พิมพ์หน้านี้ - เหนือมนุษย์ อวสาน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: loveice ที่ 16-08-2016 19:05:21

หัวข้อ: เหนือมนุษย์ อวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 16-08-2016 19:05:21
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

:pig2: :pig2:

เหนือมนุษย์


“ภาพวาดทุกชิ้น มันมีความชัดเจนในลายเส้นและสีที่ใช้ระบายอยู่แล้ว

แต่ชีวิตของใครบางคนกลับบอกไม่ได้ว่าความแน่นอนของหัวใจนั้น

มันจะชัดเจนหรือจะเลือนรางจางหายไป”


ฝากด้วยน้า เรื่องนี้แนวเกินจริงไปหน่อย แต่เพื่อสนองความต้องการผู้แต่ง เลยมีเรื่องนี้ขึ้นมา  :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 16-08-2016 19:10:28
 :L2: บทนำ


          หากโลกนี้ไม่เคยคิดจะหยุดหมุน  หากวันและฤดูกาลไม่คิดจะหยุดผันแปร หรือหากแม้แต่สายน้ำไม่เคยคิดไหลย้อนกลับ และนั่นก็คงจะถึงเวลาแล้วที่ชีวิตของผู้ชายวัยเบญจเพสคนหนึ่งต้องดำเนินต่อไปเพื่อพบเจอสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่อาจคิดในอีกไม่นาน

“...นั่นแหละ อย่างนั้น ค่อยๆวาดนะครับ ไม่ๆ ต้องเบามือกว่านี้นะครับ”

เสียงนุ่มฟังแล้วเบาสบายหู ไม่ต่างอะไรกับอาชีพที่เขาเป็นอยู่ อาจารย์พิเศษผู้มากความสามารถเป็นนักวาดรูปอิสระ และชำนาญการใช้สีทุกชนิดละเลงบนเนื้อกระดาษสีขาวหลากหลายไซน์ใช้ปรากฏจินตนาการตามที่ก้นบึ้งหัวใจนั้นรู้สึก

“อย่างนี้หรอครับอาจารย์!”

“นั่นล่ะ เก่งมาก” น้ำเสียงอ่อนโยนชื่นชมศิษย์ของตัวเอง คราวนี้คงไม่ต้องควบคุมมากเท่าเดิมแล้ว


           นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม กวาดมองลูกศิษย์ในคาบเรียนไม่ต่ำกว่า 20 ชีวิตรอบห้อง อย่างภาคภูมิใจ ถึงเขาจะไม่ได้จบด้านนี้
มาโดยตรงแต่ความสามารถและฝีมือกลับกลายเป็นที่โดดเด่นและติดตัวเขามาตั้งแต่เด็กก็ว่าได้ เขาเริ่มจากการวาดภาพใบไม้ ทุ่งหญ้า ไปจนถึงงานชิ้นเอกที่ได้จากการออกตะเวนหามุมวาดภาพสถานที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็นเมืองไทยหรือต่างประเทศในทุกครั้งที่มีโอกาส


        ผลงานมากชิ้นกลายเป็นวัตถุประมูลล้ำค่าน้ำงาม จำนวนเงินที่ได้มาก็คงเก็บเข้าธนาคารเช่นเคย จากหลักไม่กี่พันพอเลี้ยงตัวเองได้ จนตอนนี้เขามีเงินมากพอถึงขั้นหยิบออกมาช่วยเหลือสังคมอยู่ตลอดเวลาไม่ขาดสาย เดิมทีเขาเป็นเด็กกำพร้า และไม่คิดจะหยุดตัวเองไว้กับปมชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ในด้านครอบครัวเหมือนคนอื่น มาทำให้ชีวิตมีด่างพร้อย เขามักจะใช้ความล้ำค่าทางศิลปะที่เขารักและทำออกมาได้ดี ช่วยกลบมลทินของชีวิตตัวเองไปจนหมดสิ้นได้ตั้งแต่เมื่อไหร่นั้น เขาเองก็ไม่รู้


        และเป็นที่น่ายินดี บ่อยครั้งเขาถูกทาบทามไปเป็นครูสอนเด็กประถม มัธยม ตลอดจนมหาวิทยาลัย รวมถึงวันนี้ด้วยเช่นกัน  จนทุกวันนี้ ชื่อเสียงค่อนข้างจะเป็นที่รู้จักในวงการศิลปะ ไม่มีใครจะปฏิเสธฝีมือของเขาได้เลย ในทางกลับกันกลับมีแต่คำชมและรอยยิ้มที่ปรากฏออกมาแทนเมื่อคนเหล่านั้นได้สัมผัสชิ้นงานด้วยแววตา และเห็นพร้อมต้องกันว่า หนุ่มวัย 25 ปีอย่าง          พิคเจอร์ สมควรแล้วที่จะเป็นนักวาดภาพอิสระผู้มีชื่อเสียงมากในขณะนี้


            พิคเจอร์เติบโตมาด้วยความสดใสของศิลปะ และชื่อเล่นนี้ได้มาจากคุณครูพี่เลี้ยงเพราะเห็นว่าชื่อนี้เหมาะกับเขามากที่สุด เนื้อตัวบอบบางไปนิดแต่สปีริตความเป็นชายนั้นไม่มีหญิงใดกล้าปฏิเสธ หากแต่เพียงว่าพิคเจอร์นั้นไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่กลับชอบผู้ชายแทน


          สามวันต่อมา มีข่าวคราวเกี่ยวกับภาพวาดที่ถูกจัดขึ้น มันช่างน่าอัศจรรย์และดึงดูดให้คนอย่างพิคเจอร์ต้องเดินทางไปแคลิฟอร์เนียทันที เพราะเป็นงานค่อนข้างใหญ่และอลังการ เขาอยากจะไปชมและไปเห็นด้วยตาของตัวเอง โดยปฏิเสธการว่าจ้างให้ไปสอนเด็กประถมวาดภาพในช่วงที่ตรงกับโครงการนี้พอดี


“พิค! แน่ใจนะว่าไม่ให้ ‘ฟิน’ ไปด้วย”


           เพื่อนสนิทคนเดียวของพิคเจอร์  ยืนถือกระเป๋าสำภาระให้อีกคนด้วยสีหน้าเป็นห่วง ตลอดการเรียนที่มหาวิทยาลัย ฟิน เป็นเพื่อนคนเดียวที่เขาไว้ใจและยอมปรึกษาเรื่องส่วนตัวมากที่สุด แม้ในใจลึกๆฟินอาจไม่ได้คิดจะเป็นแค่เพื่อนสนิทกับพิคเจอร์เพียงอย่างเดียว ซึ่งข้อนี้คนตัวเล็กกว่ารู้ดีมาตลอด แต่เพื่อมิตรภาพ พิคเจอร์ได้ขอเอาไว้ว่าให้เป็นเพื่อนกันแบบนี้ต่อไปนนั้นดีที่สุดแล้ว


“อื้ม พิคคิดว่า...พิคไปเพื่อความสุขตัวเอง แล้วก็ไม่ได้นานหรอก มากสุดก็ 5  วัน ฟินอย่าห่วงเลยนะ”

“ถ้าฟินคิดถึง ฟินวีดีโอคอล หาได้ปะ”

“ได้สิ เครื่องจะออกแล้ว ไปแล้วนะขอบใจที่มาส่ง ขับรถกลับบ้านดีๆล่ะ” พิคเจอร์โบกมือให้เพื่อนสนิท ก่อนจะหันหลังหายวับ
เข้าไปในราวกั้นผู้โดยสารตรงหน้า ทิ้งไว้แต่แววตาที่เป็นห่วงของอีกคนไว้ด้านหลัง


     เครื่องบินลำใหญ่โลดแล่นทะยานขึ้นท้องฟ้า อีกนานหลายชั่วโมงต่อจากนี้ การเดินทางบนอากาศจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะถึงที่หมายปลายทาง คนตัวเล็กทั้งตื่นเต้นและดีใจมากที่จะได้ไปสมัผัสสิ่งที่ชอบ


    แต่ทว่า การเดินทางไปที่แคลิฟอร์เนียครั้งนี้ จะเปลี่ยนชีวิตของหนุ่มนักวาดภาพผู้อ่อนโยนไปตลอดกาล

รัฐแคลิฟอร์เนีย (เวลาช้ากว่าประเทศไทย 12 ชั่วโมง)

บริเวณซอกมุมตึก ใจกลางมหานครลอสแอนเจลิส ยามค่ำคืน


พรึบ!

“เมื่อกี้นี้ แกเห็นอะไร!” ร่างสูงเกิน 185 เซนติเมตร เค้นเสียงต่ำถาม พร้อมกับยืนนิ่ง ไม่ไหวติง แต่มืออีกข้างกลับจับคอล็อคชายหนุ่มตรงหน้าแน่น ความเจ็บและหายใจไม่ออกทำให้คนไม่มีทางสู้ดิ้นทุรนทุรายเพราะขาสองข้างยกลอยเหนือพื้น

“มะ... ไม่ ฉันไม่เห็น ปะ...ปล่อยฉันเถอะ นะ”

“เอายังไงดี ‘เบลซ’ เรื่องของเราจะให้คนอื่นรู้ไม่ได้”

 ใครอีกคนในชุดคลุมสีดำยาวถึงเข่า กำลังเซ้าซี้ความคิดของเบลซเพื่อนรัก ด้วยการยืนเท่ห์สอดมือสองข้างเข้ากระเป๋าเสื้อพร้อมกับเอาหลังพิงผนังตึก อย่างกับคนไม่ได้ทุกข์ร้อนใจอะไร

“รออะไรเล่า ‘แกริค’  ลงมือเลย”

      หนุ่มผมบอร์นทอง ยิ้มอย่างมีเลศนัยน์ทันทีที่ได้คำตอบ เขาค่อยๆเอามือที่สอดอยู่ในชุดคลุมออกมาหนึ่งข้าง เลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าของผู้ที่มีคออยู่ในมือของ เบลซ เพื่อนรัก




“ช้าก่อน!”



เสียงตะโกนพร้อมกับร่างที่กระโจนลงมาจากบนตึกทำให้พวกเขาชะงัก


“ไดนาดิน!” เบลซและแกริคอุทานชื่อขึ้นพร้อมกัน


“ชายคนนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง” เบลซยอมปล่อยมือออกจากคอหลังจากคำอาสาของผู้มาเยือนเอ่ยขึ้น


“มันจะหนีไปแล้ว!” แกริคหนุ่มผมบรอนซ์ทองเอ่ยบอกอย่างใจเย็น


“หนีไปไม่พ้นหรอก!” ไดนาดินยิ้มอ่อน ทันใดนั้น คนที่กำลังวิ่งหนีพวกเขา เข่าทรุดลงกับพื้นทันที


“พลังของนายเจ๋งจริง พ่อหนุ่มนักสะกดจิต” เบลซ ยิ้มอย่างชื่นชม


   ไดนาดิน หนุ่มผิวขาวซีดจ้องมองเป้าหมายจากด้านหลังต่อ ไม่นานชายคนนั้นก็หมดฤทธิ์แน่นิ่งไป จากนี้ถึงชายคนนั้นจะฟื้นขึ้นมา เขาจะไม่มีทางจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และเขาได้เห็นอะไร


“เรารีบกลับไปหา ท่านคาดอส ดีกว่า ฉันเหมือนจะได้ยินเสียงรถตำรวจกำลังมาทางนี้” แกริคเอ่ย


“ไกลแค่ไหน ทำไมต้องรีบร้อน?” ไดนาดิน เดินช้าๆนำหน้าสองคนออกไปจากซอกมุมตึก ก้าวข้ามร่างไม่ได้สติไป


“ก็...ประมาณหนึ่งกิโลเมตร” คำตอบของแกริค ถึงขั้นทำให้ให้เบลซต้องหลุดขำ


“ฮ่าๆๆๆๆ แกริค หูนายนี่มันดีไปแล้ว เชื่อสิ! เราหนีทัน ว่าแต่นายเอารถมาด้วยรึเปล่าไดนาดิน”


“ไม่! เพราะฉันวิ่งมาที่นี่ มันเร็วกว่ารถเยอะ”


“ดี ใครไปถึงเขตคาดอสก่อน คนนั้นชนะ”


“ได้!”


พิ้ววว!


สามหนุ่มออกตัววิ่งลิ่วไปยังบริเวณเป้าหมายทันที ผ่านซอกตึกลัดเลาะเข้าตรอกซอยไปเรื่อย แข่งกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทิ้งเอาไว้แต่วีรกรรมที่ตำรวจแคลิฟอร์เนียจะมาเห็น ก็ไม่สามารถตามจับผิดได้อีกเช่นเคย


:L2:


สนุกไหมอ่าาาา ฝากด้วยน้า  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 17-08-2016 14:17:45
ตอนที่ 1


          ท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืน แสงไฟมุกประดับบนรั้วบ้านยาวเหยียดขนาบข้างกับความยาวถนนส่องแสงสว่างแทนดวงอาทิตย์ที่หายลับขอบฟ้าไป สามหนุ่มวิ่งแข่งกันจนมาถึงที่หมายไร้ซึ่งความหอบเหนื่อย ที่นี่คือ อาณาจักร ตระกูลอินทรีทอง


     ไดนาดิน ผู้สุขุมรอบคอบ ปลดกระดุมที่คอเสื้อเชิ้ตสีเทาหนึ่งเม็ด ขณะเดียวกันแกริคก็ถอดชุดคลุมสีดำออก ส่วนหนุ่มหล่อร่างสูงกว่าเพื่อนกลับปรากฏแววตาวอกแวกกลัวความผิดก่อนหน้านี้แทน


    ที่หน้าประตูมีใครคนหนึ่งยืนรออยู่ก่อนหน้านี้ด้วยอารมณ์ไม่ดีนัก...


“เบลซ! ท่านคาดอส รออยู่ที่สระว่ายน้ำหลังบ้าน” แววตาไม่เป็นมิตรกับน้ำเสียงห้วน ท่าทีไม่ชอบใจของหนึ่งในสมุนแนวหน้าอีกคน ทำให้คนตัวใหญ่ยิ่งสลดไปอีก


“หมดหน้าที่ของฉันแล้ว ขอตัวนะ” ไดนาดินพูดลอยๆ แต่กลับถูกมือของคนไม่สบอารมณ์จับไว้ก่อน


“ฉันอยากจะคุยกับนาย ไดนาดิน”


“ เรน! วันนี้ฉันเหนื่อยมาก  ” หนุ่มผู้สุขุมหันมาบอกด้วยความใจเย็น


“แต่...”


พรึบ!



         ไม่สำเร็จ เรนเดล ถูกไดนาดินตรึงร่างเอาไว้ก่อน หากไร้ความช่วยเหลือจากการอ่านใจของแกริคแล้ว เรนเดลจะไม่มีทางรู้เลยว่าไดนาดินคิดจะเล่นงานเขาตอนไหน จนกระทั่งหนุ่มผู้สุขุมเดินเข้าห้องส่วนตัวไป การตรึงร่างจึงคลี่คลายหายสูญ


“นายรู้...แต่ไม่บอกฉัน!” พอเรนกลับสู่สภาวะปกติได้ก็หันไปเขม่นเอาเรื่องกับแกริค ที่กำลังยืนยักคิ้วให้อย่างอารมณ์ดี


พรึบ!


มือเรียวบางพุ่งเข้าไปที่ต้นคอหนุ่มผมบอร์นทองทันที พร้อมกับปล่อยไอเย็นยะเยือกติดลบไม่กี่องศาเล่นงาน


“เรน! คอฉัน! อ่า…” แกริคร้องทรมาน ไม่ว่าจะโดนกี่ครั้งเขาก็ไม่วันเคยชินได้เลย


“เสียงดังอะไรกัน!”



         เจ้าของเสียงเดินกลับเข้ามาในตัวบ้าน มีบริวารขนาบข้างสองคน  เขาทำสีหน้านิ่งเรียบ ความสูงของเจ้าของบ้านแห่งนี้เป็นที่ประจักษ์และเกรงใจของทุกคนในบ้าน แม้แต่เรนเดลที่ยังไม่หายโมโหแกริคก็ต้องรีบละมือปล่อยคออีกฝ่ายเป็นอิสระทันที


“บอส!” ทุกคนก้มหน้าลงหมด


“ไดนาดิน หลับไปแล้วสินะ!” นั่นไม่ใช่คำถามของหนุ่มร่างสูงเกือบ 190 เซนติเมตร เพียงแต่พูดไปตามพลังงานที่จับความเคลื่อนไหวของคนสนิทได้เท่านั้น


“เบลซ!” เสียงกดต่ำ แววตาดุดัน จ้องมองไปที่สมุนเอกตัวสูงผู้มีจิตใจร้อนเป็นหนึ่งของเขา


“ท่านคาดอส ผมไม่ได้มีเจตนาให้คนรู้ว่าเราเหนือธรรมชาติ มีอำนาจเหนือมนุษย์ แต่...” เบลซกำลังจะพล่ามต่อ


“ฉันเคยบอกว่ายังไง?” คาดอส หรี่ตาลงกว่าเดิม


“อย่าเอาความผิดของตนมาเป็นข้ออ้างครับ”


“ดี! คิดซิว่าถ้าฉันส่งไดนาดินไปช่วยนายไม่ทัน จะเกิดอะไรขึ้น”


“ขอโทษครับท่าน” เบลซรู้สึกผิด


“อีกห้าวัน ฉันจะกลับเมืองไทย ส่วนพรุ่งนี้ฉันจะไปทำธุระที่สนามบิน เตรียมตัวให้พร้อม”


“ครับ!”



           การมาเยือนลอสแอนเจลิสรอบนี้ได้สิ้นสุดลง เขาในฐานะผู้นำและทรงอำนาจทางธุรกิจของตระกูลอิงจินเซ่อ หรืออินทรีทอง ได้รับการต่ออำนาจจากพ่อที่เสียไปได้ไม่กี่ปี ความลับมันอยู่ตรงที่ว่าใครคนหนึ่งที่มีความสำคัญกับเขาและบริวารมากมายเหล่านี้นั้นต่างหาก อำนาจพลังที่เปลี่ยนไปตามคุณสมบัติของแต่ละคน คนที่ทำเรื่องแบบนี้ได้นั้นก็คือ ด๊อกเตอร์บารอน สุดยอดนักวิทยาศาสตร์วิจัยแห่งโลกผู้ก้าวล้ำทางเทคโนโลยีจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูกอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้คือความน่ากลัวสำหรับคนอื่น เพาะถูกทำให้เข้าใจผิดได้ว่า พวกเขาไม่ใช่มนุษย์   







เช้าวันใหม่ สนามบินนานาชาติลอสแอนเจลิส


      ผู้โดยสารขาเข้า-ออกมากมาย เดินสวนทางป้วนเปี้ยนไปมา จดจำใบหน้าแทบไม่หวาดไม่ไหว คุณชายใหญ่แห่งตระกูลอินทรีทอง เลือกนั่งรอใครบางคนอยู่ในร้านเครื่องดื่ม ด้วยการเหมาร้านเป็นเวลาจนกว่าจะได้เจอกับใครคนนั้น โดยมีบริวารมากมายนั่งดูความเรียบร้อยเต็มร้านไปหมด



            คาดอสอายุครบ 30 ปีแล้ว เขาเป็นลูกครึ่ง มีพ่อเชื้อชาติชาวอเมริกันและมีแม่เชื้อชาติจีน ธุรกิจมากมายได้รับสานต่อจากทางพ่อ และอำนาจทางโลกตะวันออกได้จากตระกูลของแม่ ผู้เป็นมาเฟียตระกูลอินทรีทอง แต่ด้วยความพิเศษของอำนาจที่เป็นความลับของเพื่อนพ่ออย่าง ด๊อกเตอร์บารอน ที่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยนั้นทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นไปมากหลายเท่าตัว



“แกริค! อีกนานไหม” นายใหญ่เอ่ยถามพลางยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบ


“สายการบินใกล้เข้าฝั่งแล้วครับ อีกประมาณ 10 ไมล์” เจ้าของความสามารถพิเศษบอกบอสใหญ่ไป



พิ้วววววววว   


        เสียงเครื่องบินลดระดับต่ำลง ตามคำบอกของแกริคได้ไม่นาน คาดอสตัดสินใจส่งหนุ่มผมบอร์นทองกับเรนเดลไปรับด๊อกเตอร์บารอนที่ทางออกผู้โดยสารทันที แม้ว่าจะรู้อยุ่แล้วว่าสองคนนี้ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่นัก แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ไม่ชอบพอกันอยู่อย่างนี้ ทุกครั้งที่มีโอกาสเขาจะส่งสองคนให้ร่วมงานกันประจำ


 
      ผู้โดยสารขาเข้า หลายบริษัทการบินหลายประเทศเดินตามกันออกมาติดๆ หนึ่งในนั้นคือ พิคเจอร์ เด็กหนุ่มเชื้อชาติไทยที่เพิ่งจะเดินทางมาถึง กำลังเดินลากกระเป๋าสัมภาระ มองซ้ายมองขวาหาป้ายบอกทาง ภาษาอังกฤษของเขาพอจะเข้าด้ายเข้าเข็มพอสมควร คราวนี้เห็นทีจะต้องได้ใช้บ้างแล้ว


   ขาสองข้างเดินฉับๆสลับซ้ายขวาอย่างมั่นใจ แต่ในขณะเดียวกัน คนด้านหน้ากลับไม่ระวังการเดินของเขาเท่าที่ควร จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุขึ้นนิดหน่อย



ตุ๊บ!



      ร่างบางกว่า เซถลาถอยหลังกลับไปสองก้าว สีหน้ามึนงง ก่อนจะจ้องดูสิ่งที่เขาเดินชนเมื่อครู่ กลับกลายเป็นหนุ่มสูงวัย รูปร่างท้วม สวมชุดสบายๆ ใส่แว่นหนาเตอะ ดูจากสีหน้าท่าทางจะเป็นชาวอเมริกันแน่นอน ชายร่างท้วมดังกล่าวรีบเดินไปหยิบหนังสือเดินทางที่หล่นบนพื้นทันที ก่อนจะพยักหน้านิดๆ


“ขอโทษนะครับผมไม่ได้ตั้งใจ พอดีรีบไปหน่อย นี่พาสปอร์ตของคุณครับ”


“ไม่เป็นไรครับ ” พิคเจอร์ ก้มหน้ารับคำขอโทษจากชายร่างท้วม


“คุณ O.K. ไหม?” เขาถามต่อ


“ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับ ว่าแต่ทำไมคุณพูดไทยได้”


“ผมต้องไปทำธุระหลายประเทศ และหนึ่งในนั้นคือประเทศไทยครับ ”


“อ่อครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”


       ชายร่างท้วมพยักหน้ายิ้มให้ เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่ารั้งฝ่ายตรงข้ามนานเกินไปแล้ว แต่แปลกใจชะมัด ทำไมเด็กหนุ่มคนไทยคนนี้ดูน่าค้นหายังไงไม่รู้


“ยินดีต้อนรับครับ ด็อกเตอร์บารอน” เสียงเรียกชื่อเขาดังมาจากด้านหลังจนต้องละสายตาจากหนุ่มน้อยไป


“แกริค เรนเดล! ”


“ดูคุณสีหน้าไม่ดีเลยนะด๊อกเตอร์ มีอะไรรึเปล่า?” เรนเดลจับผิดได้


“นิดหน่อย ”


“เด็กผู้ชายคนนั้นสินะครับ” แกริคแอบอ่านใจเพราะอยากรู้ว่าเป็นใคร แต่ตอนนี้ก็พอจะมองเห็นชายหนุ่มร่างบางเดินห่างออกไปแล้วหลายสิบเมตรแล้ว


“ใช่ เขาเป็นคนไทย น่ารักดี”


“ไปเถอะ ท่านคาดอสรออยู่ในร้านเครื่องดื่มแล้ว” เรนเดลพูดตัดบท


“อืม!”


          หน้าร้านเครื่องดื่มทางขาออกผู้โดยสาร ไม่รู้อะไรดลใจให้หนุ่มนักศิลปะคนนี้คอแห้งอยากดื่มอะไรบางอย่างขึ้นมา เหลือบมองเห็นร้านด้านซ้ายมือพอดี  แต่ยังไม่ทันตัดสินใจก้าวย่างเข้าไปในร้านกลับถูกชายใส่สูทสองคนหน้าร้านรั้งเอาไว้



“เข้าไม่ได้!”


“ร้านยังไม่เปิดหรอครับ” ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะถามต่อด้วยความสงสัย เพราะสิ่งที่เห็นคือร้านเปิดแล้วชัวร์แน่นอน เพราะลูกค้าหลายคนนั่งอยู่ในร้านเกือบเติม



“บอสของเราเหมาร้านนี้แล้ว รบกวนคุณไปซื้อร้านอื่นแทนนะ”



          คำตอบห้วนๆ ทำให้ร่างบางพยักหน้าเข้าใจ ในขณะที่อีกคนนั่งนิ่งจ้องมองจากโต๊ะในร้านมาที่พิคเจอร์ผู้ยืนสนทนากับลุกน้องของเขา หนุ่มไทยตัดสินใจเดินเลี่ยงไป แต่ยังไม่ทันจะก้าวเท้า เสียงทุ้มต่ำกลับดังสั่งลูกน้องทันที



“ให้เขาเข้ามา!”


“ครับ! เชิญเข้าร้านได้ครับคุณ” คนขวางประตูเอ่ยบอกพร้อมกับหลีกทาง ร่างบางทำสีหน้างงๆ แต่ก็เดินเข้าไปในร้านแต่โดยดี


“มีอะไรรึเปล่าครับบอส” ไดนาดินจับผิดเจ้านายได้


“ฉันยังไม่แน่ใจ” คาดอสตอบไดนาดิน พร้อมกลับจดจ้องมองดูร่างบางที่เดินเกร็งๆไปที่เคาน์เตอร์อีกครั้ง และนั่นทำให้เขาแทบ
อยากจะลุกไปหาชาวต่างชาติคนนั้นเหลือเกิน



“ผมขอนมสดปั่นแก้วหนึ่งครับ ไม่ดื่มที่นี่นะครับ” คนตัวเล็กยิ้มบอกละเอียด 


“สักครู่นะครับ เชิญนั่งรอก่อน”



        พิคเจอร์พาร่างน้อยๆของตัวเองเดินมานั่งหยุดห่างจากโต๊ะใหญ่สุดของร้านประมาณ 3 เมตร โดยไม่มีทางรู้เลยว่ากำลังถูกใครบางคนมองอย่างแปลกใจอยู่



     คาดอสจ้องมองอยู่อย่างนั้นนานจนกระทั่งอีกฝ่ายได้ของที่ต้องการแล้ว และพร้อมจะเดินจากไป นั่นทำให้คาดอสกำหมัดแน่น แต่สีหน้ายังแน่นิ่งเช่นคย


“คนเมื่อครู่มีอะไรรึเปล่าครับบอส?” ไดนาดินถามต่อ


“ฉัน...อ่านความคิดเขาไม่ออก”


“อะไรนะครับ?” เบลซกับไดนาดินเอ่ยร้องพร้อมขมวดคิ้ว


“ให้ไปพาตัวกลับมาไหมครับบอส” เบลซเสนอแนะ


“ไม่! อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม รอด๊อกเตอร์บารอนมาซะก่อน”


“บอสครับ ด๊อกเตอร์บารอนมาแล้วครับ” เรนเดลเดินนำหน้าแขกที่เจ้านายรอเข้ามา


“สวัสดีครับด๊อกเตอร์”


“สวัสดีหลายชาย สบายดีนะ” ร่างท้วมเอ่ยทักตอบ


“ด๊อกเตอร์ คุณช่วยเช็คให้ผมทีว่าพลังงานของผมยังปกติอยู่ไหม ”


“ได้สิ ”


              ชายสูงวัยหยิบสิ่งประดิษฐ์เล็กๆบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเดินทาง มันเป็นเครื่องช่วยตรวจพลังงานของพวกเขาได้ดี แต่จริงๆพลังงานไม่มีวันหมดจนกว่าตัวพวกเขาจะล้มหายตายจากไปเท่านั้น


“อืม... ก็ปกติดี มีอะไรรึเปล่าหลานชาย?”


“เมื่อครู่ มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาในร้าน แต่ก็เพิ่งจะเดินออกไปไม่นานนี้เอง”


“แล้วยังไงต่อ?” บารอนอยากรู้เรื่องราว


“ผมอ่านความคิดเขาไม่ได้”


“เป็นไปได้ยังไง นายมีพลังงานอ่านจิตใจคนเป็นที่หนึ่ง มีสายฟ้าหลายหมื่นโวลล์มากมายไหลผ่าน นายไม่ได้โกหกฉันหรอกนะหลานชาย ”


“ด๊อกเตอร์ ผมรู้แล้วว่าบอสกำลังหมายถึงใคร คนที่คุณเดินชนไงครับ” แกริคยิ้มมุมปากนิดๆ


“อ้ออย่างนั้นสินะ เขามาที่นี่ ฮ่าๆ บอกเลยนะคนนี้นิสัยดีมาก ความรู้สึกของฉันมันบอกอย่างนั้น อีกอย่างเขาเป็นคนไทยนะ” ด๊อกเตอร์กระซิบบอก


“คนไทย! มาทำอะไรที่นี่?” สุดหล่อร่างสูงไม่เข้าใจ


“ถามไม่คิดอีกแล้วเบลซ เขาก็อาจจะมาเที่ยวก็ได้ หรืออาจจะมาทำธุระ” เรนเดลเอ็ดเพื่อนทันที


“ผมต้องการความมั่นใจอีกครั้ง ผมจะตามเขาไป”



   คาดอสลุกพรวด ออกจากร้านไป ทิ้งไว้แต่ลูกน้องกับด็อกเตอร์นั่งทำหน้างงกันอยู่อย่างนั้น ตอนนี้หนุ่มเชื้อชาติไทยคนนั้นกำลังทำให้ความเยือกเย็นสุขุมของเขาเดือดพล่าน เพราะไม่สามารถอ่านความคิดเขาได้ มันเป็นอะไรที่หงุดหงิดใจและทรมานมาก เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเด็กคนนี้เป็นใครกันแน่...



:L2:


สั้นไปนิด ฝากด้วยน้าาา :mew1:
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 18-08-2016 15:05:17
ตอนที่ 2


“แกริค!  เด็กนั่นอยู่ไหน”


“สักครู่ครับบอส”



          ความสามารถพิเศษของแกริค เป็นที่ต้องการของคาดอสมากในตอนนี้  เขาสามารถเมมโมรี่และติดตามเป้าหมายได้แค่
เพียงแรกพบ แต่ตอนนี้...กลับไม่ง่ายอย่างนั้นแล้ว?



“บอสครับ ผมไม่เห็นภาพนั้นเลยครับ” คาดอสขมวดคิ้วเข้าหากัน


“เป็นไปไม่ได้ แยกย้ายกันตามหา!” ร่างสูงสั่ง


“ครับ!”



        มันน่าจะง่ายและสะดวกกว่านี้มาก หากไม่มีผู้คนเดินพลุกพล่าน เพราะเขาจะได้อาศัยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเทียบเท่ากับความเร็วรถ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของเขานั้นออกตามหา   แต่สุดท้ายทางที่เขากำลังเดินไป นำพาไปยังเป้าหมายพอดี เห็นหลังของชาวไทยคนนั้นอยู่หลัดๆตรงหน้า 



พรวดดด



             คานอสเดินไปลัดดักด้านหน้าเอาไว้ได้ทัน คนถูกตันทางแทบหยุดเดินไม่ทัน เงยหน้ามองด้วยความสงสัย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คาดอสได้จ้องมองใบหน้านี้อย่างละเอียด



“ ขอโทษครับ ผมต้องขอทางด้วย” ร่างบางยิ้มบอกอย่างเป็นมิตร แล้วเลี่ยงตัวเบี่ยงไปทางซ้าย


พรึบ


    ร่างสูงก้าวขวาไปดักเช่นเดิม คนถูกก่อกวน มองหน้าคนตัวสูงอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจ แต่แล้วก็ตัดสินใจเบี่ยงเดินไปด้านขวาอีกทีเพื่อตัดปัญหา


พรึบ


     คาดอสไม่ลดละ ก้าวเท้าซ้ายมาตันทางไว้เหมือนเดิม และไม่ยอมพูดอะไรนอกจากใบหน้านิ่งเฉยแต่ในใจกลับมีคำถามที่มากมาย



“คุณครับ ช่วยขยับตัวหน่อย ผมต้องการออกประตูนี้” ตัวเล็กบอกความจำนง เริ่มไม่พอใจนิดนิด พร้อมกับเบี่ยงตัวไปทางซ้ายอีกที


คราวนี้หนุ่มหล่อไม่ได้เลื่อนตัวไปดักตามเดิม แต่ใช้มือแกร่งข้างขวานั้นคว้าเข้าจับต้นแขนเล็กๆที่กำลังจะผ่านตัวเขาไป



หมับ!



“คุณจะทำอะไร?” พิคเจอร์หน้าเหวอ ร้องเสียงหลง


            ประจวบเหมาะกับคนสนิททั้ง 4 คนวิ่งมาสมทบทันพอดี คาดอสมองไปหาเจ้าของพลังงานสะกดจิตและลบล้างความทรงจำ เหมือนจะต้องการให้ช่วยเหลือที่สุด



“ไดนาดิน!”


“ทราบแล้วครับบอส”



             หนุ่มผู้สุขุมพูดน้อย เดินตรงเข้ามาใกล้ไม่ชักช้า เว้นระยะห่างกับพิคเจอร์ประมาณหนึ่งเมตร ก่อนจะเอื้อมมือขวาขึ้นมาทำอะไรบางอย่าง แต่บางอย่างนั้นกลับทำให้ทั้งเจ้าตัวและคนอื่นแปลกใจไปตามๆกัน



“นายเป็นอะไรไป?” เรนเดลกระซิบถาม แต่ไดนาดินกลับมองหน้าคาดอส ราวกับจะบอกบอสว่าเขาทำไม่สำเร็จ


“เอาล่ะ หลานชาย ปล่อยแขนชาวต่างชาติเถอะ นายกำลังเสียมารยาทนะ” ด๊อกเตอร์บารอนเพิ่งเดินมาสมทบคนสุดท้ายเห็น
สถานการณ์คร่าวๆก็พอจะเดาออก


“แต่คนไทยคนนี้ ไม่ใช่คนธรรมดา” แกริคเปรยออกมา ดังพอที่จะให้ด๊อกเตอร์ได้ยิน


“คุณเป็นใคร?” คาดอสหันมาสนใจและถามต่อ ในขณะที่ยังจับต้นแขนอีกฝ่ายอยู่เช่นเดิม


“ผมเป็นไทย” พิคเจอร์ตอบแบบซื่อๆ เพราะไม่เข้าใจความต้องการ และตอนนี้เขาเริ่มเครียด


“ผมหมายถึง...ใครส่งคุณมาที่ลอสแอนเจลิส”


“คุณ! ไม่มีใครส่งผมมาทั้งนั้นแหละ คุณจำคนผิดแล้ว แต่ดูจากท่าทีพวกคุณ น่าจะมีอำนาจไม่น้อย” คนตัวเล็กกว่ากวาดตามองคนรอบข้างกายตอนนี้พร้อมกับประเมินด้วยความคิดตัวเอง แต่ละคนดูหน้าตาดีแต่บุคลิกโหดเหี้ยมทั้งนั้น หรือว่าคนพวกนี้คือแก๊งมหาอำนาจ! พิคเจอร์ทำตาโตทันที



“คุณคิดอะไรอยู่!” สุดท้ายคาดอสกลับนิ่งเฉยไม่ได้อีกต่อไป หากไม่รู้ว่าชาวไทยคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ด้วยสีหน้าท่าทีตื่นกลัวของชาวไทยนั้น เขาจะต้องบ้าคลั่งเป็นแน่หากยังไม่สามารถอ่านความคิดคนคนนี้ออก


“คุณถามผมว่าไงนะ?” คำถามที่พิลึกนั่นทำให้ร่างบางต้องการฟังซ้ำ



“ผมถามว่า...คุณ! กำลัง! คิด! อะไร! อยู่!”


“ผมจะคิดอะไรก็เรื่องของผมสิ คุณนี่ถามแปลกๆ”


“แต่คุณต้องบอกผม เดี๋ยวนี้!” ความหงุดหงิดใจที่ไม่สามารถอ่านความคิดคนคนนี้ได้นั้น บีบบังคับให้เขาพูด



  แต่ไหนแต่ไรมา ตั้งแต่มีพลังงานเหนือมนุษย์ในร่างกาย มีหรือที่อยากรู้อะไรแล้วไม่ได้รู้ ไม่ได้เห็น นี่เป็นครั้งแรกกับชาวไทยคนนี้ที่ขัดใจเขามาก และอีกประเด็นเขากลัวว่านี่ จะเป็นหนึ่งในศัตรูที่ถูกส่งตัวมาแน่



“คุณ! ผมจะคิดอะไร ไม่เห็นต้องบอกคุณเลยนะ เราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ” พิคเจอร์ทำสีหน้าอยากจะบ้าตาย


“คาดอสหลานชาย ใจเย็นเถอะ เขาอาจจะไม่ใช่...”


“ผมว่าเขาใช่ครับด๊อกเตอร์ ต้องใช่แน่ๆ ดูซิว่าจะปิดบังความจริงไปได้นานแค่ไหน! เบลซ...จับตัว!”


“บอส! จะพาชาวต่างชาติคนนี้ไปไหนครับ” เรนเดลถามด้วยความตื่นตระหนกปนสงสาร


“ไปบ้านฉัน”


          เรนเดลได้คำตอบ รีบหันกลับไปมองอีกคนในอ้อมแขนของเบลซเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หนุ่มเปลวไฟตัวใหญ่เข้าจับกุมตั

ได้อย่างง่ายดายและแนบเนียนเกินกว่าที่คนภายนอกจะดูออก         




        พอไปถึงบ้าน คาดอสสั่งให้ลูกน้องจับพิวเจอร์เขาไปในห้องสี่เหลี่ยมโล่งกว้างทันที มีเพียงเก้าอี้กับเครื่องบรรณาการมัดตัวอยู่กลางห้อง รายล้อมไปด้วยผนังสีขาวรอบทิศ  ร่างบางพยายามขัดขืนแต่ไม่สามารถสู้แรงของเบลซได้ ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้วจริง ทบทวนอีกทีนี่มันเรื่องอะไรกันแน่?



“ผมของถามคุณอีกครั้ง คุณเป็นใคร?” คาดอสยืนถามเว้นระยะห่างราว 5 เมตร


“คุณต้องการให้ตอบแบบไหน ผมไม่เข้าใจว่าคุณต้องการอะไร!” พิคเจอร์หวั่นกลัว


“ถ้างั้น ตอบผมมาว่าที่ประเทศไทย คุณทำอาชีพอะไร ”


“ผมเป็นนักวาดภาพศิลปะ” เขารีบบอกร่างสูงไปเผื่อว่าการเจรจาจะง่ายขึ้นและเขาจะได้เป็นอิสระเร็วๆ


“แล้วมาที่ลอสแอนเจลิสทำไม?” คาดอสหรี่ตารอคำตอบ ใช่เขาต้องเป็นฝ่ายรอคำตอบ เพราะตอนนี้เขาอ่านใจอีกคนไม่ได้ นี่คืองานยากสำหรับเขา คำตอบจะจริงหรือเท็จก็ต้องรับรู้เอาไว้ก่อน


“ผมมาร่วมนิทรรศการภาพวาดระดับโลกที่นี่”


“แล้วทำไมคุณถึงหลบหลีกการตามหาตัวจากแกริคได้ ทั้งที่เขาไม่เคยทำพลาด แถมคุณยังปกป้องตัวเองจากการถูกสะกดจิตระดับเซียนของไดนาดิน มือขวาของผม ที่สำคัญคุณปิดบังความคิดของคุณจากผมได้”


ร่างสูงร่ายยาวหวังว่าชาวไทยร่างบางที่ถูกมัดเอาไว้กับเก้าอี้จะเข้าใจ แต่...ไม่เลยแม้แต่น้อย



“คุณพูดเรื่องอะไร ผมไม่เข้าใจ” พิคเจอร์ตัวสั่นเทา กลัวก็กลัว สับสนก็สับสน ดูงุนงงไปหมดทุกอย่าง


“หลานชาย จริงๆเขาอาจจะไม่ใช่คนที่นายสงสัย ปล่อยเขาไปเถอะ” ด๊อกเตอร์เดินเข้ามาบอกด้วยความสงสาร แต่ดูเหมือนคาดอสจะดื้อรั้นไม่ฟังความ หันไปมองร่างบางที่ถูกตรึงร่างกับเก้าอี้อีกครั้ง



“ที่ผมพูดไป คุณเชื่อไหม?”


“ไม่! ผมไม่อยากเข้าใจอะไรทั้งนั้น ผมมาที่นี่เพื่อไปร่วมนิทรรศการศิลปะเท่านั้น คุณจำคนผิดแน่ๆเชื่อผมเถอะ ปล่อยผมไปเถอะนะ” พิคเจอร์อ้อนวอน



“ถ้าไม่เชื่อ งั้นดูนี่ อย่าตกใจจนเป็นลมไปซะล่ะ” บอสใหญ่พูดจบก็หันไปพยักหน้าให้เรนเดล เจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อยไม่คิดว่าคาดอสจะเลือกเขาให้แสดงความพิเศษเป็นคนแรกต่อหน้าชาวไทยใบหน้าใสคนนี้



“จับตาดูให้ดี” เรนเดลเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม



พรึบ



      เจ้าตัวยกมือโบกสะบัดไปมากลางอากาศจากช้าเป็นเร็วๆ และมันเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเกิดปรากฏการณ์เกล็ดหิมะสีขาวเริ่มโปรยปรายลงมาจากเพดาน อุณหภูมิในห้องลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว หลายคนเริ่มตัวสั่นเทา เกล็ดหิมะเหล่านี้ทำให้คนธรรมดาๆอย่างพิคเจอร์อ้าปากค้างและหนาวเหน็บ



“ไง นี่คือพลังของเรา” เรนเดลยิ้มให้อย่างเป็นมิตรและภูมิใจเล็กน้อย



“...”



“นี่ ถึงกับอึ้งเลยหรอ เราชื่อเรนเดล เรียกเรน คำเดียวก็พอ” การแนะนำตัวเริ่มขึ้น มือที่เต็มไปด้วยหิมะยื่นไปกระชับความสัมพันธ์กับชาวไทยที่ยังลังเลและตกใจไม่น้อย



“พวกนาย ไม่ใช่คนแน่ๆ” ร่างบางเอ่ยพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอของเรนดังขึ้น



“พวกเราเป็นคน เพียงแต่มีพลังวิเศษเท่านั้น อ้อลืมไปเสียสนิท มือนายถูกมัดเอาไว้ สรุปนายชื่ออะไร”



“พิคเจอร์ เรียกพิคเฉยๆก็ได้” เรนเดลพยักหน้าเข้าใจ หันไปหาบอสใหญ่ที่ยืนทำสีหน้าเข้มอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว



“บอสครับ ผมเชื่อนะครับว่าพิคเจอร์ ชาวไทยคนนี้ ไม่ใช่คนของ TR แน่นอน”


“ฉันวางใจไม่ได้ ตราบใดที่ยังอ่านความคิดและจิตใจของคนคนนี้ไม่ออก” คาดอสพูดเสียงเรียบ


“เราจะปล่อยเขาไปไหมครับ?” เบลซเอ่ยถาม


“เบลซ! ถ้าเราปล่อยชาวไทยคนนี้ออกไป แล้วเรื่องของเราล่ะ?” ร่างสูงกำลังเตือนสติและความคิดของเบลซ



“ไม่ยากนี่ครับ เราก็ให้ไดนาดิน ล้างความทรงจำส่วนนั้นไป เท่านี้ก็สิ้นเรื่อง” เบลซอธิบาย


“แต่นายก็เห็น   ว่าไดนาดินทำไม่ได้ ไม่แม้แต่จะสะกดจิตชาวไทยคนนี้ได้ด้วยซ้ำ” คาดอสจ้องมองตาเขม็ง เขาจะวางใจไม่ได้ กลัวว่านี่จะเป็นแผนของพวก TR เป็นแน่ที่ส่งคนคนนี้มา



“หมายความว่าไง? คุณคงไม่คิดจะขังผมไว้ในนี้ตลอดไปหรอกนะ”



“คุณคิดถูกแล้ว ผมจะขังคุณไว้ที่นี่” คำตอบนั้นทำพิคเจอร์ดวงตาเบิกโพง



“ไม่ได้นะคุณ ผมต้องการไปชมงานนิทรรศการ แล้วอีกอย่าง ผมมาที่นี่แค่ 5 วันเท่านั้น”



“แต่คุณต้องอยู่ เพราะตอนนี้คุณรู้ความลับเรื่องพลังงานพวกเราไปหมดแล้ว”



“ผมรับรอง ผมไม่บอกใครแน่นอน”


“ผมจะเชื่อคำพูดของคุณมากกว่านี้ ถ้าหากพลังงานวิเศษของไดนาดินใช้ได้ผลกับคุณ”


“โถ่คุณ ปล่อยผมเถอะนะ ผมขอร้อง! ”


“เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น สมมติว่าคุณไม่ใช่พวก TR ส่งมา ตอนนี้คุณก็เป็นคนหนึ่งที่แย่ เพราะพวกนั้นคิดว่าคุณเป็นหนึ่งในแก๊ง
ของเราไปแล้ว และผมไม่รับรองด้วยว่าความเป็นความตายของคุณจะเป็นยังไง ถ้าหากคุณออกไปจากที่นี่”


พิคเจอร์น้ำตาซึม นี่มันเรื่องอะไรกัน ช่วยบอกเขาทีว่าหลังจากลงเครื่องบินมา ทั้งหมดนี้คือความฝันใช่ไหม


คาดอสพูดจบก็กลับหลังกำลังจะเดินออกไป แต่ร่างบางกลับตะโกนรั้งเรียกไว้ก่อน



“เดี๋ยวคุณ! แล้วผมต้องอยู่ที่นี่นานแค่ไหน”



“จนกว่าผมจะมั่นใจและเชื่อใจ  ว่าคุณไม่ใช่พวก TR และไม่คิดจะทรยศเรา แต่จะดีกว่านี้ถ้าคุณลืมปัจจุบันของคุณว่าคุณเป็นใคร แล้วหันหน้าร่วมงานเข้าทีมกับเรา”



“ทีมของคุณคืออะไร?”



“เหนือมนุษย์ บริวารของผมมีความสามารถมากมาย ถึงหลายคนจะไม่มีพลังงานที่ว่า  แต่ก็ใช่ปืน และ อาวุธล้ำสมัยทางเทคโนโลยีได้เป็นอย่างดี ตอนนี้คุณคือคนที่ทางเราต้องการมากที่สุด เพราะพลังงานการปกป้องตัวของคุณเองยังไงล่ะ”



“ปกป้องหรอ? ไม่อ่ะ...ผมไม่เข้า ได้โปรดปล่อยผมเถอะ เฮ้  อย่าเพิ่งไป!” พิคเจอร์พยายามรั้งไว้


“เรนเดลจะเป็นคนสอนคุณเอง” คำพูดตะโกนกลับทิ้งท้ายพร้อมกับเสียงประตูที่ถูกปิดลงไป ตอนนี้ภายในห้องไม่เหลือใครเลยนอกจากเรนเดลและเขาเท่านั้น



     แต่พอตั้งใจมองเรนเดลอย่างจริงจังกลับพบว่า เจ้าของหิมะโปรยปรายเมื่อครู่นี้อยู่ในสุดเสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงขายาวสีเทา ยืนห่างพิคเจอร์ไป 4 เมตร แต่ความหนาวเหน็บกลับล่องลอยมากระทบผิวเนื้อของเขามากขึ้นเรื่อยๆ



“อย่ามองเราแบบหวั่นกลัวอย่างนั้นสิพิค”


“พวกนายเป็นคนจริงๆหรอ”


“ฮ่าๆๆ นายนี่ขี้วิตกกังวลจังเลย วางใจเถอะ บอสและพวกเราทุกคนเป็นคนดี นายอยู่ที่นี่จะปลอดภัย”


“แสดงว่าพวก TR นั้นเป็นคนไม่ดีสินะ”


“ใช่ ไม่ใช่ไม่ดีธรรมดา แต่พวกนั้นโคตรเลว พวกมันต้องการความเป็นหนึ่งทางด้านความมั่งคั่งและอำนาจทั้งโลก  แต่ติดตรงที่ว่า
ยังไม่สามารถเอาชนะบอสของเราได้ เพราะเราเหนือมนุษย์ยังไงล่ะ”



“แต่บอสนายดูไม่เห็นจะเป็นคนดีเลยนะ” พิคเจอร์เอ่ยไปตามความรู้สึก ถึงใบหน้านั้นจะหล่อแค่ไหนก็ตาม



“จุ๊ๆๆ อย่าเผลอพูดออกไปล่ะ เก็บเอาไว้ในใจดีกว่า เพราะนายเป็นคนพิเศษ รู้ไหมไม่ใครปิดบังความลับไว้ในใจกับบอสได้ แต่สำหรับนาย บอสอ่านความคิดนายไม่ออก เพราะฉะนั้นเก็บมันเอาไว้ในใจแล้วกัน”


“แต่พลังงานของบอสนายแย่มากจริงๆ นี่คงจะแอบอ่านใจใครต่อใครมามากจนเคยชินละสิ ถึงได้มาพาลทำสีหน้าหงุดหงิดแบบนี้ใส่เรา แย่ชะมัด”


“ฮ่าๆๆๆ เอาล่ะๆ เอาเป็นว่าเราขอแล้วกัน อย่าพูดออกมาเด็ดขาด แต่เรายังยืนยันคำเดิมนะว่าบอสใจดี”


“อันดับแรกจะให้เราเชื่อว่าบอสนายเป็นคนดี  นายควรจะปลดลวดหนาที่มัดตัวเราออกไปที เจ็บตัวไปหมดแล้วเนี่ย”


“so sorry พิคเจอร์ เราจะปลดให้นายเดี๋ยวนี้แหละ” ทันทีที่ตัวเป็นอิสระ ร่างบางก็วิ่งพรวดไปที่ประตูทางออก แต่ก็ไม่เร็วเท่าเรนเดลที่วิ่งเร็วดั่งลมกลด



ฟิ้วววว


“นะ...นาย ทำไมวิ่งมาดักเร็งจัง”


“ก็บอกแล้วไง ว่าเหนือมนุษย์ หวังว่าคำนี้จะทำให้นายเลิกหนีได้นะ”


:L2:

หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-08-2016 21:17:41
คาดอส อ่านความคิดของพิคไม่ได้
แสดงว่า นายอ่อนนะ :m20: :m20: :m20:
แล้วยังจับพิคมาอีก  :katai1:
เอาแต่ใจตัวจริงๆ :z3:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 19-08-2016 14:02:06
ตอนที่ 3



      เช้าวันใหม่ พิคเจอร์ตื่นนอนจากเตียงนุ่มที่ไม่คุ้นชิน ถึงมันจะเบาสบายตัวเท่าไหร่ก็ตาม แต่สุดท้ายเมื่ออยู่ในสถานที่แปลกตาหลายคนมักจะเป็นอย่างเขา นั่นก็คือการนอนไม่ค่อยจะหลับนั่นเอง เมื่อคืนนี้เรนเดลไม่โหดร้ายถึงขั้นให้เขานอนในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวคุมขังนั่น แต่ชวนให้ไปนอนที่ห้องพักอีกห้องหนึ่งแทน



      ร่างบางออกมาเดินเล่น แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเปิดประตูห้องออกไป กลับปรากฏชายใส่เสื้อเชิ้ตสีเหลืองกับสีเทายืนขนาบข้างกับประตูห้อง สองคนสวมแว่นดำ ดูหล่อและเท่ห์มาก บางทีเขาก็เกิดคิดขึ้นมาเล่นๆว่า นายร่างยักษ์นั่นเลือกลูกน้องด้วยหน้าตาและส่วนสูงหรือยังไงกัน?



“จะไปไหนครับ?”


         เสื้อเชิ้ตสีเทาเอ่ยถามก่อน พร้อมกับหันหน้ามามองเขาที่สวมชุดนอนสีชมพูอ่อน ให้ตายสิเป็นสีที่เขาไม่ชอบ แต่เรนเดลคะยั้นคะยอว่าให้ใส่ไปก่อน เพราะมันเป็นชุดเดียวที่เรนเดลไม่เคยได้ใส่ ก็แหงล่ะหวานซะขนาดนี้ใครจะไปอยากใส่


“ปะ...เปล่า ไม่ได้คิดหนีนะ ก็แค่อยากออกไปเดินเล่น” พิคเจอร์ยิ้มเจื่อนรีบปฏิเสธบอกไป


“บอสสั่งเอาไว้ว่า คุณจะทำอะไรต้องให้พวกเราแจ้งบอสก่อน” เสื้อเชิ้ตสีเหลืองหันมาพูดเสริม



“นี่! ผมไม่ใช่นักโทษของเขานะ ฝากไปบอกด้วย ไม่ดงไม่เดินมันแล้ว”


        ชายหนุ่มหน้ามุ่ยเดินกลับเข้าห้องนอนไปทันที แต่นั่นก็ยังปรากฏความน่ารักให้เห็นอยู่ในคราบชุดนอนสีชมพู แม้แต่คนเฝ้าหน้าห้องสองหนุ่มชายแท้ ก็ยังอดอมยิ้มให้กับคนน่ารักคนนี้ไมได้









นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา




      ธุรกิจอิงจินเซ่อมีอยู่มากมายรวมทั้งที่นี่ ด้วยอำนาจของ บรูซ พ่อของเขาชาวอเมริกันที่เสียชีวิตลงเพราะความเครียดต่อเนื่อง ตอนนี้เขาต้องเดินทางมาที่นี่เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยแทนพ่อเป็นประจำ มันคือธุรกิจด้านเรือสินค้าส่งไม้แปรรูปจากประเทศจีนโดยตรง ลำเลียงขึ้นจากฝั่ง ซึ่งก็ไม่ใช่บริษัทโรงงานไม้ของใครอื่น แต่มันคือโรงงานของเครือเขาเองที่ประเทศจีน โดยจะถูกส่งมาแปรรูปทำเฟอร์นิเจอร์ที่นี่ปีละหนึ่งครั้ง และทำมูลค่าได้มากมายมหาศาล




       หลังจากพูดคุยกับหุ้นส่วนดูแลกิจการที่ไว้วางใจเสร็จเรียบร้อย ชายร่างสูงและทะนงศักดิ์เดินกลับไปขึ้นรถเช่นเดิม พร้อมปลดกระดุมชุดสูททั้งหมดออกด้วยความอึดอัด



“บอสครับ!”



“อย่าสงสัย!  ไดนาดิน เชื่อฉันเถอะ ตอนนี้พวก TR คงไม่ปล่อยชาวไทยคนนั้นแน่”


“เพราะอย่างนี้บอสถึงไม่ปล่อยเขาไปใช่ไหมครับ” แกริคที่นั่งอยู่ด้านหน้าคู่คนขับถามขึ้น


“ไม่ใช่! ไม่ว่าเด็กนั่นจะเป็นหรือตาย มันไม่สำคัญเท่าเขารู้เรื่องของเรามากเกินไป”



“เข้าใจแล้วครับ บอสกลัวว่าความลับของเราจะถูกเปิดเผยเพราะชาวไทยคนนั้น บอสจึงตัดปัญหาให้เขาอยู่ในอาณาเขตของเราไปก่อนนี่เอง” เบลซ คนขับรถยิ้มหน้าระรื่นหลังจากเข้าใจจุดประสงค์ของเจ้านาย



“เราไม่มีทางรู้เลยว่าสรุปเขาคือคนของฟ่านหยางเฟยรึเปล่า ถ้าไม่ติดกฎเหล็กของอินทรีทองแล้ว ฉันอยากจะฆ่าเขาด้วยซ้ำเพื่อปิดปากความลับเอาไว้ ”



“บอสครับ!”



“ไดนาดิน ฉันก็แค่คิด ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยวางใจไปได้ แต่เด็กนั่นแม้แต่นายก็ลบล้างความทรงจำไม่ได้ ถ้านายทำได้ฉันก็คงปล่อยเขาไปนานแล้ว”



“ครับ” ไดนาดินหนุ่มพูดน้อย โล่งใจไปที่เจ้านายพูดเล่น เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่านิสัยของคาดอสเป็นอย่างไร



“เบลซ ไปสนามบินได้ เราจะเดินทางกลับ ลอสแอนเจลิส”



“ครับบอส”







มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน



          คฤหาสน์สีขาว หลังคาสีแดงขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ติดปากแม่น้ำแยงซีเกียง รายล้อมไปด้วยตึกรามบ้านช่องสูงเสียดฟ้า  ภายในห้องโถงใหญ่ชายวัย 30 ปีนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สลักรูปเสือ ท่าทางกำยำ เขาเปลือยกายท่อนบน เผยให้เห็นรอยสักอกซ้ายเป็นรูปเสือแดงและลอนท้องกล้ามอกแน่นนั่นสวยจนต้องมองแล้วมองอีก



            รูปเสือบ่งบอกถึงอิทธิพลครอบคลุมทั่วทั้งประเทศจีน ด้วยความสง่างามของมัน แต่สีแดงบนตัวหมายถึงท่วงท่าและฝีมือทรงอำนาจดั่งเพลิงร้อนควบคู่กันไปด้วย นี่คือแก๊ง เหลาสู่หงเซ่อ หรือเสือแดง เป็นไม้เบื่อไม้เมากับ อิงจินเซ่อ อินทรีทองมาตั้งแต่คราวรุ่นพ่อ และคนพวกนั้นเรียกนามแฝงแก๊งพวกเขาว่า Tiger Red หรือ TR นั่นเอง



เจียนเหมิง กลับมาแล้วหรอ ”



“ครับนาย เรื่องน้องชายที่ให้ไปสืบ ยังไม่มีวี่แววเลยครับ”



          คำตอบของเจียนเหมิงคนสนิททำให้หนุ่มร่างสูง ผู้นำเหลาสู่หงเซ่อถอนหายใจ กี่ปีๆก็ล้มเหลวเช่นเคย เขาหวังแค่ว่าจะพบน้องชายสักครั้ง แต่กลับไร้ผล เขาต้องทำอะไรจริงจังมากกว่านี้ เห็นทีจะต้องเดินทางไปอยู่ที่เมืองไทยจนกว่าจะเจอเบาะแสน้องชายตัวเอง ก่อนที่คนของอิงจินเซ่อจะมาเจอตัดหน้าเขาไปก่อน ไม่อย่างนั้นน้องชายเขาจะไม่ปลอดภัยแน่ อดีตจะต้องซ้ำรอยเหมือนพ่อกับแม่ของเขาที่ตายปริศนาอยู่เมืองไทยเมื่อ 22 ปีก่อน ซึ่งเขาคิดว่าต้องเป็นคนของ อิงจินเซ่อแน่นอน เขาจะไม่มีทางนิ่งนอนใจแน่หากยังไม่เจอน้องชายของเขา



“อีกไม่กี่วัน เรามีการเจรจากับ ไอ้คาดอสที่บางกอก เสร็จภารกิจ เราจะอยู่ที่ประเทศไทยต่อ”


“ครับนาย!”


         เจียนเหมิงหนุ่มหล่อลูกครึ่งจีนญี่ปุ่น เป็นมือขวาของ ฟ่านหยางเฟย หัวหน้าแก๊ง TR เจียนเหมิงเป็นคนรูปลักษณ์หล่อเหลา ร่างสูงและสมส่วน มีความร้ายแรงด้านเพลงกระบี่และซามูไรอย่างช่ำชอง



       ฟ่านหยางเฟย ผู้นำเสือแดงหล่อคมผิวขาวฉบับแดนมังกร หากตัดความพิเศษของแก๊งอิงจินเซ่อแล้ว เขาเชื่อเสมอว่าฝีมือของพวกนั้นไม่มีทางสู้พวกเขาได้ แค่ลำพังมีเจียนเหมิงจอมกระบี่ตะวันออก และอาวุธลับอาบยาพิษของ อืนจือ มือซ้ายของเขานั้นยังไงก็ชนะเห็นๆ






          เย็นวันนั้น หนุ่มน้อยชาวไทยนั่งขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่มีอะไรทำ ได้แต่เปิดทีวีดูแก้เบื่อไปเรื่อย แต่ก็ไม่รู้จะดูอะไรเพราะที่นี่มันเป็นช่องสถานีของอเมริกา ถ้าอยู่ที่ประเทศไทย ป่านนี้คงจะเปิดดูละครตอนเย็นไปแล้ว



ก๊อกๆๆๆ


“เข้ามาเลยครับ” พิคเจอร์ตะโกนบอก เพราะรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นคนเคาะประตู


“ทำอะไรอยู่พิค?”


“เปล่าหรอก เปิดทีวีดูไปงั้นแหละ ไม่รู้จะดูอะไร”


“อย่างนั้นหรอ? บอสฝากเรามาบอกว่าให้นายลงไปทานข้าวเย็นได้เลย”


“บอสนายกลับมาแล้วหรอ!” ร่างบางทำสีหน้าตกใจไม่อยากจะเจอร่างยักษ์เท่าไหร่นัก


“ใช่ กลับมาได้ไม่นานนี้เอง แต่นายจะไม่ลงไปร่วมทานข้าวก็ไม่เป็นไรนะ เพราะบอสบอกว่าไม่ต้องการบังคับใคร”


พิคเจอร์กรอกตาลอกแลกไปมาราวกับคิดอะไรอยู่  น่าเชื่อจังว่านายร่างยักษ์ไม่ชอบบังคับใคร



“เรน! เราเอาขึ้นมาทานในห้องนี้ได้ไหม?”



“ไม่ได้หรอก บอสเคร่งเรื่องมารยาท ถ้านายหิว ให้ลงไปร่วมทานที่ห้องทานข้าวเท่านั้น ตอนนี้บอสกำลังจะเริ่มทาน”



“ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวรอบอสของนายอิ่มก่อนละกัน”



“ฮ่าๆๆ ตามใจ” เรนเดินหันหลังกลับ


“เอ่อ...เดี๋ยวสิเรน!”


“หืม...ว่าไง?”


“คือ...เราอยากได้กระเป๋าเสื้อผ้ากับกระเป๋าสะพายเล็กๆคืน”


“ถ้านายหมายถึงของสำคัญที่พกติดตัวมา บอสให้เราวางเอาไว้ที่ลิ้นชักหัวเตียงหมดแล้ว”



  พิคเจอร์ลุกพรวดไปที่ลิ้นชักดังกล่าวตามที่บอกทันที สุดท้ายก็ยิ้มแก้มปริดีใจที่เห็นกระเป๋าเงิน หนังสือเดินทาง มือถือ ทุกอย่างครบ แต่ตอนนี้เขาอยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะที่เรนหามาให้มันก็เสื้อผ้าใหม่ยังไม่ผ่านการใช้งาน จริงๆมันก็ดูดีอยู่หรอก แต่จะดีกว่านี้ถ้าเขาได้ใส่เสื้อผ้าของตัวเอง



“เรน! แล้วเสื้อผ้าเราล่ะ”



“ถ้าบอกนายไป นายจะโกรธไหม?”


“หมายความว่าไง?”


“บอสสั่งให้เอาทั้งกระเป๋าสัมภาระของนายและเสื้อผ้านายไปเผาหมดแล้ว”


“ฮะ ว่าไงนะ? บอสนายไม่มีสิทธิ์นะ” ร่างบางโกรธจนลมออกหู เดินปรี่ไปที่ห้องรับประทานอาหารทันที  เรนเดลวิ่งร้องเรียกไล่หลังมา แต่พิคเจอร์ไม่ฟังแม้แต่นิดเดียว



      เรนเดลรีบวิ่งไปดักหน้า แต่อีกคนก็ผลักเขาออก เรนเดลใช้น้ำแข็งยึดขารั้งไว้แต่ก็ไร้ผล และทึ่งกับพิคเจอร์มาก ตอนนี้เขากำลังโกรธและดูเหมือนสิ่งที่บอสพูดมานั้นเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง  หนุ่มชาวไทยใบหน้าใสคนนี้มีบางอย่างปกป้องเขาอยู่จริงๆ เชื่อว่าหากได้รับสารกระตุ้นบางอย่างของด๊อกเตอร์ฉีดเข้าร่างกาย พลังงานของพิคเจอร์จะชัดเจนกว่านี้แน่



       ในห้องโถงกว้างมีชายหนุ่มสุดหล่อนั่งอยู่หัวโต๊ะ อาหารมากมายหลายรสชาติวางไว้บนโต๊ะยาวร่วม 20 เมตร พร้อมกับบริวารมากมายนั่งขนาบข้างรอทานข้าวมื้อเย็นไปพร้อมกันนั้น กลับมีใครบางคนที่ไม่พอใจเดินพรวดพราดเข้ามาเสียก่อน



        คาดอสวางช้อนตักซุปร้อนลง ก่อนจะหันไปมองหน้าคนร่างเล็กที่กำลังโมโหเขาด้วยความเฉยชาแทน สงครามประสานสายตากันเกิดขึ้น ทำเอาลูกน้องหลายคนกลืนน้ำลายลงคอ เพราะไม่มีใครกล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแบบนี้กับคาดอสเลยซักครั้ง และไม่รู้ด้วยว่าคาดอสจะโมโหชาวไทยคนนี้ไหม



“ยืนโมโหผมอยู่อย่างนั้น แล้วผมจะรู้ไหมว่าคุณเป็นอะไร” คาดอสตัดสินใจพูดก่อน เพราะเหตุผลเดิมคืออ่านความคิดร่างบางไม่ออก



“เอาเสื้อผ้า กระเป๋าของผมไปเผา แล้วยังจะมีหน้านิ่งเฉย เอ่ยถามแบบไร้ความรู้สึกแบบนี้อีกหรอ?”



     พอร่างหนาได้ยินสาเหตุที่ทำให้อีกคนโมโห ก็เลิกอยากรู้ความคิดในใจแล้ว เขาเอื้อมมือตักน้ำซุปเข้าปากต่ออย่างสบายใจ ท่ามกลางลูกน้องที่ลุ้นแทบจะกลั้นหายใจกันไปหมดแล้ว



“นี่คุณ! ไม่คิดจะพูดจะอธิบายเลยหรอ?”


“เพื่อความปลอดภัยของคุณ ผมจำเป็นต้องเผาทำลายหลักฐาน” จริงๆแล้ว คาดอสอ้างไปอย่างนั้น แต่เหตุผลจริงๆคือกำลังจะเริ่มขึ้นหลังจากนี้ต่างหาก



“อย่ามาอ้างหน่อยเลย ดูคุณจะเป็นห่วงความลับองค์กรของคุณจังเลยนะ ”


“ผมไม่ได้เป็นห่วงองค์กร แต่เป็นห่วงความเป็นความตายของคุณต่างหาก” คาดอสแสร้งพูดไป


“มันจะมากแล้วนะ! คุณรู้ไหม เสื้อผ้า กระเป๋า ทุกอย่างกว่าผมจะหามาได้ด้วยเงินของตัวเองมันเหนื่อยแค่ไหน!” ร่างบางยืนกรานอยู่ข้างกายคาดอสที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ แต่ขณะเขานั่งความสูงกลับเท่าคนที่กำลังยืนต่อว่าเขาอยู่


“ถ้าอย่างนั้นตัดปัญหา พรุ่งนี้ผมจะให้เรนเดลพาคุณไปซื้อของ”



  พิคเจอร์อ้าปากค้าง เขาไม่เคยเห็นใครที่ทำผิดแล้วหน้าตาเฉยได้ขนาดนี้ พอให้รับผิดชอบก็ปัดไปด้วยการใช้เงินที่มีมากมายของตัวเองตัดปัญหา



“ผมไม่ต้องการ! ผมต้องการของเดิมคืนมาเท่านั้น” พิคเจอร์โมโห แม้ในใจจะรู้ว่าของเก่าไม่มีทางคืนกลับมา


“เรนเดล! ”


“คะ...ครับบอส” เรนเดลที่ยืนแข็งทื่อดูคนกล้าต่อปากต่อคำกับคานอสอย่างอึ้งๆ จนได้สติกลับก็ตอนที่คาดอสเรียกชื่อเขา


“ดูแลชาวไทยคนนี้ให้ดี อย่าให้มาพูดจาแบบนี้อีก เพราะฉันจะไม่ปราณี” คำพูดของคาดอสไม่ได้ต้องการขู่ให้อีกคนกลัว แต่เขา
ต้องการให้อีกคนโกรธ เพื่อที่จะปล่อยพลังงานไม่ธรรมดาออกมาอีกครั้งเหมือนวันนั้น


“หึ เรนเดลไม่ต้อง ไม่ปราณีก็ไม่ต้องปราณี คิดว่าผมกลัวคุณมากนักหรือไง?” ร่างบางต่อปากต่อคำต่อ


 ซึ่งนั่นได้ผลมากทีเดียว ชาวไทยตัวเล็กคนนี้กำลังโมโหเขาถึงขีดสุด เข้าแผนของคาดอสทันที


“แม้แต่ความตายก็ไม่กลัวอย่างนั้นหรอ?” คาดอสพูดอย่างใจเย็น


“ที่เป็นอยู่นี่คงยังไม่ตายมั้งครับ ไร้อิสระ ไร้เสรีแบบนี้  ”


“ดี งั้นลองนี่หน่อยแล้วกัน”


   คาดอสลุกขึ้นจากเก้าอี้ ความสูงค่อยๆเพิ่มขึ้น จนตอนนี้เขายืนเหยียดเต็มตัว ความสูงของพิคเจอร์สูงยังไม่ถึงคางของเขาด้วยซ้ำ ลูกน้องหลายสิบชีวิตรีบลุกยืนตาม



“บอส! อย่านะครับ” เรนเดลเป็นห่วงชาวไทยคนนั้นจับใจรีบห้ามปรามบอส

           ตอนนี้ทุกคนในห้องรีบลุกถอยกรูไปรวมกลุ่มกันอีกมุมหนึ่งของห้อง มีแค่คนสนิท 4 คนเท่านั้นที่ยืนรายล้อมคาดอสไว้เหมือนเดิม มีเบลซคนเดียวที่ยิ้มสะใจ จะได้เห็นอะไรมันๆแล้วสิ



        กระแสไฟฟ้าเป็นเส้นๆถูกปล่อยปรากฏวิ่งไหลอยู่บนฝ่ามือของร่างสูง ดวงตาแน่นิ่งไม่มีความรู้สึกอะไรเลย แต่กำลังเพ่งมองมาที่พิคเจอร์อย่างท้าทาย ตอนนี้พิคเจอร์ชักจะไม่มั่นใจในสิ่งที่ท้าทายคาดอสไปเมื่อครู่เสียแล้ว ไม่มีใครบอกเขามาก่อนว่า
คาดอสมีพลังงานพิเศษอีกอย่างคือ กระแสไฟฟ้า


“ถ้าไม่กลัวตาย ลองเดินมาแตะกระแสไฟฟ้าที่มือของผมหน่อยซิ”


“ถ้าผมรอด คุณจะปล่อยผมเป็นอิสระ ไม่กักขังแล้วใช่ไหม?” พิคเจอร์ต่อรองไปอย่างนั้น แต่เอาเข้าจริงๆเขาไม่รู้เลยว่าถ้าแตะไอ้กระแสไฟฟ้าน่ากลัวบนฝ่ามือนั่นแล้ว เขาจะรอดมีชีวิตอยู่ไหม



“บอส! บอสคิดอะไรอยู่ครับ  กระแสไฟฟ้านี่หลายหมื่นโวลล์เลยนะครับ คนธรรมดาถ้าได้แตะต้องตายแน่”เรนเดลพูดพร้อมกับหายใจถี่



“กี่โวลล์นะเรน?” พิคเจอร์หน้าถอดสี หันไปทวนถามอีกรอบอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง



“ถ้าคุณรอด ผมจะไม่กักขังคุณ” ใบหน้าเฉยชานั้นของคาดอสกำลังตอบรับข้อเสนอที่ยื่นให้



      ที่คาดอสต้องการทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะอยากทำ แต่เห็นแล้วว่าชาวไทยคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา เขาแค่อยากมั่นใจกว่าเดิมว่าพิคเจอร์นั้นมีบางอย่างปกป้องอยู่ ถ้ามี...เขาก็รอด ถ้าไม่!...ก็ต้องเสียใจด้วย



“อย่าลองนะพิค นายไม่รอดแน่” เรนเดลเข้ามาบอกอย่างเป็นห่วง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองแววตาไร้ความรู้สึกนั้นของบอส ว่าคาดอสกำลังจะทำอะไรของเขากันแน่?


:L2:
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: ReWill ที่ 19-08-2016 14:10:59
ชอบๆ มาต่อเร็วๆนะ ^^
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 20-08-2016 11:54:36
ตอนที่ 4

    ทุกคนกำลังลุ้นระทึก แต่เรนเดลดูเป็นห่วงคนไทยคนนี้มาก ถ้าเป็นไปได้ขอให้พิคเจอร์ล้มเลิกความตั้งใจไปซะ แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น เพราะคนตัวเล็กได้เดินเข้าไปหาคาดอสอย่างไม่สะทกสะท้านหวั่นกลัว
   


      มือเรียวเล็กค่อยๆเอื้อมไปแตะกลุ่มกระแสไฟฟ้าน่ากลัวไหลแล่นไปมาบนมือนั่น  ดูก็รู้ว่าร่างบางก็ชั่งใจตัวเองไม่น้อยที่อยากจะลอง โดยมีร่างสูงทำสีหน้านิ่งท้าทายจ้องมองรออยู่ 



“อย่า!” เรนเดลตะโกนสุดเสียง


พรึบ!




...



เงียบ




ไม่มีอะไรเกิดขึ้น





ไฟฟ้าไม่ได้คร่าชีวิตชาวไทยหน้าใสคนนี้





มือเล็กๆของพิคเจอร์วางแหมะอยู่บนฝ่ามือหนา โดยมีกระแสไฟฟ้าไหลห้อมล้อมมือทั้งสองเอาไว้ด้วย


“พิค นายเป็นยังไงมั่ง?”


          เรนเดลมองสองมือต่างขนาดที่ประกบกันนั้น หนุ่มไทยได้แต่หันไปส่ายหน้าให้เพื่อนสนิทคนใหม่พร้อมรอยยิ้ม เท่านี้เขาก็เป็นอิสระแล้วสินะ ตอนนี้ข้างในหัวใจกำลังยิ้มอย่างดีใจ



“ผมไม่ตาย! ตรงตามเงื่อนไขแล้วนะ ปล่อยผมกลับประเทศไทยได้แล้ว ” ร่างบางทวงเงื่อนไขทันที



“ไม่อยู่ในเงื่อนไข!” คาดอสตอบเสียงเรียบหน้าตาเฉย


“อะไรของคุณอีกเนี่ย ก็ผมแตะกระแสไฟฟ้าบนฝ่ามือของคุณแล้วไง แล้วผมก็ไม่ตายด้วย”


“…”


       หนุ่มร่างสูงมองสีหน้าท่าทางดีใจเกินเหตุของอีกคน แต่เขาเองกลับได้คำตอบที่ชัดเจนกว่าเดิม แผนของเขาสำเร็จ พิคเจอร์เป็นคนมีพลังงานพิเศษอย่างที่สงสัยไว้จริงๆ เพียงแต่เด็กนี่ยังใช้มันไม่เป็น



“เอาล่ะ ผมจะออกจากบ้านคุณพรุ่งนี้ตามที่ตกลงนะ ” พิคเจอร์ยิ้มระรื่น



“ข้อตกลงคือความอิสระ และไม่กักขังคุณ  คุณไม่ได้ขอว่าให้ปล่อยกลับประเทศไทย” คาดอสเอ่ยบอก พิคเจอร์อึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่นึกว่าพวกมหาอำนาจจะซื่อตรงได้ขนาดนี้ ต่อไปถ้าเขาอยากต่อรองก็ต้องละเอียดชัดเจนกว่านี้ใช่ไหม?



“เจ้าเล่ห์นักนะ” พิคเจอร์ต่อว่าทันที



“...”




   ร่างสูงไม่โต้ตอบ แถมเดินหนีอีกฝ่ายออกจากห้องทานข้าวไป ไม่วายที่ร่างเล็กจะเดินตามติดออกมาต่อว่าและทวงสิทธิ์ด้วยความโมโห และหมั่นไส้คนร่างยักษ์ที่สุดในสามโลก



“คุณคาดอส คุณจะเดินหนีผมไปไหนไม่ได้นะ กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้!” ได้ผลคนตัวโตหยุดเดิน



“ผมมีงานที่ต้องทำมากมาย ไม่มีเวลามาคุยเรื่องไร้สาระ”


คำพูดห้วนๆนั่นกระทบเข้าหู ทำให้พิคเจอร์กำลังจะเป็นประสาทเต็มที  ร่างบางเดินอ้อมไปข้างหน้าคนตัวโตด้วยความโมโห



“ไร้สาระหรอ นี่คุณคิดว่าความอิสระของผมคือความไร้สาระของคุณอย่างนั้นหรอ กักขังคนอื่นมันบาปนะคุณ”



“หรอ? ผมเพิ่งรู้”


         คาดอสตอบเสียงเรียบหน้าตาเฉย แต่คำตอบนั้นแทบอยากจะทำให้ร่างเล็กกระโดดตบหน้าสักหนึ่งที พิคเจอร์ได้แต่กำหมัดแน่นทำอะไรไม่ได้ แต่ก็ไม่วายที่ร่างสูงอยากรู้



“คุณกำลังคิดอะไร?”


“ไม่บอก เก่งนักไม่ใช่หรอ อ่านความคิดผมให้ได้สิ” ร่างบางเหน็บด้วยคำพูดอย่างเหลืออด



“...”


       คาดอส ละสายตาจากใบหน้าเนียนใสนั้น ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆแล้วไม่สนใจร่างเล็กอีกเลย เขาเริ่มชินแล้วกับการอยากรู้ความคิดความอ่านในใจของพิคเจอร์แต่เขากลับอ่านใจไม่ออก



“คุณคาดอส หยุดเดินหนีผมเดี๋ยวนี้นะ” เสียงร้องนุ่มหูนั้นดังตามหลังมาอย่างไม่ลดละ แต่ร่างสูงกลับไม่คิดจะหยุดเดินตามคำสั่งนั้น



“พิค ฉันว่านายหยุดก่อนดีกว่า ตอนนี้บอสกำลังอดทนกับนายมากเลยนะ” เรนเดลเดินเข้ามาเตือนสติ


“ใช่! บอสเป็นคนรักษาคำพูด คุณขอมาเท่านี้บอสก็ให้ได้เท่านั้น คุณไม่ตายก็ดีแค่ไหนแล้ว ” แกริคเปรยออกมา ก่อนจะรู้สึกตัว
ตามมาว่าน้ำแข็งหนาได้ครอบปากเขาเอาไว้แล้ว




“แกริค! ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าใบ้หรอกนะ ลองเป็นคนใบ้พูดไม่ได้ซัก 1 นาทีแล้วกัน” เรนเดลหันไปค้อนใส่ก่อนจะพาเพื่อนชาวไทยเดินขึ้นบันไดไป



พรึบ!


      เปลวไฟสีส้มแดงจากฝ่ามือเพื่อนชายร่างสูงค่อยๆหลอมละลายน้ำแข็งบนปากแกริคช้าๆ จนในที่สุดไอร้อนนั่นก็ทำให้ปากของหนุ่มผมบอร์นเป็นอิสระ ถึงแม้จะยังมีความชาอยู่ก็ตาม



“ขอบใจมากเบลซ ”





“เราไม่ยอมหรอกนะ เงื่อนไขก็ต้องเป็นไปตามที่ตกลงสิ เราจะไปคุยกับบอสนายให้รู้เรื่อง!” พิคเจอร์ไม่ว่าเปล่ารีบผละตัวออกจากเรนเดล แล้ววิ่งตามร่างสูงไป จนกระทั่งตามไปทันก่อนอีกคนจะหมุนลูกบิดเข้าประตูห้องไป


“คุณ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ”


“ไดนาดิน ขวางไว้” คาดอสสั่งคนสนิทด้วยความเบื่อ



“ครับ!”



“ไม่ต้องสั่งคนของนายเลยนะ นายร่างยักษ์!”



  ได้ผล สรรพนามใหม่นั่นทำให้ทั้งมือและขาของคาดอสหยุดชะงักไป แล้วหันกลับมามองหน้าเจ้าของคำพูดนั่นด้วยความไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก



“เมื่อครู่ คุณเรียกผมว่าอะไร!”



“นายร่างยักษ์” พิคเจอร์พูดให้ฟังอีกครั้ง



“ต่อไปห้ามเรียก ผมไม่ชอบ ผมชื่อ คาดอส จำใส่สมองของคุณด้วย”



แกร๊ก เสียงลูกบิดดังขึ้นแต่กลับต้องชะงักอีกรอบ



“ผมจะเรียกคุณว่านายร่างยักษ์ต่อไป คุณจะชอบหรือไม่ก็ช่าง!” ร่างบางพูดลอยหน้าอย่างท้าทาย



“...”



          คาดอสหยุดนิ่งมองหน้าคนท้าทายเขาอย่างเฉยชา เพียงครู่เดียวเขาก็ปรับอารมณ์ให้สุขุมนิ่งเช่นเดิม สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือการพูดจาไร้สาระนานๆ และพิคเจอร์ชาวไทยคนนี้เป็นคนแรกที่ชวนเขาพูดจาเพ้อเจ้อไร้แก่นสารได้นานขนาดนี้




       สุดท้ายทั้งเขาและไดนาดินลูกน้องคนสนิทก็หายเข้าไปในห้อง ทิ้งไว้แต่ความเจ็บใจเล่นๆให้กับร่างเล็กหน้าประตู


“ไม่คิดจะสนใจกันบ้างหรือไงคุณ ผมอยากกลับบ้านแล้ว! โถ่...ได้โปรด”


      พิคเจอร์ทำสีหน้าอยากจะร้องไห้ดิ้นไปดิ้นมาตรงนี้เสียเหลือเกิน แต่ทำไม่ได้เพราะเขาโตแล้ว ทำไมนายร่างยักษ์ถึงได้เอาแต่ใจอย่างนี้นะ!






มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน



   คนของเหลาสู่หงเซ่อมารวมกันที่ทุ่งหญ้าสีเขียวหลายสิบชีวิต  วันนี้ครบรอบวันตายของ ฟ่านอี้ฟง กับนายหญิง เหยาหมิงเอ๋อ พ่อแม่ของฟ่านหยางเฟย ผู้นำเสือแดงคนปัจจุบัน ในมือของลูกชายคนโตคนนี้ถือดอกกุหลาบสีเหลืองสองช่อสวยงาม วางไว้ตรงหน้ารูปด้วยความรำลึก



“ป๊า!  ม๊า! ไม่ต้องห่วงนะ อั้วกำลังตามหา อาหยางอี้ ที่ประเทศไทย อั้วจะไปตามน้องกลับมา แล้วสืบให้ได้ว่าคนที่ฆ่าป๊ากับม๊าเป็นใครกันแน่?”

      หนุ่มกำยำผิวขาวสูง 188 เซนติเมตร พูดทั้งน้ำตาตั้งปณิธาณแน่วแน่ มีเพียงเจียนเหมิงคนสนิทเท่านั้นในตอนนี้ที่รับรู้ว่านายใหญ่กำลังร้องไห้



“นายครับ อืนจือโทรมาบอกว่า เขามาถึงแล้วนะครับ” จอมกระบี่เอ่ยบอกเจ้านายอย่างหนักแน่น



“โทรบอกเขาว่า ฉันกำลังจะกลับแล้ว ให้รอที่บ้านเลย”


“ครับนาย!”




ภายในคฤหาสน์หลังคาสีเลือด



       คนร่างบางแต่ใส่ชุดรัดกุมดูทะมัดทะแมง ปราดเปรียวเป็นที่สุด เขาคือเจ้าของอาวุธลับอาบยาพิษ มือซ้ายของฟ่านหยางเฟย กำลังยืนประชันหน้ากับประมุขเสือแดงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แกะสลักเสือใหญ่น่าเกรงขาม


“ว่าไงอืนจือ”


“คนของเราที่นายท่านให้ไปติดตามดูความเคลื่อนไหวของไอ้คาดอส ตอนนี้ถูกจับได้หมดแล้วครับ แต่คนของเรารอดมาได้หนึ่งคน”


“แล้วได้ความว่าไงบ้าง”


“สองวันมานี้ เห็นคาดอสจับกุมตัวชาวไทยอายุ 25 ปีไปที่อาณาเขตของมัน ท่าทางลับๆล่อๆ สาเหตุนั้นไม่ทราบแน่ชัด จนป่านนี้ชาวไทยคนนั้นยังไม่ออกมาจากอาณาเขตของอิงจินเซ่อที่ลอสแอนเจลิสเลยครับ”


“ดี! น่าสนใจ ส่งคนของเราไปจับตาดูให้ดี ได้โอกาสเมื่อไหร่ให้จับตัวมาที่เซี่ยงไฮ้ได้เลย”


“ครับนาย!”



     อืนจือก้มหน้ารับคำสั่งใหม่แล้วหันหลังเดินจากไป ฟ่านหยางเฟยผู้เป็นประมุขแววตามีความหวัง เขาหันไปมองแววตามือขวาคนสนิทที่ยืนนิ่งแต่ดวงตากลับมองตามหลังอืนจือไปก็รู้ใจทันทีว่ากำลังคิดอะไรอยู่


“เจียนเหมิง!”


“ครับนาย!”


“ตามไปสิ”


       หยางเฟยเอาฝ่ามือตบลงบนบ่าจอมกระบี่เบาๆ เจียนเหมิงก้มหัวคำนับนิดนิดแล้วเดินตามอืนจือไปจนทันในที่สุด
แต่การวิ่งตามตัวเบาฉบับซามูไร มันทำให้อันตรายเกิดขึ้นกับเขาได้ไม่ยาก



ฉึบ! 



      ดาวกระจายคมกริบสีดำ สามอันถูกโยนย้อนสวนกลับหลัง เฉียดเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาของเจียนเหมิงที่วิ่งตามมาติดๆไปนิด เดียว แต่นั่นก็ทำให้คนตัวสูงกว่าได้เลือดไม่น้อย ส่วนดาวกระจายสีดำทั้งสามปักอยู่บนผนังบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



“ฝีมือไม่ตกเลยนะ อืนจือ” ร่างสูงกว่าเอ่ยชม พร้อมกับเอามือขึ้นมาแตะเลือดที่ไหลซิปบนใบหน้า



         แต่คำชมนั่นทำให้ร่างบางแสยะยิ้ม รอยยิ้มนั้นแม้จะน่ารักสำหรับเจียนเหมิง แต่อืนจือสามารถมอบความตายให้เขาได้ทุกเมื่อ หากเล่นอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้อีกครั้ง


“นายตามมา มีอะไร!” อืนจือหันหลังกลับไปมอง และได้เห็นเลือดบนใบหน้าที่เกิดจากรอยถากดาวกระจาย


“เปล่า ก็แค่...คิดถึง” เจียนเหมิงพูดหยอดไป แม้ว่าอีกคนจะระแคะระคายเมื่อได้ยินก็ตาม


“ฉันต้องไปทำงานแล้ว ”   คนตัวเล็กกว่าบอกเสียงเรียบ


“แล้วแผลบนใบหน้าฉันล่ะ นายไม่คิดรับผิดชอบหรือไง” เจียนเหมิงหาข้ออ้าง


“ดาวกระจายนี้ไม่ได้อาบพิษจงอาง สบายใจได้ อีกไม่กี่วันมันหายปกติ ถ้าใช้ยานี้ทาสม่ำเสมอ” อืนจือโยนห่อกระดาษเล็กๆให้อีกคน


“ร้ายนักนะ เมียใครเนี่ย”


“อย่าพูดเอาแต่ได้ คำว่าเมียมันทำให้ฉันคลื่นไส้”


“อืนจือ! ”



           ร่างเล็กหันหลังเดินขึ้นรถที่จอดรถอยู่ก่อนหน้านี้ไป ปล่อยให้เจียนเหมิงถอนหายใจ เขาจะทำยังไงถึงจะทำให้คนคนนี้หายโกรธได้กันนะ 









          ห้องนอนในคฤหาสน์หลังใหญ่  พอตกค่ำบรรยากาศรอบบ้านกลับเงียบสะงัด ได้ยินแม้กระทั่งเสียงแมลงเล็กๆร้องประสานเสียงกันอยู่ด้านนอก พอไม่มีอะไรทำมากๆ พิคเจอร์กลับนึกขึ้นได้ว่ายังมี ฟิน เพื่อนสนิทที่ประเทศไทยรออยู่


          อุตส่าห์รับปากอย่างดีว่าจะรอวีดีโอคอลมาหา แต่นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้ว ถ้าเปิดเครื่องตอนนี้ ฟินเพื่อนสนิทจะโกรธเขามากไหมนะ ไหนคนโทรติดต่อที่จะให้ไปเป็นอาจารย์พิเศษอีกล่ะ บ้าชะมัดตั้งแต่เกิดเรื่องวุ่นวายนี่ขึ้นมา อะไรๆมันก็ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปหมดเลย



          วันนี้ก็เพิ่งกลับมาจากไปช็อปปิ้งกับเรนเดล ตามสัญญารับผิดชอบการเผาเสื้อผ้าและกระเป๋าของเขา  แต่จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้ไปช๊อปปิ้งกับคนของคาดอสนับสิบ รวมทั้งสองสมุนที่เฝ้าหน้าห้องเขาตอนนี้ด้วย มันดูโอเคเลยใช่ไหม แต่มันไม่ได้ดีอย่างที่คิดหรอกนะ จะขยับตัวหรือทำอะไรก็เกร็งไปหมด ไม่มีความเป็นส่วนตัวเลยซักนิด



“เอาล่ะ วีดีโอคอลหา ฟิน ดีกว่า” มือเรียวเปิดมือถือแล้วเข้าเฟสบุ๊คทันที ดีหน่อยที่ขอรหัส wifi จากเรนเดลมาแล้วเรียบร้อย


“ฟิน สวัสดี” พิตเจอร์แสร้งยิ้มกลบกลื่น


“พิค ทำไมสามวันมานี้เงียบไปล่ะ นี่ฟินเป็นห่วงนะ แล้วนิทรรศการเป็นไงบ้าง”


“ฟิน เราไม่ขอตอบได้ไหม จริงๆเรายังไมได้ไปร่วมนิทรรศการเลย เสียดายมาก”


“เกิดอะไรขึ้นอ่ะ ทำไมไม่ได้ไป แล้วนี่พักอยู่ไหน ทำไมดูหรูหราจัง” ฟินเริ่มเป็นห่วงเพื่อนสนิทขึ้นมาแล้วสิ



“คือว่า....”



พรึบ  


      โทรศัพท์ถูกแย่งออกจากมือไปอย่างรวดเร็วไม่ทันตั้งตัว พอเจ้าของมือถือมองตามกลับสะดุ้งตกใจไม่น้อยที่เห็นคนร่างสูง พร้อมกับคนสนิทอย่างไดนาดิน ยืนมาดนิ่งจ้องหน้าอย่างเฉยชา



“นายร่างยักษ์”


:L2:

หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 21-08-2016 15:05:46
ตอนที่ 5


       คาดอสไม่สนใจสรรพนามที่ใช้เรียกชื่อเขา  แล้วยื่นมือถือของพิคเจอร์ไปให้ไดดาดินที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง


“คุณจะทำอะไร เอามือถือผมคืนมานะ!”


“ตราบใดที่ยังอยู่ในบ้านของผม ห้ามวีดีโอคอลหาใครทั้งนั้น ไม่ว่าสนิทแค่ไหนก็ตาม เพราะนี่จะเป็นหลักฐานสำคัญของศัตรูที่จะตามตัวคุณจนเจอ”


“คุณรู้ได้ไงว่าผมวีดีโอคอล หรือว่าคุณอ่านใจผมออกแล้ว?” พิคเจอร์ทำสีหน้าสงสัยปนตกใจ


         คาดอสได้แต่ถอนหายใจ เบื่อความสงสัยที่งี่เง่าของพิคเจอร์เต็มทน


“ในห้องนี้มีกล้องวงจรปิดขนาดจิ๋วซ่อนอยู่ 10 ตัว เราเห็นการกระทำคุณทุกอย่างครับ คุณพิคเจอร์”

ไดนาดินเห็นคาดอสไม่ตอบคำถาม จึงต้องเป็นฝ่ายบอกแทนอย่างสุภาพ 



           แต่สมองของพิคเจอร์ประมวลผลเร็วเกินคาด เขาอุตส่าห์เบาใจคิดว่าอย่างน้อยถ้าอยู่ในห้องนอนส่วนตัว จะหลบสายตาและการกระทำจากคนของคาดอสได้ แต่...ไม่เลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาอึ้งอ้าปากค้าง แทบพูดอะไรไม่ออก


“นี่อย่าบอกนะว่าพวกคุณแอบดูตอนผมแก้ผ้า อาบน้ำ...แล้วก็แต่งตัวด้วย”


“ไดนาดินกลับ!” คาดอสเริ่มจะเหนื่อยใจขึ้นทุกทีๆ เขาไม่เห็นจะมีอะไรที่ชาวไทยคนนี้ต้องทำสีหน้าตกใจขนาดนั้น ผู้ชายด้วยกันเห็นเรือนร่างแล้วจะเป็นอะไรไป


“หยุดนะนายร่างยักษ์ตอบผมมาก่อนว่าคุณแอบดูผมตามที่พูดรึเปล่า”




ปัง!


ประตูห้องปิดลง เสียงร้องตะโกนเมื่อครู่ของพิคเจอร์เปล่าประโยชน์  คาดอสไม่แม้แต่จะฟังเลยด้วยซ้ำ


“ฉันจะไม่ยอมนายอีกแล้ว นายร่างยักษ์” ความค้างคาใจทำให้ร่างบางรีบลุกเดินตามออกไปทันที




แต่แล้วก็ต้องชะงักกับหนุ่มสองคนคุ้นหน้าคร่าตาเป็นอย่างดีเพียงแค่เปิดประตูห้องออกไป



“คุณพิคเจอร์จะไปไหนครับ?” ผู้เฝ้าประตูคนซ้ายถาม


“ไปตามบอสของพวกนายนั่นแหละ” พิคเจอร์ไม่ว่าเปล่า ทำหน้ามุ่ยตอบคำถามแล้วเดินจ้ำอ้าวไปที่ห้องอีกฝ่ายทันที  ทิ้งเอาไว้แต่เสียงหัวเราะในลำคอของคนเฝ้าประตูทั้งสองตามมา


“แปลกว่ะ ชาวไทยคนนี้ดื้อรั้นไม่เบา ไม่เห็นบอสจะโมโหหรือสั่งลงโทษอะไรเลยซักครั้ง”


“ไม่เห็นจะต้องคิดมาก  เพราะไม่แน่เราอาจจะได้บอสคนที่สองเร็วๆนี้”



   เสียงหัวเราะเบาๆประสานกันไปมาอย่างชื่นใจ ไม่เคยเห็นเจ้านายเป็นแบบนี้สักครั้ง ถึงจะอ้างว่าพิคเจอร์มีพลังงานพิเศษและคาดอสต้องการให้เข้าร่วมเป็นพักพวกก็เถอะ



ปังๆๆๆๆ!


      มือเรียวพาดลงประตูต่อเนื่อง ภายในห้องคาดอสกำลังจะเตรียมตัวอาบน้ำ เขาเปลือยกายล่อนจ้อน เสื้อผ้าถูกโยนลงตะกร้าพลาสติก มีเพียงผ้าขนหนูสีขาวผืนเดียวพันรอบเอวเท่านั้น สัดส่วนบนเรือนร่างของคาดอส หากใครได้มาเห็นเว้นแต่บุรุษเพศ จะต้องอยากเอามือไปลูบไล่สัมผัสกล้ามแน่นๆนั่นแน่  อินทรีทองแผ่สยายปีกถูกสักบนอกขวา สวยงามทรงอำนาจน่ามองมากทีเดียว



“บอสครับ!”



“ไปถามเขาว่ามีอะไร?” ร่างสูงสั่งเสียงเรียบ ก่อนตัวเองจะเดินลงอ่างอาบน้ำสีขาวขนาดใหญ่


“ครับ!”


แกร๊ก แอ๊ดดดดด 


ไดดาดินเปิดประตูออกอย่างช้าๆ แล้วยืนนิ่งมองคนหน้ามุ่ยไม่พอใจ


“ผมต้องการคุยกับบอสคุณ”


“บอสกำลังอาบน้ำอยู่ครับ” คนสนิทคาดอสบอกอย่างสุภาพ


“ถ้างั้นฝากบอกบอสคุณด้วยว่า ถ้าไม่เอากล้องวงจรปิดออกไปจากห้องผม ผมจะไปนอนกับเรน”


      ไดนาดินถอนหายใจเบาๆ พอเห็นคนตีโพยตีพายเดินเลี่ยงลงไปด้านล่างตามที่กล่าวไว้ เขาถึงปิดประตู


“ว่าไง?”


“คุณพิคเจอร์บอกว่า...ถ้าบอสไม่เอากล้องวงจรปิดออกจากห้อง เขาจะไปอยู่กับเรนเดลครับ”


“ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายที่งี่เง่าเท่านี้มาก่อน” คาดอสบ่นออกมาภายใต้ใบหน้านิ่งเฉย


“บอสไม่รู้หรอครับว่าคุณพิคเจอร์เป็นอะไร”


“หมายความว่าไง? ”


“คุณพิคเจอร์เขาไม่ใช่ชายแท้นะครับ ”


“อย่างนั้นหรอ?” คาดอสขมวดคิ้วเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง


“เขาคงจะอายมากแน่ ที่ต้องรับรู้ว่าโป๊ต่อหน้าบอสมาสองวันแล้ว”


“ฮึ ปล่อยให้อายไป...ยังไงฉันก็ไม่พิศวาสผู้ชายอยู่แล้ว”


“ครับบอส” ไดนาดินหมดหนทางแล้วที่จะช่วยพิคเจอร์ เขารู้สึกเกรงใจและเสียมารยาทไม่น้อยเลย  แต่ทำยังไงได้ ในเมื่อคา
ดอสพูดคำไหน สั่งทำอะไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น


“ไดนาดิน บอกคนของเราเตรียมตัวให้พร้อม เราจะไปเจอฟ่านหยางเฟยที่ประเทศไทยอีกสองวันข้างหน้า”


“ครับบอส!”


“บอกเรนเดลไม่ต้องไป ให้อยู่เป็นเพื่อนชาวไทยคนนั้นที่นี่”


“ทราบแล้วครับบอส”







ผ่านไปสองวัน...



กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย



        บนชั้นรับประทานอาหารส่วนตัวในตึกใบหยกอันสูงใหญ่ตระการตากลางเมือง ระหว่างร่วมรับประทานอาหารบนโต๊ะวงกลม โดยมีสองหนุ่มทรงอิทธิพลนั่งหันหน้าเข้าหากัน ด้านซ้ายเป็นประมุขอิงจินเซ่อ ด้านขวาเป็นประมุขเหลาสู่หงเซ่อ อินทรีทองกับเสือแดง ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองจีน


     อาหารมากหน้าหลายตา หลากรสชาติน่ารับประทาน แต่สองหนุ่มร่างสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหลาคนละสไตล์กลับนั่งจ้องตากันไม่มีใครเป็นฝ่ายยอมกระพริบตาและชายตามองอาหารบนจานแม้แต่น้อย พร้อมกันนี้กลับมีบริวารทั้งสองฝ่ายยืนรายล้อมฝั่งใครฝั่งมันหลายชีวิต



“ไง คาดอส สบายดีนะ?” นั่งจ้องตาอยู่นาน สุดท้ายหยางเฟยกลับเป็นคนเริ่มเอ่ยถามก่อน


“เข้าเรื่องเลยแล้วกัน!...ไดดาดิน” คาดอสเอียงหน้าบอกคนสนิท


“ครับบอส”


      หนังสือเล่มสีเทาหนาพอประมาณถูกนำมาวางลงตรงหน้าคาดอส และนั่นทำให้อีกคนที่นั่งตรงข้ามยิ้มอย่างพึงพอใจ


“ใจเย็นสิเพื่อนยาก สั่งอาหารมามากมายไม่ชิมหน่อยหรือไง”


“...” คาดอสนั่งนิ่งเช่นเดิม แต่ดวงตาสาดส่องไปที่อาหารตรงหน้า มันก็น่าทานไม่น้อย แต่ว่า...


“ฮ่าๆๆ นายคงไม่คิดว่าฉันจะใส่ยาพิษลงไปในอาหารหรอกนะ?”


“ฉันรู้ว่านายไม่ทำ เพราะผิดวิสัยของเสือแดง”


“รู้อย่างนั้นแล้ว ก็ชิมก่อนสิ อาหารไทยรสชาติกลมกล่อม บางทีนายอาจจะติดใจก็ได้”



        สุดท้ายการร่วมรับประทานอาหารก็เริ่มขึ้น โดยมีฉากเบื้องหน้า รักใคร่ปรองดอง แต่เบื้องหลังภายในใจของทั้งสองคนกลับไม่ได้สวยงามตามฉากที่ว่านั่น แต่ต้องเก็บความแค้นเอาไว้ในใจ เพราะต่างฝ่ายตอนนี้กำลังไปได้สวยและอีกอย่าง หยางเฟยต้องการหลักฐานมากกว่านี้ 



       ฟ่านหยางเฟยฉลาดพอที่จะต่อรองและเจรจาธุรกิจอีกแห่งในประเทศไทย เขาถึงได้เอาลูกน้องติดตัวมาไม่ถึง 10 คนเพื่อให้คาดอสเข้าใจว่าทางเสือแดงไม่ได้ต้องการความขัดแย้ง แต่ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายกลับไม่คิดไว้วางใจประมุขเสือแดงแม้แต่น้อย คาดอสพา 3 ทหารแกร่งเหนือมนุษย์มาด้วย ขาดไปก็แค่คนเดียวนั่นก็คือ เรนเดล เจ้าแห่งธารน้ำแข็งอันหนาวเหน็บและเย็น
ยะเยือก



       ดูจากสีหน้าคาดอส ดูก็รู้ว่ากำลังหงุดหงิดที่อ่านความคิดร้ายกาจของเขาไม่ออก เพราะหยางเฟยพยายามไม่คิดถึงเรื่องการลับพาตัวคนไทยที่คาดอสจับกุมตัวยังไงล่ะ


“เอาล่ะ อาหารมื้อนี้ต้องขอบใจนายมาก เราเริ่มคุยกันดีกว่า ฉันมีงานอื่นต้องทำอีกมาก”คาดอสเอ่ยบอก


“ได้สิ สำหรับหุ้นธุรกิจสินค้านำเข้าจากจีน ฉันอยากให้นายยกตรงนี้ให้ฉันมีสิทธิ์ 50 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด นายจะว่ายังไง?”


“ไม่มีปัญหา”


“ฮ่าๆๆๆๆ ดี พูดกันง่ายๆแบบนี้ก็ดี แล้วตอนนี้นายยังอยู่ที่ลอสแอนเจลิสอยู่รึเปล่าคาดอส”


“ใช่ ฉันต้องทำงานอีกมากที่อเมริกา ”


“แล้วอาณาเขตอิงจินเซ่อที่ปักกิ่ง ก็ไม่มีใครอยู่เลยสินะ?” หยางเฟยหยั่งเชิงถาม


“มี! คนของฉันยังเฝ้าอยู่หลายร้อยคน นายถามทำไม?”


“เปล๊า ไม่มีอะไร ยังไงฉันก็ขอเอกสารหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรหน่อยแล้วกัน”


“ได้สิ...ไดนาดิน เอาเอกสารอนุมัติไปให้ฟ่านหยางเฟย”


“ครับบอส”



ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา



        บริเวณสวนหย่อมหน้าบ้านแสนร่มรื่นยามกลางวัน ลมพัดเย็นสบายแบบนี้  ร่างบางนั่งเล่นอยู่บนเก้าอี้เหล็กทรงเตี้ยตั้งแต่เช้า กำลังตั้งใจทำอะไรบางอย่าง ตรงหน้ามีโครงไม้สำหรับหนีบขึงกระดาษผ้าสีขาวขนาด 60x60 เซนติเมตร  มือหนึ่งข้างถือจานสี อีกข้างถือพู่กัน ละเลงสีนั้นไปพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสและมีความสุขมากที่ได้ทำมัน


    ภาพวาดนี้เป็นภาพคฤหาสน์หลังใหญ่นี้เอง ถูกนำมาเป็นแบบแทบจะยกของจริงมาไว้ในกระดาษเพราะมันเหมือนจริงมาก  กิจกรรมนับสองชั่วโมงถูกสายตาหลายคู่มองดูอยู่ห่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรนเดลและคนเฝ้าประตูห้องนอนทั้งสองคน



“วาดรูปได้สวยมาก” เรนเดลเปรยออกมาลอยๆ


“วาดเหมือนมากครับ ดูดูไปคุณพิคเจอร์ก็น่ารักดีนะครับ” หนึ่งในคนเฝ้าประตูห้องชื่นชม



“คุณเรนเดล เรากำลังถูกจับตามอง จากรั้วทางซ้ายครับ” อีกคนเหมือนจะจับผิดสังเกตอะไรบางอย่างได้รีบกระซิบบอกเจ้าหิมะทันที


“เข้าใจแล้ว พวกนายเฝ้าพิคเจอร์ไว้ ฉันจะไปสืบเอง”




ฟิ้วววววว


            พอสั่งเสร็จเท่านั้น เรนเดลก็ออกตัววิ่งลู่ลมไปที่ริมรั้วนั่นทันที เขารีบกระโดดออกนอกรั้วตามไป  การวิ่งไล่จับเริ่มขึ้น เป็นไปตามที่คาดอสบอกไว้จริงๆด้วย คนของ TR ต้องตามมาสอดส่องทุกเรื่อง รวมทั้งเรื่องของชาวไทยคนนี้



             เรนเดลวิ่งไปไม่มีหยุด เขาเริ่มตามทันแล้ว แต่กลับแปลกใจที่ไม่คิดว่าจะเจออีกคนที่นี่ด้วย มองจากแผ่นหลังตรงนี้ เขามั่นใจว่าไม่ผิดคน เจ้าหิมะวิ่งไล่ต้อนคนพวกนี้จนมุม สุดท้ายรอยยิ้มแห่งชัยชนะก็ปรากฏบนใบหน้าของเรนเดล


“ไม่คิดว่าจะเจอนายที่นี่ อืนจือ!”


“ขอบใจนะเรนที่ไม่ลืม นายนี่โง่ไม่เปลี่ยนเลย!” อีกฝ่ายที่ตัวบางพอกันเอ่ยบอก นั่นทำให้เรนเดลกลับเป็นฝ่ายหุบยิ้ม



“นี่แกหลอกฉันมา?”



“ไม่ได้หลอก แต่นายตามฉันมาเองต่างหากเรน ฮึฮึ!”



พรึบ 




          เรนเดลโมโหสุดฤทธิ์เมื่อคิดไปถึงความปลอดภัยของพิคเจอร์ที่นั่งวาดรูปอยู่ในสวนหย่อม ไม่มีเวลาคิดแล้ว เรนเดลปล่อยธารน้ำแข็งหนาปกคลุมตัวพวก TR ขวางทางไว้ทันที และเลวร้ายที่สุดคือเขาเนรมิตกำแพงน้ำแข็งนั่นขึ้น บริเวณนั้นอุณหภูมิกำลังลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ร่างกายมนุษย์ของอีกฝ่ายกำลังตัวสั่นเทา



“เราจับตัวชาวไทยคนนั้นได้แล้ว ตอนนี้กะเทาะน้ำแข็งนี่แล้วรีบตามไปที่สนามบินเลย!” อืนจือบอกลูกน้องให้เอาปืนยิงทลายกำแพงน้ำแข็งและใช้ไฟแชคหลอมละลายซะ



“รีบไปเร็วก่อนจะแข็งตายกันหมด” เจ้าของอาวุธอาบยาพิษตะโกนบอกลูกน้องอีกครั้งหลังใช้เวลานานร่วมสิบนาทีทำลายน้ำแข็ง




    เรนเดลวิ่งกลับไปที่อาณาเขตอิงจินเซ่อด้วยเวลาไม่นาน แต่ก็ต้องไม่เชื่อตาตัวเอง พิคเจอร์หายไป พร้อมกับคนของพวกเขาที่เจ็บตัว ร้องโอดโอยกันอยู่  แต่ยังดีที่เป็นแค่ส่วนน้อย



“คุณเรน พวก TR มัน....”


“ฉันรู้แล้ว  พาคนของเราที่เจ็บไปโรงพยาบาล อีกส่วนเฝ้าที่นี่ไว้ ที่เหลือเตรียมรถ 4 คันเร็ว!”


“ครับ!”

      เรนเดลคิดอะไรไม่ออก แต่ถ้าให้เดาอืนจือต้องพาพิคเจอร์ไปที่สนามบินแน่! ตอนนี้เขาต้องรีบโทรแจ้งบอสก่อน



“ว่าไงเรน!” แกริคเป็นคนรับสายแทน


“แกริค บอกบอสเดี๋ยวนี้ว่าคนของ TR ลักพาตัวพิคเจอร์ไปแล้ว” ได้ยินเพียงแค่นั้นปลายสายก็ถูกวางไป


“ฉิบหายแล้ว!”



แกร็กแกร็ก!


   แกริคเก็บมือถือแล้วยกปืนขึ้นมาแทน เขาเพ่งจิตดูภาพตามที่เรนเดลบอก มันเป็นอย่างนั้นจริงๆด้วย  เสียงปืนที่ชักพร้อมกับจ่อไปที่ตัวของฟ่านหยางเฟย ทำให้ทุกคนในห้องต้องชักปืนออกมาปะทะกันอัตโนมัติ


“แกริค เกิดอะไรขึ้น” คาดอสเอียงหน้าไปถามอย่างร้อนรน เมื่อทุกคนต่างเอาของเล่นประจำตัวขึ้นมาจ่อกัน



“ฟ่ายหยางเฟย ให้คนไปลักพาตัวพิคเจอร์ไปแล้วครับบอส”



“ว่าไงนะ” คาดอสตาโต ทุกครั้งที่โกรธกระแสไฟฟ้ามักวิ่งแล่นออกมาโดยไม่รู้ตัว สองมือตอนนี้กำลังมีกระแสไฟฟ้าหลากสีที่ดูสวยงามแต่มันจะปลิดชีวิตเป้าหมายทันทีไม่มีพลาด!



:L2:


หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-08-2016 16:10:38
อินจือ ใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำ
แล้วก็ได้ลูกเสือพิคเจอร์
คาดอส โกรธ เพราะเหมือนถูกหยาม
หรือเพราะสูญเสียพิคเจอร์
เรื่องจะเป็นยังไงต่อนะ :ling1: :ling1: :ling1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 22-08-2016 09:36:09
ตอนที่ 6



ผ่านไปหนึ่งวัน...


มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน




          อาณาจักรเหลาสู่หงเซ่อ ภายในห้องลับแสนอับไร้แสงสว่าง ในความมืดสลัวนั้นกลับปรากฏเรือนร่างสลบแน่นิ่งของใครคนหนึ่งบนเก้าอี้ เส้นผมสีดำยาวพอเย้าหยอกกับใบหูได้ ตอนนี้กลับยุ่งเหยิงไม่เรียบร้อย ปากรูปสวยถูกผ้าสีดำมัดเอาไว้แน่น  แขนสองข้างถูกตรึงกับเก้าอี้ท่าทางอิดโรย เหนื่อย และอ่อนแรงนัก 



แกร๊ก! แอดดดดดด



          เสียงประตูไม้ลายสวยถูกทาทับสีน้ำนมเปิดออก เงาสูงใหญ่ถูกพาดยาวบนพื้นห้องไปจนถึงเก้าอี้กลางห้องตัวนั้น แต่ผู้มาเยือนกลับแปลกใจนิดหน่อย เมื่อเห็นผู้ชายร่างน้อยคนดังกล่าวยังไม่ได้สติ


“ยังไม่ตื่นอีกหรอ?”


“เปล่าครับนาย สลบต่อเพราะฤทธิ์ยาเมื่อเช้านี้เองครับ” อินจือเอ่ยบอก


“ฉันขออยู่ตามลำพังกับเขา ปิดประตูซะ” คำพูดนั้นหยางเฟยเหมารวมถึงเจียนเหมิงมือขวาของเขาด้วย



ปัง! 


           เสียงประตูงับปิดลง สองขายาวก้าวย่างไปที่บานหน้าต่างปิดทึบ มือหนาเอื้อมไปแหวกม่านสีทึบออก แสงอาทิตย์ยามเที่ยงสาดส่องเข้ามาภายในห้องแทน


 
           ฟ่านหยางเฟย เดินอ้อมกลับไปด้านหน้า ชายผิวเนียนถูกผ้าปิดปากบังรูปลักษณ์นั้นไว้ ตอนนี้ในใจเขาชักอยากจะเห็นใบหน้าเต็มๆนั้นขึ้นทุกทีแล้ว ในที่สุดผ้าปิดปากก็ถูกแกะหลุดออกไป


           ร่างสูงอึ้งชั่วขณะ ตอนนี้ใบหน้านิ่งหลับใหลไปนั้น ช่างเป็นบุรุษชาวไทยที่อ่อนโยน น่าทะนุถนอมยิ่งนัก ทั้งๆที่แทบไม่ได้รู้จักนิสัยใจคอของคนไร้สตินี้ดีพอ แต่หยางเฟยกลับเชื่อลึกลึกในใจว่าเขาเป็นคนดีและไม่ควรจะใช้ความรุนแรงกับร่างบานี้งเสียเท่าไหร่นัก



“อึก อืออออ”  เสียงร้องครางดังขึ้น นั่นบ่งบอกว่ายาสลบกำลังหมดฤทธิ์



           เปลือกตาสองข้างค่อยๆลืมขึ้นอย่างยากลำบาก สิ่งแรกที่พิคเจอร์เห็นคือ ชายร่างใหญ่ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำ แขนเสื้อทั้งสองถูกพับทบขึ้นจนเกือบถึงข้อศอก ใบหน้าหล่อเหลาราวกับหนุ่มตี๋แดนมังกรห่างเขาไม่ไกลนัก แต่ในความแน่นิ่งบนใบหน้านั้นกลับไม่ปรากฏอารมณ์ใดเลย นอกจากแววตาคู่คมดูทรงพลังนั่นจ้องมองเขาอยู่ แต่พิคเจอร์รับรู้ได้ ว่าเขามองมาอย่างสุภาพพอสมควร



“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ต้องทำแบบนี้!” เสียงทุ้มเข้มนั่นเปรยบอกการกระทำในจิตใจ



          ร่างบางพยายามนึกว่าเกิดอะไรขึ้น หากจำไม่ผิด เขากำลังใช้พู่กันแต้มสีน้ำเข้มทาหลังคาคฤหาสน์ของคาดอสบนกระดาษที่สวนหย่อมหน้าบ้าน หลังจากนั้นก็...จำอะไรไม่ได้อีกเลย



“ผมเป็นอะไรไป แล้วคุณคือคนของคาดอสหรอครับ?”


         ร่างบางไม่เข้าใจเรื่องราวความเป็นมา ความอ่อนโยนของเขามันมีมากเกินกว่าจะตีความโหดร้ายของชีวิตบนโลกได้  นี่เป็นความหนักใจให้กับฟ่านหยางเฟยที่จะบอกคนตรงหน้า และที่สำคัญเขาหงุดหงิดที่ชายหนุ่มน่ารักตรงหน้าเอ่ยถึงชื่อนั้นให้ได้ยิน



“ไม่ใช่! ไอ้คาดอสคือศัตรูของพวกเรา!”



              คนตัวเล็กบนเก้าอี้ขมวดคิ้ว ตอนนี้เขายังเข้าใจว่าอยู่ห้องไหนสักห้องที่บ้านคาดอสแน่ แต่พอได้สังเกตดีดี เขาเริ่มรับรู้แล้วว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนของคาดอสแน่นอน เพราะอย่างแรกชายหนุ่มดูไม่คุ้นหน้า ห้องสี่เหลี่ยมนี่ก็ทาสีไม่เหมือนผนังห้องที่บ้านคาดอส ที่สำคัญในห้องนี้มันอับและรกมาก เหมือนเป็นห้องเก็บของหรือไม่ก็ไม่ได้ใช้งานมานานมาก


กึกกักๆ


“!!!” หัวใจเริ่มทำงานหนักขึ้น เมื่อพิคเจอร์เริ่มขยับมือทั้งสองแต่กลับเหมือนมีอะไรมามัดตึงขึงไว้


“นี่มันอะไรกัน คุณทำอะไรผมครับ” ทั้งที่ยังตกใจแต่พิคเจอร์ยังคงเอ่ยถามด้วยสติน้ำเสียงสั่นเครือนิดๆ


“ผมขอโทษ แต่ที่ผมจับตัวคุณมาผมมีเหตุผลนะ” ร่างบางขมวดคิ้วหนักขึ้นกว่าเดิม


“เหตุผล?”


“ใช่!  ถ้าอยากเป็นอิสระ ช่วยบอกผมทีว่าคุณจะไม่โวยวายและคิดหนีจนกว่าผมจะได้ข้อมูลบางอย่าง”



   ข้อมูลอย่างนั้นหรอ? อะไรกันเห็นเขาเป็นผู้รู้เรื่องทุกสิ่งบนโลกหรือไง แต่ฟังๆไปกลับเกลียดคำว่า อิสระ ขึ้นมาเหลือเกิน ตั้งแต่อยู่ที่ลอสแอนเจลิส นายร่างยักษ์ใบหน้านิ่งนั่นก็ต่อรองเขาแบบนี้ พอมาเจอชายหน้าตี๋หล่อเหลาตรงหน้าก็ต่อรอง อิสระ อีกเช่นกัน มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!



“คุณต้องการอยากรู้อะไร? แต่บอกตรงๆนะ ผมไม่รู้อะไรมากนักหรอก”


“ฮ่าๆๆๆ ใจเย็นๆ สิ่งที่ผมอยากจะถามก็คือ เรื่องของ คาดอส!”


“คาดอส!”


“เอาล่ะสรุปคุณจะไม่คิดโวยวายหรือดื้อรั้นคิดหนีใช่ไหม?”



    พิคเจอร์ไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน ตอนนี้ร่างบางฉลาดพอที่จะรู้ว่าไม่ควรตุกติกกับคนตรงหน้า หากขึ้นชื่อว่าไม่ชอบคาดอสแล้ว นั่นหมายถึงตอนนี้เขากำลังอยู่ในวงล้อมของศัตรูคาดอสแน่นอน


“เอาล่ะคุณเป็นอิสระแล้ว ผมขอถามเลยแล้วกันว่าหลายวันมานี้ ทำไมคาดอสถึงต้องการตัวคุณ!”


“โถ่คุณ คำถามแรกก็ยากแล้ว คุณรู้ไหมว่าผมถูกนายร่างยักษ์ เอ้ย! คาดอสจับตัวไป ผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาต้องการอะไร เขาเอาแต่พูดว่าใครส่งผมมาที่ลอสแอนเจลิส”

          หยางเฟยเอียงใบหน้านิดนิดกับคำตอบ แต่ด้วยลักษณะการพูดและความสับสนของอีกฝ่ายทำให้เขาเชื่อว่าร่างบางไม่ได้โกหก แต่ในทางกลับกันเขากำลังยิ้มในใจให้กับความเป็นตัวเองของชาวไทยคนนี้  แม้สีหน้าเขาจะนิ่งไม่สื่ออารมณ์ออกมาให้อีกคนเห็นก็ตาม



“เอาล่ะ คำถามที่สอง สรุปคุณเป็นใคร?”


“ผมเป็นนักวาดภาพศิลปะครับ บางครั้งก็ไปรับงานสอนพิเศษที่มหาวิทยาลัยบ้าง โรงเรียนเด็กบ้างครับ”


“อย่างนั้นหรอ?” ตอนนี้ร่างสูงไม่ได้ยืนถามคะยั้นคะยอรอคำตอบแล้ว เขาผ่อนคลายตามอีกคนมากขึ้น


...


“ผมขอถามอะไรคุณหน่อยสิ ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนครับ? ”  เมื่อเห็นว่าร่างสูงไม่ถามต่อ เขาเลยขอถามขึ้น


“เซี้ยงไฮ้ ประเทศจีน ” หยางเฟยตอบสั้นๆ แต่ก็สังเกตเห็นอีกฝ่ายเอามือป้องปากตัวเองอย่างตกใจ


“มาได้ไงเนี่ย! จากอเมริกาตอนนี้อยู่เมืองจีน”


“ฮ่าๆๆ เป็นคำถามที่ซื่อมาก ผมก็ให้ลูกน้องพาคุณนั่งเครื่องบินมาไง คุณ...” ร่างสูงเว้นคำพูดไป


“พิคเจอร์ครับ เรียกพิคเฉยๆก็ได้”


“โอเค พิค  ส่วนฉันชื่อ ฟ่านหยางเฟย เรียกว่าหยางเฟยเฉยๆก็ได้” คนอายุน้อยกว่าพยักหน้ารับรู้


“คุณหยางเฟย” เสียงเรียกชื่อน้ำหนักเบา แต่ร่างสูงก็พอจะได้ยินและแปลกกับแววตาอีกฝ่ายมาก


“มีอะไรจะถามผมงั้นหรอ?”


“คุณเป็นคนจีน แต่พูดไทยคล่อง คุณดูมีอำนาจ แต่กลับอ่อนโยน คุณคงไม่ใช่พวกมหาอำนาจใช่ไหมครับ?”


“ถูกแล้วล่ะครับ! ผมคือประมุขเหลาสู่หงเซ่อ หรือ เสือแดง จริงๆคุณน่าจะชินตั้งแต่อยู่กับคาดอสแล้วนะ รายนั้นเป็นประมุขอิงจินเซ่อ ตอนนี้ยิ่งใหญ่กว่าผมเสียอีก”

พูดเรื่องนี้ทีไรเขาเป็นต้องเจ็บใจทุกครั้ง แต่ตอนนี้หยางเฟยต้องหันมาสนใจร่างบางแทน


“พิค อย่าทำสีหน้ากลัวผมเลยนะ ผมไม่เหมือนเขา เพราะผมไม่ใช่ฆาตกรเหมือนมัน!”


“ฆาตกรหรอครับ?” พิคเจอร์ทำตาโต


“ผมแค่คิด…แต่ยังไม่มีหลักฐาน แต่ผมเชื่อว่าเป็นฝีมืออิงจินเซ่อ ผมต้องเสียป๊ากับม๊าไป ไหนจะต้องพลัดพรากจากน้องชายอีก ป่านนี้ผมก็ไม่รู้ด้วยว่า ฟ่านหยางอี้ จะเป็นตายร้ายดียังไงที่ประเทศไทย”



        ร่างสูงน้ำเสียงสลดลง  ร่างบางเข้าใจความรู้สึกนั้นดี ว่าการไร้คนรักในครอบครัวไปมันเป็นยังไง



“ผมเชื่อว่าน้องชายคุณต้องปลอดภัยนะ คุณหยางเฟย”


        พิคเจอร์ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปปลอบใจอีกฝ่าย เขาไม่รู้หรอกว่าคนทรงอำนาจอย่างหนุ่มตี๋นี้ จู่ๆทำไมถึงพูดเรื่องครอบครัวให้ฟัง แต่ที่แน่ๆความรู้สึกเขามันบอกว่าฟ่านหยางเฟยใจดีและดูอบอุ่นกว่าคาดอสมากเลย


“ขอบใจ! อ้อจริงสิ ของใช้สำคัญและหนังสือเดินทางผมให้คนเอามาพร้อม ส่วนสิ่งที่ผมอยากถาม ตอนนี้ก็หมดแล้ว ผมจะปล่อยคุณไป”



        พิคเจอร์ยิ้มแก้มปริ แต่ในขณะเดียวกันเขากลับเสียใจนิดนิด เหมือนมันเร็วเกินไป เขาอยากรู้จักผู้ชายตรงหน้าให้มากกว่านี้ เพราะอะไรนะหรอ...



         ตั้งแต่เติบโตมาแล้วรู้ตัวว่าตัวเองไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบผู้หญิง สเป็คที่พิคเจอร์วาดฝันไว้ว่าอยากเจอนั้น เป็นชายร่างสูง ผิวขาว หล่อตี๋ และอบอุ่น ในขณะเดียวกันก็ดูเท่ห์และทรงอำนาจด้วย ตอนนี้หยางเฟยคือทุกอย่างในจินตนาการ และต้องการอยากเจอมากทีเดียว



“คุณพิค มองหน้าผมมีอะไรรึเปล่าครับ หรือว่าคิดเปลี่ยนใจอยากจะอยู่เที่ยวจีนต่อ!”


“เปล่าหรอกครับ ผมแค่...”


“คิดอะไรกับผมใช่ไหม” ร่างสูงยิ้มมุมปากเดาไปอย่างนั้น แต่มันเล็กน้อยจนพิคเจอร์แทบไม่ทันสังเกตเห็น


“ผมไม่กล้าคิดหรอกครับ อย่างคุณหยางเฟยคงต้องเจอคนที่เหมาะสมสักคนแน่”


“ผมยังไม่เจอเลยสักคน นี่ก็อายุ 30 ปีแล้ว แต่สำหรับผมตอนนี้ชักจะไม่มั่นใจแล้วว่า...คนที่เหมาะสมนั้นบางทีอาจจะปรากฏตัวแล้วก็ได้”



     จริงๆด้วย หยางเฟยตรงหน้าไม่ช้าก็เร็ว เขาจะต้องเจอคนที่เหมาะสม และพิคเจอร์ก็คงต้องแห้วไปตามระเบียบ แต่เขาก็ดีใจนะที่ได้เจอหยางเฟย สเป็คชายในฝัน


“ดีใจด้วยนะครับ เห็นไหมว่าคุณต้องเจอสักวัน” ร่างบางยิ้มกลบความผิดหวังนิดๆ


     หยางเฟยทำสีหน้าฉงนใจนิดๆ เหมือนกำลังรับรู้ว่าอีกคนไม่ได้เข้าใจในสิ่งที่เขาเปรยบอกแน่นอน แต่ไม่เป็นไรค่อยๆให้ร่างบางรับรู้ด้วยตัวเองทีกว่า ตอนนี้เขาเองก็ไม่อยากคิดเรื่องหัวใจ เพราะเรื่องงานมากมายที่ต้องทำ และสะสาง แต่ก็ช่วยไม่ได้คนที่เหมาะสมของชีวิตนั้นก้าวเข้ามาในชีวิตแล้วมีหรอที่เขาอยากจะรามือปล่อยไป

นั่นคือ พิคเจอร์หนุ่มไทยหน้าตาน่ารักคนนี้ยังไงล่ะ





กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย


                 ในคอนโดหรูหราราคาแพง ใจกลางเมืองที่คาดอสซื้อเอาไว้ เขายังไม่บินออกนอกประเทศหรือไปไหนทั้งนั้น  ร่างสูงกำลังโมโหที่ถูกหยามถึงถิ่น ภายในใจกำลังปะทุรุนแรง แต่สีหน้ากลับนิ่งเรียบไร้ความรู้สึกเช่นเคย แววตามองทอดออกไปจากกระจก  มองดูเมืองหลวงที่แสนวุ่นวายของไทยไปพลางๆ แต่แท้จริงแล้วเขากำลังทบทวนเรื่องราวที่ปะทะคารมกับฟ่านหยางเฟยเมื่อวานนี้อยู่ต่างหาก


“เจ็บใจเรื่องเมื่อวานอยู่หรอครับบอส!” ไดนาดินเอ่ยถาม


“ก็แน่ล่ะ จริงๆเพียงกระแสไฟฟ้าของบอส ก็ทำมันตายได้แล้ว แต่สุดท้ายก็...” แกริคหนุ่มผมบอร์นเงียบไป


            มันก็จริงอย่างที่แกริคพูด สุดท้ายกระแสไฟฟ้าสุดแสนบรรลัยนั้นไม่ได้คร่าชีวิตประมุขเหลาสู่หงเซ่อหรือลูกน้องแม้แต่คนเดียว เพียงเพราะคำพูดเดิมพันว่าหากคนของเสือแดงเป็นอะไรไปแค่คนเดียว หยางเฟยจะโทรบอกคนของเขาที่อยู่กับชาวไทยร่างบางนั้น ให้ฆ่าตายซะ


 
             ด้วยความที่รู้จักฟ่านหยางเฟยดี เพราะโตมาด้วยกันระหว่างความบาดหมางสองตระกูล เลยรู้ว่าหยางเฟยไม่ได้พูดเล่น แล้วอำนาจการตัดสินใจของคาดอสเองก็ต้องหยุดไป เพียงเพราะต้องการให้อีกคนปลอดภัย? คิดทบทวนไปมาแล้วยังอดงงกับความคิดตัวเองในตอนนั้นไม่น้อย และตัดสินใจปล่อยหยางเฟยไปให้เป็นฝ่ายชนะแล้วบินกลับประเทศจีน


            ส่วนเขากลับมานั่งกลุ้ม  แต่จะมีซักกี่คนที่เข้าใจเขาว่าตอนนี้เขาสับสน พูดตามหลักไม่เห็นจะต้องห่วงความปลอดภัยคนไทยคนนั้นแม้แต่น้อย แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรอีกล่ะ!


“บอสครับ บอสเคยบอกว่า...ที่ให้คุณพิคเจอร์อยู่ลอสแอนเจลิสต่อเพราะเขารู้ความลับพลังงานของพวกเรามากเกินไป  แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรน่าห่วงเพราะศัตรูที่ว่าเป็นไอ้หยางเฟย พวกมันก็รู้เรื่องพลังงานของเราอยู่แล้ว” เบลซพูดเสริมขึ้นมา


“นั่นสิครับ ทำไมเราไม่เอาคำขู่ของหยางเฟยมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ให้หยางเฟยฆ่าชาวไทยนั่นซะ ความลับของเราก็หายสูญ ส่วนความลับที่หยางเฟยต้องการรู้ ยังไงชาวไทยคนนั้นก็ไม่มีอะไรบอกพวกมันอยู่ดี” แกริคเสริมทับอีก



           สองสมุนคนสนิทพูดขึ้นมา...นั่นยิ่งตอกย้ำทำให้หัวเขาปั่นป่วนไปหมด อย่าว่าแต่แกริคและเบลซเลย แม้แต่ตัวเขาเองก็หาเหตุผลไม่เจอ ทั้งที่เขาเองเกิดมาด้วยความเฉียบขาด ตัดสินใจไม่เคยลังเล แต่เมื่อวานมันเรื่องอะไรกัน!


“ฉันอยากอยู่คนเดียว” สามคนด้านหลังเงียบไป


...


“มีอะไรไม่ชัดเจนในคำพูดของฉันอย่างนั้นหรอ?” คาดอสเอ่ยเสียงเรียบ เมื่อเห็นว่าทั้งสามยังยืนนิ่ง


“ครับบอส!!! ” แกริคและเบลซรีบก้มหัวให้แล้วเดินออกไป เหลือเพียงไดนาดินที่ยืนกุมมืออย่างสุภาพ แต่ก็ทำท่าทีว่าจะตามออกไปด้วยเช่นกัน


“ไดนาดิน! โทรบอกเรนเดลว่าอีกสองวันให้บินไปที่ปักกิ่ง  ฉันจะกลับเมืองจีน!” คาดอสสั่งเสียงเรียบ


“ครับบอส”ในแววตาของคนสนิทที่สุดเข้าใจคำสั่งดี แต่ไม่เข้าใจบอสตัวเองว่าคาดอสกำลังจะทำและคิดอะไรอยู่



ปัง!


      เสียงประตูปิดลงไป คาดอสมั่นใจแล้วว่าในห้องมีเพียงเขาคนเดียว เขาเอนกายนั่งลงที่โซฟาใหญ่นุ่มเขาคิดเอาไว้ไม่มีผิด ว่าซักวันพวก TR ต้องตามมาลักพาตัวชาวไทยแน่ จริงๆพิคเจอร์ก็ไมได้รู้ความลับอะไรขององค์กรเขากับหยางเฟยเลย

แต่ทำไมต้องสนใจความปลอดภัยของอีกฝ่ายด้วย

ทั้งที่ชีวิตของใครคนหนึ่งต้องปลิดชีวิตดับไป มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับเขาอยู่แล้ว

เพราะที่สำคัญเขาไมได้ฆ่าร่างบางด้วยมือเขาเองด้วยซ้ำ



“นี่ฉันต้องไปช่วยนายงั้นสินะ!”



:L2:


หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-08-2016 14:17:54
คาดอส ชอบพิค แล้ว แต่สับสน
หยางฟย ก็ชอบ พิค
แต่็สเป็คของ พิค คือหยางเฟย
เอาไงดีล่ะ คาดอส
รอ     :L1: :L1: :L1:
   :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 23-08-2016 12:35:20
ตอนที่ 7


เช้าวันต่อมา คฤหาสน์หลังคาสีเลือด แดนเสือแดง



ปักปัก!!  ตุบตุบ!! ปักปัก!!


        เสียงนั้นถูกการกระทำจากชายร่างสูง ที่กำลังคิดว่าแผ่นไม้หนาตรงหน้าความสูงพอๆกับตัวเขานั้นเป็นคู่ดวลต่อสู้  ท่อนบนของเขาไร้เสื้อผ้าอื่นใดห่อหุ้มตัว ส่วนท่อนล่างกลับมีกางเกงยาวผิวลื่นขาใหญ่สีดำสวมอยู่

 
       ท่วงท่าลีลาการต่อสู้นั้นช่างสง่างามและดูทรงพลัง หยาดเหงื่อย้อยรินไหลอาบแก้มจากการเผาผลาญร่างกาย  หยาดหยดผุดบนลำตัวพร่างพราวน่ามอง  รอยสักรูปเสือแดงนั้นปรากฏให้เห็นเด่นชัดบนแผงอกซ้าย ลูกน้องเสือแดงมากหน้าหลายตายืนมองดูอยู่ห่างๆ ใกล้ตัวเข้ามาหน่อยเห็นจะเป็นเจียนเหมิง จอมกระบี่ตะวันออก มือชวาของเขา



“นั่นใคร?”    เจียนเหมิงจับความผิดปกติหลังพุ่มไม้นั่นได้


“ผะ...ผมเองครับ” คนซ่อนตัวขานตอบ



       แต่พอเห็นใบหน้าคนซ่อนตัว เจียนเหมิงก็เปลี่ยนสีหน้ากลับสู่สภาพเดิม ส่วนฟ่านหยางเฟยที่ดูเหมือนจะเมามันและสนใจการต่อกรกับแผ่นไม้หนาตรงหน้าก็ชะงักไป  ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปใกล้ชาวไทยคนนี้แทน จนชาวไทยผู้นี้แอบเขินอายชนิดไม่สามารถปกปิดได้



        สำหรับผู้ชายสเป็คในฝันตรงหน้าพิคเจอร์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ต้องปฏิเสธเขาแม้แต่น้อย  ทั้งความตี๋และหล่อเหลาของประมุขเสือแดง มันกำลังทำให้อีกคนราวกับต้องมนต์สะกดก็มิปาน



“ผมเหนื่อยจังเลย ขอน้ำซักแก้วสิ!” ใบหน้านิ่งเอ่ยขอ  แววตาคู่นั้นยิ้มให้อีกคนที่ตัวสูงไม่ถึงคางเขา


“คะ..ครับ”

       จริงๆน้ำเย็นอยู่ในมือลูกน้องฟ่านหยางเฟย แต่ในเมื่อเจ้านายสั่งแบบนั้น คนที่ถือน้ำเย็นดังกล่าวก็เดินยื่นมาให้ชาวไทยตัวเล็กอย่างสุภาพ และพิคเจอร์เองก็รับมันมารินลงแก้ว



“ชื่นใจจัง!” หลังจากดื่มน้ำนั่นได้แก้วเดียว ร่างสูงกลับเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าสดชื่น พร้อมกับเดินไปนั่งลงที่โต๊ะ


         สายตาของลูกน้องมากมายมองมา ถึงมันจะไม่ใช่การมองแบบอยากจะฆ่าให้ตาย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ร่างเล็กสบายใจ ความเกร็งเริ่มแผ่ซ่านเข้ามาในเรือนร่าง จนหนุ่มตี๋หยางเฟยสังเกตเห็นเอง


“พวกนายออกไปก่อน!”


“ครับนาย” เจียนเหมิงก้มหัว แล้วเดินนำทีมออกไป ตอนนี้เหลือแค่เขากับพิคเจอร์แล้ว


“มาแอบดูผมออกกำลังกายแต่เช้าแบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ?” หยางเฟยแกล้งเปรยเล่นๆ


“ปละ..เปล่า นะครับ พอดีผมมาเดินเล่นแถวนี้ แล้วก็...” อีกคนปฏิเสธอย่างรวดเร็ว


“ผมรู้สึกเหมือนน้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้น คุณพิคช่วยดูหุ่นให้ผมหน่อยซิครับว่าอ้วนมากรึเปล่า”


“!!!”


       เอาตรงๆตอนนี้คนตัวเล็กกว่าแทบอยากจะหยุดหายใจ นี่ฟ่านหยางเฟยไม่ได้คิดแกล้งเขาใช่ไหม? เขาอุตส่าห์ละสายตาไม่มองท่อนบนนั่นแล้วเชียว แต่ทำไมถึงได้...



“ว่ายังไง ให้คำตอบผมได้รึยังครับพิค” น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นถามคั้นเอาคำตอบ



      ยิ่งเห็นร่างบางสีหน้าอึกอัก เอาแต่กระอักกระอวลก้มหน้า ยิ่งทำให้เขามีความสุข แก้มสองข้างจากขาวเนียนเริ่มปรากฏสีชมพูระรื่น มันน่ารักมากเลยทีเดียวสำหรับฟ่านหยางเฟยในตอนนี้ แต่ใบหน้าเขากลับไม่ปรากฏอาการใดๆออกมา มีเพียงความแน่นิ่งเช่นเดิม



“ยะ...ยังไม่อ้วนหรอกครับ”


“จริงหรอ? แล้วหุ่นของผมตอนนี้คุณพิคคิดว่าเป็นยังไงครับ?”


“!!!”


          ร่างบางตกใจอีกรอบ หัวใจเต้น ตึ๊กตั๊กตึ๊กตั๊ก นี่ถึงขั้นจะให้เขาเอ่ยพรรณนาบรรยายเรือนร่างอีกคนให้เจ้าตัวฟังเลยหรือ?


“ว่ายังไง?” อีกแล้ว...เร่งรัดเอาคำไตอบอีกแล้ว


“ทะ...เท่านี้ก็หล่อแล้วครับ”


“ผมหมายถึง...ในสายตาของคุณ ผมหล่อรึยัง?”


“หล่อแล้วครับ!!!”


“ทำไมไม่เงยหน้ามามองผมล่ะ หรือว่าแท้ที่จริงแล้ว คุณแกล้งหลอกให้ผมดีใจไปอย่างนั้น?” ร่างสูงแกล้งน้อยใจ แต่นั่นมันทำให้อีกคนรีบเงยหน้ามองเรือนร่างขาวกำยำทันที


“หล่อครับ คุณหยางเฟยหล่อมากครับ”


“ขอบคุณนะ” ร่างสูงยิ้มบาง


“ครับ?”


“อย่าสนใจเลย เข้าบ้านเถอะ มื้อเช้าคงพร้อมแล้ว ไปทานเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ”


“ครับ”  ไม่มีอะไรที่ต้องปฏิเสธตอนนี้พิคเจอร์รู้สึกดีมากอย่างบอกไม่ถูกเชียวล่ะ





ผ่านไปอีกวัน....


        ตอนนี้คาดอสบินกลับประเทศจีน มหานครปักกิ่ง พร้อมกับคนสนิทเรียบร้อยแล้ว ภายในบ้านที่แสนจะสวยงาม ภายนอก
ปลูกต้นไม้ยืนต้นมากมายให้ความสดชื่นร่มรื่นเย็นสบาย  แต่จิตใจประมุขใหญ่เจ้าของบ้านกลับไม่เป็นอย่างนั้น มีคนอยู่ภายในห้องโถงหรูมากมายแต่ไร้ซึ่งเสียงการพูดคุย มีเพียงลมหายใจที่แทบจะดังจนได้ยินอยู่แล้ว   


“บอสครับ! ทานข้าวต้มกุ้งหน่อยไหมครับ”

         ไดนาดินถามพลางถืออาหารที่ว่าอยู่ในมือ มองดูแล้วเป็นห่วงเจ้านายตัวเอง ตั้งแต่บินกลับมาทั้งข้าวเช้า เที่ยง ยังไม่แตะเลยสักมื้อ เขาไม่เคยเห็นคาดอสเป็นแบบนี้


“...”


“บอสครับ!”


“อีกสองวัน เราจะไปที่เซี่ยงไฮ้!” ร่างสูงเอ่ยบอกทุกคนแทนคำตอบว่าจะทานหรือไม่ทานข้าวต้มกุ้ง


“ครับบอส!”


      คาดอสลุกจากเก้าอี้ เดินขึ้นชั้นสองไป ทิ้งไว้แต่ความแปลกใจและแววตาสงสัยของลูกน้องที่มองตาม พวกเขาไม่เคยเห็นคาดอสบอสของเขาสนใจหรือว่าใส่ใจใครมากเท่านี้มาก่อนเลยจริงๆ


“เอาตรงๆนะ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมบอสถึงเป็นห่วงชาวไทยคนนั้นด้วย” แกริคเอ่ยขึ้นลอยๆอย่างขัดใจ


“เพราะเขาเป็นคนดีไง ไม่ได้ใจแคบเหมือนนาย!” เรนเดลพูดใส่อีกคนแล้วเดินสะบัดหน้าไปทางหลังครัว


“ฮ่าๆ ไม่ตามไปง้อหรอแกริค?” เบลซยืนขำเพื่อนสนิทผมบอร์นทอง


“จะบ้าหรอ..ตามไป มีหวังเรนเดลแช่แข็งฉันไปทั้งตัวแน่ คนอะไรดุชะมัด”


“แต่นายมีความพิเศษ มองเห็นอนาคตได้ด้วยไม่ใช่หรอ ต้องรู้สิว่าเรนจะจู่โจมนายตอนไหน”


“ไม่เอาหรอก มันไม่คุ้ม” แกริคแหยะปาก


         ไดนาดินยังไม่สบายใจนัก เขายังเป็นห่วงบอสมากทีเดียว จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าคาดอสกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ตั้งแต่รู้จักกับเจ้านายมา ไม่มีเรื่องอะไรทำให้ประมุขอินทรีทองผู้นี้เดือนเนื้อร้อนใจได้  แม้ว่าสีหน้าคาดอสนั้นจะไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเลยก็ตาม



ก๊อกๆๆๆ 


เสียงประตูดังขึ้น ร่างสูงรับรู้ได้ทันทีว่าเป็นไดนาดินคนสนิทของเขาเป็นคนเคาะ


“เข้ามา!”


แอดดดดด


เสียงประตูถูกผลักเข้ามา ไดนาดินก้าวเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างสุภาพ


“มีอะไร?” คาดอสเอ่ยถามเมื่อเห็นลุกน้องหยุดนิ่ง


“ผมไม่สบายใจ ท่าทางบอสเป็นห่วงชาวไทยคนนั้นมาก ทำไมกันครับบอส”


“ฉันไม่มั่นใจ!” ใช่!!!...คาดอสไม่รู้จริงๆว่าเพราะอะไร เขาก็ไม่มีอะไรจะปิดบังลูกน้องตัวเองอยู่แล้ว


“แต่ผมพอจะทราบสาเหตุ” คำพูดนั้นทำให้คาดอสหันขวับไปมองคนสนิททันที


“ผมขออนุญาตเดานะครับ”


“ว่ามา...” เขาเองก็อยากรู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นอะไรกันแน่ แย่มากใช่ไหมที่เขานั้นไม่รู้ความรู้สึกตัวเอง


“บอสกำลังเป็นห่วงชาวไทยคนนั้น เพราะว่าเขามีพลังงานพิเศษ ซึ่งหาได้ยาก!”



“...”


       คาดอสทำสีหน้าครุ่นคิดไปตาม มันอาจจะจริง บางทีเขาอาจจะเสียดายหากปล่อยให้พิคเจอร์หลุดมือไป เพราะเหตุนี้สินะเขาถึงรู้สึกอยากให้พิคเจอร์กลับมาอยู่ในการปกครองของเขาอีก อยากให้ร่างบางนั้นมาอยู่ใกล้ๆตัวตลอดเวลา


“บอสครับ!”


“ว่าไง” น้ำเสียงคาดอสอ่อนลง


“ถ้าได้ตัวคุณพิคเจอร์มาคราวนี้ ผมคิดว่าบอสควรให้ด๊อกเตอร์บารอน ฉีดสารกระตุ้นพลังงานนั้นเลยจะดีกว่านะครับ”


“มันไม่เป็นการบังคับเขาไปหน่อยหรอ?” สุดท้ายคาดอสก็แอบเผลอพูดเกรงใจอีกฝ่ายขึ้นมาไม่ทันคิด


“แต่อย่างน้อย หากเขาอยู่ไกลสายตาบอส เขาจะได้ใช้พลังงานปกป้องตัวเอง และใช้การเคลื่อนตัวที่รวดเร็ววิ่งหนีพวก TR ได้นะครับ” ไดนาดินให้คำแนะนำ


“แต่ตอนนี้ไม่มีวี่แววว่า ทางฟ่านหยางเฟยจะโทรมาเย้ยหยันเรา” คาดอสเปรยบอก


“นั่นอาจเป็นเพราะว่าตอนนี้ ชาวไทยคนนั้นอาจจะยังไม่ตายก็ได้นะครับ”


“ไม่หรอก ฉันรู้จักนิสัยไอ้หยางเฟยดี มันไม่ทำร้ายคนอ่อนแอไม่มีทางสู้”


“ถ้าอย่างนั้นบอสก็น่าจะหายกังวลได้แล้วนะครับ ปล่อยคุณพิคเจอร์ให้ใช้ชีวิตของเขาปกติไป”



“...”


            ทุกอย่างที่ไดนาดินพูดมันถูกต้องทุกอย่าง แต่ในใจประมุขอินทรีทองตอนนี้มันเสียใจแปลกๆหากจะปล่อยให้ร่างบางนั้นหายไปจากเขา หรือว่านี่อาจไม่ใช่สาเหตุที่ว่า พิคเจอร์มีพลังงานพิเศษที่เขาอยากได้ แต่เป็นเพราะสาเหตุอื่น แล้วสรุปมันคืออะไรกัน! ทำไมเขาถึงยังต้องการตัวของชาวไทยคนนี้อยู่



“หรือว่า…” ไดนาดินหยุด พร้อมเงยหน้ามองคาดอส แล้วรีบลบความคิดซะ ก่อนที่คาดอสจะอ่านใจออก


“พูดออกมา!” คาดอสเห็นความว่างเปล่าในความคิดคนสนิท เลยอยากรู้ความคิดที่ลบทิ้งนั้นไป


“ผมอาจจะคิดไปเรื่อย บอสอย่างใส่ใจเลยครับ”


“ไดนาดิน! ” เสียงทุ้มตะหวาดขึ้นเสียงดังก้อง


“สิ่งที่ผมคิดมันไม่มีทางเป็นไปไม่ได้หรอกครับบอส”


“นายกล้าขัดฉัน!”


“ผมไม่กล้าครับ บอสอย่าเข้าใจผิด” ไดนาดินคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีอะไรปิดบังเจ้านาย


“สรุปแล้วเพราะอะไร?” คาดอสเสียงอ่อนลง


“เพราะบอสกำลังแอบชอบคุณพิคเจอร์อยู่ยังไงล่ะครับ”


“!!!”


       ประโยคนั้นทำให้คาดอสอึ้งไปพอสมควร หัวใจเขาเต้นแรงขึ้น ทำไมหัวใจเขาต้องเต้นหนัก เพราะอะไรกัน? แต่สิ่งที่ไดนาดินพูดมันไม่มีทางจริงแน่

เขาไม่ได้ชอบผู้ชาย!!!

ต้องไม่ใช่แน่แน่!!!

มันต้องเป็นสาเหตุอื่น





หลายวันผ่านไป เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน


          อินจือถูกรับมอบหมายให้เป็นคนดูแลพิคเจอร์แทนฟ่านหยางเฟย เพราะประมุขเสือแดงบินไปทำธุระที่ประเทศแอฟริกาใต้เรื่องเหมืองทองคำ อีกสามวันถึงจะบินกลับจีน ชาวไทยร่างบางยังคงใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่น่าจะนานกว่านี้นัก เขาตั้งใจว่าอีกสักพักเขาคงจะต้องบินกลับประเทศไทยแล้ว



          เอาความจริงก็คือเงินที่พิคเจอร์เก็บเอาไว้ใช้มันเริ่มจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ แต่เขาได้เผื่อและวางแผนไว้หมดแล้ว  ในจำนวนเงินเหล่านี้เขามั่นใจว่าจะพอสำหรับกลับประเทศครั้งนี้แน่



          และตอนนี้เขาออกมาเดินซื้อของติดไม้ติดมือกลับประเทศไทยที่ตลาดย่านการค้าใกล้คฤหาสน์ของเสือแดง  โดยมีอินจือผู้มีเรือนร่างบอบบางไม่ต่างจากเขานักเป็นผู้ตามติดใกล้ชิดดูแล



“อันนี้ก็สวยดี อินจือมานี่หน่อยสิ” มือเรียวกวักเรียกอีกคนที่เอาแต่หันซ้ายหันขวาดูแลความปลอดภัย


...


“อินจือ…” พิคเจอร์เรียกอีกรอบ แต่ก็ไร้เสียงตอบรับ

...



“อินจือ?”



“ฮะ อะ...เอ่อ ครับ คุณพิคเจอร์”


“ทำไมต้องจริงจังขนาดนั้น ไม่มีใครมาลักพาตัวผมหรอก” ชาวไทยยิ้มละมุน


“ไว้ใจไม่ได้หรอกครับ เพราะคนของคาดอส เราประมาทไม่ได้!” อินจือกระซิบกระซาบบอก


“ลองนายน่ายักษ์นั่นโผล่มาสิ ผมนี่แหละจะแจ้งตำรวจท่องเที่ยวจับเขา” ร่างบางเอ่ยพร้อมมุ่ยหน้า


“ผมไม่คิดว่าคุณจะกล้าพูดให้คาดอสขนาดนี้” ใบหน้านิ่งเรียบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเท่าไหร่


“เอ่อ...” พิคเจอร์ไปไม่ถูก  แต่มันก็จริงอย่างที่อินจือพูด ทั้งที่ตอนนี้เขาก็รู้กิตติมศักดิ์นายร่างยักษ์ดีขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงได้กล้าพูดอะไรแบบนี้ออกไปนะ เขาอาจจะตายได้ง่ายๆถ้าร่างสูงนั่นคิดเอาเรื่องหรือเคืองโกรธเขาขึ้นมา



“รีบกลับเถอะครับ ผมรู้สึกว่าตอนนี้...”

          จอมอาวุธลับพูดยังไม่ทันจบก็ยืนตัวแข็งทื่อ เงียบเสียงไปเสียดื้อๆ รวมทั้งคนติดตามมาสองคนด้วย



“อินจือ นายเป็นอะไร”

            พิคเจอร์ตกใจวางของที่จะซื้อลง แล้วเดินเข้ามาดูใกล้ๆ เอามือจับดูตรงโน้นตรงนี้เช็คอาการแปลกไปของอินจือ


“นี่...ทำไมไม่พูดล่ะ? อย่าเงียบสิ ผมใจไม่ดีนะ” แต่ว่าอาการแบบนี้เหมือนเห็นที่ไหน?



“สวัสดีครับคุณพิคเจอร์!”


       เสียงที่ดังมาจากข้างหลังนั่น! ทำให้เขาสะดุ้งโหยง มันทั้งคุ้นหูและคุ้นเคย  เร็วเท่าความคิดร่างบางหันขวับกลับไปมอง ก็ต้องเบิกตากว้าง ไม่ใช่เพราะนึกคนเอ่ยทักเขาออก

แต่เป็นเพราะอีกคนที่ตัวสูงกว่ามากยืนใกล้ตัวเขาในเวลานี้!


ใบหน้านิ่งๆนั่น เหมือนหุ่นปั้นก็ไม่ปาน


ทำไมเขาจะจำไม่ได้



หมับ!




:L2:


หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 23-08-2016 17:00:27
อยากอ่านต่อจังเลย
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-08-2016 20:31:23
คาดอส ชอบพิคเจอร์
พิคเจอร์ สนใจหยางเฟย เพราะถูกสเป็ค
แล้วหยางเฟย ชอบพิค หรือเปล่า :katai1: :katai1: :katai1:
คาดอส รวดเร็ว มาหาพิคแล้ว
แต่พิค จะอยากไปกับคาดอสหรือเปล่า? :katai1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 24-08-2016 00:43:16
พิคเจอร์กับหยางเฟย เป็นพี่น้องกันรึป่าว
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 24-08-2016 09:00:31
ตอนที่ 8


“นายร่างยักษ์!!!” คนตัวเล็กร้องครางอยู่ในลำคอ


“ไดนาดิน ลบล้างความคิด พวกเหลาสู่หงเซ่อสามคนนี้ให้หมด!” คาดอสหันไปสั่งคนสนิทที่ยืนด้านหลัง


“ครับบอส!”           


“นี่มันอะไรกัน...ปล่อยแขนผมนะ จะพาผมไปไหน!”

          ปากก็พูดไปอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้มีเรี่ยวมีแรงอะไรจะขัดขืนอยู่แล้ว  นานแค่ไหนไม่รู้ที่ถูกจูงมือไป จนกระทั่งตัวของพิคเจอร์เองได้เข้ามานั่งในรถไฟฟ้าความเร็วสูง แต่แปลกตรงที่ภายในบริเวณสถานี ผู้โดยสารกลับดูบางตายังไงชอบกล



           ภายในรถไฟฟ้ายิ่งไปกันใหญ่ หนุ่มชาวไทยหันซ้ายแลขวา ทั่วทั้งลำไม่มีคนอื่นเลยนอกจากคนในชุดสูทเฉดสีคุ้นตานั่นเต็มไปหมด คาดอสปล่อยข้อมือเล็กให้เป็นอิสระ ก่อนที่ เบลซ หนุ่มหล่อร่างใหญ่จะเข้ามาทำหน้าที่ต่อ ตัวของพิคเจอร์ถูกล็อคให้นั่งติดกับเบาะ ร่างบางขัดขืนแม้ภายในใจจะรู้ว่ายังไงก็ไม่มีทางสู้ ส่วนเจ้านายของคนเหล่านี้เดินไปนั่งลงตรงข้ามกับพิคเจอร์
ส่งสายตาทอดมองมาอย่างกับคนไร้ชีวิต



          สุดท้ายขบวนรถไฟฟ้าก็ออกตัว เคลื่อนที่เร็วกว่าที่คาดคิดไว้ สมชื่อรถไฟสายด่วนของจีนจริงๆ ในใจหนุ่มไทยก็คิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อยว่าคาดอสจะพาเขาไปที่ไหน? แต่ดูจากทิศทางของดวงอาทิตย์ยามบ่ายคล้อยแล้วนั้น คาดว่าตอนนี้เขากำลังมุ่งหน้าขึ้นทางทิศเหนือของจีนแน่นอน


ผ่านไปนานเป็นชั่วโมง...

          ไม่มีเสียงพูดคุยอะไรเลย พิคเจอร์แอบนึกแปลกใจว่าคนเหล่านี้อยู่นิ่งๆกันได้ไง คือคนเคยอยู่เคยสนิทสนมกันมันก็ต้องมีปริปากคุยกันบ้างไม่ใช่นั่งนิ่งสีหน้าเรียบเฉยมองหน้ากันไปมา เงียบใครเงียบมันแบบนี้ มันพลอยทำให้ร่างบางอึดอัดมากเลยทีเดียว



“คุณเป็นอะไรไหม?” จู่ๆเสียงทุ้มนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง ตัวเล็กหันขวับไปมองคนถามทันที


“เป็นสิ! เป็นมากด้วย ทำไมผมต้องมาเจอคุณในที่ที่ไกลจากอเมริกาขนาดนี้ด้วย” ร่างบางหน้ามุ่ย



           คาดอสเหลือบมองพิคเจอร์ต่อนิดเดียว ก่อนจะหันไปมองทางอื่นแทน เขาเหนื่อยที่ต้องทะเลาะกับร่างบางเต็มทีแล้ว เขาอยากพูดดีดีด้วยบ้าง แต่ฟังจากบทสนทนาเมื่อครู่รู้เลยว่าอีกคนไม่อยากจะคุยอะไรกับเขาเท่าไหร่นัก



...



“หยางเฟยถามอะไรคุณบ้าง?” สุดท้ายเขาก็เปรยถามอีกรอบ



“อ้อ...ที่ตามมานี่ เพราะเป็นห่วงองค์กร กลัวความลับจะเปิดเผยนี่เอง!” คาดอสขมวดคิ้วนิดนิด นี่คนตรงหน้าเขาเข้าใจผิดแล้ว  แต่พิคเจอร์ไม่ได้แสร้งเอ่ยประชดแน่เขารู้ดี เด็กนี่ซื่อเกินกว่าที่จะมีเล่ห์เหลี่ยมในคำพูดของตัวเอง



     แต่ตอนนี้เขาขี้เกียจอธิบาย เพราะถ้าเขาแย้งว่าไม่ใช่เรื่องอย่างที่ร่างบางเข้าใจตอนนี้ มีหวังต้องถูกเค้นถามความจริงที่จับตัวมาอีกแน่ ซึ่งนั่นมันยากสำหรับคาดอส เพราะเขาไม่รู้ว่าจะตอบอีกคนยังไง



“บอสทำไมไม่บอกคุณพิคเจอร์ไปล่ะครับ!” เบลซที่นั่งเบาะถัดจากพิคเจอร์ไปไม่ไกลพูดขึ้น


“...” คาดอสนั่งนิ่งมองทิวทัศน์นอกกระจกแทน แต่นั่นยิ่งทำให้พิคเจอร์อึดอัด เพราะเขาไม่เข้าใจว่าเจ้านายกับลูกน้องพูดเรื่องอะไรกัน



“คุณยังไม่คิดจะเลิกกักขังชีวิตผมอีกหรอ? รู้อะไรไหมขนาดฟ่านหยางเฟยเขายังไม่กีดกันอิสระของผมเท่าคุณเลย ” พิคเจอร์เอ่ยเปรียบเปรยไปตามรู้สึก แต่....นั่นทำให้คาดอสเหมือนถูกหยามพร้อมกับกำมือแน่น



“คุณพิคเจอร์มองดูข้างทางสิครับ ทุ่งหญ้าสีเขียว สวยดีนะครับ”



       คนที่นั่งนิ่งข้างคาดอสบอสของเขาตลอดทางอย่างไดดาดิน จู่ๆกลับเอ่ยชวนร่างบางให้หันไปมองตามที่บอกแทน   ในใจของคนสนิทรู้ดีว่าคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจของพิคเจอร์กำลังทำให้คาดอสหงุดหงิด แม้ร่างสูงใหญ่จะนั่งนิ่งใบหน้าเรียบเฉยก็ตาม




“ไม่มีที่ไหนสวยเท่าเมืองไทยของผมหรอกครับ” น้ำเสียงอ่อนปนประชดแต่แฝงไปด้วยความคิดถึงบ้าน



          ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ต้องนั่งอยู่ในรถไฟฟ้าความเร็วสูงนี้กับเจ้านายใหญ่แห่งอินทรีทอง จากค่อนบ่ายตะวันยังไม่ตกดิน จนกระทั่งตอนนี้พระจันทร์กลับกระโดดขึ้นขอบฟ้าส่องแสงนวลเต็มดวงแทน ร่างเล็กเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ แต่ที่แน่ๆตอนนี้พวกเขาเดินทางมาถึงสถานีรถไฟฟ้ามหานครปักกิ่งแล้ว



“ปลุกเขา!” คาดอสสั่งเสียงเรียบก่อนจะลุกออกจากที่นั่งไปยังประตูทางออก ผ่านไปสักพัก...



“บอสครับ คุณพิคเจอร์หลับลึกมาก เกรงว่าถ้าปลุกตื่นแล้วจะทำให้เขาหงุดหงิด” ไดนาดินเดินออกมาบอก




            หนุ่มหล่อยืนคิดอะไรชั่วครู่ สุดท้ายก็เป็นฝ่ายกลับเข้าไปในรถไฟฟ้าแทน ทันทีที่เดินมาถึงร่างนั้นเขาก็ปลดสายรัดคาดเอวนั่นออก พร้อมกับช้อนตัวอีกคนที่หลับใหลในท่าอุ้มเจ้าสาว



             ดวงตาทรงอำนาจเหลือบก้มมองใบหน้าเนียนหลับสนิทนิดนิด ก่อนจะพาออกไปขึ้นรถสีดำยี่ห้อหรูอีกสี่คันด้านหน้าสถานี ที่จอดรอเจ้านายก่อนหน้านี้           



              รถยนต์คันหรูเลี้ยวเข้าสู่รั้วประตูของอิงจินเซ่อ ไฟมุขเสาประตูปรากฏรูปปั้นอินทรีทองตัวใหญ่สองตัวประดับสวยงามต้อนรับ ลูกน้องในชุดยูนิฟอร์มรอโค้งคำนับหลายชีวิต ทันทีที่รถจอดสนิท คาดอสก็หันมามองใบหน้าอีกครึ่งที่ไม่ได้พิงไหล่เขา แก้มเนียนและลมหายใจพ่นเข้าออกยังไม่รู้ตัวว่ามาถึงจุดหมายแล้ว ร่างสูงค่อยๆช้อนอุ้มประคองร่างบางลงจากรถอีกครั้ง



              ในอ้อมแขนเจ้านายที่ปรากฏเป็นบุรุษเพศนั้น ทำให้ลูกน้องทั้งหลายยืนมองอย่างสงสัย แต่ไม่มีใครกล้าถามเลยสักคน ที่นี่คืออาณาจักรของอิงจินเซ่อ มีความสมบูรณ์แบบในอำนาจและอิทธิพลมากกว่าบ้านพักที่อื่นๆ เพราะที่ปักกิ่งนี้ ทุกอย่างมันดีไซน์ออกมาแนวผู้ทรงอำนาจแดนมังกรเต็มรูปแบบ พื้นที่กว้างใหญ่ เป็นส่วนตัว และดูจะเสริมบารมีของประมุขอย่างคาดอสได้
เป็นอย่างดี



              บ้านหลังนี้เป็นสิ่งเดียวที่ฝ่ายคุณตาหรือพ่อของม๊าได้ทิ้งไว้ให้สืบต่อ ความใหญ่โตของวัตถุตรงหน้านี้ คนหลับใหลไร้สติในอ้อมแขนคงยังไม่ทันได้เห็นมัน เห็นทีต้อรอให้ตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้เช้าแล้วค่อยว่ากันอีกที 


แต่ค่ำคืนนี้สิ่งที่คุยวางแผนเอาไว้กับไดนาดิน เขาจำเป็นต้องทำ เพราะความเป็นห่วงมากกว่า...



เช้าวันใหม่...


“อืมมมมม” เสียงร้องครางหลังเต็มอิ่มกับการพักผ่อน แต่พอลืมตาได้เท่านั้นกลับสะดุ้งลุกนั่งบนเตียงนุ่ม


“ที่นี่ที่ไหนเนี่ย?” สีหน้างุนงงพร้อมกับกวาดสายตาดูทุกซอกทุกมุม ห้องนี้กว้างใหญ่มาก แถมยังมีห้องอื่นๆแยกออกไปอีก แต่กลับเชื่อมต่อกันแบบไร้ประตูกั้น หันไปมองสำรวจอีกทีจะมีก็แต่ประตูห้องสีดำบานหนึ่งที่ปิดกั้นระหว่างในห้องกับนอกห้อง



       ในห้องนี้ต่างจากห้องนอนที่เซี่ยงไฮ้ของฟ่านหยางเฟย วัตถุตกแต่ง ม่านเพดาน ส่วนใหญ่เน้นโทนสีทอง  ครีม และดำ รูป
ปั้นอินทรีทองตาแดงขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่พร้อมสยายปีกเหมือนจะบินถูกจัดวางโชว์กลางห้องสวยงาม ผ้าม่านผ้าปูดูหรูหราไปหมด เขาไม่คิดจะสงสัยเหมือนตอนตื่นขึ้นมาเห็นหยางเฟยในห้องรกอับ เพราะรู้ดีว่าตัวเองนั้นมาอยู่ที่ได้ยังไง?


แกร๊ก!!!

ประตูถูกเปิดเข้ามา สายตาเหลือบมองอัตโนมัติแต่นั่นก็ทำให้อีกฝ่ายเผยยิ้มออกมาได้



“เรน!”


“โทษทีพิค เรานึกว่านายยังไม่ตื่นเลยไม่ได้เคาะประตูกลัวจะรบกวนนาย” เรนเดินถือถาดข้าวเช้ามาให้


“ไม่เป็นไรหรอก เราคิดถึงนายมากเลยนะ สบายดีไหม?”


“สบายดีแต่...เราไม่สบายใจ เราขอโทษที่ดูแลนายไม่ดี ปล่อยให้พวกนั้นลักพาตัวนายไป”


“อย่าโทษตัวเองเลย เราปลอดภัยดี อีกอย่างคนเหล่านั้นเขาใจดีกับเรามาก ว่าแต่ทำอะไรมาให้กิน....ห้อม หอม” ร่างบางทำสีหน้าอยากรู้พร้อมสูดกลิ่นที่โชยมาแตะจมูก


“ไม่มีอะไรแปลกใหม่หรอก นี่ก็น้ำซุปร้อนๆ ใส่หัวไชเท้าหน่อยๆพริกไทดำนิดๆ กับข้าวสวยหนึ่งถ้วย ส่วนนี่ก็หมูแดงเนื้อนุ่ม ในถ้วยเล็กคือซอสหวาน หวังว่าจะเทียบอาหารที่ประเทศไทยของนายได้นะ”


“เท่านี้ก็วิเศษแล้วเรน ขอบใจนะ” มือเรียวรีบคว้ามือรับถาดข้าว  พิคเจอร์เงียบไปสักพักก่อนตัดสินใจพูด


“เรน!...ช่วยอะไรเราหน่อยได้ไหม?”


“อะไรล่ะ”


“เราอยากกลับประเทศแล้ว อีกไม่กี่วันจะได้กลับแล้วเชียวแต่เจ้านายของเรนก็ยังตามไปจับเราพามาที่นี่... ว่าแต่ที่นี่ที่ไหน?”


“ที่นี่คือปักกิ่ง ไกลจากเซี่ยงไฮ้ 1,300 กิโลเมตร ส่วนที่จะให้ช่วยนายกลับประเทศ เราไม่รับปากนะ”


“โถ เรน สงสารเราเถอะ!” พิคเจอร์อ้อนวอนจากใจจริง



“เรนเดล! ไปทำงานอื่นได้แล้ว”

        เสียงทุ้มดังไล่หลังมา ทำให้ทั้งสองคนหยุดชะงัก คาดอสเข้ามาในห้องเงียบๆ เรนเดลไม่ทันรู้ตัวก่อนจะก้มหัวรับคำสั่ง หันหลังเดินออกประตูไป


     ใจจริงก็หิวนะ อาหารเช้ามันหอมมากเลย แต่พอเห็นนายร่างยักษ์เท่านั้น ร่างบางถึงกับวางตะเกียบลง


“ไม่อร่อยหรอ?” คาดอสเป็นห่วง เพียงแต่น้ำเสียงมันแข็งทื่อไปหน่อย


“ยังไมได้ทานหรอก!...เอ่อ คุณ! ที่ผมพูดคุณคงได้ยินแล้วใช่ไหม ผมอยากกลับประเทศจริงๆนะ”       



       เขาได้ยินแล้ว ได้ยินชัดด้วย แต่...ลึกๆคาดอสไม่ต้องการให้พิคเจอร์กลับประเทศตอนนี้ เพราะอะไรกันนั้น เขาก็ตอบตัวเองยังไม่ได้ แม้ว่าทั้งคืนเขาจะนอนไม่หลับเพราะคิดเหตุผลนี้อยู่ แต่ที่แน่ๆเขาอยากให้พิคเจอร์อยู่ต่อ เขาเองต้องเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วสินะ


“ผมเอาภาพวาดของคุณจากอเมริกามาด้วย ” หนุ่มไทยทำตาโต


“ขอบคุณ...ผมนึกว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอมันแล้วซะอีก จริงๆมันยังไม่เสร็จดีเท่าไหร่” พิคเจอร์ยิ้มดีใจ รับงานศิลป์ของตัวเองออกมาคลี่ดู แต่ท่าทางเหล่านั้นทำให้คาดอสแอบยิ้มในใจไปด้วย



“ผมต้องออกไปทำธุระ บ่ายๆถึงจะกลับมาอีก” คาดอสเปรยบอกอีกคน นั่นทำให้พิคเจอร์งงและสงสัย ปกติร่างสูงจะไปไหนมาไหนไม่เคยเห็นบอกเขาให้รับรู้ด้วยซ้ำ แล้ววันนี้คิดยังไงถึงได้มาบอกก่อน


“เอ่อ...” ร่างบางสบตาคาดอสไม่รู้จะพูดอะไรดี นั่นสิเขาจะพูดอะไรกลับไปล่ะ...ระหว่าง รับทราบครับหรือว่า…อืม! ดี



     แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรเลย คนตัวสูงงก็หันหลังกลับออกไป แต่ยังเดินไม่พ้นออกประตูดีนัก ร่างบางจึงตัดสินใจเอ่ยออกไป  ถามจากใจที่สงสัยจะได้จบๆ


“คุณบอกผมทำไม?”


“บอกเอาไว้เผื่อคิดอยากหนี ก็ให้หนีตอนที่ผมไม่อยู่” คาดอสประชดแต่น้ำเสียงเรียบไร้อารมณ์ร่วม  ยิ่งทำให้ร่างบางงงไปกันใหญ่ หมายความว่ายังไงกัน คาดอสจะปล่อยให้เขากลับประเทศได้แล้วงั้นหรอ?


“งั้น...ผมเก็บของเลยแล้วกัน คุณแวะไปส่งผมที่สนามบินด้วย” พิคเจอร์ยิ้มร่าระเริงใจ คาดอสหันกลับทันที



“หยุดเดิน! เดี่ยวนี้!” เสียงทรงพลังตะโกนสั่งอย่างลืมตัว


“อะไรกันคุณ ผมไม่รบกวนเวลาคุณมากหรอก รอผมแป๊บนึง” พิคเจอร์ทำท่าเหมือนจะขยับอีกครั้ง



“นายต้องอยู่ที่นี่! ในเวลานี้!”


“อ้าว! เมื่อครู่ที่คุณพูดมา...”


“ผมประชด!” คิดกลับไปอีกทีเขาไม่น่าประชดเลย เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าร่างบางซื่อเกินไป


“ผมไม่เข้าใจ?” ชาวไทยขมวดคิ้ว


“คุณต้องอยู่ที่นี่  เพื่อความปลอดภัย!” คาดอสตอบสั้นๆ



“จากใคร? ถ้าหมายถึงฟ่านหยางเฟย ผมบอกคุณเลยนะว่าเขาไมได้คิดทำร้ายผม เขาใจดีกับผมด้วยซ้ำ คุณเลิกกลัวว่าผมจะตายเพราะไม่มีความลับอะไรไปบอกพวกนั้นเถอะ เพราะหยางเฟยไม่ฆ่าผมแน่”



    คาดอสมองดูคนตรงหน้าอย่างหงุดหงิด รู้จักกับฟ่านหยางเฟยไม่กี่วัน แต่ทำไมกัน ทำไมคนตรงหน้าถึงได้เชิดชู ยกยอปอปั้น สรรเสริญขนาดนี้ เขารู้สึกโกรธและโมโหมาก  นี่พิคเจอร์คงไม่รู้จริงๆใช่ไหมว่าตอนนี้เขากำลังจะสื่ออะไร ใช่ว่าเรื่องแบบนี้จะทำกันได้ง่ายๆ เพราะนี่ก็ต้องรวบรวมความกล้าจากตัวเขาเองมากเช่นกัน เขาไม่เคยขอร้องใคร แต่กับร่างเล็กนี้เขากลับอยากให้อยู่ที่นี่ต่อ



“ตกลงคุณให้ผมกลับวันนี้เลยได้ไหม?”


“ไม่!”


“คนเอาแต่ใจ ทำไมคุณเป็นแบบนี้ สู้ฟ่านหยางเฟยไม่ได้เลยแม้แต่ครึ่งเดียว”


“หยุด! พูด! เปรียบ! เทียบ! ผม! กับไอ้นั่น! ได้แล้ว!” คาดอสตวาดดังลั่นหมดความอดทน


“...”



    พิคเจอร์ตะลึงและตกใจมากกับเสียงตะหวาดที่ออกมาจากใบหน้านิ่งนั้น ร่างบางตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยถูกตะหวาดแรงขนาดนี้  จริงหรือที่สองคนนี้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ทำไมพูดเปรียบเทียบนิดๆหน่อยๆถึงได้อารมณ์เสียง่ายแบบนี้



     สุดท้ายความเงียบของทั้งสองทำให้บรรยากาศตรึงเครียด แต่คาดอสกลับเป็นฝ่ายขยับร่างกายก่อน เขาหันหลังเปิดประตูห้องออกไป ภายในห้องตอนนี้เหลือแค่พิคเจอร์คนเดียวเท่านั้น



“น่ากลัวชะมัด!” ร่างบางเปรยพร้อมถอนหายใจออกมาแรงๆ



       สุดท้ายเขาก็ต้องอยู่ที่นี่ต่อไปสินะ แล้วอีกนานแค่ไหนล่ะ  อีกใจหนึ่งเขาอยากให้ฟ่านหยางเฟยตามมาที่นี่จัง อย่างน้อยอยู่กับฟ่านหยางเฟยเขาก็ยังรู้สึกปลอดภัยกว่าอยู่กับนายร่างยักษ์นี่เป็นไหนๆ


“หยางเฟย มาช่วยผมที ผมไม่อยากอยู่ที่นี่”


ก๊อกๆๆๆๆ แอดดด



“ขอโทษครับ บอสฝากขอโทษคุณพิคเจอร์เรื่องเมื่อครู่ครับ ” พูดเสร็จลูกน้องก็ปิดประตูลงไป



“ฮะ?”


         ร่างบางขมวดคิ้วแปลกใจ ให้ตายเถอะนายร่างยักษ์เนี่ยนะขอโทษเขา นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ มีที่ไหนกันขนาดผิดยังไม่ออกปากพูดเอง ปล่อยวานให้ลูกน้องมารับหน้าแทนไม่ไหวจริงๆ ยังไงซะพิคเจอร์ก็พุดได้เต็มปากว่า นายคาดอสร่างยักษ์จอมนิ่งนี่ เทียบไม่ติดหรอกกับ ฟ่านหยางเฟย หนุ่มตี๋ที่แสนดีและอบอุ่น ในอุดมคติของเขา...


:L2:


คำถามจากใจ "ผมเองพิคเจอร์ ถ้าคุณเป็นผม คุณคิดว่าผมจะเลือกใครเป็นสามีดี  แต่บอกตามตรงๆนะผมให้ ฟ่านหยางเฟย 90% แต่นายคาดอสนั่นผมให้ได้มากสุด 10% เชอะ! "

หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: fcsunaree ที่ 25-08-2016 09:39:40
ติดตามนะค่ะ ชอบมากๆเลย เรี่องนี้ มาต่ออีกนะ
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 25-08-2016 11:08:52
ตอนที่ 9


        ท่ามกลางทุ่งหญ้าหน้าร้อน สีไม้ใบหญ้าผลัดเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนแกมเหลือง ลมโชยพัดยอดกอพลิ้วไหวไปมา  ดอกจวี๋ฮวา หรือ ดอกเก๊กฮวย เบ่งบานสะพรั่ง อวดสีเหลืองสดงดงามน่ามอง กระจายเต็มทุ่งหญ้าไร้ชีวิตชีวาเบื้องหน้า ที่อยู่ในความทรงจำ


        เด็กชายวัยสามขวบ วิ่งโลดแล่นไปยังทุ่งหญ้า กางฝ่ามือลูบเล่นหยอกเย้ากับดอกจวี๋ฮวาอย่างสนุกสนาน ร่าเริงใจ หมู่มวลผีเสื้อกลางวันนับร้อยชีวิต หลายสิบเผ่าพันธุ์ บินวนไปมารอบกายเด็กชายคนนั้น  เสียงหัวเราะด้วยความดีใจดังกึกก้องไปทั่ว มีเพียงใครคนหนึ่งทิ้งอายุห่างกัน 5 ปียืนมองดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด


ตุ๊บ!!!


“โอ้ย!”


“หยางอี้!!! เจ็บตรงไหนไหม?”

        คนตัวโตและสูงกว่ารีบวิ่งเข้าไปประครอง มองหาบาดแผลที่เกิดขึ้น แต่กลับไม่เห็นวี่แววของรอยหกล้มเหล่านั้นเลย


       แต่พอเขามองดูใบหน้ารุ่นน้องตัวเล็กหน้ารักในชุดจีนสีครีมทั้งตัว บนผืนผ้าหน้าท้องมีลายเสือแดงทำท่าเหมือนกำลังไต่ลงต้นไม้นั้น แววตามันกลับมองมาที่เขาอย่างแค้นเคือง ไม่ทันจะได้เข้าใจถึงแววตาเสือ เด็กน้อยคนนั้นก็ค่อยๆเลือนรางจางหายไป...ไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากถามอะไรต่อเลย



“หยางอี้ เดี๋ยวก่อน!”


...


“ฟ่านหยางอี้ รอพี่ด้วย!”


...


“อย่าไป....”


...


“บอสครับ!”

...


“เฮือกกก”

         ร่างสูงใหญ่ สะดุ้งพร้อมเด้งตัวขึ้นมานั่งบนเตียงนอนลายอินทรีแผ่บิน หยาดเหงื่อไหลรินอาบหน้า นี่เขาฝันเห็นฟ่านหยางอี้ เด็กชายตัวเล็กคนนั้น  พอตั้งสติได้เขาก็หันไปมองคนสนิทที่ยืนห่างไม่ไกลนัก


“นี่ฝันไปหรอกหรอ?” คาดอสพึมพำกับตัวเอง


“บอสฝันไม่ดีหรอครับ?” ไดนาดินถามด้วยความเป็นห่วง


“เปล่า...ฉันฝันเห็นฟ่านหยางอี้”


“น้องชายของฟ่านหยางเฟยนะหรอครับ?”



“ใช่!” 

       คาดอสตอบไปแบบแปลกใจไม่น้อย ตั้งแต่ได้ข่าวฟ่านหยางอี้รอดจากการซุ่มฆ่าประมุขเสือแดงกับฮูหยินคนก่อนตาย เขาไม่เคยฝันถึงหยางอี้อีกเลย แต่เมื่อครู่...ทำไมถึงได้ฝันถึง เด็กชายคนนั้น



“แต่ตอนนี้ บอสต้องเตรียมตัวแล้วนะครับ เพราะฟ่านหยางเฟยมานั่งรอบอสที่ห้องรักแขกสักพักแล้ว” ไดนาดินบอกอย่างสุภาพ ฟ่านหยางเฟยมาทำอะไรตั้งแต่เช้า?



“มันมาทำไม?”



“บอสลืมไปแล้วหรอครับว่า...คุณพิคเจอร์ อยู่กับเรา” คาดอสทำสายตาลอกแลกไปมาเหมือนคิดอะไรอยู่



“บอกเขาว่าอีก 10 นาทีฉันจะลงไปหา”



“ครับบอส” จอมสะกดจิตคำนับเล็กน้อยแล้วหันหลังกลับออกไป



   ภายในห้องรับแขกชั้นล่าง ฟ่านหยางเฟยนั่งไขว้ห้างรอเจ้าของบ้านบนโซฟาหรูอย่างสบายใจ ถึงแม้ว่าในใจตอนนี้กำลังเดือดดาน มันน่าโมโหมากขนาดไหน หลังจากบินกลับจากแอฟริกาใต้มาเหนื่อยๆ ถามหาชาวไทยกับคนสนิทอย่างอินจือ แต่กลับได้เพียงใบหน้างุนงงไม่รู้เรื่องและจำไม่ได้ของลูกน้องตัวเอง อาการแบบนี้อินจือไม่ได้เป็นเองแน่นอน นอกจากฝีมือของไดนาดิน คนสนิทของคาดอส



“มาแล้วหรอ? คาดอส” หยางเฟยเอ่ยทักทายก่อน หลังจากเห็นหนุ่มร่างสูงลูกครึ่งจีนอเมริกันยืนอยู่ตรงหน้า


“นายมีอะไรว่ามาเลย!” คาดอสเดินไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามอีกฝ่าย


“ฉันต้องการตัวพิคเจอร์กลับไปกับฉันที่เซี่ยงไฮ้”


“ไม่ได้! เขาเป็นคนของฉัน” คาดอสแย้งอย่างรวดเร็ว


“นี่นาย!...” ประมุขเสือแดงข่มใจเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะวู่วามกว่านี้  อีกอย่างที่นี่เป็นอาณาจักรของอินทรีทอง เขาไม่อยากเสี่ยงเอาชีวิตมาจบที่นี่นัก

...


“อะไรที่นายบอกว่า พิคเจอร์เป็นคนของนาย!” หยางเฟยถามอย่างใจเย็น ทั้งที่เขาก็ไม่เข้าใจเช่นกัน



“ด๊อกเตอร์บารอนกระตุ้นสารเคมีในร่างกายเขาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เขาคือเหนือมนุษย์คนใหม่” คาดอสอธิบายเสียงเรียบ แต่อีกฝ่ายกลับตาโตอึ้งไป ไม่คิดว่าคนอย่างพิคเจอร์นั้นจะเป็นคนที่คาดอสเลือก



            คำว่าคนของอินทรีทอง ฝ่ายเสือแดงรับรู้ดี นั่นหมายความว่าคนคนนั้นจะต้องภักดีและอยู่ภายใต้ชายคาอาณาจักรอิงจินเซ่อโดยมีประมุขอย่างคาดอสปกครองตลอดไป จนกว่าร่างสูงใหญ่นี้จะล้มหายตายจาก  แต่ว่า...พิคเจอร์คือคนที่หยางเฟยรู้สึกดีด้วย เขาไม่ยอมปล่อยพิคเจอร์ไปเป็นของคาดอสง่ายๆแน่ ไม่ว่าจะในฐานะลูกน้องหรือ...อย่างอื่นก็ตาม



“ก่อนที่นายทำเรื่องพรรค์นั้น นายถามความคิดเห็นพิคเจอร์แล้วรึยัง!”


“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบนาย!!”
       
         คาดอสลุกยืนขึ้นเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง เย้ายวนให้ฟ่านหยางเฟยเห็นท่าทีดังกล่าวแทบอยากจะพุ่งตรงเข้าไปชกหน้าเสียเหลือเกิน


“ถ้าให้ฉันเดา พิคเจอร์ไม่ยินยอมแน่นอน! นายทำแบบนี้มันผิดวิสัยของอินทรีทอง!” ฟ่านหยางเฟยตะคอกเสียงดังอย่างไม่พอใจ


“อย่ามาทำเป็นสอนฉัน ฟ่านหยางเฟย! นายเองก็กล้าบุกไปถึงถิ่นฉันที่ลอสแอนเจลิส ความผิดของนายครั้งนั้นมันทั้งผิดวิสัยของเสือแดงและอินทรีทอง ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ โทษของนายแท้จริงแล้ว ถึงขั้นต้องตายด้วยซ้ำ ที่กล้าส่งคนของนายไปเหยียบย้ำลักพาตัวพิคเจอร์มา!”



“!!!” ฟ่านหยางเฟยไม่มีอะไรเถียง เรื่องที่เกิดขึ้นเขาไม่ทันได้ไตร่ตรอง  ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างทำผิดวิสัยขององค์กรตัวเอง แล้วอย่างนี้เขาจะทำยังไงต่อไป





“คุณหยางเฟย!” เสียงร้องตะโกนเหมือนดีใจดังมาจากบันได ดึงความสนใจของสองสิงห์ให้หันไปมอง



         ร่างบางในคราบชุดนอนสีชมพูแหววตัวเดิม ส่งยิ้มให้ฟ่านหยางเฟย ถึงแม้ตัวเล็กจะยังไม่อาบน้ำแต่ความน่ารักไม่มีทางที่ฟ่านหยางเฟยปฏิเสธ ดวงตาของคาดอสเห็นแบบนั้นลึกๆกลับรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเสียดื้อๆ



“ผมนึกแล้วว่าคุณต้องมา” ร่างเล็กไม่ว่าเปล่าเดินตรงเข้าไปหาหยางเฟยทันที พร้อมเข้าสวมกอดโดยไม่ลังเล อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว งานนี้ทำให้หยางเฟยเผยยิ้ม และทำให้คาดอสอึ้งในเวลาเดียวกัน



“ผมมารับคุณ!” ประมุขเสือแดงกระซิบบอก หนุ่มชาวไทยฉีกยิ้มกว้างตอบรับ


“พิคเจอร์จะไม่ไปไหนทั้งนั้น!” คาดอสตะโกนสั่งหลังอ่านใจหยางเฟยออก  บริวารเหล่านั้นได้ยินบอสสั่งรีบวิ่งปรี่เข้ามาประชิดตัวโอบล้อมเป้าหมายเอาไว้



“คุณคาดอส คุณจะทำอะไรของคุณ!” ร่างบางมองดูคนของคาดอสที่กำลังยกปืนขึ้นมาเล็งฟ่านหยางเฟย



“กลับขึ้นไปข้างบนห้องซะ! เรนเดล พาเขาขึ้นไป” คาดอสตะโกนเสียงแข็ง



“ไม่! ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น บอกคนของคุณลดปืนลงเดี๋ยวนี้” พิคเจอร์ต่อกลอนกับร่างสูง ซึ่งตอนนี้ปรากฏหน้ายักษ์ตามสรรพนามที่ว่าแล้วจริงๆ คาดอสกำลังโมโหและโกรธมากทีเดียว



“เรนเดล!!!”

        คาดอสตะคอกเสียงสั่งเรนเดลอีกครั้ง หลังจากคำสั่งไม่สำเร็จ ตอนนี้จอมหิมะทำตัวไม่ถูก นี่ก็เจ้านาย นั่นก็เพื่อน  เขาจะทำยังไงดี



“ผมจะไปกับฟ่านหยางเฟย คุณไม่มีสิทธิ์ห้ามผม” พิคเจอร์เอ่ยบอก


“ฉันมีสิทธิ์ห้ามนาย เพราะนายคือคนของฉันแล้ว พิคเจอร์!” คาดอสตะคอกบอกอย่างเหลืออด


“หมายความว่าไง?” คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากัน


“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกนาย! กลับขึ้นห้องไปซะ” คาดอสยังคงยืนยันการขับไล่ให้ร่างบางขึ้นห้องไป



“คาดอส นายไม่มีสิทธิ์ปกปิดความลับกับพิคเจอร์ ทั้งๆที่นายเป็นคนลงมือทำเองนะ” ฟ่านหยางเฟยปะทะสายตากับอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัวเช่นกัน



“นี่มันเรื่องอะไรกันหรอครับคุณหยางเฟย?” เมื่อไม่ได้คำตอบจากอีกคน พิคเจอร์กันหันไปคั้นเอาความกับฟ่านหยางเฟยแทน



“ผมขอโทษนะที่ปกป้องคุณไม่ได้ ตอนนี้คุณเป็นเหมือนพวกเขาแล้ว”


“ยังไงครับ?” พิคเจอร์จ้องมองแววตาของฟ่านหยางเฟยอย่างไม่เข้าใจ



“คุณมีพลังงานพิเศษเหมือนพวกเขา พลังงานการปกป้องที่แข็งแกร่ง คุณคือเจ้าของพลังงานนี้” ฟ่านหยางเฟยเอ่ยบอกตัดหน้าคาดอส เพราะไม่เห็นทีท่าว่าคนทำจะเปรยบอกเองซักที



“ไม่! คุณคาดอส คุณไม่มีสิทธิ์ทำอะไรตามใจชอบกับร่างกายผมแบบนี้นะ ” ร่างบางหันไปต่อว่าอีกฝ่าย


“เบลซ! ฉันเสียเวลามากแล้ว ส่งแขก!”


          ส่งแขกของคาดอสในที่นี้คือ การลงมือทำร้าย น้อยครั้งที่ร่างสูงจะหันไปสั่งเบลซ หนุ่มหล่อร่างสูงใหญ่ผู้มีพลังงานแห่งเปลวไฟ เมื่อใดที่ปริปากบอกเบลซ นั่นหมายถึงให้การส่งแขกแบบชนิดที่ว่า ถ้ารอดก็มาเจอกันใหม่ ถ้าไม่รอดก็ลงหลุมฝังศพไป



พรึบ!


      เปลวไฟอันร้อนแรงภายในตัวของเบลซลุกโชน ไอร้อนสีส้มแดงสะท้อนบนเรือนร่างทุกคนในห้องนี้   เบลซยิ้มสะแยะราวกับกำลังคันไม้คันมือมานานทีเดียว



“ตายซะเถอะ ฟ่านหยางเฟย” เบลซเอ่ยบอกพร้อมกับวิ่งพรวดเข้าหาอย่างรวดเร็ว


ซุ่มมมมมมม


        ชั่วพริบตาไฟร้อนแรง เข้าคลอบตัวทั้งฟ่านหยางเฟยและพิคเจอร์ไปตามๆกัน เปลวไฟเผาไหม้อย่างต่อเนื่อง เจีนยเหมิงได้แต่ยืนมองเจ้านาย ตัวของเขาถูกไดนาดินสะกดจิตให้ยืนนิ่งไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่คนที่แอบกังวลใจมากที่สุดคือคาดอส


 
        ต้องที่เขาบอกให้ลงมือทำเอง แต่กลับเป็นฝ่ายไม่สบายใจ ที่เขาต้องเลือกทำแบบนี้เพราะอยากจะให้พิคเจอร์เลือกใช้พลังงานภายในตัวของตัวเองให้เป็น แม้ว่าจะยอมแลกให้ร่างบางนั้นปกป้องฟ่านหยางเฟยก็ตาม


“บอสครับ ไฟผมทำอะไรสองคนนี้ไม่ได้” เบลซพูดขึ้นพร้อมกับดับพลังงานตรงหน้านั้นไปด้วย ตอนนี้เปลวไฟหายวับไปกับตา เพียงควันไฟที่เผาไหม้เลือนรางกลับปรากฏร่างชาวไทยกับอดีตเพื่อนรักยังคงปลอดภัย



     ที่กำบังลักษณะคล้ายโดมแก้วขนาดใหญ่ ครอบคลุมตัวพวกเขาเอาไว้ ท่าทางพิคเจอร์เหนื่อยหอบนิดๆกับการใช้พลังงานครั้งแรก เพราะยังไม่เข้าที่เข้าทางดีนัก อีกอย่างร่างบางเองก็ตกใจไม่น้อยที่ตัวเองทำอะไรแบบนี้ได้



“พิคเจอร์ คุณเป็นอะไรไหม?” หยางเฟยเข้าประคองตัวอีกฝ่าย หลังจากเห็นเขาเริ่มอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด


“คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับ” พิคเจอร์เอื้อมมือไปลูบแก้มฟ่ายหยางเฟยด้วยอาการเหนื่อยล้า


“เขาแค่เหนื่อยจากการใช้พลังงาน!” คาดอสเอ่ยเสียงเรียบ แม้ตอนนี้จะหึงหวงมากเท่าไหร่ก็ตาม


“ฉันจะพาเขากลับไปเซี่ยงไฮ้ หวังว่านายจะไม่ขวางนะ”


“ตอนนี้ทั้งนายและฉันไม่มีสิทธิ์ คนที่จะชี้ขาดคือ พิคเจอร์เท่านั้น” คาดอสจำใจอ่อน รอการตัดสินใจจากอีกฝ่ายแม้ว่าจะรู้ดีในใจอยู่แล้วว่าคำตอบนั้นคืออะไร



“พิคเจอร์ว่ายังไงครับ อยากจะอยู่ที่นี่หรือไปกับผม” ประมุขเสือแดงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน



      หนุ่มชาวไทยที่กำลังอิดโรยเต็มทีแต่ได้ยินคำถามเหล่านั้นชัดเจน ไม่จำเป็นต้องลังเลเลย คำตอบในใจนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วว่าเขาต้องเลือกฟ่านหยางเฟย



“ผมจะกลับไปกับคุณครับ ฟ่านหยางเฟย” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าประมุขเสือแดง ราวกับเขาได้ชัยชนะ


“การตัดสินเป็นเอกฉัน บอกคนของนายหลีกทางให้เราด้วย!” หยางเฟยหันไปบอกคาดอส


“หลีกทางให้เขา!”


       คาดอสสั่งเสียงแข็ง แม้ในใจจะบอบช้ำจากคำตอบร่างบางก็ตาม  แต่ยังไม่ทันที่เจียนเหมิงจะเข้าไปประคองร่างเจ้า
นายและพิคเจอร์ คาดอสก็เปรยขึ้นต่อ



“ฟ่านหยางเฟย ฉันขอคุยด้วยเป็นการส่วนตัว”



           ฟ่านหยางเฟย ยืนนิ่งชั่วครู่ ก่อนจะเดินตามหลังคาดอสเข้าไปในห้องลับห้องหนึ่ง ทิ้งพิคเจอร์เอาไว้กับเจียนเหมิงเพียงลำพังด้านนอก



“นายมีอะไร?”


“ฉันรู้ดีว่านายคิดยังไงกับพิคเจอร์” คาดอสไม่อ้อมค้อม


“ฮึฮึ แล้วยังไง จะขัดขวางอย่างนั้นสินะ?”


“ในฐานะที่ฉันไม่เคยเป็นคนลังเล ตอนนี้ขอประกาศต่อหน้านายว่า ฉันขอเปิดศึกหัวใจกับนายครั้งนี้”


“ฉันคิดแล้วไม่มีผิด ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ประมุขอินทรีทอง ต้องการตัวชาวไทยคนนี้นักหนา ถ้าไม่ใช่ความรัก”


“หมดธุระของฉันแล้ว นายพาเขากลับไปได้”


“ขอบใจที่บอกให้รู้ ฉันเองจะได้เตรียมตัวถูก แต่ยากหน่อยนะ เพราะตอนนี้เป็นทีของฉัน พิคเจอร์อยู่ใกล้ฉัน มากกว่านาย คะแนนที่ฉันจะได้รับมันง่ายยิ่งกว่าความพยายามแย่งชิงตัวพิคเจอร์มาที่นี่เสียอีก”



ปัง!!!


       เสียงประตูเงียบลงไป แต่ทำไมความรู้สึกตอนนี้เขาเหมือนกำลังเป็นผู้แพ้ แท้จริงแล้วเขาเพิ่งรู้ใจตัวเองช้าไปหน่อยก็เท่านั้น แต่ความเป็นห่วงพิคเจอร์กลับลดน้อยลงไป ตราบใดที่พลังงานพิเศษนั้นยังอยู่ในตัวของเขา มันจะช่วยปกป้องคุ้มครองเขาเวลามีภัยอันตราย



“ฉันไม่ขอเป็นฝ่ายชนะ แต่ขอได้ทำตามหัวใจของตัวเองสักครั้ง ”



     เพราะความฝันที่ได้พบเจอฟ่านหยางอี้ มันเหมือนเป็นลางบอกเหตุอะไรบางอย่าง กับความรักในวัยเด็กที่คนอย่างเขาไม่คิดจะมอบความรักนั้นให้กับชายไหนอีกเลย แต่ตอนนี้ชาวไทยคนนั้นกำลังทำให้หัวใจคาดอสสั่นคลอนขึ้นมาแล้วจริงๆ 



        ขอโทษนะฟ่านหยางอี้ที่ไม่สามารถมั่นคงรักนี้ได้อีกแล้ว ความลังเลก่อนหน้านี้ได้หายไปจากใจของคาดอส  ตอนนี้พิคเจอร์กำลังมีอิทธิพลต่อหัวใจเขามากทีเดียว



:L2:


ความในใจ "ผมเองพิคเจอร์  ตอนนี้ผมกลายเป็นเหนือมนุษย์คนใหม่แล้ว ผมเกลียดเขาที่เขาทำอะไรยุ่มยามกับตัวผมแล้วไม่บอกกล่าวซักคำ หนีจากอินทรีทองได้ครั้งนี้ ผมจะไม่ขอกลับมาอีกเลยคอยดู คุณผู้อ่านไม่ต้องบังคับผมแล้วนะครับ ปล่อยให้ผมได้ใช้ชีวิตผมบ้าง ขอบคุณ"

ผู้แต่ง : แกอย่าเอาแต่ใจมากไปหน่อยเลย บอกเหตุผลมาซิว่าฟ่านหยางเฟยดีกว่าคาดอสยังไง บอกมา 3 ข้อพอ   :katai1:

หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 25-08-2016 16:51:03
ไม่รู้จะสมน้ำหน้าใคร เฮ้อ คาดอสก็แบบนิสัยน่ารำคาญ วู้
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 26-08-2016 14:45:48
ตอนที่ 10



         ผ่านไปอีกหนึ่งวัน...ด๊อกเตอร์บารอนโทรมาหาคาดอสตั้งแต่เช้า ข่าวคราวที่ได้ยินทำให้ร่างสูงดีใจไม่น้อย และคงไม่มีเรื่องอะไรที่ดีกว่านี้อีกแล้ว


“ไดนาดิน! จองตั๋วไปเมืองไทยวันนี้เลย”


“กี่ที่ครับบอส”


“4 ที่   ไปเมืองไทยครั้งนี้ เรนเดลต้องดูแลที่นี่แทนฉัน” คาดอสเปรยบอก


“ทราบแล้วครับบอส”



          ไม่กี่วันมานี้ ที่ด๊อกเตอร์บารอนรีบกลับประเทศไทยไมได้อยู่ใกล้ชิดประมุขอินทรีทอง ก็เพราะต้องเร่งดำเนินคดีตามหาตัวของฟ่านหยางอี้ โดยที่ฟ่านหยางเฟยไม่รู้แผนการนี้เลย 



          แท้ที่จริงคาดอสปล่อยวางใจให้หยางเฟยตามหาน้องชายคนเดียวตามลำพังไม่ได้ หากเขาไม่คิดลงมือออกตามหาหยางอี้บ้าง เขาเองก็จะรู้สึกผิดไม่น้อยเช่นกัน เพราะอย่างน้อยฟ่านหยางอี้ก็คือน้องชายที่เขาทั้งรักและหวงมากทีเดียว


          แต่ในเมื่อข่าวสารส่งมาตั้งแต่เช้า ด๊อกเตอร์บารอนซุ่มตามสืบจนได้เบาะแสบางอย่างที่เมืองไทย เขาจำเป็นต้องรีบบินไปสมทบที่เมืองไทย โดยที่ไม่ให้ฟ่านหยางเฟยรู้เด็ดขาด ในตอนนี้มีพิคเจอร์อยู่ใกล้ชิดหยางเฟยแบบนี้ยิ่งเป็นการดี อย่างน้อยก็ช่วยทำให้หยางเฟยไม่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของพวกเขา




ประเทศไทย 17.00 น.


          พอลงเหยียบผืนดินได้ คาดอสและคนสนิทอีกสามคนก็รีบขึ้นรถตู้ส่วนตัว ไปยังสถานที่ที่ติดต่อกับด๊อกเตอร์บารอน มันเป็นโรงแรมหรูหราสูงตระหง่าน แต่ห้องที่เขากำลังจะไปกลับอยู่ชั้นล่างสุด และเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดด้วย


“สวัสดีครับด๊อกเตอร์” ร่างสูงเอ่ยทักทาย


“สวัสดี เข้ามาข้างในก่อนเถอะหลานชาย ”


 ชายสูงวัยร่างท้วมเดินนำสี่คนเข้าในด้านใน ภายในห้องมันกว้างขวางและมีห้องพักผ่อนแยกออกไปอีก 


“นี่คือ หลักฐานว่า ฟ่านหยางอี้ยังมีชีวิตอยู่ จากการให้ความร่วมมือของตำรวจช่วยค้นประวัติการลอบสังหารประมุขเสือแดงกับฮู
หยินที่บินมาพักร้อนเมืองไทยหน้าร้อนปีนั้น เราได้บางอย่างเพิ่มเติมด้วย”


“อะไรครับ?” คาดอสใจเต้นรัวอยากรู้เร็วๆ


“เราพบสิ่งนี้อยู่ในที่เกิดเหตุ ไม่น่าเชื่อว่าบริเวณนั้นผ่านไป 20 ปีแล้ว แต่พอลงสำรวจพื้นที่นั้นอีกครั้ง กลับพบปลอกกระสุนปืนในร่องคอนกรีตด้วย”


“ก็แค่ปลอกกระสุนปืน?” คาดอสปรายตามองสิ่งนั้น ไม่เห็นจะน่าตื่นเต้นตรงไหน


“หลานชาย ดูดีๆสิ ที่ปลอกกระสุนด้านข้างมันสลักอะไรไว้” คาดอสหรี่ตาเพ่งมองตามที่ด๊อกเตอร์บารานพูด


          นี่เป็นสิ่งที่สร้างความแปลกใจให้กับร่างสูงมากทีเดียว ในรอบหลายสิบปี กับสัญลักษณ์ลวดลายคล้ายดอกไม้ ซึ่งเขาเองคุ้นตาเป็นอย่างดีและรู้ด้วยว่าเจ้าของลวดลายนี้เป็นใคร? คนทรยศแบบนั้นเขาไม่เคยลืมได้เลย

...

...


“เบญจพิษ?”


“ใช่ มันคือสัญลักษณ์เบญจพิษ”


“เขายังไม่ตาย!”


“ดูเหมือนว่าฉากใหญ่ที่เขาจัดขึ้นเพื่อสังหารประมุขเสือแดงคนก่อน ก็เพื่อจะล้างแค้นพ่อของหลานเองด้วยการโยนความผิดนี้มาให้ และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาทำสำเร็จ ทางเสือแดงจากที่เป็นมิตรกับเรา ท้ายที่สุด กลับกลายมาเป็นศัตรูตราบเท่าทุกวันนี้” ด๊อกเตอร์วิเคราะห์ไปตามความน่าจะเป็น



“ผมคิดว่าเขายังคงวนเวียนอยู่ใกล้ๆเรา ไม่ที่ประเทศไทยก็ประเทศจีนนะครับบอส ” เบลซพูดสมทบ


“หรือบางทีเขาอาจจะซุ่มวางแผนทำอะไรอีกรึเปล่าครับบอส” แกริคกังวลใจ


“ปล่อยเขาไปก่อน คนทรยศอย่างมัน ป๊าไม่น่าใจดีปล่อยมันไปง่ายๆแบบนั้นเลย แต่ตอนนี้เราต้องตามหาตัวฟ่านหยางอี้ให้เจอเร็วที่สุด” คาดอสกำมือแน่น


“จากที่ตามสืบก็พอรู้แล้วว่า ฟ่านหยางอี้ถูกใครบางคน พาไปส่งที่นี่!”

ด๊อกเตอร์บารอน วางกระดาษรูปภาพ ป้ายตรงหน้าติดว่าเป็น สถานศึกษาสงเคราะห์

...

...

         
“แล้วสถานที่ที่ว่าอยู่ไกลจากนี้ไหมครับ?” คาดอสเริ่มใจเต้นไม่อยู่กับเนื้อกับตัว


“ไม่ไกลหรอก แต่ไปตอนนี้ไม่ได้นะ เพราะนี่ก็พลบค่ำแล้ว พรุ่งนี้เช้าเราค่อยไปถามข้อมูลต่อ”


“ก็ได้ครับ”


“อ้อ แล้วพ่อหนุ่มใจดีชาวไทยคนนั้นเป็นยังไงบ้างล่ะ”


“ก็ดีครับ!” คาดอสตอบด๊อกเตอร์ไปสั้นๆ


“หมายความว่าไง?”


“ก็...หลังจากที่ฉีดสารกระตุ้นเข้าไป เขาก็กลายเป็นเหนือมนุษย์คนใหม่ และดูเขาจะชื่นชอบฟ่านหยางเฟยเป็นพิเศษด้วย”


“นี่หลานชาย ทำไมน้ำเสียงถึงได้ฟังดูน้อยใจแบบนั้น ถ้ารักเขาก็แสดงให้เขาเห็นสิ”


“เอาไว้ก่อนครับ เรื่องของหยางอี้ ตอนนี้สำคัญที่สุด ผมกลัวว่าเขาจะเป็นอันตราย”


“แล้วฟ่านหยางเฟยรู้ไหมว่าเราแอบตามสืบน้องชายของเขา เขาจะหาว่าเราก้าวก่ายรึเปล่า”


“อย่าห่วงเลยครับ ฟ่านหยางเฟยจะไม่มีทางรู้ อีกอย่างดูเหมือนตอนนี้เขาคงมีความสุขจนลืมเรื่องของน้องชายเขาไปแล้วก็ได้”



       สุดท้ายคาดอสก็ไม่วายที่จะวกกลับเข้าวังวนความประชด แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อตอนนี้มันเป็นทีของฟ่านหยางเฟยเสียแล้ว  ส่วนเรื่องใครเป็นคนฆ่าพ่อแม่ของฟ่านหยางเฟย เขาไม่จำเป็นต้องบอก เพราะเขามีหน้าที่พิสูจน์ให้เสือแดงเห็นว่า อินทรีทองไม่ได้เป็นคนทำอย่างที่เขาเข้าใจ




มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

         ภายในคฤหาสน์หลังคาสีเลือด ยามค่ำคืนแสนหนาวเหน็บ แต่หนุ่มร่างเล็กกลับยังไม่คิดอยากเข้าห้องพักผ่อนตอนนี้ เขาตัดสินใจออกมาเดินเล่นภายนอกบ้าน ความสว่างไสวของแสงไฟที่ประดับตามจุดต่างๆ พร้อมกับคนของฟ่านหยางเฟยที่เดินสำรวจความปลอดภัยกระจายตามจุดต่างๆหลายสิบคน มันทำให้เขาเบาใจ


“นอนไม่หลับหรือไง?” เสียงทุ้มหวานเอ่ยเบาๆจากข้างหลัง พิคเจอร์เองตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังกลับไปมอง


“คุณหยางเฟย มาเงียบๆแบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ”


“ถ้ามาแบบเสียงดัง กระต่ายน้อยของผมก็แตกตื่นพอดี เสือแดงตัวนี้ก็คงจะแห้ว!”


“อะไรกันครับ ผมไม่ได้กระต่ายซะหน่อย”


“ใช่ คุณไม่ได้เป็น แต่คุณแค่น่ารักเหมือนกระต่าย” รอยยิ้มโปรยเสน่ห์ กับดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ มันทำให้คนตัวเล็กกว่าหลบสายตาก้มหน้ามองพื้นแทน



     แต่ยังไม่ทันไร ฝ่ามือหนาก็เชยคางอีกคนให้เงยหน้าขึ้นกลับมาจ้องสบตาเขาเช่นเดิม ฟ่านหยางเฟยตอนนี้ใส่ชุดคลุมสีแดงลายอักษรจีนอย่างหลวมๆ เผยให้เห็นร่องแผงอก กับลอนท้อง 8 ลูกบนผิวขาวเนียนนั้น อีกฝ่ายไม่ได้คิดอยากจะมอง แต่ก็ห้ามสายตาตัวเองไม่ไหว เพราะด้วยความสูงที่ไม่ถึงคางประมุขเสือแดง แนวระดับสายตามันเลยปะทะเข้าที่แผงอกพอดี



          ช่วงล่างเขาใส่กางเกงขายาวสีขาวคลุมจนปิดข้อเท้า กลิ่นหอมจากสบู่และแชมพูที่ใช้ลอยมาแตะจมูกพิคเจอร์ มันหอมมากและรุ้ทันทีเลยว่า อีกคนเพิ่งจะอาบน้ำมาหมาดๆ



“พรุ่งนี้ผมจะไปส่งคุณที่เมืองไทย ดีใจไหมที่จะได้กลับบ้าน?”


“ก็...ดีใจครับ”


“โถ่..นึกว่าอยากจะอยู่กับผมซะอีก”



  เสียงน้อยใจปนผิดหวังนิดๆ แต่สีหน้าท่าทีของประมุขเสือแดง กลับเป็นที่น่าขำขันของลูกน้องคนสนิทอย่างเจียนเหมิงและอินจือที่ยืนอยู่ด้านหลังยิ่งนัก เพราะท่าทางแบบนี้ฟ่านหยางเฟยไม่เคยทำให้พวกเขาเห็นแม้แต่ครั้งเดียว


“เลิกงอนได้แล้วครับ คนของคุณเขาขำคุณอยู่นะ” พิคเจอร์กระซิบบอก เพราะที่เขายืนอยู่นั้น หันหน้าไปทางลูกน้องฟ่านหยางเฟยพอดี


“ช่างเขาสิ ผมไม่แคร์ คืนนี้คุณนอนกับผมได้ไหม?”


“คุณหยางเฟย! ” ร่างบางตกใจเมื่อได้ยินคำร้องขอแบบนั้น หน้าเขาเริ่มแดงขึ้นกว่าเดิมยิ่งกว่าดื่มแอลกอฮอล์เสียอีก


“ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรคุณ นอกจาก...ขอนอนกอดเฉยๆ”


“มะ...ไม่ดีมั้งครับ”


“ดีสิ ดีมากๆด้วย”


“ดีกับคุณหยางเฟยคนเดียวต่างหากล่ะ”


“แค่นอนกอดเอง คิดซะว่ากอดลา ก่อนส่งคุณกลับเมืองไทยก็ยังดี ”


“ก็ได้ครับ”



        และแล้วค่ำคืนนั้น พิคเจอร์ก็ทำตามคำขอของฟ่านหยางเฟย และเป็นอีกครั้งที่ทำให้หนุ่มร่างบางรู้สึกชื่นชอบในสัจจะของ
ประมุขเสือแดง เขาบอกว่าจะนอนกอดอย่างเดียวก็คือเท่านั้น ไม่มีอย่างอื่นเลยเถิด ยิ่งได้อยู่ใกล้ชิดร่างใหญ่อย่างนี้ หัวใจของพิคเจอร์ยิ่งย้ำเตือนบอกว่า เขาคือคนที่ใช่ที่สุดแล้ว



     ฝ่ามือข้างขวาทำหน้าที่เป็นหมอนหนุนหัวพิคเจอร์ อีกข้างหนึ่งเอื้อมโอบกอดดึงตัวชาวไทยให้ขยับแนบชิดตัวร่างกายใหญ่โตเข้าไปอีก



“อากาศกำลังลดต่ำ ผมทำแบบนี้คุณจะได้อุ่นขึ้น” น้ำเสียงกระซิบกระซาบลงที่หูของร่างบางนั้น ยิ่งทำให้ความรู้สึกเสียววาบแผ่
ซ่านไปทั้งตัว

 ...


“คุณหยางเฟย คุณเคยมีแฟนไหมครับ?”


“ไม่มีหรอก ถามทำไม?”


“จริงรึเปล่า หล่อและเพอร์เฟคอย่างคุณไม่น่าโสดได้นะ”


“ก็เพราะผมไม่ชอบใครเลย สงสัยหัวใจของผมรอมาพบคุณคนเดียวแน่ๆ” คำก็หยอด สองคนก็หยอด ร่างบางแทบจะทนไม่ไหวเสียแล้ว เขาว่าเขาควรจะเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วล่ะ


“คุณเคยบอกผมว่า คุณมีน้องชายหนึ่งคน แล้วสรุปตอนนี้เรื่องของน้องชายคุณที่หายไปเป็นยังไงบ้างครับ”


“ก็...คว้าน้ำเหลว ผมอยากจะเจอน้องชายเร็วๆ อยากจะพาเขามาอยู่ที่นี่ด้วย ที่สำคัญผมคิดถึงเขา”


“ป่านนี้น้องชายของคุณน่าจะโตแล้ว”


“ใช่ ถ้าให้เทียบน่าจะราวๆกับคุณเลยนะพิค ”


“คุณคิดว่าน้องชายของคุณจะหล่อเหมือนคุณไหม?”


“ไม่รู้สิ แต่ถ้าเจอเขาผมอยากให้เขาเป็นน้องชายที่น่าตาน่ารักและใจดีเหมือนคุณนะพิค”


“คนเราจะไปเหมือนกันได้ยังไงครับ”


“นั่นสินะ นอนเถอะ พรุ่งนี้ผมจะพาไปส่งที่สนามบินนะครับ”


“ฝันดีครับคุณหยางเฟย”


“คืนนี้จะเป็นคืนที่ผมฝันดีที่สุด” ฟ่านหยางเฟยเปรยบอกเบาๆ ก่อนที่ทั้งสองจะคล้อยหลับไปในที่สุด



           อากาศยามเช้า เย็นสดชื่น  บนเตียงนอน ร่างบางรู้สึกตัวก่อนฟ่านหยางเฟยที่ยังคงนอนท่าเดิมไม่เปลี่ยนตั้งแต่เมื่อคืน แต่ดูจากตรงนี้ก็พอรู้ว่าหนุ่มตี๋คนนี้นอนหลับลึกคนหนึ่งเลย ขนาดเขาลุกตื่นลงจากเตียงแล้ว อีกฝ่ายกลับยังไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย


              แต่เช้านี้แปลกหน่อยที่ท้องของเขาร้องและหิวเร็วกว่าปกติ พิคเจอร์เดินลงบันได มุ่งหน้าไปยังห้องครัว เดินสวนกับลูกน้องของฟ่านหยางเฟยหลายคน การที่ต้องมาอยู่เซี่ยงไฮ้ภายใต้การปกครองของเสือแดงครั้งนี้ พิคเจอร์ยังไม่ชินนัก เพราะคนของที่นี่ต่างก็ปฏิบัติกับเขาราวกับเจ้านายคนหนึ่งก็มิปาน เขาเคยบอกว่าไม่การแบบนี้ แต่ทุกคนก็อ้างว่าคำสั่งของฟ่านหยางเฟย ห้ามใครขัดเด็ดขาด เพราะอย่างนี้ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย   


        พอไปถึงห้องครัว ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าไป ร่างกายของเขาต้องหยุดชะงักอัตโนมัติ เมื่อเห็นชายหนุ่มสองคนยืนพลอดรักกันอยู่ด้านใน ถึงจะเห็นเพียงด้านหลัง แต่พิคเจอร์ก็จำได้แม่นว่าเป็นเจียนเหมิงกับอินจือ ความแปลกใจเริ่มปรากฏในสมองขึ้นมา ว่าสองคนนี้สรุปแล้วมีความสัมพันธ์แบบเบื้องลึกแน่ๆ



“อุ้ย! ขอโทษทีครับนายน้อย ไม่นึกว่าจะตื่นเร็วขนาดนี้” เจียนเหมิงรู้สึกตัวก่อนตามสัญชาตญาณ รีบผละกอดจากอีกฝ่ายทันที


“ไม่ต้องเกรงใจนะ ตามสบายเถอะ พอดีวันนี้ผมหิวเร็วไปหน่อย กะจะมาหาของกินรองท้อง”


“อ้อครับ ให้ผมทำอาหารเบาท้องให้ไหมครับ” อินจืออาสา


“ไม่เป็นไร ผมขอนมกล่องเดียวกับขนมปังพอจะมีไหม?”


“ไม่มีหรอกครับ เพราะนายใหญ่ไม่ชอบทานของแบบนี้เท่าไหร่ พวกเราเลยไมได้ไปซื้อมาตุนไว้ แต่ว่าพอจะมีคุกกี้นมสดกับโอวัลตินนะครับ ” อินจือแนะนำ


“งั้นขออย่างละชุดละกันนะ”


“ครับ!” อินจือรับคำแล้ว เริ่มลงมือทำทันที ส่วนจอมกระบี่แดนตะวันออกทำท่าทีว่าจะเดินออกจากห้องครัวไป  แต่มีหรอที่พิค
เจอร์จะปล่อยไปง่ายๆ


“เจียนเหมิง ใจคอไม่คิดจะช่วยแฟนทำหน่อยหรอ?”


“เอ่อ...ครับนายน้อย” 

           เหมือนจะลังเล แต่สุดท้ายก็หันหลังเดินวกกลับไปช่วย ร่างบางจ้องมองสองคนจากทางด้านหลัง จะว่าไปคู่นี้ก็น่ารักดีนะ จอมกระบี่ตะวันออกกับจอมอาบพิษอาวุธลับ 


:L2:



โผล่มาแต่ชื่อเสียงเรียงนาม  ตัวยังไม่โผล่สำหรับกุญแจสำคัญ แถมยังเป็น คู่ของ... เดาเอาไม่ยากหรอก  :katai2-1:

เบญจพิษ โอ้พ่อหนุ่มยอดดวงใจของ...(ในอนาคต)

หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: fcsunaree ที่ 26-08-2016 18:14:57
มาต่อเร็วๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 27-08-2016 14:11:09
ตอนที่ 11


       อิงจินเซ่อบุกมาเยือน  โรงเรียนสถานสงเคราะห์ตามข้อมูลที่ได้มาจากด๊อกเตอร์บารอนตั้งแต่เช้าตรู่ ทางสถานที่จัดเตรียมต้อนรับพวกเขาอย่างดี ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับรู้ล่วงหน้าและไม่ทราบที่มาที่ไปของกลุ่มชายสง่างามเหล่านี้ดีนัก



      ในห้องลำลองไม่ใหญ่มาก พัดลมบนเพดานหมุนวนพอให้ได้ไอเย็น สิ่งที่คาดอสมามีจุดมุ่งหมายหลักคือการตามหาใครคนหนึ่งที่ถูกฝากมาไว้ยังสถานที่แห่งนี้ เมื่อ 20 ปีก่อน


“นี่คือรายชื่อเด็กกำพร้าทั้งหมดที่เข้ามาที่นี่เมื่อ 20 ปีก่อนค่ะ” หญิงสูงวัยใส่แว่น เดินกลับมาพร้อมกับแฟ้มข้อมูลที่ดูเก่าพอสมควร นับเป็นที่น่าชื่นชมแก่คนดูแลที่นี่ ที่รักษาข้อมูลได้เป็นอย่างดี


“ขอบคุณมากนะครับ ผมขอเปิดดูด้านในแฟ้มได้ไหมครับ?” ร่างสูงเอ่ยขออย่างสุภาพ


“ได้ค่ะ ตามสบายเลย” เธอยิ้มด้วยความเต็มใจ


          ไดนาดิน เดินไปรับแฟ้มนั้นจากมือของอีกฝ่ายมาให้เจ้านาย ที่นั่งนิ่งอย่างสุขุม แม้ว่าภายในกำลังใจจดจ่อกับข้อมูลที่กำลังจะได้เห็นมากก็ตาม


พรึบ! 


        เพียงแค่เปิดกางแฟ้มออกมา คิ้วหนาสองข้างจรดเข้าหากันทันที รายชื่อเหล่านั้นมากมายเหลือเกิน นับจากตัวเลขที่เรียงข้อมูลแล้ว ปาเข้าไป 31 คนเลยทีเดียว


        ปัญหาต่อมาคือ เขาต้องแยกเพศชายและหญิงก่อน ฟ่านหยางอี้เป็นผู้ชาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ปรากฏเป็นเพศชาย 12 คน นั้นในจำนวน 31 คน  นั่นถือว่ามากอยู่ดี


“ผมต้องการข้อมูลเด็กผู้ชายทั้งหมด 12 คนว่าตอนนี้เขาทำอะไร อยู่ที่ไหนบ้าง” คาดอสเปรยเสียงเรียบ ก่อนจะยื่นแฟ้มนี้ให้ไดนาดิน



         คนสนิทที่สุดเดินเอากลับไปยื่นให้อย่างสุภาพ หญิงสูงวัยเจ้าของสถานที่ยิ้มเจื่อนๆ ในใจอยากจะถามมากกว่านี้ว่าคนเหล่านี้ทำไมถึงต้องการข้อมูลเด็กเหล่านั้นนัก


“สักครู่นะคะ! เดี๋ยวดิฉันไปเอารูปภาพปัจจุบันของเด็กผู้ชาย 12 คนมาให้ดูแล้วกัน”


“รบกวนด้วยนะครับ” คาดอสเกรงใจอยู่ไม่น้อย แต่ทำยังไงได้ในเมื่อเขาต้องเร่งตามหาตัวฟ่านหยางอี้ให้สำเร็จ หากว่านี่เป็นแผนการของเบญจพิษจริงๆแล้วล่ะก็...อันตรายรอคอยอยู่ข้างหน้านี้แล้ว

...


...



       ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง คาดอสและลูกน้องไม่เคลื่อนที่ไหวตัวไปไหน กลับนั่งรอข้อมูลอยู่อย่างใจเย็นท่าทางสงบเสงี่ยม สร้างความแปลกใจให้หญิงสูงวัยไม่น้อย แต่เธอก็ต้องรีบลงมือหาข้อมูลต่อไปราวกับเหมือนถูกบังคับทางอ้อมจากสายตาเหล่านั้น


“ได้แล้วค่ะ รูปปัจจุบันกับข้อมูลสมบูรณ์ล่าสุด”


         เธอนำกระดาษสิบสองแผ่น ที่ตระเวนถามจากลูกศิษย์ ก็มีทั้งได้ข้อมูลมาบ้างและไม่ได้มาบ้าง คาดอสรับข้อมูลปึกนั้นมาเปิดดูทีละแผ่น ใน 12 คนไม่มีใครน่าสนใจเลย และสัญชาตญาณของเขามันบอกว่า ดูยังไงใบหน้าคนเหล่านี้ก็ไม่น่าใช่ฟ่านหยางอี้น้องชายของฟ่านหยางเฟย ชาวเอเชียตะวันออก


ยกเว้นก็แต่...


“พิคเจอร์!” กระดาษข้อมูลแผ่นสุดท้าย ปรากฏเป็นรูปของพิคเจอร์ หนุ่มชาวไทยผู้มีใบหน้าคุ้นตาคาดอสเสียเหลือเกิน


    คำอุทานนั้น ดึงดูดให้แกริค เบลซและไดนาดินเดินเข้ามามุงดูเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะรู้ข้อมูลพิคเจอร์เพิ่มเติม ว่าเขาเป็นเด็กกำพร้าและเคยอยู่ที่นี่มาก่อน


“จริงด้วยครับบอส นี่คือคุณพิคเจอร์” แกริคเปรยยืนยันอีกครั้ง


“ขอโทษนะครับ พอจะจำได้ไหมว่าใครพาคุณพิคเจอร์มาที่นี่เมื่อ 20 ปีก่อน” เบลซ หนุ่มหล่อร่างสูงเดินเข้ามาถามหญิงสูงวัยตรงๆ


“ถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นฝนตกหนักมาก แต่แล้วเสียงแตรรถก็ดังขึ้นมาสองครั้ง พวกเราบางส่วนในตอนนั้นออกไปดู กลับเห็นเด็ก
ผู้ชายวัย 4 5  ขวบสลบอยู่หน้ารั้ว พร้อมกับ...”


“พร้อมกับอะไรครับ?” คาดอสลุกยืนจากเก้าอี้มองหน้าหญิงสูงวัยอย่างร้อนใจ


“ของบางสิ่ง คาดว่าเป็นรูปวาดดอกไม้สีม่วงค่ะ แต่น่าเสียดายที่มันถูกน้ำฝนทำลายเปรอะเปื้อนไปหมด จนไม่สามารถคงรูปเดิมได้ ”


“เบญจพิษ!”

         คาดอสพึมพำออกมาเบาๆ ถึงจะไม่มั่นใจแต่ก็มีทางเป็นไปได้สูง เบญจพิษชอบทำการใดๆ เมื่อเสร็จสิ้นจะทิ้งร่องรอยปริศนาดอกไม้ประจำกลุ่มเอาไว้


         นี่คือเหตุผลที่ป๊าและม๊าของคาดอสไม่ชอบใจและได้ตักเตือนปล่อยครั้ง จนนานวันเข้าคำตักเตือนไม่เป็นผล จึงต้องจำใจขับไล่คนของเบญจพิษที่อยู่ในการปกครองของอินทรีทองไป


“ไม่ได้การแล้วนะครับบอส ขืนปล่อยคุณพิคเจอร์อยู่กับฟ่านหยางเฟยต่อไปแบบนี้ ไม่ดีแน่” แกริคหน้าถอดสี ชักรู้สึกไม่ดีแล้ว


“ใช่ครับ บอสรีบบอกไอ้หยางเฟยให้เร็วนะครับ พี่น้องกัน จะมีความสัมพันธ์อื่นไม่ได้” เบลซร้อนใจ


“บอสให้ผมจัดการให้ไหมครับ?” ไดนาดินอาสา


“ฉันจะไปบอกฟ่านหยางเฟยด้วยตัวเอง   ไดนาดินจองตั๋วเครื่องบิน เราจะไปเซี่ยงไฮ้วันนี้เลย ”


“ครับบอส!!!”


“ต้องขอบคุณคุณมากนะครับ สำหรับข้อมูล”


            คาดอสเอ่ยขอบคุณเสร็จ ก็หันหลังกลับเดินออกไป ไม่รอฟังคำพูดไล่หลังของหญิงสูงวัยแม้แต่น้อย  ในใจตอนนี้เขาเหมือนคนที่กำลังโชคดี  เพียงเท่านี้คู่แข่งที่น่ากลัวอย่างฟ่านหยางเฟยก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป ไม่มีใครขัดขวางเขาได้อีกแล้ว แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มห่วงความปลอดภัยของสองพี่น้อง


            เหนือสิ่งอื่นใดคือ ฟ่านหยางอี้ และพิคเจอร์คือคนคนเดียวกัน เป็นอีกเรื่องที่ทำให้คาดอสผู้นี้เบาใจ ไม่น้อย เพราะจะได้ไม่รู้สึกผิดต่อฟ่านหยางอี้ หากเขาจะแสดงความรู้สึกแท้จริงกับพิคเจอร์



ประเทศไทย 14.00 น. สนามบินสุวรรณภูมิ


            ระหว่างที่คาดอสให้ไดนาดินไปต่อแถวเช็คอินอยู่นั้น เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่สายการบินจากเซี่ยงไฮ้ลงจอดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิพอดี พิคเจอร์ในชุดสุดเนี๊ยบถูกซื้อเป็นของขวัญจากฟ่านหยางเฟยก่อนจะส่งกลับมาเมืองไทยครั้งนี้ ยิ่งเพิ่มรุปลักษณ์ภายนอกเขาเป็นอย่างดี


“บอสครับนั่นคุณพิคเจอร์นี่ครับ!” เบลซหันไปมองรอบๆ กลับปะทะเจอร่างบางพอดี

“บอส ไม่เข้าไปทักทายนายน้อยแห่งเสือแดงหน่อยหรอครับ” แกริคแอบแซวทั้งที่ใบหน้ายังแน่นิ่ง


“จะดีหรอ?” เจ้านายสุดหล่อผู้ไม่มั่นใจในเรื่องแบบนี้ ชักโลเล



          จะให้เขาเข้าไปทักด้วยความดีใจที่พิคเจอร์ไม่สามารถรักฟ่านหยางเฟยได้แล้ว หรือว่าเข้าไปทักทายตามประสาคนที่ห่างหายจากกันไปนานกว่า 20 ปีดีล่ะ


“ดีสิครับบอส บอสไม่คิดถึงคุณฟ่านหยางอี้หรอครับ” แกริคสนับสนุนสุดตัวปนออกมากับคำพูด


“พวกนายไปกับฉัน!”


“ครับบอส!”


   ไดนาดินเช็คอินเสร็จพอดี พร้อมกับเดินมายังตรงที่คาดว่าเจ้านายกับเพื่อนยืนอยู่ แต่ตอนนี้กลับไม่มีแม้แต่เงา หนุ่มสุขุมพูดน้อย ตกใจวาบไปทั้งตัวกลัวว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับเจ้านายของเขารึเปล่า จิตใจเขากำลังร้อนรน มือหนาพับเก็บตั๋วที่นั่งลงในกระเป๋าบนอกซ้าย ก่อนจะตัดสินใจเดินออกตามหา


ตุ๊บ!!!  ผลัก!!!


     ยังไม่ทันจะได้ก้าวขา กลับปะทะเข้าร่างโปร่งอย่างจัง ไดนาดินหน้าเหวอไป เขาไม่เคยซุ่มซ่ามแบบนี้


“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ คุณเป็นอะไรรึเปล่า” คำถามรัว ออกมารวดเดียวเหมือนกับท่องเอาไว้ใช้ยามจำเป็นนั้น คนถูกชนขมวดคิ้วทำสีหน้าสงสัย เมื่อเห็นใบหน้าชายหนุ่มละม้ายคล้ายค่อนไปทางชาวเอเชียตะวันออกและมั่นใจว่าไม่ใช่คนไทยแน่


“ผมไม่เป็นไรครับ ” อีกฝ่ายปฏิเสธการเจ็บตัว แม้ว่าเจ็บจริงๆก็ตาม เพราะไม่อยากมีเรื่องกับชาวต่างชาติ ให้อภัยได้เขาก็อยากให้อภัย


“คุณไม่เป็นอะไรแน่นะครับ” ไดนาดินเอ่ยถามอีกรอบ สายตาก็กวาดมองบริเวณรอบๆไปเรื่อย ท่าทางร้อนรนใจ  จนทำให้อีกฝ่าย
ที่ตัวเตี้ยกว่าสังเกตเห็น



“ดูคุณเหมือนกำลังจะมองหาใคร?”


“อ่อใช่ครับ ผมกำลังตามหา...เพื่อน”


“พลัดหลงกันหรอครับ?”


“ใช่ครับ ผมคงต้องไปแล้ว ต้องขอโทษอีกทีนะครับ” ไดนาดินเอ่ยอย่างสุภาพ


“ไม่เป็นไรเลยครับ อืม...ว่าแต่เพื่อนคุณมีกี่คน” อีกฝ่ายถามต่อ


“สามคนครับ”


“แต่งตัวใส่สูทเหมือนๆกับคุณด้วยไหม?”


“ใช่” ไดนาดินขานตอบแต่ไม่หยุดหันซ้ายมองขวาอยู่ดี


“ผมว่าผมเห็นเพื่อนคุณแล้วล่ะ โน่นไง!” ร่างเล็กกว่าชี้กลับไปทางด้านหลังของไดนาดิน หนุ่มจอมสะกดจิตรีบหันขวับไปตามนิ้วที่ชี้นั่น แทบยิ้มดีใจออกมา ไม่บ่อยนักที่เขาจะเผยรอยยิ้มนี้ให้ใครเห็น


“สรุปใช่ไหมครับ?”


“ใช่ครับ ขอบคุณมากนะครับ”


“ผมว่าเราไปพร้อมกันดีกว่า เพราะดูเหมือนเพื่อนคุณเขากำลังยืนคุณกับเพื่อนผมพอดี”


 ไดนาดิน ขมวดคิ้วก่อนจะเพ่งมองกลับไปอีกที นั่นบอสกำลังยืนคุยกับใครบางคนอยู่ และดูหน้าตาคุ้นมาก


“พิคเจอร์!”


“คุณรู้จักเพื่อนผมด้วยหรอครับ?” อีกคนเอ่ยถาม


“ครับ! ผมว่าเราเดินไปหาพวกเขาดีกว่า” ไดนาดินเอ่ยชวนก่อนจะก้าวเดินนำหน้าอีกฝ่ายไป


...



...



...


“พิค! ดีใจที่นายกลับบมาแล้ว” 


“ฟิน! มาเร็วดีจังเลย  เรารีบกลับกันเถอะ” พิคเจอร์ยิ้มให้เพื่อนสนิทราวกับกำลังหาตัวช่วยอยู่พอดี


“คุณยังกลับไม่ได้!” เสียงโทนต่ำไม่พอใจพูดขึ้น แม้แต่ฟินเองก็ตั้งตัวไม่ทัน สีหน้าจากยิ้มแย้มกลับหายไป


“คะ..ใครกันหรอพิค” ฟินมองชายชุดสูทเหล่านี้อย่างหวั่นกลัว

“ก็...คนหลงอำนาจ นิสัยไม่ดี เอาแต่ใจตัวเองไง ฟินอย่าสนใจเลย กลับกันเถอะ”


“อืมๆ” ฟินตอบรับทั้งๆที่ในใจรู้แน่นอนว่าเพื่อนชายต้องมีอะไรกับคนเหล่านี้แน่


หมับ!!!


ข้อมือเล็กถูกชายร่างสูงและหล่อที่สุดจับคว้าเอาไว้ทัน  บรรยากาศเดิมๆเริ่มกลับมาอีกหน


“นี่คุณ!! เจอกันครั้งแรก คุณก็ถือวิสาสะจับแขนผม มาวันนี้ก็ยังจะจับอีก ถามจริงๆเถอะ ทำไมคุณต้องวุ่นวายกับผมมากขนาดนี้ด้วย”


“ถ้าอยากรู้ คุณพอจะมีเวลาซัก 20 นาทีไหมล่ะ” ร่างสูงต่อรอง


        พิคเจอร์จ้องมองหน้าคาดอส อย่างไม่ยอมลดละและเกรงกลัว ส่วนแววตาน่ากลัวและเย็นชานั้นกลับมีบางอย่างที่ไม่อยาก
จะให้ร่างบางนั้นไปไหนไกลสายตา


“ก็ได้”


“เข้าไปนั่งในร้านเครื่องดื่มก็ดีนะ ไดนาดิน จัดการที”


“ครับบอส”


“นายชื่อไดนาดินหรอ?” ฟินเอ่ยถามเบาๆ หนุ่มร่างสูงท่าทีสุขุมได้แต่พยักหน้าให้เบาๆแทนคำตอบก่อนจะเดินไปจัดการจองโต๊ะให้เจ้านายเรียบร้อย



    การนั่งคุยตามประสาเจ้านายกับคนรักถูกแยกโต๊ะออกไป มีเพียงสายตาที่จดจ้องมองดูแต่ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกัน มันทำให้ฟินเริ่มหวั่นใจ กลัวว่าคาดอสจะเป็นคนที่มาแย่งพิคเจอร์ไปรึเปล่าก็เท่านั้น


“เป็นอะไรของนาย คุณพิคเจอร์อยู่กับบอสของเรา วางใจได้ว่าเขาจะปลอดภัย” หลังจากที่แกริคสังเกตท่าทางเพื่อนสนิทของชาวไทยมาพอสมควร เกิดหงุดหงิดไม่พอใจเท่าไหร่นัก


...


...


         คาดอสนั่งนิ่งมองตาอีกฝ่ายอย่างใจเย็น แต่พิคเจอร์เองกลับกำลังมีความรู้สึกตรงข้ามกับร่างใหญ่โดยสิ้นเชิง


“เอาล่ะ บอกเรื่องที่ผมอยากรู้มาได้แล้ว” ร่างบางทวงถาม


“คุณจะเชื่อผมไหม ถ้าผมจะบอกสิ่งต่อไปนี้”


“ก็บอกมาก่อนสิ ถ้าเรื่องมันน่าเชื่อผมก็จะเชื่อ”


“คุณยังไม่จำเป็นต้องรู้ตอนนี้ แต่สิ่งที่คุณต้องฟังและทำตามคำสั่งผมคือ คุณต้องเลิกยุ่งกับฟ่านหยางเฟยซะ”

    อะไรกัน เขาได้ยินไม่ผิดใช่ไหม? มันน่าขำขันมาก คาดอสสั่งเขาแบบนี้มันไม่มีเหตุผลอะไรที่เห็นสมควรเลย เขารักฟ่านหยางเฟย แต่คนร่างใหญ่นี้กลับมาบอกว่าให้เลิกยุ่งกับฟ่านหยางเฟย มันไม่แปลกไปหน่อยหรอ?


“คุณนี่ตลกดีนะ!”


“ที่พูดนี่ ไม่ใช่เรื่องตลกนะคุณ เพื่อความถูกต้องและความปลอดภัย ผมกำลังจะไปบอกเรื่องนี้กับฟ่านหยางเฟย ส่วนคุณ ผมไม่อยากให้ถูกโยงเข้าสู่วังวนความบาดหมาง ถ้าคุณเชื่อผมคุณจะปลอดภัยพิคเจอร์”


“ผมสิต้องบอกว่า ผมเชื่อฟ่านหยางเฟยปลอดภัยกว่าเชื่อคุณตั้งเยอะ”


      คาดอสกำหมัดแน่น ดูเหมือนอีกฝ่ายหัวแข็งเกินไป ช่วยไม่ได้ในใจชาวไทยตอนนี้มีแต่ฟ่านหยางเฟยอยู่เต็มอก แต่มันน่าเห็นใจตรงที่ว่าหลังจากนี้ไป พิคเจอร์จะไม่มีสิทธ์คิดอะไรกับพี่ชายของตัวเองได้อีก


“ครั้งนี้ถือว่าผมขอร้อง ส่วนฟ่านหยางเฟยปล่อยให้เป็นหน้าที่ผม”


“อย่าเอาความเหนือมนุษย์มาทำให้หยางเฟยได้รับอันตราย เพราะไม่อย่างนั้นผมจะถือว่าคุณไม่ใช่ลูกผู้ชาย ฟิน! กลับบ้านเถอะ พิคเหนื่อยมากเลยอยากพักผ่อน” พิคเจอร์จ้องหน้าคาดอสอย่างไม่เกรงกลัว



   คาดอสมองส่งร่างบางเดินหายลับตาไป ในใจเขาตอนนี้ไม่อยากให้พิคเจอร์รับรู้เรื่องละเอียดอ่อนมุมดำขององค์กร ถ้าจะให้เลือกเขาอยากให้คนของเสือแดงสักคน ใช้ชีวิตอยู่บนโลกโดยปราศจากการได้รับรู้หรือได้รับฟังเรื่องราวแย่ๆที่ผ่านมาในอดีตจะดีกว่า 

   จากนี้ไปก็เหลือแต่ฟ่านหยางเฟยแล้ว แต่เขาเชื่อว่าหยางเฟยต้องเชื่อเขาแน่ หากอ้างว่าเขาเจอหลักฐาน ปลอกกระสุน เบญจพิษ บริเวณที่มีการฆาตกรรมเกิดขึ้น


:L2:


ฝากแฟนนิยายเรื่องนี้ เข้าไปอ่าน ปันหยา จอมเทพแห่งสุราลัยด้วยน้า  บทนำกำลังจะอัพลงแล้ววว


หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 28-08-2016 20:58:23
ตอนที่ 12

เช้าวันถัดมา...มหานครเซี่ยงไฮ้ ถิ่นเหลาสู่หงเซ่อ


“นายครับ คาดอสมาขอพบครับ!”


          เจียนเหมิงเดินเข้ามาในห้องออกกำลังกายส่วนตัวในคฤหาสน์หลังคาแดงด้วยท่าทางตกใจ เจ้าของบ้านกำลังถอดเสื้อยกเวทออกกำลังกายหนักต่อเนื่อง พอได้ยินชื่อที่เปรยออกจากปากลูกน้องถึงกับหยุดเล่นเวทกะทันหัน


“มันมาทำไม?”


“เขาจะบอกนาย...ก็ต่อเมื่อนายออกไปพบเขาครับ” จอมกระบี่พูดไปตามที่แขกคุ้นหน้าบอกมา


“อีก 10 นาทีแล้วจะออกไป ”


“ผมจะไปบอกเขา เดี๋ยวนี้ครับนาย”



       ใบหน้าตี๋หล่อปนกังวลใจสองมือยังยกเวทต่อไปได้สักพักก็รามือ ความร้อนภายในร่างกายทำให้หยาดเหงื่อผุดเป็นหยดพร่างพรูตามผิวหนังและใบหน้า เขาจำเป็นต้องรอให้อุณหภูมิร่างกายลดลงกว่านี้  ก่อนจะออกไปพบคาดอส ประมุขอินทรีทอง ที่วันนี้กล้าบุกมาถึงถิ่น จะว่าไปพักหลังมานี้คาดอสและเขาเจอกันปล่อยกว่าเมื่อก่อนมาก จนจะลืมไปเสียสนิทแล้วว่ามีเรื่องบาดหมางกันอยู่



          ฟ่านหยางเฟยเดินออกมาก่อนเวลานัด ชุดคลุมสีน้ำตาลเข้มถูกสวมทับเรือนร่างกำยำอย่างหลวมๆ คาดอสมาหาเขาครั้งนี้มีผู้ติดตามเพียงคนเดียวคือ ไดนาดิน สองหนุ่มเจ้านายลูกน้องหันหน้ามาจ้องมองเขาเป็นตาเดียว ไม่ปรากฏอารมณ์ความรู้สึกใดๆบนใบหน้าอันหล่อเหลานั้นเลย



“นายมีธุระอะไร?” เจ้าของบ้านเอ่ยถาม พร้อมกับหย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม


“เรื่องนี้เรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องราวที่ผ่านมาแล้ว ฉันตามหาเบาะแสคนฆ่าครอบครัวของนายได้แล้วล่พฟ่านหยางเฟย!”


“ฮึ ผ่านไปตั้ง 20 ปี นึกครึกครื้นอะไรขึ้นมากันล่ะ ถึงเพิ่งจะมาบอกตอนนี้ คิดอยากจะปัดความบาปที่ตราหน้าอินทรีทองออกไปจากชีวิตหรือไง คาดอส!”


“ไม่มีประโยชน์ เพราะคนอย่างฉันไม่มีทางปัดความผิดที่ตัวเองลงมือทำแน่”


...


...

หยางเฟยสบตาอีกฝ่ายไม่กระพริบ พลางคิดอะไรบางอย่าง

“มันก็จริง เอาล่ะฉันจะรับฟังสิ่งที่นายพูด  แต่ไม่รับปากนะว่าจะเชื่อ”



         ฟ่านหยางเฟยส่องแววตาอย่างเย้ยหยัน พร้อมทั้งเปลี่ยนท่านั่งเป็นไขว้ห้างแทนอย่างผ่อนคลาย


“นี่คือหลักฐานที่ทางเจ้าหน้าที่ประเทศไทย ค้นพบเพิ่มเติม  ไม่ไกลจากจุดฆาตกรรรมเท่าไหร่”


         ปลอกกระสุนปืนหลักฐานสำคัญถูกใส่ไว้ในซองซิปพลาสติกใส ไดนาดินเป็นคนถือเอาสิ่งนี้ไปวางไว้ตรงโต๊ะทรงเตี้ยตรงหน้าฟ่านหยางเฟย



“ปลอกกระสุน? แล้วยังไง!”

      หนุ่มตี๋เสือแดงยังนั่งท่าเดิม ท่าทีไร้คยวามอยากรู้อยากเห็น และไม่คิดจะเอื้อมไปหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมาดูแม้แต่น้อย



“ตั้งใจดูปลอกกระสุนให้ดี ฟ่านหยางเฟย! ” คาดอสเตือนสติอดีตเพื่อนรักอีกครั้ง


              หยางเฟยพ่นลมหายออก ราวกับไม่ค่อยพอใจนัก ก่อนจะตัดสินใจหยิบซองซิปพลาสติกนั่นมาดูใกล้ๆ  แน่นอนว่าสายตาของมหาอำนาจมักถูกสั่งสอนมาให้สังเกตอย่างถี่ถ้วน แม้แต่สิ่งเล็กๆที่พอมองเห็น ได้ก็ต้องใส่ใจ และครั้งนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าดวงตาของฟ่านหยางเฟยนั้นจะพลาดไม่เห็นสัญลักษณ์ที่คุ้นตานั่นบนปลอกกระสุนปืน



“เบญจพิษ?”


“ใช่ ฉันมั่นใจว่าการตายของคนในครอบครัวนายนั้น...”


“ฮึ เลิกพล่ามเสียทีเถอะคาดอส!!!  ปลอกกระสุนปืนนี่  จริงหรือเท็จอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ทันนาย ถ้าหากเป็นการจัดฉากขึ้นมาตบตาฉัน ฉันว่าปลอกกระสุนปืนนี่ไม่เห็นว่ามันจะน่าแปลกตรงไหน จริงไหม?”



“นายหมายความว่ายังไง?” คาดอสชักจะเสียอารมณ์ที่ถูกอีกฝ่ายดูถูกแบบนี้


“ก็หมายความว่า ปลอกกระสุนปืนนี่นายเองอาจจะเป็นคนเซตฉากขึ้นมาก็ได้ พยายามทำให้ฉันเชื่อ ฮึฮึ อย่าลืมซิว่าไอ้ของแบบนี้นายเองก็ลอกเลียนแบบได้ดีที่สุดอยู่แล้ว เพราะเบญจพิษเคยเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่อยู่ภายใต้การปกครองของอินทรีทองไม่ใช่หรอ?”


“ฟ่านหยางเฟย นายกำลังดูถูกฉัน!!!”



“ฉันเปล่า!”

        ทั้งที่ในใจของหนุ่มตี๋จะอยากตอบว่าใช่ตามที่เข้าใจมากเท่าไหร่ก็ตาม แต่เขารู้ดีว่าคนอย่างคาดอส ถ้าถูกพูดหยาม
ให้เจ็บใจ คนพวกนี้จะกลายร่างยิ่งกว่าปีศาจในคราบมนุษย์ก็ไม่ปาน ซึ่งพลังเหนือมนุษย์มากมายขนาดนั้น มันไม่ดีต่อชีวิตเขาและลุกน้องในบ้านหลังนี้แน่นอน


“คนอย่างฉันกล่าวหาใครแบบไม่มีหลักฐานไม่ได้ นายก็รู้ดี และอีกอย่างการเซตฉากที่นายว่า ฉันไม่เคยคิดจะทำเลย สัก! ครั้ง! เดียว!” ทายาทอินทรีทองเน้นท้ายประโยคทีละคำ หนักแน่นและกังวาน จนลุกน้องฟ่านหยางเฟยเริ่มสั่นกลัว



          คาดอสยืนกรานถึงวิสัยและนิสัยของตัวเอง และดูเหมือนว่าฟ่านหยางเฟยจะยอมรับบ้างแล้วจากแววตาที่มองมา และจากการอ่านใจของอดีตเพื่อนรัก



         หากให้ย้อนกลับไป ฟ่านหยางเฟยมาคิดทบทวนแล้ว มันก็ถูกของคาดอสอีกเช่นเคย ตั้งแต่เห็นกันมาแต่เล็กจนโตเท่าป่านนี้ คาดอสไม่มีวันลงมือทำอะไรแล้วโยนความผิดให้ใครรับแทนเด็ดขาด



         จริงๆไม่ใช่ว่าเสือแดงไม่รู้เรื่องเหล่านี้ เบญจพิษถูกอินทรีทองขับไล่หนีไป ก่อนที่พ่อกับแม่ของเขาจะถูกฆ่าตายปริศนาที่ประเทศไทยเสียอีก



“หมดธุระของนายแล้วใช่ไหม?” หยางเฟยเปรยถามเสียงเบา หลังปล่อยให้บรรยากาศเงียบเชียบมาชั่วครู่


“หยางเฟย ฉันขอเตือนนายด้วยความหวังดี ถ้านายไม่คิดจะเชื่อฉัน ก็ขอให้ให้เชื่อเพื่อเสือแดง เพราะคนที่จะอันตรายต่อไปคือ
นาย และน้องชายนายแน่”


“อย่ามาขู่ฉัน เหลาสู่หงเซ่อไม่เคยกลัวใคร ถึงอำนาจจะไม่เทียบเท่าอิงจินเซ่ออย่างนายก็ตาม แต่เราก็ยืนหยัดด้วยขาของพวกเราเอง จำเอาไว้”


“ที่ฉันพูด!!! ฉันไม่ได้ดูถูกความกล้าหาญของเสือแดงนะหยางเฟย แต่ที่ฉันพูด...เพราะเบญจพิษ! คนเหล่านั้นมีวิทายายุทธน่ากลัว แล้วลูกปืนกับฝีมือคนสนิทสองคนของนายคิดหรอว่าจะต้านทานอำนาจมันไหว”


“...”


“จริงอยู่เมื่อ 20 ปีก่อน พวกมันอาจมีไม่ถึงร้อยคน แต่ตอนนี้มันผ่านไปนาน 20 ปีแล้ว ไม่คิดหน่อยหรอว่าคนของเบญจพิษวุ่มสร้างขุมกำลัง จนอาจจะมีมากมายนับไม่ถ้วน มันอาจจะแฝงอยู่ไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง รอคอยการเอาคืนแน่1”



“แต่ต่อให้เบจญพิษจะมีมากถึงพันคนหมื่นคนก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน! ความบาดหมางทั้งหมดที่เกิดขึ้นต่อให้นายไม่ได้เป็นคนทำเองและอ้างว่าเป็นเบญจพิษเป็นคนทำจริงก็ตาม แต่การตายของป๊าและม๊าของฉันก็ต้องมาตายเพราะเรื่องของพวกนายเองทั้งนั้น เพราะอย่างนี้ฉันถึงได้เกลียดอิงจินเซ่อไง ฉันเกลียดแกไอ้คาดอส!”



       ฟ่านหยางเฟย แบกรับความเจ็บช้ำ รอยร้าวในชีวิตต่อไปไม่ไหวแล้ว ประมุขใหญ่แห่งเสือแดงตอนนี้ดวงตาแดงก่ำด้วยความโกระจัด พร้อมกับมีน้ำใสๆเอ่อนอง ฟ่านหยางเฟยพยายามกลั้นใจไม่ให้น้ำตาแห่งความพ่ายแพ้ไหลต่อหน้าคาดอสเด็ดขาด เขาหวังว่าสักวันเขาจะเป็นผู้ที่รอดูน้ำตาคนพ่ายแพ้อย่างคาดอสแทน


“หยางเฟย การที่ฉันมาเตือนนายครั้งนี้ ถ้าไม่เห็นแก่การพิสูจน์ของฉันว่าอินทรีทองบริสุทธิ์ใจทุกการกระทำ ก็ขอให้นายเชื่อฉันสักครั้ง เพื่อน้องชายและตัวของนายเองจะได้ปลอดภัยจากเบญจพิษ”



“น้องชายฉันต้องปลอดภัยอยู่แล้ว!! เพราะอะไรรู้ไหม? ก็เพราะว่าตอนนี้แม้แต่ฉันเป็นพี่ชายเขาแท้ๆยังหาตัวเขาไม่เจอเลย พวกเบญจพาก็ไม่มีทางหาตัวน้องชายฉันเจอด้วย”


“เพราะนายไม่เริ่มจากการตามสืบประวัติเขาก่อนยังไงล่ะหยางเฟย” คาดอสพูดเสียงอ่อนลง


“แกหมายความว่าไง?”


“แท้ที่จริงแล้ว นายได้เจอน้องชายของนายแล้วต่างหาก”


“!!!” หยางเฟยทำตาโต สีหน้าตกใจคิ้วขมวดเข้าหากัน


หมับ!


      มือหนาคว้าจับคอเสื้อขยำกำแน่น ดึงทึ้งร่างอีกคนเข้าหาตัวเอง คาดอสยกมือห้ามไดนาดินเอาไว้ หลังจากเห็นท่าทีลูกน้องกำลังจะเข้ามาสะกดจิตคนอารมณ์ไม่ดีตรงหน้าเขา


“แกอย่ามาพูดล้อเล่นแบบนี้กับฉันนะคาดอส!”


“ฉันเปล่าหยางเฟย! ฉันพูดความจริง”


...

...

        ประมุขเสือแดงจ้องดวงตาของคาดอสราวกับชั่งใจลมปากที่ได้ยินเมื่อครู่พอสมควร แต่สุดท้ายอะไรหลายๆอย่างที่เขารู้จักและเคยสัมผัสจากคาดอสมาทั้งชีวิต ทำให้เขาตัดสินใจปล่อยมือที่กำขยำคอเสื้ออีกคนให้อิสระ


“บอกมาให้หมด ว่าแกรู้อะไรมา!”


      คาดอสยิ้มมุมปาก หลังจากเห็นอีกฝ่ายอ่อนใจ พร้อมทั้งแอบอ่านใจอีกฝ่ายแล้วนั้นความชัดเจนในใจหยางเฟยตอนนี้หนีไม่พ้นความต้องการเพียงหนึ่งเดียวนั่นก็คือเรื่องของน้องชาย  ฟ่านหยางอี้ ยังไงล่ะ


“พิคเจอร์ คือ น้องชายนาย”


“!!!”

...


...


...
 

           ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง เหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุน กับประโยคที่ได้ยิน ชื่อของใครคนนั้น คนที่เขาเพิ่งจะไปส่งกลับบ้านเกิดที่สนามบินเมื่อวานนี้เอง


“ไม่ใช่!” หยางเฟยเปรยปฏิเสธอัตโนมัติ


“หยางเฟย ทุกอย่างที่ฉันบอกไป คือความจริง พิคเจอร์คือน้องชายนาย ถ้าหากไม่เชื่อการสันนิษฐานของฉัน ขอแนะนำว่าให้พาพิคเจอร์ไปตรวจดีเอ็นดีให้เรียบร้อยซะ”


“...”


“ฉันรู้ว่ามันยาก และลำบากใจ แต่ขอให้นายรู้ไว้ว่าฉันไม่เคยพูดอะไรลอยๆ ฉันกลับล่ะ!”


“เดี๋ยว! ”


“ถ้านายกำลังโกรธที่ฉันไปยุ่มย่ามเรื่องของนาย ฉันขอโทษก็แล้วกัน แต่ตอนนี้นายเองควรจะเป็นฝ่ายขอบใจฉันมากกว่า ทั้งที่ก่อนหน้านี้เรื่องของนาย อุตส่าห์ลงมือตามหาน้องชายด้วยตัวเองแท้ๆแต่กลับเริ่มไม่ถูกจุดเอง พอฉันอาสาอยากช่วยขึ้นมาหน่อย เพียงไม่กี่วันคำตอบกลับพลิกโผ ฮึฮึ ”


“ฉันจะไม่ขอบใจนายเรื่องอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคดีการตายของครอบครัวฉัน หรือแม้แต่ตัวตนของน้องชายฉันเอง  ฉันต้องการพิสูจน์คำพูดพร่อยๆของนาย แต่ถ้าหากไม่เป็นจริงอย่างที่ว่ามา ประมุขอินทรีทองอย่างนายต้องชดใช้....ด้วยชีวิต ”



  ฟ่ายหยางเฟยหมายหัวไว้ เขาพูดจริงทำจริง กฎข้อนี้คาดอสรู้ดี แต่เขากลับแสยะยิ้มไม่คิดหวั่นกลัวแม้แต่น้อย ทำไมเขาต้องกลัวในเมื่อทุกอย่างที่เขาลงมือตามสืบให้สองเรื่องนั้นยังไงมันก็เป็นความจริงอยู่แล้ว ไม่ว่ามันจะประจักษ์ออกมาจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง



“ฉันจะรอวันนั้นหยางเฟย...วันที่นายขอบคุณฉัน และเลิกยุ่งกับพิคเจอร์ซะ นายคงจำได้ดีนะว่า เมื่อ20 ปีก่อน ฉันคิดกับน้องชายนายยังไง!”


“ไอ้คาดอส!”


“ฮึฮึ ตอนนี้ทั้งฉันและฟ่านหยางอี้ก็โตมากแล้ว ได้เวลาสักทีที่จะใช้ชีวิตอย่างสามีภรรยาตามที่ใจต้องการ”


“น้องฉันยังเด็ก ไม่มีความคิดทุเรศๆแบบนั้นในหัวแบบแกหรอก”


“ถึงแม้ว่าเขาจะเติบโตมาพร้อมกับการชอบเพศชายอย่างนั้นหรอ? อีกอย่างอย่าลืมสิว่า เสน่ห์ของพิคเจอร์ดึงดูดเพศเดียวกันมากขนาดไหน นายเองน่าจะรู้คำตอบดีที่สุดนะ สองวันมานี้ตัวติดกันอย่างกับอะไรดี”


“อย่ามาหยาบคายแบบนี้ เราจะไม่พูดถึงเรื่องที่อยู่ในมโนของนายแน่ ถ้าเรื่องนี้ยังไม่มีการพิสูจน์”


“ก็พิสูจน์ซะสิ...ฉันจะรอวันนั้น หยางเฟย หวังว่านายจะไม่ปิดกั้นใดๆอีกนะ ขอให้ทำใจไวๆล่ะ เพื่อนรัก!”



          หนุ่มตี๋กำหมัดแน่น คาดอสแสยะยิ้มราวกับผู้ชนะ แต่ชนะในแบบที่กหยางเฟยต้องถอนตัวไม่ขึ้นแน่ หากคำกล่าวก่อนหน้านี้เป็นจริง ตอนนี้เขาหวั่นไหวในคำพูดคาดอสไม่น้อย เพราะมันมีโอกาสสุงมากที่จะเป็นจริง อินทรีทองไม่มีทางพูดเรื่องเพ้อเจ้อไร้สาระแน่  แล้วตอนนี้เขาจะทำยังไงดี เลิกยุ่งกับพิคเจอร์ดีไหม? แต่ถ้าทั้งหมดที่พุดมานั้นเป็นแผนของคาดอสหลอกให้เขารามือจีบพิคเจอร์ล่ะ?



       แต่ว่าตั้งแต่รู้จักกันมาหมอนั่นไม่เคยหลอกเขาเลย กว่าสิ่งที่จะพูดออกมาแต่ละประโยคนั้น เขามั่นใจว่าคาดอสกลั่นกรองแล้ว เบจญพิษตอนนี้กำลังแฝงตัวอยู่แน่ๆ เขาเริ่มเชื่อคาดอสขึ้นมาบ้างแล้ว จริงอย่างที่คาดอสว่าประมุขอินทรีทองไม่มีเหตุผลใดที่จะปลอมปลอกกระสุนอดีตสมาชิกที่ดูแลอย่างเบญจพิษเลย



          สิ่งเดียวที่เขาต้องทำตอนนี้คือ ตรวจ DNA แม้ว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นจริงอย่างที่คาดอสว่าหรือไม่ก็ตาม แต่ถ้าเขากับพิคเจอร์เป็นพี่น้องกันจริง มันก็เป็นผลดีมากกว่าผลเสีย เพราะเขาได้เจอน้องชายแล้ว ส่วนผลเสียคือ เขาจะหยุดห้ามใจไม่ให้รักน้องชายตัวเองได้ยังไงกัน






เวลาเที่ยงคืนวันเดียวกัน กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย        

“พิค! เป็นอะไร ตั้งแต่กลับมาจากสนามบินเมื่อวานดูไม่สบายใจเลยนะ ”


“เปล่าหรอก...แล้วนี่ฟินยังไม่นอนหรอ?”


“ก็อดห่วงพิคไม่ได้นั่นแหละ มีอะไรไม่สบายใจบอกฟินได้นะ”


“ไม่ดีกว่า เราจะไม่มีทางดึงฟิน เพื่อนสนิทของพิคไปยุ่งเกี่ยวกับองค์กรแบบนั้นแน่”


“หมายความว่าไง...องค์กรงั้นหรอ?”


“เฮ้ออ..ช่างมันเถอะ เราง่วงแล้ว เข้านอนกันเถอะฟิน”


“อืม...”


           ฟินพยักหน้าตอบรับ แต่ในใจไม่ได้คิดจะปล่อยวาง เขารู้ว่าพิคเจอร์มีเรื่องไม่สบายใจแน่ๆ ถ้าให้เดาต้องเป็นเรื่องที่คุยกันกับชายหนุ่มทรงอำนาจหน้าตาหล่อเหลานั่นแน่นอนเลย


“เอ่อพิค!!!” ชายหนุ่มคว้าเข้าจับข้อมืออีกฝ่ายอย่างไม่สบายใจนัก


“หืมว่าไงฟิน?”


“พิคไม่ได้คิดอะไรกับผู้ชายหล่อๆสูงๆ ดูร่ำรวยคนนั้นใช่ไหม?”

...

...

“ถ้าเป็นคนที่เราคุยอยู่สนามบิน  เราขอบอกฟินได้อย่างไม่ลังเลเลยว่า ไม่มีทางแน่นอน ” ฟินเผยยิ้มดีใจที่ได้รับคำตอบนั้น เขาจะได้สบายใจ แต่หารู้ไม่ว่าอีกคนที่พิคเจอร์ไม่ได้เปรยบอกตรงๆนั้นคือ หยางเฟย


         และร่างบางนี้จะไม่มีทางรู้เรื่องความสัมพันธ์ทางสายเลือดของตัวเองแน่ จนกว่าฟ่านหยางเฟยจะเป็นคนจัดการเอง เพราะสิทธิ์นั้นคาดอสมอบให้ประมุขเสือแดงเป็นคนสานต่อเอง ทั้งนี้เพื่อเคารพอำนาจของอีกฝ่าย เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องของฟ่านหยางเฟยเองแต่เพียงผู้เดียว


:L2:


วันนี้ไม่โอเคเลย ปวดหัวนิดหน่อย เลยมาอัพช้า ถ้ามีคำผิดเยอะก็ขอโทษด้วยน้า  แต่ห้ามตัวเองไม่ให้อัพลงไม่ได้ กลัวคนอ่านรอ


:L1: :L1: :L1:

หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: princeofdark ที่ 29-08-2016 00:11:20
สนุกมากเลยค่ะ อ่านรวดเดียวเลย
พิคน่าจะช็อคนะถ้าพิสูจน์แล้วผลออกมาว่าเป็นพี่น้องกัน
มาต่อไวๆนะคะ เป็นกำลังใจให้คนเขียน
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 29-08-2016 01:28:27
เป็นกำลังใจให้คนแต่งจ้าาา
รอตอนต่อไปค่ะ




 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: fcsunaree ที่ 29-08-2016 04:06:07
ฟังแล้วเรี่องนี้ สนุกมากๆค่า มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 29-08-2016 12:37:55
ตอนที่ 13

นครมิลาโน แคว้นลอมบาเดียร์ ทางตอนเหนือประเทศอิตาลี


         ท่ามกลางราตรีอันหนาวเย็น สิ่งปลูกสร้างคล้ายบ้านพักตากอากาศสไตล์อิตาลี แม้มันจะดูกว้างใหญ่แต่สำหรับที่นี่กลับเป็นทั้งบ้านพักอาศัยและที่ซุ่มซ่อนตัวขององค์กรหนึ่ง  แต่ทว่าตอนนี้บนชั้นสามภายในห้องนอนห้องหนึ่งหันหน้าติดถนน กลับปรากฏแสงสว่างจากปล่องไปภายในห้อง ใครคนนั้นผู้เป็นเจ้าของห้องยังไม่ได้หลับใหล



         เปลวไฟที่สุมอยู่ในปล่องกำลังไหม้ได้ที่ ให้ความอบอุ่นยามค่ำคืนเป็นอย่างดี กับสีแดงฉานที่กระจายส่องทั่วห้องนั้นช่างงดงามเหมือนสีสัญลักษณ์แห่งองค์กรใหม่เหลือเกิน นัยน์ตาคู่นั้นกำลังปรากฏภายสะท้านเปลวเพลิงเหมือนกำลังเผาไหม้อยู่ในดวงตา เดาได้ว่าเขากำลังจ้องมองปล่องไฟอยู่  ท่าทางนั้นราวกับรอคอยใครคนหนึ่งในโทรศัพท์ติดต่อกลับมาอย่างใจจดใจจ่อ



ครืดดดดด  ครืดดดด



“กว่าจะโทรมาได้นะ” เสียงทุ้มตำหนิปลายสายทันทีที่กดรับ


“ขอโทษครับพี่ พอดีช่วงนี้เขานอนดึก ต้องรอจนกว่าเขาจะหลับอีก นี่ก็แอบออกมาโทรหาพี่เลยนะ”


“อืม... ดี! เรื่องที่ฉันวานให้แกทำ สำเร็จไหม?”


“แผนของพี่สำเร็จครับ แต่...ไม่รู้ว่าฟ่านหยางเฟยจะเชื่อรึเปล่า”


“เสือแดงอย่างหยางเฟยไม่ใช่คนโง่ อีกอย่างอินทรีทองไม่ปล่อยให้อดีตเพื่อนรัก หันไปชอบพอกับน้องชายตัวเองหรอก!”


“พี่นี่เก่งนะ ให้คนติดตามดูการเคลื่อนไหวของคาดอสที่จีน ทั้งที่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดา ”


“แต่มันก็คุ้มไม่ใช่หรือไง? แผนนี้ฉันแค่ต้องการกำจัดฟ่านหยางเฟย ไม่อยากทนเห็นพี่ชายต้องมาชอบน้องชายตัวเอง ยังไงซะฟ่านหยางอี้ สายเลือดเสือแดงคนสุดท้องต้องเป็นของฉันคนเดียว”


“...” ปลายสายเงียบไป หลังจากได้ยินผู้พี่เอ่ยเป็นมั่นเหมาะอย่างนั้น


“เป็นอะไรไป...”


“ปะ...เปล่าครับ แต่พี่อย่าประมาทนะ ผมเจอตัวจริงเขามาแล้ว  คาดอสไม่ใช่คนโง่แน่นอน ตอนนี้ในใจลึกๆเขาคงรู้แล้วว่าปลอกกระสุนปืนของเราถูกเซตฉากขึ้นมา และคนอย่างคาดอสนั้นถ้าให้เดาคงจะเอาของสิ่งนั้นไปใช้ประโยชน์เพื่อตัดขาดความสัมพันธ์ที่กำลังจะถอนตัวไม่ขึ้นของสองพี่น้องแน่ครับ”


“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น เอาล่ะจับตาดูให้ดี ฟินกี้  อย่าให้ใครจับพิรุธนายได้ ดูกิริยาของเพื่อนสนิทนายให้ดี จับตาดูอย่าให้พลาด ฉันเชื่อว่าคาดอสคิดกับฟ่านหยางอี้แบบคู่รักแน่ ยิ่งตอนนี้มันรู้แล้วว่าสองชื่อเป็นคนคนเดียวกัน  ฉันยิ่งไม่ไว้ใจ ฉันต้องรีบกำจัดเสี้ยนหนามไปให้พ้นทางซะ”



“ผมไม่เข้าใจ ถ้าสมมติว่าพี่ไม่ชอบฟ่านหยางอี้ เมื่อ 20 ปีก่อนพี่จะบอกให้ป๊าฆ่าเขาไหม?”

        ปลายสายต้องการคำตอบ น้ำเสียงดูกังวลใจช่วยไม่ได้เพราะเหตุการณืนั้นเขาก็ยังเด้กมาก ไม่รู้เรื่องราวอะไรมากนัก  แต่ที่ต้องถามเพราะกลัวว่าในอนาคตหากเฟอกัลพี่ชายของเขาหมดรักจากฟ่านหยางอี้แล้ว เกรงว่าชีวิตของเสือแดงคนน้องจะไม่ปลอดภัย เพราะในใจของเขาตอนนี้ก็แอบชอบฟ่านหยางอี้เต็มหัวใจแล้วเหมือนกัน


“ทำไมแกถามแบบนั้น?”


“ก็...ผมกลัวฟ่านหยางอี้จะไม่ปลอดภัย”


“นายไม่จำเป็นต้องรู้  รู้เพียงแค่ว่าฟ่านหยางอี้จะต้องปลอดภัยแน่นอน แกไปทำตามที่ฉันสั่ง เฝ้าจับตาดูฟ่านหยางอี้กับไอ้คาดอสให้ดี  หน้าที่แค่นี้ก็พอแล้ว”


“ครับพี่”  ปลายสายถูกตัดไป


           มุมปากแสยะยิ้มในที่มืดมีเพียงแสงไฟจากปล่องอยู่เป็นเพื่อนเท่านั้น หนุ่มคนดังกล่าวหมดห่วงกับแผนการของเขาแล้ว มันได้ผลดีทีเดียว ร่างสูงโปร่งเดินไปยังกรอบรูปสีทองขนาดใหญ่ที่ผนังห้องอีกฝั่ง ภาพวาดอันล้ำค่านั้นแขวนอยู่อย่างสง่างาม มันเป็นเครื่องเตือนใจเขาได้เสมอ


          ดอกเบญจพิษสีแดงสดเหมือนเลือด ดอกไม้ในจินตนาการ มีกลีบดอกซับซ้อนและเกสรพิษมรณะน่ากลัว ดอกไม้ชนิดนี้ไม่วันเกิดขึ้นมาได้บนโลก หากไม่ใช่องค์กรของเขาเป็นคนสร้างขึ้น และสร้างมาแบบไม่มีชีวิต เพราะมันเป็นแค่เพียงอาวุธที่ใช้สำหรับทำลายคร่าชีวิตคนต่างหาก



    องค์กร ดอกไม้พิษ อันน่ากลัว หากนำไปใช้ในทางที่ถูกมันก็จะเป็นผลดี แต่ถ้าใช้ในทางกลับกันนั่นคือความบรรลัย ไม่ต่างอะไรไปจากพลังที่เหนือมนุษย์ของพวกอินทรีทองที่มีอยู่


“รอก่อนนะป๊า ผมจะแก้แค้นพวกอิงจินเซ่อให้หมด ล้างบางมันไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว แล้วเบญจพิษกับเหลาสู่หงเซ่อ จะกลับมายิ่งใหญ่ครองโลกเคียงคู่ไปด้วยกัน!”



           ชายหนุ่มร่างโปร่งใบหน้าเรียวสวย พูดอย่างมุ่งมั่น หากย้อนกลับไป 20 ปี อายุเพียงไม่เท่าไหร่แต่กลับมีความแค้นและอิจฉาคาดอส ชายหนุ่มที่เกิดมาพร้อมกับความเยินยอสรรเสริญจากองค์กรเดียวกัน แม้แต่เสือแดงเองก็ตาม ส่วนเบญจพิษก็ทำชื่อเสียงไม่น้อยให้กับอินทรีทอง แต่คนพวกนั้นกลับไม่เห็นหัวบิดาของเขาแม้แต่น้อย


           สุดท้ายก็จบลงด้วยการถูกขับไล่ไสส่งออกจากเมืองจีน เมืองอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขา ต้องหนีการไล่ล่าจากตำรวจแทบจะเอาชีวิตกันไม่รอด สุดท้ายก็ลงเอยปักหลักกันที่นี่ อิตาลีคือเมืองแห่งชีวิตของเบญจพิษ ที่นี่ชุบชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น  และตอนนี้เบญจพิษมีประมุขคนใหม่คือ เฟอกัล


         การหายสาบสูญไป และอยู่อย่างเงียบๆไม่เคลื่อนไหวไปไหนตลอด 20 ปีเลยของเบญจพิษ มันทำให้ประมุขใหญ่อินทรีทองอย่างคาดอสเชื่อสนิทใจว่าเบญจพิษตายหายสูญสิ้นหมดโลกแล้ว แต่น่าเสียใจตรงที่ไม่กี่วันมานี้ ประมุขหัวเรือคนใหม่ของเบญจพิษอย่างเฟอกัล  ลูกชายคนโตได้ประกาศการมีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้ ให้คาดอสตกใจเล่นๆเท่านั้น


        แต่มันก็คุ้มค่า เพราะอย่างแรกที่ได้มา เขาช่วยให้ฟ่านหยางเฟยตาสว่าง อย่างที่สอง คาดอสมันกำลังหลงรักฟ่านหยางอี้ ยิ่งรู้ว่าบัดนี้สองชื่อนั้นคือคนคนเดียวกัน พวกมันจะต้องระแวงเป็นสองเท่าแน่ แต่เฟอกัล ชอบฟ่านหยางอี้ แต่ด้วยตำแหน่งที่ต้องดูแลองค์กร ทำให้เขาไม่อาจปรากฏตัวใกล้ชิดได้ จึงตัดสินใจส่งน้องชายไปดูแลแทนเมื่อเจ็ดปีก่อน ช่วงนั้นตรงกับที่อายุสองหนุ่มคนรักกับน้องชายกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยพอดี


          ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้ว เขาพร้อมที่จะยืนหยัดและเอาคืนคาดอสบ้าง เขาจะได้รู้ว่าเบญจพิษ ไม่ได้ถูกใครย่ำยีไม่ให้เกียรติไปได้ง่ายๆแบบเมื่อก่อนนี้แน่




สี่วันผ่านไป กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย



ก๊อกๆๆๆ



        เสียงเคาะประตูทำให้สองหนุ่มในห้องเริ่มรู้สึกตัว จริงๆนี่ก็สายมากแล้ว แต่เมื่อคืนทั้งสองคนนอนกว่าจะหลับ  เล่นเอาร่างกายทั้งสองตอนนี้อ่อนเพลียไปมากทีเดียว และโหยหาแต่เตียงนุ่มๆกับผ้าห่มนิ่มๆเท่านั้น


“ฟิน! วานไปดูหน้าประตูทีสิ ใช่บุรุษไปรษณีย์รึเปล่า”


“ได้ๆเดี๋ยวฟินไปดูให้”



          ชายหนุ่มเรือนร่างบอบบางไม่ต่างจากพิคเจอร์เท่าไหร่นั้น รีบเดินไปยังหน้าประตูห้อง แต่สิ่งที่เห็นจากรูเล้กๆหน้าประตู ทำให้หัวใจของฟินยิ่งเต้นแรงไปกันใหญ่ไม่ใช่เพราะความหล่อของฟ่านหยางเฟย แต่เป็นเพราะการมาเยือนของประมุขเสือแดงต่างหาก เขาต้องดึงสติอยู่มากพอสมควรก่อนตัดสินใจเปิดประตูออกไป


“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่ามาหาใคร?”


    ทั้งที่ในใจรู้ดีที่สุดแต่ฟินเองกลับแสร้งทำเป็นไม่เคยรับรู้อะไรมาก่อนเลยได้อย่างแยบยล


“ผมชื่อ ฟ่านหยางเฟย เป็นแฟน...ไม่สิ เป็นพี่ชายของพิคเจอร์ ตอนนี้เขาอยู่ไหม?” ประมุขเสือแดงยืนประชิดหน้าประตูเอ่ยแนะนำตัวพอสังเขปอย่างสุภาพ


“ก็...”


“เสียงเหมือนคุณหยางเฟยเลย ใช่รึเปล่าฟิน!” พิคเจอร์ตะโกนกลับออกมา


“ถ้าได้ยินชื่อเมื่อกี้ไม่ผิด ฟินว่าน่าจะคนเดียวกันแหละพิค” ร่างบางหันไปตอบเพื่อนอีกคนที่เพิ่งจะดีดตัวขึ้นมานั่งบนเตียง สีหน้ายิ้มแย้มดีใจที่สุด


“จริงหรอ ให้คุณหยางเฟยเข้ามาข้างในก่อนเร็ว!”


    ฟินได้ยินอย่างนั้นก็จำใจหลีกทางให้คนตัวใหญ่หน้าตี๋ สวมเสื้อผ้าสุดเนี๊ยบดูดีเข้ามาในห้อง โดยมีลูกน้องคนสนิทสองคนเดินตามเข้ามาด้วย ที่เหลือยืนนิ่งราวกับหุ่นปั้นเฝ้าหน้าห้องแทน


“สวัสดีครับคุณหยางเหย ไม่คิดว่าจะมาหาผมถูกด้วย”


“ลืมไปแล้วหรือไงว่าคุณให้ที่อยู่ผมเอาไว้ก่อนกลับมาเมืองไทยนะ”


   หยางเฟยเอ่ยพร้อมกับ พยายามจ้องมองใบหน้าเนียนใสของคนตรงหน้า ให้ตายสิมันช่างไม่ดีเอามากๆ เขายังคงคิดอะไรกับพิคเจอร์แบบคนรักมากทีเดียว ตอนนี้ขอเพียงพรเทพเทวดาช่วยเขาที ขอให้ผลการตรวจดีเอ็นเอครั้งนี้ไม่เป็นอย่างที่คาดอสว่ามาด้วยเถิด


“คุณหยางเฟยครับ ทำไมเอาแต่จ้องหน้าผมอย่างนั้นล่ะ” คนตัวเล็กรู้สึกเขิน


“อ้อ..เปล่าหรอก รู้สึก...คิดถึงน่ะ” หยางเฟยเปรยพร้อมรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดมานั้นมันคือความคิดถึงฟ่านหยางอี้น้องชาย
เขา หรือว่าคิดถึง พิคเจอร์ที่เป็นคนรักของเขากันแน่


“พิค! เดี๋ยวฟินขอตัวออกไปซื้อของก่อนนะ!” จู่ๆฟินก็เอ่ยขึ้นมา


“อ้าว ซื้ออะไรอีกล่ะ ของในห้องก็มีมากมาย?”


“เท่านี้จะไปพอได้ไง คนสำคัญของพิคมาทั้งที ฟินออกไปหาซื้ออะไรมาเพิ่มจะดีกว่า”


“ไม่ต้อง! ผมแค่แวะมาหาพิค อาหารเช้าผมทานมาเรียบร้อยแล้ว” หยางเฟยหันไปมองฟินด้วยน้ำเสียงราบเรียบ


“แล้วนี่คุณมาเมืองไทยมีธุระอะไรรึเปล่าครับ” พิคเจอร์ชวนคุยต่ออย่างเคยชิน แต่ตอนนี้หยางเฟยไม่ได้ผ่อนคลายเคยชินเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขามีแต่ความลังเลใจ และกลัวรับความจริงไม่ได้


“พิคเจอร์! วันนี้คุณว่างไหม?”


“ว่างสิครับ ทำไมหรอ?”


“ผมอยากขอร้องและชวนคุณไปทำอะไรสักอย่างหน่อย คุณไปกับผมได้ไหม?”


“ไปไหนล่ะครับ” ร่างบางกว่ายิ้มกว้างให้อีกฝ่าย


“ไปตรวจดีเอ็นเอกับผม”


“ดีเอ็นเอ!! ตรวจทำไมหรอครับคุณหยางเฟย?”


“นะครับ ถ้าคุณยอมตรวจ ผมจะบอกเหตุผล....ว่าทำไม!!!” หยางเฟยเสนอเงื่อนไขที่ลึกลับกลับ


“...” พิคเจอร์มองดวงตาของฟ่านหยางเฟย มันไม่ปรากฏคำตอบใดๆเลย แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าคนตัวสูงหน้าตี๋ตรงหน้านี้ไม่ได้คิดอะไรไม่ดีหรือทำร้ายเขาแน่นอน


“นะครับ คนดี” หยางเฟยเอ่ยอ้อนวอนอีกครั้ง พรอ้มเอื้อมมือไปลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆอย่างอ่อนโยน


“ก็ได้ครับ เดี๋ยวยังไงขอผมอาบน้ำก่อนแล้วกันนะครับ”

“อืม ผมจะรอ”


             พิคเจอร์โผเข้ากอดร่างกำยำหนึ่งครั้งก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป ตอนนี้ในห้องก็เหลือแต่ฟิน หยางเฟย เจียนเหมิง และอินจือแล้ว  เป้าสายตาตอนนี้คงจะหนีไม่พ้นฟินแล้วสิ!



...เวลาผ่านไป ฟ่านหยางเฟยพาพิคเจอร์ไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด  ภายในห้องก็เหลือแต่ฟิน สิ่งเดียวที่เขาจะทำในเวลานี้ก็คือ โทรหาใครบางคนที่รอคอยคำตอบนั้นอย่างใจจดใจจ่อ


“ฟ่ายหยางเฟยมาที่นี่ ตอนนี้พาฟ่านหยางอี้ไปตรวจดีเอ็นเอแล้วครับ”


“ดี!! แกทำได้ดี ทันทีที่สองคนนั้นปรับความเข้าใจระหว่างพี่กับน้องได้แล้ว ฉันจะเป็นคนแรกที่คว้าหัวใจพิคเจอร์มาครอง ไม่ใช่ไอ้คาดอส”


“ครับ”


“แกเองก็เหมือนกัน อย่างประมาทล่ะ ห้ามให้ใครจับได้เด็ดขาดว่านายคือนายน้อยเบญจพิษ”


“แต่ผมไม่อยากเป็นนายน้อย ผมอยากมีชีวิตอยู่ปกติ”


“เลิกเพ้อเจ้อไร้สาระสักทีฟินกี้ นายเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เพราะฉะนั้นอย่าปฏิเสธฟ้าดิน”


   ปลายสายถูกตัดไปจากพี่ชายที่กำลังหงุดหงิดเขา  ความกลุ้มใจถาโถมเข้ามาในอกอีกครั้ง ถึงเฟอกัลพี่ชายจะบอกความสามารถพิเศษของคาดอสและคนสนิทจนหมด แต่ก็ไม่รู้อีกนานแค่ไหนที่เขาจะปิดบังไปได้อย่างนี้





มหานครปักกิ่ง ประเทศจีน


“บอสครับ บอสกำลังสงสัยปลอกกระสุนปืนอยู่อีกหรอครับ”  ไดนาดินเอ่ยถามหลังจากคาดอสกินข้าวเสร็จก็เอาแต่ยกสิ่งที่อยู่ในซองซิปพลาสติกใสขึ้นมาดู


“ใช่ ...อันที่จริงฉันก็พูดไปอย่างนั้น ว่าเบญจพิษมักลงมือทำอะไรแล้วมีหลักฐานด้วยเสมอ เพื่อให้น้ำหนักหลักฐานดึงดูดความเชื่อให้หยางเฟยได้  แต่แท้จริงแล้ว ทุกครั้งที่เบญจพิษลอบทำร้ายคนอื่นเขาประมาทเลินเล่อเกินไปจนเผลอทำหลักฐานตกเอาไว้ต่างหาก หลายครั้งที่ทางการสาวความมาถึงตัวได้ยังไงล่ะ”



“แล้วมันเกี่ยวกันยังไงกับปลอกกระสุนปืนนี้ครับบอส?”


“ก็เพราะว่าปลอกกระสุนปืนนี้ เป็นของพวกเราเอง เราสั่งทำพิเศษ และที่น่าสนใจ เบญจพิษไม่ช่ำชองและชำนาญการใช้ปืนแม้แต่น้อย อาวุธเดียวที่พวกนั้นจะใช้คือดอกไม้มรณะ ไม่มีเหตุผลอะไรที่มันจะใช้ปืน”



“ผมไม่เข้าใจครับบอส?”


“สรุปง่ายๆ เบญจพิษต้องการประกาศตัวว่าพวกเขายังไม่ตาย และที่สำคัญ รูปเบญจพิษที่สลักลงข้างปลอกกระสุน มันกำลังเย้ยเรา แต่ที่น่าเจ็บใจคือเราไม่มีทางรู้เลยว่ามันกำลังเย้ยเราเรื่องอะไร”


“อย่างนี้นี่เอง! บอสถึงได้กลุ้มใจ” ไดนาดินเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว


“เป็นไปได้ว่าลูกชายของผู้นำเบญจพิษนั้นจะยังไม่ตาย!”


“บอสรู้จักพวกเขาด้วยหรอครับ?”


“อืมใช่!!! เพราะเมื่อก่อนฉันโตพอที่จะจำความได้ ถ้าเดาไม่ผิด สองพี่น้องนั่นชื่อ...เฟอกัลกับฟินกี้  นี่อาจจะเป็นการบอกอะไรเราบางอย่างว่าพวกมันกำลังกลับมาล้างแค้นแทนพ่อของมัน!” ดวงตาคาดอสไม่คิดหวั่นไหว เพียงแต่เจ็บใจที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มตามจับตัวไอ้พวกนี้ได้จากที่ไหนก็เท่านั้นเอง


           แต่ในความกลุ้มใจนั้น ชื่อคนน้องขององค์กรเบญจพิษ สุดแสนจะคุ้นหูไดนาดินได้ไม่นานมานี้ มันทำให้ใบหน้าของ ฟิน เพื่อนสนิทของ พิคเจอร์ลอยมาทันที แต่...มันคงไม่ใช่อย่างที่เขาคิดก็ได้ มันคงไม่มีอะไรเลวร้ายขนาดนั้นหรอกจริงไหม?...



:L2:


ตายแล้วววว  หนอนบ่อนไส้อยุ่ใกล้แค่นี้ ทำไมไม่มีใครรู้นะ???  ต้องโทษผู้แต่งใช่ไหมที่ปกปิดความลับนี้มานาน จนกระทั่งถึงตอนล่าสุด 5555   หัวเราะได้ หายปวดหัวแล้ว  ขอบคุณผู้อ่านทุกคนทั้งคนมาใหม่และคนเก่า  ฝากติดตามต่อไปนะ ว่าแต่ พิคเจอร์นี่เขาฮอตเนาะ สงสัยฟีโรโมนดึงดูดเพศเดียวกันได้ดีเยี่ยมแน่ๆ


:pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 29-08-2016 13:14:17
o22 o22 o22 o22 o22



หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 29-08-2016 20:30:04
พิคเจอร์มีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย เพราะเสน่ห์ของตัวเองล้วนๆ เลยนะนิ
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: fcsunaree ที่ 30-08-2016 14:46:21
ตายแล้ว สัตรู ความรัก ก็มาอีกคน 5555 เคลียร์กันให้หมดล่ะ คาดอส #ทีมคาดอส
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 30-08-2016 15:47:43
ตอนที่ 14



           ขั้นตอนการเข้ารับตรวจดีเอ็นเอดำเนินไปจนจบ แต่เพราะผลการตรวจดีเอ็นเอต้องใช้เวลาพอสมควร หนุ่มตี๋จึงต้องพาพิคเจอร์กลับมายังที่พักก่อน ระหว่างเดินทางกลับ ฟ่านหยางเฟยสีหน้าไม่สบายใจเท่าไหร่นัก ร่างเล็กกว่าที่นั่งอยู่ด้านข้างชำเลืองมองมาหลายครั้งเป็นพักๆ ก็อดเป็นห่วงไม่ได้


“คุณหยางเฟย! คุณไม่สบายใจใช่ไหม?”


“ทำไมคุณถามแบบนั้น” ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ


“ก็...ผมเห็นคุณทำสีหน้าอมทุกข์แบบนี้ตั้งแต่รอเจาะเลือดที่โรงพยาบาลแล้ว”


“ไม่มีอะไรหรอก อย่าห่วงเลยนะ” หยางเฟยเปรยบอกเบาๆ พร้อมกับฝืนยิ้มให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจ


“สรุปคุณจะบอกผมได้รึยังครับว่าเราตรวจดีเอ็นเอกันไปทำไม?”


“แล้วคุณคิดว่า การตรวจดีเอ็นเอเขาตรวจไปเพื่ออะไรล่ะ?” ฟ่านหยางเฟยย้อนถาม มันอาจจะดีกว่าถ้าอีกฝ่ายรู้ด้วยตัวเองโดยที่เขาไม่ต้องปริปากบอก เพราะเขาก็กำลังทำใจหนักอยู่เหมือนกัน


“ก็...ส่วนใหญ่ตรวจหาความสัมพันธ์ทางสายเลือด อาจจะมีตรวจเพื่อตามจับคนร้ายในคดีอาชยากรรม ฆาตกรรมบ้าง”



              ประมุขเสือแดงหันไปจ้องมองพร้อมตั้งตาฟังความเข้าใจของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าหนักใจ หัวใจของเขาตอนนี้มันเต้นตุ๊บตุ๊บ สั่นดังไปทั่วเรือนร่างแล้ว


“เดาได้รึยัง?”


“จะให้ผมเดาแบบไหนล่ะครับ ในเมื่อเราสองคนไม่ได้ตรงเงื่อนไขที่พูดมาเลย”


“เราตรวจไปเพื่อ...ความสัมพันธ์ทางสายเลือด พิคเจอร์!”


       สุดท้ายเขาก็ต้องตัดสินใจบอกไป พิคเจอร์ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ เรื่องส่วนตัวที่หยางเฟยเคยเล่าให้เขาฟังที่เซี่ยงไฮ้กำลังวนกลับมา และมันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ


“คุณคงไม่ได้คิดว่าผมเป็นน้องชายของคุณที่หายไป 20 ปีหรอกใช่ไหม?” หยางเฟยปิดเปลือกตาลงช้าๆ


“ผมยังตอบอะไรคุณไม่ได้หรอกนะพิคเจอร์ ทุกอย่างต้องรอผลการตรวจซะก่อน”


“ฮึก ฮึก ฮือออ...ต้องไม่ใช่สิ ต้องไม่ใช่พี่น้องกันสิ ฮือออออ”



                  เสียงสะอึกสะอื้นนั้นกำลังดังขึ้น  เป็นครั้งแรกที่ฟ่านหยางเฟยได้ยินได้เห็นได้สัมผัส น้ำตาของพิคเจอร์ หนุ่มชาวไทยอันเป็นที่รัก แต่จะให้เขาทำยังไงได้ มันไม่มีทางเลือก เขาจำเป็นต้องพิสูจน์คำพูดของคาดอสให้แน่ชัด ไม่ว่าผลจะเป็นยังไงแต่เพื่อความสบายใจในอนาคต เขาจำเป็นต้องทำ



              ความเจ็บปวดตอนนี้กำลังแผ่ซ่านไปทั่วร่างขาวใหญ่  เขาก็ไม่ต่างอะไรกับร่างบางที่ร้องไห้ฟูมฟายหรอกนะ แต่เพราะเขาเป็นผู้นำเสือแดงความเสียใจแค่นี้จะมาทำให้หวั่นไหวจนต้องร้องไห้ออกมาต่อหน้าพิคเจอร์ไม่ได้



“ฟังนะพิคเจอร์ ไม่ว่าผลตรวจจะเป็นยังไง ให้คุณรู้เอาไว้ว่า...คุณคือคนสำคัญในชีวิตผม”



           หยางเฟยพูดพร้อมกับดึงผ้าเช็ดหน้าสีดำจากกระเป๋าเสื้อสูทมาซับน้ำตาให้อีกฝ่าย พิคเจอร์ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม ตอนนี้สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือดึงร่างบางมาโอบไว้เพื่อคลายความเศร้านี้


“แต่ผมรักคุณนะ ฮึก ฮึก หยางเฟย ฮืออออ”


“เราจะรักกัน ถ้าผลออกมานั้นไม่ใช่อย่างที่ผมคิดพิคเจอร์”


“แล้วถ้า ฮือออ  ผลมันใช่ล่ะ! ฮึก ฮึก”


“คุณก็จะเป็นน้องชายที่พี่รักที่สุดในชีวิตไงครับ” หยางเฟยพูดอย่างอ่อนโยน พร้อมกับซับตาอีกฝ่าย


“แต่ผมต้องการความรักแบบไม่ใช่พี่น้อง!!!” พิคเจอร์ร้องไห้ฟูมฟาย เหมือนสติหลุด เจียนเหมิงที่นั่งขับรถด้านหน้าได้แต่มองผ่านกระจกหลังดูเจ้านายกับนายน้อย ช่างเป็นภาพที่หดหู่จริงๆ


“พิคเจอร์...ไม่มีพี่น้องคนไหนเขารักกันแบบที่คุณต้องการได้หรอกนะ”


“ทำไม...ฮือ ฮือ...ทำไมเป็นแบบนี้ สวรรค์กลั่นแกล้งผม ฮึก ฮึก”


“ถึงที่พักแล้วพิคเจอร์ ผมจะพาคุณขึ้นไปส่งบนห้องนะ”



           ร่างบางไม่สนใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด จนหยางเฟยถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วช้อนตัวอีกฝ่ายอุ้มออกจากรถ คนแถวนั้นหลายชีวิตหันมามองกรูเป็นตาเดียว ซึ่งมันก็คงจะแปลกดี ที่เห็นร่างสูงใหญ่ผิวขาวหน้าตี๋ดูดีทุกมุมทุกองศาคนนี้กำลังช้อนอุ้มผู้ชายร่างบางอีกคนไว้ในวงแขนกำยำ



          พิคเจอร์เอาแต่สะอึกสะอื้น หันหน้าร้องไห้มุดเข้าหน้าอกหยางเฟย คราบน้ำตาซึมซับเข้าไปในชุดสูทสีเทาจนสังเกตเห็นรอยเปียกชื้นนั้นได้ชัดเจน


         พอมาถึงหน้าห้องกลับผิดคลาด เพื่อนสนิทของเจ้าของห้องไม่อยู่ แถมล็อคกุญแจเอาไว้เสียด้วย


“พิค! กุญแจห้องคุณอยู่ไหน?”


“ในกระเป๋า ฮึก ฮึก กางเกง” ตัวเล็กบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


    อินจือพยักหน้ารับทราบ ทำหน้าที่ล้วงมือค้นหากุญแจตามที่บอก ไม่นานก็ได้สิ่งนั้นมา ประตูห้องถูกไขเข้าไป ร่างสูงอุ้มอีกคนจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่เตียง แล้วค่อยๆวางร่างนั้นลงอย่างเบามือ  แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ยอมปล่อยมือที่กอดคอฟ่านหยางเฟยเอาไว้



“พิค! อย่างอแงสิครับ ปล่อยมือได้แล้วนะ” หยางเฟยเปรยอย่างอ่อนโยนและมันได้ผลดีอีกฝ่ายค่อยๆคลายมือออก


“ผมรักคุณนะฟ่านหยางเฟย” พิคเจอร์ยังยืนยันความชัดเจนของหัวใจที่มีให้หนุ่มตี๋ไม่มีไหวเอน


“ฟังผมนะพิค!...ไม่ว่าผลออกมาจะเป็นยังไง แต่ให้รู้ไว้ว่าชีวิตและร่างกายของคุณมีค่าที่สุดสำหรับผม”


“ครับ ฮึก ฮึก”


“ผมต้องกลับเซี่ยงไฮ้ก่อน ผมจะกลับมาอีกทีตอนที่ผลการตรวจเสร็จแล้ว คุณอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม?”


“คุณหยางเฟย อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนได้ไหมครับ?”


              คำอ้อนวอนขอด้วยน้ำตานั้นมันทำให้ประมุขเสือแดงทำใจลำบาก จริงๆเขามีนัดประชุมธุรกิจที่เซี่ยงไฮ้เย็นนี้เสียด้วยสิ เห็นทีว่าจะทำตามความต้องร่างลางไม่ได้จริงๆ


“เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมจะให้อินจืออยู่เป็นเพื่อนคุณ”


“งั้นไม่เป็นไรครับ เดินทางปลอดภัยนะ”

 
               พิคเจอร์ทำท่าทางผิดหวัง จะพูดให้ถูกคือกำลังงอนและน้อยใจต่างหาก พอเอ่ยอวยพรอีกฝ่ายเสร็จก็รีบพลิกตัวหันหน้าหนี พร้อมกับเอาผ้าห่มคลุมทั้งตัวแทน หยางเฟยมองภาพนั้นอย่างอ่อนใจแต่ก็คงต้องตัดใจ



              คนของเหลาสู่หงเซ่อทั้งหมดเดินออกจากห้อง ร่างสูงทำได้แค่เพียงทำใจและปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างไป พิคเจอร์กำลังเจ็บปวด เขาเองก็ยิ่งปางตายไม่ต่างกัน แต่จะให้จะทำยังไงได้ในเมื่อความจริงยังไม่ปรากฏ
           


               ตอนนี้ทางเดียวที่ต้องทำและเป็นสิ่งถูกต้องที่สุดคือพยายามอยู่ห่างพิคเจอร์เอาไว้ ถ้าหาเกิดเหตุการณ์เลวร้ายเขาเผลอทำสุ่มสี่สุ่มห้ากับพิคเจอร์ขึ้นมา แล้วผลการตรวจดีเอ็นเอยืนยันว่าเป็นพี่น้องกัน เมื่อนั้นเขาจะไม่ยอมให้อภัยตัวเองเลยตลอดชีวิต



“เราจะทำยังไงกันต่อครับนาย” เจียนเหมิงเอ่ยถาม ในขณะที่กำลังเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ


“ก็คง...ต้องรอผลการตรวจอย่างเดียว”


“แล้วนายคิดว่าคาดอสจะหลอกเราไหมครับ?” อินจือถามต่อทันที


“ฉันว่าไม่! หมอนั่นฉันรู้จักนิสัยมันดี ฉันถึงต้องมาที่นี่เพื่อตรวจให้รู้ๆกันไป  แต่เหตุผลที่มันสืบเรื่องคดีครอบครัวของเราและเรื่องฟ่านหยางอี้ฉันพอเข้าใจ”

          ถึงจะไม่มีพลังงานวิเศษหรือกลยุทธ์ทางการต่อสู้ แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นประมุขที่อ่านเกมคนเหล่านั้นออกได้ดีที่สุดคนหนึ่งเหมือนกัน

 
“เหตุผลหรอครับนาย?” จอมกระบี่ยังไม่เข้าใจพร้อมกับมองหยางเฟยผ่านกระจกหลัง


“ใช่! ถ้าผลการตรวจ พิคเจอร์กลายเป็นฟ่านหยางอี้จริงๆแล้วล่ะก็ มันจะเป็นคนแรกที่ดีใจ เพราะไม่มีใครเป็นมารหัวใจแข่งกับมัน
แล้วยังไงล่ะ!”



“อย่างนี้นี่เอง ถ้านายไม่บอกว่าคาดอสชอบพิคเจอร์ ผมดูไม่ออกด้วยซ้ำว่ามันก็มีรสนิยมไม่ต่างอะไรกับพวกเรานัก” เจียนเหมิงแสยะยิ้ม


“พูดอย่างกับพวกนาย สองผัวเมีย ฉันจะดูออกอย่างนั้นแหละ ถ้าไม่ถูกจับได้เมื่อปีก่อนที่สระว่ายน้ำหลังบ้าน... ”


“นายครับ อย่าพูดถึงอีกเลย วันนั้นผมจำต้องยอมเจียนเหมิงก็เท่านั้น” อินจือรีบพูดแทรกแก้ตัว


“แต่ฉันก็เห็นนะว่า นายตอบรับรอยจูบอันดูดดื่มของเจียนเหมิง อย่างชนิดที่ว่าถอนตัวไม่ขึ้นและดูไม่ออกเลยว่านายกำลังขัดขืนหรือไม่พอใจ” ฟ่านหยางเฟยเริ่มอารมณ์ดีขึ้นที่ได้แซวคนสนิทของตัวเอง ส่วนเจ้าตัวตอนนี้หน้าแดงเท่าลูกตำลึงสุกไปเสียแล้ว


“บอสครับ ผมกับอินจือก็อยู่คบกันมาได้เกือบสองปีแล้ว จะเป็นอะไรไหมถ้าอยากขอนายเรื่อง บุตร!!! น่ะครับ”


“เฮ้ย! เจียนเหมิงมาขอฉันแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ จริงๆนายควรจะไปถามด๊อกเตอร์บารอนด้วยตัวเองจะดีกว่า ได้ข่าวแว่วๆว่า เขา
ทำงานวิจัยทำให้ผู้ชายท้องได้สำเร็จแล้วไม่ใช่รึไง!”


“ก็ใช่ครับ!  แต่ว่า...ผมไม่เคยเข้าไปคุยกับด๊อกเตอร์เป็นการส่วนตัวซักครั้งเลยนะครับ ”


“โอเคๆ เอาไว้ถ้ามีโอกาสฉันจะถามไถ่ให้แล้วกัน เฮ้อสุดท้ายลูกน้องของฉันก็จะมีลูกสืบนามสกุลก่อนซะนี่”


“นายท่านอย่างไปฟังเจียนเหมิงมากนะครับ เขาก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ผมไม่มีทางตั้งท้องแน่!”


“อ้าวอะไรกัน คนเป็นเมียก็ต้องตั้งท้องสิครับ” เจียนเหมิงหันไปยิ้มให้จอมอาวุธอาบยาพิษผู้หน้ามุ่ย


“เจียนเหมิง!” อินจือแยกเคี้ยวใส่คนขับรถที่ทำสีหน้าทะเล้น


“เอาล่ะๆ ไปคุยกันให้ดี ชีวิตน้อยๆที่จะเกิดมา มันมีค่ามากนะอย่าทำเล่น ทุกวันนี้ข่าวก็มีให้เห็น ทำแท้งบ้าง คลอดแล้วทิ้งลงถังขยะบ้าง คลอดแล้วฆ่าทิ้งบ้าง ฉันเห็นแล้วทุเรศคนเป็นพ่อแม่สิ้นดี”


“ครับนายท่าน!” สองคนเอ่ยขานรับอย่างหนักแน่น


             หวังว่าสักวันอาณาจักรเสือแดงจะมีเจ้าตัวน้อยวิ่งเล่นซุกซนพอให้ได้คลายความเครียดบ้าง ทั้งชีวิตของเขาสำหรับองค์กรแบบนี้นั้น ถ้าไม่ใช่เรื่องฆ่าฟันกัน ก็ทำธุรกิจและสอดแนมความเคลื่อนไหวของศัตรูอยู่อย่างนี้ ถ้ามีเจ้าตัวเล็กให้ดูก็พอทำให้อารมณืดีขึ้นได้บ้าง





มหานครปักกิ่ง ประเทศจีน



            ยามเย็นพลบค่ำเช่นนี้ ที่อาณาจักรอินทรีทอง คาดอสเคร่งครัดเรื่องนี้มาตลอด ถึงความสามัคคีการร่วมรับประทานข้าวร่วมกัน เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องปกติไม่ว่าที่พักทั้งในจีนและนอกประเทศ ห้องรับประทานอาหารจะถูกสั่งทำโต๊ะเซตใหญ่สำหรับให้ลูกน้องของเขาได้นั่งทานร่วมกัน


            และวันนี้พิเศษสุดคือด๊อกเตอร์บารอนได้เดินทางจากเวียดนามบินมาลงที่ปักกิ่งด้วยความตั้งใจ เพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ แต่ในใจของคาดอสกลับรู้ดีว่า อีกฝ่ายไม่ได้มาเรื่องแค่นี้แน่นอน


             การทานอาหารดำเนินไปเรื่อยๆจนทุกคนอิ่มกันหมด คาดอสไม่รีรอที่จะเอ่ยปากถามชายร่างท้วมที่กำลังเอามือลูบท้องบวมตึงนั้นไปมา


“ด๊อกเตอร์มีอะไรอยากจะบอกผมไหม?”


“แหม หลานชาย ทำไมถามเซ้าซี้อย่างนี้”


“ด๊อกเตอร์ นี่ผมเกรงใจอยู่นะครับ ไม่อย่างนั้นผมจะแอบอ่านใจอ่านความคิดด๊อกเตอร์เดี๋ยวนี้เลย”


“โถ่ พ่อคนหล่อโหด ก็ไม่มีอะไรหรอก งานวิจัยของลุงจบเรียบร้อยสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว”


“ไม่น่าเชื่อ!” คาดอสยังแอบอึ้งอยู่ไม่น้อย


“นี่!!! ไม่เชื่อก็อย่าคิดดูถูกกันสิ พลังงานของหลานที่มีใช้อยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะฝีมือของลุงเองหรอกหรอ”


“มันก็ใช่ครับ แต่งานวิจัยที่ทำให้ผู้ชายท้องได้แบบนี้มันไม่ดีนะครับด๊อกเตอร์”


“ไม่ดียังไง นี่ลุงเตรียมการอนาคตให้หลานเลยนะ เห็นได้ข่าวแอบชอบพิคเจอร์ แล้วพิคเจอร์ก็เป็นผู้ชาย ผู้ชายนั้นตั้งครรภ์ไม่ได้ ลุงไม่ยอมให้วิญญาณป๊ากับม๊าของหลานหัวเราะเยาะหรอก หลานต้องมีลูกสืบสกุลต่อไปเข้าใจไหม?”


“พูดได้ดีนะครับ” คาดอสยิ้มมุมปาก


“ว่าแต่ เรื่องความสัมพันธ์ไปถึงไหนแล้วล่ะ” ด๊อกเตอร์บารอนถามด้วยรอยยิ้ม


“ยังไม่คืบหน้าหรอกครับ ฮึ จะให้คืบหน้าได้ไง ในเมื่อเขาไมได้รักผม” คาดอสพูดอกมาอย่างไม่ลังเล ทั้งที่มีคนสนิททั้งสี่คนนั่งร่วมตะอยู่ด้วย


“เท่าที่ลุงรู้จักประมุขของอินทรีทองมา ทั้งป๊าละตัวหลานเองไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆไม่ใช่หรอ”


“แต่เรื่องความรักมันละเอียดอ่อน ผมไปบังคับใจใครให้รักผมไม่ได้หรอก”


“เฮ้อ ไม่ลองก็ไม่รู้ ถึงพิคเจอร์จะไม่ชอบหลานของลุง แต่ที่แน่ๆพิคเจอร์ก็ไม่มีทางรักกับฟ่านหยางเฟยพี่ชายของตัวเองแน่”


“ผมจะทำเท่าที่สิทธิ์ผมทำได้ ผมว่าเรื่องนี้เราหยุดเอาไว้ดีกว่า  สิ่งที่ผมวิตกอยู่ตอนนี้คือ เราจะเริ่มตามหา ถิ่นของเบญจพิษได้ยังไง?” คาดอสเอ่ยขึ้น


“บอสครับ แกริคมีพลังงานพิเศษมองเห็นอดีตปัจจุบันและอนาคต บางทีถ้าให้แกริคได้สัมผัสปลอกกระสุนปืนลองดู อาจจะได้เบาะแสเพิ่มก็ได้นะครับ”


“จริงด้วยสิ บอสครับให้แกริคลองดูสักครั้งก็ดีนะครับ” เรนเดลทำตาโตเหมือนเพิ่งคิดออก


         คาดอสครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าให้ไดนาดินนำของสิ่งนั้นที่เก็บเอาไว้อย่างดีมาให้คนสนิทผมสีบอร์นทองได้เห็น
         

         มือขาวสะอาดของแกริคนั้นแตะลงที่ปลอกกระสุนเบาๆ อดีตกาลที่เกี่ยวข้องกับปลอกกระสุนปืนนี้แล่นปี๊ดอย่างรวดเร็วเพียงไม่ถึงนาทีแกริคก็ได้คำตอบ พร้อมละมือออกจากสิ่งนั้น


“ว่าไงแกริค?” คาดอสเอ่ยถามอย่างลุ้นระทึก


“ปลอกกระสุนนี้ถูกนำมาวางเอาไว้ไม่ถึงเดือนเท่านั้นครับ แต่สภาพปลอกกระสุนที่ดูเหมือนเก่าแก่หลายปีอาจเป็นเพราะอายุจริงๆของปลอกกระสุน ส่วนคนที่นำมาวางไว้ในที่เกิดเหตุเป็นชายหรือหญิงผมบอกไม่ได้ เพราะเขาเอาผ้าปิดหน้า รู้แต่ว่าตัวบางไม่สูงนัก และที่สำคัญผมเห็นกำไลเงินที่เขาใส่ด้านขวามือด้วยนะ”


               กำไลเงิน! ไดนาดินขมวดคิ้วทันที ภาพเหตุการณ์บางอย่างที่ผ่านมาไม่กี่วันก่อนนั้น มันทำให้ถูกนำมาโยงกับคำพูดของแกริคเมื่อครู่อัตโนมัติ ทำไมทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องคนของเบญจพิษ  มันช่างตรงกับครั้งที่อยู่สนามบินสุวรรณภูมิประเทศไทย 


               วันนั้นเขาซุ่มซ่ามเดินชนผู้ชายคนหนึ่งจนล้มลงไปกองที่พื้น ตัวเขาบอบบาง และใบหน้าเนียนใสน่ารักแถมตอนนั้นที่เขาเอื้อมมือเพื่อไปช่วยให้อีกฝ่ายลุกขึ้นจากพื้น ร่างบางกลับยื่นมือขวาส่งมาแทน และภาพที่เห็นและอยู่ในความทรงจำก็คือ...กำไลเงิน

 
               ชายหนุ่มผู้นั้น ผู้เป็นเพื่อนสนิทของพิคเจอร์  เขาคือ...ฟิน ผู้สวมใสกำไลเงิน  แต่เขาต้องเก็บข้อมูลเอาไว้ เขาไม่มั่นใจนักว่าจะใช่กำไลเดียวกันกับภาพที่แกริคเห็นในอดีตรึเปล่า เพราะฉะนั้นไดนาดินเองคิดว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว...



:L2:


มาถึงจุดนี้ จุดที่ด๊อกเตอร์บารอนเพิ่มความน่ารักให้กับนิยายเรื่องนี้ไปอีก นั่นคือ งานวิจัยสำเร็จแล้ว เย้!!!  :katai2-1: :katai2-1:

เรื่องนี้พอเดาได้ไหมครับว่ามีกี่คู่ ลองเดาดูนะ   :hao7: :hao7:



:L1: :L1: :L1: :L1:

หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 30-08-2016 17:57:59

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 30-08-2016 19:14:30
ยกด็อกเตอร์เป็นเทพเจ้าเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: fcsunaree ที่ 30-08-2016 19:20:57
ทายไม่ถูกว่ามีกี่คู่ 555 แต่มีหลายๆคู่ ก็ดีนะ เวลาอ่าน ก็น่าอ่านไปอีกแบบด้วยค่ะ มาต่อนะค่ะ
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 31-08-2016 12:32:58
ตอนที่ 15



           สามวันผ่านไป หนุ่มผิวขาวใสใบหน้าเนียนนั่งอมทุกข์อยู่นอกระเบียบห้องพัก วันนี้เขาต้องอยู่เฝ้าห้องคนเดียว เพราะ ฟิน เพื่อนสนิทต้องออกไปทำงานตามปกติ พิคเจอร์มองดูตึกแถว ชุมชนแน่นขนัดตรงหน้าตั้งแต่เช้า จวบจนตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงกว่าแล้ว 



           ท้องฟ้าวันนี้ไม่สดใสเหมือนจิตใจคน กลุ่มเมฆบางสีเทาฉาบคลุมสีฟ้าอย่างที่เคยปรากฏอยู่ทุกวันจนมิด ความหนาวเย็นค่อยๆจางไป อุณหภูมิกลางวันกำลังเพิ่มสูงขึ้น  ฝูงนกพิราบบินมาเกาะอยู่จานดาวเทียมของตึกพาณิชตรงหน้าไม่ไกลนัก


            สีขนของมันดูเทา ธรรมดาไม่น่าดึงดูดใจ แต่ทว่าเวลาเศร้าแบบนี้แล้วได้จ้องมองมันเป็นเวลานานสองนานกลับรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์มากทีเดียว เจ้านกที่ปรับตัวและใช้ชีวิตอยู่ได้ทั้งในป่าและในเมืองหลวงแบบมัน หานกที่มีนิสัยคล้ายมันได้ยาก หากจะให้ลองนึกอีกชนิด เห็นทีคงไม่พ้น นกกระจอก...คุณว่าไหม



ครืดดดด ครืดดดดด



      เสียงโทรศัพท์สั่นดังบนโต๊ะพลาสติกในห้อง ทำให้ร่างบางได้สติ ละสายตาจากเหล่าวิหคตรงหน้า ก่อนเดินกลับเข้าไปในห้อง หน้าจอปรากฏเบอร์แปลก แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาฉงนใจ บางทีอาจจะเป็นคนติดต่อให้ไปรับงานสอนศิลปะพิเศษก็ได้


“สวัสดีครับ”


“ใช่คุณพิพัฒน์ รึเปล่าคะ?”


“ใช่ครับ!”


“คือว่านี่เป็นเบอร์จาก บริษัทอินทรีทอง นะคะ พอดีตำแหน่งหัวหน้าแผนกดีไซน์ตกแต่งบ้านและสถานที่ ย้ายอกไป แล้วทางเราได้ยินชื่อเสียงคุณเกี่ยวกับงานศิลปะ คุณพอจะว่างเข้ามาพบประธานบริษัทวันไหนได้บ้างคะ?”



           แปลกจริงๆ แทนที่จะหาคนที่จบจากสถาปัตยกรรม ศิลปกรรมโดยตรง แต่ทำไมถึงได้ทาบทามมาที่เขา แล้วเธอผู้นี้ไปสรรหาเบอร์ติดต่อเขาได้จากที่ไหนกัน?  แต่...ช่างเถอะนะ


“วันนี้บ่ายก็ได้ครับ ผมขอที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อสำนักงานได้ไหมครับ” พิคเจอร์ไม่ปฏิเสธ บางทีตกลงไปลองดูก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรมากไม่ใช่หรอ


             จะว่าไปแล้วจริงๆตอนนี้เงินในบัญชีเริ่มร่อยหรอเรื่อยๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีใครทาบทามเชิญให้ไปเป็นอาจารย์พิเศษเหมือน
เดิมเท่าไหร่นัก ภาพวาดตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีเวลาทำ เลยตัดสินใจยังไม่รับงานว่าจ้างให้วาดรูปตามที่ต้องการนั้นได้ แต่โอกาสมาแล้ว...ถ้าหากเขารับทำงานที่นี่มันน่าจะค่อนข้างมั่นคงพอสมควร


             ร่างบางรีบสละความทุกข์ใจแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวหันหน้าเข้าห้องน้ำไปทันที จะได้เตรียมตัวไปยังบริษัทดังกล่าว



             ผ่านไปราวสองชั่วโมง กว่าจะเดินทางไปถึงบริษัทอินทรีทองที่ว่านั่น...กินเวลามากพอสมควรและมันค่อนข้างอยู่ไกลจากที่พักและไม่ค่อยคุ้นชินทางเท่าไหร่นัก เพราะไม่ค่อยได้เข้ามาใจกลางมหานครแบบนี้บ่อยนัก 


          พอลงจากแท็กซี่ได้ บริษัทดังกล่าวก็ตั้งตระหง่านสูงเสียดฟ้าติดถนนหลัก สายด่วนซ้อนกันวุ่ยวายเสียงแตรรถเอย กลิ่นควันท่อไอเสียเอย ทุกอย่างดูชวนคลื่นไส้น่าปวดหัวที่สุดสำหรับพิคเจอร์  เขาละความสนใจจากสิ่งรอบกาย หันมาพิจารณาสำรวจตึกรูปทรงแปลกๆตรงหน้านี้ต่อ มันเหมือนกล่องทรงสี่เหลี่ยมแต่มีดีเทล ลวบลายรายล้อมตึก ออกแบบให้มันดูไม่เชยและมันสวยมาก แน่นอนว่ามันทั้งใหญ่และกว้างขวางมากจนตอนนี้ทำให้เขาชักหวั่นใจกับตำแหน่งที่ถูกเชิญชวนมาที่นี่แล้วสิ



          เขาชักจะไปไม่ถูกอยู่เหมือนกัน กับตึกใหญ่ขนาดนี้จะให้เขาเริ่มเดินไปตรงไหน  คิดอะไรไม่ออกบอกไม่ถูกก็รีบควานหาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าสะพาย โทรหาเลขาสาวเสียงหวานคนเดิม ไม่นานนักเธอก็กดรับ


“ผมมาถึงแล้วนะครับ แต่ผมไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มเข้าไปที่ไหน ยังไงบ้าง?”


“ไม่ยากเลยค่ะ ถ้าคุณเดินเข้ามาด้านในชั้นแรก ให้เดินตรงเข้าไปลึกๆเลย แล้วขึ้นบันไดเลื่อนมาชั้นสอง จากนั้นให้เลี้ยวซ้าย ไม่ไกลนักจะเห็นลิฟต์ 4 ตัวเรียงติดกันขวามือคุณ ให้คุณเลือกตัวแรกที่ใกล้คุณที่สุด แล้วกดขึ้นมาชั้นที่ 25 เลยค่ะ”



“อ่อ โอเคครับ ขอบคุณมาก ผมจะรีบไป”



          ร่างเล็กวางสายแล้วเดินเข้าไปตามทางที่บอกทันที พอรู้ทางทุกอย่างมันก็ดูง่ายและไม่ตกเป็นเป้าสายตาเหล่าพนักงานอื่นๆ จะว่าไปที่นี่มันเป็นบริษัทที่ใหญ่มากขนยืนยันอีกครั้ง แอร์เย็นฉ่ำ นี่ต้องเสียค่าไฟฟ้ามากขนาดไหนเชียวไม่อยากนึก



           แต่เอ๊ะ..พอร่างบางกวาดสายตามองไม่ว่าจะชำเลืองไปทางซ้ายหรือมองไปทางขวา กลับเห็นคนใส่สูทสีดำ กระจายอบู่เป็นจุดๆ บางสิ่งบางอย่างเหมือนกระตุ้นภาพความทรงจำที่ผ่านมาเหลือเกิน นึกไปนึกมามันทำให้เขาเสียวสันหลังวาบทีเดียว   หวังว่าจะไม่ใช่องค์กรบ้าอำนาจปลิดชีวิตคนเป็นว่าเล่นหรอกนะ



           ติ้ง! เสียงลิฟต์ดัง พร้อมกับเลื่อนเปิดออก เพราะถึงชั้น 25 ตามที่เลขาสาวบอก จะว่าไปมุมนี้สูงใช้ได้เลยทีเดียว มองเห็นทัสนียภาพเมืองหลวงได้เป็นอย่างดี แต่ก่อนจะยืนงงต่อจากนี้ กลับปรากฏใครบางคนเป็นตัวช่วยนำทาง โผล่มาหาเขาพอดี


“สวัสดีค่ะ คุณพิพัฒน์ ใช่ไหมคะ?” เธอถามเสียงหวานเป็นมิตร ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นเลขาประธานบริษัทแน่ สวยสูงหุ่นดีแบบนี้


“ใช่ครับ”


“ท่านประธานรออยู่ด้านในแล้วค่ะ!” เธอบอกพร้อมผายมือไปยังประตูที่ปิดสนิทด้านหลัง


“ครับ!”


          เลขาสาวเดินไปยังที่ทำงานของเธอหน้าประตูห้องเช่นเดิม ก่อนลงมือทำอะไรสักอย่างกับโทรศัพท์วางหูบนโต๊ะเธอ เสียงสนทนาของเธอเบามากจนพิคเจอร์ไม่มีทางได้ยิน



“ท่านประธานให้เข้าไปได้เลยค่ะ” เธอยิ้มหวานพร้อมกับผายมืออีกรอบ ร่างบางก้มหัวรับทราบนิดนิดก่อนจะเคาะที่ประตูบานใหญ่นั่น



ก๊อกๆๆๆๆ  แกร๊ก!!!


          ทันทีที่ผลักประตูเข้าไป สิ่งแรกที่พิคเจอร์เห็นคือรูปปูนปั้นอินทรีทองตัวใหญ่  กำลังแผ่ปีกดวงตาสีแดงมองมาที่เขา ใครคนหนึ่งผู้ซึ่งเป็นประธานบริษัทนั่งบนเก้าอี้พนักพิงสูงใหญ่กำลังหันหลังให้เขา


“สวัสดีครับ”


“นั่งก่อนสิ” เสียงทุ้มนั้นเปรยบอก ทั้งๆที่ยังนั่งหันหลังให้ แต่ร่างเล็กก็ทำตามแต่โดยดี


...


“เห็นกระดาษนั่นไหม อ่านรายละเอียดซะ ถ้าคุณสนใจ ผมอยากให้คุณเซ็นต์ตกลงซะ”



     พิคเจอร์มองตามที่เขาบอก มันมีกระดาษสีขาวราวสามแผ่นวางบนโต๊ะ มือเรียวขาวหยิบมันขึ้นมาอ่านทำความเข้าใจ ใช้เวลาพอสมควร ก่อนพิคเจอร์จะวางมันลงที่เดิม


“ผมไม่ขอตกลงแล้วกันนะครับ”


“ผมขอเหตุผล!!!” น้ำเสียงปนตกใจนั้นเปล่งออกมา



“คือ...ค่าตอบแทนเยอะเกินไปครับ”


“เดือนละหนึ่งแสนบาท ผมว่ามันพอดีกับตำแหน่งของคุณแล้วนะ พิพัฒน์”


“ผม...มีเรื่องอยากเรียนถามครับ”


“ว่ามา....”


“ทำไมคุณถึงได้ทาบทามผม จริงๆคนที่เก่งและจบสายงานนี้โดยตรงมีอีกมากมาย”


“เป็นคำถามที่ดี แต่รู้อะไรไหม ผมชอบอะไรที่ท้าทาย อีกอย่างคุณก็มีชื่อเสียงมากทีเดียวในด้านงานศิลป์ ถ้าได้คุณมาดำรงตำแหน่งนี้ผมคิดว่าธุรกิจดีไซน์ภาพตามผนังบ้าน หรือโทนสีต่างๆตามที่ลูกค้าต้องการ ผมว่าเงินหนึ่งแสนบาทมันยังน้อยไป” คำพูดอธิบายนั้นทำให้พิคเจอร์ยิ้มอ่อน



“แต่ผมยังไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อน คุณอย่าวางใจผมมากนักเลยนะ”


“ถ้าอย่างนั้น เพื่อเป็นการพิสูจน์ผลงาน คุณจะลองทำงานดูซักหนึ่งเดือนก่อนไหมล่ะ...คุณพิพัฒน์!”



       พิคเจอร์ลังเล การตัดสินใจนี้จะไม่ลำบากเลยถ้าเขจบตรงกับที่บริษัทนี้ต้องการตัวเขา แต่เอาเถอะ ไม่ลองไม่รู้ ไหนๆโอกาสก็มาแล้ว ลองดูก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร ในเมื่อประธานบริษัทเองก็ดูเหมือนอยากจะให้เขาตอบตกลงขนาดนั้น


“ตกลงครับ”


“ดี! เซ็นต์ลงใบสัญญาซะ พรุ่งนี้เริ่มทำงานวันแรก  ทำงานที่นี่ อย่าเลท! อย่าสาย! ตายได้อย่างเดียว!”


“ครับ”

 
         มันก็ไมได้แปลกอะไร เขาคิดว่าทุกบริษัทก็ต้องมีอุดมการณ์แบบนี้เหมือนกันหมดอยู่แล้ว พิคเจอร์หยิบปากกาที่วางข้างๆใบสัญญาฉบับนั้น ละเลงเขียนลายเซ็นตัวเองลงไปตรงช่องมุมขวาล่างใบสุดท้าย และไม่ลืมเขียนจำนวนเงินลงไปในช่องที่ว่างเอาไว้ พร้อมกับใบหน้ายิ้มอย่างมีเลศนัยน์



“ผมเซ็นต์เสร็จแล้ว งั้นผมขอตัวกลับเลยแล้วกันนะครับ” พิคเจอร์บอกพร้อมกับลุกขึ้นยืน


“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะ” ประธานหนุ่มเปรยบอก


“ครับผม สวัสดีครับ”


     ในใจของคนร่างเล็กอยากจะเห็นหน้าประธานบริษัทบ้าง แต่เขากลับนั่งหันหลังให้แบบนี้ แถมผนังพิงเก้าอี้ก็ใหญ่โตจนปิดตัวร่างใหญ่นั้นไปหมด แต่...ไม่มีอะไรที่คนอย่างเขาอยากรู้และไม่รู้



      ปัง! ทันทีที่เสียงประตูปิดลง ผู้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทดังกล่าวก็รีบหมุนเก้าอี้กลับมา

      แต่ทว่า กลับต้องเผชิญหน้ากับใครบางคนที่ยังคงอยู่ในห้อง...แสดงว่าเมื่อครู่ พิคเจอร์หลอกเขา แต่ช่วยไม่ได้เขาอ่านจิตใจและความคิดพิคเจอร์ไม่ได้อย่างแล้ว


 
“เป็นคุณจริงๆด้วย คุณคาดอส ”

          แววตาที่เหมือนกำลังสืบความจริงนั้น ดูมีความสุขปนอยู่อย่างกับได้ชัยชนะหลังจากที่ทายถูก คาดอสไม่ได้ตกใจแสดงออกบนสีหน้า แม้หัวใจจะใจเต้นรัวมากก็ตาม สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือ...เก็บใบสัญญาฉบับนั้นที่อีกฝ่ายเซ็นต์เรียบร้อยเข้าลิ้นชักทันที



“ฮึ คุณนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆนะ”


“รูปปั้นอินทรีทอง ครั้งแรกที่เปิดประตูเข้ามาเห็น มันไม่ต่างอะไรกับไอ้ตัวที่อยู่ในห้องนอนบ้านของคุณหรอกนะ”


“ฉลาดดี ความจำเป็นเลิศ พอรู้แบบนี้อยากลาจะออกไหมล่ะ?”


“ไม่ครับ! พอรู้ว่าเป็นคุณ!!! ผมยิ่งอยากอยู่...” คำพูดนั้นทำให้ร่างใหญ่ฉงนใจนิดๆ เพราะมันฟังดูแปลกดี


“อยู่เพื่อผลาญเงินเดือนคุณไงล่ะ เสียใจด้วยนะ พอดีผมเผลอเขียนจำนวนเงินเดือนใหม่ในช่องว่าง บังเอิญว่าหนึ่งแสนบาทมันคงน้อยไป”



   คาดอสถอนหายใจ เขาว่าแล้วไม่มีผิด พิคเจอร์ไม่มีทางพูดเพราะอยากอยู่กับเขาจริงๆหรอก แต่ความอยากรู้ในใบสัญญานั้นมีมากกว่า คาดอสรีบดึงลิ้นชัก เอากระดาษสัญญาฉบับเดิมขึ้นมาดู


“หนึ่งล้าน?”


“ใช่ครับ! หนึ่งล้าน หวังว่าคุณคงขนหน้าไม่ร่วงนะ อวดรวยดีนัก”


“ฮึ ร้ายใช่เล่นเลยนะ แต่รู้อะไรไหม ว่าผมชอบ! จ้าง! ให้สมกับราคาที่จ่ายไป”


“ผมรับรองว่าจะทำงานสมกับเงินค่าของคุณแน่นอน”


“สิ่งที่คุณเขียนลงไป ผมบอกเอาไว้เลยว่า...คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้จนกว่าจะครบหนึ่งเดือน”


“ผมรู้ครับ คุณไม่ต้องห่วง ผมลาแล้วนะครับท่านประธาน!” พิคเจอร์เค้นเสียงพร้อมกับยิ้มมุมปากไหว้ลาอย่างบรรจง ออกจากห้องไป ทิ้งเอาไว้แต่ความหมั่นไส้ให้คาดอสปวดใจเล่นๆ


....


“นายพลาดแล้วฟ่านหยางอี้ รู้นิสัยของพี่น้อยเกินไป ถ้านายทำงานไม่สมค่าจ้าง พี่ว่านายได้เปลี่ยนตำแหน่งจากหัวหน้าดีไซน์ไป
เป็นอย่างอื่นแน่!”

          คาดอสเผยรอยยิ้มออกมาในรอบสามเดือนที่ผ่านมาอย่างสุขใจ  ในใจเขาอยากจะให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็วๆเหลือเกิน เพราะจะได้เจอหน้าคนคนนี้ตลอดทั้งวัน




มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน



“เจียนเหมิง เอาเหล้ามา!!!”


          จอมกระบี่ก้มหัวรับคำสั่ง เดินเข้าไปหยิบของดังกล่าวในตู้เย็น วันนี้ค่อนข้างวุ่นวายเพราะธุรกิจในเซี่ยงไฮ้เอง มีปัญหาหลายจุด แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่นักส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล็กน้อย  เวลาที่หยางเฟยเหนื่อยกับงานเขาจะระบายโดยการดื่มแอลกอฮอล์สักนิด แล้วตามด้วยออกกำลังกายในมุมส่วนตัว  ปล่อยร่างกายและจิตใจไปเรื่อยๆ สักพักเดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีเอง


“ได้แล้วครับนาย!”


“ขอบใจ ดื่มด้วยกันไหมเจียนเหมิง”


“ไม่ดีกว่าครับ ”



       หนุ่มตี๋กระดกส่วนผสมแอลกอฮอล์ในแก้วเข้าปาก กลืนลงไปอึกเดียวราวกับดื่มน้ำเปล่า ไม่ทันจะได้รินเป็นแก้วที่สอง อินจือก็กลับเข้ามาในบ้าน ด้วยสีหน้าคร่าตาที่แสดงออกมา หยางเฟยมองแว๊บเดียวก็รู้ว่าจอมอาวุธลับต้องมีเรื่องบางอย่างอยากบอกเขาแน่นอน


“มีอะไร..ว่ามาเลยอินจือ”


“คาดอส บินไปประเทศไทยเมื่อเช้านี้เองครับนาย ”


“หรอ? มันไปกับใคร”


“ไปคนเดียวครับ”


“!!!”


       ฟ่านหยางเฟย วางแก้วแอลกอฮอล์ลง ความสงสัยผุดขึ้นในสมองของเขาทันที คาดอสไปไหนมาไหน ไม่เคยลุยคนเดียว ถึงแม้ว่าประมุขอินทรีทองจะมีพลังงานกระแสไฟฟ้าเทียบเท่าฟ้าผ่าก็ตาม


“หรือว่า...บางทีคาดอสอาจจะเริ่มสร้างความสัมพันธ์กับนายน้อยหยางอี้ก็ได้นะครับ”


“เจียนเหมิง!!! อย่าพูดชื่อน้องชายฉัน จนกว่าผลการตรวจจะเสร็จสิ้น”


“ขอโทษครับนาย” หนุ่มจอมกระบี่รู้สึกผิด ก้มหน้ายืนนิ่งไปเหมือนเดิม


“แต่ที่นายพูดมันก็ถูกนะเจียนเหมิง ไอ้คาดอสมันคงกำลังทำแต้ม!”


“แล้วถ้าเขาทำสำเร็จล่ะครับ!” อินจือเอ่ยถามเพราะอยากรู้


“ไม่มีทาง!  แค่ลำพังทำให้พิคเจอร์ชอบมันยังยากเลย ถ้าสมมติว่าพิคเจอร์เป็นน้องชายฉันจริงๆ ฉันก็ไม่วันรับมันมาเป็นน้องเขยแน่ ถ้าหากยังจับตัวไอ้คนที่มันฆ่าป๊ากับม๊าไม่ได้!!!” หยางเฟยโกรธจัด เอามือกำแก้วเหล้าแน่นจนสังเกตเห็นได้ว่าเริ่มมีรอยร้าวรอบแก้วใบนั้น


“แล้วเรื่องคุณพิคเจอร์ นายท่านจะสานต่อไหมครับ?”


“ยังหรอกอินจือ ฉันกลัวว่าทำอะไรบุ่มบ่ามไป แล้วเกิดเรื่องภายหลัง หากพิคเจอร์เป็นน้องฉันจริงๆ ฉันจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ตอนนี้เราต้องรอผลการตรวจดีเอ็นเอเท่านั้น!”


“ทราบแล้วครับนายท่าน” อินจือก้มหัวให้แล้วเดินจากไป


“เจียงเหมิง ไปเอาเหล้ามาอีก!”


“ครับนาย”


:L2:


เรื่อยๆมาเรียงๆๆ  ไม่รีบไม่เร่ง ยาวไปๆ อิอิ  ขอบคุณที่ติดตามมาตลอด รักทุกคนทั้งบุคคลทั่วไป และคนล็อกอินเข้ามาเม้นตอบน้า     :mew1: :mew1:

หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 31-08-2016 13:10:49
:t2: :t2: :t2:
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 31-08-2016 18:08:04
ลุ้นให้พิคเจอร์เป็นฟ่านหยางอี้นะคะ
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 01-09-2016 11:41:08
ตอนที่ 16


     ยามค่ำคืนไร้แสงอาทิตย์ แต่แสงจากไฟนีออนและหลอดไฟตามร้านอาคารระฟ้าก็ใช้ความสว่างชดเชยได้เป็นอย่างดี  เป็นอีกบรรยากาศหนึ่งสำหรับคนชอบไฟเมืองหลวงยามค่ำคืน


    ชายหนุ่มวัยทำงานลงจากวินมอเตอร์ไซน์หน้าแมนชั่นด้วยความเหนื่อยล้า วันนี้ค่อนข้างหนักหน่วงมาก พลอยทำให้เลิกงานช้ากว่าวันอื่นๆ ขณะนี้ราวสามทุ่มแล้ว หากจะให้เดาอีกชีวิตที่อยู่บนห้องพักคงจะหาทานมื้อเย็นไปเรียบร้อยแล้ว ทันทีที่จ่ายเงินเสร็จเขาเองก็ไม่คิดจะรีรอยืนทำอะไรอยู่หน้าแมนชั่น รีบเดินมุ่งไปที่ลิฟต์ชั้นแรกทันที



      แต่ทว่า...สัญชาตญาณความรู้สึกมันบอกเขาเป็นนัยๆ ว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังจ้องมองเขาจากด้านหลัง และเขามั่นใจด้วยว่าตอนนี้ใครคนหนึ่งอยู่ไม่ไกลเขาแล้วสิ  ถ้าหากหันกลับไปตอนนี้เขามั่นใจว่าต้องปะทะเข้ากับใครบางคนแน่...



ขวับ!



ชายหนุ่มตาโตตกใจ หลังจากหันไปมองเห็นชายร่างสูงกว่าตัวเองยืนนิ่งท่าทีสุขุม เขาไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอคนคนนี้ที่นี่


“คุณไดนาดิน!”


“สวัสดีครับคุณฟิน ขอโทษที่ทำให้ตกใจ”


“ไม่เป็นไรครับ แล้วนี่คุณ...มาหาพิคเจอร์หรอ?”


              เขาถามร่างสูงไปตามความน่าจะเป็น เพราะไมมีเหตุผลอะไรที่ไดนาดินจะมาหาเขาอยู่แล้ว   


“เปล่าครับ ผมมาหาคุณ!”


“มาหาผม?” ฟินยกนิ้วชี้เข้าหาตัวเองอย่างแปลกใจ สิ่งที่คิดเอาไว้ก่อนหน้าผิดเพี้ยนไปหมด


“จะเป็นอะไรไหมครับถ้า...คุณจะให้เกียรติไปนั่งที่ศาลาไม้หลังนั้น” ไดนาดินเปรยบอกตามสไตล์  เขาผายมือไปยังสถานที่ดังกล่าวด้านซ้ายมือเขา ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก


“โอเคครับ!”


พรึบ!!!



           ทันทีที่ร่างบางหันหลังให้ยังไม่ทันก้าวแม้แต่ก้าวเดียว ไดนาดินก็รีบตรึงร่างนั้นไว้ทันที พอเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งไม่รับรู้สัมผัสทั้งห้าแล้ว  ร่างสูงก็รีบมุ่งตรงไปที่ข้อมือขวาของฟินทันที


            เพียงแค่เลิกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้น ก็พบสิ่งที่เขาสงสัยอยู่ในใจ ถึงกำไลเงินเมื่อวันก่อน ใครคนหนึ่งที่ติดตามไดนาดินมาด้วย เดินออกจากที่ซ่อนตัว เผยให้เห็นผมบอร์นทองเรือนร่างสูงทันที


“แกริค!  กำไลนี่ใช่ไหมที่นายเห็นมันในภาพอดีตปลอกกระสุนปืน”


“ใช่! วงนี้แหละ แต่ถ้าจะให้มั่นใจขอฉันสัมผัสมันหน่อยจะได้ไหม?” แกริคเอ่ยถาม


“เอาเลย ก่อนที่ใครจะเดินมาทางนี้ซะก่อน”


               แกริค เอื้อมนิ้วไปแตะลง ภาพอดีตเกี่ยวกับกำไลนี้ฉายเข้าในสมองเขาทันที เขาเห็นหมดทุกอย่าง ทั้งเหตุการณ์ของเจ้าของกำไลนี้   ไม่ว่าจะเดินไปไหนหรือทำอะไรอยู่


            หนุ่มผมบอร์นทองใช้เวลาไม่ถึงนาทีก็ผละนิ้วออกจากวัตถุนั้น สีหน้าอึ้งไปชั่วขณะ ยิ่งทำให้ไดนาดินร้อยรนใจกลัวว่าจะเป็นอย่างที่เขาคิด


“สรุปว่ายังไงแกริค?”


“ใช่จริงจริงด้วย เขาคนนี้ก็คือ...ฟินกี้ น้องชายของเฟอกัล”


“เอาล่ะ ขอบใจนายมากนะแกริค เราจะต้องรีบไปบอกบอสที่คอนโดเดี๋ยวนี้เลย”


“ไดนาดิน แล้วชายคนนี้ล่ะ”


     แกริคเบรคเพื่อนได้ทัน จะหนีไปโดยปล่อยให้ฟินยืนแข็งทื่อไม่รับรู้อะไรอยู่แบบนี้ไม่ได้ แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของไดนาดิน นั่นก็คือ การลบความทรงจำตั้งแต่แรกหลังจากลงวินมอเตอร์ไซน์ไปซะ 


“ไปเร็ว! รถจอดอยู่ริมรั้วซอยด้านข้าง” แกริคบอกพร้อมกับวิ่งนำไปด้วยความเร็วออกจากพื้นที่ดังกล่าว


ฟิ้วววววว เพียงไม่กี่วินาที สถานที่ตรงนี้ก็มีเพียงฟินที่ยืนอยู่คนเดียว พร้อมกับความรู้สึกมึนงงแปลกๆ


“อ้าว? เรายัง...ไม่ได้ขึ้นห้องอีกหรอเนี่ย!” ฟิน พึมพำกับตัวเอง พร้อมกับสีหน้าฉงนใจ แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก ก่อนจะเดินไปยังลิฟต์ใต้ตึกไปไม่คิดใส่ใจอีก






               ที่คอนโดหรูใจกลางเมือง เรื่องราวทั้งหมดถูกเล่าให้เจ้านายใหญ่ฟังหมดแล้ว ถึงนี่จะเป็นเรื่องใหม่ที่เขาได้รู้ แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้คาดอสตื่นเต้นหรือเป็นกังวลใจแม้แต่น้อย


“บอสครับ! เราพาคุณพิคเจอร์มาอยู่ที่นี่ดีไหมครับ” ไดนาดินแนะนำ


“ไม่จำเป็นหรอก ถึงเราจะรู้แล้วว่าเพื่อนของหยางอี้เป็นคนของเบญจพิษ แต่เราอย่าทำให้ไก่ตื่นจะดีกว่า” คำพูดของคาดอสทำให้คนรอฟังคำตอบไม่เข้าใจ


“ผมไม่เข้าใจครับบอส”


“ไดนาดิน สิ่งที่ฉันสงสัยก็คือ...ทำไมเฟอกัลต้องส่งฟินกี้มาดูแลหยางอี้  ”


“ไม่เห็นยากเลยครับ เขาอาจจะส่งมาเพื่อรอเวลาเหมาะสมแล้วฆ่าคุณพิคเจอร์ซะ”


“ถ้าคนอย่างเฟอกัลคิดจะทำ เขาสั่งให้ฟินกี้ฆ่าไปนานแล้ว คงไม่อยู่เป็นเพื่อนสนิทร่วมกันมาถึงเจ็ดปีหรอก จริงไหม?”


“แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรอีกล่ะครับบอส” แกริคอยากรู้ต่อ


“ก็ไม่ยาก...สองพี่น้องนั้นไม่คนใดก็คนหนึ่งกำลังหลงเสน่ห์ของฟ่านหยางอี้แน่นอน”



     คาดอสเริ่มอ่านเกมออกแล้ว ถึงเหตุผลที่ปลอกกระสุนถูกแกะสลักเป็นรูปเบญจพิษเพื่อเย้ยหยันเขา จะมีซักกี่เหตุผลของคนในองค์กรแบบเขาที่จะละเว้นชีวิตใครคนหนึ่งให้อยู่มีชีวิตรอดหายใจบนโลกมนุษย์ใบนี้ ต่อไป


อย่างแรกคือคนคนนั้นมีประโยชน์กับพวกเขา


อย่างที่สองคือคนคนนั้นเป็นคนที่หัวใจต้องการ


    แต่จากสถานการณ์แล้ว น่าจะเป็นแบบหลังมากกว่า เพราะพิคเจอร์ไม่มีประโยชน์อะไรกับแก๊งเบญจพิษอยู่แล้ว อีกประการเพราะคาดอสรู้จิตใจและกมลสันดานของเฟอกัลดีตั้งแต่เด็ก ในแววตาของเด็กอายุเพียง 8 ขวบในตอนนั้น มันมีแต่ความอิจฉา ชิงชังที่คาดอสเหนือไปกว่าทุกอย่าง

       และที่สำคัญคือเฟอกัลคิดอะไรกับฟ่านหยางอี้เกินคนในองค์กรสนิทสนมกัน เหมือนอย่างที่เขารู้สึกในตอนนั้น


“อย่างนี้ก็เท่ากับว่าพักหลังที่เราพักสงครามกัน ก็เพราะว่าพิคเจอร์หรอครับ” แกริคดูจะอึ้งๆไปนิด


      เพราะคงไม่มีใครคิดมาก่อนว่าแค่ชายหนุ่มร่างบางผิวขาวนิสัยดีคนหนึ่งปรากฏที่ลอสแอนเจลิส จะทำให้ผู้นำที่มีอำนาจสามแก๊ง ต้องหยุดการศึกแล้วตั้งสงครามหัวใจแทน


“แล้วบอสคิดว่าเฟอกัล จะมาที่เมืองไทยไหมครับ?” ไดนาดินเริ่มหวั่นวิตก


“ฉันว่ามันมาแน่ หลังจากที่ตัดความสัมพันธ์ฟ่านหยางเฟยกับฟ่านหยางอี้ได้สำเร็จ”


“อย่างนี้บอสก็มีศัตรูหัวใจเพิ่มขึ้นมานะสิครับ” แกริคสรุปไปตามสถานการณ์ 


“แต่เฟอกัลไม่ใช่ศัตรูหัวใจที่น่ากลัว อย่าลืมสิว่าถ้าหยางอี้รู้เบื้องลึกว่าพ่อแม่ของเขาตายเพราะน้ำมือของเบญจพิษ ไอ้เฟอกัลกู้หน้าไม่กลับแน่” คาดอสยิ้มอ่อนราวกับเห็นชัยชนะอยู่ลางๆ


“แล้วบอสล่ะครับ มั่นใจแค่ไหนว่าคุณพิคเจอร์จะใจอ่อนให้บ้าง” แกริคถามขึ้นมาอีก


“ไม่รู้สิ แต่ฉันก็เดินหน้าเต็มกำลังแล้วนะ พรุ่งนี้เขาจะมาทำงานกับฉันวันแรก อีกอย่างหยางอี้มาทำงานใกล้ฉันแบบนี้ ก็หมดห่วงเรื่องความปลอดภัย”



          นึกถึงเวลานั้นมันช่างมีความสุขที่สุด ดีที่ช่วงนี้ธุรกิจต่างประเทศเขาล่วงทำงานและเข้าไปตรวจเช็คมาเกือบหมดแล้ว เวลาพักผ่อนหลายสัปดาห์ คาดอสจึงเลือกเมืองไทย เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ชิดนั่งดูใครอีกคน





เช้าวันใหม่!


      ระหว่างร่างบางนั่งรถแท็กซี่เพื่อไปทำงานตำแหน่งหัวหน้าดีไซน์บริษัทอินทรีทองวันแรก แต่ยังไม่ทันขับขึ้นทางด่วนได้ไกลนัก หน้าจอมือถือกลับปรากฏเป็นชื่อของฟ่านหยางเฟยโทรมาหาเขา


“สวัสดีครับคุณหยางเฟย”


“สวัสดีกระต่ายน้อย ทางโรงพยาบาลโทรมาบอกว่าให้มาฟังผลการตรวจได้ในวันพรุ่งนี้ ประมาณช่วงบ่ายถ้าไม่ติดธุระอะไรมาเจอกันที่โรงพยาบาลเดิมนะครับ ”


“คะ..ครับ”  พิคเจอร์สีหน้าหวั่นวิตก จริงสินี่ก็ผ่านมาได้หลายวันแล้ว มันก็ควรจะเสร็จใช่ไหม? แล้วผลล่ะ ผลจะออกมาเป็นยังไง พิคเจอร์เริ่มกังวลใจ ทั้งๆที่ลืมเรื่องนี้ไปได้สักพัก!


“น้ำเสียงดูกังวลจังเลยนะ”


“ผมกลัวทำใจไม่ได้จังเลยครับ”


“อืม! ผมเข้าใจ แต่พอมานั่งคิดไปคิดมาแล้ว ผมเริ่มทำใจได้แล้วนะ คุณลองคิดดูนะพิค จริงๆการตรวจครั้งนี้มีประโยชน์กับพวกเราสองคนมาก ถ้าคุณไม่ใช่น้องผม ผมจะหมั้นคุณทันที แต่ถ้าคุณคือน้องของผม ผมถือว่านี่คือข่าวดีที่สุดในชีวิตของผมเลยล่ะ”



               คราวนี้ฟ่านหยางเฟยไม่ได้คิดจะพูดเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง แต่มันเป็นความรู้สึกจริงๆตอนนี้ของเขาต่างหาก แต่ก็ไม่รู้อีกฝ่ายจะคิดได้เหมือนเขาไหม


“ครับ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด พรุ่งนี้ตอนบ่ายเจอกันครับ”


         ร่างบางกดตัดสาย มือที่จับมือถือสั่นเล็กน้อยและสั่นไม่หยุด หัวใจตอนนี้กำลังสูบฉีดเลือดไปทั่วเรือนร่างหนักมากทีเดียว



         พอไปถึงที่หมาย เขาก็รีบลงจากแท็กซี่แล้วเดินเข้าบริษัทไปอย่างคุ้นเคย แม้จะมาเป็นครั้งที่สองก็ตาม  พอไปถึงชั้น 25 ดังเดิม ก็พบว่าเลขาสาวยังไม่มาทำงาน พอก้มมองดูนาฬิกาข้อมือเรือนโปรดก็พบว่าเหลือเวลาอีกตั้ง 30 นาทีกว่าจะถึงเวลาทำงาน



           มันไม่แปลกอะไรหรอกที่เขาจะมาก่อนเวลา อย่างน้อยก็เพื่อตอบสนองกับวาจาที่ให้ไว้ ว่าจะทำงานให้สมกับค่าจ้างเดือนแรกและเดือนสุดท้ายในจำนวนเงิน หนึ่งล้านบาท



แกร๊กๆ แอดดดด


                 
            พิคเจอร์ถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป เพราะมั่นใจว่าเจ้าของห้องยังไม่มาแน่นอน แต่ผิดคลาด เพียงแค่เข้ามาในห้องแล้วงับประตูลง เพียงแค่ชำเลืองมองด้วนหางตาไปทางด้านซ้ายกลับเห็นร่างสูงใหญ่กำลังยืนจิบกาแฟมองทิวทัศน์มหานครยามเช้าอยู่ก่อนแล้วอย่างสบายใจ ไม่คิดตกใจถึงการมาเยือนของร่างบางแม้แต่น้อย


“คะ...ขอโทษครับ ผมไม่คิดว่าจะมีคนอยู่” พิคเจอร์รีบเอ่ยบอก สีหน้าตอนนี้รู้สึกอายมาก


“คราวหลังอย่าเดา จะมีคนอยู่หรือไม่มี คุณควรจะเคาะประตูซะก่อน” คาดอสเปรยบอกแต่ไม่ยักกะหันหน้ามามอง ท่าทางขี้เก๊กมีมาดตลอดเวลาแบบนั้นมันยิ่งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกหมั่นไส้เอามากๆ


“ผมเข้ามาดูความเรียบร้อย แต่ดูแล้วห้องคุณก็โอเคดี งั้นผมขอตัวแล้วกันนะ”


“เดี๋ยว! ตั้งใจฟังให้ดี ผมชอบพูดครั้งเดียวไม่อยากพร่ำเพื่อ โต๊ะทำงานของคุณผมจัดเอาไว้มุมห้องตรงนั้น และตำแหน่งของคุณคือหัวหน้าดีไซน์ เพราะฉะนั้นกรุณาสนใจเลขาของผมด้วย เมื่อเธอมาถึงเธอจะหอบงานเกี่ยวดีไซน์มาวางไว้ที่โต๊ะให้ทุกเช้า ”


“ผมเข้าใจแล้วครับ” พิคเจอร์ฟังรอบเดียวอย่างตั้งใจ และตอนนี้เข้าใจอย่างถ่องแท้จริงๆ


“ก็ดี...ก่อนมาทำงานคุณทานอะไรรึยัง?” คำถามของคาดอสทำให้อีกฝ่ายแปลกใจไม่น้อย


“ก็...ยัง!”


“พูดจากับประธานบริษัทให้มีหางเสียงด้วย อาหารรองท้องอยู่ในห้องนั้น ไส้กรอก แซนวิซ เครื่องดื่มอยู่ในตู้เย็นหมด  แล้วข้างๆก็มีไมโครเวฟ ได้ยินแล้วก็ไปทำกินซะ” คาดอสบอกเสียงเรียบ


“ไม่ดีกว่าครับ ของกินสำหรับประธานบริษัท ผมเป็นแค่ลูกจ้างไม่กล้าล่วงเกิน” พิคเจอร์ประชด


“แต่ผมสั่ง! ไปทำกินเดี๋ยวนี้ ข้อตกลงที่สิบเอ็ดในใบสัญญา ระหว่างการทำงานต้องเชื่อฟังประธานบริษัท!”



      คาดอสเปรยเสียงเรียบ  อีกฝ่ายได้แต่หงุดหงิดใจถอนหายใจฟืดฟัด เดินไปเข้าไปยังห้องเล็กๆดังกล่าว มองหาตู้เย็นที่ว่าแล้วหยิบเอาไส้กรอกม้วนด้วยเบคอนมาถุงหนึ่งแล้วเวฟทันที กลิ่นหอมนั้นค่อยๆโชยออกมาจากห้อง กระจายเข้าไปทั่วห้อง
ทำงาน แต่นั่นไม่ได้ทำให้คาดอสถือสา


“ทำให้ผมด้วย ผมจะรอในห้อง” ร่างสูงบอกพร้อมกับเดินหายเข้าไปอีกห้องด้านข้าง


              พิคเจอร์มองตามพร้อมกับแยกเขี้ยวให้ทีหนึ่งโดยที่คาดอสไม่รู้ตัว จะว่าไปห้องทำงานของคาดอสนั้นมันมีห้องแยกไปอีกสองห้อง ห้องแรกก็คือห้องที่พิคเจอร์ยืนอยู่ แต่อีกห้องที่คาดอสหายเข้าไปเขาเองก็ไม่รู้ว่าคือห้องอะไร?


               ไส้กรอกรสเผ็ดซี๊ดสี่ชิ้นถูกหั่นพอดีคำให้เรียบร้อย ถูกวางลงในจานแบนลายสวย กับ แตงกวาที่หั่นสดๆจากตู้เย็นเมื่อครู่ วางเรียงไว้ที่ขอบจานสวยงาม  น้ำจิ้มซอสมะเขือเทศถูกเทลงในถ้วยใบเล็กแล้วเสร็จ ทั้งหมดทั้งมวลถูกยกนำไปในห้องดังกล่าวทันที  แต่คิดว่าคงไม่ต้องเคาะขออนุญาตเพราะประตูห้องไม่ได้ปิดเอาไว้



“เสร็จแล้วครับ” พิคเจอร์วางจานลงตรงโต๊ะ แต่พอมองที่ใบหน้าอีกฝ่ายกลับเรียบเฉย อะไรจะนิ่งได้ขนาดนี้ คำขอบคุณขอบใจนิดๆหน่อยๆไม่คิดจะปริปากเลยหรือไงกัน?


“อีกหนึ่งข้อที่คุณต้องรู้ ผมไม่ชอบทานแตงกวา!” คาดอสเปรยบอกพร้อมกับหยิบซ้อมเขี่ยแตงกวาทิ้งลงถังขยะด้านล่างข้างโต๊ะ


“นี่! นายร่างยักษ์ คุณไม่กินก็ไม่เห็นจะเททิ้งลงถังขยะหนิ ทำไมทำเหมือนของไม่มีค่าแบบนี้”


“ก็แค่แตงกวา ลูกละไม่กี่บาท?” คาดอสจ้องตาอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ


“อ้อ...ลืมไป คุณมันพวกล้นฟ้าหนิ ช่างมันเถอะ แตงกวาไม่กี่บาทเนี่ย คงไม่มีค่าอะไรหรอกจริงไหม! ผมขอตัวนะ”


หมับ!  มือหนาคว้าจับเข้าที่ต้นแขนไว้ทัน


“คุณโกรธผมหรอ?” คาดอสถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง


“ผมไม่กล้าโกรธท่านประธานหรอกครับ” พิคเจอร์ยิ้มกลบเกลื่อน


“อย่าโกหกผม!!! พูดออกมาจากใจ” คาดอสหงุดหงิดตัวเองอีกครั้งที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่


“เก่งนักไม่ใช่หรอครับ อ่านความคิดผมสิ!” ให้ตายเถอะคำท้าทายที่แสนจะง่ายดาย แต่พอคนท้าเป็นอีกฝ่ายมันกลับไม่ง่ายอย่างนั้น


“คุณก็รู้...ว่าผมเดาใจคุณไม่ได้”


เพราะคุณมันกากไง? ปล่อยผมผมจะไปทำงาน”


“อีกสิบนาที สำหรับที่นี่ต้องทำงานตรงเวลาและเลิกเป็นเวลาเท่านั้น ”


“งั้นผมก็ขอออกไปเดินเล่นข้างนอกแล้วกัน อยู่กับคุณแล้วหงุดหงิด ปล่อยยยย!!!” ร่างบางเริ่มโวยวาย


“โอเค! ไปหั่นแตงกวาให้ผมที ผมจะลองกินดู ”


        คาดอสบอกด้วยน้ำเสียงอ่อน หัวใจของเขาตอนนี้ถึงจะดื้อรั้นแต่ก็ทนต่อต้านฟ่านหยางอี้ไม่ไหว เขาไม่อยากเป็นคนไม่ดีและไม่ได้เรื่องในสายตาของอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก ก็แค่แตงกวาลองกินดูมันคงไม่ทำให้เขาตายหรอกจริงไหม?


“ เพื่ออะไร ไหนบอกไม่ชอบไง?”


“ก็เพื่อคุณนั่นแหละ”


“…?”


:L2:


:mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 01-09-2016 13:55:28
เริ่มเห็นมุมน่ารักของคาดอสแล้ว
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: fcsunaree ที่ 02-09-2016 02:46:30
คาดอสก็มีมุม แบ๊วๆน่ารักๆด้วย 555 คนแต่ง ก็แต่งได้เก่งมากๆ มาต่อนะค่ะ
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 02-09-2016 07:19:38
คาดอส อ้อนได้น่ารักมาก หวังว่า พิคเจอร์จะใจอ่อนนะคะ
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 02-09-2016 10:13:05
ตอนที่ 17



                และแล้วนายร่างยักษ์ใหญ่ก็ทานแตงกวาที่หั่นไปให้ใหม่นั้นทีละชิ้นๆ ร่างบางถูกบังคับให้นั่งทานร่วมโต๊ะ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรทำให้ชาวไทยน่าขำขันไปมากกว่า การที่เจ้านายคนใหม่ผู้ซึ่งไม่มีอารมณ์ทางสีหน้าใดๆกำลังหยิบแตงกวาเข้าปากชิ้น
แล้วชิ้นเล่า...



“ขำอะไรคุณ!” คาดอสเริ่มพาล


“เปล่า...เออนี่คุณ!” พิคเจอร์เพิ่งนึกนึกขึ้นได้ ว่าพรุ่งนี้เขาจะต้องไปทำธุระที่โรงพยาบาล


“มีอะไร?”


“พรุ่งนี้ตอนบ่ายผมขอหยุดงานนะ มีธุระต้องไปทำ แบบว่า...เลี่ยงไม่ได้อ่ะ มันเป็นเรื่องที่ใหญ่โต ใช่มันใหญ่มาก คือแบบไม่ไป
ไม่ได้อ่ะคุณ...”


        ร่างบางพยายามขอร้องทางอ้อมๆไม่อยากบอกไปตรงๆ จริงๆเรื่องนี้เขาไม่รู้ว่าคาดอสนั้นรับรู้เรื่องนี้ดีแค่ไหน แต่ทว่า...ทำไมร่างใหญ่จะไม่เข้าใจ ถึงพิคเจอร์จะพยายามเลี่ยงไม่บอกเหตุผลก็ตามที สาเหตุที่ต้องมีการตรวจดีเอ็นเอก็เพราะคาดอสเองไม่ใช่หรือไง?


“ก็ไปซะสิ” คาดอสพูดสวนไม่ฟังอีกฝ่ายร่ายยาวไปกว่านี้


“!!!”



            พิคเจอร์ทึ่งไปนิด ไม่คิดว่าการขอร้องปราศจากหัวเรื่อง แล้วเจ้านายจะอนุญาตด้วย เขานึกว่าคาดอสจะไม่ให้ไปเพราะเงินค่าจ้างค้ำประกันตัวทั้งเดือนอยู่หนึ่งล้านซะอีก จะว่าไปนายร่างใหญ่ก็ใจดีนะ?



“ดะ...ได้เวลาทำงานแล้ว ผมไปทำงานก่อนนะ!”


          ว่าแล้วก็รีบลุกจากเก้าอี้ เดินกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะ แต่ว่าจนป่านนี้แล้ว แม่เลขาคนสวยก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเอาแฟ้มเอกสารงานที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของเขามาวางที่โต๊ะซักที...พิคเจอร์ชักแปลกใจขึ้นมานิดๆ แต่ยังไม่คิดจะปริปากถามอีกคนที่อยู่ร่วมห้อง




          ผ่านไปจนกระทั่งเลิกงาน ขณะนี้สิบหกนาฬิกาพอดีเป๊ะ สรุปวันทำงานวันแรก พิคเจอร์ทำหน้าที่เพียงแค่นั่งเฝ้าโต๊ะทำงานสุดหรูที่คาดอสจัดเอาไว้ให้ในห้อง อีกอย่างก็คือมีหน้าที่นั่งให้นายร่างยักษ์มองหน้าในขณะทำงาน  คิดดูว่าพิคเจอร์ต้องอดทนขนาดไหนถึงจะผ่านช่วงเวลาทำงานวันแรกนี้ไปได้



“ผมขอตัวกลับเลยแล้วกันนะครับ”


“ผมไปส่ง!”


“ฮะ? ไม่ต้องหรอกคุณ จะไปทำไม ที่พักผมอยู่ไกลนะ” พิคเจอร์รู้สึกเกรงใจขึ้นมาจริงๆ ส่วนสูงกลับขมวดคิ้ว


“เปล่า! ที่ผมพูด ผมหมายถึง เดินไปส่งคุณขึ้นรถแท็กซี่หน้าบริษัท” ชายหนุ่มในชุดสูทตอบเสียงเรียบพร้อมกับทำหน้านิ่ง แต่อีก
คนที่คิดไปเองตั้งแต่ต้น ตอนนี้หน้าชาไปหมดแล้ว เขารู้สึกอับอายมากยังไงก็ไม่รู้



“ไม่ต้องหรอก เสียเวลาคุณเปล่า แค่เดินไปขึ้นรถ ผมทำเองได้!” พิคเจอร์เงยหน้าบอกคนตัวสูง


               ยิ่งอยู่ใกล้ก็รู้สึกยิ่งหงุดหงิด พิคเจอร์ไม่มีทางรู้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดจะทำอะไร พูดอะไร แม้แต่เมื่อกี้ก็อุตส่าห์เข้าใจว่าจะเป็นคนมีน้ำใจจะไปส่งที่แมนชั่น ที่ไหนได้ กลับพูดจากวนประสาทให้เข้าใจผิดซะนี่ 



            ไม่สิต้องเรียกว่ากวน...อย่างอื่นมากกว่า ไม่มีเหตุผลที่ต้องทนอยู่เห็นใบหน้านิ่งทื่อเป็นหุ่นปูนปั้นแบบนี้ ร่างเล็กรีบหันขวับกลับหลังไปทางประตูทันที แต่นั่นก็ช้ากว่าจะหนีคาดอสพ้น...



หมับ!


            เป็นครั้งที่สองที่ต้นแขนข้างเดิม ตำแหน่งเดิมของพิคเจอร์ถูกอีกฝ่ายคว้าจับเอาไว้ เพียงออกแรงไม่เท่าไหร่ ทั้งตัวของหนุ่มตัวเล็กก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้แล้ว



“โกรธผมหรอ?” สาบานได้ว่านี่คือคำถาม? น้ำเสียงไร้ซึ่งความรู้สึกเอามากๆ นายร่างยักษ์นี่เกิดมาเพื่อเปล่งคำพูดที่เป็นโมโนโทนอย่างเดียวสินะ?


“ผมจะโกรธคุณเรื่องอะไรล่ะ ปล่อยได้แล้ว จะกลับแมนชั่น!” พิคเจอร์อิดออด


“งั้นผมไปส่ง!...ถึงที่พักเลย”



    ร่างใหญ่ไม่มั่นใจว่าก่อนหน้านี้เขาพูดอะไรไม่เข้าหู แล้วทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิดใจรึเปล่า แต่บอกตามตรงเขาไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ ถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายอยากให้เขาไปส่ง ก็ทำไมไม่บอกกันแต่ทีแรกล่ะ?



“ก็บอกไม่ต้องไง!! ปล่อย!!! จะกลับแล้ว”


“อย่าขัดคำสั่งผม!” ไม่ได้ด้วยน้ำเย็น ก็ต้องประคบด้วยน้ำร้อน คาดอสแกล้งขู่ขึ้นมาทันที


“นายร่างยักษ์ แหกตาดูด้วยว่านี่มันเวลาเลิกงานแล้ว ปีศาจเจ้านายออกจากตัวไปได้แล้ว”



           คาดอสอึ้งไปนิด ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะเอาเวลาทำงานปกติที่เขาเคยย้ำนักย้ำหนา มาอ้างเอาตัวรอดแบบนี้ ทำไมกัน?...ในเมื่อตอนนี้เขาก็ตัดสินใจจะไปส่งแล้วไม่ใช่หรอ ร่างบางตรงหน้าควรจะดีใจมากกว่าการง้องอนเขาแบบนี้นะ


“เอ้า! ไม่ได้ยินหรอ ปล่อยได้แล้ว จะต้องให้พูดกี่ครั้ง” สติคาดอสกลับมา เขายอมปล่อยต้นแขนพิคเจอร์ให้เป็นอิสระ


...



...


“ขอบคุณ ผมกลับละ”


        พิคเจอร์ทำหน้ามุ่ยเดินออกจากห้องไป เสียงประตูเปิดออกและปิดลงไป ตอนนี้คาดอสอยู่ในห้องคนเดียว แต่ไม่นานกลับปรากฏรอยยิ้มที่มุมปากบนใบหน้าหล่อนิ่งนั้น



“น่ารักไม่เปลี่ยนเลยนะ...นายเนี่ย!” เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะโทรหาลูกน้องคนสนิท


“ไดนาดิน เตรียมรถ ฉันจะกลับคอนโดแล้ว”


“ครับบอส!”







ผ่านไปอีกหนึ่งวัน



               ตั้งแต่เช้ายันพักเที่ยง คาดอสและพิคเจอร์นั่งทำงานคล้ายทำสงครามความเงียบกัน ไม่มีใครคิดปริปากพูดก่อนเลย แต่คาดอสรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจเขาตั้งแต่เรื่องเมื่อวาน แต่เอาไว้ก่อน...ตอนนี้เขามีงานที่ต้องเร่งมือทำเกี่ยวกับบริษัท ยังไม่มีเวลาไปง้ออีกฝ่ายให้หายเป็นปกติเหมือนเดิม



              พอเข็มสั้นเข็มยาวในนาฬิกาเรือนใหญ่ทับกันทำองศาตั้งฉาก  เป็นเวลาเที่ยงวันพอดี พิคเจอร์รีบเก็บแฟ้มงานแล้วลุก
ออกจากห้องไปทันที  คาดอสมองตามอย่างไม่แปลกใจนัก...ไม่บอกก็รู้ว่าไปไหน ก็คงจะไปทำธุระที่ขอเอาไว้เมื่อวานนี้แน่



             แต่เอาตรงๆไม่เห็นจำเป็นต้องไปเลย เพราะเขามั่นใจมากทีเดียวว่า พิคเจอร์คือ ฟ่านหยางอี้ ไม่ผิดตัวแน่ แต่ช่างเถอะ เขาไม่อยากจะยุ่งอะไรกับเรื่องส่วนตัวของสองพี่น้องมากเกินไปถ้าไม่จำเป็น



           ที่โรงพยาบาลแห่งเดิม พิคเจอร์ รีบเดินทางมาตามนัด ช่วงกลางวันแดดร้อนๆแบบนี้ จิตใจของเขากลับไม่ได้แตกต่างกัน มันทั้งร้อนทั้งรนอยากจะรู้ผลการตรวจเร็วๆ



           เพียงไปถึงที่หมายและขึ้นไปตามทางที่โทรถามฟ่านหยางเฟยก่อนหน้านี้ ในที่สุดเขาก็ได้เจอหน้าคนที่เขารักตรงหน้านี้แล้ว



“สวัสดีครับคุณหยางเฟย”

         พิคเจอร์เอ่ยทักทั้งที่อีกฝ่ายดูเหมือนกำลังหันหลังให้เขา และยืนคุยกับคุณหมออยู่ แต่แล้วหนุ่มตี๋ในชุดสูทสีน้ำเงินก็หันหน้ากลับมาจามเสียงเอ่ยทักเมื่อครู่  เขามองพิคเจอร์ด้วยแววตายิ้มแย้มแก้มแทบปริ



“เป็นอย่างที่คาดอสบอกจริงๆด้วย หยางอี้น้องพี่!!!”



     หยางเฟยรีบเดินโผเข้ามาโอบกอดด้วยความดีใจ สองมือหนาดึงร่างบางของน้องชายเข้ามาแนบชิดร่างกาย แต่อีกฝ่ายเมื่อได้ยินกลับไม่ได้ดีใจอย่างเขาเท่าไหร่นัก ถึงยังไงพิคเจอร์ก็ไม่มีทางทำใจได้ง่ายๆแน่


“นายครับ! นายน้อยสลบไปแล้ว!” อินจือรีบเปรยบอกหลังจากเห็นอีกฝ่ายในอ้อมกอด แน่นิ่งไร้เรี่ยวแรงไปแล้ว


“คุณหมอ! ช่วยน้องผมด้วย!” หยางเฟยสีหน้าตื่นตระหนก


“เชิญทางนี้เลยครับ” 




           ผ่านไปเป็นเวลานานเกือบชั่วโมง ร่างบางเริ่มฟื้นได้สติ ดวงตาค่อยๆลืมขึ้น ตอนนี้เขาอยู่ภายในห้องพักผู้ป่วย แต่คงจะเป็นห้องพิเศษที่หรูที่สุดก็ว่าได้ ถึงพิคเจอร์จะได้สติกลับคืนมาแต่คำพูดและผลการตรวจก่อนหน้าก็ยังดังก้องอยู่ในหัว มันทำให้เขายังเสียใจอยู่ไม่น้อยทีเดียว



“ฮึก ฮือออออ ฮือออออ” เสียงสะอึกสะอื้นร่ำไห้ตามมาทันที ปลุกความนิ่งของเจ้านายและลูกน้องในห้องตามมุมต่างๆให้หันมาสนใจคนที่อยู่บนเตียง



“หยางอี้! ไม่ร้องนะครับ พี่อยู่นี่แล้ว” ฟ่านหยางเฟยสีหน้าคร่าตา ตื่นตระหนกรีบกรูเข้ามาดูน้องชายเป็นคนแรก 



“ฮืออออ ทำไม ครับ ฮึก ฮึก ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ฮืออออ” พิคเอจร์ร้องไห้ฟูมฟายใหญ่



     อินจือกับเจียนเหมิงยืนมองดูความเศร้าใจนั้นอยู่ห่างๆ ความเจ็บปวดนั้นหากเกิดขึ้นกับพวกเขา เห็นทีคงไม่ต่างไปจากความรู้สึกของนายน้อยตอนนี้นัก  มือหนาของหยางเฟยลูบหัวพร้อมกับเอานิ้วโป้งปาดน้ำตาให้น้องชายอย่างอ่อนโยน ทั้งสองข้าง



“อย่าเศร้าอีกเลยนะ พี่บอกนายแล้วไง ถ้าหากนายเป็นน้องชายของพี่ พี่จะดีใจมาก เราไม่ได้เจอกันเลยตลอด 20 ปีนะ นายไม่คิดถึงพี่บ้างหรือไง...ฟ่านหยางอี้?”



“ฮือออออ ฮืออออออ” ดูเหมือนตอนนี้พูดอะไรไปก็มีแต่จะไปกระตุกความเสียใจของอีกฝ่ายเปล่าๆ ฟ่านหยางเฟยหยุดพูดไป  ได้แต่โอบกอดน้องชายเอาไว้อย่างเดียว เขาทำได้ดีที่สุดเพียงปลอบใจและอยู่ใกล้ๆฟ่านหยางอี้เท่านั้น



ก๊อกๆๆๆ


      เสียงเคาะประตูจากด้านนอก ดึงสติให้ทุกคนหันไปมอง เจียนเหมิงอาสาเดินไปเปิดประตูนั้น แทนที่จะเป็นคุณหมอแต่กลับกลายเป็น...



“นายครับ คาดอสมาครับ!” เจียนเหมิงรีบหันไปบอกเจ้านายทันที


      ฟ่านหยางเฟยผละออกจากร่างของน้องชาย ก่อนจะเดินไปที่ประตูเพื่อพบประมุขอินทรีทอง


“แกมาที่นี่ทำไม?” ประโยคไม่ต้อนรับยินดีที่เจอหน้าเปรยขึ้นทันที


“ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อย ไปคุยทางโน้นดีกว่า” คาดอสหันไปทางซ้าย ที่นั่นมีระเบียงลานกว้างพอสมควรยื่นออกจากตัวอาคารไป



              ชายหนุ่มร่างสูงพอกัน เดินหายออกไปจากหน้าประตู ฝ่ายคาดอสมีไดนาดินติดตามมาด้วย ส่วนเจียงเหมิงไปกับฟ่าน
หยางเฟย  ตอนนี้มีเพียงพิคเจอร์ที่ต้องอยู่กับอินจือภายในห้อง ความเสียใจเริ่มทุเลาลงแล้ว แต่ก็ไม่มั่นใจว่าถ้าเห็นหน้าฟ่านหยางเฟยอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าจะทนรับความจริงได้อีกไหม



                ตอนนี้บทบาทตัวตนของพิคเจอร์ไม่เหมือนเดิมแล้ว เขากำลังจะเป็นทายาทเสือแดง ไม่สิต้องบอกว่าเขาเป็นอยู่แล้วแต่กำเนิด เป็นทายาทคนเล็กของแก๊งเหลาสู่หงเซ่อ แห่งมหานครเซี่ยงไห้ เขามีธุรกิจมากมาย มีบริวารให้คอยอารักขารับใช้


             และที่สำคัญเขากลับไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เขาเกลียดสังคมแบบนี้ สังคมที่ต้องฆ่าฟันกันเป็นว่าเล่น แต่สุดท้ายก็วนเข้าคำพูดสุดคุ้นเคยคือ

เกลียดอะไร มักได้อย่างนั้น สินะ


 
            ด้านนอกสถานการณ์แย่ลงไปเรื่อยๆ สองสิงห์หนุ่มประมุขมหาอำนาจแห่งเมืองจีน กำลังเจรจาอะไรกันบางอย่าง แต่ดูเหมือนกับว่ามันไม่ค่อยจะลงเอยกันเสียเท่าไหร่นัก



“...ยังไงฉันก็ยืนยันคำเดิมว่า นายไม่ควรชอบน้องชายฉัน!” หยางเฟยยื่นคำขาด ไม่มีเปลี่ยนแปลง


“หยางเฟย! นายคิดถึงน้องชายที่พลัดพรากไป แต่นายก็ได้ฟ่านหยางอี้กลับคืนมาแล้ว แต่ฉันที่รักหยางอี้ตั้งแต่ยังเด็ก จนป่านนี้ก็
ยังไม่มีเปลี่ยนแปลง นายก็รู้ไม่ใช่หรอว่าการรอคอยมันทรมานแค่ไหน!”



               หนุ่มตี๋ไม่ตอบ แต่ชำเลืองมองดวงตาของอดีตเพื่อนรักแทน แต่เพราะเรื่องการตายของป๊าและม๊าเขามันยังไม่ชัดเจน สิ่งนี้จึงเป็นดั่งกำแพงหนาที่กั้นความเป็นเพื่อนของเขาเอาไว้ ถึงในใจลึกๆของฟ่านหยางเฟยจะเชื่อว่าคาดอสไม่ผิด


               แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อของคาดอสจะไม่ผิดไปด้วย เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทหลายเรื่องเมื่ออดีตกาลนั้น เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ซึ่งพวกเขาในตอนเด็กไม่อาจรู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ


              มันสรุปไม่ได้หรอกว่าอะไรจริงหรือเท็จ เขาต้องการหลักฐานพิสูจน์ ถ้าหากอินทรีทองบริสุทธิ์จริงๆจากคดีลอบฆ่าครอบครัวเขาแล้ว เมื่อนั้นเขาถึงจะยอมให้คาดอสสานต่อหัวใจกับน้องชาย



“หยางเฟย! ฟังฉันให้ดี เฟอกัลกำลังจะมาที่เมืองไทยนี้ ฉันเดาความคิดมันออกจากปลอกกระสุนปืนสลักข้างด้วยรูปเบญจพิษ และจะชัดเจนกว่านี้ถ้าหากมันปรากฏต่อหน้าฉัน ทุกอย่างที่มันคิดและรู้สึก ฉันบอกได้อย่างเดียวว่าคือ...ฟ่านหยางอี้ ”



“หมายความว่าไง?”



“ฉันยังไม่มั่นใจ แต่เชื่อว่าในสองพี่น้อง เฟอกัลและฟินกี้ กำลังแอบชอบน้องชายนายอยู่ และนั่น!!มันไม่ปลอดภัยต่อตระกูลฟ่านแน่ ถ้าหากวันข้างหน้าเฟอกัลหมดรักฟ่านหยางอี้”



“แล้วคิดหรอว่าการที่น้องชายฉันอยู่กับนายแล้วจะปลอดภัย นายยังมีสิทธ์ระแวงพวกเบญจพิษ ฉันเองก็มีสิทธ์ระแวงนายได้เหมือนกัน คาดอส!”



“ถ้างั้นฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด! แต่ฉันอยากให้นายเชื่อฉันสักครั้ง...อย่างน้อยก็เคยเป็นเพื่อนกันมา”


“ความเป็นเพื่อน มันไม่มีทางเหมือนเดิมแล้ว  เสียใจด้วยคาดอส!”


“...”  หนุ่มลูกครึ่งร่างสูงรู้สึกอึดอัดใจ ไม่มีอะไรจะพูดอีก ทุกอย่างมันชัดเจนแล้วว่าฟ่านหยางเฟย ปฏิเสธเขาแค่ไหน แต่ไม่เป็นไรเขาจะเร่งหาพยานหลักฐานมาเล่นงานเบญจพิษให้ได้



           คาดอสเดินจากไป มีเพียงสายตาไม่คิดสนใจว่าประมุขอินทรีทองนั้นจะเป็นยังไงตามส่ง เอาตรงๆฟ่านหยางเฟยคิดว่าตัวเขาเองไม่ผิด เพราะในฐานะผู้สูญเสียครอบครัวไป เขามีสิทธิ์จะเชื่อหรือไม่เชื่อใครก็ได้ ในเมื่อหลักฐานยังไงไม่มี แต่ตอนนี้การมาเตือนของคาดอสถึงผู้นำเบญจพิษ ที่เขาคิดมาตลอดว่าโดยตำรวจกวาดล้างฆ่าตายหมดแล้วนั้นกลับยังเหลือรอดและก่อตั้งกลุ่มขึ้นมาใหม่ได้



           ไม่ว่ามันจะด้วยเหตุผลไหน จะมาดีหรือมาร้าย เขาก็พร้อมจะเผชิญหน้าและปกป้องน้องชายของเขาด้วยตัวเขาเอง ไม่จำเป็นต้องฝากชีวิตน้องชายไว้กับใครทั้งนั้น...อีกต่อไป



“นายครับ ที่คาดอสพูดมาผมว่าน่าเชื่อถือนะครับ นายก็รู้จักนิสัยเขาดีว่าเป็นยังไง คาดอสไม่มีทางพูดขึ้นมาลอยๆ โดยไร้เหตุผลและหลักฐานนะครับ อย่างเรื่องนายน้อยฟ่านหยางอี้ เราก็ได้เขาช่วยไม่ใช่หรอครับนาย”



“เจียนเหมิง! ฉันอยากกลับไปหาน้องชายฉันแล้ว” หยางเฟยทำท่าทีไม่สนใจคำพูดของลูกน้องคนสนิท ก่อนจะเดินนำลิ่วกลับไป
ยังห้องพักผู้ป่วย



   เจียนเหมิงได้แต่มองตามหลังเจ้านายอย่างหมดปัญญา เขาไม่รู้เลยว่าฟ่านหยางเฟยกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่  แต่ที่แน่ๆเบญจพิษนั้นน่ากลัวจะดีไม่น้อยถ้าได้คนของอินทรีทองช่วย เขาไม่ได้ขี้ขลาดหวาดกลัวแต่เพราเป็นห่วงเจ้านายทั้งสองคนต่างหาก...



:L2:



เรื่อยๆๆ สบายๆ สไตล์ผู้แต่ง    เฟอกัลก็เฟอกัลเถอะ เดี๋ยวเจอคู่แท้ ฤทธิ์เดชหายเกลี้ยงแน่  :hao3: :hao3:

หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 03-09-2016 01:23:34
เชียร์คาดอสนะ
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 03-09-2016 15:19:01
ตอนที่ 18



           ผ่านเรื่องราวแห่งความจริงของตระกูลฟ่านไป แต่เรื่องหัวใจของคาดอสนั้นกลับครึกครื้นลุกโชนขึ้นมาเรื่อยๆ ถึงแม้เขาจะต้องการเห็นหน้าอีกฝ่ายมากแค่ไหน ก็ต้องจำทนยอมรับและให้เวลาสองพี่น้อง



          การเจรจาวันนั้นผ่านไปถึงห้าวันแล้ว ประธานบริษัทหนุ่มแห่งอินทรีทองยังคงใช้เวลาว่างพักผ่อนด้วยการทำงานที่ประเทศไทย เหตุผลเพียงเพราะต้องการอยู่ใกล้ฟ่านหยางอี้ให้มากที่สุด แม้ตอนนี้ร่างบางกำลังเสียใจและปรับตัวกับความจริงนั้นอยู่ก็ตาม



ก๊อกๆๆ แอดดดดด


“ขออนุญาตครับบอส” หนุ่มท่าทางสุขุมคนสนิทเดินเข้ามาในห้องอย่างเคยชิน


“ว่าไงไดนาดิน”


“เมื่อเช้าผมไปที่แมนชั่นคุณพิคเจอร์มา เขาฝากใบลาพักงานมาให้บอสครับ”



             คาดอสปรายตามองคนสนิทกับสิ่งนั้นเพียงหน่อยเดียว ความสงสัยผุดขึ้นในหัวของคาดอสทันทีว่าคนสนิทของเขานี้ไปทำอะไรที่แมนชั่นของพิคเจอร์ เพราะเขาไม่ได้สั่งให้ไป พอแกล้งแอบอ่านความคิดแต่ไม่มีสิ่งใดปรากฏในสมองของไดนาดิน  ยังไม่ทันที่คนสนิทจะเดินเอากระดาษแผ่นนั้นมาถึงโต๊ะทำงานเขา ร่างสูงก็รีบเปรยบอกให้ทิ้งลงถังขยะ



“ทิ้งไปซะ!!!”


“แต่บอสครับ!”


“ฉันเข้าใจพิคเจอร์ดี ให้เขาพักงานไปก่อน เขาคงอยากอยู่กับตัวเองให้มากกว่านี้”


“ครับบอส!”



          ไดนาดินจัดการตามที่คาดอสสั่ง แล้วหันเดินออกจากประตูไป  คาดอสเป็นห่วงคนตัวเล็กมาก แต่เพราะวาจาสั่งห้ามเขา
อย่างเด็ดขาดจากฟ่านหยางเฟยประมุขเสือแดง ไม่ให้ไปยุ่งกับฟ่านหยางอี้น้องชายของเขา คาดอสเลยได้แต่มองดูห่างๆเท่านั้น



          แต่จะให้พิคเจอร์เลิกทำงานที่นี่ เห็นทีคงจะไม่ได้ ใบสัญญาการทำงานนั้น ฟ่านหยางเฟยเข้าใจและรู้ดี ถึงยังไงก็ต้องจำยอมให้น้องชายของเขามาทำงานต่อให้ครบกำหนดวาระหนึ่งเดือนเช่นเดิม




จนกระทั่งเวลาบ่ายโมงของวัน...


ก๊อกๆๆๆ


เสียงประตูดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับแปลกไป หากเป็นไดนาดินถ้าเคาะแล้วจะเปิดเข้ามาทันที


“เชิญ!!!” น้ำเสียงทุ้มทรงอำนาจตะโกนบอกคนที่อยู่หลังประตูบานนั้น


แอดดดดด


      ประตูถูกเปิดเข้ามาช้าๆ พร้อมกับปรากฏร่างของใครคนหนึ่งที่เขาต้องการอยากเจอและอยากคุยด้วยในรอบห้าวันนี้มากที่สุด แต่ทำไมสีหน้าคร่าตาไม่สู้ดีเอาเสียเลย



“สวัสดีครับท่านประธาน” เสียงทักทายอ้อยอิ่ง ไม่มีรอยยิ้ม มีเพียงนัยน์ตาเศร้าหม่นปรากฏ ค่อยๆเดินไปประจำตำแหน่งโต๊ะ


“นี่คุณโอเคแล้วหรอ? ถึงได้กลับมาทำงาน!” คาดอสเปรยถามเพราะเป็นห่วง รีบลุกจากเก้าอี้ มุ่งตรงมาหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วเพียงเสี้ยววินาทีเดียว


“จะหายหรือไม่หาย แต่ความจริงมันก็คือความจริงไม่ใช่หรอครับ” ร่างเล็กยิ้มบางๆ


“อย่าฝืนตัวเองเลยนะ คุณไม่ไหวก็กลับไปพักผ่อนเถอะ ผมไม่ได้เร่งรัดกำหนดเวลาทำงานคุณขนาดนั้น”


“ขอบคุณครับ แต่ผมคิดว่า ผมอยู่ห้องไปก็ไมได้ช่วยอะไร สู้ซะหาอะไรทำไปพลางๆ มันน่าจะช่วยกลบความทุกข์นี้ได้”


“ตามใจคุณแล้วกัน เอ่อ...วันนี้หลังทำงานเสร็จ ให้ผมไปส่งคุณนะ” คาดอสเริ่มสานสัมพันธ์ทันที


“ไม่เป็นไรครับ พี่หยางเฟยให้อินจือมารับผมแล้ว”



          คาดอสรู้สึกเหมือนถูกกีดกัน ดักทางเอาไว้ก่อนหน้า  ฟ่านหยางเฟยไม่ยอมเปิดโอกาสให้เขาแสดงออกถึงความรู้สึกที่มีให้ฟ่านหยางอี้เลยแม้แต่น้อย


“โทรบอกพี่ชายคุณว่าคุณจะให้ผมไปส่งที่แมนชั่นแทนอินจือ!” คาดอสเปรยบอก


“ผมไม่ได้คิดจะให้คุณไปส่งตั้งแต่แรก ทำไมต้องให้ผมโกหกพี่หยางเฟย” สายตัดพ้อมองมาที่เขาทันที


“โกหกที่ไหนกัน เพียงแค่คุณพูดไปตามนี้ ผมก็จะขับรถไปส่งคุณตามที่บอกไง? ผมไม่ได้หลอกพี่ชายคุณ”

...

...

...

“คุณคาดอส...เรื่องราวของเราตอนเด็ก พี่หยางเฟยบอกผมหมดแล้ว”

...

“รู้แบบนี้แล้ว...คุณรู้สึกยังไงกับผม”


           ช่วงเสี้ยววินาทีนี้มันเหมือนกับอากาศภายรอบกายคาดอสแทบจะไม่มีอยู่เลย ความกดดันถาโถมเข้ามาสู่ร่างสูงใหญ่ที่รอคอยคำตอบออกจากปากอีกฝ่ายอย่างใจจดจ่อ


“เมื่อก่อน คุณอาจจะรักผมเพราะผมคือฟ่านหยางอี้ แต่ว่า...20ปีที่ผ่านมา ผมเติบโตที่ประเทศไทย และมีชีวิตอยู่อย่างคนไทยคนหนึ่งในชื่อ พิคเจอร์ บอกตามตรงนะ ทั้งชีวิตของผม ผมเชื่อตัวเองไปแล้วว่าผมคือพิคเจอร์ ไม่ใช่ฟ่านหยางอี้ ถ้าหากคุณจะคิดแบบนั้นกับผมจริงๆ ผมอยากให้คุณรักผมที่ผมเป็นพิคเจอร์ ไม่ใช่ฟ่านหยางอี้ที่คุณกำลังเฝ้ารอ”



“มันก็คนคนเดียวกันไม่ใช่หรือไง?” คาดอสงง ไม่เข้าใจอีกฝ่ายว่าต้องการจะสื่ออะไร


“ที่ผมพูดคุณยังไม่เข้าใจอีกหรอครับ  ถ้าหากสถานการณ์พลิกล๊อก ผมกับฟ่านหยางอี้เป็นคนละคนกัน คุณก็จะเลือกฟ่านหยางอี้แทนที่จะเป็นผม!...ถูกไหมครับ?”


“คือ...เอ่อ...”



          ร่างสูงพูดไม่ออก มันก็จริงอย่างที่พิคเจอร์ว่ามา...ถ้าหากสองชื่อนี้ไม่ใช่คนคนเดียวกันล่ะ เขาจะเลือกใคร? แต่ที่แน่ๆตอนนี้เขากำลังสับสน


“คุณตอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ เพราเอาตรงๆผมเองก็ไม่ได้รู้สึกรักหรือชื่นชอบคุณเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว แต่ผมแนะนำคุณได้นะ ถ้าหากคุณเลือกฟ่านหยางอี้ ผมอยากให้คุณตัดใจและคิดซะว่าเขาได้จากคุณไปแล้ว ความทรงจำเมื่ออดีต คุณเก็บมันเอาไว้ในใจเถอะ”


“ผมทำอย่างนั้นได้ที่ไหนกันพิคเจอร์! คุณพูดแบบนี้คุณรู้ไหมว่าคุณทรมานหัวใจผมขนาดไหน!”


“ที่คุณทรมานอยู่ ก็เพราะคุณรู้อยู่เต็มอกว่าผมเป็นฟ่านหยางอี้ไง แต่ฟ่านหยางอี้คนที่คุณรัก คนที่คุณอยากปกป้องคนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ความทรงจำนั้นมันดูเด็กเกินไปสำหรับผม เกินที่ผมจะจดจำได้ครับ!”


“ไม่!!! ไม่นะ คุณอย่าให้ผมต้องเลือก ผมตัดใครคนใดคนหนึ่งไมได้ทั้งนั้น พิคเจอร์”



     คาดอสเดินเข้าไปสวมกอดร่างบางตรงหน้าเอาไว้ ทำราวกับว่ากลัวพิคเจอร์จะหายไปจากชีวิตเขาอีกครั้ง แต่ทว่าอีกฝ่ายที่อยู่ในอ้อมกอดอันแข็งแกร่งนั้นกลับไม่ได้คิดที่จะปฏิเสธเขา แต่พิคเจอร์กลับยืนนิ่งๆให้อีกฝ่ายทำสิ่งที่ต้องการอยู่อย่างนั้น


“ขอโทษนะ...ผมเป็นฟ่านหยางอี้ในแบบที่คุณต้องการไม่ได้แล้ว เพราะผมคือพิคเจอร์ นี่คือชีวิตที่แท้จริงในชีวิตผม”


“ได้โปรด...อย่าทำแบบนี้” นี่เป็นครั้งแรกที่ประมุขอินทรีทองเอ่ยอ้อนวอนคนร่างเล็กในอ้อมกอด


“เก็บฟ่านหยางอี้ในความทรงจำคุณต่อไปเถอะนะครับ ผมก็จะจดจำคุณไว้เช่นกัน แม้ว่าความทรงจำนั้นผมกลับจำไม่ได้เลยก็ตาม” ผ่านไปนานหลายนาที คาดอสกอดพิคเจอร์เอาไว้อย่างนั้นไม่ยอมปล่อยไปไหน

...


...


...

“ผมเลือกได้แล้ว ผมเลือกคุณพิคเจอร์!!!”


“อย่าหลอกผม เพียงเพราะคุณจำใจ!”


“คุณถูกลักพาตัวไปที่เซี่ยงไฮ้ ตอนนั้นผมทั้งเป็นห่วงคุณและโมโหหยางเฟยมาก ผมไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำในตอนนั้นว่าคิดยังไงกับคุณ จนกระทั่งไดนาดินเตือนสติผม แต่ผมก็ยังไม่เชื่อว่าผมจะมีรักครั้งใหม่ได้ ครั้งที่สอง ผมช่วยคุณออกจากเซี่ยงไฮ้ได้ ผมก็ต้องตัดสินใจทำทุกอย่างเพื่อให้คุณมีชีวิตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น ผมรู้ว่าคุณจะต้องไม่พอใจผมที่ผมให้ด๊อกเตอร์บารอนฉีดสารกระตุ้นร่างกายคุณ ตอนนี้ผมสรุปได้แล้วว่าทำไมผมต้องทำทุกอย่างเพื่อให้คุณปลอดภัย เพราะว่า...ผมรักคุณ รักที่เป็นคุณไม่ใช่เพราะฟ่านหยางอี้”


“...”



                  พิคเจอร์ยืนฟังอยู่นาน คำตอบที่เขาไม่เคยได้จากชายคนนี้มาตลอดหลายสัปดาห์ก่อน ตั้งแต่ครั้งเจอกับคาดอสที่สนามบินลอสแอนเจลิส จนกระทั่งตอนนี้เขาเข้าใจเจตนาของคาดอสหมดสิ้นแล้ว


“ทำไมคุณไม่เคยบอกผม?”


“เพราะผมยังสับสน แต่การกระทำของผม ผมสาบานได้ว่าผมทำไปตามความรู้สึกที่มันสั่งให้ทำไม่ใช่เพราะความสับสนแน่นอน  คุณเชื่อผมนะ”



“ผมไม่รับปากนะครับ ว่าผมจะเหลือหัวใจให้กับคุณรึเปล่า!”


“คุณไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นพิคเจอร์ ต่อไปนี้ผมจะทำให้คุณเห็นเองว่าผมจะเป็นคนที่ใช่สำหรับคุณ”


“แต่คนที่ใช่ มันไม่จำเป็นต้องพยายามไม่ใช่หรอครับ?”


“เรื่องนั้นผมรู้ แต่ผมจะลองทำดู และจะทำไปตลอดชีวิต ไม่ว่าคุณจะเริ่มรักผมหรือไม่! ”


“คุณจะเอาเวลาชีวิตมาทิ้งเพราะผมไม่ได้นะ”


“ใครว่าล่ะ การที่ผมได้ทำอะไรเพื่อคนที่ผมรัก ผมว่ามันเป็นการมอบเวลาที่มีค่าที่สุดในชีวิตของผมแล้ว”


“...?”


“เชื่อผมเถอะนะ ความรักมันไม่ใช่การลงทุนทำธุรกิจ ผมไม่หวังว่าจะได้กำไรหรือได้ทุนคืนจากคุณ”


“คุณกำลังทำให้ผมลำบากใจ”


“ก็ไม่ต้องรู้สึกลำบากใจสิครับคนดี”


“ทั้งๆที่ต้องทนเห็นความพยายามของคุณอย่างนั้นนะหรอ?”


“พิคเจอร์ ผมบอกแล้วไงผมไม่ต้องการทุนหรือกำไรคืน แต่มันจะวิเศษและมีค่ามากกว่านั้นหากคุณจะใจอ่อนและรับผมไว้ในหัวใจแทนฟ่านหยางเฟย ในฐานะคนที่คุณพร้อมจะมอบชีวิตให้ผมดูแล และสำคัญที่สุดคือ คุณรักผมจากใจจริง ไม่ใช่เพราะเห็นใจ”


“คุณนี่นะ...หาเรื่องให้ผมปวดหัวอยู่ตลอดเวลาเลย” พิคเจอร์ทำหน้ามุ่ย



ก๊อกๆๆๆ แอดดดด


“อุ้ย!!! ขอโทษค่ะท่าน ไม่นึกว่าท่านกับพิคเจอร์กำลัง....”


          แม่เลขาสาวตกใจมากทีเดียว เมื่อเห็นภาพตรงหน้าเป็นชายหนุ่มเรือนร่างต่างกันสองคน โดยมีคนตัวเล็กกว่าถูกเจ้านายของเธอโอบกอดเอาไว้ แม้ตอนนี้เลขาสาวสวยจะยืนมองอย่างทึ่งทึ่ง แต่ใช่ว่าคาดอสสนใจซะที่ไหน เขายังคงกอดร่างเล็กต่อไป แม้ว่าอีกฝ่ายพยายามดิ้นหนีเพราะเขินอายก็ตาม


“ไม่เป็นไร! ว่าแต่มีอะไร?” คาดอสไม่คิดถือสา แต่กำลังสนใจมากกว่า ว่าเธอมีธุระอะไรจำเป็นรึเปล่า


“คือ...มีคนเอาช่อดอกกุหลาบแดงมาให้ เอ่อ...”


“ให้ใคร!!!” คาดอสเริ่มหงุดหงิดกับท่าทางอ้ำอึ้งของแม่เลาขาสาว แต่ลืมไปว่าเขาเองก็อ่านความคิดเธอได้


“ให้คุณพิคเจอร์ค่ะ”


          ถึงจะเก่งด้านการทำงาน แต่แม่เลขาสาวก็พอจะดูออกว่าตอนนี้ไม่เจ้านายก็คนที่เอาดอกไม้มาให้ ไม่คนใดก็คนหนึ่งกำลังเป็นชู้กับแฟนชาวบ้านชัวร์ แต่ในใจของเธอ เธอภาวนาให้ท่านประธานบริษัทของเธอเป็นตัวจริงของคุณพิคเจอร์จะดีกว่า


“เอาออกไปได้แล้ว ถ้าเขาถามก็บอกเขาไปว่าดอกไม้ช่อนี้ คุณพิคเจอร์ไม่ต้องการ เพราะแฟนเขาหวงมาก!!!” คาดอสบอกเสียงดุจริงจัง แต่ไมได้ทำให้พิคเจอร์เกรงกลัวแม้แต่น้อย


“ได้ค่ะ!” เลขาสาวขานตอบหนักแน่น แต่อีกเสียงกลับตะโกนรั้งเธอเอาไว้เสียก่อน


“เดี๋ยวครับ!!! เสียน้ำใจคนเอามาให้แย่เลย ผมขอรับไว้ดีกว่านะครับ” ร่างบางเปรยบอกความจำนง


“ไม่ได้นะพิคเจอร์ ไปรับของ  ของคนที่เราไม่รู้จักเลยแบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ”


“แต่ถ้าจะให้ทิ้งก็เสียดายแย่ คุณคาดอสเข้าใจคำว่า...น้ำใจที่มีให้...ไหมครับ?”


“คำนี้ ผมไม่คิดจะใส่ใจ”


“ก็เพราะคุณเป็นแบบนี้ไง คุณถึงได้มี นิสัยแย่ กวนประสาท โลกส่วนตัวสูงและมีความนิ่งเทื่อเป็นหุ่นปั้น กับโหดร้ายเกรี้ยวกราด
อย่างกับยักษ์ใหญ่”


“โถ่พิค ถ้าคุณอยากได้ ผมจะซื้อให้คุณสวยกว่าของใครที่ไหนก็ไม่รู้ให้มาเลย”


“คุณคาดอส คุณยังไม่เข้าใจอีกหรอ ผมต้องรับไว้เพราะความมีน้ำใจ ไม่ใช่เพราะอยากได้”



       ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเชียบอีกครั้ง ลมหายใจของคาดอสรดลงมาที่แก้มข้างซ้ายของอีกฝ่าย เลขาสาวยืนมองอยู่กลับรู้สึกใจไม่ดี หัวใจมันสั่นระรัวทุกครั้งเวลาที่เห็นคู่ชายชายกอดกันแบบนี้ และครั้งนี้เป็นหนังสดต่อหน้าต่อตาเธอขนาดนี้ มีหรอจะเก็บความรู้สึกนั้นอยู่

...

...

“เอ่อ...สรุปว่าดอกไม้ช่อนี้เอายังไงดีคะ?” เธอเอ่ยถามเสียงอ่อยพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อนๆ


“เอาไปทิ้ง/เอามาให้ผม”


     น้ำเสียงตะโกนตอบไป มันทั้งสวนทางกันและไม่มีใครยอมใคร คาดอสหงุดหงิดใจเล็กน้อยที่เห็นร่างบางยังดื้ออยู่ ส่วนอีกฝ่ายก็รู้สึกไม่ต่างกันว่าการรับน้ำใจนั้น ไม่ได้หมายถึงความอยากได้


“คุณคาดอส คุณต้องใจกว้างกว่านี้นะ!!!”


“แฟนใคร ใครก็หวง ผมไม่ยอมใจกว้างแน่!”


“ผมบอกตอนไหนว่าผมยอมเป็นแฟนคุณ”


“ก็...ไม่ได้บอก”


“ขี้ตู่  ปล่อยผมได้แล้วคุณ ถ้าไม่ปล่อย ผมจะห้ามหัวใจไม่ให้รักคุณอีกเลย!”


“หมายความว่าไง? สรุปในหัวใจคุณรู้สึกยังไงกับผมกันแน่พิค”



     พิคเจอร์ปล่อยไก่ตัวใหญ่ออกมาจนได้ ความกดดันและเริ่มอายมีมากขึ้น เมื่อครู่เขาเผลอพูดอะไรออกไป


“เอ่อ...คือ...”


“ตั้งแต่ตอนไหนพิค! คุณรู้สึกกับผมตั้งแต่ตอนไหน?” คาดอสคาดคั้น รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้านิ่งต่อหน้าร่างบางเป็นครั้งแรก ไม่น่าเชื่อว่ารอยยิ้มนั้นจะทำให้ความรู้สึกพิคเจอร์เปลี่ยนไป

...

“คุณยิ้มแล้วดูดีนะ!” พิคเจอร์แกล้งชมไปอย่างนั้น เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจอีกฝ่าย แต่มันกลับไมได้ผล!!!


“อันนั้นผมรู้อยู่แล้ว ว่ายังไง! จะตอบผมได้รึยัง” คนอะไรหลงตัวเองเป็นบ้า แต่นั่นมันก็จริงของเขา ตอนนี้พิคเจอร์อึดอัดมาก กล้ามเนื้อส่วนอกและท้องของคาดอส เขาแทบจะพรรณนาออกได้หมดทุกสัดส่วนโดยไม่จำเป็นต้องเห็นของจริงด้วยซ้ำในเวลานี้


“ขอไม่ตอบได้ไหม?”


“ผมยอมให้คุณรับช่อดอกไม้เน่าๆนั่น โดยการแลกกับคำตอบให้กับผม” ดอกไม้เน่าๆหรอ? สวยดีออก... ... ... ...


“ก็ตั้งแต่...อเมริกาโน่นมั้ง?”


“ทำไมต้องมั้งล่ะ? ผมต้องการความแน่นอน”


“นายร่างยักษ์ คุณกดดันผมเกินไปแล้วนะ ปล่อยผมได้แล้ว คำตอบคุณก็ได้แล้วไม่ใช่หรอ?”


“โอเค...ในเมื่อคุณไม่ยอมบอก ผมจะขอคิดเข้าข้างตัวเองแล้วกัน”



                ประมุขอินทรีทองอารมณ์ดี คลายกอดร่างบางที่แสนแนบแน่นและเนิ่นนานที่สุดในชีวิตของสองคน   คาดอสเดินไปรับเอาช่อดอกไม้นั้นกับเลขาสาวด้วยตัวเอง พร้อมกับทำหน้าไม่พอใจให้กับดอกไม้ช่อนั้น เขาคงต้องให้แกริคช่วยเรื่องนี้ เขาต้องการรู้ว่าใครส่งดอกไม้ช่อนี้มากันแน่   



             ร่างเล็กกว่าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนอย่างคาดอส ถึงมีท่าทีสีหน้ามีปัญหากับช่อดอกไม้ได้ด้วย มันช่างไร้เหตุผลสิ้นดี  แต่ทว่าเมื่อพินิจดูคนตรงหน้าอีกที นายร่างยักษ์ของเขาคนนี้กลับไม่ได้เลวร้ายอะไร คาดอสมีมุมที่อ่อนโยนเหมือนคนอื่นๆทั่วไป เพียงแต่เขาเลือกใช้แสดงออกเฉพาะต่อหน้าบุคคลเท่านั้นเอง...


:L2:


ประกาศ  วันที่ 4 กันยายน พรุ่งนี้น้านนนนนน   ไม่ได้มาอัพนิยายนาจา  ขอโทษด้วยน้า คือ...ต้องไปทำธุระอ่า  ถ้าคิดถึงคาดอสกับพิคเจอร์ ก็อ่านตอนที่ 18 นี้ไปก่อนน้า  วันจันทร์ที่ 5 กันยาเจอกัน ตอนที่ 19

:mew1: :mew1: :mew1: :mew1:


หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: fcsunaree ที่ 03-09-2016 16:13:16
จะรอคนมาต่อนะค่ะ
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 05-09-2016 12:12:10
ตอนที่ 19


“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”



          พิคเจอร์หันไปบอกเจ้าของรถที่นั่งนิ่งมาตลอดทาง จริงๆก็ไม่แปลกอะไร ปกติก็เห็นเขามักแสดงบุคลิกแบบนี้อยู่แล้ว



          สาเหตุที่ต้องมาส่งถึงที่บ้าน เพราะความคะยั้นคะยอไม่ยอมเลิกราของคาดอสต่างหาก ร่างบางตัดปัญหาไปด้วยการโทรบอกพี่ชายไม่ต้องให้อินจือมารับที่บริษัทหลังเลิกงาน


“พรุ่งนี้ผมจะมารับแล้วกันนะ” น้ำเสียงราบเรียบพูดเชิงสั่ง


“ไม่ต้องหรอกคุณ ผมไปเองได้ ที่พักผมกับคอนโดคุณอยู่คนละที่เลยนะ”


“พรุ่งนี้ผมจะมารับ รู้เท่านี้ก็พอ!”


“ทำไมคุณถึงชอบบังคับผมจังนะ!” พิคเจอร์ไม่เข้าใจ


“ถ้าบังคับแล้วคุณปลอดภัย ผมก็จำเป็นต้องทำ”


“แล้วอะไรที่คิดว่าผมไม่ปลอดภัย ศัตรูคุณก็มีแค่พี่หยางเฟยไม่ใช่หรอ แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนพี่ชายผมเขาไม่ได้คิดเคียดแค้นอะไร
คุณเหมือนแต่ก่อนแล้วด้วย”


“ไม่ใช่หยางเฟยหรอก!”


“อะไรนะ? นี่คุณมีศัตรูอีกอย่างนั้นหรอ ผมชักจะไม่ไหวแล้วนะคุณ”


“เป็นคนของผมแล้วไม่ไหวก็ต้องไหว ถ้าหากคุณเป็นอะไรไปผมจะไม่ให้อภัยตัวเอง”


“โอเคๆ ผมจะพยายามทำตามคุณบอกแล้วกัน  แต่...ห้ามขี้ตู่ว่าผมเป็นคนของคุณอีกนะ ผมไม่ชอบ”


     พิคเจอร์พูดไปก็เท่านั้น แต่เพื่อตัดปัญหา เขาคงต้องทำตามที่อีกฝ่ายต้องการจะดีที่สุด วันนี้เขาเองก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วด้วย ไม่มีเรี่ยวแรงต่อปากต่อคำกับนายร่างยักษ์นี่หรอก 



      พอลงจากรถไปแล้ว ก็ทำหน้าที่ยืนรอส่งเจ้านายผู้แสนดี มีน้ำใจมาส่งถึงหน้าแมนชั่น แต่แล้วกระจกฝั่งประตูที่เขาลงเมื่อครู่ก็ค่อยๆเลื่อนลดหลั่นลงมา จนทำให้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายด้นาใน


“ถ้ามีอะไรไม่ปลอดภัย ให้ใช้เกาะกำบัง และการวิ่งเร็ว ถ้าหาจังหวะได้ให้โทรหาผม ผมจะมาหาคุณทันที”


“บอกตามตรงนะ ไอ้พลังเหนือมนุษย์ที่ผมมีอยู่ ผมยังไม่รู้เลยว่าจะใช้มันยังไง?”


“ไม่ยาก แค่รวมจิตและพลังงานเป็นหนึ่งเดียว คุณก็ควบคุมมันได้แล้ว”


“นั่นแหละยาก! กลับได้แล้วคุณ บ้ายบาย”


“ไล่กันจังเลยนะ” คาดอสยิ้มมุมปาก


“เปล่า คุณจะได้รีบกลับไปพักผ่อนไง เห็นทำงานกองโตทั้งวันแล้วไม่ใช่รึไง”


“เป็นห่วงผมหรอ?”


“เปล่า! ผม...ผมว่าผมขึ้นห้องดีกว่า พรุ่งนี้ผมจะลงมารอคุณเจ็ดโมงเช้าแล้วกันนะ”


“...” ร่างสูงไม่ตอบอะไรนอกจากพนักหน้าให้เบาๆไม่กี่ครั้ง


      ล้อรถส่วนตัวคันหรู ค่อยๆหมุนจากช้าเป็นเร็ว ในที่สุดก็ลับตาหายไปจากตรงหน้าทางเข้าแมนชั่น เพียงแค่หนุ่มชาวไทยหัน
หลังจะเดินกลับเข้าแมนชั่น กลับต้องหยุดนิ่งหลายวินาทีเพราะความตกใจของใครบางคนดักขวางทางอยู่


“ฟิน! มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”


“พิคมากับเขา ไหนเคยบอกฟินไม่ใช่หรอว่า ไม่ได้คิดอะไรกับเขา” ฟินเริ่มหวงออกนอกหน้า


“ก็ไมได้คิดอะไรไง”


“แล้วทำไมไอ้หมอนั่น ต้องเป็นห่วงเป็นใยพิคด้วย”


“ใจเย็นนะฟิน วันนี้เป็นอะไรไป ทำไมอารมณ์ไม่ดี เรื่องที่ทำงานหรอ!”


      พอทักท้วงเข้าหน่อย พ่อหนุ่มเรือนร่างบางไม่ต่างกันก็เงียบไป ตอนนี้เขารู้สึกตัวแล้วว่าเผลอทำอารมณ์ไม่ดีใส่พิคเจอร์โดยไม่รู้ตัว

...

...

...

“ก็แค่...ไม่อยากให้พิคไปสนิทสนมกับเขา ก็เท่านั้น” ฟินเลี่ยงเหตุผลบางอย่างไป


“เขาไม่ใช่แค่เจ้านายของพิคนะฟิน แต่เขากับพิครู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็ก อย่างที่พิคเล่าให้ฟินฟังแล้วไง มิตรภาพมันลบเลือนไปไม่ได้หรอกนะ”


“ทั้งๆที่พิคจำอะไรไมได้เลยตอนเด็กอย่างนั้นนะหรอ?”


“อื้มใช่! ขึ้นห้องกันเถอะ อ่อ..แล้วนี่ฟินทานอะไรมารึยัง”


“ยังหรอก รอทานพร้อมพิคนั่นแหละ หิวไปหมดแล้วเนี่ย” ฟินไม่ว่าเปล่าเอามือกุมท้องราวกับหิวมาก


“โอเค! งั้นยังไม่ขึ้นห้องตอนนี้ก็ได้ เดินไปหาร้านอาหารริมทางแถวนี้ทานแล้วกัน” พิคเจอร์ยิ้มให้พร้อมกับจูงมืออีกฝ่ายให้เดินไป
พร้อมกัน หารู้ไม่ว่าการกระทำแบบนั้นยิ่งทำให้ฟินหลงรักพิคเจอร์มากขึ้นไปอีก







           บนคอนโดมิเนี่ยมหรู คาดอสเพิ่งกลับมาถึงห้องด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก่อนออกจากห้องทำงานเมื่อตอนเย็น เขาแอบหยิบกุหลาบมาดอกหนึ่งเหน็บเก็บไว้ด้านในเสื้อสูท ตอนนี้สิ่งที่เขาอยากรู้มาทั้งวัน กำลังจะประจักษ์ต่อหน้าเขาแล้ว!



“แกริค ช่วยฉันที ดอกไม้ดอกนี้เป็นของใครกันแน่” คาดอสยื่นมันให้กับคนของเขา


“สบายมากครับบอส!”


           แกริคยิ้มอ่อนแล้วแตะปลายนิ้วลงบนดอกตูมๆสีแดง เพียงไม่กี่วินาที เขาก็ทำสำเร็จ


“ว่ายังไง?”


“เป็นของเฟอกัลครับ เขามาถึงประเทศไทยแล้วด้วย”


“ว่าไงนะ!” คาดอสตกใจมาก

“แบบนี้ก็แสดงว่า...คนที่ชอบพิคเจอร์คือเฟอกัลอย่างนั้นหรอครับ” ไดนาดินตีความไปตามที่เห็น


“ไม่ใช่แค่เฟอกัลหรอก แต่รวมไปถึงฟินกี้น้องชายของมันด้วย” คาดอสพูดพร้อมกับกำหมัดแน่น


       ทำไมเขาจะไม่รู้ก่อนหน้านี้ที่ไปส่งพิคเจอร์ถึงหน้าแมนชั่น เขารับรู้ได้จากใครบางคนที่แอบซ่อนตัวอยู่แถวๆนั้น ในจิตใจเหมือนจะเก็บความรู้สึกและความคิดไม่อยู่ มันชัดเจนมากยิ่งกว่าอะไร คาดอสสัมผัสได้ถึงความหึงหวงและไม่ชอบใจเขาเป็นอย่างมาก



“เบลซ โทรบอกคนของเหลาสู่หงเซ่อ ให้เขารู้ตัวไว้ว่าเบญจพิษกำลังคิดยังไงกับนายน้อยฟ่านหยางอี้”


“ครับบอส!”




            เช้าวันใหม่...เจ็ดโมงตามนัด ฟ่านหยางอี้ในวันนี้ใส่เสื้อเชิ้ตสีชมพู กับกางเกงแสลกดำ กำลังเดินมุ่งมาด้านหน้าแมนชั่น โดยมีรถหรูคันคุ้นตาจอดรออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว เขาไม่รอช้ารีบเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถทันที พร้อมกับรถค่อยๆเคลื่อนตัวออกถนน


“สวัสดีครับ!”  ใบหน้ามุ่ยอารมณ์ไม่ค่อยดีของอีกฝ่ายทำให้คาดอสเป็นห่วง


“คุณเป็นอะไร”


“เปล่าครับเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย”


“แต่ผมอยากรู้!”


“เอ๊ะ! คุณนี่เป็นคนยังไงนะ บอกว่าเรื่องส่วนตัวก็คือส่วนตัวสิ”


“พิค! มีอะไรไม่สบายใจก็บอกผมเถอะนะ ผมเป็นห่วงคุณ”


            คาดอสพูดเสียงอ่อนลง เขากำลังแสดงให้เห็นว่ากำลังไม่สบายใจกับท่าทีสีหน้าของพิคเจอร์มากแค่ไหน ร่างบางชำเลืองมองด้วยหางตา ก็เห็นอีกฝ่ายทำราวกับอยากรู้จริงๆ แต่ช่วยไม่ได้ คราวนี้ก็คงต้องบอกไปอีกเหมือนเดิม คิดเสียว่าสงเคราะห์คนอ่านความคิดเขาไม่ออกก็แล้วกัน



“เมื่อคืน พี่หยางเฟยโทรมา บอกว่าให้ผมย้ายไปอยู่ที่พักใหม่!”


          คาดอสยิ้มมุมปาก แต่ก็เก็บรอยยิ้มนั้นทันก่อนที่อีกฝ่ายจะหันมามองหน้าเขาตรงๆ ไม่นึกเลยว่าคำเตือนจากเขา ฟ่านหยางเฟยจะเชื่อโดยไร้ข้อกังขาและทำตามอย่างว่าง่ายขนาดนี้


“ทำไมถึงย้ายหรอ?” คาดอสแสร้งถาม


“พี่หยางเฟยบอกว่าผมอยู่ที่แมนชั่นแล้วไม่ปลอดภัย พูดเหมือนคุณเลย!” ร่างบางหันมาแขวะร่างสูงทันที


“แล้ว...ตกลงจะย้ายไหม?”


“พี่ชายสั่งก็ต้องย้ายแหละ คุณก็ต้องเข้าใจนะ แต่ตอนผมตัวคนเดียว ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ผมมีพี่ชายเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ผมทั้งแคร์
และรักเขามาก ผมจำเป็นต้องทำตามที่เขาบอกแหละ ไม่อยากให้เขาเป็นห่วง” 

        แต่ร่างบางจะไม่มีทางรู้ว่าการที่พิคเจอร์ทำตามที่พี่ชายบอก จะทำให้คาดอสหายห่วงด้วยเช่นกัน


“ก็ดีแล้ว! แล้วนี่หยางเฟยบอกไหมว่าไม่ปลอดภัยเรื่องอะไร?”


“จะไปรู้หรอ ขนาดคุณ...ผมถามกลับ ยังไม่ยักจะได้คำตอบเลย ไม่รู้ปิดบังอะไรผมกันนักหนา”



          เห็นท่าทางงอนง้ออีกฝ่ายแล้วอดขำไม่ได้จริงๆ คราวนี้แหละจะเป็นครั้งแรกที่คาดอสกลั้นไว้ไม่อยู่


“ฮ่าๆๆๆ” พรึบ! เสียงหัวเราะดึงความตกใจและสนใจของทุกคนในรถหันมาที่คาดอสหมด ไม่เว้นแม้แต่คนสนิททั้งหลาย


“ขำอะไรคุณ?”


“อ้อ เออ เปล่า ขอโทษที แล้วนี่ได้ที่พักรึยัง?”


“ยังหรอก แต่คิดๆไว้ก็ไม่อยากได้ที่ไหนเลย ผมอยากกลับไปอยู่ที่เซี่ยงไฮ้กับพี่ชายแล้ว”


“คุณพูดจริงหรอ?”


“ก็จริงนะสิ ครอบครัวผมอยู่โน่น ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องอยู่เมืองไทยแล้ว”


“แล้วฟิน เพื่อนสนิทคุณล่ะ” คาดอสหยั่งเชิงถาม


“ก็...ผมบอกเขาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแหละ แต่ดูเหมือนเขาจะเสียใจอยู่ไม่น้อย แต่เขาเข้าใจผมนะ”


“แล้วเขาสงสัยไหมว่าทำไมฟ่านหยางเฟยพี่ชายคุณถึงให้ออกจากแมนชั่นกะทันหัน”


“ไม่รู้สิ ไม่สงสัยมั้ง?”


“คนพวกนั้นอย่าไว้ใจไป บางทีมันอาจจะรู้แล้วก็ได้”


“คนพวกนั้น...พวกกันไหนคุณ?”


“เอ่อ ช่างเถอะ เอาเป็นว่าถ้าคุณอยากกลับประเทศจีน ผมจะพาคุณกลับเดี๋ยวนี้เลย” ข้อเสนอนั้นทำให้พิคเจอร์ตาโต ท่าทางดีใจ
มากเป็นพิเศษ


“จริงหรอคุณ แต่ว่า...ผมยังทำงานไม่ครบตามกำหนดในใบสัญญาเลยไม่ใช่หรอ?”


“ก็...อาจจะไม่ต้องทำงานที่ประเทศไทยต่อไง ไปทำงานให้ผมที่ปักกิ่งแทนก็ได้”


“แต่ที่ผมจะไปเมืองจีน ผมต้องการไปเซี่ยงไฮ้ ไปอยู่กับพี่ชายนะไม่ใช่อยู่กับคุณ?”


“มันจะไปต่างอะไร อีกอย่างคุณก็ได้ทำงานให้ผมจนครบ แถมพี่ชายคุณก็เดินทางมาหาคุณได้สะดวกขึ้นด้วย ไม่ต้องนั่งเครื่องบินข้ามน้ำข้ามภูเขามาหาคุณถึงที่ประเทศไทยนี่” พิคเจอร์ทำท่าคิดตาม



“แล้วพี่ชายผมจะยอมหรอ เขาประกาสออกปาวๆว่าไม่ให้ผมไปเหยียบถิ่นอินทรีทองอีก คุณจำไม่ได้รึไง”


“ก็ใบสัญญาไง พี่ชายคุณยอมอยู่แล้ว”



                 พอพูดถึงใบสัญญา มันก็จริงอย่างที่คาดอสบอกนั่นแหละ หยางเฟยต้องยอมแน่ กฎก็ต้องเป็นกฎ  แต่ให้เดาใจประมุขเสือแดงตอนนี้ ร้อยทั้งร้อย หากพิคเจอร์อยู่กับเขามันก็ปลอดภัยกว่าต้องอยู่ไกลตาและใกล้ชิดกับคนของเบญจพิษอย่างฟินกี้เป็นไหนๆ







            ใจกลางเมืองหลวงกรุงเทพมหานคร คอนโดมิเนี่ยมอีกที่หนึ่ง เป็นที่ของผู้นำเบญจพิษใช้พักผ่อนหลังจากเดินทางมาไกลมาได้ราวๆสองสามวันก่อนหน้านี้

             เรือนร่างสูงโปร่งกำลังนอนแช่น้ำ มีฟองสบู่บนผิวน้ำปกปิดส่วนล่างระหว่างต้นขา แต่แทนที่เขาจะเพลิดเพลินผ่อนคลายไปกับการอาบน้ำในอ่างอันแสนสบาย กลับกำลังทำสีหน้าทะมึงตึงไม่พอใจกับบางเรื่องที่ได้รับรู้จากน้องชาย  มือขวาที่ยกมือถือแนบหูกำลังกำแน่นอย่างไม่พอใจ โทรศัพท์แทบจะแยกชิ้นส่วนออกจากกัน



“แกว่าไงนะ? ไอ้หยางเฟยกับไอ้คาดอส กำลังรวมหัวกันขัดขวางฉันกับหยางอี้อย่างนั้นหรอ?”


“ครับพี่ แต่ผมไม่อยากห้ามอะไรพิคเจอร์มาก กลัวเขาจะรู้ว่าผมรู้เรื่องราวในองค์กรเหล่านี้มากไป”


“แกทำดีแล้ว วันนี้เห็นทีว่าฉันจะต้องบุกไปถึงบริษัทของไอ้คาดอสแล้วล่ะ!”



        เฟอกัลป์วางสายไป พร้อมกับแววตาไม่คิดจะยอมใครได้ง่ายๆ อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าคาดอสเจอหน้าเขาแล้ว มันจะทำสีหน้ายังไง








          เวลาพักเที่ยง พิคเจอร์เคลียร์งานในช่วงเช้าจนเสร็จ หากแต่หันไปมองอีกคนบนโต๊ะใหญ่กลับตรงกันข้ามกับเขา คาดอสกำลังนั่งง่วนทำงานกับแฟ้มกองโตเช่นเดิม


“คุณ! เที่ยงแล้วนะ ไปทานข้าวกันเถอะ”


“ผมยังทำไม่เสร็จเลย คุณไปทานก่อนเถอะนะ” คาดอสบอกเสร็จ ก็ก้มหน้าทำต่อไป แต่แล้วปากกาในมือก็ถูกยึดไป จากร่างบาง
ที่เดินมาถึงตัวอย่างรวดเร็ว


“ทานข้าวไม่ตรงเวลาเดี๋ยวก็เจ็บท้องหรอก”


“ผมขอกาแฟกับไส้กรอกแล้วกัน ไปทำให้หน่อยสิ”


“ไม่ได้ คุณต้องทานข้าว ลุกได้แล้วเร็วๆ” พิคเจอร์เดินอ้อมไปด้านข้างเก้าอี้แล้วใช้แรงที่มีอยู่ฉุดแขน


“ก็ได้ๆ ไปร้านอาหารกัน เดี๋ยวผมจะให้เบลซเตรียมรถ”


“ไม่ต้องๆ ไปทานไกลทำไม ด้านหน้าบริษัทคุณก็มีร้านอาหาร เห็นมีส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียวอยู่นะ”


“ส้มตำ? ไก่ย่าง? ข้าวเหนียว?” คาดอสทวนคำพูดเหล่านั้นช้าๆ


“ใช่! อย่าบอกนะว่ามาประเทศไทย ไม่เคยไปลิ้มรสเลย?”


“คุณ!!! ผมไม่ชอบปลาร้านะ”


“จะไปไม่ไป!”


“โอเคๆ อย่าสั่งเผ็ดนะ ผมไม่ทานเผ็ด ” คาดอสรู้สึกหวั่นๆยังไงไม่รู้ อาหารประเทศไทยเครื่องเทศเยอะ รสชาติก็จัดจ้าน แต่ไหนๆ ร่างบางก็ชวนเขาขนาดนี้แล้ว ไม่ไปก็ไม่รู้จะว่ายังไง ช่วงนี้ต้องเก็บแต้มรักด้วย


แอดดดดด   คาดอสเปิดประตูห้องทำงานออกไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นใครคนนั้นยืนประชันหน้ากับเขา


“สวัสดีคาดอส” ผู้มาเยือนยิ้มอ่อน


“เฟอกัล!”


“คุณนี่เองที่เป็นคนเอาดอกไม้มาให้ผม” พิคเจอร์ประเมินจากช่อดอกไม้ในมือของชายร่างสูงโปร่งตรงหน้า


“แล้วชอบไหมครับคุณพิคเจอร์” เฟอกัลหว่านเสน่ห์ใส่ทันที


“พิคหลบไปอยู่หลังผม!” คาดอสสั่งด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนพิคเจอร์ทำตามอย่างว่าง่าย


“ฮึฮึ เป็นอะไรไป หวง!!! อย่างนั้นหรอ?” เฟอกัลยิ้มมุมปาก


“ดอกไม้ชั่วๆของแกไม่มีทางหว่านเสน่ห์พิคเจอร์ได้หรอก เพราะเขามีพลังปกป้องตัวเอง”


“หู้วววว ยิ่งยากยิ่งดีเลย ฉันชอบ!!!”


“คุณคาดอส เขาเป็นใครหรอครับ? ทำไมรู้จักผมล่ะ”


“พิค!!! อย่าเพิ่งถามเลยนะ หลบอยู่ข้างหลังผมไปก่อน”


“ผมแวะเอาดอกไม้มาให้คุณครับ คุณพิคเจอร์”


“เอากลับไปซะ แล้วแกก็ออกจากบริษัทฉันไปได้แล้ว” คาดอสเดือด ชี้มือสั่งให้อีกฝ่ายกลับไป



“บอส!!!”


     ไดนาดินเพิ่งไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำมา เห็นเหตุการณ์ด้านหน้าห้องเจ้านายกำลังมีแขกผู้น่ารังเกียจและไม่ได้รับเชิญประชันหน้าอยู่


“โอ้ววว ไดนาดิน ไม่เจอกันตั้งนาน ดูดีขึ้นนะ”


“กลับไปซะ ก่อนที่ฉันจะตรึงร่างแก!” ไดนาดินผู้สุขุมมาตลอด แต่พอได้เห็นเฟอกัลกลับเปลี่ยนไปอีกสไตล์


“ก็ได้!!! ฉันกลับก็ได้ ดอกไม้นี่ฉันจะวางเอาไว้ตรงนี้แล้วกันนะ ฮึฮึ ฮ่าๆๆๆ”



        เฟอกัลหัวเราะอย่างกับคนประสาทกลับ หายลับเข้าไปในลิฟต์ตัวเดิมทิ้งเอาไว้แต่ช่อดอกกุหลาบสีแดงช่อนั้น  บางทีเรื่องที่คาดอสต้องพาพิคเจอร์บินไปประเทศจีน คงต้องรีบหน่อยแล้ว ร่างบางอยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัยแน่ ถ้าเป็นไปได้ช่วงนี้อยากจะให้พิคเจอร์มาพักอยู่กับเขาในคอนโดจะดีกว่าต้องไปหาที่พักใหม่เสียอีก...



:L2:


เรื่อยๆๆ  ไม่รีบไม่เร่ง   มาต่อให้แล้วน้า   :mew1: :mew1:


หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 06-09-2016 08:08:58
ตอนที่ 20


          และแล้วความคิดของคาดอสก็เป็นจริง เขาเอาเหตุผลเข้าสู้และยอมเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในอดีตให้ฟัง ร่างเล็กรับไว้พิจารณาผนวกกับท่าทางของเฟอกัล ประมุขเบญจพิษที่ได้เห็นตัวจริงเมื่อตอนกลางวัน ในตอนนี้ถ้าให้เลือกระหว่างคาดอสและฟินกี้ที่แมนชั่น  เขาขออยู่กับอินทรีทองจะดีกว่า


“คืนนี้คุณนอนกับผมในห้องก็แล้วกัน” ร่างสูงใหญ่เดินไปเปิดผ้าม่านออก ทำให้มองเห็นวิวมหานครยามค่ำคืน สว่างไสวระยิบระยับราวกับมีดวงดาวตกจากฟากฟ้ากระจายอยู่ในเมือง


“คอนโดคุณมีสามห้องนอนไม่ใช่หรอ?”


“ก็ใช่...แต่สองห้องนั้นลูกน้องผมเข้าไปอยู่แล้ว” พิคเจอร์พยักหน้ารับทราบ


“คอนโดคุณกว้างดี สิ่งของพวกนี้คุณตกแต่งเองหรอ?”



           พิคเจอร์ชื่นชมด้วยสายตา เขามองดูภาพบนผนัง แจกัน และของตกแต่งภายในห้องอีกมาก  มันดูลงตัวที่สุด และเข้ากับสีเทาขาวของผนังห้องเป็นอย่างดี



“เป็นไอเดียของเรนเดล เจ้านั่นมีหัวศิลป์คล้ายผู้หญิง ผมเลยวานให้เขาเข้ามาดูแลเรื่องนี้”


“จะว่าไปแล้ว คิดถึงเรนเดลจังเลย คุณน่าจะให้เขามาด้วยนะ”


“ไม่ได้หรอก ที่โน่นจะไม่มีคนเฝ้าดูแลบ้านแทนผม”


“อย่างนั้นสินะ! เอ่อ คุณ สรุปห้องคุณห้องไหนล่ะผมอยากจะอาบน้ำแล้ว เหนียวตัวชะมัด”


“ห้องนี้ ส่วนผ้าเช็ดตัวและอุปกรณ์อาบน้ำผมมีให้แล้วในห้องน้ำ ”


“ขอบคุณครับ” พิคเจอร์ยิ้มให้นิดนิดก่อนจะเปิดประตูห้องดังกล่าวเข้าไป


           คาดอสมองตามแผ่นหลังเล็กๆนั้นไปด้วยรอยยิ้ม คืนนี้เขาจะได้ร่วมนอนกับฟ่านหยางอี้แล้วจริงๆหรอ? ทำไมหัวใจเขาถึง
ได้สั่นเต้นรัวขนาดนี้ แต่ไม่รู้ว่าอีกคนจะเป็นเหมือนเขารึเปล่า คงไม่หรอกเนอะ?



ครืดดดดด ครืดดดดด


           ไฟกระพริบพร้อมเสียงสั่นดังจากมือถือ แถมหน้าจอปรากฏชื่อของอดีตเพื่อนรักโทรมา คาดอสไม่รอช้ารีบหยิบขึ้นมาปัดหน้าจอรับสายทันที


“น้องฉันอยู่กับนายแล้วใช่ไหม!” ประโยคเปรยถามอย่างรวดเร็ว


“ใช่! คืนนี้คงต้องค้างที่นี่ เพื่อความปลอดภัย”


“ฉันก็หวังว่าอย่างนั้น แต่อย่าให้ฉันรู้เด็ดขาดนะว่าแกคิดทำอะไรน้องชายฉัน”


“แล้วถ้าฉันไม่ได้เริ่มก่อน แต่เป็นฟ่านหยางอี้เริ่มเองล่ะ” คาดอสแกล้งกวนประสาทหยางเฟย


“มันจะไม่มีวันนั้น!!! น้องชายฉันไม่ชอบแกแต่ไหนแต่ไรแล้ว”


“หลายวันมานี้ฉันว่าสถานการณ์มันเปลี่ยนไป ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างที่นายพูดแล้วสิ”


“แกหมายความว่าไง!”


“วันนี้ฉันเหนื่อยมากแล้วหยางเฟย เอาไว้อีกสองวันฉันกับหยางอี้จะบินไปประเทศจีนแล้วกัน”


“ฝากด้วยแล้วกัน แต่บุญคุณก็ส่วนบุญคุณ แค้นก็ส่วนแค้น เสือแดงไม่มีวันลืมไปได้หรอก”


“ฮึฮึ ฉันเร่งมือให้เร็วที่สุด  แล้วนายจะรู้ว่าอินทรีทองเป็นผู้บริสุทธิ์”



              สิ้นเสียง คาดอสกดตัดสายไป เขาเดินเข้าไปในห้องนอนส่วนตัวแล้วล็อกประตูห้อง หูที่มีพลังเกินมนุษย์รับรู้ได้ว่าใน
ห้องน้ำ ร่างบางกำลังทำอะไรอยู่ เสียงสายน้ำจากฝักบัวไหลรินไปตามสรีระนั้น มันทำให้เขาทำใจได้ยากทีเดียว แต่ถึงยังไงคืนนี้กับคืนพรุ่งนี้เขาต้องอดทนและผ่านมันไปให้ได้ พิคเจอร์ต้องบริสุทธิ์กายบริสุทธิ์ใจจนกว่าจะถึงปักกิ่ง



               ร่างสูงหนาถอดเสื้อผ้าตัวเองออก เหลือเพียงกางเกงซ้อนบางสีดำเท่านั้น แก่นกายสีขาวสะอาดชวนให้ใครต่อใครคิดอยากจะเอามือมาลูบเล่นเสียเหลือเกิน หากแต่คนที่ทำสำเร็จหาได้ยาก ด้วยกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเวลาปกติคาดอสจะควบคุมมันอยู่



              แต่เมื่อไหร่ที่เขาโกรธ ตกใจ หรือกำลังรู้สึกวาบหวิว กระแสไฟฟ้าภายในตัวนั้นจะทวีคูณขึ้นทันที คงไม่มีใครอยากถูกไฟฟ้าช็อตหรือดูดในระหว่างร่วมกิจกรรมบนเตียงหรอกจริงไหม? ซึ่งมันจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดและจดจำไปจนวันตายเลยทีเดียว แล้วจะมีใครสักคนบนโลกใบนี้ที่จะเคียงคู่และเข้าไปอยู่ในหัวใจ เป็นตัวจริงของประมุขอินทรีทองได้ นอกจาก...



แกร๊ก แอดดดด 



        เรือนร่างบอบบาง ชำระล้างตัวสะอาดหมดจด กลิ่นแชมพู ครีมอาบน้ำยี่ห้อเดียวกับที่คาดอสใช้ ไม่ได้ต่างกัน แต่ทำไมกลับรู้สึกว่าพิคเจอร์ใช้แล้วมันกลับมีกลิ่นหอมกว่าปกติ


“คุณ!!! ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าดีดี” พิคเจอร์อุทานด้วยเสียงตกใจ จนลืมไปว่าตัวเองก็กำลังอยู่ในสภาพนั้นเช่นกัน แต่ดีหน่อยตรงที่ท่อนล่างมีผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดคลุมยาวจนถึงหัวเข่า


“ทำเป็นตกใจไปได้ ก็ผู้ชายเหมือนกันไม่ใช่หรือไง!”



    แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ มันไม่ได้ทำให้แก่นกายกำยำกล้ามลอนท้อง ทุกสัดส่วนบนตัวของคาดอสทำให้เขาเบาใจแม้แต่น้อย มีแต่จะไปผลักดันให้หัวใจกลางหน้าอกเต้นตึกตึกแรงรัวหนักราวกับคนกำลังตีกลองอยู่ในนั้นก็ไม่เชิง


“คุณจะอาบน้ำใช่ไหม? เข้าไปอาบเร็วๆ ผมจะแต่งตัว” เดาได้ไม่ยากก็เห็นถอดเสื้อผ้าออกขนาดนี้ ถ้าไม่คิดจะไปอาบน้ำแล้วจะทำอะไร มันก็คงต้องเป็นอาบน้ำอยู่ดีถูกไหม?


“จะอายอะไรกัน ทำอย่างกับว่าผมไม่เคยเห็น....ของคุณอย่างนั้นแหละ”



            มาแซวต่อหน้าแบบนี้ มีหรือที่ความอายจะไม่มาเยือน ภาพความทรงจำเรื่องกล้องวงจรปิดในห้องพักที่ลอสแอนเจลิสโผล่ขึ้นมาทันตาเห็น แก้มเนียนสองข้างน่าเอาริมฝีปากกดจูบขยี้นั้นกำลังปรากฏสีแดงเรื่อชัดเจน


“ไม่สบายหรอพิคเจอร์!” คาดอสรู้ดีว่าอีกคนเป็นอะไรถึงหน้าแดง แต่ก็แค่อยากแกล้งก็เท่านั้น ร่างสูงไม่ว่าเปล่าแถมเดินเข้ามาหาเรื่อยๆ อีกไม่ถึงสามก้าวก็ประชิดตัวร่างบางแล้ว



“หยุด!!! ห้ามเดินต่อนะ ผมปกติดี คุณไม่ต้องมาดูอาการผมหรอก”


“แน่ใจหรอ? ให้ผมดูซักหน่อยสิ” คาดอสแกล้งยึกยักขยับร่างกาย ไม่คิดจะเดินไปจริงๆตามที่ว่า


“หยุดดดดดด ไม่ต้อง!!! มันไม่มีอะไรยากเลยถ้าคุณจะเข้าห้องน้ำไปตอนนี้เลยนะ ”


“จริงหรอ? หุ่นผมมันทำให้คุณเขินอายขนาดนั้นเลยหรอ ก็แค่ซิคแพ็คแปดลูกเรียงกันเป็นระเบียบ มีกล้ามเนื้อวีเชฟที่เอวแค่นี้เอง อ้อกล้ามอกที่แข็งแกร่งนี่ด้วย ” คาดอสแกล้งอีกฝ่ายต่อเนื่อง ทำเป็นก้มมองดูสรีระตัวเอง “แล้วของคุณล่ะ ไม่เห็นมีเลย” คาดอสแกล้งต่อ



“คุณคาดอส!!! เรียบๆเข้าห้องน้ำไปเร็วๆ ยืนแบบนี้ผมหนาวนะ เปิดแอร์เบอร์อะไรเนี่ย”


“ก็เปิดปกติสิบเก้าองศา” คาดอสตอบหน้าตาเฉย


“ฮะ!!! คุณว่าไงนะ”


“เลิกตกใจได้แล้วน่า ไปแต่งตัวได้แล้ว เสื้อผ้าของคุณผมเพิ่งเอาเข้าไปเก็บให้ในตู้ผมเมื่อกี้นี้เอง”


“นี่คุณก็เห็นเสื้อผ้าผมหมดแล้วสิ”


“ก็ใช่...แปลกตรงไหน ใส่เสื้อเบอร์เอ็ม กางเกงเอวสามสิบ กางเกงในไซต์เอส!!!” คาดอสเน้นหนักไปที่ท้ายประโยค


“คุณนี่นะมันน่าเอาแจกันทุบให้ตายดีไหม?” พิคเจอร์คว้าเอาแจกันตั้งโชว์ที่โต๊ะวางใกล้ๆมือขึ้นมาถือ


“อย่าขว้างนะ โอเคๆ ผมยอมแล้ว จะเข้าไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้แหละ”


              คาดอสยิ้มร่าหน้าตาสดใสเข้าห้องน้ำไป แต่เอาจริงๆพักนี้นายร่างยักษ์อารมณ์ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากโดยไม่ทราบสาเหตุ พิคเจอร์วางแจกันไว้ที่เดิมแล้วเดินไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออก แต่แล้วก็ต้องตกใจ คาดอสเป็นผู้ชายที่จัดข้าวของได้เรียบร้อยมาก ดูเป็นมุมเป็นสัดส่วนแยกกันดีจริงๆ ไม่เว้นแม้แต่ที่จัดไว้ให้เขาด้วย 



             พิคเจอร์ลังเลคิดไม่ตก ปกติเวลานอนอยู่แมนชั่นกับฟิน เขาจะไม่ชอบใส่กางเกงในนอน แต่ตอนนี้เขากำลังพักกับประมุขอินทรีทองผู้น่าเกรงขามเชียวนะ แถมนายคนนี้ก็ตัวใหญ่กว่าเขาเกือบสองเท่า ไหนจะความน่ากลัวนั้นอีก พลังพิเศษเหนือมนุษย์ แถมพกปืนไว้ทุกซอกมุมของห้องอีกต่างหาก เห็นทีต้องใส่รัดกุมหน่อยแล้ว

...


...


             ผ่านไปเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง คาดอสอาบน้ำนานมาก จนอีกคนนอนหลับไปก่อนหน้านั้นแล้ว เขาเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วปิดไฟ ค่อยๆก้าวไปยังเสื้อคลุมที่แขวนไว้กับเสาไม้สำหรับห้อยโดยเฉพาะ พอคลุมเสร็จก็หันหลังกลับมามองร่างบางบนเตียง สภาพที่เห็นคือชุดนอนที่เต็มยศสุดๆ ไม่รู้เพราะว่าปกติใส่แบบนี้ หรือใส่เพื่อปกป้องตัวเองเพราะกลัวเขากันแน่


               แสงไฟจากโคมข้างเตียงนอนเดี่ยว ให้แสงสว่างมองเห็นชัดเจนพอสมควร  คาดอสเดินอ้อมมาอีกฝั่งที่ยังเหลือพื้นที่ให้นอน พอร่างใหญ่ค่อยๆหย่อนตัวลงนอนขนาบร่างบางได้ที่ แสงจากโคมไฟก็ถูกปิดไป ความมืดผสมกับความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ มันทำให้คาดอสอดเป็นห่วงอีกคนไม่ได้



            มือหนาค่อยๆดึงเลื่อนผ้าห่มจากปลายเท้าขึ้นมาคลุมให้พิคเจอร์ ส่วนเขาไม่จำเป็นต้องใช้เพราะเป็นคนขี้ร้อนอยู่แล้ว


            ประมุขอินทรีทองผู้สง่าและสูงศักดิ์ประจักษ์ต่อสายตาสาธารชน แต่ในเวลานี้พิคเจอร์กลับรู้สึกว่าเขาก็ไม่แตกต่างอะไรกับผู้ชายสุภาพบุรุษคนหนึ่งที่พร้อมจะดูแลและช่วยเหลือทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศไหนวัยเท่าไหร่ก็ตาม


            ท่ามกลางแสงสลัวฟ่านหยางอี้กลับลืมตาขึ้น ค่อยๆเอียงหัวหันไปมองอีกทาง ร่างใหญ่กำลังพักผ่อน แต่อากาศหนาวเย็นแบบนี้ทำไมถึงได้ใส่เพียงแค่เสื้อคลุมชั้นเดียว แถมนอนตากแอร์เย็นฉ่ำขนาดนี้ได้อีก



พรึบ!    ร่างบางเผื่อแผ่ผ้าห่มไปให้อีกคนอย่างเบามือ แต่ถึงจะเบามือขนาดไหนอีกคนก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็ว เพราะมันอาจจะเป็นสัญชาตญาณของเขาก็ได้




หมับ!!! คาดอสคว้าจับข้อมือเล็กๆนั้น ด้วยความอยากแกล้ง


“จะทำอะไรผม!”


“โอ้ย! คุณ ตัวใหญ่อย่างกับหมีขั้วโลกผมจะไปทำอะไรได้ ผมก็แค่จะเอาผ้า...ห่มให้คุณไง เดี๋ยวได้หนาวตายก่อนพอดี”


“ห่วงผมก็บอกดีดีสิ”


“ไม่ได้ห่วง แต่แอร์มันเย็นคุณก็รู้”


“ผมบอกแล้วไงว่าเป็นปกติของผม แล้วคุณล่ะ พักที่แมนชั่นกับฟินกี้ แต่งตัวรัดกุมหลายชั้นขนาดนี้เลยรึเปล่า?” คาดอสถามคืน
ด้วยความอยากรู้


“ไม่อ่ะ ไม่ชอบใส่อะไรหลายชิ้น”


“อ้าว! แล้วทำไมคืนนี้ถึงต้องใส่เยอะรัดกุมทั้งตัวแบบนี้ล่ะ หรือว่า...กลัวผมหรอ?” คาดอสกระซิบพูดท้ายประโยค


“ตอนนี้ไม่กลัวแล้ว...จริงๆคุณก็เป็นคนดีนะคาดอส ผมหวังว่าการตายของพ่อกับแม่ผม จะไม่ใช่คุณ และไม่ทางเป็นคุณ”


“พูดไปก็หาว่าผมเอาดีเข้าตัวเอง อยากให้คุณอยู่รอดูให้เห็นกับตาจะดีกว่า”


“โอเค ผมจะรอดู แต่คุณรู้ใช่ไหมว่าคุณเปลี่ยนความคิดของพี่หยางเฟยไม่ได้”


“ผมรู้ดียิ่งกว่าคุณด้วยซ้ำ ผมโตมากับเขา เขามีนิสัยยังไงผมเดาออกหมดทุกทาง”


“เพราะคุณเหนือมนุษย์ไง เอาล่ะปล่อยมือผมได้แล้วผมจะห่มผ้าให้” 


“เดี๋ยวผมห่มเองดีกว่า ไม่อยากให้คุณแตะต้องตัวผม!!!”


“ทำไม! อ้อรึว่าคุณเป็นพวกถือตัวสินะ ขอโทษที ผมน่าจะถามคุณก่อน” พิคเจอร์บึนปากใส่


“เปล่าเลยพิค ผมกลัวกระแสไฟฟ้าในตัวผมช๊อตคุณต่างหาก”


“คุณควบคุมมันได้ไม่ใช่หรอ?”


“ในสภาวะปกติเท่านั้นแหละ”


“อ้าว!! แล้วตอนนี้ไม่ปกติหรือไง?”


“ตอนนี้คุณกำลังทำให้หัวใจผมมันวาบหวิว และซาบซ่านไปทั้งตัวรู้ไหม?”


“นี่คุณถ้าผมโดนช๊อต ผมเป็นไปนานแล้ว คุณจับข้อมือผมตั้งนาน กระแสไฟฟ้าคุณทำอะไรผมไม่ได้สักนิด”


“ก็มีแต่คุณคนเดียวนั่นแหละที่ทำได้”


“คุณกำลังจะบอกว่าเพราะผมมีพลังปกป้องตัวเองอย่างนั้นหรอ?”


“ใช่!”


“งั้นผมขอลองนี่หน่อยได้ไหม ผมอยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง”


“อะไรหรอ?”


“เอาน่าอยู่นิ่งๆเป็นพอ”



   คาดอสไม่เข้าใจอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก เนื่องด้วยอ่านความคิดร่างบางไม่ออก พิคเจอร์เอาแต่จ้องหน้าเขาและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่ง....




กระทั่ง...




จ๊วบบบบ



         ริมฝีปากเล็กประกบเข้าให้ เขาไม่มั่นใจหรอกว่าพิคเจอร์ไปเรียนรู้การจูบที่ละมุนแบบนี้มาจากไหน และไม่รู้ด้วยว่าทำไปทำไม แต่ที่แน่ๆ หัวใจของคาดอสกำลังเต้นแรงและกระแสไฟฟ้าหลายพันโวลล์กำลังวิ่งแล่นในตัวเขา พิคเจอร์ละริมฝีปากนุ่มนั้นออกไป มองดูเส้นสายฟ้าเป็นประกายหลากสีอยู่บนตัวไร้อาภรณ์(ท่อนล่างปิดอยู่)ของอีกฝ่ายอย่างอัศจรรย์


“ดูกระแสไฟฟ้าคุณสิ ทำอะไรผมไม่ได้เลย” ร่างบางยิ้มร่า แต่หารู้ไม่ว่าอีกคนแทบอยากจะดึงเข้ามาจูบอีกที


“อย่าบอกนะว่าจูบปากผมเพื่อทดลองสิ่งนี้”


“ก็ใช่นะสิ คุณ...ถามทำไมหรอ?”


           พอได้คำตอบ คาดอสเริ่มงอนทันทีจากความรู้สึกเมื่อครู่ สายฟ้าหายวับไปกับตา พิคเจอร์เริ่มได้สติกลับมาแล้ว ย้อนกลับไปทบทวน เขาไม่ควรทำแบบนี้กับคาดอสเลย ทั้งๆที่รู้ว่าร่างใหญ่ที่นอนหลบหน้าเขานั้นมีปมหลังอดีตที่แน่นแฟ้นกับตัวเขามากขนาดไหน



“คาดอส ผมขอโทษ! ผมคิดน้อยเกินไป ผมทำให้คุณเหมือนมีความหวังใช่ไหม?” เงียบ! ไม่มีเสียงทุ้มฟังนุ่มหูตอบกลับ มีเพียงเสียงแอร์กับความมืดนิดเท่านั้น


“โอเค พี่ฟู่ไป่เฉิง หายงอนน้องนะ น้องขอโทษ”



พรึบ!!!


        คาดอสพลิกตัวกลับมาจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วในความมืด พร้อมกับจับต้นแขนเล็กๆไว้แน่นด้วยความแปลกใจ ตกใจ และดีใจปะปนกัน



“คุณรู้จักชื่อเล่นผมได้ยังไง!”


:L2:


สวัสดีตอนเช้า  เช้าที่สุดที่เคยลงนิยาย ฮ่าๆๆๆๆใกล้มาแล้ว  ดำเนินเกินครึ่งเรื่องแล้ว  ขอบคุณที่ติดตามอ่านนาจา 


 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 06-09-2016 16:51:34
พิคเจอร์ขี้อ๋อยแบบไม่รู้ตัวใช่มั้ยนิ
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 06-09-2016 17:17:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 07-09-2016 10:07:15
ตอนที่ 21



“เงียบทำไม? ตอบผมสิ!” ร่างใหญ่ตื่นตระหนก แถมควานมือไปเปิดสวิซต์โคมไฟข้างเตียงนอนให้สว่าง


“ก็...พี่หยางเฟยเป็นคนบอก” ตัวเล็กกว่าตอบเสียงเบา



              คำตอบนั้นทำให้คาดอสนิ่งเงียบไปชั่วครู่ และไม่คิดจะหลบสายตาอีกฝ่าย เขาจ้องอยู่อย่างนั้นราวกับกำลังทำสงครามสบสายตา ท้ายที่สุดพิพัฒน์กลับกลายเป็นฝ่ายละสายตาแทน



             มือหนาแตะลงใต้แก้มใกล้กับคางเล็กนั้น แล้วออกแรงดันผลักใบหน้าอีกฝ่ายหันกลับมามองตาเขาเช่นเดิม


“เวลาคุณเรียกผมว่าพี่  รู้สึกว่ามัน...ดีไม่น้อยเลยนะ” คาดอสยิ้มอ่อน


“ตกลงเลิกงอนผมเรื่องเมื่อกี้แล้วใช่ไหม?” พิคเจอร์เอ่ยถามเพื่อความสบายใจ


“ผมจะหายงอนก็ต่อเมื่อ...เรียกผมว่าพี่ฟู่เฉิงซะก่อน”



        ในตอนนี้ไม่ใช่เวลามาอิดออด ไม่ใช่ว่าคนตัวเล็กกว่าไม่มีทางเลือก แต่พิคเจอร์ต้องตกลงเงื่อนไขนี้ต่างหาก เขาเป็นคนเริ่มก่อนจะให้ทำยังไง ทางเดียวที่จะทำให้อีกฝ่ายหายงอนก็คงต้องทำตามความต้องการ 


“ครับ พี่ฟู่เฉิง”


“น่ารักมาก!” คาดอสเอ่ยชมอีกคนหน้าตาเฉย ไม่อยากจะเชื่อว่าพิคเจอร์จะว่าง่ายทำตามที่เขาบอก



...


“จริงๆพี่ก็ไม่ใช่คนนิ่งขรึม สุขุม  เยือกเย็นอะไรเลยนะผมว่า”


“นายคิดว่าพี่เป็นแบบนั้นหรอ?”


“ก็ใช่นะสิ ก่อนหน้านี้ พี่พูดน้อย ทำหน้านิ่ง แต่ดูตอนนี้สิพี่เหมือนคนละคนเลย”


“แล้วชอบแบบไหนล่ะ?” แววตาเป็นประกายราวกับกำลังสื่อสารบางอย่างนั้นออกมา รู้ไหมว่ามันได้ผลดีทีเดียวกับอีกฝ่ายที่กำลังตัดสินใจจะตอบ


“ชอบแบบที่ผมเคยเห็นก่อนหน้านั่นแหละ”


“โอเค! นายต้องการแบบไหน พี่ก็จะเป็นให้แบบนั้น”


“อ้าว! ได้ยังไงกัน พี่ก็ต้องเป็นตัวของตัวเองสิครับ”


“ถ้าพี่เป็นตัวของตัวเอง นายไม่รอดแน่!” คาดอสยิ้มอ่อน


“หมายความว่าไง?”


“พี่เป็นพวกคิดปุ๊บ! ลงมีทำปั๊บ! แล้วตอนนี้พี่กำลังคิดอยากจะ...”



         มือหนาเอื้อมไปลูบไล่ตรงใบหน้า สองแก้มเนียนใสทั้งสองข้างของร่างบางอย่างเบามือ พิคเจอร์นั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน เหมือนกับต้องการอยากรู้ว่าชายร่างใหญ่นั้นกำลังจะทำอะไร


“...พี่ไป่เฉิง...จะทำอะไรครับ?”


“เด็กโง่ พี่ทำขนาดนี้ยังไม่รู้สึกอีกหรอ หืม?”


           เสียงแหบพร่า มันทำให้หัวใจของพิคเจอร์เบาหวิวตามด้วย ให้ตายสิหัวใจเจ้ากรรมมันกำลังตื่นตระหนก สูบฉีดโลหิตไปทุกส่วนของร่างกายแล้ว เขารู้สึกได้!


“ผมรู้...ว่าพี่ไม่ทำหรอก”



            ที่จริงร่างบางไม่ควรประมาทเขาเกินไป รึไม่ก็อาจจะไว้ใจเขาเกินไป เลยทำให้คิดและพูดออกมาแบบประโยคเมื่อครู่นั้น บอกตามตรงถ้าไม่เห็นแก่ตำแหน่งประมุขอินทรีทอง และการให้เกียรติฟ่านหยางเฟยแล้วละก็...ไม่อยากจะนึกเลยจริงๆว่าร่างบางที่นอนแผ่ราบใกล้กายเขาจะเป็นยังไง



“นายเข้าใจถูกแล้วพี่จะไม่ทำอะไรนาย” พิคเจอร์ยิ้มแฉ่งคลายความกังวลปนตื่นเต้นเมื่อครู่เมื่อได้ยินแบบนี้




“...ทั้งที่พี่อยากจะทำเหลือเกิน” คาดอสต่อประโยคจนจบ ทำให้อีกฝ่ายตื่นเต้นอีกรอบ


...


...

 
“พิคเจอร์ รู้ตัวไหมว่านายโตขึ้นมาแล้วน่ารักมากเลย นายสวยเหมือนแม่นาย ภรรยาประมุขเสือแดงคนก่อนไม่มีผิด” ร่างใหญ่
เปรยชมไปตามโครงหน้าที่เห็น



“พี่เฉิง! ผมเป็นผู้ชายต้องหล่อเหมือนป๊าสิ”


“ถ้าหล่อเหมือนป๊า ต้องยกให้ฟ่านหยางเฟยโน่น หมอนั่นหน้าเหมือนพ่อนายที่สุดแล้ว นายเองก็เห็นว่าใบหน้านายแตกต่างจากหยางเฟยขนาดไหน แล้วจะไปหล่อแบบพ่อนายได้ยังไง หืมมม!”



     มือใหญ่ยังซุกซนไม่ยอมหยุด ทั้งหน้ามือหลังมือปาดลูบไล่ไปมาจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว


“พี่เฉิงเลิกลูบหน้าผมได้แล้วครับ ผมไม่มีอารมณ์ร่วมหรอกนะ” พิคเจอร์รีบตัดไฟเสียแต่ต้นลม ทั้งที่ในใจจะเตลิดไปไกลตามเสน่ห์คาดอสแล้วก็ตาม



“ฮ่าๆๆ ขอโทษ พี่ไม่แกล้งแล้ว” ร่างสูงค่อยๆดันตัวลุกจากเตียง ดวงตากลมโตอีกคู่จ้องมองอย่างแปลกใจ


“พี่เฉิงจะไปไหนครับ!”



“ไปเข้าห้องน้ำ ทำไม?...อยากตามไปด้วยหรอ”



                พิคเจอร์หน้าแดงก่ำ รู้สึกร้อนไปทั่วทั้งหน้า เขาจะไม่อยากคิดเลยว่าคาดอสเข้าห้องน้ำไปเพื่ออะไร หากไม่เห็นแววตา สีหน้าที่หื่นกามสุดๆในตอนนี้ คงไม่คิดจะไปอาบน้ำหรือปลดทุกข์หรอกนะ 


“ไม่ครับ! ผมจะนอนแล้ว”



          พูดจบก็ทิ้งตัวลงนอน หันหลังให้อีกฝ่าย เสียงประตูห้องน้ำปิดสนิท แสงไปจากหลังประตูห้องน้ำสาดเข้ามาในห้องนอน
พอให้เห็นลางๆ แต่นั่นไม่น่าสนใจเท่าเสียงที่ดังออกมาจากห้องน้ำ



เสียง!!!...ที่ไม่มีทางไม่รู้ว่ามันคืออะไร



ร่างใหญ่กำลังสำเร็จความใคร่ยังไงล่ะ!!!



“อึก..ซี๊ดดดดด..อ่า...”



“อ่ะ....อะ....อ่า...ซี๊ดดดดดด”





        เสียงนั้นดังต่อเนื่องนาน 10 นาที แล้วพิคเจอร์ต้องเอามือปิดหูเอาไว้ทั้งสองข้าง จนกระทั่งได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวไหลกระทบพื้นห้องน้ำ พิคเจอร์ใช้ความอดทนสูงมากที่พยายามข่มตานอนหลับไม่อยากรับรู้



        ทันทีที่ทำธุระเสร็จ คาดอสก็รีบปิดไฟห้องน้ำ และโคมไฟจนห้องกลับมามืดสลัวเหมือนเดิม ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงข้างกายร่างบาง ความหนักของเรือนร่างนั้น ทำให้พื้นที่ทั้งเตียงยุบลงไป ส่วนฝั่งที่ร่างบางนอนกลับถูกดันเด้งขึ้นมาเล็กน้อยตามแรงกระโดดลงเตียง



“พี่เฉิง!  เตียงนอนนะครับ ไม่ใช่กระดานกระโดดเด้ง ”


“อ้าว! นึกว่าหลับไปแล้วซะอีก”


“เสียงดังขนาดนั้นใครจะไปหลับละครับ อุ๊บ!!!” เพิ่งนึกขึ้นได้ พิคเจอร์เอามือปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน



“หืมมม! แอบฟังพี่เล่นมังกรอยู่สินะ”



    พิคเจอร์พลิกตัวกลับมาอีกทาง แต่กลับพบว่าอีกคนลุกขึ้นมาก้มหน้าคร่อมมองอยู่ก่อนแล้ว


“ใครจะบ้าไปแอบฟังครับ พี่เฉิง...เสียงดังเองต่างหาก คนบ้าอะไรไม่รู้จักอายรึไงนะ”


“ฮึฮึ เห็นแล้วใช่ไหมว่าพี่น่าสงสาร!”



      อะไรนะ น่าสงสารหรอ? เรื่องอะไรกันล่ะ พิคเจอร์ไม่เข้าใจความคิดคนตัวใหญ่เลยสักนิด



“สงสารเรื่องอะไรครับ?”


“อ้าว! ก็ช่วยตัวเองนี่ไง นี่ก็รอแล้วรออีก ไม่รู้ว่าปีไหนเดือนไหน ผ่านมาก็ผ่านไป ไม่เห็นจะมีใครใจดีสงเคราะห์ไม่ต้องให้พี่ช่วยตัวเองเล้ยยย”


“อ้าว! ก็สาวๆไงครับ สาวจีนหุ่นแซ่บเยอะแยะ ไม่รู้จักเลือกเอง”


“บังเอิญว่าพี่ซื่อสัตย์ต่อหัวใจ ชอบใครแล้วก็คือชอบคนนั้น รักใครแล้วก็ไม่คิดจะแปรเปลี่ยน”


“พี่เฉิง!”



             คาดอสหยิบมือเรียวเล็กมากุมไว้ในมือตัวเอง แล้ววางแนบไปยังแก้มของเขา



“พี่รักนายนะ ไม่ว่าจะพิคเจอร์หรือฟ่านหยางอี้ สองชื่อนี้มีอิทธิพลต่อหัวใจพี่เสมอ”



“ทำไมพี่พูดคำว่ารักง่ายจัง!”


“ง่ายหรอ? ตลอดเวลา 20 ปี โดยที่หัวใจพี่ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากนายเลยเนี่ยนะ นายว่ามันง่ายหนรอ?”


“นอนเถอะครับ...ดึกมากแล้ว”  พิคเจอร์เปลี่ยนเรื่อง เพราะเขากำลังเจอทางตันไปต่อไม่ได้แล้ว


“พิค! พี่พูดจริงๆนะ”


“ผมเชื่อพี่ครับ เชื่อมาตลอดสองเดือนที่ผ่านมา”



“พี่ดีใจที่ได้ยินแบบนี้” คาดอสยิ้มแย้มปริ ก่อนจะค่อยๆปล่อยมือหยางอี้ออกจากแก้มเขา


“ฝันดีนะครับ”


“นายนอนอยู่ใกล้พี่ขนาดนี้ พี่ฝันดีแน่นอน”


“แต่ผมอาจจะฝันร้ายก็ได้นะ!” พิคเจอร์แกล้งกวนอีกฝ่ายเบาๆ


“หรออออ งั้นเพื่อไม่ให้นอนฝันร้ายพี่จะนอนกอดนายทั้งคืนแล้วกัน”




พรวด!!! 



      คาดอสไม่ว่าเปล่า กลับเอามือหนาสองข้างโอบกอดรัดอีกฝ่ายไว้ทันที ราวกับจงอางยักษ์ใหญ่ที่กำลังกกไข่หวงแหนสุดชีวิต
ก็มิปาน



“พี่เฉิง ไม่เอาครับ แบบนี้ผมนอนไม่หลับแน่!”


“อยู่นิ่งๆ ไม่งั้นพี่จะรัดให้แน่นกว่านี้อีก”


“อะ!!! พะ..พอแล้วครับ แน่นเกินไปแล้ว”


 คาดอสแสยะยิ้มอย่างซะใจ ก่อนค่อยๆคลายวงแขนที่กำยำออก



“ถึงตัวนายเล็ก แต่มันนิ่มมากเลยนะ”


“บ้าป่ะเนี่ย ร่างคนนะไม่ใช่หมอนข้างจะได้นิ่ม”


“พี่พูดจริง นายตัวนิ่ม แถมกลิ่นกายก็หอม หอมซะจน...พี่แทบจะอดใจไมให้หอมนายอยู่แล้ว”


“แล้วใครห้ามล่ะครับ!”


“หืมมมม! นายว่าไงนะ พี่ทำได้หรอ?”



             คาดอสทั้งแปลกใจ ตกใจและตื่นเต้น สับสนไปหมด เขาไม่มั่นใจนักว่าจะได้รับอนุญาตให้ทำได้จริงๆ และไม่รู้อะไรดลใจให้หนุ่มร่างบางพูดแบบนั้น


“ผมว่า ผมนอนดีกว่า...”


“ไม่ได้! มาล่อเสือแล้วปฏิเสธแบบนี้ไม่ดีนะครับ ฟอดดดด”



   จมูกชันสันโด่งซุกซนซักไซ้ไปตามไรผม ซอกคอและหลังหูทันทีไม่รอช้า โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าการทำแบบนั้นแล้ว ปลายประสาทการสัมผัสและรับรู้ของหยางอี้เรียกความอ่อนไหวและคล้อยตามได้ดีทีเดียว



“พี่เฉิง ไม่เอาแล้วครับมันจักกะจี้ หวิวๆยังไงไม่รู้”


“เขาเรียกเสียวครับหยางอี้!” คาดอสยิ้มอ่อน แล้วทำต่อไป นี่กะจะแค่หยอกเล่นและตอบสนองตามคำอนุญาตที่อาจพลั้งเผลอพูดออกมาหรือตั้งใจก็ตาม เขาต้องเอาให้คุ้ม แต่เจ้าคาดอสน้องชายที่หลับใหลไปเมื่อครู่กลับกำลังพยศตื่นขึ้นมาอีกแล้วสิ


“พี่เฉิง อะไรมันดันต้นขาผมอ่ะ?”


“เอ่อ...มังกรน้อยพี่มั้ง?” คาดอสตอบหน้าตาเฉย จริงๆมันไม่น้อยแล้วมั้ง พอมั่นใจและได้คำยืนยันจากอีกฝ่ายมันทำให้พิคเจอร์สติหลุด



“เฮ้ยยยยยย ได้ไง บอกมันนอนเดี๋ยวนี้นะ!!!”


“ทำอย่างนั้นได้ไงเล่า มีนาจาตัวน้อยน่ารักถือลูกแก้วล่อมันแบบนี้มันไม่หยุดง่ายๆแน่”


“จะบ้าหรอผมไม่มีลูกแก้วอะไรทั้งนั้นแหละ พี่เฉิงพอก่อนเถอะนะ”


“ก็ได้ๆ พี่ไม่แกล้งนายแล้ว แต่พี่ขอนอนกอดนายแบบนี้แล้วกันนะ”



    ท้ายที่สุด ถึงจะรู้สึกไม่ดีว่ากำลังจะไม่ปลอดภัยจากอวัยวะใหญ่เมื่อครู่นั้น แต่ตอนนี้คาดอสก็ไม่ได้เอาจมูกมาซุกไซ้เล่นซนเหมือนเมื่อครู่แล้ว อย่างน้อยก็ทำให้เขาสบายใจได้ อีกอย่างไอ้ที่กำลังตื่นๆนั่นก็ค่อยๆสงบไป ก็เพิ่งรู้ว่าคาดอสนอนไม่ใส่กางเกงในแถมใส่ชุดคลุมเนื้อผ้านุ่มตัวเดียวเท่านั้น


“ราตรีสวัสดิ์นะ ที่รัก?” คาดอสเปรยบอกพร้อมกับหลับตาลง


“ ขี้ตู่ชะมัดเลย”


“ลืมบอกนายอย่างนึง อินจือกำลังท้องนะ!”


“ฮะ? อินจือไหนครับ”


“จะอินจือไหนล่ะ ก็คนที่พี่ชายของนายส่งมาดูแลนี่ไง”


“แต่ผู้ชายท้องไม่ได้”


“ถ้าโลกนี้มีด๊อกเตอนร์บารอน ก็ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้เหมือนกัน ”


“...มันก็จริง” พิคเจอร์ทำเสียงเบาลง แต่ในใจก็อดตื่นเต้นไม่น้อย นี่เขาจะได้เห็นเด็กตัวเล็กๆอีกไม่กี่ปี วิ่งเล่นซุกซนที่บ้านพี่ชายแล้ว ว่าแต่จะตั้งชื่อว่าอะไรดีล่ะ?


“คิดอะไรอยู่พิคเจอร์!”


“เดาสิครับพี่เฉิง”


“พี่ไม่อยากเดา เดาความคิดนายทีไรเป็นต้องหงุดหงิดตลอด พี่ให้นายพูดให้พี่ฟังดีกว่า”


“ผมกำลังคิดว่า จะตั้งชื่อลูกให้อินจือว่าอะไรดี!”


“ลูกของเขา พ่อแม่เขาตั้งชื่อเองได้ นายไม่ต้องไปคิดช่วยหรอก”


“ก็ผมอยากตั้งหนิ!”


“งั้นก็รีบมีลูกสิ พี่อยากได้ซัก 5 คน เลขมงคล เลขสวยและเป็นความต้องการของพ่อแม่พี่ด้วย”


“ไม่มีทางหรอก แค่คนเดียวก็จะแย่อยู่แล้ว”


“พูดแบบนี้แสดงว่ายังอยากมี  งั้นคนแรก ปั๊มคืนนี้เลยไหม?”


“หยุดคิดไปเลย มีพันธะติดตัวที่ต้องสะสางอยู่ไม่ใช่หรอ ผมไม่อยากให้ลูกเกิดมาโดยที่พี่หยางเฟยไม่ยอมรับหรอกนะ”


“แสดงว่านายยอมรับพี่และลูก”


“พูดบ้าๆ ทั้งสองอย่างนั่นแหละ พี่ชายไม่ปลื้ม ผมก็ไม่พร้อมมี บางทีอยู่เป็นโสดดีกว่าเยอะ”


“ไม่ได้! พี่หวง พี่ห่วงขนาดนี้ จะตอบแทนน้ำใจด้วยการรับรักพี่ตอบไม่ได้หรือไง?”

          คาดอสกอดอีกฝ่ายแน่นกว่าเดิมอย่างหมั่นเขี้ยว ไม่น่าเชื่อว่าประมุขอินทรีทองจะมีมุมนี้กับเขาด้วย ให้ตายเถอะ จะมีใครโชคดี เอ๊ะ หรือโชคร้ายกันแน่นะที่ได้มาเห็นตัวตนจริงๆของคาดอส


          แต่นึกไปถึงวันแรกที่เจอกัน เขายังสยองอยู่เลยเชียว! คนอะไรสูงใหญ่ หล่อเหลา กำยำ ใบหน้านิ่งดุ พูดเสียงห้วน ตอบสั้นๆ บางครั้งก็ไม่ตอบคำถามที่อยากรู้ ขี้เก๊ก หน้าหมั่นไส้ แบบนี้หรอจะเอามาเป็นพ่อของลูกได้



           พูดแบบนี้ก็ไม่ถูก เพราะตัวตนอีกมุมหนึ่งพิคเจอร์ก็เห็นแล้ว ยิ่งช่วงไม่กี่วันมานี้ยิ่งชัดเจนทีเดียว เขาดูเหมาะเป็นพ่อคน  เป็นพ่อที่ดีพร้อมทั้งอารมณ์ ความคิด และความรักเป็นอย่างดี เอาเถอะ ตอนนี้สะสางเบญจพิษและประกาศความบริสุทธิ์ใจให้ประมุขเสือแดงเห็นก็เป็นพอแล้ว เรื่องอื่นๆคงไม่ยากกว่านี้หรอก จริงไหม?



:L2:



เหอะๆๆ  อีกไม่นานเนื้อเรื่องหลักก็น่าจะจบแล้ว ส่วนตอนพิเศษไม่มีนาจา ความละมุนจะใส่ให้หมดหลังเรื่องราวร้ายๆผ่านไปอิอิ ฝากไปติดตามเรื่องใหม่ด้วยนาจา คู่รัก&คู่หรับ ฉบับฮาเฮ อิอิ



หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: fcsunaree ที่ 07-09-2016 13:01:34
กัสตลก คาดอสเอ้ย พี่ฟู่เฉิง เลยค่า ขำจนหัวเราะแทบท้องแข็งค่า 5555 มาต่อๆ
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 07-09-2016 21:57:49
ขอให้ปริศนาคลี่คลายเร็วๆ
หยางเฟยนี่เราขอได้มั้ย ปลื้มคุณพี่ชายจังเลย   :-[
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 08-09-2016 10:51:02
ตอนที่  22



สองวันผ่านไป...


มหานครเซี่ยงไซ้ ประเทศจีน


             แป๊ง โป้ก เป้ก แป๊ง!

          เสียงคมกระบี่กระทบกันดังสนั่น ลานสนามหญ้าบ้านคฤหาสน์หลังคาสีเลือดไม่เคยเงียบสงบ เจ้าของบ้านผู้เป็นประมุขของเสือแดงคิดสรรหากิจกรรมฝึกทักษะและออกกำลังกายให้ตัวเองอยู่เสมอ และเช้าวันนี้เขาเลือกที่จะเล่นกระบี่ คู่กับเจียนเหมิง คนสนิทฝีมือดีคนเดิม


“นายท่านเก่งขึ้นมากเลยนะครับ” คู่ฝึกซ้อมฉายากระบี่ตะวันออกเอ่ยชมฟ่านหยางเฟยที่ผละตัวห่างออกไป


“แต่วันนี้ ฉันต้องชนะนาย เจียนเหมิง!”



             ชายร่างสูงหนาโชว์เปลือยท่อนบนกำลังยิ้มอ่อน แววตาแน่นิ่งมองดูคู่ต่อสู้อย่างไม่หวั่นเกรง และไม่เกรงกลัวฉายาของลูกน้องคนสนิทเลยสักนิด



“ย๊ากกกก!” หยางเฟยอุทานลากเสียงยาว พุ่งเข้าใส่ทันที



               การท้าดวลฝึกซ้อมเป็นไปอย่างดุเดือด แต่เจียนเหมิงเองก็ยังคงอ่านเกมคนตรงหน้าออก และหลบตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเข้าโอบไปด้านหลัง ตอนนี้ปลายกระบี่จ่ออยู่ที่คอเจ้านาย จึงตัดสินใจละกระบี่ออกไป



“ดี ไม่ต้องออมมือแบบนี้ฉันชอบ!!!” หยางเฟยพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง ปลายกระบี่หมุนวนรอบทิศซ้ายขวา หลอกล่อไม่ให้เจียนเหมิงดูออก พร้อมกับเดินเข้าประชันตัวเรื่อยๆ ท้ายที่สุดก็...



จึก!!!


“วันนี้เสมอกัน!”



                คมกระบี่จี้อยู่ที่คอของลูกน้อง แรงจากฝ่ามือกดปลายกระบี่กดเนื้อบุ๋มลงไป ก่อนที่ทั้งสองผละกันออกแล้วกลับมายืนตัวตรง โค้งคำนับให้กันตามประเพณี อินจือยืนมองดูเจ้านายกับสามีแข่งกันจนเสร็จ ก็รีบหยิบเสื้อคลุมไปให้หยางเฟยตามความเคยชิน



“อินจือ ออกมาจากบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ บอกแล้วไงว่าอย่าเดิน” เจียนเหมิงรีบเข้ามาประชิดตัวร่าบางกว่า


“เจียนเหมิง นายโอเว่อร์ไปรึเปล่า ท้องยังไม่ถึงเดือน จะไม่ให้เดินเหินไปไหนเลยรึไง?”


“แต่ว่า...”


“เอาล่ะๆ ไปพักทั้งสองคนนั่นแหละ” ฟ่านหยางเฟยตัดสินใจแทน เพราะทนเห็นคนสนิทคู่รักสองคนทะเลาะกันไม่ไหว   อินจือและเจียนเหมิงคำนับประมุขใหญ่แล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน



ครืดดดด   ครืดดดดด   


            เสียงสั่นบนโต๊ะไม้ใกล้ตัว  ปรากฏรายชื่อบนหน้าจอมือถือ หยางเฟยหยิบมันขึ้นมาพลางนึกได้ว่าวันนี้น้องชายและคาดอสกำลังจะบินกลับมาที่เมืองจีน แต่ไม่รู้ว่าหมอนั่นจะพาน้องชายเขาไปที่ปักกิ่งรึเปล่า?


“ว่าไง?”


“หยางเฟย ตอนนี้ฟ่านหยางอี้หายตัวไป ”


“อะไรนะ!!! หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่”


“เมื่อเช้า!”


“ทำไมแกไม่ดูแลน้องฉันให้ดีกว่านี้ไอ้คาดอส!” หยางเฟยโมโหมาก จนมือถือในมือแทบแตกเป็นเสี่ยงๆด้วยแรงบีบ


“ฉันโทรมาบอกนาย ให้รับรู้เอาไว้ในฐานะที่นายเป็นพี่ชายเขา  ส่วนการตามหาหยางอี้ปล่อยให้เเป็นหน้าที่ฉันเอง”


“ฉันจะไปเมืองไทยเดี๋ยวนี้!”


“ไม่ต้อง! นายรออยู่ที่เซี่ยงไฮ้นั่นแหละ”


“หยางอี้เป็นน้องชายฉันนะ แกจะให้ฉันไม่สนใจได้ยังไง”


“ฉันรู้ แต่นายมาที่นี่ก็มีแต่จะทำให้การตามหาล่าช้าไป พวกฉันมีพลังงานพิเศษจำไม่ได้รึไง?”


           ฟ่านหยางเฟยนิ่งเงียบไป  แต่ร้อยทั้งร้อยในใจของเขานั้นกลับเพ่งเล็งไปที่ เบญจพิษ ต้องเป็นฝีมือเฟอกัลแน่!


“นายรู้คนลักพาตัวไหม?”


“ฉันยังไม่มั่นใจ ขอไม่พูดอะไรแล้วกัน ตอนนี้กำลังให้ลูกน้องตามหา แค่นี้ก่อนนะคืบหน้ายังไงเดี๋ยวจะโทรไปบอกอีกที”


              ปลายสายตัดไป แต่หยางเฟยไม่อาจตัดใจได้ เขาเพิ่งพบน้องชาย แถมยังไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอีก ถ้าหากฟ่าน
หยางอี้เป็นอะไรไป เขาจะฆ่าคนที่ทำกับน้องชายให้หมด!!!




กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย


                  เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เกิดขึ้นหลังจากที่อินทรีทองมาถึงสนามบิน แต่ด้วยพิคเจอร์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวก่อนขึ้นเครื่อง ทีแรกคาดอสไม่เอะใจอะไรเพราะเห็นว่าคนตัวเล็กบอกว่าจะเข้าไปนานหน่อย



               แต่เพราะว่ามันนายเกินไป เกือบชั่วโมง คาดอสใจไม่ดี...กลัวว่าหยางอี้จะท้องเสียหมดแรงเป็นอะไรในห้องน้ำรึเปล่า  เลยตามเข้าไปดู แต่กลับปรากฏเพียงความว่างเปล่า ไม่มีร่างบางใบหน้าคุ้นอยู่ในนั้นเลย   คาดอสพยายามโทรหาแต่กลับโทรไม่ติด เหมือนอีกฝ่ายจะปิดเครื่องไปด้วยซ้ำ ความร้อนรนใจจึงเกิดขึ้นมา แต่ก็ยังมีสติพอที่จะโทรไปหาฟ่านหยางเฟยให้รับรู้


“บอสครับ! ผมเชื่อว่าเป็นเบญจพิษแน่นอนครับ” ไดนาดินย้ำยืนยันคำก่อนหน้านี้อีกครั้ง


“เราไม่มีหลักฐานจะไปปรักปรำใครไม่ได้นะ ไดนาดิน” บอสใหญ่กำลังนึกและคิดอะไรบางอย่าง



              สุดท้ายพอเงยหน้าขึ้นมองไปบนเพดาน คำตอบที่เป็นดั่งทางสว่างประจักษ์อยู่บนนั้น กล้องวงจรปิดนั่นเอง


“เราจะไปขอเขาดูกล้องวงจรปิด!”



                คิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มในชุดสูทหลายชีวิตก็เดินมุ่งตรงไปยังห้องควบคุม แต่สุดท้ายด้วยท่าทีแปลกๆทำให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยภายในท่าอากาศยานต้องตามไปด้วยเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย



“ไม่ได้จริงๆครับ ถ้าไม่ใช่ท่านประธานสั่ง คงให้ดูไม่ได้” เจ้าหน้าที่ห้องควบคุมปฏิเสธ


“แต่แฟนผมหาย! ยังไงพวกคุณก็ต้องทำตามที่ผมสั่ง!!! ”


“ไม่ได้จริงจริ......”



              เจ้าหน้าที่พนักงานกำลังปฏิเสธอีกรอบ แต่กลับเหลือบมองเห็นปืนที่ถูกเปิดโชว์หลายกระบอก ข้างเอว ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจหันหน้ากลับเข้าจอควบคุม




“ไม่ทราบว่าอยากดูช่วงไหนครับ”


“หนึ่งชั่วโมงก่อน! จอนี้?”


    คาดอสสั่งแล้วชี้ไปที่สี่เหลี่ยมเล็กๆ มีลูกน้องเขาสองคนยืนแสตนอินรออยู่ เพื่อให้ง่ายต่อการดู  ภาพย้อนหลังค่อยๆไล่ไปช้าๆ จนกระทั่งถึงเวลาที่คาดว่าจะมีการจับตัวพิคเจอร์ไป แต่แล้วภาพในจอสี่เหลี่ยมส่วนนั้นกลับมืดหายไป


“ทำไมภาพหาย!”


“มะ..ไม่ทราบครับ” เจ้าหน้าที่ตอบตะกุกตะกัก


“ทำไมไม่ทราบ แล้วช่วงนั้นคุณไม่ได้เฝ้าหน้าจอรึไง?”


“ช่วงนั้นผมไปเข้าห้องน้ำครับ พอดีท้องเสีย”



     คาดอสไม่พอใจคำตอบเท่าไหร่นักแต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อแก้ไขและค้นหาข้อมูลต่อไปไมได้อยู่แล้ว แต่พอหันหลังกลับไปดูคนของเขา กลับเห็น เบลซ หนุ่มหล่อร่างสูงใหญ่กว่าเขาเพียงคนเดียว


“ไดนาดิน กับ แกริค หายไปไหนเบลซ?”


“เห็นบอกว่าจะไปที่แมนชั่นฟินกี้ครับ”


“อะไรนะ! โทรบอกพวกเขา เราจะตัดสินใจเองโดยพลการไม่ได้”


“ครับบอส!”



       คาดอสร้อนรนใจไม่เป็นสุขเดินออกจากห้องควบคุมไป พร้อมกับเบลซ แต่ในห้องควบคุมกล้องวงจรปิด กลับปรากฏบางอย่างที่น่าทึ่งกว่านั้น เพราะยังมีห้องเล็กๆอีกห้องแยกออกไป



       ทันทีที่เจ้าหน้าที่คนเมื่อครู่มองตามคาดอสไปจนมั่นใจว่าสองคนนั้นกลับไปแล้วจริงๆ จึงลุกไปเปิดประตูเข้าไปด้านใน บริวเณความมืดกลับปรากฏร่างของพนักงานควบคุมหน้าจอ หลายชีวิตนอนสลบเหมือดอยู่บนพื้น และหนึ่งในนั้นคือใบหน้าที่คล้ายกับเจ้าหน้าที่ผู้เปิดประตูเข้ามาดูไม่มีผิดเพี้ยน



“ฮึฮึ คิดจะขุดคุ้ยการตายของประมุขเสือแดงและฮูหยินคนก่อนอย่างนั้นหรอ? ฝันไปเถอะ!”



             น้ำเสียงที่เปลี่ยนไป ผนวกกับใบหน้าที่ชักจะไม่เรียบเนียนเหมือนเดิม ฝ่ามือหนาดึงหน้ากากเสมือนจริงนั้นออก ใบหน้าชาวตะวันออกชัดเจนเด่นปรากฏอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องยังเหมือนเดิม เบญจพิษจะต้องถูกขนานนามเป็นผู้ฆ่าสังหารกวาดล้างเสือแดงในอดีตต่อไป  ไม่มีการรื้อฟื้นหาหลักฐานอะไรทั้งนั้น






           ไดนาดินหมดคราบหนุ่มสุขุมใจเย็นไปแล้ว เพราะหยางอี้ว่าที่แฟนของเจ้านายกำลังตกอยู่ในอันตราย  ลูกน้องที่จงรักภักดีอย่างเขาต้องทำอะไรสักอย่าง ในเมื่อไม่รู้ที่อยู่ของเฟอกัลผู้นำแห่งเบญจพิษแต่อย่างน้อยเขาก็รู้ที่อยู่ของฟินกี้น้องชายทางสายเลือดแล้วกัน


ปัง! ประตูถูกพังและผลักเข้าไปด้านในโดยไม่ขอรับอนุญาตด้วยความหุนหัน



             พอสองหนุ่มย่างก้าวเข้าไปด้านใน กลับผิดคลาด ห้องพักประจำที่เคยรู้จัก ตอนนี้มีแต่เพียงความว่างเปล่า! ไม่เหลือร่องรอยแม้แต่ข้าวของเจ้าของห้องพักอย่างฟินกี้เลย


“เอาไงดี ฟินกี้คงย้ายออกไปอยู่ที่อื่นแล้ว”  หนุ่มผมบอร์นทองมองหน้าเพื่อน



        ไดนาดินกวาดสายตามองทั่วห้องมั่นใจอีกครั้ง ฟินกี้หายไปไหน? หนุ่มร่างสูงขมวดคิ้ว ในใจกำลังขัดแย้งเพราะลึกๆในใจเขาไม่อยากให้ฟินกี้รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้นัก เพราะถ้าหากเป็นไปตามที่คิดไว้จะเป็นอะไรที่สบายใจไม่น้อย 



“แกริค กลับ!”



           สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว ตอนนี้เบญจพิษถูกเพ่งเล็งเป็นตาเดียวของอินทรีทองและเสือแดง พวกเขาไม่มีทางเดาได้เลยว่าจะหาตัวพิคเจอร์ได้จากที่ไหน



            บ่ายวันนั้นเองอินทรีทองกลับมาตั้งหลักใหม่ที่คอนโดกลางเมืองหลวง ทุกคนอยู่ในความเงียบสงบไม่มีใครปริปากพูดใดๆเลย จนกระทั่งได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา



ครืดดดดด ครืดดดดด


“มีอะไรหรอครับบอส” ไดนาดินสงสัย เพราะเห็นท่าทีคาดอสไม่รับสาย


“เบอร์แปลก!”


“รับเถอะครับ เผื่อบางทีอาจจะเป็นพวกที่จับคุณหยางอี้ไปก็ได้” แกริคแนะนำ คาดอสพยักหน้าเห็นด้วยแล้วตัดสินใจรับสายนั้นซะ



“สวัสดีประมุขอินทรีทอง!”



                      ทันทีที่ได้ยินเสียงจากปลายสาย คาดอสแทบอยากจะพุ่งไปบีบคอมันให้ตายต่อหน้าเขาเลยในตอนนี้ น้ำสียงแบบนี้จะเป็นใครไปได้อีก


“เฟอกัล!!! แกจับแฟนฉันไปไว้ที่ไหน?”


“ฮืมมมม จุ๊ๆๆๆๆ ใจเย็นๆก่อน ฟ่านหยางอี้ปลอดภัยดี เดี๋ยวฉันจะส่งคลิปไปให้ดู”


            คาดอสกดดูคลิปที่ถูกส่งมาให้ เผยโฉมหน้าเรือนร่างของพิคเจอร์ที่กำลังสลบเหมือดไม่ได้สติอยู่ที่ไหนสักแห่ง ดูจากสภาพแวดล้อมในนั้น มันเหมือนเป็นโรงแรมหรือบ้านหรืออะไรสักแห่งที่หรูหรามากที่เดียว


“แกต้องการอะไร?”


“ฉันต้องการพิคเจอร์...ฉันรักเขา และเรากำลังจะมีลูกด้วยกัน”


“อย่าพูดจาไร้สาระบ้าๆแบบนี้นะ ผู้ชายด้วยกันจะมีลูกได้ยังไง?”


“เป็นคำถามที่ดี!!! คาดอส แต่บังเอิญฉันไม่ได้โง่!  แต่ดูอีกคลิปหน่อยเป็นไง?”


     คาดอสรีบกดดูคลิปใหม่ที่ส่งมา คราวนี้คนที่ถูกจับตัวไปคือ ด๊อกเตอร์บารอน นั่นเอง


“แกทำแบบนี้ไปทำไม?”


“ก็เพราะฉันรักหยางอี้นะสิ รักมาก ชอบมาก อยาก!!!...มาก ประมุขเบญจพิษถ้าต้องการอะไรแล้วต้องได้”


“ด๊อกเตอร์ไม่มีวันช่วยแกหรอก”


“ก็ดี! ไม่ช่วยก็ตาย ” เฟอกัลพูดอย่างง่ายดายไร้ความเป็นมนุษย์


“อย่าทำอะไรพวกเขานะ!” คาดอสรู้สึกเป็นห่วงทั้งสองคนเหลือเกิน


“อันนี้แกไม่มีสิทธ์มาสั่งฉันนะคาดอส จงอยู่ต่อไปในฐานะแพะรับบาปฆาตรกรรมโหดเมื่ออดีตก็แล้วกัน ฮ่าๆๆๆ  อ้อแต่ไม่ต้องห่วง
นะ  อะไรที่องค์กรแกทำกับครอบครัวฉันไว้ ฉันจะเล่าให้เขาฟังจนหมดเอง ความเลวของแกคราวนี้ดูซิ ถ้าพิคเจอร์รู้เขาจะยังรักแกอยู่ไหม? ฮ่าๆๆๆๆๆ”



“พูดโง่ๆ อย่างน้อยความเลวของฉันก็ทำเพื่อความถูกต้อง ก็พวกแกมันเลวเองไม่ใช่หรือไง สมควรแล้วที่ถูกอินทรีทองขับไล่ แต่ความเลวของพวกเบญจพิษคือ พวกแกฆ่าพ่อแม่ของพวกเขา คิดหรอ?...ว่าหยางอี้จะรักแก ไม่มีทาง!!!”



“ไม่รัก ฉันก็จะทำให้รักเอง นายคอยดู”



           ปลายสายตัดไป คาดอสกำมือถือแน่น อย่างเจ็บแค้น เขาไม่น่าวางใจเลย จริงๆเขาควรเดินตามพิคเจอร์เข้าห้องน้ำไปด้วยแท้ๆเชียว






ฮ่องกง เขตบริหารพิเศษแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน


“ทำได้ดีมาก หานเซียง  และขอต้อนรับการเข้าเป็นหนึ่งในเบญจพิษ”


                    เฟอกัลชื่นชมคนตรงหน้า  ที่เพิ่งเดินทางมาจากเมืองไทย ใบหน้าคร่าตาคล้ายกับใครคนหนึ่งก่อนหน้านี้ที่ปลอมตัวจับพิคเจอร์มาที่นี่ 



“ขอบคุณมากที่ใจกว้างรับสายเลือดหงส์ดำอย่างฉันเข้าแก๊ง แก๊งฉันล่มสลายไปนานเพราะฝีมืออินทรีทอง ตอนนี้ฉันใช้ชิวตอย่างยากลำบาก อยู่ตัวคนเดียว เรามีศัตรูคนเดียวกันแล้วนะ อะไรที่นายต้องการขอให้บอกถ้าฉันทำได้ฉันจะทำ”



“ดีมากหานเซียง อินทรีทองขับไล่เบญจพิษกลุ่มในองค์กรที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา แต่เพียงเพราะว่าพ่อของฉันถูกจับได้เรื่องรีดไถเงินชาวบ้าน อินทรีทองผู้สูงศักดิ์ก็รักศักดิ์ศรีตัวเองมากกว่าความเป็นเพื่อน ท้ายที่สุดพวกเราก็ถูกทางการหมายหัว ต้องดิ้นรนไปหลบอยู่อิตาลี”



           เฟอกัล แค้นแทนพ่อ และจะไม่มีทางยกโทษนี้ให้อินทรีทองเด็ดขาด เขาจะเอาความยิ่งใหญ่กลับคืนมาให้ได้  แต่ท้ายที่สุด การปรากฏตัวของหานเซียงที่เสนอตัวยื่นมือมาช่วยเหลือ เฟอกัลไม่เห็นความผิดแปลกอย่างใด แต่กลับเห็นเพียงความอยากร่วมมือกำจัดอินทรีทองเท่านั้นเอง...


       แต่ในความคับแค้นใจของหานเซียง สุดยอดปลอมใบหน้านั้น กลับมีเรื่องราวบางอย่างที่กำลังตบตาสามองค์กรแห่งเมืองจีนเอาไว้อยู่หมัดเลยทีเดียว...



:L2:



คือว่า...ตอนนี้ ผลิกแพลง ใครปรับอารมณ์ไม่ทันกราบงามๆขอขมาโทษ ส่วน หานเซียง  ขอบอกเลยว่าไม่ต้องมีเงื่อนงำใดๆ

เลย มันนี่แหละไอ้เลว  ตัวร้ายของเรื่องเลย  มันโผล่มาแล้ว ส่วนเฟอกัลก็จมอยุ่ในความโง่ความเชื่อแบบผิดๆต่อไป


หากใครยังเดาไม่ออก  มาติดตามต่อไปว่า เฟอกัลโง่ยังไง บางทีสิ่งในอดีตที่เฟอกัลรู้มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่รับรู้มาก็ได้


เห็นทีใครคนนั้นจะต้องรีบมาทำให้ตาสว่างและเลิกหายซ่าและคิดติดลบแบบนี้ซักที  ว่าแต่ใครวะ?

ส่วนใครชื่นชอบฟ่านหยางเฟย อย่าเพิ่งตัดสินนาจา เพราะมีด้านมืดอยู่ แต่จะทำกับใครล่ะ?...


ขอโทษที่ต้องสปอย  แต่ถ้าเดาไม่ออก ตามติด เอ้ย ติดตามกันไปนาจา 


เฉลย เรื่องนี้มี 5 คู่นาจา  :hao3: :hao3: :hao3:


หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 08-09-2016 12:44:48
ไม่ใช่ว่า ไอ้ตระกูลหงส์ดำ ยุแยงทุกตระกูลให้ตีกันเองหรอกนะ ห่วงก็แต่พิคเจอร์นี่ล่ะ
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 09-09-2016 12:32:39
ตอนที่ 23





ฮ่องกง  มหานครเขตปกครองพิเศษภายใต้สาธาณรัฐประชาชนจีน



           ผ่านไปหนึ่งวัน ผู้ถูกลักพาตัวและคุมขัง กำลังฟื้นได้สติ  พิคเจอร์รู้สึกตัวเป็นคนแรก แต่ก็ต้องตกใจอีกครั้งที่ข้อมือ ข้อเท้า ถูกพันธนาการด้วยเชือกมัดไว้  คราวนี้ถึงฟื้นขึ้นมาก็ไร้ประโยชน์



แกร๊ก แอดดดดดด



           เสียงประตูเปิดออกปราฏคนเข้ามาเยือนในห้อง ทำเอาอีกฝ่ายหงายเงิบไปทันที เขาจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เจอกันนั้นอยู่ในบริษัทอินทรีทอง ไม่กี่วันมานี้เอง



“ตื่นแล้วหรอครับ!”

          ฝ่ายที่เดินเข้ามาหาพร้อมข้าวและน้ำเอ่ยทัก อาหารดูดีและหรูหราในถาดแต่คนเดินเข้ามากลับทำให้พิคเจอร์ไม่ไว้วางใจ เพราะเขาจำได้ว่าคาดอสสั่งย้ำนักย้ำหนาว่า อย่าเข้าใกล้ผู้นำเบญจพิษเด็ดขาด! แต่ตอนนี้เขากลับอยู่ใกล้สิ่งต้องห้ามนี้มาขนาดไหน



“เฟอกัล! คุณจับผมมาที่นี่ทำไม?”


“ไม่เอาน่า อย่าเพิ่งอารมณ์เสียใส่กันสิ ทานข้าวซะก่อน”


“ ที่นี่ที่ไหน?” พิคเจอร์ไม่สนใจสิ่งที่อยู่ในมือของเฟอกัล


“ฮ่องกง!”



                  ชายหนุ่มในชุดสูทสีเหลืองเปรยบอก ดูเหมือนเขาเพิ่งกลับมาจากไปไหนสักแห่ง เฟอกัลค่อยๆวางถาดข้าวข้างเตียงนอนที่มีโต๊ะอยู่ตัวหนึ่ง พิคเจอร์กวาดสายตาไปรอบๆกลับเจอใครอีกคน ร่างท้วมวัยห้าสิบปีใบหน้าคร่าตาคุ้นยิ่งกว่าคุ้น ถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ไม่ต่างจากเขานักที่พื้นห้อง



“ด๊อกเตอร์บารอน! นี่คุณทำอะไรเขา ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้!”


“ก่อนจะห่วงคนอื่น ห่วงตัวเองไม่ดีกว่าหรอ? หืม!”


“ถ้าอย่างนั้น ผมถามคุณอีกครั้ง จับ! ผม! มา! ทำ! ไม!”


“แก้แค้น!”



      คำตอบนั้นไม่ได้ทำให้หนุ่มหัวใจศิลป์เข้าใจ หากแต่คำพูดนั้นมันทำให้เขางงขึ้นไปอีก ถ้าให้นึกย้อนกลับไป จะเป็นก่อนหน้าที่รู้จักกันก็ดีหรือรู้จักกันแล้วก็ตาม เขามั่นใจแน่ๆว่าไม่เคยมีเรื่องกับผู้ชายอย่างประมุขเบญจพิษแน่นอน



“ผมไม่เข้าใจ?”


“ก็...อะไรที่ทำให้ประมุขอินทรีทองอย่างไอ้คาดอสมันเจ็บปวดทุรนทุราย ผมยอมทำทุกอย่าง ตอนนี้เท่าที่คนของผมตามสืบมา คุณคือหัวใจอีกดวงของคาดอส รักมาก! หวงมาก! หึงมาก! ขนาดถึงขั้นที่ผมเชื่อว่าถ้ามันหาคุณเจอ มันพร้อมที่จะฆ่าผมจนตาย!”



“ฮึฮึ สารเลวอย่างคุณ อยู่ไปก็รกโลก จริงไหมล่ะ?”



"เฟอกัล อย่ายอมให้ใครมาด่านายได้ ถึงจะเป็นคนรักก็ตาม!" เสียงของใครบางคนดังอยู่ด้านหลังเฟอกัล


เพี๊ยะ!!!



         ฝ่ามือหนาประทับลงที่แก้มเนียนอย่างแรง พิคเจอร์หน้าหันไปตามแรงนั้น ไม่คิดจะเจ็บแสบสิ่งที่โดนกระทำแม้แต่น้อย น้ำตาของเขามันมีค่า คนเลวๆอย่างเฟอกัลเขาไม่สมควรจะได้เห็นเขาร้องไห้หรอก


“อยู่ไปก็รกโลกอย่างนั้นหรอ? ผมจะอยู่ต่อไปบนโลกใบนี้ รอดูความพินาศของไอ้คาดอส ไอ้มารชีวิตของผม แม้แต่คุณก็ปกป้องมันไม่ได้ แต่ผมมีทางเลือกให้คุณนะ มาเป็นเมียผมสิ!”พิคเจอร์อ้าปากค้างอึ้งในสิ่งที่ได้ยิน


“ฮึก อือ...” เสียงอู้อี้ ของใครคนหนึ่งด้านล่างพื้นห้องกำลังได้สติ ดึงความสนใจของเฟอกัลและพิคเจอร์ให้หันไปมองเป้าหมาย


“ด๊อกเตอร์! ” ร่างบางเอ่ยเรียกตะโกน และดูเหมือนว่าตอนนี้ชายร่างท้วมจะลืมตาเต็มที่แล้ว และมันแฝงไปด้วยความแปลกใจและสงสัยอยู่ไม่น้อยในสถานที่แปลกตาหลังลืมตาขึ้น



“ด๊อกเตอร์บารอนครับ!” ฟ่านหยางอี้ตะโกนเรียกอีกครั้ง สุดท้ายบารอนก็หันมามองพิคเจอร์ สภาพนอนขดอยู่บนเตียง


“คุณฟ่านหยางอี้? ” บารอนละสายตาจากคนที่เรียกชื่อก่อนจะเหลือบไปเห็นอีกคนที่ยืนแสยะยิ้มยืนอยู่ใกล้เตียง “เฟอกัล! นี่นายเองหรอกหรอ ฉันจำได้ว่า ไปเดินจ่ายตลาดอยู่ดีๆ แต่ก็...” เหมือนความทรงจำจะขาดช่วงไปในตอนนั้น



“ผมจะปล่อยพวกคุณให้เป็นอิสระในห้องนี้  ทานเยอะๆนะภรรยาของผม  หานเซียงไปกันเถอะ ฮ่าๆๆๆ”

          ร่างสูงโปร่งหัวเราะลั่นเดินออกจากห้องไปพร้อมกับใครอีกคนที่เป้นตัวชักนำให้ตบเขาเมื่อครู่  ตอนนี้พวกมันทิ้งไว้แต่ความงง ไม่เข้าใจอะไรเลยให้กับสองคนที่ตกเป็นเหงื่อ



          ไม่นานกลับมีลูกน้องหลายคนเดินเข้ามาปลดเชือกที่แขนและขาให้ เพียงแค่พิคเจอร์หลุดออกได้ ก็วิ่งไปหาด๊อกเตอร์บารอนทันที


“เป็นยังไงบ้างครับด๊อกเตอร์”


“ผมไม่เป็นไร ว่าแต่คุณเถอะเป็นอะไรรึเปล่า? ”


“ผมยังโอเคครับ ด๊อกเตอร์เรารีบหาทางออกจากที่นี่กันเถอะ”


“ที่นี่เป็นถิ่นของเบญจพิษ เราทำแบบนั้นไม่ได้หรอก อันตรายเกิดขึ้นเสมอ ดอกไม้มรณะอาจจะเล่นงานเราได้ทุกเมื่อ  ถึงตายด้วยซ้ำ!”



“ผมไม่เข้าใจ เขาจะทำแบบนี้ทำไม? ทั้งๆที่องค์กรเขาผิดเองไม่ใช่หรอ ถ้าจะแค้นที่พี่เฉิงไล่พวกเขาไป ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็ต้องโทษตัวเองด้วยสิที่ทำแต่เรื่องไม่ดีสารพัดให้อินทรีทองต้องแก้ไขตลอด”



“เราไม่มีทางออกใดๆอีกแล้ว คงต้องรอคอยวันที่คาดอสกับคุณฟ่านหยางเฟยมาช่วยเสียแล้วล่ะ”



      พิคเจอร์พยักหน้าเห็นด้วย ตอนนี้ในใจพวกเขามีเพียงสิ่งเดียว คือหวังว่าสองคนนั้นจะตามหาพวกเขาจนเจอแล้วกัน





กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย



               ไดนาดินเห็นบอสเป็นกังวลทุรนทุราย กินไม่ได้นอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืน เขาจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่าง เขาต้องหาตัวฟินกี้ให้พบ อย่างน้อยก็น่าจะรู้ว่าพี่ชายตัวเองอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่



              แต่ไม่รู้อะไรดลใจ ให้ไดนาดินต้องเดินทางไปที่แมนชั่นที่เดิมอีกครั้งเพียงลำพัง เพื่อหาข้าวของบางอย่างในห้องว่างเปล่านั้น เผื่อจะใช้มันติดตามหาฟินกี้ได้   



“มาหาใครคะคุณ!” ยังไม่ทันจะก้าวเท้าเข้าลิฟต์ เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ร้องทักดังขึ้นเสียก่อน



          ไดนาดินหันขวับไปตามทิศทางของเสียง หากให้เดาดูเหมือนว่าจะเป็นเจ้าของแมนชั่น ซึ่งเมื่อคราวก่อนที่เขามา เธอคงไม่อยู่   จอมสะกดจิตจำใจต้องเดินเข้าไปหาเธอ แทนที่จะลักลอบขึ้นไปยังห้องพักห้องเดิมของฟินกี้


“ผมมาหาฟินครับ ห้อง 508” ไดนาดินเปรยชื่อออกไปพร้อมกับเบอร์ห้องเดิม!


“น้องฟินนะหรอ เดี๋ยวพี่โทรบอกน้องเขาก่อนนะว่าจะมีคนมาหา” เธอยิ้มให้ว่าพลางเดินไปหยิบโทรศัพท์
แต่คำพูดนั้นของเจ้าของแมนชั่น หมายความว่ายังไง ฟินยังอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรอ?  เขาเปรยถามไปแบบนั้นแทนที่จะได้คำตอบ ว่าย้ายออกไปแล้ว แต่กลับตรงกันข้าม? ประเด็นคือ ฟินกี้ย้ายห้องทำไม?



“เอ่อ ไม่ต้องโทรก็ได้ครับ คือ...ผมจะเซอไพร์เขา” ไดนาดินเฉไฉ


“...” เธอชะงักมือไป รู้สึกไม่เข้าใจกับคำว่าเซอไพร์ อีกอย่างวันนี้เขาใส่ชุดสูท แว่นดำ ดูท่าทางไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่นัก


“ผมมาเซอไพร์วันเกิดเขาครับ เขาเป็นเพื่อนผมเอง!” ไดนาดินขยายความ


“อ่อ อย่างนี้นี่เอง แต่ว่า ห้องที่คุณบอกไม่ใช่ห้องที่ฟินเขาอยู่ปัจจุบันหรอกนะ เขาย้ายไปอยู่ห้อง 812 จ๊ะ”


“อ่อ ขอบคุณครับ!”



     ไดนาดิน เดินเข้าไปในลิฟต์แล้วกดไปที่ชั้นแปดตามข้อมูลใหม่ที่ได้มา เขาไม่เข้าใจว่าทำไมฟินกี้ต้องย้ายไปห้องใหม่ที่อยู่
สูงกว่าเดิมด้วย



       ทันทีที่ไปถึง มือหนาเคาะตามมารยาททันที ไม่นานเสียงปลดล็อคประตูจากด้านในก็ดังขึ้น พร้อมแง้มบานประตูออกช้าๆ แล้วปรากฏเป็นใบหน้าของใครคนหนึ่งที่ไดนาดินต้องการตัวมากที่สุด



“สวัสดีครับคุณฟินกี้!”



               การทักทายชื่อเต็มของไดนาดิน ทำให้อีกคนที่ตัวเล็กกว่าไม่ค่อยจะชอบใจนัก เพราะเขาไมได้อยากเป็นทายาทเบญจพิษ แต่เขาอยากมีชีวิตอยู่เหมือนคนปกติ


“คุณไดนาดิน รู้ได้ไงครับว่าผมย้ายห้อง!”


“ผมขออนุญาตเข้าไปข้างในหน่อยได้ไหมครับ” ร่างสูงไม่ตอบคำถามนั้น แต่ขออีกอย่างแทน แต่นั่นฟินกี้ก็ไมได้คิดจะขัดข้องหรือปฏิเสธอะไร


“เชิญครับ”



    ไดนาดินเดินก้าวเข้ามาข้างในหลังได้รับอนุญาต ความแปลกใจก็คือไม่มีความผิดปกติทางสีหน้าของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เขา
ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนใบหน้าเนียนและใจคอใสซื่อไร้พิษภัยแบบฟินกี้จะร้ายลึกได้เหมือนกัน


“ห้องยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่ ยังไงรบกวนนั่งอยู่บนเตียงก่อนนะครับ” ฟินกี้เปรยบอกพร้อมรอยยิ้ม



             ไดนาดินตัดสินใจยืน...แทนที่จะนั่งบนเตียงนอนตามคำแนะนำ  เขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายแกล้งไม่รู้เรื่องหรือไม่รู้จริงๆกันแน่ว่าเขามาถึงที่นี่ด้วยเรื่องอะไร กลับเอาแต่ยิ้มอย่างเป็นมิตรให้แบบนั้น


“นี่น้ำครับ!” มือเรียวถือแก้วน้ำที่รินของเหลวใสไร้สีไร้กลิ่นให้ ร่างสูงรับมาถือไว้ไม่รีรอ


“ขอบคุณครับ!” ไดนาดินตอบเสียงเรียบยืนมองหน้าอีกฝ่าย


“จริงๆหลังจากที่พี่ชายผมไปป่วนบริษัทเจ้านายคุณ แล้วพิคเจอร์ก็ต้องย้ายออกไปอยู่ที่ใหม่ ผมไม่เคยคิดเลยว่าคนของอินทรีทองจะมาที่นี่อีก”



“คุณไม่แปลกใจหรอครับว่าผมมาที่นี่ทำไม?” ไดนาดินเอ่ยถามอีกรอบ แต่ประโยคนั้นทำให้ฟินกี้ตงิดใจ


“มีอะไรรึเปล่าครับ? บอกผมมาเถอะ เรื่องเกี่ยวกับอะไร พี่ชายผม หรือว่าพิคเจอร์เป็นอะไร”


“แสดงว่าเฟอกัลไม่ได้บอกอะไรคุณเลยหรอ?”


“ไม่หนิครับ? เอ๊ะ! หรือว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับพิคเจอร์”


“ใช่ครับ ผมมาที่นี่เพื่อจะถามคุณว่า พี่ชายของคุณอยู่ที่ไหน!”


“พี่เฟอกัล! ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าเขาอยู่ที่ไหน” จะว่าไปพักนี้เฟอกัลป์ไม่ได้โทรมาหาเขาเลยด้วยซ้ำ หมับ!!!


“แต่คุณเป็นน้องชายเขา คุณต้องรู้สิว่าเฟอกัลไปที่ไหนบ้าง แล้วพักอยู่ที่ไหน!”



         คำตอบที่ไม่ได้ดั่งใจนั้นทำให้ร่างสูงกำลังกลายร่างเป็นคนขี้โมโห ปกติไดนาดินทนได้ แต่สถานการณ์กำลังเลวร้ายแบบนี้ คำตอบจริงๆเท่านั้นที่จะลดความร้อนรนใจแทนคาดอสบอสของเขาได้


“ผม...ไม่รู้จริงๆครับ” ฟินกี้เจ็บบริเวณที่ฝ่ามือหนาคว้าจะจับต้นแขนแน่น


“เลิกแกล้งเป็นคนดีตีหน้าสื่อได้แล้ว คุณรู้ดีอยู่แก่ใจดี ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่คิดหนีความผิดย้ายห้องมาอยู่ด้านบนชั้นแปดหรอก! ” ความน่ากลัวของไดนาดินปรากฏขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าดวงตาจะถูกแว่นสีดำปกปิดไว้ แต่ฟินกี้ก็รับรู้รังสีเจ็บแค้นแทนเจ้านายนี้ได้



      ยิ่งรู้ว่าตอนนี้พิคเจอร์ไม่ปลอดภัย เขาก็เป็นห่วงไม่ต่างกันหรอกนะ แต่เขาไม่รู้จริงๆว่าพี่ชายของเขาอยู่ไหน! แล้วไม่มั่นใจนักว่าครั้งนี้จะเป็นฝีมือพี่ชายเขาด้วย


“ผมไม่รู้จริงๆครับคุณไดนาดิน” ฟินกี้เริ่มเจ็บตรงแรงบีบนั้นขึ้นเรื่อยๆ แขนเขาก็เล็กแค่นั้น แต่มือหนากลับรวบแขนได้หมด ความชาไปถึงฝ่ามือมากขึ้นเรื่อยๆทีละนิด



“บอกความจริงมา ตอนนี้บอสผมแทบจะบ้าตายอยู่แล้วนะ! คุณคงรู้ดีใช่ไหมว่าเวลาคนที่เรารักกำลังมีอันตราย ความเจ็บปวดความทรมานมันมีมากขนาดไหน”



“ผมก็รู้สึกไม่ต่างจากคาดอสหรอก ผมเองก็รักพิคเจอร์เหมือนกันนั่นแหละ อีกอย่างผมก็รักพี่ชายของผมมาก  จริงๆพี่ชายผมลงมือทำรึเปล่ายังไม่รู้เลย คุณกลับไปได้แล้ว” ฟินกี้ตอบด้วยความสั่นเครือ บริเวณดวงตากำลังมีน้ำใสใสเอ่อนองพร้อมไหลริน



“หลักฐานมีเป็นคลิป เมื่อคืนมันก็ส่งมาให้บอสผม แบบนี้จะไม่ใช่พี่ชายคุณได้ยังไง เลิกเห็นแก่ตัวได้แล้วฟินกี้ พิคเจอร์คือคนรักของบอสผม และคุณไม่ใช่คนที่พิคเจอร์เลือก ”


“ไม่จริง!!! พวกคุณแยกผมออกจากพิคเจอร์แล้วมาเหมารวมว่าพิคไม่ได้เลือกผมได้ยังไงกัน พวกคุณมันเอาแต่ได้ เห็นแต่ผลประโยชน์ตัวเองอย่างที่พี่เฟอกัลพูดไม่มีผิด”



“อย่าพูดถึงอินทรีทองให้แง่ลบแบบนี้อีก! ถ้าคุณไม่รู้อะไรดีพอ”


“ไม่!!! ผมจะพูด ความจริงก็เห็นๆกันอยู่”


“ผมบอกให้เลิกพูดไง!”


“ไม่เลิก ปล่อยผม!”


“คุณยั่วโมโหผมเองนะ อินทรีทองคือชีวิตของผม คุณกำลังย่ำยีองค์กรบ้านเกิดผม และผมรักเคารพบอสมากกว่าสิ่งอื่นใด ผมทำเพื่อบอสได้ทุกอย่าง!”



“คุณจะทำอะไร?”


“ในเมื่อเปลี่ยนความรักของคุณกับว่าที่นายน้อยแห่งอินทรีทองไม่ได้ ผมก็ต้องตัดสิทธิ์การเรียกร้องของคุณยังไงล่ะ”  ร่างสูงจับอีกคนเหวี่ยงลงเตียงนอน ด้วยความโมโห และใช้พลังงานตรึงร่างอีกคนให้แน่นิ่ง



“ไม่นะ! คุณไดนาดิน อย่าทำแบบนี้ อย่าตรึงร่างผม!!!”



   ร่างสูงไม่ฟังคำพูดทัดทานจากอีกฝ่าย เขาค่อยๆถอดเสื้อผ้าตัวเองออก เผยให้เห็นรอยสักอินทรีทองที่หน้าอกขวา  ไม่นานเสื้อผ้าหลายชิ้นของฟินกี้ก็หลุดออกจากลำตัวไปตามๆกัน




“ฮึก ฮือออ คุณไดนาดิน อย่าทำแบบนี้!!!!”



“ผมอดทนกับคุณมามากพอแล้ว บอสผมกำลังจะเป็นบ้า แต่คุณยังคิดปิดบังที่อยู่พี่ชายคุณอีก ผมจะทำให้คุณหมดสิทธิ์ไปเรียกร้องหรือความเห็นใจจากคุณพิคเจอร์ไม่ได้อีกเลยตลอดชีวิต”



            ความจงรักและภักดี กำลังเป็นแรงขับเคลื่อน ให้ไดนาดินชายหนุ่มผู้สุขุม เยือกเย็นต้องทำแบบนี้ เขาทำทุกอย่างเพื่อเจ้านายได้ ถึงแม้จะรู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำผิด ผิดที่ขัดคำสั่งโดยพลการจากเจ้านาย และผิดมากที่ต้องทำกับทายาทเบญจพิษคนเล็กอย่างฟินกี้ด้วย 


        แต่ลึกๆแล้ว ที่ไดนาดินต้องโมโหแบบนี้ เพียงเพราะอีกฝ่ายยืนยันยังรักและชอบพิคเจอร์ คนรักของเจ้านายอยู่ และเขาทนไม่ได้ที่อีกฝ่ายไม่เคยมองเขาเลย ทั้งๆที่ความรู้สึกแปลกไปและเอ็นดูฟินกี้นั้นเริ่มตั้งแต่ เดินชนกันที่สนามบิน



          แต่นั่นเป็นเหตุผลรอง ที่เขาไม่คิดบ้าบิ่นทำแบบนี้กับฟินกี้แน่ หากแม้นว่าฟินกี้ไม่ได้ชอบพิคเจอร์แต่เป็นเพียงเพื่อนสนิท ร่างสูงนี้ก็พร้อมที่จะเชยชมอีกฝ่ายด้วยความเกรงใจและดูแลอยู่ห่างๆไม่บ้าห่ามทำแบบนี้


      เพราะฉะนั้นสิ่งนี้จึงเป็นเหตุผลล้วนๆที่ไดนาดินโมโหขาดสติทำสิ่งที่ถูกต้องของหัวใจตัวเอง แต่ผิดมหันต์ที่กล้าทำแบบนี้กับทายาทเบญจพิษ ด้วยการตัดไฟเสียแต่ต้นลมซะ



“อะ...อย่า  ฮึก ฮืออออ”  เสียงร้องไห้ปางตายของอีกคน ที่กำลังเจ็บเรือนร่าง แทบจะแยกออกเป็นเสี่ยงๆ สิ่งนั้นกำลังดันเข้าไปในจุดที่ไม่คิดว่าจะเป็นไดนาดินที่ทำแบบนี้กับเขา



             ร่างสูงแข็งใจมากที่ต้องทำแบบนี้ ทั้งทีอีกฝ่ายคือคนที่เขาอยากปกป้องแต่กลับต้องมาย่ำยีและทำให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาไม่มีหัวใจขนาดนี้ แต่ขอโทษจริงๆ ตอนนี้มีเพียงความรักต่อเจ้านายและองค์กรเท่านั้น เขาต้องตัดไฟขัดขวางคนรักพิคเจอร์ไปหนึ่งคนให้ได้



:L2:


หานเซียง  คนดี พ่อคนหล่อพ่อพระ  ตอนที่ 24 กำลังอัพลงรอสักครู่  :m31: :m31:

หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 23 - 24
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 09-09-2016 12:43:48
ตอนที่ 24



              ผ่านไปนานหลายสิบนาที กิจกรรมบนเตียงอันแสนขมขื่นใจก็จบลงด้วยดี ฟินกี้หมดสภาพ หมดเรี่ยวแรง และเผลอหลับใหลไปอยู่ในอ้อมกอดของไดนาดิน ความรู้สึกผิดของไดนาดินมากมายเหลือเกิน แต่อีกความรู้สึกมันก็ชัดเจนขึ้นมากเช่นกัน นั่นคือความรักที่มีต่อฟินกี้  แต่เขารู้ดีว่าต่อจากนี้ฟินกี้คงจะเกลียดและขยะแขยงเขาแน่แท้



ครืดดดดด ครืดดดดด 


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชายหนุ่มร่างสูงเรือนกายเปลือยเปล่า เดิมไปรับสายนั้นทันที


“ว่าไงเบลซ!”


“ไดนาดิน ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?”


“มีอะไร?” ไดนาดินเลี่ยงตอบคำถามเพื่อน


“บอสให้นายมาที่สนามบินด่วน ตอนนี้เรนเดลกับเจียนเหมิงอยู่สถานที่เกิดเหตุ ที่ด๊อกเตอร์หายตัวไปแล้ว มันเป็นชายเสื้อที่ดูเหมือนจะถูกฉีกดึงตอนขัดขืน ”


“โอเค ฉันจะรีบไป!!!”



          ปลายสายตัดไป ไดนาดินหันมามองอีกคนที่หมดแรงหลับใหลหายใจสม่ำเสมอ จะให้เขาทิ้งฟินกี้ไปททั้งๆที่สภาพของฟินกี้ตอนนี้ยังไม่สู้ดีแบบนี้ได้ยังไงกัน แต่...ยังไงเขาก็ต้องตัดใจอยู่ดี 



            เขากวาดมองดูรอบห้องเห็นกระดาษเปล่ากับปากกาวางไว้บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ ไดนาดินไม่รอช้าเขียนอะไรบางอย่างลงไปเพื่อลาและขอโทษอีกคน ความยาวหลายบรรทัด   และตอนนี้เขารู้ว่าอีกคนตื่นมาต้องเดินลำบากด้วยกิจกรรมทางเพศเพราะขนาดอวัยวะยืดหดส่วนนั้นของเขาแน่แท้



            ไดนาดินตัดสินใจ เปิดตู้เย็นดูวัตถุดิบอาหารที่พอมีอยู่ แล้วเมนูง่ายๆที่อีกฝ่ายจะทานได้ดีนั้น นั่นก็คือข้าวต้มรวมมิตร เขาใช้เวลาไม่นานในการทำ โชคดีที่ห้องพักของฟินกี้มีอุปกรณ์ทำครัวเพียบพร้อมทุกอย่าง และสุดท้ายอาหารสุดธรรมดาก็เสร็จ แต่ไดนาดินแอบใส่ความรักและความเป็นห่วงใยลงไปด้วย หวังแต่เพียงว่าอีกคนจะตื่นขึ้นมาลิ้มรสแล้วได้ซึมซับความรู้สึกนี้ไปด้วย



“ผมไปก่อนนะครับคุณฟินกี้ ผมสัญญาจะรีบมาหาคุณเพื่อรับผิดชอบให้เร็วที่สุด”



           ชายหนุ่มพูดเสร็จก็กระโดดลงจากชั้นแปดที่ระเบียงห้องอย่างไม่คิดกลัวตาย อาจจะมองน่าทึ่งและไม่น่ารอดในขณะเดียวกัน สำหรับคนทั่วไปไร้ซึ่งพลังงานพิเศษนี้



           เขาจำเป็นต้องใช้พลังงานที่เร็วที่เพื่อไปถึงสนามบินในทันเวลานัดของบอส โดยการวิ่งเร็วไปบนดาดฟ้าและตึกมากมาย การเคลื่อนตัวที่เร็วแบบนี้มันเร็วกว่ารถยนต์ในสภาวะรถติด หากใครไม่สังเกตไม่มีทางเห็นเขาแน่ แต่ถ้าหากเห็นเขาก็จะทำสิ่งที่ถนัดที่สุด คือการลบเลือนความทรงจำของคนคนนั้นซะ



“นายช้าไป 5 นาทีนะไดนาดิน!” ผู้เป็นเจ้านายเอ็ดลูกน้องทันทีที่โผล่หน้ามาถึงไร้ซึ่งอาการเหนื่อยหอบ
แต่จริงๆจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถ้าหากว่าการบินไปเซี่ยงไฮ้ครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนรักของคาดอส


“ขอโทษครับบอส” ไดนาดินก้มหัวให้เล็กน้อย


“แกริค! บอกฉันทีว่าไดนาดินไปไหนมา” คาดอสสั่งลุกน้องอีกคนที่ยืนด้านหลังทันที



      ไดนาดินหันไปมองเพื่อนผมสีบอร์นทองสบตากันเล็กน้อย  แกริคทำท่าทางตะกุกตะกัก แต่ก็ยอมเดินไปจับชายผ้าของอีกฝ่ายทันที เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่แกริคเห็นว่าไดนาดินไปทำอะไรที่ไหนมาก็ต้องอึ้ง  แทบบอกเจ้านายไม่ถูก


“ว่ายังไง!!!”


“บอสครับ ที่ไดนาดินหายไปนานก็เพราะไปเค้นหาความจริงกับฟินกี้ น้องชายของเฟอกัลที่แม่นชั่นครับ” แกริคตอบบอสไปตามความจริง เพียงแต่ไม่หมดทุกอย่างที่เห็นแค่นั้นเอง



        แต่ภาพการร่วมเพศของเพื่อนหนุ่มและทายาทเบญจพิษยังอยู่ในหัวของแกริค มันทั้งขมขื่นและดูเหมือนจะเป็นการปลุกปล้ำเสียบมากกว่า ทั้งภาพและเสียงนั่นชัดยิ่งกว่าชัดอีก แกริคพยายามจะลบมันออกไปจากความคิด แต่ลบยังไงก็ลบไม่ออก ดีหน่อยที่คาดอสไมได้คิดอยากจะอ่านความคิดเขาในตอนนี้ ส่วนไดนาดินเองก็โล่งใจ ที่อย่างน้อยแกริคก็ละเรื่องอื่นไป



“คราวหลัง จะทำอะไรให้บอกฉัน เข้าใจไหมไดนาดิน!”


“เข้าใจครับบอส”


“อืมดี เข้าไปเช็คอินกันได้แล้ว”


“เดี๋ยวผมกับไดนาดินไปเช็คอินให้แล้วกันนะครับ บอสกับเบลซไปยืนรอที่หน้าทางเข้าตรวจสแกนแล้วกัน”



         แกริคแนะนำ คาดอสหันไปมองที่ด้านหน้าบริษัทสายการบินที่จองเอาไว้ คนเยอะมากทีเดียว เห็นทีคงต้องทำตามที่แกริคแนะนำ



“โอเค!”ทันทีที่คาดอสเดียวไปได้ไกลพอสมควร แกริคก็เปรยถามอีกคนอย่างแผ่วเบา


“ไดนาดิน ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่านาย...จะทำเรื่องแบบนั้น นายมีเหตุผลใช่ไหม?”


“มันเป็นความผิดฉันเองล่ะ”


“เฮ้ย จริงๆนายไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล แต่เอาเถอะ เรื่องนี้ยังไงถ้านายพร้อม...เล่าให้ฉันฟังด้วย หรือไม่ก็ลบความทรงจำที่ฉันเห็น
ภาพพวกนั้นไปซะ”



“ไม่! ฉันทำอะไรไว้ คนอื่นก็ควรรับรู้”


 “เออๆ ตามใจแก ถึงคิวเราพอดีแฮะ!” แกริคยิ้มหวานให้พนักงานประจำหน้าจอรอรับตั๋วจอง  ไดนาดินพ่นลมหายใจออกมา ตอน
นี้เขาไม่ได้กลัวว่าคนอื่นจะรู้เรื่องของเขา แต่เขากำลังห่วงอีกคนอยู่ต่างหาก ใจจริงถ้าเป็นไปได้ เขาอยากอยู่ดูแลฟินกี้เหลือเกิน






มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน


              หนุ่มตี๋ผิวขาวสูง เดินวนกลับไปกลับมาภายในตัวบ้าน มีลูกน้องและคนสนิทอย่างอินจือ มองตามจนเริ่มจะเวียนหัวไปตามๆกันอยู่แล้ว


“นายท่าน ร้อนใจไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นนะครับ ผมว่า...”


“อินจือ...นายไปพักไป อย่างน้อยก็เพื่อลูกในท้อง ไม่ต้องมาห่วงฉันหรอก”


“ผมเป็นห่วงนายท่านพอๆกับลูกของผมแหละครับ นายท่านต้องใจเย็นๆ เดี๋ยวไม่นานคุณคาดอสและอินทรีทองก็มาถึงแล้ว”


“ก็ฉันอดเป็นห่วงน้องชายไม่ได้นี่นา ด๊อกเตอร์ก็อีกคน เขาอุตส่าห์มาอยู่ที่นี่เพื่อดูแลลูกของนาย แต่ฉันละเลยมากไป จนไม่คิด
ว่าพวกนั้นจะมาลักพาตัวด๊อกเตอร์ไปแบบนี้ ฉันควรจะดูแลและจัดแจงความปลอดภัยให้เขามากกว่านี้ ”



        ฟ่านหยางเฟยเอาแต่โทษตัวเอง นิสัยนี้เขาติดมาจากผู้เป็นพ่อ ที่สอนเขามา ถึงจะเป็นเพียงระเวลาสั้นๆในตอนเด็ก แต่คำสอนของพ่อเขานั้นจำได้ขึ้นใจเลยทีเดียว อย่างน้อยก็กฎเหล็กของผู้นำที่ว่า รักลูกน้องและผู้มีพระคุณเท่าความสามารถของตนที่จะทำได้ แต่นี่เขายังไม่ได้คิดจะปกป้องเลยด้วยซ้ำ



“นายท่านเป็นคนดี มีน้ำใจรักลูกน้อง แต่ตอนนี้นายท่านกำลังทำให้พวกผมเป็นห่วงนะครับ”


“ก็ได้ๆ ฉันจะพยายามไม่คิดมาก ”


“อย่างแรกนายท่านต้องนั่งให้ติดเก้าอี้ก่อนนะครับ” อินจือแนะนำทันที หลังจากเห็นหยางเฟยยังคงเดินไปเดินมาอยู่เช่นเดิม


       ฟ่านหยางเฟยว่าง่าย ทำตามที่อินจือบอก เขาไม่อยากให้อินจือเป็นห่วงเขานัก เคยได้ยินมาว่าอย่าเพิ่มความเครียดให้กับคนกำลังท้องเพราะจะส่งผลต่อลูกได้


“นายท่านครับ เจียนเหมิงกับเรนเดล กลับมาแล้วครับ”


“ว่าไงบ้าง แล้วไหนล่ะ เศษผ้าที่พวกนายบอก” หยางเฟยดูไม่นิ่งเลยในตอนนี้เขาลุกลี้ลุกลนผิดปกติมาก


“อยู่นี่ครับ แต่ตอนนี้คงทำอะไรไมได้  ต้องรอแกริคคนเดียวเท่านั้น” เรนเดลเปรยบอกพร้อมกับชูเศษผ้าที่พบในบริเวณการ
หายตัวไปของด๊อกเตอร์



   ซึ่งจริงๆแล้วพวกเขาก็ไม่รู้หรอกว่าด๊อกเตอร์หายตัวไปจุดไหนของตลาด แต่ทว่า...เท่าที่เดินดูและช่วยกันตามหาความผิดแปลกไป กลับกลายเป็นพบเจอเศษผ้าชนิดหนึ่งหล่นอยู่บริเวณมุมอับ แถมยังมีตัวอักษรที่ขาดบิ่นไปนิดๆตดชายผ้าด้วย แต่ก็พอรู้
ได้ว่าเป็นของพวกเบญจพิษ



“ฉันว่าแล้วไม่มีผิด น้องชายฉันหายตัวไปก็เพราะพวกเบญจพิษ ฉันเดาผิดซะที่ไหน!” หยางเฟยตวาดดังลั่น


“คอยดูเถอะ ไอ้เฟอกัล อย่าให้ได้เจอเชียว ฉันจะเล่นงานแกให้ถึงที่สุด”



ติ้ง!!!  เสียงข้อความเข้า  หยางเฟยรีบเปิดดู กลับกลายเป็นคลิปอะไรบางอย่าง เขาไม่ลังเลใจที่จะกดปุ่มดู


“ไงฟ่านหยางเฟย ไม่ต้องตกใจภาพที่เห็นนี้นะ ฟ่านหยางอี้ปลอดภัยดี ฉันดูแลเป็นอย่างดีเลย ไว้มั่นใจว่าไอ้คาดอสตายเมื่อไหร่ ฉันจะไปสู่ขอตามประเพณีตระกูลฟ่านนะ ฮ่าๆๆๆๆ” คลิปถูกตัดไปเหมือนจบแค่นั้น



         หยางเฟยกำมือถือแน่น เขากัดฟัน เสียงดังกืดกาด  ภาพที่เห็นคือเฟอกัลกำลังโอบกอดลูบไล่ใบหน้าหยางอี้น้องชายเขาอยู่อย่างสนุกลำพองใจ ถ้าได้เจอตัวเฟอกัล เขาจะไม่วันปล่อยมันแน่!


“คิดจะทำบัดสีกับน้องกู มันจะมากไปแล้ว”



เพล้ง! เสียงโทรศัพท์ถูกคว้างออกไปติดฝาผนังอย่างแรง



“ใจเย็นๆก่อนนะครับ คุณหยางเฟย น้องชายของคุณมีพลังงานพิเศษอยู่ในตัว แถมได้รับการกระตุ้นแล้วด้วย เพราะฉะนั้นพลังการปกป้องตัวเองและคนที่เขาอยากช่วยเหลือย่อมทำให้พิคเจอร์ปลอดภัยครับ”


“แต่มันป้องกันการลวนลามจากไอ้เฟอกัลไม่ได้!!!”


“นั่นเพราะความเกาะแกะรำคาญใจยังไม่ถึงจุดพีคยังไงล่ะครับ ก็เหมือนกับคราวที่แล้วคุณพิคเจอร์พยายามปกป้องคุณจากเปลว
ไฟของเบลซยังไงล่ะครับ ซึ่งเขาก็ทำได้ดีด้วยเพราะกลัวว่าคุณจะไม่รอด”



  เรนเดลพยายามพูดให้อีกฝ่ายสงบสติ และตอนนี้ก็ดูเหมือนได้ผลดีด้วย ฟ่านหยางเฟยมองหน้าเรนเดลราวกับกำลังลดความโมโหลงก่อนจะนั่งลงติดเก้าอี้อีกครั้ง พร้อมกับเอามือกุมหัวราวกับเก็บความรู้สึกไว้




ฮ่องกง! เขตปกครองพิเศษของสาธารณรัฐประชาชนจีน


“อย่าเข้ามานะ!!!”



              พิคเจอร์ตวาดเสียงดังลั่น ตอนนี้เขาถูกเฟอกัลพาตัวมาที่ห้องใหม่ ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นห้องนอนของผู้นำเบญจพิษ และที่แน่ๆร่างสูงนั้นอยู่ในลักษณะเปลือยเปล่า มีเพียงกางเกงขาสั้นบางตัวเดียวเท่านั้นและมีอวัยวะใต้ร่มผ้านั่นกำลังดันออกมา พอจะกะขนาดนั่นได้(แต่ก็อดเทียบไม่ได้ว่าเล็กกว่าของคาดอส)



“ฉันทนรอความรักที่นายมีให้ฉันไม่ไหวแล้วพิคเจอร์ ช่อดอกไม้หลายช่อที่ให้ไป ไม่ช่วยอะไรเลย และที่สำคัญฉันต้องการให้ไอ้
คาดอสมันอกแตกตายไปเร็ว ฮ่าๆๆๆๆๆ”



“ผมบอกอย่าเข้ามาไง!!!”


ฟิ้วววววว  ด้วยความตกใจและคิดหนี พิคเจอร์หลบไปอยู่อีกฝั่งได้อย่างรวดเร็ว



“นี่อินทรีทองฉีดสารกระตุ้นให้นายแล้วอย่างนั้นหรอ? ไหนดูซิว่าจะวิ่งหนีเสน่ห์ของเบญจพิษได้ไหม”



          เฟอกัลแสยะยิ้มมุมปาก พร้อมกับหยิบดอกไม้สีม่วงสามดอก พิคเจอร์ชายตามองดูยังไงก็ไม่ใช่ดอกไม้แท้ มันเป็นดอกไม้
ปลอมที่ทำขึ้นเอง



“จะทำอะไร!!!”


“ก็...ไม่มีอะไรมากหรอก เพียงแค่เกสรนี้ถูกล่องลอยเข้าไปในจมูกของนาย ความรู้สึกอยาก!!! ที่จะร่วมเพศก็จะมากขึ้นแล้ว  จาก
นั้นฉันเองก็จะตอบสนองให้นายอย่างเต็มใจยังไงล่ะ”


“ไม่มีทางหรอก!!! ไอ้ทุเรศ!”


“ก็ลองดู”


  เฟอกัลป์สะบัดดอกไม้ในมืออย่างเร็ว พิคเจอร์มองเห็นละอองเกสรนั่นกระจายฟุ้งเต็มไปหมด ดอกไม้เล็กแค่นี้แต่ทำไมละอองถึงพ่นกระจายออกมาไม่ยอมหยุดเสียที ที่แน่ๆ มันกำลังพัดลอยมาใกล้ตัวเขาทุกทีแล้ว



วืดดดดดดดด



        ด้วยความตกใจกลัวและต้องการให้ตัวเองปลอดภัย เกาะปกป้องก็ปรากฏขึ้นมันมีลักษณะคล้ายวงกลมใหญ่และหนาครอบตัวเขาเอาไว้ ไม่มีละอองเกสรไหนเข้ามาได้ ตอนนี้พิคเจอร์ทำสำเร็จแล้ว จิตใต้สำนึกกับพลังงานรวมกันเป็นหนึ่งเดียวตามที่คาดอสเคยบอก


“นี่มันอะไรกัน ไอ้ลูกกลมใสนี่คืออะไร? ”



         เฟอกัลไม่พอใจ เดินเข้ามาฟาดลูกกลมนั่น แต่กลับกลายเป็นว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลเวียนอยู่รอบเกาะกำบังนั้น พิคเจอร์เผยยิ้มออกมา ไม่อยากจะเชื่อว่ากระแสไฟฟ้าของคาดอสจะมาช่วยเขาได้



“โอ้ยยยยยยย” มือหนาถูกกระแสไฟฟ้าเล่นงาน แทบจะผละมือออกมาไม่ทัน กลิ่นเหม็นไหม้บริเวณฝ่ามือตลบอบอวลไปหมด



“ปัดโถ่เว้ย!!!”



  เฟอกัลหัวเสียรีบเดินออกจากห้องไป ทั้งที่เปลือยเปล่ามีแต่กางเกงขาสั้นบางตัวเดียวเท่านั้น ร่างบางเห็นอีกฝ่ายออกไปแล้วก็เผลอถอนหายใจออกมา แต่ตอนนี้เขาไม่อยากให้ลูกกลมๆนี่หายไปเลย เพราะมันเหมือนเป็นตัวแทนที่คาดอสกำลังปกป้องและอยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลา




ปัง!!!  ประตูถูกถีบเข้ามายังห้องเดิม แต่ตอนนี้มีเพียงด๊อกเตอร์ที่ยังนั่งชันเข่าอยู่มุมห้อง เฟอกัลสีหน้าโมโหเดินตรงเข้าไปจับคอเสื้ออีกฝ่ายขึ้นอย่างแรง


“ลุกขึ้นมา!!!”


“นี่มันเรื่องอะไรกัน!” บารอนตกใจไม่น้อยที่จู่ๆร่างโปร่งก็พรวดพราดเข้ามาทำกิริยาไร้มารยาทแบบนี้


“พิคเจอร์มีพลังปกป้องตัวเอง! แต่ทำไมมีกระแสไฟฟ้าบรรลัยนั่นของไอ้คาดอสด้วย?”


“ว่าไงนะ?” ด๊อกเตอร์เองก็งงไม่แพ้กัน พิคเจอร์ไม่ได้มีความเด่นด้านพลังงานสายฟ้าเสียหน่อย


“ไอ้แก่เอ้ย!! เลิกตีหน้าเซ่อได้แล้ว บอกมาว่าทำไมพิคเจอร์มีกระแสไฟฟ้าปกป้องเขา”


“อาจเป็นไปได้ว่า พิคเจอร์อาจมีความสามารถดูดพลังงานตอนที่คาดอสปล่อยออกมาได้”


“ปัดโถ่เว้ยยยยย  ไปทำให้พิคเจอร์หมดฤทธิ์เดี๋ยวนี้” ร่างโปร่งสั่งเสียงดัง


“ไม่มียาแก้การกระตุ้น สิ่งเดียวจะทำได้คือ ความตายเท่านั้น”



            เฟอกัลเจ็บใจมากที่ได้ยินคำตอบแบบนี้ อย่างนี้ก็เท่ากับว่าเขาได้ตัวพิคเจอร์มาแต่ทำอะไรไม่ได้เลยอย่างนั้นหรอ?     
“ถ้าอย่างนั้นแกก็กระตุ้นให้ฉันบ้าง”



“คุณไม่มีพลังงานพิเศษติดตัวมาแต่เกิด ”


“ก็ทำให้กูมีสิวะ!!!”


“ไม่ได้!!! ยานั่น ถ้าหากฉีดซี้ซั้ว คนที่คิดอยากได้ แต่มันยังจะทำให้ชีวิตของคุณสั้นลง หรือเลวร้ายกว่านั้นคือคุณจะต้องตาย! แต่
คุณตายก็ดีเหมือนกันนะ ผมกับพิคเจอร์จะได้ออกไปจากที่นี่”



"เฟอกัล  ไอ้แก่นี่ด่านาย เดี๋ยวฉันจัดการเอง!!!"


เพี๊ยะ!!! เพี๊ยะ!!! ตุ๊บ  เฟอกัลป์มองดูหานเซียงลงมือฟาดหน้าด้วยหน้ามือและหลังมือพร้อมกับชกเข้าท้องอีกครั้ง อย่างตกใจนิดๆ


“แช่งผู้นำเบญจพิษตายหรอมึง!  เดี๋ยวปัด!!!”

"พอแล้วๆ หานเซียง เดี๋ยวมันก็ตายพอดี"



      เฟอกัลรีบปราม แต่ตอนนี้เขาหงุดหงิดมาก ทำไมอินทรีทองต้องได้เปรียบเขาทุกอย่าง ทำไมกัน!!! นี่เขาคงไม่ได้มีโอกาสแก้แค้นให้กับชาวเบญจพิษที่ตายไปเลยใช่ไหม? แต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยๆพวกนั้นก็ไม่มีวันหาเขาพบหรอก ส่วนไอ้แก่ด๊อกเตอร์นี่คงมีประโยชน์แค่เพียงทำให้พิคเจอร์ท้องกับเขาให้ได้เท่านั้น  ถ้าถึงตอนนั้นเขาจะฆ่าด๊อกเตอร์ทิ้งซะ


         เพราะอะไรนะหรอ? ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ไอ้มารชีวิตอย่างไอ้คาดอสได้สืบลูกแพร่หลานกับใครได้อีก ไม่ว่าจะเป็นพิคเจอร์หรือใครอื่นก็ตามที่เป็นผู้ชาย แต่ถ้ามันชอบผู้หญิงคนไหน เขาก็จะตามไปฆ่าพวกเธอซะ เขาต้องการดูความเจ็บปวดของไอ้คาดอส ให้เหมือนกับที่มันทำให้เขาเจ็บช้ำใจเป็นแผลเป็นตราบาปตั้งแต่เล็กจนโต คอยดู!!!



      เมื่อไหร่ที่ไม่มีอินทรีทอง เมื่อนั้นเบญจพิษจะเป็นใหญ่และอยู่ยิ่งใหญ่คู่กับเสือแดงไปตลอดกาล



:L2:



ตอนนี้แถมให้นาจา อิอิ ชดชเยวันอาทิตย์ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้อัพลง ใกล้จบแล้วล่ะนะ เห็นความโง่ของเฟอกัล และความเลวของหานเซียงชัดมั้ย  ตอนต่อๆๆไปจะชัดกว่านี้อีก

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 23 - 24
เริ่มหัวข้อโดย: fcsunaree ที่ 09-09-2016 15:20:41
ฟังแล้ว กัสอยากจะหา ส้มตำ น้ำพริก และ น้ำมนต์ 19 ชุด อยากเอาไปราดใส่เฟอกัลเหลือเกิน แต่ เอาน้ำมนต์ เป็นถังดีกว่าเนาะ จะได้ปัดความชั่วออกจากเฟอกัลไง เห็นแล้ว อยากทำแบบนั้นแทนค่า
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 23 - 24
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 09-09-2016 22:43:58
คิดว่าจะชนะคาดอสได้เหรอ แค่เข้าใกล้พิคเจอร์ยังไม่ได้เลยเฟอกัล
ปล.อ่านๆไปเหมือนยอดมนุษย์เข้าไปทุกที
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 23 - 24
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 10-09-2016 18:13:12
ตอนที่ 25


              เวลาผ่านไป จนกระทั่งบอสใหญ่แห่งอินทรีทองมาถึงเซี่ยงไฮ้ พวกเขามุ่งตรงไปที่อาณาจักรของเสือแดงทันที และดูเหมือนว่าทั้งคนมาเยือนและคนเฝ้ารอกำลังร้อนรนใจไม่ต่างกัน


“คาดอส! ช่วยน้องฉันด้วยนะ ไอ้เฟอกัลมันจะข่มขืนหยางอี้แล้ว” ผู้เป็นพี่เอ่ยเป็นห่วงน้อง


“โอเค หยางเฟยใจเย็นๆก่อน  ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น”  คาดอสร้อนใจไม่ต่างกับหยางเฟย แต่กลับเป็นฝ่ายต้องปลอบเพื่อนคนนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้


“แกริค เริ่มสืบหาเลย!”



               คาดอสหันไปบอกลูกน้องผมบอร์นทอง ทุกคนมองไปที่แกริคเป็นตาเดียวกัน ชายหนุ่มใช้เวลาไม่นานแตะหลักฐานที่เป็นชายเสื้อหลุดรุ่ยนั้น และคำตอบทั้งหมดตอนนี้ก็ปรากฏอยู่ในหัวเขาแล้ว


“บอสครับ! คุณพิคเจอร์อยู่ที่ฮ่องกงครับ ”


“ดี!!! งั้นไปกันเลย  ” คาดอสหันหลังจะออกจากคฤหาสน์ไป แต่กลับมีมือหนาอีกฝ่ายคว้าจับไหล่ไว้ก่อน


“คาดอส ฉันฝากด้วยนะ” หยางเฟยบอกด้วยความกังวลใจ แววตานั้นมีแต่ความห่วงใยฟ่านหยางอี้และเอาใจช่วยเพื่อนสนิทคนนี้มากทีเดียว


“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ปล่อยให้ฟ่านหยางอี้เป็นอะไรไปหรอก”



           ประมุขเสือแดงพยักหน้าน้อยๆหลังจากได้ยินคำยืนยันนั้นออกจากปากคาดอส แล้วปล่อยไหล่อีกคนที่เป็นตัวแทนเขาไปทำหน้าที่ไป ตอนนี้ขอแค่เพียงน้องชายเขาปลอดภัย แค่นี้ก็ไม่ขออะไรมากแล้ว





ผ่านไปหลายชั่วโมง...

ฮ่องกง เขตปกครองพิเศษภายใต้สาธารณรัฐประชาชนจีน


“เฟอกัล! คาดอสมา ” หานเซียงเดินเข้ามาบอก ในขณะที่อีกคนกำลังนั่งดื่มไวน์อย่างใจเย็น แต่ตอนนี้คงไม่แล้วนิ่งนอนใจแล้ว เพราะชื่อนั้นมันทำให้เขาแปลกใจปนตื่นตระหนกในคราวเดียวกัน…



“มันมาได้ยังไง?”


“ไม่รู้ แล้วนี่คนของนายทำงานสะเพร่ารึเปล่า?”



           หานเซียงกำลังหมายถึงตอนที่เฟอกัลป์สั่งลูกน้องให้ไปจับตัวด๊อกเตอร์มาที่นี่ แต่คำพูดนั้นกลับทำให้ผู้นำเบญจพิษหงุดหงิดใจ หาว่าอีกฝ่ายกำลังตำหนิเขา



“อย่าโทษคนของฉันหน่อยเลย ลองถามแกเองดูซิว่า ตอนจับหยางอี้มาที่นี่แกทำงานเรียบร้อยรึเปล่า!”




        เฟอกัลสวนกลับไปด้วยความเหลืออดเช่นกัน แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกันเอง พวกเขาควรรับมือผู้มาเยือนเหนือมนุษย์เหล่านั้น



“โอเค นายไปรับหน้าพวกมันก่อน ส่วนฉันจะไปที่ห้องคุมขังไอ้ด๊อกเตอร์นั่นกับหยางอี้ก็แล้วกัน!”



      หานเซียงยื่นข้อเสนอ และดูเหมือนเฟอกัลจะเห็นด้วย ในความคิดของผู้นำเบญจพิษในตอนนี้ก็ไม่อยากให้พวกนั้นเจอหานเซียงเท่าไหร่นัก เพราะหงส์ดำเป็นกลุ่มแก๊งที่หายสาบสูญไปแล้วในความคิดของแก๊งอินทรีทอง  แต่ไม่ใช่เลย...พวกนั้นเข้าใจ
ผิด เหมือนกับที่คิดว่าเบญจพิษสาบสูญหายสิ้นไปนั่นเอง



“โอเค ฉันจะออกไปรับหน้าพวกคาดอสตามที่นายว่า ส่วนนายอย่าให้พวกคาดอสไปใกล้ฟ่านหยางอี้กับไอ้แก่อ้วนนั่นเด็ดขาด”



“อืม! เชื่อมือฉันเถอะ” 


      ร่างโปร่งสั่งงานหานเซียงเสร็จก็ออกไปจากห้องทันที โดยหารู้ไม่ว่าเขาไว้ใจหานเซียงมากเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้ทายาทหงส์ดำอ้างว่าตน เป็นคนเหลือรอดเพียงคนเดียวของแก๊ง ในตอนนี้ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วที่จะอ้างอีกต่อไป




           เพราะพวกเขารู้ดีว่าคราวนี้ยังไงเฟอกัลก็ไม่มีทางรอดพวกอินทรีทอง มิหนำซ้ำเบญจพิษยังจะรู้ความจริงอีกว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนทำให้ความเลวของเบญจพิษถูกเปิดโปงเมื่ออดีต แล้วยังซุ่มฆ่าพ่อแม่ของฟ่านหยางเฟยอีกด้วย



               มือหนารีบกดโทรศัพท์หาใครบางคนทันที และเป็นคนที่คาดอสต้องตกใจเมื่อได้เจอ! 



“ป๊า! ผมว่าเราไม่น่ารอด ออกมาต่อรองกับไอ้คาดอสได้เลย ตอนนี้มันอยู่ที่ฮ่องกงแล้ว ผมให้แผนที่ป๊าไปเมื่อวาน ป๊ามาตามนั้นได้เลย ส่วนตัวประกันนั้นเรามีพร้อมทุกอย่าง ฮึฮึ”



        หานเซียงยิ้มอ่อน โทรบอกผู้เป็นพ่อให้เดินทางมาที่นี่ ส่วนตอนนี้เขาต้องทำบางสิ่งเพื่อความเป็นธรรมให้กับแก๊งหงส์ดำและรอดจากการไล่ฆ่าของคาดอสรอบนี้  ไม่ว่าจะยังไงเขาต้องจบปัญหานี้เสียที ไม่อย่างนั้นหงส์ดำก็ต้องเป็นฝ่ายวิ่งหนีอินทรีทองอยู่แบบนี้ไม่จบสิ้น มันถึงเวลาแห่งความจริงแล้ว!



          บริเวณห้องโถงด้านล่าง คาดอสบุกมาถึงถิ่นตามที่แกริคพามา เขายังพอมีมารยาทที่จะนั่งรอบนโซฟาในห้องรับแขกอย่างใจเย็น  แม้ในใจคิดอยากจะถลาไปฆ่าเฟอกัลให้ถึงตายด้วยซ้ำ



“เก่งดีนี่! ที่รู้ว่าฉันอยู่นี่” เฟอกัลเอามือสอดกระเป๋ากางเกงมองหน้าคาดอสอย่างไม่เกรงกลัวและท้าทายไม่น้อยทีเดียว


“ฉันจะไม่พูดอะไรมาก ถ้านายส่งฟ่านหยางอี้และด๊อกเอตร์มาให้ฉัน ฉันจะไม่เอาเรื่องนาย”


“แกมีสิทธิ์อะไรที่มาสั่งฉัน ฉันต่างหากที่ต้องสั่งแก ฉันกำลังจะเอาคืนแก ที่แกกล้าขับไล่แก๊งฉันออกจากประเทศตัวเอง”


“นั่นมันเป็นเรื่องชั่วช้าสารเลวของพวกแกที่ทำเอง โดยขัดคำสั่งขององค์กรใหญ่อย่างเรา แท้ที่จริงพวกแกมีโทษถึงตายด้วยซ้ำ”


“ฮ่าๆๆๆๆ  ตายอย่างนั้นหรอ? ก็ได้นะคาดอสเอาที่นายสะดวก แต่คราวนี้เป็นไงเป็นกัน ฉันพร้อมตายและตายไปพร้อมกับฟ่านหยางอี้ด้วยเป็นไง ฮ่าๆๆๆๆๆ”



           พูดถึงความตายของสุดที่รักอย่างฟ่านหยางอี้ คาดอสจุดจะทนต่อไปได้อีกแล้ว เขาต้องสั่งสอนคนตรงหน้าให้สาสม


“ไดนาดิน! ทรมานมัน” คาดอสตะคอกสั่งลูกน้องอย่างเหลืออด ไดนาดินรู้หน้าที่ดีว่าหมายถึงอะไร?


“ทราบแล้วครับบอส!”



พรึบ!!!


        ไดนาดินเพ่งเล็งพลังงานไปยังเป้าหมาย ไม่นานเฟอกัลก็ขยับร่างกายไม่ได้แล้ว ร่างโปร่งรู้สึกเจ็บปวดออกมาจากกระดูกก็มิปาน




“เอื้ออออออ อ่า.......”  เฟอกัลทุกทรมานเจ็บปวดทันทีที่โดนไดนาดินเล่นงาน


“เรนเดล เบลซ ดูคนของเฟอกัลไว้ ระวังผงบุบผามรณะด้วย อย่าสูดดมเด็ดขาด ฉันกับแกริคจะขึ้นไปช่วยหยางอี้กับด๊อกเตอร์เอง”


“ทราบแล้วครับบอส!”



        คาดอส แกริค วิ่งเร็วไปตามทางบันไดในบ้านหลังใหญ่นี้ โดยมีแกริคนำทางไปเพราะรู้ว่าตัวประกันอยู่ที่ไหน ส่วนชั้นล่างที่เดิม เรนเดลกำลังสร้างกำแพงน้ำแข็งกั้นป้องกันตัวเองจากกระสุนปืนและผงบุบผานั้นจากลูกน้องเบญจพิษอย่างหนาแน่น



“ใครอยากตายก็เข้ามา!” เบลซสั่งเสียงดัง มองคนของเบญจพิษอย่างไม่เกรงกลัว  แต่ก็ดูเหมือนพวกนั้นจะกลัวตายกันอยู่ไม่น้อย ทำท่าทียักยักไม่กล้าเข้ามาหาพวกเขาเลยสักคน เพราะเปลวไฟในมือเบลซมันพร้อมฆ่าชีวิตทุกคนที่กล้าลองดี



             ตอนนี้แกริควิ่งนำมาจนถึงห้องของด๊อกเตอร์ก่อน แต่ก็ต้องต่อสู้กับคนเฝ้าห้องหลายสิบคน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะหนุ่มร่างสูงใหญ่ปล่อยสายฟ้าไปทั่วเรือนร่าง คนพวกนั้นรีบวิ่งกรูหนีหายกลัวตายไปหมด 



             หนุ่มผมบอร์นทองไม่รอช้าพังประตูห้องเข้าไป ปรากฏเห็นชายร่างท้วมคุ้นหน้าคร่าตากำลังทำตาโตดีใจที่เห็นพวกเขามาช่วย แต่เพราะปากถูกเทปดำปิดเอาไว้ เสียงร้องตะโกนให้ช่วยเลยเปล่งเสียงออกมาไม่ได้



“ใจเย็นๆนะด๊อกเตอร์ เรามาช่วยแล้ว” แกริคแกะเชือกที่ขาและมือออก ไม่นานด๊อกเตอร์บารอนก็เป็นอิสระ


“คาดอส ไปช่วยพิคเจอร์ก่อนเร็วเข้า ตอนนี้ไอ้หานเซียงมันอยู่ที่นั่นด้วย” ด๊อกเตอร์รีบบอกคาดอสทันที


“หานเซียง!!!!” คาดอสอุทานทวนชื่อนั้นออกมาอีกครั้งด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าจะได้ยินชื่อนี้อีกครั้ง


“ใช่ รีบไปเถอะ ก่อนที่พิคเจอร์จะเป็นอันตราย”



ฟิ้ววววววว


        คาดอสบุกเดี่ยว ทิ้งแกริคละด๊อกเตอร์อยู่ในห้องสองคนไปก่อน ตอนนี้เขาต้องตามหาตัวหานเซียงให้เจอ ว่าแต่ไอ้หมอนั่นมันพาพิคเจอร์ไปที่ไหนกัน?



             ร่างสูงวิ่งเข้าวิ่งออกหลายห้องนับไม่ถ้วน  แต่ไม่ปรากฏเรือนร่างของหวานใจและคนร้ายเลยแม้แต่น้อย จนท้ายที่สุดท้ายก็ตัดสินใจวิ่งขึ้นมาจนถึงชั้นบนสุดของหลังคาลักษณะคล้ายดาดฟ้าตามตึก เขามองหาเป้าหมายและก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เขามองเห็นสองร่างที่มีขนาดแตกต่างกันแต่ตัวแนบชิดกันราวกับปาท่องโก๋



“อย่าเข้ามานะเว้ย! ไม่งั้นไอ้นี่สมองแตกแน่”



  หานเซียงขู่พร้อมกับจ่อปืนเข้าขมับซ้าย ดูก็รู้ว่ามันทำจริง เพราะคาดอสอ่านใจจากคนตรงหน้าออก 



“พี่เฉิงช่วยด้วย!!!” พิคเจอร์ตะโกนร้องบอก คาดอสได้ยินแล้วแทบขาดใจ


“หุบปากไปซะ!!!” หานเซียงตะคอกใส่


“หยางอี้ ตั้งสตินะ จิตวิญญาณและพลังรวมกันเป็นหนึ่งจำได้ไหม นายจะปลอดภัย?”



             คาดอสพยายามเกลี่ยกล่อม พิคเจอร์มีสิทธ์รอด ด้วยพลังงานปกป้องตัวเองจากอีกคนที่จ่อปืนอยู่ขยับซ้าย  ร่างบาง
ทำตามอย่างว่าง่าย ทันทีที่ทุกอย่างรวมกันเป็นหนึ่ง   เกาะกำบังขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นทันที แถมดันร่างอีกคนให้กระเด็นออก
จากรัศมีลูกกลมหนาใสนั้นไปด้วย




วืดดดดดดด



“ดีมากพิคเจอร์!” คาดอสยิ้มออกมา ก่อนจะเหลือบมองอีกคนด้วยความโมโห คราวนี้ถึงทีของทายาทหงส์ดำแล้ว


“ทำไมแก ยังมีชีวิตอยู่? แล้วมาอยู่กับเฟอกัลได้ยังไง?” คาดอสถามไปด้วยความสงสัย


“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบแก! ”


“งั้นก็ตายซะเถอะมึง!” คาดอสเปรยบอกอย่างเหลืออดพร้อมกับง้างมือเพื่อฟาดสายฟ้าใส่หานเซียง แต่แล้วกลับไม่ง่ายอย่างที่
คิด...



แกร๊กๆ  เสียงชักปืนดังอยู่ทางด้านหลังหูร่างสูง ทำให้เขาต้องชะงักมือไป



“จะฆ่าลูกชายฉันหรอคาดอส!”   


“ป๊า!/ หานจู!”




         ไม่น่าเชื่อว่าผู้นำรุ่นคราวพ่อก็ยังไม่ตาย มันเรื่องอะไรกัน? คาดอสงงไปหมดแล้ว


“พวกแกระเบิดเรือตายไปแล้วไม่ใช่หรือไง?” คาดอสถามด้วยความสงสัย


“ฮึฮึ คนอย่างฉันตายง่ายซะที่ไหน นั่นมันก็แค่เซ็ทฉากหลอกตาก็เท่านั้น แต่เอาเถอะ...ไหนๆก็มาถึงวันนี้แล้ว ก่อนแกจะตายฉัน
จะบอกให้เอาบุญก็ได้!”



     ปืนหลายกระบอกจ่ออยู่ที่หัวด้านหลัง คาดอสไม่กล้าขยับเขยื้อนมากนัก ด้วยระยะประชันชิดแบบนี้ ต่อให้วิ่งเร็วแค่ไหนก็ไม่มีทางหนีทัน



“...หลังจากที่หงส์ดำระเบิดเรือฆ่าตัวเอง ซึ่งจริงมันก็แค่ละครฉากหนึ่งอยู่ที่บอก แต่ไอ้พวกอินทรีทองหน้าโง่อย่างพวกแกก็เชื่อสนิทใจว่า พวกฉันตายหมดแล้ว  ฉันแอบหนีมาได้พร้อมลูกชาย และหนีขึ้นเรือไปยังอเมริกา รักษาตัวเองและสร้างสุมกำลังพลเอาไว้จากนั้นก็ตามหาตัวพ่อแกจนเจอที่นิวยอร์ก ไม่นานพ่อแกก็ต้องตายอย่างอนาถด้วยยาพิษของฉัน  แต่น่าเสียดายที่ฉันปกปิดหลักฐานได้ดี ทีมแพทย์เลยสรุปว่าพ่อแกเสียชีวิตเพราะโรคเครียดต่อเนื่องและอ่อนแอ”



“แก ไอ้เลว!” คาดอสตะคอดด่าทันที



“...ยังไม่หมดเท่านั้น ฉันวางแผนอยู่นานจนในที่สุดก็หาทางออกเจอ โดยการบอกธุรกิจเลวๆค้าอาวุธเถื่อนของเบญจพิษให้ตำรวจ ตำรวจเลยแห่มาตามจับพวกมัน  ส่วนเบญจพิษหน้าโง่ก็นึกไม่ถึงอีกว่าหงส์ดำเป็นคนทำ แต่กลับเข้าใจว่าต้องเป็นอินทรีทองแน่ๆ ทั้งทั้งที่ก็รู้ว่าอินทรีทองไม่รู้เห็นเกี่ยวกับธุรกิจนี้เลยนอกจากเบญจพิษและหงส์ดำเท่านั้น  ก็บอกแล้วว่ามันโง่!   และอินทรีทองก็ไม่มีทางยอมรับเรื่องแบบนี้ในระบบองค์กรได้หรอก จริงไหม? เลยเป็นเหตุจำเป็นต้องขับไล่เบญจพิษออกจากการปกครองไป น่าสงสารจริงๆ”




    หานจู เดินไปมาตรงหน้าคาดอส อย่างสะใจ อีกอย่างก็ดูเหมือนกำลังประจานความเลวของตัวเองให้คาดอสฟังเป็นครั้ง
สุดท้ายด้วย




“...หลังจากนั้น  เสือแดงหน้าโง่แต่อวดฉลาดอย่างพ่อแม่ไอ้หยางเฟยก็สะเออะทำตัวเป็นคนดี หลังจากที่เบญจพิษถูกไล่ออกนอกประเทศแล้ว  ก็ยังอุตส่าห์บากหน้านัดเจรจาแทนอินทรีทองที่เมืองไทย  ฉันเห็นแล้วอุจาดตาว่ะ เลยยิงพวกเสือแดงทิ้งไปซะเลยในระหว่างเจรจากันอยู่ด้วยมุมตึกที่สูงมาก พอดีช่วงนั้นฉันจ้างมือสไนเปอร์มาได้พอดี ฮ่าๆๆๆ ไม่นึกเลยว่าจะแม่นและง่ายดายขนาดนี้  หลังจากนั้นฉันก็โทรแจ้งไปยังตำรวจสากลของประเทศไทยให้ตามล่าหาตัวคนผิด แพะรับบาปครั้งนี้ของฉันก็ตกเป็นเบญจพิษอีกนั่นแหละ แต่พ่อของไอ้เฟอกัลรีบหลบหนีไปพร้อมกับลูกน้อยของเสือแดง ถ้าจะให้ชัดคือไอ้เด็กในลูกกลมๆนี่ไง ฮ่าๆๆๆๆ โตมาหน้าเหมือนแม่มันจริงๆ” หานจูหันไปมองร่างบางอีกคนที่อยู่ในเกาะกำบังลูกกลมๆนั่น




“แกทำแบบนี้ต้องการอะไร?”



“ล้างแค้นไง?    อินทรีทองทำอะไรกับหงส์ดำไว้บ้าง องค์กรเราอยู่ได้ด้วยการขายอาวุธเถื่อน แต่พวกแกไม่ยอมเห็นด้วย ฉันจำเป็นต้องล้มอินทรีทองเพื่อเป็นใหญ่เอง เอาล่ะรู้ความจริงหมดแล้วก็ดี เตรียมตัวตายได้แล้ว”



“อย่า!!!!!”  ฟ่านหยางอี้ตะโกนสุดเสียง  ทันใดนั้นเกาะป้องกันอีกอันก็เข้าปกป้องร่างสูงคนที่เขารักทันที ทันเวลาที่กระสุนปืนพวกนั้นกดยิง



“ฉันเสียเวลากับพวกอินทรีทองมามากพอแล้ว”  หานจูทำสีหน้าไม่พอใจ ยิงปืนรัวใส่ลูกกลมๆครอบตัวคาดอสนั้นอย่างบ้าครั่ง 
แต่ลูกกลมๆนั่นก็ทำหน้าที่ได้ดีเกินคาด




เจี๊ยดดดดเจี๊ยดดดดด 



         เสียงกระแสไฟฟ้าตอนนี้กำลังดังขึ้นเรื่อยๆ พลังงานหลายหมื่นโวลล์กำลังทำงาน คาดอสกำลังโกรธมาก  และสิ่งที่เขาต้องการทำตอนนี้ก็คือ...ฆ่าหงส์ดำตายให้หมดซะ  เขาพร้อมที่จะรับผิดชอบตามกฎหมายทุกอย่าง


หมับ!!!!!!!!!!!!!



      คาดอสเอามือพุ่งจับคอหานจูยกสูงเหนือพื้นแล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าช๊อตใส่ ร่างของหานจูเริ่มเหม็นไหม้ขึ้นทุกทีๆ จนกระทั่งแน่นิ่งไป  แต่ในระหว่างนั้นความเป็นมนุษยธรรมของคาดอสก็มีมากพอที่จะฆ่าคนด้วยกันเอง



“ป๊า!!!!!!!” หางเซียงวิ่งเข้าไปช่วยพ่อตัวเอง แต่กลับถูกบางอย่างเล่นงานใส่หน้าเต็มๆ นั่นคือกระแสลม มันคือผลพวงของพลังงานพิคเจอร์นอกจากมีการป้องกันร่างกายแล้ว ยังมีกระแสลมที่เขาเนรมิตขึ้นได้




       หานเซียงตาเบิกโต ถอยหลังกรูไปจนมุม ไม่ทันตั้งตัวว่าหมดทางไปแล้ว และหากเข้าถอยหลังไปอีกก้าวเดียวนั่นคือ จุดจบชีวิตของเขา



“หานเซียงอย่างถอยหลังนะ ไม่งั้นนายแย่แน่!” ร่างบางตะโกนบอก


“ป๊าฉันตายแล้ว แล้วฉันจะอยู่ทำไม แต่ก่อนที่ฉันจะตาย แกก็ต้องตายด้วย!!!”



         หานเซียงถลาเข้าจับแขนพิคเจอร์ กระโดดลงไปพร้อมกันทันที ความสูงของที่นี่มากถึงห้าชั้น  แน่นอนว่าถ้าหานเซียงตกลงไป ถ้ารอดก็เลี้ยงไม่โตแน่



หมับ!!!!



       มือเรียวเล็กคว้าจับขอบตึกดาดฟ้าด้วยความสามารถที่มีอยู่ หานเซียงเงยหน้าขึ้นไปมอง ปรากฏว่าพิคเจอร์คว้าจับขอบตำไว้ได้กลับรีบออกแรงดึงถ่วงตัวเองให้หนัก เพื่ออีกฝ่ายจะได้ทนรับแรงน้ำหนักไม่ไหว



“แกจะต้องตายไปกับฉัน ไอ้คาดอสมันจะได้ตายทั้งเป็นฮ่าๆๆๆๆ”


“พูดอย่างกับชีวิตตัวเองไม่มีค่าอย่างนั้นแหละหานเซียง ” พิคเจอร์ส่ายหัวก่อนจะดึงด้วยพลังที่เกินมนุษย์ช่วยอีกร่างขึ้นมาได้


 สุดท้ายก็มีใครอีกคนถลาเข้ามาหาอย่างเร็ว หลังจากจับการลูกน้องของหงส์ดำให้สลบไปจนหมด


“พิค! นายไม่เป็นอะไรนะ” คาดอสโผเข้ากอดอีกฝ่ายด้วยความถวิลหาอย่างมาก จนจะทำให้อีกฝ่ายหายใจไม่ออกแล้ว


“พะ...พี่เฉิง พะ...พอก่อน ผมไม่อะไรแล้ว  เพราะผมมีพี่เฉิงมาช่วยไง   ส่วนหานเซียงเขาจะตายไม่ได้ เขาต้องไปรับโทษตามกฎหมายต่อไป”


“นายทำถูกแล้วพิค ภรรยาฉันทำไมใจดีและฉลาดอย่างนี้นะ” คาดอสแซวอีกฝ่ายโดยไม่ได้ดูเวลาล่ำเวลา


"ใช่เวลามาพูดเล่นไหมเนี่ย!"



“ป๊า!!!!!  ป๊าอย่าตายนะป๊า”



       เสียงโวกเวกดังจากอีกทาง ทั้งสองคนหันไปมองกลับปรากฏเป็นหานเซียงที่กอดร่างไร้สติของผู้เป็นพ่อ คาดอสมองภาพนั้นอย่างหน่ายๆ


“พี่เฉิง พี่ฆ่าพ่อของหานเซียงรึเปล่า!”


“พี่เปล่า! แค่ทำให้น็อกไปเท่านั้นเอง” ร่างสูงแก้ตัวพร้อมกับยืนกอดอกเท่ห์ๆ


“งั้นพี่ก็เดินไปบอกเขาได้แล้ว จะยืนเก๊กอยู่ทำไม ไม่เห็นหรอว่าหานเซียงร้องไห้จะเป็นบ้าอยู่แล้ว”


“ให้มันบ้าไปเลย พวกเลวๆแบบนี้”


“พี่เฉิง!”


“คร้าบๆๆ พี่จะไปบอกเดี๋ยวนี้แหละครับ ”



     คาดอสเดินเข้าไปบอกอีกฝ่ายตามที่ร่างบางต้องการ สุดท้ายไม่นานตำรวจฮ่องกงก็เข้าจับตัวหงส์ดำไป เพราะทางการต้องการตัวอยู่แล้ว ร่างสูงจูงมืออีกฝ่ายไปที่ขอบตึกดาดฟ้า พิคเจอร์หายใจไม่ทั่วท้องและไม่เข้าใจว่าผู้นำอินทรีทองจะทำอะไร



“พี่เฉิง ผมว่าเรากลับไปชั้นล่างดีกว่านะครับ ไปทุกคนกัน”


“หยางอี้ไม่รู้หรอว่าพลังของเราทำอะไรได้บ้าง ที่แน่ๆคือกระโดจากที่สูงมันไวกว่าลงบันไดเยอะ”


“ไม่นะ ผมไมชอบความสูงงงงงงงงงงง”



พรึบ หมับ! วืดดดดดดดดดดด



        คาดอสไม่สนใจอีกฝ่ายเขากะจะแกล้งคนรักของเขาเท่านั้นด้วยการเข้าไปอุ้มอีกฝ่ายในท่าเจ้าสาวพร้อมกระโดดลงจากความสูงหลายสิบเมตรลงมา  พิคเจอร์หลับตาปี๋มือเรียวก็ฟาดตีลงต้นแขนใหญ่ๆนั้นไปตลอดทางที่กระโดดลงมา  แต่มันกลับเป็นความสุขของร่างใหญ่มากไม่น้อยทีเดียว



:L2:




หว่ายยยยยยยยยยยยยย  ปมเรื่องหมดแล้วที่เหลือ รอดู ความร้อนแรงของหยางเฟยกับเฟอกัลได้เลย  ส่วนความรักพ่องี้แม่งอนของไดนาดินกับฟินกี้ก็รอได้เลย  ท้ายที่สุดครอบครัวตัวน้อย เจียนเหมิง อินจืออีก    ความรักแต่ละคู่นี่สู้ความละมุนของคาดอสกับพิคเจอรืไม่ได้หรอก อิอิ  ส่วนเรนเดลกับแกริคนี่จะเลิกกัดกันแล้วพูดดีบ้างไหมแน่ ใกล้จบแล้วล่ะ อิอิ ย้ำว่าไม่มีตอนพิเศษนาจา


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 10-09-2016 18:28:29
สรุปเฟอกัลรับกรรมกลานเป็นภรรยาของพี่ชายพิคจัง ?
อุ้ย!  o18 :laugh:
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 10-09-2016 18:46:56
คนธรรมดาจะมาสู้ยอดมนุษย์ได้ยังไง 555
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 11-09-2016 15:45:43
ตอนที่ 26



            เรื่องราวทุกอย่างคลี่คลายไป ไม่มีเหตุการณ์ไหนทำให้เกิดปมปัญหาอีกแล้ว เสียดายก็แต่ผู้นำเบญจพิษที่เจ็บปวดจากการเล่นงานของไดนาดินจนหมดสติไป ไม่ทันได้รู้เรื่องราวความจริงจากปากของหวนอู ผู้นำแก๊งหงส์ดำ



           ส่วนหงส์ดำสองพ่อลูก โทษหนักมหันต์ต้องถูกจำคุกไปตลอดชีวิตที่ฮ่องกง ในตอนนี้ถึงคราวอวสานของแก๊งหงส์ดำโดยสมบูรณ์




            คาดอสเดินทางกลับมาที่เซี่ยงไฮ้พร้อมกับตัวประกันที่เขาทั้งรักและเป็นห่วงอย่างพิคเจอร์และด๊อกเตอร์บารอนผู้เคารพรักดั่งพ่ออีกคน  นอกจากนี้ยังมีเฟอกัลหมดสติติดสอยห้อยท้ายมาที่นี่ด้วย



            ทันทีที่มาถึงเซี่ยงไฮ้ เจ้าของคฤหาสน์รอคอยต้อนรับอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว หนุ่มตี๋เรือนร่างสูงลงทุนมายืนรออยู่ตรงหน้าประตูเข้าบ้าน พอได้เห็นน้องชายลงจากรถมาอย่างปลอดภัยเขาเองก็อดไมได้ที่จะยิ้มกลบใบหน้าดุดันและเครียดนั้นไป



“หยางอี้!!!”


“พี่หยางเฟย”



                สองร่างต่างขนาดวิ่งลิ่วเข้าโผกอดกันกลมเกลียว ถึงตอนนี้สถานะของทั้งสองเป็นแค่พี่น้อง แต่คาดอสพ่อหนุ่มลูกครึ่งกลับไม่คุ้นชินเท่าไหร่นัก มิหนำซ้ำแอบหวงหึงพิคเจอร์ในใจเสียด้วยซ้ำ



“แอะแฮ่มมมมม” คาดอสกระแอมด้วยเสียงที่ดังก้อง จนทำลายอ้อมกอดของสองหนุ่มพี่น้องในที่สุด


“มีปัญหาอะไรคาดอส?” ฟ่านหยางเฟยเปรยถามพร้อมสีหน้ากวนประสาท อย่างรู้ทัน


“เปล่า! ฉันต้องการทวงคำสัญญา เงื่อนไขที่บอกว่าจะหาหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้อินทรีทอง ตอนนี้ฉันก็ทำสำเร็จ
แล้ว...”



               ฟ่านหยางเฟยพยักหน้าตาม พลางนึกคำพูดตนขึ้นได้  แต่เอาจริงๆในใจของหยางเฟยนั้นพยายามเชื่ออยู่ไม่น้อยเลยว่าอินทรีทองนั้นไม่ใช่คนผิดอย่างแน่นอน  แต่ว่าเขาไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันได้ว่าอินทรีทองบริสุทธิ์จริง ในเวลาคับขันไร้หนทางแบบนั้น สิ่งเดียวที่เสือแดงต้องทำคือไม่ไว้ใจใครทั้งสิ้น




              แต่ตอนนี้ทุกอย่างกระจ่างแจ้งแล้ว มันถึงเวลาสมควร ที่เขาจะทำตามสัญญา แต่มันจะสมบูรณ์แบบไม่ได้  หากว่าไม่ถามความเห็นของน้องชายตนเสียก่อน


“ว่ายังไงล่ะเรา...รู้สึกยังไงกับคาดอส”



               พิคเจอร์มองหน้าพี่ชายตัวเองอย่างอึ้งๆ ไม่คิดว่าคำถามนั้นจะถูกถามออกมาต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ แล้วร่างบางจะตอบว่าอะไรดีล่ะ? ตอนนี้มีแต่เพียงเสียงหัวใจดังตึกตักๆเท่านั้น


“พี่หยางเฟย จะถามกันตรงนี้เลยหรอ?”


“เป็นอะไรไป ถ้านายไม่เลิกอายตอนนี้ แล้วอีกหน่อยต้องเดินสอยห้อยท้ายไปกับคาดอสทุกที่ จะไม่ยิ่งอายกว่านี้หรอ พี่บอกเลย
นะไอ้หมอนี่มันหน้าหนามากด้วย ทำอะไรไม่มีอายหรอก”


“อ้าวเฮ้ยๆ อย่าเผากันแบบนี้สิไอ้เพื่อนยาก” คาดอสทำหน้าตกใจนิดๆแต่ก็ไม่คิดปฏิเสธอะไร


“เอาล่ะพี่จะถามอีกครั้ง นายรู้สึกยังไงกับคาดอส”

...


...


...


“ผม...ผมรักเขา” ร่างบางกลั้นตอบตามความรู้สึกตัวเองต่อหน้าทุกคน


“เฮ้!!!!”


            เสียงร้องโห่ของเหล่าลูกน้องทั้งหลายดังขึ้นทันทีเมื่อเจ้านายร่างเล็กเปรยบอกแบบนี้ ซึ่งก่อนหน้านั้นลุ้นกันตัวโก่งเชียว พอได้ยินแบบนี้ค่อยโล่งอกไปหน่อย นับว่าเป็นเรื่องมงคลที่จะเกิดขึ้นตามมาเร็วๆนี้



“ฉันต้องฝากเสือแดงอีกชีวิตไว้กับนายแล้วไอ้เพื่อนรัก” ฟ่านหยางเฟยเดินจูงมือน้องชายมาหาคาดอส


“ด้วยศักดิ์ศรีของประมุขอินทรีทอง ฉันจะดูแลปกป้องฟ่านหยางอี้ด้วยชีวิต” คาดอสเอ่ยคำสัตย์ต่อหน้าฟ่านหยางเฟยผู้เป็นเพื่อน
อย่างจริงจัง



“แหม...ไม่จริงหรอกพี่หยางเฟย ตอนอยู่บนดาดฟ้าที่ฮ่องกงนะ ผมต่างหากที่ดูแลปกป้องคนแถวนี้!”


“ใครบอก...ถึงตอนนั้นนายไม่ช่วย  พี่ก็เล่นงานพวกนั้นได้อยู่แล้ว”


           คาดอสรีบเปรยปฏิเสธ ไม่อยากเสียฟอร์มต่อหน้าลูกน้อง ก็แหงล่ะปราบศัตรูครั้งนี้ในเหตุการณ์น่าสิ่วหน้าขวานก็มีเพียงคาดอสและพิคเจอร์เท่านั้น คนอื่นๆอยู่ด้านล่างหมดไม่มีใครเห็นภาพที่ร่างบางช่วยร่างสูงสักคน


“ทำฟอร์มเก๊กอยู่ได้ ยอมๆบ้างสักครั้งไม่เป็นไรหรอกน่า” พิคเจอร์เอาหมัดน้อยๆต่อยเข้าที่หน้าอกใหญ่นั่นครั้งนึง


“โอ้ยยยย เจ็บนะ!”



“แหมที่เป็นหยางอี้ทำนิดทำหน่อยนี่เจ็บปางตายเลยนะเพื่อน” หยางเฟยแกล้งแซวที่คาดอสแสดงเกินจริง


“ไม่เจ็บได้ไงวะ ที่รักของฉันต่อยเข้าหน้าอกซ้าย ตรงนี้มีหัวใจอยู่ด้วยนะเว้ย”


“ฮ่าๆๆๆๆ”  หลายคนในที่นั้นหัวเราะให้กับเหตุผลไร้แก่นสารนั้น  แต่พิคเจอร์กลับหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกไปแล้วในตอนนี้



“บอสครับ! เฟอกัลฟื้นแล้วครับ!”



           ไดนาดินที่ยืนใกล้รถยนต์มากที่สุดเปรยบอกทำลายเสียงหัวเราะนั้น ทุกคนต่างหันไปดูแพะรับบาปผู้แสนโง่เขลาอย่างเป็นห่วงและเห็นใจ แต่สำหรับฟ่านหยางเฟยยังไม่รู้ว่าเฟอกัลถูกนำมาที่นี่ด้วย ภาพทั้งหมดทั้งมวลที่เบญจพิษกระทำต่อน้องชายเขาก่อนหน้านี้ยังคงวนเวียนอยู่ในความทรงจำที่ผ่านมา มันยากเกินกว่าจะให้อภัยนัก  เขาต้องสำเร็จโทษตามกฎของเสือแดงอย่างจริงจังซักที



“มาที่นี่ด้วยหรอมึง!!!” หยางเฟยสบถคำพูดออกมาเบาๆ แล้วถลาตัวเข้าไปที่รถคาดอสทันที แต่มีหรอที่ร่างสูงใหญ่ไม่ต่างกันจะไม่ได้ยิน  คาดอสรีบวิ่งเข้าไปคว้ารั้งจับตัวเพื่อนเอาไว้เกือบไม่ทัน


“หยางเฟย!!! ใจเย็นๆ เฟอกัลเขาไม่ใช่คนผิดหรอกนะ และเขาก็น่าสงสารมากด้วย” คาดอสให้เหตุผล



“เรื่องอดีตก็คืออดีต ฉันให้อภัยได้ แต่เรื่องปัจจุบัน!!! สิ่งที่มันทำกับน้องชายฉัน ฉันไม่มีทางปล่อยมันแน่!”



         หนุ่มตี๋ตะหวาดดังลั่น  ใช้แรงดิ้นหลุดสุดชีวิต คาดอสทนต่อแรงเพื่อนหนุ่มไม่ไหว หากจะให้ใช้ไฟฟ้าช๊อตก็คงจะไม่ดีนัก เห็นทีต้องปล่อยฟ่านหยางเฟยเสียแล้ว



พรึบ!! พรวดดดดด


         ทันทีที่ประมุขเสือแดงหลุดออกจากวงแขนคาดอสได้ ก็เข้าไปเปิดประตูรถลากตัวอีกฝ่ายออกมาทันที เฟอกัลป์ยังไม่ทันได้ตั้งตัวและกำลังเวียนหัวพอสมควร จังหวะนั้นถึงกับทำให้ต้องตกจากเบาะรถด้วยแรงของฟ่านหยางเฟย กระทบพื้นเสียงดังอึกอีกด้วย!!!



“พี่หยางเฟย ใจเย็นๆครับ เฟอกัลเขาเจ็บตัวไปหมดแล้ว” ร่างบางตกใจกับท่าทีพี่ชายตรงหน้า


“ดี!!! ให้เจ็บเยอะๆนั่นแหละดี มานี่เลยมึง!”



               ตอนนี้คำพูดใครก็ไม่เป็นผลแล้ว  หยางเฟยจับสองแขนอีกฝ่ายลากเข้าไปในบ้าน ท่ามกลางการมองดูภาพนั้นอย่างเป็นห่วง  แต่คนของอินทรีทองและเสือแดงก็รู้ดีว่าจริงๆแล้วเฟอกัลสมควรโดนแบบนี้



              สุดท้ายหนุ่มตี๋ก็หลายลับขึ้นไปบนบ้านพร้อมกับผู้นำเบญจพิษที่ไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ไป สีหน้าแต่ละคนกำลังครุ่นคิดสบตากันไปมาว่าจะเอายังไงต่อดี


“พี่เฉิง ทำอะไรซักอย่างสิ จะปล่อยให้พี่หยางเฟยทำแบบนั้นหรอ?”


“หยางเฟยเขาเป็นห่วงนายมากนะ และสิ่งที่เป็นกฎเหล็กของเสือแดงก็คือ ใครทำอะไรไว้ต้องได้รับโทษนั้น”


“แล้วถ้าโทษนั้นคือเฟอกัลต้องตายล่ะพี่เฉิง” พิคเจอร์ยังอดเป็นห่วงเฟอกัลไมได้


“ไม่ต้องกลัว...โทษของเฟอกัลไม่ถึงตาย เพราะเขาไม่ได้เป็นคนฆ่าพ่อแม่ของนายกับหยางเฟยแล้ว แต่ที่เฟอกัลต้องชำระคือ...”



              คาดอสละคำพูดไป ไม่อยากจะคิดว่าป่านนี้ในห้องนอนเฟอกัลจะมีสภาพยังไงบ้าง


“ต้องชำระอะไรพูดต่อสิครับ!” คาดอสได้แต่จ้องหน้าพิคเจอร์ไม่กล้าพูด  จนสุดท้ายถึงได้ยินเสียงของเจียนเหมิงเปรยบอกแทน


“สิ่งที่เฟอกัลต้องชำระให้แก๊งเรานั่นก็คือ...เรือนร่างครับ”


“หมายความว่าไง?”


“ในคลิปที่เฟอกัลส่งมาให้นายท่านดู เป็นภาพที่มันกำลังลวนลามนายน้อยยังไงล่ะครับ แต่เฟอกัลจะต้องได้ชดใช้มากกว่าสามเท่าของที่ทำไป”


“แต่เขาจะไม่ตายใช่ไหม?” หยางอี้ถามยืนยันอีกครั้งเพื่อความสบายใจ เขาเป็นห่วงผู้นำเบญจพิษเหลือเกิน


“ไม่หรอกครับนายท่านเป็นคนมีคุณธรรมและยุติธรรมมากพอ” เจียนเหมิงบอกด้วยความสุภาพ


“เลิกห่วงเฟอกัลได้แล้วน่าพิคเจอร์ ตอนนี้นายต้องไปเก็บข้าวของแล้วไปอยู่ปักกิ่งกับพี่เดี๋ยวนี้” คาดอสเอามือจับไหล่พลิกตัวอีกคนให้หันหน้ามาทางเขาแทน


“ไปปักปิ่ง ไปทำไมครับ?”


“นี่ไม่รั้หรือแกล้งไม่รู้กันนะ...นายก็ไปเป็นนายน้อยภรรยาอินทรีทองที่โน่นไงเล่า?”


“แต่ผม...”


“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้อเงป็นห่วงเฟอกัลป์หรอก เจียนเหมิงก็รับปากแล้วว่าเฟอกัลไม่ถึงตายหรอก”


“เปล่าครับ ผมจะบอกว่าผมอยากอยู่กับพี่ชายที่นี่”


“แต่นายยังทำงานให้พี่ไม่ครบหนึ่งเดือนเลยนะ”


       คาดอสอ้างไม้ตายออกมา เขาคิดไว้แล้วว่าร่างบางต้องพยศดื้อรั้นกับเขา ก็ช่วยไม่ได้เด็กน้อยลูกแหง่ติดพี่ชายแบบนี้ เขาไม่ใจอ่อนหรอก ยังไงก็ต้องพาร่างบางไปเป็นนายน้อยอินทรีทองที่ปักกิ่งให้ได้


“พี่เฉิงใจร้าย”


“ใครว่าล่ะ ถ้านายไม่ไปอยู่กับพี่ คนที่ใจร้ายที่สุดคือนายนายต่างหาก พี่ต้องอยู่เงียบๆเหงาคนเดียวมา 20 ปีโดยไม่มีนายแบบนี้
ไม่สงสารพี่บ้างหรือไง?” คาดอสเริ่มอ้อนด้วยเหตุผล


“ก็ได้ครับ แต่พี่เฉิงต้องพาผมกลับมาหาพี่หยางเฟยทุกเสาร์อาทิตย์ ได้ไหมครับ?”


“โอเค...แต่จริงๆพี่ชายนายเขาไม่เหงาอีกแล้วล่ะ เขามีคนอยู่ด้วยแล้ว”


“หมายความว่าไงครับ?”


“ก็หมายความว่านับจากนี้ไปเฟอกัลคือ...นายน้อยของเสือแดงยังไงล่ะ” คาดอสกระซิบอีกฝ่ายข้างหู


“ทั้งๆที่รู้จักกันด้วยความบาดหมางหรอครับ?”


“ก็ช่วยไม่ได้เฟอกัลอยากทำลวนลามกับนายก่อน ถึงหยางเฟยไม่ทำพี่ก็จะชำระโทษนี้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว มีคนทำ
แทนก็ดีไป” คาดอสยิ้มุมปาก


“หมายความว่าไง...ที่พี่จะชำระเฟอกัลเหมือนกัน? พี่คิดอะไรกับเฟอกัลบอกมานะ” มือบางฟาดลงที่หน้าอย่างแรง จนคาดอสเจ็บจริงเลยคราวนี้ สังเกตได้จากความตกใจจนกระแสไฟฟ้าไหลผ่านใบหน้า


“โอ้ย!!! หยางอี้พี่เจ็บจริงๆนะครับเนี่ย โมโหอะไรอีกล่ะ”


“สมน้ำหน้า เจ้าชู้ดีนัก”


“ปะ...เปล่าๆ เข้าใจผิดแล้ว พี่ไมได้คิดแบบนั้น...พี่หมายถึงเอาเรื่องกับเฟอกัลด้วยความรุนแรงต่างหาก”


         หยางอี้ฟาดมือลงหน้าร่างสูงอีกครั้ง


“โอ้ย!!! พี่เจ็บนะครับพิค เดี๋ยวจับจูบโชว์ซะเลย”


“อย่านะ!!! ก็เห็นแล้วว่าการทำร้ายคนอื่นด้วยความรุนแรงมันก็มีแต่ความเจ็บ พี่ยังจะไปคิดแค้นอะไรกับเขาอีกล่ะ”


“ครับๆ พี่รู้แล้ว อย่าตบพี่อีกเลยนะ ว่าแต่จะกลับปักกิ่งกันรึยัง? พี่ง่วงและก็เหนื่อยมากด้วย” คาดอสอ้อน


“อื้ม! ”



            ร่างบางขานรับก่อนจะเดินเข้าไปนั่งในรถรอ ไม่เก็บข้าวของอะไรซักชิ้นกะจะให้คาดอสพาไปซื้อใหม่ที่โน่นเลยจะง่ายกว่า  แต่ยังไม่ทันที่คาดอสจะวนไปเปิดประตูอีกฝั่ง ไดนาดินกลับเอ่ยรั้งขึ้นมาเสียก่อน


“บอสครับ ตอนนี้ภารกิจเสร็จหมดแล้ว ผมขออนุญาตบอส ไปทำธุระส่วนตัวของผมนะครับ”


“ธุระส่วนตัวของนายหรอไดนาดิน?” คาดอสทวนคำพูดคนสนิทอีกครั้ง


“ใช่ครับบอส ผมต้องไปที่ประเทศไทยครับ” คาดอสขมวดคิ้วฉงนใจ


      ไม่มีอะไรต้องปิดบังเจ้านายอีกต่อไป คาดอสสามารถอ่านใจคนสนิทของเขาได้หมดทุกอย่างในตอนนี้ โดยที่ไม่มีเงื่อนงำ
ใดๆให้แปลกใจอีก ส่วนอีกคนที่รู้ดีทุกเรื่องของไดนานดินนั่นคือแกริค

...

...


“ไปเถอะไดนาดิน ไปทำในสิ่งที่ถูกต้อง” ประมุขอินทรีทองเปรยบอกให้กำลังใจลูกน้องแล้วขึ้นรถไป


“โชคดีนะเว้ยขอให้นายน้อยเบญจพิษใจอ่อน ฉันจะรอพวกนายสองคนที่ปักกิ่ง” แกริคเดินมาตบไหล่ให้กำลังใจเพื่อน


“ขอบใจว่ะแกริค ” ไดนานดินตอบรับเพื่อน


“แกริค!!! จะขึ้นรถหรือจะเดินกลับฮะ!!!” เสียงหงุดหงิดไม่พอใจของเรนเดลตะโกนถามอย่างเอาเรื่อง


“จ้าๆๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละจ้า ดุจริงๆเลยว่าที่ภรรยาฉันเนี่ย”


“ว่าไงนะ!!!” เรนเดลได้ยินไม่ถนัดนัก


“ปะ..เปล่าๆๆ ไม่ได้พูดอะไรเลย ไปแล้วนะไดนาดินโชคดีๆ”  แกริคผายมือลาเพื่อนอีกครั้งก่อนจะวิ่งแจ้นไปอีกด้านของคนขับ 
คราวนี้เป็นหน้าที่ของเบลซเช่นเดิมที่เป็นคนขับ และมีเรนเดลนั่งคั่นแกริคเอาไว้



            แต่จากนี้ไปเรื่องราวจะเป็นยังไงไดนาดินชักไม่มั่นใจในตัวเองเท่าไหร่นัก ไม่รู้ว่ากลับไปตอนนี้ ฟินกี้จะทำสีหน้ายังไงและรู้สึกยังไงกับเขา  แต่เขามีความรับผิดชอบพอ แม้กระทั่งมีพลังงานพิเศษลบเลือนความทรงจำฟินกี้ได้แต่ไม่เลือกที่จะทำ เขาขอชดเชยความผิดนี้ด้วยหัวใจของคนสุขุมเยือกเย็นอย่างเขาเต็มความสามารถจะดีกว่า




ส่วนบนห้องกว้างใหญ่ของฟ่านหยางเฟยนั้น...


ลีลารเซ็กส์ปนร้อนแรงเคียดแค้นรออยู่...



:L2:



 :katai3: :katai3: :katai3: :katai3:

หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 26
เริ่มหัวข้อโดย: fcsunaree ที่ 11-09-2016 19:39:40
คนแต่งนี่ แต่งมา จบได้สวยเลยค่า เลิศมาก ช๊อบชอบ ติดตามเลยเน้อ
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 26
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 12-09-2016 11:27:53
ตอนที่ 27


ตุ๊บ อึก!!!



          เสียงอะไรบางอย่างที่ถูกโยนกระแทกใส่บนเตียงนอนอย่างแรง หากแต่สิ่งนั้นคือเรือนร่างสูงโปร่งที่ถูกกระทำอย่างหนักหน่วง  เขาดูไร้เรี่ยวแรงใดๆขัดขืน แม้ตอนนี้จะเห็นเต็มสองตาว่าร่างสูงหนาตรงหน้าคือประมุขเสือแดงที่กำลังเปลื้องผ้าตัวเองอยู่ก็ตาม



“จ..จะทำ อะไร?” เสียงแหบพร่าปนอิดโรยเอ่ยถาม แต่นั่นมันเป็นคำถามที่สิ้นคิดสำหรับฟ่านหยางเฟยที่สุด


“โง่ทุกเรื่อง!!! โง่ได้ตลอดเวลา มิน่า...ถึงได้ถูกหงส์ดำปั่นหัวเล่นมานานหลายปี” หนุ่มหน้าตี๋แสยะยิ้ม




                ตอนนี้ลายสักเสือแดงสวยงามปรากฏเด่นชัดบนแผงอกสีขาวน่ามองและเอามือลูบ ฟ่านหยางเฟยพุ่งถลาเข้าหาอีกฝ่ายอย่างเร่งรีบ เอามือฉีกเสื้อผ้าชิ้นแล้วชิ้นเล่าบนกายเฟอกัลป์อย่างดุเดือดไร้ความอ่อนโยนละเมียดละไม ในความคิดตอนนี้หยางเฟยต้องการเอาคืออย่างสาสมเท่านั้น



“อย่า...อย่าทำแบบนี้” ร่างบางกว่าได้แต่เอ่ยเปรยห้ามปราม เขาไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยตั้งแต่ถูกไดนาดินตรึงร่างจนทนความเจ็บปวดไม่ไหว สลบแน่นิ่งไปจนตื่นขึ้นมาก็พบว่าอยู่ในถ้ำเสือเรียบร้อยแล้ว



“ฮึฮึ ทีกับน้องชายฉัน ฉันห้ามแกแบบนี้แล้วแกฟังที่ไหน? ไอ้เฟอกัล!!!”



      ลิ้นสีชมพูอมแดงร้อนระอุละเลงลงบนยอดอกสีชมพูอีกฝ่ายสลับข้างซ้ายขวาอย่างเอาจริงเอาจัง พอเห็นอีกฝ่ายกำลังดิ้นก็ยิ่งดื่มด่ำกดปลายลิ้นตวัดไปมาแล้วดูดขึ้นแรงๆ จนอีกฝ่ายแทบอยากจะตายเอาดื้อๆ


“อะ...อึก อือออ  ...อย่า”


“ฮึฮึ”



            เสียงหัวเราะในลำคอนั้นแสดงถึงความสะใจและกำลังแสดงความต้องการปะปนกัน พอเบญจพิษผู้นี้อยู่ในสภาพเสมือนตาย แต่กลับไม่ตายแบบนี้นั้นมันช่างเป็นอะไรที่น่าสังเวทใจที่สุด...


“นับจากนี้ไป เบญจพิษจะอยู่ภายใต้การปกครองของเสือแดง ตลอดชีวิตทั้งร่างกายและจิตใจ!!!”


“อ่า.....”



       เสียงร้องครางปนกรีดกรายดังขึ้น เพราะฟ่านหยางเฟยกำลังเล่นอยู่กับจุดที่อ่อนไหวที่สุดของร่างกาย ด้วยอวัยวะยืดหดตัว
ได้นั้น ดันทะลุกำแพงกล้ามเนื้อหุบกั้นไว้ของเฟอกัลได้สำเร็จ ก่อนที่ทุกอย่างจะดำเนินต่อไปไม่มีวันยับยั้งได้จนกว่า....


จนกว่าจะสำเร็จ...ความใคร่เสร็จสิ้น!!!





กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย



                ไดนาดินเดินทางมาถึงที่นี่ ในสภาพชุดเดิมที่ไม่แตกต่างอะไรจากวันบุกไปช่วยพิคเจอร์และด๊อกเตอร์ที่ฮ่องกง ด้วยสูทสีดำ และชุดดำทั้งตัว ไหนจะแว่นกรองแสงสีดำอีก ตอนนี้เขาพาตัวเองมาหยุดที่ตรงหน้าแมนชั่น ที่พักของใครบางคนโดยหัวใจของเขาเพรียกหาอยากพานพบสบตาใจจะขาด



          จากวันที่เกิดเรื่อง จนกระทั่งถึงวันนี้ผ่านไป สองวันแล้ว ไม่รู้ว่าฟินกี้จะเป็นยังไงบ้าง ยิ่งคิดยิ่งเป็นห่วงเพราะนั่นคือเซ็กส์ครั้งแรกของเขาเองและมั่นใจร้อยทั้งร้อยว่าก็เป็นสิ่งใหม่ของฟินกี้เช่นกัน ไดนาดินตัดสินใจเดินไปยังลิฟต์ตัวเดิมทันทีอย่างร้อนรนใจ   



“คุณ!!! คุณนั่นเอง มาหาฟินหรอคะ” เสียงเจ้าของแมนชั่นเปรยถาม ทำให้ร่างสูงหยุดชะงัก


“ใช่ครับ!”


“อ่อ สงสัยข้าวของจะเยอะเลยมาช่วยกันขนสินะ”


“!!?” คำพูดของหญิงวัยกลางคนผู้ทำให้เขาฉงนใจ


“หมายความว่าไงครับ?”


“เอ้า! ฟินไมได้บอกหรอจ้ะว่าจะย้ายของออกแมนชั่นวันนี้”  หญิงสาวเปรยถาม ร่างสูงตกใจมาก



                  แต่ไดนาดินไม่คิดรอตอบเธอหรอก ตอนนี้เรื่องฟินจะย้ายออกมันทำให้เขาตกใจมากกว่า ทำไมร่างบางต้องย้ายออกด้วย? หรือว่ากลัวเขาจะกลับมาหา? แล้วทำไมต้องหนี? แล้วนี่ถ้าหากเขามาช้าไปอีกนิดเดียวจะเป็นยังไง? มันอาจจะเท่ากับว่า เขาจะไม่ได้วันเจอกับฟินกี้อีกแล้วก็เป็นได้



                  ไดนานดินตัดสินใจวิ่งขึ้นบันไดด้วยความเร็วสูง ไม่สนใจแล้วว่าจะมีมนุษย์หน้าไหนเห็นพลังงานนี้ของเขา แต่ตอนนี้ใจเขาจดจ่ออยู่ที่ห้องพักชั้นแปดเพียงอย่างเดียว



                  ใช้เวลาไม่นานแถมไวกว่าลิฟต์ตัวนั้น ไดนานดินก็พาร่างของเขาเองมายืนหยุดที่หน้าประตูห้อง หมายเลขคุ้นตา แปลกแตกต่างออกไปตรงที่ประตูห้องถูกแง้มเปิดเอาไว้ เห็นสภาพห้องด้านในเป็นไปตามที่เจ้าของแมนชั่นบอกไว้ไม่มีผิด ข้างของทุกสิ่งอย่างถูกนำมาวางไว้กลางห้องเกือบหมด



                  ไดนาดินไม่รอช้าผลักประตูเข้าไปทันที เจ้าของห้องที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำกลับชะงักตกใจไม่น้อยเช่นกัน ที่เห็นว่าใครมาเยือนถึงที่นี่



“ใจร้ายจังเลยนะครับ ที่คิดจะหนีผม!” ไดนานดินไม่ว่ามากความกลับต่อว่าด้วยความน้อยใจ ปนเจ็บใจด้วยหากเขามาไม่ทันที่จะเห็นอีกฝ่าย



“...”




               ฟินกี้เลิกทำสีหน้าผงะตกใจอีกฝ่าย เพียงเพราะสติสามัญสำนึกในใจทำหน้าที่ได้อย่างดีและจดจำเขาได้แม่นยิ่งกว่าอะไรอีก ร่างบางไม่ขอตอบคำถาม แต่เดินกลับไปกลางห้องเพื่อเก็บของต่อ



           ไดนาดินรับรู้ได้ถึงความเย็นชาของอีกฝ่าย แต่มีหรอที่เขาจะยอมแพ้! เขาถือวิสาสะเดินตามไป



“เป็นยังไงบ้าง หายดีรึยัง?”


            ไม่บอกก็รู้ว่าไดนาดินหมายถึงอะไร ฟินกี้นึกไปถึงเมื่อสองวันก่อนที่ต้องตื่นขึ้นมาแล้วมีสภาพร่างกายปางตาย มันเจ็บปวดทั้งใจทั้งกาย ต้องรักษาแผลตรงจุดลับด้านหลังนั้นอย่างโดดเดี่ยวคนเดียว แต่ก็ไม่ปฏิเสธนักที่จะตัดสินใจทานข้าวต้มรวมมิตรหม้อใหญ่ที่อีกฝ่ายทำไว้ให้



“คุณฟินกี้ คุณยังโกรธผม? ผมมาที่นี่เพื่อทำสิ่งที่ถูกต้อง” ไดนานดินอ้างเหตุผล แต่ดูเหมือนอีกคนจะชะงักมือเก็บของแล้วปราย
ตามองแทน



“ถ้าจะมารับผิดชอบ ผมว่าไม่ต้องหรอก คุณกลับไปเถอะ” ร่างบางตอบเสียงเรียบ


“ไม่ได้หรอก ผมต้องรับผิดชอบนี่คือสิ่งเดียวที่เป็นเครื่องเตือนใจผมทั้งชีวิต”


“แต่สำหรับศัตรูของอินทรีทอง คนอย่างคุณไม่ต้องรับผิดชอบก็ได้ จริงๆผมควรตายด้วยซ้ำไปในความคิดพวกคุณ”



               ฟินกี้ไม่ได้คิดประชดอย่างเดียว แต่เอาตรงๆนี่คือความจริงที่เขาควรได้รับ แต่เรื่องมันกลับตาลปัดไปแล้ว ตรงที่ว่าร่างบางยังไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตอนนี้เบญจพิษคือผู้บริสุทธิ์ หากแต่ถูกดึงมือไปเป็นเครื่องมือชำระแค้นของหงส์ดำต่างหาก



“ตอนนี้เบญจพิษไม่ได้เป็นศัตรูอินทรีทองแล้วนะครับ”


“อย่ามาเล่านิทานหลอกเด็กหน่อยเลย คุณกลับไปเถอะ ผมจะเก็บของ”


“แล้วคุณฟินกี้จะไปไหนครับ? ”


“ไปไหนก็ได้ที่ไม่ต้องเจอองค์กรเข่นฆ่ากันวันต่อวันแบบนี้ โดยเฉพาะคุณ! กลับไปซะ ”


“ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ ให้ผมอยู่เคียงข้างดูแลปกป้องคุณนะครับ”


“ผมดูแลตัวเองได้” ร่างบางยืนยันชัดเจน


“ผมรู้ว่าที่ทำไปนั้นคุณคงจะโกรธและรับไม่ได้ แต่ผมขอเยียวยาด้วยกาลเวลาจะได้ไหม?”


“ไม่ต้องรอคุณเยียวยาหรอก กาลเวลาของชีวิตผมจะเยียวยาตัวผมเอง คุณกลับไปเถอะนะไดนาดิน”


“ผมไม่กลับ!! ผมจะช่วยคุณฟินกี้เก็บของ ผมจะตามคุณไปทุกที่ ผมจะอยู่ทุกที่ที่มีคุณ” ร่างสูงดื้อรั้น


“พูดอะไรบ้าๆ คุณคือคนสนิทของประมุขอินทรีทอง คุณจะมาเสียเวลาเรื่องไร้สาระโดยทิ้งหน้าที่ดูแลคาดอสกับพิคเจอร์ไปได้ยัง
ไง?”



“ใครว่าเรื่องไร้สาระกันล่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตผม และบอสก็อนุญาตผมแล้วด้วย ต่อจากนี้ไม่มีเรื่องบาดหมางอะไรกันอีกแล้ว บางทีผมอาจจะไม่ต้องดูแลบอสอีกแล้วก็ได้ แต่ผมอยากจะดูแลคุณ!!!”



“ผมถามคุณคำเดียว ทำไมคุณไม่เชื่อคำพูดผมตั้งแต่ทีแรก ผมบอกว่าผมไม่รู้เรื่องอะไรของการหายไปของพิคเจอร์ แต่คุณกลับเอาความโมโหยั้งคิดมาทำแบบนี้กับผม”



“ผมขอโทษ”


“เปลี่ยนจากคำขอโทษ แล้วกลับไปประเทศจีนซะ”


“ถ้าคุณคิดว่าผมยังมีพันธะอยู่กับอินทรีทองแล้วผลักไสไล่ส่งผมแบบนี้ ผมจะโทรไปบอกบอสแล้วขอลาออกจากอินทรีทองคุณ
จะว่ายังไง?”



“อย่าทำแบบนั้นนะ!” เสียงอุทานร้องห้ามอีกฝ่ายที่กำลังจะทำท่าจะเหมือนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา


“คุณไม่ไล่ผมแล้วใช่ไหม?”


“ผมเหนื่อยกับคุณมามากพอแล้ว จะทำอะไรก็ทำ”



                 ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่วนไดนาดินยิ้มร่าดีใจไม่บ่อยนักที่เขาจะเผยรอยยิ้มออกมา ฟินกี้มีนิสัยลูกผู้ชายพอ
อยู่แล้ว เพียงแค่จุดชีวิตเปลี่ยนผัน จากชื่นชอบพิคเจอร์ แต่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอีกคนไปได้ มันช่างเกินคาดฝันเสียจริงๆ แต่เอาตรงๆเขายังไม่พร้อมจะมีใครดูแลเขาเลย



                นายน้อยเบญจพิษยังอกหักเจ็บปวดไม่หายที่พิคเจอร์เลือกคาดอส ทั้งๆที่ก่อนนั้นตัวแสบก็ยืนกรานบอกปาวๆกับเขาว่าไม่มีทางชอบเด็ดขาด ก็อย่างว่าล่ะ  ความเกลียดหรือจะสู้ความใกล้ชิด ไม่นานเดี๋ยวมันก็ผันแปรไปเป็นอย่างอื่นแทน เช่นตอนนี้!



“คุณฟินกี้ครับ อันนี้เก็บใส่ไว้กล่องไหนดี?” ร่างสูงอุทานถาม


“เอาไว้กล่องสีฟ้าเลย”


“อ่อโอเคครับ แล้วกางเกงในนี่ล่ะครับ!”


“เฮ้ย!!! คุณ วางลงเดี๋ยวนี้นะ ห้ามยุ่งกับเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวของผม ไปเก็บอย่างอื่น!!”


“ขะ..ขอโทษครับ”


     ไดนาดินเอ่ยอย่างเกรงใจ ก่อนจะหันขวับกลับไปอีกทางเพื่อเก็บของที่เหลือ


“เดี๋ยวสิคุณไดนาดิน!”


“ครับ?” ร่างสูงหันกลับมาทำหน้างง


“ต่อไปนี้ห้ามคุณใช้คำพูดกับผม เหมือนกับเจ้านายและลูกน้องผมไม่ชอบ ”


“ได้ครับคุณฟินกี้”


“ก็บอกไปแล้วเมื่อกี้นี้ไง!!!”


“ครับฟิน”


“อืมดี...แล้วต่อไปนี้ ถ้าอยู่ใกล้ผม อย่าใส่ชุดสูทเด็ดขาดไม่ว่าจะสีไหนๆก็ตาม คุณต้องแต่งตัวเหมือนปุตุชนทั่วไปเท่านั้น”


“เข้าใจแล้ว”


“ดีมาก แล้วสุดท้าย ขอถามนายอีกครั้ง คิดดีแล้วหรอที่จะอยู่กับเรา” 


          ร่างบางเริ่มเปลี่ยนสรรพนามเป็นกันเองมากขึ้น เอาตรงๆลึกลงไปในใจของฟินกี้ เชื่อว่าไดนาดินเป็นคนดีไม่น้อยทีเดียว ทั้งที่จริงเขาเองเป็นผู้ชายโดยสอยก้นไปเพียงครั้งเดียวไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบก็ได้ แต่บุรุษชายคนนี้กลับคิดที่จะทำ เขาดูสุภาพบุรุษมากทีเดียว



“พี่คิดดีแล้วครับ เราจะอยู่ต่อไปแบบคนธรรมดา”


“พี่หรอ?” ร่างบางขมวดคิ้วเมื่ออีกฝ่ายแทนตัวเองว่าพี่


“อื้มใช่ พี่เกิดก่อนนายอีกนะฟินกี้ ทำไม? หน้าพี่เด็กหรอ”


“เปล่า! นึกว่ารุ่นเดียวกันซะอีก”


“ปีนี้อายุ 31 แล้ว”


“ฮะ? จริงหรอ” บ้าน่าเขาเองเพิ่งจะ 25 ไปหมาดๆ แสดงว่าห่างกันถึง 6 ปีเชียวหรือนี่


“จะโกหกทำไมกันล่ะ เอ่อนี่ฟิน พี่อยากแนะนำ ถ้าฟินไม่อยากให้พี่ละทิ้งการดูแลบอสกับพิคเจอร์แล้ว ทำไมฟินไม่ไปอยู่ที่ปักกิ่ง
ด้วยกันล่ะ บ้านบอสใหญ่มากเลยนะ มีห้องพอสมหรับเราแน่นอน แต่ถ้าไม่มีห้องว่างจริงๆฟินก็มาอยู่ห้องเดียวกับพี่ก็ได้”


“จะเป็นการรบกวนคาดอสรึเปล่า?”


“บอสดีใจซะอีกที่มีคนอยู่ด้วยเยอะๆ”


“ยังไงพี่ก็ลองโทรหาเจ้านายพี่ดูก่อนนะ ผมยังไงก็ได้”


    ไดนาดินยิ้มให้ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไปขออนุญาตบอสที่อยู่ไกลถึงปักกิ่งทีเดียว






มหานครปักปิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน



            หน้าบ้านเป็นลานหญ้ากว้าง ถูกตัดโล่งเตียนเมื่อเช้านี้เอง ราวกับปูพรมเขียวเอาไว้ ถัดไปอีกหน่อยใต้ร่มไม้ใหญ่สี่ต้นมีบ่อปลารูปร่างขอบสระอิสระ ดูๆไปคล้ายใบบัวที่ถูกกัดขอบใบจนบิ่นเว้า ในสระน้ำมีปลาคาร์ฟตัวอ้วนใหญ่ 4 ตัวราคารวมกันเฉียดสามแสน


             ลายหนึ่งสีทองล้วน ลายหนึ่งมีหัวสีแดงลำตัวขาว ลายหนึ่งตัวสีส้มดำและขาว และตัวสุดท้ายที่เป็นนายแบบให้พิคเจอร์วาดภาพอยู่นี้ก็คือ เจ้าลายผสมสีที่กล่าวมาทั้งหมด มองดูเพลินๆนึกว่าไปเลอะมอมแมมที่ไหนมาก่อนหน้าเสียอีก



                 ถัดไปไม่ไกลจากตัวของนายน้อยแห่งอินทรีทองเท่าไหร่ ปรากฏเป็นลูกน้องของคาดอสมากกว่าสิบคน แต่แทนที่จะยืนสุภาพลายล้อม กลับถูกชักชวนให้เข้ามามุงดูภาพวาดสวยงามนั้นอย่างประชันชิด

                  คุณคงจะจำลูกน้องสองคนที่เคยเฝ้าหน้าประตูห้องพิคเจอร์ได้เมื่อครั้งอยู่ที่ลอสแอนเจลิส ตอนนี้คู่หูผู้แสนดีต่อพิคเจอร์เดินทางกลับมาอยู่ที่ปักกิ่งแล้ว ส่วนที่นั่นถูกปิดไปชั่วคราวคงไม่ได้ไปที่นั่นอีกจนกว่าจะถึงเวลาไปดูงานที่อเมริกาของคาดอสประจำปี



              จนถึงตอนนี้เขาค่อยรู้จักชื่อสองทั้งสองคน คนที่ผิวสีเข้มกว่าหน่อยชื่อ ต้าจิว

              ส่วนอีกคนหน้าตี๋มังกรจ๋าเลยผิวขาวหนังตาชั้นเดียว ชื่อ ชิงอ๋อง

              ชื่อหน้ารักมากจริงๆร่างบางพลางคิดว่าพวกเขาน่าจะทำความรู้จักกันตั้งแต่ตอนครั้งโน้นเสียอีก



“แอะแฮ่มมมม” เสียงกระแอมดังเข้ามาทำให้ลูกน้องที่กำลังเพลิดเพลินไปกับภาพวาดสะดุ้งตกใจ รีบกลับไปยืนกุมมืออย่างสุภาพดังเดิม



“พี่เฉิง!!! ทำไมมาป่วนคนของผมแบบนี้”


“พี่เปล่านะ พี่แค่กระแอม เพราะเจ็บคอ?” ร่างสูงเฉไฉ แต่สีหน้าเจ้าเล่ห์นั้นชักไม่อยากเชื่อเท่าไหร่เลย


“เชื่อตายแหละ ถึกอย่างกับวัวทิเบตไม่น่าเจ็บป่วยง่ายๆ”


“หืม? ว่าใครวัวทิเบต พี่เป็นอินทรีทองผู้น่าเกรงขามกำลังเล่นจับขังกระต่ายน้อยขนปุยพันธุ์หยางอี้อยู่ตากหาก”


          คาดอสไม่ว่าเปล่าพลางย่อตัวลงมานั่งคุกเข่าอยู่ข้าง พร้อมกับเอื้อมมือหนาไปเกลี่ยเล่นที่แก้มอีกฝ่ายเบาๆ


“พี่เฉิง พื้นมันสกปรก ไปหาเก้าอี้มานั่งดีๆ”


“ขนาดพี่ไม่มีเก้าอี้ พี่ยังสูงกว่าหยางอี้แล้วนะ”


“ตามใจ!!!”  พิคเจอร์ไม่สนใจอีกคนแล้ว แต่กำลังสนใจภาพวาดของตัวเองที่ใกล้แล้วเสร็จสมบูรณ์


“หยางอี้!!! พี่มีเรื่องจะบอก”


“อะไรหรอครับ”


“ไดนานดินโทรมาบอกว่า จะพาฟินกี้มาอยู่ที่นี่ด้วย นายว่าดีไหม?”


“ดีสิครับ อยากเจอหน้าเพื่อนใจจะขาดอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าจะเป็นไงมั่ง  ว่าแต่ทำไมฟินถึงจะมาที่นี่ล่ะครับ”


“ก็เพราะว่า...เป็นภรรยาไดนานดินไปเรียบร้อยแล้วนะสิ”


“ฮะ!!!! ว่าไงนะ?”


“ภาพปลาคาร์ฟสวยดีนะ ว่าแต่ทำไมถึงเลือกเจ้ามอมแมมเป็นนายแบบล่ะ” คาดอสเปลี่ยนเรื่อง


“ใครว่าล่ะ ในทางของงานศิลปะ ที่ผมเลือกเจ้ามอมแมมนี่ใช่ว่ามันดูขี้เหร่ แต่ผมมองว่ามันเหมือนชีวิตผมไงพี่เฉิง ผ่านเรื่องราวมา
มากมายทั้งที่ดี ก็เหมือนสีแดงส้มสวยๆบนตัวมัน ส่วนเรื่องร้ายๆก็เหมือนสีดำแต้มอยู่เป็นจุดๆ แต่พอมองดูดีๆ มันมีเสน่ห์และบอกเรื่องราวของผมได้ครบสูตรเลยนะ”   



“คร้าบบบบ พี่ยอมแล้วทูนหัว ช่างมีความคิดซับซ้อนเหลือเกิน แต่เรื่องหัวใจอย่าไปมีใครซ้อนทับเด็ดขาด เข้าใจไหมครับ สุดดวงใจของพี่ ฟอดดดดดดดด” คาดอสเข้าหอมแก้มเนียนนั้นไม่เกรงใจลูกน้องนับสิบคน



      พิคเจอร์ไม่คิดหลบแต่เต็มใจให้ริมฝีปากกับจมูกโงชันนั้นแนบข้างแก้ม


“พี่คิดว่า ลวดลายของปลาคราฟตัวนี้ มันจะลบเลือนไหม?”


“ไม่อยู่แล้ว ถามทำไมหรอ?”


“ก็กำลังจะตอบคำถามพี่ไง...ลวดลายมันก็เหมือนความรักที่พี่เฉิงมอบให้ผมมาตลอดตั้งแต่เด็กนั่นแหละ ต่อให้จะเนิ่นนานแค่ไหน ลวดลายบอกเล่าเรื่องราวเหล่านั้นก็ไม่ต่างไปจากลวดลายของปลาตัวนี้  มันจะติดตัวไปตลอดจนกระทั่งสิ้นลมหายใจของผม”


“หยางอี้ ขอบคุณนะ มันเป็นคำตอบที่วิเศษณ์ที่สุดในชีวิตพี่เลย”


“อย่าเพิ่งมาซึ้งสิครับ จะมาบิ้วอารมณ์ให้ยอมแต่งงานใช่ไหม ผมรู้ทันหรอก”


“โถ่ รู้ได้ไงอ่ะ แต่งเถอะนะ นี่พี่อ้อนรอบที่ สี่แล้วนะ ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านเนี่ย”


“ผมต้องการแต่งงานพร้อมพี่ชายครับ พี่เฉิงก็ช่วยทำให้คู่นั้นรักกันแบบคนรักซักทีสิ”


“หยางเฟยมันมีน้ำยาของมันหรอกน่า”


“งั้นพี่เฉิงหรอได้ใช่ไหมครับ?”


“เรื่องแต่งงานรอได้ แต่เรื่องพรหมจันทร์ฟ่านหยางอี้ กระต่ายน้อยของพี่ พี่ชักไม่มั่นใจแล้วสิ คืนนี้ขอนะ!!!”


“พี่เฉิง!!!!”




:L2:


วู้วววววววววววววววววววว  มีความสุข เรื่องนี้ใกล้จบแล้วววววววววววววววว

ปล. ไม่ถนัดแต่งฉากสวิ้งกิ้งเท่าไหร่ ขอตัดไปแบบนั้นแล้วกันนะ อิอิ
   

:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 12-09-2016 13:24:08
ตามมาอ่านรอ ๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 13-09-2016 14:45:43
ตอนที่ 28



              สามวันผ่านไป...ที่คฤหาสน์หลังคาสีแดง ประมุขเสือแดงยังคงรักการตื่นแต่เช้าตรู่แล้วลงมาออกกำลังกายกลางแจ้ง เรือนร่างสีขาวเปลือยท่อนบน ท่อนล่างใส่กางเกงเล สีดำล้วน กำลังร่ายรำไปกับกระบี่คู่ใจคมกริบ เพียงแค่เขาฟาดคมนั้นไปบนอากาศ เสียงกระบี่ก็ยิ่งดังขึ้น  แต่แล้วต้องชะงักเมื่อมีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา


“ขอโทษครับนายท่าน คุณเฟอกัล ตัวร้อนมากเลยครับ”


“ยังไม่ดีอีกหรอ?”  หนุ่มตี๋ทำสีหน้าสงสัย



                 เท้าความกลับไป เมื่อวันที่ฟ่านหยางเฟยร่วมรักอย่างดุเดือดกับเฟอกัลบนเตียงนอน มันไม่ใช่แค่เพียงครั้งเดียว แต่วันนั้นนับรวมเบ็ดเสร็จจานวนสี่ครั้งจนถึงเช้าตรู่อีกวัน ราวกับกำลังโดนพิษยาปลุกเซ็กส์เล่นงานก็ไม่ปาน



                  และหลังจากนั้นมาสามวัน ก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเหนื่อยหอบอิดโรยมาตลอด จนกระทั่งถึงวันนี้เป็นหนักขึ้นคือเริ่มตัวร้อน!!! เขากำลังคิดว่าควรจะรับผิดชอบอะไรสักอย่าง อย่างน้อยๆก็เห็นแก่ความเป็นเพื่อนผูกมิตรไมตรีของสองแก๊งเมื่อครั้งคราวรุ่นพ่อ



                  ฟ่านหยางเฟยเดินไปหยิบเอาชุดคลุมสีเลือดหมูมาใส่ ก่อนจะกลับเข้าไปในบ้าน มุ่งไปยังห้องนอนของเฟอกัล  ทั้งที่หยาดเหงื่อจากการออกกำลังกายเมื่อครู่กำลังผุดขึ้นเป็นเม็ดๆเกาะบนผิวขาว แต่เขาไม่คิดจะเช็ดเหงื่อหรือรอให้มันแห้งก่อน


“เจียนเหมิงออกไปก่อน!”


“ครับนาย”



              ภายในห้องก็มีเพียงเขากับเฟอกัลสองคน หลังมือหนาแตะลงที่หน้าผากและลำคออีกฝ่ายทันที อาการเป็นเหมือนที่เจียนเหมิงคนสนิทบอกมาจริงๆด้วย ตัวร้อนจี๋แถมริมฝีปากก็ซีดจางกว่าเดิมเล็กน้อย เขาเองชักไม่มั่นใจว่ามันเกิดจากผลข้างเคียงระหว่างร่วมเพศรึเปล่า?



          ผู้นำเบญจพิษนอนหลับสูดพ่นลมหายใจเป็นปกติ ภายใต้ผ้าห่มที่คลุมถึงแผ่นอกบนเตียงกว้าง ถึงเฟอกัลจะตัวสูงพอๆกับฟ่านหยางเฟยแต่เรือนร่างกำยำนั้นเปรียบเทียบผู้นำเสือแดงไม่ได้เลย 



“ฮึก อืมมม” เสียงร้องครางในลำคอของคนป่วยดังขึ้น พร้อมกับค่อยๆลืมตา สิ่งแรกที่เขาเห็นคือฟ่านหยางเฟยกำลังนั่งอยู่ขอบเตียงจ้องมองเขาอยู่ เฟอกัลรีบทำท่าจะลุกหนีแต่กลับถูกมือหนาสองข้างผลักกดไหล่ให้ลงไปนอนเหมือนเดิม


“จะตายอยู่แล้วยังคิดหนีไปไหนอีก”


“ก็ฆ่าฉันให้ตายซะสิหยางเฟย ฆ่าฉันเลย!!!” น้ำเสียงอวดเก่งทั้งที่ร่างกายไม่พร้อมแบบนี้ หยางเฟยได้แต่ถอนหายใจไม่คิดใส่ใจเท่าไหร่นัก


“นายไม่มีโทษถึงตาย จะตายไปทำไมกัน?” เสียงเรียบถามขึ้น


“ฉันทำไม่ดีกับอินทรีทองไว้มาก แถมลักพาตัวน้องชายนายไปอีก ที่สำคัญครอบครัวฉันฆ่าพ่อแม่นาย”


“ฮึฮึ ฟินกี้น้องชายนายรู้เรื่องหมดแล้ว คนที่โง่ที่สุดก็เห็นจะมีแค่นายเท่านั้นในตอนนี้”


“หมายความว่าไง?”


“ก็หมายความว่า...”



              ฟ่านหยางเฟยเล่าเรื่องทั้งหมดที่ได้ฟังมาอีกทีกับคาดอส ให้เฟอกัลฟังหมดเปลือก และดูเหมือนอีกฝ่ายก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดีจนกระทั่งหนุ่มตี๋เล่าจบ


...


...


...


“ทีนี้เข้าใจแล้วรึยัง?” เฟอกัลพยักหน้าช้าๆ แอบเสียใจและรู้สึกผิดมากทีเดียว


“ฉันขอโทษนะหยางเฟย ฉัน...ฉันมันโง่เอง”


“เก็บคำขอโทษนั้นไปเถอะ นายไม่มีความผิดอะไรแล้ว”


“ถ้าอย่างนั้นนายปล่อยฉันไปนะ ฉันอยากไปหาน้อง”


“ปล่อยไปได้ยังไงกัน นายเป็นคนของฉันแล้วนะ ถ้าพูดให้ถูก นายคือภรรยาของฉันแล้วต่างหาก”



            เรื่องราวที่ยังพอจำความได้ในค่ำคืนนั้น แต่มันกลับเนิ่นนานเพียงเพราะโดนเสพกามารมณ์แบบไม่มีเหน็ดเหนื่อยของหยางเฟย เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นเรื่อยๆในความทรงจำ  เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะตกอยู่ในสถานะนี้ สถานะที่ถูกกระทำ ไม่ใช่คนกระทำเอง จากใจจริงเขายังรักพิคเจอร์อยู่ แต่ตอนนี้เขาคงไม่กล้าบากหน้าไปหาร่างบางนั้นอีกแล้ว ด้วยสิ่งที่กระทำลงไปมันยากเกินจะให้อภัยจริงๆ



“แต่ฉันไม่ได้รักนายนะฟ่านหยางเฟย”


“เรื่องนั้นฉันรู้เฟอกัล แต่ถ้าเราอยู่กันไปนานๆฉันเชื่อว่าสักวันทั้งนายและฉันคงจะรู้สึกไม่ต่างกัน”


“ถ้ามันต้องใช้เวลานานจนใครคนหนึ่งต้องตายไปก่อนล่ะ”


“นั่นมันก็ขึ้นกับว่าบุญกรรมส่งมาขนาดไหน แต่ฉันยอมรับได้ทุกอย่าง เพราะนี่ฉันก็มาไกลเกินคาดหมายแล้ว ไม่เคยคิดเลยว่าจะ
ได้นายมาเป็นคู่ครองแบบนี้”



“ฉันเองก็เหมือนกันนั่นแหละน่า” อีกฝ่ายเริ่มหงุดหงิด เพราะอีกคนพูดราวกับจำใจที่เลือกเขา


“แต่ว่า...ลีลานายชัดใจฉันนะเฟอกัล ฉันรอคอยนายหายดี แล้วเราจะแต่งงานกันเลย มีลุกวักสองคนเป็นไง”


“ฉันเป็นผู้ชายจะมีลูกได้ไงเล่า! อีกอย่างเรื่องแต่งงานกับนาย ฟังเลยทะแม่งหูชะมัด แคร๊กๆๆๆ”


“นายยังป่วยไม่หายดี เดี๋ยววันนี้ฉันจะพาไปโรงพยาบาลแล้วกัน” ฟ่านหยางเฟยดูเป็นห่วงอีกคนมาก


“ฉันไม่ไปได้ไหม? ฉันคิดว่าก็แค่ไข้ขึ้นธรรมดา เดี๋ยวพักอีกหน่อยก็หาย”


“โอเค แต่ถ้าไม่ดีขึ้น นายจะอ้างแบบเดิมไม่ได้อีกแล้วนะ ฉันจะให้นายพักผ่อนแล้วกัน”



            ฟ่านหยางเฟยพูดพร้อมกับลุกเหยียดกายสูง แต่ยังไม่ทันได้หันหลังเดินออกไป กลับถูกมือใครบางคนคว้าจับเอาไว้ทัน


“เดี๋ยว!”


“มีอะไรอีกรึเปล่า? หิวข้าว หิวน้ำ รึว่าต้องการเช็ดตัว” หยางเฟยเปรยถามคาดเดาไปส่งๆ


“ทั้งหมดนั่นแหละ หลายวันแล้วที่ไม่ได้อาบน้ำเลย ฉันเหม็นตัวเองจะแย่อยู่แล้ว”


“ฮึฮึ ถอดเสื้อผ้ารอ เดี๋ยวฉันจะไปเตรียมน้ำเตรียมผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้”


“ไม่ต้องๆ แค่นายเตรียมให้ก็พอ ฉันเช็ดตัวเองได้”


“อย่าดื้อนักจะได้ไหม อายอะไร ก็เห็นกันหมดแล้วในคืนนั้นน่ะ”


“เอ่อ...”




              หนุ่มเบญจพิษพูดไม่ออกบอกไม่ถูก จริงๆเรื่องแบบนี้ผู้ชายด้วยกันไม่สมควรอายหรอกนะ แต่ว่า...ทำไมพอเป็นฟ่านหยางเฟย เขากลับรู้สึกอายขึ้นมาเสียดื้อ ไม่ชินเสียที



              เฟอกัลนอนรอบนเตียงสักพักหยางเฟยก็เดินเข้ามาพร้อมกับลูกน้องมากมาย คนหนึ่งถืออาหาร คนหนึ่งถือน้ำและนมอุ่น คนหนึ่งถือผลไม้ คนหนึ่งถือกะละมังเล็กใส่น้ำและผ้าขนหนู ชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นแล้วปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเกรงใจแค่ไหน 
ทั้งชีวิตไม่มีใครเอาใจใส่และดูแลเขาดีขนาดนี้มาก่อนเลย



“เอาวางไว้ แล้วออกไปได้แล้ว!” เจ้าของบ้านหันไปบอกลูกน้อง ไม่นานก็เหลือเพียงพวกเขาสองคนเช่นเดิม

...

...


“ดื้ออีกแล้วนะ ฉันบอกว่ายังไง? ให้นายถอดเสื้อผ้ารอฉันไม่ใช่หรอ”


“ก็ฉันอายนี่นา นายให้ฉันเช็ดเองเถอะนะ”


“ไม่ได้!!! ถึงอายก็ต้องทำ ยังไงก็ต้องเคยชินเข้าไว้ ถ้านายดื้ออีกฉันจะให้คนมาลากไปส่งโรงพยาบาล”


“ไม่ไปๆๆๆ ฉันไม่ชอบโรงพยาบาล!!!”


“ถ้าอย่างนั้นก็ถอด!!!”


                 ฟ่านหยางเฟยทำเสียงดุเข้ม ทั้งที่ในใจกำลังแอบขำกับความรู้ใหม่อีกฝ่ายที่ว่า ไม่ชอบโรงพยาบาล เหมือนเด็กอะไรขนาดนี้นะ โตจนอายุสามสิบแล้ว แถมเป็นผู้นำเบญจพิษอีก กลัวกับแค่เรื่องแบบนี้มันสมเหตุสมผลที่ไหนกันล่ะ?



                ตอนนี้เฟอกัลเปลือยเปล่าแล้ว ภาพสุดเซ็กซี่ในสายตาของหยางเฟย กำลังปรากฏตรงหน้า แล้วแบบนี้จิตใจเสือหนุ่มจะไม่ถูกปลุกได้ยังไง



“หยางเฟย นายจ้องมองฉันนานไปแล้วนะ รีบๆเช็ดเถอะ ฉันหนาวมากเลย” เสียงร้องท้วงนั้นทำให้อีกฝ่ายได้สติกลับมา แต่แววตาหยาดเยิ้มไม่ได้ลดน้อยลงแม้แต่นิดเดียว



“โอเคๆ จะรีบเช็ดเดี๋ยวนี้แหละ”



          มือหนาเอื้อมไปหยิบผ้าขนหนูจุ่มลงน้ำในกะละมัง บิดให้น้ำออกพอหมาดได้ที่ หยางเฟยเริ่มเช็ดบนใบหน้าก่อน สัมผัสเย็นที่อ่อนโยนจากผืนผ้านั้นซึมไปทั่วเรือนร่างของคนที่นอนอยู่เฉยๆ หนุ่มตี๋คนนี้ทำละมุนมือเกินไปแล้ว


“หยะ...หยางเฟย” น้ำเสียงไม่สู้ดีเปรยออกมา


“หืม ว่าไง กำลังคิดเรื่องนั้นอยู่ใช่ไหม?” อีกคนยิ้มอ่อน


“ฉัน...ฉันไม่ไหวแล้ว” อีกคนบอกความต้องการด้วยสีหน้าแดงฉาน


“ฉันต้องการคำนี้ที่สุด ภรรยาของฉัน!”



             หยางเฟยวางผ้าขนหนูพาดกับขอบกะละมังแล้วยกลงไปด้านล่างพื้น ส่วนแก่นกายกำยำและหนักกว่าเฟอกัลกำลังขึ้นคร่อมอีกฝ่าย


             คราวนี้ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความละมุน เสื้อคลุมและกางเกงเลสีดำของหยางเฟยค่อยๆหลุดออกจากลำตัว จนตอนนี้ทั้งสองร่างกำลังเปลือยเปล่าถูแนบเรือนร่างกันไปมา ราวกับเหย้าหยอกปลุกอารมณ์ความเป็นชายให้ผงาดออกมา ก่อนที่จะนำพาทั้งสองหลุดล่องลอยไปในความต้องการของตนเอง...








ผ่านไปหนึ่งเดือน


มหานครปักกิ่ง ประเทศจีน



             สระว่ายน้ำสีฟ้าอ่อนในตัวบ้าน ถูกสร้างขึ้นเพราะความต้องการของคาดอส เขาชอบการว่ายน้ำมาก จึงมีสระว่ายน้ำขนาดเล็กนี้กลางคฤหาสน์ แหงนหน้ามองขึ้นบนท้องฟ้ากลับถูกปิดบังด้วยแผ่นใสกรองแสง  สองเรือนร่างเปลือยท่อนบนทั้งคู่กำลังว่ายน้ำกันอย่างสบายใจไปมาในสระ แต่ดูเหมือนอีกคนที่ตัวเล็กกว่าจะทับแนบร่างใหญ่อยู่ด้านบนโผล่พ้นผิวน้ำ


“บอสครับ คุณฟ่านหยางเฟยโทรมาบอกว่างานแต่งงานครั้งนี้ขอเลือกจัดที่บ้านของบอสครับ”


“ดีเลยไดนาดิน แล้วนี่สรุปว่าพวกนายจะแต่งพร้อมกับฉันเลยไหม? ”


“ผมว่าไม่เหมาะหรอกครับ งานนี้เป็นงานมงคล อยากให้บอสกับคุณฟ่านหยางเฟยมีความสุขกับงานนี้มากกว่า ของผมเดี๋ยวจัดทีหลังก็ได้ครับ”


“พูดอะไรอย่างนั้นล่ะไดนาดิน พี่เฉิงจะมีความสุขมากกว่าถ้าคู่ของนายร่วมพิธีกับพวกเรานะ ยังมีคู่ของเจียนเหมิงกับอินจือด้วย
สองคนนั้นก็ยังไม่แต่งงาน คิดว่าพี่หยางเฟยคงชวนแล้ว”


“นั่นสิไดนาดิน หยางอี้พูดถูก ยังไงนายลองถามฟินกี้ดูนะ”


“ครับบอส!” ไดนาดินยิ้มเล็กน้อย


“อ่อจริงสิ เดี๋ยวบ่ายวันนี้เราจะไปดูชุดแต่งงานกัน นายกับฟินกี้ก็ต้องไปด้วยนะ” คาดอสหันมาบอก


“ครับบอส!”


             และแล้ววันเวลาก็ผ่านไป จนกระทั่งถึงวันแต่งงาน แขกในงานที่สำคัญอย่างอินทรีทอง เสือแดงและเบญจพิษมาร่วมงานปะปนกันภายในอาณาเขตอินทรีทอง ทุกคนมีความสุข สนุกสนานเฮฮามาก ไม่มีเรื่องบาดหมางกันอีกแล้วนับจากนี้ เพราะการันตีการสงบศึกสงครามของผู้นำทั้งสามแก๊ง กินดองสู่ขออยุ่กันเป็นคู่จนหมดแล้ว



            งานดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั่งราวตีสอง ทั้งสี่คู่ขอแยกย้ายเข้าไปพักผ่อน ด้านนอกงานผู้ร่วมสังสรรค์ยังคงไม่หยุดสนุก  มีเบลซ แกริค และเรนเดล กำกับและดูแลความปลอดภัยของงานเป็นอย่างดี


“คนอื่นเขามีคู่กันหมดแล้ว เมื่อไหร่นายจะให้โอกาสฉันบ้างเรนเดล” หนุ่มผมบอร์นเดินเข้ามาหา


“พูดอะไรของนาย? ฝันไปเถอะ ” หนุ่มจอมน้ำแข็งเดินหนีอีกคนไปทันที


“นี่!!! ฉันพูดจริงนะ ฉันชอบนายมานานแล้วเรนเดล นายดูไม่ออกหรือไง”


“ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับนายเลยแกริค แค่อยู่ใกล้ๆฉันก็หงุดหงิดแล้วเข้าใจไหม ไปดูความเรียบร้อยงานทางนั้นเลยไป”  เรนเดลผายมือไล่อีกคนไป


“เดี๋ยวฉันไปดูแทนแกริคแล้วกัน” เบลซ หนุ่มหล่อเพื่อนรักแกริคเสียสละไปแทน หวังเพียงจะให้เวลานี้แกริคอยู่กับเรนเดลมากขึ้น


“เรน!  ให้โอกาสฉันหน่อยเถอะ ถ้าฉันทำสุดความสามารถแต่นายยังไม่รักฉัน ฉันสัญญาว่าจะเลิกยุ่งกับนายโอเคไหม?”


“เสียเวลาเปล่าๆน่า ไปทำงานได้แล้วแกริค”


“ให้โอกาสแกริคมันหน่อยจะเป็นอะไรไปเรนเดล”  ชายร่างท้วมวัยกลางคนเดินเข้ามาหา


“แต่ผมไม่อยากให้เขาเสียเวลากับผมนี่ครับด๊อกเตอร์”


“ความรักมันมีเสียเวลา เสียกำไรรึไง ความรักขอแค่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำให้คนที่เรารักมีความสุข แค่นี้ก็เพียงพอต่อจิตใจคนคนนั้นแล้วไม่ใช่หรอ?”


     เรนเดลหันมามองแกริคที่ยืนก้มหน้าก้มตายืนอยู่ไม่ไกลนัก จะว่าไปหมอนี่ก็น่าสงสารนะ หล่อแต่ขี้กลัวขี้ขลาดนี่สิที่เขาหงุดหงิดหมอนี่ แต่เอาเถอะบางทีลองดูก็ไม่เสียหายอะไร อย่างน้อยๆแกริคก็เป็นเพื่อนเขา


“โอเค ฉันตกลงให้นายจีบ”


“เยส!!! ขอบคุณครับด๊อกเตอร์” หนุ่มผมบอร์นทองวิ่งถลาเข้าไปกอดชายร่างท้วมด้วยความดีใจ


“เบาหน่อยๆไอ้หลานชาย ฉันอายุมากแล้วนะ”


              ในตอนนี้จะมีก็เพียงแต่ เบลซ เท่านั้นที่ยังไม่มีใครเลย... ช่วงนี้เห็นเขาเงียบๆไป สงสัยคงกำลังคิดมากเรื่องนี้อยู่แน่ๆ แต่เอาจริงๆหมอนั่นเป็นจอมพลัง คงไม่คิดใส่ใจเรื่องความรักเท่าไหร่หรอกมั้ง

...

...



“เบลซ! ดูนายไม่สู้ดีเลยนะ” เรนเดลเดินตรงเข้าไปหา นานแค่ไหนแล้วที่เขาไมได้เข้ามาทักทายเป็นกันเองแบบนี้กับหนุ่มหล่อ
ร่างสูง


“ฉันก็ปกติดี ว่าแต่นายมีอะไร?”


“เปล่า...แค่คิดขึ้นได้ว่าเราไม่ได้มานั่งคุยกันลำพังนานมากแล้ว   ทำไมนายไม่คิดจะมองหาใครมาเป็นเจ้าของหัวใจบ้างล่ะเบลซ”  เรนเดลเดินมานั่งลงเก้าอี้อีกตัวข้างๆเบลซ


“ฉันไม่สมควรมีความรักหรอก แม้แต่ตัวเองฉันยังดูแลไม่ดีเลย”


“ใครว่ากันล่ะ ถึงนายจะชอบสร้างเรื่องให้ไดนาดินแก้อยู่เรื่อย แต่นายคือจอมพลังมือหนึ่งทุกครั้งที่บอสต้องการไม่ใช่หรอ? เพราะนายทำงานดี ฉันเองยังชื่นชมนายเลย”


“นายคิดอย่างนั้นหรอเรน?”


“ก็ใช่นะสิ อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ ฉันต้องสร้างภาพโกหกนายรึไง?”


“ขอบใจนะ”


“อื้ม!!! ตอนนี้ถ้านายมีใครอยู่ในใจก็ไปทำให้สำเร็จเถอะ อย่างน้อยคนคนนั้นก็ไม่เลวร้ายเท่ากับที่ฉันปฏิเสธไอ้แกริคหรอก”


“ฮ่าๆๆ แต่สุดท้ายนายก็ยอมไอ้เพื่อนรักของฉันไม่ใช่หรอ?”


“ก็ตื้ออยู่ไม่เลิก ฉันรำคาญ คบๆกันไปก็จบ ลงเอยกันไม่ได้ก็ค่อยเลิกไม่เห็นยาก”


“ตลกแล้วเรน ความรักไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ”


“ฉันรู้ ฉันก็พูดเล่นไปอย่างนั้นแหละ อยากให้นายอารมณ์ดี”


“โอเค พอได้ยินนายพูดแบบนี้ฉันก็มั่นใจตัวเองขึ้นมากแล้ว เอาเป็นว่าสามวันนี้ฉันลาแล้วกัน ฝากบอกบอสด้วยนะ”


“นายจะไปไหน?”


“ก็อย่างที่นายบอกนั่นแหละ ไปตามหาหัวใจ”


“เฮ้ย!!! มันหาง่ายขนาดที่ต้องใช้เวลาแค่สามวันเลยหรอ?”


“ก็ไม่แน่ เพราะใครคนนั้นฉันมีอยู่แล้วในหัวใจ”


“เออๆ โชคดีแล้วกัน อย่าลืมพามาแนะนำด้วยนะ!” เรนเดลโบกมือลาเพื่อนให้กำลังใจ เบลซเดินหายลับขึ้นรถมอเตอร์ไซน์
บิ๊กไบร์สีดำคันโปรดบิดออกจากรั้วบ้านไป แล้วใครคนนั้นของเบลซคือใครกัน!!


   แต่หนุ่มร่างสูงรู้ดีว่าใครคนนั้นในหัวใจของเขา ไม่มีวันได้นำมารู้จักกับทุกคนหรอก เพราะตอนนี้ไม่ต่างอะไรไปกับอยู่คนละโลก ทุกอย่างมันจบแล้ว! แต่ที่เขาต้องไปทำ อย่างน้อยก็เพื่อบอกความในใจที่ตัวเองมีให้กับเขาคนนั้น เท่านั้นเอง


:L2:


การันตีได้ อีกสองตอนจบแน่ๆ   :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 28
เริ่มหัวข้อโดย: fcsunaree ที่ 13-09-2016 23:17:31
มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 28
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 14-09-2016 15:38:54
ตอนที่ 29


ฮ่องกง เขตปกครองพิเศษภายใต้สาธารณรัฐประชาชนจีน


           ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำทั้งตัว กำลังเฝ้ารอใครบางคนปรากฏหลังกรงเหล็กขวางกั้นอยู่ เพราะคำพูดของเรนเดลเพื่อนรักทำให้เขาต้องการมาที่นี่


           บางทีคำพูดนี้อาจจะเป็นสิ่งเดียวที่จะหลุดออกไปจากความรู้สึกของเขาเสียที ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว ดีกว่าเก็บมันเอาไปกับตัวเองไปตลอดชีวิต



“นักโทษมาแล้ว มีเวลาแค่สิบนาทีเท่านั้น” เสียงของผู้คุมขังเปรยบอก



            หนุ่มร่างสูงมองจ้องคนตรงหน้า ไม่เจอกันเพียงสัปดาห์กว่าๆ ร่างเล็กกว่าเขานั้นช่างดูอิดโรยเหลือเกิน ผิวพรรณจากที่เคยมีสีขาวเหลือง ตอนนี้ดูหม่นหมองกว่าเดิมไม่น้อย ในขณะที่เขากำลังใช้สายตามองสำรวจอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วน คนตรงหน้ากับรีบพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน



“แกมาที่นี่ทำไม? รึว่าไอ้คาดอสเปลี่ยนใจ คิดอยากฆ่าฉันแล้วส่งแกมาอย่างนั้นใช่ไหม?”

           ประโยคไร้เยื่อใยเอ่ยออกมา มันทำให้เบลซกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ไม่ใช่เพราะเขากลัว แต่ตอนนี้เขากำลังขลาด ไม่มั่นใจในตัวเองนัก


“เปล่าหรอก ฉันไม่ได้มาฆ่านาย แล้วนี่นายโอเคใช่ไหม?”


“ฮึ  ก่อนจะถามดูสภาพกูด้วย ไม่ตายก็เหมือนตาย ไม่เห็นรึไง?”



                ภายในห้องลำลองที่มีกรงเหล็กกั้นกำลังตกอยู่ในความเงียบสงัดอีกครั้ง เบลซกำลังพยายามรวบรวมความกล้านี้อยู่ แต่ดูเหมือนอารมณ์ของอีกคนจะไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก


“หางเซียง! ที่ฉันมาวันนี้ ฉันแค่อยากจะบอกอะไรกับนายเท่านั้น”


“อะไร?”


...


... 


...  ร่างสูงหล่อสูดอากาศเข้าเต็มปอด พร้อมกับหลับตาลง


“ฉันรักนาย”

     เบลซเปรยบอกไป แต่แล้วทุกอย่างยิ่งเงียบสงัดลงกว่าเดิม ได้ยินเพียงเสียงหัวใจของตัวเองเต้นดังแทบทะลุออกจากอกซ้าย

...


...


“กลับไปซะเบลซ แล้วนายไม่ต้องมาที่นี่อีก” นักโทษมองหน้าคนมาเยี่ยม ด้วยความเย็นชา


               เบลซลืมตาขึ้น แล้วพยักหน้าช้าๆพร้อมกับสูดลมหายใจแล้วปล่อยออกมาอีกครั้ง 


“ฉันก็กำลังคิดเหมือนกันว่าฉันไม่ควรมาที่นี่อีก ครั้งนี้ฉันเพียงแค่ตั้งใจมาบอกนายเท่านั้น”


“ไอ้คนแปรเปลี่ยนพรรคอย่างแก ฉันไม่คิดอยากจะเสวนาให้มันมากความนักหรอก”


“ฉันรู้ว่านายค้างคาใจเรื่องนี้ ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่มาหานายอีก ดูแลตัวเองดีดีด้วยนะ ฝากความคิดถึงไปหาหานจูพ่อของนายด้วย”



            เบลซหันหลังกลับ และกำลังทำใจมากที่เดียวกับการที่ต้องเดินพ้นจากห้องลำลองไป เพราะนั่นมันหมายถึงเขาจะไม่มีวันได้กลับมาอีกแล้ว  ในที่สุดก็ก้าวพ้นจากห้องนั้นไปจนได้ พร้อมกับน้ำตาของใครบางคนที่ยังคงอยู่ด้านหลังกรงเหล็กกั้นนั้นคนเดียว ร่ำไห้ให้กับความเป็นจริงที่ต้องยอมรับ

...


...


“มันจบแล้วเบลซ! อย่าเสียเวลากับคนอย่างฉันเลย”


“นักโทษหานเซียง กลับเข้าไปได้แล้ว!” เสียงผู้คุมขังตะโกนลั่นบอก หานเซียงค่อยๆเช็ดน้ำตาตัวเองออกแล้วเดินหายลับเข้าไปในห้องคุมขังดังเดิม


              ไม่ใช่เพราะรังเกียจเบลซ ที่แปรเปลี่ยนไปอยู่กับอินทรีทอง เรื่องราวบาดหมางเขายอมรับผิดแต่เพียงแก๊งเดียว แต่มันอดไม่ได้ที่จะต้องพูดจาแบบนั้นเมื่อเห็นหน้ากัน มันทำใจลำบากที่จะหวนกลับมาพูดกันดีๆอีกครั้ง เบลซคือเพื่อนเล่นคนสนิทที่สุดของหานเซียงตั้งแต่ยังเด็ก



             มาถึงทุกวันนี้ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรเหมือนเดิม ถึงแม้การมาหาของเบลซในวันนี้จะมาด้วยความรู้สึกที่ไม่แตกต่างกันนัก แต่หานเซียงขอละตัดใจไปดีกว่า เบลซเป็นคนดี เขาควรจะได้เจอคนดีๆ ไม่ใช่คนสารเลวอย่างเขา



              ต้องใช้ความกล้าในจิตใจแค่ไหนถึงต้องพูดตัดพ้อร่างใหญ่ไปแบบนั้น แต่ช่างเถอะตอนนี้เขาก็ผ่านจุดนั้นมาได้แล้ว ต่อจากนี้ไปเราสองคนเหมือนอยู่คนละโลก ไม่มีวันได้เจอกันอีกแล้ว หานเซียงยอมรับชะตากรรมของตัวเองไว้แต่เพียงผู้เดียว และพร้อมให้อีกคนได้เจออนาคตที่สดใสรออยู่ภายนอก ส่วนเขาคงจะได้อยู่เพียงโลกแคบ ที่มองไปทางไหนก็มีแต่ความมืดมนในชีวิตตลอดกาล... 






ผ่านไปหนึ่งปี


มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน



          ในคฤหาสน์หลังคาสีแดง  ดูท่าทีทุกคนจะเห่อทายาทคนใหม่ของเสือแดงมากทีเดียว ทั้งเจ้านายและลูกน้องไม่มีใครดีใจน้อยไปกว่ากันเลย เฟอกัลคลอดลูกชายเมื่อสามวันก่อน เพิ่งอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลกลับมาอยู่กับฟ่านหยางเฟยที่บ้านพร้อมด้วยลูกชายตัวเล็กน่ารัก คนเป็นพ่อตั้งชื่อให้เรียบน้อยแล้ว ชื่อ  ฟ่านเยี่ย


          ส่วนทางด้านน้องชายสุดที่รักอย่างพิคเจอร์ก็รีบเดินทางมาดูหน้าหลานถึงที่ พร้อมกับคาดอสทันที


“ไหนๆ หลานของอาอยู่ไหน” พิคเจอร์มาถึงก็เอ่ยถามหาหลานทันที



          กวาดสายตามองได้ไม่นาน ก็เจอตัวเข้าให้ กำลังถูกคุณแม่ผู้ให้กำเนิดอุ้มอยู่บนโซฟาไม้ลายเสือ โดยมีพี่ชายนั่งประกบไม่ห่าง


“มาเร็วดีนะหยางอี้”


“อยากมาเห็นหน้าหลานไวๆนี่ครับ แล้วนี้ตั้งชื่อรึยัง?”


“ตั้งแล้วชื่อ...ฟ่านเยี่ย”


“ชื่อน่ารักจัง หลานโตขึ้นห้ามสักลายเสือแดงบนอกเด็ดขาดนะพี่หยางเฟย” พิคเจอร์ส่งสายตาขู่


“ไม่แล้วล่ะ สามแก๊งตอนนี้ก็เหมือนครอบครัวเดียวกันหมดแล้วจะแบ่งแยกไปทำไม” ร่างบางยิ้มเมื่อได้คำตอบที่น่าพอใจ


“พี่เฟอกัล ของผมอุ้มหลานได้ไหมครับ?” พิคเจอร์ทำหน้าระรื่นตื่นเต้นเกินตัว


“ได้ๆ แต่ระวังหน่อยนะพี่หวงลูกรู้ไหม” เฟอกัลอนุญาตพร้อมกับส่งลูกชายไปให้


“น่ารักจังเลยหลานอา รีบๆโตนะเดี๋ยวจะพาไปเล่นกับ เซร่า  ที่ปักกิ่ง อาจะพาไปเที่ยวไปกินขนมให้อิ่มไปเลย”



          ดูเหมือนเจ้าตัวน้อยฟ่านเยี่ยจะรับรู้ถึงการสื่อสารคำพูดของพิคเจอร์ เอาแต่ยิ้มให้และดิ้นเล็กน้อย ช่องปากไร้ฟันนั้น มองแล้วน่าเอ็นดูเป็นที่สุด



          ส่วนทางมหานครปักกิ่ง ไดนาดินกำลังดูแล เซร่า ลูกสาวคนสวยอายุสองเดือนช่วยฟินกี้ที่คลอดก่อนหน้าเฟอกัลผู้เป็นพี่ รายนั้นโดนพิคเจอร์อุ้มเล่นแย่งคุณพ่อคุณแม่ทั้งสองตลอด


“นี่เมื่อไหร่จะมีลูกสักทีพิค จะได้ไม่ต้องมาขออุ้มลูกชาวบ้านเขาแบบนี้”


“ยังไม่พร้อมหรอกครับพี่หยางเฟย ผมกลัว!”


“ฮ่าๆๆ นี่หยางอี้ไม่เห็นต้องกลัวเลย พี่คลอดก็ปลอดภัย อินจือคลอดก็เปลอดภัย ไหนจะฟินกี้อีก ไม่มีใครเป็นอะไรเลย” เฟอกัลพยายามพูดให้อีกฝ่ายลดความหวาดกลัว


“เปล่าหรอกเฟอกัล ที่พิคเจอร์เขาพูดหมายถึงกลัว น้องชายของฉันเอง โอ้ย!” คาดอสร้องลั่นทันทีที่ฝ่ามือฟาดลงแก้มซ้าย



“พูดจาลามกต่อหน้าหลานได้ไง เดี๋ยวฟ่านเยี่ยก็ซึมซับเอาหรอก ไปตรงโน้นกันดีกว่าเนอะฟ่านเยี่ย สงบดีไร้คนหยาบคายด้วย”



               ร่างบางหันมาค้อนใส่ก่อนจะเดินพาหลานไปที่สวนหินร่มรื่นหน้าบ้าน ฟ่านหยางเฟยกังวลใจ กลัวน้องชายซุ่มซ่ามทำลูกตก เลยให้เฟอกัลตามออกไปดู

...

...


“ฉันขอเขาแล้วนะหยางเฟย แต่น้องชายนายมีอุดมการณ์แน่วแน่มาก ที่นอนด้วยกันมาเป็นปีไม่มีอะไรเกินเลยนอกจาก จูบ ลูบไล่ ซักไซ้แค่นั้น”



“ฮ่าๆๆ สงสัยน้องฉันไม่อยากจะมีลูกมั้ง”


“ไม่จริงหรอกเว้ยบ่นทุกวัน ว่าอยากอุ้มลูกแต่ไม่ยอมให้ฉันทำแบบนั้น”


“ให้ฉันคุยให้ไหม?”


“ถ้าได้ผลก็อยากให้ช่วยเหมือนกัน แล้วนี่เจียนเหมิงกับอินจือล่ะ”


“สองคนนั้นฉันให้พวกเขาลาออกจากงานแล้ว และเห็นว่าอยากกลับไปอยู่บ้านเกิด เลี้ยงลูกที่นั่น ฉันเลยไม่ได้ห้ามอะไร และให้เงินไปหนึ่งล้านหยวน ทีแรกปฏิเสธไม่เอา แต่ฉันบอกว่านี่เป็นคำสั่งถึงรับไป อีกนานกว่าจะได้เจอกัน แล้วทางฝั่งนายล่ะ ลูกน้องอยู่ครบไหม?”


“ครบสิ พวกนั้นเติบโตมากับองค์กรฉัน พวกเขาคงไม่อยากไปไหนหรอกฉันว่า อีกอย่างพ่อฉันก็เลี้ยงดูพวกเขามาแต่ยังเด็ก...ที่ปักกิ่งก็เปรียบเสมือนบ้านหลังเดียวในชีวิตพวกเขาเหมือนกันนั่นแหละ”


“รอฟ่านเยี่ยโตกว่านี้ ฉันว่าจะพาครอบครัวไปเที่ยวฮาวาย นายอยากไปด้วยกันไหม?”


“เฮ้ย จะไปทำไม พวกนายไปฮันนีมูนกันตามประสาครอบครัวเถอะ”

...

...

“นั่นพิคเจอร์มาแล้ว”


“พี่เฉิง คนอื่นเขามีลูกกันหมดแล้วอ่ะ ผมอยากมีมั่ง”


“อยากมีก็ให้พี่ทำสิครับ”


“ก็คนมันกลัวอ่ะ”


“หยางอี้น้องพี่ อะไรที่เป็นความสุขก็ยอมๆไปเถอะ เจ็บครั้งเดียวแต่ต่อไปคือความสุขทั้งชีวิตจะเลือกอะไร ”

...


...

       ร่างบางนิ่งคิดชั่วครู่ประกอบกับมองหน้าหลานชายที่ถูกเฟอกัลอุ้มอยู่

“ก็ได้ๆ ลองดูแล้วกัน” ร่างบางตอบรับไปแบบส่งๆ แต่นั่นทำให้คาดอสเผยรอยยิ้มเสน่ห์นั่นออกมาทันที



            สุดท้ายทั้งสองก็ต้องขอลากลับปักกิ่งไปตามระเบียบเพื่อไปปั๊มลูก ระหว่างนั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูงกลับปักกิ่ง พิคเจอร์เอาแต่นั่งหัวพิงไหล่ใหญ่เนื้อแน่นของคาดอสอย่างเดียว อีกไม่กี่ชั่วโมงก็คงจะถึงบ้านของพวกเขาแล้ว



“พิคเจอร์ อยากได้ลูกสาวรึว่าลูกชาย?” คนตัวใหญ่กว่าเปรยถาม


“อยากได้ลูกแฝด คนหนึ่งลูกสาวคนหนึ่งลูกชาย พี่เฉิงว่าดีไหมครับ?”


“ลูกของเราก็ดีหมดแหละ พี่พร้อมทุกอย่าง”


“พี่เฉิงแล้วมันจะเจ็บไหมอ่ะ!” ร่างบางยังไม่วายหวั่นกลัว


“พี่สัญญาจะทำให้นายเจ็บน้อยที่สุด” ฟ่านหยางอี้พยักหน้าช้าๆ หากแต่เขามั่นใจในตัวของคาดอสมากที่สุด และรู้สึกผ่อนคลาย
ที่อีกคนอยู่ใกล้ และแล้วทุกอย่างมันก็ไปได้สวยงามตามที่คาดอสบอกจริงๆ



           เวลาเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนพวกเขามาถึงที่หมาย ค่ำคืนนั้นเองบนเตียงนอนของรังอินทรีทองกำลังโยกสั่นตามจังหวะแรงขย่มของร่างใหญ่ มันไม่มีอะไรน่ากลัว ถึงตอนนี้พิคเจอร์รู้แล้วว่ามันมีแต่ความรู้สึกดีๆให้กันและกัน ความรู้สึกเหล่านั้นมันกลบความเจ็บปวดทางกายไปได้หมด



“อ่า.....ซี๊ดดดดด”



              เสียงร้องครวญครางอย่างมีความสุข แยกไม่ออกว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร รุ้แต่ว่ามันเป็นเสียงของคู่รักอย่างพวกเขาที่ทำให้กันครั้งแรกและมันออกมาดีที่สุด



“พิค! ...ใกล้แล้ว”


           คาดอสเปรยบอก อีกทั้งยังเร่งจังหวะอยู่เรื่อยๆ แต่ร่างบางแทบรู้สึกอยากจะขาดใจตาย   จนท้ายที่สุดคาดอสกลบเสียงครางความสุขของตัวเองด้วยการประกบกับริมฝีปากเล็กๆนั้น


            ฟ่านหยางอี้ กอดรัดร่างใหญ่ไว้แน่น เพราะรู้สึกถึงของเหลวมากมายมหาศาลกำลังไหลแล่นอยู่ด้านในช่องหลังของเขา



“อึก อ่า...” คาดอสส่งเสียงครั้งสุดท้ายก่อนจะล้มฟุบลงไปทับอีกร่างอย่างหมดแรง


“พี่เฉิงครับ ผมหนัก”


“อุ้ย...โทษทีครับพิค พี่แค่รู้สึกหมดแรง”


           ว่าแล้วคาดอสก็ค่อยๆถอนเจ้ามังกรใหญ่นั่นออกไป พิคเจอร์รู้สึกวาบโล่งเบาตัวไปในพริบตา คาดอสค่อยๆพลิกตัวเองตะแคงข้าง แขนซ้ายค้ำยันศีรษะตัวเอง สายตามองดูเรือนร่างขาวสะอาดนั้น มือก็ลูบไล่ไปทั่วท้องพิคเจอร์ตลอดเวลา


“อย่าให้ลูกของพี่ไหลออกมานะ”


“รู้แล้ว ทำตามที่ด๊อกเตอร์บารอนบอกทุกอย่างเลย”


“เก่งมากครับสุดดวงใจของพี่ ฟอดดดดด” คาดอสก้มลงจูบหน้าผากหยางอี้ ก่อนจะโอบกอดอีกคนให้หลับไปในค่ำคืนนี้ ด้วย
ความเหนื่อยล้าทั้งคู่





.

..

...

ผ่านไป สามสัปดาห์


                   ด๊อกเตอร์บารอนกำลังตรวจภาวะการตั้งครรภ์ โดยมีคาดอส ไดนาดิน ฟินกี้ เรนเดล แกริคและเบลซมายืนลุ้นเอาใจช่วย พร้อมกับทีมแพทย์คนของด๊อกเตอร์โดยเฉพาะอยู่ด้วย จนกระทั่งผลจากการตรวจในใบกระดาษสีขาวนั้นออกมา และด๊อกเตอร์บารอนกำลังถืออาไว้พร้อมกับก้มอ่านผลนั้น


                 เหตุที่ทุกคนต้องลุ้นเพราะความต้องการของพิคเจอร์ล้วนๆ รายนี้คาดหวังไม่เหมือนเพื่อน เพราะอยากได้ลูกแฝดหญิงแฝดชาย มันลำบากและยากมากเลยนะสำหรับวงการเทคโนโลยีของชายร่างท้วมอย่างบารอน


“ว่าไงด๊อกเตอร์” สุดท้ายก็เป็นคาดอสที่อดทนรอฟังไม่ไหวแล้ว


“อืม ลูกแฝดจริงๆ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าชายหรือหญิงรอให้ผ่านไปหลายๆเดือนกว่านี้หน่อยนึงนะ”


“เยส!!!!”


“เฮ้!!!!”


            เสียงร้องตะโกนดีใจ เพราะลุ้นจนตัวโก่ง สุดท้ายคำตอบนั้นก็ทำให้ดีใจไม่น้อยทีเดียว


“ดีใจด้วยนะพิค ”ฟินกี้เดินมากุมมืออดีตคนเคยแอบรักเอาไว้


“ขอบใจฟินกี้ ”



“แล้วพี่ล่ะ!” ร่างสูงเดินเข้ามาหาคุณแม่มือใหม่บ้าง จนฟินกี้ต้องรีบผละตัวออกไป


“ก็ขอบคุณมากๆครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลย ผมสัญญาจะดูแลลูกของเราให้ดีที่สุด”


“นายเป็นแม่คนแล้วนะ ไม่มีอะไรต้องกลัว พี่จะอยู่ใกล้นายตลอดเวลา”


“ครับ”


              รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของผู้ที่กลัวการร่วมเพศและกลัวการคลอดบุตรเป็นที่สุด ถึงกับผ่อนคลายลดน้อยลงไปเพียงเพราะมีใครบางคนให้กำลังใจและเอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดี นับว่าเป็นความโชคดีของพิคเจอร์ที่สุดแล้ว



:L2:


พรุ่งนี้อวสานแล้ววววววนะ ติดตามกันต่อน้า อีกวันเดียวเอง 


 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 14-09-2016 19:46:54
ลูกแฝด ดีใจด้วยน้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: loveice ที่ 15-09-2016 11:12:46
ตอนที่ 30


           กาลเวลาผันเปลี่ยนหมุนเวียนไป เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นกับหนุ่มศิลปะร่างเล็กนี้ จากคนที่ไม่เคยรู้จักความเป็นมาของ
ชีวิตตัวเอง จนบัดนี้เขาได้คำตอบที่โหยหาทั้งชีวิตแล้ว นั่นคือ ครอบครัว ที่เกินคาดฝันของเขาเอง



            เจ็ดปีผ่านไป พิคเจอร์หรือฟ่านหยางอี้ในวัยสามสิบสองปี แต่อายุขัยไม่ได้ทำให้รูปลักษณ์ของเขาแก่ไปตามกาลเวลา ยังคงมีความน่ารัก สดใส ในสายตาของคาดอส ชายหนุ่มร่างสูงผู้เป็นทั้งสามี และเป็นพ่อของลูก และที่สำคัญคือเป็นประมุขอินทรีทอง กับวัยเกือบสี่สิบปี แต่ความหล่อ เท่ห์ดูดี เหมือนราวกับว่าหยุดค้างคงที่เอาไว้ตั้งแต่หลายปีก่อนไม่มีเปลี่ยนแปลงเช่นกัน



           หยางเฉิง แฝดชายกับ หลินเฉิงแฝดหญิง สองพี่น้องเติบโตมาด้วยความรักและอ่อนโยนจากผู้เป็นพ่อแม่  เด็กสองคนเป็นเด็กฉลาด เขารู้ว่าพ่อแม่ของเขาไม่เหมือนคนอื่น แต่ไม่คิดอยากโหยหาให้เหมือนครอบครัวคนอื่น  พวกเขากลับรักและพึงพอใจครอบครัวขนาดใหญ่ของตัวเองเป็นอย่างมาก



          ส่วนทางด้านฟ่านหยางเฟยผู้มีศักดิ์เป็นลุง ยังคงใช้ชีวิตแบบราบเรียบและมีความสุขกว่าแต่ก่อนมากกับคู่รักและลูกชาย ตอนนี้หยางเฟยประกาศให้สังคมรับรู้แล้วว่าเสือแดงขอสิ้นสุดไป แต่ก็ยังมีลูกน้องอีกหลายชีวิตที่ไม่คิดไปไหน อดีตประมุขเสือแดงก็ไมได้คิดทอดทิ้งลูกน้อง ยังคงให้อาศัยอยู่ในอาณาเขตขนาดใหญ่นี้ต่อไป ในฐานะคนจีนธรรมดาที่ไม่ขอมีอิทธิพลอะไรแล้ว 



            ปิดเทอมฤดูร้อนปีนี้ คาดอสพาครอบครัวและคนสนิทตัดสินใจเลือกและเดินทางไปพักผ่อนที่ประเทศไทย แถบทะเลอันดามันเป็นเวลาสองสัปดาห์  บรรยากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ได้พาลูกหลานมาชมทะเลและสัมผัสกับเมืองไทยครั้งแรกนั้นมันดีต่อจิตใจไม่น้อย จากสีหน้าเด็กๆสองคนดูร่าเริงสนุกสนานกว่าทุกที่ที่พวกเขาจะพาไปเสียอีก



            เรนเดล แกริคและเบลซ สามหนุ่มผู้มีอายุมากขึ้นไปตามๆกัน แต่ยังคงซื่อสัตย์และอยู่เคียงข้างอินทรีทองต่อไป ส่วนไดนาดินเป็นพ่อคนแล้ว เขาพาลูกสาวกับฟินกี้มาเที่ยวครั้งนี้ด้วย เซร่าอายุ แปดขวบ วัยกำลังซนและดูเป็นแกนนำให้น้องแฝดชายหญิงอย่างอาหยางกับอาหลินเป็นอย่างดี



“เซร่า อย่าพาน้องซนลูก” ฟินกี้ตะโกนบอกลูกสาว เมื่อเห็นสามแสบวิ่งไล่นำหน้ากันออกไปชายหาด


“ปล่อยเด็กๆบ้างเถอะฟิน เรานั่งดูอยู่ตรงนี้คงไม่เป็นอะไรหรอก” พิคเจอร์พูดให้อีกคนคลายความกังวล แต่คนเป็นพ่อแม่มีหรอจะอดเป็นห่วงไม่ได้กลัวว่าจะไปชนนักท่องเที่ยวคนอื่นๆที่กำลังนอนอาบแดดอยู่



“แกริค เมื่อไหร่จะมีลูกซักทีละ?” คาดอสหันไปถามลูกน้องผมบอร์นทอง



“ขอปฏิเสธดีกว่าครับบอส อีกอย่างเรนเดลเขาไม่ยอมอยู่ท่าเดียวครับ ผมเองก็คิดว่าไม่มีก็ดีเหมือนกัน ไม่อยากให้เป็นภาระด๊อกเตอร์บารอนเท่าไหร่ ตอนนี้ได้ข่าวว่าไปทัวร์รอบโลกอยู่ ไม่อยากขัดจังหวะความสุขแกนัก”



“ใช่ครับบอส แกริคพูดถูก  อยู่อย่างนี้รอดูหลานๆเติบโตจะดีกว่า อีกอย่างอยู่เป็นเพื่อนเบลซด้วย หมอนั่นอกหักมาจะสิบปีแล้วด้วยซ้ำ”




                  เรนให้เหตุผล พลางมองไปที่อีกคนนั่งแยกห่างออกไปไม่ไกลนัก มองดูคลื่นทะเลซัดเข้าฝั่ง จากมุมนี้เขาเห็นคนตัวใหญ่กำลังเหงาแววตาดูเศร้าสร้อยอยู่ไม่น้อยทีเดียว ไม่ว่าจะนานแค่ไหนร่างใหญ่ก็ไม่มีวันลืมหานเซียงได้เลย

...

...


...

“ป่าป๊า ดูนี่สิ ผมเก็บเปลือกหอยได้ด้วย” ลูกชายตะโกนร้องวิ่งลิ่วเข้ามาหาผู้เป็นพ่อ คาดอสอ้าแขนรออุ้มรับตัวเล็กจอมซนขึ้นมานั่งบนตัก


“ไหนครับ ป่าป๊าขอดูหน่อยซิ”


“นี่ครับ สวยแปลกดี ”



     เด็กน้อยชูเปลือกหอยที่มีเส้นขาวๆชี้ออกมารอบๆเปลือกหอยจนหมด สีขาวนวลนั้นมันก็น่าทึ่งดี ไหนจะรูปลักษณ์ที่เห็นนี้อีก



“ป่าป๊าว่ามันคือหอยหวีครับหยางเฉิง คนไทยเขาเรียกกันแบบนี้”


“หอยหวีหรอครับ! สวยดีจัง ผมเอากลับบ้านเราได้ไหม?” ตัวเล็กถาม


“ได้สิลูก”


“เย้ๆ แต่...ป่าป๊าครับ ผมหิวแล้ว” เด็กชายเริ่มออดอ้อนอู้อี้ผู้เป็นพ่อ พร้อมกับเอาหัวหมุนชนกับกล้ามท้องแข็งแกร่งนั่นไปมา


“คร้าบๆ เดี๋ยวจะพาไปกินเดี๋ยวนี้แหละ ไปชวนม่าม๊าเร็วเข้า” คาดอสชี้นิ้วไปหาสุดดวงใจที่กำลังเล่นก่อทรายกับลูกสาวและหลานสาวที่ชายหาด



“ไม่เอาหรอก คุณแม่ชอบดุ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลากินข้าว”


“ฮ่าๆๆๆ งั้นเดี๋ยวอาเรนพาไปหาอะไรอร่อยๆกินดีกว่าเนาะ” เรนเดลเดินเข้ามาหาอาสาพาไป แต่มีหรอที่ตัวเล็กจะปฏิเสธ


“ไปครับ!”



             หยางเฉิงกระโดดลงจากตักพ่อแล้วเดินไปกับเรนเดลทันที มีแกริคเดินตามไปด้วยอีกคนคงจะหายห่วงได้   แต่เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาย้ำเตือนตัวเองตลอดว่า จะไม่มีทางให้ลูกชายรู้เรื่องเหนือมนุษย์เด็ดขาดไม่ว่าจะยังไงทั้งสิ้น จนกว่าเด็กๆเหล่านั้นจะโตพอที่จะได้รู้เรื่องแบบนี้





            ค่ำคืนแรกกับการเดินทางมาพักผ่อนที่เมืองไทยบริเวณที่พักมีการจัดปาร์ตี้บริการลูกค้า แต่มีหรือที่เด็กๆสามแซบจะไม่อยากไปร่วมงาน สุดท้ายก็ต้องพาลงไปร่วมชิมอาหารทะเลไทย และอาหารทั่วไปของเมืองไทยที่เข้าจัดไว้เป็นโซนให้ ดูสีหน้าของเด็กเมื่อได้ชิมอาหาร ถึงแม้มันจะเผ็ดอยู่บ้าง แต่กลับไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการรับประทานของหมูน้อยทั้งสามคนเลย เล่นเดินไปตักกินไม่หยุดหย่อน


“ป่าป๊า ผมอยากกินส้มตำ” ท้ายที่สุดเจ้าจอมซนลุกชายของเขาก็เปรยอ้อนอยากกินสิ่งที่คาดอสเองก็ไม่ชอบเท่าไหร่นัก


“ส้มตำหรอ? อาหยาง ป๊าว่าอย่ากินเลยลูก เดี๋ยวท้องเสียนะ”


“เดี๋ยวม๊าตำให้กิน รับรองไม่ท้องเสียแน่นอน ไปอ้อนป่าป๊าไม่มีทางได้กินหรอก”



              ฟ่านหยางอี้ได้ยินเข้า เลยอยากจะขอแสดงฝีมือของตัวเองบ้าง ให้สมกับอยู่เมืองไทยและเติบโตในเมืองไทยมาเนิ่นนาน  เขาจูงมือลูกชายกับลูกสาวไปยังโซนส้มตำทันที



             หยางเฉิงและหลินเฉิงมองดูผู้เป็นแม่ ลงมือปรุงหยิบโน่นนั่นนี่ใส่ครกตาไม่กระพริบ ไม่นานสิ่งที่เรียกว่าส้มตำก็ออกมาน่าตาน่าทาน พร้อมกับหมึกลวกและกุ้งแดงตัวขนาดไม่ใหญ่นักสามตัวแกะเปลือกเรียบร้อยประดับบนจาน   เขารู้ว่าลูกแฝดนั้นทานเผ็ดไม่ได้ เลยใส่พริกไปเพียงสองเม็ดเท่านั้น



“ได้แล้วครับลูก ส่วนกุ้งแบ่งกันกินนะ คนละหนึ่งตัวเท่านั้น  ไปนั่งทานกันที่โต๊ะนะครับ เดี๋ยวม๊าขอล้างครกให้เขาก่อน แล้วจะตามไป”


“ครับ/ค่ะ” สองหนุ่มสาวพี่น้องช่วยกันเดินถือจานส้มตำไปที่โต๊ะ ดูแล้วเป็นภาพที่ตลกชะมัดยาด จานมันไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย แต่สองพี่น้องก็ช่วยกันถือช่วยกันยกราวกับมันหนักเสียอย่างนั้น


...


... 

“ขอโทษนะครับ อยากทานส้มตำพอดี แต่ตำไม่เป็น ช่วยทำให้หน่อยได้ไหมครับ?”


            เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นใกล้ๆพิคเจอร์ ร่างบางหันไปมอง ปรากฏชายหนุ่มร่างสูงดูท่าน่าจะเป็นลูกครึ่ง (แต่คาดอสหล่อกว่า) ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเขาเท่าไหร่นัก


“ได้สิครับ คุณจะเอาตำปูปลาร้าหรือว่าตำไทยครับ?” พิคเจอร์อาสารับด้วยความยินดี


“ตำไหนก็ได้ครับที่คุณจะตำให้ผม”


          มาแนวยิ้มแย้มแถมคำพูดหวานเยิ้ม มีหรือที่พิคเจอร์จะไม่รู้ทัน แต่ไม่เป็นไร ตำให้ซะก็สิ้นเรื่อง


...

...


“อาหยาง อาหลิน ม๊าล่ะลูก?” คาดอสถามหาทันทีหลังจากเห็นเด็กสองคนยกจานขนาบคู่กันเพียงลำพัง


“ม๊าบอกว่า ขอล้างโค้กก่อนค่ะป่าป๊า” หลินเฉิงเป็นคนตอบ


“โค้ก? อ่อ ครก!!! หรอลูก”


“ค่า” หลินเฉิงยิ้มให้ผู้เป็นพ่อ


            แต่ตอนนี้เขาห่วงคนเป็นแม่ของเด็กสองคนนี้มากกว่า ร่างสูงลูกเหยียดกายจากเก้าอี้เริ่มกวาดสายตามองหาเป้าหมาย และแล้วก็เจอ แต่เจอใครอีกคนที่ไม่คุ้นหน้ายืนขนาบข้างอยู่ด้วย ไม่ได้การแล้ว ไอ้หมอนั่นจะงาบเมียเขาไปแล้ว!!!!


“เรน!! ฝากดูลูกฉันด้วย”


“ครับบอส”


            เรนถูกเลื่อนหน้าที่มาทำงานแทนไดนาดิน เพราะหมอนั่นต้องไปทำหน้าที่คุณพ่อที่ดีให้กับครอบครัวตัวเอง คนมีคู่แต่ไร้ภาระหน้าที่อย่างเรนเดล แกริค และคนโสดอย่างเบลซจึงต้องสานต่อตรงนี้


“อาเรน ทำไมป่าป๊าดูดุจังเลยคะ ป่าป๊าเป็นอะไร?” หลิงเฉิงเปรยถามพร้อมกับสีหน้าหวาดหวั่นนิดๆ ปกติคาดอสไม่เคยโมโหให้ลูกเห็นเท่าไหร่


“ไม่มีอะไรหรอกค่ะอาหลิง ป่าป๊าแค่รักม่าม๊ามากไปหน่อยเท่านั้นเอง”


           เรนเดลพยายามอธิบายให้เด็กๆเข้าใจง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากบอกว่าหึง เดี๋ยวเด็กจะงงอีกว่าหึงคืออะไร


           ตอนนี้คาดอสเดินแผ่รัศมีความหึงหวงเต็มพลังไปหาอีกคน สองขายาวก้าวฉับๆมุ่งไปที่โซนส้มตำ ไม่นานก็ไปถึง  แต่การไปเยือนของเขาไม่ได้ทำให้สองคนสนใจแม้แต่น้อย


“ขอโทษนะครับ ช่วยห่างจากภรรยาผมด้วย” น้ำเสียงเปรยดัง จนคนที่จ้องมองพิคเจอร์หวานเยิ้มขมวดคิ้ว


“ใครหรอครับคุณพิคเจอร์?”


“อ่อ สามีผมเองครับ” ร่างบางหันไปตอบอีกฝ่าย แต่คำว่าสามีนั้น ทำให้อีกคนยิ้มร่าราวกับอยู่เหนือชั้นกว่า


“ได้ยินแล้วใช่ไหม ถอยออกไปสิครับ” คาดอสเดินเข้าไปแทรกกึ่งกลางระหว่างสองคน แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ลดละ เดินอ้อม
ไปขนาบชิดพิคเจอร์อีกฝั่ง คาดอสเห็นแล้วแทบอยากจะเอากระไฟฟ้าช๊อตมันให้ตายไปต่อหน้าต่อตาเอามากๆ



“เฮ้ย จะเอาไงวะ?” คาดอสเริ่มหาเรื่องแล้ว


“พี่เฉิงใจเย็นๆ เขาแค่รอเอาส้มตำเท่านั้นเอง” ร่างบางเกลี่ยกล่อม


“อ่อ เพิ่งรู้ว่าไอ้หมอนี่เป็นหง่อยทำเองไม่เป็น” คาดอสสวนขึ้นทันที


“ก็ผมทำไม่เป็น เห็นคุณพิคเจอร์กำลังตำพอดี นึกอยากกินขึ้นมาก็เท่านั้น” อีกคนอธิบายลวกๆ

“หรอ? อยากกินมากใช่ไหม? ได้!!!”



   คาดอสไม่ว่าเปล่า หยิบพริกสดสีแดงฉานในตะกร้าพลาสติกกำมือหนึ่งลงไปในครกที่ภรรยากำลังโขกตำอยู่


“พี่เฉิงใส่พริกเยอะแบบนี้เขาจะทานได้ไงครับ” พิคเจอร์อุทานออกมาด้วยความตกใจ


“ช่างมันสิ ไปสนใจมันทำไม?”


“พี่เฉิง ไปกันใหญ่แล้ว กลับไปนั่งกับลูกไป”


“หยางอี้ นี่ไล่พี่หรอ ทำไมไม่ไล่มันอ่า” คาดอสเริ่มเปลี่ยนโทนเสียงทันทีที่เจอหวานใจพูดใส่แบบนี้


“ก็พี่เฉิงป่วนอาหารการกินแบบนี้ ใครจะไปทนไหว นี่ก็คงจะกินไม่ได้แล้ว เดี๋ยวผมตำให้ใหม่นะครับ” ท้ายประโยคร่างบางหันไปบอกอีกคน



           พอเห็นว่าพิคเจอร์ไม่สนใจตัวเองแล้ว คาดอสก็สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะวู่วามทำอะไรลงไป แล้วสุดท้ายเขาก็ต้องเป็นฝ่ายเดินหนีไปเอง แต่ก่อนที่จะไป เขาเดินอ้อมไปด้านหลังชายแปลกหน้าคนนั้นแล้วใช้ฝ่ามือของเขาแตะลงบนไหล่ ปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆพอให้เกิดสปาร์คไปทั้งตัวก็พอ



เจี๊ยดดดดดดดด


“โอ้ย!” เสียงอุทานของคนโดนช๊อตดังขึ้น เขาไม่มั่นใจนักว่าเมื่อครู่โดนกระแสไฟฟ้าเล่นงาน หรือว่าไอ้ร่างสูงหน้าหล่อนั่นมือหนักไปหน่อยเลยรู้สึกชาเหมือนไฟฟ้าช๊อต

... 

...


“ได้แล้วครับคุณ เดี๋ยวผมขอตัวไปง้อสามีก่อนนะครับ” พิคเจอร์ตักส้มตำใส่ในจานแล้วยื่นให้


“ขอบคุณมากๆนะครับ คุณใจดีจังเลย ทำไมผมไม่มาเจอคุณให้เร็วกว่านี้”



            ร่างบางยิ้มให้กับคำพูดนั้น ไม่รู้จะตอบอะไรไปเหมือนกัน เพราะยังไงซะเขาก็คงรักคาดอสได้แค่คนเดียว สุดท้ายก็ถึงเวลาต้องจากกันระหว่างเขากับชายแปลกหน้า


“ดีใจที่ได้เจอคุณนะ”


“เช่นกันครับ” พิคเจอร์ยิ้มให้ก่อนจะเดินเลี่ยงตัวออกไป



            ร่างบางกลับไปที่โต๊ะ เห็นแค่ลูกหลานและคนสนิท แต่ไม่เห็นร่างสูง  พอถามหาคาดอสก็ไม่มีใครเห็นเลย แต่ลูกชายแอบไปกระซิบบอกที่หู ว่าเห็นคาดอสเดินหน้าบึ้งไปที่ชายหาดทางโน้น ตอนนี้ระดับน้ำทะเลกำลังสูงขึ้น



             พิคเจอร์เดินไปตามที่อาหยางลูกชายจอมซนบอก ไม่นานก็เจอใครบางคนกำลังทำหน้าหล่อในความมืดบนหาดทรายอยู่จริงๆ  ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆอีกฝ่ายก่อนจะเอาหัวไปพิงสบไหล่แกร่งนั้น


“นึกว่าจะไม่ตามมาง้อพี่ซะแล้ว” อีกคนประชดทันทีพร้อมกับน้ำเสียงหงอยๆ


“ใครว่าล่ะครับ สามีผมทั้งคนนะ”


“รู้ทั้งรู้ว่ามีสามีแต่ไปตีสนิทผู้ชายคนอื่นเนี่ยนะ หยางอี้ลูกเราโตจนอายุเจ็ดขวบแล้วนะทำอะไรก็เกรงใจบ้างสิ”


“ไปกันใหญ่แล้วพี่เฉิง ผมรู้ว่าผมทำอะไรอยู่ ก็แค่ทำส้มตำให้เขากินแค่นั้นเอง ดูท่าทางเขาตำไม่เป็นหรอก หน้าตาออกลูกครึ่งขนาดนั้น เหมือนพี่ไงก็ทำไม่เป็น กินก็ยังไม่เป็นอีก”


“จริงๆนะ ไม่ใช่เพราะเห็นมันหล่อหรอกนะ”


“ใครจะไปหล่อเท่าพี่เฉิงอีกเล่า ”


“ให้จริงเถอะ”


“มาๆๆๆๆ  เกี่ยวก้อยคืนดีกันนะ” ร่างบางชี้นิ้วก้อยข้างขวาไปตรงใบหน้าอีกฝ่าย ไม่นานก็มีนิ้วก้อยใหญ่ของอีกคนคว้าเกี่ยวไว้ทันที


“พี่เห็นภาพเมื่อกี้ พี่ใจไม่ดีเลย กลัวพิคจะชอบมันแล้วทิ้งพี่”


“พี่เฉิง!!! เป็นคนคิดมากตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ”


“ก็ตั้งแต่ได้แม่ที่ดีของลูกชายลูกสาวอย่างหยางอี้มาเป็นภรรยาแล้วไง พี่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนะ”


“เชื่อใจผมสิ ผมเคยบอกพี่ว่ายังไง ความรักของผมก็เหมือนลวดลายบนตัวปลาคาร์ฟมอมแมมตัวนั้นไม่ใช่หรอ ลวดลายศิลปะที่
ไม่มีทางลบหายไปได้ ไม่ว่าจะนานแค่ไหน มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะทำให้ความรักของผมสิ้นสุด”


“จำได้สิ พี่ไม่ลืมหรอก”


“ไม่ลืม? แต่ยังหึงหวงแบบนี้นะหรอครับ ไม่ดีเลยนะรู้ไหม นี่ก็อายุจะสี่สิบแล้วยังทำตัวเหมือนวัยรุ่นอีก”


“จะนานแค่ไหนพี่ก็หวงนายอยู่แล้วล่ะน่า” และแล้วทุกอย่างก็เงียบไปมีเพียงสายลมเย็นที่พัดผ่านร่างพวกเขา

...


...


...


“ดวงจันทร์สวยจัง” พิคเจอร์เพิ่งมองเห็นมัน หลังจากกลุ่มเมฆที่บดบังก้อนกลมสีเหลืองเคลื่อนตัวออกไป


“สวยไม่สู้นายหรอก” คาดอสมองดูพระจันทร์พร้อมตอบกลับไป พลางจูบลงที่เส้นผมอีกฝ่ายเบาๆ


“ป่านนี้พี่หยางเฟยกับ พี่เฟอกัลจะเป็นยังไงบ้างนะ เราไม่ได้ไปเยี่ยมหลานนานแล้วนะพี่เฉิง”


“กลับไป เราก็แวะเอาของฝากไปให้แล้วกัน” คาดอสแนะนำ


“ดีเลยครับ”






“ฟ่านหยางอี้ พี่รักนายนะ” จู่ๆคนร่างสูงก็เปรยขึ้น


“ผมก็รักพี่เฉิงเหมือนกัน จะให้บอกอีกกี่สิบปีข้างหน้า หัวใจผมก็ยังเหมือนเดิม”


“เราจะอยู่ด้วยกันดูความสำเร็จในชีวิตของลูกเราไปแบบนี้ สัญญานะ”


“สัญญาครับ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”



              ท่ามกลางเกลียวคลื่นซัดกระทบหาดทรายพร้อมกับระดับน้ำทะเลกำลังหนุนตัวสูงขึ้น ดวงจันทราสีเหลืองนวลเต็มดวงสาดแสงสีทองลอยเด่นบนท้องฟ้า ราวกับรับฟังคำสัญญาของสองหนุ่มคู่รัก ไม่ว่าจะอีกนานแค่ไหน พวกเขาก็มีจะดวงจันทร์ดวงนี้คอยเตือนใจและเป็นพยานว่าเคยเปรยเอ่ยสัญญาอะไรไว้ให้แก่กัน 



             และอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ สมบัติล้ำค่าของชีวิตคู่อย่างพวกเขา ทั้งหยางเฉิงและหลินเฉิง คือคำตอบที่แน่นอนและปรากฏให้เห็น คอยย้ำเตือนว่าพวกเขาจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อดูความสำเร็จของสองดวงใจที่เกิดขึ้นด้วยความรักและมีลมหายใจอยู่เคียงคู่กันไปตราบเท่าอายุไขที่สวรรค์บันดาลให้มาตลอดกาล...




อวสาน



           จบแล้วๆๆๆๆๆๆ  ขอบคุณจริงๆน้า  ขอบคุณทุกคอมเม้นเลย คุณคือพลังผลักดันที่สำคัญที่สุดให้กับ

ผู้แต่ง  เราไม่มีอะไรจะมอบให้ นอกจากนิยายที่มีอยู่ในความคิดของเราให้ทุกท่านอ่าน   ขอบคุณจริงๆน้า[/color
]

 
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ อวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-09-2016 14:02:15
 o13 o13 o13 o13 o13

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ อวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 15-09-2016 17:06:08

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

ฟินเลย


หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ อวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 16-09-2016 07:34:10
จบลงอย่างสวยงาม
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ อวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: Rainfozia ที่ 17-09-2016 17:20:42
ขอบคุณคับ สำหรับเรื่องดีๆที่ได้อ่าน.  ฟินนนน
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ อวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 17-09-2016 23:29:45
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆจ้าาาา
สนุกมากๆ


 :pig4:
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ อวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 20-09-2016 23:57:17
ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ อวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 22-09-2016 15:48:58
สนุกมากค่ะ
สั้นๆ กระชับดี
แต่มีฉาก18+น้อยไปหน่อย อิอิ
ชอบคู่เฟอกัล-หยางเฟย ดูง่ายๆดี
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ อวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: Nbear ที่ 25-09-2016 22:49:23
สนุกมากกก ขอบคุณค่าาา
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ อวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 26-09-2016 00:40:04
 :pig4: สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ อวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 26-09-2016 22:58:33
สนุกมาก พิคน่ารักดี ชอบๆ
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ อวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 26-09-2016 23:30:26
อ่านเพลินดีคะ พล็อตเรีองแปลกดี
ชอบคะ
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ อวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 27-09-2016 17:57:08
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ อวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 02-10-2016 06:26:37
 :z13:
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ อวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 06-10-2016 08:02:59
อ่านจบแล้วคร่าาาา. ขอบคุณ. สนุกดี. ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: เหนือมนุษย์ อวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 14-11-2016 14:23:53
 :pig4: :pig4: :pig4: