตัวออกมาจากห้องฉุกเฉินหลังทำแผลเสร็จ ทันทีที่แม่ของแก้มหันไปเจอ

                      “มึงทำลูกกูเหรอไอ้โอ...พลักๆๆๆๆๆ” แม่ของแก้มถอดรองเท้าแตะตัวเองและตรงเข้าไปตีไม่ยั้งจนเจ้าหน้าที่ต้องรีบห้ามปรามพร้อมกับกันคนร้าย คนร้านก็พยายามที่จะยกมือที่มีกุญแจมือสวมอยู่ป้องกันตัวเองจากร้องเท้าแตะและดูท่าจะหนาเอาการเหมือนกันโดนไปคงเจ็บหน้าดู บรรดาครูก็เข้าไปช่วยกันดึงรั้งแม่ของแก้มกันไว้ไม่ให้ทำร้ายผู้ต้องหา

                      “หยุดเถอะครับ! ..อันนี้ปล่อยให้ทางกฏหมายจัดการดีกว่านะครับ” คุณตำรวจพยายามห้ามปรามแม่ของแก้ม

                      “แม่พอแล้วแม่” แก้มรีบเข้าไปดึงแม่ของเธอไว้ และตำรวจรีบคุ้มกันผู้ต้องออกไปก่อนที่พากลับเข้าไปทำแผลใหม่ที่เพิ่งจะได้ตอนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินนี้แหละจากฝีมือแม่ขาโหดของแก้ม

                      “ครู ..ผมรู้แล้วแหละว่าแก้มมันได้ความร้ายกาจจากใครมา...ได้แม่มาเต็มๆเลยอะครู” คริสโตเฟอร์กระซิบกระซาบกับผม ผมจะยกแขนเพื่อหยิกนายคริสซะหน่อยก็ทำไม่ได้เพราะเริ่มจะปวดหนึบๆแล้วซิ ว่าจะบอกว่าอย่าไปว่าเขา นายนี้

                      “เอาละถ้าอย่างนั้นก็แยกย้ายกันกลับเลยแล้วกันนะครับ ครูเขมจะได้กลับไปพักดูนี้คงจะเพลียและจะอยากพักแย่แล้ว ” ผู้อำนวยการบอกทุกคน

                      “ครูเขมครับผมขอบคุณครูจริงๆนะครับ ...ครูกล้ามาก..ครูสามารถมาก..ที่บุกเดี่ยวเข้าไปแบบนั้นผมรู้ว่าครูนะหล่อเหมาะจะเป็นฮีโร่นะครับแต่ผมก็ยังอยากจะมีครูภาษาอังกฤษเก่งๆอย่างครูนะครับ ดูแลตัวเองนิดนึงนะ..ครูเก่งๆและตั้งใจสอนแบบนี้หาไมได้ง่ายๆอยู่” ผู้อำนวยการพูด ผมพยักหน้าเบาๆ

                      “นี้โดนเย็บไปห้าเข็มใช่ไหมครับ”

                      “ไม่เป็นไรครับผมทำเพื่อปกป้องนักเรียนและปกป้องเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของความคึกคนองครับท่าน” ผมพูดท่านพยักหน้า
 
                      “แก้มก็อยู่บ้านละอย่าออกไปเที่ยวที่ไหนยิ่งมืดค่ำๆอย่าได้ออกไปเชียวนะ” ผู้อำนวยการหันไปตักเตือนแก้ม ที่ยืนก้มหน้าฟัง

                      “และนี้อย่าบอกครูนะว่าเราโดนเรียน..เราโดดเรียนใช่ไหมแก้ม” ผู้อำนวยการถามแก้มเธอพยักหน้าเบาๆ ว่าเธอโดดเรียนออกมา

                      “ที่ครูไม่อยากให้นักเรียนโดดเรียน หนึ่งเสียการเรียน สองเป็นช่องทางให้กับคนร้าย”

                      “ครูถึงได้อยากให้เธอเลิกเรียนเป็นเวลาและกลับพร้อมเพื่อนๆเขา และที่หลังอย่าทำนะแก้มคราวนี้ถือซะว่าเป็นบทเรียนและโชคดีแค่ไหนที่ครูเขมตามไปช่วยเธอไว้จนครูเขาเจ็บตัวไปด้วยนะแก้ม” ผู้อำนวยการพูด

                      “ครูเขมคะ” แก้มเรียกผมเธอเดินมาหาผม เธอก้มลงเธอกำลังจะกราบเท้าผม ผมรีบดึงเธอขึ้นทันทีด้วยความตกใจ เพราะว่าผมไม่คาดคิดว่าเธอจะทำแบบนี้

                      “ฮือๆ แก้มขอบคุณนะคะครู...แก้มขอโทษค่ะครู..แก้มขอโทษ...ที่แก้มทำไม่ดีกับครู...ฮือๆ ..”แก้มพูดน้ำตาเธอไหล ผมรับรู้ได้ว่าเธอสำนึกผิดในสิ่งที่เธอทำแค่นี้ผมก็ยินดีมากพอแล้ว

                      “ลุกขึ้นเถอะแก้ม...ครูไม่ถือโทษโกรธเธอหลอกนะแก้มเพราะว่าเธอยังเด็กนัก”

                      “ต่อไปจะทำอะไรก็คิดถึงแม่เธอให้มากมาก นะแม่เธอคนนี้ที่เขารักเธอและเป็นห่วงเธอมาก เธอก็ควรจะตั้งใจเรียน...แค่นี้ครูทุกคนก็จะดีใจถ้าลูกศิษย์ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนตามที่ครูทุกคนเขาตั้งใจสอนเธอเช่นกัน” ผมพูดพร้อมกันเอามือลูบหัวเบาๆ

                      “ครูคะ...อิฉันขอบคุณนะคะครู ขอบคุณค่ะ”

                      “คุณแม่ครับ..ดีนะครับที่เกิดเรื่องแบบนี้เกิดที่เมืองไทยเราจะช่วยเหลือกันได้ ..ถ้าเป็นเมืองนอกละครับ..ผมไม่ได้ว่าไม่ดีนะครับคุณแม่” ผมเลยถือโอกาสพูดเรื่องนี้ซะเลย

           “และถ้าคุณแม่อยากจะให้น้องไปคุณแม่ควรจะให้น้องได้เรียนให้เยอะกว่านี้ ความรู้นะสำคัญมากนะครับคุณแม่ เพราะการไปใช้ชีวิตในต่างแดนมันยากนะครับ ไม่ได้สวยหรูอย่างที่ใครต่อใครคิดหรอกนะครับ ดังนั้นผมยังยืนยันอยากให้น้องได้เรียนรู้ให้มากพอซะก่อน” ผมพูดกับแม่ของแก้มผมได้ยินจากวันนั้นแหละที่แม่ของแก้มจะไม่ให้แก้มเรียนต่อและจะให้ไปอยู่กับพี่สาวของเขาที่เมืองนอก แม่ของแก้มหันไปมองลูกสาวของตัวเองคงรู้ว่าเธอยังเด็กมากหนัก แม่ของเธอพยักหน้ากับผมเบาๆ ผมส่งยิ้มกลับให้แม่และแก้มเธอคงดีใจที่จะได้เรียนต่อหลังจากจบมัธยมต้น

                      “คริส” แม่ของแก้มเรียกคริสโตเฟอร์

                      “แม่ขอโทษนะ..แม่จะไม่เรียกลูกว่าฝรั่งขี้นกอีกแล้ว...แม่ขอบใจนะที่ไปช่วยแก้ม ” แม่ของแก้มพูดกับ คริสโตเฟอร์

                      “ผมก็ช่วยเพราะว่าแก้มเป็นรุ่นน้องของพวกผมและ ผมก็มองแก้มเหมือนกับน้องสาวของผมเช่นกันครับน้า” คริสโตเฟอร์พูด ผมหันเหล่มองปฏิกิริยาคนข้างๆนิดนึงทำท่าจะดีใจหรือเปล่าที่แม่ของแก้มเขาเปิดไฟเขียวให้แล้ว

                      “แม่คะหนูกับพี่คริสนะเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องกันจริงๆค่ะ “ แก้มหันมาบอกกับแม่ของเธอ เพราะว่าแม่ของเธอเริ่มจะทำหน้างงๆไม่เข้าใจสักเท่าไหร่

                      “ถ้าอย่างนั้นผมขอพาครูเขมกลับบ้านพักก่อนนะครับ..รู้สึกว่าครูเริ่มปวดแผลแล้วนะครับ” คริสโตเฟอร์พูดและหันมามองผม

                      “คืนนี้เราก็ไปอยู่ดูแลครูเขมเขาด้วยซิคริส..ครูฝากด้วยละ “ ผู้อำนวยการหันมาบอกคริสโตเฟอร์ แม่ของแก้มก็พาแก้มเดินออกไป และผมก็เดินแยกออกไปพร้อมกันครูท่านอื่นๆเพื่อแยกย้ายกันกลับที่พัก โป้งกับปันปันยังคงนั่งรอผมสองคนอยู่ด้านนอกของโรงพยาบาล

                      “เออคริส!..พี่สั่งบะหมี่หมูแดงเอาไว้นะ...ที่ร้าน” ผมเพิ่งจะนึกขึ้นได้ ผมหันมาบอกคริสโตเฟอร์

                      “ไอ้อนุชิตตอนมันวิ่งไปตามผมและมันก็วิ่งถือบะหมี่ไปด้วยครับครู” 0_0 ขนาดมีเรื่องคอขาดบาดตายนายอนุชิตยังวิ่งถือบะหมี่หมูแดงไปให้ผมด้วยเหรอและสงสัยจะเป็นเพราะว่าผมสั่งเขาไว้ “ครูฝากบะหมี่ด้วย” แน่ๆ เลย แต่ก็ดีไม่อย่างนั้นคงไม่มีอะไรกินกันละตอนนี้ห้องอาหารที่โรงเรียนก็ปิดไปเรียบร้อยแล้ว

                      “ผมก็รีบวิ่งไปใส่ไว้ในตู้เย็นนะ ไอ้สองตัวนี้มันรู้ว่าพี่สั่งเผื่อมันเลยไม่ยอมไปกินข้าวที่ห้องอาหารเลยอะ” คริสโตเฟอร์พูดผมพยักหน้า

                      “อ้าว! คริสครับ มึงบอกพวกกูว่าครูเขมมีเรื่องพวกกูก็เลือกที่ไปมีเรื่องก่อนค่อยกินนี่ครับ” ปันปันพูด ผมหันไปมองแล้วหายไปไหนสองคน

                      “ไอ้อาร์ทกับไอ้โจ้ กลับไปแล้วครับครู” โป้งหันมาบอกผม

                      “ครูเจ็บมากไหมครับ...ครูนี้สุดยอดเลยนะครับ ...แก้มนะมันร้ายกับครูนะ ขนาดว่าจะทำให้ครูพักการสอนเลยนะครู” ปันปันพูด ผมส่งยิ้มให้ปันปัน โป้งนะเดินไปขับรถของผมมาจอดผมเข้าไปนั่งเบาะหลังกับคริส

                      “ครูก็เหมือนเรือจ้างตั้งใจจะส่งลูกศิษย์ไปให้ถึงฝัง ต่อให้ลูกศิษย์จะโกรธจะเกลียดครูแค่ไหน ครูก็ยังอยากเห็นลูกศิษย์เดินไปถึงฝั่งอย่างที่ครูตั้งใจอยู่ดีแหละปันปัน” ผมบอกปันปัน

                      “พี่เขมแล้วพรุ่งนี้เราจะกลับกรุงเทพกันหรือเปล่า” คริสโตเฟอร์ถามผม และผมจะไม่ไปได้ยังไงต้องพาคริสโตเฟอร์ไปติวกับไอ้เกรทและน้องสาวไอ้เกรทอีกละ ผมไม่อยากให้ล่าช้าไปกว่านี้เผื่อว่าคริสสอบได้ก็ได้ทันใช้สอบเข้ามหาวิทยาลัยเลย

                      “จะไม่ไปก็ได้นะเพราะว่าพี่เขมแขนเจ็บแบบนี้ขับรถไม่ได้อยู่แล้ว”

                      “ไม่ไปได้ยังไงละคริสเราต้องเรียนติวกับเพื่อนพี่นะ” ผมหันไปพูดกับคริสโตเฟอร์

                      “ครูเขมครับผมขับไปได้นะครับผมเคยขับรถไปกับพ่อที่กรุงเทพและตอนนี้ผมมีใบขับขี่รถยนต์แล้วด้วยเพิ่งจะทำมาได้เดือนกว่าๆ “ โป้งบอกผม

                      “นั้นซิครับครูโป้งมันขับได้ครับ”ปันปันพูดอีกคน คริสโตเฟอร์ก็พยักหน้า

                      “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนโป้งแล้วแหละและปันปันไปด้วยกันซิไปพักที่บ้านครู”

                      “จริงนะครูปันปันอยากไปกรุงเทพ” ปันปันพูดแววตาเป็นกระกาย แต่สองหนุ่มหันไปเหล่มองโดยเฉพาะโป้ง

                      “? ? ? “

                      “แค่อยากเห็นกรุงเทพ...” +_+

                      “ จริงอะ ? “

                      “อยากเห็นกรุงเทพหรืออยากเห็นหนุ่มกรุงเทพ..บอกให้เลิกแรดไง!” โป้งรีบแย้งปันปันทันทีอีกคนก็ทำปากยู่ใส่คนขับรถด้วยเหมือนกัน คริสโตเฟอร์พยักเพยิดให้ผมดูคู่ที่กำลังพ่อแง่แม่งอนกันอยู่แค่เพราะอยากไปกรุงเทพ ผมพยักหน้าว่าดูก็พอจะรู้ว่าสองคนนี้เขายังไงกัน ไม่นานรถก็แล่นมาจอดที่หน้าบ้านพักครู

                      “ครูถ้าอย่างนั้นผมสองคนกลับเลยนะครับ”โป้งบอกผมคงจะพากันเดินกลับแน่

                      “และพรุ่งนี้เช้าผมมาหาครูกี่โมงดีครับ” โป้งถามผม จังหวะที่ข้อความเข้ามือถือผมพอดีเลย

                      “ครูเขมคะพรุ่งนี้ถาวรอยู่เวรให้ได้นะคะครูจะได้พัก”ครูถาวรส่งข้อความหาผมพอดีเลยว่าจะอยู่เวรให้และอาทิตย์หน้าผมคงอยู่แทนเธอได้

                      “ถ้าอย่างนั้นมาแต่เช้าก็ได้นะพรุ่งนี้ครูจะพาไปดูหนังกันเป็นการตอบแทน” ผมบอกโป้งกับปันปัน

                      “เอาบะหมี่หมูแดงไปทานกันซิโป้ง ปันปันครูสั่งมาเผื่อนะ..และขับรถครูออกไปซิโป้ง” ผมบอกทั้งคู่

                      “ขอบคุณครับครู” ปันปันและโป้งกล่าวขอบคุณผม ผมพยักหน้าให้คริสโตเฟอร์ไปหยิบบะหมี่ให้ปันปันและโป้งส่วนผมก็เดินขึ้นบ้าน ตอนนี้เริ่มจะปวดมากขึ้นแล้วซิ เริ่มจะยกแขนไม่ขึ้นแล้วด้วย ดีนะที่ผมใช้สิทธิ์เบิกได้และมีประกันอุบัติเหตุ เลยได้ยาอย่างดีมาทาน

                      คริสโตเฟอร์เดินขึ้นกลับขึ้นมาพร้อมกับแกะถุงบะหมี่หมูแดงใส่ลงในภายนะมีฝาปิดและนำเข้าไมโครเวฟเพื่ออุ่นให้ผมทาน

                      “เจ็บมากไหมพี่เขม” คริสโตเฟอร์ถามผม ผมส่ายหัวเล็กน้อย

                      “ทำไมพี่ลงทุนได้ขนาดนี้ละทั้งที่แก้มมันเคยว่าพี่ไว้ตั้งเยอะ”

                      “คริสการจะทำความดีนะถ้ามัวแต่มาคิดว่าใครเคยทำอะไรไม่ดีไว้ และเราก็มานั่งผูกใจเจ็บแค้นเลยไม่คิดจะช่วยเขา ในยามที่เขาต้องการอย่างนั้นเหรอคริส...แล้วนั้นจะเรียกว่าทำความดีได้อย่างไร” ผมพูดและคริสโตเฟอร์ก็เข้ามาสวมกอดผม

                      “ผมกลัวพี่เขมเป็นอะไรไป พี่เขมอย่าทำแบบนี้อีกนะพี่...ผมขอร้อง”

                      “ทีเวลาที่พี่เขมขอเรื่องไม่ให้ผมไปขี่รถมอเตอร์ไซค์ผมยังเชื่อพี่เลยนะ” คริสโตเฟอร์พูด ผมยกแขนข้างที่ไม่เจ็บขึ้นแตะที่แขนของคริสโตเฟอร์ผมบีบแขนเขาเบาๆ พอเสียงเตือนไม่โคเวฟดังขึ้น คริสโตเฟอร์จึงปล่อยมือจากผมพร้อมกับเดินไปหยิบมาวางให้ผมและของเขาด้วยเช่นกัน ทันทีที่ผมกำลังจะพยายามคีบบะหมี่จากแขนข้างที่ไม่เจ็บ แต่คริสโตเฟอร์มองผมด้วยสายตาเชิงห้ามปราม

                       “ป้อนให้ “ผมก็มองคริสจะดีเหรอ

                       “ผมป้อนให้พี่เขม ตอนผมเจ็บแขนพี่ยังป้อนให้ผมเลย ตอนนี้เราก็ผลัดกันดูแลนะ และพอทานเสร็จ ผมจะจับพี่เขมไปกดในห้องน้ำ เอ๊ย!! พาไปอาบน้ำในห้องน้ำ “ คริสโตเฟอร์พูดทำเอาผมสะบัดหน้าไปมอง ผมว่าผู้อำนวยการส่งคนผิดมาดูแลผมแล้วแหละมั้งครับ เพราะตอนนายนี้แขนเจ็บผมยังไม่ถือโอกาสนั้นเลยนะ ดูท่านายนี้จะไม่ปล่อยให้พล้าดซะด้วย 

                      “ฮาๆ ล้อเล่นนะ “คริสโตเฟอร์พูดเพราะคงเดาความคิดจากสีหน้าของผมและเขาก็ป้อนบะหมี่ผมและทานไปด้วยพร้อมๆกัน 

          หลังจากทานเสร็จก็เตรียมตัวอาบน้ำคริสเป็นคนถอดเสื้อผ้าผมออกทั้งหมดและเข้าไปช่วยอาบน้ำให้ผม เพราะว่าผมคงอาบเองไม่ถนัดและแผลอาจจะโดนน้ำได้เสร็จแล้วคริสโตเฟอร์ก็เช็ดตัวให้ผมสวมกางเกงใส่นอนพร้อมกันเสื้อกร้ามเพราะว่าเสื้อมีแขนคงจะสวมลำบากหน่อย ก่อนจะล้มตัวลงนอนคริสโตเฟอร์ก็หยิบถุงยาแก้ปวดมาให้ผมทาน

                      “พี่เขมถ้าปวดแผลเรียกผมเลยนะหรือว่าพี่จะเข้าห้องน้ำก็ต้องเรียกผมนะ” คริสโตเฟอร์บอกผมก่อนจะปิดไฟในห้องและเปิดไฟหัวเตียงไว้แทนแสดงว่าเขาจะอ่านหนังสือต่อนั้นเอง

                      “อืมม” ผมพยักหน้าตอบเบาๆ หนังตาเริ่มหนักอึ้งอาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาแก้ปวดที่ค่อนข้างแรงหน่อยจนทำให้ผมหลับลงไม่ไม่กี่นาที แต่ยังรับรู้ได้ว่ามีคนหอมแก้มผมพร้อมกับห่มผ้าห่มให้ผม ตลอดการนอนผมรับรู้ได้ว่าเขาคอยเอาหลังมือของเขามาอังกับหน้าผากและตามตัวผมเหมือนกลัวว่าผมจะมีไข้ ขอบคุณนะที่มีเขาคนนี้อยู่ดูแลผมตลอดทั้งคืน ผมคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องรอในวันที่เขาจะดูและผมได้หรอก เพราะตอนนี้เขาก็ดูแลผมได้ดี

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.28 เมื่อแก้มเปลี่ยนไปในทางที่ดี
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 23-09-2020 21:48:40
EP.28 ครูเขมX คริส  เมื่อแก้มเปลี่ยนไปในทางที่ดี
   
  Part  ครูเขมชาติ                                                           
                  เมื่อวันหยุดที่ผ่านมาผมได้พาคริสโตเฟอร์ไปเรียนติววิชาSocial Studies กับเกรท เพราะว่าส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อหาของวิชาจะครอบคลุมประวัติศาสตร์อเมริกา ประวัติศาสตร์โลก การเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ และภูมิศาสตร์และแกรนด์น้องสาวของเกรทติวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ ได้แก่ ฟิสิกซ์ เคมี และชีววิทยา และโชคดีที่ครูปริพนธิ์เขาก็ติวส่วนที่สำคัญๆให้คริสโตเฟอร์บ้าง

                     คริสโตเฟอร์บอกผมว่าเกรทติวดีมากและยังให้ตัวอย่างข้อสอบมาลองทำดู ส่วนปันปันกับโป้งทำหน้าที่ขับรถให้ผมแทนเพราะว่าแขนผมเจ็บจากการที่ผมเข้าไปช่วยแก้มเลยโดนมีดคัทเตอร์บาดเอา ผมก็เลยพากันไปเดินเที่ยวห้างดังใจกลางเมืองและพาไปดูหนังเข้าใหม่เพิ่งจะเข้าโรงด้วยเป็นหนังตลกขบขัน
         
         ระหว่างที่เดินห้างผมเห็นทั้งคู่เดินผ่านร้านขายพวกเครื่องประดับและทั้งคู่ก็พากันหายเข้าไปในร้าน พอออกมาก็โชว์ให้พวกผมสองคนดู เขาซื้อแหวนใส่กันคนละวง ส่วนของผมนะตั้งใจในวันที่เขาสอบ GED ผ่านก่อน ผมจะให้เป็นรางวัลสำหรับเขา

         “พี่เขม....” เสียงเรียกจากหนุ่มของผมเดินมารับผมที่บ้านพักอีกเช่นเคย ที่แรกก็ทำท่าจะงอแงไม่ยอมจะนอนกับผมให้ได้เลยเมื่อคืนแต่ผมก็เห็นว่าคริสโตเฟอร์นอนกับผมมาหลายคืนแล้ว  ตั้งแต่ช่วงที่ได้รับบาดเจ็บจากการแข่งขันบาสเก็ตบอลและมาต่อด้วยช่วงที่ผมโดนคนร้ายที่ทำร้ายแก้มใช้มีดคัทเตอร์กรีดต้นแขนผมจนได้แผลเย็บไปห้าเข็ม ดังนั้นผมก็ไม่อยากให้คนอื่นๆมองคริสโตเฟอร์ไม่ดีด้วยผมจำเป็นต้องใจแข็ง บอกให้เขาไปนอนบ้านพักบ้างแล้วตอนเช้าค่อยเดินมารับผมจะดีกว่า

           “เสร็จแล้วคริส”ผมพูดขณะที่เดินถือถุงผ้าที่ผมใส่สมุดการบ้านของเด็กนักเรียนไว้ผมเอามาตรวจที่บ้านพักด้วยเมื่อคืนและผมก็ตรวจไปและก็ชิทแชทคุยกับคริสโตเฟอร์ไปด้วย พอคริสโตเฟอร์เห็นที่ผมถืออยู่ก็รีบเข้ามาแย่งไปถือเองทันที

         “วันนี้ไปล้างแผลกี่โมงเหรอพี่เขม” คริสโตเฟอร์ถามผม ยังคงต้องไปล้างแผลต่อจนกว่าจะตัดไหม

         “ก็คงหลังจากเลิกสอนก่อนนะคริส” ผมบอกคริสโตเฟอร์ ผมออกมายืนรอเขาปิดประตูบ้านให้ผมและคล้องกุญแจให้เรียบร้อย

         “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมขับรถพี่เขมออกไปนะตอนเลิกเรียนเราจะได้ออกไปพร้อมกันเลยและไปหาอะไรทานกันข้างนอกด้วยนะพี่เขมวันหนึ่งนะ”

         “พี่มีสอนห้องของผมตอนหนึ่งทุ่มมีเวลาเหลือตั้งเยอะและช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนอยู่ซ้อมบาสกัน ผมคนเดียวเองอะพี่เขม และกว่าไอ้โป้งจะกลับมาไม่รู้ดึกหรือเปล่าพี่เขมไม่สงสารผมเหรอ ” คริสโตเฟอร์พูดผมเรียกได้ว่าดักผมไว้จนหมดหนทางปฏิเสธได้เลย คริสโตเฟอร์รีบเดินมาเปิดประตูรถให้ผมเข้าไปนั่งและคริสโตเฟอร์ก็ขับรถผมออกไป

         “พอผมอายุสิบแปดปีเมื่อไหร่ผมจะรีบไปทำใบขับขี่เลยนะพี่เขม” คริสโตเฟอร์หันมาบอกผม

         “เรามีใบขับขี่จักรยานต์ยนต์แล้วใช่ไหมคริส” ผมหันถามคริสโตเฟอร์

         “ใช่พี่เขมแต่จริงๆแล้วผมนะขับได้แค่ 110 ซีซีนะต้องรอให้สิบแปดก่อนถึงจะขับได้ไม่จำกัด “ คริสโตเฟอร์หันมาบอกผม

         “แต่บิ๊กไบค์มันไม่ใช่ 110 ซีซีนะคริส” ผมหันมาทักทวงทันที และนายคริสก็หันมายิ้มแหยๆให้ผม ถ้าผมรู้ก่อนนี้จะบอกว่าห้ามเอาออกไปขับเด็ดขาดจริงๆ

         “ก็ใช่แต่ใครจะมาพลิกดูใบขับขี้ด้านหลังละครับพี่เขมและผมก็ไม่เคยขับไปเฉียดให้ตำรวจซิวผมง่ายๆอยู่แล้ว..ผมนะเทพมาก” คริสโตเฟอร์พูดผมพยักหน้าคริสโตเฟอร์ขับรถมาจอดด้านหน้าของทางตึกสูงๆที่ตั้งตระหง่านอยู่ตึกเดียวเลย คริสโตเฟอร์นำรถเข้าไปจอดตรงที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้เป็นที่จอดรถสำหรับครูอาจารย์

         “ครูเขมคะ...สวัสดีค่ะ” เสียงแหล่มและเล็กดังมาแต่ไกล ผมหันไปมองแก้มนั้นเองที่เดินตรงมาหาผม ผมยืนมองแก้มคนใหม่ ซึ้งปกติเธอจะแต่งตัวผิดระเบียบกระโปรงสั่นเหนือเข่าทำสีผมทั้งที่ผิดระเบียบแต่วันนี้เธอมาถูกระเบียบเปะเลย

         “เมื่อวันศุกร์...หัวไอ้แก้มมันไปกระทบกระเทือนอะไรมาหรือเปล่าอะพี่เขมทำไมมันเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้อะ” คริสโตเฟอร์หันมากระซิบกับคงไม่อยากเชื่อสายตาเช่นกันผมหันไปเหล่มองมันก็ดีแล้วนิที่น้องเขาจะแต่งตัวถูกระเบียบบ้าง

         “สวัสค่ะครูเขม” แก้มยกมือไหว้ผมและหันไปยิ้มกับคริสโตเฟอร์

         “หนูช่วยถือมัยคะ” แก้มถามผมพร้อมเหล่มองไปถุงผ้าที่คริสโตเฟอร์ถืออยู่ ผมพยักหน้าพร้อมสงยิ้มให้แก้ม

         “คริสเดี๋ยวให้แถ้มถือไปส่งพี่ก็ได้เราจะได้ไปหาเพื่อน” ผมพูดคริสโตเฟอร์และเขาก็พยักหน้าให้ผม เขาส่งกระเป๋าผ้าที่ผมใส่สมุดการบ้านเด็กนักเรียนไว้สมุดเล่มเล็กไม่หนักมาก ผมคิดว่าแก้มพอจะถือไหวและแก้มก็ช่วยถือขึ้นไปบนห้องพักครู

         “เป็นไงบ้างเราดีขั้นหรือยัง..แก้ม” ผมถามแก้มถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมเข้าใจเป็นใครก็คงขวัญหนีดีฝ่อ แต่ทว่าวันนี้สีหน้าของแก้มเขาดีขึ้นมากแล้ว
 
         “ดีขึ้นแล้วค่ะครูแต่ก็ยังหวาดๆ อยู่บ้าง...ต่อไปหนูจะไม่โดดเรียนแล้วค่ะครู”        แก้มบอกผม ผมพยักหน้าว่าดีแล้ว มันจริงอย่างที่ผู้อำนวยการพูดเพราะนี้คือช่องทางที่ทำให้เกิดเรื่องไม่ดีกับนักเรียนได้

         “ขอบคุณอีกครั้งนะคะครูถ้าแก้มไม่ได้ครู....แก้มคงแย่แน่ๆเลย” แก้มพูดผมเอื่อมมือไปแตะที่หัวของแก้มเบาๆอย่างเอ็นดู

         “แก้มไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมพี่คริสโตเฟอร์ถึงได้รักครูทำทุกอย่างเพื่อครู.... เพราะว่าครูดีแบบนี้นี่เองนะคะ”แก้มพูด

         “ครูเขมคะ..แม่ของแก้มบอกว่าจะให้แก้มเรียนต่อค่ะ..แม่บอกว่าไม่ให้แก้มไปอยู่กับป้าตอนนี้แต่ถ้าแก้มอยากไปก็รอให้แก้มเรียนจบก่อนนะคะครู” ผมพยักหน้าเห็นด้วย ผมเดินมาที่ห้องพักครู ผมยิ้มทักทานครูนิดที่มาแต่เช้าทุกวัน

         “และแก้มก็ไม่อยากมีผัวแล้วด้วยนะคะครู” ผมสะบัดหน้าไปมองแก้ม คือตรงไปไหมแก้ม

         “แก้ม...พูดจาอะไรอย่างนั้นนะ เป็นสาวเป็นนาง...น่าจริงๆเลย และนี่ครูเขมเขาเป็นครูผู้ชายอายบ้างซิเรานี่....เพี๊ยะ!” ครูนิดตีแขนแก้มดังเพลี๊ยะทันทีเพราะว่าเธอเข้ามาได้ยินพอดีเลย แก้มถึงกับทำหน้ายู่เพราะว่าหน้าเจ็บนิดหน่อยเธอยกมือขึ้นมาลูบต้นแขนเธอเบาๆ

         “หนูขอโทษค่ะ หนูลืมไปว่าครูเขมเป็นผู้ชายค่ะ” แก้มพูด ผมหัวเราะในลำคอแม้ลืมไปว่าผมเป็นผู้ชาย

         “ถ้าอย่างนั้นแก้มลงไปหาเพื่อนก่อนนะคะครู....แก้มเข้าเรียนพิเศษกับครูได้ทุกวันใช่ไหมคะ” แก้มถามผมเรื่องเรียนติววิชาภาษาอังกฤษ

         “ทำไมจะไม่ได้ละแก้มได้ซิ ...ครูจะยินดีมากถ้าเห็นเธอเข้าเรียนทุกชั่วโมงที่ครูเข้าสอน” ผมพูดเธอยิ้มให้ผมดีใจ

         “ครูนี้มีดีแน่ๆเลยคะ ดูซิ เด็กแก่นแก้วอย่างแก้มกลับมาเป็นเด็กเรียบร้อยราวกับผ้าผับไว้ “

         “เธอไปโกรกสีผมเป็นสีดำธรรมชาติแถมกระโปรงก็ไม่สั้นเต่อจนเกือบจะเลยขึ้นไปถึงขาอ่อน ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปเป็นเด็กเรียบร้อยและน่ารักสมวัยของเด็กมัธยม “ ครูนิดกล่าวชมผม

         “เรื่องทุนนายอนุชิตเป็นไงบ้างคะครู” ครูนิดถามผม

         “ผมคงต้องไปคุยกับผู้ใหญ่บ้านด้วยนะครับให้เขาช่วยยืนยันว่านายอนุชิตมีพฤติกรรมดีและสมควรได้รับทุนการศึกษานะครับครูนิด” ผมพูดแต่ผมก็ยังแอบกังวลแทนนายอนุชิตเหมือนกันว่าเขาจะยอมรับรองให้ได้หรือไม่ และเงินทุนก็ไม่ได้มากสำหรับใครบางคนแต่สำหรับอนุชิตหนึ่งหมื่นบาทเขาสามารถเรียนไปได้จนจบมัธยมต้นแน่นอน

         “ครูนิดครับ” ผมเรียกครูนิด

         “คะครูเขม ? ” ครูนิดเงยหน้าจากการตรวจการบ้านเด็ก

         “ผมจะจ่ายค่าเทอมให้นายอนุชิตก่อนนะครับ” ผมพูดครูนิดวางปากกาลง สายตาจับจ้องมองมาที่ผม

         “ครู...จะจ่ายค่าเทอมให้นายอนุชิตก่อนเหรอคะ..” ครูนิดถามผมเหมือนกับจะคัดค้านเล็กน้อยผมรู้ว่ามันเป็นการเข้าช่วยจนเกินหน้าที่ครูไปแล้วแต่ผมไม่อยากให้เด็กดีอย่างนายอนุชิตไม่มีโอกาสได้เรียน

         “ครับผมยินดีและเต็มใจครับครูนิด” ผมพูดย้ำชัดอีกครั้ง

         “ต้องไปจ่ายกับครูสมพิศนะคะเพราะว่าครูสมพิศดูแลเรื่องการเงินของโรงเรียนอยู่นะคะครูเขม” ครูนิดบอกผม ผมพยักหน้า ผมลุกขั้นผมต้องเดินไปหาครูสมพิศซินะ ผมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือยังมีเวลาเหลือพอก่อนจะลงไปดูแลเด็กนักเรียนเข้าแถวทำกิจกรรมหน้าเสาธง ระหว่างที่ผมกำลังเดินออกมาได้ยินเสียงคนคุยกันฟังดูแล้วน่าจะเป็นเสียงเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายเหมือนมีปากเสียงกันเสียด้วย ตรงใต้บันได

         “ไอ้พี่กาย ไอ้พี่เลว ฮือๆ มึงทำแบบนี้กับกูได้ไง ไอ้เหี้ย” ผมเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งทุบตีนายกาย ส่วนนายกายก็ยกแขนขึ้นป้องปัดจนกระทั้งเขาหมดความอดทนเขาสะบัดเด็กผู้หญิงคนนั้นกระเด็นลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น ผมรีบเดินเข้าไปทันทีในฐานะครู

         “เธอทำอะไรรุ่นน้องนะกาย...” ผมเอ่ยถามคนที่ยืนหันหลังให้ผม เขารู้ว่าเป็นผมแน่ๆ เขาก็หันหลังกลับมามองหน้าผม มือยังคงล้วงเข้าในกระเป๋ากางเกงแบบไม่สนใจว่าผมนี้เป็นครูของที่นี่หรือไม่

          ผมมองหน้านายกายและเด็กผู้หญิงคนนั้นสลับกัน ส่วนนายกายหันมามองหน้าผมเช่นกันเขาไม่ได้พูดอะไรและหันกลับไปมองเด็กผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตาอาฆาตแค้นก่อนที่นายกายจะเดินแทรกตัวลงไปชั้นล่าง

         “ครูอย่ายุ่งกับผมดีกว่า..เอาเวลาไปดูแลนักเรียนที่รักของครูเถอะก่อนจะไม่ได้อยู่ดูแลกัน” นายกายพูดระหว่างที่กำลังจะเดินผ่านผม ผมก็รีบเข้าไปพยุงเด็กผู้หญิงคนนั้นให้ลุกขึ้น ใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาเขาหยิบผ้าเช็ดหน้าตัวเองขึ้นมาปาดเช็ดน้ำตาตัวเอง

         “เราเป็นอะไรหรือเปล่า ” ผมถามเด็กผู้หญิงที่ผมประคองเขาให้ลุกขึ้นมา

         “ฮึกๆ..เปล่าคะครู” เธอปฏิเสธว่าเธอไม่เป็นอะไร

         “นายนั้นทำร้ายเธอหรือเปล่าบอกครูได้นะ..วิกานดา” ผมอ่านจากชื่อที่ปักตรงด้านซ้ายของเสื้อนักเรียนเธอยังอยู่ม.ต้นอยู่เลย

         “เออ...คือ...” เธอมีท่าทีอึกอักที่จะตอบผม

         “ไปหาผู้อำนวยการกับครู” ผมพูดและทำท่าจะหันหลังเดินเพื่อเปลี่ยนเป็นไปหาผู้อำนวยการแทนก่อน ณ ตอนนี้

         “หมับ” มือเล็กๆคว้าเข้าที่ข้อมือของผมอย่างรวดเร็วเพื่อรั้งผมเอาไว้ ผมหันกลับมามองหน้าเธอ

         “ไม่ค่ะ...หนูไม่ได้เป็นอะไรคะ...หนูขอตัวค่ะครู..หนูไม่เป็นอะไรจริงๆค่ะครู ” เธอรีบปฏิเสธพร้อมกับคว้ากระเป๋านักเรียนเธอรีบแทรกหนีผมไปทันทีและวิ่งลงไปยังชั้นล่างก่อนที่ผมจะเอ่ยปากพูดอะไรผมคิดว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ

            แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมให้ผมพาไปหาผู้อำนวยการทั้งที่เธอถูกทำร้ายอย่างนั้น ผมไม่เข้าใจทำไมนายกายนี้ถึงได้เกเรมากขนาดนี้ ผมได้แต่ยืนขมวดคิ้วจนเป็นปมก่อนจะเดินหน้าต่อเพื่อเดินตรงไปยังห้องที่ครูสมพิศนั่งประจำการอยู่ ครูสมพิศกำลังนั่งอ่านอะไรสักอย่างอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอ

           “สวัสดีครับครูสมพิศ”

           “สวัสดีค่ะครูเขม..ว่ายังไงคะมาหาพี่แต่เช้า...เออ..ว่าแต่ครูเป็นยังไงบ้างได้ข่าวว่าไปช่วยเด็กนักเรียนกำลังจะโดนทำมิดีมิร้ายใช่ไหมคะ” ครูสมพิศถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ

           “เด็กบางคนเตือนก็แล้ว พูดก็แล้วผลสุดท้ายเกิดเรื่องนะค่อยมาฟังกันดีนะคะที่ครูไปช่วยไว้ได้ทันเกือบจะสาย” ครูสมพิศบ่นให้ผมฟังอีกตามเคย

           “ครูสมพิศครับ ผมจะ..จ่ายค่าเทอมให้นายอนุชิตนะครับผมได้ยินมาว่าเขาค้างค่าเทอมอยู่” ผมพูดกับครูสมพิศ เธอมองหน้าผมอย่างแปลกใจ

           “ผมอาจจะช่วยได้ไม่บ่อยแต่ผมอยากช่วยครับ..ตอนนี้ผมกำลังทำเรื่องขอทุนการศึกษาให้นายอนุชิต..และผมคิดว่าอาจจะไม่ทันถ้าจะรอเงินตรงนั้นมาจ่ายค่าเทอมและผมจึงยินดีจะจ่ายให้เขาก่อน” ผมพูดกับครูสมพิศ เธอมองหน้าผมก่อนจะถอนหายใจออกมานิดนึง

           “ครูเขมคะ..ดิฉันถามหน่อยซิค่ะว่าทำไมครูดีเหลือเกินค่ะ..” ครูสมพิศถามผม แววตาที่ดูจริงจัง

           “อาจจะเป็นเพราะว่าพ่อผมนะท่านช่วยเหลือคนไว้เยอะและมันเป็นภาพที่ผมเห็นมาโดยตลอดคือเราช่วยได้ในยามที่เราทำได้นะครับ..มนุษย์ทุกคนเลือกเกิดไม่ได้แต่เขาควรจะได้รับโอกาสจากคนที่เลือกเกิดได้ถูกต้องไหมครับครู”ผมพูด ครูสมพิศพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มให้ผม

           “พ่อผมสอนพวกผมเสมอว่าหากเรามีแล้วเราควรแบ่งปันให้คนที่เขาไม่มีในขณะที่เรามีนะครับ”

           “และไม่ว่าเราจะมีมากมีน้อยแค่ไหนเราก็เอาไปไม่ได้ในวันที่เราหมดลมหายใจ” ผมพูด

           “ดิฉันเข้าใจแล้วค่ะ...ดีใจแทนเด็กๆที่นี้นะคะที่ได้ครูดีอย่างครูเขม..อยู่ด้วยกันนานๆนะคะครู” ครูสมพิศพูดก่อนจะหยิบสมุดขึ้นมาหนึ่งเล่ม

           “ครูจะจ่ายค่าเทอมให้เขาใช่ไหมค่ะ 2,190 บาทถ้วนค่ะครูเขม”

           “นี้ครับ” ผมยืนธนบัตรให้ครูสมพิศสีเทาและสีม่วง และครูสมพิศก็ออกใบเสร็จรับเงินมาให้ผม

           “ขอให้ครูจงเจริญนะคะยิ่งๆขึ้นไป มีแล้วก็มีอีก ดิฉันเองก็สงสารเขานะแต่ภาระหน้าที่ดิฉันก็มีเยอะพอตัวกันอยู่แล้ว “ ผมพยักหน้าด้วยความเข้าใจ

           “เป็นครูเงินเดือนน้อยนิด ค่าใช่จ่ายก็เยอะ ยืนสอนจนเมื่อยล้าเพื่อสอนเด็กวันละสี่ห้าชั่วโมง เหนื่อยไหมตอบได้ว่าเหนื่อยค่ะแต่ก็นี้แหละหน้าที่ครูที่เป็นเรือจ้างหน้าที่ที่ต้องเสียสละทั้งกายและใจจริงๆ ” ครูสมพิศพูดกับผมผม ผมพยักหน้าว่าจริงนะ  เป็นครูนี้ไม่ได้สบายไปกว่าอาชีพอื่นๆเลย

                  เสียงสัญญาณเข้าแถวดังขึ้นพอดีผมและครูสมพิศเดินลงไปพร้อมกันเพื่อนไปเพื่อไปทำหน้าที่ยืนคุมนักเรียนเข้าแถวเหมือนเช่นทุกวันวันนี้ท้องฟ้าอึมครึมสงสัยว่าช่วงบ่ายนี้ฝนคงจะตกแน่นอนเดาได้แบบไม่ต้องเปิดดูกรมอุตุนิยมวิทยา

“ครูเขมสวัสดีครับ เป็นยังไงบ้างครับครูแผลครูนะครับ..แม้ครูนี้ใจกล้าดีจังเลยนะครับ..ผมนี้นับถือเลย” ครูอครชัยหันมาเจอผมก็ทักผมทันที

“ผมไม่เป็นอะไรมากแล้วครับครูชัย” ผมหันไปตอบครูอครชัย ครูฝ่ายปกครอง

“เป็นครูก็แบบนี้แหละครับแบกรับปัญหาเยอะหน่อยไหนจะปัญหานักเรียนพติกรรมของนักเรียนและปัญหาผู้ปกครอง จิปาถะนะครับครูและครูยังมาเป็นผู้พิทักษ์สันติราชเพิ่มอีก..”

“แต่อย่างว่าแหละครูใหม่ไฟแรงส่วนผมนะไม่ไหวแล้วละครับเห็นทีจะต้องวางมือจากครูฝ่ายปกครองซะที”

“ครูยังดูแข็งแรงอยู่เลยครับครูชัย” ผมหันพูดกับครู

“บางที่มันก็เหนื่อยจากภายในนะครู ผมเคยคิดว่าจะเออรี่ก่อนวัยเกษียณซะด้วยซ้ำแต่ก็เสียดายออกไปก็ไม่ได้ทำอะไร” ครูชัยพูดผมรู้บางที่หน้าที่ครูที่ใครๆเห็นว่าสบายมันก็มีบางที่เหนื่อยหนักสาหัสเหมือนกัน

“ครับผมทราบดีครับว่าเป็นครูไม่ได้สบายแบบนั่งทำงานในออฟฟิตแต่ผมก็ยังคงภูมิใจในอาชีพครูอยู่นะครับแม้ว่าจะเจออะไรหนักหนาบ้างแต่มันก็ยังมีควาสุขเล็กซ้อนอยู่นะครับครูชัย..การได้เห็นเด็กนักเรียนที่ได้สั่งสอนไปถึงฝั่ง”

“ผมนี่ดีใจที่ได้ยินครูพูดแบบนี้นะครับและอย่าเพิ่งถอดใจหนีกันไปซะก่อนละครับ”

“ครับผม” หันไปตอบครูอครชัยที่เป็นครูฝ่ายปกครองที่นี้มานานก่อนท่านผู้อำนวยการจะย้ายมาซะอีกและอีกสี่หรือห้าปีนี้แหละแกจะเกษียญอายุราชการแล้วเห็นว่าภรรยาของอาจารย์ป่วยด้วยโรคมะเร็งเป็นครูเหมือนกันและเออรี่ไปเมื่อปีที่แล้วเพื่อรักษาตัว

                  ผมยืนคุมนักเรียนเข้าแถวทำกิจกรรม เดินดูตามแถวไปเรื่อยๆจดไปหยุดตรงแถวของคริสโตเฟอร์แบบไม่ได้ตั้งใจ เขากันมามองผมหยักคิ้วให้ผม ผมยังจำได้ดีวันแรกที่ผมยืนมองเขาเข้าแถวเขาก็ทำแบบนี้แหละ ผมชี้นิ้วทำหน้าดุว่าไม่ให้เขาเล่นขณะเข้าแถวทำกิจกรรมหน้าเสาธง

“ครูค่ะ....มีนักเรียนเป็นลมค่ะ!...ครูค่ะมีนักเรียนเป็นลมทางนี้ค่ะ!”เสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากแถวของนักเรียนหญิงและบรรดาครูก็พากันวิ่งไปดู ผมก็เช่นกันผมเห็นเด็กผู้หญิงที่ผมเจอเขายืนมีปากเสียงอยู่กับนายกายเป็นลมหมดสติอยู่กับพื้นหญ้า

“เอานี้ พวกเธอก็อย่าเข้ามามุงกันซิค่ะ....นักเรียนเปิดทางหน่อยเดี๋ยวเพื่อนไม่มีอากาศหายใจกันพอดี” ครูสุรีวรรณ์บอกให้ทุกคนถอยออกไป ครูสุรีวรรณ์กำลังนั่งยองๆ ดูเด็กที่เป็นลมครูสุรีวรรณ์เธอก็กำลังท้องอยู่ด้วย ทำให้ลำบากเกินไป

                       “ครูครับ ให้ผมดูเด็กเถอะครับ เพราะว่าครูกำลังท้องอยู่นั่งลงแบบนี้คราอาจจะได้รับอันตรายได้นะครับ” ผมก้มลงบอกครูสุรีวรรณ์ ครูก็พยักหน้าและยันตัวเองลุกขึ้นและผมก็ลงไปนั่งย่องๆดูเด็กที่เป็นลม

                       “วิกานดา “ผมพยายามเรียกชื่อเธอแต่ไม่มีการตอบรับ นี้แปลกว่าเธอหมดสติไปแล้ว

“ครูครับผมว่าพาไปห้องพยาบาลก่อนดีกว่าไหมครับ” ผมบอกครูสุรีวรรณ์

“นั้นซิหมี พี่ว่าให้ใครอุ้มกี้ขึ้นไปห้องพยาบาลก่อนเถอะ.....ดูซิหน้าซี้ดเผือดขนาดนี้เลยนะ แดดก็ไม่มีเป็นลมแดดก็คงไม่ใช่ ” ครูสุมณฑาพูด ผมก็กำลังจะเข้าไปอุ้ม ในเวลาเข้าแถวจะมีแค่ผมกับครูอครชัยที่เป็นครูผู้ชายเท่านั้นที่ยืนคุมเด็กนักเรียน

“ครูครับผมอุ้มไปดีกว่า” ผมหันมาเจอเด็กนักเรียนชั้นม.6 เขาอาสาอุ้มเด็กนักเรียนหญิงคนนี้ขึ้นไป

“ดีเลยเอกรินทร์ อุ้มน้องไปให้ครูหน่อย “ ครูสุมณฑาพูดผมก็หลบให้เขาเป็นคนอุ้มเด็กผู้หญิงทีเป็นแทนผม ดูจากสีหน้าแล้วเขาดูจะเป็นห่วงเด็กผู้หญิงคนนี้มาก ผมได้แต่ยืนมองนักเรียนชายคนนั้นอุ้มนักเรียนหญิงรุ่นน้องไปสายตาที่บ่งบอกว่าเป็นห่วงมากแค่ไหน
         
                  ผมต้องดูแลนักเรียนเข้าแถวต่อ ผมยืนครุ่นคิดที่ผมได้ยินเด็กผู้หญิงคนนี้กับนายกายอยู่จากบทสนทนาทั้งคู่เหมือนผู้หญิงต้องการให้นายกายรับผิดชอบหรือทำอะไรสักอย่าง สักพักกิจกรรมหน้าเสาธงก็ผ่านไปได้ด้วยดี และนักเรียนก็ถยอยแยกย้ายขึ้นห้องเรียนกัน

KissKhem : พี่เขมยืนคิดอะไรอยู่หน้ามุ่ยเลยอะ
My Love  : ไม่มีอะไรหรอกคริส (ช่วงนี้หน้ามุ้ยก็ไม่ได้ นายนี่จะรีบส่งข้อความถามผมทันที)
KissKhem : ผมเป็นห่วงเพราะสีหน้าพี่เขมมันบ่งบอกว่าพี่กำลังคิดเรื่องอะไรอยู่แน่ๆ
My Love   : ไม่มีอะไรหรอกนะคริส..เตรียมขึ้นเรียนได้แล้วและห้ามใช้มือระหว่างเรียน
 KissKhem : ก็ได้...เจอกันตอนเที่ยงนะพี่เขม..คริสรักพี่เขมนะ
My Love   : เจอกันตอนเที่ยงคริส..พี่รักคริสนะ

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.28.1เหตุผลอะไรที่นายกายต้องการให้คริสออก
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 24-09-2020 12:01:56
EP.28.1 ครูเขมX คริส  เหตุผลอะไรที่นายกายต้องการให้คริสออกจากโรงเรียน

          Part ครูเขมชาติ
                  ระหว่างที่ผมคุยกับคริสโตเฟอร์ผ่านแอพพลิเคชั่นเสร็จผมก็รีบเดินขึ้นห้องพักครูเพื่อจะได้หยิบหนังสือขึ้นไปทำการเรียนการสอนคาบแรกของผมก็คือห้อง ม.4/2 ห้องนายคริสโตเฟอร์ วันนี้ผมก็ลองเอาข่าวสารบ้านเมืองที่เป็นภาษาอังกฤษจากหนังสือพิมพ์บางกอกโพส มาอ่านให้นักเรียนฟังและนำมาตั้งคำถามให้ตอบ นายคริสก็ตอบได้เกือบหมด มันทำให้ผมเชื่อว่าการตอบปัญหาภาษาอังกฤษเขาน่าจะทำได้เช่นกัน พอหมดคาบสอนผมก็รีบเดินออกเพื่อไปทำการสอนห้องอื่นต่อไป ผมแค่ยิ้มให้คริสโตเฟอร์ เขาก็ยิ้มตอบผมเพราะว่าเขาเข้าใจดีว่าเขาควรทำตัวอย่างไรในขณะที่เขายังอยู่ในชุดนักเรียนและผมซึ่งเป็นครูอาจารย์ของเขา

“ครูเขมค่ะ..วันนี้มีประชุมตอนสิบเอ็ดโมงนะคะ ประชุมเรื่องงานสัปดาห์ภาษาอังกฤษนะคะ” ครูลิมาเดินเข้ามาบอกผม ผมพยักหน้าว่าได้เพราะว่าผมีสอนคาบแรกและคาบที่สองแค่นั้น ผมเดินขึ้นห้องเรียนทันทีเพื่อทำการเรียนการสอนต่อไป ผมเห็นกลุ่มนายกายยืนสนทนากันอยู่ตรงมุมบันไดข้างห้องพยาบาล ซึ่งผมต้องเดินผ่านพอดี

“แม่งมีแต่เรื่องวะ..”

“แล้วที่นี้ใครเป็นคนรับผิดชอบวะ..กูนะคงไม่ได้หรอกพ่อกูเอากูตายแน่” นายอั๋นพูดแสดงว่าคงเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ

“ทำไมต้องรับผิดชอบด้วยว่ะก็แค่เด็กใจแตก....มีตั้งหลายคน มึงคนหนึ่งแหละไอ้อั่น” นายกายพูดแต่สิ่งที่พวกนั้นต้องพากันรับผิดชอบนะมันคืออะไรกันจะเป็นเรื่องที่เขามีปากเสียงกับเด็กผู้หญิงคนที่เป็นลมเมื่อเช้าหรือเปล่า
“อะไรว่ะไอ้กายโยนให้กูเลยนะ” นายอั๋นผมจำได้เขาเกือบจะต่อยผมแล้วเช่นกันวันนั้นที่มีเรื่องกับนายคริสโตเฟอร์ แต่จะว่าไปมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของผม ผมเลือกที่จะเดินต่อไปเพื่อไปยังห้องเรียนที่ผมกำลังจะสอนต่อแต่ทว่า

“พอเถอะเลิกพูดเรื่องนี้เถอะวะ...ตอนนี้ที่กูคิดนะ กูจะทำยังไงที่จะเอาไอ้คริสออกจากโรงเรียนให้ได้” อันนี้แหละผมคิดว่า เรื่องของผมแล้ว ผมถึงกลับถอยหลังมาฟังใหม่ ผมอยากรู้เหตุผลว่าทำไมนายนี้ถึงอยากให้คริสโตเฟอร์ออกจากโรงเรียน

“เฮ้ยกูว่าพอเถอะวะไอ้กายและเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วนะโว้ยที่สำคัญกูจะจบม.6แล้วกูไม่อยากโดนพ่อด่าไปมากกว่านี้วะ” อีกคนพูด

“ทำไมว่ะมึงป๊อดเหรอว่ะ....ไอ้อั๋นกะอีแค่ไอ้เด็กลูกครึ้งที่พ่อก็ไม่มีแม่ก็เป็นผู้หญิงบาร์มึงจะกลัวมันทำไมวะพ่อมึงกับพ่อกูใหญ่ทั้งคู่” ผมได้ยินนี้แสนจะภูมิใจแทนพ่อเขาทั้งคู่จริงๆ

“แต่ว่ามันมีแบคเยอะว่ะ ..ไอ้โป้ง..ไอ้โจและไอ้อาร์ทแถมตอนนี้นางแก้มก็ไปอยู่ฝั่งนั้นแล้วและที่แน่...ครูเขมอีกละ” พอผมได้ยินว่าเขาบอกว่าผมเป็นคนหนุนหลัง
“เฮ้อ!!!”  ผมถึงกับถอนลมหายใจยาวๆออกมา  ผมเหลือบมองเวลาที่ข้อมือยังพอเหลือเวลาให้ผมได้สนทนาสักสี่ห้านาที

“ครูไม่ได้หนุนหลังใครทั้งนั้นแต่ครูเลือกที่จะเข้าข้างคนที่ทำถูกต้อง..กาย” เสียงของผมทำให้ทั้งกลุ่มหันหน้ามามองผมกันหมด ผมเดินลงมายืนมองหน้าทั้งคู่ นายกายพ่นลมหายใจออกมาแบบไม่พอใจที่ผมมายืนฟังการสนทนาของเขาทั้งคู่

“ผมไม่เชื่อหรอก...ครูจะไม่ลำเอียงให้ไอ้คริสมัน...และที่มันเรียนภาษาอังกฤษดีขึ้นคงบวกคะแนนพิศวาสไปให้ด้วย” เดินมายืนประชันหน้ากับผม

“ถ้านายไม่เชื่อก็ไปถามทุกคนในห้องดูนะว่าครูให้จริงหรือไม่จริง...กาย” ผมพูด

“และที่ครูไม่เข้าใจคือคริสโตเฟอร์ไปทำอะไรให้นายถึงได้อยากให้เขาออก...เธอมีเหตุผลที่ดีไหมละครูจะได้รับฟัง...ว่ามันสมควรหรือไม่สมควร” ผมถามกาย เขาหันมามองหน้าผมสายตาผมสองคนประสานกันจนในที่สุดนายกายเองที่เป็นคนเบี่ยงสายตาหนีผมและเดินแทรกตัวออกไประหว่างที่เขากำลังจะเดินผ่านผม

“ผมไม่จำเป็นต้องบอกครูหรอกครับ..ครูไม่ใช่คนที่สำคัญอะไรสำหรับผม...ก็แค่ครู...ที่เป็นเกย์...ไม่มีอะไรสำคัญ” ผมหันมามองนายอั๋นที่ยังยืนอยู่ เขาก็แค่มองผมและเดินตามนายกายออกไปเช่นกัน แต่ถึงยังไงผมก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเหตุผลอะไรกันที่ทำให้เขาอยากให้คริสโตเฟอร์ออกจากโรงเรียนถ้าแค่เล่นบาสเกตบอลเก่งกว่าผมว่าไม่น่าจะใช้เหตุผลนี้นะ นายคริสไปทำอะไว้จนนายกายอาฆาตขนาดนี้กันแน่

                  หลังจากเข้าประชุมผมก็รีบลงมาทานอาหารเที่ยงจะได้รีบไปติวคริสโตเฟอต่อและพรุ่งนี้จะทำพิธีเปิดสัปดาห์ภาษาอังกฤษ มีแข่งขันตอบปัญหา เล่านิทาน และประกวดร้องเพลงในวันสุดท้ายก่อนปิดงาน มีกิจกรรมซุ้มทำอาหาร ฮอทดอก แซนวิส ฯลฯ จากนักเรียนที่เรียนทำอาหารกับครูรัชนีวรรณ์ และมีจะมีหนังภากษ์ภาษาอังกฤษมาเปิดให้ดูในชั่วโมงภาษาอังกฤษ วันที่สองจะมีการเล่านิทานพร้อมกับมีการแสดงนักเรียนแต่ละห้องเช่นกัน ประชุมเสร็จก็เกือบเที่ยงพอดี

Kisskhem :พี่เขมมากินข้าวกับผมหรือเปล่า นั่งคนเดียวเหงาอะ
My love    :เพื่อนไปไหนละ       
Kisskhem :โป้ง ไปดูพ่อผ่าตัดพรุ่งนี้ปันป้นก็ไปด้วย มันเพิ่งจะไปหลังจากที่นั่งกินอะไรที่ห้องอาหารเมื่อเช้าอ่ะพี่เขม  ส่วนไอ้โจกับไอ้อาร์ท มันไปฮันนิมูนกัน ผมเหงาอ่ะพี่เขม
         (ผมก็ต้องเกาหัว เด็กงอแงร้องหาผู้ปกครองอีกแล้ว)
My love    :อืมเดี๋ยวพี่ซื้อข้าวร้านครูโจ้ก่อนและพี่จะเดินไปหาเรา เลิกงอแงได้แล้ว
Kisskhem : ^__^

       มิน่าละเมื่อเช้าผมมไม่เห็นโป้ง ปันปัน โจและอาร์ทเลย ตอนที่เข้าแถวตอนแรกก็คิดว่าเข้าสายกันซะอีก ผมรีบเดินลงก่อนเวลาเที่ยงเพื่อจะได้เผื่อเวลาไปซื้อข้าวและรีบไปทานกับนายคริสโตเฟอร์และพากันไปติวหนังสืออีกเริ่มจะเหนื่อยแล้วซิผมและผมก็ต้องกลับมาเขียนเล่าเกี่ยวกับประวัติของอนุชิตเพื่อขอรับทุนอีก

                  “นั้นไงน้องเจี๊ยบพอพี่คิดถึงก็มาเลย…ครูเขมครับ” ผมเดินตรงมาที่ร้านขายอาหารแฟนของครูโจ้ ผมก็ต้องผมสะดุงทันทีที่ได้ยินครูโจ้บอกว่าคิดถึงผมนี้แหละ

                  “เป็นไงบ้างคะครูเขม พี่โจ้เล่าให้แป้งฟังค่ะว่าครูเขมสวมบทบู้สู้กับคนร้ายตั้งห้าคน”

                  “เวอร์ไปแล้วครูโจ้...ผมนะคนเดียวก็แย่แล้วที่เหลือนะนักเรียนที่ไปช่วยจัดการหมดครับ”ผมพูดตาก็มองว่าจะกินอะไรดี เห็นแล้วข้าวหมูแดงหมูกรอบดีกว่า

                  “อ้าว!.ถ้าอย่างนั้นครูก็ไม่ใช่พระเอกนะซิครับ....อย่างนี้เขาเรียกเป็นนางเอกแล้วมั้งคับ”ครูโจ้พูด ผมเงยหน้าขึ้นมามองครูโจ้ ตอนแรกคิดว่ากินข้าวหมูแดงไปกินบะหมี่ดีกว่าไหมหันหลังออกครับ ผมงอนมาหาว่าผมเป็นนางเอก

                  “เดี๋ยวซิครับครูเขม..แหมหัวของครูก็ไม่ล้านนะครับทำขี้น้อยใจไปได้ ”ครูโจ้รีบออกมาดึงแขนผมไว้


                  “ก็พี่โจ้นะดันไปแซวครูเขมเขาทำไมละ” แฟนครูโจ้เข้าข้างผม

                  “นี่เข้าข้างลูกค้าเหรอครับ...ที่ยืนนี้แฟนนะครับ”

                  “ลูกค้าคือพระเจ้าพี่โจ้..หลบไปค่ะ เจี๊ยบจะได้ดูแลลูกค้าคนสำคัญ!” แฟนของครูโจ้หันมาพูดเข้าข้างผม

                  “โอเคครับ...คุณลูกค้า...เชิญครับคุณลูกค้าชั้นดี ..ว่าแต่ครูจะทานอะไรดีครับครูเขม...วันนี้...” ครูโจ้พูดและดันผมกลับไปที่ร้านเขาเหมือนเดิม

                  “ฟรีเหรอครับ”ผมรีบถามครูโจ้

                  “คงจะไม่ได้หรอกครับครูเขมถ้าผมฟรีให้ครูเพราะว่าครูทำผลงานดีผมจะเจ้งแน่ๆ ก็เล่นทำผลงานติดกันเยอะขนาดนี้ถ้าปีละครั้งโจ้จะโอเคมาก..อันนี้เยอะไปนะครับ ”

                  “และอีกอย่างนะครับวันนี้เห็นทีจะฟรีไม่ได้จริงๆ เพราะว่า...เมียผมป่วยตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นแล้วแหละครับครูเขม”ครูโจ้พูด

                  “เป็นอะไรหรือครับคุณเจี๊ยบไปหาหมอหรือยังครับ” ผมถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยในฐานแม่ค้าที่ผมซื้ออาหารทานบ่อยๆ

                  “พี่โจ้อะเวอร์ไปแล้ว...ไม่เป็นอะไรมากหรอค่ะครู...ถ้าอย่างนั้นวันนี้เจี๊ยบเพิ่มหมู เพิ่มไข่ให้แล้วกันนะคะ ไม่คิดเพิ่มค่ะ” แฟนครูโจ้พูดและหันไปเหล่ครูโจ้แทนผม นั้นไงหลบทันที

                  “ไม่ต้องถึงมือหมอหรอกครับครูเขม ใช้เวลาพักฟื้นสักสิบกว่าวันเดี๋ยวก็หายครับ และนี่เป็นบ่อยครับไอ้โรคนี้นะครับ อาการจะกำเริบเดือนละสองครั้ง ระยะฝักตั่ว2-3 วันก่อนต้นเดือนและก่อนกลางเดือน “ ครูโจ้พูดผมก็ยิ่งทำท่าขมวดคิ้วเข้าไปใหญ่ นี้ยังไม่ต้องไปหาหมออีกเหรอ

                  “เป็นทุกเดือนเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นผมแนะนำครูโจ้รีบพาไปหาหมอตรวจเถอะครับ...จะได้รู้ว่าเป็นโรคอะไรและรักษาได้ทัน”

                  “ไม่ต้องให้หมอวินิจฉันหรอกครับครูเขม เพราะว่าโจ้นี้วินิจฉัยให้ได้ครับ ....เมียผมเขาเป็นโรคอีบนล่างทำพิษครับ”

                  “ห๊ะ..อีโบล่าเลยเหรอครับ!” ผมร้องออกมาครูโจ้รีบเอามือปากผมอย่างเร็ว

                  “นี้ครูเขมอยากให้ผมรีบโสดขนาดนั้นเลยเหรอครับ “ มือที่ยังปิดปากผมอยู่ผมก็ส่ายหัวว่าไม่ใช่นะ

                  “ถึงได้แช่งเมียผมให้เป็นอีโบล่าเลยละครับ นี้ถ้าเมียได้ยิน มันจะได้กระโดดกัดหูผมเอา” ครูโจ้พูดหันไปเหล่แฟนตัวเอง จังหวะที่แฟนครูโจ้หันมาเห็นพอดี

                  “ที่รักจร๊าครูเขมเขาบอกให้เป็นอีโบล่าเถอะ พี่จะได้โสดภายใน72ชั่วโมง” ครูโจ้หันไปบอกแฟนเขาอีก และยังมาบอกผมบอกอีกนะ ผมกำลังจะแย่งว่าไม่ใช่

                  “ปึก!” เสียงมีดที่หันหมูแดงปักลงที่เคียงทันที ผมรีบแกะมือครูโจ้ออกก่อนทันที

                  “เฮ้ย!ครูโจ้ ผมไม่ได้พูดอย่างนั่นซะหน่อย”

                  “เจี๊ยบครับไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะครับ” รีบแก้ตัวให้ตัวเลยครับ แอบคิดในใจผมนี้ผิดตั้งแต่เดินเข้ามากินร้านครูโจ้แล้วแหละครับ รู้อย่างนี้ไปกินร้านป้าใจซะดีกว่าไหม

                  “ก็พี่โจ้นั้นแหละพูดให้ครูเขมเข้าใจผิดและเจี๊ยบนะคิดว่าพี่โจ้นะคิดเองมากกว่า...”

                  “ถ้าอยากโสดบอกเจี๊ยบนะจะยอมให้พร้อมแถมใบมรณะบัตรของพี่ และถือติดมือไปด้วย!” เจี๊ยบเขายืนเอามือเท้าที่เอวและชี้หน้าครูโจ้ด้วยมีดทันที 

                  “โธ่ๆ เมียที่รักเขารักเมียยย....ทีหลังอย่าแช่งเมียผมอีกนะครับครูเขม....ผมรักเมียครับ....อยากให้เมียอยู่ด้วยนาน นาน ” ผมก็มองผมไม่ได้แช่งสักนิดเลย

                  “ครูโจ้ก็บอกครูเขมเขาไปตรงๆซิว่าเมียนะโดนหวยรับประทาน..อ้อมอยู่ได้ “แม่ค้าร้านข้างๆ ผมพยักหน้าเข้าใจทันทีเลย โรคอีกบนล่างนี้คือการเล่นหวยนั้นเอง ผมยืนเกาหัวตัวเองแกร๊กๆ

                  “อ้อ!....เมื่อวานวันที่16 ผมลืมครับไปวันสลากินแบ่งรัฐบาล “

                  “ใช่ครับ โดนกันถ้วนหน้าทุกร้านไป ทั้งบนทั้งล่างเลยครับครู ฮาๆ” ครูโจ้พูดและหัวเราะ แน่นอนทุกสายตาจากพ่อค้าแม่ค้าใกล้ๆหันมามองครูโจ้และผมกันหมด ผมนี้คิดผิดมากที่มากินร้านครูโจ้วันนี้

                  “ก็แน่ละซิจิ้งจกสองหางเป็นไงละ ตัวเลขที่ออก ..ไม่มีตัวไหนบอกว่ามาจากหางจิ้งจกสักตัว” แม้ค้าร้านข้างๆ หันมายืนเท้าซะเท้าผมก็ยิ้มๆ ผมหันมาเหล่ครูโจ้ 

                  “ไม่ต้องห่วงป้าตอนนี้ไม่มีทั้งหางและจิ้งจกแล้วเพราะเมื่อวานแมวบ้านข้างๆรั้วโรงเรียนจับไปกินเรียบร้อยแล้ว..สงสัยแมวจะโดนหวยกินเหมือนกันครับครู” ครูโจ้พูด

                  “เว้ย!”  ผมเองร้องทำท่าขนรุก ผมไม่ชอบจิ้งจกครับ ฮาๆ 

                  “ผมล้อเล่นนะครับ” ครูโจ้พูดและหัวเราะร่วน

                  “นี้ค่ะครูเขม...ที่สั่งไว้ค่ะ..เพิ่มหมูแดงและหมูกรอบให้นะคะแถมให้ไข่ให้ด้วยคะจัดเต็มสองฟองเลยค่ะ “

                  “ เออว่าแต่ครูจะมีเบิ้นไหมค่ะ”แฟนครูโจ้ถามผม

                  “ไม่ละครับจานเดียวก็อิ่มแย่แล้ว ถามทำไมเหรอครับ” ระหว่างที่ผมกำลังตักน้ำหมูแดงราดอยู่

                   “จะปิดร้านแล้วค่ะ...จะลากอีพี่โจ้ไป้ไปซ้อมซะหน่อย..ปากดีหนัก” พอผมได้ยินอย่างนั้นผมรีบหยิบจานข้าวเผ่นละครับครูโจ้ ผมรีบเดินออกไปหาคริสโตเฟอร์ทันที พอออกมาก็เห็นว่าเขาเขานั่งคนเดียวจริงๆด้วย ทันทีที่ผมนั่งลง

                  “ทำไมมาช้าจังอะพี่เขม” คริสโตเฟอร์เงยหน้าขึ้นมาถามผมทันทีก่อนจะแย่งตักไข่ยางมะตูมผมไปหนึ่งซีก

                  “ก็คุยกับครูโจ้นะซิ” ผมตอบ

                  “เป็นไงละเพื่อนไม่มาเหงาละซิ”ผมพูดแซวคนที่นั่งทานตรงหน้าผม

                  “ไม่อะ..ไม่เหงาเท่าไหร่ แต่...” คริสเตอเฟอร์ทำท่าจะพูดทะลึ้งแน่ผมรีบชี้นิ้วปรามไว้ก่อนเพราะว่าถ้าเกิดพูดออกมาและใครมาได้ยินมีหวังโดนแน่ๆ

                  “อย่าพูดทะลึ้งนะคริส”

                  “รู้ได้ไงอะว่าผมคิดแบบนั้น”

                  “หน้าตาเรานะบ่งบอกไง”ผมตอบปนหัวเราะเบาๆ คนนั่งตรงข้ามกับผม

                  “คิดถึงพี่เขมอะอยากไปนอนกับพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูดออดอ่อนผมอีกแล้ว มีแฟนเด็กขี้อ่อนแบบนี้ผมจะใจแข็งได้ไหมละ แต่ก็ต้องใจแข็งไม่ยอม

                  “คริสพี่ก็คิดถึงเราหนักพอๆกัน...แต่พี่ไม่อยากให้คนอื่นมองเราไม่ดีนะอีกไม่กี่วันก็ศุกร์เสาร์แล้ว”ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์

                  “พี่เขม คริสอยากรีบไปสอบไวไวจังอะพี่เขมคริสอยากเรียนจบเร็ว แต่ก็อดใจหายไม่ได้ถ้าจะไปก่อนพวกไอ้โป้งมัน” คริสโตเฟอร์พูด เขาดันขวดน้ำเปล่าที่ซื้อมาไว้ให้ผม

                  “เอาไว้รอให้ลงแข่งตอบปัญหาภาษาอังกฤษจบก่อนแล้วกันและพี่จะลงทะเบียนให้ทันทีและควรจะเป็นพี่ทำให้เพราะต้องใช้บัตรเครดิตในการจ่ายชำระเงิน”ผมพูด เหลือบตามองคนที่นั่งทำสีหน้ากังวล

                  “ช่วงนี้ก็อยู่กับเพื่อนให้มากที่สุดและใช่เวลากับสิ่งที่นายรัก เล่นบาสเก็ตบอลกับเพื่อนๆไง ” ผมบอกคริสโตเฟอร์เขาก็พยักหน้าเบาๆ

                  “ผมจะขายบิ๊กไบค์พี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด ผมหยุดชะงักและวางช้อนลงทันที มองหน้าคริสโตเฟอร์

                  “ขายทำไมละคริส” ผมถามคนที่นั่งตรงข้าม

                  “เอาเงินมาช่วยพี่เขมบ้างไง” คริสโตเฟอร์พูด ผมวางช้อนลงก่อนจะยกมือขึ้นประสานกัน

                  “คริสพี่รู้ว่าเราอยากจะช่วยแต่ตอนนี้พี่ยังโอเคนะไว้รอให้พี่ไม่ไหวก่อนแล้วกัน” ผมพูดกับคนที่นั่งตรงข้ามกับผม แววตาเขายังดูกังวลอยู่ดี

                  “คริสไม่อยากขับรถบิ๊กไบค์แล้วอะ มันอันตรายพี่เขมก็ไม่ชอบไม่ใช่เหรอเก็บไว้ก็ไม่ได้ทำอะไรและนี้ไอ้โป้งมันก็ประกาศขายของมันแล้วด้วย” คริสโตเฟอร์พูด ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงจะค้านไม่ได้

                  “เอาไว้พี่จะดูรถมอเตอร์ไซค์แบบโป้งไว้ใช้กันในนี้ดีไหมละ” ผมถามคริสโตเฟอร์ เขาก็พยักหน้าเบาๆ

                  “วันนี้โป้งกลับบ้านพักหรือเปล่า” ผมถามคริสโตเฟอร์

                  “มันบอกว่าจะกลับเย็นนี้นะพี่เขมเพราะว่าปันปันคงต้องกลับมาเรียนนะถ้ามันหายไปบ่อยๆเตี่ยมันคงลงมาเม้งมันแน่ๆ เตี่ยไอ้ปันปันโคตรดุเลยอะพี่เขม”

                  “และเตี่ยปันปันโคตรเกลียดตุ๊ดเกลียดเกย์เลยอะ..เพราะแบบนี้ไงเขาถึงส่งมันมาเรียนไกลจากบ้านมากคิดว่าปันปันทำให้ตะกูลเขาหม่นหมอง”

                  “พ่อแม่บางคนก็เหมือนไม่ยอมเข้าใจลูกเลยนะพี่เขมและนี้เขาเรียกว่าพ่อแม่รักจริงๆเหรอพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด

                  “พ่อแม่นะรักลูกอยู่แล้วแต่พ่อแม่แต่ละคนอาจจะรักไม่เหมือนกันและพี่เข้าใจเตี่ยปันปันนะเขาคงอยากให้ปันปันใจแข็งและเลิกพฤติกรรมพวกนี้ ซะเพราะว่าเขาคิดไปถึงอนาคตของปันปันไงคริส”

                  “เขามองเห็นถึงปัญหามากมากที่ปันปันต้องเจอเขาเป็นห่างการดำรงชีวิตของปันปันในภายภาคหน้าเช่นกันนะคริสและถ้าอยู่แบบนี้ปันปันมีคนที่เขารักขึ้นมาจริงๆ ” ผมพูดอธิบาย

                  “และว่าความรักแบบนี้มีไม่กี่คนหรอกนะคริสที่จะเข้าใจและยอมรับมันได้บางคนก็ต่อต้านจนถึงที่สุดก็มีและบางคนก็เห็นใจแต่ก็แค่เห็นใจจะให้เขาออกมาสนับสนุนมันก็คงจะมีไม่เยอะหรอก” ผมพูด คริสโตเฟอร์พยักหน้า

                  “ความรักแบบนี้นะอุปสรรค์มันเยอะพอดูเหมือนกันและพี่เคยบอกเราแล้วนิคริส” ผมพูดคริสโตเฟอร์พยักหน้า

                  “ดังนั้นจึงไม่แปลกหรอกคริสที่พ่อเขาจะพยายามให้ปันปัน เลิกและกลับมาใช้ชีวิตที่ปกติเหมือนเช่นคนอื่นๆเขา ที่สำคัญปันปันเป็นลูกชายคนเดียวไม่ใช่เหรอ เขาก็อยากให้ปันปันมีครอบครัวที่มีลูกหลานให้เขาได้” พอผมพูดจบคริสก็พยักหน้า ผมไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจมันได้มากน้อยแค่ไหน

                  “ใช่ ปันปันมันก็เคยบอกผมแบบนั้นนะพี่เขม “ คริสโตเฟอร์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

                  “พ่อผมส่งอิเมลตอบกลับมาหาพี่เขมหรือเปล่า” คริสโตเฟอร์ถามผม

                  “ยังเลยอ่ะคริส ยังเงียบอยู่เลย พี่ก็รอเช็คอยู่นะ พี่กลัวเหมือนกันกลัวเขาจะยังไม่เห็นอีเมลของพี่ ถ้าอย่างนั้นพี่จะส่งใหม่อีกที เพราะว่าถ้าส่งรัวๆบ่อยๆ มันเหมือนกับว่าพี่คือแสกมเมอร์พี่เลยส่งแค่ครั้งเดียวและรอดูว่าเขาจะติดต่อมาใหม่ ถ้าไม่คงต้องหาวิธีอื่น” ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์ ผมมองหน้าเขาว่าเขาแอบคิดอะไรอีกในใจ     

                  “ผมกลัวอะ..ผมกลัวว่าพ่อจะรับผมไม่ได้เหมือนกันนะพี่เขม ถ้าเขารู้ว่าผมกับพี่ ...เรารักกัน” คริสโตเฟอร์พูด

                  “คริสอย่ากลัวสิ่งที่ยังไม่เกิดซิ พี่เคยบอกเราแล้วไม่ใช่เหรอ”

                  “ก็สิ่งที่ผมกลัวจะเกิดขึ้นคือ..ผมไม่อยากเสียคนที่ผมรักไปนี้พี่เขม..ผมไม่เคยรักใครเท่าพี่มาก่อนเลย..ที่ผ่านมายอมรับว่าผมมีเรื่องผู้หญิงค่อนข้างเยอะ”

                  “ไม่เยอะธรรมดาพี่ได้ยินมาหนาหูมาก” ผมพูดป่นหัวเราะพร้อมกับแอบเหล่มองคนตรงข้าม

                  “โห่! …นี้ไปตามสืบมาเลยเหรอ..ฮาๆ ” ยังมีหน้ามาขำผมอีกนะ

                  “แต่เหมือนแค่บำบัดความเหงาและมีแฟนไว้เก๋ๆตามเขาและบางคนก็ได้มาเพราะว่าแข่งรถชนะก็มี” คริสโตเฟอร์พูด

                  “ไอ้โป้งเห็นแบบนั้นนะมันได้มาหนักต่อหนักเลยนะ..และตอนนี้มันเลิกแล้ว เหมือนผมไง ผมเลิกแล้ว ผมจะมีแค่คน..นี้คนเดียวเป็นผู้ชายคนแรกและคนสุดท้าย” คริสโตเฟอร์พูดเขาชี้มาที่อกของผมทางด้านซ้ายใบหน้าที่เลื่อนเข้ามาหาผม

                  “โป้ก!” ผมยกหนังสือขึ้นตีเบาๆทำให้คนที่ถูกตีถึงกับหน้ามุ่ยไปตามระเบียบพร้อมยกมือขึ้นมาคลำที่หน้าผากตัวเอง ที่ผมตีเพราะว่าคนตรงข้ามผมนี้กำลังใช้จังหวะที่ผมกำลังซึ้งอยู่นี้คนที่นั่งตรงข้ามผมก็ทำท่าจะหาเรื่องจูบผม ในเขตโรงเรียนห้ามจูบ 

                  “เด็กหื่นเอ้ย..บอกว่าอย่าทำในนี้ไง” ผมพูดยังมาทำเป็นหัวเราะ พอทานกันเสร็จเรียบร้อยผมก็เตรียมจะขึ้นไปติวคริสโตเฟอร์ต่อเลยระหว่างที่รอคริสโตเฟอร์เดินเอาภาชนะไปเก็บให้

                  “ครูเขมครับ!” อนุชิตเขาวิ่งหน้าตาตื่นมาหาผม

                  “เป็นอะไรอนุชิต” ผมถามด้วยอาการตกใจเหมื่อนกัน

                  “ครูจ่ายค่าเทอมให้ผมเหรอครับครู..ครูสมพิศเพิ่งจะบอกผมนะครับ” ผมก็นึกว่าเรื่องอะไร

                  “ใช่...ครูจ่ายให้และครูหวังจะให้เธอได้รับทุนด้วยครูจะทำให้ดีที่สุดอนุชิต” ผมพูด ผมก็เรียกได้ว่ามือใหม่ซะด้วยแต่ยังไงก็ต้องทำให้ได้

                  “หมับ” เขาเข้ามากอดผมทันที

                  “ทำไมครูดีกับผมจังเลยละครับครู..ฮือๆ” อนุชิตพูดไปร้องไห้ไป ผมก้มลงมองว่าลูกผู้ชายอย่าร้องไห้พร่ำเพรื้อ เขาก็เข้าใจรีบปาดน้ำตัวเองทันที

                  “เพราะว่าเธอเป็นคนดี..อนุชิต .....คนเราเลือกเกิดไม่ได้ก็จริงแต่เลือกที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้นได้...ขอแค่เธอตั้งมั่นและตั้งใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง” ผมพูดก้มลงจับไหล่อนุชิต

                  “ถ้าอย่างนั้นผมจะไปทำความสะอาดครูไม่ต้องจ่ายผมนะครับ”

                  “ไม่ได้หรอกย่าของเธอต้องกินต้องใช้นะและเธอก็ทำความสะอาดเหนื่อยเหมือนกันนะส่วนค่าเทอมนี้ครูขอแลกกับเกรด 4 ภาษาอังกฤษ” ผมบอกอนุชิตเขาก็พยักหน้า

                  “ไปหาเพื่อนเถอะครูจะไปติวพี่คริสโตเฟอร์ต่อ.ออ..โทรทัศน์ดูได้แล้วใช่ไหม...อนุชิต” ผมพูด ก่อนที่เขาจะวิ่งหันหลังไปผมถามถึงทีวีที่ผมยกมาให้เขาไม่ได้ใหม่กิ๊กแต่ก็ไม่ได้เก่าจนดูไม่ได้ อนุชิตจะได้มีทีวีดูเหมือนคนอื่นๆเขา

                  “ย่าดีใจมากเลยครับครูย่าจะได้ดูทีวีไปด้วยตอกกิ๊บไปด้วยครับ...ย่าบอกว่าครูอยากทานอะไรบอกย่าได้ย่าจะทำให้ครับ”

                  “ฝากขอบใจคุณย่าเธอด้วยนะ” ผมพูดคริสโตเฟอร์เดินออกมาพอดีและผมสองคนก็เดินไปห้องสมุดเพื่อทำการติวภาษาอังกฤษกันต่อผมติวเกี่ยวกับการเขียนประโยคให้กับคริสโตเฟอร์ เรื่องการเขียนนะเขาก็พอได้อยู่แล้วแต่ยังมีบางจุดที่ต้องแก้ไข เขาบอกว่าพ่อเขาสอนภาษาอังกฤษให้ตอนที่เขายังเด็กอยู่ ผมจึงพอจะมีพื้นฐานอยู่บ้าง ผมนั่งมองเขาด้วยความภาคภูมิใจที่เห็นเขาตั้งใจที่อ่านหนังสือเตรียมความพร้อมเพื่อจะได้ไปสอบเทียบและที่เขาตั้งหน้าตั้งตาทำอยู่นี้ก็เพื่อจะได้คบกับผมแบบที่ไม่มีใครว่าอะไรเขาได้....นี้เขาลงทุนทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ แล้วทำไมผมจะไม่รักเขาจนหมดทั้งใจของผมละ

                  “มองจ้องผมขนาดเลยเหรอที่รัก..ผมหล่อมากละซิ...หรือว่าคิดอะไรทะลึ้งกับผมอยู่ด้วย...นี้มันห้องสมุดนะ..ฮาๆ ” ผมสะดุ้งเพราะว่ามองนานไปหน่อยนายคริสโตเฟอร์ถึงได้ก้มหน้ามองผม เล่นเอาครูเขมเขินเลยทันทีหันหน้าหนีก่อน

                  “รีบทำแบบฝึกหัดเข้าซิจะได้เวลาเข้าแถวแล้วนะคริส” ผมทำทีเป็นเอ็ดเขากลบเกลือน คนที่โดนเอ็ดก็หาได้สำนึกไม่ยังมีหน้ามาหัวเราะผมอีกนะ
                  ผมเหลือบมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาที่ข้อมือ ตอนนี้ก็จวนจะได้เวลาเข้าห้องเรียนเพื่อเรียนคาบบ่ายแล้วผมจึงบอกให้คริสโตเฟอร์พอก่อนและไปเตรียมตัวเข้าแถวเพื่อจะได้ขึ้นเรียนวิชาเรียนคาบบ่าย ส่วนผมก็มีสอนบ่ายอีกสองคาบแค่นั้นและคุยงานสัปดาห์ห้องภาษาอังกฤษกับครูสอนภาษาอังกฤษ ครูลิมาและครูสมชาย ผมคิดว่าสามคนก็ยังน้อยไปนะ ถ้ามีครูมิ้งเพิ่มอีกคนแต่นี้ผมก็ยังไม่ได้รับข่าวความคืนหน้าจองครูมิ้งกับพี่ต้นเลย

                 ผมเพิ่งจะส่งรายละเอียดครูมิ้งไปให้พี่ต้นทางอิเมลและพี่ต้นก็ตอบกลับผมเมื่อวานว่าจะพยายามช่วยหาให้ ผมขอให้พี่ต้นหาเขาให้เจอทีเถอะ ไม่ใช่เพื่อผมและคริสแต่เพื่อครูและนักเรียนที่ไปกับครู ถ้าหนีแบบนี้ก็ต้องหนีไปตลอดนะซิ แต่จะว่าไปอาทิตย์นี้ผมไม่เห็นป้าของแชมป์มาตามข่าวหลานชายเขาเลย ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้างเพราะผู้อำนวยการบอกผมว่าเขาป่วยเป็นมะเร็งแต่ระยะไหนท่านไม่ได้บอกผมซะด้วยซิ ผมเลยคิดว่านี้คืออีกเรื่องหนึ่งที่ผมต้องจัดการให้เร็วที่สุดเช่นกัน

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน( ครูเขมXคริส) EP.28.2 เขาคือใครกัน คุณหมอภีมปภพ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 24-09-2020 18:49:43
EP.28.2 ครูเขมXคริส   เขาคือใครกัน คุณหมอภีมปภพ

       Part เขมชาติ
               ผมเดินลงจากห้องประชุมตอนนี้ฝนตกไปได้สักพัก คริสโตเฟอร์ก็ไม่ได้ซ้อมบาสเกตบอลแน่ๆ วันนี้นักเรียนขอผมไม่เรียนพิเศษหนึ่งวันขอไปจัดซุ้มทำอาหารขายงานวันสัปดาห์ภาษาอังกฤา ผมก็ยินดีเพราะนี้ก็กิจกรรมโรงเรียนและดูนักเรียนทุกคนตื่นเต้นกับกิจกรรมภาษาอังกฤษมิใช่น้อย ผมได้ยินมาว่าโรงเรียนนี้ไม่เชิงว่าเป็นโรงเรียนของทางรัฐบาลแต่คนที่ให้งบประมาณที่นี้เป็นชาวต่างชาติที่มีธุรกิจอยู่ต่างประเทศ

               ก๊อก!!! เสียงเคาะประตูบ้านพักนักเรียน คริสโตเฟอร์บอกผมว่าเลิกประชุมแล้วให้ไปเรียกเขาด้วยเขาอ่านหนังสือยู่ในห้องไม่รู้หนังสือเรียนหรือหนังสือโป้นะ ถ้าเป็นอันหลังจะจะทำโทษให้เข็ดเลย ผมยืนอยู่สักพัก คริสโตเฟอร์ก็ไม่ออกมาเปิดแต่พอผมหมุนลูกบิดไม่ได้ล๊อกนี้ ผมจึงเปิดประตูเข้าไปภาพที่ผมเห็นทำให้ผมอดอมยิ้มไม่ได้ ก็เพราะว่าเขานอนอยู่บนเตียงแถมมีหนังสือที่กางรอบตัวไปหมดแต่คนที่อ่านนะเผลอหลับไปซะแล้ว ผมเดินที่ข้างเตียงหยิบหนังสือที่ปิดหน้าเขาไว้อยู่

               “คริส” ผมโน้มตัวลงใช้ฝามือลูบใบหน้านั้นเบาพร้อมเรียกคนที่นอนหลับ เขาค่อยลืมตาขึ้นมองผม

               “พี่เขมมาแล้วเหรอ”

               “อ่านจนหลับเลยนะ”

               อืด!!!! เสียงบิดขึ้เกียจตามมาทันที คริสโตเฟอร์ยันตัวเองขึ้นนั่ง เขามองหน้าผม

               “วันนี้พี่เขมไม่มีสอนพิเศษไปติวที่บ้านพักพี่นะและไม่รู้ว่าฝนตลอดทั้งวันแบบนี้ไอ้โป้งจะขับรถกลับมาได้หรือเปล่าก็ไม่รู้อะพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูดผมพยักหน้าและก็ช่วยหยิบหนังสือที่จะใช้ เราเดินลงจากบ้านไปด้วยกัน

                คริสโตเฟอร์ทำหน้าที่ขับรถให้ผมเพราะว่าผมต้องไปล้างแผลที่โรงพยาบาล และวันนี้ผมต้องไปให้คุณหมอตรวจแผล คือถ้ามันดีขึ้นแล้วนะพรุ่งนี้ก็อาจจะได้ล้างแผลเอง ใช้เวลาไม่นานก็ขับมาถึงโรงพยาบาล ผมเดินเข้าไปก่อนส่วนคริสโตเฟอร์ไปหาที่จอดรถก่อนและเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาผมเลยเดินเข้าไปด้านในเพื่อติดต่อลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่หน้าห้องฉุกเฉินได้เลย

               “สวัสดีค่ะ...วันนี้มาล้างแผลและให้คุณหมอดูแผลด้วยใช่ไหมคะ” เจ้าหน้าที่พยาบาลยิ้มหวานมาให้ผม

               “ครับผม” ผมตอบเธอก็ทำการคีย์ข้อมูลในระบบคอมพิเตอร์

               “ยาแก้ปวดกับแก้อักเสบคนไข้ยังมีอยู่ไหมคะ”

               “ยังมีอยู่ครับ”

               “จะได้แจ้งคุณหมอนะคะ...และคุณหมอจะได้ไม่ต้องสั่งเพิ่มให้ ...ยาแก้อักเสบทานติดต่อกันจนยาหมดนะคะ”

               “ครับ”

               “เชิญขึ้นนั่งบนเตียงคนไข้เลยค่ะ”พยาบาลหันมาบอกผมและผายมือไปทางเตียงคนไข้ที่ว่างอยู่ ผมเดินไปปืนขึ้นบันไดขึ้นไปนอนราบ วันนี้ผมสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นยาวพอจะปิดแผลที่โดนฟันวันก่อนได้ เจ้าหน้าที่พยาบาลและผู้ช่วยมาเปิดผ้าก๊อซนพันแผลไว้ผมออก

               “เป็นครูโรงเรียนไหนคะ...หล่อจัง...จะได้พาลูกชายย้ายไปเรียน” เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยพยาบาลแซวผม

               “แม่อยากไปเรียนหรือว่าลูกอยากไปกันแน่”

               “แม่คะน้องกุ้ง แม่อยากไปค่ะ จะหาเรื่องรับไปส่งลูกชายทุกวันเลยค่ะ ครูหล่อแบบนี้ ”

               “อิอิ” พยาบาลคนสวยขำผู้ช่วยทำแผลให้ผม ผมก็แค่ยิ้มๆ ให้

               “พลึบ” เสียงผ้าม่านถูกเปิดออก โดยคริสโตเฟอร์และเขาก็เข้ามากอดอกโน้มตัวลงวางไว้ที่ขอบเตียงมองผม ผมหันไปมองคนหน้าหนุ่มเจ้าเลห์ของผม ว่ามีอะไร

               “ยังเจ็บอยู่หรือเปล่าครับที่รัก...” ยื่นหน้าเข้ามาหาผมแบบเกือบจะแนบชิดขนาดนี้

               “ = 0 = “ พยาบาลกับผู้ช่วย เงยหน้ามองผมและคริสโตเฟอร์สลับกันไปมา

               “ไม่เจ็บแล้วแหละ...เดี๋ยวพี่รอคุณหมอมาดูแผลก็เสร็จแล้ว” ผมพูดและหันไปยิ้มให้พยาบาลเธอก็ยิ้มแหยๆกับมาให้ผม

               “พี่ว่าพี่ให้ลูกเรียนโรงเรียนเดิมนะดีแล้ว...เพราะคนที่จะจีบครูอาจจะเป็นลูกชายของพี่นะคะไม่ใช่พี่เองหรอกค่ะ” ผู้ช่วยฯกระซิบกระซาบกับพยาบาลก่อนจะเข็นรถทำแผลออกไป

               “เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ..แผลแห้งดีแล้วถ้าคุณหมอไม่นัดมาทำแผลอีกคิดว่าคนไข้คงจะทำเองได้นะคะ... คุณหมอมาพอดีเลย “ พยาบาลพูดน้ำเสียงปกติไม่เสียงอ่อนเสียงหวานเหมือนเมื่อกี้แล้วซิ สงสัยจะเป็นเพราะคนที่เท้าคางอยู่ข้างๆผมนี้แหละ

               “สวัสดีครับคุณเขมชาติ” คุณหมอหนุ่มเดินเข้ามาหยุดตรงเตียงคนไข้ที่ผมนอนอยู่ ใบหน้าคมสัน จมูกที่โด่งรับกับคิ้วที่โค้งเข้ารูปนั้น ริมฝีปากรูปกระจับแล้วผมจะเพ็งมองเขาทำไม พอหันมาเห็นคนข้างๆที่ขมวดคิ้วมองผมยิ่งต้องทำเป็นไม่ได้ตั้งใจมองนะ ดูยังทำปากมุมมิบอีกนะ

               คุณหมอหนุ่มยืนเปิดแฟ้มประวัติของผมดูก่อนจะมองผมและทำท่าคิดก่อน แต่คนที่ยิ้มแฉ่งคือคริสโตเฟอร์ ผมเห็นคุณหมอทำท่าคิดและเหมือนกับว่าคุณหมอจะพูดอะไรกับผมแต่ก็นิ่งและเปลี่ยนเป็น ส่งร้อยยิ้มกลับมาให้ผมแทนซะงั้น ผมก็หันไปมองหรือว่าเพราะนายคริสโตเฟอร์อีก

               “ดูแผลดีขึ้นแล้วนะครับ...ปากแผลปิดสนิทดีเร็ว..สภาพแผลดูดีไม่มีการติดเชื้อ...แต่แนะนำให้คนไข้ทานยาแก้อักเสบต่อจนหมดนะครับ” คุณหมอหนุ่มเริ่มสนทนาถึงแผลของผม

               “ผมไม่ต้องมาล้างแผลที่โรงพยาบาลแล้วใช่ไหมครับ” ผมถามคุณหมอ

               “จะมาก็ได้นะครับถ้าคนไข้สะดวก หรือว่าอยากจะให้พยาบาลสาวสวยทำแผลให้ก็มาได้ครับ ” คุณหมอพูดและหันเหล่นายคริสโตเฟอร์ที่โน้มตัวเอามือเท้าค้างอยู่บนเตียงทำแผลคนไข้

               “อะแฮม!” คนข้างๆผมถึงกับกระแอมเสียงดัง ขี้หึงเหมือนกันนะเนี๊ยะ

               “เป็นครูเหรอครับ” คุณหมอถามผม

               “ครับผมเป็นครูครับ เพิ่งจะมาบรรจุได้เดือนกว่าๆเองครับ...ยังไม่ถึงปีได้แผลซะแล้ว” ผมพูดปนหัวเราะ และคุณหมอหนุ่มก็หัวเราะเช่นกัน

               “นามสุกลคุ้นๆนะครับ” คุณหมอเหลือบตาขึ้นจากชาร์สมองผม

               “หมอจีบคนไข้ผิดจรรยาบรรณหรือเปล่า” เสียงจากคนข้างๆ ทำให้หมอหนุ่มหันไปมองและยิ้มๆให้ผม ส่วนคนที่พูดยืนกอดอกทำเป็นมองนั้นมองนี้

               “คริส” ผมส่งเสียงเอ็ดเขาไม่ดังมากแค่พอให้เสียงรอดไรฟันออกไปได้

               “หมอมีเพื่อนที่....ใช้นามสกุลเดียวกันกับคนไข้และอาจจะเป็นญาติคุณครูนะครับ...หมอไม่ได้เจอเขานานมากแล้วตั้งแต่..”

               “เรียนจบและเขาก็แต่งงานแล้วด้วย......หมอทราบมาว่าเขาไปเป็นปลัดอำเภออยู่ที่นี้แต่ตอนนี้เขาย้ายไปซะแล้ว ” น้ำเสียงที่คุณหมอพูดมันฟังดูแล้วเหมือนเจ็บปวดยังไงก็ไม่รู้ หรือไม่ผมอาจจะคิดไปเอง ผมก็เลยแค่พยักหน้าแค่นั้น ส่วนนามสกุลของผมก็มีใช้กันหลายคนอยู่นะเพราะว่าพ่อผมมีพี่น้องหลายคนและส่วนใหญ่ก็จะอยู่แถวราชบุรีกันหมดแต่ว่าเป็นปลัดอำเภอนี้มีแค่พี่ต้นนะ ผมควรจะถามพี่ต้นก่อนจะดีกว่าผมเลยยังไม่พูดอะไรออกไปในตอนนี้

               “ถ้าอย่างนั้นผมไม่ออกใบนัดให้นะครับแต่ถ้าคนไข้อยากมาล้างแผลที่นี้ก็ได้นะครับ..ผมขึ้นเวรบ่ายดึกพรุ่งนี้นะครับและยาก็ทานยาชุดเดิมต่อนะครับ” คุณหมอพูดก่อนจะหันไปยิ้มให้หนุ่มข้างๆผม หน้าบึงแล้วซิ เขาไม่มองหน้าคุณหมอหนุ่มทำยืนเก็กเอามือเท้าซะเอว

               “หวงแฟนเหรอ...คุณหมอไม่แย่งจีบหรอกครับ...หมอมีคนที่หมอรักแล้วครับ” เพล้ง!! เลยเป็นไงละ ผมหันมาเหล่มองพ่อตัวดี หึงได้เรื่องไหมละ

               “หึงอะ” ยังมีหน้ามาพูดอีกนะ และพยาบาลกับผู้ช่วยก็เข้ามาทำแผลให้ผมต่อ โดนมีสายตาหนุ่มน้อยข้างๆผมคอยมองตลอด ทั้งพยาบาลและผู้ช่วยก็มองผมและคริสโตเฟอร์สลับกันไปมาแบบเกร็งๆ พอทำแผลเสร็จผมก็ออกจากห้องฉุกเฉินทันที

               “ไปหาอะไรทานกันดีกว่าพี่เขมอยากกินชาเขียวปั่นอะ ตรงร้านกาแฟสด” คริสโตเฟอร์ออดอ้อนผม ผมพยักหน้าว่าได้แต่ผมยังครุ่นคิดถึงคำพูดของคุณหมอเมื่อสักครู ผมเดินพาหนุ่มน้อยจอมขี้หึงของผมไปที่บรูธร้านกาแฟสดแฟรนด์ชายชื่อดัง

               “พี่เขมเอาชาเขียวนะ” คริสโตเฟอร์ถามผมพยักหน้าว่าได้

               “พี่ภีมค่ะ ทำไมพี่ถึงได้มาที่นี้ละ มาเป็นหมอที่นี้ทำไมละค่ะ ทั้งที่พ่อพี่ก็มีโรงพยาบาลที่กรุงเทพ พี่อย่าบอกดานะคะว่าพี่จะมาเพื่อหาเขา เขาแต่งงานไปแล้วนะพี่ภีม” ผมยืนอยู่โดยที่คุณหมอคนนั้นไม่ทันได้สังเกตุว่าผมยืนอยู่ด้านข้างๆเขาสองคน และผมก็ไม่ได้ตั้งใจฟังนะครับแค่บังเอิญได้ยิน

               “ดาวิกา...แล้วดาจะตามพี่มาทำไม ในเมื่อพี่กับดาเราไมได้เป็นอะไรกันแล้ว”

               “พี่เลือกที่จะถอนหมั้นดาเพราะ...เขาคนนั้นนะเหรอคะ ทั้งที่เขาแต่งงานไปแล้วนะคะพี่หมอ! และเขาก็มี  …….”

               “พี่เขมได้แล้วครับ” ผมสะดุ้งสุดตัวที่คริสโตเฟอร์เอาแก้มชาเขียวปั่นมาแนบแก้มผม

               “ไปกันเถอะพี่เขมเราไปหาอะไรกินกันก่อนะผมหิวมาก ก.ไก่ ล้านตัว”คริสโตเฟอร์บอกผมว่าเขาหิวมาก ผมก็พยักหน้า ก่อนจะเดินออก ผมเห็นคุณหมอภีมปภพ ที่ผมทราบชื่อเพราะว่าผมดูชื่อแพทย์จากใบสั่งยาตอนที่ผมจะไปยื่นเพื่อชำระเงิน ในนั้นระบุชื่อแพทย์ที่เข้ารับการรักษาผมด้วย ดูเขายืนหน้าตานิ่งมากดูเหมือนไม่ยินดียินร้ายกับอะไรทั้งนั้น ส่วนผู้หญิงข้างๆก็ดูหม่นหมองและเศร้า ดูท่าทางจะมีปัญหาหนักอกกันทั้งคู่

               “มีอะไรเหรอพี่เขม...ติดใจคุณหมอนั้นเหรอเขามีเมียแล้วนะ”

               “เมียดุด้วยเห็นไหม ต่อว่าคุณหมอฉอดๆหมอนั้นก็กลัวเมียดิ ฟังอย่างเดียวเลย พี่อย่าไปยุ่งนะ” คนข้างๆผม ผมหันมามองขอบใจนะ เห็นแบบนี้พี่เลือกครับผม และที่ผมได้ยินนะเขายังไม่ได้เป็นสามีภรรยากันซักหน่อย นายนี้คงได้ยินผิดไปหลายประโยคแน่ๆ นายคริสโตเฟอร์

               “เอ๊ะ! ..เรานิ..พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซะหน่อยแค่...”

               “แค่...อะไรอะ”

               “รู้สึกว่า.....เขาเหมือนยังรอใครสักคน ” ผมพูด คริสโตเฟอร์มองหน้าผม ผมหันไปยิ้มให้คริสโตเฟอร์ ผมจับมือเขาเดินเองวันนี้ คริสโตเฟอร์ทำหน้าแปลกใจแต่เขาก็กุมมือผมตอบ ผมและเขาเดินมาที่รถที่คริสโตเฟอร์จอดไว้และรีบขับออกเพื่อจะได้ไปหาอะไรทานกันก็คงเป็นร้านประจำที่เคยมานั่งด้วยกันบ่อยๆอาทิตย์แรกๆที่ผมเป็นครูที่นี้ พอทาน เสร็จแล้วก็กลับบ้านพักทันที แต่ว่าโป้งกับปันปัน ยังมาไม่ถึง  คริสโตเฟอร์จึงไปที่บ้านพักครูกับผมก่อน เขาบอกจะอาบน้ำที่บ้านพักผมด้วย ผมก็ตามใจ ผมรีบหยิบมือถือขึ้นมาทันทีโทรหาพี่ต้นพี่ชายคนโต

               “ว่าไงเขม..นี้พี่เพิ่งจะถึงห้อง” พี่ต้นพูดฟังจากน้ำเสียงเหนื่อยๆ น่าจะเป็นคอนโดที่แม่บอกผม

               “ฟังน้ำเสียงพี่เหนื่อยๆนะพี่ต้น” ผมถามพี่ต้น

               “ก็ตอนนี้ปัญหานายทุนจะเข้ามายึดที่ทำกินชาวบ้านพี่ต้องลงพื้นที่ทุกวันนะเขมและไหนจะต้องเตรียมตัวรับภาวะภัยแล้งอีกละ...”

               “พี่ยุ่งขนาดนี้ใครดูเอิร์ธละพี่ต้น”ผมถามพี่ต้น

               “โชคดีที่คอนโดที่พี่อยู่มีคนที่พี่เคยช่วยเขาไว้ตอนที่โดนนายทุกหลอกเอาและเขาก็อาสาดูแลเอิร์ธหลังเลิกเรียนให้พี่ นี้แม่ว่าจะบินมาหาพี่อีก พี่ก็เกรงใจแม่อยู่นะเขม “พี่ต้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยจริงๆ ผมนี่สงสารพี่ต้นมาก นี้พี่เกศรินทร์เลยไม่เอาตาเอิร์ธไปเลี้ยงเลยเหรอเนี๊ยะ

               “แล้วนี้เราเป็นยังไงบ้าง” พี่ต้นถามผมทันที

               “สบายดีพี่..เออพี่ต้นผมไปโรงพยาบาลไปทำแผลมา” ผมพูดบอกพี่ต้น ผมว่าคงจะโดนพี่ต้นบ่นแน่ๆ

               “เราเป็นอะไรเขม!” เสียงที่ดุดันเหมือนน้ำเสียงของพ่อผมไม่มีผิดเลย แย่แล้วซิผมเพราะว่าผมเองก็ว่าจะไม่ได้บอกพี่ต้นเพราะว่าถ้าบอกพี่ต้นแม่ต้องรู้อีก และแม่ก็ต้องเป็นห่วงผมอีก แต่คงต้องบอกแล้วแหละถ้าไม่บอกแล้วผมจะพูดเรื่องคุณหมอภีมปภพได้อย่างไรละ

               “ผมไปช่วยนักเรียนนะพี่ต้นเขากำลังจะถูกล่อลวงไปทำมิดีมิร้ายและผมก็โดนมีดคัทเตอร์ปาดเอาที่ต้นแขนเล็กนิดเดียวพี่ต้น” ผมพูดเสียงอ่อยๆ เหมือนเด็กที่กำลังสารภาพผิดเลยนะผมตอนนี้

               “เขม!!..ทำไมนายทำแบบนั้นละนี้ถ้าแม่รู้เข้านะนายโดนกลับไปเป็นครูที่กรุงเทพแน่ๆ “ พี่ต้นพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุผม ไม่อยากนึกถึงหน้าพี่ต้นเลยจริงๆ เห็นแบบนี้กลัวตอนพี่ต้นดุเหมือนตอนที่ผมกลัวพ่อเลยแหละ

               “ผมรู้พี่ต้นแต่ผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกพี่ต้น...พี่ต้นอย่าบอกแม่นะ” ผมพูดขอร้องพี่ต้น

               “เฮ้อ!!” เสียงถอนหายใจจากพี่ชายคนโต

               “แล้วแฟนเราละเป็นไงบ้าง” พี่ต้นถามถึงคริสโตเฟอร์

               “สบายดีพี่...และนี้แหละที่เข้าไปช่วยผม..ผมเลยได้มาแค่แผลเล็กๆ ”

               “เออ..... พี่ต้นผมเจอคุณหมอคนหนึ่งเขาบอกผมว่าเขาคุ้นๆกับนามสกุลของผม..เขาบอกว่าเขามีเพื่อนเรียนที่เดียวกันและไม่ได้เจอกันหลังจากเรียนจบ...เขาบอกว่าเพื่อนของเขาไปเป็นปลัดอำเภอ”

               “ใครนะ...ชื่ออะไร” พี่ต้นถามผมกลับด้วยน้ำเสียงที่บอกได้ว่าตกใจพอสมควร

               “ผมดูจากใบเสร็จนะพี่ต้นเขาชื่อนายแพทย์ภีมปภพ อครพลพันกร “ ผมว่านามสกุลนี้ถ้าท่างจะไม่ใช่คุณหมอธรรมดา

               “ฟู่!!” เสียงพ่นลมหายใจออกยาวๆ ของพี่ต้นแสดงว่าพี่ต้นรู้จัก

               “ถ้าเจอเขาอีกนะอย่าบอกเรื่องพี่เลิกกับเกศรินทร์นะเขม..อย่าให้เบอร์โทรพี่...และไม่ต้องบอกว่าพี่อยู่ที่ไหน” พี่ต้นรีบบอกผมทันที ผมก็แปลกใจแต่คำสั่งพี่ชายผม ผมก็ต้องตามนั้น

               “และนี้เขาไปเป็นหมอที่เขาใหญ่เหรอเขม” พี่ต้นกลับถามผมด้วยน้ำเสียงทีแปลกใจ

               “ใช่ครับ เพราะว่านี้อยู่ใกล้โรงพยาบาลที่ผมเป็นครูอยู่ที่สุดครับพี่ต้น พี่ต้นรู้จักเขาเหรอครับ” ผมถามพี่ต้น

               “แค่เคยรู้จัก...ทำตามที่พี่บอกนะเขม..เออ..เขมพี่ต้องชงนมให้ตาเอิร์ธแล้วหลานงอแงแล้ว...เขมดูแลตัวเองนะอย่าไปซ่าเหมือนไอ้พี่ก้องเราได้ไหมพี่ขอละ....พี่เป็นห่วงเขมนะ” พี่ต้นพูดขอร้องผม

               “ครับพี่ต้น...บายครับ”
พี่ต้นกดวางสายผม ผมคิดว่าไม่ใช่แค่เคยรู้จักหรอกแต่เหมือนมีอะไรมากกว่านั้นแถมเขายังรู้ว่าพี่ต้นแต่งงานและมีลูกแล้ว ทั้งที่ตอนที่พี่ต้นแต่งพี่ต้นไม่ได้บอกงานเพื่อนๆเลยสักคนมีแต่คนทางฝ่ายผู้หญิง ทางผมก็มีพวกผม ส่วนพ่อผมเพิ่งจะเสียไปไม่ถึงปี แม่กับบรรดาพี่สาวของแม่แค่นั้น

               ทันทีที่ผมวางมือถือลงและเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำจะได้เข้าไปติวหนังสือให้คริสโตเฟอร์ หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็เดินเข้าห้องนอนสวมชุดกางเกงบ๊อกเซอร์และเสื้อกร้าม

               “โป้งบอกว่ามาถึงแล้วจะเข้ามารับครับพี่เขม” ผมพยักหน้า คริสนอนอ่านหนังสือรอผมห่มผ้าครึ้งท่อนอยู่บนเตียง

               “ไปนั่งที่โต๊ะซิพี่จะได้ติวให้และรีบไปนอน”

               “บนเตียงไม่ได้เหรอหนาวอะ”

               “หึ” ผมถึงกับขมวดคิ้วนี้มุขไหนเนี๊ยะ

               “นะ…….สอนบนเตียงนี้แหละพี่แค่อธิบายให้ผมฟังแค่นั้นเองผมก็จะได้นอนฟังพี่พูดไปด้วยนะพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด ผมก็เดินและขึ้นมานั่งบนเตียงผมหยิบหนังสือวันนี้ผมจะติวเกียวกับกานอ่านให้เขาฟัง ผมแนะนำให้เขาอ่านคำถามก่อนเป็นอันดับแรกพอเขาขึ้นมาอ่านเนื้อเรื่องเพื่อจะนำไปตอบคำถามจะทำให้เขาได้คำตอบที่เร็วขึ้น เรียกได้ว่าจับเฉพาะที่เป็นคำตอบอย่างเดียว และสอนให้เขาเข้าใจว่าอันไหนคือ Main Idea ผมอธิบายไปคนที่นอนตะแคงก็ตั้งใจฟังผมดีอยู่นะแต่แววตานะแฝงไว้ซึ้งความเจ้าเหล่ยังไงก็ไม่รู้ซิ

               “พอแค่นี้ก่อนนะคริสนี้เกือบจะสี่ทุ่มแล้วเพื่อนเรายังมาไม่ถึงอีกเหรอ” ผมถามคริสโตเฟอร์

               “เดี๋ยวมันก็โทรมาเองแหละพี่เขมอยากอยู่กับพี่เขมนานๆอะและยิ่งฝนตกแบบนี้ด้วยนะ” คริสโตเฟอร์พดูด สายตาที่มองผมแสดงออกได้ชัดเจนว่าหื่นมาก

               “คริส...อย่า...” ผมทำท่าจะห้ามแต่ก็ไม่ทันคริสโตเฟอร์ประกบปากจูบผมทันที ผมรู้สึกว่ามือของใครบางคนกำลังลุกล้ำเข้าในกางเกงบ๊อกเซอร์ของผม ปากก็ถูกประกบจูบไว้แบบนี้มือผมก็ถูกจับให้ไปกุมความเป็นชายของคนที่นอนตะแคงประกบผมอยู่มันแข็งพองจนเต็มมือผมแล้ว

               “อ๊าห์” ผมเผลอร้องคราวออกมาลิ้นก็สอดใส่เข้าไปในปากผม และมือของเขาก็ลูบไล้ไปในเสื้อกล้ามพร้อมกับบิดบี้สองจุดบนแผ่นอกแบนๆของผม เล่นเอาเขมถึงกับสยิว  คริสโตเฟอร์เปลี่ยนท่าเป็นดันให้ผมนอนราบลงไปกับที่นอนและเข้าก็ขึ้นมาค่อมตัวผมชายเสื้อถูกถลกขึ้นมาที่หน้าอกปากก็พรมจูบไปทั่วไล่ลงไปตั้งแต่แผ่นอกเรื่อยลงไปจนถึงหน้าท้อง เริ่มจะกลับมามีกล้ามเล็กน้อยจากการซิทอัพและกระโดนเชือกตอนเช้าๆของผม 

               “อ๊ะ..อ๊าห์..คริส..ซี้ดดดด” ผมนอนหลับตาพริ้มปล่อยให้คริสใช้ปากจัดการแกนกายของผม เขาจัดการหยอกเล่นกับมันสักพักจนได้ที่

               “พี่เขมผมขอนะ...วันนี้บรรยากาศมันเป็นใจ” คริสโตเฟอร์พูดผมกระดกศรีษะขึ้นไปมองจะไม่ยอมก็คงไม่ไหวแล้วแหละ ก็เล่นปลุกผมซะขนาดนี้แล้ว คริสโตเฟอร์ลุกขึ้นเขาถอดกางเกงบ๊อกเซอร์ที่เขาสวมอยู่และเสื้อกล้ามออกไป พร้อมกับเดินไปค้นลิ้นชักตรงหัวเตียงหยิบเอาถุงมาสวมและเจลหล่อลื่นทางลงที่ส่วนนั้นและนิ้ว
               
                ผมเองก็ถอดเสื้อกล้ามตัวเองและกางเกงบ๊อกเซอร์ออกไปเช่นกัน เขมไม่พร้อมเลยใช่ไหมครับ เขมพร้อมมาก ชายหนุ่มร่างกายเปลือยเปล่าเดินโทงๆ ขึ้นมาบนเตียงและก้มลงจูบปากผมพร้อมกับเลื่อนลงมาหยอกเล่นกับสองจุดที่หน้าอกผมเล่นสลับกันไปมาทั้งเม้มและขบเบาๆ เล่นเอาเขมสะท้านไปทั้งตัวและช่วงนี้ร่างกายคริสโตเฟอร์เริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้งก้าวเข้าสู่รุ่นหนุ่มเต็มตัวผมรับรู้ได้จากกล้ามเนื้อตามส่วนต่างๆที่ผมสัมผัสได้ และอีกไม่นานเขาก็แซงหน้าผมเป็นแน่

               “โอ๊ะ ! ..” ผมร้องและเกร็งหน้าท้องทันทีที่นิ้วกำลังสอดเข้าไปในช่องทางรักของผม ใบหน้าของเขาก็ประกบลงที่ตรงท้องน้อยของผมปากที่เม้มขบกัดเนื้ออ่อนนั้นเบาๆ มันพาให้ผมรู้สึกกระสั่นไปหมด ตอนนี้นิ้วที่สอดใส่เข้าไปเพิ่มจำนวนขึ้น คริสโตเฟอร์หยิบมหมอนไปรองสะโพกผมไว้ พร้อมกับค่อยๆสอดแกนกายของเขาเข้าทางช่องทางแคบของผมช้าๆ แขนที่กระหนาบแนบข้างลำตัวผมไว้ ผมใช้แขนโอบรอบคอของเขาเพื่อรั้งตัวขึ้น ประกบจูบปากหนาๆแดงระเรื่อนั้นเพื่อเบี่ยงเบนความรู้สึกที่เจ็บปวดให้เปลี่ยนเป็นความรู้สึกทีดีแทน

               “พี่เขมหื่นขึ้นเยอะเลยนะรู้ตัวรู้เปล่า..อ๊าห์...แต่แบบนี้...ผมชอบ...แสดงมันออกมาเลยว่าพี่ต้องการผมจะได้รู้ว่าพี่ชอบแบบไหน..อื้ม..”

               “อ๊ะห์...อ๊ะห์...อ๊ะห์....” ผมร้องทุกจังหวะที่คริสกระแทกสิ่งนั้นเข้า มันเหมือนเขาถอดออกจนกเกือบสุดและกระแทกเข้ามาสุดสุด สุดจริงๆเพราะว่าตรงขาหนีบเขากระแทกกับเนื้ออ่อนของผม หน้าที่เหยเกของคริสโตเฟอร์ และคริสโตเฟอร์ก็ยกขาผมขึ้นพาดไว้ที่หัวไหล่ทั้งสองข้างของคริสและกระแทกส่วนนั้นเข้ามาอย่างต่อเนื่องและเร็วขึ้นเรียกได้ว่ารั่วเลยดีกว่า และผมสองคนก็ร้องครางออกมาแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง จนทุกอย่างเข้าสู้ความเงียบและทันทีที่เขาถอดสิ่งนั้นออกก็ทาบทับลงมาโดนไม่ได้ทิ้งน้ำหนักลงไว้ที่ตัวผมเต็มๆ
               
               “ขอบคุณนะครับที่รัก” คริสโตเฟอร์บอกผม

               “โป้งจะมารับเราหรือยังละ” ผมถามคริสโตเฟอร์ เขาก็เอื้อมมือไปหยิบมือถือตัวเองมาดูผมกำลังจะลุกขึ้นเพื่อล้างตัวก่อนนอน

               “พี่เขมไอ้โป้งมันบอกว่ามาเรียกผมที่หน้าบ้านนานแล้วแต่ไม่มีเสียงตอบมีแต่เสียง ซี้ดอ๊าห์” ผมสะบัดหน้าไปมองจริงเหรอ

               “มันเลยกลับไปนอนที่บ้านพักแล้วและมันก็ไม่ว่างมารับแล้วด้วย..เพราะว่าเมียมันหื่นมันเลยต้องสนองเมียมันก่อน” ผมยืนเอามือขึ้นมาเท้าเอวตัวเองเป็นไงละ บอกว่าไม่ให้ทำไงวันนี้ ผมนี้ส่ายหัวทันที

               “ฮาๆ ...ผมล่อเล่นพี่เขม..โป้งมันไม่ได้เข้ามาหรอกแต่มันคิดว่าดึกขนาดนี้ผมคงหลับไปแล้ว....คืนนี้ผมนอนกับพี่เขมนะ” ผมคงจะต้องยอมให้เป็นแบบนั้นแหละผมพยักหน้าเบาๆเดินเขาห้องน้ำไปล้างเนื้อล้างตัว โดยมีคริสโตเฟอร์เดินตามหลังผมเข้าไปในห้องน้ำ (ไม่มีต่อแน่นอนเพราะว่าผมเริ่มง่วงแล้วแม้จะอยากกดคนนี้มากก็ตามแต่ไม่มีแรงแล้วจริงๆ ตาจะหลับ พอศรีษะถึงหมอนได้ผมก็หลับปุ๋ยเลยทันที) ผมรอวันศุกร์นะเขมจะจับกดสักสองรอบโทษฐานที่ขี้โกงไม่รอวันหยุดจัดซะวันนี้แล้ว

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(ครูเขมX คริส)EP.29 โป้งและปันปันถูกใส่ความP1
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 24-09-2020 19:46:16
EP.29 ครูเขมชาติX คริสโตเฟอร์  โป้งและปันปันถูกใส่ความ(ครึ้งแรก)
       
 พิเศษแก้ม
         ชีวิตเด็กผู้หญิงอย่างแก้มเปลี่ยนไปตั้งแต่วันที่ครูเขมไปช่วย แก้มยอมรับว่าแก้มอยากได้พี่คริสโตเฟอร์คืนมากจนกระทั้งกล้าที่จะทำบางสิ่งที่เลวร้าย พยามยามจะทำให้ครูเขมโดนพักการสอนให้ได้เพื่อให้เขาไปให้พ้นจากพี่คริสโตเฟอร์
         แก้มรักพี่คริสโตเฟอร์แอบชอบมาตั้งแต่เรียนม.1 แล้วและพยายามเข้าไปคลุกคลีและติดตามพี่เขาแก้มพยายามไปทุกทีที แต่ตอนนั้นพี่เขามีแฟนแล้วชื่อพี่เชอรี่ พี่เชอรี่เป็นผู้หญิงที่สวยและเป็นดรีมเมเยอร์ไม้ หนึ่งของโรงเรียนก่อนพี่กี้ แก้มรู้ว่าพี่กายก็ชอบพี่เชอรี่แต่พี่เชอรี่กับเลือกจะเป็นแฟนกับพี่คริสโตเฟอร์ แม้ว่าพี่กายจะพยายามจีบแค่ไหนก็ไม่สำเร็จ แต่สุดท้ายทางครอบครัวพี่เชอรี่ก็พาพี่เขาไปเรียนที่อื่นและเป็นเพราะเหตุใดไม่มีใครรู้ และที่แน่ๆเขาครอบครัวพี่เชอรี่เขาไม่ชอบให้พี่คริสโตเฟอร์ไปยุ่งกับลูกสาวเขาและแก้มรู้ว่าพี่คริสโตเฟอร์กับพี่เชอรีนะมีอะไรกันแล้ว แก้มเสียใจมากจนกระทั้งพี่เชอรี่ย้ายไป พี่คริสโตเฟอร์ก็ไม่จริงจังกับใคร แก้มคิดว่าแก้มพอจะมีหวังแต่ทุกอย่างมันก็พังทลายลงไปเมื่อครูเขมเข้ามาเป็นครูที่นี้
         แต่ตอนนี้แก้มเข้าใจแล้วว่าความรักนะไม่ได้มีไว้เฉพาะแค่ชายกับหญิงเท่านั้น เช่นหญิงกับหญิง อย่างเช่นครูถาวรกับครูลินดา แม้ว่าจะไมได้แสดงออกจนหวือหวาแบบหนุ่มสาวเขารักกันซึ้งมันออกแนวเพื่อนรักเพื่อนมากกว่าแต่มันกับดูมีความสุขมากกว่าความรักแบบนั้นเป็นไหนๆ ความรักแบบแก้มพยายามวิ่งตามจับแต่สิ่งที่ได้คือความว่างเปล่า..มันคือการตามจับคนที่เขาไม่รักเราไง

           “แก้ม” เพื่อนในกลุ่มที่ไม่ได้คุยกันมาเกือบสองอาทิตย์ ไม่ยอมพูดไม่ยอมคุยและพากันปลีกตัวออกจากแก้มเพราะที่แก้มทำกับครูเขมและพี่เคริสโตเฟอร์ แต่ว่าตอนนี้เรากลับมาเป็นเพื่อนกันแล้ว

           “แกฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะปวดฉี่วะ”

           “เออ...รีบไปรีบมานะมึง” เพื่อนสาวแต่มันเหมือนทอมบอยมากกว่า แก้มก็รีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำทันทีเพื่อจะได้ไปรอให้กำลังใจพี่คริสโตเฟอร์วันนี้พี่เขาลงแข่งขันตอบปัญหาภาษาอังกฤษด้วยกับนักเรียนชั้นม.ปลาย ทันทีที่เธอวิ่งไปในห้องน้ำ ตอนนี้กำลังโล้งไม่มีใครมาใช้ห้องน้ำพอดี แก้วก็วิ่งเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็วและปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว

           “โอ๊ยย !” เสียงดังตามหลังเธอเข้ามาในห้องน้ำ แสดงว่าตอนนี้ไม่ได้มีแค่เธอเท่านั้นที่ใช้ห้องน้ำนี้อยู่ และเธอก็จำได้ดีว่าเป็นเสียงของกี้

           “พี่กายกี้เจ็บนะ” ไอ้พี่กายมันเข้ามาในห้องน้ำหญิงกับกี่ด้วยเหรอ

           “กูบอกมึงแล้วใช่ไหมอย่าไปเที่ยวโผยทะนาว่ากูเป็นผัวมึงนะกี้”

           “ไม่ใช่แค่ผัวนะแต่พี่นะเป็นพ่อของลูกด้วยในท้องกี้ด้วย”

           “แน่ใจเหรอห๊ะ!..วันนั้นมันไม่ได้มีแค่กูกับมึงซะหน่อยกี้...และกูไม่รับ” แก้มถึงกับขมิบฉี่ทันทีไม่กล้าส่งเสียงดังให้เร็ดรอดออกไปได้

           “ฮือๆ...แล้วพี่จะให้กี้ทำยังไง...กี้รักพี่กายนะ..และตอนนี้ประจำเดือนกี้ก็ไม่มาสองเดือนแล้วนะ”

           “เธอตรวจแล้วเหรอ”

           “ใช่กี้ตรวจแล้วเมื่อวันจันทร์มันขึ้นสองขีด” แก้มถึงกับยกมือปิดปากนี้ นี้กี้ท้องในโรงเรียนเหรอ

           “พี่ต้องรับผิดชอบกี้นะพี่กาย”

           “ฉันจะรับผิดชอบเธอได้ยังไงเธอก็รู้ว่าพี่มีแฟนแล้วและเราจะแต่งงานกันเพราะพ่อแม่พี่และน้องโบวี่เราคุยกันเรื่องนี้แล้วทันทีที่พี่ไปเรียนเมืองนอก..และเธอเป็นใครกี้ จะให้พี่มารับผิดชอบและวันนั้นเธอก็ให้พี่เองนะกี้”

           “พี่กายพี่พูดแบบนี้ไม่ได้นะ “

           “แล้วพี่จะให้กี้ทำยังไง..ถ้าพ่อกี้รู้เข้าเขาคงไปรักนังเมียน้อยมากกว่ากี้แน่ๆ พี่กายและพี่จะให้กี้ท้องไม่มีพ่อแบบนี้ไม่ได้นะ”

           “พี่บอกว่าวันนี้เขาจะมาตรวจปัสสาวะไม่ใช่เหรอ”

           “เอาอย่างนี้..พี่จะช่วยเธอปิดเรื่องนี้และพอวันหยุดพี่จะให้เงินเธอไปทำแท้งซะเพื่อนพี่มันพาไปแฟนมันไปทำมา...แต่เธอต้องช่วยพี่ก่อนนะกี้”

           “พี่จะให้กี้ช่วยอะไรพี่อีกละพี่กายคราวก่อนกี้ก็เกือบโดนดีนะที่นางแก้มมันไม่ไปบอกครูนะว่าคนที่เอายาใส่ไปในประเป๋าพี่คริสโตเฟอร์นะเป็นกี้ แค่นี้กี้ก็เสี่ยงมากพอแล้วนะ “

           “เอานะคราวนี้มันได้ออกจากโรงเรียนยกกลุ่มแน่ๆ ..เอาหูมา” แก้มก็พยายามเอาหูแนบแต่ก็ไมได้ยินเขาสองคนกระซิบกันมันเบามาก

           “โครม!” เสียงถังขยะในห้องน้ำล้มลง

           “ใครนะ” กี้ตะโกนถาม แก้มก็ไม่รู้จะทำยังไงพี่กายต้องรู้แน่ๆ ว่าแก้มแอบฟังอยู่ในห้องน้ำ เธอนึกขึ้นได้ว่าห้องน้ำห้องแรกมันเสียจึงถูกล๊อกประตูเอาไว้ เธอก็รีบหมุดเพื่อรอดห้องน้ำอีกห้องหนึ่งอย่างหวุดหวิด

           “ปึก” เสียงถีบประตูห้องน้ำที่เธอรอดมาได้

           “ไม่มีใครนิ...ก็แค่ถังขยะล้ม..พี่จะรีบไปแล้วนะอย่าลืมละ”แก้มได้ยินแค่นั้นและเสียงฝีเท้าดังออกไปจากห้องน้ำแล้ว แต่ปัญหาของเธอคือเธอจะหมุดกลับไปยังไงได้อีกเพราะว่าถังขยะถูกดันให้มาขวางทางซะแล้วซิ เธอจึงหยิบมือถือขึ้นมากดโทรแต่ทะว่าเพื่อนเธอไม่รับสายเลยสักคน และเธอก็ส่งข้อความหาเพื่อนด้วยอาการร้อนรน

---------------------------------------------------------------------------------------
Part คริสโตเฟอร์

                    วันนี้ผมได้รับเลือกให้เป็นตัวเองแทนของเข้าแข่งขันตอบปัญหาภาษาอังกฤษในงานกิจกรรมสัปดาห์ภาษาอังกฤษของโรงเรียนได้จัดขึ้นเป็นวันแรกดังนั้นวันนี้ผมแทบจะไม่ได้เจอครูเขมเลยครูเขายุ่งกับซุ้มต่างที่ และในวันนี้ไม่มีเรียนเลยตลอดทั้งวันเช่นกัน กิจกรรมก็จะมีการออกร้านทำขนมพวกมัฟฟิ้น ใส่กรอก ฮอทดอก แซนวิชอะไรพวกนี้และมีภาพยนต์ให้ดูเป็นรอบๆ จะเป็นหนังต่างประเทศเสียงภากษ์เป็นภาษาอังกฤษแต่มีซับไทยให้นักเรียนอ่านพวกผมจะชอบที่จะเข้าไปเพราะว่าไม่ต้องเข้าเรียนแต่ผมนะฟังออกเพราะผมเคยชิ้นกับภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก

                      “เอาละต่อไปนี้เป็นการแข่งขันตอบปัญหาภาษาอังกฤษ จะเป็นความรู้ทั่วๆไป ขอเชิญตัวแทนม.ปลายทุกชั้นเรียนนั่งประจำโต๊ะที่ทางครูจัดไว้ให้ นั่งตามป้ายห้องตัวเอง” ครูสมชายพูดออกไมล์เรียก ผมก็ลุกไปกับน้องที่เรียนในห้องเดียวกัน มีทั้งหมด20 คำถาม บนกระดานไวท์บอร์ด

                      “ครูจะทำการเปิดคำถามไปที่ละข้อและจะมีเวลาให้ห้านาที่ต่อหนึ่งคำถาม เมื่อทราบคำตอบแล้วเขียนลงบนกระดาษและพอครูกดกริ่งหมดเวลาทุกโต๊ะต้องวิ่งนำคำตอบมาให้กับครูเขมที่ยืนอยู่” ผมเงยหน้ามองครูเขม ครูเขมยิ้มให้ผม

                    และคำถามข้อแรกก็ปรากฏขึ้น แรกๆอาจจะง่ายๆหน่อย ถามว่าระบบประชาธิปไตยของไทยคือข้อไหนผมตอบได้อยู่แล้ว DEMOCRACY และข้ออื่นๆ จนกระทั้งถึงข้อสุดท้าย คะแนนผมเท่ากับนักเรียนชั้นม.6 พออาจารย์เปิดข้อสุดท้ายออกมาผมก็ต้องยิ้มเพราะว่าคำถามข้อนี้อยู่ในหนังสือที่ผมอ่านแต่คนอื่นๆจะรู้ไหมผมไม่ทราบ ผมก็กระซิบบอกให้คู่ผมเขียนคำตอบลงไปและไปส่งให้อาจารย์สมชาย

                      “คำถามข้อสุดท้ายข้อตัดสินเพราะตอนนี้ ม.6/1 กับม.4/1 มีคะแนนที่เท่ากัน” ครูสมชายพูดก่อนจะเปิดคำตอบให้ดูและผมก็ตอบถูกด้วย

                      “พี่รู้ได้ไง”

                      “เทพว่ะ” ผมพูด

                      “คะแนนออกมาเป็นเอกฉันฑ์แล้วนะตกลงว่า ม.4/1 ได้คะแนนสูงสุดจากทั้งหมด 20 คำถามตอบถูกไป17 ข้อและเป็นคะแนนที่สูงที่สุด “ ครูสมชายผมพูด ผมก็ลุกขึ้นเดินกลับไปเข้าแถว ครูอครชัยเดินมาที่ไมโครโฟน

                      “นักเรียนวันนี้ทางกองปราบปรามขอทำการตรวจปัสาวะเพื่อหายาเสพติด และเมื่อเช้าครูได้ให้หัวหน้าห้องเขียนรายชื่อนักเรียนที่มาเรียนทั้งหมดแล้วนะแต่ละคนไปเช็ครายชื่อที่โต๊ะเจ้าหน้าที่ได้เลย ตามลำดับชั้นเรียนและห้องเชิญครับ” ผมก็ลุกขึ้น อันที่จริงก็ตรวจบ่อยอยู่แล้วแหละผมเองก็มั่นใจเพราะว่าไม่เคยเสพยาเสพติด

                      “คริสเก่งว่ะมึง” ปันปันเดินมาตบไหล่ผมเบาๆ

                      “เออว่าแต่จะตรวจปัสสาวะก็ไม่บอกกูก่อนเลยวะกูเพิ่งไปฉี่มาด้วยทำไงดีวะ” ปันปันพูด

                      “พี่ปันปัน “ เสียงเล็กๆของกี้ เด็กผู้หญิงที่เคยแอบชอบปันปัน ดังขึ้นเธอเดินมาพร้อมกับขวดน้ำสองขวด

                      “เออ..กี้ซื้อน้ำมาให้เพื่อนนะแต่เพื่อนกี้....เขาไม่ดื่มแล้วนะกี้ให้พี่นะ” กี้ส่งขวดน้ำโพลาลิซมาให้ปันปัน ถือไว้แต่ดูก็เป็นขวดน้ำใหม่ ปันปันเลยรับมาเปิดและแบ่งกันดื่มกับโป้ง

                      “ขอบใจนะกี้” ปันปันหันไปบอกกี้เธอแค่ยิ้มแหยๆ ก่อนจะรีบเดินออกไป

                      “เฮ้อ! แก้มมันบอกให้ไปหามันที่ห้องน้ำวะ” ผมได้ยินเสียงเพื่อนๆแก้ม ครูควักมือเรียกพวกผมให้ไปลงชื่อและรับกระบอกเพื่อนำไปใส่ปัสสาวะ

                      “คริสน้ำไหมวะ” โป้งถามผม ผมส่ายหัวว่าไม่อะตอนที่นั่งแข่งขันก็ปวดฉี่อยู่แล้วเลยไม่จำเป็น

ผมแยกไปเข้าแถวตามห้องเรียนของผม ลงชื่อและรับกระปุ๊กและเดินแยกไปตามบุคคลในเครื่องแบบไปเขาแยกห้องน้ำที่ใช้ในการตรวจของผู้ชายและผู้หญิงไปคนละทิศกันเลย โป้งและปันปันเข้าไปก่อนผม หลังจากตรวจไม่นานผมก็เดินออกมาเข้าแถวประจำห้องเรียน ผมเห็นครูลินดากำลังดึงแขนแก้มให้ไปเข้ารอเข้าตรวจปัสสาวะ

                      “มึงดูหัวแก้มดิทำไมมันยุ่งเหยิงอย่างนั้นว่ะ .. “ ปันปันพูด ผมหยักไหล่ไม่รู้ซิ

                      “ครูค่ะ!...ครูค่ะ!....เชิญทางนี้หน่อยค่ะ...เด็กคนนี้พยายามจะทุจริตการตรวจปัสสาวะค่ะ”

                      “โดยการที่เธอพยายามจะใช้ปัสสาวะคนอื่นค่ะแทนของเธอนะคะ” พวกผมหันไปเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงเดินลากแขนกี้ออกมาเธอหน้าซี้ดเผือกมาก บรรดาครูวิ่งไปที่ตรงจุดนั้น ไปมุงถามเธอกันใหญ่และจู่ๆเธอก็ร้องไห้โห่ออกมาสร้างความตื่นตกใจของบรรดาครูและนักเรียนทุกคน และกี้ก็ถูกครูพาเธอขึ้นไปบนตึกทันที

                      “เฮ้ย! เขาบอกว่าตรวจเจอปัสสาวะเจอสีม่วงสองคนวะ” ผมได้ยินพวกเด็กม.ต้นมันคุยกันใครวะ ผมว่าไอ้กายแน่ๆแต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้นะมันน่าจะต้องรู้ก่อนล้วงหน้าเพราะว่าพ่อมันเป็นผู้บังคับการสน.อยู่แล้วต้องรู้ซิว่าจะมีการเข้ามาตรวจหาสารเสพติดในโรงเรียนวันนี้

                      “นายปกรณ์ และนายณัฐวุติ ออกมาหาครูตอนนี้คนอื่นแยกย้ายเข้าห้องเรียน” ผมสะดุ้งเพราะว่าคนที่ครูอครชัยเรียกคือโป้งกับปันปัน

                      “อะไรวะ “ไอ้อาร์ทมันถามขึ้น ไอ้โป้งหน้าถอดสีแล้วมันคงตกใจไม่แพ้กัน มันต้องมีอะไรผิดพล้าดแน่ๆ โป้งพยักหน้ากับผมก่อนจะเดินตามอาจารย์ไปและปันปันด้วย ผมไอ้โจและอาร์ทไอ้แต่ยืนมอง

                      “กูได้ยินครูพูดกันว่า ตรวจเจอปัสสาวะสีม่วงนะเป็นพี่โป้งกับพี่ปันปันวะ” ผมลุกพล้วดเดินตรงไปที่อาจารย์อครชัยเรียกโป้งกับปันปันไป

                      “ครูผมสองคนไมได้เสพยานะครับครู” ไอ้โป้งพูดให้การปฏิเสธกับครูอครชัย

                      “เธอกินยาอะไนมาหรือเปล่ายาลดน้ำมูกอะไรพวกนี้นะ”

                      “ไม่นี้ครับ” ปันปันพูด

                      “แต่ผลตรวจมันออกมาเป็นสีม่วง ...ทั้งคู่”

                      “ครูครับ ผมยืนยันได้ว่าโป้งกับปันปันไม่เคยเสพยาเสพติด” ผมเข้าไปหาครูอครชัย แต่ครูเขามองหน้าผม และตำรวจเช่นกัน

                    “ไม่เกี่ยวกับเธอคริสโตเฟอร์ไปขึ้นห้องเรียนซะเดี๋ยวนี้!” ครูอครชัยพูด

                    “ไม่ครับครับ ผมไม่ขึ้น เพื่อนผมบริสุทธิ์อะครู  “

                       “โป้งกับปันปันมันสองคนเป็นเพื่อนผม ผมรู้ดีว่าเพื่อนผมไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน ถึงพวกผมจะเกเรนะครูแต่เรื่องยาเสพติดพวกผมไม่ยุ่ง”

                    “ผมคิดว่าต้องมีอะไรที่ผิดพล้าด หรืออาจจะมีคนกลั่นแกล้ง” ผมพูดครูอครชัยหันมามองหน้าผมและคุณตำรวจในเครื่องแบบนี้ก็เช่นกันมองมาที่ผม

                      “ใครละ” ครูอครชัยพูด

                      “พี่กายห้องม.6 ..มันไม่ถูกกับพวกผมอยู่ครับครู“

                      “เธอมีหลักฐานไหมคริสโตเฟอร์”

                      “ผม...ผม...ไม่มีครับ..แต่...” ผมถึงกับจนมุมใช้ผมไม่มีหลักฐาน

                      “พอได้แล้วคริส!...อย่ากล่าวหาใครโดยไม่มีหลักฐานนะคริสโตเฟอร์...เธอไปได้แล้วไปขึ้นห้องเรียนตัวเองซะ!”ครูอครชัยชี้นิ้วสั่งผมออกไป ผมทำท่าจะไม่ยอมแต่ไอ้โป้งมันส่ายหัวให้ผมออกไปก่อน

                    “โป้งและเธอปันปัน ครูต้องเรียกผู้ปกครองเธอมาพบด่วน”

                      “คริสโตเฟอร์ครูบอกให้เธอไปได้แล้วไง” ครูอครชัยหันมาบอกผม เพราะว่าผมยังคงยืนอยู่ตรงนั้น

                      “คริส!” ครูเขมเดินเข้ามามาดึงแขนผม ดึงลากผมให้ออกไปจากตรงนั้นให้ได้ ผมได้แต่มองไอ้โป้งกับปันปัน  ผมเชื่อว่าต้องมีคนแกล้งมันแน่ๆ

                      “พี่เขม ไอ้โป้งไม่เคยเสพยานะ...ผมต้องไปช่วยมันนะพี่เขม..” ผมหันมาพูดกับพี่เขม ผมไม่ยอมผมจะเดินกลับแต่พี่เขมบีบต้นแขนผมไว้แรงมากจนผมรู้สึกเจ็บแต่ผมก็ยืนยันจะเดินกลับไป สายตาผมมองพี่เขมเชิงอ้อนวอนให้ผมไปช่วยเพื่อน

                      “คริส!!...” พี่เขมขึ้นเสียงใส่ผมดังขึ้นเพื่อให้ผมหยุด ผมก็ต้องต้องยอมหยุด ยืนนิ่งๆ

                      “ฟู่” เสียงลมถูกพ่นออกมาจากปากคนที่บีบต้นแขนผมไว้ ผมก็ต้องสูดลมหายใจเข้าปอดพยายามข่มตัวเองให้หยุดนิ่งเช่นกันเรายืนกันนิ่งๆโดนไม่ปริปากพูดอะไรอยู่หลายนาทีเหมือนกัน

                      “พี่รู้ว่าโป้งกับปันปันเป็นยังไงแม้ไม่ได้คลุกคลีเหมือนเราและพี่เชื่อว่าเขาไม่ทำแน่นอน...เขาคงไม่เจียดเงินจำนวนหนึ่งเพื่อสิ่งเหล่านี้ในขณะที่พ่อเขายังป่วย...คริส” ครูเขมพูด
         
                      “แต่เราไม่มีหลักฐานอะไร...ในตอนนี้..ถ้าอยากช่วยเราต้องหาหลักฐานก่อนคริส” ครูเขมบอก ผมก็จำใจต้องพยักหน้าเบาๆแต่ว่าหลักฐานพวกนั้นผมจะไปหามาจากที่ไหนละและเพราะอะไรทำไมโป้งกับปันปันถึงได้ตรวจเจอสีม่วงในปัสสาวะแบบนั้น

                      “ไอ้คริสแก้มมันหามึงอยู่มันมีเรื่องจะคุยว่ะ .” ไอ้อาร์ทพูดผมกับครูเขมหันไปมองแก้มที่รีบเดินตรงมาทางผม

                      “แก้มได้ยินไอ้พี่กายกับกี้คุยอะไรกันเหมือนพี่กายสั่งให้กี้ทำอะไรสักอย่างนะพี่คริส “แก้มบอกผม
                       “แก้มได้ยินเขาคุยกันในห้องน้ำจริงๆค่ะครู” แก้มหันมายืนยันกับพี่เขมอีกคน

                      “กี้เหรอ..กี้มันเอาขวดน้ำให้โป้งกับปันปัน นี้พี่เขม” ผมนึกขึ้นได้เพราะว่ามันยังชวนผมดื่มเลยแต่ผมนะปวดปัสสาวะอยู่แล้วเลยไม่ได้ดื่มไปด้วย

                      “ขวดไหนละ” พี่เขมถามผม

                      “ใช้มันกระซิบอะไรสักอย่างให้กี้ช่วยมันแต่แก้มฟังไม่ได้ยินอะ…ค่ะ” แก้มพูด ไอ้อาร์ทมันหยิบขวดที่วางอยู่ยังไม่ถูกนำไปทิ้งถือมาให้ครูเขมดูยังมีน้ำเหลืออยู่ก้นขวดไม่มาก ครูเขมพลิกดูและ

                      “แต่มันเป็นขวดน้ำใหม่เลยนะพี่เขมตอนที่กี้มันส่งมาให้ไม่อย่างไอ้โป้งและปันปันมันคงไม่กล้าดื่ม” ผมพูดแต่พี่เขมยังคงเพ็งพิจารณาขวดนั้น

                      “มีรอยเข็มอยู่ตรงนี้” ครูเขมพูดใช่มันเป็นรอยเล็กมากๆ

                      “พี่จัดการเอง….พากันขึ้นห้องเรียน..เดี๋ยวนี้! ทุกคน! “ครูเขมพูดและสั่งให้พวกผมขึ้นห้องเรียนทันที ไอ้โจกับไอ้อาร์ทมันดึงรั่งผมไว้ไม่ให้เข้าไปยุ่งให้ผมขึ้นห้องและแก้มก็เดินไปหาเพื่อนๆ ทำไมกี้ถึงได้ร่วมมือกับไอ้กาย ทำแบบนี้นะ ผมเชื่อว่าผลสุดท้ายคนที่ต้องรับมันก็จะเป็นกี้ เธอนี้ช่างโง่จริงๆ ผมคิดในใจ

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.29.1 หน้าที่ครูที่คอยปกป้องนักเรียนดีดีอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 24-09-2020 22:42:57
EP.29.1ครูเขมX คริส หน้าที่ครูที่คอยปกป้องนักเรียนดีดีอีกแล้ว(ครึ้งแรก)

Part ครูเขมชาติ     

                 วันนี้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นอีกจนได้ แต่เป็นเรื่องของโป้งและปันปัน ก็วันนี้มีการตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดในร่างกาย และโป้งกับปันปันก็ได้ผลตรวจออกมาเป็นสีม่วง แน่นอนนายคริสโตเฟอร์เห็นเพื่อนโดนแบบนี้เขาต้องไม่ยอมแน่ๆผมต้องเข้าไปลากคริสออกมาก่อนและแก้มก็วิ่งมาบอกว่าได้ยินเสียงนายกายกับเด็กผู้หญิงที่เคยมีปากเสียงกับนายกาย ชื่อว่ากี้ กระซิบกระซาบอะไรกันอีก และกี้ก็เป็นคนเอาขวดน้ำมาให้ปันปันและโป้งดื่มขวดน้ำนี้ต้องผสมอะไรลงไปแน่ๆ มันมีรอยเข็มทิ่มอยู่ที่ตรงขอขวดมันเล็กมากถ้าไม่สังเกตุดูดีดี

         “ครูอครชัยครับ” ผมเรียกครูฝ่ายปกครอง

         “ครับว่าไงครับครูเขม”

         “ผมไม่รู้นะว่าเป็นฝีมือใครแต่ขวดน้ำนี้กี้เอามาให้นายสองคนนี้ดื่มครับ”

         “กี้เอามาให้เราสองคนดื่มใช่ไหม โป้ง ..ปันปัน” ผมพูดและหันไปมองหน้าโป้งและปันปันเขาสองคนพยักหน้า

         “ขวดน้ำนี้มีสิ่งที่ผิดปกติตรงคอขวดมีรอยเข็มแท่งลงไปเหมือนกับว่าผสมอะไรบางอย่างในขวดนี้” ผมส่งให้ครูอครชัยดูและเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบก็รับไปพิจารณาดูเช่นกัน

         “ผมขอความเป็นธรรมในเด็กสองคนนี้ด้วยนะครับครู..ครูอย่าตัดสินเร็วไปจนเด็กดีดีต้องมาหมดอนาคตไปเพราะแค่ใครบางคนแต่ผมไม่ได้เจาะจงว่าใครนะครับ” ผมพูดครูอครชัยหยิบขวดน้ำจากมือผมไปดู

         “ผมกล้าที่จะยืนยันได้ว่าเด็กสองคนนี้ไม่เคยเสพยาและโดยเฉพาะโป้ง เข้าคงไม่เจียดเงินมาซื้อของพวกนี้ในขณะที่พ่อเขาป่วยหนักหรอกนะครับครู” ผมพูดและหันไปมองหน้าโป้งและปันปัน

         “จริงเหรอโป้งพ่อเธอป่วยเหรอ” ครูอครชัยหันไปถามโป้ง

         “จริงๆครับพ่อผมเพิ่งจะเข้ารักการทำบายพาทเมื่อวานครับพ่อผมเป็นโรคเส้นเลือกหัวใจตีบครับ” โป้งพูด

         “ถ้าอย่างนั้นผมจะส่งไปตรวจสอบก่อนแล้วกันนะครับครูว่าในน้ำนี้มีอะไร” คุณตำรวจพูด

         “ผมไม่เคยเสพยาจริงๆนะครับครูถึงผมจะเกเรเรื่องอื่นแต่เรื่องนี้ผมไม่เคย” โป้งพูดเสียงสั่นๆ เขาคงจะเสียใจ ปันปันยิ่งไม่ต้องพูดเลยยื่นน้ำตาซึม

         “ผมก็ไม่เคยครับครู..และถ้าเรื่องนี้รู้ถึงเตี่ยผม..ผมคงไม่ได้เรียนต่อทั้งที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลยครู”ปันปันพูดและปาดน้ำตาไปด้วย ผมหันมาครูอครชัยเพื่อขอความเป็นธรรม

         “ถ้าอย่างนั้นผมขอจัดการเรื่องนี้กันเอง เพราะนี้คือปัญหาภายในนะครับคุณตำรวจ” ครูอครชัยหันไปบอกคุณตำรวจ

         “เอาละเธอสองคนกลับไปขึ้นห้องเรียนได้แล้ว” คุณตำรวจก็หยิบขวดน้ำขวดนั้นไป ผมหันมาพยักหน้าให้สองคนเดินไปห้องเรียนตัวเอง

         “ถ้าอย่างนั้นเราต้องไปสืบความเอากับกี้ คนที่เอาขวดน้ำมาให้นายโป้งและปันปันครับครู” ครูอครชัยพูดผมพยักหน้าเห็นด้วย ผมกับครูอครชัยเดินพร้อมกัน

         “ครูนิดครับเกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ” ครูอครชัยถามครูนิด

         “เออ...คือ...เกิดเรื่องกับนักเรียนหญิงนะคะครูอครชัย..กี้นะคะ..เพิ่งจะจับตรวจปัสาวะใหม่...เธอตั้งครรภ์” ผมกับครูอครชัยตกใจ

         “จริงเหรอครับ” ครูอครชัยถามครูนิดอีกครั้ง

         “จริงค่ะครู” ครูนิดตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

         “ตอนนี้เธออยู่ไหนครับ ผมมีเรื่องต้องถามเธอ..เธอเป็นคนเอาขวดน้ำที่น่าจะผสมบางสิ่งให้กับโป้งและปันปันดื่ม” ครูอครชัยพูด ครูนิดมองผมสองคนด้วยสีหน้าไม่ค่อยเข้าใจ

         “โป้งและปันปันตรวจเจอพบว่าปัสสาวะเป็นม่วงนะครับครูแต่ครูเขมบอกว่ากี้นำขวดน้ำมานายสองคนนั้นดื่มและขวดก็มีสิ่งที่ผิดปกติตอนนี้คุณตำรวจได้นำไปตรวจสอบอีกครั้งว่าน้ำในขวดนันมีสารอะไรอยู่” ครูอครชัยพูด ครูนิดถึงกับยกมือขึ้นทาบอก

         “นี้เธอก็พยายามใช้เงินซื้อปัสสาวะเพื่อนคนอื่นเพื่อจะได้มาใช้แทนปัสสาวะของเธอแต่โดนจับได้ซะก่อน...ทำไมกี้ถึงได้เป็นแบบนี้ก็ไม่รู้ค่ะ” ครูนิดพูด

         “เธออยู่ที่ไหนครับ” ผมถามครูนิด

         “อยู่บนห้องประชุมค่ะ ทางเราพยายามติดต่อให้พ่อเธอมาในวันนี้เพื่อจะได้คุยกันถึงทางแก้ปัญหาว่าจะให้เธอเรียนต่อหรือไม่” ครูนิดพูด

         “ขอตัวก่อนนะคะต้องไปรายงานท่านผู้อำนวยการก่อนค่ะ.. วันนี้วันเดียวมีหลายเรื่องเลยนะคะ ..นิดคงผมหงอกเร็วๆนี้แน่ค่ะ” ครูนิดพูดก่อนจะรีบเดินไปหาผู้อำนวยการ ผมกับครูอครชัยรีบเดินขึ้นไปห้องประชุม ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปเด็กผู้หญิงก้มหน้าก้มตาร้องไห้

         “ประจำเดือนเธอขาดเมื่อไหร่กี้ บอกครูซิ” ครูรัชนีวรรณกำลังคาดคั้นเอาคำตอบจากกี้

         “กี้ตอบครูซิ”

         “สองเดือนแล้วค่ะครู ..ฮือๆ” กี้ตอบไปร้องไห้ไปด้วย

         “กี้...เธอเอาขวดน้ำนี้ให้โป้งกับปันปันหรือเปล่า” กี้เงยหน้าขึ้นมามองผมกับครูอครชัยเธอหน้าตาซี้ดยิ่งกว่าเดิมตามมาด้วยอาการตกใจ

         “หนูไม่รู้เรื่องค่ะ..หนูไม่รู้อะไรอยู่ในขวดนั้น..หนูแค่ทำตามที่พี่กายบอก..ฮือๆ” กี้พูดออกมาทั้งน้ำตาหนองหน้า นี้เธอกลายเป็นเครื่องมือให้นายกายอย่างนั้นรึ ผมได้แต่ยืนส่ายหัว ไม่รู้จะหาคำไหนมาพูดดี

         “ตามนายกายมาพบผมด่วน” ครูอครชัยหันไปบอกครูท่านอื่นเพื่อจะได้ไปประกาศเรียกนายกายเข้ามาพบ

         “กี้ใครเป็นพ่อของลูกเธอ” ครูรัชนีวรรณถามกี้ มันฟังดูเป็นคำถามที่ค่อนข้างตรงทีเดียว

         “กี้บอกครูเถอะ” ครูลินดาเอามือแตะที่แขนกี้

         “พี่กายค่ะครู” กี้ตอบออกมา

         “ตายแล้วนายกายอีกแล้วเหรอ...ครูค่ะ..ไม่ไหวแล้วนะคะต่อให้พ่อเขาเป็นนายตำรวจก็เถอะทำแบบนี้ มันเกินไปแล้วนะคะและนายกายก็มีแต่เรื่องตลอดเลย” ครูรัชนีวรรณเอ่ยขึ้นผมหันมามองหน้าครูอครชัย ดูท่าทางครูแกจะหนักใจมากเหมือนกัน

         “พ่อนายกายเป็นเพื่อนผมนะครับครูเขม” ผมพยักหน้าเข้าใจทันที

         “เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงครับครู ...” ผู้อำนวยการเดินเข้ามาในห้องพร้อมคำถามที่ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้เลยจริงๆ

         “มีเรื่องอื่นด้วนนะครับท่าน ...นายกายพยายามทำให้นายโป้งและปันปันโดนข้อหาเสพยาเสพติดโดยการนำบางสิ่งใส่ในขวดน้ำและให้กี้ไปให้ปันปันกับโป้งดื่มและนายกายก็คือคนที่ทำให้กี้ท้องค่ะท่าน” ครูอครชัยพูด ผู้อำนวยการถึงกับชักสีหน้ากังวลใจเป็นอย่างมาก

         “คงต้องตัดสินตามที่เห็นต่อให้พ่อเขาขอร้องยังไงผมก็คงไม่ยอมแล้วแหละครู” ผู้อำนวยการพูดกับครูอครชัย

         “ติดต่อพ่อแม่เด็กหรือยังครับ” ผู้อำนวนการถาม

         “ติดต่อพ่อของกี้แล้วค่ะและเขากำลังจะเดินทางมาที่โรงเรียนค่ะ..ผอ.” ครูลินดาพูด และครูลินดาก็เป็นครูที่ปรึกษาของกี้ด้วย ระหว่างที่กำลังสนทนากันอยู่ นายกายก็ปรากฏตัวขึ้น เขาเดินเข้ามาในห้องประชุม ครูทุกคนหันไปมองนายกายเป็นตาเดียวกันหมด

         “ครูประกาศเรียกผมเหรอครับ” นายกายถามออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยพร้อมกันก้มมองกี้แบบไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดกับการที่กี้นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ตรงนี้

         “นายกาย..กี้เขาสาระภาพออกมาหมดแล้วว่านายนะทำให้เขาท้องและนายยังว่าจ้างให้เด็กนักเรียนคนอื่นขายปัสสาวะให้กี้” ครูรัชนีวรรณพูด

         “กี้ทำไมโกหกแบบนี้ละค่ะ ...ทำไมไม่บอกความจริงไปละว่ากี้ท้องกับใคร “ นายกายพูด

         “กี้จะท้องกับใครก็ท้องกับพี่ซิ”

         “ห๊ะ!..กี้ไม่ได้มีอะไรกับพี่คนเดียวนะกี้มีอะไรกับใครตั้งหลายคน..ไม่ว่าไอ้พี่อั๋น พี่เอกหรือว่าคนอื่นๆอีกเธอนะ....ไปกับใครต่อใคร..”

         “ไม่แต่กี้ไม่เคยมีอะไรกับใครนอกจากพี่และ...เพื่อนๆพี่ก็วันนั้น...” กี้ทำท่าจะพูดแต่ก็เงียบไป

         “วันนั้นทำไมกี้” ครูรัชนีวรรณถามเธอ

         “ครูครับผมมีหลักฐานนะครับและผมก็พูดเลยว่าผมนะสวมถุงยางทุกครั้งแต่กี้ท้องกับใครผมไม่รู้นะ...และครูจะมาโยนให้ผมรับทั้งที่ผมไม่ใช่ไม่ได้นะครับ ผมไม่ยอมและพ่อผมคงไม่ยอมเช่นกัน “ นายกายพูดปฏิเสธเรียกได้ว่าปัดความรับผิดชอบจะดีกว่า

         “นายพูดแบบนี้มันเรียกปัดความรับผิดชอบนะกาย..” ผมพูดขึ้น กายหันมามองหน้าผมยกมุมปากขึ้นสูงเป็นการแสยะยิ้ม

         “ครูมีหลักฐานอะไรที่มาบอกว่าผมเป็นคนทำละครับ..ครูเขม..ผมว่ามันจะไม่เหมาะสมถ้าให้ครูเขมเป็นคนตัดสินผมเพราะว่าครูเขาเอาเรื่องส่วนตัวมารวมด้วยแบบนี้” นายกายพูดผมก็ต้องนิ่งเงียบผมไม่มีหลักฐานอะไรแต่ผมก็เชื่อว่าผู้หญิงนะรู้ว่าใครคือพอของเด็ก กี้นั้นแหละที่รู้ดีแต่แค่คนนี้ไม่ยอมรับ กี้ยืนน้ำตารินไหล่ ผมนี่สงสารเธอจริงๆ

         “ครูเขมครับ...อันนี้คงต้องปล่อยให้พวกผมจัดการเองดีกว่า” ครูอครชัยพูดผมเลยต้องก้าวถอยออกไป

         “กี้เธอพยายามจับผมนะครับและเธอก็ไปปรึกษาผมเรื่องการตรวจปัสสาวะวันนี้ผมก็แนะนำไปเพราะเห็นว่าเป็นรุ่นน้องผมไม่คิดว่าเธอจะเอาตรงนี้มา..เพื่อจะให้ผมรับผิดชอบเด็กในท้องของเธอ..ทั้งที่เด็กนั้นเป็นลูกของผมจริงหรือเปล่า..ก็ไม่รู้” นายกายพูดสายตาที่มองกี้อย่างสมเพศ

         “ไม่นายอั๋น ก็นายเอกหรือไม่ก็แฟนเก่าที่เพิ่งเลิกลากันไปไม่ถึงเดือนเลยนะอย่างนี้ครูจะมาตัดสินให้ผมเป็นคนรับผิดชอบผมว่าไม่ยุติธรรม” นายกายพูด ทุกคนเบนสายตามาองที่กี้คนเดียวเลย

         “พี่กายพูดแบบนี้ได้ยังไง..พี่ปัดความรับผิดชอลแบบบนี้ได้ยังไง..ฮือๆ” กี้ถึงกับบรรดาลโทสะลุกพล้วดจากเก้าอี้ตรงเข้าไปหานายกายแต่ครูลินดากับครูถาวรรีบตรงเข้าไปจับเธอไว้ก่อนด้วยความที่เป็นห่วงหากนายกายเกิดป้องกันตัวและกี้อาจจะได้รับบาดเจ็บทั้งที่เธอตั้งครรภ์อยู่

         “แต่กี้รู้ว่ากี้ท้องกับใคร..ฮือๆ..ครูค่ะกี้ยืนยันว่ากี้ท้องกับพี่กายคะ” กี้พูดยืนยันและผมเองก็เชื่อว่าเขารู้ดีว่าใครคือพ่อเด็กผู้หญิงนะรู้ตัวเองอยู่แล้ว

         “ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องให้ครูได้ดู..ที่จริงพี่ก็ไม่อยากประจานเธอหรอกนะกี้แต่เธอแต่พี่ทำเพื่อปกป้องสิทธิของพี่เอง”

         “นี้ครูดูในมือถือผมแล้วกันนะครับว่าอะไรเป็นอะไร กี้นะเขาจะให้ผมรับผิดชอบเพราะว่าบ้านผมมีฐานะ พ่อเป็นถึงนายตำรวจผมปฏิเสธเพราว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกผมเธอจึงโกรธ..และเธอก็โกรธที่ไม่มีใครรับเธอสักคนยอมรับ...เธอคงรับไม่ได้ที่ท้องไม่มีพ่อ!” นายกายพูดก่อนจะส่งมือที่มีคลิปวิดิโอให้บรรดาครูได้ดูและในคลิปนั้นก็มีหลายคนซะด้วยแถมดูกี้ไม่ได้โดนข่มขืนเลยเหมือน ผมเองยังทนดูไม่ได้เลยบรรดาครูก็ถึงกับหันหน้าหนีกันหมด

         “พอแล้วได้แล้วนายกาย...ถึงยังไงกี้ก็เป็นผู้หญิงนายไม่สมควรจะพูดจากแบบนั้น..เขาก็เป็นเพศเดียวกับแม่ของเธอนะกาย” ครูรัชนีวรรณถึงกับกดปิดเพราะรับไม่ได้ตรงนี้ทั้งคลิปวิดิโอและสิ่งที่นายกายพูดออกมา

         “แล้วเรื่องที่นายให้กี้เอาขวดน้ำที่ผสมอะไรก็ไม่รู้ไปให้โป้งและปันปันละ “ ครูอครชัยถามนายกาย

         “อีกแล้วเหรอกี้...โธ่เอ้ย..กี้เขาโกรธที่ปันปันนะปฏิเสธเขานะครับกี้เขาชอบปันปันแต่ปันปันดันไปรักกับโป้งกี้เลยโกรธ กี้เขามาปรึกษาเรื่องนี้หลายรอบแล้วแต่ผมก็บอกได้แค่ว่าผมช่วยไม่ได้” นายกายพูด

         “ไม่จริงอะพี่นั้นแหละที่ให้กี้เข้าไปตีสนิทกับพี่ปันปันต่างหาก” กี้ลุกขึ้นพูด

         “เธอเป็นคนนัดโป้งให้ออกมาเพื่อจะให้ติดต่อปันปันให้ไม่ใช่เหรอกี้...กี้ไม่เอานะ” นายกายปฏิเสธท่าเดียวเลย ส่วนกี้ก็ได้แต่ยืนหน้าซี้ด นายอั๋น และนายเอกก็ถูกเรียกมาด้วยเช่นกัน

         “กี้เธอมีอะไรจะพูดอีกไหม” ครูรัชนีวรรณถามกี้ เธอได้ยืนร้องไห้เสียใจ ผมเข้าใจเธอนะเธอคงเสียใจ เสียใจที่เธอทุมเทให้กับคนที่ไม่เคยเห็นค่าเธอเลยแม้แต่น้อย

         “ครูจะให้พ่อผมมาเรื่องไร้สาระของผู้หญิงที่พยายามเรียกร้องให้ใครต่อใครมารับผิดชอบอย่างนั้นเหรอครับ”

         “แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่มั่นใจเลยว่าใครคือพ่อของเด็กกันแน่ๆ” นายกายพูด กี้ถึงกับทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ ทุกคนอึ่งไปหมดแม้กระทั้งผมเองก็เช่นกัน

         “เราไม่มีหลักฐานอะไรกี้คงต้องรับไปเต็มๆ ครับครูเขม” ครูอครชัยพูด ผมหันไปมองกี้และผมก็อดสงสารไม่ได้ เพราะว่าแค่เธอตั้งครรภ์ในโรงเรียนก็แย่แล้วนี้ต้องมาเป็นแพะรับแทนนายกายอีกเรื่องเอาอะไรก็ไม่รู้ใส่ไปในขวดน้ำให้ปันปันและโป้งดื่ม 

         “คงจะหมดข้อกังขาใดๆของผมแล้วใช่ไหมครับ..ว่าผมคงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทุกเรื่องแม้กระทั้งเรื่องกี้ และเรื่องโป้งกับปันปัน “นายกายพูดเขาเดินออกไปทันที

         “ครูคงไม่โทรให้พ่อผมมาเสียเที่ยวเล่นหรอกนะครับพ่อผมนะเป็นถึงผู้กำกับฯอย่างน้อยแกรงใจพ่อผมหน่อยก็ดีนะครับครู...” นายกายพูดพร้อมกับหันมาทางผม

         “ผมขอตัวนะครับ” นายอั๋นพูดพร้อมกับเดินออกเช่นกัน ผมได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาตลอด พ่อแม่ของกี้เดินทางมาถึงแล้วและตรงเข้ามายังห้องประชุมทันที ทันที่พ่อของกี้เข้ามาถึงเขาก็ตรงไปหาลูกสาว

         “ฉาด!” เสียงดังสนั่น ฝามือที่ปะทะกับแก้มเนียนๆอาบไปด้วยน้ำตา

         “ทำไมแกถึงได้ทำระยำแบบนี้กี้..ฉันให้แกมาเรียนนะกี้ ..ทำไมถึงไม่ตั้งใจเรียน..” พ่อของกี้พูด

         “คุณคะพอเถอะค่ะ” ผู้หญิงที่มาด้วยวิ่งเข้ามาโอบกอดกี้ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นแม่หรือเปล่า กี้ได้แต่ร้องไห้เสียใจไม่พูดอะไร มีแค่ผู้หญิงคนนั้นที่โอบกอดปลอยโยน ผมรีบเดินออกจากห้อง ผมเห็นนายเอกยืนอยู่หน้าห้องยังไม่กลับไปเข้าห้องเรียนสีหน้าที่กังวล ผมรู้ว่าเขาคือหนึ่งในคลิป เขายกมือไหว้ผม ผมพยักหน้าให้เขาก่อนจะรีบสาวเท้ากึ่งวิ่งกึ่งเดินเพื่อไปให้ทันนายกาย

         “กายหยุดเดี๋ยวนี้..ครูบอกให้เธอหยุด!”

         “ครูบอกให้เธอหยุดไงนายกาย!!!”

         “นายกาย!” ผมตะคอกเสียงดัง

         “นายไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย ...นายมันไม่น่าจะสวมกางเกงหรอกนะกาย” ผมพูดประโยคนี้นายกายถึงกับชะงักและหันมามองผมสายตาที่บอกได้ว่าเขาโกรธผมมาก

         “ครูไม่มีสิทธิ์มาปากดีว่าผม..” นานกายตะคอกเสียงดังใส่ผม ผมห่าได้แคร์ไม่ ผมยังยืนมองหน้าเขา

         “นายเป็นคนทำทุกอย่างแต่นายกับโยนให้ผู้หญิงตัวเล็กๆรับ นายคิดว่านี้คือสิ่งที่สุภาพบุรุษเขาทำกันหรือไง” ผมถามนายกาย

         “ครู..” นายกายตรงดิ่งมา

         “มึงอย่าคิดแม้แต่จะต่อยครูเขม...” โป้งคงยืนดูเหตุการณ์อยู่เพราะว่าชั้นที่ผมหยุดคุยกับนายกายนะมัน ป็นชั้นของนักเรียนชั้นม.5 และ ม.6 และไม่ใช่เฉพาะโป้ง ปันปัน อาร์ทและโจ้ และนักเรียนคนอื่นอีกนักเรียนเหล่านี้เป็นเพื่อนเล่นบาสเก็ตบอลของคริสโตเฟอร์ด้วย  และนี่ก็ทำให้นายกายต้องถอยหลังออกจากผม ส่วนนายโป้งก็ทำท่าจะเข้าไปใส่นายกายเช่นกันผมต้องรีบยกแขนขึ้นมากั้นนายโป้งไม่ให้ทำเรื่องเพิ่มอีกไม่อย่างนั้นวันนี้ยาวอีกแน่ๆ นายกายเองก็ยืนมองแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลยเพราะเขารู้ว่าผมต้องห้ามนายโป้งไม่ให้ทำแบบนั้นแน่นอน

         “อย่ามายุ่งกับผมครู...ไปทำหน้าที่ของตัวเองดูแลผัวตัวเอง....และคอยระวังมันไว้ให้ดีก็แล้วกัน ...มันอาจจะไม่ได้จบอย่างที่ครูต้องการแน่ๆ “ นายกายพูดเชิงกระซิบกับผมก่อนจะเดินออกไปทันที ผมหันมาพยักหน้ากับโป้งว่าพอได้แล้วนายอั๋นก็เดินตามนายกายลงไปเช่นกัน

         “ครู...มีอะไรเรียกพวกผมได้เลยนะครับ” อาร์ทพูด ผมพยักหน้าก่อนจะรีบเดินกลับขึ้นไปฟังผลต่อว่ายังไง ผมเดินกลับเข้าไปในห้องประชุม เห็นผู้หญิงคนนั้นกอดกี้ไว้เพื่อปลอบโยน

         “พอเถอะคะคุณฉันรู้ว่ากี้คงไม่อยากให้มันเกิดขึ้นหรอก”

         “ผมขอรับผิดชอบกี้ครับ ผมขอรับผิดกี้ ..ผมเป็นพ่อเด็กเองครับ ...” นายเอกรินทร์ออกมารับผิดกี้

         “นายนี้นะพ่อของเด็กในท้องลูกสาวฉัน...ทำไมนายไม่คิดให้ดีก่อนจะรักจะชอบกันนะไม่มีใครห้ามแต่นี้มันสมควรไหม” พ่อของกี้เกือบจะบันดาลโทสะใส่นายเอกรินทร์เช่นกัน

         “ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องให้ออกจากโรงเรียนทั้งคู่” ครูอครชัยพูด

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.29.2ครูเขมที่คอยปกป้องนักเรียนดีดีอีกแล้ว2
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 25-09-2020 09:55:04
 EP.29.2 ครูเขมX คริส หน้าที่ครูที่คอยปกป้องนักเรียนดีดีอีกแล้ว(ครึ้งหลัง)
   
         “เดี๋ยวนะครับครูอย่าเพิ่งซิครับ ..ผมรู้ว่ามันผิดมากที่เธอตั้งครรภ์แต่ยุคนี้แล้วไม่น่าจะใช้มาตราการให้เด็กลาออกเพราะตั้งครรภ์เลยนะครับและที่สำคัญทั้งคู่จะจบแล้วอีกแค่ไม่กี้เดือนเอง กี้นะจะจบม.3 ส่วนเอกก็กำลังจะจบม.6 “ ผมพูดแย้งขึ้นทันที

         “แล้วครูจะให้เด็กนั่งเรียนทั้งที่ท้องก็โตขึ้นทุกวันอย่างนั้นเหรอคะครูเขม” ครูรัชนีวรรณ พูดขึ้น

         “แล้วครูจะให้เด็กออกไปทำอะไรละครับ..ให้เขาได้เรียนต่ออีกสักหน่อยเถอนะครับครู..ผมก็ไม่ได้สนับสนุนให้เด็กตั้งครรภ์ในวัยเรียนกันแต่ผมสนับสนุนให้เด็กได้เรียนหนังสือครับ” ผมพูดและมองครูทุกคนที่อยู่ในห้องนี้

         “ส่วนเรื่องตั้งครรภ์ อันที่จริงมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติ เราควรจะสอนให้เด็กได้รู้จักป้องกันอย่างถูกวิธีเพราะว่าเรื่องเหล่านี้มันใกล้ตัวพวกเขา และ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบในนี้ในวัยที่ไม่พร้อม..แบบนี้” ผมพูดกับบรรดาครูทุกคน

         “ในเมื่อเขาพล้าดมาแล้ว เราก็ควรจะหาวิธีให้เขา ช่วยเขา ได้เรียนจนจบ ไม่ใช่ปล่อยเขาไปเคว้งคว้างแบบนั้น “ ผมพูดและมองไปยังกี้และเอก ที่นั่งก้มหน้า

         “อย่างน้อยถ้าเขาสองคนเรียนต่ออีกสักหน่อยจน เขาก็จะได้หางานทำเลี้ยงดูลูกที่จะเกิดมาได้ นะครับครู" ผมพูดบรรดาครูหันไปมองหน้ากัน

          “แต่ถ้าครูไม่เห็นด้วยและยืนยันจะให้เด็กทั้งสองคนออก ผมถามหน่อยว่าเขาสองคน จะออกไปทำอะไรละครับอยู่บ้านเฉยๆ อย่างนั้นเหรอครับ ” ผมหันไปพูดกับผู้ปกครองของกี้

         “สู่ให้เขามานั่งเรียนให้จบไปและต่อไปเขาจะไปเรียนต่อหรือว่าจะหยุดแค่นี้ก็แล้วแต่เขาสองคน “ ผมพูดและมองอาจารย์ทุกคนเพื่อขอความเห็นใจให้เด็กสองคนนี้ ถึงผมจะไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวก็ตาม

         “ลินดาเห็นด้วยกับครูเขมนะคะ” ครูลินดายกมือขึ้นและลุกขึ้น

         “ถาวรก็เห็นด้วยคะยังไงก็แค่ไม่กี่เดือนกี้ก็จะจบแล้วนะคะส่วนนายเอกก็ใกล้จะจบม.6 แล้วทั้งคู่จะได้มีวุติเพื่อจะไปสมัครงานหรือทำอย่างอื่นได้ “ ครูถาวรพูด ครูคนอื่นก็พยักหน้าเห็นด้วยบางก็ยังไม่แน่ใจว่าควรจะเห็นด้วยดีไหม

         “ดิฉันเห็นด้วยคะ..ดิฉันเองก็เคยเป็นเหมือนกี้หมดอนาคตแค่เพราะว่าดิฉันตั้งครรภ์ในวัยเรียนแต่กว่าจะได้กลับไปเรียนก็ช้าเกิน..คุณคะให้กี้เรียนต่อเถอะนะคะ ดิฉันจะเป็นคนมารับมาส่งแกเอง” ผู้หญิงคนที่นั่งข้างๆเธอพูดและโอบกอดกี้ที่ร้องไห้เสียใจกับสิ่งที่เขาได้กระทำลงไปแต่มันคงย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีก

         “ว่าไงละกี้เธอจะเอายังไง” ครูรัชนีวรรณหันไปถามกี้

         “ฮือๆ...” กี้ได้แต่ร้องไห้พูดอะไรไม่ออก

         “ผมก็เห็นด้วยกับครูเขมนะครับ...ผมคิดว่าให้เด็กเรียนต่อจนจบ พอกี้จบก็จวนจะใกล้คลอดหลังจากนั้นก็แล้วแต่คุณพ่อคุณแม่แล้วกันส่วนนายเอกนี้ก็จะได้จบม.6 เช่นกัน อย่างน้อยถ้านายเอกจะทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวเขาก็ยังพอมีช่องทางในกาทำมาหากินได้ “

         “ส่วนเรื่องจะรับผิดชอบกันยังไงผมคิดว่านายเอกควรจะให้พ่อแม่ไปคุยกับทางคุณพ่อคุณแม่ของกี้นะครับ” ท่านผู้อำนวยการสนับสนุนอีกคน

         “ผมคิดว่ากี้คงไม่อยากให้ทุกอย่างออกมาเป็นแบบนี้หรอกนะครับคุณพ่อ...ผมรู้ว่าคุณพ่อเสียใจแต่...มันเกิดขึ้นแล้ว...ตอนนี้ควรจะดูแลกี้และเด็กในครรภ์ให้ปลอดภัยจะดีกว่าไหมครับ” ผมพูดขั้น พ่อของกี้ได้แต่ยืนเงียบเขาคงเสียใจมากไม่แพ้กัน พอผมพูดพ่อของกี้ก็หันไปมองกี้ที่เอาแต่นั่งร้องไห้

         “พ่อกี้ขอโทษ..กี้ขอโทษ..ที่กี้ทำเพราะว่าพ่อไม่สนใจกี้พอพ่อกลับมาก็สนใจแต่แม่ใหม่..กี้..กี้เลย ...ฮือ” กี้เธอร้องไห้พร้อมกับเปิดใจพูดสิ่งนี้ขึ้นมาผมถึงได้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แม่ที่แท้จริงของเธอ

         “กี้...พ่อนะตั้งใจทำงานเก็บเงินให้ลูกพ่อ....เพื่อจะได้เรียนสูงๆ..และทำไมพ่อจะไม่รักกี้พ่อรักกี้ซิ พ่อเฝ้าถนอมเจ้าตั้งแต่เท้าเท่าฝาหอยนะกี้”

         “เอาละครับคุณพ่อ....เอาเป็นว่าผมจะให้กี้เรียนให้จบม.ต้นและนายเอกก็เรียนให้จบม.6 ส่วนพ่อแม่นายเอกก็ติดต่อให้เขามาคุยกับพ่อแม่ของกี้ซะ” ผู้อำนวยการเป็นตัดสินให้และทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย

         “พ่อแม่นายเอกเขาทำงานอยู่ต่างประเทศทั้งคู่นะครับ”ผู้อำนวยการพูด ผมพยักหน้ารับทราบ

         “ก็ได้ค่ะแต่อีกเรื่องหนึ่งที่คงจะต้องให้กี้ทำต่อไปไม่ได้” ครูนิดลุกขั้นพูด

         “ดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งคงต้องหาคนแทน..ในเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้วคงจะให้กี้ทำหน้าที่ตรงนี้ไม่ได้จริงๆ กี้เธอคงเข้าใจใช่ไหมที่ครูพูดนะ” ครูนิดพูดบรรดาครูทุกคนพยักหน้าเห็นพองกัน ผมก็คงต้องยอมรับว่าเขาไม่ควรจะทำหน้าที่ตรงนี้ต่อไหนจะร่างกายที่ไม่เอื้อำนวยกอีกละ

         “ค่ะ...กี้ทราบค่ะ..ฮือๆ” กี้เธอพยักหน้ารับทราบ

         “ถ้าอย่างนั้นคุณพ่อพากี้กลับไปพักผ่อนก่อนแล้วกันนะคะ เออทางที่ดีพาเธอไปฝากครรภ์เลยก็ดีนะคะ เธอบอกว่าประจำเดือนขาดมาสองเดือนแล้ว” ครูลินดาพูด แม่ของเลี้ยงของกี้พยักหน้าและเธอก็พยุงกี้ลุกขึ้น พร้อมกับพากี้ที่ออกไปจากห้องประชุม ส่วนนายเอกก็พยายามเข้าช่วยพยุงกี้แต่พ่อของเขาก็หันมามองด้วยตาที่ไม่พอใจยิ่งหนัก

         “คุณ...ยังไงเขาก็เป็นพ่อของเด็ก ..มาซิมาพยุงกี้” แม่เลี้ยงของกี้พูดนั้นแหละพ่อของกี้ถึงได้หลบให้นายเอกเข้าไปดูแลกี้ได้

         “วันนี้วันเดียวมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ...นี้มันอะไรกัน..ผมคิดว่าเราควรจะปรับแผนการรับมือกันใหม่ดีไหมครับคุณครู” ผู้อำนวยการพูดขึ้น

         “ผมคิดว่าย้ายโรงเรียนหนีดีกว่าครับท่าน..เพราะว่าเด็กที่นี้เกรียนเหลือเกิน” ครูโจ้พูด

         “ถ้าพ้นชุดนายกายไปก็คงไม่มีเกรียนแล้วแหละมั้งครับ” ครูอครชัยพูดขึ้น

         “ใครบอกปีหน้าน้องชายนายกายก็จะเข้าเรียนที่นี้พ่อเขาโทรมาบอกจะฝากลูกชายคนเล็กเรียนที่นี้ด้วย” ผู้อำนวยการพูดนายกายนี้ยังมีน้องอีกเหรอ

         “เอานะพยายามให้นายกายเรียนให้จบไปก่อนเถอะค่ะ ไม่อย่างนั้นพ่อนายกายคงได้อาระวาดเพราะว่าอับอายลูกชายเรียนไม่จบนะคะท่านผอ.” ครูนิดพูด

         “ครูเขมครับ ผมจะจัดการเรื่องโป้งกับปันปันให้นะครับ ไม่ให้เด็กมีประวัติเสีย” ครูอครชัยพูด

         “ขอบคุณนะครับครูชัย ผมไม่อยากให้เด็กดีดีอย่างนายโป้งและปันปันต้องมาประวัติเสียนะครับ เพื่อว่าเด็กสองคนนี้อาจจะมีช่องทางที่ดีในอนาคต” ผมพูด ผมไปยืนดูนายโป้งเล่นบาสเก็ตบอลแล้วรู้สึกว่าเขามีพรสวรรด์นะควรจะไปได้สวยด้านนี้

         “ถ้าอย่างนั้นแยกย้ายไปดูนักเรียนกันเถอะครับป่านนี้คงเล่นกันสนุกสนามแล้วมั้งครับ แมวไม่อยู่หนูร่าเริงกันใหญ่แล้วครับ” ผู้อำนวยการพูด ครูทุกคนพากันลุกขึ้น

         “ครูเขมครับ” ผู้อำนวยการเรียกผมไว้

         “ครูคงต้องดูแลนายคริสมากหน่อยนะครับ..ดูท่านายกายนี้จะไม่ยอมปล่อยครูกับคริสโตเฟอร์แน่ๆ ผมไม่รู้เหตุผลหรอกนะว่าเพราะอะไร” ท่านผู้อำนวยการพูด ผมก็ส่ายหัวอีกคนไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร

         “อดทนหน่อยอีกแค่ไม่กี่เดือนนายกายก็จะจบแล้วให้เขาจบๆไป ผมไม่อยากมีปัญหากับพ่อเขาหนักหรอก...พ่อเขานะรักลูกแต่รักลูกในทางที่ผิด”

         “ถ้าอันไหนให้คริสโตเฟอร์เลี่ยงได้เลี่ยงซะนะครับครู “ ผู้อำนวยการพูดก่อนจะเดินออกไปผมก็เดินตามออกมา ระหว่างที่เดินออกมาผมคิดว่าผมจะรอเวลาไม่ได้แล้วแหละผมต้องจัดการสมัครสอบให้คริสโตเฟอร์เขาจะได้เข้ารับการ

         หลังจากที่แยกย้ายกันจากห้องประชุมผมเดินลงมาที่ห้องพักครูตอนนี้เป็นเวลาเลิกเรียนแล้วระหว่างทางที่เดินผมได้ยินเด็กๆพูดคุยกันถึงเรื่องกี้ตั้งครรภ์ในโรงเรียนเป็นที่โจทย์จันกันอีกคงต้องใช้เวลาหลายอาทิตย์เลย

         “พี่เขม” เสียงคริสโตเฟอร์

         “ครูเขม” ปันปันและโป้ง ต่างพากันวิ่งมาหาผม คงจะถามเรื่องที่เกิดขึ้น ผมหันไปมองทั้งสามคน

         “เรื่องโป้งกับปันปันโอเคแล้วนะที่หลังก็ระวังหน่อย”

         “ไอ้กายใช่ไหมครับพี่เขม..เออ..ครูเขม” คริสโตเฟอร์ถามผม

         “เราไม่มีหลักฐานเรื่องนายกายแต่คนที่ต้องรับคือกี้..และตอนนี้กี้ก็โดนเรื่องคะแนนความประพฤติและไหนเธอจะตั้งครรภ์อีก..ต่อไปพวกเธอก็ระวังกันหน่อยนะ”

         “ส่วนนายกายนี้ก็อดทนกันนิดหนึ่งไม่นานก็จะจบแล้ว” ผมพูดกับทั้งสามคน

         “เจ็บใจจริงๆเลยอะครู...มันทำผมสองคนขนาดนี้แต่มันยังไม่มีหน้ามาเดินลอยนวลได้อีก..ผมว่ารอให้กฏหมายคงไม่มีประโยชน์ใช่ไหมครู” โป้งพูด

         “โป้งคิดถึงพ่อและแม่เราไว้อย่าเอาอนาคตตัวเองไปเสี่ยงและครูคงผิดหวังถ้านายทำแบบนั้นทั้งนี้ครูการันตีนายสองคนนะ” ผมพูดทั้งคู่มองหน้าผมพร้อมกันพยักหน้า

         “วันนี้มีเรื่องมากมาย โป้งกับปันปันไม่ต้องเรียนพิเศษได้นะวันนี้” ผมบอกสองคนนั้นดูท่าอยากจะพักบ้างเพราะว่าโป้งก็วุ่นวายกับพ่อที่โรงพยาบาล

         “วันนี้เรียนพิเศษต่อนะและพี่จะติวเราเพิ่มพร้อมกับลงทะเบียนให้เราจะได้ไปสอบซะพี่ว่าเราพร้อมแล้วแหละ” ผมพูดคริสโตเฟอร์พยักหน้าให้ผมเขาเดินตามพวกโป้งและปันปันไป ผมได้แต่ยืนมองคริสโตเฟอร์ ผมคิดว่าผมต้องรีบแล้วเพราะว่าผมละกลัวเหลือเกินกลัวนายคริสและโป้งจะทำอะไรผลีผลามลงไป ขณะที่ผมกำลังเก็บหนังสือให้เรียบร้อยผมเหลือบตามองไปที่อิเมลที่ผมเปิดค้างไว้ที่หน้าจอ มีอีเมลส่งมาหาผม ผมรีบเปิดดู เป็นข้อความจาก Postmaster@outlook นั้นแปลว่า อิเมลไม่ได้ถูกส่งออกแสดงว่ามีบางสิ่งที่ผิดพลาด อาจจะเป็นที่อยู่อิเมลที่ไม่ตรง แล้วทีนี้ผมจะทำยังไงดีละ ผมจำได้แม่ของคริสโตเฟอร์เขียนที่อยู่ที่เพิร์ทให้ผมเพราะว่าแม่ใช้ที่อยู่นั้นตอนยื่นขอวีซ่า และผมได้นามบัตรพี่เก๋ พี่ที่ผมเจอที่วัดด้วยนิ เขาให้แม่ผมไว้ ผมรีบหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาและผมก็หยิบมันออกมา คงเป็นทางเดียวแล้วแหละ ผมตัดสินใจโทรหาพี่เก๋ทันที ตอนนี้เกือบจะ บ่าย 3 โมงครึ้งแล้ว ที่ออสเตรเลียก็น่าจะ เที่ยงพอดี เวลาที่ออสฯจะถอยหลังไป3ชั่วโมง

         “ฮัลโล” เสียงทักทายออกสำเนียงภาษาอังกฤษดังมาในมือถือผม
       
  “สวัสดีครับนี้เบอร์พี่เก๋ใช่ไหมครับ”
       
 “สวัสดีค่ะ คนไทยเหรอคะ เออ นั้นใครพูดกับพี่เก๋คะ”

         “ผมเขมชาติครับ ผมเป็นลูกชายคนเล็กของพ่อพิทักษ์ที่เคยเป็นนักการทูตที่ออสเตรเลียนะครับพี่เก๋ และผมก็เจอพี่ที่วัดตอนไปทำบุญนะครับ พี่จำผมได้ไหมครับ” ผมพูด

         “อ้อพี่จำน้องได้ค่ะ แต่ชื่อนะพี่เก๋ขอโทษจริงๆ พี่จำไม่ได้นะคะ”

         “ผมชื่อเขมครับพี่เก๋”

         “อ้อเขม ว่าไงคะ โทรหาพี่มีอะไรให้ช่วยเหรอคะ”
         
         “ก่อนอื่นต้องขอโทษพี่เก๋ผมไม่แน่ใจว่าจะรบกวนเวลาทานอาหารเที่ยงพี่หรือเปล่า ”

         “ไม่เป็นไรคะเขมพี่สะดวกคุยค่ะ  ว่าแต่น้องเขมมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”

         “ผมมีครับ ผมมีลูกศิษย์ที่เขาต้องการตามหาพ่อของเขานะครับพี่เก๋ พ่อของเขาเป็นคนออสเตรเลีย แต่ตอนนี้น้องอยู่ไทยครับ น้องจะ17ปีแล้วครับ น้องเคยอยู่ออสเตรเลียตอนอายุ2ขวบถึง9ขวบครับพี่เก๋ และพอน้องกลับมาไทยก็ไม่ได้ติดต่อพอของเขาเลยจนตอนนี้ครับ”

         “ตายตริง นานพอสมควรนะคะ พ่อนี้ก็ใจร้ายเหลือเกิน แล้วน้องอยู่กับใครคะตอนนี้”

         “น้องอยู่โรงเรียนประจำที่เขมสอนอยู่นะครับพี่เก๋ ส่วนแม่ของน้องเขาแต่งงานใหม่และไปอยู่ที่ภูเก็ตครับ “

         “มีที่อยู่ไหมคะเขม พี่ช่วยหาให้ได้ พี่นะเคยคนที่ต้องการตามหาคนไทยในออสเตรเลียนะ ขอที่อยู่ให้พี่แล้วกัน เพราะว่าเพื่อนพี่มีทุกรัฐเลย พี่ทำงานกับองค์กรที่ช่วยเหลือคนไทย พี่เลยต้องติดต่อคนเยอะคะเขม” พี่เก๋พูด คนฟังอย่างผมยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง

         “มีครับ เดี๋ยวนะครับพี่เก๋ แม่ของน้องบอกว่าเขาเคยอยู่ที่เพิร์ทนะครับพี่เก๋”

         “เขมพี่เพิ่งย้ายมาจากพิร์ทได้ 3ปีแล้วค่ะ แต่พี่มีเพื่อนอยู่ที่นั้นค่ะ” พี่เก๋พูด

         “48 XXXXX AVE เพิร์ท ครับพี่เก๋”

         “เขม! ล้อพี่เล่นหรือเปล่าค่ะ ที่อยู่นี้ มันเพื่อนบ้านพี่เลยนะคะ พี่นะเช่าบ้านเขาอยู่ค่ะตอนนั้น เพราะแฟนพี่ทำงานเกี่ยวกับทำถนนค่ะน้องเขม”

         “จริงเหอรครับพี่เก๋ “

         “เข้าน่าจะเป็นคนอิตาลี่นะคะ พี่จำนามสกุลเขาไม่ได้หรอกค่ะ แต่เจ้าของบ้านอายุเยอะแล้วค่ะ ตอนนั้นก็น่าจะ เกือบแปดสิบแล้วนะค่ะ เขามีลูกตอนอายุเยอะนะพี่คิดว่า “

         “พี่ไม่เคยเจอลูกชายเขานะเจอแต่ลูกสาว แต่นานๆมาที มาแค่ช่วงเทศการคริสมาสนะคะ แกขี้บ่น พี่อยู่บ้านติดกันยังโดนเลยค่ะ ที่หนักสุดนะ พี่โดนแจ้งตำรวจแกหาว่าพี่ซ้อนศพไว้ในบ้านค่ะ “

         “จริงเหรอพี่เก๋”

         “จริงค่ะ แต่พี่นะ ..พี่ต้มปลาร้าค่ะ คิกๆ” พี่เก๋พูดผมก็พยักหน้ามันคงกลิ่นแรงเหมือนมีศพนะพี่นะ

         “พี่ไม่เคยเห็นลูกชายเลยนะ จนกระทั้งพี่ก็ย้านบ้านค่ะ เพราะว่าพี่ไม่ค่อยชอบ เมืองที่พี่อยู่นะใกล้จากตัวเมืองเพิร์ทและมันก็หางานยากมากค่ะ และพี่สำคัญ Aboriginal People บางกลุ่ม บางคนบ้างที่วันๆเอาแต่ดื่มเหล้าไม่ทำงาน ชอบมาลักเล็กขโมยน้อยค่ะและแฟนพี่นะทำงานส่วนใหญ่กลางคืนค่ะ พี่อยู่บ้านกับลูก พี่กลัว และแฟนได้ขอนายไปอยู่ที่สบายหน่อย พี่ก็เลยรีบย้ายค่ะ แต่ไม่เป็นไรเขมพี่มีเพื่อนนะ พี่ไม่แน่ใจว่าเพื่อนพี่มันเช่าบ้านหลังไหนอยู่แต่น่าจะใกล้ๆ กับที่พี่อยู่ เพื่อนพี่เขาก็จะย้ายเร็วๆนี้ เขาซื้อบ้านอีกเมืองไว้ค่ะ “ พี่เก๋พูด

         “ถ้าอย่างนั้นผมรบกวนทีครับพี่เก๋ เพราะว่าผมส่งอิเมลที่ผมเจอในจดหมายที่เขาเขียนหาพ่อผมแล้วมันส่งไปไม่ได้นะครับ ผมรบกวนทีนะครับพี่เก๋ น้องจะได้เจอพ่อครับ”

         “ได้เลยพี่จะโทรบอกให้เพื่อนพี่ไปดูนะ บ้านเลขที่นั้นว่ายังมี่คนอยู่ไหม “

         “ถ้ายังไงพี่จะติดต่อกับเขมด่วนที่สุดนะ พี่อยากให้น้องได้เจอพ่อ” พี่เก๋พูด

         “ขอบคุณมากๆเลยครับพี่เก๋ “

         “ยินดีค่ะเขม เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะเขมพี่จะได้โทรหาเพื่อนพี่เลย “
         
         “ครับพี่ บายครับ” ผมพูดและผมก็กดว่างสาย

         ระหว่างที่ผมกำลังนั่งตรวจการบ้านอยู่นายคริสโตเฟอร์ก็เดินเข้ามาหาผม ผมว่าจะเดินไปบ้านพักด้วยกัน ผมต้องติวพิเศษให้คริสโตเฟอร์กันวันนี้

           “กลับหรือยังอะพี่เขม” คริสโตเฟอร์ถามผม ผมพยักหน้าและหยิบสมุดการบ้านใส่กระเป๋าผ้าเพื่อจะนำไปตรวจการบ้านเด็กที่บ้านพักครูสักหน่อย คริสโตเฟอร์ก็หยิบขึ้นมาถือให้ผม และผมสองคนก็เดินออกไปพร้อมๆกัน

                       “ขอบคุณนะครับพี่เขมที่ช่วยโป้งกับปันปันวันนี้” คริสโตเฟอร์พูด ผมก็ยิ้มให้ ถึงยังไงผมก็ต้องช่วยเพราะเชื่อว่าเขาสองคนเป็นคนดี ไม่น่าจะต้องมามีมลทินเพราะเรื่องแบบนี้ ทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย

                       “ต่อไปนี้ทุกคนต้องระวังตัว โดยเฉพาะเรานะ “

                       “ไอ้โป้งมันบอกผมแล้วพี่เขมว่าไอ้กายมันพูดอะไรกับพี่เรื่องผม ผมไม่อยากทำให้พี่เขมเดือดร้อน” ผมพูด

                       “แล้วเราไปทำอะไรให้เขาละ เขาถึงได้โกรธมากขนาดนี้” ผมถามคริสโตเฟอร์ คริสมองหน้าผม

                       “คงเป็นเรื่องแข่งรถนะพี่เขม “ คริสโตเฟอร์พูด

                       “ก่อนที่ผมจะถูกพักการเรียน ผมไปรับคำท้าแข่งรถกับไอ้พี่กาย ไอ้พี่อั่น แต่ไอ้พี่เอกไม่ได้ไป ส่วนผมก็มีไอ้โป้งไปด้วย ด้วยเงินรางวัลหนึ่งหมื่นบาท” คริสโตเฟอร์พูด

                       “และดันซวย มีคนโทรแจ้งตำรวจ เป็นรุ่นพี่นี้แหละและคนที่ออกมาตามจับก็เป็นพ่อพี่กาย และนั้นมันก็ทำให้ไอ้พี่กายโดนพ่อมันด่าและพ่อพี่กายก็คงเสียหน้าที่ต้องประกันลูกตัวเองออกจากคุกข้อหาแข่งรถบนท้องถนน” คริสโตเฟอร์บอกผม

                       “ผมสองคนไม่รู้ว่าใครโทรแจ้ง เพราะว่าผมกับไอ้โป้งก็โดนจับไปด้วย แม่ผมลงมาประกันตัววันรุ่งขึ้นทันที” คริสโตเฟอร์พูด

                       “แต่เรื่องมันแย่ไปกว่านั้น ผมมีปากเสียงกับไอ้พี่กาย มันด่าผมถึงพ่อแม่ผมและผมก็บรรดารโทสะต่อยมันจน มันสลบอ่ะพี่เขม และนั้นผมก็โดนพักการเรียน”

                       “แต่ผมไม่แน่ใจว่า มันแคนผมเรื่องเชอรี่ด้วยไหม แฟนเก่าผมนะพี่เขม พี่กายมันจีบเชอรี่แต่เชอรี่เขาเลือกผมอ่ะตอนนั้น และน้องเขาก็สวย เป็นดรัมเมอเยอร์ ผมก็ชอบนะ “คริสโตเฟอร์พูดและหันมามองหน้าผม

                       “แต่ตอนนี้ ชอบคนหล่อมากกว่า” คริสโตเฟอร์หันมาบอกผม ผมพยักหน้า น่าจะใช้

                       “นายนี้มีเรื่องเยอะเหมือนกันนะกับนายกายนะ”

                       “พี่เขม มันวัยคะนอง แต่ถ้าย้อนเวลาไปได้ผมจะไม่ทำนะ ถ้าผมรู้ว่าอนาคตผมจะมาเจอกับพี่และพี่ก็จะได้ไม่ต้องมาเดือดร้อนไปกับผมด้วย แบบนี้” คริสโตเฟอร์พูดเขารู้สึกผิด

                       “วันนี้ออกไปซื้อะไรกินกันข้างนอกไหม พี่อาบน้ำก่อนและค่อยกลับมาติวกัน” ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์ขณะที่ผมสองคนเดินจนใกล้จะถึงบ้านพักครู

“พี่ว่าจะบอกเราอยู่นะพี่ลืมนะคริส อิเมลที่พี่ส่งไปตอนแรกนะมันไม่ผ่าน แต่พี่ได้โทรหาผู้หญิงคนหนึ่ง พี่เจอเขาตอนไปทำบุญครบรอบวันเสียชีวิตให้พ่อพี่ และเขาเคยอยู่ที่เพิร์ทมาก่อน แต่ว่า เขาย้ายออกมาแล้ว” ผมพูด คริสโตเฟอร์ยิ้มให้ผมแต่หุบทันทีหลังจากที่ผมบอกเขาย้ายออกไปแล้ว

           “แต่ว่าเขายังมีเพื่อนอยู่ที่นั้น เขาจะไปดูให้ และเขาก็ยังเป็นเพื่อนบ้านกับ..นอนน่าใช่ไหม ภาษาอิตตาเลียนนะที่เขาเรียกย่าหรือยายนะ”

           “นอนน่า ครับพี่เขม “

           “เขาบอกกับพี่ว่า ย่าเรานะเคยแจ้งตำรวจจับเขาเพราะว่าเขาต้มปลาร้ากลิ่นแรงมาก”

           “แม่ผมก็ทำ พ่อนี้บ่นประจำผมได้ยิน อย่าว่าแต่พ่อเลย ผมยังเหม็นเลยพี่ แม่เลยต้องไปต้มนอกบ้านโน้น ฮา” นายคริสโตเฟอร์พูด และขำแม่ตัวเอง

           “พ่อนี่ฉีดสเปรย์รอบบ้านเลยและยังเอาผ้าม่านไปส่งซักด้วย เท่าที่ผมจำความได้นะพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด ผมไม่อยากคิดภาพเลย ต้มปลาร้าในบ้าน ถ้าเป็นคนที่คุ้นเคยเช่นคนภาคอีสานเขาก็คงชินแล้วแต่นี้ต่างชาติแน่นอน ไม่ขออธิบาย เพราะว่าผมก็ทานไม่เป็นครับ ฮาๆ

                       “แม่ชอบกินอ่ะ ผมจะบอกแม่ประจำเลยไปกินไกลๆเลยผมไม่ชอบ” คริสโตเฟอร์พูด ผมเองก็ทานไม่เป็นเหมือนกัน

                       “เขาบอกกับพี่ว่าเขาจะให้เพื่อนเขาไปดูที่บ้านที่ย่าเคยอยู่ ไม่รู้ว่าตอนนี้เขายังอยู่ไหม พี่ภาวนาขอให้เขาได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง และนี้คือความหวังเดียวของเราคริส” ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์ ผมสองคนเดินขึ้นไปบนบ้านพักแล้ว ผมก็วางทุกอย่างไว้บนโต๊ะ คริสโตเฟอร์เข้าสวมกอดผมจากด้านหลัง มือไม้ก็พยายามดึงชายเสื้อออกมานอกกางเกงแสลคของผม

                       “อาบน้ำด้วยกันนะพี่เขม ผมอยากถูหลังให้พี่เขมอ่ะ  “ คริสโตเฟอร์ ยืนเอาคาวเกยไว้ที่ไหล่ผม เขาสูงทันผมจนได้และกำลังจะเลยผมไปอีกด้วยมั้ง เพราะนายคริสอายุยังไม่สิบแปดปีเลย

                       ผมสองคนก็เข้าไปอาบน้ำด้วยกัน ไม่ต้องถามนะว่าผมจะรอดไหม ไม่รอด โดนเด็กมันกดอีกแล้วในห้องน้ำ ทำไมช่วงนี้หื่นเหลือเกินเด็กเกรียนของผม หรือจะเป็นเพราะว่าฮอร์โมนของคริสเริ่มเปลี่ยนซะก็ไม่รู้ ส่วนผมก็แทบจะไม่ค่อยได้กดนายคริสเท่าไหร่ มันเหมือนกับว่าผมเริ่มมีความสุขกับการปรนเปรอของหนุ่มคนนี้มากกว่า เอ๊ะ! หรือว่าเขมจะเปลี่ยนสายไปแล้ว จากรุกกลายเป็นรับถาวรกันแน่         

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน ครูเขมX คริส EP.30 หมอภีมนัดครูเขม
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 25-09-2020 20:42:47
EP.30 ครูเขมX คริส  หมอภีมนัดครูเขม
                       
                 
                     
                  Partครูเขมชาติ หลังจากเกิดเรื่องตรวจผลตรวจปัสาสาวะของโป้งกับปันปันเป็นสีม่วงวันก่อนและผมก็หาสาเหตุได้และโชคยังดีสารที่ผสมอยู่ในน้ำมันเจือจางมากแต่ก็ทำให้ปัสสาวะเป็นสีม่วงได้  แต่คนที่ทำจริงๆผมกับหาหลักฐานมาหมัดมือไม่ได้นั้นคือนายกาย  ส่วนคนที่รับก็ต้องเป็นกี้หรือวิกานดา  กี้โดนหนังสือตักเตือนและโดนหักคะแนนความประพฤติแถมเธอยังโดนเพื่อนๆในโรงเรียนมองว่าเธอเป็นเด็กไม่ดีเนื่องจากเธอตั้งครรภ์ในโรงเรียน ผมรู้ว่านี้คือเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ แต่มันเร็วเกินสำหรับวัยอย่างเธอ ที่ยังต้องสนุกสนามกับเพื่อนๆ

                       หลังจากเหตุการณ์นั้น ครูทุกท่านรวมทั้งผมก็ได้พูดคุยกันอีกครั้ง เราจะมีการติดตั้งตู้ถุงยางอนามัยในโรงเรียน เพราะว่าเรื่องแบบนั้เราห้ามกันไม่ได้แต่ให้ความรู้และการป้องกันกับเด็กได้ ครูที่สอนวิชาเพศศึกษาจะทำการสอนให้นักเรียนรู้จักใช้และป้องกันอย่างถูกวิธี

                       และผมเองก็ได้เตือนให้โป้งและปันปัน อาร์ทและโจดูแลตัวเองอย่าไว้ใจใครง่ายๆ ผมให้พวกเขาอดทนเพราะว่านายกายก็ใกล้จะจบแล้วโดยเฉพาะคริสโตเฟอร์นี้แหละยิ่งเคยมีคดีชกต่อยกันมาอยู่หลายครั้ง ส่วนผมเองก็เข้าไปสมัครสอบให้คริสโตเฟอร์แล้ว ผมคิดว่าต้นเดือนธันวาคมนี้จะพาคริสโตเฟอร์ไปถยอยสอบครั้งละวิชาก่อน ไม่อยากให้สอบรวดเดียว  และในวันนี้ตอนเช้าก็ไม่มีอะไรมาก เพาะว่าวันนี้ก็เป็นงานสัปดาห์ภาษาอังกฤษอีกวันและวันนี้เป็นวันสำคัญของนายคริสโตเฟอร์ นายคริสโตเฟอร์จะขึ้นประกวดร้องเพลงสากล เขาบอกว่าเขาแอบซุ่มฝึกมาแต่ไม่ยอมบอกผมว่าเขาเลือกร้องเพลงอะไร


                       “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูห้องทำงานท่านผู้อำนวยการ ผมได้จัดทำเอกสารและรวบรวมกิจกรรมที่นายอนุชิตเข้าร่วมเพื่อจะนำเสนอชื่อของเขาเพื่อขอเข้ารับทุนการศึกษา ผมจะนำมาให้ท่ายผู้อำนวยการตรงจสอบซะก่อนที่ผมจะนำไปเสนอที่ศาลากลาง
 
                       “เชิญครับ”เสียงท่านผู้อำนวยการ ผมก็เปิดประตูเข้าไป ผมก็พบว่ามีบุคคลในเครื่องแบบติดยศระดับผู้บังคับการอยู่ในห้องทำงานท่านผู้อำนวยการ

                       “เออ ...เอาไว้ผมมาใหม่ดีกว่าครับ” ผมพูดทำท่าจะปิดประตูลง

                       “ไม่เป็นไรครับครูผมคุยธุระกันจบแล้ว” ผู้อำนวยการรีบบอกผม และคนที่สวมเครื่องแบบก็ลุกขึ้นเช่นกัน ผมจึงเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานท่านผู้อำนวยการ

                       “ผมรู้นะว่ากายมันเกเรแต่ผมขอให้กายเรียนให้จบเถอะนะครับ ถ้าผมย้ายไปก็เสียเวลาท่านคงเข้าใจนะครับ ..ผมลาละครับ ”คนนี้คือพ่อนายกายนั่นเอง เขามองหน้าผมแว๊ปหนึ่งก่อนจะเดินออกไป ผมก็นั่งตามที่ท่านผอ.ผายมือให้

                       “ครูทำเอกสารเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอครับ” ผู้อำนวยการถามผม ผมพยักหน้าและท่านก็เปิดซองเอกสารออกมาดู

                       “เอกสารครบถ้วนมาก ถ้าไม่ว่ากันผมจะยกหน้าที่ให้ครูเลยดีไหมครับ”

                       “เวลามีเรื่องเกี่ยวกับทุนการศึกษาสำหรับคนที่เรียนดีแต่ยังขาดทุนทรัพย์เข้ามาผมจะได้รีบตอบรับ...ผมเองก็อยากให้เด็กเรียนดีได้รับโอกาสทางการศึกษากันทุกคนนะครับครู “ ท่านผู้อำนวยการพูดพร้อมกับเปิดดูเอกสารและลงลายเซนต์ให้ผม และผมรับเอกสารนั้นกลับมาถือไว้

                       “ผมนี้ดีใจแทนเด็กๆที่นี้ที่ได้ครูดีดีเข้ามาเพิ่มอีกคน ครูบางครั้งก็ไม่ได้มีหน้าที่แค่สอนเท่านั่นแต่ครูยังมีหน้าที่ช่วยปูทางให้ไปถึงฝันอย่างที่เขาตั้งใจแต่จะมีสักกี่คนกันที่จะหันหลังกลับมามองครูผู้เสียสละในวันที่เขาไปถึงแล้ว” ท่านผู้อำนวยการพูด มันทำให้ผมคิดเหมือนกันว่า ผมก็คนหนึ้งที่ยังไม่มีโอกาสได้กลับไปหาครูที่ให้ความรู้เช่นกัน

                       “ผมเต็มใจที่จะทำครับท่านต่อให้ไม่มีใครเห็นสิ่งที่ผมตั้งใจผมก็ยังยินดีที่จะทำและผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมทำวันนี้มันจะทำให้เรามีผู้ใหญ่ที่ดีในวันข้างหน้าครับ”ผมพูดผู้อำนวยการเงยหน้ามองผมพร้อมรอยยิ้ม

                       “ท่านครับผมขอตัวไปส่งเอกสารที่ศาลากลสงจังหวัดก่อนนะครับ” ผมกล่าวขอตัวทันเพราะว่าถ้าไปช้าเดี๋ยวจะติดเที่ยง

                       “เชิญครับครู” ผมอำนวยการบอก ผมก็ลุกจากเก้าอี้เดินออกเตรียมไปหยิบกุลแจรถเพื่อจะนำเอกสารทั้งหมดที่ผมจัดทำเพื่ออนุชิตจะได้รับทุนการศึกษาไปมอบให้คณะกรรมการพิจารณาเบื้องต้นและเขาจะเรียกไปสำภาษณ์อีกที ผมภาวนะขอให้เขาได้ทุนเพื่อเขาจะได้มีกำลังใจในการเรียนต่อไป
           
                      หลังจากที่ผมนำเอกสารการขอรับทุนของอนุชิตยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ ณ ที่ศาลากลางจังหวัดเพื่อทำการคัดเลือกเด็กที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจำนวนสิบคนผมหวังว่าอนุชิตจะเป็นหนึ่งในนั้นนะ ถ้าหากว่าเขาเปิดใจให้สาเหตุที่ผมกังวลก็เป็นเพราะว่าพ่อของเขาติดคุกข้อหารับซื้อของโจรโดยรู้เท่าไม่ถึงการ

                       Rrrrrrr มือถือของผมดังขึ้น ผมหยิบขึ้นมาดูเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย ผมคิดว่าอย่างคนที่มีหวังอาจจะเป็นเบอร์ของใครสักคนที่ผมรอให้เขาติดต่อมา นั้นคือครูมิ้ง ผมรีบกดรับสายทันที ผมได้บอกกับพี่ต้นว่าหากเจอเขา และเขายังไม่ไว้ใจจะคุยกับพี่ต้นให้เบอร์ผมไปเพื่อว่าเราจะคุยกันได้ในฐานะครูเหมือนกัน แต่ว่า

                       “สวัสดีครับ”

                       “สวัสดีครับคุณครูเขมชาติ” เสียงที่ผมได้ยินครั้งเดียวก็จำได้ดีคุณหมอหนุ่มที่ดูแผลให้ผมวันก่อนตอนไปล้างแผลที่โรงพยาบาล นั้นคือนพ.ภีมปภพ

                       “สวัสดีครับคุณหมอภีมปภพ”

                       “ครูเขมชาติ ทราบชื่อผมด้วยเหรอครับ และทำไมถึงได้รู้ว่าเป็นพี่” คุณหมอหนุ่มทักด้วยความประหลาดใจ

                       “ผมดูจากในใบสังยานะครับมันระบุชื่อแพทย์ที่ให้การตรวจรักษาคับ ...เออ..ว่าแต่คุณหมอโทรหาผมมีเรื่องเร็งด่วนอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามคุณปลายสายทันที

                       “แผลเป็นยังไงบ้างครับ” บริการดีนะเนี๊ยะโทรมาถามอาการคนไข้ แต่ยังโชคดีที่คุณหมอไม่ได้โทรมาตอนที่คนข้างๆที่ค้อนข้างขี้หึงของผมอยู่ด้วย ไม่งั้นคงได้โดนทำโทษ คริสงอลมันก็ทำโทษผมแถมบนเตียงด้วย ผมงอลคริสก็ง้อผมบนเตียงอีก สรุปคือเขมโดนทั้งขึ้นทั้งล่องว่าอย่างนั้น แอบคิดและก็ยิ้มกริ่มเบาๆ

                       “ไม่เป็นอะไรแล้วครับขอบคุณนะครับที่โทรมาสอบถามอาการแต่แปลกนะครับซึ้งปกติคุณหมอคงไม่โทรหาคนไข้เพื่อถามอาการอย่างเดียวมั้งครับคุณหมอ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจปนขำเล็กน้อยกลับมุขแป๊กๆของคุณหมอ

                       “ครับผมยอมรับว่าไม่ใช่แค่สอบถามอาการคนไข้แต่ผมเออ...พี่ซิ...น่าจะเป็นพี่แล้ว...อยากคุยกับครูเขมนะครับ”ผมนิ่งเงียบไปชั่วขณะ อย่าบอกนะว่าจะถามเรื่องพี่ต้นนะ พี่ต้นเพิ่งจะบอกผมเมื่อวานว่าห้ามบอกเกี่ยวกับพี่ต้นกับคุณหมอแล้วเขมชาติจะทำได้ไหมยิ่งโกหกไม่เก่งอยู่ด้วย

                       “นะครับครูเขมผมขอร้อง...ตอนนี้ครูเขมอยู่ที่โรงเรียนหรือเปล่าครับ..ออกมาพบพี่หน่อยได้ไหมครับ” น้ำเสียงอ้อนวอนผมขนาดนี้

                       “ผมไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนครับ ผมออกมาที่ศาลากลางจังหวัดนะครับพี่หมอ” ผมบอกไปตามความจริง

                       “เรียกพี่ภีมก็ได้ครับ พี่ชื่อหมอภีมครับและพี่อยากคุยเพราะว่าพี่...จำเป็นต้องกลับไปอยู่โรงพยาบาลที่กรุงเทพอาทิตย์หน้านี้แล้วครับ”พี่หมอภีมพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาไม่อยากกลับไป อย่าบอกว่าต้องกลับไปกับผู้หญิงคนนั้น ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมว่าผมไม่ควรให้ข้อมูลพี่ต้นจะดีกว่าเพราะว่านั้นคือการที่เขาจะทำร้ายพี่ผม ผมไม่อยากให้พี่ผมต้องเสียใจ แต่ถ้าทั้งคู่แค่เพื่อนกันละเขมชาติ คิดหนักเลยผม

                       “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ไกลกันมากพี่ขอเจอที่ร้านอาหารข้างร้านกาแฟสดชุมพรได้ไหมครับ” พี่หมอภีมบอกผม ขณะผมขับรถมาที่ศาลากลางผมเห็นอยู่

                       “ได้ครับพี่หมอภีม”

                       “เดี๋ยวเจอกันในสิบห้านาทีครับ” พี่หมอภีมพูดพร้อมกันกดวางสายไปทันที ผมเองก็อยากรู้เหตุผลมากกว่านี้ อย่างที่ผมเคยพูดผมห่างจากพี่ต้นมากถึงหกปีดังนั้นด้วยวัยที่ห่างกันมากบางเรื่องก็ไม่กล้าถามพี่ต้นตรงๆ แต่ก่อนอื่นผมต้องโทรหาคริสโตเฟอร์ก่อน เดี๋ยวคุณนักเรียนที่รักจะงอนผมและอย่างที่บอกไม่กล้าให้น้องแกงอน หื่นครับ ผมกลัว ฮาๆ

                       “คริส”

                       “พี่เขมถึงไหนแล้วอะ..และจะกินอะไรไหมคริสจะได้..”

                       “คริสไม่ต้องซื้อให้พี่นะพี่ยังทำเรื่องอนุชิตไม่เสร็จเลยกว่าจะเสร็จก็คงเที่ยงครึ้งพี่จะหาอะไรแถวนี้ทานนะ” ผมบอกคริสโตเฟอร์และจำเป็นต้องโกหกเพราะว่าไม่อยากให้คริสต้องแสดงอาการหึงหรือบิดรถออกมาหาผมทันทีที่รู้ว่าใครกันที่นัดผม

                       “เหรอพี่เขม..ถ้าอย่างนันก็ได้แต่พี่เขมต้องหาอะไรทานด้วยนะ”

                       “รู้แล้วนะ”

                       “และอย่ามาช้านะผมแข่งขันร้องเพลงวันนี้นะพี่เขมคริสอยากให้พี่เขมมาฟัง” คริสโตเฟอร์บอกผม จริงด้วยซิถ้าอย่างนั้นต้องรีบคุยและรีบกลับเข้าไป เขาบอกว่าซุ้มซ้อมมาหลายวัน เพลงที่ใช้ในการแข่งขันเป็นเพลงสากลซะด้วย

                       “ได้ซิพี่จะรีบกลับนะ”

                       “ครับ..ว่าแต่พี่ไม่ได้นัดใครไว้แน่นะ” เซ้นดีจริงๆพ่อคุณ

                       “คริสโตเฟอร์!” ผมพูดเรียกชื่อเต็มๆ เลยคราวนี้

                       “ผมล้อเล่นนะ ...ถ้านัดใครไว้นะผมจะทำโทษนะพี่เขม” นั้นไง งอนมาเขมก็โดนทำโทษ แถมตอนง้อกับตอนโดนทำโทษมันก็ใช้วิธีเดียวกัน  ไม่แฟร์นะผมว่า ฮาๆ

                       “รู้นะ...แค่นี้ก่อนนะคริสและพี่จะรีบกลับนะ” ผมบอกคริสโตเฟอร์พร้อมกับกดวางสาย สายตาก็มองหาที่จอดรถถัดไปจากร้านกาแฟสดชุมพร ผมเดินลงจากรถและตรงเข้าไปที่ร้านอาหารด้านในติดแอร์ ผมฟาดสายตามองไปรอบก็สะดุดตากับผู้ชายที่นั่งอยู่ วันนี้เขาไม่ได้สวมเสื้อกาวน์มาแต่ผมก็จำเค้าได้ดี คุณหมอภีมปภพ วันนี้เขาสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีอ่อนและมันเข้ารูปจนเห็นได้ว่าเขาเป็นคนที่ดูแลตัวเองดี น่าจะเข้าฟิตเนสบ่อยแน่ๆ และก็คงเล่นเวทด้วย แม้ว่าหุ่นจะไม่ใช่นักกล้ามแต่ก็เรียกว่าหุ่นดีจนใครหลายคนต้องหันเหลียวมอง เช่นตอนนี้มีสาวๆโต๊ะข้างๆพี่เขามองและกระซิบกันแบบยิ้ม

                       “อ้าวครูเขม...เชิญนั่งครับ” พี่หมอภีมหันมาเจอผมพอดี พี่หมอภีมทักผมและผายมือให้ผมนั่งลง และนั้นทำเอาสาวๆ มองผมและหมอภีมสลับกันก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานกันจะดีกว่า (คงจะแอบเซ็ง ผมไม่ใช่แฟนเขาครับ แอบปฏิเสธในใจ)

                       “สวัสดีครับพี่หมอภีม” ผมยกมือไหว้ คือถ้ารุ่นพี่ต้นนี้แก่กว่าผมหลายปีแน่ๆ  แต่พี่หมอภีมดูหล่อเฟี้ยวแต่งตัวก็ทันสมัย หุ่นก็ดี เรียกได้ว่าหมอหล่อบอกต่อด้วยได้เลย

                       “สวัสดีครับ..พี่ขอโทษนะครับที่ต้องรบกวนเวลาของครูเขมออกมาพบพี่แบบนี้และนี้เออ..หนุ่มขี้หวงไม่มาด้วยเหรอครับ” พี่หมอภีมถามผม ก่อนจะส่งเมนูให้ผมดูว่าผมจะทานอะไรดี

                       “พอดีเขาติดเรียนนะครับพี่ภีม” ผมตอบและรับเมนูมาเปิดดู

                       “ยังเป็นเด็กนักเรียนหรอครับ ..แม้ร้ายเหมือนกันนะครับครูเขม” พี่หมอภีมแซวผม ผมก็ยิ้มๆให้ ผมแอบคิดนักเรียนซิร้ายกว่าผมเยอะ มันเล่นคุณครูต่างหาก ฮาๆ

                      “สั่งอาหารทานก่อนดีกว่าเพราะเดี๋ยวจะเกินเวลาพักครูเขม ..เออ ..พี่เรียกเขมเฉยๆได้ไหมครับ” พี่หมอภีมพูด ผมพยักหน้าว่าได้

                       “พร้อมสั่งอาหารหรือยังค่ะคุณหมอ” พนักงานเดินมาถามผมกับหมอภีม แต่สายตาจับจ้องมองพี่หมอด้าตาเป็นมันวาวก็แน่ละพี่หมอภีมเขาหุ่นดีขนาดนี้และจากที่เรียก น่าจะมาทานบ่อย แต่พอหันมาเจอผมนี้ก็ตกใจ เข้าไปอีก ผมก็ยิ้มให้

                       “อ้อ..ครับ..ของผมราดหน้าทะเลเส้นใหญ่ครับ และเขมละครับทานอะไรดีครับ” พี่หมอภีมถามผมและยื่นหน้ามาใกล้ๆผมแบบนี้ ทำเอาพนักงานนั้นตกใจถลึงตามองและหันไปมองทางอื่นทันที ส่วนผมก็ต้องถอยออกก่อนนะครับพี่หมอ ผมไม่ชอบเสื้อกาวน์ ผมชอบชุดนักเรียน แอบคิดในใจและยิ้มๆให้พี่หมอ พี่หมอก็มองผมและยิ้มเจ้าเหล่ไปไหม พนักงานถึงได้หันกลับมามองผมสองคนอีกทีและยิ้มอีกเช่นกัน ผมนี้อยากจะพ่นลมหายใจเพราะว่าไม่อยากงานเข้านะพี่หมอนะ 

                       “ของผมเป็นข้าวผัดปูนะครับ...” ผมรีบหันไปสั่งโดยไม่ได้ดูเมนูแต่คิดว่ามีนะ

                       “เครื่องดื่มละคะ”

                       “น้ำเปล่าครับ” อันนี้ผมกับพี่หมอสั่งออกมาพร้อมกันเลยและพนักงานก็เดินออกไปทันทีทันใดแบบไม่เหลียวหลังมามองอีกเลย พี่หมอภีมยิ้มๆให้ผมแสดงว่าเขารู้ว่าพนักงานสาวแอบชายตามองเขาอยู่

                       “พี่หมอภีม..” ผมกำลังจะอ้าปากถามเขาว่าตกลงเขาจะคุยกับผมด้วยเรื่องอะไรคือแบบว่าตื่นเต้นอยากรู้และผมก็ต้องทำเวลาเพื่อจะได้ไปดูคริสโตเฟอร์แข่งร้องเพลงอีก

                      “คนนี้เป็นพี่ชายเขมหรือเปล่าครับ” พี่หมอภีมส่งรูปถ่ายมาให้ผมดู ผมก็รับมาเพ็งพิจารณาทันที รูปนี้น่าจะถ่ายนานแล้วสมัยที่พี่ต้นยังเรียนมหาวิทยาลัยและหนุ่มข้างๆ ผมก็ดูออกว่าเป็นคุณหมอหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกับผมแน่ๆ และด้วยท่าทางที่นั่งถ่ายรูปด้วยกันแขนข้างหนึ่งของพี่ต้นโอบเอวคนข้างๆแบบนั้น ผมว่าไม่ใช่แค่เพื่อนกันถ่ายรูปด้วยกันอย่างแน่นอน เพราะว่ามันดูแนบชิดจนเกินเพื่อน..มันออกแนวคนรัก ซึ้งผมไม่เคยรู้ว่าพี่ต้น...มีรสนิยมแบบนี้ด้วยตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย

                       “ใช่ครับพี่ชายผมเองครับ..ชื่อพี่ต้นครับ” ผมเงยหน้าขึ้นตอบ

                       “พี่จะบอกผมว่าพี่กับพี่ต้น...เออ...” ผมถามคุณหมอหนุ่มที่นั่งตรงข้ามเขายกแขนขึ้นมากอดอกแบะพยักหน้ากับผมว่าใช่

                       “นานหรือยังครับผมไม่เคยรู้ว่าพี่ต้นเป็น..”

                       “ต้นเขาไม่ได้เป็นเกย์หรอกพี่คิดว่านะ...เพราะว่าต้นก็มีแฟนเป็นผู้หญิงแต่พอต้นอยู่ปีสองพี่ก็ไม่เห็นแฟนของต้นอีก....ส่วนพี่เองก็มีผู้หญิงที่ทางบ้านพยายามให้เป็นคู่กันจนเราจะหมั้นกัน และนี้ก็เป็นความต้องการของทางบ้านพี่อีกเช่นกัน พี่เองก็ขัดไม่ได้ในตอนนั้น เพราะว่ามันจะทำให้พี่และต้นต้องจากกัน และพี่เองก็ต้องเก็บเรื่องพี่กับต้นไว้อย่างเงียบๆ พี่โคตรอึดอัดเลยเขมตอนนั้น ”

                       “แต่มันไม่เท่าต้นหรอกพี่รุ้ “ พี่หมอภีมพูด

                       “พี่รู้ตัวว่าพี่เป็นใช่ไหมครับ ”

                       “ใช่ครับพี่เป็น พี่รู้ตัวและดังนั้นทางบ้านพี่เขาจึงต้องการให้พี่แต่งงานกับ..หมอที่เป็นรุ่นน้องของพี่อีกทีและพ่อกับแม่พี่รู้จักครอบครัวเธอดี” พี่หมอภีมพูด ผมพยักหน้าเบาๆ

                       “พี่เจอต้นเขาตอนที่พี่เรียนอยู่ปี 2 นะครับ อันที่จริงพี่ก็เคยเจอเข้าบ้างในมหา’ลัย ต้นเขาเป็นเดือนมหา’ลัยแต่พี่ไม่เคยคุยกันกับเขาเลยนะ จนกระทั้งวันนั้น วันที่พี่ไปทำธุระฝนหนักพอดีและ พี่ก็ยืนรอรถแท๊กซี่ซึ้งมันใกล้กับหอพักของต้นเขา และพอต้นเขาเห็นพี่เปียกเหมือนลูกหมาก็เลยให้พี่ขึ้นไปห้องพักเขาก่อนคืนนั้นพี่ก็ไม่ได้กลับหอพักพี่..และคืนนั้น..พี่คงไม่ต้องเล่ามั้งครับว่าเกิดอะไรขึ้นขึ้นระหว่างพี่กับต้น..” ผมก็คิดว่าไม่ต้องเล่าก็ได้มั้งครับ เพราะว่าถ้าเล่ามามันจะยาวไปนะครับคุณหมอ ผมยิ้มๆให้

                       “ตอนแรกพี่คิดว่าแค่อารมณ์มันพาไปแต่พี่กับต้นก็รู้จักกันมากขึ้นพี่เลยตัดสินใจย้ายจากหอพักในวิทยาลัยออกมาอยู่กับต้น..จะเรียกว่าเราคบกันแล้วก็ได้นะเราคบกันจนต้นเรียนใกล้จะจบปริญญาโท และจู่ๆ ผู้หญิงคนที่เคยเป็นแฟนต้นก็กลับมา ” พี่หมอภีมพูด คงหมายถึงพีเกศรินทร์แน่ๆ 

                       “พี่เกศรินทร์หรือเปล่าครับ”

                       “ใช่ครับเกศรินทร์ เขากลับมาหาต้นอีกครั้ง พี่ก็ไม่รู้ว่าเขากลับมาหาต้นได้ยังไง ทั้งที่ ต้นบอกกับเกศรินทร์ว่าเขาไม่ได้รักเธอแล้วเขาหมดรักเธอตั้งแต่ที่เธอทิ้งเขาไปแล้ว  ” พี่หมอภีมเล่าให้ผมฟัง

“และเหตุการณ์ที่ทำให้พี่เสียต้นไป คืนนั้นพี่ไม่รู้ว่าต้นออกไปกับเกศรินทร์ได้ยังไง วันนั้นพี่กับต้นมีเรื่องเข้าใจผิดกันและต้นก็หายออกไป พี่ได้รับข้อความให้ไปหาต้นที่โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง และพี่ก็เจอต้นที่นั้นกับเกศรินทร์ พี่เจ็บปวดที่สุด พี่คิดว่าต้นเขาคงกลับไปหาแฟนเขาถาวรแล้วถึงได้มีอะไรกับเขา “  เรื่องราวเหล่านี้พี่ต้นไม่เคยบอกพวกผมมาก่อนเลย ผมค่อนข้างตกใจ
                       “พี่ก็ตัดสินใจไปเรียนแพทย์สาขาต่อที่เมืองนอก ไปเรียนหลังจากนั้นสามเดือน พี่กลับมาเยี่ยมคุณแม่พี่ คุณแม่พี่ป่วยและนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล และพี่ก็เจอบางสิ่งที่ผิดปกติ มันคือชาร์จคนไข้ที่ชื่อเกศรินทร์ ในโรงพยาบาลของพ่อพี่” พี่หมอภีมปภพพูด

                       “เกศรินทร์ มาพบแพทย์เธอให้เหตุผลว่าเธอต้องการวางแผนมีบุตรหลังจากแต่งงานทันที เธอต้องการฉีดยาให้ไข่ตก เพื่อให้พร้อมที่จะตั้งครรภ์ได้ในทันทีที่เธอสามารถมีอะไรกับต้น และเธอก็ขอให้แพทย์สั่งยาที่ทำให้ต้นมีอารมณ์ทางแพทย์กับเธอ “ ผมตกใจที่สุด

                       “พี่มารู้มันก็สายเกินไปเขม และและมันก็หลังจากที่ต้นแต่งงานกับเกศรินทร์ไปแล้วด้วย พี่ทำอะไรไม่ได้ ” พี่หมอภีมพูด ผมส่ายหัวเบาๆ ทำไมพี่เกศรินทร์ถึงทำแบบนี้กับพี่ต้น

                       “พี่ไม่โกรธต้นนะ พี่รักต้นแต่พี่เสียใจที่พี่ดูแลของรักพี่ไม่ดีพอ” พี่หมอภีมพูด ผมก็มองปนความตกใจ ถ้าอย่างนั้นพี่เกศรินทร์ก็ได้กับพี่ต้นโดยที่พี่ต้นไม่เต็มใจอย่างนั้นเหรอ เขาทำไม จนกระทั้งพี่เกศรินทร์ท้องและเคยคิดไหมว่าคนที่รับกรรมคือตาเอิร์ธนะ ผมเสียใจที่สุดแทนพี่ต้น แต่เรื่องนี้ยังไงผมก็ต้องให้พี่ผมตัดสินใจผมเองคงตัดสินในให้พี่ต้นไม่ได้ คงได้แค่รับฟัง

                       “ผู้หญิงคนนั้นเขาแย่งต้นไปจากพี่” พี่หมอภีมปภพพูด สีหน้าเขาเจ็บปวด ผมเองก็คิดว่าพี่ต้นก็คงเจ็บพอๆกับเขา แต่พี่ต้นก็ยังไม่อยากให้ผมบอกข้อมูลของพี่ต้นอยู่ดี

                      “อาหารที่สั่งได้แล้วค่ะ “ ผมสองคนต้องหยุดการสนทนาเพราะว่าอาหารมาเสิรฟแล้วแต่คนเสิรฟไม่ใช่คนเดิมเขาก็มองผมทั้งยิ้มๆก่อนจะเดินออกไป

                       “ตอนนี้ต้นเขาสบายดีไหม...พี่ไม่เจอเขามาเกือบสี่ปีแล้ว...หลังจากที่เขาแต่งงาน..กับ..”

                       “พี่เกศรินทร์”

                       “ทานก่อนเถอะครับเขม” พี่หมอภีมบอกผม ผมพักการสนทนาเพื่อทานอาหารตรงหน้าก่อนจนเรียบร้อย ผมยกแก้วน้ำขึ้นดื่มพี่หมอภีมก็ทานเสร็จเรียบร้อยเช่นกัน

                       “พี่ภีมครับ ผมมีเวลาคุยกับพี่แค่ยี่สิบนาที วันนี้คริสโตเฟอร์เขาประกวดแข่งขับร้องเพลงสากลนะครับเขาอยากให้ผมไปดูไม่อย่างนั้นจะ..”

                       “งอน..ครูเขมเหรอครับ...หึหึ ” พี่หมอภัมเหลือบมองและหัวเราะในลำคอ

                       “ตอนนี้ต้นเขาเป็นยังไงบ้างครับ...ไปอยู่ที่ไหนครับ...” พี่หมอด้าถามผม แต่ผมก็บอกพี่หมอไม่ได้จริงๆพี่ต้นสั่งไว้ ผมคงทำสีหน้ากะอักกะอ่วนใจ พี่หมอคงดูผมออก

                       “พี่มาหาเขาที่นี้นะ หลังจากที่เขาแต่งงานไม่นาน พี่อยากเจอเขา แต่พี่มาเจอเกศรินทร์แทน เกศรินทร์เขากำลังตั้งครรภ์อยู่ และเขาก็คงไม่ได้บอกต้น ตอนนั้นพี่กำลังจะบินไปเรียนต่อเมืองนอก พี่แค่อยากพูดคุยกับเขาครั้งสุดท้าย “

                       “แล้วทำไมพี่กลับมาที่นี้อีกละครับ” ผมถามพี่หมอภีมปภพ

                       “พี่มาเป็นหมอเพราะว่าพี่อาจจะเจอเขาอีกครั้ง พี่ไม่คิดว่าเขาจะย้ายไปเร็วขนาดนี้ ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ให้ครบ สี่ปีค่อยย้าย “ พี่หมอภีมปกภพพูด

                       “พี่ต้นย้ายด่วนนะครับ ผมไม่รู้นะครับว่าทำไม “

                       “ไม่เป็นไรครับ” พี่หหมอภีมพูดและพยักหน้าให้ผมว่าเขาเข้าใจผม

                     “พี่ยังรักต้น และนี้คือเหตุผลพี่เลือกมาเป็นหมอที่นี้ ทั้งที่พ่อของพี่มีโรงพยาบาลของตัวเอง แต่พี่เลือกมาเป็นหมอในโรงพยาบาลของรัฐเพื่อพี่จะได้เจอต้นอีกครั้ง พี่ยังรอเขา ” พี่หมอภีมพูด ผมก็ทำได้แค่นิ่งเงียบทำอะไรไม่ได้เพราะว่าพี่ต้นกำชับผมมาว่าห้ามบอกเรื่องพี่ต้นกับเกศรินทร์เลิกกันแล้ว

                       “พี่หมอครับผมขอโทษจริงๆนะครับที่ผม..”

                       “ต้นเขารู้เรื่องที่เขมเจอพี่แล้วใช่ไหมครับ”

                       “ครับ”

                       “เขาคงบอกให้เขมปิดเรื่องของเขาใช่ไหมครับ”

                       “เออ...คือ...”  ผมก็ไม่รู้จะบอกพี่หมอยังไงดีละ ผมเองก็เห็นใจคุณหมอและเคารพการตัดสินใจของพี่ชายผมเองด้วยเช่นกัน

                       “จะว่าไปพี่ก็มีคู่หมั้นอยู่แล้ว และผมก็คิดว่านี้คือเหตุผลที่พี่ต้นพยายามออกไปจากชีวิตพี่หมอด้วยเช่นกัน...ความรักนะไม่ได้ลงเอ่ยที่ได้อยู่ด้วยกันเสมอไปหรอกครับแต่ผมเชื่อว่าพี่ต้นยังรู้สึกดีกับพี่อยู่นะครับ” ผมพูดบอกพี่หมอภีม

“ใช่พี่ยอมรับว่าพี่มีคู่หมั้นที่เป็นหมอรุ่นน้องชื่อหมอดาวิกา แต่ตอนนี้พี่ถอนหมั้นหมอดาวิกาไปแล้ว พี่ไม่ได้รักหมอดาวิกา และต่อให้พี่ไม่มีต้นพี่ก็รักหมอดาวิกาไมได้ และพี่ก็คิดว่าจะไม่กลับมาอยู่ไทย พี่ทำงานเป็นหมอที่อังกฤษปีกว่า จนพ่อแม่ของพี่เข้าไปคุยกับพ่อแม่ของหมอดาวิกาขอยกเลิกหมั้นและพี่ถึงได้กลับมาไทยนี่แหละครับ ” พี่หมอภีมพูด
           “และอีกเหตุผลหนึ่งพี่ไม่อาจจะรักดาวิกาได้คือ เขารู้เรื่องที่เกศรินทร์จะทำกับต้นแต่เขาไม่คิดจะห้ามเธอ พี่เสียใจมากและพี่เองก็ทราบที่หลังจากที่ต้นแต่งงานไปแล้วปีกว่า” พี่หมอภีมปภพพูด สีหน้าเขาบ่งบอกได้ว่าเขารู้สึกผิด
           “หมอดาวิกาเธอสารภาพกับพี่เอง เธอรู้สึกเสียใจถ้าเธอห้ามเกศรินทร์ในวันนั้น มันก็คงไม่เป็นอย่างนี้” พี่หมอภีมปภพพูด ผมพยักหน้า ใช่แต่พี่ต้นก็คงไม่มีเอิร์ธด้วย แต่พี่ต้นเขารักเอิร์ธมาก มากจนยอมพี่เกศรินทร์ตลอดจนกระทั้งวันนั้นที่พี่ต้นทะเลาะกับพี่เกศรินทร์จนกถึงขั้นขอหย่า

                               “ฝากรูปนี้คืนเขาทีนะครับ…….ใจพี่ก็อยากเก็บไว้ แต่ในเมื่อต้นเขามีครอบครัวแล้ว พี่ว่าเขาน่าจะรักลูกเขามาก ต้นเขาเป็นคนรักเด็ก พี่เคยคิดนะว่าพี่อยากจะมีลูกกับต้น โดยวิธีทางการแพทย์ แต่ตอนนี้ต้นเขาคงสมหวังแล้ว เหลือแต่พี่….พี่คิดว่าจะอยู่คนเดียวแบบนี้  ” พี่หมอภีมพูดแบบนี้ เล่นเอาผมไปไม่เป็นเลย รู้สึกหน่วงๆขึ้นมาทันที แต่ผมคงทำได้แค่รับฟังไว้และผมก็เก็บรูปที่พี่หมอฝากคืนพี่ต้นเอาไว้ ผมเหลือบไปมองเวลา แย่แล้วผมอาจจะไปไม่ทัน เพราะว่าผมเองก็ไม่รู้ว่าพ่อตัวดีของผมจะขึ้นร้องรอบไหน

           Rrrrrrr มือผมดังขึ้นผมเหลือบมองเบอร์คริสโตเฟอร์นี้ คงจวนจะได้เวลาแข่งขันแล้วด้วย

                       “แฟนโทรตามเหรอครับ”

                       “ครับพอดีว่าเขามีแข่งขันร้องเพลงและทำพิธีปิดสัปดาห์ภาษาอังกฤษวันนี้ผมต้องไปแล้วครับพี่หมอผมขอโทษจริงๆนะครับที่ผม....ช่วยพี่ไม่ได้ เพราะว่า..ผมตัดสินใจแทนพี่ต้นไม่ได้จริงๆ ผมหวังว่าพี่คงเข้าใจผมนะครับพี่หมอ” ผมหันไปพูดกับพี่หมอภีมปภพ เขาก็พยักหน้าให้ผมพร้อมรอยยิ้ม

                       “ผมไปก่อนนะครับพี่หมอ...เออ...มีอะไรก็โทรหาผมนะครับ...ผมยินดีในบางเรื่อง” ผมพูดลุกขึ้นทำท่าจะเดินออก

                       “แต่ผมเข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวพี่ต้นไม่ได้จริงๆ  ผมขอโทษนะครับพี่หมอ” ผมพูดและทำท่าจะลุกขึ้นก่อนที่ไปไม่ทันเอา

                       “ตอนนี้พี่ต้องกลับไปเป็นหมอที่โรงพยาบาลพ่อของพี่ พี่หวังว่าจะได้มีโอกาสเจอเขมอีกครั้งนะพี่ไม่เคยเจอน้องชายของต้นแต่พี่เคยเห็นแต่ในรูปถ่ายที่เขาให้พี่ดูนะครับพี่ก็พอจะเดาโครงหน้าเขมได้ไม่ต่างจากตอนเด็กๆมากหนัก” พี่หมอด้าพูด ผมหันไปยิ้มให้พร้อมกับรีบเดินออกมาจากร้านอาหาร

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนตอนที่ 44.2ถ้าพี่เขมรู้ต้องห้ามแน่ๆผมเลยปิด
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 25-09-2020 22:49:21
 :z3: :z3:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน( ครูเขม X คริส)EP.30.1เมื่อคริสทำให้ครูเขมหึง
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 26-09-2020 13:07:14

EP.30.1 ครูเขมชาติ X คริสโตเฟอร์  เมื่อคริสทำให้ครูเขมหึง

KissKhem : พี่เขมอยู่ไหนอะ
My love : พี่กำลังบึ่งรถไปคริส พี่ขับรถอยู่นะเดี๋ยวค่อยคุยกันคริส
KissKhem : ผมจะขึ้นเวทีแล้วเนี๊ยะพี่เขม (หน้าบึ่งมาให้ทันที)
My love : พี่รีบอยู่แค่นี้นะ
                 

               ผมส่งข้อความสุดท้ายก็รีบวางมือถือลงและขับรถบึ่งตรงไปโรงเรียนทันทีเหลือบมองเวลาจะทันไหมเนี๊ยะ! ผมขับมาแบบเร็วพอสมควรแต่ก็เสี่ยงเหลือเกินที่ผมจะโดนใบสั่ง ระหว่างใบสั่งกับโดนพ่อตัวดีทำโทษผม ผมก็ขอเลือกโดนใบสั่งครับ ไม่กลัวเท่าไหร่เลยครับครูเขมชาติ พอมาถึงโรงเรียนผมก็รีบนำรถเข้าจอดและรีบตรงไปที่หอประชุมทันที ไม่มีนักเรียนอยู่บนชั้นเรียนแล้วคงเข้าไปที่หอประชุมกันหมดแล้ว

         “ครูเขม” ครูลินดาเรียกผมพร้อมหันมามองหน้าผม

         “คริสโตเฟอร์ขึ้นร้องเพลงหรือยังครับ” ผมถามครูลินดาปนด้วยอาการหอบเหนื่อยจากการวิ่งมาจากที่จอดรถ

         “ยังคะเขาขอเลื่อนออกไปก่อนคงรอครูนะคะ....หายไปไหนมาคะครูเขม” ครูลินดาหันมาถามผม

         “ผมเอาเอกสารเรื่องการขอทุนไปยื่นศาลากลางนะครับและ..แวะทานข้าวด้วยนะครับ” ผมตอบครูลินดาเธอก็พยักหน้าเบาๆ ผมเห็นคริสโตเฟอร์นั่งอยู่ ผมก็ยื่นโบกมือให้เขา คริสโตเฟอร์หันมามองผมทำท่าทีดีใจ

         “คราวนี้ถึงคิวเราแล้วคริสโตเฟอร์” พิธีกรบนเวทีเรียกนายคริสโตเฟอร์ เขาก็หยิบกีตาร์ขึ้นไปด้วย ผมไม่เห็นเขาเล่นนานแล้วนะกีตาร์นะ คริสโตเฟอร์ขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้ ทุกคนก็เงียบกันหมด ผมเองก็ยืนลุ้นด้วยรอบนี้ผมไม่ได้เป็นกรรมการให้คะแนนมีครูและครูลิมา ครูสมชายและครูถาวร คริสโตเฟอร์กำลังแต่งสายกีตาร์

         “สวัสดีครับ ผมนายคริสโตเฟอร์ ริซโซ เป็นตัวแทนม.4/1 จะออกมาร้องเพลง โฟโต้กราฟ ของเอ็ด ซีแลน ”
       “เพลงนี้ผมไม่เคยร้องที่ไหนมาก่อน และไม่เคยคิดว่าจะได้ร้องเพลง เพราะว่าทุกความหมายของเพลงมันทำให้ผมคิดถึงใครคนหนึ่งที่ผมรอให้เขากลับมาหาผมทั้งที่ผมไม่เคยคิดที่จะรอเขาคนนั้น  จนกระทั้ง ผมได้เจอ ใครคนหนึ่ง คนคนนี้ได้เข้ามาเยียวยาและลบภาพอดีตที่เลวร้ายและทำให้ผมได้คิดใหม่ ว่าผมควรจะ  ” คริสโตเฟอร์พูดออกไมล์ ผมก็ยืนกอดอกอมยิ้มให้เขา คริสโตเฟอร์มองมาที่ผมและเขาก็ยกกีตาร์ขึ้นมา

                  “วี้ด..วิว!!!..” เพื่อนๆในกลุ่มเขาและทีมบาสเก็ตบอลพากันส่งเสียงเชียร์ ผมเห็นพวกนายกายที่ยืนกอดอกมอง

                   “วี้ดวิว!!!” แค่เสียงกีตาร์ก็มีคนโห่แล้วเพราะว่ามันเพราะมาก   
Loving can hurt, loving can hurt sometimes
But it’s the only thing that I know,,,,,,,,,,,,
                       และทันทีที่เขาขึ้นประโยคแรกทุกอย่างเงียบทันที ผมยืนกอดอกฟังเพลงที่เขาบอกว่าไม่เคยร้องมาก่อนมันฟังเหมือนเขาร้องมาหลายครั้งแล้วนะเพราะไม่ว่าจะสำเนียงคีย์แทบไม่มีผิดเพี้ยนเลยและแอ๊คเซนที่เป๊ะเวอร์ เนื้อหาของเพลงมันสื่อได้สองแง้ คือเขารักและคิดถึงพ่อของเขาผู้ที่เคยให้สัญญาว่าจะมาหาเขา และอีกแง่มุมเขาอาจะร้องให้ผม เพราะผมกำลังเข้าไปอยู่ในเมมโมรี่ของเขาแล้วเช่นกัน
Loving can heal, loving can mend your soul
And it’s the only thing that I know, know
I swear it will get easier,
Remember that with every piece of you
And it’s the only thing we take with us when we die
การรักใครซักคนจะเป็นการช่วยเหยียวยา ช่วยถนอมรักษาจิตวิญญาณของคุณ
และมันก็เป็นสิ่งเดียวที่ผมรู้
ผมให้สัญญาเลยว่ามันจะง่ายขึ้นเรื่อยๆ
จะจดจำทุกๆ สิ่งเอาไว้ทุกๆ อย่างที่เป็นคุณ
และมันก็เป็นสิ่งเดียวที่จะเราจะนำไปได้ในยามที่เราหมดลมหายใจ
-
-
-
When I’m away, I will remember how you kissed me
Under the lamppost back on Sixth street
Hearing you whisper through the phone,
“Wait for me to come home.”
แต่พอผมได้ฟังประโยคท่อนสุดท้าย ทำให้ผมแอบใจหายไม่ได้ เพราะว่าถ้าวันที่เราต้องอยู่ไกลกันละ ทำได้แค่โทรคุยกันและเฝ้ารอให้เขากลับมา ผมจะทำใจได้ไหม คิดแล้วน้ำตาซึมเหมือนกัน

                  “ครูเทรนดีนะคะ นี้ขนาดครั้งแรกของเขาที่ร้องเพลงสากลเขายังทำได้ขนาดนี้ ...พี่เชื่อแล้วคะว่าครูเก่งจริงๆ “ ครูสุมณฑาหันมาพูดชมผม ผมเองก็ภูมิใจในตัวเขามากจริงๆ นับตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอเขา เขาบอกว่าเกลียดภาษาอังกฤษไม่อยากเรียนไม่อยากสนใจไม่อยากพูดไม่อยากฟังแต่วันนี้เขาก้าวกระโดดไปเร็วจริงๆ คริสโตเฟอร์ร้องจนจบเพลง เสียงตบมือดังสนั่นห้องประชุม ดังมากจริงๆ

                  “ขอบคุณครับสำหรับเสียงปรบมือให้ผม เพลงนี้ผมตั้งใจมากที่จะร้องให้...พ่อ..ทูนหัวของผม” นายคริสโตเฟอร์

                  “วี้ด..วิวววว” ดังมากกว่าเดิมอีก ผมนั้หันไปมองรอบๆเพราะว่าทุกสายตาหันมามองผมกันหมดเลยครับ (แอบคิดในใจ จะเรียกพ่อทูนหัวทำไมอายเขา)
                 
                  “นี้ครูเลื่อนตำแหน่งอีกแล้วเหรอครับครูเขม!!!” ครูโจ้ที่ยืนอยู่ด้านหลังผม ผมหันไปมอง ครูโจ้มาถูกจังหวะตลอด

                  “ผมยังเป็นครูตำแหน่งเดิมครับครูโจ้”ผมหันพูดแต่ครูโล้เหล่ตามองผม ครูลินดาและครูถาวรก็ขำผมอีก

                  “แล้วตำแหน่งพ่อทูนหัวละครับ”ครูโจ้ถามผม

                  “เออเป็นครูนี้อาชีพหลักครับผม แต่พ่อทูนหัวงานเสริมครับครูโจ้” ผมพูดแต่กระซิบกับครูโจ้นะ ครูโจ้นี้สะดุ้งขนรุกทันที

                  “อยากเป็นแม่ทูนหัวอะคะพี่คริสสสสสส” นักเรียนหญิงพากันตะโกน ผมหันไปมองมีแต่คนยกมือสาวๆ

                  “ครู...คู่แข่งเยอะนะครูนะ” ครูโจ้อีกแล้ว ผมชะเง้อมองพ่อตัวดี เดี๋ยวก่อนนะสงสัยคืนนี้ครูเขมต้องทำโทษในฐานะที่ทำให้ผมหึง!

                  “เอาละครูจะปล่อยให้ไปพักดื่มน้ำ ปัสสาวะกันได้”  ครูสมชายทำหน้าที่พิธีกรวันนี้ แกพูดรัวไปหน่อย

                  “ฮาๆ “ นักเรียนพากันหัวเราะตรงดื่มน้ำ ปัสสาวะนี้แหละ

                  “แม้..พวกเธอนี้ ...ใครอยากส่งใบสมัครไปยื่นหลังเวที ..เอาละ ตอนนี้ไปพักดื่มน้ำและ ไปเข้าห้องน้ำกันให้เรียบร้อยก่อนจะมาฟังคะแนนว่าห้องไหนได้รางวัลปีนี้และทำพิธีปิดสัปดาห์ภาษาอังกฤษ “ ครูสมชายพูดออกไมล์ ผมเห็นนายกายเดินออกไปพร้อมกับอั๋นแต่ไม่มีนายเอก ผมคิดว่าคงแตกหักเพราะนายเอกไปรับผิดชอบกี้แล้วแหละ ผมก็รีบหันหลังเดินตามออกไปทันที ผมออกมานอกหอประชุม

                  “กาย” ผมเรียกนายกาย เขาถอนหายใจก่อนจะหันมามองผมแบบไม่สบอารมณ์หนัก

                  “คราวนี้เธอรู้ใช่ไหมว่า ครูไม่ได้บวกคะแนนพิสวาสใดๆ เขาทำได้ด้วยตัวของเขาเอง...นายคริสโตเฟอร์นะ” ผมพูด นายกายก็รีบเดินออกทันที  เขาไม่ได้หันมาโต้ตอบผม

                  “ทำไมพี่มาช้าจังอะ” เสียงมาจากด้านหลังบ่งบอกได้ว่ากำลังงอน ผมหันมามองหน้า คริสโตเฟอร์

                  “พี่ขอโทษ...แต่..พี่ภูมิใจในตัวเรานะคริสทำได้ดีมากวันนี้...”

                  “รู้มั้ยว่าผมตั้งใจร้องเพลงนี้ให้พี่เขมนะ.และ..”

                  “ให้พ่อของเราด้วยใช่ไหม และนี่คือสัญญาณที่ดี นายเปิดใจแล้วคริส นายพร้อมแล้วที่จะเจอเขา “ ผมพูดและหันมามองหน้าคริสโตเฟอร์ที่ยืนตรงหน้าผม แม้เราจะต้องคงไว้ซึ้งครูกับนักเรียนในเขตโรงเรียนก็ตาม ผมก็อยากจะโผ่กอดเขาแน่นๆแต่ต้องเอาไว้หลังเลิกเรียน

         
                  “ผมได้ยินตอนที่ดีเจคลื้นวิทยุหนึ่งเปิดนะ...และความหมายมันก็ดีโดนใจอะ..” คริสโตเฟอร์พูด ผมมองคนตรงหน้าพยักหน้าเบาๆ

                  “ผมชอบท่อนที่บอกว่า ผมให้สัญญาเลยว่ามันจะง่ายขึ้นเรื่อยๆ จะจดจำทุกๆ สิ่งเอาไว้ทุกๆ อย่างที่เป็นคุณ และมันก็เป็นสิ่งเดียวที่จะเราจะนำไปได้ในยามที่เราหมดลมหายใจ และผมก็คิดแบบนั้นกับพี่จริงๆนะพี่เขม” คริสโตเฟอร์บอกผม มันซึ้งไหมแต่มันทำให้ผมอึ้งจนพูดไม่ออกมัน มันดีใจ

                  “คืนนี้ต้องให้รางวัลผมนะพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูดผมก็ยืนอมยิ้ม แต่ผมทำท่าคิดก่อนนะ

                  “พี่ว่าเปลี่ยนจากรางวัลเป็น...ให้พี่ทำโทษจะดีกว่า” ผมก้มลงกระซิบทำเอาคนที่ผมกระซิบทำหน้าเหวอไปเลย

                  “ผมทำอะไรผิดอ่ะพี่เขม” นั้นยังมาถามอีก

                  “ดูซิ คนอยากสมัครเป็นแม่ทูนหัวนายเกือบครึ้งโรงเรียนเลย ดังนั้น นั้นแปลว่านายทำให้พี่หึง ทำโทษคืนนี้ “ ผมพูดและชี้หน้า คริสโตเฟอร์หันไปมองสาวๆที่ยิ้มน้อยยิ้มให้คริสโตเฟอร์ และเขาก็คงรู้ชะตา

                  “ทีพี่นายยังทำโทษ คราวนี้ตานายแล้วที่จะโดนพี่ทำโทษ “ ผมพูด คนที่ได้ยินถึงกับขมวดคิ้ว

                  “ไม่น่าพูดออกไมล์เลย “ คริสโตเฟอร์แอบหันหลังพูดเบาๆ ผมเลิกคิ้วมองว่าผมนะฟังอยู่นะ

                  “ไปหาเพื่อนได้แล้ว...และพรุ่งนี้ค่อยกลับบ้านกันนะพี่อยู่เวรโรงเรียนและวันอาทิตย์เราก็ไปเรียนพิเศษ” ผมบอกคริสโตเฟอร์

                  “เรากลับวันไหนอะพี่เขม”

                  “หึ ...คริส” ผมหันมาดุเพราะว่าเขาชอบเผลอเรียกผมว่าพี่

                  “เราจะกลับวันไหนเหรอครับ ครู” นั้นค่อยดีขึ้นมาหน่อย

                  “วันจันทร์หยุดนี้คริส ...” ผมก็พยักหน้าใช่ซิวันหยุดชดเชย ชวนไปไหนดีน่ะ ผมทำท่าคิด

                  “คืนวันอาทิตย์เราไปนอนแค้มป์กันนะพี่เขม พวกไอ้อาร์ทมันชวนนะ...บรรยากาศดี้ดี..น่า....” คริสโตเฟอร์พูด หยักคิ้วคิดทะลึ้งแน่ๆ เลยเอนตัวเข้ามาหาผมเหมือนจะกระซิบแต่

                  “โอ้ยยย” ร้องลั่นไปเลย ผมหยิกพุงเข้าไปหนึ่งทีและรีบเดินออก เด็กอะไรนะทะลึ้งตลอดเวลาแถมยังชวนให้ผมเป็นไปด้วยอีกนะ

                  “หยิกผมทำไมอะครู ครูห้ามทำร้ายลูกศิษย์ดิ ไม่น่ารักเลยนะ เจ็บด้วยเนี๊ยะ!” คริสโตเฟอร์พูดและเอามือลูบพุ่งที่โดนผมหยิก

                  “ก็นายทะลึ้ง...รักษาสภาพหน่อยเธอเป็นนักเรียน พี่เป็นครู” ผมหันมาพูดเชิงดุกับคนที่เดินตามผมต้อยๆ

                  “ผมทะลึ้งตรงไหน...บรรยากาศหน้านอนดูดาวเพราะตรงนี้เป็นทุ้งกว้างต่างหาก...ครูคิดเองหรือเปล่าที่ว่าทะลึ้งนะ” นายคริสโตเฟอร์พูด  ผมหันมามองจริงนะ ผมคิดเองแอบเกาหัว นี้ผมหื่นตามหมอนี่ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

                  “นายนี่นะ...ไปหาเพื่อนได้แล้ว” ผมพูดยิ้มๆให้คริสโตเฟอร์

                  “ตกลงไปนะผมจะได้บอกไอ้อาร์ท ให้มันเตรียมถุง...” ผมสะบัดหน้าไปมองอีกแล้วเหรอ นายนี้ผมบอกให้สำรวมไง

                  “ถุงนอน เพราะว่ามันหนาวพี่เขม...ฮาๆ อันนี้ครูคิดอีกแล้วดูหน้ารู้เลย ฮาๆ”คริสโตเฟอร์ ทำเอาผมหมดคำพูดเลย แต่ก็อดขำตัวเองไมได้เลยจริงๆ

                  “เราไปกันนะครูเขม”

                  “อืม” ผมตอบคริสโตเฟอร์ ก่อนที่เขาจะวิ่งออกไปหาเพื่อนที่ยืนรออยู่ตรงร้านขายน้ำของโรงเรียน วิ่งไปเล่นกับเพื่อนๆ บางที่ก็ใจหายนะถ้าคริสโตเฟอร์ต้องไปเรียนที่อื่นก่อนเพื่อนและเพื่อนอย่างโป้ง ปันปัน อาร์ทและโจ เรียกได้ว่าเพื่อนตายเลยก็ว่าได้แม้ว่าจะอยู่คนละห้องก็ตาม แต่ด้วยความสามัคคีจากการที่พวกเขาคลุกคลีเล่นบาสเกตบอลมาด้วยกัน

                  ผลคะแนนการแข่งขันออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ม.4/1 ปีนี้ได้คะแนนไปหลายอย่าง แข่งขันตอบปัญหา แข่งขันร้องเพลงและแข่งขันเล่านิทานภาษาอังกฤษ ทุกคนดีใจกันใหญ่โดยเฉพาะคริสโตเฟอร์ ตั้งแต่เขาได้เข้าเรียนมาไม่เคยร่วมกิจกรรมวิชาการเลยมแต่เล่นบาสเกตบอลเท่านั้นเองนี้ผมก็เลยต้องพากันไปทานข้าวข้างนอก มีโป้งและปันปัน อาร์ทและโจและแก้มอีกคนผมเลี้ยงขอบใจที่ช่วยให้ผมหาเหตุผลปกป้องโป้งกับปันปันไว้ได้พอทานเสร็จก็แยกย้ายกันกลับบ้าน อาร์ทและโจ้อาสาไปส่งแก้มที่บ้านให้ ส่วนโป้งและปันปันก็กลับบ้านพักตัวเองพรุ่งนี้ทั้งคู่จะกลับบ้านกัน ที่จริงจะกลับกันคืนนี้แต่ผมไม่แนะนำเพราะว่ามันค้อนข้างมืดและอันตรายในการขับรถ

         “ครูเขมครับ” โป้งเรียกผมและส่งกล่องที่ผมสั่งไว้ใส่มือผมก็รีบเก็บใส่กระเป๋ากางเกงทันที

         “ขอให้สนุกนะครับครู....” โป้งตะโกนบอกผมและหันหลังเดินขึ้นบ้านพักกับปันปันไป ผมก็เข้ามานั่งในรถ คริสโตเฟอร์มองผม แต่ผมก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จนรถเก๋งขับมาจอดที่บ้านพักต่างพากันเดินขึ้นบ้าน ผมแอบคิดในใจ คืนนี้มี่รางวัลพิเศษ ตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่มมา นี้คือครั้งแรกที่เขมจะคิดทำแบบนี้

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน EP.30.2 ครูเขมชาติให้รางวัลและความจริงจากพี่ก้อง
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 26-09-2020 18:32:57
     EP.30.2 ครูเขมชาติให้รางวัลและความจริงจากพี่ก้องเรื่องพี่ต้น NC18+


           “พี่เขมไหนรางวัลอะ” คริสโตเฟอร์ถามผมขณะที่ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ผมเดินเข้าไปทางด้านหลังพร้อมกับสวมกอดเขาจากด้านหลัง ผมฝังจมูกลงที่ซอกคอ

         “เอาเลยเหรอ...”ผมถามปลายจมูกก็ซุกไซ้ไปทั่วจนคนตรงหน้าผมเริ่มเคลิ้ม มือผมก็เอื้อมไปดึงชายเสื้อในกางเกงนักเรียนออกมา คนที่ยืนอยู่เอียงใบหน้ามาหาผม ผมก็ประกบปากจูบทันที คริสโตเฟอร์หมุนตัวมาหาผม ช่วยปลดกระดุมเสื้อให้ผม
         
         ผมก็ปลดกระดุมเสื้อนักเรียนคนตรงหน้าเช่นกัน บทรักเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ กางเกงนักเรียนล่วงลงไปอยู่พื้น ผมรีบพลิกให้คริสโตเฟอร์ลงไปนอนที่เตียงเขาก็จัดการสะบัดกางเกงนักเรียนออกไปให้พ้นทาง ส่วนผมก็ถอดเสื้อเชิ้ตออกอย่างรวดเร็วและปลดเข็มขัดกางเกงสแล๊คตัวโปรดและถอดมันออกไปอย่างรวดเร็ว

         “หมับ” ผมรีบขึ้นไปค่อมร่างคริสโตเฟอร์เอาไว้ ประกบจูบริมฝีปากหนาอวบอิ่มนั้นทันที มือก็จับแขนคนที่นอนอยู่เบื้องล่างขึงไว้ ปากก็ไซ้ไปทุกซอกทุกมุมจนคนที่นอนถึงกับดิ้นส่ายไปมา

         “นี้คือรางวัลผมเหรอพี่เขม”คริสกระดกหัวขึ้นมาถามผม ขณะที่ผมกำลังไล่ไปจนถึงหน้าท้องของเขาผมก็ดึงกางเกงยืดปราการสุดท้ายออกไปเผยให้เห็นแกนกายที่แข็งรออยู่ภายในตั้งแต่ผมเริ่มเร้าโรมแล้วซินะ

         “ใช่...นี้แหละรางวัล...พี่จะจัดให้ถึงใจเลยและนี่ก็คือการทำโทษไปพร้อมๆกัน ด้วย ข้อหาที่ทำให้พี่หึง ” ผมพูดและดันคนที่นอนกระเทิบไปกลางเตียง ผมจัดการแกนกายที่แข็งชูชันรอรับริมฝีปากบางๆของผม ผมเหลือบตาขึ้นไปมองคริสโตเฟอร์กำลังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขกับรสลิ้นที่ผมปรนเปรอให้ ผมหยุดทำและผมก็แหวกขาของคริสโตเฟอร์ออก ไม่ได้ล้างให้นานแล้วซินะ ผมก็จัดการล้างตู้เย็น

           “อ๊ะ..พี่..เขม..อ๊าห์..” คริสโตเฟอร์สะดุ้งสุดตัวและทำท่าจะดันตัวออกแต่ผมยึดไว้และจัดการเกร็งลิ้นให้แข็งเพื่อทำการล้างตู้เย็นให้คนที่นอนเขาดิ้นส่ายไปมา

         “โอ้ว...ซี้ด...พี่เขม...เสียว...อื้มมมมม”

           “อย่าดิ้นซิที่รัก...อีกนิด..” ผมพูดและขำคนที่ดิ้นยันตัวจะหนีผมเพราะทนไม่ไหว ผมทำการล้างตู้เย็นอยู่พักหนึ่งถึงได้หยุด มองคนที่หน้าตาเหยเก พอผมหยุดเขาก็นอนแผ่หายใจหอบพร้อมกับกระดกหัวขึ้นมามองที่ผม

             “พี่ทรมารผมชัดชัดเลยอะ” คริสโตเฟอร์พูดปนหัวเราะ ผมเลื่อนตัวขึ้นไปหาเขาและจัดการลุกไปหยิบเจลหล่อลื้นกับถุงยางมาสวมใส่ ผมเดินกลับไปที่ตรงปลายเท้าของหนุ่มที่นอนรอผมอยู่ จัดการจับขาตั้งขึ้น และผมก็ใช้นิ้วสอดใส่เข้าไป

            “อู้ยยยย” เสียงครางออกมาทันทีที่นิ้งสำผัสด้านใน

             “อ๊ะๆ ..พี่เขม..” ผมเพิ่มเป็นสองนิ้วและสามนิ้ว ขยับเข้าออกจนเริ่มรู้สึกว่าเขาพร้อมแล้วที่รับของผม ที่พองโตแม้จะไม่ใหญ่มากก็ตามแต่ความยาวนะสู้ได้อยู่แล้ว ผมจัดการขึ้นไปนั่งยองๆ และสอดสิ่งนั้นเข้าไปทันที ช้าๆ เนิบๆ คนที่นอนอยู่ถึงกับจิกผ้าปูที่นอนและผมก็ดันพล้วดรวดเดียว

            “อ๊ะ...พี่เขม...ซี้ด...” เสียงครางเริ่มดัวขึ้นเรื่อยเมื่อผมเริ่มขยับตัวและเร่งสปิดเร็วขึ้น จนเริ่มเริ่มคุ้นเคยผมก็นำแกนกายของผมไปสอดใส่ค่อยๆดันเข้าไปที่ละน้อย คนที่นอนก็ทำหน้าตาเหยเกไป ไม่นานก็เข้าไปจนสุดผมก็จัดการจับขาให้มาที่ขอบเตียงและก็ซอยไม่ยั้งเลย

              “อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะ...พี่เขม...อู้ยย...” เสียงร้องครางไม่ขาดสายของคนที่นอนและผมก็พลิกร่างนั้นให้อยู่ในท่าโกงโค้งแบบท่าหมาและสอดใส่เข้าไปอย่างรวดเร็ว

               “ชอบไหมที่รักนี้พี่กำลังให้รางวัลอยู่นะ” ผมพูดไปซอยไปด้วย

              “ก็ชอบนะซี้ด..แต่ถ้าพี่ให้ผมกดนะ...ผมจะแฮปปี้กว่านี้...อ๊ะ...อ๊ะ...ซี้ด...โอ้ว..พี่เขม....จะไม่ไหวแล้วอะ”

                  “จริงเหรอ..ปล่อยเลย...พี่ยังอีกยาวไกล” ผมพูดคนที่นอนกระดกหัวขึ้นมามอง ผมหยักคิ้ว

                  “อย่าบอกนะว่าพี่เอาผมคืนวันนั้นนะ...พี่เขม!!” ที่นอนเบื่องล่างผมร้องถามผมเสียงหลงเลย

                  “อืมม...” ผมพยักหน้าก็อยากใช้ตัวช่วยนิ ต้องเจอเหมือนกันและไม่นานคนที่นอนก็พุ้งเต็มหน้าท้องตัวเองและของผมเช่นกัน ผมจัดการให้เขาได้พักแปบหนึ่งและก็ต่อเลยและสุดท้ายผมได้กดไปสามยก ตอนแรกนึกว่าจะแค่สองยกแต่นี้กดไปสามเลย ทำเอาคนที่โดนกดหลับปุ๋ยไปเลย ส่วนผมเองก็ยังนั่งเช็คอิเมลและเปิดหาดูแนวขอสอบ GED ให้คริสฝึกทำข้อสอบ ผมเหลือบมองเวลายังไม่หกโมงครึ้งเลยเดี๋ยวสักพักค่อยปลุกมาทานอาหารเย็นดีกว่า

                  Rrrrrr มือถือผมดังขึ้น ผมหยิบมาดูเป็นเบอร์ของพี่ก้อง ไม่ได้คุยกันนานเลย พี่ก้องบอกว่าไปแม่ทัพภาคไปประชุมประเทศเพื่อนบ้าน นี้คงเพิ่งจะกลับมา

         “สวัสดีครับพี่ก้อง” ผมกดรับสาย

         “เป็นไงบ้างเขม...ความรักหวานชื้นเลยอะดิไม่โทรมาปรึกษาพี่เลยนะ” พี่ก้องมาพอรับสายได้ก็แซวทันทีเลย

         “ก็เห็นพี่ก้องบอกว่าไปกับท่านแม่ทัพภาคผมเลยไม่อยากโทรไปกวนนี้ครับพี่ชาย...ว่าแต่พี่กลับมาแล้วเหรอ”

         “กลับมาได้สองวันแล้วยังยุ่งๆอยู่กำลังจะย้ายที่ตั้งฐานนะ....”

         “พี่นครินทร์เป็นยังไงบ้าง” ผมถามถึงพี่นครินทร์

         “สบายดีนี้รินทร์เพิ่งจะกลับบ้านเพราะว่าที่บ้านให้กลับไปเตรียมงานที่จริงที่บ้านให้เขาย้ายกลับตั้งแต่ต้นเดือนแล้วแหละแต่..”

         “พี่รินทร์ไม่อยากกลับบ้านเรียกได้ว่าไม่อยากไปเห็นงานแต่งตัวเอง”

         “อืม..เห็นแบบนี้ดื้อเงียบเหมือนกัน” พี่ก้องพูดป่นหัวเราะ

         “พี่ก้องเสียใจไหม...ผมถามตรงๆ”

         “เสียใจดิเจอคนที่ใช่แต่ดันเจอในเวลาที่ผิดทำไงได้ละวะเขม” พี่ก้องพูด ผมไม่อยากจะคิดเลยถ้าเป็นผมละจะเข้มแข็งได้เท่ากับพี่ก้องไหมคงทำไม่ได้แน่ๆ

         “พี่ก้อง..พี่ก้องรู้เรื่องพี่ต้นไหม...ตอนสมัยที่พี่ต้นเรียนมหาวิทยาลัยนะ” ผมถามพีก้อง พี่ก้องเงียบไปสักครู่

         “ถามทำไมละเขม” พี่ก้องถามผมกลับ

         “คือเออ..ผม...ไปซ่ากับกลุ่มเด็กแว้นที่จะทำมิดีมิร้ายนักเรียนของผมจนได้แผล”

         “อ้าวเฮ้ย!...เขาให้ไปเป็นครูนะไม่ได้ให้ไปเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฏ์ หาเรื่องชัดชัดเลยนะเรานะ” พี่ก้องพูดแต่น้ำเสียงบ่งบอกว่าหัวเราะผมซะมากกว่าไม่เหมือนพี่ต้น พี่ต้นนี้ออกแนวดุเลย และผมก็เป็นน้องคนเล็กที่โดนพี่บ่นจนเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว

         “พี่ก้องอะ..ผมก็ช่วยได้เล็กๆน้อยแต่พอดี..มีพระเอกขี่ม้าขาวไปช่วย..คริสโตเฟอร์นั้นแหละเลยได้มาแค่แผลมีดคัทเตอร์บาดและผมก็ไปทำแผลที่โรงพยาบาล เมื่อวันจันทร์นะพี่ก้องผมไปล้างแผลมาผมเจอคุณหมอภีมปภพ”

         “เขารู้จักกับพี่ต้นและวันนี้เขาก็นัดผมออกไปคุยนะพี่ก้อง” ผมพูดบอกพี่ก้อง

         “ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะพี่ก้องว่าพี่ต้นจะ”

         “พี่ไม่รู้หรอกนะว่าพี่ต้นเป็นไหม ..เพราว่าพี่ต้นก็มีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอดนายก็รู้นิ จนกระทั้งพี่ต้นเจอพี่เกศรินทร์ พี่รู้ว่าพี่ต้นกับพี่เกศรินทร์ก็คุยกันเหมือนจะคบกันนะ “พี่ก้องพูด ตอนนั้นผมเริ่มเทียวไปเทียวมากับประเทศออสเตรเลีย ผมไปเรียนระยะสั้นๆกับพ่อที่นัน ผมเลยไม่เคยรับรู้เรื่องนี้มาก่อน

                  “และจู่ๆ เกศรินทร์ก็หายไปจากพี่ต้น แต่พี่ว่าพี่ต้นอาจจะไม่ได้พี่รักเกศรินทร์หรอกมีแต่พี่เกศนั้นแหละที่คิดเองเออเอง และจู่เกศรินทร์ก็หายไปจากพี่ต้น และพี่ต้นก็เรียนหนักด้วย”พี่ก้องบอกผมใช่พี่ต้นเรียนรัฐศาสตร์นี้ต้องหนักในเรื่องการอ่านอยู่แล้ว

                  “พี่หมอภีมเขาบอกว่าเขาคบพี่ต้นตั้งแต่พี่ต้นเรียนอยู่ปีสองแล้วนะพี่ก้อง” ผมพูด

                  “ใช่พี่รู้ พี่เคยเจอพี่ก้องกับพี่หมอเขาไปดูหนังด้วยกัน ตอนนั้นพี่ไม่ได้บอกใครเพราะพี่คิดว่าพี่ต้นยังไม่พร้อม” พี่ก้องพูด

                  “พี่ต้นกับพี่หมอภีมนะเขาคบกันจนกระทั้งพี่ต้นใกล้จะจบปริญญาโทและพี่ต้นก็สอบปลัดอำเภอติดอีกด้วย” พี่ก้องพูด

                  “พอทางบ้านพี่หมอเขารู้เรื่องพี่ต้นกับพี่หมอภีม เขาก็เรียกพี่ต้นไปคุยนะ พ่อพี่หมอภีมนะ และทางบ้านพี่หมอภีมก็ประกาศหมั้นระหว่างหมอภีมกับว่าที่คุณหมอดาวิกาผ่านข่าวสังคมไฮโซทันที“ ผมก็ต้องอึ้ง ผมว่าพี่ต้นคงเสียใจน่าดู

         “และเกศรินทร์ก็กลับมาหาพี่ต้น พี่ไม่รู้ว่าทำไมทั้งที่พี่เกศเดินออกไปจากชีวิตพี่ต้นแล้วนะ แต่ว่าการกลับมารอบนี้ เขาทำให้พี่ต้นต้องแต่งงานกับเขา ด้วยวิธีที่สกปรก” พี่ก้องพูดทำให้ผมนึกถึงคำพูดที่พี่หมอภีมบอกผมว่าพี่เกศรินทร์จงใจให้ตัวเองตั้งครรภ์ให้ได้

         “เขาวางยาพี่ต้นเหรอพี่ก้อง”ผมถามพี่ก้องทันที

         “นายรู้ได้ยังไงเขม” พี่ก้องถามผมด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจ

         “พี่หมอภีมเขาบอกผมนะพี่ก้อง” ผมพูด

         “คุณหมอเขารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอเขม”พี่ก้องถามผมทันที

         “ใช่พี่ก้อง แต่เขารู้หลังจากที่พี่ต้นแต่งงานไปแล้ว” ผมบอกพี่ก้อง

         “พี่หมอภีมเขายังรักพี่ต้นอยู่อะพี่ก้อง แต่ผมก็ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรพี่ต้นนะพี่ก้อง ผมคิดว่ามันไม่สมควรถึงผมจะเป็นน้องก็เถอะ”

         “และผมก็ตกใจด้วยอ่ะพี่ก้องเพราะว่าผมไม่คิดว่าพี่ต้นจะเป็นแบบผม ผมไม่เคยรู้มาก่อนไงพี่ก้อง” ผมพูด

         “พี่รู้เรื่องพี่ต้นมาพักใหญ่แล้วแหละ และพี่ต้นเองก็ไม่ได้บอกพ่อเรื่องนี้ด้วย เพราะว่าตอนนั้นนายก็ออกตัวไปแล้วว่านายเป็นเกย์ และพี่ต้นจะกล้าบอกพ่อเหอว่ะเขม พี่ต้นกลัวพ่อเสียใจถ้าลูกชายสองคนไปเป็นเพศที่สามซะแล้ว”

         “แต่ตอนนี้ก็สามคนแล้วนะ “ ผมพูด

         “พี่พึ่งเป็นโว้ยย” พี่ก้องพูด

         “ผมรู้สึกผิดเลยอ่ะพี่ก้อง “ ผมพูด

         “เออพี่ขอโทษว่ะเขม  อันที่จริงไม่ใช่ความผิดของนายหรอกนะ พี่ต้นนะคือลูกคนโต ความหวังสูงสุดของพ่อแม่ด้วย เออ เขมพี่ไมได้หมายถึงว่านายและพี่ไม่ใช่ความหวังของพ่อแม่นะแต่นายน่าจะเข้าใจคำว่าลูกคนโตใช่ป่ะเขม”

           “ผมเข้าใจพี่ก้องและพี่ต้นนะเขาก็เรียนเก่งกว่าผมเยอะนะพี่ก้องแน่นอนพ่อก็ต้องหวังสูงเพราะพี่ก้องจะเป็นหน้าตาและเสาหลักของบ้าน” ผมพูด ผมไม่ได้น้อยใจพ่อเลยนะ เพราะว่าหลังจากที่พ่อเสียพี่ต้นคือเสาหลักจริงแต่ดันมามีเรื่องพี่เกศรินทร์ พี่ต้นก็ต้องแบกภาระไว้ถึงสองทาง

“ พี่ต้นก็ยิ่งไม่กล้าบอกพ่อและพี่ต้นเขาก็กำลังสอบปลัดอีก และไหนจะหมอภีมปภพที่มีหน้าตาทางสังคมอีกละ ตอนนั้นพ่อแม่หมอภีมเขารับไม่ได้ที่ลูกเขาจะเป็นแบบนี้ด้วยมั้ง ความรักของพี่ต้นกับหมอภีมก็เลยถูกปิดเงียบมาตลอดว่ะเขม  ”


“ และตอนนั้นพี่หมอนะมีคู่หมั้นที่ชื่อว่าที่ดาวิกา คุณหมอดาวิกานี้ก็รู้เรื่องพี่ต้นกับพี่หมอภีมก่อนที่เธอจะรับหมั้นหมอภีมซะอีกนะ “ ผมก็ต้องยกมือขึ้นแตะหน้าผาก ซ้ำซ้อนเข้าไปอีก
“หมอดาวิกาทำเหมือนกับว่าเขารับได้เรื่องหมอภีมกับพี่ต้นและขอให้พี่หมอภีมหมั้นกับนางตามที่ผู้ใหญ่ต้องการก่อนแต่ก็ไม่ทันได้หมั้น ล่มซะก่อน “
“ ส่วนพี่หมอภีมปภพพี่เคยเจอครั้งสองครั้งและครั้งล่าสุดก็วันงานแต่งพี่ต้นเขาก็ไปนะแต่เขาไม่ได้เข้าไปหาพี่ต้นตรงๆ พี่เห็นเขาแว็ปหนึ่งและก็ไม่เห็นอีกเลย จนงานจบ ” พอพี่ก้องเล่าให้ผมฟัง แต่หมอดาวิกา คงเป็นคนที่ยืนคุยกับพี่หมอภีมที่ร้านกาแฟนั้นแน่ๆ

“พี่คิดว่าหมอภีมไปหาพี่ต้นอีกครั้งนะ แต่ไม่เจอพี่ต้น ดันไปเจอเกศรินทร์แทน ”

“พี่เกศณินทร์โกรธพี่ต้นมาก เขาหาว่าพี่ต้นนัดหมอภีมไปหา และยื่นข้อเสนอให้เลิกติดต่อหมอภีม โดยการขู่จะเอาเอิร์ธออก แน่นอนพี่ต้นรักเอิร์ธมากแม้ว่าจะไม่ได้เกิดมาจากความรักก็ตาม พี่ต้นจึงยอมย้ายด่วนไปอยู่เชียงใหม่กับพี่เกศรินทร์ ”

“เพราะเหตุผลนี้ด้วยใช่ไหมพี่ก้องที่พี่เกศรินทร์เกลียดผมมาก”

“อืม..พี่คิดว่าพอพี่เกศรินทร์เห็นนายมันเหมือนไปสะกิดปมมากกว่าว่ะเขม...พี่เกศเขาหาเรื่องใส่ตัวเอง เพราะว่าพี่ต้นเขาก็บอกพี่เกศรินทร์แล้วว่าพี่ต้นกลับไปหาเกศรินทร์ไม่ได้แล้วทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วพี่ต้นมีคนรักแล้ว แต่เกศรินทร์ไม่ยอมรับความจริงเองและนางก็วางยาพี่ต้น และพี่เกศก็ท้อง ครอบครัวเขาก็บังคับให้พี่ต้นแต่งงานทันที  ” พี่ก้องบอกผม
                    “วันที่พี่ต้นโดนเกศรินทร์วางยา พี่ต้นก็โทรหาพี่นะเขม แต่พี่ต้นบอกว่าเขารู้ตัวว่าเขาทำจริง แต่มันเกิดจากการที่พี่ต้นควบคุมตัวเองไม่ได้ แถมเกศรินทร์ก็บอกพี่ต้นว่าพี่ต้นกำลังจะมีลูกกับเขาอีกละ เฮ้อ!!!  “ พี่ก้องพูดและถอนหายใจออกมา ผมเองก็สงสารพี่ต้นเหมือนกัน นี้พี่ต้นต้องแบกมันมากี่ปี

                    “พี่ต้นเลยรับผิดชอบโดยการแต่งงานกับผู้หญิงที่พี่ต้นไม่ได้รักและทำหน้าที่พ่อให้ดีที่สุด “ พี่ก้องพูดผมก็ต้องใช่ฝ่ามือลูบใบหน้าผมเอง

“คราวนี้รู้แล้วซิว่าที่จริงๆ ไม่ใช่เพราะเขมหรอกที่ทำให้ครอบครัวพี่ต้นมีปัญหามันผิดตั้งแต่เกศรินทร์อยากได้พี่ต้นมากจนไม่มองหน้ามองหลัง และยังปล่อยให้ตัวเองตั้งครรภ์เพื่อจับคนคนหนึ่ง แต่สิ่งที่เธอได้คือความข่มขื่น และที่น่าสงสารที่สุดคือเอิร์ธต้องมารับกรรมเพราะว่าพี่เกศรินทร์โกรธพี่ต้นระแวงพี่ต้นจนลงกับเอิร์ธ นายไม่เห็นเหรอว่าเอิร์ธกลัวพี่เกศแค่ไหน  ” พี่ก้องพูด ใช่ผมสงสารหลานผมที่สุด 
         “แต่ผมสงสารพี่ต้นนะพี่ก้อง พี่ต้นก็คงเจ็บปวดพอพอกับหมอภีมที่ต้องแยกกับคนที่ตัวเองรักอีก “ผมพูดกับพี่ก้อง
“แต่พี่คิดไว้อีกอย่างนะเขม พี่ว่าหมอดาวิกาเธอคือคนที่อยู่เบื่องหลังทั้งหมด เกศรินทร์ไม่น่าจะวางแผนการทั้งหมดเองได้หรอกเขม”พี่ก้องพูด ทำให้ผมถึงกับขมวดคิ้ว ผมนึกถึงใบหน้าผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆหมอภีมวันนั้น เขาดูอ่อนหวาน น่ารักและสวย ผมยอมรับแต่ไม่น่าจะทำแบบนั้น แต่ถ้าภาพพี่เกศรินทร์นะผมพอจะนึกออกได้เลย พี่เกศรินทร์ดูเป็นคนแรงๆอยู่แล้ว

“แล้วนี้เราให้ข้อมูลพี่ต้นไปหรือเปล่าเขม”

“ไม่กล้าหรอกพี่ก้อง”

“ดีแล้วแหละเขม ถ้าพี่หมอกับพี่ต้นเขาเกิดมาคู่กันจริง สักกวันเขาก็น่ะหากันเจอ ตอนนี้นายก็ทำหน้าที่ครูและดูแลเด็กเกรียนนาย ได้ข่าวว่างานเข้าเยอะอยู่นะ ” พี่ก้องพูดผมพูด ผมคงไม่เข้าไปยุ่ง ดูแล้วปัญหาของพี่ต้นก็มีเยอะพออยู่แล้ว แถมพี่ก้องยังมาแซวคริสโตฟอร์ของผมอีก นี่แสดงว่าโทรหาแม่มาก่อนแน่ๆ เลย
                  “แต่คุณหมอเขาบอกกับผมว่าเขาจะกลับไปเป็นหมอที่โรงพยาบาลของพ่อเขาแล้วและคงไม่ได้มาอยู่ที่นี้อีก ผมเห็นผู้หญิงคนนั้นก็มาตามคุณหมอเขากลับนะพี่ก้อง” ผมพูดบอกพี่ก้อง

                  “อีกเรื่องนะ ถ้านายมีโอกาสได้เจอหมอดาวิกา อย่าให้ข้อมูลพี่ต้นเลยเด็ดขาด พี่ว่าหมอดาวิกา นี้น่ากลัวที่สุดวะ ทำตามที่พี่บอกนะ ถ้านายไม่อยากให้พี่ต้นเดือดร้อนเพราะหมอคนนี้” พี่ก้องพูดย้ำให้ผมระวังหมอดาวิกา แต่ผมว่าเชื่อพี่ก้องไว้ก็ดี พี่ก้องเป็นนักวิเคราะห์ที่แม่นยำตั้งแต่ณัฐกานต์แล้วแต่ผมคิดตามไม่ทันแค่นั้นเอง

                  “ครับพี่ก้อง แต่ผมว่าคงไม่ได้เจอทั้งคู่แล้วเหละ ผมไม่อยากให้พี่ต้นบ่นผมอีก จะดูแลตัวเอง” ผมพูดบอกพี่ก้อง

“เออ ….แล้วนี้แฟนเราไปไหนละ” พี่ก้องถามผม

“หลับนะพี่ก้อง”

“อ้าวเหรอทำไมนอนเร็วจัง”

“ก็เพลียอะนะ” ผมพูด คุยนิดนึงเพราะคนที่คอยแย้งหลับอยู่ ฮาๆ

“จริงดิ...แม้จะคุยว่ามีดีอะดิ...ครูเขม”

“ก็นิดนึงนะไม่อยากคุยมาก...ว่าแต่พี่ก้องเมื่อไหร่จะกลับอะ...คิดถึง”

“น้องชายพูดแบบนี้อยากกลับซะอาทิตย์หน้าเลยวะแต่ไม่ได้หรอกคงอีกสามสี่อาทิตย์นะเขมและแม่ก็คงไปช่วยพี่ต้นดูแลเจ้าเอิร์ธอีกรอให้พี่ต้นพาเอิร์ธไปเที่ยวกรุงเทพฯแล้วค่อยไปจะได้พร้อมหน้าพร้อมตากันว่ะเขม” พี่ก้องพูด ผมก็ว่าจริงๆ

“ก็ดีเหมือนกันนะ....พี่ก้องแค่นี้ก่อนนะ...ตัวดีตื่นนอนแล้ว...ผมคงจะทำอะไรให้กินก่อน...พี่ว่างแล้วโทรหาผมบ้างนะพี่ก้อง ....และอย่าลืมดูแลตัวเองนะ....ที่จริงๆอยากให้พี่ย้ายกลับมาอยู่ที่ที่ไม่ต้องเสี่ยงแบบนั้นเลยแต่พี่คงจะ”

“ไม่ละเขม...คนจะตายอยู่ที่ไหนก็ตาย สู้ตายแบบมีศักศรีดีกว่าไหม..ไหนไหนก็เลือดทหารแล้ว..”

“พี่ก้องห้ามพูดแบบนี้อีกนะ...ผมยังทำใจไม่ได้อยู่ดีไม่อยากได้โล่เกียรติยศ ไม่ได้อยากได้คำยกย่องสรรเสริญหากต้องแลกกับพี่ชายทั้งคน”

“เขม...พี่มีดีพอตัวนะไม่งั้นจะอยู่มาได้ตั้งสี่ห้าปีแบบนี้เหรอ....แค่นี้นะพี่ก็ต้องออกลาดตะเวรแล้วเหมือนกัน...ดูแลตัวเองด้วยละเขม...ไม่นานก็ได้เจอกันแล้ว...พี่เป็นห่วงเรานะ”

“ครับพี่ก้อง...บายครับ” ผมพูดและกดวางสายใจหายขึ้นมาซะเฉยๆอย่างนั้นนะ

“พี่เขมมีอะไรอะคุยโทรศัพท์แล้วทำสีหน้าแบบกังวลแบบนี้อะ...หาว!” คนที่ตื่นนอนหัวยุ่งเดินมากอดผมจากด้านหลังเอาคางเกยไหล่ผมไว้

“พี่คุยกับพี่ก้องนะ...พี่เป็นห่วงพี่ก้องยังไงก็ไม่รู้ซิคริส” ผมพูดกับคนที่ครึ้งหลับครึ้งตื่นเดินมาหาผม

“ว่าแต่เรานะหิวไหม...กินอะไรดีพี่ทำให้”

“สงสัยต้องไข่ลวกแล้วแหละ”

“อะไรกัน....นอนเฉยๆต้องกินไข่ลวกเลยเหรอ” ผมหันไปมองทำท่าจะหัวเราะคนที่กอดผมตายังปิดอยู่เลย

“พี่เขมไม่ต้องมาพูดเลยพี่เขมขี้โกงอะ....กดผมไปตั้งสามยก...ห้ามกินอีกนะ...ใครหามาให้นะจะเตะแม่งเลย” คริสโตเฟอร์พูด
         
“ไอ้โป้งใช่ไหมพี่เขม...เห็นนะมันมีลับลมคมในอะไรกับพี่นะ”

“หึๆ ...” ผมคำคนที่โดนผมเอาคืนหันเปิดตู้เย็นรินน้ำดื่มใส่แก้วมานั่งข้างๆ ผม

“ตกลงจะกินอะไรพี่จะได้ทำให้กิน...เออ..เอาง่ายๆนะ” ผมถามคริสโตเฟอร์

“เอามาม่าผัดขี้เมาดีกว่าอยากกินอะและพี่เขมกินอะไรยังอะ” คริสโตเฟอร์พูด

“ยังอะก็ก็เริ่มหิวนิดหน่อยแล้วละ”
                 
“ผัดมาชามเดียวกินด้วยกันนะ เพราะว่าผมหิวไม่มากหรอก” คริสโตเฟอร์บอกผม
         
“อืมก็ได้..” ผมพูดและจัดการลุกไปเตรียมหันผัก หันพวกหมึกกุ้งที่มีก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ค้างตู้เย็น วันนี้ผัดขี้เมาทะเลซะเลย โดยมีผู้ช่วยจอมจุ้นวุ่นวายข้างๆ ยังไม่ทันเสร็จก็พยายามจะตักชิมซะแล้ว

“เพี๊ยะ!” เสียงผมตีที่หลังมือหนุ่มน้อยจอมซนของผม

“อิ้ว!” เสียงร้องและสะบัดมือแต่ไม่เช็ดหรอกเดี๋ยวก็เอาอีก แต่มันก็ทำให้บนหน้าที่แฝงความกังวลเรื่องพี่ชายทั้งสองของผมมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาได้ ชีวิตผมเหมือนได้กลับไปสู่รักแรกอีกครั้ง เราหยอกล้อเล่นกันเหมือนวัยแรกรุ่นสำหรับผมนะแต่คริสโตเฟอร์นะเขายังเป็นวัยรุ่นอยู่เลย

“คริส...ไม่คิดว่าพี่แก่ไปเหรอ...”จู่ๆผมก็ถามคริสขึ้นมา คริสโตเฟอร์เงยหน้าขึ้นมามองผมพร้อมเลิกคิ้วสูง

“ห่างกันกี่ปีเองอะ...ปีหน้าผมก็ 18 แล้วพี่เขมก็แค่ยี่สิบห้า เราห่างกันแค่แปดปีเอง” คริสโตเฟอร์พูดขณะที่กำลังใช้ซ้อมหมุนมาม่าผัดทานอยู่

“ตั้งแปดปีเลยนะ”

“ความรักไม่ขึ้นกับอายุ ความรักนะมันขึ้นอยู่กับหัวใจต่างหาก ถ้าพี่เลิกมองตัวเองทุกอย่างก็จะไม่มีผลกับเราถูกต้องมั้ยอะพี่เขม...และ...พี่คือคนทีคนที่ใช่สำหรับผมแต่ผมดันมาเกิดช้าไปเท่านั้นเอง” ผมพยักหน้าค่อยฟังแล้วดีขึ้นมาหน่อย

“รู้ไหมพี่เขมว่าตั้งแต่ผมได้เจอพี่...ผมได้เติมเต็มหลายสิ่งที่หายไป…ผมไม่มีพี่ชายน้องชายพี่ก็เป็นพี่ชายให้ผม ผมไม่มีพ่อพี่เขมก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ทำหน้าที่แทนพ่อผม คอยสอนผม พี่เขมเป็นครูผู้ให้ความรู้ผมช่วยให้ผมไม่หลงทางไปไกลกว่านี้และที่สำคัญ...”

“เป็นคนรักที่ดีที่สุดเท่าผมเคยมีมาเลย” ผมยิ้มตรงประโยคนี้แหละคริสโตเฟอร์ยื่นหน้าและใช้ริมฝีปากโลมเลียริมฝีปากบางๆของผมเล่น

“พี่เขมพ่อตอบอิเมลพี่เขมบ้างหรือเปล่า” จู่ๆ คริสโตเฟอร์ก็ถามผมเรื่องนี้

“พี่รอพี่เก๋เขาไปหาข้อมูลเพิ่มเติมนะคริส ” ผมพูดคริสโตเฟอร์พยักหน้าเบาๆ

“ขอบคุณนะครับพี่เขมทุกเรื่องที่พี่ทำให้ผมนะ....บางครั้งผมก็เฝ้าถามตัวเองนะว่านี้ผมฝันไปหรือเปล่าที่มีคนตั้งใจทำให้ผมได้ขนาดนี้”

“พี่เขมชอบผมตั้งแต่วันแรกที่พี่เจอผมแล้วใช่มั้ย” คริสโตเฟอร์ถามผม

“พล้วด!” น้ำที่ผมกำลังดื่มลงคงไปถึงกลับพุ้งออกมาทันที

“ผมรู้นะว่าพี่มองผมตอนพี่กำลังจะกลับเข้าบ้านพักไปนะแต่พี่กำลังคิดว่าว่าแก้มนะคือแฟนผมจริง” คริสโตเฟอร์พูดผมก็ต้องหันหน้าหนี ใช่ผมยืนมองเขาในห้องอาหารวันแรกไง และผมก็ได้เห็นว่าผู้หญิงตบกันแย่งกันน่าดูแต่ผมดันได้มาซะอย่างนั้น แอบภูมิใจนิดนึง
“แอบยิ้มแบบนี้ดีใจซะซิ แย่งผมจากชะนีมาได้” ผมก็ส่ายหัวไม่จริง!

“และลูกฟุตบอลนะผมตั้งใจเตะมาลงที่หน้าบ้านพี่แต่ผมไม่ได้ตั้งใจให้เกือบโดน..เขานะ..” คริสโตเฟอร์พูดผมก็ว่าแล้วมันค่อนข้างจะไกลกันขนาดนั้น

“ทำไมละ..” ผมถามคริสโตเฟอร์

“ไม่รู้ซิ...มันรู้สึกตั้งแต่ตอนที่ผมแกล้งชนพี่แล้วอะ..และผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่าง...ณัฐกานต์จะเป็นแฟนพี่เลยอยากมาดูให้เห็นกับตาอีกครั้ง”

“และสิ่งที่ผมเสียใจมากวันนั้นผมผลักพี่เขม...ผมไม่ตั้งใจ....”

“เอานะมันผ่านมาแล้วคริส...พี่เชื่อว่าคริสไม่ได้ตั้งใจ..พี่เชื่อเพราะว่าสายตาที่รู้สึกผิดแบบนั้น” ผมพูดและใช้อุ้งมือประคองใบหน้านั้นอย่างถนอม

“ช่วยพี่เก็บล้างและจะได้นอนกันได้แล้วนี้เกือบจะสี่ทุ่มแล้วนะ..อย่านอนดึก”

“ปกติศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ นี้พวกผมนอนกันเกือบตีหนึ่งและยิ่งไปผับด้วยนะเกือบสว่างอะพี่เขม”

“ตอนนี้ไม่ได้แล้ว...ถ้าไม่นอนเดี๋ยวพี่กล่อมนะ...ยายังเหลืออีกหนึ่งเม็ดนะ ” ผมพูด คนที่จูบผมอยู่ถึงกับผะออกทันที

“พอแล้ว...เดี๋ยวระบบ”

“ฮาๆ ...ไปช่วยพี่ล้างเลย...” ผมก็ช่วยกันล้างทำความสะอาดและจัดการเข้าห้องนอนผมก็อ่านบทความให้คริสโตเฟอร์ เกี่ยวกับอเมริกาเพื่อจะใช้ในการสอบ อ่านไปอ่านมาหันมามองอีกทีพ่อตัวดีผมหลับปุ๋ยไปเรียบร้อยแล้วผมจึงหยุดอ่านและห่มผ้าให้

“ใช่พี่ยอมรับว่าพี่รู้สึกสะดุดเราตั้งแต่ที่เราแกล้งชนพี่แล้วแหละ...นั้นแปลว่าพี่นอกใจณัฐกานต์ก่อนเหมือนกันคริส” ผมพูดพร้อมกันก้มลงหอมแก้มและเอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียง หมดไปอีกวัน เดือนครึ้งแล้วซิ ที่ผมเป็นครูที่นี้เกิดเรื่องวุ่นวายมากมายแต่มันทำให้ผมและคริสโตเฟอร์แกร่งขึ้น เพราะนี้คือบททดสอบความรักระหว่างผมที่เป็นครูและคริสนักเรียนเกรียน(ของผม)

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.31 สวีทกันเบาๆสามคู่ชูชื่น 1
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 26-09-2020 18:51:18
             EP.31 สวีทกันเบาๆสามคู่ชูชื่น 1
     
            Part ครูเขมชาติ เมื่อวานพาคริสโตเฟอร์ไปเรียนติวกับเกรทและแกรนด์ เกรทมันก็ลองให้คริสโตเฟอร์เฟอร์ทำข้อสอบดูผลปรากฏว่าผลคะแนนเป็นที่น่าพอใจแต่ผมอยากให้เขาฝึกฝนมากกว่านี้อีก อยากให้ได้คะแนนดีกว่านี้อีกหน่อยพอคริสโตเฟอร์เรียนพิเศษเสร็จผมกับคริสโตเฟอร์ก็เดินทางกลับโรงเรียนทันทีแต่ไม่ได้กลับไปที่บ้านพักครูกัน ผมและคริสโตเฟอร์มีแผนจะไปนอนตั้งแค้มป์กัน   ผมเองก็เลยต้องไปเอาเต็นท์ที่มีอยู่ไม่ได้ใช้งานนานแล้วตั้งแต่พ่อเสียไป คือเราจะมีแค้มป์ปิ้งกันบ่อยเหมือนกัน ทุกครั้งที่พ่อกลับมาบ้านที่ไทย บางที่ก็ไปกับเพื่อนๆของพ่อที่มาทำงานที่สถานทูตและพาครอบครัวไปด้วยกันมีทั้งคนไทยและต่างชาติ 

      “พี่เขมเราแวะซื้อพวกของกินกันก่อนไหม” คริสโตเฟอร์ถามผม ผมพยักหน้าว่าได้ซิ ผมเลยพากันเข้าไปเดินห้าง ห้างหนึ่งเพื่อลงไปแหล่งช๊อปปิ้งพวกอาหารและเครื่องดื่ม

      “ให้ดื่มได้แค่พวกสปายนะคริสไม่ให้ดื่มเหล้าเด็ดขาด” ผมบอกเขาก็พยักหน้าว่าได้

      “บาคาดี้ได้ไหมอะพี่เขมก็คล้ายๆกับสปายนั้นแหละ” คริสโตเฟอร์ถามผม ผมหยักไหล่ว่าได้ ระหว่างที่กำลังซื้อนั้นหยิบนี้ใส่รถเข็น ผมเหลือบสายตาไปเป็น อันโก๊ะ และป๊อปปี้ เพื่อนสนิทของณัฐกานต์เขายืนมองผมอยู่ มีท่าที่กล้าๆกลัวๆจะเข้ามาทักผม ผมก็ยิ้มทักทายก่อน เขาทั้งคู่ก็เดินตรงดิ่งมาหาผมทันที คริสโตเฟอร์หันมามองและหยักไหล่ถามผมว่าใคร

      “เพื่อนสนิทณัฐกานต์นะ” ผมกระซิบบอก

      “หวัดดีจ๊าเขม....เป็นไงบ้างไม่เจอกันนานเลยนะ....เปลี่ยนไปเยอะ...เลยอะ” อันโก๊ะถามผม ป๊อปปี้ก็ส่งสายตาปิ้งๆ ใส่ผมเป็นปกติ แต่พอทั้งคู่หันไปเจอคริสโตเฟอร์ที่ยืนกอดอกมอง ทั้งคู่อ้าปากค้าง

      “เพลี๊ยะ...นางปอป...เก็บอาการหน่อยเห็นไม่ได้เลยนะ...น้ำลายสอทันที” อันโก๊ะตีแขนป๊อปปี้   

      “แล้วหนุ่มคนนี้แฟนเหรอ...ที่...กานต์มันเหลาให้เราสองคนฟังนะ..” ป๊อปปี้ถามขึ้นตายังคงมองคริสโตเฟอร์เป็นมัน ผมหันมามองคนข้างๆ

      “ใช่แล้วแฟนเราเองว่าแต่เป็นยังไงกันบ้างสบายดีไหม” ผมถามกลับจะได้ไม่เสียมารยาท

      “แฟนหล่อน่ากินเนอะ...” อันโก๊ะพูดและส่งสายตาชะม้อยไปทางคริสโตเฟอร์

      “พวกเราก็สบายดี...เรื่อยๆ..แบบว่าแรดไปเรื่อยๆ ...อะ...ตามประสาโสด...กระปริบกระปรอย..” อันโก๊ะพูด

      “นี้ซื้อไปฉลองกันที่ไหนเหรอ” ป๊อปปี้ถามผม สายตามองไปที่ในรถเข็นพวกเครื่องดื่มขนมขบเคี้ยว

      “ก็แบบว่าเราพยายามทำทุกวันให้เป็นวันวาเลนไทน์นะครับเลยฉลองกันถี่หน่อยนะครับ วันวาเลนไทม์ของเรามี 365 วันต่อปีนะครับ” คริสโตเฟอร์พูดพร้อมกันโอบเอวผม

      “เริศค่ะ!..ของพี่มันไม่ได้มาทุกปีขนาดมีปีละครั้งนะ..เพราะวันวาเลนไทม์นี้เหมือนวันที่29 กุมภาพันธ์ ทุกสีปีมีครั้งค่ะ ...” อันโก๊ะพูด
      “อิจฉาเนอะแก” ป๊อปปี้พูด

      “เขามาฉลองกับพี่ทุกสี่ปีเลยเหรอครับ” คริสโตเฟอร์ถามกลับทันที

      “เปล่าค่ะ..อายุเนื้อคู่พี่พระเจ้าให้มาสั้นปีสองปีก็ตายจากหายหัวนะคะ.เพราะมันไม่ได้ทำให้ทุกวันเป็นวาเลนไทม์เหมือนน้องสุดหล่อนี้คะมันเล่นทำเหมือนวันเชงเม้งมากกว่าวันวาเลนไทน์ซะอีก” อันโก๊ะพูด พวกนี้ส่วนใหญ่ชอบผู้ชายปากหวานก้นเปรี้ยวพอเป็นก็หลอกเอาเงินมากกว่าแต่เขาสองคนไม่แค่หรอกเพราะว่าถ้าจะมีแฟนเขาจะตั้งงบไว้เลยว่าแฟนคนนี้ใช้งบเท่าไหร่ถ้าทำท่าจะเกินงบก็รีบจบสถานะนั้นจึงเป็นเหตุให้วันวาเลนไทม์บางปีเหมือนวันเชงเม้งนั้นเอง
      
      “แล้ว...กานต์เป็นยังไงบ้างละเขา...มีความสุขดีกับ..”

      “ไอ้แม๊คนะเหรอ...อยากให้เราเล่าหรือเปล่าละเขม...โคตรแย่เลยอะ” อันโก๊ะพูด ผมหันมาเหล่มองคริสโตเฟอร์ ถึงยังไงความรู้สึกที่ดีก็ยังคงเหลือต่อกันบ้าง

      “เกิดอะไรขึ้นเหรอ” ผมถาม สองคนนั้นหันไปมองหน้ากัน

      “กานต์มันไม่ได้ทำงานธนาคารแล้วนะ....ผู้จัดการเชิญมันออกไปแล้ว...” ผมก็เลิกคิ้วมองเพราะอะไรละ
   
      “หลายเรื่องเลย...หนึ่งนะมัน...จับได้ว่าไอ้แม๊คนะไปติดไฮโซเงินหนามันเลยทะเลาะกันรุ่นแรงและไอ้แม๊คก็ออกจากบ้านหายหัวไปหลายวัน เรื่องที่สองก็ตามมาก็ไฮโซที่ไอ้แม๊คไปติดดันมาเปิดบัญชีให้แม๊คสาขาที่กานต์มันทำงานกานต์มันเลยมีเรื่องกับเขาจนหัวหน้าเรียกไปตักเตือนมันก็มีเรื่องกับหัวหน้าคนนี้หลายครั้งแล้วเลยได้ฤกษ์ลาออกอันนี้คือเหตุการที่สาม” อันโก๊ะ เพื่อนของณัฐกานต์เล่าให้ผมฟัง ผมหันไปมองหนุ่มข้างๆ ผมก็จับมือเขาไว้ว่าผมไม่ได้จะถามเพราะว่าผมสงสารและกลับไปหาเขาแน่นอน

      “แถมไอ้แม๊คก็หาเหาใส่หัวไว้ให้เยอะเลยเป็นหนีบัตรเครดิตมากมายจนใช้ไม่หมดและเงินที่มันผ่อนบ้านอีแม๊คก็ชิ้งหายไปไม่ไปให้เขา  เงินดาวน์และผ่อนตั้งแต่อิแม๊คกลับมาเมืองไทยแล้วแหละ และตอนนี้ไม่มีแม้แต่ะเสาบ้าน....เพราะว่าเขายึดหมดทั้งเงินดงเงินดาวน์อันนี้นะเหตุการที่สี่” อันโก๊ะเล่าให้ผมฟังผมถึงกับชักสีหน้าเป็นกังวล ถึงยังไงสี่ปีมันก็มีสิ่งดีดีที่น่าจดจำร่วมกันและถึงจะเลิกกันไปแล้วความเป็นเพื่อนมันก็ยังคงอยู่

      “แล้วตอนนี้ณัฐกานต์เขา”

      “ไปอยู่กับพ่อแม่แล้วแหละตั้งแต่มีเรื่องคนที่ฝากงานให้ณัฐกานต์โทรไปบอกพ่อแม่มัน พ่อแม่กานต์เลยขึ้นมากรุงเทพ มาเคลียร์หนี้สินให้หมดและบังคับไปอยู่บ้าน” อันโก๊ะพูดผมพยักหน้าก็ดีนะ ไปอยู่บ้านต่างจังหวัดไปช่วยพ่อเขาทำฟาร์ม

      “อโหสิกรรมให้มันไปเถอะนะเขม..นี้พวกเราก็รอให้วันหยุดยาวๆจะลงไปเยี่ยมมันหน่อยไม่รู้ลงแดงไปหรือยัง...เขมก็รู้นินางกานต์นะติดผับจะตายไป ไปอยู่ที่นั้นมันคงได้กระดิกตัวออกมาหรอกและยิ่งมีเรื่องแบบนี้เสด็จพ่อมันคงล่ามโซ่ไว้กับบ้าน” อันโก๊ะพูด ผมยิ้มๆ ผมว่าดีนะเพื่อณัฐกานต์จะคิดได้ว่าชีวิตกับธรรมชาติมันดีแค่ไหน ผมอยากให้ณัฐกานต์เปลี่ยนตัวเองไม่ใช่เพื่อผมหรือเพื่อใครแต่มันเพื่อตัวของเขาเอง ณัฐกานต์ติดชีวิตหรูๆ ยึดติดกับหน้าตาสังคมต้องเป็นที่หนึ่งต้องได้มาซึ้งอันหนึ่งถึงกับยอมแลกแม้กระทั้งศักดิ์ศรีตัวเอง

      “เขมไม่โกรธณัฐกานต์แล้วแหละ”

      “มันก็บ่นอยู่นะว่ามันนะเสียใจมากที่มันเสียคนที่รักมันที่สุดไปและเขมนะก็คงแค่เสียคนที่ไม่รักไป”  อันโก๊ะ ผมหันมาคริสโตเฟอร์ที่ยืนกดมือถือเล่นทำเป็นไม่สนใจฟังอะไร

      “ยอมรับว่าใช่...และเขมได้คนที่รักเขมที่สุดมาแทน...เขมคงกลับไปหาณัฐกานต์ไม่ได้แล้วเพราะว่าเขมเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมันแค่อยากมีแฟนอยากมีใครสักคนและเราสองคนก็ต่างทำเพื่อตัวเองกันทั้งคู่”

      “เขมทำเพื่ออนาคตพยายามสร้างทุกอย่างบนรากฐานของความั่นคงแต่เขมก็ลืมนึกไปว่าความสุขก็จำเป็น   ส่วนณัฐกานต์ก็ทำเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาคิดว่าดีที่สุดแต่มันได้มาแบบที่...เขมเองก็คงรับไม่ได้...แต่ความเป็นเพื่อนยังมีอยู่นะ”

      “ว่างๆ รอให้คนข้างๆนี้สอบ GED เสร็จก่อนเขมจะจัดทริปไปเที่ยวแถวบ้านกานต์นะ ฝากบอกเขาด้วย...ว่าเพื่อนคนนี้เป็นห่วง” ผมพูดและหันมามองคริสโตเฟอร์

      “จะพาแฟนไปเที่ยวหลังปิดเทอม”ผมพูดกับอันโก๊ะ และป๊อปปี้ สองคนก็ยิ้มเจื่อนๆมาให้ผมแทน

      “ถ้าอย่างนั้นเขมไปนะ” ผมหันไปบอกสองคนนั้นและหันมาพยักหน้ากับคริสโตเฟอร์

      “โชคดีนะเขม...โชคดีนะสุดหล่อ...น่ากินนะเรานะ..รู้อย่างนี้ไปเป็นคุณครูซะก็ดีจะได้เจอนักเรียนน่าสอนแบบนี้บ้าง!” อันโก๊ะพูดผมก็ดึงคนข้างเดินออกเขาหันมามองหน้าผมและกุมมือไว้เราเดินไปที่เคาเตอร์เพื่อชำระเงินด้วยกันและรีบนำของที่ซื้อไปใส่ไว้ที่รถและจะได้ออกเดินทาง

      ผมขับรถไปด้วยความเงียบแม้เสียงดนตรีในรถก็ไม่มี ส่วนคนข้างก็เอาแต่กดเล่นมือถือ ผมเองก็ได้แค่ครุ่นคิดเรื่องที่ผมได้ยินเกี่ยวกับณัฐกานต์ ผมไม่ได้คิดว่าจะหวนกลับไปหาแต่ยังไงสี่ปีมันก็มีสิ่งดีดีที่น่าจดจำอยู่และผมเองก็มีส่วนผิดที่ทำให้ณัฐกานต์ไปหาไอ้แม็คแบบเต็มตัวและทุ่มให้แม็คแบบเต็มที่โดนไม่กักไว้เพื่อตัวเองเรียกได้ถลำให้ไปจนเกือบหมด แต่ผมเองก็คงทำได้แค่เห็นใจคนเคยรักกันมาก่อน ผมคงไม่กลับไปหาแน่นอน หลายเหตุผลที่ผมทำใจรับไม่ได้แต่เหตุผลหลักที่สำคัญคือผมรักคนข้างๆจนหมดใจไปแล้วแต่จะว่าไป ตั้งแต่ออกรถมาคนข้างๆผมเอาแต่เงียบไม่พูดไม่จาเลย

      “คริสเป็นอะไรไปทำไมเงียบจัง...” ผมถามคริสโตเฟอร์

      “ไม่นิ...และที่ผมเงียบเพื่อว่าพี่กำลังตัดสินใจ” คริสโตเฟอร์พูด ผมหันมาเหล่มองคริสโตเฟอร์ ก่อนจะเปิดไฟขอทางเพื่อนำรถเข้าจอดที่ข้างทางซึ่งผมดูแล้วปลอดภัยพอที่จะจอดเพื่อคุยกัน  คริสโตเฟอร์หันมามองผมทันทีว่าผมนำรถเข้ามาจอดทำไม ผมปลอดเข็มขัดนิรภัยตัวเองออก ผมหันมามองคนข้างๆ เขาก็วางมือถือที่เล่นเกมส์อยู่ลง

      “คริส..ที่เงียบนี้เรื่องณัฐกานต์ใช่ไหม...และทำไมพี่ต้องการเวลาในการตัดสินใจด้วยละ” ผมถามคริสโตเฟอร์

      “ก็ผมเห็นสีหน้าพี่ดูเป็นห่วงเขามาก...และเขาก็...เคยเป็นคนที่พี่รัก” คริสโตเฟอร์พูดโดยไม่มองหน้าผมหันหน้าไปมองด้านนอกรถ

      “พี่ยอมรับว่าพี่เป็นห่วงในฐานะเพื่อนในฐานะคนเคยรักกันพี่ยอมรับแต่ มันแค่สถานะเคย....มันไม่กลับมาเป็นสถานะอื่นได้อีกแล้วเพราะอะไรเราไม่รู้เหรอคริส” ผมถามคริสโตเฟอร์ เขายังคงก้มหน้าลง

      “พี่มีคนที่พี่รักแล้วและพี่ไม่ใช่คนที่จิตใจโลเล รักๆเลิกๆ...คริสไม่เชื่อใจพี่เหรอหึ!” ผมถามคริสโตเฟอร์ เขาก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองผม เหมือนเด็กน้อยที่กำลังโดนดุ

      “ผมรู้ว่าผมควรจะเชื่อใจพี่เขมแต่ผมก็แอบกลัว...ไม่ซิผมกลัวมาก...ยิ่งเห็นพี่ยังมีท่าที่เป็นห่วงเขาอยู่ผมยิ่ง” คริสโตเฟอร์พูดโดยไม่มองหน้าผม

      “พี่กับณัฐกานต์จบแล้วก็คือจบและที่เป็นห่วงเพราะว่าตลอดสี่ปีนะยังมีอะไรดีดีเกิดขึ้นด้วยกันและความเป็นห่วงมันแค่สถานะเพื่อนแค่นั้นจริงๆ ...ไม่มีสถานะอื่นแล้ว...พี่มีแฟนแล้ว” ผมพูดคริสโตเฟอร์เงยหน้ามองผม

      “ผมขอโทษพี่เขม...ผมแค่กลัวว่าพี่จะใจอ่อน..ผมกลัวเพราะว่าผมอยู่กับพี่แค่ปีเดียวระยะเวลามันสั้นกว่าแต่ผมยอมรับผมผูกผันกับพี่มากจนผมกลัวไปทุกอย่าง...และยิ่งเขากำลังลำบากแบบนี้ด้วย..ผมกลัวพี่จะไปหาเขา..ผมรู้ว่าผมควรจะเชื่อใจไว้ใจแต่มันก็ยังทำให้ผม..อดกลัวไม่ได้ผมกลัวเสียคนที่ผมรักที่สุดไป”

      “หมับ...อุ๊บ” ผมนั่งฟังคนที่นั่งเงียบๆไม่พูดไม่จนนั่งเก็บอยู่ในใจมาตั้งนานตอนนี้พูดออกมาจนเกือบหมดแต่ผมเอี้ยวตัวไปและดึงคอเสื้อคนข้างเข้าหาผมและประกบปากจูบทำให้คนที่ถูกผมจูบเงียบไปได้หลายวินาทีจนผมถอนปากออกช้าๆ

      “คราวนี้เชื่อใจพี่หรือยัง” ผมถามคริสโตเฟอร์ เขาก็ยกมือขึ้นมาแตะปากตัวเองเบาๆ

      “ครับพี่เขม” คริสโตเฟอร์พยักหน้าตอบผมเบาๆ แอบยิ้มอีกนะ

      “พี่รักเรามากนะพี่มองไปถึงอนาคต ไม่อย่างนั้นพี่จะวางหมากให้เราได้ขนาดนี้เหรอคริส” ผมหันมามองหน้าคนข้างๆผม

      “รักและเชื่อใจคือสิ่งสำคัญนะรู้ไหม” ผมพูดคริสโตเฟอร์ยิ้มให้ผมพยักหน้าเบาๆ

      “หึๆ ...นั่งเงียบตั้งนานพอบทได้พูดนี้พูดซะเยอะเชียว” ผมหัวเราะคนข้างที่หยิบมือถือมาเล่นต่อ ผมก็ออกรถเพื่อจะได้รีบไปให้ถึงที่นัดหมายกันไว้ ที่ตะวันจะตกดินตอนนี้ก็เกือบจะสี่โมงกว่าแล้วด้วย ผมขับไปเรื่อยๆ เลี้ยวรถเข้าทางเขตอุทยานเรียบร้อยแล้วด้วย

      “พี่เขมผมขับให้ดีกว่า” คริสโตเฟอร์หันมาบอกผม ผมพยักหน้าก็ดีเหมือนกัน เริ่มเมื่อยแล้วด้วย ผมก็จอดรถและเปลี่ยนให้คริสโตเฟอร์ขับรถให้ผมนั่งแม้จะไม่ไกลก็ตามแต่ได้พักสายตาบ้างก็คงจะดี ผมเอาเบาะนอนลงมันล้าจนตาจะปิด ผมเผลอหลับไปได้สักพัก

      “พี่เขม” ผมค่อยๆลืมตา คริสโตเฟอร์แทรกตัวเข้ามาทางฝั่งที่ผมเอนเบาะนอนราบลง เอามือลูบไล้ใบหน้าของผมไปมาพอผมลืมตาขึ้นเขาก็ก้มลงจูบผมแบบหยอกเหย้าเล่นและเริ่มหนักหน่วงขึ้นมือลูบไล้ต้นแขนผมไปด้วย ผมก็กำลังสลึมสลือแต่ก็เคลิ้มตามไปด้วยมือผมก็ลูบไล้เอวของคริสโตเฟอร์

      “อะแฮม!!” เสียงกระแอมดังอยู่นอกรถ คริสโตเฟอร์ก็หยุดและผมเองก็ดันเขาให้ลุกขึ้นจากตัวผม สี่หนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างนอกรถ ผมก็ไม่รู้ว่ามาจอดตอนไหนด้วยซิ ผมรีบดันคริสโตเฟอร์ออก หมดกันครูเขมชาติ

      “ทำอะไรอะคริส” เสียงปันปันถามคริสโตเฟอร์

      “คริสมันคงซักผ้าอยู่มั้งครับลูกปันปันครับ” อาร์ท ผมเดาได้ว่าหนุ่มที่โดนแซวคงแก้มป่อง

      “ไอ้อาร์ท!!”

      “โป้งจัง.....ไอ้อาร์ทมันว่าเมียโป้งจังอะ”  ปันปัน หันมาทำตาปิ้งๆใส่โป้ง ความรักเด็กๆนี้เขาหยอกกันน่ารักดีนะ

      “กูจะเตะเมียกูนี้แหละ ..บอกอย่าเรียกโป้งจังไง...กูอายเขา!” โป้ง

      “กูแค่ปลุกพี่เขมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” คริสโตเฟอร์พูดและลุกจากตัวผมออกไปยืนนอกรถ มัน่าจริง ผมก็ต้องรีบปรับเบาะและลุกขึ้นนั่งทันที

      “เหรอ!!” เสียงนี้บอกได้ว่าไม่เชื่อแน่นอน ผมออกจากรถก็บิดขี้เกียจ และมองไปรอบๆอุทยาน บรรยากาศดีมากเลย มีบึงขนาดใหญ่ มีนักท่องเที่ยวมานอนเต็นท์หลานเต็นท์อยู่เหมือนกันแต่ไม่ได้อยู่ติดกันจนแออัด มีพื้นที่เป็นส่วนตัวให้ได้ทำกิจกรรมกันแบบไม่รบกวนคนอื่นๆเขา

      “นี่ครูจะมอมพวกผมด้วยสปายกันเหรอครับ ...แต่...ผมกินไม่เคยเหมาสักทีอะครู ” อาร์ทพูด พร้อมกับช่วยกันยกสปายออกจากท้ายรถของผม

      “ก็ดีแล้ว...มีครูที่ไหนอยากให้ลูกสิทธิ์เมาห๊ะ!” ผมพูด

      “วันนี้เลิกเป็นครูหนึ่งวันได้ไหมอะพี่...เป็นพี่ชายพวกผมหนึ่งวันนะ” คริสโตเฟอร์พูด ผมคิดว่าดีเหมือนกันถ้ามีคำว่าครูมันก็คงดูเกร็งๆกันและคงไม่สนุกมากเท่าไหร่

      “ก็ดีนะ...วันนี้ไม่ต้องเรียกครูเรียกพี่เขมแล้วกัน” ผมพูดทุกคนพยักหน้า

      “ครู...เอ้ย....พี่เขมผมกางเต็นท์ไว้ให้แล้วครับ ผมเอามาเผื่อจากที่บ้านนะครับ...ไม่ต้องเอาเต็นท์พี่เขมหรอกนะครับ” อาร์ทพูด ก็พยักหน้าตามนันก็ได้

      “เพราะว่า ผมจะได้แอบดูกันได้ ผมแอบเจาะรู้ไว้ตั้งแต่ที่บ้านแล้วครับพี่เขม ” แต่ไอ้ตรงแอบดูได้นี้แหละผมหันขวับไปมองทันที

      “เอาเต้นพี่ดีกว่ามั้ยอาร์ท ไม่มีแน่นอนให้พวกนายแอบดู”ผมหันไปบอกพ่อตัวดี นอกจากจะเกรียนทั้งแก้ง ยังหื่นมากทั้งแก้งอีก นี่ครูเขมหลวมตัวมาได้ยังไงเนี๊ยะ ฮาๆ กลับไม่ทันแล้วผมคิดว่า

      “ไอ้เชี้ย!!!!” คริสโตเฟอร์เลยไล่เตะอาร์ททันที  ผมก็ช่วยกันถือของไป เขาตั้งเตาเรียบร้อยแล้วมีพวกถังเย็นแชร์พวกหมู ไก่ และซีฟูดส์ที่จะทำบาร์บีคิวคืนนี้ เต็นท์ที่ถูกกางไว้เรียบร้อยแล้วทั้งสามเต็นผมเอาที่นอนปิ๊กนิคมากเอง คริสโตเฟอร์จัดการนำที่นอนผ้าห่มเข้าไปไว้ในเต็นท์

      “ผมมากันได้สักพักแล้วครับพี่เขมผมเลยตกปลาได้สองตัว..ปลาทับทิมนะครับ” โป้งพูดผมก้มลงไปดูตัวใหญ่ใช่เล่น

      “ดีเลยพี่ทำปลาเผากินกันนะคืนนี้” ผมพูด

      “ถ้าอย่างนั้นปันปันช่วยพี่เขมนะ”ปันปันบอกผม ผมก็พยักหน้าว่าได้

      “โจคร๊าบ ไปเรียนแม่บ้านแม่เรือนกับพี่เขมเลย เพราะโจก็จะได้ออกเรือนเร็วๆนี้ แม่จี้ดบอกมานะครับ เมียกูครับ” อาร์ทหันไปบอกโจที่ยืนเล่นมือถือยู่  ผมนี้ควรจะดีใจดีไหมให้มาเรียนเป็นแม่บ้านแม่เรือนกับผมนี้นะ

      “กูแม่บ้าน 2020 โว้ย ไม่ใช่แม่การะเกดย้อนยุกต์นี่ครับ ไอ้คุณอาร์ท ดังนั้น ยุคนี้สามีทำ แบร๋” นั้นไง โจหันไปแลปลิ้นให้อาร์ท
      
      “ดีเลยปันปัน ...ถ้าอย่างนั้นพวกผมไปหาไม้มาทำฟืนเพื่อก่อกองไฟดีกว่านะครับพี่เขม “ โป้งพูดผมก็พยักหน้าโป้งเข้าไปเรียกคริสโตเฟอร์ ผมก็จัดการเป็นพ่อครัว โดยมีปันปันเป็นลูกมือช่วยอีกคนดูท่าจะคล่องแคล้วหรือไม่ก็ชอบทำอาหาร และโจก็ช่วยและทำการถ่ายรูปไปด้วย แต่ถ่ายรูปซะมากกว่าช่วยนะผมว่า 

      “ม๊าผมทำอาหารเก่งนะครับพี่เขม.....ผมเองก็ชอบช่วยม๊าเพราะไม่อยากเห็นม๊าเหนื่อยอยู่คนเดียว พี่เขมคงรู้นะครับว่าครอบครัวคนจีนเป็นยังไงและยิ่งบรรดาเจ้ ลูกสาวพากันแต่งงานไปกันหมดแล้วด้วยม๊ายิ่งต้องทำเองทุกอย่างแต่เตี่ยมักจะไม่ชอบให้ผมทำเพราะเตี่ยกลัวผมตะเป็นตุ๊ด...เตี่ยไม่เข้าใจหรอกว่าเกย์คืออะไร..คิดอย่างเดียวแต่ว่าจะเป็นตุ๊ด” ปันปันพูด ผมหันมามองปันปัน สีหน้าเขาดูกังวลและเสียใจ

      “มันเป็นแค่ความที่กังวลใจของพ่อแม่เท่านั้นเองนะปันปัน แต่ถ้าปันปันทำให้เตี่ยปันปันเห็นว่าปันปัน ไม่ได้อ่อนแอ ปันปันอยู่ได้บนโลกใบนี้ได้และปันปันก็ประสบผลสำเร็จได้ นั้นแหละวันที่เตี่ยของปันปันจะยอมรับและเปลี่ยนความคิด  อดทนหน่อยตั้งใจเรียนไม่นานพ่อของปันปันก็จะยอมรับสิ่งที่ปันปันเป็นได้...ครูเชื่ออย่างนั้นนะ” ผมพูด ปันปันหันมามองหน้าผมรอยยิ้มส่งกลับมาให้ผม
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ตอนนี้เข้ามาอัพได้ทุกวันแหละวันละตอน เรื่องกำลังเข็มข้นขึ้นตัวร้ายกำลังจะกลับกลายมาเป็นคนดี เราไม่ชอบกำจัดแบบให้สิ้นซากเพราะไม่ใช่นิสัยครูเขมพูดเลย....

ตอนหน้าสวีทกันสามคู่ ไม่มี NC นะคะ (กลัวมีเยอะไปแล้วจะว่าคนแต่งสายหื่น..555จริงๆ มันใช่ ก๊ากๆ)
ขอบคุณทุกกำลังใจนะ  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:  รักคนอ่านจัง  :กอด1:
[/quote]
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน EP.31.1 สวีทกันสามคู่ชูชื่น 2
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 26-09-2020 21:48:55
               EP.31.1 สวีทกันสามคู่ชูชื่น 2
             
                Part ครูเขมชาติ ระหว่างที่ผมกำลังเตรียมอาหาร ส่วนคริสโตเฟอร์ โป้งและอาร์ทก็ไปหาฟืนมาก่อกองไฟสำหรับคืนนี้ มีหลายกลุ่มที่มาพักนอนเต็นท์เหมือนกัน อยู่ข้างๆถัดจากพวกห่างออกไปนิดหน่อย สิบกว่าเต็นท์ได้ โจก็เดินเข้ามาเป็นลูกมือช่วยผมอีกคนแต่ดูโจจะเก้ๆกังๆ เพราะคงไม่ค่อยเข้าครัวสักเท่าไหร่

“พี่เขมทำอาหารเก่งจังอะครับ...ผมนะแม่คอยเคี่ยวเข็ญจนเรียกได้ว่าต้องบังคับจะดีกว่านะครับพี่เขม ...แต่ผมยังทำไม่ได้เลยอะ” โจพูดผมหันไปมองยิ้มๆให้

“ปันปันมึงรึบเรียนเลยนะกะเป็นแม่ศรีเรือนเลยซิท่า” โจหันไปแซวปันปัน

“เออ...กูตั้งใจตั้งแต่กูลืมตาดูโลกเลยครับไอ้โจ” ปันปันหันมาแหยกเขี้ยวใส่โจ้
“นี้แสดงว่ามึงลืมตาดูโลกมึงก็ตั้งใจเป็นแม่เลยอะดิ ปันปัน “ นั้นไงได้ผล ลูกมือของผมหันไปไล่เตะกันเองแล้ว ทำเอาพวกโป้งและอาร์ทถึงกับส่ายหัว

“พี่เขมครับผมเอาปลาไปเผาก่อนดีกว่า” โป้ง บอกผม ผมหันไปพยักหน้าตอบ

“ไปช่วยปะ” ปันปันถามโป้ง โป้งพยักไหล่และปันปันก็เดินตามโป้งไป

“พี่เขมงั้นผมกับไอ้อาร์ทเอาพวกหมึกกุ้งและบาบีคิวนี้ไปย่างเลยนะครับพี่เขม” อาร์ท เดินมาบอกผมพยักหน้าแน่นอนโจต้องเดินไปช่วย สองคู่เขาไปสวีทกันคนละมุมเลย ผมก็กำลังจะทำกุ้งแม่น้ำทอดราดซอสมะขาม แม่ผมทำให้พ่อผมทานบ่อยจนผมทำได้ ผมก็เป็นลูกชายคนเล็กชอบเข้าครัวช่วยแม่ เหมือนอย่างที่ปันปันพูด ไม่อยากเห็นแม่เหนื่อยยู่คนเดียวและแม่ผมยิ่งเป็นครูสอนวิชาคหกรรมด้วยผมยิ่งต้องทำให้ดูดีและน่าทาน

“หมับ” คริสโตเฟอร์เดินมากอดผม ผมก็สะดุ้งทำท่าจะจับมือออก

“พี่เขมวันนี้ไม่ได้เป็นครูนะ...เป็นคนรักต้องกอดได้ซิ” คริสโตเฟอร์พูดผมหันไปมองยิ่งทำสายตาอ้อนแบบนี้อีกใจอ่อนจนได้นะผมนะ เวลาผ่านไปไม่นานอาหารเสร็จเรียบร้อย

“กูกับพี่เขมไปอาบน้ำกันก่อนนะโว้ย..เดี๋ยวมาจัดสถานที่รอเลย” คริสโตเฟอร์

“ได้ทีแม่งสั่งเลยนะ ไอ้คุณคริสครับ” ไอ้อาร์ทหันมาพูด ผมหยิบผ้าเช็ดตัวคนละผื่นพวกโป้งนะมาถึงก็ลงเล่นน้ำกันเลย ก็เลยอาบน้ำกันเรียบร้อยแล้ว ที่นี้มีห้องน้ำสาธารณะไว้ให้ใช้ ผมพากันเดินไปที่ห้องน้ำสาธารณะ

“พี่เขมอาบห้องเดียวกันนะ ห้องอื่นคนอื่นได้ใช้ได้” คริสโตเฟอร์พูด

“จะดีเหรอ” ผมถามเพราะว่ากลัวเวลาอาบน้ำด้วยกันนี้แหละ กลัวคนที่อาบกับผมจะอดใจไม่อยู่ แถมตรงนี้มันห้องน้ำสาธารณะด้วยนะ

“นะ”

“อาบน้ำอย่างเดียวนะ” ผมพูดกันท่าไว้ก่อนคนนี้ยิ่งไวทุกอย่างและยิ่งห้องน้ำสาธารณะแบบนี้ด้วย มีหวังเขาคงได้สืบหาว่าใครแน่ๆ

“หึๆ...หรือว่าพี่เขมอยากได้มากกว่านั้นอะ” คริสโตเฟอร์พูด

“ไม่เอา...เร็วๆเขาคนอื่นจะได้มาใช้ห้องน้ำบ้าง” ผมดันคนที่ยืนอยู่เข้าไปในห้องน้ำ จัดการอาบน้ำกันสองคนในห้องน้ำเดียวกัน แต่ก็ไม่วายมือไม้นี้เป็นปลาหมึกอยู่ดี

“อิว!” ร้องดังลั่นเลย ผมรีบเอามืออุดปากคนที่ส่งเสียงร้องทันทีเช่นกัน

“ไหนบอกพี่ว่าอาบน้ำอย่างเดียวไงห้ามลวนลามพี่เดี๋ยวจะโดน” ผมทำน้ำเสียงดุใส่คนดื้อของผม ผมก็ต้องรีบอาบน้ำให้เสร็จเร็วๆพวกอาร์ทกับโจ้ ปันปันและโป้งคงรอนานแล้วมีหวังได้แซวอีกแน่ๆ หายไปนาน ผมเดินอกมาจากห้องน้ำก็มีสายตา สองคู่หันมามองเขารอใช้ห้องน้ำอยู่เหมือนกัน เขายิ้มให้ผมสองคน ดูก็รู้ว่าเป็นแฟนกันจับมือกันเดินเข้าห้องน้ำ

“เห็นไหมเขายังอาบด้วยกันเลย เขามาซิ” ผู้ชายเรียกแฟนตัวเองเข้าไปบ้าง ผมเดินมาที่ตรงที่พัก มีเก้าอี้พับได้กางไว้คนจะตัวและอาหารก็ถูกจัดวางไว้ เป็นมินิปาร์ตี้เล็กๆก็ว่าได้ มีกี่ตาร์โปร่งวางอยู่สองอัน ผมจำได้ว่าอีกอันนะของคริสโตเฟอร์ คริสเอาเสื้อผ้าเข้าไปเก็บให้ ผมนั่งรอเขาด้านนอกกับเพื่อนๆเขา

“คริสมันรักพี่เขมมากเลยนะครับ พวกผมไม่เคยเห็นมันทำแบบนี้ให้ใครเลยแม้กระทั้งแฟนเก่าที่มันเลิกลาไปนะครับ มันทำเหมือนรักเขามากแต่มันไม่เคยดูแลเขาได้ดีเท่าดูแลพี่เขมเลยนะครับ” โป้งพูดและคริสโตเฟอร์ก็เดินออกมาพร้อมกันเสื้อแจ็คเก็ต

“เผื่อว่าพี่เขมหนาว” คริสโตเฟอร์บอกผม และปาร์ตี้ก็เริ่มขึ้น โจ้เปิดขวดบาคาดี้แจกกันคนละขวด โป้งกับปันปันเขานั่งติดกัน ปันปันก็กดถ่ายรูป ถ่ายเซฟฟี่บ้างอะไรบ้าง ผมเห็นคนข้างๆเขาอยากจะถ่ายเซลฟี้คู่กับผมใจจะขาดแต่ทว่ามันไม่เหมาะสมถ้าจะเอาไปอัพลงเฟสบุ๊คเหมือนคู่รักคนอื่นๆเขาทำกัน

“ไอ้ปันปันรีบเหรอ...อัพสวีทกันทันทีเลยนะสาด ...รอกูอีกสองวิ ...ที่รักหันมา” โจพูดและเอามือดันศรีษะอาร์ทมาถ่ายรูปแบบไม่ให้รู้ตัวแถมด้วยหอมแก้มอีกต่างหาก

“พี่รู้ว่าเราอยากทำบ้างแต่พี่กลัวว่า”

“แค่ได้อยู่กับพี่ผมก็มีความสุขแล้วแต่ก็อยากจะมีโมเม้นนั้นบ้างเหมือนกัน อยากให้คนอื่นได้รู้ว่าเรารัก อยากให้คนอื่นรู้ว่าพี่เขมนะแฟนผม” คริสโตเฟอร์พูด ผมได้แต่มองแววตาคู่นั้น มองจนเพลินผมรู้สึกตัวอีกที ริมฝีปากนั้นก็เข้ามาแตะที่ริมฝีปากผม

“แชะ” เสียงแชะรูปถ่ายโดยปันปัน และผมก็ผละริมฝีปากออกจากกันทันที หันไปตักอาหารมานั่งทานกันสองคน โป้ง และอาร์ทก็เล่นกีตาร์ร้องเพลง สนุกสนานกันส่วนใหญ่จะเป็นเพลงดัดแปลงออกแนวทะลึ้งทั้งนั้น ส่วนคริสโตเฟอร์ก็นั่งข้างๆผมบีบมือผม

“ในบรรดาผู้หญิงที่เราคบนะคนไหนที่เราคิดว่าเรารักเขามากที่สุดและคิดว่าจะหยุดที่เขา” จู่ๆผมก็ถามเขาเรื่องนี้ขึ้นมา คริสโตเฟอร์มองหน้าผม

“พี่อยากรู้เหรอ”

“อืมม...” ผมพยักหน้าเบาๆ

“ผมตอบตามตรงนะ ...ผู้หญิงทีทำให้ผมดีขึ้นแต่แค่ปีเดียวเองที่ผมได้เป็นแฟนกันเป็นปีเดียวที่ผมยอมทำเพื่อให้ได้มาซึ้งหัวใจของเขาก่อนที่เขาจะไปเรียนต่อที่อื่น ...เชอรี่...เธอเป็นผู้หญิงที่สวยและสมบูรณ์แบบ เรียกได้ว่าเพอเฟค เธอไม่เคยมองผมเหมือนเช่นคนอื่นๆมอง ว่าผมเป็นฝรั่งไม่มีพ่อ แม่ทำงานบาร์มาก่อนอะไรพวกนี้ “ ผมก็พยักหน้าตาม

“และนี้ก็คือจุดที่ทำให้ผมกับพี่กายบาดหมางกันมีเรื่องกันมาตลอดทุกที ไม่ว่าในสนามหรือนอกสนาม เพราะว่าพี่กายเขาชอบเชอรี่และเขาก็คงคิดว่าตัวเขามีดีทุกอย่างแต่ทำไมเชอรี่มองข้ามเขามาหาผม..ผมเคยคิดถึงขั้นว่าจะคบคนนี้ไปนานๆและจะแต่งงานด้วยและผมก็จะทำให้เขาเห็นให้ได้ว่าผมดีพร้อมสำหรับเขา”

“จน....พ่อแม่เขารู้เรื่องของผมกับเชอรี่ พ่อแม่เขารับไม่ได้ตรงที่แม่ผมเคยเป็นผู้หญิงบาร์มาก่อนเขาจึงพาเชอรี่ไปเรียนต่อเมืองนอก ....และนั้นแหละชีวิตผมก็ดิ่งลงอีกครั้งพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด

“เขาว่าผมเป็นแค่ฝรั่งที่ไม่มีอะไรมาอาศัยเมืองไทยพ่อยังทิ้งไป จะไปทำอะไรได้เขาไม่เชื่อในตัวผมและผมกับพี่กายเรามีเรื่องกันบ่อยจนผมถูกตักเตือนไม่รู้กี่ครั้ง นั้นก็ยิ่งทำให้พ่อแม่เขาที่เป็นผู้มีชื่อเสียงไม่อยากให้ลูกสาวเขามาคบกับผมแต่ว่าเราก็แอบคบกันผมบอกตรงๆว่าผมกับเชอรี่เรามีอะไรกันแล้ว” คริสโตเฟอร์พูดผมพยักหน้ายอมรับเพราะนั้นคืออดีต

“และที่ผมรู้ก็คือพ่อของเชอรี่นะเขาเป็นเพื่อนพ่อของพี่กาย แน่นอนพี่กายก็ต้องคอยยุแต่สุดท้ายพ่อแม่เขาก็เลือกที่จะพาลูกสาวเขาหนีไปไกลจากผม “ คริสโตเฟอร์พูด ผมพยักหน้า คริสโตเฟอร์มองหน้าผมเขากุมมือผมไว้

“ถ้าวันที่เราพร้อมแล้วผู้หญิงคนนี้เขากลับมาหาเราละ” ผมถามคริสโตเฟอร์

“พี่เขมมันเปลี่ยนไปแล้วความรู้สึกผมนะตอนนี้ผมรู้แล้วว่า ผมรู้ว่าผมควรรักใคร รักคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วผใมีความสุข ถามว่าอยู่กับเชอรี่มีความสุขไหมตอบได้ว่ามีแต่มันละสุขกัน พี่เขมเข้าใจใช่ป่ะ แต่เชอรี่ก็ดูแลดีนะ ดูแลผมตลอดทำให้ทุกอย่างแต่ผมแค่อยากได้เขามาเป็นแฟนเพราะว่าเขาสวยเขา...เป็นที่ต้องตาต้องใจใครก็อยากได้และ...ผมอยากเอาชนะไอ้พี่กายมัน..ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว...เราต้องอยากอยู่กับใครสักคนเพราะว่าเรารักเขาไม่ใช่อยากได้เขา”

“ที่ผ่านมาผมความรู้สึกผมกับเชอรี่มันต่างกันกับที่ผมรู้สึกกับพี่เขม...ผมอยู่กับพี่เขมเพราะว่าผมรักพี่นะผมมีความสุขมากกว่า ผมได้อะไรหลายๆอย่างมากกว่า โตขึ้น...รู้จักระงับอารมณ์ตัวเองมากขึ้น ” คริสโตเฟอร์พูด

“คราวนี้เข้าใจพี่แล้วใช่ไหมว่า เรื่องราวระหว่างพี่กับณัฐกานต์ก็จบลงแล้วเหมือนกัน...พี่อยากอยู่กับคนที่พี่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขต่อให้พี่ต้องทำทุกอย่างเหนื่อกว่าแค่ไหนแต่ผลที่ได้รับมันสุขใจพี่เลือกที่จะอยู่ตรงนั้น” คริสโตเฟอร์ยิ้ม เขากำลังจะยื่นหน้ามาจูบผมแต่ผมว่าไม่ได้ยินเสียงเพลงแล้วนะ มันเงียบมากผมเลยหันไปมองสายตาสี่คู่มองผมสองคนเป็นตาเดียวกันเลย ผมรีบดันคริสโตเฟอร์ออก ถึงวันนี้ไม่เป็นครูแต่มันก็ยังเคาะๆเขินๆ อยู่ดี ผมเหลือบมองเวลานี้เกือบจะเที่ยงคืนแล้วเหรอเร็วมาก

“ดึกแล้วเขาเต็นท์นอนกันดีกว่าวะ “

“โป้ง...เราไป...เล่านิทานกัน”

“ห๊ะ!...โตป่านนี้ยังฟังนิทานก่อนนอนอีกเหรอวะปันปัน...เมียจ๊า...คู่นี้มันยังเล่านิทานก่อนนอนกันอยู่เลยอะ ...ฮาๆ ” อาร์ทรีบแซวทันที

“จริงๆดิ...ฮาๆ...มึงได้เมียเด็กน้อยเหรอวะโป้ง..ฮาๆ” โจอีกคน

“นิทานของกูไม่ใช่นิทานเด็กๆ เพราะว่านิทานที่เราสองคนจะเล่าให้ฟังกันเป็นนิทานเรทอาร์เว้ยเฮ้ย!”

“พลุ๊กๆๆ” แก้วน้ำพลาสติกและขวดน้ำ ถูกปาใส่คู่โป้งกับปันปัน ผมก็ลุกขึ้นพับเก้าอี้เก็บไว้ข้างจะได้พากันเข้าเต็นท์นอนกัน

            พรุ่งนี้ว่าจะไปเที่ยวที่ใกล้ๆกันก่อนแล้วค่อยพากันกลับบ้าน วันอังคารเปิดเรียนตามปกติ ผมหมุดเข้าไปจัดที่นอนก่อนและคริสโตเฟอร์ก็ตามผมเข้าไป ดวงไฟจากข้างนอกที่เปิดไว้ให้คนที่มานอนเต็นท์ มันก็ไม่ได้ถึงกับรบกวนสายตาจนนอนไม่หลับ บรรยากาศ ที่เงียบมีเพียงเสียงจิ้งหรีดร้องดูธรรมชาติมาก ผมนอนคุยกันเรื่องวัยเด็กของผมกับพี่ชายทั้งสองคนคุยกันสักพักจนผลอยหลับไปทั้งคู่

          ผมรู้สึกตัวอีกทีตอนเช้ามืดคนข้างๆไม่ได้นอนอยู่ข้างๆผมแล้ว ผมจึงเปิดเต็นท์ออกไปด้านนอก ผมกับเห็นคริสโตเฟอร์กับโป้งกำลังเปิดเต็นท์ของอาร์ทกับโจ้ และกำลังดึงลากอะไรสักอย่าง ส่วนปันปันก็ยืนปิดปากขำ ผมก็ยืนเอามือขึ้นมาเท้าซะเอวมอง จนทั้งคู่ลากที่นอนลมออกมาจากเต็นท์ หลับกอดกันกลมเลย คริสโตเฟอร์หันมา เอานิ้วชี้ทำท่าจุปากไม่ให้ผมส่งเสียง และทั้งคู่ก็ลากที่นอนที่มีคู่รักนอนกอดกันไปที่แม่น้ำและดันลงไปที่สระน้ำ

“ทำอะไรนะคริส” ผมถามคริสโตเฟอร์

“ชู!! ....เมื่อคืนไอ้คู่ผัวเมียนี้มันแอบส่องเต็นท์เราสองคนด้วยพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูดนี้ส่ายหัวเลยเล่นอะไรกันเป็นเด็กๆ แต่ก็ยังอยู่ในวัยเด็กอยู่อะนะ

“หนึ่ง...สอง...สาม...” และคริสโตเฟอร์กับโป้งก็ช่วยกันดันจนที่นอนลอยลงไปในน้ำเรีบยร้อย คู่ที่นอนกอดกันก็หลับดีจริงๆไม่รู้สึกอะไรเลย

“ฮาๆ” พวกโป้งกับคริสโตเฟอร์และปันปันพากันหัวเราะเสียงดัง ผมเองก็ปิดปากขำ เสียงหัวเราะทำให้คู่นั้นเริ่มขยับตัวคนที่ขยับคนแรกคืออาร์ท ขยี่หูขยี่ตา คงแปลกใจทำไมเห็นท้องฟ้าชัดเจนแบบนี้

“เว้ยย!!” ร้องเสียงหลงทันทีที่เขาเห็นภาพได้ชัดเจนว่าท้องฟ้าจริงๆ และคนที่นอนอยู่บนตัวอาร์ท ก็คือโจงัวเงียขยี่หูขยี่ตาเช่นกัน

“ว๊าก!!” ตามมาด้วยเสียงร้องตกใจเพราะว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าคือน้ำ

“ฮาๆ” เสียงสามหนุ่มหัวเราะชอบใจกันใหญ่เลย

“อาร์ท....ทำไมเรามาอยู่ในน้ำว่ะ ...” โจตะโกนพร้อมหันรีหันขวางมอบไปรอบๆตัว

“เฮ้ย!! …อย่า...อย่าขยับโจเดี๋ยวได้ลงน้ำทั้งคู่!!!” อาร์ท

“ไอ้โป้ง ...ไอ้คริส...ไอ้ปันปัน...ไอ้เชี้ย.....มึงแกล้งกูสองคนทำไมว่ะสาด.....โว้ว...โว้ว...อย่าดิ้นซิเมียเดี๋ยวลงน้ำลง...ช่วยกันพายเข้าฝั่งนะบัดนาว!” อาร์ทโวกเวกโวยวายอยู่กลางสระน้ำ ทำให้คนมานอนเต็นท์พากันตื่นบางก็ยืนมองบ้างก็หัวเราะชอบใจ ผมเองคนหนึ่งที่พยายามไม่หัวเราะ

“นี่ครูก็แกล้งผมสองคนด้วยเหรอครู!!! “ ผมรีบโบกไม้โบกมือว่าไม่ใช่ผม ผมไม่รู้เรื่อง

“ให้กูขึ้นไปได้ก่อนนะมึง....กูจะ..กูจะ...ฟ้องแม่จี้ดกูแน่ๆ ....อาร์ท...พายเร็วๆเดี๋ยวกูกลัวน้ำ...น้ำยิ่งเย็นๆ อยู่”

“เมียก็อย่าขยับไปมาซิครับ...เดี๋ยวผัวก็ถีบเมียลงน้ำซะเลยนิ “ อาร์ทพูดและต่างช่วยกันเอามือวักน้ำให้ที่นอนพาเขาสองคนเข้าฝั่ง ผมเห็นแบบนี้ทำให้นึกถึงชีวิตสมัยเรียนมัธยม ตอนนั้นชีวิตผมยังมีความสุขแบบนี้อยู่ ได้อยู่กับเพื่อนๆ สนุกสนานกับเพื่อนคือตอนนั้นยังไม่ค่อยเห็นถึงความสำคัญของความรักเท่าไหร่แต่พอเข้ามหาวิทยาลับ พอได้รู้จักณัฐกานต์ความสุขเหล่านี้ก็ค่อยๆหายไป เรียกได้ว่าหยุดไม่ได้ต้องหางานพิเศษทำ

“ฮาๆ” ผมหันไปมองคนหัวเราะท้องแข็งอยู่บนพื้นหญ้าคริสโตเฟอร์ ผมหันไปจัดการดูซิว่าอะไรที่ผมจะพอมาทำอาหารเช้าทานกันได้ ส่วนอาร์ทกับโจก็พยายามประคองจนเข้ามาถึงฝั่งได้อย่างปลอดภัยคือไม่ตกน้ำแต่ทั้งคู่คงไม่กล้าหลับสนิทจนพวกนี้แกล้งได้อีกแน่ๆ พอทั้งคู่เข้ามาใกล้ฝั่งด้วยความที่โจรีบกระโดด

“โครม!!” เสียงโครม น้ำกระจายขึ้นมาชายฝั่ง เนื่องที่นอนมันพลิกก็ส่งผลให้ตัวอาร์ทพลิกลงไปในน้ำเช่นกัน แต่ทว่ามันตื้นไม่ลึกแค่หน้าแข่งได้

“อาร์ท!!” โจ ส่วนพวกที่นั่งขำก็ยิ่งขำหนักกว่าเดิม ผมนี้ส่ายหัวเลยเล่นกันได้เหมือนเด็กๆจริงๆ

“เขาเรียกว่าปลูกเรือนผิดหรือเปล่าวะเนี๊ยะ” อาร์ทลุกขึ้นมายืนเนื้อตัวเปียกหมด

“ขึ้นไม่ได้อะเมียช่วยดึงหน่อย”อาร์ทเรียกโจไปช่วยดึง โจก็ยื่นมือไปเพื่อให้อาร์ทจับและจะช่วยดึงขึ้นแต่

“กูช่วยมา” คริสโตเฟอร์เดินช่วยจับแขนโจอีกที ผมว่าน่าจะมีอะไรแอบแฝงนะคนทีไปขอช่วยเนี๊ยะ ผมก็หันไปหยิบพวกปูที่เหลือเมื่อคืนมาอุ่นจะได้ทำข้าวผัดปูทานกัน และผลก็เป็นอย่างที่ผมคิด คริสโตเฟอร์แกล้งปล่อยมือโจเลยลงไปในน้ำด้วยกันทั้งคู่เลย

“ฮาๆ”

"ไอ้คริส!!...กูจะ...ฟ้องแม่จี้ด…กูโดนรังแกอีกแล้ว” โจ แต่ผมว่าเขาไมได้โกรธกันจริงๆหรอกว่านี้คือความสุขของวัยพวกเขา อาร์ทกับโจพอขึ้นมาได้ก็ไล่เตะพวกคริสโตเฟอร์กับโป้ง ส่วนปันปันมาช่วยผมทำอาหารเช้า มาช่วยแกะเนื้อปู โจและอาร์ทกลับมาจากไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า โจก็เข้ามาช่วยผมอีกคนช่วยกันหันผักเครื่องเคียง หนุ่มๆที่เหลือก็ช่วยกันเก็บเต็นท์ ผมเองก็ยังแอบเสียดายแทนคริสโตเฟอร์ไม่ได้ว่าเขาจะรู้สึกยังไงถ้าเขาต้องจบไปก่อนเพื่อนๆ ความสุขตรงนี้ของเขามันจะหายไปหรือเปล่า นี้ผมคิดถูกหรือผิดกันแน่ที่เลือกให้เขาไปก่อน แต่ที่แน่ๆ ความสุขของผมละมันจะหายไปด้วยไหมแล้วผมจะทนอยู่ได้ไหมถ้าเขาไปอยู่ไกลๆจากผมแบบนั้น ผมคงไปกับเขาไมได้เพราะว่าผมรักและผูกผันโรงเรียนนี้ซะแล้ว

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.31.3 สวีทกันสามคู่ชูชื่น 3(ครูเขมหึงนะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 27-09-2020 10:26:56
EP.31.3 สวีทกันสามคู่ชูชื่น 3(ครูเขมหึงนะ)

       หลังจากที่เก็บทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็ทานอาหารเช้าด้วยกัน ข้าวผัดปู ฝีมือผมแต่ละคนชมว่าอร่อยแม่ผมก็สอนมาอีกนั้นแหละ ยายผมเคยทำข้าวผัดปูขายเพื่อส่งแม่ผมเรียนและยายผมก็ทำอร่อยมากด้วยลูกค้าติดกันเยอะแต่พอแก่ตัวลงก็ทำไม่ค่อยไหว ยายผมเสียไปก่อนพ่อผมปีหนึ่งด้วยโรคชรา
 
“พี่เขมเราไปเที่ยวน้ำตกกันต่อนะและก็ไปเยี่ยมพ่อไอ้โป้งมันด้วย” คริสโตเฟอร์บอกผม ผมพยักหน้าว่าได้ซิ ไหนไหนก็วันหยุดแล้วซิ ก็เที่ยวให้คุ้มไปเลยแต่ละคนก็พากันขนของไปเก็บไว้ที่รถและขับตามๆกันไป เพื่อตรงไปที่น้ำตก ผมมาเที่ยวจังหวัดใกล้ๆเป็นบ้านเกิดโป้งเองก็เลยถือโอกาสไปเยี่ยมพ่อของโป้งที่เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลและพักฟื้นอยู่ที่บ้าน
 
“ถึงแล้วพี่เขม” ผมจอดรถเอาไว้ภายในอุทยานแห่งหนึ่ง ช่วงนี้เป็นวันหยุดชดเชยก็จะมีผู้คนมากมายเข้ามาพักผ่อนกัน  ผมลงจากรถมาบิดขี้เกียจ คริสโตเฟอร์เอาพวกน้ำดื่มและเสื้อผ้าขึ้นไปเปลี่ยนข้างบนสำหรับใส่ตอนเล่นน้ำ เขาใส่เอาไว้ในกระเป๋าเป้ของเขา แต่ละคนก็มีกันคนละใบเดินไปเป็นคู่ จะมีคู่โจ้กับอาร์ทที่ขยันถ่ายรูปคู่กัน เรียกได้ว่าเช็คอินกันทุกจุดก็ว่าได้  พอผมหันเห็นคนข้างๆแล้วก็อดใจหายไม่ได้
 
“อยากถ่ายรูปหรือเปล่าละ” ผมถามคริสโตเฟอร์ เขาหันมาพยักหน้า ผมหยักไหล่ว่าได้คริสโตเฟอร์หยิบมือถือขึ้นมากดถ่ายรูปคู่กับผมใบหน้าแนบชิดแก้มผม
 
“พี่เขมนั้นอะไรนะ” ผมก็หันไปมองตามมือที่ชี้ไปด้านข้างๆ
 
“ไหนอะคริสไม่เห็นจะมี...อุ๊บ” ผมหันไปมองแต่ก็ไม่มีอะไรสักหน่อยจึงหันกลับมาจะมองหน้ากล้องต่อแต่ก็ถูกขโมยหอมแก้มจากหนุ่มเจ้าเล่ห์ข้างๆผม  ผมไม่ได้ว่าอะไรเขาหรอกแค่หัวเราะเฉยๆ พวกผมเดินขึ้นไปตามทางลาดชัน เพื่อจะไปเล่นน้ำตกชั้นบนกัน น้ำตกที่นี้มีทั้งหมดห้าชั่นแต่ละชั้นถูกตกแต่งไว้ให้เป็นที่พักผ่อนของผู้มาเยือนบ้างก็เอาครกสากมาตำส้มตำทานกันเอง ผมเดินไปจนถึงชั้นที่สามไม่สูงมากหนักก็จัดการหาที่นั่งแต่ละคนก็เตรียมพร้อมลงน้ำกันแล้ว  ผมก็พร้อมแล้วแหละผมสวมกางเกงขาสั้นมาวันนี้ พวกโป้งและอาร์ทนะถอดเสื้อลงไปเล่นน้ำ ปันปันไม่ได้ถอดแต่สวมเสื้อกร้ามเอา โจก็สวมเสื้อยืดลงไปเล่นน้ำ คริสโตเฟอร์หันมามองผม ก่อนจะถอดเสื้อออกเช่นกัน ช่วงนี้เขาฝึกซ้อมบาสหนักพอๆกับอ่านหนังสือและคริสโตเฟอร์ก็กำลังเข้ารู้รุ่นหนุ่มทำให้กล้ามเนื้อท้องเริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้น
 
“หุ่นดีวะแก...แถมหล่อด้วย...ไซ้ฝรั่งอีกต่างหาก...น่ากินอะ” ผมได้ยินเสียงสาวๆ นั่งอยู่มองมาทางคริสโตเฟอร์ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้คริสโตเฟอร์ ผมก็ทำท่าจะถอดตามแต่คนข้างๆรีบดึงชายเสื้อผมไว้ทันที
 
“ไม่ต้องถอดหรอกพี่เขม” คริสโตเฟอร์ห้ามปรามผม ผมขมวดคิ้วมอง
 
“ไม่อยากให้คนอื่นมองพี่เขมผมหวง”
 
“แล้วเราะละ” ผมถามกลับ “ คริสโตเฟอร์มองผม ก่อนจะหันไปมองสาวๆที่นั่งอยู่ต่างก็โบกมือให้คริสโตเฟอร์
 
“หึงผมเหรอ” ผมหันมามองยังมาถามอีก
 
“ผู้ใหญ่ก็มีความรู้สึกนะ” ผมพูดก่อนจะเดินแทรกตัวลงไปหาพวกโป้งและปันปัน อาร์ทและโจยังคงยืนถ่ายรูปเซลฟี่กันอยู่ หนุ่มไม่น้อยแล้วของผมก็เดินตามผมลงไปเล่นน้ำด้วยน้ำ น้ำเย็นดีมาก ผมเล่นกันสักพัก สาวๆที่นั่งอยู่ก็ลงมาเล่นน้ำกันบ้าง หนึ่งในนั้นมองคริสโตเฟอร์ตลอด หน้าตาน่ารักขาวสวยออกจะหมวยนิดๆ
 
“อุ้ย” คริสโตเฟอร์ส่งเสียงร้องตกใจเพราะนางเอาน้ำมาสาดคริสโตเฟอร์พร้อมกับปิดปากหัวเราะเบาๆ
 
“เธอชื่ออะไรอะ..เราชื่อแป้ง..อยากรู้จักอะ...จีบได้ปะ” น้องเขาถามคริสโตเฟอร์
 
“แรงได้!” ปันปันพูดแถมกรีดนิ้วเหมือนมากไปไหมปันปันผมหันไปมอง คริสโตเฟอร์หันมาเหล่ตามองผมอีกที
 
  “แป้งไหน..ไฟแรงเวอร์ !!!” อาร์ทรีบส่งเสียงแซวทันที 

“แป้งคอนแวนด์ค่ะ ยินดีที่รู้จักนะ ว่าแต่ชื่ออะไรอ่ะ แป้งอยากรู้” น้องคนสวยรีบตอบทันควันอย่างมั่นใจและออดอ้อนคริสโตเฟอร์ให้บอกชื่อ เขาก็หัตมามองหน้าผม ผมก็หันหน้าหนี
 
“เราชอบอะ...เราจีบนะ” น้องเขาก็เดินลุยน้ำมาหาคริสโตเฟอร์ เด็กผู้หญิงคนนั้นเกงขาสั่นเสื้อกล้ามที่แนบเนื้อโชว์เนินอกขาวนวล แบบไม่เกรงใจสายตาคนที่มาพักเล่นน้ำแถวนี้เลย และนี้มันที่สาธารณะ น้องเขาตรงมาหาคริสโตเฟอร์ทันที
“นี้เราหลุดมาลึกไปไหมอ่ะ ถึงได้เจอสัตว์สงวนพันหาไม่ยาก มาห้อยโหนร้องหา ผัวๆ” ปันปันแอบกระซิบกับพวกอาร์ทและโจแต่ผมดันได้ยินซะอีก ผมหันไปทำนิ้วอย่าไปว่าเขา
 
“หวัดดี” น้องเขาทักทายพวกผมแบบขอไปทีและหันหาคริสโตเฟอร์ทันที ยิ้มให้คริสพร้อมตาเป็นประกาย
 
“ขอสุดหล่อคนนี้ไปเล่นน้ำกับพวกเราได้ปะ” น้องเขาถามทุกคนแต่ละคนไม่ได้ตอบอะไรหันมามองผม ผมเองก็หันไปมองคริสโตเฟอร์ จะไปก็ได้นะ (ทำหน้านางเองแบบว่าจะไม่งอนนะถ้าจะไปนะ แต่คืนนี้มีอดแน่! ไปก็ได้นะ เอาไหมละ) ผมยืนเอามือไขว้หลังยิ้มให้คริสโตเฟอร์ เขามองผมและขมวดคิ้วเหมือนพยายามอ่านความคิดของผมและเหมือนกับว่าเราก็โต้ตอบกันไปมาด้วยสายตา เขาส่ายหัวว่าไม่ไป (ก็ปฏิเสธไปดิ ให้ลากดึงอยู่ได้)
 
“เออ...ไม่...เอาดีกว่าพี่เล่นกับเพื่อนดีกว่าน้องเล่นกับเพื่อนน้องเถอะ” คริสโตเฟอร์พูดและพยายามแกะมือที่ดึงรั่งแขนคริสโตเฟอร์ไว้
 
“งั้นพวกเรามาเล่นด้วยได้ไหม” น้องเขายื่นข้อเสนอเพิ่มมาอีก พวกอาร์ท โจและปันปัน ถึงกับทำหน้าตกใจ ส่วนโป้งนะยืนกอดอกทำหน้าเซ็งและส่ายหัวไปมา
 
“ไม่ดีมั้งครับน้องพวกพี่ผู้ชายทั้งนั้น” อาร์ทรีบพูดขึ้น
“พี่กลัวพวกหนูเสียหายเหรอคะ” น้องเขาถามกลับ
“พวกน้องนะพี่ไม่กลัวสึกหลอหรอกครับ พี่ว่ามีให้เหลือแล้วแหละครับ แต่พี่กลัวนะคือ พวกพี่ครับ ภาพลักษณ์พี่จะเสียหายเอา” อันนี้โจ ทำเอาเธอถึงกับยืนเอามือเท้าซะเอว และเพื่อนๆเธอที่อยู่ฝังตรงข้ามลุกขึ้นยืนทันที
“นี้พี่ว่าพวกหนูเหรอค่ะ ไม่แมนเลยอ่ะ เป็นเกย์กันเหรอ” น้องเขาถามกลับทันควันเลยทีเดียว
“จริงด้วย เป็นเกย์หรือไง “ พวกเพื่อนๆน้องเขาตะโกนมา ผมหันไปมองทุกคนและส่ายหัวว่าอย่าหาเรื่องเลยเสียเปรียบยังไงพวกเขาก็เป็นผู้หญิง
 
“พวกพี่จะเป็นหรือไม่เป็นก็ไม่เห็นเกี่ยวกับน้องนะ แต่ที่พวกพี่ปฏิเสธเพราะว่าพี่ไม่รู้จักพวกน้องและเราก็ไม่ได้สนิทกัน น้องเล่นกับพวกเพื่อนๆน้องเถอะนะ” โป้งเป็นคนตอบแทน
 
“งั้นพี่สุดหล่อไปเล่นด้วยกันนะไปนะ คนอื่นไม่ไปน้องไม่มายด์แต่อยากให้พี่ไป ” น้องเขาพยายามดึงรั่งแขนให้คริสโตเฟอร์ไปแต่คริสโตเฟอร์ขืนตัวไป เลยทำให้น้องเขาเสียหลักล้มลง
 
“โอ้ยย....เจ็บจังเลย” น้องเขาร้องพร้อมกับจับข้อเท้า เพื่อนๆก็พากันเดินมาดูผมก็เดินเข้าไปดูเช่นกัน
 
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ” ผมเข้าไปถามเธอเพราะคริสโตเฟอร์ได้แต่ยืนมองเธอที่นั่งอยู่ในน้ำไม่ลึกแค่น่องเท่านั้นเอง
 
“เจ็บข้อเท่านะคะ ...พี่อุ้มหน่อยซิ ...ลุกไม่ไหว” น้องเขาพูดและกางแขนให้คริสโตเฟอร์อุ้มขึ้น ผมหันไปมอง จะอุ้มไหมละ ถ้าอุ้มนะ คืนนี้อด (คริสโตเฟอร์มองผมและทำมือว่าเขาไม่ได้ผิดนะ) ผมส่ายหัวว่านายผิดที่เกิดมาเป็นสายฝอ (นายคริสโตเฟอร์ก็ส่ายหัวและมองน้องที่กางแขนจะให้เขาอุ้ม)
 
  “พี่อุ้มเพื่อนหนูหน่อยซิ...พี่ทำเพื่อนหนูล้มนะ” เพื่อนสาวก็พากันเชียร์ ผมพยักหน้าว่าให้คริสโตเฟอร์อุ้มเขาเป็นผู้หญิงและที่ล้มไปก็เพราะพ่อตัวดีด้วยเช่นกัน ผมหันมามองโป้ง ปันปัน อาร์ทและโจ แบบว่าไปหาที่เล่นน้ำตรงอื่นกันดีกว่า
“ถ้าน้องอยากอยู่ตรงนี้พวกพี่ไปเองครับพี่หน้าด้านไม่พอ” อันนี้โจพูดขึ้นทำเอาสะบัดมามองกันทั้งกลุ่ม ส่วนคริสโตเฟอร์ก็มองคนอื่นทำไมชิ้งทิ้งกัน
“เดี๋ยวนะ เฮ้ย! น้องครับ...งูอยู่ข้างหลังอะครับน้อง ! ” อาร์ทตะโกนพร้อมกับชักสีหน้าตกใจ น้องเขาก็ดีดตัวเองขึ้นทันที
  “อ้ายย....” พร้อมกับกระโดดกอดคริสโตเฟอร์แน่น คริสโตเฟอร์พยายามแกะมือออกแต่น้องเขาก็กอดรัดเหมือนเดิม
“โอ้ยนี้มึงส่งบทให้น้องเขาชัดชัด ไอ้อาร์ทไอ้โง่ โป๊ก!” อันนี้โจหันไปตบที่หัวอาร์ทไม่แรงมาก 
 
“กลัวงูค่ะ” น้องเขาพูดกับคริสโตเฟอร์และยิงกอดอย่างแนบชิดแต่คริสโตเฟอร์นะยกแขนขึ้นไม่ได้กอดน้องเขาตอบ ก็ยังดีผมแอบคิดในใจ 
“เหรอ!!! พี่ว่าอย่างน้องไม่น่าจะกลัวงูหรอกครับ พี่ว่าน้องน่าจะกลัวไม้ เพราะว่ามันตีงูตาย และอย่างน้องเนี๊ยะเมียงูชัดๆ”อาร์ทพูด น้องเขาสะบัดหน้ามามองแรงทันที  ส่วนผมมองคริสจะเอายังไง ถ้าจะดูแลเขาพวกผมจะได้ไปหาที่เล่นใหม่ ผมพยักเพยอว่าเอาไง
“ไหนน้องบอกว่าข้อเท้าเจ็บยังไงละครับกระโดดแบบนี้ข้อเท้าไม่เจ็บแล้วมั้งครับ” คริสโตเฟอร์ก้มลงพูดกับน้องเขา ก็น้องเขาเป็นสาวไซส์มินิ ตัวเล็ก
 
“แม้ก็อยากให้พี่อุ้มอะ” สาวน้อยเงยหน้ามองคริสโตเฟอร์
  “พี่อุ้มไม่ได้...ครับ” คริสโตเฟอร์ตอบและดันเธอออกอย่างไม่ใยดี เธอหันมามองคริสโตเฟอร์
 
“พี่มีแฟนแล้ว...แฟนพี่ก็ยืนอยู่นี้..น้องทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะครับ ” คริสโตเฟอร์พูดและชี้มาทางผม  ผมหันมามองจริงเหรอ
“เห็นไหมทำให้แฟนหึงพี่อีก แต่ขอบคุณเพราะว่าพี่ชอบง้อแฟน และง้อกันบนเตียงด้วยนะ ยิ่งงอนพี่นานแค่ไหนพี่ก็ง้อนานแค่นั้น ” คริสโตเฟอร์หันมามองผมหื่น ผมก็กอดอกหันไปมองทางอื่น แอบยิ้มถ้าอย่างนั้นงอนต่ออีกสักหน่อยดีกว่า จะได้ง้อนานๆ
“ถ้าไม่เคลียร์ก็นอนนอกห้อง” ผมพูดลอยๆ ไม่ได้เจาะจง แต่มีคนขอแทกแตะมือนั้นคือ พวกปันปันและโจ ทีมเดียวกัน
 
“พี่เป็น...เป็น..เกย์..เหรอ” น้องเขาทำหน้าตกใจก่อนจะหันมามองผมด้วยและหันกลับไปมองคริสโตเฟอร์ ส่วนเพื่อนๆเธอก็เริ่มถอยหลังกันคนละก้าว
"พ่ี่ไม่จำเป็นต้องบอกน้องหรอกนะครับว่าพี่เป็นหรือไม่เป็น แต่พี่นะมีแฟนแล้ว แฟนพี่ก็เป็นผู้ชาย หล่อมาก" คริสโตเฟอร์กอดอกตอบน้องเขาด้วยสีหน้าที่น่ิงมาก น้องแป้งหันไปมองหน้าเพื่อนเลิกลัก เพื่อนก็ค่อยพากันถอยหลังออก
“น้องจะจีบใครก็จีบได้ไม่มีใครเขาว่าสิทธิ์ของน้อง แต่....ช่วยถามนิดนึงนะว่าเขามีแฟนหรือยังไม่มีแฟน...อย่าคิดว่าตัวเองสวยแล้วเลือกได้ทุกคนนะครับ ...ผู้ชายดีดีที่มีใจเดียวนะยังมีเหลือยู่เช่นพี่ พี่รักแฟนครับผม “
“และต่อให้พี่ไม่มีแฟน พี่เองก็ไม่ชอบให้ผู้หญิงจีบพี่ก่อน...หน้าที่จีบนะของผู้ชายเขาทำกันนะครับ ดังนั้นน้องควรจะรักนวลสงวนตัวรอให้ผู้ชายเขาเข้าไปจีบ....จะดีกว่าไหมครับน้องคนสวย” คริสโตเฟอร์พูดทำให้คนที่ได้ฟังหน้าเปลี่ยนสีไปทันที เพื่อนๆสาวที่คอยเชียร์ถึงกับหันหลังเดินกลับขึ้นไปกันหมดรวมทั้งเธอด้วยที่รีบเดินจนลืมไปเลยว่าเจ็บเท้าอยู่ พอขึ้นฝั่งได้พากันวิ่งไปเก็บข้าวของ ผมหันไปมองและหันกลับมามองพ่อตัวดี ยืนนิ่งตั่งนานพูดทีนี้เขาแถบจะหาปี๊ปคุมหัวเดินเลยนะ ปากร้ายเหมือนกันนะนายนี่ คริสหันมายิ้มให้ผม
“วี้ดวิว เพื่อนพี่มันไม่ค่อยพูด มันด่ารัวๆ ”อาร์ทรีบจะโกนแซวตามหลัง

“ตาถั่วนะมึงนะดันไปจีบเก้งแถมแฟนก็ยืนอยู่ข้างๆ ซวยสองชั้นเลยมึง” เพื่อนที่เชียร์อยู่เมื่อกี้
 ผมหันมามองคริสโตเฟอร์ เขาเดินมาจับมือผม ดึงผมลงไปเล่นน้ำกันต่อ กลุ่มสาวๆนั้นรีบเก็บข้าวของออกไปเล่นที่อื่นกันอย่างรวดเร็ว
ผมและคริสโตเฟอร์ นั่งดูอาร์ทโจ ปันปันและโป้งที่ยังเล่นน้ำกันอยู่ในสระ ส่วนผมเหนื่อยแล้วเลยขอนั่งพักอยู่บนฝั้งตรงโขดหินกับคริสโตเฟอร์
“พี่เขมนี้หึงจนผมกลัวเลยอ่ะ หึงแบบเงียบๆอ่ะ “  ผมหันมามองเขาและยิ้มให้ อย่างผู้มีชัยชนะ
“นี้แหละผู้ใหญ่เขาหึงกัน” ผมพูดและลุกขึ้น คริสโตเฟอร์ก็มองผม ผมยื่นมือไปคริสโตเฟอร์ก็ยื่นมือให้ผมจับ ผมก็ดึงแต่ดึงและเหวียงลงไปในน้ำ ผมรู้ว่าตรงข้างหน้าไม่มีโขดหิน
“โคล้ม!!!” น้ำกระจายทันที และผมก็ค่อยลงไปในน้ำเช่นกัน ดูคนที่โผ่ขึ้นมาที่ผิวน้ำ แม้จะไม่ลึกมากแต่ก็เกือบยืนไม่ถึง เขาว่ายเข้ามาหาผม และโอบกอดผมไว้
“ยังไม่ได้สวีทกันเลยอ่ะ คู่อื่นเขาแซงกันไปหมดแล้ว “ คริสโตเฟอร์กระซิบบอกผม ผมก็เลิกคิ้วมองในที่สาธารณะแบบนี้นี้นะ กับผม คริสโตเฟอร์ยิ้มแบบว่าเขามีแผนการอะไรในหัวและดูท่าจะไม่ค่อยดีแต่ผมก็ช้าไป คริสโตเฟอร์ ดึงรั้งผมให้ดำลงไป พอผมลงไปใต้น้ำได้คริสโตเฟอร์ก็จูบผมทันที ประสบการจูบกับผู้ชายใต้น้ำของเขมชาติ ไม่รู้นานแค่ไหน ผมก็ทำนิ้วให้ขึ้นสู่ผิวน้ำก่อน และก่อนที่ผมจะจมน้ำตายและสาเหตุมันน่าอับอายมากเพราะลงไปจูบกันใต้น้ำ
“แฮก” เล่นเอาเขมและคนต้นคิดหายใจหอบทันทีที่โผ่ขึ้นมาสู่ผิวน้ำแต่ว่า รอบตัวผมสองคน มีพวกโป้ง ปันปัน อาร์ท และโจที่ขึ้นมานั่งอยู่บนฝั่ง ทั้งหมดมองผมสองคน แบบมีคำถามว่าทำอะไรกัน ผมก็เขินซิ รออะไร ส่วนนายคริสโตเฟอร์ไม่มีอาการเขินอะไรกับเขาเลย หยักคิ้วให้ด้วย
“ทำไม่ได้อะดิ!” คริสโตเฟอร์พูด
“เทพว่ะ!” นี้คือคำชม ของพวกเพื่อนๆเขา
 
      พวกผมเลิกเล่นน้ำก็ว่าจะไปหาอะไรทานกันก่อนและจะไปเยี่ยมพ่อของโป้งที่บ้านของโป้งด้วยกัน และพากันเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำสาธารณก็รีบออกมา พอขับออกมาได้หน่อยก็แวะทานอาหารเที่ยงกัน ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง โป้งเขาแนะนำร้านนี้บอกว่าอาหารอร่อย แต่ก็อร่อยจริงๆ พอทานอาหารกันเสร็จ
พวกผมก็ขับรถต่อไปยังบ้านของโป้ง บ้านของโป้งเป็นตึกสามชั้นครึ้ง มีป้ายรับทำเค้กและเบเกอรี่ แต่ช่วงนี้แม่ของโป้งคงไม่ได้รับทำขนมเพราะว่าต้องดูแลพ่อของโป้งที่นอนป่วยที่โรงพยาบาล ผมเดินเข้าไปก็เห็นเด็กผู้ชายกำลังนั่งเล่นอยู่ อายุประมาณ ห้าหรือหกขวบ
 

“พี่โป้ง” เด็กน้อยวิ่งมาหาโป้งและกอดขาราวกับว่าคิดถึงเหลือเกินผมก็มองน่าจะแก่กว่า
เอิร์ธไม่กี่ปีและผมก็เงยหน้ามองโป้งโป้งอายุจะสิบแปดแล้วนะ

                      “ลูกหลงของแม่ผมนะครับ ตอนแรกผมก็คิดว่าจะเป็นลูกคนเดียวซะแล้วครับพี่เขม แต่ผมดีใจนะที่มีน้อง ทั้งที่ผมอยากมีมานานแล้ว “ โป้งพูดและเอามือลูบหัวน้องชายที่ห่างกันมาอย่างเอ็นดู

         “เวลาไปไหนมาไหนใครก็คิดว่าลูกผมกันหมดแล้วอ่ะครู” โป้งพูดขำ ขำ
 
“ปาล์ม..สวัสดีครับหรือยัง” โป้งเรียกน้องชายของเขา ชื่อน่ารักเชียว ชื่อน้องปาล์ม
 
“สวัสดีครับ” เด็กน้อยเงยหน้ามองพวกผมและยิ้มตาหยี
 
“ปาล์ม ใครมาลูก” แม่ของโป้งตะโกนถามเด็กน้อยจากด้านในตัวบ้าน 
 
“พี่โป้ง..” เด็กน้อยตอบกลับไป สักพักผู้หญิงดูยังไม่ถึงวัยกลางคนเลยน่าจะสามสิบแปด สามสิบเก้าได้ เดินออกมา
 
“แม่” โป้งเข้าไปกอดแม่และปันปันอีกคน
 
“แม่ก็นึกว่ากลับไปโรงเรียนแล้วซะอีกและนี้พาใครมาด้วยละ” แม่ของโป้งถาม ผมยกมือไหว้ คริสโตเฟอร์ โจและอาร์ทก็เช่นกันพากันยกมือไหว้พวกนี้คงเคยมากันครั้งแต่แต่คริสโตเฟอร์คงหลายครั้งแล้ว
 
“นั้นคริสใช่ไหมลูกไม่ได้มานานเลยนะ” แม่ของโป้งทักขึ้น
 
“แม่นี้ครูเขมครับ”โป้งบอกแม่ของเขา แม่ของโป้งตกใจเล็กน้อย
 
“ครูเขมเหรอคะ...ตอนแรกคิดว่าน่าจะอายุเยอะแล้วนะคะ...ไม่คิดว่าจะยังหนุ่มหล่อขนาดนี้...ขอบคุณนะคะครู...ขอบคุณที่ช่วยพวกเรา...ขอบคุณที่ทำให้เราสามคนแม่ลูกไม่เสียเสาหลักของครอบครัวไป” แม่ของโป้งเดินมาจะยกมือไหว้ผม ผมรีบคว้ามือไว้ทันที
 
“อย่าไหว้ผมเลยนะครับคุณแม่ผมอายุน้อยกว่านะครับ”
 
“แล้ว” แม่ของโป้งหันไปทางโจกับอาร์ท
 
“นี้เพื่อนผมครับแม่...โจและอาร์ทครับที่เล่นบาสเกตบอลด้วยกันนะแม่” โป้งบอก
 
“อ้อ...เข้าบ้านกันคะ...ทานอะไรกันมาหรือยังคะ...”
 
“ทานกันมาแล้วครับแม่...” คริสโตเฟอร์พูด ผมดูแล้วปันปันสนิทกับแม่ของโป้งมาก เดินเคียงคู่กันราวกับว่าเป็นลูกอีกคนก็ว่าได้เขาคงเปิดเผยกับพ่อแม่เรียบร้อยแล้วเหลือแต่เตี่ยกับม๊าของปันปันนี้แหละ ผมเดินเข้าไปแม่ของโป้งก็เอาน้ำผลไม้และขนมคุกกี้มาต้อนรับ หนุ่มตัวน้อยก็ตามพี่ชายต้อยๆ เลยไม่ยอมห่าง
 
“ปาล์มอย่ามาเกาะขาพี่ดิว่ะ...เดี๋ยวเตะเลย” โป้งถึงกับต้องเอ็ดน้องชาย
 
“ปาล์มมานั่งกับพี่ปันปันมาเร็ว” ปันปันเรียก เด็กหนุ่มตัวน้อยวิ่งแจ้นมานั่งกับปันปันคงอยากรู้จักพวกผมแต่ว่าเขาเขินอายตามประสาเด็ก
 
“ครูเขมเข้าไปหาพ่อโป้งกันไหม” คริสโตเฟอร์กระซิบกับผม ผมก็พยักหน้าและเดินเข้าไปกับคริสโตเฟอร์ ผมเห็นผู้ชายวัยน่าจะสี่สิบต้นๆ ดูยังไม่แก่เลยแต่เป็นโรคหัวใจซะแล้ว ผมยกมือไหว้คนที่นอนเขาก็กระดกตัวรับไหว้ผม
 
“ครูเขมนะพ่อ...ครูของเจ้าโป้งมัน” แม่ของโป้งบอกคนที่นอนเขายิ้มให้ผมอย่างไมตรี
 
“พอดีผมมานอนแค้มป์ปิงกันที่โป้งแนะนำเลยถือโอกาศมาเยี่ยมคุณพ่อซะด้วยเลย...เป็นยังไงบ้างครับ” ผมพูด
 
“ขอบคุณนะครับครู...เพิ่งมาเป็นครูเหรอครับ”
 
“ครับผมเพิ่งจะมาบรรจุจะได้สองเดือนแล้วครับ” ผมตอบ
“คุณพ่อเป็นยังไงบ้าง “ ผมถามพ่อของโป้งถึงอาการ
 
“ก็ดีขึ้นนะครับครู แต่ก็อยากจะออกไปทำงานแล้วนะครับ ปกติไม่ได้มานอนอยู่แบบนี้หรอกครับ ” พ่อของโป้งพูด
 
“หมอสั่งให้พักสองเดือนขั้นไปนะคะครู” แม่ของโป้งบอก ผมหันไปมองหน้าโป้ง
 
“ครับผมว่าพักก่อนดีกว่านะครับ...ส่วนเรื่องโป้งอันไหนผมช่วยได้ผมยินดีแต่โป้งเขานะเป็นเด็กดี..และที่สำคัญเขาเก่งบาสเกตบอลมากผมว่าเขานะไปได้ดีด้านนี้” ผมพูด พ่อของโป้งพยักหน้าเบาๆ
 
“ผมขอบคุณครูมากนะครับ...ผมหายแล้วผมจะรีบทำงานเอาเงินไปคืนครู”
 
“เอาไว้ก่อนเถอะอย่างเพิ่งคิดถึงเรื่องนั้นเลย...ดูแลสุขภาพก่อนนะครับ” ผมพูด
 
“ไงคริสไม่ค่อยเห็นเรามาซ่ากับโป้งเลยนิหึ!”
 
“ผมกำลังเตรียมไปสอบเทียบนะครับพ่อ...”
 
“อืมม...ตั้งใจเรียนละ...จะได้จบทันโป้งเขา” พ่อของโป้งพูด ผมหันมาเหล่ตามองพ่อตัวดีข้างๆผม ผมนั่งคุยกับพ่อของโป้งสักพักก็ต้องขอตัวกลับเพราะจะต้องขับรถอีกเกือบชั่วโมง แม่ของโป้งให้ขนบมาไว้ทานที่โรงเรียนไว้ทานกับชากาแฟอะไรพวกนี้ ผมเห็นบ้านของโป้งแล้วก็หวนคิดถึงถ้าแม่เขาทำเบเกอรี่โป้งนะจะเปิดร้านกาแฟ
 
“มีอะไรเหรอครับพี่เขม”
 
“นายน่าจะเปิดร้านกาแฟสดนะและยิ่งแม่นายทำเบเกอรี่ได้ด้วยก็น่าจะไปด้วยกันได้ดี” ผมหันมาบอกโป้ง
 
“พวกเราคิดเรื่องนี้อยู่ครับพี่เขม ...ผมคุยกันว่าจะเอาโดนัทที่แม่ของโป้งทำไปขายตามตลาดนัดนะครับครู “ ปันปันพูดขึ้น ผมพยักหน้าดีเลยจะได้มีรายได้
 
“เราลองเอาไปขายที่ตลาดนัดเมื่อวันเสาร์ผลตอบรับดีมาก อาทิตย์หน้าเราจะไปขายกันอีกครับพี่เขม”
 
“อร่อยจริงๆด้วยว่ะ” อาร์ทกับโจกำลังชิมโดนัทสี่ต่างๆที่แม่ของโป้งให้มา
 
“เอาอย่างนี้ไหมละ...ปิดเทอมไปพักอยู่กับครู ครูจะพาไปเป็นพนักงานในร้านกาแฟ เขามีบาริสต้าคอยสอนให้เราและเราสองคนจะได้มาต่อยอดเปิดที่นี้” ผมยื่นขอ้เสนอให้
 
“ดีเลยโป้ง...ปันปันอยากมีร้านกาแฟเป็นของตัวเอง และปันปันอยากให้โป้งเป็นนักบาสเกตบอล ส่วนปันปันจะดูแลแม่กับพ่อโป้งเอง” ปันปันพูด โป้งหันไปมองปันปัน นี้แหละที่เขาเรียกว่าคู่แท้
 
“ก็ดีครับพี่เขม” โป้งบอกผม
 
“ถ้าอย่างนั้นพี่ว่า เราเดินทางกลับกันดีกว่าเดี๋ยวจะไปถึงเย็นซะก่อน” ผมพูดก็พากันแยกย้ายขึ้นรถขับออกจากบ้านของโป้ง คริสโตเฟอร์เป็นคนขับให้ผมครึ้งทางและผมก็ขับต่ออีกครึ้งทาง ไม่นานก็มาถึงบ้านของโจก่อน อาร์ทเขาบอกว่าจันทร์ถึงศุกร์นอนบ้านโจและเสาร์อาทิตย์นอนบ้านของอาร์ทแบ่งวันสำหรับครอบครัวแต่เรื่องวันบนเตียงจะแบ่งแบบผมไหมไม่รู้ ไม่กล้าถาม ฮาๆ และทันทีที่โจเปิดประตูรั้วบ้าน พวกผมตอดรถไว้ด้านหน้ากันและเดินเข้าไปแทน 
 
“เจอาร์ ....ลูกพ่อ” โจ้เรียกสุนัขหน้าย่นหน้าสีดำพันธุ์ปัก วิ่งซอยขาสั้นมาหาโจ และโจก็อุ้มขึ้นขึ้นมาหอมใหญ่เลย
 
“อาร์ท...โคโมโซมคู่ไหนของมึงว่ะ..ลูกออกมาหน้าเหมือนหมาเลยวะ” ปันปันพูด ผมหันไปกลั้นหัวเราะแทบไม่ทัน ส่วนพวกกำลังเสริม คริสโตเฟอร์ โป้งและปันปันหันมาแทกทีมกันแตะมือ
  “แหมลูกปันปันตาดีจังนะครับ...และนี้มันหมาครับไม่ใช่ลูกกูสองคนครับพูดแบบนี้เดี๋ยวเตะยอดหน้าแม่งเลย”อาร์ทพูด ผมเห็นผู้หญิงแต่งตัวดียังวัยรุ่นอยู่แม้อายยุอานามจะเกือบสี่สิบแล้วก็ตาม แต่ก็ยังสวยสะพรั้ง เดินตรงมาทางพวกผม
 
“สวัสดีจ๊ะลูกๆ เป็นไงไปเที่ยวกันสนุกไหม”
 
“แม่จี้ด...นี้ครูเขมครับ” โจแนะนำผมให้แม่ของเขารู้จัก ผมก็ยกมือไหว้
 
“ตายแล้ว..ดูเหมือนรุ่นเดียวกันไปเลยนะคะครู...โจนะเขาพูดเรื่องครูให้แม่ฟัง...ตัวจริงหล่อนะคะเนี๊ยะ” แม่ของโจ้ชมผม ผมยกมือไหว้แม่ของโจเขา
“แม่นี่เสียดาย ลูกชายคนโต เป็นฝั่ง มีสามีไปซะแล้ว “ แม่ของโจพูด และยิ้มให้ผม ผมนึกครอบครัวนี้เขาเข้าใจลูกดีจัง
“แต่ไม่เป็นไรนะคะครู ลูกชายคนเล็กจะเข้าม.1 ปีหน้า “ ผมพยักหน้าแต่ว่า เข้าปีหนึ่งเองเล็กไปสำหรับผมครับคุณแม่ อันนี้ผมคงได้นอนคุกไม่ใช่แค่ไอคุกคุกนะครับ
“แม่ครูเขามีแฟนแล้ว แฟนครูเขายืนกอดอกอยู่นี้ไงแม่” โจพูดและบุยปากมาที่คริสโตเฟอร์
“อุ้ย!  คิดซะว่าไม่ได้ยินแม่พูดนะครูนะ “ แม่ของโจรีบถอนคำพูด

           “ว่าแต่วันนี้เป็นไงบ้างค่ะ ...เหนื่อยไหมคะครูเหมือนจับปูใส่กระดง..หึๆ” แม่ของโจ้พูดพร้อมกับปิดปากหัวเราะ
 
“ไม่หรอกครับสนุกดีครับ..ผมไม่ได้มีความสุขแบบนี้นานแล้วยิ่งจบมาทำงานยิ่งไม่มีเลย...ต้องขอบใจพวกเด็กๆนะครับคุณแม่.” ผมพูด
 

“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนเลยนะครับต้องไปเตรียมตัวพรุ่งนี้เปิดเรียนแล้วนะครับ” ผมพูดขอตัวกับกลับ
 
“ครูคะรอเดี๋ยวค่ะ..พอดีพ่อของโจนะคะเขาได้กุ้งแม่น้ำมาจากเพื่อนเยอะแยะแบ่งไปคะไปทำอะไรทานกัน”แม่ของโจ้พูดผมทำท่าจะปฏิเสธ
 
“แบ่งไปเถอะค่ะครู...โจกับอาร์ทนะเขาบอกว่าครูสอนติวให้ด้วย..ถือว่าเป็นการตอบแทนน้ำใจเล็กๆน้อยๆค่ะ”แม่ของโจ้บอกผมก่อนจะเดินเข้าไปและกลับออกมาพร้อมกับกล่องแช่โฟมใส่พวกกุ้งสดไว้ในนั้น ผมคงได้กินกุ้งกันทั้งอาทิตย์แน่ๆ แต่ไม่เป็นไรผมจะแบ่งให้อนุชิตบ้างดีกว่ากินสองคนคงไม่หมด
 
“เกรงใจคุณแม่ให้เยอะไปหรือเปล่าครับ”
 
“ไม่เป็นไรคะครู ...เอาไปเถอะคะ...ทานไม่หมดแบ่งครูๆบ้างก็ได้นะคะ”
 
“ขอบคุณนะครับ” ผมพูดและคริสโตเฟอร์ก็รับกล่องไปไว้ที่ท้ายรถผมกับโป้ง ก็แยกย้านกันขึ้นรถขับกลับไปที่บ้านพักครู คริสโตเฟอร์ขอไปนอนบ้านพักกับผมคืนนี้ ผมก็คงต้องยอมตามนั้นแหละ คริสโตเฟอร์อาสาสักผ้าเองด้วยผมก็ทำอาหารเย็น เป็นต้มยำกุ้ง ผมให้โป้งและปันปันมาทานด้วยกัน สองคนนั้นพอขึ้นบ้านมา ผมก็บอกว่าคริสโตเฟอร์ซักผ้าอยู่พากันเข้าไปแซวคริสโตเฟอร์กันใหญ่ มือใหม่หัดซักผ้า พอทานอาหารเย็นกันเสร็จก็แยกย้ายกันไปพักเพราะว่าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ผมกับคริสโตเฟอร์พอหัวถึงหมอนก็พากันหลับปุ๋ยไปตามๆกัน แต่ไม่ลืมกอดกันเหมือนเดิม   
 
     ตอนนี้ผมค้นพบแล้วว่าความสุขของผมคืออะไร ตลอดการไปพักแคมป์ ผมรู้สึกว่านี้คือตัวตนที่แท้จริงของผม มันทำให้ผมทิ้งทุกสิ่งที่อยู่ในหัวผมไปหมดสิ้น นั้นคือความคิดเดิมๆ ความคิดที่ว่าผมต้องทำงานเก็บเงินและมีหน้าที่การงานที่มั่นคง เพื่อสร้างรากฐานของความรัก แต่ที่ผ่านมาผมมองข้ามความสุขเล็กที่คือการออกไปตวามสุขนอกบ้าน การได้เที่ยวกับคนที่เรารัก ได้ใช้เวลาด้วยกัน ทำกิจกรรมด้วยกัน ตลอดทริปของผมก็มีความสุข มีแอบงอนกันหน่อยๆ และหึงกันนิดๆ เพื่อชีวิตมันมีรสชาติที่กลมกล่อมในตัวของมันเอง
 นี้แหละชีวิตรักที่ผมต้องการ ขอบคุณเด็กเกรียนของผมคนนี้ ขอบคุณที่ผมได้มาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่นี้ และได้เจอเขาคนนี้อีกครั้ง เพราะว่าผมเคยเจอเขามาก่อนแล้วแต่ยังเด็กเกินไป และนี้คือพรมลิขิต จากที่ไม่เชื่อ ผมก็ต้องเชื่อว่ามันมีอยู่จริง 

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.32 คริสโตเฟอร์ เพื่อนผมโดนทำร้ายผมต้องเอาคืน
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 27-09-2020 14:20:31
 
EP.32 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์  เพื่อนผมโดนทำร้ายผมก็ต้องเอาคืน

   
                   
                 

             คริสโตเฟอร์    วันนี้ผมกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้งหลังจากที่พากันหนีไปสวีทกันมาสามคู่ มีคู่ผมกับพี่เขม อาร์ทโจและคู่ปันปันกับไอ้โป้ง มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของผมกับพี่เขม แม้ระยะเวลาจะน้อยไปหน่อยแต่มันก็คุ้มค่าสำหรับผม มันทำให้ผมแอบคิดว่าถ้าถ้าผมต้องไปอยู่ไกลๆจากพี่เขมผมจะทำยังไง ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว
         
“พี่เขม” ผมเดินไปหาพี่เขมเหมือนเช่นทุกวัน วันนี้พี่เขมของผมก็แต่งตัวหล่อกว่าทุกวัน ผมยืนมองพี่เขมเดินลงมาจากบ้านพัก 

“พี่เขมอาทิตย์หน้าวันเกิดผมนะเราไปเที่ยวผับกันไหมพี่เขม พี่ปืนบอกจะเช็คให้ก่อนว่ามีตำรวจไหม” ผมถามพี่เขม พี่เขมมองหน้าผม 

“ทำไมวันเกิดต้องเมาไม่เห็นเข้าใจเลย เข้าวัดทำบุญซิถึงจะถูก” พี่เขมพูดกับผม

“ใส่บาตรอย่างเดียวได้ไหมไม่ต้องถึงกับเข้าไปถือศิลในวัด” ผมพูดกับพี่เขมแบบขำๆแต่พี่เขมกับปั่นหน้านิ่งมาก

“อืมม....”พี่เขมพูดแค่นั้นแต่ก็ไม่ได้มีท่าที่จะสนใจอะไรมาก วันเกิดผมแท้ๆนะ ผมยังจะน้อยใจนิดๆ แล้วซิ ผมเดินไปด้วยกัน ผมถือกระเป๋าถุงผ้าให้ครูเขมเหมือนเช่นทุกวัน แต่วันนี้ทำไมมันรู้สึกเหมือนผมเดินอยู่คนเดียวยังไงก็ไม่รู้

“แต่ว่าเรื่องไปเที่ยวผับนะพี่เขมไปนะผมอยากไปกับพี่ผมอยากควงพี่ไปแบบแฟน” ผมพูดพี่เขมมองหน้าผมยิ้มให้ผมแปลว่าไป

“วันนี้พี่อาจจะมาไม่ทันตอนเย็นค่อยติวกันนะคริส” พี่เขมบอกผม ผมขมวดคิ้ว เมื่อวานไปประชุมวันนี้ไปไหนอีกเนี๊ยะ

“พี่มีธุรพี่จะพาอนุชิตไปสำภาษณ์เรื่องรับทุนนะคริส” พี่เขมหันมาบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ

“หมูนี้เราไม่ได้ทานข้าวเที่ยงด้วยกันเลยอะพี่เขมงานเยอะไปหรือเปล่า” ผมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าผมเริ่มน้อยใจแล้วนะ

“ไม่เอาคริส...วันหยุดเราก็ได้อยู่ด้วยกันตลอดนะ” ครูเขมพูด ผมรู้แต่มันไม่พอสำหรับผมอยากอยู่กับพี่เขมมากกว่านี้ ผมสองคนเดินมาจนถึงด้านหลังห้องอาหาร ตรงที่ผมนั่งกันประจำ

“พี่ไม่ทานอาหารเช้าด้วยนะพี่รีบพาอนุชิตไปรอเข้าคิวสัมภาษณ์และคงจะหาอะไรทานที่ศาลากลางเลย” ครูเขมพูดผมพยักหน้าเบาพร้อมกับส่งกระเป๋าผ้าคืนให้พี่เขม พี่เขมรับไปถือก่อนจะยื่นมือมาแตะที่หัวผม มันก็ยังดีทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นแต่ก็ยังแอบน้อยใจอยู่ดี

“พรุ่งนี้พี่ว่างแล้วจะมาทานด้วย...พี่ไปนะ...อย่าไปซ่าที่ไหนละ” ครูเขมพูดและรีบเดินไป ผมก็เดินแยกมาหาพวกไอ้โจและอาร์ท มันนั่งทานอาหารเช้ากันอยู่ แต่ก่อนผมชอบเห็นมันนั่งก้มหน้าก้มตากับมือถือส่งข้อความหาแฟนแต่ตอนนี้มือถือคงเอาไว้โทรมากกกว่าแล้วจะมีแค่โจนี้แหละที่ชอบโพสรูปนั้นรูปนี้ โดยเฉพาะรูปหมา แต่ทว่าวันนี้มันนั่งเงียบนิ่ง

“ดีวะโจ..อาร์ท” ผมทักทั้งคู่ไอ้อาร์ทเงยหน้าขึ้นมมองผมพยักหน้าแต่โจ้มันยังก้มหน้าก้มตาเขี่ยอาหารในจาน

“เมียมึงเป็นอะไรว่ะ” ผมถามไอ้อาร์ท

“หมาเมียกูน้อยใจกระโดดให้รถชนตาย” ไอ้อาร์ทพูด

“ขวับ” เสียงหันไปมองไอ้อาร์ทดังขวับแต่ว่าผมนั่งถัดจากไอ้อาร์ทก็เลยเหมือนโดนหางเล่ไปด้วยยังไงก็ไม่รู้

“เว้ยย !!!” ไอ้อาร์ทและผมร้องออกมาพร้อมกัน

“หมาเมียกูประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์วะ..เสียชีวิตคาที..มึงว่างไหมไปงานศพหมาของเมียกูหน่อย” ไอ้อาร์ทมันรีบเปลี่ยนคำให้การทันทีเลยนะหลังจากที่มันเจอสายตาพิฆาตของโจเมียรักมันเข้าไป ผมก็เบ้ปาก อาการหนักนะผัวเมียคู่นี้

“กูเศร้านะพวกมึง” ไอ้โจพูด มองหน้าผมกับไอ้อาร์ท

“เมีย...ผัวรู้ว่าเศร้าแค่หมามันตายไปแล้วจะให้ผัวไปทำยังไงอะ...ผายปอดก็ไม่ขึ้น...ร้องหายยังกะผัวตายเองซะงั้นนะ” ไอ้อาร์ทมันพูด

“เออ ...งั้นกูไปหาอะไรทานก่อนนะ ..อาร์ท ...โจ” ผมพูดและลุกขึ้นดีกว่าเหมือนกับว่าผัวเมียนี้มันจะตีกัน กะอีแค่เรื่องหมาโดนรถชนตาย สงสัยตัวที่วิ่งมาหาไอ้โจวันนั้นแน่ๆเลย นี้หมาไม่อยากเป็นลูกสองผัวเมียนี้ถึงขนาดกลั้นใจกระโดนให้รถชนเลยเหรอ( ผมคิดเองในใจ) ผมเดินไปสั่งโจ๊ก

“พี่คริส...แก้มได้เป็นตัวแทนถือคฑาปีนี้ด้วยพี่คริส...เขาเรียกดรัมเมเยอร์อะ” แก้มวิ่งแจ่นมาบอกผมทันที ตอนนี้แก้มน่ารักขึ้นมากแต่ผมก็มองเธอแค่น้องสาวแค่นั้น และแก้มมันก็ดีกับครูเขมขึ้นด้วย 

“ดีใจด้วยนะว่าแต่ใครเลือกลิงอย่างแกไปถือว่ะแก้ม” ผมหันมาแสดงความดีใจแต่พอผมว่าเป็นลิงเท่านั้นแหละแก้มมันหน้างอทันทีทันใด อันที่จริงผมแกล้งว่าไปอย่างนั้นแหละ ความจริงแก้มมันน่ารักและยิ่งตอนนี้ยิ่งน่ารักมาก

“พี่ล้อเล่น...น้องแก้มพี่ออกจะสวยงามเรียบร้อย” ผมพูดบอกแก้ม

“เหมือนประชด” แก้มพูดทำท่างอนผม

“พี่พูดจริง น้องสาวพี่สวยและเหมาะสมกับตำแหน่งดรัมเมเยอร์ด้วย” ผมพูดกับแก้ม พร้อมกับยิ้มให้และเอามือลูบหัวเบาๆ

“ปันปัน....” ผมเห็นปันปันเดินเข้ามาก็เลยโบกมือเรียกให้มาหาผม ปันปันเดินตรงมาก็หยุดมองแก้ม

“พี่ปันปันแก้มได้เป็นดรัมเมเยอร์ปีนี้ด้วยแหละ” แก้มหันไปบอกปันปัน ผมยักไหล่ให้ปันปันมัน ไอ้ปันปันมันก็พยักหน้าตอบและ

“เหรอ....นี้เขาหลับตาเลือกแกมาหรือเปล่าแก้ม” ปันปันพูด ทำเอาคนที่ยืนยิ้มหน้าบึ่งทันที

“เบื่อ..ผู้ชายสองคนนี้อะ...ไม่คุยด้วยดีกว่า..พอเบี่ยงเพศไปชอบผู้ชายมองแก้มเป็นลิงเป็นข้างเลยนะ” แก้มยืนเอาแขนกอดอกทำท่าจะงอน

“แก้มพี่ล้อเล่น ...” ปันปันรีบแก้ตัว

“แก้มนะสวยเหมาะสมอยู่แล้วดีใจด้วยนะ” ปันปันพูด แก้มค่อยยิ้มได้หน่อยที่นี้

“แก้มไปหาเพื่อนนะเย็นนี้ซ้อมวันแรกไปดูหน่อยนะ” แก้มพูดและเดินออกไปหาเพื่อนๆ ของเธอ ผมเห็นสีหน้าปันปันมันไม่เหมือนทุกวันและวันนี้ทำไมมาคนเดียววะ

“โป้งอะ” ผมถามไอ้ปันปัน

“ไปหาพ่อนะ....พ่อเจ็บแผลหน้าอกเมื่อคืนแม่ของโป้งเลยโทรมาให้ไปขับรถให้หน่อย โป้งมันขึ้นไปลาครูแล้วก่อนจะขับรถออกไปเมื่อสักครู่นี้แหละ” ปันปันพูด

“นี้มึงงอนที่มันไม่ได้เอามึงไปเหรอว่ะ” ผมถามไอ้ปันปัน

“ก็นิดหน่อย...แต่กูเข้าใจมันไม่อยากให้กูขาดเรียนบ่อย” ปันปันพูด น้ำเสียงน้อยใจแน่ๆ

“เอานะเดี๋ยวมันก็กลับแล้ว....มึงอยู่ก็ดีนะจะได้รับงานไว้ให้มัน มันขาดหายคาบแล้วถ้าขาดทั้งคู่ก็ไม่มีใครรู้กันซิว่าต้องอะไรส่งครูบ้าง” ผมกอดไหล่ปันปันพูด มันก็พยักหน้าตามผม สักพักผมกับปันปันก็เดินออกไปนั่งกับพวกอาร์ทและโจ้ด้านนอกด้วยระหว่างที่ผมเดินผ่านประตู ผมเห็นพี่กาย ไอ้พี่อั๋นและพี่เอกยืนคุยกันดูสีหน้าพี่เอกไม่ค่อยดี ผมได้ยินไอ้โป้งมันพูดว่าพี่เอกแตกคอกับพี่กายแล้วหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่พี่เอกออกตัวรับผิดชอบกี้ ผมคิดว่าพี่กายนั้นแหละพ่อเด็กแต่ไม่ยอมารับ เขาเรียกหน้าตัวเมียซินะ

“กูไม่ทำแล้ว..พอทีเถอะกาย..ถ้ากูไม่ช่วยมึง...แล้วมึงจะตัดเพื่อนอย่างกูก็ได้นะ...” พี่เอกพูดออกมาแสดงว่ามันยังรู้ตักปฏิเสธที่จะทำอะไรชั่วๆกับไอ้กายเป็นแล้วซินะ 

“ไปเถอะว่ะคริสอย่าไปยุ่งกับแม่งเลย สมน้ำหน้าแล้วที่มันแตกหักกันเอง” ไอ้ปันปันพูด ผมก็เดินตามปันปันออกไป กลับไปนั่งทานอาหารเช้ากับพวกอาร์ทและโจ้

“วันเกิดปีนี้มีอะไรพิเศษไหมว่ะคริส..พี่ที่แล้วมึงเมารั่วมากว่ะ” ปันปันพูดใช่ทุกปีผมมีแต่พวกนี้แหละที่ฉลองวันเกิดและก็รั่วทุกปี ผมเดินมานั่งทานอาหารกัน ปันปันมันก็ส่งข้อความคุยแชทกับโป้งไปด้วย

KissKhem : พี่เขมถึงหรือยัง ...ทานอะไรหรือยัง
My Love   : พี่ถึงได้สักพักแล้วนี้กำลังจะพาอนุชิตไปหาอะไรทาน..เอาไว้คุยกันนะ..ตั้งใจเรียนละ
KissKhem  : ครับพี่เขม ผมรักพี่เขมนะ
My Love    : พี่รักเรานะคริส

“ไปเตรียมตัวเข้าแถวกันเถอะว่ะ” ไอ้อาร์ทพูดผมก็พยักหน้าผมทานเกือบจะหมดพอดีเลย ผมก็ถือชามเอาไปเก็บไว้ ผมไม่ลืมเอาเศษอาหารเทลงกระป๋องที่ผมทำไว้ ผมมักจะมาเอาไปเทเลี้ยงสุนัชจรจัดที่ไม่มีใครดูแลทั้งในโรงเรียนและด้านนอก

“พี่คริส” เสียงเล็กๆหวานหู ผมเคยได้ยินเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้เสียงนี้กลับมาดังอีกครั้ง ผมหันไปมองต้นเสียงที่เรียกผม อาร์ทและโจ ปันปันก็หยุดมอง ผู้หญิงผมยาวแต่งตัวเปรี้ยวในชุดกระโปรงแซกสั้นร้องเท่าส้นสูงทาปากแดง เส้นผมเป็นลอน การแต่งหน้าที่จัดจ้านขึ้นมาหน่อยแต่ก็ยังคงไว้ซึ้งความหวานของ เชอรี่ เธอเดินตรงมาหาผม

“ใครวะโคตรสวยเลยวะ...แต่งตัวแรงได้” ปันปันกระซิบกระซาบถามผม

“พี่คริส...เชอรี่กลับมาแล้ว” เธอตรงเข้ามาจับมือผม กุมไว้ แววตาดีใจที่ได้เจอผมแต่ผมซิ มันกลับไม่เป็นเหมือนที่เธอจากไปแรกๆผมอยากให้เธอกลับมาแต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว

“เชอรี่กลับมาเที่ยวบ้านเหรอครับ”

“เปล่าค่ะ....เชอรี่กลับมาอยู่นี้ ...กลับมาหาพี่คริสไง...เชอรี่ยังรักพี่คริสอยู่นะและเชอรี่ก็กำลังจะหาที่เรียนที่นี้..เชอรี่อยากกลับมาเรียนที่นี้มาเรียนต่อม.สี่ที่นี้ เชอรี่เบื่อเมื่องนอก” เชอรี่พูดสายตามองผม เขาก็กอดผมแต่ผมรีบดันเชอรี่ออกทันที

“ทำไมละพี่คริสไม่คิดถึงเชอรี่เหรอคะ” เชอรี่ทำหน้าตา ตกใจที่ผมดันเธอออกไม่เหมือนเคยที่คงรีบโผ่กอดเธออย่างเร็ว

“คิดถึงคะแต่ไม่ได้คิดถึงแบบคนรัก”
                                                                                                                 
“อะไรกันไปแค่ปีเดียวเองและเชอรี่ก็พยายามต้อต้านคุณพ่อคุณแม่เพราว่าเชอรี่อยากกลับมาหาพี่คริสนะ..พี่มีคนอื่นเหรอ” เชอรี่ถามผม น้ำเสียงไม่พอใจ

“ใครกันนางแก้มหรือเปล่า..หนอยนางนี้ทำท่าจะงาบพี่คริสตอนนั้นพอเชอรี่ไปนี้มันมายุ่งกับพี่เลยเหรอ”

“ไม่ใช่เชอรี่ไม่เกี่ยวกับแก้ม .....แต่พี่ไม่ได้รักเชอรี่แล้วและเชอรี่กลับไปเรียนตามที่พ่อแม่ของเชอรี่ต้องการเถอะครับ ..เลิกยุ่งกับพี่...เพราะว่าพี่ไม่อยากมีปัญหากับพ่อแม่เชอรี่” ผมพูดพร้อมกับแกะมือเธอออก

“พี่ต้องไปเข้าแถวแล้วนะเชอรี่...พี่ขอโทษนะ” ผมพูด ผมหันไปจับต้นแขนปันปันและรีบเดินไปเข้าแถวทันที พวกอาร์ทและโจ ก็แค่ยิ้มๆให้เชอรี่ที่ยืนหน้าตาไม่พอใจ ที่ผมกลับเป็นฝ่ายปฏิเสธเขาในวันนี้ ผมยืนเข้าแถวเคารพธงชาติวันนี้มีชั่วโมงของภาษาอังกฤษตอนบ่าย พี่เขมคงกลับมาทันนะ

“ปันปัน...เจอกันตอนเที่ยงนะ” ผมบอกปันปัน มันก็โบกมือให้ผมว่าโอเค ผมเดินไปขึ้นห้องเรียนตามปกติ ผมเห็นเชอรี่มองผมและมองปันปัน สายแปลกๆ ผมแยกขึ้นห้องเรียน เรียนตามปกติ ทำไมเชอรี่ถึงได้กลับมาเพื่อจะมาเรียนที่นี้อีก พ่อแม่เธอยอมให้กลับมาได้ยังไง ตลอดช่วงเช้านี้ผมเรียนหนังสืออย่างตั้งใจ เพราะว่าผมกำลังจะไปสอบ GED อาทิตย์หน้าวิชาแรกคือวิชาคณิตศาสตร์และเย็นนี้ผมก็มีเรียนติวคณิตกับครูถาวร

                    หลังจากพักเที่ยงผมเดินลงมาซื้ออะไรทาน ผมไม่เจอปันปันในห้องอาหาร ส่งสัยมันจะไปโทรหาไอ้โป้งแน่ๆ ทำยังกับยาก่อนอาหาร ระหว่างที่กำลังเดินเข้าห้องอาหาร ผมเห็นพี่เอกกำลังดูแลกี้อยู่ ข่าวที่เธอตั้งครรภ์ในโรงเรียนและครูเขมก็เป็นคนยื่นข้อเสนอให้เธอเรียนทั้งที่เธอท้อง มันดังกระฉ่อนไปทั้งโรงเรียน แต่ก็ยังดีที่มีพี่เอกคอยดูแลใกล้ๆ พี่เอกก็เป็นผู้ชายหน้าตาดีแต่อาจจะไม่รวยเหมือนไอ้พี่กาย

“คริส” พี่เอกเดินมาหาผม

“วันนี้โป้งมาโรงเรียนหรือเปล่า” พี่เอกถามผม  ผมมองหน้าพี่เอก

“ไม่มามีอะไรเหรอ” ผมถามพี่เอกห้วนๆ  เพราะว่าผมก็ยังไม่ไว้ใจพี่เอกเท่าไหร่ เพื่อว่าไอ้พี่กายมันให้พี่เอกทำอะไรให้มันอีก ถึงยังไงก็เพื่อนกัน

“ปันปันละ” พี่เอกถามผมถึงปันปัน

“ก็คงไปโทรศัพท์หาไอ้โป้งทำไมอะ” ผมถามพี่เอก

“เห้ย...คริส...พี่ถามดูพี่ได้ยินพวกไอ้กายและอั๋นมันเรียกพวกมันไปทางห้องน้ำชายที่ไม่ได้ใช่แล้ว” พี่เอกพูด ผมก็หยักไหล่

“คงไปเสพยามั้ง...พี่อยากให้ผมแจ้งครูฝ่ายปกครองให้เหรอ...แตกคอกันแล้วนิ” ผมพูดจาประชดประชันพี่เอก

“พี่รู้ว่าพี่เคยพูดไม่ดีกับนายไว้และพี่ก็เคยเป็นเพื่อนกายเราเลยยังมองพี่ไม่ดีอยู่แต่...พี่เลิกแล้วว่ะ” พี่เอกพูด ผมเห็นพวกไอ้โจและอาร์ทเดินเข้ามา มันกดโทรศัพท์เข้ามาด้วย

“มีอะไรโจ” ผมหันไปถามหน้าที่ตาตื่นของไอ้โจ้

“ปันปันไปหนวะ ไอ้โป้งมันโทรเข้ามือถือกูว่าโทรหาแล้วมันก็ไม่รับสาย พอรับก็ไม่พูดได้ยินเสียงคนเยอะแยะไปหมด” ไอ้อาร์ทพูด ผมหันมามองหน้าพี่เอก ตอนนี้แหละที่ผมหน้าตาตื่น ผมก็วิ่งออกจากห้องอาหารทันที ไอ้โจและไอ้อาร์ทมันก็วิ่งตามผม

“คริส! ...มีอะไรวะ สัส..วิ่งไม่พูดไม่จากเลยไอ้เชี้ย” ไอ้อาร์ทมันวิ่งตามและด่าผมตามหลัง ผมก็ยังวิ่งอยู่ ไม่นะ ต้องไม่ใช่อย่างทีไอ้พี่เอกพูดซิ ถ้าไอ้ปันปันเป็นอะไรผมรู้สึกผิดมากเพราะว่าไอ้โป้งมันฝากปันปันกับผมและมันสองคนมีปัญหาก็เพราะว่าผมด้วยเช่นกันเขาเรียกว่าติดร่างแหไปด้วย ผมวิ่งมาจนถึงห้องน้ำที่รอปรับปรุงใหม่ ห้องน้ำนี้ถูกปิดตายมาหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่ผู้อำนวยการสร้างห้องน้ำใหม่ให้ใช้ ประตูห้องน้ำถูกคล้องกุญแจไว้

“ปันปัน!!” ผมตะโกนเรียก

“แฮ้ก! ...มึงจะบอกว่าไอ้ปันปันมันอยู่” ไอ้โจ้ ผมก็มองหาอะไรที่จะทุบกุญแจที่คล้องเอาไว้ออก

“ปันปัน!...ปันปัน!” ไอ้อาร์ทมันพยายามตะโกน เรียกอยู่ด้านนอก ผมก็หยิบเอาเหมือนแท่งเหล็กมาทุบกุญแจที่คล้องไว้

“เสียงคนร้องไห้ว่ะ” ไอ้อาร์ท

“ปันปัน!..” มึงอยู่ในนั้นเหรอว่ะ..บอกกูดิว่ะ” ไอ้อาร์ทตะโกนแข่งกับเสียงของแข็งที่ผมใช่ทุบประตู จนกุญแจที่คล้องหลุดออก กว่าจะออกได้มือผมก็เจ็บไปหมด ผมรีบถีบประตู พอผมเข้าไปไอ้โจเข่าทรุดลงกับพื้นปันปันนอนกองอยู่กับพื้นสภาพบอกได้ว่ามันโดนอะไรมาบ้าง

“ปันปัน” ผมเข้าไปหามัน กางเกงที่หลุดไปจนจากตัวโคนขาก็มีเลือกไหล

“คริส...มันทำกูอะ...ฮือๆ” ปันปันพูดไปมันร้องไห้ ผมนั่งย่อตัวลง ผมดึงมันเข้ามากอดเนื้อตัวมันสั่นไปหมด

“ปันปัน กูขอโทษปันปัน.. ” ผมพูดไปก็ปลอยมันไปด้วย ไอ้โจมันก็เข้ามากอดอีกคน
 
“ฮือๆ..” ปันมันร้องไห้ใหญ่เลย

“ให้ปันปันมันใส่เสื้อผ้าก่อนเถอะว่ะ” ไอ้โจพูดเสียงมันสั่นๆ มันสงสารปันปัน อาร์ทและโจกับมันก็ช่วยแต่งตัวให้ปันปัน 

“ใครทำมึงปันปัน...บอกกู!!”  ผมถามปันปัน ผมมองหน้ามันน้ำตามันก็ไหล
 
“มึงให้กูโทรหาไอ้โป้งไหมวะปันปัน ...มันโทรหามึงมันเป็นห่วงมึงมากนะปันปัน “          ไอ้อาร์ทท พูดและมองปันปัน

“อย่านะอาร์ท...ไม่เอา...ไม่..” ปันปันส่ายหัวมันร้องไห้ ผมก็กอดมันไว้

“ใครทำมึงปันปัน” ผมถามปันปันอีกครั้ง

“กูไม่รู้อะ กูไม่รู้จักแต่มันทำตามคำสั่งมันเหมือนเป็นพวกข้างนอกอะ คริส “

“แล้วมึงมาตรงนี้ทำไมวะปันปัน”

“เออ..กูหลบมาจะโทรศัพท์หาไอ้โป้งอะ...มึงอย่าถามกูอีกเลยนะ..ฮือๆ..กูไม่อยากอยู่แล้วอะ..ฮือๆ” ไอ้ปันปันมันก็ยิ่งร้องไห้ ผมกำหมัดแน่น

“ไอ้กาย” ผมพูด

“มึงพาปันปันกลับบ้านพัก...”

“อย่าบอกเรื่องนี้กับโป้งนะคริสกูขอร้อง..กูรับไม่ได้...โป้งมันก็คงรับไม่ได้ฮือๆ” ปันปันมันร้องไห้เหมือนเด็กเลยผมก็เอามือลูบหัวมันกันทุกคน ทำไมไอ้พวกระยำมันต้องทำกันแบบนี้ด้วยวะ

“ปันปัน แต่..”ไอ้โจมันพูด มันมองหน้าพวกผมแบบนี้ผมจะกล้าบอกไหม

“มึงต้องบอกมันแต่มึงควรจะบอกเอง กูว่าโป้งมันรักมึงมาก กูไม่เคยเห็นมันรักใครเท่ามึงเลยนะปันปัน เชื่อกูดิ” ผมพูดบอกไอ้ปันปัน ผมรู้ว่ามันยาก เป็นใครโดนแบบนี้แล้วจะกล้าบอกคนที่ตัวเองรักเหรอว่ะ

“ตอนนี้กูไม่พร้อม” ไอ้ปันปันพูดทั้งน้ำตา

“ไอ้คริสมึงจะไปไหน” ไอ้อาร์ทมันถามผม

“กูจะไปจัดการมันเอง” ผมพูดโดนไม่หันหลังกลับไปมองพวกมัน

“ไอ้คริสแต่ว่า” ไอ้อาร์ทมันเรียกผม ผมไม่ฟังแล้วผมเดินออกจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ผมมองไปที่พื้นที่เปียก มีรอยรองเท้ามากมายคงหลายคนเลยซิท่า มันยิ่งทำให้ต่อมเดือดผมทำงานมากขึ้น ผมมั่นใจว่าเป็นพวกไอ้กายแน่ๆ และต่อให้ครั้งนี้ผมถึงกับต้องออกจากโรงเรียนผมก็ยอม เพราะว่าสิ่งที่มันทำกับเพื่อนของผมมันเกินไป เกินคำว่าคน และมันก็เกินกว่าที่ผมจะอดทนอยู่เฉยๆแบบนี้ได้ เป็นไงก็เป็นกัน

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.32.1การเข้าใจผิดของผมกับคริส P1
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 27-09-2020 16:34:28
         
EP.32.1 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์  การเข้าใจผิดของผมกับคริสครึ้งแรก 
                 
                 
                  ครูเขมชาติ   ผมนั่งรอให้อนุชิตเข้าไปรับการสอบสำภาษณ์ผมก็เทรนให้บ้างแล้วกับการตอบคำตอบอะไรพวกนี้ มีคนมากมายที่มารอเข้ารับการสำภาษณ์และบางคนฐานะดีกว่าอนุชิตเยอะเลยเขายังอยากได้ทุน ผมได้แต่หวังว่าอนุชิตจะไม่มีอุปสรรคเพราะว่าพ่อเขาติดคุกมาเป็นตัวตัดสินว่าเขาขาดคุณสมบัติหรอกนะ ถ้าเป็นแบบนั้นสังคมคงไม่ยุติธรรมมากพอสำหรับเขา

      “สวัสดีคะ...เป็นครูโรงเรียน XXX หรอคะ” ครูผู้หญิงที่นั่งถัดจากผมไปหันมาถามผม คงเป็นจะครูที่พานักเรียนมาสัมภาษณ์ด้วยเหมือนกันดูยังเด็กๆ เหมือนจะเพิ่งจบใหม่

      “ครับ...คุณ.? “

      “เป็นครูฝึกสอนนะคะ พาเด็กมาแทนครูประจำของเขานะวันนี้ครูคนนั้นเขาลาคลอดพอดี” เธอพูดกับผม ผมพยักหน้า

      “ชื่อแอมคะ...พี่ชื่ออะไรคะ”

      “ชื่อเขมครับ”

      “จบจากที่ไหนมาคะ”

      “ผมจบจากมหาวิทยาลัยXXX”

      “ที่เดียวกันเลยคะแต่แอมเพิ่งจะจบปีนี้คะมาเป็นครูฝึกสอนที่นี้ กำลังรอบสอบใบประกอบครูนะคะ” ผมพยักหน้า

      “พี่จบมาได้สองปีแล้วครับเพิ่งจะสอบใบประกอบผ่านได้ไม่กี่เดือนเอกปกติเป็นครูสอนอยู่ที่ติวเตอร์นะครับ” ผมบอกแอม

      “แอมจบเอกภาษาไทยมาคะ”

      “ครับ...” ผมพยักหน้า

      “ครูเขมครับ” อนุชิตออกมาจากห้องพอดีเลย

      “ผมขอตัวก่อนนะครับต้องรีบกลับมีสอนคาบบ่ายต่อนะครับ”

      “เสียดายจัง...แอมรู้จักผู้อำนวยการที่โรงเรียนนี้นะคะ แอมคิดว่าถ้าสอบใบประกอบเสร็จจะให้พ่อไปฝากให้นะคะท่านเป็นเพื่อนกันคะ” ผมพยักหน้าอีกแล้วเหรอเพื่อนท่านผู้อำนวยการ

      “ครับ...โชคดีกับการสอบใบประกอบนะครับ” ผมพูดก่อนจะรีบเดินออก ไป ผมดันอนุชิตให้รีบเดิน เขาก็มองผมยิ้มๆ

      “ครูหล่อขนาดนี้ผมไม่แปลกใจหรอกครับแต่ถ้าพี่คริสรู้คงจะหึงนะครับครู”

      “แก่แดดนะเราแต่ห้ามไปบอกพี่คริสเรานะ” ผมนายอนุชิต

      “แสดงว่าพี่คริสขี้หึงแน่ๆเลยครับครู”

      “ใช่...และตอนนี้เรายังเด็กยังไม่รู้เรื่องอะไรหรอกไปครูพาไปทานข้าว” ผมพูดและพากนุชิตไปขึ้นรถจะพาไปทานข้าวผัดปูตรงข้างร้านรถมอเตอร์ที่ผมแอบไปคุยและเจรจาจะซื้อไว้ให้คริสโตเฟอร์ใช้หนึ่งคันและผมก็ซื้อร้องเท้า ที่ใช้เล่นบาสเกตบอลให้ใหม่หนึ่งคู่ ยี่ห้อดีซะด้วยเขาคงถูกใจและนี้คงแอบงอนผมนิดหน่อยทีผมไม่พูดถึงวันเกิดเลยสักนิด ฮาๆ
         
                           หลังจากที่สั่งข้าวผัดปูมาทานกันคนละจานน้ำเก็กฮวยคนละแก้ว อนุชิตขอสั่งให้ย่าเขาหนึ่งห่อแม้ว่าเขาจะจ่ายเองแต่ผมก็ยินดีจะจ่ายให้อยู่ดีพอทานเสร็จก็เลยเดินไปที่ร้านขายรถมอเตอร์ไซค์ข้างๆทันที  ผมได้ทำการจองเอาไว้แล้วเมื่อวันก่อนที่ผมแอบออกมาตอนเที่ยงวันนั้แค่มาสอบถามกลัวไม่ทันวันเกิดพ่อตัวดี

      “สวัสดีค่ะคุณครู...มาดูรถเหรอคะ ตอนนี้ให้เด็กๆ เช็คให้หมดทุกอย่างได้ทันแน่นอนวันที่25 ใช่ไหมคะ”

      “ใช่ครับผมรบกวนด้วยนะครับ” ผมพูดเจ้าของร้านยิ้มให้ผมและอนุชิต

      “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ผมพูดและพาอนุชิตเดินออกมาจากร้านจะได้ไปแวะที่บ้านเขาก่อนเอาข้าวไปให้ย่าของเขาทาน

      “ครูจะซื้อรถให้พี่คริสเหรอครับ”

      “ใช่แต่ห้ามบอกเขาก่อนนะ....ครูจะเอาไว้เซอไพรส์วันเกิดเขานะ”

      “อ้อ..ไอ้ครับครูผมจะไม่บอกเด็ดขาด” อนุชิตพูดอผมพยักหน้าว่าดีมาก และผมก็ขับรถไปแวะที่หน้าบ้านอนุชิตแป๊ปหนึ่ง จอดส่งให้เขาวิ่งเอาข้าวผัดไปให้ย่าของเขาและเขาก็วิ่งออกมาพร้อมกับหอขนม

      “ย่าผมทำใส่ไส้วันนี้ครับครู ย่าฝากให้ครูครับ”

      “ขอบใจมากนะอนุชิต” ผมพูด

      “ย่าเธอทำขายด้วยหรือเปล่า”

      “ใช่ครับย่าทำขายหน้าบ้านมี บ้านในซอยนะครับจะออกมาซื้อ ย่าผมทำอร่อยครับ” อนุชิตพูด ผมพยักหน้าไปถึงต้องลองเลย ผมก็ชอบทานขนมไทยๆ แม่ผมทำให้ทานกันบ่อยแทบจะไม่ค่อยได้กินพวกขนมอบกรอบ เพราะว่ายายผมเป็นคนชอบทำขนมเหมือนกัน ยิ่งขนมต้มด้วยนะยิ่งชอบมากมันหาทานไม่ได้ง่ายๆแล้วซิ

                      ผมขับรถเข้ามาถึงในเขตโรงเรียนก็เกือนจะหมดเวลาพักแล้ว คงต้องรีบไปหาพ่อตัวดีก่อนเมื่อเช้าทำท่าจะงอน งอนตั้งแต่ตอนที่ผมไม่ทำเป็นไม่สนใจวันเกิดของเขาและคงงอนที่ผมไม่ได้อยู่ทานข้าวเที่ยงด้วยและติวให้อีกตอนเที่ยงแต่ผมเชื่อว่าเขาอ่านเองในขณะที่ผมไม่อยู่

      “ครูเขมคะ...พี่คริสโตเฟอร์นะคะไปต่อยพี่กายใหญ่เลยใครห้ามก็ไม่ฟังคะทางด้านโน้นค่ะ” แก้มวิ่งกระหืดกกระหอบมาหาผม อะไรกัน นี้ก็บอกอยู่ว่าอย่าไปซ่าที่ไหนไง ผมรีบวิ่งไปตามที่แก้มชี้มือ มีคนมุ่งครูอาจารย์ก็มุงแต่ก็ไม่มีใครกล้าเขาไปห้ามสักคน

      “ครูเขม!!!” ครูนิดหันมาเรียกผม

      “เกิดอะไรขึ้นครับครู”

      “นายคริสซิคะครูเขม ไม่รู้ไปโมโหอะไรนายกายหนักหนา ถึงขนาดเข้ามาถึงก็ต่อยนายกายไม่ยั้ง อันนี้เด็กๆที่นี้เขาบอกพี่ค่ะครูเขม” ครูนิดบอกผม ผมหันไปมองรอบ เขาก็พยักหน้าว่าใช่ นั้นก็แปลว่านายคริสเริ่มก่อน ผมก็มือกุมขมับทันที
      
      “และนายอั๋นก็เข้ามาช่วยเลยกลายเป็นนายคริสต่อยกับนายอั๋นอยู่ นี้ห้ามก็ไม่ฟัง ต้องครูแล้วแหละค่ะ” ครูนิดบอกผม ผมก็แหวกผู้คนเข้าไป คริสโตเฟอร์สภาพสะบักสะบอมแต่ว่ายังไม่ยอมลดละ

      “ผลัก..” นายอั๋นต่อยหน้าคริสโตเฟอร์จนคิวแตก

      “ผลัก...ผลัก” สองหมัดจากคริสโตเฟอร์ แต่นายกายนะนั่งปากแตกเลือดเต็มคอเสื้อไปหมด

      “หยุดเดี๋ยวนี้!!!” ผมตะโกนแต่ก็ไม่มีใครหยุด

      “ครูบอกให้พวกเธอหยุดไง!!!!” ผมตะคอกเสียงดังขึ้นแต่ไม่มีใครฟังผมสักคน จังหวะที่ต่างคนต่างโดนหมัดส่วนทำให้ทั้งคู่ผะออกจากกัน  ผมจึงเลือกเดินผ่าวงเข้าไปยืน ขวางตรงกลางระหว่างนายคริสโตเฟอร์และนายอั๋น พอคริสเห็นเป็นผมยืนขวางเขาก็หยุดแต่นายอั๋นไม่หยุดกำลังสวนหมัดมาเกือบจะถึงหน้าผมแล้ว ผมรู้ว่านายคริสต้องเข้ามาขวางแน่แต่ผมใช้ฝ่ามือดันอกเขาเอาไว้

      “อย่าต่อยครูนะไม่อย่างนั้นครูจะไล่เธอออกอั๋น” เสียงที่ทำให้หมัดนั้นชะงัก และนายอั๋นก็มองหน้าผม  ครูอครชัยเดินเข้ามาพอดี ส่งสัยว่าวันนี้ครูเขาลาครึ้งวันแน่ๆ ถึงได้พึ่งมาถึงเช่นกัน


       “นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันครับ ครูเขม “ ครูอครชัยถามผม ผมเองก็พึ่งจะมาเช่นกัน

      “นี้มันเรื่องอะไรกันคริส” ผมหันมาถามคริสโตเฟอร์ สายตาบอกได้ว่าเขาเสียใจจริงๆ ที่เขาไม่ฟังผมเลย ผมบอกให้เขาอดทน แล้วนี้ทำไมถึงปล่อยให้เป็นไปได้ขนาดนี้

      “ครูเขมมาก็ดี ไอ้คริสมันมาต่อยผมส่วนนายอั๋นก็เข้ามาช่วยผม..ผมสองคนไม่ผิดนะครับครูเขม” นายกายลุกขึ้นมาประชันหน้ากับผม ผมหันไปมองหน้าคริสโตเฟอร์

      “มึงทำไอ้ปันปัน” คริสโตเฟอร์ชี้และจะออกไปหาเรื่องนายกายอีกผมก็ต้องดันนายคริสออก ดูแล้วคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆแน่ ดูจากอาการของคริสเขาไม่เคยโกรธจัดขนาดนี้มาก่อนเลย ผมดันหน้าอกเขาไว้ให้เขาหยุดนายคริสใช้เวลาอยู่พักหนึ่งถึงได้ยกมือบอกผมว่าเขาโอเคแล้ว

      “กูไม่ได้ทำ!!!” นายกายตะคอกเสียงตอบ

      “แล้วไอ้ปันปันมึงเป็นอะไรละ” นายอั๋น ตะคอกเสียงถามคริสโตเฟอร์ ผมก็มองหน้าคริสโตเฟอร์ว่าปันปันเป็นอะไร

      “หยุดนายกายและอั๋น นี้ต่อหน้าครูนะ เห็นหัวครูที่ยืนอยู่ตรงนี้กันบ้าง พูดจากันให้มันดีดี ได้ไหม” ครูอครชัยต่อว่านายกายและนายอั๋น

      “ปันปัน...มัน ...ถูกหมาหมูทำร้ายครับ”คริสโตเฟอร์พูด ผมหันไปมองพวกนายกายที่ยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
             
      “มึงมีหลักฐานไหม” นายกายถามคริสโตเฟอร์
             
      “นายกาย!!!” ครูอครชัย เขาก็หันมาและยกมือไหว้ขอโทษครูอครชับแต่ไม่กับผม เขาทำเป็นเมยหน้าไปทางอื่น

      “พี่เอก” คริสโตเฟอร์พูด ทุกคนหันไปมองที่เอกรินทร์ที่ยืนอยู่กับกี้ แฟนสาวที่เขาประกาศรับผิดชอบว่าเป็นพ่อในท้องของเธอ กี้ก็ยืนกอดแขนเอกเหมือนกลัวนายกายเช่นกัน

      “ว่าไงนายเอกออกมาซิ” ครูอครชัยหันไปเรียกนายเอกออกมาพูด ผมหันไปมองหน้าเขาว่ายังไงเช่นกัน

      “ผมไม่ได้พูดอะไรครับครู” นายเอกรินทร์พูดว่าไม่ได้พูด พร้อมกันก้มหน้า

      “ก็พี่เป็นคนบอกผม” คริสโตเฟอร์พูดแชะชี้ไปที่นายเอก

      “พี่ไม่ได้บอกนายคงเข้าใจผิด” นายเอกรินทร์พูด

      “ครูคะกี้จะเป็นลมค่ะ “ เสียงเด็กผู้หญิงตะโกนออกมาทำให้ทุกคนหันไปมองที่กี้ที่ยืนหน้าซีดเผือด นายเอกรินทร์ก็วิ่งเข้าไปดูและพยุงกี้ออกไป ผมหันไปมองหน้าคริสงโตเฟอร์ ผมเสียใจจริงๆ ที่เขาไม่เคยฟังที่ผมพูดเลย ให้เขาใจเย็นกว่านี้ ผมเห็นครูนิดหันไปช่วยเอกพากี้ไปห้องพยาบาล

      “ถ้าอย่างนี้ครูคงรู้นะว่าคนของครูนะผิด...ครูเขมชาติ” นายกายพูดขึ้นเสียงใส่ผม ครูอครชัยหันมามองหน้าผมเช่นกัน

      “ครูว่ามันต้องมีที่มา..ผมขอพิสูจน์เรื่องนี้ก่อนได้ไหมครับครู” ผมหันไปคุยกับครูอครชัย

      “แต่นายนี้ต่อยผมนะครู ครูจะมาเข้าข้างในฐานะที่เขาเป็นแฟนครูไม่ได้นะครับ ผมไม่ยอม” นายกายพูด ผมหันไปมองหน้านายกาย

      “มึงจะเอาไง!!!” คริสโตเฟอร์ตะคอกเสียงถาม ผมหันมามองหน้าเขาว่าอย่าทำให้มันยิ่งแย่ไปกว่านี้ เพราะแค่นายต่อยเขาก่อนมันก็ผิดเต็มๆแล้ว คริสก็ต้องหยุดและถอยออกมายืนนิ่งๆ

      “ครูเขมต้องเป็นคนทำโทษไม่อย่างนั้นผมก็ไม่ยอม ผมจะเอาเรื่องนี้ไปร้องเรียนกับผู้อำนวยการ ว่าครูไม่ยุติธรรม” นายกายพูด ผมหันไปมองหน้าครูอครชัย ครูอครชัยพยักหน้าว่าผมคงต้องยอมแล้วละ เพราะว่าคนของผมผิดเต็มๆ ที่ต่อยเขาก่อน

      “ก็ได้..ครูจะทำโทษตอนเข้าแถว..เธอพอใจหรือยัง” ผมหันไปบอกนายกาย สายตาผมประสานกับสายตาที่ดุดันคู่นั้น เขายิ้มที่มุมปากก่อนจะเดินออกไป

      “ทุกคนไปเข้าแถวเพื่อเตรียมขึ้นเรียนได้แล้ว” ครูอครชัยบอกนักเรียนที่มุงดูอยู่ให้เดินไปเข้าแถว ผมหันมามองหน้าคริสโตเฟอร์ สีหน้าผมมันบ่งบอกว่าผมเสียใจที่เห็นเขาทำแบบนี้

      “ทำไมคริสไม่ฟังพี่เลย...”ผมพูดแค่นั้นก็หันหลังเดินออก เขาได้แต่ทำท่าจะเรียกผม ผมเสียใจจริงๆและผิดหวังมากด้วย ผมเดินกลับขึ้นไปบนห้องพัก วางขนมใส่ไส้ไว้บนโต๊ะ ผมว่าจะไปเรียกมานั่งทานขนมกันแต่ดันเกิดเรื่องแบบนี้ซะก่อนและนี้ผมก็ต้องทำโทษเขาอีกด้วย

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนตอนที่48ครูเขมXคริส ต้องให้แก้มช่วยเอาคืนเชอรี่
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 27-09-2020 17:19:03
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.32.1การเข้าใจผิดของผมและคริส(ครึ้งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 28-09-2020 08:47:41
EP.32./ ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์  การเข้าใจผิดของผมกับคริส(ครึ้งหลัง)
 

            Part เขมชาติ  ผมนั่งทำใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินลงมาที่ใต้ตึกที่นักเรียนเข้าแถวตอนพักเที่ยง ผมถือไม้เรียวที่ไปเอามาจากห้องฝ่ายปกครอง เป็นไม้เรียวของครูอครชัย ผมไม่เคยตีใครมาก่อนเลยนี้คือคนแรก และเป็นคนแรกที่ผมไม่อยากตีเลย มันทำให้ผมคิดถึงคำพูดของแม่ผม แม่ไม่อยากให้ลูกเรียนโรงเรียนเดียวกันกับที่แม่เป็นครู เพราะว่าถ้าลูกทำผิดที่โรงเรียนแล้วแม่ต้องตีลูกตัวเอง มันเจ็บกว่าเป็นหลายเท่า ผมเข้าใจมันแล้ว ถึงแม้ว่าคริสจะไม่ใช่ลูกผมก็ตามแต่เขาก็เป็นคนที่ผมรัก

   “ครูเขม” ครูลินดาเดินมาหาผม ผมพยักหน้าว่าผมโอเค ผมเดินออกไปทางด้านหน้า ผมยืนเอามือไขว้หลังอยู่ ครูอครชัยมองผม ก่อนจะหยิบไมล์ขึ้น

   “ตอนเที่ยงเกิดเรื่องชกต่อยกันขึ้นและครูได้สอบถามแล้วผลปรากฏว่านายคริสโตเฟอร์เป็นคนผิด ดังนั้นนายคริสโตเฟอร์ต้องออกมาโดนทำโทษ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแกรุ่นอื่นๆ เราอยู่ด้วยกันโรงเรียนเดียวกันทำไมยังมีเรื่องชกต่อยกันอีก ออกมานายคริสโตเฟอร์” ครูอครชัยพูดพร้อมกับเรียกนายคริสโตเฟอร์ออกมาเขาก็ลุกขึ้นและเดินออกมามายืนตรงกลาง ผมก็ยืนมองเขา

   “ครูต้องตีนายคริสสิบที...เพราะมันต่อยผมก่อนและต่อยเพื่อนผมด้วย “ นายกายลุกขึ้นตะโกนออกมา ผมก็หันไปมองครูอครชัย ครูเขาแค่สบตาผม ผมต้องตีนายคริสโตเฟอร์สิบทีจริงๆเหรอ ผมเดินออกไปยืนมองคนที่ยืนกอดอกหันหลังให้ผม ผมก็เดินไปยืนด้านข้างของเขา มือก็จับไม้เรียวไว้แน่น ก่อนจะง้างมันขึ้นและ

   “ฟวั้บ!ๆๆๆๆ” เสียงดัง แค่ทีเดียวผมเองยังมือไม้สั่นได้ขนาดนี้ ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอตัวเองและตามมาด้วยทีที่สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด และ เก้า และ ทีสุดท้าย สิบ ไม้หักทันที สิบทีที่ผมฝาดไม้เรี้ยวลงที่ก้นนายคริสแม้จะผ่านกางเกงนักเรียนก็ตาม เวลามันช่างนานเหลือเกิน ผมรู้ว่าเขาเจ็บมากแต่คริสโตเฟอร์ไม่ส่งเสียงสักสักนิด

   “เอาละแยกย้ายกันขึ้นห้องเรียน “ ครูอครชัยพูด ผมเดินหันหลังออกทันที ผมไม่กล้าหันไปมองคริสโตเฟอร์  ผมสาวเท้าเดินออกไปให้เร็วที่สุดเพื่อกลับขึ้นไปที่ห้องพักครู และผมก็ตรงไปที่ห้องน้ำครูทันที ผมเข้าไปยืนที่ตรงอ่างล่างมือ มือผมจับขอบอ่างบีบมันไว้แบบนั้นอยู่หลายนาที ปากก็พ่นลมออกมาถี่จนผมเริ่มสงบนิ่งผมรู้ว่ามือผมสั่นแค่ไหนช่วงที่ผมฝาดไม้เรียวตีนายคริสโตเฟอร์  ผมค่อยๆแบมือตัวเองข้างที่ผมใช่กำไม้เรียวเพื่อตีคนที่ตัวเองรักเพราะว่าเขาเป็นนักเรียน  ผมเห็นฝ่ามือของผมมีรอยแดงเป็นจั้มๆ จากการที่ผมกำไม้เรียวเอาไว้จนแน่น เพราะแบบนี้ไงเขาถึงไม่ให้ครูรักกับนักเรียนด้วยเช่นกัน เพราะหากต้องทำโทษขึ้นมาทุกคนก็จะมองว่าอาจจะไม่ได้รับความยุติธรรม
   
   มือที่กำไม้เรียวนั้นไม่รู้สึกเจ็บเท่ากับเสียงไม้ที่กระทบก้นนั้น มันเจ็บยิ่งกว่าเป็นไหนๆ ผมล้างหน้าล้างตา ล้างมือที่แดงเป็นจั้มๆจนมันค่อยๆจางหายไปแต่เสียงไม้กระทบก้นนั้นยังดังก้องอยู่ในหัวผม และสีหน้าคนที่ถูกผมตี เขานิ่งมากจนผมเดาไม่ออกเลยว่าเขารู้สึกยังไง โกรธผมไหมหรือเสียใจ แต่ตอนนี้ผมเสียใจ ที่เขาไม่ควบคุมความโกรธตัวเองให้ได้ดีกว่านี้
 ผมเดินออกมาเข้าห้องพักครูก่อนจะหยิบหนังสือเพื่อขึ้นไปทำการเรียนการสอนห้องแรกคือห้อง ม.4/2 ผมเดินไปเงียบ นักเรียนยกมือไหว้ตามปกติ ผมเดินเข้าไปใน้ห้องเรียน ทุกคนที่พูดคุยกันก็หยุดการสนทนาและหันมามองผม ผมมองไปที่โต๊ะนักเรียนหนุ่มตาสีฟ้าที่นั่งรอเรียนอยู่เป็นประจำวันนี้ว่างเปล่า แน่ละเขาคงโกรธผมมาก จนไม่เข้าเรียนหรือเปล่า

   “Good afternoon “ ผมพูดทักทายนักเรีนยคนอื่นแปลว่าให้เตรียมตัวเรียนกันได้แล้ว หลังจากที่ทักทายเสร็จผมก็เริ่มสอน แต่ผมก็ยังคงหวังว่าเขาจะเดินกลับขึ้นมาเรียนแต่ก็ไม่มีวี่แววเลยจนหมดคาบเรียน โต๊ะนั้นก็ปราศจากคนนั่งตลอดชั่วโมงการสอนของผม ผมทำเครื่องหมายว่าเขาไม่มาในวันนี้ ทั้งที่ไม่มีชั่วไหนเลยที่เขาขาดไปมีแค่วันนั้นวันเดียววันแรกที่ผมเข้าสอน

   “พี่คริสไม่เข้าเรียนสงสัยโกรธครูเขมแน่ๆเลยแก” ผมได้ยินนักเรียนหญิงซิบซิบกัน ผมหยิบหนังสือและเดินออกเพื่อทำการเรียนการสอนห้องอื่นๆต่อทันที วันนี้เป็นวันที่ผมไม่ค่อยมีอารมณ์เล่นสนุกกับนักเรียนเท่าไหร่ และไม่มีใครเอ่ยถามอะไรผมเช่นกัน

   MyLove : คริสทำไมไม่เข้าเรียน อยู่ไหน วันนี้มีซ้อมบาสหรือเปล่า

                  ผมส่งข้อความหาคริสโตเฟอร์แต่ทว่ามันเงียบมากไม่มีการตอบรับกลับมาหาผมเลย ผมเดินเข้าห้องอื่นเพื่อทำการสอน ถ้าเขายังไม่ตอบกลับมาผมคงจะไปดูที่บ้านพักนักเรียนแทน ผมทำการสอนด้วยใจจิตใจว้าวุ่น

                  หลังจากสอนเสร็จผมก็ยังไม่ได้รับข้อความตอบรับจากคริสโตเฟอร์ เขาไปไหนของเขานะ ผมเดินลงจากห้องพักครูว่าจะเดินไปดูเขาสักหน่อยเป็นอะไรไปหรือเปล่า แต่ผมก็เจออาร์ทกับโจ เหมือนกับว่าวันนี้ไม่มีซ้อมบาสเกตบอล

   “โจ อาร์ท ไม่ซ้อมบาสกันเหรอ” ผมถามทั้งคู่

   “ไม่ได้ซ้อมครับครู ปันปันมัน...เออ..ไม่ค่อยสบายนะครับและไอ้คริสโตเฟอร์ก็ไม่อยู่มันขับรถบิ๊กไบท์มันออกไปไหนก็ไม่รู้ครับครู “ ผมก็นิ่งเงียบไปไหนของเขา ผมพยักหน้าถ้าอย่างนั้นก็คงไม่ต้องไปดู ผมตัดสินใจไปรอที่บ้านดีกว่าเพื่อว่าเขาเข้ามาจะเข้าไปหาผมที่บ้านพักแทน ผมทำอาหารเย็นวันนี้ผมทำไข่ลูกเขย ต้มข่าไก่วันก่อนทำให้เขาบอกว่าชอบกิน ผมก็เลยทำให้อีกผมนั่งรอจนเกือบทุ่มก็ไม่มีวี่แววว่าคริสโตเฟอร์จะกลับมา

   “ครูเขม” เสียงเรียกดังมาจากหน้าบ้านผมจำได้ดีว่าไม่ใช่คริสโตเฟอร์เพราะถ้ารายนั้นไม่มาเรียกหรอกขึ้นมาเลย ผมเดินไปที่หน้าบ้านอย่างรวดเร็ว

   “โจว่าไง” ผมถามโจ

   “ครู..ไอ้ปันปันมันกรีดข้อมือตัวเองนะครับครู” โจบอกผมน้ำเสียงร้อนรนผมเองก็ตกใจมากเช่นกัน

   “อะไรนะ...อยู่ไหนตอนนี้”

   “อยู่ในห้องพักนักเรียนครับครู...ทำไงดีอะครับเลือดออกใหญ่เลยและไอ้โป้งก็กำลังมาถึงแต่จะรอมันคงไม่ได้ครับครู”

   “พาส่งโรงพยาบาล ..เดี๋ยวรอครูแป๊ปหนึ่งนะ” ผมบอกโจ ผมก็รีบหยิบกระเป๋าสตางค์มือถือและกุลแจรถ ผมรีบขับตามโจออกไปโจขับรถมอเตอร์ไซค์มาหาผม ผมไปที่บ้านพักผมก็เห็นข้อมือปันปันเลือกออกใหญ่เลยไม่รู้ว่าโดนเส้นเลือดใหญ่ไหม หน้าปันปันก็ซีดมากเนื้อตัวเปียกไปหมด

   “ปันปันมึงทำแบบนี้ทำไมว่ะ ฮึก ฮึก” โจที่ถามปันปันด้วยน้ำเสียงที่เป็นหวงเพื่อนรักน้ำตาก็ไหล อาร์ทก็ยืนกุมขมับตกใจไม่แพ้กัน ดังนั้นตอนนี้ผมต้องตั้งสติตัวเอง

   “หาผ้ามาให้ครูขันชะเนาะห้ามเลือดก่อน เร็ว!” ผมบอกโจและอาร์ท เขาสองคนก็ช่วยกันค้นหาผ้าและเอามาให้ผม ผมก็ทำการขันชะเนาะห้ามเลือดตามที่เคยเรียนมา

   “ช่วยกันอุ้มปันปันไปที่รถครู” ผมพูดต่างก็พากันอุ้มปันปันอย่างทุลักทุเล เด็กๆคนอื่นที่พักหอข้างก็พาออกมายืนดู ด้วยอาการตกใจเช่นกัน

   “ใครเป็นอะไรอะ..พี่ปันปันนี้หว่าเลือดไหลใหญ่เลยวะ” เด็กๆพากันถามผมก็อุ้มปันปันเข้าไปในรถทันที

   “ครูดูแลปันปันแล้วกันนะครับผมไปขับรถให้” อาร์ทบอกผม ผมพยักหน้าและอาร์ทก็ออกตัวไปอย่างรวดเร็ว พอผ่านพ้นประตู โรงเรียน

   “นั้นรถไอ้โป้งนี้” โจตะโกนขึ้น พร้อมลดกระจกลง

   “โป้งไปโรงพยาบาลด่วน!” โจตะโกนและอาร์ทก็ออกตัวตามด้วยรถของโป้งที่กลับรถอย่างรวดเร็ว

   “ครูแล้วไอ้คริสละครู” โจถามผม

   “ไม่รู้เหมือนกันเขาไม่ได้กลับบ้านนะ” ผมพูดมือก็ยังจับผ้าห้ามเลือกให้ปันปัน

   “ทำไมถึงทำแบบนี้ละปันปันเกิดอะไรขึ้นมีปัญหาอะไรทำไมไม่บอกครูทำไมทำแบบนี้” ผมถามปันปัน ตอนนี้หน้าซี้ดมาก  เหมือนเขาจะพยายามพูดแต่ผมว่าเขาอ่อนเพลียมากเกินไป ผมได้แต่เอามือแตะที่หัวปันปันแทน

   “คริสเหรอปันปันมันกรี้ดข้อมือตัวเองกูกำลังขับรถครูเขมพาไปโรงพยาบาลเจอกันว่ะ ..มึงอยู่กับใครน้องเชอรี่เหรอเสียงน้องเขาอยู่ข้างๆมึงอะ...เออ..โรงพยาบาลจังหวัดวะแค่นี้” ผมชะงักไปนิดหนึ่งตรงที่ได้ยินว่าอยู่กับน้องเชอรี่ โจหันมามองหน้าผมแว๊ปหนึ่งเขาก็ไม่ได้พูดอะไร อย่าบอกนะว่าเชอรี่คนเดียวกันกับที่บอกว่าเป็นแฟนเก่า รถเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าห้องฉุกเฉิน

   “พี่ครับเพื่อนผมมีดบาดข้อมือครับ”

   “ด่วนเลยพี่” เสียงโจลงไปแจ้งเจ้าหน้าที่ผมก็อุ้มปันปันออกมาจากรถและวางลงบนเตียง

   “เลือดไหลไหญ่เลยน้องตามหมอGP ลงมาด่วน!” เจ้าหน้าที่มารับคนไข้ โป้งวิ่งเข้ามาพอดี พอโป้งเห็นสภาพปันปันเท่านั้นแหละ

   “ปันปัน!...ใครทำอะไรปันปัน...ทำไมถึงเป็นแบบนี้!!!” โป้งตะโกนและเข้าไปกอดปันปัน แต่เจ้าหน้าที่พยายามดันออกเพราะต้องรีบให้การช่วยเหลือปันปันแล้วปันปันก็พยายามยื่นมือที่ไม่เจ็บมาจับมือโป้งแต่รถเข็นถูกนำเข้าไปแล้ว ผมพากันออกมาด้านนอกห้องฉุกเฉินไม่อยากเสียงดังในโรงพยายาล

   “เกิดเชี้ยอะไรขึ้น!!” โป้งหันไปถามโจ ด้วยความโกรธแต่ละคนเงียบ โป้งกระฉากคอเสื้ออาร์ทดันไว้กับกำแพง

   “กูถามว่าเกิดอะไรกับเมียกู!!!” โป้งตะคอกถามอาร์ทและโจอีกครั้ง

   “ปันปันมันกรีดข้อมือตัวเอง”

   “ทำไม..มันถึงได้กรีดข้อมือตัวเอง....บอกกูมา!!!” โป้งตะคอกเสียงถามทุกคน โป้งมองหน้าโจ และอาร์ท ผมเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรมากมายหนักหรอก

   “บอกมันเถอะอาร์ท” โจหันมาบอกอาร์ท

   “บอกกูมาเดี๋ยวนี้ไอ้อาร์ท!!” โป้งถามอาร์ท

   “ปันปันมันโดนข่มขืนในห้องน้ำกูไม่รู้ว่าใครแต่คริสโตเฟอร์มันบอกว่าไอ้พี่เอกบอกว่าไอ้พี่กายอาจจะเป็นคนทำแต่เราไม่มีหลักฐาน” อาร์ทพูดผมถึงกับตกใจ

   “นี้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง” ผมถามทุกคนด้วยอาการตกใจเช่นกันนี้มันเกินไปแล้วนะที่ถึงขั้นเรียกว่าข่มขืนเลยนะ ถึงแม้ว่าปันปันจะเป็นเด็กผู้ชายก็ตาม

   “ทำไมไม่บอกครูตั้งแต่ตอนที่นายคริสมีเรื่องชกต่อยละ”

   “ตอนนั้นผมไปอยู่กับไอ้ปันปันที่บ้านพักครับครู และปันปันมันบอกไม่ให้บอกใครเพราะว่ามันไม่อยากให้โป้งรู้ มันกลัวโป้งรับมันไม่ได้”โจพูด โป้งทรุดลงนั่งคุกเข่า

   “ไอ้สัสกาย!!” โป้งสะบดคำและลุกพล้วดขึ้นและเดินออกผมคิดว่าเขาจะไปหานายกายแน่ๆ
         
   “โป้ง..หยุด...นายจะไปไหน” ผมกระฉากแขนโป้งไว้ผมรู้ว่าเขาจะไปไหน ไปก็หาเรื่องใส่ตัวเองคราวนี้คงไม่มีใครช่วยห้ามและเรื่องคงถึงขั้นเลือดตกยางออก

   “ครูมันทำแฟนผม…และดูที่มันทำซิครูผมคงรอให้กฏหมายทำกับมันไม่ได้..ครู” โป้งพยายามสะบัดแขนเขาให้ผมปล่อยแต่ผมไม่ยอมปล่อย ผมจะไม่ปล่อยให้โป้งไปเด็ดขาด

   “ครูรู้ พรุ่งนี้ครูจัดการเองเธอควรจะอยู่ดูแลปันปันตอนนี้ ...และถ้านายไปมีเรื่องอีกละ....ใครจะดูแลปันปัน ไหนจะพ่อนายอีกละแม่นายอีกละ..ห๊ะ!...ครูรู้ว่ากฏหมายมันช้าแต่ถ้าเรามีหลักฐานกฏหมายก็ทำได้ไม่ต้องรอชาติหน้าหรอกโป้งแต่เราควรจะมีสติ!”

   “คิดให้เยอะๆ โป้ง...สิ่งที่ที่นายกำลังจะไปทำมันไม่ได้ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นมันจะทำให้ทุกอย่างแย่ลง!” ผมพูด ระหว่างนั้นเสียงรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์แล่นเข้ามาจอด ผู้ชายที่สวมหมวกกันน๊อคมีคนซ้อนท้ายหนึ่งคนรูปร่างเล็ก ๆ ก้าวขาลงมา พอถอดหมวกออกก็รู้ได้ทันทีที่ว่าเป็นผู้หญิง และคนที่เป็นคนขับผมก็จำได้ดี คริสโตเฟอร์

   “ปันปันมันเป็นอะไร..มึงสองคนดูแลมันยังไงว่ะ “ คริสโตเฟอร์เดินตรงไปหาอาร์ท และโจ

   “กูกลับไปเอาของและซื้อข้าวมาให้มันไงแต่พอกลับมามันก็นอนอยู่ในห้องน้ำเลือกไหลท้วมมือมันไปหมด”

   “พี่โป้ง สวัสดีค่ะ” น้องผู้หญิงทักทาย

   “เชอรี่นี้ครูเขม” คริสโตเฟอร์หันมาบอกผู้หญิงคนนั้นเพื่อแนนำผม

   “สวัสดีค่ะครูเขม” เชอรี่ หน้าตาสะสวย ผิวพรรณดูดี เขาส่งยิ้มให้ผม โจและอาร์ทมองหน้าผม ผมยกมือไหว้รับ ผมแค่หันมามองคริสโตเฟอร์ผมรู้สึกผิดที่ไม่ฟังเขาเลย รู้สึกผิดที่ทำโทษเขาไปวันนี้

   “พี่คริสค่ะ...เพื่อนคนไหนเหรอที่พี่ว่าเข้าโรงพยาบาลนะคะ”

   “แฟนโป้งมันนะเชอรี่” คริสโตเฟอร์พูดกับเด็กผู้หญิงเกาะแขนคริสโตเฟอร์ไม่ยอมปล่อย โป้งเดินไปคุยกับพยาบาล ผมคิดว่าคงต้องนอนโรงพยาบาลคืนนี้หนึ่งคืนเพราะปันปันเสียเลือดมาก และโป้งก็เดินกลับมา

   “คืนนี้ปันปันจะนอนโรงพยาบาลก่อนนะครับครู “ โป้งบอกผม

   “มีห้องพิเศษว่างหรือเปล่าละโป้ง”

   “เออ...คือ..”

   “ค่าใช้จ่ายครูจัดการเองไปบอกเขาใหม่ว่าขอห้องพิเศษเราจะได้อยู่ดูแลปันปันอย่างใกล้ชิดและพรุ่งนี้ครูจะมาเยี่ยมอีกทีนะส่วนเรื่อง....อื่นครูจัดการเอง” ผมพูดก่อนจะหันไปมองคนที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ เขาไม่กล้าแม้จะสบตาผมด้วยซ้ำและอาหารเย็นทีผมทำไว้คงไม่จำเป็นแล้วซินะ

   “ครูกลับก่อนนะพรุ่งนี้ครูมีเวรยืนหน้าประตู” ผมพูดแค่นั้น

   “ครูครับผมติดรถครูไปลงที่บ้านได้ไหมครับ” อาร์ทถามผม ผมพยักหน้าว่าได้ ผมเดินออกตกลงนี้เขากลับไปหาแฟนเก่าแล้วใช่ไหม แค่เพราะว่าเขาโกรธผมใช่ไหม

   “ทำไมไอ้คริสมันทำแบบนี้วะ” เสียงโจพูดกับอาร์ทผมเข้าใจความหมายดี เขาอาจจะเห็นแล้วด้วยว่าผมกับเขามันยากถ้าเขาเลือกจะกลับไปเขาคงไม่จำเป็นต้องไปสอบแล้วละมั้ง ผมเดินมาที่รถขับรถออกมาเพื่อจะไปส่งอาร์ทและโจก่อนและผมก็ขับรถกลับมาที่บ้านพักครู นั่งอยู่เงียบๆสักพักผมก็เก็บทุกอย่างลงถุงขยะทานไม่ลงเหมือนกัน อาการคนอกหักมันถามหา

   Rrrrrr เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นเป็นเบอร์ไม่คุ้นเคยแต่มีหมายเลขนำหน้าว่าโทรมาจากออสเตรเลียผมรีบกดรับสายทันที ผมคิดว่าน่าจะเป็นพ่อของคริสโตเฟอร์

   “ฮัลโล” ผมตอบรับสายเรียกเข้า

   “สวัสดีค่ะน้องเขม จำพี่ได้ไหมคะ พี่เก๋ค่ะ “ พี่เก๋คนที่ผมฝากเรื่องให้ช่วยเรื่องตามหาพ่อของคริสนั้นเอง ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติ นี้ผมคงตื่นเต้นน่าดูแต่เวลานี้ผมก็คงพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด
 
   “สวัสดีครับพี่เก๋ สบายดีไหมครับ”
   
   “สบายดีค่ะ แต่พี่ขอโทษทีนะ พี่ติดไปคุยเรื่องผู้หญิงโดนสามีทำร้ายที่ชั้นศาลนะคะ เพื่อช่วยให้น้องเขาได้วีซ่าพลเมืองของออสเตรเลียค่ะ พี่เลยไม่ได้โทรหาเขมเลย” พี่เก๋บอกผม

   “ไม่เป็นไรครับพี่เก๋” ผมพูด
   
   
   “พี่ได้เรื่องแล้วนะคะ น้องคนที่อยู่ที่เพิร์ธนะเขาบอกว่าบ้านหลังนี้ได้ประกาศขายกับเอเจ้น ที่เป็นบริษัทเกี่ยวกับฝากขายบ้านและที่ดินนะคะ และตอนนี้มีคนซื้อไปแล้ว แต่เพื่อนพี่เขาไปขอเบอร์ติดต่อนะแต่ไมได้ พี่ได้อิเมลมาค่ะ “ พี่เก๋บอกผม

   “แล้วเจ้าของบ้านละครับ”

   “น่าจะคุณย่าของน้องเขาเสียชีวิตไปได้สามปีแล้วค่ะ”
   
   “และบ้านหลังนี้ตกเป็นของลูกชายเขาค่ะ แต่เขาไม่กลับมาอยู่แล้วเลยประกาศขายค่ะ”
   
   “อิเมลนะคะ เดนิสคริสริซโซ25@XXXXXXX “ พี่เก๋บอกอิเมลของผม ผมก็ต้องถึงบางอ้อ เพราะว่าเลขตัวหน้าในจดหมายมันมองไม่เห็น
   
   “ขอบคุณมากนะครับพี่เก๋ ขอบคุณจริงๆครับ” ผมพูดขอบคุณพี่เก๋

   “ไม่เป็นไรค่ะเขม เราคนไทยเราช่วยกัน แต่ถ้าติดต่อไม่ได้อีก บอกพี่นะคะ พี่อยากช่วยให้น้องเจอพ่อให้ได้ค่ะ “พี่เก๋พูด ผมยิ้มแทนคริสโตเฟอร์ แม้จะไม่ใช่ยิ้มที่มีความสุขปกติ

   “เขมพี่ต้องไปรับลูกแล้วนะคะ ถ้ายังไง โทรหาพี่ได้ตลอดนะคะ พี่ขอให้เขมโชคดีค่ะ “

   “ขอบคุณครับพี่เก๋ สวัสดีครับ” ผมพูดและกดวางวสายไปทันที ผมทำการฟอร์เวิร์ดอีเมลที่ผมส่งไม่ผ่านและใส่ที่อยู่อิเมลอันใหม่ไปแทน ผมหวังว่าพ่อของคริสจะได้รับอิเมลของผม

         
   หลังจากที่ผมส่งอิเมลเรียบร้อยแล้ว ผมก็ต้องนั่งนิ่งๆบางทีผมก็คิดนะว่าผมจะทำเพื่ออะไรแต่ผมก็ยินดีจะทำอยู่ดีถึงตอนนี้คนนั้นจะเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม ผมจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสวมชุดนอนก่อนนอนสวดมนต์สักหน่อยเพื่อว่าสิ่งที่วุ่นวายในใจจะได้หมดไปบ้าง หลังจากสวดมนต์เสร็จผมก็เหลือบตามองไปที่นอนข้างๆผม ต่อไปนี้มันคงจะว่างไปตลอดก็ดีนะเขาควรได้มีชีวิตที่ปกติเหมือนคนอื่นๆเขา และมันก็อาจจะดีที่เรื่องวุ่นวายก็คงจบลงซะทีเช่นกัน ผมคิดว่าเรื่องทั้งหมดมันอาจจะเกิดมาจากผมและเขาก็ได้
------------------------------------------------------------------------------
ปล.อย่าพึ่งโกรธคนแต่งจนหนีไปกันหมดนะคะ คนแต่งสัญญาว่าจะจัดการนายกายให้นะคะ รักคนอ่านจุ๊บๆ คนแต่งก็หน่วงค่ะ
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริส) EP.33 ผมรู่วาพี่เขมต้องห้ามผมแน่ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 28-09-2020 14:49:25
EP.33 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์  ผมรู่วาพี่เขมต้องห้ามผมแน่ๆ   

                    คริสโตเฟอร์   ผมตัดสินใจโทรหาเชอรี่และขอโทษเธอที่ผมพูดแบบนั้นออกไปว่าผมมีแฟนแล้ว ผมก็พาเธอไปนั่งที่สวนสาธารณะเหมือนที่ผมกับเธอเคยทำกันแน่นอนเราก็ต้องมีกอดและจูบแต่เป็นรสจูบที่น่าขยะแขยงที่สุดแต่ผมก็ต้องทำ ผมต้องการให้เชอรี่ช่วยผมเรื่องไอ้กาย แต่ยังไม่ทันไร ไอ้โจมันโทรศัพท์มาหาผมบอกว่าไอ้ปันปันกรีดข้อมือตัวเอง ผมก็รีบขับรถกลับมาโรงพยาบาลแทบไม่ทันที แต่มันก็ดีเหมือนระฆังช่วยผมไว้ ไม่อย่างนั้นผมคงเกินเลยกับเชอรี่ไปแน่ๆ ผมเองก็เป็นผู้ชายเธอเล่นเล้าโรมผมซะขนาดนี้
             
      พอผมมาเห็นสภาพปันปัน ผมก็ยิ่งต้องหาทางจัดการไอ้กายให้เร็วที่สุด ผมสงสารมัน ทำไมมันต้องทำไอ้ปันปัน คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกับมันเลยสักนิด มีแต่ผมกับไอ้โป้ง ไอ้พวกหน้าตัวเมียที่ทำกับคนอ่อนแอ คนไม่มีทางสู้อย่างไอ้ปันปัน

           ผมขับรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบท์มาส่งเชอรี่แฟนเก่า ผมจำใจต้องให้เธอกอดเอว ทั้งที่ผมอยากเอาไว้ให้พี่เขมกอดผมคนเดียว แต่ตอนนี้ผมต้องการให้เธอช่วยผม ผมยอมโ ดนด่าภายหลังหากเธอรู้ความจริงว่าผมแค่หลอกใช้เธอ เพราะว่าเชอรี่คือคนที่กายมันหลงรัก เชอรี่คนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถเอาความลับจากไอ้พี่กายมาให้ผมได้
           
      “ทำไมมาส่งเชอรี่ที่บ้านละเราไม่ไป...เออ..ไป..”เชอรี่พูดทำหน้างอเมื่อก่อนนะใช้ผมกับเชอรี่เข้าโรงแรมด้วยกันบ่อยแต่ทว่าผมกับเธอเปลี่ยนไปแล้วเมื่อก่อนผมแค่อยากได้เพราะว่าเธอสวย
           
      “เอานะไว้ก่อนนะคะว่าแต่พรุ่งนี้ใช่ไหมค่ะที่”
           
      “พี่ต้องการอะไรคืนเหรอและมันสำคัญมากเหรอคะ”
           
      “สำคัญซิค่ะ...เพราะพี่อาจจะถูกไล่ออกเชอรี่ก็รู้นี้ว่าไอ้กายนะมันรักและหลงเชอรี่มากแค่ไหน...และมันก็กัดพี่ไม่ปล่อยเลยนะคะคนดี” ผมอ้อนเชอรี่ ผมใช้นิ้วไต่ไปตามแก้มเนียนใส่นั้นเบาๆ เธอยิ้ม
           
       “เสร็นเรื่องนี้แล้วพี่จะพาไปมีความสุขกัน”ผมพูดและเธอก็เอียงแก้มมาจะให้ผมหอม
           
      “หอมแก้มเชอรี่ซิคะ พี่คริส “ เชอรี่พูด ผมก็มองพร้อมกับกลืนน้ำลาย ผมขอโทษพี่เขมผมจำเป็นต้องทำ ทันใดนั้นผมก็เหลือบไปเห็นพ่อของเชอรี่ออกมายืนมองพอดี ผมเลยชะงักและเชอรี่ก็หันไปมองผู้เป็นพ่อของเธอ 
           
      “เข้าบ้านเถอะค่ะพ่อเชอรี่ยืนมองอยู่แล้วอย่าทำให้ท่านไม่เชื่อใจในตัวพี่อีกเชอรี่อาจจะไม่ได้เจอพี่นะคะ” ผมบอกเธอ(ใจก็แอบของคุณไม่อย่างนั้นต้องจำใจหอมแก้มเธอทั้งที่ไม่อยากหอมเลยจริง)
           
      “ ถ้าอย่างนั้น เชอรี่หอมเองก็ได้ค่ะ และเชอรี่จะอธิบายกับป๊าเองค่ะ “ เชอรี่พูดและเขย่งปลายเท้าเพื่อจะหอมแก้มของผมตอนแรกผมทำท่าจะขัดแต่ถ้าผมขัดเธอจะรู้ทันทีผมเลยต้องยอมให้เธอทำเธอหอมแก้มผมเสียงดัง พอเชอรี่ผ่านพ้นประตูเข้าบ้านไปผมก็ยกแขนเสื้อขึ้นมาปาดเช็ดที่แก้มของผม ก่อนจะรีบบิดรถออก ผมคงกลับไปนอนบ้านพักไม่ได้ ผมคงต้องไปนอนกับไอ้โป้งที่โรงพยาบาลไอ้กายมันต้องชดใช้ผมจะขึ้นไปหาหลักฐานทุกอย่างที่มันทำเอาไว้
           
      ผมขับรถมาถึงโรงพยาบาลและเดินขึ้นไปหาไอ้โป้งที่ห้องพักพิเศษ ผมเห็นโป้งนั่งหลับมือก็กุมมือปันปันไว้สายน้ำเกลือและถุงเลือดที่ห้อยอยู่ คนที่นอนก็ยังหลับไหลเพราะฤทธิ์ยา
           
      “อ้าวคริส” โป้งลืมตาขึ้นมองผม ผมพยักหน้าว่าผมเอง ผมทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา
           
      “เชอรี่ละ” ไอ้โป้งมันถามผม สีหน้ามันดูกังวลเรื่องผมกับเชอรี่
           
      “ไปส่งบ้านแล้ว”ผมตอบไอ้โป้งไป
           
      “มึงกำลังทำอะไรอยู่วะมึงจะกลับไปหาเชอรี่อย่างนั้นเหรอว่ะ แล้วครูเขมละ มึงอุตสาห์ผ่านเรื่องบ้าๆมาแล้วมึงทำแบบนี้ทำไมว่ะ คริส ” โป้งถามลุกมาหาผม มานั่งข้างๆมันถามผม ผมรู้ว่าแววตามันผิดหวังมากที่เห็นผมทำแบบนี้
           
      “กูไม่ได้อยากกลับไปแต่กู...เชื่อว่าไอ้กายมันเป็นคนอยู่เบื่องหลังว่ะและมันต้องนัดไอ้พวกนี้มาอีกแน่ๆโป้ง กูถึงต้องให้เชอรี่ช่วย ไม่อย่างนั่นเราจะไม่มีหลักฐานเชี้ยอะไรเลยนะโป้ง ไอ้ปันปันมันเพื่อนรักกูเหมือนกัน  ” ผมพูดกับไอ้โป้ง ไอ้โป้งมันมองหน้าผม ผมรู้ว่ามันอยากจะแก้แค้นให้ปันปัน มันคงไม่รอให้กฏหมายแน่นอนเพราะมันไม่เชื่อว่ากฏหมายจะทำอะไรพวกมันได้ แต่มั้นจะหมออณาคต ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นด้วยเช่นกัน
           
      “กูช่วย” โป้งมันหันมาหาผม

      “อย่ามึงดูแลปันปันกูกลัวมันทำอีกมันต้องการมึงตอนนี้โป้ง” ผมพูด ผมมองหน้ามันและโอบไหล่มัน มันก็โอบไหล่ผม
           
      “และกูไม่สนใจอะไรแล้วมันทำกับเพื่อนๆกูมาเยอะแล้วและเรื่องพวกนี้มันก็มาจากกูดังนั้นกูควรจะจัดการเองวะโป้ง” ผมพูดกับไอ้โป้ง
           
      “มึงไม่บอกครูเขม”
      
      “พี่เขมห้ามกูแน่ๆ”
      
      “ก็เพราะว่าเขารักมึงเขาเป็นห่วงมึงและกูรู้ว่าวันนี้เขาทำโทษมึงเพราะครูเขมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับปันปัน ” ผมก้มหน้าลง ผมรู้ว่าพี่เขมเสียใจแค่ไหน ผมรู้ดีแววตาคู่นั้นที่มองผม ผมยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง
      
      กูไม่อยากให้พี่เขมเดือดร้อนเพราะกูอีกกูเชื่อว่าพ่อมันเต้นแน่ถ้าลูกเขาโดนข้อหาหนัก” ผมพูดและมองหน้าไอ้โป้ง
      
      “อย่าบอกเรื่องนี้กับพี่เขม” ผมพูดกับไอ้โป้งมันก็มองหน้าผม พร้อมกับพ่นลมออกมาจากปาก
      “กูขอละโป้ง....กูยอมให้พี่เขมมองกูไม่ดี...แต่กูจะให้พี่เขมเดือดร้อนเพราะกูอีกไม่ได้...ทุกอย่างมันควรหยุดได้แล้ว” ผมพูดกับไอ้โป้ง
      
      “หมับ”โป้งกอดผม ผมก็แตะมันที่หลังเบาๆว่าผมโอเคว่ะ
      
      “รอให้ปันปันมันแข็งแรงก่อนได้ไหมวะ” โป้งถามผม
      
      “กูยิ่งลงมือเร็วทุกอย่างจะได้ยุติเร็วขึ้น คือเรียกว่ายิ่งเร็วยิ่งดีโป้งเพราะว่ามันควรจะได้รับบทเรียน” ผมพูดแค่นั้น
      
      “คืนนี้กูนอนด้วยวะกูไม่กล้ากลับไปหาพี่เขมวันนี้กูยังไม่กล้ามองหน้าเขาเลย” ผมบอกไอ้โป้ง
      
      “กูเห็นแล้วแหละ” ไอ้โป้งมันพูดและมันก็ส่งหมอนกับผ้าห่มมาให้ผม
      
      “มึงนอนบนโซฟาวะกูจะนอนข้างๆปันปัน...กูกลัวมันหายไป..กูใจหายที่เห็นสภาพปันปันแบบนี้ กูโคตรกลัวเลยวะกูกลัวเสียมันไปว่ะคริส..กูเพิ่งจะรู้ว่ากูรักมันมากวะ” โป้งพูดด้วยน้ำเสียงที่บอกได้ว่ามันเป็นห่วงใยปันปันมากแค่ไหน มันคงรู้แล้วซินะว่ามันควรรักใครในตอนนี้ ปันปันดูแลมันดีตั้งแต่เข้ามาเรียนภาพที่มันสนิทกับปันปันไหนก็ไปด้วยกัน ปันปันมันตามใจโป้งทุกอย่างไม่เคยขัดใจเลย
-----------------------------------------------------------------------------------------------
               ครูเขมชาติ   ผมตื่นมาแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัวแอบเผลอมองที่นอนว่างๆ เขาไม่ได้กลับมานอนกับผมเหมือนที่ผ่านมา ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วซินะ ผมรีบแต่งตัวเพื่อจะทำหน้าที่ยืนเวรหน้าประตูตอนเช้าวันนี้ ผมไม่ต้องทำอาหารเช้าหรอกมั้ง ผมขับรถอออกมาจอดไว้ที่ด้านหน้า ผมจะไปหาปันปันไปสอบถามเรื่องที่เกิดขั้นผมรู้ว่ามันหนักแต่ผมต้องถามเพื่อหาวิธีช่วยเหลือเขาและเรื่องนี้พ่อแม่ปันปันต้องรู้แน่ๆ
      
      “สวัสดีค่ะครู..ถาวรได้ยินเด็กๆคุยกันว่าเมื่อคืนครูพาปันปันไปโรงพยาบาล ..เด็กเป็นอะไรเหรอค่ะ”
      
      “เออ...คือ...มีดบาดนะครับมีดบาดที่ข้อมือหมอเย็บทำแผลเรียบร้อยแล้วครับ”
      
      “อ้าวเหรอ...”
      
      “นอนโรงพยาบาลเมื่อคืนวันนี้ผมจะไปดูเขาอยู่เหมือนกันหลังจากสอนคาบแรกเสร็จแล้วนะครับ”
      
      “ค่ะ...นึกว่าเป็นอะไรมากเห็นเด็กบอกว่าเลือดไหลเยอะเลย”
      
      “ไม่เป็นอะไรมากแล้วนะครับแต่ผมคงต้องโทรแจ้งพ่อแม่ของปันปันให้ทราบผมคงต้องไปขอเบอร์ติดต่อที่ฝ่ายกองทะเบียนใช่ไหมครับครูเก่ง”
      
      “ใช่ค่ะพี่นิดดูแลอยู่ขอพี่นิดได้เลยค่ะ” ครูถาวรบอกผม เขาก็พยักหน้าผมหันมาทำหน้าที่ยืนหน้าประตูแทนครูนิดวันนี้ ผมคงต้องรอครูนิดเข้ามาก่อน ระหว่างที่ผมกับครูถาวรกำลังยืนเพื่อตรวจดูเสื้อหน้าผมจองเด็กนักเรียน จังหวะนั้นก็เหลือบไปเห็นรถบิ๊กไบท์ขับผ่านเข้าไป นี้เขาเพิ่งจะกลับมาตอนเช้าอย่างนั้นเหรอคงไม่ต้องถามหรอกมั้งว่าเขาไปทำอะไรมาก เมื่อคืนหายไปด้วยกันแบบนั้น
      
      “ครูกับคริสมีปัญหากันหรือเปล่าคะเรื่องเมื่อวานที่ครูทำโทษเขา” จู่ครูถาวรก็ถามผมขึ้น คงเป็นเพราะว่านายคริสโตเฟอร์ขับผ่านผมไปโดยไม่หยุดทักทายผมนั้นเอง
      
      “เออ..” ผมเงียบพูดไม่ออกเหมือนกันมันเร็วมากความคิดของผม
      
      “เขาคงแค่เสียใจนะคะเด็กวัยรุ่นก็แบบนี้นะคะ” ครูถาวรพูด พอดีนายกายกับนายอั๋นเดินเข้ามาทางประตูพอดีเลย
      
      “นายกายชายเสื้อนะเอาเข้ากางเกงด้วยซิ” ครูถาวรเอ็ดนายกายเขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่
      
      “แค่นี้ก่อนนะคะเชอรี่ได้ค่ะพี่จะโทรหาทันทีคิดถึงพี่ขนาดนั้นเลยเหรอคะได้ซิค่ะ” ผมหันไปมองทำไมชื่อเชอรี่เหมือนกันเลย และกนายกายก็เก็บมือถือพร้อมกับหยัดชายเสื้อเข้ากางเกงเขามองผมพร้อมแสยะยิ้มให้ผม
      
      “มันยังไม่สายนะกายถ้านายจะหยุดทำเรื่องไม่ดี” ผมพูดกับนายกายเขามองหน้าผมแบบไม่เกรงกลัวอะไร
      
      “ใครละจะหยุดผม...ครูเหรอ...เราต่างกันครู” นายกายพูดก่อนจะเดินออกไปแบบไม่สนใจครูถาวรมองหน้าผมและมองนายกายที่เดินผ่านผมไป
      
      “ครูเขมมีเรื่องอะไรอีกเหรอคะกับนายกายนะคะครู ” คราวนี้น้ำเสียงครูถาวรถามผมด้วยความเป็นห่วง
      
      “ผมยังหาหลักฐานไม่ได้ถ้าผมหาหลักฐานได้ทุกคนจะได้รู้ครับ” ผมพูดและหันกลับมาทำหน้าที่ครูยืนเวรตามปกติ ทำไมเรื่องวุ่นวายพวกมันถึงได้เกิดขึ้นหรือว่ามันผิดตั้งแต่ผมมาเป็นครูที่นี้ซะก็ไม่รู้
      
      “นายคริสจะไปสอบเมื่อไหร่คะวิชาแรกเห็นเขาบอกว่าคณิตนะคะครู” ครูถาวรหันมาถามผม
      
      “วันจันทร์หน้านี้นะครับ” ผมพูดแต่ผมเองยังไม่รู้เลยว่าเขาจะไปหรือเปล่า ผมยืนเวรหน้าประตูสักพักก็กลับขึ้นห้องพักครูผมก็เห็นถุงน้ำเต้าหู้วางอยู่บนโต๊ะ ผมหันไปมองรอบๆห้องเห็นพี่นิดนั่งอยู่แล้ว ครูนิดน่าจะเข้ามาตอนที่ผมไม่ทันสังเกตุ
      
      “พี่นิดครับใครซื้อน้ำเต้าหู้มาให้ผมเหรอครับ” ผมถามครุนิด
      
      “อนุชิตค่ะเชาเอามาวางไว้นะคะครูเขม”ครูนิดเงยหน้าจากพิมพ์ดีดตอบผม ผมพยักหน้า ผมก็เลยแกะทานซะเลยกำลังหิวอยู่เหมือนกัน ว่าแต่เขารู้ได้ยังไงว่าของผมไม่ใส่น้ำตาลทรายถึงใส่ก็ใส่น้อยเต็มทีและไม่ใส่เม็ดแมงลักผมไม่ชอบ ผมนั้งดื่มน้ำนมถั่วเหลืองที่ครูนิดบอกว่าอนุชิตเอามาให้จนหมดแก้ว

      “ครูนิดครับ ผมรบกวนขอเบอร์ติดต่อผู้ปกครองของปันปันได้ไหมครับ” ผมถามครูนิด ครูนิดหันมามองผม ผมว่าครูนิดน่าจะเดาได้ว่ามีเรื่อง

      “จริงใช่ไหมค่ะครู ที่นายคริสพูดว่าปันปันโดนทำร้ายนะครู” ครูนิดเดินมาหาผมทันที ผมพยักหน้า

      “ร้ายแรงเหรอค่ะครู ถึงกับต้องโทรหาผู้ปกครอง” ครูนิดถามผม ผมได้แต่พยักหน้า ผมว่าครูนิดคงเข้าใจว่าผมพูดอะไรมากไม่ได้ ณ ตอนนี้

      “พี่เข้าใจค่ะ เดี๋ยวพี่ดูให้เลยนะคะ พี่ดีใจที่พวกเขามีครูที่ดี ไม่ได้ทำหน้าที่แค่ครูพวกเขานะคะ ยังทำหน้าที่ผู้ปกครองเด็กอีก “ ครูนิดพูดและยิ้มๆให้ผม ครูนิดไปที่คอมพิวเตอร์เพื่อหาเบอร์โทรพ่อแม่ปันปันให้ผม

      “ครูเขมคะผู้อำนวยการเรียกนะคะคงเป็นเรื่องที่เด็กในหอคุยกันเรื่องนายปันปันนะคะ” ครูสมพิศเดินมาบอกผม ผมก็รีบลุกขึ้นผมเดินตรงไปหาท่านผู้อำนวยการทันที ผมก็คิดว่าจะเข้ามาหาท่านเหมือนกันแต่ท่านเรียกผมซะก่อน
      “ก๊อกๆ” ผมเคาะประตุหน้าห้องทำงานท่าน
      
      “เชิญครับ”
      
      “ผู้อำนวยการครับสวัสดีครับ”
      
      “เชิญนั่งครับครูเขม...ผมได้ยินเด็กๆพูดกันว่านายปันปันมีเรื่องเมื่อวานเห็นเด็กที่พักหอข้างๆปันปันบอกว่าเลือดไหลเต็มข้อมือเลยเกิดอะไรขึ้นครับครู” ผู้นวยการมองหน้าผม ผมเองก็ทำท่าคิดว่าจะบอกความจริงดีไหม
      
      “บอกผมเถอะครับครู”
      
      “ตอนแรกผมก็ไม่ทราบหรอกครับท่านผอ.ว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั้งนายโจวิ่งไปตามผมที่บ้านพักนะครับท่าน และบอกว่าปันปัน...ปันปันกรีดข้อมือ และผมก็พาเขาส่งโรงพยาบาลทันที และนั้นผมถึงได้ทราบสาเหตุที่ปันปันทำแบบนั้นไป เพราะว่า….” ผมพูดผู้อนวยการมีสีหน้าตกใจ

      “ปันปันถูกขมขืนในห้องน้ำชายที่ถูกปิดตายเอาไว้นะครับ ผู้อำนวยการ” ผมพูดท่านยิ่งตกใจเข้าไปอีก

      “มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วยเหรอครับครู นายปันปันนี้เขาเป็นเด็กผู้ชายและเป็นนักกีฬาทีมบาสเลยนะครู “ ท่านผู้อำนวยการถามผม

      “มันเป็นไปแล้วครับครู สาเหตุที่ทำให้คนร้ายมีเหตุจูงใจ น่าจะมาจากเรื่องส่วนตัวและนายปันปันเขา เป็นเกย์ด้วยนะครับท่าน” ผมพูดและมองท่านผู้อำนวยการ ท่านก็พยักหน้าเบาๆ
      “แล้วนี้ครูทราบหรือไม่ครับว่าเป็นฝีมือของใคร” ท่านผู้อำนวยการถามผม
      
      “ผมไม่มีหลักฐานแน่ชัดครับผมกำลังสืบคนแรกคงเป็นเอกรินทร์ก่อนแต่ผมจะให้นายกายรู้ไม่ได้ว่าผมกำลังสืบหาหลักฐานอยู่”ผมบอกผู้อำนวยการ ท่านก็ต้องส่ายหัวไปมาทันที
      
      “นายกายอีกแล้วเหรอครับผมคงไม่ไหวแล้วละครับครูถ้าหากว่าเป็นเขาจริงๆ ผมคงไม่ให้เขาได้เรียนจนจบแน่นอนครับ เพราะว่ามันหลายเรื่องเหลือเกิน ต่อให้ผมต้องทะเลาะกับพ่อเขาผมก็ยอมครับ และยิ่งทำกับนักเรียนด้วยกันแบบนี้ ผมเอาไว้ไม่ได้นะครับครู  “ ผู้อำนวยการพูดพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาทางปากแบบเหนื่อยเต็มที่
      
      “นายปันปันเป็นยังไงบ้างครับครู”
      
      “ผมจะไปเยี่ยมเขาหลังจากหมดชั่วโมงสอนคาบที่สองครับท่านและผมจะโทรบอกพ่อแม่ปันปันด้วยนะครับ”
      
      “ดีครับพ่อแม่เขาควรจะได้รู้นะไม่ใช่เอาลูกมาทิ้งไม่ดูดำดูดีแบบนี้” ผู้อำนวยการพูด
      
      “ครูหาหลักฐานมาให้ได้ผมจะได้เรียกพ่อนายกายมารับฟังว่าลูกชายเขาเป็นยังไงและลูกชายคนเล็กคงต้องดูพฤติกรรมก่อนจะให้มาเรียนที่นี้ผมไม่อยากให้เด็กที่มาเรียนโดยใช้อิทธิพลพ่อทำความเดือดร้อนนะครับ”
      
      “อย่าเพิ่งเลยนะครับท่าน ผมเชื่อว่าเด็กเหล่านี้ยังกลับตัวได้อยู่นะครับ”
      
      “ครูจะแก้ไขยังไงเขาไม่ใช่ผ้าขาวบางแล้วนะครับครู เปรียบก็เหมือนเสื้อผ้าที่ถูกสีตกใส่ซักอย่างไรก็ไม่กลับมาขาวเหมือนเดิม” ผู้อำนวยการพูด
      
      “ผมยังอยากให้เขากลับตัวเป็นคนดีครับท่าน”
      
      “ถ้าครูทำได้ก็ดีได้บุญด้วยนะครับ....แต่ผมคนหนึ่งละที่ไม่ไหวแก่แล้วไปสู้รบคงจะไม่ได้ไหว” ผู้นวยการพดผมพยักหน้า ผมลุกขึ้นเดินลงไปช่วยครูดูแลนักเรียนที่เข้าแถวตามปกติ ผมเห็นคริสโตเฟอร์ยืนเข้าแถวเงียบๆ ผมเองก็อยากขอโทษที่ผมทำโทษเขาวันนั้นผมเองก็ผิดที่ไม่ฟังเขาเลย หลังจากกิจกรรเข้าแถวเสร็จเรียบร้อยผมก็เดินออกจะไปหาคริส แต่ว่าผมหันไปเห็นนายเอกรินทร์ซะก่อน ผมเลยเปลี่ยนความคิด ผมต้องเดินไปดักนายเอกรินทร์ ผมว่าเขารู้เรื่องทุกอย่างดีอย่างที่นายคริสโตเฟอร์พูดแน่ๆ
      
      “เอกรินทร์” ผมเรียกนายเอกรินทร์ พอเขาหันมาเห็นผม สีหน้าเขาเปลี่ยนไปในทันที
      
      “ขอเวลาครูสักสิบนาทีคุยกับเธอได้ไหม” ผมถามเอกรินทร์
      
      “ผมไม่รู้เรื่องที่เกิดกับปันปันครับครู” นั้นไงผมยังไม่ทันได้ถามเขาเลย เขาก็รีบปฏิเสธแล้ว นั้นยิ่งแสดงว่าเขารู้เรื่อง
      
      “เธอรู้ว่าครูจะถามอะไรนั้นแปลว่าเธอรู้เธอจะช่วยปกปิดการกระทำผิดแบบนี้ของเพื่อนเธอไม่ได้นะเอกรินทร์เขาควรได้รับการแก้ไขไม่อย่างนั้นมันจะติดตัวเขาไปจนตาย” ผมพูดกับนายเอกรินทร์ ดูเขาร้อนรนที่จะคุยกับผม
      
      “ผมไม่พร้อมคุยตอนนี้ครับครูผม...ผมจะไปคุยกับครูที่บ้านพักนะครับผมขอร้อง” เอกรินทร์บอกผม ผมพยักหน้าว่าได้และเขาก็รีบเดินกลับขึ้นห้องเรียนไปทันที ผมคิดว่านายกายคงจะขู่อะไรเขาไว้แน่ๆ นายกายยืนมองก่อนจะรีบเดินกลับขึ้นห้องเรียนเช่นกัน  ผมหันไปมองนายกายก่อนจะเดินแยกออกไปขึ้นห้องพักครูเพื่อหยิบหนังสือไปทำการสอน  ผมเห็นขวดน้ำเก็กฮวยวางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับกระดาษโน๊ต “ ^ __^ “ เหมือนกับที่ติดไว้ที่ถุงน้ำถั่วเหลือง ผมไม่เคยบอกนายอนุชิตเลยนะว่าผมชอบดื่มน้ำเก็กฮวยนะ ผมรีบเดินขึ้นบันไดเพื่อหวังจะได้เจอนายคริสโตเฟอร์
      
      “คริส” ผมเรียกเขาขณะที่เขากำลังจะก้าวเท้าเข้าห้องเรียน
      
      “พี่ขอโทษที่พี่ไม่ได้ถามความจริงกับเรา แต่ถ้าเราเลือกจะไปมีชีวิตที่ปกติพี่ยินดีนะ”
      
      “พี่ขอบใจนะน้ำเต้าหู้กับน้ำเก็กฮวย”
      
      “ครับ” คริสโตเฟอร์พูดแค่นั้นก็เดินเข้าห้องเรียนไปผมก็เดินหันหลังออกเพื่อขึ้นไปทำการสอนอีกชั้นนี้เขาเปลี่ยนความคิดไปแล้วใช่ไหม ผมเสียเขาไปแล้วใช่ไหม ผมเดินขึ้นห้องเรียนชั้นที่ผมทำการสอนเป็นคาบแรก ม.2/1 ห้องนายอนุชิตและแก้ม ผมลืมบอกไปว่าครูสมชายขอโอนกลับมาให้ผมสอนต่อเพราะว่าครูสมชายเขาต้องเทียวไปเทียวมาเพื่อดูแลแม่ของเขา ดังนั้นวันศุกร์ครูต้องเดินทางกลับตั้งแต่ตอนบ่าย  และตอนนี้ผมก็เข้ามายืนอยู่ในห้องเรียน ผมต้องดึงตัวเองเพื่อกลับมาทำหน้าที่สอนตามปกติ ผมโตพอจะแยกแยะเรื่องส่วนตัวได้ดีจะต้องไม่กระทบกับการสอนของผมเด็ดขาด ผมยังคงยิ้มให้นักเรียนทุกคนเหมือนดิม แม้ว่าในใจจะวุ่นวายมากจนผมอยากจะหนีไปอยู่ในที่ใดสักทีหนึ่ง นั้นคืออ้อมกอดแม่ของผม
------------------------------------------------------------------------------------------------
หน่วงๆมาอีกแล้วเนอะ (คนแต่งใจร้ายไปไหมนะ แอบขอโทษแรงๆ ) รักคนอ่านนะคะ จุ๊บๆ

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริส)EP.33.1 นี้เขากำลังจะทำอะไรแน่ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 29-09-2020 09:03:05
  EP.33.1 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ นี้เขากำลังจะทำอะไรคริส

      ครูเขมชาติ              พอผมสอนหนังสือเสร็จผมก็ขับรถออกจากโรงเรียนเพื่อตรงไปหาปันปัน ไปถามเหตุการณ์เอาเท่าที่เขาจำได้ผมรู้ว่าเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดมากแค่ไหน แต่ผมต้องรู้ข้อมูลมากกว่านี้ ผมก็ได้โทรแจ้งพ่อแม่ของปันปันเขาทราบเรื่องแล้วและกำลังเดินทางมาหาปันปันที่โรงพยาบาลเช่นกัน ผมจอดรถและรีบเดินขึ้นไปหาผมแวะหาซื้อของฝากพวกนมเพื่อเขาจะทานได้
      
      “ครูเขมสวัสดีครับ” โป้งกำลังป้อนข้าวปันปันอยู่พอดีเลย
      
      “สวัสดีเป็นไงปันปัน” ผมถามคนที่นอนผมรู้ว่าเขารู้สึกยังไงแม้จะไม่เคยเกิดขึ้นกับผมก็ตามแต่มันจะเป็นฝันร้ายติดตัวเขาไปอีกนาน
      
      “ครูขอบคุณนะครับที่พาผมส่งโรงพยาบาล” ปันปันพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง ผมส่งนมที่ผมซื้อมาให้ปันปันกับโป้ง
      
      “ถ้าอย่างนั้นโป้งลงไปหาอะไรทานก่อนเถอะนะ” ปันปันบอกโป้ง ผมพยักหน้าว่าผมอยู่ดูแลปันปันให้ พอโป้งออกไปจากห้องผมก็นั่งลงที่ตรงขอบเตียงคนไข้ ปันปันมองหน้าผมน้ำใสๆไหลรินจากลูกผู้ชาย
      
      “พ่อต้องไม่ให้ผมเรียนแน่ๆเลยครู”ปันปันพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
      
      “อย่าเพิ่งคิดมากซิปันปัน...” ผมนั่งลงข้างๆเขา และจับมือข้างที่ไม่สายน้ำเกลืออยู่ ตอนนี้ไม่ถุงเลือดแล้วแสดงว่าเขาไม่จำเป็นต้องให้แล้ว
      
      “ฮือๆ...ครู...ทำไมผมต้องเจอเรื่องเชี้ยๆพวกนี้ด้วยอะครู” ปันปันพูด ผมเองคิดเช่นนั้นเหมือนกัน ผมโผ่เข้ากอดปันปัน อย่างครูที่เห็นใจลูกศิษย์และเหมือนพี่ชายที่จะปลอบน้องชายอีกคน
      
      “ฟู่” ผมพ่นลมหายใจออกมาหนึ่งที ก่อนจะดันตัวเขาออก

      “ปันปัน...ทุกคนในชีวิตต้องเจอเรื่องแย่ๆ หนึ่งครั้ง แค่หนึ่งครั้งหรืออาจจะมากกว่านั้นแต่ที่แย่ที่สุดนะแค่หนึ่งครั้ง” ผมพูดและมองหน้าปันปัน
      
      “และถ้าเราผ่านเรื่องที่แย่ที่สุดไปได้เรื่องอื่นก็จะแค่แย่แต่ไม่แย่ที่สุด....ครูก็เหมือนกันเจอเรื่องราวเยอะแยะมากมายมีทั้งดีและแย่ และมีทั้งแย่ที่สุดและแย่รองลงมาแต่นี้มันคือบททดสอบของโลกใบนี้ปันปัน”
      
      “มันแค่ฝันร้ายแต่อาจจะใช้เวลาหน่อยไม่ใช่แค่ตื่นมาแล้วหาย...ความเข้มแข็งเท่านั้นที่จะทำให้มันดีขึ้นถ้ายิ่งเข้มแข็งมากเท่าไหร่มันจะย่นระยะเวลาความเจ็บปวดให้สั้นลง”

      “รู้ไหมว่ากว่าจะมาเป็นชีวิตนะมันยากแค่ไหนกว่าเราจะเติบโตจากเด็กตัวแดงๆจนปีกกล้าขาแข็งได้ขนาดนี้แต่เธอจะมาจบมันเพียงเพราะคนชั่วไม่คุ้มเลยปันปัน” ผมพูดปันปันก็ปาดน้ำตา
      
      “ชีวิตเรามีอีกหลายอย่างที่จะต้องทำและอันไหนที่เจ็บปวดก็ทิ้งมันไปชีวิตเรายังมีเรื่องที่ดีอีกมากมายรอเราอยู่”
      
      “สัญญากับครูซิว่าจะไม่ทำอีกไม่ทำแบบนี้ครูเสียดายเรานะครูอยากเห็นอนาคตลูกศิษย์ครูอยากเห็นความสำเร็จลูกศิษย์อย่าทำให้ค่าน้ำนมทีพ่อแม่เธอมอบให้มันสูญเปล่า” ผมพูดปันปันร้องไหและโผ่มากอดผม

      “ครูจะหาหลักฐานเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้นะ” ผมพูดพร้อมกับเอามือลูบหัวปันปันเบาๆ

      “ตอนที่พวกมันทำกับผม ผมดึงสร้อยคอพวกมันไว้ได้แต่ผมไม่กล้าให้โป้งดูมันอยู่บนหัวเตียงนอนผมนะครับครู”

      “ครูอย่าให้โป้งดูนะมันต้องไปเอาเรื่องพวกมันแน่ๆ พวกมันไม่ใช่คนในโรงเรียนหรอก”

      “แล้วพวกมันเข้ามาทำร้ายเธอได้ยังไง”

      “ผมได้ว่ามีคนจ้างพวกมันมา”

      “อืมม..ช่วงนี้พักผ่อนนะปันปัน...พยายามอย่าไปคิดมากถ้าทำไมได้นั่งสมาธิเพื่อจะช่วยได้” ผมพูดปันปันปาดน้ำสองแก้มผมได้ยินเสียงคนคุยกันดังมาจากข้างนอก

      “ม๊ากับเตี่ยคงมาแล้วแหละครู” ปันปันพูดด้วยสีหน้ากังวลเสียงประตูถูกเปิดเข้ามาผู้หญิงเลยวัยกลางคนตัวผอมๆมวยผมตรงดิ่งเข้ามาหาปันปันพร้อมกันสวมกอดด้วยความรักคงเดาได้ไม่ยากว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร

      “ม๊า..ฮือๆ”

      “อาปันปันทำไมถึงทำแบบนี้ละลูกทำแบบนี้ทำไม” แม่ของปันปันกอดปันปันพากันร้องไห้

      “ปันปันเราเป็นอะไรทำไมถึงได้ทำอะไรงี่เง่าแบบนี้...อั๋วะส่งเรามาเรียนให้ลื้อมีการศึกษาหวังจะให้ไปช่วยกิจการที่บ้านดูลื้อซิ “เตี่ยของปันปันมาถึงต่อว่าปันปันใหญ่เลย

      “พอแล้ว...อาเก๊า..ลื้อไม่เห็นเหรอว่าอาปันปันมันไม่สบายเลิกพูดไม่ดีกับลูกได้ไหม” แม่ของปันปัน

      “อั๋วถามว่าเรานะเป็นอะไรหรือว่าไอ้โรคเก่าลื้อกำเริบฮะไอ้โรคตุ๊ดโรคอะไรนั้นนะ”

      “อั๊วะบอกให้ลื้อพอไง...อาเก๊า” แม่ของปันปัน

      “เออ...คุณพ่อครับผมว่าใจเย็นๆก่อนดีกว่าไหมครับ”

      “ลื้อเป็นใคร”

      “ผมเป็นครูครับ”

      “เป็นครูอย่าบอกนะว่าลื้อกับลูกอั๋วเป็นแฟนกัง” อันนี้ผมก็ต้องผงะไปหลายวิก่อนจะรีบตอบ

      “เออ...ไม่ใช่..ครับ” ผมปฏิเสธทันที

      “เตี่ยครูเขาไม่ใช่แฟนผมหรอก แฟนผมไม่ใช่คนนี้ “ ปันปันบอกกับพ่อเขา

      “แฟนเราผู้หญิงหรือผู้ชายละห๊ะ!” เตี่ยปันปันหันไปถาม

      “เตี่ยผมทำไม่ได้ ก็ผมเป็นไปแล้ว เตี่ยไม่เคยเข้าใจผมเลย ฮือๆ ..และผมก็ไม่อยากเป็นแบบนี้นะเตี่ย..ฮือๆแต่มันเลือกไม่ได้นิ” ปันปันพูดและร้องไหโห่ออกมาทันที

      “ทำไมละเลือกไม่ได้และอย่าบอกนะว่าที่เรากรีดข้อมือเพราะว่าเรื่องนั้นนะ” พ่อของปันปันพูด

      “ตกลงมันเป็นอะไรครู” พ่อของปันปันหันมาถามผมมือก็ชี้ไปทางปันปัน

      “เออ..เขา...”

      “ผมถูกผู้ชายข่มขืนเตี่ย...ผมถูกผู้ชายข่มขืน..ฮือๆ” ปันปันพูด แม่ของปันปันถึงกับยกมือขึ้นทาบอกและรีบดึงลูกชายเข้ามากอด

      “อาหรายนะ ...ครู...มีแบบนี้ด้วยเหรอ...” พ่อของปันปันหันมาถาม

      “ใจเย็นๆครับ....ผมยังหาหลักฐานมาไม่ได้..แต่ที่ผมอยากให้คุณพ่อเห็นใจปันปันดีกว่าไหมครับถ้ามัวแต่มาหาเหตุผลว่าเพราะเขาเป็น...ตุ๊ดหรือเกย์อย่างที่คุณพ่อเข้าใจ..สภาพจิตใจที่แย่ๆ มันก็แย่ลงไปอีก”

      “ถ้าพ่อแม่ไม่อยู่ข้างเขาในวันที่เขาล้มแล้วเขาจะลุกขึ้นมาได้ยังไงตอนนี้สภาพจิตใจปันปันย้ำแย่พออยู่แล้วนะครับ”

      “ผมเข้าใจนะครับว่าคุณพ่อไม่อยากให้ลูกถูกมองว่าผิดปกติ”

      “ครูจะให้ผมยอมรับมันหรือไงละครู”เตียของปันปันพูดและมองหน้าผม ผมว่าแววตาเขาเสียใจแบบเป็นห่วงลูกมากกว่า

      “เขาเป็นลูกคุณหรือเปล่า...ทำไมต้องแคร์สายตาใครมากกว่าคนที่เป็นลูกละครับคุณพ่อ..และผมก็ไม่เห็นว่าปันปันจะทำตัวเหลวไหลแต่สิ่งที่เกิดขึ้นเขาตอนนี้เป็นเพราะคนที่คนอื่นไม่ใช่ตัวเขานะครับคุณพ่อ”

      “ผมไม่ได้ให้คุณพ่อยอมรับ..ในวันนี้...คุณพ่อจะรอในวันที่เขาประสบความสำเร็จแล้วก็ได้แต่วันนี้สภาพจิตใจเขาแย่มากพอแล้วอย่าซ้ำเติมเลยครับไม่อย่างนั้นคุณพ่ออาจจะเสียเขาไป” ผมพูด

      “ฉันเห็นเห็นด้วยกับครูนะ...ลื้อไม่รักลูกจริงกะอีแค่ลูกไปรักไปชอบผู้ชายลื้อก็ทำเป็นจะเป็นจะตาย ลื้อมันรักตัวเอง”

      “อั๋วจะอยู่กับลูกถ้าลื้อยังเห็นแก่ตัวแบบนี้” แม่ของปันปันลุกขึ้นหันมาต่อต้านผู้เป็นสามีตัวเอง ผมรู้ว่าปกติผู้หญิงที่เป็นภรรยาคนจีนแทบจะไม่ได้เสนอความคิดอะไรทั้งนั้นเพราะอำนาจการตัดสินใจคือสามีเท่านั้นแต่นี้เธอออกมาเพื่อปกป้องลูกตัวเอง

      “เตี่ย...อย่าทำร้ายปันปันอีกเลยนะฉันขอ” ผู้หญิงคนที่ยืนอยู่น่าจะพี่สาวปันปัน

      “เตี่ยอั๋วะขอโทษ...” ปันปันพยายามยกมือข้างเจ็บเพื่อไหว้ขอโทษพ่อตัวเอง เขายืนนิ่งเงียบไม่พูดอะไร

      “ลื้อจะกลับไปอยู่บ้านไหม”

      “ผมจะเรียนที่เตี่ย”

      “ทำไมละม๊ากลัวลื้อทำอีกไปอยู่กับม๊านะปันปัน”

      “อั๋วะจะไม่ทำแล้วม๊าอั๋วะสัญญา” ปันปันพูด ผมยิ้มที่เห็นเขาพูดแบบนี้

      “ปันปัน” ผู้หญิงที่เดินแทรกผู้เป็นพ่อเข้าไปหาปันปัน

      “เจ้..อั๋วะขอโทษ”

      “อย่าทำอีกนะม๊าเป็นห่วงเรามากนะม๊านะไม่กินข้าวเลยนะที่รับโทรศัพท์ว่าเรานะทำร้ายตัวเอง อย่าทำอีกนะปันปัน”

      “แล้วนี้ค่ารักษาพยายาล”

      “จะให้ผมรับผิดชอบให้ก็ได้นะครับ เขาเป็นลูกศิษย์ผม”

      “เมื่อวานใครพาเราโรงพยาบาลละปันปัน”

      “ครูเขมครับเจ้” ปันปันตอบ และพี่สาวปันปันหันมาพยักหน้าขอบคุณผม โป้งเดินเข้ามาพอดีพร้อมกับถุงโจ๊ก โป้งตกใจเหมือนกันที่เห็นครอบครัวปันปันอยู่ในห้อง

      “สวัสดีครับเตี่ย สวัสดีครับม๊า สวัสดีครับเจ้” โป้งยกมือไหว้ก่อนจะเดินแทรกตัวไปหาปันปัน ทุกคนมองโป้งกันหมด

      “ม๊า...อั๋วะอกตัญญูที่เลือกทำให้เตี่ยเสียใจแต่อั๋วะเชื่อว่าคนที่ปันปันเลือกนะเขารักปันปันมากนะม๊า.”

      “อาปันปันจะบอกม๊าว่านี้แฟนเราเหรอ”

      “ใช่ม๊าโป้งเป็นแฟนผมม๊า” พอปันปันพูด เตี่ยของปันปันสะบัดหน้าไปมองโป้งทันที ผมกระแทกไหล่โป้ง ไหว้พ่อตาซิ ดป้งรีบยกมือไหว้ทันที

      “โป้งนะดูแลปันปันดีนะม๊า ดีมากเลยนี้ก็มานอนเฝ้าปันปันทั้งคืนเลยม๊า..นะม๊า”

      “ขอบใจนะโป้ง...ม๊าฝากอาปันปันด้วยละ”

      “ตกลงเราไม่กลับใช่ไหมปันปัน” เตี่ยของปันปันถาม

      “ไม่เตี่ยผมจะเรียนให้จบแล้วผมค่อยกลับ...ผมกับโป้งคุยกันว่าจะไป...เปิดร้านกาแฟสดที่บ้านของโป้งแม่ของโป้งเขาทำเบเกอรี่นะเตี่ยตอนปิดเทอมและจะเอาโดนัทที่แม่ของโป้งทำไปลองขายที่ตลาดนัดเปิดท้าย” ปันปันพูด

      “จะได้สักกี่บาทตามใจก็แล้วกัน...เยี่ยมกันเสร็จแล้วก็เตรียมตัวกลับ” เตี่ยของปันปันเดินออกไปทันที ผมเชื่อว่าสักวันเขาจะให้อภัยปันปัน แม่ของปันปันก็กอดปันปัน

      “อยากได้อะไรบอกเจ้นะเจ้จะส่งมาให้ปันปัน...เงินนะเจ้โอนให้ตลอดอยู่แล้ว”

      “ขอบใจนะเจ้หงษ์”

      “ถ้าอย่างนั้นม๊ากลับก่อนนะ...เตี่ยเรานะปากกับใจไม่ตรงกันหรอก”แม่ของปันปันพูดผมพยักหน้าว่าเห็นด้วย ผมเห็นเขาเหลียวมามองปันปัน ด้วยสายตาที่ห่วงใยก่อนจะเดินออกไป

      “ครูคะอิฉันขอบคุณนะคะ....” แม่ของปันปันพูดก่อนจะเดินออกไปเช่นกัน ผมเองก็คิดเช่นนั้นว่าพ่อของปันปันนะแข็งนอกแต่อ่อนใน โป้งก็ยกมือไหว้แม่ของปันปัน

      “ม๊าฝากปันปันด้วยนะโป้ง ปันปันนะเขาไปบ้านครั้งล่าสุดเขาเล่าให้ม๊าฟังว่ามีเพื่อนชื่อโป้งดีมาก” ม๊าของปันปันพูด โป้งพยักหน้ารับคำ แม่กับพี่สาวของปันปันเดินออกไป ผมเหลือบมองเวลาผมต้องกลับแล้วผมมีสอนต่อช่วงบ่าย

      “มีอะไรโทรหาครูนะโป้งและถ้าหมอบอกว่ากลับได้เมื่อไหร่ก็บอกครู ครูจะได้มาเคลียร์ค่าใช่จ่ายให้” ผมบอกทั้งคู่

      “ครูเขมครับ” โป้งเรียกผม ผมหันมามองหน้าโป้ง

      “เออ...ครู...อย่าเข้าใจไอ้คริสมันผิดเลยนะครับ...ช่วงนี้ที่มันหลบหน้าครูเพราะว่า...มัน..ไม่อยากทำให้ครูเดือดร้อนอีก...มันรักครูมากนะครับ” โป้งพูดกับผมตอนที่ผมกำลังจะหันหลังเดินออก ผมพยักหน้าหน้าเบาๆและเดินออกมา นี้แสดงว่านายคริสโตเฟอร์กำลังคิดจะทำอะไรอีกแน่ๆ ยิ่งทำให้ผมเป็นห่วง มันน่าไหมเนี๊ยะ มีอะไรบอกแล้วไง ว่าให้หันมาคุยกัน เราจะได้ช่วยกัน
       ผมก็บอกเขาแล้วว่าความอุปสรรคมันเยอะแต่ถ้าเราจับมือกันมันก็จะผ่านไปได้ แต่นี้ดื้อ และอยากจะปกป้องผมเองตลอดทั้งที่วัยวุฒิก็ยังไม่เพียงพอตอนนี้มันควรจะเป็นผมดูแลเขาก่อนซิ คิดแล้วผมก็เป็นห่วงมากชึ้นไปอีก ผมจะไปรอเขาที่บ้านพักถ้ายังไม่เข้ามาหาผม ตามหาเขาหลังจากสอนพิเศษเสร็จ

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.34 ครูเขมชาติ Xคริสโตเฟอร์ หลักฐานเอาผิดกาย
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 29-09-2020 16:15:30
            EP.34 ครูเขมชาติ Xคริสโตเฟอร์ หลักฐานเอาผิดกาย    

       ครูเขมชาติ รีบขับรถกลับบ้านพักทันทีหลังจากที่ผมสอนพิเศษเสร็จซึ่งปกติผมจะรอสอนคริสโตเฟอร์ก่อนแต่ผมเพิ่งจะเห็นเขาขับบิ๊กไบค์ออกไปโดยมีเด็กผู้หญิงน่ารักคนนั้นเกาะเอวซะแนบชิดส่วนกับผมขณะที่ผมกำลังเดินลงมาผมคิดว่าจะไปดูเขาที่บ้านพักนักเรียน  คริสเขาก็เห็นว่าผมยืนมองเขาอยู่ และนั้นก็ทำให้ผมเข้าใจว่าเขาไม่เรียนพิเศษกับผมแล้ว อาร์ทกับโจก็บอกผมว่าคริสไม่ได้ซ้อมบาสเกตบอลอีกด้วยหลังเลิกเรียน
 
      “ครูเขมครับ”เสียงคนมารียกผมที่หน้าบ้านพักครู ผมออกไปก็พบเอกรินทร์ ยืนอยู่เขาขับรถมาหาผม สักพักเด็กผู้หญิงที่ชื่อกี้ก็เดินออกมา ตอนนี้เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติแม้จะไม่มากหนัก ร่างกายที่เริ่มเปลี่ยน พร้อมจะเป็นคุณแม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ผมแอบคิดว่าน่าเสียดาย เพราะว่าเธออายุยังน้อยเกินไป แต่ทำยังไงได้มันมาแล้วนี้ ผมก็ยิ้มให้กี้ เธอยิ้มให้ผมกลับ
 
      “ว่าไงเอกรินทร์” ผมถามเอกรินทร์ เพื่อนของนายกาย

      “ผมขึ้นไปคุยกับครูข้างบนได้ไหมครับ”นายเอกรินทร์พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง ผมมองไปรอบๆ เหมือนกับว่ากลัวว่าใครจะรู้ว่าเขามาหาผม นั้นแสดงว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก

      “ได้ซิ ขึ้นมาก่อน ” ผมพูดพร้อมกับเดินนำทั้งคู่ขึ้นไปบนบ้านพัก นายเอกรินทร์นั่งลงพร้อมกี้แฟนสาวเอกรินทร์มองหน้ากี้ก่อนจะหันมาหาผมเหมือนเขากล้าๆกลัวๆที่จะพูด

      “บอกครูเถอะพี่เอก กี้ไม่แคร์แล้ว”กี้พูดขึ้น เอกรินทร์พยักหน้า

      “ครูเขมครับเรื่องที่ครูจะถามผมเกี่ยวกับปันปันนะครับ”เอกรินทร์พูด

      “เออ..ผมแค่ได้ยินว่ากายมันนัดเพื่อนมันเข้ามาทางด้านหลังรั้วโรงเรียนนะครับครูเหมือนให้มาทำอะไรให้สักอย่าง”นายเอกรินทร์พูด

      “นายรู้จักพวกที่นายกายให้มาทำร้ายปันปันไหม”ผมถามเอกรินทร์กลับ

      “รู้จักครับ.....ไอ้คนที่เป็นหัวโจกนะมันชื่อคิมครับมันเรียนไม่จบจากเทคนิคมันก็ไม่ได้ทำอะไรรับงานทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน”นายเอกรินทร์พูด ผมพยักหน้าเบาๆ

      “แต่เราไม่มีหลักฐานนะซิ” ผมพูดกับเอก

      “ผม..ขอโทษนะครับครูที่วันนั้นผมไม่กล้าพูดความจริงเพราะว่าไอ้กายมันขู่จะเอาคลิปที่กี้โดน...รุมไปประจานนะครับ”นายเอกรินทร์พูดผมเข้าใจทันทีและหันไปบีบมือกี้ เธอรีบปาดน้ำตา ผมว่าเธอคงเสียใจกับเหตุการณ์วันนั้น และเธอคงไม่คิดว่านายกายจะเอาเรื่องนี้มาทำให้เธอเสียชื่อเสียงขนาดนี้

      “ฟู่ “ผมถึงกับพ่นลมออกทางปาก
 
      “ผมได้ยินมันคุยโทรศัพท์เพื่อนัดเจอกันที่ผับน่าจะเป็นพวกนี้และอีกคนมันนัด เชอรี่แฟนเก่าคริสโตเฟอร์ด้วยนะครับ”นายเอกรินทร์พูด แต่ผมเพิ่งจะเห็นคริสโตเฟอร์ไปกับแฟนเก่าเขานิตกลงยังไงอีก อย่าบอกนะว่าคริสจะหาเรื่องเพิ่มกับนายกายอีกเพราะผู้หญิงคนเดียว ผมส่ายหัวทันที

      “ครูเขมครับ”เสียงคนมาเรียกผมที่หน้าบ้านผมจำได้ว่าเป็นเสียงของอาร์ท ผมรีบเดินออกไปที่หน้าบ้านพักครูทันที

      “ครูเขมผมจะไปดูไอ้คริสโตเฟอร์นะครับครู...ไอ้โป้งบอกว่ามันไปที่ผับและวันนี้พวกพี่กายมันก็ไปที่ผับด้วยเกรงว่าจะมีเรื่องนะครับครู” พอผมได้ยินแบบนี้ผมหันมามองนายเอกรินทร์ทันทีเพราะว่าข้อมูลมันตรงกันแบบนี้ และนายเอกรินทร์ก็เดินตามผมออกมา อาร์ทก็ทำหน้างง ว่านายเอกรินทร์มาบ้านพักผมทำไม

      “ครูรีบไปเถอะครับ ผมคิดว่าคริสมันให้เชอรี่ช่วยแต่เชอรี่กับนายกายมีพ่อหนุนหลังเหมือนกันและนางอาจจะหักหลังคริสได้นะครับ เชอรี่ไม่ได้เป็นผู้หญิงใส่ซื่ออย่างที่คริสโตเฟอร์เข้าใจ เธอก็เอื้อกันกับนายกายผมรู้เรื่องนี้มาก่อนที่เชอรี่จะถูกพ่อเธอย้ายไปเรียนเมืองนอก”เอกรินทร์พูด ผมก็รีบหันหลังไปหยิบกระเป๋าสตางค์ กุญแจรถยนต์เดินลงจากบ้านทันที นายเอกรินทร์ก็เดินลงมาจะกลับแล้วเช่นกัน

      “ถ้าจะให้ผมช่วยผมยินดีนะครับครู เพราะว่าโป้งนะเคยช่วยผมไว้ ส่วนนายกายกับผมเราไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไปแล้วครับ ผมกับมันตัดขาดกันแล้ว”เอกรินทร์พูดผมพยักหน้าและรีบขึ้นรถสตาร์รถออกผมขับตามอาร์ทออกไป

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

           คริสโตเฟอร์ ผมออกมากับเชอรี่ เชอรี่บอกไอ้กายมันนัดเพื่อนมันให้มาเอาเงินค่าจ้างที่ผับพี่ปืน ผมก็ให้เชอรี่ตอบตกลงไปหาไอ้กาย ผมจะได้ถ่ายคลิบพวกที่มันนัดมาและฝห้ปันปันดูว่าใช่พวกที่ทำร้ายมันไหม

      “พี่คริสอยู่ใกล้ๆเชอรี่นะคะ” เชอรี่หันมาบอกผม เชอรี่อายุยังไม่ถึงสิปแปดหรอกแต่พ่อของเธอเป็นนักการเมืองชื่อดังเธอจึงไม่ต้องกลัวอะไรพวกนี้มากหนักเธอเข้ามาได้ แต่ที่เธอกลังคงเป็นไอ้กายมากกว่า
       ผมยืนหลบมุมตรงที่ผมจะสามารถบันทึกวิดิโอพวกไอ้กายได้ชัดเจน เชอรี่เข้าไปหากาย กายมันก็โอบเอวพาเธอไปนั่ง แม้ว่าเชอรี่จะขัดขืนนิดหน่อยแต่ก็เดินไปนั่งด้วยแบบจำใจ ผมเห็นกลุ่มหนึ่ง สี่ห้าคนได้เดินเข้ามาหนึ่งในนั่นหัวเกรียนๆหน่อยผมจำได้ดี มันเป็นนักแข่งรถ ผมรีบหยิบมือขึ้นมาบันทึกทันที่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ยินเสียงการสนทนาแต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันส่งเงินให้ ผมบันทึกไปได้พักหนึ่ง ผมเห็นการ์ดมองมาทางผม ผมก็รีบเก็บมือถือ และทำทีเดินไปเข้าก้องน้ำ
 
      “พี่คริสอยู่ไหนเชอรี่จะกลับแล้วค่ะ” เชอรี่โทรหาผมทันที

      “ไปรอพี่ด้านหน้าห้องน้ำค่ะ” ผมบอกเชอรี่

      “ค่ะพี่คริส...แต่เชอรี่ไม่กลับบ้านนะอยากไปรื้อฟื้นกลับพี่นะพี่คริส” เชอรี่พูด ผมกดวางสายและรีบเดินหาผมทันทีที่ผมยืนรอเธออยู่ ทันทีที่ที่เธอเดินออกมาเจอผมเธอก็ตรงมากอดผมจะจูบผมแต่ผมดันเธอไว้

      “ทำไมละคะพี่คริส ทำไมพี่ไม่จูบเชอรี่แล้วละ” เชอรี่ชักสีหน้าไม่พอใจ         

      “เชอรี่พี่...เออ...พี่...พี่ขอโทษนะแต่พี่จำเป็น..พี่ไม่ได้รักเชอรี่แล่วพี่มีแฟนแล้ว”

      “พี่มีแฟนตอนที่เชอรี่ไม่อยู่นะเหรอ...ไม่เห็นแปลกเชอรี่ก็มีแต่ตอนนี้จะให้เลิกก็ได้นะเชอรี่นะรักพี่คริสมากกว่าเพราะว่าพี่คริสทำให้เชอรี่ถึงใจมากกว่า ” เชอรี่พูดและใช้นิ้วมือเธอไต่ไปตามแผ่นอกของผม ผมว่าที่เธอไปอเมริกานั้นไม่ได้เรียนอย่างเดียวแน่นอน ผมจับมือของเธอเอาไว้

      “ไม่ได้คะ...พี่รักเขามาก พี่จะไม่นอกกายและนอกใจเขาส่วนเชอรี่ พี่แค่เคยอยากได้ไม่ใช่รัก ” ผมบอกเชอรี่ เธอเงยหน้ามองผม แววตาเธอดูโกรธขึ้นมาทันที

      “แต่พี่ก็ขอบคุณนะคะเชอรี่ที่ช่วยพี่คืนนี้ ”

      “ไม่..คืนนี้พี่ต้องทำให้เชอรี่มีความสุข พี่ต้องไปกับเชอรี่ เชอรี่ไม่สนใจหรอกว่าพี่รักแฟนแค่ไหน ”

      “เชอรี่พี่ ”

      “ที่แท้ก็แผนของมึงนั่นเองไอ้คริส ...และน้องเชอรี่คนสวยทำไมทำแบบนี้กับพี่ครับ” ผมและเชอรี่ก็ตกใจ เสียงไอ้กายเดินออกมา มันรู้แล้วว่านี้ผมวางแผนเอาความลับจากพวกมัน

      “น้องเชอรี่ไปช่วยมันทำไมครับน้องรู้ไหมว่ามันเป็นตุ๊ด” ไอ้กายชี้มาทางผม

      “อะไรนะ ไม่จริงอะพี่คริสไม่ใช่ตุ๊ด..พี่คริสเรากลับกันเถอะ” เชอรี่พูดดึงแขนผมให้ออกไปจากที่นี้

      “มันมีแฟนเป็นผู้ชายและผู้ชายคนนั้นก็เป็นครู” ไอ้กายตะโกน เชอรี่หันขวับพร้อมกับหยุดชะงัก

      “จริงเหรอพี่คริส อย่าบอกนะว่าครูคนนั้นนะ ที่ชื่อครูเขมอะไรนั่น” เชอรี่ถามผม
 
      “ใช่ครูเขมนั่นแหละ มันไปเสพสุขกันทุกคืน และความมาแตกเพราะว่าแก้มมันไปแอบถ่ายรูปดูดปากกันอย่างดูดดื่มมาไงละเชอรี่ จะชวนมันไปหาความสุข คิดดีแล้วเหรอ มันปรนเปรอเชอรี่ไม่ได้หรอกเพราะว่ามันทำให้ผู้ชายเป็นอย่างเดียวแล้ว “ ไอ้กายมันพูด เชอรี่มองผมเธอกำหมัดแน่น

      “นี้พี่เป็นเกย์เหรอ พี่หลอกเชอรี่ทำไม หรอกให้เชอรี่ช่วยทำไม!! “

      ”เพลี๊ย!” เสียงฝามือกระทบใบหน้าผมเต็มถึงกับสะบัดไป ผมหันมามองเชอรี่เธอมองผมด้วยแววตาที่โกรธ

      “เมื่อกี่มึงถ่ายคลิปกูใช่ไหมไอ้คริส”ไอ้กายมันเดินตรงมาหาผม
 
      “ถ้าอย่างนั้นเชอรี่กลับนะคะพี่กาย จัดการเองแล้วกัน ชิส์ น่าขยะขแย้ง อ้อ พี่กาย เอาคืนให้เชอรี่ด้วยแล้วกันนะคะ แล้วเชอรี่จะให้รางวัล”เชอรี่ทิ้งผมไปทันทีและนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เธอทิ้งผมให้โดนรุมและตอนนั้นแก้มที่มาช่วยผม ก่อนที่เธอจะเดินออกไปเธอหันมาบอกให้กายจัดการผมให้เธอด้วยอีก ไอ้โป้งมันพูดบอกผมไว้ว่าเชอรี่น่ะ ไม่ได้สวยใสอย่างที่ผมคิดและเธอนะอาจจะหักหลังผมได้ทุกเมื่อ และมันก็เป็นจริงซะด้วย

       ตอนนี้พวกไอ้กายมันกำลังเดินเข้าย่างสามขุมเข้ามาหาผม แน่นอนผมคนเดียวคงสู้มันไม่ได้ ผมได้แต่ถอยหลังหนี จนผมล้มลงไป และตรงที่ผมออกมาเจอเชอรี่ เป็นทางเดินลงไปชั้นจอดรถพวกพนักงานและคนที่มาเล่นดนตรี ซึ้งไม่มีใครผ่านมาแน่นอน นั้นก็แปลว่าถ้าพวกมันรุมถึงตายก็ไม่มีใครรู้
      “จัดการมันให้เรียบร้อยละถ้ามึงยังเก็บมันไว้พวกมึงโดนเข้าคุกแน่ๆ” ไอ้กายบอกพวกที่มันนัดมาคุยและกายกับไอ้พี่อั๋นมันก็เดินเอามือล้วงกระเป๋าออกไปทันที ทิ้งพวกสมุนพวกนี้ให้จัดการกับผม

      “เอาโทรศัพท์มึงมาให้กรู”ไอ้ที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ามันแบมือมาข้างหนึ่งเพื่อขอมือถือที่ผมใช้ถ่ายคลิปพวกมันเอาไว้

      “ถ้าเอาโทรศัพท์มึงให้กูก็จะไว้ชีวิตมึงวะ ไม่ต้องถึงกลับไปเยี่ยมยมบาลแต่แค่หยอดน้ำข้าวต้ม” ที่ยืนกอดอกคงเป็นหัวหน้าพวกมันอีกที ผมเหรอจะไว้ใจพวกมัน

      “กูไม่กลัวตายว่ะถึงยังไงพวกมึงก็ได้เข้าคุก”ผมพูดระหว่างนั้นผมก็กดส่งเพื่อให้เข้ามือถือครูเขม ผมรู้ว่าระยะเวลามันจะไม่พอในการส่งผมจึงเลือกที่จะโยนออกไปทางหน้าต่างจากชั้น2 ไอ้ที่ยืนหน้าเหี่ยมมันหันมามองหน้าผมด้วยความโกรธ

      “มึงลงไปหาโทรศัพท์มันมาให้ได้” ไอ้คนที่ยืนนำหน้าอยู่หันไปบอกเพื่อนๆมันแต่ผมเชื่อว่าคลิปคงจะถูกส่งไปแล้ว
 
      “มึงเล่นแบบนี้กับกูใช่ไหม...ผลัก” หมัดถูกส่วนอากาศมาหาผม ทำให้ผมล้มลงและตามมาด้วยเท้าคราวนี้หลายเท้าเลย

      “เอาไม้มาเล่นแม่งให้ตาย”ไอ้ที่ยืนอยู่หันไปสั่งพวกมัน พวกมันก็หยิบไม้หน้าสามคนละอันมาถือไว้ เตรียมจะฟาดลงที่ตัวผม ผมด็รีบงอตัวเอามือกุมหัวแต่คงปกป้องอะไรไม่ได้มาก ตอนนี้ผมคิดถึงพี่เขม ผมยักไม่ได้บอกพี่เขมเลยว่าผมรักพี่เขม ผมขอโทษที่ทำให้พี่เขมเสียใจ

      “ผลั๊กๆ “ เสียงไม้กระทบลำตัวผมก็งอตัวแต่ทว่าผมกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด ผมค่อยเอาแขนที่กุมหัวตัวเองไว้เงยหน้าขึ้นมามอง ไอ้โป้งมันมาช่วยผม มันพร้อมกับพวกที่ซ้อมบาสเกตบอลด้วยกันและชมรมฃผบิ๊กไบค์อีกสองสามคน และมันก็ใส่กันนัวเลย

      “คริส” โป้งมันเรียกผม มันยื่นมือมาให้ผมจับและลุกขึ้น ไอ้โป้งมันพงกหัวว่าเล่นมันเลย มันคงอยากแก้แค้นให้ไอ้ปันปันด้วย ผมก็พยักหน้าและเข้าไปหาไอ้คนที่มันเป็นหัวหน้า ผมตรงเข้าไปก็กระทืบมันทันที พวกผมลงไปกองกันที่พื้น ไอ้โป้งมันก็คว้าไม้มาได้ก็ฟาดลงไปที่ลำตัวมัน

      “ผลัก”

      “โอ้ย”มันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

      “มึงทำเมียกูใช่ไหมไอ้สัส ผลัก ผลัก ผลัก”

      “ไอ้เชี้ย กูทำตามคำสั่งไอ้กาย” ไอ้คนที่ไอ้โป้งมันฟาดลงไปไม่ยั้ง

      “อย่าทำกู “มันร้องขอให้โป้งมันมองหน้าผม ผมก็

      “ผลัว”ผมกระทืบแม่งลงไปทีกล่องดวงใจมันอย่างแรง มันเอามือกุมเป้ามัน คงเจ็บและจุกผลึกละซิ ผมก็กระทืบอีกทีแต่

      “เสียงดังมาจากข้างบนครับ” เสียงฝีเท้ากำลังวิ่งมาทาง พวกผมกัน ไอ้โป้งมันยกมือให้พวกเพื่อนๆหยุด พวกที่โดนพวกผมกระทืบมันยังคงหมอบอยู่ที่พื้นรวมทั้งไอ้ที่ผมกระทืบกล่องดวงใจมันก็ยังคงนอนโอ้ดโอยด้วยและมันก็โดนไม้ไอ้โป้งไปหลายทีด้วย

      “คริส มึงโอเคไหมว่ะ”ไอ้โป้งมันถามผม

      “กูไม่เป็นอะไรมากวะ ใจว่ะโป้งที่มาช่วย” ผมหันไปบอกไอ้โป้งและคนที่ขึ้นพร้อมกับเจ้าของผับและรปภ ก็คือพี่เขมนั้นเอง

      “พวกนี้เหรอครับที่มีเรื่องกัน” พี่รปภถามขึ้นและชี้ไปที่พวกที่มันนอนอยู่

      “ไอ้ตัวพ่อมันไม่อยู่นี้พี่ปืน ไอ้นั้นมันสั่งพวกนี้ทำร้ายแฟนผมพี่ปืน” ไอ้โป้งมันหันไปบอกเจ้าของผับ  ที่เป็นรุ่นพี่ของพวกผม พี่ปืนส่ายหัวและหันมามองหน้าพวกผม

      “ไอ้กายนะพี่” ไอ้โป้งมันบอกพี่ปืน

      “ไอ้เชี้ยนี้มันมาที่ไรหาเรื่องให้ผับกูตลอดแต่จะไม่ให้แม่งมาก็ไม่ได้พ่อมันเป็นตำรวจ และนี้พวกมึง” พี่ปืนพูดขึ้น ผมเข้าใจพี่ปืนนะถ้ามีปัญหากับพวกนี้ผับพี่ปืนก็ต้องมีปัญหาตามมาอีกเยอะ

      “แล้วไอ้เชี้ยพวกนี้มันไปทำอะไรพวกมึงไว้เหรอวะ” พี่ปืนถามไอ้โป้ง

      “มันทำระยำกับเมียผมพี่ ไอ้ปันปันนะ” ไอ้โป้งมันหันไปบอกพี่ปืน พี่ปืนพยักหน้า

      “ไอ้พวกนี้ทำไงกับมันดีละพี่ ส่งตำรวจเลยดีไหม” ไอ้โป้งมันถามพี่ปืน

      “มึงมีหลักฐานเอาผิดพวกมันไหมละ” พี่ปืนหันมาถามผมกับไอ้โป้ง

      “ถ้ายังก็ต้องปล่อยพวกมันไปก่อน เพราะว่ามึงสองคนก็จะโดน กูก็จะโดน มึงมาเข้าผับกูทั้งที่อายุไม่ถึง สิบแปด หาหลักฐานแล้วให้ตำรวจจับมันก็ยังทัน พวกเชี้ยพวกนี้ไปไหนได้ไม่ไกลหรอกวะ”พี่ปืนพูดกับพวกผม ผมหันไปมองครูเขม เขมเขาไม่พูดอะไรเลยสักคำ

      “ตามนั้นพี่”ไอ้โป้งมันบอกพี่ปืน และพี่ปืนก็เข้าไปคุยกับพวกนั้นคงสั่งว่าห้ามมาเข้าผับพี่ปืนอีกไม่อย่างนั้นมันโดนดีจากพี่ปืนแน่ๆ

      “ถ้าไม่มีใครเป็นอะไรแล้วผมขอตัวนะครับคุณครู” พี่ปืนหันไปบอกครูเขมชาติ ครูเขมพยักหน้าและยิ้มให้พี่ปืน

      “คริสช่วงนี้อย่าเพิ่งมาผับเลยนะเพราะว่าถ้าไอ้กายมันจะหาเรื่องพี่เรื่องที่ให้เราเข้าผับทั้งที่อายุยังไม่ สิบแปดวะ” พี่ปืนพูดผมพยักหน้า ครูเขมมองหน้าผมนิ่งๆ

      “ปึก” ไอ้โป้งมันกระแทกไหล่ผม ให้เข้าไปหาครูเขม

      “ไปกลับบ้าน” ครูเขมพูดแค่นั้นผมก็เดินตามลงไป

      “พี่เขม ผมขอลงไปหามือผมก่อนได้ไหมครับผมทำหล่นไว้” ผมพูดเบาๆเพราะว่ารู้ว่าผมทำผิด ทำให้ครูเขมเป็นห่วงและไหนจะเรื่องเชอรี่อีกละ พี่เขมคงเสียใจมาก จนไม่พูดอะไรเลยสักคำแม้จะเข้ามาถามว่าผมเป็นไงเจ็บไหมก็ไม่มี

      “อืมม” ครูเขมตอบผมแค่นั้นก็เดินออกไป ผมหันไปมองไอ้โป้ง

      “ไปหามือถือกับกูหน่อย กูถ่ายคลิปพวกมันไว้ได้ตอนที่มันคุยกับไอ้กายนะ”ผมหันไปบอกไอ้โป้งมันพยักหน้าและอาร์ทด้วย ผมสามคนลงไปหามือถือที่ผมโยนลงมา สภาพไม่เสียหายแต่หน้าจอดับมืดไปแล้วเลยไม่แน่ใจพังแต่มันส่งไฟว์วิดิโอให้ครูเขมได้ไหม ผมรีบเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงรีบเดินออกไปหาครูเขม

      “วันนี้ไปนอนบ้านพักนักเรียนนะ” ครูเขมพูดแค่นั้นและเดินเข้าไปในรถผมได้แต่ยืนมองพี่เขมจนรถแล่นออกไป ใจผมหายเลยผม

      “เอานะครูเขมคงโกรธและเป็นห่วงมึงด้วยแหละไอ้คริส”ไอ้โป้งมันพูดและมันก็เข้าไปในรถของมันส่วนผมก็ต้องให้ไอ้อาร์ทไปส่งผมที่บ้านพักนักเรียน ตามที่ครูเขมบอกผม

      “ง้อหน่อยดิวะ”ไอ้อาร์ทพูดผมพยักหน้าผมเข้าไปนั่งในรถกับไอ้อาร์ท  ผมนั่งครุนคิดนะว่าจะง้อยังไงดีละที่นี้

      “ปันปันมันออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่วะ” ผมถามไอ้อาร์ท

      “พรุ่งนี้วะ” อาร์ทหันมาบอกผม ผมพยักหน้า

      “เมียมึงละ” ผมหันไปถามไอ้อาร์ท เพราะว่าไม่เห็นไอ้โจมาด้วย

      “อยู่กับปันปันไงไอ้โป้งมันถึงได้ไปช่วยมึงได้ส่วนกูก็ไปตามครูเขม..เขาเป็นห่วงมึงมากเลยนะโว้ย” ไอ้อาร์ทหันมาบอกผม

      “แต่ตอนนี้งอนกูไปแล้วอะ ไม่ซิคงจะโกรธและเกลียดกูเลยวะ”
 
      “ไม่หรอกกูว่าแค่งอน ก็มึงเล่นไปกับชะนีนี้หว่า”ไอ้อาร์ทมันพูด ผมหันไปมองมันแบบว่ากูไม่ได้อยากไปแต่มันจำเป็นนี่หว่า

      “กู...” ผมพูดไม่ออกเลยที่นี้

      “ตอนโจมันงอนกูนะกูก็ง้อ”

      “ง้อไงอะ” ผมหันมาถามไอ้อาร์ท

      “ง้อบนเตียงอะดิผัวเมียนะเขาง้อกันบนเตียงว่ะ” ไอ้อาร์ทพูดผมก็หันมามองหน้ามันจริงๆดิ

      “ขอบใจวะอาร์ท”ผมพูดและโน้มมันเข้ามาหอมแก้มขอบใจทีหนึ่ง

      “ไอ้คริส!!!” ไอ้อาร์ทร้องด้วยอาการตกใจและมันปล่อยมือจากพวกมาลัยจนรถเสียหลัผมก็ต้องรีบคว้าก่อนจะไม่ได้ไปง้อเมียผมคงได้ลงข้างทางกับไอ้เวรนี้แน่ๆ

      “หอมนิดหอมหน่อยทำเป็นตกใจไอ้เชี้ย..และเดี๋ยวเมียก็โสดหรอกงานนี้นะ” ผมพูดพร้อมพยักหน้าให้มันกลับมาควบคุมพวงมาลัยรถต่อ จนสักพักไอ้อาร์ทมันก็ขับรถมาส่งผมที่บ้านพัก ผมขึ้นบ้านพักอาบน้ำอาบท่าให้สะอาดคืนนี้จะได้ปืนไปง้อเมีย
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(ครูเขมชาติ Xคริส)EP.34.1 ง้อที่รักบนเตียง
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 01-10-2020 11:19:25
EP.34.1 ครูเขมชาติ Xคริสโตเฟอร์ ง้อที่รักบนเตียง
              ครูเขม ผมกลับมาได้ก็รีบกลับบ้านพักครูทันที หลังจากไปดูพ่อตัวดี นี้ดีนะที่ไม่เจออยู่กับชะนีและดีที่โป้งไปช่วยขณะที่เขากำลังถูกรุมทำร้ายอยู่ใจผมก็ห่วงนะแต่มันก็อดโมโหไม่ได้ดันไปกับแฟนเก่าที่ชื่อเชอรี่ ไหนบอกว่ามันเปลี่ยนไปแล้วไง นี้อะไรพอเขามาไปกับเขาเฉยเลย ผมเลยบอกให้เขาไปนอนบ้านพักและนั้นก็ไปนอนบ้านพักจริงๆด้วยไม่ยอมมาขึ้นรถผมด้วย แสดงว่าเขาจะกลับไปหาคนนั้นจริงๆใช่ไหม 
           
           ผมอาบน้ำอาบและแต่งตัว วันนี้ผมคงจะสวมชุดนอนเสื้อและกางเกง ซึ้งปกติสวมแค่กางเกงบ๊อกเซอร์ก็ตอนนั้นนอนกับพ่อตัวดีก็จะสวมแค่นี้น (เรียกว่าอ่อยหน่อยๆ) วันนี้นอนคนเดียวอีกแล้วและอาจจะคงตลอดไป ผมนั่งกดดูตารางการสอบที่ผมจองให้นี้ก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะไปบ้านผมหรือเปล่าและวันจันทร์นี้แล้วด้วยที่ต้องไปสอบสองวิชาแรก แถมหมอนั้นก็ไม่ง้อผมเลยนะ อย่างนี้แหละมั้งคบเด็กต้องเอาใจเด็กไม่ใช่เด็กเอาใจเรา คิดแล้วก็เข้านอนจะดีกว่าผมกดปิดแล๊ปท๊อปเก็บเข้าที่พรุ่งนี้ไม่ได้อยู่เวรตอนสายๆ ค่อยขับรถกลับบ้านก็แล้วกัน


           ระหว่างที่ผมล้มตัวลงนอนหลังจากกดปิดไฟแต่ยังคงเปิดไฟหัวเตียงเอาไว้ ผมนอนหลับตาเรียกได้พยายามปิดตาจะดีกว่า สักพักไฟหัวเตียงผมก็ดับลง ผมก็รีบลุกขึ้นนั่งเกิดอะไรขึ้นอย่าบอกนะว่าไฟดับนะ ผมลุกจากเตียงไปดูบ้านพักอื่น เนื่องจากวันศุกร์จึงไม่ค่อยมีครูอยู่บ้านพักอยู่แล้ว เลยเดาได้ยากว่าเกิดจากอะไร

“ส่งสัยฟิวส์ขาดแน่ๆ แต่ก็ดีจะได้หลับง่ายหน่อยถ้าไม่มีไฟ” ผมพูดกับตัวเองและหันกลับไปทิ้งตัวลงบนเตียงนอนแต่ทว่าอากาศมันร้อนผมเลยเปิดหน้าต่างเอาไว้ให้ลมพัดเข้ามาด้านในแทน ผมพยายามข่มตาให้หลับด้วยความเงียบและมันก็ได้ผล ผมก็หลับลงในไม่ช้า

“อื้ม” ผมเหมือนจะละเมอนะเพราะว่ามีมือมาลูกโคนขาอ่อนของผม ลูบไล่เข้ามาใกล้ๆของสงวนของผม เฮ้ย! ผมก็ลืมตาโพลงในความมืด แต่ยังคงพอจะมองเห็นเงาดำๆอยู่ข้างเตียงผม 

“ใครอะ” ผมร้องถามและมือนั้นก็สำผัสกับขอบสงวนผมเข้าเต็มๆมือ ผมจะดึงมือออกทันทีก็กลัวจะบีบของผมแตกไป และร่างนันก็ขึ้นมาค่อมผมไว้ทันที มือที่จับของสงวนผมขึ้นจับแขนผมขึงตรึงไว้จนขยับไม่ได้

“ถามว่าใคร!” ผมตะคอกเสียงดัง

“เดี๋ยวก็รู้” เสียงนี้ผมจำได้ดี

“คริส”

“ใช่...”

“อื้ม” พอสิ้นเสียงคริสโตเฟอร์ก็ฝังจมูกลงที่ซอกคอผมทันที เสียงดูดดังจ๊วบๆ

“คริสจะทำอะไรพี่นะปล่อยพี่นะ”

“ก็พี่งอนผมอะผมกำลังง้อ”

“ไม่ต้องมาง้อ...”ผมสะบัดเสียงใส่คริส (นิสัยนายเอกออกเต็มๆครับผมตอนนี้ )

“จะง้อ...พี่เขม...ผมขอโทษ..ผมรู้ว่าผมผิดที่ไปกับเชอรี่แต่ผมจำเป็น” คริสโตเฟอร์พูดมองหน้าเขานิ่งๆ ในความมืด

“ความจำเป็นอะไร”

“เออ....คือ....”

“ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้และกลับไปนอนพักบ้านพักตัวเอง” ผมพูดทำท่าจะดันแต่คนที่ค่อมผมเอาไว้ ผมทำท่าไม่ยอมเขา เพราะว่าครั้งนี้ผมโกรธเขามากจริงๆ 

“พี่เขมไม่รักผมแล้วเหรอ” คริสโตเฟอร์ถามผม

“ผมรักพี่เขมมากนะ”

“รักแล้วไปกับเขาอย่างนั้นเหรอ”ผมถามเขากลับ

“ผมจำเป็น..ผมอยากให้เชอรี่ช่วยผมเรื่องพวกที่มันรุมทำร้ายปันปันผมจะหาตัวมันและผมก็หาตัวพวกมันได้แล้ว” คริสโตเฟอร์พูด ผมก็หยุดดิ้นร้นที่จะดันเขาให้ออกไปจากตัวผม ร่างผมถูกดันให้นอนราบลง

“ผมรักพี่เขมคนเดียว...ผมไม่ได้ทำไปเพราะว่าใจผมต้องการเขาเลยนะพี่เขม ผมจำใจทำ และผมกับเชอรี่ก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลยกันด้วย พี่เขมเชื่อผมนะ”  คริสโตเฟอร์พูดกับผมเขาก้มหน้าลงมาและประกบปากจูบผม แขนที่ถูกตรึงข้อมือที่จับตรึงแขนผมไว้ก็เปลี่ยนมาเป็นกุมมือผมไว้แทน

“พี่เขมเชื่อผมนะ..” ปากก็พูดและพรมจูบไปทั่วเรือนร่างของผม ใจก็อยากขัดขืนแต่ร่างกายซิไม่ยอมขัดเลยสนองตอบอีกตางหาก จนคนที่คุมเกมส์อยู่กระหยิ่มยิ้มย่องอย่างพอใจ

“พี่เชื่อผมนะพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูดพร่ำถามผมแบบนั้นตลอด

“อื้ม” ไม่รู้ว่านี้คือคำตอบหรือเสียงครางกันแน่ๆ กระดุมเสื้อผมกำลังถูกปลดออก ไม่นานก็หมดแผงโดนคนที่ค่อมร่างผมอยู่

“หยุดคริส! “ ผมเปล่งเสียงเฮือกสุดท้ายคนที่กระทำอยู่ก็หยุดทันที เขามองหน้าผมในความมืด ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์พร้อมกับเปิดไฟฉายมองคนที่ค่อมผมอยู่

“พี่เขมผมรักพี่นะพี่ยังไม่เชื่อใจผมอีกเหรอ”

“แต่ว่า”

“ผมยอมรับว่าผมไปกับเชอรี่นะมันผิดสำหรับคนที่รักกันและถ้าไปกับณัฐกานต์บ้างผมก็เสียใจและโกรธเหมือนกันแต่ผมทำเพราะว่าผมมีความจำเป็น” คริสโตเฟอร์พูด

“อะไรละ”ผมถามคริสโตเฟอร์กลับ

“ผม...เออ...บันทึกวิดิโอที่พวกนั้นมาคุยกับไอ้กายได้แต่ว่ามันดันจับผมได้และมันก็บอกความจริงกับเชอรี่นางก็โกรธผมและชิ้งหนีทิ้งผมไว้กับพวกไอ้กาย ผมไม่รู้จะทำยังไงผมก็เลยโยนมือถือลง”

“และก่อนที่จะโยนลงไปผมกดส่งให้พี่” คริสโตเฟอร์พูด ผมรีบหยิบมือถือกดดูแต่ทว่ามันไม่มีเลยที่เขาส่งแต่ผมนึกขึ้นได้ว่าผมปิดมือถือตลอด มันเลยส่งมาให้ผมไม่ได้แน่ๆ

“จริงเหรอคริส” ผมหันมาถามคริสโตเฟอร์

“ใช่พี่เขมไม่ได้รับใช่ไหมอะ เพราะว่าตอนที่กดส่งนะผมโยนลงมาเพื่อท่วงเวลาให้มันส่งได้แต่มันคงไม่ทันได้ส่งเพราะว่ามือถือตกกระแทกพื้นดับไปก่อนแน่ๆเลยอะ และตอนนี้มือถือผมยังเปิดไม่ได้เลยอะพี่เขม” คริสโตเฟอร์ส่งมือถือที่หน้าจอดับสนิทมาให้ผม ผมพยายามกดเปิดเท่าไหร่ก็ไม่ได้

“มือถือพังเหรอคริสเปิดไม่ติดเลยเนี๊ยะ” ผมถามคริสโตเฟอร์

“พรุ่งนี้จะเอาไปให้ที่ร้านเขากู้ข้อมูลให้นั้นคือหลักฐานเดียวที่เรามีตอนนี้พี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด ผมพ่นลมหายใจออกมา

“ทำไมไม่บอกพี่ละคริสและมันเสี่ยงไหมและถ้าโป้งไปช่วยไม่ทันละพี่นะไปไม่ทันก็เห็นอยู่” ผมต่อว่าไปพร้อมๆกับเป็นห่วงเด็กเกรียนคนนี้มากแต่พอเห็นสีหน้าสำนึกผิดแล้วก็ต้องหยุด

“ผมรู้และอีกอย่างถ้าผมบอกพี่ก็ต้องค้านผมอยู่ดีอะ” คริสโตเฟอร์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

“ความยุติธรรมมันไม่ได้มีอยู่ทุกพื้นที่พี่เขมคนอย่างไอ้กายนะถ้าไม่หยุดมันตอนนี้มันอาจจะทำอะไรที่แย่ไปกว่านี้อีกเพราะว่าพ่อเขาให้ท้ายลูกเขาอยู่พี่รู้ไหม” คริสโตเฟอร์พูดผมพยักหน้าเพราะว่าเจอเขาตอนที่เขามาคุยกับผู้อำนวยการมาขอร้องเรื่องนายกายให้เขาอยู่จนกว่าจะเรียนจบ

“เมื่อคืนไปนอนทีไหนมาละ” ผมถาคริสโตเฟอร์เขาเงยหน้ามองผมยิ้มกรุ่มกริ่ม ผมหันหน้าหนี

“ไปนอนกับโป้งมาที่โรงพยาบาลอะ...คิดละซิ...เห็นแบบนี้ไม่ใช่คนชอบแบ่งของใช้ให้ใครต่อใครนะมีที่ละคน” คริสโตเฟอร์พูดผมแอบอมยิ้มไม่ได้

“ผมรู้ว่าพี่เข็ดขยาดกับการถูกนอกกายโดยณัฐกานต์แต่นี้คริสโตเฟอร์นะมันคนละคนกัน” คริสโตเฟอร์พูด ผมพยักหน้ามันก็จริง

“ก็เห็นกอดเอวกันไปขนาดนั้นนิจะไม่ให้คิดได้ยังไง” ผมพูดเบาๆ ทำน้ำเสียงเหง้างอนเป็นนางเอกละครเลยผม คนที่นั่งค่อมตัวผมไว้ก็ยิ้มกริ่มมองผม

“พรุ่งนี้พี่อยู่เวรไหมพี่เขม”คริสโตเฟอร์ถามผม

“ไม่อะ”

“เรากลับไปบ้านพี่พรุ่งนี้นะและวันจันทร์ผมมีสอบ” คริสโตเฟอร์บอกผม

“อืม”ผมพยักหน้าตอบคนที่อยู่ด้านบนโน้มตัวลงมาหาผมทำท่าจะจูบ

“ไว้ทำพรุ่งนะ”ผมใช้มือหน้าอกเขาไว้

“ทำไมอะนี้อุตสาห์ปีนหน้าต่างเพื่อมาปลั้มเลยนะ”ดูพูดเข้าซิ

“อู้ย”ร้องลากเสียงยาวออกมาทันทีที่ผมหยิกลงที่พุงเล็กนั้น

“วันนี้พี่เหนื่อย...ว่าแต่เรากินอะไรหรือยัง”ผมถามคริสโตเฟอร์

“ไม่หิวอะอยากนอนมากกว่าง่วงมากเมื่อคืนก็นอนไม่หลับไอ้โป้งมันคอยระแวง มันก็หลับๆตื่น ลุกขึ้นมาดูไอ้ปันปัน และพอมันไม่เห็นไอ้ปันปัน เพราะปันปันมันลุกไปเข้าห้องน้ำ มันก็ร้องเรียกใหญ่จนผมตื่นอ่ะพี่เขม”

“และโป้งมันก็คอยตะโกนเรียกปันปันตลอดทั้งคืนเลยก็ว่าได้ อ่ะพี่เขมมันกลัวปันปันจะทำอีก”คริสโตเฟอร์พูดผมพยักหน้าเข้าใจ

“และผมก็รีบตื่นแต่เช้าขับรถกลับจะได้แวะซื้อน้ำเต้าหู้ให้พี่ด้วยพี่มียืนเวรหน้าประตูแทนครูนิด ผมแอบได้ยินพี่คุยกับครูนิด” ผมหันมามองหน้าเป็นเขาจริงๆด้วย ผมแอบยิ้มอ่อนๆ

“หมับ”คนที่ค่อมผมอยู่เปลี่ยนลงมานอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าผม

“พี่เขมผมไม่อยากทำให้พี่เดือดร้อนเพราะผมอีกผมเลย”

“จะทำอะไรทำไมไม่บอกพี่ละ และถ้าเราเป็นอะไรขึ้นมาพี่เสียใจนะคริส”ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุ เขาก็พยักหน้าแบบสำนึกผิด

“พี่บอกแล้วไงว่าถ้าเราเลือกทางนี้ด้วยกันแล้วเลือกที่จะเดินทางที่ไม่ราบเรียบเหมือนคนอื่นๆเขาเดินเราทั้งคู่ต้องยอมรับมันและช่วยเหลือกัน ประคับประคองกัน”ผมพูดคริสโตเฟอร์จับมือผม

“ผมรู้แต่ผมอยากทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคนที่ผมรักที่สุด”

“จ๊วบ”เขาพูดจบก็ดึงมือผมไปจูบ

“พอแล้วง่วงไม่ใช่เหรอนอนได้แล้ว”ผมรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะเกินเลยไปมากกว่านี้คริสโตเฟอร์ถอดเสื้อผ้าตัวเองจนเหลือแต่กางเกงยางยืดและม้วนๆพร้อมกับชู้ดไกลลงตระกร้าไปส่วนผมนะเหล่ตามองคนที่มาขอนอนด้วยไม่เกรงใจเจ้าของเลยนะ

“อยากใส่ชุดวันเกิดนอนนะแต่กลัวที่รักจะหื่นทนรอพรุ่งนี้ไม่ไหว”คนที่ล้มตัวลงนอนพูดผมแลบลิ้นให้ก่อนจะลุกขึ้นถอนเสื้อตัวเองออกเหลือแต่กางเกงขาสั้นมากเพราะว่าอากาศเริ่มร้อนแม้รูจะมีลมพัดเข้ามาทางหน้าต่างอยู่บ้างก็ตามก่อนจะทิ้งตัวลงนอนและคนข้างๆก็รีบสวมกอดผมทันที สรุปว่าเขมเป็นโสดได้คืนเดียวกลับสู้โหมดชีวิตคู่เหมือนเดิมครูเขม แต่มันดีกว่านอนคนเดียวเป็นไหนๆ เมื่อคืนผมก็นอนแทบจะไม่หลับกระสับกระสายแต่คืนนี้คงหลับสบายมีคนนอนเบียดอยู่ข้างๆ อีกอย่างมีแฟนเกรียนชีวิตมันมีสีสันแบบนี้เองดีใจดีไหมนะ ครูเขมชาติ
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(ครูเขม X คริส)EP.35งานเข้าวันเกิดคริส เชอรี่แน่ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 01-10-2020 11:30:00
(ครูเขม X คริส)EP.35งานเข้าวันเกิดคริส เชอรี่แน่ๆ

          คริสโตเฟอร์   ผมกับพี่เขมก็พากันเดินทางกลับโรงเรียนทันที่ที่ผมเข้าไปทำข้อสอบ GED ที่กรุงเทพกับพี่เขม ผมลาหนึ่งวันพี่เขมก็ลาหนึ่งวันเช่นกัน โดยให้ครูสมชายดูแลนักเรียนแทนพี่เขม พี่เขมบอกว่าครูสมชายยังชมผมกับพี่เขมเลยนะว่าผมตั้งใจเรียนมากขึ้น ผมก็รู้สึกผิดที่ผมเคยจะต่อยครูเขาเหมือนที่ไอ้อั๋นเกือบทำกับพี่เขมเช่นกัน ตอนนั้นผมหัวร้อนและยิ่งมาจี้จุดว่าผมเป็นฝรั่งขี้นกด้วย ครูบอกกับครูเขมว่าครูเขาไม่ได้ตั้งใจแค่บรรดารโทสะที่ผมเถียงเขาไม่ฟังเขา
           และนี้ผมก็เชื่อว่าผมทำข้อสอบผ่านแน่นอน เพราะว่าผมทำได้เกินเกณฑ์ที่เขากำหนดไว้ขั้นต่ำนะแต่ก็ต้องรอลุ้นวิชาอื่นอีกที่จะมาสอบในอาทิตย์หน้าวันจันทร์อีกเช่นกัน คราวหน้าเป็นวิชาภาษอังกฤษ Reading ถามว่าผมหมั่นใจไหม ผมหมั่นใจมากเพราะว่าพี่เขมติวให้ผมดีมากคอยให้ทำแบบทดสอบเยอะมากและยิ่งเทคนิคการอ่านเพื่อหาคำตอบพี่เขมเขาบอกเขาถนัดเรื่องนี้พอสมควร ผมก็เลยหมั่นใจว่าผมทำได้แน่ๆ แต่ผมกลัวเรื่อง Writing อย่างเดียวเลย  ผมไม่ค่อยได้ใช่บ่อยแต่ผมจะพยายามให้ดีที่สุดเพื่อพี่เขม
          
             และที่ผมกับพี่เขมรีบกลับกันเพราะว่าวันนี้เป็นวันพิเศษของผมและผมจะได้ฉลองวันเกิดครบรอบ17ปีเต็มของผมกับคนที่ผมรักไม่ซิรักมากที่สุดในบรรดาคนที่ผมขอเป็นแฟนมาและผมต้องการให้เป็นคนสุดท้ายของผมและตลอดไป

            “พี่เขมตกลงคืนนี้ไม่ให้ไปเที่ยวจริงๆอะ” ผมหันหน้ามาถามครูเขมที่กำลังขับรถอยู่ ใจผมก็อยากจะพาพี่เขมไปเที่ยวผับบ้าง

            “เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเพิ่งจะไปมีเรื่องและปืนเขาก็บอกว่านายยังไม่ควรเข้าผับตอนนี้คริส เพราะว่านายกายอาจจะหาเรื่องเขาด้วยเช่นกัน” พี่เขมหันมาพูดกับผม ผมก็ต้องก้มหน้ายอมรับผิด

           “ทำอะไรทานที่บ้านดีกว่าและที่สำคัญปันปันก็เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลมานะคริส เขายังไม่พร้อมจะออกไปสนุกสนานร่าเริงแบบนั้นแน่ๆ “ ” ครูเขมพูดผมพยกหน้า โป้งมันบอกว่ามันจะมาร่วมฉลองงานวันเกิดผมด้วย ก็ดีเหมือนกันกิน ดื่มกับเพื่อนๆแค่นี้ก็พอแล้ว และกับคนที่ผมรักที่สุด

KissKhem : มึงอยู่ไหนวะอาร์ท (ผมส่งข้อความหาอาร์ท)
Arty Love JOJO : กำลังออกจากบ้านรอเมียอยู่วันนี้เมียกูเข้าครัวทำบาร์บีคิวเองว่ะ
KissKhem : เฮ้ย! กูไม่อยากท้องเสีย ทำไมมึงไม่บอกให้เมียมึงมานั่งกินด้วยกันก็พอว่ะ
Arty Love JoJO : ช่วงนี้ไม่อยากขัดใจวะ เมียกูยิ่งงอนเก่งอยู่นะมึง  ทนกินให้เมียกูชื้นใจหน่อยว่ะเพื่อน
(นี้มันเป็นโรคเกลียมัวตั้งแต่เมื่อไหร่ ดูผมนี่ หันมาเจอยกไหว้เลยครับ(ก็เมียผมเป็นครูฮาๆ) ครูเขมหันมาเหล่ตามองว่าผมกำลังนินทาอยู่ในใจ
KissKhem: มึงจะให้กูเอาชีวิตไปฝากไว้กับเมียมึงนี้นะ ไอ้อาร์ท
Arty Love JOJO : ไม่เป็นไรหรอกมึง อย่างมากแค่ท้องเสียถ้าหนักหน่อยกูจ่ายค่าห้องให้ นอนแอร์เย็นสบายแถมมีพยาบาลเช็ดตัวให้ด้วยนะมึง
KissKhem : กูไม่เอากูจะนอนบ้านพักครูกับพี่เขม ให้พี่เขมจับกูอาบน้ำดีกว่าให้พยาบาลเช็ดตัว กูไม่ชอบนุ่มนวลกูชอบเร้าใจ (พอพี่เขมได้ยินนี้หันขวับมาชี้หน้าผม)

Arty Love JOJO : เอานะทนกินหน่อย ถ้าอย่างนั้นกูเพิ่มประกันชีวิตให้ด้วยแล้วกันครูเขมจะได้มีเงินก้อนใช้ ในฐานะแฟนมึง (ไอ้นี้มันแช่งผม )
KissKhem        : Fuxx you
Arty Love JoJO : Thanks ( ส่งรูปจูบมาให้ผมด้วย )ผมรีบเก็บมือลงพี่เขมมองหน้าผม

      
               “ทำไมทำหน้าแบบนั้นละคริส” พี่เขมถามผม ผมขมวดคิ้วมองหน้าพี่เขม

      “ก็ได้อาร์ทอะมันบอกว่าเมียมันทำบาร์บีคิวมาเองอะพี่เขม” ผมหันมาบอกพี่เขม

      “ก็ดีนะซิพี่จะได้ทำน้อยลงหน่อยคริส และนี้เพื่อนอุตสาห์ตั้งใจทำให้เรา ทำหน้าดีใจซิ ไม่ใช่ทำหน้าเหมือนกำลังเจอเรื่องสยองขวัญ” พี่เขมพูดปนหัวเราะไปด้วย

      “กลัวท้องเสียไม่อยากนอนโรงพยาบาล อยากฉยองวันเกิดกับพี่เขมสองคนที่บ้านพักครู ” ผมพูดพี่เขมหันมาหน้าผมและยิ้มๆ

      “เพื่อนอุตสาตั้งใจทำให้นะคริสและคงไม่ถึงกับท้องเสียหรอก วันก่อนที่ไปแคมป์กันนะเขาช่วยพี่ทำอยู่นะ โจนะ เขาคงรู้ว่าต้องทำยังไงนะ” พี่เขมพูดระหว่างที่พี่เขมกำลังเลี้ยวรถเข้าประตูโรงเรียน ลุงรปภ. เดินมาเปิดประตูให้

      “ลุงครับนี้ขนมนะครับแม่ผมทำไว้เอาไปทานครับ” ครูเขมเลื่อนกระจกรถลงพร้อมกับส่งห่อขนมที่แม่ของพี่เขมทำไว้ แม่ของพี่เขมกลับมาดูแลพี่สาวซึ้งเป็นป้าของครูเขมและยังเป็นสาวโสดที่ไม่ได้แต่งงาน และเมื่อเช้าพี่เขมก็ไปส่งคุณแม่ของพี่เขมขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางไปดูหลานชายพี่เขม ที่เป็นลูกชายของพี่ชายคนโตพี่เขมอีก ผมเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่ผมจะได้มีโอกาสได้พบพี่ชายทั้งสองของพี่เขม ผมอยากเจอจังอยากจะแสดงให้เขารู้ว่าผมรักพี่เขมมากแค่ไหน ผมไม่ใช่แค่เด็กนักเรียนของพี่เขมไปวันวัน  และแม่พี่เขมน่ารักมากทำขนมที่ผมชอบไว้ให้ด้วย ผมได้ชิมขนมเม็ดขนุนฝีมือแม่พี่เขมแล้วผมก็ติดใจ

      “ผมไม่แปลกใจเลยทำไมพี่เขมมีแต่คนรัก” ผมพูดกับพี่เขม รถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ผมเหลือบมองเห็นสิ่งที่ผิดปกติ ข้าวของกระจัดกระจาย มีกระดาษ A4 แปะไว้เต็มข้างฝาบ้านไปหมด ผมกับพี่เขมออกมาจากรถก็ต้องถึงกับตกใจสิ่งที่พบเห็น ถังขยะล้มเกลื่อนไปหมด พี่เขมเดินไปดึงกระดาษที่แปะไว้ลงมาดู

      “ไอ้ครูตุ๊ด” เป็นข้อความที่แปะไว้ ฝีมือใครกัน มีทั้งครูตุ๊ด ครูชอบเอาตูด และบร้าๆ พี่เขมหันมามองหน้าผม ผมคิดว่าเป็นฝีมือไอ้พี่กายแน่ๆ ผมหยิบมาดูผมก็ต้องปวดใจมันด่าแต่ละคำ มันทำให้ผมต้องขยำมันด้วยความโกรธแค้น

      “ไอ้สัดกาย!!!!” ผมสะบดออกมา

      “หยุด!...พอได้แล้วคริส...ถ้ายิ่งโต้ตอบกันไปมากเรื่องก็ยืดเยื้ออยู่แบบนี้พอได้แล้ว “ พี่เขมพูดพร้อมถอนหายใจออกมายาวๆ หนึ่งที ผมเจ็บใจที่มันว่าคนที่ผมรักนี้แหละ

      “ดูมันทำกับพี่เขมดิพี่ ผมทนไม่ได้แล้ว พี่เป็นคนที่ผมรักนะ ผมจะทนได้ยังไงละพี่เขม” ผมหันมาพูดกับพี่

      “พี่เคยบอกแล้วใช่ไหมคริสว่าถ้าเลือกทางนี้กับพี่จะต้องเจออะไรบ้าง ทางเดินไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มันก็จะมีก้อนหินก้อนกรวดทิ่มตำเท้าเรา แต่ความอดทนอดกลั้นเท่านั้นที่จะพาเราเดินผ่านมันไปได้ ดังนัน ในเมื่อเขาไม่หยุด เราก็ควรจะหยุด… ตัวเราเอง “ พี่เขมพูด ผมก็ยืนนิ่งอยู่พักใหญ่พอสมควร เสียงรถแล่นตามเข้ามารถไอ้โป้ง กับรถไอ้อาร์ท แต่ละคนออกมาจากรถพร้อมกับทำหน้าตกใจเหมือนกับผมสองคนในตอนแรก

      “นี้เกิดเรื่องเชี้ยอะไรขึ้นวะ” ไอ้อาร์ทสะบดถามแต่ว่าไม่มีใครให้คำตอบได้แม้กระทั้งผมสองคนที่มาถึงก่อนแต่มันก็ไม่ยากที่จะเดาว่าใครกัน พรุ่งนี้ก่อนนะผมจะไปถามว่ามันจะเอายังไงกับผม

      “ครู...” ปันปันเดินมาหาครูเขมทันที ครูเขมพยักหน้าว่าครูเขมโอเคส่วนผมที่ยืนพยายามขมอารมณ์ตัวเองตามที่พี่เขมบอกผม ไอ้โป้งมันเดินมาแตะที่ไหล่ผม

      “เฮ้ย! ช่วยกันแกะกระดาษออกวะ ...แม่งพวกมีสมองไว้กั้นหู” ไอ้โป้งพูดและพวกผมก็ช่วยกันเก็บกระดาษใส่ถงจะได้เอาไปทิ้ง ผมรู้ว่าพี่เขมต้องเสียใจบ้างแหละที่อุตสาห์ตั้งใจเป็นครูที่ดีแต่กลับได้รับสิ่งเหล่านี้ตอบแทน มันทำให้ผมเริ่มคิดว่าผมควรจะเป็นครูดีไหม ผมยิ่งความอดทนต่ำที่สุดอยู่ด้วยเทียบไม่ได้เลยกับพี่เขม ตอนนี้พี่เขมนิ่งมากจนกผมเดาไม่ออกเลยว่าพี่เขมรู้สึกยังไงเสียใจมากแค่ไหน

      “พี่เขมขึ้นบ้านเถอะเดี๋ยวพวกผมเก็บเองนะ” ผมพูดกับพี่เขม พี่เขมพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินขึ้นบ้านไปเตรียมอาหาร ผมไม่อยากจะเชื่อเลย วันเกิดผมแท้ๆ ทำไมถึงมีเรื่องบ้าแบบนี้ด้วย ผมได้แต่กำหมัดแน่น แต่ถ้าผมยิ่งโต้ตอบพี่เขมก็ยิ่งโดนใช่ไหม แล้วผมควรจะหยุดโดยไม่ทำอะไรเลยอย่างนั้นหรือ  ทันใดนั้นผมก็เหลือยไปเห็นรปภ ของโรงเรียน  ขี่รถจักรยานผ่านเข้ามา เขาเห็นพวกผมเขาก็ตกใจว่าผมอะไรกัน

           “ไอ้หนูมาทำอะไรกันหน้าบ้านพักครู” ลุงเขาถามพวกผม ผมหันไปมองลุงเขา

      “ลุงใครเข้ามาแถวบ้านพักครูหรือเปล่า” ไอ้โจมันถามลุงภารโรง ลุงเขาก็ทำท่าคิด

      “ ไม่นี้...อ้อ...มีผู้หญิงคนหนึ่งเขาบอกว่าเป็นแฟนเรานะนายคริสมากับเพื่อนอีกสองสามคน ลุงก็นึกว่าเราอยู่บ้านพักเลยให้เขาเข้ามาก็มีแค่นั้นแหละและตอนที่ลุงขี่รถจักรยายผ่านมาเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว ก็เห็นเดินส่วนออกไป ลุงยังถามเลยว่าแฟนเขาอยู่บ้านพักนักเรียนไม่ใช่เหรอ ทำไมเดินออกมาเหมือนมาจากบ้านพักครู “ ลุงภารโรงพูด ผมก็กำหมัดแน่น เชอรี่ ทำไมเธอถึงได้กล้าทำแบบนี้

      “แล้วเขาเป็นแฟนเราหรือเปล่าละ” ลุงภารโรงเขาถามผม

      “ไม่ใช่ครับลุง เขาแค่เคยเรียนที่นี้นะครับและนี้เขาก็มาติดกระดาษด่าครูเขมด้วยครับลุง” ผมพูด ลุงแกก็หยิบมาอ่านและ

      “เอาไว้คราวหน้าลุงไม่ให้เข้ามาแล้วลูก โธ่มาว่าครูเขมของลุงได้ นี้ถ้าลุงรู้ว่านิสัยไม่ดีนี้ไม่ให้เข้ามาเด็ดขาดเลย “ ลุงรปภ พูดบอกพวกผม

      “ไม่เป็นไรครับลุง ขอบคุณนะครับ” ผมหันไปขอบคุณลุงเขา ลุงเขาไม่ผิดหรอก แต่ผิดที่เชอรี่ ผมมองเธอเป็นนางฟ้าเกินไป ที่แท้เธอก็นางมารดีดีนี้เอง

      “นางเชอรี่เหรอว่ะ กูบอกมึงแล้วว่าน้องเขานะสวนแต่รูปจูบไม่หอม มึงก็ไม่เชื่อกูไอ้คริส” โป้งถามขึ้น และหันมาพูดกับผม ผมพยักหน้าว่าผมรู้แล้วแต่ที่ผมให้เขาช่วยผมก็ไม่คิดว่านางจะหันมาเล่นครูเขมแบบนี้ นางนี้มันลูกเสือลูกจระเข้จริงๆ

      “กูว่ามันทำให้ไอ้กายวะ”ไอ้อาร์ทพูดผมพยักหน้าว่าอาจจะใช้และนางคงโกรธที่ผมหรอกใช้นางวันก่อน

      “มึงจะทำไงวะนางเป็นผู้หญิงและนี้ไอ้กายมันหน้าตัวเมียให้ผู้หญิงทำให้เลยเหรอว่ะ” ไอ้โจพูด
   
      “มันคงคิดว่าถ้าให้ผู้หญิงทำพวกเราก็ไม่กล้าทำอะไรกลับแน่นอนว่ะ เพราะว่ามันดูไม่ดี้ถ้าพวกเราที่เป็นผู้ชายจะแก้แค้นเธอกลับ” ไอ้โป้งพูดขึ้นบ้าง

      “ถ้าผู้ชายทำอะไรผู้หญิงไม่ได้ก็ให้ผู้หญิงกับผู้หญิงดิวะ” ปันปันพูดขึ้น ผมสะบัดหน้าไปมองปันปัน ทุกคนหันไปมองปันปันกันหมด ว่าความคิดมันดีเลิศมากเลยแต่จะให้ใครวะ ผมก็คิดกันอีก

      “แก้ม!!!!” เสียงเดียวกันหมด งานนี้ต้องพึ่งแก้มแล้วแหละผม พรุ่งนี้แล้วกันค่อยไปคุยกับแก้ม ผมเชื่อว่าแก้มเต็มใจจะช่วยผมแน่ๆคราวนี้เพราะว่าครูเขมเคยช่วยแก้มไว้ ผมเก็บทำความสะอาดทุกอย่างที่บ้านของครูเขม ผมเดินขึ้นมาบนบ้านเห็นครูเขมกำลังทำอาหารอยู่บนบ้านผมรู้ว่าครูเขมสีหน้าไม่ค่อยสบายใจหนัก

      “หมับ” ผมตรงเข้าไปกอดจากด้านหลังครูเขมวางมือจากการหันปลาหมึกวันนี้ครูเขมจะทำปลาหมึกนึ่งมะนาวให้พวกผมทานกัน

      “ฟู่” เสียงพ่นลมหายใจของครูเขมมันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดแทน

      “พี่เขมผมขอโทษนะพี่เขมที่ผมทำให้พี่เขมเดือดร้อนไม่รู้กี่ครั้ง” ผมพูดและซบใบหน้าผมลงที่แผ่นหลังของพี่เขม

      “พี่ยอมรับว่าพี่ท้อแต่พี่รักเรานะคริสพี่รักเรามาก ” ครูเขมพูดพร้อมกับหมุนตัวหันมาหาผม มองหน้าผมแววตาที่บอกได้ว่าหวงใยผมมากแค่ไหนผมก็ยิ่งรู้สึกว่าผมยังดูแลผู้ชายคนนี้ได้ไม่ดีพอ เพราะว่าผมยังเด็กเกินไปใช่ไหม แล้วผมจะตามทันได้เมื่อไหร่กัน

      “ผมรักพี่เขมมากนะพี่เขมแต่ผมดูแลคนที่ผมรักได้ไม่ดีพอ” ผมพูดครูเขมยกมือขึ้นมาใบหน้าของผมไว้

      “พี่ก็รักเรามากไง ดังนั้นพี่ต้องอดทนให้มากขึ้นหลายเท่าตัว” พี่เขมพูดและมองหน้าผม พร้อมกับรอยยิ้มที่เปื้อนบนใบหน้าที่ดูไม่ค่อยสดชื่นเหมือนก่อนที่จะมาเจอกระดาษอะไรพวกนั้น

      “และอีกอย่างนะพี่ไม่ได้อยากได้ฮีโร่มาเป็นแฟนนะ ถ้าอย่างนั้นไปหาซุปเปอร์แมน หรือแบทแมนดีกว่าไหมกู้โลกได้ด้วย” ครูเขมพูดผมเงยหน้ามองครูเขม คุณครูเรามีมุขด้วย

      “พี่อยากให้เราดูแลตัวเองรักตัวเองให้มากกว่านี้ ส่วนพี่นะรักเรามากก็จริงแต่ก็เผื่อไว้รักตัวเองเหมือนกัน” ผมเงยหน้ามองพี่เขม ผมไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่พี่เขมพยายามบอกผม

      “คนเราต้องรักตัวเองก่อนนั้นแหละถึงจะรักและดูแลคนอื่นได้เข้าใจที่พี่พูดไหมคริส” ครูเขมพูด ผมมองหน้าครูเขม

      “พี่อยากให้เราพอและหยุด อย่าไปต่อความยาวสาวควายืดเอากับใครก็ตามที่ทำแบบนั้นกับพี่...ช่างมันเถอะพี่นะยอมรับมันได้แล้วว่าพี่อาจจะต้องเจออะไรคริส” ครูเขมพูด เขาเป็นผู้ใหญ่จริงๆแต่จะยอมให้คนผิดลอยนวลอย่างนั้นนะเหรอ

      “พี่อยากให้เราดูแลตัวเองรักตัวเองไม่ให้ไปมีเรื่องอะไรกับใครแค่นั้นแหละพอแล้วและนั้นก็คือการดูแลพี่เหมือนกัน “ พี่เขมพูด ผมพยักหน้า

      “สัญญากับพี่ซิคริสว่าคริสจะหยุดไม่ไปต่อความเอาเรื่องอีก และคริสก็สอบอีกแค่สามวิชาเราก็จบแล้ว” ครูเขมพูดและมองหน้าผม ผมก็เงยหน้ามองคนตรงหน้า ผมพยักหน้าเบาๆ ผมใช่อุ้มมือแตะแก้มครูเขมเบาๆ พร้อมกับโน้มตัวเพื่อจูบริมฝีปากบางๆนั้น นี้ผมสูงเกินพี่เขมไปนิดหน่อยแล้วเหรอ

      “อืม” ริมฝีปากผมครอบริมฝีปากบางๆนั้นอย่างถนอม

      “ครูเขมครับผมขอใช้ปลั๊ก!” เสียงที่ทำให้ผมกับครูเขมต้องชะงักพร้อมกับคนตรงข้ามก็รีบผลักผมออกทันทีเนื่องจากไอ้อาร์ทมันขึ้นมาขอใช้ปลั๊กไฟต่อลงไปเพื่อจัดปาร์ตี้กันหน้าบ้าน ผมหันไปมองอารมณ์อยากเตะมันมาก

      “ได้ซิเดี๋ยวครูหยิบให้นะ” ครูเขมรีบเดินไปหยิบให้ ผมหันมามองไอ้ตัวมาร ไอ้อาร์ท ผมหันไปทำนิ้วเฉือดคอใส่มัน

      “เฮ้ยกูไม่รู้นี้หว่าว่าจะ อีฟเว่นนิ่งคิสกัน ปกติมีแต่ มอนิ่งคิส” ไอ้อาร์ทมันพูดและชะเง้อคอมองครูเขม

      “กูคิสมันสี่เวลาตื่นมาฉี่กูก็คิส” ผมหันไปตอบมัน และหันมาหยิบพวกผักที่ครูเขมหั่นค้างไว้ออกมาหันต่อ ครูเขมเดินออกมาพร้อมกับปลั๊กไฟสายยาวที่มีอยู่ส่งให้อาร์ท

      “ไม่ขึ้นมากวนแล้วนะ”ไอ้อาร์ทมันตะโกนก่อนจะเดินลงไปผมหยิบข้าวโพดอ่อนปาตามหลังเพราะว่ามันกวนไปแล้ว ไอ้เพื่อนเวร

      “พี่เขมไปอาบน้ำก่อนก็ได้นะครับผมหั่นพวกที่เหลือเอง” ผมบอกครูเขม

      “ก็ดีนะพี่ออกมาจะได้ทำเลยส่วนเราจะได้อาบน้ำต่อ” พี่เขมพูดและยิ้มให้ผม ผมรู้สึกว่าพี่เขมดูเหนื่อยกว่าทุกวัน ผมเองก็อดใจหายไม่ได้เลย

      “หรือว่าอยากอาบน้ำกับผมก็ได้นะพวกนี้มันคงแอบดู” ผมหันมาพูดกับครูเขม

      “ฝันเถอะ” พี่เขมพูด

      “หมายถึงพวกไอ้โป้งเหรอพี่เขม” ผมพูดเหลียวไปมองคนที่กำลังถอดผ้ากันเปลื้อนและเอามาสวมใส่ให้ผมต่อ

      “เรานั้นแหละ” ครูพูดพร้อมหยักคิ้วให้ผมและเขาก็เดินหันหลังออกไปเพื่อไปเขาห้องน้ำอาบน้ำ ส่วนผมก็รีบหั่นทุกอย่างให้เรียบร้อยเพื่อครูเขมออกมาจะได้ทำอาหารทานกัน ผมเคยเป็นคนช่วยแม่ครัวทำตอนที่ไปอยู่กับแม่ผมที่รีสอร์ท

      “ไปอาบน้ำซิคริส” ครูเขมแต่งตัวเรียบร้อยแล้ววันนี้แต่งตัวหน้ารักมากสวมกางเกงขาสั้นประมาณหัวเขาพร้อมกับเสื้อยืดพอดีตัวผมหันมามองผมก็หยิบผ้ากันเปลื้อนผืนใหม่สวมให้ครูเขม ผมได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆโชยมาแตะที่จมูกเบาๆ และผมก็เดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำการอาบน้ำชำระร่างกาย ผมก็รีบแต่งตัวออกไปช่วยครูเขมทันที

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริส)EP.35.1 เซอไพรส์วันเกิดคริสNC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 01-10-2020 11:37:30
EP.35.1 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ เซอไพรส์วันเกิดคริส NC 18+
   
       “เสร็จแล้วแหละคริสลงไปข้างล่างกันเถอะ เพื่อนๆรอกินกันแล้ว บาร์บีคิวนะโจกับปันปันเขาทำเสร็จแล้ว” ครูเขมพูดผมพยักหน้า ผมเดินลงจากบ้านพักพวกอาร์ทโจ้มันก็นั่งล้อมลงรอผมกันหมดแล้วผมเห็นมีผ้าคลุมเหมือนรถเลยอะ รถใครนะอย่าบอกนะว่าโป้งมันถอยรถใหม่อีกคันนะ

   “คริส” ครูเขมเรียกผมและชี้ไปที่มีผ้าคลุม

   “เปิดดูซิว่านี้อะไร” ครูเขมพูด ผมขมวดคิ้ว ครูเขมพยักหน้าอีกทีผมก็เดินเข้าไปเปิดดูมันเป็นรถรุ่นเดียวกับโป้งเลย มินิสตรีทไบค์ที่เบาะสั้นๆ ผมหันมามองหน้าครูเขม

   “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ คราวนี้คงไม่ต้องขี่บิ๊กไบท์แล้วนะ” ครูเขมพูด ผมเดินเข้ามาหาผมกอดครูเขม ครูเขมเอามือลูบหัวผมเบาๆ ตอนนี้ความรู้สึกผม เหมือนกับว่าผมได้ฉลองวันเกิดกับพ่อผมยังไงก็ไม่รู้ หลายปีแล้วที่ผมไม่ได้ฉลองกับพ่อ

   “มันแพงไปไปไหมอะพี่เขม” ผมพูดขณะที่ผมกอดครูเขมอยู่

   “ก็เอาไว้ใช้ด้วยกันไง พี่ว่าซ้อนรถมอเตอร์ไซด์มันดีกว่านั่งรถเก๋งหน่อยและพี่ยังจำวันแรกที่เราพาพี่ไปเที่ยวตลาดได้” ครูเขมพูดผมพยักหน้าว่าผมก็จำได้ไม่มีวันลืม ตั้งแต่มีแฟนมา ผมไม่เคยจำวันแรกที่พบกันได้เลย คือว่ามันมีอะไรพิเศษเหมือนพี่เขม ผมจำได้ทุกวันที่ทำให้ผมมีความสุขด้วยกัน 

   “วิ้วๆ”จากเพื่อนๆของผม ผมเดินกลับมานั่งทานอาหารที่ครูเขมกับบาร์บีคิวที่โจมันทำมาทานกันมันฝีมือใช้ได้ โจมันบอกว่าจำสูตรที่ครูเขมทำวันก่อนที่ไปนอนเต้น

   “อาทิตย์หน้าไปสอบอีกไหมวะคริส” โป้งมันถามผม

   “ไปดิอาทิตย์หน้ากูหยุดจันทร์อังคารเลยวะ เพราะต้องสอบสามวิชาและจะสอบให้เสร็จก่อนวันหยุดยาวที่จะถึง” ผมพูดผมหันไปเหล่มองครูเขม

   “กูกับพี่เขมอยากจะไปเที่ยวบ้านพี่ต้นพี่ชายพี่เขมว่ะ ที่เชียงใหม่ ครูเขมเขาหวังว่าจะไปหาครูมิ้งกับแชมป์ด้วยวะ” ผมบอกไอ้โป้งไป โป้งมันมองหน้าผม

   “ครูเขาไม่ได้ต้องการทำให้คนอื่นยอมรักกูกับพี่เขมนะ แต่ทำเพื่อแม่ครูมิ้งและป้าของแชมป์วะ “ผมพูด พวกผมนั่งดื่มเบียร์กัน ส่วนไอ้อาร์ทมันก็ดื่มแต่พอควรเพราะว่ามันต้องขับรถพาโจกลับบ้าน

   “ครูเขมเขารักมึงมากนะคริส อย่าทำอีกนะมึง เรื่องอะไรให้พวกกรูช่วยบอก แต่อย่าทำอย่างที่มึงทำแบบนี้อีกนะมึง การที่มึงไปกับเชอรี่แบบนั้น ถ้านางกัดไม่ยอมปล่อยมาคนที่เสียใจก็คือครูเขมว่ะ” ไอ้โป้งมันหันมาเตือนผม ผมพยักหน้าว่าผมผิดที่คิดเร็วไป ดันไปใช่เชอรี่เป็นเครื่องมือ

   “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮ้ปปี้เบิร์ดเดย์ทู คริส แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู “ อันนี้เสียงคนร้องเพลงวันเกิดดังออกนั้นคือโจและปันปัน ส่วนไอ้อาร์ทมันถือกล่องถ่ายวิดิโอให้ ส่วนครูเขมก็เป็นคนถือเค้กออกมาให้ผม ผมลุกขึ้นและหันไปมอง มันเป็นเค้กวันเกิด พี่เขมเดินมาตรงหน้าผม เค้กรูปสนามบาสเก็ตบอล เขียนเอาไว้ว่าพี่เขมรักคริส

   “มีความสุขมากๆนะ คิดสิ่งใดก็ขอให้สมดังปรารถนา พี่ขอให้นายใจเย็นลงอีหน่อยนะ ทำอะไรมีสติ พี่รักคริส” พี่เขมพูดให้พรวันเกิดกับผม ผมก็ก้มลงเป่าเค้กวันเกิด และหันไปรับมีดมาตัดเค้ก

   “เค้กนี้แม่ของโป้งเขาทำให้พี่บอกโป้งว่าอยากสั่งทำเค้ก แม้เขาเลยตั้งใจทำให้อย่างที่พี่อยากจะให้เรา” พี่เขมพูด ผมใช้นิ้วปาดน้ำตาซึ้งมากเพราะว่าตั้งแต่ผมไม่ได้อยู่ออสเตรเลีย ผมไม่เคยได้เป่าเค้กวันเกิดเลย อยู่กับเพื่อนไม่ต้องถามว่าได้เป่าเค้กไหม เมารั่วกันตลอด และส่วนใหญ่ไปจบลงที่ม่านรูด และพวกผมก็ตัดเค้กทานกัน เค้กอร่อยมากฝีมือแม่ของโป้ง สักพักพวกอาร์ท โจ โป้งและปันปันก็ขอตัวกลับคงอยากให้ผมใช่เวลาในวันพิเศษกับครูเขม ก่อนจะไปก็ช่วยกันเก็บทำความสะอาดกันก่อน

   “เจอกันพรุ่งนี้นะคริส เจอกันพรุ่งนี้นะครับครู” ไอ้โจมันหันมาบอกผมกับพี่เขมตอนนี้เกือบจะห้าทุ่มแล้วเห็นว่าค่อนข้างดึกแล้วด้วย โป้งกับปันปันก็ช่วยผมเก็บทำความสะอาดเหมือนจะได้รีบส่งตัวเข้าหออะไรอย่างนั้นแหละ ไม่นานก็จัดการกันเรียบร้อย

   “พอแล้วแหละโป้ง ปันปัน ครูขอบใจนะ” ครูเขมบอกโป้งและปันปัน โป้งมันทำเองหมดมันไม่ให้ปันปันทำหรอก

   “ไม่เป็นไรครับครู” ปันปันพูด

   “อย่าลืมที่สัญญากับครูนะปันปันชีวิตเรามีค่าอย่าทำให้ค่าของมันต้องหมดไปกับสิ่งที่ไม่คุ้มค่า” ครูเขมพูด ปันปันก็หันไปมองโป้งพร้อมกับกุมมือโป้งไว้

   “ครับครูผมสัญญา ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีก ผมจะไม่ทิ้งคนข้างๆผมไปแน่นอน” ปันปันพูดและหันไปเหล่มองไอ้โป้ง ผมว่ามันเขินนะทำเป็นหันหน้าหนีและทั้งคู่ก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไป ผมหันมาโอบเอวพี่เขม

   “คืนนี้เราต้องสวมชุดวันเกิดกันนะ”

   “วันเกิดนายคนเดียวอยากแก้ผ้าก็แก้คนเดียวซิ” ครูเขมพูดและรีบหันหลังเดินขึ้นบ้านทันที ผมก็รีบตามขึ้นไปปิดประตูลงกลอนให้เรียบร้อย ผมได้ยินเสียงก๊อกน้ำดังมาจากห้องน้ำ ครูเขมคงล้างหน้าแปรงฟันอยู่ ผมก็รีบตามเข้าไปครูเขมหันมามองหน้าผมแค่นั้น ผมก็ไปยืนแปรงฟันกันใกล้ๆกัน

   “เมื่อไหร่เราจะได้ใช้ชีวิตแบบที่คนรักทั่วไปเขาทำกันสักทีนะ เปิดเผยได้ไปไหนมาไหนก็จูงมือกันได้ทุกทีไม่ต้องกลัวว่าใครจะเอารูปเราไปทำอะไร ไม่ต้องมากลัวว่าจะมีใครทำให้เรามีปัญหาและไม่ต้องกลัวใครจะมาทำให้คนเรารักเจ็บแบบนี้ ” ผมพูดเบาๆ มือก็เกาะอ่างล้างหน้า ครูเขมเก็บแปรงสีฟันเสียบไว้ทีที่เก็บแปรงสีฟัน

   “ผมอยากใช้ชีวิตคู่กับพี่เขมและผมก็ไม่ได้คิดเล่นๆ ผมคิดจริง” ผมพูดครูเขมมองหน้า

   “ผมอยากดูแลพี่เขมในฐานะคนรักเพราะพี่เขมดูแลผมมาเยอะแล้ว” ผมพูด

   “ก็อย่าพยายามไปซ่าที่ไหนแค่นี้พอแล้ว” พี่เขมพูดพร้อมกับเดินแทรกผมออกไป  ผมก็ขมวดคิ้ว งอนอะไรผมอีกเนี๊ยะ

   “เร็วๆนะเกินเที่ยงคืนถือว่าเลยวันเกิดงดฉลองนะ” พี่เขมพูดผมก็รีบแปรงฟันอย่างรวดเร็ว ผมรีบกลับเข้าห้องนอน ไม่ซิต้องล็อกประตูก่อน ผมรีบเดินไปเช๊คประตูล็อกเรียบร้อยแล้วและเช็คหน้าต่างทุกบ้านด้วยล็อกเรียบร้อยแล้วเช่นกัน ผมก็รีบเดินกลับเข้าห้องนอนทันที พี่เขมนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง คนที่นอนอยู่บนเตียงไม่ได้สวมเสื้อผมก็รีบถอดเสื้อกล้ามออก และกระโดนขึ้นเตียง และเริ่มคืบคลานจากปลายเตียงไปหาพี่เขม

   “กระต่ายป่ามาให้หมาป่าจับกินซะดีดี” ผมพูดพี่เขมหัวเราะในลำคอขำมุขจืดๆ ของผม ผมคืบคลานไปจนขึ้นไปค่อมร่างคนที่นอนอยู่

   “ขอบคุณนะครับสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ทำให้ผมแม้กระทั้งวันนี้ ปกติจะไปเมากันที่ผับ พอเมาก็ไม่เคยได้เป่าเค้กหรอกกลับบ้านยังไงยังจำไม่ได้เลย” ผมพูดพี่เขมพยักหน้า

   “ตั้งแต่ผมกลับมาอยู่ไทยกับแม่ วันเกิดผมแทบจะไม่เคยเกิดขึ้นเลย แม่ก็ยุ่งและส่วนใหญ่ผมจะอยู่กับเพื่อนๆมากกว่าไม่ได้เคยได้ฉลองวันเกิดกับแม่”ผมพูดบอกพี่เขม

   “แต่ต่อไปนี้วันเกิดของผมจะมีค่าเพราะว่ามีพี่อยู่ด้วย” ผมพูด ครูเขมมองหน้าผมเขาใช้มือโอบแก้มผมและโน้มผมลงไปจูบเบาๆ

   “สุขสันวันเกิดนะคริส”

   “พรุ่งนี้ไปใส่บาตรที่วัดกันนะ พระท่านเดินบิณบาตรแต่เช้าและจะได้กลับมาเข้าเรียนกัน” ครูเขมพูดผมพยักหน้าเบาๆ

   “พรุ่งนี้ใช่ไหมที่เราจะได้ไฟว์ในมือถือนะ”

   “น่าจะใช้นะพี่ที่ซ้อมมือถือนะเขาบอกพรุ่งนี้ได้” ผมพูด

   “พี่จะได้เอาไปคุยกับผู้อำนวยการพี่เกิ่นๆพูดกับท่านเรื่องปันปันไว้แล้ว ท่านต้องการหลักฐาน”ครูเขมพูดผมพยักหน้าคราวนี้กายมันได้โดนพักการเรียนแน่ๆ ผมยิ้มให้ครูเขมทำตาหวานฉ่ำ

   “เลิกพูดเรื่องเครียดเรามาพูดเรื่องอย่างว่ากันดีกว่า” ผมพูดกับครูเขม

   “นี้ทำเป็นชวนคุยกะจะให้เลยเที่ยงคืนใช่ไหมละ ไม่มีทางหรอก คืนนี้อยากได้รางวัล อยากกินพ่อกระต่ายตัวโตโต “ ผมพูดเสร็จก็ก้มลงจูบอย่างดูดดื่ม และผมก็เปลี่ยนมาค่อมพี่เขมแทนและผมก็ค่อยๆ ไล่พรมจูบไปทั่วไล่ลงไปตามหน้าท้องของพี่เขม พี่เขมก็ปล่อยให้ผมปรนเปรอความสุข พี่เขมแอ่นอกขึ้นลงตามการดูดและขบไปตามตัวพี่เขม ผมเงยหน้ามองพี่เขมและยิ้มให้พี่เขมก็คงเข้าใจ ว่าผมต้องการจะทำอะไร ผมใช่ปากผมงับขอบกางเกงบ๊อกเซอร์พี่เขมและรูดออกช้าๆ จนเผนให้เห็นแกนกายของพี่เขม พี่เขมกระดกหัวขึ้นมามองผมและพยักหน้าเชิญชวนให้จัดการของรักของพี่เขมก่อน

   “อร่อยนะ อร่อยกว่าเค้กอีก” พี่เขมพูด ผมก็เงยหน้ามองจริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นต้องลอง ผมก็จัดการให้พี่เขมจะได้สุขสมไปก่อน พี่เขมว่าเขากำลังเซียวซ่านแค่ไหน ไม่นานพี่เขมก็พ่นน้ำรักออกมาเกือบหมด ผมเงยหน้ามองพี่เขมที่จิกผ้าปูที่นอนเอาไว้ พี่เขมเงยหน้ามองผมอีกที ผมก็หยักคิ้วให้ว่าถึงตาผมแล้วนะ

   “วันนี้ขอdoggieนะพี่เขม” ผมขึ้นมากระซิบบอกพี่เขม พี่เขมมองผมและรู้งานพลิกตัวเองอยู่ในท่าคว่ำ

   “เพี๊ยะ” ผมตีก้นพี่เขม พี่เขมหันหลังมามองผม ทำหน้าเซ็กซี่กัดปากรอผมอยู่ ผมก็รีบนำแกนกายสอดแทรกเข้าในช่องทางรักของพี่เขมทันที เข้าไปอย่างช้าๆ จนกระทั้งสุดและผมก้ค่อยๆขยับเข้าออก จากช้าและไปเร็วขึ้นผมเหลือบมองมือพี่เขมที่จิกผ้าปูที่นอน ผมถอดแกนกายออกและลงไปยืนที่ขอบเตียง พี่เขมก็พลิกตัวนอนหงายและผมก็สอดใส่เข้าไปอีกครั้ง

   “อ้าห์ อืมม โอ้ว” ผมซอยไปร้องครางไปด้วย พี่เขมก็ครางแต่ไม่ดังเพราะว่าหน้าพี่เขมซุกอยู่กับหมอนแบบนั้น

   “ปักๆๆๆๆ” ผมรัวแบบไม่ยั้ง “กึกๆๆๆ”เสียงเตียงก็ดัง

   “คริสเบาๆ หน่อย เดี๋ยวเตียงหัก พี่อายเขา ถ้าต้องขอผู้อำนวยการเปลี่ยนเตียงใหม่” พี่เขมเงยหน้าขึ้นมาบอกผม อ้อกลัวเตียงหักนั้นเอง
   
   "ด้วยเหตุผลที่ว่าเรา เอากันจนหักเหรอพี่เขม อู้ยยย" ผมพูดและโยกไปด้วย

   "นายคิดว่าพี่จะกล้าบอกท่านผอ. หรือไงอายตายเลย" พี่เขมหันมาพูดกับผม
   
   “ผมว่าเราซื้อเตียงใหม่กันดีไหมพี่เขมเป็นของขวัญวันปีใหม่”

   “ถ้าอย่างนั้นก็เบาๆหน่อยมันอีกหลายวันนะกว่าจะปีใหม่นะคริส ซี้ดดด” พี่เขม ผมก็ดันพี่เขมขึ้นไปและผมก็ขึ้นไปค่อมพี่เขมเอาไว้ พร้อมกับซอยยับไม่นานก็เรียบร้อย

   "ปักๆๆๆ" เสียงเนื้ออ่อนกระทบเนื้ออ่อน ดังลั่นสนั่นห้อง ผมและพี่เขมไปถึงฝังฝันพร้อมกัน ของพี่เขมก็ทลักคามือผมที่สาวให้ไปด้วยทำสองหน้าทีไปเลยผม และผมสองคนก็เข้าห้องน้ำเช็ดล้างทำความสะอาดของกันและกันก่อนจะออกมานอนเล่นกันอยู่บนเตียง

   “คริสพี่เก๋โทรมาหาพี่แล้วนะ พี่เก๋เขาบอกพี่ว่า ย่าเรานะ นอนน่า เสียไปสามปีแล้วนะและบ้านที่เพิร์ธก็ขายไปแล้ว พ่อของเธอประกาศขายบ้านหลังนั้น และพี่เขาก็ไปอิเมลมาให้พี่ พี่เพิ่งจะส่งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พี่คิดว่าน่าจะผ่าน “ พี่เขมบอกผม ผมก็มองพี่เขม

   “ผมเริ่มไม่อยากไปอยู่กับพ่อแล้วนะพี่เขม ผมเป็นหวงพี่ ผมอยากอยู่กับพี่เขม พี่รู้ไหมตอนที่ผมไม่ได้อยู่กับพี่เขมแค่ห้าวันผมยังแทบบ้า ผมเสียใจผมร้องไห้ และถ้าผมไปอยู่นานๆและไกลแบบนั้นผมจะทำยังไงอะพี่เขม” ผมพูดและมองหน้าพี่เขม พี่เขมมองผม

   “คริส บางที่ความรักก็ต้องการช่องว่างคนสองคน เพื่อให้ความรักได้เติบโต “ พี่เขมพูด ผมองหน้าพี่เขม

   “พี่เชื่อว่าถ้าเรามั่นคงความห่างไกลก็ไม่ใช่อุปสรรค์ ยิ่งตอนนี้ การสื่อสารมากมายหลายช่องทาง เราใช้มันได้นิคริส” พี่เขมพูดและโอบใบหน้าของผมไว้

   “คิดถึงอนาคตเข้าไว้คริส ส่วนพี่ก็จะตั้งหน้ารอนาย รอเห็นที่นายทำสำเร็จ พี่จะเป็นคนที่ภูมิใจในตัวนายที่สุด “ พี่เขมพูด ผมก็กอดพี่เขม

   “พี่รอผมนะ พี่รอวันที่ผมจะดูแลพี่เขมนะ “ ผมพูด

   “พี่จะรอ นานแค่ไหนพี่ก็รอ” พี่เขมพูด ผมสองคนก็กอดกันจูบกัน เรากอดกันนานแค่ไหนไม่รู้แต่มันก็นานมากจนเราสองคนผลอยหลับไปพร้อมๆกัน ผมได้แต่คิดว่าพรุ่งนี้ทุกอย่างมันจะจบลงสักที หลังจากที่ผมได้ไฟว์รูปมาเอาผิดนายกายให้ได้ ผมจะไม่ปล่อยให้มันลอยนวลเด็ดขาดเพราะว่ามันอาจจะหันมาทำร้ายพี่เขมของผมถ้าผมต้องไปอยู่ต่างประเทศกับพ่อผมจริงๆ เพื่ออนาคตของผมกับพี่เขม 
-------------------------------------------
อย่าเพิ่งนอยด์กันนะ คนทำไม่ดีกำลังจะชดใช้ ตอนหน้าใครจะเอาคืนเชอรี่นะ มาดูกัน พระเอกแอนด์นายเอกเรื่องนี้ ไม่ชอบกำจัดคู่อริแบบให้สิ้นซากซะด้วย ครูเขมเป็นคนใจบุญนิดนึงนะ ฝากไว้เป็นกำลังใจให้คนแต่งหน่อยนะคะ

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.41 ครูเขมชาติผมยินดีที่จะลาออก
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 01-10-2020 11:54:11
EP.41 ครูเขมชาติ Xคริสโตเฟอร์ ผมยินดีที่จะลาออกจากการเป็นครูหากกายไม่ใช่คนผิด
   
                 ครูเขมชาติ   เมื่อวานวันเกิดคริสโตเฟอร์ และเป็นวันสอบGED วิชาแรกของเขาด้วย ผมก็เลยลาหยุดพาคริสไปหนึ่งวัน และได้ฉลองวันเกิดกันหลังจากนั้นแต่ว่าเมื่อวานตอนที่พวกผมเดินทางกลับมาถึงก็มีกระดาษแปะติดไว้เต็มฝาบ้านผมไปหมด แน่นอนมันเป็นคำด่า ที่ต่อว่าผมว่าผมเป็นตุ๊ด เป็นเกย์ เป็นถอยคำที่ผมอ่านแล้วบันทอนจิตใจผมจริงๆผมยอมรับ แต่ผมจะไม่เสียใจที่สุดถ้าคำด่าเหล่านั้น  ถ้ามันไม่ได้ออกมาจากคนที่เป็นลูกศิษย์ของผมเอง ผมรู้ว่านายกายแน่ๆ ที่ให้เชอรี่แฟนเก่าของคริสทำแบบนี้ ถึงผมจะไม่ได้สอนนายกายก็ตาม แต่มันก็ทำให้ครูอย่างผมเริ่มหมดกำลังใจ บางทีผมก็แอบคิดนะว่า ผมไม่ควรจะเป็นครูหรือเปล่าเพราะว่าผมเป็นเกย์แบบนี้

   ตื่นมาตอนเช้าผมก็ชวนคริสไปใส่บาตรที่ด้านหน้าวัดที่อยู่ใกล้โรงเรียนที่สุด และหลังจากนั้นผมก็ต้องพาอนุชิตไปศาลากลางเพื่อเข้ารับการสัมภาษณ์เกี่ยวกับทุนเด็กเรียนดีแต่ยากไร้อีกครั้งโดยคณะกรรมการจัดหาทุนน่าจะเป็นรอบสุดท้ายแล้ว ก่อนที่เขาจะตัดสิน ผมหวังว่าเขาจะรับการเห็นใจจากคณะกรรมการและเล็งเห็นว่าเขาเป็นเด็กตั้งใจเรียนเพราะว่าผมก็ทำเอกสารอย่างสุดความสามารถ

   “เด็กชายอนุชิต จิตเสงี่ยม “ เจ้าหน้าเดินมาเรียกผมก็พยักหน้าให้เขาเดินเข้าไป

   “โชคดีนะอนุชิต” ผมบอกเขา ผมได้แต่นั่งรออยู่หน้าห้องบรรดาครูท่านอื่นๆที่พาเด็กมารอรับการสัมภาษณ์ก็หันมามองผมยิ้มๆให้ ผมนั่งรอได้สักพักอนุชิตก็เดินออกมาจากห้อง เขารับการสัมภาษณ์แค่สิบกว่านาที

   “ทำไมเร็วจัง” ผมถามอนุชิต เขาก็ส่ายหัวว่าไม่ทราบ

   “ครูเขมชาติใช่ไหมคะ.....คณะกรรมการเชิญด้านในค่ะส่วนเด็กให้รอด้านนอกก่อนนะค่ะ” เจ้าหน้าคนที่เรียกอนุชิตเข้าไปบอกผม ผมก็เดินตามเขาเข้าไปทันที คณะกรรมการสัมภาษณ์สามคนกำลังคุยกัน พอผมเดินเข้าไปถึงเขาก็หันมามองหน้าผมพร้อมกัน

   “คุณครูที่ดูแลเด็กชายอนุชิตใช่ไหมครับเรื่องการขอรับทุนนะครับ” หนึ่งในคณะกรรมการถามผม

   “ใช่ครับ ผมทำหน้าที่ครูผู้ดูแลตรงนี้ครับ”ผมตอบ

   “ครูเพิ่งจะมาบรรจุเองไฟแรงนะครับแต่ ...ทางเราได้คุยกันแล้วเด็กชายอนุชิตมีฐานะยากจนจริง พ่อเขาติดคุกเนื่องจากรับซื้อของโจรและยาเสพติดไว้ในครอบครอง ทางเราจึงไม่สามารถอนุมัติทุนให้เด็กคนนี้ได้จริงๆ “

   “ขอประทานโทษนะครับท่าน ผมคิดไว้อยู่แล้วแต่เด็กกับพ่อเด็กคนละคนกันนะครับและเขาก็เป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนขยันตามที่ผมได้รายงานเกี่ยวกับตัวเด็กว่าแต่ละวันเขาทำอะไรบ้างและที่สำคัญเขาอยู่กับย่าที่อายุเยอะแล้วทำงานไม่ไหวแล้ว”ผมบอกกับคณะกรรมการทั้งสามคนหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าหนักใจ

   “ผมแค่อยากให้เขาได้โอกาสดีดีทางการศึกษานะครับ” ผมพูด

   “พวกผมเข้าใจแต่ทุนนี้ผมต้องการให้เด็กที่เขาเรียนดีมีโอกาสจะได้ศึกษาแต่ดูแล้วนายอนุชิตอาจจะไม่ได้เรียนจนจบ ย่าเขาก็อายุเยอะประกอบอาชีพไม่ได้แถมพ่อเขาก็กำลังจะพ้นโทษออกมาซึ้งทางเราให้ไม่ได้จริงๆครับครู”

   “ทางเรากลัวเด็กจะนำทุนนี้ไปทำอย่างอื่น อาจจะไม่ใช่เด็กอาจจะเป็นพ่อของเด็ก”

   “ผมขอโทษจริงๆนะครับครู “ ผมได้แต่ยืนฟังการตัดสินที่ไม่เป็นธรรมแค่เพราะว่าพ่อของเขาติดคุกและโอกาสที่เขาจะได้เรียนต่อมันน้อยก็เลยยิ่งน้อยลงไปใหญ่และผมคงคัดค้านอะไรไม่ได้ ผมจำใจพยักหน้ายอมรับการตัดสินของคณะกรรมการผมเดินออกมาจากห้องที่เข้าไปคุย อนุชิตนั่งคุยกับเพื่อนโรงเรียนอื่นที่มารอรับทุนอย่างมิตรไมตรี

   “อนุชิตเรากลับกันเถอะ” ผมเดินออกมาเขาก็มองผมตาแป้ว แววตาใส่ซื่อคู่นั้น

   “เรากลับแล้วนะ” อนุชิตหันไปบอกเพื่อนใหม่สองคนที่นั่งคุยข้างๆ

   “เจอกันวันรับทุนนะ” เพื่อนใหม่ของอนุชิตพูดเขาก็พยักหน้า ผมได้แต่มองเขาทำไมโอกาสมันช่างแคบเกินไป ผมกับอนุชิตเดินลงมาชั้นล่าง

   “หิวไหมอยากกินอะไรไหมครูซื้อให้” ผมถามอนุชิต

   “ไม่ดีกว่าครับไปทานที่โรงเรียนดีกว่าครับครูถูกและอร่อยด้วยครับที่นี้แพงครับครู” อนุชิตบอกผมมันก็ทำให้ผมอมยิ้มให้เขาไม่ได้ และผมก็พยักหน้าระหว่างที่เดินไปที่รถของผม

   “ครูเขาไม่ให้ทุนผมใช่ไหมครับ” อนุชิตถามผม

   “เออ....” ผมได้แต่ยืนอ้ำอึ้ง มองใบหน้าของอนุชิต ผมจับไหล่อนุชิต

   “เพราะว่าพ่อผมติดคุกใช่ไหมครับ เขามองว่าผม..”

   “ครูคิดว่าอันที่จรงมันก็ไม่เกี่ยวกันนะ พ่อก็ส่วนพ่อ ส่วนเธอก็ส่วนของเธอ เธอนะเป็นคนดี เป็นเด็กขยัน เรียนดีแต่ ครูเชื่อว่าโอกาสดีดีอื่นจะเข้ามาอีกทุนนี้ไม่ได้ไว้มีทุนอื่นครูจะขอให้เธออีกขอแค่เธอตั้งมั่นทำความดี “ ผมบอกอนุชิต เขาเงยหน้ามองผม

   “ครับครูผมจะเป็นคนดี ครูเคยบอกผมว่าเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เราเลือกที่จะเป็นคนดีได้ผมเลือกจะเป็นคนดีครับครู”อนุชิตพูด

   “ผมจะขยันไปช่วยป้าใจล้างชามบ่อยๆ “ อนุชิตพูดผมพยักหน้า

   “ครูคนหนึ่งละที่จะช่วยเธออนุชิต” ผมพูดบอกเขา และอนุชิตก็ส่งยิ้มมาให้ผมแม้รอยยิ้มนี้วันนี้จะดูไม่สดใสก็ตาม เพราะว่าเขาคงผิดหวังเรื่องทุนเหมือนเช่นผมตอนนี้ 

   “ต้องมีสักวันที่ผมจะได้ตอบแทนครูครับ “ อนุชิตพูดและมองหน้าผม สายตาของเขาตั้งมั่นมาก ผมนี้ต้องอมยิ้มให้กับเด็กคนนี้และผมเชื่อว่าเขาคนนี้จะเป็นคนที่กตัญญูรู้คุณคนในอนาคต

   “ตั้งใจเรียนแค่นี้ที่เธอตอบแทนครูได้แล้วอนุชิต และอีกอย่างดูแลย่าเธอให้ดีดีเขารักเธอมากนะ” ผมพูดและก็พากันเข้าไปนั่งในรถ ผมขับรถกลับโรงเรียนผมรู้ว่าเขาคงเสียใจอยู่ไม่น้อยเวลาไม่นานก็มาถึงโรงเรียนอนุชิตขอตัวไปหาเพื่อนๆ ของเขาทันที ผมก็เดินกลับขึ้นห้องพักครูเพื่อเตรียมทำการสอนวิชาก่อนเที่ยง ผมรู้สึกผิดหวังที่ช่วยอนุชิตเขาไม่ได้ ดูเหมือนเงินจะไม่เยอะสำหรับใครบางคนแต่สำหรับอนุชิตอาจจะต่อยอดการเรียนของเขาไปได้

   “ครูเขมคะ” เสียงเล็กๆเรียกชื่อผม ครูลินดานั้นเอง ผมหันไปมองเธอคงมาหาครูถาวรเหมือนปกติในเวลาพัก ผมฝืนยิ้มให้

   “ครูเขมเป็นอะไรไปคะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ สีหน้าไม่ดีเลยค่ะ “ ครูลินดาถามผม

   “คือเรื่องทุนนายอนุชิตนะครับ ทางกรรมการไม่อนุมัติให้ทุนเขาเพราะว่าเขากลัวว่าพ่อนายอนุชิตจะนำเงินไปทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการศึกษานะครับ” ผมบอกครูลินดา เธอก็เลยพลอยทำสีหน้ากังวลไปด้วย

   “โธ่! น่าสงสารอนุชิตนะคะลินดาก็เห็นว่าเขาตั้งใจเรียนมากและลินดานะไปทำบุญที่วัดกับคุณแม่ประจำเห็นเขาไปกวาดลานวัดบ่อยๆเขาบอกว่าหลวงตาที่วัดนะเป็นพี่ชายของย่าเขานะคะ ..เด็กเรียนดีและตั้งใจแต่ดันมาสะดุดเพราะว่าพ่อของเขามีประวัติไม่ดี” ครูลินดาพูดผมพยักหน้าเบาๆ

   “เอาเถอะคะ ทุนนี้อาจจะเคร่งเกินไปยังมีอีกหลายทุน ลินดาเชื่อว่าครูเขมทำได้ค่ะ” ลินดาพูด

   “ครูเขมคะ ผู้อำนวยการบอกว่าถ้าครูเขมมาถึงแล้วให้ไปหาด่วนและพานายปันปันไปด้วยค่ะ” ครูสมพิศเดินมาบอกผม ผมพยักหน้า ผมรีบเดินเข้าไปตามหานายปันปันที่ห้องเรียนของเขาทันที ผู้อำนวยการคงจะถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับปันปันแน่เลย แต่ว่าหลักฐานยังไม่พร้อมนะซิ

My Love : คริสได้ไฟว์รูปกี่โมงผู้อำนวยการเรียกพี่ไปพบพร้อมปันปันด้วยตอนนี้พี่จะได้บอกผู้อำนวยการ
ผมส่งข้อความหาคริสโตเฟอร์
KissKhem:พี่เขมพี่เขาบอกว่าเย็นๆอะหลังจากเลิกซ้อมผมจะออกไปหาพี่เขา

MY love : โอเค ถ้าอย่างนั้นแค่นี้นะคริส

           ผมรีบเดินไปยังชั้นเรียนที่มีนักเรียนมัธยมชั้นปีที่ห้าและหก ผมเดินมาถึงหน้าห้องเรียนของโป้งและปันปัน เป็นจังหวะที่ ครูสมชายกำลังสอนภาษาอังกฤษอยู่พอดี เขาก็หันมามองผมก่อนจะหยุดทำการสอนและออกมาคุยกับผม

   “สวัสดีครับครูเขม”

   “ขออนุญาตนะครับครูสมชาย  ผู้อำนวยการให้ผมเข้าไปพบนะครับและนายปันปันด้วยครับครู” ผมบอกครูสมชาย ครูสมชายพยักหน้าพร้อมกับเดินกลับเข้าไปเรียกนายปันปันออกมาหาผม เขาก็ออกมาพร้อมกันกับโป้ง ผมมองสีหน้าโป้ง  แต่วันก่อนผมก็บังเอิญเข้าไปเจอพ่อนายกายและผมก็กลัวว่าครั้งนี้ผมจะเข้าไปเจออีก ผมกลัวนายโป้งนี้แหละที่จะบรรดารโทสะใส่พ่อนายกายแทนผมสองคน 
 
   “โป้ง ผู้อำนวยการเรียกแค่ครูกับปันปันนะ” ผมบอกโป้ง

   “แต่ว่า” โป้งทำท่าจะค้านเขาจะขอเข้าไปด้วยแน่ๆ 

   “โป้ง ปันปันเข้าไปกับพี่นะ โป้งไว้ใจพี่ใช่ไหม “ ผมถามโป้งในฐานะพี่ชายของพวกเขา โป้งพยักหน้าเบาๆและหันไปมองปันปัน

   “โป้ง....เรียนเถอะปันปันไปแป๊ปเดียวเองนะโป้ง และปันปันไว้ใจครูเขม ” ปันปันหันไปบอกโป้งเขาถึงได้หันหลังกลับเข้าห้องเรียนไป ผมก็พยักหน้าของคุณครูสมชาย เขาก็หันกลับเข้าไปสอนตามเดิม ครูสมชายแกดีตรงที่แกธรรมธรรมโม ไม่ค่อยจุกจิกเรื่องของใคร ผมเดินลงไปห้องผู้อำนวยการพร้อมปันปัน

   “ครูแล้วหลักฐานจากไอ้คริสละครู”

   “คริสเขาบอกครูว่าเย็นนี้ได้แน่นอน” ผมพูดระหว่างที่ผมกำลังเดินผ่านกลุ่มของกายที่ยืนจับกลุ่มคุยกัน มีอั๋นและเพื่อนคนอื่นอีกแต่ไม่มีเอกรินทร์ นายกายมองหน้าผมและปันปัน และเขาก็ยืนขวางทางเดินอยู่ด้วย

   “หลีกทางให้ครูและปันปันหน่อยนะกาย เราสองคนจะไปพบผู้อำนวยการ” ผมพูดกับนายกาย เขาก็มองผมพร้อมแสยะยิ้มก่อนะจะเปิดทางให้ผมกับนายปันปันเดินผ่านเขาไป

   “ครูตั้งใจมากเลยนะครับที่จะทำให้ผมออกจากโรงเรียนให้ได้” นายกายพูด ผมหันมามองหน้านายกาย

   “ไม่มีครูคนไหนอยากทำให้เด็กออกจากการศึกษาหรอกนะกาย....แต่ครูมีหน้าที่หยุดพฤติกรรมที่ไม่ดีของเด็กนักเรียนเพื่ออนาคตต่อไปข้างหน้า” ผมหันมาตอบนายกาย

   “นายยังพอมีเวลาที่จะหยุดมันนะ” ผมพูดทิ้งกายก่อนจะดันนายปันปันเดินออกไป

   “ครูไม่มีทางเพราะว่าผมมีดีกว่านั้นอีก”นายกายตะโกนไล่ตามหลังผมสองคน ผมเดินมาจนถึงหน้าห้องทำงานของผู้อำนวยการ

   “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูห้อง

   “เชิญครับ” เสียงผู้อำนวยการผมก็เปิดประตูเข้าไป ผมก็พบว่าพ่อนายกายมานั่งอยู่ในห้องทำงานผู้อำนวยการ ปันปันทำหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเดินเลี่ยงมาอยู่ด้านข้างของผม ผมยกมือไหว้แขกของผู้อำนวยการเขาก็ยกมือรับไหว้ผม

   “คนนี้คือครูเขมชาติหรือเปล่าครับท่าน” เขารู้จักชื่อของผม

   “ใช่ครับผมชื่อครูเขมชาติครับ” ผมตอบแทนผู้อำนวยการเขาก็มองหน้าผม

   “ปันปัน....เข้ามาซิไหนบอกมาซิว่าเราจำหน้าคนที่ทำร้ายเราได้ไหม ใช่นายกายหรือเปล่า” ผู้อำนวยการถามปันปัน ผมหันไปมองหน้าปันปัน

   “ไม่ใช่นายกายครับ” ปันปันพูดด้วยสีหน้าที่นิ่ง

   “เห็นไหมครับ ผมบอกแล้วว่าลูกชายผมไม่ได้ทำแล้วครูมาใส่ความลูกชายผมทำไม” พ่อนายกายรีบพูดแย้งและหันมามองหน้าผมทันที

   “แต่ผมมีเรื่องกับพี่กายเท่านั้นครับ ไม่ซิเพื่อนๆผมครับที่มีเรื่องผมเลยโดนหางเล่ไปด้วย ผมคิดว่านายกายอยู่เบื่องหลังครับ” ปันปันพูด พ่อนายกายหันมามองหน้าปันปัน

   “ครับนายกายเป็นคนอยู่เบื่องหลังเรื่องทั้งนี้หมดหลักฐานนะอยู่ในมือถือนายคริสโตเฟอร์เขาไปบันทึกตอนที่นายกายพาพวกที่ทำร้ายปันปันไปคุยในผับแห่งหนึ่งเพื่อจ่ายเงินค่าจ้าง” ผมพูดพ่อนายกายลุกขึ้นจากเก้าอี้ขึ้นทันที

   “ครูคงไม่ใช่ความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสินลูกผมหรอกนะครับ ผมได้ยินมาว่าครูไม่พอใจที่ลูกชายผมไปมีเรื่องกับนายคริสโตเฟอร์ ซึ้งมีความสัมพันธ์พิเศษลึกซึ้งเกินกว่าครูกับนักเรียนหรอกนะครับ” พ่อนายกายพูด

   “ผมแยกแยะได้ครับท่านว่าระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องส่วนรวมและผมก็แยกแยะได้สิ่งไหนผิดสิ่งไหนถูกต่อให้เป็นคนในครอบครัวผมเองก็ตามถ้าผิดก็ว่าไปตามผิด” ผมพูด คนที่ยืนตรงหน้าผมก็พยักหน้า ท่าทีเขากับนายกายไม่ได้ต่างกันเลยจริงๆ

   “เอาเป็นว่าต้องรอหลักฐานก่อนใช่ไหมครับครู” ผู้อำนวยการพูดขึ้น

   “แล้วเรื่องลูกชายคนเล็กผมละครับต้องรอให้พิสูจน์ก่อนใช่ไหมครูถึงจะยอมให้ตาเกมส์เข้าเรียนที่นี้ได้” พ่อนายกายมาด้วยเรื่องลูกชายคนเล็กหาที่เรียนนี้เอง

   “เช่นกันครับท่าน ผมขอเก็บคำร้องนี้ไว้ก่อนแล้วกันนะครับท่านรองฯ” ผู้อำนวยการพูด ดูสีหน้าพ่อของนายกายจะไม่พอใจกับสิ่งที่ได้ฟังหนักเขาหันมามองผม

   “ครูรู้ไหมครับการกล่าวหาแบบนี้มันทำให้ลูกผมมีมลทินและถ้าลูกผมไม่ได้ทำความผิดจริงครูจะรับผิดชอบมันยังไง” พ่อนายกายหันมาถามผม

   “ผมยินดีจะลาออกจากการเป็นครู “ ผมพูดต่อหน้าผู้อำนวยการ นายปันปันก็ดึงแขนผมหงึกๆเลยด้วยความตกใจ ที่ผมพูดแบบนั้นออกไป

   “ดีจำคำครูไว้” พ่อนายกายพูด

   “และถ้าลูกท่านผิดจริงละครับ ลูกท่านนะทำให้คนคนหนึ่งต้องมีมลทินทั้งทางกายและทางจิตใจ เรียกได้ว่าบอบช้ำทั้งกายและใจก็ว่าได้” ผมพูดพ่อของนายกายก็เบนสายตาไปมองปันปันทีก้มหน้าลง

   “แล้วท่านจะให้ลูกท่านทำยังไงครับท่าน” ผมถามท่านกลับ

   “ถ้าเป็นแบบนี้นผมก็จะให้ลูกผมลาออกหรือว่ายังไม่พออยากได้อะไรเงินเหรอเท่าไหร่แสน สองแสน หรือว่าล้านละ”พ่อของนายกายพูดผมรู้ว่าปันปันโกรธจนต้องบีบมือตัวเอง

   “เงินนะไม่ได้ซื้อได้ทุกอย่างนะครับ ถ้ามันซื้อได้จริงมันคงซื้อเวลาให้ย้อนกับไปแก้ไขอะไรต่างๆได้แต่ในความเป็นจริงเงินนั้นมีค่าแค่กินใช้ไปวันวัน สภาพจิตที่บอบช้ำเงินจำนวนมากมายแค่ไหนก็เยียวยาไม่ได้ครับ” ผมพูดต่อหน้าพ่อของนายกาย

   “พ่อแม่ของนายปันปันเขาก็เสียใจที่ลูกชายเขาต้องมาถูกทำร้ายทางกายและทางใจหัวอกคนเป็นพ่ออย่างคุณน่าจะเข้าใจตอนนี้คุณยังเดือดเพราะว่ามีคนว่าลูกคุณไม่ดีเลยนะครับ” ผมพูด

   “ครี้ด” เสียงเก้ออี้ถูกเลื่อนขึ้น พ่อนายกายลุกพล้วดขึ้นทันที เขาหันมามองหน้าผมเหมือนจะเข้ามาเอาเรื่อง

   “การเป็นพ่อคนนะมันง่ายแต่จะเป็นพ่อที่ดีนะมันยาก ครูคงไม่เคยเข้าใจและดูท่าครูก็คงไม่มีวันเข้าใจหรอกครู เพราะครูเองก็คงจะไม่มีโอกาสได้ทำหน้าที่นั้นหรอกผมว่านะ” พ่อของนายกายพูด

   “ไม่จริงๆ!  พวกผมเคารพครูรักครู เหมือนพ่อแม่แท้ๆพวกผม และครูก็ทำหน้าที่ เป็นได้ทั้งพี่ชาย เป็นทั้งเพื่อน และพ่อ ที่ดีกว่าพ่อแท้ๆบางคนซะอีก”นายปันปันลุกพล้วดขึ้นแช่นกันผมก็รีบลุกและดันนายปันปันไว้ผมกลัวว่ะเขาจะเข้าไปทำอะไรพ่อของนายกายเช่นกัน

   “และสิ่งที่ครูทำได้ดีมากคือหน้าที่ครูผู้พร้ำสอนให้พวกผมเป็นคนดี ไม่เหมือนคุณ ถ้าคุณเองเป็นพ่อที่ดีจริง คุณคงสอนให้ไม่ให้ลูกคุณมาทำร้ายคนอื่นเขาแบบนี้หรอก “ นายปันปันพูดทั้งน้ำตา ผมก็ดันปันปันออก เรียกว่ากอดเลยก็ว่าได้ให้เขาเย็นลง

   “ปันปัน ไม่เอา ปัน” ผมพูดกระซิบให้เขาเย็นลง ท่านผู้อำนวยการยืนขึ้นและมองผมกับปันปัน ผมคิดว่าท่านก็หนักใจกับเรื่องนี้

   “เอาละ...เอาไว้เราได้ควาจริงที่ชัดเจนผมจะโทรตามท่านรองมานะครับ ” ผู้อำนวยการเลยตัดสินใจพูดเพื่อยุติระหว่างผม ปันปันและพ่อของนายกาย พ่อของนายกายรีบเดินก้าวเท้าออกจากห้องทำงานผู้อำนวยการทันทีด้วยความไม่พอใจ ผมหันมามองหน้าปันปัน ว่าเขาโอเคหรือยัง ปันปันพยักหน้ากับผม ผมส่งผ้าเช็ดหน้าให้เพื่อให้เขาซับน้ำตา

   “ผมขอโทษครับครู “ ปันปันยกมือไหว้ขอโทษผมที่เขาแสดงอาการโมโหพ่อของนายกายออกไปแบบนั้น ผมตบไหล่เขาเบาๆ ว่ามันโอเค ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะโกรธแต่แค่ต้องคอยควบคุมมันให้ดีเท่านั้นเอง

   “เอาละเชิญนั่งก่อนเถอะครับครู ปันปันด้วย ครูขอคุยต่อสักนิดหนึ่งนะ  “ ผู้อำนวยการผายมือให้ผมกับปันปันนั่งลงก่อน ท่านคงมีเรื่องจะพูดกัยผมสองคนต่อ

   “เป็นไงปันปันดีขึ้นบ้างไหมเรานะ เห็นเราเงียบๆแบบนี้ทำไมคิดสั้นแบบนั้นละ.. ไม่เอานะที่หลังอย่าทำนึกถึงพ่อแม่เข้าไว้รู้ไหมกว่าเราจะโตมาได้ขนาดนี้ตั้งแต่เท้าเท่าฝาหอยบุญคุณพ่อแม่นี้สำคัญกว่าสิ่งอื่นใดนะ” ผู้อำนวยการถามปันปันพร้อมกับสอนปันปันเขาก็พยักหน้าเบาๆ

   “ผมสัญญากับครูเขมแล้วครับผอ.ว่าผมจะไม่ทำแบบนั้นอีก” ปันปันพูดเขาหันมามองหน้าผม

   “ถ้าอย่างนั้นผมรอหลักฐานที่จะได้มาก่อนนะครับครูและถ้าหลักฐานเราแน่นพอผมจะไม่ยอมปล่อยให้คนไม่ดีลอยนวลแน่นอน” ผู้อำนวยการพูด ผมยกมือในความเที่ยงตรงของท่านจริงๆ

   “ถ้าอย่างนั้นไปพักทานอาหารกันเถอะครับครูเขม และปันปัน ” ผู้อำนวยบอกผมกับปันปันเพราะว่าตอนนี้เที่ยงพอดีเลย

   “ปันปัน ก็อย่าไปคิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะว่ามีหลายคนที่เป็นห่วงเรานะ ทั้งคนรักเราและคุณครูเขมอีกคน จะทำอะไรคิดเยอะๆนะรู้ไหม “ ผู้อำนวยการพูด ปันปันยกมือไหว้ท่านผอ ก่อนจะพากันหันหลังเดินออก

   “อ้อครูเขมผมเสียใจด้วยนะครับทางจังหวัดโทรมาแจ้งกับผมแล้วเรื่องการขอทุนของอนุชิต” ผู้อำนวยการพูดก่อนจะที่ผมจะออกจากห้องท่าน

   “ไม่เป็นไรครับผมเชื่อว่าต้องมีสักทุนที่เขาจะได้ ผมจะยื่นให้เขาใหม่ ผมจะไม่ท้อเหมือนกันครับ” ผมบอกผู้อำนวยการท่านยกนิ้งโป้งให้ผมและผมเดินออกมาด้านนอกห้อง

   “เห็นไหมปันปัน ยังมีคนที่แย่กว่าเราอีกเขายังไม่ยอมแพ้เลยปันปัน เรานะโชคดีกว่าอนุชิตจงตั้งใจเรียนต่อให้วันนี้พ่อเธอจะยังไม่ยอมรับต้องมีสักวันที่เขาจะยอมรับได้อย่างภาคภูมิใจปันปัน “ ผมพูดบอกปันปัน เขายกมือไหว้ผม

   “ผมไปทานข้าวกับเพื่อนนะครับว่าแต่ครูจะลงไปเลยไหมครับ” ปันปันหันมาถามผม

   “เดี๋ยวครูกลับไปห้องพักก่อนนะปันปัน และครุฝากบอกคริสโตเฟอร์ว่าเจอกันที่ห้องสมุดเลย วันนี้ครูลินดาเขาเอาอาหารใต้มาเพื่อและครูว่าจะอยู่ทานกับเพื่อนๆครูบ้าง อีกอย่างครูก็อยากให้คริสใช้เวลากับเพื่อนๆให้มากที่สุดนะ ” ผมบอกปันปันเขาก็เดินแยกออกไปทันที ผมเดินกลับมาที่ห้องพักครู วันนี้รู้สึกใจไม่ค่อยดีเลยกลัวจริงๆกลัวนายกายจะทำอะไรขึ้นมาอีกดูท่าพ่อเขาจะโกรธมาด้วยเรื่องที่ลูกคนเล็กอาจจะไม่ได้เรียนโรงเรียนนี้และผมเองก็ไม่ทราบว่าลูกคนเล็กนายชายนายกายนิสัยเหมือนกันไหมด้วยถ้าไม่เหมือนก็น่าเห็นใจมาพลอยติดร่างแหไปเพราะพี่ชายนั้นเอง
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.41 .1ครูเขมชาติ Xคริสโตเฟอร์ ข่าวดี
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 01-10-2020 11:58:00
EP.41 .1ครูเขมชาติ Xคริสโตเฟอร์ ข่าวดี   
     Rrrrrr มือถือผมดังขึ้นพร้อมกับเบอร์ไม่คุ้นเคยมีรหัสนำหน้าด้วย +61 นี้มันสายตรงมาจากออสเตรเลีย ผมรีบกดรับอาจจะเป็นผู้หญิงไทยคนนั้นก็ได้

   “สวัสดีครับ” ผมทักทายคนปลายสาย

   “สวัสดีครับ นี้ผมคือเดนนิสนะครับ ใช่คุณครูเขม-ชา-ติ หรือเปล่าครับ” ผมต้องยืนอึ่งไปหลายนาที นี้พ่อของคริสเขาโทรกลับมาหาผม 

   “ใช่ครับแต่ชื่อผมชื่อเขมชาติครับ” ผมตอบกลับอย่างเร็ว แม้จะอดขำไม่ได้ที่เขาเรียกชื่อผมเพี้ยนไปนิดๆ

   “ขอโทษจริงๆนะครับ ผมเรียกชื่อไม่ค่อยถูก”

   “ไม่เป็นไรครับเรียกผมว่าเขมก็พอครับ คุณเดนนิสสบายดีนะครับ”

   “สบายดีครับขอบคุณ... คุณเขมละครับ”

   “สบายดีเช่นกันครับ ขอบคุณ”

   “ผมขอเข้าเรื่องเลยนะครับ ผมได้รับอิเมลจากคุณเกี่ยวกับลูกชายของผม ที่ชื่อคริสโตเฟอร์ เอนโทนี่ ริซโซ ลูกชายของผมกับแม่ของเขาที่เป็นคนไทย ซึ้งผมได้ขาดการติดต่อกับแม่ของเขาไปนานมากตั้งแต่เขาอายุได้เก้าขวบและแม่ของเขาก็พาไปอยู่ที่ไทย ผมเที่ยวตามหาเขาติดต่อสถานทูตที่ไทยก็แล้วแต่ว่าเรื่องมันเงียบ ผมคิวด่าผมจะเสียเขาไปตลอดกาลซะแล้ว” พ่อของคริสโตเฟอร์พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

   "แต่วันนี้ คุณพยายามติดต่อผม ว่าลูกชายผมเขาก็อยากเจอผม จริงใชไหมครับ “ พ่อของคริสโตเฟอร์ถามผม ผมเดาได้ว่าเขาร้องไห้

   “ใช่ครับเขาอยากเจอคุณ เขาอยากแก้ไขหลายสิ่งที่อยู่ในใจเขากับคุณและผมเชื่อว่าเขารักคุณเพราะว่าคุณคือพ่อของเขา “

   “ ลูกชายผมคริสโตเฟอร์นะครับเขาเป็นยังไงบ้างสบายดีไหมครับ ป่านนี้เขาคงเป็นหนุ่มใหญ่แล้ว ”

   “เขาสบายดีครับตอนนี้เขาอายุ 17 ปีเต็มแล้วครับ ผมเพิ่งฉลองวันเกิดเขาไปเมื่อวานนี้เองครับ”

   “ผมจำวันเกิดเขาได้เกิดเมื่อวาน..ผมนี้เป็นพ่อทีแย่นะครับ...ปานนี้เขาคงเกลียดผมมากคงคิดว่าผมผิดสัญญากับเขา” คุณเดนนิสพูดด้วยน้ำเสียงที่เสียใจกับที่เขาหายไป

   “เขาจะเข้าใจทุกอย่างเมื่อเขาได้เจอคุณ..เดนนิส”

   “ผมจะไปหาเขานะให้เร็วที่สุดตอนนี้ธุรกิจผมยังวุ่นๆอยู่นะครับ ผมอาจจะอีกสองอาทิตย์ผมจะบินไปพร้อมเพื่อนของผมเขาจะไปเที่ยวบ้านภรรยาเขาเช่นกัน”

   “ผมขอโทษนะครับ คุณเป็นอะไรกับเขาครับ ทำไมคุณดีกับเขาแบบนี้ แล้วนี้แม่ของเขาละครับ หรือว่าคุณเป็นแฟนคนใหม่แม่ของเขาครับ” เดนนิสถามเกียวกับผมแต่ผมก็อดขำไม่ได้นี้ใครก็มองว่าผมเป็นคุณพ่อไปหมดแล้วเนี๊ยะ

   “ผมเป็นครูของเขาครับเดนนิส และผมก็สอนภาษาอังกฤษให้เขา คือว่าเขามีปัญหาเรื่องการเข้าเรียนนะครับเดนิส และผมก็เลยต้องสอบถามถึงปัญหาว่าทำไม เพื่อแก้ไขปัญหาตรงนั้น “

   “เขาบอกผมว่าเขาไม่อยากเรียนภาษาอังกฤษเพราะว่าเขาคิดถึงคุณ เดนนิส”

   “นี้ผมทำร้ายลุกผมหรือเปล่าครู”

   “ไม่เชิงหรอกครับ แต่ตอนนี้เขาดีขึ้นมาก ตั้งใจเรียนและนี้เขาก็ไปสอบGED คือการสอบเทียบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายและเขาจะสามารถเขาเรียนมหาวิทยาลัยได้เลยหากเขาสอบผ่านทั้งหมด” ผมพูดบอกเดนนิส

   “เขาจะได้จบก่อนเพื่อนนะครับเดนิส “ผมบอกเดนิสพ่อของคริส

   “ถ้าอย่างนั้นเขาก็พร้อมจะเดินทางมาออสเตรเลียมาอยู่กับผมได้เลยใช่ไหมครับครูเขม ผมจะได้ดูที่เรียนไว้ให้เขาที่นี้เลย “ เดนิสถามผมด้วยน้ำเสียงที่ดีใจแต่ทำไมผมถึงได้ใจหายวุบเลยครับ

   “เอาอย่างนี้ดีกว่านะครับครูเขม ผมว่าผมอยากจะวิดีโอคอลคุยกับคริสเขาก่อนนะครับ เออ ผมคิดว่าจะคุยกับเขาก่อนจะบินไปไทย อาทิตย์หน้าผมจะไปถ่ายแบบให้นิตยสารชื่อดังซึ่งผมคงยุ่งทั้งอาทิตย์ ผมจะโทรหาเขาหลังจากงานเสร็จนะครับครู” เดนิสบอกผม

   “ได้ครับคุณเดนนิส “

   “ผมต้องไปทำธุรแล้ว ผมฝากดูแลคริสให้ผมทีนะครับ ผมขอบคุณคุณเขมเหลือเกิน ไม่รู้ว่าจะขอบคุณกี่ล้านครั้ง ผมก็จะพูดครับคุณเขม ว่าขอบคุณจริงๆ “

   “ผมยินดีครับคุณเดนนิส ผมแค่อยากให้ลูกศิษย์ของผมได้เจอพ่อ” ผมพูดบอกเดนนิส

   “แค่นี้ก่อนนะครับ สวัสดีครับครูเขม”

   “สวัสดีครับคุณเดนิส บายครับ” ผมพูดและกดวางสายไป แอบใจหายที่ผมได้ยินว่าพ่อเขาจะดูมหาวิทยาลัยให้เขาไปเรียนที่ออสเตรเลีย แต่ผมก็ควรจะดีใจ เพราะว่านี้คืออนาคตของเขานะ ผมอยากเห็นอนาคตของเขาและผมคิดว่ามันคือช่องทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้เขาอยู่ห่างๆนายกายและจะได้ไม่ต้องมีเรื่อง เพราะเขาอาจจะเสียอนาคต อันนี้ผมเป็นห่วงเขาเหลือเกิน ผมนั่งลงที่โต๊ะทำงานเพื่อรอลินดา ครูถาวรและครูท่านอื่นๆ ลงมาทานอาหารกัน พูดคุยกับตามประสาเพื่อนครูด้วยกัน

   Rrrrr เสียงมือถือผมดังขึ้น พี่ต้น นี้ ผมรีบกดรับสายทันที

   “สวัสดีครับพี่ต้น “ น้ำเสียงผมบ่งบอกได้ว่าดีใจมากแค่ไหน ผมคิดถึงพี่ต้น เพราะว่าตอนนี้ผมก็กำลังคิดถึงพ่อผมเช่นกัน ในวันที่ผมรู้สึกแย่ แต่ว่าพี่ต้นก็ทดแทนพ่อผมได้เช่นกัน

   “ไงเขมดูน้ำเสียงไม่ค่อยดี มีเรื่องหรือเปล่า” พี่ต้นถามผม

   “ก็นิดหน่อยมันโอเคแล้ว”

   “เรื่องนักเรียนเกรียนของเราละซิ “ พี่ต้นถามผม

   “ครับพี่ต้นแต่ผมดันไปรักนักเรียนเกรียนก็ต้องยอมละพี่ต้น” ผมพูดปนหัวเราะกับพี่ต้น

   “เขมพี่จะโทรมาบอกว่าพี่เจอคนหนึ่งนะ เหมือนครูมิ้งเลย พี่เจอที่รีสอร์ทที่พี่มักจะพาเจ้าหน้าที่ไปสัมมนาที่นั้นบ่อย แต่เขาบอกว่าเขาไม่ใช่ครูมิ้งและพอพี่ไปอีกทีเขาก็หายไปแล้วเขม” ผมนี่หูพึ่งทันทีที่พี่ต้นบอกผมแต่ว่าเขาหายไปแล้ว

   “พี่ว่าเขายังอยู่ที่เชียงใหม่นะ อีกสองอาทิตย์จะมีงานไม้ดอกไม้ประดับก็มันจะถึงฤดูการท่องเที่ยงเชียงใหม่ เราจะมาไหมละ มาหาหลานหน่อย หลานคิดถึง”พี่ต้นบอกผม

   “ผมก็คุยกับคริสเอาไว้นะว่าผมจะไปพี่ต้น ถ้ายังไงผมบอกพี่ต้นอีกทีนะ อาทิตย์หน้าคริสสอบอีกสามวิชาก็เสร็จแล้วและนี่พ่อเขาก็จะบินมาหาอีกพี่ต้น “ ผมพูดบอกพี่ต้น

   “ก็ดีนะเรื่องวุ่นๆของนายจะได้เบาลงเขม พี่นี้เป็นห่วงนายมากเลยนะ แต่พี่ไม่มีเวลาโทรคุยเลยเขม “ พี่ต้นพูด ผมเข้าใจว่างานพี่ต้นเยอะจริงๆ

   “ไม่เป็นไรพี่ต้นแต่ผมจะลงไปหาพี่ต้นแน่นอน คิดถึงหลานมากด้วย “ ผมพูด ผมได้ยินเสียงบรรดาครูพากันเดินลงมาจากห้องสอนเรียบร้อยแล้วเพื่อมารับประทานอาหารกัน

        จะพักเที่ยงแล้วใช่ไหมเรา ถ้าอย่างนั้นแค่นี้ก่อนแล้วกันนะ พี่จะเข้าประชุมต่อ พี่รอเจอเรากับน้องเขยนะ” พี่ต้นพูด

        “น้องสะใภ้พี่ต้น”

        “เอาๆ มาก่อนมาให้พี่ดูก่อนแล้วพี่ค่อยตัดสินให้นะว่าน้องเขยหรือน้องสะใภ้ “พี่ต้นพูดขำๆ

        ครับพี่ต้น พี่ดูแลตัวเองด้วยนะผมเป็นห่วงพี่เหมือนกัน และหลานด้วย บายครับ” ผมกดวางสายและหันไปมองครูลินดาและครูถาวร เขาก็ยิ้มให้ผม และเดินมาชูแหวนที่สวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายทั้งคู่ และนั้นก็แปลว่ามีข่าวดี

     “ดีใจด้วยครับครู” ผมพูดดีใจกับครูทั้งสองคน

       “ขอบคุณนะคะครู ขอบคุณที่ทำให้เราสองคนมีวันนี้ ขอบคุณที่ทำให้เราสองคนกล้าที่จะเปิดเผยมัน อย่าลืมนะคะ งานแต่งเราสองคนครูต้องอยู่รดน้ำสังข์กับเราสองคนก่อน อย่าหนีหายไปเป็นครูที่อื่นนะคะ “ ครูถาวรพูด

      “พูดแบบนี้ผมทิ้งที่นี้ไปไม่ลงแน่ๆ ครับครูถาวรครูลินดา” ผมพูด ครูลินดาพยักหน้าว่าไปนั่งทานอาหารกันดีกว่า และผมก็เดินไปนั่งทานกับครูท่านอื่น ก็มีครูวงเดือน ครูลิมา ส่วนผมนี้เป็นครูผู้ชายคนเดียว แต่เรื่องการคุยก็จิปาถะส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องในรั้วมหาวิทยาลัยทั้งนึ้น จบมาแล้วก็อยากรื้อฟื้นและมันเป็นความสุขเล็กของพวกผม ผมเองก็อยากจะเก็บความรู้สึกและบรรยากาศแบบนี้เอาไว้ เพราะว่าผมเองก็ไม่รู้เลยว่าเรื่องของนายกายจะออกมายังไง ถ้าผมเองกลับต้องเป็นคนที่ต้องลาออกละ อย่างน้อยความรู้สึกดีดีของผมกับบรรดาครูก็ยังคงอยู่   
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.37 ในเมื่อกายมันให้เชอรี่ทำให้่ผมก็ให้แก้มช่วย
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 01-10-2020 12:11:11
EP.37 EP.37 ในเมื่อกายมันให้เชอรี่ทำให้่ผมก็ให้แก้มช่วย
      
               คริสโตเฟอร์    ผมเดินลงจากห้องเรียนจะรีบไปทานข้าวเที่ยงและจะรีบไปหาครูเขมที่ห้องสมุดต่อ วันนี้แหละที่ผมก็จะได้หลักฐานหมัดตัวไอ้พี่กายที่มันจ้างพวกนั้นมาทำร้ายปันปัน ผมต้องหยุดความชั่วของมันให้ได้ ระหว่างที่ผมกำลังเดินผ่านเห็นผู้ชายในเครื่องแบบผมเดาได้ว่าพ่อพี่กายกำลังยืนคุยกับพี่กายสีหน้าจริงจังมาก

      “ถ้าหลักฐานชิ้นนั้นถึงมือผู้อำนวยการขึ้นมาละ ทำไมถึงได้หาแต่เรื่องและนี่แทนที่เกมส์จะได้เรียนที่นี้เลยต้องถูกระงับไปก่อนทำให้น้องลำบากรู้ไหม ทำไมไม่ทำตัวดีดี ทำตัวแบบนี้จบไปจะไปต่อไหนได้..หา!” พ่อของพี่กายต่อว่าลูกชายของเขา เพราะมันนี้เองทำให้น้องมันอาจจะไม่ได้เรียนที่นี้

      “วันนี้อย่าไปเถลไถลที่ไหนนะและห้ามไปแข่งรถเพราะว่าช่วงนี้เขากำลังเคร่งเรื่องเด็กแว้นฉันขอละอย่าให้มีแต่เรื่องหนักเลยกาย” พ่อของพี่กายพูดก่อนจะเดินออกไปทันที

      “ปึก”เสียงกำปั้นชกเข้าที่กำแพงด้วยความโกรธ

      “ไปเถอะวะไปกินข้าว” ไอ้พี่อั๋นเดินมาเรียกพี่กายไปซะก่อนไม่อย่างนั้นมันคงจะรู้แน่ว่าผมแอบฟังพี่กายโดนพ่อเขาต่อว่าอยู่ ผมยืนรอจนพวกพี่กายเดินลงไปข้างล่าง

      “พี่คริส” แก้มเดินปรี่มาหาผมด้วยหน้าตาตื่น

      “แก้มได้ยินมีผู้หญิงมาหาพี่บอกว่าเป็นแฟนพี่เหรอพี่ทำแบบนี้ทำไมอะ” แก้มเดินมาหาผมด้วยเรื่องนี้นี่เอง ผมมองหน้าแก้ม

      “นาง..เออ..พี่เชอรี่ใช่ไหมพี่คริส..พี่ยังไม่เข็ดอีกเหรอที่นางชิ้งหนีพี่วันที่พี่กำลังโดนพวกไอ้พี่กายรุมทำร้ายนะนางนะไม่ได้รักพี่จริงหรอกนะ” แก้มพูดผมพยักหน้าว่าผมจำได้

      “พี่แค่อยากให้เขาช่วยและเขาก็ช่วยพี่แล้วตอนนี้พี่กับเขาจบไม่มีอะไรเกี่ยวข้องเพราะว่าเขารู้เรื่องพี่กับครูเขมแล้ว” ผมพูดกับแก้มระหว่างที่เดินลงไปโรงอาหาร

      “ก็ใช่นะซิ พี่ควรจะรู้ครูเขมนะดีกับพี่มากแค่ไหน ขนาดแก้มหวงพี่รักพี่นะแก้มยังยอมให้ครูเขมเลย” แก้มพูดทำแก้มป่องผมมองแก้มตอนนี้เธอโตขึ้นเยอะแล้ว มีความคิดแล้วซินะ

      “แก้มเข้าใจว่าความไม่ใช่แค่การครอบคครองแต่มันมีมากกว่านั้นแก้มยังเด็กเกินไปที่จะรักษามันแก้มคงต้องรอให้โตกว่านี้นะพี่คริส” แก้มพูดผมพยักหน้าให้คนตรงหน้า

      “สักวันแก้มจะเจอคนที่รักแก้มจริงๆ ...น้องสาวคนสวยของพี่” ผมพูดเอามือแตะที่หัวแก้มเบาๆ อย่างเอ็นดูแบบพี่น้อง

      “พี่อย่าให้ความรักของครูเขมสูญเปล่านะ แก้มคนหนึ่งละที่นับถือความรักของครูที่มีต่อพี่คริส” แก้มพูดผมพยักหน้าเป็นการตอบรับ

      “พี่ไปทานข้าวก่อนนะเพราะว่าพี่นัดครูเขมเอาไว้ตอนเที่ยงครึ้ง” ผมบอกแก้ม เธอก็พยักหน้าและแยกไปหาเพื่อนของเธอเช่นกัน ผมยืนอยู่ ผมว่าจะรอไอ้โป้ง ปันปัน อาร์ทและโจลงมาแล้วค่อยเข้าไปซื้อบะหมี่หมูแดงพร้อมกัน

PongPunpun_Slamdunk : อยู่ไหนว่ะคริส
KissKhem : พอพวกมึงอ่ะ จะได้ไปสั่งบะหมี่กินกันว่ะ
PongPunpun_slamdunk : เออๆ กูสองคนกำลังจะลงไปว่ะ แต่รอไอ้อาร์ทกับไอ้โจก่อน
         
                    ผมเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงพร้อมกับจะเดินไปตรงไปร้านค้าเพื่อไปสั่งบะหมี่รอพวกไอ้โป้ง ปันปัน ไอ้อาร์ทและโจลงมา พวกมันก็คงลงมาสั่งบะหมี่เช่นกันนะผมเดาเอา

                      “พี่คริส” เสียงที่ผมแทบจะไม่อยากหันไปมองเลย พี่เขมบอกผมว่าให้ผมอยู่นิ่ง อย่าไปต่อเอาความอะไรพวกนี้อีก ผมก็ควรจะอยู่เฉยๆใช่ไหมเพื่อไม่ให้พวกมันทำพี่เขมเสียใจอีก

      “ว่าไงเชอรี่” ผมจำใจหันไปถามเชอรี่ ปั่นสีหน้าให้นิ่งที่สุด และเธอก็คงรู้ดีว่าผมอยู่ในโหมดไหน พิศวาสเธอหรือไม่

      “เป็นไงอีครูตุ๊ดชอบที่เชอรี่ทำให้ที่บ้านไหมละ ” เชอรี่พูดผมหันขวับมามองเธอทันที

      “เธอนั้นเองอะ...เธอไม่มีสิทธิ์มาทำอะไรแบบนั้นและเธอก็ไม่ใช่นักเรียนเธอไม่มีสิทธิ์เข้ามาเดินในโรงเรียนนี้” ผมพูดและชี้หน้าเธอ

      “ตอนนี้...ไม่นานเชอรี่จะได้กลับมาเรียนที่นี้และอีครูตุ๊ดนะมันจะเจอดีกว่านี้ แต่พี่อาจจะอยู่ไม่ทันได้ปกป้องเขาหรอกนะ” เชอรี่พูด ผมยืนกำหมัดแน่น ทำไมคนตรงหน้าผมไม่ใช่ไอ้กายเอง มันให้เชอรี่มาทำแทนมันทำไม ไม่อย่างนั้นผมต่อยมันไปอีกรอบแน่ ไอ้กายมันยืนเอามือกอดอกมองผมอย่างซะใจ

      “ทำไมเหรอรักอีครูตุ๊ดนั้นมากเหรอได้ข่าวว่าจะตามไปอยู่ด้วยกันทำไมมันมีดีอะไร” เชอรี่พูดมันทำให้ผมยิ่งโมโหเธอมา
      
      “หมับ” ผมก็คว้าจับข้อมือถือบีบอย่างแรงจนสีหน้าเธอบอกได้ว่าเจ็บ แต่ก่อนผมไม่เคยคิดจะทำร้ายผู้หญิงเลย เห็นผมแบบนี้ไม่เคยลงมือลงไม้กับผู้หญิงแต่คำพูดพี่เขมบอกผมตอนแก้ม ว่าอย่าไปทำเขาเขาเป็นผู้หญิง ผมจำเป็นต้องปล่อยข้อมือเธอ

      “ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้” ผมพูดสายตาจับจ้องมองหน้าเธอ จนเธอหน้าซี้ดคงไม่เคยเห็นผมแบบนี้มาก่อน

      “พี่บอกให้ถอนคำพูด...และถ้าเธอไม่เคยคิดเคารพครูเธอก็ไม่ควรกลับมาเรียนที่นี้” ผมพูด

      “พี่คริส” แก้มคงเห็นผมเลยวิ่งออกมาจับแขนผม ผมหันมามองแก้ม

      “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ พี่คริส” แก้มถามผมสายตามองไปเชอรี่ไม่วางตา

      “มาหาเรื่องอะไรพี่คริสอีกละ..อยากโดนตบหรือไง” แก้มทำท่าจะเข้าไปตบกับเชอรี่ ผมก็ต้องเป็นฝ่ายดึงแขนแก้มไว้ไม่ให้มีเรื่องกับเชอรี่ เชอรี่มองหน้าผม

      “รู้อย่างนี้ตอนนั้นเชอรี่เลือกคบพี่กายซะก็ดีไม่น่าหลวมตัวมาชอบตุ๊ดอย่างพี่เลย”

      “ว่าใครตุ๊ดพี่คริสไม่ใช่ตุ๊ด “ แก้มเถียงแทนผมทันที

      “เชอรี่” ไอ้กายมันเดินมาเรียกเชอรี่พอดี เชอรี่ถึงกับสะบัดบ๊อบเดินไปหาไอ้กาย คงไม่ต้องบอกสถานะว่าตอนนี้เป็นอะไรกันเดินโอบเอวกันแบบนั้น ผมไม่รู้สึกหึงรู้สึกหวงเลยสักนิด ผมหันมาแตะแขนแก้มว่าผมโอเค แก้มพยักหน้ากับผม ผมกำลังจะหันหลังออกเช่นกัน

      “เดี๋ยวพี่คริส เชอรี่มันทำอะไรพี่กับครูเขมปะ” แก้มถามผมขึ้น แก้มมองหน้าผม

      “เชอรี่เอากระดาษไปแปะติดที่บ้านครูเขมนะ มันเขียนด่าครูเขมว่าครูเขมเป็นตุ๊ดและเยอะแยะเลยวะแก้มเมื่อวานนะ มันบอกว่าเป็นแฟนพี่ทั้งที่ไม่ใช่ ลุงยามเลยเผลอให้เข้ามา”ผมพูด แก้มมองหน้าผมและพยักหน้า

      “เดี๋ยวอีเชอรี่!” แก้มขึ้นไปยืนบนโต๊ะและตะโกนเรียกเชอรี่  เธอหันมามองแก้มแบบไม่แคร์ ผมก็มองแก้มมันจะทำอะไร แก้มทำนิ้วจุ๊ปาก

      “ทุกคน อีกผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช่นักเรียนโรงเรียนเรา แต่มันเข้ามาเอากระดาษไปแปะติดที่บ้านพักครูเขมว่าครูเขมของพวกเราอ่ะ พูดจาไม่ดีด้วย มันว่าครูเขมเสียๆหายๆ ทั้งที่ครูเขมไม่ได้ไปทำอะไรให้มันเลย แต่มีคนหน้าตัวเมียให้มันทำ “ แก้มตะโกนไปทั้งโรงอาหาร ทุกคนหันไปมองเชอรี่กันหมด แม้กระทั้งพ่อค้าแม่ค้าคนขายอาหาร

      “แล้วจะทำไม ก็แค่ครูตุ๊ด!!!”เชอรี่หันมาตะโกนตอบแก้ม
      
      “ ครูที่ชอบเอาตรูดนักเรียน มึงร้อนตัวทำไมเขาเป็นผัวมึงด้วยเหรอ” เชอรี่เธอพูดตะโกนกลับมา ผมได้แต่ยืนกำหมัดถ้าพี่เขมคำพูดของพี่เขมไม่ได้อยู่ในหัวผมตอนนี้ ผมคงเดินเข้าไปกระฉากคอเสื้อเชอรี่แล้ว แต่ะเพราะว่าครูเขมบอกผมว่าอย่าทำผู้หญิงไง แต่ว่าคนที่ยืนอยู่บนโต๊ะนี้ซิดูท่าจะไม่ยอมแน่ๆ

      “อีนี้” แก้มทำท่าจะกระโดดลงไปตบเขาแน่ ผมรีบยกมือห้ามก่อน

      “เฮ้ยแก้ม อย่า”

      “ครูตุ๊ด กับไอ้นักเรียนตุ๊ด มันก็เหมาะสมกันดี ” เชอรี่กอดอกพร้อมกับตะโกน ผมเองก็ต้องขมนั้นผู้หญิงส่วนนายกายก็ยืนกระหยิ่มยิ้มย่อง มันใช่ผู้หญิง
      
      “ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ อย่ามาว่าครูเขมของพวกเรา “ แก้มชี้หน้าเธอ

      “กูไม่ถอนจะทำไม ครูตุ๊ด ครูตุ๊ด กูก็จะพูดทำไม” เชอรี่เธอยิ่งตะโกนดังเข้าไปอีกลั่นห้องอาหารไปหมด

      “ก็ไม่ทำไมหรอก” มีเสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนขึ้นพูดและ

      “ปึก” แก้วน้ำที่น้ำแดงนิดหน่อย

      “แกกล้าปาแก้วใส่ฉันเหรอ ” เชอรี่หันขวับมามองผู้หญิงห้องเรียนเดียวกับผมนั้นเองและทั้งกลุ่มเธอก็ช่วยกันปาใส่เชอรี่

      “ปัก ปัก ปักๆๆๆๆ” นับไม่ถ้วนเลย มีทั้งน้ำแดง น้ำเขียว แม้กระทั้งโอเลี้ยงก็มา  ขวดน้ำพาสติก็มี ตอนนี้เสื้อผ้าผ้าชุดแซกสวยๆของเธอเลอะเทอะไปหมด แม้กระทั้งหน้าตาของเธอเช่นกัน ผมสะบัดหน้าไปมองแก้ม แก้มหยักคิ้วให้ผม

      “โป๊ก!” อันนี้ไข่ไก่ เข้าที่หัวเธออย่างแม่นยำ  เธอถึงกับเอามือแตะที่หัวเธอมันคือไข่ไก่และหัวเธอก็เหนียวหนืดน้ำจากไข่ไก่
      
      “กรี้ดดดด”เสียงกรี้ดรากยาวจากเชอรี่

      “ดีนะที่กูมีแต่ไข่ไก่ อีเด็กเหลือขอ” อันนี้แม้ค้าขายโจ๊ก
      
      “ถ้าวันนี้กูขายส้มตำนะ มึงโดนครกโดนสากกูไปแล้ว “ ผมรู้ว่าครูสั่งโจ๊กป้าเขาทุกวันให้ผม

      “โอ้ยกูจะเอาหมูปาก็เสียดาย มีดดีไหมมึง อีเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม” ป้าคนขายก๋วยเตียวออกมายืนเท้าวะเอว ป้าแกเขาเสียดายหมูผมก็ว่าถูกแล้วแหละครับหมูแพง และป้าชูมีด เชอรี่ถึงกับถอยหลัง ตอนนี้เสื้อผ้าเธอเลอะเทอะไปหมด

      “มึงว่าครูเขา มึงละตัวอะไรมายืนเกาะผู้ชายแบบนี้ กูมีลูกชายกูก็ไม่ให้ลูกกูเอามึงทำเมียมันหรอก สงสารพ่อแม่มึงจริงๆ เขาให้มาเรียนไม่ได้มาหาผัว” แม่ค้าในห้องอาหาร ตอนนี้ไอ้กายนะมันเริ่มถอยหลังออกไปยืนห่างเธอแล้วด้วย ผมคิดนะถ้ามันรักเธอจริง มันต้องออกมาปกป้องเธอซิแต่นี้ไม่เลย

      “กูนี้เป็นผู้ชายเห็นมึงแบบนี้กูก็อายแทนพ่อมีงว่ะ หน้าตาก็ดีแต่ทำตัวแบบนี้ไปเป็นกะหรี่ดีไหมลูก” ลุงคนที่ขายลูกชิ้นอีกคน

      “แรงลุง!!! แต่ฉันว่ามันใช่” พี่คนที่ขายน้ำปั่นออกมาพูดยกนิ้วให้ลุงขายลูกชิ้นในห้องอาหาร
      
      “กะหรี่ไหม เอ๊ย กะหรีปั๊ปไหมวันนี้ลดราคา ให้สมกับเด็กไม่มีใครสั่งสอน” พี่คนที่เป็นสาวประเภทสองออกมายืนเท้าซะเอวมองเธออีกคน
      “ตุ๊ดแล้วมันหนักหัวมึงเหรออีเด็กบ้า! เดี๋ยวก็โดนตุ๊ดทีบยอดหน้าลองมึงนี้” เชอรี่ถึงกับต้องถอยออก ส่วนไอ้กายนะมันสะบัดมือเธอตั้งแต่เด็กคนนั้นปาแก้มใส่เธอแล

      “ ออกไป ออกไป ออกไป “เด็กนักเรียนในห้องอาหารต่างพากันตะโกนไล่เชอรี่ ส่วนไอ้กายนะมันถอยออกไปที่ละก้าวจนแทบจะวิ่งและทิ้งเชอรี่จะดีกว่า แปลกนะวันนี้เหลือมมันคนเดียวตอนนี้

      “กรี้ดดดดด” เสียงกรี้ดดังลั่นโรงอาหาร แก้มก็ยักคิ้วให้ผม ผมก็พยักหน้าผลงานดีว่ะ ผมเพิ่งรู้ว่ามีคนรักครูเขมมากจริงๆ และพวกไอ้อาร์ท ไอ้โจ ไอ้โป้งและปันปันมันเดินเข้ามาพอดี มันมองผมกับแก้ม

      “มึงสองคนทำอะไร เชอรี่มันถึงได้โดนเขายำทั้งห้องอาหารแบบนี้วะ” ไอ้อาร์ทมั้นถามผม!

      “ก็คนที่เขารักครูเขมกันไงพี่อาร์ท”

      “ผลงานดีวะแก้ม กูชอบ” ไอ้โจ อีกคน

      “นี้มั้นเกิดอะไรขึ้น หยุด !” ครูนิดเดินเข้ามาและพวกผมก็เดินไปหาครูนิดกัน ไปยืนตรงหน้าเชอรี่ สภาพเธอดูเละมาก ผมก็อดกลั้นหัวเราะกันไม่ได้

      “พี่คริสให้พวกนี้ทำกับเชอรี่แบบนี้เหรอคะ” เชอรี่ถามผม เธอยืนกำหมัดแน่น  ครูนิดหันมามองหน้าผมและทุกคน

      “บอกครูมาซินี้มันเรื่องอะไรกัน” ครูนิดหันมาถามพวกผมแทน

      “ครูนิดค่ะ พี่เชอรี่เขาไม่ใช่นักเรียนที่นี่และเมื่อวานเขาเข้ามาเอากระดาษไปติดที่บ้านพักครูเขม ด่าว่าครูเขมค่ะ เสียๆหายๆด้วยค่ะ  “ แก้มบอกครูนิด

      “จริงเหรอ เธอทำแบบนี้จริงเหรอ” ครูนิดหันไปถามเชอรี่

      “ลุงยามเขาก็เห็นครับครู พวกผมทำความสะอาดกันเมื่อวานครับครู “ โป้งพูดขึ้น พวกผมก็พากันพยักหน้า

      “เมื่อวานวันเกิดผมครับ ครูเขมเขาจัดงานวันเกิดให้ผมที่บ้านพัก ผมก็เลยชวนเพื่อนผมโป้ง ปันปัน อาร์ทและโจมาครับ และพวกเราก็เห็นว่ามีกระดาษแปะที่บ้านพักครูเยอะแยะไปหมด และเป็นคำด่าที่หยาบคายมากครับครู ซึ้งผมก็ไม่คิดว่ามันจะออกมาจากคนที่เป็นลูกสาวนักการเมืองที่มีชื่อเสียงอย่างเชอรี่ “ ผมพูดและมองหน้าเธอ เธอมองหน้าครูและหันมามองหน้าเลิกลัก

      “เธอไม่ใช่นักเรียนของที่นี้เธอเข้ามาในนี้ทำไม “ ครูนิดหันไปถามเชอรี่

      “หนูเคยเป็นค่ะ และเคยเป็นดรีมเมเยอร์ไม้หนึ่งครูจำไม่ได้เหรอคะ และเป็นดรีมเมเยอร์ที่ไม่ได้โง่จนปล่อยให้ตัวเองท้อง” เชอรี่พูดเธอหันไปเหล่ตามองกี้ นี้เธอยังหันไปแขวะกี้อีกเหรอ คงเพราะว่ากี้ก็เคยเป็นเด็กไอ้กายเหมือนกันละซิ กี้ลุกพล้วดขึ้นมาเธอกำมือแน่น ด้วยความโกรธแต่พี่เอกรินทร์เข้ามาจับแขนกี้เอาไว้

      “ออกไป ออกไป ออกไป” อันนี้นักเรียนในห้องอาหารพากันโห่ไล่เธอ

      “หยุด!!! ให้ครูพูดคนเดียว” ครูหันไปเอ็ดทุกคน

      “ครูรู้ไหมคะว่าหนูลูกใคร และหนูกำลังจะมาเป็นนักเรียนที่นี้” เชอรี่เธอพูดและยืนกอดอกมองครูนิดแบบไม่ให้เกรียรติครูเอาซะเลย

      “แต่เธอยังไม่เป็นในตอนนี้  ดังนั้นควรจะออกไปและไม่ควรจะเข้ามาในโรงเรียนแบบนี้ด้วย” ครูนิดพูดและเหลือบมองชุดแซกที่สั้นมากร้องเท้าสนสูงปรี้ด แต่หน้าทาปากสีแดงจนดูแก่เกินวัย

      “หนูมาในฐานะแฟนพี่กายค่ะ ตอนนี้” เชอรี่พูดและมองหน้าละยิ้มให้ผม ผมก็แสยะยิ้มเหมือนกันสมเพศครับ ไม่ได้เสียดาย

      “นายกาย นี่แฟนเธอเหรอ” ครนิดเรียกไอ้พี่กายที่ทำท่าจะหันหลังเดินออกอยู่แล้ว

      “ถ้าเขาเป็นแฟนเธอและนี้เขามาทำอะไรไม่ดีแบบนี้ด้วย เธอต้องรับผิดชอบนะนายกาย!” ครูนิดหันไปถามไอ้กาย มันหันหลังกลับมามองครูนิดและเชอรี่ เมื่อกี้มันยังกอดเอวเชอรี่อยู่เลยนะ

      “ไม่ใช่ครับ เธอบอกว่าเธอจะมาเรียนที่นี้ผมก็แค่ รุ่นพี่ เธอไม่ใช่แฟนผมครู” ผมก็กอดออกมองเธอเช่นกันทั้งกลุ่มผมเลย เป็นไงละเชอรี่

      “ไอ้พี่กาย ไอ้หน้าตัวเมีย” นายกายเดินออกไปทันทีโดนไม่ได้หันหลังมามองเชอรี่เลยสักนิด

      “พึ่งรู้เหรอว่าแฟนเธอนะหน้าตัวเมีย มันหน้าตัวเมียมานานแล้ว ฉันนี่เลิกกินหญ้าแล้วเหลือแต่หล่อย อีอดีตรัมเมอเยอร์ไม้หนึ่ง มึงนะมันไม่โง่ธรรมดา แต่มึงโคตรโง่!!” กี้ลุกขึ้นพูดและเดินออกไปทันทีพร้อมพี่เอกรินทร์ ผมว่ากี้เขาคิดถูกแล้วที่ไม่มาตามหาว่าใครคือพ่อที่แท้จริง ผมว่าพี่เอกรินทร์นะเหมาะสมแล้วที่จะทำหน้าที่พ่อของเด็กในท้องเธอ 

                  “เอาละ เธอออกไปจากโรงเรียนนี้ได้แล้ว เชอรี่” ครูนิดหันมายกมือห้ามปรามทุกคนไม่ให้ตะโกนไล่เธอและครูนิดก็หันไปบอกเชอรี่

      “ครูกล้าไล่หนูเหรอคะ แล้วครูจะได้เห็นดีกันในวันที่หนูกลับมาเรียนที่นี่ เพราะว่าพ่อของหนู…..” เชอรี่พูดใส่หน้าครูนิด

      “เธอจะไม่ได้กลับมาเรียนที่นี้ เชอรี่” เสียงที่ทำให้ทุกคนหันไปมองกันหมด นั้นคือท่านผู้อำนวยการ

      “ฉันเพิ่งจะโทรบอกพ่อเธอเมื่อห้านาทีนี้เอง หลังจากที่ยืนดูเธอ ทำตัวไม่เหมาะสม ไม่เคารพครูบาอาจารย์ ถ้าเธอไม่ให้ความเคารพคนที่ทำหน้าที่เป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้เธอ เธอก็ไม่จำเป็นต้องกลับมาเรียนที่นี้ ที่นี้ไม่ได้รับแค่คนเก่ง คนรวยอย่างเดียวแต่รับคนที่เขารู้จักให้เกรียติคนอื่นโดยเฉพาะครู” ผู้อำนวยการพูด

      “แปะๆๆๆๆ” เสียงปรบมือดังลั่นโรงอาหารเลย ผู้อำนวยการหันมาโบอกมือให้ทุกคน
 
      “ครูรู้เรื่องที่เธอทำกับครูเขมชาติหมดแล้ว รปภ บอกครูแล้วและพ่อเธอก็ทราบเรื่องแล้ว เขาบอกให้เธอรีบกลับบ้านซะ ก่อนจะมาตามเธอเอง ออกไปจากโรงเรียนนี้ซะ และเธอจะไม่มีสิทธิ์กลับเข้ามาทำเรื่องไม่ดีอีก ไม่อย่างนั้นพ่อเธอต้องมารับผิดชอบเข้าใจไหมเชอรี่ เชิญออกไปได้แล้ว  “ ผู้อำนวยการพูดเชอรี่หันมามองทุกคนเธอโกรธมาก  ท่านผอพูดและหันหลังกำลังจะเดินส่วนพวกผมออกไป
           
      “ขอทำหน้าที่ซุปเปอร์ฮีโร่ ปกป้องครูผู้เป็นฮีโร่หน่อย” ผู้อำนวยการกระซิบกับผม

      “ลาก่อนนะเชอรี่ ตลอดกาล” ผมพูดและเดินหันหลังออกไปพร้อมกับเพื่อนๆผม เธอคงรู้แล้วซินะ ว่าผลของการกระทำของเธอที่ทำไว้มันเป็นยังไง มันทำให้เธอเห็นอะไรได้มากขึ้นแม้กระทั้งไอ้กายที่บอกว่ารักเธอหนักหนามันชิ้งทิ้งเธอไปเลย ผมแอบสมน้ำหน้าในใจ

      “มึงไม่เสียใจเหรอวะ” ปันปันถามผม

      “กูจะเสียใจทำไมไม่ กูรู้ว่านางนะก็แอบลักกินกันกับไอ้กายหลับหลังกูปากก็บอกว่ารักกูและนี่ดันโง่ไปให้ไอ้กายมันหลอกใช้อีก โง่ขนาดนี้กูยังรักลงอีกเหรอวะ ” ผมรู้เรื่องนี้สักพักก่อนที่เชอรี่จะไปเมืองนอกไม่กี่สัปดาห์แต่ตอนนั้นเธอจะไปแล้วผมเลยไม่ได้สนใจอะไร

      “กูก็นึกว่ามึงไม่รู้ กูอุตสาไม่บอก” ไอ้โป้งพร้อมกับเดินมากอดคอผม และผมก็พากันเดินไปสั่งบะหมี่มาทานกันเพราะว่าผมต้องรีบไปหาครูเขมชาติที่ห้องสมุด วันนี้ดูไอ้ปันมันดีขึ้นมาหน่อยแล้ว พวกผมก็พยายามช่วยกันเยียวยารักษามันกันทุกคน

      “กูไม่ได้บอกพวกมึงอีกอย่างวะ ตอนครูเขมขึ้นไปคุยกับท่านผอ. พ่อไอ้กายก็ยู่ด้วย มีปากเสียงกับครูนิดหน่อยและครูเขมประกาศว่าถ้านายกายไม่ได้ผิดจริงครูเขมจะลาออกจากการเป็นครูว่ะ กูไม่สบายใจเรื่องนี้เลยวะ” ไอ้ปันปันพูดขึ้น ผมก็ต้องตกใจ

      “กูจะรีบไปเอาหลักฐานมาก่อนวะ กูต้องจัดการมันก่อนที่มันจะกัดพี่เขมวะ”ผมพูดและมองทุกคน

      “กูจะช่วยวะ มีอะไรบอกพวกกูคริส อย่าซ่าคนเดียว กูขอร้อง” ไอ้โป้งพูด

      “เออกูต้องรีบไปวะ เจอกันตอนเล่นบาสวะ” ผมเหลือบมองเวลาที่ข้อมือและก็ต้องรีบลุกขึ้น ผมรีบเดินออกไป ผมรู้ว่าพวกมันต้องเอาภาชนะไปเก็บให้ผม ผมรีบเดินไปตรงไปยังห้องสมุดที่นัดครูเขมไว้ระหว่างที่เดินผมรู้สึกตะหงิดๆ ถึงไอ้กายเหมือนมันจะวางแผนทำอะไรกับผมสักอย่างผมต้องรีบไปเอาไฟว์ข้อมูลในมือถือผมมาให้ได้ 

      “คริส” ผมเดินไปหยุดตรงหน้าสุดที่รักของผม พี่เขมที่ยืนรออยู่แล้วนี่แสดงว่าไปทานอาหารกับครูในห้องพักครูแล้วแน่ๆ พี่เขมเขาบอกว่าอยากให้ผมใช่เวลาสนุกกับเพื่อนๆบ้าง ผมก็เข้าใจนะอาจจะเป็นเพราะว่าผมใกล้จะจบก่อนเพื่อนนั้นเอง พี่เขมยิ้มให้ผมแม้ว่ารอยยิ้มจะดูเจือนๆไป ผมนี่สงสารพี่เขมที่ผมรักเหลือเกิน แต่ผมก็ยิ้มกลับไปให้

      “พี่ได้ยินครูนิดว่ามีเรื่องอะไรกันที่ห้องอาหาร พี่เพิ่งจะเดินผ่านครูนิดกับท่านผอนะคริส”ครูเขมถามผม ผมก็ยิ้มให้
           
      “เชอรี่นะพี่เขายอมรับแล้วว่าเขาเอากระดาษไปติดที่บ้านพี่ และแก้มมันเลยประกาศบอกทุกคนในห้องอาหารรวมถึงแม่ค้าพ่อค้าที่ขายอาหารด้วยพี่เขม พวกนั้นก็เลยแจกของสมน้ำหน้าเธอกันด้วยแก้วบ้าง ขวดน้ำบ้าง ป้าร้านขายโจ๊กให้ไข่ไปเต็มๆหัวเธอเลยพี่เขม” ผมพูด พี่เขมหันมามองผมทำตาโต

      “ทำไมไปทำเขาแบบนั้นกันละ เขาเป็นผู้หญิงนะคริส” พี่เขมหันมาต่อว่าผมอีก

      “พี่เขมยังไม่รู้อีกเหรอว่า ทุกคนรักและเป็นห่วงพี่รวมถึงพวกผมและเพื่อนๆของผม และที่ทำนี้เพราะว่านางทำไม่ดีกับพี่นะ” ผมพูดและมองครูเขม

      “แถมเชอรี่ยังแสดงอาการไม่พอใจที่ครูนิดไล่เธอให้ออกไปจากโรงเรียนนี้เพราะเธอไม่ใช่นักเรียนที่นี้ พอท่านผอ ลงมาผมก็ไม่รู้ว่าท่านมายืนนานแค่ไหน ท่านบอกเชอรี่ว่าท่านไม่รับเธอเข้าเรียนที่นี้เพราะเธอไม่ให้ความเคารพครู” ผมพูด ครูเขมก็มองผมและเอามือแตะที่หัวผม พี่เขมไม่พูดอะไรมีแต่รอยยิ้มให้ผม ผมว่าพี่เขมคงรู้แล้วว่าผมก็ปกป้องคนที่ผมรักได้นะ

      “พี่เขมทานข้าวแล้วเหรอ” ผมเปลี่ยนเรื่องถามพี่เขม ไม่อยากพูดถึงเรื่องไม่ดีอยากให้มันผ่านไป

      “พี่ทานแล้ว และตอนอยู่ในโรงเรียนห้ามเรียกพี่ซิ เรียกครูซิคริส” ครูเขมพูดทำหน้าดุผมวางกระเป๋าสพายลงด้านข้าง เห็นชีทน่าจะตัวอย่างข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษ

      “พรุ่งนี้เขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นใช้ประโยค pass tenseด้วยนะอย่างอื่นเราได้แล้วเหลือแต่การเขียนเท่านั้นที่พี่ยังเป็นห่วงอยู่ แต่พี่เชื่อว่าเราทำได้ดีแล้ว ” ครูเขมพูดผมพยักหน้าและครูเขมก็ติวเรื่องการเขียนให้ผมพวกประโยคนะครูเขมเข้าสอนผมแบบเข้าใจง่ายแล้วว่าอันไหนใช้อะไร ผมคิดว่าถ้าครูเขมได้ไปสอนโรงเรียนใหญ่ๆนี้คงรุ่งแต่ว่าที่นี้ต้องการครูที่ดีและเก่งอย่างครูเขม

      “เย็นนี้ซ้อมบาสเสร็จแล้วไปรอพี่ที่บ้านพักเลยนะและถ้าโป้งกับปันปัน อาร์ท กับโจ้จะไปเรียนด้วยก็ได้นะ” ครูเขมบอกผม ตอนนี้ใกล้เวลาเข้าแถวแล้ว ผมพยักหน้าครูเขมลุกขึ้นเก็บหนังสือทั้งหมดที่ใช้ในการติวให้ผม

      “อย่าไปซ่าที่ไหนนะเย็นนี้พี่มีข่าวดีจะบอก” ครูเขมกระซิบกับผม ครูเขมยิ้มให้ผมก่อนจะรีบเดินออกไปผมก็เดินตามออกมามีข่าวดีจะบอกด้วยผมด้วยแต่มันกลับทำให้ผมใจคอไม่ค่อยจะดียังไงก็ไม่รู้ กลัวจะบอกผมว่าพ่อจะมาหาผมเร็วๆนี้และจะพาผมไปอยู่ด้วย แต่สิ่งทีผมกลัวมากที่สุด คือถ้าพ่อบอกว่าพ่อไม่เห็นด้วยกับความรักของผมกับพี่เขมละ 
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
      อีกสองตอนเรื่องร้ายก็จะหมดไปแล้วนะคะ คนแต่งแอบใจหายนิดหน่อย ไม่รู้ว่าที่แต่งมาชอบกันบ้างหรือเปล่า ต้องแกไขอเะไรยังไงไหมนะ (แอบขอกำลังใจหน่อยๆ รักคนอ่านทุกคนจุ๊บๆ

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(ครูเชมXคริส)EP.38 ผมคิดว่ามันคงจบลงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 01-10-2020 12:25:04
EP.38 ครูเชมชาติXคริสโตเฟอร์  พี่เขมผมคิดว่ามันคงจบลงแล้วพี่

           Part คริสโตเฟอร์
      Rrrrr มือถือผมดังขึ้นเบอร์ไม่คุ้นเคยแต่ผมก็กดรับเพราะว่าเพื่อเป็นคนที่สนใจบิ๊กไบท์ของผม ผมโพสขายในเว๊ปเพจชมรมบิ๊กไบท์มาเมื่อสามสี่วันก่อนถ้าตกลงขายตอนนี้ก็ดียะซิจะได้เอาเงินมาซื้อของขวัญวันเกิดให้พี่เขม

      “สวัสดีครับ “

      “น้องที่ชื่อคริสใช่ไหมครับน้องที่ประกาศขายบิ๊กไบท์ทางเว็ป ชมรมคนรักบิ๊กไบท์” ใช่จริงๆ ด้วย

      “ใช่ครับพี่”

      “พี่สนใจรถน้องนะครับแต่งสวยดีแต่ราคาสูงไปหน่อยลดหย่อนหน่อยได้ไหมครับ” พี่เขาถามผม

      “พี่จะซื้อไปใช้เองหรือว่าไปขายต่อละครับ” ผมถามพี่เขากลับ คือถ้าคนรักบิ๊กไบท์จริงๆ ผมก็ยอมลดให้เพราะว่าคันนี้ลูกรักผมเลยแหละ ไหนไหนก็จะขายก็อยากให้ไปอยู่กับคนที่รักรถจริงๆ

      “พี่ไม่ได้ซื้อไปชายต่อครับพี่ซื้อไว้สะสม พี่มีอยู่ทั้งหมดห้าคันตอนแรกว่าจะไม่ซื้อแล้วแต่เห็นรถน้องแล้วพี่อยากได้ครับพี่ค่อนข้างหวงรถครับพี่เข้าใจคนรักรถอย่างน้องดี พี่ไม่เคยกล้าขายสักคันเก็บไว้แบบนี้เพราะกลัวไปอยู่กับคนที่ไม่ดูแลจริงๆ เหมือนกัน” พี่เขาพูดยาวเลย

      “พี่ต้องการเท่าไหร่ ส่งInbox หาผมแล้วกันนะครับผมอาจจะลดให้บ้าง” ผมบอกพี่เขา

      “ได้ครับ”

      “แค่นี้ก่อนนะครับเพราะว่าผมมีเรียนครับ”

      “ยังเรียนอยู่เหรอครับ มีรถคันใหญ่ขับแหละ...ถ้ายังไงพี่ส่งอินบ๊อกไปนะครับว่าพี่สู้ได้เท่าไหร่ ...บายครับ” และพี่เขาก็กดวางสายไป ผมก็เก็บมือถือเข้าใส่กระเป๋าก่อนจะได้เข้าห้องน้ำเสียงสัญญาณเข้าแถวดังขึ้นแล้วด้วยผมก็วิ่งเข้าห้องน้ำทันทีรีบทำธุระส่วนตัวและรีบออกมาแต่ผมก็เจอพี่กายมันยืนอยู่คนเดียว

      “กูได้ข่าวว่ามึงจะเอาคลิปกูไปให้ผู้อำนวยการเหรอ มึงจะให้เมียมึงทำให้กูออกให้ได้ใช่ไหมไอ้คริส” ไอ้พี่กายพูด

      “มึงทำตัวเองไม่มีใครให้มึงหรอกกาย”ผมพูดและหันหลังเดินออกผมต้องท่องไว้ว่าอดทนผมต้องไม่มีเรื่องกับไอ้พี่กาย

      “กูมีบางสิ่งที่มึงคงไม่อยากให้ถึงหูครุสถา เพราะว่าอาจจะมีครูที่ต้องถูกให้ออกจากการเป็นครูเพราะว่าพฤติกรรมไม่เหมาะสมเที่ยวไปจูบกับลูกศิษย์”พี่กายพูดผมต้องหันหลังกลับมาหามัน

      “มึงได้มันไปได้ยังไง” ผมกระฉากคอเสื้อมัน มันก็เหล่ตาลงมามองมือผม ผมก็ปล่อยมือจากคอเสื้อมัน

      “กูได้มาจากเมมโมรี่ในโทรศัพท์ไอ้ปันปัน “ ไอ้พี่กายพูด

      “ที่แท้คนที่อยู่เบื่องหลังก็คือมึง มึงทำปันปันมันทำไม ทำไมมึงไม่มาท้าประลองกับกูหรือไอ้โป้ง โดยเฉพาะไอ้โป้งมึงไม่กล้าหรอก” ผมพูดถามมัน ไอ้กายมันยืนกอดอกมองผมหน้าตามันเชี้ยได้ใจผมจริงๆ

      “เย็นนี้กูท้าแข่งรถเจอกันที่เดิมถ้ามึงแพ้คลิปกูคืน ส่วนคลิปมึงกูอาจจะคืนให้” ไอ้พี่กายพูดผมก็ยืนมองหน้ามัน

      “ว่าไง!” ไอ้กายมันถามผม ผมนะได้สัญญากับครูเขมแล้วว่าจะไม่ไปแข่งรถจะไม่ทำให้เกิดปัญหาในช่วงนี้แต่คลิปนั้นก็สำคัญกับครู

      “คริส!” ไอ้โป้งมันเปิดประตูเข้ามา มันมองผมกับพี่กาย

      “ไอ้กายหาเรื่องอะไรมันอีกไอ้หน้าตัวเมีย” ไอ้โป้งมันทำท่าจะเข้ามาต่อยไอ้พี่กาย

      “โป้งอย่า” ปันปันรีบดึงแขนโป้ง เพราะถ้าไอ้โป้งมีเรื่องอีกมันโดนไล่ออกแน่ๆ

      “กูไม่ได้มาหาเรื่องกูมาท้ามันแข่งรถคืนนี้มึงสนไหมละ ถ้าสนเจอกันได้” ไอ้พี่กายพูด

      “กูรับคำท้า” ผมตอบไอ้พี่กาย พี่กายมันหันมาแสยะยิ้มให้ผมและหันไปยิ้มให้ไอ้โป้ง พร้อมกับเดินแทรกตัวออกไป โป้งมองหน้าผม ปันปันด้วย

      “คริสมึงสัญญากับครูแล้วว่าจะไม่ไปแตะเรื่องแข่งรถอีกและถ้ามึงมีเรื่องตอนนี้ละที่มึงไปสอบนะมันมีผลนะไอ้คริส” ไอ้โป้งมันพูดกับผม ผมรู้ดีแต่ผมไม่มีทางเลือก อันนี้ยิ่งสำคัญกับครูเขมเข้าไปใหญ่ ถ้าเรื่องนี้ถึงคุรุสภาขึ้นมา ครูเขมต้องโดนแน่ๆเลย

      “กูจำเป็นวะ มันได้รูปที่เราถ่ายกันวันก่อนที่ไปตั้งแคมป์ “ ผมพูด ปันปันทำสีหน้าตกใจมันคงรู้สึกผิด ตอนนั้นปันปันมันคงไม่รู้ว่าพวกนี้มันเอามือถือมันไปเปิดดู

      “ไม่ใช่ความผิดมึงหรอกวะปันปัน” ผมหันไปบอกไอ้ปันปัน
 
      “กูขอโทษวะคริส”  ปันปันพูดทำท่าจะร้องไหเ

      “เออกูบอกไม่ใช่ความผิดมึงไงแต่เรื่องนี้อย่าบอกพี่เขมนะ...กูขอละเรื่องสุดท้ายแล้วที่กูจะทำ” ผมพูดและเดินแทรกออกไปเพื่อเข้าห้องเรียน เรียนวิชาช่วงบ่ายผมเรียนกับครูเขม ผมก็เข้าเรียนปกติไม่แสดงพิรุจอะไรทั้งนั้น ครูเขมก็ตั้งใจสอนตามปกติ ผมเรียนไปในหัวผมก็คิดไปต่างๆนานา จะไม่ไปก็ไม่ได้รูปครูเขมอยู่ที่ไอ้พี่กาย จนหมดชั่วโมงผมก็เดินออกจากห้องเพื่อไปเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ต่อ

      “คริส” ครูเขมเรียกผม ผมหันมามองครูเขม

      “มีอะไรหรือเปล่าทำไมวันนี้เหมือนเราเหม่อๆยังไงก็ไม่รู้ “ ครูเขมถามผม

      “ไม่มีนิครับครู ทำไมเหรอครับ ” ผมถามพี่เขมกลับแบบคงสภาพไว้ซึ้งนักเรียนแต่วันนี้ผมอาจจะแปลกที่ไม่ได้หยอกเล่นกับพี่เขมเหมือนเช่นทุกครั้งด้วยมั้ง พี่เขมเลิกคิ้วขึ้นแบบไม่เชื่อผม

      “ก็ไม่ค่อยยกมือตอบคำถามเลยหรือว่าเมื่อคืนอ่านหนังสือดึก” ครูเขมถามผมกลับ

      “ก็ดึกนิดหน่อยนะครับ”ผมตอบ

      “คืนนี้ไม่ต้องอ่าน เดี๋ยวพี่ติวให้ เจอกันตอนชั่วโมงเรียนพิเศษนะ ไปก่อนเวลาก็ดีนะจะได้ทานข้าวกันก่อน..พี่จะทำไข่ลูกเขยให้อยากกินไม่ใช่เหรอ” ครูเขมพูดผมก็พยักหน้าเบาๆ ผมเดินไปเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ต่อ ผมเรียนจนหมดคาบเรียนผมก็รีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะได้ซ้อมบาส วันนี้โค้ชมาดูการซ้อมของพวกผม

      “คริสมึงจะ...” ไอ้โป้งมันถามผม

      “กูจำเป็นวะโป้ง” ผมบอกไอ้โป้ง

      “กูไปด้วย”

      “ไอ้โป้งมึง”

      “กูไปด้วยมึงเพื่อนกู ปันปันมันอยู่ได้” ไอ้โป้งมันพูด ปันปันมันพยักหน้าให้ผมว่ามันอยู่ได้

      “ปันปันมึงอย่าบอกเรื่องนี้กับครูเขมนะ” ผมหันไปบอกปันปัน มันก็พยักหน้าผมซ้อมบาสกันต่อจนเกือบหนึ่งทุ่มครึ้ง ผมก็กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนนี้ครูเขมยังสอนพิเศษอยู่

      ผมก็รีบแต่งตัวลงเพื่อเตรียมไปตามที่นัดได้พี่กายมันไว้ตอนสองทุ่มไอ้โป้งมันก็รีบกลับมาอาบน้ำแต่งตัวเช่นกัน ผมเดินลงมาที่หน้าบ้านพักเปิดผ้าคลุมรถบิ๊กไบท์ที่ผมประกาศขายแต่ยังไม่ตกลงราคาแน่นอนพี่เขาส่งมาให้ผมแล้วแหละแต่ผมยังไม่ตอบรับกลับไปว่าโอเคไหม

      “มึงจะไม่ไปก็ได้นะกูไปแทนเองคริส” ไอ้โป้งมันพูดขณะที่มันขึ้นไปสตาร์ทรถมันแล้วเช่นกัน

      “ไม่ว่ากูจะไป” ผมพูดและขึ้นไปสตาร์ทรถเช่นกัน ผมสองคนก็ขับรถออกไปยังที่ผมนัดไอ้กายไว้เพราะว่าตอนนี้เกือบจะสองทุ่มแล้ว
           
      ผมสองคนก็ขับรถบิ๊กไบท์ออกไปยังที่ผมได้นัดไว้กับไอ้พี่กายไว้เพราะว่าตอนนี้เกือบจะสองทุ่มแล้ว ผมสองคนขับมาถึงริมถนนใหญ่มีแก้งพวกบิ๊กไบท์ที่เป็นเพื่อนๆของไอ้กายอยู่เกือบสิบคน ผมว่าเป็นแก้งที่มันทำร้ายปันปันนั้นแหละ ไอ้พี่อั๋นมันก็มาด้วย ผมสองคนจอดรถ

      “มาแล้วเหรอ...พวกกูกำลังดูผัวเมียคู่เกย์จูบกันวะ” ไอ้กายมันหันมาพูด

      “กูจะอ๊วกวะ” เพื่อนไอ้กาย

      “ถ้าอ๊วกแล้วมึงจะดูทำไม” ผมถามพวกมัน
      
      “กูก็จะอ๊วกเหมือนกันเวลามึงอัพคลิปรุมขมขืนผู้หญิงว่ะ กูว่ามันน่ารังเกียจกว่าอีกว่าไหมว่ะคริส” ไอ้โป้งมันหันมาผมหันไปแตะมือกับมัน ผมรู้ดีพวกนี้มันพวกชอบรุมโซมผุ้หญิงและเอาไปประจาร แม่งหน้าตัวเมียทั้งแก้ง

      “ไอ้นั้นใครวะ” เพื่อนไอ้กายผมจำได้มันนี้แหละหัวหน้าแก้งที่จะทำร้ายผมวันก่อนมันชี้มาที่ไอ้โป้ง

      “ผัวคนที่พวกมึงเอา” ไอ้กายมันพูด

      “ไอ้สัส!” โป้งมันจะเข้าไปต่อยไอ้คนที่ไอ้กายบอกว่าทำแบบนั้นกับปันปัน  แต่ผมเข้าไปดึงไอ้โป้งไว้ก่อน

      “อยากลองของเหรอ เมียมึงทำให้พวกกูติดใจวะ” ไอ้พวกนั้นมันหัวเราะร่วน ผมใช้มือดันอกไอ้โป้งไว้ก่อน ส่วนไอ้กายมันหันไปคุยกับพวกนั้น พวกนั้นก็ถอยหลังออก ไอ้กายมันเหล่มามองผมและมันก็โชว์เมโมรี่มือถือที่มันถอดไปจากมือถือไอ้ปันปันมันส่งให้ไอ้พี่อั๋น เก็[ไว้เหมือนล๊อกเก็ตห้อยคอไว้

      “พร้อมหรือยัง...” ไอ้กายมันพยักหน้าถามผมสองคน ผมพยักหน้าว่าผมพร้อมผมก็หันไปขยับรถเพื่อจะได้เข้าไปอยู่เส้นชัยข้างทาง ไอ้โป้งด้วย ไอ้กาย ไอ้อั๋น และเพื่อนมันไอ้ปากดีนั้นแหละ สาวๆที่เป็นกองเชียร์นุ่งน้อยห่มน้อยยืนกรี้ดกร้าดอยู่ข้างทาง ผมสตาร์ทรถรอสัญญาณ ถนนเส้นนี้รถวิ่งผ่านไม่มากแต่ส่วนใหญ่เป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ และสาวสาวสวมกางเกงสั้นมากไม่ต่างอะไรกับกางเกงชั้นในสุดเสื้อโชว์ร่องอก ออกมายืนพร้อมกับโชว์ผ้าขนหนูผื่นสีแดง

      “READY!!!” นางตะโกน มันเป็นการปล่อยตัวรถแข่งผมหันมามองหน้าไอ้โป้ง มือผมก็มีข้อความเข้าแต่ผมไม่ยอมเปิดดูครูเขมแน่ๆเลย ผมพยักหน้ากับโป้ง ผมก็ปิดหน้ากาก

      “ไป)))” เสียงบอกให้ออกตัวผมก็เร่งสปีดออกตัวไล่ๆไปพร้อมกับไอ้โป้ง โป้งมันหยักไหล่ว่าแยกกันมันไปขับประกบไอ้พี่กายส่วนผมก็เข้าไปประกบไอ้พี่อั๋น เพื่อจะได้หาจังหวะกระฉากที่มันห้อยไว้ ไอ้พี่อั๋นมันหันมาเหลียวมองผมและมันก็เร่งเครื่องผมก็เร่งตามเพื่อจะให้ทันแต่ก็มีรถส่วนมาก็เลยต้องหลบเข้าไอ้พี่อั๋นมันก็หันมามองผม ไอ้พี่อั๋นมันชะลอความเร็วผมก็ไม่เข้าใจว่ามันชะลอทำไมแต่ว่ามันดีกับผมเพราะว่าผมจะได้กระฉากสร้อยคอมันที่มันใส่เมโมรี่ไว้

      “ผลัก” มันถีบรถผมทำให้ผมเสียหลักดีนะที่ผมขับรถอยู่เลนนอกสุด

      “โคล้ม!!!” เสียงรถผมล้มลงข้างทาง ยังโชคดีที่มีต้นหญ้ารองรับแต่ก็เล่นเอาเจ็บอยู่เหมือนกันไอ้โป้งรีบจอดรถดูผมทันที

      “ไอ้เชี้ยแม่งเล่นสกปรกวะ” ไอ้โป้งพูดไอ้พี่กายกับไอ้พี่อั๋นมันกลับรถที่ตรงเกาะกลางแล้วมันชนะแน่ๆ  จู่ๆ ก็มีเสียงวอรถตำรวจ แสดงว่านี้แผนของไอ้กายแน่ๆ ผมก็กับโป้งรีบช่วยกันงัดรถผมขึ้นและรีบขับไปที่เกาะกลางเพื่อจะได้ขับกลับผมรีบบิดตามไอ้พี่กายกับพี่อั๋นส่วนนรถตำรวจคงไปหาที่กลับรถอีกไกลเลย

       ผมขับเร่งไปให้ทันไอ้พี่กายมันหันมามองผมกับโป้งมันคงไม่คาดคิดว่าผมจะตามมันกลับมาทันและจังหวะที่มันมองผมพอดีมีรถวิ่งบรรทุกขับขึ้นมาจากทางแยกก่อนถึงคอสะพานเร่งความเร็วขึ้นมาอย่างเร็วและมันก็ประชันชิดเกินกว่าจะเบรค รถบรรทุกคันใหญ่คันนั้นก็พยายามจะหลบแต่ก็หลบไม่ได้อยู่ดีเพราะคอสะพานแคบด้วย

      “ปี้นนนนนน” เสียงแตรลากยาวแต่มันก็ช้าเกินไป

      “โคล้ม!!!” เสียงรถชนดังสนั่น และนั้นก็ทำให้ผมกับไอ้โป้งรีบเอาเอารถเข้าข้างทาง ห่างไปสักระยะหนึ่ง ผมเห็นเหตุการณ์ ว่ารถบรรทุกคันนั้นมันชนพี่กายอย่างจัง จนร่างไอ้พี่กายกับรถบิ๊กไบท์ถูกอัดอยู่ด้านหน้า ผมสองคนทิ้งรถบิ๊กไบท์และวิ่งข้ามเกาะกลางไปดู แต่ผมไม่เห็นไอ้พี่อั๋น ผมเห็นรถนะอยู่ตรงขอบสะพาน น่าจะแรงปะทะทำให้กระเด็นลงไปในแม่น้ำ

      “คริส!!!” เสียงครูเขมตะโกนเรียกชื่อผม ครูเขมขับรถมากับปันปันและจอดไว้อีกฝั่ง ครูเขมวิ่งข้ามมาทันที

      “ไอ้คริสพี่อั๋นตกลงไปในน้ำวะ” ไอ้โป้งมันพูด ผมก็วิ่งไปดู  ส่วนครูเขมนะวิ่งไปดูนายกายก่อน ผมก็ถอดชุดเพราะถ้าใส่ลงไปมันจะอุ้มน้ำได้

      ผมก็กระโดดจากขอบสะพานลงไปในน้ำ ไอ้โป้งมันก็กระโดนตามผมลงไป ผมก็ดำน้ำลงไป ผมดำน้ำลงไปเพื่อพยายามหาร่างไอ้พี่อั๋น ไฟบนสะพานสว่างพอที่ผมจะดำลงไปและมองหาแต่ก็หาไม่เจอในรอบแรก ไอ้โป้งมันก็โผ่ขึ้นมาเนื้อผิวน้ำและมันก็ชี้ลงไปจุดที่มันดำลงไป ผมก็ว่ายไปหาไอ้โป้ง

      “กูว่าร่างไอ้พี่อั๋นอยู่ตรงนี้ว่า” ไอ้โป้งมันพูดกระซิบกับผม ผมพยักหน้าเพราะว่าผมสองคนก็เริ่มเหนื่อยแล้ว เดี๋ยวจะพากันจมลงไปอีก ผมสองคนก็พากันดำลงไปอีกคราวนี้สัมผัสได้ถึงร่างที่อยู่ใต้น้ำ ผมก็พยายามดันให้ลอยขึ้นไอ้โป้งมันช่วยผมหิ้วพี่อั๋นจนโผ่พ้นน้ำผมก็พาร่างนั้นเข้าข้างตลิ่ง ครูเขมวิ่งลงตรงจุดที่ผมช่วยไอ้พี่อั่น

      “ไอ้พี่อั๋นมันไม่หายใจแล้วว่ะ” ไอ้โป้งพูดในขณะที่ผมกำลังขึ้นมาจากน้ำ  ครูเขมรีบลงมาถึงก็ตรงเข้าไปดูพี่อั๋นเอานิ้วจับชีพจร  แสดงว่าพี่เขมเขาเรียนการปฐมพยาบาลมาส่วนพวกผมนะเขาเคยมาสอนแต่ไม่เคยคิดจะสนใจจดจำ

      “จริงด้วยไม่หายใจ” ครูเขมพูด ครูเขมก็ปลดกระดุมกางกงยืนที่ฟิตและรุดซิบเสื้อแจ็คเก็ต ครูเขมกำลังปั้มหัวใจพี่อั๋น ผมกับไอ้โป้งได้แต่ยืนมองเพราะว่าทำอะไรไม่ถูก และครูเขมก็ทำการผายปอด

      “ปึกๆๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงปั้มหัวใจเหมือนผ่านการฝึกเรื่องพวกนี้มาด้วยพวกผมได้แต่ยืนมองด้วยอาการตกใจถึงผมกับไอ้พี่อั๋นมันจะมีเรื่องชกต่อยกันและผมยอมรับว่าผมสู่มันไม่ได้มันเป็นนักมวยสากลประจำโรงเรียนได้เหรียญทองทุกปีแต่ผมก็ไม่อยากให้พี่อั๋นมันไปอะไรไป ผมได้แต่ภาวนา

      “หายใจซิอั๋น หายใจซิอั๋น” ครูเขมเอาแต่บอกคนที่นอนแน่นิ่งพร้อมกับพยายามปั้มหัวใจไปด้วยและผายปวดตามลำดับ ไอ้ปันปันพอมันมาถึงมันก็เข้าไปกอดไอ้โป้งทันที 

      “อั๋น!” ครูเขมพยายามจะช่วยชีวิตพี่อั๋น  มันทำให้ผมนึกทั้งที่ไอ้อั๋นเกือบจะต่อยพี่เขมซะด้วยซ้ำแต่ดูภาพนี้ซิ พี่เขมพยายามช่วยให้พี่อั๋นอย่างกับคนที่ไม่เคยมีอะไรบาดหมางกันมาก่อน ผมไม่รู้ว่าพี่เขมทำได้ยังไง ใจพี่เขมประเสริฐที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา

      “พล้วด….แคร๊กๆ  “ ร่างกายไอ้พี่อั๋นกระตุ๊กและน้ำก็ทะลักออกมาจากปากพี่อั๋น พี่เขมจับพี่อั๋นให้ตะแคงเพื่อป้องกันการสำลัก พี่อั๋นลืมตาขึ้นพร้อมการหายใจเข้าปอดแบบเฮือกใหญ่ ผมถึงกับเอามือลูบใบหน้าตัวเอง ผมโล้กอกไปที

      “โอเคแล้วอั๋น  นายปลอดภัย...เรียกเจ้าหน้าที่เร็ว!” ครูเขมบอกพี่อั๋นและบอกให้พวกผมเรียกเจ้าหน้าที่ ผมก็วิ่งไปเห็นรถตำรวจ รถหน่วยกู้ชีพ เขากำลังจะพาร่างพี่กายเพื่อเตรียมนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ผมเดินเข้าไปดูผมเห็นสภาพพี่กายผมก็รู้ว่าไอ้พี่กายบาดเจ็บสาหัสมาก ผมเห็นแบบนี้ ผมตัดสินใจเลยว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจำทำแบบนี้ ผมจะไม่แตะมันอีกบิ๊กไบท์

      “พี่ครับมีคนกระเด็นตกลงไปในน้ำและพวกผมได้นำขึ้นมาแล้วครับพี่” ผมวิ่งขึ้นไปบอกเจ้าหน้าที่กู้ภัย
           
      “เออพี่ก็ว่ามันมีรถอยู่ตรงนั้น แล้วคนเจ็บละ”

      “อยู่ข้างล่างครับพี่ หยุดหายใจไปชั่วขณะตอนนี้ปฐมพยาบาลแล้วพี่” ผมพูดและพี่หน่วยกู้ชีพก็นำเปลคนเจ็บวิ่งลงไปพากันเคลื่อนย้ายพี่อั๋น พี่อั๋นมองพวกผม พวกพี่กู้ชีพพากันนำร่างของพี่อั๋นขึ้นไปข้างด้านบนเพื่อจะนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเช่นกัน ผมเดินตามขึ้นไปเพราะยังไงพี่อั๋นก็เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนผมและพี่เขมก็เดินตามเจ้าหน้าที่ขึ้นมาเช่นกัน

      “คุณเป็นคนให้การปฐมพยาบาลคนเจ็บใช่ไหมครับ” เจ้าหน้าที่หันมาถามพี่เขม พี่เขมพยักหน้าว่าใช่

      “โชคดีนะครับที่คุณรู้จักวิธีช่วยเหลือเบื่องต้นเพราะถ้ารอพวกผมคงไม่ทันแน่ๆกว่าจะประสานงานกันกว่าจะมาถึงที่เกิดเหตุแม้จะใช้เวลาไม่กี่นาทีก็จริงแต่ทุกนาทีคือชีวิตถ้าทุกคนที่รู้เบื่องต้นเรื่องพวกนี้คนเจ็บก็มีโอกาสรอดเพิ่มขึ้นนะครับ”

      “ผมเรียนมานะครับและผมคิดว่าคงจะเอาไปเสนอผู้อำนวยการให้เด็กนักเรียนได้รับการอบรมเรื่องพวกนี้ด้วยเพราะพวกนี้เราไม่คาดคิดว่าจะเกิดกับเราหรือคนใกล้ตัวเราจริงไหมครับ” ครูเขมพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ ผมได้แต่ยืนมองจนพี่เขากำลังจะนำพี่อั๋นขึ้นรถ ส่วนพี่กายคงไปก่อนหน้านี้แล้ว

      “อีกคนอาการสาหัสมากพูดเลย อัดอยู่กับด้านหน้ารถสิบล้อขนาดนั้นไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตละว่ะ” ผมได้ยินพี่ๆทีมกู้ภัยพูด ผมหันมามองหน้าพี่เขม

      “หมับ”ระหว่างที่เขากำลังจะเคลื่อนย้ายพี่อั๋นผ่านผมไป พี่อั๋นมันยื่นแขนมาจับข้อมือผมเอาไว้ แต่พูดอะไรไม่ได้ได้แต่มองผม

      “ปึก” ไอ้พี่อั๋นมันกระฉากสร้อยคอส่งให้ผมก่อนที่เจ้าหน้าที่จะพาร่างนั้นขึ้นไปบนรถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและประตูรถก็ปิดลงผมยืนมองกันสักพัก ผมหันมามองครูเขม พี่อั๋นมันคืนเมโมรี่ที่พี่กายถอดไปจากมือถือไอ้ปันปันนั้นเอง

      “คนเจ็บอีกคนเป็นลูกชายท่านรองผู้กำกับการแถมอาการก็สาหัสสะด้วยโทรรายงานท่านด้วย” ผมได้ยินเจ้าหน้าที่คุยกันพี่กายบาดเจ็บสาหัส

      “ทำไมทำอะไรไม่คิดอีกแล้วละคริส” ครูเขมกอดอกพูดและมองหน้าผม ผมก็กอดพี่เขมตอบ ผมก็ไม่อยากจะคิดว่าหากคนที่เจ็บนั้นเป็นผมกับโป้งละ
 
      “ก็” ผมก็ก้มหน้าลงรู้ตัวว่าผิดอีกแล้ว

      “ผมขอโทษพี่เขม ผมขอโทษ ผมไม่สัญญาแต่ผมตั้งใจจะไม่แตะมันอีก พี่เขม” ผมพูดและกอดพี่เขมแน่นขึ้น ตอนที่พี่กายมันโดนชนสิ่งที่ผมคิดคือถ้าเป็นผมละ ผมก็จะไม่ได้เจอพี่เขมอีกแค่ผมคิดผมก็กลัวมากแล้ว

      “อันตรายไหมคริสถ้าเป็นเรากับโป้งละ พี่จะทำยังไง ปันปันอีกละ ดูซิ ”ครูเขมพูดพี่เขมมองหน้าผม แววพี่เขมที่บอกผมว่าเขาเป็นห่วงผมมากแค่ไหน ผมหันไปเห็นปันปันมันกอดไอ้โป้ง มันก็คงกลัวเหมือนที่พี่เขมกลัวเช่นกัน

      “มันจบแล้วพี่เขม” ผมพูดเบาๆ คนขับรถชนพี่อั๋นกับพี่กายกำลังยืนให้ปากคำกับตำรวจ

      “คุณครูนั้นเองสวัสดีครับ” นายตำรวจท่านหนึ่งเดินมาทางครูเขม ผมหันไปมองครูเขมว่ารู้จักเขาด้วยเหรอ ครูเขมพยักหน้าให้ผม

      “ท่านรองฯที่มาที่โรงพยาบาลวันที่พี่ไปช่วยแก้มไง” พี่เขมกระซิบกับผม ผมพยักหน้าว่าจำได้แล้ว

      “ครูมาเร็วว่าผู้พิทักสันติราษฏร์อีกนะครับ..ผมว่าเลิกเป็นครูมาเป็นตำรวจดีกว่าไหมครับ” คุณตำรวจแซวพี่เขม

      “คงไม่ละครับผมอยากเป็นครูมากกว่าครับท่านรองฯ..และนี้ก็บังเอิญอีกเช่นนะครับ”ครูเขมพูด คุณตำรวจคงเชื่อหรอกนะครับเพราะว่าครั้งที่สองแล้ว

      “แล้วเราสองคนนี้”

      “ผมขับรถแข่งกับพี่เขามานะครับ ผมไม่ได้อยากแข่งแต่ผมมีเหตุจำเป็นนะครับคุณตำรวจผมรู้ว่าผิด” ผมพูด คุณตำรวจมองหน้าผมสองคนและหันไปมองหน้าครูเขม

      “ใครเป็นคนลงไปช่วยคนเจ็บละ”

      “ผมสองคนครับ” โป้งพูด คุณตำรวจมองหน้าผม

      “ถือว่าชดเชยแต่อย่าทำอีกนะรู้ไหมว่าเส้นนี้มันอันตรายมากถ้าอยากแข่งรถจะทำสนามให้ “ คุณตำรวจพูดก่อนจะเดินกลับไปคุยกับเจ้าหน้าที่ต่อผมหันมามองหน้าครูเขมโป้งด้วยเช่นกัน

      “ครูครับคริสมันทำเพื่อครูนะครับ” โป้งรีบพูดแทนให้

      “ไอ้กายนะมันเอารูปในเมโมรีที่ปันปันถ่ายไว้ตอนที่เราไปตั้งแคมป์กันนะครับครู” ครูเขมหันไปมองหน้ากายและกันหลับมามองหน้าผม

      “มันเอามาขู่ว่าจะไปให้เจ้าหน้าที่ที่คุรุสภาดูและพี่เขมอาจจะโดนยึดใบประกอบครู มันยื่นข้อเสนอนัดผมออกมาแข่งรถแต่ว่ามันดันแจ้งตำรวจไว้ก่อนแล้ว” ผมพูดต่อคูเขมกอดอกมองหน้าผม

      “นายกายขับรถกลับก่อนแต่จังหวะที่รถบรรทุกขึ้นมาจากทางแยกตรงคอสะพาน พี่กายกับพี่อั๋นเลยประสานกับรถบรรทุกนะครับพี่เขม” ผมพูด

      “และถ้าคนเจ็บมันไม่ใช่แค่นายกายละเป็นเราสองคนด้วย... โป้ง.. คริส “ ครูเขมพูดผมหันไปมองหน้าไอ้โป้ง

      “ครูจะทำโทษ..แต่ไม่ใช่ตอนนี้...ตอนนี้กลับบ้านกันได้แล้ว..ไม่รู้ว่านายกายจะเป็นยังไงบ้าง ส่วนนายอั๋นก็คงไม่เป็นอะไรมากแล้วแต่ก็ต้องนอนโรงพยาบาลเหมือนกัน ” ครูเขมพูดก่อนจะหันหลังเดินไปขึ้นรถปันปันไปขึ้นรถกับครูเขมด้วย ผมก็ไม่รู้ว่าพี่กายมันเป็นยังไงบ้างแต่ภาพที่มันอัดหน้ารถยังติดตาอยู่เลยพาให้ผมแทบจะไม่กล้าขับรถกลับ ผมขับรถกลับไปถึงบ้านพักครู ครูเขมกำลังอุ่นอาหารอยู่

      “รีบอาบน้ำจะได้มาทานข้าว...คริส” ครูเขมพูดผมก็เข้าห้องน้ำอาบน้ำชำระล้างร่างกาย รู้สึกแสบข้อศอกคงเป็นตอนที่รถล้มที่ขานิดหน่อย ผมแต่งตัวสวมเสื้อกร้ามออกมานั่งทานอาหารกับครูเขม

      “พี่คิดว่าเรื่องนายกายคงหยุดซะทีนะและพี่จะถามปันปันว่าจะเอายังไงจะได้บอกกับผู้อำนวยการถูก” ครูเขมพูด ผมพยักหน้าผมนั่งทานอาหารไปได้สักพัก

      “โอ้ยย! ซี้ด” ผมร้องเพราะว่ามือพี่เขมมาแตะที่แขนผม มันเป็นรอยถลอกแดงๆมันก็เจ็บเอาการอยู่นิดหน่อยที่ร้องให้มันดูเจ็บเยอะๆจะได้มีคนดูแล

      “เดี๋ยวพี่ทายาให้” ครูเขมพูดพร้อมกับเก็บภาชนะไปล้างทำความสะอาดผมลุกมานั่งรอที่ตรงโซฟา พี่เขมเดินไปหยิบยามาทำความสะอาดแผลให้ผม พวกแอลกอฮอล์ น้ำเกลือเช็ดล้างแผลและทิงเจอร์นี้แหละโคตรแสบเลย

      “ซี้ด”เสียงร้องลากยาวจากปากผม

      “ไม่ต้องร้องเลยอยากซ่าดีหนัก” พี่เขมทำแผลให้ผมและก็บ่นผมไปด้วย  แต่มันทำให้ผมแอบอมยิ้ม

      “พี่เขมผมขอโทษนะต่อไปนี้ผมจะไม่สัญญาแล้วว่าผมจะไม่แตะต้องรถอีกเพราะว่าผมจะขายแล้วผมจะได้ไม่ต้องขับมันอีก” ผมพูดกับครูเขม

      “จะขายทำไมละ” พี่เขมเงยหน้าขึ้นมาถามผม

      “ขายดีกว่าเพื่อเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายได้พี่เขมช่วยผมมาเยอะแล้ว...ผมเต็มใจที่จะขายพี่เขม” ผมพูด ครูเขมพยักหน้าเบาๆ

      “ไหนบอกว่ามีข่าวดีไง” ผมถามพี่เขมขณะที่พี่เขมกำลังเก็บชุดทำแผลใส่กล่องพลาสติก

      “เอาไว้พรุ่งนี้ดีกว่าพี่ว่า ตอนนี้ไปนอนได้แล้ว “ ครูเขมพูดผมเลยอดฟังข่าวดีเลยทำหน้ามุ่ยเลยผมแต่ก็แค่อาทิตย์หน้าเองอดทนรอ ผมจัดการทำธุระส่วนตัวก่อนเข้าห้องนอน หน้าทีผมต้องปิดบ้านล๊อกประตูรีบกลับเข้าห้องนอน

      ผมตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้นอนร่วมเตียงเดียวกับครูเขมแม้บางที่ก็ไม่ได้ทำแบบนั้นเพราะว่าครูเขมมีภาระหน้าที่เยอะขึ้นเหนื่อยล้าเราก็เปลี่ยนไปทำวันอื่นอาจจะเสาร์อาทิตย์แต่แค่นอนกอดกันก็มีความสุขดีแล้วสำหรับผม

      “หมับ”ทันทีที่ผมคลานขึ้นไปบนเตียงก็สวมกอดคนที่นอนอ่านหนังสือโดยใช้ไฟหัวเตียง

      “มันจบแล้วใช่ไหมพี่เขมต่อไปนี้คงไม่มีเรื่องอีกแล้วใช่ไหม ผมนี้เป็นแฟนที่แย่จังหาแต่เรื่องให้พี่แย่กว่าณัฐกานต์อีก” ผมพูดด้วยความรู้สึกเสียใจ

      “ถ้าเป็นแฟนที่แย่พี่คงไม่รอดมาจนตอนนี้หรอกมั้ง ไม่งั้นพี่คงโดนไปหลายกระทงแล้ว เรานะทำเพื่อพี่มาหลายครั้งแล้วเหมือนกัน” ครูเขมพูด ผมก็ยันตัวเองขึ้นใช่ฝามือโอบใบหน้านั้นประจบจูบเบาๆ

      “ขอบใจนะ” ครูเขมพูดผมยิ้มด้วยความดีใจยิ่งกว่าได้ของรางวัลที่ราคาแพงๆซะอีก

      “กู้ดไนท์ สุดที่รัก” ผมพูด ครูเขมก็พับเก็บหนังสือที่อ่านอยู่พร้อมกับเอื้อมมือไปแตะไฟหัวเตียงและเอนตัวลงนอน ผมก็สวมกอดร่างนั้นไว้ ผมโชคดีมากแค่ไหนที่ได้เจอผู้ชายที่แสนดีคนนี้ เมื่อก่อนผมเคยคิดแต่ว่าอยากเจอผู้หญิงที่ดีพร้อมจะได้เป็นแม่ของลูกผมได้แต่ตอนนี้ความคิดผมเปลี่ยนไปแล้ว คนดีดีที่เราเฝ้ารอไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นผู้หญิงเสมอไป ขอแค่ใจเราตรงกันอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขแค่นี้ก็คงพอแล้ว ผมไม่ขออะไรเพิ่มแล้ว ผมเชื่อว่าพระเจ้าส่งคนที่ใช่มาให้ผมแล้วตอนนี้ ต่อไปผมจะดูแลรักษาเขาให้ดีที่สุด ผมรักพี่เขมสุดหัวใจ 
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่องร้ายๆจบลงซะที เรื่องดีดีกำลังจะเข้ามาเนอะ ไม่รู้ว่านายกายชดใช้เพียงพอไหมนะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านและให้กำลังใจไร้ทนะคะ ถ้ามีคำผิดไร้ทขอโทษจริงๆ

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน (ครูเขมXคริส)EP.39เรื่องร้ายก็ผ่านไปได้ซะที
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 01-10-2020 12:34:55
EP.39 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์  เรื่องร้ายก็ผ่านไปซะที
      
             ครูเขมชาติ    ผมได้พาคริสโตเฟอร์เฟอร์ไปสอบGED สามวิชาสุดท้าย ตอนนี้เหลือแต่รอลุ้นอย่างเดียวว่าจะผ่านหมดไหม ใจผมก็ลุ้นมากเช่นกัน ทั้งลุ้นและใจหายไปพร้อมๆกัน ยิ่งผมได้ยินว่าพ่อของเขาจะดูมหาวิทยาลัยให้เขาด้วยเลยอีก ผมยิ่งใจหายเข้าไปใหญ่
           
      หลังเกิดเรื่องคืนนั้น คริสโตเฟอร์บอกว่าบิ๊กไบท์ของเขามีคนที่ติดต่อซื้อขายเข้ามาดูรถ พี่เขาอยู่ชมรมรักบิ๊กไบท์และเป็นคนรักรถมาก คริสเลยตัดสินใจขายไป แต่เขากลับให้คนขายโอนเงินเข้าบัญชีผมเอาไว้ ส่วนผมก็เก็บไว้ให้เขานั้นแหละ และเราสองคนก็ตัดสินใจไปเปิดบัญชีร่วมด้วยกัน ผมว่าจะเริ่มเก็บหอมรอมริบสำหรับอนาคตของผมและเขา
           
          วันนี้ผมก็มาทำหน้าที่สอนตามปกติ ผมออกมาก่อนคริสโตเฟอร์ผมให้เขานอนต่ออีกสักหน่อย เมื่อคืนกลับมาถึงก็ค่อนข้างมืดและช่วยกันทำความสะอาดบ้าน อาทิตย์ที่แล้วอนุชิตไม่สะดวกมาทำความสะอาดเพราะว่าคุณย่าของเขาไม่ค่อยสบายผมเลยให้เขาอยู่ดูแลย่าเขาจะดีกว่า และผมก็มียืนเวรหน้าประตูกับครูถาวรแต่เช้า

 
      “ครูเขมคะ คะแนนสอบออกเมื่อไหร่เหรอคะครูเขม” ครูถาวรหันมาถามผม
 
      “คงสักพักนะครับแต่ถ้าออกแล้วเขาจะส่งอิเมลมาแจ้งนะครับว่าผ่านไหมและใบประกอบจะตามมาอีกอีกทีนะครับทางอิเมล”ผมหันไปบอกครูถาวร 
 
      “ครูเขมค่ะ” เสียงครูลินดาเรียกชื่อผม ผมหันไปมองเธอวิ่งกระหืดกระหอบมาหาผม เหมือนมีเรื่องด่วน
 
      “เป็นอะไรไปลินดาดูวิ่งเข้าซิ “ ครูถาวรหันไปถามครูลินดา
 
      “ครูเขมต้องไปดูค่ะ ...นักเรียนเราออกทีวีด้วยน่ะค่ะ” ครูลินดาพูด 
 
      “ใครเหรอครับ” ผมถามครูลินดา
 
      “ลูกศิษย์ครูค่ะ ...นายอนุชิต ...ไปเร็วๆค่ะ” ครูลินดาพูดผมก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาอนุชิต ผมก็หันไปมองครูถาวรเธอพยักหน้าว่าเธอยืนคนเดียวได้ ผมก็รีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องพักครูทันทีที่ผมขึ้นไปถึง ผมเห็นบรรดาครูยืนดูทีวีกันอยู่
 
      “ครูเขมมาแล้วครับหลีกทางให้ครูในฝันของนักเรีนยหน่อยครับ” ครูโจ้พูดซะทำให้ครูที่ยืนอยู่ต้องกันมามองผมกันหมดพร้อมกันรีบแหวกทางให้ผมทันที
 
          ผมเดินแทรกตัวเข้าไปอยู่ตรงกลางผมเห็นข่าวพาดหัวเรื่องว่าเด็กเดินช่วยยายขายขนมหวานเจอกระเป๋าตกอยู่ด้านในมีพาสสปอร์ตและเงินสด รวมทั้งของมีค่าราคาเกือบ สองล้านบาทยังไม่ร่วมถึงบัตรเครดิตและเอทีเอ็ม และได้ตามนำส่งคืนให้เจ้าของที่เป็นชาวต่างชาติและมีการสำภาษญ์ชาวต่างชาติคู่นั้นเขาเข้าจะไปทำธุระที่จังหวัดหนึ่งโดนเขาได้เดินทางจากเขาใหญ่ระหว่างเดินทางประตูรถที่เขานั่งโดยสารมาปิดไม่สนิท เขาจึงเปิดและปิดใหม่อีกครั้งจังหวะนั้นกระเป๋าของมีค่าที่วางอยู่ที่วางเท้าได้หล่นลงไปโดยที่เจ้าของไม่ทราบต่อมานายอนุชิตเป็นผู้เก็บได้และได้นำส่งคืนให้กับเจ้าของ ทรัพย์สินของมีค่าอยู่ครบถ้วนชาวต่างชาติต้องการมอบเงินหนึ่งหมื่นบาทให้นายอนุชิตแต่นายอนุชิตปฏิเสธเขาให้เหตุผลว่าเขาทำดีไม่ได้หวังสิ่งตอบแทบและภาพก็ตัดมาที่นายอนุชิตตอนกำลังให้สำภาษณ์
 
      “ที่จริงน้องจะนำเงินนั้นไปก็ได้นะเพราะว่าเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าตกหล่นทีไหน” นักข่าวที่สัมภาษญ์ถามอนุชิต
 
      “ไม่ครับมันเป็นการไม่ซื่อสัตย์ครับ ถึงผมจะไม่มีเงินเยอะเหมือนคนอื่นเขา ถึงผมจะอยากได้เงินแต่ผมจะไม่เอาเงินของอื่นเด็ดขาดครับเพราะว่าเขาก็คงจำเป็นที่จะต้องใช้มันเหมือนกันครับ และครูเขมเคยสอนผมไว้ว่า ผมนะเลือกเกิดมามีพร้อมเหมือนคนอื่นไม่ได้แต่ผมเลือกจะเป็นคนดีได้ครับ “ นายอนุชิตให้สำภาษณ์ ครูทุกคนหันมามองที่ผมกันหมด
 
      “ลูกศิษย์ครูเขม...สงสัยว่าโรงเรียนนี้ต้องการครูเขมแล้วแหละค่ะ ..อย่าทิ้งพวกเราไปนะคะ” ครูนิดพูด ผมยิ้มให้ 
 
      “ครูเขมคะ...โทรศัพท์จากศาลากลางค่ะ...ต้องการพูดสายกับครูเขม ครูที่รับผิดชอบเรื่องการขอทุนการศึกษาน่ะค่ะ” ครูสมพิศเดินมาหาผม ผมก็รีบเดินออกเพื่อไปที่ห้องถัดไป ผมยกสายขึ้นแนบหูขอให้เป็นเรื่องทุนนายอนุชิตเถอะ
 
      “สวัสดีครับ ผมครูเขมชาติพูดสายครับ”
 
      “สวัสดีค่ะดิฉันเป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงการศึกษาจังหวัดค่ะ ....จะโทรมาแจ้งครูเขมชาติเรื่องทุนของเด็กชายอนุชิตนะคะ จากที่คณะกรรมได้อนุมัติว่าไม่เห็นสมควรให้นายอนุชิตวันก่อน” ผมก็ยืนตั้งใจฟัง
 
      “ตอนนี้คณะกรรมการประชุมกันใหม่เมื่อเช้านี้ เด็กชายอนุชิตได้ทำชื่อเสี่ยงให้แก่จังหวัด นายอนุชิตเป็นคนซื่อสัตย์อย่างที่ครูได้รายงานมาจิรง ทางเราจึงอนุมัติให้ทุนนายอนุชิตค่ะ” ผมได้ฟังถึงกับอึ่งพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
 
      “อะไรนะครับขอใหม่อีกครั้งได้ไหมครับ” ผมถามเจ้าหน้าที่กลับอีกครั้ง 
 
      “พรุ่งนี้พาเด็กมารับทุนค่ะคุณครู” เจ้าหน้าที่พูดปนหัวเราะ 
 
      “ครับได้ครับ ขอบคุณนะครับ” ผมพูดและสายก็ถูกตัดไป ผมนี้ดีใจแทนอนุชิตมากไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะดีใจแค่ไหนที่เขาได้รับทุนผมรีบออกจากห้องเพื่อลงไปตามหาอนุชิต เขาคงอยู่กับเพื่อน ผมเดินลงมาก็เห็นอนุชิตกำลังห้อมล้อมไปด้วยเพื่อนๆ คงเรื่องที่เขาออกทีวีแน่ๆ 
 
      “อนุชิต” ผมเรียกอนุชิตเขาก็วิ่งจากกลุ่มเพื่อนมาหาผม
 
      “ครูเขม” 
 
      “ครูเห็นเธอทางทีวีแล้วอนุชิต เธอทำดีมาก เธอทำถูกแล้วรู้ไหมความดีนะติดตัวเราไปได้นานแสนนานเลยทีเดียวรักษามันไว้ให้ดี” ผมพูด
 
      “ครูมีข่าวดีจะบอกเธอนะ...พรุ่งนี้แต่งตัวให้เรียบร้อย...เราจะไปรับทุนกัน” ผมพูดอนุชิตตาโต
 
      “แต่ว่า...”
 
      “เพราะเธอเป็นคนดี...เขาพิจารณาใหม่เธอได้ทุนพรุ่งนี้เราไปรับทุนกัน” ผมพูดย้ำอีกครั้งอนุชิตโผเข้ามากอดผมทันทีด้วยอาการดีใจ
 
      “ผมได้ทุน...ขอบคุณนะครับครู...ผมรักครูครับ”
 
      “ถ้าเรารักครูก็ต้องเป็นคนดีและเป็นแบบนี้ตลอดไปต่อให้เราลำบากแต่ความดีจะช่วยให้เราดีขึ้นครูเชื่ออย่างนั้น ความดีจะช่วยให้เธอผ่านอุปสรรค์ต่างๆไปได้ เพราะว่าคนดีพระคุ้มครอง” ผมบอกอนุชิต 
 
      “ผมจะตั้งมั่นทำความดี ผมจะตั้งใจเรียน ผมจะดูแลย่าและผมจะกลับมาตอบแทนครู” อนุชิตพูด
 
      “กลับไปหาเพื่อนเถอะ” ผมพูดเขาก็วิ่งกลับไปหาเพื่อนๆ 
 
      “ครูดีใจที่เธอไม่เคยย่อท้อกับชะตาชีวิต ครูเชื่อว่าคนอย่างเธอจะต้องได้ดี...อนุชิต” ผมพูดก่อนจะเดินหันหลังกลับเตรียมตัวเรื่องการสอนหลังจากเข้าแถว 
 
      ช่วงเข้าแถวตอนเช้าผู้อำนวยการมาทันเวลาพอดีท่านจึงขึ้นไปพูดเรื่องอนุชิตทำความดี และท่านยังพูดเรื่องที่นายกายและนายอั๋นประสบอุบัติเหตุ เนื่องจากแข่งรถท่านยังออกกฏเพิ่มหลังสองทุ่มห้ามนักเรียนออกนอกโรงเรียนยกเว้นกรณีที่จำเป็นให้แจ้งครูอยู่เวรหรือต้องมีผู้ปกครองมารับเท่านั้น กรณีที่จำเป็นครูเวรต้องรับทราบทุกครั้ง เดือนหน้าผมได้อยู่เวรดูแลเช่นกันจะมีห้องพักให้ครูพักอยู่ใกล้ชิดนักเรียนเข้าไปอีกผม ฮาๆ
 
      “ครูเขมครับ” ผู้อำนวยการเรียกผม
 
      “ครับท่าน”
 
      “รบกวนครูเขมขึ้นไปคุยกับผมหน่อยได้ไหมครับ เด็กๆด้วยนะครับ ปันปัน โป้งและนายคริส” ผู้อำนวยการบอกผม ผมพยักหน้าท่านก็เดินกลับขึ้นไปบนห้องทำงานของท่านส่วนผมก็ยืนรอ โป้งและปันปัน เดินมาพอดีผมควักมือเรียกไว้และคริสโตเฟอร์ด้วยผมเรียกทั้งสามคนออกมาหาผม
 
      “ผู้อำนวยการต้องการคุยกับเราสามคนและครูด้วยตอนนี้นะ” ผมบอกทั้งสามคนก็พยักหน้า ผมพาทั้งสามคนเดินขึ้นไปบนห้องทำงานผู้อำนวยการก่อนจะเปิดประตูเข้าไปผมก็เคาะประตูก่อน
 
      “เชิญครับ” ผู้อำนวยการ ผมเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับทั้งสามคน ผู้อำนวยการผายมือให้ลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้าท่าน ท่านมองหน้าทั้งสามคน
 
      “ก่อนจะเอ่ยเรื่องอื่นผมขอแสดงความยินดีด้วยนะครับครูทำให้อนุชิตได้ทุน โรงเรียนนี้ขาดครูคงแย่ และนับว่าผมเลือกครูไม่ผิดจริงๆ “ ผู้อำนวยการพูด ผมน้อมรับคำชม 
 
      “เอาละ ไงเราสามคน ทำไมต้องเป็นสามคนอยู่เรื่อยเลยห่ะ” ผู้อำนวยการหันทางทั้งสามคนที่นั่งถัดจากผมไป คนแรกคริสที่นั่งติดกับผม คนที่สองโป้งและปันปัน
 
      “ผมก็เฝ้าถามตัวเองมาจะสองปีแล้วครับท่านผอ. ทำไมต้องเป็นพวกผมตลอดเลย ” ปันปันตอบ 
   
      “ตกลงแล้วเป็นนายกายใช่ไหมครับครูที่อยู่เบื่องหลังคนที่ทำร้ายปันปัน “ ผู้อำนวยการถามผม ผมก็ส่งคลิปที่คริสโตเฟอร์ไปถ่ายมาได้ให้ผู้อำนวยการดู ท่านก็พยักหน้าเบาๆ 
 
      “แล้วเรื่องที่เราไปแข่งรถกับนายกายละคริส” ผู้อำนวยการถามนายคริสโตเฟอร์
 
      “คือว่าไอ้พวกนั้นมันเอาเมโมรีที่ปันปันถ่ายรูปผมกับครูเขมไปและพี่กายก็เอาตรงนี้มาขู่จะรายงานไปทางคุรุสภาครับผมเลยต้อง...” คริสโตเฟอร์พูด ปันปันก็พยักหน้าเสริมอีกคน 
 
      “ครูหวังนี้จะเป็นเครสสุดท้ายนะ เรารู้ไหมว่านายกายเขาเป็นยังไงบ้างเขาได้รับการผ่าตัดเรื่องจากได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง ตอนนี้นายกายออกจากห้องผ่าตัดแล้วแต่ยังคงอยู่ในห้องไอซียูและอีกสามสี่วันแหละถึงจะย้ายไปอยู่ห้องคนไข้พิเศษ” ผู้อำนวยการพูด นี้เขาเป็นหนักขนาดนั้นเลยเหรอ
 
      “แพทย์ที่ทำการผ่าตัดได้แจ้งว่ามันอยู่ในจุดที่สำคัญและนายกายก็จะหมดความรู้สึกไปครึ้งตัวตั้งแต่เอวลงไป” ผู้อำนวยการพูด  พวกผมหันมามองหน้ากัน
   
      “เราสองคนโชคดีแค่ไหนและครูไม่อยากให้เราสองคนเป็นรายต่อไป โป้ง คริส” ผู้อำนวยการพูด
 
      “ผมขายรถไปแล้วครับ” โป้งและคริสโตเฟอร์พูดออกมาพร้อมกัน 
 
      “ผมจะเลิกนิสัยเดิมๆแล้วครับ ผอ. “ โป้งพูด 
 
      “แล้วนายอั๋นละครับท่าน” ผมถามผู้อำนวยการ
 
      “นายอั๋นนะปลอดภัยแล้วแต่ยังคงต้องอยู่ในโรงพยาบาลอีกอาทิตย์ เพราะว่าเขาจมน้ำทำให้น้ำเข้าไปในปอดจำนวนมากและเขาก็หยุดหายใจไปชั่วขณะแต่ยังนับว่าโชคดีที่ครูไปทัน ครูรู้วิธีช่วยเขา” ผู้อำนวยการพูด 
 
      “แต่...นายอั๋นไม่สามารถกลับมาต่อยมวยได้อีกอันนี้แพทย์สั่งทางพ่อแม่ของนายอั๋นและนายอั๋นก็สารภาพหมดแล้วว่าคนที่ทำร้ายปันปันนะเป็นคนที่นายกายจ้างมาเป็นคนนอกอันนี้คุณตำรวจจะเป็นคนจัดการเองเพื่อให้เข้ามารับโทษนะปันปัน”ผู้อำนวยการพูด
 
      “ครูเสียใจด้วยนะปันปันที่ต้องมาเจอเรื่องที่เลวร้ายแบบนี้แต่ครูเชื่อว่าเธอจะได้เจอสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตตามมา” ผู้อำนวยการพูด
 
      “ผมเจอแล้วครับ ..ผอ.” ปันปันพูดพร้อมกับกุมมือโป้ง 
 
      “รักวัยรุ่น...ดูแลกันดีดีละ” ผู้อำนวยการพูด
 
      “แล้วเราจะเอาเรื่องนายกายไหมพ่อเขาก็คงต้องยอมรับสภาพความผิดของลูกชายเขาละ” ผู้อำนวยการหันมาถามปันปัน 
 
      “ผมไม่เอาเรื่องเขาแล้วแหละครับ...เขาได้รับผลจากการกระทำของเขาแล้วครับ” ปันปันพูด 
 
      “ผมอยากให้ทุกอย่างมันจบผมไม่ติดใจอะไรกับมันแล้วมันไม่สำคัญไปกว่ามิตรภาพความเป็นเพื่อนที่ผมได้ตอนที่ผมแย่ที่สุด” ปันปันพูด โป้งก็โอบไหล่ปันปัน คริสโตเฟอร์เอื้อมมือไปแตะหัวปันปัน 
 
      “ครูไม่ได้เข้าข้างเพราะพ่อเขาเป็นตำรวจแต่ครูเห็นว่าเขาแย่แล้วอย่าไปซ้ำเขาเลยนะ...เราสามคนเข้าใจครูใช่ไหม” ผู้อำนวยการพูด ทั้งสามก็พยักหน้ารวมทั้งผมด้วยผมเห็นด้วยต่อให้ที่ผ่านมาเขาทำไม่ดีกับผมหรือทั้งสามคนยังไงก็ตาม ผมอยากให้เขาให้อภัย เพราะเท่าที่ฟังผู้อำนวยการพูดเป็นแบบนั้นจริงคงจะแย่ที่สุดอายุยังน้อยต้องมาเป็นแบบนี้อีก 
 
      “และนายคริสโตเฟอร์ เรื่องสอบเราเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
 
      “ครับท่าน” คริสโตเฟอร์ตอบ 
 
      “ต่อไปทำตัวดีดีนะ ครูเขมนะเขารับหน้าเรื่องเรามาเยอะแล้ว ต่อไปนี้ตั้งใจเรียนจะได้จบมาดูแลครูเขมเขา” ผู้อำนวยการพูด ผมหันไปมองพ่อตัวดีของผม
 
      “โป้งก็ด้วยเหมือนกันลดลงหน่อยหรือเลิกได้ยิ่งดีพ่อแม่เราก็เป็นห่วงเรามากนะ แล้วนี่พ่อเราดีขึ้นหรือยัง” ผู้อำนวยการถามโป้ง
 
      “ดีขึ้นแล้วครับท่านแต่ยังกลับไปทำงานไม่ได้ครับ ผมจึงต้องกลับไปช่วยแม่ทุกเสาร์อาทิตย์ครับและโชคดีทีอาผมน้องชายของพ่อมาดูแลให้แทนไปก่อนนะครับ” โป้งพูด 
 
      “ต่อไปคงหมดแล้วซินะครับครูเขม” ผู้อำนวยการพูด
 
      “ครับผมหวังอย่างนั้นครับท่าน...และผมเองไม่ได้อยากให้มันจบลงแบบนี้ แบบนี้มีนักเรียนของเราได้รับบาดเจ็บแบบนี้...” ผมพูดผมรู้สึกผิดที่ผมไปถึงช้าเกินไป ไปห้ามเขาช้าไป
 
      “ไม่ใช่ความผิดของครูหรอกครับ ครูนะทำดีที่สุดแล้ว “ ผู้อำนวยการพูด
 
      “เอาละไปเรียนกันได้แล้ว...” ผู้อำนวยการพูด 
 
      “ครูเขมครับครูนิดแจ้งครูเขมแล้วใช่ไหมครับว่าครูต้องอยู่เวรหอพักนักเรียนเดือนหน้าแล้วนะครับ “
 
      “ครับท่าน” 
 
      “ยังไงผมคงต้องนัดประชุมกันเรื่องกฏอนุญาตินักเรียนในยามวิกาล” ผู้อำนวยการพูด ผมพยักหน้าก่อนจะหันหลังเดินออกเช่นกันผมต้องไปสอนหนังสือต่อเช่นกัน ผมเห็นสามหนุ่มเขาเดินหยอกเล่นกันแบบนี้แล้วก็อดคิดแทนคริสโตเฟอร์ไม่ได้ถ้าเขาสอบได้และเขาต้องทิ้งเพื่อนไปนั้นหมายถึงชีวิตม.ปลายจะหายไปจากชีวิตเขามันจะเร็วไปหรือเปล่า 
   
         ผมกลับขึ้นห้องเรียนเพื่อทำการสอนตามปกติตอนเที่ยงก็ไปทานข้าวกับคริสโตเฟอร์แต่คงไม่ต้องติวแล้วพักให้เขาได้ผ่อนคลายบ้างเอาไว้ติวอีกทีหลังจากผลสอบออกมาแล้วเพราะว่าคริสโตเฟอร์ต้องไปสอบ ก็จะมี TOEFL , IELTS และ SAT
      หลังจากหมดคาบสอนผมก็เตรียมตัวกลับบ้านพักทำอาการเย็นรอเหมือนเป็นแม่บ้านเลยนะ ระหว่างที่ผมกำลังเดินผ่านทางไปสนามบาส
     ผมเปลี่ยนใจเดินไปดูเขาซ้อมกันหน่อย วันนี้มีสอนดรัมเมเยอร์คนใหม่โดยครูถาวรเธอเป็นดรัมเมเยอร์มหาวิทยาลัยมาก่อนกำลังสอนให้แก้ม ผมดีใจที่แก้มกลายเป็นเด็กที่น่ารักจากที่เคยเป็นเด็กแก่นแก้ว ผมยิ้มให้แก้มและครูถาวร ผมเดินไปหยุดที่ตรงขอบสนามบาสเกตบอล ช่วงนี้คริสโตเฟอร์คงซ้อมหนักขึ้นเพราะหายไปหลายวัน 
 
      “สวีสดีครับคุณครูเขม” ผมหันมามองโค้ชของพวกเด็กๆนี้เอง 
 
      “สวัสดีครับคุณอลัน.....เรียกผมครูเขมเฉยๆก็ได้ครับ” ผมพูดพร้อมส่งยิ้มให้ 
   
      “นึกว่าให้เรียก...” ผมถึงกับสะบัดหน้ามามองว่าเรียกอะไรเหรอ
 
      “ล้อเล่นนะครับ” เขาก็เปลี่ยนทันที 
 
      “เรียกผมโด้ก็ได้ครับครูเขม” โค้ชพวกเด็กหันมาบอกผม 
   
      “ผมได้ยินมาว่าครูเป็นฮีโร่ของโรงเรียนนี้ไม่น่าเชื่อนะครับดูหุ่นบอบบางแบบนี้ ปกป้องได้ด้วยแม้อยากให้มาปกป้องผมจัง” ผมหันไปมองหุ่นล่ำกว่าผมเยอะปกป้องตัวเองดีกว่าไหม
 
      “ผมก็ไม่ได้เก่งอะไรหรอกครับช่วยได้เท่าที่ช่วยไม่ใช่พวกซุปเปอร์แมนอะไรแบบนั้นหรอกครับและทุกครั้งโชคช่วยมากกว่านะครับ” ผมพูดคนทียืนเอามือล่วงกระเป๋าเหล่มามองผม สายตานี้วิ้งๆ มาก ผมนี้คิดผิดไหมนะรู้อย่างนี้เดินตรงไปบ้านพักดีกว่ามายืนให้ตานี้จีบซะอย่างนั้นนะ จังหวะที่คริสโตเฟอร์หันมามองผมพอดีเลย ผมโบกไม้โบกมือให้ และลูกบาสเก็ตบอลกำลังตรงมาหาผมพอดีเลย 
   
      “ปั๊ก”ผมรีบยืนตัวลีบหลับตาปรี่ยกแขนขึ้นมาปกป้องตัวเองแต่ทว่ามีคนมารับไว้ คุณโค้ชนี้เอง
 
      “ไม่ต้องห่วงครับผมเอาอยู่...” คุณโค้ชพูดพร้อมสายตามาทางผม ผมก็พยักหน้าคนที่ยืนมองผมทำหน้าบึ่งแล้วซิ พี่ไมได้อ่อยเขา (แอบกลัวคนของตัวเองมันจะทำโทษผมเอา)   
   
      "ขอบคุณนะครับคุณโด้" ผมพูดขอบคุณเขา
   
      “ไม่เป็นไรครับแต่ถ้าจะให้ดีเปลี่ยนเป็นไปทานข้าว ดูหนังกับผมจะดีมากเลยครับครู อยากดูแลครู”  อันนี้แหละผมคงจะรีบวิ่งครับ ไม่น่ามาเลยเขมชาติเดินตรงกลับบ้านพักซะก็หมดเรื่อง
 
      “ผมยุ่งนะครับช่วงนี้ต้องเตรียมออกข้อสอบ ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับพอดีต้องเตรียมตัวสอนพิเศษเด็ก...ขอบคุณอีกครั้งนะครับ บายครับ ” ” ผมถึงกับรีบเดินออก เรียกว่าเดินจ้ั้มอ้าวเลยก็ว่าได้เืพิื่อกลับบ้านพัก ระหว่างที่ผมกำลังเดินกลับไปได้เกือบจะครึ้งทาง
 
      “ปรี้นๆ” เสียงแตรรถ ผมหันไปก็เจอคริสโตเฟอร์ ขับรถคันใหม่ที่ผมซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด คนที่ขับมาจอดเทียบกับผมหน้าบอกบอกได้ว่ากำลังงอน
 
      “เป็นอะไรเนี๊ยะ”  ผมถามคริสโตเฟอร์
 
      “ก็แฟนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้หนุ่มอื่นจะให้ผมยิ้มระรื่นเหรอครับ” นั้นไงมาเต็มๆเลย พ่อคุณงอนครับผม
 
      “พี่ไมได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แต่ยิ้มให้ตามมารยาทต่างหาก” 
 
      “ไม่ได้ห้ามไม่ให้ยิ้มแต่ห้ามโดยเฉพาะกับพี่โด้อะ” 
 
      “ทำไมละ”
 
      “เขาถามไอ้โป้งว่าพี่มีแฟนหรือยังและเขาก็ได้ยินมาว่าพี่เป็น...เกย์ ...ไอ้พี่นี้มันชอบทั้งผู้หญิงและผู้ชายแต่มันค่อนข้างไปทางผู้ชายมากกว่า” คนทีพูดทำหน้าขมึงตึงขี้หึงเอาเรื่องเหมือนกันนะ
 
      “แล้วไงถ้าพี่ไม่ได้คิดอะไรกับเขาแล้วเข้าจะเข้ามามีบทบาทกับพี่ได้ยังไง...คริส” ผมพูด
 
      “ไม่รู้แหละหึง....ขึ้นซิครับที่รัก” ที่อย่างนี้มาทำเรียกที่รัก ผมก็ขึ้นไปนั่งค่อมซ้อนท้ายรถแล่นไปถึงบ้านพัก 
 
      “วันนี้ทำไมเลิกเร็วละ”
 
      “วันนี้เหนื่อยๆยังไงก็ไม่รู้พี่เขมเลยขอเลิกก่อน” คริสโตเฟอร์พูด
 
      “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ไม่ติวนะ...ขึ้นไปอาบน้ำและนอนพักห้ามเล่นเกมส์ “ ผมพูดขณะที่ผมกำลังจัดหาของออกมาเพื่อทำอาหารเย็น 
 
      “หมับ” คริสโตเฟอร์กอดผมจากด้านหลัง
 
      “ไหนบอกเหนื่อยไงละไปอาบน้ำซิจะได้สบายตัว”
 
      “ขอยืนกอดที่รักแบบนี้สักพักได้ไหมอะ..กอดแล้วรู้สึกดีขึ้น” คนข้างหลังพูดมาแบบนี้ผมเลยต้องปล่อยให้เขากอดไปมือก็หันผัก หันหมูเตรียมทำกับข้าว ช่วงนี้เขมออกไปทางแม่บ้านแม่เรือนไปนะ ฮาๆ   
 
      “กอดพอแล้วไปอาบน้ำได้แล้วตัวเหนียวเนี๊ยะ....คริส” ผมบอกคริสโตเฟอร์
 
      “ครับคุณพ่อ...ทูนหัว” คนที่กอดผมพูดผมหันไปหยิบแครอทปาตามหลังคนที่เดินผิวปากไป ผมก็ทำอาหารเย็นของโปรดคริสโตฟอร์ทั้งนั้น พอคริสโตเฟอร์อาบน้ำเสร็จผมก็เข้าไปอาบน้ำต่อและออกมาทานข้าวยังพอมีเวลาเพราะว่าผมมีสอนพิเศษตอนทุ่มครึ้ง 
 
      “พี่เขมถ้าพ่อมาหาผมจริงและเขาชวนผมไปอยู่ด้วยละพี่เขม”
 
      “ถ้าไปอยู่กับเขาแล้วเราได้เรียนที่ดีดีพี่สนับสนุนนะ” 
 
      “แต่ผมกลัวความห่างไกล”
 
      “มันไม่ใช่ปัญหาถ้าใจเราเข็มแข็งพอพี่นะโตแล้วพี่ควบคุมมันได้”
 
      “ผมแค่กลัวแต่ผมจะไม่ไปไหนอยากอยู่กับพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด 
 
      “ผมจะไม่ยอมไปอยู่กับพ่อเพราะเขาไม่ได้อยู่กับผมในเวลาที่ผมแย่เหมือนพี่นิ” ผมเริ่มรู้สึกหนักใจถ้าเป็นแบบนั้นจริงผมนี้ก็เหมือนทำร้ายเขาไปในตัวและพ่อเขาก็คงเสียใจ ผมได้แต่นั่งทานอาหารเงียบๆ ผมอยากให้เขามีอนาคตที่ดีต่อให้รักเขามากแค่ไหนแต่ผมจะไม่ยอมรั้งเขาไว้ถามว่าอยากให้เขาไปอยู่ห่างๆผมไหม ในใจไม่อยากเลยจริงๆ 
 
      “พี่ไปสอนก่อนนะนอนพักห้ามเล่นเกมส์ดูเราเหนื่อยๆ” ผมพูดคริสโตเฟอร์กำลังถือภาชนะไปทำความสะอาด เขาเดินกลับมาหาผม โอบเอวผมริมฝีปากสีแดงเรือๆประกบจูบผมอย่างดูดดื่มเกือบนาทีได้ก่อนถอนมันออก
 
      “นอนรอบนเตียงนะ แก้ผ้าด้วยรีบกลับนะ” สปอยด์ผม
 
      “โอ๊ยย!!!” ร้องดังลั่นบ้านเลยผมหยิกเข้าที่พุงที่ไม่ค่อยมีรู้สึกว่ากล้ามเนื้อหน้าท้องเพิ่มมากขึ้นคงเพราะว่าเขาซิทอัพทุกวันและโปรตีนเวย์ที่ผมซื้อให้เขาทานเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้ออีกผมเดินลงจากบ้านขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปทำหน้าที่สอนพิเศษตอนนี้นักเรียนคงนั่งรอในห้องเรียนเรียบร้อยแล้ว นักเรียนที่มาเรียนพิเศษกับผมเพิ่มมากขึ้นทุกวันจากเดิม 10 คน 12 คนตอนนี้เกือบจะ 20 คนในแต่ละห้องเพราะว่าปากต่อปากไปพูดกับต่อๆว่าผมสอนดีเหมือนได้เรียนติวเตอร์แพงๆ เนื่องจากผมเคยเป็นติวเตอร์มาก่อนผมจึงรู้ว่าผมควรจะเน้นเนื้อหาส่วนในที่สำคัญที่ใช้ได้ทั้งการนำไปสอบและชีวิตจริงนักเรียนเลยชอบมาเรียนกับผมบางคนบอกพ่อแม่เลิกไปหาติวเตอร์ที่แพงกว่าที่โรงเรียนจัดหาไว้ให้ก็มี ผมนี้ดีใจที่ผมได้ทำหน้าที่ครูได้เต็มที่ เพราะครูนะคือสิ่งสำคัญที่นำให้เด็กๆ มีอนาคตที่ดีต่อไปใน
 

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนครูเขมXคริส EP.40 ฟ้าหลังฝนก็ต้องมีเรื่องดีดี
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 01-10-2020 12:50:47
EP.40.1 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์  ฟ้าหลังฝนก็ต้องมีเรื่องดีดี    

Part ครูเขมชาติ
            วันนี้เป็นวันที่เรียกว่าฟ้าหลังฝนซินะ เพราะว่าเรื่องร้ายๆก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าบางเรื่องผมเองก็ไม่อยากให้มันลงเอยแบบนี้เลย นั้นก็คือนายกายกับนายอั๋น นายอั๋นนะไม่เท่าไหร่และโชคดีที่ผมได้เคยเรียนรู้การปฐาพยาบาลเบื้องต้นมา ผมจึงช่วยชีวิตเขาไว้ได้ทัน ส่วนนายกายซิ แย่ที่สุดเพราะว่าเขาคงไม่มีความรู้สึกไปครึ้งตัว แค่ผมคิดก็รู้สึกผิดที่ผมควรจะไปห้ามเขาซะก่อนที่เกิดเรื่องแบบนี้

         “พี่เขม” หมับมีคนเข้ามากอดผมจากด้านหลัง คริสโตเฟอร์

         “พี่เขม เรื่องร้ายๆมันกำลังจะผ่านไปได้ด้วยดีแล้วใช่ไหมครับ “ คริสโตเฟอร์พูด เขาเอาคางมาเกยไว้ที่ไหล่ของผม ผมหันไปมองเขาก่อนจะหยิบนาฬิกาขึ้นมาสวมใส่

         “วันนี้พี่หล่อกว่าทุกวันเลยอ่ะพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด เพราะว่าวันนี้ผมได้สวมใส่ชุดกากีอย่างที่ผมตั้งใจไว้แล้วนั้นเอง ถึงแม้ว่ามันจะใกล้ปิดเทอมใหญ่แล้วก็ตาม

         “แต่ผมไม่ค่อยชอบพี่เขมใส่เครื่อแบบแบบนี้เลยอ่ะ” คริสโตเฟอร์พูดทำให้ผมหันมามอง และก้มมองตัวเอง

         “พี่ดูแก่ไปเหรอคริส” ผมถามแอบเสียความมั่นเลยนายนี้นิ

         “ผมนะชอบพี่ใส่เครื่อแบบ แบบว่า..ไม่ใส่อะไรเลย” นายคริสโตเฟอร์

         “โอ้ยย!!!” ร้องดังลั่นบ้านเลยครับ เพราะว่าผมบี๋จมูกโด่งๆนั้น

         ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะประตูหน้าบ้านพักของผมดังขึ้นมาทันที ผมก็มองหน้านายนักเรียนตัวแสบของผม ก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตู และคนที่มายืนเคาะประตูนันก็คือครูโจ้

         “สวัสดีครับครูโจ้ “ผมทักทายครูโจ้

         “ผมขับรถผ่านมานะครับ ผมได้ยินเสียงร้องโอ้ยย ผมเลยตกใจ ครูเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ครูโจ้ถามผม

         “ผมไม่เป็นอะไรครับครูโจ้ เออ พอดีว่า ผมเดินชนโต๊ะนะครับ” ผมพูด เฮอๆ

         “แน่นะครับครู ผมนี้เป็นห้วง เป็นห่วง...ครู ...ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะครับครู อ้อ..วันนี้เมียผมกลับไปขายของได้แล้วนะครับ แต่ยังทำงานหนักไม่ได้มากนะครับครูเขม อย่าลืมไปอุดหนุนนะครับครู “ ครูโจ้พูดบอกผมก่อนจะเดินไปแต่ก็หยังเหลียวมองผม ก่อนจะสตาร์ทรถออกไป ผมนี้ถึงกับกุมขมับ อยากให้ปิดเทอมเร็วๆเหลือเกิน เพราะว่าพ่อตัวดีดันมาค้างกับผมเมื่อคืน ผมหันไปมองคนที่ยืนกอดอก สวมชุดนักเรียน แต่มันก็ทำให้ผมแอบคิดว่าถ้าเขาสอบติดแล้วและเขาก็ไม่จำเป็นต้องมาเรียนมัธยมปลาย เขาจะคิดถึงชุดนักเรียนชุดนี้ไหมและเพื่อนๆของเขาอีก

         “มีอะไรพี่เขม” คริสโตเฟอร์เดินเข้ามาหาผม

         “บางทีพี่ก็แอบกลัวนะว่าถ้าเราจบแล้ว นายจะคิดถึงความสุขชีวิตวัยมัธยมไหม พี่คิดผิดหรือคิดถูกนะที่ให้นายไปสอบ” ผมพูดและใช่มือเสยผมหนามทุเรียนนั้น

         “สักวันผมก็ต้องจบพี่เขมแต่นี่ผมแค่ไปเร็วกว่าเพื่อนก็เท่านั้นเอง “ คริสโตเฟอร์พูด ผมก็มองเขา ผมนี้แหละที่ใจหายก็รักเด็กเกรียนนี้หมดใจไปแล้วนิ

         “ตื้ด!!” เสียงมือถือผมแสดงว่ามีข้อความเข้า ผมตั้งเอาไว้ถ้ามีอิเมลเข้ามันก็จะเตือน ผมเปิดดูปราฏกว่าเป็นข้อความจากศูนย์ที่ผมพาคริสโตเฟอร์ไปสอบ ผมก็รีบเดินไปหยิบโน๊ตบุคและเปิดมันทันที คริสโตเฟอร์ที่ยืนทำหน้าตกใจ ขณะที่เขากำลังทำอาหารเช้าให้ผมกับเขาทานอยู่ ผมหันไปส่งยิ้มให้เขาก่อน และอิเมลที่ผมต้องการก็เด้งขึ้นมา

         “คริสมานี้ซิ” ผมเรียกคริสโตเฟอร์ เขาก็เดินมาหาผมด้วยสีหน้าแปลกใจ

         “นายสอบผ่านแล้ว นายสอบผ่านทุกวิชาเลย นายจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกแล้วคริส” ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์ เขามองผมและเขาก็กอดผมทันที

         “พี่เขมจริงนะ พี่ไมได้หลอกผมนะ”

         “จริงนี้ไงดูซิ” ผมพูดและเลื่อนโน๊ตบุคไปให้เขาดูความสำเร็จที่มาจากความเพียรพยายามของผมและเขา

         “ขอบคุณนะครับพี่เขม..อืมม” คริสโตเฟอร์หันมาขอบคุณผมและเขาก็ประกบปากจูบผม

         “แต่เราต้องรอ GED Transcript และ Diploma อีกประมาณ 4 สัปดาห์นะ “ ผมบอกคริสโตเฟอร์

         “วันนี้ฉลองนะพี่เขม ผมควรได้รางวัลนะพี่เขม”นั้นทวงรางวัลทันทีเลยนะ

         “ก็วันนี้วันของนายอยู่แล้วนี้ วันนี้วันคู่อะ “ผมพูดและหันไปหยิบแซนวิชมาทาน

         “ดับเบิ้ลครับพี่เขมวันนี้” ผมได้ยินถึงกับตาโต เด็กข้างๆผมจะเบิ้นผมครับคืนนี้

         “พรุ่งนี้พี่มีสอนอ่ะ เต็มวันเลยนะคริส” ผมหันไปพูดขอความเห็นใจ

         “พี่เขม... นี้ผมทำข้อสอบได้คะแนนดีด้วยนะ ผมยังไม่เอาไปคิด เอาแค่ ผมสอบผ่านอย่างเดียวนะ ถ้าเอาตรงนั้นด้วย ผมควรได้ Triple “ไม่พูดเปล่าเด็กนักเรียนหื่นของผมชูสามนิ้วด้วย ผมก็กลั้นหายใจ และเอาออกนิ้วหนึ่ง สองพอเดี๋ยวผมตายคาเตียงและจะยืนสอนนักเรียนไม่ไหวเอา

         “ไปเรียนกันได้แล้วคริสเดี๋ยวพากันสาย และนายกับพี่ก็จะไม่ได้อะไรกันเลยแม้แต่ยกเดียวเพราะว่าผู้อำนวยการคงได้สงนายกลับไปนอนบ้านพักนักเรียนทุกวันจันทร์ถึงอาทิตย์แน่ๆ “ผมพูดและคนข้างๆผมก็รีบคว้าทุกอย่างหนังสือเรียนใส่ลงไปในกระเป๋าเป้และกุลแจบ้นพักครู
 
         ผมเดินไปตึกเรียนพร้อมกันแต่เราก็คงรักษาไว้ซึ้งความเป็นครูและนักเรียน เดินคุยกันไป คุยเรื่องราวความรักที่ผ่านมา มีทั้งสุขและทุกข์ ผมสองคนต้องขอบคุณเรื่องราวมากมายที่ทำให้ความรักของผมสองคนเติบโตและเข้มแข็งขึ้น เพราะว่าเราได้ก้าวผ่านปัญหามาได้แม้จะยังไม่ถึงเส้นชัยที่เราสองคนวาดไว้ก็ตาม

         “ไปหาเพื่อนได้แล้วคริสและเจอกันคาบแรกนะ วันนี้พี่มีสอบเก็บคะแนนนะ นายต้องได้เต็มเลยนะ ถ้าไม่ คืนนี้ลดเหลือหนึ่ง”ผมพูดและหันไปบอกพ่อตัวดี

         “เฮ้ยย พี่ทำไมไม่บอกก่อนอ่ะ รู้อย่างนี้บอกเอา 3 ยกก็ดีอ่ะ”

         “ไม่ได้ ไปหาเพื่อนได้แล้วนะ ดูชะเง้อมองแย่แล้ว” ผมพูดและกำลังจะเดินขึ้นห้องพักครูเพื่อลงชื่อในสมุดก่อน

         “ผมมันชะเง้อมองหาแซนวิชที่พี่เขมทำให้พวกมันหรือเปล่า” นายคริสโตเฟอร์พูด ผมก็ยิ้มอาจจะจริง พากันลุกขึ้นยืนและยกมือไหว้ผมกันหมดทั้งโต๊ะ

         “เร็วไอ้คริสครับ พวกกูรอกินแซนวิชกับครู)))” และนั้นก็ทำให้ผมแทบหัวทิ่ม เพราะว่าบอกอยากกินแซนวิชกับผม ทำไมละก็ผมถามคริสว่าทำไมเขาไม่กินที่ปันปันทำให้ก็อาร์ทเพื่อนตัวแสบของคริสบอกว่าแซนวิชน่ะคือคนสามคนมีเซ็กส์ด้วยกันประกบกัน และมันก็ทำให้ผมหันหน้ามามองคริสโตเฟอร์

         “ฮาๆ “ หัวเราะออกมาพร้อมกันทันที่

         “พี่คิดเหมือนผมใช่ไหมพี่เขม ..นี่แหละ มันถึงทำให้ผมรู้สึกสยองมันพวกมันเพิ่มขึ้นทุกวันพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด

         “ไปได้แล้วเพื่อนรอ” ผมพูดและดันนานตัวแสบผมไป ผมก็ออกเดินขั้นห้องเรียน ขณะที่กำลังเดินผ่านนักเรียนก็พากันยกมือไหว้ผมเหมือนเช่นปกติ แต่ว่าวันนี้อาจจะพิเศษกว่าทุกวันเพราะว่าผมมาในเครื่องแบบครูเต็มยศ ท่านผู้อำนวยการได้ทำเรื่องขอบรรจุผมเป็นครูเร็วๆ นี้

         “ครูค่ะสวัสดีค่ะ “ “ครูครับสวัสดีครับ” ผมหันไปมองคนที่ทักทายผม คนนั้นคือกี้ เด็กผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ในวัยเรียนและผมได้ขอให้เธอได้เรียนต่อเพราะว่าเธอจะจบในเทอมนี้แล้วและอีกคนคือนายเอกที่ยืดอกรับเป็นพ่อเด็กในท้องของเธอ ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเขาใช่หรือไม่ใช่แต่กี้เลือกที่จะไม่หาคนที่เป็นพ่อเด็กๆจริงเพราะว่าถ้าเกิดผลออกมาคือนายกาย นั้นจะยิ่งทำให้เธอเสียใจ เพราะในตอนนั้นนายกายกับเป็นปฏิเสธเธอและผมเองก็เชื่อว่าเด็กจะได้รับความรักจากเอกรินทร์เหมือนกับพ่อแท้ๆของเขาแน่นอน เพราะดูจากการที่เขาดูแลกี้ในโรงเรียนเป็นอย่างดี

         “เป็นไงเราสองคน และนี้กี้เธอไปฝากครรภ์แล้วใช่ไหม” ผมทักทายทั้งคู่ และถามกี้

         “ฝากแล้วค่ะครู และหนูสองคนทราบเพศลูกแล้วด้วยค่ะครู หนูได้ลูกชายค่ะครู”

         “ดีใจด้วยนะ ดูแลเขาให้ดีดี ครูเชื่อว่าเธอสองคนจะทำหน้าที่พ่อและแม่ได้ดี แม้ว่าอายุยังน้อยก็ตาม” ผมพูด

         “ขอบคุณนะคะครู ที่ครูขอร้องครูใหญ่ให้ เพื่อให้หนูได้อยู่เรียนให้จบนะคะครู”กี้เธอพูด ผมพยักหน้า

         “ทุกคนมีโอกาสทำสิ่งผิดพลาดกี้ เอก และเธอสองคนก็จงนำสิ่งที่ผิดพลาดครั้งนี้มาเป็นบทเรียนเข้าใจไหม”

         “ขอบคุณครับครู ถ้าอย่างนั้นผมสองคนไปหาอะไรทานก่อนนะครับ เพราะว่ากี้ต้องทานพวกวิตามินบำรุงนะครับครู “เอกรินทร์พูดและผมก็พยักหน้าให้ทั้งคู่

         “ ดีแล้ว และส่วนเรานะกี้ เธอไม่ต้องไปยืนเข้าแถวหรอกนะ นั่งในร่ม เดี๋ยวเป็นลมไป ตอนนี้ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวแล้วนะ มีน้องอีกคน ดูแลตัวเองดีดีละ” ผมพูดบอกทั้งคู่ก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องพักครู

         ขณะที่ผมเข้าไปลงชื่อผมก็เห็นสองสาวที่สวีทหวานกันแพ้ผมกับคริส เรียกว่าแซงหน้าผมไปเลยก็ว่าได้ ครูถาวรและครูลินดา

         “อรุณสวัสดิ์ค่ะครูเขม “ ครูลินดาทักทายผมและครูถาวรด้วยเช่นกัน

         “เรื่องร้ายๆผ่านไปซะทีนะคะครู ต่อไปขอให้เป็นเรื่องดีดีบ้างนะคะครู “ ครูถาวรพูด

         “วันนี้ผมได้รับข่าวดีว่าคริสโตเฟอร์สอบผ่านGEDแล้วครับครู “ผมพูดแต่น้ำเสียงผมดูไม่ค่อยดีเท่าตอนที่ผมบอกคริสโตเฟอร์

         “ครูแอบกังวลใช่ไหมค่ะ ลินดาว่าครูรักเขาไปหมดใจแล้วตอนนี้ ครูคง...กลัว..ที่จะให้เขาไป เพราะถ้าไม่ได้เป็นครูนักเรียนก็ไม่ได้เห็นหน้ากันทุกวันทุกชั่วโมงแบบนี้” ครูลินดาพูด ผมเองก็พยักหน้าว่าจริง และมันใช่ผมรักเขาไปแล้วหมดหัวใจของเขมชาติ

         “ครูลินดาค่ะ “ เสียงเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่ตัดผมสั้นถูกถูกระเบียบเด็กมัธยมต้นเดินมาด้วยชุดนักเรียนที่ถูกระเบียบ กระโปรงคุมเข่า เสื้อก็ถูกระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นโบว์และหน้าตาที่ไม่ได้แต่งเติมด้วยเครื่องสำอางค์เหมือนแต่ก่อน มันดูสวยใสเป็นธรรมชาติที่สุด

         “แก้ม...ว่าไงเรา”

         “หนูเอาผ้าที่ครูให้ไปซื้อมาเพื่อจะมาสวมใช่ทำเป็นจูงกะเบน เข้าเรียนรำไทยวันนี้กับครูมาให้ดูค่ะ” แก้มพูดและยกมือไหว้ผม

         “อืม อันนี้เลยแก้มและวันนี้เข้ามาซ้อมเร็วหน่อยนะเพราะว่าเรานะ เข้าที่หลังเดี๋ยวจะตามเพื่อนไม่ทัน” ครูลินดาพูด

         “เห็นไหมแก้ม ดูเธอซิ แต่งตัวถูกระเบียบแบบนี้นะ น่ารักจะตายไป ดีกว่าเดิมอีก” ครูถาวรพูด ผมก็พยักหน้าเห็นด้วย

         “ใช่ค่ะแม่ก็บอกแก้มว่าอันนี้ดีกว่า แบบเดิม หวอออกค่ะครู” ผมได้ยินก็ต้องเกาหัว อายแทนครับผม

         “ตายแล้ว! พูดอะไรเกรงใจครูเขมเขาหน่อยซิแก้ม ครูเขาเป็นผู้ชาย เรานิ” ครูลินดาแอบตีต้นแขนแก้มเบาๆ

         “หนูขอโทษค่ะครูเขม ถ้าอย่างนันแก้มไปทานข้าวกับเพื่อนก่อนนะคะครู”

         “ครูเขมค่ะ แม่ให้แก้มเรียนต่อม.4 แล้วนะคะครู แม่บอกว่ายังไม่ให้ไปอยู่กับป้าที่เมืองนอกค่ะครู “ แก้มหันมาบอกผม ผมพยักหน้ายินดีกับเธอด้วย และแก้มก็วิ่งลงไป

         “ครูค่ะ ทำไมครูดีแบบนี้ค่ะ ครูรู้ไหมว่า ตั้งแต่ครูมาอยู่ นี้ เราได้เด็กกลับคืนหลายคน คนแรกก็นายคริส และเพื่อนนายๆนายคริสดูนี้ตั้งใจเรียนกันน่าดู และยังได้เด็กที่ดูท่าจะไม่รอดอย่างแก้มกลับมาเป็นเด็กที่เรียบร้อยสมวัยของเขาอีก และอีกคู่ถึงแม้จะผิดแต่ตอนนี้ดูท่าจะได้พ่อแม่ที่ดีในอนาคตมาด้วย ก็นายเอกรินทร์และกี้ ตอนนนี้ทั้งคู่ตั้งใจเรียนเพื่อจะได้จบพร้อมเพื่อนๆ “ ครูถาวรพูดและหันมายิ้มให้ผม

“ ครูอย่าทิ้งพวกเราไปไหนนะคะ ที่นี้ต้องการครูค่ะ”ครูถาวรพด ผมพยักหน้าว่าผมจะไม่ทิ้งโรงเรียนนี้ไปไหนแน่นอน
          ผมเดินเข้าไปนั่งดูกองสมุดการบ้านที่เด็กนำมาส่งให้ผมและรายงานกลุ่มอีกแค่เดือนกว่าก็จะสอบปลายภาค จะว่าไปเวลาก็ผ่านเร็วเหมือนกันจะหมดเทอมแล้วแถมครูเขมชาตก็เจอเรื่องราวต่างๆมากมายเหมือนกับว่าผมนี้มาเป็นครูสักปีหนึ่งได้แล้วเหมือนกัน

         “อ้าวนายอั๋น กลับมาเรียนได้แล้วเหรอ” ผมได้ยินเสียงครูนิดทักทายใครสักคนและผมก็ได้ยินว่าเป็นนายอั๋น นั้นแสดงว่าเขาหายแล้ว ถึงเขาจะเคยคิดจะต่อยผมแต่ผมก็ดีใจทีได้ยินว่าเขาไม่เป็นอะไร ยังไงก็เป็นลูกศิษย์ในโรงเรียนที่ผมทำหน้าที่ครู

         “ครูเขมคะ เรามีนักเรียนใหม่อยากจะมาขอพบครูค่ะ”ครูนิดตะโกนบอกผม บรรดาครูในห้องก็เงยหน้าขึ้นมามองผมเช่นกัน

         “นักเรียนใหม่เหรอครับครู เอ๊ะ มาตอนนี้จะปิดเทอมไม่ช้าไปเหรอครับครูนิด” ผมถามครูนิดกลับ

         “ไม่หรอกค่ะครูเขม พี่นิดว่าทันเวลาพอดี” ครูนิดพูด ทำให้ผมถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม และคนที่เดินเข้ามาแต่งกานเรียบร้อยเสื้อเข้าในกางเกงเรียบร้อยและถูกระเบียบซะด้วย สมกับเป็นนักเรียนใหม่จริงๆด้วย นายอั๋นนั้นเอง เขามาขอพบผม ผมก็มองและยิ้มให้เขานายอั๋นเดินมาหยุดที่โต๊ะผม

         “ไงอั๋น หายดีแล้วเหรอ” ผมเงยหน้าขึ้นทักทายเขา

         “ครับครูผมหายแล้วครับ เออ ครูเขมครับ คือ ผมเจอคริสนะครับเขาบอกผมว่า ครูช่วยชีวิตผมวันนั้นวันที่ผมจมน้ำ ครูทำให้ผมมีชีวิตอีกครั้ง “ นายอั๋นพูด ผมก็พยักหน้าว่าใช่

         “ครูช่วยในฐานะ คนที่เห็นเหตุการณ์ และครูช่วยในฐานะที่เป็นครูของเราแม้จะไม่ได้สอนก็ตาม” ผมพูด ผมสังเกตเห็นว่าเขาแอบอะไรสักอย่างไว้ด้านหลังของเขา และเขาก็คุกเข่าลงอย่างรวดเร็วทำเอาผมตกใจว่าเขาจะทำอะไร เขานำพานที่มีดอกไม้ถูกจัดเป็นชุดสำหรับใช้ไหว้ครูบาอาจารย์

         “อั๋น ไม่ต้องทำแบบนี้หรอกนะ “ ผมพูด นายอั๋นเงยหน้ามองหน้าผม

         “ให้ผมทำเถอะครับครู ให้ผมได้ขอขมาในสิ่งทีผมได้ทำไว้กับครูเถอะนะครับ ผมขอร้อง” นายอั๋นพูด

         “ให้เขาทำเถอะค่ะครู เขาตั้งใจมาแล้ว” ครูวงเดือนบอกผม ผมก็พยักหน้า ผมก็พยักหน้าให้อั๋น นี้คือครั้งแรกเลยที่ผมจะนั่งให้นักเรียนกราบ เหมือนเช่นวันครูที่ผมได้ทำทุกปี และนี้มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าผมคือครูอย่างสมบูรณ์แบบแม้ว่าจะยังไม่ใช่วันครูจริงๆก็ตาม ผมเบี่ยงตัวเองออกมานั่งและนายอั๋นก็คลานเข่ามาหาผมและก้มลงกราบผมที่เท้า ผมโน้มตัวลงใช้ฝามือแตะที่หัวเขาเบาๆ

         “ผมขอโทษครับครู ผมขอโทษที่ผมเคยคิดจะทำร้ายครู ผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำอีก ผมจะกลับเป็นคนดี ผมจะตั้งใจเรียนครับครู “ ทำเอาผมน้ำตาซึมเลย

         “ครูดีใจนะอั๋น ครูดีใจที่เธอถอนตัวกลับมาได้ และต่อไป จะทำอะไรคิดให้มากๆนะ คิดถึงพ่อแม่เพราะคนแรกที่จะเสียใจที่สุดนั้นคือพ่อและแม่ของนาย และคิดถึงครูบาร์อาจารย์ทุกคน เพราะครูทุกคนอยากเห็นลูกศิษย์ตัวเองไปถึงฝัง อยากเห็นอนาคตลูกศิษย์ตัวเองกันทุกคน ส่วนครูเองก็ไม่เคยถือโทษโกรธเรานะ และครูเชื่อว่าเรานะกลับมาเป็นคนดีของสังคมได้ ครูเชื่ออย่างนั้น” ผมพูด นายอั๋นเงยหน้าขึ้นเขาส่งดอกไม้ธุปเทียนมาให้ผม ผมก็รับไว้

         “ลุกขึ้นเถอะอั๋น” ผมพูดและเขาก็ลุกขั้น

         “ครูเสียใจเรื่องที่นายไม่อาจจะกลับมาต่อยมวยได้อีก ครูเสียใจจริงๆนะ” ผมพูด

         “ไม่เป็นไรครับครู ผมจะเอาเวลาไปอ่านหนังสือผมจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ครับครู”

         “ดีแล้วอั๋น ถ้าอยากจะให้ครูช่วยก็บอกนะ ครูยินดี”

         “ขอบคุณครับครู”

         “ไปเตรียมตัวเข้าแถวเถอะอั๋น”ผมพูดและนายอั๋นก็เดินออกไป ผมหันมามองบรรดาครูที่ยืนมองนายอั๋นและผม

         “ครู เราได้นักเรียนกลับคืนอีกคนแล้วนะครู “ ครูนิดพูด ผมหันไปพยักหน้ากับทุกคน นี้แหละที่ครูอย่างเขมชาติต้องการ ผมเชื่อว่าเด็กๆพวกนี้เขายังกลับมาเป็นคนดีของสังคมได้ ถึงแม้ว่าใครจะมองว่าผมนั้นโลกสวยเกินไปก็ตาม

       ตืดๆ เสียงข้อความเข้ามาในมือถือของผม เป็นเบอร์ที่ขึ้นต้นด้วย +61 นั้นแปลว่า คนต้นสายที่โทรมาหาผม มาจากประเทศออสเตรเลีย ผมก็ขอตัวครูสองสาวไปหาที่คุยโทรศัพท์ก่อน

         “ฮัลโล เดนิส ฮาวน์ แฮฟ ยู บีน ?

         “ไฮ เขม แอม เวรี่ กู้ด แธงกิ้ว แอนด์ ยู ?”

         “ไอ คาน คอมแพลน แธงส์กิว “ ผมพูดทักทายตอบเดนิส

         “ Can I do vedio call with my son tonight please?”

         “Of couse , you can.

         “What time is it possible for you both?

         “How about 8 oclock in Thailand? The time in Thailand behide you 3 hours . Is that’s right ?

         “ Yes. you right .

         “OK I’ll see you 8 oclock tonight Khem.

         “Thank you for everything Khem”

         “No worry that is my pressure “

         “All right see you tonight.. Bye for now.”

         “See you tonight too . Bye bye .” ผมกดวางสายวันนี้คงต้องชวนนายคริสทานข้าวเย็นกันเร็วขึ้นอีกหน่อย เพราะว่าเขาจะได้มีเวลาคุยกับพ่อของเขา และเสียงสัญญาณเรียกเข้าแถวก็ดังขึ้น ผมก็ลงไปทำหน้าที่ครูยืนดูนักเรียนเข้าแถม เช่นเดียวกับบรรดาครู ขณะที่ผมกำลังเดินผ่านก็เห็นเด็กนักเรียนหญิง นั้นคือแก้มที่นั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อน ไม่ไกลจากที่เข้าแถว ผมก็ยิ้มให้ และเดินออกไป ภาพที่ผมเห็ นายคริสกำลังหยอกล้อเล่นกับเพื่อนๆ ไม่ว่าจะห้องเดียวกัน หรือห้องของโป้งที่เข้าแถวไม่ไกลกัน มันดูเป็นภาพที่มีความสุขที่สุดแต่ว่าเขากำลังจะไปต่อที่อื่นก่อนพวกเพื่อนๆของเขานิซิ

         “สวัสดีครับครู” ผมหันไปเจอครูสมชายที่เข้ามายืนใกล้ๆผม

         “สวัสดีครับครูสมชาย สบายดีไหมครับ คุณแม่เป็นยังไงบ้างครับ “

         “ผมสบายดีครับ คุณแม่ผมก็เรื่อยๆครับ ผมก็พยายามใช้เวลาอยู่กับคุณแม่ผมทุกวันหยุดนะครับ ผมเลยต้องกลับก่อนและแลกเวรอยู่เวรกลางคืนแทนนะครับ” ครูสมชายพด

         “บอกผมได้นะครับถ้าครูต้องการให้ผมอยู่เวรให้ ครูจะได้มีเวลาดูแลคุณแม่ของครูนะครับ” ผมหันไปบอกครู และส่งยิ้มให้

         “ขอบคุณนะครับครู ขอบคุณทุกครั้งที่ครูอยู่เวรแทนผม ผม..เออ..ผม..ต้องขอโทษที่ผมเคยเอาเรื่องครูไปบอกท่านผู้อำนวยการว่าให้ระวังครูกับนักเรียนเอาไว้ ตอนนั้นผมยังไม่รู้จักครูดีพอ “ ครูสมชายพูดขอโทษผม

         “ผมเข้าใจครูครับ เพราะเข้าใจเพราะว่าเรื่องนั้นเพิ่งจะเกิดไม่นานด้วย และนี่ผมก็ยังตามหาครูมิ้งไม่เจอเลยครับ พี่ชายผมก็ช่วย แต่ว่าเรื่องก็ยังเงียบ ผมทราบแค่ว่าครูเขาไมได้ไปที่บ้านที่เขาใหญ่” ผมพูดและนี้คือที่อีกเรื่องหนึ่งที่ผมควรจะทำให้มันเรียบร้อยซะก่อน

         “ผมขอให้ครูเขมตามหาครูมิ้งให้เจอให้ได้นะครับ “

         “ขอบคุณครับครูสมชาย” ผมหันมาพูดกับครูสมชายและเผลอหันไปเจอนายคริสที่ยืนมองผมอยู่และเขาก็แอบส่งมือเป็นสัญญาลักษณ์ว่าเลิฟยู่มาให้ผม ผมหันไปชี้นิ้วเพราะว่าตอนนี้มั้นจะเคารพธงชาติ และกิจกรรมหน้าเสาธงก็เป็นไปด้วยดี จนกระทั้ง ผู้อำนวยการขึ้นไปบนเวที

         “สวัสดีนักเรียนที่รักทุกคน ครูมาวันนี้เพื่อจะมาหมอบรางวัลให้แก่นักเรียนดีเด่นและครูที่ทำหน้าที่สอนให้เด็กคนหนึ่งมีความซื่อสัตย์และกตัญญู เด็กคนนั้นก็คือนาย อนุชิต และครูเขมชาติ” พอครูใหญ่ประกาศชื่อผมก็หันไปมองอนุชิต ที่สวมชุดนักเรียนชุดใหม่และเขาก็เดินออกไปพร้อมกับผมเพื่อขึ้นไปบนเวที ทันทีที่ผมสองคนขึ้นไปยืน ก็มีชาวต่างชาติ ผมจำได้ว่าเขาออกทีวีวันนั้น เดินขึ้นมาและผู้อำนวยการก็ผายมือให้ผม

         “สวัสดีค่ะ คุณคือครูที่สอนเขาใช่ไหมคะ” เขาพอจะพูดภาษาไทยได้แม้สำเนียงจะไม่เป๊ะเหมือนคนไทยก็ตาม

         “ใช่ครับ “

         “ดิฉันมาเที่ยวเมืองไทย ..และรักเมืองไทย.. และดิฉันเคยตามเด็กคนนี้ไปดูที่บ้านหลังจากที่เขาได้ช่วยเหลือเราสองคน เขาดูน่าสงสารมาก”

         “ใช่ครับ ครอบครัวเขาอยู่ในฐานะที่เรียกว่าลำบากมาก”
 
         “แต่ตอนนี้ผมได้ขอทุนการศึกษาให้เขาได้แล้วนะครับ”

         “โอเค คือดิฉันกับสามี ไม่มีลูก อยากจะขออุปการะเด็กคนนี้ จะส่งเงินให้เขาใช้ ถ้าเขาไม่อยากไปอยู่กับดิฉันกับสามี ไม่เป็นไร ดิฉันเต็มใจช่วยค่ะ” ผมได้ยินก็หันไปมองอนุชิต

         “ พ่อของเด็กเขาติดคุก ด้วยสาเหตุที่จำเป็น และผมเชื่อว่าพ่อของเขาก็เป็นคนดี แต่ว่าตอนนี้เขาไม่สามารถที่จะดูแลลูกเขาได้ชั่วคราว ผมคิดว่าจะเป็นการดีถ้าหาเขาจะได้รับการช่วยเหลือจากคนที่พร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วยเขาในตอนนี้ “

         “อนุชิตเป็นเด็กที่เรียนเก่ง มีความตั้งใจและเขาขยัน หางานพิเศษทำเพื่อดูแลย่าของเขา ทั้งที่อายุยังน้อยมาก” ผมพูด ทำให้ฝรังทั้งสองคน หันมามองอนุชิต

         “ฉันจะดูแลเธอทุกเรื่อง เธอคิดว่ายังไง “

         “ผม..เออ.. ผม” อนุชิตมองหน้าผมและมองหน้าคู่สามีภรรยาสลับกัน เขาคงคิดหนักหน่อยเพราะว่าย่าและพ่อของเขาอีก

         “ฉันจะส่งเงินให้ใช้ แต่ถ้าเธอยังอยากอยู่กับย่าเธอ ไม่เป็นไร และถ้าวันที่เธอต้องการไปอยู่กับเราสองคน ฉันจะยินดีมากๆ ฉันไม่มีลูก”

         “ขอบคุณครับ” อนุชิตพูดผมก็หันมามองเขา นายอนุชิตน้ำตาซึมเลย

         “เอาละ ทุกคน คุณนาตาลีและคุณเดวิส ต้องการมองของขวัญเล็กๆน้อยๆให้กับนายอนุชิตและครูเขมชาติ ในฐานะทีเป็นที่ครูได้สอนสั่งให้เขาเป็นคนดี และครูขอให้ทุกคนดูเอาไว้เป็นแบบอย่างที่ดี “ผู้อำนวยการพูดออกไมล์ และคู่ชาวต่างชาติเขาก็ออกมายืนและมองกล่องของขวัญให้ผมหนึ่งกล่อง และของอนุชิตเขาได้มอบซองสีขาวให้ ผมเดาว่าน่าจะเป็นธนบัตรแน่นอน

         “ครูเขมครับผมรบกวนครูอยู่เป็นล่ามให้ผมก่อนนะครับ เห็นเขาบอกว่าจะดูแลเรื่องค่าเทอมนายอนุชิตจนกว่าจะเรียนจบด้วยใช่ไหมครับครู” ผู้อำนวยการถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่ ผมหันไปมองอนุชิต ผมดีใจแทนเขาจริงๆ ผมหวังว่าเขาจะใช้โอกาสนี้เพื่ออนาคตของเขา อนุชิตมองหน้าผมและเขาก็เข้ามากอดผมโดนไม่ทันได้ตั้งตัว

         “ครู ..ผม..ขอบคุณนะครับ ..ที่ครูสอนให้ผมเป็นคนดี ฮึกๆ” ผมก็ก้มลงเอามือลูบหัวเขาเบาๆ

         “ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันมาจากผลของการกระทำของเธอทั้งนั้น ครูแค่แนะแนวทางให้เธอ และทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นก็เพราะว่าเธอเป็นคนดี “ ผมพูดและอนุชิตก็เดินลงไปกับท่านผู้อำนวยการและนาตาลีเข้ามากอดอนุชิตผมสังเกตุจากสายตา ดูเขารักอนุชิตมากน่าจะเป็นอย่างที่เขาบอกผมว่า เขาได้ไปเห็นทางบ้านอนุชิตและคงทราบทันทีว่าอนุชิตมีความเป็นอยู่ที่ค้อนข้างลำบาก
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 ถึงตอนปัจจุบันแล้วนะคะ เบื่อครูเขมกับคริสกันหรือยังคะ ตอนหน้าพ่อกับคริสจะคุยกัน แอบกังวลแทนครูเขม  :mew2:
ฝากไว้ด้วยนะคะ ไม่ได้สปอยด์นะ จะมีตอนพี่ก้องและพี่ต้นด้วย  :katai4:
ปล.ตอนนี้คนเขียนได้ลงสารบัญไว้ให้แล้วนะคะ แก้ไขเนื้อเรื่องบ้างมีเพิ่มตอนเข้ามาใหม่ด้วยค่ะ
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริส)EP.40.1พี่จะรอผมใช่ไหมหากผมต้องไป
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 01-10-2020 22:00:35
EP.40.1 ครูเขมXคริส พี่จะรอผมใช่ไหมหากผมต้องไปจริงๆ NC18+
 
Part คริสโตเฟอร์
 
         วันนี้ครูเขมชาติได้ทำผลงานดี ผมที่เป็นแฟนก็ยืนยิ้มแก้มแทบแตก ผมดีใจแทนครูเขมสุดที่รักของผม และยิ่งมีแต่คนชื่นชมด้วยผมยิ่งดีใจ และนี้คือเหตุผลที่ผมตั้งใจไวแต่ยังไม่บอกพี่เขมหรอกว่าผมอยากเป็นครูเหมือนพี่เขมเช่นกัน ผมแค่บอกว่าผมจะเลือกสาขาเอกภาษาอังกฤษเพราะสามารถต่อยอดไปได้หลายอาชีพ
       
          “คริส ตกลงมึงก็จบได้เลยใช่ไหมวะ มึงบอกว่ามึงสอบเทียบวุฒิได้แล้วนี้หว่า” ไอ้อาร์ทมันถามผมขณะที่ผมกำลังเลิกซ้อมบาสเก็ตบอลกัน อาทิตย์หน้าพวกผมจะไปแข่งขันรอบคัดเลือกกันแล้ว จะว่าไปก็ใจหายขั้นมากระทันหัน ถ้าผมจบแล้วผมก็ไม่ได้เล่นบาสกับพวกมันแล้วซิ

         “เออ..วะ ..คิดแล้วกรูก็ใจหายวะ “ ผมพูด

         “เอานะ อนาคตของมึงและมึงตั้งใจไว้มากนี้หว่า อยากจะจบเร็วและแสดงสถานะว่าเป็นแฟนครูเขมแย่แล้ว” ไอ้โจอีกมันแซวผม ผมก็พยักหน้าว่าจริง

         “คริส” พี่เขมเดินมาพอดีเลย โชคดีที่พี่อลันแกกลับไปก่อนเพราะว่าแกรีบกลับ ก็พี่แกเขากำลังพยายามแจกขนมจีบพี่เขมอยู่นะซิ อันนี้แหละที่ทำให้ผมไม่อยากไปจากพี่เขมเลย แต่ก็รู้ว่าผมต้องเชื่อใจพี่เขม

         “ซ้อมเสร็จหรือยังละ แล้วนี้วันนี้จะนอนบ้านพักกับพี่หรือว่านอนกับเพื่อนๆละคริส” พี่เขมถามผม ผมหันไปมองเพื่อนๆ

         “วันนี้พ่อเธอจะโทรมาวีดิโอคอลด้วยนะ พี่ว่าจะไม่สอนพิเศษพวกเราหนึ่งวัน” ครูเขมพูดบอกพวกผม

         “ได้ครับครู พอดีผมว่าจะออกไปทานข้าวนอกบ้านกันนะครับ วันนี้วันเกิดน้องชายผมครับครู “ อาร์ทพูดขึ้นพี่เขมก็พยักหน้าว่าได้

         “ผมกับปันปันมีสอบวิทยาศาสตร์พรุ่งนี้ครับครู ผมคง..” โป้งบอกพี่เขม

         “ถ้าอย่างนั้นผมนอนบ้านพี่นะ ผม..จะได้คุยกับพ่อที่บ้านพี่และ.. ผมขี้เกียจกลับมาทำเสียงดังรบกวนมันสองคนนะพี่เขม “ ผมพูด

         “คริสออกไปหาซื้ออะไรมาไว้ทานนะ พี่มีติวเด็กม.2/4 วันนี้ แค่นั้น “ พี่เขมพูด ผมพยักหน้าและลุกขึ้น เพื่อจะได้แยกย้ายกัน ผมเองก็เดินตามพี่เขมกลับไปที่บ้านพักทันที ผมเอาเสื้อผ้าชุดนักเรียนไปเก็บแล้ว เพราะว่าครูเขมส่งซักให้ผมและของครูด้วยผมก็แขวนไว้เรียบร้อยเหมือนที่ครูเขมทำเช่นกัน

         “พี่เขม!” ผมสองเดินขึ้นไปบนบ้านพัก และเข้าไปกอดพี่เขมขณะที่พี่เขมกำลังถอดพวกนาฬิกาและแหวนแต่เป็นแหวนที่พ่อของพี่เขมซื้อให้ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย มันสลักนามสกุลเอาไว้

         “มีอะไร จะอ้อนอะไรพี่อีก” พี่เขมถามผม

         “ผมแค่อยากกอดอ่ะ ผมกลัวว่าผมจะไม่ได้กอดพี่อีก ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมกลัว” ผมพูดและยิ่งกอดพี่เขมแน่นขึ้น

         “พี่เคยบอกแล้วไงอย่ากลัวสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น “พี่เขมพูดและหันมากอดผมตอบ

         “อืมม”ผมก็รีบประกบปากจูบพี่เขมแต่พี่เขมก็ดันผมออกซะก่อน

         “พี่รีบนะคริสและพี่จะได้เลิกสอนก่อนเวลาสักสิบนาทีจะได้กลับมาทานอาหารกันและและเราจะได้คุยกับพ่อคริส” พี่เขมบอกผม และพี่เขมก็รีบวิ่งเข้าไปอาบน้ำ ผมก็นั่งลงบนเก้าอี้ ในหัวผมสับสนไปหมด ผมกลัวและกังวลและถ้าผมบอกพ่อไปว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชายพ่อจะรับตรงนี้ได้ไหม ถ้าไม่ได้ นั้นก็แปลว่าที่ผมกับพี่เขมพยายามตามหาเขามันก็เสียเปล่านะซิ

         “คริสอย่าลืมไปซื้อข้าวมาไว้นะ ซื้ออะไรที่เราชอบมาทานแล้วกันนะ” พี่เขมพูดผมหันหน้าไปมองพี่เขม

         “พี่เขม..อย่าพูดแบบนั้นดิ ผม..”

         “อ้าว! ทำไมละคริส พี่ก็แค่บอกว่าเราอยากทานอะไรก็ซื้อที่เราชอบมาแค่นั้นเอง “พี่เขมหันมาพูดกับผม

         “ก็..พี่จำได้ไหมอะ ตอนที่พี่จะ ยุติความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่แล้วพี่บอกผมว่าให้ไปซื้ออะไรที่ผมชอบมาแต่ทว่าวันนั้น พี่ณัฐกานต์มาอาละวาดซะก่อนนะพี่เขม ผมกลัว..” ผมพูด พี่เขมหันมามองหน้าผม

         “คริส พี่ขอโทษ เออ ซื้อที่พี่ชอบแล้วกันเพราะว่านายก็มักจะทานที่พี่ชอบเหมือนกัน โอเคนะ และอย่าคิดมาก พี่จะรีบกลับ ฟ๊อด!” พี่เขมพูดและก้มลงหอมแก้มผม พี่เขมก็รีบขับรถเก๋งออกไป ส่วนผมก็จะขับรถมอเตอร์ไซด์ที่พี่เขมซื้อให้ผมออกไปเช่นกัน

     ผมขับออกไปหาซื้อกับข้าว ผมขับไปจนถึงร้านข้าวแกงใต้ ของครูลินดา ผมก็เลยเข้าไปสั่ง คั่วกลิ้ง ผมทานได้เพราะว่าแม่ผมสอนให้ทานตอนไปอยู่ภูเก็ต แกงไตปลา แกงเหลือง และก็ทอดมัน ส่วนข้าวนะผมหุ้งเอาไว้แล้ว ระหวางที่ผมกำลังขับรถผ่านร้านขายพวกเรื่องเงินเครื่องประดับ ผมกับนึกขึ้นมาได้ ทำไมผมไม่เคยซื้อแหวนให้พี่เขมและตัวผมเองนะ จะว่าไปนิ้วผมกับพี่เขมก็น่าจะพอพอกัน ผมเลยเอารถมอเตอร์ไซจอดไว้ที่หน้าร้าน ร้านนี้เป็นร้านขายเครื่องเงินแท้ๆ ผมเดินเข้าไปด้านในและเดินไปเลือกแหวนเกลี้ยงสักสองวง

         “ซื้อแหวนเหรอคะน้อง” พี่เขาหันมาถามผม

         “ครับพี่ ..เออผมเอาวงนี้สองวงครับ” พี่คนนั้นก็หยิบออกมาจากกล่องให้ผม

         “ลองได้ไหมครับ” ผมถามพี่เขา พี่เขาก็ส่งมาให้ผม ผมรับมาและสวมเข้าไปที่นิ้วนางข้างซ้าย ผมก็เพ่งมองดู มันไม่มีราคาแต่มันมีค่าสำหรับผม

         “เท่าไหร่ครับพี่”

         “วงนี้เงินแท้นะน้อง พี่เอากันเองน้องซื้อสองวงใช่ป่ะ เออ วงละ 900 บาทพอ และสองวงก็ เอา 1500 เอา ลดมาแล้ว ดูท่าจะซื้อให้แฟนละซิ แต่อีกวงจะเอาไซ้เล็กกว่าไหมละ” พี่ผู้หญิงคนขายพูดแลถามผม
       
          “ไซ้เท่ากันนี้แหละครับพี่” ผมพูดและคนขายก็สะบัดหน้ามามองผม

         “แฟนเราเป็นผู้ชายเหรอ นิ้วเท่ากับเรานะ มีแต่ไซ้ผู้ชายแล้วมั้งคะน้อง” นั้นไงรู้จนได้และผมก็พยักหน้าเบาๆ พี่เขาก็หันมาทำท่าจะตีแขนผมแบบเล่นๆ ก่อนจะหันไปเอาแหวนใส่ในกล่องให้ดูดี และส่งมาให้ผม ผมก็ควักแบงค์พันสองใบส่งไปให้พร้อมกับรับเงินทอนมาด้วย ผมถือกล่องแหวนเอาไว้

         “ผมจะขอพี่แต่งงานให้ได้ภายในสี่ปีนี้ ผมจะเรียนและทำงานเหมือนที่พี่เขมทำ และผมจะเก็บเงินซื้อแหวนที่มีค่าและราคาให้สมกับพี่เขมของผมให้ได้ด้วยตัวของผมเอง” ผมพูดกับกล่องแหวนนั้นและผมก็ขับรถรถกลับไปที่บ้านพัก พี่เขมยังไม่กลับมาแต่ผมก็ต้องจัดโต๊ะอาหารไว้รอก่อน ผมรีบเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวและพอผมออกมา พี่เขมที่ยืนจัดโต๊ะเพิ่มคืนอาหารมาวางไว้ให้ผมบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว พี่เขมยังยืนหันหลังอยู่ ผมก็เดินไปหาว่าผมเอาแหวนวางไว้ตรงไหนนะ อ้อเจอแล้ว ผมแอบไว้ที่หลังทีวีนี้เอง

         “หมับ” ผมเข้าไปกอดพี่เขมจากด้านหลัง

         “ไปซื้อไกลเลย ทำไมไม่ซื้อที่ห้องอาหารก่อนละ” พี่เขมถามผม

         “ก็ผมไปซื้อทีพี่ชอบนี้ครับพี่เขม “ ผมพูดและหมนตัวพี่เขมมาประจันหน้ากับผม ผมจับมือข้างซ้ายของพี่เขมขึ้นมาและผมก็ เอามือล่วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบแหวนขั้นมา ผมสวมมันลงที่ตรงนิ้วนางข้างซ้ายของพี่เขม พี่เขมยังไม่ได้พูดอะไรนอกจากมองหน้าผม

         “มันอาจจะไม่มีค่า มีราคา แต่ผมอยากให้พี่เขมสวมมันไว้ และวันที่ผมพร้อมผมจะเอาแหวนที่มันสวยกว่านี้สวมใส่มันให้พี่ ในฐานะ คู่ชีวิตของผม “ ผมพูดและมองหน้าพี่เขม พี่เขมก็มองหน้าผม ผมก็ส่งอีกวงให้พี่เขม

         “สวมให้ผมได้ไหมครับพี่เขม “ผมพูดกับพี่เขม

         “อืม” พี่เขมพยักหน้าและสวมแหวนอีกวงเข้าไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของผมอย่างบรรจง
       
         “พี่จะรอวันนั้นนะคริส “พี่เขมพูดและผมสองคนก็จูบกัน

         “คิดยังไงถึงไปซื้อแหวนมาให้พี่และตัวเองเนี๊ยะ”

         “ไม่รู้ซิ ผมแค่คิดว่าผมควรจะมีอะไรที่เป็นเครื่องบ่งบอกว่าเรา เป็นแฟนกัน “ ผมพูดและนั่งลงทานอาหารด้วยกัน ผมก็ตักนั้นตักนี้ให้พี่เขม พี่เขมก็ตักใส่จานผมด้วยเช่นกัน เราเป็นแบบนี้มานานแล้วตั้งแต่ได้คบกับพี่เขมจนตอนนี้จะหนี่งเทอมแล้วพี่เขมก็ยังคงเหมือนเดิม

         “เอาละ คริส พี่จะล้างเอง เรานะไปเปิดโน๊ตบุ๊ครอพ่อเรานะ ตอนนี้น่าจะใกล้เวลาแล้วแหละ เพราะว่าพี่บอกเขาไปว่าประมาณ สองทุ่มประเทศไทย”พี่เขมพูดบอกผม ผมก็เข้าไปหยิบโน๊ตบุ๊คมาตั้งไว้ที่โต๊ะที่สำหรับทานอาหาร พี่เขมก็ยืนล้างภาชนะไม่ไกลจากผม ผมก็เปิดเครื่องรอ ผมเปิดไปที่อีเมลของพี่เขม และไปที่หน้าแชทสำหรับวีดิโอคอล โลโก้สีฟ้า ผมนั่งรอลุ้นด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ ผมหันมมองพี่เขมเป็นระยะ พี่เขมก็หันมายิ้มให้ผมและเช็ดล้างภาชนะ จนกระทั้ง

         “พี่เขมพ่อโทรมาแล้วอ่ะ”ผมหันไปบอกพี่เขม พี่เขาก็หันมาพยักหน้าให้ผมกดรับสาย ผมก็นั่งหลังผิงพนักเก้าอี้และเอื้อมมือไปแตะ ผมควรจะเลือกกดรับสายหรือกดวางดี

         “คริส ไม่กดรับสายพ่อเธอละ “พี่เขมบอกผม เพราะเขารู้ว่าผมกำลังลังเล

         “คือ..ผม .. “

         “คริส นั้นพ่อเธอ กดรับสายซิคริส” พี่เขมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมเลยต้องกดรับสายและผมก็นั่งรอ  ตอนนี้กำลังดาวน์โหลด เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาที ผมก็เห็นภาพคนที่อยู่ในหน้าจอ คนนั้นคือผู้ชายต่างชาติ ที่มีหนวดเคลาเขียวจากการเพิ่งโกนใหม่ๆ แปดปีที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้ผมลืมเขาได้เลย พ่อของผมเอง แต่ผมยังไม่ได้กดเปิดกล้องนะซิ ผมหันไปมองพี่เขม พี่เขาพยักหน้าให้ผม ผมก็เลื่อนไปกดเปิดกล้อง ทันทีที่พ่อเห็นผมจากหน้าจอ

         “Oh my gosh! , is that you Christopher? “
   พ่อผมแสดงอาการตกใจ ผมเองที่ยิ้มให้พ่อ พี่เขมล้างทำความสะอาดเสร็จแล้วแต่พี่เขมส่งสัญญาณว่าขอไปนั่งในห้องและปล่อยให้ผมคุย ผมก็พยักหน้าว่าให้พี่เขมมานั่งกับผมแต่พี่เขมไม่ยอม

         “Yes dad.
ผมตอบพ่อผมไป พ่อผมทำท่าจะร้องไห้ และเขาก็เอื้อมมือมาแตะที่กล้องเหมือนพยายามจะจับใบหน้าของผม

         “How have you been dad? I really miss you . I though I will never see you again, dad.
ผมพูดไปน้ำตาผมก็ไหลออกมา ผมก็รีบปาดน้ำตาซะก่อน

         “I always miss you my son. I never forget you. Are you alright,Chris?

         “Yes I’m fine! Dad.

         “Where are you now? “
         
         “I’m at my School dad. It is a boarding school ,Dad. “

         “พ่อพยามตามหาเรานะคริส พ่อไม่ได้ทิ้งนายนะ แต่แม่เรานะเขาไม่ยอมบอกพ่อว่าเขาจะไม่กลับมาที่ออสเตรเลียอีก พ่อพยายามไปหาเราที่ไทยแต่พ่อไม่เคยไปที่บ้านเกิดแม่เราเลย “พ่อพูดกับผม

         “ผมรู้แล้วพ่อ แม่บอกผมหมดแล้ว ที่ผ่านมาแม่แค่ไม่อยากให้ผมถามหาพ่อ เขาเลยโกหกผมนะพ่อ ว่าพ่อไม่ติดต่อผมเอง” ผมพูด

         “พ่ออย่าโกรธแม่เลยนะพ่อ “

         “พ่อไม่โกรธแม่เขาของเพราะว่าทุกอย่างมันคือความผิดของพ่อเอง ที่พ่อดูแลเราและแม่ไม่ดีพอ “ พ่อผมพูด ผมก็หันไปมองคนที่ยืนอยู่

         “แม่พาผมย้ายไปอยู่ภูเก็ตครับพ่อและแม่ก็แต่งงานใหม่ กับคนเยอรมันพ่อ”

         “โอเค พ่อเข้าใจแม่เรานะ “

         “พ่อจะลงไปหาเราคริส อีกสักสามสี่อาทิตย์ ตอนนี้พ่อเพิ่งกลับมาจากยุโรปและพ่อจะหาที่เรียนมหาวิทยาลัยให้เราเลย พ่อคิดว่าเราควรจะมาเรียนปรับพื้นฐานก่อนเข้าเรียนมหา’ลัยสักสิบสัปดาห์นะคริส” พ่อบอกผม ผมถึงกับก้มหน้าจะให้ไปเลยเหรอ 

         “แล้วคนที่ชื่อเขมชาติเขาคือครูของเราเหรอคริส” พ่อถามผมถึงพี่เขม

         “ใช่ครับแด้ดแล้วเขายัง….”

         “คริส!” เสียงพี่เขม เขาทำนิ้วจุ๊ปากไม่ให้ผมบอก ผมก็ แต่พี่เขมส่ายหัวว่าอย่าเพิ่งบอกแน่ ผมเลยต้องชะงักเอาไว้ก่อน พ่อมองหน้าผม

         “ว่าไงคริส” พ่อถามผม

         “เออ แด้ด เรื่องมันยาวอ่ะ เอาไว้ผมรอแด้ดมาหาผมแล้วผมจะเล่าให้ฟัง แต่ครูเขมเขาดีสำหรับแด้ด เขาช่วยผมทุกอย่าง แม้กระทั้งช่วยผมตามหาแด้ด จากที่ผมไม่เคยคิดนะแ่ด้ด"ผมพูดพ่อผมก็ทำหน้าตกใจที่ผมพูดว่าผมไม่เคยคิดจะตามหาเขา และผมก็รู้สึกผิดเช่นกัน

         “ให้พ่อคุยกับเขาได้ไหมคริส”

         “ได้ครับแด้ด” ใบหน้าผมเปือนไปด้วยรอยยิ้มทันที ผมหันไปมองพี่เขม

         “แด้ดจะคุยกับพี่เขมอ่ะ พี่” ผมหันไปบอกพี่เขม พี่เขมก็เดินออกมาจากห้องและลากเก้าอี้มานั่งข้างๆผม

         “สวัสดีครับ เดนิส สบายดีไหมครับ ผมเขมชาติ “

         “สวัสดีครับคุณเขม ผมสบายดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะครับคุณเขมชาติ “

         “ครูบอกผมว่าเขาจบมัธยมปลายแล้วใช่ไหมครับ ”

         “ถ้าตามหลักสูตร ยังครับแต่ผมได้พาเขาไปสอบเทียบมาแล้วครับ ตอนนี้เขาสอบเทีบ GED ผ่านแล้วครับและสามารถที่จะเข้าไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยในภาคภาอังกฤษได้เลย”

         “ผมกำลังจะพาเข้าไปสอบ ไอเฟล โทเฟล อยู่ครับ “

         “ถ้าอย่างนั้นเขาก็พร้อมที่จะมาเรียนมหาวิทยาลัยที่ออสเตรเลียได้เลยใช่ไหมครับคุณเขม”
         
   “ผมคิดว่าเขาพร้อมนะครับคุณเดนิส ถ้ายังไงรบกวนติดต่อสอบถามทางมหาวิทยาลัยก่อนก็ได้ครับ เพื่อว่าเขาต้องเรียนปรับพี้นฐานก่อนหรือเปล่า แต่ว่าเขากำลังจะสอบโทเฟล ผมว่าอันนี้ก็น่าจะเป็นตัววัดได้ว่าเขาพร้อมนะครับ”

         “ผมกำลังจะดูมหาวิทยาลัยไปให้เขาเลือก ขอบคุณนะครับคุณเขมที่ช่วยให้เขาตามหาผม ยังไงผมจะลงไปให้เร็วที่สุด เท่าที่ผมจะทำได้ “ พ่อผมบอกพี่เขมว่าเขาจะดูมหาวิทยาลัยให้ผมด้วย ผมได้แต่มองพี่เขม สายตาเขานิ่งแต่ผม จนผมยากจะเดาได้

         “ครับคุณเดนิส “ พี่เขมพูดแค่นั้นแหละพยักหน้าให้ผมคุยกับพ่อต่อ

         “คริสพ่อต้องไปแล้ว พ่อจะไปดูบ้านพักตากอากาศของเราที่ Bateman bay คริสจำได้ไหม”

         “ได้ครับแด้ด”

         “พ่อจะไปดูซะหน่อย ตอนนี้โดนไฟป่าไหม้ แต่บ้านเพื่อนพ่อนะโดนไหม้หมดทั้งหลัง “

         “จริงดิแด้ด เสียดายอะ “

         “ไม่เป็นไรหรอก ถ้าไหม้ก็แค่ซ้อมแซมมัน หรือปลูกใหม่ และนี้คือสิ่งที่พ่อเก็บไว้ให้เราคริส “

         “แด้ดผม..”

         “เอาไว้พ่อไปแล้วเราค่อยคุยกัน พ่อรู้ว่ามันยากแต่พ่อเชื่อว่าเราจะมีอนาคตที่ดีได้มาเรียนที่นี้ แค่นี้ก่อนนะคริส พ่อรักลูก ที่สุด “

         “ผมรักแด้ดครับ “

         “บาย คริส “

         “บายครับแด้ด” และพ่อผมก็กดวางสายไปทันที ตอนนี้ผมกับพี่เขมอยู่ในควาเงียบโดยไม่ได้พูดอะไรกัน พักหนึ่ง และเป็นผมที่ลุกขึ้นไปและกอดพี่เขม น้ำตาผมไหลพี่เขมก็ยังไม่พูดอะไรนอกจากกอดผมเข้าไปเหมือนที่ผมทำ เขาก็คงคิดเหมือนผมตอนนี้เช่นกัน

         “พี่เขม ผมไม่อยากไป ผมอยากอยู่กับพี่เขม ให้ผมเรียนต่อม.ปลายอีกปีดีไหมอ่ะ ฮือๆ”

         “คริสแล้วนายจะทิ้งสิ่งทีพี่พยายามทำให้นายเหรอ จนนายได้สอบผ่านนะคริส นายมีโอกาสที่ดีแล้วนายควรจะคว้ามันไว้คริส” พี่เขมพูด ผมรู้ว่าพี่เขมก็แอบร้องไห้ แต่พี่เขาไม่อยากให้ผมเห็นน้ำตา

         “คริส ..ฟังพี่นะ ....พี่รอนายได้นะ กี่ปีพี่ก็รอได้แต่อย่าทิ้งอนาคตแบบนี้ “ พี่เขมดันผมออกและมองหน้าผม ผมเห็นในตาพี่เขมแดงๆเหมือนกันแต่พี่เขมก็ยังคงยิ้มให้ผม

         “แต่ผม..”  ผมใช้ฝ่ามือผมแตะที่ใบหน้าพี่เขมเบาๆ

         “สัญญาซิ ว่าจะต้องไม่ทิ้งอนาคตของนาย และนี้มั้นคือสิ่งที่พี่เพียรพยายามและเคี้ยวเข็ญนายคริส ไม่อย่างนั้นคนที่ผิดหวังคือพี่” พี่เขมพูด และเอามือแตะที่หัวผมเบาๆ และเขาก็กอดผมอีกครั้ง

         “นายมีโอกาสแล้ว ไปเรียนและไม่นานนายก็จะจบ สามปีเอง” พี่เขมพูด

         “พี่จะรอผมได้ใช่ไหมพี่เขม”

         “แน่นอนพี่รอได้ รอนานกว่านี้พี่ก็รอได้คริส เพราะว่า พี่รักเรา “
         
         “พี่ว่าอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย เพราะว่ารอให้พ่อเรามาก่อนนะ “ พี่เขมพูด ผมก็ปาดน้ำตาของผม ผมรู้ว่าลูกผู้ชายไม่ควรร้องไห้พร้ำเพรื้อ

         “เรามาทำให้วันที่เหลือของเรามีความสุขที่สุดดีกว่าไหม “ พี่เขมพูดและเขาก็โอบเอวผมเข้าไป ไม่บ่อยเลยที่พี่เขมจะเป็นคนเริ่มก่อนแบบนื้ ปกติจะมีแค่ผมที่เริ่มก่อนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มัน

         “หมับ” พี่เขมจูบผมอย่างละมุลและผมก็เผยอปากรอรับลิ้นนั้น พี่เขมสอดลิ้นเข้ามาในปากของผมและผมก็ใช้ลิ้นของผมดุลเข้าไปในปากพี่เขมเพื่อแลกเปลี่ยนกัน เราดูดดื่มมความหวานในช่องปากของกันแลกกัน จนกระหนำใจ

         “เขาห้องนะ”พี่เขมพูดเชื่อเชิญผมและเราสองคนก็กระโจนขึ้นไปบนเตียงนอน สองร่างซุกไซ้กันราวกับว่าหื่นกระหายมาเป็นแรมปี ผมเองก็รู้สึกว่าพี่เขมรุกผมหนักกว่าทุกครั้ง

         “พี่เขม ..พี่เขม..โอ้ววว..พี่..เขม..ผม..เสียววววว “ ผมร้องคราวเพราะว่าพี่เขมขบและเม้มตรงหน้าท้องผมเลื่อนลงไปเลื่อยจนเกือบถึงเนินเนื้ออ่อน ของผม ตอนนี้เสื้อผ้าของผมกำลังถูกถอดออกโดยพี่เขมเองและเสื้อผ้าพี่เขมก็ถูกถอดออกและโยนไปคนละทาง และพี่เขมก็กลับมาค่อมผมอีกครั้ง ร่างกายที่ปราศจากอาภรณ์ของผมตอนนี้มันสั่นสะท้านไปหมดจากรสจูบที่พี่เขมมอบให้ แต่ว่าคืนนี้มันเป็นคืนของผม ผมก็ต้อง

         “หมับ” ผมพลิกพี่เขมให้ไปนอนราบและผมก็ขึ้นค่อม

         “วันนี้พี่เร้าร้อนเหลือเกินนนะพี่เขมแต่ผมต้องกดพี่ครับไม่ใช่พี่กดผม” ผมพูดและจัดการเร้าโรมพี่เขมบ้าง ผมทำเหมือนที่พี่เขมทำให้ผม ร่างที่ส่ายไปมาด้วยความเสียวซ่านจากรสจูบของผมดิ้นจนจำสภาพเตียงนอนที่ผมเก็บไว้เรียบร้อยไม่ได้เลย

         “ไม่ใส่ถุงได้ไหมอ่ะพี่เขมอยากเล่นสดอ่ะ นะพี่เขม “ผมอ่อนพี่เขมว่าไม่ใส่ถุงอยากได้รับความรู้สึกหลั่งสดๆบ้าง พี่เขมกระดกหัวมองผมและเขาก็พยักหน้า ผมแค่เอื้อมมือไปหยิบเจลมาทาและผมก็เทใส่นิ้วมือผมเพื่อจะใช่เบิกทางรักของพี่เขมก่อน

         “อะ ..อ้าห์ ..อืมม..คริส...” พี่เขมครางออกมาเบาๆ ผมก็ ผมก็เริ่มเพิ่มจำนวนนิ้วให้จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม จนพี่เขมเริ่มจะไม่ไหว
         
         “คริส พี่ไม่ไหวแล้วอ่ะ ขอพี่ได้ไหมอ่ะ ซี้ด “พี่เขมร้องรอผมเองเลยครับรอบนี้

         “ได้ครับพี่เขม..ไม่ชอบทรมารคนรักของผม ผมจะจัดให้ รอรับได้เลยครับพี่เขม “ ผมพูดและจัดการนำแกนกายของผมไปจ่อที่ปากทางรักของผมกับพี่เขมและดันมันเข้าไปแบบไม่พักแต่ค่อยๆเข้าไปจนสุดทางและผมเริ่มขยับร่างกายคนที่นอนอยู่ภายใต้การควบคุมของผมก็ขยับขึ้นลง ไปตามจังหวะของหวงอารมณ์ของผมและมันก็เริ่มจะแรงขึ้นเรื่อยๆ และจู่ๆผมก็ถอนแกนกายผมออก พร้อมกับลุกขึ้น พี่เขมก็มองผมและผมก็ดึงพี่เขมมาที่ขอบเตียง

         “เราจะเล่นขอบเตียงกัน ที่รัก” ผมพูดและผมก็จัดการดันเข้าไปสุดทางรักเลย และโยกแบบไม่ต้องนับกันเลย เพราะนับไม่ทัน คนที่ผมทำให้ก็ใช่มือจิกที่แผ่นหลังของผม ไปด้วย

         “อ้าห์..อ้าห์ ..พี่..เขม..อ้าห์ ..โอ้วว...อืมม..ซู้ดดดด” ผมรัวแบบไม่เกรงใจเสียงเตียงที่กระทบกับฝาพนังจะดังไปรบกวนบ้านครูท่านอื่นๆเลย จนกระทั้งผมก็ถึงฝั่งฝันเรียบร้อย และพี่เขมก็เช่นกัน และผมก็ดันพี่เขมขึ้นไปอยู่กลางที่นอน ผมขึ้นไปนอนแผ่หลังจากที่ผมถอนแกนกายที่เลอะเทอะไปด้วยน้ำรักของผมเอง วันนี้ไม่ใส่ถุงมันเลยกระฉูดเลอะเทอะช่องทางรักพี่เขมไปหมดเลย เราสองคนหันมามองหน้ากัน

         “ขอบคุณนะครับที่รักที่เชื่อใจผมให้ผมทำแบบไม่ต้องใส่ถุง “ ผมพูดขอบคุณพี่เขม พี่เขมพลิกตัวขึ้นมามองผมและใช้มือค้ำศรีษะตัวเองไว้ เขามองมาที่ผม สายตาที่บ่งบอกว่าเขารักผมมากแค่ไหน และสายตาของผมก็บอกเขากลับเช่นกันว่าผมก็รักเขามากพอกันกับที่เขารักผม   

         “เราฝ่าฟันมาด้วยกันเยอะเหมือนกันนะพี่เขม ถ้าเราจะต้องฝ่าไปอีก พี่คิดว่าพี่จะท้อไหม “ ผมถามพี่เขม

         “พี่ไม่เคยท้อแต่พี่รู้สึกว่าใจพี่นี่หึกเหิมขึ้นทุกครั้งที่พี่ฝ่ามันไปได้ เหมือนกับว่าพี่พร้อมที่จะรับมือกับสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า ไม่ว่าอุปสรรคนั้นจะยากลำบากแค่ไหน แต่ขอแค่ ใครสักคนที่เดินพร้อมกับพี่ไม่ปล่อยมือกัน แค่นั้น “ พี่เขมพูด ผมก็โอบรอบคอพี่เขมไว้
       
         “ขอบคุณนะครับที่ทำให้ผมไม่เคยคิดหนีปัญหา ทั้งที่ผมไม่ใช่คนที่ทนกับการรับรู้ปัญหา แต่ตอนนี้พี่สอนให้ผมรู้ว่า ปัญหาไม่ได้มีไว้ให้เราหนี แต่มีไว้ให้เราฝ่ามันไปพี่เขม..”

         “ผมสัญญาว่าผมจะทำให้รักของเราเป็นรักที่มั่นคง และพี่คือผู้ชายคนเดียวของผม..พี่เขม..”

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริส)EP.41ไปตามครูมิ้งและพาคริสไหว้พี่ต้น
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 02-10-2020 10:48:55
       
        EP.41ไปตามครูมิ้งและพาคริสไหว้พี่ต้น

       Part ครูเขมชาติ  วันนี้เป็นวันที่ผมกับคริสโตเฟอร์ต้องบินด่วนไปหาพี่ต้นที่เชียงใหม่ ก็เพราะว่าท่านผู้อำนวยการเรียกผมไปคุยเมื่อวาน ท่านบอกว่าป้าของแชมป์เขาทรุดหนัก หมอที่ดูแลบอกว่าน่าจะไม่เกินเดือนนี้ ตอนแรกผมตั้งใจเอาไว้ว่าผมจะไปช่วงใกล้วันสงกานต์เพราะว่าตอนนั้นก็ปิดเทอมใหญ่พอดีแต่นี้ผมต้องบอกพี่ต้นว่าผมต้องมาด่วน และพี่ต้นก็เคยโทรบอกผมว่าพี่เขาเห็นคนหนึ่งเหมือนกับครูมิ้งเลย ไปทำงานอยู่ที่รีสอร์ทที่พี่ต้นเคยไปพักบ่อยๆ และผมก็มั่นใจว่าต้องเป็นครูมิ้งแน่ๆ

   ผมหันไปยิ้มให้คนข้างๆผม ผมสองคนนั่งเครื่องบิน บินตรงมาจากกรุงเทพถึงเชียงใหม่  ขณะที่เครื่องบินกำลังจะล่อนลงที่สนามบินเชียงใหม่ ผมหันมาเหล่ตามองคริสโตเฟอร์ ผมขอผู้อำนวยการเอาคริสโตเฟอร์ไปด้วย ไม่ได้ไปสวีทนะแต่จะพาไปไหว้พี่ต้นผมหน่อย เพราะว่าผมก็ไม่รู้ว่าพี่ต้นจะได้เจอคริสโตเฟอร์ก่อนที่พ่อเขาจะมาไหม เขาอาจะได้บินไปกับพ่อเขาก่อนก็ได้
      “พี่เขม พี่ต้นดุมากหรือเปล่าอะ” คริสโตเฟอร์หันมาถามผม ตื่นเต้นหรือไงที่จะได้ไหว้พี่ชายคนโตของผม
      “ดุซิ! พี่ชายคนโตที่ทำหน้าที่แทนพ่อพี่อ่ะ พี่นี่นะไม่กล้าดื้อ ไม่กล้าเถียงพี่ต้นเลยนะ “ ผมพูดกับเอาคริสโตเฟอร์ถึงกับถอดสีเลย และผมก็ปั่นหน้านิ่ง เพื่อแอบขู่คนข้างๆผม และผมก็อดที่จะแอบอมยิ้มไม่ได้ ไม่นานเครื่องบินก็ล่อนลงจอดในตัวสนามบินนานาชาติเชียงใหม่
   ผมเดินผ่านจุดตรวจและเข้าไปเอาสัมภาระที่จุดรับกระเป๋าเดินทาง ของคริสเขาใช้เป้สพายหลังเขาบอกว่าเขาชอบแบบแบคแพ็คมากกว่า ส่วนผมก็ลากกระเป๋าใบน้อยเสื้อผ้าเอามาแค่สองสามชุดให้พออยู่แค่สามสี่วันพอและพอดีว่าช่วงนี้มีเทศการไม้ดอกไม้ประดับด้วย ผมคิดว่าครูมิ้งกับแชมป์น่าจะออกมาเดินงานบ้างแหละ
      ผมพากันเดินออกมาทางช่องทางออกของผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ ผมก็เจอผู้ชายที่สวมเสื้อเชิ้ตพับแขนและมีเด็กน้อยยืนเกาะขาอยู่ข้างๆพี่ต้น พี่ต้นกำลังกำหน้ากมตากดโทรศัพท์ดูแล้วน่าจะพยายามโทรหาผมแน่ๆ พี่ต้นหันมาเจอผมพอดี

      “ พี่ต้น” ผมเรียกพี่ต้น พี่ต้นส่งยิ้มมาให้ผม
   
      “เขม” พี่ต้นก็รีบเดินเข้ามาและกางแขน ผมก็โผเข้าไปกอดพี่ต้นทันทีเช่นกัน เป็นการกอดที่ทำให้ผมรู้สึกสบายใจที่สุด เพาะว่าไม่ต้องมีสายตาพี่เกศรินทร์มาจ้องมองผม และมันทำให้ผมรู้สึกอึดอัดที่จะกอดพี่ชายแท้ๆของตัวเอง แต่ถึงยังไงผมก็รู้สึกผิดอยู่ดี แม้ว่าตอนนี้ผมจะรู้สาเหตุจริงๆแล้วก็ตาม ผมกอดพี่ต้นแน่นและหันก้มมองหลานตัวน้อยของผม

      “เป็นไงบ้างเดินทาง เหนื่อยหรือเปล่า” พี่ต้นถามผม ผมส่ายหน้าและก้มลงเอามือแตะหัวเอิร์ธ

      “ไงครับคิดถึงอาหรือเปล่า ไหนมาให้อาอุ้มหน่อย” ผมพูดและอุ้มหลานชายขึ้นมาหอมแก้ม

      “คิก คิก คิก” หลานผมหัวเราะชอบใจใหญ่เลย

      “อาเขมอ่ะ จั๊กจี๋” เอิร์ธพูดแต่รอบนี้เขาเรียกชื่อผมพถูกแล้ว

      “เรียกชื่ออาถูกแล้วเหรอเอิร์ธ” ผมถามหลานชายผม

      “แล้วนี้แฟนเราใช่ไหมเขม พ่อนักเรียนเกรียนที่มีเรื่องให้นายตามแก้ทุกวัน”พี่ต้นพูดปนหัวเราะและชี้ไปที่คริสโตเฟอร์ที่ยืนมองผมอุ้มหลาน ผมก็ลืมแนะนำตัวนายคริสกับพี่ต้นและเอิร์ธไปซะสนิท

      “ คริส นี้พี่ต้นและคนนี้น้องเอิร์ธ” ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์ เขาก็รีบยกมือไหว้พี่ต้นทันที

      “สวัสดีครับพี่ต้น” คริสโตเฟอร์พูดและยืนนิ่งแบบเรียบร้อยมาก เหมือนออกจะเกร็งซะด้วยซ้ำ ผมก็อดขำไม่ได้อีกเช่นกัน พี่ต้นหันมามองผมเลิกคิ้วด้วย ผมก็กอดเอิร์ธไว้

      “เขาคือใครอ่ะอาเขม” เอิร์ธถามผมและชี้ไปที่คริสโตเฟอร์

      “เขาคือ … เพื่อนอาเขมครับ” ผมตอบเอิร์ธ และนี้ก็ยิ่งทำให้คนที่ยืนหันมามองผมทำหน้าหง๋อยอีก เดี๋ยวผมจะอธิบายให้เขาเข้าใจทีหลัง ว่าทำไม

      “เอาละไปคอนโดพี่กันดีกว่าจะได้พักผ่อนและพี่จะพาไปหาอะไรอร่อยๆทานกัน “ พี่ต้นพูดและหันไปมองคริสโตเฟอร์ ส่วนผมก็อุ้มหลานเดินนำหน้าไปก่อน ปล่อยให้พี่เขยกับน้องเขยและน้องสะใภ้ในคนเดียวกัน เขาทำความรู้จักกันไปก่อน

      “ปึก! “เสียงพี่ต้นโอบไหล่คริสโตเฟอร์เสียงดังเอาการอยู่นะ ผมแอบเหลียวหลังกลับไปมอง เหงื่อแตกเลยซิคนข้างหลังผม

      “ได้ข่าวว่างานเขาเยอะใช่ไหมเรา “ พี่ต้นถามคริสโตเฟอร์

      “ครับแต่ พี่ต้นผมเลิกแล้วครับ ผมเป็นเด็กดีแล้วครับ เพื่อครูเขม” คริสโตเฟอร์พูด

      “อ้อ! เพื่อคุณครูเขม อย่างเดียวเหรอ” พี่ต้นถามย้ำ

       “ครับ” ผมหันไปเหลียวมอง จริงอ่ะเพื่อครูเขม

       “พี่รู้แล้วว่าเรากับเขมนะเป็นอะไรกัน บอกมาเถอะ “ พี่ต้นพูด

       “ผมตั้งใจจะไม่มีเรื่องแล้วครับพี่ต้น ตอนนี้ผมตั้งใจเรียนอย่างเดียวเพื่อคนที่ผมรักครับพี่ต้น” คริสโตเฟอร์พูด

       “มันต้องอย่างนี้ ยืดอกรับไปเลย ลูกผู้ชาย ไอ้น้องเขย” พี่ต้นพูดและตบบ่าคริสโตเฟอร์เบาๆ ผมหันไปมองพี่ต้น

           “พี่ต้นผมบอกว่านั้นนะน้องสะใภ้ต่างหาก “ผมหันไปแย้ง ผมสามคนเดินออกมาที่ลานจอดรถและพากันเข้าไปนั่งในรถ แต่คริสนะเข้าไปนั่งกับผมด้านหลังนะซิ ทำเอาพี่ต้นปรับกระจกมองหลังมองมาที่ผมสองคนและเอิร์ธ

           “นี้ใจคอจะทิ้งให้นั่งเป็นคนขับคนเดียวเลยเหรอ” พี่ต้นถามปนหัวเราะ ผมหันมามองหน้าคริส

           “งั้นคริสนั่งกับหลานพี่แล้วกันพี่ไปนั่งกับพี่ต้นนะ” ผมพูดและทำท่าจะปลดเข็มขัด

           “เอิร์ธอยากนั่งกับอาเขม ให้เขาไปนั่งกับพ่อเลย” เอิร์ธทำท่าค้านอีก คริสโตเฟอร์ก็ทำตาโต แถมเอิร์ธก็กอดแขนผมไว้ด้วยไม่ยอมให้ผมลุกไป

           “ไปเลย” เอิร์ธพูดบอกคริสโตเฟอร์ ผมพยักหน้าว่าให้คริสไปนั่งกับพี่ต้นแทนนะ

           “เผด็ดจการอ่ะ “ คริสโตเฟอร์พูดและเดินลงไปนั่งข้างหน้ากับพี่ต้น และผมก็หันมาเปิดการ์ตูนให้หลานดู เป็นการ์ตูนภาษาอังกฤษ พี่ต้นนะเก่งภาษาอังกฤษพอๆกับผมเลย พี่ต้นสื่อสารคุยกับฝรั่งได้ดี เพราะว่ามีนักท่องเที่ยวที่เดือดร้อนมาให้พี่ต้นช่วยที่เชียงใหม่ก็หลายคน

           ผมได้ยินพี่ต้นกับคริสโตเฟอร์คุยกันตลอดทางส่วนผมก็เปิดการ์ตูนและฟังหลานเล่าให้ฟังอีกที ดูเอิร์ธดีขึ้นมากแล้วไม่พูดและทำท่ากลัวพี่เกสรินทร์เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่นานก็มาถึงคอนโดของพี่ต้น  ผมลงมาก่อนพี่ต้นก็เดินไปอุ้มเอิร์ธลงจากคาร์ซีท ผมก็รีบลงมายกกระเป๋าลงจากท้ายรถ คริสโตเฟอร์ก็รีบลงมาช่วยผมถือทันที

           “หมับ “คริสโตเฟอร์เอื้อมมาแตะจะลากกระเป๋าให้ผมและจังหวะนั้นผมก็เอื้อมมือไปจับเช่นกัน

           “เพี๊ยะ!” เสียงตีมือเสียงดังแต่ไม่ใช่ผมแน่นอน ผมไม่ใช่คนที่ตีมือของคริสโตเฟอร์  คนที่ทำนั้นก็คือเอิร์ธหลานชายของผม

      “อิ้ว! ตีมือพี่ทำไมอะครับ” คริสโตเฟอร์ถามเอิร์ธ

      “ไม่ให้จับ อาเขมของเอิร์ธ” เอิร์ธเขาหวงผมนี้เอง ผมก็แอบขำหลานตัวน้อยที่แสดงอาการหวงผม ส่วนพี่ต้นก็กำลังคุยโทรศัพท์อยู่พอดี

      “หลานพี่พันธุ์อะไรอะ ดุอ่ะ” คริสโตเฟอร์พูด

      “เพี๊ยะ!” ผมก็ฟาดมือเข้าให้ที่แขนเสียงดังเช่นกัน ว่าหลานชายผม

      “โอ้ยย! เจ็บอ่ะ ผมรู้แล้วว่าหลานพี่นะ ได้ความร้ายกาจมาจากใครพี่เขมนี้เองอ่ะ “คริสโตเฟอร์พูดและเอามือลูบแขนตัวเองเบาๆ

      “ไปขึ้นห้องกันจะได้นั่งพัก เออ หิวกันไหมพี่จะได้โทรสั่งอาหารขึ้นไปทานกันบนห้อง” พี่ต้นหันมาถามผมกับคริสโตเฟอร์ ตอนนี้ผมกำลังกลายเป็นคนกลางที่มีหลานจูงมือข้างหนึ่งและแฟนก็จูงมือผมอีกข้างหนึ่ง คือไม่ยอมกันเลยว่างั้น พี่ต้นก็มองผมและมองทั้งซ้ายและขวาของผม

             “พี่ต้นช่วยผมเลย “ ผมพูดเรียกพี่ต้น

              “อยากเกิดมาหล่อนี่ ช่วยไม่ได้ ไปขึ้นห้องกัน หึหึ”พี่ต้นพูดพร้อมกับหัวเราะผมอีกนะ และผมก็ต้องเดินขึ้นไปบนห้องสภาพแบบนี้จริงๆเหรอ อีกคนก็เด็กเกินอีกคนก็เด็กโข่ง คริสโตเฟอร์ก็ต้องลากกระเป๋าผมไปด้วยเพราะว่าตอนนี้มือผมไม่ว่างโดนกระหนาบข้างสองข้างแบบนี้
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริส)EP.41ไปตามครูมิ้งและพาคริสไหว้พี่ต้น
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 02-10-2020 11:18:12
พาคริสไหว้พี่ต้น เอิร์ธหวงอาเขมด้วย  :hao6:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน EP.41.1ของสำคัญที่หมอภีมฝากผมคืนพี่ต้น
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 02-10-2020 18:15:55
(https://www.img.in.th/images/de075c32e39bbd40978c794ef815f357.jpg)พี่ต้น
EP.41.1 (ครูเขมXคริส) ของสำคัญที่หมอภีมฝากผมคืนพี่ต้น
   
         พี่ต้นพาพวกผมขึ้นมาบนห้อง คอนโดพี่ต้นมีสองห้องนอนมีห้องครัว พี่ต้นไม่อยากซื้อบ้านเพราะว่าพี่ต้นกำลังจะขอย้ายไปอยู่ใกล้ๆกับแม่ ผมรู้ว่าพี่ต้นคิดถึงแม่มากแค่ไหนตั้งแต่พี่ต้นมีครอบครัวก็มาย้ายมาอยู่ซะไกลขนาดนี้

   “พี่เขมขอผมเล่นเกมส์นะ ผมเอาเกมส์มาริโอมาด้วย น้องชายผมมันชอบเล่นผมว่าหลานพี่เล่นได้” คริสโตเฟอร์พูด ผมก็พยักหน้าและดูท่าหนุ่มน้อยจะสนใจมิใช้น้อยเลย นั่งมองคริสโตเฟอร์ต่อนั้นต่อนี้ ผมก็นึกขึ้นได้ว่าหมอภีมปภพฝากรูปมาคืนพี่ต้น ผมเดินเข้าไปเห็นพี่ต้นกำลังโทรสั่งอาหารให้พวกผมอยู่

   “พี่ต้น “ ผมเรียกพี่ต้น พี่ต้นหันมามองผมและยิ้มให้ผม

   “พี่ต้น ผมมีอะไรจะมาคืนให้นะ มีคนฝากมาคืนนะครับพี่ต้น” ผมพูดและส่งรูปถ่ายนั้นคืนให้พี่ต้น  พี่ต้นรับรูปไปถือด้วยสีหน้าที่ตกใจและหันมามองผมเช่นกัน

   “หมับ” ผมกอดพี่ต้น ผมว่ามันคือคำพูดที่ดีที่สุด พี่ต้นก็กอดผมกลับ

   “พี่ขอโทษนะเขม ขอโทษที่พี่ไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้นายรู้ว่าจริงๆ พี่ก็ “ พี่ต้นพูดและเงียบไป

   “ผมเข้าใจพี่ต้น ผมยังรักพี่เหมือนเดิม “ ผมพูดพี่ต้นเอามือลูบหัวผม 

   “แต่ผมก็ทำให้พี่เกศรินทร์กับพี่ต้นทะเลาะกันอยู่ดี ผมขอโทษนะพี่ต้น”ผมพูดพี่ต้นดันผมออก และ

“ฟู่” พี่ต้นพ่นลมหายใจออกมายาวๆหนึ่งที

“จริงๆ เกศรินทร์ก็ไม่มีอะไรหรอกแต่ช่วงหลังๆ เขาเครียดหลายอย่าง พ่อเขาก็กดดันให้พี่ช่วยเขาให้ได้แต่พี่ไม่ทำนะเลยทำให้พี่กับเกศเริ่มมีปากเสียงกันนะเขม แต่ เกศรินทร์ก็เคยช่วยพี่ด้วยนะเขมและนั้นคือสาเหตุจริงๆ ที่พี่ย้ายจากเขาใหญ่ ทั้งที่พี่ควรจะอยู่จนครบสี่ปี” พี่ต้นพูดผมก็มองหน้าพี่ต้น

“ไม่ใช่เพราะว่าพี่หมอไปหาพี่ต้นเหรอ พี่ต้นรู้ไหมว่าพี่หมอภีมกลับไปหาพี่ต้นอีกครั้งที่เขาใหญ่เพราะว่าเขาคิดว่าจะเจอพี่อีก เขาไม่คิดว่าพี่จะย้ายเร็วขนาดนี้ แต่ผมก็บอกพี่หมอไปว่าผมไม่รู้หรอกว่าทำไม” ผมถามพี่ต้น

“ไม่ใช่หรอกเขม เรื่องแค่นั้นพี่ไม่ย้ายหรอกเขมแต่ว่ามันใหญ่กว่านั้น ถ้าพี่บอกเขม เขมอย่าบอกแม่กับก้องนะโดยเฉพาะก้อง เพราะว่าพี่ไม่อยากไปสืบหาว่าคนที่ทำนะใคร แม้ว่าพี่จะรู้ก็ตาม” พี่ต้นพูดและหันมามองผมสายตาขอร้องผมแบบนี้ใครจะกล้าขัด

“ หลังจากที่หมอภีมไปหาพี่นะแต่พี่ไม่ได้ไปหาเขา พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามา เกศรินทร์เป็นคนอ่านข้อความและลบข้อความของหมอภีม และเกศรินทร์ก็ไปหาหมอภีมแทนพี่ พี่ไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกัน และพี่กับเกศรินท์ก็ทะเลาะกัน  เกศรินทร์บอกให้พี่ย้ายแต่พี่ว่ามันไม่ใช่เหตุผลที่พี่ควรจะย้ายเพราะเรื่องแค่นี้เขม” พี่ต้นพูด

“จนกระทั้งวันที่พี่พาเขาไปฝากครรภ์ตามปกติ หมอนัดเย็นมาก พี่ก็หาอะไรทานกันแถวตลาด และขับรถกลับ จังหวะนั้นจู่ก็มีรถมอเตอร์ขับประกบพี่ พี่มองจากกระจกข้าง เขากำลังหยิบปืนขึ้นมา” ผมก็ต้องตกใจ พี่ต้นพยักหน้าว่าใช่ตอนนั้นพี่ต้นกำลังจะถูกยิง พี่ต้นไม่เคยพูดเรื่องนี้กับพวกผมมาก่อนเลย

   “พี่คิวว่าพี่ไม่รอดแล้วแหละ พี่ก็เลยหันไปบอกเกศรินทร์ให้ดูแลลูกดีดีนะ พอรถมอเตอร์ไซด์ขับมาเทียบกับรถพี่ พี่ก็กดเปิดกระจกนะเพื่อจะมองหน้าเขา แต่เขาน่าจะไม่ใช่มือปืนอาชีพ เขาเห็นเกศรินทร์ที่ตั้งครรภ์ก็เลยชะงักและจังหวะนั้นมีรถบีบแตรไล่เขาเพราะว่าเขาเกยอีกเลนอยู่ และเขาก็ขับผ่านไป และนั้นแหละพี่ถึงได้ย้ายเขม” พี่ต้นพูด ผมยิ่งกอดพี่ชายผมแน่นๆ

   “เกศรินทร์โทรบอกพ่อเขาเล่าทุกอย่างและบอกให้พ่อเขาเข้าไปขอผู้ใหญ่ตอนนั้นปลัดคนเก่ากำลังจะขอย้ายกลับบ้านเขาด้วย พี่เลยได้ย้ายมาลงแทนนี้ไงเขม “ พี่ต้นพูด

   “และพี่ก็ต้องเลือกที่จะไม่ติดต่อหมอภีมปภพอีกครั้งและตลอดไป” พี่ต้นพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ว่าพี่ต้นเจ็บแค่ไหน

   “แต่พี่โอเคนะ พี่มีเอิร์ธแล้ว เอิร์ธทดแทนความรู้สึกของพี่ได้” พี่ต้นพูดและยิ้มให้ผม

   “พี่ต้น พี่เจ็บมากไหม พี่ทนได้ไง “ผมถามพี่ต้น

   “บางทีพี่กับหมอภีมคงไม่ใช่คู่กัน อุปสรรคมันเลยทำให้เราไปกันไม่ได้ ไม่เหมือนเรานิ เก่งนะ ผ่านมาได้จนขนาดนี้ เขม ดูแลความรักนี้ดีดีนะ ” พี่ต้นพูดและมองหน้าผม

   “แล้วพี่…” ผมรู้ว่าพี่ต้นเข้าใจว่าผมจะถามพี่ต้นว่าอะไร

   “พี่คงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วเขม พี่มีเอิร์ธแล้ว และเขายิ่งไม่ยอมเอาเกศรินทร์เลย พี่คนเดียวเท่านั้นดังนั้นพี่ต้องเลือกลูกเขม” พี่ต้นพูด ผมพยักหน้า ว่าผมเข้าใจ


   “อันที่จริง เป็นเพื่อนกันก็น่าจะได้มั้งพี่ต้น” ผมพูด

   “จากคนรักนะเหรอ พี่ว่ายาก พี่กับเกศรินทร์ ยังเปลี่ยนจากคนเคยรักเป็นเพื่อนไม่ได้เลยนะเขม และพี่ก็คิดว่าแบบนี้จะดีกว่า พี่รู้นิสัยหมอภีมปภพดี เขาไม่ยอมง่ายๆหรอก” พี่ต้นพูดและหันมามองผม ผมก็ว่านะเพราะว่าสายตาของหมอภีมปภพดูมุ่งมั่นมาก และเขาก็ทำให้ครอบครัวของเขาเป็นฝ่ายถอนหมั้นหมอดาวิกาเองอีกต่างหาก

“และพี่ก็เลือกที่จะอยู่แบบนี้ดีกว่าเพื่อขอเก็บมั้นไว้แบบนั้น เพราะอย่างน้อยความรู้สึกดีดีก่อนที่พี่กับเขาจะหายไปจากกันมันก็ยังคงอยู่และมันก็ยังมีความทรงจำที่สวยงาม พี่ไม่อยากทำมันพังไปเขม “ พี่ต้นพูดผมพยักหน้าเบาๆ

   “กริ้ง” เสียงกริงหน้าห้องพักพี่ต้น

   “อาหารมาแล้ว พี่จ่ายเงินก่อนนะ เราจัดโต๊ะรอเลยจะได้ทานกัน” พี่ต้นบอกผม ผมก็พยักหน้าว่าได้ พี่ต้นเอารูปถ่ายของพี่ต้นกับพี่หมอภีมเหน็บไปที่กล่องที่ทใส่พวกซองจดหมาย เอกสารต่างๆแค่นั้น และผมก็ทำหน้าที่จัดโต๊ะอาหารรอ คริสโตเฟอร์เดินมาช่วยผมจัดเช่นกัน

   “จะว่าไปหลานพี่ก็น่ารักดีนะ “ คริสโตเฟอร์พูด ผมหันไปมองเขา

   “ผมอยากมีน้องนะพี่เขมแต่แม่มีแฟนใหม่ไปแล้ว” คริสโตเฟอร์พูด

   “นายก็มีน้องชายนี่คริส ถึงแม้ว่าจะคนละพ่อกันก็ตาม “ ผมหันไปพูดกับเขา

   “มันไม่ค่อยสนิทกันเหมือนพี่น้องแท้มั้ง” คริสโตเฟอร์พูด

   “ไม่หรอกนะ หากนายลองเปิดใจให้มากกว่านี้และในตอนนั้น นายก็คงคิดถึงพ่อแท้ๆของนายด้วย นายก็เลยเกิดอคติกับน้องชายที่เป็นคนละพ่อแค่นั้น เด็กนะเหมือนผ้าขาวบาง ใส่อะไรลงไปก็เหมือนเราทำสีตกลงไป น้องนายยังเล็กด้วยน่าจะแก่ว่าเอิร์ธไม่กี่ปีเองด้วยซ้ำ คริส”ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์

   “ผมก็รักมันนะพี่เขมแต่ชอบแกล้งมันอ่ะ “คริสโตเฟอร์พูด พี่ต้นถือถาดอาหารเข้ามา เราทานกันง่ายๆ ผมก็สั่งผัดไทยให้คริสโตเฟอร์เขา ส่วนผมก็ผัดซีอิ้ว พี่ต้นก็สั่งพวกข้าวผัดให้เอิร์ธ ผมนั่งทานอาหารกลางวันกัน

   “พรุ่งนี้ผมกับคริสจะไปเดินที่งานดอกไม้กันพี่ต้น พี่ต้นไปไหนครับ”ผมถามพี่ต้น

   “พี่ว่าจะไปดูพวกเตียงเด็กให้เฮิร์ธนะ เขาโตแล้วเขาจะนอนเตียงตัวเองบางแล้วนะเขม ส่วนเราก็พาแฟนเราไปเที่ยวเถอะ พี่ไปกับเอิร์ธได้ และเพื่อว่าจะเจอครูมิ้งคนที่เราตามหานะ” พี่ต้นพูดผมพยักหน้า

   “พี่ไม่ได้เจอเขาเลยตั้งแต่วันนั้นนะ แต่พี่เชื่อว่าเขายังอยู่ที่นี้นะเชียงใหม่นี้ พี่ว่าเขาเป็นเพื่อนกับน้องชายของเจ้าของรีสอร์ท และไม่แน่เขาอาจจะมางานแต่งก็ได้นะ “ พี่ต้นพูด

   “เจ้าของรีสอร์ทเขากำลังแต่งงานนะเห็นว่าพร้อมกันกับน้องชายเลย” พี่ต้นพูดผมพยักหน้าและหันไปเอามือลูบหัวเอิร์ธเบาๆ

   “ตอนเย็นพี่จะพาไปร้านอาหารนะ เลี้ยงต้อนรับน้องเขยของพี่ซะหน่อย แล้วนี่เรียนจบมัธยมจะต่อมหาวิทยาลัยไหมละเรา” พี่ต้นบอกผมสองคนและหันไปถามคริสโตเฟอร์

   “ผมว่าจะต่อเลยครับ เพราะว่าผมรีบ” นายคริสพูดและหันมาทางผม ผมก็มองรีบอะไร นี้ถ้าทะลึ้งต่อหน้าพี่ผมนะจะจิ้มด้วยซ้อมเลย

   “หึหึ” พี่ต้นหัวเราะในลำคอ ผมเพิ่งสังเกตุเห็นพี่ต้นสวมสร้อยและมีแหวนวงหนึ่งห้อยติดที่สร้อยพี่ต้นมาตลอดหลายปีแล้ว และมันก็เหมือนกับแหวนที่พี่หมอภีมปภพสวมใส่ไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายเลย ลายเดียวกันเลย

   “ ทานนมไหมเอิร์ธ จะได้นอนกลางวัน เย็นนี้เราจะไปทานอาหารร้าน ที่มีเครื่องเล่นด้วยนะ เอิร์ธ” พี่ต้นถามเอิร์ธ ดูท่าจะง่วงนอนแล้วซิหลานตัวแสบของผม พี่ต้นลุกขึ้นไปอุ่นนมให้เอิร์ธ ใส่แก้วนม ผมเห็นคริสโตเฟอร์มองพี่ต้จนพี่ต้นเอาแก้วนมมาส่งให้เอิร์ธดื่มแลพี่ต้นก็เดินออกไป น่าจะไปจัดที่นอนให้เอิร์ธนอนกลางวัน พี่ต้นออกมาอุ้มเอิร์ธไป ผมพยักหน้าว่าผมจัดการทุกอย่างบนโต๊ะเอง พี่ต้นแตะที่ไหล่ผมแค่นั้นก็เดินออกไป ทิ้งไว้แค่สายตาของผมสองคนที่มองพี่ต้น

   “พี่ต้นนี้เขาเป็นพ่อที่ดีมากเลยอ่ะพี่เขม “ คริสโตเฟอร์พูดขึ้น

   “ใช่พี่ต้นเป็นพ่อที่ดี พี่ยังไม่รู้เลยว่าพี่จะทำหน้าที่ได้ดีเท่าพี่ต้นไหมเพราะว่าพี่ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยนะ คริส พี่รู้ตัวว่าพี่ชอบแบบนี้มานานแล้ว” ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์

   “ผมยิ่งไม่เคยคิดเข้าไปใหญ่ตั้งแต่พ่อไม่ติดต่อผม ผมไม่มีความคิดที่จะเป็นพ่อคนเลยสักนิด จนตอนนี้ ผมเริ่มคิดแล้วแหละแต่เสียอย่างเดียว” คริสโตเฟอร์หันมาพูดกับผม

   “เมียผมท้องไม่ได้นะซิ “ คริสโตเฟอร์พูดผมก็มองหน้าเขา ผมเข้าใจความหมาย เพราะนั้นเขาหมายถึงผม

   “ก็แน่ละพี่ไม่มีมดลูกนี้จะท้องได้ไง ไปช่วยพี่เก็บล้างเลย ทะลึงตลอดเวลานายนี่ “ ผมพูดและกระทุ้งด้วยศอกพี่ต้นเดินมาอุ้มเอิร์ธที่ดื่มนมจนจะหมดแก้วแล้วและคงพาไปเข้านอน ผมแอบหันหลังกับไปมอง พี่ต้นรักลูกมาขนาดนี้ แน่นอนพี่ต้นต้องเลือกเอิร์ธส่วนคุณหมอภีมปภพก็อย่างที่พี่ต้นพูด พี่ต้นขอเก็บไว้แค่ความทรงจำดีดีที่อย่างน้อยเคยรักกัน บางครั้งความรักก็ไม่ได้จะสมหวังด้วยการอยู่ด้วยกันเสมอไป แต่ความทรงจำดีดีมันจะอยู่กับเราตลอดกาล ดูจากที่พี่ต้นเก็บแหวนนั้นเอาไว้กับตัวตลอดแบบนี้

   ผมนั่งเล่นนอนเล่นอยู่กับหลานและคริสโตเฟอร์ก็นั่งเล่นเกมส์กับหลานผมด้วย เหมือนเด็กเลยนายคนนี้แต่แกล้งหลานผมน่าดู แถมเอิร์ธก็ขี้งอนซะเหลือเกิน ดีกันตีกันอยู่แบบนี้สองคน ส่วนพี่ต้นก็ขอตัวนั่งทำงานในห้องทำงานเป็นมุมเล็กๆ จนได้เวลาที่เราจะออกไปทานอาหารเย็น พี่ต้นพาผมสองคนไปทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ร้านอาหารนี้พี่ต้นพาเจ้าหน้าที่มาทานด้วยกันบ่อย 

   “พี่ต้นระหว่างรออาหารผมพาเอิร์ธไปเล่นเครื่องเล่นรอก่อนก็ได้ครับ” คริสโตเฟอร์พูดและหันมามองเอิร์ธ เอิร์ธคงอยากไปก็พยักหน้าอย่างเร็ว ส่วนผมก็ว่าจะนั่งคุยกับพี่ชายดีกว่า

   “เขม ถ้าคริสเขาไปเรียนเมื่องนอกกับพ่อเขาจริงๆ นายจะไม่คิดถึงเขามากเหรอ” พี่ต้นถามผม พี่ต้นจิบเบียร์ไปด้วย

   “คิดถึงซิพี่ ผมรักเขามากจริงๆ มากกว่าณัฐกานต์อีกนะพี่ต้น”ผมพูดบอกพี่ต้น พี่ต้นก็เอื้อมมาจับมือผม

   “พี่เชื่อว่าเขาก็รักนายมากเช่นกัน พี่เคยคิดนะว่า เด็กยังไงก็คือเด็ก แต่พี่เห็นแฟนนายแบบนี้แล้ว พี่ว่าเขาเป็นผู้ใหญ่พอตัวอยู่นะ”พี่ต้นพูดผมพยักหน้าว่าจริงๆ บางมุมคริสโตเฟอร์เป็นผู้ใหญ่เทียบเท่ากับผมเลยก็ว่าได้

   “สวัสดีครับคุณน่านฟ้า”  พี่ต้นหันไปทักทายใครสักคน เขากำลังเดินผ่านโต๊ะที่ผมสองคนนั่งอยู่

   “สวัสดีครับคุณปลัด มาทานอาหารเหรอครับ” เขาคนนั้นมองมามที่ผมและพี่ต้น

   “ใช่ครับ นี้น้องชายผมครับ เขาเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่เขาใหญ่” พี่ต้นพูด ผมสังเกตุเห็นสีหน้าพี่น่านฟ้าเขาตกใจนิดหน่อยที่ได้ยินว่าผมเป็นครูสอนหนังสือทีอยู่ที่เขาใหญ่และมีผู้ชายอีกคนเดินตามเข้ามา

   “ซอมพอบอกว่าไปรับเพื่อนนะน่าน”

   “คุณต้นนี้แฟนผมครับ ติณณภพ” ผมหันไปมองและส่งยิ้มให้ แฟนพี่เขาเป็นผู้ชายหน้าตาดีซะด้วย ดูภูมิฐานน่าจะนักธุรกิจแน่นอน  และตอนนี้อาหารก็กำลังถูกนำมาเสริฟที่โต๊ะ

      “น่านผมขอไปโทรศัพท์ก่อนนะ เดี๋ยวผมตามเข้าไป”

      “พี่ต้นผมไปตามเอิร์ธกับคริสนะพี่จะได้มาทานอาหารกัน” ผมพูดบอกพี่ต้นพยักหน้าและผมก็เดินออกไป ปล่อยให้พี่ต้นคุยธุระกับพี่น่านฟ้า ดูแล้วเขาน่าจะรุ่นเดียวกับพี่ต้นแน่นอน ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินลงไปที่สนามเด็กเล่น

      “ พี่หมอมาไม่ได้ไม่เป็นไรครับ เพราะว่าติณก็ไม่ได้เชิญใคร ไม่เป็นไรจริงๆ ครับพี่หมอ เออ ผมแค่แต่งกันแบบสไตล์ล้านนานะครับ ผมก็ไม่ได้เชิญพี่หมอดาวิกาเช่นกันครับพี่ภีม มีแต่พ่อแม่ครับ ตรีญาดาอยู่อังกฤษครับพี่หมอ น้องผมเขาไม่สะดวกมานะครับ ครับ พี่ไม่ต้องขอโทษครับ ผมเข้าใจ เอาไว้ผมกับแฟนไปกรุงเทพออกมาทานข้าวด้วยกันก็พอครับ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับพี่หมอ ผมต้องไปหาแฟนก่อนครับ บายครับ”

      “อุ้ย ขอโทษทีนะครับผมยืนขวางทาง เชิญครับ” พอดีทางเดินลงมันแคบไปหน่อยผมก็ไม่อยากเสียมารยาทขัดการสนทนาผมเลยรอให้เขาคุยโทรศัพท์ให้เสร็จ แต่ผมได้ยินชื่อหมอที่ผมคุ้นเคย น่าจะบังเอิญมากกว่า หมอดาวิกา  ผมหันไปยิ้มให้เขาคนที่เป็นแฟนกับพี่น่านฟ้า

      “เด็กๆ ไปทานข้าวกันได้แล้ว” ผมพูดบอกเด็กเล็กกับเด็กโข่งที่นั่งเล่นม้าโยกกันสองคน หลานผมคงไม่มีเด็กกล้าเล่นด้วยแน่ๆ แต่ก็ยังดีที่มีเด็กโข่งมาเล่นด้วยอีกคน

      “หลานพี่คนเดียวนะที่เด็กนะ ผมออกจะตัวโตพี่เขมและนี้ไม่มีใครเล่นด้วย ยืนทำหน้ามุ้ยเลย ผมเลยต้องสละตัวเองเป็นเด็กเล่นด้วยเลยเนี๊ยะ” คริสโตเฟอร์พูด และอุ้มเอิร์ธขึ้น

      “ ไปครับไปทานอาหารกัน” ผมบอกกับเอิร์ธแต่ดูท่าจะไม่อยากไปแต่ก็ต้องไปก่อนเขากลัวพี่ต้นดุเหมือนที่ผมกลัวพ่อดุ ถ้าเวลาทานอาหารคือเวลาทายห้ามเล่น พี่ต้นก็คงเหมือนกัน   

      ระหว่างที่ผมกำลังพากันเดินกลับขึ้นไปที่โต๊ะ ผมก็หันมาเจอพี่เกศรินทร์ พี่เขามากับครอบครัวและดูท่าจะกลับแล้วด้วย ผมเห็นเอิร์ธสะดุ้งสุดตัวทันที พี่เกศรินทร์หันมามองผมด้วยสีหน้าตกใจที่เจอผมที่นี้เช่นกัน

      “ตกลงนี้พี่ชายเธอขนมาอยู่กันที่นี้แล้วเหรอ ตั้งสมาคมกันเลยไหมละ สมาคมเกย์นะ ” พี่เกศรินทร์ถามผมพร้อมกอดอกและหันไปมองคริสโตเฟอร์ที่อุ้มเอิร์ธอยู่ เอิร์ธกอดคริสโตเฟอร์แน่นมากเหมือนกลัวว่าพี่เกศรินทร์จะมาดึงเขาไป

      “สวัสดีครับพี่เกศ ผมมาทำธุระนะครับ “ ผมบอกพี่เกศรินทร์ คริสโตเฟอร์ก็มองผมและเกศรินทร์สลับกันไปมาและมาหยุดที่ผมเหมือนมีคำถามว่าเขาคือใครกัน

      “แล้วแฟนเราละ ณัฐกานต์นะ ไม่กระเตงกันมาด้วยเหรอเห็นตัวติดกันยังกับอะไร และนี้คงดีใจน่าดูละซิที่ฉันกับพี่ชายเรานะเลิกกันได้ซะที ” พี่เกศรินทร์พูด

      “ผมขอโทษนะครับพี่เกศ แต่ผมไม่ได้อยากให้พี่กับพี่ต้นมีปัญหากันแบบนี้นี่ครับ” ผมพูด พี่เกศรินทร์ยิ้มเยอะก่อนจะหันไปทางอื่น

      “พอเถอะ เลิกพูด ขี้เกียจฟัง และนี้ใครเนี๊ยะมาอุ้มลูกฉัน” พี่เกศรินทร์ถามถึงคริสโตเฟอร์

      “ผมเป็นแฟนพี่เขมครับป้า” คริสโตเฟอร์พูดแต่เรียกเกศรินทร์ว่าป้าผมสะบัดหน้าไปมอง

      “นี่แฟนใหม่เราเหรอ และถือดียังไงมาเรียกฉันป้า”

      “มนุษย์ป้าเถอะครับ ผัวไม่รักเหรอป้า ลูกก็คงไม่กอดอีกอะดิ ถึงได้มายืนว่าคนอื่นเขาฉอดๆแบบนี้ และพฤติกรรมแบบนี้มันมนุษย์ป้าชัดชัด อายุเยอะแล้วไปเข้าวัดทำบุญเถอะป้า ….หาเวลานั่งสมาธิซะบ้างป้าจะได้เลิกฟุ้งซ้าน ….”นายคริสโตเฟอร์  ผมก็ต้องดันเขาออก ผมว่าณัฐกานต์แรงแล้วนะ นายนี้จะแรงกว่าอีก

      “ไปเถอะคริส” ผมดันเขาให้เดินออกไป พี่เกศรินทร์ยืนนิ่งและหันหลังเดินออกอย่างไวเช่นกัน

      “นายคริส นั้นมันพี่สะใภ้พี่นะ เออ อดีตภรรยาพี่ต้นเขา” ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์  นายนั้นทำหน้าตกใจมากและมองเอิร์ธที่กอดคริสไม่ยอมปล่อยเช่นกัน

      “ผมว่าไม่น่าจะใช้นะแฟนพี่ต้น ดูซิ ต่างกันราวกับหน้ามือและหลังเท้าเลยอ่ะพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด

      “อย่าบอกนะว่าแม่ของเอิร์ธด้วยนะพี่เขม สงสารเด็กอะ” คริสโตเฟอร์พูด ผมพยักหน้าว่าใช่ ผมเดินมาที่โต๊ะ พี่ต้นมองพวกผม

      “เจอเกศรินทร์ไหม “ พี่ต้นเอ่ยปากถามผม ผมหันมามองหน้าคริสโตเฟอร์

      “เจอพี่ต้น พี่ต้นละ”

      “ก็เจอ เขาถามว่าเอิร์ธอยู่ไหนพี่บอกว่าอยู่กับนายนะเขม ที่สนามเด็กเล่น “ พี่ต้นพูดบอกผมก็ยิ้มๆ ส่วนผมก็หันไปเอาศอกกระทุ้งคริสโตเฟอร์และส่ายหัวเล็กๆ เขาคงรู้ว่าผมหมายถึงอะไร ไม่ให้พูดเรื่องที่มีปากเสียงกับพี่เกศรินทร์ให้พี่ต้นฟัง คริสโตเฟอร์วางเอิร์ธลงให้เขานั่งกับพี่ต้น ผมเห็นสีหน้าพี่ต้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ก็ไม่อยากถาม พวกผมนี่ทานอาหารกัน มีความสุขกันตามประสาพี่น้อง เสียอย่างเดียวขาดแม่และพี่ก้อง ไม่อย่างนั้นมันคงสมบูรณ์แบบมาก เพราะว่าตอนนี้ผมมีคนรักที่เข้ากับครอบครัวผมได้ดีแล้ว นั้นคือคริสโตเฟอร์ ผมแปลกใจว่าเขายังเด็กแต่เขากับเขากับพี่ต้นได้ดี คุยกันถูกคอซะด้วยหลายเรื่องเลย แม้วัยจะต่างกันมากก็ตาม
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน EP.42 (ครูเขมXคริส) ออกตามหาครูมิ้งและแชมป์
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 05-10-2020 09:45:08
   
EP.42 (ครูเขมXคริส) ออกตามหาครูมิ้งและแชมป์


               ครูเขมชาติ         วันนี้ผมกับคริสโตเฟอร์จะพากันไปเที่ยวพระธาตุดอยสุเทพกัน และหลังจากนั้นถึงจะลงมาเดินเที่ยวที่งานไม้ดอกไม้ประดับ ผมนั่งรถแดงขึ้นไปบนดอยกัน ผมคิดว่าไหนไหนก็มาแล้วก็เลยเที่ยวซะเลย พี่ต้นบอกว่าผมว่าถ้าหาไม่เจอวันนี้พรุ่งนี้พี่ต้นจะชวนผมสองคนไปงานแต่งพี่น่านฟ้ากับน้องชายของเขาด้วย มีโอกาสที่ครูมิ้งจะมางานแน่ๆ แต่ตอนนี่ผมขอพาพ่อตัวดีผมไปสวีทกันก่อน โดยเริ่มจากพากันไปไหว้สักการะครูบาร์ศรีวิชัยกันก่อนละพากันเดินขึ้นไปบนพระธาตุดอยสุเทพเพื่อไปขอพร นี้เป็นครั้งแรกของคริสโตเฟอร์ที่ได้มาเที่ยวที่นี้เช่นกัน ดูถ่ายรูปเช็คอินหลายจุดเลย



         “ผมชอบที่นี้มีเขม เรามากันอีกนะ “ คริสโตเฟอร์หันมาบอกผม ผมก็พยักหน้าว่าผมก็ชอบที่นี้ และคิดว่าอยากจะมาอย่างน้อยปีละครั้ง



         “นายไม่เคยมาเที่ยวที่นี้เหรอ” ผมถามคริสโตเฟอร์



         “ไม่เคยครับ เพราะว่าพ่อผมนะเขาชอบไปทะเลมากกว่า แต่ผมจะลองชวนพ่อมาดูนะครับพี่เขม พ่อต้องชอบแน่ๆ เพราะว่าพ่อผมชอบถ่ายรูป”คริสโตเฟอร์พูด และกดชัดเตอร์ถ่ายรูปไปด้วย



         “กล้องอันนี้ แม่กับฟิลิปส์ซื้อให้ผมเมื่อปีที่แล้ว ผมไม่เคยหยิบมาใช้เลยนะพี่เขม เพราะว่า มันทำให้ผมยิ่งคิดถึงพ่อผม “ คริสโตเฟอร์พูดผมพยักหน้าแต่ดูการถ่ายรูปอย่างชำนาญการของเขาไม่น่าจะใช้ครั้งแรก



         “พ่อสอนผมถ่ายรูปตั้งแต่ตอนที่ผมไปอยู่กับพ่อมันนานมากแล้ว” คริสโตเฟอร์พูด



         “พี่เขม” ผมนั่งยืนชมวิวอยู่คริสก็เรียกชื่อผม ผมหันมามองเขา



         “แช๊ะ” เสียงกดชัตเตอ์ขณะที่ผมกำลังยืนเอามือเท้าค้างหันมามองเขา คริสทำมือว่าขออีกรูป ผมก็ยิ้มไปทางเขา



         “อุ๊ย! “ จู่ๆก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาชนคริสโตเฟอร์



         “แอมซอรี่” ผู้หญิงคนนั้นพูดขอโทษเธอ แน่นอนเพราะว่าคริสโตเฟอร์ดูเหมือนต่างชาติมากกว่าคนไทยเธอจึงพยายามสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษกับเขา  เธอมองคริสโตเฟอร์และยิ้มหวานให้ เพื่อนที่เดินมาด้วยก็หันมาพงกหัวทักทายคริสโตเฟอร์กันเป็นแถว



         “อิทโอเค “ คริสโตเฟอร์ตอบเขาไปเป็นภาษาอังกฤษ



         “หล่ออ่ะ “ เพื่อนน้องเขาพากันกระซิบกันใหญ่ ผมก็ยืนมองและยิ้มให้แม้จะแอบหึงก็ตาม หว่านเสน่อีกแล้วนะผมแอบหันมาเหล่ตามองคริสโตเฟอร์  คริสโตเฟอร์ก็เดินกลับมาหาผม น้องๆผู้หญิงกลุ่มนั้นยังคงเหลียวหลังหันมามองคริสโตเฟอร์ มีอยู่หนึ่งคนส่งสัญญามาว่าขอเบอร์โทร



         “ถ่ายรูปกันพี่เขม”คริสโตเฟอร์พูดและเข้ามายืนกระหนาบผมอย่างเร็วพร้อมกับยกกล้องถ่ายรูปขึ้นในมุมสูง เขาโอบเอวผมใบหน้าเราแหนบชิดกัน คริสทำท่าแลบลิ้นไปที่มุมปากดูน่ารักปนเซ็กซี่และกดชัดเตอร์ทันที ผมหันมามองหน้าเขาและคริสก็มองหน้าผมสายตาเราประสานกันแต่ผมก็ยังคงได้ยินเสียงกดชัดเตอร์รัวๆ



         “รู้ว่าหึง แต่ผู้ใหญ่เขาหึงกันเลยไม่แสดงอาการ” คริสโตเฟอร์พูดผมพยักหน้าเบาๆ พอผมหันมาอีกที อ้าว! สาวๆหายไปหมดเลย  หายเกลี้ยงเลยครับ ผมไม่ได้ไล่เขานะครับ



         “วิ่งหนีแทบไม่ทันเลยเห็นไหม หึหึ ” คริสโตเฟอร์พูดปนหัวเราะ และผมสองคนก็เดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆเพื่อจะขึ้นไปยังดอยสุเทพ ไม่อยากนั่งรถไฟขึ้นไปเพราะว่ายังมีกำลังเดินได้และอีกย่างก็อยากถ่ายรูปกันด้วย การมาเที่ยวครั้งนี้ผมกับคริสโตเฟอร์เราถ่ายรูปคู่กันเยอะมาก เรียกว่าแนบชิดเหมือนคนรักกันมากที่สุด อาจจะเป็นเพราะว่าผมสองคนไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรกันแล้ว ผมเดินไปจนถึงชั้นบนของดอยสุเทพ สิ่งที่ผมตั้งใจมาคือไหว้ขอพรพระธาตุดอยสุเทพกัน



         “คริส “ เผมเรียกคริสโตเฟอร์ และส่งสิ่งที่ผมเตรียมมาเพื่อนำมาสักการะ จะมีข้าวตอก ดอกไม้ ธูปเทียน



            “เราจะเดินเวียนรอบพระธาตุกัน เพื่ออธิษฐานขอพรกันนะ ตั้งจิตอธิษฐานขอในสิ่งที่นายต้องการนะ “ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์เขาก็มองหน้าผมและเก็บกล้องของเขาใส่กระเป๋าลงไปก่อนจะหันมารับไป และเราก็เดินวนกันสามรอบ  สิ่งที่ผมขอคือขอให้แม่ของผมสุขภาพแข็งแรง ขอให้พี่ก้องแคล้วคลาดปลอดภัยเพราะว่าพี่ก้องผมทำงานในพื้นที่เสี่ยงอันตรายมาก ผมขอให้พี่ต้นและเอิร์ธมีความสุขอย่าได้มีสิ่งใดมาพร้ากเขาสองคนพ่อลูกจากกัน เพราะว่าผมเห็นสายตาของพี่ต้นที่มองเอิร์ธมันทำให้ผมคิดถึงพ่อผมที่สุด และหากว่าพี่หมอภีมปภพเขารักพี่ต้นจริงผมขอให้เขาได้กลับมาเจอกันอีกครั้งโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ และผมก็ไม่ลืมที่จะขอให้คนที่สำคัญของผม ขอให้เขาประสบผลสำเร็จในทุกประการที่เขาคิดและต้องการ ผมขอให้ความรักของผมและเขาอย่าได้มีอุปสรรคใดๆมากขัดขวางเช่นกัน ผมจะรักผู้ชายคนนี้คนเดียวและตลอดไป

   

   “เดี๋ยวเราลงไปหาอะไรทานกันที่ตัวเมืองเลยนะคริส” ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์ขณะที่ผมกับเขากำลังจะเดินไปยังจุดชมวิวของดอยสุเทพ

   

   “Excuse me! Could you take a photo for us please?” คริสโตเฟอร์หันไปถามนักท่องเที่ยวอย่างสุภาพ ผมพยักหน้าว่าใช่เพราะว่าเราไม่รู้จักเขาจึงควรใช้คำว่า Could มันจะดูสุภาพกว่าCan 

   

   “Of course! I’ll take a photo of you. “ เขาตอบตกลงและยิ้มให้ผมกับคริสโตเฟอร์ คริสก็อธิบายการใช้กล่องสักพักก็วิ่งมาหาผมและเขาก็โอบเอวผม คนที่กำลังถ่ายรูปให้ผม ก็ลดกล่องลงและมองผมพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะหันกลับไปสนใจที่กล่องและเขาก็ถ่ายรูปให้ผมสองคนสองสามภาพ

   

   “Thank you very much”  คริสโตเฟอร์

   

   “ Your welcome “

   

   “ Is he your boyfriend ?”

   

   “Yes, he is . ” คริสโตเฟอร์ตอบไปเขาหันมามองผมและคนที่ถ่ายรูปให้ผมก็ยิ้มให้ผมเช่นกัน

   

   “Awesome! ” คนที่ถ่ายรูปให้ผมสองคนก็ส่งกล้องคืนให้คริสโตเฟอร์เขาแสดงความยินดีกับผมสองคนก้อนจะหันไปเรียกผู้ชายอีกคนที่ยืนถือกล้องเช่นกันและเขาก็จับมือกันเดินไป

   

   “ เกย์อีกคู่แหละ น่ารักเนอะ แต่คู่เราน่ารักกว่า ….ฟ๊อด!” คริสโตเฟอร์พูด ไม่พูดเปล่าเขายังกระเทิบเข้ามาใกล้ผมและยกกล้องขึ้นในมุมสูงพร้อมกับหอมแก้มผมเขากดชัดเตอร์ถ่ายรูปนั้น

   

   “พี่เขมรู้ไหมว่าผมขอพรว่าอะไร” คริสโตเฟอร์ถามผมและกดไล่ไปดูรูปที่เขาถ่ายเอาไว้ เขาเงยหน้าขึ้นมองผมเป็นระยะ

   

   “แล้วคริสขอว่าอะไรละ” ผมถามคริสโตเฟอร์และก้มมองรูปถ่ายที่เขาถ่าย เขาแอบถ่ายผมหลายรูปมาก ผมก็ขมวดคิ้วมองหน้าเขา

   

   “ผมขอให้ผมเรียนจบและประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงานเพื่อจะได้กลับมาดูแลแม่และผู้ชายที่ผมรักที่สุด แต่ผมมีสองคนนะ ผู้ชายคนแรกผมเลือกไม่ได้แต่ผมก็รักเขานั้นคือแด้ด ส่วนผู้ชายอีกคนผมเลือกแล้วว่าผมจะรักแค่เขา คนนั้นคือพี่เขมชาติ” คริสดเฟอร์หันมาบอกผม และหันไปกดไล่ดูรูปที่เขาถ่ายเอาไว้

              

   

   “ผมชอบมองพี่เขมตอนทีเพลอ พี่ดูหล่อธรรมชาติมากเลยอ่ะ ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียนผมก็ทำนะ “ คริสโตเฟอร์พูดและหันมามองหน้าผม สายตาของเขากับผมประสานกัน

   

   “เราลงไปข้างล่างกันเถอะคริสจะได้ไปหาอะไรทานกันพี่หิวแล้วอ่ะ” ผมพูดแก้เขินบอกคริสโตเฟอร์ และผมก็เดินจับมือกันลงไปชั้นล่างเพื่อนั่งรถแดงกลับไปที่ตัวเมืองอีกครั้ง ระหว่างที่ผมกำลังเดินเพื่อหาคาเฟ่นั่งด้วยกัน

   

   “พี่ต้น” ผมกดโทรศัพท์หาพี่ต้นพี่ชายของผม

   

   “เขม ว่าไงลงมาจากพระธาตุแล้วเหรอ “

   

   “ครับพี่ต้น พี่ต้นละครับ”

   

   “พี่พาเอิร์ธมาหาหมอฟันนะ ให้เขาตรวจดูสุขภาพช่องปากซะหน่อยและพี่กำลังจะหาซื้อของขวัญสำหรับไปงานแต่งงานพรุ่งนี้ด้วย นี้เราอยู่ไหนแล้ว” พี่ต้นถามผม

   

   “ผมมาที่ตัวเมืองแล้วครับ ตอนนี้กำลังเดินหาคาเฟ่เพื่อทานอาหารกลางวันกันครับ คนเยอะมากเลย เพราะว่ายังมีขบวนแห่อยู่เลย “ ผมบอกพี่ต้น

   

   “ถ้าอย่างนั้นก็เดินดูก่อนแล้วกัน ถ้าจะให้พี่ไปรับโทรบอกพี่นะ พี่ว่าจะพาเอิร์ธไปทานเคเอฟซีเขาร้องอยากทานมาหลายวันแล้วนะเขม” พี่ต้นบอกผม

   

   “ได้ครับพี่ต้น” ผมพูดบอกพี่ต้นและกดวางสายไปทันทื ผมก็ชะเง้อมอง หาคาเฟ่ที่ผมอยากจะเข้าไปนั่งและถ่ายรูปด้วยกัน

   

   “พี่เขม!” เสียงคริสโตเฟอร์เรียกชื่อผมเสียงดังลั่น ผมหันไปมองมีอะไร คนเยอะก็จริงแต่เรียกเบาๆก็ได้

   

   “ผมว่าผมเห็น ครูมิ้งอะพี่เขมมากับแชมป์ ” คริสโตเฟอร์บอกผม ผมสะบัดหน้ามามองว่าจริงเหรอ ผมก็พากันชะเง้อมองแต่ผมไม่เคยเห็นครูมิ้งตัวจริงๆมาก่อนเห็นแต่ในรูปนี้

   

   “นั้นไงพี่เขม ผมจำได้ถึงผมจะไม่ได้เรียนกับครูมิ้ง และที่ผมจำได้ดี นั้นแชมป์พี่เขม” คริสโตเฟอร์พูดและชี้ไปที่ คู่หนึ่งที่เดินจับมือกันอยู่ กำลังเดินมองหาอะไรสักอย่าง ผมก็ว่าใช่แหละ ผมสองคนหันพยักหน้ากันและรีบเดินแทรกผู้คนเพื่อตรงไปหาครูมิ้งให้เร็วที่สุด ตอนนี้ใจผมเต้นแรงมาก ผมเดินมาจนเกือบใกล้กับครูมิ้ง

   

   “ครูมิ้ง!!” ผมเรียกชื่อเขาเพื่อความชัวว่าใช่เขาแน่ๆ เขาหันมามองตามที่ผมเรียกพร้อมกับเด็กคนนั้น แม้ว่าจะเปลี่ยนไปเยอะแต่เค้าหน้าก็ยึงคงเดิมเหมือนในรูปถ่าย เขาสองคนมองผมด้วยสีหน้าตกใจ

   

   “ครูมิ้ง” ผมเรียกเขาอีกทีตอนนี้ผมมายืนประชันหน้ากับครูมิ้งแล้วผมยิ้มด้วยความดีใจแต่

   

   “อ้าว!” ครูมิ้งกับแชมป์พากันวิ่งครับ ผมก็งงซิครับ วิ่งหนีผมทำไม ผมก็วิ่งตาม คริสก็ชี้ให้ผมวิ่งไปก่อนและเขาก็วิ่งไปด้านหลัง น่าจะพยายามจะวิ่งไปดักหน้าแน่ๆ ผมก็วิ่งตาม

   

   “ครู ครูครับ รอผมก่อนครู  “ ผมตะโกนเรียกแต่เขาสองคนก็ไม่ยอมหยุด คือวิ่งไปเข้าไปอีกซอยหนี่งด้วยซิ จนกระทั้ง คริสโตเฟอร์กระโดดมาขวางด้านหน้าครูมิ้งและแชมป์เอาไว้

   

   “คุณต้องการอะไร” ครูมิ้งถามผม ผมก็หยุดแต่ก็ต้องพักหายใจด้วยอาการหอบเหนื่อยก่อน ผมยกมือขึ้นขอเวลาแป๊ป

   

   “ ครู ผมมาดี” ผมพูดบอกครูมิ้ง

   

   “คุณวิ่งตามผมสองคนนี้นะมาดี คุณต้องการเงินทองเหรอครับ ผมสองคนไม่มีหรอกครับ”

   

   “พี่มิ้ง แชมป์จำได้ คนนั้นพี่คริสโตเฟอร์ที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนของเราไงพี่มิ้ง” ผมได้ยินแชมป์เขาบอกครูมิ้ง ครูมิ้งหันไปมองคริสโตเฟอร์ และเขาก็หันกลับมามองผมเช่นกัน

   

   “คุณมาจากที่เดียวกันหรือเปล่าครับ” ครูมิ้งหันมาชี้ถามผมและนายคริสโตเฟอร์ผมก็เงยหน้าขึ้นพยักหน้าว่าใช่

   

   “ผมเป็นครูที่นั้นครับครูมิ้ง” ผมตอบครูมิ้ง

   

   “คุณเป็นครู อย่าบอกนะว่าผู้อำนวยการให้คุณมาตามผมกับ” ครูมิ้งพูดและชี้ไปที่แชมป์

   

   “ครูผมว่าเราหาที่คุยกันหน่อยเถอะครับ ผมมาดีจริงๆนะครับครู ผมไม่ได้มาทำร้ายครูกับน้องเขานะครับ ขอร้องละครับ”ผมเดินเข้าไปหาทั้งคู่ ครูมิ้งมองหน้าผมและหันไปมองแชมป์ แชมป์ก็หันไปมองคริสโตเฟอร์ ทั้งคู่พยักหน้าให้ผมเบาๆ

   

   “ก็ได้ครับ “ ครูมิ้งพูด ครูมิ้งเตี้ยกว่าผมนิดเดียว ครูมิ้งดูขาวกว่าผม ส่วนแชมป์นี้ดูตัวเล็กน่ารัก เขาหันมายกมือไหว้ผม และผมสองคนก็เดินไปหาคาเฟ่ที่เงียบพอที่พวกผมจะได้คุยธุระกันได้สะดวก

   

   “ขอโทษนะครับครูมิ้งที่ผมสองคนทำให้ครูและน้องตกใจ ผมชื่อครูเขมชาติครับ ผมได้รับบรรจุเป็นครูสอนวิชาภาษาอังกฤษหลังจากที่ครูหายไปนะครับ” ผมแนะนำตัว

   

   “ส่วนนี้นายคริสโตเฟอร์นะครับ เขาเป็นนักเรียนที่ผมสอนอยู่” ผมแนะนำตัวนายคริสโตเฟอร์ ครูมิ้งหันไปมองคริสโตเฟอร์และหันมากลับมามองผม

   

   “ครูกับเขาเป็นแฟนกันหรือเปล่าครับ” ครูมิ้งถามผม ผมหันไปมองคริสโตเฟอร์ก่อน

   

   “ใช่ครับ ผมก็คล้ายๆกับครูมิ้งและน้องแชมป์ ผมบอกครูมิ้ง แชมป์เขาหันไปมองคริสโตเฟอร์

   

   “ไหนพี่บอกว่าพี่ไม่เป็นไงพี่คริส” แชมป์ถามคริสโตเฟอร์ ใช่นายคริสเคยเล่าให้ผมฟังว่าโป้งเคยแกล้งเขียนจดหมายไปหาน้องเขาแต่พ่อตัวดีของผมในตอนนั้นได้บอกน้องเขาไปว่าไม่ใช่เกย์ ไม่ได้ชอบผู้ชาย

   

   “คือตอนนั้นพี่ยังไม่เป็นอะครับ หรืออาจจะเป็นพี่ไม่รู้เหมือนกันแชมป์ แต่พี่ขอโทษนะนะที่พี่บอกนายไปแบบนั้น” คริสโตเฟอร์พูด ครูมิ้งมองแชมป์ว่ามีอะไรกันเหรอ

   

   “ คือผมเคยแอบชอบพี่คริสนะครับพี่มิ้ง แต่พี่เขาบอกผมว่าไม่ได้ชอบแบบผมอ่ะ “ แชมป์พูด ผมก็ยิ้มให้เขานะและหันไปเหล่พ่อตัวดี

   

   “แล้วนี่ครูรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี้นะครู” ครูมิ้งถามผม

   

   “ผมคิดว่าครูไม่กลับไปบ้านครูแน่ๆ ผมก็ คิดอีกว่าถ้าครูต้องการให้ใครสักคนช่วยครู ครูน่าจะมาหาเพื่อนที่ยังติดต่อกันได้และครูก็เพิ่งจะจบมหาวิทยาลัยจากที่นี้ด้วย “ผมพูด ครูมิ้งพยักหน้าว่าใช่

   

   “จริงๆพี่มิ้งไม่ได้อยากหนีมาหรอกนะครับครู แต่พี่มิ้งเขามาตามให้ผมกลับ ผมเองที่ไม่ยอมกลับ ผมไม่อยากไปโดนป้าบังคับอีกนะครับครูและนี้ป้าก็แจ้งความพี่มิ้งด้วยผมยิ่งไม่กล้ากลับกันเข้าไปใหญ่” แชมป์พูด

   

   “ป้าของแชมป์เขาถอนแจ้งความแล้วนะครับครู พาน้องกลับไปหาท่านเถอะครับ ผมว่าท่านน่าจะไม่ถือโทษโกรธครูและหลานเขาแล้วแหละครับ “ ผมบอกครูมิ้ง ครูมิ้งหันไปมองแชมป์

   

   “แต่ว่าผมกลัว”แชมป์พูดและหันไปมองหน้าครูมิ้ง

   

   “แชมป์ พี่กับพี่เขมนะเจอปัญหามาเยอะเหมือนกันนะแต่เราสองคนก็ผ่านมันมาได้แล้ว พี่เจอแบบว่าต้องแยกกันอยู่พักหนึ่งเลยนะแต่พี่กับครูก็ผ่านกันมาได้ตอนนี้พี่สอบทียบมัธยมปลายได้แล้วนะ เรียกว่าพี่จบม.6แล้วและพี่ก็เป็นแฟนพี่เขมได้อย่างไม่กลัวอะไรแล้วด้วยแชมป์  “คริสโตเฟอร์พูดผมก็พยักหน้ากับครูมิ้ง

   

   “กลับไปเถอะครับ ผมเสียดายครูและอนาคตของน้องเขา ถ้าครูคิดว่าจะหนีแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่ละครับที่ครูจะหยุดหนีมันได้ กลับไปเถอะครับ ผมว่าทุกคนพร้อมให้อภัยครูและแม่ครูอีกละครับ ครูไม่เป็นห่วงคุณแม่ของครูเหรอครับ” ผมพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปแตะที่แขนครูมิ้ง

   

   “นะครับครู กลับไปเพื่อแก้ไขมัน ตอนนี้ยังไม่สายไปนะครับครู” ผมพูด

   

   “ครับครูเขม เออ แต่ว่าเพื่อนผมที่เขาช่วยเหลือผมนะครับ เขาจะแต่งงานพรุ่งนี้ ผมขออยู่ร่วมงานแต่งเขาก่อนได้ไหมครับและเรากลับไปพร้อมกัน” ครูมิ้งพูดขอร้องผม ผมพยักหน้าว่าได้ซิ

   

   “ผมดีใจนะครับที่เจอครู ผมเสียดายครูเก่งๆอย่างครูมิ้ง” ผมพูด

   

         “ผมขอโทรหาเพื่อนผมก่อนนะครับ” ครูมิ้งพูดและเดินเลี่ยงออกไป ผมหันมามองแชมป์ที่นั่งคุยกับคริสโตเฟอร์ ถึงเรื่องราวที่ผมสองคนผ่านมาด้วยกันมีทั้งสุขทุกข์เศร้าปะปนกันไปแต่มันก็ทำให้ความรักของผมสองคนยิ่งเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน



         “เพื่อนผมกำลังจะมาครับเดี๋ยวรอแป๊ปหนึ่งนะครับ” ครูมิ้งพูดผมพยักหน้าและผมก็เปิดเมนูดูรายการอาหารว่าจะทานอะไรดีง่าย ๆ ไม่นานก็มีคู่หนึ่งเดินเข้ามาในคาเฟ่ที่ผมนั้งอยู่



         “ซอมพอ” ครูมิ้งยกมือเรียกให้เขาเดินมาที่โต๊ะทีพวกผมนั่งกัน ผมหันไปยิ้มทักทาย



         “นี่ซอมพอเพื่อนผมครับ คนที่เขาช่วยเหลือผม ผมกับเขาได้เรียนด้วยกันบางวิชาครับและมารู้จักกันตอนที่ไปเข้าค่ายอาสานะครับ “ ครูมิ้งแนะนำผมให้รู้จักเพื่อนเขา



         “คนนี้พี่ณุกครับ พี่เขารุ่นเดียวกับพี่ชายของซอมพอ พี่น่านฟ้าที่เป็นเจ้าของรีสอร์ตที่ผมเคยไปทำงานที่นั้นนะครับ” ครูมิ้งพูดผมก็ยกมือไหว้ เพราะถ้าครูมิ้งเรียกพี่นี้แปลว่าแก่กว่าผมแน่ๆ แต่รุ่นเดียวกับพี่น่านฟ้า



         “ผมไม่แน่ใจใช่คนเดียวกันไหม พี่น่านฟ้าเขารู้จักกับพี่ชายของผมนะครับ พี่ผมเป็นปลัดอำเภออยู่ที่นี้ ชื่อต้นตระการนะครับ” ผมพูดขึ้น



         “อ้อผมรู้จักครับ คุณปลัดมาพักที่รีสอร์ทของผมบ่อย “ คนที่ชื่อซอมพอบอกผมและยิ้มมาให้ผม



         “นี่ชื่อครูเขมชาติและ น้องคนนี้ชื่อคริสโตเฟอร์”



         “Hi Bro , How are you ?” พี่คนที่ชื่อพี่ณุกหันไปทักทายคริสโตเฟอร์



         “สวัสดีครับพี่ ผมสบายดีครับ” นายคริสโตเฟอร์ตอบเป็นภาษาไทยทันที เล่นเอาพี่เขาเกาหัวแก้เขินไปเลย



         “หน้าแตกไหมละพี่ณุก คิก คิก “คนที่ชื่อซอมพอหันมาหัวเราะพี่เขา ผมหันไปมองเขาอุตสาห์ทักทายเป็นภาษาอังกฤษนายนี้ก็กวนจริงๆ



         “แล้วมิ้งจะกลับเขาใหญ่จริงเหรอ แน่ใจแล้วเหรอว่าเรื่องมันจะโอเคแล้วนะ” ซอมพอถามครูมิ้ง



         “มิ้งไม่วิ่งหนีมันอีกแล้วซอมพอ มิ้งก็คิดถึงแม่และแชมป์เขาควรจะกลับไปขอโทษป้าของเขานะ ขอโทษที่เราสองคนทำลงไปนะซอมพอ “



         “ผมคิดว่าทุกคนพร้อมจะให้อภัยครูมิ้งนะครับ ซอมพอ” ผมพูดบอก



         “เป็นครูเหมือนกันเหรอครับ จบที่ไหนมาครับ” ซอมพอถามผม



         “ผมจบจากมหาวิทยาลัยXXX” ผมตอบไป



         “เก่งจัง แล้วน้องคนนี้ละครับ” ซอมพอหันไปถามถึงคริสโตเฟอร์



         “ยังเรียนอยู่ครับ แต่ว่าตอนนี้เขาสอบGEDผ่านแล้วครับ ผมคิดว่าเขาจะไปต่อมหาวิทยาลัยเร็วๆนี้นะครับ” ผมตอบแทนคริสโตเฟอร์



         “ไปต่อทีไหนละเรา” พี่ณุกหันไปถามคริสโตเฟอร์



         “ผมยังไม่รู้เลยครับ พ่อผมเป็นคนออสเตรเลียกำลังจะไปดูที่เรียนมาให้ผมนะครับ อันที่จริงผมก็อยากจะต่อที่นี้แต่พี่เขมเขาอยากให้ผมไปต่อที่ต่างประเทศนะครับ” คริสโตเฟอร์ตอบทำหน้าเศร้าๆ พี่ณุกเขาหันมามองหน้าผม



         “พ่อเขาเป็นคนออสเตรเลียนะครับและแม่เป็นคนไทยเขาเลยได้สัญชาติออสเตรเลียตามพ่อเขานะครับ “



         “พี่ก็ว่าดีนะ นายจะได้อะไรดีดีเยอะกว่า พี่จบมหาวิทยาลัยที่อังกฤษ พี่ไปเรียนที่นั้นตั้งแต่เด็ก “ พี่ณุกเขาหันไปบอกคริสโตเฟอร์



         “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ไปงานซอมพอไหมมิ้ง” ซอมพอหันไปถามมิ้ง



         “ได้นะครับ มิ้ง คุณอยู่ร่วมงานแต่งเพื่อนคุณก่อนแล้วเราค่อยบินกลับกัน ไปพักที่บ้านผมที่กรุงเทพสักคืนค่อยกลับไปที่เขาใหญ่ก็ยังทันนะครับ”ผมบอกครูมิ้ง



         “ถ้าอย่างนั้นเชิญด้วยซิครับ งานแต่งผมพรุ่งนี้ เอ๊ะ รู้สึกว่าคุณปลัดพี่ชายคุณเขมจะมาด้วยนะครับ คุณปลัดเขาสนิทกับพี่ชายผมพี่น่านฟ้านะครับ”



         “จะดีเหรอครับ ผม”



         “ดีซิครับ เชิญด้วยเลยครับ เนอะพี่ณุก”



         “ได้ซิครับ “แฟนของซอมพอพูดและเขาสองคนก็พยักหน้าให้ผม



         “นี้ผมครั้งแรกเลยนะครับที่ผมพาน้องเขามาเที่ยว เขาไม่เคยมาเที่ยวเชียงใหม่เลย ปกติไปเที่ยวทะเลมากกว่า” ผมพูดขึ้น



         “ถ้าอย่างนั้นไปพักที่รีสอร์ทเรากันไหมครับ “ ซอมพอเอ่ยปากชวนผมสองคน



         “มิ้งก็ลงมาพักที่รีสอร์ทซอมพอเลยซิ ให้พี่ณุกขับไปเอาของมา “ซอมพอบอกครูมิ้ง



         “คือผมเห็นว่ามีคนไปถามหาผมกับแชมป์นะครับ น่าจะเป็นพี่ชายคุณแน่ๆ ที่เป็นปลัด ผมเลยขอซอมพอย้ายไปทำงานกับป้าของเขานะครับ เขาก็มีรีสอร์ทอยู่ เลยไปนิดนึงนะครับแต่ก็ไกลพอสมควรครับ” ครูมิ้งบอกผม ผมพยักหน้าว่าเข้าใจ



         “ใช่ครับ พี่ชายผมเขาบอกว่าเจอคนที่คล้ายครูมิ้ง ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับที่ผมละลาบละล้วงขอเอกสารท่านผอ เพื่อให้พี่ชายผมตามหาครูนะครับ “



         “ครูทำเพราะหวังดีผมไม่ถือโทษโกรธครูหรอกครับ “ ครูมิ้งพูดและหันไปจับมือแชมป์ สีหน้าเขาก็ยังดูกังวลอยู่



         “เรากลับบ้านกันนะแชมป์ พี่ว่าพี่พร้อมแล้วที่จะบอกกับป้าเราว่าพี่จะขอรับผิดชอบทุกอย่าง” ครูมิ้งหันไปพูดกับแชมป์ ผมก็พยักหน้าอีกคนว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้นไม่แย่ลงแน่นอน เพื่อให้น้องได้กลับไปหาคุณป้าของเขา



         “ถ้าอย่างนั้นผมไปแพ็คกระเป๋ากันก่อนนะครับ และผมจะขอพี่ชายผม พี่ต้นนะครับว่าจะไปพักที่รีสอร์ทคุณซอมพอ “



         “จะรบกวนไปหรือเปล่าครับ เพราะว่าคุณก็จะมีงานแต่งพรุ่งนี้กัน”



         “ไม่หรอกครับครูเขม ผมสองคนยินดีอย่างยิ่ง “



         “เจอกันที่รีสอร์ทคุณซอมพอเลยนะครับครูมิ้ง “ ผมพูดบอกครูมิ้ง ครูมิ้งมองหน้าผมและยิ้มให้ผม ผมพยักหน้าตอบ



         “ผมขอตัวไปกับซอมพอเลยนะครับครู เพราะว่าผมจะได้เตรียมพวกเอกสารสำคัญหลายอย่างและผมจะได้จองตั๋วบินกลับเลย”



         “ครูจะจองตั๋วกลับกันเลยไหมกันครับ”



         “ผมยังไม่ได้จองตั๋วกลับเลยครับครู ผมว่าเราจองพร้อมกันเลยนะครับ ตอนที่ผมไปพักที่รีสอร์ทคุณซอมพอ “ ผมบอกครูมิ้ง ครูมิ้งพยักหน้าให้ผมสองคน และพากันแยกออกไป ผมก็มองนายคริสโตเฟอร์



         “พี่เขมนี้สุดยอดเลยอะ พี่ทำภารกิจที่พี่ตั้งใจไว้สำเร็จ ผมเองยังไม่รู้ว่าจะทำได้อย่างพี่ไหม สักครั้งหนี่งก็ยังดี” คริสโตเฟอร์พูด



         “นายมีภารกิจอะไรที่คิดไว้ไหมละ “ ผมถามคริสโตเฟอร์ คริสเขามองผมและ ทำท่าคิด



         “ภารกิจของผมนะเหรอ การได้ขอพี่เขมแต่งงานในวันที่ผมพร้อมจะดูแลพี่ไง นั้นแหละภารกิจที่ผมตั้งใจเอาไว้ มันคือเป้าหมายของผม “



         “พี่จะรอ” ผมพูดแค่นั้นและเราสองคนก็เดินจูงมือกันออกไปจากคาเฟ่ ผมจะไปขอพี่ต้นไปพักที่รีสอร์ทของเพื่อนพี่ต้น ผมนั่งรถกลับมาที่คอนโดของพี่ต้น พี่ต้นก็เพิ่งจะมาถึงเช่นกัน พี่ต้นมองผมกับคริสโตเฟอร์ และหนุ่มน้อยของผมก็วิ่งมาหาผม พร้อมกับอวดตุ๊กตากระต่ายตัวใหม่ที่พี่ต้นเพิ่งจะซื้อให้วันนี้



         “พี่ต้นผมเจอครูมิ้งแล้วพี่ เขาเคยอยู่ที่รีสอร์ทเพื่อนของพี่ที่ชื่อน่านฟ้าจริงๆด้วย” ผมบอกพี่ต้น พี่ต้นพยักหน้า



         “ผมหวังว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้นสำหรับเขาสองคน “ผมพูด



         “ถ้าจะให้พี่ช่วยอะไรก็บอกนะ พี่ยินดี เรื่องครูมิ้งนะ พี่ว่าเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหายในขณะที่เขาอยู่ที่นี้ “ พี่ต้นหันมาบอกผม ผมพยักหน้ากับผม


    วันนี้พี่ต้นกับผมช่วยกันทำอาหารทานกันเอง พี่ต้นก็ทำไก่หวานที่เอิร์ธชอบ ส่วนผมก็ทำไข่ลูกเขยให้พ่อตัวดีของผมทาน ผมแอบคิดว่าถ้าเขาไปอยู่กับพ่อเขาแล้วใครจะทำไข่ลูกเขยให้เขาทานละทีนี้ คิดแล้วผมก็อดใจหายไม่ได้เหมือนกันแต่จะให้เขาทิ้งอนาคตเพราะผมอย่างนั้นนะเหรอผมทำไม่ได้แน่นอน ผมหันมามองคริสโตเฟอร์ ดูท่าเอิร์ธจะได้เพื่อนเล่นใหม่แล้วซิ ลืมอาเขมไปเลยนี่นั่งตัวติดกับคริสโตเฟอร์เล่นเกมส์มาริโอกันสองคนขณะที่ผมกับพี่ต้นกำลังช่วยกันทำอาหารเย็น ผมว่าจะทานกันไปก่อนแล้วพี่ต้นจะขับรถไปส่งผมสองคนไปพักที่นั้นกัน
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน EP.43 (ครูเขมXคริส)ภารกิจตามครูมิ้งและแชมป์จบลง
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 05-10-2020 21:12:32
   EP.43 (ครูเขมXคริส)ภารกิจตามครูมิ้งและแชมป์จบลงซะที

   Part ครูเขมชาติ         วันนี้ผมตื่นมาแต่เช้าตรู ผมมาพักที่รีสอร์ตของคุณซอมพอกับพี่น่านฟ้าที่เป็นเพื่อนกับพี่ต้น พี่ต้นบอกว่าเขารุ่นเดียวกันเลย คุณน่านฟ้าเป็นคนเก่งเรียนจบปริญญาตรีก็สามใบแล้วและปริญญาโทอีก ตอนนี้กำลังต่อปริญญาโท รัฐศาสตร์เช่นกัน แถมยังทำไร่ชาและไร่กาแฟ และดูแลรีสอร์ทกับน้องชายของเขาที่ชื่อซอมพอ ชื่อนี้น่ารักดีนะผมชอบแต่พี่ต้นบอกว่าส่วนใหญ่เป็นชื่อผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชายแต่ผมรู้สึกว่าเขาดูเหมาะกับชื่อนี่มากเพราะว่าเขาดูตัวเล็กและบอบบางจนน่าถนอมนะผมว่า

           “บรรยากาศดีเนอะพี่เขม เราน่าจะย้ายมาอยู่ที่นี้เลย ผมคงได้ฟินทุกวัน” ผมหันมามองพ่อตัวดีที่ตื่นมากอดผม ขณะที่ผมกำลังยืนมองวิวภูเขา บรรยากาศนะดีจริงแต่ไอ้ที่บอกว่าฟินนี้ฟินแบบไหน ออกจะหื่นๆนะเด็กคนนี้น่ะ

           “เด็กหื่น” ผมพูดและบี๋จมูดโด่งๆนั้น

           “พี่เขมอ่ะ เจ็บ” คริสโตเฟอร์บอกผมทำหน้ายู่เลย สงสัยจะเจ็บจริง ผมก็มองว่าทำไมอ่ะ จับนิดเดียวเองปกติไม่ร้องเจ็บขนาดนี้นิ แกล้งหรือเปล่าอะไรแบบนี้

           “สิวขึ้น”  คริสโตเฟอร์บอกผม และชี้ไปที่ปลายจมูก

           “โอ๋ๆ จะบอกว่าแตกเนื้อหนุ่มแล้วว่างั้น” ผมพูดแซว และจับใบหน้ามาสำรวจดูใกล้ๆ ขึ้นมาหน่อยๆแดงเชียว

           “เดี๋ยวเอาครีมทาซิวทาก่อน “ คริสโตเฟอร์พูด ผมก็เลิกคิ้วสูง ผมไม่เคยใช้เลยนะพวกครีมรักษาสิว บ้านผมมีกรรมพันธุ์ดีไม่มีสิวสักคน ได้มาตั้งแต่รุ่นคุณยาย

           “แม่ชอบซื้อส่งมาให้แม่กลัวลูกชายเป็นสิว” คริสโตเฟอร์พูดผมก็มอง เป็นยาแต้มสิวจริงๆ ด้วย จะว่าไปแม่ของคริสเขาก็เลี้ยงลูกทันสมัยดีนะ ให้ลูกดูแลตัวเอง ดูจาพวกครีมทาหน้า อะไรพวกนี้ที่เขาส่งมาให้คริสใช้ซิ ผมเองก็มีแต่ไม่เยอะเท่าหมอนี้เลย

           “ไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะจะได้ลงไปดูพิธีกับเขาบ้าง”ผมพูดและจะหันหลังเข้าห้องน้ำ

           “ดูเอาไว้เพื่องานของเราเหรอพี่เขม”คริสโตเฟอร์ถามผม ผมหันมามองและทำท่าคิด

           “แต่ที่ผมคิดเอาไว้ คือผมนับถือศาสนาคริสอ่ะพี่เขม แต่ผมคิดว่าคงเข้าโบถส์ไม่ได้อยู่แล้ว เราก็หาคนทำพิธี แบบที่แม่ผมทำตอนที่แต่งงานกับพิลิฟส์ มีคนมาทำพิธี ตอนนั้นแม่ผมแต่งที่ชายหาด “ คริสโตเฟอร์พูด ผมพยักหน้าก็ดีนะ

           “ผมเข้าไปอ่านดูเราจะแต่งงานกันภายใต้กฎหมาย LGBT ที่เมลเบิร์นได้นะพี่เขม “ คริสโตเฟอร์พูด ขณะที่เขาก็กำลังเตรียมเสื้อผ้าที่จะสวมใสในวันนี้ แต่มันทำให้ผมแปลกใจว่าเขาเริ่มศึกษาเรื่องนี้แล้วหรือที่จะแต่งงานกับผมนะ

           “ใช่พี่เขมผมเข้าไปอ่านมาบ้างแล้ว ผมจะชวนพี่เขมไปใช้ชีวิตที่นั้นด้วยนะ เพื่อว่าพี่เขมอยากจะย้ายไปอยู่ที่นั้นกับผมในฐานะคู่สมรสในอนาคตของผม” คริสโตเฟอร์หันมาบอกผม ผมก็ยืนมองเขา มันทำให้รอยยิ้มเปื้อนขึ้นมาบนใบหน้าของผมอย่างไม่รู้ตัว แต่มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีคนเข้ามาจูบผมนี้แหละ


           “พี่คงคิดว่าผมเด็กและคงยังไม่คิดเรื่องแบบนี้ใช่ไหมครับพี่เขม ผมนะเริ่มศึกษามาพักหนึ่งแล้วแหละ และผมก็แพลนงานแต่งงานของผมไว้แล้วด้วย ถ้าสะดวกผมจะแต่งงานที่ออสเตรเลียก่อนและค่อยมาแต่งงานแบบประเพณีไทยที่ประเทศไทยกับพี่เขมเพราะว่าผมชอบประเพณีของไทยด้วยเช่นกัน “คริสโตเฟอร์ พูดออกมาแบบนี้ทำเอาผมเขินแบบไปต่อไม่เป็นเลยจริงๆ


           “ถ้าอย่างนั้นก็รีบอาบน้ำเถอะนะจะได้ลงไปดูด้วยกัน” ผมพูดและเราสองคนก็เข้าห้องน้ำอาบน้ำด้วยกัน นี้ก็เป็นกิจวัตรประจำวันของผมสองคนไปซะแล้วที่ต้องอาบน้ำพร้อมกัน ถูหลัวให้กัน สระผมด้วยกันภายใต้ฝักบัวเดียวกัน ช่วยกันเช็ดผม และถ้าวันที่เขาไม่ได้อยู่กับผมแล้ว ใครจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้กันและกัน แค่คิดก็รู้สึกหน่วงๆอยู่ในใจลึกๆแต่ไม่กล้าจะแสดงออกมาถ้าผมอ่อนแอแล้วเขาละไม่อ่อนแอมากกไปกว่าผมเหรอ

           วันนี้คริสโตเฟอร์สวมเสื้อเชิ้ตลายตารางฟ้าขาวกางเกงยีนส์ พอเห็นเขาใส่แบบนี้แล้ว ผมรู้สึกว่าเขาดูเป็นผู้ใหญ่จนผิดหูผิดตาไปทันที ผมก็สวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงยีนส์เช่นกันสีฟ้าเดียวกับคริสนั้นแหละ ผมเพิ่งสังเกตเห็นตอนที่ยืนเทียบกันตรงหน้ากระจก เขาสูงเลยไหล่ผมไปแล้วหน่อยหนึ่งแล้วนะ

           Rrrr เสียงมือถือดังขึ้นมาขัดจังหวะการเพ็งพิจารณาของผมพอดี ผมเดินออกมาหยิบมือถือตัวเองดู พี่ต้นโทรมาก็ต้องรีบรับทันที


           “พี่ต้น “ ผมกรอกเสียงเรียกชื่อพี่ชายคนโต

           “เขมพี่มาถึงงานแล้วนะเราละ “

           “ผมยังอยู่บนห้องพักพี่ต้น ถ้าอย่างนั้นผมลงไปหาเลยนะ เพื่อว่าพี่จะให้ผมสองคนดูตาเอิร์ธให้ก่อน” ผมพูดบอกพี่ต้น

           “ดีเลยพี่คงจะยุ่งหน่อยช่วงเช้าพี่ต้องทำหน้าที่หลายอย่างเลยเขม” พี่ต้นบอกผม

           “ได้ครับพี่ต้น ถ้าอย่างนั้นเจอกันนะครับ พี่ต้น” ผมกดวางสายพี่ต้น และหันมามองคริสโตเฟอร์ ผมพยักหน้าว่าเราควรจะลงไปได้แล้ว เมื่อวานผมมาถึงก็เย็นมากแล้ว แต่ก็ได้นั่งพูดคุยกับซอมพอและแฟนเขา ครูมิ้ง ส่วนแชมป์นะเขานั่งคุยกับคริสโตเฟอร์ก็วัยใกล้เคียงกัน

           ผมถึงได้รู้ว่าครูมิ้งอยู่ที่นี้ทำอะไรบ้าง ครูช่วยได้เยอะ ช่วยติดต่อกับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพราะว่าครูมิ้งเก่งภาษาอังกฤษ แถมครูมิ้งยังสอนภาษาอังกฤษให้กับพนักงานในรีสอร์ทอีกด้วย จนพูดอ่านเขียนได้บ้างและโต้ตอบคุยกับนักท่องเที่ยวได้ แถมครูมิ้งยังสอนเด็กๆอีกด้วย ลูกๆของพนักงานในรีสอร์ท ไม่ใช่แค่รีสอร์ทของคุณน่านฟ้าแต่ยังไปทำหน้าที่ครูที่รีสอร์ทของป้าของซอมพออีกด้วย ผมเลยคิดว่าจะเอาตรงนี้ไปยื่นกับท่านผู้อำนวยการเพื่อช่วยครูมิ้งว่าเขาเป็นคนดี ผมยังอยากให้ครูมิ้งเป็นครูสอนหนังสือเด็กๆต่อไป

           “ครูมิ้ง” ผมเดินลงมาก็เจอครูมิ้งกับแชมป์พอดี

           “ผมเพิ่งเข้าไปช่วยซอมพอแต่งตัวนะครับครูเขม” ครูมิ้งบอกผม ผมมองไปรอบๆ บรรยากาศดูอบอุ่นมาก สถานที่ตกแต่งไปด้วยโมบายสไตล์ล้านนา แต่ละคนก็สวมชุดพื้นบ้านกัน ดูมีเสนและสีสันมาก

           “เราไปหาที่นั่งตรงโน้นกันดีกว่าครับครูเขม” ครูมิ้งบอกผม

           “เรียกเขมก็ได้ครับ ผมว่ามันดูเกร็งๆไปหน่อยนะครับ”

           “งั้นเรียกผมว่ามิ้งแล้วกัน อันที่จริงผมควรจะเรียกว่าพี่เขมด้วยมั้งเพราะว่าผมจบที่หลังตั้งหนึ่งปีนะครับ” ครูมิ้งพูด

           “ แม้ผมเลยดูแก่ไปอีก มีแต่คนเรียกพี่นะครับมิ้ง” ผมพูดและหัวเราะกันเบาๆ สองคน ผมหันไปเจอพี่ต้นเดินมากับเอิร์ธ พี่ต้นหล่อมากเลยวันนี้ พี่ต้นสวมกาเกงยีนเสื้อเชิ้ตและสวมสูททับ ดูหล่อเท่สมาร์ทสมกับเป็นปลัดหนุ่มจริงๆ

           “เขม “พี่ต้นเรียกผม ผมหันไปมองมองพี่ต้น ครูมิ้งก็เช่นกัน ดูครูมิ้งจะตกใจเล็กน้อย คงเคยเจอพี่ชายผมมาก่อนแน่ๆ

           “สวัสดีครับคุณปลัด” ครูมิ้งยกมือไหว้พี่ต้น

           “สวัสดีครับ ครูมิ้ง” พี่ต้นยกรับไหว้

           “ผมขอโทษนะครับคุณปลัดที่ผมโกหกว่าผมไม่ได้ชื่อมิ้งนะครับ” ครูมิ้งพูด

           “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจ และถ้ามีอะไรให้ผมช่วยบอกพี่ได้นะ พี่เต็มใจมิ้ง “ พี่ต้นพูดและหันไปพยักเพยอทักทายคริสโตเฟอร์ ก่อนจะดันเอิร์ธให้มาหาผม

           “พี่จะเข้าไปด้านในงานก่อนนะ “ พี่ต้นพูดและเดินเข้าไปในงานทันที ผมก็อุ้มเอิร์ธมานั่ง แต่เอิร์ธหันไปมองคริสโตเฟอร์และชี้จะไปนั่งกับคริสโตเฟอร์แทน ผมก็แปลกใจ วันแรกทำเป็นหวงผมแต่วันนี้จะไปนั่งกับพี่คริสแทนซะแล้ว

           “นี่เธอ เธอเห็นคุณปลัดรูปหล่อป่ะ เมื่อกี้อ่ะ หล่ออะแก ได้ยินข่าวว่าเลิกกับเมียเขาแล้วนะ “ผมได้ยินสาวๆกำลังซุบซิบพี่ชายผมพี่ต้น

           “ใช่ ดีใจแทบตาย เมื่อก่อนนะ ใครไปวอแวคุณปลัดแม่ไปยืนด่าไฟแลป มีแต่คนอยากให้เลิกกันจะแย่แล้ว คุณปลัดนะดูหล่อดูดี ไม่เหมือนแม่เกศรินทร์นั้นหรอก ดูไปคนละขั้วกันเลย “

           “เห็นแล้วอยากไปสมัครเป็นแม่ของลูกจังเลยอ่ะ “ เขาซุบซิบกันเพราะว่าเขาไม่รู้ว่าผมเป็นน้องชายพี่ต้น พอได้ยินแบบนี้แล้วก็อดอมยิ้มแทนพี่ต้นไม่ได้

           “พี่ชายคุณเขมนี้หล่อจริงๆนะครับ ผมนะแอบได้ยินสาวๆที่ทำงานในรีสอ์ทพูดถึงกันบ่อย มีแต่คนชมและมีแต่คนแอบชอบเยอะนะครับ แต่น่าเสียดายที่เขาเพิ่งเลิกกับภรรยาของเขานะครับ”มิ้งหันมาชมพี่ต้นกับผมเช่นกัน

           ระหว่างที่ผมกำลังนั่งมองคู่รักที่เขาพิธีแต่งงานกันผมก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าคู่บ่าวสาวไหมเพราะว่านี้เป็นการแต่งงานกันแบบเพศเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้น่ารักน้อยไปกว่าชายหญิงเลย


           “ครู เออ พี่เขม ผมถามจริงๆเถอะครับ พี่มาตามผมกับแชมป์นี้เพราะว่ามีเรื่องอื่นด้วยไหมครับ ที่ไม่ใช่แค่ต้องการมาตามให้ผมกลับไปแก้ไขสิ่งที่ผิดนะครับ” ครุมิ้งถามผมและหันมามองหน้าผม ผมก็มองหน้าครูมิ้ง ก่อนจะเหลียวหลังไปมองแชมป์ที่นั่งหยอกล้อเล่นกับหลานผมอยู่

           “พี่เขม “ สีหน้าครูมิ้งดูกังวลขึ้นมาทันที

           “ที่พี่มานะมิ้ง… เออ…คือ..”
           
           “บอกผมเถอะครับพี่เขม” ครูมิ้งถามผม

           “ป้าของแชมป์เขาเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายนะครับและตอนนี้เขาทรุดหนักมากหมอที่ดูแลแจ้งว่าไม่น่าจะเกินจากเดือนนี้นะครับมิ้ง” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เบามาก แต่คนที่ได้ยินนี้ทรุดเลยและหันไปมองแชมป์ด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด

           “อย่าเพิ่งบอกน้องนะครับ น้องจะตกใจ เอาไว้ถึงแล้วก็พาน้องเข้าไปหาท่านทันทีที่ทำได้นะครับมิ้ง” ผมแตะที่แขนมิ้ง มิ้งหันมามองหน้าผมและพยักหน้าเบาๆ

           “ผมขอบคุณนะครับพี่เขมที่มาตามผม เพราะว่าถ้าผมมารู้เมื่อสายเกินไป ผมคงไม่ให้อภัยตัวเองแน่ๆ “ มิ้งพูดบอกผม

           “ถึงป้าของแชมป์เขาจะด่าว่าผมไว้ตอนที่เขารู้ว่าผมกับแชมป์นั้นเป็นอะไรกันแต่ผมก็ไม่โกรธท่านหรอกนะครับ เพราะว่าแชมป์คือหลานคนเดียวและความหวังที่เขามีเหลืออยู่ “ มิ้งพูดบอกกับผม

           “พี่เชื่อว่าป้าของแชมป์เขาจะดีใจถ้าเขาเห็นว่าครูมิ้งรักและดูแลหลานเขาดีแค่ไหน และอีกอย่างนะมิ้ง ป้าเขาถอนแจ้งความแล้วแหละ นั้นแปลว่าเขาพร้อมจะรับฟังเรื่องของมิ้งและแชมป์แล้ว “ผมบอกมิ้ง มิ้งก็พยักหน้ากับผมเบาๆ

           “มิ้ง เข้ามาใส่บาตรกันลูก” ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ้งเดินมาทางครูมิ้ง

           “แม่ของพี่น่านฟ้าและชอมพอนะ”ครูมิ้งหันมาบอกผม ผมก็ยกมือไหว้ทันที

           “นี้ใช่น้องชายคุณปลัดหรือเปล่าค่ะ แม้หล่อเหมือนพี่ชายไม่มีผิดเพี้ยนเลยค่ะ” แม่ของซอมพอชมผม

           “ไปใส่บาตรด้วยกันไหมคะ”

           “ไม่ดีกว่าครับให้ครุมิ้งและแชมป์ไปดีกว่าครับ “ ผมพูดและพยักหน้าให้มิ้งลุกไปกับแม่ของซอมพอ ผมหันมามองคริสโตเฟอร์ และพากันลุกเดินเข้าไปเพื่อเข้าไปดูพิธีการใกล้ๆ ผมเห็นคู่รักเขากำลังตักข้าวใส่บาตรพระพร้อมกัน สายตาที่เขามองกันมันสื่อได้ว่าวันนี้คือวันที่เขาทั้งคู่มี่ความสุขที่สุด ผมเห็นแบบนี้ก็แอบอิจฉาอยู่ไม่น้อย เมื่อก่อนผมก็คิดและคุยกันเอาไว้เรื่องที่ผมจะแต่งงานกับณัฐกานต์ เราวาดฝันกันไว้เหมือนแบบนี้ไม่มีผิดเพี้ยนเลย แต่ว่ามันก็ไปกันไม่ถึงฝันของผมกับเขา แต่ว่าตอนนี้ผมมีแล้วคนข้างๆของผมนี่ไง

“เราเกิดมาเพื่อเป็นของกันและกัน
นี่คือบรรชาของสรวงสรรค์
ให้เราต้องเจอกันสักวันในชีวิตนี้
เกิดมาดูแลหัวใจอีกดวง
เกิดมาเพื่อรักก็แค่คนนี้
เกิดมาเพื่อมีสักวันที่ฉันมีเธอ

           ขณะที่ผมกำลังยืนมองคู่รักเพลินจู่ก็มีคนกระเทิบเข้ามาแนบชิดกับผมและเขาก็กระซิบร้องเพลงที่กำลังเปิดอยู่ ณ ตอนนี้ ผมรู้สึกเหมือนมีมนต์มาสะกด ผมหันไปมองคริสโตฟอร์

เราเกิดมาดูแลหัวใจอีกดวง
เกิดมาเพื่อรักก็แค่คนนี้
เกิดมาเพื่อมี สักวันที่ฉันมีเธอ

           “ผมเกิดมาเพื่อดูแลหัวใจพี่เขมแต่เกิดช้าไปหน่อยเนอะ “ คริสโตเฟอร์พูด ผมก็มองสบตาเขานิ่งมาก ถ้าไม่ติดว่าตรงนี้คนเยอะผมคงจูบเขาไปแล้ว

           “ขอบคุณนะคริส  ที่เกิดมาเพื่อเป็นคนรักของพี่จริงๆ “ ผมกระซิบบอกคริสโตเฟอร์เบาๆ คริสโตเฟอร์ยืนจับมือผมไว้ จนพี่ต้นเดินออกมา ตรงมาหาผมสองคนและเอิร์ธที่นั่งเล่นมือถือคริสอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมามองพี่ต้น

           “เขมกลับวันนี้เลยเหรือเปล่า” พี่ต้นถามผม

           “ใช่พี่และผมจะพาครูมิ้งไปค้างที่บ้านสักคืนนะครับพี่ต้น เพราะว่าขับรถกลับไม่ได้แน่ๆ กว่าจะถึงก็คงสามทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว” ผมพูดบอกพี่ต้น


           “พี่ก็ว่าดีนะ พีไม่อยากให้เราขับรถคำๆมืดๆ เขม ถ้ายังไงพี่ว่าจะเอารถคุณน่านฟ้าไปส่งเรานะเพราะว่ารถพี่คงไปไม่หมดแน่ ไหนจะกระเป๋าอีก”พี่ต้นพูดผมพยักหน้าว่าได้

           “คุณน่านฟ้าฝากบอกพี่ว่าให้เราอยู่ทานอาหารกลางวันกันก่อนนะเขาจะเลี้ยงส่งครูมิ้งกับแชมป์ด้วยนะ” พี่ต้นบอกผม ผมพยักหน้าว่าได้ และพี่ต้นก็เดินกลับเข้าไปในงาน

           “คริส พี่ฝากหลานก่อนนะพี่ว่าจะเข้าห้องน้ำซักหน่อยนะ” ผมบอกคริสโตเฟอร์ และลุกเดินเข้าไปในงาน ผมเห็นป้ายบอกทางไปห้องน้ำ  ขณะที่ผมกำลังเดินไปจะถึงทางเข้า

           “คุณต้นรู้ตักคุณหมอดาวิกาไหมครับ “


           “คุณน่านถามผมทำไมเหรอครับ”

           “เขาถามหาคุณต้น เขาบอกว่าเขาคุณเป็นเพื่อนกับแฟนของเขา แฟนเขาที่เป็นหมอภีมปภพ”

           “คุณน่านเจอเขาด้วยเหรอครับ”

           “น้องผมเขานอนโรงพยาบาลตอนที่ยังทำงานอยู่ที่กรุงเทพนะครับคุณต้นแต่ว่ามันเมื่อหลายเดือนก่อนแล้วนะครับ และผมก็ไม่มีโอกาสได้คุยกับคุณต้นเลย จนถึงวันนนี้นี่แหละครับ” ผมก็ต้องนิ่ง คุณหมอดาวิกาถามหาพี่ต้นเหรอและถามหากับพี่น่านฟ้า นั้นก็แปลว่าคุณหมอดาวิกาเขารู้ว่าพี่ต้นอยู่ที่ไหน และถ้าเขารู้ ทำไมเขาไม่บอกหมอภีมปภพละ ทั้งที่พี่หมอภีมปภพก็บอกว่าหมอดาวิกาเขาไม่อะไรแล้วกับพี่ต้นและหมอภีม สิ่งที่ผมคิดคือคำพูดของพี่ก้องที่บอกว่าหมอดาวิกาน่ากลัวที่สุด

           ผมรีบเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว ผมเดินกลับมาก็เห็นพี่ต้นนั่งอยู่กับเอิร์ธและคริสโตเฟอร์ ครูมิ้งเดินมาหาพวกผม ต่อไปก็คงเป็นพีธีมงคลสมรส สวมด้ายมงคลและทำพิธีหลั่งน้ำสังข์ บายสีสู่ขวัญ และพิธีผูกข้อมือ บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นของญาติพี่น้อง ผมได้แต่ยืนมองเขาโชคดีที่มีครอบครัวที่เข้าใจและยอมรับในสิ่งที่พวกเขาเป็น ไม่ได้มีหลายครอบครัวที่ยังไม่เปิดใจรับตรงนี้ทำไม ผมถึงนึกถึงพี่นครินทร์แฟนพี่ก้องขึ้นมาเฉยๆ

           “จะว่าไปผมก็ชอบนะพี่เขม ผมคิดว่าเราควรจะแต่งงานกันที่ไทยด้วยนะ ผมชอบประเพณีแบบไทยๆ ขอบตอนรดน้ำสังข์ “คริสโตเฟอร์พูด ขณะที่ผมกำลังนั่งโต๊ะทานอาหารกัน ผมว่าจะขอตัวไปเตรียมตัวกลับ เพราะว่าผมต้องเดินทางไปที่สนามบินผมมีเที่ยวบินรอบหนึ่งทุ่มแต่ผมก็ต้องไปก่อนเวลาเพื่อจะได้มีเวลาหาอะไรทานกันก่อนขึ้นเครื่องบินกลับ

           “ครูเขมครับ” พี่น่านฟ้าเดินมาหาผมและแฟนของพี่น่านฟ้าด้วย

           “พี่จะบอกว่าครูมิ้งนะเขาเป็นคนดีนะ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี้ ทำงานและยังสอนภาษาอังกฤษให้คนงานในรีสอร์ทพี่ด้วยนะ ถ้าเขมอยากให้พี่ช่วยเขียนหนังสือรับรองความประพฤติของครูมิ้งให้พี่ยินดีนะครับ” พี่น่านฟ้าบอกผม ผมพยักหน้าว่านี้จะดีมากที่จะช่วยครูมิ้ง

           “พี่รู้ว่ามันผิดที่มิ้งเขาทำแต่พี่ว่าเขามีเหตุผลนะ “พี่น่านฟ้าพูด

           “ผมรู้ครับพี่น่านว่ามิ้งและแชมป์เขาโดนกดดันหลายด้าน โดยเฉพาะแชมป์ แต่ว่าตอนนี้ ป้าของแชมป์เขาป่วยเป็นมะเร็งผมเลยต้องมาตามเขา แต่ผมก็ยังไม่ได้บอกน้องตรงๆนะครับพี่น่าน” ผมบอกพี่น่านฟ้า พี่น่านฟ้าและแฟนก็มองหน้ากัน

           “ครับได้ครับพี่สองคนจะไม่พูดเรื่องนี้กับน้อง “

           “ขอบคุณนะครับ พี่น่าน เออ พี่ติณใช่ไหมครับ”

           “ครับ “

           “ถ้าอย่างนั้นพี่สองคนขอตัวเข้าไปด้านในก่อนนะครับ เขม “ พี่น่านฟ้าพูดและเดินกลับเข้าไปด้านใน เหลือแค่ผมกับคริสโตเฟอร์ และครูมิ้งก็เดินกลับออกมาพร้อมกับแชมป์ ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสี่โมงแล้ว

           “ครูมิ้งครับ ผมสองคนจะขอตัวขึ้นไปเครียมตัวกันก่อน เราต้องออกก่อนเวลานะครับเพราะว่าเกือบชั่วโมงเลยกว่าจะไปถึงสนามบิน เราต้องเผื่อเวลาไว้เช็คอินเกือบสี่สิบนาทีถ้าหิวจะได้หาอะไรทานกันที่สนามบินเลยนะครับ “ผมบอกครูมิ้ง ครูมิ้งพยักหน้าให้ผม

           “ไปคริส ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันดีกว่า” ผมชวนคริสกับขึ้นห้องพัก ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินขึ้นไปก็เห็นซอมพอกับแฟนของเขากำลังยืนส่งแขกที่กำลังทะยอยกลับบ้านกัน

           “ครุเขม” ซอมพอเรียกผมไว้

           “ผมจะขึ้นไปเตรียมตัวกลับแล้วนะครับซอมพอ ผมนี้ขอบคุณมากจริงๆ รีสอร์ทน่ารักมาก ยังไงผมต้องมาอีกแน่ๆ”ผมบอกซอมพอ

           “ผมยินดีมากเลยนะครับครูเขม มาเมื่อไหร่บอกผมได้เลยนะครับ และไม่ต้องเกรงใจ ครูเขมก็เป็นเพื่อนครูกับครูมิ้ง ยังไงก็เพื่อนผมเช่นกันและอย่าลืมพาแฟนมาด้วยนะครับ มาพักหลายๆวันจะได้หาที่เที่ยวนะครับ “ ซอมพอบอกผม ผมกับคริสโตเฟอร์พยักหน้าพร้อมกัน

           “ครับพี่ซอมพอ ผมก็ชอบรีสอร์ทของพี่นะครับ ผมขอบบรรยากาศแบบนี้มันน่า” ผมหันมามองทันทีอย่านะ

           “น่าถ่ายรูปคู่นะครับ”

           “หึหึ “ซอมพอพูด

           “พี่ก็ว่ามันก็น่านะ” พี่ณุกพูดแต่คราวนี้ซอมพอหันไปมองผมก็แอบเกาหัว

           “น่ามาเช็คอิน หลายที่เลย “ พี่ณุกพูดและหันไปหัวเราะกับแฟนของพี่เขา

           “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ เออ ผมขอแสดงความยินดีอีกครั้งนะครับ ขอให้รักกันนานๆเลยนะครับ มีความสุขมากๆด้วยนะครับ และฝากบอกพี่น่านฟ้าอีกคนนะครับ เมื่อกี้ผมก็รีบคุยเลยไม่ได้บอก” ผมบอกกับซอมพอและพี่ณุก

           “ครับเดี๋ยวซอมพอบอกให้นะครับ “ พอดีจังหวะที่มีแขกเดินออกมาพอดีซอมเลยหันหลังไปส่งแขกท่านอื่นผมก็ดึงแขนคริสโตเฟอร์ขึ้นห้อง เพื่อจัดการเก็บกระเป๋าแพ๊คกระเป๋าจะได้พากันกลับ

           “เสร็จสิ้นภารกิจของพี่เขมแล้วซิ “คริสโตเฟอร์พูด

           “พี่ก็ไม่คิดนะว่าพี่มาถึงจุดนี้ได้ไง นี่พี่ผ่านมาเยอะมากเลยหลายภารกิจเหลือเกิน “ผมพูดไปก็แพ็คกระเป๋าไปด้วย

           “เหลืออีกอย่างนะพี่เขมภารกิจของเรานะ”คริสโตเฟอร์พูด ผมหันไปมองยังมีเหลืออีกเหรอ

           “เป็นเจ้าสาวของผมไง นี้แหละภารกิจที่ยิ่งใหญ่ เพราะว่าหลังจากนั้น พี่จะโดนกดอย่างเดียว” เฮ้ย ผมถึงกับหันไปมองคนที่เดินมากระซิบบอกผม บอกกันแบบนี้มันเหมือนจะให้ผมแขวนนวมรุกยังไงก็ไม่รู้นะ นี้ครูเขมต้องพรีกายถวายเป็นภรรเมียเขาแล้วจริงๆเหรอ 

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน EP.43 (ครูเขมXคริส)ภารกิจตามครูมิ้งและแชมป์จบลง
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 05-10-2020 22:49:28
กำลังตามอ่านอยู่น้าาาา ชอบครูเขม แต่ตอนครูเมะก็ดีน้า 55

เด๋วอ่านจบมาเม้นใหม่ เยอะมากกกกกกก เล่นซะตาลายเลย 555  :pig4:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.44 (ครูเขมXคริส)งานเขาพี่เขมพี่่ก้องต้องมาช่วย
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 12-10-2020 20:12:12
   
ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ งานเขาพี่เขมพี่่ก้องต้องมาช่วยเคลียร์

          Part ครูเขมชาติ    วันนี้ผมมาพักที่กรุงเทพกันก่อนผมพาคริสโตเฟอร์มาสอบโทเฟลและไอเฟล เพื่อจะนำไปใช้ในการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในระดับชั้นปริญญาตรีที่ประเทศออสเตรเลีย คริสโตเฟอร์เขาสนใจอยากจะเรียนเอกภาษาอังกฤษ เขาบอกว่าเขาจะทำงานได้หลายอย่างเลยผมก็ว่าดีนะ ถ้าถึงตอนนั้นเขาไม่ได้อยากทำงานในสายอาชีพครู



         “คริสพ่อเราบอกว่าจะมาถึงกี่โมงนะ” ผมถามคริสโตเฟอร์ขณะที่ผมกำลังทำความสะอาดบ้านให้แม่ของผมอยู่



         “พ่อบอกว่าเครื่องลงที่สุวรรณภูมิตอน สามทุ่มนะพี่เขม พ่อเขาจองโรงแรมไว้แล้วใกล้กับ บีทีเอสอ่ะ พ่อเขาชอบไปเดินซื้อของที่เอมบีเค และนี้พ่อคงจะไปหาร้านเพื่อตัดเสื้อสูทครับพี่เขม พ่อเขาชอบตัดที่นี้ไม่แพงและดี  “ คริสโตเฟอร์บอกผม



           “พ่อบอกว่าได้จองห้องพักไว้ให้อีกห้องหนึ่งนะพี่เขม พ่อให้เตรียมตัวไปค้างด้วย” คริสโตเฟอร์บอกผม ผมก็พยักหน้าแต่ว่าจะให้เขาค้างกับพ่อเขาดีกว่า ผมเองอาจจะขอตัวกลับก่อน



         “กริ้ง”เสียงกริ่งหน้าบ้านผมดังขึ้น



         “คริสไปเปิดประตูให้พี่ทีซิ สงสัยป้าวิลัยเอาอาหารมาให้แน่ๆเลย “ ผมบอกคริสโตเฟอร์ เขาก็ละสายตาจากทีวี และเดินออกไปนอกบ้าน แม่ผมไม่อยู่บ้านไปช่วยพี่ต้น แม่บอกว่าจะกลับมาพรุ่งนี้ เพื่อว่าจะได้เจอพ่อของคริสโตเฟอร์ด้วย



         “พี่เขม มีผู้หญิงมาหาพี่อ่ะ” คริสโตเฟอร์รีบเดินเข้ามาบอกผม ผมก็ทำหน้างงซิครับ มีผู้หญิงมาหาผมอย่างนั้นเหรอ



         “ใครเหรอ”



         “เขาไม่ได้บอกชื่อกับผมอ่ะ เขาแต่งตัวดีมากเลยนะ ตัวเล็กๆผิวขาวมาก สวยอ่ะ แต่ผมว่าหน้าเขาคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่เขาใหญ่” คริสโตเฟอร์พูดผมก็วางมือจากการทำความสะอาดและรีบเดินออกไปทันที พอผมเดินมาถึงที่ตรงประตู ผมก็ต้องผงะ กับผู้หญิงที่ยืนอยู่ เธอสวมแว่นตากันแดดอันใหญ่ เธอถอดแว่นตาออกมาและมองผม ก่อนจะส่งยิ้มมาให้ผม



         “สวัสดีค่ะ ใช่น้องชายคนเล็กของต้นตระการไหมคะ” เชารู้จักพี่ชายของผม ผมก็เลยต้องเดาว่าเขานะจะเป็นอดีตคู่หมั้นพี่หมอภีมปภพ



         “พี่หมอดาวิกาค่ะ “ ผมก็ต้องพยักหน้าว่าใช่จริงๆด้วยแต่ทำไมเขามาบ้านผมถูก เพราะว่าบ้านหลังนี้ผมเพิ่งย้ายเข้ามาได้เกือบห้าปีเองแต่ก่อนผมมีอีกบ้านหนึ่งบ้านหลังนั้นจะอยู่ใกล้โรงเรียนที่แม่ผมสอน ส่วนบ้านหลังนี้เป็นบ้านของพ่อผมและพ่อผมจะมาอยู่เมื่อท่านกลับมาพักร้อนกับครอบครัวเท่านั้น แต่ผมได้ย้ายเข้ามาอยู่จริงก็หลังจากที่พ่อเสีย ส่วนอีกหลังแม่ผมได้ขายไปแล้วและได้นำเงินก้อนนั้นมาส่งเสียพี่ต้นเรียนปริญญาโทและผมเรียนปริญญาตรี  ผมก็คิดว่าพี่ต้นก็ไม่เคยบอกใครเรื่องบ้านหลังนี้แน่นอน



         “ขอพี่เข้าไปคุยด้านในได้ไหมคะ” พี่หมอดาวิกาถามผม ผมพยักหน้าว่าได้ คริสโตเฟอร์มองหน้าผมแบบมีคำถาม ผมส่ายหัวว่าไม่ใช่ตอนนี้



         “แฟนหรอค่ะ” หมอดาวิกาพูดและมองไปที่คริสโตเฟอร์



         “เขาเป็นนักเรียนของผมนะครับ”



         “แม้นักเรียนอะไรกันเดินจับมือกัน แฟนกันก็บอกพี่เถอะค่ะ พี่ไม่เหมือนเกศรินทร์นี่ค่ะ ” พี่หมอดาวิกาพูด ผมก็ต้องขมวดคิ้วเป็นผม จับมือทีไหนตอนนี้ผมก็ไม่ได้จับมอืกันซะหน่อยและเกี่ยวโยงอะไรกับพี่เกศรินทร์อีก แต่ผมก็เดินนำหมอดาวิกาเข้าไปในบ้าน



         “เชิญนั่งครับพี่หมอดาวิกา”



         “เรียกพี่ว่าหมอดาก็ได้ค่ะ พี่หมอภีมเขาเรียกพี่แบบนั้นและเรียกมานานแล้วด้วยก่อนจะมีต้น” พี่หมอดาพูดผมพยักหน้า



         “คริสพี่ขอน้ำมาให้หมอดาวิกาหน่อยซิ “



         “คุณหมอดาดื่มอะไรดีครับ”



         “ขอน้ำเปล่าก็พอค่ะ พี่คุยไม่นานค่ะเขม” พี่หมอดาวิกาพูด ผมหันไปพยักหน้ากับคริสโตเฟอร์ว่าเอาน้ำเปล่ามาให้แล้วกัน



         “กลัวน้องจะรู้เหรอค่ะ เรื่องที่พี่จะพูดนะคะ” พี่หมอด้าวิกาถามผม



         “อันนี้มันเรื่องภายในครอบครัวผมนะครับ ไม่เกี่ยวกับน้องเขานะครับพี่หมอดา”ผมพูดขึ้นและหมอดาวิกาก็ส่งห่อเอกสารให้ผมเป็นซองเอกสารสีน้ำตาล ผมก็รับมาเปิดดู ด้านในมีเหมือนรูปถ่าย ก็ก็มองหน้าหมอดาวิกา ผมเทออกมาดู เป็นรูปถ่ายมากมายแต่มันมีรูปหนึ่งที่เป็นรูปพี่หมอภีมปภพ นัดคุยกับผม



           “พี่ถึงได้ทราบว่าต้นตระการเขามีน้องชายที่ไปเป็นครูอยู่ที่เขาใหญ่ เพราะว่าเขมนัดพี่หมอภีมไปคุยไงค่ะ “ พี่หมอดิวกาพูด คริสโตเฟอร์เดินมาพอดีเลยเขาเอาแก้วน้ำมาวางและเขาก็เห็นภาพที่ผมถูกแอบถ่ายเอาไว้ คริสโตเฟอร์หยิบขึ้นมาดู เขามองหน้าผม ใช่ผมไม่ได้บอกเขาเรื่องนี่ สีหน้าเขาตกใจมาก แต่เขาก็ยังไม่ได้ถามอะไรผม และผมก็ยังไม่ได้อธิบายอะไรตอนนี้คงต้องหลังจากทีหมอดาวิกากลับไปก่อน



           “พี่หมอภีมเขานัดน้องเขมคุยเรื่องต้นเหรอคะ พี่หมอพูดว่าไงคะ พูดว่าพี่นี้เป็นคนผิดหรือเปล่าค่ะ “ พีหมอดาวิกาถามผม



           “พี่หมอไม่ได้พูดแบบนั้นครับพี่หมอดา” ผมพูดบอกและสายตาผมก็เหลือยไปเห็นรูปผมกับคริสโตเฟอร์เดินจับมือกัน อีนนี้ตอนที่ผมกำลังเดินจากบ้านพักไปโรงเรียน เขาเห็นได้ยังไง



           “พี่ตามถ่ายรูปผมสองคนด้วยเหรอครับ” คริสโตเฟอร์ถามขึ้นด้วยสีหน้าที่มีคำถามเหมือนเช่นผม



           “พี่ไม่ได้เอาไปทำอะไรหรอกคะไม่ต้องกังวล พี่แค่ต้องการรู้ว่าน้องเขมคือใคร แต่พอพี่ทราบว่าเป็นน้องชายของต้นพี่ก็หยุดนะคะ “ พี่หมอดาวิกาพูด



           “พี่หมอภีมแค่ต้องการเอารูปฝากผมไปคืนพี่ต้นแค่นั้นครับพี่หมอดา”



           “พี่เขาบอกไหมคะว่าพี่เขาถอนหมั้นพี่นะคะ” หมอดาวิกาพูด ผมพยักหน้า



           “พี่ก็ยอมถอนหมั้นนะคะ แต่ไม่ใช่เพื่อต้น และพี่อยากจะบอกเขมไว้ด้วยว่า การที่พี่จะหมั้นกับหมอภีมได้ มันคือความเห็นของสองฝ่าย นั้นคือทางพี่และหมอภีม ไม่ใช่ที่พ่อแม่อย่างเดียวนะคะ พี่หมอภีมเขาให้พ่อแม่ไปขอหมั้นพี่เองนะคะ ทั้งที่เขากำลังคบต้น พี่ก็คิดว่าเขาคงแค่ต้องการบังหน้าของทั้งคู่หรือเปล่า หรือเหตุผบอื่นอีกพี่ก็ไม่แน่ใจนะคะ “ ผมก็ต้องขมวดคิ้วอีกรอบมันไม่ใช่ที่หมอภีมบอกผมเลยสักนิด



           “พี่หมอภีมบอกว่าทางครอบครัวพี่และหมอภีมเห็นสมควร”



           “ใช่ค่ะ ทางผู้ใหญ่เห็นสมควรแต่ส่วนหนึ่งมาจากหมอภีมด้วยนะคะ “ หมอดาวิกาพูดและยิ้มให้ผม



           “ พี่คิดเอาไว้แล้วเชียวว่าหมอภีมต้องพูดว่าเป็นความเห็นผู้ใหญ่ฝ่ายเดียว ทั้งที่มันเป็นความเห็นของเขาด้วยเช่นกัน แต่พี่ก็รู้เรื่องหมอภีมกับต้นมาก่อนที่จะรับหมั้นนะคะ “ หมอดาวิกาพูด ผมถึงกับถอนหายใจออกยาวๆ แอบโกรธพี่หมอทำไมทำแบบนี้ละ ทำไมเขาถึงรับหมั้นหมอดาวิกาทั้งที่เขาก็คบพี่ต้น



           “พี่ไม่อยากมาต่อความยาวสาวตวามยืดนะคะ แต่พี่แค่เอาของมาคืนค่ะ “พี่หมอดาวิกาพูดและทำท่าจะลุกขึ้น และของที่เขาเอามาคืนให้ก็คือรูปถ่ายพวกนี้นะเหรอ ดูแล้วมันคือการแอบถ่ายทั้งนั้น



           “เอาจริงๆนะ พี่นะควรจะมาก่อนต้นไม่ใช่ต้นมาก่อนพี่นะคะน้องเขม” พี่หมอดาวิกาพูดไว้แค่นั้นและก็ทำท่าจะเดินออก ผมก็ลุกขึ้น



           “ไม่เป็นไรหรอกคะเขมพี่ออกไปได้ค่ะ น้องเขมอยู่เคลียร์กับแฟนก่อนจะดีกว่านะคะ” พี่หมอดาวิกาพูด ผมหันมามองคริสโตเฟอร์ เขาถือรูปที่ผมกับพี่หมอภีมนั่งคุยกันในร้านอาหาร 



           “คริส! อย่าเข้าใจพี่ผิด พี่แค่ไปคุยกับพี่หมอเรื่อง พี่ต้น” ผมลุกขึ้น คริสโตเฟอร์มองหน้าผม



           “ทำไมพี่ไม่บอกผมอ่ะ เราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ แล้วนี้พี่ไปนัดคุยกับเขาตอนไหน ดูจากชุดนี้ พี่แอบออกไปตอนเที่ยงเหรอ” คริสโตเฟอร์ถามผม



           “วันที่เราแข่งร้องเพลงไงแล้วพี่มาช้า” ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ



           “แล้วทำไมพี่ไม่บอกผมไปตรงๆละพี่เขม ว่าพี่ไปคุยกับเขามาวันนั้นนะ ผมก็ถามพี่แล้วนะ “ คริสโตเฟอร์พูดและเขาก็วางรูปลง เขาเดินออกไปทันที ผมรู่ว่าผมผิดและผมก็ไม่คิดว่าจะมีคนแอบถ่ายผมกับคุณหมอภีมปภพแบบนี้  ผมได้แต่ยืนมองคริสโตเฟอร์เดินขึ้นไปบนบ้าน นี้เป็นครั้งแรกเลยที่เขาโกรธผมและหันหลังเดินออก ปกติจะมีแค่ผมทำ ผมนั่งลงและหยิบรูปมาดู รูปที่คุณหมอดาวิกานำมาให้ เป็นรูปพี่ต้นกับพี่หมอภีมปภพ ที่เดินเคียงคู่กัน เป็นรูปเก่าๆ ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน แต่พี่ต้นเรียนปริญญาโทแล้วและกำลังสอบปลัดอำเภอด้วย แต่ละรูปเป็นรูปที่พี่ต้นกับพี่หมอภีมปภพ เดินออกมาจากโรงแรมหรูด้วยกัน และมีบางรูปที่ไปนั่งทานอาหารด้วยกัน แต่มีอยู่รูปหนึ่ง น่าจะไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน ผมดูจากสถานที่ น่าจะเป็นประเทศอิตาลี่ ใช่พี่ต้นบอกว่าไปเทียวอิตาลี่กับเพื่อนสามอาทิตย์ ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ผมและกดโทรหาพี่ก้องก่อนเลย



           “ว่าไงเขม” เสียงพี่ก้องเหมือนงัวเงียเพิ่งตื่น



           “พี่เพิ่งตื่นเหรอ”



           “อืมม พี่ไปลาดตะเวนมาเพิ่งกลับมาตอนหกโมงเช้านี้เองอะเขม “พี่ก้องบอกผม

           (คุณก้องจะทานอะไรเลยไหมผมจะได้อุ่นให้) เสียงพี่นครินทร์ถามพี่ก้อง

           (ยังครับรินทร์ ผมขอคุยกับน้องชายผมก่อน ขอบคุณครับ)พี่ก้องพูด



           “ว่าไงเขม” พี่ก้องถามผม



           “พี่ก้อง คุณหมอดาวิกามาที่บ้านเรา” ผมบอกพี่ก้องไป



           “เฮ้ย! มาได้ยังไงอ่ะ” พี่ก้องถามผมด้วยน้ำเสียงที่ตกใจ



           “ผมไม่รู้อ่ะพี่ก้อง แต่เขาเอารุปถ่ายที่เขาแอบถ่ายพี่ต้นมาให้ผม และเขายังทิ้งระเบิดไว้ให้เขมลูกใหญ่ด้วย เขาถ่ายรูปผมตอนที่ไปคุยกับพี่หมอภีมปภพที่ร้านอาหารวันที่ผมโทรคุยกับพี่ตอนเย็นไง” ผมพูดบอกพี่ก้อง



           “แล้วพ่อตัวดีเราเห็นก็เข้าใจผิดใช่ไหมเพราะว่าเขมไม่ได้บอกเขาก่อนว่าเขมไปเจอพี่หมอภีมปภพมา “ พี่ก้องพูดเดาได้ถูกเพ็งเลย



           “ใช่พี่ นี่งอนผมใหญ่เลย “ ผมพูด



           “น่ากลัววะคุณหมอดาวิกานี่ ขนาดพี่หมอภีมยังไม่รู้เลยว่าบ้านเราอยู่ไหน พี่ต้นไม่เคยพามาบ้านและบ้านหลังนี้เราก็เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่กันหลังช่วงที่พ่อป่วยตอนนั้นพี่ต้นเรียนหนัก พี่ต้นเรียนรัฐศาสตร์หลักสูตรปลัดอยู่ พี่ต้นเลยเลือกที่จะพักใกล้มหาวิทยาลัยด้วย  “ พี่ก้องพูดบอกผม



           “เขาบอกว่าเขามาก่อนพี่ต้นอ่ะพี่ก้อง” ผมพูด



           “ก็ครอบครัวคุณหมอดาวิกาเขาเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อของคุณหมอภีมปภพ แน่นอนก็คงมีสังสรรกันแบบเพื่อนสนิท แต่ใครคือคนดึงหมอดาวิกาเข้ามาในฐานะคู่หมั้น พี่ไม่แน่ใจว่ะ” พี่ก้องพูดบอกผม



           “เอาอย่างนี้พี่จะโทรหาพี่ต้นให้ระวังให้มากขึ้นโดยเฉพาะเอิร์ธนะ ส่วนแฟนเรา เอาเบอร์มาพี่คุยเอง” พี่ก้องบอกผมและผมก็พิมพ์เบอร์คริสส่งให้พี่ก้องทางข้อความ



           “ ดูแลตัวเองด้วยนะเขม “ พี่ก้องพูดก่อนจะวางสายไป ผมก็หยิบรูปมาดูใหม่อีกครั้ง แต่ละรูป ที่ผมเห็นสายตาพี่หมอที่มองพี่ต้น พีหมอดูรักพี่ต้นมาก ผมไม่เข้าใจว่าเขาจะให้คนถ่ายรูปเขาสองคนที่แสดงความรักต่อกันมาทำไม ในเมื่อดูไปก็ยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดตัวเองเปล่าๆ ยิ่งรูปทีไปเทียวอิตาลี่ด้วยกัน มันเหมือนไปฮันนี่มูลกันมากกว่า ดูสวีทกันมาก มีเดินจับมือกันด้วย แถมนั่งอิงแอบกันแบบนี้ แต่ภาพถ่ายพวกนี้มันกับทำให้ผมแอบอมยิ้มไม่ได้ ไม่รู้ว่าเพราะผมเป็นคนชอบรสนิยมแบบนี้หรือเปล่าผมเลยมองว่ามันน่ารัก ผู้ชายอิงแอบแนบชิดกับผู้ชายด้วยกัน ผมก็ต้องเก็บภาพพวกนี้ใส่กลับที่ซองเอกสาร ผมลุกขึ้นจะเอาไปเก็บแต่จู่ๆ ก็มีคนเดินมาโดยที่ผมไม่รู้ตัว เขาเดินมากอดผมจากด้านหลัง ผมไม่ต้องเดาหรอกว่าใครเพราะว่าทั้งบ้านมีกันสองคนแค่นี้ คนนั้นก็คือคริสโตเฟอร์



           “ผมขอโทษพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด แสดงว่าพี่ก้องคุยให้แล้วว่างั้น ผมหันมามองคริสโตเฟอร์



           “พี่ขอโทษที่ไม่ได้บอกคริสว่าพี่ไปคุยกับพี่หมอ พี่ยอมรับว่ามันไม่ดีเลยที่จะโกหกแฟนแต่พี่ไม่มีเจตนาที่ไม่ดีเลยนะคริส พี่แค่อยากรู้เรื่องราวของพี่ต้น แค่นั้น ส่วนที่พี่ไม่บอก เพราะว่าพี่ไม่อยากให้เราระแวงพี่นายยังวัยรุ่นอยู่ไง เรื่องแบบนี้นายยังควบคุมมันไม่ได้ดีเหมือนพี่ “ ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์ก่อนจะหันมามองเขา ผมเข้าใจความรู้สึกเขานะ คริสกอดผมผมก็กอดเขาตอบ



           “ผมแค่กลัว ช่วงนี้ผมกลัวไปหมดเลยอ่ะพี่เขม กลัวพี่จะเปลี่ยนใจยังไงก็ไม่รู้ถ้าผมไม่ได้อยู่ใกล้ๆพี่ กลัวใจพี่จะคิดว่าผมจะไม่กลับมา “ คริสโตเฟอร์พูด และไม่พูดเปล่าเขากอดผมแน่นขึ้นกว่าเดิม



           “อาจจะเป็นเพราะว่าผมเหมือนแย่งพี่มาจากพี่ณัฐกานต์ ผมเลยกลัวว่าจะมีคนทำแบบที่ผมทำมั้งพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด ทำให้ผมอดอมยิ้มให้เขาไม่ได้จริงๆ 



           

            “พี่รักคริสนะ รักมากที่สุด คริสจำได้ไหม เราเกิดมาเพื่อเป็นของกันและกัน ดังนั้นพี่เชื่อว่านายเกิดมาเพื่อคู่กับพี่ แล้วพี่จะไปมองหาคนอื่นอีกทำไม พี่มีแล้วคู่ชีวิตของพี่” ผมพูด คริสโตเฟอร์ หันมาหยิบซองเอกสารของผมมาดู เขาหยิบรูปถ่ายในนั้นออกมา



           “นี่เขาถ่ายรูปพี่เขมกับผมด้วยเหรอ” คริสโตเฟอร์ถามผม ผมพยักหน้า



           “ผมดูพี่ต้นไม่ออกเลยนะพี่เขมว่าพี่ต้นก็เป็นเหมือนกัน “



           “พี่ก็ไม่อยากจะเชื่อตอนที่พี่หมอภีมขอให้พี่ไปพบเขา เพิ่อจะคุยเรื่องพี่ต้น แต่ดูจากรูปถ่ายพวกนี้แล้ว มันยิ่งทำให้พี่สงสารพี่ต้นมาก”



           “เขาคบกันมาก่อนที่จะแต่งงานกับ มนุษย์ป้าคนนั้นนะเหรอ” คริสโตเฟอร์พูดและยังเรียกพี่เกศรินทร์ว่ามนุษย์ป้าอีก



           “เขาชื่อเกศรินทร์และอย่างน้อยก็เป็นแม่ของหลานนะพี่คริส”



           “ก็เขาว่าพี่เขม พูดไม่ดีด้วยอ่ะ สมแล้วที่ควรจะได้ตำแหน่งมนุษย์ป้า” คริสโตเฟอร์พูด และยังคงหยิบรูปถ่ายขึ้นมาดู



           “นี้เขาไปเที่ยวอิตาลี่ด้วยกันเหรอพี่เขม “คริสโตเฟอร์ถามผม และชูรูปถ่ายพี่ต้นกับหมอภีมปภพ เขานั่งอยู่ในเรือที่มีคนพายให้นั่ง



           “นี้มันเมืองเวนิส เมืองในฝันของผมเลยนะ ผมอยากจะพาพี่เขมไปเที่ยว พ่อผมไปมาแล้ว ตอนนั้นพ่อบอกว่าถ้าผมอายุสิบแปดเมื่อไหร่จะพาไปเที่ยวยุโรปด้วยกัน”คริสโตเฟอร์พูดและมองหน้าผม



           “ตอนนี้ผมอยากพาพี่ไปมากกว่า เราไปกันนะพี่เขม” คริสโตเฟอร์ถามผม ผมพยักหน้าว่าผมก็อยากไป ผมมองรูปนี้อีกครั้ง ดูสีหน้าและแววตาทั้งคู่เขามีความสุขกันมาก



           “ถ้าพี่เป็นหมอดาวิกา พี่คงเจ็บปวดมากที่ต้องทนเห็นรูปเขารักกันขนาดนี้ “ ผมพูดขึ้น



           “ถ้าเป็นผมนะ ผมก็จะปล่อยให้เขาไป เขารักกันมากแบบนี้จะยื้อเพื่ออะไร คุณหมอคนนี้ก็แปลก ผมว่าเขาน่าจะป่วยเองซะมากกว่า แบบทางจิตอะ” คริสโตเฟอร์พูด ผมหันไปมองนายนี้นะ และผมก็เก็บรูปทุกรูป ยกเว้นรูปผมกับคริสโตเฟอร์ออกมา ตอนนี้ที่ผมเป็นห่วงคือพี่ต้น ผมไม่แน่ใจว่าพี่หมอดาวิกาเขารู้แล้วหรือเปล่าว่าพี่ต้นอยู่ทีเชียงใหม่และอยู่ตรงไหนของเชียงใหม่ แต่ว่าผมได้ยินพี่น่านฟ้าคุยกับพี่ต้น จะเป็นคนเดียวกันใหม่นะ หมอที่ถามหาพี่ต้น
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.44 (ครูเขมXคริส)งานเขาพี่เขมพี่่ก้องต้องมาช่วย
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 13-10-2020 13:49:02
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.45 (ครูเขมXคริส)พ่อของคริสรู้แล้วว่าผมกับคริส
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 15-10-2020 11:06:52
               
(ครูเขมXคริส) พ่อของคริสรู้แล้วว่าผมกับคริสเป็นอะไรกัน

         Part เขมชาติ วันนี้เดนิสซึ่งเป็นพ่อของคริสโตเฟอร์เอ่ยปากชวนผมกับคริสโตเฟอร์ไปเที่ยวภูเก็ตด้วยกัน พ่อของคริสเขาต้องการที่จะไปพบแม่ของคริสด้วยเพื่อจะได้พูดคุยถึงเรื่องที่จะพาคริสไปเรียนที่ประเทศออสเตรเลียอย่างเป็นทางการ ผมคิดว่าต่อให้แม่ของเขามีคนใหม่แต่สถานะพ่อกับแม่เขาสองคนก็ยังคงอยู่  และพ่อของคริสโตเฟอร์ได้นำเอกสารายละเอียดทางมหาวิทยาลัยมาให้ผมกับคริสโตเฟอร์ดู คริสควรจะไปเรียนปรับพื้นฐานก่อน สิบสัปดาห์ และมหาวิทยาลัยทีพ่อของคริสดูเอาไว้ให้ก็ เป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ที่กรุงแคนเบอร่า ตลอดทางผมก็ช่วยคริสดูเอกสารของทางมหาวิทยาลัยไปด้วย ผมคิดว่าน่าสนใจมากเลยแนะนำคริสว่าควรจะไปเรียนที่นี้ คริสก็เชื่อที่ผมแนะนำ



                  “ผมว่าจะพาคริสไปเลยหลังจากที่ผมกลับมาจากฟิลิปปินส์ ผมจะมารับเขา ตอนนี้ผมได้ทำพาสปอร์ตออสเตรเลียเล่มใหม่ให้เขาแล้ว เพราะว่าเอกสารส่วนตัวของเขาผมยังมีอยู่ “พ่อของคริสโตเฟอร์บอกผม ขณะที่รอคริสโตเฟอร์ไปเข้าห้องน้ำ



         Rrrr เสียงโทรศัพท์ของพ่อของคริสโตเฟอร์ดังขึ้น เขาก็ขอตัวไปคุยธุระ ผมหันมามองคริสโตเฟอร์ทำไมหน้าบึ้งตลอดเลยละ



         “เป็นอะไรไปคริส”ผมถามคริสโตเฟอร์ เขาก็เงยหน้ามองผมและหันไปมองพ่อเขาทีกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ผมเลิกคิ้วมองว่ามีอะไร



         “ผมต้องบอกแด้ดนะพี่เขมว่าพี่กับผมเป็นอะไรกัน ผมอยากได้เวลาส่วนตัวของพี่กับผมบ้าง ถึงยังไงแด้ดก็ต้องรู้ก่อนที่ผมจะบินไปอยู่กับเขา “ คริสโตเฟอร์พูด ผมหันมามองคริสโตเฟอร์



         “ขนาดตอนที่พักที่กรุงเทพ พ่อยังเลือกห้องเชื่อมกันได้เลยอ่ะ “ คริสโตเฟอร์พูด ใช่ทำเอาผมไม่กล้าจู่จี๋กันเลย กลัวพ่อเขาเปิดประตูมาเจอ



         “เอานะ เอาไว้มีโอกาสเหมาะๆแล้วค่อยบอกแล้วกันนะ “ผมบอกคริสโตเฟอร์ พ่อเขาเดินกลับมาและชี้ไปที่รถตู้ของบริษัทหนึ่ง พี่เขาก็เดินลงมาเปิดประตูและทักทายเดนิสก่อน



         “สวัสดีครับคุณเดนิส สบายดีนะครับ ไม่เจอกันหลายปี ยังหล่อเหมือนเดิม “ เขารู้จักกันนี่เอง

         

         “เมื่อก่อนผมมาภูเก็ตต้องใช้บริการเขา เขาบริการดี อัธยาศัยดี กันเอง ราคาไม่แพง แต่ผมเน้นบริการกันเอง ผมชอบมาก” เดนิสบอกผมและผ่ายมือให้ผมเดินขึ้นไปก่อนแต่ว่าคนที่ตามมากลับเป็นเดนิส ไม่ใช่คริส ผมหันไปมองพ่อตัวดีผม ที่ยืนทำหน้างอคอหักโดนพ่อแย่งที่นั่งข้างๆกับผม



         “เป็นอะไรไปอีกละคริส ทำไมเราไม่ขึ้นรถอีกแล้วละ ?” พ่อของคริสหันไปถามลูกชายที่ยืนอยู่นอกรถตู้ไม่ขึ้นมาสักที จนสุดท้ายคริสโตเฟอร์ก็ขึ้นมานั่งและพี่คนขับรถก็เลื่อนปิดประตูลง ผมหันไปพยักหน้าว่าเลิกงอนได้แล้ว ไม่มีอะไร 



         “นั้นลูกชายเหรอครับคุณเดนิส” คนขับรถขึ้นมาทำหน้าที่คนขับรถและก่อนที่พี่เขาจะออกรถก็หันมาคุยกับคุณเดนิส เขาน่าจะรู้จักกันมาก่อน



         “ใช่ครับคุณปัญญา และนี่คุณครู ที่ดูแลเขาที่ประเทศไทยนี้”พ่อของคริสพูดและแนะนำผมว่าเป็นครูที่ดูแลเขา



         “คนไทยเหรอครับ “พี่เขาถามผม



         “ใช่ครับพี่ ผมชื่อเขมชาติครับ ผมเป็นครูสอนที่โรงเรียนลูกชายคุณเดนิสครับ”ผมแนะนำตัวเอง



         “ดีเลยครับ ตามมาดูแลด้วย เออ ดูแลพ่อหรือดูแลลูกครับนี้” พี่เขาถามผม คุณเดนิสก็ยิ้มให้ผม ผมคิดว่าเขาคงไม่เข้าใจนะ แต่คนที่เข้าใจนะนั่งหน้างอหนักกว่าเดิมอีก



         “มาเป็นเพื่อนลูกชายเขาครับ “ ผมพูด และแอบปาดเหงื่อไปด้วยเช่นกัน ไม่นานรถก็แล่นไปและสนทนาต่างๆนานาระหว่างเดนิส ผมและคนขับรถ แต่คริสโตเฟอร์เปิดเพลงจากมือถือของเขาฟังโดยสวมหูฟังเอาไว้ ดูท่าจะงอนยาวนายนี่



         “เจอกันวันที่คุณเดนิสบินกลับนะครับ แต่ถ้าต้องการใช้บริการไปเที่ยวไหน โทรบอกผมได้นะครับตามเบอร์ที่ให้ไว้ได้เลยนะครับ “



         “ขอบคุณครับคุณปัญญา” คุณเดนิสพูดขอบคุณและควักแบงค์ร้อยให้ไปเป็นติป ผมก็ยิ้มให้เขา



         “คุณพ่อก็หล่อ ลูกก็หล่อนะครับคุณครู “ พี่เขาก็ชมทั้งพ่อลูกให้ผมฟัง (ผมชอบลูกครับไม่ได้ชอบพ่อน้องเขาเขาแอบคิดในใจ) และพี่เขาก็ขับรถออกไป ผมหันไปคว้ากระเป๋าเดินทาง



         “คริส” ผมเรียกคริสโตเฟอร์ คริสหันมาทำหน้าเริ่มไม่ค่อยจะสมอารมณ์



         Rrrr มือถือคริสโตเฟอร์ดังขึ้น ผมหันไปมองหน้าเขา



         “มัมนะครับพี่เขม”คริสโตเฟอร์บอกผม ผมก็พยักหน้าให้เขารับสายขณะที่พ่อของเขากำลังไปติดต่อเช็คอินให้



         “ครับมัม มาถึงแล้วครับ มากับพี่เขม ใช่ครับอย่างที่ผมบอกไป พ่อกำลังเช็คอินอยู่ครับมัม โรงแรมมาริออทครับมัม ป่าตอง ได้ครับมัม แป๊ปนะมัม” คริสโตเฟอร์พูดสายและเดินไปหาพ่อของเขาพร้อมกับส่งมือถือให้พ่อเขาไปคุยกับแม่



         “มัมจะมาทานอาหารด้วยนะ จะมาฉลองวันเกิดกับพี่เขมด้วย “ คริสโตเฟอร์บอกผม ผมพยักหน้า และพ่อของคริสก็เดินกลับมาหาผม พร้อมส่งโทรศัพท์มาคืนให้คริสโตเฟอร์



         “จะให้พ่อซื้อไอโฟนให้เอาไหม “ พ่อของคริสโตเฟอร์ถามคริส เพราะว่ามือถือที่ผมซื้อให้เขามันไม่ใช่ไอโฟน ไอโฟนเขามันพังไปแล้วตอนที่ทำตกน้ำและนี้ก็เครื่องที่สามแล้วที่ผมซื้อให้เขาหลังจากที่เขาโยนมันลงมาจากชั้นสองตอนที่ไปมีเรื่องกับกาย ที่ผับพี่ปืน



         “ไม่เอาอ่ะแด้ด อันนี้พี่เขมซื้อให้และมันก็ยังใหม่ด้วยและผมก็ชอบอันนี้ เรียกว่ารักเลยจะดีกว่าแด้ด” คริสโตเฟอร์พูดก่อนจะรับโทรศัพท์กลับคืนมา ผมแอบหันไปยิ้มให้เขา ส่วนพ่อของเขานะเลิกคิ้วมองลูกชายก็ตรงที่บอกว่ารักเลยจะดีกว่านี่แหละ



         “แด้ด จองห้องพักกี่ห้อง” คริสโตเฟอร์ถามพ่อของเขา



         “สามห้อง จะได้นอนกันสบายๆ “ แด้ด บอกผมสองคน ผมหันมามองหน้าคริสโตเฟอร์ว่าโอเคน่า



         “แด้ด ทำไม่ ไม่จองแค่สองห้องอ่ะ ผมกับพี่เขมพักห้องเดียวกันได้ เปลืองตังค์” คริสโตเฟอร์พูดกับพ่อของเขา



         “ก็พาเขมมาเที่ยวทั้งที่ พ่อว่าให้เขาพักสบายๆดีกว่า และเดี๋ยวเราก็จะได้จองห้องอาหาร วันนี้วันพิเศษเขมเขา แม่เรากับแฟนแม่เราก็จะมาด้วยอีก เราจะได้ฉลองไปพร้อมๆกัน  “ พ่อของคริสโตเฟอร์พูด ผมยิ้มให้เดนิสเป็นการขอบคุณ และผมสามคนก็แยกย้ายกันเข้าห้องพักเพื่อพักผ่อน จะว่าไปปีนี้วันเกิดผมมันดูแปลกๆไป เพราะว่าปกติจะเข้าวัดทำบุญกับแม่แต่นี้ได้มาฉลองไกลถึงภูเก็ตกันเลย แถมได้มาฉลองกับแฟนใหม่ที่ม่ใช่ณัฐกานต์ 



         “ตื้ดๆๆๆๆ”



        สุขสันต์วันเกิดนะเขมน้องรัก มีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรงนะ แม้ปีนี้ไปฉลองไกลนะน้องชายพี่ พี่ขอให้ความรักของน้องพี่มีแต่ความสุขเช่นกันนะเขม

                                                                  จากพี่ก้อง (สุดหล่อ)

         

         สุขสันต์วันเกิดนะเขม มีความสุขมากๆ  สุขภาพแข็งแรง ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน พี่ขอให้ความรักของนายอย่าได้มีอุปสรรคใดๆขอให้รักกันนานๆ มีความสุขมากๆเช่นกัน

                                                                           พี่ต้น



           สุขสันต์วัเกิดนะเขม แม่ขอให้เขมมีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรงนะลูก ขอให้พระคุ้มครองปกป้องลูกชายแม่ ขอให้เขมสมปรารถนาทุกประการที่เขมตั้งใจจะทำนะลูกนะ แม่รักเขมนะลูก

                                                                                               แม่รดา

           พรอันหลังนี้ทำให้ผมยิ้มมีความสุขที่สุด นันคือพรจากแม่ผม ถ้าพ่ออยู่พ่อจะวีดิโอคอลมาอวยพรวัเนกิดให้ผมทุกทีแต่นี้ก็เข้าปีทีหกแล้วที่พ่อจากไปแบบไม่มีวันกลับ ดังนั้นผมจึงไม่อยากให้คริสเขาต้องพล้าดโอกาสที่จะใช้เวลากับพ่อเหมือนเช่นผม

       

          ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูห้องพักของผม ผมก็รีบมา น่าจะเป็นคริสโตเฟอร์นั้นแหละ ผมไม่ได้ส่องมองผ่านกล้องเล็กๆก่อน แต่พอผมเปิดประตูคนที่ผมเจอก็คือ เดนิส เขามายืนที่หน้าห้องพักของผม เขามองซ้ายและขวาก่อนขณะที่ผมเปิดประตูออกไป



         “ขอเข้าไปคุยกับเขมด้านในได้ไหมครับ” พ่อของคริสโตเฟอร์ถามผม ผมพยักนหน้าได้



         “คริสเขาหลับอยู่ในห้องนอนเขานะครับ” พ่อของคริสบอกผม ผมพยักหน้า ทันทีที่พ่อของคริสเดินเข้ามาเขาก็เดินตรงไปที่ระเบียงทันที มีโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งชมวิวด้านนอก ผมก็เดินตามออกไป ในแปลว่าเขามีเรื่องต้องคุยกับผมแบบส่วนตัว



         “คุณเดนิสมีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามเดนิส



         “ฟู่!”พ่อของคริสโตเฟอร์พ่นลมหายใจออกมายาวๆก่อนจะหันมามองผม เขายืนเอามือจับขอบกำแพงทางด้านหลังและมองหน้าผม



         “คุณกับคริสโตเฟอร์เป็นอะไรกัน ตอบผมมาตามตรงเถอะ” พ่อของคริสโตเฟอร์ถามผม



         “ได้โปรด เพราะว่าผมเห็นคุณสองคนในห้องพักเมื่อวาน ผมยอมรับนะว่าผมแอบเปิดประตูห้องเชื่อมนั้นก่อนจะบอกคุณว่ามันสามารถเปิดเข้ามายังห้องพักของผมได้” พ่อของคริสโตเฟอร์พูด ผมก็ตกใจ นั้นแสดงว่าเขาเห็นผมกับคริสโตเฟอร์ขณะที่กำลังกอดจูบกันอยู่บนเตียง



         “นานหรือยังครับ”



         “คือ เดนิส ผมเข้าไปเป็นครูเทอมนี้และผมก็รู้จักเขาเพราะว่าผมสอนห้องเขา และด้วยความผูกผันจากการที่ผมพยายามให้เขามาเข้าเรียนกับผม และนั้นก็คือจุดเริ่นต้นของผมและเขาครับเดนิส” ผมบอกเดนิส



         “ตกลงลูกชายผมเป็นเกย์ใช่ไหมครับ” คุณเดนิสถามผม



         “ผมก็ไม่แน่ใจนะ แต่เขาบอกว่าเขารักผม และผมก็รักเขา ผมยอมรับนะว่าผมนะเป็นเกย์” ผมบอกพ่อของคริส พ่อของคริสเขาหันหลังออกไปมองวิวทะเลของหาดป่าตอง



         “ผมค่อนข้างตกใจมากนะเขม ผมไม่เคยเตรียมใจเรื่องแบบนี้มาก่อน” พ่อของคริสโตเฟอร์พูด ผมเองก็ต้องพยักหน้าและไปยืนข้างๆเขาพร้อมกับมองออกไปยังหาดที่กว้างไกลออกไปจนสุดตา



         “แต่ใช่ว่าผมจะรับมันไม่ได้นะเขม เพราะตอนนี้สังคมมันเปิดกว้างแล้ว “พ่อของคริสโตเฟอร์พูดก่อนจะหันมามองหน้าผมแบบจริงจัง



         “ถึงยังไงคุณก็ทำให้ผมได้เจอเขา ไม่อย่างนั้นผมก็คงไม่มีโอกาสได้เจอเขาอีกครั้ง “



         “แต่ผมอยากจะแน่ใจว่าเขาเป็นแบบนี้จริงๆไม่ใช่แค่เพราะว่า เขาขาดการติดต่อกับผมที่เป็นพ่อ ก็เลยเหมือนขาดความรักตรงนี้ไปและไปไขว้คว้าเอาความรักจากคุณมาแทน คุณเข้าใจผมไหมเขม” พ่อของคริสโตเฟอร์พูดและถามผม ผมก็พยักหน้าว่าผมเข้าใจเข้านะ พ่อแม่ทุกคนก็ต้องกังวลกันทุกคนหากลูกมีความรักกับเพศเดียวกันซึ่งมันค่อนข้างผิดจากธรรมชาติที่เขาให้ไว้ แค่ผู้หญิงกับผู้ชาย



         “ดังนั้นผมจะพาเขาไปเรียนทันทีและผมขออย่างหนึ่งได้ไหมเขม ขอเวลาเขา หนึ่งปี โดยที่คุณไม่ติดต่อเขา ได้ไหม คุณทำได้ไหม และถ้าคุณรอเขาได้ ผมจะยอมทุกอย่างที่เขาต้องการ “พ่อของคริสโตเฟอร์ยื่นขอเสนอมาให้ผม ผมเองก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นแบบนี้เช่นกัน ถึงแม้ว่าผมเองก็เคยบอกเขาไว้ว่าผมจะรอเขาเรียนจบ ไม่ว่านานแค่ไหนก็รอ



         “และนั้นก็แปลว่าถ้าเขามั่นคงกับคุณได้ นั้นคือเขาเป็นเหมือนคุณจริง” พ่อของคริสโตเฟอร์พูด ผมพยักหน้า



         “อย่าบอกเขานะว่าผมขอ “ พ่อของคริสบอกผม ผมพยักหน้าว่าได้ ถ้านี้คือความต้องการของเขา



         “ ผมจะยกเลิกห้องหนึ่ง คุณจะได้อยู่ด้วยกัน” พ่อของคริสพูดก่อนจะเดินออกไป ผมก็ยังคงยืนอยู่ตรงนี้ ผมยอมรับว่าผมค่อนข้างกังวล เพราะว่าผมจะต้องไม่ติดต่อเขาหนึ่งปีเต็ม แม้ใจผมจะมั่นคงแต่คริสโตเฟอร์ละเขาจะมั่นคงกับผมไหม



         “คุณไม่ต้องกังวลนะ ผมจะพยายามติดต่อคุณแทนเขาเอง แต่ผมขอให้เขาทบทวนความรู้สึกตัวเองจริงๆ เขาอายุยังน้อยเกินไป คุณคงไม่โกรธผมนะเขม “ พ่อของคริสโตเฟอร์หันมาพูดกับผม ผมพยักหน้าว่าผมโอเค ผมไม่โกรธเขาแน่นอน เพราะเขาคือพ่อ เขาย่อมที่มีสิทธิ์คิดและตัดสินใจแทนลูกของเขาได้ และเขาย่อมมีสิทธิ์ที่จะออกมาปกป้องลูกของเขาเช่นกันหากมันอาจจะส่งผลกระทบต่อลูกชายเขาในระยะยาว เขามีสิทธิ์ที่จะยื่นมือมาเพื่อแก้ไขมัน



         แต่ว่าตอนนี้ผมได้แต่ยืนเอามือประสานกัน สายตามองไปไกลสุดลูกหูลูกตา หาจุดหมายไม่เจอเพราะว่าภาพที่ผมเห็นตรงไม่ใช่ทะเล ถ้าการที่ผมไม่ติดต่อเขาและเขาอาจตัวต้นที่แท้จริงเจอว่าเขาไม่เป็นเหมือนผมละ ผมจะทำยังไง เขมชาติ
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.45 (ครูเขมXคริส)พ่อของคริสรู้แล้วว่าผมกับคริส
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 15-10-2020 12:52:07
รูปพี่ต้นหล่อเชียว

คุณพ่อก็พูดมีเหตุผลนะ ให้คริสแน่ใจ แต่คิดว่าคริสมันน่าจะแน่ใจอยู่แล้วป่ะ มาขนาดนี้และ พ่ออย่า งง สิ โธ่
 :pig4:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.4ุ7 (ครูเขมXคริส)We are family
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 15-10-2020 20:28:32
   
EP.4ุ7 (ครูเขมXคริส)We are family!
         
         Part คริสโตเฟอร์    ผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีคนมาเคาะประตูห้องพักของผม ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นพี่เขมแน่ๆ ผมก็เลยรีบลุกขึ้นไปเปิดทันที สงสัยจะคิดถึงผมแน่ๆเลย แต่พอผมเปิดประตูออกมา ก็พบว่าคนที่มาเคาะประตูห้องพักของผมนั้นคือแด้ด

         “มีเรื่องอะไรเหรอครับแด้ด?” ผมเหมือนกับว่ามีเรื่องหรือเปล่า

         “ไม่นิ แค่จะมาบอกว่าจะให้เราย้ายไปอยู่ห้องนอนเดียวกับเขมนะและพ่อจะยกเลิกห้องนี้.” แด้ดบอกกับผมว่าเขาจะยกเลิกห้องพักของผมและให้ผมไปอยู่ห้องเดียวกับพี่เขมได้ ผมแถบจะกระโดดเซย์เยส

         “หรือว่าเราไมอยากไปละ?” พ่อเลิกคิ้วสูงถามผม มีเหรอที่คริสจะไม่อยากไปนอนกับพี่เขม

         “ รักเลยแหละแด้ด ขอบคุณครับแด้ด ” ผมพูดและรีบเข้าไปหยิบกระเป๋าเป้ของผม ผมยังไม่ได้เอาอะไรออกจากกระเป๋าเลย พ่อหันมามองผม ผมเดินไปยังห้องพักที่พี่เขมอยู่ แด้ดก็ยืนมองผม แด้ดทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่แด้ดก็เลือกที่จะไม่พูดแค่ยืนเอามือล้วงกระเป๋าและส่งยิ้มให้ผม พ่ออยู่ถัดไปอีกห้องหนึ่ง นั้นแปลว่าห้องตรงกลางก็ไม่มีใครอยู่ซินะ จัดหนักจัดเต็มได้เลยคิดในใจ

         “ก๊อกๆ “ ผมเคาะประตูห้องนอน ไม่นานพี่เขมก็เดินมาเปิด พี่เขมมองผมด้วยสีหน้าแปลกใจเพราะว่าผมมีกระเป๋าเป้ของผมมาด้วย

         “พ่อบอกว่าจะยกเลิกห้องพักของผมนะพี่เขมและพ่อให้ผมมาอยู่ห้องนี้แทนกับพี่เขม” ผมพูดพี่เขมก็ยิ้มให้ผมและพยักหน้าเบาๆ  ผมเดินเข้าไปในห้องนอน ผมวางกระเป๋าลง สิ่งแรกที่ผมอยากจะทำคือตรงเข้าไปหาพี่เขมและกอดพี่เขมพร้อมกับประทับรอยจูบที่ริมฝีปากนั้น แปลกนะพี่เขมไม่ต่อต้านเลยพี่เขมจูบผมกลับ พี่เขมถอดเสื้อยืดผมออกไปทันที ผมก็มองพี่เขมทำไมพี่เขมดูเร้าร้อนยังไงก็ไม่รู้ พี่เขมผลักร่างผมขึ้นไปบนที่นอนพร้อมกับตามขึ้นไปค่อมผมไว้ทันที
         
         “พี่เขม วันนนี้มาแปลกนะ หรือว่าบรรยากาศมันเป็นใจกว่าตอนไปเชียงใหม่อ่ะ” ผมถามพี่เขม พร้อมกับเม้มริมฝีปากพี่เล่นแบบหยอกเย้า

         “สงสัยมันค้างมาตั้งแต่เมื่อคืนมั้ง ไม่อยากทำเหรอ” พี่เขมถามผม

         “ฮู้ ! ใครทำอะไรครูเขมหรือเปล่าเนี๊ยะ ฮะ “ผมพูดและใช้นิ้วเขี่ยที่แผ่นอกของพี่เขม ผมสังเกตุริมฝีปากพี่ขยับ เหมือนกับว่าพี่เขมว้อนมาก พี่เขมก้มลงจูบผมและไซ้ไปที่ซอกคอผม มือพี่เขมก็จับแกนกายผมบีบคลึ้ง มือผมก็ปลดกางเกงขาสั้นพี่เขม มือก็คลึ้งน้องรักพี่เขมแม้จะมีกางเกงยางยืดอยู่ก็ตาม

         “พี่รักคริสนะ รักมากด้วย แต่พี่ก็อยากให้เรามีอนาคตที่ดีนะ ไปเรียนกับพ่อและตั้งใจเรียนพี่จะรอนายที่นี้” พี่เขมพูด ผมก็มองพี่เขม

         “พี่มีอะไรหรือเปล่า บอกผมได้นะ” ผมใช้แขนดันตัวเองให้อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึงนอน ผมมองใบหน้าพี่เขม แม้ว่าจะมีรอยยิ้มเปื้อนอยู่แต่มันแฝงไว้ซึ่งบางสิ่ง

         “ พี่กลัวนายไม่ไปเรียนกับพ่อนายนะ พี่อยากเห็นอนาคตของนาย “ พี่เขมพูดและก้มลงจูบผม แต่ผมกลับนิ่งไม่ได้จูบพี่เขมตอบ พี่เขมก็พยายามจูบผมอีกครั้งแล้วครั้งเล้าแต่ผมก็นิ่งๆไม่โต้ตอบ 

         “พี่เขม บอกผมมาตรงๆ พ่อคุยอะไรกับพี่” ผมดันพี่เขมและผมมองหน้าพี่เขมด้วยแววตาที่จริงจัง

         “พี่เขม!!” ผมขึ้นเสียงกับพี่เขม

         “ผมจะไปถามพ่อเดี๋ยวนี้ “ ผมลุกพร้วดขึ้นทันที ผมสวมกางเกงอย่างไว พี่เขมก็ลุกขึ้นและพยายามดึงรั้งแขนผมเอาไว้แต่ผมก็สะบัดแขนพี่เขมออก ผมรีบเดินออกมาและตรงไปที่ห้องพักของพ่อผมทันที

         “ปังๆ” เสียงกระหนำเคาะประตูดังก้องไปทั้งชั้น จนแขกที่พักในชั้นเดียวกันกับพวกผม ต้องเปิดประตูออกมาดู พ่อก็เปิดกระตูออกมาเช่นกัน พ่อมองหน้าผมและชะโงกออกมามองห้องพักอื่นๆ พร้อมกันหันมามองหน้าผมเช่นกัน

         “What it’s going on?” พ่อเอ่ยถามผมด้วยสีหน้าที่ตกใจ ผมเดินแทรกพ่อเข้าไปในห้อง พ่อผมหันไปโบกมือขอโทษแขกห้องอื่นๆและปิดประตูลง พ่อหันมามองหน้าผมที่ยืนอยู่หลังประตู

           “What was wrong with you,Christ ?” พ่อถามผมอีกครั้ง

         “What did you talk with Khem ? Tell me the truth,Dad! “ ผมถามพ่อผม พ่อก็มองหน้าผม

           “บอกผมซิแด้ด! “ผมขึ้นเสียงถามพ่อผม ผมรู้ว่ามันไม่ดีแต่ผมต้องรู้ให้ได้

         “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พ่อกำลังจะหันไปเปิดแต่ผมดันประตูเอาไว้ผมอยากรู้ว่าพ่อคุยอะไรกับพี่เขมก่อนที่จะเปิดให้พี่เขมเข้ามา ผมมองหน้าพ่อผม ผมยอมรับว่าผมโกรธพ่อผมมากจริงๆ

         “เขาไม่ได้บอกอะไรผมหรอกแด้ด แต่ผมคิดว่ามี แด้ดบอกมาซิ ถ้าแด้ดไม่บอกผมจะไม่ไปไหนกับแด้ดทั้งนั้น ผมจะอยู่ที่นี้ กับพี่เขม” ผมพูดพ่อมองหน้าผม

         “นายและเขาเป็นอะไรกัน” พ่อถามผม ผมพยักหน้าเรื่องนี้นี่เอง

         “เขาเป็นแฟนผม ผมรักเขา รักเขามากด้วย และแด้ดก็ไม่เข้าใจผมหรอก เพราะว่าเราห่างกันไปนานเกินไป แด้ด “ผมพูดพ่อมองหน้าผมอีกครั้ง

         “ก๊อกๆ” แต่เสียงเคาะประตูยังคงดังอยู่ ผมว่าพี่เขม

         “เปิดให้เขมเข้ามา” พ่อบอกผม ผมหันไปเปิดประตู

         “คริส นายไม่ควรพูดจากแบบนั้นกับพ่อนายนะ” พี่เขมเข้ามาถึงก็ต่อว่าผมทันที

         “แล้วพ่อพูดอะไรกับพี่ละบอกผมซิ ถ้าพ่อเขาไม่บอกพี่ก็บอกผมซิพี่เขม” ผมหันมาพูดภาษาไทยกับพี่เขม พ่อมองผมกับพี่เขมสลับไปมา พี่เขมก็นิ่งไม่ตอบผมอีกคน

         “โอเค!”กลายเป็นพ่อผมเองที่ยกมือยอมแพ้

         “พ่อบอกเขมว่า ให้เขาไม่ติดต่อนายหนึ่งปี พ่ออยากรู้ว่าที่นายเป็นอยู่มันแค่ชั่วครั้งชั่วคราวหรือเปล่า เพราะว่านายอายุยังน้อยเกินไปคริส นายหาตัวเองเจอแล้วแน่ๆเหรอที่จะ ชอบแบบนี้นะ และพ่อเองก็ไม่เคยคิดว่า ..”พ่อพูด ก่อนะจะหันหน้าหนีผม

         “ฟู่” พ่อผมพ่นลมหายใจออกมา พี่เขมมองหน้าผม

         “ผมเองก็ไม่เคยคิดว่าผมจะเป็นแบบนี้แด้ด แต่ผมรักผู้ชายคนนี้ แด้ดรู้ไหมว่าผู้ชายคนนี้ทำอะไรให้ผมบ้าง เขาทำให้ผมที่ไม่เคยขึ้นเรียกภาษาอังกฤษเลย จนผมตกทุกภาคเรียน “ ผมพูดบอกพ่อผม พ่อหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าตกใจ

         “ใช่ผมเกลียดมันมากจนไม่อยากเรียนแต่มันดันมาเป็นวิชาภาคบังคับไงแด้ด “ ผมพูดและมองพ่อผม

         “และพี่เขมยังพยายามทำให้ผมแก้ที่ผมตกให้ผ่านโดนการสอนพิเศษผม ให้ผมเรียนเพิ่มทุนั่งสอนผมพิเศษทุกวัน  พี่เขมไม่เคยเรียกร้องเงินจากผมเลยนะแด้ด “ ผมพูดบอกพ่อผม

         “และเวลาผมมีเรื่อง พี่เขมก็อยู่ข้างผมตลอด แด้ดไม่เคยรู้หรอกว่าผมเจออะไรบ้าง ผมถูกมองว่าแตกต่างตั้งแต่หน้าตาลงไปแล้ว แด้ด!” ผมพูดพ่อหันมามองผมกับพี่เขมสลับกันไปมา

         “ผมโดนบลูลี่จนผมมีเรื่องชกต่อยเกือบโดนไล่ออกแต่พี่เขมก็เข้ามา คอยห้ามปรามผม คอยสอนผมให้ผมใจเย็นไม่ก่อเรื่องเพิ่ม “

         “แต่ผมกับพี่เขมก็ซวย ดันมีคนเอาเรื่องผมกับพี่เขมไปบอกผู้อำนวยการพี่เขมเกือบโดนพักการสอนหรือไม่ก็เกือบโดนไล่ออกจากการเป็นครู แด้ด! “

         “เหตุผลเพราะว่าพี่เขมกับผมเรารักกัน แต่ผมสองคนก็ผ่านกันมาได้อ่ะแด้ด”ผมพูด

         “แต่แด้ดจะมาจบความรักของผมสองคนด้วยแบบนี้เหรอแด้ด  แด้ดเห็นแก่ตัว! “

         “คริส!!” กับเป็นพี่เขมเองที่ขึ้นเสียงเอ็ดผม

         “ตกลงนายแน่ใจแล้วเหรอคริสว่านายเป็นแบบนี้จริงๆ” พ่อถามผม ผมรู้ว่าพ่อผมผิดหวังแต่ผมก็พยักหน้าตอบไปว่าผมเป็นจริงๆ

         “ผมรักพี่เขมแด้ด ความรักของผมไม่ได้เกิดจากการที่พ่อหายไปแล้วผมโหยหามันมาทดแทนมันไม่ใช่ แต่ความรักของผมเกิดเพราะผู้ชายคนนี้ ที่มอบแต่สิ่งดีดีให้ผม “ผมพูดบอกพ่อผม ผมหันไปดึงแขนพี่เขม พี่เขมก็หันหน้าหนีผม ผมรู้ว่าพี่เขมไม่อยากให้ผมกับพ่อทะเลาะกัน

         “ และพี่เขมยังเป็นคนพาผมไปสอบเทียบ เพราะปํญหาความรักระหว่างครูและลูกศิษย์ และพี่เขมก็พยายามติดต่อแด้ดเพื่อให้ผมไปเรียนต่อจะได้มีอนาคตที่ดี เขาทำให้ผมขนาดนี้แด้ด ผมจะไม่รักเขาได้ยังไงละแด้ด ก็เขาดีกับผมขนาดนี้แด้ด ”

         “และแม่ก็รู้เรื่องผมกับพี่เขมแล้วด้วย แม่ก็ยังรับผมได้เลยนะแด้ด” ผมพูดบอกพ่อ

         “พ่อไม่ได้ห้าม!” พ่อพูด ผมหันไปมองหน้าพ่อผม

           “แต่แค่อยากให้เราแน่ใจแล้วว่า นายเป็นจริง และถ้านายมั่นคงกับเขมจริง พ่อจะให้ทุกอย่างที่นายต้องการ ขอแค่ให้นายไปและตั้งใจเรียนให้จบ ไม่ใช่เพื่อตัวนายคนเดียว เพื่อคนที่นายรัก!” พ่อผมพูด พ่อมองหน้าผม

         “ คริสรู้ไหมว่าพ่อมีนายโดยที่พ่อยังไม่พร้อม ยังไม่มีอะไรเลย แต่พ่อก็มีนายแล้ว แม้กระทั้งจะรับผิดชอบแม่เราพ่อยังทำไม่ได้ในตอนนั้น ดังนั้นพ่อไม่อยากให้นายเป็นเหมือนพ่อ ทำตัวเองให้ดีพร้อมก่อนที่จะดูแลเขมเขา” พ่อผมพูด ผมหันไปมองพี่เขม

         “พ่อไม่ได้ห้ามคบแต่ขอเวลาเท่านั้น และพ่อก็บอกเขมว่าพ่อจะเป็นคนติดต่อเขาแทนนาย นั้นไม่ได้แปลว่าพ่อให้นายกับเขมเลิกกัน” พ่อผมพูดบอกผม

         “แต่…”

         “ตอนแรกพ่อบอกเขมว่าหนึ่งปี เอาเป็นว่าแค่หกเดือด แค่นั้น ทำได้ไหม ไม่ใช่เพื่อเรา แต่เพื่อเขมเขา ถ้านายไม่มั่นคงแสดงว่านายไม่ได้เป็นแบบนั้น และเขมเขาก็จะได้มีโอกาสเจอคนอื่นที่ใช่ ไม่ใช่มาเสียเวลารอเราแต่สุดท้ายได้ความว่างเปล่า และเราเองก็ยังเด็กเกินไปจะดูแลเขมในตอนนี้” พ่อผมพูด พี่เขมพยักหน้าให้ผมแต่ผมอยากจะ

         “พ่อไม่ได้หมายความว่านายจะทำไม่ได้แต่แค่ให้นายไปทำตัวให้พร้อม ที่จะดูแลใครสักคนจริงๆ “

         “คนรักมันต้องมีช่องว่างเพื่อให้ความรักมันได้เติบโต…คริส” พ่อผมพูดบอกผมและหันไปมองพี่เขม พี่เขมพยักหน้ากับผม

           “แต่ผมรักพี่เขมจริงๆนะแด้ด”

           “พ่อรู้ ดูจากการกระทำพ่อก็พอเดาได้แล้ว แต่ความรักมันมีมากกว่านั้นคริส “พ่อผมพูดและเดินเข้ามาแตะไหล่ผมและแตะไหล่พี่เขม

           “เขมก็เหมือนส่วนหนึ่งของครอบครัวเราคริส ช่วงที่นายดูแลเขาไม่ได้พ่อก็จะดูแลเขาให้ก่อน ส่วนนายก็ตั้งใจเรียน เรียนให้จบภายในสามปี แค่นี้ ทำได้ไหม “ พ่อถามผม พี่เขมยังคงมองหน้าผม

           “พี่จะรอคริส พี่รอได้ พี่เคยพูดแล้วว่านานแค่ไหนพี่ก็รอ และที่พี่ตั้งใจคืออยากเห็นอนาคตของเรานะ ถ้าการรอเพื่อสิ่งที่ดีกว่าพี่ยินดีจะรอนะ” พี่เขมพูด ผมหันไปมองหน้าพี่เขม ผมก็ต้องก้มหน้าลง และผมก็โผ่เข้าไปกอดพี่เขมทันที

            “แต่….”ผมทำท่าจะค้าน

            “พี่ยังคงอยู่ตรงนี้ คริส เชื่อใจพี่ไหม “ พี่เขมพูดกับผม ผมรู้ว่าพ่อยืนมองผมกอดพี่เขม
                       
            “ขอโทษพ่อเขาด้วยนะคริส” พี่เขมพูดและดันผมออก  ผมหันไปมองพ่อผม ผมรู้ว่าพ่อหวังดีแต่ผมแค่เสียใจ ที่เหมือนกับว่าพ่อไม่เข้าใจผมจริงๆ พี่เขมพยักหน้าให้ผมอีกที ผมก็ต้องเดินเข้าไปและไหว้ขอโทษพ่อผม พ่อคงพอจะรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของคนไทย พ่อผมรับไหว้ผม พ่อกอดผมกลับ และพ่อก็กางแขนเรียกพี่เขมเข้ามากอด พี่เขมพยักหน้าเบาๆ

              “We are family “ พ่อผมพูดว่าพี่เขมคือครอบครัวของเรา
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
             Part เขมชาติ หลังจากที่ได้เปิดอกพูดคุยกันระหว่างพ่อของคริส คุณเดนิส นายคริสและผม เราสามคนก็ตกลงกันว่าผมจะปล่อยให้คริสเขาค้นหาตัวแต่ พ่อของเขาจะคอยติดต่อกับผมเอง ส่วนนายคริสตั้งใจเรียน ช่วงแรกเขาต้องเรียนปรับพื้นฐานภาษาก่อน สิบสัปดาห์ที่TAFE พ่อของเขาติดต่อเอาไว้ให้แล้ว พ่อของคริสเขาติดต่อพูดคุยกับแม่ของคริสเรียบร้อยแล้วได้เอกสารที่จำเป็นจากแม่ของเขาเพื่อนำไปติดต่อมหาวิทยาลัย

      “เอาละ วันนี้วันเกิดเขมทั้งที เต็มทีนะ ผมเลี้ยงเอง” พ่อของคริสโตเฟอร์พูด ผมนั่งเลือกเมนูอาหารอยู่ แม่ของคริสโตเฟอร์ก็เดินเข้ามาในร้านอาหารพร้อมกับฟิลิปส์ แฟนใหม่แม่ของคริสและเด็กผู้ชายที่ผมเจอวันนั้น

      “สตีเวน สวัสดีครับพี่เขมซิลูก” แม่ของคริสโตเฟอร์หันไปบอกน้องชายคริสโตเฟอร์ เขาเงยหน้ามอง และหันไปมองคริสโตเฟอร์ที่เข้าไปเช็คแฮนด์ทักทายฟิลิปส์  ฟิลิปส์ก็เข้าไปทักทายเดนิสต่อ แต่สตีเวนยังคงมองผม

      “เพี๊ยะ” ผมหันไปมองคนที่ทำให้เกิดเสียง นั้นคือคริสแม้จะไม่ดังก็เถอะ

      “ไหว้พี่เขมดิวะมึง “ คริสโตเฟอร์ตบหัวน้องชายไปแบบไม่ดัง เบาๆแต่ก็คงเจ็บหน่อยๆ เห็นเอามือลูบหัวก่อนจะยกมือไหว้ผม

      “คริสไปตบน้องทำไมเนี๊ยะ” ผมกระซิบถาม แม่คริสเขาก็พยักเพย้อ สงสัยจะทำบ่อย

      “แม่ดาสวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้แม่ของคริสโตเฟอร์

      “สวัสดีจ๊ะลูกเขม สบายดีไหมลูก ดูผอมไปนะ งานครูเยอะเหรอลูก”แม่ของคริสท้กผม แม่ผมเองก็ทักว่าผมผอมไปหน่อย สงสัยเพราะว่าฟิตหุ่นแข็งกับคริสแต่ผมดันไม่ได้กล้ามเพิ่มขึ้นมาเลยมีแต่แห้งลง

      “พี่เขมเขากำลังฟิตหุ่นตามผมนะแม่ “ คริสโตเฟอร์พูดขึ้น

      “อะนี้ของขวัญวันเกิดนะ แม่รู้ว่าเราบอกว่าไม่ต้องซื้ออะไรให้แต่แม่อยากให้นะ ขอบคุณที่ดูแลคริสเขา” แม่ของบคริสโตเฟอร์ส่งกล่องเล็กมาให้ผม ผมก็รับมาเป็นสร้อยทองคำขาวเส้นเล็กๆมีจี้อยู่ด้วย แม่ของคริสใส่รูปคริสเอาไว้แต่อีกอันไม่มี

      “แม่ไม่มีรูปเขมแม่คิดว่าเขมใส่มันเองนะ “ แม่ของคริสโตเฟอร์บอกผม ผมก็ยกมือไหว้ขอบคุณ  ผมก็สั่งอาหารเป็นสเต็กปลาแซลมอนมาทานกับคริสโตเฟอร์ ผมเห็นเดนิสกับฟิลิปส์เขาก็คุยกันถูกคอดีนะ ฝรั่งเขาคงไม่น่าเจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนคนไทย ส่วนแม่ของคริสก็ยังคงทิ้งไว้ซึ้งมิตรภาพที่ดีกับพ่อของคริสแม้จะไม่ใช่ในฐานะคนรักก็ตาม ส่วนนายคริสก็เอาแต่แกล้งน้องจนผมแอบตีหลายครั้งแล้ว

      “Stop it! You an idiot! “น้องชายนายคริสคงโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว ผมว่าเวลาเขาโมโหนี้หน้าเหมือนนายคริสโตเฟอร์เลยนะ แต่หล่อคนละแบบ นายคริสนี้เขาหล่อไปทางเชื้อไทยปนอิตลี่ แต่น้องนายคริสนี้ออกไปทางไทยเยอะกว่านายคริสแต่ยังมีเค้าพ่อของเขาที่เป็นคนเยอรมัน

      “พลึบ” จู่ๆไฟก็ดับลง หมันไปเห็นพนักงานถืออะไรสักอย่างแต่มีไฟเย็นมาด้วยพอเข้ามาใกล้ๆผมถึงได้เห็นว่าเป็นเค้ก และทุกคนก็ลุกขึ้นร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดให้ผมกัน ผมก็กำลังจะเป่าเค้กแต่หันไปไม่เจอคริสโตเฟอร์แล้ว ไปไหนก็ไม่รู้

      “เป่าเค้กซิเขม อธิษฐานด้วยนะลูก”แม่ของคริสเดินเข้ามาบอกผมแทน

      “สตีเวน ถ่ายรูปให้พี่เขมเขาหน่อยซิ” แม่ของคริสหันไปบอกลูกชายคนเล็กที่หยิบมือถือคริสโตเฟอร์ไปถ่ายรูปให้ผมแต่ผมหันไปมองหาคริสไม่เจอ ไม่รู้ไปไหน จนกระทั้งทางร้านเปิดไฟอีกครั้ง ผมถึงได้รู้ว่าเขาขึ้นไปนั่งอยู่บนเวทีพร้อมกีต้าร์

      “ผมขอมอบเพลงนี้ให้กับ คนพิเศษของผม เขาเป็นคนสอนให้ผมรู้จักทุกอย่าง รู้จักยอม รู้จักอดทนอดกลั้น รู้จักการให้อภัยคน และสิ่งที่สำคัญคือเขาสอนให้ผมรู้จักคำว่ารักที่แท้จริง ผมอยากจะบอกว่า ผมรักเขามากที่สุด และเพลงนี้ผมขอมอบให้ สุดที่รักของผม”
 All of me (https://www.youtube.com/watch?v=Mk7-GRWq7wA&feature=emb_logo)


What would I do without your smart mouth
Drawing me in, and you kicking me out
Got my head spinning, no kidding, I can't pin you down
What's going on in that beautiful mind
I'm on your magical mystery ride
And I'm so dizzy, don't know what hit me, but I'll be alright
               “พี่เขม ผมอยากให้พี่ขึ้นมาร้องเพลงนี้กับผมได้มั้ยครับ” คริสโตเฟอร์พูดออกไมล์เรียกผมขึ้นไปร้องบนเวทีกับเขา ทุกคนก็ปรบมือและมองมาทางผมกันหมด ผมก็ต้องลุกขึ้นและเดินไปบนเวที ผมก็ไปนั่งที่เก้าอี้ที่พนักงานเครียมเอาออกมาให้ผม ผมนั่งร้องเพลงนี้กับคริสจนจบเพลง พร้อมกับเสียงปรบมือดังไปทั้งห้องอาหาร

      “สุขสันต์วันเกิดครับที่รักของผม “ คริสโตเฟอร์พูดออกไมล์

      “ผมอยากจะขอบคุณทุกอย่างที่ผู้ชายคนนี้ทำให้ผม พร่ำสอนผม ดูแลผมยามที่ผมเจ็บป่วย ยามที่ผมรู้สึกท้อ ห่วงใยผมไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหนทำอะไรคอยถามไถ่ คอยดูแลผมไม่ห่าง “


      “ วันพรุ่งเป็นต้นไปผมจำเป็นต้องเดินทางไปเรียนเมืองนอกแล้ว ผมคงไม่ได้อยู่ด้วยกันทุกวันเหมือนเช่นเคย  แต่ผมจะกลับมาเพื่อมาดูแลผู้ชายคนนี้เป็นการตอบแทน ผมสัญญา วันนี้อาจจะเป็นคำสัญญาจากเด็กผู้ชายคนหนึ่งอีกไม่นาน มันจะเป็นคำพูดของผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่พี่พร้ำสอนให้ผมเป็นคนดีอย่างที่พี่ต้องการ “


      “ผมรักคุณครูเขม “ คริสโตเฟอร์พูดออกใมล์ ผมหันมาแอบปาดน้ำตามันซึ้งมาก คริสโตเฟอร์เขาพูดภาษาไทยและผมก็คิดว่าแม่ของคริสเขาแปลเป็นภาษาอังกฤษให้เดนิสและฟิลิปส์ฟังอีกที


      “หมับ”คริสโตเฟอร์ลุกขึ้เนมากอดผม ทางกลางสายตาของคนในร้านอาหาร มีผู้ชายคุ่หนึ่งลุกขึ้นปรบมือให้ผมสองคนและตามมาอีกหลายคนทั้งผู้หญิงผู้ชาย ผมรีบปาดน้ำตาที่ซึมออกมา

      
      “ขอบคุณนะ มันเป็นของขวัญวันเกิดที่มีค่าที่สุดของพี่เลยคริส” ผมบอกคริสโตเฟอร์ ผมกลับมานั่งที่โต๊ะ อาหารและทานอาหารกัน ไม่นานแม่ของคริสก็ขอตัวกลับก่อนเพราะว่าพรุ่งนี้แม่ของต้องทำงาน ทำงานแบบนี้วันหยุดก็ต้องทำเพราะว่านักท่องเที่ยวเยอะและส่วนใหญ่มาใช้บริการกันในวันหยุดทั้งนั้น ผมก็ล่ำลาแม่ของคริส ฟิลิปส์และน้องชายนายคริส ส่วนพ่อของเขาขอตัวไปเช็คงานก่อน

      
      “ไปเดินเล่นกันนะครับ” คริสโตเฟอร์หันมาถามผมพร้อมกับแบมือขอเดินจับมือผม

      
      “วันนี้ผมไม่ใช่นักเรียนของพี่แล้วผมคงทำได้แล้วใช่ไหมครับ จับมือในฐานะแฟน แฟนของพี่เขม “ คริสโตเฟอร์พูดผมพยักหน้าว่าใช่และเราสองคนก็เดินจับมือกัน ผมเดินลัดเลาะไปตามชายหาด และไปหาที่นั่งมองทะเลในยามค่ำคืน มันก็สวยงามไปอีกแบบ สายลมเย็นที่พัดโชยมาจากมหาสมุทร ผมรู้สึกเย็นๆที่ต้นแขนของผมเป็นระยะก็เพราะว่าผมสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้น  คริสโตเฟอร์โอบไหล่ผมให้เข้าไปหาอกแน่นๆของเขา


      “หนาวปะ” คริสโตเฟอร์ถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ

      
      “ดีขึ้นมั้ยครับ “ คริสโตเฟอร์กระชับอ้อมกอดของเขาเข้าไปอีก ผมพยักหน้าว่าผมอุ่นพอแล้ว
      
      “ผมสัญญาว่าพี่จะเป็นผู้ชายคนแรกเพราะว่าที่ผ่านมานะผู้หญิงทั้งนั้น” ผมเกือบจะซึ้งน้ำตาไหลแต่มาตกม้าใต้ตรงที่บอกว่าที่ผ่านมานะผู้หญิงทั้งนั้น
         
      “พี่ควรจะภูมิใจใช่ปะ” ผมหันไปถามคริสโตเฟอร์

      “ไม่ชอบเหรอ ใครก็บอกว่าผมดูเหมือนสายฝอ ดังนั้นตอนนี้พี่ก็เป็นเมียสายฝอแล้วนะ” คริสโตเฟอร์พูด ผมเลยเอนตัวออก และทำท่าจะลุกไปขึ้นห้องนอนดีกว่า

      “พี่เขมนี้ งอนได้น่ารักดีนะ ผมนี่ชอบเวลาพี่เขมงอนที่สุด” คริสโตเฟอร์รีบดึงรั้งตัวผมเอาไว้ไม่ให้ลุกขึ้น แต่เพราะว่าผมลุกไปได้หน่อยแล้วไงเลยเสียหลักและคริสก็ใช้แขนของผมรองรับตัวผมเอาไว้ สายตาของผมกับเขาประสานกัน คริสก็ดึงรั้งผมเข้าไป ริมฝีปากนั้นก็ประกบจูบผม ผมก็จูบเขากลับเช่นกัน ผมยันตัวเองให้นั่งให้ตรงและเราสองคนก็จูบกันท่ามกลางแสงจันทร์ในคืนสลัวที่ริมหาด พระจันทร์ดวงโตๆที่ลอยเหนือน้ำ แสงจันทร์สาดส่องมาที่ผมสองคนไม่มากแต่พอให้เห็นเป็นเงาๆ ไม่รู้ว่าเนิ้นนานแค่ไหนแต่มันดูดดื่มที่สุด เพราะว่าผมกับเขาจูบกันโดยไม่มีสิ่งใดมาเป็นกระจกกัน ของคำว่าครูและลูกศิษย์ เราจูบกันโดยไม่รู้สึกผิด

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.4ุ7 (ครูเขมXคริส)We are family
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 16-10-2020 10:17:47
 :o8: :-[
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.4ุ8 เป็นวันที่ผมรู้สึกใจหายที่สุดP1
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 17-10-2020 18:40:22

(ครูเขมขาติXคริสโตเฟอร์ ) เป็นวันที่ผมรู้สึกใจหายที่สุด

          ครูเชมชาติ   หลังจากผมและคริสไปเที่ยวที่ภูเก็ตกับพ่อของคริสโตเฟอร์ พ่อของเขาก็ต้องเดินทางไปฟิลิปปินส์ต่อเพื่อไปดูงานที่นั้นและจะกลับมาพาคริสโตเฟอร์ไปออสเตรเลียทันที โดยให้เหตุผลว่าคริสโตเฟอร์ควรจะไปเรียนปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัยก่อนสิบสัปดาห์และถึงยังไงคริสก็ต้อง E-Diploma และ E-Transcript จาก GED Testing Service เขาจะส่งเข้าอิเมลและสามารถดาวน์โหลดได้จำนวน 7 ครั้ง และรอผลสอบ Toefl และ Ielts ที่ผมเพิ่งจะพาไปสอบมา
              ช่วงที่ผมสองคนไปเที่ยวภูเก็ตกับพ่อของคริสโตเฟอร์เขาก็เข้ามาขอคุยกับผมถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคริส ว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน ผมก็ยอมรับไปตามจริง แน่นอนพ่อของเขาที่ไม่เคยคิดว่าลูกชายเขาจเป็นแบบนี้ ที่จะมีความรักแบบเพศทางเลือกแบบนี้ เขาก็เลยขอให้คริสทบทวนความรู้สึกจริงๆของตัวเองโดยการไม่ให้ผมติดต่อคริสเป็นเวลาหนึ่งปี แต่คริสมาจับได้และเขาก็ทำท่าจะไม่ยอมจนสุดท้ายพ่อของเขาลดเหลือแค่หกเดือน พ่อเขาก็ไม่ได้ห้ามผมแบบกีดกันแต่เขาอยากให้คริสแน่ใจตัวเองและไม่ใช่ว่าให้เขาขาดการติดต่อผมไปเลยแค่พ่อเขาจะติดต่อผมแทนคริสก็แค่นั้น ผมเองก็เข้าใจพ่อของเขานะ ผมเองก็ว่าดีเหมือนคริสได้ค้นหาตัวเองจริงๆซะก่อน ส่วนผมนะผมเชื่อว่าหัวใจผมเข้มแข็งพอที่จะรอเขาได้
         
                  หลังจากจบทริปที่ภูเก็ตและส่งพ่อของคริสไปฟิลิปปินส์ก่อน ผมก็กลับมาทำหน้าที่ครูสอนหนังสือ อาทิตย์หน้าจะสอบปลายภาคแล้ว ผมก็ยุ่งกับการออกข้อสอบเด็ก ผมได้ทำเอาไว้บ้างแล้วตั้งแต่ก่อนไปเที่ยวภูเก็ตกับคริสและผมก็ได้ฉลองวันเกิดกับพ่อแม่ของคริสโตเฟอร์เช่นกัน แต่ผมบอกคริสเอาไว้แล้วว่าไม่ต้องให้พ่อกับแม่ของเขาซื้อของขวัญอะไรให้ผมหรอกนะ ผมเกรงใจแต่แม่เขาก็ซื้อสร้อยคอทองคำขาวให้ผมมีจี๋สำหรับใส่รูปให้ แม่เขาบอกว่าคริสบอกให้ซื้อให้ผม เขารู้ว่าผมไม่อยากให้เขานำเงินไปซื้อของฟุ่มเฟือยมาให้ผมแน่ๆ

                  “พี่เขม…ฟ๊อด” คริสเดินมาหอมแก้มผมเขาสวมชุดนักเรียนและวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของเขาแล้ว ที่เขาจะได้สวมใส่มัน ผมหันมามองเขาอีกที ผมรู้สึกใจหายเช่นกัน

                  “ทำไมพี่มองผมแบบนั้นละพี่เขม” คริสโตเฟอร์ถามผม เขายังคงกอดผมแน่น

                  “พี่แค่คิดว่าพี่คงไม่ได้เห็นนายใส่ชุดนี้อีกแล้ว “ผมพูดและดันคริสโตเฟอร์ออกมามองเขาให้ชัดๆอีกที พร้อมรอยยิ้มที่เปื้อนขึ้นบนใบหน้าของผม

                  “พี่เก็บมันไว้กับพี่นะและเสื้อที่ผมใส่เล่นบาสเก็ตบอลด้วย ผมอยากให้พี่เก็บทุกอย่างที่เป็นชุดนักเรียนของผมเอาไว้ เพราะว่าความรักของผมกับพี่มันเริ่มจากชุดนี้” คริสโตเฟอร์พูดบอกผม ผมพยักหน้าว่าผมจะเก็บมันเอาไว้อย่างดี

                  “ผมก็รู้นะว่าถึงยังไงก็ต้องมีวันที่ผมเลิกใส่ชุดนักเรียน ทุกคนต้องมีวันเรียนจบ แต่ผมไม่เคยคิดว่าผมจะรู้สึกใจหายแบบนี่เลยพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด ผมก็พยักหน้าว่าผมเองก็ใจหายเหมือนกัน ผมเองก็ไม่คิดว่าผมจะผูกผันกับเขาได้มากขนาดนี้ และนี่แค่คิดนะว่าถ้าเขาไม่ได้อยู่ให้ผมได้เห็นหน้าเขาแบบนี้ผมจะรู้สึกยังไง

                  “ถ่ายรูปคุ่กันได้ไหมพี่เขม” คริสโตเฟอร์ถามผม ผมพยักหน้าว่าได้ซิ และเขาก็เข้ามายืนข้างผมพร้อมกับโอบเอวผมไว้ นี้เขาสูงเลยผมไปหน่อยหนึ่งแล้วนะ ผมก็ยกโทรศัพท์ผมขึ้นในมุมที่มองเห็นผมสองคนเราแนบชิดกันมาก นี้เป็นครั้งแรกที่ผมกับเขาถ่ายเซลฟี่กันแบบนี้ ชุดนักเรียนและชุดทำงานแบบนี้ เสียงกดชัดเตอร์ดังขึ้นสองทีติด และคริสโตเฟอร์ก็รับมือถือผมไปดูพร้อมกับ กดตั้งค่าอะไรสักอย่าง เขาตักไว้ที่รูปโปรไฟว์ แอพลิเคชั่นสีเขียวที่เราใช้คุยกัน พร้อมกับกดส่งรูปนั้นเข้าไปที่กล่องขอ้ความ
         
                  “ผมจะเอาไว้ตั้งเป็นภาพเวลาพี่โทรหาผมด้วย” คริสโตเฟอร์บอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ

                  “ไปเรียนกันเถอะ เพื่อนๆรออยู่ อย่าลืมนะวันนี้คือวันสุดท้ายที่นายจะได้อยู่กับเพื่อน แต่พี่เชื่อว่าเพื่อนกันไม่ทิ้งกันแน่นอน พยายามติดต่อเพื่อนเอาไว้นะ เพราะวันข้างหน้านายอาจจะได้มีโอกาสเจอเขาในหน้าที่การงาน” ผมบอกคริสโตเฟอร์
                 
                  ผมสองคนเดินออกมาพร้อมกัน วันนี้เราเดินจับมือกัน ผมไม่รู้ว่าวันข้างหน้าเราจะได้กลับมาจับมือกันแบบนี้อีกไหม แต่วันนี้เรายังคงอยู่ด้วยกัน ความทรงจำดีดียังคงมีอยู่

                  “When your legs don't work like they used to before
And I can't sweep you off of your feet
Will your mouth still remember the taste of my love
Will your eyes still smile from your cheeks
And darling I will be loving you till we're 70
And baby my heart could still fall as hard at 23 ……….
Take me into your loving arms
Kiss me under the light of a thousand stars
Oh darling, place your head on my beating heart
I'm thinking out loud
That maybe we found love right where we are
Oh maybe we found love right where we are
And we found love right where we are

                  เขาเดินไปก็ฮัมเพลง Thinking out lound ของEd Sheeranให้ผมฟังไปจนถึงเขนโรงเรียนและเขาก็หันมามองผม แต่มือนั้นยังคงจับไว้อยู่

                  “ความรักผมเริ่มจากที่นี้กับผู้ชายคนนี้ มันก็ยังคงอยู่แบบนี้ตลอดไป พี่เขม” คริสโตเฟอร์พูดผมพยักหน้าและชะเง้อมองเพื่อน

                  “วันนี้ฝากขอโทษเพื่อนๆด้วยนะ พี่ไม่ได้ทำแซนวิชให้พี่อยากให้พวกนายซื้ออะไรทานกันและนั่งทานด้วยกัน มีความสุขด้วยกันอีกครั้งก่อนที่นายจะไป” ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์ คริสมองหน้าผมและเขาก็ค่อยๆปล่อยมือผมและเดินออกไปหาเพื่อน ผมได้แต่ยืนมองเขา ผมเลี่ยงเดินไปอีกทาง ผมแอบปาดน้ำตาที่ซึมออกมาทั้งที่ผมได้กลั้นมันเอาไว้แล้ว

                  “เหมือนกับว่าพี่นี่เองที่อ่อนแอ คริส” ผมพูดกับตัวเองและผมก็เดินขึ้นไปบนห้องพักครู ระหว่างที่ผมเดินขึ้นไป ผ่านนักเรียนมากมาย จนมาหยุดที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั้นคือแก้ม

                  “ครูเขมค่ะ วันนี้พี่คริสเขาจะมาเรียนวันสุดท้ายแล้วเหรอคะ” แก้มเอ่ยถามผม

                  “ใช่แก้ม ไปหาพี่คริสซิ เขาอยู่กับเพื่อนๆที่นั่งเดิมของเขานะ” ผมบอกแก้ม แก้มก็พยักหน้าและหันมามองผม

                  “หนูสงสารครูที่สุดเลยค่ะ “ แก้มพูดแต่ผมก็พยักหน้าให้เขาว่าผมโอเค ผมออกเดินต่อไปยังห้องพักครู และพยายามยิ้มให้กับนักเรียนที่ยกมือไหว้ผมทุกคน เหมือนเช่นปกติ มีพูดคุยทักทายสนุกสนามกันเหมือนเดิม

                  “ฟู่” ผมแอบพ่นลมหายใจยาวๆ ขณะที่ผมกำลังจะเซนต์ขื่อเข้าทำงาน

                  “ครูโอเคมั้ยคะ”เสียงที่ทักทายผม ผมหันมามอง ครูถาวรนั้นเอง

                  “ผมโอเคครับเก่ง “ ผมพูดบอกครูถาวร ผมหันไปมองหาวันนี้ไม่เห็นครูลินดาเลย

                  “ครูลินดาไปเยี่ยมคุณป้าเขานะคะ คุณป้าเขาเข้ารับการผ่าตัดต่อกระจกวันนี้ค่ะ”ครูถวรพูดผมพยักหน้าว่าโอเค

                  “ลงไปทานข้าวด้วยกันไหมคะครู” ครูถาวรถามผม ผมพยักหน้าว่าได้

                  “สวัสดีค่ะ ครูเขม ครูเก่ง เออ วันนี้อย่าลืมนะคะ มีประชุมครู “ ครูสมพิสพูดและหันมามองหน้าผม

                  “ ครูเขมโอเคนะคะ พี่ทราบว่าวันนี้นายคริสจะมาเรียนเป็นวันสุดท้ายและจะบินไปพร้อมพ่อเขาเลย น่าเห็นใจครูนะคะ ถึงนายคริสจะเกเรบ้างแต่ตอนนี้เขาเป็นเด็กดีอย่างที่ครูเขาได้คอยสอนเขาแล้ว “ ครูสมพิสพูด

                  “ผมก็แค่ใจหายนะครับแต่ผมก็ดีใจที่เขาจะได้ไปเรียนและมีอนาคตอย่างที่ผมที่เป็นครูอยากจะเห็นลูกศิษย์ทุกคนนะครับ” ผมพูดบอกครูสมพิศ และผมก็ขอตัวเดินลงไปทานข้าวกับครูถาวร ผมเห็นคริสยืนให้รุ่นนอ้ง รุ่นพี่เขาเขียนบนเสื้อนักเรียน

                  “พี่คริสกลับมาเยี่ยมโรงเรียนนี้ด้วยนะ อย่าไปแล้วไปเลย สงสารครูเขม” เด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดขึ้น คริสหันมามองผมกับครูถาวร ผมไปหยุดยืนที่หน้าร้านขายโจ๊กของครูโจ้ และนายคริสก็เดินเข้ามาหาผม

                  “ผมก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะทำแบบนี้เหมือนกันครับครูเขม” คริสโตเฟอร์บอกผม

                  “ให้ครูเขียนได้ไหม เพราะว่าเธอไปแล้ว นี่ใครจะยกมือตอบคำถามแบบกวนๆอย่างเราละ ครูเหงาแย่เลยคริส “ ครูถาวรพูดและนายคริสก็พยักหน้าให้พร้อมกับส่งปากกาให้ครูถาวร ครูถาวรรับไปพร้อมกับบรรจนเขียนให้เขาลงบนที่วางที่มีน้อยแล้วตอนนี้บนเสื้อนักเรียนของเขา ผมยืนมองแต่ละข้อความล้วนบอกเขาว่าอย่าทิ้งผมไปให้กลับมาหาผมที่เป็นครูเขม

                  “ไปแล้วตั้งใจเรียนนะคริส นายมีโอกาสในขณะที่ใครหลายคนยังไม่รู้จะหาโอกาสดีดีแบบนายได้มั้ย ดังนั้นตั้งใจทำมันให้ดีและถ้ามีโอกาสกลับมาที่นี้นะ มาให้ความรู้รุ่นน้องที่นี้เพื่อเขาจะได้มีช่องทางที่ดีเหมือนเรา” ครูถาวรพูดบอกนายคริสโตเฟอร์

                  “ถ้าอย่างนั้นเก่งไปทานกับครูนิดดีกว่าค่ะ ครูจะได้ทานกับคริสโตเฟอร์เขา “ ครูถาวรบอกผมก่อนจะหันหลังเดินไปหาครูนิดแทน ครูนิดหันมายกมือรับไหว้ คริสโตเฟอร์ ผมก็มองหนุ่มไม่น้อยแล้วซิ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม

                  “เอาไง กินไหมโจ๊กนะ ป้าตักไว้ให้แล้วไม่ใส่ที่เองไม่ชอบนะ “ ป้าเจ้าของร้านขายโจ๊กถามคริสโตเฟอร์แต่ก็ยิ้มๆให้

                  “กินดิป้า และอาทิตย์หน้าผม่ไมได้มากินโจ๊กร้านป้าแล้วนะ ผมจะไปอยู่กับพ่อผมที่ออสเตรเลียนะป้า “คริสโตเฟอร์บอกป้าร้านขายโจ๊ะ

                  “อ้าวเหรอ! งั้นวันนี้ป้าไม่คิดเงิน ให้เอ็งกินฟรีนะ ขอให้เจริญๆนะ และอย่าทิ้งครูเขมเขาไปแล้วไปลับละ “ ป้าร้านขายโจ๊กพูดผมก็ยืนเกาหัวเขินนะ

                  “ครูละคะ “

                  “เหมือนเดิมครับป้า” ผมบอกและหันมามองหนุ่มน้อยต่อไปก็ไม่น้อยแล้ว ไม่รู้ว่าไปอยู่โน้นกลับมาจะหล่อล้ำบึกขึ้นกว่าเดิมไหม ผมนี้คงกลายเป็นกุ้งแห้งไปทันทีเลยมั้งนะ

                  “พี่เขมผมยังจำได้วันที่ผมเห็นครูยืนมองผม ตอนที่ผมห้ามสาวๆไม่ให้ตีกันแย้งผม แก้มกับพี่น้ำหวาน วันแรกที่ครูมาเป็นครูที่นี้” คริสโตเฟอร์พูด ผมหันไปมองหน้าเขา นี้เขาเห็นผมด้วยเหรอ

                  “ ผมเห็นพี่มองผมนะ “ คริสโตเฟอร์พูด ผมก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และผมก็เดินมานั่งที่โต๊ะที่มีแค่ผมกับเขานั่งอยู่ด้วยกัน

                  “พี่คริส” อนุชิตวิ่งมาหาคริสโตเฟอร์ด้วยหน้าตาตื่น ผมหันไปมองเขา

                  “อะไรของมึง”
                 
                  “ขอผมเขียนเสื้อพี่ได้ไหมอ่ะ ผมกลัวคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง” อนุชิตพูดขอเขียนลงที่เสื้อนายคริสบ้าง ผมหันไปมองคริส

                  “ได้ดิ เลือกเอาเองแล้วกัน แต่อย่าเขียนทะลึ้งนะมึง กูจะตามไปเตะถึงห้องเลย” คริสโตเฟอร์พูด ผมก็ทำท่าจะตีแขนและอนุชิตก็รับปากกาที่คริสโตเฟอร์ และเขียนหยิกๆ ลงบนเสื้อนักเรียนของเขา

                  “โชคดีนะพี่คริส อย่าลืมกลับมาเยี่ยมโรงเรียนนี้นะพี่คริส และอย่าทิ้งครูเขมของผมไปเลยนะ ผมสงสารครู” อนุชิตพูด คริสหันไปมองหน้าอนุชิต

                  “เออ ครูเขมเขาเป็นแฟนกูจะทิ้งได้ไง มึงก็อย่าลืมช่วยครูเขมทำงานบ้านนะโว้ย “

                  “อันนี้ผมไม่ลืมอยู่แล้ว พี่คริส ผมไปก่อนนะ “ อนุชิตพูด

                  “พี่เขมกินตับไหม สงสัยป้าแกลืมว่าผมไม่ทานก็เลยใส่มาในชามผมด้วย แต่หัวใจผมไม่มีนะ “ คริสโตเฟอร์พูด ผมก็เงยหน้ามองใช่เขาไม่ทานพวกเครื่องในเลย

                  “เพราะว่าหัวใจผมอยู่กับพี่ตั้งนานแล้ว” คริสโตเฟอร์เงยหน้าขึ้นตอบผม เขายิ้มให้ผมพร้อมกับยักคิ้วให้ผมสองทีติด ผมสองคนนั่งทานกันไปคุยกันถึงเรื่องเก่าๆตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ไม่รู้ว่านานแค่ไหน จนกระทั้งเสียงสัญญาณเตือนเข้าแถวดังขึ้น

                  “วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่พี่จะสอนนายแล้วนะ “ ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์

                  “ ผมจบหลักสูตรกับพี่ไปแล้วไง พี่สอนให้ผมรู้จักคำว่ารักแล้ว “ คริสโตเฟอร์บอกผม ผมก็พยักหน้าว่าใช่

                  “นายก็สอนให้รู้รู้จักคำนั้นจริงๆแล้วเหมือนกันคริส พี่รักนาย “ ผมหันมามองคริส และแตะที่ไหล่เขาให้เขาวิ่งไปเข้าแถวกับเพื่อนๆได้แล้ว ผมเห็นเขาก็ไปหยอกล้อเล่นกับพวกอาร์ทโจ้ โป้งปันปัน ผมเห็นเขาหยุดคุยกับอั๋นแป๊ปหนึ่ง และเหมือนจะกอดกัน ผมว่าอั๋นกับคริสตอนนี้เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ดีต่อกันแล้ว ผมเห็นแบบนี้ก็ดีใจ ที่เขาไม่ต้องจบไปแบบบาดหมางกันไปด้วย เหลือแต่กายซินะ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นยังไงบ้าง

                  หลังจากที่ผมขึ้นสอนไปจนคาบที่สามผมได้สอนห้องเรียนของคริสโตเฟอร์ช่วงเช้าเช่นกันและวันนี้ก็เป็นวันสุดท้าย คริสโตเฟอร์ก็ทำได้ดีเขาไปศึกษาเมืองที่เขาจะไปอยู่มาด้วยเช่นกัน เพราะว่าผมบอกเขาว่าจะเอามาเป็นบทเรียนในการเรียนคาบนี้ เมืองที่เขาจะไปอยู่คือเมืองหลวงของออสเตรเลีย นั้นคือแคนเบอร่า ผมเขาเล่าให้เพื่อนฟังได้ดีเพราะว่าเขาเคยไปอยู่ทีนั้นตอนเด็กๆ แม้จะแค่ไม่นานเพราะแม่เขาต้องไปติดต่อทำเอกสารที่จะพาเขากลับไทยที่สถานทูตไทยในกรุงแคนเบอร่า และมันก็ทำให้เพื่อนๆในห้องสนใจอยากจะไปเรียนต่อที่นั้นเช้นกัน นี่ก็ทำให้ผมภูมิใจในตัวเขามากเช่นกัน
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.4ุ8.1 เป็นวันที่ผมรู้สึกใจหายที่สุดP2
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 18-10-2020 21:08:46

EP.4ุ8.1 เป็นวันที่ผมรู้สึกใจหายที่สุดP2             

               Part เขมชาติ  หลังจากที่ผมขึ้นสอนไปจนคาบที่สามผมได้สอนห้องเรียนของคริสโตเฟอร์ช่วงเช้าเช่นกันและวันนี้ก็เป็นวันสุดท้าย คริสโตเฟอร์ก็ทำได้ดีเขาไปศึกษาเมืองที่เขาจะไปอยู่มาด้วยเช่นกัน เพราะว่าผมบอกเขาว่าจะเอามาเป็นบทเรียนในการเรียนคาบนี้ เมืองที่เขาจะไปอยู่คือเมืองหลวงของออสเตรเลีย นั้นคือแคนเบอร่า ผมเขาเล่าให้เพื่อนฟังได้ดีเพราะว่าเขาเคยไปอยู่ทีนั้นตอนเด็กๆ แม้จะแค่ไม่นานเพราะแม่เขาต้องไปติดต่อทำเอกสารที่จะพาเขากลับไทยที่สถานทูตไทยในกรุงแคนเบอร่า และมันก็ทำให้เพื่อนๆในห้องสนใจอยากจะไปเรียนต่อที่นั้นเช้นกัน  นี่ก็ทำให้ผมภูมิใจในตัวเขามากเช่นกัน

      “ครูเขมค่ะ เข้าประชุมกันเลยไหมค่ะ”ครุนิดหันมาถามผมขณะที่ผมกำลังเดินออกจากห้องพักครู ผมพยักหน้าเช่นกันว่าพผมพร้อมแล้ว ผมเห็นบรรดาครูมารอเข้าห้องประชุมแล้ว ผมก็ยิ้มทักทายและเดินตามเข้าไป

      “สวัสดีครับครูทุกท่าน”ท่านผู้อำนวยการเดินเข้ามานั่งที่ตรงหัวโต๊ะในตำแหน่งประธานการประชุมวันนี้

      “สวัสดีครับท่านผอ “ “สวัสดีค่ะท่านผอ”  เสียงกล่าวทักทายท่านผู้อำนวยการโรงเรียนพร้อมเพียงกัน

      “เวลาผ่านไปเร็วมาเหมือนกันนะครับ จะจบเทอมอีกแล้วแถมเทอมใหญ่ละด้วย แถมตลอดเทอมนี้ก็มีเรื่องราวๆมากมาย มีทั้งเรื่องดีและไม่ดี ปิดเทอมใหญ่ ก็พาครอบครัวไปพักผ่อนกันนะครับ กลับมาจะได้มาลุยกันต่อ” ผู้อำนวยการพูดและมองหน้าครูทุกคนที่ที่หันมายิ้มให้กัน

      “ ใช่ค่ะ ท่าน เรื่องเยอะมากเทอมนี้ นี้เล่นเอา หัวหงอกเร็วขึ้นกว่าปกติเลยนะคะท่าน” ครูสมพิศพูด

      “เอานะปิดเทอมก็ไปพักผ่อน ทำสวยกัน กลับมาจะได้พร้อมทำหน้าที่ครูผู้สอน “

      “ผมว่าย้ายโรงเรียนหนีจะง่ายกว่าไหมครับท่าน” ครูโจ้พูดผมสะบัดหน้าไปมองย้ายเลยเหรอครูโจ้

      “ผมงดเซนต์อนุมัติย้ายนะครับช่วงนี้ “ ท่านผู้อำนวยการพูดดักไว้ทันที

      “จะย้ายไปไหนกันครูโจ้ เอานะ นักเรียนน่ารักก็มีเยอะ และมันก็แบบนี้แหละ เขาเรียกจับปูใส่กระด่ง “ผู้อำนวยการพูด

      “ผมมีข่าวดี ปีการศึกษาหน้า ผมได้รับครูมาใหม่เพิ่มอีกสี่คนนะ สามคนผมคัดมาจากเดือนมหา’ลัยเลยครับ ตามคำแนะนำครูเขม” ผู้อำนวยการพูดและครูทุกคนก็หันมามองผมกันหมดเลย

      “เพื่อนักเรียนจะตั้งใจเรียนเหมือนตอนเรียนกับครูเขม ครูเขมนี้เขาเดือนมหาลัยเลยนะครับ” ผู้อำนวยการพูด

      “หล่อขนาดนี้ ถ้าไม่ได้ตำแหน่งเดือนก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วค่ะท่านผอ” ครูอุไรวรรณพูด

      “ว่าแต่ท่านเอาเดือนมหาลัยมาเอาใจบรรดาอาจารย์ป้าโรงเรียนเราหรือเปล่าครับ เดี๋ยวได้น้ำหมากหกกันบ้าง” อันนี้ครูโจ้

      “แม้ๆ พูดไปครูโจ้ เดี๋ยวพี่จะดูซิว่า น้องเจี๊ยบจะได้หากิ๊กกันบ้างละ” ครูนิดพูดแบบขำขำๆ

      “หมดโอกาสแล้วครับ ผมลืมบอกข่าวดี เมียผมท้องอีกคนแล้วครับ เตรียมของขวัญชิ้นที่สองกันได้เลยครับ” ครูโจ้ ผมและบรรดาครูสะบัดหน้าหันไปมองครูโจ้ว่าเร็วไปไหม

      “รีบเหรอครับครูโจ้” ครูสมชายยังตกใจเลย

      “เอ็กซิเด้นครับผมแต่มาแล้วครับ “ ครูโจ้พูดพร้อมกับยิ้มแหยๆ

      “เอานะครู เพราะว่าผมเคยชวนดาวมหาลัยมาแล้วแต่ดันหักอกครูเขมซะนี้ ใช่ไหมครับครูถาวร” ผู้อำนวยการแอบหันไปแซวครูถาวรอีกคน

      “และอีกเรื่องหนี่งคือ ผมมีครูที่จะมาเป็นครูเอกภาษาอังกฤษอีกคน ครูมิ้งนะครับ  ครูเขมเขาไปตามหาและผมก้ได้รับเอกสารที่ครูมิ้งไปอยู่ด้วย ครูมิ้งทำความดีช่วยสอนหนังสือให้กับคนที่ทำงานในรีสอร์ทและเด็กๆ ผมเลยเสียดายครูดีดี อย่างครูมิ้ง ดังนั้นผมขอโอกาสให้ครูเขาอีกครั้งนะครับ ได้ใช่ไหมครับครู “ผู้อำนวยการพูดขอบรรดาครูทุกท่าน

      “นี่ครูทำผลงานอีกแล้วเหรอครับครูเขม!” ครูโจ้ลุกพล้วดขึ้นถามผมทันที

      “ทำผลงานดีขนาดนี้ เป็นผอ เถอะครับ” ครูโจ้เล่นพูดกับผมแบบนี้ผมก็ตกใจซิครับให้ผมเป็นผู้อำนวยการเลยเหรอครับ

      “ครูโจ้ ท่านผอ ยังนั่งอยู่นี้เลยนะ” ครูนิดพูดและชี้ไปที่ผู้อำนวยการที่นั่งอยู่หัวเถอะ

      “อู้ยย ขอโทษครับท่าน “ ครูโจ้ยกมือไหว้ขอโทษก่อนจะนั่งลง

      “ไม่มีผลงาน ไล่ผมออกเลยเหรอครับครูโจ้ รอผมเกษียญสักปีสองปีนะครูโจ้ รู้สึกขาเก้าอี้สั่นคอนยังไงก็ไม่รู้” ผู้อำนวยการพูดปนหัวเราะ

      “เอาละ ผมก็ขอขอบคุณครูเขมนะครับ กับทุกเรื่องที่ครูเขมทำเพื่อโรงเรียนและขอบคุณครูท่านอื่นๆเช่นกัน ที่เราช่วยให้ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ปีหน้าเอาใหม่ เรามาช่วยกันเป็นครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้แก่เด็กนักเรียนของเรา เขาจะได้ไปถึงฝังฝันที่ตั้งใจกัน “ ผู้อำนวยการพูด เหมือนจะปิดการประชุม

      “อ้ออีกเรื่องหนี่ง ปีหน้า น้องชายนายกายจะมาเรียนมัธยมต้นที่นี้นะครับ” ผู้อำนวยการพูด บรรดาครูรวมทั้งผมหันไปมองผู้อำนวนการเป็นตาเดียวกันทันที

      “พ่อเขามาขอร้อง พี่ชายทำไวเยอะ น้องหาที่เรียนไม่ได้ ใจจริงเด็กอยากตามเพื่อนไปเรียนโรงเรียนดังดัง แต่ไปไม่ได้ เอานะครับ เด็กไม่มีที่เรียน และพ่อเขาบอกว่าลูกชายคนเล็กของเขาไม่เกเรเหมือนนายกายแน่นอน ถือว่าช่วยๆกันนะครับครู” ผู้อำนวยการพูด

      “ส่งมาเถอะครับท่านผอ เกเรแค่ไหนก็รับมาเถอะครับ” ครูโจ้ ผมหันไปมองเอาจริงๆเหรอ

      “พี่โจ้เอาอยู่เหรอค่ะ” ครูถาวรถามครูโจ้

      “ครูเขมผมครับ เอาอยู่ ครูเขมนี้เขาเป็นซุปเปอร์ฮีโร ปลอมตัวมาเป็นครูครับ เรื่องแค่นี้ เอาอยู่ใชไหมครับ” ครูโจ้โยนมาให้ผมซะอย่างนั้น ผมส่ายหัวไม่เอา แค่คริสโตเฟอร์ผมก็เกือบจะโดนพักการสอนอยู่แล้ว

      “ผมจัดให้เลย ปีหน้าเรามาลุยกับนักเรียนเกรียนๆกันใหม่นะครูเขมนะ”

      “สงสัยผมควรจะมอบตำแหน่งครูฝายปกครองให้ครูเขมแทนแล้วแหละครับ ท่านผอ” ครูอครชัยอีกคน

      “ไม่เอาดีกว่าครับ ผมว่าผมขอเป็นครูธรรมดาแบบนี้ดีกว่าครับ” ผมพูดปนหัวเราะเช่นกัน

      “เอาละ ผมหมดเรื่องประชุมแค่นี้ อาทิตย์หน้าก็สอบแล้วและปิดเทอมกัน หวังว่าจะมีเวลาพาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนกันนะครับ และไปหาที่ชาร์จพลังกันให้เต็มที่กันนะครับ เจอกันปีการศึกษาหน้าครับครู “ ผู้อำนวยการพูดจบ บรรดาครูก็แยกย้ายเดินออกจากห้องประชุมกัน


      “ครูเขมครับ” ผู้อำนวยการเรียกผม

      “ครับท่าน”

      “ขอบคุณนะครับครูกับทุกเรื่องที่ครูทำ ครูสมกับที่เกิดมาเพื่อเป็นครูจริงๆ เออ ผมได้ยินมาว่านายคริสโตเฟอร์จะมาเรียนวันนี้วันสุดท้ายแล้วใช่ไหมครับครู” ผู้อำนวยการถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่ครับ

      “ครูโอเคนะครับ ผมเองก็ไม่อยากให้ครูกับนายคริส เป็นแบบนี้แต่มันก็ดีกับตัวนายคริสเอง ที่เขามีโอกาสที่ดีทางการศึกษาและได้เจอบุพการีที่ให้เขาเกิดมาอีก ครูนี้ได้บุญสองต่อเลยนะครูนะ “ ผู้อำนวยการพูด

      “ผมว่าเขารักครูมากดูจากการกระทำที่ผ่านมาที่พยายามปกป้องครู ผมเชื่อว่าเขาจะกลับมาตอบแทนและดูแลครูแน่นอน “ ผู้อำนวยการพูดบอกผม

      “ขอบคุณครับท่าน ขอบคุณที่ท่านให้โอกาสผมสองคน ถ้าเป็นคนอื่นผมสองคนคงไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ ตอนนี้ ผมคงโดนพักการสอนไปแล้ว และนายคริสก็คงโดนพักการเรียนหรือไล่ออกไปแล้วครับ”

      “ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยทำผิดพลาดจนโดนพักการเรียนมาก่อน ผมเข้าใจครับว่านักเรียนทุกคนมีโอกาสทำผิดกันได้ แต่โอกาสนะจะมีสักกี่คนที่จะหยิบยื่นให้พวกเขา ผมนี้แหละคนหนึ่งที่พร้อมจะให้โอกาสพวกเขา “ ผู้อำนวยการพูดผมและท่านเดินออกมาจากห้องพร้อมกัน ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงพอดีเลย


      “อ้าวนายคริส “ ผู้อำนวยการเรียกนายคริสโตเฟอร์ที่มายืนรอผมที่หน้าห้องประชุม ผมก็เลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ คริสโตเฟอร์เดินมาและหยุดตรงหน้าผู้อำนวยการ เขาย่อตัวลงและก้มลงกราบผู้อำนวยการ

      “ผมขอโทษทุกเรื่องที่ผมทำให้ท่านผอ เดือดร้อนเพราะผมนะครับ ผมขอบคุณที่ท่านก็ยังให้โอกาสผมมาตลอด ผมจะไม่ลืมบุญคุณท่านเลยครับ” คริสโตเฟอร์พูด

      “เอาเถอะ ถึงยังไงนายก็กลับมาเป็นคนดีแล้ว แค่นี้แหละที่นายได้ตอบแทนครูแล้วคริส ไปอยู่กับพ่อก็ตั้งใจเรียนนะ จะเรียนอะไรละเรานะ “

      “ผมจะเรียนครูครับ เพราะว่าคนที่เป็นต้นแบบให้ผมนั้นคือครูเขมครับท่าน”

      “ดี ตั้งใจเรียนจะได้จบมาเป็นครูที่ดีอย่างที่ครูเขมเขาเคยสอนเรานะ ถ้าจะให้ดีมาเป็นครูที่นี้ก็ดีนะ”

      “ผมยังไม่รู้เลยครับว่าผมจะย้ายไปอยู่กับพ่อผมถาวรเลยไหม “ คริสโตเฟอร์พูด ท่านผู้อำนวยการหันมามองผม

      “อย่าบอกนะว่าจะเอาครูรุปหล่อไปอยู่ด้วยนะ เสียดายตายเลยนะ” ท่านผู้อำนวยการพูด

      “ยังไม่ใช่ตอนนี้ครับ ผมอาจจะพาไปเมื่อผมพร้อมจะดูแลครูเขมได้นะครับ” คริสโตเฟอร์ลุกขึ้นพูดกับผู้อำนวยการ ท่านก็ตบไหล่คริสโตเฟอร์เบาๆ

      “ถ้าอย่างนั้นครูขอใด้เธอโชคดีและประสบความสำเร็จในสิ่งที่เธอตั้งใจจะทำนะคริส ไปทานข้าวกันเถอะ “ ผู้อำนวยการพูด และผมกับคริสโตเฟอร์เดินลงไปพร้อมกัน

      “ทำไมขึ้นไปตามพี่ละ” ผมถามคริสโตเฟอร์

      “ เพื่อนๆผมสั่งอาหารไว้เต็มโต๊ะเลย” คริสโตเฟอร์บอกผม ผมเดินไปที่โต๊ะที่คริสโตเฟอร์ อาร์ท โจ ปันปันและโป้ง แก้มก็มานั่งด้วยวันนี้ ผมมองดูอาหารเต็มโต๊ะไปหมด

      “วันนี้แม่หนูเขาทำอาหารมาให้พี่คริสและครูด้วยค่ะ “ แก้มพูดผมยิ้มให้เป็นการขอบคุณ

      “เชิญนั่งครับครู” อาร์ทบอกผม ผมพยักหน้า ผมเห็นคริสโตเฟอร์ยืนน้ำตาซึมที่เขาเห็นเพื่อนๆทำเพื่อเขาขนาดนี้ ในวันที่สุดท้ายที่เขาจะเป็นนักเรียนที่นี้ ผมกับคริสก็นั่งลง เราทั้งหมดก็คุยกันทุกเรื่อง ทั้งสุขทั้งทุกข์ แม้กระทั้งเรื่องก่อนที่ผมจะมาเป็นครูที่นี้ มันทำให้ผมรู้ว่าทำไมพวกเขาถึงได้รักกันมากเพราะว่ามีเรื่องราวมากมายที่พวกเขาพบเจอมาด้วยกัน เขาสัญญากันว่าจะไม่ทิ้งกันแน่นอน จะติดต่อกันตลอด

      “คริส กูคงคิดถึงมากเลยว่ะ ฮึก”คนแรกที่โผ่เข้ามากอดคริส คือปันปัน หลังจากทานอาหารเสร็จ ทุกคนก็เริ่มทยอยเข้ามากอดคริส ตอนนี้พวกเขาต้องบอกลาคริสโตเฟอร์กันแล้ว

      “ปันปัน มึงต้องเข้มแข็งและดูแลตัวมึงเองและไอ้โป้งดีดีนะ กูก็คิดถึงมึงมากเช่นกันวะปันปัน ต่อให้กูอยู่กับมึงมาน้อยที่สุดก็ตาม “คริสโตเฟอร์พูด

      “คริส ตอนแรกกูว่ะจะไม่ร้อง ไอ้เชี้ยปันปันดิพากูร้องว่ะ ฮึก “ อันนี้โจ ปาดน้ำและเข้ามากอดคริส

      “ไม่เป็นไรหรอกว่ะ ลูกผู้ชายร้องไห้ได้ ทำยังกะว่ามึงไม่เคยร้อง ตอนทะเลาะกับไอ้อาร์ทมึงนะร้องไห้ขี้มูกโป่งเลยดีกว่าไอ้โจ” คริสกอดโจ

      “มึงแม่งทำไมจำแต่ภาพที่แย่ๆกูว่ะไอ้เชี้ย ฮึกๆ”

      “ปึก” คนนี้อาร์ท มันกอดโดยไม่ได้พูดอะไร ผมว่ามันให้ความรู้สึกที่เกินกว่าคำพูดวะอีก

      “ขอบใจว่ะอาร์ท ที่มึงดูแลกูตอนเมาว่ะ  ถ้ากูไปอยู่โน้นกูไม่กล้าเมาแน่ๆ เพราะไม่มีมึงวะอาร์ท” คริสพูด

      “ทำไมวะ กอดเพื่อนไม่ได้หรือไงว่ะ” คริสหันไปกางแขนเพราะว่าโป้งยืนเอามือล้วงกระเป๋าผมว่าเขากำลังกลั้นน้ำตาเอาไว้

      “โป้ง “ คริสเรียกโป้ง

      “หมับ “ เป็นอ้อมกอดที่แน่นมาและให้ความหมายได้ดี

      “กลับมาหากูกับปันปันนะมึง ขนาดแม่กูยังไงใจหายเลยมึงจะไปอยู่ไกลขนาดนั้นว่ะคริส “ โป้งพูด และดันคริสโตเฟอร์ออก คริสมองโป้งและเพื่อนๆทุกคน

      “ปีหน้ากว่าแชมป์ให้ได้นะมึง ถ้ามีโอกาสกูจะกลับมาดูพวกมึงว่ะ” คริสโตเฟอร์พูด

      “กูขออีกเรื่องหนี่งได้ไหมว่ะ”คริสโตเฟอร์พูดก่อนจะหันมามองหน้าผม

      “กูฝากดูแลแฟนกูให้หน่อยได้ไหมว่ะ พี่เขมนะ วันที่กูพร้อมกูจะกลับมาดูแลเขาเองว่ะ” คริสโตเฟอร์พูด ผมก็ต้องหันหน้าหนี เพราะว่าน้ำตาซึมมาทันที

      “พวกกูสัญญาว่ะ พี่เขมก็เหมือนพี่ชายพวกกูว่ะ  “ โป้งพูด

      “ไปเข้าแถวและขึ้นห้องเรียนเถอะว่ะ “คริสโตเฟอร์พูด ผมก็หันหลังจะเดินออก น้ำตาซึมเลยผม ยิ่งเห็นภาพที่พวกเขากอดกันผมยิ่งรู้สึกเหมือนผมหาทางออกให้เขาผิดไปหรือเปล่า

      “หมับ” คริสเดินมาจับมือผมและมองหน้าผม ผมก็ต้องแอบซับน้ำตา

      “แอบทำไมอะ ลูกผู้ชายร้องไห้ได้ไม่ใช่เหรอพี่เขม” คริสโตเฟอร์ถามผม ผมหันมามองหน้เขา
   
      “บางทีถ้าการร้องไห้แล้วทำให้อีกคนไม่สบายใจพี่คิดว่าไม่ควรร้องไง “ ผมพูด และมองหน้าคริสโตเฟอร์

      “ผมเลิกก่อนจะกลับไปอาบน้ำรอที่บ้านนะครับพี่เขม มาเร็วๆนะครับ ผมอยากจะแสดงความรักกับพี่ก่อนไป” คริสโตเฟอร์พูด ผมพยักหน้าว่าได้ และผมสองคนก็แยกย้ายคริสว่าจะกลับไปบ้านพักเลยไปเตรียมตัวส่วนผมก็จะไปขึ้นสอนต่ออีกหนึ่งวิชาแค่นั้น ผมก็จะเข้าบ้านและเตรียมออกเดินทางพาคริสกลับกรุงเทพ  วันนี้คริสก็เลิกเรียนก่อนเช่นกัน ทำไมผมถึงรู้สึกว่าอยากให้เวลาเดินช้าลงยังไงก็ไม่รู้ ถ้าหยุดไว้ได้ผมคงเลือกที่จะให้เวลาหยุดเดินไว้แค่ตรงนี้ ตรงที่ผมยังมีเขาอยู่แบบนี้
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.4ุ9 (ครูเขมXคริส)บทรักของผมกับพี่ก่อนที่ผมจะไป
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 20-10-2020 06:14:25
 (ครูเขมXคริส)บทรักของผมกับพี่ก่อนที่ผมจะไป

          Part  คริสโตเฟอร์ ผมกลับมาบ้านก่อนเวลา ผมก็รีบอาบน้ำรอแต่ยังไม่แต่งตัว ผมอยากแสดงบทรักกับพี่เขมก่อนจะไป ตอนนี้ผมได้ยืนมองไปรอบๆบ้าน ภาพของผมกับพี่เขมมันผุดขึ้นมา ว่าแต่ละวันเราสองคนทำอะไรกันบ้าง ยิ่งตอนที่ผมมาคลุกอยู่กับพี่เขมก่อนที่จะโดนท่านผอ สั่งให้กลับไปนอนที่บ้าน ทันเป็นความประทับใจและนั้นก็คือผมเริ่มรักพี่เขมอย่างหมดใจ



                       “หมับ” มีคนเดินมากอดผมจากด้านหลัง พี่เขมนั้นเอง ผมไม่รู้ว่าพี่เขม กลับมาตอนไหน เพราะว่าผมไม่ได้ยินเสียงรถยนต์พี่เขมเลย



                       “ทำไมยังไม่แต่งตัวอีกละ” พี่เขมถามผมและฝังปลายจมูกลงไปที่ซอกคอของผม ตอนนี้ผมสูงกว่าพี่เขมแล้วซิ ผมหมุนตัวเองหันไปมองพี่เขม



                       “ผมบอกพี่แล้วไงว่ะผมรอจะมอบบทรักให้พี่เขม ความรักของผมกับพี่เริ่มจากที่นี้ บทรักของผมกับพี่ก็เริ่มที่นี้ ผมอยากเก็บไว้ที่นี้ “ผมพูดและ



                       “อืมม “ผมก็ประกบปากจูบพี่เขมอย่างละมุล พี่เขมก็จูบผมกลับมือพี่เขมก็ปลดเน็กไท้ตัวเอง มือผมก็ปลดตะขอกางเกงสแลคของพี่เขมไปพร้อมๆกัน แถมปากเราก็ยังคงทำหน้าที่ดูดดื่มความหวานกันและกัน บทรักของผมเร้าร้อนเหมือนบทรักของผู้ใหญ่เข้าไปทุกวัน เพราะว่าคนคนนี้ที่สอนให้ผมรู้จักทุกอย่าง



                       “ตุบ” ผมไม่รู้ว่าผมถอยหลังมาตอนไหนแต่มารู้อีกทีร่างผมก็ถูกดันให้ลงไปนอนบนที่นอนเรียบร้อย พี่เขมก็ถอดเสื้อเชิ้ตออก



                       “ให้พี่อาบน้ำก่อนไหม” พี่เขมถามผม ผมส่ายหัวเบาๆ



                       “พี่เขมหอมสำหรับผมอยู่แล้ว พอเราทำเสร็จแล้วค่อยเข้าไปอาบน้ำด้วยกันอีกที” ผมพูดบอกพี่เขม พี่เขมก็ขึ้นมาค่อมผมพร้อมกับพรมจูบที่เสียวซ้านให้ผมไปทั่วเรือนร่างของผม มันเสียวขนาดที่ผมนอนอยู่ไม่สุข จนผมรู้สึกว่าพี่เขมเอามือมาจับที่ขอบกางเกงยางยืดเพื่อเผยให้เห็นแกนกายของผมที่แข็งจนจะดันกางเกงยางยืดออกมาอยู่แล้ว พี่เขมเงยหน้ามองผมก่อนจะกลืนลายลงคอไปและพี่เขมก็รูดกางเกงยางยืดนั้นออกไปให้พ้นทาง พร้อมกับก้มลงคอบปากเข้าที่แกนกายของผม ตอนนี้ผมได้แต่นอนจิกผ้าปูที่นอน มันเสียวที่สุด



                       “อ้าห์ พี่เขม ซี้ด เสียวที่สุด อ้าห์ “ ผมครางออกมาพร้อมกับแอนร่างผมขึ้นลงเพื่อลดหลั่นอารมณ์ที่ครุกรุ่นให้ช้าลง



                       “อ้าห์ !” ผมก็ต้องคราวออกมาและแอ่นหน้าท้องขึ้นเกร็งเมื่อพี่เขมขบเม้มเข้าที่หัวหนาว พี่เขมหยุดการใช้ปาก พี่เขมถอดกางเกงปราการสุดท้ายออกไป ก่อนจะขึ้นมานั่งค่อมผม ผมก็กระดกหัวมอง





                       “ไม่รุกผมเหรอ” ผมถามคนที่กำลังจะแปลงร่างเป็นคาวบอยให้ผม



                       “ไม่ละ อยากโดนรุกมากกว่า ” พี่เขมพูดผมก็ดันตัวเองขั้นมาอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึงนอนและพี่เขมก็ยกก้นขึ้นให้ช่องทางรักตรงอยู่ในระดับเดียวกับแกนกายที่มันตั้งชูชันรอการสอดใส่ พี่เขมค่อยๆดันมันลงไปช้าๆ ผมเองก็ ต้องหลับตาพริ้ม เพราะว่ามันให้ความรู้สึกตอดรัดไปพร้อมๆกัน คับแน่นแต่รู้สึกดีของผมนะแต่พี่เขมนี้คงอึดอัดน่าดุ สังเกตจากสีหน้า



                       “โอ้วว !! อะ…. โอ้ว! ฟู่!! ” ผมต้องเป็นฝ่ายร้องครางเบาๆพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาเพื่อผ่อนเบาอารมณ์พุ้งพร้านในกายผม  ในขณะที่แกนกายของผมกำลังถูกคอบงำโดยช่องทางรักของพี่เขม ไม่นานก็หายไปจนหมดพร้อมกับหน้าตาอันเหยเกของพี่เขม พี่เขมต้องหยุดสักพักและพี่เขมก็เริ่มโยกเบาๆ คลอๆ เนิบๆ ผมเองก็ยันตัวเองขึ้นเพื่อโรมเล็มสองจุดที่แปะอยู่บนแผ่นอกแบนๆนั้นเล่น ปลายลิ้นที่ตวัดและอีกข้างก็ใช้นิ้วบี้ ผมทำสลับข้างกันไปมา พี่เขมก็เริ่มโยกขึ้นลงเร็วขึ้น ยิ่งผมใช้ปากกับสองจุดนั้นหนักหนวงแค่ไหนพี่เขมก็ยิ่งเร่งจังหวะขึ้นลงเองโดยที่ผมไม่ต้องสงสัญญาณอะไรเลย



                       “ปึกๆ”เสียงที่นอนที่ยุบขึ้นยุบลง เตียงใหม่ที่พี่เขมเพิ่งไปซื้อมาเมื่อตอนปีใหม่สงสัยจะได้เปลี่ยนใหม่แน่ๆ



                       “โอ้วว คริส โอ้วว “ เสียงพี่เขมครางออกมาเมื่อผมเริ่มพรมจูบไปทั่วแผ่นอกแบนๆนั้น และพี่เขมก็ดันผมลงไปนอนราบ ผมเห็นพี่เขมเปลี่ยนมาเป็นท่านั่งย่องๆ



                       “ฟู่!” ผมต้องพ่นลมหายใจออกมายาว เพราะว่าพี่เขมเล่นท่ายาก โดยการขึ้นแบบสุดและลงแบบสุดจนผมเริ่มจะอั้นไม่อยู่



                       “อืม….โอ้ว! ๆ “ เสียงครางของผมและเอวที่เด้งสวนช่วงจังหวะที่พี่เขมลง



                       “คริสอย่าเด้งสวนพี่ขึ้นมาแบบนี้ซิ! “ พี่เขมเอ็ดผมใหญ่เลย ผมก็หรี่ตามอง แอบหัวเราะพี่เขมเบาๆ และผมก็ปล่อยให้พี่เขมควบคุมมันไปได้สักพัก



                        ผมก็จับเอวพี่เขมให้หยุดและพลิกมาให้พี่เขมลงนอนคว้ำ ผมก็จับก้นพี่เขมโด่งขึ้นเล็กน้อย ผมพลิกมาโดยที่แกนกายยังไม่หยุดออกมาจากกัน ผมก็ลากพี่เขมมาที่ขอบเตียง



                       “ตับๆๆๆๆๆๆ” ผมรัวแบบให้เร็วที่สุด เร็วขนาดที่เกือบจะหายใจทางปากแทน



                       “อืม  อู้ยยย ซี้ด อ้าห์!!! “เสียงครางของผมกับพี่เขมเริ่มดังขั้น แต่ผมแน่ใจได้ว่าบ้านพักครูยังคงไม่มีใครอยู่หรือไม่บางคนก็เตรียมตัวออกเดินทางเลยทันทีที่สอนเสร็จ หรือท่ามีก็คงได้สยิวกิ้วขนแขนแสตนอัพกันบ้าง



                       “อ้าห์” ร่างผมเริ่มกระตุกเกร็ง ผมรับรู้ได้ว่าน้ำรักผมทะลักออกมาแล้ว ผมไม่ได้สวมถุงกับพี่เขมมาพักใหญ่แล้ว มันให้อารมณ์ที่ฟินกว่าผมรู้ว่าพี่เขมก็เสร็จเช่นกัน เราสองคนไปถึงฝังฝันพร้อมกัน ผมทิ้งตัวลงไปนอนข้างๆพี่เขม พี่เขมก็พลิกตัวมาพร้อมกับเอาแขนยันที่นอนเอาไว้เขามองหน้าผม



                       “ปึกๆ”ผมตบที่แผ่นอกของผมอยากให้พี่เขมหนุน พี่เขมก็วางศรีษาลง ซึ้งปกติจะเป็นผมเองที่ทำ พี่เขมก็จะเอามือลูบหัวผมอย่างเอ็นดู แต่วันนี้ผมอยากเป็นคจนที่ดูแลพี่เขม



                       “รอผมนะพี่เขม ผมจะมาดูแลพี่ ตามที่ผมเคยสัญญากับพี่เอาไว้ ว่าผมจะดูแลพี่ให้ดีกว่าที่พี่เขมทำให้ผมอีก อืมม” ผมพูดพร้อมกับประจบหันไปจูบพี่เขม



                       “ไปอาบน้ำกันเถอะพี่จะได้ขับรถกลับ เพื่อไปให้ทันทานอาหารเย็นกัน “ พี่เขมพูดผมพยักหน้าและพากันเข้าห้องน้ำอาบน้ำก่อนจะรีบออกมาแต่งตัว ของใช้ผมไม่เยอะ ผมเก็บใส่ลังเอาไว้แล้ว ผมบอกกับพี่เขมว่าจะเอาไปไว้ที่ห้องพี่เขมเลย ของผมก็จะมีพวกหนังสือการ์ตูนเกี่ยวกับบาสเก็ตบอล ซีดีหนังโป้อะไรนั้นผมให้พวกรุ่นน้องไปหมดแล้ว เสื้อนักเรียนบางตัวใหม่ๆผมก็ให้รุ่นน้องไปบางและเก็บเอาไว้ด้วยให้พี่เขมเอาไว้ดูเวลาคิดถึงผม รวมทั้งเสื้อบาสเก็ตบอลที่ผมสวมใส่ลงแข็งขันล่าสุดก็ให้พี่เขมเก็บเอาไว้



                       “เสร็จหรือยังคริส” พี่เขมถามผม ผมหันมามองพี่เขม



                       “ครับที่รัก” ผมตอบพี่เขม ก่อนจะพากันเดินลงจากบ้านพักครู ผมเหลียวหลังหันไปมอง



                       “พี่จะต้องย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังที่หกแทนครูโจ้เทอมหน้าเพราะว่าครูโจ้เขาซื้อบ้านแล้ว เขาอยากมีความเป็นส่วนตัวและพี่ก็จะต้องอยู่เวรกลางคืนดูแลนักเรียนกับครูสมชาย” พี่เขาบอกผม



                       “ให้พวกอาร์ท โจ ปันปันและโป้งมาช่วยขนของนะพี่เขม” ผมบอกพี่เขม พี่เขมพยักหน้า ผมเข้าไปในรถ พี่เขมก็ทำหน้าที่ขับรถ รถพี่เขมกำลังจะขับผ่านโรงเรียนที่ผมอยู่มาตั้งแต่มัธยมต้นจนถึงตอนนี้ และผมก็ต้องจากไปก่อนที่จบพร้อมเพื่อน ตอนแรกผมก็เร่งวันเร่งคืนดีแต่ตอนนี้ซิใจหายยังไงบอกไม่ถูก



                       “คริส โค้ชอลันนะ” ครูเขมพูด ผมเห็นโค้ชผมมายืนพิงรถฮาเลย์เดวิสสันตรงทางเข้าโรงเรียน พี่เขมก็จอดรถให้ผมเดินลงไป พี่เขาหันมามองผม พร้อมกับกางแขนมาแต่ไกล



                       “ไม่มาส่งได้ไง ไอ้น้องรัก” พี่อลันพูดผมก็เข้าไปกอด พี่อลันเป็นโค้ชที่ดี เป็นรุ่นพี่ที่ดีเช่นกัน

           



                       “โชคดีนะคริส พี่หวังว่าไปเรียนมหา’ลัย ก็อย่าทิ้งกีฬาบาสเกตบอลนะ มึงฝึกมาจนได้แล้ว จากที่มึงชู้ตไม่เข้าตากูเลยสักลูก ตอนนี้มึงสุดยอดที่สุดรองลงมาจากไอ้โป้งวะ ถามว่าพี่เสียดายไหม เสียดายมากว่ะ “ พี่อลันพูด ผมพยักหน้า ใช่ไงผมอยากเล่นบาสเกตบอลเพราะว่าไอ้โป้ง ทั้งที่ผมไม่มีพื้นฐานมาก่อน วันแรกที่พี่เขาให้ผมชู้ตให้ดูไม่เข้าสักลูก จนพี่เขาบอกว่าผมนะไม่มีทางได้ตำแหน่งตัวจริง เท่านั้นแหละฝึกชู้ตมันทั้งคืนไม่ได้หลับได้นอนจนผมจับจังหวะตัวเองได้และนั้นก็ทำให้ผมชู้ตเข้าทุกลูกและพี่อลันก็ให้ตำแหน่งตัวจริงกับผม



                       “ขอบคุณนะครับพี่” ผมพูด



                       “เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นเบอร์ครูเขมแทนได้ไหมว่ะ” อันนี้เล่นเอาผมสะบัดหน้าไปมองทันที



                       “กูล้อเล่นนะ กูรู้แล้วว่ามึงกับครูเขาเป็นแฟนกัน กูไม่แย้งแฟนใครสุ่มสี่สุ่มห้าหรอกว่ะ ไม่อย่างนั้นนะแฟนกูตรึมแล้วครับ กูเลือกจีบเฉพาะคนไม่มีแฟนโว้ย” พี่อลันพูด



                       “ผมไปนะพี่ ผมบอกไอ้พวกนั้นว่าผมจะกลับมาดูมันแข่งบาสเกตบอลพี่หน้าให้ได้ “ ผมพูดบอกพี่อลันก่อนจะเดินไปขึ้นรถ พี่อลันก็ตะเบะให้พี่เขมก่อนที่รถพี่เขมจะแล่นออกไป ตลอดการเดินทางผมก็กุมมือพี่เขมไปตลอด เราคุยกันถึงอดีต ปัจจุบันและจบด้วยอนาคต ว่าเราจะแต่งงานกันที่ไหน ทำอะไรบ้าง แต่ผมยังไม่ได้ตัดสินใจว่าผมจะกลับมาเป็นครูที่นี้หรือทำงานที่ออสเตรเลีย ผมรู้ว่าพี่เขมเขากังวลเรื่องนี้เพราะว่าพี่เขมเขาเป็นห่วงแม่รดาที่สุด

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขอโทษนะคะ มาสั้นไปหน่อย คืนนี้มาลงให้ทันจะมาลงอีกตอนนะคะ ตอนที่ครูเขมต้องไปส่งคริสโตเฟอร์แล้ว แอบปวกใจแทนครูเขม แต่ไรท์จะมีตอนของพี่่ต้นมาเป็นตัวรอระหวางที่คริสไปเรียนต่อนะคะ ถ้าขอบกดไลฟ์ ถ้าใช่ กดหัวใจให้คนแต่งหน่อยนะคะ รักคนอ่านจุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.4ุ9 (ครูเขมXคริส)บทรักของผมกับพี่ก่อนที่ผมจะไป
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 20-10-2020 12:27:20
 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.4ุ9 (ครูเขมXคริส)บทรักของผมกับพี่ก่อนที่ผมจะไป
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 20-10-2020 15:45:58
พักของตัวเองมาแอบอ่าน 55 กรี้ดมาก  :jul1:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.50(ครูเขมXคริส)ถ้าการรอที่มีจุดหมายพี่ก็จะรอ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 20-10-2020 20:20:33
     
(ครูเขมXคริส) ถ้าการรอที่มีจุดหมายพี่ก็จะรอนายอยู่ตรงนี้

                    Part ครูเขมชาติ                  ผมกับคริสโตเฟอร์ เดินทางมาถึงบ้านก็ประมาณ เกือบหกโมงครึ้ง ผมได้โทรอธิบายเส้นทางการเดินมาที่บ้านผมให้บริษัทที่พ่อของคริสเขาใช้บริการเช่ารถยนต์จากสนามบิน เพื่อมาทานอาหารเย็นพร้อมกันที่บ้านแม่ของผมพรุ่งนี้คริสโตเฟอร์ก็จะเดินทางไปออสเตรเลียแต่เช้าโดยเครื่องจะไปลงซีดนีย์และบินต่อไปยังแคนเบอร่า พ่อของเขามีคอนโดอยู่ที่กรุงแคนเบอร่า แต่ก่อนมีคนเช่าแต่ตอนนี้เขาต้องการให้คริสไปอยู่ที่นั้นส่วนพ่อของเขาก็เดินทางไปต่างประเทศบ่อยและมหาวิทยาลัยที่เขาดูไว้ให้คริสก็อยู่ที่แคนเบอร่า ผมเคยไปอยู่ที่นั้นกับพ่อของผม เป็นเมืองหลวงที่ค่อนข้างวุ่นวายแต่ก็น้อยกว่ากรุงเทพอยู่ดี



                  “คริสโทรเช็คพ่อเธอด้วยนะ ว่าพ่อเธอเขามาบ้านพี่ถูกไหม” ขณะที่ผมนำรถเข้าไปจอดในบ้านของผม ผมก็หันไปบอกคริสโตเฟอร์ คริสเขาก็พยักหน้าตอบผมก่อนจะเดินเลี่ยงไปโทรหาพ่อของเขา ผมก็ยกกระเป๋าลงจากรถ



                  “พี่เขมพ่อบอกว่ากำลังจะออกจากสนามบินแล้วพี่ก็คงประมาณ สี่สิบนาทีได้ครับพี่เขม”คริสโตเฟอร์บอกผม ผมพยักหน้าตอบ คริสเข้ามาช่วยผมขนของเข้าบ้าน



                  “อ้าวมากันแล้วเหรอเรา” ป้าวิไลมาช่วยแม่ผมทำอาหารวันนี้ด้วย คริสโตเฟอร์ยกมือไหว้ป้าของผม ผมก็ยกมือไหว้และเข้าไปกอดเหมือนเช่นทุกครั้ง ป้าวิไลรักพวกผมเหมือนลูกแท้ๆ แต่ป้าแกไม่ได้แต่งงานเลยไม่มีลูกมีแต่พวกผมที่เป็นหลาน



                  “แม่เราอยู่ในครัวนะ แต่อาหารใกล้เสร็จแล้วแหละเขม” ป้าวิไลบอกพวกผม



                  “ถ้าอย่างนั้นคริสไปอาบน้ำก่อนนะ พี่จะช่วยป้าวิไลจัดโต๊ะอาหารรอ “ ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์



                  “ทำไมไม่ขึ้นไปอาบพร้อมกันละพี่เขมประหยัดเวลาและพ่อบอกว่าแค่สี่สิบนาทีเองนะก็มาถึงแล้วนะพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด



                  “ไปเถอะ และจะได้รีบลงมารับแขก ป้าจัดได้ลูก” ป้าวิไลบอกผม ผมก็รีบเข้าไปในห้องครัวก่อน ผมเห็นแม่ผมกำลังยืนทำอาหารอย่างประดิษฐ์ประดอย อาหารแต่ละจานถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ตามสไตล์ครูสอนคหกรรม



                  “หมับ” ผมกอดแม่รดาจากด้านหลัง



                  “อุ้ย! เขม เล่นเป็นเด็กๆอีกแล้ว ดูซิอายน้องเขาไหมนะ” แม่รดาพูดและหันมาหอมแก้มผม คริสโตเฟอร์ยืนมองผมกอดแม่รดา



                  “มาซิ มาให้แม่กอดอีกคนก็ได้ คริสก็เหมือนลูกแม่นั้นแหละ” แม่รดาพูดคริสโตเฟอร์ก็เข้ามากอดแม่ผม



                  “ ใจหายเหมื่อนกันนะคริส แต่แม่เชื่อว่านี้สิ่งที่ดีที่สุดของเรานะคริส ไปแล้วตั้งใจเรียนนะรู้ไหมจบมาจะได้มาอยู่ด้วยกัน นี้คิดไว้ถึงขั้นไหนกันละ เราสองคน” แม่ผมพูดและถามผมกับีคริสโตเฟอร์



                  “ผมตั้งใจว่าจะเรียนให้จบภายในสามปีและแต่งงานกับพี่เขมครับแม่” คริสโตเฟอร์พูด แม่ก็มองหน้าผม



                  “แม่ก็ขอให้เราทำให้ได้ดังที่เราตั้งใจนะคริสนะ ไปลูกไปอาบน้ำ อาหารจะเสร็จแล้ว และนี่พ่อเราจะมาถึงกี่โมงละ” แม่รดาถามขึ้น



                  “อีกสี่สิบนาทีครับแม่” คริสโตเฟอร์ตอบแม่ผม



                  “งั้นไปอาบน้ำกันเลยนะ กลับมาเหนื่อยๆเหนียวตัวแย่ ไปลูกไป” แม่รดาพูดผมสองคนก็รีบเดินขึ้นบ้านและพากันเข้าห้องอาบน้ำ ช่วยกันอาบน้ำ ถูสบู่ให้กันและกัน มันทำให้ผมอดคิดไม่ได้ถ้าเขาไปแล้วใครจะถูให้ผมละ แล้วคริสละเขาจะคิดเหมือนผมไหม



                  “พี่เขม ถ้าผมไปอยู่ที่โน้น ผมจะให้ใครจับผมอาบน้ำละทีนี้” คริสโตเฟอร์พูดขณะที่ออกมาสวมใส่เสื้อผ้ากัน



                  “พ่อนายไง” ผมพูดและหันไปเหล่มอง



                  “ไม่เอาอ่ะ อยากได้พ่อเขมอ่ะ”



                  “งอแงตลอด  หัดอาบน้ำเองได้แล้ว นายโตแล้วนะ”ผมหันไปพูดกับคริสโตเฟอร์



                  “บางทีผมก็อยากหยุดไว้แค่นี้เพื่อพี่เขมอ่ะ ไม่อยากโตไปกว่านี้ เพราะว่าบางทีภารหน้าที่มันก็กดดันผมนะพี่เขม ผมไม่ได้หมายความว่าผมไม่อยากดูแลพี่นะ”



                  “แต่การที่จะดูแลใครสักคนต้องไปทำให้ตัวเองพร้อมและต้องอยู่ห่างกันแบบนี้ ผมไม่รู้ว่าผมจะทนได้ไหมอ่ะพี่เขม ขนาดแค่ห้าวันตอนที่พี่ไปอบรมผมยังแย่เลย “ คริสโตเฟอร์พูด ผมสวมเสื้อยืดก่อนจะเดินเข้ามาอยู่ตรงหน้าของคริสโตเฟอร์ คริสเขาเงยหน้าขึ้นมองผม



                  “ถ้าคิดถึงพี่ ส่งอิเมลมาระบายกับพี่ได้นะ แม้ว่าเราจะไม่ได้คุยกันแต่พี่จะคอยอ่านอิเมลของเรา” ผมพูดและมองใบหน้าคนตรงหน้า ผมค่อยๆ ประกบปากจูบคริสโตเฟอร์



                  “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูห้องนอนผม ผมเดินไปเปิดก็พบว่าเป็นแม่รดาของผมเอง



                  “พ่อเรามาถึงแล้วคริส “ แม่ผมเดินมาบอก ผมสองคนก็เดินตามแม่รดาลงไป



                  “ไม่ต้องถามเลยว่าใช่พ่อเราไหมคริส เหมือนมากจริงๆเรากับพ่อนะ”แม่รดาพูดผมก็พยักหน้าว่าเห็นด้วย เขาเหมือนกันยังกับพิมพ์เดียวกันเลย ทันทีที่ผมสองคนเดินลงมาถึงก็เห็นผู้ชายที่ผมจำได้ดีแม้จะเจอกันแค่ไม่กี่วันก่อนที่เขาจะบินไปฟิลิปปินส์ เดนิส  เขายืนมองรูปครอบครัวผมก่อนจะหันหลังมามองผมสองคน



                  “Hi dad, How’s it going?”



                  “Good. Yourself?”



                  I’m good thanks “



                  “Hi Khem, How about you?”



                  “I can’t complain Thanks Denis. And you ?”



                  “Not to bad I little bit tried “



                  “แม่คุณเก่งนะ ท่านสื่อสารภาษาอังกฤษได้ด้วย “ พ่อของคริสโตเฟอร์ชมแม่ของผม แม่ผมพอจะพูดได้เพราะว่าแม่ผมเดินทางไปหาพ่อผมบ่อยและบางที่ก็มีทำอาหารเลี้ยงเพื่อนๆของพ่อผมที่เป็นคนต่างชาติเลยเหมือนได้หัดไปในตัว



                  “ผมคุ้นหน้าพ่อคุณมาก เหมือนผมเคยเจอเขานะ “ พ่อของคริสโตเฟอร์พูดผมหันไปมองคริส



                  “มัมเคยเข้าไปขอให้เขาช่วยทำเรื่องเอกสารไงพ่อที่จะพาผมกลับมาเรียนที่ไทยต่อ “คริสโตเฟอร์บอกพ่อของเขา



                  “จริงดิ” พ่อของคริสโตเฟอร์หันมาถามคริส คริสก็พยักหน้าว่าใช่



                  “พ่อผมเป็นนักการทูตที่ประจำที่ประเทศออสเตรเลีย ณ กรุงแคนเบอร่า” ผมบอกกับเดนิส เดนิสเขาก็ตกใจพอสมควร



                  “ผมขอโทษนะครับที่พ่อผมเคยช่วยให้แม่ของคริสเขาพาคริสมาจากคุณแต่ผมคิดว่าพ่อผมช่วยเพราะมีเหตุผลนะครับ” ผมหันไปบอกเดนิส



                  “ผมรู้ว่าทำไมเขาถึงช่วยแม่ของคริส “ เดนิสหันมาบอกผม



                  “แม่ของคริสเขาเริ่มป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามาได้สักพักแล้ว ผมว่าเขาเป็นตั้งแต่หลังคลอดคริสโตเฟอร์ เขาเครียดมากเขาไม่อยากอยู่ เขาโดนกดดันจากครอบครัวของเขาเองที่ไทย ผมก็เลยตัดสินใจรับเขามาอยู่กับผมที่ออสเตรเลีย เพื่อว่าเขาจะมาหางานทำที่นี้ และรายได้ก็ดีกว่าที่ไทย” ผมก็ต้องตกใจผมเองก็รู้เรื่องนี้มาก่อนและคริสโตเฟอร์เองก็ตกใจมิใช่น้อยเหมือนกัน

         

                  “ผมพยายามเกลี่ยกล่อมให้เขาไปหาหมอที่ออสฯแต่เขาไม่ยอม และผมก็มีงานเข้าเยอะขึ้น เขาบอกว่าจะไปพบหมอที่ไทยดีกว่า แต่ผมก็ไม่คิดว่าเขาจะมาแล้วไม่กลับไปออสเตรเลียเลย จนกระทั้งทางโรงเรียนของคริสโทรมาหาผมและเขาก็บอกว่าแม่ของคริสทำเรื่องขอเอกสารเพื่อจะนำคริสไปเข้าเรียนที่ไทยต่อ นั้นแปลว่าเขาตััิดสินใจไม่กลับไปหาผมแน่นอน” พ่อของคริสหันมาหน้าคริสโตเฟอร์



                  “อันที่จริงพ่อไม่ได้ห้ามหรอกนะถ้าแม่เขาอยากจะย้ายกลับมาที่ไทยพ่อไม่ได้ห้ามหากเขาต้องการคริสไปกับเขา แต่ที่พ่อกลัวคือ กลัวแม่เราจะทำร้ายเรา เพราะเขาป่วยอยู่ “ พ่อของคริสโตเฟอร์พูด



                  “ผมก็ไม่รู้ว่าแม่ป่วยเป็นโรคอะไร เพราะว่าตอนที่กลับมาอยู่ไทยแม่ต้องไปพบหมอทุกเดือนและค่อยเปลี่ยนมาเป็นทุกสามเดือน นี่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแม่ป่วยเป็นโรคนื้ “ คริสโตเฟอร์พูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด



                  “ดังนั้นผมจึงไม่โกรธพ่อของเขมหรอกนะ ผมเชื่อว่าเขาทำตามหน้าที่เพื่อช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน ผมเข้าใจตรงนี้ดี” พ่อของคริสโตเฟอร์หันพูดกับผม



                  “เขม อาหารเสร็จตแล้วลูกมานั่งทานกันดีกว่า” แม่ของผมเดินมาบอกผม



                  “เดนิส อาหารพร้อมแล้วครับ เราไปทานกันเถอะครับ” ผมหันไปบอกเดนิส เดนิสเขาพยักหน้าและเดินมาโอบไหล่ผมสองคน



                  “คุณโอเคใช่ไหมเขม ผมไม่ได้ทำให้คุณลำบากใจเกินไปใช่ไหมเขม เรื่องคริส”  เดนิสเขาหันมาถามผม คงหมายถึงเรื่องที่คริสจะต้องเดินทางไปแล้วพรุ่งนี้



                  “ผมโอเคครับเดนิสและผมก็เข้าใจมันดี “ผมหันไปตอบเดนิสว่าผมโอเค



                  “ไม่ต้องกังวลว่าผมจะแยกเขาออกไปจากคุณนะเขม ผมเชื่อว่าเขามั่นคงต่อคุณ และนี่เขาก็ดูมีความคิดเกินตัวสำหรับวัยเดียวกันกับเขานะ ผมมีหลานชายยังมีความคิดไม่เท่ากับเขาเลย ยังวัยรุ่นชอบทำอะไรแบบไม่คิดเยอะกว่านี้อีก” เดนิสพูดผมพยักหน้า



                  “ว้าว! แม่คุณทำเองเหรอครับ อาหารเหล่านี้” เดนิสชี้ไปที่อาหารบนโต๊ะ วันนี้แม่ผมทำหลายอย่างเลย มี ไข่ลูกเขย แกงมัสมันเนื้อ ข้าวผัดสับปะรด ทอดมันปลาและกุ้ง ผัดเปรี้ยวหวาน แม่ยังทำสลัดเอาไว้ให้เดนิสด้วย



                  “ใช่ครับ แม่ผมเป็นครูสอนทำอาหาร ผมเลยอยากเป็นครูเหมือนแม่ผม แต่ผมไม่ถนัดทำอาหารเลย ก็เลยมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษแทน” ผมพูดเดนิสหันมายกนิ้วโป้งให้ผม ผมก็ผายมือเชิญให้เขานั่ง เดนิสนั่งข้างๆคริสโตเฟอร์



                  “มีอีกอย่างนะ เห็นเขมบอกเราชอบทาน ผัดเผ็ดสตอ” แม่ผมพูดและป้าวิไลก็เดินออกมาพร้อมจานอาหารของโปรดคริสเขา



                  “เมื่อวานเพื่อนป้าเขามาจากใต้เขาเลยเอามาฝาก สดใหม่จากสวนเลย” ป้าวิไลพูด



                  “เดนิส นี่คือป้าผมครับ ท่านเป็นพี่สาวของแม่ผมอีกที”ผมแนะนำป้าวิไลให้เดนิสรู้จัก เดนิสก็ยกมือไหว้แบบเก้ๆกังๆ แต่เขาก็พยายามไหว้ให้สวยอยู่นะ



                  “เก่งนะ ไหว้เป็นด้วย” ป้าวิไลชมเดนิส เดนิสเขาหันมามองผม

         

                  “ป้าผมเขาบอกว่าคุณเก่งมากนะครับ เดนิส” ผมพูดเดนิสก็หันไปยิ้มขอบคุณป้าผม พวกเราก็ทานอาหารเย็นกันคุยกันไป เดนิสก็พยายามคุยนะแต่ก็ผ่านผมที่ต้องแปลให้ป้ากับแม่ของผมฟังอีกที บางคำก็ต้องให้คริสช่วยเพราะ ศัพท์เฉพาะที่เขาเรียกว่าคำแสลงของประเทศออสเตรเลียผมไม่คุ้นเคย



                  “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับโรงแรมก่อนเลยนะครับ พอดีเพื่อนผมมารับแล้วนะครับ” พ่อของคริสโตเฟอร์หันมาบอกพวกผม และแม่ของผม ส่วนป้าวิไลพี่ทรายลูกพี่ลุกน้องของผมมารับไปก่อนแล้ว



                  “เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพนะคะ มาเที่ยวไทย แวะมาหากันบ้าง จะได้ทำอาหารไทยให้ทานอีก วันนี้ทานซะเยอะเลยนะคะ” แม่ผมพูดและผมก็แปลเป็นภาษาอังกฤษให้เดนิสฟังอีกที



                  “แน่นอนครับ ผมต้องแวะมารบกวนอีก อาหารอร่อยมาก ผมชอบทานอาหารไทยที่ประเทศไทย เพราะว่ามันได้รสชาติของอาหารไทยจริงๆ” เดนิสพูดบอกแม่ผม



                  “อาหารไทยที่ออสเตรเลีย บางร้านรสชาติเปลี่ยนไปจน จำรสชาติดั้งเดิมไม่ได้แล้ว ถ้าไม่เคยมาเที่ยวไทยมาชิมรสชาติที่ไทยจะไม่รู้เลย แต่ที่แคนเบอร่าผมจะมีร้านประจำ เรียกว่าทานแล้วนี่แหละอาหารไทยจริงๆ “ พ่อของคริสโตเฟอร์พูด



                  “Rrrr “เสียงมือถือพ่อของคริสดังขึ้น



                  “โอเคครับ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้ เจอกันครับ” พ่อของคริสพูด พอกดวางสายพ่อของคริสก็หันไปยกมือไหว้ลาแม่ของผม ผมกับคริสก็เดินออกมาส่งพร้อมกัน



                  “พรุ่งนี้ไปก่อนเวลาหน่อยนะคริส เพราะว่าต้องไปเช็คอินก่อนเวลาเครื่องออกอย่างน้อยสักสองถึงสามชั่วโมง” เดนิสหันมาบอกคริสโตเฟอร์



                  “ เจอกันพรุ่งนี้นะครับ เขม “ ผมก็พยักหน้าตอบ ผมเห็นมีรถเก๋งมาจอดและเป็นผู้หญิงไทย ผิวเข้มสวยแบบหญิงไทยสวมชุดรัดรูปออกมาจากรถ



                  “สวัสดีค่ะ “ ผู้หญิงคนนั้นทักผมกับคริส คริสมองหน้าพ่อของเขา



                  “เขาเป็นเพื่อนพ่อนะคริส “ พ่อของเขาอธิบาย ผมก็ขยิบตาให้คริส เพราะว่าเขายืนทำหูทวนลมไม่ฟังพ่อเขาพูด จนผมสะกิดให้เขายกมือไหว้หน่อย



                  “สวัสดีครับ” คริสแค่ยกมือไหว้แต่ไม่ได้มองหน้า



                  “นี่น้องคริสเหรอคะ เดนิส”



                  “ใช่ครับนี่ลูกชายผมคริสโตเฟอร์ที่เคยเล่าให้คุณโรสฟัง เออ คริส นี่คุณโรสนะ “



                  “ครับ “ คริสตอบแค่นั้นและทำท่าจะหันหลังเดินเข้าบ้าน ทำให้เพื่อนของพ่อเขาถึงกับมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ผมรู้ว่าเรื่องพวกนี้เขาต้องใช้เวลา



                  “ผมไปก่อนนะเขม เจอกันพรุ่งนี้นะ” พ่อของคริสหันมาบอกลาผมส่วนคริสนะหันหลับเข้าบ้านผมไปเรียบร้อยแล้วคงตรงเข้าไปช่วยแม่ผมล้างทำความสะอาด ผมได้แต่สิ่งยิ้มเจื่อนๆไปให้เพื่อนของพ่อเขา คุณเดนิสเดินโอบเอว ไปที่รถ ผมว่าเดาได้เลยว่ามากกว่าเพื่อนแน่นอนแต่ว่าเขาก็เลิกกับแม่ของคริสนานแล้วนี่ ผมคงต้องพูดกับคริสอีกแล้วใช่ไหม และนี่เล่นไม่บอกลาพ่อเลยโกรธพ่อหรือไง นี่ยังไม่ทันได้ไปอยู่ด้วยกันเลยนะ ผมแอวเป็นห่วงซะแล้วซิ



               “คริส” ผมเรียกคริสโตเฟอร์ ผมเห็นเขากำลังช่วยแม่ผมล้างเก็บทุกอย่าง และคุยกับแม่ผมไปด้วย โดยที่ไม่ได้หันมามองผม



                  “คริส!”ผมเรียกเขาอีกครั้งตอนนี้คริสชะงัก แม่รดาหันมามองหน้าผม แม่คงรู้ว่าผมมีเรื่องต้องคุยกับเขาแน่ๆ



                  “คริส ไปหาพี่เขมเถอะ แม่เก็บเองแคไม่กี่ชิ้นแม่ก็จะขึ้นห้องสวดมนต์แล้วลูก”แม่ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์เขาก็หยุดมือและหันมามองหน้าผม เขารู้ว่าผมจะพูดเรื่องอะไรกับเขาตอนนี้ 



                  “ขึ้นห้องนะ” คริสโตเฟอร์พูด ผมพยักหน้าว่าได้ ผมเดินขึ้นไปบนห้องด้วยกัน โดยไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรกันก่อนจนกระทั้งผมสองคนเข้าไปในห้องนอนของผม ผมหันมามองคริสโตเฟอร์ มือเขากำหมัดแน่น



                  “ คริส….นี่เราโกรธพ่อเหรอคริส เรื่องที่เขา”



                  “ใช่พี่เขม ผมโกรธเขา ทั้งที่ผมก็รู้ว่าผมไม่ควรจะโกรธ ที่เขาจะมีคนใหม่ ในเมื่อเขากับแม่ผมเลิกกันแล้ว แต่” คริสโตเฟอร์เดินเข้าไปหยุดที่โต๊ะเขียนหนังสือของผม และเขาก็ใช้มือทั้งสองยันโต๊ะเอาไว้ คริสก้มหน้าลง เขาพูดกับผมพูดแต่มันลงท้ายตรงคำว่าแต่ ผมก็เดิเข้าไปแตะที่ไหล่เขาเบาๆ ของเขา 



                  “แต่มันไม่ได้เลิกกันอย่างเป็นทางการซะหน่อย แม่ผมแค่ไม่ได้ติดต่อพ่อเองแค่นั้น และผู้หญิงคนนี้ผมจำได้ พ่อบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับแฟนของเพื่อนพ่ออีกที และนี้เขากลับมา…” คริสโตเฟอร์ทำท่าจะพูด



                  “มาทำแบบนี้ ตอนนั้นต่อให้ผมแค่เก้าขวบ ผมก็จำผู้หญิงคนนี้ได้ดีพี่เขม “ คริสโตเฟอร์พูด ผมได้แต่จับไหล่ของเขาและบีบ



                  “คริส เขาอาจจะเข้ามาตอนที่พ่อนายอ่อนแอและต้องการใครสักคน แต่พี่เชื่อว่าพ่อกับแม่นายเขายังคงมีสิ่งที่เขาสองคนทำร่าวกันได้ดี นั้นคือหน้าที่พ่อกับแม่ไง” ผมบอกคริสโตเฟอร์



                  “แล้วพี่ละ ถ้าผมหายไปไม่ติดต่อพี่เลยหกเดือนพี่จะเป็นเหมือนพ่อผมไหม”



                  “ถ้าการรอโดยมีจุดหมายปลายทางพี่ยินดีที่จะรอ แต่กรณีของพ่อนายเขาไม่เห็นจุดหมายว่า เขาไม่รู้ว่าแม่หรือนายจะกลับมาหาเขาอีกไหมนิคริส ในตอนนั้น “



                  “แต่พี่จะรอผมใช่ไหมพี่เขม”



                  “รอ ตลอดไปพี่ก็รอ” ผมพูดและเอาฝามือผมแตะที่ใบหน้าของคริสโตเฟอร์ เราจูบกัน



                  “คืนนี้เราจะกอดกันเป็นคืนสุดท้าย แต่ไม่ใช่วันสุดท้ายของเราสองคนนะพี่เขม ผมจะกลับมา”คริสโตเฟอร์พูด

         

                Part เขมชาติ  ผมสองคนนอนกอดกัน พูดคุยกันเรื่องราวต่างๆตั้งแต่วัยเด็กของผมที่มีพี่ชายและเรื่องตอนเรียนมัธยมเมื่อผมค้นพบว่าผมรู้ว่าผมเป็นเกย์ตั้งแต่เมื่อไหร่แต่น่าเสียดายช่วงที่ผมเจอเขาครั้งแรกทำไมผมกับเขาถึงได้นึกภาพมันไม่ออกเลย นี้ถ้าแม่เขาไม่บอกผมผมคงไม่เคยรู้ว่าผมเคยเจอเขามาก่อน



         “ผมไม่อยากเชื่อเลยเนอะพี่เขมว่าผมจะเคยเจอพี่มาก่อน ตอนนั้นผมคงดื้อกับพี่น่าดู พี่เลยไม่อยากจำ ฮาๆ “ คริสโตเฟอร์พูดปนหัวเราะกับผม



         “พี่อยากไปออสเตรเลียอีกไหมพี่เขม"คริสโตเฟอร์ถามผม ผมหันไปมองหน้าเขา ผมยอมรับว่าตั้งแต่พ่อเสียชีวิตไป ผมเลิกล้มความคิดนั้นไปทันที แต่ตอนนี้ซิ ผมเองก็ไม่แน่ใจ อีกเหตุผมที่ผมไม่อยากไปไหนก็เพราะว่าผมเป็นห่วงแม่ผมที่สุด



                  “พี่ไม่อยากทิ้งแม่ไปไหนอ่ะคริส”ผมพูดบอกเขาเบาๆ คริสพยักหน้าว่าเขาเข้าใจผม
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.50(ครูเขมXคริส)ถ้าการรอที่มีจุดหมายพี่ก็จะรอ
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 20-10-2020 20:58:05
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.51(ครูเขมXคริส)ผมสัญญาครับพี่เขมว่าผมจะกลับมา
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 21-10-2020 10:49:29
        (ครูเขมXคริส) ผมสัญญาครับพี่เขมว่าผมจะกลับมาหาพี่เขม

            Part คริสโตเฟอร์ ผมตื่นมาแต่เช้าตรูเพราะว่าผมต้องไปถึงสนามบินก่อนหกโมงเช้า พ่อผมพักโรงแรมใกล้ๆ กับสนามบินและทางโรงแรมมีรถรับส่งฟรีพ่อบอกว่าไปเจอกันที่สนามบินเลย ผมกับพี่เขมก็รีบอาบน้ำแต่งตัว กระเป๋าพ่อผมซื่อให้ใหม่ใบเล็กเพราะว่าพ่อบอกไม่ต้องเอาอะไรไปเยอะ พ่อบอกผมว่าจะพาไปซื้อใหม่ที่โน้นเลย แต่ผมก็เอาเสื้อผ้าที่แม่ซื้อให้พี่เขมซื้อ ผมเอาไปด้วย

          “เสร็จหรือยังคริส” พี่เขมถามผม ผมก็พยักหน้าว่าเสร็จแล้ว ผมสวมกางเกงขาสั้นสามส่วน เพราะว่าผมต้องนั่งเครื่องตั้งเก้าชั่วโมงถ้าใส่กางเกงยีนอึดอัดแย่ ผมสวมเสื้อโปโลสีขาว

         “พี่เขมสวมกางเกงเหมือนผมแต่เสื้อโปโลสีฟ้าอ่อน

         “หมับ”พี่เขมเดินมาจับจัดแต่งขอเสื้อผม พี่เขมมองผมพร้อมรอยยิ้ม

         “พี่เขมใจผมไม่อยากไปเลย” ผมพูดบอกพี่เขม

         “งอแง” พี่เขมพูดผมแอบอมยิ้ม พี่เขมชอบว่าผมบ่อยเวลาผมแอบดื้อ

         “แล้วใครจะว่าผมละที่นี้ เวลาผมงอแง ” ผมพูดเบาๆ และยื่นให้พี่เขมตกแต่งเสื้อผ้าผม

         “ใช่ซิ พี่ก็คงไม่รู้จะว่าใครเหมือนกัน” พี่เขมพูด

         “แต่หกเดือนมันเร็วนะ ดูซิ นี้เราคบกันมาตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมถึงตอนนี้ ก็มีนาคมแล้วซิ สี่เดือนกว่าแล้วเห็นมั๊ย เร็วจะตายไป แค่หกเดือน จิบๆเนอะ” พี่เขมพูดพร้อมกับจับที่หัวไหล่ผมมองหน้าผม

         “หล่อแล้วครับ” พี่เขมบอกผม

         “ไปกันเถอะคริส เพราะว่านายอาจจะสาย เดี๋ยวพ่อนายจะว่าเอานะ “คราวนี้ผมต้องออกเดินทางจริงๆแล้วซิ ผมเดินไปหยิบกระเป๋า และหันไปมองห้องนอนที่ผมนอนกอดกันกับพี่เขม แม้จะมาแค่อาทิตย์ละครั้งแต่มันกับมีความทรงจำ ภาพที่ผมกับพี่เขมคลุกอยู่ด้วยกันในห้อง พี่เขมนั่งตรวจการบ้านและผมก็นั่งนอนดูหนังและทำการบ้านไปด้วย พี่เขมพยักหน้าให้ผมก่อนจะปิดประตูห้องพี่เขมลง ผมเดินลงมาถึงชั้นล่าง ผมเห็นแม่พี่เขมยืนรออยู่

         “ หมับ” ผมตรงเข้าไปกอดท่านทันที

         “เดินทางปลอดภัยนะคริส ดูแลตัวเองด้วยละ ส่วนพี่เขมนะ แม่ดูแลเอง แม่เชื่อว่าเวลามันผ่านไปเร็วนะและตั้งใจเรียน เรียนให้จบและจะได้ทำในสิ่งที่เราพูดเอาไว้นะคริส” แม่ของพี่เขมพูด ผมยกมือไหว้แม่ของพี่เขม ผมหันไปหยิบกระเป๋า และเดินออกมากับพี่เขม ก่อนจะเดินไปที่รถผมแหงนมองขึ้นชั้นที่สองของตัวบ้าน นั้นห้องนอนพี่เขม ระเบียงที่ผมออกมานั่งเล่นกีต้าร์กับพี่เขม พี่เขมร้องเพลงเพราะมากนะแต่พี่เขา ผมจำได้เพลง All of me ที่พี่เขมร้องให้ผมฟัง

         “คริส” พี่เขมเรียกผมอีกครั้ง ผมก็ยกกระเป๋าใส่ไว้ที่ท้ายรถก่อนจะก้าวเท้าขึ้นไปนั่งข้างคนขับกับพี่เขม ก่อนที่พี่เขมจะออกรถพี่เขมหันมาจับมือผม ผมสูดหายใจเข้ายาวๆ และผมก็พยักหน้าว่าผมพร้อมแล้ว

         Rrrr เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น พ่อผมโทรเข้า ผมกดรับสาย

         “อรุ่ณสวัสดิ์แด้ด “

         “อยู่ไหนแล้วคริส พ่อกำลังจะออกจาโรงแรม เขากำลังจะไปส่งพ่อที่สนามบิน” พ่อถามผมและบอกผมว่าพ่อจะออกจากโรงแรมที่พ่อพักแล้ว

         // เดนิสค่ะ คุณจะให้โรส…// เสียงผู้หญิงคนนั้นถามพ่อผมอะไรสักอย่างแต่ผมไม่รอฟังให้จบ

         “แด้ด ผมจะโทรหาพ่อนะตอนที่ถึงแล้ว บายครับ” ผมพูดและกดวางสายทันที โดยไม่รอคำพูดจากพ่อผม พี่เขมกันมามองหน้าผม ผมก็ฝืนยิ้มให้พี่เขมไป ผมรู้ว่าพี่เขมต้องว่าผมแต่ผมก็ยังรับเขาไม่ได้อยู่ดีที่จะมีคนอื่น ขนาดแม่ผม ผมเองยังใช้เวลาหลายปีเลย กว่าจะยอมรับฟิลิปส์ กว่าจะยอมรับว่าแม่ผมแต่งงานใหม่ พี่เขาใช้เวลาในการขับรถมาส่งผมที่สนามบินสุวรรณภูมิ 45 นาที

         “พี่เขม ผมชักไม่อยากไปอยู่กับพ่อแล้วอ่ะ ผมอยากจะ”

         “คริส คิดถึงอนาคตซิ นายจะไปได้ดีถ้านายไปเรียนที่นั้น มีหลายคนที่อยากมีโอกาสแบบเรานะคริส” พี่เขมพูด ผมก็ต้องจับใจรับกระเป๋าเดินทางมาถือ ตอนนี้ผมจอดรถไว้ที่ลานจอดรถที่เป็นอาคารเชื่อมกับชั้นผู้โดยสารชั้นที่3 พ่อบอกผมว่าจะไปรอที่ชั้น4 เลย ช่องประตูทางเข้าหมายเลข4 เที่ยวบินระหว่างประเทศ ผมเดินจับมือพี่เขมไปด้วย

         “อู้ยย หล่ออ่ะ เสียดายอ่ะแก ไปซะแล้ว” มีสาวๆหันมาแอบแซวผมกับพี่เขม พี่เขมก็หันมาเหล่มองผมและยิ้มๆ ให้ผม ผมเดินไปจนถึงชั้นที่4 ผมไม่ได้โทรบอกพ่อก่อนว่าผมมาถึงแล้ว ภาพที่ผมเห็นคือผู้หญิงคนนั้น ยืนเกาะเอวพ่อผม พอผมเห็นแล้วก็อยากจะเดินกลับไม่อยากจะไปเลยจริงแต่พี่เขมนะดึงแขนผมเอาไว้ ผมก็จำใจเดินไปหาพ่อผม

                  “สาวัดดีคับ เขม” พ่อผมพยายามพูดทักทายพี่เขมเป็นภาษาไทย

                  “สวัสดีครับ” ผู้หญิงคนนั้นพูดบอกพ่ออีกครั้งและหัวเราะแต่ผมทำหน้าได้นิ่งแบบไม่ยินดียินร้ายด้วยเลยสักนิด จนเธอหันมาเห็นผมก็เลยปล่อยมือจากเอวพ่อผมทันที

                  “มาถึงนานแล้วเหรอครับ” พี่เขมถามพ่อผมและหันไปยิ้มทักทายให้ผู้หญิงคนนั้น

                  “เดนิสค่ะ โรสไปก่อนนะคะ โรสหวังว่าเราจะเจอกันในอีกสามสัปดาห์นะคะ “ ผมหันไปมองอย่าบอกนะว่าพ่อชวนเขาไปเทียวออสเตรเลียด้วยนะ

                  “ครับ ถ้าผลวีซ่าออกหรือยังไง บอกผมด่วน ผมจะได้จองตั๋วเครื่องบินให้ทันที โรส”

                  “ได้ค่ะ เดินทางปลอยภัยค่ะ “ ผมแอบเบ้ปาก

                  “คริสจ๊ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ”

                  “ครับ” ผมตอบแค่นั้น ทำเอาเธอหุบยิ้มแทบจะไม่ทันและผมก็ไม่ยอมหันไปมองหน้าเธอเลยจนกระทั้งเธอเดินหายไป

                  “What was wrong with you ,Christ?” ได้ผลพ่อหันมาถามผมทันที

                  “I’m sorry dad about that but I can’t accept you and ….. “

                  “Your girlfriend. “ ผมพูดและทำท่าจะเดินออกไปทางอื่นทันที  พี่เขมก็หันไปคุยกับพ่อแทน ก่อนจะเดินตามผมออกมา

                  “คริส พี่คุยกับพ่อเรานะ พ่อบอกว่า คุณโรสนะเขาเข้ามาหลังจากที่แม่เราทิ้งเขาไป ปีกว่าแล้ว คุณโรสเขาไม่ได้เข้ามาแทนที่แม่เรานะ และไม่ได้มาเป็นแม่ของนาย” พี่เขมพูดผมหันไปมองพี่เขา

                  “แต่เขาเข้ามาเพื่อนเป็นเพื่อนเพื่อดูแลพ่อของนาย และเขาก็เข้ามาเยียวยาพ่อนายในช่วงที่เขาเสียใจเรื่องที่นายกับแม่ไม่กลับไปหาเขา ไม่มีใครอยู่คนเดียวไปได้ตลอดทั้งชีวิตหรอกคริส นายควรจะเปิดใจยอมรับและเห็นใจพ่อของนายคริส พี่คิดว่าเขาก็คงหนักพอพอกับนาย” พี่เขมพูด

                  “นายยังเสียใจเลยนะ ที่พ่อไม่มารับนายกลับออสเตรเลีย “ พี่เขมพูดผมพยักหน้า เบาๆ

                  “พี่รู้ว่ามันอาจจะต้องใช่เวลาคริส” พี่เขมพูด พ่อผมเดินมาหาผม

                  “คริส ถ้านายไม่ต้องการให้พ่อชวนคุณโรสไปเที่ยวหาพ่อ พ่อจะไม่ยื่นวีซ่าให้เขา” พ่อพูดแค่นั้น
                 
                  “เราไปเช็คอินกันก่อนแล้วกันนะ ตอนนี้มันเกือบจะหกโมงครึ้งแล้ว “ พ่อบอกผม และผมก็เดินตามพ่อผมไป พ่อผมเดินเข้าไปติดต่อที่หน้าเคาเตอร์สายการบิน ผมก็ยืนรออยู่ใกล้ๆกับพ่อผม เจ้าหน้าที่เช็คกรูปพาสปอร์ตกับใบหน้าผมแน่ใจว่าเป็นคนเดียวกัน พาสสปอร์ตเล่มใหม่นี้พ่อผมทำให้ที่ออสเตรเลีย รูปถ่ายผมก็เพิ่งถ่ายและส่งไปให้พ่อผมหลังจากที่ได้คุยวีดิโอคอลคุยกัน ผมสะพายกระเป๋าเป้อันเล็กสำหรับสะพายไหล่ผม

                  “ยังมีเวลาเหลือสักครึ้งชั่วโมง พ่อว่าเราไปหาที่ยืนคุยกันก่อนไหม “ พ่อบอกผม ผมพยักหน้า ผมเดินตามพ่อออกมา พ่อพาผมลงไปที่ชั้นที่มีร้านอาหาร คาเฟ่ต่างๆ

                  “Hi Lucas, Can I talk to your mum please? ….”พ่อผมโทรคุยกับพี่สาวพ่อผมแน่ ๆ ผมหันมาเห็นพี่เขมยืนอยู่ก็เลยเดินไปและ

                  “หมับ”ผมดึงพี่เขมเข้ามากอด

                  “คริส… ทำอะไรนะคริส” พี่เขมถามผม ผมก็เงยหน้าขึ้นมองพี่เขม

                  “กอดไงพี่เขม กอดก่อนจะไป ไม่ได้กอดกันนานเลยนะ ขอกอดเผื่อเอาไว้ก่อนเลยไง หลายเดือนเลยนะ” ผมพูดและยิ่งกอดแน่นมากขึ้น

                  “แต่นายไม่คิดจะอายคนที่เดินผ่านไป่ผ่านมาบ้างเหรอคริส” พี่เขมถามผม ผมก็ส่ายหัวไม่อาย มองก็มองดิ มีสาวๆมองและเหลียวหลัง ผมก็ทำนิ้วชี้ ชูนิ้วที่ผมสวมแหวนเอาไว้ด้วยนั้นแหละว่าผมแต่งงานกันแล้วครับ บางคนก็รีบเดินผ่าน บางคนก็หันมาหัวเราะขบขันกันใหญ่

                  “คริสแต่พี่อายเขาอ่ะ” พี่เขมพูด ผมเงยหน้ามองอีกที อายทำไม คนรักกัน พ่อผมก็คุยโทรศัพท์กับป้าของผม ผมก็กอดกับพี่เขมจนกระทั้ง พ่อผมคุยเสร็จ และหันมาก็ต้องทำสีหน้าตกใจ ส่วนพี่เขมก็ยิมแหยๆให้พ่อผม ผมก็ยังกอดพี่เขมอยู่ พ่อทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างและ

                  “เออ…ไป..ไป….ไปซื้อ….กาแฟนะ…เอากาแฟ…กันมั้ย”พ่อผมหันเจอผมกอดกับพี่เขม พ่อถึงกับสะบัดหน้ามามองผมหลายทีติดกันและมองคนที่เดินผ่านไปมารอบๆ พ่อทำท่าจะพูด เหมือนพ่อจะพูดไม่ออก พ่อเลยบอกผมสองคนว่าจะไปซื้อกาแฟและยังถามผมสองคนอีกนะว่าเอาไหม ผมพากันส่ายหัวไปมาและผมก็ยิ้มให้พ่อผม เชิญครับ พ่อยังคงหันมามองผมกอดกับพี่เขมอีกที ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านกาแฟ ไม่นานพ่อผมก็ออกมาพร้อมกับแก้วกาแฟร้อน แบรนด์ดัง พ่อหันมากระดกกาแฟดื่มและยังหันมามองผมที่ยืนกอดพี่เขมไม่เลิก เป็นระยะ จนกระทั้งกาแฟหมดแก้ว

                  “พ่อว่าเรา…เออ… ขึ้นไปชั้นบนและเตรียมตัวเข้าไปด้านในได้แล้วนะ เจ็ดโมงแล้ว เพื่อว่าจะยุ่งนะ ตรงจุดตรวจนะ “ พ่อบอกผมกับพี่เขม พี่เขมก็พยายามดันผมออก แต่ผมไม่ยอมออก จะกอดอ่ะ

                  “คริส ปล่อยพี่” พี่เขมพูดให้เสียงรอดไรฟันออกมา ผมเลยต้องยอมปล่อย พ่อหันมามองผมเหมือนทำท่าจะพูดแต่ก็เลือกที่จะไม่พูด ผมกับพี่เขมก็เดินตามหลังพ่อผม ระหว่างเดินทางขึ้นไปยังชั้นที่4  ผมก็เดินเอาหัวพิงไหล่พี่เขมไปด้วย ขณะที่ใช่บันไดเลื่อนแบบไม่แคร์สายตาประชาชี จนกระทั้งมาถึงจุดตรวจพาสปอร์ตก่อนจะขึ้นบันไดเลื่อนไปยังจุดตรวจสัมภาระจุดแรกและค่อยไปยังจุดตรวจคนเข้าเมือง พี่เขมเขาส่งผมได้แค่ตรงจุดนี้

         “เขม ผมไปนะ ดูแลตัวเองดีดีละ และมีอะไรส่งข้อความหาได้ตลอด ไม่ต้องห่วงผมจะติดต่อคุณแทนเขาเองอย่างที่ผมรับปากไว้ “ พ่อหันไปบอกพี่เขม และกางแขนขอกอดพี่เขม พี่เขมก็ยอมให้พ่อผมกอดซะอย่างนั้น ส่วนผมเองที่ยืนมองพี่เขม

         “คริส ไปแล้วนะ เชื่อฟังพ่อเขานะรู้ไหม และตั้งใจเรียน อย่าเกเร และพี่ไม่อยากให้นายโกรธพ่อ อันไหนที่เป็นความสุขของพ่อแม่ถ้าเราทำได้จงทำนะ ดูแลตัวเองดีดีด้วย พี่รอนายอยู่นะคริส พี่สัญญาว่าพี่จะไม่หายไปไหน พี่จะอยู่รอวันที่นายกลับมาหาพี่” พี่เขมพูด ผมก็โผ่เข้ไปกอดพี่เขม ผมเอาหน้าซบลงที่ต้นคอพี่เขมพี่เขมก็กอดผมแน่นไม่แพ้กัน น้ำตาผมไหล่ออกมาโดยไม่รู้ตัว

                  “พี่เขม ผมรักพี่เขมนะ พี่รอผมนะ พี่สัญญานะพี่เขม ผมจะกลับมาหาพี่เขม “ ผมพูดผมไม่รู้ว่ามีกี่สายตาที่มองผมสองคน แต่ผมไม่แคร์ แต่สายตาเดียวมองผมเขาคงรู้สึกอะไรบ้าง ไม่มากก็น้อย พ่อผมเอง

                  “ไปเถอะคริส เดี๋ยวนายจะตกเครื่อง” พี่เขมพูดและดันผมออก พี่เขมเป็นฝ่ายเดินถอยหลังออก ผมก็หันไปยื่นพาสสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่สนามบินตรวจสอบ พี่เขาก้มองผมและยิ้มๆให้ก่อนจะหันไปมองพี่เขม ผมก็ยังคงหันไปมองพี่เขม

                  “เชิญค่ะ” เจ้าหน้าที่บอกผม แต่ผมก็ยังยืนมองพี่เขม พ่อผมเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปก่อนหน้าผมแล้ว ผมยังคงมองพี่เขมอยู่และผมก็วิ่งกลับไปหาพี่เขม ผมวิ่งไปกอดพี่เขมอีกครั้ง ท่ามกลางสายตาคนมากมายบางก็หยุดหันมามองผมกับพี่เขม แต่บางคนก็คงคิดว่าพี่น้องกัน(มั้ง)

                  “ไอเลิฟยู “ ผมพูดออกมาไม่รู้กี่ครั้ง ผมพูดวนไปแบบนั้น

                  “ไปเถอะคริส พี่ขอนะ อย่าทำแบบนี้ พี่จะอ่อนแอไม่แพ้นาย ไปเพื่ออนาคตของนายเอง พี่รอวันที่นายกลับมาพร้อมกับความสำเร็จ นะคริส พี่ขอนะ“พี่เขมพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ผมก็ต้องจำใจผละออกจากพี่ขม ผมแหงนมองพ่อผมที่ยืนมองผมอยู่จากด้านบน ผมพยักหน้าและเดินไปหาเจ้าหน้าที่อีกครั้ง

                  “ พี่รู้ค่ะว่าน้องรู้สึกยังไง เข้มแข็งนะคะ” พี่เจ้าหน้าที่บอกผม ผมก็จำต้องก้าวเท้าขึ้นบันไดเลื่อนไปอีกครั้ง ผมยังหันมามองพี่เขม จนบันไดเลื่อน เลื่อนไปถึงขั้นบนสุด ผมยังคงหยุดมองพี่เขมจากด้านบน พี่เขมคงรู้ว่าผมอาจจะเปลี่ยนใจวิ่งลงไปหาพี่เขมอีกแน่ๆ พี่เขมเป็นฝ่ายเดินกลับออกไปแทน มันปวดใจผมที่สุด

                  “คริส พ่อขอโทษนะ ที่พ่อ” พ่อหันมาพูดกับผม

                  “ที่ผมยอมเพราะว่าผมรักพี่เขม “ ผมพูดและเดินผละออกไป เพื่อตรงไปยังช่องทางเพื่อตรงไปยังจุดตรวจสำภาระก่อน ผมต้องกรอกเอกสารสำหรับผู้โดยสารขาออก เป็นฟอร์มสีเขียวๆ อันที่จริงพ่อผมทำให้ผมหมดแล้วตั้งแต่ที่หน้าเคาเตอร์ ผมได้แต่ยืนรอ ใจก็คิดถึงพี่เขมที่สุด ผมอยากให้เขาเดินทางไปกับผมแต่ผมก็ทำไม่ได้ ทุกอย่างผ่านไปอย่างเนินนาน ผมไม่รู้ว่าผมผ่านอะไรมาบ้างแต่มารู้อีกทีผมมาถึงประตูก่อนจะขึ้นเครื่อง ตอนนี้เขากำลังเรียกผู้โดยสารชั้นธุรกิจพอดี ผมก็ไปเข้าแถวรอกับพ่อ

                  “นายรักเขามากเหรอ คริส” พ่อถามผม ผมหันไปมองหน้าพ่อผม

                  “พ่อรักผู้หญิงคนนั้นมากไหมละ” ผมถามพ่อผมกลับทันที ผมรู้ว่าพ่อเข้าใจว่าผมหมายถึงใคร

                  “ตอนแรกก็ไม่นะ แต่เขาก็เข้ามาดูแลพ่อในช่วงที่นายกับแม่หายไป พ่อไม่ไปทำงานอยู่เป็นเดือนๆ บ้านนี้รกมาก อาหารก็ทำกินแบบปะทังไปวันวัน เขาได้วีท่องเที่ยวพอดีช่วงนั้น เพื่อนพ่อเขาขอให้โรสมาดูแลพ่อนะ “ พ่อบอกผม


                  “พี่เขมเขาก็ดูแลผมช่วงที่ผมแย่ที่สุด จนผมเข้มแข้งขึ้นมาได้ ผมจึงรักเขามาก “

                  “เรียนให้จบและถ้าเราอยากแต่งกับเขมพ่อยินดี” พ่อผมพูดแค่นั้น ระหว่างที่ผมกำลังเดินไปขึ้นเครื่องบินตามทางเดิน ผมคงต้องเซย์กู้ดบายไทยแลนด์ฟอร์นาว ระหว่างที่ผมเดินขึ้นไปนั่งบนเครื่อง ผมก็เลือกที่นั่งติดกระจก พ่อจองตั๋วเครื่องบิน ผมหันไปมองพี่เขมคงไปที่รถแล้ว ผมบีบมือผมไปด้วยแต่มันไม่เท่าหัวใจของผมตอนนี้ มันบีบมากและไม่นานเครื่องก็เตรียมจะขึ้นสู่น่านฟ้าเพื่อตรงไปยังซีดนีย์และบินต่อไปที่แคนเบอร่าทันทีตามที่พ่อผมบอกไว้  ผมต้องคิดว่านั้นคือความฝันและความหวังของผมสองคนกับพี่เขม ผมต้องไปทำให้สำเร็จเพื่อคนที่ผมรักให้ได้
                       // ลาก่อนประเทศไทย I’ll be right back soon my baby(พี่เขมของผม) //
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ช่วงพักรอให้คริสไปเรียน ตอนหน้าจะเป็นภาคของพี่ต้นนะคะ ขอกำลังใจไรท์หน่อยนะ ใครรอคู่พี่ต้นบ้าง รักคนอ่านจุ๊บๆ

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.51(ครูเขมXคริส)ผมสัญญาครับพี่เขมว่าผมจะกลับมา
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 21-10-2020 11:07:04
อัพพร้อมกันไปอีก555 น้องไปแล้ว พี่เขม
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.51(ครูเขมXคริส)ผมสัญญาครับพี่เขมว่าผมจะกลับมา
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 21-10-2020 11:10:06
อัพพร้อมกันไปอีก555 น้องไปแล้ว พี่เขม

       แบบว่ารออ่านของคุณLambosasha และอัพไปพร้อมกันด้วย เรื่องนี้แต่งเอาไว้ก่อนแล้วมีแก้ไขด้วย  :pig4:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.พิเศษ หมอภีมปภพไอ้เจอน้องเอิร์ธแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 21-10-2020 17:58:32
      
EP พิเศษ เมื่อหมอภีมภพเจอเอิร์ธครั้งแรกแต่เขายังไม่รู้ว่านี้ลูกของต้นตระการ
             
                        ผมหมอภีมปภพ ขณะที่ผมกำลังรอตรวจคนไข้อยู่ในห้องตรวจโรค แผนกภูมิแพ้ ผมเป็นหมอแผนกโรคภูมิแพ้ประจำอยู่โรงพบาบาลเอกชนของพ่อผม โรงพยาบาลนี่เป็นสาขาที่สามและเพิ่งจะเปิดมาได้ไม่ถึงสองปี  และผมเพิ่งจะกลับมาทำหน้าที่หมอประจำที่คลินิกภูมิแพ้ให้พ่อผมได้เกือบสองเดือน ผมหนีไปเป็นหมอที่เขาใหญ่เพื่อตามหาต้นตระการ แต่ว่ามันสายไป เขาย้ายไปประจำการที่อื่นกับเกศรินทร์ เหมือนจะโชคดีของผมผมบังเอิญเจอน้องชายของต้นตระการ  ที่ชื่อเขมชาติเขาไปเป็นครูที่นั้น แต่ทว่าเขาก็ไม่สามารถที่จะบอกผมได้ว่าพี่ชายเขาอยู่ที่ไหน เพราะว่าต้นไม่ต้องการให้ผมตามหาเขา

       ทำไมนะต้นทำไมเราไม่หันหน้ามาคุยกัน ทั้งที่ผมรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว หมอดาวิกาก็สารภาพกับผมแล้ว และผมก็ถอนหมั้นเขาไปแล้วด้วย เหลือแค่ ต้น อย่าบอกนะว่าคุณเปลี่ยนไปแล้วและมีความสุขกับการที่คุณมีครอบครัวที่เหมือนเช่นคนปกติเขาทำกันจริงๆ 

      “สวัสดีค่ะคุณหมอ นี้น้องนินิวค่ะ ภูมิแพ้กำเริบอีกแล้วค่ะ “ ผมหันเจอคนไข้ประจำของผมเด็กผู้หญิงอายุสี่ขวบ ป่วยเป็นเฮย์ฟีเวอร์ มีอาการคันหู คันตา ไอจาม น้ำหูน้ำตาไหล น้องไม่ได้เป็นมากแค่ทานยาก็ดีขึ้นแต่คุณพ่อคุณแม่ปู่ย่าตายายพากันจิตตกเป็นนิดเดียวก็พามาหาหมอหล่ออย่างผมทันที โดยไม่ห่วงค่าลงตรวจของหมออย่างผมที่ว่าแพงก็ยังขยันมา 

      “ผมดูจากอาการแล้ว น้องคงแพ้เกสรดอกไม้เหมือนเดิม รอให้น้องอายุครบห้าขวบผมจะแนะนำให้น้องฉีดวัคซีนภูมิแพ้นะครับ วันนี้รับยาภูมิแพ้ไปทานเหมือนเดิม ตัวเดิมนะครับ “ ผมพูดบอกคุณแม่ของเด็ก
 

      “คุณหมอภีมค่ะ มีสายเข้าจากคุณนครินทร์ที่เป็นหลานคุณหมอนะคะ ต้องการพูดสายกับคุณหมอด่วนค่ะ” ผมกำลังตรวจคนไข้เด็กอยู่แม้ว่าจะเป็นเคสสุดท้ายแล้วก็ตาม  ผมก็พยักหน้า ผมก็เขียนใบสั่งยาให้ทันที ถ้ามาด่วนแบบนี้แสดงว่ามีเรื่องแน่ๆ ผมส่งกระดาษให้พยาบาลเข้าไปคีย์ยาที่ผมสั่งเข้าระบบสั่งยา

      “เดี๋ยวรบกวนรอใบสั่งยากับน้องพยาบาลนะครับ “ ผมบอกคนไข้พยาบาลเดินตรงเข้ามาพาคนไข้ออกไปอย่างงงๆ ผมรีบหันไปกดรับสายนอกจากหลานชายของผมทันที  หลานคนโตลูกชายพี่สาวคนโต ที่อายุห่างจากผมรอบหนึ่ง หลานชายผมคนนี้เป็นเป็นทหารที่สามจังหวัดในพื้นที่มีความเสียงมากทางใต้ ไม่รู้ประชดอะไรพ่อเขาซิ ตัดสินใจไปโดยที่ใครก็ห้ามไม่อยู่
 

   “ว่าไงรินทร์” ผมกดรับสาย

   “อาภีม  ฮือๆ “ เสียงที่กรอกสาย พร้อมเสียงสะอื้นร้องไห้ ทำเอาผมผู้เป็นอาตกใจมากเช่นกัน

   “รินเป็นอะไรนะ ร้องไห้ทำไม” ผมถามคนปลายสายด้วยท่าทีร้อนรน

   “ อาภีม แฟนผมโดนยิงอ่ะ ผมจะย้ายไปอยู่ที่โรงพยาบาลอาภีม แฟนผมโดนยิง อาภีมต้องช่วยแฟนผมนะอาภีม ฮือๆ” ผมอึ่งไปหมด แฟนคนไหนว่ะ ผมรู้แค่ว่ามีผู้หญิงที่มันต้องแต่งงานด้วย แค่นั้น

   “รินทร์ พูดให้อาเข้าใจซิ พูดไปร้องไห้ไปด้วยอาฟังนายไม่รู้เรื่อง รินทร์! ” ผมพูดกลับหลานชายผม เสียงดังจากภายนอก ฟังแล้วน่าจะอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ด้วยซ้ำ  ผมถึงกับกุมขมับตัวเอง

   “ว่าไงรินทร์!” ผมถามหลานชายผมอีกครั้ง

   “แฟนผมที่เป็นนายทหารอ่ะครับอาหมอ “

   “ นายมีแฟนที่ไม่ใช่คนที่จะแต่งงานเหรอรินทร์และเป็นนายทหารอีก” ผมถามรินทร์ด้วยน้ำเสียงที่ตกใจมากแถมเป็นผู้ชายอีกต่างหาก งานเข้าผมละซิ พี่เขยอาจจะมองว่าผมคือตัวอย่างให้ลูกชายเขาอีกแม้ว่าเขาจะไม่ได้รังเกียจผมก็ตาม 

   “ใช่ครับอา ผมให้เขารีเฟอร์ไปที่โรงพยาบาลอาตอนนี้เลยนะ ผมเชื่อว่าอาช่วยเขาได้ เขาปกป้องผมนะอา ฮือๆ”

    “ตอนนี้ เฮลิคอปเตอร์กำลังจะไปลงที่ลานจอดที่โรงพยาบาลแล้วครับอา” นครินทร์บอก
ผม ให้มันได้อย่างนี้ซิหลานชายผม อย่างนี่พี่เขยผมคงได้ด่าผมอีกแน่ๆ ผมรู้จากแม่ผมมาว่านครินทร์ดูแล้วจะมีความเสียงมานานแล้ว  ก็มันเล่นไม่จีบใครเลยจนกระทั้งได้บรรจุเป็นทหารและนครินทร์ก็ถูกจับคุมถุงชนให้แต่งงานเช่นกัน

   “ผมขอร้องนะอา ผมไม่เคยขอะไรอาเลย  ช่วยแฟนผมนะอาหมอ ” น้ำเสียงที่บ่งบองว่าเขาเป็นห่วงคนรักของเขามากแค่ไหน

   “โอเคอาจะช่วยให้ถึงที่สุด เดี๋ยวเจอกันรินทร์” ผมพูดและกดวางสาย และผมก็กดเบอร์โทรที่ห้องฉุกเฉิน ผมคิวด่าเขาน่าจะได้ข้อมูลบ้างละที่จะมีคนไข้รีเฟอร์มาทางเฮลิคอบเตอร์ 

   “สวัสดีครับ ผมหมอภีมปภพ ไม่ทราบว่าทางห้องอีอาร์ได้รับข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับคนไข้ที่ถูกยิงอาการสาหัสมาใหม่ครับ น่าจะเป็นนายทหาร” ผมถามพยาบาลที่รับสาย

   “เพิ่งจะได้รับข้อมูลทางแฟล็กซ์ว่าจะมีคนไข้รีเฟอร์มาด่วนค่ะคุณหมอ คนไข้เป็นทหารชื่อก้องภพค่ะ โดนยิ่ง ทั้งหมด  7 นัดค่ะ มีเข้าจุดสำคัญสองนัดค่ะ คนไข้ต้องได้รับการผ่าตัดด่วนค่ะ แต่เราต้องหาเลือดสำรองก่อนนะคะ คุณหมอ”

   “แล้วทีมแพทย์ที่จะทำการผ่าตัดละครับ”

   “กำลังประสานงานกับห้องผ่าตัดอยู่นะคะ ว่ามีแพทย์คนไหนลงค่ะคุณหมอ”

   “เอาใหม่ เรียกแพทย์เฉพาะทางลงให้ผมหน่อย บอกว่าผมสั่ง เพราะว่าคนไข้คนนี้อยู่ในการดูแลของผม ผมต้องการทีมแพทย์ระดับอาจารย์ ตามให้ผมด่วน” ผมพูดออกคำสั่ง

   “ได้ค่ะคุณหมอ” ผมก็รีบวางสายทันที
   
   “คุณอ้อม ผมจะไม่เข้าห้องตรวจแล้วนะ ถ้ามีคนไข้ที่มาใหม่ ไม่ได้นัดไว้ก่อน รบกวนส่งไปห้องหมอไทม์ให้ผมเลยนะครับ” ผมพูดบอกพยาบาลหน้าห้องตรวจและผมก็รีบเดินไปที่หน้าห้องฉุกเฉินทันที ผมคิดว่าคนไข้น่าจะมาถึงโรงพยาบาลแล้ว ไม่รู้ว่าโดนยิงมาจากไหนถึงได้นั่งเฮลิคอปเตอร์มาลงที่นี้เลย

   “อาภีม” นครินทร์ที่วิ่งมาหาผม เขามาพร้อมกับชุดทหารที่ดูแล้วเลอะเทอะเลือดมือไม้ก็เปื้อนเลือดไปหมดเช่นกัน


   “อาภีมช่วยเขาด้วยนะ เขาช่วยผมอ่ะ เขาเอาตัวบังกระสุนให้ผมอ่ะ  ฮือๆ” ผมพยักหน้าว่าได้ ผมก็รีบเดินตรงเข้าไปยังห้องฉุกเฉินทันที 

   “แม่ รินทร์ขอโทษครับ แม่ รินเป็นต้นเหตุให้ก้องถูกยิง ฮือๆ ” ผมได้ยินเสียงนครินทร์เรียกใครสักคนว่าแม่ แต่ประตูห้องฉุกเฉินปิดลงซะก่อน ดูในห้องฉุกเฉินตอนนี้ยุ่งมาก ทุกคนวิ่งกันจ้าละหวั่นไปหมด ไม่บ่อยเลยที่จะมีเคสถูกยิงมาและมาแบบสาหัสสะด้วย ผมก็เดินไปหาพยาบาลและสวมถุงมือทันที ผมเปิดผ้าม่านเข้าไป พบว่าเป็นนายทหาร ดูท่าจะเสียเลือดมาก มีแพทย์ประจำห้องฉุกเฉินรุมอยู่สามคน เจ้าหน้าที่พยาบาลพากันหยิบนั้นยิบนี่เพื่อช่วยหมอ  ตอนนี้มีการเตรียมที่จะสอดใส่ท่อช่วยหายใจคนไข้น่าจะมีเลือดคั้งข้างในเริ่มหายใจไม่ลำบาก มีหมอประจำที่ห้องฉุกเฉินกำลังพยายามห้ามเลือดคนไข้ก่อน

      “ผมต้องระบายเลือดที่คั้งออกก่อน” ผมพยักหน้า

      “และผมคิดว่าเขาควรจะได้รับการผ่าตัดคืนนี้เลยครับคุณหมอภีมแต่เราต้องสำรองเลือดให้พอก่อน คนไข้เลือดกรุ๊ป โอครับ ตอนนี้เรากำลังทำเรื่องขอเลือดจากสภากาชาดไป เลือดจะเดินทางมาถึงประมาณ สี่โมงเย็นครับ เพราะว่ารอว่าจะมีคนบริจากเพิ่มใหม่นะครับ คนไข้ต้องใช้หลายถุง นี้เราก็เติมให้ไปก่อนแล้วหนึ่งถุงนะครับ”  ผมพยักหน้ากับนายพยาบาลที่เป็นคนอยู่เวรวันนี้ ว่าให้เขาดำเนินการได้เลย

      “ผมคิวว่าเราควรจะผ่ากระสุนที่ไม่สำคัญออกก่อนส่วนจุดที่สำคัญ ทีมแพทย์เฉพาะทางผมกำลังเดินทาง เขาเป็นระดับอาจารย์กัน “ผมพูดขึ้น ดูแล้วมีสองนัดที่น่าจะสำคับที่ช่องท้องกับใต้ไหปลาร้าลงมา

      “ถ้าอย่างนั้นเคลื่อนย้ายคนไข้ขึ้นห้องผ่าตัดเลยนะครับ” หมอกันแพทย์รุ่นร้องผมอีกทีที่มาทำหน้าที่แพทย์พาร์ทไทม์ให้ผมวันนี้ หันมาบอกผมและเจ้าหน้าที่  ผมเหลือบไปเห็นว่าคนไข้ยังพอมีสติอยู่บ้าง เขามองผมและและขยับมือเหมือนจะบอกอะไรบ้างอย่าง จะว่าไปผมว่าใบหน้าของเขาคุ้นๆนะ แต่ว่าตอนนี้มั้นปกคลุมไปด้วยหน้ากากกับท่อที่ต่อกับลูกบอลลูนสีเขียวเพื่อช่วยคนไข้หายใจ ผมหันไปเพื่อจะแฟ้มคนไข้ขึ้นมาดูว่านายทหารคนนี้ชื่อนามสกุลอะไร ระหว่างนั้นผมก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ผมจำเสียงนั้นได้ดี พี่เขยผมเอง นายทหารชั้นผู้ใหญ่

      “กลับบ้านเดี๋ยวนี้นะรินทร์ แกต้องแต่งงาน ฉันไม่สนว่ามันช่วยแกไหมแต่แกต้องแต่งงาน” ผมรีบวางแฟ้มคนไข้ก่อนและวิ่งออกไปที่หน้าห้องฉุกเฉินทันที  ผู้ชายร่างสูงใหญ่กำลังยืนชี้หน้าหลานชายผมด้วยความเกลี้ยวกาด นั้นคือพ่อของนครินทร์ที่เป็นพี่เขยของผม  พ่อของนครินทร์พยาบามดึงรั้งลูกชายให้ออกไปจากตรงนี้แต่นครินทร์ก็ทำท่าไม่ยอมไป

      “อาหมอ “ นครินทร์เรียกผม ผมเดินเข้าไปและยกมือไหว้พี่เขยทันที

      “พี่ทินครับ พี่ใจเย็นๆก่อนนะครับ มีอะไรค่อยๆพูดค่อยๆจากันนะครับ”

      “เย็นอะไร ดูซิ นี้มันจะทำแบบแกแล้วเห็นไหมไอ้ภีม มีใครที่ไหนเขารักกับผู้ชาย มึงมันทำแบบอย่างให้หลานมึงดูไง” 

      “ของแบบนี้ไม่มีใครเลียนแบบได้หรอกพี่ ผมเองก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิด และผมก็ไม่ได้ไปทำความเดือดร้อนให้ใคร  ส่วนนครินทร์ เขาก็เป็นของเขามานานแล้ว พี่นะควรจะเอาใจเขามาใส่ใจเรา และคนคนนี้มันก็ลูกของพี่เอง “

      “และการที่จะไปบังคับให้เขาพยายามไม่เป็นตัวเองของตัวเอง คนที่อึดอัดก็ไม่ใช่ใคร ลูกพี่เอง และตัวพี่เอง ที่ไม่มีความสุข ทำไมไม่ปล่อยเขามีความสุขในแบบที่เขาเป็นละ” ผมพูดกับพี่เขย เขามองหน้าผมด้วยความโกรธที่ผมไม่ยอมเข้าข้างเพื่อจะเกลี่ยกล่อมหลานชายผมให้กลับไปใช่ชีวิตปกติ โดยการแต่งงานมีครอบครัวที่เขาต้องการ 

      “กูไม่สน มันต้องไปแต่งงาน ไปเดี๋ยวนี้”

      “ฮือๆ คุณย่า เอิร์ธกลัว” ผมได้ยินเสียงเด็กผู้ชายร้องไห้จ้าขึ้นมาทันที คงตกใจเสียงพี่ชายผม ผมหันไปมอง ผมก็ต้องนิ่งและเพ็งมองอีกที ทำไมพอผมเห็นใบหน้าเขาแล้วผมกลับเห็นใบหน้าของใครสักคนลอยมา

      “ไปแล้วลูก อาก้องมาแล้ว”

      “คุณแม่คนไข้ใช่ไหมค่ะ เราจะพาคนไข้ขึ้นไปห้องผ่าตัดตอนนี้เลยนะคะ”

      “ได้ค่ะ งั้นแม่ตามขึ้นไปด้วยนะคะ “ ตอนนี้คนไข้กำลังถูกเคลื่อนย้ายขึ้นไปและนครินทร์ทำท่าจะขึ้นไปด้วยแต่โดนดึงรั้งเอาไว้จากผู้เป็นพ่อซะก่อน

      “ฉาด!” เสียงฝามือกระทบใบหน้าของนครินทร์ ผมหันกลับไปมองนี่พี่เขยผมเขาทำร้ายลูกชายตัวเองเลยเหรอ ผมก็คงทนดูไม่ได้เช่นกัน

      “อย่าภีม แม่จัดการเอง แม่ขอนะ อย่าทำให้เป็นเรื่องเป็นราวมากไปกว่านี้เลย พี่สาวเรากำลังขับรถมาคงพอหยุดได้บ้าง “ แม่ผมรีบเข้ามาห้ามปรามผม เพราะรู้ว่าผมนะเป็นคนยังไง ผมเองก็มองนครินทร์และเดินหันหลังออกซะก่อนที่ผมเองก็อาจจะทนไม่ได้ขึ้นมา เรื่องอาจจะไปกันใหญ่จริงๆอย่างที่แม่ผมพูดดังนั้นจึงควรรอให้พี่สาวคนโตผมมาจัดการเอง 

       ผมรีบเดินเข้าไปในลิฟต์ เพื่อตามขึ้นไปดูคนที่นครินทร์ฝากให้ผมดูแลที่เขาบอกว่าเป็นแฟนเขาและเป็นคนที่เอาตัวเข้าปกป้องเขา ถ้าไม่ใช่คนที่รักเขาจะทำแบบนี้เหรอ ผมได้แต่ส่ายหัวให้กับพ่อของนครินทร์ที่เห็นแก่หน้าตาทางสังคมจนมองข้ามความรู้สึกของลูกตัวเอง    ผมนี้รู้สึกสงสารนครินทร์หลานชายผมมาก ที่พ่อแม่ไม่เคยเข้าใจเขาเลย ถึงพ่อแม่ผมจะไม่เข้าใจผมก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เหมือนพ่อแม่ผมก็พยายามปรับจูนจนท่านเริ่มยอมรับสิ่งที่ผมเป็น แม้ว่ามันจะสายไปก็ตาม

       ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ผมก็รีบสับเท้าออกอย่างรวดเร็วและตรงดิ่งไปยังห้องผ่าตัดโดยไม่ได้มองคนที่นั่งอยู่ด้านนอก ผมเข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่ก็ทราบว่า นายแพทย์กีรติเป็นแพทย์ประจำห้องผ่าตัดวันนี้และเป็นแพทย์ที่ชำราญการมีประสบการณ์ในการผ่าตัดมาเยอะพอสมควร ผมก็โล่งใจไปอีกเปาะหนึ่ง

      “คุณหมอแจ้งว่าคนไข้อาจจะต้องผ้าตัดรอบสองกับหมอเฉพาะทางค่ะ” ผมพยักหน้าว่าใช่ ผมคงต้องรอคุยกับหมอเฉพาะทางซะก่อน
   
      //อาหมอ ผมฝากแฟนผมด้วยนะครับ // ข้อความจากนครินทร์หลานชายคนโตของผม

      //อาจะดูแลให้รินทร์ ไม่ต้องเป็นห่วง กลับบ้านไปก่อนนะ อาจะคอยส่งข่าวให้เป็นระยะ แฟนเราต้องไม่เป็นอะไร เชื่อใจอานะ “ ผมส่งข้อความตอบกลับและเดินออกมาที่หน้าห้อง ผมเห็นมีผู้หญิงเลยวัยกลางคนนั่งอยู่กับเด็กที่ผมรู้สึกคุ้นๆหน้า  เด็กน้อยกำลังงอแง

      “ฮึกๆ “ ร้องไห้สะอึกสะอื้นน่าดู

      “ไม่เอาอย่าร้องซิ เดี๋ยวพ่อก็มาแล้วเอิร์ธและนี่อาก็กำลังขับรถมา ถ้าอามาถึงย่าให้อามารับเราก่อนนะลูก “

      “สวัสดีครับ เป็นคุณแม่ของคนไข้ที่ถูกยิงใช่ไหมครับ”ผมถามคุณป้า

      “ใช่ค่ะ ลูกชายดิฉันเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ ช่วยลูกดิฉันด้วยนะคะ” คุณแม่ของคนไข้พูดไปน้ำตาก็ไหลไปด้วย

      “ผมจะช่วยให้สุดความสามารถครับ ตอนนี้เราผ่าตัดเฉพาะที่ผ่าตัดได้ไปก่อนนะครับ และเราก็ต้องรอทีมแพทย์เฉพาะทางมาทำการผ่าตัดอีกทีนะครับ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” ผมพูด และมองเด็กน้อยไปด้วย ผมก็เป็นคนรักเด็กปกติ แต่เด็กคนนี้ทำไมมีบางสิ่งที่ผมรู้สึกละสายตาจากเขาไม่ได้เลยจริงๆ อยากมองเขาบ่อยๆ

      “ขอโทษทีนะคะ หลานชายนะคะ พ่อแม่เขาเลิกกัน ก็เลยต้องพามาด้วยค่ะคุณหมอ “ ผมพยักหน้าว่าผมเข้าใจ ผมส่งยิ้มอ่อนๆให้กับเด็กน้อยที่เอาแต่กอดย่าร้องไห้งอแง

      “น้องดูท่าจะหิวหรือเปล่าครับ” ผมถามผู้เป็นย่ากลับ

      “น่าจะหิวค่ะ แต่ แม่เป็นห่วง….”แม่แฟนของนครินทร์พูด และพยักเพยอไปในห้องผ่าตัด ผมก็พยักหน้าว่าเข้าใจแน่ละใครจะมีอารมณ์เดินไปหาของทานกันละตอนนี้ 

      “นี่รอพ่อเขามาค่ะเห็นบอกว่าใกลจะถึงแล้วค่ะ อีกหนึ่งชั่วโมงได้ค่ะ”

      “เออ คือ ผมว่าจะลงไปหาอะไรทานอยู่แล้ว  ผมพาน้องไปหาอะไรทานก่อนไหมครับ เพราะว่าถ้าให้รอหนี่งชั่วโมงนี้คงจะหิวแย่แน่ๆครับคุณแม่”

      “คุณแม่ไว้ใจผมได้ครับ ผมเป็นหมอลูกเจ้าของโรงพยาบาลนี้ ผมไม่ขโมยหลานคุณแม่หรอกครับ เพราะว่าผมเองก็เลี้ยงเด็กไม่ค่อยเป็น” ผมพูดปนขำกับผู้หญิงตรงหน้า

      “ไปหาอะไรทานกับคุณหมอก่อนนะลูก ย่าต้องอยู่ตรงนี้ดูอาก้องเรา และเดี๋ยวพ่อเราก็มาแล้ว”ย่าของเด็กบอกเด็กน้อยว่าพ่อของเขาจะมาแล้ว เด็กน้อยเงยนหน้ามองผมและผมก็ยื่นมือไปขอจูงมือเด็กน้อยทันที ผมรู้สึกแปลกใจว่าทำไมผมเห็นใบหน้าใครสักคนซ้อนเข้ามาตลอดเวลาทุกครั้งที่เขาแหงนหน้าขึ้นมามองผมเป็นระยะๆ

      “เดี๋ยวผมพามาส่งคืนให้นะครับ  เออผมได้ระบุห้องพิเศษเอาไว้ให้นะครับ เพื่อว่าคุณแม่จะได้พาหลานเข้าไปพัก เพราะว่ายังไงกึคงใช้เวลานานแน่ๆ และคนไข้อาจจะต้องพักฟื้นในห้องไอซียู หลังจากทำการผ่าตัดใหญ่นะครับ” ผมพูด สีหน้าผู้เป็นแม่ก็ดูเศร้าลงในทันที

      “แต่ผมเชื่อว่าทีมแพทย์ผมจะทำการช่วยเหลือคนไข้อย่างสุดความสามารถครับ” ผมพูดบอกผู้เป็นแม่ และผมก็จูงเด็กน้อยที่เงยหน้ามองผมตาแป้ว เดินจับมือผมแน่น ผมพาเข้ามาในลิฟท์ และพาเดินมาหยุดที่ร้านกาแฟแบรนด์ดังที่มาตั้งอยู่ในโรงพยาบาลของพ่อผม

      “ทานอะไรดีครับ”ผมย่อตัวลงถามเด็กน้อย เด็กน้อยมองผมและทำท่าคิด ท่าทางของเขามันทำให้ผมเห็นภาพต้นคระการได้ชัดเจน

      “น้องเอิร์ธอยากกินเค้กได้อะเปล่า” เด็กน้อยถามผม ผมก็ลืมถามชื่อจากคุณย่า อ้อนี้เขาชื่อเอิร์ธเหรอ ทำไมมันช่างประจวบเหมาะจริงๆ เพราะว่าผมเคยคุยกับต้นตระการว่า ผมอยากมีลูกและผมจะมีแฝดเป็นลูกผมหนึ่งคนลูกต้นหนึ่งคน ในตอนนั้นมันเหมือนฝันกลางวันและ ต้นเขาบอกว่าเขาชอบชื่อเอิร์ธ ถ้ามีลูกเขาจะให้ใช้ชื่อนี้

      “ได้ซิครับ ว่าแต่ทำไมถามอาหมออย่างนั้นละ “ ผมย่อตัวลงถามเอิร์ธ เอิร์ธหลุบตาลงเหมือนทำความผิดมายังไงก็ไม่รู้

      “อาหมอไม่ดุหรอกครับ แค่อยากรู้ว่าทำไม “ ผมถามน้องเอิร์ธ

      “พ่อบอกว่าไม่ให้เอิร์ธกิน เพราะว่าเอิร์ธอาจจะปวดฟัน “ เด็กน้อยบอกถึงเหตุผล ผมก็พยักหน้าเบาๆว่าเข้าใจ

      “ทานได้แต่ต้องแปรงฟันนะครับ แล้วเอาเบบี๋ชิโน่ไหม อร่อยนะ ทานกับเค้กด้วย” ผมพูด เอิร์ธเขาก็ยิ้มตาหยีให้ผม รอยยิ้มนี้มันใช่มาก นี้ผมฟุ้งซ้านมากไปหรือเปล่า  สงสัยต้องกาแฟเข้มๆสักแก้วเพื่อว่าผมอาจจะง่วงนอนช่วงบ่ายแบบนี้ 

      “สวัสดีค่ะคุณหมอ อุ้ย หลานเหรอคะ” พนักงานในร้านกาแฟนถามผมและก้มมองดูเอิร์ธ

      “ครับ” ผมตอบและก้มมองเด็กน้อยที่กำลังมองไปรอบๆ  แบบไม่คุ้นเคยกับสถานที่ และเขาก็เข้ามากอดขาผมเอาไว้ ผมก็ใช้แขนผมหนีบเขาเอาไว้เช่นกันและใช้มือลูบหัวเบาๆอย่างเอ็นดู 

      “เอาเป็นเบบี๋ชิโน่และชิฟฟอนเค้กช๊อกโกแชตให้เด็กนะครับ ส่วนผมขอเป็นเอสเปสโซ่ร้อน สกิมมิลค์” ผมบอกพนักงานที่รับออเดอร์หน้าเคาเตอร์ ขณะที่ผมกำลังจะชำระเงิน ผมเห็นเอิร์ธวิ่งไปที่ตู้เค้กและสิ่งที่เอิร์ธมองคือมาการอง มันสิ่งที่ผมไม่เคยซื้อมาทานเลยตั้งแต่ผมไม่มีต้น เพราะว่าต้นเขาชอบมากและมันทำให้ผมนึกถึงเขาทุกครั้ง

      “เอิร์ธชอบอันนี้เหรอครับ”

      “คุณพ่อชอบและเอิร์ธก็ชอบ แต่ …. พ่ออาจจะว่า” ผมก็ขมวดคิ้วว่าทำไม

      “พ่อบอกว่ามันหวานเอิร์ธอาจจะฟันผุ” ผมต้องขมวดคิ้วทันที พ่อนี้ใจร้ายจริงๆ ห้ามไปหมดแต่ผมก็แอบขำไปพร้อมๆกัน

      “ทานได้แต่เอิร์ธต้องแปรงฟัน ถ้าอย่างนั้นอาหมอสั่งให้หนึ่งกล่อง” ผมพูดและลุกขึ้นก

      “น้องครับ พี่เอามาการองหนี่งกล่องนะครับ กลับบ้านครับ”ผมบอกพนักงาน ผมชำระเงินเรียบร้อยก็พาเอิร์ธมานั่งที่โต๊ะ เขานั่งตรงข้ามผม แววตาใสซื่อคู่นั้น

      “ได้แล้วค่ะขนมกับกาแฟน และเบบี๋คาปูชิโน่ค่ะ” พนักงานนำมาเสริฟให้ที่โต๊ะ ดูเอิร์ธตื่นเต้นน่าดู ผมก็เอามือลูบหัวเบาๆ   ผมไม่ลืมที่จะเป่าให้ก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ร้อนเกินไป เอิร์ธทานอย่างเอร็ดอร่อย ดูแล้วน่าจะหิวด้วย และยกแก้วเบบี๋ชิโนดื่มจนริมฝีปากเลอะฟองนม ทำให้ผมอดขำไม่ได้อีกครั้งพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชู้มาเช็ดปากให้เขาทันที

      “พี่หมอภีมค่ะ”เสียงที่ทำให้ผมถึงกับสะดุ้ง นี้ผมไม่ได้ยินมาเกือบสองเดือนเช่นกัน ผมก็นึกว่าเขาคงไม่มาตอแยผมแล้วซะอีก คนนั้นคือคุณหมอดาวิกา อดีตคู่หมั้นของผม ผมได้ถอนหมั้นเธอไปแล้วหลังจากที่ต้นตระการแต่งงานไปได้ปีกว่าๆและผมก็ทำท่าจะไม่กลับมาไทยจะเป็นหมอที่อังกฤษเลย พ่อแม่ผมเลยต้องไปคุยกับเพื่อนของเขาและขอถอนหมั้นและนั้นก็ทำให้พ่อผมกับพ่อของหมอดาวิกาตัดขาดจากการเป็นเพื่อนกันไปในทันที  แต่ทวาหมอดาวิกาเธอก็ยังคงวนเวียนมาหาครอบครัวผมเหมือนเช่นก่อนที่จะถอนหมั้น นี้ทำให้ผมต้องสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะหันไปมองหน้าคุณหมอดาวิกา 

      “พี่ภีมพาใครมาเหรอคะ เด็กนี้” หมอดาวิกาถามผมด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจ และมองไปที่เอิร์ธ ที่กำลังเอร็ดอร่อยกับขนมเค้กที่ใกล้จะหมด เอิร์ธก็หันไปมองหมอดาวิกาเช่นกันพร้อมกับทำตาปริบๆ

      “เออ เด็กคนนี้เขามากับแม่ของคนไข้ ตอนนี้คนไข้เขาอยู่ในห้องผ่าตัดนะ เขาถูกยิงมา เขาเป็นนายทหารนะครับ หมอด้าและเป็นเพื่อนของนครินทร์หลายชายผม “ ผมบอกกับหมอดาวิกา หมอดาวิกาเธอมองเอิร์ธ

      “ดาเห็นพี่ดูแลเขาดีจัง มันทำให้ดาคิดนะคะว่าถ้าพี่มีลูกพี่คงรักเขามาก ดาเองก็อยาก….”

      “คุณหมอค่ะ มาการองที่สั่งไว้ค่ะ “ พอดีจังหวะที่เด็กในร้านถือขนมมาให้ผมพอดี ผมก็เห็นว่าเอิร์ธทานเสร็จแล้วด้วย ผมคิดว่าผมควรจะรีบลุกขึ้นและเดินออกไปก่อนจะดีกว่าเพราะว่าผมเองก็ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับหมอดาวิกาอีกทั้งที่เธอก็รู้ว่าผมไม่ไม่ต้องการแบบนั้นกับเธอ ต่อให้เราเคยหมั้นหมายกันก็ตาม  และหมอดาวิกาเธอก็รู้อยู่แล้วว่าผมไม่ต้องการใครนอกจากต้นตระการ  ต่อให้ผมจะยังหาเขาไม่เจอก็ตาม ผมก็จะรอเขาหรือไม่ก็อยู่คนเดียวแบบนี้

      “พี่ต้องพาน้องกลับไปหาคุณย่าของน้องเขาแล้วค่ะหมอดาวิกา พี่ขอตัวนะคะ” ผมพูดและลุกขึ้น ผมก็เดินอ้อมไปพยักหน้ากับเอิร์ธ

      “พี่หมอภีมค่ะ ดา…”

      “ดา พี่ขอตัวนะคะ และถ้าดามาเพื่อจะคุยกับพ่อแม่ของพี่ ในฐานะคุณลุงคุณป้า ท่านอยู่ห้องฝ่ายบริหารค่ะ พี่ไปนะคะ”  เอิร์ธกระโดดลงมาและหันไปมองหมอดาวิกาเหมือนเขาจะมีคำถามแต่ผมก็จูงมือเอิร์ธรีบเดินออกมาซะก่อน

      “ทำไมพี่ภีมไม่คิดจะให้โอกาสดาบ้าง ดาก็จะรอพี่อยู่แบบนี้ เหมือนกัน” หมอดาเธอก็เดินตามผมออกมาเช่นกัน ผมหยุดก่อนจะหันไปมองหน้าเธอ สีหน้าที่บ่งบอกว่าเธอเสียใจแต่ว่าผมคงพูดได้แค่

      “ตามใจดานะ พี่พูดแล้ว พี่ไม่อยากพูดซ้ำอีก พี่ไม่เคยรักใครนอกจากต้นตระการ พี่ก็บอกกับดาตั้งแต่ตอนที่ผู้ใหญ่จะให้เราหมั้นกันแล้วว่า พี่รักดาไม่ได้แต่พี่จำเป็นถ้ามันคือทางเดียวที่พี่จะปกป้องต้น”ผมพูด      หมอดาวิกามองหน้าผมนิ่งๆ

      “ แต่ว่าตอนนั้นพี่คิดผิด ที่ให้ดาช่วย แต่ดาเองกลับเป็นคนทำให้ผู้หญิงคนนั้นมาพรากต้นไปจากพี่ ” ผมพูดไม่ดังมันเบาแต่ดาวิกาได้ยินชัดเจน ผมรีบจูงมือเอิร์ธเพื่อเดินออกจากตรงนั้นทันที และจู่ๆเอิร์ธก็หยุดเดินเอาดื้อๆ

      “อาหมอไม่น่ารักเลย อาหมอทำคุณน้าคนสวยเสียใจ พ่อบอกเอิร์ธว่าอย่าทำให้ผู้หญิงเสียใจมันไม่ดี ไม่น่ารัก” น้องเอิร์ธพูด ผมก็มองหน้าเอิร์ธ

      “ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็เหมือนกันครับไม่ควรจะทำให้ใครเสียใจเช่นกัน แต่อาหมอไปปลอบเขาไม่ได้หรอกนะครับ เพราะว่าเขาไม่ใช่แฟนอาหมอ อาหมอมีผู้ชายที่อาหมอรักแล้ว “ ผมพูด เอิร์ธทำตาโตและทำท่าคิด

      “เหมือนคุณอาของเอิร์ธอะเปล่า มีแฟนเป็นผู้ชาย แม่ชอบบอกว่าน่าเกลียดแต่เอิร์ธก็รักอานะอาหมอ” เด็กน้อยพูด ผมก็ต้องถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม นี้แม่เขาทำไมสอนลูกเขาแบบนี้ละ


      “เอิร์ธครับ ผู้หญิงหรือผู้ชายทุกคนมีสิทธิ์มีความรัก ดังนั้นผู้ชายก็มีสิทธิ์ที่จะรักกันได้ครับ ไม่ผิด ไม่น่าเกลียด” ผมบอกเด็กน้อยที่เงยหน้ามองผมด้วยท่าที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ

      “ผู้ชายด้วยกันนะเหรอครับ”

      “ใช่ครับ ผู้ชายด้วยกันก็รักกันได้ ผู้หญิงด้วยกันยังรักกันได้เลย เพราะว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรักกันครับเอิร์ธ”ผมบอกเด็กน้อย เขาก็ยังทำหน้าเหมือนไม่ค่อยเข้าใจ ผมถึงกับต้องใช้ฝ่ามือผมหยีหัวน้อยๆนั้นเบาๆ

      “ตอนนี้เอิร์ธยังเด็ก เอาไว้เอิร์ธโต เอิร์ธจะเข้าใจว่าโลกนี้มีความรักอยู่หลากหลายไม่ใช่แค่ชายหญิง แต่มันมีไว้สำหรับทุกคน ทุกเพศ และทุกวัย เช่นตอนนี้ อาหมอก็ตกหลุมรักเราซะแล้ว เอิร์ธ” ผมพูดและมองหนุ่มน้อยของผมที่เดินตามการจูงของผมไปจนเกือบจะถึงลิฟต์

   “ไปครับ  เอิร์ธลิฟต์มาแล้ว อาหมอจะได้พาไปส่งคืนย่าเรา ป่านนี้ย่าเป็นห่วงแล้ว” ผมพูดบอกเอิร์ธและส่งกล่องขนมมาการองให้ เพราะเด็กน้อยเอาแต่จ้องกล่องขนมอยู่ ผมจูงเอิร์ธเข้าไปในลิฟท์ทันที หลังจากที่คนด้านในเดินออกมากันจนหมด ขณะที่ผมกำลังจะกดปิด จู่ๆเอิร์ธวิ่งแทรกลิฟท์ออกไป ผมก็ใช้มือกันไว้และวิ่งไปคว้าแขนเอิร์ธไว้ได้ทัน ผมเกือบได้ทำลูกใช้เขาเองแล้วไหมละ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฝากตอนพิเศษของพี่ต้นและหมอภีมด้วยนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.พิเศษ หมอภีมปภพไอ้เจอน้องเอิร์ธแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 21-10-2020 22:11:09
 :3123:
 :กอด1:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.พิเศษ หมอภีมปภพกับพี่ต้นตระการเจอกันแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 22-10-2020 14:06:30
(https://www.img.in.th/images/200829ba684bff05ccfc7fdbdeb974f9.jpg)

 หมอภีมปภพ
(https://www.img.in.th/images/4acee900977b6362b5d3c6062f5cc851.jpg)

ต้นตระการ 
Credit เจ้าของภาพด้วยนะคะ
 EP.พิเศษ หมอภีมปภพกับพี่ต้นตระการเจอกันแล้ว

       ผมชื่อต้นตระการ ผมเป็นพี่ชายคนโตของครูเขมชาติ ตอนนี้เป็นปลัดอำเภออยู่อำเภอหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ แถมตอนนี้ได้เป็นพ่อลูกอ่อน มีลูกติดหนี่งคนชื่อน้องเอิร์ธ และผมเพิ่งจะหย่าขาดจากเกศรินทร์  ผู้หญิงที่ผมเคยคิดจะคบเป็นแฟนแต่จู่ๆเธอก็ขาดการติดต่อไปจากผมและไปกับแฟนใหม่ ต่อผมาก็ได้เจอหมอภีมปภพและนั้นก็ทำให้ผมค้นพบว่าจริงๆแล้วผมเป็นแบบไหน แต่ความรักของผมกับหมอภีมก็ต้องแยกจากกันเพราะว่าเกศรินทร์เธอกลับมาและเธอก็ทำให้ผมต้องจำใจรับบผิดชอบเธอด้วยการแต่งงาน แต่ผมเชื่อว่าเอิร์ธคือลูกที่มาจากเลือดเนื้อของผม ดังนั้นต่อให้ผมเลิกกับเขาแล้วผมก็ยังคงเลือกที่จะอยู่กับลูกของผม

            ช่วงนี้ผมยุ่งๆก็เลยส่งเอิร์ธมาอยู่กับแม่ของผมที่กรุงเทพได้สองอาทิตย์แล้ว เพราะว่าไม่มีใครช่วยดู เอิร์ธไม่ยอมเอาเกศรินทร์เลยและเกศรินทร์ก็กำลังปลูกต้นนักกับนัการเมืองท้องถิ่น ผมก็ยินดีด้วยถ้าเขาจะเจอรักใหม่ เพราะเรื่องของผมกับเขามันจบลงไปแล้วแม้จะจบแบบไม่สวยก็ตาม

            ขณะที่ผมกำลังจะเตรียมตัวไปทำงาน จู่ๆผมก็ได้รับสายจากหัวหน้าหน่วยที่ทำงานกับก้องภพโทรมาบอกผมว่าน้องชายผมถูกยิงขณะที่ปฏิบัติหน้าที่และกำลังถูกนำส่งมายังโรงพยาบาลที่กรุงเทพ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของอาของนครินทร์  ผมก็ไม่รอช้ารีบไปจองตั๋วบินมากรุงเทพทันที และโชคดีที่ได้ตั๋วที่มีคนขอยกเลิกการเดินทาง ผมทั้งกังวลและเป็นห่วงก้องภพน้องชายผมมาก ผมเคยบอกเขาแล้วว่าไม่จำเป็นหรอกที่จะต้องไปอยู่ที่พื้นที่เสียงอันตรายแบบนั้น แต่ก้องเขาเคยเสียเพื่อนรักเขาไปจากการที่ถูกจับให้ลงที่นั้น เขาเลยต้องไป ผมว่ารอบนี้ผมต้องบังคับเขาแล้วแหละให้อยู่ที่อื่นที่ไม่พื้นที่เสียงแบบนั้นให้ได้ ในฐานะพี่ชายคนโต   

            “ครับแม่ ผมมาถึงแล้วครับ ห้องผ่าตัดเหรอครับ ก้องต้องผ่าตัดสองรอบเลยเหรอครับแม่ “ ผมถามแม่รดา เพราะว่าตอนนี้ผมบินตรงมาตากเชียงใหม่ด่วน น้องชายคนที่สองผมโดนยิงอาการค้อนข้างสาหัส แม่ผมบอกว่าน้องผมโดนไปเจ็ดนัด ผมนี้เข่าทรุดเลย ผมไม่อยากให้ก้องไปอยู่ที่เสียงแบบนั้นอีกแล้ว แต่ไม่รู้ว่าครั้งนี้ก้องจะฟังผมบ้างไหม

            “ขึ้นมาคุยกันข้างบนนะต้น “ แม่บอกผม ผมก็กดวางสายและสายตาผมก็เหลือบไปเห็นลิฟท์แต่ว่ามันกำลังเลื่อนปิด คงวิ่งไปไม่ทัน

            “พ่อต้น!!” ผมได้ยินเสียงลูกชายของผมเอิร์ธ และเขาก็วิ่งออกมาจากลิฟท์ ผมก็ตกใจ วิ่งไปหาลูกทันที ผมวิ่งไปก็คว้ามข้อมือเอิร์ธเอาไว้ได้ แต่ว่าแขนอีกข้างของเอิร์ธมีใครคนหนึ่งจับไว้เช่นกัน ผมก็เงยหน้าขึ้นมอง สายตาคู่นั้น ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เห็นมาเป็นเวลาสี่ปีกว่าแล้วก็ตาม แต่ผมก็จำได้ดี

            “ ภีม”  “ต้น” เสียงที่เรียกชื่อออกมาพร้อมกัน มันเป็นภาพที่หยุดนิ่งอยู่พักหนึ่งหยุดนิ่งทั้งทีผู้คนรอบด้านก็ยังคงเคลื่อนไหวแต่ผมกับเขากับมองตากันแบบไม่ละสายตา ผมไม่คิดว่าผมจะเจอเขาอีกในโลกที่ขว้างใหญ่แบบนี้

            “เอิร์ธ ทำไมไม่อยู่กับย่า” ทันทีที่ผมได้สติ ผมก็รีบถามเอิร์ธด้วยน้ำเสียงที่ดุ เอิร์ธทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

            “ ผมพาเขาลงมาเอง เพราะว่าเขาหิวเขาร้องไห้งอแงและคุณย่าเขาก็เป็นห่วงลูกชายที่ถูกยิงอยู่ในห้องผ่าตัดด้วย” หมอภีมปภพบอกผม

            “ นี้ลูกต้นเหรอ” หมอภีมปภพถามผม ต่อให้ผ่านไปนานแค่ไหนผมก็ยังจำเขาได้ดี แต่ผมกลับเป็นฝ่ายไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ 

            “ต้น” หมอภีมปภพเรียกผมอีกครั้ง

            “หมับ”เขาจับแขนผมและอุ้มเอิร์ธตัวลอยขึ้นด้วยมือข้างเดียว และรีบดึงผมเข้าไปในลิฟท์ พร้อมกับกดปิดลิฟท์รัวๆ จนประตูลิฟท์เลื่อนเข้าหากันปิดสนิท ผมยืนผิงผนังโดยมีเอิร์ธยืนอยู่ระหว่างผมกับหมอภีมปภพ เขาจะรู้ไหมนะว่าผมบอกกับเขมชาติว่าให้ปิดเรื่องของผม เขมชาติเจอภีมปภพตอนที่เขาไปทำแผลที่โรงพยาบาลเขาใหญ่

            “ต้น คุณหนีผมทำไม “ หมอภีมปภพหันหน้ามาถามผม เขาเลื่อนตัวเข้าหาผม

            “ผมไม่ได้หนี “ ผมตอบเบาๆ โดยไม่ได้มองหน้าหรือกล้าสบตาเขาเลย เพราะใจผมเองที่ยังรักเขา ผมยอมรับว่าผมยังรักเขาอยู่ เพราะว่าความสุขช่วงที่ผมคบกับเขามันมีมากจนกผมตัดใจจากเขาไม่ได้แต่ว่าตอนนี้ผมต้องเลือกลูก

            “ต้น ทำไมเราไม่คุยกัน ทั้งที่เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ความผิดต้นเลยนะ “

            “ มันแค่ ช่างมันเถอะ ผมว่าเรา” ผมกำลังจะหันมาบอกว่า เราไม่ควรเจอกันแต่ภีมเขาเบียดเข้ามาหาผมจนริมฝีปากเขาอยู่ห่างจากผมแค่ไม่กี่เซนต์

            “ผมจะไม่ยอมให้คุณไปไหนอีก ต้น “
   
            “อย่าภีม” ผมดันเขาออกเพราะว่าเขากำลังจะจูบผมทั้งที่มีเอิร์ธอยู่ระหว่างผมกับเขานี้นะ

            “หงึกๆ” ผมรู้สึกว่าเอิร์ธดึงแขนเสื้อผมและแขนเสื้อหมอภีมปภพ

            “ เอิร์ธคิดว่าพ่อต้น กับอาหมออาจจะยังไม่รู้ว่าเอิร์ธอยู่ตรงนี้ ทำไมเราต้องยืนเบียดกันด้วยอ่ะ “ เอิร์ธถามผมกับหมอภีมปภพ

            “เพราะว่าอาหมอชอบความอบอุ่น” หมอภีมปภพเป็นฝ่ายตอบคำถามเอิร์ธแทน แต่ว่าสายตาเขามองผมแบบมีเลศนัย ไม่นานลิฟท์ก็เปิดออกที่ชั้นห้องผ่าตัด พอประตูเปิดออก ผมก็คิดว่าผมควรจะรีบพาเอิร์ธออกไปจากตรงนี้ซะก่อน ผมอาจจะต้องทำเรื่องย้ายก้องภพไปอยู่โรงพยาบาลอื่นด้วยซ้ำ

            “หมับ” แขนผมถูกจับไว้โดยหมอภีมปภพ

            “น้องเอิร์ธครับ อาหมอมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณพ่อต้นได้ไหมครับ” หมอภีมปภพถามเอิร์ธ ผมส่ายหัวให้เอิร์ธว่าไม่ให้

            “แล้วอาหมอจะคุยกับพ่อต้นเรื่องเอิร์ธกินขนมเค้กอะเปล่า”

            “ไม่ใช่ครับ แต่อาหมอจะขอพ่อต้นให้ว่าเอิร์ธจะแปรงฟันดังนั้นเอิร์ธจะทานเค้กได้ครับ “

            “ถ้าอย่างนั้น ก็ได้ “ เอิร์ธตอบ ผมหันมามองหมอภีมและส่ายหัวว่าผมไม่มีอะไรจะคุยแต่สายตาหมอภีมและเท้าที่ก้าวเข้ามาหาผม จนผมเองก็ต้องถอย

            “ ต้น จะไปคุยกับผมดีดีหรือ ว่าจะให้ผมจูบคุณโชว์กล่องวงจนปิด ผมยินดีที่จะเป็นข่าวฉาวในโรงพยาบาลตัวเอง แถมยังเป็นข่าวฉาวกับญาติคนไข้ ที่เป็นคุณปลัดพ่อลูกอ่อน” ผมก็ต้องอ้าปากค้าง และมองหน้าเอิร์ธที่ทำตาปริบๆ

            “ว่าไงครับ คุณปลัด”

            “ หึ?”

            “ฟู่!!!” ผมต้องพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะหันไปมองเอิร์ธ ที่ยืนมองผม แล้วผมจะมีตัวเลือกอะไรได้อีก

            “เอิร์ธพ่อจะคุยธุรกับอาหมอก่อนนะครับ เอิร์ธไปหาย่าก่อนได้ไหม เดี๋ยวพ่อตามเข้าไปนะครับ “ ผมจำใจบอกเอิร์ธ และหันมามองหมอเจ้าเล่ห์ภีมปภพ

            “ได้ครับ แต่ เอิร์ธทานขนมรอได้อะเปล่า” เอิร์ธถามผมและโชว์ถุงขนมมาการองที่ผมชอบ ไม่ซิชอบมาก และมักจะไปนั่งทานกับคนข้างๆผมประจำ เรียกว่ามาหาผมที่หอพักต้องซื้อติดไม้ติดมือมาให้ตลอด เขาก็มองผมและยิ้ม

            “ไม่ได้เอิร์ธ “

        “ได้ครับเอิร์ธ”แต่คนข้างๆผมกลับบอกว่าได้ ผมหันไปมอง ผมนี้พ่อเขานะ

            “แล้วเอิร์ธควรจะเชื่อพ่อหรือคุณหมอดีนะ “เอิร์ธทำท่าคิด

            “เชื่อพ่อ” “ เชื่อคุณหมอครับ แต่เอิร์ธต้องแปรงฟัน ส่วนคุณพ่อนี้เดี๋ยวอาหมอคุยให้เองนะครับ รับรองว่าพ่อไม่กล้าโกรธเอิร์ธแน่นอน ตอนนี้ไปหาคุณย่านะครับ “ขณะที่ผมกำลับบอกเอิร์ธให้เชื่อผม  หมอภีมปภพก็รีบพูดบอกเอิร์ธเช่นกัน  ดูซิรีบวิ่งไปหาแม่รดาของผมทันที ทิ้งพ่อเลย เอิร์ธนะเอิร์ธ  ผมหันมามองหมอภีมปภพ เขาจับแขนผมและลากผมไปตรงบันไดหนีไฟ และดันผมเข้าไปพร้อมกับปิดประตูลง

            “หมับ” หมอภีมปภพใช้แขนตันผมเอาไว้  เขาดันผมติดไว้จนหลังชิดกำแพง ทำให้ผมต้องกลืนน้ำลายลงคอ แม้จะผ่านไปหลายปีแต่ความรู้สึกที่ผมมีต่อเขายังไม่เคยหายไปจากใจผมสักนิด หมอภีมไม่รอช้าเขาประกบปากผม ส่วนผมก็ไวใช้มือดันหน้าอกเขาไว้แต่มันไม่เป็นผล มือภีมปภพก็จับมือผมที่ใช้ดันหน้าอกเขาไว้และค่อยๆเลื่อนขึ้นไปไว้บนหัวไหล่ของเขา ในหัวผมก็คิดว่าผมไม่ควรทำแต่ปากผมก็เผยอรับลิ้นนั้นที่สอดแทรกเข้ามาควานหาความหวานในปากผม ผมรู้สึกว่าแขนอีกข้างของภีมปภพโอบเอวของผมเข้าหาลำตัวเขา ผมรู้สึกเสียวซ่านมากขึ้นเมื่อหมอภีมถอนริมฝีปากออกจากปากผมและฝังมันลงที่ศอกคอของผม


            “ภีม… ภีม …อย่า… พะ…พอ….. ได้โปรด…. ภีม … ผม …ไม่ควรทำแบบนี้… ภีม …ผมบอกให้หยุด!”ผมพูดห้ามปรามภีมอยู่หลายนาที จนกระทั้งผมตะเบ่งเสียงเฮือกสุดท้าย

            “ต้นผมคิดถึงคุณนะ ผมคิดถึงคุณทุกลมหายใจเข้าออกของผม คุณรู้ไหมต้น” หมอภีมปภพพูด สายตาเขาจ้องมองผม และทำท่าจะจูบผมอีกแต่ผมรีบดันไว้อีกครั้ง

            “อย่าภีม ผมขอละ อย่า เราทำแบบนี้ไม่ได้ภีม” ผมพูดและมองหน้าเขา สายตาเขาบ่งบอกได้ว่าเขากำลังเสียใจแต่ผมก็เสียใจไมแพ้กัน

            “ มีอะไรเหรอต้น หรือว่าเป็นเรื่องที่ต้นไปมีอะไรกับเกศรินทร์ ต้น ผมรู้แล้วว่าเขาทำอะไรกับคุณ ผมรู้แม้กระทั้งว่าทำไมเขาถึงได้ท้องและคุณต้องรับผิดขอบเขาต้น และที่ผมรู้อีกอย่างคือ เขาแย่งคุณไปจากผม “ หมอภีมปภพพูด ผมก็มองหน้าเขา มันจะมีประโยชน์อะไรในตอนนี้

            “ใช่ผมยอมรับว่าเขาแย่งผมไปจากคุณ แต่ มันสายเกินไปทีผมจะกลับไปหาคุณภีม” ผมพูด และดันเขาออก

            “ทำไมละต้น”
   
            “ก็ผมแต่งานและมีครอบครัวแล้ว ภีมก็เห็น ผมกลับไปไมได้”

            “คุณไม่มีครอบครัว เพราะว่าคุณลิกกันแล้วต้น” หมอภีมปภพพูดผมหันไปมองหน้าเขา เขารู้ได้ยังไง

            “คุณยังจะโกหกผมอีกเหรอต้น ในเมื่อคุณย่าเด็กที่ผมพาลงไปกับผมเพิ่งจะบอกผมว่าพ่อแม่เด็กเขาเลิกกันถึงได้ต้องพามาด้วยแบบนี้ “ หมอภีมปภพพูด

            “และเด็กคนนั้นก็คือลูกชายของคุณและนั้นก็แปลว่าคุณเลิกกับเกศรินร์แล้วต้น” หมอภีมปภพพูดเขาก็ขยับเข้ามาหาผมอีก

            “แต่ผมก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ภีม ผมมีลูก ผมต้องดูแลลูก ผมต้องทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ แล้วถ้าผมกับคุณกลับไปเป็นแบบเดิม เขาจะเป็นยังไงละภีม ” ผมพูดและมองหน้าหมอภีมปภพ

            “ต้นรู้ไหมว่าผมนะคิดถึงอนาคตของเราเอาไว้ไกลแค่ไหน ผมคิดว่าผมจะเปิดโรงพยาบาลอีกสาขาและผมตั้งใจจะแต่งงานกับคุณ และเราจะมีลูกสักคนสองคนด้วยกันโดยใช้การแพทย์เข้ามาช่วย “ หมอภีมปภพพูด ผมหันหน้าหนีเพราะว่ารู้ว่าเขาต้องการทำอะไรกับอนาคตของผมมาตั้งนานแล้ว แต่มันก็พังลงเพราะว่าผมไปมีอะไรกับเกศรินทร์

            “ถึงยังไงผมก็กลับไปไม่ได้ภีม ลูกผมยังไม่เคยรู้เรื่องที่ผมกับคุณและผมเองก็ไม่รู้ว่าลูกผมจะรับเรื่องของคุณกับผมได้มั้ย ภีม! “

            “แม้กระทั้งน้องชายของคุณ ครูเขมชาติเขาก็ไม่เคยรู้ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วต้น” หมอภีมปภพบอกผมว่าเขมรู้แล้ว ผมก็รู้แล้วเช่นกัน
 
             “ใช้น้องผมรู้แล้วเรื่องของผมกับคุณ แต่”

            “ต้น ผม รัก คุณ เหตุผลแค่นี้มันยังไม่เพียงพออีกหรือต้น และผมก็ถอนหมั้นหมอดาวิกาไปแล้วต้น ผมขอโทษ ที่ผมดึงเธอเข้ามาและมันก็ทำให้เรื่องของเราแย่ลง “ หมอภีมปภพพูดผมก็เงยหน้ามองเขา ผมยังไม่เคยบอกเขาว่าหมอดาวิกาไปหาผมร้องไห้ขอเขาคืนจากผม หมอดาเธอบอกว่าเธอมาก่อนผม แต่เท่าที่ผมรู้จากปากหมอภีมปภพ หมอดาวิการู้จักกับหมอภีมตั้งแต่เด็ก หมอภีมก็รักหมอดาเหมือนพี่น้องเพราะว่าพ่อแม่เขาสนิทกันมาก

            “ผมบอกพ่อว่าผมจะรอแค่คุณคนเดียวถ้าไม่ ผมก็จะอยู่คนเดียวไปตลอด คุณรู้มั้ยต้น” หมอภีมปภพพูด และทำท่าจะจูบผมอีกแต่ผมดันเขาเอาไว้รอบนี้ผมยันเขาเอาไว้ได้


            /// รบกวนคุณหมอภีมปภพ ติดต่อห้องฉุกเฉินด่วนค่ะ // เสียงประกาศของโรงพยาบาลเรียกชื่อหมอภีมปภพ เป็นเหมือนระฆังช่วยผมแท้ๆ หมอภีมปภพชักสีหน้าอย่างหัวเสีย ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นกดโทรออก

               “อะไรนะ เขาบอกว่าต้องเป็นผมคนเดียว ผมรู้ว่าเด็กนะคนไข้ของผมแต่นี้ ถ้ามาห้องฉุกเฉินก็ควรให้หมอที่ห้องฉุกเฉินดูอาการก่อน โอเคผมจะลงไปเดี๋ยวนี้ได้ครับ “หมอภีมปภพกดวางสายก่อนจะหันมามองหน้าผม

                “หมับ” เขายังเอาแขนมากั้นผมไว้และมองหน้าผม

                     “ผมจะขึ้นมาใหม่ เพราะว่ายังไงน้องชายคุณ ชื่อก้องภพใช่ไหม ทำไมผมคุ้นชื่อนี้จัง น้องคุณคนนี้ที่เคยเจอกับผมและคุณที่โรงหนังนิ” หมอภีมปภพทำท่านึกและเขาก็จำก้องภพได้

                     “เอาเป็นว่าผมจะขึ้นมาใหม่ และถ้าคุณหนีผมอีกต้น ผมจะถามแม่คุณว่า บ้านคุณอยู่ไหน คราวนี้ ผมไม่ต้องถามว่าคุณจะยอมผมไหม ผมจะปลั้มคุณทันที คุณพ่อลูกอ่อน” หมอภีมปภพพูดและยังมาขู่ผมอีกนะ ผมก็ต้องเดินตามหมอภีมปภพออกมาแต่จังหวะที่ผมสองคนกำลังเปิดประตูก็มีผู้ช่วยพยาบาลเปิดส่วนออกมาพอดี พวกเขาถึงกับตกใจที่จู่ๆก็มาเจอคุณหมอกับผมอยู่ที่บันไดหนีไฟด้วยกันแบบนี้

                     “เออ พอดีผมต้องคุณแบบส่วนตัวมากๆ กับญาติคนไช้นะครับ “ หมอภีมปภพพูด เขาก็พากันพยักหน้าไม่รู้จำใจเข้าใจหรือเปล่าแต่ก็ยิ้มมาให้ผม ผมรีบเดินออกก่อนและหมอภีมปภพก็ตามผมเข้ามาติดๆ

                     “หมับ“ หมอภีมปภพจับต้นแขนผมเอาไว้ “ต้นอย่าลืมนะ ผมจะขึ้นมาหาอย่าหนีผมไปนะ ผมว่าคุณรู้ว่าผมนะทำจริง” หมอภีมปภพกระซิบที่หูผม ผมหันมามองและเขาก็ปล่อยแขนผมให้เป็นอิสระก่อนจะเดินไปหาแม่ผมและลูกชายผม

                     “อ้าว! ต้นไปไหนมานะ เอิร์ธบอกว่าเราไปคุยกับอาหมอ อาหมอไหนละลูก” แม่รดาถามผม ผมก็หันมามองลูกชายผมที่กำลังถือกล่องขนมกอดเอาไว้อยู่ ยังไม่ได้เปิดทาน

                     “ผมไปสอบถามถึงการรักษาของก้องนะครับแม่ แล้วนี้ได้ข่าวอะไรบ้างครับ” ผมถามแม่ผม แม่มีสีหน้าที่กังวลเป็นห่วงก้อง

                     “ยังอยู่ในห้องผ่าตัดอยู่เลย นี่แม่เห็นทีมแพทย์เดินเข้าไปอีกชุด ต้น” แม่รดาพูดผมทรุดลงนั่งและกุมมือแม่ผมเอาไว้

                     “ผมเชื่อว่าน้องต้องไม่เป็นอะไรครับแม่” ผมพูด น้ำใสๆไหลริน เอิร์ธเห็นคุณย่าร้องไห้ก็ลงมากอดแม่ผมเช่นกัน

                     “ แม่เชื่ออย่างนั้นลูก แม่เชื่อว่าพ่อเขาจะคุ้มครองก้องลูก” แม่ผมพูด

                     “เขมโทรมาบอกแม่ว่าใกล้ถึงแล้วนะ”

                     “ถ้าอย่างนั้น แม่กลับไปพร้อมกับเขมก่อนไหมครับ ผมจะรอสักพักก่อน ผมไม่อยากให้แม่อยุ่แบบนี้แม่จะเครียดเอา” ผมบอกแม่ผม แม่มองหน้าผม

                     “และแม่ก็ค่อยกลับมาที่โรงพยาบาลอีกทีดีกว่าไหมครับ “ ผมพูด

                     “อันที่จริงเรานะ ควรจะพาลูกกลับไปพักก่อนดีกว่ามั้ยละต้น เพราะเมื่อเช้างอแงมากเลย”แม่รดาเอ่ยถามผม ผมก็มองเอิร์ธ ดูท่าจะง่วง แต่ผมโดนหมอภีมปภพขู่เอาไว้


                     “แม่กลับไปก่อนดีกว่าครับ และพาเอิร์ธไปด้วยแล้วกันครับแม่” ผมบอกแม่


                     “ไม่เอา จะอยู่พ่อ “ เอิร์ธเข้ามากอดผม

                 
                     “นั้นไงเขมมาแล้ว “ แม่ผมหันไปชี้คนที่รีบเดินเข้ามา ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีไม่ต่างจากผมตอนแรก ผมรู้ว่าก้องนะสนิทกับเขมที่สุด ผมลุกขึ้นยืน เขมตรงเข้ามากอดผม ผมรู้สึกได้ว่าเขมร้องไห้

                     “เขม ไม่เอานะ พี่เชื่อว่าก้องจะปลอดภัย” ผมพูดและลูบหัวน้องชายคนเล็ก

                     “พี่ก้องอยู่ไหนอ่ะพี่ต้น” เขมถามผม เขาพยายามปรับน้ำเสียงให้ปกติที่สุด เพราะว่าเอิร์ธก็แหงนหน้ามองพวกผมอยู่

                     “อยู่ในห้องผ่าตัดนะ แม่บอกว่าก้องต้องผ่าตัดสองรอบ จุดอันตรายสองจุด พี่ว่าจะให้เขมพาแม่ไปพักก่อนนะ พี่จะอยู่ที่นี้ก่อน แล้วเขมก็ค่อยมากับแม่อีกที” ผมบอกเขมน้องชายของผม จังหวะนั้นหมอภีมปภพเดินมาพอดี เขมชาติหันไปเจอเขาก็ตกใจ ใช่เหมือนผมเช่นกัน

                     “พี่หมอภีมหวัดดีครับ” เขมชาติยกมือไหว้

                     “อ้าวรู้จักกันเหรอคะ” แม่ผมถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

                     “สวัสดีครับคุณแม่ ผมรู้จักกับต้นนะครับ เราเป็น…”ผมหันไปมองหน้าหมอภีมปภพ

                     “เพื่อนกันนะครับ และผมก็เป็นอาของนครินทร์ แฟนของก้อง” หมอภีมปภพูด ผมหันไปมองเข้าอย่างจังพร้อมกับเขมอีกเช่นกัน เขาก็มองผมยิ้มๆ นี้มันอะไรกัน ผมคิดในใจ ก้องรู้เรื่องนี้มั้ย ผมว่าไม่ ถ้าก้องรู้ก้องก็ต้องบอกผมซิ ขนาดเรื่องของหมอดาวิกาที่ก้องสืบให้ เขายังบอกผมทุกเรื่องเลย

                     “แม่กลับไปบ้านกับเขมก่อนดีกว่านะครับ ผมว่าอีกหลายชั่วโมงเลยนะครับแม่” ผมย่อตัวลงบอกแม่รดา

                     “ใช่ครับ คุณแม่กลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะครับ ผมเพิ่งจะโทรคุยกับทีมแพทย์ระดับอาจารย์แพทย์ เขาบอกว่า จุดที่โดยยิงไม่ได้น่ากลัวแต่ ก้องเขาแค่เสียเลือดมาก ผมได้ทำเรื่องขอเลือดเพิ่มเอาไว้ให้นะครับ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมช่วยเต็มที่” หมอภีมปภพบอกแม่ของผม

                     “แต่เอิร์ธอยู่พ่อ” เอิร์ธเข้ามากอดขาผมแน่น

                     “ถ้าอย่างนั้นแม่กลับไปอาบน้ำและจะเตรียมของมา คืนนี้แม่อยู่เฝ้าได้ไหมคะ คุณหมอ”แม่ผมถามหมอภีมปภพ

                     “เรียกผมว่าหมอภีมก็ได้ครับคุณหมอ เหมือนที่ต้นเขาเรียกผม” หมอภีมปภพพูด เขมพยักเพยอไปทางหมอภีม และเลิกคิ้วมองผม
   
                     “เดี๋ยวพี่อธิบายทีหลังนะ”ผมกระซิบกับเขมชาติ

                             “ถ้าอย่างนั้นแม่กลับบ้านก่อนนะต้น แม่จะทำกับข้าวเอาไว้ให้นะต้น และนี่เอิร์ธจะอยู่กับพ่อเราเหรอ เดี๋ยวก็งอแงกับพ่ออีก “ แม่ผมพูดพร้อมกับแตะที่ตัวเอิร์ธ

                        “ไม่เป็นไรครับผมมีห้องพักเอาไว้ให้ญาตินั่งรอด้านโน้น มีทีวี โซฟา น้องน่าจะนอนพักที่นั้นได้ นะครับ” หมอภีมปภพพูด

                     “เขมพาแม่ไปก่อนเถอะและเขมค่อยมาอยู่กับแม่แล้วกันนะ “ ผมบอกน้องชายของผม เขมก็พยักหน้าเบาๆ แม่ผมลุกขึ้น
   
                     “ขอบคุณนะคะ หมอภีม “

                     “ไม่เป็นไรครับคุณแม่ ผมเต็มใจ “ แม่ผมเดินออกไปพร้อมกับเขม ผมหันมามองหน้าหมอภีมปภพ

                     “คุณรู้เรื่องนครินทร์กับก้อง”ผมหันไปถามหมอภีมปภพทันที

                     “ผมเพิ่งจะรู้วันนี้ต้น ตอนที่รินทร์เขาโทรหาผมเขาบอกว่าแฟนเขาถูกยิงและกำลังจะรีเฟอร์มาที่นี้ให้ผมดูแลต้น ผมสาบานได้จริงๆ “ หมอภีมปภพบอกผม


                     “แต่ผมควรจะรู้ก่อนหน้านี้ ถ้าเช่นกันผมคงหาคุณเจอ” หมอภีมปภพพูด ผมเห็นเอิร์ธเอานิ้วหัวแม่โป้งใส่ปากนั้นแปลว่าเขาง่วงนอนแล้ว

                     “ลูกผมง่วงแล้ว” ผมพูด

                     “ไปรอที่ห้องรับรองก่อนซิต้น แล้วนี่น้องจะต้องทานนมไหมต้น” หมอภีมปภพถามผมและก้มลงเอามือลูปหัวเอิร์ธ อย่างเอ็นดู

                     “อ้าว อาหมอซื้อให้แล้วไม่ทานเหรอครับ มาการองนะ” หมอภีมย่อตัวลงถามเอิร์ธ


                     “คุณย่าบอกให้เอิร์ธรอพ่อก่อน เดี๋ยวพ่อเสียใจ “ เอิร์ธพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาง่วง

                     “เอิร์ธเขาทานนมอะไรอยู่ละต้นตอนนี้” หมอภีมปภพถามผม เขาผายมือให้ผมเดินไปที่ห้องพักรับรองที่เขาบอกผม

                     “นมสดรสจืดนะ ปกติทานของโฟร์โมด กล่องสีส้ม” ผมบอกหมอภีมปภพ เขาก็พยักหน้า

                     “คุณหมอภีมค่ะ อาจารย์ประเวชต้องการคุยกับคุณหมอตอนนี้ค่ะ” พยาบาลที่อยุ่ในห้องผ่าตัดเปิดประตูมาเรียกหมอภีมปภพ ผมหันไปมองเขาพยักหน้าผมเดินไปกับเอิร์ธได้

                     “ได้ครับ ผมรบกวนโทรขอนมสดรสจืดที่ห้องอาหารและเอามาให้คุณต้นให้ผมหน่อยนะครับ “ หมอภีมปภพหันไปสั่งพยาบาลให้ผม เขาก็พยักหน้าและหมอภีมก็รีบเดินเข้าห้องผ่าตัดไป ผมเริ่มใจคอไม่ดี น้องชายผมเป็นอย่างไรบ้าง และนี้แพทย์ที่ทำการรักษาเขาเรียกหมอภีมเข้าไปคุยอีก

                     “พ่ออุ้ม” เอิร์ธสะกิดเรียกผมว่าให้ผมอุ้มเขาที คงง่วงมาก ผมเดินมานั่งรอที่ห้องรับรอง มีโซฟา ทีวี ตู้เย็นและมีน้ำดื่มเอาไว้สำหรับญาติคนไข้ โรงพยาบาลของหมอภีมเขาเป็นโรงพยาบาลเอกชน แต่เขาก็มีหลายสาขา ผมไม่คิดว่าจะมาเจอเขาที่นี้ด้วยซ้ำ  ที่นี้น่าจะเพิ่งเปิดได้ไม่ถึงสองปี

                     “ขออนุญาตค่ะคุณต้นใชไหมค่ะ คุณหมอภีมให้เอานมมาให้น้องนะคะ “ ผมหันไปรับ

                     “ขอบคุณนะครับ” ผมกล่าวขอบคุณพยาบาลคนดังกล่าว “ แฟนกันแน่เลยอ่ะ “ เขาคงมาพร้อมกับอีกคนผมได้ยินเสียงกระซิบกันก่อนที่ประตูจะปิดลง

                     “เอิร์ธ ทานจากกล่องนะ เอิร์ธโตแล้ว ไม่ใช้ขวดแล้ว นะครับ” ผมบอกลูกชายผม ผมก็เจาะกล่องนมให้เขานั่งดื่มข้างๆผม

                     “พ่อ อาก้องละ “ เอิร์ธถามผม

                     “อาก้องเขาต้องไม่เป็นอะไรครับ อาก้องต้องมาเล่นกับน้องเอิร์ธอีก เอิร์ธคิดถึงอาก้องใช่ไหมครับ” ผมถามเอิร์ธ เอิร์ธพยักหน้าเบาๆ ตาก็เริ่มปรี ง่วงเต็มทีลูกชายผมและเขาก็ลุกมานั่งกับผม กอดผมเอาคางเกยไว้ที่ไหล่ผม ผมก็นั่งเอนตัวเล็กน้อย

                     “เอิร์ธรักอาก้อง เอิร์ธเห็นอาก้อง อาก้องไม่สบาย” น้ำตาผมซึมเลยทันที “พ่อช่วยก้องด้วยยนะพ่อ” ผมพูดเบาๆ ผมกับนึกถึงพ่อตอนนี้ ผมนั่งอยู่แบบนั้นสักพักตอนนี้เอิร์ธหลับแล้ว หลับอยู่บนตัวผม และกอดผมเอาไว้แน่น ผมคงวางไม่ได้แน่ๆ ถ้าวางนี้คงร้องไห้จ้าแน่ๆ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฝากตอนพิเศษของพี่หมอภีมกับพี่ต้นตระการด้วยนะคะ เงียบๆ ไม่รู้ว่าถูกใจคนอ่านบ้างไหมคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.พิเศษ หมอภีมปภพกับพี่ต้นตระการเจอกันแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 22-10-2020 16:05:11
คู่พี่ต้นดูดราม่าแฮะ ฮือออ :hao5:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.(หมอภีมXพี่ต้น) คุณนี้ดื้อที่สุดเลยนะต้น
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 22-10-2020 20:05:26
      
รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.(หมอภีมXพี่ต้น) คุณนี้ดื้อที่สุดเลยนะต้น

            Partต้นตระการ   ผมเลยต้องอุ้มเอาไว้แบบนั้นก่อน จนกระทั้งประตูห้องถูกเปิดเข้ามาโดยหมอภีมปภพ เขามองผมและอมยิ้มมากให้ผม  เขาเดินลงไปซื้อเครื่องดื่มมาให้ผม และวางลง ผมก็มองยังจำได้เหรอว่าผมชอบ มิกซ์เบอรีสปาร์คกลิ้งและสลัดไก่รมควัน


      “จำได้ตลอดว่าคุณชอบดื่มและทานอาหารแบบนี้และผมคิดคุณคงรีบจนไม่ได้ทานอะไรมาเลยต้น  “ หมอภีมนั่งลงข้างๆผม และกางแขนมาให้ผม ผมมองว่าทำไม


      “เอามาผมอุ้มบ้าง นี่แสดงว่าน้องไม่ยอมนอนลงใช่ไหมต้น” หมอภีมบอกผม


      “ต้น ! “หมอภีมเรียกผมอีกครั้ง ผมก็ต้องส่งเอิร์ธให้เขาเอาไปอุ้มแทนผม และผมก็ยกเครื่องดื่มที่เขาเอามาให้ผมกระดกขึ้นดื่ม


      “ทานอะไรก่อนนะต้น น้องคุณเขายังรักษาตัวอยู่ ดังนั้นคุณต้องดูแลตัวเองด้วยต้น ทานซะ” หมอภีมปภพบอกผม


      “น้องผมเป็นไงบ้างภีม” ผมหันไปถามหมอภีม


      “น้องคุณรู้สึกตัวแล้ว แต่เขาก็ยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจเพราะว่าเขาได้รับบาดเจ็บที่ทรวงอกจากกระสุนฝังในตอนนี้หมอทำการผ่าตัดเรียบร้อยแล้วแต่ที่ผมไม่ได้เรียกคุณเข้าไปดูเพราะว่าเขายังอ่อนเพลียเกินไปนะต้น ” หมอภีมปภพบอกผม


      “ตกลงเขา”

      “เขาปลอดภัยเชื่อผม ร่างกายเขาแข็งแรงดีทีเดียว “ หมอภีมบอกผม

      “คุณเชื่อใจผมไหมต้น” หมอภีมปภพถามผม ผมหันมามองสายตาที่มุ่งมั่นคู่นั้น ผมพยักหน้าว่าเชื่อ เขาก็กุมมือผม สิ่งที่ทำให้ผมหยุดมอง นิ้วมือข้างซ้ายของเขายังมีแหวนที่เขาซื้อให้ในวันครบครอบหนึ่งปีก่อนที่จะเกิดเรื่องของผมกับเกศรินทร์ เขาสวมมันไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายนั้น

      “ผมสวมมันตลอด “หมอภีมปภพพูด ผมเองก็ไม่ได้สวมแต่มันก็


      “หมับ” เขาจับที่สร้อยคอผม  “ผมเห็นแล้วแต่ผมไม่ได้ถามคุณหรอกนะ ผมคิดว่ามันก็ให้ความหมายเดียวกับผมว่าคุณยังรักผมอยู่ต้น” หมอภีมปภพพูด 


      ก๊อกๆ  เสียงเคาะประตูห้อง พร้อมกับผู้หญิงเลยวัยกลางคนอายุราวๆหกสิบกว่าแต่หน้าตาและผิวพรรณ์ ดูยังไงก็ไม่น่านะถึงไม่น่าจะเกินห้าสิบซะด้วยซ้ำ  เขาเป็นแม่ของหมอภีมปภพ ผมจำท่านได้ วันนั้นที่พ่อของหมอภีมเรียกผมเข้าไปคุยและเขาก็อยู่ด้วยแต่แม่ของหมอภีมเขาเดินมาจับไหล่ผม ผมรู้ว่าเขาก็ลำบากใจแต่ในฐานะภรรยาเขาคงคัดสามีไม่ได้

      “สวัสดีครับคุณหญิง”

      “เรียกแม่ก็ได้ต้น ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ส่วนเรื่องที่ผ่านมาก็ให้มันแล้วไปนะต้น” ผมยอมรับว่าภีมเคยพาผมไปพบครอครัวเขาแต่ผมซิกลับไม่กล้าและตอนนั้นพ่อผมยังทำงานอยู่ต่างประเทศด้วยผมเลยไม่มีโอกาส

      “พยาบาลเขาบอกแม่ว่าเราอยู่ที่นี้แม่เลยเดินมาดูนะ ตกลงภีมเราไม่ไปทานอาหารเย็นที่บ้านพี่สาวเราวันนี้ด้วยกันใช่ไหม”

      “ไม่ได้ครับแม่ผมต้องดูแลน้องชายของต้นเขาและแฟนของรินทร์อีก เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีซะก่อนนะครับ ถ้ามันดึกมากผมจะนอนค้างที่ห้องพักแพทย์ พรุ่งนี้แม่ให้คนเอาชุดทำงานมาให้ผมแล้วกันนะครับ” หมอภีมปภพพูด

      “ตารินทร์นี้ก็อีกคน ไม่เคยบอกพ่อแม่เลยว่าจะมีแฟนเป็นผู้ชาย อาหลานนี้เขาดื้อเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนเลยนะต้นแม่ละปวดหัวจริงๆ  ถ้าอย่างนั้นแม่ไปก่อนนะ เออ อีกอย่างนะ เราเจอหนูดาวิกามั้ย แม่บอกว่าเราอยู่ห้องผ่าตัด แต่แม่ไม่ได้บอกหรอกนะว่าแฟนตารินทร์เขาอยู่นี้แม่กลัวว่าเรื่องจะไปกันใหญ่โต” แม่ของหมอภีมพูด ผมหันมามองหน้าหมอภีมเขากับคุณดาวิกา

      “ผมเจอเขาตอนพาลูกชายของต้นลงไปหาอะไรทานแค่นั้นนะครับแม่ ” หมอภีมปภพพูด ผมสะบัดหน้าไปมองนี่เขารู้หรือเปล่าว่าเอิร์ธนะลูกชายผมนะ แต่ผมยังไม่ได้ถามหมอภีม

      “คงลงมาแล้วไม่เจอนะ เขาแค่จะแวะมาหาภีมในฐานะพี่ชายนะต้น ถึงจะถอนหมั้นกันไปแล้วแต่อย่างน้อย หมอดาเขาก็นับถือหมอภีมเป็นพี่ชาย ใช่ไหมภีม” แม่ของหมอภีมพูด

      “ผมก็ขอให้เป็นแบบนั้นครับแม่ และตอนนี้ผมกับต้นก็เข้าใจกันแล้ว ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นกับผมและต้นอีก “หมอภีมปภพพูดก่อนจะหันมามองหน้าผมอีกครั้ง

      “แม่จะพยายามคุยกับหมอดาให้นะ แต่ขนาดพ่อแม่เขาตัดขาดเราไปแล้ว หนูดายังไม่ยอมเลยภีมแต่เอาเถอะ บางที่ผู้หญิงด้วยกันน่าจะเข้าใจกันได้ง่ายกว่า”

      “ถ้าอย่างนั้น แม่ขอให้น้องชายเราปลอดภัยนะ จะว่าไปต้องขอบคุณซิ ที่ช่วยปกป้องตารินทร์หลานแม่ นะต้น  แต่พ่อของรินทร์เขาก็เป็นเหมือนพ่อตาภีม  แต่ไม่ใช่ว่าแบบที่เราสองคนเป็นมันไม่ดีนะ ของแบบนี้ มันพูดยากจริงๆ และตอนนี้พ่อเขานะเบาลงแล้ว ว่างๆก็ไปทานข้าวกันนะต้นนะ” แม่ของหมอภีมพูดผมก็พยักหน้าแค่นั้น

      “นี่ลูกชายเราเหรอ ต้น”

      “ครับผมลูกชายผม” ผมพูดบอกกับแม่ของหมอภีม หมอภีมเปลี่ยนให้มานอนที่ตักเขาแทน ทำให้เห็นใบหน้าเอิร์ธได้อย่างชัดเจน

      “เหมือนต้นมากจริงๆ เหมือนราวกับพิมพ์เดียวกันเลยนะต้นนะ น่ารักน่าเอ็นดูเชียว ผิวพรรณก็ดี โชคดีมากนะต้น “ แม่ของหมอภีมชมเอิร์ธ

      “งั้นแม่ไปละ แม่ต้องรีบไปเตรียมตัวและจะได้ไปหาพี่สาวเรา ไม่รู้ป่านนี้พ่อลูกบ้านนั้นตีกันไปหรือยัง” แม่ของหมอภีมพูดก่อนจะเดินออกไป ผมก็ยกมือไหว้ท่านก่อน ผมหันมามองหน้าหมอภีม

      “คุณให้ผมอุ้มดีกว่า” ผมพูดและจะหันไปแย้งเอิร์ธมาอุ้ม แต่หมอภีมไม่ให้ผม


      “ ทำไมละต้น ผมอุ้มให้ คุณอุ้มตั้งนานแล้วเมื่อย” หมอภีมปภพพูด ผมหันหน้าหนี ผมยังคิดเรื่องหมอดาวิกา

      “ต้น คุณคิดเรื่องหมอดาวิกาเหรอ ผมกับดาเราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว และดาเธอก็รู้ว่าผมไม่มีทางมองเธอเช่นคนรักได้ และยิ่งเขาเป็นคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องคุณกับเกศรินทร์ผมยิ่งบอกว่าผมรับไม่ได้เธอก็รู้ดี” หมอภีมปภพพูดบอกผม ผมกลับหันหน้าไปมองทางอื่นแทน


      “ ต้น…. ดาวิกาเธอไม่มีพิษมีภัยอะไรหรอก และที่เธอยังคงวนเวียนกับผมคงเป็นเพราว่าผมกับเขาสนิทกันในฐานะพี่ชายน้องสาว ดาวิกาเธอเป็นลูกสาวคนเดียวเธอไม่มีพี่น้องเหมือนผม” หมอภีมปภพพูด

      “คุณพาลูกผมไปหมอดาเขารู้ไหมว่าเอิร์ธเป็นลูกของผม” ผมถามหมอภีมปภพ

      “ต้นผมเองยังไม่รู้เลยในตอนนั้นแต่ผมนะหลงรักเขาไปแล้ว ส่วนหมอดาเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน มีอะไรหรือเปล่าต้น” หมอภีมปภพถามพูด ผมก็ค่อยโล่งอก

      “คือ…”ผมกำลังจะเอ่ยปากขอร้องเขาว่าอย่าแนะนำเอิร์ธให้หมอดารู้จัก แต่ก็ต้องถูกขัดด้วยเสียงเคาะประตูห้อง

      “ก๊อกๆ “ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พร้อมพยาบาลประจำห้องผ่าตัด ผู้ที่เปิดประตูเข้ามา

      “คุณหมอภีมค่ะ อาจารย์ปรมินทร์ขอคุยกับคุณหมอภีมค่ะ”

      “หมอปรมินทร์เป็นคุณอาจารย์หมอเฉพาะทางเกี่ยวกับปอดนะ น้องคุณโดนจุดที่ใกล้กับปอดมาก เดี๋ยวผมกลับมานะต้น และผมจะไปส่งคุณที่บ้าน”  เขาหันมาออกคำสั่งผมก่อนจะส่งตาเอิร์ธมาให้ผม เอิร์ธก็ตื่นพอดี เขาก็โผ่มาหาผมทันที่เช่นกัน
      
   -------------------------------------------------------------------------------   
     หมอภีมปภพ ผมเข้าไปคุยกับหมอปรมินทร์ หมอบอกว่าคนไข้โชคดีที่กระสุนไม่เข้าปอดแต่มีภาวะเลือดออกค่อนข้างมากต้องระบายเลือดที่คั้งออก อาจารย์หมอบอกว่าร่างกายเขาตอบสนองได้ดี แต่คงต้องอยู่ในห้องไอซีสักพัก ตอนนี้เหลือการผ่าตัดที่ช่องท้องซึ้งต้องลัดลำไส้ออกแต่ไม่เยอะมากเพราะว่ากระสุนทะลุลำไส้  จากรรายงานที่แพทย์เวรเขียนส่งเวรเอาไว้  เขาโชคดีที่อวัยวะภายในไม่ได้รับความเสียหายมาก และได้รับการปฐมพยาบาลจากทีมแพทย์ทหารที่มีความชำนาญในการช่วยคนถูกยิง
ผมก็กำลังจะเดินมาบอกข่าวดีกับต้นตระการทันที ว่าน้องเขาจะเข้าผ่าตัดคืนนี้ตอนตอนสามทุ่มอีกทีแค่นั้น

      “คุณแม่สวัสดีครับ “ผมเดินไปที่ห้องรับรองสำหรับญาติคนใคร ผมก็เห็นแม่ของต้นตระการนั่งอยู่แต่ไม่มีต้นและเอิร์ธ นี้หนีผมกลับไปอีกแล้วเหรอ

      “สวัสดีค่ะหมอภีม” แม่ของต้นยกมือรับไหว้ผม

      “ คุณแม่ครับ ต้นละครับ” ผมรีบถามทันที

      “ต้นเขาพึ่งจะลงไปข้างล่างเห็นว่าจะพาเอิร์ธกลับบ้าน ต้นว่าจะนั่งแทกซี่กลับนะคะ นี้เขมเขาก็เพิ่งจะเดินลงไปส่ง” แม่ของต้นบอกกับผม

      “เดี๋ยวผมจะขึ้นมาแจ้งรายละเอียดการรักษาของลูกชายคุณแม่นะครับ” ผมพูดและรีบเดินออกทันที ผมตรงไปที่ลิฟต์  แอบคิดในใจต้นนะต้น ทำไมชอบหนีผมอยู่เรื่อยเลย ทำไมเราไม่หันมาปรับความเข้าใจและคุยกันก่อน ทันที่ลิฟต์เปิดออก ผมก็รีบเดินออกมา ผมเกือบจะสวนกับเขมน้องชายของต้น

      “เขม “ผมเรียกเขาเอาไว้ก่อน

      “พี่หมอภีม ว่าไงครับ”

      “ต้นละครับ”

      “พี่ต้นกำลังกลับบ้านนะครับ นี้เพิ่งจะเดินออกไป พี่ต้นเขาจะไปแท็กซี่นะครับเขาไม่อยากให้พี่ต้องลำบาก…” เขมพูดบอกผม แต่ผมไม่ทันได้รอฟังให้จบ ผมวิ่งไปจุดที่สำรับเรียกแทกซี่ ผมวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่ผมไปถึง ผมเห็นว่าต้นกำลังอุ้มเอิร์ธเดินข้ามไปยังจุดทึ่จัดเอาไว้ให้รถแท๊กซี่จอดรอรับผู้โดยสาร


      “ต้น!! “ ผมตะโกนเรียกชื่อเขา ต้นหันมามองผม จังหวะนั้นจู่ๆก็มีรถเก๋งขับและตรงมาหาต้น ทั้งที่ต้นอยู่เกือบริมถนน

      “ต้นระวัง!!” ผมตะโกนเพื่อให้ต้นหยุดก่อนไม่เดินออกไปมากกว่านั้น

      “เอี้ยด!!” เสียงรถเบรกแต่ผมไม่ได้ยินเสียงชนนะผมก็วิ่งไปให้ถึงต้นให้เร็วที่สุด

      “ต้น!!” ผมตะโกน ผมรีบวิ่งไป ผมเห็นต้นล้มอยู่ที่พื้นฟุตบาตแต่ไม่ได้ถูกชนเพราะว่ามีพลเมืองดีใกล้ๆกระฉากเขาให้ออกจากจุดนั้นได้ทัน ผมรีบตรงเข้าไปหาต้นทันที

      “เอิร์ธ เอิร์ธ” ต้นร้องถามลูกชายเขาก่อน ผมเห็นพลเมืองที่ล้มลงไปด้วยเช่นกัน

      “ขอบคุณนะครับพี่” ผมขอบคุณคนที่ช่วยต้น

      “แงๆๆๆ” เสียงเอิร์ธร้องไห้จ้าเพราะว่าตกใจ  ผมนะไปดูคนที่ช่วยต้นไว้ก่อน เขาก็ยกมือว่าเขาโอเค

      “วอหนึ่งเรียกวอสอง ติดตามรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาสด้าสีดำ ขับเฉียวคาดว่าอาจจะอยู่ในอาการเมา ขับตรงไปยังเส้นXXXX”

      “รับทราบ” เขาคนนั้นเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบนั้นเอง

      “ต้น เป็นไงบ้าง” ผมถามต้นตระการ ต้นเขาก็มองหน้าผม เขายังคงกอดลูกชายเขาเอาไว้ แน่ละคงเสียขวัญทั้งคู่ ผมแบมือขอรับลูกชายเขา ตอนนี้เจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินวิ่งมายังจุดที่เกิดเหตู ผู้เห็นเหตุการณ์คงแจ้งเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลให้ทันทีเหมือนกัน

      “ เป็นยังไงบ้างครับ”คุณตำรวจตรงเข้ามาถามต้นตระการ ต้นมองหน้าเขาก่อนจะส่ายหัวเป็นคำตอบ
      
      “ตอนนี้ผมแจ้งให้ตำรวจท้องที่สกัดจับรถคันดังกล่าวแล้วนะครับ ผมภาวนะว่าให้หาเจอแต่เสียดายที่รถไม่ได้บิดแผ่นป้ายทะเบียน” คุณตำรวจนอกเครื่องแบบสอบถามผมและต้น

      “ขอบคุณนะครับ “ ผมพูดขอบคุณ ตอนนี้พยาบาลขอต้นดูแผลที่แขน น่าจะเกิดจากตอนที่เขาล้มลงที่พื้นฟุตบาทแถมต้นยังเอาตัวลงเพื่อปกป้องเอิร์ธอีกด้วย

      “ฮือๆๆ ฮึกๆ ฮือๆ พ่อ… พ่อ”

      “เอิร์ธ ไม่ร้องลูก”ผมปลอบเอิร์ธ

      “พาคุณต้นเข้าไปทำแผลให้ผมหน่อย เขาเป็นแฟนผม” ผมพูดกับเจ้าหน้าที่พยาบาลดูจากชุดเครื่องแบบ เป็นทีมที่พร้อมออกปฏิบัติหน้าที่รถฉุกเฉิน พวกเขาหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าตกใจก่อนจะหันไปมองต้นและหันกลับมามองผมที่อุ้มเด็กไว้อีก

      “เอา! รีบพาคุณต้นไปทำแผลซิครับ” ผมพูดขึ้นเสียง

      “ไม่ต้องครับ ผมจะกลับบ้าน ผมไปทำแผลที่บ้านดีกว่า โอ้ยย!!”  ต้นพูดและพยายามจะลุกขึ้น แต่ก็เจ็บที่แขน

      “ต้น ทำไมคุณดื้อแบบนี้ละ นี้เอิร์ธก็เสียขวัญนะคุณ ทำแผลก่อนและผมจะไปส่งคุณเองต้น” ผมพูดบอกต้น

      “ผมรบกวนโทรขอรถให้ผมหน่อยผมจะไปส่งแฟนผมที่บ้านครับ ขอบคุณครับ” ผมบอกเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลของผมเขาก็วิ่งกลับเข้าไป

      “ต้นเข้าไปทำแผลก่อน ผมจะไปส่งคุณ” ผมบอกต้นตระการอีกครั้ง โดยมีสายตานายตำรวจหนุ่มที่ยืนอยู่ เขาก็มองผมกับต้นสลับกันไปมา

      “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวเลยนะครับ แล้วนี่คุณจะให้แฟนไปลงบันทึกประจำวันไหมครับ ไปลงพรุ่งนี้ก็ได้นะครับ ผมผู้กองธงชัย ผมประจำการอยู่สน.XXXX “นายตำรวจหนุ่มหันมาบอกผมกับต้นผมพยักหน้าแค่นั้นก่อนจะรีบลุกขึ้น ผมยังอุ้มเอิร์ธที่กอดผมตัวสั่นด้วยอาการตกใจ เจ้าหน้าที่ก็พาต้นตระการเพื่อเข้าไปทำแผลในห้องฉุกเฉินก่อน พาเอิร์ธไปและพาไปหาที่นั่ง ผมก็ตรวจเช็ดดูตามร่างกายเขาแต่ไม่กล้าพาเข้าห้องทแผล ผมกลัวว่าถ้าเขาเห็นเจ็บอาจจะร้องไห้งอแงหนักกว่าเดิม

   “ปลาๆ อาหมอดูปลา “ ผมพาเขาไปนั่งบ่อปลาแทน โรงพยาลาลผมมีสระเลี้ยงปลาอยู่ตรงใจกลางแต่มีกระจกกันเพื่อให้เกิดอันตรายกับเด็กๆที่มาใช้บริการ 

   “พ่อต้น!” น้องเอิร์ธร้องเรียกทันที่เห็นเจ้าหน้าที่พาต้เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน ผมรีบอุ้มเอิร์ธเดินตรงเข้าไปหาต้นทันที ผ้าพันแผลที่พันแขนด้านซ้ายตั้งแต่ข้อศอกไปถึงท่อนแขนล่าง

   “คุณภีมค่ะคุณต้นมีประกันกลุ่มด้วยนะคะ “ ต้นหันไปมองหน้าเขาด้วยสีหน้ากังวล

   “ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่โตนะภีม ผมจ่ายเองได้ไหม” ต้นหันมาถามผม ผมพยักหน้าว่าได้แต่

   “ไม่เป็นไรครับ ผมขอรับผิดชอบเอง เข้าบัญชีผมเพราะว่าถ้าใช้ประกันของคุณต้นผมคิดว่าอาจจะยุ่งยากกว่าและก็ยังไม่รู้ว่าคนที่ทำร้ายคุณต้นเขาทำด้วยเหตุผลอะไร ” ผมหันไปบอกเจ้าหน้าที่การเงิน

      “ผมจะจ่ายเองครับ ” ต้นยังคงดื้อกับผมอีก

      “ไม่ต้น “ผมหันไปเอ็ดต้น  “รบกวนทำตามที่ผมบอกนะครับคุณนัฐรีย์”ผมพูดและหันไปจับแขนข้างที่ไม่เจ็บของต้น

      “คุณณัฐรีย์ครับ ผมรบกวนประสานงานเรื่องรถที่จะไปส่งผมกับแฟนผมที่บ้านเขาทีนะครับ หลังจากที่คุณต้นรับยาแล้ว” ผมหันไปบอกคุณณัฐรีย์อีกครั้ง เขาก็หันมาพงกศีรษะรับทราบ

      “คุณต้นนั่งรอที่นี้ก็ได้ค่ะ คุณหมอเนตรนภาสั่งยาเอาไว้ให้ เดี๋ยวพี่ให้น้องเนิร์ดเอดไปเอามาให้ได้ค่ะ ไม่ต้องเดินไปเองค่ะ” พยาบาลห้องที่ทำแผลให้ต้นเมื่อสักครูบอกกับต้น เอิร์ธทำท่าจะไปหาต้นเพ่อให้ต้นอุ้มเขา

      “อาหมออุ้มดีกว่าเอิร์ธ พ่อต้นเขาเจ็บแขนเห็นไหมครับ” ผมบอกน้องเอิร์ธ

      “ภีม อย่าบอกเรื่องเมื่อสักครูให้แม่กับเขมฟังนะ ผมขอละ” ต้นตระการหันมาบอกผม ผมหันไปมองหน้าเขาว่าทำไมละ แต่ผมก็ต้องพยักหน้าตอบไป

      “ผมจะให้คนเช็กกล้องวงจนปิดให้พรุ่งนี้และตามล่าว่าใครทำแบบนั้นกับคุณ ถ้าเป็นคนเมาอย่างที่นายตำรวจคนนั้นว่า ผมก็ต้องเอาผิดนะ คุณอุ้มลูกและถ้าคนที่เจ็บเป็นลูกคุณด้วยละต้น “ ผมบอกต้นตระการสีหน้าเขาดูกังวลขึ้นมาทันที ผมแตะที่แขนเขาเบาๆ

      “ให้ผมไปส่งนะต้น เพราะว่าผมจะได้แน่ใจว่าคุณและเอิร์ธกับถึงบ้านปลอดภัย ส่วนน้องคุณนะจะรอผ่าตัดอีกครั้งเดียวตอนสามทุ่ม ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี เขาใกล้จะพ้นขีดอันตรายแล้วต้น” ผมบอกต้นตระการ ต้นเขาพยักหน้าให้ผม ก่อนจะหันไปรับยาจากพยาบาลมาถือเอาไว้

      “คุณหมอภีมค่ะ รถที่คณหมอขอเอาไว้ รออยู่ด้านหน้าห้องฉุกเฉินแล้วค่ะ” พี่อุ่น พยาบาลเวรตรวจการวันนี้ เดินเข้ามาบอกผม ผมพยักหน้าเป็นการขอบคุณ และพากันเดินไปขึ้นเพื่อนพาต้นและเอิร์ธกลับบ้าน ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว ดูท่าเอิร์ธจะง่วงนอนแล้วด้วย

      “เอิร์ธเขาเข้านอนเร็วนะภีม” ต้นหันมาบอกผม ผมพยักหน้าว่าโอเค ผมเปิดประตูให้ต้นเข้าไปก่อนและผมก็ตามเข้าไปโดยอุ้มเอิร์ธไว้

      “รบกวนไปส่งหมู่บ้านXXXX” ต้นเป็นคนบอกทาง ผมหันไปมองต้น

      “มีอะไรเหรอภีม” ต้นถามผม

      “คุณนี้อยู่แค่ตรงปลายจมูกผมแท้นะต้นแต่เหมือนกรรมบัง  ผมมาพักอยู่ใกล้กับที่โรงพยาบาลนี้ตั้งแต่ผมย้ายมาจากเขาใหญ่ แต่อย่างว่าและ ผมไม่เคยเจอครอบครัวคุณเลยต้น”ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจ

      “ผมขอโทษนะภีม ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากให้คุณเจอครอบครัวผม ก็เพราะว่าผมไม่อยากให้พ่อผมเสียใจ ถ้าลูกชายสองคนของพ่อผมจะเป็นเกย์แต่ตอนนี้ก็สามคนแล้วซิ “ ต้นตระการพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด ผมก็แตะแขนต้นเอาไว้ ไม่นานรถเก๋งประจำตำแหน่งของผมก็มาส่งที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านสองชั้นรูปทรงทันสมัยแม้จะไม่แพงเป็นร้อยล้านแต่ก็ดูสวยและน่าจะปลูกไม่นาน

      “บ้านหลังนี้พ่อผมปลูกเองท่านกะว่าจะมาพักหลังจากเกษียณอายุราชการพร้อมกับแม่แต่พ่อมาเสียชีวิตลงซะก่อน ผมเองก็ไม่ได้บอกคุณภีมเรื่องพ่อผม “ ต้นหันมาบอกผม ผมพยักหน้าว่าผมเข้าใจ

      “ถ้าผมจะกลับผมจะโทรบอกอีกทีนะครับ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณต้นก่อน” ผมหันไปบอกคนขับรถ เขาก็พยักหน้าแต่ต้นหันมามองหน้าผม ผมก็อุ้มเอิร์ธลงมา

      “คุณแขนเจ็บ ผมช่วยดูแลเอิร์ธและดูแลคุณ ให้ผมทำนะต้น เป็นการชดเชยที่ผมปล่อยให้คุณเผชิญกับสิ่งที่ผมเองก็มีส่วนผิด   อยู่คนเดียว” ผมพูดต้นก็พยักหน้าแบบจำใจ ผมเดินเข้าไปในบ้าน สิ่งแรกที่ผมเห็นคือรูปครอบครัวต้นสวมชุดราชการและก้อง และเขมก็สวมเสื้อครุยถ่ายรูปกับพ่อแม่

      “เอิร์ธหิวไหม ย่าทำอาหารเอาไว้ให้นะ” ต้นหันไปมาถามน้องเอิร์ธ

      “ผมว่าพาเอิร์ธอาบน้ำก่อนจะดีกว่า เพราะว่าในโรงพยาบาลเชื่อโรคค่อนข้างเยอะ ต่อให้โรงพยาบาลของผมจะสะอาดปลอดภัยก็ตามและคนไข้ไม่ได้จนแออัดเหมือนโรงพยาบาลรัฐก็เถอะ แต่เพื่อความปลอดภัย “ ผมพูดบอกต้นตระการ ต้นเขาก็พยักหน้า

      “ห้องน้ำอยู่ไหนครับต้น ผมจะอาบให้เขาเอง แขนคุณนะเป็นแผลและยังไม่สมควรจะโดนน้ำนะต้น “ผมบอกกับต้น ต้นเขามองหน้าผมก่อจะเดินนำไป ผมก้มลงมองหน้าเอิร์ธ เขาก็ยิ้มตาหยีให้ผม ทำไมผมถึงได้รู้สึกถูกชะตาเด็กคนนี้ตั้งแต่นาทีแรกที่ผมเจอเขา เพราะว่ามันมีใบหน้าของต้นตระการซ้อนขึ้นมาทุกครั้งที่ผมมองเขา

      “ห้องนอนผมเองแต่ผมกลับมาได้แค่ปีละสองครั้ง บางครั้งผมก็แอบคิดนะว่าทำไมผมต้องไปอยู่ที่ไกลๆ ที่ต้องอยู่ห่างจากแม่และน้องๆแบบนี้ “ ต้นพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดอีกครั้ง

      “ใจผมก็ไม่อยากให้คุณเป็นปลัดแต่ผมเห็นความตั้งใจของคุณแล้ว ผมเลยไม่กล้าค้านคุณตั้งแต่แรกหรอกนะต้น ”  ผมพูดกับต้นขณะที่ต้นกำลังเปิดน้ำในอ่างอาบน้ำ ผมก็ถอดเสื้อผ้าเอิร์ธรอ ผมสังเกตุเอิร์ธไม่พูดอะไรเลยได้แต่มองผมกับต้น

      “อาหมออาบน้ำให้นะครับ วันนี้พ่อต้นแขนเจ็บ “ผมก้มลงบอกเอิร์ธ เอิร์ธหันไปมองต้น

      “อาหมอเป็นเพื่อนพ่อนะ ให้อาหมออาบน้ำให้ก่อนนะเอิร์ธ วันนี้พ่อต้นแขนเจ็บ นะครับ” ต้นก้มลงบอกเอิร์ธ เอิร์ธก็พยักหน้าเบาๆ

      “ทำไมผู้หญิงคนนั้นจะชนพ่อ” เอิร์ธพูดขึ้น ผมก็สะบัดหน้าไปมองเอิร์ธ ต้นก็ก้มลงมองเอิร์ธเช่นกัน

      “ เอิร์ธพูดเรื่องอะไรลูก “ต้นถามเอิร์ธ

      “ผู้หญิงคนนั้นในรถคันนั้น” ผมเงยหน้ามองต้น

      “เอิร์ธเห็นคนขับรถ คุณไม่เห็นคนขับรถเหรอต้น” ผมถามต้นตระการ เขาก็ส่ายหน้าว่าไม่เห็น

      “เอิร์ธ เห็นเหรอครับว่าใครเป็นคนขับรถคันนั้นนะ” ผมถามเอิร์ธ แต่ดูเอิร์ธเงยหน้ามองต้นและน้ำใสๆเริ่มไหล เขาคงยังตกใจกลัวอยู่แน่ๆ

      “ช่างมันเถอะเอิร์ธ มันแค่อุบัติเหตุเขาคงไม่ตั้งใจหรอกเอิร์ธ” ต้นตระการย่อตัวลงเอาแขนข้างที่ไม่เจ็บกอดเอิร์ธ

      “แม่ก็ชอบตีพ่อ เอิร์ธไม่ชอบผู้หญิงเลย ฮือๆ” ผมหันไปมองต้นจริงเหรอ ต้นส่ายหัวให้ผมแต่ผมเชื่อว่าเด็กไม่โหก

      “ไม่มีอะไรหรอกเอิร์ธ อาบน้ำเถอะและจะได้ลงไปทานอาหารกัน วันนี้ย่าทำไข่พะโล้ที่เอิร์ธขอบนะ เดี๋ยวพ่อไปเอาชุดนอนให้เอิร์ธก่อนนะครับ หมีพูร์ดีไหม” ต้นตระการพูดและเขาก็ลุกออกไป ผมว่าต้นคงเจอมาหนักพอสมควร ร่วมทั้งเอิร์ธ  ผมเองก็เคยช่วยแม่ผมดูแลหลาน ลูกพี่สาวคนที่สองของผมแต่ตอนนี้เขาย้ายไปอยู่แฟนที่อังกฤษแล้ว ไปเป็นหมอที่นั้น ดังนั้นผมเลยหลอกล้อเอิร์ธให้อาบน้ำกับผมได้

      “เอิร์ธครับ เดี๋ยวอาหมอเช็ดผมให้ก่อนนะครับ ถ้าผมเปียกเดี๋ยวจะไม่สบายเอานะครับ” ผมบอกเอิร์ธ ผมก็ค่อยบรรจงใช้ผ้าขนหนูเช็ดหัวเด็กน้อย ผมเขานิ่มเหมือนผมของต้นตระการ

      “เอิร์ธครับ แม่เกศรินทร์ชอบทำร้ายพ่อต้นเหรอครับ” ผมถามน้องเอิร์ธ

      “เวลาแม่โกรธพ่อ แม่ก็ตบหน้าพ่อ เอิร์ธไม่ชอบเลย ฮึกๆ ”

      “โอ๋ๆ อาขอโทษนะที่ถามเอิร์ธ ไม่ร้องนะครับ “ผมพูดและกอดน้องเอิร์ธเอาไว้

      “แต่พ่อบอกว่าไม่ให้เอิร์ธแกล้งผู้หญิงมันไม่ดี เป็นเด็กไม่ดีด้วย” เด็กน้อยพูดพร้อมกับเงยหน้ามองผม ยิ่งผมมองเขาใกล้ๆแบบนี้ มันทำให้ผมเห็นใบหน้าต้นตระการซ้อนเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นตาที่คมกริบ จมูกที่โด่งเรียว ปากรูปกระจับ ใบหน้าเรียว ทุกอย่างมันถูกสร้างมาด้วยความตั้งใจแม้ว่าเขาจะทำไปโดยไม่รู้ตัวเพราะฤทธิ์ยาก็ตาม

      “เอิร์ธลงไปทานข้าวกันดีกว่านะครับ พ่อต้นรออยู่” ผมบอกเอิร์ธ เอิร์ธเขาก็หันมามองหน้าผมและยิ้มให้ผม จังหวะนั้นต้นขึ้นมาพอดีเลย

      “เอิร์ธทานข้าวนะครับ มันจะได้เวลาเอิร์ธเข้านอนแล้วนะ และพรุ่งนี้เราจะได้ไปหาอาก้องกันแต่เช้า” ต้นตระการบอกกับเอิร์ธ

      “คุณละ ทานด้วยกันซิ แม่ผมทำอาหารเอาไว้หลายอย่าง” ต้นตระการหันมาถามผม

      “แม้ผมก็คิดว่าคุณต้นจะปล่อยให้ผมหิวซะอีก” ผมหันไปถามต้น

      “หรือจะไม่ทานก็ตามใจนะ “ ต้นพูดก่อนจะหันหลังเดินจากห้องทันที

      “อาหมอทำพ่อต้นโกรธอะเปล่า” เอิร์ธลุกขึ้นยืนและแหงนหน้าขึ้นมองผม

      “สงสัยอยู่นะแต่ไม่เป็นไร อันนี้อาหมอไปงอ้ได้ “ผมบอกเอิร์ธก่อนจะใช้ฝ่ามือหยีหัวเล็กนั้นและพากันเดินลงไปที่ชั้นล่าง เอิร์ธเป็นคนนำผมไปยังห้องทานอาหาร อาหารทุกอย่างถูกจัดไว้บนโต๊ะเรียบร้อย

      “อันที่จริงคุณน่าจะรอให้ผมลงมาช่วยนะต้น “

      “ไม่เป็นไรหรอกภีมนั่งซิ  ว่าแต่คุณจะกลับยังไง เพราะว่านี้ก็เกือบจะสองทุ่มครึ้งแล้ว “ต้นตระการถามผม ผมก็เหล่ตาไปมอง นี้ไล่กันเหรอ
      
      “ผมไม่ได้บอกว่าผมจะไล่คุณกลับแต่ คุณต้องหน้าที่คุณหมอพรุ่งนี้ด้วยไม่ใช่เหรอครับ คุณหมอภีม” ต้นตระการพูดก่อนละเบียงสายมามองผมแว๊ปหนึ่งและหันไปตักอาหารให้เอิร์ธ

      “อาหมอ อาหมอทำพ่อโกรธ อาหมอง้อพ่อต้นหรือยัง” จู่เอิร์ธก็ถามผมขึ้นมา ต้นตระการสะบัดหน้ามามองหน้าผม ผมก็ยิ้มให้

      “เดี๋ยวอาหมอจะง้อหลังอาหารเย็นนะครับ น้องเอิร์ธ” ผมพูดต้นก็มองหน้าผม และหันไปเหล่ตามองเอิร์ธ ก่อนจะหันกลับมามองผมอีกที

      “คุณบอกอะไรลูกผม” ต้นตระการถามผมขณะที่เอิร์ธกำลังสาระวนตักอาหารทานอยู่

      “เด็กสมัยนี้ไวกว่า4จีอีกนะ ผมว่าเขาน่าจะดูผมกับคุณออก” ผมพูด

      “อย่า….” ต้นทำท่าจะห้ามปรามผม

      “หึ?”

      “อย่าเพิ่งบอกเอิร์ธตอนนี้ ผมขอ” ต้นตระการพูดกับผม เอิร์ธเงยหน้าขึ้นมามองผมกับต้นสลับกันไปมา

      “พ่อกับอาหมอทะเลาะกันอีกแล้วเหรอครับ” เอิร์ธเอ่ยปากถามผมสองคนและมองหน้าผมสองคนสลับกันไปมา แสดงว่าเขาไม่ชอบให้คนทะเลาะกันแน่ๆ เพราะดูจากสีหน้า เหมือนทำท่าจะร้องไห้

      “ไม่ … ไม่เลย ไม่ได้ทะเลาะกันครับ ดูซิ นี่อาหมอยังตักอาหารให้พ่อต้นเลยเห็นไหมครับ” ผมพูดบอกเอิร์ธและตักอาหารใส่จานให้ต้น อันที่จริงผมก็ทำกับเขาแบบนี้ทุกครั้งที่เราไปทานอาหารด้วยกัน ดังนั้นผมจะรู้ว่าเขาทานอะไรไม่ทานอะไร และผมก็หันไปจะตักอาหารให้เอิร์ธแต่ผมยังไม่รู้เลยว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร 

      “เอิร์ธเขาทานแค่น้ำพะโล้และไข่แดงนะภีมเขาไม่ค่อยชอบทานเนื้อหมู” ต้นตระการบอกผม ผมพยักหน้าแค่นั้น ผมคงต้องค่อยเรียนรู้ไปที่ละเล็กทีละน้อย แต่แค่ผมก็รู้สึกรักเด็กคนนี้อย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้ว่าเขาจะเกิดจากผู้หญิงที่แย้งของรักผมไปครองก็ตาม สีหน้าและแววตาที่ใสซื่อคู่นี้แต่มันแฝงไว้ซึ่งบางสิ่งที่ทำให้เขาไม่หวาดกลัวอยู่ลึกๆและเหตุการณ์วันนี้อีก ผมต้องรู้ให้ได้ว่าใครกันทีทำแบบนั้น  กับคนที่ผมรักและของที่เขารักดังดวงใจแบบนี้ 
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนหน้าหมอภีมกับพี่ต้นเขาจะรีือฟื้นความหลังกัน จะมีท่านผู้ชมมาปูเสื่อรอไหมนะ   :o8:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.(หมอภีมXพี่ต้น) คุณนี้ดื้อที่สุดเลยนะต้น
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 22-10-2020 20:52:38
 :katai1:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.(หมอภีมXพี่ต้น) คุณคือหัวใจของผม NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 23-10-2020 08:31:54
       EP.(หมอภีมXพี่ต้น)  คุณคือหัวใจของผม NC18+

          Part ต้นตระการ     ขณะที่ผมกำลังเก็บล้างภาชนะอยู่ในครัวส่วนหมอภีมก็อาสาพาเอิร์ธขึ้นไปนอนแทนผม ผมคิดว่าจะบอกให้เขากลับได้แล้วเพราะว่ามันก็ดึกแล้วด้วย จะว่าไปผมก็ยังไม่ได้โทรหาเขมชาติน้องชายผมเลย ไม่รู้ว่าก้องเป็นยังไงบ้าง หมอภีมบอกว่าจะเข้ารับการผ่าตัดอีกรอบตอนสามทุ่ม

   “กึก” ผมเดาได้ว่าเสียงของหมอภีมแน่นอน

   “เอิร์ธหลับแล้วเหรอภีม คุณควรจะโทรบอกให้รถที่โรงพยาบาลคุณมารับได้แล้วภีมเพราะว่ามันดึกแล้วนะ” ผมพูดและถามหมอภีมแต่ว่าเขากลับไม่ตอบผม ผมเลยหันหลังกลับ และผมก็ต้องชนกับคนที่มายืนประชิดอยู่ด้านหลังผม พอผมหันไปประจัญหน้ากับเขา เขาก็เข้าประกบตัวผมพร้อมกับจูบผมอย่างเร้าร้อน

      “อย่าภีม” ผมพยายามร้องห้ามแต่ภีมก็ไล่จูบผมมือเขาก็พยายามปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตผมและอีกมือก็กอดรั้งผมเอาไว้ ผมก็พยายามดันภีมออกแต่ไม่เป็นผล เพราะว่าแขนอีกข้างผมก็เจ็บอยู่

      “ต้น ผมรักคุณ ผมคิดถึงคุณ ผมคงไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆอีกครั้ง คุณรู้มั้ยว่าผมทรมารแค่ไหน ผมพยายามแล้วตั้งแต่ที่เห็นคุณสวมชุดเจ้าบ่าวยืนอยู่บนเวทีนั้นกับผู้หญิงคนนั้น “

      “คุณไป” ผมถามภีมปภพด้วยสีหน้าที่แปลกใจ แต่ผมไม่ได้ส่งการ์ดเชิญให้เขาแล้วเขาไปถูกได้ยังไง ผมแถบจะไม่บอกใครเลยนอกจากคนในครอบครัวผม

      “หมอดาเขาได้การ์ดมาจากเกศรินทร์” หมอภีมปภพบอกผม ผมจัดงานแต่งงานที่โรงแรมที่เขาใหญ่ ลุงของเกศรินทร์เขามีรีสอร์ทที่นั้น

      “วันนั้นผมไป  แต่ผมไม่กล้าเข้าไปหาคุณ ผมกลัวว่าผมจะทนไม่ได้และพาคุณวิ่งหนีออกมาจากงานแต่งบ้าบอนั้น ” หมอภีมปภพูด 

      “ผมรักคุณต้น รักคุณมาก อืมม” หมอภีมปภพจูบผมอย่างเร้าร้อนอีกครั้งและครั้งนี้มันกับทำให้ผมจูบเขากลับเหมือนเช่นที่ผมกับเขาเคยทำด้วยกันมาก่อน

      “อ่าห์  ภีม  อืมม  อื้มมม”ภีมดันผมขึ้นไปนั่งบนซิงค์ และซุกไซซอกคอผมพร้อมกับสอดมือเข้าไปบี้ยอดประถุมถันของผมที่อยู่ภายในเสื้อเชิ้ต

      “ภีม ผมกลัวลูกตื่น” ผมกระซิบกับภีม

      “ขึ้นห้องซิ คุณยังไม่ได้อาบบน้ำไม่ใช่เหรอ ผมก็ยัง เราอาบพร้อมกันนะครับต้น “ หมอภีมปภพพูดบอกผม

      “แล้วคุณไม่”

      “ผมบอกแล้วไงว่าผมจะไม่ปล่อยคุณไปไหนอีก คุณคือหัวใจของผม ผมอยากอยู่กับคุณตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ต้น” หมอภีมปภพพูด ผมก็คงต้องยอมผู้ชายคนนี้อีกครั้งแล้วซินะ

      “คุณนี้มันร้ายจริงๆนะภีม”


      “ก็คุณเป็นแฟนที่ดื้อไงผมถึงต้องทำแบบนี้  แต่ผมรักคุณนะต้น“ หมอภีมปภพพูด ผมดันตัวเองลงจากซิงค์ก่อนจะเดินกลับขึ้นไปชั้นบน ผมเห็นเอิร์ธนอนอยู่บนเตียงนอน หมอภีมใช้หมอนกั้นเอาไว้รอบๆกลัวลูกผมดิ้นลงมาตกเตียง  ผมหันมามองหน้าเขาผมรู้สึกแปลกใจเพราะว่าเกศรินทร์ยังพาเอิร์ธเข้านอนเองไม่ได้เลย นอกจากผมและพี่เลี้ยงที่คุ้นเคยกับเขาเท่านั้น
   
      “คุณเข้าห้องน้ำไปก่อนนะภีมผมจะหาเสื้อผ้าให้คุณใส่ก่อน” ผมพูดบอกหมอภีมปภพ เขาหันมายิ้มอ่อนๆให้ผมก่อนจะพาตัวเองเดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนผมก็หันไปจัดการเลือกชุดนอนบางๆให้เขาเพราะว่าหมอภีมเป็นคนขี้ร้อน  และผมเองก็ไม่กล้าเปิดแอร์เย็นเกินไปกลัวเอิร์ธจะไม่สบาย

        จังหวะที่ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ ผมก็เห็นหมอภีมถอนเสื้อผ้าตัวเองหมดแล้ว
เขากเปิดน้ำจากเอาไว้แล้วในตู้อาบน้ำ  หมอภีมอยู่ในสภาพที่มีผ้าขนหนูพันตัวแบบหมิ่นๆ

   ผมยืนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตด้วยแขนข้างที่ไม่เจ็บ หมอภีมปภพเป็นฝ่ายเข้ามาช่วยผม ผมหันไปมองหน้าเขา ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับเขา  จมูกที่โด้งจนเป็นสันนั้นอยู่ใกล้กับปลายจมูกของผมแค่ไม่กี่เซนติเมตร มันทำให้ผมต้องเม้มริมฝีปากตัวเองเข้าหากัน

      “โอ้ย!” ผมร้องด้วยความเจ็บขณะที่หมอภีมกำลังรูดเสื้อเชิ้ตออกไปจากแขนข้างที่เจ็บ ผมรู้ว่าเขาก็ทำอย่างเบามือที่สุดแล้ว


      “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมช่วยคุณอาบน้ำอย่างเดียวพอต้น” หมอภีมกระซิบกับผม

      “จริงเหรอ” ผมเงยหน้ามองพร้อมกระตุ๊กยิ้มที่มุมปาก

      “อันที่จริงก็อยากจะทำอยู่นะ แต่ว่าคุณเจ็บอ่ะต้น ผมรอได้ ผมอุตสารอมาตั้งห้าปีแล้ว รออีกสักสองสามวันทำไมจะรอไม่ได้”หมอภัมปภพพูด และพร้อมกับปลดกางเกงแสลคของผมและรุดลงไปพร้อมกันกับกางเกงยางยืดและเขาก็ย่อตัวลงไปเพื่อดึงมันออกไปจากปลายเท้าของผม แต่จะว่าไปหุ่นหมอภีมดูล้ำขึ้นกล้ามอกชัดเจน ซิกแพ็คก็ชัดขึ้นด้วย นี่แสดงว่าช่วงเวลาที่หายไปเขาไปฟิตหุ่นฟิตกล้ามมา มันทำให้ผมเริ่มมีอารมณ์  ผมยอมรับว่าผมก็ต้องหาที่ระบายในเวลาที่ลูกหลับ แต่แปลกนะผมกลับไม่เคยคิดอยากจะร่วมรักกับเกศรินทร์เลย แม้จะนอนเตียงเดียวกันก็ตามจนกระทั้งนางทนไม่ไหวเลยให้ผมแยกห้องไปนอนห้องอื่นแทนและเอิร์ธก็ตามไปนอนกับผมทุกคืนเช่นกัน

      “อุ๊บ  อืมมมมม  ต้น “ หลังจากที่หมอภีมปภพลุกขึ้นมายืนตรงหน้าผม ผมก็ดึงหมอภีมเข้าจูบปากทันทีโดยที่หมอภีมไม่ทันได้ตั้งตัวแต่เขาก็จูบผมตอบอย่างเร้าร้อน

      “นี่คือการเชื่อเชิญผมนะต้น” หลังจากที่ริมฝีปากผละออกจากกัน หมอภีมปภพกระตุกยิ้มที่มุมปาก

      “หรือไม่อยากละ” ผมถามคนตรงหน้า

      “ไม่…. ปฏิเสธ “ หมอภีมปภพรีบตอบทันที

      “ภีม คุณเดินไปเอาเจลกับถุงยางในห้องนอนน้องชายผมให้หน่อย ผมไม่มีเพราะว่าปกติผมก็ไม่ได้ใช้ “ ผมพูดบอกหมอภีม เขาหันมายิ้มให้ผม

      “ผมคิดว่าน้องผมน่าจะมีอยู่ในลิ้นชักในห้องน้ำเขานะ อยู่ถัดจากห้องนอนผมไปนะภีม  “ ผมบอกภีมปภพ เขาก็พยักหน้า ทำไมผมให้เขาไปเอาที่นั้น  เพราะว่าผมจะได้มีเวลาที่เรียกว่าทำความสะอาดช่องทางรักของตัวเอง เขาเรียกว่าการทำแท้งซะก่อนจะออกรบ ผมคิดว่าภีมคงใช้เวลาในการหาอยู่สักสิบนาทีได้

      “หมับ”มีคนเดินมากอดผมจากด้านหลังผมอยู่ภายใต้ฝักบัวที่มีสายน้ำราดรดตัวผมอยู่


      “เตรียมความพร้อมเหรอต้น อืมม  “ หมอภีมจูบผมจากด้านหลัง มือก็อ้อมมาลูบไล้ที่หน้าท้องแม้จะไม่มีซิกแพ็คแต่ก็แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อจากการวิดพื้นเป็นประจำ มือของภีมของก็เริ่มเลื่อนขึ้นจากหน้าท้องไล่ขึ้นมาที่แผ่นอกมาตราฐานชายไทย มันปลุกไฟราคะที่มันถูกซ้อนเอาไว้ในกายผมให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง ผมพยายามเก็บซ้อนมันเอาไว้หลายปีด้วยหน้าที่การงานและผมก็มีลูก  สายน้ำที่ราดรดตัวผมไม่ได้ช่วยให้เย็นลงมีแต่เพิ่มความเร้าร้อน และยิ่งถูกเร้าโรมจากจนที่ยืนอยู่เบื้องหลังผมแบบนี้ก็ยิ่งเหมือนกับเอาน้ำมันราดลงบนกองเพลิง

      “ปืด” เสียงฝ่ามือของผมที่รูดกระจกเป็นทางยาว

      “อ้าห์ อะ อ้าห์ ภีม อื้มมมมม  “ ผมครางออมาแบบพยายามไม่ให้ดังถึงแม้จะมีเสียงน้ำจากฝักบัวช่วยกลบเกลื่อนได้บ้างแต่ผมก็ไม่อยากให้เอิร์ธตื่นขึ้นมาและเห็นผมในสภาพแบบนี้ 

      “ภีมเดี๋ยวเอิร์ธตื่น ผมกลัวลูกผมเขา….”ผมเหลียวไปพูดกับหมอภีมที่เร้าโรมกายผมอยู่

      “จะเห็นเหรอ ว่าผมกับคุณ ”

      “อืมม ผมยังไม่พร้อมจะอธิบายให้เขาฟังตอนนี้ “ ผมหันไปบอกภีม ภีมก็แยกขาผมออกห่างจากกกัน ผมรู้สึกได้ว่าแกนกายเขาจ่ออยู่ที่ช่องทางรักของผมที่เพิ่งสวนล้างอย่างเร่งด่วน

      “โอ้วว  โอ๊ะ  โอ๊ย” ผมร้องออกมาเบาๆ เพราะว่าช่องทางรักของผมยังไม่คุ้นเคยกันดีกับของภีม ระยะเวลาห้าปีมันห่างกันไปหน่อย หมอภีมยืนโดยใช้แขนข้างหนึ่งดันตู้กระจกอาบน้ำไว้แบบกระหนาบข้างลำตัวของผม และอีกข้างก็กอดรัดรอบเอวผมเพื่อล๊อกไม่ให้ลำตัวเลื่อนออก

      “ซี้ดดดดด  “เสียงครางลากยาวจากปากภีมปภพขณะที่เขากำลังสอดใส่สิ่งนั้นเข้ามาในกายผมแบบต่อเนื่องจนมิดหมดด้าม

      “อ้าห์ อื้ม  ต้น ซี้ด มันฟิตอ่ะ อืมมม” หมอภีมพูดและโยกจนร่างผมเด้งไปตามแรง ผมเองก็ทำได้แต่พ่นลมหายใจออกมาเป็นจังหวะ ผมรู้สึกว่าสิ่งนั้นถูกถอดออกไปจากช่องทางรักของผมพร้อมกับร่างผมที่ถูกจับให้พลิกหันไปหาหมอภีม

      “กอดคอผมซิต้น ท่าประจำของผมกับคุณ “ หมอภีมปภพบอกผม ใช้กิจกรรมรักของผมกับเขาส่วนมากจะเริ่มจากในห้องน้ำก่อนเสมอ ผมก็ทำตามที่หมอภีมบอกและเขาก็ยกเอวผมลอยขั้น ผมก็ต้องใช้ขาหนีบเอวหมอภีมเอาไว้ ผมรับรู้ได้ว่าสิ่งนั้นสอดกับเข้าไปอีกครั้งแบบไม่ลำบากเหมือนตอนแรก

      “อ้าห์ ภีม โอ้ววว อืมมมม” ผมก็ต้องกัดปากตัวเองแต่ก็ไม่วายจะมีเสียงครางเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ

      “ปึกๆ” เสียงเนื้ออ่อนกระทบเนื้ออ่อนของผมสองคนดังสะนั่นในห้องน้ำ ไม่นานก็หมอภีมก็เรียบร้อยแต่ว่าเกมส์รักของผมยังไม่จบแค่นั้น หลังจากที่หมอภีมเสร็จเขาต้องทำให้ผมด้วยเป็นอันดับสุดท้ายทุกครั้งที่เรามีอะไรกัน
   
       หมอภีมปล่อยให้ผมลงมายืนหมอภีมย่อตัวลงและใช้ปากกับสิ่งนั้นของผม ฝ่ามือผมกุมหัวหมอภีมพร้อมกับแอ่นแกนกายของผมให้หมอภีมจัดการ

      “อะ อ้าห์ อะ  อะ  อ้าห์  ภีม อ้าห์   อ้าส์!!!” เสียงผมครางพร้อมมือที่กุมผมที่หนานุ่ม ไม่แรงมาก และเวลาผ่านไปไม่นานร่างกายผมก็เกร็งกระตุ๊กผมรับรู้ได้ว่าน้ำสีขาวขุ่นน่าจะพวยพุ้งออกมาแล้ว

      “ฟู่!”เสียงถอนหายใจของผมเอง

      “เยอะไปนะ “ หมอภีมบ่นผมและถึงกับต้องบ้วนทิ้งทันที ผมก็ต้องรีบเข้าไปอยู่ใต้ฝักบัวเพื่อรีบชำระล้างตัว ผมกลัวว่าเอิร์ธตื่นมาแล้วไม่เจอผมเขาจะตกใจ ภีมก็เข้ามาช่วยผมถูสบู่ ผมมองตามฝ่ามือนั้นที่ลูบไล้ฟองสบู่บนกายผม

      “ผมรีบนะภีมกลัวลูกตื่น” ผมพูดก่อนจะรีบล้างตัวและออกมาเช็ดตัวให้แห้ง ภีมก็ตามผมออกมาเช่นกัน

      “ภีม ผมมีแปรงสีฟันที่ยังไม่ได้ใช้นะอยู่ในตู้นะคุณ” ผมบอกภีมปภพก่อนจะรีบแต่งตัวและเดินไปเช็คเอิร์ธก่อน เขาก็ยังคงนอนหลับอยู่ ก่อนที่จะเดินกลับมาเพื่อแปรงฟันเช่นกัน ภีมนะบีบยาสีฟันใส่แปรงเอาไว้ให้ผมแล้ว แต่ก่อนเขาก็ทำให้ผมจนเป็นเรื่องปกติ

      “ลูกยังหลับอยู่เหรอต้น” หมอภีมหันมาถามผมแต่เรียกว่าลูกไม่ได้เรียกชื่อ มันกับทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าเอิร์ธนี้เป็นลูกของผมกับเขาจริงๆ อย่างที่ผมสองคนเคยตั้งใจเอาไว้

      “เดี๋ยวผมไปอยู่เป็นเพื่อนเขาแล้วกันนะ คุณจะได้ทำธุระของคุณก่อนต้น ” หมอภีมพูดและรีบเดินออกไป ผมพยักหน้าเบาๆ ผมยืนส่องกระจก ผมใช้มือแตะที่สร้อยคอของผม เป็นสร้อยคอทองคำขาวที่ภีมซื้อให้ผมเป็นของขวัญวันวาเลนไทม์  แต่ว่าเขามาเซอไพรส์ซื้อแหวนให้ผมด้วย เขาซื้อมาสองวง “ผมอยากตัวตนของผมว่าผมมีคนรักแล้วไงต้น และต้นคือคนเดียวที่เป็นเจ้าของผมจริงๆ ” นี้คือเหตุผลที่เขาซื้อให้ และผมก็ต้องถอดมาสวมไว้ที่สร้อยคอแทนหลังจากที่ผมแต่งงานกับเกศรินทร์ จะว่าไป ตอนนี้นิ้วผมก็ไม่มีแหวนแต่งงานของผมกับเกศรินทร์อยู่แล้ว ผมควรจะนำมันกลับมาสวมใหม่อีกครั้งซินะ ผมถอนสร้อยคอออกมาและรุดนำแหวนมาสวมกลับเข้าไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของผม

      “ภีม” ผมเดินเข้ามาในห้องที่มีไฟสลัวจากหัวเตียง สิ่งที่ผมเห็นคือเอิร์ธเขาลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆห้อง ผมก็ต้องตกใจ รีบเดินอ้อมไปหาเขาเขาในทันที

      “เขาร้องไห้หรือเปล่าภีม”ผมถามหมอภีมที่นั่งอยู่ข้างๆอิร์ธ

      “ตอนผมเข้ามาเขาก็ลุกขึ้นนั่งแบบนี้ ผมก็เลยมานั่งข้างๆเขา เขาก็ไม่ได้ตกใจอะไรแค่ถามว่า เสียงอะไรดังอยู่ในห้องน้ำนะ หึกๆ “หมอภีมปภพพูด ผมสะบัดหน้าไปมอง อย่ายอกนะว่า ตอนที่ผมกับภีมในห้องน้ำลูกผมได้ยินนะ

      “เอิร์ธนอนต่อนะลูก “ผมกอดเข้าเอาไว้และพยายามจัดให้เขาลงไปนอนต่อ

      “ ทำไมอาหมอนอนกับเราอะพ่อ”

      “อาหมอเขากลับบ้านไม่ได้ครับ เลยต้องนอนกับเราคืนนี้และ…..”

      “ถ้าให้อาหมอไปนอนคนเดียวอาหมอกลัวครับ  อาหมอเลยขอนอนเตียงเดียวกับเอิร์ธและพ่อต้นได้มั้ยครับ” หมอภีมปภพพูดขอลูกชายผมนอนเตียงเดียวกันด้วยนะ

      “ หงึกๆ”เอิร์ธพยักหน้าด้วยตอบด้วยอาการสลืมสลือ

      เอิร์ธนอนตรงกลางนะลูก” ผมพูดและจับเอิร์ธให้นอนลง

      Rrrrrrr  จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของหมอภีมก็ดังขึ้น เขาวางเอาไว้จนโต๊ะทำงานของผม หมอภีมรีบเดินไปหยิบก่อนจะเปิดประตูออกไปเพื่อหลบไปคุยโทรศัพท์ด้านนอก ผมก็เอามือลูบหัวเอิร์ธและกอดเอิร์ธเอาไว้ จนเขาหลับสนิท


      ผมก้มลงมองลูกชายของผมและเอามือลูบหัวเขาเบาๆ เหตุการณ์เมื่อตอนเย็นทำให้ผมยิ่งเป็นห่วงเขามากขึ้น ผมไม่รู้ว่าลูกผมตาฝาดไปหรือเปล่าที่เขาบอกกับผมว่าเขาเห็นผู้หญิงคนที่ขับรถจะชนผมกับเขา แต่ผมหวังว่าจะไม่ใช่หมอดาวิกา ผมเองก็ไม่อยากมานั่งทำสงครามกับผู้หญิงอีก แค่เกศรินทร์ที่ผ่านมาผมก็จะเป็นโรคประสาทอยู่แล้ว แต่เกศรินทร์นะเธอไม่มีพิษสงค์อะไรเท่ากับหมอดาวิกา ที่สวยแต่เธอมีสิ่งที่น่ากลัวซ้อนอยู่  ผมเองก็ไม่อยากทำให้หมอภีมต้องหนักใจ   ผมเลยเลือกที่ไม่พูดและมันได้ไม่คุ้มเสีย ถึงยังไงเขาก็เป็นผู้หญิง และผมก็ผู้ชาย ยังไงผมก็เสียเปรียบและถูกมองไม่ดีอีกต่างหาก


      “กึก” เสียงคนหมุดลูกบิดประตูห้องนอนผม หมอภีมคงกลับเข้ามาแล้ว แต่ไม่ใช่แค่หมอภีมคนเดียว เขมชาติด้วยเขาก็เข้ามาในห้องนอนของผม เขมมองหน้าผมพร้อมร้อยยิ้มๆ

      “ผมเอาเอิร์ธไปนอนกับผมดีกว่าพี่ต้น “ เขมบอกผม

      “พี่หมอบอกผมแล้วแหละว่าทำไมพี่เขาถึงมาอยู่เป็นเพื่อนพี่ นี้แม่ก็เข้าห้องพระไปสวดมนต์ให้พี่ก้องอีก และพรุ่งนี้แม่จะไปทำบุญถวายอาหารพระด้วยนะพี่ต้น “ เขมบอกผมก่อนจะค่อยๆอุ้มเอิร์ธไป

      “ขอบคุณนะครับพี่หมอที่ดูแลพี่ต้นกับเอิร์ธ “ เขมบอกหมอภีมและเดินหายออกไปทันที ผมหันมามองหมอภีมปภพกำลังปิดประตูห้องนอนผมลงเบาๆ ผมเหลือบไปมองเวลาที่หัวเตียง ตอนนี้เป็นเวลา สามทุ่มกว่าเกือบจะสี่ทุ่ม


      “ น้องชายคุณเขากำลังอยู่ในห้องผ่าตัดและเขาต้องการขอเลือดเพิ่มเพื่อว่าน้องคุณเขาต้องใช้นะครับต้น” หมอภีมบอกมก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงข้างๆผม หมอภีมพลิกมานอนตะแคงเอามือยันศีรษะไว้ และค่อยๆโอบเอวผมให้ไปนอนข้างๆเขา

      “นานแล้วนะที่เราไม่ได้นอนคุยกันแบบนี้ต้น ” หมอภีมพูด ผมก็ยิ้มอ่อนๆให้เขา ฝ่ามือของหมอภีมแตะที่ใบหน้าผมอย่างทะนุทะนอม

      “ต่อให้ผมกับคุณจะเคยทะเลาะกัน งอนกัน ไม่เข้าใจกัน หรือแม้กระทั้งผมหึงคุณ ผมก็ยังไม่เคยลงไม้ลงมือกับคุณเลยนะ ทำไมคุณให้ผู้หญิงคนนั้น ทำร้ายคุณได้ต้น “ หมอภีมปภพพูดขึ้น ผมก็ต้องหลุบตาลง


      “มันจะดีกว่าถ้าเขาลงกับผมโดยไม่ลงกับลูกไงภีม “ ผมพูด ก่อนจะกลับมามองหน้าเขาเอีกครั้ง

      “ผู้หญิงคนนั้นจะไม่มีวันได้แตะต้องคุณอีกต้น”

      “คงไม่แล้วแหละภีมเขามีความรักครั้งใหม่กับนักการเมืองท้องถิ่นไปแล้ว และเขาก็ไม่มีวันกลับมาหาผมหรอก เขารังเกียจน้องชายผม คนแรกก็เขม ตอนนี้ก็คงเป็นก้องด้วยอีกคน เรื่องที่เขาทั้งคู่เป็นเกย์ ทั้งที่เขาก็รู้ว่าผมเป็นเหมือนกัน” ผมพูดกับหมอภีม

      “และผมขอไม่พูดเรื่องเกี่ยวกับเกศรนิทร์นะภีมถึงยังไงเขาก็เป็นแม่ของเอิร์ธผมมไม่อยากป้อนสิ่งไม่ดีใส่ไว้ในหัวเขาภีม” ผมหันไปบอกหมอภีม


      “ผมคิดถึงคุณนะต้น คิดถึงมากที่สุดและตอนนี้ผมก็คิดว่าผมกำลังตกหลุมรักหนุ่มน้อยของคุณเช่นกัน น้องเอิร์ธ ชื่อนี้ผมจำได้นะว่าคุณอยากตั้งให้ลูกของเราด้วยนะต้น”


      “ใช่ และพอผมรู้ว่าผมจะมีเขา ชื่อนี้แหละที่ผมต้องการและยิ่งผมได้รู้ว่าเขาเป็นเด็กผู้ชายด้วย ผมดีใจมากแค่ไหนที่ผมจะมีลูกภีม ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เกิดมากจากความรักขอผงมกับเกศรินทร์ก็ตาม” ผมพูดกับหมอภีม

      “ผมขอโทษนะที่ผมดึงดาวิกาเขามาทำให้ความรักของผมกับมีแต่เรื่อง ตอนแรกผมคิดว่าเธอน่าจะเข้าใจผมเพราะว่าเธอเหมือนน้องสาวผมนะต้นแต่นี้ “


      “พอเถอะภีม ผมเข้าใจเธอนะ เธอคงมองว่าคุณนะเป็นของเขามาตั้งนานก่อนผม “ ผมหันไปบอกหมอภีม

      “นอนเถอะ พรุ่งนี้คุณต้องไปโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ ผมเองก็อยากจะไปดูน้องชายผม ผมไม่อยากให้เขาไปอยู่ในพื้นที่เสียงแบบนั้นเลย ผมอยากให้เขาย้ายกลับแต่ก้องภพ เขาตั้งใจไว้แบบนั้น เขาบอกว่าเขาเป็นทหารแล้ว ต้องไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ผมไม่อยากได้เกรียติยศหรือคำสรรเสิญที่ต้องแลกมาด้วยชีวิตน้องผมนะภีม “ผมพูด หมอภีมก็ดึงโอบไหล่ผมและบีบกระชับเข้า

      “ผมไม่อยากสูญเสียใครไปอีกแล้วภีม ตั้งผมเสียพ่อผมไปกะทันหันแบบนั้นตั้งแต่ยังไม่มีเอิร์ธ ผมกลัวการสูบเสียขึ้นทุกวัน “ 


      “เพราะแบบนี้ไงผมไม่อยากเสียคุณไปอีกต้น อยู่กับผมนะ ผมจะดูแลคุณและลูกคุณ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้คุณมาอยู่กับผม เราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน อย่างที่เราเคยคุยกันไว้ต้น ผมพร้อมแล้วที่เปิดเผยเรื่องของเรา ผมไม่จำเป็นต้องแคร์หน้าตาของสังคม ผมแคร์แค่หัวใจของผมและความรู้สึกของคุณ เพราะว่าคุณคือหัวใจของผมต้น” หมอภีมพูดบอกผม  ผมลูบมือข้างที่เขาสวมแหวนนั้นเอาไว้
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณเม้นเป็นกำลังใจนะคะ มีเม้นก็มีกำลังใจสู้ๆ ให้กำลังใจนักแต่งท่านอื่นๆด้วยคะ
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.(หมอภีมXพี่ต้น) คุณคือหัวใจของผม NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 23-10-2020 14:05:45
 :impress2: :-[
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.(หมอภีมXพี่ต้น) คุณคือหัวใจของผม NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 23-10-2020 17:23:54
 :jul1:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.(หมอภีมXพี่ต้น) คุณคือหัวใจของผม NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 23-10-2020 17:39:18
 :-[สบายใจแล้ว :pig4:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)เอิร์ธเหมือนโซ่ทองของผมและภีม
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 23-10-2020 18:26:23
     
พิเศษ (หมอภีมXพี่ต้น)เอิร์ธเหมือนโซ่ทองของผมและภีม

                  Part's ต้นตระการ หลังจากที่เขมชาติน้องชายผม เขาเข้ามาเอาเอิร์ธไปนอนด้วย ผมกับภีมก็นอนคุยกันถึงเรื่องเก่าๆไม่ต้องมีรูปภาพใดๆมาประกอบเหตการณ์ระหว่างผมกับเขาเราจำมันได้ดี ยิ่งตอนไปเที่ยวที่อิตาลี่ ทริปนั้นเป็นทริปที่หวานและมีความสุขที่สุดเป็นทริปก่อนที่จะผมจะเข้ารายงานตัวเป็นปลัดอำเภอแต่ผมยังไม่ได้รับปริญญาโท ตัวผมเองเป็นพี่ที่โชคดีที่ได้เรียนต่อปริญญาโททันทีหลังจากเรียนจบปริญญาตรี แต่ผมดันไปมีเรื่องให้ต้องออกไปแต่งงานกับผู้หญิงที่ตัวเองไม่ได้รักและต้องมารับผิดชอบไปเป็นลูกเขยบ้านที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายอีก แต่ยังถือว่าผมโชคดี ที่ผมหลุดออกมาได้ซะก่อนแม้จะต้องกลายเป็นพ่อหม้ายลูกติดก็ตาม

       
            Rrrrrr เสียงโทรศัพท์หมอภีมดังขึ้นผมค่อยๆลืมตาขึ้น ผมนอนหลับหนุนไหล่หมอภีมเกือบจะทั้งคืนและถามว่าหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ เพราะว่ามัวแต่คุยกันเพลินจนผลอยหลับไปเอง

                         “ภีมโทรศัพท์คุณนะ”ผมเรียกหมอภีมปภพ คนที่นอนข้างๆผมและนี้ถอดเสื้อยืดออกไปตอนไหนก็ไม่รู้และนั้นก็แปลว่าผมนอนหนุนอกแน่นๆนั้นเกือบทั้งคืนเช่นกัน

                     “รับให้ผมหน่อยซิต้น” เสียงหมอภีมปภพอ่อนให้ผมลุกไปรับสายให้เขา


                     “จะดีเหรอภีม”ผมถามหมอภีม

                     “ก็คุณเป็นแฟนผมอ่ะทำไมจะรับไม่ได้ นะรับให้ผมหน่อยที่รัก” หมอภีมพูดทั้งที่ยังไม่ลืมตาผมก็ต้องค่อยๆลุกขึ้นไปหยิบมือถือของเขามากดรับสายที่โทรเข้าหน้าจอโชว์แต่เบอร์ไม่ได้บอกว่าใคร

                    “สวัสดีครับ


                    “สวัสดีครับคุณหมอภีมปภพใช่ไหมครับ” คนปลายสายถาม

                    “ไม่ใช่ครับผม”

                    “เป็นแฟนหมอบอกไปซิต้น”หมอภีมปภพพูด ผมหันไปมอง พูดมาดังขนาดนี้ผมคงไม่ต้องบอกแล้วมั้ง
         
                    “ผมเอาเสื้อผ้าของคุณหมอมาให้นะครับตอนนี้อยู่ที่หน้าบ้านที่ผมมาส่งเมื่อคืนแล้วครับ”ผมก็ลุกขึ้นไปเปิดผ้าม่านเห็นมีรถเบนซ์สีดำมาจอดอยู่

                     “ถ้าอย่างนั้นผมจะลงไปนะครับพี่”ผมพูดบอกคนปลายสาย

                     “ต้นบอกว่าให้เขากลับไปก่อนนะครับบอกว่าผมจะโทรบอกเขาอีกทีว่าให้มารับตอนไหน แล้วนี่คุณจะไปพร้อมผมเลยไหมครับต้น” หมอภีมกระดกหัวขึ้นมาบอกผมและถามผม

                     “ผมดูก่อนนะว่าเอิร์ธตื่นหรือยังภีม”ผมพูดก่อนจะเปิดประตูออกไปผมยังไม่เห็นเขมขาติออกมาจากห้องนอนเขาแสดงว่าอาหลานยังหลับอยู่แน่ๆตอนนี้เป็นเวลาเกือบเจ็ดโมงเช้าเองด้วย

                     “อ้าวต้นตื่นแล้วเหรอลูก นี้แม่ทำข้าวต้มกุ้งเอาไว้ ให้หมอภีมมาทานด้วยละ”แม่รดาเดินออกมาจากห้องครัวพอดี แม่บอกผมให้เรียกหมอภีมมาทานด้วย แสดงว่าแม่รู้

                     “แม่รู้เหรอครับว่าหมอภีม”

                  “แม่รู้ต้นอะไรที่ต้นทำแล้วมีความสุขก็ทำเถอะลูก เพราะว่าต้นก็เจอเรื่องแย่ๆมาเยอะแล้วแม่เชื่อว่าถ้าพ่ออยู่พ่อก็จะพูดอย่างที่แม่พูดต้น “ผม่รดาบอกผม ผมก็กอดแม่

                  “นี่จะไปไหนละเรานะ”แม่รดาถามผมเพราะว่าเห็นผมกำลังจะเดินออกไปข้างนอก

                  “ไปเอาเสื้อผ้าให้หมอภีมครับแม่เขาให้คนเอามาให้นะครับ “ ผมบอกแม่รดา แม่รดาพยักหน้าแค่นั้นผมเดินออกไปก็มีชายวัยเกือบจะสี่สิบ เขาบอกว่ามาส่งหมอภีมกับผมเมื่อคืนผมเองก็ไม่ได้สังเกตเพราะว่าอยากพาลูกกลับบ้าน
             
  “สวัสดีครับพี่” ผมยกมือไหว้คนที่มายืน

                   “สวัสดีครับคุณต้น ไม่ต้องไหว้ผมหรอกครับ”พี่เขาเรียกชื่อผมด้วยและยื่นถุงพาสติกที่ใช้คลุมเสื้อผ้า มาให้ผม
                 
                    "นี่ครับเสื้อผ้าคุณหมอภีมครับคุณต้น”
               
                    “ครับ....เออพี่ครับ คุณหมอภีมบอกว่าเตรียมตัวเสร็จแล้วจะโทรไปบอกให้มารับอีกทีนะครับ”ผมบอกพี่คนขับรถของหมอภีม

                  “ได้ครับคุณต้น“ พี่เขาพูดแค่นั้นก็เดินออกไปขึ้นรถทันทีผมรีบเดินเข้าบ้านก่อนจะได้ให้หมอภีมเตรียมตัวระหว่างที่ผมเปิดประตูเข้าไปสิ่งที่ทำให้ผมยืนมองโดยไม่กล้าส่งเสียงใดๆผมปิดประตูแบบให้เบาที่สุดผมยืนกอดอกมองสอหนุ่มเขาคุยกัน หมอภีมนอนตะแครงโดยมีเอิร์ธนั่งผิงเขาอยู่เอิร์ธเขาเปิดดูการ์ตูน เจ้าขุนทอง เป็นรายการโปรดของเขาเลย

                         “อันนี้พี่ฉงนอันนี้พี่ฉงาย  พี่ขอนลอย บร้าๆ”ผมว่าหมอภีมเขาคงไม่มีเวลาดูรายการพวกนี้แน่ๆ แต่นี้ผมเคยดูตอนเด็กๆ ตอนที่รายการเจ้าขุนทองออกอากาศใหม่ๆ

                  “ไหนสอนอาหมอร้องเพลงก่อน“

                  “เจ้าขุนทองเพื่อนเจ้าเจรจา…” ผมก็อดยิ้มไม่ได้ที่เห็นเอิร์ธเขาสอนหมอภีมร้องเพลง

                  “พ่อต้น!”เอิร์ธหันมาเห็นผมเข้าพอดี หมอถีมก็หันมามองผมและยิ้มให้ผมเช่นกัน

                  “ผมไม่เคยมีเวลาดูรายการพวกนี้เลยนะ“ หมอภีมหันมามองบอกผมก่อนจะค่อยดันตัวเองลุกขึ้น ผมไม่รู้ว่าเขาถอดเสื้อนอนส่งสัยจะร้อนมันทำให้ผมเห็นกล้ามอกชัดเจนกว่าเมื่อคืนที่เปิดไฟสลัวๆ

                  “ตื่นมาแต่เช้าเลยเอิร์ธแปรงฟันหรือยังครับ” ผมถามลูกชาย

                  “ไปแปรงฟันกับอาหมอไหม“ หมอถีมรีบถามเอิร์ธทันที

                  “อาหมอยังไม่แปรงฟัน….ยี้” เอิร์ธพูดและทำท่าบีบจมูก

                  “อะไรกันเมื่อกี้ยังนั่งคุยกันอยู่เลย…ว่าอาหมอเหรอ…. “หมอภีมพูดและจับเอิร์ธนอนลง ก่อนจะจั๊กจี๋เอิร์ธ “ฮาๆ เอิ้กๆ ฮาๆ  “ เอิร์ธดิ้นและหัวเราะใหญ่เลย “พ่อต้นช่วยเอิร์ธด้วยฮาๆ ” น้องเอิร์ธพูดขอให้ผมช่วย

                  “ให้พ่อช่วยใช่ไหม“ ผมถามเอิร์ธ เขาก็พยักหน้า

                  “ฮาๆไม่ใช่ ไม่ใช่ ฮาๆ “ ผมช่วยหมอภีมจั๊กจี๋ เอิร์ธแทน ดูหัวเราะและดิ้นหนีทันที

                  ก๊อกๆเสียงเคราะประตูดังขึ้น ทำให้ผมหยุดและเดินออกไปเปิดประตูคนที่เดินมาเคาะประตูคือเขม เขมก็ชะเง้อมองเข้าไปในห้องนอนของผมเห็นเอิร์ธกำลังนอนเล่นหัวเราะหัวไคร่กับหมอภีมอยู่ เขาก็แอบยิ้ม

                  “เขมจะขับรถพาแม่เอาอาหารไปถวายหลวงลุงนะพี่ต้นถ้าพี่ต้นจะไปโรงพยาบาลกับพี่หมอผมจะได้พาเอิร์ธไปด้วยเพราะว่าเดี๋ยวเอิร์ธจะงอแงและผมจะพาแม่กับเอิร์ธตามไปทีหลัง” เขมชาติบอกผม ผมพยักหน้าว่าตามนั้นก็ได้

                 “เอิร์ธไปล้างหน้าได้แล้วครับจะไปดูปลากับอาเขมไม่ใช่เหรอเรา” ผมถามเอิร์ธ และเขมก็ยักไหล่พร้อมกับเดินออกไปนั้นแปลว่าจะไปรอด้านล่างนั้นเองหมอภีมเขารีบลุกขึ้นจากที่นอนพร้อมกับจูงมือเอิร์ธหายเข้าไปในห้องน้ำกันสองคนผมก็จัดการเตรียมเสื้อผ้าเอิร์ธ แต่ว่าทั้งคู่หายเข้าไปนานไม่ออกมาสักทีทำอะไรกันนะ ผมแอบเปิดประตูเข้าไปก็เห็นทั้งคู่เขาอยู่ในตู้อาบน้ำแก้ผ้าอาบน้ำกันสองคนภายใต้ฝักบัว

                  “คิกๆ”เอิร์ธก็หัวเราะให้คนที่กำลังถูสบู่ให้ ผมรีบเดินไปเปิดประตูตู้อาบน้ำและมองสองหนุ่มที่ยืนแก้ผ้าอาบน้ำคนเล็กนี้เฉยๆแต่คนตัวโตนี้เล่นเอาผมรู้สึกร้อนผาวที่ใบหน้าและเขายังหันมายิ้มให้ผมแบบไม่อายกันบ้างเลยและก็คงเป็นผมที่เป็นฝ่ายยอมหันหลังเดินออกแทน

                  “ภีมคุณทำอะไรนะ”ผมถามหมอภีม

                  “อาบน้ำไงอาบน้ำตอนเช้าๆ มันช่วยให้เรามีสมาธิดีนะต้น “ หมอภีมหันมาบอกผม

                  “ผมไม่ได้หมายถึงห้ามอาบน้ำแต่ผมถามว่าทำไมคุณถึงได้เออ อาบน้ำกับลูกผมแบบนี้ละ”ผมถามหมอภีมปภพความหมายผมคือทำไมเขาแก้ผ้าอาบน้ำกับลูกผมแบบนี้

                  “ทำไมละก็ผู้ชายเหมือนกัน ใช่ไหมครับเอิร์ธ“ หมอภีมพูดและก้มลงถามเอิร์ธ  :hao3: ที่รีบพยักหน้าหงึกๆทันทีผมก็แอบส่ายหัวและก็ต้องปล่อยให้เขาสองเล่นน้ำกันไปอยู่พักหนึ่งผมยืนกอดอกรอจนเสร็จเรียบร้อยและทั้งคู่ก็ออกมาหยิบผ้าไปเช็ดตัว

                  “อาหมอเช็ดให้ครับ”หมอภีมอาสาเช็ดตัวให้เอิร์ธก่อนที่เขาจะเดินมาหาผม

                  “พ่อต้นน้องเอิร์ธหอมหรือยัง” เอิร์ธถามผม ผมย่อตัวลงทำท่าดม “ฟื้ด!” 

                  “หอมแล้วครับไปแต่งตัวดีกว่าจะได้ไปดูปลากับอาเขมนะครับ”ผมพูดและลุกขึ้นยืนมองคนที่เดินเช็ดหัวมาหาผม

                  “แล้วไม่ดมผมบ้างเหรอว่าผมหอมหรือยังถ้ายังจะได้อาบกับคุณพ่อลูกอ่อนอีกรอบ” หมอภีมปภพพูด ผมยืนกอดอกมองหมอภีมปภพ

                  “ถึงโตแล้วก็มีความรู้สึกนะอยากได้บ้างอ่ะ ” หมอภีมปภพพูดและหลุบตามองน้องเอิร์ธ “คิกๆ” ที่ยืนขำหมอภีมปภพ 

                  “คุณอาบน้ำเลยก็ได้นะต้นผมจะออกไปแต่งตัวให้เอิร์ธเอง“ หมอภึมปภพพูด ผมก็พยักหน้าว่าเอาอย่างนั้นก็ได้เอิร์ธเดินไปกับหมอภีมอย่างว่าง่าย ปกตินอกจากคนในบ้านผมแล้วเอิร์ธจะไม่เอาคนอื่นเลย มีก็ครูแป้งที่อยู่คอนโดของผมผมต้องฝากเขาเลี้ยงน้องเอิร์ธถ้าวันไหนผมกลับเย็นมากแต่ไม่บ่อยหรือว่ามีเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนเขตที่ผมดูแลผมก็ต้องติดตามนายอำเภอไปด้วยก็ต้องฝากเขาแต่ส่วนใหญ่แม่ผมจะไปช่วยดูแลเอิร์ธซะมากกว่า ผมเองก็เกรงใจครูแป้งเหมือนกันเพราะว่ายิ่งช่วยผมดูเอิร์ธก็มีแต่คนคิดว่าผมกับครูแป้งมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันแต่จริงๆไม่ใช่ ผมเคยช่วยครูแป้งเรียกร้องสิทธิ์ที่โดนนายทุนพยายามโกงและสุดท้ายครูแป้งและครอบครัวก็รอดพ้นน้ำมือพวกหากินบนความทุกข์ของคนอื่น

    ตอนนี้ผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูพันกายเสื้อผ้าผมอยู่ข้างนอกผมเห็นหมอภีมสวมเสื้อเชิ้ตเรียบร้อยแล้วส่วนเอิร์ธไม่ได้อยู่ในห้อง ผมก็มองหาเขาหมอภีมหันมาเห็นผมเข้า

                  “แม่เดินมาเรียกเอิร์ธไปทานข้าวนะคุณและแม่บอกให้ผมกับคุณลงไปทานอาหารเช้าด้วย เดี๋ยวอาหารจะเย็นซะก่อนนะต้น”หมอภีมบอกผมก่อนจะส่งเสื้อผ้าที่ผมเตรียมเอาไว้แล้วเสื้อเชิ้ตสีเทาพับแขนสีกรมพอใส่แล้วขับกับผิวที่ขาวของผมและกางเกงยีนส์ผมเป็นคนที่ขาวที่สุด ก้องก็จะออกสีแทน เขมนี้ผิวสองสีแถมเสื้อผ้าผมส่วนใหญ่จะพอดีตัวเรียกว่าแนบเนื้อหุ่นที่ไม่ล้ำบึกไม่ผอมไม่อ้วนแน่นอน

                  “ทำไมใส่เสื้อแขนยาวละต้น”หมอภีมหันมาถามผมขณะที่กำลังช่วยผมสวมเสื้อให้และช่วยผมพับแขนขึ้นไปคลุมแค่ข้อศอกของผมอันที่จริงผมก็สวมเองได้แล้วแหละแต่เขาก็ยพยามจะช่วยผมอยู่ดี

                  “ผมไม่อยากให้แม่เห็นแผลผมนะภีมผมกลัวว่าแม่จะกังวล”ผมบอกหมอภีมหมอภีมพยักหน้าให้ผมก่อนจะเข้ามายืนประกบผมและช่วยนำชายเสื้อผมเข้าในกางเกงยืนส์ให้เรียบร้อย

                  “โอ๊ย!”คนที่ร้องนี้หมอภีมเพราะว่าไม่หยัดเปล่าพอวนมาด้านหน้ายังแอบจับน้องหนูผมอีกนะในกางเกงนะผมเลยบิดที่อกแน่นๆนั้นเข้าไปหนึ่งที่แต่พอดีมีสายเข้ามือถือหมอภีมเขาก็รีบหันไปรับสาย ผมเห็นว่าเขาพาดเน็กไท้เอาไว้ยังไม่ได้ผูกให้เรียบร้อยผมเลยต้องเดินไปและภีมก็ชี้ให้ผมผูกให้หน่อยพร้อมกับคุยโทรศัพท์ไปด้วย

                  “ไม่เป็นไรครับผมจัดการเองเรื่องเอกสารสำคัญ และเรื่องค่าใช้จ่ายของคุณก้องภพเช่นกันสั่งได้เลยครับ อุปกรณ์อันไหนที่จำเป็นสั่งได้เลยครับผม ครับผมทราบดีครับว่าเหตุการณ์แบบนี้ประกันไม่จ่าย เขาช่วยหลานผมครับ อันนี้ผมรับผิดชอบได้ครับพอดีผมมีประชุมตอนบ่ายนะครับ ครับขอบคุณครับ”พอเขาพูดสายจบผมก็ผูกเน้กไทให้เขาเสร็จพอดี

                  “ตามไปผูกให้ที่บ้านด้วยนะผูกสวยแบบนี้ “ หมอภีมปภพพูด

                  “คุณไม่ได้เพิ่งจะใส่เน้กไท้วันนี้สักหน่อยแล้วที่ผ่านมาละ”อันนี้แอบหรอกถามดูเพื่อจะหลุดปากบอกว่าใครผูกให้

                  “ผูกเองแต่ไม่สวยแม่บ่นผมประจำแต่อันนี้รับรองแม่บอกผ่าน และผมจะบอกว่าลูกสะใภ้แม่ผูกให้”หมอภีมปภพพูด

                  “น้องผมเป็นไงบ้างภีม”ผมหันไปหยิบนาฬิกาข้อมือมาสวม นาฬิกาเรือนนี้ผมไม่ได้ใส่มันนานแล้ว

                  “การผ่าตัดผ่านพ้นไปด้วยดีต้นร่างกายเขาก็ตอบสนองได้ดี แต่ว่ายังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจจนกว่าจะแน่ใจว่าเขาหายใจเองได้ร้อยเปอร์เซนต์แต่ผมคิดว่าคงไม่เกินอาทิตย์หนึ่งเขาน่าจะย้ายไปพักฟื้นที่ห้องพักพิเศษได้นะต้น” หมอภีมปภพพูดพร้อมกับเดินมาหาผม

                  “ยังเก็บไว้อีกเหรอนาฬิกาเรือนนี้นะมันเก่ามากแล้วนะต้น” หมอถีมเดินไปมาช่วยผมสวมใส่มัน ใช่เขาเป็นคนซื้อให้ผมเองตอนที่ผมเรียนจบปริญญาตรีใหม่ๆ แต่ว่าผมไม่ได้ใส่ผมเก็บเอาไว้ในกล่องอย่างดีมีของแค่ไม่กี่อย่างที่หมอภีมปภพซื้อให้ผมและผมเก็บเอาไว้ได้เพราะว่าเกศรินทร์โยนทิ้งไปหมดเรือนนี้ผมเก็บเอาไว้โดยที่เกศรินทร์เขาเองไม่รู้เขาแทบจะไม่เคยมานอนที่ห้องนี้เลยมีแค่ช่วงที่เขาตั้งครรภ์ตอนนั้นผมกับเกศก็ดูแลกันดีเหมือนคู่รักทั่วไปแต่มันก็ไม่ได้หวานชื้นเหมือนคนรักจริงๆแต่อยู่ๆไปมันก็เริ่มขมขื่น ที่ไม่ใช่แค่ผมเกศรินทร์ก็เช่นกันแต่ว่าตอนนี้มันจบไปแล้ว เขาก็คงได้ข้อคิดอะไรหลายอย่างว่าความรักมันไม่ใช่แค่คนเดียวมันต้องเกิดจากคนสองคนถึงจะถูก

                  “ไปเถอะภีมเดี๋ยวคุณจะสาย”ผมพูดบอกเขา ก่อนจะพากันเดินลงมาที่ชั้นล่างและตรงไปยังห้องอาหาร

                  “แม่สวัสดีครับ”หมอภีมยกมือไหว้แม่รดา แม่รดาหันมาส่งยิ้มให้หมอภีมปภพ

                  “นอนหลับสบายดีไหมลูก”แม่ผมถามหมอภีมเขาก็หันมามองหน้าผมคงแปลกใจที่แม่ผมเรียกว่าลูก

                  “นอนหลับสบายดีครับแม่แต่ผมต้องขอโทษด้วยนะครับแม่ที่ผมไม่ได้ขออนุญาตคุณแม่ก่อนที่จะมาค้างนะครับ”หมอภีมบอกแม่ผม แม่หันมามองผม

                  “ไม่เป็นไรหรอกมั้งค่ะเพราะว่า ลูกชายแม่ก็สามสิบเข้าไปแล้ว จะพาใครมานอนเห็นทีคงไม่ต้องขอแล้วแหละ”แม่ผมพูดปนหัวเราะ ผมก็เลื่อนเก้าอี้นั่งลงหันมามองอาหลานเขากำลังนั่งทานอาหารเช้ากัน

                  “ข้าวต้มกุ้งนะทานเยอะๆนะคะ “ แม่ผมตักข้าวต้มส่งมาให้หมอภีมและผม

                  “แม่คุณนี้น่ารักจังคุณน่าจะพาผมมาไหว้ตั้งนานแล้วนะต้น” หมอภีมปภพพูดกระซิบกับผม

                  “อร่อยด้วยทำอร่อยกว่าแม่บ้านผมอีก” หมอภีมปภพพูดชมแม่ผม

                  “แม่ผมนะเป็นครูสอนคหกรรมเชียวนะคุณ”ผมกระซิบกลับหมอภีมปภพทำตาโตและพยักหน้าให้ผม

                  “ต้นภีม แม่กับเขมไปกันก่อนเลยนะ ไปกันได้แล้วเอิร์ธ จะได้ไปไหว้หลวงตาลูก”แม่ผมก็ชวนเขมลุกออกไป ผมหันมามองหมอภีมที่นั่งทานข้าวต้มฝีมือแม่ของผม ดูท่าจะชอบทานซะหมดเกลี้ยงเลย

                  “ถ้าอย่างนั้นแม่ตามไปที่โรงพยาบาลหลังจากถวายอาหารเพลหลวงลุงเราก่อนแล้วกันนะต้นส่วนเอิร์ธไปกับย่าและอาเขมเขา เพราะว่าเรานะคงงอแงถ้าไปอยู่นานๆ แบบนั้นไม่มีที่วิ่งเล่น “ แม่รดาหันมาบอกผมสองคนผมพยักหน้าและหันไปเอามือลูบหัวลูกชายผมเบาๆ เขาเงยหน้ามองผมผมกับหมอภีมนั่งทานอาหารเช้ากัน ห้าปีแล้วนะที่เราไม่ได้ทำแบบนี้ด้วยกัน

                  Rrrrrโทรศัพท์มือถือหมอภีมดังขึ้น “ ครับพี่ อ้อครับมาแล้วนะครับได้ครับผมสองคนจะเดินออกไปเดี๋ยวนี้ ครับขอบคุณครับ”หมอภีมกดวางสายก่อนจะหันมา “ต้นรถมารอแล้วนะครับ เราไปกันเลยนะครับ”หมอภีมปภพบอกผม ผมพยักหน้าว่าได้ ผมเดินไปเก็บทุกอย่างใส่ไว้ในเครื่องล้างจานที่ผมซื้อเอาไว้ให้แม่ผม ไว้ใช่ ผมไม่อยากให้แม่ทำงานบ้านเยอะแต่ผมท่านก็ไม่ค่อยอยากใช้ แม่บอกเปลื้องน้ำ

                  “สวัสดีครับคุณหมอภีมสวัสดีครับคุณต้น”พี่คนขับรถประจำที่โรงพยาบาลของหมอภีมเดินมาเปิดประตูรถและทักทายผมสองคน

                  “ขอบคุณครับพี่”ผมพูดขอบคุณก่อนจะก้าวขาเข้าไปนั่งรถคันหรูนั้นหมอภีมเดินเข้าไปนั่งอีกฝั่งข้างๆผม

                  Rrrrrหมอภีมรีบกดรับสายทันที // สวัสดีครับแม่ครับผมไม่ได้นอนที่ห้องพักแพทย์โรงพยาบาลครับแม่ ผมนอนที่บ้านภรรยาผมซิครับกำลังจะไปครับแม่ ผมมีประชุมครับ ทราบครับหญิงแม่//
(แม่บอกว่าทานข้าวเที่ยงกัน) หมอภีมคุยกับแม่และยังหันมาบอกผมว่าแม่เขาชวนทานข้าวเที่ยงด้วย
 //ได้ครับแม่อยากมีหลานก็มีแล้วไง ลูกต้นก็เหมือนลูกผม เขาน่ารักครับ ไม่ดื้อเลยครับใครบอกต้นนะดื้อเงียบครับแม่ ฮาๆ โอเคครับแม่ ผมจะเข้าโรงพยาบาลแล้วและจะขึ้นไปดูน้องชายของต้นก่อนครับได้ครับแม่ เจอกันครับ//
หมอภีมปภพกดวางสายและตอนนี่รถที่ผมสองคนนั่งมาก็ได้เข้ามาจอดที่ด้านในโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วคนขับรถรีบลงมาเปิดประตูฝั่งผมก่อนอีกแล้ว
ผมเองอยากจะบอกไม่ต้องก็ได้ผมไม่ใช่นายหญิง อายคนเดินผ่านไปมาส่วนหมอภีมนะเขาเปิดออกมาเอง  “ทำไมละต้นคนขับรถยังดูออกเลยว่าคุณนะเป็นอะไรกับผม”หมอภีมปภพคงดูสีหน้าของผมออกเลยแอบแซวผมทันที
                 
                  “ขอบคุณนะครับพี่วินัย“ หมอภีมหันไปขอบคุณคนขับรถ ผมก็พยักหน้ายิ้มให้เป็นการขอบคุณเช่นกัน

                  “เราขึ้นไปดูก้องภพก่อนแล้วกันนะต้น“หมอภีมปภพบอกผม ผมก็พยักหน้า “เดี๋ยวลงมาหาอะไรทานกัน กาแฟนะ”
หมอภีมหันมาบอกผมอีก ผมเลือบมองเวลาเกือบจะสิบโมงเช้าแล้ว

                  “วันนี้คุณไม่มีลงตรวจคนไข้เหรอครับ”ผมถามหมอภีมปภพ

                  “ไม่ครับวันนี้ผมแจ้งเขาเอาไว้แล้วว่าผมไม่ลงและปกติผมไม่มีคนไข้นัดช่วงเช้าจะมีนัดช่วงบ่ายและเย็นเพราะว่าผู้ปกครองมักจะมาตอนหลังเลิกเรียนและตอนเย็นๆ “ หมอภีมปภพบอกผมอีกทีนี่เขาเดินใกล้ชิดกับผมจนไหล่ติดกับผมเลย

                  “สวัสดีค่ะคุณหมอภีม” พยาบาลที่เดินผ่านผมสองคนก็ยกมือไหว้หมอภีมและพอหันมาเจอผมก็ส่งยิ้มให้ผม

                  “คนนี้ไงที่เมื่อวานห้องฉุกเฉินบอกว่าเป็นแฟนคุณหมอภีมตัวจริงอ่ะแกไม่ใช่หมอดาวิกาซะหน่อย” ผมได้ยินเขาคุยกันตามหลังผมทันที

                  “จริงดิ”

                  “ก็คุณหมอเขาประกาศเมื่อวานแกว่านี้แฟนเขา”

                  “แล้วหมอดาวิกาไม่ปรี้ดแตกเหรอ”นั้นไงทำให้ผมเสียวสันหลังวาปขึ้นมาทันที

                  “สวัสดีค่ะคุณหมอ…ภีม”มีผู้หญิงที่สวมชุดพนักงานดูจากยูนิฟอร์มน่านะทำงานในออฟฟิตของโรงพยาบาล

                  “สวัสดีครับพี่เมย์“ พี่เขามองมาที่ผม

                  “นี่แฟนผมครับคุณต้นตระการ“หมอภีมแนะนำผมให้ผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้วยแววตาที่ฉงนแต่ตอนนี่คลี่คลายลงแล้วหลังจากที่หมอภีมแนะนำตัวผมให้รู้จักผมก็ยกมือไหว้

                  “คุณพ่อกับคุณแม่ผมมาถึงหรือยังครับพี่เมย์”

                  “ท่านมาถึงเมื่อสักครู่ค่ะตอนนี้อยู่ห้องผู้บริหารค่ะ“

                  “ขอบคุณครับ”หมอภีมพยักหน้า ก่อนจะดึงแขนผมให้เดินตามไปผมก็หยุดรั้งเขาเอาไว้ก่อนว่าจะพาผมไปไหนก่อน

                  “ไปหาคุณพ่อคุณแม่ผมก่อนดีกว่าตอนนี้แพทย์และพยาบาลเวรดึกเขากำลังส่งเวรคนไข้อยู่นะต้น ถึงยังไงก็ยังเข้าไปไม่ได้อยู่ดี นะครับ”หมอภีมปภพบอกผม จังหวะนั้นผมหันไปเจอผู้หญิงที่ผมจำได้ดีแม้จะไม่เจอกันนานพอพอกับหมอภีมปภพ คนนั้นคือหมอดาวิกา
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนหน้าพี่ต้นเราจะปะทะหมอดาวิกาอย่าพึ่งทิ้งไรท์ไปไหนนะ ถ้าพี่ต้นกับพี่หมอภีมจะมีมาม่ามาเสริฟกันบ้าง
แต่จะมีความน่ารักของน้องเอิร์ธมาทดแทน(พอได้เนอะ) ขอบคุณยอดวิวและยอดไลค์นะคะ
มีเม้นมาให้กำลังใจคนแต่งก็มีแรงจะลงต่อไปค่ะ

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)เอิร์ธเหมือนโซ่ทองของผมและภีม
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 23-10-2020 20:53:40
 :haun4:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)เอิร์ธเหมือนโซ่ทองของผมและภีม
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 23-10-2020 21:45:44
 :fire: พี่ี่ต้นจะเจอนั่งดาวิกาเหรอ เราเดาว่าดาวิกาคือคนขับรถชนพี่ต้นนนนนน
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)พี่ต้นปะทะหมอดาวิกา
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 24-10-2020 12:08:18
 

                พิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)พี่ต้นปะทะหมอดาวิกา

                  Part ต้นตระการ ขณะที่ผมกับหมอภีมกำลังยืนอยู่ หมอภีมอบกว่าจะชวนผมไปเจอพ่อแม่เขา ผมไม่รู้ว่าเขารู้หรือไม่ว่าผมเจอท่านแล้ว ท่านเรียกผมเข้าไปคุยเรื่องหมอภีมปภพ ท่านอยากให้ผมถอยออกไป เพราะว่าหมอภีมรับหมั้นหมอดาวิกาแล้ว ผมรู้ว่าคนที่นำเรื่องของผมไปบอกท่านคือหมอดาวิกา และท่านก็ไม่อยากผิดใจกับเพื่อนของท่านในตอนนั้น ตอนแรกผมก็ทำท่าจะไม่ยอม เพราะว่าหมอภีมเขายืนยันว่าจะถอนหมั้นกับหมอดาวิกา แต่สุดท้ายผมก็ต้องแยกจากเขาเพราะความสงสารเกศรินทร์ในคืนนั้น ขณะที่ผมยืนใช้ความคิดอยู่ จังหวะนั้นผมหันไปเจอผู้หญิงที่ผมจำได้ดี แม้จะไม่เจอกันนานๆพอพอกับหมอภีมปภพ คนนั้นคือหมอดาวิกา

                  “พี่หมอภีมค่ะ”หมอดาวิกาเธอเข้ามาทักทายหมอภีมปภพก่อนและหันมามองผม ทำเหมือนเธอจำผมไม่ได้แต่ผมรู้ว่าเธอจำผมได้ดี

                  “อ้าวหมอดาวิกา ทำไมมาแต่เช้าเลยคะ” หมอภีมปภพทักทายหมอดาวิกาก่อนจะหันมามองหน้าผม

                  “นี่ต้นตระการไงดา อย่าบอกนะว่าจำต้นไม่ได้นะ” หมอภีมปภพหันไปถามหมอดาวิกา เธอยืนเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อกาวน์พร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากเอียงคอมองผมเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้ามาหาผม “หมับ” เธอจับเข้าที่ต้นแขนผมแต่ว่าเธอจับตรงที่ผมมีบาดแผลพอดี

                  “ซี้ด! “ผมถึงกับร้องออกมาเบาๆและเบี่ยงแขนออกส่วนหมอภีมก็รีบจับมือหมอดาวิกาออกเช่นกัน
                 
                  “หมอดาระวังด้วยครับ ต้นเขาเจ็บแขนนะครับ “ หมอภีมปภพพูด แต่แปลกนะเธอไม่มีที่ท่าว่าจะตกใจเลยสักนิด
                           
                  “ต้นเป็นอะไรไปหรือคะ ดาขอโทษนะคะ ดาแค่จะถามว่าต้นเป็นยังไงบ้างสบายดีไหมคะ” หมอดาถามผมด้วยน้ำเสียงที่ตกใจแต่สายตาเธอมันขัดกับที่เธอแสดงออกตอนนี้

                  “พอดีว่าผมซุ้มซามนะครับเดินหกขล้มเอง” ผมหันไปตอบเธอ

                  “อ้าวเหรอค่ะ แม้นึกว่าโดนอะไรร้ายแรงมา เจ็บแค่นี้เองเหรอคะ ไม่มากเนอะ” หมอดาวิกาพูดสายตาเธอมองที่ผม ผมรู้ความหมายของมันดีแต่หมอภีมปภพที่มองผมกัหมอดาสลับกันไปมาจน
                 
                  “ผมว่าไปล้างแผลก่อนไหมต้น แล้วเดี๋ยวค่อยขึ้นไปหาพ่อกับแม่กัน ” หมอภีมปภพพูดและจับแขนข้างที่ไม่เจ็บแทน

                  “เดี๋ยวนะคะ นี้พี่จะพาต้นไปเปิดตัวอีกแล้วเหรอคะ” หมอดาวิการ้องทักหมอภีมปภพทันที

                  “แม่ของพี่เขาเจอต้นแล้วและท่านก็ชวนต้นทานอาหารกลางวันกันวันนี้นะหมอดา นั้นแปลว่า ท่านยอมรับผมกับต้นเรียบร้อยแล้วครับ” หมอภีมปภพเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดแทน

                  “ไปทำแผลก่อนดีกว่าต้น เจ็บมากไหม ผมก็ลืมไป และผมจะได้ดูแผลคุณด้วย” หมอภีมปภพูดก็แค่ส่งยิ้มให้หมอภีมก่อนจะหันมายิ้มให้หมอดาวิกาเช่นกัน  เธอยืนมองผมด้วยสีหน้าที่นิ่งมากจนยากจะเดาความคิดของเธอได้ แต่ภายในกระเป๋าเสื้อกาวน์นั้น เธอกำลังกำหมัดแน่น หมอภีมพยักหน้าให้ผมเดินย้อนกลับไปที่ห้องฉุกเฉิน เพื่อทำการเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ผมใหม่ 
                  ขณะที่ผมนั่งรอหมอภีมปภพเขาเดินไปบอกพยาบาลว่าเขาจะทำแผลให้ผมเอง ผมเหลือบไปเห็น ผู้ชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อเชิ้ตมีหมวกแก๊ปจากช่องเล็กช่วงรอยต่อของผ้าม่าน เขากำลังจะเดินผ่านห้องฉุกเฉินไป ผมจำได้ดีว่านั้นคือผู้กองนครินทร์แฟนก้องภพ

                  “ ต้น “ผมก็สะดุ้งที่มีคนมาแตะแขนผมข้างที่ไม่เจ็บ ผมก็แปลกใจทำไมหมอดาถึงได้ตรงมาแตะแขนผมข้างที่เจ็บทันทีในตอนนั้นเช่นกัน 

                  “เดี๋ยวผมมานะ ผมมีคนไข้ประจำของผม และเขาจะให้ผมสั่งยาให้ลูกเขานะต้นที่แผนกภูมิแพ้ และผมจะรีบกลับมานะครับมาทำแผลให้คุณก่อนที่เราจะได้ขึ้นไปดูก้องภพด้วยกัน ส่วนพ่อกับแม่ลงไปหาทานตอนทานอาหารเที่ยงเลยแล้วกัน เราจะได้พาเอิร์ธไปหาท่านด้วย ผมอยากให้พ่อกับแม่เจอเอิร์ธด้วย นะครับ” หมอภีมปภพบอกผม ผมพยักหน้าแค่นั้น ผมก็นั่งรอเขาอยู่เตียงคนไข้ มีผ้าม้านปิดเอาไว้โดยรอบ

                  “แฟนคุณหมอภีมภพแก คนนี้ตัวจริงเสียงจริงๆไม่ใช่แฟนมโนอย่างคุณหมอ….”เสียงคนกำลังคุยกันเรื่องของผมกับหมอภีมปภพแต่ว่าตอนนี้หยุดชะงักจนน่าสงสัย บรรยากาศภายรอบตัวผมดูเงียบสนิทอย่างน่าวังเวง จากที่เคยมีเสียงคุยเจาะแจ๊ะจอแจก็หายไป

                  “พรึบ” เสียงผ้าม่านถูกเปิดเพราะว่ามีผู้มาเยือน ไม่ใช่ใครอื่นและไม่ใช่หมอภีมปภพซะด้วย ผมก็เงยหน้ามองหมอดาวิกาที่เข้ามายืนกอดอกมองผม พร้อมรอยยิ้มที่ต่างตากเมื่อสักครู่

                  “คุณยังกล้ากลับมาอีกเหรอต้น” หมอดาวิกาถามผมแม้จะถามด้วยน้ำเสียงที่นิ่งและเยือกเย็น

                  “หมอภีมเขาต่างหากละครับที่พยายามไปตามผมกลับมา”ผมบอกหมอดาวิกา

                  “แต่จริงๆแล้วผมเองก็ไม่ได้หายไปในจากเขาเลยนะคุณดา เพราะใจผมนะอยู่กับเขาตลอดคุณรู้ดีหมอดาวิกา” ผมพูด

                  ผมว่าสี่ปีกว่ามานี้คุณน่าจะได้คำตอบว่า เขาไม่เคยรักคุณอย่างคนรัก ทั้งที่คุณเองก็บอกว่าคุณมาก่อนผม แต่สุดท้ายเขาให้คุณได้แค่น้องสาว ส่วนผมเองที่มาที่หลัง เขาให้หัวใจกับผม”ผมพูดทำให้หมอดาวิกาเปลี่ยนมาเป็นท่ากอดอกและหันมามองผม

                  “หึๆ” หมอดาวิกาหัวเราะในลำคอ

                  “อันที่จริงคุณน่าจะกลับไปใช้ชีวิตที่ฉันอุตสามองให้ ชีวิตที่ปกติเหมือนคนอื่นๆเขาทำกัน มีภรรยา มีลูก ทำไมไม่ไปอยู่แบบนั้นละคะต้น” หมอดาวิกาพูดผมหันมามองหน้าเขา

                  “ที่แท้เรื่องทุกอย่างคุณก็คือคนที่อยู่เบื้องหลัง” ผมหันไปพูดกับหมอดาวิกา

                  “ฉันอุตสาไปพาผู้หญิงที่หัวอ่อนมาเป็นภรรยาให้แล้วและคุณน่าจะขอบคุณฉันนะต้น ที่ทำให้คุณสมหวังมีลูกอย่างที่คุณตั้งใจกับหมอภีม” หมอดาวิกาพูด

                  “แต่ไม่ใช่ลูกของหมอภีมและกับคุณ มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คู่เกย์อยากจะมีครอบครัวเหมือนคนอื่นเขานะ ” หมอดาวิกาพูด 

                  “คุณคิดว่าสิ่งที่คุณทำกับผมและหมอภีมมันคือสิ่งที่น่ายินดีอย่างนั้นเหรอครับคุณหมอดาวิกา” ผมหันไปถามเธอ เธอได้แต่เอียงคอมองและอมยิ้มแค่นั้น

                  “และนี่ผมจำเป็นต้องขอบคุณทุกเรื่องที่คุณทำให้ผม รวมทั้งพวงรีดที่คุณส่งไปให้ผมด้วยไหมครับหมอดาวิกา” ผมถามหมอดาวิกา เธอไม่ได้รู้สึกตกใจกับสิ่งที่ผมพูดเลยสักนิด มีแค่รอยยิ้มที่กระขึ้นที่มุมปากเธอแค่นั้น

                  “คุณรู้เหรอคะว่าฉันส่งไป” หมอดาวิกากอดอกมองผม

                  “ผมรู้แต่ผมไม่บอกหมอภีมหรอกนะครับ  ผมรู้ตั้งแต่ผมเห็นสก๊อตเทปที่ติดกระดาษที่ถูกปริ้นซ์แนบไป มันเป็นสก๊อตเทปที่ใช่กันในโรงพยาบาลหรือสภานพยาบาลเท่านั้น”ผมพูดก่อนจะหันมามองหน้าหมอดาวิกาจังๆ

                  “และผมก็เชื่อว่าผมไม่มีเรื่องกับใครนอกจากคุณที่เป็นหมอ” ผมพูด

                  “ฉลาดดีนะต้น แต่น่าจะฉลาดเพิ่มกว่านี้อีกหน่อย นั้นคือไม่ควรกลับมา แต่ถ้าคุณยังด้านจะอยู่ตรงนี้ก็ดีฉันจะแบ่งพื้นที่ให้ แต่เราคงอยู่กันแบบนี้สามคนต่อไปอีก ถ้าคุณทนได้” หมอดาวิกาพูด

                  “คุณแน่ใจแล้วเหรอว่าที่ตรงนี้ มีที่ให้คุณยืนผมเห็นมีแค่ผมกับภีมเท่าที่ผมรู้สึก” ผมพูดและลุกขึ้นยืน
                  “แล้วคุณจะยืนตรงไหน ตรงกลางระหว่างผมก็ไม่มี ด้านข้างเหรอแบบไหน น้องสาวนะใช่เพราะเท่าที่ผมทราบหมอภีมเขาให้สถานะคุณแค่น้องสาวมาตั้งนานแล้วหมอดา สาวนผมนะคนรักที่เขาให้” ผมพูดพร้อมกับพยายามสูดลมหายใจเพื่อลดระดับความโมโหในกายของผม ถึงยังไงเธอก็เป็นหมอและเป็นผู้หญิง

                  “ต้น!!!” เธอขึ้นเสียงเรียกชื่อผม มันคงจี่จุดใจดำเธอไม่มากก็น้อย

                  “พรึบ”เสียงผ้าม่านถูกเปิดออก โดยหมอภีมปภพ เขามองหน้าผมสองคนสลับกันไปมา

                  “หมอดามาหาต้นทำไมครับ”  หมอภีมถามหมอดาก่อนจะเข้ามาแตะแขนผม เหมือนจะถามผมว่ามีเรื่องอะไรกัน

                  “พอดีว่าเมื่อสักครูดาแค่ตกใจที่เห็นต้นอยู่ที่นี้เลยไม่ได้ถามไถ่เกี่ยวกับภรรยาและลูกเขานะคะพี่หมอภีม” หมอดาวิกาพูดสายตาเขายังคงจับจ้องที่ใบหน้าของผม

                  “ต้นเขาเลิกกันแล้วกับเกศรินทร์แล้วครับน้องดา และตอนนี้เขาก็คือแฟนของพี่ค่ะ” หมอภีมปภพเป็นคนตอบแทนผม

                  “เลิกกันแล้วเหรอคะ ไม่สงสารเด็กเหรอคะ ดาเห็นบางครอบครัวเขารักลูกจนขนาดต้องทนอยู่เพื่อลูกได้เลยนะคะ ทำไมไม่ลองปรับความเข้าใจภรรยาแบบว่าทำเพื่อลูกนะคะต้น” หมอดาวิกาพูด หมอภีมหันไปมองหน้าหมอดาผมก็หันมาเหล่มองหมอภีมแวปหนึ่ง

                  “ต้น เดี๋ยวค่อยลงมาทำแผลแล้วกันนะ ไปหาก้องก่อนจะดีกว่า”หมอภีมปภพเป็นฝ่ายดึงแขนผมให้ออกก่อน เขาคงไม่อยากให้หมอดาพูดอะไรกับผมมากไปกว่านี้และผมก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันผมคิดว่ามันไม่คุ้มกันเลยที่ผมจะมางัดกับคนที่สวมเสื้อกาวน์แบบนี้เช่นกัน

                  “ลูกชายน่ารักดีนะคะ หน้าเหมือนต้นมาก เหมือนแบบนี้เขาเรียกว่าตั้งใจทำ” หมอดาวิกาพูด อันนี้คนที่หันไปมองกลับเป็นหมอภีมปภพ

                  “น้องดาเห็นลูกชายของต้นได้ยังไงครับ ในเมื่อดาเพิ่งจะเจอต้นตอนนี้เอง”ผมหันมามองหมอภีมอีกที ถ้าหมอภีมอีกที หมอภีมส่ายหัวว่าเขายังไม่ได้พาเอิร์ธไปหาใคร ผมหันมามองเธอด้วยสาวตาที่บ่งบอกว่า อย่าแตะต้องลูกผม

                  “ดา เออ ดา “ สีหน้าเธอเหมือนคนกำลังจนมุม

                  “ดามีเครสคนไข้รออยู่ค่ะ ขอตัวนะคะ” หมอดาเป็นฝ่ายเดินออกไปเองทันที ผมหันมามองหมอภีมก่อนจะรีบเดินออกไปอีกทางเช่นกันแต่เดาได้ว่าผมเดินไปคนละทางกับหมอดาวิกา ผมออกไปยืนสูดอากาศเข้าปอดเพื่อระงับตัวเอง ผมกำหมัดแน่น

                  “ต้น” หมอภีมปภพรีบคว้าแขนผมเอาไว้

                  “ผมเริ่มจะคิดที่ลูกผมพูดนะภีม ว่าเขาเห็นผู้หญิงที่กำลังจะขับรถขนผมทั้งที่ผมอุ้มเขาอยู่ “ ผมหันมาพูดกับหมอภีมปภพ

                  “พาผมไปหาก้องได้แล้วหมอภีม ผมขอละและผมคิดว่าเรื่องของคุณกับผมไม่น่าจะดำเนินต่อได้ ผมเหนื่อยที่จะเล่นสงครามประสาทกับเธอ” ผมพูดแต่หมอภีมก็จับแขนผมเอาไว้

                  “ต้น ผมก็ไม่ได้…..”หมอภีมทำท่าจะพูดแต่เขาก็เปลี่ยนเป็นยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแทน

                  “ ผมหยุดเธอไม่ได้แต่ผมก็กันตัวเองออกมาจากเธอแล้วต้น ผมขอนะต้น อย่าทำแบบนี้ ผมรักคุณและผมก็รักลูกของคุณ เหมือนลูกของผม “ ผมภีมปภพพูด

                  “มันมาที่นี้ไง บอกว่าอย่าให้มันออกมาจนกว่าจะถึงวันงานทำไมไม่มีใครเชื่อคำสั่งผม” เสียงที่ทำให้ผมสองคนต้องหันไปมอง มีนายทหารติดยศสูงสุดเดินมาด้วยท่าที่เกรี้ยวกราด สีหน้าเขาดูเหมือนจะโกรธจัดมาก

                  “พ่อของนครินทร์” หมอภีมปภพบอกผม และรีบเดินจั้มอ้าวตามไปแต่ทว่าผู้ชายคนนั้นเดินเข้าไปในลิฟท์กับผู้หญิงคนหนึ่งซะก่อน ผมกับหมอภีมตามเข้าไปไม่ทัน

                  “ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสียีนและหมวกแก็ป ผมจำได้ว่านั้นคือผู้กองนครินทร”" ผมพูดบอกกับหมอภีมภพ หมอภีมปภพทำสีหน้าตกใจมาก และเขาก็กำลังเร่งฝีเท้าไปที่ลิฟต์ก่อนจะรีบกดเรียกลิฟต์ให้ลงมา

                  “ผมกล้วว่าพี่ทินจะทำอะไรเกินกว่าเหตุกับนครินทร์นะต้น” หมอภีมปภพพูด

                  Rrrrrจังหวะนั้นเขมชาติโทรหาผมพดี ผมเห็นสีหน้าหมอภีมที่ดูเคร่งเครียดพอสมควร ผมหันไปแตะแขนเขา ผมพยักหน้าก่อนที่ลิฟต์จะเปิดออก หมอภีมเดินออกไปอย่างเร็วที่สุด

                  //เขมว่าไง//
                  //พี่ต้นผมอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วพี่ พี่ต้นละ”//
                  // อย่าเพิ่งพาแม่กับเอิร์ธขึ้นมานะเขม//
                  // พี่ต้นมีอะไรหรือเปล่า พี่ก้องเป็นอะไรพี่ต้น//” น้ำเสียงที่ตกใจของเขมน้องชายของผม
                  //ไม่ใช่ก้องหรอกเขม แต่ผู้กองนครินทร์นะ พ่อเขามาตามพี่กลัวจะมีเรื่อง อย่าเพิ่งขึ้นมานะ พี่ไม่อยากให้แม่และลูกพี่เห็น//ผมบอกกับเขม
                  // แค่นี้ก่อนนะเขม///

ผมได้ยินเสียงเอะอะโวยผมรีบเดินเข้าไปผมก็เห็นพ่อของผู้กองนครินทรกำลังฉุดกระฉากเขาให้ออก นี้เขาพยายามมาหาก้องทั้งที่พ่อเขาก็พยายามกีดกันอย่างนั้นหรือ ผมเองก็ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนว่าพ่อเขาไม่สนับสนุนให้เขาเป็นแบบนี้ให้เขารักกันกับก้องภพน้องชายของผม

                  “กูบอกให้มึงกลับและไปแต่งงาน กับคนที่กูเลือก” พ่อของนครินทร์พูดเสียงดังทำให้เจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่พากันตกใจรวมถึงญาติคนไข้ ส่วนหมอภีมปภพที่ยืนอยู่เหมือนพยายามจะเข้าไปห้ามแต่
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)พี่ต้นปะทะหมอดาวิกา
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 24-10-2020 21:48:47
 :m16:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)พี่ต้นปะทะหมอดาวิกา
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 26-10-2020 17:09:31
สาวๆ เรื่องนี้มีแต่รว้ายๆ อ่ะ พ่อรินก็ดูไม่โอเคเลย ท่าจะดุ
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)ผมต้องเลือกลูก
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 26-10-2020 19:51:55
      
พิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)ผมต้องเลือกลูก
           
                ผมได้ยินเสียงเอะอะโวยผมรีบเดินเข้าไปผมก็เห็นพ่อของผู้กองนครินทรกำลังฉุดกระฉากเขาให้ออก นี้เขาพยายามมาหาก้องทั้งที่พ่อเขาก็พยายามกีดกันอย่างนั้นหรือ ผมเองก็ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนว่าพ่อเขาไม่สนับสนุนให้เขาเป็นแบบนี้ให้เขารักกันกับก้องภพน้องชายของผม

      “กูบอกให้มึงกลับและไปแต่งงาน กับคนที่กูเลือก” พ่อของนครินทร์พูดเสียงดังทำให้เจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่พากันตกใจรวมถึงญาติคนไข้ ส่วนหมอภีมปภพที่ยืนอยู่เหมือนพยายามจะเข้าไปห้ามแต่

      “มึงอยู่เฉยๆไอ้ภีม เพราะมึงตัวเดียว ลูกกูถึงได้เป็นแบบนี้” ผมเห็นแบบนั้นก็เดินเข้าไปและดึงแขนภีมออก เพราะว่าสีหน้าของภีมดูเดือดไม่แพ้กับคนตรงหน้าเช่นกัน

      “ภีม” ผมเรียกภีมเขาก็หันมาแตะมือผม

      “พี่เคยรักลูกพี่ไหมพี่ทิน การที่ลูกพี่มันเป็นแบบนี้ มันก็แย่พออยู่แล้วและนี่อะไรพี่จะให้มันแต่งงานทั้งมันไม่ได้รักเขานี่นะ พี่จะให้มันไปใช้ชีวิตที่ทุกข์ระทมทำไม พ่อแม่ภาษาอะไรไม่คิดถึงลูกตัวเองก่อน “ หมอภีมปภพพูดและจะเข้าไปแต่ผมดึงแขนเขาเอาไว้

      “กูไม่สน กูสนแค่มันต้องมีเมียและใช้ชีวิตเหมือนที่คนปกติเขาทำกัน ไม่ใช่คนผิดปกติอย่างมึงทำกัน”

      “พี่ทิน!!” ผมยิ่งดึงแขนเขาไว้แบบต้องออกแรงมากขึ้น

      “ภีม!!” ผมพยายามห้ามเขา ผมมองเห็นผู้กองนครินทร์ที่พยายามให้พ่อของเขาปล่อยแขนเขาเช่นกัน ผมเห็นแบบนี้แล้วผมสงสารเขาไม่แพ้หมอภีมแต่นี้เรื่องนี้มันเกินกว่าที่ผมหรือภีมจะเข้าไปจัดการได้

      “ภีม พอก่อน”ผมที่ดึงและกอดเขาเอาไว้ เพราะภีมจะเข้าไปดึงผู้กองนครินทร์จากพ่อของเขา หมอภีมหันมามองหน้าผม

      “ปึก” ผู้กองนครินทร์สะบัดมือออกจากผู้เป็นพ่อของเขาได้และเขาก็หยุดยืนมองน้ำตาไหลริน

      “ทำไมผมถึงมีชิวิตของผมเองไม่ได้ ทำไมผมเลือกคนที่ผมรักเองไม่ได้ คุณเป็นคนให้ชีวิตแต่ไม่ใช่เจ้าชีวิตผม!!”ผู้กองนครินทร์พูด

      “ก็ดูมึงเลือกซิ เลือกจะรักกับผู้ชาย กูไม่ให้!!”

      “ก็ได้ ถ้าพ่อไม่ให้ผมรักกับก้อง ผมก็จะไม่อยู่เพื่อให้พ่อมาบังคับชีวิตผมได้อีก” ผู้กองนครินทร์พูดและเขาก็หยิบบางสิ่งออมาจากเป้ของเขา มันคือปืน!!!!

      “หมับ” ผู้กองนครินทรจ่อปืนที่หัวตัวเอง

      “กรี้ด!!” เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของคนรอบข้าง ผมและหมอภีมตกใจไม่แพ้กัน

      “อย่านะรินทร!!! อย่าลูก อย่าทำแบบนี้ “ ผู้หญิงที่วิ่งออกเข้ามาก็ร้องตกใจไม่แพ้กัน เขาทรุดลงนั่ง ร้องไห้ ผมเดาได้ว่นี้คือแม่ของนครรินทร์ 


      “ผมจะไม่ไปไหน ผมจะอยู่ตรงนี้และตายตรงนี้” ผู้กองนครินทร์พูด ผมเตรียมพร้อมจะลั่นไกทุกเมื่อ

      “อย่ารินทร์ !! ส่งปืนให้อาเดี๋ยวนี้!! “หมอภีมปภพร้องห้ามผู้กองนครินทร์ ส่วนผมก็ไม่รู้ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ผมเห็นแม่ของหมอภีมและอีกคนผมจำได้ดี ผมเคยคุยกับเขาแค่ครั้งเดียว นันคือพ่อของหมอภีมปภพ

      “รินทร์ ไม่เอาลูก อย่าทำแบบนั้นนะลูก” แม่ของหมอภีมปภพพูดขอร้องผู้กองนครินทร์เช่นกัน

      “รินทร์ ใจเย็นๆ ทุกปัญหามีทางออก พี่ว่ารินทร์ใจเย็นๆและเรามาคุยกันดีดี ดีกว่าไหม เพื่อจะได้หาทางออกร่วมกันนะรินทร์ พี่เชื่อว่าถ้ารินทร์ทำแบบนี้ก้องเขาจะเสียใจที่สุด วางปืนลงเถอะรินทร์ พี่ว่าก้องเขาต้องการให้รินทร์อยู่ตอนที่เขาฟื้นขึ้น “ ผมเลยเป็นฝ่ายก้าวเท้าออกไปและพูดกับผู้กองนครินทร์ เขาก็มองหน้าผม 

      “พี่ต้น ผมรักเขา เขาปกป้องผม เขาช่วยผม ให้ผมยังมีลมหายใจ แต่นี้เขาเจ็บหนักผมกับมาอยู่กับเขาไม่ได้และถ้าผมไม่อยู่กับเขาผมจะมีชิวิตไปทำไมอีก ฮือๆ ผมไม่มีทางออกอื่นแล้วในเมื่อคนที่ให้ชิวิตผมเองเขายังไม่เคยเข้าใจผมเลย พี่ต้น ฮือๆ” ผู้กองนครินทร์พูด  พ่อของผู้กองนครินทรหันมามองหน้าผม เขาจะเข้ามาหาผมแต่หมอภีมรีบเข้ามาขวาง

      “หยุดนะพี่ทิน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับต้น ต่อให้ต้นเป็นพี่ชายแฟนของรินทร์ก็ตาม “หมอภีมปภพพูดและเขาก็ดันผมไว้ด้านหลังของเขา สายตาเขาประสานกันกับคนที่เขาบอกว่าเป็นพี่เขยอย่างไม่ลดละ จนพี่เขยของเขาเป็นฝ่ายถอยออกไปเอง

      “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่ต้น มันเกี่ยวกับผมเองที่รักเขา “ผู้กองนครินทร์พูด

      “ทำไมผมต้องพยายามใช้ชีวิตที่ผมไม่ต้องการละพ่อ ทำไมผมต้องทิ้งความสุขตัวเองไปอยู่กับใครที่ผมไม่เคยรัก ไม่เคยอยากจะใช้ชีวิตด้วย ทำไมผมต้องเอาชีวิตที่เหลือของผมไปจมอยู่ความทุกข์กับคนที่พ่อแค่ต้องการให้มาเป็นสะใภ้ของพ่อทั้งที่ผมไม่เคยรักเขา”

      “ผมทนไม่ได้หรอกนะพ่อ”

      “พี่ต้น บอกก้องด้วยว่าผมรักเขา ผมก็จะเป็นของเขาแค่คนเดียว”

      “อย่ารินทร์!!!!”เสียงตะโกนดังไปทั่วชั้นเพื่อร้องห้ามรินทร์ แต่เขาจ่อปืนที่ขมับของรินทร์

      “เปี๊ยะ”  เสียงไกปืนลั่นแต่ว่ามันไม่ดัง ผมหลับตาปรีแต่ก็ต้องรีบลืมตาขึ้น ผู้กองนครินทร์พยายามจะยิงแต่มันยิงไม่ออก

      “หมับ…ปึก….ปัก “ มีคนเข้ามาทางด้านหลังผู้กองนครินทร์และรีบแย้งปืนพร้อมกับสะบัดปืนกระเด็นไป หมอภีมรีบวิ่งไปคว้ามปืนเอาไว้เพราะกลัวว่านครินทร์หลุดมาได้จะคว้ามปืนไปทำอีก

      “รินทร์!!!”  แม่ของผู้กองนครินทร์ตรงเข้าไปกอดผู้กอง ร้องไห้ ผมเห็นสีหน้าพ่อของเขาผมว่าเขาก็ตกใจมิใช่น้อยที่ผู้กองนตรินทร์กำลังตัดสินใจปริดชีพตัวเองแบบนั้น

      “คุณมันเห็นแกตัว!! ได้ถ้าอีแค่ลูกไปรักกับผู้ชายและมันทำให้หน้าตาทางสังคมของคุณมันแปดเปื้อนนักละก็ คุณกับฉันก็หย่าขาดกันไปเลย ฉันเลือกลูกชายฉัน พอกันทีกับพวกเห็นแกตัวอย่างคุณ ทินกร” แม่ของนครินทร์ประกาศขอแยกทางกับพ่อของผู้กองนครินทร์ทันที

      “ทิน พอเถอะ เมื่อก่อนพ่อก็เป็นเหมือนเรานะ ทำเหมือนเรานี่แหละ แต่ใครละที่ทุกข์ถ้าไม่ใช่ลูกตัวเองและตัวเรานะทิน “ พ่อของหมอภีมปภพออกมาพูด ผมหันไปมองหน้าท่านก่อนจะยกมือไหว้อย่างเป็นทางการ

      “ ลูกนะเลี้ยงได้แค่ตัว หัวใจนะเราเลี้ยงเขาไม่ได้หรอกทิน”

      “ตกลงมึงจะไม่แต่งใช่ไหมไอ้รินทร์!!!!!” พ่อของผู้กองนครินทร์ตะเบงเสียงถามลูกชาย

      “ผมบอกพ่อแล้วว่าผมไม่ได้รักและจะให้ผมไปทนอยู่แบบนั้นผมทนไม่ได้ สู้ให้ผมตายซะดีกว่าเพราะว่ามันก็ไม่ต่างกันกับตายทั้งเป็น” ผู้กองนครินทร์พูด  พ่อของผู้กองนครินทร์ไม่ได้พูดอะไรเขาเดินออกไปในทันที เหลือแค่แม่ของเขาที่กอดเขาอยู่ 

      “เฮ้อ!! “ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจของทุกคนแม้กระทั้งผมเอง หมอภีมยืนมองผมเขายิ้มให้ผมแปลกๆ เพราว่าผมยังคมจับข้อมือของเขาเอาไว้อยู่ ผมเลยต้องค่อยๆปล่อยมือของเขา

      “ขอบคุณนะที่คุณห้ามผมขนาดนี้ นี้กลัวผมเข้าไปมีเรื่องกับเขาเหรอต้น”

      “แล้วคุณคิดว่าคุณจะสู้พ่อนครินทร์ได้เหรอ “ผมถามและกำลังจะหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาแม่กับเขมชาติ

      “ต้น” แม่ของหมอภีมปภพเดินเข้ามาหาผมกับหมอภีมและพ่อของเขาเช่นกัน

      “พ่อเขาอยากจะคุยด้วยนะ”พ่อของหมอภีมปภพหันมามองหน้าผม หมอภีมจับมือผมไว้

      “พ่อผม” หมอภีม

      “ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่จะทักทาย ว่าไงเราสบายดีไหมต้น พ่อขอโทษนะเรื่องที่พ่อเคยเรียกเรามาคุยคราวก่อน อะไรที่มันแล้วไปแล้วก็ลืมมันไปซะนะต้นนะ”พ่อของหมอภีมพูด เขาก็ส่งยิ้มด้วยความเมตตาส่งมาให้ผม

      “ต้นนี้แขนไปโดนอะไรมาละลูก” แม่ของหมอภีมปภพชี้ที่ต้นแขนข้างซ้ายของผม เพราะว่ามันถลกขึ้น จนเห็นว่าผมมีแผลที่ข้อศอก

      “เมื่อวานนะครับแม่มีคนขับรถเฉียวต้น ผมว่าจะไปขอดูกล้องวงจนปิดซะหน่อย เพราะว่าขับเหมือนตั้งใจเลยครับแม่” หมอภีมปภพพูด

      “อ้าวเหรอ ใครกันนะ ดูมาแล้วกันจะได้รู้ว่าตัวว่าใครทำต้นเขานะ และนี่ลูกชายเราละไปไหนซะแล้ว “ แม่ของหมอภีมปภพพูดและถามถึงลุกชายของผม

      “อยู่กับน้องชายผมด้านล่างนะครับ “ ผมพูดบอกท่าน

      “มีลูกชายด้วยรึ ไหนพามาให้ดูหน่อยซิ แม่เขาอยากมีหลานเพิ่มนะ ที่มีก็โตกันไปหมดแล้ว” พ่อของหมอภีมปภพพูด ตอนนี้ผู้กองนครินทร์เดินเข้ามาพร้อมกับแม่ของเขา

      “รินทร์ ที่หลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ ดีนะที่ปืนของนายนะกระสุนมันด้าน คุ้มแล้วเหรอรินทร์” หมอภีมปภพพูดต่อว่าผู้กองนครินทร์ทันที ผู้กองนครินทร์โผ่เข้ามากอดหมอภีมทันที

      “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปหาเขมก่อนนะภีม “ ผมพูดบอกภีม

      “ผมขอตัวไปหาลูกชายกับน้องชายผมก่อนนะครับ” ผมบอกทุกคนและรีบเดินลงไปชั้นล่างทันที ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินตรงไปที่ลิฟต์ ผมก็เห็นหมอดาวิกายืนกอดอกอยู่ที่ตรงมุมทางเดิน เขายืนดูเหตุการณ์โดยที่ไม่เข้าไปด้านใน

      “เห็นปัญหาไหมคะต้น ไม่มีพ่อแม่คนไหนเขาอยากให้ลูกเขาเจอสภาพแบบนี้กันทั้งนั้นแหละต้น ทำไมคุณอยากให้หมอภีมถูกคนอื่นมองว่าเป็นคนที่ทำให้หลานชายเขาเป็นแบบที่พวกคุณเป็นละคะ” หมอดาวิกาพูดพร้อมกับกอดอกมองผม

      “ของแบบนี้ไม่มีใครเลีอนแบบใครได้หรอกครับหมอดา “ผมพูดและทำท่าจะเดินออกผมต้องรีบลงไปดูเอิร์ธก่อน

      “แล้วคุณทนดูลูกคุณเจ็บปวดได้เหรอต้น” คำพูดนี้ทำให้ผมต้องหันมามองหน้าหมอดาวิกา

      “อย่ายุ่งกับลูกผม” ผมหันขวับมามองหน้าเธอ แต่เธอกับยิ้มได้เหมือนคนเลือดเย็นจนผมนี่เองที่รู้สึกกลัว

      “อย่าทำให้ฉันต้องทำก็แล้วกัน” หมอดาวิกาพูด สายตาของเขากับผมประสานกัน

      “ลูกดา” แม่ของหมอภีมปภพเข้ามาพอดี ผมหันไปส่งยิ้มให้แม่ของหมอภีมและรีบก้าวเท้าเดินต่อเพื่อเข้าไปในลิฟท์ มือผมสั่นไปหมด ผมกลัวว่าเขาจะทำอะไรลูกผมเหลือเกิน หมอดาวิกา ความคิดของผมแว้บขึ้นมา ผมต้องพากเอิร์ธกลับบ้านซะก่อนตอนนี้ เอิร์ธคือทุกอย่างขอผม เขายังเด็กเกินไปที่จะมารับรู้เรื่องราวแบบนี้ ผมขอโทษนะภีมที่ผมต้องเลือก ลูก!!!! 
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)ผมต้องเลือกลูก
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 30-10-2020 05:10:08
คิดถึงคริส!!!
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)ผมต้องเลือกลูก
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 30-10-2020 15:15:00
เครียดกันเลยทีเดียว  :mew2:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)ผมต้องเลือกลูก
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 30-10-2020 22:01:32
 :beat: หมอดาวิกา คนใจร้าย  :ling1:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)คุณทิ้งผมไปอีกแล้วต้น
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 30-10-2020 22:18:33
   

     พิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)คุณทิ้งผมไปอีกแล้วต้น

          Part หมอภีมปภพ หลังจากที่ต้นบอกว่าจะลงไปดูเอิร์ธ ผมก็แยกกับแม่ผม พี่สาวผม ส่วนนครินทร์หลานผมที่วันนี้ทำเรื่องเอาปืนมาขู่พี่เขยผมให้ยกเลิกการแต่งงาน อันที่จริงฝ่ายผู้หญิงที่มาทานอาหารเย็นด้วยตั้งแต่เมื่อวานเขาก็โทรมาหาพี่สาวกับพี่เขยผมแล้ว เขาเห็นว่า นครินทร์ไม่อยากแต่งงาน เพราะที่ผ่านมานครินทร์ไม่โต้ตอบอะไรเขาเลย เขาเลยคิดว่าหลานผมก็คงอยากแต่งแต่นี้เมื่อวานอาละวาดจนพี่ทินต้องจับขังเอาไว้ในห้อง และนั้นก็ทำให้พ่อแม่ผู้หญิงไม่อยากให้ลูกสาวเขาต้องมาเจออะไรที่อาจจะแย่ไปกว่าเมื่อวานหลังแต่งเลยขอยกเลิกเอง ส่วนสินสอดทองหมั้นก็ไม่ต้องมีแค่ค่าเสียหายกับของที่จัดเตรียมเอาไว้เท่านั้น พี่สาวของผมบอกมาแค่นี้

   “สวัสดีครับคุณหมอ มีอะไรให้ผมช่วยครับ” ผมเดินเข้าไปในห้องควบคุมของฝ่ายไอทีแผนกนี้จะดูแลกล้องวงจรปิดและระบบคอมพิวเตอร์ในโรงพยาบาล ผมตรงเข้าไปเพื่อจะขอดูกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล ผมอยากจะรู้ว่าใครกันที่ขับรถจะชนต้นตระการ ผมหวังว่าจะไม่ใช่หมอดาวิกา ถ้าเธอทำได้ขนาดนั้น ผมคงมาให้อภัยเธอเด็ดขาด

   “ผมรบกวนขอเช็คกล้องวงจรปิดด้านหน้าโรงพยาบาลหน่อยครับ ตรงจุดที่จะข้ามไปเรียกรถแท็กซี่นะครับ” ผมบอกเจ้าหน้าที่ พี่ศรเทพ เขาเป็นหัวหน้าแผนก

   “ได้ครับคุณหมอ ว่าแต่ช่วงประมาณกี่โมงครับ “พี่ศรเทพถามผม

   “น่าจะประมาณ ทุ่มครึ้งได้นะครับของเมื่อวาน”

   “นี่คุณหมอมาดูให้คุณหมอดาวิกาหรือเปล่าครับ เพราะว่าน้องที่นั่งอยู่นี้เขาบอกว่าคุณหมอดาวิกามาขอดูกล้องวงจรปิด จุดเดียวกันและเวลาเดียวกันเลยครับ” ผมหันไปมองพี่ศรเทพ

   “ตอนไหนครับที่คุณหมอดาวิกาเข้ามาขอดู”

   “ตอนเช้าครับน่าจะประมาณเก้าโมงกว่าๆ ได้แล้วนะครับ”

   “แล้วคุณหมอแจ้งไหมครับว่ามาขอดูทำไมนะครับพี่ศร” ผมถามพี่หัวหน้าแผนกไอที

   “เปิ้ล คุณหมอดาวิกามาบอกไหมว่าขอดูกล้องวงจรปิดทำไม”

   “คุณหมอบอกว่าจอดรถไว้ตรงนั้นและมีคนมาเฉี่ยวรถของคุณหมอเป็นรอยคะ แต่เปิ้ลไม่รู้ว่าคุณหมอดูอย่างเดียวหรือเปล่านะคะ จังหวะนั้นแผนกเด็กนะคะเขาโทรมาให้เปิ้ลไปเช็ตระบบให้หน่อยค่ะ

   “เปิ้ลเลยปล่อยให้คุณหมอเขานั้งดูไปก่อนนะคะ แต่พอเปิ้ลกลับมาก็ไม่เห็นคุณหมอดาอยู่แล้วค่ะ เธอออกไปก่อนแล้วค่ะ”

   “ถ้าอย่างนั้นผมรบคุณศรเปิดดูให้ผมดูหน่อยตอนนี้ครับ “ผมบอกคุณศรเทพ พี่เขาก็ตรงเข้าไปเลือกหาไฟว์ข้อมูลและสิ่งที่ปรากฏคือ

   “ไฟว์ถูกลบแล้วครับคุณหมอ” ผมก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ และหันไปมองหน้าทุกคน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่บอกว่าหมอดามาขอดูกล้องวงจรปิดคนนั้น

   “นี้หมอดาเขาลบข้อมูลไปเหรอเปิ้ล!!” พี่ศรเทพหันไปถามลูกน้องด้วยสีหน้าที่ตกใจพอสมควร

   “เปิ้ลไม่รู้ค่ะ พี่ศร เปิ้ลขอโทษนะคะ เพราะว่าเปิ้ลเห็นว่าเป็น เออ เขาบอกว่าเป็นแฟนคุณหมอภีมนะคะ ถ้าเปิ้ลไม่ให้เขาดูเขาจะไล่เปิ้ลออกนะคะคุณหมอ” เด็กผู้หญิงคนนั้นยกมือไหว้ขอโทษผม

   “เขาไม่ใช่แฟนผมโอเคนะ และคราวหน้าไม่ว่าใครก็ตาม ให้เขียนรายงานลงลายลักษณ์อักษรก่อนที่จะให้ใครดูไฟว์สำคัญพวกนี้ อันนี้ผมยกให้แค่ครั้งเดียว ต่อไปทำอะไรก็ระวังด้วยเพราะว่านี้คือความลับของโรงพยาบาล” ผมพูดแค่นั้นก็รีบเดินสาวเท้าออกมาทันที ผมเดินตรงไปยังแผนกไอซียู ผมคิดว่าต้นน่าจะอยู่ที่นั่นแต่เปล่าเลย ผมลงไปกับไม่เจอต้นมีแต่เขมชาติและคุณแม่ของเขาที่ยืนอยู่ และไม่มีเอิร์ธด้วย

   “สวัสดีครับคุณแม่ สวัสดีครับเขม” ผมยกมือไหว้แม่ของต้น แม่เขาก็หันมามองหน้าผมเหมือนจะมีคำถาม ผมเองก็มีคำถามเพราะว่าผมสอดสายตาไปรอบไม่มีต้นหรือว่าจะพาลูกไปหาอะไรทานกันนะ แต่สายตาครูเขมนะซิ มองผมแบบแปลกๆ

   “เชิญค่ะ” ผมเห็นพยาบาลเดินออกมาพร้อมกับชุดสีเขียวที่จะให้คนเยี่ยมสวมใส่ก่อนจะเข้าไปเยี่ยมคนไข้ และผมก็เห็นนครินทร์เดินออกมาพร้อมกับคราบน้ำตานี้เขาเข้าไปดูก้องมาแล้วเหรอ แม่ของก้องเขาก็หันมามองผมก่อนจะเดินตามพยาบาลเข้าไป

   “เขม ต้นละ” ผมถามเขมชาติ

   “พี่ต้นเขา …” เขมก้มหน้าลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม

   “พี่ต้นกลับไปแล้วครับ พี่ต้นมีงานด่วนต้องไปครับ ไปพร้อมกับเอิร์ธนะครับพี่หมอ” ผมแทบทรุดเลย แสดงว่าต้องมีอะไรแน่ๆ ทำไมจู่ๆ ต้นก็กลับไปโดยไม่บอกผม

   “ต้นอยู่ที่ไหนเขมบอกพี่ได้ไหมพี่ขอร้อง”

   “ผมบอกไม่ได้ครับ พี่ต้นบอกผมเอาไว้ว่า ไม่ให้บอกพี่ ผมขอโทษนะครับ” เขมชาติพูดก่อนจะเดินแทรกนครินทร์เข้าไปเพื่อไปเยี่ยมพี่ชายของเขาเช่นกัน นครินทร์มองหน้าผมด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ

   “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับอา” นครินทร์ถามผม ใช่นครินทร์ไม่ไม่เคยรู้เรื่องผมกับต้นมาก่อน เพราะว่าตอนนั้นเขาก็ถูกส่งไปเรียนโรงเรียนเตรียมทหารและนานๆ จะกลับมาบ้านสักที

   “รินทร์ ต้นพี่ชายของก้องภพนะเขาเป็นแฟนพี่มาก่อน ไม่ซิ ปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่ “ผมพูดบอกนครินทร์ สีหน้าเขาตกใจมาก

   “เป็นไปได้ยังไงอ่ะ พี่ต้นเขามีภรรยาแล้วนะอาหมอ”

   “อาเป็นแฟนเขาก่อนที่เขาจะแต่งงานนะรินทร์และต้นเขาก็ไม่ได้แต่งงานเพราะว่ารักเกศรินทร์แต่เขาแต่งเพราะว่าเกศรินทร์ท้อง และ เกศรินทร์ก็ทำให้ต้นต้องจำใจแต่งงานกับเขา ผู้หญิงคนนั้นแย่งต้นไปจากอารินทร์” ผมพูดนครินทร์มองหน้าผม พร้อมกับเอามือกุมขมับตัวเอง

   “ทำไมอาไม่บอกผมก่อนอะ”

   “แล้วทำไมเราไม่พูดให้อาฟังเรื่องแฟนเราบ้างละ ถ้าอารู้เร็วกว่านี้อาคงหาเขาเจอเร็วกว่านี้” ผมพูดแต่จะว่าไปมันก็ไม่ใช่ความผิดของนครินทร์เขาหรอก

   “อาขอโทษ แต่ตอนนี้อาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นต้นหนีอาไปอีกแล้ว และนี้เขาก็สั่งห้ามน้องชายเขาบอกอาอีกว่าเขาย้ายไปอยู่ที่ไหน”

   “แล้วก้องกับเขมเขารู้เรื่องนี้ไหมครับอา”

   “เขมนะเขาเพิ่งจะรู้แต่ว่าก้องเขารู้นานแล้วและก้องเขาก็เป็นคนบอกให้อาหยุดทำร้ายพี่ชายเขา เพราะว่า” ผมพูด

   “อาดันรับหมั้นหมอดาวิกาตามที่ปู่เรากับพ่อของหมอดาต้องการ แค่เพราะว่าพี่ไม่อยากเสียต้นไปในตอนนั้น แต่อาไม่ได้อยากแต่งงานกับหมอดานะรินทร์” ผมพูดบอกนรรินทร์หลายชายของผม เขายิ่งมีสีหน้าที่ตกใจเข้าไปใหญ่

   “และตอนนั้นหมอดาเขาก็เหมือนจะเข้าใจความรักของพี่กับต้น เขาเลยจะช่วยแค่ให้เรื่องหมั้นหมายผ่านไปวะก่อน แต่อาคิดผิด” ผมพูดก่อนจะหันหน้าไปมองทางอื่น ผมเองก็มีส่วนที่ทำให้มันแย่ลงถ้าผมไม่ดึงเธอเข้ามา

   “อาไม่คิดว่ามันจะแย่ลงแบบนี้ และอาก็ต้องมาเสียต้นไปเพราะผู้หญิงคนนั้น คนที่เป็นแม่ของลูกต้นนั้นแหละรินทร์” ผมหันไปบอกนคริทร์

   “โอ๊ยอาภีม! แล้วนี่ถ้าก้องฟื้นขึ้นมา เขาต้องโกรธผมแน่ๆ เลย” นครินทร์พูดและทรุดลงนั่งที่เก้าอี้

   “แล้วอาหมอก็ถอนหมั้นหมอดาด้วยเหตุผลนี้หรือเปล่าครับ”

   “ใช่ด้วยแต่อากับพี่ต้นนะรักกันมาก่อนหมอดาเขาก็รู้เรื่องอากับพี่ต้นดี ตอนแรกอาก็หาทางออกไม่ได้ เหมือนเรานั้นแหละ ปู่เราเขาไม่ยอมให้อาไงในตอนแรก”

   “แต่ตอนนี้ยอมแล้วใช่ไหมละ” นครินทร์พูด

   “แต่รินทร์ก็ยังเห็นหมอดาเขาทำเหมือนยังเป็นคู่หมั้นอาอยู่นิครับ ผมว่าปัญหาของอานั้นนะคือหมอดาวิกา อาควรจะจบมันแบบเรียกว่าถอนรากถอนโคนไปเลยอา “นครินทร์พูดผมหันไปมองหน้าให้ผมทำขนาดนั้นเลยเหรอ

   “ผมในฐานะถ้าผมเป็นพี่ต้นนะอา อาควรจะไปจัดการเรื่องหมอดาซะก่อนจะดีกว่า ผมว่าบางที่หมอดาอาจจะทำอะไรกับพี่ต้นแบบที่อาไม่คาดคิดก็ได้นะ “นครินทร์พูด

   “หมอดานี้นะ” ผมถามนครินทร์ด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจ นครินทร์พยักหน้า

   “ถ้าอาอยากรู้ว่าพี่ต้นอยู่ที่ไหน ผมว่าอาต้องรอก้องแล้วแหละ ก้องเขาคุยกับพี่ต้นได้ เขมนะเขาห่างกับพี่ต้นมากเขาก็ยังเกรงใจและเคารพการตัดสินใจของพี่ต้นพอพอกับคำสั่งของพ่อประมาณนั้น” นครินทร์พูด ผมก็ต้องเอามือกุมขมับตัวเอง

   “แล้วนี่เรา”

   “ผมจะเฝ้าก้องเขาผมอยากอยู่ใกล้ๆ เขานะพี่หมอ”

   “กลางคืนเฝ้าไม่ได้นะแต่กลางวันนะพอได้แต่ตลอดเวลาคงจะไม่ได้เช่นกันและดูแล้วยังไม่เกินจากอาทิตย์นี้ก้องเขาก็น่าจะย้ายไปอยู่คนไข่พิเศษได้”

   “ถ้าเขาฟื้นในวันนี้หรือพรุ่งนี้” ผมพูดผมเข้าไปดูอาการเขาก่อนหน้าที่จะแยกไปดูกล้องวงจรปิดแล้วแต่นี่ต้นซิยังไม่เห็นน้องชายเลยนะ ผมคงต้องรอให้ก้องฟื้นก่อนใช่ไหม แต่ผมซิจะขาดใจตายซะก่อน เมียดันมาหนีแถบหอบลูกหนีไปอีก แม้จะไม่ใช่ลูกตัวเองแต่ผมเริ่มหลงรักเหมือนลูกผมไปแล้วนะซิ

   “นครินทร์ นี้กุญแจห้องพักแพทย์ของพี่นะ ขึ้นไปพักได้” ผมส่งกุญแจให้นครินทร์ เขาก็รับไป
-------------------------------------------------------------------------------------
   Part ต้นตระการ ผมยอมรับว่าผมกลัวหมอดาวิกาจะทำร้ายลูกผม ผมเห็นสายตาของเขา ผมเลยพาเอิร์ธกลับเชียงใหม่ทันที ผมแอบเสียใจที่ยังไม่ได้เข้าไปดูก้องภพน้องชายผมเลย ผมรู้แค่ว่าผลการผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดีและร่างกายเขาก็ตอบสนองดี หมอภีมเขาบอกผมว่าไม่น่าจะเกินจากอาทิตย์นี้ก้องภพจะได้ย้ายไปพักห้องคนไข้พิเศษ ผมแอบเสียใจในเวลาที่น้องชายที่ผมรักกำลังเข้ารับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลผมเองที่เป็นพี่ชายคนโต้กลับอยู่ใกล้ๆ เขาไม่ได้

   “ก้องพี่ขอโทษนะ แต่พี่กลัวเขาจะทำอะไรลูกชายพี่” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับเปิดดูหน้าจอมือถือ ภาพที่เราถ่ายด้วยกันสามพี่น้องและเอิร์ธตอนที่เพิ่งจะเกิด

   “พ่อต้น ทำไมเรากลับบ้านแร็วจัง” น้องเอิร์ธกระตุกมือผมหงึกๆ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยแววที่ยังไม่ค่อยเข้าใจตามประสาเด็ก

   “เอิร์ธยังไม่เจออาก้องเลยนะพ่อต้น” เอิร์ธเงยหน้าถามผม ขณะที่ผมกำลังเดินออกมาจากสนามบินเพื่อจะไปยังลานจอดรถของผม ผมหันมามองน้องเอิร์ธ

   “พ่อต้องทำงานนะครับเอิร์ธ “ผมก้มลงพูดกับเอิร์ธ ผมจองตั๋วเครืองบิน เพื่อบินกลับเชียงใหม่ด่วน ทั้งผมยังไม่ได้เข้าไปดูน้องชายคนที่สองของผมเลยด้วยซ้ำ เอิร์ธเดินภอดตุ๊กตากระต่ายที่เขมซื้อให้เขาใหม่ เอิร์ธหลับมาตลอดทาง

   “พ่อโกรธอาหมออีกอะเปล่า” น้องเอิร์ธถามผม ผมหันไปมองเอิร์ธ

   “พ่อไม่ชอบอาหมออีกแล้วเหรอ” มันเป็นคำถามที่จุกในอกคนที่ถูกถาม ผมอยากจะบอกลูกว่าผมไม่เคยไม่ชอบอาหมอของเขาหรอกนะ แต่ผมต้องทำแบบนี้เพราะเอิร์ธคือคนที่ผมต้องปกป้อง ผมคิดว่ากันไว้ก่อนดีกว่ามาแก้ที่หลัง

   “แล้วเอิร์ธละ” ผมย่อตัวลงถามเอิร์ธลูกชายของผม “เอิร์ธมองหน้าผมและทำท่าคิด

   “เอิร์ธก็ชอบอาหมอ และเอิร์ธก็ชอบอยู่กับอาหมอมากกว่าอาน่านฟ้า” ผมก็ต้องขมวดคิ้วเป็นปมทันทีว่าไปเกี่ยวอะไรกับน่านฟ้าละ

   “อาน่านฟ้านะเขาเป็นเพื่อนพ่อ เรานี้จริงๆ เลย “ผมพูดและยื่นมือไปจูงมือเอิร์ธเพื่อที่จะเดินไปที่ผมจอดรถเอาไว้ ไม่รู้ว่าเขมได้เขาไปหาก้องหรือยัง ก่อนที่ผมจะตัดสินใจกลับมาเชียงใหม่ผมได้บอกกับเขมว่าอย่าให้ข้อมูลอะไรของผมกับหมอภีมปภพเด็ดขาดและให้เขมบอกแม่ด้วย ผมเองก็ไม่กล้าบอกแม่เอง ผมกลัวว่าแม่จะถามจนผมจนมุมและบอกเรื่องหมอดาวิกา นี่แหละที่แม่ผมจะกังวล แค่เรื่องก้องก็มากพออยู่แล้ว

   “เอิร์ธทานเคเอฟซีไหมวันนี้ พ่อว่าพ่อคงทำอะไรให้เราทานไม่ทัน” ผมหันไปบอกเอิร์ธที่เดินทำหน้าเหมือนผิดหวัง

   “ทำไมเราทำหน้าอย่างนั้นละเอิร์ธ” ผมถามเอิร์ธ

   “เอิร์ธยังไม่ได้บอกอาหมอเลยว่าเอิร์ธกลับแล้วอ่ะพ่อต้น”

   “เอาไว้พ่อต้นโทรบอกอาหมอแทนแล้วกันนะ “ผมบอกเอิร์ธแต่ผมคงไม่กล้าโทร ถึงผมจะมีเบอร์เขาก็ตาม ผมเชื่อว่าเขายังใช้เบอร์เดิม ส่วนผมนะผมเปลี่ยนเบอร์ไปตั้งแต่ย้ายมาจากเขาใหญ่แล้ว

   “อาหมอบอกว่าจะพาเอิร์ธไปหาคุณปู่ เอิร์ธอยากมีคุณปู่ “เอิร์ธพูดผมหันไปมองหน้าเอิร์ธ ใช่พ่อผมเสียไปก่อนที่เขาจะเกิดเขาเลยไม่มีคุณปู่

   “เอิร์ธมีแต่คุณปู่อยู่บนสวรรดิ์ลูก” ผมบอกลูกแบบนั้น

   “เรารีบเดินกันเถอะลูกนี่พ่อต้องขับรถพาเราไปซื้อไก่เคเอฟซีอีกนะเอิร์ธ” ผมบอกลูกขายขณะที่ผมกำลังจะเดินไปถึงรถฟอร์จูนเนอร์ ที่ผมจอดเอาไว้ และผมก็ต้องเอามือกุมขมับ ทันทีก็เพราะว่ายางรถของผมมันแบนจนวิ่งต่อไปไม่ได้

   “พ่อยางแบนอ่ะ” น้องเอิร์ธมองหน้าผม ผมพยักหน้าว่าใช่ แล้วผมจะทำยังไงละ ยางอะไหล่ก็ไม่มีตอนนี้ ตอนนี้ผมกับนึกถึงน่านฟ้า


//สวัสดีครับคุณต้น///
// คุณน้านฟ้า คุณยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ//
// คุยได้ครับคุณต้น มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ//
// น่านฟ้า รถผมยางแบนนะครับ ผมอยู่สนามบิน ผมเพิ่งจะกลับมาจากกรุงเทพกับเอิร์ธนะครับ// ผมบอกคนปลายสายไป
// ผมอยู่ไม่ไกลครับผมพาแฟนมาทำธุระในเมือง เดี๋ยวผมไปหาเลยนะคุณต้น//
//ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไรดีกว่าครับคุณน่านฟ้า//
//คุณต้น ถ้าคุณต้องการให้ใครสักคนช่วยก็บอกผมเถอะต้น เราเพื่อนกันนะ และเลิกเกรงใจผมได้แล้ว ผมกำลังขับรถไปนะครับ รอผมไม่เกิน สิบนาที//
//ขอบคุณนะครับน่านฟ้า” ผมพูดแค่นั้น ผมก็ย่อตัวลงมองเอิร์ธ


   “เอิร์ธชอบอาหมอภีมหรือไง “ผมถามเอิร์ธ

   “อาหมอบอกว่าเรารักกันได้ ถึงเอิร์จะเป็นผู้ชาย มันไม่น่าเกลียดเหมือนที่แม่บอกเอิร์ธ ใช่หรือเปล่าพ่อต้น” เอิร์ธถามผม ผมก็ยิ้มให้เอิร์ธ ตอนนี้รถของน้านฟ้าเข้ามาจอดข้างๆ ผมแล้วแสดงว่าเขาวนหาผมอยู่ และคนที่ลงมาก็คือน้านฟ้าและแฟนของเขา ติณณภพ ผมกับน่านฟ้าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน หลังจากที่ผมบอกเขาว่าผมมีคนที่ผมารักแล้วและเขาคนนั้นไม่ใช่ภรรยาของผม น่านฟ้าเขาบอกว่าเขาดูผมออกว่าผมเป็นเกย์ ผมก็ยอมรับนะและน่านฟ้าเขาก็บอกว่าเขาเป็นแต่แค่ต้องเก็บเอาไว้ ก็น้องชายเขาเป็นไปแล้วแต่สุดท้าย เขาก็กล้าที่เปิดเผยมันและยังได้แต่งงานออกหน้าออกตากับผู้ชายที่เขารัก ผมก็ยินดีด้วย

   “สวัสดีครับคุณต้น” ติณณภพเดินมาทักทายผมและย่อตัวลงมองเอิร์ธ

   “นี่คุณจอดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับต้น ยางคุณถึงได้แบนขนาดนี้” น่านฟ้าถามผม

   “เมื่อวานครับตอนเช้าผมคงรีบมากจนไม่ได้รู้ว่าแบนตั้งแต่เมื่อไหร่นะครับน่าน “ผมพูดบอกน่านฟ้า เขาก็พยักหน้าพร้อมกับก้มลงดูล้อรถของผม

   “คุณมีอะไหล่ไหมน่านฟ้า” ติณณภพหันไปถามน่านฟ้า

   “มีครับ เอาของผมไปเปลี่ยนก่อนนะต้น “คุณน่านฟ้าพูดผมพยักหน้าคงต้องตามนั้น

   “งั้นผมพาเอิร์ธไปนั่งบนรถผมก่อนครับคุณต้น เพราะว่าตรงนี้ร้อน สงสารน้องนะครับ” ติณณภพพูด ก่อนจะแบมือขอมือเอิร์ธ

   “เอิร์ธไปอยู่บนรถกับอาติณก่อนนะ พ่อจะช่วยอาน่านฟ้าเขาเปลี่ยนยางรถ เราจะได้กลับบ้านกัน” ผมบอกลูกชายผม เขาก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย

   “ไปครับ นี้อาติณไปซื้อไอศกรีมมาจากแม๊คโดนัลด้วย ไปครับไปทานกัน ทานของอาน่านฟ้านะ” ติณณภพพูด

   “อ้าว! ทำไมให้ทานของผมละ คุณนี้ร้ายจริงๆ “น่านฟ้าหันไปแอบต่อว่าแฟนเขา แต่ผมว่าเขาแค่แกล้งนั่นแหละ ผมก็ถลกแขนเสื้อเพื่อช่วยน่านฟ้าเปลี่ยนยางรถให้ผม น่านฟ้าก็เริ่มยกเอาแม่แรงที่ดันเพื่อยกรถยึ้นจะได้เปลี่ยนล้อรถให้ผมก่อน

   “คุณไปไหนมาเหรอครับต้น” น่านฟ้าถามผม

   “ผมไปดูน้องชายผมมานะครับ คนที่เป็นทหาร เขาถูกยิงนะครับ และแฟนเขาก็รีเฟอร์มานอนที่โรงพยาบาลที่กรุงเทพ” ผมบอกน่านฟ้าและคอยส่งเครื่องมือให้เขา

   “จริงซิครับ แล้วเป็นยังไงบ้างครับ “น่านฟ้าหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าที่ตกใจ ผมเองก็ยังไม่ได้เห็นน้องชายผมเลยด้วยซ้ำ

   “เพิ่งออกจากห้องผ่าตัดและยังดูอาการอยู่ในห้องไอซียูนะครับน่านฟ้า “ผมพูด น่านฟ้าก็มองผมคงคิดว่าทำไมผมรีบกลับมาละทั้งน้องชายยังไม่พ้นขีดอันตรายเลยนะ

   “คือว่าผมมีเรื่องด่วนต้องกลับนะครับน่านฟ้า และนี่เขาเพิ่งจะออกจากห้องผ่าตัดยังต้องพักที่ห้องไอซียูนะครับน่าน ผมรู้สึกผิดที่ผมต้องมาอยู่ไกลแบบนี้” ผมพูดก่อนจะย่อตัวลง

   “โรงพยาบาลอะไรครับต้น เพราะว่าผมกับแฟนจะกรุงเทพกันวันศุกร์นี้ “น่านฟ้าถามผม

   “ผมจะได้ไปเยี่ยมยังไงก็น้องของคุณ “น่านฟ้าพูด ผมพยักหน้า

   “โรงพยาบาลxxxxxxx “ผมบอกชื่อโรงพยาบาลไป ผมนึกแปลกใจทำไมเขาไม่ใช่ชื่อเดียวกับโรงพยาบาลที่เป็นนามสกุลของพ่อเขานะภีมปภพ

   “คุณต้น โรงพยาบาลนี่ที่น้องผมเคยไปแอทมิทไงครับและผมก็เจอคุณหมออะไรนะ จำชื่อไม่ได้ แต่รู้ว่าน่ากลัวน้องผมยังกลัวเลยขอออกก่อนกำหนด “น่านฟ้าหันมาบอกผม ใช่เขาเคยบอกผมแล้ว

   “แต่ถึงยังไงผมก็จะไปเยี่ยมน้องชายคุณนะต้น “น่านฟ้าพูด ขณะที่กำลังถอดเปลี่ยนล้อรถให้ผม ผมก็เอื้อมไปช่วยส่งเครื่องมือให้

   “คุณคืนดีกับแฟนคุณแล้วเหรอต้น” น่านฟ้าถามผม ผมก็หันมไปมอง เขามองมาที่นิ้วนางข้างซ้ายของผม

   “คุณเจอแฟนคุณอีกครั้งแล้วเหรอต้น “น่านฟ้าถามผม ผมก็พยักหน้าว่าใช่

   “แต่ผม…” ผมอีกอักใจที่จะพูดว่าผมกับหมอภีมคงเป็นเหมือนเดิมไม่ได้จริงๆ ทั้งที่พ่อแม่เขาก็เปิดไฟเขียวให้ผมแล้วนะ

   “ผมรู้ว่าคุณแบกมาเยอะนะต้น และคุณก็ทนมาเยอะแล้วตั้งแต่คุณเข้าไปเป็นลูกเขยบ้านนั้น ผมว่าตอนนี้คุณน่าจะทำอะไรเพื่อตัวคุณเพื่อนหัวใจของคุณบ้าง ผมคิดว่าเอิร์ธนะไม่น่าจะมีปัญหาผมเชื่อว่าเขาจะเข้าใจคุณ เพราะว่าเขารักคุณมากเช่นกันต้น “น่านฟ้าพูดก่อนจะดันล้อรถเข้าไปและจัดการใส่น๊อตทั้งหมดกับเข้าไปเหมือนเดิม

   “เฮ้อ!! “เสียงถอนหายใจของผมทำเอาน่านฟ้าหันมามองหน้าผมและแอบอมยิ้มให้ผม

   “และผมก็เชื่อว่าคุณรักเขามากพอที่จะปฏิเสธผมวันนั้นนะต้น” น่านฟ้าพูดผมเงยหน้ามองหน้าเขา ตอนนั้นผมยังมีเกศรินทร์และน่านฟ้าก็มีคนที่ครอบครัวให้เขาทำความรู้จักเพื่อจะแต่งงานด้วยเป็นผู้หญิงแต่ทั้งสองประเด็นไม่ใช่เหตุผลที่ผมปฏิเสธเขาประเด็นที่สำคัญคือหมอภีมปภพที่ผมไม่เคยลืมเขา ถึงแม้ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะกลับไปหาเขาได้อีกหรือไม่

   “ผมก็เชื่อว่าเอิร์ธนะเข้ากับเขาได้ดี ดูจากที่เขาเข้ากับพวกผมและทุกคน “น่านฟ้าพูดอีกก็ถูกอีก ผมหันไปเห็นเอิร์ธเขานั่งเล่นกับติณณภพอยู่ในรถ อย่างสนิทสนมแต่แปลกเขากับไม่ค่อยเข้าหาผู้หญิงเลยสักคน อาจจะเป็นเพราะว่าทุกครั้งที่เกศรินทร์โกรธหรือโมโหผมกับไปลงที่เขาทุกครั้ง

   “ขอบคุณนะครับ น่านฟ้า “ผมพูดก่อนจะเดินตามน่านฟ้าไปเปิดประตูรถและกางแขนให้เอิร์ธ

   “เสร็จแล้วเหรอครับ” ติณณภพถามผม ผมพยักหน้า ผมก็มองเอิร์ธที่นั่งทานไอศกรีมจนหมดถ้วยเลย

   “อาน่านฟ้าควรจะทำโทษใครดี น้องเอิร์ธหรือว่าอาติณดีที่กินไอศกรีมอาหมดเลยเนี๊ยะ” น่านฟ้าถามเอิร์ธ

   “อาติณให้กิน” ติณสะบัดหน้าไปมองลูกชายผมทันที

   “อ้าว! งั้นอาติณทำโทษเราเองดีกว่าเราเป็นคนกิน”

   “คิก คิก คิก” คนโดนไล่จั๊กจี๋ก็พยายามเบี่ยงตัวหนีและลุกพล้วดมาหาผมในทันที

   “ขอบคุณอาติณหรือยังครับเอิร์ธ” ผมถามลูกชาย

   “ขอบคุณครับอาติณ”

   “ไม่เป็นไรครับ อย่าดื้อกับพ่อนะรู้ไหม อาติณไปกรุงเทพแล้วจะซื้อของเล่นมาฝากนะครับ แต่อาติณก็ไม่รู้ว่าเด็กเขาเล่นอะไรกัน ต้องรอให้อาน่านฟ้าไปช่วยอาเลือกนะครับ” ติณณภพพูด

   “ต้น มีอะไรโทรบอกผม ถ้าผมไม่อยู่ คนในไร่ผมก็ได้ ผมให้เขามาช่วยด้วยนะต้น “น่านฟ้าพูด ก่อนจะก้าวขึ้นรถไป และผมก็อุ้มเอิร์ธไปใส่ไว่ในรถของผม

   “คราวนี้เราคงกลับบ้านกันได้แล้วนะ เอิร์ธ” ผมพูดบอกเอิร์ธ

   “อาน่านฟ้ากับอาติณเขาเป็นคนรักกันใช่อะเปล่าพ่อต้น” เอิร์ธถามผม

   “ใช่ครับ อย่างที่อาหมอเคยบอกเอิร์ธนั่นแหละ ว่าทุกคนมีความรักได้ ไม่ผิดครับ” ผมพูดกับเอิร์ธ

   “อาเขมก็รักกับพี่คริส ก็ไม่ผิดใช่อะเปล่า” เอิร์ธพูดผมก็เงยหน้ามองเขาพร้อมกับพยักหน้าเช่นกัน
   
   “แล้วอาหมอละรักพ่อหรือเปล่า” ทำต้องมองหน้าเอิร์ธอีกครั้ง

   “เราไปหาอาหมออีกได้อะเปล่า พ่อต้น” เอิร์ธถามผม ผมก็ต้องก้มหน้าลง เป็นคำตอบที่ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผมควรจะไปกลับไปหาเขาอีกไหมนั้นซิ ผมใช่ฝ่ามือลูกใบหน้าเด็กน้อย ผมพาเอิร์ธไปซื้อเคเอฟซี่ ไก่นุ่มไม่เผ็ดที่เขาชอบ ระหว่างที่รอผมก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเขมทันที

   //เขม เข้าไปดูก้องมาหรือยังเป็นยังไงบ้าง//
   //ครับพี่ต้น พี่ก้องก็ยังหลับอยู่เลยครับและยังมีเครื่องช่วยหายใจอยู่นะครับพี่ต้น และหมอที่ดูแลพี่ก้องก็บอกว่าถ้าพี่ก้องฟื้นเร็วนี้ก็จะเอาเครื่องช่วยหายใจออกครับ///
   // พี่ต้นอยู่ไหนแล้วครับ นี้พี่หมอภีมเขามาถามหาพี่กับเอิร์ธ เขาดูตกใจและเสียใจที่พี่//

   //พี่รู้เขม อย่างที่พี่บอกนะ ลูกพี่สำคัญที่สุดในตอนนี้//

   //ถ้าพี่ก้องฟื้นเมื่อไหร่ผมจะโทรบอกพี่นะพี่ต้น //

   //ขอบใจมากนะเขม พี่ขอโทษนะ ที่พี่ต้องกลับมาก่อน ดูแลแม่ด้วยนะเขมและพี่ฝากก้องด้วยนะ //

   //ไม่เป็นไรพี่ต้น ยังไงพี่ก้องก็พี่ชายผม และพี่ต้นดูแลตัวเองด้วยนะพี่ต้น ดูแลเอิร์ธด้วยนะครับ ผมหวังว่าเรื่องทุกอย่างมันจะดีขึ้นพี่ต้น //

   //แค่นี้ก่อนนะเขมพี่เขาเรียกพี่แล้ว มีอะไรโทรหาพี่ทันที // ผมพูดและกดวางสาย ก่อนจะก้มลงมองลูกชายที่กอดขาผม เขาหันไปมองครอบครัวอื่นที่มีทั้งพ่อแม่ปู่ย่านั่งทานอาหารด้วยกันและผมก็เข้าไปรับอาหารและพาเอิร์ธออก ผมคิดว่าผมคงต้องพาเอิร์ธไปนั่งที่ทำงานด้วยก่อนและค่อยให้ไปโรงเรียนแล้วกัน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฝากตอนพิเศษพี่หมอภีมกับพี่ต้นด้วยนะคะ ฝากเป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วยนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)คุณทิ้งผมไปอีกแล้วต้น
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 31-10-2020 01:19:35
ผิดมั้ยที่ฟินคู่น่านกับติณ 5555 ติณเคะๆๆๆ ใช่มั้ยๆๆๆ น่านฟ้าดูแมนมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)คุณทิ้งผมไปอีกแล้วต้น
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 31-10-2020 10:23:05
 :o12: :sad4:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)คุณทิ้งผมไปอีกแล้วต้น
เริ่มหัวข้อโดย: Witachatt1993 ที่ 31-10-2020 20:29:18
 :sad4: :o12: :heaven
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)คุณทิ้งผมไปอีกแล้วต้น
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 01-11-2020 10:42:58
สงสารน้องเอิร์ธ คุณหมอรีบไปหาเอิร์ธ :ling1:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)คุณทิ้งผมไปอีกแล้วต้น
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 02-11-2020 19:38:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(พี่ก้องXนครินทร์)เคลียร์เรื่องหมอดาวิกา P1
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 03-11-2020 06:19:27
พิเศษ พี่ก้อง ถ้าพี่หมอไม่เคลียร์เรื่องหมอดาวิกาผมก็ไม่บอกว่าพี่กับหลานผมอยู่ไหน P1

    Part's พี่ก้องภพ ผม เป็นน้องชายของพี่ต้นและเป็นพี่ชายของเขมชาติ ผมเป็นทหารติดยศผู้กอง และเป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการรบพิเศษเพราะว่าผมผ่านการฝึกมาหลายหลักสูตร ณ ตอนนี้ผมได้ลงปฏิบัติหน้าที่ในฐานปฏิบัติพิเศษเขตพื้นที่ความเสี่ยง  ผมตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ก่อนผมได้คัดเลือกเข้าไปฝึกแล้ว ถ้าผมเป็นทหารผมลงไปเพื่อทำหน้าที่ผู้ปกป้องแผ่นดิน ต่อให้เสียงอันตรายแค่ไหนผมจะไปเพื่อสู้รบกับผู้ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง และนั้นก็ทำให้ผมได้เจอคนที่ผมรักแต่ว่าเขากับต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ทางบ้านเลือกให้เพียงเพราะว่าเขามีพฤติกรรมชายรักชาย และนครินทร์คือรักแรกของผมที่เป็นรักแบบเพศทางเลือก เพราะว่าผมก็เคยมีแฟนเป็นผู้หญิง ส่วนผู้ชายนี้ไม่เชิงว่าแฟน

      //รินทร์ คุณกลับไปแต่งงานนะ ผมจะได้เป็นผู้ชายคนเดียวอย่างที่คุณบอกผม กลับไปใช้ชีวิตที่ปกติอย่างที่ทุกคนพึงกระทำกัน  คุณจะอยู่ในหัวใจผมตลอดไป รินทร์ ผมรักคุณ/// นั้นคือคำพูดประโยคสุดท้ายก่อนที่สติสัมปชัญญะของผมจะหลุดลอยไป ร่างกายเผมเริ่มเข้าสู่ภาวะช๊อกเนื่องจากเสียเลือดมาก

      “ก้อง คุณฟื้นขึ้นมาซิ ผมรักคุณ ผมไม่ยอมแต่งงานเพื่อจะอยู่กับคุณ ผมยอมผิดใจกับพ่อผม เพื่อคุณนะก้อง อย่าทิ้งผมไปซิ ผมรักคุณ คุณคือผู้ชายคนเดียวของผมนะก้อง” เสียงที่หงุงหงิงอยู่ข้างๆผม ผมเองก็พยายามที่จะลืมตาที่หนังอึง ผมรู้ว่าผมมีบางสิ่งแปะอยู่ที่รอบๆริมฝีปากผม จะตะโกนก็ไม่ได้ จะพูดก็ยิ่งไม่ได้ใหญ่ จะกลืนก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งคำอยู่ในลำคอของผม สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือขยับมือผม

      “ก้อง!!!”เสียงคนข้างๆผมสงเสียงเรียกชื่อผม ผมค่อยลืมตาขึ้นอีกครั้ง และเพ้งมองภาพท่เบอๆจนกว่าจะชัดขั้น และใบหน้าคนคนนั้นที่ผมพูดเป็นประโยคสุดท้าย ก็ปรากฏขึ้น ผู้กองนครินทร์

      “ก้อง คุณฟื้นมาหาผมแล้วใช่ไหมก้อง” นครินทร์พูดผมก็พยายามจะโต้ตอบแต่ว่าผมเองก็ทำไม่ได้มาก และเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาลุมล้อมผมตรวจเช็คทุกอย่าง ส่วนนครินนทร์ถูกดันออกไปก่อนเหลือแค่ผมกับเจ้าหน้าที่เท่านั้นที่ช่วยกันถอดอุปกรณ์นั้นนี้ออกจากตัวผม    ผมก็ไม่รู้ว่าผมอยู่ที่นี้นานแค่ไหน

      “รอคุณหมอมาดูอาการอีกทีนะคะ และถ้าคุณหมอให้ย้ายได้จะได้ย้ายขึ้นไปพักที่ผู้ป่วยพิเศษได้เลยค่ะ” ผมพยักหน้าตามนั้นแต่ยังคงเจ็บในลำคอ เพราะว่ามีอุปกรณ์ทางการแพทย์ช่วยให้ผมหายใจได้ จนตอนนี้ผมหายใจเองได้ร้อยเปอร์เซนต์แล้วแต่ยังมีเจ็บแป๊ปๆที่ตรงอก ผมจำได้ว่าโดนไปหนึ่งนัดแถวๆนี้แหละ ผมไม่ได้สวมเสื้อเกาะกันกระสุน เพราะว่าผมไม่คาดคิดว่าจะปะทะกันคนร้ายกะทันหันแบบนั้น

      “ขอแฟ้มคนไข้ด้วยค่ะ คนนี้เป็นคนไข้ของคุณหมอภีมปภพใช่ไหมคะ รายงานคุณหมอหรือยังคะว่าคนไข้รู้สึกตัวแล้วและทางเราได้ถอนท่อช่วยหายใจคนไข้ออกแล้ว “

      “แจ้งแล้วค่ะ คุณหมอจะรีบลงมาดูคนไข้หลังจากเสร็จการประชุมค่ะ “ผมได้ยินแค่นั้น ตอนนี้ผ้าม้านก็ถูกปิดลง ตอนนี้ผมกำลังถูกจับถอดนั้นถอดนี้ออกไปจากร่างกายผม  แต่ยังขยับมากไม่ได้เรพาะว่าแผลที่ช่องอกก็ยังเจ็บอยู่

      “เรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวจะทำการเคลื่อนย้ายคนไข้ขึ้นพักที่ห้องพิเศษได้เลยนะคะ และคนไข้จะมีอาการเสียบแหบแห้งอยู่วันหรือสองวันนะคะ “คุณหมอที่ตรวจเช็คร่างกายผมหลังตากถอดเครื่องช่วยหายใจ ผมถึงได้หายใจเองได้ มันโล่งอย่างบอกไม่ถูก

      “โอ๊ย” ผมค่อยขยับตัวแต่โดนหมอที่ดูแลใช้ฝามือกดผมเอาไว้
   
      “อย่าเพิ่งกระดกตัวขึ้นมาซิค่ะ คุณมีแผลผ่าตัดที่ช่องอกนะคะแม่จะไม่ใช่แผลใหญ่ก็เถอะ “คุณหมอบอกผม แต่ผมยกมือว่าผมไหว ผมค่อยขยับขึ้นนั่ง ผมหันไปมองรอบๆ นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมถูกยิง มันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ของผมแต่ครั้งแรกตรงที่ผมถูกยิงถึงเจ็ดนัดแค่นั้น

      “คนไข้ค่ะ คุณยังลุกไม่ได้ค่ะ” คุณหมอรีบร้องห้ามปรามผมทันที แต่ผมก็พยายามจะลุก จนมีคนเดินข้ามา

      “คุณก้อง “คนที่เรียกผมนั้นคือนครินทร์แฟนผมนั้นเอง

      “ดื้อมากเลยค่ะ หมอบอกว่าไม่ให้ลุกก็จะลุกค่ะ “ ผู้กองนครินทร์เดินเข้ามาหาผม และมองหน้าผม ตอนนี้ผมยังเจ็บในลำคออยู่ ก็เลยต้องส่งสัญญาณมือคุยกับเอา ว่าผมโอเค

      “อย่าดื้อซิครับก้อง  นอนลงไปก่อนนะครับ “ นครินทร์บอกผม ผมยอมรับว่าสายตาเขาดุ จนผมต้องยอมนอนลงแต่โดยดี และเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาเพื่อทำการย้ายผมไปยังห้องพิเศษตามที่คุณหมอได้คุยกันเอาไว้  ผมไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกับผมอีก ผมรู้สึกหนังตาหนักอึ้งอีกครั้ง

      “หมอฉีดยาให้เขาได้ผ่อนคลายนะคะไม่ต้องกังวล…..” และนั้นทุกอย่างก็ดับมืดไปอีกครั้งผมไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ผมหลับไปอีก ผมค่อยๆลืมตาขึ้น ตอนี้ผมอยู่ในห้องพักที่ไมได้มีเครื่อมืออะเยอะแยะเหมื่อนเมื่อสักครู  ผมรู้สึกว่ามีคนกุมมือผมไว้ตลอด

      “ฟื้นแล้วเหรอครับ คุณผู้กอง คุณนี้นะ “ผู้กองนครินทร์ ลุกขึ้นมองหน้าผม ผมก็ทำท่าจะ ยันตัวลุกขึ้นแต่ผู้กองนครินทร์ทำนิ้วห้ามผม เขาก็เดินไปปรับตรงหัวเตียงให้สูงขึ้นและหมุนที่จับมาให้ผม ผมยอมรับว่าเจ็บแต่ผมเป็นทหารแค่นี้ต้อวอดทนได้

      “นี้ผมหลับไปกี่วันคุณรินทร์ “ ผมถามรินทร์ รินทร์เขาก็มองหน้าผมและท่านึก

      “ตั้งแต่วันที่คุณถูกยิง จนย้ายมาที่นี้ และพี่ต้นมาหาคุณ “ผู้กองนครินทร์พูด

      “พี่ต้นมาเหรอรินทร์  …โอ๊ย!!” ผมรีบถามด้วยความตกใจ จังหวะที่ผมขยับมันเลยสะเทือนจนเจ็บจี้ด

      “พี่ต้นกลับไปแล้วคุณก้อง กลับไปในวันรุ่งขึ้นเลยเพราะว่ามีเรื่องด่วน ผมรู้แค่นี้ก้อง และนี้คุณก็ฟื้นขึ้นมา รวมแล้วก็ห้าวันพอดีเลย “ นครินทร์พูด

      “รินทร์เพิ่งจะโทรบอกแม่กับเขมนะก้องและท่านก็กำลังจะมา แม่คุณนะเพิ่งจะกลับไปได้สักพัก ท่านเป็นห่วงคุณมาเลยนะก้อง” นครินทร์พูดผมหันมามองคนที่เกาะมือผม

      “แล้วคุณละ”

      “แทบขาดใจเลย คุณไม่น่าจะมาทำแบบนี้เลย คุณรู้ไหม ถ้าคุณเป็นอะไรไป ผมจะมองหน้าแม่คุณได้ยังไง” นครินทร์ถามผม

      “ก็ผมรักคุณรินทร์ “ ผมบอกคนที่กุมมือผมไว้

      “นี้ผมอยู่ที่ไหนรินทร์” ผมถามนครินทร์

      “โรงพยาบาลของปู่ผมครับก้อง” นครินทร์บอกผม

      ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูห้องพักของผม นครินทร์ลุกขึ้นไปเปิดประตูดู ก่อนจะหันมามองหน้าผม ผมก็เลิกคิ้วมองว่ามีอะไรหรือ

      “ใครเหรอรินทร์” ผมถามนครินทร์

      “คุณสัญญากับผมก่อนได้ไหมว่าคุณจะฟังเหตุผลก่อนที่จะโกรธผม” ผู้กองนครินทร์หันมาถามผม ผมก็เลิกคิ้วมอง มีอะไรแน่ๆ แต่ว่าผมควรจะโกรธคนที่ผมรักลงเหรอ

      “ครับคุณ “ผมตอบเขาไป ประตูห้องพักคนไข้ถูกผลักให้เปิดเข้ามา หนุ่มที่สวมเสื้อกาวน์เดินเข้ามา ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไปเขาก็ยังเหมือนเดิม ผมจำเขาได้ดี คุณหมอภีมปภพ

      “เฮ้ย!! …โอ้ย!”ผมสะดุ้งเลยเผลอยันเพื่อจะลุกขึ้นนั่งแต่ผู้กองนครินทร์วิ่งเข้ามาจับตัวผมเอาไว้ซะก่อน ผมหันไปมองหน้าคนข้างๆผม เขาเพิ่งจะบอกผมว่านี้โรงพยาบาลปู่ของเขา แล้วคนนี้

      “พี่มาได้ยังไง” ผมหันไปถามหมอภีมปภพ หมอภีมปภพหันมามองหน้านครินทร์ ตอนนี้เขาก้มหน้าลง และหันมามองหน้าผม

      “คุณสัญญาแล้วนะว่าจะไม่โกรธผมและจะฟังเหตุผลก่อนนะก้อง “ ผู้กองนครินทร์พูด

      “ก้องเรื่องนี้รินทร์เขาไม่รู้เรื่อง “หมอภีมปภพพูด

      “ตกลงยังไงกันคุณรินทร์ “ ผมหันมาถามผู้กองนครินทร์แทน

      “นี่คืออาของรินทร์ครับก้อง อาหมอภีมเขาเป็นน้องคนเล็กของแม่รินทร์” ผมก็ต้องผงะ และหันมามองหน้ารินทร์อีกครั้งพร้อมกับหันไปมองหมอภีมปภพ ผมทำท่าจะสะบัดแขนรินทร์ออก

      “ก้อง รินทร์ขอโทษ รินทร์ไม่รู้จริงๆ ก้องอย่าโกรธรินทร์แบบนี้ซิก้อง” ผู้กองนครินทร์พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เหมือนจะร้องไห้

      “ก้อง เรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวกับรินทร์นะ รินทร์เขาไม่รู้เรื่องระหว่างพี่กับต้นมาก่อน ก้อง”

      “และนี่รินทร์เขาก็เป็นห่วงเรามาก รักเรามากขนาดยอมทะเลาะกับพ่อเขาเพื่อจะไม่แต่งงานและเพื่อจะอยู่ใกล้ๆนายนะก้อง” หมอภีมปภพพูดผมหันมามองหน้านครินทร์ แล้วผมควรจะโกรธเขาลงหรือไง
 
      “ผมต้องการย้ายโรงพยาบาลครับรินทร์” ผมหันไปบอกนครินทร์

      “ก้อง ให้พี่รับผิดชอบเถอะ ในฐานะอาของนครินทร์เขา เรื่องค่าใช้จ่าย พ่อแม่พี่เขาจะจัดการเอง รินทร์เขาเป็นหลานพ่อกับแม่ของพี่นะก้อง” พี่หมอภีมปภพพูด

      “ก้อง พี่รู้ว่าก้องโกรธพี่เรื่องต้น แต่พี่ พี่ยอมรับผิดที่พี่คิดผิด…. “

      “ที่พี่ดึงผู้หญิงคนนั้นเข้ามาทำร้ายพี่ผม ถ้าพี่ตัดสินใจบอกไม่รับหมั้นเธอตั้งแต่แรก เรื่องก็ไม่แย่แบบนี้” ผมหันไปพูด

      “พี่กับหมอดาวิกาเราถอนหมั้นกันแล้วก้อง” พี่หมอภีมปภพพูด

      “แต่พี่หมอดาวิกาก็ยังไม่ปล่อยพี่กับพี่ต้นอยู่ดี เขายังตามติดชีวิตพี่ต้นแถมยังลามมายังน้องชายผมครูเขมอีกนะพี่ภีม”ผมพูด พี่หมอภีมนั่งลงด้วยสีหน้าที่ตกใจ

      “เขาตามถ่ายรูปพี่กับพี่ต้นทุกทีที่พี่ไปกันและตอนที่พี่ไปคุยกับเขมน้องชายผมเขาก็ยังตามไปถ่ายรูป พี่คิดว่าเขายอมให้พี่กับพี่ต้นแน่แล้วเหรอพี่หมอ”ผมถามพี่หมอภีม

      “เมื่อไหร่” พี่หมอภีมถามผม

      “นี่หมอดาเขาไปหาเขม เอารูปถ่ายทั้งหมดที่เขาถ่ายเองหรือเขาจ้างคนถ่ายผมก็ไม่รู้นะพี่หมอ แต่เขาเอาไว้ไปให้น้องชายผม เหมือนเขาจงใจแสดงว่าเขานะรู้ทุกอย่าง “ ผมพูด ผมหันมามองหน้าพี่หมอภีม

      “พี่ยังไม่เคลียร์เรื่องหมอดาวิกาเลย แล้วพี่จะดูแลพี่ผมได้ยังไงยิ่งตอนนี้พี่ผมก็มีลูก ที่เกิดมาเพราะหมอดาวิกาอีก ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าพี่เกศรินทร์คนเดียวจะทำเรื่องพวกนี้ได้ ถ้าไม่มีคนจัดการทุกอย่างให้เขา ” ผมพูด นครินทร์หันมามองหน้าผม และหันไปมองหน้าหมอภีมปภพ นั้นแสดงว่าเขาเองก็ไม่เคยรุ้เรื่องนี้มาก่อนเช่นกัน

      “จริงเหรอพี่หมอ พี่หมอดาทำขนาดแบบนั้นจริงๆเหรอ” ผู้กองนครินทร์ถามหมอภีมปภพ ใช้เข้าพยักหน้า

      “ก้องพี่ขอร้อง พี่ขอโอกาส บอกพี่ได้ไหมว่าต้นอยู่ไหน พี่ต้องการเขากลับมา พี่รักต้น พี่รักลูกของต้น “หมอภีมปภพพูด ผมหันไปมองหน้าเขา

      “อันที่จริงเราเจอกันแล้วและเหมือนจะเข้าใจกันแล้วแต่จู่ๆ เขาก็บินกลับไปเชียงใหม่ทันทีโดยที่ไม่บอกพี่สักคำ “ พีหมอภีมปภพพูด ส่วนนครินทร์ก็จับแขนผมเหมือนเป็นเชิงขอร้อง
   
      “คุณรู้ไหมก้อง พี่หมอนะก็พูดขอร้องเรื่องของผมกับพ่อให้นะก้อง “ ผู้กองนครินทร์พูดบอกผม

      “ฟู่!!” เสียงลมหายใจที่พรุออกมาด้วยความหนักใจของผม

      “คุณโทรหาเขมให้ผมหน่อยได้ไหม รินทร์” ผมหันไปบอกผู้กองนครินทร์ เขาก็หยิบมือถือมากสายโทรออกหาน้องชายผม

      “เขม มีคนอยากจะคุยด้วยนะครับ ครับ” ผู้กองนครินทร์พูดสายก่อนจะส่งมาให้ผม

      // เขม พี่ก้องนะ//
      //พี่ก้อง ฮึกๆ //
      // เฮ้ย อะไรเป่าปี่ทันทีวะเขม เออ เขมจะออกมาหรือยัง// ผมถามเขมชาติน้องชายของผม
      //กำลังจะไปหานี่ไง แม่กำลังทำอาหารโปรดของพี่ไปด้วย//
      // เขม เอาซองที่หมอดาวิกาถ่ายรูปพี่ต้นนะมาให้หมอภีมปภพเขาด้วยนะ//
      // พี่ก้อง เจอพี่หมอภีมแล้วเหรอ//
      // พี่เจอแล้ว  แค่นี้นะ อย่าให้แม่รู้เรื่องนี้ละ //
      // ได้พี่ก้อง เดี๋ยวเจอกันนะ ผมรักพี่ก้องนะ//
      // เออ กลับมาค่อยคุยกัน แค่นี้นะ//
ผมกดวางสายจากเขมชาติ ก่อนจะหันไปมองหน้าหมอภีมปภพ

      “พี่ไปเคลียร์เรื่องหมอดาวิกามาก่อน นั้นแหละผมถึงจะบอกว่าพี่ต้นอยู่ไหน ผมต้องมั่นใจว่าหมอดาวิกาจะไม่ตามไปทำอะไรพี่ผมครับพี่ภีม” ผมยืนคำขาด นครินทร์ก็ไม่ได้พูดอะไรแค่หันไปพยักหน้ากับพี่หมอภีมปภพ  แต่ว่าตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกเจ็บแผล สงสัยใส่อารมณ์กับพี่หมอภีมมากไปหน่อย

      “ถ้าพี่ต้นจะโต้ตอบหมอดาพี่ต้นก็ทำได้แต่พี่ชายผมนะลูกผู้ชายพอที่จะไม่ทำร้ายผู้หญิงดังนั้นพี่ควรจะบอกให้เขาหยุด “ ผมพูดผมยื่นคำขาดกับพี่หมอภีม

      “ถ้าไม่พี่ก็อย่าหวังว่าจะได้เจอพี่ต้นอีก”ผมพูดก่อนจะหันไปมองหน้าหมอภีมปภพ

      “ซี้ด!”ผมต้องซี้ดปากลากยาวเพราะว่าผมเริ่มเจ็บที่ตรงหน้าอก

      “พอก่อนเถอะนะก้อง คุณเจ็บแผลแล้วนะก้อง “ นครินทร์ บกผม จังหวะนั้นประตูห้องพักผมก็ถูกเปิดเข้ามาโดยเขมชาติ และแม่ของผม หมอภีมปภพยกมือไหว้แม่รดา
ต่อด้างล่างค่ะ
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(พี่ก้องXนครินทร์)เคลียร์เรื่องหมอดาวิกา P2
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 03-11-2020 06:25:13
      
      พิเศษ(พี่ก้องXนครินทร์)เคลียร์เรื่องหมอดาวิกา P2

              “พี่ก้อง” เขมตรงดิ่งเข้ามาถึงก็มาหาผมทันที และโน้มตัวมากอดผม ผมสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่ไหล่ผม 

      “เขมไม่เอานะ พี่ยังไม่ตายสักหน่อยนายจะร้องไห้ทำไมว่ะ”ผมพูด

      “พี่ก้องอย่าพูดอย่างนี่ดิ” เขมชาติรีบห้ามปรามผมทันที

      “คุณแม่ครับสวัสดีครับ” พี่หมอภีมยกมือไหว้แม่ผม พร้อมกับนครินทร์อีกคน

      “สวัสดีค่ะคุณหมอ “ แม่ผมหันไปรับไหว้พี่หมอภีมและหันมาส่งยิ้มให้นครินทร์อย่างเอ็นดูเหมือนเคย

      “เออ คุณแม่ครับผมขอตัวก่อนนะครับ ผมมีคนไข้รอผมอยู่    ก้องเขมพี่ไปก่อนนะ รินทร์อาไปก่อนนะ  “พี่หมอภีมพูดก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้อง

      “เขม” ผมเรียกเขม 

      “พี่หมอครับ “ เขมเรียกพี่หมอภีมไว้และเดินออกไปนอกห้องกับพี่หมอเพื่อจะเอาซองเอกสารไปให้ ส่วนแม่ผมตรงเข้ามาเอามือลูบหัวผมเบาๆ ผมรู้ว่าแม่น้ำซึมที่เห็นผมเจ็บแบบนี้ แต่แม่ไม่ร้องไห้

      “แม่ครับ ผมขอโทษนะครับ” เสียงนครินทร์พูดขอโทษแม่ของผม ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ผมหันไปมองดันกลายเป็นคนข้างๆผมเองที่ร้องไห้ แม่ผมเอามือลูบหัวนครินทร์เบาๆ

      “หมดเคราะห์กันซะทีนะ ก้อง รินทร์ “แม่ผมพูด

      “เราก็ทำเอาแม่ใจหายเลยก้อง อย่าทำแบบนี้อีกนะ “ แม่ผมหันมาเอ็ดผมด้วยความรักและห่วงใย แม่ก้มลงหอมที่หัวผมเบาๆ ผมเองก็แอบน้ำตาซึมเหมือนกันที่ผมเองทำให้แม่ผมเป็นห่วงผมมากขนาดนี้ มึงมันจะเป็นหน้าที่ของทหารที่พึงกระทำก็ตาม นาทีนั้นต่อให้ไม่ใช่นครินทร์ ผมก็ทำในฐานะผู้ปกป้องแผ่นดิน

      “นี่ป้าวิไลเขาซื้อเงาะมาฝาก ก้องเขาชอบทานนะรินทร์ “ แม่ผมพูดก่อนจะหยิบผลไม้ขั้นมาและทำการคว้านปลอกให้ผมทาน แม่ผมคว้านเมล็ดออกให้ด้วยอย่างชำนาญ

      “ดูไว้เลยคุณ ดูแม่ผมทำให้นิ ไม่ใช่ปลอกแค่เปลือกและส่งให้กิน”ผมหันไปบอกนครินทร์ที่ยู่ปากใส่ผม แม่ผมนะคว้านหันเปลือกและเมล็ดออกให้ด้วย 

      “แม่ผมนี้เหมือนแม่หญิงการะเกศเลยนะคุณ” ผมพูดชมแม่ผม

      “แม้ที่อย่างนี้ละชมแม่เชียวนะเรานะ กลัวไม่ได้กินก็พูดมาเถอะ “แม่ผมเอง

      “แม่นี่รู้ทันอีกแหละ “ ผมพูด

      “รินทร์แล้วโทรศัพท์ผมละครับ” ผมหันไปถามรินทร์   

      “โทรศัพท์คุณนะพังไปแล้วไงก้อง โชคดีที่คุณเอาโทรศัพท์ใส่ไว้ที่กระเป๋าตรงอกคุณ กระสุนเลยเจาะโทรศัพท์และไม่ทะลุไปถึงปอดของคุณแต่หัวกระสุนก็เขาไปในเนื้ออยู่” ผู้กองนครินทร์พูด ผมก็ต้องพยักหน้า ตอนนั้นผมกำลังยืนโทรศัพท์อยู่แต่จู่ผมก็ได้ยินเสียงปืน ผมหันไปหานครินทร์ที่ยืนอยู่ และผมก็คว้าตัวเขาเข้ามากอดและนั้นผมก็โดนไปเต็มๆ

      “เขม “เขมชาติเดินเข้ามา เขากำลังโทรคุยกับใครสักคนอยู่ แต่ดูแล้วน่าจะเฟสไทม์

      “พี่ก้อง พี่ต้นนะ” เขมส่งโทรศัพท์มาให้ผม ผมก็หยิบมา พี่ต้นนั้นเอง พี่ชายคนโตของผม

      “ก้อง พี่ขอโทษนะที่พี่ต้องกลับมาก่อน” ผมมองหน้าพี่ต้น ผมรู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องแน่ๆ พี่ต้นถึงได้กลับ ผมกับพี่ต้นนะอายุห่างกันแค่สามปีแต่ผมกับเข้าใจพี่ต้นโดยที่ไม่ต้องพูดกันมาก

      “ไม่เป็นไรพี่ แล้วนี้เอิร์ธละพี่ต้น”

      “พี่ให้เขาไปเรียนนะ รอให้พี่ไปรับเขากลับก่อนนะก้องพี่จะเฟสไทม์ไป ว่าแต่ตื่นมานี้ซ่าเลยหรือไงก้อง”

      “อยากจะลุกไปเลยแต่เกรงใจเมียห้ามอยู่” ผมพูดและหันไปเหล่มองนครินทร์ ที่นั่งปากขมุบขมิบ

      “อยากให้เห็นพ่อตานายจริงๆ จะกล้าพูดคำนี่ไหม ก้อง” พี่ต้นพูด  ผมหันไปมองนครินทร์

      “รู้แล้ว นี่เลยยังไม่กล้าไปขอเขาไง กลัวโดนคอมแบท” ผมพูดขำๆ

      “พี่ต้น ดูแลเอิร์ธดีดีนะ มีอะไรโทรหาก้องนะพี่ต้น ผมจะไม่ให้ใครมาทำร้ายพี่ชายผมกับหลานผม”ผมพูดบอกพี่ต้น พี่ต้นเงียบ ผมว่ามีเรื่องแน่ๆ ผมหันไปมองเขม เขมก็หลุบตาลงไม่กล้าสบตาผม เพราะว่าทั้งคู่รู้ว่าผมลุยแล้วลุยแหลกเลย 

      “พี่โอเคนะก้อง พักผ่อนและอย่าซ่า อีกสักอาทิตย์พี่จะลงไป ตอนนี้พี่ต้องเตรียมพร้อมรับภัยแล้งก่อน พี่รักนายนะก้อง “ พี่ต้นพูด ผมพยักหน้าแค่นั้น

      “แค่นี้ก่อนนะ พี่จะไปประชุมก่อน แล้วพี่จะโทรหานายอีกที “ พี่ต้นพูดและกดวางสายไป ผมก็หันไปมองหน้าเขมแต่ผมรู้ว่าเขมพูดไม่ได้แม่ผมนั่งอยู่ พวกผมคุยกันทุกเรื่องแต่ แต่ถ้าเรื่องที่จะทำให้แม่ไม่สบายใจผมจะไม่บอกแม่ผมกันแต่จะหันมาคุยกันแค่พี่น้อง 

      “ได้แล้ว” แม่ผมหันมาส่งจานให้ ผมหันไปมองนครินทร์ พยักเพย้อ ให้ป้อนให้ที

      “ลืม นึกว่าทานเองได้” นครินทร์พูด และหันไปหยิบจานผลไม้มาจากแม่ผม แม่ผมก็แอบขำผมสองคน

      “เดี๋ยวลงไปซื้ออะไรมากินก่อนนะ พี่รินทร์เอาอะไรไหมครับ ผมจะลงไปที่ชั้นล่างนะครับ” เขมชาติเป็นฝ่ายขอตัวลงไปแทน

      “อิจฉาเหรอ แฟนไปอยู่ไกลอะดิ ไม่มีคนป้อน” ผมแซวน้องชายผม หันมายู่ปากใส่ผมทันที นครินทร์หันมามองหน้าผม

      “เดี๋ยวแม่มานะ ขอไปโทรหาป้าวิไลก่อน “แม่ผมพูด ผมหันมาอ้าปากให้คนข้างๆป้อน

      “ดูเขมซึมๆนะ มีอะไรหรือเปล่าคุณก้อง” นครินทร์ถามผม
   
      “อ้อแฟนเขาไปเรียนต่อเมืองนอกนะ พ่อเขามารับไป และพ่อเขาให้ลูกเขาทบทวนความรู้สึกตัวเองก่อน โดยไม่ให้เขมติดต่อเป็นเวลาหกเดือนนะรินทร์” ผมพูดรินทร์ก็ทำสีหน้าตกใจ

      “บางทีก็ไม่เข้าใจนะ พ่อแม่ ควรจะเข้าใจลูกตัวเองดีที่สุดแต่ทำไมกลายเป็นคนที่ไม่เข้าใจอะไรเลย  เช่นผมนะก้อง” นครินทร์พูด ผมก็เอามือลูบที่ต้นแขนนครินทร์

      “แล้วคุณไปทำอีท่าไหนให้พ่อคุณไม่ยอมให้คุณแต่งงานละรินทร์ ” ผมถามนครินทร์ เขาก็หันมามองหน้าผม ผมก็เลิกคิ้วมองแสดงว่าไม่ดีแน่ๆ

      “รินทร์บอกผมมาเถอะ”ผมพูด

      “มันตั้งแต่วันที่คุณโดนยิงแล้ว และพ่อก็ขังผมไว้ในห้องไม่ให้ออกมาจนกระทั้งครอบครัวของน้องที่เขาจะมาแต่งงานกับผมมาทานข้าว ผมยังจำชื่อน้องเขาไม่ได้เลย คิดดูก็แล้วกันว่าผมอยากแต่งไหมแต่น้องเขากลับไม่ขัดพ่อเขาสักนิด แปลกมากนะก้อง” นครินทร์พูด

      “และผมก็โวยวาย เป็นครั้งแรกที่ผมระเบิดมันออกมาก้อง ผมเองคือนิ่งมาตลอดไงคุณก็รู้แต่วันนั้นผมพูดทุกอย่างและนั้นพ่อของน้องเขาถึงได้รู้ว่าผมไม่อยากแต่งเขาเลยยอมยกเลิก แต่พ่อผมก็ยังไม่ยอมนะ ให้เลื่อนก่อน จนกว่าผมจะพร้อม” นครินทร์พูดผมก็เลิกคิ้วมองตรงลงเลื่อนหรือยกเลิก

      “จนกระทั้ง วันรุ่งขึ้น หลังจากที่คุณออกมาจากห้องผ่าตัด ผมเสียใจที่สุดที่ไม่ได้มาอยู่ใกล้ๆคุณ ผมเลยแอบปืนหน้าต่างหนีออกมาและผมก็ตรงมาหาคุณที่นี้ พ่อผมก็ตามผมมาติดๆ “ นครินทร์พูดและเขาก็หยุดนิ่ง

      “รินทร์!!” เหมือนเขาไม่อยากจะเล่าให้ผมฟังต่อ

      “ ผมมีปากเสียงกับพ่อผม พี่ต้นก็อยู่ พ่อเกือบจะเข้าไปหาเรื่องพี่ต้น แต่พี่หมอภีมกันไว้และนั้นผมเลย หยิบปืนขึ้นมาผมกะว่าผมยอมตายตรงนี้ต่อหน้าพ่อผม” ผมถึงกับสะบัดหน้าไปมองนครินทร์

      “ผมลั่นไกปืนแล้วก้อง แต่กระสุนมันด้าน” นครินทร์พูด ผมส่ายหัวทันที

      “ทำไมคุณทำแบบนี้!!!” ผมถามนครินทร์

      “ก็ผมไม่มีทางเลือกก้อง “

      “อย่าทำอีก เข้าใจไหมรินทร์” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ซีเรียสมาก เขามองหน้าผมทำตาปริบๆ ผมก็ดึงเขาเข้ามากอด ผมไม่คิดว่าเขาจะลงทุนทำอะไรแบบนี้ นี้ผมแค่ได้ยินผมยังกลัวที่จะเสียเขาไปเลย  ผมกอดเขาไว้ ร่างนั้นสั่นเล็กผมว่าเขาร้องไห้ ผมเอามือลูบหัวเขาเบาๆ แม่ผมเปิดประตูเข้ามาพอดี รินทร์ก็แอบปาดน้ำตาแม่ผมก็มองผม

      “แกล้งลูกสะใภ้แม่ร้องไห้เล่นนะแม่”ผมพูด แม่ผมทำท่าจะตีผมทันที และเขมชาติก็เดินเข้ามา พร้อมกับกล่องมือถือ ผมหันไปมอง

      “เครื่องใหม่ พี่รินทร์บอกเขมว่ามือถือพี่พัง “ เขมชาติพูด ผมก็หันไปมอง ผมแอบเห็นสองคนส่งสัญญาณอะไรกันแปลกๆตั้งแต่ก่อนที่เขมจะขอลงไปซื้อของแล้ว ผมว่าคนที่ซื้อให้ผมนะนครินทร์มากกว่า ร้ายจริงๆ ระหว่างที่ผมนั่งเอนตัวอยู่ดูนครินทร์เขาตั้งค่ามือถือให้ผม นครินทร์เขาเก่งพวกไอที

      “เดี๋ยวแม่กลับเลยแล้วกันนะก้อง แม่ว่าจะแวะไปดูป้าวิไลหน่อยเห็นบ่นว่าไม่ค่อยสบายอีกแล้ว เวียนหัวเป็นประจำรายนี้” แม่รดาบอกผม

      “เขมกลับเลยนะ ผมต้องไปทำคะแนนสอบเด็กก่อนจะได้ส่งเกรดทัน “เขมชาติพูด ผมพยักหน้า

      “ทนดูคนสวีทกันไม่ได้ก็พูดมา” ผมแอบแซวน้องชายคนเล็ก นครินทร์เงยหน้าขึ้นมาได้ทำท่าจะตีผม

      “นี้คุณ แผลผมยังสดอยู่เลยนะ “ ผมรีบห้ามดีที่แค่ง่างมือไว้

      “แม่ดูลูกสะใภ้แม่ซิ จะทำร้ายลูกชายแม่”ผมรีบอ่อนแม่รดาทันที

      “ก็เรานี้ เล่นแซวน้องเราแบบนั้นมันน่าจริงๆ”แม่ผมพูด

      ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขั้น พร้อมกับมีผู้หญิงที่อายุราวๆสี่สิบกว่าๆ เปิดประตูเข้ามา เขาสวมชุดคลุมก็รู้ว่าเป็นหมอ

      “แม่” นครินทร์เรียกเขาว่าแม่ ผมก็ยกมือไหว้แทบจะไม่ทัน

      “สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นแม่ของนครินทร์เขานะคะ” แม่ของนครินทร์พูดและหันมาส่งยิ้มให้แม่ผม

      “สวัสดีครับ นี้แม่รดาของผมและนั้นน้องชายผมครับชื่อเขมชาติเขาเป็นครูอยู่ครับตอนนี้” ผมพูดแนะนำครอบครัวผม

      “สวัสดีอีกครั้งนะคะ ขอโทษจริงๆที่เพิ่งจะมีโอกาสมาเยี่ยมก้องเขานะคะ “ แม่ของนครินทร์พูดก่อนจะหันมามองผม พร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ๆ

      “เป็นยังไงบ้างเรา ดีขึ้นไหม แม่ต้องขอบใจนะที่เราปกป้องรินทร์ลูกชายของแม่ ไม่อย่างนั้นแม่คงเสียเขาไปแล้ว รินทร์เขาบอกแม่แบบนั้นนะ” ผมก็พยักหน้าว่าผมเต็มใจ นครินทร์เขากุมมือผมเอาไว้

      “แม่ไม่ว่าหรอกนะถ้าจะรักกันนะ “แม่ของนครินทร์พูดและหันไปส่งยิ้มให้แม่รดาของผม

      “แต่พ่อไม่ยังไม่ยอมใช่ไหมครับแม่” นครินทร์พูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาเสียใจ

      “รินทร์ พ่อเขาไม่ได้ใจร้ายอย่างที่รินทร์เข้าใจหรอกนะ แต่รินทร์คือลูกชายคนโตที่เขาหวังเอาไว้มาก แต่แม่ก็เชื่อว่าพ่อเขาจะเข้าใจเรามากขึ้นสักวัน “ แม่ของนครินทร์พูด

      “เห็นหมอภีม  อาของรินทร์เขานะ  พูดว่าเราอยากจะย้ายโรงพยาบาลเหรอ อย่าย้ายเลยนะ  อยู่ที่นี้ แม่กับคุณปู่คุณย่าของรินทร์รับผิดชอบเถอะนะ ยังไงเราก็แฟนรินทร์ “แม่ของนครินทร์พูด

      “ขอบคุณนะคะ มันจะรบกวนไปหรือเปล่าคะ” แม่รดาพูดด้วยน้ำเสียงที่เกรงใจเป็นอย่างมากผมเองก็เกรงใจเช่นกัน

      “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ทางเรายินดี “แม่ของนครินทร์พูด

      “นี้พ่อเราก็บ่นนะ เขาคงคิดถึงเรานะรินทร์ พ่อเรานะปากกับใจไม่ค่อยตรงกันหรอก “แม่ของนครินทร์พูด ผมหันไปแตะมือเขาเบาๆ

      “รินทร์ อย่าไปถือโทษโกรธพ่อเลยนะลูก กลับไปขอโทษพ่อเขานะ ทำในวันที่รินทร์ยังมีโอกาส “ แม่รดาพูด ผมก็พยักหน้า ผมเองก็เรียนและฝึกหนัก ส่วนพ่อผมก็ทำงานที่ต่างประเทศ ผมเองไม่ค่อยได้ไปหาพ่อผมเหมือนเขม ขนาดวันที่ผมเก็บตัวอยู่พ่อผมป่วยยังมาหาไม่ได้จนกระทั้งพ่อเสีย นั้นแหละผมนี้ไม่อยากจะกลับไปฝึกต่อเลยผมกลัวการสูญเสียโดยที่ไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันเป็นครั้งสุดท้ายที่สุด

      “รินทร์รอไปพร้อมก้องได้ไหมครับแม่ “

      “ได้ซิ พ่อเขาก็บอกมานะว่า ก้องหายแล้วก็เข้าไปหาเขาหน่อยนะ พ่อเขาไม่ว่าอะไรแล้วแหละแม่ว่านะ “ แม่ของนครินทร์พูดก่อนจะส่งกระเช้ามีพวกผลไม้มาให้รินทร์รับไป

      “นี่พ่อเขาสั่งให้เอามาให้นะ ขอบคุณที่ช่วยลูกชายเขาไว้ คนปากกับใจไม่ตรงกันก็แบบนี้แหละ “

      “ถ้าอย่างนั้นพักผ่อนนะลูก รินทร์ก็ดูแลก้องเขาดีดีละ”

      “แม่แล้วบ้านโน้นละครับเขาว่าไงเรื่องที่เรายกเลิกการแต่งงาน” แม่ของรินทร์หันมามองหน้าผมสองคน

      “อาเราไม่ได้บอกอะไรเลยเหรอรินทร์ ว่าลูกสาวเขาก็ไม่อยากแต่ง ลูกสาวเขามีแฟนแล้ว แต่เป็นทอม” 
      “อู้ย!!” ผมร้องออกมาเบาๆ นครินทร์หันขวับมามองหน้าผม

      “เกือบโดยเลสเบี้ยนงาบแล้วไหมละคุณ” ผมกระซิบแต่โชคดีที่ผมเจ็บอยู่รินทร์เลยไม่กล้าตีผม

      “ถ้าอย่างนั้นแม่กลับก่อนนะลูก เอาไว้ว่างๆจะแวะมาเยี่ยมใหม่แล้วกัน ไม่รู้ว่าพ่อเราเขาจะมาได้ไหม จะลองชวนดูนะ “ แม่ของนครินทร์พูดก่อนจะหันไปยกมือไหว้แม่ของผม ถึงยังไงแม่ผมก็อายุเยอะกว่า ผมก็หันไปมองผู้กองนครินทร์ที่นั่งกุมมือผมเอาไว้

        แม่รดากับเขมชาติกำลังลุกขึ้น แม่คงกลับไปพักผ่อนเพราะว่าไหนไหนผมก็มีนครินทร์ดูแลอยู่แล้ว และในเตอนนี้ก็เหลือแค่ผมกับนครินทร์ ผมมองหน้าเขา ในบรรดาแฟนที่ผมคบมา แม้กระทั้งโบว์ผู้หญิงที่ผมคิดว่าจะลงเอยและแต่งงาน ด้วยหน้าที่การงานของโบว์ เพราะว่าเขาได้งานธนาคาร ส่วนผมก็เป็นติดยศผู้กองอาชีพก็มั่นคงแต่มีความเสี่ยงสูงเพราะว่าผมเล่นไปประจำการที่ห่างไกล แต่ว่าตอนนี้คนที่ผมอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยคือนครินทร์คนเดียว
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(พี่ก้องXนครินทร์)เคลียร์หมอดาวิกาP1-P2
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 03-11-2020 11:48:01
รอลุ้นเรื่องรินต่อไป คิดถึงคริสเหมือนกันนะ
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)หวาดระแวง
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 03-11-2020 19:32:22

(หมอภีมXพี่ต้น)หวาดระแวง

      Part’s ต้นตระการ
                หลังจากที่ผมเฟสไทม์คุยกับก้อง ความกังวลใจของผมเรื่องก้องก็หายไปเปาะหนึ่ง  ผมว่าจะลงไปหาก้องกรุงเทพแต่ก็ไม่อยากเอาเอิร์ธไปด้วย และดูท่าเอิร์ธก็ไม่ยอมไปอยู่กับเกศรินทร์ ทั้งที่เกศรินทร์เป็นแม่แท้ๆของเขา ยิ่งเห็นสีหน้าและท่าทีที่เขาแสดงอาการ ว่าเขากลัวมากแค่ไหนที่รู้ว่าผมจะพาเขาไปอยู่กับเกศรินทร์ แม้จะแค่ไม่กี่วันก็ตาม พอผมเห็นแบบนี้ผมก็ทำใจไม่ได้ที่จะทิ้งเขาไว้ที่นี้

      วันนี้ผมมารับลูกก่อนเวลาและผมก็แจ้งกับครูแป้งเอาไว้แล้ว ว่าหลังจากที่ผมเลิกประชุมที่จังหวัด ผมจะแวะไปรับลูกชายทันทีก่อนจะกลับเข้าไปเซนต์เอกสารอีกนิดหน่อย

      “สวัสดีค่ะ คุณต้น” ครูพี่เลี้ยงที่ดูแลเด็กอนุบาลห้องของเอิร์ธ

      “สวัสดีครับครูแป้ง” ผมรู้จักเธอดี

      “น้องเอิร์ธครับคุณพ่อมารับแล้วค่ะ” ครูแป้งเรียกเอิร์ธให้ผม เพราะว่าเอิร์กำลังเล่นกับเพื่อนอยู่ เอิร์ธก็วิ่งไปหยิบกระเป๋าที่แขวนเอาไว้และมาหาผมในทันที

      “สวัสดีครับพ่อต้น” น้องเอิร์ธพูด

      “คุณต้นค่ะ น้องชายเป็นยังไงบ้างคะ” ครูแป้งถามผม

      “ตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับ แต่ต้องนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลสักสองสามอาทิตย์นะครับ” ผมบอกครูแป้ง

      “ถ้าอย่างนั้น วันไหนที่ต้องการให้แป้งช่วย บอกนะคะ แป้งเต็มใจค่ะ น้องเอิร์ธเขาเป็นเด็กน่ารักอยู่แล้ว “ ครูแป้งพูดผมพยักหน้าเป็นการขอบคุณ ผมยิ้มให้ครูแป้ง เธอเต็มใจช่วยผมแต่ผมก็พอจะดูออกว่าเธอมีใจให้ผม ส่วนผมเองก็ไม่อยากให้เธอมาจมอยู่กับผมเหมือนเช่นเกศรินทร์ ผมเองไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นสามีแห่งชาติให้ผู้หญิงจริงๆ แต่ความเป็นเพื่อนนะผมมีให้ได้เสมอ

      “พ่อต้นเอิร์ธอยากกินไอศรีมเหมือนที่อาติณให้เอิร์ธได้อ่ะเปล่า” น้องเอิร์ธถามผม ผมพยักหน้าว่าได้

      “สวัสดีครับครูแป้งก่อนครับเอิร์ธ เราจะได้ไปกัน” ผมบอกเอิร์ธ เขาก็ยกมือไหว้ครูแป้ง ก่อนจะที่ผมสองคนจะเดินมา ผมจูงมือเอิร์ธ เอิร์ธเงยหน้ามองหน้าผม

      “พ่อโทรบอกอาหมอหรือเปล่า ว่าเอิร์ธกลับมาแล้วอาหมออาจจะคิดถึง” น้องเอิร์ธพูดผมก็ก้มลงมอง ทำไมช่วงนี้ถามผมถึงหมอภีมบ่อยจังนะลูกชายคนนี้นิ ผมก็ต้องก้มลงมองพร้อมรอยยิ้ม

      “พ่อโทรบอกแล้วครับ อาหมอก็คิดถึงเอิร์ธนะครับ” ผมบอกเอิร์ธ รอยยิ้มมนั้นปรากฏขึ้นในทันที ผมต้องแอบเบือนหน้าหนีแทน เพราะว่าผมโกหกเขานั้นเอง

      “ขึ้นรถนะเอิร์ธ พ่อจะได้พาเราไปซื้อไอศกรีมก่อนและพ่อจะเข้าไปเอาแฟ้มงานมาตรวจที่บ้าน ช่วงนี้งานพ่อยุ่งนะครับ ส่วนอาหารเย็นคงต้องฝากท้องกับแม่ของครูแป้งอีกแล้วเอิร์ธ”ผมก้มลงบอกลูกชายก่อนจะอุ้มเขาไปใส่ในรถฟอร์จูนเนอร์สีขาวของผม ผมปิดประตูลงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดยาวๆ   
      
      “เอิร์ธเอารสอะไรน่ะ “ผมพาเอิร์ธเข้ามาในร้านแมคโดนัล ปกติไม่ค่อยได้ซื้อให้เขาทานเท่าไหร่ จั้งฟูดส์แบบนี้ แต่นี้เขาร้องอยากทานไอศรีมผมก็ซื้อให้เขาทานนะ แต่พอเขาได้ลองแล้วก็แค่นั้น อะไรใหม่ๆก็ให้เขาได้ลอง ว่ามันเป็นยังไงถ้าไม่ดีผมก็จะอธิบายให้เขาฟังว่าทำไมถึงไม่อยากซื้อให้เขาทาน เขาก็เชื่อผมนะ และไม่ร้องทานอีก

      “พ่อเอาสตอเบอรี่” เอิร์ธบอกผม ผมก็เดินไปสั่งที่หน้าเคาเตอร์ ให้เขา จังหวะนั้นก็มีสายเขามาพอดี เบอร์จากที่ทำงานของผมเอง

      “สวัสดีค่ะ คุณปลัด จุ๋มได้นำเสนอหนังสืองบประมาณไว้นะคะ คุณปลัดเซนต์อนุมัติให้จุ๋มหรือยังคะ “

      “ผมยังไม่ได้เซนต์เลยครับ ผมจะเข้าไปเดี๋ยวนี้นะครับ รอผมสักสิบห้านาทีได้ไหมครับเพราะว่าผมก็เพิ่งออกจากห้องประชุมที่ศาลากลางจังหวัด ผมก็เลยขับรถมารับน้องเอิร์ธด้วยครับ” ผมพูดสายและผมก็เดินไปตามหมายเลขที่เขาเรียกคิว ก่อนจะคว้าไอศครีมสตอร์เบอรี่ซันเดย์มา แต่พอผมก้มลงมองหาเอิร์ธ อ้าวปกติเขาไม่เคยอยู่ห่างจากผมเลยนะและนี่เขาหายไปไหนและตอนไหนกัน แถมวันนี้ลูกค้าในร้านก็เยอะซะด้วย ช่วงหน้าร้อนแบบนี้ คนก็มาต่อแถวซื้อไอศรีมทานกัน     

      “คุณจุ๋มครับเดี๋ยวผมเข้าไปเลยนะครับ แค่นี้ก่อนนะครับ”ผมก็กดวางสายทันทีและชะเง้อมองหา ผมก็เห็นมีผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่ง ผมจำได้ดี ผู้ปกครองเด็กในห้องเดียวกันกับเอิร์ธ ผมเจอตอนที่ไปประชุมผู้ปกครอง ผมรีบเดินไปหาทันที

      “นี่ไงพ่อของน้องเขา ฉันจำได้คุณ” ผู้หญิงคนนั้นเรียกผม เอิร์ธหันมาเจอผมก็วิ่งมากอดขาผมเอาไว้ ผมก็เงยหน้ามองเขาทั้งคู่

      “ พอดีเราสองคนเห็นมีผู้หญิงคนหนึ่งเขาเดินมาและเหมือนพยายามจะชวนน้องออกไปนะคะ และฉันจำน้องคนนี้ได้เพราะน้องเขาเรียนห้องเดียวกับลูกสาวของเรานะคะ และน้องก็บอกว่ารอพ่อก่อน ดิฉันคิดว่าไม่น่าจะมาด้วยกันแน่ๆ ค่ะ “ ผมก็ในใจหายเลย ผมก้มลงมองเอิร์ธ

      “แฟนคุณหรือเปล่าคะ”

      “ผมมากับลูกชายแค่สองคนนะครับ “ผมตอบไป

      “เห็นไหมละคุณ ดีนะที่ไม่ปล่อยให้ออกไป “ ผู้หญิงคนนั้นหันไปพูดกับผู้ชายที่ยืนอยู่ด้วย

      “ระวังหน่อยนะคะ ช่วงนี้แก้งจับเด็กเริ่มมาอาละวาดอีก และน้องเอิร์ธก็หน้าตาดี ผิวพรรณก็ดี “

      “แม้จะบอกว่าหล่อเหมือนพ่อเขาก็บอกมาเถอะ” แฟนคนที่ช่วยลูกผมเอาไว้ ผมก็ยิ้มบางๆให้และก้มมองเด็กน้อยที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ

      “รู้อีกผัวฉัน” ผมหญิงคนนั้นหันแอบพูดไม่ดังเพื่อเอ็ดสามีตัวเอง ผมก็ยิ้มเป็นการขอบคุณ แต่ผมก็แอบกลืนน้ำลาย ผู้หญิงคนไหน ผมจับมือเอิร์ธไว้แน่นมาก

      “ขอบคุณมากๆเลยนะครับ คราวหน้าผมจะไม่ให้เขาคลาดสายตาจากผมอีก “ผมพูดและพาเอิร์ธเดินออกมาจากที่ผมพาเขามาซื้อไอศกรีม  เอิร์ธก้มหน้าลงเพราะเขารู้ว่าเขาผิดแน่ๆ

      “เอิร์ธทำไมไม่อยู่ใกล้ๆกับพ่อละลูก”ผมก้มลงถามเอิร์ธด้วยน้ำเสียงที่ไม่เชิงว่าผมต่อว่าเขาแต่บ่งบอกว่าผมเป็นห่วงเขามากแค่ไหน

      “เอิร์ธ ขอโทษ เอิร์ธเห็นคนทำของเล่นตกและน้าคนนั้นก็มาถามเอิร์ธว่ามากับพ่อต้นหรือเปล่า” ผมถึงกับขมวดคิ้วเพราะการที่เข้ามาถามว่ามากับหรือเปล่านั้นแปลว่าเขาต้องรู้จักผมและเอิร์ธแต่ใครละถ้าหวังดีทำไมไม่รอผมอยู่ด้านใน

      “แล้วเอิร์ธก็บอกว่าใช่ และเขาก็บอกว่าไปรอด้านนอกไหมแต่เอิร์ธบอกไม่ไป เอิร์ธจะรอพ่อ” ผมก็ต้องนิ่งอึ่งไปหลายนาที ทำไมคนที่จะพาเอิร์ธออกไปเขารู้จักชื่อผมละ ใครกัน เกศรินทร์เหรอ ไม่ซิ ถ้าเขาต้องการลูกเขาก็แค่โทรหาผม ผมยืนมองซ้ายมองขวา แต่ก็ไม่มีใครที่น่าจะมีพิรุจ

      “กลับบ้านกันเถอะเอิร์ธ “ผมพูดแค่นั้นและอุ้มเอิร์ธใส่ไว้ในรถทันทีก่อนจะรีบก้าวขึ้นไปทำหน้าที่คนขับ ผมส่งถ้วยไอศกรีมให้เอิร์ธไปถือเอาไว้ก่อน

      “พ่อต้นโกรธเอิร์ธหรือเปล่า” เอิร์ธถามผม

      “ไม่ครับเอิร์ธแต่พ่อเป็นห่วงเอิร์ธมากกว่านะครับ  “ผมพูดแค่นั้นเบาๆก่อนจะรีบออกรถไปในทันที ผมขับรถไปในหัวผมก็วุ่นวาย ไม่น่ะ เขาคงไม่ลงทุนตามผมมาถึงที่นี้หรอกนะ ผมเหลือบมองน้องเอิร์ธที่ทานไอศรีมและดูการ์ตูนโปรดของเขาไปด้วยในรถ ทำไมตั้งแต่กลับมาจากกรุงเทพเขาถึงคอยถามผมว่าผมบอกหมอภีมหรือยัง นี้แค่คุยกันไม่นานเขากับติดหมอภีมมากกว่าน่านฟ้า ช่วงก่อนที่เขาจะแต่งงานเขาก็มาเทียวรับผมไปทานอาหาร น่านฟ้าดูเหมือนจะเข้ากับลูกผมได้ดีวะด้วยแต่ตอนนี้เขากับถามถคงหมอภีมมากกว่า ผมคิดอีกทีเขาอาจจะรู้ว่าน่านฟ้ามีแฟนแล้วหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)หวาดระแวง
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-11-2020 19:00:22
 :pig4:
 :กอด1:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)รอก่อนนะครับหัวใจของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 04-11-2020 20:23:23
      
พิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)รอก่อนนะครับหัวใจของผม

                   ผมนั่งอยู่ในห้องทำงานของผม ตอนนี้ยังไม่มีเครสคนไข้ ผมเลยหยิบซองสีน้ำตาลที่ก้องภพ น้องชายจองต้นตระการออกมาเปิดดู ผมก็ต้องตกใจ มันมีรูปถ่ายที่ถูกแอบถ่ายเอาไว้ ตั้งแต่ผมเพิ่งจะคบกับต้นจนกระทั้งช่วงที่ผมเริ่มถูกเพ้งเล็งจากพ่อของผม และผมกับต้นก็แอบพบกัน ส่วนใหญ่ยอมรับว่าไปโรงแรมกัน มีอะไรที่โรงแรม มันทำเหมือนผมนี่แอบไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยยังไงก็ไม่รู้  ตอนแรกผมก็คิดว่ามันคงเก่าแล้ว แต่เปล่า มีรูปปัจจุบันด้วย รูปที่ผมนัดเขมชาติไปคุย

      “สวัสดีค่ะ แผนกสูตินารีเวชค่ะ กัญญารับสายค่ะ”

      “สวัสดีครับคุณกัญญา ผมหมอภีมนะครับ”

      “สวัสดีค่ะคุณหมอภีม จะคุยกับคุณหมอดาวิกาหรือเปล่าค่ะ คุณหมอไม่ได้ขึ้นเวรนะค่ะ คุณหมอแจ้งไม่รับเวรถึงอาทิตย์หน้าเลยค่ะ” ผมก็ต้องเลิกคิ้วสูง คุณหมอดาไม่รับขึ้นเวรถึงอาทิตย์หน้าเลยหรือ

      “ขอบคุณครับ” ผมกดวางสายทันที ถ้าอย่างนั้นก็ต้องไปที่บ้านแล้วแหละ ผมต้องไปเคลียร์ให้รู้เรื่อง ว่าทำไมหมอดาถึงได้ทำกับผมและต้นแบบนี้ และถ้าผมไม่เคลียร์เรื่องนี้ก้องภพไม่ยอมให้ผมพบกับพี่ชายเขาแน่ๆ   ผมเดินลงไปที่ห้องตรวจเพราะว่าผมมีตรวจคนไข้จนถึงหรึ่งทุ่มวันนี้และค่อยไปหาหมอดาที่บ้านจะดีกว่า

      หลังจากที่ผมตรวจคนไข้รายเครสสุดท้าย ผมเก็บเอาทุกอย่างใส่และหยิบซองจดหมายสีน้ำตาลพร้อมกับและเดินตรงไปยังรถคันหรูราคาแพง เป็นรถนำเข้าผมขับออกไปและไปยังบ้านของดาวิกา นานมากแล้วที่ผมไม่ได้ไปที่นั้นนานมากแล้ว ตั้งแต่ถอนหมั้นหมอดาวิกา ผมก็บินไปอังกฤษเลยทันที

      “สวัดดีค่ะ คุณหมอภีม” คนใช้ประจำที่บ้านหมอดาเธอรู้จักผมดี เธอเดินออกมาทักทายผมขระที่ผมนำรถคันหรูเข้ามาจอด  ผมลงจากรถมายืนอยู่ที่หน้าคฤหาสน์หรู

      “คุณดาวิกาอยู่ไหมครับ” ผมถามคนใช้

      “คุณดาวิกาไปเที่ยวกับเพื่อนที่เขาค้อค่ะแต่คุณท่านเพิ่งจะบอกว่ากำลังเดินทางกลับมาทานอาหารเย็นที่บ้านค่ะ ป้าคิดว่าน่าจะใกล้ถึงแล้วค่ะคุณหมอภีม “ป้าสมใจบอกผม ผมพยักหน้า

      “คุณท่านอยู่ในบ้านค่ะ ท่านเพิ่งจะเดินทางกลับมาค่ะ “ ผมพยักหน้าก่อนจะก้าวเท้าเดินตรงเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ผมยอมรับว่าผมคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้มาตั้งแต่เด็ก ก็เพราะว่าเมื่อก่อนพ่อผมกับพ่อของหมอดาต้องผลัดกันมาทานอาหารด้วยกันอาทิตย์ละครั้ง ไม่บ้านผมก็บ้านหมอดาวิกา ผมเดินตามหลังป้าสมใจเข้าไป ป้าสมใจเดินเข้าไปรายงานคุณลุงก่อน  ท่านหันมามองหน้าผมกันทั้งคู่ด้วยความแปลกใจ

      “สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า” ผมยกมือไหว้ท่าน

      “อ้าวหมอภีม ไม่เจอกันนานเลย นั่งก่อนซิจ๊ะ” แม่ของหมอดาวิกา ผายมือให้ผมนั่งลงแต่พ่อของเธอแค่มองหน้าผมโดยไม่ได้พูดอะไร

      “ผมมาหาหมอดาวิกาครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

      “หมอดาใกล้จะมาถึงแล้วละภีม ว่าแต่เราเถอะเป็นไงมาไง แล้วนี้ มาทำงานเป็นหมอให้ที่โรงพยาบาลตัวเองแล้วใช่ไหม” แม่ของหมอดาวิกาสักถามผมด้วยรอยยิ้มแต่พ่อของเธอยังคงนั่งหน้าตาบึ่งตึง

      “มานี่มีธุรอะไรกับยายดารึ” พ่อของหมอดาคงหมดความอดทนที่จะนั่งนิ่งๆ ท่านเลยเอ่ยถามผม

      “ผมมีเรื่องจะมาคุยกับน้องหมอดาครับ” ผมพูด

      “ยังมีอะไรอีกรึ ก็ถอนหมั้นกันไปแล้วนิ จะมีอะไรอีกละ ในเมื่อพ่อเราก็บอกอยู่ทนโธ่ว่าเรานะ ไปรักไปชอบกับผู้ชาย เลยไม่อยากแต่งงานกับหมอดา” พ่อของหมอดาพูดผมเองก็ก้มหน้าลง แม่ของหมอดาแตะที่แขนของพ่อหมอดา ให้เย็นลง

      “ใช่ผมยอมรับว่านั้นคือเรื่องจริง และผมเองก็ไม่เคยมองหมอดาเป็นอื่นเช่นพี่น้อง พี่ชายน้องชาย ผมรักผู้ชายคนนั้น “ ผมพูด แม่ของหมอดายกมือขึ้นทาบอก

      “แล้วจะมาทำไมอีก ถ้ารักถ้าชอบกันหนักก็ไปแต่งกับมันนั้น ส่วนหมอดานะ ฉันจะเปิดคลีนิกให้ต่อไปก็ไม่ต้องไปขึ้นเวรโรงพยาบาลมึงอีก”พ่อของหมอดาวิกาพูด

      “คือผมเองก็ยังเป็นพี่ชายให้หมอดาได้นะครับแต่ผมคงเป็นมากกว่านั้นไม่ได้ “ผมพูด ท่านก็ลุกขึ้นและทำท่าจะไล่ผมออกจากบ้าน

      “แต่สิ่งที่หมอดาทำกับผมและคนที่ผมรัก มันเกิดไปครับ หมอดาไปตามถ่ายภาพผมกับแฟนผม ตั้งแต่ก่อนที่ผมกับหมดดาวิกาจะหมั้นจนกระทั้ง ผมเสียคนที่ผมรักไป แม้กระทั้งตอนนี้ก็ยังไปแอบตามถ่ายรูปผมแบบนี้ ท่านคิดว่า มันสมควรไหมครับ “ ผมพูดและส่งซองเอกสารให้พ่อของหมอดาวิกาหยิบไปเปิดดู ท่านก็เปิดและมองหน้าผม ก่อนจะหยิบรูปเหล่านั้นขึ้นมาดู แน่นอนคนที่ไม่ได้ชื้นชอบความรักประเภทนี้ยอมมองด้วยสายตาที่แตกต่างจากผม ผมยอมรับว่ามันไม่ได้ทำให้ผมโกรธที่เห็นรูปเหล่านี้ มันทำให้ผมยิ้มที่เห็นว่าผมกับต้นเรารักกันมากแค่ไหน แต่ที่ผมโกรธคือเธอล้วงละเมิดสิทธิส่วนตัวของผมกับต้น

      “รูปอับปรีย์พวกนี้ที่หลังไม่ต้องเอามาให้ดู….พรึบ” ท่านเปิดไม่กี่รูปก็ต้องโยนซองเอกสารส่งคืนมาให้ผม

      “ผมว่าน้องดาทำเกินไปครับ ผมกับต้นเรารักกันก่อนที่ผมจะหมั้นกับดาวิกา ผมยอมรับว่าผมทำไปเพราะว่าผม กลัวเสียคนที่ผมรักไป แต่…”

      “น้องดาต่างหากที่ทำให้ผมเสียคนที่ผมรักไป “ ผมลุกขึ้นยืนประชันหน้ากับพ่อของหมอดา แต่คุณแม่ของหมอดาดึงแขนพ่อของเธอเอาไว้ไม่ให้บรรดารโทสะใส่ผมมากไปกว่านี้

      “แล้วทำไมมึงไม่พูดตั้งแต่แรกว่ามึงเป็นตุ๊ด เป็นเกย์ห่าอะไรนี่ กูจะได้ไม่ต้องเสียเวลาให้พ่อมึงจัดหาฤกษ์ยามและลูกกูก็ต้องเสียเพราะว่าดันประกาศหมั้นกับมึงแล้ว แถมมึงยักฉีกหน้ากูให้พ่อกับแม่มึงมาถอนหมั้น เพราะว่าความรักเฮงซวยของมึงกับผู้ชายนั้น มึงออกไปเลยนะไอ้ภีมนะ มึงไม่ต้องมาเหยียบบ้านกูอีก!!”

      “ผมอยากให้หมอดา หยุด ที่จะทำลายความรักของผมสองคน “

      “กูหยุดลูกกูแน่ มึงไม่ต้องกลัว แต่มึงไปซะ และไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้า” พ่อของหมอดาพูดผมก็ต้องลุกขึ้น คนใช้ก็พากันมายืนมองเพราะว่าการสนทนาของผมกับพ่อหมอดาค่อนข้างเสียงดัง

      “งั้นผมลานะครับ “ ผมยกมือไหว้ก่อนจะเดินออกไป ผมหันมาเจอหมอดาวิกาเดินเข้ามา เธอมองหน้าผม ด้วยรอยยิ้มแต่ผมกลับไม่ยิ้มตอบเธอ

      “พี่ภีมมาหาดาเหรอคะ” หมอดาวิกาถามผม
   
      “ใช่ครับ แต่พี่ว่าพี่หมดธุรแล้ว พี่คิดว่าหมอดาควรจะคุยกับพ่อแม่หมอดานะครับ” ผมพูดก่อนจะเดินเลียงเธอออกแต่

      “หมอดา พี่เคยบอกว่าพี่จะเป็นพี่ชายที่ดีให้ดาได้นะแต่การที่ดาทำกับพี่และคนที่พี่รักมากแบบนี้ พี่ว่าเราคงไม่เหลือสถานะอะไรให้แกกันแล้วละดา ดาไม่ต้องไปขึ้นเวรโรงพยาบาพี่แล้วนะ พี่ขอบคุณที่ผ่านมา “ ผมพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าเธอเลยสักนิด ผมได้ยินแค่เสียงสะอื้นของเธอแค่นั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนทีผมยังเด็ก น้องดาผมจะคอยปลอบโยนเธอ แต่ทวาตอนนี้เธอไม่ใช่น้องหมอดาที่น่ารักของผมอีกแล้ว ผมเดินสับเท้าออกทันที

      “พี่หมอภีม ทำไมพี่ทำแบบนี้กับดาละคะ ไหนพี่เคยบอกว่าถ้าดาเรียนเก่งๆ ดาจะได้เป็นหมอ และหมอก็ต้องเป็นแฟนกับหมอไม่ใช่เหรอคะ และหมอคนนั้นที่ดาต้องการคือพี่ภีม” หมอดาวิ่งตามผมออกมาน้ำตาเธอรินไหลอาบสองแก้ม

      “ใช่พี่พูดว่าถ้าดาเรียนเก่งๆ ดาจะได้เป็นหมอแต่พี่ไม่ได้บอกนะดาว่าหมอคนนั้นที่จะเป็นแฟนดานะคือพี่ และยิ่งตอนนี้ ยิ่งไม่ใช่ดา เพราะพี่รักต้น ต้นตระการ คนเดียว “

      “แต่ดามาก่อนเขา”

      “ดาไม่ได้มาก่อนเขาในฐานะคนรัก ต้นคือคนรักที่มาก่อนดาและมีแค่ต้นคนเดียวที่พี่รัก “ ผมพูดก่อนจะพยายามเดินออกแต่เธอก็พยายามกอดเอวผมรั้งผม

      “ปล่อยพี่ครับหมอดา “ผมพูดและพยายามแกะมือเธอออก
   
      “ดาไม่ปล่อย ดาจะไม่ปล่อยพี่ไปหา เขา ดามาก่อนเขา ยังไงดาก็มาก่อนเขา”
   
      “พี่บอกให้ดาปล่อยพี่ไง “ผมพูดและพยายามออกแรงแกะมือเธอออก จนสำเร็จ

      “พี่หวังว่าดาจะทำแบบนี้กับพี่และต้นเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปพี่ก็ไม่ไว้ใจอะไรน้องดาอีก และพี่คนนี้จะปกป้องคนที่พี่รักเอง  “

      “ดาวิกา!!” พ่อของเธอตะโกนเรียกชื่อเธอ จนผมและเธอต้องหันไปมอง ท่านเดินออกมายังที่ผมกับหมอดายืนอยู

      “เข้าบ้านเดี๋ยวนี้ !! “

      “และเลิกไปตามไอ้ผู้ชายพันธุ์นี้ได้แล้ว มันเป็นตุ๊ด มันเป็นเกย์ ปล่อยมันไป ถ้าแฟนดีดีมันหายาก พ่อกับแม่นี้เลี้ยงแก ไม่แต่งก็ไม่ตาย” พ่อของหมอดาวิกาพูด และแม่ของเธอที่เขาพยายามดึงแขนหมอดาวิกา ผมหันไปยกมือไหว้อีกครั้ง ท่านก็หันหน้าหนีไม่รับไหว้ผม ผมเดินก้าวเท้าเข้าไปในรถ ผมกำพวกมาลัยแน่น ผมเหลือบไปเห็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ที่ตั้งอยู่ข้างรถของหมอดาวิกา มันมีสติกเกอร์ว่าเขาได้เดินทางด้วยสายการบินอะไรสักอย่าง แต่คนใช้บอกว่าเธอไปเที่ยวเขาค้อกับเพื่อนไม่น่าจะต้องขึ้นเครื่องบินไปหรอกมั้ง แต่มันจะสำคัญกับผมได้ยังไง ผมรีบออกรถทันที เพื่อกลับบ้าน ปัญหาของผมตอนนี้คอืผมจะรู้ได้ยังไงว่าต้นอยู่ไหน และเอิร์ธอีกคน ทำไมผมถึงได้คิดถึงเด็กคนนี้พอพอกับคิดถึงต้นเช่นกัน คิดถึงรอยยิ้มและความน่ารักของเขาเหลือเกิน

      ผมขับรถกลับมาถึงบ้านก็พบว่ามีรถเก๋งที่ไม่คุ้นจอดอยู่ ผมเดินเข้าไปในบ้านของผม ผมว่าพ่อผมกำลังมีแขกอยู่ผมจำได้ดี อาตรีนาฏ และอาตรัย มาหาเยี่ยมพ่อกับแม่ของผม ผมก็ยกมือไว้ ผมเห็นคนที่ผมคุ้นเคยดี ใช่ครอบครัวผมเป็นครอบครัวใหญ่ มีสังสรรค์กันอยู่เป็นประจำเมื่อก่อน เด็กๆก็สนิทสนมกันดี

      “ติณ “ ผมทักทายติณณภพ

      “สวัสดีครับพี่หมอ พี่หมอนี้น่านฟ้าแฟนผมครับพี่หมอภีม”

      “สวัสดีครับ ผมขอโทษจริงๆ ที่ไม่ได้ไปงาน น่าเสียดายมาก ผมอยากเห็นงานแต่งแบบล้านนา” ผมพูดก่อนจะนั่งลง

      “ภีม บอกให้หลานเรานะมานอนบ้านบ้างนะ คลุกอยู่แต่โรงพยาบาลกับแฟนจนลืมปู่ลืมย่าแล้ว” แม่ผมบ่นกับผมอีกแล้ว

      “พี่ภีม ผมก็เพิ่งไปเยี่ยมน้องชายเพื่อนของน่านฟ้าเขามา เขานอนที่โรงพยาบาลของพี่นะครับ “ ผมหันไปมองใครเหรอ

      “น้องชายคุณปลัดนะครับ  “ ผมสะบัดหน้าไปมองอีกรอบ

      “ชื่อต้นตระการ หรือเปล่าครับ” ผมถามทั้งคู่ เขาหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าที่ตกใจ

      “ใช่ครับ พี่หมอรู้ได้ยังไงครับ พี่หมอรู้จักเหรอครับ” ติณณภพถามผม ผมยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะ กระเทิบเข้าไป

      “พี่ขอคุยด้วยหน่อย ในห้องนั่งเล่นอีกห้องนะ” ผมพูดบอกทั้งคู่

      “พ่อครับ ผมขอตัวติณกับแฟนเขาไปหาที่นั่งคุยกันหน่อยได้ไหมครับ น้องมาเที่ยวทั้งที่ ให้คนแก่คุยกันไปก่อน”

      “นี่มาว่าแก่เดี๋ยวจะโดน” แม่ของติณณภพหันมาทำท่าจะตีแขนผม ผมก็พยักหน้าให้ทั้งคู่ตามผมเข้าไปอีกห้องหนึ่ง

      “มีอะไรเหรอครับพี่ภีม” ติณณภพถามผม ก่อนจะหันไปมองหน้าแฟนของเขา แฟนเขาก็มองหน้าผมและยังมองที่นิ้วนางข้างซ้ายของผม

      “พี่พูดตรงๆไม่อ้อมค้อมเลยนะ ว่า พี่เป็นแฟนต้นเขา” ผมพูดบอกติณณภพ ผมแก่กว่าติณเกือบปี และผมก็เกิดก่อนต้นแค่สองเดือน และพอผมพูดแบบนี้ แฟนของติณทำท่าจะเดินออกทันที แต่ติณเขาดึงแขนแฟนเขาไว้ ผมก็ต้องทำหน้างง ไม่เข้าใจ

      “พี่ขอร้องละ พี่รักต้น แต่เขา มีบางอย่างที่ไม่เข้าใจกัน พี่อยากจะไปหาเขา พี่รักเขามาก แต่น้องๆเขาไม่ยอมบอกว่าเขาอยู่ไหน แม้กระทั้งต้นเอง พี่ขอร้องเราสองคนน่ะ “ ผมพูด และมองหน้าทั้งคู่ แต่ดูท่าอีกคนไม่อยากจะบอกผมสักเท่าไหร่ 

      “พี่เสียเขาไปก่อนหน้านี้เพราะว่า เกศรินทร์ เขาใช้วิธีสกปรกทำให้ต้นต้องแต่งงานกับเขา และตอนนี้เขาเลิกกันแล้ว พี่อยากได้คนรักพี่คืน “ ผมพูด

      “ผมไม่รู้ว่ามันมีอะไรที่มากกว่านั้น พี่น่าจะรู้” น่านฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

      “พี่รู้ หมอดาวิกา แต่พี่เพิ่งจะไปคุยกับเขาและพ่อของเขาก็บอกว่าจะไม่ให้หมอดาวิกามายุ่งวุ่นวายกับพี่และต้นอีก”

      “หมอดาเขาเพิ่งจะบอกว่าเขากับพี่เป็นแฟนกัน วันที่น้องชายผมนอนโรงพยาบาล และถามผมว่าผมรู้จักปลัดที่ชื่อต้นตระการไหม ที่ประจำการที่นั้น นั้นแปลว่าเขารู้ ว่าต้นอยู่ไหน แล้วทำไมเขาไม่บอกพี่ละ “ น่านฟ้าพูด ผมก็ต้องอึ้งที่แฟนของติณณภพพูด

      “หมอดาวิการู้ว่าต้นอยู่ที่ไหนอย่างนั้นเหรอ”  ผมพูดเหมือนถามตัวเอง แล้วนี่ทำไมหมอดาวิกาไม่เคยบอกพี่ละ ทั้งที่เขาก็บอกว่าเขาเข้าใจเรื่องของผมกับต้นดี แต่นีเขาปิดผมทำไม

      “แต่ตอนนี้พี่กับหมอดา จบแล้วไม่เหลืออะไรแล้วแม้แต่ความเป็นเพื่อน พี่ขอร้อง “

      “คุณน่านฟ้า คุณเคยบอกผมว่าคุณเคยขอคุณปลัดเป็นแฟนไม่ใช่เหรอ” ติณณภพพูด ผมหันไปมองหน้าจริงๆดิ

      “ใช่ผมยอมรับ ผมแอบชอบต้นมาตั้งแต่ตอนที่เขายังอยู่กับแฟนเขาที่ชื่อเกศรินทร์ และพอเขาเลิกกันผมก็ขอเขาเป็นแฟน “

      “ผมก็ดูออกว่าต้นเขาเป็นเกย์ ผมเองก็เป็นแต่ผมไม่ได้บอกใครแม้กระทั้งทางบ้าน ผมเองก็เคยมีคนที่ทางบ้านให้คบหาดูใจก่อนที่ผมจะแต่งงานติณณภพแต่ว่ามายกเลิกงานแต่งซะก่อน “

      “แต่ว่าต้นเขาปฏิเสธผม เขาบอกว่าเขายักรักแฟนเขาอยู่ และเขาจะไม่มีใครนอกจากผู้ชายคนเดียวที่เขารัก ส่วนเกศรินทร์เขารับผิดชอบในฐานะที่เป็นแม่ของเอิร์ธ แต่ต้นเขาก็ทำหน้าที่พ่อของลูกได้ดี เท่าที่ผมเห็นนะ ดีทีเดียว“

      “ฟู่” ผมถึงกับพ่นลมหายใจออกมายาวๆ

      “เพราะอย่างนี้ไงผมถึงต้องการจะไปตามหาคนที่ผมรักคืน คุณน่าน ผมขอร้องละ ในฐานะลูกผู้ชายด้วยกัน” ผมหันไปขอร้องน่านฟ้า เขาก็ทำท่าจะลังเล และคนที่เดินเข้ามาในห้องที่ผมกำลังคุยกันอยู่ก็คือนครินทร์หลานผม

      “ผมก็พยายามโทรหาอา อาไปไหนมา” นครินทร์พูดต่อว่าผม  ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แบทหมดเกลี้ยงเลย 

      “อาไปคุยกับพ่อแม่หมอดาวิกามา เรื่องรูปถ่ายที่เขาจ้างคนตามติดพี่กับต้น แล้งนี่เรามีอะไรละรินทร์”ผมถามนครินทร์หลานชายของผม

      “นี่ไง ที่พี่อยากได้” นครินทร์หยิบกระดาษที่เชียนด้วยลายมือส่งมาให้ผมเป็นที่อยู่ที่ต้นตระการอยู่

      “แต่พี่จะไปอยู่ที่นั้นยังไงให้อยู่ใกล้ต้นที่สุด พี่กลัวเขาจะหนีหายจากพี่ไปอีก “ ผมพูดและมองหน้าทุกคน

      “คุณน่าน “ติณณภพหันไปเรียกน่านฟ้าที่ยืนกอดอกอยู่

      “ก็ได้ผมจะช่วย แต่คุณต้องสัญญาว่าจะดูแลคุณต้นและลูกชายเขาอย่างดี ผมพูดในฐานะเพื่อนคนหนึ่งของต้น ไม่ใช่คนที่เคยรัก  “ น่านฟ้าพูด ผมพยักหน้า

      “อย่าทำให้รินทร์เสียด้วยนะอา กว่าจะขอคุณก้องมาได้ ตอนแรกเขมก็ว่าจะให้เองแหละ แต่ก้องเขาก็ใจอ่อน แต่อาอย่าลืมก็แล้วกัน แหละผมก็หวังว่าหมอดาวิกานี้จะไม่ไปตามลาวีพี่ต้นเอานะ “ นครินทร์พูด ผมก็รับที่อยู่มาถือไว้ ผมต้องอมยิ้ม เพราะว่าพ่อผมมีโรงพยาบาบสาขาใหม่พ่อผมให้เพื่อนของพ่อที่เป็นหมอดูแลอยู่ ตอนนี้ผมคงขออาสาไปช่วยดูแล และผมก็ภาวนาว่าต้นอย่าเพิ่งหนีผมไปไหนนะรอผมก่อน หัวใจของผมและอีกคนรออาหมอก่อนนะเอิร์ธ
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)รอก่อนนะครับหัวใจของผม
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 04-11-2020 20:43:42
จะได้ดีกันแล้วใช่มั้ยต้นภีม
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน( ครูเขม X คริส) พี่ก้องเป็นสื่อให้ได้คุยกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 05-11-2020 17:02:28


รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน( ครูเขม X คริส) พี่ก้องเป็นสื่อให้ได้คุยกัน

                Part’s ครูเขมชาติผมต้องหอบงานคะแนนเด็กนักเรียนมาทำด้วยและมาอยู่ป็นเพื่อนพี่ก้องที่โรงพยาบาล พี่ก้องผมถูกยิง พอผมรู้เรื่องก็รีบขับรถมาทันที ผมยอมรับว่าผมตกใจและร้องไห้ตลอดทางที่ขับรถมา ผมกลัวเสียพี่ก้องไปจริงๆ พอผมมาถึงก็เจอพี่ต้น พี่ต้นบินด่วนมาถึงเพราะว่าหัวหน้าพี่ก้องโทรบอกก่อนจะพาพี่ก้องย้ายมาโรงพยาบาลปู่ของพี่นครินทร์ แฟนพี่ก้อง และก็ทำให้พี่ต้นเจอกับพี่หมอภีมปภพอีกครั้งเพราะว่าพี่หมอภีมเป็นอาของพี่นครินทร์ พี่นครินทร์ยืนยันว่าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนจริงๆ พวกผมก้ไม่โกรธพี่รินทร์เขาอยู่แล้ว

      และนี่จู่ๆ พี่ต้นก็ขอเอาเอิร์ธหลานผมกลับไปเชียงใหม่ ผมว่าน่าจะมีเรื่องแน่ๆ แต่พี่ต้นไม่ยอมบอกพวกผมตรงๆ พี่ก้องเดาว่าเป็นพี่หมอดาวิกา พี่ก้องเขาเลยยื่นคำขาดให้พี่หมอภีมไปจบเรื่องหมอดาวิกามาก่อน และสุดท้านพี่ก้องก็ใจอ่อนให้ที่อยู่พี่ต้นไป ส่วนหมอดาวิกา พี่หมอภีมบอกว่าเขาจะไม่มาขึ้นเวรเป็นหมอพาร์ทไทม์ที่โรงพยาบาลพี่หมอภีมอีก เขาจะเปิดคลินิกแล้ว

      
                ผมเหลือบไปมองพี่ก้องที่กำลังหลับอยู่ ผมเลยไม่อยากปลุก พี่ก้องก็ยังต้องได้ยาแก้ปวดอย่างแรงมันก็จะทำให้พี่ก้องหลับหลังจากนั้น ผมก็เปิดอิเมลของคริสโตเฟอร์

//พี่เขม ผมคิดถึงพี่เขม ผมคิดถึงพี่มาก ผมไม่รู้ว่าผมจะทนได้ไหมตั้งหกเดือน ตอนนี้ผมรู้สึกแย่กว่าตอนที่เราห่างกันห้าวันอีก ตอนนั้น ผมยังยืนมองหลังคาบ้านพักครูได้แต่ตอนนี้ผมมองไม่เห็นอะไรเลยอ่ะพี่เขม ผมท้ออ่ะพี่เขม///

//พี่เขม พี่ปิดเทอมหรือยัง ผมเพิ่งเริ่มไปเรียนภาษาที่TAFE มีเพื่อนใหม่บ้าง แต่ผมก็ยังคิดถึงพี่อยู่ดี พี่เขม พี่ละคิดถึงผมไหม I always miss you babe //

//พี่เขม วันนี้ผมไปยื่นใบสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยมาแล้วนะ ไปดูมหาลัยมาด้วย ปีแรกผมต้องเข้าไปอยู่หอกับเพื่อนก่อน พี่เขมผมอยากให้พี่มาเที่ยวแคนเบอร่ากับผมจัง I really miss you my darling//

// พี่เขม วันนี้ผมได้ลองขี่สกู้ตเตอร์สีส้ม ผมกำลังจะไปสอบตัวแอลก่อนพี่เขมเพื่อจะได้สอบขับรถ ถ้าพี่เขมมาผมจะได้ขับรถพาพี่เขมเที่ยว ผมอยากให้พี่อยู่กับผมทุกวันเหมือนคู่รักคนอื่นๆ จังอ่ะพี่เขม I need you stay with me my darling // ผมอ่านไปน้ำตาก็ซึมไปด้วย ผมคิดถึงเขาเหลือเกิน

      “เป็นอะไรล่ะเขม” เสียงที่ทำให้ผมต้องแอบปาดน้ำทิ้ง และหันไปมองพี่ก้องตื่นขึ้นมาพอดี พี่ก้องถามผม ผมก็ส่ายหน้าว่าไม่เป็นอะไร

      “ช่วงนี้ซึมๆ ไปนะ มีอะไรก็บอกพี่ได้นี่เขม” พี่ก้องถามผมและทำท่าจะลุกขึ้นนั่ง ผมก็ลุกไปช่วยพยุงพี่ก้อง แอบมองดื้ออย่างที่พี่นครินทร์บ่นกับแม่จริงๆ ด้วย

      “น้องคริสเราเป็นไงบ้างละ สบายดีไหม ไม่เห็นคุยโทรศัพท์กันเลย” พี่ก้องถามผม ผมก็เงยหน้ามองพี่ก้อง ผมไม่เคยบอกเรื่องที่พ่อเขายื่นข้อเสนอให้ผมกับพี่ก้องเลย

      “คือน้องสบายดีพี่ก้องและน้องเรียนปรับพื้นฐานด้วยเลยไม่อยากกวนนะพี่ก้อง” ผมพูดก่อนจะเดินกลับมานั่งลงทำงานต่อ ผมจะกล้าบอกพี่ก้องได้ยังไงว่าพ่อเขาห้ามผมคุยกับลูกชายเขาตั้งหกเดือนแบบนี้

      “เขม ไปหาพี่พยาบาลให้พี่หน่อยดิบอกว่าพี่ขอยาแก้ปวด” พี่ก้องบอกผม ผมก็พยักหน้าและลุกขึ้นไป ผมเดินไปที่ห้องเคาน์เตอร์พยาบาล

      “สวัสดีครับพี่ ผมขอยาแก้ปวดให้คนไข้ห้อง 4428 หน่อยครับ “ผมบอกพี่พยาบาล พี่เขาหันมาส่งยิ้มหวานให้ผม

      “ได้ค่ะ เดี๋ยวเอาไปให้ที่ห้องนะคะ”

      “ขอบคุณครับ” ผมพูดขอบคุณและหันหลังเดินออก

      “คนนี้ไงหล่อมากเลยอ่ะ คือแบบว่าหล่อน่ารักอ่ะ มีแฟนหรือยังก็ไม่รู้” เขาเรียกนินทาระยะเผาขนเลยครับแต่ผมก็หันไปส่งยิ้มให้ ก่อนจะเดินกลับมาที่ห้องคนไข้ของพี่ก้อง พอผมเปิดประตูเข้ามาก็ต้องตกใจพี่ก้องลงมานั่งเปิดโน๊ตบุ้คของผม

      “พี่ก้อง ลงมาจากเตียงคนไข้ทำไมนะ” ผมถามพี่ก้องด้วยน้ำเสียงที่ตกใจ พี่ก้องหันมามองหน้าผม ผมรีบเข้ามาหาพี่ก้องด้วยความเป็นห่วง

      “พี่ก้อง” ผมเรียกพี่ก้อง

      “เพราะเรื่องนี้ใช่ไหมว่ะ ที่ทำหน้าซึมนะเขม ทำไมล่ะเขม  พ่อเขาไม่ให้นายคุยกันเหรอ” พี่ก้องพูด ผมก็ต้องพยักหน้าตอบว่าใช่ พี่ก้องลุกขึ้น

      “ซี้ด!” พี่ก้องซี้ดปากคงเจ็บแผล ผมก็เข้าไปพยุง

      “พี่ไหวน่ะ “พี่ก้องบอกผมแต่ผมก็พยุงพี่ก้องไปจนถึงเตียงคนไข้

      “พี่ก้องนี้ดื้อเหมือนที่พี่รินทร์พูดไม่มีผิดเลยนะ”

      “พี่ลุกเดินได้แล้วนะ ใครจะนอนติดเตียงตลอดละ เขม แค่เนี๊ยะชิวๆ ว่ะ” พี่ก้องพูด

      “แล้วนี่ไม่ปวดแผลหรือไงเห็นให้เขมไปเอายาแก้ปวด” ผมถามพี่ก้อง

      “หลอกให้ไปจะได้ค้นความลับ “พี่ก้องพูดและประตูห้องพักก็ถูกเปิดเข้ามา พยาบาลที่ผมไปขอยาแก้ปวด เดินเอามาให้เองวันนี้

      “ยาแก้ปวดที่ขอไว้ค่ะ “พยาบาลบอกผมและมองมาที่ผมพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้แต่ผมแปลกใจทำไมไม่ส่งให้พี่ก้องแทน ออกจะเท่

      “ขอบคุณนะครับคุณพยาบาลคนสวย ว่าแต่มองน้องชายผมแบบนี้ ไม่กลัวแฟนน้องเขาเหรอครับ” พี่ก้องพูดและถามคุณพยาบาลกลับ

      “มีแฟนแล้วเหรอคะ” คุณพยาบาลหันมาถามผม

      “มีแล้วครับ แฟนคุณครูเขาเป็นนักเรียนเกรียนซะด้วย “พี่ก้องพูดผมหันไปมองพี่ก้องนี่มันสกัดน้องชัดๆ

      “นักเรียนเกรียนเลยเหรอคะ เฮอๆ งั้นขอตัวก่อนนะคะ ต้องไปดูคนไข้ห้องอื่นก่อนนะคะ “คุณพยาบาลพูดก่อนจะเดินออกจากห้อง และผมก็ส่งยาแก้ปวดให้พี่ก้อง

      “เอาวางไว้ก่อน ยังไม่ปวดมากจนต้องกินยาหรอกเขม” พี่ก้องพูดผมหันไปทำแก้มป่องและเดินไปทำคะแนนต่อจะได้เสร็จ ผมไม่กล้าอ่านเมลที่คริสโตเฟอร์ส่งมาให้ผมต่อ ผมเองนี่แหละที่จะทนไม่ไหวคริส

      “ฮัลโล เออ เป็นไงบ้าง สบายดีไหม ทำอะไรอยู่ เหรอ เออ พี่ก็อยู่โรงพยาบาลไง” ผมหันไปมองพี่ก้องกำลังวิดีโอคอลคุยกับใครก็ไม่รู้ คงจะเป็นคนที่ทำงานที่ฐานที่พี่ก้องประจำการด้วยแน่ๆ เลย พี่ก้องยักคิ้วให้ผม

      “พี่อยากพักยาวน่ะก็เลยกระโดดรับกระสุนมาเจ็ดนัด ฮาๆ ชิวใช่ป่ะ “พี่ก้องพูดแต่พี่ก้องเขาเอาหูฟังใส่ไงผมเลยได้ยินแต่เสียงพี่ก้อง

      “เห็นคนหน้ามุ้ยป่ะว่ะ” พี่ก้องพูดผมเงยหน้าขึ้นมองพี่ก้อง พี่ก้องเขาจ่อมือถือขึ้นเล็งมาที่ผมแบบนี้แสดงว่าเขากำลังเปิดกล้องหลังเพื่อส่องผมแต่ว่าใครกันที่พี่ก้องคุยด้วยกันแน่

      “ใครบางคนเขาคิดถึงนะ “พี่ก้องพูดผมก็ต้องลุกพล้วดขึ้นมา พี่ก้องอย่าบอกนะว่าโทรหาคริสโตเฟอร์น่ะ ผมเดินมามองพี่ก้อง

      “เห็นแล้วพี่ก้อง หน้ามุ้ยจริงด้วย “เสียงที่ผมไม่ได้ยินมาเกือบเดือนผมยังจำได้ดี

      “อ่ะ คุยดิ” พี่ก้องส่งมาให้ผม

      “แต่”

      “พี่ชายโทรไม่ใช่เขมโทรไม่ผิดมั้ง”ก้องพูดบอกผม ผมก็รับมือถือมาและคนที่กำลังวิดีโอคอลคุยกับพี่ก้องก็มองผม แววตาของเขามันบ่งบอกว่าคิดถึงผมมากแค่ไหน ผมเองก็คิดถึงเขามากเช่นกัน ผมหยิบมือถือมาจากพี่ก้อง และเดินไปหามุมเพื่อนั่งลง ทำไมแค่เดือนเดียวเขาดูเปลี่ยนไป ดูเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่เด็กนักเรียนมัธยมของผมอีกอีกต่อไป ผมได้แต่มองใบหน้านั้น

      “พี่เขม “คริสโตฟอร์เรียกผม

      “ไง สบายดีไหมคริส” ผมถามคริสโตเฟอร์

      “พี่เขมดูผอมลงไปน่ะ” คริสโตเฟอร์ทักผม ผมก็ก้มลงมองตัวเองว่าผอมไปจริงๆ เหรอ

      “ดูผมนี้” คริสโตเฟอร์พูดก่อนจะลุกขึ้นยืน นี่เขาเริ่มมีกล้ามแล้วเหรอ “ไปทำอะไรมาคริส” ผมถามคริสโตเฟอร์

      “ตอนเช้าก็ออกไปวิ่ง พ่อผมไปวิ่งทุกวันพ่อเลยบอกให้ผมไปวิ่งบ้างอ่ะพี่เขม และพอตกเย็นก็เล่นเวท พ่อผมชวนนะพี่เขม อยากมีกล้ามจะได้เอาไหว้ปกป้องครูเขมได้ไง” คริสโตเฟอร์พูด ผมยอมรับว่าตอนนี้หุ่นเขาเริ่มบึกกว่าผมแล้ว

      “กำลังปั้นซิกแพก” คริสโตเฟอร์พูดบอกผม ผมพยักหน้า

      “พี่เขมผมคิดถึงพี่เขมอ่ะ บางทีผมไม่อยากทนแล้ว ผมอยากกลับไปเป็นเด็กนักเรียนกับพี่เหมือนเดิมอ่ะพี่เขมแต่ ผมก็กลับไปไม่ได้เพราะผมอยากดูแลพี่เขม ดังนั้นผมต้องอดทนอ่ะพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด

      “นี้แม่ก็โทรมาคุยกับคริสบ่อยกว่าตอนที่ไปเรียนที่โรงเรียนอีกน่ะพี่เขมและแม่ก็ถามผมว่าคุยกับพี่เขมไหม ผมอยากจะบอกแม่น่ะแต่ถ้าบอกแม่  แม่ก็คงโวยวายใส่พ่อแน่ๆ “คริสโตเฟอร์พูด

      “อย่าบอกแม่นะคริส ตอนนี้ก็ผ่านไปเดือนกว่าๆ แล้ว และนี้พี่ก็จะสอนพิเศษกับอาจารย์อรปรียาด้วยคงจะยุ่งอยู่นะ และพี่เชื่อว่าเวลาเดินเร็วคริส” ผมพูดกับบอกคริสโตเฟอร์

      “ผมรู้อ่ะพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด เขาเดินออกไปที่ตรงระเบียง ผมเดาว่าเขาน่าจะพักอยู่คอนโด เพราะว่าพ่อของเขาบอกว่ามีคอนโดที่แคนเบอร่าด้วย

      “พี่เขม ผมรู้สึกท้อนะ ก็ตอนที่ผมอยู่ที่ไทย อยู่ในรั้วโรงเรียนผมยังยืนมองเห็นพี่ได้จากหลังคาบ้านพักแต่นี้ผมยืนมองไปผมไม่เห็นอะไรพี่เขม “ผมได้ยินก็ต้องหันหน้าหนีกล้องมือถือ น้ำตาผมมันคลอๆที่ขอบตาแล้วไง

      “ผมอยากกอดพี่เขม มันทรมารที่สุดพี่รู้ไหม”

      “พี่ก็คิดถึงเรามากคริส อย่าอ่อนแอแบบนี้ซิพี่ก็จะอ่อนแอตามไปด้วยคริส” ผมพูด คริสโตเฟอร์มองผมผ่านกล้อง

      “พี่เขมผมกำลังจะไปทำงานที่ร้านพิซซ่าแล้วนะ ผมจะเก็บเงินอย่างที่ผมบอกพี่เขมผมจะซื้อแหวนที่มีค่ามีราคาให้พี่เขมเพื่อขอพี่เขมแต่งงาน” คริสโตเฟอร์พูด

      “พี่เขมผมต้องไปTAFEแล้วอ่ะพี่เขม ผมอยากคุยกับพี่เขมอีก

      “คริส เราควรทำตามกฎกติกานะ พี่อ่านอิเมลของเราทุกอิเมลเลยนะ พี่ยอมรับว่ามันทำให้พี่ยิ่งคิดถึงเรามากเหลือเกิน แต่พี่จะอดทนเพื่อ สิ่งที่มีค่าของเราสองคน คริสก็ต้องอดทนนะรู้ไหม “ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์

      “ครับพี่เขม ผมจะอดทน ผมรักพี่เขม I love you to the moon and back” คริสโตเฟอร์บอกผม

      “I love you to the moon and back too” ผมตอบมันแปลกว่าผมรักเขามากแค่ไหน เหมือนที่เขาบอกกับผมเช่นกัน

      “bye my sweet heart “คริสโตเฟอร์พูดแต่เหมือนกับว่าเขาไม่อยากจะวางสายจากผมไปผมเองก็ไม่อยากวางแต่ก็ต้องกดวางสายเอง มันบีบหัวใจผมเหลือเกิน ผมหันมามองพี่ชายของผมที่นั่งดูทีวี ผมเดินไปส่งมือถือให้พี่ก้อง พี่ก้องมองหน้าผม ก่อนจะแตะแขนผมเบาๆ

      “ผมโอเคพี่ก้อง”

      “พี่ดีใจด้วยนะ ที่น้องชายพี่เจอคนที่รักนายจริงๆ เขม “พี่ก้องพูด ผมก็โผ่เข้าไปกอดพี่ชาย น้ำตาผมไหล พี่ก้องก็เอามือลูบหัวผมเบาๆ และผมก็เดินไปทำคะแนนสอบเด็กต่อจะได้เสร็จ


หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน( ครูเขม X คริส) พี่ก้องเป็นสื่อให้ได้คุยกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 05-11-2020 18:06:00
คิดถึงน้องคริสสสสสส  :mew4:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(พี่ก้องXนครินทร์) เมียงอนครับผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 05-11-2020 21:29:51
พิเศษ(พี่ก้องXนครินทร์) เมียงอนครับผม

ก้องภพ Xนครินทร์ เมื่อโบว์ขอจะกลับมาหาผม

      ผมนอนดูทีวีอยู่บนเตียงคนไข้ แถมไม่มีอะไรให้ทำอีก ผมนี่เบื่อจนบอกไม่ถูก ก็ผมเป็นผู้กองบ้าระห่ำ แต่มาต้องมานั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมๆ ถึงแม้ว่าผมจะลุกเดินไปได้บ้างรอบห้องแต่ ใจอยากออกไปข้างนอกแต่ถูกสั่งห้ามว่าอย่าเพิ่งซ่าจะใครละ ก็เมียรักผมนี่ไง นครินทร์

      “คุณก้องทานส้มไหมครับ” ผมหันหน้ามามองนครินทร์ หรือผู้กองนครินทร์

      “แม่ซื้อมาให้คุณน่ะก้อง “นครินทร์บอกผม ผมพยักหน้าว่าทานครับ

      “คุณเลือกหรือว่าแม่ผมเลือกน่ะรินทร์” ผมถามนครินทร์

      “กลัวรินทร์จะเลือกส้มเปรี้ยวมาให้คุณละซิ” นครินทร์เอียงคอตอบผม “หึ? ” ผมเลิกคิ้วเป็นคำถาม

      “แม่เลือกครับก้อง รินทร์แค่ยืนดูว่าแม่เลือกยังไง” นครินทร์ตอบผม ทำให้ผมอดอมยิ้มไม่ได้ นั้นแปลว่าเขาพยายามมาดูแลผมอยู่เหมือนกันนะ

      “รินทร์คุณคุยกับพ่อคุณหรือยังครับ” ผมถามรินทร์ เขาก็นิ่งเงียบ ผู้กองนครินทร์บอกผมว่าวันก่อนแม่พูดนะเพื่อไม่ให้ผมรู้สึกผิดแต่จริงๆแล้วพ่อเขาตัดขาดจากเขาเลยก็ว่าได้

      “รินทร์” ผมเรียกชื่อเขาอีกครั้ง รินทร์หันมามองหน้าผม แววตาที่ดูเศร้าลงกะทันหัน

      “รินทร์ว่าพ่อคงตัดขาดจากรินทร์แล้วแหละก้อง “ผู้กองนครินทร์พูด ผมควักมือเรียกเขาให้เข้ามากใกล้ๆ ผม ผมค่อยยันตัวเองลุกขึ้นนั่งแต่รินทร์ก็พยายามจะช่วยผม ผมยกมือห้าม ผมว่าผมทำเองได้ และพอผมยันตัวเองให้นั่งได้ก็หันมาจับมือนครินทร์เอาไว้

      “อยู่กับผมเลยไหมรินทร์ ผมพร้อมจะดูแลคุณนะ” ผมบอกนครินทร์ เขาก็มองหน้าผมปาดน้ำตาที่มาปริ่มๆ อยู่ที่ดวงตาเรียวคู่นั้น ผมยอมรับว่านครินทร์เป็นตาสวยเรียวสวยเหมือนผู้หญิงแต่ดุดันยามโกรธหรือโมโห

      “คุณจะทานส้มใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นผมเอาส้มไปล้างให้คุณก่อนนะก้อง”

      “ล้างทำไมละคุณ”

      “ก็ส่วนใหญ่เขาจะฉีดยากันทั้งนั้นแหละ ล้างสักหน่อยก้อง เดี๋ยวผมมานะครับ” นครินทร์พูดก่อนจะนำส้มเข้าไปล้างให้ผม ผมก็นั่งรอ ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู เสียดายเครื่องเก่า มันมีรูปผมกับนครินทร์เยอะแยะไปหมดยังไม่ทันได้โหลดเก็บเอาไว้เลย

      “ปึก” เสียงประตูถูกผลักให้เข้ามาอย่างเร็ว ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่มาเยี่ยมผม และผมก็ต้องผงะ เพราะว่าคนที่มายืนนั้นคือ โบว์ แฟนเก่าของผม คนที่จะแต่งงานกับผมแต่ว่าเธอดันไปมีอะไรกับเพื่อนร่วมงาน และมันไม่ใช่ครั้งแรก แต่ครั้งนั้นเธอเลือกคนใหม่ ผมก็เลยให้เธอไป แม้จะผ่านมาสามปีแล้วก็ตาม

      “โบว์” ผมเรียกเธอด้วยความประหลาดใจ ผมรู้ว่าเธอขอย้ายไปอยู่สาขาเดียวกับแฟนเธอที่ชลบุรี

      “พี่ก้อง!! ” โบว์อ่อนกว่าผมสองปี แก่กว่าเขมหนึ่งปี เป็นรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกับเขมชาติด้วย

      “หมับ” ผมไม่ทันได้ตั้งตัว โบว์เข้ามากอดผมเอาไว้

      “แม่บอกว่าพี่โดนยิง พี่เจ็บมากไหมพี่ก้อง” ผมก็ก้มลงมอง

      “โดนยิงมันก็ต้องเจ็บนะโบว์ “ผมพูดและค่อยดันโบว์ออกด้วยความยากลำบากเพราะว่าผมยังเจ็บแผลอยู่

      “พี่ก้อง โบว์ขอโทษ โบว์ขอโทษที่ผ่านมาพี่ก้อง ฮือๆ “โบว์ร้องไห้ ผมรับรู้ได้ว่าเสื้อคนไข้ผมเปียกชื้นที่แผ่นอก ผมก็ต้องปล่อยให้เขากอดผมไปกอดซิน่ะ ถึงยังไงผมกับโบว์ก็คบกันมาหลายปี สีหรือห้าปีได้ตั้งแต่ผมกำลังจะสอบเข้าโรงเรียนนายร้อย ผมใช้ฝ่ามือลูบหัวโบว์เบาๆ

      “พี่ก้อง เสียใจในการตัดสินใจที่ผิดพล้าดของโบว์ ถ้าโบว์ไม่เลือกที่จะไป โบว์คงไม่ต้องเจออะไรแบบนี้ “โบว์พร่ำบอกผม

      “พี่ก้องรู้ไหมว่าโบว์เจออะไรบ้าง มันทำให้โบว์ ยิ่งกว่าที่โบว์ทำกับพี่ก้อง อีก ฮือๆ “โบว์ยังคงร้องไห้อยู่ที่อกของผม

      “มันเอาผู้หญิงมานอนในห้องที่มันกับโบว์อยู่อ่ะพี่ก้อง ฮือๆๆ และมันยังเอาบัตรเครดิตไปผ่อนของให้เขาอีก”

      “โบว์ พี่เข้าใจนะ แต่พี่ คงทำได้แค่ปลอบโบว์นะ” ผมบอกเธอ พอโบว์ได้ยินก็เงยหน้ามองผม ผมใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาที่แก้มนั้น

      “ให้โบว์กลับมาเป็นแฟนพี่เหมือนเดิมนะพี่ก้อง โบว์สัญญาว่าโบว์จะไม่ทำอีก “โบว์พูด ผมก็ก้มลงมองหน้าโบว์

      “คุณก้อง ส้มได้…” ผุ้กองนครินทร์เดินออกมาพร้อมกับส้มที่เขาเอาไปล้างน้ำ ผู้กองมองหน้าผมและคนที่กอดผมอยู่ แบบมีคำถามว่าใคร

      “โบว์นั้นผู้กองนครินทร์ “ผมบอกโบว์ โบว์หันไปมองพร้อมกับปาดน้ำตาที่แก้มจนเหือดหายและหันไปยิ้มให้ผู้กองนครินทร์ ผมเคยเล่าเรื่องโบว์ให้เขาฟัง ผู้กองนครินทร์พยักหน้าว่าเข้าใจ

      “เพื่อนพี่ก้องเหรอคะ? ”

      “โบว์นั้น”

      “ผมขอตัวไปเก็บอุปกรณ์ในอ่างก่อนนะครับเชิญคุยกันตามสบาย” ผู้กองนครินทร์หันหลังกลับเข้าไปทันที ผมก้มหน้าลงมองโบว์พร้อมกับพ่นลมหายใจ “ฟู่” ออกมายาวๆ งานเข้าเลยผม

      “โบว์ ปล่อยพี่ก่อนค่ะ “ผมพยายามแกะมือถืออีกครั้ง

      “ไม่ค่ะ โบว์จะกอดพี่ก้อง โบว์คิดถึงค่ะ ให้โบว์ดูแลพี่ก้องนะ” โบว์พูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานๆ ให้ผม ถ้าเป็นเมื่อสองปีที่แล้วผมคงแกล้งเจ็บให้โบว์เอาใจแต่นี้

      “ปล่อยพี่ก่อนค่ะโบว์ พี่เจ็บแผล!! ” ผมจำต้องขึ้นเสียงดังใส่เธอ โบว์ถึงได้ปล่อยผม

      “ทำไมละคะ ทำไมพี่ไม่ให้โบว์กอดพี่ก้องละคะ หรือว่าพี่ก้องยังโกรธโบว์อยู่ค่ะ”

      “พี่ไม่ได้โกรธโบว์แล้วค่ะ เพราะว่ามันผ่านมาสามปีแล้วนะโบว์ “ผมพูด โบว์ยิ้มกว้างให้ผม

      “แต่ตอนนี้พี่มีแฟนแล้วค่ะ โบว์” ผมพูดเท่านั้นเธอก็หุบยิ้มทันที แต่เธอก็กวาดสายตาไปรอบๆ ห้อง

      “ถ้าพี่จะมีแฟนใหม่โบว์ไม่แปลกใจค่ะ แต่แฟนกันทำไมไม่มาดูแลพี่ละ แบบนี้ให้โบว์กลับมาเป็นแฟนพี่เธอนะ โบว์จะอยู่ดูแลพี่เอง”

      “แฟนพี่มาดูแลพี่ค่ะโบว์ แฟนพี่เขา…” ผมบอกโบว์และเบี่ยงสายตาไปทางห้องน้ำที่ผู้กองนครินทร์เดินเข้าไป

      “คุณรินทร์ ออกมาซิคุณ” ผมเรียกผู้กองนครินทร์

      “รินทร์ครับ ออกมาซิครับคุณรินทร์เราจะได้คุยกัน” ผมพูดโบว์ก็ยิ่งขมวดคิ้วมองผมแบบไม่เข้าใจ จนผู้กองครินทร์เดินออกมาและมายืนมองผมกับโบว์

      “โบว์ค่ะ ผู้กองนครินทร์ เขา”

      “เป็นเพื่อนพี่เหรอคะ” โบว์ชิ้งตอบ

      “ไม่ใช่ค่ะ คุณรินทร์เขาเป็นแฟนพี่ค่ะโบว์” ผมตอบโบว์ เธอหันขวับมามองหน้าผม และสะบัดหน้ากลับไปมองผู้กองนครินทร์อีกครั้งแบบไม่อยากจะเชื่อที่ผมพูด

      “พี่ล้อโบว์เล่นใช่ไหมคะ เพราะว่าพี่ยังโกรธโบว์อยู่” โบว์หันมาพูดกับผม

      “ผมเป็นแฟนคุณก้องครับ” นครินทร์เป็นคนพูดเองเลย ผมก็แกะมือโบว์ออกแต่โบว์ก็ไม่ยอม พยายาม จับแขนผมเอาไว้แน่น

      “พี่ก้อง พี่ไม่เคยชอบแบบนี้ไม่ใช่เหรอคะ”

      “คือโบว์ พี่เออ เอาตรงๆ นะ ก่อนพี่มีโบว์พี่ก็ได้ทั้งชายและหญิง  แต่ส่วนมากไปทางผู้หญิงพี่ยอมรับ และพอพี่มาเจอโบว์พี่ก็เลือกโบว์ แต่ตอนนี้พี่ ….” ผมพูดและมองหน้าโบว์

      “พี่รักเขา พี่รักคุณนครินทร์เขาโบว์ พี่รักเขามากขนาดที่ว่า พี่ยอมรับกระสุนแทนเขานะโบว์ “ผมพูดบอกกับโบว์ เธอหันไปมองนครินทร์ และหันกลับมามองผมอีกครั้ง

      “พี่คบกันตอนไหนคะ” โบว์ถามผมก่อนจะดึงมือเธอกลับไป

      “ตอนนี้ก็ราวๆ สี่เดือนน่ะโบว์” ผมตอบโบว์ โบว์หันไปมองนครินทร์และ

      “หมับ” เธอยังกลับมากอดผมอีก ผมเองก็ขยับไม่ได้มาก เพราะว่าอยู่บนเตียงคนไข้ ส่วนนครินทร์ก็เหล่ตามองมาที่ผม

      “โบว์ปล่อยพี่เถอะค่ะ เพราะว่าแฟนพี่ยืนมองอยู่” ผมพูดและพยายามดันเธอออกอีกครั้ง แต่โบว์ก็กอดผมแน่นมากขึ้น และเอาหน้าเธอแหนบกับอกของผม ผมก็ผายมือให้นครินทร์ช่วย เขาก็กอดอกหันไปมองทางอื่น นั้นก็งอนผมอีกคน

      “โบว์พี่ขอละ แฟนจะงอนพี่เอา” ผมพูด

      “ไม่จริงอ่ะ คบแค่สี่เดือน กับพี่คบกับโบว์มาตั้งสี่ปีกับยี่สิบสองวัน อันไหนจะมีค่ามากกว่ากัน โบว์เชื่อว่าพี่รักโบว์มากกว่า” โบว์พูด ผมก็ต้องเอามือกุมขมับ ส่วนนครินทร์ก็หันมามองหน้าผม

      “โบว์ ระยะเวลาไม่ได้พิสูจน์ว่าอันไหนคือรักที่มีค่ามากกว่ากัน หรือรักมากกว่ากันแต่ คนสุดท้ายนั้นต่างหาก คนที่พี่เลือก…” ผมพูดและมองนครินทร์

      “ผู้กองนครินทร์คือคนสุดท้ายของพี่โบว์” ผมพูด นครินทร์เขามองผมและคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะ

      “แปะ” ผู้กองนครินทร์เดินมาสะกิดโบว์เบาๆ “รบกวนปล่อยแฟนผมด้วยครับคุณโบว์” นครินทร์พูดกับโบว์ และเขายังคงส่งรอยยิ้มมาให้ ผมก็ก้มลงมองโบว์ สายตาผมก็ขอร้องเขาเช่นกัน

      “ปล่อยแฟนผมเถอะครับคุณโบว์” นครินทร์พูดอีกครั้งและครั้งนี้มันได้ผล โบว์ปล่อยให้ผมเป็นอิสระ

      “โบว์ความรู้สึกที่ดีพี่ยังไม่ให้โบว์เสมอน่ะ ยกเว้นฐานะคนรักพี่ยกให้คุณรินทร์เข้าไปแล้ว” ผมพูด

      “และที่พี่จะให้โบว์ได้ตอนนี้คือพี่ชายและน้องสว” ผมพูด

      “แต่ถ้าโบว์คิดว่าโบว์ไม่พร้อมพี่ไม่ว่าอะไรนะ แต่ถ้าโบว์พร้อมก็กลับมาแต่คงไว้ซึ่งพี่ชายกับน้องสาวเหมือนเดิม พี่คนนี้พร้อมจะเป็นพี่ชายที่ดีให้โบว์ได้ครับโบว์” ผมพูดโบว์ยังคงนิ่งเงียบ

      “ถ้าไม่ใช่คนรักสถานะไหนโบว์ก็ไม่ต้องการค่ะพี่ก้อง ขอบคุณนะคะ ที่ผ่านมา โบว์เพิ่งจะรู้ว่าโบว์โง่มากที่ตัดสินใจในวันนั้น วันที่พี่ก้องยังยื่นโอกาสให้โบว์ แต่โบว์ไม่รับมัน เพราะว่าโบว์ยังคิดว่าจะกลับมาหาพี่ก้องได้เหมือนเดิม แต่ว่ามันไม่ใช่แล้ว “โบว์พูดพร้อมกับลุกขึ้นเขามองหน้าผมกับผู้กอง นครินทร์ ก่อนที่โบว์จะหันหลังเดินออกไป

      “โบว์ขอให้พี่ก้องกับเขารักกันนานๆ นะคะ แต่ถ้าพี่สองคนมีข่าวดีไม่ต้องบอกโบว์นะคะ โบว์คงทำใจไม่ได้หรอกค่ะ “โบว์พูดพร้อมกับรีบเดินออกไป และเสียงประตูก็ถูกปิดลง ผมหันมามองผู้กองนครินทร์ แอบทำหน้าเง้างอนผมอีก

      “คุณ ผมเกือบตายแล้วไหมล่ะ คุณนี่ก็งอนหายไปไหนก็ไม่รู้ “ผมพูดปนหัวเราะ

      “เป็นไงละ น่าจะให้ชะนีรัดให้ตายไปเลย กอดกันกลมดิ๊กเลยนะ” ผู้กองนครินทร์พูดและหันขวับมามองผม

      “ถ้าคุณดูดีดี ผมไม่ได้กอดเขากอดผมคุณ “ผมพูด

      “ไม่ต้องเลย แค่หันไปในห้องน้ำแป้ปเดียวเอง “ผู้กองนครินทร์หันมาจะตีผมอีกแต่ผมรีบยกแขนขึ้นกันไว้

      “รินทร์ ผมรอดตายจากคมกระสุนอย่าให้ต้องมาตายเพราะเมียรักหึงนะ มันเสียศักดิ์ศรี” ผมพูด

      “ยังมาคิดเรื่องศักดิ์ศรี มันน่าไหมล่ะ “ผู้กองนครินทร์พูด

      “จะว่าไป ผมก็สงสารเธอเหมือนกันนะ เลือกเส้นทางผิดแต่ว่าจะย้อนกลับมาก็ไม่ได้ “ผู้กองนครินทร์พูด

      “ให้ตามกลับมาไหมล่ะครับ” ผมแกล้งถามนครินทร์ เขาหันมาขวับมามองหน้าผม

      “โอ๊ย!!! ” เสียงผมร้องลั่นห้องไปหมดเพราะว่าโดยเมียหยิก

      “พอแล้ว คุณรินทร์ “ผมต้องร้องห้าม

      “ว่าแต่ส้มไปไหนแล้วละรินทร์” ผมถามผู้กองนครินทร์

      “อยู่ในถังขยะแล้ว” คนพูดทำหน้าหยู่

      “เห๊ย! เร็วไปไหมนั้นนะคุณ” ผมแอบแซว มีคนค้อนผมกลับดังขวับๆ เลยทีเดียว

      “ใครจะทนได้กอดกันขนาดนั้น”

      “ผมไม่ได้กอดโบว์เขา  เขากอดผม คุณนี้” ผมพูดและหันไปหันมาไม่มีอะไรให้กินเลยที่นี่ จังหวะที่ประตูเปิดเข้ามาพอดีเลย แม่ผมกับป้าวิไล

      “แม่ครับสวัสดีครับ ป้าวิไลสวัสดีครับ” ผมกับรินทร์ยกมือไหว้พร้อมกัน

      “ไง เป็นบ้างละเรา ป้าเพิ่งจะมาเยี่ยมเราได้ ไม่ค่อยสบายหลายวันเลย ก้อง “

      “ไม่เป็นไรหรอกครับป้า  และผมก็ดีขึ้นแล้วเมื่อเช้านะครับป้า แต่เมื่อสักพักนี้ผมเกือบจะแย่ครับ เกือบได้เข้าห้องผ่าตัดใหม่  “ผมพูดแม่รดาหันมามองผมกับนครินทร์

      “เป็นอะไรไปหรือก้อง” แม่ถามผม ผมหันไปมองผู้กองนครินทร์ เขาก็หันหน้าหนีอายผมทันที

      “เมียหึงผมนะแม่ เกือบฆ่าผมตายแล้วแม่” ผมพูดฟ้องแม่ผมทันที

      “หึๆ แล้วไปทำอีท่าไหนละ จีบพยาบาลหรือไงละ” ป้าวิไลพูดปนหัวเราะ

      “เปล่านะครับ พอดีโบว์เขามาเยี่ยมผมนะครับ ป้า” ผมพูด

      “เออ แม่ก็ลืมบอกไป โบว์เขานะไปที่บ้านมาและแม่ก็บอกว่าก้องโดนยิง นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลและพอเขาถามว่าโรงพยาบาลอะไร โบว์ก็วิ่งออกไปทันทีแม่เลยบอกเขาไม่ทันนะ ว่าเรามีแฟนใหม่ไปแล้ว “แม่รดาบอกผม

      “หึหึ อย่างนี้แหละความรักหนุ่มสาว “ป้าวิไลหัวเราะ

      “อ้าวก้อง” พี่ดาว ลูกพี่ลูกน้องของผมเดินเข้ามาพร้อมกับของเยี่ยม

      “พี่ลงไปหาของเยี่ยมมาให้นะ “พี่ดาวพูด แสดงว่าพี่ดาวขับรถมาส่งป้ากับแม่ผม

      “นี่นครินทร์พี่ดาว “ผมแนะนำ

      “เจอแล้ว ขับรถไปส่งน้ารดาที่บ้านช่วงที่เรานอนอยู่นี้นะ” ผมหันมามองนครินทร์ นี้เขาดูแลแม่ผมช่วงที่ผมเจ็บด้วยเหรอ

      “ดีขึ้นหรือยังละ ซ่าได้แล้วซิ” พี่ดาวเอ่ยปากแซวผม ผมกับป้าวิไล พี่ดาว ก็คุยกันได้สักพัก ป้าวิไลก็ขอตัวกลับก่อน ส่วนแม่ก็ลงไปหาซื้อส้มมาให้ผมใหม่กับผู้กองนครินทร์ และแม่ก็กลับไปพร้อมกับพี่ดาวเลย แม่คงอยากให้ผมกับรินทร์อยู่ด้วยกัน

      “อั้ม” ผมอ้าปากงับส้มที่นครินทร์ป้อนผม

      “ผมถามจริง คุณชอบผมตอนไหน “จู่ๆ ผมก็ถามผู้กองนครินทร์ขึ้น เขามองหน้าผมก่อนจะวางส้มลง

      “เอาจริงๆ นะ ผมก็ไม่คิดว่าผมจะได้มาเป็นแฟนคุณหรอกนะคุณผู้กองบ้าระห่ำ” ผู้กองนครินทร์พูด ผมเลิกคิ้วสูง จริงอ่ะ

      “ผมนะจำได้วันแรกที่ผมก้าวเท้าเข้าไปรายงานตัวในห้องผู้พัน โดยมีคุณยืนเอามือไขว้หลังอยู่ กับเพื่อนคุณนะ ผมนี่จำได้ดีเลยทีเดียว “ผู้กองนครินทร์หันมามองหน้าผม

      “ว่า? ” ผมถามผู้กองนครินทร์

      “คุณขี้เก๊กมาก”

      “นี่คุณแอบด่าผมในใจเหรอครับ ที่รัก”

      “ยิ่งตอนที่คุณหันมามองผมแว้ปหนึ่งด้วยห่างตา ผมนี่ยิ่งคิดในใจว่าสาธุ อย่าได้อยู่หน่วยเดียวกันเลย แต่”

      “คุณก็อยู่กับผมนี่ไง และตอนนี้นะภูมิใจเถอะมีผมเป็นสามี” ผมพูด

      “อืมม” ผมก็รีบจับมือนครินทร์ นี้กะจะให้ตายเลยใช่ไหมเนี๊ยะ ยัดส้มใส่ปากผมเกือบทั้งลูกเลย

      “เขาป้อนกันทีละกลีบนะคุณ ผมไม่ใช้ม้านะครับคุณรินทร์จะได้กินทั้งลูก”

      “แล้วคุณชอบผมตอนไหนละ” ผมถามผู้กองนครินทร์

      “ก็ตอนที่คุณ ปกป้องผม จนคุณทะเลาะกับเพื่อนซี้ของคุณนะ ผู้กองปรเมธนะ ผมรู้สึกผิดนะ แต่วันนั้นคุณโมโหเพื่อนคุณมาก ผมก็แอบกลัว แต่คุณทำเพราะว่าเขาไม่ยอมหยุดที่จะหาเรื่องผม ขอบคุณนะ” ผมหันมามองหน้าตาที่น่ารักของผู้กอง

      “และยังมีอีกนะ ตอนที่ผมบาดเจ็บที่ขาน่ะคุณเอาผมขี่หลังกลับ ผมไม่คิดว่าผู้ชายที่ดูนิ่งๆ อย่างคุณจะมีโมเม้นแบบนั้นด้วย “

      “ตอนนี้ไม่ให้ขี่แล้วนะ ตอนนี้จะเป็นอุ้มอย่างเดียวเลย เข้าห้องนอน” ผมพูด

      “คุณนี่ทะลึงตลอดเลยนะ ตอนนี้กลายเป็นผู้กองสายหื่นไปแล้ว “

      “แล้วคุณละ คุณชอบผมตอนไหน” ผู้กองนครินทร์ถามผมบ้าง ผมก็ทำท่าคิด

      “คุณจำตอนที่ผมนั่งร้องเพลงล้อมรอบกองไฟได้ไหม ผมร้องเพลงจีบคุณอยู่อ่ะ นั้นแปลว่าผมก็ชอบคุณตั้งแต่แรกเจอแล้วไง” ผมถามผู้กองนครินทร์ ใช่เขาน่าจะไม่รู้ตัว เขาหันมามองผมพร้อมแก้มที่แดงระเรื่อขึ้นมาทันที

      “อย่าพึ่งไปบอกรักใคร รอฉันได้หรือเปล่า วันที่ฉันจะดีพอ ขอให้รอกันหน่อย มันคงไม่นานเกินไป  “ผมร้องเพลงไปด้วย

      “พอแล้วเขิน” ผู้กองนครินทร์พูด

      “โอ๊ย!! จีบกันเกรงอกเกรงใจพยาบาลบ้างเถอะครับคุณครับ” ผมสองคนหันไปมองที่ตรงประตู ผมก็ต้องกอดอก คนที่เปิดประตูมาถึงก็แซวพวกผมเป็นเพื่อนผมเอง

      “จีบกันเกรงใจชะนีกันบ้างเถอะ! “แต่ละคนก็เข้ามาพร้อมของเยี่ยม

      “ไงครับคุณหัวหน้าหน่วย หายแล้วกลับไปหน่วยกันเลยไหมครับ มีแรงจีบกันขนาดนี้ “พวกมันพูดและส่งกระเช้าอันใหญ่มาให้ผู้กองนครินทร์

      “ผู้พันเขาฝากมา และบอกว่าคราวหน้าไม่ต้องทะลึ้งกระโดดรับแม่งอยู่คนเดียวตั้งเจ็ดนัดนะครับ แบ่งเพื่อนๆ บ้าง” ผู้กองปรเมธ คนนี้แหละที่ผมต่อยกันเพราะว่ามันโมโห ผู้กองนครินทร์จนเลือดขึ้นมาด่าซะผู้กองนครินทร์น้ำตาซึมเลยและนั้นผมก็คิดว่าเสียเพื่อนซี้อย่างมันไปซะแล้ว

      “นี่มากันทำไมว่ะ และนั้นถุงอะไรว่ะนั่นนะ” ผมถาม

      “เอารถมึงมาส่งครับ เพื่อจะได้ขับกลับไปฐานครับ และพวกผมก็รีบไปที่บ้านคุณมึงมาครับ เลยได้ขนมแม่มึงมาด้วย อันนี้แผนหลักที่ตั้งใจ” พวกมันพูดผมนี้อยากหาอะไรปาใส่พวกมันทันที แม่ผมท่ำขนมฝากผมไปให้พวกมันทานกันบ่อยไง

      “โรงพยาบาลนี้พยาบาลน่ารักว่ะ ขอเบอร์ให้ไว้ให้บางดิว่ะ “ผู้กองเอ็มมันมีเมียแล้ว เป็นครูด้วย
 
      “คุณเอ็มครับ ยังไม่เข็ดอีกเหรอครับ ที่โดนเข้าแสกหน้าไปคราวก่อนนะครับ จานนะครับไม่ใช้ชอล์กเขียนกระดาน “หมวดปรเมธหันไปถามเพื่อน

      “กลัวทำไม นักรบย่อมมีบาดแผล แต่จะให้ดี มีไกลๆ แบบนี้เมียจับไม่ได้ว่ะ ฮาๆ” ดูมันชั่วมากไหม นครินทร์หันมาเหล่มองผม

      “รีบหายนะมึง จะได้ไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ไอ้เมธมัน “หมวดเคเพื่อนผมอีกคน ผมหันมามองไอ้เพื่อนซี้ของผม มันยักคิ้วนั้นแปลว่ามันขอครูแอนแต่งงานแล้ว ผมก็ยื่นกำปั้นไปมันก็เอากำปั้นชนกลับมา

      “ยินดีด้วยนะครับเมธ “ผู้กองนครินทร์หันไปบอกผู้กองปรเมธ

      “ต้องขอบใจผู้กองรินทร์ครับ” ผู้กองนครินทร์ถึงกับขมวดคิ้วมอง

      “ก็อันที่จริงไอ้นี่นะมันไปแจกขนมจีบครูแอนไว้นะครับ “ผู้กองนครินทร์หันขวับมามองผมทันที

      “ไอ้เมธ มึงให้กูจีบเขาให้มึงครับ ” ผมรีบค้านครับ

      “แต่ดันจีบซะจนเขาคิดว่ามึงเองนี่ครับ ดีนะที่เขาอกหักกูเลยได้เป็นรางวัลปลอบใจให้เขาแทน “ผู้กองปรเมธพูด

      “แต่งเมื่อไหร่เหรอครับ” ผู้กองนครินทร์ถาม

      “เดือนหน้าเลยครับ” ผมสะบัดหน้าไปมอง

      “รีบเหรอมึง”

      “สองเดือนแล้วไม่รีบพ่อตาจะยิงกูเอา ไม่ต้องรอให้ข้าศึกมาบุกกูจะโดนลูกซองพ่อตากูนี่แหละครับ” ผู้กองปรเมธพูด ผมทราบมาว่าพ่อของครูแอบเขาเป็นผู้บังคับการตำรวจอยู่

      “อะไรท้องเลยเหรอมึง” ผู้กองปรเมธทำนิ้วแร๊ปโย๊ะว่าใช่

      “ร้ายนะเนี๊ยะ” ผู้กองนครินทร์พูด

      “ก็ตอนแรกพ่อตาไม่ยอม พอลูกสาวท้องยอมเลยเห็นไหมละไอ้คุณก้องครับ เอาแบบมันดิว่ะ ไอ้ก้อง” ผู้กองเอ็มพูดผมหันไปเหล่ตามอง

      “กูทำแล้วแล้วแต่ไม่ยอมท้องซะที”

      “โอ๊ย!! “ผมโดนผู้กองนครินทร์ตีเข้าให้ ผมยอมรับเวลาอยู่กับเพื่อนก็จะทะลึ้งกันแบบนี้ พวกผมนั่งคุยกันไปหัวเราะกันไป คิดแล้วก็อยากจะออกจากโรงพยาบาลพรุ่งนี้มะรืนนี้ซะเลย อยากกลับไปเตะฟุตบอลกับเด็กๆ แย่แล้ว

      “งั้นพวกกูกลับเลยว่ะก้อง เออ พักผ่อนเถอะว่ะ” หมวดเคพูด ผมหันไปมองปรเมธ และยื่นมือไปขอของที่มันเอามาจากในรถให้ผม ผมนะส่งข้อความบอกไปแล้วถ้ามาหาให้เอามาให้ด้วย ผมก็แอบหยิบมาซ้อนเอาไว้ในหมอนคนไข้ ตอนที่นครินทร์กำลังหันไปร่ำลาเพื่อนๆ

      “รีบหายนะก้อง เด็กๆ คิดถึงมึงกันว่ะ “หมวดปรเมธบอกผม ผมพยักหน้าและพวกนั้นก็พากันเดินออกจากห้องคนไข้ไป

      “อยากกลับฐานแล้วซิคุณ” ผู้กองนครินทร์หันมาถามผม ก่อนจะหันไปจัดเอาของเยี่ยมวางไว้ให้เป็นระเบียบ

      “คุณรู้ไหมว่า ตอนที่ผมเห็นคุณเล่นกับพวกเด็กๆ คุณดูอบอุ่นมากเลยก้อง ผมแอบคิดนะว่าถ้าคุณมีลูกคุณคงจะรักลูกคุณมาก “ผู้กองนครินทร์พูด

      “ตอนผมเด็ก ๆ พ่อไม่เคยเล่นหยอกล้อกับผมแบบที่คุณเล่นกับเด็ก ๆ เลยนะ เพราะว่าพ่อผมคงกลัวเสียการปกครองมั้ง กอดก็แทบจะไม่มี” ผู้กองนครินทร์พูด พร้อมหลุบตาลง

      “เพราะเหตุนี้วันนั้นผมเลยดื้อ จะออกไปให้ได้ไปหาเด็ก ๆ ไปเห็นคุณเล่นกับเด็ก ๆ และเพราะผมคิดว่าผมคงไม่มีโอกาสได้มาเห็นภาพคุณกับพวกเขาแล้ว” ผมพยักหน้าผมรู้วันนั้นคือวันสุดท้ายที่เขาจะประจำการที่นั่น และกลับไปแต่งงาน

      “และคุณคงไม่ต้องมาบาดเจ็บเพราะผม “ผมบีบมือผู้กองนครินทร์เอาไว้

      “ผมทำเพราะว่า ผมรักคุณ ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะปกป้องคุณ “ผมพูด

      “ขอบคุณที่ทำให้ผมที่ไม่เคยกล้าขัดคำสั่งพ่อตัวเอง  ลุกขึ้นมาต่อต้านเพื่อผมจะได้มีชีวิตของผมกับคนที่ผมรัก ขอบคุณนะก้อง แต่ต่อไป ผมคงไม่ได้เป็นลูกท่านนายพลแล้วคุณจะยังรักผมไหม “

      “รักซิ “ผมพูดและหันไปหยิบของที่ผู้กองปรเมธหยิบมาจากกล่องใส่ของในรถของผม ผมยอมรับว่าผมไม่ได้ทิ้งไหนเลยยังคงเก็บเอาไว้ เพื่อรอใครสักคนที่ผมจะสวมมันจริง ๆ

      “แต่งงานกับผมไหม คุณผู้กองยอดรักของผม” ผมถามผู้หมวดนครินทร์ ผู้กองมองหน้าผมและมองแหวนที่ผมเปิดออกมาจากกล่องนั้น ผมยอมรับว่าผมซื้อเอาไว้หมั้นโบว์แต่เขายังไม่ทันได้เห็นมันซะด้วยซ้ำ แต่วันนี้ผมเอามาหมั้นคนที่ผมคิดว่าเขาคือคนสุดท้าย

      “แต่งไหมครับ ถ้าไม่แต่งนี้ผมเก็บใส่กล่องแล้วนะคุณ” ผมเห็นทำท่าคิดนาน เลยแกล้งจะเก็บแหวนใส่คืนแต่คนที่ถูกแกล้งรีบดึงเอาไว้และยื่นนิ้วมาให้ผมสวมมันลงไป เป็นแหวนเพชรผมว่ามันเหมาะกับนิ้วอันเรียวสวยของนครินทร์ ที่สวยไม่แพ้สตรีเลย และใช้จริง ๆ ด้วย มันเข้ากันได้ดี นั้นแปลว่า

      “ผมคือคู่หมั้นคุณแล้วนะก้อง ห้ามเกเรกับใครที่ไหนแล้วนะ” ผู้กองนครินทร์พูดพร้อมกับชี้หน้าผม

      “ไม่มีใครแล้วครับ หัวใจก้องภพให้ผู้กองรินทร์คนเดียวแล้ว อืมม” ผมพูดและดึงนครินทร์มาจูบ
-------------------------------------------------------------------------------
จบบริบูรณ์คู่พี่ก้องกับพี่นครินทร์ (ปล.อยากได้ NC พี่ก้องกับนครินทร์กันไหมนะ ขอโหวตหน่อย!!!)

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(พี่ก้องXนครินทร์) เมียงอนครับผม
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 07-11-2020 19:41:36
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(พี่ก้องXนครินทร์) เมียงอนครับผม
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 11-11-2020 11:51:12
โอ๊ย หวานไม่ไหวล้าวววว  :o8:

เพิ่งกลับจากติวหนังสือให้น้อง บรรยากาศเด็กๆ วัยรุ่นในรั้วโรงเรียนนี่นึกถึงเรื่องนี้ช่วงคริสกับเขมเลย
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(พี่หมอภีมXพี่ต้น) พี่หมอภีมไปหาพี่ต้น
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 11-11-2020 17:50:59
พิเศษ(พี่หมอภีมXพี่ต้น) พี่หมอไปหาพี่ต้น

พี่ต้นตระการ
   เมื่อวานผมวีดิโอคอลคุยกับก้องภพ ผมดีใจที่น้องผมดีขึ้นแล้วแต่ยังต้องนอนโรงพยาบาลไปอีกสักสองอาทิตย์ ก้องเขาบอกว่าเขาอยากออกจากโรงพยาบาลแย่แล้ว เขาบอกว่าร่างกายเขาโอเคแล้ว และนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกยิงแต่รอบนี้โดนไปหลายนัดหน่อย ทำให้ผมแอบบ่นน้องชายคนที่สองที่เรียกว่าบ้าระห่ำก็ว่าได้ ผมยังไม่รู้ว่าผมจะไปเยี่ยมได้เมื่อไหร่  ผมถามก้องว่าเจอหมอภีมไหม ก้องก็บอกผมว่าเจอแต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องของผม ผมก็ค่อยโล่งอกไปหน่อย

   “พ่อต้นน้องนีโอ เขาไปแล้วเหรอพ่อต้น” เอิร์ธถามผม ว่าน้องนีโอหายไปไหน เพื่อนบ้านของผมรู้จักตั้งแต่ย้ายมาอยู่ใหม่ เขาทำงานที่อำเภอเหมือนกันเขามาเช่าห้องข้างๆผมอยู่ นี้เพิ่งจะคลอดลูกชายได้สามเดือนพอดีเลย แต่ว่าตอนนี้เขาซื้อบ้านแล้วและเจ้าของห้องก็ได้ขายห้องนี้ต่อไปแล้วด้วย เขาก็เลยย้ายออกทันที

   “น้องนีโอเขาไปอยู่บ้านหลังใหญ่ๆแล้วครับ “ผมบอกลูกชายขณะที่กำลังไขกุญแจ ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงครึ้งๆแล้ว และนี้คงจะมีคนใหม่ย้ายเข้ามาอยู่เลยทันที ผมสังเกตเห็นว่าไฟในห้องถูกเปิด

   “น้องเอิร์ธเข้าห้องก่อนซะครับ และเอิร์ธนั่งระบายสีไปก่อนนะ วันนี้พ่อจะขอตรวจงานก่อน งานพ่อด่วนจริงๆครับ ได้ไหมครับ “ผมหันไปบอกน้องเอิร์ธ เขาก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย ก็เอิร์ธอยู่อนุบาลหนึ่ง เพราะว่าเขาเข้าเนอเซอรี่มาตั้งแต่ออายุสองขวบ ผมพยายามไม่ให้เขาอยู่บ้านกับเกศรินทร์ จนตอนนี้เอิร์ธเขาเข้ากับสังคมของโรงเรียนได้แล้วครูเลยให้ไปเรียนอนุบาลหนึ่งได้ 

      ผมเดินไปหยิบผลไม้ที่ผมปลอกเอาไว้ ผมไม่ค่อยให้เอิร์ธทานขนมขบเขี้ยวมาก ส่วนใหญ่เน้นไปทางผลไม้ และหยิบสมุดระบายสีพร้อมกับกล้องสีที่อาก้องเขาซให้เป็นของขวัญวันเกิดปีที่แล้ว

      “พ่อนั่งทำงานก่อนนะครับเอิร์ธ และเดี๋ยวเราอาบน้ำแต่งตัวจะได้ออกไปทานอาหารกันกับอาน่านฟ้านะครับ  “ผมบอกลูกชายและรีบหยิบแฟ้มเอกสารเกี่ยวกับพวกงบประมาณเข้าไปในห้องเงียบ แต่ผมเปิดประตูเอาไว้ เพื่อคอยเช็กเอิร์ธตลอด ผมก็นั่งตรวจเช็กงานว่ามีงบประมาณเบิกจ่ายอันไหนไม่ตรงบ้างจะได้ทำการตรวจสอบซะก่อน

      “เอิร์ธ “

      “ครับ” ผมก็อมยิ้ม ผมบอกเอิร์ธว่าถ้าผมเรียกให้ขานรับด้วยนั้นคือแปลว่าเขายังนั่งอยู่ไม่หายไปไหน ผมก็ตรวจสอบงานต่อ จนกระทั้ง ผมได้ยินเสียงเอิร์ธคุยกับใครก็ไม่รู้

      “แล้วเอิร์ธทานได้หรือเปล่า”

      “ทานได้ซิครับ ก็อาหมอซื้อมาให้เอิร์ธ “นั้นถึงกับทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว ผมวางมือในการตรวจเอกสารก่อน ผมลุกขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องนอนที่มีโต๊ะทำงานอยู่ในห้อง

      “เอิร์ธ ลูกคุยกับใครนะครับ” ผมถามเอิร์ธ ก่อนจะสาวเท้าเดินออกมาจากห้องนอน และมาหยุดที่ห้องนั่งเล่นสิ่งทีผมเห็นคือมีผู้ชายสวมเสื้อยืดโปโลนั่งหันหลังอยู่ เขากำลังนั่งคุยอยู่กับเอิร์ธ  และผมไม่ต้องรอให้เขาหันมาก็เดาได้ทันที ว่าใคร หมอภีมปภพ

      “ภีม” ผมเรียกชื่อเขา เขาหันมามองผมช้าๆ ส่วนเอิร์ธก็กำลังตื่นตากับขนมมาการองที่เขาซื้อมาล้อตาล้อใจลูกชายผม พร้อมกับของเล่นอีกหนึ่งชุดเป็นรถไฟรางโธมัธที่เขาชอบแต่ผมยังไม่มีเวลาไปซื้อให้เขาและผมตั้งใจว่ารอวันเกิดผมไม่อยากซื้อให้เขาพร้ำเพรื่อ แต่ดันมีคนมาซื้อตัดหน้าและยังจัดมาให้ชุดใหญ่อีกต่างหาก

      “คุณมาได้ยังไงภีม” ผมถามหมอภีม

      “คุณนี้ก็หนีผมยังกับนางเอกละครอีกแล้วและยังหอบลูกหนีด้วยต้น” หมอภีมปภพพูดก่อนจะหันมามองผม

      “คุณมาทำไม” ผมถามหมอภีม พร้อมกับยืนกอดอกมอง เอิร์ธที่กำลังจับขนมเข้าปากไปได้เสี้ยวหนึ่งก็ต้องวางลง

      “คุณทำให้ลูกตกใจนะต้น “ หมอภีมปภพบอกผมและชี้ไปทีเอิร์ธ

      “เอิร์ธ พ่อให้ทานผลไม้ไม่ใช่เหรอ” ผมถามเอิร์ธ

      “ อันนี้หมอบอกทานได้แต่ต้องแปรงฟันใช่ไหมครับ น้องเอิร์ธ” หมอภีมปภพพูด พูดเอิร์ธก็พยักหน้ายิ้มตาหยีเป็นคำตอบพร้อมกับหยิบขนมขึ้นมากัดไปอีกหน่อยแต่ประเด็นของผมมันอยู่ที่ว่า เขาเข้ามาในห้องผมได้ยังไง

      “คุณเข้ามาในห้องผมได้ยังไงภีม” ผมถามหมอภีมปภพ เขาก็หันไปมองน้องเอิร์ธและชี้นิ้วให้ที่เอิร์ธ

      “เอิร์ธ เปิดประตูให้คนแปลกหน้าเขามาเหรอ พ่อเคยบอกเอาไว้ว่ายังไง” ผมถามเอิร์ธ

      “ห้ามคนแปลกหน้าเข้ามาแต่ เอิร์ธเคยเห็นอาหมอแล้วน่ะพ่อต้น พ่อจำอาหมอได้อ่ะเปล่า” น้องเอิร์ธถามผมกลับ ทำไมผมจะจำเขาไม่ได้ ในเมื่อเขากับผมก็

      “แต่” ผมทำท่าจะค้าน

      “ผมมาเยี่ยมในฐานะเพื่อนบ้าน ห้องข้างเคียงและตอนนี้ผมเป็นเพื่อนกับเอิร์ธแล้วครับคุณต้น” หมอภีมปภพพูด ผมก็ต้องสะบัดหน้าไปมองเขา เพราะว่าเขาเพิ่งจะบอกว่าเพื่อนบ้านห้องข้างเคียง นี้อย่าบอกนะว่าเขาคือคนที่อยู่ข้างห้องผมที่เพิ่งย้ายออกไปนะ

      “นี้คุณอยู่ห้องข้างๆผมนี่เหรอภีม?” ผมถามเขา

      “ใช่ครับ ผมอยู่ข้างๆคุณนี้แหละ หรือว่าจะเชิญให้ผมมาอยู่ด้วยเลยก็ดีนะ มีตั้งสองห้องนอน “ หมอภีมปภพพูด ผมก็ยิ่งกอดอกแน่นเข้าไปใหญ่ นี้เขากำลังหาภัยมาให้ผมนะที่มาใกล้ผมกับลูกผมขนาดนี้

      “ใครเป็นคนบอกคุณว่าผมอยู่ทีนี้ ผมคิดว่าไม่น่าจะใช้น้องผมแน่ๆ “ ผมพูดกับไหมอภีมปภพ เขาก็ลุกขึ้นมองผม

      “ไม่ใช่น้องคุณหรอก แต่ผมมีคนที่เขาบอกผมได้ “หมอภีมปภพพูดก่อนจะเดินเข้ามาหาผม

      “ต้น ทำไมคุณต้องหนีหัวใจตัวเองด้วยละต้น “หมอภีมปภพเดินก้าวเท้าเข้ามาหาผม ผมก็เหลือบมองเอิร์ธที่มองผมและแอบปิดตาแต่ก็ยังมองผมลอดช่องนิ้วมือที่เขากางอยู่

      “ภีมคุณจะทำอะไรผมนะ “ผมถามหมอภีม และค่อยๆถอยหลังออก  ผมแอบกลืนน้ำลายลงคอไปด้วย ตาก็มองลูกไปด้วย นี้ไม่คิดจะเกรงใจลูกผมบ้างหรือไง

      “พ่อต้นเอิร์ธปวดฉี่เอิร์ธไปห้องน้ำก่อนนะ” เอิร์ธลุกขึ้นและวิ่งไปเข้าห้องน้ำทันที ผมกำลังชะเรียกแต่ว่าเอิร์ธวิ่งผ่านผมไปแล้ว ส่วนผมเองก็เดินถอยหลังหนีหมอภีมจนไปชนเข้ากับโต๊ะทานอาหาร และหมอภีมก็ใช้มือจับขอบโต๊ะ เขาล๊อกตัวผมเอาไว้

      “อย่านะภีม” ผมพูดร้องห้ามหมอภีมปภพ

      “เกิดอะไรขึ้นกับคุณ ทำไมคุณไม่บอกผมต้น “หมอภีมถามผม ผมหันไปมองหน้าหมอภีมพร้อมกับพ้นลมหายใจยาวๆ ออกมา และดันเขาออกไปจากตัวผม

      “ผมคุยกับหมอดาวิกาแล้ว ตอนนี้ครอบครัวของเธอได้สั่งห้ามหมอดาวิกาเข้ามายุ่งกับผมและคุณอีกต้น “หมอภีมปภพพูดผมหันไปมองหน้าเขา ว่าแน่ใจแล้วเหรอ

      “นี้คุณมาทำไม มาเที่ยวเหรอ” ผมถามหมอภีมปภพโดยไม่ได้หันไปมองหน้าเขา

      “มาอยู่ที่นี่เลย ผมมีโรงพบาบาลอีกสาขาที่นี่ “ผมสะบัดหน้าไปมองเขาอีกที

      “นี้ทำไมผมต้องมาอยู่ใกล้กับคุณทุกทีที่ผม” ผมถามเขาและมองหน้าเขา

      “นั้นซิ ผมเองก็แปลกใจนะต้น แต่ผมคิดอีกที่ น่าจะพรมลิขิตมากกว่า ขนาดบ้านคุณยังอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลพ่อผมเลย ที่เปิดใหม่ และนี้อีก โรงพยาบาลที่นี้เพื่อนพ่อผมเขาเป็นคนดูแลแต่พ่อผมคือหุ้นส่วนใหญ่ ดังนั้นผมก็เลยมาลงอยู่ที่นี้ได้” หมอภีมปภพพูด ผมหันไปเจอเอิร์ธที่ออกมายืนมองผมกับหมอภีมสลับกันไปมา

      “ถ้าอย่างนั้นคุณก็กลับห้องไปได้แล้วผมจะตรวจงาน ผมต้องการความสงบ” ผมพูดเหมือนการส่งแขกแต่หมอภีมเขาลุกขึ้นและหันมามองหน้าผม ก่อนจะฉีกยิ้มให้ผม

      “ผมอยู่ในฐานะเพื่อนของน้องเอิร์ธครับ “ ผมหันไปมองหน้าเขา

      “เอิร์ธ อาหมอเป็นแขกของเอิร์ธใช่ไหมครับ ดังนั้นเอิร์ธอยากให้อาหมออยู่ด้วยไหมครับ” หมอภีมปภพถามเอิร์ธ ผมก็มองเอิร์ธแอบส่ายหัวเล็กน้อย เอิร์ธมองหน้าผมพร้อมกับเอียงคอเล็กน้อย

      “พ่อเอิร์ธอยากมีเพื่อน ให้อาหมออยู่กับเอิร์ธนะครับ พ่อต้น” ผมก็ก้มลงมองเอิร์ธ

      “พ่อบอกพ่อจะทำงานเอิร์ธเหงา นะพ่อนะ” เอิร์ธพูดขอร้องผม ผมก็ต้องถอนหายใจ

      “แค่อยู่เป็นเพื่อนนะ แต่อาหารเย็นไม่ได้ เพราะว่าพ่อมีนัดจะออกไปทานกับเพื่อนพ่อวันนี้นะครับเอิร์ธ” ผมบอกเอิร์ธ และหันไปมองหมอภีมปภพ  หมอภีมก็ทำเป็นหูทวนลมอีก  ผมเลยเลือกที่จะเดินแทรกเข้าไปในห้องนอนและปล่อยให้เอิร์ธเล่นกับหมอภีมอยู่ด้านนอก ผมเองก็แอบกังวล เรื่องหมอดาวิกา ถ้าเขามาถูกแล้วหมอดาวิกาเขาจะไม่รู้เหรอว่าผมพักที่ไหนตอนนี้ แต่ว่าหมอภีมเพิ่งจะบอกผมว่าครอบครัวเธอสั่งห้ามให้มายุ่งกับเขาและผมแล้วนิ ไม่ได้ผมต้องใจแข็งจนกว่าจะแน่ใจว่าหมอดาวิกาไม่มายุ่งกับผมและลูกผมแล้วจริงๆ

      “ฮัลโหล พี่เพิ่งจะมาถึงครับ อ้อได้ครับ งั้นส่งโลเคชั่นมาให้พี่แล้วกันพี่จะออกไปครับ แม้จะเลี้ยงที่พี่มาเป็นหมอทีนี้เหรอครับ ได้ซิครับ งั้นเดี๋ยวเจอกัน” หมอภีมปภพบอกคนปลายสาย นี้มาถึงก็มีนัดเลยหรือไง ส่งสัยผมคงต้องเปลี่ยนแผนบินไปหาน้องชายผมสักสี่ห้าวันจะได้ไม่ต้องเจอหมอภีมปภพ แล้วนี้ผมจะหนีเขาทำไมนะต้นตระการ

      “อาหมอต่อรถไฟให้เอิร์ธได้หรือยังครับ” เอิร์ธถามหมอภีมปภพ

      “เอาไว้พรุ่งนี้ได้ไหมครับ พอดีอาหมอมีนัดนะครับ” หมอภีมปภพพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองผม ผมก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

      “เอิร์ธครับ ไปอาบน้ำกับพ่อดีกว่า เราจะได้ออกไปทานอาหารเย็นกันครับ วันนี้พ่อจะพาไปร้านอาหารที่มีเครื่องเล่นไง”ผมโน้มตัวลงบอกกับเอิร์ธ เขาก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย

      “เชิญคุณกลับห้องไปได้แล้วภีมผมจะได้เตรียมตัวออกไปทานอาหารกัน “ ผมบอกภีมและควักมือเรียกเอิร์ธเดินไปกับผมเพื่อเข้าห้องน้ำ อาบน้ำและแต่งตัว ผมสวมเสื้อโปโลคอตั้งกับกางเกงยีนพอดีตัวและเอิร์ธก็สวมเสื้อโปโลสีเดียวกันกับผมแต่กางเกงยีนขาสั้นเพราะว่าอากาศมันร้อนช่วงนี้

      //คุณต้น เจอกันที่ร้านเลยนะครับ // น่านฟ้าส่งข้อความมาบอกผม คนนี้แหละที่นัดผมทานข้าวแต่ไม่ได้มาแค่เขานะ แฟนเขาน้องชายเขาและแฟนน้องชายเขาด้วย

      “ไปกันหรือยังครับเอิร์ธ” ผมถามน้องเอิร์ธ เอิร์ธเขาก็พยักหน้าและสวมรองเท้าเอง เขาบอกว่าครูสอนให้เขาทำเองเพื่อจะได้ช่วยพ่อทำบ้าง ผมย่อตัวลงนั่งยองและมองดูลูกชายที่พยายามใส่รองเท้าเอง

      “ให้พ่อช่วยไหมเอิร์ธ “ผมก้มลงถามหนุ่มน้อยของผมมเขาก็ส่ายหน้าและพยายามใส่มันจนได้
      ผมสองคนเดินออกมาจากห้องพัก เพื่อตรงไปยังชั้นล้าง ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะหกโมงครึ้งแล้ว ห้องที่หมอภีมบอกว่าเขาพักอยู่ข้างๆผม ตอนนี้ปิดไฟมึดแล้ว เขาน่าจะออกไปแล้วก็เห็นว่ามีนัด นัดกับใครนะ ก็เพิ่งจะมาที่นี้แท้ๆ นี้ผมอยากรู้หรือว่าเป็นห่วงเขากันแน่

      “ไปไหนกันคะพ่อลูก แม้วันนี้หล่อจังค่ะ”  ครูแป้ง ที่คอยช่วยดูแลเอิร์ธหลังเลิกเรียนถ้าผมติดธุระต้องกลับบ้านเย็นหรือมืด ครูแป้งจะดูให้ ครูแป้งเองก็มีร้านอาหารที่เปิดใต้คอนโดเช่นกัน บางทีผมก็เกรงใจครูแป้งที่ต้องทำสองหน้าที่ดูแลลูกผมไปด้วย

      “พ่อต้นจะพาเอิร์ธไปเล่นเครื่องเล่นครับครูแป้ง”

      “จริงเหรอค่ะ เล่นให้สนุกนะคะ “

      “ต้นค่ะ ช่วงนี้ต้นงานเยอะนะคะ ให้แป้งรับส่งเอิร์ธแทนก็ได้นะคะต้น แป้งยินดีอยากช่วยค่ะ” ครูแป้งพูดผมพยักหน้าก่อนจะรีบพากันเดินออกไปเพราะว่าเดี๋ยวผมสองคนจะไปถึงสาย ผมรีบอุ้มเอิร์ธใส่ไว้ในรถตรงแถวกลาง เพราะว่าผมใส่คาร์ซีทเอาไว้ เขาควรจะใช้คาร์ซีทจนถึงอายุเจ็ดขวบ
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(พี่หมอภีมXพี่ต้น) พี่หมอภีมไปหาพี่ต้น
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 11-11-2020 18:50:30
พี่น่านนนนน เรารู้นะนายคิดไร
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(พี่หมอภีมXพี่ต้น) ขอโทษที่ผมต้องใจแข็ง
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 12-11-2020 18:51:00
          พิเศษ(พี่หมอภีมXพี่ต้น) ขอโทษที่ผมต้องใจแข็ง   

           ต้นตระการ  ผมก็รีบขับรถพาเอิร์ธมายังร้านอาหารที่ผมเคยพาเขมและแฟนเขามาทานอาหารที่นี้ จะว่าไปก็คิดถึงน้องชายผมเหมือนกัน ตอนที่ผมไปดูก้องเห็นเขมน้องชายคนที่สุดท้องผม เขาดูเงียบๆไป เขาคงคิดถึงแฟนเด็กนักเรียนของเขา แต่ผมแปลกใจอยู่อย่างหนึ่ง คือเขมเขาสนับสนุนให้น้องไปเรียนเมืองนอกเองแต่ทำไมเขาถึงได้ซึมคิดถึงกันได้ขนาดนี้

      “เอิร์ธ ไปนั่งที่โต๊ะก่อนนะ ดูแล้วเด็กเยอะเลยวันนี้ เอิร์ธคงต้องรอให้น้อยลงหน่อยค่อยออกมาเล่นกัน” ผมพูดบอกเอิร์ธ วันนี้คนมาทานอาหารกันเยอะและมีแต่ครอบครัวที่มีเด็กมาด้วยทั้งนั้น กวาดสายตามองไปรอบๆ ผมก็สะดุดที่น่านฟ้าและติณณภพ ผมรีบจูงเอิร์ธเข้าไปในทันที

      “สวัสดีครับน่าน ติณ” ผมกล่าวทักทายและหันมามองซอมพอกับแฟนของเขาที่ณุก อันนี้ก็รุ่นเดียวกับผมเช่นกัน

      “สวัสดีครับต้น “ น่านฟ้าและติณทักทายผม

      “สวัสดีครับพี่ต้น สวัสดีครับ หนุ่มหล่อของอาซอมพอ” ซอมพอทักทายผม ผมหันไปยิ้มทักทายณุกแฟนของซอมพอ

      “สวัสดีครับ ณุก”

      “สวัสดีครับคุณต้น” 

      “เอิร์ธนั่งข้างพ่อแล้วกันนะ” ผมบอกเอิร์ธ  ผมเหลือบไปมองมีโต๊ะว่างอยู่หนึ่งที่ แต่ดูแล้วน่าจะมีคนนั่งอยู่  เพราะว่ามีโทรศัพท์ว่างคว้ำหน้าเอาไว้

      “เราสั่งอาหารทานกันเลยไหม “ น่านฟ้าพูดผมพยักหน้า

      “ต้น วันนี้ลูกพี่ลูกน้องติณณภพเขามาอยู่ที่นี้ ติณเลยชวนมาทานอาหารด้วย คุณต้นไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ” น่านฟ้าถามผม ส่ายหัวและหันมามองเอิร์ธ ตอนนี้พนักงานทางร้านเอาชุดระบายสีมาให้เอิร์ธเหมือนเช่นทุกครั้ง

      “ขอโทษทีนะ เข้าห้องน้ำนานไปหน่อยคนเยอะมากเลยนะร้านนี้” เสียงที่ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง ผมก็ต้องตกใจอีกรอบ เพราะคนที่น่านฟ้าบอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของติณณภพนะคนนั้นก็คือหมอภีมปภพ หมอภีมปภพมองหน้าผมเขาปั่นหน้าได้นิ่งมาก่อนจะนั่งลงข้างๆเอิร์ธ

      “เอิร์ธ” หมอภีมปภพเรียกชื่อเอิร์ธขณะที่เขากำลังก้มหน้าก้มตาระบายสีอยู่ พอเอิร์ธเงยหน้าขึ้นก็

      “อาหมอ!!” เสียงดังลั่นเลย

      “ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอครับ” หมอภีมปภพถามเอิร์ธก่อนจะเงยหน้ามองผม

      “พี่หมอนี้คุณต้นตระการ เป็นปลัดอำเภออยู่ทีนี้ครับ  ต้นครับนี้พี่หมอภีมปภภพ เป็นลูกชายคุณป้าของผมครับ” คุณติณณภพพูดแนะนำหมอภีมปภพ

      “พี่รู้จักแล้วครับติณ รู้จักดีซะด้วยซิ”หมอภีมภพพูดก่อนจะก้มลงเอามือลูบหัวเอิร์ธเบาๆ

      “อาหมอเอิร์ธอยากไปเล่นเครื่องเล่นอะครับ” เอิร์ธเอ่ยปากถามหมอภีมผมก็กำลังจะหันมาบอกว่ายังไม่ให้ไป

      “ได้ครับ อาหมอพาไหมครับ” หมอภีมภพพูด

      “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลยซิเพราะว่าดูแล้วอาหารคงอีกนานเลย ไปเล่นก่อนก็ได้นะเอิร์ธ” น่านฟ้าพูดผมก็ต้องพยักหน้าเบาๆให้เขาไปกันสองคน และผมก็หันมาคุยกันน่านฟ้า ติณณภพ
      หมอภีมภพ ผมบินตรงมาหาต้นตระการ และมาเป็นหมอที่นี่ ผมจะอยู่ที่นี้จนกว่าต้นจะไว้ใจผมให้ผมดูแลเขาและลูก  ผมต้องไปอ้อนวอนก้องกับเขมจนสุดท้ายก็ใจอ่อนและโชคดีที่ลูกพี่ลูกน้องผมเขามีแฟนอยู่ที่นี้อีก ติณณภพนั้นเอง ผมจำได้ว่าคนที่เขาเคยบอกว่าเป็นแฟนติณนะนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลของผมหนึ่งคืนกับหนึ่งวัน และพี่ชายของเขาก็รู้จักกับต้นอีกด้วย แถมเขายังเป็นเจ้าของคอนโดนห้องข้างๆที่ต้นอยู่แต่ว่ามีคนเช่าอยู่แล้ว ผมก็เลยขอซื้อต่อเขาซะเลย จะได้เข้ามาอยู่ใกล้ๆต้นเข้าไปเพื่อดูแลเขาไม่ว่าจะฐานะใดก็ตาม

      “อาหมอ น้องเอิร์ธอยากนั่งสไลเดอร์แต่เอิร์ธกลัว” น้องเอิร์ธบอกผม ผมก็ลุกขั้นและมองขึ้นไป มันสูงไปหน่อยนะ เด็กเล็กคงไม่กล้าให้เล่น แต่ผมมองสายตาเอิร์ธอยากจะเล่นแน่ๆเลย

      “ถ้าอย่างนั้นขึ้นไปกับอาหมอนะ “ ผมบอกเอิร์ธ และพากันไต่บันไดขึ้นไปจนถึงด้านบน ผมเห็นเอิร์ธมองลงมาแอบขาสั่นด้วย ผมก็นั่งลงก่อน และกางมือพยักหน้าให้เขามาหาผมจะได้สไลลงไปพร้อม ๆกัน เอิร์ธก็เดินมานั่งตักผม

      “พร้อมไหมครับ “ ผมถามเอิร์ธ เขาก็พยักหน้าเบาๆ และผมก็ตัวเองให้ไหลลงไป สไดเดอร์อันนี้เป็นท่อรูปเกลี้ยว น้องเอิร์ธร้องออกมาไม่ดังแต่ไม่ได้ร้องเพราะความกลัวแต่ร้องเพราะว่าเขาตื่นเต้นจนกระทั้งผมกับเอิร์ธลงมาถึงพื้นพร้อมกัน ก้นผมก็ลงไปก่อนเอิร์ธก็นั่งอยู่บนตักผม ดูเอิร์ธลุกขึ้นยิ้มมีความสุข
ผมก็มองดูเท้าคู่นั้น คนที่มายืนมองผมกับเอิร์ธ คนนั้นก็คือต้นตระการ

      “เอิร์ธไปทานข้าวได้แล้วครับ “ ต้นตระการบอกเอิร์ธ เอิร์ธเขาก็หันมามองหน้าผม ก่อนจะหันไปมองหน้าต้นพ่อของเขา

      “อาหมอด้วยอะเปล่าพ่อต้น”

      “ครับ” ต้นตอบแค่นั้นผมก็ลุกขั้นและเดินจูงมือเอิร์ธออกไป

      “หมับ” เอิร์ธเขาจับมือต้นตระการอีกมือ ตอนนี้ ผมและต้นจูงมือเอิร์ธเดินไปพร้อมๆกัน มันเป็นภาพครอบครัวที่ผมต้องการจะมีกับเขา แต่ดูสีหน้าของต้นกังวลยังไงก็ไม่รู้  ผมอยากรู้ว่าต้นมีอะไรที่ทำให้เขากลัวที่จะให้ผมอยู่ใกล้เขาขนาดนั้น ผมคงต้องหาวิธีที่จะได้คุยกับต้นตรงๆ

      “เชิญนั่งครับอาหารออกมาแล้วนะครับ วันนี้อาหารเหนือ” น่านฟ้าพูดผมพยักหน้า ผมนั่งลงข้างๆเอิร์ธและคอยตักอาหารให้เอิร์ธ ส่วนต้นก็คุยเรื่องทั่วไปกับน่านฟ้า ถ้าเขาไม่บอกผมซะก่อนนะว่าเขาก็เคยขอต้นเป็นแฟน แม้ว่าตอนนั้นจะยังคบเกศรินทร์อยู่ก็ตาม ดูต้นสนิทกับน่านฟ้าพอสมควร ติณก็หันมามองผม ขยิบตาให้ผม ผมก็โบ้ยปากไปที่น่านฟ้า

      “ทำไมอาหมอกับอาติณไม่พูดกันอ่ะครับ “ เล่นเอาทั้งโต๊ะ หันมามองผมกับติณกันหมด

      “เออ…”ติณณภพถึงกับถลึงตาใส่เอิร์ธ

      “เอิร์ธเห็นอาหมอกับอาติณ ทำตาขยิบๆ แบบนี้ใส่กันนะครับ” น้องเอิร์ธพูดและทำท่าเลียนแบบผมกับติณได้เหมือนวะไม่มี

      “มีอะไรเหรอติณ” น่านฟ้าถามติณณภพ ส่วนต้นนะเขาหันมามองเอิร์ธแทน

      //ช่วยพี่หน่อยซิ พี่อยากเปิดใจคุยกับต้นเขา ทำยังไงให้พี่ไปรถคันเดียวกับต้นได้ // ผมส่งข้อความไปที่เบอร์ติณณภพ ติณก็หันมามองหน้าผม ก่อนจะหันไปกระซิบกระซาบกับน่านฟ้า ดูน่านฟ้าเขาตกใจพอสมควร

      “เดี๋ยวผมมานะต้น ติณเขาลืมของไว้ในรถนะครับ ของเล่นน้องเอิร์ธนะครับ” น่านฟ้าพูด ก่อนจะลุกไป ผมก็ก้มหน้าก้มตา ช่วยเอิร์ธเขาระบายดี

      “หัวใจสีอะไรครับ”

      “สีชมพู”

      “แล้วหัวใจแปลว่าอะไรครับ”

      “แปลว่าเรารักกัน คิก คิก คิก” น้องเอิร์ธพูดผมเงยหน้ามองต้นตระการ

      “น้องเอิร์ธ มีอาหมอแล้วไม่มาเล่นกับอาซอมพอและอาณุกเลยนะ อาเหงาเลยอ่ะ” หนุ่มน้อยอีกคนที่ผมจำได้ตอนแรกติณณภพบอกว่าแฟนเขาเพราะน้องเขาเคยนอนโรงพยาบาลของพ่อผม  ส่วนอีกคนนะเคยเป็นคนที่จะแต่งงานกับน้องสาวติณณภพอีกที แต่ไงมาลงกับคนนี้ได้ ผมก็ไม่ทราบเหตุผลเหมือนกัน  และน้องสาวติณณภพก็ไปอยู่อังกฤษไม่กลับมาเลยเท่าที่ผมทราบในตอนนี้ แต่ผมก็ไม่ถามนะ ผมว่ามันเป็นเรื่องภายในครอบครัว

      “คุณต้น พรุ่งนี้มีประชุมเรื่องเขื่อนกั้นน้ำใช่ไหมครับ ผมว่าจะไปด้วยและนี่จะชวนติณไปอีกคนจะได้รู้ระบบงานของผมบ้าง เพราะว่าถ้าเขื่อนนี้มีปัญหาผมนี่ก็รับเต็มๆเหมือนกันครับไร่ชาของผม” น่านฟ้าเดินกลับมาพอดี เขาก็ชวนต้นคุยต่อ

      “พวกผมต้องกลับกันแล้ว เพราะว่าวันนี้พ่อแม่ของผม  เขาพาพ่อตาแม่ยายผมไปเที่ยวที่อำเภอเชียงแสน ไม่มีใครอยู่ดูแลที่รีสอร์ทนะครับ” น่านฟ้าพูดผมพยักหน้า

      “เอิร์ธไปครับกลับบ้าน และขอบคุณอาทุกคนด้วยนะเอิร์ธ” ต้นตระการพูด

      “นี่ครับเอิร์ธ เห็นอาน่านฟ้าบอกว่าเราชอบสะสมพวกโมเดล นี้เครื่องบินเลยนะ เพื่อว่าโตขึ้นจะเรียนเป็นวิศวะการบินเหมือนอาน่านฟ้า” ติณณภพพูดผมหันไปมองนายน่านฟ้านี่นะ เขาก็หันมายิ้มให้ผม  ผมลุกขึ้นผมว่าจะอุ้มเอิร์ธแต่ต้นเขากางแขนอุ้มเอิร์ธไปซะก่อน เอิร์ธน่าจะง่วงแล้ว

      “ปึก” ติณณภพ เดิมาชนไหล่ผมและยักคิ้วให้ผม

      “ต้นให้ผมอุ้มเอิร์ธให้ไหม”ผมถามต้นตระการ ต้นหันมามองหน้าผม
      
      “ไม่เป็นไรครับ ผมอุ้มได้ “ ต้นตระการตอบผมแค่นั้น

      “ถ้าอย่างนั้นผมแยกตรงนี้เลยนะครับ ขอบคุณนะครับทุกคน “ ผมได้แต่ยืนมองแหละหันมามองติณณภพ ไหนบอกจะช่วยไหง ติณก็ยักไหล่
   ต้นตะการ    หลังจากที่ทานอาหารเสร็จผมก็รีบพาเอิร์ธออกมาเพราะว่าเขาเริ่มจะง่วงนอนแล้ว ผมกลัวว่าเขาจะงองแงเอาซะก่อน และวันนี้เอิร์ธก็ไปโรงเรียนมา แน่นอนเขาจะง่วงเร็วกว่าปกติ แม้ว่าตอนนี้จะเพิ่งจะสามทุ่มก็ตาม แต่ทันทีที่ผมเดินมาถึงรถฟอร์จูนเนอร์ของผม สิ่งที่ผมเห็นก็คือยางรถผมมันแบนอีกแล้ว

      “คุณน่าน ยางรถแบนอีกแล้ว”ผมหันไปเรียกน่านฟ้า ผมเห็นว่าหมอภีมปภพกำลังคุยอะไรกับติณณภพอยู่ ผมก็ไม่ได้ถามเขาหรอกนะว่าเขาเอารถมาใหม่จะกลับยังไง

      “จริงด้วยคุณต้น ผมเองก็ไม่ได้เอายางอาไหล่มาเพราะว่าวันก่อนผมเปลี่ยนให้คุณไปแล้ว” น่านฟ้าพูด ผมก็ต้องกุมขมับ ยางอาไหล่ทีผมเอาไปปะยังไม่ได้ไปเอาเลย

      “รถะเป็นอะไรไปเหรอครับ” หมอภีมปภพเดินเข้ามาถาม

      “ยางแบนนะครับ และผมก็ไม่มียางอะไหล่ แต่ว่าแถวนี้มีช่างปะนะ ผมโทรให้ไหมต้น”น่านฟ้าพูด ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา กดโทรให้แทน หมอภีมเขาหันมามองผมที่อุ้มน้องเอิร์ธอยู่เข้าก็แบมือมาขออุ้มตอนแรกผมก็จะไม่ให้อุ้มแต่เอิร์ธงัวเงียหันไปมองหมอภีม เหมือนจะไปหาเขาผมเลยต้องยอม ให้หมอภีมรับไปอุ้มไว้

      “เขากำลังจะมานะต้นแต่ผมกับติณต้องรีบไปนะครับ  คนงานโทรมาบอกว่าที่รีสอร์ทมีปัญหานิดหน่อยนะครับ” น่านฟ้าพูด

      “ผมอยู่กับคุณต้นได้ครับ ถึงยังไงคุณต้นก็คงไม่ปล่อยให้ผมเดินกลับหรอกครับใช่ไหมครับ “หมอภีมปภพพูด ผมก็แอบคิดน่ะว่าควรจะให้เดินกลับอยู่หรอก

      “ถ้าอย่างนั้น ผมกับติณไปก่อนนะครับต้น ผมขอโทษจริงๆ “น่านฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด ผมเองก็เข้าใจแต่มันก็ชักยังไงอยู่นะเหมือนกับว่านี้มันเป็นแผนหรือเปล่า ผมหันมามองหมอภีมที่อุ้มเอิร์ธผิงรถของผมอยู่ พอทุกคนไปกันหมดเขาก็มายืนพิงรถใกล้ๆกับผม และเริ่มเบียดผมนิดๆ

      “ต้น คุณโกรธอะไรผมหรือครับต้น “ หมอภีมปภพถามผม ผมยืนกอดอกอยู่

      “ผมไม่ได้โกรธคุณหรอกภีม ผมแค่ เออ “

      “คุณมีอะไรบอกผมซิ คุณมีปัญหาอะไรทำไมเราไม่หันหน้ามาคุยกันละต้น เรายังรักกันอยู่ไหม ต้น ถ้าคุณบอกว่าคุณหมดรักผมแล้วผมก็จะไม่ตอแยคุณอีกแต่ผมก็ยัง อยู่แบบนี้คนเดียวนะต้น” ผมก็ต้องหันหน้าหนีเขาไม่กล้าหันไปมองหน้าเขาตรงๆ

      “ต้น” หมอภีมกระซิบที่หูผมอีกครั้ง  ผมหันไปมองหน้าเขา ตอนนี้หมอภีมเบียดตัวเองเข้ามาหาผม ผมเองก็มองหน้าเขา แต่คำพูดของหมอดาวิกามันยังดังอยู่ในหูผมเลย

      “เรื่องหมอดาหรือเปล่าต้น ผมคุยกับพ่อแม่ของเธอแล้วนะ เขาบอกว่าจะไม่ให้ลูกสาวเขามายุ่งกับผมและคุณอีก ผมรู้เรื่องที่เขาจ้างคนตามติดเราแล้วด้วยนะต้น ผมคิดไม่ถึงเลยว่าหมอดาวิกาจะทำกับผมและคุณขนาดนี้ “ หมอภีมปภพพูด

      “และนี่ผมเลือกที่จะมาที่นี่เพื่อจะมาดูแลคุณและลูกนะต้น คุณต้องการใครสักคนที่จะช่วยคุณต้น ผมอยากให้คุณเชื่อใจผมนะครับต้น ว่าผมดูแลคุณและลูกได้” หมอภีมปภพพูด

      “ขอโทษนะครับ ผมมาเปลี่ยนยางรถตามที่คุณน่านฟ้าโทรบอกผมนะครับ” มีผู้ชายสวมเสื้อช๊อปเดินมาสองคนพร้อมกับยางอาไหล่ ผมก็พยักหน้าและชี้ไปอีกฝั่งหนึ่ง มันคือฝั่งของคนขับ พี่เขาก็รีบเดินไปทันที ผมหันมามองหมอภีม

      “ต้น ผมรักต้น และตอนนี้ผมก็รัก เด็กคนนี้ ต่อให้เขาจะเกิดจากผู้หญิงที่เคยแย้งคุณไปจากผมก็ตามแต่เขาก็เป็นเลือดเนื้อของคุณครึ้งหนึ่งต้นและ ผมก็พร้อมจะช่วยคุณเลี้ยงเขาต้น “หมอภีมปภพพูด

      “ คือ ภีม ผมกลัว กลัวว่า หมอดาเขาจะทำร้ายเอิร์ธ “ผมพูดออกมาเบาๆ

      “ผมรู้ว่าเธอคือผู้หญิงตัวเล็กแต่ผมกลัว ผมรักเขามาก เขาคือทุกอย่างของผมภีมคุณเข้าใจผมไหมภีม” ผมพูดออกมา

      “เข้าใจซิต้น ทำไมจะไม่เข้าใจ เพราะว่าคุณก็คือทุกอย่างของผม ผมถึงได้รอคุณจนถึงทุกวันนี้ไง ไม่มีคุณชีวิตผมก็เหมือนขาด บางสิ่งที่บอกไม่ได้แต่แค่รู้สึกว่ามันไม่สมบูรณ์อ่ะ ต้น  “

      “เรากลับมาเป็นคนรักกันเหมือนเดิมนะต้น อย่าหนีผมอีกได้ไหมต้น ผมอยากมีคุณอยู่ในบั้นปลายชีวิตของผม “ หมอภีมพูด

      “ผมว่าคุณรักเขามากพอที่จะปฏิเสธผมในวันนั้น “น่านฟ้าพูดให้ผมฟังใช่ ผมรักเขามากพอทีทำให้ผมยังอยู่คนเดียวและลูก ถึงแม้เด็กจะเป็นลุกผมคนเดียวก้ตาม

      “อืม” หมอภีมค่อยๆเลื่อนใบหน้ามาใกล้ผมและผมก็เหมือนคนต้องมนต์สะกด ผมก็เลื่อนใบหน้าเข้าหาหมอภีมและริมฝีปากของผมและเขาก็แตะกัน

      “สะ..สะ…สะ…เสร็จ แล้ว ครับ” คนที่มาเปลี่ยนยางรถยนต์ให้ผมก็ลุกขึ้นมาพอดีผมเลยต้องผละจากกันก่อน

      “เท่าไหร่ครับ” ผมหันไปถามเขา

      “ต้นให้ผมจ่าย “ หมอภีมปภพพูดบอกผม ผมส่ายหน้าว่าไม่เอาก็นี่มันรถของผม

      “ต้นให้ผมจ่ายครับ น้องครับ นี่ครับ” หมอภีมปภพรีบหยิบธนบัตรส่งไปไปให้ พร้อมกับตริบ ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกไป

      “เรียกว่าบุญตาไหมวะ ไม่เคยเห็น ผู้ชายเขาจูบกัน” ผมได้ยินก็ทำให้ใบหน้าผมเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ผมเองก็รีบเปิดประตูให้หมอภีมนำเอิร์ธเข้าไปไว้ในรถก่อน

      “ผมขับนะต้น” หมอภีมบอกผม ผมพยักหน้าว่าได้ จะว่าไปผมก็เริ่มเพลียเหมือนกัน วันนี้ก็ออกไปลุยงานดูเขือนเพื่อตรวจสอบ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือหากเกิดพายุฤดูร้อนและจะได้แก้ไขได้ทันที ผมเข้าไปนั่งข้างๆหมอภีมปภพ หมอภีมเขาก็ปรับแอร์เพื่อไม่ให้เย็นเกินไปสำหรับเอิร์ธ หมอภีมหันมามองผมก่อนพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ

      “เขากุมมือไว้ พร้อมกับออกรถ หมอภีมหันมามองผมเป็นระยะๆ

      “ต้นผมเห็นรูปที่หมอดาวิกาให้แอบถ่ายเราแล้วนะ จะว่าไป มันก็น่ารักดีนะ ยิ่งตอนที่เราไปเที่ยวอิตาลี่ ผมมีความสุขที่สุด เอาไว้รอเอิร์ธโตพอจะนั่งเครื่องบินนานๆได้เราไปเที่ยวกันนะครับ “

      “เอิร์ธเขาอยากไปดิสนี่ย์แลนด์นะภีม” ผมหันไปบอกหมอภีม
      
      “เราไปกันนะต้นแถวโซนยุโรปเลยรอบนี้ ไปมิลาน ไปปารีสและแวะเที่ยวดิสนีย์แลนด์ และอิตาลี ไปสักสามอาทิตย์ดีไหมแต่คงรอให้เอิร์ธโตอีกสักปีสองปี “ หมอภีมพูด ก่อนจะหันมาคว้ามือผมไปกุมไว้

      “ขอแค่คุณอย่าหนีผมไปอีกนะ ต้น “คำพูดที่ทำให้ผมต้องพรูลมหายใจออกมายาวๆ
      
      “คุณทนเห็นลูกคุณเจ็บปวดได้เหรอต้น” แต่คำพูดของผู้หญิงคนนั้นมันทำให้ผมหวาดกลัว ก็เอิร์ธคือทุกอย่างของผม

      “คุณส่งผมแค่นี้แหละภีม ผมจะเข้านอนแล้ว ขอบคุณนะภีม“ ผมพูดก่อนจะขอรับเอิร์ธมาอุ้มแทน พร้อมกับเปิดประตูเข้าห้องผมไปทันที ผมรีบปิดประตูลง ผมได้แต่คิดทบทวน ผมยอมรับว่าผมอาจจะใจร้ายกับหมอภีมแต่คนที่ผมอุ้มอยู่นี้ก็สำคัญกับผมไม่แพ้กัน
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(พี่หมอภีมXพี่ต้น) ขอโทษที่ผมต้องใจแข็ง
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 13-11-2020 09:29:38
 :-[ดีกันแล้วสินะ หมดดราม่าชะนีแล้วป่าวนะ
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(พี่ก้องXนครินทร์) เมียงอนครับผม
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 13-11-2020 09:48:02
โอ๊ย หวานไม่ไหวล้าวววว  :o8:

เพิ่งกลับจากติวหนังสือให้น้อง บรรยากาศเด็กๆ วัยรุ่นในรั้วโรงเรียนนี่นึกถึงเรื่องนี้ช่วงคริสกับเขมเลย
ลองแต่งแนวน่ารักแบบพี่กับน้องอะไรแบบนี้ดูมั้ย เราคิดว่าคุณLambosashaน่าจะบรรยายเห็นภาพความน่ารักมากกว่าเรา   :really2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(พี่ก้องXนครินทร์) เมียงอนครับผม
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 13-11-2020 10:23:51
โอ๊ย หวานไม่ไหวล้าวววว  :o8:

เพิ่งกลับจากติวหนังสือให้น้อง บรรยากาศเด็กๆ วัยรุ่นในรั้วโรงเรียนนี่นึกถึงเรื่องนี้ช่วงคริสกับเขมเลย
ลองแต่งแนวน่ารักแบบพี่กับน้องอะไรแบบนี้ดูมั้ย เราคิดว่าคุณLambosashaน่าจะบรรยายเห็นภาพความน่ารักมากกว่าเรา   :really2: :กอด1:

กำลังคิดๆ อยู่เลย ว่าจะแต่งแนวมัธยม คือเราพ้นวัยมานานมาก 555 เลยไม่ค่อยได้แต่งแนวนั้น เดี๋ยวลองคิดก่อนน้า
 :pig4:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(พี่หมอภีมXพี่ต้น)ผมได้คำตอบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 16-11-2020 11:23:28
   พิเศษ(พี่หมอภีมXพี่ต้น)ผมได้คำตอบแล้ว

         หมอภีมปภพ หลังจากวันที่ไปทานข้าวผมกับต้นก็แถบจะไม่ได้เจอกัน เหมือนต้นจะหลบหน้าผมยังไงก็ไม่รู้ ส่วนเอิร์ธผมก็เจอ มักจะอยู่กับผู้หญิงที่ตรงใต้ตึกเขาเปิดร้านร้านอาหาร ผมก็ไม่รู้ว่าเขาทั้งคู่มีความสัมพันธ์พิเศษกันไหม ถึงได้ดูแลเอิร์ธให้ต้นได้แบบนี้ ทำไมผมรู้สึกอิจฉาและหึงไปด้วยในตัว

         “อาหมอ” น้องเอิร์ธหันมาเรียกผม ขณะที่ผมกำลังเดินผ่าน ตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้วแต่ว่าทำไมต้นยังไม่กลับอีก ฝนก็ตกพร้ำมาตลอดทั้งวัน ผมนี้เป็นห่วงเขาขับรถเหลือเกิน เห็นเมื่อวานก็กลับมาเกือบสองทุ่ม ไม่รู้ว่างานเขาเยอะมากไปไหม

         “เอิร์ธ พ่อยังไม่กลับอีกเหรอครับ” ผมถามน้องเอิร์ธ

         “ยังเลยครับ อาหมอ “น้องเอิร์ธบอกผม

         “น้องเอิร์ธ ทานข้าวก่อนนะคะ เพราะว่าพ่อต้นโทรมาบอกครูแป้งแล้วว่ากำลังขับรถกลับมานะคะ” ผู้หญิงคนที่ผมเห็นดูแลเอิร์ธประจำเดินเข้ามาหาเอิร์ธ และเขาก็มองหน้าผมพร้อมกับรอยยิ้มหวานๆส่งมาให้ผม

         “สวัสดีคะ เออ รู้จักน้องเอิร์ธเหรอคะ” ผู้หญิงคนนั้นถามผม

         “ครูแป้ง นี้อาหมอ อาหมอเป็น…” น้องเอิร์ธกำลังจะพูด แต่จังหวะนั้นผมได้ยินเสียงคนเดินคุยโทรศัพท์เข้ามาพอดี ต้นนั้นเอง ต้นมองหน้าผมและมองเอิร์ธ

         “ถ้าอย่างนั้นอาหมอกลับขึ้นห้องพักก่อนนะครับ ถ้าว่างๆ มาเล่นห้องอาหมอบ้างนะ “ ผมพูดและหันไปมองต้น

         “ต้นค่ะ แป้งทำอาหารเอาไว้ให้แล้วนะคะ “

         “ขอบคุณครับครูแป้ง ถ้าอย่างนั้นผมทานที่นี้เลยแล้วกันนะครับ พร้อมเอิร์ธ “ ต้นตระการพูดและนั่งลง ขณะที่ผมกำลังเดินออก

         “ดูคุณเหนื่อยๆนะคะต้น วันนี้” ผมเหลียวหลังไปมองเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินเอาอาหารมาเสริฟที่โต๊ะที่ต้นนั่งกับเอิร์ธดูสายตาที่ห่วงใยนั้นและยังช่วยต้นป้อนเอิร์ธอีก บางทีต้นอาจจะอยากให้เอิร์ธมีครอบครัวที่เป็นที่ยอมรับของคนในสังคมมากกว่า ผมจำใจเดินกลับขึ้นไปบนห้องพักของผม ตรงเข้าไปอาบน้ำ ผมนะทานอาหารที่ห้องอาหารโรงพยาบาลมาแล้ว
         
         หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จ ผมก็ออกมานั่งเปิดดูขอ้มูลคนไข้ ประวัติการรักษาแต่ว่าสิ่งที่ผมเห็นมันไม่ใช่ตัวหนังสือมันเป็น ภาพที่ต้นตระการและผู้หญิงคนนั้น พร้อมกับเอิร์ธที่นั่งทานอาหารอยู่บนโต๊ะนั้นด้วยกัน จนผมรู้สึกว่าผมเองที่ไม่มีสมาธิ ผมเลยต้องหยุด

         “นี่กูมาทำอะไรที่นี่วะเนี้ยะ!” ผมถามตัวเอง ผมคิดว่าผมควรจะกลับไปทำหน้าที่หมอช่วยพ่อผมดูแลกิจการที่กรุงเทพเหมือนเดิมดีกว่าไหม และอยู่คนเดียวแบบไปตลอด ผมเหลือบมองเวลานี้ก็ประมาณ สามทุ่มแล้ว

                  ก๊อก ก๊อก ก๊อก  จู่ก็มีเสียงเคาะประตูห้องพักผม ผมก็แปลกใจนะ เพื่อนบ้านก็ยังไม่มีเลย ผมยังไม่รู้จักใครนอกจากต้นตระการและเอิร์ธ หรือว่าต้น ไม่น่าจะใช่แต่ก็เดินไปเปิดดูหน่อย แต่เปิดดูจากช่องเล็กๆ ก็ไม่เห็นมีใคร อาจจะไม่ใช่ห้องผมก็ได้ ผมเลยเดินกลับมา กะว่าจะหาอะไรอุ่นๆดื่สักหน่อย

                  ก๊อก ก๊อก ก๊อก  เสียงเคาะห้องผมอีกแล้ว ผมก็เดินไปและมองช่องเล็กๆก็ไม่เห็นอีกแล้ว

                  ก๊อกๆ เสียงเคาะดังมาอีกแล้วผมก็ตัดสินใจเปิดประตูทันทีและคนที่ผมเห็นว่ามาเคาะห้องผมก็คือ เอิร์ธ มิน่าจะผมถึงมองไม่เห็นเพราะว่าเขาตัวเล็กเกินไปนี่เอง

                  “เอิร์ธ มีอะไรลูกมาหาอาหมอ นี่มันดึกแล้วนะ ทำไมยังไม่นอนอีก” ผมถามเอิร์ธ

                  “เอิร์ธหิวนมอ่ะอาหมอ และเอิร์ธก็เรียกพ่อต้น พ่อต้นนอนหลับแต่พ่อไม่ตื่น” น้องเอิร์ธพูด ผมก็ขมวดคิ้วมอง ไม่น่าจะใช่นะ ผมเดินออกมาดู เอิร์ธเขาเอาเก้าอี้มันดันประตูเอาไว้ไม่ให้ปิด เพราะไม่อย่างนั้นเขาจะเปิดเข้าไปไม่ได้อีก ก็นับว่าเขาฉลาดมากนะ 

                  “ถ้าอย่างนั้นอาหมอไปทำนมให้นะครับ แล้วนี้พ่อต้นหลับอยู่ที่ในครับเอิร์ธ”

                  “พ่อนอนอยู่ตรงหน้าทีวี” เอิร์ธพูดบอกผมขณะทีผมเดินไปหยิบคีย์การ์ด และเดินมาที่ห้องของเขาและต้น ผมปิดประตูลงก่อน ผมเดินไปตามที่เอิร์ธบอกผม ผมก็เห็นต้นนอนอยู่ ดูท่าทางเหมือนเพลียมาก เขายังอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตที่ผมเห็นตอนที่เขาเพิ่งจะเดินเข้าในในคอนโด

                  “ต้น” ผมเรียกต้นแต่ต้นก็ยังหลับ ผมเหลือบไปเห็นเหมือนเป็นซองห่อยาที่ถูกแกะทานไปแล้ว ผมหยิบขึ้นมาดู มันเป็นยาแก้ปวดลดไข้ นี้เขาไม่สบายเหรอต้น ผมก็ค่อยใช้หลังมือแตะที่หน้าผาก ใช้ต้นตัวร้อนมาก

                  “ต้น! ต้น!” ผมก็รีบเข้าไปนั่งข้าง ๆ ต้นเขามีไข้ และพอมผมหันมาเจอเอิร์ธที่ยืนมองผม ดูท่าเอิร์ธจะหิวนมและง่วงนอนแล้วด้วย

                  “ถ้าอย่างนั้นอาหมอทำนมอุ่นให้นะครับ” ผมพุดและรีบจัดการอุ่นนมให้เอิร์ธ และให้เขานั่งดื่ม เอิร์ธไม่ใช่ขวดนมแล้ว ผมจำได้ ระหว่างนั้นผมก็หันมาดูต้นแต่ผมไม่อยากให้เอิร์ธตกใจกลัว ผมก็เลย ค่อยๆช้อนร่างต้น ที่หลับไม่ได้สติ ผมอุ้มเข้าเข้าไปในห้องนอนของต้นก่อน

                  “เอิร์ธ เดี๋ยวอาหมอมานะครับ” ผมรีบกลับไปที่ห้องและไปหยิบกระเป๋าแพทย์ที่ผมมีพวกอุปกรณ์ วัดไข้ฟังปอด ก่อนจะรีบตรงไปที่ห้องนอนต้นทันที

                  “เอิร์ธ พ่อต้นไม่ค่อยสบายนะครับ เอิร์ธเข้าห้องนอนก่อนได้ไหมครับ” ผมบอกเอิร์ธ เอิร์ธพยักหน้าหลังจากดื่มนมอุ่นแล้ว ผมก็รีบเดินกลับเข้าไปในห้องนอนต้น ผมเริมจากวัดไข้ก่อน และสิ่งที่ผมวัดได้ก็คือ ต้นมีไข้สูง 39 องศา ผมรีบถอดถุงเท้า และเริ่มปลดกระดุมเสื้อของต้นก่อน เพราะว่าถ้ายิ่งอบอุณหภูมิในร่างกายจะยิ่งเพิ่มขึ้น ระหว่างนั้นผมก็สำรวจดูด้วยว่าต้นอาจจะมีบาดแผลหรือเปล่า เพราะดูแล้วมันเหมือนอาการติดเชื้อและมีไข้แบบนี้ ระหว่างที่ผมถอดกางเกงต้น ผมรู้สึกว่าต้นขยับ เหมือนเขาจะเพล้อ

                  “สวัสดีครับ ผมหมอภีมปภพนะครับ ผมต้องการความช่วยเหลือครับ “ ผมโทรศัพท์เข้าไปในโรงพยาบาลที่พ่อผมมีเป็นหุ้นส่วนอยู่โดยโทรไปที่ห้องยา  เพื่อทำการขอเบิกยา ผมคิดว่าเขาต้องการยาฆ่าเชื้อด่วนและยาลดไข้ หลังจากวางสายก็ทำการเช็ดตัวให้ต้นก่อน เพื่อระบายความาร้อน
 
                  “ต้นคุณนี่ดื้อที่สุดรู้ไหมแต่ผมก็ยังรักคุณนะต้น” ผมพูดแค่ระหว่างนั้นผมเดินไปดูเอิร์ธก่อน ผมเห็นว่าเอิร์ธเขานอนหลับสนิท ผมก็แค่จัดท่านอนให้เขาเท่านั้น ผมใช้มือลูบหัวเอิร์ธเบาๆ ทำไมเขาถึงทำให้ผมรักมากพอพอกับต้นถึงเพียงนี้นะ ผมคิดว่าต้อนที่ต้นมีเขาต้นคงนึกถึงผมมันเลยเหมือนสายใยที่เชื่อมโยงกัน สายใยที่ไม่อาจจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแต่สัมผัสได้ด้วยใจ

         ต้นตระการ ผมไม่รู้ว่าผมหลับไปตอนไหน ตอนที่ผมขับรถกลับ ผมเริ่มรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เหมือนจะเป็นไข้ วันนี้ผมฝากเอิร์ธกับครูแป้ง ผมจำเป็นต้องไปดู หมู่บ้านที่อยู่ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของผม ตอนนี้มีน้ำป่าไหล่หลากลงมา ไร่นาเสียหาย ผมเข้าไปช่วยเหลือตั้งแต่เมือวานแล้ว และวันนี้ฝนก็ตกลงมาทั้งวันไม่หนักแต่ต่อเนื่องตลอด
                 
          ผมนั่งทานอาหารเย็นกับเอิร์ธ วันนี้ผมฝากท้องกับร้านคุณแม่ของครูแป้งอีกเช่นเคย ผมเห็นหมอภีมเดินมาดูเอิร์ธและพอเขาหันมาเห็นผมที่เข้ามาคุยกับครูแป้งเขาก็เดินออกไป ผมยอมรับว่าผมหลบหน้าเขา ที่ผมหลบหน้าเขาเพราะผมจะใจอ่อนให้เขาอีกครั้ง  ผมอยากให้กลับไปเป็นหมอที่โรงพยาบาลของพ่อเขามากกว่า

         “อืมม” ผมค่อยลืมตาขึ้น แต่ว่าหนังตาของผมมันหนักมากจนลืมแทบจะลืมไม่ขึ้น แต่ผมก็ต้องฝืนเพราะว่าผมนึกถึงเอิร์ธ ผมรีบดีดตัวขึ้นนั่งแม้จะอยากลำบาก ตอนนี้ผมรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว และแขนผมก็มีบางสิ่งพันที่หลังมือ ผมก้มลงมองดีดี มันเหมือนสายน้ำเกลือ แต่ว่าผมอยู่ในห้องนอนตัวเอง ผมเห็นเสาที่เรียกว่าเสาห้อยน้ำเกลืออยู่ข้างๆผม

         “ เอิร์ธ “ผมเรียกชื่อเอิร์ธเบาๆ ตอนนี้ผมแทบจะไม่มีแรง แต่พอผมหันไปมองด้านข้างผม ก็ต้องตกใจ มีคนมากึ่งนั่งกึ่งนอน เขาหลับอยู่โดยมีร่างใครคนหนึ่งนอนอยู่บนตัวเขาอีกที ผมจำได้ดี ลูกชายผมเอง ที่นอนกอดเขาอยู่บนอกของเขา

                  “ภีม” ผมเรียกหมอภีม

                  “ต้น!” หมอภีมเขาตกใจไม่แพ้กัน ผมก็มองที่เอิร์ธ

                  “เขาร้องไห้นะ ผมเลยพาเขามานอนอยู่นี้ด้วย และผมก็เป็นห่วงคุณ คุณมีไข้สูงมากต้น” หมอภีมปภพพูด ผมพยักหน้าเบาๆ ผมคงไม่มีแรงพอจะดื้อกับเขาแล้วตอนนี้

                  “แล้วคุณเข้ามาได้ยังไงภีม” ผมถามหมอภีม ภีมเขาก็ วางเอิร์ธลงนอนข้างๆ ผม ก่อนจะเดินอ้อมมาหาผม เขาเปิดไฟเพื่อดูสิ่งที่ห้อยอยู่ด้านบนของเสาน้ำเกลือ

                  “เอิร์ธเขาไปเคาะประตูห้องเรียกผม เขาบอกว่าเขาเรียกคุณแล้วคุณไม่ตื่นต้น” หมอภีมปภพพูด ผมก็ต้องยกมือข้างที่ไม่มีสายน้ำเกลือเสยผมตัวเอง

                  “ผมว่าคุณติดเชื้อ จากแผลที่ตรงหน้าแข้งของคุณนะ แต่ผมฉีดให้ยาฆ่าเชื่อผ่านน้ำเกลือให้แล้วนะ และฉีดยาลดไข้ให้คุณก่อนต้น” หมอภีมปภพพูด ผมก็หมองหน้าเขา

                  “ต้น คุณต้องการใครสักคนช่วยคุณ ผมนี้ไงต้น ทำไมละต้น ผมไม่ดีพอขนาดนั้นเลยเหรอต้น” หมอภีมปภพนั่งอยู่ข้างๆผม ผมค่อยดันตัวเองขึ้นอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน หมอภีมก็หาหมอนมาดันหลังผมเอาไว้ เขานั่งลงเบียดกับผม  ผมหันไปมองเอิร์ธอีกที ใช่บางทีผมอาจจะต้องการใครสักคนช่วยผมจริงๆ ทั้งที่ผมเองก็พยายามจะทำให้ได้ทั้งสองหน้าที่ด้วยตัวผมเองแล้ว

                  “หมับ” ผมกลับเป็นฝ่ายกอดหมอภีม

                  “ผมรู้ว่าคุณอยากทำเองทั้งสองหน้าที่ แต่ถ้ามันหนักเกินไป ผมนี่ไงที่จะช่วยคุณแบ่งเบามันได้ต้น ผมมาทีนี้เพื่อนมาหาคุณ คนที่ผมรัก ให้ผมดูแลคุณกับลูกคุณนะต้น “ หมอภีมปภพพูด

                  “นะต้น “ เขายังพูดอยู่เหมือนเดิม

                  “ต้น..อยากดูแลคุณ..และลูกคุณ” หมอภีมพูด

                  “น่ะต้น” น้ำเสียงออดอ้อนนั้นทำให้ผม “พอแล้ว ยอมแล้ว” ผมพูดพด้วยน้ำเสียงที่แหบพร้า เพราะว่าผมไม่มีแรง

                  “ผมขอน้ำหน่อยซิภีม ผมคอแห้งไปหมดเลย “ ผมพูดบอกหมอภีมเขาก็ลุกออกไป และกลับมาพร้อมกลับแก้วน้ำ เขาส่งมาให้ผม และทำการวัดไข้ผมอีกครั้ง

                  “ไข้ลงแล้วครับ ที่รัก “ หมอภีมพูดเรียกผมที่รัก ผมก้มลงมองเสื้อผ้าผม และมองหน้าหมอภีมปภพ

                  “ผมเปลี่ยนให้ ทำไมละ ผมก็เห็นมาหมดแล้ว มุกซอกทุกมุมแล้ว “หมอภีมโน้มตัวลงมาหยิบแก้วน้ำจากมือผมไป วางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงนอนผมก่อนที่เขาจะหันกลับมานั่งเบียดผม เขาหันหน้าเข้าหาผม สายตาที่มองผมมันทำให้ริมฝีปากผมขยับ และหมอภีมก็ประกบจูบผม ผมแค่ใช้ฝ่ามือผมแตะที่แผ่นอกนั้นโดยไม่ได้ออกแรงดันออก

                  “ภีม เดี๋ยวเอิร์ธตื่นมาเห็น” ผมพูดจังหวะที่หมอภีมถอนปากออก เขาก็หันไปมองเอิร์ธ ที่แม้จะหลับอยู่ก็ตาม หมอภีมพยักหน้าผมก็คว้าข้อมือเขาเอาไว้

                  “แต่ผมจะค่อยๆบอกเขานะภีม” ผมบอกหมอภีม หมอภีมก็ปรับให้ผมนอนราบลง ก่อนจะเดินอ้อมไป เขาดันเอิร์ธให้มานอนอยู่ตรงกลาง และหมอภีมก็นอนริมสุด เพราะว่ากลัวเอิร์ธจะดิ้นตรงเตียง
                 
         ผมไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหนอีกครั้ง ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าสายน้ำเกลือถูกถอดออกแล้ว ผมได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ด้านนอกห้อง ผมค่อยๆยันตัวเองเพื่อจะได้ลุกขึ้น ไม่รู้ว่าน้องเอิร์ธจะเตรียมตัวไปโรงเรียนหรือยัง ผมค่อยลุกขึ้นจากที่นอน เดินออกไปด้านนอก ผมเงี่ยหูฟังว่ามาจากที่ไหน ในครัว

                  “อร่อยไหมครับ ถ้าอร่อยอาหมอทำให้อีก “

                  “อาหมอจะไปส่งเอิร์ธอะเปล่า”

                  “ไปส่งซิครับ แต่อาหมอขอเดินไปดูพ่อต้นก่อนนะครับ “

                  “พ่อต้นไม่สบายใช่อ่ะเปล่า”

                  “ใช่ครับ แต่อาหมอรักษาแล้วครับ” หมอภีมพูด เขาก็เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าผมออกมายืนมองเขาอยู่ มันเป็นภาพที่น่ารักมาก

                  “ต้น คุณลุกมาทำไมละ “

                  “ผมว่าผมดีขึ้นแล้ว ว่าแต่นี้ คุณแต่งตัวให้เอิร์ธเหรอภีม” ผมถามหมอภีม ตอนนี้เอิร์ธสวมชุดนักเรียนอนุบาลเรียบร้อยแล้ว ผมก็โน้มตัวลงหอมที่หัวลูกชาย หมอภีมหวีผมให้ซะเรียบร้อยเชียว

                  “พ่อ พ่อไม่สบาย แต่อาหมอรักษาแล้ว” น้องเอิร์ธเงยหน้าขึ้นมามองผม แววตานั้นมันสื่อได้ว่าเขาเป็นห่วงผมเหลือเกิน

                  “เขาดูกังวลนะที่เห็นต้นไม่สบายนะ” หมอภีมพูด ผมก็เอามือลูบใบหน้านั้น

                  “พ่อขอโทษนะครับ”ผมพูดและกอดเด็กน้อยเอาไว้

                  “นี่คุณจะไปส่งเอิร์ธเองเหรอภีม” ผมถามหมอภีม เขาก็พยักหน้า

                  “คุณนอนพักนะต้นและห้ามไปทำงานวันนี้ อันนี้คำสั่งหมอ และพอผมส่งลูกเสร็จผมจะกลับมาดูคุณก่อน ถ้าไม่นั้นผมจะพาคุณไปที่โรงพยาบาลกับผมด้วย “ ผมก็ขมวดคิ้วเป็นผม จะพาไปทำไมกันละ

                  “ไปตรวจดูให้ละเอียด ผมเป็นห่วงคุณต้น “

                  “ทำไมละแฟนคุณเป็นหมอที่นั้น ตรวจดูและจะได้สั่งยาฆ่าเชื้อให้คุณด้วย และหลังจากนั้นก็ไปนั่งให้กำลังใจผมตรวจคนไข้ต่อก็แล้วกัน”หมอภีมพูด

                  “เอาละผมว่าพากันไปโรงเรียนได้แล้วมั้งครับคุณหมอกับคุณนักเรียนเดี๋ยวก็ได้พากันสาย” ผมพูดหมอภีม และเขาก็อุ้มเอิร์ธขึ้น เขาหันมามองผมที่กำลังจะเดินหันหลังออก เข้าห้องเพื่อจะได้เตรียมตัวและผมจะโทรไปเช็กงานที่โต๊ะก่อนว่ามีอะไรเร่งด่วนหรือไม่

                  “ฟ้อด!” หมอภีมแอบหอมแก้ผม ผมสะบัดหน้าไปมอง เหมือนกับว่าเขากับเอิร์ธนี้เตรี้ยมกันเอาไว้แล้วเอิร์ธเอามือปิดตาคือเด็กห้ามดูว่างั้น ผมหันมาเอามือลูบแก้วตัวเอง

                  “ผมมีข้าวต้มนะต้น ผมทำเอาไว้ให้ คุณทานก่อน”หมอภีมพูดผมพยักหน้าว่าได้

                  “ไปครับ วันนี้อาหมอไปส่งและอาหมอก็จะไปรับด้วยดีไหมครับ และกลับมาเราจะมาเล่นรถไฟกัน ใช่อาหมอก็จะอยู่เล่นเป็นเพื่อนครับผม” เขาสองคนเดินคุยกันออกไป ผมได้แต่ยืนมอง ผมเห็นรอยยิ้มของลูกแล้วก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ผมคงหนีเขาไม่ได้อีกแล้วแหละคุณหมอจอมตื้อ
                 
                  Part’s หมอภีทปภพ

                            ผมขับรถมาส่งน้องเอิร์ธที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ผมรู้จักเพราะว่าอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลของเพื่อนพ่อผมด้วย แถมคนไข้เด็กของผม ส่วนใหญ่เรียนโรงเรียนนี้กัน ผมพาเอิร์ธเดินไปเข้าห้องเรียน ผมเห็นครูแป้ง ผมทราบเพราะว่าเอิร์ธมักจะเรียกชื่ออยู่บ่อยๆ

                  “ครูแป้ง สวัสดีครับ” น้องเอิร์ธยกมือสวัสดี

                  “อ้าวน้องเอิร์ธ มายังไงค่ะ แล้วคุณพ่อต้นละคะ”ครูแป้งเอ่ยถามเอิร์ธก่อน ที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมามองผม ที่จุงมือเอิร์ธอยู่

                  “เออ คุณ ที่พักอยู่ที่คอนโดนี่ค่ะ”

                  “อาหมอครับครูแป้ง” เอิร์ธบอกครุแป้ง เขาก็ชักสีหน้าแปลกใจ ว่าทำไมผมมากับเอิร์ธได้

                  “สวัสดีครับครูแป้ง ผมมาส่งเอิร์ธแทนต้นนะครับ เพราะว่าต้นเขา “

                  “พ่อไม่สบายครับครูแป้ง” พอเอิร์ธบอกเท่านั้น เธอก็มีสีหน้าตกใจ

                  “พ่อต้นเป็นยังไงบ้างเอิร์ธ “ เธอถามเอิร์ธทันที

                  “พ่อหายแล้ว เพราะว่าอาหมอรักษา อาหมออุ้มพ่อต้นด้วยนะ” อันนี้ทำให้ครูแป้งเงยหน้าขึ้นมามองผม ผมก็แอบเกาหัว เห็นด้วยเหรอ เธอยืนขึ้นมองผมอีกครั้ง

                  “คือ เออ  ผม เออ.. พอดีเอิร์ธเขาไปเรียกผมนะครับและผมเข้าไปต้นเขาก็มีไข้สูง “

                  “แต่ว่าตอนนี้ ไม่มีไข้แล้วครับ ผมว่า….”

                  “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นเราเข้าห้องกันเลยไหมคะ เอิร์ธ วันนี้ครูแป้งมีนิทานใหม่หลายเล่มเลยนะคะ “ ครุแป้งพูดบอกเอิร์ธ ก่อนที่จะก้มลงกุมจัมมือเอิร์ธ

                  “ครูแป้งครับผม”

                  “ฉันเข้าใจค่ะว่า หัวใจเราบังคับกันไม่ได้ค่ะและแป้งก็คิดว่าคุณต้นเขาคงมีคนรักอยู่แล้ว แต่แป้งก็แอบตกใจนะคะ ที่เป็นคุณเอง ดูแลคนต้นดีดีนะคะ” คุณแป้งเธอก็จูงมือเอิร์ธไป ผมก็หันหลังเดินกลับ

                  //สวัสดีครับ ผมหมอภีมปภพ ผมจะเข้าไปสายหน่อยนะครับ เพราะว่าแฟนผมเขาไม่สบาย ใช้ครับ และรบกวนแจ้งห้องฉุกเฉินให้ผมทีนะครับ ว่าผมจะเข้าไปเคลียร์อุปกรณ์ทางการแพทย์ทีผมเบิกมาใช้กับแฟนผมเมื่อคืนด้วยครับ ครับขอบคุณครับ// ผมโทรไปหาพยาบาลที่ดูแลแผนกภูมิแพ้ของผม

                  “ต้น”ผมเดินกลับขึ้นมาที่คอนโด ผมตรงเข้าไปที่ในห้องพัก เห็นต้นแต่งตัวอยู่อย่าบอกนะว่าจะไปทำงานนะ
                 
                  “ต้นผมบอกคุณว่าไงครับ” ผมถามต้นพร้อมกับเข้าไปกอดเขาจากด้านหลัง

                  “ผมว่าจะเข้าไปเซนเอกสารสำคัญหน่อนนะภีม ผมคิดว่าผมไม่เป็นอะไรมาแล้ว” ต้นหันมามองหน้าผม

                  “รีบไหมครับ ไปโรงพยาบาลกับผมก่อน ผมอยากให้คุณไปตรวจและผมจะให้หมอเขาสั่งยาให้  คุณต้องทานยาฆ่าเชื้อต่อนะต้น” ผมพูดและหมุนตัวต้นตระการพลิกมาหาผม ผมโอบเอวนั้นเข้ามาหา

                  “นี่ภีมผมดีขึ้นแต่ยังไม่หายดีนะคุณ และผมกลัวว่าคุณจะติดหวัดจากผม”

                  “ไม่หรอกครับ “ผมพูดและช่วยต้นแต่งตัว

                  “แต่คิดอีกที นี่ถ้าผมป่วยก็ดีนะ ผมจะได้อ้อนให้คุณดูแลผมไง “

                  “แล้วตอนนี้ เขาไม่ได้เรียกว่าอ้อนผมเหรอภีม”ต้นพูด

                  “ถ้าอย่างนั้นเข้าไปที่โรงพยาบาลบาลก่อนนะต้น ผมอยากให้เขาตรวจเลือดคุณและจะให้หมอโรคทั่วไปดูอาการเบื้องต้นถ้าไม่มีอะไรผิดปกติจะได้ให้เขาสั่งยาอย่างเดียว

                  “จ๊วบ” ผมจุบปากก่อนะที่ผมกับต้นจะเดินลงมาขณะที่ผมกำลังจะเดินออกจากคอนโด

                  “คุณปลัด” ผมได้ยินเสียงใครสักคนเรียกต้นตระการ ผมหันไปมอง

                  “วันนี้เข้าทำงานสายนะคะ “ ผมหันไปมองผู้หญิงวัยกลางคนและหันมามองต้นตระการ

                  “เพราะดีว่าผมไม่ค่อยสบายนิดหน่อยนะครับ แต่นี้ผมหายแล้วครับ” ต้นพูด

                  “แม่ก็ได้ยินแป้งบอกอยู่ว่าคุณปลัดเหมือนจะไม่ค่อยสบาย ถ้าเป็นเยอะหรือว่ายังไงแม่ให้แป้งไปดูแลนะคะ แป้งมันอยากดูแลนะคะ” ผมหันมามองผม ต้นตระการหันมามองผมแว้ปหนี่ง

                  “ไม่เป็นไรครับ ผมเออ ผมหายแล้วครับ” ต้นตระการพูด ผู้หญิงคนนั้นพึ่งจะหันมาเห็นผมยืนอยู่

                  “คุณคนนี้”

                  “คุณหมอภีมปภพครับ”

                  “สวัสดีค่ะคุณหมอ”

                  “เขาดูแลผมเมื่อคืนครับ “ ต้นตระการพูด ผมหันไปมอง

                  “อ้อเหรอคะ ถ้าอย่างนั้น แม่เข้าไปเตรียมของจะได้เปิดครัวค่ะ “ ผู้หญิงคนนั้นรีบขอตัวไปทันทีผมหันมามองต้นตระการ

                  “ไปกันได้หรือยังละภีม และผมจะได้เข้าไปเซนเอกสารที่อำเภอ “ ต้นตระการหันมาถามผม ผมพยักหน้าว่าได้ซิ ผมเดินไปและยิ้มไปด้วย ผมคิดว่าเขาจะบอกว่าผมเป็นแค่เพื่อน ผมว่าการที่เขาบอกไปว่าผมดูแลเขาคำตอบนี้คงเพียงพอแล้ว่าผมกับต้นเราเป็นอะไรกัน
********

ตอนหน้าคริสจะมางอแงง้องแง้งกับครูเขม (จะงอแงยังไงน่ะ รอติดตามนะคะ) อย่าเพิ่งหนีคนแต่งไปนะคะ
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนพิเศษ(พี่หมอภีมXพี่ต้น)ผมได้คำตอบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 18-11-2020 11:23:53
มาแล้ววววว มาปักรอคริสเขม ส่วนภีมต้นนี่แฮปปี้ขึ้นมาอีกนิดละ
 :กอด1:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริสโตเฟอร์)คริสหายออกจากบ้าน(ครึ้งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 13-12-2020 19:49:13
                     เขมชาติหลังจากสอบปลายภาคเสร็จโรงเรียนปิดเทอมแล้วผมก็สรุปคะแนนส่งให้ผ่ายประมวลผลเพื่อนำข้อมุลไปลงเพื่อบันทึกไว้ในสมุดพกของนักเรียนในแต่ละเทอมและสำหรับคนที่กำลังจะจบมัธยมปีที่หกและปีที่สามเพื่อนำไปใช้สมัครเรียนต่อหรือนำไปยืนทำงาน และผมก็กลับมาอยู่กรุงเทพกับแม่ทันที เพื่อช่วยแม่ดูแลพี่ก้องที่ต้องพักรักษาตัวสักระยะตอนนี้ผมก็รับเป็นติวเตอร์ให้อาจารย์อรปรียาที่บ้านติวเตอร์ช่วงปิดเทอมทันทีตามที่อาจารย์เคยเอ่ยปากชวนผมเอาไว้


                   ขณะที่ผมกำลังนั่งดูรายเนื้อหาที่ต้องใช้สอนเด็กที่จะมาเรียนติวกับผม ผมเน้นเนื้อหาที่เกี่ยวกับข้อสอบ การอ่านข้อสอบ และการตัดชอยส์เพื่อจะได้ประหยัดเวลา จู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงข้อความเข้ามาในมือถือผม พอผมหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นข้อความจากเดนิสพ่อของคริสโตเฟอร์

Danis // สวัสดีครับเขม คุณยุ่งอยู่ไหม
                  Khen// สวัสดีครับเดนิส ไม่ยุ่งครับคุยได้ ว่าแค่คุณสบายดีไหมครับ
Danis/// ผมเหรอครับ ไม่ครับเขม ผมไม่กำลังแย่

                  Khem// คุณเป็นอะไรไปครับเดนิส

Danis// เขมครับ คริสโตเฟอร์ หายไปจากบ้านครับ ผมไปตามหา
เขาแล้ว ไปทุกที ไปถามเพื่อนๆ เขาที่เรียนที่TAFE พวกเขาก็บอก
กับผมว่าคริสไม่ได้มาเรียนหลายวันแล้วครับ
                  Khem// ใจเย็นนะครับเดนิส คุณทะเลาะอะไรกับคริสหรือเปล่าครับ

Danis// ไม่นะครับ แต่ผมรู้สึกว่าเขาพูดกับผมน้อยลง ตอนแรก
ผมก็คิดว่าเขาเหนื่อยหรือเปล่า ผมก็ไลเลยไม่ได้เซ้าซี้ถามเขานะครับเขม
                  Khem// ผมไม่มีเบอร์ติดต่อเขานะเดนิส

Danis// ผมจะให้คุณครับ ผมคิดว่าต้องเป็นเขมแล้วแหละครับ
ที่จะคุยกับเขาได้ ผมกับเขาคงห่างกันมากเกินไป และดูเหมือนเขา
เปิดใจกับคุณมากกว่าผม
                  Khem// ได้ครับเดนิส

Danis// ขอบคุณครับ เบอร์คริส 045645xxx

                  Khem// ทำใจให้สบายนะครับ เขาอาจจะแค่สับสน ผมจะลองโทรหาเขา                  ดูนะครับเดนิส บายครับ


      ทันทีที่ผมจบบทสนทนาทางข้อความกับเดนิส ผมก็รีบกดโทรออกตามเบอร์ที่เดนิสให้ผมมาทันที เพื่อพยายามติดต่อคริสโตเฟอร์ นายตัวดีทำไมทำกับพ่อแบบนี้น่ะ ผมแอบคิดในใจ และนี่เขามีปัญหาอะไรทำไมไม่หันหน้ามาคุยกับพ่อก่อน หรือว่าเป็นเรื่องคุณโรสขึ้นมาอีก

คริสโทรออก    ไม่รับสาย
คริสโทรออก    ไม่รับสาย
คริสโทรออก    ไม่รับสาย
   
                ผมกดโทรไปหลายสายแต่คริสก็ไม่ยอมกดรับสายผมเลย เหลือบมองเวลาผมต้องเข้าสอนติวเด็กนักเรียนของผมแล้วด้วย แต่ใจก็เป็นห่วงคริสผมเลยลองส่งข้อความหาคริสดูแล้วกัน

เขม// คริสเกิดอะไนขึ้น พ่อบอกนายออกจากบ้าน นายอยู่ที่ไหน ติดต่อหาพ่อนายด่วนนะพ่อเขาเป็นห่วงนายนะคริส

               ผมส่งข้อความหาคริสและเตรียมตัวเข้าห้องติวเพราะว่านักเรียนก็นั่งรอผมกันหมดแล้ว ใจผมเองก็เป็นกังวลแต่ผมต้องเข้าไปทำหน้าที่ครูสอนติวเตอร์ เพราะว่าตอนนี้นักเรียนก็นั่งรอผมอยู่ในห้องสอนเรียบร้อยแล้วด้วย

Danis// ครูเขมติดต่อคริสได้ไหมครับ

                     Khem// ยังเลยครับ เดนิส เขาไม่รับสายผมเลยนะครับ

   ผมส่งข้อความคุยกับพ่อของคริสเขาระหว่างที่ผมได้มอบหมายงานกำลังให้นักเรียนลองทำงานกลุ่มอยู่ ผมก็เดินเลี่ยงออกมาเพื่อหาที่กดโทรหาคริสอีกครั้ง

คริสโทรออก     ไม่รับสาย
คริสโทรออก      ไม่รับสาย
คริส โทรออก     ไม่รับสาย
           และนันก็ยิ่งที่เขาไม่ยอมไม่รับสายผมด้วยอีกคน นี้เขาโกรธอะไรผมด้วยหรือเปล่าน่ะนายคริส และยิ่งทำแบบนี้ผมก็ยิ่งร้อนใจ เป็นห่วงขึ้นมาอีกระดับ

เขม// คริสรับสายพี่ก่อนได้ไหม พี่มีเรื่องจะคุยกับเรา คริส พี่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นายอยู่ที่ไหน พี่เป็นห่วงคริส!!
เขม// คริสพี่อย่าทำแบบนี้ พ่อนายเขาเสียใจนะคริส และ
เขม// พี่ก็เสียใจนะคริส รับสายพี่หน่อย

               ผมส่งข้อความหาคริสและเฝ้ารอการตอบรับจากคริสด้วยใจที่กระวนกระวายจนการสอนติวของผมก็หมดชั่วโมงลงแต่ผมจะมีสอนต่ออีก ตอนนี้เป็นเวลาพักหนึ่งชั่วโมงของผมก่อน มือถือผมดังขึ้นมีสายเข้าจากคริส ผมรีบกดรับสายทันที

// พี่เขม// น้ำเสียงเขาบ่งบอกว่าเขากำลังมีเรื่องวุ่นวายในใจเขา
// คริสเกิดอะไรขึ้น ทำไมเราทำแบบนี้ และนี่เราอยู่ที่ไหน //ผมรีบถามคริสทันที
// พี่เขม ผมไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว ผมอยากกลับไปหาพี่เขม //
// คริส นี้ก็สองเดือนแล้วนะ อีกแค่สี่เดือนเอง//
// ก็ผมคิดถึงพี่นี่พี่เขม // “ฟู่!!” ผมแอบพ่นลมหายใจออกมายาวๆ หมอนี่กำลังทำให้ผมแย่ไปด้วย ผมเองก็คิดถึงเขามากเช่นกันแต่ผมก็ต้องอดทน
// พี่ก็คิดถึงเรามากนะคริส แต่พี่ไม่อยากให้เราทำแบบนี้และกับพ่อนายด้วย //
// เขาไม่เคยเข้าใจผมเลยพี่เขม // คริสพูด
// เกิดอะไรขึ้นทำไมเราออกจากบ้านไปละ คริส//
// ผมอ่อนแอมากเลยพี่เขม ผมเหมือนอยู่คนเดียวในห้องมืดๆ พี่เขมคือแสงสว่างของผม แต่พอไม่มีพี่ผมเหมือนคนกำลังหลงทางพี่เขม// ผมถึงกับต้องลุกขึ้นยืนเอามือเท้าเอว ถ้าอยู่ใกล้กันผมคงไปหาเขาแล้วแต่นี้มันไกลกันเกินไป เกือบคนละซีกโลกเลยก็ว่าได้
//พี่เขม// ฟู่!!! เสียงนายคริสพรั้งพรูลมหายออกมาเช่นกัน
// นายกำลังทำให้พี่ปวดใจคริส// ผมพูด
// ก็ผมคิดถึงพี่นี่ อย่างน้อยให้ผมได้คุยกับพี่บ้างก็ยังดี //
/ พี่ว่าเขาให้แล้วแหละเขาเป็นคนให้เบอร์ติดต่อนายกับพี่น่ะคริส//
// คริส กลับบ้าน มีอะไรก็หันมาคุยกับพ่อ อย่างน้อยเขาก็รักและเป็นห่วงนายมานะคริส // ผมบอกคริส ไม่ว่าเขาจะโกรธพ่อเขาเรื่องใดก็ตามผมอยากให้เขากลับไปหาพ่อของเขาก่อน ในตอนนี้
// และนี่นายอยู่ที่ไหนคริส//
// ผมอยู่ที่ตรงสถานีรถไฟพี่เขม ผมกำลังคิดว่าผมจะกลับไทยดีไหม แต่ว่าผมก็คิดถึงคำพูดของพ่ออ่ะพี่เขม ถ้าผมอยากดูแลพี่ ผมสับสน พี่เขม //
// ผมก็รู้ว่าผมควรจะทำอนาคตผมให้พร้อมที่จะดูแลใครสักคน และคนนั้นคือพี่เขม พี่เองนะมีแล้วแต่ผมยังเป็นเด็กอยู่เลย ผม เออ //
//พี่เชื่อว่าเราทำได้คริสดังนั้น พี่แนะนำให้เรา กลับบ้านซะ พ่อนายเป็นห่วงนายมากน่ะคริส กลับไปคุยกับพ่อซะก่อน//
// ปิดเทอมรอบหน้าพี่จะขอวีซ่าไปเที่ยวหานายแล้วน่ะคริส//
//จริงนะพี่เขม! พี่มาหาผมนะ ผมคิดถึงผมอยากกอดพี่ที่สุด//
// จริงซิ กลับไปหาพ่อนะ ไปขอโทษพ่อ//
// นะคริส พี่ขอละ กลับไปบ้านก่อน //
//ครับพี่เขม ผมจะนั่งรถกลับเดี๋ยวนี้ //
//โอเค พี่ใจหายหมดเลยนะคริส และอย่าทำแบบนี้อีกนะ พี่รักและเป็นห่วงนายมากนะคริส //
// ผมขอโทษครับพี่เขม//
// คริส พี่มีสอนติวต่อน่ะ พี่อยากจะเก็บเงินเพื่อจะได้ไปเที่ยวหานาย อย่าทำให้พี่หมดกำลังใจซะละ เพราะว่านายเกเร
//ครับพ่อเขม//
// บอกอย่าเรียกพ่อไง มันฟังดูรู้ว่าพี่แก่!! //
//พ่อทูนหัวไง//
// อ่ะยอม และเราก็กลับไปหาพ่อได้แล้ว //
//ขอบคุณนะครับที่รัก //
// ถึงแล้วส่งข้อความหาพี่นะ พี่จะได้หมดห่วง //
// แค่นี้ก่อนนะครับคริส พี่เข้าสอนแล้ว บายครับ //
//บายครับที่รัก คริสถึงบ้านแล้วโทรหาได้อีกเปล่าพี่เขม นะนะ อยากคุยอีก// น้ำเสียงที่ออดอ้อนผมกลับมาอีกครั้ง และมันก็ทำให้ผมอมยิ้มได้อีกครั้ง
//ได้ซิ พี่ก็คิดถึงอยากจะคุยกับเราเหมือนกันน่ะคริส //
//ผมถึงบ้านแล้วผมโทรหาพี่อีกทีน่ะครับพี่เขม ขอบคุณนะครับ ผมรักพี่เขมสุดหัวใจ // และนายคริสก็วางสายไป “พี่ก็รักนายสุดหัวใจของพี่เช่นกันคริส “ผมพูดก่อนจะหันไปเหลือบมองเวลา ตอนนี้ผมต้องเข้าสอนคิวอีกคาบสุดท้ายของวันนี้

         ผมค่อยโล่งอกไปหน่อยที่คริสโตเฟอร์ติดต่อมาหาผมและบอกว่าจะกลับบ้านไปหาพ่อของเขา ถ้าไม่อย่างนั้นผมคงสอนไม่รู้เรื่องแน่ๆ คริสนะคริสก็ไม่น่าทำแบบนี้เลยมีอะไรก็ควรจะคุยกับพ่อตรงๆ ผมก็เดินหลังเข้าห้องสอนพิเศษทันทีอีกแค่ชั่วโมงเดียวก็เสร็จแล้วผม ระหว่างที่ผมกำลังเดินเข้าไป

Danis// ขอบคุณนะครับ เขมที่ทำให้เขากลับมาหาผม
                  Khem// ไม่เป็นไรครับเดนิส

Danis// ผมคิดว่า เขาคงค้นพบตัวเองแล้ว คุณกับเขาจะคุยกันได้น่ะ ผมไม่ว่าไม่ห้ามแล้ว ผมยอมแล้ว ผมกลัวเสียเขาไปอีก
                  Khem// ขอบคุณนะครับเดนิส ที่ผมกับคริสได้คุยกัน

Danis// ผมยินดีครับ
   
      พ่อของคริสส่งข้อความมาคุยกับผม ว่าเขายอมให้ผมกับคริสโตเฟอร์คุยกันได้แล้ว ทั้งที่ควรจะรอให้ถึงหกเดือน ผมดีใจเพราะว่าผมเองก็คิดถึงเขามากเช่นกันและหลังจากผมสอนติวเด็กที่มาเรียนที่บ้านติวเตอร์เสร็จ ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดเข้าไปที่แอปพลิเคชันสีเขียว ผมไม่ได้แตะมันมาเกือบสองเดือนหลังจากที่คริสไปออสเตรเลีย ผมกลัวใจผมจะทนไม่ไหวและส่งข้อความหาคริสแต่นี้ พ่อเขาอนุญาตแล้ว ผมจึงกดเปิดมันอีกครั้ง

ChrisrukKhem// ที่รักผมถึงบ้านแล้ว //
                     KhemrukChris //พี่เพิ่งจะเลิกสอนติวคริส //

ChristrukKhem// แผนผมเจ๋งป่ะ// (นั้นไงแผนเด็กโค่งนี้เอง ร้ายจริงๆ นายคริส)
                     KhemrukChris // แผนเด็กงอแงนะซิ //

ChristrukKhem //ก็ผมคิดถึงที่รักนี่ผมก็ต้องลงทุนหน่อย //
                     KhemrukChris // พรุ่งนี้ไปเรียนไหมคริส//

ChristtrukKhem //ไปครับ ผมใกล้จะจบครอสแล้วอ่ะพี่เขมและ
      ก็จะเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยอีก ผมรู้สึก//
      
                     KhemrukChris //??? //
ChrisrukKhem// feaking out! //

                     KhemrukChris // ทำไมละคริส นายนะเก่ง                        
                                                        ภาษาอังกฤษมากนะ ไม่น่าจะต้อง กังวลเลย //
      
ChrisrukKhem //ก็ตั้งแต่มาเรียนปรับพื้นฐาน ผมรู้สึกว่าผมห่างหาย
ไปนานตั้งแต่ผมกลับไปอยู่ไทย และเวลาพูดมันไม่เหมือนตอนเรียนภาษาอังกฤษ
ที่โรงเรียน คำสแลงก็เยอะ เหมือนผมต้องเริ่มใหม่จากศูนย์เลยอ่ะพี่เขม//

                     KhemrukChris //เอานะ พี่เชื่อว่านายทำได้ และทำได้ดี
                     KhemrukChris // พี่ต้องขับรถกลับบ้านแล้วนะ ถึงแล้ว                     
                                                        พี่จะโทรหานะ พี่เองก็ไม่ อยากนอนดึก เพราะว่าพรุ่งนี้พี่มีสอน                     
                                                         ติวหลายชั่วโมงเลย //

ChrisrukKhem //ที่รักทำไมรับสอนเยอะละ ผมเป็นห่วง //
                     KhemrukChris // อย่างที่พี่บอกไง พี่จะได้ไปหาเราที่                     
                                                        ออสเตรเลียได้//

ChrisrukKhem //พี่เขม ตอนนี้ผมเริ่มจากทำงานที่ร้านพิซซ่าก่อน
อาทิตย์ละสามวัน ผมจะเก็บเงินเอาไว้ขอพี่เขมแต่งงาน//

                     KhemrukChris //อย่าทำให้พี่รอเก้อละ //

ChrisrukKhem //นี้แหละคือเป้าหมายสูงสุดของผมเลยพี่เขม //

                     KhemrukChris // หึ? //

ChrisrukKhem //อยากได้ครูเป็นเมียผม แต่เสียดายเป็นแม่ของลูกไม่ได้//

                     KhemrukChris //แน่ละพี่ไม่มีมดลูก!!! //

ChrisrukKhem// ถึงยังไงก็อยากได้อยู่ดี //
                     KhemrukChris// แค่นี้ก่อนนะพี่จะขับรถแล้วคริส พี่ รักคริสนะครับ บายครับ                     
                                                       

      ผมก็ต้องออกจากกล่องข้อความของแอปพลิเคชั่นสีเขียวซะก่อน ไม่อย่างนั้นคงได้คุยกันยาวไม่ยอกมเลิก และผมก็คงถึงบ้านดึกแน่ๆ เส้นที่จะไปบ้านผมรถติดซะด้วยซิ ผมก็ต้องรีบออกรถและขับไปตามเส้นทางที่ผมใช้อยู่ มันทำให้ผมคิดว่าที่พ่อเขาพูด ถึงความสัมพันธ์ของเขาและคริส ที่ว่าเพราะว่าห่างกันไปนานเลยทำให้เขาสองคนพ่อลูกไม่ค่อยเข้าใจกันเท่าไหร่ และยิ่งนายคริสก็ค่อนข้างหัวดื้อซะด้วยแต่ว่าเขาดื้อแบบมีเหตุผลอย่างที่แม่ของเขาเคยบอกกับผมเอาไว้ ผมขับมาจนใกล้ถึงบ้าน

TBC....


หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริสโตเฟอร์)คริสหายออกจากบ้าน(ครึ้งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 14-12-2020 22:19:19
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(ครูเขมXคริสโตเฟอร์)วีดิโอคอลคุยกับเด็กส่ายหื่น
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 16-12-2020 13:07:31
      ทันทีที่ผมขับรถกลับมาถึงบ้าน ผมก็สังเกตเห็นว่ามีรถจอดอยู่คันหนึ่ง และผมก็จำได้ดีว่านั้นคือรถของพี่ต้น พี่ต้นกลับมาบ้าน ผมตรงปรี่เข้าไปในบ้านของผมทันที ผมคิดถึงพี่ชายคนโตของผมเหลือเกินและหลานชายของผมด้วยอีกคน



“พี่ต้น” ผมเรียกพี่ต้นพี่ต้นหันมามองหน้าผมและผมก็โผ๋เข้าไปกอดพี่ต้น ผมเหลือบไปเห็นพี่หมอภีมปภพ เขามาด้วยกันเช่น ผมหน้าพี่ต้น พี่ต้นพยักหน้าเบาๆ ผมยกมือไหว้พี่หมอภีม



“สวัสดีครับเขม”



“อาเขมสวัสดีครับ” น้องเอิร์ธเดินมาหาผมพร้อมกับกอดผมทันที



“มากันตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ผมถามพี่ต้นกับพี่หมอภีม



“เพิ่งจะมาถึงนี่แหละ หมอภีมเขาเป็นคนขับรถมาให้พี่นะเขม” พี่ต้นพูด



“ก็แฟนกัน ผมก็ต้องรับหน้าที่เป็นคนขับให้อยู่แล้ว” พี่หมอภีมพูด



ผมเงยหน้าขึ้นไปมองแม่ระดา แม่รดาเดินลงมาพร้อมกับพี่ก้อง พี่ก้อง  แต่งตัวดูดีมากทีเดียว

"นี่พี่ก้องไปไหนครับ"ผมหันไปถามพี่ก้อง



“วันนี้พี่ก้องเขาจะไปหาพ่อตาเขา พ่อตาเขาเชิญไปทานข้าวที่บ้านนะเขม” แม่รดาหันมาบอกผม ผมก็ยิ้มให้พี่ก้อง พี่ก้องลงมายืน



“พี่ว่าโอเคแล้วน่ะก้อง” พี่ต้นพูด พี่ก้องสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงสแลค อันนี้ดูแปลกตาเพราะว่าพี่ชายคนนี้ชอบสวมกางเกงยีนเป็นหลัก



“ทำไมกลัวพี่เขยพี่ขนาดนั้นเลยหรือไง “พี่หมอภีมถามพี่ก้อง



“แม้พี่ภีม พ่อตาผมเป็นถึงท่านนายพล ผมอาจจะถูกขังลืมก็ได้นะพี่” พี่ก้องหันมาพูดกับพี่หมอภีม

“เอิร์ธ อาก้องหล่อที่สุด” เอิร์ธแหงนหน้าขึ้นมองพี่ก้อง และส่งยิ้มตาหยีให้



“ขอบคุณครับเอิร์ธ “พี่ก้องก้มลงเอามือลูปหัวเอิร์ธเบาๆ ผมก็ได้ยินเสียงรถยนต์เข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ผมคิดว่าพี่นครินทร์คงขับรถมารับพี่ก้องแน่ๆ



“รินทร์น่าจะมาถึงแล้วนะครับแม่ “พี่ก้องพูด และคนที่เดินเข้ามาก็คือพี่นครินทร์ พี่นครินทร์ยกมือไหว้พี่ต้นและพี่หมอภีม (เขาเป็นอาหลานกัน) และหันมายกมือไหว้แม่ผมพร้อมกับเข้าไปกอดแม่ผม ตั้งแต่พี่ก้องบาดเจ็บพี่นครินทร์ก็อยู่คอยขับรถรับส่งแม่ผม เพราะว่าเป็นช่วงที่ป้าวิไลผมป่วยด้วยเช่นกัน เลยทำให้แม่ผมรู้สึกเหมือนมีลูกชายเพิ่มมาอีกหนึ่งคน



“สวัสดีครับเขม เพิ่งกลับมาเหรอครับ” ผู้กองนครินทร์ทักทายผม ผมก็ยกมือไหว้และยิ้มตอบ



“สวัสดีครับสุดหล่อ” ผู้กองนครินทร์ก้มลงทักทายน้องเอิร์ธ



“สวัสดีครับอารินทร์ “เอิร์ธยกมือไหว้พี่นครินทร์ เพราะว่าเขาเห็นว่าผมยกมือไหว้ นั้นเอง



“@#$%^&” พี่ก้องโน้มตัวลงกระซิบกับเอิร์ธ



“อารินทร์ อาก้องให้เอิร์ธถามว่าอาก้องหล่อไหมครับ”



“อาก้องเหรอครับ อืมม อาว่าเอิร์ธหล่อกว่าครับ” พี่นครินทร์ตอบ



“งั้นผมไม่ไปแล้ว อยู่กินข้าวกับแม่ผมดีกว่า” พี่ก้องทำท่าจะงอนพี่นครินทร์



“คุณนิ หล่อครับคุณหัวหน้าหน่วย และอย่าช้านะ เดี๋ยวท่านนายพลเขาจะสั่งคุณทำโทษผมไม่ช่วยนะคุณ ถ้าคุณไปถึงสายนะ ท่านรอ “พี่นครินทร์พูด



“แม้เราสองคนนี้ ไปกันได้แล้ว ลูกก้องกับลูกรินทร์ ให้ผู้ใหญ่รอไม่ดีนะ” แม่ผมเอ็ดพี่ก้องพร้อมกับบอกให้พี่ก้องไปได้แล้วไม่อยากให้พ่อของพี่นครนิทร์รอนาน ผมหันมามองเอิร์ธที่เข้ากับหมอภีมได้ดีมากทีเดียว



“เขมถ้าอย่างนั้นไปอาบน้ำนะลูก จะได้ลงมาช่วยแม่จัดโต๊ะอาหาร “แม่รดาบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะรีบเดินขึ้นไปบนบ้าน ผมหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูที่หน้าจอ ข้อความจากแอปพลิเคชั่นสีเขียว



ChrisRukKhem // ที่รักถึงบ้านหรือยัง//

KhemRukChrist // ถึงแล้วครับที่รัก คริสละ//



ChrisrukKhemk // ผมอยู่ในห้องนอนผมแล้วครับ พ่อทำอาหารเย็นอยู่ //

KhemrukChris // ทำไมเราไม่ช่วยพ่อทำละคริส//



ChrisrukKhemk //ไม่อยากไปเป็น กขคง //

KhemrukChris //??? //



ChrisrukKhemk //ว่าที่แม่เลี้ยงผมเขาบินมาจากไทยเมื่อวานครับพี่เขม//

KhemrukChris //คริสพี่เคยบอกเราว่าไง //



ChrisrukKhem// ผมรู้ว่าเรื่องของแม่ผมกับพ่อมันจบไปแล้วและเขามีสิทธิ์จะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน แต่ว่าผม//

KhemrukChris //พี่รู้ว่ามันต้องใช้เวลาคริส //



ChrisrukKhem// ครับที่รัก //

ChrisrukKhem//แต่ถึงยังไงผมก็ต้องออกไปอยู่หอพักที่

มหาวิทยาลัยปีหนึ่งอยู่ดี และหลังจากนั้นผมว่าจะหาบ้านเช่า

หรือไม่ก็คอนโด เพราะว่าผมอาจจะหางานทำเพิ่ม ผมอยากไป

ทำงานที่บาร์ เหมือนลูกพี่ลูกน้องผมนะพี่เขม//



KhemrukChris //มันจะเหนื่อยมากไปหรือเปล่าคริส//

ChrisrukKhem //ผมอยากมีเงินเก็บ ผมอยากจะแต่งงานกับพี่

เขมหลังเรียนจบเลย //



ChristrukKhem// ผมคุยกับพ่อเรื่องนี้แล้วนะ พ่อเคยบอกว่า

ผมจะต้องแต่งงานภายใต้กฎหมาย LGBT //

KhemrukChris// พี่เคยได้ยินมาเหมือนกันนะคริส //



ChrisrukKhem// ตอนนี้พี่เขมทำอะไรอยู่//

KhemrukChris// กำลังจะอาบน้ำ และพี่จะลงไปทานอาหาร

กับพี่ต้น พี่ต้นเขามานะคริส และพี่หมอภีมก็มาด้วย //



ChrisrukKhem //เขามาหาพี่ต้นหรือพี่!! //

KhemrukChris// มากับพี่ต้น!! เขาจะมาหาพี่ทำไมละคริส!!



KhemrukKrist// พี่หมอภีมเขาหาพี่ต้นเจอแล้วและก็

กลับมารักกันแล้ว //



ChrisrukKhem// ค่อยยังชั่วหน่อย//

KhemrukChris// หึงเหรอ //

ChrisrukKhem//หึงมากกกกก //



KhemrukChris //ถ้าอย่างนั้นพี่อาบน้ำก่อนนะคริส//





ChristrukKhem // อยากดูพี่อาบน้ำอ่ะพี่เขม//

KhemrukChris //เห้ย! ไม่เอา//

ChrisrukKhemk// น่านะ ผมก็จะอาบน้ำเหมือนกัน

เราอาบพร้อมกัน//

ChrisrukKhemk //ผ่านวิดิโอคอลไง ฟินดี//



KhemrukChris //จะดีเหรอ//

ChrisrukKhemk// นะพี่เขม ผมแก้ผ้ารอแล้ว//

(ไม่รีบเลยนะหมอนี่)



                     ผมต้องนั่งคิด เกิดมาไม่เคยทำอะไรแบบนี้จริงๆ นายทำอะไรกับพี่นี่คริส!! ผมก็ต้องถอดเสื้อผ้าออก ผมน่าจะพอมีเวลาอยู่สักยี่สิบนาที เอาว่ะ     วิดีโอคอลจากคริสโตเฟอร์ ผมก็กดรับสาย สิ่งที่ผมเห็นคือคริสเขาแก้ผ้ารอแล้วด้วย นี้เขาไปทำอะไรมาถึงได้มีกล้ามท้องแน่นๆ แบบนั้น หุ่นเขาก็เข้าสู่วัยหนุ่มรุ่นวัวกระทิงแล้วก็ว่าได้



“ไปทำอะไรมาคริส” ผมถามคริสทันที



“ไปวิ่งมาทุกวันและเวทด้วย ทานโปรตีนเพิ่มกล้ามเนื้อ ผมว่าจะลงเล่นฟุตตี้ของมหาวิทยาลัย” คริสโตเฟอร์พูด แถมยังลดกล่องต่ำลงไปจนเห็นกล้ามเนื้อท้องแน่นๆ และเห็นขนอ่อนไรๆ ใจผมเองก็รุ่นอยากให้เห็นต่ำลงไปอีกแต่จู่ๆ พ่อคุณก็ดันปรับกล่องขึ้นมาส่องหน้าหล่อๆ เขาแทน ที่เปียกชุ้มไปด้วยน้ำ มันก็ยิ่งดูเซ็กจัด เอ๊ย! เซ็กซี่



“ผมยังไม่เห็นพี่เขมเลย “คริสทักท้วงผมอยากเห็นผมบ้าง



      คริสโตเฟอร์พูดผมก็ต้องปรับกล้องลง อายมากกว่าเปิดให้ดูต่อหน้าซะอีกผม ผมก็ต้องหลับตาปี๋ (ผมเอาซองใส่กันน้ำใส่โทรศัพท์ไว้) ผมห้อยเอาไว้ในห้องน้ำ และเริ่มเปิดน้ำ ชำระล้างกาย สายน้ำที่ราดรดตัวผม ผมหันไปมองคริสโตเฟอร์เช่นกัน มันแปลกดีแต่ก็ให้ความรู้สึกที่เหมือนกับว่าเราอาบน้ำด้วยกัน รูปร่างของคริสที่โตเต็มวัยมันทำให้ผมไม่อยากละสายตายิ่งตอนที่เขาถูสบู่ลงบนเรือนร่างนั้น ผมก็เห็นว่าเขามองผมไปด้วยและเหมือนกับว่าเขากำลังจะ



“พี่เขม ผมมีอารมณ์อ่ะ ผมทำในนี้น่ะ “คนปลายสายทำน้ำเสียงกระเซ่าใส่ผมว่ามีอารมณ์ (อันที่จริงนายก็มีตลอดแหละเด็กส่ายหื่น)



อะ อ้า พี่เขม อู้ย!! ถ้าเป็นมือพี่เขมก็ดีซิ อืมม



เสียงกระเซ้าเริ่มมาแสดงว่าคริสกำลังช่วยตัวเองในห้องน้ำ โดยใช้วิดีโอคอลขณะที่ผมกำลังอาบน้ำไปด้วย จะว่าไปมันก็ฟินดีเหมือนกัน



“พี่เขมซีดสสส “เสียงลากยาวของคนในสาย



“ปึก!!” และจู่เสียงประตูก็ถูกเปิดออก ที่ผมแค่คิดว่าจะทำเหมือนกันแต่ผมชะงักเอาไว้



“คริส!!” เสียงใครสักคนเรียกชื่อเพร้อมกับเปิดประตูเข้ามาเรียกคริสในห้องน้ำ ผมคิดว่าน่าจะเป็นพ่อเขานั่นแหละ   เดนิส



“เว้ย!!! Dad!!!” พ่อนายคริสนั้นเอง และคริสก็รีบพลิกหน้าจอหันไปทางอื่นแทนเพื่อไม่ให้เดนิสเขาเห็นว่าผมโป้อยู่ ผมก็ยืนอยู่ในตู้อาบน้ำบ้านผม



“เข้ามาทำอะไรนะแด้ด?นี่มันห้องน้ำและมันก็ส่วนตัวนะแด้ด! “เสียงคริสโตเฟอร์เขาสนทนากับพ่อของเขา



“ก็ไอได้ยินเสียงแปลกๆ เลยเปิดเข้ามาดู เพราะคิดว่าเราอาจจะต้องการความช่วยเหลือ” ผมก็แอบคิดในใจ ใช่แล้วเขากำลังต้องการความช่วยเหลือนะ แต่ทำไมผมต้องหน้าแดง



“ไม่เลยแด้ด ไม่ได้บอกเลยว่าต้องการ เออ .. .ให้แด้ดมาช่วย!”



“แน่นะ นายโอเคหรือเปล่า”



“ผมโอเคแด้ด ไม่ได้เป็นอะไรสบายดี”



“แล้วเราคุยกับใครอยู่พ่อได้ยิน”



“คุยกับ … เขมไง แด้ด”



“คุยยังไงอ่ะ ในห้องน้ำแบบนี้นี่น่ะ!!” ใช่มันคุยยังไงในห้องน้ำและนายก็แก้ผ้าอยู่ เสียไหมเนี๊ยะผมแอบคิดในใจ



“ก็วิดีโอคุยกันนะแด้ด”



“ห๊ะ! เราวิดีโอคุยกับเขมทั้งที่นายแก้ผ้านี่น่ะ “ผมต้องยืนเอามือปิดตาตัวเองไม่น่าหลวมตัวไปกับนายเลยคริส!!



“ปกติน่ะแด้ด แตอนเป็นแฟนกันก็คุยกันแบบนี้ เมื่อก่อนก็อาบน้ำด้วยกันบ่อยๆ” คริสโตเฟอร์บอกพ่อเขา ผมแอบหน้าแดงขึ้นมาอีกแล้ว



“อ้อเหรอ อืมม”



“แล้วแด้ดเข้ามาทำไมอ่ะ”



“ก็แค่จะมาบอกว่าพ่อจะไปซื้อของกับคุณโรสนะ มันขาดสองสามอย่าง พ่อจะไปซุบเปอร์มาเก็ตใกล้ๆ นี่แหละ



“อ้อ โอเค แด้ด”



“นายจะเอาอะไรไหม พ่อจะได้ซื้อมาให้”



“ไม่ดีกว่าแด้ด ขอบคุณนะ



“แน่ใจเหรอว่าไม่นะ”



“ไปเถอะแด้ด จะเข้าไปอาบน้ำแล้ว”



“แน่ใจแล้วเหรอ?”



“แด้ด!! ได้โปรดไปเถอะ แฟนพ่อรอ ผมก็จะอาบน้ำและคุยกับแฟนผมไปด้วย” ผมแอบอมยิ้ม



“ก็ได้ ไปก็ได้ เออ ถ้าเสร็จแล้วลงไปจัดโต๊ะอาหารรอด้วยก็ดีนะ หลังจากที่คุยกันเสร็จแล้ว พ่อไปนะไม่กวน”



“ไปเถอะแด้ด พลีสสสสส “ผมก็ต้องยืนเกาหัว ตอนแรกว่าจะทำด้วยตอนนี้ทำไม่ลงเลยครับผม



“แด้ด! คราวหน้าเคาะประตูด้วยนะแด้ด และจะให้ดี รอให้เสร็จก่อนค่อยเข้ามา ผมโตแล้วนะแด้ด ไม่ใช่เด็กๆ”



“เออ ลืมไปว่าโตเป็นหนุ่มแล้ว “พ่อของคริสโตเฟอร์



“คริส เป็นไง” ผมถามคริสทันที



“ไม่เลยพี่เขม จะเสร็จอยู่แล้วเชียว ดูซิ หดหมดเลยอ่ะ เรามาเริ่มต้นกันใหม่น่ะที่รัก เล้าโลมผมใหม่เลยพี่เขม คริสโตเฟอร์พูดและปรับกล้องลงทำให้ผมเห็นว่ามันไม่สู้แล้วไง



“เอาไว้คราวหน้าแล้วกันพี่ต้องรีบลงไปช่วยแม่จัดโต๊ะอาหารแล้วคริส “ดูคนที่ได้ยินทำท่าจะร้องไห้อีก

//หึ หึ //ผมต้องยืนหัวเราะเขาในลำคอ เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้



“ไม่ตลกอ่ะครับพี่เขม”



“เอานะ คราวหน้า นะคริส”



“พี่เขมอ่ะ ลงไปช้าหน่อยไม่ได้เหรอ”



“อย่างอแง และไหนบอกหดหมดแล้วไง”



“You can turn me on Darling //



“ไม่ได้พี่ต้องไปแล้วจริงๆ คริส”



“โอเค คืนนี้ผมรอคุยกับพี่ก่อนนอนนะ”

“อย่าดึกมากนะ เพราะว่าเวลาที่ไทยกับออสเตรเลียมันต่างกันนะคริส ของพี่ช้ากว่านายตั้งสามชั่วโมง นายน่ะ จะนอนดึกเอา เรียนไม่รู้เรื่องเอาน่ะคริส”



“ครับพ่อเขม”



“คริสสสสส”



“พ่อทูนหัวของผม”



พอผมออกมาจากห้องน้ำได้ ผมก็รีบแต่งตัวทันทีและรีบลงมาช่วยแม่ผมจัดโต๊ะอาหาร พี่ต้นก็เข้ามาช่วยด้วย ส่วนเอิร์ธเขากำลังเล่นกับหมอภีมปภพ ดูเอิร์ธมีความสุขมากขึ้นกว่าตอนที่อยู่กับพี่เกศรินทร์ ผมเห็นพี่หมอภีมรักเอิร์ธเหมือนกับว่าเอิร์ธคือลูกของพี่เขาเองจริงๆ



“ภีมครับ พาเอิร์ธมาทานอาหารได้แล้วครับ คุณด้วยนะครับ” พี่ต้นเรียกอหมอภีม และทั้งคู่ก็มานั่งที่โต๊ะอาหาร เอิร์ธเห็นอาหารที่แม่ผมทำพิเศษให้ เขาก็ตาโตดีใจ และหมอภีมก็ยังดูแลเอิร์ธแทนพี่ต้นอีก



“พ่อภีม” ผมหันไปมองนี้เขาเรียกพี่ภีมว่าพ่อด้วยเหรอ ผมหันมามองพี่ต้น พี่ต้นยักไหล่ให้ผม ผมก็พยักหน้าเข้าใจและนั้นก็แสดงว่าเอิร์ธเขาเปิดใจให้โลกกว้างมากขึ้น ปกติเอิร์ธจะไม่เข้าหาคนแปลกหน้าเลย



“ครับเอิร์ธ” พี่หมอภีมปภพ ถามเอิร์ธ



“อาหมอไม่ตักให้พ่อต้นบ้างอะครับ” เอิร์ธถามพี่หมอภีมผมว่าพี่ภีมคงเกรงใจแม่ผมนะ



“ทำตัวตามสบายเถอะค่ะ แม่นะ เห็นลูกๆ มีความสุขก็ดีใจแล้วค่ะ” แม่ผมเปิดไฟเขียวให้แล้ว พี่หมอภีมก็ตักนั้นตักนี้ให้เอิร์ธบ้าง พี่ต้นบ้าง มันทำให้ผมคิดถึงคริสโตเฟอร์ และนี้ก็คือการดูแลเอาใจใส่กันของคนรักกัน ตอนแม่ผมพ่อผมก็ดูแลแม่ผมอย่างนี้ พ่อคอยตักของที่แม่ชอบใส่ในจานแม่ผมเสมอ แต่แม่น่ะกับเลือกตักของที่ลูกชอบใส่จานลูกๆ ตลอดเช่นตอนนี้



“ทานเยอะๆ เขมดูผอมไปเรานะ เดี๋ยวน้องกลับมาตัวโตแซงหน้าพอดี” แม่ผมพูดและแอบแซวผมด้วย แต่จริงๆ ตอนทีผมคุยกับเขา คริสตัวโตขึ้นเยอะแล้วด้วย แซงผมไปแล้วด้วยซิ



ตื้ด!!! เสียงเตือนว่ามีข้อความใหม่เข้าในกล่องข้อความของแอปพลิเคชันสีเขียว



Chrisrukkhem// พี่เขม นอนยัง//

KhemrukChris// กำลังจะขึ้นห้องนอน//



Chrisrukkhem //คิดถึงอ่ะ นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย //

KhemrukChris //สวดมนต์ซิ//

Chrisrukkhem //เอาไม่อยู่//

KhemrukChris //งั้นก็นั่งสมาธิ//

Chrisrukkhem //นั่งไม่ได้มันร้อน //

KhemrukChris// แล้วนายจะเอายังไง//

Chrisrukkhem// มาช่วยก่อน พ่อไม่อยู่ พอชวนแฟนออก

ไปดื่มที่บาร์กับเพื่อนพ่อ นะพี่เขม ผมว้อนพี่//

KhemrukChris// นายนี้น่ะ หื่นตลอด//

Chrisrukkhem// ผมสายหื่นจำไม่ได้เหรอ //

KhemrukChris //ใช่นายนะนักเรียนสายหื่นไม่สายศิลป์

Chrisrukkhem //please!!!!! //

KhemrukChris//งั้นรอก่อนพี่จะเข้าห้องแล้ว //

Chrisrukkhem//แก้ผ้ารอเลยนะ บนเตียง วิดีโอคอลด้วยนะ

เห็นหน้าพี่เขมแล้วมันฟิน//

KhemrukChris//พอแล้ว พี่เขิน //



ผมส่งข้อความหาคริส นี้เขายังอ้อนให้ผมทำแบบนั้นกับเขาอีก ในห้องน้ำว่าน่าอายแล้วนะ นี้จะให้ทำบนเตียงนอนอีก ผมเดินเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะรีบเข้าไปทำกิจวัตรประจำวันก่อนนอนและตรงมาที่เตียงนอน ผมเปิดโน๊คบุ๊คผมแทน และคนที่อออนไลน์รอผมก็นอนอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว โดยมีผ้าห่มคลุมอยู่ครึ้งตัว ไม่ได้สวมเสื้อ กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ นั้น



“ถอดเสื้อซิครับพี่เขม “คริสโตเฟอร์บอกผม

และผมเองก็เหมือนเด็กน้อยเลยถอดออกอย่างว่าง่าย ผมถอดเสื้อออกจนเผยให้เห็นแผ่นอกแบนๆ ของผม ผมเห็นคริสเลียริมฝีปากก่อนที่เขาจะดึงผ้าคลุมออกมันเผยให้เห็นแท่งเอ็นนั้น อย่างชัดเจนมันโตขึ้นไปอีก



“เว้ย!! “ผมร้องเสียงหลงออกมาทันทีและหนีบขาตัวเองเข้ามากัน



“ร้องทำไมอ่ะพี่เขม” ยังมีหน้ามาถามผมอีกเหรอว่าร้องทำไม



“ทำไมมันโตเร็วขนาดนั้นอ่ะ”



“สงสัยผงโปรตีน” คริสโตเฟอร์ตอบผม



“พี่ว่าหยุดกินเถอะ เห็นแล้วเสียว”



“มีอารมณ์เหรอ”



“สยอง!!”



“อย่าตลกบริโภค มาเล่นเซ็กส์โชว์กันดีกว่า เร็วซิพี่เขม ผมว้อน”



ผมก็ต้องวางโน้ตบุ๊คในตำแหน่งที่พอเหมาะและนอน หันหน้าเข้าหากล้อง ผมล๊อกประตูเรียบร้อยแล้ว และนายคริสก็เริ่มปฏิบัติด้วยมือ ผมก็มองเขาทำและเริ่มทำตาม



“อืมมม ซี้ดสสสส” “เสียงครางของผมกับคริสดังไม่รู้ว่าทั่วห้องไหม ผมยอมรับว่าค้างอยู่ตั้งแต่ในห้องน้ำแล้ว



“พี่เขม ซี้ดสสสส ไม่ไหวแล้ว ออกแล้วนะ โอ้วววว อ้าห์!”



“อืมมม อ้าห์!!”



         ผมเองก็ตามคริสไปติดๆ เต็มมือเหมือนกัน จนผมต้องยกมืออีกข้างขอเวลาไปชำระล้างและจะออกมาคุยกับคริสโตเฟอร์ต่อ ผมก็เห็นว่าคริสเขานอนอยู่บนเตียง ผมเห็นห้องนอนของเขา ดูตกแต่งแบบห้องผู้ชายทั่วไปมีโปสเตอร์นักกีฬาบาสเกตบอลที่เขาชอบ



“ขอบคุณนะครับที่รัก”



“ครับที่รัก”



“ผมอยากให้พี่อยู่กับผมจังเลย อยากกอดอ่ะ คิดถึง”



“งอแง พี่ก็อยู่รอนายตรงนี้ไง รอวันที่นายจะกลับมากอดพี่ไง”



“พี่เขมดูผอมไปนะ ดูแลตัวเองด้วย ผมเป็นห่วง”



“พี่ยอมรับ พี่คิดถึงเรา เลยกินได้น้อยลง”



“แต่ผมชอบนะ รูปร่างพี่นะ ไม่อ้วนไม่ผอมจนเกินไป แต่ตอนนี้พี่ต้องกินเพิ่มอีกหน่อยนะ ผอมไปพี่เขม”



“พี่จะพยายามนะคริส”



“คริสนอนได้แล้วนะ ที่โน่นมันดึกแล้ว จะตีหนึ่งแล้วมั้งเนี๊ยะ!”



“ใช่ครับ อีกห้านาทีตีหนึ่ง”



“นอนหลับฝันดีนะครับ คุณครูของผม”



“นอนหลับฝันดีครับ นักเรียนที่รักของพี่ ไม่ซิ นายไม่ใช่นักเรียนแล้วนะ นายเป็นหนุ่มจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วคริส”



“อยากเป็นเด็กนักเรียนที่ยืนให้พี่เอามือลูบหัวผมเหมือนเดิม”



“เราหยุดเวลาไม่ได้แต่เราหยุดหัวใจเราไว้ด้วยกันได้ เพราะว่าความรักพี่กับนายไม่เคยเปลี่ยนไปคริส พี่สัญญา นอนได้แล้วครับ  เพราะว่าพี่ก็เริ่มง่วงแล้วนะครับ ที่รัก”



“Good night my sweetheart. I love you to the moon and back.”



“Good night my sweetheart. I always love you. Bye-bye .”
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ก้องภพXนครินทร์)นอนบ้านพ่อตา NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 23-12-2020 14:01:39
ก้องภพ
    วันนี้ผมทานข้าวกับพ่อตาเป็นวันแรกและก็จะกลับไปที่ฐานไปปฏิบัติหน้าที่ต่อแต่ช่วงนี้คงไม่ได้อกไปลาดตะเวน ผู้พันสั่งผมไว้ว่าห้ามไปซ่าส์ทีไหน ไม่อย่างนั้นจะส่งไปนั่งในสำนักงานใหญ่แทน ผมจะยอมเหรอครับที่จะนั่งในออฟฟิศ ผมก็เลยยอมตกลงแต่ไปอยู่ฐานกับนครินทร์
         
         “หล่อแล้วครับคุณก้อง” ผู้กองนครินทร์หันมาช่วยผมจัดแต่งเสื้อผ้า ก่อนจะเข้าไปพบพ่อตา ผมหันมามองตัวเองผ่านกระจกอีกครั้ง

         “ไม่รู้ว่าไม่มั่นใจหรือว่ากลัวพ่อตาสั่งขังลืมซะก็ไม่รู้นะคุณ” ผมหันไปพูด กับนครินทร์ เขาเองก็ช่วยจัดแต่งเสื้อผ้าให้ผม

         “แล้วคุณคิดว่าผมจะยอมเหรอครับ” นครินทร์ถามผม

         “ผมว่าไม่”

         “ทำไมล่ะ”

         “คุณ…อาจจะทนคิดถึงลีลารักผมไม่ไหว ผมเดาถูกใช่ไหมครับ” ผมพูดและใช้นิ้วไต่ๆไป

         “เพี๊ยะ!” “โอ๊ย!” ผมโดนตีก็ร้องไปตามระเบียบ ผมสองคนเดินเข้าไปในบ้านก็เจอผู้หญิงวัยกลางคนเดินออกมา และโผ่มากอดนครินทร์ ผมพอจะจำแม่ของนครินทร์ได้ดี แต่นี้ไม่น่าจะใช้

         “แม่นมผึ้ง นี้คุณก้องครับ แฟนของรินทร์” ผมก็ต้องพยักหน้าเบาๆ แม่นมนั้นเอง

         “สวัสดีครับ”

         “ไม่ต้องไหว้ก็ได้ค่ะ แค่ใช้คนใช้”

         “คนพิเศษ” นครินทร์พูด

         “คุณท่านนั่งรออยู่แล้วค่ะ เชิญด้านในกันเถอะค่ะ วันนี้นมผึ้งทำของโปรดคุณรินทร์เอาไว้ด้วยนะคะ หลายอย่างเลย” นครินทร์เดินเข้าบ้านไปพร้อมกับแม่นมและมีผมตามเข้าไปแบบแอบเสียวสันหลังว้าบ! นั่งรอเลยเหรอ วิ่งหันหลังกลับจะทันไหม เอาว่ะ ผู้กองก้องภพ แต่ถ้าให้ผมเลือกระหว่างหยิบปืนลุยกับผู้ร้าย ก้องผมขอเลือกอันนั้นจะดีกว่า

         “มากันแล้วค่ะคุณ” เสียงร้องทักทายดังออกมา ผมจำได้ดีแม่ของนครินทร์ เขาหันมาส่งยิ้มอ่อนๆให้ผม และผู้ชายที่ไม่ได้สวมเครื่องแบบ ผมเห็นท่านเวลาไปติดต่อราชการสองสามครั้ง

         “สวัสดีครับท่านนายพล สวัสดีครับคุณ..”

         “เรียกแม่เถอะค่ะ “

         “สวัสดีครับคุณแม่”

         “เจอกันสักทีนะ หายดีหรือยังละ” พ่อของนครินทร์เอ่ยถามผม ถึงอาการบาดเจ็บ

         “ดีขึ้นแล้วครับ ผมพร้อมจะกลับไปปฏิบัติหน้าที่ได้แล้วครับ”

         “จะกลับไปแล้วเหรอคะก้อง รออีกสักหน่อยดีกว่าไหม ไม่ใช่แผลเล็กๆนะ และที่สำคัญนะคือแผลภายใน” แม่ของนครินทร์ทำท่าจะขัดค้านผม

         “นั้นซิครับแม่ นี่ก้องไม่ยอมฟังรินทร์เลย “ เขารีบฟ้องแม่ของเขาทันที

         “เหมือนพ่อเรานั้นแหละ ตอนหนุ่มๆนะ” แม่ของนครินทร์พูด ท่านหันมามองหน้าผม

         “นั่งลงซิ” พ่อของนครินทร์ผายมือให้ผมสองคนนั่งลง

         “พ่อแม่เราเป็นใครนะ “ พ่อของนครินทร์ถามผม

         “พ่อผมเป็นอดีตนักการทูตครับ ส่วนแม่ของผมเคยเป็นครูสอนอยู่โรงเรียนมัธยมครับ “ ผมตอบ
         
         “รับราชการทั้งคู่”

         “ครับ”

         “พี่ชายเรานะ เป็นปลัดอำเภอรึ”

         “ครับพี่ชายผมเป็นปลัดอำเภอ “

         “คนที่เป็นแฟนไอ้หมอภีมนะเหรอ”

         “พ่อ เรื่องผมกับก้องไม่เกี่ยวกับอาภีมและพี่ต้นนะพ่อ ผมกับก้องคบกันโดยไม่รู้เรื่องอาหมอมาก่อนและเพิ่งจะมารู้วันที่ผมขอให้ส่งตัวก้องไปที่โรงพยาบาลปู่” นครินทร์พูด

         “อืมม “
         
         “พี่รินทร์” คนที่วิ่งลงมาจากบ้านชั้นที่สอง เป็นผู้ชายดูน่าจะยังอยู่ในวัยมัธยม และตรงมากอดนครินทร์ด้วยด้วยความคิดถึง

         “ริท นี้พี่ก้อง”

         “สวัสดีครับพี่ก้อง ตัวจริงหล่อกว่าในรูปอีกนะครับ”

         “อะแฮม” เสียงท่านนายพลกระแอม 
         “พี่รินทร์” เสียงหญิงสาววิ่งตามลงมา เธอดูสวยสมวัย หน้าตาสวยเหมือนแม่ของนครินทร์ไม่มีผิดเพี้ยนเลย

         “สวัสดีค่ะพี่ก้อง”น้องสาวของนครินทร์ยกมือไหว้ผม

         “คุณก้องนี้รุ้งครับ ตอนนี้เรียนแพทย์ทหารปีสองแล้วครับ” ผมพยักหน้า

         “และนั้นรุทครับก้อง กำลังจะจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ว่าที่ผู้หมวดครับ”

         “สวัสดีครับพี่ก้อง “ น้องชายอีกคนที่ของนครินทร์เดินมายกมือไหว้ผม

         “คุณท่านค่ะ ให้ตั้งโต๊ะอาหารเลยไหมคะ”

         “ตั้งเลยซิแม่ดาว “แม่ของนครินทร์หันไปบอกคนใช้

         “ไปค่ะลูกก้องไปทานอาหารกันดีกว่าและจะได้คุยกันถ้าไม่รีบกลับนะคะ” แม่ของนครินทร์หันมาบอกผม

         “อันที่จริงรินทร์น่าจะอยู่ค้างบ้านนะลูก ไม่มาค้างบ้านเกือบสองเดือนได้แล้วมั้ง” แม่ของนครินทร์พูด ผมหันมามอง สองเดือนนี้มันก่อนที่ผมถูกยิ่งด้วยใช่ไหม

         “รินไม่ได้กลับเข้าบ้านเลยตั้งแต่ก่อนก้องถูกยิงนะ เพราะว่าตอนนั้นผมเริ่มหลบหน้าพ่อแล้วไงคุณก้อง แต่แมไปค้างบ้านย่าแทน” นครินทร์กระซิบกับผม ผมพยักหน้า ก่อนจะนั่งลงแต่ทำไมผมถึงได้ต้องนั่งใกล้ชิดท่านพ่อตาขนาดนี้ และตรงข้ามคุณแม่ยายอีกด้วย

         “ทำตัวตามสบายเลยนะคะ ลูกก้อง”

         “ใช่ทำตัวตามสบาย ” อันนี้แหละที่จะทำให้ผมไม่ค่อยสบายครับท่าน ผมแอบคิดในใจ

         ระหว่างที่ผมกำลังทานอาหารก็มีคุยกันบ้าง ส่วนพ่อตาผมนิ่งสงบ สยบทุกอย่าง แต่แม่ของนครินทร์เขากันเองมาก

         “แม่ “ จู่ๆ นครินทร์ก็เรียกแม่ของเขาและชูมือข้างที่มีแหวนขึ้นมาให้ดู

         “จริงดิพี่รินทร์ พี่ก้องขอพี่รินทร์แต่งงานแล้วเหรอค”" น้องสาวของนครินทร์ถามขึ้น

         “จริงเหรอลูก “ แม่ของนครินทร์เช่นกัน แต่คุณว่าที่พ่อตาผมหันมามองรินทร์แต่มาชะงักที่ผม

         “นี้แน่ใจแล้วเหรอที่จะทำแบบนี้กัน ฉันกับแม่แกไม่อยากจะหน้าแตกรอบสองตั้งแต่ยกเลิกงานแต่งนั้นแล้วนะ รินทร์”

         “พ่อผมรักก้อง “

         “แล้วนี้รู้ไหมว่ามันจะมีปัญหาอะไรตามมาในอนาคต”

         “ผมไม่รู้แต่ผมเลือกแล้วพ่อ”

         ไม่รู้ไม่สนใจอย่างนั้นรึ “ พ่อของนครินทร์ถามผมสองคน

         “ผมไม่รู้ว่าความรักของผมสองคนจะเจออะไรอีก และปัญหามันจะเล็กหรือใหญ่กว่านี้แต่ตอนนี้ผมกับรินทร์เรารักกันครับท่าน และผมเองก็อายุเกือบจะสามสิบแล้ว ผมคิดว่าผมมีความคิดความอ่านมากพอจึงตัดสินใจขอนครินทร์เขาแต่งงานครับ” ผมหันไปตอบแทน ส่วนนครินทร์ก็จับมือผมเอาไว้แน่น

         “คุณ!”

         “เอาก็ได้ถ้าคิดว่าโตกันมากพอแล้วก็”

         “ให้ผู้ใหญ่เข้ามาพูดคุยก็แล้วกันว่าจะเอายังไง เรื่องงานแต่งนะ “ พ่อของนครินทร์พูดก่อนจะหันไปทานอาหารต่อ แม่ของนครินทร์ก็ยิ้มให้ผมกับรินทร์ และดูน้องๆจะดีใจกันยกใหญ่

         “ดีใจด้วยนะพี่รินทร์ “ริทน้องคนสุดท้องของนครินทร์

         “ผมจะให้แม่ผมกับพี่ชาย เพราะว่าผมนับถือพี่ชายเหมือนพ่อผมหลังจากที่พ่อผมเสียชีวิตไป เข้ามาคุยเรื่องสินสอดทองหมั้นนะครับ “

         “ได้ค่ะลูกก้อง เข้ามาเมื่อไหร่ก็บอกแม่กับพ่อแล้วกันนะ” แม่ของนครินทร์พูด ผมหันมามองรินทร์ และทานอาหารด้วยกัน จะว่าไปพ่อของนครินทร์ก็ไม่ได้ดุมาเหมือนกับที่รินทร์เขาพูดไว้เท่าไหร่แต่ท่านนิ่งและขรึมเท่านั้นเอง ระหว่างมืออาหารก็คุยกันต่างๆนานา น้องชายนครินทร์คนที่กำลังจะเรียนจบนายร้อยตำรวจเขาอยากไปฝึกและสอบเข้า หน่วยS.W.A.T  น้องสาวก็อยากจะไปเป็นหมอประจำการที่ขาดแคลนหมอก่อน มีแค่คนเล็กที่ซะที่แม่เขาอยากให้เรียนหมอบ้านและช่วยดูแลโรงพยาบาลที่พ่อของพี่หมอภีมมอบให้

                  “รินทร์ค้างที่บ้านไหมละวันนี้ “

                  “ คือว่ารินทรไม่อยากให้ก้องเขาขับรถกลับคนเดียวนะครับแม่”

                  “ถ้าอย่างนั้นก็ให้ก้องเขานอนค้างที่นี่เลยซิ แฟนกันแล้วนิ”

                  “แฟนกัน ยังไม่ได้แต่งกันซะหน่อยคุณ”

                  “ไม่เป็นไรดีกว่าครับ คุณแม่ คุณ ..พ่อ”

                  “ส่วนคุณรินทร์ค้างทีนี้ก็ได้ครับ แล้วพรุ่งนี้ผมมารับ” ผมหันไปบอกนครินทร์

                  “ไม่เอารินทร์…”ทำท่าจะค้าน

                  “เอา เอา ค้างมันทั้งคู่แหละ” พ่อของนครินทร์พูด แม่เขาก็พยักหน้าให้ผมตกลงค้างที่นี่ เช่นกัน ผมก็พยักหน้าตามนั้น ผมนั่งคุยกันคร้าวๆ ว่าควรจัดงานกันแบบไหน ผมเองคงต้องถามแม่ผมก่อนและเพื่อนๆผมอีก ผมนั่งคุยกันจนกระทั้งเริ่มจะดึงเลยแยกย้ายกันขึ้นห้องนอน และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้ขึ้นไปชมห้องนอนของนครินทร์เขา

                  ภายในห้องนอนตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีขาว ทันทีที่ประตูห้องปิดลง ผมก็หันมารวบเอวนครินทร์เข้ามาและบดขยี่ริวฝีปากอวบอิ่มนั้น นครนิทร์ก็ตอบรับผมโดยการสอดแทรกลิ้นเข้ามาผมก็สอดลิ้นสวนเข้าเช่นกัน
                 
                  “อืม” เสียงร้องครางทันที่ผมใช้สองมือดันสะโพกเพื่อยกตัวนครินทร์ขึ้นอยู่ในท่าอุ้มแตงปากที่ยังคงทำหน้าที่ไม่หลุดจากกัน สองแขนของนครินทร์โอบรอบคอผมไว้ จนกระทั้งมาถึงเตียง ผมจัดการวางนครินทร์ลลงและขึ้นไปคร่อมร่างนั้นไว้ พร้อมกับไซ้ลงที่ซอกคอ ผมไม่ได้เจอเขามาเกือบสองอาทิตย์หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล

                  “อะ …อ้าห์ ….กะ…ก้อง…พะ… เดี๋ยวก่อน” นครินทร์ร้องห้ามปรามผม ผมก็หยุดมอง

                  “ผมว่าเราอาบน้ำก่อนดีกว่า”

                  “รินทร์ครับผมเพิ่งจะ…หมับ” ผมทำท่าจะพูดแต่นครินทร์รีบเอามืปิดปากผม พยักหน้า และนั้นก็ทำให้ผมเดาได้ทันที่ว่า เขามีอะไรที่สนุกรอผมอยู่ เพราว่านครินทร์ พยักพเยิดไปที่ห้องน้ำ ผมก็ถอยหลังออก

                  “รินทร์ไปเปิดน้ำรอนะครับ “

                  “งั้นผมแก้ผ้ารอนะครับ”

                  “หื่นอ่ะ … แต่ผมชอบ “

                  “และรีบตามเข้าไปนะครับ ความสนุกรอคุณอยู่” พูดมาแบบนี้ รีบเลยละครับก้องภพ รีบถอดออกทุกชั้นเลยอย่างรวดเร็ว ผมได้ยินเสียงน้ำที่ไหลออกมาจากก๊อกน้ำ ผมเดินโทงๆ เข้าไป ผมเห็นภายในห้องน้ำก็ตกแต่งด้วยโทนสีขาวสวยหรู และอ่างอาบน้ำทีเป็นแบบสปา นครินทร์ถอดเสื้อผ้ารอผมแล้ว เขาสวมแค่เสื้อคลุม ผมเดินเข้าไปหาใช้มือกระตุกโบว์ที่ผูกเอาไว้แบบลวกๆ ออกไป เสื้อคลุมก็ตกลงไปกองกับพื้น

                  “นึกถึงตอนที่เรามีอะไรกันที่ตรงน้ำตกจำได้ไหมครับ คุณผู้กอง “

                  “จำได้ซิครับ ทั้งเสียวและกลัวคนแอบมอง แต่ นาทีนั้นเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม “

                  “ผมว่าคราวหน้าเราทำในนี่ดีกว่านะครับคุณก้อง อืมมม”

                  “อืมมม” ผมก็จูบตอบอย่างเร่าร้อน ผมสองคนค่อยก้าวเท้าลงไปในอ่าง น้ำที่อุ่นกำลังดี ผมทิ้งตัวลงนั่งเหยียดเท้าออกไป นครินทณ์เป็นฝ่ายนั่งคร่อมผมแทน นครินทร์เริ่มไซ้ลงที่ซอกคอผม มือผมก็ลูบไล้แผ่นหลังของคนที่ค่อมผมอยุ่ ไล้ลงมาจนถึงสะโพก ผมใช้มือบีบและคล้าย ส่วนนครินทร์โยกเบาๆ ใช้ลิ้นตวัดเลียสองจุดที่แข็งเป็นไต ผมก็ยิ่งแอ่นอกให้ คราวนี้เริ่มเปลี่ยนมาเป็นผมซุกใบหน้าลงที่ใต้ราวนมของนครินทร์และใช้ลิ้นเลียเร่าโรม ก่อนจะลากขึ้นมาตวัดฉกเล่นกับสองจุดบนอกของนครินทร์เช่นกัน ยิ่งหยอกเล่นมากแค่ไหน นครินทร์ก็ยิ่งแอ่นอกและโยกแรงขึ้นจนผมรู้สึกว่าเขาน่าจะพร้อมแล้ว ผมใช้ฝ่ามือตบที่สะโพก นครินทร์ลุกขึ้นยืนพร้อมกับหันไปหยิบเจลหล่อลื่น ชนิดกันน้ำมาทาที่ช่องทางรักของตัวเอง

                  “นี่เมียจะให้ผมลงเสาเข็มเลยเหรอครับ ไม่ต้องเบิก” ผมแซว คนที่หย่อนก้นลงเพื่อให้ตรงนั้นตรงกับแท่งร้อนของผม ผมก็ใช้ฝ่ามือจับเอวของนครินทร์เอาไว้

                  “อ้าห์ “นครินทร์เริ่มครางออกมาเบาๆขณะที่แทงร้อนของผมกำลังถูกครอบลงมาช้าๆ

                  “คุณก้อง เสาเข็มคุณไซ้ใหญ่ไปหน่อยนะครับ ผมรู้สึกคับแน่นมากเลย “

                  “ผมใช้ผิดขนาดไปเหรอครับที่รัก”

                  “มีไซ้อื่นไหมละครับผมจะได้ขอเปลี่ยน”

                  “มีขนาดเดียวนี่แหละครับเมียครับและขยมเบาๆหน่อยนะครับเมียครับ เพราะว่ามันมีอันเดียวไม่มีสำรองเหมือนกัน”

                  “โอ้ววว อืมมมม” เสียงครางดังออกมาผมเองก็แน่นพอกัน เพราะว่าเราเล่นทำกันในน้ำแบบนี้ ยิ่งคับแน่นกว่าปกติ ผมแบมือขอมือของนครินทร์ เขาก็กุมมือผมไว้ และค่อยๆดันจน

                  “ซี้ดสสสสส” เสียงลากยาวและหยุดนิ่ง นครินทร์ยกมือขอเวลา ว่าอย่าเพิ่งขยับ ปล่อยให้ช่องทางรักเริ่มคุ้นเคยซะก่อน ผมเองก็ใช้ลิ้นเลียสองจุดเล่นไปพลางๆ จนกระทั้งคนที่นั่งเริ่มโยก จากระดับเบาๆไปก่อน  นครินทร์ก้มลงมาจูบผม มือผมอีกข้างก็สาวแทงร้อนของนครินทร์ไปด้วย

                  “อ้าห์ ก้อง อย่าเร็วซิครับเดียวผมก็ไปก่อนคุณ”

                  “ทำไมครับละ หรือว่าวันนี้จะกะจะทำลายสถิติ อึดและนานเหรอครับที่รัก”

                  “ได้ไหมละ ผมไม่รีบวันนี้” คนที่ควบคุมเกมส์รักของผมทำสายตายั่วยวนผม

                  “ผมว่าเปลี่ยนจากเน้นยาวนาน แต่เปลี่ยนมาเป็น เน้นจำนวนรอบกันดีกว่า เมียอยากได้กี่ยกบอกมา สามีคนนี้จัดให้” ผมพูดและนครินทร์ก็ยิ่งควบแรงขึ้นและเร็วขึ้น ผมก็เด้งสวน ตอนนี้น้ำในอ่างน้ำวนก็กะเพื่อม ทั้งน้ำที่วนอยู่ในอ่าง เพิ่มความอบอุ่นของร่างกายไปด้วย นครินทร์เริ่มโยกเร็วขึ้น

                  “ปึก” ผมถอดแกนกายของผมออกและพลิกให้นครินทร์มาอยู่ในท่าคุกเขาจับขอบอ่างอาบน้ำให้โก้งก้นขึ้นเล็กน้อยผมก็เสียบแกนกายผมกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว


                  “อ้าห์ ก้องงงงงงง!”

                  “ครับ” ผมก้มลงขานรับและขบติงหูนครินทร์ไปด้วย

                  “พับ พับ พับ “ เสียงกระโพกผมเด้งสวน เนื้ออ่อนกระแทกกันอยู่ใต้น้ำวน

                  “อ้าห์ ก้องงง ผมไม่ไหวแล้ว ซี้ดส์”

                  “ปล่อยเลยซิครับเมีย ผมก็ไม่ไหวแล้วครับ คุณเมีย!”ผมพูดคนที่ผมกระแทกร่างกายก็เริ่มเกร็งกะตุ๊ก ส่วนผมเองก็เกร็งจนกระตุ๊กเช่นกัน ผมรับรู้ได้ว่าน้ำสีขาวอุ่นมันพุ่งออกมา วันนี้ไม่ได้สวมถุงเพราะว่าเล่นในน้ำแบบนี้ถูงสวมไม่ได้ เล่นกันแบบสดๆเลย

                  “ฟู่!!” คนที่ผมคร่อมอยู่ที่ตรงบั่นท้ายพ่นลมออกมายาวๆ ก่อนจะหันมาจูบผมตอบเป็นการขอบคุณ ผมก็จูบนครินทร์ตอบเช่นกัน จังหวะที่ผมถอนแกนกายออกแล้ว นครินทร์ค่อยๆ พลิกตัวเองกลับมาผมใช้แขนกั้นลำตัวเขาเอาไว้และจูบอย่างดูดดื่มอีกครั้ง  นครินทร์ กดเพื่อเปลี่ยนน้ำในอ่าง ผมสองคนก็ชำระล้างร่างกายกัน กะว่าจะพักสักแป๊ปแล้วค่อยต่อกันอีกที่เตียง บอกแล้วว่าวั้นนี้ก้องผมจะเน้นจำนวนรอบ สักกี่รอบดีน่ะ คืนนี้ กะว่าพ่อตาแม่ยายไม่ต้องหลับต้องนอนกันเลย


                  “ผมว่าปลูกบ้านเสร็จ สิ่งแรกที่เราควรจะซื้อเข้าบ้านคงต้องเป็นอ่างน้ำวน เตียงสปิงซ์ ส่วนครัวนี้คงเอาไว้ที่หลังสุดเถอะ” ผมพูดกระซิบ นครินทร์หันมามองหน้าผมยิ้มกริ่มแบบนี้ใช่เลย

                  ผมออกมานอนรอที่รักอยู่บนเตียงนอน นครินทร์เดินมานอนลงข้างๆผม ผมหยิบรูปที่เขาตั้งบนหัวเตียงมาดู หนึ่งในนั้นมีรูปตอนที่ถ่ายด้วยกันที่ฐานแต่ไม่ใช่แค่ผมกับเขามีเพื่อนๆในฐานด้วย

                  “อยากเอารูปคู่ขึ้นนะแต่ผมกลัวว่าพ่อจะรู้ตอนนั้นเลย แอบเอาไว้ “

                  “ตอนนี้ละ”

                  “ติดให้รอบห้องเลย” นครินทร์พูด ผมนอนคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆ ทั้งของผมและของนครินทร์ตั้งแต่สมัยเด็กๆ แม้กระทั้งเรื่องความรัก และเรื่องเซ็กซ์ครั้งแรกของผม ส่วนนครินทร์เขาเคยมีแฟนแต่เขาไม่เคยมีอะไรกับแฟน ส่วนแฟนเขาก็เลือกที่จะไปแต่งงานกับผู้หญิงที่สวยและเก่ง เป็นคุณหมอและนั้นก็ทำให้นครินทร์ไม่ยอมเปิดใจให้ใครอีกเลย จนกระทั้งมาเจอผม มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นผู้ชายคนแรกของเขาและขอเป็นคนสุดท้ายของเขาเช่นกัน     
***********
ของพี่ก้องมาอีกตอนนะคะ ตอนหน้าขอเป็นของพี่ต้นกับพี่หมอภีมอักสักสามตอนเพราะว่าคริสอยากออกแสดงแย่แล้ว คริสโตเฟอร์คิดถึงคนอ่าน

หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)ครอบครัว NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 25-12-2020 14:25:31
       ต้นตระการ หลังจากที่กลับมาจากกรุงเทพ ผมไปเยี่ยมน้องชายผมก้อง ตอนนี้เขากลับไปทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยแต่ ยังลุยงานพวกลาดตระเวรตามที่เคยทำไม่ได้ และผมก็วางใจตรงที่นครินทร์เขาไปด้วย ตอนนี้ครอบครัวของนครินทร์เขายอมรับก้องภพน้องชายของผมแล้ว และก้องก็ขอนครินทร์แต่งงานแล้วด้วย เหลือแค่ไปคุยกันเรื่องงานแต่งว่าจะจัดกันแบบไหน ผมคงต้องทำหน้าที่แทนพ่อให้ก้องเขา

และตอนนี้หมอภีมก็ย้ายมาอยู่ห้องเดียวกับผมแล้ว แต่ก็อย่างที่เขาบอกผมนั่นแหละว่า ผมต้องการใครสักคนช่วยผมจริงๆ งานผมก็ยุ่ง มีปัญหาอะไรผมก็ต้องไปที่หน้างานทันที หมอภีมเขาทำงานตามเวลามีออนคอลบ้าง และที่สำคัญ ถ้าผมต้องไปแต่เช้าหมภีมจะอาสาพาเอิร์ธไปส่งและไปรับเอิร์ธมาอยู่ที่ห้องตรวงเขาด้วย ห้องตรวจของหมอภีมมีห้องพักสำหรับแพทย์ เอิร์ธก็จะนั่งที่นั่นมีพยาบาลดูแล

“ฮัลโหลภีม “

“ว่าไงครับที่รัก”

“คุณไปรับลูกหรือยังครับภีม” ภีมเขาเรียกเอิร์ธแทนว่าลูกกันและเอิร์ธก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วย มันยิ่งทำให้ชีวิตของผมและภีมเริ่มสมบูรณ์แบบ และนี้คือความตั้งใจของผมกับภีมตัั้งแต่คบกันแล้วว่าอยากมีลูกด้วยกัน

“นี่ผมมารับลูกแล้วครับต้น และจะพาไปให้พยาบาลสาวๆ ดูแลต่อ “หมอภีมพูดผมก็ต้องเบ้ปาก เอาสาวๆ มาเอาใจลูกผมนี่น่ะ

“ต้นละ อยู่ไหน”

“ผมกำลังจะเข้าห้องประชุมที่ศาลากลางจังหวัดนะภีม”

“เลิกเร็วไหมครับวันนี้”

ผมว่าจะเลิกเร็วนะ มีอะไรหรือเปล่า”

“พาลุกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะของคอนโดกันและวันนี้พาเอิร์ธิไปหาอะไรทานด้วย ฉลอง ครอบรอบหนึ่งเดือนของเราต้น” หมอภีมปภพพูด

“ได้ซิภีม “

“เจอกันนะครับที่รัก ต้น ผมรักคุณน่ะ”

“ผมก็รักคุณภีม ขับรถดีดีนะครับ บายครับ” ผมกดวางสายและเดินตรงเข้าไปประชุมทันที เพื่อร่วมประชุม เฝ้าระวังยุงลาย สถานศึกษาทุกแห่ง และบ้านเรือนที่มีเด็กและผู้สุงอายุ

“ต้น” เสียงที่ทำให้ผมต้องหันไปมอง ไม่ใช่อื่น เกศรินทร์นั้นเอง ผมทราบมาว่าพ่อของเขาโดนสั่งปิดโรงเลื่อยไม้เถือนไปแล้วและยังอยู่ในช่วงถูกดำเนินคดีอยู่ ผมก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของผมแล้ว

“เกศรินทร์” ผมทักทายก่อนจะหันไปมองคนที่มาด้วย เป็นหนุ่มนักการเมืองท้องถิ่น เขาก็พงกหัวทักทายผม

“ยังไม่ไปรับลูกอีกเหรอ “เกศรินทร์ถามผม

“มีคนรับแล้วแหละเกศ” ผมตอบเขา

“ใครละ แม่คุณคงไม่ขับรถไปรับเองหรอกมั้งต้น “

“หมอภีมปภพ” ผมตอบเกศรินทร์ไป เขาก็ยิ้มที่มุมปาก

“เก่งนะ มาหาจนเจอ ก็ขอให้รักกันนานๆ ละ และหลบๆ ยายหมอดาวิกาไว้ด้วยแล้วกัน” เกศรินทร์พูดก่อนจะเดินเลี่ยงผมออกไป

“ผมสองคนไม่ได้ทำอะไรผิดคงไม่ต้องหลบๆ ซ้อนๆ หรอกมั้งครับเกศ” ผมพูดเธอชะงักเท้าหยุดเดินก่อนจะหันมามองหน้าผม

“ต้น เกศลืมบอกไป ว่าเกศจะแต่งงานใหม่นะคะ “

“ผมยินดีด้วยเกศ” ผมรีบพูด

“ตอนนี้ฉันท้องได้สามเดือนแล้ว แต่ฉันก็รักเอิร์ธนะต้น แต่ว่าเขา”

“เอิร์ธเขาไม่ได้ไม่รักคุณนะเกศ แต่คุณ ทำให้เขา”

“กลัวฉัน”

“ถ้าคุณต้องการจะรับเขาไปดูแลบ้าง ผมก็ยินดีนะเกศ แต่แค่ไปเที่ยวบ้าง ผมไม่ว่าเลยนะเกศ และเพื่อว่ามันอาจจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง “ผมพูด

“คุณไม่รู้หรอกว่าเอิร์ธเขากลัวที่จะเข้าใครผู้หญิงมากแค่ไหน “

“ช่างมันเถอะต้น ถึงยังไงคุณก็ดูแลเขาได้ดีกว่าฉัน และตอนนี้ฉันก็แพ้ท้องหนักมาก ฉันเอาเขาไปดูแลไม่ได้หรอกต้น “เกศรินทร์พูดก่อนจะเดินรีบเดินออกไปกับแฟนคนใหม่ทันที ผมก็เดินกลับไปเข้าห้องประชุม
------------------
    Part’ s หมอภีมปภพ ผมขับรถไปรับน้องเอิร์ธที่ศูนย์เด็กเล็กเหมือนเช่นทุกครั้ง ผมแอบไปซื้อจักรยานต์มาให้เอิร์ธด้วย ใจผมอยากจะซื้อบ้านแต่ต้นเขาบอกว่า เขาอยากจะย้ายไปอยู่ที่ใกล้แม่เขามากที่สุด ผมเหลือบมองเอิร์ธที่นั่งอยู่ที่คาร์ซีท ใจผมก็อยากให้เขาเรียกผมว่าพ่อนะ ผมอยากมีลูกโดยเฉพาะกับต้น แต่มันคงเป็นไปไม่ได้

“เอาละ ถึงแล้วครับ “ผมบอกเอิร์ธ และก่อนจะลงมาอุ้มหนุ่มหล่อของผมลงจากรถ

“มีอะไรครับเอิร์ธทำไมวันนี้มองหน้าอาหมอแบบนั้นละ” ผมถามเอิร์ธที่ยืนมองหน้าผมเหมือนกับว่าเขาอยากจะถามอะไรผมสักอย่าง

“เอิร์ธ” ผมย่อตัวลง ผมใช้ฝ่ามือแตะที่หัวเอิร์ธเบาๆ

“อาหมอกับพ่อ รักกันใช่อ่ะเปล่า”

“ใช่ครับ อาหมอรักพ่อต้น และอาหมอก็รักน้องเอิร์ธ อาหมอก็อยากได้เอิร์ธเป็นลูกของอาหมอนะ “ผมพูด เอิร์ธมองหน้าผมแม้ว่าสายตาคู่นั้นจะยังสงสัยและไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ผมบอกเขาก็ตาม

“วันนี้เอิร์ธยังไม่เข้าใจ เอาไว้เมื่อเอิร์ธโตพอ เอิร์ธจะเข้าใจมันเอง ตอนนี้รู้แค่ว่า อาหมออยากดูแลพ่อต้นและเอิร์ธนะครับ “ผมพูดเอิร์ธพยักหน้าเบาๆ ผมพาเอิร์ธเดินเข้าไปด้านในโรงพยาบาล และให้เขาไปนั่งอยู่ในห้องเล็กด้านหลังห้องตรวจของผม จะมีพยาบาลเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนเขาเป็นระยะและผมเองก็เดินเข้าไปหาเขาบ้างเป็นระยะจนกระทั่งผมหมดเวลาลงตรวจ

“เอิร์ธครับ กลับบ้านกันดีกว่านะครับ “ผมเดินไปหาน้องเอิร์ธ เขาก็พยักหน้าและหันไปเก็บของเข้าทีอย่างเรียบร้อยผมยืนมองด้วยความภูมิใจ

“น้องน่ารักนะคะคุณหมอ เล่นอะไรนี้เวลาเลิกเก็บเข้าที่เรียบร้อยมากค่ะ”

“พ่อเขาเป็นคนระเบียบเรียบร้อยนะครับ “ผมพูดและหันไปยิ้มให้คุณพยาบาล

“จริงเหรอคะ คุณต้นนะเหรอคะ แม้หนิงเองยังไม่เรียบร้อยแบบน้องเอิร์ธเลยค่ะ คุณต้นนี้เก่งจริงๆ สอนน้องได้น่ารักมากค่ะ ”

“ขอบคุณพี่หนิงกับพี่แอมก่อนซิครับที่ดูแลเอิร์ธวันนี้” ผมบอกน้องเอิร์ธ

“ขอบคุณครับ พี่หนิงพี่แอม”

“ไม่เป็นไรค่ะ มาเล่นกับพี่อีกนะคะ หลงรักแล้วซิ” พยาบาลแอมพูด และผมก็จูงมือเอิร์ธไปที่ลานจอดรถเพื่อจะได้พาเอิร์ธกลับ

“น้องเอิร์ธอาหมอมีอะไรจะให้เอิร์ธดูแต่ตอนนี้เอิร์ธต้องยืนหันหลังก่อนนะ” ผมพาเอิร์ธมายืนตรงท้ายรถ ผมจับเอิร์ธหันหลัง

“อย่าเพิ่งหันมานะครับ” ผมพูดพร้อมกับกดเปิดประตูหลัง ก่อนจะเดินมาจับไหล่เอิร์ธให้เขาค่อยหันไปมอง


“จักรยานต์!!!” เอิร์ธเขาพูดออกมาเสียงดัง ใช่ครับผมซื้อจักรยานต์ให้เขา เพื่อว่าผมกับต้นจะพาเขาออกไปเดินปั่นจักรยานต์ที่สวนสาธารณะใกล้กับคอนโด

“แหละนี่หมวกกันน๊อก พร้อมกับสนับเข่าและข้อศอกสำหรับมือใหม่หัดขับ” ผมพูดบอกเอิร์ธ เอิร์ธยิ้มตาหยี

“เอาละ วันนี้เราลองขี่กันเลยนะเอิร์ธ “ผมพูดบอกเอิร์ธ และพาเขาขึ้นรถขับรถกลับคอนโดไปรอต้นตระการ ผมเหลือบมองเอร์ธเป็นระยะๆ

----------------------------------------------------------------------------------

Part’ s ต้นตระการ
ผมเลิกงานก็รีบขับรถกลับคอนโดทันที วันนี้หมอภีมจะชวนผมกับเอิร์ธไปหาอะไรทานกันและก่อนจะไปว่าจะพาเอิร์ธไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะก่อน เป็นสวนหย่อมของโครงการ ผมโทรบอกหมอภีมมาผมมาถึงแล้ว ส่วนหมอภีมบอกว่าเขากลับมาก่อนแล้ววันนี้เขาเลิกตรวจคนไข้เร็ว

“พ่อต้น” ผมเดินออกมาจากลานจอดรถ ผมเห็นหมอภีมและเอิร์ธ เอิร์ธเขาปั่นจักรยานที่มีล้อช่วยสองล้อหลัง ผมก็ต้องอมยิ้ม นี้หมอภีมซื้อให้ละซิ และเขายังซื้อหมวกกันน๊อกให้เอิร์ธสวมใส่ มีสนับเข่าและข้อศอกพร้อม

“พ่อต้น เอิร์ธมีจักรยานต์แล้วนะพ่อต้น “เอิร์ธพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีใจใหญ่เลย

“นี่คุณไปซื้อมาให้เอิร์ธเหรอภีม” ผมถามหมอภีม เขาก็พยักหน้าพร้อมกับหันมายิ้มให้ผม

“ให้เขาได้ทำกิจกรรมกลางแจ้งบ้าง คุณรู้ไหมนี้แหละที่จะทำให้เขาหลับสบาย และกิจกรรมพวกนี้เบิร์นเอเนอจี้ดีทีเดียวและเราสองคนจะได้ทำกิจกรรมของเราบ้าง “หมอภีมพูด ผมหันมากอดอกมองแผนหมอหื่น

“อาหมอ “เอิร์ธเขาเรียกให้หมอภีมไปช่วยเข็น ผมก็ไม่รู้ว่าใครกันแน่จะหลับสนิท ผมว่าน่าจะเป็นหมอภีมมากกว่า ผมยืนมองเขาเล่นกันสนุกสนานจน


“คุณต้น” ผมสะดุ้ง มีคนมาเรียกผม ผมหันไปมองก็เป็น ครูแป้ง ครูของน้องเอิร์ธ ผมแทบจะไม่ค่อยได้เจอครูแป้งเลยพักนี้แหละช่วงนี้หมอภีมคอยไปรับไปส่งเอิร์ธแทนผมด้วย แถมยังดูแลเอิร์ธให้ผมอีกซึ่งปกติครูแป้งจะช่วยผมดูให้

“ไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะคะต้น ทั้งที่อยู่ที่เดียวกันแท้ๆ” ครูแป้งพูด

“คือเออ ช่วงนี้ผมยุ่งนะครับ ครูแป้ง” ผมตอบ

“ดูเอิร์ธเขามีความสุขขึ้นนะคะ “จู่ๆครูแป้งก็พูดขึ้น ผมพยักหน้า

“คุณต้นก็เช่นกันนะคะ แป้งไม่ได้เห็นคุณต้นยิ้มมีความสุขแบบนี้เลยนะคะ “ครูแป้งพูด ผมหันไปมองผมรู้ว่าครูแป้งคิดยังไงกับผม

“ครูแป้งครับผม”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แป้งยอมรับนะคะว่าแป้งชอบคุณค่ะต้น และแป้งก็อยากจะเป็นคนดูแลเอิร์ธ อยากทำหน้าที่คุณแม่ เพราะนั้นก็จะทำให้คุณต้นรักแป้ง แต่แป้งรู้ว่าหัวใจไม่มีใครบังคับใครได้หรอกค่ะแป้งรู้ดี “

“และการที่จะได้รักใครสักคนไม่ใช่ว่าต้องได้มาครอบครองเสมอไป แค่เห็นคุณต้นมีความสุขก็เพียงพอแล้วค่ะ แป้งคิดแค่นั้น”

“ขอบคุณนะครับคุณแป้ง ขอบคุณทุกเรื่องที่คุณทำให้ผมสองคนพ่อลูก”

“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ถึงยังไงแป้งก็ยินดีที่จะเป็นเพื่อนกับคุณสองคนนะคะ และถ้าคุณสองคนอยากจะออกไปสวีทกันบ้างตามประสาคนรัก แป้งยินดีจะดูแลเอิร์ธแทนให้นะคะ” ครูแป้งพูด ผมพยักหน้าขอบคุณ หมอภีมเดินแบกรถจักรยานต์เข้ามาพอดี

“สวัสดีครับครูแป้ง” หมอภีมทักทายครูแป้ง

“สวัสดีค่ะ คุณหมอ”

“แม้ดูท่าแล้ว คนที่เหนื่อยน่าจะเป็นอาหมอมากกว่าแล้วมั้งค่ะน้องเอิร์ธ “ครูแป้งแซวหมอภีม เขาก็มองผมดูท่าจะเหนื่อยจริงด้วย

“งั้นพอแค่นี้ก่อนนะเอิร์ธอาหมอเหนื่อยแล้วครับ อาหมอเขาทำงานมาทั้งวันแล้วด้วย นะครับ และเอาไว้วันหยุดเรามาขี่เล่นกันอีก ตอนนี้ไปอาบน้ำและจะได้ออกไปทานอาหารเย็นกันครับ” ผมก้มลงบอกเอิร์ธ

“ผมเห็นคุณคุยกับครูแป้ง” จู่ๆหมอภีมก็ถามผมขณะที่อยู่ในลิฟต์

“ก็คุยกันแบบเพื่อนไง” ผมหันไปบอกหมอภีม

“ผมรู้ว่าเธอคิดยังไงกับผมภีม ตอนนี้ผมมีคนที่ผมรักแล้ว คนนั้นคือคุณ ดังนั้นผมกับครูแป้งก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่แค่ผมครูแป้งหมายถึงคุณด้วยนะภีม” ผมพูดบอกหมอภีม หมอภีมเอี่ยวตัวมาหาผมและทำท่าจะหอมแก้มผม ผมสองคนก้มลงมองหนุ่มน้อยที่ยืนอยู่ตรงกลาง เขารีบ เอามือปิดตาทันที แต่ก็แอบดูจากล่องระหว่างนิ้วแทน

“ฟ๊อด!” หมอภีมหอมแก้มผมเสียงดัง

     ถามว่าผมรู้สึกยังไงที่ผมมีหมอภีมมาเป็นแฟนต่อหน้าลูกผม ผมว่าเอิร์ธเขาก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมเพราะว่าผมก็ยังคงทำหน้าที่เหมือนเช่นตอนที่เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดียวแต่ตอนนี้เขาก็มีเพื่อนเพิ่มเข้ามานั้นคือหมอภีม ผมรู้ว่าภีมอยากให้เอิร์ธเรียกเขาว่าพ่อเหมือนผม และผมเองก็เชื่อว่าการที่เขาจะมีพ่อสองคนมันไม่ได้สร้างปัญหาให้เขา เพราะว่าผมเลี้ยงดูเขาไม่ได้โอ๋จนมากเกิน บางอย่างผมก็ให้เขาทำเอง และแก้ปัญหาเอง ดังนั้นผมเชื่อว่า ปัญหาในอนาคตจะแก้ปัญหามันได้เองเช่นกัน

ผมเดินเข้าไปก็จัดเตรียมเสื้อผ้าให้สองคนพ่อลูก หมอภีมกับเอิร์ธ เพราะว่าทั้งคู่เขาอาบน้ำด้วยกันทุกวันแต่ว่าตอนเย็นผมก็จะเข้าไปอาบกันสามคน เราสามคนช่วยกันอาบน้ำหนุ่มน้อยของผม แต่จริงๆ แล้วผมกับเอิร์ธอาบน้ำด้วยมาตลอด และผมก็สอนเขาไปในตัว ให้เขาก็จะสังเกตเอาว่าผมทำยังไงเขาก็จะทำอย่างที่ผมทำไม่ว่าจะอาบน้ำหรือถูสบู่เอง สระผมเอง แต่ผมจะเลือกยาสระผมที่ไม่แสบตาให้เขาใช้ แม้กระทั่งแต่งตัวเอง ผมแค่ออกมายืนแต่งตัวให้เขาดูเขาก็จะใช้การมองและทำตามผมทุกอย่าง อาจจะมีบ้างที่ผมต้องหันไปช่วยเขาจัดการแต่ว่าเขาก็ทำทุกอย่างได้ดี

“ออกไปแต่งตัวกับพ่อต้นก่อนนะครับ เพราะว่าอาหมอจะโกนหนวด” ผมบอกลูกชายผม เขาก็เงยหน้ามองหมอภีมยิ้มตาหยีให้

“อันนี้คือครีมสำหรับอาหมอใช้โกนหนวดครับ ตอนนี้น้องเอิร์ธยังไม่มีหนวดเหมือนอาหมอห้ามใช้นะครับ” หมอภีมพูด ผมและเอิร์ธพยักหน้า ก่อนจะออกมาแต่งตัวหล่อๆกับผม เพื่อรอหมอภีมด้านนอก วันนี้เราสวมเสื้อเซ็ตเดียวกัน เสื้อโบโลกางเกงขาสั้น ผมยืนสำรวจตัวเองหน้ากระจกโดยมีเอิร์ธที่ยืนกางผมสำรวจตัวเองเช่นกัน ผมหลุบตาลงมองเอิร์ธ เขาเงยหน้าขึ้นมองผม

“พ่อต้น กับอาหมอเป็นแฟนกันใช่หรือเปล่า” เอิร์ธเงยหน้าขึ้นถามผม ผมก็ต้องย่อตัวลงเอามือแตะที่ไหล่เอิร์ธเบาๆ

“พ่อยอมว่าใช่ครับ แต่พ่อก็ยังรักเอิร์ธเหมือนเดิมแต่ เพิ่มเติมคือเราจะมีกันสามคนไม่ใช่แค่สองคนแล้ว” ผมพูดและมองแววตาคู่นั้น

“แล้วเอิร์ธคิดว่าไงละครับถ้าเรามีจะมีกันสามคนแบบนี้ แต่เราอาจจะไม่เหมือนคนอื่น คือเขามีกัน พ่อแม่ลูกแต่ของเรามี พ่อต้น อาหมอและน้องเอิร์ธ” ผมถามน้องเอิร์ธ

“เอิร์ธรักอาหมอไหมครับ” ผมถามเอิร์ธ

“รักอาหมอ รักพ่อต้นด้วยครับ “

“อยากเรียกอาหมอว่าพ่ออีกคนไหมครับ และเราก็จะมีพ่อ พ่อ และเอิร์ธ “ผมถามเอิร์ธ ก็มองหน้าผมก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ส่วนหมอภีมออกมาก็รีบแต่งตัวทันที ผมยอมรับว่าเอิร์ธค่อนข้างเป็นเด็กมีระเบียบทุกอย่างของเขาจะถูกเก็บเข้าที่เรียบร้อยเองไม่ต้องมานั่งบอก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่เขาถอดเขาก็จะไปใส่ตะกร้าในห้องซักผ้า

“ไปกันได้หรือยังครับ “หมอภีมหันมาถามผมสองคนที่แต่งตัวหล่อยืนรออยู่แล้ว หมอภีมหันมายิ้มให้ผมสองคนและพากันเดินจูงมือออกจากห้องพัก ผมเหล่ตามองเอิร์ธก่อนจะส่งยิ้มให้ เอิร์ธ

“พ่อภีม เอิร์ธเล่นเครื่องเล่นได้หรือเปล่าครับ” น้องเอิร์ธถามหมอภีมขณะที่กำลังจะเดินไปที่รถ

“ได้ซิครับ แต่เอ๊ะ! เมื่อกี้น้องเอิร์ธเรียกอาหมอว่าอะไรนะครับ”

“พ่อภีมครับ พ่อต้นบอกว่าให้เอิร์ธเรียกพ่อได้” น้องเอิร์ธตอบหมอภีม เขาเงยหน้ามองผม และเขาก็กอดน้องเอิร์ธ

“ขอบคุณนะครับ เทวาตัวน้อยของพ่อภีม “หมอภีมปภพพูด ผมพยักหน้าให้หมอภีมปภพ เขาก็ลุกขึ้นมากอดผมเช่นกัน ผมว่าเขาดีใจจนต้องแอบปาดน้ำตา เขาอยากมีลูกผมรู้ดีและหมอภีมก็กอดเอิร์ธ

“ครอบครัวเราสมบูรณ์แล้วต้น ผมจะดูแลคุณและลูกจนกว่าผมจะหมดลมหายใจต้น”

“อย่าพูดแบบนี้ซิภีม เอาแค่ดูแลกันไปตลอดก็พอ ผมขอน่ะภีม” ผมพูดด้วยอาการตกใจ เอิร์ธก็กอดผมสองคนแม้จะกอดได้แค่เขาก็ตามและหมอภีมก็อุ้มเอิร์ธขึ้นมาเราสามคนกอดกัน
----------------------------------------------------------------------------------
Part หมอภีมปภพ ผมมีความสุขที่สุดเพราะว่าผมชีวิตผมสมบูรณ์แล้ว มีคนที่ผมรักจากผมอยากจะฝากผีฝากไข้ดูแลกันไปจนแก่เฒ่า แม้จะไม่เหมือนเช่นคู่สามีภรรยาทั่วไป ก็เพราะว่าคู่ชีวิตของผมนั้นเป็นผู้ชายและยังมีพยานรักหนึ่งคน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นลูกแท้ๆ ของผมแต่เขาเป็นเลือดเนื้อของคนที่ผมรัก ผมก็รักเขาเหมือนสายเลือดแท้ๆ ของผมเช่นกัน

“เอาละคนดี นอนหลับฝันดีนะครับ พรุ่งนี้ ถ้าอาหมอจะพาไปไหว้น้ำหลังเลิกเรียนนะครับ”

“พ่อภีม เอิร์ธอยากไปนั่งม้าหมุน”

“ที่ไหนอะครับ”

“แต่พ่อต้นบอกว่าเขาไม่เปิดแล้วอ่ะครับ”

“อ้าวเหรอ” ผมก็ขมวดคิ้ว “เอาอย่างนี้ไหมครับ เราไปกรุงเทพรอบหน้าพ่อภีมจะพาเราไปนั่งม้าหมุนที่ดรีมเวิร์ลดีไหมครับ มีเครื่องเล่นเยอะแยะเลย” ผมพูดบอกเอิร์ธ

“เอิร์ธอยากไปครับ พ่อภีม”

“นอนได้แล้วครับ ฟ๊อด พ่อภีมพ่อต้นรักเอิร์ธนะครับ” ผมพูดบอกน้องเอิร์ธ พร้อมกับห่มผ้าให้เขา ผมยอมรับว่าต้นสอนเอิร์ธดีมาก สอนให้เขาช่วยเหลือตัวเองได้หลายอย่าง ซึ่งแตกต่างจากพี่สาวผมที่มีคนทำให้ลูกๆ เขาหมด ผมหันมากดเปิดสวิตช์ไฟกลางคืน พอเปิดก็จะมีดาวเยอะแยะไปหมด เอิร์ธเขาชอบ ก่อนที่ผมจะเดินออกจากห้องนอนเอิร์ธ และปิดประตูลงเบาๆ ผมเดินกลับห้องนอนของผมกับต้น ผมไม่เห็นต้นในห้องนอน ผมคิดว่าเขาน่าจะแปรงฟันอยู่แน่ๆ ผมเดินเข้าไป ต้นก็ส่งแปรงสีฟันไฟฟ้ามาให้ผม เขาบีบยาสีฟันไว้ให้ผมแล้ว


“ลูกหลับแล้วเหรอครับภีม” ต้นหันมาถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่ ผมรีบทำความสะอาดช่องปาก ก่อนจะหันไปมองต้นตระการ เขาสวมชุดนอนผ้าแพรบางๆ สวมผมนะกางเกงแพรและเสื้อยืดตัวบางๆ ผมเป็นคนขี้ร้อน เผลอก็ถอดเสื้อออก แต่ผมคิดว่าคืนนี้คงได้ถอดแน่ๆ หลายวันแล้วที่ไม่ได้ทำการบ้าน

“มีอะไรเหรอภีม” ต้นตระการหันมามองหน้าผม ผมกำลังเดินเข้าไปสองหน้าต้นใกล้ๆ พอจังหวะที่ต้นหันมาผมก็ใช้ฝ่ามือของผมประคองใบหน้าของต้น ริมฝีปากอวบอิ่มของผมก็ประกบจูบต้นตระการ ริมฝีปากบางและสวยได้รูป ผมค่อยๆ ไซ้ที่ซอกคอ ต้นก็แอ่นอกชายชาตรี ผมซุกไซ้ไปมา

“ภีมคุณแน่ใจแล้วเหรอครับว่าลูกหลับสนิทแล้วนะภีม อืมมม” ต้นตระการถามผมแต่ก็ยังแอบร้องครางเบาๆ ผมก็โอบกอดเอวต้นจนร่างกายผมสองคนกำลีกันไปมา

“ผมว่าคืนนี้เขาหลับสนิทยันเช้าเลยต้น เสียพลังงานขนาดนั้น “

“ผมทนไม่ไหวนะต้น คุณเล่นยั่วผมขนาดนี้ “ผมพูดและไซ้ไปตามแผงอกนั้น

“ผมไปยั่วคุณตอนไหน อืมมม หมอหื่น อืมม” ต้นตระการพูดและแอ่นหน้าท้องขึ้นขณะที่ผมย่อตัวลงและพรมจูบ ผมค่อยเลิกชายเสื้อขึ้นไปจนถึงแผ่นอก ผมแหนบใบหน้าของผมเข้ากับหน้าท้องของต้นตระการ

“อ้าห์ภีมม” ต้นครางลากเสียงยาว เมื่อผมพรมจูบลงมาที่ใต้สะดือ

“บนเตียงนะ” ผมเงยหน้าบอกต้นด้วยเสียงกระเซ้า เขาก็พยักหน้าและผมสองคนก็ขึ้นไปอยู่บนเตียงต้น ต้นนอนราบลงไปผมก็ค่อยขึ้นคร่อมร่างต้นตระการเอาไว้ พร้อมกับจูบอย่างดูดดื่ม ต้นก็โต้ตอบผมกลับอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน ขาของผมสองคนก็เบียดเสียดสีกัน ผมหยุดชะงักและรีบปลดกระดุมเสื้อต้นตระการ ต้นเองก็ถลกเสื้อยืดผมและถอดมันออกไป ต้นรีบรุดกางเกงแพรขาสั้นของผมออกไป ผมก็ไม่รอช้า รูดกางเกงเข้าชุดกับเสื้อชุดนอนของต้นและเหวี่ยงออกไปเช่นกัน สองร่างที่ไม่มีสิ่งใดมาขวางกันโผ่เข้าหากันอีกครั้ง ผมยอมรับว่าเรื่องบนเตียงต้นเก่งมาก มันทำหมอภีมปภพยอมสยบแทบเท้า

“อ้าห์ ต้น โอ้วว” ต้นกำลังใช้ปากกับแท่งเอ็นของผม ผมเป็นคนผิวขาว ส่วนนั้นเลยออกชมพูดระเรื่อ ต้นดูเลียมันอย่างเมามันจนผมกลัวจะทนไม่ได้ไหวเลยดันต้นออก ต้นดันตัวเองขึ้น

“แสดงว่าคืนนี้จะคุมเกมเองใช่ไหมครับ ที่รัก” ผมถามต้น เขาก็พยักหน้าว่าใช่ ผมก็เริ่มจากปูทางก่อนโดยใช่นิ้ว

“อ้าห์ ภีม” แค่นิ้วเดียวต้นก็ครางเบาๆ และผมก็เริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้น จนรู้สึกว่าช่องทางรักของต้นคุ้นเคยดีแล้ว ผมก็พยักหน้าว่าให้ต้น เขาก็ขยับให้ตรงและกดมันลงช้าๆ อย่างต่อเนื่อง จน

“อืมม” ต้นครางออกมาและพักอยู่สักครู จนกระทั่งเริ่มคุ้นเคยดี ต้นก็เริ่มขยับขึ้นลง ผมเองก็เด้งสวนแต่ไม่แรงมากกลัวต้นเจ็บ แต่ต้นก็ใช้ฝ่ามือดันผมเอาไว้ สายตาที่หลุบลงมองผมนั้นคือห้ามผมอย่าเด้งสวนเข้านั้นเอง ผมค่อยๆ ยันตัวเองขึ้นกึ่งนั่งเพื่อจะกอดต้นเอาไว้ ผมจูบปากต้นตระการและต้นก็ยิ่งโยก มันยิ่งทำให้ผมเสียวซ่านไปทั้งตัว ผมต้องพรมจูบต้นที่แผ่นอกและหน้าท้อง ต้นแอ่นสู้ลิ้นผมพลิกต้นให้นอนลงและผมเข้าด้านหลังยกขาขึ้นมาหนึ่งข้าง ขยับสะโพ้กเด้งส่วนจน ผมรับรู้ได้ว่าเตียงนอนขยับแม้จะไม่มาก ไม่นานน้ำอุ่นจากกายผมก็พุ้งกระฉูดในร่างกายต้นตระการ ผมซบใบหน้าลงที่แผ่นหลังของต้น

“ภีมตาผมแล้วนะ” ต้นหันมามองหน้าผม ผมพยักหน้าว่าแน่นอน สิ่งสุดท้ายก่อนจะปิดเกมรัก ที่ผมต้องปรนนิบัติเมียรักของหมอภีม ผมพลิกตัวต้นให้มานอนราบและหมอภีมก็ถอยหลังลงไปยังปลายเท้าให้ใบหน้าอยู่ตรงแท่งเอ็นมาตรฐานชายไทย และครอบปากลงช้าๆ มันคงทำให้คนที่นอนเสียงไม่ใช่น้อย สังเกตจากการเกร็งส่วนนั้นจนเอ็นขึ้น ผมก็ริ่มใช้ลิ้นเลียโคนมาถึงปลาย สีออกแดงเรื่อนั้น ผมใช้ปากจัดการเหมือนนั่งทานไอศกรีมแท่งโปรดอย่างเมามัน ส่วนต้นก็เด้งขึ้นลงบ้าง เล็บที่จิกผ้าปูที่นอน ร่างกายก็เกร็งและส่ายไปมาบ้าง

“อ้าห์ อื้มมมมม ภีม ซี้ดดดด อืมมมมม” เสียงร้องครางออกมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งร่างของต้นเกร็งและกระตุก น้ำรักสีขุนๆ ก็ทะลักเข้าปากผม ผมจัดการเลียจะหมดเกลี้ยง

“คิดว่ามันคือไอศกรีมนมสด” ผมพูดก่อนจะค่อยๆเลื่อนตัวเองขึ้นมานอนแผ่หลาอยู่ข้างๆ ต้นตระการ

“ไปเช็ดทำความสะอาดเถอะภีมและคุณจะได้เข้านอน เดี๋ยวได้พากันตื่นสายและไปส่งลูกสายอีกภีม” ต้นตระการบอกผม ผมสองคนก็รีบลุกไปจัดการตัวเองซะก่อน ต้นออกมาก่อนและคงตรงไปดูเอิร์ธที่ห้องนอนทันที ก่อนจะกลับมานอนลงข้างๆ ผม

“ต้น อันที่จริง ผมซื้อบ้านเอาไว้หลังหนึ่งนะ ผมซื้อเอาไว้ตั้งแต่ ตอนที่คุณเริ่มเรียนปริญญาโท และผมตั้งใจเอาไว้ว่าจะพาคุณไปดูวันที่คุณรับปริญญาโท” ผมบอกต้นตระการ แต่เอาเข้าจริงๆ วันที่ต้นเข้ารับใบปริญญาผมก็ไปแต่ผมทำได้แค่ยืนมองห่างๆ เพราะว่าเกศรินทร์ก็มายืนประกบสวมชุดคลุมท้องแบบนั้น แต่ผมก็ไม่ได้บอกต้นนะว่าผมไปมา

“ผมขอโทษนะภีม ผมขอโทษถ้าวันนั้นผมไม่ใจอ่อนและเห็นแก่ว่าผมกับเขาเคยคบกันมาก่อน ผมคงไม่”

“แต่คุณได้สิ่งที่ดีที่สุดมา นั้นคือเอิร์ธ เราจะดูแลเขารักเขา “

“แต่ว่าเราเป็นแบบนี้จะมีผลกระทบกับเขาไหมภีม”

“ภีมว่าไม่นะต้น เราจะดูแลเขาเลี้ยงดูเขาให้เขาเข้มแข็งและแกร่งพอจะเผชิญกับปัญหาภายหน้าต้น และภีมก็เห็นว่าที่ต้นทำอยู่มันใช่แล้ว แต่เขานะอ่อนนอกแต่ภายในใจเขาแกร่งเหมือนคุณ” ผมพูดและพรมจูบที่หน้าผากของต้น

“ผมรักคุณนะภีม คุณคือผู้ชายคนเดียวของผม”
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

็้Merry Christmas นะคะทุกคน  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)ครอบครัว NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 25-12-2020 17:47:35
 :impress2: :-[
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)หมอดามาขอโทษ P1
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 30-12-2020 21:29:35
รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)หมอดามาขอโทษ P1
     
      ต้นตระการ ช่วงนี้ชีวิตผมค่อนข้างจะลงตัว มีครอบครัวที่น่ารัก หน้าที่การงานบางครั้งก็เหนื่อยแต่ผมเลือกแล้วที่จะมายืนอยู่ ณ จุดนี้ เพื่อดูแลและให้การบริการประชากรด้วยความมุ่งมั้นและเต็มใจ ถึงแม้ว่า บางครั้งก็ต้องออกไปในยามที่ชาวบ้านเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือ ทั้งในเวลางานและนอกเวลางาน

ดังนั้นการที่ผมมีหมอภีมปภพเข้ามาช่วยดูแลเอิร์ธ ทำให้ผมไม่ต้องมานั่งกังวล และดูช่วงนี้เอิร์ธเขามีความสุขขึ้น และยิ่งเขาเปิดใจให้หมอภีมโดยการเรียกหมอภีมว่าพ่อภีมและตอนนี้เอิร์ธคือลูกของเราสองคนอย่างที่เราตั้งใจกันไว้

“คุณต้นค่ะ ขอแฟ้มเสนอค่ะ “พี่จุ๋มเป็นเหมือนเลขาฯ ของผมอีกที ผมหันไปส่งแฟ้มเสนอ เล่มสีชมพูที่จะมีเอกสารที่ต้องการให้ผมเซนต์แนบมา ผมส่งคืนให้พี่จุ๋มไป

“ดูช่วงนี้คุณต้นหน้าตาแจ่มใสดีนะคะ มีความรักหรือเปล่าคะ”

“ผมเหรอครับ “ผมเงยหน้าขึ้นจากเอกสารวาระการประชุมจังหวัด

“มีความรักแน่ๆ เลยค่ะคุณต้น “ผมก็ส่งยิ้มคุณจุ๋ม

Rrrr เสียงมือถือผมดังขึ้น ผมก็หันไปกดรับสายคุณจุ๋มก็เดินออกไปทันที

“ว่าไงครับภีม “ผมกดรับสายหมอภีมปภพ

“ผมจะไปรับลูกแล้วครับต้น ผมบอกเอิร์ธว่าเราจะไปว่ายน้ำกันนะต้น” หมอภีมปภพพูด

“ได้ซิภีม วันนี้ผมไม่ยุ่งผมเลิกตามเวลาได้ครับ” ผมบอกหมอภีมปภพ

“ถ้าอย่างนั้นเจอกันที่คอนโดเลยนะครับต้น”

“ได้ครับภีม ขับรถดีดีนะครับ ผมเป็นห่วง”

“ครับคุณแม่ ผมจะขับรถอย่างระมัดระวัง”

“หมอภีม!!” และผมก็กดวางสาย พอดีว่าพี่จุ๋มเดินเข้ามาตอนไหนผมก็ไม่ทราบได้ แต่พี่จุ๋มคงได้ยินการสนทนาของผมกับหมอภีมบ้างแหละ

“ขอโทษนะคะคุณต้น พอดีว่าคุณต้นลืมเซนต์หรือเปล่าคะแผ่นนี้” คุณจุ่มเดินถือแฟ้มมาหาผม ผมก็หันไปมอง

“ผมไม่ได้ลืมครับแต่ผมคิดว่ามันน่าจะแก้ไขรายละเอียดด้านในให้ผมนิดนึงนะครับ” ผมบอกคุณจุ๋ม

“เอาไว้แก้ไขแล้วผมจะเซนต์ให้พรุ่งนี้นะครับ พอดีว่าผม”

“มีนัด พี่จุ๋มขอโทษทีนะคะที่แอบฟัง แม้คุณปลัดมีแฟนเป็นคุณหมอเลยเหรอคะ”

“คือผม”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยุกนี้สมัยนี้แล้วค่ะคุณต้น  และมุมมองของพี่คือคุณปลัดนะ ตั้งใจทำงานดีขนาดนี้ ไม่ว่าคุณปลัดจะไปรักไปชอบผู้หญิงหรือผู้ชายมันก็ไม่ได้ทำให้คุณปลัดดูไม่ดีสักหน่อยนี่ค่ะ “พี่จุ๋มพูด

“ขอบคุณนะครับพี่จุ๋ม”

“ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ผมพูดและพี่จุ๋มก็เดินออกไป ผมหันไปปิดคอมพิวเตอร์เก็บทุกอย่างบนโต๊ะให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงาน ตอนนี้เจ้าหน้าที่ยังคงนั่งคุยกันอยู่ บางคนก็เตรียมตัวกลับกันแล้วและมีนักศึกษาฝึกงานสองสามคน ก็หันมายกมือไหว้ผม

“กลับแล้วเหรอคะคุณปลัด”

“กลับแล้วครับ เจอกันพรุ่งนี้น่ะครับ” ผมพูดก่อนจะเดินออก

“มาขอฝึกงานก็เพราะว่าอย่างนี้แหละ คุณปลัดหล่ออ่ะพี่อ้อม” จังหวะที่ผมกำลังเปิดประตุออกไปพอดี ผมเหลือบมองเวลา ภีมคงจะไปรับเอิร์ธแล้ว ผมก็ขับตรงไปหาที่คอนโดทันทีและก็จริงซะด้วย เพราะว่าผมขับตามหลังรถฟอร์จูนเนอร์ผมเอง หมอภีมใช้ขับไปรับเอิร์ธ ส่วนผมนะขับรถเก๋งคันหรูของหมอภีมเขา ผมขับตามเขามาติดๆ จนเข้าไปจอดที่ในที่สำหรับคนที่พักในคอนโด

“พ่อต้น” เอิร์ธเรียกผมทันทีที่ผมมาจอดด้านข้างๆ และหมอภีมก็กำลังพาลูกชายของผมลงมาจากรถ เขาตรงมากอดผม

“เหนื่อยไหมครับ” หมอภีมเดินมาถามผม

“ไม่ครับ ว่าแต่คุณหมอเถอะเหนื่อยหรือเปล่า “ผมถาม

“ถ้าคุณเหนื่อยไปวันอื่นก็ได้นะ” ผมบอกหมอภีมเรื่องที่จะพาเอิร์ธไปว่ายน้ำ

“ไม่ได้ครับต้น พ่อภีมบอกน้องเอิร์ธแล้วนิว่าเราจะไปว่ายน้ำกัน ก็ต้องไปซิครับ” หมอภีมปภพบอกผม ขณะที่ผมกำลังเดินเข้าไปในคอนโด ผมเห็น อธิคม เขาเป็นผู้ช่วยนายทะเบียนอำเภอ ขับรถมาจอดส่งใครสักคน และคนที่เดินลงมาจากรถก็คือครูแป้งนั้นเอง

“สวัสดีครับพี่ต้น”

“สวัสดีครับ คุณอธิคม”

“พอดีผมเห็นรถมอเตอร์ไซค์ครูแป้งจอดเสียอยู่ข้างทางนะครับผมเลยอาสาขับมาส่ง”

“ครับ “ผมพยักหน้ารับทราบครูแป้งหันมายิ้มให้ผมกับหมอภีม ผมดีใจนะ ถ้าครูแป้งจะเจอคนดีดีสักคนดูแล

“ถ้าอย่างนั้น คุณเข้าไปทานน้ำก่อนนะคะ” ครูแป้งเอ่ยปากชวนอธิคมให้เข้าไปดื่มน้ำ ผมเองก็เดินแยกขึ้นห้องก่อนจะได้เตรียมตัวไปว่ายน้ำกัน ผมเดินจูงมือเอิร์ธเข้ามาพร้อมกันมันเป็นภาพพ่อ พ่อ ลูกที่ดูอบอุ่นอย่างที่ผมกับหมอภีมตั้งใจจนกระทั่ง

“หมอดาวิกา” หมอภีมเป็นคนเห็นเธอก่อน เธอยืนอยู่ ผมก็ดึงเอิร์ธเข้ามมาหาผมทันที

“น้องดา มาทำอะไรที่นี่ครับ” หมอภีมปภพถามผู้หญิงที่ยืนกอดอกอยู่ เธอหันมามองผมและหมอภีมและเอิร์ธอีกคนแต่ผมกอดเอิร์ธเอาไว้

“น้องดาขอโทษนะคะ พี่ภีม ต้น” ผมกับหมอดานะรุ่นเดียวกัน ผมอ่อนเดือนกว่าหมอภีม

“คือดาแค่จะแวะมาเยี่ยมนะคะ พี่ภีม ต้นด้วย ดาขอโทษทุกสิ่งที่ดาทำ ดาเข้าใจแล้วว่าที่ดาทำนะมันไม่ถูกต้องนะคะ และที่ดามาวันนี้อยากจะมาเห็นว่าพี่หมอภีมกับต้นมีความสุขกันจริง ๆ นะคะ” หมอดาวิกาพูดผมหันมามองหมอภีม

“ดาคิดอย่างนั้นจริง ๆ นะครับ” ผมหมอภีมปภพถามหมอดาวิกา หมอดาวิกาก้มลงมองเอิร์ธ

“นี่ลูกของต้นจริง ๆ เหรอ เขาหล่อมากเลยนะ แต่ก็ยังมีเค้าแม่นิดหน่อยตอนแรกดาคิดว่าเหมือนต้นทุกอย่างเลย” หมอดาพูดเขาเอียงคอมองเอิร์ธที่ยืนแอบอยู่กับผม

“อ้าว ไหนหมอดาว่าเจอลูกของต้นแล้วไงคะ”

“ยังนี่ค่ะ”

“หมอดาเคยบอกว่าลูกต้นหน้าเหมือนต้นนี่ครับ”

“ดาก็เดาเอาค่ะ พ่อลูกต้องเหมือนกันอยู่แล้ว นี่ค่ะ” หมอดาพูดก่อนะหันมาส่งยิ้มหวานๆ ให้ผม ผมก็ขมวดคิ้ว ตกลงเธอไม่ใช่นางร้ายแล้วใช่ไหม

“ที่ดาแวะมานี้ดาว่าจะมาหาที่พักนะคะ น้องดาได้มาเป็นหมอแผนกสูตินารีทีนี้ ค่ะ แต่ว่าห้องพักแพทย์ มันไม่ส่วนตัวนะคะ ดาต้องการความสงบค่ะ ดาต้องเรียนปริญญาโทด้วยค่ะ “หมอดาวิกาพูด

“คือว่าพี่” หมอภีมปภพ ทำท่าจะพูดปฏิเสธ เขาหันมามองหน้าผม คงอยากให้ผมเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้

“ดาไม่ได้จะมารบกวนพี่หมอภีมกับต้นหรอกค่ะ เพราะว่าดาเข้าใจค่ะว่าสิ่งที่ดาทำน่ะ มันทำลายความเชื่อใจของพี่หมอภีมกับต้นไปแล้ว”

“แต่ที่ดามานี่ก็เพราะว่า ดาอยากจะมาเห็นว่าพี่หมอภีมกับต้นนะกลับมารักกันดีแล้ว แค่นี่แหละค่ะที่ดาตั้งใจเอาไว้ค่ะ” หมอดาวิกาพูด

“ดามาเพื่อต้องการเห็นว่าพี่หมอภีม อยู่กับคนที่หมอรัก แค่นี้ดาก็หมดห่วงแล้วค่ะ ดากลับก่อนนะคะ ดาว่าจะลองขับรถไปดูแถวโรงพยาบาลอีกทีนะคะ เพื่อว่า” หมอดาวิกาพูด ผมหันมามองหมอภีมที่ยืนนิ่งไม่พูดอะไร ส่วนเอิร์ธที่ยังไม่เข้าใจก็เงยหน้ามองผมกับหมอภีมสลับกันไปมา

“หมอดาครับ” ผมกลับเป็นฝ่ายเรียกหมอดาเอาไว้ซะเอง ทั้งที่หมอภีมก็พยายามส่ายหัวกับผมและเขาก็ดึงเอิร์ธไปกอด พอหมอดาหันมา แววตาคู่นั้นมันดูอ่อนลงแตกต่างจากที่เคยเห็นมา มันก็ทำให้ผมอดใจอ่อนให้เธอไม่ได้ หมอภีมยังคงสั่นศีรษะ แต่ผมกลับคิดอีกอย่างหนึ่ง

“หมอภีมเขามีห้องพักที่คอนโดนี้ ถ้าคุณหมอดาไม่รังเกียจพักที่นี่ก็ได้นะครับ” ผมเป็นฝ่ายถามหมอดา เธอหันมามองหมอภีมปภพ

“ห้องเดียวกับหมอภีมเลยเหรอคะ “หมอดาวิกาถามผม

“เปล่าหรอกครับ เพราะว่าหมอภีมปภพเขาย้ายไปอยู่ห้องเดียวกับผมและเอิร์ธแล้วนะครับ” ผมพูดบอกหมอดาวิกา ผมมองหน้าเขายิ้มๆ ผมแค่อยากจะลองดูอาการของเขาว่าเขาจะทำยังไงถ้าได้ยินเช่นนี้แล้ว

“ก็แฟนกันนี่ค่ะต้น อยู่ห้องเดียวกันก็ไม่เห็นแปลก แต่ว่าทำไมพี่หมอมีห้องพักต่างหากด้วยละคะ” หมอดาวิกาพูด ก่อนจะหันไปถามหมอภีมปภพ

“เพื่อว่าหมอภีมทำให้ผมงอนขึ้นมาเขาจะได้ไม่ต้องนอนนอกห้องไงครับ “ผมพูดพร้อมกับหันไปเหล่มองหมอภีมเป็นนัยๆ ว่าผมกำลังสื่ออะไรให้เขาคิดอยู่

“ผมคิดว่าคุณหมอดาจะอยู่ก็ได้นะครับ เพราะว่าห้องนี้ไม่มีใครอยู่แล้วตอนนี้ “ผมพูดหมอภีมก็พยักหน้าเบาๆ

“พี่หมอภีมอนุญาตให้ดาอยู่ได้แน่นะคะ”

“อยู่ใกล้ๆ กันเพื่อว่าพี่หมอภีมกับต้นอยากจะให้ดาช่วยเลี้ยงน้องเอิร์ธก็ได้นะคะ “หมอดาพูด

“คุณหมอดาทราบได้อย่างไรครับว่าลูกผมชื่อเอิร์ธ” ผมหันไปถามเธอ เธอมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยก่อน ก่อนจะ

“ดาเห็นที่กระเป๋านะคะเขาเขียนชื่อเด็กไว้อยู่นะคะ “ผมเหลือบมองไปอืมแต่มันก็เล็กอยู่น่ะ แต่ผมก็ไม่ได้จะจับผิดอะไร

“ถ้าอย่างนั้นน้องดาอยู่ห้องพี่ได้เลยนะคะ พี่ขนของพี่ไปไว้ที่ห้องของต้นเขาหมดแล้วน่ะครับ “หมอภีมปภพพูด

“แต่ห้องพี่นะเฟอร์นิเจอร์ครบอยู่แล้วน้องดาแค่ขนกระเป๋าเขาไปอยู่ได้เลยครับ” หมอภีมพูดพร้อมกับส่งคีย์การ์ดห้องพักของเขาให้หมอดาวิกาไป และทำท่าจะหันหลังเดินออก

“ต้นไปเถอะครับ จะได้พาเอิร์ธไปว่ายน้ำกัน” หมอภีมปภพพูดโดยไม่ได้หันหลังมามอง

“ไปไหนกันเหรอคะ” หมอดาวิกาถามผม

“พอดีว่าผมจะพาเอิร์ธไปว่ายน้ำกันนะครับ” ผมหันมาบอกหมอดาวิกา

“ดีจังค่ะ พอดาเป็นหมอก็ไม่มีเวลาไปว่ายน้ำเลยค่ะ ไม่รู้ว่าจะว่ายเป็นอยู่หรือเปล่า” หมอดาพูดก่อนจะหันหลังเดินออก

“เที่ยวให้สนุกนะคะ” หมอดาพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย

“คุณดา ไปด้วยกันไหมครับ” ผมถามหมอดา หมอภีมปภพชะงักเท้าก่อนจะหันมามองผม

“ไปด้วยกันก็ได้นะครับ “ผมหันไปยิ้มให้

“จะดีเหรอคะ เพราะว่าหมอภีมเขาคงไม่อยากดาไปเป็นกขคหรอกมั้งค่ะ” หมอดาวิกาพูด เอิร์ธที่ดึงแขนหมอภีมปภพเอาไว้

“ถ้าดาว่างจะไปด้วยกันก็ได้นะครับ พี่กับต้นและเอิร์ธจะไปเตรียมตัว และห้องพักของพี่ก็อยู่ติดกับต้นเขาเลย เสร็จแล้วพี่กับต้นจะไปเคาะประตูเรียกครับ” หมอภีมปภพพูดและคราวนี้ออกเดินไปกับเอิร์ธจริง ผมหันมาพยักหน้า

“หมับ” หมอดาเข้ามาจับแขนผม

“ดาขอบคุณนะคะต้น ที่ให้โอกาสดาอีกครั้ง ดาขอโทษนะคะ ทุกสิ่งที่ดาทำกับต้นและครอบครัวต้น” หมอดาวิกาพูด ผมได้ก็เอื้อมมือไปแตะที่มือเธอเบาๆ ว่าผมพร้อมจะให้อภัย

“เราเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหมคะต้น” หมอดาพูด ผมพยักหน้าว่าได้

“เดี๋ยวเจอเรากันนะครับ “ผมพูดก่อนจะก้าวเท้าเดินตามหมอภีมปภพเข้าไป เขารีบเดินพอสมควร ผมก็รีบจั้มเท้าตามเช่นกันจนกระทั่ง

“หมอภีม” ผมเรียกชื่อเขาและจังหวะนั้นเราสามคนกำลังยืนรอลิฟต์ขึ้นไปพอดี

“มีอะไรหรือเปล่าภีม “ผมถามหมอภีมพร้อมขมวดคิ้วมองหน้าเขา สีหน้าที่ดูกังวล

“คุณยังโกรธหมอดาอีกหรือภีม” ผมถามหมอภีม

“ผมไม่ได้โกรธเขาแล้วนะต้น แต่ผมแค่กลัวเขา ผมมีความสุขมากอยู่แล้ว ผมไม่อยากเสียมันไปอีกนะต้น ผมก็เลย ไม่ค่อยไว้ใจเธอ” หมอภีมปภพพูด ผมพยักหน้า

“ให้อภัยอีกสักครั้ง แต่ถ้ารอบนี้เธอทำอีก ผมเองก็คงไม่มีวันให้อภัยเธอเช่นกัน “ผมบอกหมอภีม เขาหันมาเหล่สายตามองผมพร้อมกับคลี่ยิ้มบาง ๆ ผมก็เอามือแต่ที่หัวเอิร์ธเบาๆ

“คุณน้าคนนั้น เขาไม่ดีเหรอพ่อต้นพ่อภีม” น้องเอิร์ธที่เงียบอยู่ตั้งนานเอ่ยถามผมกับหมอภีม

“ไม่น่ะครับ ทำไมน้องเอิร์ธคิดแบบนั้นละครับ และมันก็ไม่น่ารักนะครับ ถ้าเรายังไม่รู้จักเขาดีพอ” ผมย่อตัวลงบอกเอิร์ธ

“ดังนั้นเราจึงไม่ควรตัดสินใจว่าเขาดีหรือไม่ดีก่อน รู้ไหมครับเอิร์ธ” ผมก้มลงบอกเอิร์ธ

“ลิฟต์มาแล้วครับ คุณแม่คุณลูก ถ้าไปเตรียมช้าคนเยอะไม่รู้ด้วยนะ “หมอภีมพูดแถมยังบอกว่าผมเป็นแม่อีกนะ ผมชี้หน้า ดีที่อยู่ต่อหน้าลูกน่ะไม่อยากนั้นโดนผมหยิกไปแล้ว ส่วนเอิร์ธก็หัวเราะผมสองคน

TBC.......
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)หมอดาวิกามาขอโทษ P1และP2
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 30-12-2020 21:36:34
   รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)หมอดาวิกามาขอโทษ P2

          ภีมปภพ ผมกับต้นขับรถพาเอิรธไปว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำที่สโมสรกัน โดยมีหมอดาวิกาขอไปด้วย ผมเองก็ไม่ทราบมาก่อนว่าหมอดาวิกาจะมาเป็นหมอที่นี้ จนพ่อผมโทรมาบอกเธอต้องการประสบการณ์เพิ่มและโรงพยาบาลของพ่อผมที่กรุงเทพพ่อเธอก็ประกาศไม่ให้หมอดาวิกาขึ้นเวร พ่อเลยแนะนำให้มาที่นี้แทน โรงพยาบาลนี้ไม่ใช่ของพ่อผมทั้งหมดดังนั้นพ่อเธอก็จะไม่ทราบ และหมอดาวิกาเธอก็บอกกับพ่อผมแล้วว่าเธอตัดใจจากผมได้แล้ว

“ต้น พาเอิรฑไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ” ผมพูด

“พ่อภีมเอิร์ธเล่นตรงโน้นได้หรือเปล่าครับ” เอิร์ธถามผม ผมก็หันไปมองตามที่เอิร์ธชี้นิ้วไป สระน้ำสำหรับเด็กนั้นเองไม่ลึก เอิร์ธเดินได้แต่ต้องอยู่ในสายตาผู้ใหญ่

“ให้ อาหมอดาพาไปไหมคะ เพราะว่าพ่อต้นกับอาหมอภีม”

“พ่อภีมครับ พ่อต้นให้เอิร์ธเรียกพ่อภีมครับ”

“เออ “หมอดาวิกาเงยหน้าขึ้นมองผมและต้น


“โอเคค่ะ พ่อภีมเนอะ พ่อเขาจะได้สวีทกันนะครับอาหมอมาคนเดียวไม่มีคู่” หมอดาวิกาพูด ผมหันไปมองต้น


“ก็ดีนะต้น เราไปนั่งตรงสปานั้นด้วยกัน “ผมหันไปบอกต้น


“ไปเถอะค่ะต้น ดาดูน้องเอิร์ธให้ค่ะ “ผมอาดาพูดเธอ หมอดาเขาแวะเปลี่ยนชุดมาก่อนะแล้วแค่ถอดเสื้อคลุมออกแค่นั้น


“ครับคุณดา ผมฝากด้วยนะครับ”

“และเอิร์ธก็ต้องเชื่อฟังอาหมอดาน่ะครับ” ต้นก้มลงเอามือลูบหัวเอิร์ธ ก้อนที่ผมกันต้นจะเดินออกไปเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำกัน ในห้องน้ำชายใกล้ๆ

“ตกลงเธอ” ต้นหันมาถามผมขณะที่ผมกำลังเก็บทุกอย่างเข้าล๊อกเกอร์ของสระว่ายน้ำ และผมก็เข้าใจความหมายของมันดีที่ต้นถามผม

“ต้น ผมเชื่อว่าหมอดาวิกาเขาน่าจะยอมรับเรื่องเรา” ผมหันไปบอกต้น แอบมองต้นตระการที่สวมกางเกงว่ายน้ำแบบเต็มตัว ต้นกำลังถอดเสื้อยืดออก หุ่นต้นดีมากแม้จะไม่มีซิกแพคเหมือนผมก็ตาม


“มองอะไรผมขนาดนั้นหมอภีม” ต้นตระการถามผม


“ไมอยากไปนั่งในอ่างสปาแล้ว อยากไปซาวน์น่า แต่ขอส่วนตัวแบบแค่ผมกับคุณนะต้น” ผมพูด


“หมอหื่น” ต้นตะการโยนผ้าขนหนูปาใส่ผม


“แต่จะว่าไป ก็ดีน่ะถ้าหมอถาเขามาช่วยเราดูเอิร์ธ เราสองคนจะได้มีเวลาสวีทกันมากขึ้นหน่อย แต่ผมไม่ได้หมายความว่าตอนมีเอิร์ธผมไม่ได้สวัทกับคุณน่ะ” ผมบอกค้น แบะพากันเดินไปมี่สระน้ำวนสปา ผมเห็นเอิร์ธเล่นอยู่กับหมอดาวิกา สนุกสนาน

“แต่ผมก็อดแปลกใจอยู่อย่างหนึ่งนะภีม” ต้นเดินลงนั่งข้างๆ ผม ยกแขนขึ้นพาดที่ขอบสระ

“ทำไมเหรอครับต้น?”

“คือปกติ เอิร์ธไม่เข้าหาผู้หญิงแปลกหน้าเลยนะภีม ถ้าเขาไม่รู้จักมาก่อนเขาจะไม่กล้าเข้าใกล้เลย “ต้นตระการพูด ผมหันไปมองดูเอิร์ธเขาเข้ากับหมอดาวิกาได้ดีทีเดียว


“ต้น” ผมเรียกต้นตระการ


“ผมอยากมีลูกอีกคน คุณคิดว่ายังไง ถ้าคุณไม่เห็นด้วยผมก็จะไม่แต่ผมอยากให้เอิร์ธเขามีพี่น้อง ตั้งแต่ผมเห็นพี่น้องคุณรักกันมากแล้วผมเสียดายถ้าจะมีแค่เขาคนเดียว” ผมพูด ต้นหันมามองหน้าผมและหันไปมองหมอดาวิกา


“อย่าคิดแบบนั้น ผมจะติดต่อคนที่เขาบริจากไข่ และถ้าอยากให้เป็นลูกของคุณ จริงๆ นะ “ผมพูดกับต้น ต้นเขาก็ยิ้มให้ผม


“ตามใจคุณซิภีม” ต้นพูด


“อันที่จริงผมเองก็แอบคิดเหมือนคุณนะ แต่ผมคงทำกับเกศรินทร์ไม่ได้ ผมเลยเลิกล้มความคิดนั้นไป”


“ก็ทำกับผมได้นิ” ผมพูดแต่ไม่ดังแค่พอได้ยินกันสองคน


“ไปหาลูกเถอะ อยากว่ายน้ำเล่นกับลูกบ้าง” ต้นตระการพูดก่อนจะลุกขึ้น ผมก็ลุกตาม ผมเห็นหมอดาวิกากำลังยืนจูงมือต้องเอิร์ธอยู่


“เขาอยากลงไปว่ายในสระนี้บ้างนะคะ” หมอดาวิกาพูด


“ไปว่ายน้ำกับพ่อภีมก่อนนะเออิร์ธ “ต้นตระการพูด ผมหันไปมองว่ามีอะไรหรือเปล่า ต้นเขาก็ ชี้ให้ผมดูเขาว่าจะเอานาฬิกาข้อมือไปเก็บก่อน ผมพยักหน้าก่อนจะลงไปในสระว่ายย้ำ


“มาเร็วเอิร์ธพ่อรับ” ผมเรียกเอิร์ธให้กระโดดลงมาหาผม หมอดาวิกาเธอนั่งอยู่ริมขอบสระ หมอดาวิกาเธอสวมชุดว่ายน้ำที่ค่อนข้างโป้วันนี้ เป็นชุดว่ายน้ำวันพีชเว้าตรงเอว หมอดาวิกาเป็นคนตัวเล็กผิวขาวมาก หนุ่มๆ ที่มาว่ายน้ำหันมามองกัน


“โดดลงไปหาพ่อซิค่ะ” น้องหมอดาวิกาหันไปบอกเอิร์ธ


“มีสามีแล้วว่ะ” ผมได้ยินหนุ่มข้างๆ เขากระซิบกัน


“พ่อ!!” น้องเอิร์ธ กระโดดมาหาผม ผมก็กางแขนรับ พอผมรับตัวเอิร์ธได้เขาก็กอดคอผมแน่นเลย เอิร์ธยังไม่ค่อยมั่นใจตัวเองเท่าไหร่


“เราหัดลอยตัวกันต่อนะ วันก่อนเอิร์ธทำได้ดีแล้วนะครับ” ผมพูดบอกเอิร์ธ และหมอดาวิกาก็นั่งมองผมกับเอิร์ธ ผมหัดให้เขาลอยตัวและหัดให้เขาเริ่มดำน้ำแต่ผมยังอุ้มเขาไว้อยู่ ดำไม่นานแต่พลุบลงไปและรีบโผ่ขึ้นมา


“อุ๊ย” มีคนสาดน้ำใส่ผมสองคน คนนั้นคือหมอดาวิกา


“คิก คิก คิก” น้องเอิร์ธหัวเราะร่วน ก่อนจะหันไปสาดน้ำกลับไปหาหมอดาวิกา เขาสองคนสาดน้ำใส่กันสนุกสนาน


“พ่อภีมช่วยน้องเอิร์ธด้วยซิครับ” น้องเอิร์ธร้องขอความช่วยเหลือ


“น่ารักเนอะพ่อแม่คู่นี้ พ่อแม่น่าตาดีอ่ะ ลูกก็ยิ่งหน้าดีเข้าไปใหญ่ อิจฉาอ่ะ “มีผู้หญิงสองสามคนยืนนั่งดูพวกผมอยู่ หมอดาวิกาหันไปยิ้มให้


“ลูกชายเหรอคะ”


“ค่ะ ลูกค่ะ ลูกชายค่ะ” อันนี้ผมหันไปมองทำไมหมอดาถึงได้บอกเขาไปแบบนั้น


“พ่อก็หล่อ หุ่นดีด้วย ลูกก็หล่ออีก โชคดีจังเลย”


“เอิร์ธ เรียกพี่ต้นลงมาว่ายน้ำกันเร็ว พ่อภีมคิดถึง” ผมกระซิบกับน้องเอิร์ธ จังหวะนั้นต้นเดินมาพอดี


“พ่อต้น!! พ่อภีมบอกว่าลงมาว่ายน้ำ ได้แล้ว พ่อภีมคิดถึง” เสียงตระโกนของเด็กน้อยทำให้สามสาวที่นั่งคุยกับหมอดาหันไปมองต้นและหันมามองผมที่อุ้มน้องเอิร์ธ ต้นเดินมาก็ลงมาที่สระว่ายน้ำ ผมรู้ว่านี้มันคือการฉีกหน้าหมอดาแรงไปหมด แต่เธอควรจะขอความจริงว่าเอิร์ธไม่ใช่ลูกเธอ


“ไม่ใช่ผัวนางนี้หว่า” และสามสามที่นั่งอยู่ก็พากันลุกไปหมด เหลือไว้แค่หมอดาวิกา ต้นลงมาหาผม


“คุณ ให้ลูกตระโกนแบบนั้นได้ไง ผมอายเขา”


“ทำไมละ ก็ผมคิดถึงอ่ะ หายไปไหนนาน”


“พอดีมีข้อความเข้าในมือถือผมเกียวกับงานนะ พรุ่งนี้ผมต้องไปแต่เช้าเลย คุณไปส่งลูกนะภีม”


“ครับคุณแม่” ผมตอบ


“บอกว่าผมไม่ใช่คุณแม่”


“คุณกล้าสาดผมเหรอคุณผมเอาลูกบังนะต้น” ผมพูดและยกตัวเอิร์ธบังเพราะว่าต้นทำท่าจะสาดน้ำใส่ผม ผมเล่นน้ำกันได้สักพักก็คิดว่าจะขึ้นแต่ว่าผมไม่เห็นหมอดาวิกาแล้วไม่รู้ว่าเธอขึ้นไปตอนไหน


“ขึ้นกันเถอะหมอภีมเดี๋ยวเอิร์ธจะไม่สบายเอานะภีม” ต้นตระการบอกผม ผมพยักหน้า ผมหันไปเจอสามสาวเมื่อสักครูอีกแล้ว


“ฉันว่าอันนี้ดูแล้วใช่แหละ แต่ผู้หญิงคนนั้นนะไม่รู้อ่ะ นางคงมโนเองนะ” ผมได้ยิน ผมหันไปยิ้มตอบให้ เขาก็คงรู้ว่าผมได้ยิน


“ลูกชายน่ารักนะคะ พ่อก็หล่อทั้งคู่ “เขารีบเอ่ยปากชมผมสองคน


“นี่คุณปลัดนี่ ฉันจำได้อ่ะ ไม่น่ะ คุณปลัดที่ฉันแอบมอง” ผมหันไปมองต้น เรทติ้งคุณตกแล้วต้น เขาหันมายิ้มให้สามสาว ก่อนจะพากันขึ้นจากขอบสระไป


“เสียใจด้วยนะครับคุณปลัด ที่ผมทำให้สาวๆ แอบชอบคุณอกหักกันเป็นแถว” ผมกระซิบขณะทีอุ้มเอิร์ธเดินขึ้นไป จะไปห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย แต่ว่าผมก็หันไปมองหาหมอดาวิกาไม่เจอ ไม่รู้ว่าเขาอยู่ เดี๋ยวค่อยโทรหาจะดีกว่า จังหวะนั้นผมก็เปิดล๊อกเกอร์ดู เห็นมือถือผมมีข้อความเข้า


// พี่หมอภีมค่ะ ดาขอตัวกลับก่อนนะคะ พอดีดาปวดหัวนิดหน่อยนะคะ และที่ดาไม่ได้บอกเพราะว่าไม่อยากเข้าไปขัดขวางความสุขของพี่หมอกับต้นเขาและเอิร์ธ พรุ่งนี้ดามีขึ้นเวรตอนเช้านะคะ เจอกันที่โรงพยาบาลนะคะ พี่หมอ // หมอดาวิกาส่งข้อความหาผม ต้นหันมามองผม


“มีอะไรเหรอภีม”


“หมอดาเขากลับไปก่อนนะ เขาบอกว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายนะต้น “ผมพูดและหันไปมองเอิร์ธ เขายืนรอผมอยู่แล้ว จะได้เข้าไปอาบน้ำลางตัวกันสองคนส่วนต้นนะเขาแยกกัน ไม่กล้าอาบพร้อมกันสามคน เกรงใจบรรดาหนุ่มที่มาใช้ห้องน้ำที่นี้


“วันนี้เราทานอะไรกันดีน่ะ”


“เย็นมากแล้วหาซื้ออะไรไปทานกันดีกว่านะภีม”


“ฮัลเช้ย!” เอิร์ธสงสัยเล่นน้ำนานไปหน่อย


“ถ้าอย่างนั้นผมโทรสั่งอาหารร้านครูแป้งดีกว่าครับ เรานั่งทานด้านล้างด้วยกันเลยดีไหมครับต้น” ผมหันไปถามต้น ต้นพยักหน้า ก่อนจะยกมือถือขึ้นมากดโทรสั่งอาหาร ผมหันมาอุ้มเอิร์ธขึ้นรถ ก่อนจะขึ้นไปทำหน้าที่คนขับรถ
“นี่ผมทำหน้าที่หลายอย่างเลยนะ เป็นคนขับรถ ไปเป็นหมอรักษาคนไข้ เป็นคุณพ่อเลี้ยงลูก และยังเป็นพ่อครัวหัวป่าแม้จะไม่ทุกวัน แถมตกใจยังทำนหน้าที่…..”


“สามี… .ให้คุณปลัดอีกต่างหาก”


“เบื่อหรือยังละครับคุณหมอสารพัดประโยชน์”


“ไม่มีแน่นอนที่จะเบื่อ ชีวิตผมสมบูรณ์แบบแล้วต้น” ผมพูดก่อนจะหันไปกุมมือต้นตระการและมองเอิร์ธที่นั่งดูการ์ตูนโปรดของขณะที่เราขับรถกลับ


“อ้อผมว่าผมเหลืออีกอย่างนะต้น”


“ที่จริงผมอยากจะขอคุณแต่งงาน”


“ถ้าเราไม่แต่งงานแต่เราอยู่กับแบบนี้ได้ไหมภีม ผมไม่รู้ว่าลูกจะเข้าใจไหมถ้าเราสองคนจะทำแบบนั้น” ต้นพูด


“ถ้าอย่างนั้นเราไปจดทะเบียนคู่ชีวิตกันไหม เพราะผมอยากให้คุณได้สิทธิต่างๆ “ผมพูดต้นหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้ากังวล


“ทำไมละต้น” ผมถามต้นกลับ


“ผมบอกคุณแล้วไงหมอภีมอย่าพูดแบบนี้ผมใจ..ไม่ดี”


“ไม่เอาน่ะต้น ผมแค่อยากทำในสิ่งที่ถูกต้อง คุณก็คือคู่ชีวิตของผม สิทธิทุกอย่างคุณก็ควรจะได้ นะครับ “ผมพูด ต้นหันมามองหน้าผม พ่อนจะพยักหน้าเบาๆ


“ผมอุปการะเอิร์ธในฐานนะลูกของผมไม่ได้ แต่ผมยกทุกอย่างให้คุณได้ ต้น” ผมพูดเบาๆ และหันไปมองเอิร์ธ ผมรักเขาจริงๆ


*******
Part ต้นตระการ ผมกับหมอภีมขับรถมาถึงคอนโด ผมโทรสั่งอาหารที่ร้านของแม่ครูแป้งเอาไว้แล้ว ตอนนี้ก็เกือบจะหนึ่งทุ่มแล้วด้วย จะทำทานเองก็คงจะดึกเกินไป และดูท่าเอิร์ธจะล่วงนอนแล้วด้วย


“เอิร์ธครับ เราทานอาหารทีร้านครูแป้งก่อนนะครับ และเอิร์ธจะได้เตรียมตัวขึ้นนอน ดูท่าเราจะง่วงเร็วแน่ๆ วันนี้น่ะ” ผมพูดบอกเอิร์ธ




“พ่อต้น พ่อภีม นั้นอาหมอดา” น้องเอิร์ธชี้ไปที่ผู้หญิงที่ยืนกอดอกเหมือนมองหาใครสักคนอยู่ ดูเหมือนท่าจะจะออกไปข้างนอก

“หมอดาจะไปไหนเหรอครับ” ภีมเป็นคนเอ่นถาม


“ดาว่าจะไปหาอะไรทานนะคะ แต่รุู้สึกไม่ค่อยดีเลย ว่าจะกลับขึ้นห้องดีกว่า” หมอดาพูด

“ผมสังอาหารที่ห้องอาหารตรงนี้เอาไว้ ไปทานด้วยกันไหมครับหมอดา” ผมถามหมอดาวิกา เธอหันมามองผมและหมอภีมปภพ

“อาหมอดาไปทานด้วยกันนะครับ ครูแป้งทำอาหารอร่อยมากครับ” น้องเอิร์ธพูด

“น่ารักจังแล้วน้องเอิร์ธจะไม่ว่าอาหมอดานะครับถ้าอาหมอดาไปแย้ง...ของเอิร์ธทานนะคะ”

“ไม่ครับ พ่อต้นเคยบอกว่าเราต้องแบ่งปั่นให้คนอื่นบ้าง เราถึงจะเป็นคนดีครับ”

“น่ารักจังเลยค่ะ ที่จริงอาหมอก็เคยแบ่งน่ะ ถ้าอย่างนั้นอาหมอก็เป็นคนดีนะซิค่ะ”

“ใช่ครับอาหมอดา”

“พี่ว่าเข้าไปทานกันเถอะครับ เพราะว่าน้องเอิร์ธเขาง่วงแล้วนะครับ” หมอภีมปภพพูด ผมก็ยังคงขมวดคิ้วเป็นปม กับสิ่งที่หมอดาพยายามสื่ออยู่ หมอดามองหน้าผมแยะยิ้มส่งมาให้ เธอเดินไปจูงมือเอิร์ธอีกครั้งพร้อมกับหมอภีมปภพ ผมเองก็พยายามจะไม่คิดอะไร เพรราะยังไงเอิร์ธก็ลูกชายผมแท้ๆ

“คุณหมอภีม น้องเอิ์ธ แล้วไหนพ่อต้นละลูก” ครูแป้ง ผมเข้ามาพอดี ครูแป้งเงยหน้ามามองผมด้วยสายตาแปลกๆ คงเพราะว่าหมอดาเขาจูงเอิร์ธเหมือนกับว่าเขากับหมอภีมนะเป็นอะไรกันอยู่

“มีอะไรเหรอคะ” หมอดาวิกาหันไปถามครูแป้ง

“ไม่มีค่ะ คุณต้น แป้งจัดโต๊ะไว้รอแล้วนะคะ”

“ดูสนิทกันดีนะคะ แอบชอบคุณต้นหรือเปล่าคะ”

“คุณต้นเขามีแฟนแล้วนี้ค่ะ ใช่ไหมคะ คุณหมอภีม” ครูแป้งถาม

“ไม่ได้เลยครับคุณแป้งคนนี้แฟนผม ผมหวง” หมอภีมหันมาชี้ที่ผม

“ทราบค่ะว่าหวง หึๆ”

“ปึก” หมอดาวิกาปล่อยมือลูกผมทันทีเช่นกัน

“ถ้าอย่างนั้นเราไปหาที่นั่งกันดีกว่านะครับ น้องเอิร์ธ” หมอภีมปภพพูด ผมเดินแทรกหมอดาเข้าไปและไปจูงน้องเอิร์ธอีกมือหนึ่ง หมอภีมเขาเห็นว่าเป็นผมเข้ามาเขาเลยยกแขนเอิร์ธขึ้นและผมก็ยกเอิร์ธเขากระโดดตัวลอย

“คิก คิก คิก “เอิร์ธเขาหัวเราะชอบใจใหญ่เลย

“แม้อิจฉาค่ะพ่อลูกคู่นี้ เขาน่ารักกันตลอด ตอนแรกคนก็มองแปลกๆ แต่หลังๆ มีแต่คนบอกน่ารักค่ะ เขาพากันถามแป้งนะคะว่ามีแฟนเพจไหมอยากเข้าไปกดติดตามนะคะ” ครูแป้งพูดแต่เหมือนจะพูดกับหมอดาวิกา หมอดาวิกาเธอยืนมองผมกับหมอภีมนิ่งสักครู


“มีแบบนี้ด้วยเหรอค่ะ ที่อยากติดตามชีวิตคู่รักชายรักชายแบบนี้นะคะ คือดาไม่ค่อยได้เจอ”


“ก็มีซิค่ะ ยุคนี้สมัยนี้คนเข้าใจเยอะแยะไปค่ะ เหลือแต่พวกโลกแคบเท่านั้นแหละที่อาจจะ ยอมรับความสุขของเขาไม่ได้ หรืออิจฉาประมาณนี้นะคะ “ครูแป้งพูดก่อนจะเดินออกไปเธอหันมายิ้มให้ผม

“เชิญนั่งครับหมอดา” ผมพูด

“เออ ดาไม่นั่งทานด้วยดีกว่าค่ะ พอดีดาลืมไปว่าดามีคลาสเรียนออนไลน์ค่ะ ขอตัวนะคะ” หมอดาวิกาจู่ๆ เธอก็ขอตัวไม่ทานด้วยและเดินออกไปในทันที หมอภีมปภพก็แค่ยักไหล่และนั่งลง ตักนั้นตักนี้ให้เอิร์ธ ผมก็นั่งลงเช่นกัน ผมเห็นพ่อลูกเขาทานกันจนเสร็จผมก็ด้วยเช่นกัน

“ต้นผมพาเอิร์ธไปดูไอศรีมนะ”

“ภีมอย่าให้ทานเยอะซิ”

“เขาอยากทานเขาขอผมต้นและผมจะแย่งเขาทานเอง รับรองไม่ให้ทานเยอะแน่นอน” หมอภีมปภพพูด ก่อนจะเดินออกไป กับเอิร์ธไปที่ตู้ไอศครีม


“ต้นค่ะ ผุู้หญิงคนนั้นใครเหรอคะ” ครูแป้งเดินมาสะกิดถามผม

“เขาเป็นหมอและเป็น เออ”

“แฟนหมอภีมปภพมาก่อนหรือเปล่าคะ”

“ครับเคยเป็นคู่หมั้นแต่เขาถอนหมั้นกันแล้วครับ ตอนนี้คือเพื่อนกันครับ”

“นี้เขามาทำไมละคะ ดูสายตาเวลาเขามองต้นกับเอิร์ธแป้งแอบกล้วค่ะ อย่าไว้ใจเธอเป็นอันขาดนะคะ”

“คือเขามาขอโทษในสิ่งทีเคยทำกับผมและหมอภีมนะครับ ผมว่าเขาน่าจะยอมรับผมกับหมอภีมแล้วแต่เรื่องความรู้สึกอาจจะต้องใช้เวลานะครับแป้ง”

“ไม่จริงหรอกค่ะ แป้งเองยังยอมรับได้เสียใจไหมตอบว่าใช่แต่ แป้งก็ไม่มีสายตาที่น่ากลัวเหมือนเขาแอบคิดอะไรในใจตลอดเวลาแบบนี้นี่ค่ะต้น เชื่อแป้งนะ ระวังไว้ด้วยนะคะ” ครูแป้งพูด ผมก็ยิ้ม หมอภีมปภพเดินกลับมากับเอิร์ธพอดี พร้อมกับไอศรีมถ้วยเล็กที่แย่งกันทานมาด้วยกัน

“แป้งไปก่อนนะคะ มีอะไรให้แป้งช่วยบอกได้เลยนะคะต้น เราเพื่อนกัน”

“ขอบคุณครับแป้ง “ผมพูดแค่นั้นก่อนจะลุกขึ้นและพากันขึ้นห้องเอิร์ธจะได้แปรงฟันและเตรียมตัวเข้านอน ผมคิดไปตลอดเรื่องที่ครูแป้งพูด ผมคงต้องคอยระวังเอิร์ธให้มากขึ้นจริงๆ เหรอ ใจผมก็ไม่อยากคิดร้ายกับเธอแบบน้ั้นเลย เพราะถ้าไม่ใช่อย่างที่ครูแป้งว่าผมคงเสียใจ แต่ถ้าใช่ละคนที่เสียใจก็คือผมอีกเช่นกัน
******
Happy New Yearค่ะ ขออวยพรให้ทุกคนมีแต่ความสุข สมหวังในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ..ทั้งบ้านที่อบอุ่น ครอบครัวที่น่ารัก และเพื่อนร่วมงานที่ดี สวัสดีปีใหม่ทุก ๆ ท่านค่ะ 

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)หมอดาวิกามาขอโทษ P1และP2
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 01-01-2021 14:22:05
 :pig4:
 :3123:
สวัสดีปีใหม่2564ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)หมอดาวิกามาขอโทษ P1และP2
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 05-05-2021 23:58:01
หายไปนานจังครับ


 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)ความจริงจากเกศรินทร์
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 06-05-2021 21:18:39
           
(พี่ต้นXพี่หมอภีม)ความจริงจากเกศรินทร์

            Part's หมอภีมปภพ วันนี้เป็นวันที่คนไข้เด็กค่อนข้างเยอะ และวันนี้ก็มีกิจกรรมสำหรับเด็กๆ มีมุมนิทาน มีมุมของเล่นเด็ก มีบ้านบอลมาส่งด้วย และวันนี้เอิร์ธก็ไม่ได้ไปโรงเรียน ผมเลยพาเขามาอยู่กับผมทั้งวัน ส่วนต้นบอกว่ามีประชุมด่วน เรื่องรับมือพายุฝนที่จะเข้ามายังตอนเหนือซึ่งอาจจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ผมเองก็บอกเขาไม่ร้องเป็นห่วง ผมดูแลเอิร์ธได้

“น้องเอิร์ธ เป็นไงบ้างครับ วันนี้เพื่อนเยอะเลยนะเราน่ะ “เดินมาหาเอิร์ธ เขาหันมามองหน้าผมแววตานั้นดูมีความสุข

“ครับพ่อภีม พ่อภีมเสร็จหรือยังครับ”

“ทำไมละครับ “ผมถามน้องเอิร์ธ

“เอิร์ธอยากเล่นกับพ่อภีม”

“พ่อภีมใกล้จะลงเวรแล้วครับและเราก็จะไปรับพ่อต้นด้วยกันดีไหม จะได้ไปทานอาหารเย็นด้วยกัน “ผมบอกน้องเอิร์ธ เมื่อเช้าผมขับรถไปส่งต้นเอง ผมบอกว่าจะพาต้นไปทานอาหารร้านที่เอิร์ธเขาชอบไป เพราะว่ามีเครื่องเล่น และวันนี้ผมจะขอต้นแต่งงาน ไม่จัดงานก็ได้ขอให้ผมได้ขอเขาแต่งงานก็พอ อย่างที่ผมได้เคยตั้งใจไว้ก่อนที่ต้นจะไปแต่งงานกับเกศรินทร์

“พี่ภีมค่ะ” ผมหันไปมองหมอดาวิกา อันที่จริงผมกับหมอดาก็แทบจะไม่ได้เจอกันเพราะว่าเวลาไม่ตรงกัน คนไข้ของหมอดาวิกาค่อนข้างเยอะในช่วงเช้าและหมอเขาก็ต้องรีบกลับไปเรียนปริญญาโทตอนเย็นอีก แต่ว่าวันนี้เธอไม่ได้สวมเสื้อกาวน์

“ว่าไงคะน้องหมอดา “ ผมถามเธอ

“ดาจะมาบอกพี่ว่าดาจะกลับกรุงเทพแล้วนะคะ ดาจะไม่เป็นหมอที่นี่แล้วค่ะพี่หมอภีม”

“ดาคิดว่าถึงเวลาของดาแล้วค่ะพี่ภีม” ดาวิกาพูดผมก็พยักหน้าเข้าใจได้ทันที ผมยิ้มให้หมอดาวิกา

“อืม ถ้างั้นพี่ขอให้หมอดาโชคดีนะครับ และถ้าพี่กับต้นไปกรุงเทพเรามาทานอาหารกันได้นะครับ แบบเพื่อน” ผมบอกหมอดา

“อาหมอคนสวยมาเล่นกับน้องเอิร์ธใช่อะเปล่า” น้องเอิร์ธถามหมอดาวิกา หมอดาเขาก้มลงมองเอิร์ธ ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนหวาน ผมชอบเห็นเขาเป็นแบบนี้และนี้อาจจะทำให้เขาพบรักใครสักคนที่ไม่ใช่ผม

“ปึก “เอิร์ธทำของเล่นตกลงพื้น ผมก็เลยก้มลงจะเก็บให้ และจังหวะที่ผมชักมือออกจากกระเป๋าเสื้อกาวน์ของผม กล่องแหวนที่ผมจะขอต้นแต่งงานก็กระเด็นออกมา

“หมับ” หมอดาวิกาเป็นคนหยิบส่งมาให้ผม

“แหวน พี่จะหมั้นใครเหรอคะ”

“พี่ว่าจะขอ ต้นแต่งงานวันนี้นะคะ เสียดายน้องดาไม่อยู่ จะได้เป็นพยานให้พี่กับต้นเขา” ผมบอกหมอดาวิกา เธอเงยนหน้ามองผมพร้อมรอยยิ้ม

“โค้ด ER “ผมต้องชะงักรอฟัง เพราะว่าวันนี้ผมออนคอลห้องฉุกเฉินด้วย

“คุณหมอภีมปภพค่ะ รบกวนที่แผนกฉุกเฉินด้วยค่ะ มีคนไข้ที่แพ้อาการค่อนข้างรุนแรงมากค่ะ รบกวนคุณหมอด่วนเลยค่ะ” ผมหยักหน้าและกวาดสายตามองหาอ้อม พยาบาลที่ดูแลน้องเอิร์ธให้ผมวันนี้

“มองหาใครเหรอคะพี่ภีม” หมอดาวิกาถามผมถามผม

“พี่มองหาคุณอ้อมนะครับเขาเป็นพยาบาลประจำห้องตรวจพี่และพี่ให้เขาดูเอิร์ธให้อยู่นะครับ” ผมบอกหมอดาวิกา

“ถ้าอย่างนั้นให้ดาดูให้ก่อนไหมคะ พี่ภีม” หมอดาบอกผมจะดูเอิร์ธให้ก่อน

“แล้วหมอดาไม่กลับเหรอคะ”

“ยังค่ะ เพราะว่าดาจองเที่ยวบินเอาไว้ตอนเย็นค่ะ หกโมงครึ่งค่ะ” หมอดาวิกาพูด ผมก็คงต้องฝากหมอดาวิกาดูเอิร์ธไปก่อน

“พี่ไปก่อนนะดา และพี่จะรีบกลับมา “ผมพูด เอิร์ธกำลังสนุกกับการเล่นต่อตัวต่อเลโก้อยู่ด้วย ผมเลยไม่อยากกวน ผมรีบเดินตรงไปเพื่อที่ห้องฉุกเฉินทันทีเพื่อไปดูคนไข้ ผมเข้าไปก็จัดการสวมถุงมือและเขาไปดูอาการคนไข้ ก็พบว่าเป็นเด็ก มีอาการแพ้ที่ค่อนข้างรุนแรง ตาบวมเกือบปิด มีการหายในหอบเหนื่อย ผมดูจากประวัติได้สัมผัสแมวเปอเซียก่อนจะมีอาการ ผมว่าน้องน่าจะแพ้แมวขั้นรุนแรง ก็เลยสั่งให้ฉีดยาแก้แพ้ก่อน และให้นอนดูอาการก่อนถ้าไม่ดีขึ้นจะได้ส่งไปแอดมิทคนไข้วอร์ดเด็ก ผมใช้เวลาอยู่กับคนไข้เกือบหนึ่งชั่วโมง

//ต้นคุณเลิกงานกี่โมงครับวันนี้ และอย่าลืมนะครับว่าวันนี้เรามีนัดกัน// ผมบอกต้น
// ผมมีประชุมด่วนแต่น่าจะเลิก ไม่เกินห้าโมงครับหมอภีม//
//ใกล้จะเลิกแล้วโทรบอกผมนะครับ ตอนนี้ลูกยังสนุกกับของเล่นอยู่เลย //
//ได้ครับหมอภีม แค่นี้ก่อนนะครับที่รัก ผมจะประชุมต่อ //
//ผมชอบให้คุณเรียกผมว่าที่รักจังต้น ผมรักคุณนะต้น // ผมพูดและกดวางสายทันที จังหวะนั้นผมก็หันมาเจอผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะดูอวบขึ้น หน้าบวมขึ้นมาหน่อย แต่ไม่ได้ทำให้ผมจำเขาไม่ได้เลย เกศรินทร์ เธอเดินมาหยุดตรงหน้าผมแบบไม่ตั้งใจ

“คุณหมอภีม” เธอเรียกชื่อผมพร้อมกับอาการตกใจ

“สวัสดีครับคุณเกศ เจอกันสักทีน่ะคุณ” ผมพูดพร้อมกับเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อกาวน์ เธอหันหน้าไปมองทางอื่น ก่อนจะพ่นลมแบบเสียมิได้ออกมา

“ทำยังกับว่าคุณหมออยากจะเจอฉันตายล่ะ” เกศรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

“จริงๆผมก็ไม่ได้อยากจะเจอหรอกนะครับคุณ แต่เจอก็ดีผมจะได้บอกคุณว่า ผมมาท้วงของผมคืนและผมก็ได้คืนแล้วด้วย” ผมบอกเกศรินทร์ ดูเธอไม่ได้โวยวายเหมือนเมื่อก่อน เธอนิ่งจนผมอดนึกสงสัยไม่ได้

“และคุณจะไม่มีวันพรากเขาไปจากผมอีก” ผมพูดกับเธอ

“ห๊ะ! จ้างให้ฉันก็ไม่กลับไปหรอก “เกศรินทร์พูด ผมพยักหน้าว่าดีแล้ว

“ต้นเขาบอกฉันแล้วล่ะค่ะว่าคุณสองคนกลับไปรักกัน หวานชื่นกันเหมือนเดิม แต่”

“คุณได้ถามหมอดาวิกาหรือยังว่าเขานะ เห็นด้วยกับความรักของคุณสองคนไหม” เกศรินทร์พูด พร้อมกับหันไปกอดอก

“หมอดาเขาอาจจะไม่เห็นด้วยในตอนแรกแต่ตอนนี้เธอยอมรับผมกับต้นแล้ว และหมอดาเธอไม่ใช้วิธีสกปรกเหมือนคุณ “ผมพูด พร้อมกับก้าวเท้าไปเผชิญหน้ากับเกศรินทร์

“นี่คุณคิดว่าฉันคืนคนวางแผนคนเดียวเหรอ แต่ว่ายายหมอใสซื่อนั้นกับได้เป็นแม่พระแทน ช่างน่าขำ นะคุณหมอภีมปภพ”

“คุณคงไม่รู้ซินะว่า คนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนะ หมอดาวิกาทั้งนั้นแหละ”

“นี่คุณ พูดจาอะไรนะให้เกียรติหมอดาวิกาหน่อยนะ เขาเป็นหมอ”

“แล้วไง เพราะนางดาวิกาไง ดึงฉันกลับมาหาต้นทั้งที่ฉันนะไปแล้ว แต่นางดาวิกามันยื่นข้อเสนอให้ฉัน มันบอกว่าฉันจะได้โชคสองต่อไง ได้ผัวหล่อ และจะได้คนหนุนหลังครอบครัวฉันเพราะว่าเขาสอบปลัดอำเภอติด”

“แต่สิ่งที่ฉันได้คือ ความซวยสองต่อ ผัวเป็นเกย์ เรื่องบนเตียงไม่ได้เรื่อง ถ้าไม่ได้ยานางหมอดาวิกาต้นมันก็ทำไม่เป็น”

“และอีกอย่างนะที่ซวยมาก คือได้คนที่เถรตรงจนกระทั่งทำให้ครอบครัวฉันเกือบจะล้มละลาย เพราะว่าเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมให้คนอื่น “เกศรินทร์พูด

“หมอดาวิกานี่น่ะ เธอนะใส่ความหมอดาแล้วเกศรินทร์ เขาไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นได้แน่นอน  ผมเถียงเธอกลับทันที

“ไปถามนังหมอดาวิกาดูซิ และคนที่ฉีดยาให้ฉันไข่ตกก็หมอดาวิกา “

“เธอไม่ได้….”

“เธอโกหก เธอให้คนอื่นออกรับแต่เธอเป็นคนทำเอง และเป็นคนนัดต้นออกมาหาฉัน โดยใช้ชื่อฉันส่งข้อความหาต้น และนั้นฉันก็ได้ลูกมาให้สมใจ “

“นึกอยากขอบคุณฉันขึ้นมาละซิ อยากมีลูกกันไม่ใช่เหรอ “เกศรินทร์พูด

“ผมไม่เชื่อที่คุณพูดว่าหมอดาวิกาจะทำแบบนั้น หมอดาวิกามีจรรยายบรรณมากพอที่จะไม่ทำเรื่องแบบนั้น” ผมพูด

“เหรอคะ ฉันว่าทำมากกว่านั้นอีกแบบที่คุณเองก็คิดไม่ถึง “เกศรินทร์พูด

“ฉันจะบอกให้ ว่าหมอดาวิกากล้าทำขนาดที่ว่าส่งคนมาฆ่าต้น นางก็ทำมาแล้ว “ผมต้องตกใจพร้อมกับส่ายหัวไปมาว่าไม่น่าจะใช่ เป็นไปไม่ได้ หมอดาวิกานี่น่ะ ถึงกับจะฆ่าต้น

“จำได้ไหม วันที่คุณส่งข้อความหาต้นนะและฉันก็ออกไปหาคุณ หมอดาเขารู้และเขาก็โกรธมาก และหลังจากนั้น เขาก็ส่งมือปืนไป “ผมยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก

“แต่มือปืนมันเห็นว่าฉันท้องอยู่!! “

“มันเลยปล่อย”

“และในวันเดียวกัน ก็มีพวงหรีดส่งไปที่บ้านฉัน ระบุว่าให้ต้นตระการ “

“คุณอย่ามา…” ผมกำลังจะพูดแต่ว่าเกศรินทร์

“ต้นเขารู้ว่าใครทำแต่นี่เขาคงไม่ได้บอกคุณละซิ ว่าเป็นหมอดาวิกาก็เพราะว่ากระดาษที่ปิดมากับพวงหรีดนะมันติดสกอตช์เทปที่คนส่วนใหญ่ใช้กันในโรงพยาบาลเท่านั้น แถมด้วยข้อความส่งมาแสดงความเสียใจที่เบอร์มือถือฉันอีกมันเป็นเบอร์ของดาวิกา!”

“แต่ฉันบอกเขาไปว่าต้นยังไม่ตาย” ผมยืนนิ่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออก มือผมกำหมัดแน่น

“และนั้นฉันถึงขอให้เขาย้าย!! จากเขาใหญ่ไปเชียงใหม่ ถึงยังไงอิทธิพลพ่อฉันก็น่าจะคุ้มกลาหัวเขาได้บ้าง “

“คราวนี้คุณยังคิดว่า ยายหมอดาวิกาคือแม่พระอีกไหมล่ะ คุณหมอภีมปภพ! ” เกศรินทร์ถามผม ผมคิดว่าผมควรจะคุยกับหมอดาวิกา

“แต่ช่างมันเถอะ ฉันหลุดออกมาแล้วและไม่คิดจะเข้ายุ่งเกี่ยวกับคุณสามคนอีก พอกันที!! “เกศรินทร์พูด

“แล้วนี่คุณมาโรงพยาบาลทำไมครับคุณเกศ” ผมถามเกศรินทร์

“ฉันมาฝากครรภ์ ฉันตั้งครรภ์ได้สามเดือน” ผมถึงกับขมวดคิ้ว

“กับสามีคนใหม่” เธอพูดผมพยักหน้า

“อ้อ ไหน ไหน ฉันก็มาแล้ว ต้นบอกว่าคุณดูแลลูกฉันไม่ใช่เหรอ ฉันขอไปเจอลูกหน่อย ฉันไม่ค่อยสะดวกไปที่โรงเรียนเขา” เกศรินทนร์บอกผม

“ได้ซิคุณ ตอนนี้เขาอยู่กับหมอดาวิกา ถ้าอย่างนั้นคุณไปอยู่กับเอิร์ธ ช่วงที่ผมจะคุยกับหมอดาวิกาก็ดีนะ “ผมพูด เกศรินทร์ชักสีหน้าตกใจ

“อะไรนะ นี้คุณจะบ้าเหรอ! ทำไมคุณปล่อยลูกฉันไปอยู่กับหมอโรคจิตนั้นได้ละ “เกศรินทร์โวยวายเสียงดังขึ้นมาทันที

“นี่คุณ ผมบอกแล้วไงว่าให้เกียรติหมอดาหน่อยเขาเป็นหมอ”

“พาฉันไปเดี๋ยวนี้ คุณไม่รู้หรอกว่ายายหมอดานี้แหละ ป่วยทางจิต”

“เร็วซิ เดี๋ยวมันทำอะไรลูกฉัน” เกศรินทร์เร่งผม ผมก็พาเดินไปยังมุมที่สำหรับเด็กๆ ที่เอิร์ธนั่งอยู่

“นี่ถ้าคุณไม่หยุดพูดว่าหมอดาเสียๆ หายๆ ผมจะให้หมอดาฟ้องหมิ่นประมาทนะคุณ” ผมพูดและยืนสอดสายตามองไปรอบๆ แต่ว่า ผมไม่เห็นหมอดาวิกากับเอิร์ธ

“ไหนละลูกฉันนะ” เกศรินทร์ถามผม ผมก็หันไปมองหา เพื่อว่าจะไปนั่งหลบที่มุมไหนสักแห่ง

“ขอโทษนะครับ เห็นหมอดาวิกากับลูกชายผมไหมครับ น้องเอิร์ธนะครับ” ผมถามพยาบาล

“อุ้ยตายแล้ว! เรียกแทนว่าลูกเลยเหรอคุณ” เกศรินทร์ ผมหันมามองหน้า พร้อมกับส่ายหัวอย่างเอื่อมระอา ส่วนนางก็เบ้ปากพร้อมกับกอดอก

“คุณหมอภีมค่ะ มีอะไรเหรอคะ”

“หมอดาวิกาเขานั่งเล่นกับลูกชายผมนะครับน้องเอิร์ธตอนผมเดินไปห้องฉุกเฉินนะครับ”

“อ้อ หมอดาบอกว่าน้องร้องหิวนะคะ เลยพาน้องไปหาอะไรทานค่ะ”

“จริงเหรอครับ แต่เอิร์ธเขาเพิ่งจะทานไปนะครับ ผมถึงได้ให้เขามานั่งเล่นที่ห้องนี้” ผมพูด

“ออกไปนานหรือยังครับ”

“ออกไปได้สักพักแล้วค่ะ น่าจะเกือบหนึ่งชั่วโมงได้แล้วค่ะ”

“รบกวนให้ใครไปตามที่ห้องอาหารให้ผมได้ไหมครับ ขอบคุณครับ” ผมพูดและหันมามองเกศรินทร์สีหน้าเธอกังวล

“ลูกฉันไปไหน!!!”

“หมอดาคงจะพาเอิร์ธไปซื้ออะไรทานนะเกศ และคุณนะควรจะสงบสติอารมณ์หน่อยได้ไหมคุณนี่มันโรงพยาบาลนะครับคุณ “

“ฉันไม่เชื่อ นางนั้นนะร้ายยิ่งกว่าอะไรดีซะอีก คอยดูนะ ถ้าลูกฉันกับต้นเป็นอะไรไป คุณนั่นแหละที่ต้นเขาจะไม่ให้อภัย!” เกศรินทร์พูด และพยาบาลก็วิ่งกลับมา

“คุณหมอภีมค่ะ ไม่เจอคุณหมอดาที่ห้องอาหารเลยค่ะ “คนที่เดินไปดูให้ผมที่ห้องอาหารกลับมาบอกว่าไม่เจออีก

“คณหมอภีมค่ะ ไปทางห้องน้ำใกล้ๆ ก็ไม่มีค่ะ” พยาบาลคนอื่นๆ

“ใช่น้องเอิร์ธหรือเปล่าคะที่ตามหาอยู่นะคะ” มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาถามผม ผมจำได้เขาเคยทักผมหลายครั้งแล้ว เขาบอกว่าลูกเขาเรียนที่เดียวกับเอิร์ธ

ใช่ครับ”

“เมื่อสักครู ดิฉันเดินส่วนกับผู้หญิงคนหนึ่งนะคะ ตรงประตูทางออก เอิร์ธเขาไปกับผู้หญิงคนนั้น ดิฉันถามเขาว่าจะพาเอิร์ธไปไหน เขาก็บอกดิฉันว่าว่าจะพาไปหาพ่อต้นเขา ฉันรู้สึกว่าเขาจะเดินออกไปข้างนอกแล้วนะคะ “

“อะไรนะ เขาบอกว่าจะพาไปหาต้นเหรอครับ” ผมถ้วนคำพูดของเขา

“เห็นไหม มันพาลูกฉันออกไปจนได้ คุณมัน แย่ที่สุด!!”

         ผมก็รีบกดสายหาหมอดาวิกาทันที “กรุณาฝากข้อความหลังได้ยินเสียงสัญญาณ” โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ ผมกดโทรแล้วโทรอีกก็ติดต่อไม่ได้ จนผมต้องฝากข้อความ // หมอดา

         //หมอดาพาเอิร์ธไปไหนครับ หมอดาอย่าเล่นแบบนี้นะครับ มีอะไรมาคุยกับพี่ พี่พร้อมรับฟังแต่อย่า ทำอะไรเอิร์ธ เขาไม่รู้เรื่องนะครับหมอดา กลับมาคุยกับพี่ พี่พร้อมจะรับฟังนะครับน้องดา// ผมพูดฝากข้อความ ผมต้องโทรหาต้น เพื่อว่าหมอดาจะพาไปหาต้นจริงๆ

“คุณหมอภีมค่ะ “ผมเงยหน้าขึ้นมอง พยาบาลที่พาผู้ช่วยพยาบาลมายืนตรงหน้าผม ผมก็มองที่ผู้หญิงคนนั้น เหมือนกับว่าเขามีบางสิ่งที่ต้องการจะบอกกับผม

“น้องคนนี้เขาเห็นปืนในกระเป๋าคุณหมอดาด้วยค่ะ” ผมแทบล้มทั้งยืน ไม่จริงนะหมอดาต้องไม่ทำอะไรแบบนั้น หมอดาจะเอาอาชีพหมอมาทิ้งแบบนี้ไม่ได้นะ หมอดา

TBC....

ต้องขอโทษทีน่ะที่หายไป เห็นในเงียบๆเลย ไม่ได้ลงต่อ ถ้ามีคนติดตามจะมาลงให้ต่อเลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)ความจริงจากเกศรินทร์
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 07-05-2021 10:34:34
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)ความจริงจากเกศรินทร์
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 12-05-2021 14:51:39
รออ่านต่ออยู่ครับ
กลัวใจจังเลย กลัวไม่ได้อ่านต่อ
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)ความจริงจากเกศรินทร์
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 12-05-2021 15:03:51
ตามอยู่คับ ตามๆ

 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)ความจริงจากเกศรินทร์
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 14-06-2021 15:51:43
หายไปนานจัง ไรท์

ไม่มาต่อแล้วเหรอครับ

 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)ความจริงจากเกศรินทร์
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 16-06-2021 12:02:22
หายไปนานจัง ไรท์

ไม่มาต่อแล้วเหรอครับ

 :z3: :z3: :z3:
มาต่อค่ะแต่กำลังไล่แก้คำผิดอยู่ค่ะ  เรามีลงไว้ในธัญวลัยด้วยนะคะ  ต้อวขอโทษจริง :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)ความจริงจากเกศรินทร์
เริ่มหัวข้อโดย: canzaa ที่ 17-06-2021 01:31:18
 :katai5: :ling1: :z3: :mew2: :mew6:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)ความจริงจากเกศรินทร์
เริ่มหัวข้อโดย: canzaa ที่ 17-06-2021 01:35:44
อยากอ่านตอนต่อ/ปแล้วครับ
หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม) ผมรักคุณหมอภีม
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 23-06-2021 20:20:48
(พี่ต้นXพี่หมอภีม) ผมรักคุณหมอภีม
   
  Part's ต้นตระการ ผมกำลังนั่งประชุมอยู่กับคณะบริหารงานส่วนตำบล และหน่วยงานทีเฝ้าระวังอุทกภัยธรรมชาติ ด้วยกันเพื่อนหาวิธีการป้องกันร่วมกัน วันนี้ผมว่าจะเลิกเร็วอย่างน้อยห้าโมงเย็นก็ยังดี จะได้พาเอิร์ธไปทานอาหารนอกบ้าน และนี่ผมก็ไม่ได้เจอน่านฟ้าอีกเลย

“คุณต้นค่ะ มีสายด่วนค่ะ” คุณจุ๋มเดินเข้าไปหาผม ที่นั่งประชุมกับนายอำเภอ

“รบกวนฝากข้อความเอาไว้ได้ไหมครับคุณจุ๋มและผมจะโทรกลับเองครับ ขอบคุณครับ”

“ไม่ได้ค่ะคุณปลัด เธอบอกว่ามีเรื่องด่วนเกี่ยวกับลูกชายคุณปลัดค่ะ” พอผมได้ยินก็ลุกขึ้นพรวดทันที นายอำเภอก็พยักหน้าให้ผม ผมเดินออกมาและตรงไปยังห้องทำงานของผม

“สวัสดีครับ ผมปลัดต้นตระการครับ” ผมบอกคนปลายสาย

“ต้น” เสียงหมอดาวิกา ผมจำได้ดี

“สวัสดีครับหมอดา เออ มีเรื่องอะไรด่วนเหรอครับ ลูกผมเป็นอะไรไปหรือครับคุณดา” ผมถามคนปลายสาย

“ลูกต้นนะเหรอ ไม่เป็นหรอกค่ะ ในตอนนี้ นั่งอยู่กับดาค่ะ เขาบอกว่าเขาคิดถึงต้นนะคะ ดาเลยต่อสายให้ อยากฟังเสียงเขาไหมคะ”

(คุยซิ) เสียงหมอดาเหมือนกับว่ากำลังดุลูกผมอยู่ มันทำให้ผมเริ่มขมวดคิ้วขึ้น

“ฮืกๆ พ่อ ฮึกๆ เอิร์ธอยากกลับบ้าน ฮืกๆ”

“เอิร์ธ เอิร์ธอยู่ไหนลูก เอิร์ธ”

“ได้ยินแล้วใช่ไหมค่ะต้น คุณจำได้ไหมที่ฉันเคยถามว่าคุณทนเห็นลูกคุณเจ็บได้ไหม แต่ฉันคิดว่ามันน้อยกว่าฉันอีก ต้น!!”

“ดาวิกา คุณอย่าทำอะไรลูกผมนะครับ หมอดา!!” ผมพูดเสียงดังใส่คนปลายสายด้วยความตกใจ

“คุณรู้ไหมว่าเด็กคนนี้เกิดมายังไง เกิดมาได้ก็เพราะฉันนี้ไงต้น และฉันก็เป็นคนดึงเมียคุณกลับมาไงต้น แต่คุณมันโง่เอง ที่ยังกลับมาหาหมอภีมอีก! คุณกลับมาทำไม! ทำไมคุณไม่ยอมไปจากชีวิตเขาซะที ต้น!!”

“ดา ผมขอร้อง ให้ผมทำอะไรก็ได้แต่อย่าทำลูกผม” ผมพูดขอร้องหมอดาวิกาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“สายไปแล้วต้น ในเมื่อฉันทำให้เด็กคนนี้เกิดมาได้ ฉันก็ทำให้เด็กคนนี้ดับได้เหมือนกัน!!!”

“คุณดา!!!”

“แต่ไม่ต้องห่วงนะ เขาจะไปในที่ที่เขามีความสุข เขาบอกฉันว่าเขาอยากไปที่หนึ่ง ฉันรู้จักและฉันจะพาเขาไปให้นะต้น จะได้มีความสุขก่อนนาทีสุดท้าย”

“ฮือๆๆ พ่อต้น ฮือๆ อยากหาพ่อต้น” เสียงร้องไห้ที่ทำให้ผมแทบขาดใจ เพิ่งรู้ว่าอาการคนจะขาดใจเป็นยังไงก็ตอนนี้

“อย่าคุณดา ถ้าจะทำ ก็ทำผมนี่ ปล่อยลูกผมไป ผมยอม ให้ผมไปจากหมอภีมตลอดไปผมก็ยอม แต่ขอลูกผมคืน เขาคือทุกอย่างของผม”

“ทั้งที่เขาไม่ได้เกิดมาจากความรักของคุณและเกศนะเหรอคะต้น”

“แต่ผมรักเขาเพราะว่าเขาคือเลือดเนื้อของผม ผมขอละหมอดา เขาไม่รู้เรื่อง เขายังเด็ก ผมขอร้อง”

“เอาอย่างนี้นะต้น ถ้าคุณมาทันนะ ฉันอาจจะยอมแลก ชีวิตของเขากับชีวิตของคุณ ต้น …. ตรู้ดดดด” ผมก็แทบทรุดลงที่พื้น ลูกผม เขาจะฆ่าลูกผม
“คุณต้นมีอะไรหรือเปล่าคะ “พี่จุ๋มวิ่งเข้ามาพอดี

“พี่จุ๋ม เขาจะฆ่าลูกผม “ผมพูดและหันไปหยิบกุญแจรถ ผมต้องไปหาลูกผม ผมต้องไปช่วยลูกผม

“ใครคะ คุณต้น ใคร บอกพี่ค่ะต้น พี่จะได้ช่วยค่ะคุณต้น”

“เขาเป็น อดีตคู่หมั้นหมอภีมครับพี่จุ๋ม เขาเอาลูกผมไปพี่จุ๋ม” ผมพูดก่อนจะวิ่งออกไป อย่างกับคนขาดสติ เอิร์ธ พ่อขอโทษ พ่อควรจะดูแลเราดีกว่านี้ เอิร์ธ

“คุณต้น!! “พี่จุ๋มวิ่งตามผมออกไป

“คุณต้น เขาพาไปไหนคะ คุณต้น ให้พี่แจ้งตำรวจให้ไหมคะ”

“ผมไม่รู้พี่จุ๋ม ผมรู้แค่ว่าผมต้องไปหาลูกผมก่อน “ผมรีบไป แต่ว่าผมไม่ได้เอารถมา ผมเลยคว้ากุญแจรถกระบะของอำเภอมาแทน ผมขับออกมาอย่างรวดเร็ว ผมขับออกมาอย่างคนไร้จุดหมาย ผมไม่รู้ว่าหมอดาจะพาลูกผมไปไหน มือถือผมก็สั่นตลอด หมอภีมพยายามโทรหาผม

“ต้น”

“ภีม หมอดา หมอดาเขา” ผมรับสายหมอภีมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

“ใจเย็นๆ นะต้น ผมให้แม่ผมโทรหาพ่อแม่ของหมอดาแล้ว เพื่อว่าพ่อแม่เขาจะหยุดหมอดาได้ต้น ตอนนี้คุณอยู่ไหน ผมกำลังจะไปหาคุณ”

“ผมออกมาแล้วภีม ผมรอไม่ได้ ลูกผมอยู่ในมือเขา ผมต้องไป ต่อให้ผมต้องไปเพื่อแลกชีวิตกับเขาผมก็ต้องทำภีม นั้นลูกของผม”

“รอผมซิต้น รอผม อย่าเพิ่งไปต้น อย่าทิ้งผมไปต้น!!”

“อย่าเพิ่งเข้าไปนะต้น ผมกลัวว่าเขาจะทำอะไรคุณต้น!! ผมขอโทษ ผมไม่ควรดึงผู้หญิงคนนี้เข้ามาต้น” หมอภีมปภพพูดแต่ว่าผมต้องกดวางสายแล้ว เพราะว่าผมต้องคอยมองหาว่าจะตรงไหนที่น่าจะเป็นจุดที่หมอดาบอก ว่าจะพาลูกผมไป ที่ทำให้เขามีความสุข มันทำให้ผมคิดอยู่ที่หนึ่งที่เขาเคยบอกผมอยากจะไปอีก แต่ว่าเขาปิดไปแล้ว เนื่องจากวันที่มีงาน ที่ตรงนี้เป็นส่วนสนุกเก่าและวันนั้นมีคนเมาเอาปืนขึ้นมายิ่งและถูกคนในงานเสียชีวิตและนั้นส่วนสนุกนี้ก็ปิดลงไม่เปิดอีกเลย ผมว่าที่นี้แหละ

*******

   Part’sหมอภีมปภพ ผมขับรถไปโดยมีเกศรินทร์นั่งอยู่ข้างๆ ผม เพราะว่าผมเองก็ไม่ชำนาญเส้นทาง ผมคอยโทรหาต้นตระการ เขาก็ไม่รับสายผมอีกเลย ต้นนะต้น ผมไม่อยากให้เขาเข้าไปคนเดียว ยิ่งหมอดาวิกามีปืนด้วย ผมไม่รู้ว่าเขาไว้แค่ขู่หรือเปล่า และผมก็ไม่ได้บอกต้น กลัวเขาจะยิ่งร้อนรนไปมากกว่านี้

“เป็นยังไงล่ะ คุณหมอภีม ฉันบอกคุณแล้วว่านางดาวิกาน่ะ มันโรคจิต”

“ผมจะไปรู้ได้ยังไงละคุณ”

“ไม่รู้แหละ ถ้าลูกฉันเป็นอะไรไป คุณนั่นแหละที่ต้องเสียใจ”

“ผมเสียใจอยู่แล้วเพราะว่าผมรักเอิร์ธเหมือนลูกของผม กับต้น”

“ต่อให้เขาจะมีเลือดของผู้หญิงที่แย่งคนรักผมไปก็ตาม” ผมหันมาพูด ผมก็คอยกดโทรศัพท์หาต้นไปด้วย แต่เขาก็ไม่รับสาย ผมก็ลืมไปว่าผมซื้อไอโฟนให้เขา มันสามารถใช่ Fine my phone ได้ ผมได้ต้้งค่า family sharing เอาไว้

Rrrrr เสียงมือผมดังขึ้น พี่ทิน พี่เขยของผม

“สวัสดีครับพี่ทิน” พี่ทินพี่เขยของผม

“ภีม พี่ทราบเรื่องแล้วนะ หมอดามีอาวุธไหมว่ะภีม”

“มีปืนครับพี่ทินแต่ผมไม่รู้ว่ามีลูกกระสุนไหมน่ะซิ”

“พ่อแม่หมอดาเขากำลังจะเดินทางไปพร้อมกับพ่อแม่เรานะภีม”

“พี่ไปไม่ได้พี่ส่งลูกน้องไปแทนนะ เป็นทหารชุดที่ได้รับการอบรมเรื่องการช่วยตัวประกันจากผู้ก่อการร้าย” พี่ทินพูด

“ขอบคุณครับพี่ทิน ผมบอกพี่ทิน”

“หนึ่งในนั้น คือ ผู้กองก้องภพนะ เขาขอไป” พี่ทินบอกผม

“อีกอย่างนะ พ่อแม่หมอดาวิกาเขาบอกว่า หมอดานะเริ่มป่วยมานานแล้วน่ะ ตั้งแต่มึงถอนหมั้นเขานะ แต่เขาก็ไม่คิดว่าหมอดาจะกล้าทำอะไรแบบนี้”

“จริงเหรอพี่ทิน ผมไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย”

“เอานะ ใจเย็นๆ แล้วกัน เพราะว่าทีมที่พี่ส่งไปเขามีประสบการณ์พอสมควรเขาน่าจะเอาอยู่ พี่ขอให้แฟนของเรากับลูกชายเขาปลอดภัยนะภีม”

“ขอบคุณครับพี่ทิน” ผมกดวางสายพี่ทินพี่เขยผมและเป็นพ่อของนครินทร์แฟนผู้กองก้องภพ ผมก้มลงมองดูแผนที่ที่โชว์ว่าต้นเขาอยู่ตรงไหน และผมก็หาเจอ มันเป็นสวนสนุก

“คุณรู้จักสวนสนุก XXXXX”

“ไม่รู้จักหรอก ใครจะไปรู้” เกศรินทร์บอกผม ผมก็กดโทรหาติณณภพ
“พี่หมอว่าไงครับ”

“พี่มีเรื่องด่วนให้เราช่วย ถามน่านฟ้าให้พี่หน่อยว่าส่วนสนุก XXXX อยู่ตรงไหน ด่วนเลยนะ พี่รีบครับติณ”

“พี่ภีมมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”

“หมอดาวิกา เขาเอาตัวเอิร์ธไป ต้นกำลังไปช่วย พี่ได้โลเคชั่นมาจากไอโฟนของต้น ที่นี้”

“เฮ้ย! ทำไมคุณหมอดาทำแบบนั้นละ ผมจะถามน่านฟ้าให้นะครับ พี่รอแป๊บ” ติณณถพก็ตกใจและเขาไปพักหนึ่ง

“คุณภีมเกิดขึ้นตอนไหนครับ” น่านฟ้าถามผมด้วยน้ำเสียงที่ตกใจ

“สักชั่วโมงกว่าๆแล้ว หมอดาวิกาเธอมีปืน” ผมพูด

“ผมรู้ที่ไหน ที่ตรงนี้เป็นสวนสนุกที่เคยมีคนถูกยิงเสียชีวิตจากลูกหลง แต่เขาปิดไปได้เกือบสองปีแล้วนะครับ”

“ผมเคยได้ยินว่าเอิร์ธอยากไป”

“เอาอย่างนี้ผมส่งโลเคชั่นให้ และผมกับติณจะรีบไปเช่นกัน” คุณน่านฟ้าบอกผมและเขาก็ส่งโลเคชั่นมาให้ผม

“คุณเกศ ช่วยดูโลเคชั่นให้ผมหน่อย ผมคิดว่าคนในพื้นที่อย่างคุณน่าจะรู้จักบ้าง” ผมพูดและเกศรินทร์ก็หยิบมือถือผมไปดู ทันทีที่เกศรินทร์เขาเห็นหน้าจอโทรศัพท์ของผมและหันมามองผม ใช่ผมตั้งหน้าจอรูปผม ต้นและเอิร์ธเอาไว้

“หยุดโมโหผมสักแป๊บแล้วช่วยผมหน่อย นั้นลูกคุณเหมือนกัน!!”

“ก็ได้”

“ฉันรู้แล้ว คุณ ขับตรงไป และเลี้ยวตรงไฟแดงนั้นนะ และขับตรงไป สุดซอยเลยนะ คุณ”

“ขอบคุณ “ผมพูด และขับตรงไปเรื่อยๆ ตามที่เกศรินทร์บอกผม จนกระทั่งมาถึง ผมก็เจอรถ กระบะ ที่บ่งบอกได้ว่ามาจากอำเภอที่ต้นเป็นปลัดอยู่ ผมรีบกระโดดลงจากรถ ผมว่าต้นน่าจะปืนเข้าไปด้านในแน่ๆ

“คุณรออยู่นี้ รอตำรวจ และถึงยังไงคุณก็ไม่ควรเข้าไป คุณท้องอยู่มันอันตรายเกศรินทร์ “ผมพูด ผมกำลังจะปืนข้ามรั่ว

“หมอภีม ช่วยต้นตระการกับลูกชายฉันด้วยนะคะ ถึงต้นเขาจะไม่รักฉัน แต่ฉันก็รักเขาและลูกฉันด้วย”

“ผมจะทำเพราะว่าต้นกับลูกชายเขาคือทุกอย่างของผมเช่นกันเกศรินทร์ “ผมหันมาบอกกับเกศรินทร์

“ขอบคุณนะคะ คุณภีม” เกศรินทร์พูด ผมพยักหน้าแค่นั้นก็รีบปืนข้ามรั้วเข้าไป ผมเปิดดูด้วยว่าหน้าจอผมโชว์ว่าต้นอยู่ตรงไหน ของสวนสนุก แม้จะไม่กว้างมากก็ตามแต่ตอนนี้ผมอาจจะต้องทำเวลา

RRR เบอร์ที่ไม่คุ้นเคยโทรมาหาผม

“สวัสดีครับ ผมผู้กำกับกองบังคับการ พลตำรวจตรีธเนตรนะครับ ผมได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนลักพาตัวเด็กและมีอาวุธในครอบครอง”

“ใช่ครับคุณตำรวจ และตอนนี้ผมคิดว่าคนร้ายอยู่ในส่วนสนุกเก่านะครับ”

“ผมได้รับข้อมูลมาเพิ่มเติมจากคุณน่านฟ้า ผมกำลังจะนำกำลังเข้าไปที่จุดที่คุณว่านะครับ”

“ครับผมแต่ผมคงรอท่านไม่ได้ เพราะว่าแฟนผมเขาเข้าไปช่วยลูกเขาแล้ว ผมต้องตามเข้าไปก่อนนะครับ”

“ระวังตัวด้วยนะครับ ผมกำลังจะไปถึงอีกสิบนาที”

“ขอบคุณครับ” ผมพูดแค่นั้น และทันทีที่ผมก้มลงมองหาจุดสีเขียวว่าผมกำลังเข้าใกล้แล้ว จู่ๆจุดสีเขียวมันก็ดับหายวุ้ปไปเฉยๆ
******
   Part’s ต้นตระการ ผมเดาได้ว่าเขาต้องพาเอิร์ธเข้ามาที่สวนสนุกเก่า ที่เคยมาเดินเมื่อตอนขวบกว่าเขาจำได้ดี เขาชอบมาก เอิร์ธเป็นเด็กความจำดี และนั้นก็เป็นวันที่เขามีความสุขมากที่ได้เล่นเครื่องเล่น ม้าหมุน แต่ว่าเพิ่งจะถูกปิดลงไปไม่นาน

      ผมปืนข้ามล่วงเข้ามา ผมไม่ลืมที่จะหยิบมือถือมาติดมาด้วย ผมจำได้ดีว่าจุดม้าหมุนน่ะอยู่ตรงไหน ผมรีบวิ่งเข้าไปที่นั่น และสิ่งที่ผมเห็นก็ปวดใจผมที่สุด ลูกชายผมนั่งอยู่บนม้าหมุนแม้ว่ามันจะไม่ทำงานแล้วก็ตาม เขากำลังร้องไห้

“ฮือๆ จะหาพ่อ ฮือๆ”

“เอิร์ธ” ผมเรียกเอิร์ธ

“อย่าเข้ามาน่ะ!” ผมก็ต้องชะงัก หมอดาวิกาลุกขึ้นยืน เธอเล็งปืนมาที่ผม ให้ผมหยุด

“หมอดา คุณต้องการอะไร ทำไมคุณถึงทำแบบนี้ คุณเป็นหมอน่ะ คุณต้องมีใจเมตตาซิคุณ” ผมบอกหมอดาวิกา

“ใช่ ฉันควรจะมี แต่ฉันเองกลับไม่ได้รับความรักความเมตตา จากคนที่ฉันรัก ฉันจะมีมันทำไม ถ้ามีแล้วฉันยังเสียคนรักไป...”

“แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร!!” เธอตะคอกเสียงดังใส่ผมอย่างคนเสียสติ

“แม้แต่คุณต้น! คุณก็รู้ว่าพี่หมอภีมคือทุกอย่างของฉัน”

“แต่เขารักคุณอย่างพี่ชายน้องสาวคุณก็รู้ดีหมอดา” ผมพูดตาก็มองเอิร์ธเป็นระยะ

“ฉันไม่สนใจว่าเขาจะมองว่าฉันเป็นใครแต่ฉันสนแค่ว่า ขอให้เขาอยู่กับฉัน โดยที่ไม่มีคุณ ต้น!!”

“พ่อเอิร์ธอยากหาพ่อ ฮือๆ” เอิร์ธทำท่าจะกระโดดลงมาหาผม ผมก็จะวิ่งเข้าไปหาลูก

“เปรี้ยง!” เสียงปืนดังขึ้นมาหนึ่งนัด แต่ไม่ได้โดนผม หมอดาแค่ยิ่งขู่ผมเท่านั้น ไม่ให้ผมก้าวเท้าต่อไปหาเอิร์ธ และจังหวะนั้นมือถือในกระเป๋ากางเกงผมก็สั่น ผมคิดว่าหมอภีมปภพแน่ ๆ ผมควรจะกดรับสายเพื่อว่าเขาจะได้หาว่าผมอยู่ตรงไหนได้ ก็ล้วงมือเข้าไปหยิบ

“เปรี้ยง!” เสียงปืนอีกนัด “โอ๊ย!!” ผมร้องออกมาและกุมที่ต้นขาของผม หมอดาวิกายิ่งปืนมาโดนต้นขาผม และมันก็เข้าตำแหน่งมือถือพอดี ผมรู้สึกเจ็บแต่ไม่มาก แต่ก็ทำให้ผมต้องทรุดลงกับพื้น เหมือนคนโดนตีที่ขา

“พ่อ!! “เอิร์ธยิ่งร้องไห้ตกใจ

“กลัวพ่อตายเหรอ!” หมอภีมหันไปถามเอิร์ธ  “หึๆ” เธอหัวเราะในลำคอของเธอ

“เดี๋ยวก็ได้ตามกันไป ฉันจะส่งให้ไปพร้อมๆ กัน” หมอดาวิกาพูด

“อย่านะหมอ…โอ๊ย!! ...หมอดา….ผมขอละ ปล่อย…ลูกผมไป” ผมพยายามข้อร้องเธอ

“จะเอาชีวิต…ผมยอมให้ แต่ปล่อยลูกผมไป เขายังเด็ก เขาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น “ผมพูดขอร้องหมอดาวิกา และ

Rrrr จังหวะนั้นมือถือหมอดาวิกาก็ดังขึ้น เธอหันไปกดรับสาย

“พ่อค่ะ ไม่ค่ะ ดาไม่หยุด! เขาต้องชดใช้ ดาไม่สนใจ ดาเป็นหมอก็เพราะพี่ภีม แต่ถ้าดาไม่ได้พี่ภีมก็ต้องไม่มีใครได้เขาไป …..ปึก” หมอดากดรับสายพ่อของเขาพูดคุยกันสักพักก็เขวี้ยงโทรศัพท์ของเธอลงพื้น จังหวะนั่นผมเองก็ล้วงมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์ที่ผมใส่ในในกระเป๋าข้างกางเกงสแลค ขึ้นมาดู มันโดนคมกระสุนทะลุจนหน้าจอแตกใช้งานไม่ได้แล้ว นับว่าโชคดีของผมไม่อย่างนั้นกระสุนคงทะลุเข้าไปที่ขาผมแน่ๆ

“ฉันจะปล่อยลูกคุณไปต้น แต่คุณต้องตายแทนเขา” หมอดาวิกากำลังเล็งปืนมาที่ผม สายตาเขามุ่งมั่นมาก

“หมับ” เอิร์ธวิ่งไปกอดขาหมอดาวิกา

“อย่าทำพ่อต้นน่ะอาหมอ อย่าทำพ่อของเอิร์ธน่ะ อาหมอ ฮือๆ “เอิร์ธกอดขาหมอดาวิกาเหมือนเขากำลังจะย่อตัวลงขอร้องหมอดาวิกาว่าอย่ายิ่งผม หมอดาวิกาหลุบตาลงมองเอิร์ธ แม้ว่าในตาแข็งกร้าวแค่ไหนเขาก็ต้องรู้สึกบ้าง เหมือนเขาจะลดปืนลง จังหวะนั้นผมหันไปเห็นหมอภีมภพ เขาหันมามองผมและวิ่งเข้าไปทางด้านหลังหมอดาวิกา เขารีบเข้าไปคว้ามมือถือเพื่อยื้อแย่งปืน ผมก็กางแขนให้เอิร์ธวิ่งกลับมาหาผม เอิร์ธวิ่งพรวดมาหาผมทันที

“หมับ” ผมกอดเอิร์ธแน่นๆ

“พ่อขอโทษเอิร์ธ” ผมพูด

“ฮือๆ เอิร์ธกลัว ฮือๆ “เอิร์ธร้องไห้ตัวเขาสั่นเทาไปหมด

“เปรี้ยง!!” เสียงปืนลั่น ผมหันไปมองผมไม่รู้ว่าใครกันที่เป็นยิ่งปืนและใครคือคนที่โดนคมกระสุนนั้น ผมเห็นหมอภีมกับหมอดาผละออกจากกัน หมอดาวิกายกมือขึ้นปิดปากตัวยอาการตกใจและคนที่หันมามองผมคือหมอภีมปภพ เขาโดนยิง

“กรี้ด!!!” อย่างกับคนที่เสียสติ

“ภีม!!!”

“อย่า!” ภีมยกมือห้ามผม หมอดาวิกายืนคราวนี้เธอร้องไห้

“ถ้าพี่ตายทุกอย่างมันจะจบใช่ไหมดา” หมอภีมปภพถามหมอดา

“อย่าภีม! ไหนคุณบอกจะไม่ทิ้งผมกับเอิร์ธไง” ผมพูดสายตาผมมองเขา

“ไม่! ไม่! ดาไม่อยากให้เป็นพี่ภีม”

“ตุบ” ร่างหมอภีมทรงลงที่พื้น เลือดสีแดงกำลังทะลักออกมา หมอดาวิกาก้าวขาถอยไป ผมกำลังจะวิ่งไป

“เปรี้ยง!” เสียงปืนดังขึ้นมาอีก ผมกอดเอิร์ธเอาไว้เพื่อปกป้องเขาก่อนตามสัญชาติญาณของคนเป็นพ่อ ผมกอดเขาไว้แน่น เวลาผ่านไปสักพักทุกอย่างเงียบลง ผมหันไปมองเธอยิ่งขู่ผมอีกครั้ง

“วางปืนลงซะคุณหมอดาวิกา” เสียงคนที่สวมชุดเครื่องแบบสีดำ มาพร้อมกับปืน หน้ากากที่ปกปิดใบหน้า พร้อมปืนที่เล็งไปที่หมอดาวิกา ผมหันไปมอง

“ทิ้งปืนลงซะหมอดาวิกา อย่าให้ผมต้องทำในสิ่งที่ผมไม่อยากทำ ผมขอร้อง”

“คุณจะยิงฉันเหรอคะ คุณก้องภพ!”

“ฉันจำเสียงคุณได้ ต่อให้คุณเคยเข้าไปคุยกับฉันแค่ครั้งเดียวแต่ฉันก็จำได้ดี “ผมหันไปมองคนที่กำลังเปิดหน้ากากออก นั้นคือก้องภพ น้องชายผมเอง

“ผมไม่อยากทำเกินหน้าที่ คุณหมอวางปืนลง ผมขอปืน”

“ถ้าคุณบอกให้พี่คุณหยุด! ทุกอย่างมันก็จะไม่เป็นแบบนี้ ก้องภพ”

“ของแบบนี้ไม่มีใครไปสั่งการใครได้หรอกครับคุณดา คุณรู้ดี  "ก้องภพพูด

 "เพราะว่า คุณเองยังบอกให้หมอภีมเขารักคุณไม่ได้เลย แล้วผมจะมีสิทธิ์อะไรไปห้ามเขาสองคนไม่ให้รักกัน”ก้องภพบอกเธอ

 "ยอมรับเถอะครับ อย่าปล่อยให้มันทำร้ายคุณแบบนี้เลย คุณหมอ พ่อแม่คุณเขายังรอคุณอยู่ คุณมีค่าสำหรับเขา วางปืนลงซะผมขอร้อง" กองภพพูด หมอดาวิกาสั่นหัวไปมา

“วางปืนลงเถอะครับคุณดา พ่อกับแม่คุณรออคุณอยู่ ท่านพร้อมจะพาคุณไปรักษา คุณยังมีคนทีรักคุณ ถ้าคุณทำแบบนี้ ท่านจะเสียใจและถ้าเขาเสียคุณไป ใครจะอยู่กับท่านล่ะครับ วางปืนลงเถอะครับ”

“ฉันไม่ได้บ้า!!! ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ”

“วางปืนเถอะครับ ชีวิตคุณยังมีค่า มากกว่าจะมาทิ้งไว้แค่เรื่องแบบนี้ วางปืนลงเถอะครับ” ก้องภพที่พยายามเจรจากับหมอดา ผมก็มองหมอภีม ผมพยักหน้ากับเอิร์ธให้วิ่งไปหาก้อง เพราะเขาอยู่ใกล้ที่สุด ส่วนผมจะวิ่งไปดูหมอภีม

“หมับ” เอิร์ธวิ่งไปถึงก้องภพเขาก็คว้าเอิร์ธส่วนผมวิ่งสวนไปหาหมอภีมก่อน จังหวะนั้นหมอดาเบี่ยงกระบอกปืนไปทางผมกับหมอภีมอย่างรวดเร็ว

“เปรี้ยง!” เสียงดังผมก็กอดภีมเอาไว้ แน่นๆ ผมคิดว่าผมคงจะโดนคมกระสุนของหมอดาวิกา แต่เปล่าไม่ใช่ผม ก้องภพเป็นคนยิ่งปืนไปที่หมอดาวิกา ร่างเธอทรุดลงที่พื้น คมกระสุนหยุดให้เธอไม่ยิ่งผมแต่คมกระสุนที่ก้องภพยิ่งออกไป ฝั่งไว้ที่ตรงหัวไหล่เธอ เธอล้มลง ปืนก็หลุดมือของเธอ และก้องภพก็เข้าไปเตะปืนทิ้งไปไปทันที

“หมอภีม หมอภีม อย่าทิ้งผม อย่าทิ้งผมไป ภีม ” ผมเรียกภีม เขามองผม เลือดที่ไหลทะลักออกมาเปรอะเปื้อนมือผมเสื้อผ้าผมไปหมด ผมกอดประคองร่างนั้น มาหนุนไว้ที่ตัก เลือดกำลังไหลออกมาจากปากหมอภีม ผมหันไปมองเอิร์ธที่กอดคอก้องภพเอาไว้แน่น

“หมอดาผมขอโทษนะครับ แต่คุณไม่หยุด ผมจึงต้องยิงคุณ ให้คุณหยุด” ก้องพูดกับหมอดาวิการ่างที่นอนอยู่ เธอมองก้องภพ น้ำตาเธอไหลริน ผมหันไปมองรอบๆ เจ้าหน้าที่เริ่มกรูกันเข้ามาเพื่อมาดูเหตุการณ์

“ต้น ผมรัก คุณน่ะ “หมอภีมพูดแม้จะอยากลำบากแต่เขาก็พยายาม

“ภีมอย่าทิ้งผม ผมสัญญากับคุณแล้วน่ะว่าผมจะไม่หนีคุณไหน ภีม!!!”

“หมับ” ผมรู้สึกว่ามีกล่องสี่เหลี่ยมกำมะหยี่ยัดใส่มือผม ผมเปิดมันออกดู มันคือแหวน

“แต่งงานกับผมไหม” เสียงที่บ่งบอกว่าเขากำลังจะแย่

“คุณมาขอผมตอนนี้นี่น่ะภีม”

“ผมอยากขอคุณเมื่อห้าปีที่แล้วต้นแต่ผมพลาด วันนี้ผมก็ยังจะขอคุณน่ะ “หมอภีมพูดทั้งที่เขาเริ่มจะเลือดไหล่ทะลักออกมาอยู่ตลอด

“แต่ผม..อึก อึก” หมอภีมพูดผมก็ใช่มือปาดเลือดที่ทะลักออกมา

“ไม่ คุณต้องไม่เป็นอะไรภีม! ภีม!!!! คุณต้องอยู่กับผม เอิร์ธเขารักคุณ เอิร์ธเขารักคุณภึม ผมก็รักคุณ ” ผมพูดไปทั้งน้ำตา ผมกอดหมอภีมไว้แน่น

“ผมขอโทษที่ผมดึงผู้หญิงคนนี้เข้ามาทำร้ายคุณซ้ำแล้วซ้ำอีก ดูแลเอิร์ธดีดีนะครับ ผมรักเขา เหมือนที่ผมรักคุณ ผมรักเขาเหมือนเขาคือลูกของผมจริงๆ ต้น” หมอภีมปภพ

“อึก” เลือดสดๆ กำลังออกมาจากปากหมอภีม

“พี่ต้น ให้เจ้าหน้าที่มาพาหมอภีมไปโรงพยาบาลเถอะพี่” ก้องเข้ามาหาผม พร้อมกับพยายามดึงผมออกด้วยแขนข้างเดียวแต่อีกข้างเขาอุ้มเอิร์ธเอาไว้ สายตาเขามองผมว่าให้ปล่อยหมอภีมให้เจ้าหน้าที่ดูแล ผมก็ต้องยอม

“พี่ได้รับบาดเจ็บด้วยให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดูพี่แล้วกัน ส่วนเอิร์ธผมดูเอง” ก้องภพพูดเขาก็อุ้มเอิร์ธเอาไว้ เอิร์ธที่กอดคอก้องภพแน่น เจ้าหน้าที่กู้ชีพก็พากันเข้ามาช่วยหมอภีมปภพ ส่วนผมก็ถูกนำขึ้นเตียงเพราะว่าผมได้จับบาดเจ็บที่ต้นขา ผมพยายามจะเอื้อมไปจับมือหมอภีมปภพ เหมือนกับว่าเขากำลังจะหมดสติแล้ว ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังทำการช่วยเขามีลูกโป้งสีเขียวที่ช่วยเขาหายใจ มีการปั้มหัวใจไปตลอดทาง น้ำตาผมก็ริ่มรินไหล

“เอิร์ธ “เสียงผู้หญิง ผมจำได้ดี นั้นคือเสียงของเกศรินทร์ เขาวิ่งตรงไปหาเอิร์ธแต่ว่า

“ไม่เอา! ไม่เอา! ไม่เอา!”เอิร์ธร้องและหันหน้าหนีไม่ยอมให้เกศรินทร์แตะตัวเธอ

“นี่แม่ไงเอิร์ธ!”

“ไม่! ไม่! ไม่! เอิร์ธไม่เอา! ฮือๆๆๆๆ “เอิร์ธร้องไห้จ้าและกอดก้องภพแน่น ร่างกายนั้นสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว จนเกศรินทร์ต้องเป็นฝ่ายถอยหลังออก น้ำตาเธอรินไหล เธอคงเสียใจมาก เกศรินทร์เดินมาหาผมแทน

“ต้น” เกศรินทร์เรียกผม

“ฉันขอโทษนะต้น ทุกเรื่องที่ฉันทำ” เกศรินทร์พูดกับผม เธอร้องไห้

“ช่างมันเถอะเกศ มันไม่ใช่ความผิดของคุณคนเดียวหรอก ผมเองก็มีส่วนผิดเกศ” ผมพูดกับเธอ

“ฮือๆ “เกศรินทร์เธอร้องไห้ เธอเกาะแขนผม ผมใช่นิ้วมือปาดน้ำตาเธอ ถึงยังไงผมก็เคยชอบเธอแต่มันอาจจะไม่ถึงขั้นคนรัก และเรายังได้ใช่ชีวิตเหมือนเช่นสามีภรรยากันอยู่หลายปี

“ขอโทษนะคะ รถพยาบาลมาแล้วขอเคลื่อนย้ายคนเจ็บนะคะ” เจ้าหน้าที่บอกเกศรินทร์ว่าเขากำลังจะพาผมไปแล้ว

“ลูกต้องการคุณนะต้น” เกศรินทร์พูดแค่นั้นเขาก็เดินถอยหลังออกไป สายตาเขามองผม ผมก็เจ็บที่ผมเองก็ทำให้ชีวิตของเธอเป็นแบบนี้

 “ผมขอโทษนะเกศที่ผมทำหน้าที่สามีที่ดีไม่ได้เช่นกัน” ผมพูดเบาๆ ร่างผมถูกนำขึ้นรถพยาบาล ผมนอนนิ่งๆ อยู่ในนั้น เหตุการณ์นี้มันใหญ่เกินกว่าที่ผมจะอยู่ทำหน้าที่ปลัดอำเภอได้อีก ผมคิดว่าจะรับผิดชอบโดยการขอลาออก ผมหยิบกล่องแหวนมาเปิดและสวมมันลงที่นิ้วนางข้างซ้าย

“คุณขอผมแล้วคุณต้องกลับมารับผิดชอบผมนะภีม” ผมพูดกับแหวนวงนั้น โดยที่ไม่รู้ว่าคนที่ขอผมแต่งงานเขาเป็นยังไงบ้าง ผมภาวนาขอให้เขาไม่เป็นอะไรมากเลยนะหมอภีม

TBC...

หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)ผมรักคุณหมอภีม
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 27-06-2021 19:09:18
มาสั้นๆ ก็ยังดีครับ
ดีกว่าเงียบไปเฉยๆ
ขอบคุณมากๆ ครับ
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)ผมรักคุณหมอภีม
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 27-06-2021 19:58:17
 :z3: :z10: