พิมพ์หน้านี้ - ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: patwo ที่ 20-05-2016 20:20:56

หัวข้อ: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 20-05-2016 20:20:56
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 

- - - -- - - - - -- - - - - - -

►►   สารบัญ  ◄ ◄

 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 1 ' ความเมาเป็นเหตุ '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3383361#msg3383361)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 2 ' ความซวยซ้ำซ้อน '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3384020#msg3384020)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 3 ' คุณคีย์ครับ... '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3384929#msg3384929)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 4 ' ฉันไม่ชอบเด็ก... '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3388454#msg3388454)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 5 ' ผู้ใหญ่หวงก้าง '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3393558#msg3393558)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 6 ' อึดอัด '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3395002#msg3395002)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 7 ' คุณชอบผมมั้ย '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3398496#msg3398496)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 8 ' โฮสคนแก่ '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3399860#msg3399860)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 9 ' คำถามสุดท้าย '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3403557#msg3403557)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 10 ' จงกล้าที่จะรัก '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3405081#msg3405081)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 11 ' กุญแจห้อง '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3408817#msg3408817)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 12 ' คนแก่ขี้งอน '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3410254#msg3410254)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 13 ' ซื้อของเข้าบ้าน '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3413895#msg3413895)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 14 ' อย่ารักเพราะสงสาร '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3415296#msg3415296)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 15 ' ปัญหาแรกรัก '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3419273#msg3419273)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ? '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3420877#msg3420877)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 17 ' ความคิดถึง '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3424428#msg3424428)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 18 ' ทนไม่ไหว '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3425842#msg3425842)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 19 ' คำว่าชอบ '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3430152#msg3430152)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 20 ' คิดมาก '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3435950#msg3435950)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 21 ' ความเชื่อใจ '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3441431#msg3441431) 
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3442794#msg3442794)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 23 ' 2 คำถาม 1 คำสั่ง '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3446428#msg3446428)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 24 ' โฮส '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3447763#msg3447763) 
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 25 ' ผมอยากเป็นโฮส '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3451533#msg3451533)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 26 ' พลาด '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3452873#msg3452873) 
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 27 ' งานวันแรก '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3456524#msg3456524)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 28 ' สงสารตัวเอง '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3457953#msg3457953) 
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 29 ' ตรวจสุขภาพ '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3461841#msg3461841)   
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 30 ' ผลการตรวจสุขภาพ '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3463217#msg3463217)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 31 ' ป่วย '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3466855#msg3466855)   
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 32 ' เหตุผลที่ไม่ชอบเด็ก '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3466855#msg3466855) 
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 33 ' จุดเริ่มต้น '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3472419#msg3472419)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 34 ' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3473943#msg3473943)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 35 ' คนเห็นแก่ตัว '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3477597#msg3477597) 
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3479012#msg3479012) 
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 37 ' เด็กส่งน้ำ '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3482324#msg3482324)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3483784#msg3483784) 
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3487459#msg3487459)   
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3488848#msg3488848) 
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 41 ' จุดเริ่มต้นของข่าวลือ '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3496049#msg3496049)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 42 ' คนนอกใจ '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3497475#msg3497475)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 43 ' เมียน้อย '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3501013#msg3501013)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3502680#msg3502680)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3506372#msg3506372)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3507692#msg3507692)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 47 ' ลาก่อน '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3511285#msg3511285)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3512744#msg3512744)   
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 49 ' ไม่รัก '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3516476#msg3516476)   
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3517772#msg3517772)   
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 51 ' กลัว '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3521402#msg3521402)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3522584#msg3522584) 
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 53 ' ปล่อย '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3525755#msg3525755)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3527101#msg3527101) 
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 55 ' อย่า!!! '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3530815#msg3530815) 
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3532281#msg3532281) 
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 57 ' ทั้งเกลียดทั้งรัก '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3536150#msg3536150)   
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3537960#msg3537960)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 59 ' สัญญา '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3541476#msg3541476)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 60 ' ความรู้สึกที่ลังเล '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3542957#msg3542957)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 61 ' สกปรก '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3546675#msg3546675) 
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 62 ' คำสารภาพผิด '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3547915#msg3547915) 
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 63 ' ผู้หญิงคนนั้น '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3551612#msg3551612) 
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 64 ' ครอบครัว '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3553177#msg3553177)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 65 ' โลกแคบ '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3556776#msg3556776)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 66 ' ภรรยาหัวหน้า '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3558183#msg3558183)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 67 ' ความจริงที่ถูกเปิดเผย '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3561714#msg3561714) 
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 68 ' ยังไม่พร้อม '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3563176#msg3563176)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 69 ' ช่วงเวลาที่เลวร้าย '  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3566261#msg3566261)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนที่ 70 ' ความรักที่เข้ากันได้ดี ' ( ตอนจบ )  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3567507#msg3567507) 
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนพิเศษที่ 1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3570630#msg3570630)
 ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง  :: ตอนพิเศษที่ 2  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53924.msg3575914#msg3575914)  :katai2-1: :katai4:


ประกาศรวมเล่มหนังสือ " ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง " #ฟานคีย์

ประกาศรวมเล่มหนังสือ " ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง " #ฟานคีย์
มาแล้วจ้าาาาาาาา �
#เปิดจองตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม – 5 เมษายน 2017
�( หนังสือจะได้ช่วงกลางเดือนเมษายนโดยประมาณค่ะ )�

#รายละเอียดของหนังสือ �
หนังสือขนาด A5 จำนวน 1000+
( เนื้อหาหลัก 70 ตอน + ตอนพิเศษอีก 15 ตอน ) �
หนังสือมี 3 เล่มจบ ( เล่มละ 350+ ) �
ราคาหนังสืออยู่ที่ 1180 บาท ( ราคานี้รวมค่าส่ง EMS แล้ว ) �
*หนังสือหนัก มากกว่า 2 kg ส่งลงทะเบียนไม่ได้ค่ะ�

#ตัวอย่างหน้าปก มีมาให้ชม ตอนต้นเดือนมีนาคมนะคะ�

#รายละเอียดของเนื้อหาตอนพิเศษ
�เนื้อหาตอนพิเศษ 15 ตอน จะเป็นเนื้อหาต่อจาก ตอนจบ ตอนที่ 70 ค่ะ
เป็นเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายๆไปแล้ว เนื้อหาจะออกแนว น่ารัก ความรัก ความเข้าใจ การปรับตัวหลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้น ส่วนใครที่ชอบคู่รองเมษลิป ก็มีเนื้อหาส่วนของเมษลิปอยู่ด้วยค่ะ ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไงเป็นนิยายชีวิตที่มีความน่ารักของความรักแฝงอยู่ด้วย ถ้าได้อ่านตั้งแต่ต้นจนจบตอนพิเศษ จะเป็นอะไรดีมากกกกกก
#มีความขายของระดับสิบ 55555555555555

#ของแถม�
ปฎิทินก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง ขนาดโปสการ์ด
�ที่คั่น 3 ชิ้น�
ปลอกสวมหนังสือแบบบาง�
ถุงหูรูดสกรีนลายชื่อเรื่อง เฉพาะคนที่สั่งรอบพรีเท่านั้น
*ถุงใบขนาดกลางค่ะไม่แน่ใจว่าจะใส่หนังสือได้รึเปล่า แต่ไม่เล็กจิ๋วๆจนใช้งานไม่ได้แน่นอน

�#ขั้นตอนการสั่งซื้อ �
1. โอนเงินมาที่บัญชี ธ.ไทยพานิชย์ สาขา บางจาก�เลขที่บัญชี 0892649044�ชื่อบัญชี นางสาวอรชา ภูมิมาตร �

2. เมื่อโอนเงินเรียบร้อย ถ่ายภาพสลิปเป็นหลักฐานการโอน ( กรุณาถ่ายภาพสลิปเถอะนะคะ ได้โปรดคนดี ) �

3. ส่งเข้ามาที่ " กล่องข้อความ เพจหนมมี่ผู้ใสซื่อ " เท่านั้น �โดยกรอกข้อความดังนี้ให้ครบถ้วน �ชื่อ นามสกุล�ที่อยู่โดยละเอียด�พร้อมแนบภาพถ่ายสลิปการโอน

�**เมื่อได้รับข้อความตอบกลับจะถือว่า การสั่งจองเสร็จสิ้น�
*** ทั้งนี้การตอบอาจจะมีความล่าช้า แต่จะตอบภายใน 3 วัน�

หากมีขอสงสัย สามารถสอบถามได้ที่ �Twitter :: @realkanom �Facebook :: เพจ หนมมี่ผู้ใสซื่อ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 1 ' ความเมาเป็นเหตุ ' - 20.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 20-05-2016 20:28:50
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 1
' ความเมาเป็นเหตุ '
[/size]

   ภายในตึกสูงของอาคารสำนักงานใหญ่ เสียงของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่กำลังพิมพ์งานดังไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่เสียงเครื่องบริ้นท์หรือเสียงของคนที่กำลังพูดคุยกัน บริษัทออกแบบยักษ์ใหญ่ที่ผมกำลังทำงานอยู่  ในแผนกออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีลูกน้องเพียงแค่หยิบมือแต่งานมีเยอะราวกับว่าเรามีประชากรกันมากกว่าครึ่งร้อย ผมเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารภาษาอังกฤษทั้งหมดของลูกค้าที่ต้องการออกแบบกล่องผลิตภัณฑ์สำหรับใส่อาหารตัวใหม่ที่กำลังจะวางจำนวนปลายเดือนหน้า งานที่ต้องแก้แล้วแก้อีกเพราะไม่ว่ายังไงก็ไม่ถูกใจเสียที ขยับเม้าส์ปากกาที่ตัวเองกำลังวาดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกดบันทึกงานทั้งหมดไว้

“ รอบนี้สวยดีนี่ คีย์ " เสียงทุ้มคุ้นเคยที่ทักจากด้านหลัง ผมเอียงตัวหันไปมองก่อนจะพบว่าหัวหน้างานสุดหล่อของตัวเองกำลังก้มหน้าลงมาใกล้พอดี ร่างกายที่อยู่ๆก็แข็งทื่อขึ้นมาในตอนนั้น จังหวะที่เค้าเอื้อมมือจับเม้าส์ของผมแล้วขยับไปมาคล้ายกับว่าเค้ากำลังกอดผมอยู่ " ฉันว่า นายแก้ตรงนี้ให้มีสีเขียวดีกว่ามั้ย  น่าจะดีกว่า สีน้ำเงินน่ะฉันว่าสีน้ำเงินมันชวนดูให้อาหารมันไม่น่ากินเท่าไหร่  "

" เหรอครับ " ผมพยักหน้ารับ อีกคนก็ดึงตัวเองยืนในท่าปกติ " งั้นก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว " ผมพูดกับตัวเองตอนที่คลิกเม้าส์เปลี่ยนสีไปตามคำสั่งของหัวหน้า ก่อนที่เค้าพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ผมแก้ไขงานจนเสร็จ

" สวยขึ้นเยอะเลย ฝีมือพัฒนานิ "

" ถ้ามันพัฒนาจริงๆ ผมคงไม่ต้องให้พี่มายืนบอกแบบนี้หรอก " หันหน้าไปบอกเค้า อีกคนที่ยิ้มกว้างออกมา ช่างเป็นคนหัวหน้างานที่ชวนให้น่าทำงานอะไรขนาดนั้น ทั้งรูปร่างสูง ใบหน้าหล่อคมผสมลูกครึ่งนิดหน่อย ไม่แปลกหรอกที่พี่ธีร์ คนนี้จะเป็นคนที่ใครๆก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหล่อที่สุดในบริษัทของเรา แม้เค้าจะมีครอบครัวแล้วก็เถอะ..  ขนาดผมยังชอบเลย

" นี่ คีย์รู้อะไรมั้ย คนเรามันต้องค่อยๆพัฒนาขึ้นไป ขนาดฉันยังรับฟังคำชี้แนะจากพวกนายเลย ถูกมั้ย เอาน่า นายเก่งขึ้นแล้วละ ขนาดทำงานมาสามปีเอง "

" ครับ เก่งก็เก่ง " พยักหน้ารับคำพูดของเค้า ก็อย่างที่อีกคนบอกผมทำงานที่แผนกออกแบบผลิตภัณฑ์ในบริษัทที่รับออกแบบงานทุกอย่างทั้งในแล้วก็ต่างประเทศมาสามปีแล้ว ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นไม่คิดเลยว่าจะได้มาทำงานที่นี้ กับหัวหน้างานคนนี้ที่รับผมเข้าทำงานตั้งแต่ครั้งแรกที่พูดคุยกันเพียงแค่นิดหน่อย ท่าทางใจดีแล้วก็เป็นผู้นำของเค้า เอ่ยออกมาสั้นๆในวันที่รับผมเข้าทำงานว่า ' ต่อไปนี้มาพยายามแล้วก็ช่วยสร้างผลงานดีๆกันนะ ' ทั้งๆที่เป็นคำพูดธรรมดาแต่น่าแปลกที่มันกลับรู้สึกประทับใจเอามาก อาจเพราะผมชอบเค้ามั้ง.. ก็ใช่ รักแรกพบเลยละ  แม้จะอกหักตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงานเพราะหัวหน้าทีเมียมีลูกแล้วก็เถอะนะ

“ นี่ คีย์ "

“ หื้ม ? “ ผมหันไปหาเสียงเรียกที่นั่งข้างๆกันของเพื่อนร่วมแผนกอย่าง 'ลิป' ผู้ชายตัวเล็กที่มีใบหน้าหวานยังกับผู้หญิง ลักยิ้มสองข้างที่กำลังยิ้มแถมยังส่งสายตาล้อเลียนมาให้ ใช่ครับ.. ลิปรู้ ว่าผมชอบคุณธีร์เค้า ก็แน่นอนเรามันรสนิยมเดียวกันนี่น่า เป็นผู้ชายหน้าสวยสองคนในแผนกออกแบบที่ชอบและอยากมีความรักกับเพศเดียวกัน แม้สเป็คของเราจะต่างกันก็เถอะแต่นั่นก็ดีแล้ว เพราะลิปเป็นพวกชอบกินเด็ก ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันมีความสุขยังไงกับการคบคนที่เด็กกว่าเรา ทั้งงอแงเอาแต่ใจน่ารำคาญจะตายไปแถมพึ่งพาอะไรก็ไม่ค่อยได้ ไม่เหมือนคนที่อายุมากกว่า แบบที่ผมชอบหรอก สุขุม แล้วก็ใจดี แถมยังมีความเป็นผู้นำพึ่งพาก็ได้ 

“ ฉันเห็นนายแอบยิ้ม ระวังพี่เค้าจะรู้ตัวนะ ว่านายอยากจะกินเค้า "

“ กินเลยเหรอ " ผมถามอีกคนยิ้มๆ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา แค่คิดว่าต้องนอนด้วยกันก็รู้สึกแปลกๆแล้ว แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกของตัวเอง แต่แค่จินตนาการว่าร่างเปลือยเปล่าของเราต้องทาบทับกัน ก็รู้สึกร้อนไปหมดแล้ว " พูดอะไรก็ไม่รู้ฟังแล้วขนลุกชะมัด "

“ ไม่ใช่ว่ากำลังจินตนาการแล้ว ชอบใจอยู่เหรอ " เพื่อนที่รู้ทันแซวยิ้มๆ

“ อย่ามามัวแต่แซวฉันเลย ว่านายเถอะ เด็กใหม่เป็นยังไงบ้างละ "

“ ก็ดีมั้ง ช่างเอาใจเหมือนทุกคนนั่นแหละ "

“ น้อยๆหน่อยนะนาย เงินเดือนเยอะมากเลยรึไง ถึงได้ยอมจ่ายนู้นนี่นั่นให้เด็กพวกนั้นตลอดนะ "

“ ความสุขทางใจน่ะ ก็ดีกว่าไปหาเอาตามข้างทางเปลี่ยนคนไปทุกวันรึเปล่าวะ "

“ เห้ออ ทำไมนายถึงชอบจังนะกับเด็กเนี้ย ฉันละอยากรู้ชะมัด " ผมส่ายหน้าไปมา ตอนที่หันหน้ากลับมาทำงานของตัวเองลิปก็พูดขึ้น

“ ของแบบนี้ นายต้องลองถึงจะรู้ คนที่เด็กกว่าเราน่ะ น่ารักจะตาย ช่างเอาใจ ช่างอ้อน ถ้านายคบคนที่แก่กว่านายต้องบริการเรื่องบนเตียงให้เค้าอย่างถึงใจเค้าถึงจะอยู่หมัด แต่เด็กน่ะนายไม่ต้องทำอะไรแบบนั้นหรอกเพราะเค้าจะบริการนายเองอย่างถึงใจที่สุดด้วยนะ " อีกคนที่พูดออกมาด้วยรอยยิ้มราวกับกำลังคิดถึงเรื่องของตัวเองอยู่ " แล้วก็ ยังไงดีละ ไม่รู้สิ มันมีมากกว่านั้นฉันเองก็บอกไม่หมดหรอก นายต้องลองดู "

“ ไม่อะ ฉันไม่ชอบ ยังไงฉันก็ชอบคนที่แก่กว่าฉันอยู่ดีนั่นแหละ " และมั่นใจว่ายังไงก็ไม่เปลี่ยนใจหรอก ผมมองไปที่โต๊ะทำงานของอีกคน ท่าทางที่กำลังจริงจังของเค้า ผมเผลอยิ้มออกมาก่อนจะหลบตาทันทีตอนที่เค้ามองกลับ

   หันมองนาฬิกาที่หน้าจอคอมของตัวเอง เผลอแปปเดียวก็จวนจะหนึ่งทุ่มแล้ว เป็นมนุษย์ทำงานที่เผลอทำงานเกินเวลาแบบนี้เสมอ แต่ก็ดีที่บริษัทมักให้ค่าล่วงเวลาสำหรับคนที่อยู่ทำงานเสียดึกดื่น " ลิปงานเสร็จรึยังกลับบ้านกัน "

“ เสร็จแล้ว ขออีกห้านาที " เค้าบอกแบบนั้นผมก็พยักหน้ารับ ก่อนที่พี่ธีร์จะเดินเข้ามาหา

“ นี่ พวกนายเราไปกินข้าวด้วยกันมั้ย "

“ กินข้าวเหรอครับ " ผมทวนเสียงก่อนจะเลิกคิ้วใส่เค้า " ไม่ใช่ว่าจะชวนไปกินเหล้าเหรอ "

“ รู้ทันอีกแล้วนะ " เค้าแซว ผมก็ยิ้ม พนักงานคนอื่นๆที่ตอบตกลงตอนนั้นผมก็หันมาหาลิปที่ส่งสายตาเชิงถามไปหาเค้าอีกคนก็ถอนหายใจ

“ นายอยากไปอยู่แล้วจะมามองฉันทำไมเล่า พยักหน้ารับไปสิ " เค้ากระซิบผมก็ยิ้มออกไป

“ ไปมั้ยคีย์ ลิป "

“ ไปครับไป ไม่ไปได้ไงละ หัวหน้าชวนทั้งที "

“ งั้นอีกห้านาทีทุกคนวางงานแล้วออกไปด้วยกันเลยนะ "

   ร้านอาหารร้านประจำที่เหมาะสำหรับการสังสรรค์ของกลุ่มคนวัยทำงานเพราะเสิร์ฟเบียร์ยี่ห้อโปรดของเรา เก้าอี้หัวโต๊ะที่ว่างเอาไว้เพื่อหัวหน้างานส่วนลูกน้องก็นั่งถัดกันมาตามความพึงพอใจ ผมที่ถูกดันให้ไปนั่งใกล้ๆหัวหน้าโดยเพื่อนสนิทแต่อย่าคิดว่าจะทัน ไม่ว่ายังไงก็โดนรองหัวหน้าแล้วก็สาวๆในแผนกสอยไปกินเรียบด้วยความรวดเร็ว อย่าคิดว่าจะทันได้นั่งข้างเค้าเลย สุดท้ายก็ต้องนั่งท้ายโต๊ะทุกที

“ สั่งอะไรก็สั่งเลยนะ "

“ หัวหน้าเลี้ยง ? “ รองหัวหน้าจอมตลกของพวกเราพูดขึ้นมาก่อนจะโดนหัวหน้าตีด้วยเมนูไปเสียฉาดใหญ่ ผมเผลอหลุดหัวเราะออกมา สายตาที่สบกับเค้าหัวหน้ายิ้มจางๆผมเองก็ยิ้มให้เค้า

“ เค้ายิ้มให้นายแหน่ะ " ลิปที่นั่งข้างผมกระซิบ " หรือว่าเค้ามีใจให้นาย "

“ พูดอะไรน่ะ ลิปนายจะบ้าเหรอ "

“ หัวหน้าอาจจะอยากจะหาเมียน้อยเป็นผู้ชายที่หน้าสวยที่สุดในบริษัทของเราอย่างนายก็ได้ "

“ ตลก เค้ามีลูกแล้วนะ " ผมบอกปัด ตลอดมาที่ผมแอบชอบเค้า ผมไม่มีความรู้สึกที่เรียกว่าความเป็นไปได้เลยสักครั้ง ถึงแม้เค้าจะเป็นคนที่ใช่ในหลายๆข้อของผมก็ถาม แต่ก็มีอีกหลายข้อที่ทำให้รู้ว่ายังไงเค้าก็ไม่มีทางหันมามอง หัวหน้าชอบผู้หญิง เค้ามีเมียแต่งงาน แล้วก็มีลูกแล้วก่อนที่ผมจะรู้จักเค้าเสียอีก ลูกชายวัยน่ารักที่ตอนนี้กำลังเรียนอยู่โรงเรียนอนุบาล ช่างพูดช่างจาแล้วผมก็เห็นเค้าเคยพามาที่บริษัทบ่อยๆด้วย ถึงจะชอบมากแค่ไหนแต่ยังไงก็เป็นแค่ความชอบอยู่ดีนั่นแหละเป็นความจริงไม่ได้หรอก
“ มีลูกแล้วยังไง มีเมียก็หย่าได้ มีลูกแล้วเหมือนกัน ยังไงเมียก็เลี้ยงได้น่า "

“ นายอย่าพูดอะไรที่มันดูง่าย ทั้งๆที่ว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นจะได้มั้ย "

“ นายไม่ได้จริงจังกับเค้าเหรอ "

“ ฉันไม่ได้จริงจัง " ผมตอบไปตามความจริง ง่ายๆก็เหมือนผมชอบเค้าก็จริง แต่ถ้ามีคนที่อายุมากกว่าเข้ามาจีบผม ผมก็คงเลือกอีกคนแล้วลองไปคบเค้าดู ไม่ปล่อยให้ตัวเองแห้งเหี่ยวหลงรักใครคนเดียวไปจนตายหรอก เรื่องน่าเบื่อแบบนั้นไม่ได้อยู่ในสารบัญชีวิตของผม แต่ตอนนี้ที่ยังสนใจเค้าอยู่ ก็คงเพราะไม่มีใครที่เข้ามาสนใจผมและก็ไม่มีใครที่ทำให้ผมสนใจได้มากเท่าเค้ามันก็เท่านั้นเอง

“ ลูกชายหัวหน้าตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ เดี๋ยวนี้ไม่ได้พามาที่ทำงานเลยนะคะ " พนักงานสาวที่นั่งข้างๆเค้าถาม ยังจำเด็กน้อยหน้าตาน่ารักที่วิ่งวุ่นไปมาด้วยความน่ารักได้อยู่เลย จำได้ว่าตอนนั้นไม่ว่าจะขอให้ช่วยทำอะไร เจ้าตัวก็จะวิ่งช่วยคนอื่นไปทั่ว น่ารักแถมยังช่างอ้อนอีก

“ สบายดีครับแต่เค้าติดแม่เค้ามากกว่าผมน่ะ ก็เลยอยู่กับแม่เค้า "

“ ภรรยาหัวหน้าน่ะ สวยมากเลย เคยเห็นกันใช่มั้ย "

“ ไม่เคยเห็นเลยครับ " ลิปพูดขึ้นไปพร้อมกับพนักงานบางส่วนที่ก็พยักหน้ารับว่าเป็นเช่นนั้น " นายเคยเห็นมั้ยคีย์ "

“ ไม่เคยอะ "

“ ภรรยายหัวหน้าทำงานอะไรเหรอคะ "

“ เป็นอาจารย์สอนภาษาครับ " เค้าตอบยิ้มๆ " สวยด้วยนะ ภรรยาผมน่ะ "

“ แหม อวดใหญ่เลยนะ "

“ ก็ต้องอวดสิ ก็สวยจริงๆนี่ " คำพูดที่ได้ยินมันก็ชวนยิ้มก็จริงแต่ใจมันก็เจ็บแปลกๆ ผมยกเบียร์แก้วใหญ่ขึ้นดื่ม นั่งกินเรื่อยๆพลางฟังเรื่องครอบครัวที่แสนน่ารักของหัวหน้าและครอบครัว ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบของเค้าต่อด้วยเรื่องงานทั่วไปในแผนกของเรา

    คำพูดที่กินเวลายาวนาน มีตลกบ้าง มีเครียดบ้างตามประสาของคนวัยทำงาน เวลาผ่านไปนานช่วงเวลาที่มีสติก็เริ่มลดลงผมถอนหายใจออกมาก่อนจะยกเบียร์ขึ้นดื่มอีกแก้วแล้วในตอนนั้นหัวหน้าก็ทักขึ้นพอดี  “ คีย์กำลังนั่งกินเบียร์อย่างสุขใจกับงานที่เสร็จก่อนใครสินะ "

“ อ่า ใช่ครับ ถูกต้องเลย " ผมพยักหน้ารับด้วยสติที่เหลืออยู่ " แค่ให้เจ้าของงานดูว่าผ่านรึเปล่าก็เท่านั้น "

“ งั้นพรุ่งนี้มารับงานใหม่ด้วยนะ "

“ อะไรกัน ใจร้ายอ่าา " พูดออกไปแบบนั้นทุกคนก็หันมามอง " ทำไมอะ ก็เค้าใจร้ายจริงๆนี่ ทั้งๆที่เพิ่งทำงานเสร็จแท้ๆ ให้งานต่อแล้วเหรอ ใจร้ายจังน้าาา " ผมลากเสียงบอกเค้าด้วยความเมา คนตรงหน้าก็หันไปตอบแทน

“ คงเมามากแล้วละครับ " ลิปบอกผมก็ยกเบียร์ขึ้นกินต่ออีกแก้ว ผมไม่รู้ว่ามันเยอะเท่าไหร่ที่ผมกินเข้าไป แต่ที่รู้คือตอนนี้รสชาติเบียร์ที่กินไปเรื่อยๆเริ่มหวานขึ้นมาแล้ว หวานจนอยากจะกินต่อไปเรื่อยๆ " คีย์กลับกันมั้ย "

“ จะกลับเลยเหรอ ยังอยากกินต่ออยู่เลย "

“ เดี๋ยวฉันพาคีย์ไปส่งเองก็ได้ ลิปจะกลับแล้วเหรอ " หัวหน้าถาม

“ เปล่าหรอกครับ แค่เห็นว่าเค้าเริ่มเมาแล้วนะครับ ผมก็เลยอยากจะพากลับ "

“ ฉันยังไม่เมาสักหน่อย ไม่เป็นไรหรอกครับหัวหน้า ผมกลับเองได้ " ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ก็คือยังไม่เมาแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเมาหรืออะไรทั้งนั้น แค่มึน มึนนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง

   เวลาผ่านไปเรื่อยๆจนได้เวลากลับบ้าน ผมลุกขึ้นยืนจากที่นั่งก่อนจะพบว่าตัวเองเซนิดหน่อยจนเพื่อนที่ยืนข้างๆต้องพยุงเอาไว้ " เมาแล้วเหรอคีย์ " เพื่อนร่วมงานที่บอกแบบนั้นผมยิ้มน้อยๆก่อนจะพยักหน้า

" คิดว่าเริ่มเมาแล้วละ "

" ไม่เริ่มแล้วแบบนี้น่ะ " ลิปเดินมาพยุงผม " กลับบ้านกันเดี๋ยวฉันไปส่ง "

“ ให้พี่ไปส่งมั้ย " เสียงหัวหน้าที่พูดขึ้น คนที่กำลังพยุงผมก็กระซิบลงข้างหู

“ จะไปมั้ย "

“ ไม่อะ " ผมตอบกลับเบาๆ ก่อนจะหันไปบอกหัวหน้าด้วยตัวเอง " ขอบคุณมากครับแต่ไม่เป็นไรดีกว่า "

“ กลับกันเถอะ ขอบคุณมากครับ " เราก้มหน้าบอกลาเพื่อนร่วมงานทั้งหมดก่อนจะเดินออกไปจากร้านก่อนใคร บนถนนที่มีรถรามากมาย ผมยิ้มออกมาก่อนจะดึงตัวเองออกจากการพยุงของเพื่อนที่ก็หันมามอง

“ ทำไมไม่กลับไปกับหัวหน้าวะ นายชอบเค้านี่จริงๆก็น่าจะไปกับเค้า "

“ ให้เค้ากลับไปหาเมียสุดสวยของเค้าเถอะ อย่าเสียเวลามาส่งฉันเลย " ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะถอนหายใจแล้วหันไปบอกอีกคน " ไปกินเบียร์กันต่อมั้ย "

“ ยังจะกินอีกเหรอ นี่ก็เดินไม่ตรงทางแล้วนะ "

“ ก็อยากจะกินนี่ " ผมบอกก่อนจะหัวเราะ มือที่ลากเพื่อนตัวเองไปตามถนนในซอยเล็กๆเพื่อออกไปที่ถนนใหญ่ แต่อยู่ๆคนข้างๆก็พูดขึ้นมา

“ ฉันว่า หัวหน้าเหมือนมีใจให้นายเลย ฉันเห็นเค้ามองนายบ่อยๆ "

“ ฉันก็เห็นว่าเค้ามองนาย แล้วก็มองสาวๆในแผนกบ่อยๆเหมือนกัน "

“ โถ่ คีย์มันไม่ใช่มองแบบนั้นสิ ฉันกำลังหมายถึง. " อีกคนที่เถียงออกมา ปากที่กำลังอธิบายแต่เค้าต้องหยุดอยู่ตรงนั้นเพราะโทรศัพท์ที่มีสายเข้ามาพอดี

“ โทรศัพท์เข้าแหน่ะ "

“ แปปนึงนะ " เค้าที่หยิบมือถือขึ้นกดรับ เสียงหวานๆที่ลอดออกมา ผมถอนหายใจออกมา ก็คงไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ต้องเป็นเด็กมหาลัยปีหนึ่งที่ชื่อจิน อะไรนั่นแน่ๆ แฟนใหม่ของลิปที่ดูก็รู้แล้วว่า คงไม่ได้จริงจังอะไรกับหมอนี่หรอกก็หลอกแดกตามเคย " ว่าไง กลับมาแล้วไม่เจอเหรอ คือฉันกำลังจะกลับบ้านแล้วนะแต่ขอไปส่งเพื่อนก่อน รอก่อนละกัน  นี่จิน นายรอหน่อยไม่ได้รึไงจะรีบอะไรนักหนา " ผมไม่รู้อีกคนตอบว่าอะไร แต่ท่าทางเขินๆของอีกคนก็ทำให้ผมรู้สึกผิดนิดหน่อยแล้วละ ที่อีกคนมาติดอยู่กับผมแทนที่จะได้รีบไปหาแฟน

“ ฉันว่านายรีบไปแฟนนายเถอะ ฉันกลับคนเดียวได้ "

“ แต่นายเมาอยู่นะคีย์ " เค้าบอกแบบนั้นผมก็หัวเราะ

“ คนเมาอะไรจะมายืนคุยกับนายได้รู้เรื่องขนาดนี้ ฉันไม่เมาหรอกน่า นายกลับบ้านเถอะ "

“ แล้วนายจะไปไหนต่อ "

“ คงไปดื่มต่ออีกนิดหน่อยแล้วค่อยกลับ " บอกอีกคนไปตามตรง ลิปมีท่าทางเป็นห่วงอยู่นิดหน่อย สายตาของเค้าที่มองผม " นี่ลิปฉันไม่ใช่เด็กนะ ฉันไม่โดนใครหลอกหรอกน่าเพราะถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะสมยอมให้เค้าหลอกเอง ฮ่าๆๆ " ผมพูดติดตลกกับอีกคนที่ยังห่วงใยผมอยู่ "  นายไปเถอะน่า อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เมาแล้ว โอเค ฉันยอมรับว่ามึนแต่มันก็ไม่ได้ควบคุมตัวเองไม่ได้ นายไปหาแฟนนายเถอะ ไว้เจอกัน " ผมเดินแยกออกมาอีกทางพร้อมกับเสียงที่ตะโกนไล่หลังมา

“ ถึงคอนโดแล้วโทรมาหาฉันด้วยนะคีย์ " พยักหน้ารับเค้าน้อยๆ ผมเดินออกมาที่ถนนใหญ่ที่มีผู้คนขวักไขว่ผมถอนหายใจกับไฟแดงห้ามข้ามถนนที่ขึ้นอยู่นานแล้วก็ยังไม่ปล่อยให้ข้ามสักที
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 1 ' ความเมาเป็นเหตุ ' - 20.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 20-05-2016 20:29:06

   มองดูคนเยอะแยะที่กำลังรอข้ามถนน ท่ามกลางผู้คนมากมายตรงนี้จะมีคนที่เหมือนผมบ้างมั้ยนะ ไม่มีคนที่รัก ได้แต่แอบรักแล้วก็แอบเจ็บ ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าโดนจ้องมองหลายครั้งหรอก แต่แค่ไม่อยากจะรับรู้ว่าเค้ากำลังมองมามากกว่า เพราะเค้าคือคนที่มีครอบครัวอยู่แล้วการเข้าไปยุ่งก็เท่ากับว่าเข้าไปทำลายครอบครัวคนอื่น สำหรับผมถ้าเป็นแบบนั้นแค่คำว่าแอบชอบก็คงพอแล้ว อย่ามากกว่านี้เลย

   ไฟจราจรขึ้นสีเขียวบอกสัญญาณสำหรับการเดินข้าม ขาของผมก้าวข้ามถนนยาวที่มีผู้คนมากมายเบียดเสียดอยู่ ก้มหน้าก้มตาเดินเพื่อข้ามไปที่ถนนอีกฝั่ง จำได้ว่ามันมีร้านเหล้าเล็กๆราคาไม่แพงเท่าไหร่อยู่ตรงนั้น แต่อยู่ๆความคิดของผมก็เหมือนมีคนมาหยุดมันไว้ พร้อมกับมือหนาของใครบางคนที่คว้าแขนของผมไว้ตอนที่หันไปมอง ผมรู้สึกไม่คุ้นหน้าหมอนี่เลยสักนิด ใช่..ผมไม่เคยเจอเค้าและเราก็ไม่รู้จักกันมาก่อน

“ ขอโทษนะครับ แต่ว่าถ้าคุณไม่รีบไปไหนให้ผมไปดื่มเป็นเพื่อนมั้ยครับ " คำพูดเชิญชวนสไตส์โฮสข้างถนนที่มักจะเดินเข้ามาชวนลูกค้าแบบหน้าด้านๆ แรกๆเป็นแค่เพื่อนดื่มพอได้กินเหล้าถูกคอ สุดท้ายก็เสียเงินให้เป็นค่าตัวมันจนได้  ผมไม่เคยมีประสบการณ์อะไรแบบนี้หรอก แต่บ่อยครั้งที่ลิปเล่าให้ฟัง เพราะรายนั้นแค่เด็กหนุ่มอ้อนเข้าหน่อยเค้าก็ไปไหนไม่รอดแล้วละ

“ ไม่ล่ะ ขอบคุณ " สะบัดแขนที่ถูกจับกุมอยู่ออกแต่เค้าก็ยังคงคว้ามันไว้

“ ไปด้วยกันเถอะครับ ผมแค่อยากจะไปนั่งกินเป็นเพื่อนคุณเอง " ผมหยุดเดินตอนที่หันไปจ้องหน้าคนตรงหน้าที่ก็ยังคงส่งสายตาเชิญชวนแบบอ้อนๆมาให้ " ไปด้วยกันนะครับ "

“ ถ้านายไปชวนคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันรับรองว่านายต้องได้ลูกค้าแน่นอน แต่ไม่ใช่กับฉัน เข้าใจนะเพราะฉันไม่ชอบเด็ก ไปชวนคนอื่นเถอะน้อง "

“ แต่ผมอยากไปกับคุณนิ " เพิ่งเคยโดนตืิ้ออะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก คนอื่นแค่บอกว่าไม่ไปแค่สองครั้งก็คงโบกมือลาแล้วละมั้ง แต่นี่อะไร ตื้อชะมัดยากเลย

   ลิปเคยบอกผมว่าแถวนี้เด็กที่ชวนไปดริ้งค์อารมณ์เป็นโฮสบริการมีเยอะแยะไปหมด หลายครั้งที่เหงาหมอนั่นจะมาเดินแถวนี้แล้วก็ถูกชักชวนโดยง่ายเสมอ ผมเคยคิดขำๆว่า ก็สำหรับนายแค่เป็นเด็กกับใครก็ไปหมดนั่นแหละน่า

   แต่จากเท่าที่ดูตอนนี้ก็ไม่แปลกหรอกที่มันจะถูกชักชวนโดยง่าย ก็คนตรงหน้าของผมเอาจริงๆว่าถ้าอายุมากกว่าสักหน่อยก็คงกลายเป็นสเป็คผมได้เลย เด็กหนุ่มที่รูปร่างสูงกว่าผมอยู่มาก ผิวกายที่ดูไม่ขาวมาก บวกกับหน้าตาที่หล่อเหลาของเค้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหน้าตาดีขนาดนี้จะเลือกอาชีพโฮสข้างถนนแบบนี้แทนการไปออดิขั่นเป็นนายแบบหรือนักแสดง   

“ ไปด้วยกันเถอะนะครับ สัญญาณไฟจะหมดแล้วนะ ไปครับไป " เค้าที่ลากผมออกไปจากถนนตอนนั้น ถอนหายใจกับความตื้อของอีกคนจนต้องเลยตามเลยไปตามเค้าจนได้  ในที่สุดก็ไม่รอด ' เอาว่ะ คิดว่าซื้อเพื่อนนั่งกินเบียร์จะได้ไม่ต้องนั่งกินคนเดียว คงจ่ายไม่แพงหรอกมั้ง ยังไงร้านนั้นมันก็ถูกอยู่แล้วละ '

   ร้านเบียร์เล็กๆที่อยู่ในซอยเล็กที่ค่อนข้างอับผู้คน ผมเดินเข้าไปในร้านก่อนจะเลือกนั่งที่โต๊ะเล็กๆที่เหลืออยู่ข้างด้านประตูร้าน  แต่ทว่าร่างสูงที่มาด้วยนี่สิ ดูไม่ค่อยเหมาะสมกับโต๊ะเล็กๆนั่นเท่าไหร่เลย เค้านั่งลงก่อนจะถอนหายใจ
“ โทษทีนะ แต่ฉันคงพานายไปนั่งดริ้งที่ร้านหรูๆไม่ได้หรอก "

“ ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยครับ ร้านไหนก็ได้แล้วแต่ที่คุณอยากไป " คนตรงหน้าบอกก่อนจะยิ้มออกมาผมก็สบถในใจ ' หล่อชะมัดคนอะไรวะ นี่เด็กสมัยนี้มันหล่อขนาดนี้เชียวเหรอ ' ผมสั่งเบียร์แก้วใหญ่มาสองแก้ว ไม่ได้มีของกินอะไรทั้งนั้นเพราะส่วนตัวก็แค่อยากจะเบียร์ให้เมามากๆมันก็เท่านั้น เป็นมนุษย์ที่ถ้ากินแล้วต้องเมาถ้าไม่เมาก็ไม่ค่อยอยากจะกินหรอก

“ แล้วนายทำงานแบบนี้มานานแล้วยัง " ผมเลือกที่จะถามอีกคนออกไปเพราะไม่อยากจะให้สภาพแวดล้อมของโต๊ะเรามันเงียบไปมากกว่านี้ เพราะตอนนี้โต๊ะรอบข้างที่อยู่ด้านในต่างให้ความสนใจมาที่โต๊ะเราทั้งสิ้น และแน่นอนว่าไม่ใช่ผมที่เค้าสนใจแต่กลับเป็นเด็กหล่อตรงหน้าผมมากว่า ทั้งๆที่วันนี้อยากจะมากินเบียร์แบบเงียบๆแท้ๆเลย บ้าชะมัดจะมาหล่อดึงดูดอะไรขนาดนั้นกันวะ
“ งานแบบนี้ " เค้าเอียงหน้าถามผม " อ๋อ คุณคงหมายถึงงานที่ให้มาเป็นเพื่อนนั่งดริ้งอะไรแบบนี้ใช่มั้ยครับ "

“ อื้ม "

“ วันนี้วันแรกครับ แล้วคุณก็เป็นแขกคนแรก " ผมเอียงหน้ามองเค้าที่ก็พยักหน้ารับ

“ ฉันคนแรกเลยเหรอ อะไรกันนายหน้าตาหล่อขนาดนี้น่าจะชวนใครได้ง่ายๆนะ " ผมก้มลงมองนาฬิกาที่ตัวเองกำลังใส่อยู่มันบอกเวลาสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว " นายเริ่มทำงานกี่โมงกันเนี้ย ถึงเพิ่งมีฉันเป็นลูกค้าคนแรก "

“ จริงๆผมก็เพิ่งจะทำงานก่อนหน้าจะเจอคุณ แค่สามสิบนาทีเองครับ แล้วผมก็จะทำงานนี้แค่วันนี้ด้วย "

“ ทำไมละ รายได้ไม่ดีหรอ " แต่ไม่น่าจะจริงหรอกน่า หล่อขนาดนี้มีคนมองมาตั้งครึ่งร้าน มันจะรายได้ไม่ดีได้ไง 

“ ผมไม่ได้อยากจะทำมันหรอกครับ "

" แค่หมุนเงินที่พ่อแม่ให้ไม่พอหรอ " ผมถาม สมัยเรียนก็เป็นแบบนี้บ่อยๆ หมุนเงินที่พ่อแม่ให้รายเดือนไม่พอ ต้องออกมาทำงานพิเศษตลอดเลย

“ นั่นก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละครับ " ยิ่งพูดผมก็ยิ่งงงกับจุดประสงค์ของคนตรงหน้า เด็กหนุ่มหน้าตาดีหล่อเหลาดีกรีนายแบบมาเป็นโฮสดริ้งข้างทางก่อนหน้าที่จะเจอผมแค่สามสิบนาที แถมไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน

“ แล้วนายมาทำอะไรแบบนี้ทำไม บ้ารึเปล่า "

“ ผมมากินเบียร์กับรุ่นพี่ในคณะที่มหาลัยน่ะครับ " เค้าอธิบาย " แล้วดันแพ้เกมส์ที่เค้าเล่น โจทย์คือถ้าใครแพ้ต้องหาลูกค้าดริ้งค์หนึ่งคนแล้วไปดริ้งด์กับเค้า แล้วพอดีว่า คนแพ้มันเป็นผมน่ะ ผมก็เลยต้องมาชวนคุณไปดริ้งค์ "

“ เด็กสมัยนี้เล่นอะไรกันแปลกๆดีนะ " ผมหัวเราะ มือที่ยกเบียร์ขึ้นดื่มครั้งแล้วครั้งเล่าจนแก้วเต็มโต๊ะไปหมดแต่ก็ยังไม่เมาสักที " แล้วนายชื่ออะไรละ "

“ ฟานครับ " เค้าตอบ " คุณละครับ "

“ คีย์ "

“ ผมขอถามอะไรคุณหน่อยได้มั้ยครับ " ผมพยักหน้ารับ ความมีมารยาทของเค้า น่าแปลกที่เด็กคนนี้สุภาพกว่าที่ผมคิดเสียอีก คิดว่าเด็กนั่งดริ้งค์มันจะถึงเนื้อถึงตัวมากกว่านี้ แต่ก็นะ หมอนี้มันไม่ใช่เด็กนั่งดริ้งค์จริงๆนี่หว่า " คุณอายุเท่าไหร่เหรอครับ กำลังเรียนหรือว่าทำงานอยู่ "

“ นายคิดว่าไงละ " ผมค้ำมือกับโต๊ะพลางจ้องตาเค้าที่ก็จ้องมองผม " ถ้ามองจากหน้าตาของฉัน "

“ อื้มม คิดว่าคงเรียนอยู่ครับแต่น่าจะปีสุดท้ายแล้ว "

“ เหรอ อย่างงั้นสินะ " เบียร์ที่ยกขึ้นดื่ม รู้สึกดีจริงๆราวกับโดนชมว่าตัวเองหน้าเด็กอย่างงั้นแหละ ทั้งๆที่ผมเองก็เรียนจบมาแล้วตั้งสามปีเชียวนะ " ว่าแต่นะ ฉันอยากจะถามนายอีกหน่อย ทำไมถึงเข้ามาชวนฉันเหรอ มีผู้คนตั้งเยอะแยะที่รอข้ามถนนใช่มั้ยละ ว่าแต่ทำไมต้องเป็นฉันละ " เอามือชี้เข้าหาตัวเองเหมือนคนที่กำลังจะขาดสติไปช้าๆ ใบหน้าคมที่จ้องหน้าผมเค้ายิ้มน้อยๆก่อนจะหยิบเบียร์ตรงหน้าขึ้นดื่ม " ว่าไง ตอบฉันหน่อยสิฟานนะ อยากรู้อะ "

“ หน้าตาคุณตอนนั้นเหมือนกำลังเสียใจเรื่องอะไรสักอย่างอยู่ ผมคิดแค่ว่า คุณคงไปกับผมง่ายๆเพราะคุณกำลังเศร้า "

“ เศร้าเหรอ " ผมยิ้มออกมาเบาๆตอนที่ได้ยินอีกคนพูดแบบนั้น " หน้าตาของฉันมันคงกำลังเศร้ามากเลยสินะ ว่าแล้วเชียว ว่ามันคงเก็บอารมณ์ไม่อยู่จริงๆ "

“ คุณเศร้าเรื่องอะไรเหรอครับ คุยกับผมได้นะถ้าไม่คิดอะไรละก็ "

“ มันไม่ใช่เรื่องที่เด็กอย่างนายจะเข้าใจหรอก " ยกยิ้มบอกเค้าอีกคนก็ขมวดคิ้วมองผม

“ ทำไมคุณถึงคิดว่าเด็กอย่างผมจะไม่เข้าใจละ คุณคุยกับผมแล้วเหรอ "

“ ทำไมต้องคุยเรื่องส่วนตัวให้นายฟังด้วยละ เราไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย " ยกเบียร์ขึ้นมากินอีกครั้งผมรู้สึกว่าผม ควบคุมสมองตัวเองได้ยากขึ้นจนต้องฟุบหน้าตัวเองลงกับโต๊ะพลางถอนหายใจออกมา

“ คุณบอกว่าคุณไม่อยากจะเล่าเรื่องส่วนตัวของตัวเองให้ใครฟัง แต่ผมก็เห็นว่าหลายๆคนที่เป็นแบบนี้มักพิมพ์เรื่องราวทุกข์ใจของตัวเองลงในเฟสบุ๊คบ้าง ทวิตเตอร์บ้าง ทั้งๆที่ก็เป็นเรื่องส่วนตัว "

“ เรื่องนั้นน่ะ มันก็มีแค่เพื่อนที่เรารู้จักรู้ไม่ใช่เหรอไง "

“ แล้วที่เพื่อนคุณเม้นท์กดไลค์แล้วไปขึ้นให้ในเฟสของเพื่อนอีกคนที่ไม่รู้จักคุณละ แบบนั้น เรียกว่าส่วนตัวได้ยังไง "

“ นายนี่มัน..”

“ ผมชอบเล่าเรื่องที่ทุกข์ใจใส่กระดาษ ไม่ก็วาดรูปเพราะรู้สึกว่า มันนั่นคือเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากจะบอกให้ใครรู้จริงๆโดยเฉพาะคนที่ไม่รู้จัก "

“ นายเป็นเด็กจริงๆเหรอเนี้ย ถามจริงมาจากศตวรรษไหน ความคิดโบราณชะมัด " 

“ ถ้าคุณคิดว่ายังไงก็ต้องเอาเรื่องทุกข์ใจไปโพสต์ลงไปในเฟสบุ๊ค หรือว่าแชร์พวกคำคมโดนใจแล้วละก็ ไม่ว่ายังไงเพื่อนของเพื่อนคุณก็ต้องเห็นอยู่แล้วเพราะงั้นคิดว่าผมเป็นเพื่อนของเพื่อนคุณ เล่าให้ผมฟังด้วยก็ได้นะ "

“ อยากจะฟังเหรอ "

“ ถ้าคุณอยากจะเล่า " ผมยิ้มออกมากับคำพูดของอีกคน ถอนหายใจพลางหลับตาคิดถึงความรู้สึกเหล่านั้นที่กำลังอัดแน่นอยู่ในอก
“ ฉันแอบรักผู้ชายคนนึงที่อายุมากกว่าฉันน่ะ เค้าน่ะ ทั้งใจดี พึ่งพาได้ แถมยังเป็นที่ชื่นชอบของใครๆ เค้าที่บางทีก็แอบมองฉัน เค้าที่บางทีก็เหมือนจะอะไรที่พิเศษผ่านดวงตาออกมา แต่ก็เป็นเค้าที่มีเจ้าของอยู่แล้ว ฉันหลงรักผู้ชายที่แต่งงานมีลูกแล้วน่ะ น่าตลกใช่มั้ยที่ฉันมานั่งคร่ำครวญอะไรแบบนี้ทั้งๆที่มันไม่ได้มีอะไรน่าเสียใจเลย เค้าก็ดีกับฉันเหมือนอย่างที่ดีกับคนอื่นนั่นแหละ แต่ฉันเองก็คิดไป แค่เค้ามองก็หาว่าเค้ามีใจให้แล้ว บ้าบอชะมัด เรื่องเข้าข้างตัวเองนี่ขอให้บอกฉันน่ะ ฉันเก่ง เรื่องงี่เง่าของฉันมันก็มีเท่านี้แหละ งี่เง่ามากเลยใช่มั้ย ที่ต้องมาเจ็บกับเรื่องไม่เป็นไรเรื่องอย่างงั้น ถ้าเค้ามาอ่อยเราก็ว่าไปอย่าง นี่เค้าก็อยู่เฉยๆ แต่เราดันไปเจ็บเอง "

“ ถ้ารู้แบบนั้นแล้ว ทำไมไม่เลิกชอบเค้าละ "

“ มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นสักหน่อย หัวใจนะ! ไม่ใช่กระดาษที่แค่ใช้กรรไกรตัดกระดาษแล้วมันจะขาดออกไปได้อะ " 

“ คุณเมาได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้วละครับ "

“ นายมันไม่เข้าใจหรอก ก็บอกแล้วไงว่านายมันไม่เข้าใจฉัน " ผมก้มหน้าลงพูดเสียงดัง " ฉันนี่มันน่าสมเพชชะมัดเลย "

“ คุณไม่ได้น่าสมเพชหรอก คุณก็แค่ชอบของที่ไม่ใช่ของคุณมันก็เท่านั้น แล้วพอคุณมีคนใหม่เข้ามาคุณก็เลิกชอบเค้าไปเองนั่นแหละ "

“ เลิกชอบไปเองงั้นเหรอ " ผมถาม " นี่น้อง นายคิดว่าคนที่จะมาชอบฉัน มันหาง่ายเหมือนกับเราที่เดินข้ามถนนแล้วก็จะเจอกันอย่างงั้นเหรอ "

“ ใช่ครับ ผมคิดว่ารักแรกพบมันเป็นแบบนั้น " เงยหน้าขึ้นมามองคนที่พูดออกมาอย่างงั้น ผมเด้งตัวขึ้นมาจากโต๊ะ มองหน้าคนตรงหน้าที่ก็ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่แล้วด้วยความเมา

“ ไหนอะ คนนั้นนะ มันอยู่ไหนกัน ข้ามถนนมาให้ฉันเจอหน่อยสิ " คว้ามือออกไปกวักเรียกคนคนนั้น แบบที่คนตรงหน้าผมบอก มือที่ยื่นออกไปกวักลมในตอนนั้นอยู่ๆมือมันก็ถูกคว้าเอาไว้แล้วดึงให้เข้าไปหาแล้ววินาทีต่อมาริมฝีปากของผมก็ถูกทาบทับด้วยความอุ่นที่แนบสนิทลงมาด้วยความรวดเร็วแต่เนิ่นนานที่ถูกจูบอยู่แบบนั้นก่อนที่เค้าจะผละออกแล้วพูดกระซิบลงข้างหูผมเบาๆ

" ก็ผมไงครับ คนคนนั้น " 

   เหมือนถูกตรึงด้วยคำพูดที่แปรเปลี่ยนเป็นเชือกนับสิบที่รั้งแขนของผมไว้ไม่ให้ไปไหน สายตาที่สบตาเค้าในตอนนั้นผมผ่อนตัวเองที่กำลังเศร้าไปกับเค้าที่เดินมากอดผมไว้ ไม่ต่างอะไรกับคนเศร้าที่ต้องการคนพึ่งพิงเลยสักนิด " นายอย่างงั้นเหรอ " ผมถามเค้าออกไปอีกครั้งผมที่ยิ้มยังพูดติดหัวเราะออกไป " แต่นายเด็กนะ ฉันไม่ชอบหรอก ไม่มีคนที่แก่กว่านี้รึไง "

“ ผมไม่ใช่เด็กหรอก คุณน่ะ เด็กกว่าผมซะอีก ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนเค้างอแงแค่เรื่องแอบรักหรอก "

“ อย่างงั้นเหรอ " เงยหน้ามองเค้า แขนที่เค้าจับผมไว้เปลี่ยนเป็นตัวผมเองที่เอื้อมไปกอดคอเค้า ใบหน้าคมที่ก้มลงมาใกล้ผมกระซิบ " งั้นฉันอยากรู้ว่านายมีอะไรบ้างที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าฉัน "

“ ได้ครับ ผมจะพิสูจน์ให้คุณดูเองครับ "

   โรงแรมเล็กๆใกล้ร้านเบียร์ที่เราเดินมาใช้บริการ ผมจำไม่ได้แม้แต่ชื่อของมันในตอนนั้นเพียงแค่ได้กุญแจกดลิฟต์ ร่างเราที่อยู่ในนั้นก็แทบจะกลายเป็นคนคนเดียวกัน จูบที่ดูดดื่มอ้อมกอดที่สวมกอดกันแน่น ผมไขประตูห้องในขณะที่เค้าจูบวนอยู่ที่ข้างแก้มแล้วก็ใบหู  เสื้อถูร่กอนขึ้นมาจากด้านล่างผิวกายผมถูกลูบไล้ไปทั่วไม่เว้นแม้แต่ยอดอกที่ตั้งชัน มันถูกบีบรัดยามที่ผมค้ำตัวเองกับกำแพงสูงของห้อง ส่งเสียงครางกระเซ่ายามที่กางเกงถูกปลดลงต่ำแล้วตกไปกองอยู่ที่ข้อเท้า

   ร่างกายที่เปลือยเปล่าในขณะนั้นถูกจูบประทับรอยแดงไปเสียทั่วร่าง ไม่เว้นแม้แต่สัดส่วนที่น่าอายอย่างก้นกลมกลึงของผม นิ้วมือถูเบาๆที่ช่องทางหลังผมหดเกร็งมันก่อนที่ส่วนกลางใหญ่จะสอดตัวเข้ามาแล้วกระแทกความต้องการเสียจนจมลึก ขาของผมที่ยืนนิ่งสั่นสะท้านแต่ก็มีความสุข ช่วงเวลาที่ถูกเล้าโลม เค้ายกขาผมขึ้นขานึงแล้วกระแทกยาวๆจนต้องร้องครางเสียงหลง ก่อนจะปลดปล่อยความต้องการออกมาจนเลอะผนังห้องตรงหน้าไปหมด แล้วในวินาทีที่ถูกหันหน้ากลับมามองสบกัน ผมกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆยามมองเค้าที่ก้มลงจูบมันอย่างดูดดื่ม เอืิ้อมมือจับส่วนกลางของคนตรงหน้า มันที่แข็งชันขึ้นอีกครั้งเค้าผละริมฝีปากออกก่อนจะกระซิบบอกผม ก่อนจะจูบลงที่ซอกคอซ้ำๆ “ ถ้าคุณต้องการผมอีก จะลองอีกครั้งก็ได้ ..สนใจมั้ยครับ "

“ ฉันปฎิเสธได้มั้ย " ผมเอียงคอให้อีกคนไล่จูบลงมาถึงหน้าอกของตัวเอง ยอดหน้าอกที่ถูกดูดกลืนนั้น ผมได้แต่กัดริมฝีปากปากตัวเองด้วยความเสียวซ่านอย่างชอบใจ

“ ไม่ได้หรอกครับ " เค้าบอกก่อนจะจูบผม สายตาที่ต้องการกันและกันของเราในตอนนั้น อาจเพราะความึนเมาหรือความต้องการก็ไม่รู้ แต่ผมก็ตอบเค้าออกไป

“ งั้นก็ฉันก็ต้องตอบว่าสนใจสินะ ..  สนใจจะลองมันอีกครั้ง " หรืออีกหลายๆครั้งก็ได้ ในค่ำคืนนี้

................................................

นิยายเรื่องใหม่ สดใสกว่าเพิ่ม
เพิ่มเติมคือ.. อยากให้อ่านแล้วชอบกันนะจ๊ะ
ตารางอัพนิยายช่วงแรก จะอัพสามวันติดไปเลย ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์
ยังไงอย่าลืมเข้ามาอ่านกันนะคะ
อ่านแล้วเป็นยังไงอย่าลืมบอกกันบ้าง ตื่นเต้นสำหรับนิยายเรื่องใหม่เรื่องนี้
สำหรับใครที่เล่นทวิตเตอร์ หรือเฟส ยังไงฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะจ้ะ ตัวเธอว์
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านแล้วคอมเม้นท์
หนมมี่คนเดิม เพิ่มเติมคือมีนิยายเรื่องใหม่แล้วจ้า
ฝากด้วยนะ
 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 1 ' ความเมาเป็นเหตุ ' - 20.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-05-2016 20:35:57
เด็ดดวง เด็กไหมล่ะ
ขอบคุณค่ะรอติดตาม
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 1 ' ความเมาเป็นเหตุ ' - 20.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: Sahrapova ที่ 20-05-2016 20:52:11
กลิ่นดราม่ามาแต่ไกลเลยอ่ะ

หวังว่าฟานจะจริงใจเนอะ แต่เราว่าฟานดูเจ้าเล่ห์แปลกๆ :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 1 ' ความเมาเป็นเหตุ ' - 20.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 20-05-2016 21:10:27
ติดตามๆ แต่ฟานดูไม่น่าไว้ใจเลย รู้จักคีย์มาก่อนหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 1 ' ความเมาเป็นเหตุ ' - 20.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 20-05-2016 21:47:39
ตอนแรกก็ยิ้มกันเลย หูยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 1 ' ความเมาเป็นเหตุ ' - 20.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 20-05-2016 21:52:12
#ฟานคีย์
เด็กมันช่างออดอ้อน :impress2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 1 ' ความเมาเป็นเหตุ ' - 20.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: yaoisamasang ที่ 20-05-2016 22:48:41
แค่ตอนแรกก็ฟินนนนน :hao6:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 1 ' ความเมาเป็นเหตุ ' - 20.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 21-05-2016 01:02:00
สนุกมาก มาต่ออีกนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 1 ' ความเมาเป็นเหตุ ' - 20.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 21-05-2016 02:53:17
กินคนแก่ไม่ดีหรอกแป๊ปๆก็หมดแรงแล้ว กินเด็กดีกว่ากินได้ยาว กินได้นาน แรงดีไม่มีตก  :z1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 1 ' ความเมาเป็นเหตุ ' - 20.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 21-05-2016 06:19:20
 :o8: คนแก่จะถูกเด็กรวบซะแระ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 1 ' ความเมาเป็นเหตุ ' - 20.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 21-05-2016 08:09:33
 :m25: :m25: :m25: โดนเด็กกิน5555555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 1 ' ความเมาเป็นเหตุ ' - 20.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: ZYSQ_ ที่ 21-05-2016 08:58:30

ฉันชอบบบบบบบบบบบบบบบบบ!!
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 1 ' ความเมาเป็นเหตุ ' - 20.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoco-boom ที่ 21-05-2016 09:20:51
เจิมๆๆๆ :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 1 ' ความเมาเป็นเหตุ ' - 20.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: miya_pp ที่ 21-05-2016 09:43:00
แปะไว้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 1 ' ความเมาเป็นเหตุ ' - 20.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: Natawan20 ที่ 21-05-2016 10:08:13
โอ๊ย กินเด็กเป็นอมตะแล้ววว!  :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 1 ' ความเมาเป็นเหตุ ' - 20.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 21-05-2016 11:20:11
โดนเด็กหลอกินไปเสียแล้ว

แต่ฟานรู้จักคีย์มาก่อนชิชิ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 1 ' ความเมาเป็นเหตุ ' - 20.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 21-05-2016 11:39:50
อห!!! น้องหนมมมมม ตอนแรกก็ฟาดกันแล้ว ดีค่ะพี่ชอบ55555

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 1 ' ความเมาเป็นเหตุ ' - 20.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 21-05-2016 12:56:01
 :pig4: :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 1 ' ความเมาเป็นเหตุ ' - 20.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 21-05-2016 17:56:37
เปิดเรื่องมาได้แซ่บเวอร์เลย ติดตามค่ะ มาต่ออีกไวๆน้า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 2 ' ความซวยซ้ำซ้อน ' - 21.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 21-05-2016 20:43:37
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 2
' ความซวยซ้ำซ้อน '
[/size]


   ลืมตาตื่นมาด้วยความอ่อนเพลีย ปวดตัว แถมพ่วงผสมด้วยความมึนจนเหมือนสมองจะแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ ผมดึงตัวเองขึ้นนั่งถอนหายใจออกมาก่อนจะลำดับเหตุกาณ์ทั้งหมดในสมอง เมื่อคืนจำได้ว่าไปกินเบียร์กับเพื่อนที่ทำงาน จากนั้นก็รู้สึกว่าอยากจะกินเบียร์ต่ออีกเลยมากิน ชวนลิปมากินด้วยกันแต่ว่า ลิปไม่ว่างก็เลยมาคนเดียว แล้วจากนั้นก็เจอเข้ากับเด็กหน้าตาหล่อคนนึงชวนไปนั่งดื่มด้วยกันจำได้ว่า ตอนนั้นปฎิเสธไปแล้วแต่เค้าก็ตื้อไม่หยุดเลยให้ตามไปด้วย จากนั้นก็คุยกัน คุยกันไปคุยกันมา แล้วจากนั้นผมก็เมา แล้วเราก็คงจะ.. ก้มหน้าลงดูเรือนกายที่เปลือยเปล่าของตัวเองก็เผลอถอนหายใจออกมาเสียเต็มแรง

“ เชี้ยเอ้ยยย นี่กูทำอะไรลงไปวะ " ผมกระชากหัวตัวเองแรงๆ ก่อนจะขยี้มันด้วยความหงุดหงิด พยุงร่างตัวเองลุกขึ้นจากเตียงย้ายตัวเองไปที่ห้องน้ำก่อนจะตกตะลึงกับ ร่องรอยแดงที่ประปรายอยู่ทั่วร่าง ผมไม่รู้เลยว่าเรามีเซ็กส์กันมากแค่ไหนเพราะตอนที่ตื่นขึ้นมาผมไม่ได้พบร่องรอยอะไรทั้งนั้นที่บอกถึงเซ็กส์ที่ร้อนแรงของเค้าเมื่อคืน ยกเว้นก็เพียงแต่บนร่างกายของผมนี่แหละ " นี่ฉันไปมีอะไรกับเด็กโฮสข้างถนนเหรอวะเนี้ย โอ๊ย คีย์แกทำอะไรลงไปเนี้ย จะบ้าตาย "  สบถด่าตัวเองอย่างสิ้นหวัง แต่ผมก็ทำได้แค่อาบน้ำ ถูสบู่ก่อนจะเดินออกมาก็ใส่เสื้อผ้าชุดเดิมที่ก็ถูกพับไว้อย่างที่ดีที่โซฟาปลายเท้า ผมหยิบมันขึ้นมาสวมก่อนจะมีความคิดหลายอย่างพุ่งเข้ามาในหัว " เงิน เชี้ย มันเอาเงินกูไปเปล่าวะ " ผมมองหากระเป๋าตังค์ตัวเองแต่ก็พบว่ามันอยู่ที่หัวเตียง หรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือ มันก็ตั้งอยู่ตรงนั้น " ก็ครบนิ เงินไม่ได้หายไปไหนสักบาท " 

   หย่นตัวเองลงนั่งบนเตียง ทำไมถึงจำอะไรเมื่อคืนไม่ได้เลยโดยเฉพาะตอนที่ทำเรื่องอย่างงั้นกับเด็กคนนั้น ผมไม่รู้เลยว่าตัวผมเป็นยังไง ไม่รู้ด้วยว่าพูดอะไรออกไปบ้าง จำได้ลางๆเหมือนกับแค่ว่า ผมก็มีความสุขมากแล้วก็รู้สึกต้องการเค้าอยู่แบบนั้นตลอดทั้งคืน " แต่เป็นไปไม่ได้หรอก ฉันคงไม่ได้พูดทำนองเอาแต่ใจ ว่าอยากได้เค้าอยู่ทั้งคืนแน่ๆ ใครพูดก็บ้าแล้ว " ถึงจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ใจมันก็ไม่ไว้ใจตัวเองเอาซะเลย ก็เมานี่หว่าอะไรที่อยากทำก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ แม้จะร้องขอให้เค้าทำแรงขึ้นอีกผมก็คงทำให้

   " ก็คนมันเมานี่หว่า อีกอย่างก็คงไม่ได้เจอกันแล้วก็ช่างแม่งเถอะ " ผมพยายามจะไม่สนใจ ไม่คิดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ก่อนจะหันสายตาไปมองถังขยะที่อยู่ตรงมุมห้องไม่รู้ทำไมแต่ขาที่ก้าวออกไปก็ทำให้ผมตัดสินใจก้มลงไปดูมัน เหล่ากองขยะที่ทำให้รู้สึกพูดเข้าข้างตัวเองยากขึ้นทุกที ในถังขยะที่มีเพียงแค่ถุงยางอนามัยใช้แล้วมากกว่าสามถุงผมเม้นริมฝีปากก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะต้องรู้สึกยังไง " ให้ตายสิ นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี้ย " ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเซ็กส์แต่การที่มีเซ็กส์กับคนที่รู้จักกันยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงแล้วมีอะไรกันหลายยกขนาดนั้น ก็บอกได้สั้นๆแค่ว่า นั่นแหละ ครั้งแรก .. ชีวิตไม่เคยพลั้งพลาดอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ให้ตายสิ

   ครืน ครืน ครืน  เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดอารมณ์ของผมตอนที่คว้ามันมารับ ผมสังเกตเห็นกระดาษแผ่นเล็กๆที่ติดอยู่บนหน้าจอ ผมดึงมันขึ้นมาอ่านก่อนจะกดรับโทรศัพท์ของตัวเอง

“ ฮัลโหล "

“ แกอยู่ไหนเนี้ยคีย์ สายขนาดนี้แล้วยังไม่มีทำงานอีก แล้วนี่เมื่อคืนบอกว่าถึงคอนโดแล้วให้โทรมาบอกไง ทำไมไม่โทรบอกฉัน คีย์ นี่ คีย์ ฮัลโหล " อีกคนที่เรียกผมซ้ำๆถอนหายใจออกมาก่อนจะตอบเค้าไป

“ อื้ม ฟังอยู่ "

“ ทำไมถึงคอนโดแล้วถึงไม่โทรมาบอกฉันวะ เป็นห่วงนะเว้ย "

“ ก็เพราะว่ามันยังไม่ถึงไง จะโทรบอกได้ไง " ผมบอกไปตามตรง สายตาก็เอาแต่จ้องกระดาษแผ่นเล็กๆที่ถืออยู่

“ หมายความว่าไง "

“ ไว้เจอกันแล้วจะเล่าให้ฟังละกัน แค่นี้ก่อนนะ ฉันจะกลับคอนโดละ " ผมกดวางสายแต่สายตาก็เอาแต่มองกระดาษแผ่นนั้น กระดาษที่เขียนข้อความเอาไว้สั้นๆ ' อรุณสวัสดิ์ครับ คุณคีย์ ผมขอโทษที่ต้องออกไปก่อนเพราะว่าผมมีเรียนเช้า เบอร์ของผมคือเบอร์โทรออกล่าสุดบันทึกไว้ว่า ฟาน~♥ เผื่อคุณมีธุระจะโทรหาผม ฟาน ' ผมขย้ำกระดาษใบนั้นจนยับก่อนจะโยนใส่ถังไปอย่างไม่ใยดี " ใครมันอยากจะมีธุระกับนายอีกวะ ไอ้เด็กบ้าเอ้ย เสียเวลาชีวิตชะมัด ไม่น่าเมาเลย คีย์ นายนี่มัน!! “ ทั้งหงุดหงิดตัวเองแล้วก็หงุดหงิดอีกฝ่าย หงุดหงิดแต่ไม่รู้จะไปลงกับใครดี ผมคว้าเอากระเป๋าตังค์ใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินออกไปไปจากห้อง ลงไปที่หน้าเค้าเตอร์โรงแรมที่มีพนักงานยืนอยู่

“ ขอเช็คเอ้าท์ครับ " ผมยื่นกุญแจให้เธอ ก่อนที่เธอจะนำไปคีย์ข้อมูลก่อนจะพบว่า ห้องนี้ถูกจ่ายเงินเรียบร้อยหมดแล้ว แค่นำกุญแจมาคืนก็ถือว่าคืนห้องเรียบร้อย ' แปลกชะมัด ไม่เคยเห็นเด็กโฮสที่ไหนจ่ายตังค์ค่าห้องให้แขกด้วย ' แต่คำตอบมีอยู่สองอย่างในหัวตอนนี้คือ ถ้ามันไม่ใช่คนดีมาก เราก็เป็นฝ่ายบริการมันดีมากจนเหมือนขายตัวให้มันแล้วมันก็จ่ายเงินให้ แต่ไม่ว่าจะคิดยังไง ประโยคหลังก็น่าจะเป็นประเด็นที่เป็นไปได้มากที่สุด 

“ วันนี้มาสายนะคีย์ " เสียงของหัวหน้างานของผมทัก ยิ้มแห้งๆให้เค้า ผมเหลือบมองเวลาที่ใกล้จะสิบโมงก่อนจะก้มหน้าขอโทษเค้าไป

“ ขอโทษครับ พอดีเมื่อคืนผมเมาหนักไปหน่อย " บอกเค้าเสียงเบาๆ แต่พี่ธีร์ก็ไม่ได้ว่าอะไร เค้าแค่พยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้ามาใกล้

“ มาสายก็ยังดีกว่าไม่มาแล้วกัน รีบทำงานเสนอลูกค้าให้เสร็จล่ะ วันนี้เค้าจะมาพบนายตอนบ่ายโมงนะ "

“ ครับผม " รับคำแบบนั้นตอนที่เดินมานั่งที่โต๊ะแล้วเปิดคอม ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะพิงตัวเองกับเก้าอี้อย่างหมดแรง ให้ตายสิทำไมมันรู้สึกเหนื่อยอย่างงี้ว่ะ รีบออกจากโรงแรมรีบกลับไปคอนโดอาบน้ำเพื่อมาทำงาน แล้วดันมาเสียเวลาหากระเป๋าเป็นชั่วโมงแต่ก็ดันไม่เจออีก วันนี้ก็เลยต้องเอากระเป๋าสะพายใบใหม่ที่ชาตินี้คิดว่าจะเก็บไว้แค่สะพายไปเที่ยวเท่านั้นมาใช้จนได้

“ คีย์ เมื่อคืนไปไหนมา " ลิปที่นั่งอยู่ข้างๆหันมาถาม ผมที่ถอนหายใจออกมา ไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไงดีเลย เรื่องมันยาวจนจับต้นชนปลายไม่ถูก

“ คือถ้าเล่าฉันคงต้องใช้เวลายาวมาก เอาเป็นว่าฉันจะเล่านายตอนพักเที่ยงแล้วกันนะ "

“ ตามใจแล้วกัน รีบทำงานเถอะเดี๋ยวหลังเที่ยงลูกค้ามานายงานไม่เสร็จมีหวังตายแน่ "  ผมพยักหน้ารับให้อีกคนตอนที่เปิดงานออกมาทั้งหมดแล้วเตรียมบริ้นท์ออกมาอธิบายลูกค้า แต่ทว่าผมหาเอกสารภาษาอังกฤษของตัวเองที่เป็นเอกสารสำหรับโจทย์ออกแบบไม่เจอ จำได้ว่าก็ตั้งไว้บนโต๊ะตรงนี้นี่หว่า

“ ลิป นายเห็นเอกสารฉันมั้ย " ผมหันไปถามเพื่อนที่นั่งข้างกัน อีกคนที่หันหน้ามามองเค้าขมวดคิ้วก่อนจะถาม

“ เอกสารอะไร "

“ ก็เอกสารโจทย์งานออกแบบของฉัน ฉันวางไว้ตรงนี้ไง "

“ ฉันจะไปเห็นได้ไงเล่า ทำไมหายเหรอ ถ่ายใหม่ดิ " เค้าบอกแบบง่ายๆแต่ว่ามันไม่ใช่สำหรับคนไม่รอบคอบแบบผม

“ ฉันไม่ได้เซฟเก็บไว้ในคอมว่ะ "

“ ห๊า ? อะไรนะ " อีกคนร้องเสียงหลงพลางเลื่อนเก้าอี้มาใกล้โต๊ะผม " หาดีๆ นายอาจจะทำมันตก "

“ ไม่ตกหรอก หาดีแล้ว " ผมบอกก่อนจะถอนหายใจ มือที่ยังคงหาไปตามชั้นเอกสารบนโต๊ะไปเรื่อย " นี่มันวันอะไรของฉันเนี้ย ทำไมต้องมาเจอแต่อะไรแย่ๆพวกนี้ด้วย พระเจ้าช่วยประทานเรื่องดีๆมาให้ฉันบ้างเถอะ "

“ ทำไมไม่ลองหาในกระเป๋าละ เผื่อนายจะเอากลับไปบ้านเพื่อทำการบ้านเวลาคุยกับลูกค้าเหมือนทุกทีไง " คำพูดของเพื่อนที่ทำให้ผมเหมือนคิดอะไรออก ใช่แล้ว จำได้ว่าก่อนออกจากบริษัท์ผมเก็บเอกสารนั่นเข้าไปในกระเป๋าเพื่อที่จะเอากลับไปทำที่บ้านเหมือนทุกครั้งอย่างที่เพื่อนบอกจริงๆ แต่ว่านะ..หนนี้น่ะ

“ แล้วกระเป๋านายหายไปไหน เปลี่ยนกระเป๋าเหรอ " ลิปที่เหลือบมองไปที่กระเป๋าของผม " ไหนบอกกระเป๋าเป้ใบนี้นายจะเก็บเอาไว้ใช้แค่ตอนไปเที่ยวไง "

“ ลิป.. เมื่อวานฉันเอาเอกสารกลับไปบ้านจริงๆนั่นแหละ "

“ ใช่มั้ยละ นายก็ทำแบบนั้นประจำ " อีกคนว่ายิ้มๆก่อนจะดันเก้าอี้กลับไปนั่งที่เดิม

“ แต่ว่าเมื่อวานฉันเมาแล้วฉันก็ทำกระเป๋าของตัวเองหาย คือตื่นมามันก็ไม่มีแล้วอะ "

“ ห๊ะ นายว่าอะไรนะ นายทำเอกสารลูกค้าหายได้ไง คีย์ "

“ ลิปทำไงดี ลูกค้ามาบ่ายโมงด้วยอะ ฉันแย่แน่ โดนไล่ออกแน่ๆเลย " ผมที่เริ่มลนมองซ้ายมองขวาอย่างทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะทำยังไง " ทำไงดี ทำไงดี "

“ ใจเย็นๆ นายลงไปขอเลขาหัวหน้าใหม่มั้ย เค้าน่าจะมีสำรองไว้บ้างแหละ พวกเอกสารสำคัญน่ะ "

“ จะให้ฉันไปขอยัยหน้าแหลมที่ร้ายกับคนทุกคนยกเว้นหัวหน้านี่อะนะ " เธอเป็นเลขาหน้าห้องสุดโหดที่มีอิมเมจประจำตัวคือ หน้าเธอจะเรียวแหลมเป็นพิเศษ แถมด้วยนิสัยแรงๆเรียบร้อยๆของเธอ ก็เหมือนว่าทุกคนต้องอยู่ในกฏอย่างเคร่งครัด จะมีก็แต่หัวหน้านี่แหละที่ฉีกกฏได้อยู่คนเดียว ก็แน่แหละแค่ต้องคอยตามล้างตามเช็ดงานที่หัวหน้าลืมบ้าง เผลอลืมไว้ที่บ้านบ้างก็ปวดหัวพอแล้ว นี่ยังต้องมาแจกจ่ายงานให้พวกผมในแผนกอีก ตอนที่เธอให้มาก็ถูกย้ำแล้วย้ำเล่าว่าให้ดูแลให้ดีแท้ๆเลย นี่ถ้าผมเข้าไปขอไฟล์งานเธอตอนนี้มีหวัง ตายแน่ๆ " วันนี้เธอยุ่งมั้ย อารมณ์ดีเปล่า "

“ เธอก็ยุ่งเหมือนทุกวันนั่นแหละ อารมณ์ดีก็เหมือนทุกวันด้วย" งั้นก็แสดงว่าอารมณ์ไม่ดีสินะ

“ แล้วฉันจะรอดมั้ยเล่า " ผมพูดก่อนจะถอนหายใจออกมา ทรุดลงที่นั่งของตัวเองอย่างไม่รู้จะทำยังไง มองไปทางไหนก็มืดไปหมด
“ บ่นไปก็ไม่ได้อะไร ยังไงก็เป็นทางเดียวเท่านั้น คือนายต้องเข้าไปขอเธอ "

“ เม้าส์กันอยู่ได้ไม่ทำงานรึไง แล้วเมื่อกี้ฉันได้ยินอะไรแหลมๆ " เสียงที่ทักเราทำเอาผมสะดุ้งก่อนจะหันไปมอง คุณเลขาที่กำลังพูดถึงยืนอยู่ข้างหลังผมแล้ว แถมกำลังทำหน้าหงุดหงิดได้ที่ด้วย

“ เปล่าหรอกครับ คุณเลขามีอะไรเหรอครับ "

“ ไม่มีอะไรหรอก แค่จะมาบอกว่านายบริ้นท์งานที่จะใช้เสนอลูกค้าที่กำลังจะมาบ่ายวันนี้แล้วรึยัง "  เธอถามผมก็พยักหน้ารับ

“ เรียบร้อยครับ "

“ เหรอ งั้นก็เก็บไว้ก่อนนะ  "  เสียงถอนหายใจที่ดังออกมาหลังคำพูดนั้น " เพราะลูกค้าขอเลื่อนจากวันนี้เป็นพรุ่งนี้น่ะ เค้าติดประชุมต่างจังหวัด "

“ งั้นเหรอครับ ครับ ขอบคุณมากครับ " ผมยิ้มออกมา เธอที่พยักหน้าก่อนจะเดินออกไป ลิปก็คว้าแขนผมไว้ด้วยความดีใจ

“ โชคดีชะมัดคีย์ แต่แกรีบไปหากระเป๋านั่นมาเลยนะ มันอยู่ไหน ถ้าหาไม่เจอก็เดินไปขอเอกสารใหม่ซะ " อีกคนบอก " เมาอีกท่าไหนว่ะกระเป๋าหายก็ไม่รู้ตัว แล้วมีอะไรหายอีก กระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ "

“ อันนั้นไม่หายอะ ฉันใส่ไว้กับตัวมันเลยไม่หาย "

“ ถามจริงๆ เมื่อคืนไปเมาที่ไหนมา อะไรมันจะสิ้นสติขนาดนั้นวะ "

" คือเอาจริงๆนะ ถ้าแกรู้ว่าเรื่องราวตลอดทั้งคืนของฉัน ว่ามันเป็นยังไง แกจะไม่หยุดแค่คำว่า ฉันเมาจนสิ้นสติหรอกลิป " เพราะฉันคิดว่ามันมากกว่าคำว่า สิ้นสติเสียอีก

   ช่วงเวลาพักเที่ยงที่ผมกับลิปเลือกที่จะนั่งอยู่ในออฟฟิศนิ่งๆ แทนที่จะออกไปกินข้าวกับคนอื่นๆ แซนวิชแบบที่ขายในร้านชั้นนำถูกหยุดอยู่ตรงปากของลิปไม่ยอมกินมันสักที เพราะมัวแต่ฟังเรื่องราวของผม เรื่องราวสิ้นสติของผมเมื่อคืนกับน้องผู้ชายคนนั้นที่ชื่อ ฟาน

“ แล้วเป็นไงต่อ แล้วนายก็ไปมีอะไรกับเค้าอะนะ "

“ อื้ม " ผมพยักหน้ารับ " หลายรอบด้วย ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว"

“ คีย์ นี่นาย " อีกคนที่ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะพูดออกมายังไง " คือ ฉันไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าอะไรดี จะบอกว่านายสิ้นสติก็คงไม่ได้  นายดูเหมือนไม่มีสติ และไม่มีมันมาตั้งแต่แรก นายไปกับเด็กที่เจอกันตอนข้ามถนนเท่านั้นอะนะ นี่นายไม่ได้คิดระวังตัวเรื่องโรคร้ายหรืออะไรแบบนี้เลยเหรอ "

“ แต่เค้าก็ใส่ถุงยางอนามัยนะ ฉันเห็นตั้งหลายถุง " ผมบอกเสียงเบาๆอีกคนก็ชักสีหน้าใส่

“ นายห่วงตัวเองบ้างมั้ยเนี้ย ให้ตายเถอะ  เมาขนาดนั้นนายคิดว่ามันจะแอบสดกับนายบ้างรึไง " ก็จริงอย่างที่เพื่อนผมพูด เสียงถอนหายใจที่ดังขึ้นพร้อมกันของเรา ลิปก็เอื้อมมือมาจับไหล่ผม " ช่างมันเถอะ เรื่องมันก็แล้วไปแล้ว ต่อไปนี้ก็ระวังตัวก็แล้วกัน แล้วของนายหายไปบ้างมั้ย "

“ ไม่มีอะไรหายไปนะ กระเป๋าตังค์ เงิน มือถือ ทุกอย่างก็อยู่ครบ จะขาดก็แค่กระเป๋าฉันนั่นแหละ ที่หายไป "

“ มันจะขโมยกระเป๋านายไปเหรอ "

“ ก็อยากจะคิดอย่างงั้นอะนะ แต่มันจะเอาไปทำไมวะ ข้างในมันก็ไม่มีอะไร จะมีก็แค่เอกสารงานของฉัน แล้วก็ของใช้นิดหน่อย มันจะเอาไปทำไมวะ ถ้ามันจะเอามันเอากระเป๋าตังค์ มือถือ ของมีค่าอะไรแบบนั้นไม่ดีกว่าเหรอวะ "

“ มันก็จริงของนายนะ "

“ แต่ไอ้หมอนี่มันไม่ได้เอาอะไรไปเลย แล้วที่แปลกมากกว่านั้นก็คือ มันจ่ายค่าเบียร์แล้วก็ค่าโรงแรมให้ฉันด้วย "

“ แปลกชะมัดเลย " คนตรงหน้าขมวดคิ้วก่อนจะยิ้มออกมา

“ คิดว่าถ้าไม่แปลกมากๆ อีกอย่างก็คงเป็นเพราะว่าฉันให้มันมากเกินไปจนเหมือนไปขายตัวให้มัน จนมันต้องจ่ายให้รึเปล่า แบบ พี่เค้าบริการเราจนเราเหมือนไปซื้อบริการเค้าเลยอะไรแบบนี้ " ผมพูดติดตลกแต่เอาจริงๆมันไม่ขำเลยสักนิด ลิปที่ยิ้มแห้งๆกับคำพูดของผมก่อนจะส่ายหน้า

" ฉันไม่รู้จะพูดยังไงเลยเอาจริงๆ ถ้าเป็นอย่างที่นายพูด ฉันว่านายคงเซ็กส์จัดใช่ย่อยนะ "

" บ้า " ผมเบือนหน้าหนีอีกคน

" บ้าอะไร แกเมา แกจะรู้ได้ไงว่าตอนที่แกไม่มีสติแกจะเป็นยังไง  ถูกมั้ย " อีกคนว่ายิ้มๆ " เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ มันเสียไปแล้วก็ให้มันเสียไป ไปหาความทรงจำดีๆข้างหน้ามาแทนที่ดีกว่า " พูดง่ายๆอีกแล้วผมก้มหน้ากินแซนวิชในมือตอนที่อีกคนบอกแบบนั้น ทำไมถึงชอบคิดว่าการมีใครใหม่สักคนง่ายเหมือน แค่เราเดินข้ามถนนแล้วก็เจอกันวะ ..  ' แค่เดินข้ามถนน ' ผมทวนความคิดตัวเองก่อนจะคิดถึงหน้าของใครบางคนขึ้นมา ใครบางคนที่เจอกันเพียงเพราะแค่ผมกำลังจะข้ามถนน ใครคนนั้นที่ผมยังจำภาพของเค้าได้ติดตา หนุ่มหล่อรูปร่างสูงที่ดูโดดเด่นจนใครๆก็หันมอง

“ เหม่ออะไรวะ กำลังคิดถึงใครอยู่ " ลิปถามตอนที่เห็นผมเงียบไป " หรือว่าคิดถึงเด็กคนนั้น "

“ คิดถึงบ้าอะไร " ผมบอกปัด

“ นี่ฉันอยากรู้ อยากรู้ว่าหน้าตาของเด็กคนนั้นน่ะ เป็นยังไง "

“ ถามทำไม "

“ ก็ฉันว่าเค้าน่าสนใจดีนี่ ดูเหมือนไม่ใช่พวกเด็กชวนดริ้งทั่วไปที่เหมือนจะเอาแต่เงินอย่างที่ฉันรู้จัก ฉันคิดว่าเค้าแปลกๆน่ะ น่าสนใจดี ว่าไงๆ หล่อมั้ย "

“ หล่อมั้ยเหรอ " ผมคิดถึงรูปร่างของเค้าขึ้นมาอีกครั้ง " ก็หล่อนะ สูง สูงมากเลยแหละเกือบจะสูงเท่าหัวหน้าเลยมั้ง หน้าตาก็เหมือนนายแบบสรุปก็หล่อนั่นแหละ สั้นๆแล้วกัน "

“ อยากเห็นจัง " ผมขมวดคิ้วใส่อีกคนที่ยิ้มกว้างแล้วหันมาถาม ไม่รู้ทำไมถึงต้องรู้สึกแปลกๆ พยายามจะไม่แสดงออกแล้วแต่คิ้วมันกลับขมวดคิ้วกันเร็วเกินไป แสดงความรู้สึกขัดใจเร็วไปนะคีย์ " นี่ ทำหน้าแบบนั้นแอบหวงก้างเหรอ "

“ หวงก้างอะไร ไม่มีเถอะ ก็ฉันเห็นว่ามันแปลก ฉันเพิ่งเล่านายไปเองว่าเค้าเพิ่งมีอะไรกับฉันมา "

“ ก็มันแล้วไงเล่า แค่วันไนท์สแตนใครๆก็มีปะ ฉันยังเคยมีเลย นายเองก็บ่อยไป "

“ ก็จริง " ผมตอบเสียงเบาๆอีกคนก็เลื่อนเก้าอี้มาหา

“ แล้วนายจะไปเจอเค้าอีกรึเปล่า " 

“ ไปเจออีกทำไมละ ฉันไม่ได้มีธุระอะไรกับเค้าสักหน่อย ทำไมนายจะให้ฉันติดต่อให้ว่างั้นเถอะ "

“ ก็ถ้าเค้าหล่ออะนะ " ลิปที่ยิ้มแห้งๆออกมาอย่างยอมรับ

“ นายมีไอ้เด็กจินอยู่แล้วนะ นี่ยังจะมายุ่งกับคนอื่นอีก "

“ แหม คนเรามันก็ต้องมีเด็กในสต๊อกไว้บ้าง นายคิดว่าจินมันจะจริงจังกันฉันไปอีกนานรึไง หึ ฉันไม่คิดงั้นหรอก " อีกคนถอนหายใจก่อนจะส่ายหน้าออกมา พลางเหล่มองผม " ว่าแต่นายมีพิรุธนะ ไม่ชอบแล้วทำไมหวงจังฉันจะจีบก็ไม่ได้ "

“ ไม่ได้หวงสักหน่อย นายน่ะเพ้อเจ้อแล้ว ฉันจะไปเจอเค้าอีกได้ไง สำหรับฉันแค่คืนนั้น คืนเดียวก็พอแล้ว จะไปมีหน้าอยากจะเจอมันอีกทำไม "

“ อายว่างั้นเถอะ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรไว้บ้าง " ถึงไม่อยากจะสารภาพแบบนั้น แต่ก็ยอมรับล่ะนะว่า ผมก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ คืออายมากจริงๆที่จะต้องเจอเค้า เค้าที่ผมไม่รู้ว่าในคืนไร้สตินั้นตัวผมทำอะไรลงไปบ้าง

“ แล้วกระเป๋าเอกสารนายล่ะ นายจะเอายังไง ไปหาเหรอ "

“ ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยอะ " ผมบอกอีกคนก็เหลือบตามามองแบบปลงๆ

“ คิดได้แล้ว ก่อนที่พรุ่งนี้จะเป็นวันตกนรกของนายจริงๆ ถ้าคิดไม่ออกก็นู้นเลย เดินไปขอบริ้นท์ใหม่ซะ " ลิปที่ชี้ไปที่โต๊ะเลขาหัวหน้าก่อนที่ตัวเค้าจะเลื่อนเก้าอี้กลับไปนั่งที่เดิมของตัวเองเพื่อทำงานต่อ ผมถอนหายใจออกมาตอนที่ค้ำข้อศอกกับโต๊ะพลางเลื่อนหน้าจอมือถือไปเรื่อย ก็ไม่อยากจะไปขอพี่เลขาเลยเพราะรู้ว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ แต่ถ้าจะให้ไปหากระเป๋าใบนั้นก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง ก็คงต้องไปถามคนที่อยู่ด้วยกันเมื่อคืน.. แล้วคนที่อยู่ด้วยกันเมื่อคืนก็...

“ โอ๊ยยยยย ทำไมกูเลือกทางไหนไม่ได้เลยวะ มีแต่ทางแย่ๆไปหมด " ผมเผลอบ่นกับตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียเฮือกใหญ่ถ้าขอความช่วยเหลือเด็กนั่น เราก็แค่ไปเจอเด็กนั่นคนเดียวได้กระเป๋าเราก็กลับ แต่ถ้าเราไปขอเอกสารเลขาต้องโดนประจานไปทั้งแผนกเพราะเธอคงต้องบ่นผมเสียงดังในความไร้ความรับผิดชอบของผม แล้วหัวหน้าก็ต้องได้ยิน ถ้าแบบนั้น.. เอาก็เอาวะ!
 
   ผมลุกขึ้นจากโต๊ะกำมือถือของตัวเองแน่นก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงาน เดินไปที่มุมอับของตึกก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วกดดูรายชื่อที่บันทึกเอาไว้ในมือถือตัวเอง ผมจำได้ที่เด็กคนนั้นเขียนบอกเอาไว้ในกระดาษโน๊ตแผ่นเล็กๆเมื่อเช้า ' เบอร์ของผมคือเบอร์โทรออกล่าสุดบันทึกไว้ว่า ฟาน~♥ เผื่อคุณมีธุระจะโทรหาผม ฟาน ' สำหรับผมก็แค่สงสัยอย่างเดียว ทำไมมันต้องใส่หัวใจไว้หลังชื่อมันด้วยวะ

   เสียงรอสายดังอยู่ไม่นานก่อนที่มันจะถูกกดรับ " สวัสดีครับ คุณคีย์ " เสียงที่ยังคงจำได้ หัวใจผมเต้นระส่ำตอนที่ได้ยิน ไม่รู้ว่าเป็นอะไรทั้งๆที่ก็คิดว่าจะโทรมาแค่ธุระเรื่องกระเป๋าที่หายไป แต่พอได้ยินเสียงเค้าปากมันกลับขยับไม่ออกซะงั้น " ฮัลโหล คุณคีย์ครับ ฮัลโหล "

“ พูดอยู่ " แล้วพอตอบกลับเสียงเบาๆ อีกคนก็เหมือนจะยิ้มออกมา

“ ผมคิดว่าคุณเผลอกดโทรศัพท์ออกมาหาผมซะอีก "

“ เปล่า ฉันมีธุระจะพูดด้วย " ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะพูดออกมา " นายเอากระเป๋าฉันไปใช่มั้ย "

“ กระเป๋า ? “ อีกคนทวนคำ " เปล่านะครับผมไม่ได้เอาอะไรของคุณมาเลยสักอย่างเดียว แต่ว่ากระเป๋า.. ตอนนั้นที่เราออกมาจากร้านเบียร์ผมก็ไม่เห็นคุณสะพายอยู่แล้วนะ คุณมีมันด้วยเหรอ "

“ มีสิ " ผมบอก " มันมีเอกสารสำคัญของฉันอยู่ในนั้น "

“ เอกสารสำคัญของคุณอยู่ในกระเป๋าเหรอ " ผมพยักหน้ารับแม้ว่าปลายสายจะไม่เห็นมัน " ผมไปช่วยหามั้ยครับ "

“ ช่วยหา ? “

“ เจอกันที่ถนนที่เราเจอกันฝั่งที่คุณกำลังจะข้ามมาเมื่อคืนนะครับ เจอกันทุ่มนึงนะ ผมจะไปช่วยหา "

“ ห๊าา มะ ไม่ ไม่ต้อง นายไม่ต้องมาก็ได้ ฉันไปหาเอง "

“ ผมอยากไปช่วยครับ " เค้าบอก " เพราะผมอยากเจอคุณ ไว้เจอกันนะครับ " คำพูดสั้นๆที่ผมไม่ทันได้ปฏิเสธก็ถูกสายตรงข้ามวางไปก่อนเสียแล้ว

   ถอนหายใจออกมากับเหตุการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัวนั้น ก่อนจะขมวดคิ้วงงก่อนสิ่งที่ได้ยินพร้อมหัวใจที่เต้นแรงอยู่ในอกจนได้แต่กัดปากแน่น  " คำพูดที่บอกว่าอยากจะเจอนั่นมันคืออะไรกันวะ ใจเต้นแรงชะมัดเลย "

...................................................

ตอนที่ 2 มาแล้วค่ะ
ตอนนี้ไม่มีน้องฟาน มีออกมาแค่เสียง แต่ตอนหน้าจะมาแบบจัดเต็มค่ะ
แล้วเช่นนี้ คนที่ไม่ชอบเด็กอย่างคีย์ จะต้องไปเจอกับฟานอีก แล้วมันจะเป็นยังไง ติดตามได้ในตอนหน้า วันพรุ่งนี้
ทำไมชีวิตดูเหมือนเขียนหลังปกหนังสือไงไม่รู้วะ ฮ่าๆๆๆ
ฝากด้วยค่า
ใครมีทวิตฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ
ส่วนใครอยากเม้นท์ไม่มียูสในเล้าก็เม้นท์ผ่านแท็กได้ค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์นะคะ
หนมมี่ผู้ใสซื่อ   :กอด1: :L2: :3123: :3123: :L1: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 2 ' ความซวยซ้ำซ้อน ' - 21.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-05-2016 21:03:55
อุ้ต๊ะ. คขนาดนอ่านยังหวั่นไหวกับน้องฟานแรงมากขนาดนี้
คุณพี่คีย์ไปเจอหน้าน้องอีกนี่จะไม่เหลวเป็นขี้ผึ้งลนไฟเลยเหรอคะ
บอกตรงๆว่าถึงน่องมาหลอกก็ยอมให้หลอกสักพักอะค่ะ.
เอาไปแค่ตัวนะ ของแถมไม่ต้อง

ว่าแต่กระเป๋านี่หายตั้งแต่ก่อนเปลี่ยนร้านหรือเปล่านะหรือเพื่อนร่วมงานแอบเอาไป
ขอบคุณค่ะ รอน้องฟานนะ...เอ้ย ตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 2 ' ความซวยซ้ำซ้อน ' - 21.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 21-05-2016 21:51:52
รอตอนหน้า น้องฟานฟาดเรียบ(?)หรือเปล่า  :hao6:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 2 ' ความซวยซ้ำซ้อน ' - 21.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 21-05-2016 22:31:32
ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 2 ' ความซวยซ้ำซ้อน ' - 21.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 21-05-2016 22:57:07
 o13
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 2 ' ความซวยซ้ำซ้อน ' - 21.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-05-2016 22:57:29
ตอนแรกแอบคิดว่าเป็นแผนกลับมาเจอกันอีกของฟานนะเนี่ย แต่ดูท่าน้องจะใสกว่าที่คิด(มั้ง)
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 2 ' ความซวยซ้ำซ้อน ' - 21.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 21-05-2016 23:56:12
กินเด็กเป็นอมตะนะคุณ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 2 ' ความซวยซ้ำซ้อน ' - 21.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 22-05-2016 08:03:57
อ่านแล้วอยากกินเด็กมั่งเลย  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 2 ' ความซวยซ้ำซ้อน ' - 21.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 22-05-2016 08:39:09
 :really2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 2 ' ความซวยซ้ำซ้อน ' - 21.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 22-05-2016 09:54:55
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 2 ' ความซวยซ้ำซ้อน ' - 21.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 22-05-2016 10:29:30
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วววววววว  :ling1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 2 ' ความซวยซ้ำซ้อน ' - 21.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: Satanza321 ที่ 22-05-2016 14:53:28
เกิดอาการอยากกินเด็ก :hao6:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 2 ' ความซวยซ้ำซ้อน ' - 21.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-05-2016 17:17:16
ขอให้พี่คีย์หวั่นไหวกับน้องฟานบ้างเถอะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 3 ' คุณคีย์ครับ ' - 22.5.59}
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 22-05-2016 20:31:25
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 3
' คุณคีย์ครับ.. '


   ถนนเส้นเดิมที่ผมยืนรอข้ามถนนเหมือนเมื่อวาน สัญญาณไฟสีเขียวเป็นรูปคนเดินบอกเป็นสัญลักษณ์ว่าให้เราข้ามถนนได้ แต่ขาของผมมันกลับยืนนิ่งอยู่แบบนั้นพลางก้มลงมองเวลาที่บอกผมว่าตอนนี้มันเลยเวลานัดช่วงหนึ่งทุ่มมาประมานสิบนาทีแล้ว

“ คงคิดว่าเราไม่มา แล้วก็กลับไปแล้วละมั้ง " ผมพูดกับตัวเองแบบนั้นตอนที่มองไปรอบๆ ก่อนจะพบกับใครคนที่นัดไว้เดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม ท่าทางหล่อเหลาที่แม้จะอยู่ในชุดอยู่บ้านธรรมดา แค่เสื้อยืดกางเกงขายาวก็ดูเท่ห์อย่างประหลาด หัวใจที่เต้นแรงของผมกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะหันไปมองทางอื่นราวกับไม่เห็นเค้าเดินมาหา

“ คุณคีย์ เห็นผมแล้วก็อย่าเบือนหน้าหนีเหมือนไม่เห็นกันสิครับ " เค้าที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้วยิ้มให้ผม ทำไมถึงรู้สึกว่าวันนี้เค้าหล่อกว่าเมื่อวานอีกวะ หรือเพราะวันนี้ผมมีสติก็เลยมองเค้าได้เต็มตามากกว่าเมื่อวานที่สติไม่ค่อยครบเท่าไหร่ " ผมคิดว่าคุณจะไม่มาซะแล้ว "

“ มาสิ " ผมบอกสั้นๆก่อนจะถอนหายใจออกมา ไม่รู้จะพูดอะไรเลย ทำไมมันต้องเกร็งอะไรขนาดนี้ก็ไม่รู้ " แล้วตกลงนายไม่ได้เอากระเป๋าฉันไปจริงใช่มั้ย "

“ ทำไมคุณถึงคิดว่าผมเป็นคนเอากระเป๋าคุณไปละครับ " เค้าถามออกมาซื่อๆด้วยรอยยิ้ม

“ ก็มันหายไป  เป็นของอย่างเดียวของฉันที่หายไป นายไม่ได้เอาไปจริงๆใช่มั้ย "

“ ถึงผมจะอยากจะเจอคุณอีก ก็ไม่มีทางเอากระเป๋าคุณไปเพื่อเอามันมาเป็นข้ออ้างที่จะเจอคุณหรอกครับ " เบือนหน้าหนีคำพูดของอีกคน ผมที่ถอนหายใจอีกคนก็หัวเราะ

“ คุณไปลืมมันไว้ที่ไหนรึเปล่าครับ "

“ ฉันไม่ได้ลืมพกมันมาก่อนที่จะเจอกับนายแน่นอนละ "

“ งั้นก็อาจจะลืมไว้ที่ร้านเบียร์หลังจากที่เจอผม เพราะตอนนั้นคุณเมามากผมเองก็ลืมไปว่าคุณมีกระเป๋ามาด้วย "

“ ร้านเบียร์ตรงนั้นนะเหรอ " ผมชี้ไปอีกคนก็พยักหน้า " งั้นก็ไปดูกันเถอะ "

“ มันมีเอกสารสำคัญมากเหรอครับ "

“ ก็สำคัญนะ เป็นงานที่ฉันต้องพรีเซนต์พรุ่งนี้น่ะ "  ผมบอกอีกคนตอนที่เราเดินข้ามถนนไปยังร้านเบียร์อีกฝั่ง เดินเข้าไปในร้านตอนที่กำลังมองหาเจ้าของร้าน เด็กเสิร์ฟที่ดูเหมือนจะจำพวกเราได้ก็ทักขึ้น

“ อ้าวพี่ เมื่อวานลืมกระเป๋าไว้นะครับ "

“ อ่าใช่ๆ เมื่อวานลืมเอาไว้ ยังเก็บไว้ให้มั้ย " เค้าพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินเข้าไปข้างหลังร้านสักพักแล้วเดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าของผมที่ก็ใส่ถุงกระดาษไว้เป็นอย่างดี

“ เก็บไว้ให้แล้วครับ นี่ครับ " ผมรับถุงกระดาษนั้นมา ตอนที่กำลังจะเปิดกระเป๋าดูอยู่ๆมือหนาของคนที่ยืนข้างกันก็มือผมห้ามเอาไว้
 
“ มีอะไร " ถามเค้าเสียงเบา อีกคนก็ยิ้มให้เด็กเสิร์ฟตรงหน้า

“ ขอบคุณมากนะครับ " ฟานก้มหน้าขอบคุณอีกคนก่อนจะดึงให้ผมนั่งลงตรงโต๊ะที่เรานั่งด้วยกันเมื่อวาน " ขอเบียร์สองแก้วนะ "

“ ฉันไม่กิน "

“ เอ่อ ตกลงว่า "

“ เบียร์สองแก้วครับ " เค้าย้ำกับเด็กเสิร์ฟอีกครั้งก่อนที่เค้าจะเดินออกไป แล้วใบหน้าคมก็หันมาพูดกับผม " คุณจะเปิดเช็คของต่อหน้าคนที่เค้าเก็บของไว้ให้คุณไม่ได้นะครับ มันเสียมารยาทแล้วก็ไม่น่ารักเหมือนหน้าตาคุณเลย คุณต้องรอให้เค้าไปก่อนสิ "

“ นายเด็กกว่าฉันมีสิทธิอะไรมาสอนฉันไม่ทราบ " ผมถามก่อนจะแอบเหล่เด็กเสิร์ฟที่ก็เดินหายไป แต่มันก็จริงของเค้านะ ถ้าเปิดเช็คตอนนั้นก็เหมือนจะน่าเกลียดไปหน่อย เค้าก็อุตส่าห์เก็บไว้ให้

“ โตแค่อายุแบบคุณ ให้ผมสอนมันก็ดีแล้วนิครับ " เค้ายิ้มออกมาก่อนจะหันไปรับเบียร์แก้วใหญ่ที่เอามาเสิร์ฟเราที่โต๊ะ ผมที่กำลังจะอ้าปากด่ามันก็ได้แต่ยิ้มให้น้องพนักงานคนนั้นก่อนที่เค้าจะเดินออกไปอีกครั้ง

“ นี่นายกำลังด่าฉันใช่มั้ย แล้วบอกแล้วไงว่าฉันไม่กินเบียร์ " แล้วก็จะไม่ยอมกินเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เหตุการณ์มันซ้ำรอย

“ กลัวเหตุการณ์ซ้ำรอยแบบเมื่อคืนเหรอครับ " มารู้ใจกันอีก .. ผมถอนหายใจออกมาตอนที่จิบเบียร์ไปคำนึงพลางเหลือบมองเด็กเสิร์ฟที่ก็เดินไปมาอยู่โซนหลังร้าน

“ คุณเปิดกระเป๋าเช็คได้แล้วละครับ " พยักหน้ารับคำพูดของอีกคน  ผมเปิดกระเป๋าตัวเองดูก่อนจะถอนหายใจโล่งว่ามันยังมีของอยู่ครบ ไม่ได้มีอะไรหายไปแม้แต่ชิ้นเดียว โดยเฉพาะเอกสารงานของลูกค้าที่ต้องทำส่งภายในวันพรุ่งนี้ด้วย

“ ของอยู่ครบมั้ยครับ "

“ อยู่ครบนะ " ผมถอนหายใจโล่งออกมาตอนที่หยิบเบียร์จะกินต่อ แต่มือมันก็ชะงักหยุดแค่นั้น ผมวางแก้วเบียร์ลงก่อนอีกคนจะถาม

“ ทำไมไม่กินละครับ "

“ ไม่อยากกิน " เค้ามองหน้าผมตอนที่พูดแบบนั้นออกมา ฟานยิ้มมุมปากก่อนจะดึงเบียร์ของตัวเองมากินบ้าง

“ เพราะคิดถึงเรื่องเมื่อวานอยู่สินะครับ "

“ ไม่ได้คิดถึงสักหน่อย ฉันจำมันได้ที่ไหน  " บอกปัดเค้าไป ก่อนที่สายตาคมนั้นจะมองสบตาผม

“ คุณจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ "

“ ใช่ จำอะไรไม่ได้เลย " คนฟังขมวดคิ้วมองหน้าผม ตอนที่พูดออกมาแบบนั้นก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

“ น่าเสียใจจังนะ ที่คุณจำอะไรไม่ได้เลย แต่ว่าผมน่ะ จำได้นะ จำได้ทุกอย่างเลย "

“ นาย "

“ อยากจะถามอะไรผมรึเปล่าครับ " สายตาคมหันมาสบตาผม เค้าที่กำลังยิ้มอยู่ในตอนนั้น อยู่ๆหัวใจของผมเต้นแรงขึ้นมา อาจเพราะคำถามที่อยากจะถามมันชวนให้เลือดสูบฉีดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกละมั้ง คำถามเกี่ยวกับเรื่องคืนนั้น " หน้าคุณแดงๆนะครับ "

“ แค่เมานิดๆหน่อยนะ "

“ คุณกินไปแค่คำเดียวเองนะ " ไอ้เด็กบ้า แกอย่ามารู้เรื่องอะไรมากมายจะได้มั้ย

“ ก็อากาศมันร้อน "

“ ผมว่า มันก็ไมไ่ด้ร้อนอะไรเท่าไหร่ "

“ นี่! “ ผมขึ้นเสียงใส่อีกคน " นายคิดว่าฉันคิดถึงเรื่องของเราคืนนั้นแล้วมันจะทำให้ฉันเขินรึไง "

“ ใช่ครับ " นี่ก็ตอบอีก ...

' โอ๊ยยยย ทำไมชีวิตกูต้องมาเจอกับอะไรพวกนี้ด้วยวะ ' ผมสบถในใจตอนที่หันไปทางอื่น ฟานก็ถาม

" แล้วตกลงคุณกำลังคิดถึงเรื่องของเราคืนนั้นใช่มั้ยครับ "

“ ไม่ได้คิด ทำไมต้องคิดด้วย ฉันจำได้ที่ไหน "

“ ผมทวนความจำให้มั้ยครับ "

“ ไม่ต้อง!!! “ คำถามซื่อๆที่มีอยู่ล้านความหมาย " ทวนความจำบ้าอะไร อย่ามาลามกนะเว้ย "

“ ผมลามกตรงไหน ก็ถ้าคุณลืมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเราคืนนั้น คุณก็แค่ถามผม ผมก็แค่บอกคุณ มันก็แค่นั้นเองที่ผมบอกว่าจะทวนความทรงจำให้ คุณคิดว่ายังไงครับ .. หมายถึงจะให้เราทำเรื่องแบบนั้นกันอีกเหรอ "

“ บ้า! ไม่ใช่ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น "  บอกปัดเค้าไป เค้าก็หัวเราะออกมา

“ คุณนี่ยั๊วะง่ายจังนะครับ น่ารักดี "

“ นี่ นายเลิกพูดอะไรแบบนั้นกับฉันจะได้มั้ย ฟังแล้วมันขนลุก "

“ คำพูดแบบไหนเหรอครับ " เค้ายกเบียร์ขึ้นดื่มพลางถามผม

“ ก็คำพูดที่บอกว่า ฉันน่ารัก  ฟังแล้วมันขนลุก "

“ น่ารักจริงๆนี่ครับ ก็ไม่ได้น่าขนลุกตรงไหน ผมก็พูดไปตามสิ่งที่ผมคิด ก็คุณน่ารักจริงๆ " เบือนหน้าหนีอีกคนอย่างไม่รู้จะพูดอะไร ผมหยิบเบียร์ขึ้นมาดื่มก่อนจะมองอีกคนที่ก็จ้องผมอยู่

“ ฉันมีอะไรที่อยากจะถามนายหน่อย "

“ อะไรครับ " ท่าทางที่สนใจของอีกคน ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะดึงตัวเองเข้าไปใกล้อีกคน สองแขนค้ำลงบนโต๊ะก่อนจะกอดอก

“ เมื่อคืนนายไม่ได้ใส่สดใช่มั้ย "

“ คุณชอบแบบไม่ใส่ถุงเหรอครับ " กรอกตามองไปทางอื่น ผมขยี้หัวตัวเองแรงๆก่อนจะเม้มปากตัวเองเสียแน่น ไม่รู้ว่ามันซื่อจริงๆหรือแอบกวนตีนผมอยู่กันแน่

“ ไม่ได้ชอบเว้ย!! ฉันแค่อยากรู้ว่าฉันควรตรวจร่างกายเพราะโรคติดต่อที่ไม่ได้ใส่ถุงยางรึเปล่ามันก็เท่านั้น "

“ ผมใส่ถุงตลอดครับ แต่ถึงจะไม่ใส่คุณก็ไม่ต้องห่วงนะ ผมเป็นผู้ชายสุขภาพดี ไม่มีโรคอะไรทั้งนั้น " ก็ค่อยโล่งใจไปหน่อย อย่างน้อยถึงจะไม่รู้ว่ากี่รอบแต่เค้าก็ใส่ถุงตลอดทุกรอบนั่นก็ดีแล้ว  " โล่งใจเหรอครับ "

“ ทำไมนายเป็นคนช่างถามอะไร ขนาดนี้นะ "

“ ก็ผมแค่เห็นคุณยิ้มที่มุมปากนิดหน่อย เหมือนกำลังโล่งใจ "

“ ก็ใช่ จะว่าแบบนั้นก็ได้ แต่นายคงไม่อยากจะมีอะไรกับคนแปลกหน้าแล้วไม่ใส่ถุงหรอกจริงมั้ย "

“ แต่จริงๆ เมื่อคืนคุณบอกผมว่าคุณไม่ชอบใส่ถุงนะ "

“ แค่กๆ " ผมสำลักเบียร์ทันทีที่อีกคนพูดออกมาแบบนั้น เช็ดคราบเบียร์ด้วยหลังฝ่ามือของตัวเองลวกๆอีกคนก็ยิ้มออกมา ' ไอ้นี่ก็ยังมีหน้ามายิ้มอีก ' น่าหงุดหงิดชะมัดเลย มันเหมือนตัวเรายอมเค้าไปทุกอย่างในช่วงเวลาที่ไม่มีสติแบบนั้น ทำไมกันนะทั้งๆที่ไม่ใช่คนแบบนั้นมาก่อน โหยหาเหรอวะ แต่ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ไม่เห็นเข้าใจตัวเองเลย “ งั้นก็ขอบคุณที่นายใส่ถุงให้ฉันละกันนะ เอาเป็นว่ามื้อนี้ฉันจะเลี้ยงนายเอง อยากจะกินอะไรละ สั่งสิ "

“ ผมไม่อยากจะกินข้าวที่นี่ครับ "

“ เรื่องมาก แล้วอยากจะกินอะไร "

“ อยากจะกินอาหารที่คุณทำให้ผมกิน "

“ ห๊า ? “ ขมวดคิ้วมองอีกคนผมอ้าปากค้างอยู่แบบนั้น " นายว่าอะไรนะ อยากจะกินข้าวที่ฉันทำให้นายกินนะเหรอ "

“ ใช่ครับ "

“ ตลก " ตอบอีกคนไปทันที " ฉันทำมาม่ายังไม่อร่อยเลย แล้วอีกอย่างฉันไม่มีทางพาคนแปลกหน้าเข้าไปในบ้านฉันหรอก "

“ ผมแปลกหน้าตรงไหนเหรอครับ " เค้าถาม " เมื่อคืนเราก็อยู่ด้วยกันทั้งคืน อีกอย่างเราสองยัง.."

“ หยุด!!  หยุดเลยนะนาย " ยกมือขึ้นปิดปากอีกคนด้วยความรวดเร็ว รอยยิ้มที่ยิ้มให้ผ่านแววตานั้นผมถอนหายใจออกมาตอนที่เค้าดึงมือผมลง

“ นะครับ ช่วยทำอาหารอร่อยๆให้ผมกินหน่อย " สบสายตาที่อบอุ่นคู่นั้น หัวใจที่เต้นแรงของผมรู้เลยว่า ..

' นี่กูต้องพ่ายแพ้ให้ไอ้เด็กนี่อีกแล้วใช่มั้ย '

   แล้วก็ใช่.. ผมพ่ายแพ้ให้มันอีกแล้ว ถอนหายใจออกมา ตอนที่เปิดประตูคอนโดแล้วหันไปมองคนที่เดินตามหลังมาด้วยความรู้สึกมีความสุขเสียจนออกนอกหน้า

“ ถ้านายท้องเสีย อย่ามาว่าฉันก็แล้วกัน "

“ ไม่หรอกครับ ผมไม่ว่าคุณหรอก " คนที่เดินตามหลังมาพูดแบบนั้น ก่อนจะมองไปรอบๆตัวของเค้าอย่างอยากรู้ คอนโดไม่หรูหราเท่าใจกลางเมืองแต่ก็ไม่ได้ไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกรอบตัวเท่าไหร่นัก เป็นตึกสูงไม่มากแต่ตัวห้องกว้างขวาง แบ่งแยกทุกอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัวหรือแม้แต่ห้องนอน พื้นที่ส่วนตัวที่คนทำงานอย่างผมพยายามผ่อนจ่ายทุกเดือนเพื่อสร้างสินทรัพย์ไว้เป็นของตัวเอง

“ คอนโดคุณคีย์ น่าอยู่จังครับ "

“ อื้ม " พยักหน้ารับก่อนจะวางกระเป๋าไว้บนโซฟาที่อีกคนก็นั่งอยู่ตรงนั้น

“ ผมดูทีวีได้มั้ยครับ "

“ ตามใจสิ " เสียงทีวีที่ดังขึ้นเบาๆ ผมมองดูเค้าจากในครัวที่อยู่ติดกัน ใบหน้าด้านข้างที่กำลังสนใจรายการที่หน้าจอทีวีที่กำลังฉายการ์ตูนอะไรสักอย่างที่ตัวผมไม่เคยสนใจ แต่ก็ยอมรับว่าเสียงพาร์กคุ้นๆหูอยุ่ " ทำไมแค่เห็นหน้าด้านข้างนายก็ยังหล่อขนาดนั้นนะ "

“ คุณคีย์ว่าอะไรนะครับ "  คงเพราะได้ยินเสียงผมบ่นก็เลยถามออกมาแบบนั้น ผมสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่ส่ายหน้าไปมาเค้าก็ยิ้ม

“ นายอยากจะกินอะไร "

“ อะไรก็ได้ครับ ที่คุณคิดว่าคุณทำอร่อย "

“ ไม่มี " ผมบอกไปตรงๆ ก็อย่างที่บอกผมทำอาหารไม่เป็น จะเรียกว่าไม่เคยทำก็คงไม่ใช่แต่คงเป็นไม่ถนัดมากกว่า แถมยังไม่ค่อยมีเวลาอีก เพราะกลับมาก็ดึกแล้วไหนจะเป็นความเหนื่อยที่แค่พออาบน้ำก็อยากจะล้มตัวลงเตียงนอนแล้ว ไม่มีเวลาที่อยากจะทำอะไรอย่างอื่นหรอก อาหารที่มีในตู้เย็นก็แค่ทั่วไป หมดอายุรึเปล่าก็ไม่รู้ เหมือนชีวิตนี้ทุ่มเทให้กับงานจนลืมใส่ใจชีวิตส่วนตัวไปแล้ว

“ ฉันไม่มีของสดเลยล่ะ บะหมี่ถ้วยแล้วกัน "

“ ก็ได้ครับ " เค้าบอกแบบนั้น ผมก็หันไปต้มน้ำร้อนแล้วก็จัดการเทใส่ถ้วยคัพ ปิดฝาเรียบร้อยก่อนจะเดินเอาไปให้อีกคนที่ก็ยังสนใจดูการ์ตูนไม่ลุกไปไหน ผมนั่งลงข้างเค้าอีกคนก็หันมาบอก " ขอบคุณมากครับ "

“ นายชอบดูการ์ตูนเหรอ " ผมถามอีกคนก็พยักหน้า

“ ก็แค่เรื่องนี้แหละครับ " ขมวดคิ้วมองเรื่องราวที่กำลังดำเนินไปช้าๆ จนคิดขึ้นมาได้ว่า เนื้อเรื่องที่คุ้นหูอยู่ในตอนนี้ก็เป็นการ์ตูนที่ผมเคยดูผ่านตามาแล้วเหมือนกัน

“ นี่มัน โคนันนิ ใช่มั้ย เจ้าหนูยอดนักสืบ "

“ คุณรู้จักด้วยเหรอครับ "

“ นี่นายคิดว่าฉันแก่่ขนาดไม่รู้จักโคนันเลยรึไง "

“ ก็เปล่าหรอกครับ "

“ นายกินได้แล้ว มาม่าน่ะเดี๋ยวเส้นก็อืดหมด " เชิดหน้าไปที่มาม่าคัพที่ปิดฝาอยู่ มือหนาที่ดึงมาขึ้นมาเปิดกิน กินหอมฉุยๆที่ฟุ้งออกไป ได้กลิ่นหมูสับจางๆจนรู้สึกหิวขึ้นมาเหมือนกัน

“ คุณคีย์กินด้วยกันมั้ยครับ "

“ ไม่ละ ฉันไม่ค่อยชอบกินอาหารหลังกินเบียร์ " ผมมองการ์ตูนที่กำลังฉายอยู่ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าสนุกตรงไหน ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม โคนันเก่งเหมือนเดิม ไอ้ลุงนี่ก็ไขปัญหาไม่ได้ตลอดแต่ก็ขี้เม้าส์จัง แถมยังตกลงเออออไปเป็นเรื่องเป็นราวอีกว่าตัวเองเก่งทั้งๆที่ก็ไม่รู้เรื่องอะไรแท้ๆ หรืออาจเพราะผมแก่แล้วมั้งก็เลยดูการ์ตูนอะไรพวกนี้สนุกน้อยลง " ฉันถามหน่อยสิ "

“ ทำไมครับ "

“ ไอ้การ์ตูนที่นายดูอยู่มันสนุกตรงไหนเหรอ "

“ ก็สนุกนะครับ ผมชอบเวลาที่โคนันมันไขคดี สนุกตรงที่เราไม่รู้ว่าเค้าตายยังไง แล้วก็โคนันเฉลยให้เราฟัง ผมชอบตอนนั้น "

“ แบบนั้นนี่เอง " พยักหน้ารับสั้นๆ ผมเดินไปที่ตู้เย็นในครัวอีกครั้งหยิบเบียร์มาสองกระป๋องก่อนจะกลับมานั่งที่เดิม

“ แล้วคุณคีย์ไม่ชอบเหรอ "

“ ไม่อะ ฉันไม่ใช่เด็กสักหน่อย " ยกเบียร์ขึ้นดื่มตอนที่พูดคำนั้นออกไปอีกคนก็ขมวดคิ้วมองผมเหมือนกับว่าตัวเค้ากำลังไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง " ทำไม นายข้องใจอะไร "

“ ก็เปล่าหรอก แค่สงสัยว่าต้องเป็นเด็กเหรอครับ ถึงจะชอบดูการ์ตูนได้ ผมเห็นคนบางคนโตเป็นผู้ใหญ่แล้วยังงอแงบอกว่าเค้าไม่รักเหมือนเด็กๆเลย "

“ นี่! “ ผมแหวดเสียงขึ้นใส่อีกคนที่ก็ยังคงมองผมหน้านิ่งๆ ก่อนจะก้มลงกินมาม่าในมือตัวเองต่อจนหมด ฟานลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัวผมได้ยินเสียงเปิดถังขยะพร้อมกับเสียงน้ำที่ดังอยู่สักพักก่อนที่อีกคนจะเดินวนกลับมาพร้อมกับ ปากที่เหมือนเคี้ยวอะไรอยู่ " กินอะไรอีกละนั่น "

“ แค่ลูกอมครับ "

“ กินเสร็จแล้ว นายก็กลับไปได้แล้วไป ฉันจะนอนพักผ่อนอีก "

“ ขอผมดูการ์ตูนสักหน่อยสิครับ จบแล้วจะกลับทันทีเลย " เค้าต่อรองผมก็พูดอะไรไม่ได้หรอก คงใกล้จบแล้วมั้ง ฉายมานานละนิ ไอ้การ์ตูนโคนันไรเนี้ยอะ เหลือบมองเค้าที่ตั้งใจดูการ์ตูนตรงหน้า ท่าทางที่กำลังคิดปากก็กินลูกอมไปเรื่อย " ผมว่าไอ้หมอนี่ต้องเป็นคนร้ายแน่เลย "

“ โคนันรึไงนายอะ "

“ ก็การ์ตูนแบบนี้สนุกตรงที่เราจะได้ ลุ้นว่าใครคือคนร้ายนะครับ ลุ้นว่าเราจะทายถูกมั้ย "

“ อ๋อเหรอ " ผมพยักหน้ารับเค้า ก่อนจะคิดถึงเรื่องที่ค้างคาใจอยู่อีกเรื่อง สายตาที่กำลังจ้องเค้าครุ่นคิดอยู่ว่าจะเอ่ยถามออกไปดีมั้ย

“ คุณมองผมนานเกินไปแล้วนะครับ "

“ เอ๊ะ ? “ เหมือนสติหลุดไปชั่วขณะนึงแล้วพอเค้าทักผมก็สะดุ้งขึ้นมา " มองอะไรของนายฉันก็มองไปเรื่อย "

“ อย่าโกหกเลย ผมรู้ว่าคุณมองผมอยู่ " เค้าเลื่อนตัวเข้ามาใกล้ผมก็ถอยหลังหนี " หรือว่าคุณอยากจะกินลูกอม แบ่งให้มั้ยครับ "

“ ประสาทใครจะอยากจะกิน " เบือนหน้าหนีอีกคนตอนที่ถอนหายใจออกมาแต่เค้าที่ยังมอง ผมหลบไปไหนยังไงก็ต้องทำให้หันกลับมามองเค้าอยู่ดี " มองทำไม "

“ ผมว่าคุณมีอะไรอยากจะถามผมนะ "

“ จริงๆก็มีนะ "

“ นั่นไง " เค้าบอก ท่าทางดีใจเหมือนทายว่าใครเป็นผู้ร้ายในโคนันแล้วตัวเองเดาถูกอย่างงั้นละ " ถามอะไรครับ "

“ ทำไมเมื่อวานถึงจ่ายเงินให้ฉันละ ทั้งค่าเบียร์แล้วก็ค่าโรงแรม ทั้งๆที่ว่าจะหยิบเอาเงินจากกระเป๋าฉันไปจ่ายก็ได้ " มันเป็นเรื่องที่ผมอยากรู้ แล้วก็รู้สึกว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องถามให้รู้ให้ได้

“ ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่คุณเมาแล้ว กระเป๋าเงินก็ของส่วนตัวของคุณผมไม่อยากจะยุ่ง อีกอย่างค่าเบียร์มันก็ไม่ได้เยอะมากมายซะหน่อย ส่วนค่าโรงแรม " เค้าเว้นเสียงไปสักพักเหลือบตามองไปทางอื่นอย่างไม่อยากจะพูด ผมก็จับคางให้เค้าหันมาสบตาผม

“ มองตาฉัน แล้วพูดออกมา "

“ มันเป็นเรื่องที่ผู้ชายสมควรจะทำไม่ใช่เหรอครับ เรื่องแบบนี้น่ะ "

“ แต่ฉันก็เป็นผู้ชาย " ผมบอก

“ ในกรณีเรา ผมว่าเรื่องแบบนี้ฝ่ายรุกควรเป็นคนทำไม่ใช่เหรอครับ คุณเป็นรับเรื่องแบบนั้นคุณไม่ต้องทำหรอก " เค้าพูดออกมาด้วยท่าทางไม่ใส่อะไร ราวกับก็คิดแบบนั้น ใสซื่อเป็นเด็กที่ไม่เคยผ่านโลกด้านเลวๆมาเลยก็ว่าได้ ทั้งๆที่ถ้าปกติเงินผมคงไม่เหลือสักบาท อย่าว่าแต่กระเป๋าหรือเอกสารเลย ...จะบอกว่าผมโชคดีที่เจอเค้าก็ได้นะก็อย่างน้อยมันก็ไม่ได้แย่ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรตาม แม้จะเป็นเซ็กส์ก็เถอะ

“ อยากรู้แค่นั้นแหละ การ์ตูนจบแล้ว กลับบ้านไปได้แล้วไป " ผมบอกตอนที่หันไปดูทีวีที่กำลังฉายตัวอย่างตอนต่อไปแต่อีกคนก็ยังจ้องหน้าผมไม่หันไปมองที่ไหน " มีอะไรอีกละ "

“ ขอผมถามคุณบ้างได้มั้ยครับ "

“ ถามอะไร "

“ เรื่องคืนนั้น เกี่ยวกับผู้ชายคนที่แอบชอบ รู้สึกดีขึ้นมาบ้างรึยังครับ หรือว่ายังเสียใจเรื่องของเค้าอยู่ " ถ้อยเสียงอบอุ่นที่เอ่ยถาม ผมสบตาอีกคนที่มองผมด้วยสายตาที่ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี เหมือนห่วงใย หรืออาจจะแค่สงสารหรือสมเพชคนอย่างผม

“ ฉันลืมมันไปหมดแล้วละ ความรักของฉันมันก็เหมือนกับ ถ้าคิดถึงก็เจ็บ ไม่คิดถึงก็ไม่เจ็บ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกยังไง เหมือนว่าชอบแต่ก็ไม่ได้มากถึงขั้นจะรอเค้าไปตลอด รอให้เค้าโสดแล้วฉันก็จีบ เพราะมันไม่มีวัน เรียกว่าไงดี ก็แค่ตัวขั้นเวลาตอนที่ใจฉันไม่รู้จะคิดถึงใครละมั้ง ความรักของฉันกับเค้าน่ะ "

“ งั้นถ้าเป็นแบบนั้น จะร้องไห้เสียใจทำไมละครับ ก็เพราะว่าหวังอยู่รึเปล่า ว่าเค้าจะมีใจให้คุณ "

“ อย่าพูดอะไรที่นายไม่เข้าใจมันเลยจะดีกว่า อย่ามาทำเป็นว่ารู้จักฉันดีไปหน่อยเลย " เพราะขนาดฉันเอง ฉันยังไม่รู้เลยว่าตัวเองทำไมถึงเจ็บปวดนัก เพราะชอบ คาดหวังว่าจะได้ หรือคิดเข้าข้างตัวเองตลอดว่าเค้ามีใจกันแน่ แต่ไม่ว่าทางไหนก็เหมือนจะเจ็บปวดไปทุกครั้งที่ตัวผมคิดถึงเค้า .. รักข้างเดียวไม่เคยคิดเลยว่าจะเจ็บปวดอะไรได้ขนาดนั้น " อย่างฉันน่ะ ถ้ามีใครที่ดีกว่าเค้าก็คงไม่สนใจเค้าแล้วละ "

“ อย่างงั้นเหรอครับ "

“ ใช่ เพราะงั้นนายมีใครที่จะพอแนะนำให้ฉันรู้จักบ้างมั้ยละ อาจจะเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยของนาย หรือว่าพี่ชายของรุ่นพี่ในคณะของนาย รองศาสตร์จารย์ที่ยังหนุ่ม หรือว่่านะ.. “ เสียงของผมหายไปจากตรงนี้ตอนที่ถูกดึงตัวให้เข้าไปหาอีกคนอย่างรวดเร็วและไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากหนาปิดกั้นสิ่งที่ผมกำลังพูดอยู่นั้นด้วยความนุ่นนวลและอบอุ่นก่อนที่เค้าจะพยายามดันลิ้นเข้ามาแล้วผมก็สะดุ้งตัวและผลักหนีความต้องการนั้นของเค้า " นี่นาย !”

“ ทำไมคุณถึงได้พูดจาทำร้ายจิตใจผมนักละครับ "

“ ห๊า ? “ ผมเอียงหน้างงอีกคนที่ส่งแววตาตัดพ้อมาให้ เค้าที่ถอนหายใจออกมาเบือนหน้าหนีผมก่อนจะหันกลับมา

“ ผมไม่มีหรอกครับคนแบบนั้นที่คุณอยากจะให้ผมแนะนำให้ ผมไม่รู้จักใครทั้งนั้น แล้วถึงจะรู้จักผมก็ไม่แนะนำด้วย เพราะคนที่ผมจะแนะนำมีคนเดียวเท่านั้น.. ก็คือ ตัวผมเอง "

“ นาย ? นายนี่อะนะงั้นก็ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้อยากจะฟัง “ ผมบอกปัดตอนที่กำลังจะเดินหนีอยู่ๆ มือหนาของคนที่นั่งใกล้ก็คว้าแขนผมแล้วดึงเข้าไปใกล้ 

“ ผมชื่อ ฟานครับ อายุ 19 ปี ตอนนี้เรียนคณะวิศวกรรมเครื่องกล นิสัยเป็นคนง่ายๆสบายๆ อาจจะขี้น้อยใจบ้างแต่ก็ไม่เยอะ ผมเป็นคนหวงของโดยเฉพาะของที่ผมรัก "

“ เดี๋ยวนะนายฉันไม่ได้อยากจะฟังเลยนะ " บอกไปแบบนั้นแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเค้าจะหยุดพูด

“ ส่วนสเป็คผมชอบคนอายุมากกว่า เป็นตัวผิวขาว หน้าตาสวยส่วนเวลายิ้มเค้าก็จะเป็นคนน่ารัก นิสัยเอาแต่ใจนิดหน่อย ปากไม่ตรงกับใจ หรือพูดง่ายๆ.. ก็คือคุณ นั่นแหละครับ " ทุกอย่างเงียบลงตอนที่เค้าพูดแบบนั้นออกมา นานแล้วที่ไม่ได้ใจเต้นแรงแบบนี้ นานแล้วที่ไม่ได้สบตาใครละฟังคำพูดนั้น คำพูดที่ตอนนี้ เด็กผู้ชายคนนี้กำลังจะพูดกับผม “ คุณคีย์ครับ ถ้าผมบอกว่าชอบคุณ คุณจะตอบตกลงเป็นแฟนผมมั้ยครับ "

...............................................................

แล้วคีย์จะตอบว่าอะไร...
ติดตามตอนหน้าจ้าาาาาาา #ไม่ต้องโยนรองเท้ามา
โดนเด็กเต๊าะหนักขนาดนี้แล้ว จะตอบว่าอะไรกันดีละเค่อะ
น้องฟานต้องรับผิดชอบที่ทำให้ใจเต้นแรงเค่อะ แรงยันคนแต่ง
ไม่ต้องนับพี่คีย์ คนแต่งก็เริ่มหวั่นไหวแล้วเค่อะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
ยังไงก็ฝากเม้นท์ ฝากแชร์ ฝากประชมสัมพันธ์ นิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ
ส่วนใครที่มีทวิต เฟส ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยค่าาา จะตามรีนะจ้ะ ตัวเอง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ เจอกันตอนหน้าจ้าา
หนมี่ผู้ใสซื่อ  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 3 ' คุณคีย์ครับ.. ' - 22.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-05-2016 20:42:55
หวีดแรงมากค่ะ.  :ling1:   ลุ้นให้เบียร์ทำงานจะได้ปากตรงกับใจสักที แหมๆคนแก่เล่นตัว
พี่คีย์อย่าใจร้ายกับเด็กมันสิคะ. ยังไม่ครบ20เลย อูย กรุบกรอบ
จงทวนความจำๆๆๆๆ
กอดคนเขียนค่ะ  :กอด1:   
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 3 ' คุณคีย์ครับ.. ' - 22.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 22-05-2016 21:02:01
ดี๊ดียยยย์  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 3 ' คุณคีย์ครับ.. ' - 22.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 22-05-2016 21:32:43
ลองดูก็ได้นะเธ๊ออ อ  จะได้รู้เด็กหรือผู้ใหญ่ถ้ารักกันก็ดีหมด แหละ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 3 ' คุณคีย์ครับ.. ' - 22.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-05-2016 22:09:28
น้องฟานตื้อไปเรื่อยๆ เดี๋ยวพี่คีย์ก็ใจอ่อนรักเด็กบ้างแหละ ขนาดตอนนี้ยังหวั่นไหวกับความหล่อของน้องแล้วเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 3 ' คุณคีย์ครับ.. ' - 22.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 22-05-2016 22:20:43
คุณคีย์คะ...หม่ำเด็กแล้วเป็นอมตะนะคะ

เชิญค่ะ... (ยื่นฟานให้)

ฮาาาาาา
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 3 ' คุณคีย์ครับ.. ' - 22.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-05-2016 22:38:46
แหม่ ส่งมาถึงปากขนาดนี้จะไม่รับก็...
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 3 ' คุณคีย์ครับ.. ' - 22.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 22-05-2016 22:43:20
กี๊สสสสส พี่คีย์จะตอบน้องว่าอารายคะ55555 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 3 ' คุณคีย์ครับ.. ' - 22.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 22-05-2016 23:33:50
กรี๊ดดดดดดดด  น้องฟานเริ่ดมากค่ะลู๊กกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 3 ' คุณคีย์ครับ.. ' - 22.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-05-2016 10:40:57
คุณคีย์ต้องตอบแบบชื่อเรื่องแน่เลย ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง ฮ่า ๆ :p
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 3 ' คุณคีย์ครับ.. ' - 22.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Au_y ที่ 23-05-2016 22:32:18
น้องฟานน่ารัก
ตรงๆกันไปเลย
รอลุ้นๆ  :-[
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 4 ' ฉันไม่ชอบเด็ก.. ' - 27.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 27-05-2016 20:28:18
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 4
' ฉันไม่ชอบเด็ก '

 ' คุณคีย์ครับ ถ้าผมบอกว่าชอบคุณ คุณจะตอบตกลงเป็นแฟนผมมั้ยครับ ' คำพูดที่ยังคงก้องดังอยู่ในหัว ผมได้แต่มองหน้าคนตรงหน้านิ่งๆพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรง สบสายตาอบอุ่นที่กำลังรอฟังคำตอบจากผม แต่ทว่าผมนั้น ก็ไม่ตอบ

“ การ์ตูนจบแล้ว กลับบ้านไปได้แล้วไป " อยู่ๆปากมันก็พูดคำนั้นออกไป คำที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคำถามนั้นเลยแม้แต่น้อย ลุกขึ้นจากโซฟาตัวที่นั่ง ผมคว้ามือของเค้าให้เดินออกไปที่ประตูหน้า ก่อนอีกฝ่ายจะเป็นฝ่ายดึงให้ตัวผมหยุดเดินแล้วหันกลับมามองหน้าเค้า

“ แต่คุณยังไม่ได้ให้คำตอบผมเลยนะ "

“ ฉัน..” เป็นครั้งแรกที่รู้สึกลังเล ทั้งๆที่ก็ไม่ชอบคนอายุน้อยกว่าอยู่แล้ว ปกติในเวลาแบบนี้ ผมจะพูดออกไปเลยว่า ไม่ชอบแล้วก็ถอยออกไปให้ห่างฉันซะ แต่คนนี้ ตอนนี้ ปากมันกลับไม่อยากทำแบบนั้น

“ ตอบคำถามผมก่อนสิครับ "

“ ฉันไม่อยากตอบ!” ตะคอกเค้ากลับไปก่อนจะถอนหายใจออกมา " รีบกลับไปก่อนเถอะ อย่ามาคาดคั้นอะไรฉันนักเลย "

“ คุณคีย์ " ถูกเรียกแบบนั้นก่อนจะถูกผละให้หลังชนกับประตูหน้าบ้านเค้าที่ยืนอยู่นั้นเอื้อมมือมากั้นตัวผมไว้ไม่ให้หนีไปไหน ฟานที่จะสบตาแต่ผมกลับก้มหน้าลง " ตอบคำถามผมก่อนสิครับ "

“ ทำไมนายถึงต้องตื้อฉันนัก ฉันไม่อยากตอบ ฉันบอกว่าฉันไม่อยากจะตอบไง เพราะถ้าให้ฉันตอบ ตอนนี้คำตอบของฉันก็คือ ฉันไม่ชอบเด็ก ฉันไม่ชอบคนที่อายุน้อยว่าฉัน แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากจะตอบแบบนั้น เพราะนาย.. นายทำให้ฉันไม่อยากจะตอบแบบนั้น เข้าใจรึยัง กลับไปได้แล้ว  "

" คุณคีย์ " เสียงที่เอ่ยเรียก เค้าก้มลงมาใกล้ ในตอนนั้นริมฝีปากที่แนบสนิทลงมาเค้าจูบผมเบาๆอย่างอบอุ่น เผยอริมฝีปากรับลิ้นร้อนที่ล่วงล้ำเข้ามาพร้อมกับหดเกร็งหน้าท้องเบาๆยามที่เค้ากอดรัดตัวผมไว้ ไม่รู้ทำไมถึงโอนอ่อนได้ถึงขนาดนี้ ไม่รู้ทำไมถึงหวั่นไหวได้ถึงขนาดนั้น ทั้งใบหน้า คำพูด น้ำเสียงหรือแม้แต่รอยจูบทุกอย่างก็ดูเหมือนขัดขืนอะไรไม่ได้ คำพูดที่ชวนให้หวั่นไหวคงดีถ้านายอายุมากกว่าฉันหน่อย

“ ทำไมถึงเกิดช้าขนาดนั้น นายไปอยู่ไหนมา " คำถามที่ถามเค้าออกไปตอนที่เราผละริมฝีปากออกจากกัน ฟานจ้องตาผมเค้าจูบผมอีกครั้ง มือที่กอดรัดเอวของผมก้มลงมาจูบที่ข้างแก้ม

" ผมอาจจะเปลี่ยนวันเกิดตัวเองไม่ได้ ผมอาจจะเปลี่ยนให้ตัวผมเกิดก่อนคุณไม่ได้ แต่ผมจะเป็นผู้ใหญ่เพื่อจะทำให้คุณเลือกผมได้นะครับ แต่อย่าเพิ่งปฎิเสธผมเพียงเพราะอายุได้มั้ย อย่าเพิ่งผลักผมออกไปเพราะเหตุผลแค่นั้น มันดูไม่ยุติธรรมสำหรับผมเลย แค่อายุน้อยกว่าไม่ใช่เหตุผลที่เพียงพอที่ทำให้ผมตัดใจจากคุณนะ "

“ ทำไมถึงคิดว่าตัวเองทำได้ ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้น " ผมถาม " ขนาดฉัน ฉันยังไม่มั่นใจเลย " ไม่มั่นใจเลยว่าจะไม่หลงรักคนอายุน้อยกว่าฉันอย่างนายได้ เพราะตัวผมที่หวั่นไหวแบบนี้ก็ดูเหมือนว่ามันไม่ใช่ตัวเองแล้ว ดูเหมือนไม่ใช่ตัวผมเลย

“ เพราะคุณแค่มีความมั่นใจน้อยไปหน่อยมันก็เท่านั้นเอง " มือหนาประคองหน้าของผม เค้าที่ก้มลงมาจูบผมอีกครั้งก่อนจะผละออกแล้วก็ยิ้มให้

“ ฉันเกลียดเวลาที่นายยิ้มแบบนี้ "

“ ทำไมล่ะครับ "

“ ก็เพราะว่ามันทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวฉันดูเด็กในสายตาของนาย "

“ คุณดูเด็กในสายตาผม นั่นก็ถูกต้องแล้ว " เค้าที่พูดออกมา ผมก็จ้องหน้าเค้าพลางขมวดคิ้ว

“ ฉันไม่ต้องการให้เด็กที่อายุน้อยกว่าฉันตั้งหกปีมาพูดแบบนี้ "

“ หกปี " เค้าทวนเสียง ผมก็ถอนหายใจ

“ โทษทีนะเด็กน้อย แต่ฉันเรียบนจบมา สามปีแล้ว ตอนนี้ฉันกำลังทำงานอยู่ ไม่ใช่รุ่นพี่ในมหาลัยแบบที่นายเข้าใจหรอก " หน้าตาอึ้งๆของเค้า ฟานลกแขนที่กั้นผมอยู่นั่นลงก่อนจะมองหน้าผมแบบที่เชื่อสายตาเท่าไหร่

“ คุณหน้าเด็กจัง "

“ ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะ "

“ จริงๆนะครับ ผมคิดว่าคุณอายุใกล้ๆกับผมซะอีก " ท่าทางเค้าเหมือนเด็กเล็กๆที่กำลังตกใจอะไรมากๆกับสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
 
“ เหรอ  งั้นตอนนี้นายกลับไปได้รึยัง ฉันจะนอนแล้ว "

“ ผมต้องกลับแล้วเหรอครับ " ทำหน้าหงอยหลังประโยคที่พูดออกมานี่หมายความว่าไงกันวะ ผมเบือนหน้าหนีอีกคน ฟานที่พยายามเอียงหน้าสบตาผมอ้อนๆ  " ผมจะได้เจอคุณอีกมั้ย ผมไม่อยากกลับเลย ผมกลัวจะไม่ได้เจอคุณอีก "

' มึงนอนกับกูเลยก็ได้นะ ' ใจของผมตอบออกไป ตอนที่สบสายตาคู่นั้นแต่ก้ต้องกลั้นใจแข็งเข้าไว้ ผมจะไม่หลงกลเข้ากับหน้าตาหล่อๆของมัน หรือว่าคำพูด หรือสายตาออดอ้อนแบบนั้น ทำไมถึงได้หวั่นไหวอีกแล้ว เหมือนอยากจะทำให้ทุกอย่างในสิ่งที่เค้าขอ บ้าจริงๆเลย นี่เป็นอะไรไปวะ ไอ้หัวใจบ้า ไหนบอกไม่ชอบเด็กไง  " กลับไปได้แล้ว คำไหนคำนั้นเป็นลูกผู้ชายหน่อย การ์ตูนจบแล้ว "

“ ก็ผมกลัวไม่ได้เจอคุณอีก " ยัง ยังไม่จบ

“ นายมีเบอร์ฉันแล้ว คอนโดฉันนายก็รู้จัก ยังกลัวอะไรอีก " พูดออกไปแบบนั้นคนที่ไม่ยอมกลับท่าเดียวก็ได้แต่จำยอมพยักหน้ารับไป ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้นอนหรอกแต่ถ้านอนคนอย่างผมและคนอย่างเค้าคงมีอะไรกันมากกว่าที่ควรแน่ๆ ขนาดแค่จูบผมยังโอนอ่อนให้ขนาดนั้น ไม่อยากจะคิดถึงเรื่องแบบนั้นหรอก เพราะคิดว่าคงไม่ต่างกัน

“ งั้นผมกลับแล้วนะครับ "

“ อื้ม " ผมเปิดประตู ตอนที่อีกคนเดินออกไปนอกห้อง  ฟานหันมามองผมท่าทางที่เหมือนช่างใจอะไรสักอย่างผมเอ่ยถาม

“ มีอะไร "

“ ไม่มีอะไรครับ " คำตอบที่มาพร้อมกับจูบเบาๆที่ข้างแก้ม ก่อนที่เค้าจะยิ้มแล้วเดินไปยังลิฟต์ราวกับไม่ได้มีอะไรจริงๆอย่างที่พูดออกมานั่นแหละ

“ ไอ้เด็กบ้า..จะทำให้ฉันหัวใจเต้นแรงไปถึงไหนวะ " ผมบ่นตอนที่ยิ้มออกมาก็ได้แต่ปิดประตูห้องแล้วทรุดลงนั่งลงอย่างหมดแรง " เหมือนไม่ใช่ตัวนายเลยนะคีย์ " ที่ต้องมารู้สึกชอบอะไรแบบนี้ เหมือนไม่ใช่ตัวผมเลย 

........................................

    การพรีเซ็นต์งานผ่านไปได้ด้วยดี  ลูกค้าพึงพอใจกับงานของผมเกินความคาดหมายที่ตัวเองตั้งเอาไว้ซะอีก ตอนที่ได้รับคำชมจากปากของลูกค้าเรื่องงานผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนก้าวขึ้นมาอีกหนึ่งขึ้นแล้ว พัฒนาขึ้นมาขั้นนึงแล้ว ถอนหายใจออกมาตอนที่นั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะในห้องประชุมก่อนจะมีเสียงปรบมือดังขึ้นไม่เบานัก จากหัวหน้าที่ก็คิดว่าจะเดินออกไปส่งลูกค้าแต่ก็เปล่าเค้าไม่ได้เดินไป แต่กลับยืนอยู่ตรงหน้าประตูพร้อมกับปรบมือให้ผม

“ เก่งมาก พัฒนาขึ้นเยอะเลยนะคีย์ "

“ ขอบคุณมากครับหัวหน้า แต่เพราะคำแนะนำจากหัวหน้านั่นแหละ ที่ทำให้ผมเปลี่ยนงานจนสวยถูกใจลูกค้าขนาดนั้น "

“ ไม่ต้องเสี่ยงมาชมฉันหรอกน่า " เค้าบอกก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ผม " ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างละ "

“ ช่วงนี้ ? “ ผมทวนคำถามที่ถามกับอีกคน " หมายถึงเรื่องงานเหรอครับ "

“ ก็เรื่องทั่วไปด้วย เรื่องส่วนตัวของนาย " เค้าบอก " ก็แค่ช่วงนี้เราไม่ได้คุยกันเท่าไหร่ วันที่ไปกินเบียร์ด้วยกันนายก็ชิ่งเมาไปก่อนก็เลยไม่ค่อยได้คุย " 

“ ปกติหัวหน้าถามคำถามแบบนี้กับพวกผมด้วยเหรอ " เอียงหน้าถามอีกคนเค้าก็ยิ้มออกมา

“ ช่วยตอบหน่อยไม่ได้รึไง  "

“ ก็สบายดีครับ " ผมบอกพลางเก็บเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะประชุมให้เข้าที่ " ถ้าไม่รวมถึงงานวุ่นวายมากๆก็คงสบายกว่านี้ เพราะงั้นก็เลิกให้งานเยอะๆสักทีสิครับ จะได้สบายกว่านี้ "

“ แบบนั้นคงไม่ได้หรอกนะ เพราะนายฝีมือดี "

“ งั้นก็ไม่อยากจะฝีมือดีแล้วครับถ้างานจะเยอะขนาดนั้นน่ะ "

“ ท่องเอาไว้ว่า งานคือเงินบรรดาลสุข " เค้าพูดติดตลก ผมก็ขำก่อนจะถามเค้ากลับบ้าง

“ แล้วหัวหน้าละเป็นยังไงบ้างครับ "

“ ก็ไม่สบายเท่าไหร่หรอก "

“ งานเยอะสินะครับ "

“ กำลังจะหย่ากับภรรยาน่ะ " เสียงเรียบๆของเค้าที่เอ่ยออกมา ผมเงยหน้าขึ้นมองเค้ารู้สึกบรรยากาศรอบตัวมันเปลี่ยนไปเลยหลังจากคำพูดนั้น ผมที่ไม่รู้จะทำอะไรหยิบเอกสารที่ถืออยู่ขึ้นมากอดไว้ " แต่ว่าเค้าไม่ยอมหย่าน่ะ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทั้งๆที่ไม่รักกันแล้วเราจะทนอยู่กันไปทำไม "

“ อาจเพราะเธอยังคงรักหัวหน้าแล้วคิดว่า มันคงกลับไปเป็นเหมือนเก่าได้มั้งครับ "

“ แต่ฉันไม่คิดว่ามันเหมือนเดิมหรอก เพราะฉันมีคนที่ฉันรู้สึกชอบมากกว่าเธอแล้ว " สายตาที่มองมา ผมคิดไปว่าเหมือนเค้าจะบอกใบ้อะไรสักอย่าง ก็อยากจะถามว่าเค้าทำไมถึงไม่รักภรรยาแสนสวยคนนั้นแล้วแต่คิดว่าคงเสียมารยาทมากเกินไปที่จะถาม แล้วไหนจะเรื่องของคนที่เค้าชอบอีก ใครเหรอ คนคนนั้นน่ะ ใครกัน  " คีย์ "

“ ถ้าฉันเคลียร์เรื่องของภรรยาได้เมื่อไหร่ ขอคุยอะไรด้วยหน่อยนะ " หัวใจของผมเต้นแรง เค้ายิ้มออกมาตอนที่เดินออกไปจากห้องนั้นราวกับมีแรงลมหนักอัดเข้ามาปะทะร่างของผมจนชวนให้นิ่งไปหมด  ถ้าไม่ใช่การเข้าข้างตัวเองจนเกินไปที่จะมาขอคุยด้วยอย่าบอกนะว่าคนที่เค้าชอบมากกว่าภรรยานั้นจะเป็น ผม..

“ นายเข้าข้างตัวเองเกินไปแล้วคีย์ เป็นไปไม่ได้หรอกน่า ไร้สาระ " ส่ายหน้าไปมากับความคิดของตัวเอง ผมเดินออกมาจากห้องประชุมก่อนจะเดินกลับมานั่งลงตรงเก้าอี้ของตัวเองอย่างสบายใจ

“ เป็นไง ได้ข่าวลูกค้าชอบงานของนายมากเลยนิ " ลิปที่นั่งข้างๆหันมาทัก ผมก็พยักหน้ารับก่อนจะยิ้มกว้าง

“ ใช่แล้ว เฮ้อออ ฉันล่ะโล่งใจมากเลยหล่ะที่เค้าชอบ จบๆไปได้สักทีก็ดี จะได้เริ่มงานชิ้นใหม่ " 

“ ขยันเสียจริงนะพ่อคุณ " อีกคนแซวก่อนจะยกน้ำที่โต๊ะขึ้นดื่ม " อ้อ แล้วสรุปยังไม่ได้เล่าฉันเลยว่าไปหาเอกสารที่ทำหายได้ที่ไหน "
 
“ ก็.. ที่ร้านเดิมนั่นแหละ ที่ที่ฉันไปต่อหลังจากแยกกับนายหน่ะ " ทำไมไม่ค่อยอยากจะพูดเรื่องนี้เลยวะ เรื่องที่เกี่ยวกับฟานทำไมผมถึงไม่อยากจะพูดกับเพื่อนเลยทั้งๆที่ ลิปก็เป็นเพื่อนที่ผมปรึกษาด้วยทุกเรื่องแท้ๆ แค่เพราะเค้าชอบคนอายุน้อยกว่าเหรอ เป็นเหตุผลที่ไม่เข้าท่าเอาซะเลย

“ ที่ที่นายไปเจอเด็กผู้ชายสุดหล่อคนนั้นใช่มั้ย "

“ อื้ม " ตอบเสียงเบาๆอีกคนก็เหล่

“ แล้วสรุปเมื่อวานได้เจอเค้ามั้ย "

“ ก็ได้เจอ "

“ พูดเหมือนไม่อยากจะพูดเลยนะ หวงก้างเหรอคีย์ " โดนจับได้อีก ผมถอนหายใจเบาๆออกมาก่อนจะหันหน้าไปมองเพื่อนที่ก็จ้องผมอยู่

“ หวงก้างอะไรของนาย "

“ ก็หวงก้าง นายไม่ได้ชอบคนอายุน้อยกว่าสักหน่อย หันมาเล่าเรื่องน่าสนใจให้ฉันฟังซะดีๆนะ " มือของอีกคนดึงเก้าอี้ผมให้เข้าไปใกล้ ใบหน้าหวานยิ้มออกมาอย่างอยากรู้แต่ผมกลับถอนหายใจใส่เบาๆเสียแบบนั้น " เป็นอะไร ไม่อยากเล่าจริงๆเหรอ "

“ ก็ไม่เชิงแบบนั้น " ก็ถ้าเล่าแล้วนายอยากจะเจอเค้าฉันจะทำยังไง ไม่อยากให้เจอนี่หว่า เรื่องของฟานมีเรื่องไหนที่ไม่ชวนใจเต้นบ้าง เรื่องไม่ดีๆที่พอได้ยินแล้วอีกคนจะแขยงจนไม่อยากจะเจอ ไม่มีเลยสักเรื่อง

“ นายชอบเค้าเหรอ "

“ เปล่าสักหน่อย " ผมเถียงคำพูดของอีกคน " ก็เมื่อวานเค้านัดเจอฉันแล้วเราก็ไปที่ร้านอาหารที่เราเจอกัน แล้วก็เจอกระเป๋า ก็แค่นั้นแหละ "

“ เหรอ แล้วนายได้ถามมั้ย "

“ ถามอะไร "

“ ก็เรื่องที่นายอยากจะรู้ เรื่องที่เค้าใส่สดรึเปล่า เรื่องที่ว่าทำไมต้องจ่ายเงินให้ เรื่องอะไรพวกนั้น "

“ ก็ถาม " ผมพยักหน้ารับ " สรุปว่าก็ไม่ได้ใส่สดหรอก ใส่ถุงทุกรอบนั่นแหละ "

“ เป็นผู้ชายที่ดีจังนะ " หน้าตาเพ้อๆของอีกคนทำเอาผมเบือนหน้าหนีออกไปทางอื่น นี่ถ้ารู้ว่าฝ่ายผมเป็นร้องขอให้เค้าใส่สดแต่เค้าไม่ทำ จะเพ้อไปถึงไหนนะ " แล้วเรื่องจ่ายเงินให้นายล่ะ "

“ ก็ไม่มีอะไรมาก เค้าบอกว่าเค้าเป็นผู้ชายในความหมายของเค้า คือเค้าเป็นรุกเค้าก็ต้องจ่าย เค้าว่าแบบนั้นอะ "

“ หล่ออะ ทำไมถึงหล่อขนาดนั้น หล่อยันความคิด " เป็นเอามาก  ลิปที่กำลังประทับใจเลื่อนเก้าอี้มาใกล้ผมมากขึ้นมือของเค้ากอดแขนผม " นี่น้องเค้าชื่ออะไรนะ "

“ ฟาน "

“ ฟานเหรอ  นี่คีย์แนะนำฟานให้ฉันรู้จักด้วยสิ ก็ถ้านายไม่ชอบคนเด็กกว่า งั้นช่วยแนะนำเค้าให้ฉันทีสิ " อีกคนบอก " ฉันน่ะ ชอบคนที่เด็กกว่าก็จริงแต่ยังไม่เจอพวกเด็กกว่าที่มีความคิดดีๆแบบนั้นเลย มีแต่คนที่คิดว่าฉันมีเงินให้ฉันจ่ายทั้งนั้นอะ นะ แนะนำให้ฉันหน่อย ฉันอยากรู้จักเค้า "

“ ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่ว่า "

“ ทำไมอะนายชอบเค้าเหรอ ถ้านายชอบเค้าฉันจะไม่ยุ่งนะ "

“ ก็ไม่ได้ชอบหรอก " ทำไมปากมันต้องเอาแต่บอกปัดวะ ทั้งๆที่อยากจะพูดออกไปว่า ตอนนี้ไม่ชอบแต่ก็ไมไ่ด้หมายความว่าจะให้ใครได้นี่หว่า ไม่อยากจะให้ด้วยถึงใครจะหาว่าหวงก้างอะไรก็เถอะ

“ งั้นก็ช่วยแนะนำให้ฉันรู้จักด้วยนะ วันนี้เลย "

“ วันนี้เลย ? “ ผมทวนคำพูดของอีกคน " พูดเหมือนจะง่ายนายจะให้ฉันไปบอกเค้าว่าอะไร ฉันอยากเจอเหรอ อะไรแบบนั้นฉันไม่ทำหรอกนะ "

“ ก็แค่บอกไปว่า นายมีนัดเลี้ยงข้าวกับเพื่อนอยู่แถวๆร้านเดิมที่นายเคยไปกับเค้า ถ้าว่างก็มาแจมกันหน่อยมั้ย เรื่องมันก็เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องจีบเด็กน่ะไม่ต้องห่วง ฉันถนัด ฉันลุยเอง "

“ ลิป นายเอาจริงเหรอ "

“ ก็นายบอกว่าเค้าหล่อ แล้วอีกอย่างฉันฟังความคิดของเค้าก็รู้สึกว่า เค้าเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่คิดเลยอยากจะเห็นหน้าน่ะ นายไม่คิดงั้นเหรอ ฉันว่าเค้ามีความเป็นผู้ใหญ่ออกนะ "

“ ก็คิด " ก็คิดว่าเค้ามีความเป็นผู้ใหญ่สูงนะ บางทีอาจจะสูงกว่าผมเสียอีก 

“ เพราะงั้นก็แนะนำให้ฉันรู้จักด้วยนะ ขอร้องละ " สองมือที่ยกขึ้นพนมขอร้องผม ทำอะไรไม่ได้แล้วยกเว้นจะพยักหน้ารับอีกคนไปแบบนั้นอย่างช่วยไม่ได้ รอยยิ้มของเค้าที่เข้ามากอดคอผมไว้ " ขอบคุณนะ ถ้าไปได้ดีฉันจะไม่ลืมนายเลย "

“ นายไปเห็นหน้าเค้าก่อนเถอะน่า อาจจะไม่ชอบก็ได้ "

“ งั้นหน้าตาเค้า ถ้าเทียบกับหัวหน้าคนที่นายชอบ ใครหล่อกว่ากัน " ผมเหลือบไปมองหัวหน้าทันทีสำหรับคำถามของอีกคน ก็ถ้ามองกันจริงๆก็กินกันไม่ลงหรอก หน้าตาคนละแบบกันก็จริงแต่ก็หล่อคนละแบบละนะ

“ ก็หล่อคนละแบบ แล้วแต่ใครจะมอง "

“ สำหรับนายสิ นายมองว่าใครหล่อกว่า " ฟานมั้ง ? ผมตอบในใจก็อีกฝ่ายเด็กกว่านิสัยก็พูดตรงๆมากกว่าด้วย ไม่เห็นเหมือนหัวหน้าที่พูดจาวกวน การกระทำก็วกวนไม่เห็นจะเข้าใจ

“ นี่ลิป เมื่อกี้หัวหน้าเข้ามาคุยกับฉันด้วยแหละ " ผมเลือกที่จะไม่ตอบแต่กลับพูดเรื่องอีกเรื่องไปแทนเหลือบมองรอบข้างที่ไม่มีใครหันมาสนใจเรา " เค้าบอกว่า เค้ากำลังจะหย่ากับเมียเค้า "

“ ห๊า!!” เสียงสบถดังของคนฟังผมเอื้อมมือไปปิดปากอีกคนแทบไม่ทัน สายตากลมที่เบิกตากว้างขึ้นมองซ้ายมองขวาก่อนจะพยักหน้าลง

“ เสียงดังทำไมวะ "

“ โทษที ก็มันตกใจนิ " เค้าดึงมือผมออกก่อนจะพูดออกมา " นายบอกว่าหัวหน้ากำลังจะหย่ากับเมียเหรอ "

“ อื้ม ก็เมื่อกี้เค้าเดินมาบอกฉันแบบนั้น "

“ ที่ห้องประชุมอะนะ "

“ อื้ม อยู่ๆก็เดินเข้ามาบอก สงสัยเหมือนกันว่ามาบอกฉันทำไม "

“ แล้วเค้าบอกนายแค่นั้นเหรอ นายได้ถามอะไรเค้าต่อมั้ย "

“ เค้าพูดว่าเค้ามีคนที่ชอบมากกว่าเมียเค้าแล้ว แล้วก็บอกกับฉันว่า ถ้าเค้าหย่ากับเมียแล้ว เรามีเรื่องจะคุยกัน "

“ เห ? ว่าแบบนั้นเลย " ผมพยักหน้ารับอีกคนก็เม้มริมฝีปากแน่น " คีย์ รู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังโดนสารภาพรัก "

“ ห๊ะ ? สารภาพรัก " เบิกตากว้างมองอีกคนที่ก็พยักหน้ารับ " เดี๋ยวๆประโยคไหนที่นายคิดว่าเค้าสารภาพรักฉันกัน "

“ เค้ามีคนที่ชอบมากกว่าเมียเค้า แล้วก็มาบอกว่า หลังหย่าเมียจะมาคุยไง นายคิดว่าเค้าจะมาคุยกับนายทำไม ถ้าคนที่เค้าชอบไม่ใช่นาย "

“ ก็อาจจะแค่ปรึกษาปัญหาชีวิต " บอกแบบไม่เข้าข้างตัวเอง อีกคนก็ถอนหายใจ

“ เพื่อนเค้ามีเยอะแยะจะมาปรึกษาอะไรลูกน้องแบบนาย มีสติแล้วคิดหน่อยสิ "

“ ก็เค้าชอบทำให้ฉันคิดไปเองแล้วแห้วทุกที รอบนี้ฉันเลยไม่อยากจะคิดอะไรแบบนั้นแล้ว " นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึก เจ็บมามากแล้วกับสายตาที่มองมาอย่างมีความหมายที่แม้จะแปลไม่ออกแต่ก็คิดมาเสมอว่าเค้ามีใจ ท่าทางใจดี หรือไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้หัวใจหวั่นไหว เจ็บมามากแล้วกับการคิดไปเอง ไม่อยากจะคิดไปเองแล้ว

“ ฉันว่าคราวนี้ไม่แห้วแล้วละ เชื่อสิ " ลิปพูดอย่างมั่นใจ

“ นายจะมั่นใจอะไรขนาดนั้น "

“ นายก็มั่นใจในตัวเองหน่อยสิ " คำพูดเหมือนกับที่ฟานบอกเลย เด็กบ้านั่นบอกว่า ผมมีความมั่นใจน้อยไปหน่อย ก่อนจะกอดผมไว้ด้วยความมั่นใจของเค้า อบอุ่นจนชวนคิดถึงอะไรขนาดนั้นนะไอ้เด็กบ้า ผมเม้นริมฝีปากตัวเองตอนที่มองคนข้างๆที่เหมือนกำลังคิดอะไร " แต่ฉันว่านายคงลำบากถ้าเปิดตัวคบกับหัวหน้านะ "

“ ทำไมละ "

“ ก็ลองคิดดูว่า พอเค้าหย่ากับเมียแล้วมาเปิดตัวคบกับนายคนก็ต้องสงสัยว่านายแอบกินกับหัวหน้ามาก่อนใช่มั้ย แล้วเมียเค้าเพียบพร้อมขนาดนั้น จะยอมหย่ากับผัวตัวเองให้ผัวตัวเองมาเอากับลูกน้องในบริษัทที่หนำซ้ำยังเป็นผู้ชายอะนะ แก ฉันว่ามันดูมีปัญหาแน่ๆอะ ระวังขี้ปากคนไว้ให้ดีเถอะ ยกเว้นแกจะออกจากงานแล้วก็ไปทำอย่างอื่นก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ แต่ถ้ายังทำงานที่นี่ ฉันว่านายปิดเรื่องนี้ไว้เถอะ "

“ งั้นต่างอะไรจากเมียเก็บที่เค้าแอบคบด้วยละ "

“ เอาจริงๆ ฉันไม่มองว่าคนอย่างหัวหน้าจะกล้าเปิดเผยตัวเองว่าเค้าชอบนายต่อหน้าคนอื่นหรอก  เตรียมตัวเก็บตัวเงียบได้เลย "

“ ทำไมถึงคิดงั้นละ "

“ เค้าดูมีอีโก้สูง เหมือนเป็นพวกที่ชอบให้คนอื่นมองตัวเองในด้านดีๆ ไม่ชอบมีประวัติด่างพร้อย " ก็รู้สึกอย่างงั้นแบบที่อีกคนพูดจริงๆ ตั้งแต่ที่รู้จักเค้ามา น้อยมากที่งานในแผนกเราจะมีปัญหาทุกครั้งที่งานลูกน้องเสร็จ หัวหน้าจะเป็นคนตรวจงานแล้วก็บอกให้แก้ทุกครั้งที่คิดว่างานนั้นไม่ดี เค้าจะถามเหตุผลเราว่าทำไมถึงทำออกมาแบบนั้นก่อนจะพูดให้ฟังด้วยเหตุผลแกรมบังคับนิดหน่อยให้ลูกน้องทำตามในสิ่งที่เค้าพูด " นายไม่เห็นเหรอ งานในแผนกเราน่ะถ้าเค้าไม่กลัวเรื่องประวัติเค้าจะเสียเค้าจะตรวจเองทำไม เสียเวลา ก็ให้ลูกน้องเผชิญกับปัญหาเองบ้างนั่นก็สิ้นเรื่อง เค้าน่ะอีโก้สูงจะตายไป "

“ ก็จริงของนาย "

“ ฉันน่ะ อยากให้นายชอบคนอื่น คนที่พร้อมจับมือนายไปที่ไหนๆก็ตามอย่างไม่อายใครที่มองมา คนที่จะอยู่กับนายได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนที่จะไม่ทิ้งนายไปไหน "

“ ซาบซึ้ง " พูดติดตลกออกไปอีกคนก็ตีเข้าที่แขนผม

“ แต่นายก็มัวแต่มองเค้า ชอบเค้าอยู่นั่นแหละ มองคนอื่นบ้างเถอะน่า "

“ ฉันก็มองอยู่นะ  แต่มันไม่ได้ถูกใจร้อยเปอร์เซ็นต์นะสิ "

“ ในโลกนี้ไม่มีคนที่เกิดมาแล้วถูกใจนายทั้งหมดหรอก มันต้องมีบางอย่างที่นายไม่ชอบในตัวเค้า แล้วพอนายรักเค้านายจะมองข้ามสิ่งที่ไม่ดีหรือสิ่งที่นายไม่ชอบนั่นไปเองแหละ "

“ ฉันจะมองข้ามความเป็นเด็กแบบที่ฉันไม่ชอบได้เหรอ " ทั้งๆที่เกลียดความง้องแง้งหรือว่าขี้อ้อนอะไรแบบนั้นที่สุด แต่กลับอ่อนไหวกับแววตาที่จ้องมองมา ท่าทาง คำพูดที่อบอุ่นพวกนั้นของคนที่บอกกับตัวเองมาตลอดว่า จะไม่มีวันไปชอบเด็ดขาด

“ นายว่าอะไรนะ "

“ เปล่าหรอก แค่นั่งคิดๆว่า นี่ฉันโหยหาความรักจนหวั่นไหวกับอะไรได้ง่ายๆแล้วเหรอ "

“ หมายถึงอะไรละเนี้ย " ลิปถามงงๆ เค้าเอียงหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมา " แต่ฉันว่าถ้าใครทำให้เราลังเลที่จะชอบหรือไม่ชอบเค้าได้ มันคงมีอะไรบางอย่างในตัวเค้าที่เราชอบแล้วละ แต่แค่ลังเลเพราะมีบางอย่างที่ไม่ชอบ "

“ ถ้าเป็นแบบนั้นนายจะทำยังไง ถ้ามีใครสักคนถูกใจนายทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องบางเรื่องที่ไม่ถูกใจ เช่นอายุเค้าอาจจะมากกว่า ซึ่งนายไม่ชอบคนแบบนั้น "

“ คงลองคบดูมั้ง ก็ถ้าโดนใจจริงๆแล้วเราก็โสดมันก็ไม่ได้เสียหายนิ "

“ ถ้าไม่ใช่ก็แค่เลิก "

" ก็ใช่ ชีวิตไม่ควรจมดิ่งอยู่กับสิ่งที่ไม่ชอบนะ ถ้าเราไม่ชอบ เราก็หาใหม่ "

" ก็จริงนะ " ถึงจะพูดออกมาแบบนั้น แต่การสานสัมพันธ์แบบที่ถ้าไม่ชอบก็เลิกรากันไปเป็นอะไรที่ไม่อยากจะให้เกิดขึ้นเลยสักนิด เป็นความรู้สึกที่เห็นแก่ตัวชะมัด ก็ถ้าลองคบแล้วใจมันก็ผูกพันไปแล้ว จะทิ้งไปยังไงก็ต้องเจ็บอยู่ดี อีกอย่างฟานเองสำหรับผมความรู้สึกที่มีต่อเค้าก็คือไม่ชอบหรอกแต่ก็จะไม่ให้ใครเด็ดขาดไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เป็นความรู้สึกที่แม้ตัวเองยังไม่อยากจะยอมรับอะไรแบบนี้เลย ดูเห็นแก่ตัวแล้วก็น่ารังเกียจชะมัด ผมก้มลงมองมือถือตัวเองกดนู้นนี้อยู่สักพักก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนตัวเอง  " ลิป ฉันส่งข้อความหาฟานแล้วนะเมื่อกี้น่ะ "

" อื้มๆ แล้วเค้าว่าไง "

" เค้าบอกว่าเค้าไม่ว่างอะ คงมาไม่ได้ " ผมบอกอีกคนก็พยักหน้ารับ " ไว้ฉันจะนัดให้ใหม่นะ "

" โอเค ยังไงก็บอกล่วงหน้าด้วยนะฉันจะแต่งตัวสวยมา "

" ได้เลย "  ยิ้มตอบรับอีกคนตอนที่เลื่อนเก้าอี้กลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง รู้สึกผิดนิดหน่อยที่โกหกเพื่อนไปแบบนั้นแต่ผมไม่อยากให้เค้าเจอกันเลย ฟานชอบคนอายุมากกว่า ลิปชอบคนอายุน้อยกว่า ถึงใครจะว่าหวงก้างยังไง ก็ให้ใครไม่ได้หรอกเพราะก้างชิ้นนี้ ผมหวง  หวงมากจริงๆ

.........................................................

คนที่เค้าไม่ชอบจริงๆ เค้าไม่หวงก้างกันหรอกเว้ย #ตะโกนไปหาพี่คีย์แทนน้องฟาน
การยอมรับกับปากมันยาก คนมีอีโก้สูงก็เงี้ยย
คิดถึงกันมั้ยค่าาาา อัพแล้วเด้ออ
ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ยังไงฝากเม้นด้วยนะคะ
ถ้าใครไม่มียูสในเล้า เม้นท์ผ่านแท็กในทวิตก็ได้ค่า แท็ก #ฟานคีย์ นะคะ
ขอบคุณสำหรับการเข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
หนมมี่ :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 4 ' ฉันไม่ชอบเด็ก.. ' - 27.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 27-05-2016 20:50:13
กลัวว่าหวัหน้าจากคนดีจะกลายมาเป็นตัวร้ายน่ะสิ รู้สึกตะหงิดๆ แต่อยากได้ฟานมากกก
ต้องการเป็นอมตะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 4 ' ฉันไม่ชอบเด็ก.. ' - 27.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: nekochan ที่ 27-05-2016 21:01:12
อ๊ายยยยย ในที่สู๊ดดดดดก็อัพแว้วววววว เราเข้ามาดูทุกวันเลยว่าอัพรึยัง ดีใจสุดๆ กำลังจะนอนละ555555
ตอนนี้นายเอกของเราคงกำลังสับสนสินัๆๆๆ :hao3:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 4 ' ฉันไม่ชอบเด็ก.. ' - 27.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-05-2016 21:02:13
อั้ยยะ มีหวงเด็กในสต็อคนะยะ
แล้วเจ้านายนี่ยังไงนะ. อย่าเลย. หย่าเมียมาคบนี่มันจะดีตรงไหนอะ
รู้สึกจะหมั่นไส้คนสวยเลือกได้แถวนี้ค่ะใครน้อ  :mew1:  รอตอนต่อไป
อยากให้เด็กทำคะแนนรัวๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 4 ' ฉันไม่ชอบเด็ก.. ' - 27.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 27-05-2016 21:10:44
 :z6:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 4 ' ฉันไม่ชอบเด็ก.. ' - 27.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 27-05-2016 22:44:39
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: ดีงามนุ้งคีย์หวงฟาน กิกิ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 4 ' ฉันไม่ชอบเด็ก.. ' - 27.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 28-05-2016 02:12:01
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 4 ' ฉันไม่ชอบเด็ก.. ' - 27.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: loneliest ที่ 28-05-2016 10:01:07
พึ่งได้มาตามอ่านสนุกมากๆเลยยยยยยยย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 4 ' ฉันไม่ชอบเด็ก.. ' - 27.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 28-05-2016 13:23:44
โอเค ไม่ได้ชอบเนอะ ถึงหวงก้างก็ไม่ได้ชอบเนอะ ไม่ได้หวั่นไหวอะไรด้วยเนอะ

อ่ะ เชื่อๆ

ก็รอดูคนไม่ได้ชอบละกันเนอะ

จัดการเลยค่ะฟาน! 5555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 4 ' ฉันไม่ชอบเด็ก.. ' - 27.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: shcheribrand ที่ 28-05-2016 13:27:41
 :mew1: :z3: :z2: :z10:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 4 ' ฉันไม่ชอบเด็ก.. ' - 27.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 28-05-2016 15:12:18
ไม่ชอบ แต่หวั่นไหว ลังเล และหวงมาก 555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 4 ' ฉันไม่ชอบเด็ก.. ' - 27.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 28-05-2016 16:57:31
ไม่ชอบนะแต่ไม่ให้ :m20:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 4 ' ฉันไม่ชอบเด็ก.. ' - 27.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 28-05-2016 19:36:55
เค้ามาสนับสนุนให้กินเด็กอีกเสียงค่ะ พี่คีย์
อร่อยนะจะบอกให้  o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 4 ' ฉันไม่ชอบเด็ก.. ' - 27.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 29-05-2016 23:18:17
หัวหน้าว่างแล้ว จะคบกันไหม

เด็กที่มีความคิดโตเกินอายุก็น่าสนใจนะ
อยากเป็นอมตะไหม กินเด็กสิจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 4 ' ฉันไม่ชอบเด็ก.. ' - 27.5.59} หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 30-05-2016 07:11:25
อย่าคล้อยตามหัวหน้าเชียวนะะะ
เอาน้องฟานดีกว่าาาา
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 5 ' ผู้ใหญ่หวงก้าง ' - 3.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 03-06-2016 20:27:00
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 5
' ผู้ใหญ่หวงก้าง '

   ปิดคอมพิวเตอร์ลงตอนที่หันไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาเลิกงาน ผมหันไปเก็บกระเป๋าของตัวเองเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ก่อนจะหันไปมองคนข้างๆที่ก็เก็บของเตรียมกลับบ้านเหมือนกัน

“ วันนี้ออกไปดริ้งกันหน่อยมั้ย " ลิปที่เอ่ยถาม " ร้านที่อยู่แถวคอนโดนายที่เราเคยไปด้วยกัน มันมีร้านสปาเก็ตตี้อร่อยๆอยู่ เราไปกินกันมั้ย ฉันอยากกินมากเลย "

“ เอาสิ ฉันอยากจะกินเบียร์กับอะไรนิดหน่อยเหมือนกัน จริงๆร้านนั้น พวกของทอดอร่อยมากเลยนะ " คว้ากระเป๋าขึ้นสะพายไหล่อีกคนก็เดินมายืนข้างผม เราเดินออกไปจากบริษัทด้วยกันก่อนที่ลิปจะหันมาถาม

“ นี่ คีย์ช่วงนี้นายยังซื้อหนังมาดูบ้างมั้ย "

“ ก็ยังซื้อมาดูนะทำไมอะ " ผมเป็นพวกชอบดูหนังครับ เรียกว่ามีทุกแนวเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นพวกติดบ้านที่วันหยุดมักจะนอนนิ่งๆอยู่บ้านก็เลยมีหนังอยู่ที่บ้านเยอะแยะไปหมด เอาไว้ดูเวลาที่เบื่อ

“ ขอยืมหน่อยสิ พรุ่งนี้มันเป็นวันหยุดฉันก็คิดว่าจะชวนจินเค้าดูหนังด้วยกันนะ "

“ น่าเบื่อพวกมีความรัก " แซวอีกคนแบบนั้นก่อนจะพยักหน้ารับ " ไปเลือกที่บ้านสิ หนังเรทอาร์ก็มีนะ "

“ บ้า!!” สายตาหวานทำตาโต

“ บ้าอะไร ทำยังกับไม่เคย ฉันก็แค่คิดว่ามันเป็นวันหยุด นายจะนอนตื่นสายแค่ไหนก็ได้ ก็สักหน่อยสิ "

“ พอๆ นายเลิกพูดเรื่องอะไรแบบนั้นได้มั้ยเล่า ฉันเขินนะ " แก้มแดงๆที่บอกผมว่าอีกคนไม่ได้โกหก จะว่าไปลิปก็ไม่เคยเล่าเรื่องอย่างว่ากับผมเลยนะ ชีวิตความรักก็ไม่ค่อยเล่า เค้าเคยบอกว่าถ้าอินกับความรักเมื่อไหร่จะเอามาเล่าแต่ตอนนี้ที่คบก็เหมือนจะแค่ คบไปงั้นๆ ขั้นเวลาทั่วไป ไม่ได้จริงจัง แต่ปากที่บอกว่าไม่จริงจังของมัน ผมก็เห็นหลายครั้งแล้วละตอนที่มันนั่งร้องไห้แล้วฟูมฟายว่าทำไมเค้าต้องหลอก ทำไมเค้าต้องทิ้งมันไป

“ เขินอะไร ทำไมแซ่บมากเลยเหรอ "

“ ก็นะ แซ่บมากกว่าเซ็กส์แบบผู้ใหญ่แล้วกันละ "

“ ยังไง " ถามอีกคนที่ก็เอียงหน้าคิด

“ เด็กน่ะ จะมีความขี้อ้อนแล้วเค้าก็จะบริการให้เรามากกว่าผู้ใหญ่ที่เราต้องบริการให้เค้า ตามความรู้สึกของฉันน่ะนะ นายก็เคยนิ เด็กผู้ชายคนนั้นของนายไง "

“ ก็บอกว่าจำไม่ได้ไง ฉันเมาใครจะไปจำได้ " ผมบอกปัดอีกคนก็หัวเราะ

“ ถ้าไม่ติดใจจริงๆ ฉันว่านายคงไม่บอกเค้าว่า ขออีกรอบหรอกน่า "

“ นี่ลิป ฉันว่าเอาแบบนี้มั้ยนายก็ไปที่บ้านฉันก่อนเราเลือกหนังเสร็จก็ค่อยไปที่ร้านอาหาร " ผมเปลี่ยนเรื่องกะทันหันจนคนฟังได้แต่หลุดหัวเราะออกมา

“ นายนี่นะ ชอบเปลี่ยนเรื่องซะจริง " เค้าบ่นขำๆ " แต่เรื่องหนังเอางั้นก็ได้นะ ร้านอาหารมันใกล้สถานีรถไฟมากกว่า ฉันจะได้ไม่ต้องเดินวกไปวนมาด้วย  " ตกลงความต้องการของกันและกันเรียบร้อย เราเดินทางมาถึงคอนโดของผมตอนที่กำลังเปิดประตูรั้วของคอนโด ผมก็เจอคนคุ้นหน้าที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ด้วยรอยยิ้ม หัวใจที่เต้นแรงผมมองลิปที่ไม่ได้สังเกตอะไร พลางหันไปมองคนที่วิ่งเข้ามาพร้อมด้วยเสียงทักทายดังๆที่ตะโกนมาก่อนที่จะเดินถึงตัวผมเสียอีก 

“ คุณคีย์ครับ "

“ ฟาน " ผมพูดชื่ออีกคนเสียงเบาๆ ลิปที่ยืนข้างๆก็หันไปมองคนที่ผมเรียกทันที  รูปร่างสูงที่กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหา รอยยิ้มหล่อที่ชวนให้คนรอบข้างหันไปมอง ผมอยากจะมุดดินหนีเสียให้พ้นๆ แล้วดันไปหลอกลิปไว้อีก ว่าอีกคนไม่ว่างมาเจอตามนัด ความจะแตกก็คราวนี้แหละ ไอ้เด็กบ้าเอ้ย

“ เด็กนั่นใครน่ะ " ลิปที่เอ่ยถาม ผมถอนหายใจออกมาตอนที่ฟานหยุดอยู่หน้าผมแล้วก็ยิ้ม รอยยิ้มที่ชวนให้เพื่อนผมยิ้มตามได้ไม่ยาก เค้าที่ถอยหลังเล็กน้อยก่อนจะหันมากระซิบผม " แกต้องบอกฉันเดี๋ยวนี้ว่านี่ใคร ทำไมหล่อขนาดนั้น อย่าบอกนะว่า เด็กคนนั้นที่แกนอนด้วย "

“ อื้ม " ตอบรับสั้นๆมือบางก็ขยำเสื้อด้านหลังของผมระบายอารมณ์ที่เจอคนหล่ออย่างอดใจไว้ไม่อยู่.. คืออะไรมันจะต้องการขนาดนั้นครับเพื่อน  " เอ่อนี่ ฟาน นี่ลิปเพื่อนที่ทำงานฉัน ส่วนลิปนี่ฟาน "

“ สวัสดีครับ " สองเสียงที่ดังขึ้นมาพร้อมกับ คนข้างหลังผมดึงตัวเองออกมาข้างหน้าก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่ายก็ก้มหน้าลง " ยินดีที่ได้รู้จักนะฟาน "

“ เช่นกันครับ คุณลิป "

“ ทำไมน่าเคี้ยว " เค้าหันมาบอกผมเสียงเบาๆก่อนจะหันไปยิ้มให้อีกคนที่ก็ยังยิ้มอยู่แบบนั้น 

' ยิ้มอะไรอยู่ได้เห็นแล้วน่ารำคาญ ' บ่นอยู่ในใจ ผมมองหน้าเค้าที่หันมามองผม  ฟานถาม

“ คุณคีย์เพิ่งเลิกงานเหรอครับ "

“ ก็ใช่ " พยักหน้ารับตอนที่เปิดประตูเข้าไปในคอนโด ทุกคนที่เดินตามมาลิปหันไปชวนฟานคุย

" พอดีฉันมายืมหนังที่ห้องคีย์ไปดูช่วงวันหยุดสองวันนี้นะ " บอกด้วยสิ ว่าจะเอาไปดูกับแฟนนายน่ะ บอกเค้าไปด้วย!!

“ เหรอครับ "

“ ฟานเป็นคนชอบดูหนังมั้ย "

“ ก็ชอบนะครับ แต่ผมชอบดูการ์ตูนด้วย "

“ ให้ฉันเดามั้ย ต้องเรื่องโคนันแน่เลย  "

“ ถูกครับ คุณเดาเก่งจัง ผมชอบโคนันครับ " อื้ม ถูกใจกันแล้วสินะ เจอคนช่างพูดเข้าแล้วมั้ยละ อีกคนชอบเต๊าะเด็กแล้วยังรู้ใจแถมยังช่างพูด กับเด็กอีกคนที่ไม่รู้จะถูกเต๊าะง่ายๆมั้ย แต่ผมคิดว่าฝีมือระดับลิป ฟานคงไม่รอดหรอก แม่ง.. หงุดหงิด แค่คิดก็รู้สึกแล้วว่าหงุดหงิดชะมัด  ผมถอนหายใจออกมาตอนที่เดินไปกดลิฟต์ขึ้นไปชั้นบนแล้วเปิดประตูห้องเชิญอีกสองคนเข้ามาด้านใน

“ ฉันก็ชอบดูโคนันนะ มันสนุกมากเลย "

“ แต่คุณคีย์ไม่ชอบนะครับ คุณคีย์บอกว่า เค้าไม่ใช่เด็ก " อีกคนที่พาดพิงถึงผม ฟานหันมายิ้มให้ผม " แต่มันสนุกนะครับ คุณลิปว่ามั้ยละ "

" อื้ม สนุก ฉันชอบตอนมันไขคดีนะ แม้มันจะไขได้ทุกเรื่องก็จริงแต่ว่ามันก็ฉลาดมากๆเลยนะ ที่คิดออกมาได้ยังไงว่าคนคนนึงจะตายยังไง ตายด้วยวิธีไหนแล้วใครเป็นฆาตกรน่ะ "

" ใช่มั้ยล่ะครับ ตรงนั่นแหละที่ผมก็คิดว่าคือความสนุกของมัน "

“ หนังของนายอยู่ในตู้น่ะลิป นายอยากจะเอาเรื่องไหนไปดูก็หยิบไปได้เลย เดี๋ยวฉันจะไปหยิบถุงมาให้ " เดินเข้ามาในคอนโดตอนที่ชี้ไปที่ตู้ข้างทีวี อีกคนก็เดินตรงไปที่ตู้นั้นก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปในครัวหยิบถุงกระดาษที่เก็บไว้ ออกมาเสียใบโตแล้วยื่นให้เค้า " อันนี้ถุงนะ "

“ เอามาซะใบใหญ่เลย ขอบคุณนะ "

“ หยิบได้ตามสบายเลย " ผมบอกตอนที่เปิดตู้ฟานก็เดินมายืนช้อนหลังใกล้ๆผม

“ คุณคีย์มีหนังเยอะจังครับ "

“ ก็ฉันชอบดู " ผมหันไปบอกก่อนจะดันให้อีกคนถอยห่างไป " แล้วนายจะเดินเข้ามาเบียดฉันทำไมเนี้ย ถอยออกไปหน่อยไม่ได้รึไง "

“ เบียดแค่นี้เอง มากกว่านี้ยังเคยเลยนะ " เค้าก้มลงมากระซิบผมที่หันไปแยกเขี้ยวใส่อีกคนที่ก็ยิ้ม ก่อนจะถอยร่อนไปนั่งที่โซฟา

“ คีย์แล้วเสาร์อาทิตย์นี้นายจะทำอะไร "

“ ยังไม่รู้เลย คงอยู่บ้านเฉยๆมั้ง ก็ว่างนิ " หนังหลายเรื่องถูกดึงออกมาจากชั้นวาง ลิปช่างใจกับมันอยู่นานเป็นคนที่ใส่เรื่องของคนรักไม่เปลี่ยนเลย คงกำลังคิดว่าแฟนตัวเองชอบหนังแนวไหน ไม่ชอบหนังแนวไหนอยู่ละมั้ง

“ ฟานว่าหนังเรื่องนี้ กับหนังเรื่องนี้ เรื่องไหนน่าจะสนุกกว่ากัน "

“ เอ่อ เรื่องนี้ครับ ผมชอบ "

“ ชอบเหรอ งั้นไปดูที่บ้านพี่มั้ย " รวดเร็วเกินไปแล้วเว้ย!!  ผมหันขวับไปมองเพื่อนที่เอ่ยชวนอีกคนที่ก็ยิ้มแห้งๆออกมา ฟานส่ายหน้าไปมา

“ ผมมีคนที่อยากจะอยู่ด้วยในช่วงวันหยุดนี้แล้วครับ "

“ นายมีแฟนแล้วเหรอ " หัวใจเต้นแรงตอนที่ได้ยินคำพูดนั้น ตอนที่ทำเป็นไม่หันไปมองไม่สนใจ ผมเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นก่อนจะหยิบหนังเรื่องนึงใส่มือลิปเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

“ นายดูหนังเรื่องนี้สิลิป สนุกนะ "

“ อ่าใช่ๆ ฉันจำได้หนังเรื่องนี้ก็สนุก " อีกคนบอกพลางหยิบหนังอีกสี่ห้าเรื่องใส่ลงไปในถุง " แค่นี้ก็คงพอแล้วละ ไม่รู้จะดูหมดรึเปล่า  ขอบคุณมากนะ "

“ ไม่เป็นไร " พยักหน้ารับอีกคนตอนที่ปิดตู้ข้างทีวีลง ลิปก็เดินไปใกล้ฟานที่นั่งอยู่

“ ฟานไปกินข้าวกันมั้ย ฉันกับคีย์กำลังจะไปกินข้าวกันนะ "

“ ไปได้เหรอครับ " เค้าถามก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่งเหมือนกับก็รอให้ชวนอยู่แล้ว

“ ช่วยทำท่าทางเกรงใจที่จะไปร่วมโต๊ะกับผู้ใหญ่หน่อยได้มั้ยนายน่ะ " ผมบอกอีกคนก็ยิ้ม

“ ก็ผมอยากไปนิครับ  ต้องทำอะไรที่ดูไม่ค่อยอยากไปด้วยเหรอ ก็ผมอยากจะไปนิ "

“ ใครชวนไม่ทราบ "

“ คุณลิปครับ " เค้าหันไปหาเพื่อนผมที่ก็หลุดยิ้มออกมา .. นี่ก็จะเคลิ้บเคลิ้มในหน้าตาของไอ้หมอนี่มากเกินไปจนออกนอกหน้าแล้วนะ

“ ชิส์ " สบถออกมาตอนที่หันไปอีกทาง เพื่อนของผมก็ดึงแขนผมไว้

“ เอาน่าๆ ไปกันหลายๆคนก็สนุกดี ฟานไปกันนะ "

“ ครับผม " น่าหมั่นไส้เว้ย !!!  ผมได้แต่ตะโกนอยู่ในใจ ดูรอยยิ้มที่เค้ายิ้มให้กันสิ  พออีกคนถามยิ้มๆอีกคนก็ตอบออกมาด้วยรอยยิ้มเช่นกัน แค่ดูก็รู้สึกหมั่นไส้แล้ว อยากจะเข้าไปผลัก เข้าไปบังไม่ให้เค้ามองกันด้วยซ้ำ ไม่อยากจะไปกินข้าวอะไรนั่นหรอก อยู่ๆก็รู้สึกอิ่มขึ้นมาเฉยๆ น่าเบื่อชะมัดเลย แม่ง หงุดหงิด!!

   ความรู้สึกที่งอแงเป็นเด็กๆผมควบคุมสีหน้าให้ยิ้มเข้าไว้เพื่อไม่ให้เพื่อนรู้สึกว่าผมไม่พอใจ เราเดินออกจากห้องมาด้วยกันสามคนเรื่อยๆจนถึงร้านใกล้คอนโดของผม โต๊ะด้านในที่ถูกจัดไว้สำหรับสามคน ผมเลือกนั่งข้างฟานที่ก็ดันตัวเองเข้าไปนั่งด้านในก่อน ส่วนลิปก็นั่งตรงข้ามกับที่นั่งของเรา

“ ร้านนี้อร่อยนะ ฟานเคยมากินมั้ย "

“ ไม่เคยครับ " เค้าบอกก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่าย ผมหยิบเมนูออกมาดู ตอนที่ชั่งใจจะกินอะไรสักอย่างเพื่อนสนิทก็ถาม

“ คีย์ สั่งเบียร์มั้ยนายบอกอยากจะกินนิ "

“ อื้ม เอาสิ นายจะสั่งด้วยมั้ย "

“ ก็ได้นะ ฟานละ "

“ ก็ได้ครับ " เค้าตอบรับง่ายๆ ผมสั่งเบียร์ไปสามแก้วใหญ่พร้อมด้วยกับแกล้มแบบรวมของทอดต่างๆเป็นเมนูทานคู่เบียร์ที่เป็นจานเด่นของร้าน

“ ไหนบอกจะกินสปาเก็ตตี้อะไรนั่นไง ไม่กินแล้วเหรอ "

“ ไม่แล้วละ " ตอบสั้นๆก่อนจะส่ายหน้า คงไม่อยากจะให้ปากเลอะมั้ง ก็แน่ละ เวลากินถ้าต้องสูดเส้นเข้าไปก็ดูไม่งามอะนะ ยิ่งนั่งตรงข้ามกับฟานแล้วด้วย " เออ จะว่าไป ไหนคีย์บอกว่าฟานมาไม่ได้เพราะไม่ว่างไง แล้วทำไมอยู่ๆถึงมาได้ละ "

“ เอ่อ...” หันมองอีกคนด้วยท่าทางลังเล ร่างสูงที่หันมองผมยิ้มๆ

" ยิ้มอะไร ก็นายบอกฉันเองว่าไม่ว่างนิ ใช่มั้ย " บอกอีกคนไปแบบหน้าตาเฉย ฟานก็พยักหน้ารับ " ใช่มั้ยละ "

" ใช่ละมั้งครับ " ยื่นมือไปหยิกท้องของอีกคนเบาๆร่างสูงที่งอตัวเบาๆ

" ใช่มั้ยละ "

" ใช่ก็ได้ครับ ใช่ ผมไม่ว่าง จริงๆก่อนหน้านี้มีงานมหาลัยที่ต้องเคลียร์ ตอนแรกคิดว่าไม่เสร็จเลยบอกว่าไม่ว่างครับ "

" นั่นนะสินะ ฉันบอกให้เค้าติดต่อนายแต่ คีย์ก็บอกว่าติดต่อไปแล้วแต่นายไม่ว่าง "

“ เหรอครับ " เค้าพยักหน้ารับสั้นๆ ก่อนจะหันมากระซิบผมเบาๆ " ขี้หวงจังนะครับ "

“ เงียบไปเลย " หันไปบอกก่อนจะเอื้อมเท้าไปเหยียบเท้าของอีกคนที่ก็งอตัวนิดหน่อยแต่ก็ยังหัวเราะออกมา ลืมไปว่าผมตัวเล็กนิดเดียวไม่เหมือนกับคนข้างๆเหยียบเท้าไปแค่นั้นยังไงก็ไม่สะท้านจนร้องโอ๊ยออกมาหรอก

“ อาหารที่สั่งได้แล้วค่ะ " พนักงานเสิร์ฟยกอาหารมาที่โต๊ะของเรา เบียร์สามแก้วใหญ่พร้อมด้วยเซ็ตของทอดเทมปุระที่มีทั้งกุ้งแล้วก็ผักแบบต่างๆ

“ น่ากินจังนะ " ลิปว่าพลางคีบของทอดเข้าปาก ฟานก็เทน้ำจิ้มใส่จานให้กับทุกคน มารยาทดีจนน่าหมั่นไส้จริงๆไอ้หมอนี่
 
“ น้ำจิ้มครับคุณลิป "

“ ขอบคุณนะ " เสียงหวานๆที่บอก ผมยกเบียร์ขึ้นดื่มก่อนจะมองไปทางอื่น " ฟานนิสัยน่ารักจังเลยนะ มีแฟนรึยังน่ะ "

“ อึก " ผมสำลักเบียร์ที่กำลังดื่มอยู่ทันที เบียร์ที่พ่นออกมาจากจมูก ร่างสูงข้างกายก็รีบคว้าเอาทิชชูใกล้มือมาเช็ดให้ทันที " แค่กๆ โอ๊ยแสบจมูก "

“ เป็นอะไรมั้ยครับ " มือหนาที่ลูบหลังผมพลางก้มลงมาถาม ส่ายหน้าไปมาตอนที่หยิบทิชชูที่อีกคนเช็ดให้อยู่นั้นมาเช็ดให้ตัวเอง

“ แสบจมูกชะมัดเลย "

“ แล้วทำไมนายรีบกินแบบนั้น "

“ ไม่ได้รีบกินสักหน่อย " ผมบอกปัดเสียงเบาๆ แค่ตกใจกับคำถามของนายที่ถามไอ้หมอนี่มากกว่า " คุยกันต่อเถอะ ฉันไม่เป็นอะไรละ " ถึงจะพูดออกไปแบบนั้นแต่สายตาของคนข้างๆก็ยังจ้องผมไม่เลิก " ก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรแล้วไง นายกินเบียร์ของนายไปเถอะ "

“ แสบจมูกอยู่มั้ยครับ "

“ ไม่แสบแล้ว "

“ อบอุ่นจังน้า " ลิปว่าเพ้อๆฟานก็หันไปมองอีกคน " นี่ฟาน สเป็คนายเป็นคนแบบไหนเหรอ "

“ สเป็คของผมเหรอครับ "

“ เอาแบบนี้ดีกว่าก่อนอื่นฉันถามก่อนดีกว่า ว่านายน่ะ ชอบผู้ชายด้วยกันมั้ย " คำถามตรงๆแบบไม่อ้อมค้อมของเพื่อนผม ร่างสูงยิ้มน้อยๆก่อนจะหันมามองผม

“ ก็ถ้าเป็นแบบคุณคีย์ก็ได้นะ "

“ เอ๋ ? หมายความไงอะ นายชอบคีย์เหรอ "

“ บ้า!!! ไอ้หมอนี่คงหมายความว่า ถ้าหน้าหวานๆก็คงได้ละมั้ง " บอกปัดเพื่อนไป ลิปก็พยักหน้ารับพลางเหล่มองผมที่ก็ยิ้มแก้เก้อออกไป

“ อ๋อ~ เหรออย่างงั้นสินะ งั้นสเป็คโดยรวมละ "

“ ก็เป็นคนผิวขาว ตัวเล็กกว่าผม อื้ม ปากไม่ตรงกับใจสักหน่อย อาจจะมีขี้หวงบ้าง แต่ก็ใจดีแล้วก็ขี้ใจอ่อน " เค้าพูดพลางมองหน้าผม ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าจะมองมาทำไม ใครถามนาย นายก็มองคนนั้นสิวะเสียมารยาทจริงๆเลยไอ้เด็กคนนี้นิ " แล้วก็อายุมากกว่าผม ผมชอบคนอายุมากกว่า "

" ฉันก็ชอบคนอายุน้อยกว่านะ "

" อื้ม..ใช่ ลิปชอบคนอายุน้อยกว่านะ " ผมพูดเสริมอีกคนก็พยักหน้ารับ
 
“ แต่ว่าฉันนะ ไม่ใช่พวกปากไม่ตรงกับใจแบบคีย์หรอกนะ เพราะงั้นสเป็คนายน่าจะเป็นคีย์มากกว่าฉันนะ "

“ พูดอะไรน่ะ ฉันไม่ได้ชอบคนอายุน้อยกว่าสักหน่อย นายก็รู้นี่ "

“ เพราะงั้น ถ้าคีย์ไม่ชอบคนอายุน้อยกว่า นายจะหันหัวเรือมาทางฉันก็ได้นะ " นี่เหรอวะ วิธีเต๊าะเด็กของไอ้หมอนี่ ช่างรวดเร็วและตรงประเด็นดีแท้ ต่างกับผมที่นอกจากพูดตรงกับใจไม่ได้แล้ว ยังพูดให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ไปอีก ทั้งที่เค้าเองก็บอกออกมาตรงๆแท้ๆว่าชอบผม ทั้งการกระทำแล้วก็คำพูด แล้วดูสิผมพูดอะไร ฉันชอบคนอายุมากกว่าบ้างละ ฉันไม่ได้ชอบบ้างละ  ผมถอนหายใจออกมาตอนที่มองเบียร์ในมือแล้วรู้สึกเซ็งชะมัด เพราะผมพูดไม่ได้หรอกคำพูดอะไรพวกนั้นน่ะ คำพูดตรงกับใจพวกนั้นไม่กล้าพูดออกมาหรอก

“ หันหัวเรือไปทางคุณลิปเหรอครับ หมายความว่าถ้าคุณคีย์ไม่ชอบผม จะให้ผมหันไปชอบคุณแทนเหรอ"

" อื้ม เพราะฉันชอบผู้ชายแบบนาย "

“ งั้นคุณคีย์จะอนุญาติมั้ยครับ "

“ ห๊ะ ? “ ผมหันไปหาฟานที่ถามคำถามนั้นกับผม " ถามอะไรของนาย "

“ ถ้าผมจะหันไปชอบคุณลิปคุณจะอนุญาติมั้ยครับ " คำถามที่ชวนในนิ่งตรงนั้น ผมเหลือบมองเพื่อนตัวเองก่อนจะมองคนตั้งคำถาม นี่มันเหี้ยอะไรกันเนี้ย ทำไมต้องให้ผมเป็นคนตอบด้วย

“ แล้วเรื่องของพวกนายเกี่ยวอะไรกับฉันละ "

“ ก็เพราะว่าผมชอบคุณคีย์ ผมก็บอกไปหลายๆครั้งแล้วว่าผมชอบคุณคีย์  ถ้าคุณคีย์ไม่ชอบผมจริงๆแล้วบอกผมว่าให้ผมตอบรับคุณลิป ผมก็จะไปครับ " ทุกอย่างเงียบแม้แต่ลิปก็ยังมองไปที่ร่างสูงด้วยความรู้สึกอึ้งๆ ฟานมองผมด้วยสายตาที่เหมือนกำลังตัดพ้อ คำพูดหลายๆคำของผมที่คงไปสะกิดอะไรในตัวเค้าเข้าก็แน่แหละ คำก็ไม่ชอบเด็ก สองคำก็ไม่ชอบเด็กนิ ใครมันจะชอบละ
" ที่คุณบอกว่า คุณไม่ชอบเด็กต่อหน้าผมทั้งๆที่ผมบอกว่าชอบคุณ มันเจ็บนะครับ ถ้าบอกว่าไม่ชอบตรงๆ ผมก็จะไปครับ พูดมาเลย "

“ คือ.. นายเป็นอะไรเนี้ย เมาแล้วเหรอ " ผมพยายามเบี่ยงคำพูด เอื้อมมือไปลูบหัวอีกคนแต่เค้าก็สะบัดออกก่อนจะคว้ามันไว้

“ ถ้าคุณบอกว่าไม่ชอบผมจริงๆ ผมก็จะไปครับ แต่อย่ามาแนะนำคนอื่นให้ผมรู้จักเลย ก็ผมบอกว่าผมชอบคุณ ความชอบของผมมันเปลี่ยนไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ อย่าดูถูกกันนักสิ "

“ ฉันไม่ได้ทำแบบนั้น " ฉันก็ไม่ได้อยากจะพาเค้ามา นายก็รู้ ได้ยินแล้วนี่เมื่อกี้น่ะ แล้วทำไมถึงต้องมาคาดคั้นอะไรเอาตอนนี้ด้วย นายจะให้ตอบออกไปยังไง ฉันพูดออกไปได้เหรอ ปากสั่นๆของผมอึกอัดราวกับมีแรงกดดันมหาศาลพุ่งเข้ามาใส่ จะบอกออกไปว่าไงดี ' ก็ไม่ได้ชอบมาก แต่ก็ไม่อยากให้ไปกับใครทั้งนั้น อยู่กับฉันสิเป็นของฉัน ' คำพูดนั้นพูดได้มั้ย คำที่บอกว่า ไม่ได้ชอบมาก ทั้งๆที่หึงหัวฟัดหัวเหวี่ยงขนาดนี้ยังพูดแบบนั้นได้อีกเหรอ ชอบเค้ามากแล้วมั้งคีย์ นายน่ะ..แพ้แล้ว โกหกใจตัวเองไม่ได้แล้วล่ะ " นายจะไปชอบใครก็ไปสิ เกี่ยวอะไรกับฉันละ ทำไมนายต้องมาถามฉันด้วย ฉัน..ที่ฉันทำไปทั้งหมดมันก็แค่หมาหวงก้างเท่านั้นแหละ ก็ทำไมละ ทั้งๆที่นายเป็นแค่ก้างที่ยังไงฉันก็ไม่กินอยู่แล้ว แต่ฉันก็มีสิทธิที่จะหวงมันไว้ไม่ใช่เหรอก็มันเป็นของฉันนิ  " ดวงตาร้อนผ่าวของผมไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองเลยสักนิดทำไมแปรปรวนอะไรได้ถึงขนาดนั้น ทั้งๆที่บอกว่าไม่ชอบแต่ก็หวง หวงเหลือเกิน แล้วก็หงุดหงิดซะจริงเวลาที่อีกคนโดนพูดจีบแบบนั้นทั้งๆที่ผมไม่เคยเลยที่จะทำได้ " ฉันมันแค่เห็นคนแก่ตัว ถึงไม่ชอบแต่ก็อยากจะมีเก็บไว้ อยากจะมีความสุขกับสิ่งนั้นที่ฉันไม่ชอบ แล้วมันผิดหรอ คาดคั้นกันอยู่ได้  " 

“ คุณคีย์ " เสียงทุ้มที่เอ่ยเรียก ร่างสูงถอนหายใจออกมาก่อนที่เค้าจะดึงผมเข้าไปจูบ เบิกตาของตัวเองกว้างขึ้นตอนที่อีกคนผละตัวเองออกผมก็ลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะหันไปมองหน้าลิปที่ได้แต่อึ้งอยู่แบบนั้น

“ ฉันขอตัวกลับบ้านก่อนนะลิป " คว้าเอากระเป๋าเงินของตัวเองขึ้นมาก่อนจะวางเงินไว้ตรงนั้นแล้วรีบออกไปจากร้านโดยไม่ทันฟังคำพูดใดๆของคนร่วมโต๊ะเลย  ขาของผมเร่งฝีเท้าออกมาจากร้านพร้อมด้วยฟานที่ก็เดินตามมา

“ คุณคีย์ "

“ หยุดเรียกฉันสักทีเถอะน่า กลับไปได้แล้ว "

“ ไม่กลับครับ จนกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง "

“ ฉันไม่ได้มีอะไรจะคุยกับนายนี่ ฉันก็บอกนายไปแล้วมันก็เป็นแบบนั้นแหละ " ผมบอก ตอนที่เดินถึงคอนโดผมเปิดประตูรั้วอีกคนก็เดินตามเข้ามา ผมกดลิฟต์ขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับเค้าที่เดินเข้ามาใกล้ " ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนาย "

“ ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณทำเลย "

“ ไม่เข้าใจเรื่องอะไร " ผมหันไปถามอีกคนก็ถอนหายใจ

“ คุณพูดเหมือนคุณชอบผมแต่แค่ติดเรื่องอายุ คุณไม่อยากให้ผมเจอเพื่อนคุณเพราะคุณรู้ว่าเค้าชอบคนอายุน้อยกว่า แต่คุณก็ยังพูดเข้าข้างเพื่อนคุณให้ชอบผม มันใช่เหรอครับ ถ้าผมชอบเพื่อนคุณจริงๆ คุณจะไม่รู้สึกอะไรเหรอครับ "

“ แล้วจะให้ฉันทำยังไง " เงยหน้าถามเค้าตอนที่เราเดินออกจากลิฟต์ผมไขประตูห้องอีกคนก็เดินตามเข้ามา เสียงประตูที่ปิดลงผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นในความืดมิด " นายจะให้ฉันทำยังไง ฉันก็ไม่ได้คิดนี่ว่าเพื่อนฉันที่ฉันบอกเค้าไปแล้วว่านายไม่ว่างมาเจอ จะมาเจอกับนายที่อยู่ๆก็มาหาฉัน นายจะให้ฉันพูดออกไปว่า อย่ายุ่งกับนายน่ะเพราะถึงแม้ว่าฉันจะไม่ชอบ แต่ฉันก็หวง นายจะให้ฉันพูดออกไปแบบนั้นเหรอ ขอโทษทีนะ ฉันไม่พูดคำพูดอะไรพวกนั้นหรอก คำพูดพวกนั้นมันไม่หลุดออกมาจากปากฉันหรอก คนอย่างฉันไม่กล้าพูดอะไรแบบนั้นหรอก "

“ แม้ว่าผมจะไปกับคนอื่น คุณก็จะไม่พูดใช่มั้ย "

“ ทำไมนายถึงเป็นคนเซ้าซี้ที่จะได้ยินคำพูดพวกนั้นนักนะ คำว่าชอบ มันสำคัญกับนายมากขนาดนั้นเลยรึไง "

“ คุณไม่ได้รู้สึกดีเวลาได้ยินผมบอกว่า ชอบเหรอ " คำถามที่ดึงมือของผมขึ้นมาจับไว้แน่น " คุณไม่ได้รู้สึกมั่นใจในความรู้สึกของผมเหรอ คำว่าชอบของผมมันไม่มีค่าอะไรเหรอ คุณคิดว่าผมเป็นเด็กที่จะบอกรักใครๆก็ได้เพียงเพื่อต้องการขนมเหรอ แล้วคุณชอบแบบไหนครับ แบบที่ไม่รู้ว่ารู้สึกยังไง การกระทำเหมือนชอบแต่ปากไม่เคยพูดเรื่องนั้น คุณชอบแบบนั้นเหรอ ชอบผู้ชายที่เค้าไม่ได้ให้ความมั่นคงกับคุณ คุณชอบผู้ชายแบบนั้นเหรอ “

" นั่นมันเรื่องของฉันน่า!!” ผมตะโกนใส่อีกคนที่ก็ถอนหายใจออกมา ฟานปล่อยมือผมที่เค้ากำลังกุมเอาไว้ เราเงียบอยู่สักพักก่อนที่เค้าจะพูดออกมา

“ คุณก็แค่หวงก้างจริงๆเหรอครับ คุณไม่มีทางจะชอบผม แต่ก็ไม่อยากจะให้ผมไปกับใคร มันแค่นั้นจริงๆเหรอครับ ความรู้สึกของคุณที่มีต่อผมน่ะ " ขาของเค้าที่กำลังจะเดินออกไป ผมเหลือบมองเค้าที่ห่างออกไปเรื่อยๆ " ถ้างั้นก็ขอบคุณที่หวงกันนะครับ แต่ผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนั้นหรอก เพราะสำหรับผมความรู้สึกชอบที่มากขึ้นผมก็อยากจะครอบครองมันมากขึ้นทุกที ผมอยากจะให้คุณชอบแค่ผมและก็เป็นแค่ของผม ของผมคนเดียวนั่นคือสิ่งที่ผมกำลังรู้สึกและจะรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ผมจะไม่พยายามฝืนคุณอีก " แผ่นหลังหนาที่กำลังเดินไปเปิดประตู ในใจของผมคิด ความคิดที่สับสนและหมุนเวียนอยู่อย่างงั้น ถ้าไม่รั้งไว้ต้องไปแน่ๆเค้าต้องไปแล้วไม่กลับมาแน่ๆ 

“ ฉันไม่ได้ชอบนาย " ผมคว้าชายเสื้อข้างหลังของเค้าไว้ตอนที่พูดคำนั้นออกมา " สมองของฉันมันบอกว่า ฉันไม่ได้ชอบนาย แต่หัวใจของฉัน ร่างกายของฉันมันสั่งให้ฉันห้ามปฎิเสธนาย  ฉันก็ไม่อยากให้นายมาเจอลิปหรอกแต่มันบังเอิญนี่นายมาหาฉันทำไมละ แล้วจะให้ฉันพูดอะไรกับเพื่อนของฉันที่ชอบนายละ อย่ามายุ่งของของฉัน อย่างงั้นนะเหรอ นายเห็นว่าฉันเป็นคนพูดคำพูดพวกนั้นรึไง ไหนนายบอกว่าชอบคนปากไม่ตรงกับใจ ก็ฉันคนนี้ไง ไม่ชอบแล้วเหรอ " เป็นครั้งแรกที่อ้อนใครแบบนี้ อ้อมกอดที่หันมาดึงผมเข้าไปกอดไว้ เค้าที่ก้มลงมาจูบอบอุ่นยิ่งกว่าใครๆที่เคยสัมผัส ร่างกายโอนอ่อนไปตามอ้อมกอดนั้นพลางรับฟังเสียงกระซิบที่อีกคนนั้นบอก

“ ผมจะทำยังไงกับผู้ใหญ่แสนดื้ออย่างคุณดี "

" ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่ปล่อยมันไป " เพราะคนอย่างฉันสักวันต้องยอมแพ้เพราะความรู้สึกของตัวเองแน่ๆ " ฉันเก่งแต่ปากเท่านั้นแหละ " แต่หัวใจกลับอ่อนแอชะมัดเลย

..............................................................

น้องฟานนนนนนนนนนนนนน
มาจีบป้ามาลูกกกกกก #ตะโกนแทรกเสียงพี่คีย์ออกไป
เด็กอะไรทำไมน่ากิน พี่คีย์ก็ปากแข็งจริงๆ แม่คนซึน ทั้งๆที่ชอบเค้าไปแล้วแท้ๆ
ตอนหน้าจะเป็นไง... จะอัพอีกทีวันอาทิตย์ เพราะงั้นนนน
ต้องงง ต้องมาอ่านนะคะ
ใครมีทวิต เฟส ฝาก แท็ก #ฟานคีย์ ให้ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและ คอมเม้นท์ค่า
หนมมี่  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 5 ' ผู้ใหญ่หวงก้าง ' - 3.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 03-06-2016 20:46:14
 :3123: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 5 ' ผู้ใหญ่หวงก้าง ' - 3.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-06-2016 20:47:55
 :katai5:   น้องฟานทำป้าระทวย มาจีบป้าบ้างม่ะ
โอ๊ย คนแก่ฟินค่ะ ดื้อบ้างพอเป็นพิธีเนาะ เด็กๆจะได้เอาใจไงล่ะ
สรุปลิป ไม่ต้องงง  ชัดเจนขนาดนี้แล้วยกก้างให้คีย์ไปเถอะ
ดูทรงแล้วนางอยากแทะอีกแบบสติครบสมบูรณ์.  :hao6:  รอค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 5 ' ผู้ใหญ่หวงก้าง ' - 3.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-06-2016 20:53:01
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 5 ' ผู้ใหญ่หวงก้าง ' - 3.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 03-06-2016 20:57:07
คิดว่าตอนนี้จะมีดราม่าซะแหล่ว สุดท้ายก็ปรับความเค้าใจกันได้
แต่เอ๊ะ เหมือนลืมใครไป ลิปไง 5555555555555555555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 5 ' ผู้ใหญ่หวงก้าง ' - 3.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 03-06-2016 21:15:24
สงสารน้องฟาน พี่คีย์อ่ะทำน้องช้ำใจแล้วมาอ้อนแบบนี้มันน่านัก แกจับตัวเองใส่พานถวายน้องเดี๋ยวนี้เลยน่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 5 ' ผู้ใหญ่หวงก้าง ' - 3.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 03-06-2016 21:33:52
คือต้องฟานก็ต้องให้เวลาพี่คีย์บ้าง พี่แกก็เริ่มเอนเอียงแหละ แต่ให้เวลาแกยอมรับตัวเองสักพักเนอะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 5 ' ผู้ใหญ่หวงก้าง ' - 3.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Coaramach ที่ 03-06-2016 21:49:45
ยังมีความอ้อน
เกลียดคนปากแข็งจริงจริ๊งงง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 5 ' ผู้ใหญ่หวงก้าง ' - 3.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 03-06-2016 21:55:40
พี่คีย์ปากไม่ตรงกับใจ เพราะฉะนั้นต่อไปพี่คีย์พูดอะไรก็ต้องแปลความหมายเป็นสิ่งตรงข้ามนะจ๊ะน้องฟาน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 5 ' ผู้ใหญ่หวงก้าง ' - 3.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 03-06-2016 22:13:05
 :z2: :z2: คนปากไม่ตรงกับใจ นุ้งคีย์
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 5 ' ผู้ใหญ่หวงก้าง ' - 3.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 04-06-2016 01:45:41
น้องฟานนนนนนนนนน
พี่คีย์ไม่ชอบบบ
ชอบพี่ก้ได้นะ
555555

คีย์ๆๆๆๆ กินเด็กแล้ว เป็นอมตะนะ
ฟานซิฟานน
ออกจะน่ารัก
กริ๊ดดดดด
#ทีมฟานคีย์
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 5 ' ผู้ใหญ่หวงก้าง ' - 3.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: ZYSQ_ ที่ 04-06-2016 09:23:50

แอบขัดใจเล็กๆตอนที่เถียงกันที่ร้านอาหาร...

คือ คีย์หลุดปากไปอย่างงั้น ฟานดึงคีย์ไปจูบอย่างนั้น
มันไม่ใช่การกระทำที่ดีและไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใหญ่ควรทำเลยนะ
คือเข้าใจว่ากำลังอินกันอยู่ แต่ช่วยควบคุมสติสตังสักนิด

สมมติถ้าเกิดลิปเป็นแนวเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดขึ้นมา
ข่าวคีย์อาจถูกใส่ไข่กระจายว่อนแผนกได้ แถมยังมีเรื่องบอสอีก
และคือนางนั่งทำงานด้วยกัน ถ้าเกิดผิดใจกันขึ้นมาคงอึดอัดหน้าดู

คือก็ไม่ได้คิดว่าลิปจะร้ายหรอกนะคะ แต่แค่เปรียบให้เห็นภาพ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 5 ' ผู้ใหญ่หวงก้าง ' - 3.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 04-06-2016 11:34:49
 :z13:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 5 ' ผู้ใหญ่หวงก้าง ' - 3.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 04-06-2016 11:54:21
นายเอกปากแข็ง แสนซึนสินะ :hao3:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 5 ' ผู้ใหญ่หวงก้าง ' - 3.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 04-06-2016 12:56:28
รอติดตามคนปากไม่ตรงกับใจครับ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 5 ' ผู้ใหญ่หวงก้าง ' - 3.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 04-06-2016 17:11:26
ละมุมดีจัง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 6 ' ก็บอกว่าอึดอัดไง ' - 5.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 05-06-2016 20:26:17
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 6
'อึดอัด '


“ ผมจะทำยังไงกับผู้ใหญ่แสนดื้ออย่างคุณดี "

" ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่ปล่อยมันไป " เพราะคนอย่างฉันสักวันต้องยอมแพ้เพราะความรู้สึกของตัวเองแน่ๆ " ฉันเก่งแต่ปากเท่านั้นแหละ " แต่หัวใจกลับอ่อนแอชะมัดเลย อ่อนแอจนพ่ายแพ้ให้กับเค้าอีกแล้ว

   เพียงใบหน้านั้นลดระดับลงมาทุกอย่างก็เหมือนถูกสะกด สบสายตาที่บอกความต้องการของกันและกันเพียงเท่านั้นก็ราวกับทุกอย่างก็ถูกบังคับไปตามความต้องการของอีกคนทั้งๆที่ปากก็ห้ามได้ ถ้าบอกออกไปว่า ' ไม่ ' สำหรับฟานตอนนี้ก็คง ' ไม่ ' แต่เพราะเป็นแบบนั้น ปากก็เลยเลือกที่จะไม่บอก

   ร่างกายของเราโอนอ่อนได้ง่ายขนาดนี้เชียวเหรอ เพียงเพราะเค้าอย่างงั้นเหรอ เพียงแค่ริมฝีปากที่จูบไปบนเรือนร่างก็สั่นสะท้านไปหมด สองแขนที่กอดเค้าไว้หลวมๆปากที่อยากจะเอ่ยห้ามปรามแต่ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้นอกจากส่งเสียงครางเบาๆออกมา แผ่นหลังที่แนบแน่นไปกับกำแพงของห้อง เรายังคงอยู่ที่ประตู ตรงที่ที่เมื่อครู่ผมเพิ่งพูดความจริงในใจออกไป แล้วมันก็เป็นเช่นนั้น ร่างกายของผมทั้งโหยหาแล้วก็ต้องการมันทั้งหมด สัมผัสของเค้า ฝ่ามืออุ่นที่กอดรัดแผ่นหลังของผมเอาไว้ ริมฝีปากที่จูบกันและกันก่อนที่เค้าจะผละออกแล้วไล่ลงต่ำช้าๆ เอียงคอรับสัมผัสนั้น เค้าที่ใช้มือปลดเสื้อของผมลงช้าๆ ทีละเม็ดผมกลืนน้ำลายตัวเองตอนที่เสื้อนั้นค่อนๆร่อนลงมาจากไหล่ของผม สอดมือทั้งสิบเลื่อนลงไปในกางเกงแล้วเลื่อนมาข้างหน้าปลดเข็มขัด ก่อนอาภรณ์ส่วนนั้นจะตกลงยังพื้นเบื้องล่าง ร่างกายของผมเปลือยเปล่าเค้าที่ยกยิ้มกับผลงานตัวเอง อดหมั่นไส้ไม่ได้จนต้องกัดลงที่ไหล่เค้าเบาๆ

“ อ๊ะ กัดผมทำไมละครับ "

“ หมั่นไส้ " มีอย่างที่ไหนถอดเสื้อผ้าคนอื่นเสร็จแล้วก็มายิ้มพอใจในสิ่งที่ตัวเองทำแบบนั้น

“ ก็คุณสวยนิ " เบือนหน้าหลบคำชมนั้นอีกคนที่เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ผมเอียงหน้าหลบเค้าก็จูบลงบนคอเบาๆพลางกระซิบ " แม้จะปากแข็งไปหน่อยแล้วก็ไม่ยอมรับอะไรก็เถอะ "

“ ไม่ยอมรับอะไร "

“ ไม่ยอมรับว่าคุณน่ะ ชอบผมเข้าแล้ว " จูบที่ก้มลงมาจูบ ผมเผยอริมฝีปากตอบรับเกลียวลิ้นที่แทรกเข้ามาในโพรงปากของผมดูดดื่มจนได้ยินแต่เสียงน้ำลายที่คลอเคลียกันอยู่ในช่องปาก มือหนากอดรัดเรือนร่างแต่มือผมก็เช่นกัน เรากอดรัดกันและกันก่อนที่เค้าจะไล่มือตัวเองลงต่ำ ลูบผ่านสะโพกมนก่อนจะยกขาข้างนึงของผมขึ้นแนบลำตัวของเค้า ช่องทางหลังของผมตอดรัดความรู้สึกที่กำลังดำเนินเข้ามา นิ้วที่ค่อยๆแทรกตัวเข้ามาด้านในผมผ่อนลมหายใจตัวเองยามที่มันค่อยๆ เพิ่มจำนวนเข้ามาช้าๆ จิกเนื้อไหล่ของอีกคนไว้แน่น นิ้วนั้นดึงตัวเองเข้าออกเชื่องช้า ผมก็อ้าปากค้างก่อนจะกัดริมฝีปากตัวเองแน่น

“ อ๊า " นิ้วที่ถูกดันเข้าไปจนลึก ผมผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆตอนที่เค้ามองหน้าผมแล้วขยับนิ้วตัวเองเข้าออกอย่างนึกสนุก รอยยิ้มอบอุ่นหอมแก้มผมเบาๆผมก็เบือนหน้าหนี " มองหน้าฉันทำไม "

“ แค่อยากจะมองครับ " นิ้วขยับเข้าออกเริ่มหันเหทิศของมันผ่านจุดกระสันในร่างของผม ขยับรุนแรงขึ้นลำตัวที่กระตุกขึ้นเบาๆตามจังหวะสอดใส่ ผมกัดริมฝีปากตัวเองตอนที่มันเน้นย้ำลงไปมากขึ้น

“ ตรงนั้นมัน นี่ อื้ออ พอแล้วมั้ง " เสียงเบาๆของผมครางบอกตอนที่กอดเค้าไว้แน่นอีกคนสอดนิิ้วเข้ามาเร็วขึ้นแล้วก็แรงขึ้น " อ๊า ฟาน อื้ออ ตรงนั้นฉัน.. ไม่เอา ไม่เสร็จนะ "

“ ทำไมละครับ " เค้าถามก่อนจะจูบริมฝีปากของผม เม็ดเหงื่อที่ซึมออกมาใบหน้าบิดเบี้ยวของผม " คุณไม่อยากจะเสร็จเหรอ " เค้าถามก่อนจะดันนิ้วกดเข้าไปอีก

" อื้อ "  ปลดมือจากรอบคออีกคน เปลี่ยนมาจับข้อมือที่กำลังดันนิ้วเข้าไปตรงจุดซ้ำแล้วซ้ำเล่า " ฉันไม่อยากจะเสร็จด้วยนิ้ว พอก่อน อ๊าา ฟังไม่รู้เรื่องรึไง อ๊ะ " ย้ำที่จุดกระสันครั้งสุดท้ายเค้าที่ดึงนิ้วออกมาก่อนจะใช้มือเชยคางของผมให้หันไปสบตา

“ งั้นอยากจะเสร็จด้วยอะไรดีละครับ " คำถามที่ผมไม่ตอบและไม่มีทางจะตอบด้วย เค้าที่หลุดยิ้มคว้ามือของผมไปจับส่วนกลางใต้ร่มผ้าที่โปร่งพองของเค้า บังคับให้มือของผมเคลื่อนไหวช้าก่อนปล่อยมือแล้วหยิบเอากระเป๋าเงินตัวเองขึ้นมา ถุงยางอนามันถูกคาบออกมาด้วยปาก เค้าที่ส่งมาให้ผมต้องยิมยอมรับมันด้วยการคาบอีกฝั่งนึงเอาไว้ ในตอนที่เค้าดึงริมฝีปากล่างของเบาๆเพื่อการบอกใบ้ " ใส่ให้หน่อยสิครับ "

“ ทำไมฉันต้องทำด้วย " ถึงจะบอกแบบนั้น แต่ปากที่ฉีดถุงยางออก ผมย่อตัวลงนั่งพลางปลดเข็มขัดและกางเกงของอีกคนลง ส่วนกลางที่เด้งขึ้นตอนที่ผมถอดกางเกงใน  เบือนหน้าหนีไปทางอื่นฟานก็หัวเราะ

“ เขินเหรอครับ "

“ รังเกียจ " ผมบอกแบบนั้นเค้าก็ยิ้ม

“ แต่เมื่อกี้ยังจับมันอยู่เลยนะ "

“ ใครมันใช้ให้ฉันจับละ "

“ คุณปฎิเสธได้นี่ว่าจะไม่ทำ " เค้ายักคิ้วบอกผมก็บ่นออกมา

“ จะดีดยางให้เจ็บหนักเลยคอยดู " ปากที่พูดไปแต่พอทำเข้าจริงๆก็ดันใส่ให้แบบเบาๆเท่านั้น ผมลุกขึ้นยืนสบสายตาอีกคนที่ก้มลงจูบริมฝีปากของผมอย่างดูดดื่มก่อนจะผละออกแล้วจูบลงที่ข้างแก้ม

   ไล่ต่ำลงมาเป็นคอ เรื่อยไปจนถึงยอดอกที่แข็งชันขึ้นมา ใช้นิ้วสะกิดถี่พร้อมกับริมฝีปากที่โลมเลียมันอีกข้าง ฟานดูดมันพลางขบเม้มแรงๆก่อนที่เค้าจะหยุดแล้วดึงตัวให้ผมหันหลัง ก้มลำตัวโน้มลงเล็กน้อย ท่อนแขนหนาที่กอดไว้ เค้าจูบที่ข้างแก้มก่อนจะไล่จูบแผ่นหลังยามที่ใช้ส่วนกลางจ่อเข้าที่ช่องทางหลังแล้วถูไปมาอยู่แบบนั้น " นี่..แบบนั้นมันจะเสียวเกินไปแล้วนะ " ผมเม้มริมฝีปากตัวเองตอนที่ผ่อนลมหายใจออก ส่วนกลางนั้นก็ค่อยๆดันตัวเองเข้ามาในร่างของผมจนเกือบมิดด้าม " อ๊าาาาา " เสียงยาวๆเค้าสอดมันเข้าออกอย่างเชื่องช้า ค้ำมือกับกำแพงไว้แน่นกัดฝีปากแอ่นก้นมนเข้ารับส่วนกลางที่สอดใส่แล้วก็เพิ่มแรงกำลังมากขึ้นเรื่อยๆ

   เสียงเนื้อกระทบที่กระแทกกระทั้นลงมา มือหนาจับเอวของผมไว้เค้าดันมาเข้าหาตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ถี่รัวอย่างเป็นจังหวะ เสียงครางของผมเริ่มดังขึ้น ความทรมานที่ร้อนไปหมดทั้งร่าง ผมหอบหายใจแรงแต่เค้าเองก็เช่นกัน เอนตัวลงต่ำกว่าเดิม เสียงกระแทกที่ดังขึ้น แรงที่เพิ่มมากขึ้น ผมอ้าปากส่งเสียงร้องยามที่ลำตัวสั่นไหวเข้าออก ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้สึกเหนื่อย " อ๊ะ อ๊ะ อื้อออ แรง แรงไปแล้วนะ ฉัน ฉันเหมือนกำลังจะเสร็จเลย อ๊าา อ๊ะ อ๊ะ ฟาน ฟาน ฉัน.. " ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ก็ไม่มีทีท่าว่ามันจะเบาลงเลยสักนิด แรงสอดเข้าออกยังเพิ่มมากขึ้นจนในที่สุดความต้องการนั้นมันก็ปลดปล่อยออกมา  ผมหลับตาแน่นแล้วในวินาทีต่อมานั้นเสียงที่ครางออกมาเบาๆรอดริมฝีปาก ร่างของผมสั่นสะท้าน ริมฝีปากอ้าครางไว้นิ่งๆผ่อนลมหายใจออกมาแรงๆ ทิ้งน้ำหนักตัวเองลงกับกำแพงสูง มองน้ำขุ่นขาวที่ฉีดพ่นออกมาจนเลอะกำแพงไปหมดก็ได้แค่ถอนหายใจหอบออกมา ฟานดึงตัวผมเข้ามากอด เค้าที่หอมแก้มก่อนจะกระซิบเบาๆ " ผมชอบคุณครับ คุณคีย์ "

“ ฟาน " ผมเรียกชื่อเค้า ตอนที่ท่อนกลางนั้นหลุดออกไปจากร่างเค้าดึงให้ผมหันไปเผชิญหน้าก่อนจะจูบลงบนริมฝีปาก เปลือกตา แล้วก็ข้างแก้ม

“ ผมชอบเสียงคุณเวลาที่มันเรียกชื่อของผม " ถอนหายใจออกมาผมเอียงตัวลงซบอกของอีกคน แก้มแดงๆของผมอยากจะบอกเหมือนกันว่าแม้จะรำคาญแต่ก็ชอบนะ..คำว่า คุณคีย์ ที่อีกคนเรียกกันนะ

   เสียงที่ทั้งมั่นใจแล้วก็หนักแน่นแบบนั้น " ผมจะพาคุณไปนอนนะ " เค้าอุ้มผมขึ้นไปตอนที่พูดคำนั้นมุ่งตรงไปที่ห้องของผมตอนที่เปิดประตูเข้าไปเค้าก็พูด " ขออนุญาติเข้าห้องนอนนะครับ " วางผมลงบนเตียง ก่อนที่ร่างสูงจะขึ้นคร่อมทับผมไว้ เค้าถอดเสื้อตัวเองออกก่อนจะก้มลงมาจูบที่ยอดอกของผมพร้อมด้วยมืออีกข้างที่ขยี้้ยอดอกอีกฝั่ง

“ นะ นี่.. นายจะทำอะไรน่ะ ก็บอกว่าจะให้ฉันนอนไง " พยายามผลักหน้าของเค้าออก แต่ใบหน้าคมที่เงยขึ้นพูดก็แค่ยิ้ม

“ คุณก็นอนไปสิครับ แต่ตอนนี้ผมนานไม่หลับนี่ เพราะงั้นผมยังอยากจะต่ออยู่ "

“ แล้วจะมาต่ออะไรกับร่างกายของฉันละ " ดันตัวเองหนีไอ้เด็กบ้าพูดจาไม่รู้เรื่องแต่เค้าก็แค่กอดผมไว้ สองขาถูกดึงให้ฉีกออกอย่างรวดเร็วเค้าดันตัวผมไปข้างหน้าโชว์ช่องทางหลังต่อสายตาเค้าใช้นิ้วเกลี่ยเบาๆ " อ๊าาา นี่ ไม่เอานะ ฉันเหนื่อยอยากจะนอนแล้ว "

“ ก็นอนไปสิครับ " คำพูดที่ฟังดูง่ายๆ คล้ายๆผมจะเป็นคนที่หลับง่ายอะไรแบบนั้น " นี่ไม่ใช่การที่เรานอนห้องเดียวกันแล้วฉันบอกว่าจะหลับ แต่นายยังอยากจะดูทีวีขอเปิดไฟไว้ก่อนได้มั้ย มันไม่ใช่เรื่องแบบนั้นนะ "

" ก็ไม่ใช่นะสิครับ " เค้าพูดพลางใส่ถุงยางอนามัยอันใหม่ของตัวเอง

" คือนี่มันเซ็กส์นายเข้าใจมั้ย ฉันจะหลับได้ไงในเมื่อไอ้นั้นมันยังอยู่ในร่างฉันแล้วมันก็ขยับอยู่ " นิ้วเรียวเขี่ยช่องทางหลังผมอีกครั้งมันที่ตอดเบาๆอีกคนก็ยกยิ้ม " นี่ อย่าน่า "

“ ขอนะครับ " ไม่ต้องรอให้ตอบรับ เค้าดันส่วนกลางนั้นเข้ามาในร่างของผมด้วยความรวดเร็ว ถอนหายใจออกมาช้าๆ ผมกัดริมฝีปากตัวเองตอนที่มันสอดเข้าออกอีกครั้ง

' แล้วที่บอกว่าให้นอน แบบนี้ใครมันจะไปหลับลงกันเล่า ไอ้เด็กบ้า '

   ลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากนอนไปได้ไม่นาน ด้วยความรู้สึกอึดอัด เนื้อตัวที่มีแต่เหงื่อกับคราบคาวต่างๆนานาที่ปล่อยออกมาจากร่างกายเมื่อหลายชั่วโมงที่แล้ว ผมลุกจากเตียงขึ้นนั่งมองดูคนข้างกายที่หลับอยู่อย่างเป็นสุขแล้วได้แต่ถอนหายใจออกมา กว่าจะได้ปล่อยให้นอนจริงๆต้องผ่านไปตั้งกี่ยก ไอ้เด็กบ้าหลายกระบวนท่าซะจริง เอื้อมมือไปลูบผมที่บังหน้าเค้า ลมหายใจที่สูดเข้าออกสม่ำเสมอ

“ เหงื่อออกขนาดนี้ยังหลับได้ ไม่เหนียวตัวรึไง เชื่อเค้าเลย แล้วไม่ห่มผ้ารึไง หนาวจะตาย " ดึงผ้าห่มให้เค้า ผมลุกขึ้นจากเตียงเข้าไปในห้องน้ำที่มีห้องแต่งตัวแยกเปียกและแห้งอยู่ในนั้น  ผมอาบน้ำสระผมล้างตัวจากคราบเหงื่อหรือแม้แต่คราบคาวที่ยังติดอยู่ที่ช่องทางหลังที่ยังแสบนิดๆ "  ปวดเอวชะมัด " บ่นกับตัวเองเบาๆผมเปิดน้ำแช่ตัวอยู่สักพักก่อนถอนหายใจออกมา ก้มมองดูรอยแดงบนตัวที่ปะปายไปทั่วไปเว้นแม้แต่ส่วนขาด้านในที่น่าอาย หัวใจมันก็เต้นไม่เป็นจังหวะไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมาพ่ายแพ้ให้กับเรื่องแบบนั้นซะได้ทั้งๆที่ตลอดมาก็ไม่เคยชายตามองใครที่เด็กกว่าแท้ๆ ไม่ว่าจะเข้ามาจีบหรือแม้แต่จะแค่คุย แต่พอคนนี้ไม่รู้ทำไมโอนอ่อนตามเค้าไปหมด ไม่ว่าจะคำพูดหรือแม้แต่กระทำ

' ผมชอบคุณคีย์ครับ ' ไม่ว่าจะต่อหน้าเรา หรือต่อหน้าคนอื่นฟานก็พูดออกมาได้อย่างหนักแน่นแล้วก็ไม่อายเลยจริงๆ และเพราะแบบนั้นก็เขินทุกครั้งที่ได้ฟัง เขินอายกับคำว่า ชอบ ที่หนักแน่นแบบนั้น แต่เพราะฟานเป็นเด็กอายุก็ห่างกันตั้งหกปี ไม่รู้ว่าพอลองคบกันแล้วความห่างของอายุ ช่วงเวลา แล้วก็ไลฟ์สไตส์มันจะทำให้คำว่าชอบของเค้าจะยังหนักแน่นแบบนี้รึเปล่า นั่นแหละที่เรากลัว กลัวที่สุดก็คือการเสียใจ แม้ใครจะบอกว่า อย่าพึ่งไปคิดแต่พอมีรักแล้วก็ย่อมมีความหวัง  หวังว่าจะมีความสุข หวังว่าจะไม่เสียใจแล้วความรู้สึกพวกนั้นแหละ ที่จะทำให้เจ็บปวดที่สุด

   สะบัดหัวตัวเองที่กำลังคิดฟุ้งซ่านผมลุกขึ้นจากอ่างปล่อยน้ำทิ้งไป ก่อนจะเช็ดตัวให้แห้งแล้วเดินมาเลือกชุดนอนเป็นเสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นที่ชอบใส่ประจำ หยิบผ้าหนนูผืนเล็กตอนที่เดินออกมาจากห้องน้ำผมพบว่า ห้องนอนตัวเองสว่างโล่งไปหมด

“ อ้าว ตื่นแล้วเหรอ " ผมเอ่ยถามฟานที่นั่งหน้ามึนอยู่ที่ปลายเตียง เค้าที่ใส่แค่กางเกงขาสั้นตัวเดียวนั้นผมเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะถูกอีกคนกอดไว้ราวกับเด็กขี้อ้อนที่เพิ่งตื่นแต่ก็ยังงัวเงีย

“ คุณหายไปไหนมานี่มันเพิ่งตีสามอยู่เลยนะ "

“ อาบน้ำสิ ฉันเหนียวตัวจะตาย ร้อนก็ร้อน นายนอนไปได้ยังไง " ดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดนั้น ผมเดินไปหยิบรีโมตแอร์เพื่อเร่งความเย็นของมันให้มากขึ้น ผมเป็นคนชอบอากาศเย็นๆอยู่ด้วยได้กันสองคนเหมือนมีคนมาแย่งอากาศหายใจแล้วรู้สึกร้อนยังไงไม่รู้ " แล้วนายตื่นขึ้นมาทำไม "

“ ก็พอจะดึงคุณเข้ามากอด ก็คว้าได้แต่ผ้าห่ม ก็เลยลืมตาขึ้นมาดูผมก็ไม่เห็นใคร มองไปที่ห้องน้ำไฟเปิดอยู่ ก็เลยนั่งคอยเพราะนอนไม่หลับนะครับ "

“ ใช้ชีวิตแบบติดหมอนข้างรึไง " ผมถามอีกคนก็ส่ายหน้า พลางเดินมากอดจากด้านหลังลำตัวอุ่นๆของเค้ากอดรัดผิวเย็นๆของผม

“ ผมใช้ชีวิตแบบติดคุณตังหาก " เค้าก้มลงหอมที่ข้างแก้มก่อนจะผ่อนร่างกายที่กำลังกอดผมอยู่ " อาบน้ำเสร็จใหม่ๆแล้วหอมจังนะครับ "

“ นายก็ไปอาบน้ำสิ กอดอยู่ได้ เหม็นนะรู้มั้ย " ทำไมอยู่ๆตัวแข็งทื่อไปหมดก็ไม่รู้ เวลาที่ฟานกอดอบอุ่นมากก็จริงแต่ก็ตื่นเต้นมากเหมือนกัน

“ อาบก็ได้ แต่ช่วยบอกผมหน่อยว่า ผ้าปูที่นอนผืนใหม่อยู่ตรงไหน "

“ ผ้าปูที่นอน " ผมทวนเสียงอีกคนก็พยักหน้า

“ คุณตื่นขึ้นมาเพราะนอนไม่สบายตัวใช่มั้ยละ อาบน้ำแล้วถ้านอนลงไปบนเตียงที่ยังมีคราบรักของเราอยู่ ก็คงไม่สบายตัวเหมือนเดิมแหละครับ เปลี่ยนดีกว่านะ "

“ ใครสั่งใครสอนให้นายเรียกมันว่า คราบรักน่ะ ไอ้เด็กบ้า " ผมโวยวายอีกคนก็เอียงหน้าสงสัย

“ งั้นจะให้เรียกว่าอะไรละครับ คราบความต้องการของคุณเหรอ "

“ ไม่ต้องเรียกอะไรทั้งนั้นแหละ!! ไอ้นี่ แล้วของฉันคนเดียวที่ไหน ของนายก็มี " ผมพูดเบาๆในประโยคสุดท้าย ถอนหายใจออกมาก่อนจะชี้ไปตรงทางไปห้องน้ำ " ในห้องน้ำบ้านฉันมันแยกเป็นโซนเปียกกับแห้ง อยู่ที่ตู้เสื้อผ้าด้านในสุด "

“ รับทราบครับ " เค้าบอกตอนที่เดินหายเข้าไปไม่นานก่อนจะออกมาพร้อมกับผ้าปูเตียงผืนใหม่สีขาว จัดการดึงผืนเก่าออกด้วยความชำนาญก่อนจะปูผืนใหม่ให้ผม

“ นายจะปูที่นอนใหม่ตอนนี้ให้มันยุ่งยากทำไมก็ไม่รู้ ค่อยทำพรุ่งนี้ก็ได้ ยังไงอาบน้ำแล้วก็สบายตัวมากกว่าครึ่งนั้นแหละ "

“ เพราะว่าคุณตื่นนอนเพราะกลิ่นคาวๆของมันใช่มั้ยละ ทำงานมาเหนื่อยๆ แล้วเรื่องแบบนั้นตอนทำมันก็เหนื่อยด้วย ผมอยากจะให้คุณได้นอนบนฟูกหอมๆครับ พรุ่งนี้เป็นวันหยุดคุณจะได้นอนได้นานๆ ไม่ต้องได้กลิ่นอะไรแย่ๆจนทำให้ต้องตื่น "

' แค่นี้เองเหรอ ' ผมพูดกับตัวเองตอนที่มองหน้าเค้าที่กำลังตั้งใจปูผ้าปูที่นอนผืนให้อย่างตั้งใจ หัวใจที่เต้นตึกตักเป็นเด็กที่ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นขนาดนี้เลยเหรอ เรื่องแค่นี้เองถ้าเป็นคนอื่นก็คงไม่สนใจหรอก มันไร้สาระเกินไป ' แย่ชะมัด..หัวใจเราเริ่มชอบเค้ามากขึ้นอีกแล้ว '

“ เสร็จแล้วครับ "  ผ้าปูที่นอนถูกปูไว้อย่างดี ผมเดินเข้าไปนั่งบนเตียงเค้าก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ " ขอไปอาบน้ำหน่อยนะครับ "

“ อื้ม ตามสบาย " นอนลงบนกลิ่นเตียงใหม่ผมสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดกอดหมอนนุ่มๆของตัวเอง กลิ้งไปมาอยู่แบบนั้น คิดไว้แล้วเชียวว่าต้องเป็นแบบนี้ ผ้าปูใหม่ เราก็อาบน้ำใหม่ ไม่มีอะไรมีความสุขมากกว่านี้อีกแล้ว กางแขนกางขาตากแอร์เย็นๆในห้องอยู่สักพัก ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่า ต้องหลับก่อนที่ใครอีกคนจะเข้ามา ไม่งั้นมีหวัง นอนไม่หลับแน่ๆ

   ข่มตาลงนอนแต่น่าแปลกไม่มีทีท่าจะหลับเลยสักนิด ทั้งๆที่เหนื่อยออกขนาดนั้นอาจเพราะอาบน้ำมาใหม่มันเลยสดชื่นละมั้ง ผมคิดแบบนั้นแต่ก็ยังข่มตาให้หลับอยู่ นอนฟังเสียงในห้องน้ำที่เริ่มจะเงียบลง ก่อนประตูจะเปิดออกมา พร้อมกับฟานที่เดินออกมาเรียกผม

“ คุณคีย์หลับแล้วเหรอครับ "

“ ยัง ทำไมละ " ผมบอกตอนที่ลืมตาขึ้นมาอีกคนที่นุ่งแค่ผ้าขนหนู " แล้วทำไมไม่แต่งตัวให้เรียบร้อย "

“ ผมไม่มีชุดนอนครับ พอมีกางเกงตัวไหนให้ผมยืมได้บ้างมั้ย "

“ กางเกงเหรอ " ทวนเสียงบอกเค้าก่อนจะคิด ลืมไปเลยว่าฟานก็ไม่ได้เตรียมตัวว่าจะมานอนกับเรานี่น่า " พอมีย้วยๆอยู่นะ นายน่าจะใส่ได้ " ลุกออกจากเตียงเดินไปในห้องแต่งตัวตู้เสื้อผ้าที่ผมใส่ชุดนอนเอาไว้ จำได้ว่ามีกางเกงบอลสภาพย้วยๆอยู่ตัวนึง เพราะมันย้วยเอามากแม้จะใส่นอนสบายแค่ไหน แต่ก็หลุดจากขาทุกทีเวลาตื่นก็เลยไม่ได้ใส่ แต่ถ้าเป็นหมอนี่คงใส่ได้มั้ง  " อะ นี่ พอจะใส่ได้มั้ย "

“ ได้ครับ " เค้าบอก

“ เสื้อด้วยมั้ย " ผมถาม อีกคนก็ส่ายหน้า " ผมใส่แค่กางเกงนอนครับ ไม่ใส่เสื้อ "

“ หนาวไม่รู้ด้วยนะ ฉันชอบนอนแอร์เย็นๆนะ บอกไว้ก่อน " บอกเค้าแค่นั้น ตอนที่เดินออกมาล้มลงนอนที่เตียงอีกครั้งไม่นานอีกคนก็ล้มลงนอนตรงฟูกอีกฝั่งเช่นกัน ผ้าห่มที่ถูดดึงรั้งไปถึงคอผมเหลือบมองอีกคนที่นอนนิ่งๆผมเองก็เช่นกัน ' รู้งี้ไม่ตื่นไปอาบน้ำก็สิ้นเรื่อง ทำอะไรไม่ถูกเลยเฮ่ะ ' เพิ่งมีอะไรกันมาหมาดๆตอนนี้ก็มานอนข้างกัน จะบอกว่าเหมือนแฟนก็ไม่ใช่เพราะไม่ได้จู๋จี๋อะไรขนาดนั้น ความรู้สึกตอนนี้มันเกร็ง.. เกร็งเอามาก

“ คุณคีย์ชอบอากาศเย็นๆเหรอ "

“ อื้ม ฉันชอบอกาศเย็นๆ "

“ แต่ผมหนาวอะครับ "

“ ก็บอกว่าให้ใส่เสื้อตั้งแต่แรกก็ไม่ฟัง " ดึงผ้าห่มให้สูงขึ้น เพื่อให้ผ้าห่มอีกฝั่งมันสูงขึ้นเช่นกัน แต่ทว่าอีกคนก็พูดขึ้นไม่เบานัก ภายใต้ความเงียบ

“ ขอกอดหน่อยได้มั้ยครับ " คำพูดที่ยังไมไ่ด้รับคำตอบใดจากผม ภายใต้ผ้าห่มผืนหนานั้น ท่อนแขนอุ่นก็ดึงผมเข้าไปกอดไว้ ร่างทั้งร่างของผมราวกับจะกลืนหายเข้าไปกับร่างของเค้า คางมนที่ค้ำอยู่บนหัวผมหายใจถี่ๆอย่างตื่นเต้นในช่วงเวลาแบบนั้นเสียงทุ้มก็กอดผมแน่นขึ้นไปอีก " แบบนี้ค่อยอุ่นหน่อย "

“ แต่ฉันอึดอัด " ผมบอก แต่คนกอดก็แค่คลายอ้อมกอดนั้นลงนิดหน่อยก็เท่านั้น  " นี่..บอกว่าอึดอัดไง "

“ แต่ผมชอบแบบนี้นิครับ " เอาแต่ใจอีกแล้ว ผมถอนหายใจออกมา " พอได้กอดคุณแล้วรู้สึก ง่วงขึ้นมาทันทีเลย เพราะงั้นขอกอดไว้แบบนี้จะได้มั้ยครับ "

“ ไม่ได้ "

“ ทำไมละครับ "

“ ไม่ต้องถามหาเหตุผลไปซะทุกเรื่องจะได้มั้ย " บ่นออกไปเสียงเบาๆคนที่กอดก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด เค้ายังคงกอดแล้วดูทีท่าเหมือนว่าจะหลับไปแล้วเสียแบบนั้น " นี่ปล่อยได้แล้ว ฟาน .. ฟาน อย่าบอกนะว่าหลับไปแล้ว นี่นาย.." ถอนหายใจออกมาตอนที่จะดันตัวเองออกห่าง แต่อยู่ๆมือหนานั้นก็ขยับตัวกอดผมแน่นขึ้นลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอ ผมได้แต่นอนเซ็งๆอยู่แบบนั้นอย่างไม่รู้จะทำยังไง

   ทำไมถึงเป็นเด็กเอาแต่ใจแบบนี้วะ .. ตัวเองกอดคนอื่นก็หลับได้ง่ายๆนะสิ ทำไมไม่คิดถึงจิตใจของคนโดนกอดเลย หัวใจผมที่เต้นแรงขนาดนี้ ถามหน่อยเถอะ แล้วแบบนี้ คืนนี้ผมจะหลับลงได้ยังไง ไม่เข้าใจกันบ้างเลยรึไงนะ  ไอ้เด็กบ้า

........................................................

ถ้าพี่คีย์ไม่ชอบให้น้องฟานกอดเพราะใจเต้น
น้องฟานมากอดป้าก็ได้นะ  #ทีมเต๊าะน้องฟาน
พี่คีย์บอกว่า ไม่ชอบแต่พี่คีย์ก็หวั่นไหว พี่คีย์ช่างปากแข็ง
แต่จะแข็งได้นานแค่ไหนกัน และจะแข็งไปถึงไหน
เจอกันตอนหน้าค่าาา
ใครมีทวิตฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
เจอกันตอนหน้าเด้อออ
หนมมี่ผู้ใสซื่อ
 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 6 ' อึดอัด ' - 5.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 05-06-2016 20:48:25
กอดค่ะ


หลงเด็ก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 6 ' อึดอัด ' - 5.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 05-06-2016 21:04:23
ฟานนี่ตรงตามที่ลิปบอกไปทุกอย่าง
แต่เราคบคนเด็กกว่า เค้าจะปรนนิบัติเราอย่างดี
ชอบโมเม้นท์ฟานดึงคีย์เขาไปกอดตอนรออาบน้ำมากกกก เป็นเราคงเขินน่าดู  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 6 ' อึดอัด ' - 5.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-06-2016 21:19:25
กรี้ด.  ดูเหมือนคราวนี้ก็ไม่ได้นับสินะว่ากี่น้ำกี่ท่ากันไป
ก็รัดน้องฟานแน่นๆสิจะได้หายอึดอัดสักที
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 6 ' อึดอัด ' - 5.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: ZYSQ_ ที่ 05-06-2016 21:45:50

มุ้งมิ้งและเร่าร้อน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 6 ' อึดอัด ' - 5.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 05-06-2016 22:09:44
หวายๆ ชอบความมึนและตีเนียนของน้องฟานจริงๆ

คุณคีย์เขาปากแข็งไปงั้นแหละน้องฟาน จัดการเลยเนอะ

#แม่ยกทีมน้องฟาน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 6 ' อึดอัด ' - 5.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 05-06-2016 22:22:29
ชอบมากจ้า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 6 ' อึดอัด ' - 5.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 05-06-2016 23:50:08
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หวั่นไหวแล้วละซิ๊ยยยยยยย คุณคีย์ๆๆๆ
อิอิ

โอ้ยยน่าร๊ากเน้ออออออ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 6 ' อึดอัด ' - 5.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 05-06-2016 23:56:59
 :o8: :o8: :o8: เขานอนด้วยกันอ่าาา
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 6 ' อึดอัด ' - 5.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-06-2016 17:20:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 7 ' คุณชอบผมมั้ย ' - 10.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 10-06-2016 20:28:39
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 7
' คุณชอบผมมั้ย '


   ลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันหยุดหลังจากที่นอนหลับไปเต็มอิ่ม เมื่อคืนกว่าจะได้นอนต้องรบรากับหัวใจที่เต้นแรงอยู่เป็นชั่วโมงเพราะอ้อมกอดหนาของไอ้เด็กยักษ์ที่เอาแต่กอดผมแน่นอยู่ทั้งคืน พอจะถอยหนีก็ยิ่งรัดแน่นไม่รู้มันติดหมอนข้างหรืออะไร แต่นอนไปสักพักจนเริ่มชินตัวเองหลับไปตอนไหนผมเองก็ยังไม่รู้ ม่านบังแสงแดดที่ส่องเข้ามาในห้องผมมองดูนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบเที่ยงก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

“ นี่หลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอ " บ่นออกมาเบาๆ ผมหันซ้ายดูขวาภายในห้องไม่มีคนที่นอนกอดผมเมื่อคืนอยู่แล้ว " ไปไหนของเค้า " คำถามที่ถามตัวเองแต่ยังไม่ทันจะหาคำตอบผมก็ได้ยินเเสียงของทีวีแว่วออกมาจากนอกห้องนอน คงอยู่ตรงนั้นละมั้ง ผมคิดก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงเก็บผ้าห่มแล้วเดินไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะเปิดประตูห้องออกไปแล้วเจอกับใครบางคนที่ก็ไม่ได้อยู่ที่หน้าทีวีอย่างที่คิดหรอก แต่กำลังอยู่ในห้องครัวต่างหาก

“ คุณคีย์ ตื่นแล้วเหรอครับ "

“ อ่า.. อื้ม ตื่นแล้ว " ผมบอกอีกคนก็ยิ้ม " นายตื่นนานแล้วเหรอ "

“ สองชั่วโมงก่อนคุณครับ " เค้าบอกก่อนจะก้มหน้าทำอะไรบางอย่าง ผมเขย่งเท้าดูผ่านเค้าเตอร์ในครัว ฟานที่เงยหน้าขึ้นมายิ้มก่อนจะวางแซนวิชที่ตัวเองทำแล้วยื่นมาให้ผม

“ นายทำเองเหรอ " ผมถามอีกคนก็ส่ายหน้า

“ แค่ลงไปซื้อที่เซเว่นแล้วจัดใส่จาน "

“ งั้นก็ปลอดภัย " หยิบแซนวิชในจานขึ้นมากิน แซนวิชอบร้อนไส้ทูน่ากัดเข้าไปคำนึงไม่รู้ว่าหิวหรือเพราะอะไร แต่รู้สึกว่ามันอร่อยเอามาก มากกว่าทุกทีที่เคยกิน " แล้วนายเอากุญแจห้องมาจากไหนละ " ผมถามพลางเดินเข้าไปครัวตรงที่ชั้นวางเครื่องทำกาแฟผมกดชงมัน

“ เมื่อคืนมันตกอยู่ตรงหน้าประตูในกองเสื้อของเราที่ "

“ เข้าใจละ " ผมบอกปัด ไม่ต้องอธิบายอะไรมากกว่านี้อีกแล้วแค่พูดเกริ่นออกมาก็คิดภาพออกมาเป็นฉากๆ ผมเหลือบมองไปที่หน้าประตูที่ตอนนี้ไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่แล้ว หมอนั้นคงเก็บหมดแล้วละมั้ง ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ ก็ถ้าจะมีอะไรกันทำไมต้องตรงนี้ด้วยวะ เตียงก็มี ถ้าคิดว่าไม่อยากจะเปิดประตู โซฟาก็มี ไม่รู้ตอนนี้คิดอะไรอยู่ ' คิดจะเอากันอย่างเดียวไง ' ใจผมตอบก่อนจะถอนหายใจออกมา " นายจะกินอะไรมั้ย กาแฟ "

“ ไม่ครับ ผมไม่กินกาแฟ "

“ เอ่อ รู้สึกฉันจะมีโกโก้อยู่ "

“ โกโก้ก็ได้ครับ " เค้าตอบรับผมก็ชงโกโก้ให้เค้ากิน เสียงช้อนสัมผัสกับแก้วดังเป็นจังหวะก่อนอีกคนจะเดินเข้าใกล้พลางกอดเอวผมไว้ ใบหน้าคมลดระดับลงมาหัวใจที่เต้นแรงของผม รีบคว้าเอาแก้วที่ใส่เครื่องดื่มร้อนกันริมฝีปากนั้นก่อนที่มันจะถึงแก้มผม  " โอ๊ย!!! ร้อนนะครับคุณคีย์ "

“ ก็ร้อนนะสิ นายคิดว่าฉันชงโกโก้เย็นให้นายรึไง " ผมบอกก่อนอีกคนก็รับเครื่องดื่มของตัวเองไว้ " แล้วก็ปล่อยมือจากเอวฉันด้วย ฉันไม่ชอบคนรุ่มร่าม "

“ ก็ได้ครับ " ตอบเสียงอ่อนๆชวนให้น่าสงสารเค้าเดินตรงไปที่โซฟาก่อนจะนั่งลงแล้วหันมาบอก " ขอดูการ์ตูนหน่อยได้มั้ยครับ "

“ ก็ตามใจนายสิ "

“ คุณคีย์ไม่ดูข่าวเหรอ "

“ ฉันไม่ชอบดูข่าว ฉันชอบเล่นมือถือมากกว่า " ตอบแบบนั้นก่อนจะมองหามือถือตัวเอง " นายเห็นมือถือฉันมั้ย "

“ ตั้งอยู่ตรงนี้ครับ " คนที่นั่งอยู่หน้าทีวีบอก มือถือของผมตั้งอยู่บนโต๊ะหน้าทีวีตรงนั้นผมถอนหายใจออกมาตอนที่เดินทำท่าจะหยิบแล้วเดินเข้าห้อง อยู่ๆมือหนาก็ดึงให้ต้องนั่งลงข้างกันก่อนจะบอก " นั่งเล่นตรงนี้สินะครับ "

“ เปล่า ฉันจะเอาไปเล่นให้ห้อง "

“ แต่เล่นไป กินไปเดี๋ยวกาแฟกับขนมก็ตกลงไปบนเตียงหรอก เพิ่งเปลี่ยนผ้าปูไปนะครับ นั่งตรงนี้เถอะครับ นั่งเป็นเพื่อนผม "

“ ทำไมฉันต้องนั่งเป็นเพื่อนนายด้วย " ผมถาม

“ ก็ผมอยากจะให้คุณคีย์นั่งอยู่ใกล้ๆผม " ประโยคง่ายๆที่ชวนให้หน้าแดงได้ไม่ยาก ผมยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มบังแก้มแดงๆของตัวเองก่อนอีกคนก็ยื่นแซนวิชมาให้ " นี่ครับ "

“ ฉันหยิบเองได้น่า " แต่ถึงจะบ่นออกไปแบบนั้นแต่อีกคนก็ยังดึงดันจะหยิบให้อยู่ดี เค้าเอามันใส่ปากผมก่อนจะยิ้ม " ชิส์ ทำไมนายถึงชอบทำตัวน่าหงุดหงิดนักนะ "

“ แล้วทำไมทั้งๆที่แก้มแดงขนาดนั้น ปากยังบอกว่าไม่ชอบละครับ "
 
“ นายว่าใครไม่ทราบ "

“ นั่งกันอยู่สองคน ผมไม่ว่าโคนันหรอกครับ " เหวี่ยงสายตาหันไปหาอีกคนที่ก็หันไปดูทีวีต่อทันที ผมถอนหายใจออกมารู้สึกหมั่นไส้ไอ้หมอนี่ชะมัด เด็กบ้าอะไร กวนตีนก็เท่านั้น หน้าจอทีวีฉายการ์ตูนเรื่องโปรดของหมอนี่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมทุกครั้งที่มันเปิดทีวีมันต้องได้ดูโคนันทุกครั้งเลยวะ

“ นี่ฟาน "

“ ครับ "

“ ทำไมถึงรู้ว่าโคนันมันฉายตอนนี้ละ "

“ ดูตารางฉายในเน็ตเอาครับ " เค้าบอกก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาให้ผมดู " ที่ช่องมันจะมีตารางฉายการ์ตูนในเน็ต ตอนแรกผมว่าจะตื่นมาจะดูหนังในตู้ของคุณแต่ว่า พอไปดูตารางฉายมันบอกจะฉายพอดีผมก็เลยเปลี่ยนใจมาดูโคนันต่อ "

“ ชอบซะจริงนะ "

“ สนุกนะครับ ลองดูสิ " เค้าที่ชี้ชวน ถ้าเป็นลิปจะมีการตอบรับอีกฝ่ายยังไงนะ พูดถึงลิปสมองก็คิดถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาได้อีกแล้ว ไม่รู้อีกคนจะเป็นยังไงบ้าง จะคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องของผม ก้มหน้าดูมือถือก่อนจะถอนหายใจออกมาไม่มีข้อความอะไรจากอีกคนเลย สงสัยจะแอบเคืองรึเปล่าวะ  “ คิดอะไรอยู่เหรอครับ " ผมเงยหน้าขึ้นตามเสียงที่ถาม ฟานมองหน้าผมราวกับเค้าที่ก็มองผมมานานแล้วแต่ผมเองที่ไม่รู้ตัว

“ ไม่ดูทีวีรึไง "

“ ก็คุณเอาแต่เหม่อ ชวนดูการ์ตูนก็ไม่ดู คิดอะไรอยู่เหรอครับ " คำถามที่มาพร้อมกับการจ้องมองมา ในแววตาที่มีความสงสัยแล้วก็เป็นห่วงนั้น ผมส่ายหน้า

“ เปล่านิ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย "

“ ถ้าไม่อยากจะบอก ก็ไม่เป็นไรครับ " เค้าหันหน้ามองทีวีอีกครั้งก่อนจะพูด มือที่ยกเครื่องดื่มขึ้นชิมตามด้วยขนม ฟานหันกลับไปสนใจทีวีแล้วอย่างไม่เซ้าซี้ที่จะอยากรู้มันต่อ

   ทำไมถึงต้องรู้สึกว่ากลัวว่าอีกคนจะ งอนด้วยนะ ทั้งๆที่เวลาแบบนี้น่าจะโอเคกับการที่อีกฝ่ายไม่อยากจะรู้อะไรต่อแล้วแท้ๆ ผมมองทีวีที่กำลังฉายการ์ตูนเรื่องที่อีกคนชอบ ฟานสนใจดูมันแล้วก็ตั้งใจคิดวิเคราะห์มากกว่าคนทั่วไปที่จะดูไปเล่นๆ เนื้อเรื่องเป็นตอนเกี่ยวกับอะไรผมก็ไม่ทราบแต่ว่าท่าทางตัวละครที่ดูลุกลี้ลุกลนก็ชวนให้น่าสงสัย

“ ฉันว่าคนที่เงียบที่สุด และดูไม่น่าสงสัยมากที่สุดต้องเป็นฆาตกรแน่ๆ "

“ ผมคิดว่า ผู้หญิงผมยาวคนนั้นเป็นฆาตกรครับ " เค้าบอก

“ ทำไมละ "

“ ผมเดา " หลุดหัวเราะออกมาตอนที่อีกคนตอบแบบนั้น

“ ฉันเห็นนายตั้งใจดู ก็คิดว่าจะมีเหตุผลอะไรที่มันมากกว่านี้ซะอีกนะ "

“ ผมไม่ได้ตั้งใจดูมันหรอกครับ "  เค้าตอบ " ผมมัวสนใจคุณที่นั่งเหม่อเลยพลาดจุดเด็ดของเรื่องไป แต่คิดว่าน่าจะเป็นผู้หญิงผมยาวคนนั้นแหละครับ ที่เป็นฆาตกร ต้องใช่แน่ๆ " จะว่าไปก็เป็นเด็กที่มีเหตุผลดีเหมือนกันนะ ไม่วอแวอยากจะรู้ ทั้งๆที่อยากจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่

“ ฉันแค่คิดเรื่องงานน่ะ วันจันทร์นี้ฉันจะเริ่มโปรเจ็คใหม่เลย กำลังนั่งคิดว่ามันจะเป็นโปรเจ็คแบบไหน..” ฟานหันมาฟังผมพูด ในแววตาที่ดูเหมือนไม่เชื่อถือนั้น เค้าถอนหายใจออกมาก่อนจะดึงตัวเองมาจูบผมด้วยความรวดเร็ว

“ ขอบคุณที่รักษาน้ำใจผมนะ " เสียงทุ้มนั้นบอกก่อนจะยิ้ม " คุณแคร์ความรู้สึกของผม เพราะเห็นว่าผมอยากรู้แต่คุณที่ไม่อยากบอกก็เลือกจะพูดเรื่องอื่นออกมา ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร ผมบอกไปแล้วนิ ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ "

“ ฉันไม่ได้คิดมากซะหน่อย " โดนรู้ทันอีกจนได้

“ คุณเป็นคนโกหกไม่เก่งนะครับ " ร่างสูงที่ลุกขึ้นจากโซฟาก่อนจะหยิบเอาแก้วแล้วก็จานอาหารที่กินหมดแล้วเดินเข้าไปในครัวเสียงน้ำที่ถูกเปิดขึ้น ทำไมถึงต้องรู้สึกว่าจนมุมให้ไอ้เด็กนี่ทุกเรื่องเลยนะ เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกตัวเองเป็นเด็กมากกว่าคนที่อายุน้อยกว่าตั้งหลายปี " วันนี้มีงานถนนคนเดินที่ผมอยากจะไปมานานแล้ว ไปด้วยกันมั้ยครับ " ฟานที่ถามขึ้นหลังจากที่ผมจมอยู่กับความคิดตัวเองเสียนาน

“ หมายถึงออกไปข้างนอกนะเหรอ " ผมทวนความเข้าใจกับอีกคนที่ก็พยักหน้ารับ แต่ผมก็ส่ายหน้าทันที " ไม่ไปอะ ร้อน ฉันไม่ออกข้างนอกเด็ดขาด "

“ งานมันมีตอนเย็นนะครับ อากาศก็คงไม่ร้อนแล้ว "

“ ฉันขี้เกียจอาบน้ำนิ นายไปคนเดียวได้มั้ยละ "

“ แต่ผมอยากจะไปกับคุณคีย์นิครับ "  น่าแปลก ทำไมแค่คำพูดแค่นี้ ถึงฉุดให้ตัวผมอยากจะลุกจากโซฟาแล้วเดินไปอาบน้ำเสียตั้งแต่ตอนนี้ ไม่นับรวมสายตาคมที่มองมาแบบอ้อนๆนั้นอีก ชวนให้ใจเต้นแรงอีกแล้ว

' บ้าชะมัด นี่ฉันแพ้ให้เด็กแบบนายอีกแล้วเหรอเนี้ย '

......................................................

   ' ถนนคนเดิน' ตั้งได้ออกมาสมชื่อจริงๆในความคิดของผม เพราะมองไปรอบๆตอนนี้ก็มีแต่ผู้คนมากมายเต็มไปหมด บนพื้นที่ลานกว้างที่มีทั้งของกิน ของใช้ หรือแม้แต่เสื้อผ้าเต็มไปหมด  ถอนหายใจออกมาเซ็งๆ ไม่ค่อยชอบหรอกการที่ต้องมาเบียดคนอื่นในที่ฮิตๆ ยอมนอนเบื่อๆอยู่บ้านดูหนังเรื่องโปรด ตากแอร์ กินเบียร์ดีกว่า

“ นี่นะเหรอ ที่ที่นายอยากจะมา " ผมถามอีกคนก็พยักหน้ารับ รอยยิ้มที่หันมามองผมพ่ายแพ้ให้มันตั้งแต่ที่บ้านแล้ว จริงๆก็คงตั้งแต่ที่เค้าบอกว่า 'อยากจะไปกับคุณคีย์นิครับ' ไม่นับรวมตอนที่เข้ามากอดด้านหลังแล้วกระซิบบอกว่า 'ไปเที่ยวกันเถอะครับ' นั่นอีก อะไรมันจะใจอ่อนขนาดนั้นวะ

“ ใช่ครับ "  อีกคนบอกก่อนจะยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาทางผม เสียงชัตเตอร์ที่ดังขึ้นเพิ่งรู้เหมือนกันว่าหมอนี่ชอบถ่ายภาพ พอตอบตกลงว่าจะมาสิ่งแรกที่วิ่งไปหยิบก็คือกล้องนี่แหละ กล้องดิจิตอลตัวเล็กแต่ดีไซต์ด้านนอกเป็นแบบคราสสิคก็สวยดีนะ

“ นี่ ฉันไม่ชอบถ่ายรูปนะ "

“ แต่ผมถ่ายสวยนะ " เหน่ะ มียกยอตัวเอง ผมเดินไปดูภาพถ่ายที่อีกคนถ่ายตรงหน้าจอเล็กๆของกล้องนั้น ก็จริงของเค้า เป็นคนถ่ายภาพสวยจริงๆ " สวยจริงๆใช่มั้ยละครับ "

“ ก็งั้นๆอะ " ตอบแบบนั้นก่อนจะเดินนำออกไป ผมหันมาหาเค้า " ถ่ายภาพตรงนี้ให้หน่อยสิ "

“ ยิ้มหน่อยสิครับ " ยิ้มออกไปตามคำพูดของอีกคน เค้าก็กดชัตเตอร์เสียหลายทีก่อนจะเดินเข้ามาหา " น่ารักทุกรูปเลย "

“ นายเป็นคนปากหวานนะ "

“ ผมแค่พูดตามที่ผมรู้สึกเท่านั้นเอง ปากหวานตรงไหนละ หรือว่าเวลาคุณจูบผมแล้วคุณรู้สึกแบบนั้น ปากผมหวานเหรอ "

“ นี่! คนละเรื่องกันแล้ว " กัดฟันใส่อีกคนที่หัวเราะออกมา
 
“ หงุดหงิดแก้เขินอีกแล้ว ไปหาอะไรกินกันดีกว่าครับไป " เค้าคว้ามือผมไว้ ตอนที่จะเดินเข้าไปด้านในเพื่อหาของกิน มือเค้าจับผมไว้แน่น ตอนที่จะดึงออกอีกคนก็หันมามอง

“ นายไม่ต้องจับมือฉันก็ได้ ฉันไม่หลงหรอกน่า " ฟานยิ้มออกมาตอนที่ผมบอกแบบนั้น

“ ผมก็ไม่ได้จับเพราะกลัวคุณจะหลงหรอกครับ "

“ แล้วจับทำไม "

“ ก็แค่อยากจะจับมือคุณคีย์ก็เท่านั้นแหละครับ "  มือที่พยายามจะดึงออกหยุดนิ่ง เค้าที่กระชับมือผมแน่นขึ้นก่อนจะยิ้ม " ให้ผมจับเถอะครับ ผมอยากจับมือคุณ "

   จนแล้วจนรอดก็ไม่รอด ถอนหายใจออกมาตอนที่ก้มหน้าลงอีกคนก็จูงมือผมเดินเข้าไปด้านใน เสื้อผ้าเป็นร้านแรกที่อีกคนแวะ มันเป็นสไตส์เสื้อยืดธรรมดาที่สกรีนลายสีดำเป็นอักษรเท่ๆ

“ จะซื้อเสื้อเหรอ "

“ ครับ เพราะว่าไม่มีเสื้อใส่แล้ว ขี้เกียจใส่ซ้ำแบบวันนี้ด้วย " เกือบลืมไปเลยว่าไอ้หมอนี่ใส่เสื้อไม่ซักตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เพราะต้องอยู่ค้างกันผม หนำซ้ำพอจะใส่เสื้อผมดันไม่ไซส์อีก " ตัวนี้หรือว่าตัวนี้ดีครับ "

“ ตัวนี้มั้ง " ผมชี้ไปที่เสื้อยืดตัวที่มีลายน้อยกว่า อีกคนที่พยักหน้ารับก่อนจะควักเงินจ่ายไปแบบง่ายๆ ผมหันไปมองรอบๆก่อนจะเจอเสื้อยืดตัวบางตัวนึง " ซื้อตัวนี้เอาไปใส่นอนดีกว่า "

“ อยากได้ตัวนี้เหรอครับ "

“ ว่าจะเอาไปใส่นอนน่ะ เห็นว่าบางดี " ปากของผมที่บอกเค้า ก่อนจะหันไปถามราคากับคนขายแต่ทว่าฟานกับดึงมันจากไม้แขวนแล้วยื่นให้คนขายทันที

“ ตัวนี้ด้วยครับ "

“ นี่ ฉันยังไม่ถามราคาเลย "

“ ไม่เป็นไรครับ ผมซื้อให้ คิดว่าแลกกับกางเกงนอนที่คุณให้ผมยืมใส่แล้วกันนะ "  แบงค์ใหญ่ถูกยื่นให้กับเจ้าของร้านเป็นเด็กที่ซื้อของง่ายจริงๆ เราที่เดินออกจากร้านผมก็หันไปถามเค้า

“ นายไม่คิดจะต่อราคาเค้าหน่อยรึไง "

“ ต้องต่อราคาเหรอครับ เวลาที่คุณไปซื้อของบนห้างไม่เห็นมีใครเคยต่อเลย ทำไมถึงมาต่อกับร้านเล็กๆละครับ " ดูเหมือนเป็นคำถามใสซื่อแต่มองอีกมุมก็เหมือนถูกกวนตีนอยู่

“ ก็เสื้อผ้าพวกนี้เค้าก้ตั้งราคามาเพื่อต่อทั้งนั้นแหละ นายก็ลงต่อเค้าหน่อย ไม่ได้เราก็ไม่ต้องเซ้าซี้สิ "

“ ผมไม่ชอบทำอะไรแบบนั้นหรอกครับ "

“ ครับ พ่อคนดี " ผมพยักหน้ารับหน่ายๆ " นายนี่ยังไง ทีหลังต่อราคาเลยนะ "

“ ก็ไม่อยากจะทำนี่ครับ ไปดูอย่างอื่นกันดีกว่า " เค้าเปลี่ยนเรื่องโดยจูงมือผมไปที่อีกร้าน คราวนี้เป็นร้านเครื่องประดับมองไปก็สวยดีครับมีหลายแบบ " สวยมั้ยครับ ผมอยากได้สร้อยคอคุณว่าเส้นไหนดี "

“ เส้นไหนดีเหรอ " ผมมองไปบนที่โชว์ สร้อยคอหลายแบบที่ราคาไม่ใช่ถูกๆเลยวางไว้ มันเหมือนถูกดีไซน์มาเป็นอย่างดีก็เหมาะกับราคาในมุมมองของคนที่อยากได้ละนะ " อื้ม สีทองเส้นนี้มั้ย " ผมหยิบขึ้นมาทาบที่คอเค้า

“ คุณคีย์คิดว่าเส้นนี้เหมาะกับผมเหรอ "

“ ถ้าอยากจะได้สร้อยคอ เส้นนี้ก็เหมาะกับนายสุดแล้วอะนะ " ผมบอกก่อนจะหันไปถามคนขาย " อันนี้เป็นงานทำเองเหรอครับ "

“ ใช่ค่ะ เป็นงานที่ที่ร้านออกแบบเองแล้วก็ทำเองค่ะ ใช้ของแท้หมดเลยนะคะ อย่างสร้อยเส้นที่ลูกค้าจับอยู่ก็เป็นเงินแท้นะคะ แล้วก็เอาไปเคลือบนะคะ " สร้อยไม้กางเกงแบบทำเอง สวยแล้วก็เท่ห์ที่สุดเลยในบรรดาหลายๆอัน

“ ลดราคาให้หน่อยได้มั้ยครับ " ฟานที่พูดออกไปตอนที่ดูป้ายราคาของสร้อยเส้นที่ผมถือ " พอดีแฟนผมให้ต่อราคาเวลาซื้อของครับ "

“ นี่!! “ แล้วมันจะไปบอกเค้าทำพระแสงอะไรวะ

“ แฟนกันเหรอค่ะ " พนักงานที่เอ่ยถามเราก็ตอบ

“ ไม่ใช่ครับ / ใช่ครับ " ดันมาตอบไม่ตรงกับกูอีก ผมถอนหายใจออกมาตอนที่ยิ้มแห้งๆให้คนขาย " นายจะซื้อมั้ยละ ก็สวยดีนะ "

“ คุณคีย์ชอบมั้ย "

“ ก็ชอบ "

“ งั้นผมก็ซื้อ " เค้าบอกก่อนจะจ่ายเงินให้กับคนขายที่ก็หยิบสร้อยไปใส่กล่องสวยๆออกมาให้เรา " คุณคีย์ไม่ซื้อเหรอ ผมซื้อให้ก็ได้นะ คุณอยากได้แบบไหน "

“ ไม่อะ ฉันเป็นคนไม่ชอบใส่สร้อย ไม่ชอบใส่เครื่องประดับ มันน่าอึดอัดอะ " เพราะเป็นคนเหงื่อออกง่ายด้วยแหละเลยรู้สึกแบบนั้น ผมยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อของตัวเองที่ไหลออกมาจนเสื้อเปียก อีกคนที่หันมามองฟานยกยิ้มก่อนจะเช็ดคราบเหงื่อที่แก้มให้

“ เหงื่อออกเยอะเลยครับ "

“ เพราะแบบนี้ไง ฉันเลยไม่ชอบออกมาข้างนอก ร้อนจะตาย เหงื่อก็ออกอยู่ได้ น่ารำคาญ "

“ ถึงจะไม่ชอบออกมาข้างนอกแต่ก็ยอมตามใจผม ขอบคุณนะครับ " เค้าที่ยิ้มให้ ผมก็ถอนหายใจออกมา

“ ไม่ต้องมายิ้มเลย เสร็จยังละ "

“ ไปหาของกินแล้วก็ไปหาที่นั่งเย็นๆนั่งกันเถอะครับ " 

   เดินดูดน้ำหวานผสมโซดาที่ซื้อได้จากร้านใกล้ร้านสร้อยเมื่อครู่ ฟานเองก็เหมือนได้ขนมปังปิ้งมาเหมือนกัน เราเดินออกมาจากถนนที่มีคนเยอะแยะเข้าสู่สวนสาธารณะแถวนั้นที่มีคนน้อยลงหน่อย ลมเย็นๆที่พัดปะหน้า มองซ้ายมองขวาหาที่นั่งแต่ก็ไม่พบ

“ นั่นไง ที่นั่ง " ผมชี้ไปที่ที่นั่ง ที่ยังว่างอยู่มันเป็นม้านั่งแบบยาวที่อยู่ใต้ต้นไม้พอดี หย่นตัวลงนั่งก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความเมื่อย ขยับเสื้อตัวเองให้เหงื่อที่ชุ่มหลังแห้งไปสักที " พรุ่งนี้ไม่มาแล้วนะ "

“ คุณต้องออกกำลังกายบ้างนะ ร่างกายคุณดูอ่อนแอนะ ผมว่า "

“ อ่อนแอยังไง " ดูดน้ำพลางถามอีกคนที่ก็เอียงหน้าวิเคราะห์

“ คุณเหมือนโดนแดดไม่ได้ยังไงก็ไม่รู้ เหงื่อออกเยอะเลย " เค้าเอื้อมมือมาเช็ดเหงื่อให้ผมที่ส่ายหน้าหนี

“ คนที่เหงื่อออกเยอะ ใครๆก็บอกว่าสุขภาพดี ระบบเผาพลาญฉันดี "

“ เหรอครับ " เค้าพยักหน้าหงึกงักเหมือนไม่ค่อยเชื่อกันเท่าไหร่หรอก ฟานหยิบขนมขึ้นกินก่อนจะจิ้มขนมปังชิ้นนึงแล้วป้อนให้ผม ขนมปังปิ้งทาเนยแล้วก็โรยน้ำตาล " อั้มมม "

“ มาอั้มอะไร แถวนี้อายเค้า " ผมคว้าเอาไม้จิ้มที่อีกคนถือมาถือไว้เองก่อนจะกินเข้าไปเสียคำโต

“ อร่อยมั้ย "

“ ก็พอใช้ได้ " ก้มลงดูดน้ำในมือตัวเอง ผมมองไปรอบๆบรรยากาศเขียวชะอุ่มที่ชวนให้สูดลมหายใจเข้าปอดไปลึกๆ " อากาศดีจังนะ " ไม่ค่อยสัมผัสอะไรแบบนี้เท่าไหร่ ผมเป็นคนชอบอยู่คนเดียวก็จริงแต่ก็ชอบขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง เปิดแอร์แล้วก็นอนทำนู้นทำนี่ไปตามประสา ไม่มีกิจกรรมที่ต้องออกเหงื่อ หรือมาชมธรรมชาติอะไรทั้งนั้น

“ ถ้าคุณชอบ อาทิตย์ละครั้งเรามาสูดอากาศกันเถอะ "

“ ร้อนนะ " ผมหันไปบอก เค้าก็ยิ้ม

“ ก็มาช่วงเย็นมันก็ไม่ร้อนหรอกครับ " ฟานเอื้อมมือมาหยิกแก้มผมที่หลบทันที

“ เล่นด้วยแล้วถึงเนื้อถึงตัวนะนาย "

“ แค่หยิกแก้มเองครับ มากกว่านี้ยัง..” ปิดปากอีกคนไว้ทันทีเพราะรู้ว่าคำไหนที่จะหลุดออกมา ผมทำหน้างอนใส่อีกฝ่ายก็ยิ้มก่อนจะดึงตัวเองเข้ามาใกล้ มือหนาที่ดึงเอวผมเข้าไปกอด ก่อนจะก้มลงมาหอม  “ คุณคีย์น่ารักจังเลย "

“ นี่ ออกไปนะเว้ย " ผมผลักอีกคนออก พลางมองซ้ายดูขวาก็โชคดีไปที่ไม่มีคนเห็น " นายช่วยทำตัวให้มันดีๆหน่อยสิ นี่มันที่สาธารณะนะเว้ย "

“ แค่กอดแล้วก็หอมแก้มเองนะครับ "

“ ก็ไม่ได้ "

“ ใจร้าย " เค้าทำหน้างอน

“ ใจร้ายอะไร มีมารยาทหน่อยสิ ในห้องก็ว่าไป "

“ ถ้าเป็นในห้องจะกอดจะหอมเท่าไหร่ก็ได้งั้นสินะครับ " เค้าถามด้วยสีหน้าที่ต่างออกไปจากเมื่อครู่ ผมก็ถอนหายใจพลางเบือนหน้าไปทางอื่น

“ ก็อย่าให้เกินเลยจนต้องทำเรื่องอย่างว่าก็แล้วกัน "

“ งั้นก็แย่นะสิครับ "

“ แล้วนายจะมาทำเสียงเศร้าทำบ้าอะไรวะ " หงุดหงิดจริงๆ ดันมาใจสั่นกับเรื่องแบบนี้อีก แก้มแดงๆของผมรู้สึกร้อนหน้ายังไงก็ไม่รู้

“ ก็ผมชอบทำอะไรแบบนั้นกับคุณ " มันจะมากเกินไปแล้ว ความตรงของนายน่ะ ไอ้ฟาน

“ หยุดพูดแบบนั้นสักทีได้มั้ย ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับนายสักหน่อย " เสียงจริงจังของผมเผลอหลุดปากคำพูดไม่ดีออกไปอีกแล้ว ผมถอนหายใจออกมา ตอนที่เบือนหน้าหนีอีกคน ฟานก็ยิ้มจางๆก่อนจะตอบออกมา

“ นั่นสินะครับ "

“ ฟาน " ผมพยายามจะอธิบายเค้า มือที่กำลังจะเอื้อมไปจับไหล่อยู่ๆอีกคนก็หันมามองผมเสียก่อน

“ แล้วตอนนี้คุณรู้สึกยังไงกับผมครับ " เค้าถาม " อย่างไม่โกหก คุณรู้สึกแบบไหนครับ "

“ ฉัน..”

“ ถ้าอายที่จะพูด ผมจะเอาถุงขนมบังหน้าตัวเองเอาไว้ครับ คุณพูดมาได้เลย เหมือนพูดกับตัวเองนั่นแหละ " ตระกะเด็กๆที่ทำให้ผมหลุดขำ

“ ฉันไม่ชอบพูดกับตัวเอง ฉันจะพูดกับนายนั่นแหละ " ดึงถุงขนมลงอีกคนที่จ้องตาผม ถอนหายใจออกมาก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น " ชอบมั้ง แต่ไม่ถึงกับจะพูดออกมาได้ว่า ฉันชอบนายนะ เพราะยังไม่อยากจะยอมรับความจริง อายุเราห่างกันมากเกินไปแล้วฉันก็ไม่เคยมีแฟนที่เด็กกว่าเลย แต่ตอนนี้ฉันก็หัวใจเต้นแรงกับสิ่งที่นายทำทั้งๆที่ไม่เคยเป็นกับใคร  มันอ่อนไหวง่ายจนรู้สึกว่า นี่มันไม่ใช่ตัวฉันเลย ตั้งแต่รู้จักกับนาย ฉันรู้สึกตัวเอง ทั้งขี้หวง แล้วก็เห็นแก่ตัว มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกำลังหลอกตัวเองอยู่ คนอย่างฉันน่ะเหรอ จะชอบคนที่เด็กกว่า ไม่ทางหรอกน่า แล้วตอนนี้ก็ยังรู้สึกอย่างงั้น ยังคงปากแข็งอยู่ " 

“ งั้นผมจะทำให้คุณยอมพูดมันออกมาเองครับ " เค้าที่มาดมั่นตอบออกมา " ก็แค่ทำให้คุณยอมรับว่า ชอบผม มันง่ายมากเลย ยังไงตอนนี้ก็ชอบผมอยู่แล้วนี่ "

“ มั่นใจไปนะนาย " รอยยิ้มกว้างของเค้า สองมือหนาปิดหน้าตัวเองก่อนจะพิงหลังกับพนักพิงของที่นั่งที่เรานั่งอยู่ " เป็นอะไร "
“ ดีใจที่ได้ยินคุณพูดอะไรออกมาตรงๆแบบนั้น เหมือนว่า ไม่ได้มีแค่ผมที่รู้สึกว่า ชอบคุณมากๆอยู่ฝ่ายเดียว " เค้าที่เงียบไปก่อนจะหันมาหาผม พร้อมกับสองมือที่จับมือของผมไว้แน่น " คุณคีย์ครับ "

“ อะไร "

“ ผมจะพยายามทำให้คุณยอมรับในตัวผม ยอมรับจนต้องบอกว่า ชอบผมออกมาให้ได้ " เค้าที่พูดออกมาแบบนั้น พร้อมด้วยใบหน้าคมที่ค่อยๆดึงตัวเองเข้ามาใกล้ใบหน้าของผม ริมฝีปากที่กำลังใกล้กันของเรา ลมหายใจของผมติดขัด ดวงตาที่ค่อยๆปิดลงช้าๆราวกับกำลังรอรับ ไออุ่นจากจูบของอีกคน แต่ทว่ามันก็ผ่านเลยไปกลายเป็นการซิบกันเสียแทน " ผมว่าอีกไม่นานหรอก คุณต้องบอกว่าชอบผมแน่ๆ "

“ นี่นาย.. “ จูบเบาๆที่ประทับลงข้างแก้มตอนที่กำลังจะหันไปเหวี่ยงใส่อีกคน ถอนหายใจออกมากับหัวใจที่เร่งจังหวะขึ้นให้ตอนนั้น ท่าทางจะจริงอย่างที่หมอนี่ว่าซะแล้วละมั้ง คำว่าชอบจากปากของผม มันจะเก็บเอาไว้ได้นานแค่ไหนกันนะ ก็เล่นหัวใจเต้นแรงทุกๆชั่วโมงขนาดนี้ ต้องยอมเสียฟอร์มบอกว่า ชอบเด็ก ซะแล้วละมั้ง คีย์

.........................................................

ก็ชอบนะ แต่ไม่อยากจะยอมรับใจตัวเอง
ทำไมพี่คีย์เป็นคนแบบนั้นนนนน
 :hao5: :hao5: :hao5:
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่ะ เจอกันตอนหน้า
 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 7 ' คุณชอบผมมั้ย ' - 10.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 10-06-2016 20:57:55
หวานๆเนอะ นุ้งคีย์คนปากไม่ตรงกับใจ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 7 ' คุณชอบผมมั้ย ' - 10.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-06-2016 20:58:52
ขอน้องฟานใส่ถุงกลับบ้านด้วยค่ะ
พี่คีย์จะเอาไง แหม ปากแข็งที่หนึ่ง เล่นตัวได้อีก แต่เราเข้าใจนะ อะไรได้มาง่ายๆชอบกันง่ายๆมันน่ากลัวอะ
ถ้าเรารักไปแล้วต่อไปเลิกกันจะทำไงอะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 7 ' คุณชอบผมมั้ย ' - 10.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 10-06-2016 21:15:32
แฟนเด็กนี่มันกระชุ่มกระชวยขนาดนี้เลยเหรอออ อิจฉาแรง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 7 ' คุณชอบผมมั้ย ' - 10.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 10-06-2016 22:29:26
 คุณคีย์ถ้ายังมัวแต่ไม่ยอมรับใจตัวเองเราจะแอบขโมยฟายมาครอบครองเองแล้วน่ะ เราชิอบเด็ก  อิอิ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 7 ' คุณชอบผมมั้ย ' - 10.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 10-06-2016 22:35:48
ก็ชอบนั่นแหละ หวั่นไหวไปแล้วตั้งขนาดนี้
แต่ก็ยังขอปากแข็งอีกแป๊บนึงเนอะพี่คีย์เนอะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 7 ' คุณชอบผมมั้ย ' - 10.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 11-06-2016 00:35:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 7 ' คุณชอบผมมั้ย ' - 10.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 11-06-2016 00:49:00
โอ้ยยยยย
แฟนเด็กมันดีนะคุณคีย์ๆๆๆๆ
อิอิ

รีบบอกฟานไปเร็ววว จะได้ฟินกว่านี้อีก อิอิ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 7 ' คุณชอบผมมั้ย ' - 10.6.59} หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 11-06-2016 01:56:50
น้องฟาน หลอกล่อคนแก่เก่งนะคะ

ยิ้มตามทั้งตอนเลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 8 ' โฮสคนแก่ ' - 12.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 12-06-2016 20:37:29
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 8
' โฮสคนแก่ '

“ ถ้าผมจะหันไปชอบคุณลิปคุณจะอนุญาติมั้ยครับ " ผมได้แต่นิ่งอึ้งกับคำพูดที่ร่างสูงตรงหน้าหันไปถามเพื่อนตัวเอง ที่ก็นั่งอยู่ข้างเดียวกัน ท่าทางอึกอักของอีกฝ่ายก่อนจะค่อยๆพูดสิ่งที่ตัวเองอึดอัดออกมาทั้งหมดนั้น มันไม่ใช่ง่ายๆเลยที่จะทำให้ใครสักคนเปิดเผยสิ่งที่ตัวเองเก็บไว้ออกมาได้หมดเปลือกขนาดนั้น คีย์ที่พูดออกมาเสียงดังคงสิ้นสุดความอดทนของตัวเองแล้ว " ฉันมันก็แค่คนหวงก้าง " พูดแค่นั้นก็รู้แล้วเพื่อนผมคงตกหลุมรักเด็กคนนั้นเข้าแล้วเต็มเปา แต่นิสัยแบบคีย์ ปากแข็งก็เท่านั้นไม่ยอมรับความจริงอะไรหรอก ทั้งๆที่ ทั้งสายตาที่มองทั้งการกระทำมันก็บอก ว่าทั้งชอบทั้งหวงเค้าออกขนาดนั้น แล้วนั่นก็ดีแล้วผมไม่ค่อยโอเคที่คีย์จะชอบหัวหน้าธีร์เท่าไหร่หรอก หมอนั้นดูก็รู้ว่าหวังเคลมชัดๆแต่ก็กลัวจะเสียหน้าเพราะไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าตัวเองที่รสนิยมชอบเด็กผู้ชาย คบกันไปก็มีแต่ต้องหลบๆซ่อนๆแถมยังเป็นขี้ปากพนักงานสาวในบริษัทอีก ขอให้ฟานทำให้คีย์รักจนไม่หันกลับไปเหลียวไอ้หมอนั่นทีเถอะ คนอะไรน่ารังเกียจชะมัด

“ เก็บเงินด้วยครับ " ผมยกมือขึ้นตะโกนเรียกพนักงาน ของทอดร้านนี้กินคู่กับเบียร์แล้วอร่อยชะมัด สมแล้วที่คนชอบเบียร์อย่างคีย์แนะนำมา ถอนหายใจออกมาตอนที่คิดถึงเรื่องเพื่อนอีกครั้ง คืนนี้คงเป็นหมอนั่นแน่ๆที่ต้องแสดงบทรักทั้งคืน ฟานก็ดูจะแซ่บด้วย น่าอิจฉาชะมัดเลยน้า

“ นี่ค่ะ " พนักงานวางบิลลงบนโต๊ะ ค่าเสียหายไปเยอะเท่าไหร่น้อยกว่าเงินที่คีย์ให้ผมไว้เสียอีก
 
“ นี่ครับ " ยื่นสมุดบิลให้เค้า อีกคนก็รับไปนั่งอยู่สักพักเงินทอนก็ถูกนำมาให้ ผมเก็บทุกอย่างลงในกระเป๋า ก่อนจะหยิบถุงหนังที่ยืมมาแล้วเดินออกจากร้าน

   ถอนหายใจออกมาเซ็งๆทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่ากำลังเซ็งเรื่องอะไรอยู่ อิจฉาที่เพื่อนมีแฟนก็คงไม่ใช่ตัวเราก็มีแฟนอยู่แล้ว แต่คงกำลังอิจฉาที่ว่า ทั้งๆที่ไม่ชอบคนที่อายุน้อยกว่าแต่กลับได้แฟนที่แค่เห็นครั้งแรกก็รู้สึกว่าทั้งท่าทางแล้วก็ความคิดมีความเป็นผู้ใหญ่ แล้วก็ดูจริงจัง มากกว่าแฟนเด็กของเราอีกที่แม้กระทั้งตอนนี้ก็รู้ไม่เอาถ่านอะไรเลยสักอย่าง เมื่อไหร่จะเจอคนที่ใช่สักทีนะ ผมน่ะถ้าทำได้ก็อยากจะหยุดเรื่องรักๆแบบนั้นแล้ว โตแล้วอยากจะคบใครก็อยากจะคบไปนานๆ

   สัญญาณไฟแดงที่บอกให้หยุดนิ่งอยู่ที่หน้าถนนใหญ่ คว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองในกระเป๋าขึ้นมาตอนที่กดไปยังเบอร์โทรออกล่าสุด รอสายอยู่นานแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าปลายสายจะรับ ลดมือถือลงมากดวางสายมองดูชื่อ ' จิน ' แฟนตัวเองที่หน้าจอก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ แบบนี้ทุกที ทีตัวเองจะมาหาละรีบให้ไปเจอ พอฉันจะหานายบ้าง ติดต่อยากทุกที " ถอนหายใจออกมาเบาๆ ตอนที่มองไปรอบๆ ไฟเขียวก็บอกเป็นสัญญาณให้เดินตรงไปข้างหน้าได้ ผมก้าวเดินตรงไปตอนที่กำลังรอขึ้นรถไฟฟ้า ตรงชานชาลาที่สถานีเดียวกันผมกลับผมคนที่คุ้นเคยเข้า

   แววตาของผมเบิกกว้าง ลมหายใจที่แทบหยุดเต้น ผมกลืนน้ำลายคงคอพลางมองภาพนั้นแบบไม่เชื่อสายตา แฟนของผม คนที่ผมกำลังโทรหาแต่กลับต้องรอสายเพราะไม่มีใครรับ กำลังยืนอยู่ใกล้ๆผมแค่นี้เอง เค้าที่กำลังกอดคอและพูดคุยสนุกสนานอยู่กับเพื่อนผู้หญิงที่ไม่ว่าจะดูยังไง ก็ไม่น่าจะเป็นแค่เพื่อน จมูกที่ก้มลงหอมแก้มเธอหลอกล้อกันแบบไม่อายสายตาของใครๆทั้งนั้น

“ จิน เมื่อกี้สายเข้านิ " เสียงผู้หญิงที่เอ่ยถาย " ยังไม่บอกเลยนะว่า ใครโทรมา "

“ คงเป็นกิ๊กสักคนของฉันแหละ "

“ เจ้าชู้จริงนะ " เธอบอก พลางยกมือขึ้นหยิกแก้มเค้า

“ ฉันนะ มีผู้ชายแก่ๆคนนึงมาจีบอยู่แหละ เป็นคนที่หลอกง่ายชะมัด พูดอะไรก็เชื่อ "

“ เหรอ แล้วนายไปหลอกเค้าทำไม ใจร้ายชะมัด "

“ สนใจอะไรละ ก็เหมือนเราแลกเปลี่ยนความต้องการกันนั่นแหละ ฉันให้ของที่เค้าชอบ เค้าก็ให้ของที่ฉันอยากได้แค่นี้ก็พอแล้วนิ คนที่มีรสนิยมแบบนั้นเค้าก็ต้องการแค่เรื่องอย่างว่าเท่านั้นแหละ " เค้าที่พูดเสียงเบาๆก่อนจะให้ไปยิ้มกับผู้หญิงคนนั้น
“ ก็จริงนะ "   

   ผมกำถุงที่ตัวเองถือมาแน่น อยากจะก้าวขาเดินไปหาช้าๆ ปรากฏตัวให้รู้ว่า ฉันเห็นเข้าแล้วนิสัยที่แท้จริงของนายตลอดมาที่เอาแต่หลอกลวงอ้อนอยากได้นู้นนี่แล้วให้ฉันซื้อให้ ฉันที่ซื้อให้เพราะคิดว่า รัก และ ชอบ ก็เลยซื้อให้ แต่นายกลับมาคิดแค่ว่าเพราะมีเซ็กส์กับฉัน ฉันก็จะซื้อให้ นายคิดว่าแค่ว่า ฉันต้องการแค่เซ็กส์อย่างงั้น คนอย่างฉันไม่มีหัวใจอย่างงั้นเหรอ ' ไอ้สวะเอ้ย '

   เสียงรถไฟบอกเทียบช้าชานชาลาในอีกไม่ช้า ผมสูดลมหายใจออกมา ตัดสินใจจบความรู้สึกตัวเองในตอนนั้นอย่างไม่อายใครเพราะไม่อยากจะเจอหน้าไอ้เหี้ยที่อีก ขาของผมก้าวออกไปมือที่กำถุงในมือแน่นผมเอ่ยเรียกเค้า " จิน "

“ ลิป " เสียงที่เอ่ยออกมาเบาๆ ด้วยสีหน้าตกใจนั้น ผมยิ้มออกมา ก่อนจะฟาดมือลงไปบนหน้าเค้าเสียเต็มแรง  ' เพี๊ยะ!! ' ใบหน้าคมหันไปตามแรงตบที่ปะทะเข้าใบหน้าเค้าที่หันขวับมามองเหมือนจะถามว่าทำไมถึงทำแบบนั้น

“ ฉันได้ยินหมดแล้วละเรื่องที่นายพูด " ผมเว้นเสียง " ไปตายซะเถอะ ไอ้สวะเอ้ย " ขาที่หันหลังเดินออกมาอดใจไม่ไหวที่จะหันกลับไปต่อยหน้ามันแรงๆอีกทีจนเซ ' ผั๊วะ ' “ แล้วอย่าไปให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ " ผมพูดแค่นั้นนิ่งๆก่อนจะเดินขึ้นรถไฟที่จอดเทียบชานชาลาพอดี ผู้คนทั่วไปที่หันมองผม มีหลายคนที่อยากจะจับตัวไว้เหมือนข้อหาทำร้ายให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ แต่ทว่าผมก็แค่หันไปบอกเค้า " แค่บอกเลิกแฟนที่นอกใจนะครับ "

   เดินไปยืนชิดริมประตู ผมมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะหันมองป้ายที่บอกผมว่าอีกนานกว่าจะถึงสถานีของบ้านผม  ถอนหายใจออกมาอีกครั้งตอนที่กอดตัวเองไว้แน่น ในที่สุดน้ำตามันก็ไหลออกมาจริงๆทั้งที่เคยคิดมาตลอดว่า จะไม่จริงใจกับใครก็แค่คบไปเล่นๆ แต่พอเอาจริงๆ พอถูกทิ้ง ถูกหลอก ก็เป็นแบบนี้ืทุกครั้ง ร้องไห้ให้กับคนพวกนั้นแบบนี้อยู่ทุกครั้งไป

   ลำตัวของผมเริ่มงอลงเรื่อยๆน้ำตาที่ไหลออกมามากมายสมองคอยแต่คิดถึงคำพูดของเค้า  ' คนที่มีรสนิยมแบบนั้นเค้าก็ต้องการแค่เรื่องอย่างว่าเท่านั้นแหละ ' ไม่ใช่สักหน่อยฉันไม่ได้ต้องการแค่เรื่องอย่างงั้น ฉันยังคงต้องการความรัก แล้วก็ต้องการคนที่รักฉัน รักฉันจริงๆสักคน หันหน้าเข้ากับหน้าต่างกั้นเสียงที่กำลังร้องไห้อย่างหนักนั่นเอาไว้ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองไว้แน่นเพื่อไม่ให้ส่งเสียงอะไรออกมา ผมเดินลงจากสถานีตอนที่มันบอกถึงที่หมายของตัวเอง คอนโดที่อยู่ใกล้ๆปลายทางออกรถไฟ ผมตอนเข้ามาในคอนโดตอนที่เดินขึ้นห้อง ผมก็หย่อนตัวเองลงนอนยาวกับตัวโซฟาหน้าทีวีตรงนั้น

“ ไหลลงมาอีกแล้ว " เผลอพูดกับตัวเองออกไปก่อนจะใช้หลังฝ่ามือปัดมันออกไปช้าๆ พลิกตัวเองมองดูโทรศัพท์ที่มีสายเข้ามากมายจากใครคนนั้น " จะโทรมาอีกทำไมวะ " พูดกับตัวเองก่อนจะหน้าจอแล้ววางมันไว้ให้ไกลตัว มองดูถุงหนังที่ไปยืมเพื่อนมาก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาอย่างไม่รู้จะทำยังไงกับมันดี โง่แล้วก็ยังโง่อีก โง่ที่ไปใส่ใจคนแบบนั้น โง่ที่ไปคิดถึงเค้า โง่ที่คอยแต่ทำนู้นทำนี้ให้ด้วยความรู้สึกชอบเสียมากมาย " โง่จริงๆ นายนี่มันโคตรโง่เลยลิป "

   หลับตาลงช้าๆ ผมผ่อนหายใจออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของเราก็ได้แต่เจ็บมันอยู่แบบนั้น เค้าที่เคยกอดแล้วพร่ำบอกว่ารักเราอยู่เสมอ คำพูดหวานๆที่ได้ฟัง ขอให้เป็นแค่คืนนี้ที่ฉันจะร้องไห้ให้นาย แล้วพอตื่นขึ้นมาฉันก็จะกลับไปเป็นคนเก่า  คนที่จะไม่คิดถึงนายอีกเลย

................................................

   เริ่มต้นทำงานหลังจากผ่านวันหยุดสองวันผ่านไปเร็วจนน่าใจหาย น่าแปลกหนึ่งอาทิตย์ 24 ชั่วโมงเท่ากันแท้ๆแต่ทำไมเวลาของวันหยุดถึงได้สั้นนัก เผลอนอนไปแค่แปปเดียวตื่นขึ้นมาอีกทีฟ้าก็มืดแล้ว ทีพอทำงานมองนาฬิกาแล้วมองนาฬิกาเวลาก็ยังเดินอยู่ตรงนั้น เดินช้าจริงอะไรจริง

“ อรุณสวัสดิ์ " ผมเอ่ยทักพนักงานคนอื่น ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะของตัวเอง คีย์ยังไม่มาทำงานเลยสงสัยวันหยุดที่ผ่านมาคงจะเติมรักกันจนอิ่ม คิดในใจแบบนั้นปากก็เผลอแบะออกมาอย่างรู้สึกหมั่นไส้ อิจฉาจริงๆคนมีความรัก

“ ลิป อรุณสวัสดิ์ " หันไปมองต้นเสียงคุ้นๆที่นั่งลงที่โต๊ะข้างๆ คีย์เพื่อนผมมีสีหน้ามีความสุขดีแต่ทว่า เสียงกลับไม่สดใสเหมือนกับหน้า ซะงั้น

“ อ่า อรุณสวัสดิ์ " พยักหน้ารับช้าๆก่อนจะหลุดหัวเราะหน้าตาเกร็งๆของอีกฝ่าย " นายเป็นอะไร อมทุกข์เชียว ไม่เสร็จเหรอเมื่อคืนนะ "

“ ไม่ใช่เรื่องนั้นเว้ย! ไอ้บ้า " อีกคนโวย ผมก็ยิ่งขำ

“ แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้น "

“ เรื่องฟานน่ะ คือฉันทำน่าเกลียดไว้กับนาย ขอโทษนะ ทั้งๆที่ว่าก็บอกไปแล้วว่าจะแนะนำให้แต่ว่า.." เค้าที่อึกอักไม่กล้าสบตาผม

“ แต่ว่านายก็ชอบเค้าไปแล้ว "

“ ฉัน " คีย์ที่กำลังจะเถียง แต่อยู่ๆก็เงียบลงก่อนจะก้มหน้าลงต่ำ เสียงเบาๆที่พูดออกมา " อื้อ ขอโทษนะ "

“ ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ ไม่ต้องคิดมากหรอก " ยื่นมือไปตบไหล่อีกคนที่ก็เงยหน้ามองผมแบบที่ยังไม่สบายใจเท่าไหร่นัก " ฉันเข้าใจจริงๆคีย์ เอาจริงๆฉันก็รู้ตั้งแต่เข้าไปนั่งในร้านอาหารแล้ว ฉันเป็นเพื่อนนายฉันย่อมดูเพื่อนตัวเองออกสิ ถ้านายไม่ชอบเค้าจริงๆคงให้ฉันนั่งใกล้เค้าแทนที่จะให้ไปนั่งตรงกันข้าม แล้วอีกอย่างฟานที่พูดออกมาชอบนายขนาดนั้น ฉันไม่กล้าจะเสียบหรอก เค้าคงไม่มีทางหันมาเหลียวฉันจริงๆอย่างที่ถามนายหรอก แม้นายจะตกลงให้มาก็เถอะ "

“ เหรอ "

“ เค้าดูชอบนายมากเลยนะ " ผมบอกอีกคนก็เหลือบตาไปทางอื่น ท่าทางเขินๆของเค้าคงกำลังคิดถึงหน้าของใครอีกคนอยู่แน่ๆ " ทั้งมั่นใจแล้วก็กล้า แบบว่าจับนายมาจูบต่อหน้าฉัน เป็นภาพที่ต่อให้อีกสิบปีก็คงลืมไม่ลงแน่ๆ อะไรแบบนี้ "

“ บ้า ไอ้เด็กนั่นก็แค่เด็กหื่นเท่านั้นแหละ " เค้าบอกปัดๆ ก่อนจะหันไปเปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองเพื่อทำงานแก้เขินคำพูดของผม

“ หื่นยังไงกันน้า แบบว่าแก้ผ้าทั้งวัน กินแล้วก็ทำกัน วนเวียนแบบนั้น แบบไม่หยุดหย่อน "

“ นั่นก็มากไป "

“ เล่าให้ฟังหน่อยสิ " ผมดึงเก้าอี้สำนักงานที่อีกคนนั่งอยู่ให้เข้ามาใกล้ คีย์ที่ถอนหายใจออกมาแก้มแดงๆของเค้าเหลือบซ้ายมองขวา " เล่าให้ฟังเลยนะ โทษฐานที่ฉันไม่ได้แอ้มแล้ว "

“ ก็มีอะไรกันนั่นแหละ จะพูดว่าไงดีละ หมอนี่มัน..ถ้ามีโอกาสถึงบอกว่าไม่ทำมันก็ทำละนะ "

“ แล้วเป็นไง ลีลาเด็ดปะ "

“ ก็ไม่แย่อะ แต่ฉันไม่ได้มีอะไรกับคนมามากมายจนบอกได้ว่า ลีลาเค้าเด็ดอะนะ "

“ แล้วเมื่อคืนกี่รอบ "

“ ต้องบอกเหรอ " อีกคนถามผมก็พยักหน้ารับ " สอง "

“ คืนก่อนที่แยกไปจากฉันละ "

“ ก็สอง "

“ แล้วนายเสร็จมั้ย "

“ นายถามอะไรเนี้ย " เค้าพูดอายๆ " ก็เสร็จสิ "

“ ก็แสดงว่าเด็ดอยู่นี่ทำให้เสร็จได้ด้วย ปกตินายเคยบอกว่านายเสร็จยากนิ "

“ ฉันเสร็จยากเฉพาะเวลาไม่อินกับคนที่อะไรด้วยก็เท่านั้นแหละ "

“ งั้นแสดงว่าคนนี้ก็อินมากเลยอะดิ " แซวเค้ายิ้มๆอีกคนก็อมยิ้มตาม " แล้วเป็นไง เค้าโอเคมั้ย นายตอนนี้คบกับเค้าแล้วเหรอ "

“ ก็ยังหรอก อื้ม เรียกว่าไงดีละ ก็ดูกันไปก่อน ลองคบกันแต่ไม่ผูกมัดอะไร ฉัน..” คีย์ที่เว้นเสียงไปก่อนจะหันมายิ้มให้ผม " ฉันชอบเค้านะ จะว่าไงดีละฉันก็ไม่เคยชอบคนอายุน้อยกว่ามาก่อน แต่ฟานน่ะไม่เหมือนคนอายุน้อยกว่าในแบบที่ฉันคิด เค้าทั้งมั่นใจแล้วก็มีนิสัยแล้วก็ความคิดเป็นผู้ใหญ่ อาจจะขี้อ้อนไปบ้างก็ตามประสาเด็ก แต่ชั้นเชิงการพูดตรงๆของเค้ามันทำให้ฉันรู้สึกว่า ชอบ ชอบเค้าจัง "

“ แต่ถึงแบบนั้นคนอย่างนายก็ยังไม่อยากจะยอมรับตัวเองใช่มั้ย หรือว่าจริงๆแล้ว ก็แค่จะเหลือพื้นที่ให้หมอนั่นกัน " ผมเชิดหน้าไปที่โต๊ะหัวหน้าอีกฝ่ายที่ส่ายหน้าไปมา

“ แค่กลัวจะผิดหวังกับการคาดหวังที่มากเกินไปตังหาก พอเรารักใครสักคน เราก็ย่อมคาดหวังว่าเค้าจะเป็นอย่างงั้น จะเป็นอย่างงี้ ฉันเลยอยากจะลองคบเค้าดูก่อน วันไหนที่รู้สึกว่าชอบมากจนต้องบอกเค้าออกไปว่าชอบแล้ว ก็คงบอกออกไป เพราะวันนั้นต่อให้เค้าไม่เป็นอย่างที่ฉันคาดหวัง ฉันคงยอมเจ็บแต่ก็คงปรับตัวเองเพื่ออยู่กับเค้าอยู่ดี ไม่รู้จะคิดถูกรึเปล่า แต่ก็คิดแบบนี้แหละ "

“ ก็ไม่แย่หรอก อย่างน้อยถ้าฟานโอเค นายโอเค ก็ไม่มีอะไรแย่ เพราะเรื่องนี้มันก็เป็นแค่เรื่องของนายสองคนเท่านั้น แต่ว่าคีย์ ฉันขอเตือนอะไรสักอย่าง การคบกันแบบไม่ผูกมัดอะ ถ้าเค้าไปมีคนอื่นนายก็จะมาโมโหไม่ได้หรอกนะ เพราะนายไม่ผูกมัดเค้าเอาไว้เอง "

“ อื้ม นั่นสินะ อย่างที่นายพูดมันก็ถูก ขอบคุณที่เตือนนะ  " สีหน้าเปลี่ยนไปของอีกคน คีย์ยิ้มออกมาจางๆก่อนจะเลื่อนตัวกลับไปทำงานที่โต๊ะของตัวเอง คนเราจะยอมรับว่าเราชอบในสิ่งที่เคยบอกว่าไม่ชอบมันคงเป็นอะไรยากมากเลยสินะ เหมือนผิดคำพูดในตัวเองอย่างงั้นเลย แต่ในความรักมันก็มีบ่อยไปไม่ใช่เหรอ พวกที่เกลียดอะไรจะได้อย่างงั้นน่ะ

   ผมหันหน้าเข้าจอคอมพิวเตอร์ ตอนที่เปิดงานที่ค้างออกมาทำต่อให้เสร็จ อยู่ๆคีย์ก็หันมาถาม " ลิปแล้ว หนังที่เอาไปเป็นไง จินเค้าชอบมั้ย "

“ เค้าไม่ได้ดูมันแล้วละ " ผมตอบอีกคนก็เอียงหน้ามาถาม

“ หมายความว่าไง ไม่ได้เจอกันเหรออาทิตย์ที่ผ่านมาน่ะ "

“ ฉันเลิกกับเค้าแล้ว "

“ ห๊ะ ! “ ใบหน้าหวานที่อ้าปากค้าง ผมสูดลมหายใจก่อนจะหันไปยิ้มให้เค้า

“ ได้ยินไม่ผิดหรอก ฉันเลิกกับเค้าแล้ว "

“ ทำไมล่ะ "

“ วันที่ฉันกลับจากร้านอาหารกับนาย ฉันบังเอิญเจอเค้านะ แล้วเค้าก็มากับผู้หญิงท่าทางก็คงเป็นแฟนกันนั่นแหละ แล้วเค้านะก็พูดถึงฉันให้ผู้หญิงคนนั้นฟัง เค้าบอกว่า คนอย่างฉันก็ต้องการแค่เซ็กส์เท่านั้นแหละเค้าตอบสนองให้เรา เราเองก็ตอบสนองของที่เค้าอยากได้ให้เค้า ฉันก็มีค่าแค่นั้นในความรู้สึกของเค้า อึก โทษทีนะ พอดีฉันจะเฮิร์ดอยู่นิดหน่อยอะ " น้ำตาที่ไหลออกมา ผมเช็ดมันอย่างรวดเร็วก่อนจะยิ้มให้เพื่อนที่ก็เอื้อมมือมาลูบหลังผมเบาๆ " ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร แต่อย่าปลอบเลยเดี๋ยวร้องไห้หนักกว่าเดิมนะ " ผมพูดติดหัวเราะตอนที่หยิบทิชชู่เช็ดหน้าตัวเองแล้วหันไปทำงานต่อ  น้ำตาบ้า ทำไมต้องไหลออกมาอีกแล้วละ น่าเบื่อจริงๆ ทั้งๆที่สองวันที่ผ่านมาก็ร้องไห้จนคิดว่าหมดแล้วไปแล้วแท้ๆ ผมถอนหายใจออกมาคลิกเม้าส์ทำงานไปเรื่อยๆ จนงานเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะรวมไฟล์ทั้งหมด ส่งออกไปให้หัวหน้าแล้วตัวเองก็เปิดเฟสบุ๊คขึ้นดูสักหน่อย

“ ก่อนอื่นต้องบล๊อคไอ้นั่นก่อน " ผมกดบล๊อคเฟสของไอ้เด็กจินนั่น แล้วก็ไล่ดูข่าวมากมายในเฟสที่มีทั้งเพื่อนมัธยมแล้วก็เพื่อนมหาลัยแชร์มา โดยมีสเตตัสของเพื่อนคนนึงสมัยเรียนมหาลัยที่จะเยอะเป็นพิเศษ

   ' แอปเปิ้ล '  เป็นเพื่อนผู้หญิงของผมคนนึงที่ตอนนี้ยังโสดแล้วก็เป็นเพื่อนคลั่งใคล่ผู้ชายหล่อเหลาทุกชาติพันธุ์ " อะไรของมันอีกเนี้ย " ผมบ่นออกมาเบาๆ ตอนที่มันบ่นคลั่งไคล้ใครสักคนลงไปในเฟสบุ๊คของมัน ผมเข้าไปกดไลค์ ก่อนจะคอมเม้นท์ ' หาสามีตัวจริงให้ได้แล้วเลิกเพ้อถึงสามีในจินตนาการของมึงสักทีเถอะ ' แล้วในเสี้ยววินาทีนั้นมันก็กดไลค์ก่อนจะทักแชทผมเข้ามาอย่างทันท่วงที

“ ว่าไงค่ะ ไม่เจอกันนายสบายดีนะ "

“ สบายดีครับ แล้วแกเป็นยังไง เพ้อเจ้อถึงผู้ชายเหมือนเดิมเลยนะ "

“ แต่คนนี้ไม่ธรรมดาเว้ย คนนี้ไม่ธรรมดา " ถอนหายใจออกมาตอนที่อ่านข้อความนั้น

“ ยังไง "

“ แกรู้จัก โฮสคนแก่ปะ "

“ โฮสคนแก่ ? “

“ ตอนนี้อะนะ มันมีโฮสคนแก่ให้บริการปรึกษาปัญหาชีวิต คือฉันเนี้ยก็ไม่ได้มีปัญหาชีวิตอะไรหรอก แต่ตอนนั้นเครียดเรื่องงานก็เลยลองไปปรึกษาดู สรุปว่า เฮ้ย มันดีวะ "

“ ดียังไง " กูไม่เข้าใจตระกะอะไรแบบนี้อีกแล้วอะ โฮสเด็กวัยรุ่นยังพอเข้าใจ โฮสคนแก่นี่กูไปไม่เป็นเลย

“ ก็คนที่ฉันติดต่อไปเนี้ย อายุประมานสามสิบต้นๆ อื้ม ก็คุยกันแหละ เรามีปัญหาเราก็ไปปรึกษาเค้า เค้าก็ให้คำปรึกษาเรา มันทำให้ฉันคิดได้อะแก มีความรู้สึกว่าเราไม่ต้องแคร์ว่าเค้าจะรู้สึกยังไงกับเรา เพราะเค้าไม่รู้จักเราอยู่แล้ว เพราะบางทีเราปรึกษาเพื่อนมันก็พูดได้ไม่เต็มปากใช่มั้ยละ แต่ถ้าเป็นเค้าเราก็ปรึกษาได้เต็มที่เลย อย่างฉันแรกๆก็เรื่องงาน ต่อมาก็เรื่องเสื้อผ้า "

“ เรื่องเสื้อผ้าก็ได้ด้วย ปรึกษาเรื่องอะไรได้บ้างวะ "

“ เรื่องความรัก งาน ครอบครัว อะไรก็ได้ เหมือนเพื่อนชวนคุยอะแก "

“ แล้วที่บอกว่าเด็ดคือยังไง "

“ มันมีผู้ชายคนนึงเป็นหัวหน้าโฮสแหละ อารมณ์คงผู้ก่อตั้ง เค้าหล่อดีอะ สาวๆชอบซื้อเค้าไปช่วยเลือกเสื้อผ้าเพราะเค้าเลือกเสื้อผ้าเก่ง แล้วก็คุยกันเรื่องความรักอะไรแบบนั้น แต่นั่นแหละ เค้าฮอตอะ มันเลยแพง ฉันเลยเซ็งอยู่เนี้ย อยากจะได้เค้า "

“ ขนาดนั้นเลย "

“ แกลองดูมั้ย ช่วงนี้มีปัญหาอะไรรึเปล่า " เพื่อนผมบอกก่อนจะส่งลิงค์ข้อมูลมาให้

“ ขอบคุณนะ แต่ช่วงนี้คงยัง "

“ จะเก็บตังค์ไปแดกเด็กละสิ ไม่แดกคนแก่ แต่ลองเปลี่ยนรสชาติดูก็ดีนะเว้ย อาจจะติดใจ " ถอนหายใจออกมาตอนที่อ่านประโยคนั้น กูก็เพิ่งโดนเด็กทิ้งหัวมานี่ไง 

“ มันเอากันได้ด้วยรึไง "

“ เปล่าหรอก พูดไปงั้นอะ "

“ อ้าวอีนี่ "

“ ฮ่าๆ ไปทำงานละไว้คุยกันนะ "

" อื้ม ไว้คุยกันนะ " ผมกดปิดหน้าแชท ก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง " โฮสคนแก่เอาไว้ปรึกษาเรื่องชีวิตเหรอวะ หึ เดี๋ยวนี้มันก็มีอะไรแปลกๆเหมือนกันนะ " พูดกับตัวเองแบบนั้น มือมันก็เลื่อนเข้าไปในหน้าแชทอีกครั้ง ก่อนจะกดเปิดดูลิงค์นั้นอีก เว็บหน้าตาธรรมดา ที่มีกฏข้อบังคับมากมาย เช่น การจ่ายเงินที่ต้องมีค่าธรรมเนียมแรกเข้า บวกกับค่าชั่วโมงที่จะรับปรึกษา หนำซ้ำยังต้องจ่ายค่าอาหารในกรณีที่ไปนั่งคุยกันที่ร้านอาหาร จ่ายค่าเดินทางที่เค้าต้องเดินทางมาหาอีก " ก็แพงเหมือนกันนะเนี้ย เบ็ดเสร็จก็หลายตังค์อยู่ แต่ก็ยังน้อยกว่าไอ้เด็กดชี้ยนั่นปลอกลอกฉันละกัน " หน้าตาคุณลุงก็ไม่แย่หรอกแต่ก็ใส่สูทกันทุกคน ดูท่าทางน่าไว้วางใจใช่ย่อยเลยนะ แต่จะว่าไปพอดูอายุแล้วก็สเป็คคีย์เลยนะเนี้ย สามสิบอัพกันทั้งนั้น  " จะลองดูสักคนดีมั้ยนะ " มือที่คลิกไปเรื่อย ผมเข้าไปอ่านกฏเคร่งครัดของที่นี่นอกจากค่าใช้จ่ายแล้ว มันยังมีกฏที่ว่าคือ ไม่มีเซ็กส์กันแล้วก็จะปรึกษาในที่สาธารณะเท่านั้น " ก็ดีเหมือนกันนะ ถ้าผู้หญิงสวยๆไปปรึกษา ก็ไม่ต้องกลัวด้วย น่าสนใจๆ ลองดูสักคนดีกว่า " พอตัดสินใจได้แบบนั้น มือที่คลิกเลื่อนดูรูปไปมา ยอมรับว่าหัวหน้างานเป็นอะไรที่หล่อสุด หน้าตาก็ไม่ได้ดูแก่อะไรมากแถมยังดูลุควัยรุ่นต่างจากคนทั่วไปด้วย แต่ราคา.. แพงกว่าคนอื่นตั้งหลายเท่า " เอาธรรมดาก็พอ "

   ผมกดเลือกคุณลุงที่ดูใจดีหน่อย อายุใกล้จะสี่สิบแล้ว เค้าบอกว่าเป็นคนที่เก่งเรื่องการพูดคุยให้กำลังใจ เกียวกับการใช้ชีวิต ท่าทางจะได้ข้อคิดอะไรให้ชีวิตสักหน่อย  ผมกรอกข้อมูลตัวเอง สถานที่นัดพบ เลือกเป็นร้านอาหารใจกลางเมืองเพราะค่าเดินทางจะได้ไม่แพงมาก แค่นั่งรถไฟก็คงจะถึงแล้ว " โอเคเรียบร้อย เย็นนี้ห้าโมงมีนัดแล้ว "

“ ลิปทำอะไรอยู่ "

“ เปล่า กำลังดูตารางเวลาตัวเองอะ ว่าต้องทำอะไรบ้าง " ผมหันบอกคีย์ที่พยักหน้ารับ

“ ส่งงานหัวหน้าแล้วเหรอ "

“ เรียบร้อยครับ " ผมยิ้มบอกอีกคน " แล้วนายละ งานใหม่เป็นไง ยากมั้ย "

“ โคตรยาก ออกแบบกล่องนมแบบใหม่ที่ยังคงเอกลักษณ์เดิมไว้ แต่ก็อยากได้แปลกใหม่ มีความงุนงงสับสนในความต้องการนะว่ามั้ย "

“ ก็จริงนะ "

“ นี่ เย็นนี้เรากินข้าวกันก่อนกลับบ้านมั้ย "

“ เย็นนี้ฉันมีนัดแล้วอะ โทษที " ผมบอกอีกคนที่ก็ส่ายหน้าไปมา

“ ไม่เป็นไรหรอก พรุ่งนี้ก็ได้ "

“ งั้นพรุ่งนี้ไปกินเบียร์กันนะ "

“ อื้ม "

“ อย่าลืมพาฟานมาด้วยละ " อีกคนถอนหายใจออกมา ผมก็หันกลับไปทำงานต่อ หวงซะจริงๆ แล้วปากก็บอกว่าไม่ชอบ ซึนเดเระซะจริงนะ เพื่อนฉัน

..................................................


   เวลานัดห้าโมงเย็น ผมเดินเข้ามาถึงร้านอาหารที่นัดกับคุณลุงโฮสคนนั้นไว้ เลือกนั่งโต๊ะริมในสุด ผมสั่งน้ำเปล่าพร้อมกับอาหารของกินเล่นหนึ่งจานแต่ทว่า กินหมดไปแล้ว รอมานานกว่าสามสิบนาทีแล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีใครมา

“ ไม่มาแล้วละมั้ง " ผมพูดกับตัวเองตอนที่ก้มดูนาฬิกา ก่อนจะยกมือขึ้นบอกให้พนักงานเก็บโต๊ะ

“ เอ่อ ขอโทษนะครับ คุณลิปรึเปล่า " หันไปมองหน้าเสียงทักหอบๆที่เอ่ยขึ้นมา ผมนิ่งไปสักพักก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ใช่ครับผมเอง เอ่อ..คุณ หัวหน้าโฮสใช่มั้ย " จำหน้าได้จากโปรไฟล์ในเว็บที่ดูเมื่อเช้า แต่อยากจะบอกว่าตัวจริงดูหล่อกว่าในภาพถ่ายนั้นซะอีก  เค้าเป็นผู้ชายรูปร่างสูง ผิวเข้มหน่อย ใบหน้าหล่อคม แถมการแต่งตัวก็ดูดี ท่าทางมีเสน่ห์แบบนี้ ก็ไม่แปลกที่ราคาค่าเช่าโฮสของเค้าจะแพงหูฉี่

“ ใช่ครับ ผมเมษนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ "

“ แต่ว่าผมไม่ได้เลือก เอ่อ..คือ " จะบอกว่าไงดี คือกูไม่ได้เลือกมึง มึงแพง กูไม่มีตังค์จ่ายไง

“ คุณไม่ได้เลือกผม แต่ว่าคนที่คุณเลือกคือคุณมานพ เค้าป่วยกระทันหันเลยไม่สามารถมารับงานได้ครับ เพราะฉะนั้นผมเลยมาแทน ต้องขอโทษด้วยนะครับที่เกิดเหตุการณ์ขัดข้องแบบนี้ขึ้น "

“ อ๋อ ไม่เป็นไรครับ " ผมพยักหน้ารับ " ว่าแต่รายจ่ายก็ต้องเพิ่มขึ้นสินะครับ "

“ ไม่ต้องครับ คุณสามารถจ่ายในราคาเท่าเดิมได้เลย เพราะว่ามันเป็นความผิดพลาดที่เกิดจากทากเราที่ต้องรับผิดชอบน่ะครับ อีกอย่างผมมาสายไปสามสิบนาที ผมจะเพิ่มบริการให้ เดี๋ยวผมจะพาคุณไปเลี้ยงข้าวนะ อยากจะทานอหารประเภทไหนบอกมาได้เลย "

“ เหรอครับ เอ่อ.. งั้นอาหารอิตาเลี่ยนก็ได้ครับ "

“ งั้นก็ไปกันเลยครับ " เค้าที่เปิดทางให้ผมเดินออกไปก่อน หัวใจเต้นแรงขึ้นมาเสียอย่างงั้นแบบไม่ทราบสาเหตุ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคืนนี้จะได้อยู่กับผู้ชายหล่อๆสองต่อสอง แถมยังไม่ต้องเสียเงินค่าเลี้ยงอาหารอีก รู้แบบนี้ระบุความต้องการไปสักห้าชั่วโมงก็ยังดี นี่ระบุไปแค่สามชั่วโมงเอง น่าเสียดายชะมัด แต่ว่าที่น่าเสียดายกว่านั้นคือ ถ้าเค้าอายุน้อยกว่าเราหน่อยก็น่าจะดีนะ ก็เด็กกว่ามันชวนให้ใจเต้นมากกว่านี่น่า .. แต่ช่างเถอะ ยังไงก็แค่ปรึกษาปัญหาชีวิตนี่นะ

.................................................[/color]

มีคู่หลักก็ต้องมีคู่รอง
พักความน่ารักของน้องฟานไว้สักแปป
เรามาอ่านคู่รองกันดีกว่า
นี่แค่ อินโทร เดี๋ยวอาทิตย์หน้าจะเอามาลงแบบเต็มๆ
จริงๆได้ไอเดียโฮสคนแก่นี้มาจากบทความนึงในญี่ปุ่น เลยปิ๊งเรื่องราวขึ้นมา
ยังไง ฝากด้วยนะคะ
ใครมีทวิตฝากแท็ก #ฟานคีย์ ให้หนมด้วยนะค่าาา  หรือฝากแชร์ในเฟสก็ได้ค่าาา  :mew2:
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่า  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 8 ' โฮสคนแก่ ' - 12.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 12-06-2016 21:19:51
ไม่อยากได้อะไรก็ได้หมดนั่นแหละจ้าาา ยัยลิปยัยคีย์ แพ้คนแก่ กรี๊ด
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 8 ' โฮสคนแก่ ' - 12.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 12-06-2016 21:50:20
น่ารัก...  กลายเป็นว่าสองเพื่อนซี้คู่นี้เลยได้อะไรที่เรียกว่าใช่มากกว่าสิางที่ชอบสิน่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 8 ' โฮสคนแก่ ' - 12.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: EunSung87 ที่ 12-06-2016 21:51:43
ลองเปลี่ยนมาสนคนแก่บ้างเปนไงลิป :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 8 ' โฮสคนแก่ ' - 12.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-06-2016 21:53:34
โอ้ววว. เอาละ ลิปคบคนแก่จะเปลืองเงินหรือเปลืิงตัวล่ะเนี่ย
แอบหวั่นๆน้ดนึงกับคุณโฮส. ขอแค่จริงใจก็พอเหอะคนเรา
บอกกันตรงๆว่าต้องการอะไรมาไม้ไหน. ความคาดหวังนี่ทำลายความสัมพันธ์มาเยอะแล้ว
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 8 ' โฮสคนแก่ ' - 12.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 12-06-2016 22:42:21
สลับกัยแบบนี้ก็สนุกดี ลิปนี่ต้องได้แฟนแก่แน่ๆ
พอนึกถึงเรื่องบนเตียงแล้ว  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 8 ' โฮสคนแก่ ' - 12.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 12-06-2016 23:30:45
ลิปกับคีย์นี่คงได้แฟนที่ไม่ตรงสเปคทั้งคู่5555555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 8 ' โฮสคนแก่ ' - 12.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 13-06-2016 00:01:37
น่าสนใจนะลิป ผู้ใหญ่กว่า ดูมั่นคงกว่า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 8 ' โฮสคนแก่ ' - 12.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 13-06-2016 08:42:46
ลองเหอะลิป แบบคีย์ไง. อาจจะดีก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 8 ' โฮสคนแก่ ' - 12.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 13-06-2016 20:40:44
คบเด็กแล้วไม่รอด ก็มองผู้ใหญ่ดีกว่าเนาะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 9 ' คำถามสุดท้าย ' - 17.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 17-06-2016 20:33:17
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 9
' คำถามสุดท้าย '

   ร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่อีกคนพาผมมาเป็นร้านที่ไม่ได้หรูมากมายแต่ก็มีบริการดีแถมรสชาติอาหารยังอร่อย คนข้างๆบอกผมแบบนั้น ร้านที่เสิร์ฟไวน์คู่กับอาหารรสเลิศ แค่เรื่องอาหารก็ทำให้ลืมความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ต้องรับปรึกษาอะไรหรอก โต๊ะที่มองเห็นวิววนอกระเบียงเป็นโต๊ะตัวที่พนักงานเดินนำเราไป ผมนั่งลงที่โต๊ะก่อนจะถอนหายใจมาพลางมองไปรอบๆ

“ อาหารที่นี้อร่อยมากเลยนะ โดยเฉพาะสเต๊กแล้วก็พวกสปาเก็ตตี้ "

“ เหรอครับ " ผมพยักหน้ารับตอนที่รับเมนูจากพนักงานมาอ่านชื่อเมนูต่างๆ ราคาอาหารก็ไม่แพงมากถือว่าเหมาะสมกับบรรยากาศแต่ไม่รู้รสชาติจะสมรึเปล่าเพราะยังไม่เลยได้ลอง  " งั้นของผมขอเป็นสเต็กเนื้อแล้วกันครับ " ปิดเมนูสั่งไปแค่นั้น ก็อยากจะกินนะสปาเก็ตตี้แต่ให้กินต่อหน้าผู้ชายนี่ไม่ไหววะ ฉากสูดเส้นเข้าปากคงไม่น่าดูชมเท่าไหร่

“ คุณลิป ทานไวน์มั้ย "

“ ก็ทานนะครับ " ผมตอบอีกคนก็สั่งไวน์แดงมาขวดนึง เป็นมื้อที่หรูหราดีจริงๆ " ว่าแต่ เลี้ยงจริงๆใช่มั้ยครับ "

“ จริงๆสิครับ เป็นการขอโทษที่ทางผมทั้งสายแล้วก็ไม่ได้บุคคลตามที่คุณต้องการด้วย "

“ จริงๆก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น " ส่ายหน้าไปมาก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง

“ เรื่องที่ไม่สบายใจพูดยากนะครับ กว่าคุณจะตัดสินใจเลือกใครสักคนก็คิดแล้วคิดอีก ถึงจะบอกไม่ซีเรียสแต่คุณก็คงใช้เวลาเลือกอยู่นานนะ กว่าจะเจอคนที่คุณถูกใจที่อยากจะเปิดใจปรึกษาเค้าได้ "

“ ก็จริงครับ " ผมยิ้มยอมรับกับสิ่งที่อีกคนพูด " แล้วปกติ คนที่จ้างคุณเค้าจ้างคุณไปทำอะไรเหรอครับ "

“ ก็ส่วนใหญ่ก็มีหลายแบบครับ บางคนก็ชอบชวนผมไปซื้อเสื้อผ้า ผมเก่งเรื่องการแต่งตัวน่ะครับเค้าก็เลยชอบชวนไปเลือกเสื้อผ้าเพื่อใช้ในการเดท บางทีก็ซ้อมไปเดทบ้างก็มี หรือว่าปรึกษาเรื่องความรัก "

“ ผมไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงดี " ก้มหน้าลงยิ้มๆให้อีกคนที่ก็ยิ้มกว้างออกมา

“ ไม่เป็นไรครับ ค่อยๆเล่าออกมาก็ได้ "

“ ผมเพิ่งอกหักน่ะ จากผู้ชายที่อายุน้อยกว่าผม " เริ่มพูดออกไปแบบนั้นก่อนจะถอนหายใจออกมา " ผมชอบคนอายุน้อยกว่าตลอดมาตั้งแต่มีความรักก็มักจะชอบคนอายุน้อยกว่า ผมเป็นนะครับ " หัวเราะฝืนๆกับอีกคนที่ก็พยักหน้ารับแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะรังเกียจอะไร " ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมถึงชอบเด็กผู้ชายนัก อาจเพราะเค้าช่างเอาใจแล้วก็คอยอ้อนอยู่ตลอดมั้ง ทั้งๆที่เจ็บมากี่ครั้งก็ไม่เคยจำสักที ทั้งๆที่ก็บอกกับตัวเองว่า อย่าไปจริงใจกับคนพวกนี้แต่ก็ยังจริงจังกับคนพวกนี้ทุกที " ขอบตาของผมเริ่มร้อนผ่าว ผมก้มหน้าลงต่ำพลางงอไหล่ตัวเองไว้ สองมือที่บีบเข้าหากัน " แล้วเมื่อสองวันก่อนผมก็เพิ่งอกหักมา ทั้งๆที่บอกกับตัวเองว่า คนนี้จะไม่จริงจัง แต่สุดท้ายก็นอนร้องไห้ตั้งสองวัน น่าตลกชะมัด "

“ บอกผมได้มั้ยว่าทำไมคุณถึงเลิกกับเค้าละ "

“ เพราะว่า ผมไปเจอเค้าโดยบังเอิญกับผู้หญิงคนนึงน่ะ ระหว่างที่กำลังกลับบ้านไปหาเค้าพร้อมกับหนังหลายเรื่องที่ของยืมเพื่อนเพื่อที่เราจะได้ใช้ช่วงเวลาที่ดีด้วยกัน ผมเจอเค้ายืนกอดจูบอยู่กับผู้หญิงคนอื่น หนำซ้ำเค้ายังพูดถึงผม เป็นประโยคที่ฟังแล้วก็รู้สึกเลยว่าผมน่ะ มันโง่จริงๆ เค้าบอกว่าผมกับเค้า ก็เหมือนคนที่แลกเปลี่ยนความต้องการกัน เค้าบอกว่าคนอย่างผมอยากจะได้แค่เซ็กส์เท่านั้น พูดว่า คนแบบนี้อยากจะได้แค่เซ็กส์เท่านั้นแหละ ทั้งๆที่ตลอดมา สิ่งที่อยากได้คือความจริงจังจากเค้าตังหาก และไม่เคยคิดเลยว่าของต่างๆที่ซื้อให้จะเป็นการแลกเปลี่ยนอะไร ผมแค่ซื้อเพราะผมอยากให้และเค้าอยากได้ มันก็เท่านั้น แต่คงเพราะความรู้สึกของเรามันไม่เท่ากัน แล้วความรักของเรามันไม่เหมือนกัน ทุกอย่างเลยเป็นแบบนี้ มองดูเพื่อนตัวเองที่ชอบคนอายุมากกว่าแต่กลับได้แฟนเด็กที่ทั้งน่ารักแล้วเอาใจ ก็รู้สึกเจ็บอยู่เหมือนกัน คนเรามันต้องเป็นแบบนี้สินะ  เราต้องได้ของที่เราไม่ชอบ คนเรามันเป็นแบบนี้ทุกคนเลยรึเปล่าก็รู้นะครับ  "

“ ไม่ทุกคนหรอกครับ " คนตรงหน้าของผมบอก " คุณแค่ไม่เจอของที่ชอบจนสามารถลืมสิ่งที่ไม่ชอบในตัวเค้าได้มันก็เท่านั้น อย่าเอาใครสักคนมาทำให้เราต้องจมปรักกับตัวเอง ว่าทำไมเราถึงเป็นแบบนั้น ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ ถ้าเค้าไม่รัก ถ้าเค้าไม่เห็นค่า เราก็อย่าไปให้ค่าเค้าเลยครับ แล้วก็อย่าเอาชีวิตของตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร เพราะถ้าวันไหนวันนึงคุณไปเป็นเค้า คุณอาจจะไม่อยากเป็น แล้วอยากจะกลับมาเป็นตัวคุณที่ตอนแรก คุณมองว่ามันไม่ดีก็ได้ " รอยยิ้มที่ยิ้มให้ผม เค้าหยิบทิชชูที่ตั่งอยู่บนโต๊ะยื่นให้ " เช็คน้ำตาเถอะครับ คนน่ารักแบบคุณ ไม่เหมาะกับคราบน้ำตาพวกนั้นหรอก ยิ้มดีกว่านะ "

“ ผมอยากจะหยุดความเสียใจได้ง่ายๆ เหมือนพอคุณพูดเสร็จแล้วผมก็หายเศร้า อยากทำแบบนั้นได้จังเลยครับ " แต่เพราะในความจริงแม้จะโดนปลอบดีแค่ไหน แต่ไม่ว่ายังไง ความเศร้าก็ยังคงอยู่ เหมือนกับเราที่ถูกลูบหัวแล้วบอกว่าไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็หาย แต่ใจในมันไม่ใช่อย่างงั้น เหมือนความเศร้าถูกพักทิ้งไว้สักพัก แล้วพออยู่คนเดียวมันก็ค่อยๆ กลับมาอีก กลับมาทำให้ร้องไห้อีก

“ ถ้าความเศร้ามันถูกทำให้หายไปง่ายๆได้ มันไม่ถูกเรียกว่า อกหักหรอก มันคงถูกเรียกว่าความเจ็บปวดทั่วไป  แต่เพราะมันไม่ได้่หายไปง่ายขนาดนั้น มันเลยมีคำเฉพาะที่บอกให้เรารู้ว่า เราเจ็บจริงๆ เจ็บจากใครคนอื่น แล้วมันก็ยิ่งกว่าคำว่าเสียใจธรรมดา "

“ นั่นสินะครับ " น้ำตาที่ไหลออกมามากมายหลังจากฟังประโยคนั้นไม่รู้ทำไมแต่อยู่ๆก็อยากจะร้องไห้ออกมาให้หมด ก็คงจะจริงอย่างที่เค้าพูด ถ้าความเศร้าหนนี้มันหายไปง่ายๆมันคงไม่ถูกเรียกว่าอกหักหรอก " แต่ผมไม่อยากจะร้องไห้ให้คนแบบนั้นเลย ทั้งๆที่บอกกับตัวเองไปแล้ว จะร้องไห้แค่สองวันเท่าไหร่ แล้วจะไม่ร้องแล้วดูสิ ตอนนี้ผมก็ต้องมานั่งร้องไห้อยู่แบบนี้ ตลกชะมัดเลย แล้วพอยิ่งห้าม น้ำตาก็ยิ่งไหล จะหยุดก็ไม่ได้ แย่ชะมัดเลย ขอโทษนะครับ ผมไม่รู้จะห้ามมันยังไงเหมือนกัน "

“ ไม่เป็นไรครับ เพราะถ้าการร้องไห้ทำให้คุณสบายใจขึ้น คุณก็ร้องออกมาเถอะ " คนตรงหน้ายื่นทิชชูให้ผมอีก ในตอนนั้นสเต๊กที่ดูท่าทางน่าอร่อยก็ถูกวางตรงหน้า มันที่ทั้งน่าอร่อยแล้วก็น่ากิน

“ อาหารน่าอร่อยขนาดนี้แล้วผมมาร้องไห้อะไรแบบนี้อยู่ คิดแล้วตลกนะครับ ก่อนอื่นต้องสูดน้ำมูกก่อน เช็ดน้ำตาแล้วก็เริ่มกินได้ "

“ ใช่ครับ " เค้ามองหน้าผมยิ้มๆ คงตลกในสิ่งที่ผมพูดอยู่เหมือนกัน " สเต๊กเนื้อที่นี่อร่อยนะครับ ลองดู "

“ แล้วคุณเมษสั่งอะไรไปเหรอครับ "

“ สเต๊กเนื้อแกะครับ " เค้าตอบ ก่อนวินาทีถัดมาสเต๊กหน้าตาน่ากินของเค้าจะถูกจัดเสิร์ฟ ผมก้มลงกินสเต๊กของตัวเอง เช็ดน้ำตาไปกินไป อร่อยมากครับแต่เสียดายที่ต้องมากินในความรู้สึกแบบนี้ จิบไวน์อย่างดีที่ถูกในแก้วไม่มีอาหารอะไรจะเฟอร์เฟ็คไปมากกว่านี้อีกแล้ว สเต๊กอร่อยๆกับไวน์แดง ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปถามอีกคนที่มองหน้าผมอยู่ " มาคุยเรื่องทั่วไปคลายความเครียดกันมั้ยครับ "

“ ได้สิครับ " ผมพยักหน้ารับ " แล้วปกติคุณเมษทำงานอะไรเหรอครับ "

“ ผมเป็น ช่างถ่ายภาพของนิตรสารนะครับ "

“ งั้นคุณก็ต้องถ่ายรูปเก่งนะสิครับ " พอบอกแบบนั้นอีกคนก็ส่ายหน้าถ่มตัวเอง

“ ไม่หรอกครับ ธรรมดาๆน่ะ แล้วคุณลิปละครับ "

“ ฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ของบริษัทแห่งนึงครับ " ตอบเค้าไปยิ้มๆ อีกคนก็พยักหน้ารับ

“ ผมเคยได้ยินว่ามันเป็นบริษัทที่ดังมากเลยนะ คนที่ทำงานที่นั่นก็มีแต่คนเก่งๆ "

“ เหรอครับ งั้นเค้าคงไม่นับผมเข้าไปละมั้ง ฮ่าๆๆ " พูดติดหัวเราะอีกคนก็แซว

“ ถ่มตัวเองเหมือนกันนะครับ "

“ แล้วทำไม คุณถึงเลือกจะเปิดโอสแบบนี้ละ เอ่อ ผมไม่ได้มองว่ามันไม่ดีนะ แต่ผมมองว่าความคิดคุณน่ะ เจ๋งชะมัด มันไม่เหมือนใคร ทำไมคุณถึงคิดทำมันละครับ "

“ เหมือนกำลังให้สัมภาษณ์รายการทีวีเลยนะครับ " ผมหัวเราะออกมาตอนที่อีกคนพูดแบบนั้น " แล้วคุณล่ะ คิดว่ามันเป็นยังไง "

“ ให้ตอบตามตรงมั้ยครับ "

“ ตามสบายครับ "

“ ตอนแรกที่เพื่อนผมแนะนำมา ก็แปลกใจเหมือนกันว่ามันมีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ แต่พอคิดว่า คนเราน่ะมักมีเรื่องที่บางเรื่องบอกใครไม่ได้โฮสของคุณตรงนี้ก็เหมือนตอบสนองในจุดนั้นอะ เราไม่รู้จักกัน ไม่รู้จักคนที่ผมพูดถึง พูดอะไรไปคุณแนะนำในสิ่งที่คิดในมุมมองของคนอื่นที่เตือนสติเราได้ ในมุมมองของเพื่อน ก็ดีนะ ผมคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี "

“ นานๆทีจะได้ฟังทัศนคติที่ดีในสิ่งที่ผมทำนะ "

“ อย่างงั้นเหรอครับ " เค้าพยักหน้า

“ เวลาถามคำถามนี้ ลูกค้าหลายๆคนก็เหมือนคุณที่ชวนผมคุณแล้วก็หลุดคำถามแบบนี้ออกมาทุกครั้ง แต่ว่าคำตอบก็ต่างกันออกไป สารภาพครับว่าเพิ่งได้ฟังคำตอบดีๆแบบนี้ก็วันนี้แหละ "

“ ผมไม่ได้พูดเอาใจนะ พูดตามสิ่งที่คิด "

“ ผมทราบครับ " เค้ายิ้ม เราก้มกินอาหารตรงหน้าจนหมด รสชาติอาหารอร่อยจบลงแล้วผมเช็คปากของตัวเอง จิบไวน์จนหมดแก้วอีกคนก็ถาม " จะเช็คบิลเลยมั้ยครับ "

“ ก็ได้ครับ " บอกแบบนั้น มือที่ยกขึ้นเรียกบริกรให้มาเก็บเงิน เค้าก็บอก

" เหลือเวลาอีกนิดหน่อย ไปเดินเล่นกันมั้ยครับ ข้างๆร้านตรงนี้เดินไปไม่ไกลมีสวนเล็กๆอยู่ สวนที่ติดกับรถไฟนะครับ "

“ ก็ได้ครับ " ผมพยักหน้ารับ เราที่เดินออกจากร้านอาหาร ลมเย็นๆที่พัดมาผมสูดอากาศเข้าปอดก่อนที่อีกคนจะหันมามอง

“ รู้สึกดีขึ้นรึยังครับ "

“ ตอนนี้มีคุณเมษชวนพูดอยู่ ผมไม่รู้สึกอะไรหรอกครับ เหมือนมีเพื่อนชวนคุย เรื่องแบบนี้มันมักเศร้าตอนที่อยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ "
 
“ งั้นผมไปอยู่ด้วยตลอดเป็นไง คุณจะได้ไม่เศร้า "

“ ค่าเช่าโฮสของคุณแพงขนาดนั้น ไม่ดีกว่าครับ ผมจนพอดี " หันไปยิ้มให้เค้า อีกคนที่เลือกนั่งลงตรงเก้าอี้ในสวนตัวที่ว่าง ผมมองนาฬิกาข้อมือตัวเองเหมือนอีกแค่ สามสิบนาทีก็จะหมดเวลาแล้ว " วันนี้ขอบคุณนะครับ ที่รับฟังปัญหาของผม "

“ เหลือเวลาอีก สามสิบนาที อย่าเพิ่งรีบลากันสิครับ เบื่อผมแล้วเหรอ "

“ เปล่าสักหน่อย " อีกคนที่ยิ้มให้ สายตาที่มองมานั้นผมเผลอหลบตากับท่าทางที่ชวนให้ใจสั่นแบบนั้น " คุณเป็นโฮสรับฟังปัญหานะ ทำให้ลูกค้าใจเต้นแรงแบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ "

“ แล้วใจเต้นแรงเหรอครับ " เค้าที่หันมาถาม ผมก็ยิ้มแต่ก็ไม่ได้พยักหน้ารับอะไร " ผมแค่อยากจะให้คุณยิ้มได้นะครับ "

“ ขอบคุณนะครับ แต่ผมก็คงไม่เป็นไรแล้วละ เดี๋ยวทุกอย่างก็กลายเป็นความทรงจำ "

“ ขอให้มันกลายเป็นความทรงจำที่ดีของคุณนะ " เค้ายิ้มก่อนจะมองออกไปข้างหน้า " ผมหมายถึงว่าเวลาที่คุณย้อนกลับมามองมัน มันจะกลายเป็นความทรงจำที่จะทำให้คุณเข้มแข็งขึ้นถ้าเกิดว่าต้องอกหักอีก "

“ อยากจะให้เป็นแบบนั้นเหมือนกันครับ " ก้มลงดูนาฬิกาข้อมือตัวเองอีกครั้งเหลือเวลาอีกแค่ห้านาทีแล้ว " ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ อาหารก็อร่อยแถมยังได้ข้อคิดด้วย "

“ ผมว่าผมไม่ค่อยให้ข้อคิดคุณเท่าไหร่เลยนะ "

“ คนอกหักน่ะ เค้าไม่ต้องการอะไรมากครับ แค่คนที่คอยรับฟังสิ่งที่กำลังเสียใจแล้วก็เป็นทุกข์มากกว่า ขอบคุณที่วันนี้รับฟังผมนะ "

“ ยินดีครับ " เค้าที่พูดแบบนั้น เสียงนาฬิกาข้อมือของเค้ามันก็ดังขึ้นผมมองนาฬิกาตัวเองหมดเวลาแล้ว ได้เวลาจากกันแล้ว เปิดกระเป๋าสะพายของตัวเองผมยื่นซองสีขาวที่เตรียมเงินใส่ไว้ในนั้นเรียบร้อยแล้ว

“ ขอบคุณอีกครั้งครับ " เค้าที่รับเงินไปใส่ลงในกระเป๋า " ผมกลับก่อนนะครับ หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก ไว้ถ้าผมอกหักอีกผมจะโทรไปนะ คราวนี้จะนัดกับคุณเลย "

“ ค่าตัวผมแพงนะครับ "

“ ฮ่าๆ เรื่องนั้นผมไม่กลัวหรอก " พูดหยอกเหย้าอีกคนแบบนั้น ผมก้มหน้าลาเค้าก่อนจะหันหลังเดินกลับไปขึ้นรถไฟสายที่อยู่ใกล้ๆแต่ทว่าเค้ากลับทักผมขึ้นมาก่อน

“ ผมเองก็กลับบ้านด้วยรถไฟเหมือนกัน เดินกลับด้วยกันมั้ยครับ ยังไงก็ทางเดียวกัน " เค้าอมยิ้มนิดๆตอนที่เดินเข้ามาใกล้ " เพราะยังไงตอนนี้ก็เลิกงานแล้ว ผมก็เป็นแค่คนธรรมดา เดินไปที่สถานีรถไฟด้วยกันมั้ยครับ " พยักหน้ารับคำขอนั้น เราเดินข้างกันไปเรื่อยๆด้วยรอยยิ้มอย่างที่ไม่มีใครเริ่มพูดก่อน จนผมเองเป็นฝ่ายที่พูดขึ้น

“ ปกติคุณเมษ กลับบ้านกับลูกค้าเหรอครับ "

“ หมายความว่ายังไงครับ คำถามแบบนั้น " เค้าหันมามองหน้าผมยิ้มๆ สายตาที่เหมือนกำลังเข้าใจว่าผมคิดอะไร เกี่ยวกับเรื่องอย่างว่าอยู่ใช่มั้ย

“ ไม่ใช่แบบนั้น คุณคิดอะไรของคุณเนี้ย ผมไม่ได้หมายว่าคุณไปนอนกับเค้า หมายถึงกลับบ้านทางเดียวกันตังหาก "

“ จะว่าไปผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยนะ " เค้าหันมาบอกผมที่ก็หยุดเดินก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ คุณแกล้งกันนิ เดี๋ยวเถอะ!”

“ จะทำอะไรผมดีละครับ " ใบหน้าคมที่ก้มลงมาถาม อาจเพราะขนาดความสูงของเราที่ต่างกัน ผมเอียงหน้าก่อนยิ้ม

“ แสดงว่าก่อนหน้านี้ คุณคีฟลุคอบอุ่นนี่น่า จริงๆคุณไม่ใช่คนแบบนั้นใช่มั้ย "

“ แล้วคุณว่าผมเป็นคนแบบไหน " คำถามที่ชวนให้คิด เอียงหน้าซ้ายขวามองอีกคนก็่อนจะหลุดยิ้มออกมา " ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงอะ "

“ จริงๆ ผมว่าคุณเป็นกวนตีนนะ "

“ ใช้คำว่ากวนตีนเลยเหรอ " มือหนายื่นมือหมายจะตีผม เอียงตัวหลบเล็ดน้อยอีกคนก้ยกยิ้มพลางเปลี่ยนทิศทางมาบิดแก้มกันแบบนั้น แก้มกลมๆที่ถูกดึง ผมขมวดคิ้วอีกคนก็หัวเราะ " หน้าคุณตลกจัง "

“ เจ็บนะคุณ ดึงมาได้ เนื้อคนนะเว้ย " รอยยิ้มชอบใจแม้จะโดนผมทำหน้าไม่พอใจใส่ก็ตาม  " ถามจริงเถอะ คุณเป็นแบบนี้กับลูกค้าของทุกคนรึเปล่า "

“ ยังไงครับ "

“ แบบที่ว่า พอหมดเวลางานแล้วก็ชอบพูดคุยกวนตีนกับเค้านะ "

“ ก็ไม่นะครับ เพิ่งมีคุณนี่แหละ เป็นคนแรก " คำพูดธรรมดาแต่น่าแปลกหัวใจกลับเต้นแรงชะมัด อย่าลืมไปสิวะลิป เค้าเป็นโฮสนะเว้ยแน่นอนว่าต้องเก่งเรื่องพูดเอาใจอยู่แล้ว " ปกติผมก็เจอพูดคุยแล้วก็แยกกลับไปคนละทาง "

“ แม้จะต้องเดินกลับไปขึ้นรถไฟทางเดียวกับเค้าแบบผมนะเหรอ "

“ ครับ ผมจะกลับหลังจากที่เธอกลับไปหนึ่งชั่วโมง " เค้าบอกผมก็พยักหน้ารับ

“ แล้วก่อนหน้าจะมาทำงานแบบนี้ คุณเคยทำงานอะไรพวกนี้มาก่อนรึเปล่าครับ "

“ หมายถึงพวกโฮสนะเหรอ "

“ อื้ม " พยักหน้ารับอีกคนก็ยิ้ม

“ สมัยม.ปลายถึงมหาลัย ผมเคยเป็นโฮสมาก่อนด้วยละ "

“ หมายถึงโฮสแบบทั่วไป พวกโฮสบาร์นะเหรอ " ผมทวนความมั่นใจอีกคนก็พยักหน้า " ความเป็นโฮสยาวนานฝังในสายเลือดมากเลยนะคุณ "

“ ฮ่าๆ ผมว่ามันเป็นงานที่ดีนะ "

“ หมายถึงเงินดีรึเปล่า " เค้าก้มหน้าลงยิ้มตอนที่ผมบอก " คุณคงหมายถึงว่ามันช่วนบรรเทาความต้องการของใครบางคนได้ใช่มั้ย อย่างเช่น ผมที่อยากจะให้ใครสักคนรับฟังปัญหาของตัวเอง "

“ เมื่อก่อนตอนที่ทำงานแรกๆ ผมก็แค่อยากได้เงินเท่านั้นแหละ พอดี บ้านผมจนน่ะ " เค้าพูดพลางหัวเราะ " จนวันนึงเจอกับผู้หญิงคนนึงเป็นผู้หญิงอายุมากแล้วละ สามีเอาแต่ทำงานแต่เพราะวันเกิดในปีนั้นเค้าจะมีงานฉลองวันเกิดกัน ก็เลยมาจ้างโฮสแบบผมไปช่วยเลือกซื้อของขวัญให้สามี ตอนแรกผมคิดว่าอายุขนาดนี้แล้วมาชวนโฮสไปช่วยเลือกให้มันใช่เหรอ ข้ออ้างเปล่าวะ แต่ว่าทุกอย่างมันคือเรื่องจริง ที่เค้ามาชวนผมเพราะเป็นตัวแทนลูกชายที่เพิ่งเสียไปน่ะ ตั้งแต่นั้นเลยคิดว่า อาชีพนี้มันมีหลายมุมมองเหมือนกันนะ เหมือนค้นพบชีวิตว่าการที่เราทำให้คนอื่นมีความสุขแม้จะช่วงสั้นๆนั้นก็ดีแล้ว เพราะบางคนอาจจะเศร้ามามากแล้วก็ได้ "

“ แบบนั้นก็เลยมีความคิดที่จะเปิดโฮสคนวัยทำงานเพื่อปรึกษาปัญหาต่างๆสินะ "

“ จะพูดแบบนั้น มันก็ไม่ผิดหรอก " ผมที่ยิ้มออกมา รู้สึกว่าใครคนนี้อบอุ่นจัง มีความคิดที่อบอุ่นแม้จะทำงานในอาชีพแบบนั้น แบบที่ผมเคยมองว่ามันไม่ดีเหมือนแค่หลอกเงินไปวันๆ " ยิ้มอะไรครับ "

“ ต้องบอกเหรอ " หันไปถามเค้าที่มองจ้องมา ผมก็ยิ้มกว้างขึ้น

“ แค่คิดว่าคุณเป็นคนอบอุ่นจัง "

“ คนทุกคนมีข้อเสียทั้งนั้นแหละคุณ มันอยู่ที่ว่าคุณจะรับข้อเสียนั่นได้มากน้อยแค่ไหนก็เท่านั้นแหละ "

“ แล้วข้อเสียของคุณคืออะไรละ "

“ ไม่บอกครับ ต้องมาค้นหาเอง " หลบแก้มแดงๆไปทางอื่นตอนที่อีกคนพูดแบบนั้น เหมือนว่ากำลังโดนดึงดูดให้สนใจเค้าเรื่อยๆอย่างไม่มีเหตุผลเลย ผ่อนลมหายใจตัวเองออกมาช้าๆ ก็แค่ผู้ชายโฮสทั่วไปที่ต้องมีนิสัยขี้เต๊าะนั่นแหละ อีกอย่างที่เค้าทำให้เราติดใจก็เพราะอยากจะให้ซื้อเค้าในรอบหน้ามากกว่า คำพูดเอาใจที่พูดออกมานั่นก็คงมีความหมายแค่นั้นแหละ " คุณถามผมมาเยอะแล้ว ผมขอถามคุณบ้างได้มั้ย "

“ ได้สิครับ จะถามว่าอะไรเหรอ "

“ คุณชอบกินอาหารประเภทไหนเหรอ "

“ อื้ม ได้ทั้งนั้นแหละครับแต่หลังเลิกงานชอบไปกินเบียร์กับเพื่อน อาหารอิตาเลี่ยนแบบเมื่อกี้ก็ชอบนะครับ "

“ แล้วสีละครับ ชอบสีอะไร "

“ สีเหรอ อื้ม ขาวมั้ง จริงๆก็ชอบทุกสีนั้นแหละ "

“ แล้วคุณชอบอยู่บ้านหรือว่าไปเที่ยวมากกว่ากัน "

“ อื้ม แล้วแต่วันนะ ถ้าอยู่บ้านจนเบื่อแล้วก็คงอยากจะไปเที่ยว แต่ถ้ามีอะไรให้ทำที่บ้าน หรือขี้เกียจก็คงจะอยากรู้บ้านมากกว่า " ผมตอบก่อนจะถามเค้าด้วยความสงสัย  " คุณถามอะไรเนี้ย คำถามประหลาด "

“ ก็แค่คำถามทั่วไปเองครับ " เค้าบอกก่อนจะยิ้มขำๆ

“ เหมือนกำลังโดนแกล้งยังไงก็ไม่รู้ "

“ คุณชอบถ่ายรูปมั้ย "

“ ก็ชอบนะครับ " พยักหน้ารับเบาๆ เริ่มสงสัยแล้วว่าคำถามมันเริ่มแปลกขึ้นเรื่อยๆ แปลกแต่ก็ชวนใจเต้นแรง

“ คุณรังเกียจคนทำงานโฮสมั้ย "

“ ก็ไม่นะครับ "

“ แล้วคนที่อายุมากกว่าคุณล่ะ คุณชอบมั้ย "

“ ผมชอบคนที่อายุน้อยกว่า " ผมบอกอีกคนไปแบบนั้น

“ งั้นคงไม่ต้องถามคำถามสุดท้ายแล้วละครับ " เค้ายิ้มก่อนจะหันไปอีกทาง หัวใจของผมมันว่างเปล่าขึ้นทันทีตอนที่ได้ยินแบบนั้น แล้วคำถามสุดท้ายคืออะไรกันวะ

“ อย่างงั้นเหรอครับ " ถึงแม้ว่าอยากรู้ว่าคำถามสุดท้ายว่าคืออะไรแต่ใจก็ห้ามปากตัวเองให้ถามออกไป ก็ตอบไปตามความจริงนี่หว่าจะมานึกเสียดายที่ตอบแบบนั้นออกไปทำไมวะ ลิป ก็ไม่ชอบผู้ใหญ่นิ เบื่อความขี้บ่นแถมยังไม่ชอบอารมณ์บงการอะไรนั่นอีก
“ ถึงสถานีรถไฟแล้วครับ " ร่างสูงข้างๆหันมาบอก ผมที่เหมือนว่าเพิ่งรู้ตัวก็พยักหน้ารับเค้าช้าๆ ในสถานีที่แทบไม่ค่อยมีผู้คนเพราะอยู่ในช่วงเวลาที่ดึกมากแล้ว สายรถที่เหมือนไปคนละทางเค้าเดินมาส่งผมก่อน ล้วงบัตรรถไฟในกระเป๋ามาถือไว้ผมหันไปยิ้มให้เค้า " หวังว่าจะเจอกันอีกนะครับ "

“ หวังว่าแบบนั้นเหมือนกันครับ " ผมตอบอีกคนก็ยิ้ม " วันนี้ผมขอบคุณมากเลยนะครับ ทั้งที่เป็นที่รับฟังให้แล้วก็ชวนให้หัวเราะตลอดทางเดินที่เดินมาถึงสถานีรถไฟเลย "

“ ขอบคุณเหมือนกันครับ " เค้าบอก " ขอบคุณที่ทำให้ผมรู้สึกดีที่ได้เจอคุณ " เหลือบตามองเค้าที่เหมือนกำลังคิดคำพูดอะไรสักอย่าง " หมายความว่า ตอนที่เราคุยกันเกี่ยวกับเรื่องอาชีพของผม คุณทำให้ผมรู้สึกดีที่ยังมีคนที่คิดแบบนั้นอยู่ "
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงผมก็คิดแบบนั้นจริงๆนี่น่า แล้วผมก็รู้สึกจริงๆว่า คุณน่ะ อบอุ่นมากเลย ไปก่อนนะครับ " ก้มหน้าลาเค้าที่เดินเข้ามาใกล้ ผมกดบัตรผ่านประตูเข้าไปด้านในก่อนจะหันมายิ้มให้เค้าที่ก็เดินมาติดชิดกับแผงกั้น

“ คุณลิป "

“ ครับ "

“ เราจูบลากันได้มั้ย " เบิกตามองคนที่พูดออกมาแบบนั้นนิ่งๆ เค้าที่ยิ้มจางๆออกมา " ผมหมายถึงว่า เราแค่จูบกันเหมือนเพื่อนฝรั่งทั่วไปที่เค้าจูบลากันก็เท่านั้น "

“ งั้นผมขอถามคำถามอะไรสักอย่างก่อนหน้านั้นได้มั้ย " ผมเดินเข้าไปใกล้เค้ามากขึ้น สิ่งที่กั้นเราตอนนี้เหมือนมีแค่แผงกั้นของรถไฟฟ้าก็เท่านั้น

“ อะไรครับ "

“ คำถามสุดท้ายที่อยากจะถามผม แต่คุณบอกว่าคงไม่ต้องถามแล้ว มันคืออะไรเหรอครับ " สบสายตาคมที่จ้องมา เค้าเอียงหน้าลงมาใกล้ในขณะที่ผมหลับตาลงช้าๆ ริมฝีปากนั้นก็จูบเบาๆลงบนริมฝีปากของผม คงดีถ้าเราไม่ได้รู้สึกอะไรเกินไปกว่าคำว่าเพื่อนอย่างที่เอ่ยอ้างออกมา จูบบางเบาเพียงไม่นานผละออกข้าๆก่อนที่อีกคนจะพูดออกมา คำถามที่ผมอยากรู้

“ ' แล้วคุณชอบผมได้มั้ย ' นั่นคือคำถามที่ไม่ได้ถามคุณออกไปครับ  "

   หัวใจเต้นแรงในตอนที่เค้าเดินจากผมไป ราวกับลมแรงๆพัดเข้ามาใส่หน้า เม้มริมฝีปากตัวเองแน่นก่อนจะถอนหายใจออกมา เพราะว่าชอบคนอายุน้อยว่า นั่นคือ เหตุผลที่ว่าทำไมเค้าถึงไม่ถามต่อออกมาสินะ .. แต่กลับกัน ถ้าเกิดว่าคำถามนี้ถูกถามกลับมา..ตัวเราจะตอบว่าอะไรกันนะ ชอบ หรือว่า ไม่ชอบ กันแน่

 ............................................

" เคยมีคนบอกว่า ถ้าเราชอบใครแล้วคิดว่า คงไม่มีหนหน้าให้เจออีกแล้ว ก็ให้บอกออกไปเลย ว่าเราชอบเค้า "
#อยากรักก็ต้องเสี่ยง
ว่าแต่ถ้าเค้าถามกลับมาจริงๆ คำถามของพี่ลิปจะเป็นยังไง
ต้องติดตามตอนหน้า เวลาเดิม

วันนี้ขอจบทอล์คสั้นๆเพียงแค่นี้ พรุ่งนี้จะประกาศผลการเลือกตั้ง AKB48 ที่หนมติ่งอยู่
หนมจึงเครียดและกังวลนิดหน่อย ขอความกรุณาจบทอล์คเพียงเท่านี้ อย่าโกรธกันเลยนะเธอว์
แต่ยังไงซะ ช่วยติดแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะที่รัก เพื่อเป็นกำลังใจให้คนแต่งคนนี้ สู้ต่อไป
หรือจะแชร์ในเฟสก็ได้นะคะ

รัก หนมมี่
ขอให้พรุ่งนี้เป็นวันดีๆด้วยเถอะ สาธุ  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 9 ' คำถามสุดท้าย ' - 17.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-06-2016 21:10:44
งื้ออออออ.  :impress2:    ทำไมคุณโฮสเป็นบุคคลอันตรายต่อหัวใจแบบนี้ การเปิดเผยว่าคำถามสุดท้ายค่ออะไรนี่แหละการบ้านชิ้นสำคัญเลย.  มาแกล้งคนอกหักไม่ดีนะคะ หัวใจอ่อนแอ 
คุณลิปอ่า ไม่ต้องซีเรียสจ้า ถ้าคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกันหรอกนะ
#อยากรักก็ต้องเสี่ยง ลุยเลย!
 :pig4:   Have a nice (next) day.
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 9 ' คำถามสุดท้าย ' - 17.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-06-2016 21:24:18
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 9 ' คำถามสุดท้าย ' - 17.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 17-06-2016 21:38:59
คู่นี้น่ารักมากกกก แต่รุกเร็วจังนะคุณโฮส อิอิ
รอนะคะ  ชอบมากเลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 9 ' คำถามสุดท้าย ' - 17.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 17-06-2016 21:42:21
ชอบคนแก่เถอะนุ้งลิป
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 9 ' คำถามสุดท้าย ' - 17.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 17-06-2016 22:04:23
ละมุนเกินไปแล้วววว สัมผัสได้ถึงความกิ๊วก๊าวในหัวใจแต่ละคน
มันดีต่อใจเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 9 ' คำถามสุดท้าย ' - 17.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 17-06-2016 22:12:15
แอบเชียร์คุณเมษอะ

เป็นคนนี้เหอะน้องลิป
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 9 ' คำถามสุดท้าย ' - 17.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-06-2016 23:38:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 9 ' คำถามสุดท้าย ' - 17.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 18-06-2016 05:10:14
เจอคุณโฮสแบบนร้อิชั้นก้หวั่นไหวล่ะค่ะ โอยยยยยยยงานดีเบอร์แรง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 9 ' คำถามสุดท้าย ' - 17.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 18-06-2016 22:12:49
ผู้ใหญ่บางคนก็ไม่จู้จี้ขี้บ่น แถมยังอบอุ่นด้วยนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 10 ' จงกล้าที่รัก ' - 19.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 19-06-2016 21:07:41
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 10
' จงกล้าที่จะรัก '

“ ลิป ลิป  " เสียงเรียกที่ทำให้ผมหันหน้ามามองต้นเสียงช้าๆ หน้าตางงๆของตัวเองตอนที่สบสายตากับเพื่อนร่วมงาน คีย์ยิ้มจางๆก่อนจะดึงเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งเข้ามาใกล้ผม " ไม่สบายรึเปล่า เหม่อตั้งแต่เช้าเลยนะนาย เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตอบ "

“ อรุณสวัสดิ์คีย์ "

“ อรุณสวัสดิ์ " เค้าตอบยิ้มๆแต่ก็ยังขมวดคิ้วสงสัยอยู่ " เป็นอะไรวะ เหม่ออะไรตั้งแต่เช้า "

“ ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่นายมาเช้าจังนะ "

“ เช้า ? “ อีกคนทวนเสียงตอนที่มองนาฬิกาที่ติดผนังมันบอกเวลากำลังจะเข้างานแค่ห้านาทีเอง " นายมากกว่ามั้งที่มาเช้า ฉันน่ะ สาย "

“ แล้วทำไมนายถึงสายละ " ผมถามอีกคนที่ถอนหายใจออกมา

“ หมาที่บ้านกวนประสาท "

“ กวนประสาทจนไม่ได้นอนใช่มั้ย " คีย์ขมวดคิ้วก่อนจะส่ายหน้า

“ มันบังคับให้ฉันกินอาหารเช้าที่มันทำ ทั้งๆที่ฉันตื่นสาย ไม่ให้หงุดหงิดได้ไงวะ ฉันจะมาทำงานเพราะไอ้ขนมปังแผ่นเดียว น่าหงุดหงิดชะมัด แล้วยังมายิ้มตอนที่ยัดขนมปังเข้าปากฉันได้สำเร็จอีก " ประโยคหลังที่บ่นออกมาเบาๆ ผมก็เอียงหน้าแซว

“ ยัดแบบไหนอะ ป้อนปากต่อปากรึเปล่า "

“ นายดูหนังที่ฉันให้ยืมไปมากไปรึเปล่าลิป " หน้าแดงๆที่เบือนไปอีกทาง ก็ถ้าปากแข็งแบบนี้มันต้องมีฉากหวานๆอะไรทำนองนี้แน่ๆ รับรองได้เลย " ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย "

“ แล้วแบบไหน " ผมถามอีกคนก็เงียบไปตอบ คีย์ที่จ้องผมให้ทายว่าต้องเปลี่ยนอีกแน่รายนี้

“ แล้วทำไมวันนี้นายมาเช้าจัง " หุบยิ้มทันทีสำหรับคำถามที่อีกคนถามผมออกมา จะบอกออกไปยังไงดี เมื่อคืนไปเจอเรื่องชวนใจเต้นที่ทำให้นอนไม่หลับจนถึงเช้า เรื่องใจเต้นที่มาจากผู้ชายอายุมากกว่าตัวเองทั้งๆที่ปกติก็ใจเต้นกับเด็กมาตลอดนี่อะนะ

“ เอ่อ.. ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่นอนไม่หลับแล้วก็เห็นว่าใกล้เช้าแล้วก็เลยตื่นขึ้นมา จัดห้อง อาบน้ำแล้วก็ออกมาทำงานเลย "

“ นอนไม่หลับ ยังไงกันน่ะ เครียดเหรอ เรื่องนั้นน่ะ "

“ เรื่องไหน " ผมถามในสิ่งทีอีกคนกำลังคิดอยู่

“ ก็เรื่องของแฟนเก่านาย "

“ ไม่ใช่สักหน่อย ไม่ได้คิดถึงคนนั้นแล้ว " คีย์พยักหน้ารับ แม้จะยังสงสัยอยู่แต่ก็คงไม่พูดอะไรมาก เราแยกย้ายกันไปทำงาน วันนี้งานชิ้นใหม่จะถูกส่งมาในอีเมล์แล้ว แต่ผมก็ยังไม่มีกระจิตกระใจที่อยากจะทำเลยสักนิด นั่งมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองแล้วถอนหายใจออกมา ผมมองซ้ายดูขวาก่อนจะเลื่อนหน้าจอแรกของวันไปที่เฟสบุ๊คของตัวเองแทนที่จะเป็นอีเมล์งาน เมจเสจที่เพื่อนส่งมาให้เมื่อวานผมคลิกมันดูอีกครั้ง ' เว็บไซต์เช่าโฮสหนุ่มสูงวัย' ตอนที่เลื่อนขึ้นไปที่หน้าจอบนสุดเพื่อดูรายชื่อของทุกคน ผมหยุดอยู่ที่รายชื่อของคนคนนึง แม้จะเป็นการเจอกันแบบที่ไม่ค่อยอยากเจอ แต่ว่าตอนนี้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ผมรู้สึก ' อยากเจออีกจัง '

“ ลิป นายช่วยดูหน่อยว่าสีไหนมันดีกว่ากัน " เสียงทักที่มาพร้อมกับร่างบางที่เลื่อนเก้าอี้เข้าหา ผมเหม่อจนคว้าเม้าส์มาคลิกปิดแทบไม่ทัน คีย์นิ่งอยู่ตรงนั้นตอนที่หันไปมองผมก็ถาม

“ เอ่อ คือ "

“ นี่นายจะเช่าโฮสเหรอ " คำถามที่ทำให้ผมหยุดนิ่ง อ้าปากอยากจะเถียงเพื่อนที่กำลังเข้าใจผิด หรือเข้าใจถูกกันแน่ก็ไม่รู้ แต่ว่าหมอนี้แน่นอนว่ามันต้องมองไปในแง่ลบแน่ๆ " ไปเช่าโฮสมาใช่มั้ย "

“ ก็ ราวๆนั้น แต่มันไม่ใช่แบบทั่วไปนะ "

“ แล้วมันเป็นแบบไหน "

“ โฮสแบบผู้ใหญ่ให้คำปรึกษา ปัญหาชีวิต " คีย์เงียบผมเองก็เงียบอีกคนที่ขมวดคิ้วพลางถอนหายใจออกมา

“ แล้วทำไมนายไม่ปรึกษาฉัน " กะแล้วว่าต้องพูดออกมาแบบนี้ " ฉันมันไม่น่าให้คำปรึกษารึไง "

“ คีย์ ไม่ใช่แบบที่นายกำลังคิด อย่าเพิ่งงอนสิ "

“ ไม่ได้งอน " คนปากแข็งบอก ก่อนจะพูดเชิงน้อยใจออกมา " ฉันแค่คิดว่า เราเป็นเพื่อนกันแล้วเราก็น่าจะพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง อย่างที่ฉันเองก็คุยกับนาย "

“ เราคุยกันได้ทุกเรื่องคีย์ "

“ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องนี้ใช่มั้ยละ "

“ ไม่ใช่ ฟังก่อนสิคือเมื่อวานเพื่อนฉันมันแนะนำฉันมา ฉันน่ะไม่มีความคิดจะไปหรอกจริงๆนะ ฉันน่ะลำพังปรึกษากับนายก็พอแล้วแต่เพื่อนฉันน่ะบอกว่าดีมาก คือได้ข้อคิดเกี่ยวกับชีวิตเหมือนเราได้ไปนั่งพูดกับคนที่มีวุติภาวะทางความคิดสูงกว่าเรา คนที่ประสบการณ์มากกว่า ฉันเลยคิดว่าอยากจะลองฟังทัศนคติเค้า ฉันเลยตัดสินใจไป " ผมบอกก่อนจะเอียงหน้ามองอีกคน " จริงๆนะคีย์ ไม่ได้คิดอะไรแบบที่ว่าไม่อยากจะเล่าเรื่องนั้นให้นายฟังเลย "

“ ฉันรู้สึกไม่ดีเพราะเวลาที่ฉันมีปัญหา นายอยู่ข้างฉันตลอด เพราะงั้นเวลาที่นายมีปัญหาฉันเลยอยากจะเป็นคนที่ข้างๆนายเหมือนกัน "

“ เลิกกับฟานแล้วมาคบกับฉันมั้ย "

“ ไอ้บ้า!! “ พอล้อออกไปแบบนั้นอีกคนก็เหวี่ยงกลับ ท่าทางน่ารักแสนงอนแบบนั้นฟานจะรับมือท่าไหนผมละอยากรู้ แต่นี่แหละเสน่ห์ของคีย์ละมั้ง จะมีใครเอาแต่ใจได้น่ารักเท่าเค้าละ ที่แม้ดูท่าทางไม่สนใจอะไรแต่ว่าจิตใจก็อ่อนไหวแถมยังแคร์ความรู้สึกใครๆเป็นที่หนึ่ง

“ ไหนบอกว่าไม่ชอบ ชวนเลิกกับฟานก็ไม่เลิกนะ "

“ ไม่ได้คบสักหน่อย จะเลิกได้ไง "

“ งั้นฟานฉันขอ ขอมาดามใจหน่อย " พอพูดออกไปตรงๆอีกคนก็เบือนหน้าหนี คีย์ที่ถอนหายใจออกมาเค้ากัดริมฝีปากล่างตัวเองเบาๆอย่างไม่รู้จะทำยังไง ก่อนจะพูดออกมาเสียงไม่เบานักด้วยแก้มแดงๆ

“ ไม่ให้ "

“ แล้วก็ยังปากแข็งไปยอมตอบรับว่าชอบเค้านะ "

“ ก็ฉันยังไม่อยากจะตอบนี่่ กลัวหมอนั้นได้ทีแล้วเปลี่ยนใจ " กลืนน้ำลายลงทำท่าทางไม่สนใจก่อนจะหันมาหาผม " อย่าพูดถึงไอ้ลูกหมานั่นเลย มาคุยเรื่องนายดีกว่า ตกลงว่ายังไง อะไรคือโอสให้คำปรึกษา แล้วนั่นที่เปิดหน้าเว็บไว้แบบนั้นจะไปอีกเหรอ "

“ ก็นะคิดว่างั้น "

“ นายติดใจคนรุ่นพ่อรึไง "

“ ก็มากไป ไม่ใช่รุ่นพ่อสักหน่อย " ผมเถียงก่อนจะเหลือบมองหัวหน้า " รุ่นหัวหน้าตังหาก "

“ เหรอ " เสียงสนใจของคีย์ ผมถอนหายใจ

“ นี่ นายมีฟานอยู่แล้วนะ "

“ แค่บอกว่าเหรอ เองไม่ได้อะไรสักหน่อย "

“ ก็ตอนแรกนัดคุณลุงอายุ สี่สิบไว้  "

“ เล่นของแรงนะนาย สี่สิบเลย "

“ ปรึกษาปัญหาชีวิตเว้ย " ผมย้ำอีกคนก็ยิ้มขำ " ก็นัดเค้าไปรอไปครึ่งชั่วโมงเค้ายังไม่มาก็เคยคิดว่าคงไม่มาแล้ว แต่พอจะกลับ หัวหน้าเค้าดันมาแทนน่ะ "

“ หัวหน้าเค้าอายุเท่าหัวหน้าเราเหรอ "

“ อื้ม " ผมพยักหน้ารับคีย์ก็ยิ้มจางๆ " นายอย่ายิ้มสิ "

“ ก็มันยิ้มเองนิ อะไรกันเล่า " อีกคนบอกปัด ผมก็ถอนหายใจออกมา " แล้วหน้าตาเค้าเป็นไง "

“ ก็หล่อ หล่อกว่าหัวหน้าอีก "

“ ไม่เชื่อละ " คีย์ส่ายหน้า

“ อะไรกันเล่าทีนายยังบอกว่าฟานหล่อกว่าหัวหน้าเลย "

“ ก็นั่นมันฟานนิ "

“ จะบอกว่า แฟนตัวเองหล่อมากเลยงั้นสิ " เค้าไม่ตอบผมก็ถอนหายใจด้วยความหมั่นไส้ " ก็หล่อนะ เค้าไม่ได้อยู่แบบหัวหน้าอะ แต่อยู่ไปทางแนว หล่อเข้มๆมากกว่า ก็สมชายเลยแหละ ตาเค้ามันมีเสน่ห์เวลามองแถมยังเป็นคนอบอุ่นสมเป็นผู้ใหญ่ "

“ ขนาดนั้นเลย "

“ แล้วคราวนี้เพราะว่าเค้ามาสายแถมไม่ใช่คนที่ฉันเลือกเค้าเลยปรับเวลาให้เท่าเดิม แถมยังพาไปเลี้ยงข้าวเป็นการขอโทษด้วย เราก็ไปกินข้าวกันแล้วก็คุยกันแหละ "

“ คุยเรื่องปัญหาชีวิต ? "

“ ตอนแรกก็จะปรึกษาปัญหาชีวิตอยู่นะ  แต่ไปๆมาๆ ฉันดันร้องไห้ใหญ่โตแล้วพูดเรื่องไอ้เด็กสวะนั่นให้เค้าฟังซะงั้น แต่ก็ดีนะแกเค้าก็ปลอบแหละ ได้อะไรเยอะเลย "

“ แค่นั้นแกเลย ติดใจเค้า "

“ ก็เปล่าหรอกนะ " ผมส่ายหน้าอีกคนก้ขมวดคิ้วงง

“ แล้วมันยังไง "

“ ก็ตอนที่หมดเวลาแยกกลับบ้านใครบ้านมัน อยู่ๆเค้าก็ขอกลับบ้านทางเดียวกับฉัน ทั้งๆที่ว่าตามกฏแล้วเราต้องกลับคนละทางกัน "

“ อ่าห๊ะ แล้วไงต่อ "

“ จะพูดยังไงดีเค้าเปลี่ยนไปจากโฮสคนที่ปลอบใจก่อนหน้านั้นเลย ทั้งตลกแล้วก็กวนตีน ชวนหงุดหงิดแต่ก็นะ.. “

“ ทำให้ใจนายมันเต้นแรงสินะ " ผมพยักหน้ารับ " นี่แหละเสน่ห์ของความเป็นผู้ใหญ่ คนที่อายุมากกว่าเราอะนะเวลาอยู่ด้วยก็รู้สึกอุ่นใจ การกระทำของเค้ามันจะไม่มาตรงๆแบบเด็กๆ แต่ว่าจะมาแบบอบอุ่นแต่มีชั้นเชิง "

“ จะว่าไปก็เป็นแบบนั้น เราคุยกันหลายเรื่องระหว่างทางจากร้านไปที่รถไฟ คุยไปเดินไปจนอยู่ๆเค้าก็หันมาถามฉันเรื่องของฉันเกี่ยวกับของที่ฉันชอบ จนเค้าถามว่า ฉันชอบคนอายุมากกว่ามั้ย "

“ แล้วนายตอบว่า "

“ ฉันตอบว่าฉันชอบคนอายุน้อยกว่า "

“ โธ่ ลิปปปปปปป ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วนะ จะตอบแบบโกหกใจตัวเองหน่อยมันจะไม่ได้เลยรึไง "

“ ก็ฉันไม่รู้นิ ว่าคำถามต่อไปมันจะเป็นอะไร "

“ แล้วคำถามต่อไปมันคืออะไร " คำถามที่ทำให้ผมนิ่ง เม้มริมฝีปากตัวเองกับใจที่เต้นแรงก่อนจะตอบเพื่อนออกไป

“ แล้วคุณชอบผมได้มั้ย เป็นคำถามต่อไป "

“ อะไรนะ "

“ แต่ว่าเค้าไม่ได้ถามฉัน เพราะพอฉันบอกเค้าว่า ฉันไม่ชอบคนอายุมากกว่าเค้าก็บอกแค่ว่า งั้นคำถามต่อไปก็คงไม่ต้องถามแล้ว "

“ แล้วแบบนั้น นายรู้สึกยังไงเหรอ "

“ ฉันไม่รู้อะ ฉันรู้สึกไม่อยากจะทำงาน ฉันอยากจะคุยกับเค้าอีก คุยให้รู้เรื่องเพราะแค่บอกว่าไม่ชอบคนอายุมากกว่าแค่นั้นเค้าก็ตัดใจไปแล้วเหรอ "

“ นายชอบเค้าเหรอ "

“ ก็ประทับใจมากเลยแหละ " ผมพยักหน้ารับอย่างยอมรับ จะบอกว่าไงดีจะพูดว่าชอบก็คงไม่ได้แต่ประทับใจในตัวเค้า ถ้าเราได้ลองศึกษากันมันคงดี อยากรู้ว่าผมจะเปลี่ยนทัศนคติกับคนที่อายุมากกว่าที่ตัวเองไม่ชอบได้มั้ย แต่เค้าไม่ได้ให้โอกาสให้ผมทำแบบนั้นเลย แค่บอกว่าไม่ใช่สเป็ค เค้าก็ตีตัวออกห่างแล้ว " แต่เค้าไม่ให้โอกาสฉันเปลี่ยนความคิดแบบที่ ฟานให้นายเลยนะ "

“ อย่าเอาฟานไปเปรียบเทียบกับเค้าสิ หมอนั้นมันหน้าด้านบอกว่าไม่ชอบก็ยังตื้ออยู่ได้ "

“ แต่เพราะเป็นแบบนั้นไม่ใช่รึไง นายถึงชอบเค้า "

“ ก็นะ " คนตรงหน้าผมพยักหน้ารับก่อนจะถอนหายใจ " แล้วนายรู้สึกยังไงกับเค้า นอกจะประทับใจแล้ว อยากจะเจอเค้าอีกเหรอ "

“ อื้ม " ใช่ อยากจะเจอเค้าอีก ทั้งๆที่ว่าโอกาสที่เจอคงจะไม่มีแล้วแต่ว่าก็อยากจะเจอเค้าอีก ไม่รู้ทำไมทั้งๆที่ว่า ถ้าเจอปากก็คงไม่รู้จะพูดอะไร ไม่มีประโยคอะไรที่อยากจะพูดกับเค้าเป็นสำคัญเลย ความรู้สึกตอนนี้มันแค่อยากจะเจอ อยากจะเจอหน้าเค้า มันก็เท่านั้น

“ ลองซื้อเค้ามาเป็นโฮสของนายสิ "

“ ห๊า “ ผมสบถออกมาตอนที่มองอีกคนที่พยักหน้ารับ

“ ก็ถ้านายอยากจะเจอเค้า มันก็มีทางเดียวไม่ใช่เหรอ ก็คือซื้อตัวเค้ามาคุยด้วย "

“ แต่ฉันไม่รู้จะซื้อเค้ามาทำไม "

“ ก็ถ้าไม่รู้จะพูดอะไร ซื้อมาช่วยเดินเล่นเป็นเพื่อนที่ถนนตอนกลางคืนก็ได้นิ มันก็แล้วแต่เรารึเปล่า เราเป็นลูกค้านะ "

“ เอาอย่างงั้นเลย "

“ อย่างงั้นแหละ ไม่งั้นจะเจอกันได้ไงละ " คีย์ที่บอกออกมาแบบนั้น ก่อนจะหันไปมองที่หน้าจอตัวเองเพราะเหมือนมีอีเมล์ใหม่เข้ามา สีหน้างงของเค้าผมเองก็เอียงหน้าจอของเค้าแต่ทว่าก็ไม่เห็น

“ มีอะไรเหรอ ใครส่งเมล์มา "

“ หัวหน้าน่ะ " เค้าบอก " เรียกฉันไปพบที่ห้องประชุม "

“ แก้ไขงานอะไรเปล่า "

“ กำหนดส่งงานฉันมันอีกตั้งสามวันนะ "

“ งั้นก็ไม่รู้สิ " ผมยักไหล่ไหวๆอีกคนก็เอียงหน้างงไปมา " สารภาพรักละมั้ง "

“ บ้า "

“ ถามจริง ถ้าโดนสารภาพรักจะทำยังไง "

“ ไม่รู้สิ ต้องโดนสารภาพรักจริงๆถึงจะบอกได้ อีกอย่างฉันว่าคนอย่างหัวหน้าไม่บอกหย่าเมียง่ายขนาดนั้นหรอก " อีกคนว่าขำๆ " งั้นฉันไปก่อนนะเดี๋ยวมา "

“ โชคดีนะ "

“ นายเองก็รีบกดซื้อโฮสแล้วเตรียมตัวไปเดทเย็นนี้ได้แล้ว " พยักหน้ารับคำพูดนั้นตอนที่หันไปมองหน้าจอของตัวเองอีกครั้ง ผมสูดลมหายใจเข้าไปในปอด ก็อยากจะเจอนี่น่า ถึงไม่ได้พูดอะไร ยังไงก็ยังอยากจะเจอ เอาก็เอาวะ ตัดสินใจได้แบบนั้นมือก็กดคลิ๊กเข้าไปติดต่อ แต่ทุกอย่างก็ทำให้ต้องอึ้งอยู่ตรงนั้น " คิววันนี้เต็มแล้ว แล้วคิวอีกหลายๆถัดไปก็เต็มแล้ว ว่างอีกทีคือ สองเดือนหน้า นี่มันคืออะไรเนี้ย " มองหน้าตาโปรไฟล์ของเค้าแล้วถึงกับถอนหายใจออกมาแม้ราคาจะแพงหูฉี่แต่ถ้าคนที่ชอบเค้าก็คือชอบเค้านั่นแหละ ยังไงก็ยอมจ่ายอยู่แล้ว " แบบนั้นจะไปจองวันไหนได้อีกวะ " กดปิดหน้าจองอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี ดวงมันจะไม่ได้เจอก็คงไม่ได้เจอนั่นแหละ " คงไม่มีดวงได้เจอแล้วละมั้ง " เมื่อคืนไม่น่าจะตอบออกไปแบบนั้นเลย อย่างที่คีย์บอก ' จะโกหกหน่อยก็ไม่ได้ '

   ผมเปิดอีเมล์ออกมาทำงานด้วยความรู้สึกเซ็งๆ มือที่วาดงานร่างไปเรื่อยๆ ก่อนที่เพื่อนที่นั่งข้างกันจะนั่งลงผมก็หันไปถาม " ตกลงว่าไง สารภาพรักมั้ย "

“ แค่ชวนไปกินข้าวตอนเย็นน่ะ " เค้าบอกผมก็เผลอแบะปากขึ้นมาซะงั้น บอกเลยว่าไม่เชียร์คนแบบนี้เท่าไหร่หรอก

“ แล้วนายตอบว่าไง คงไปสินะ ร้านไหนละฉันจะแอบบอกฟานให้ไปป่วน "

“ ฉันตอบปฎิเสธไปอะ " อีกคนที่หันมาถอนหายใจให้ผม เค้าเกาหัวตัวเองเหมือนว่า ก็ยัง งงๆ กับตัวเองเหมือนกัน  " พอดีนัดกับฟานไว้ว่าจะไปชอปปิ้งด้วยกัน ไอ้หมอนั่นพอฉันบอกว่าจะไปด้วยก็ เขียนรายการของที่จะซื้อยาวเป็นหางว่าว เพ้อฝันว่าจะได้ไปจนน่ารำคาญ บอกว่าจะกินนู้นกินนี่อีก ไม่อยากจะทำลายความฝันของเด็กอะนะ ก็เลยนั่นแหละ ก็ปฎิเสธเค้าไป "

“ ฉันว่านายไปกับฟาน นายคงมีความสุขมากกว่าไปกับเค้าแน่ เชื่อเถอะ อย่างงั้นก็ดีแล้ว "

“ แล้วนายละ ตกลงว่าซื้อโฮสได้มั้ย "

“ คิวเค้ายาว อีกสองเดือนหน้าถึงจะว่าง "

“ ห๊า " คีย์อ้าปากค้างงงๆ " ขนาดนั้นเลย "

“ อื้ม ก็คนชอบเค้าก็คงเยอะแหละ ช่างเถอะถึงตอนที่เค้าว่างตอนนั้น ฉันก็คงจะลืมเค้าไปแล้วละมั้ง นายก็รู้พอฉันเจอเด็กใหม่ๆ ฉันก็ลืม " ผมพูดยิ้มๆ " ทำงานดีกว่าจะได้เอาเงินไปเลี้ยงเด็กที่หน้าตาถูกใจอีก " ผมเลื่อนเก้าอี้กลับมานั่งทำงาน ถึงในใจจะรู้สึกแย่แค่ไหนแต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ทุกอย่างมันจบไปแล้ว เราเองก็เลือกที่จะพูดแบบนั้นเอง อีกคนอย่างเมื่อคืนตอนที่จูบกัน ถ้าเกิดว่าเราเป็นคนรั้งเค้าเอาไว้ ตอนนี้มันจะเป็นยังไงนะ

   ( ต่อ..)
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 9 ' คำถามสุดท้าย ' - 17.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 19-06-2016 21:08:06
ผมปิดคอมหลังจากทำงานเกินเวลามาเสียนาน มองดูเวลาตอนนี้ที่ใกล้จะสองทุ่มแล้วก็ต้องถอนหายใจพอได้ทำงานก็เผลอทำจนลืมเวลาไปทุกที หันมองไปที่โต๊ะข้างๆก็ออกไปจากออฟฟิศตั้งแต่ยังไม่ทุ่มแล้วทั้งๆที่ทุกครั้งจะกลับด้วยกันแท้ๆ แต่คนมีความรักมันก็พูดยาก แต่แบบนั้นก็ดีชีวิตคีย์ที่เอาแต่ติดบ้านไม่ออกไปไหนไม่ค่อยมีสังคมจะได้มีอะไรแปลกๆใหม่ๆเข้ามาบ้าง

“ วันนี้หาอะไรกินก่อนกลับดีกว่า " พูดกับตัวเองแบบนั้น ขามันก็เดินออกไปยังถนนอีกสายที่ติดกับห้างแล้วก็ร้านอาหาร เดินตรงไปเรื่อยๆมองดูเสื้อผ้าที่คิดว่าสวยแต่ขาก็เดินผ่านไป ก่อนที่จะหยุดชะงักลงเพราะเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าที่ดังขึ้น ขมวดคิ้วมองเบอร์แปลกที่โทรเข้ามาด้วยความงง ก่อนจะกดรับ " สวัสดีครับ "

“ สวัสดีครับ คุณลิป "

“ คุณเมษ " เสียงที่จำได้ผมหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น ในใจที่เต้นแรงอยู่ๆหน้าก็แดงออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ผมเม้มริมฝีปากของตัวเองอย่างควบคุมอารมณ์ตื่นเต้นของตัวเองไว้ไม่อยู่

“ ขอโทษนะครับที่ใช้เบอร์ที่คุณกรอกข้อมูลไว้โทรมาหา "

“ ไม่เป็นไรครับ " บอกเค้าแบบนั้นก่อนจะยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จะบอกว่าดีใจ ก็สารภาพออกไปตรงๆเลยว่า ดีใจมาก

“ แล้วนั่นจะไปไหนครับ "

“ เอ๋ ? พูดเหมือนรู้ว่าผมกำลังเดินอยู่เลยนะ “

“ ก็รู้นะสิครับว่าคุณกำลังเดินอยู่ แถมผมยังรู้ได้ด้วยนะว่า เมื่อกี้คุณแอบมองเสื้อตัวสีฟ้าตรงร้านสีแดงที่เดินผ่านมา "

“ รู้ได้ไงอะ " ผมถามอีกคนก็หัวเราะ " คุณอยู่แถวนี้เหรอ " ผมหันมองซ้ายขวาแต่ก็ดูเหมือนไม่มีเค้ายืนอยู่ตรงนี้เลย

“ วันที่เจอกันผมเอากล้องติดไว้ที่กระเป๋าคุณน่ะ ผมเลยรู้ "

“ ห๊าาา " ผมยกกระเป๋าของตัวเองขึ้นมาดู ปลายสายก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น " นี่ โกหกกันใช่มั้ย "

“ แล้วคุณจะเชื่อด้วยนะ "

“ คุณนี่จริงๆเลยนะ " ผมทำหน้างอนตอนที่ถอนหายใจออกมา ปลายสายก็บอก

“  เวลาคุณทำหน้างอนๆแล้วน่ารักจัง อยากจะหยิกแก้ม "

“ คุณอยู่ไหนน่ะ บอกมาซะดีๆเลยนะ "

“ ถ้าเกิดว่าผมบอก ขอหยิกแก้มคุณหนึ่งทีได้มั้ยละ "

“ ก็ได้ บอกมาสิครับว่าอยู่ไหน "

“ แสดงว่าคุณอยากจะเจอผมอยู่ละสิ " เค้าแซว

“ ใครจะอยากเจอโฮสสุดฮอตที่มีค่าชั่วโมงแพงหูฉี่ แต่กลับมีคนจองล่วงหน้าตั้งสองเดือนแบบคุณละ "

“ แสดงว่าเข้าไปจองตัวผมสินะถึงได้รู้ ว่าคิวผมจะว่างอีกสองเดือน " ถอนหายใจสอดไปตามสาย เค้าที่หัวเราะๆออกมาเบา " แล้วตกลงว่าถ้าเจอกันหยิกแก้มได้มั้ยละครับ "

“ ก็ได้ อยู่ไหนละคุณ "

“ แล้วถ้าทำอย่างอื่นละครับ "

“ ทำอะไรครับ "

“ ก่อนอื่นก็ยืนตรงๆก่อนนะ นิ่งๆหันหน้าไปทางที่ยืนนั่นแหละตรงๆ " ยืนนิ่งตามที่อีกคนบอก " แล้วจากนั้นก็ค่อยๆเอียงหน้ามามองข้างหลัง ผมที่ทำตามที่อีกคนบอกตอนที่เอียงหน้าไปมองข้างหลังช้าๆอยู่ๆริมฝีปากหนาก็แนบสนิทลงบนริมฝีปากของผมทันที เบิกตากว้างกับใจที่เต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ คนที่คิดถึงอยู่ๆก็มาเจอกันในระยะประชิดแบบนี้ ผมผละออกอีกคนก็พูด " ขอผมจูบคุณได้มั้ยครับ "

“ จูบไปแล้ว ยังมาขออะไรอีกละ " ดึงตัวเองออกห่างจากเค้า หลบหน้าแดงๆไปอีกทางเค้าก็ยื่นมือมาจับแก้มผมเบาๆก่อนจะบีบ
“ ขอบีบแก้มหน่อย " ผมทำหน้างอนพลางมองใส่เค้าอีกคนก็หัวเราะ " อะไร บีบแก้มนี่ผมขอคุณแล้วนะ "

“ แล้วคุณมาทำอะไรแถวนี้ "

“ มาทำงานครับ "

“ งานที่มีิคิวยาวจนถึงสองเดือนหน้านะเหรอ " ร่างสูงพยักหน้ารับ

“ ใช่แล้วครับ แล้วคุณละ "

“ ก็ทำงานอยู่แถวนี้ ตึกสูงๆตรงนั้นน่ะ " ผมชี้บอกเค้าอีกคนก็บอก

“ ก็ว่าทำไมอยู่ๆคนที่คิดถึงกลับเดินมาให้เห็นกันแถวนี้ได้ "

“ พูดอะไรของคุณน่ะ " ผมบอกอีกคนก็ยิ้มก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น

“ ไปกินอะไรอร่อยๆกันมั้ยครับ อย่างเช่น น้ำ หรือว่าถ้าคุณหิวเป็นข้าวก็ได้นะ "

“ อื้ม งั้นขอไปน้ำอร่อยๆดีกว่า " ใบหน้าคมพยักหน้ารับเราก็เดินตรงไปยังร้านที่อยู่ตรงมุมถนน ร้านน้ำชื่อดังที่จัดร้านแบบที่มีระเบียงออกมาหน้าร้าน แม้จะอยู่ในมุมอับของถนนไปสักหน่อยแต่ว่าถ้าเป็นช่วงเช้ากับกลางวันคนก็เยอะใช่ย่อย แต่นี่ดึกแล้วคนทั่วไปเลยไม่ค่อยกินกันแล้วส่วนมากก็มีแค่เด็กที่มาติวหนังสือ

“ กินน้ำอะไรดีครับ "

“ น้ำส้มแล้วกันครับ " ผมบอกตอนที่จะยื่นเงินเงินอีกคนก็สั่งเบรคไว้

“ ผมเลี้ยงเอง " เค้าพูดแบบนั้นตอนที่เดินเข้าไปในร้านสักพักก่อนจะออกมาพร้อมกับแก้วน้ำส้มแก้วนึงแล้วก็ชาร้อนของตัวเองอีกแก้ว ผมเลือกนั่งตรงระเบียงข้างนอกเพราะดูเหมือนเป็นที่ที่เงียบและส่วนตัวมากกว่าจุดอื่น

“ ขอบคุณนะครับ " ผมยกแก้วน้ำส้มของตัวเองบอกเค้าที่ก็พยักหน้ารับ 

“ แล้วทำไมคุณถึงอยากเจอผมละ " คำถามที่ทำให้แทบสำลักน้ำที่กินอยู่

“ ทำไมถึงคิดว่าผมอยากจะเจอคุณละ "

“ ก็คุณบอกว่าคิวผมยาวเกือบสองเดือน แสดงว่าต้องเข้าไปจองตัวผมสิ ถึงจะรู้ เพราะงั้นถ้าเข้าไปจองก็คงเพราะอยากจะเจอ ทำไมถึงอยากจะเจอละครับ "

“ ก็แค่ไม่มีอะไรทำมันก็เท่านั้นเองละครับ ก็เลยนั่งคลิกดูหน้าเว็บเล่นๆ กดนู้นกดนี่ไปเรื่อยก็เลยรู้ " ก้มหน้าลงดูดน้ำในมือ อีกคนก็ยิ้มออกมาก่อนจะตอบรับแบบไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่

“ อ๋อ เหรอครับ "

“ ไม่เชื่อรึไงคุณ "

“ ก็ไม่เชื่อนะสิ คุณชินกับการคบเด็กแล้วคิดว่ามุกแค่นั้นจะหลอกผมได้เหรอ ผมไม่ใช่เด็กนะคุณ " เบือนหน้าหนีอีกฝ่าย เราที่ไม่รู้จะพูดอะไรกันออกมา ก็ได้แต่เงียบอยู่แบบนั้น เหลือบตามองเค้าที่ก็ก้มหน้ากินชาร้อนในมือของตัวเองก็ได้แต่ตั้งคำถามมากมายไปหมด คำถามที่เราเองก็สงสัยแต่ก็ไม่กล้าที่จะถามมันออกมา ' ทำไมถึงไม่ยอมตื้อต่อกันนะ ไม่ใช่พวกคนชอบตื้อเหรอ จะไม่ถามหน่อยเหรอ คำถามนั้นนะ คำถามที่ยังไม่ได้คำตอบนั่นน่ะ '

“ ลิป " สะดุ้งตัวเล็กน้อยตอนที่ถูกเรียก ผมยิ้มจางๆอีกคนก็หัวเราะ " เหม่อไปถึงไหนแล้ว หลับในรึไง "

“ ก็เปล่าสักหน่อย แค่คิดอะไรเพลินๆ " ผมบอกก่อนจะลุกขึ้น " ดึกแล้ว กลับบ้านกันเถอะครับ "

“ จะกลับแล้วเหรอ " พยักหน้ารับอีกคนที่ยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา " ผมมีเวลาเหลืออีกชั่วโมงนะ เพราะว่าแยกกับลูกค้ายังกลับไม่ได้หรอกครับ "

“ อย่างงั้นเหรอครับ " ชะงักตัวเองนิดหน่อย ผมที่ไม่รู้จะทำยังไงในเมื่อยืนขึ้นแล้วจะนั่งลงก็คงดูว่า เราอยากจะอยู่กับเค้ามากเกินไปหน่อย " เอ่อ..”

“ ช่วยอยู่ต่ออีกสักหน่อยสิครับ " มือหนาที่คว้ามือผมไว้ เค้าเงยหน้าขึ้นมามองตอนที่ผมเองก็ก้มลงมองหน้าเค้า " ผมอยากจะนั่งอยู่กับคุณต่ออีกสักหน่อย " นั่งลงตรงเก้าอี้ตัวเดิมช้าๆ ใบหน้าคมที่ยิ้มออกมา ผมเม้มริมฝีปากปากก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา
 
“ คุณเมษ "

“ ครับ " ใบหน้าที่หันมาสนใจผม ส่ายหน้าไปมาอยู่ๆก็เรียกเค้าแต่กลับไม่รู้จะถามอะไรซะงั้น " อะไรกันคุณมีอะไรก็พูดมาสิ ผมรอฟังอยู่นะ "

“ มีเรื่องเพื่อนที่อยากจะเล่าให้ฟังนะ " ผมบอกเค้า " ยังจำเพื่อนของผมที่เคยเล่าให้ฟังว่า เค้าไม่ชอบแฟนเด็กแต่กลับมาแฟนเด็กมั้ยครับ "

“ อื้ม จำได้ครับ ทำไมเหรอ "

“ รู้มั้ยครับ ทำไมเค้าถึงได้เป็นแฟนกัน ทั้งๆที่เพื่อนผมน่ะ ไม่ชอบคนที่อายุน้อยกว่าเลย "

“ ทำไมครับ "

“ เพราะผมคิดว่าเค้าเป็นคนช่างตื้อนะ ต่อให้เพื่อนผมไล่เค้ายังไงเค้าก็ยังตื้ออยู่นั่นละ แต่เพราแบบนั้นแหละเพื่อนผมก็เลยใจอ่อน " เค้าพยักหน้ารับยิ้มๆ ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองตาเค้า " ที่ผมพูดคืออยากจะถามคุณว่า คำถามนั้นจะไม่ถามออกมาจริงๆเหรอครับ จะไม่ลองถามผมหน่อยเหรอ "

“ ลิป " เค้าเรียกชื่อผมเบาๆ

“ วันนี้ทั้งวันเอาแต่นั่งดูหน้าเว็บของคุณ เพราะไม่มีกระจิตกระใจจะทำงานอะไร เมื่อคืนก็นอนไม่หลับ คิดวกไปวนมาอยู่แบบนั้นว่าถ้าคำถามนั้นถูกถามออกมาจะตอบว่าอะไรดี ทั้งๆที่ได้ไม่ถูกถามออกมาด้วยซ้ำ มัวแต่คิดว่าทำไมคุณถึงไม่ถามต่อ ถ้าคุณตื้อผมสักหน่อยก็คงดี ฮ่าๆ ขอโทษนะครับ เหมือนตัวผมกำลังพูดอะไรไม่รู้เรื่องอยู่เลย แต่ใจผมมันรู้สึกค้างคายังไงก็ไม่รู้ เหมือนตัวเองพลาดอะไรสักอย่าง จนต้องพูดกับตัวเองว่า ไม่น่าเลย "

“ ขอโทษนะครับ ที่ผมต้องทำให้คุณลำบากใจ " คนตรงหน้าของผมยิ้มจางๆออกมา " ตอนที่เจอคุณครั้งแรกผมไม่คิดว่าจะเป็นคุณเลยที่ผมต้องมารู้สึกแปลกๆด้วย ผมชอบมองตาคุณเวลาที่คุณพูด ชอบความคิดของคุณ รอยยิ้ม หรือแม้แต่ตอนที่กำลังร้องไห้ สามชั่วโมงที่ได้อยู่ด้วย ตอนที่ได้คุยกันมันเป็นความรู้สึกที่ดีมากจนรู้สึกว่า ไม่อยากจะให้หายไปเลย ตอนนั้นก็เลยตัดสินใจทำอย่างที่ไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อน คือการเดินไปส่งลูกค้ากลับบ้าน แล้วพอเดินไปเรื่อยๆได้คุยกันมากขึ้นก็รู้สึกว่า ก็เลยลองเสี่ยงดู ผมขอโทษที่ผมไม่ใช่คนช่างตื้อ เพราะผมเองไม่อยากจะให้คุณรำคาญ เพราะตอนนั้นคุณก็ดูหนักใจมากพอแล้ว "

“ ก็นั่นเป็นครั้งแรกที่ถูกถามอะไรแบบนั้น ก็คิดว่าคุณจะถามแบบไม่จริงจัง ใครจะไปรู้ว่าคุณจะถามประโยคอีกประโยคออกมาละ "

“ ถ้าคุณรู้ คำตอบคุณจะเปลี่ยนไปเหรอครับ " เงยหน้ามองอีกคน หัวใจที่กำลังสั่นไหวของผม ใบหน้าคมที่กำลังมองมา

“ ผมจะไม่เปลี่ยนคำตอบที่บอกว่า ผมชอบคนอายุน้อยกว่าหรอกครับ แต่ผมแค่อยากจะพูดออกไปว่า ถ้าเป็นคุณ ก็อยากจะลองคบคนที่อายุมากกว่าดู คำตอบของผมมันก็คงจะเป็นแบบนั้น " และมันก็เป็นคำตอบที่ตรงใจที่สุดแล้ว

“ ขอแก้ตัวอีกครั้งได้มั้ย "  เค้าที่ยิ้มออกมาผมในตอนนั้นเผลอยิ้มตามเค้าก่อนจะเอียงหน้ามอง " แล้วคุณชอบผมได้มั้ย "

“ ก็อยากจะลองชอบดูนะ  เพราะว่ามันคือคุณ "

“ ผมถือว่าคุณตอบรับผมแล้วนะ " พยักหน้ารับรอยยิ้มของเค้า ผมที่ลุกขึ้นยืน อีกคนก็คว้ามือผมไว้ " จะไปไหนละคุณ "

“ กลับบ้านสิครับ หมดชั่วโมงนึงแล้วนะ "

“ เหรอ " เค้ามองดูนาฬิกาตัวเองก่อนจะลุกขึ้นมายืนข้างผม มือที่จับมือของผมไว้แน่น " เดี๋ยวไปส่ง "

“ หมดเวลาการเป็นโฮสแล้วว่างั้นเถอะ "

“ หมดเวลาเป็นโฮส แต่ผมก็เริ่มเวลาเป็นแฟนกับคุณ "

“ ทำให้ฉันชอบผู้ใหญ่แบบนายให้ได้ก่อนเถอะ แล้วค่อยมาบอกว่าเราเป็นแฟนกัน " เค้าหัวเราะ ตอนที่เดินจูงมือผมออกมาจากร้าน

“ มันไม่ยากหรอก ผมจะทำให้คุณใจเต้นแรงทุกสิบวิเลยคอยดู "

“ ขี้คุย มั่นใจไปมั้ง "

“ อย่าลืมสิครับว่าแฟนคุณมีอาชีพเป็นโฮสนะ " นั่นสินะ แล้วแบบนี้จะรอดพ้นเงื้อมมือเค้ามั้ยละ.. ปากที่บอกว่าชอบเด็ก แล้วเกลียดคนที่เป็นผู้ใหญ่แบบผม จะรอดพ้นไอ้หัวหน้าโฮสที่อยู่ๆก็เผลอตกลงปลงใจไปคบหาด้วย แล้วอาชีพที่เค้าต้องเจอผู้หญิงมากหน้าหลายตาแบบตลอด เราจะชอบเค้าได้จริงๆเหรอ จะไม่มีปัญหาเหรอ ผมที่ตั้งคำถามมากมายในสมอง ก่อนริมฝีปากจะถูกช่วงชิงด้วยริมฝีปากของอีกคนที่ก้มหน้าลงมาจูบในตอนที่ผมเผลอตัว " เรามาคบกันดูนะ "

“ อะ อื้ม " พยักหน้ารับเค้าออกไป ก็แค่ลองคบดู ถ้าไม่ใช่ก็ถอยออกมา แต่ว่านะ มันก็ไม่มีอะไรรับประกันใช่มั้ยว่าจะไม่เจ็บปวดอีก   มองใบหน้าคมที่ยิ้มมาให้ ผมที่สูดลมหายใจเข้าปอด

 ' ถ้าอยากจะรักก็แค่รัก ไม่ต้องกลัว เพราะถ้ากลัวเราจะไม่มีโอกาสแม้จะได้รักเลย '
.............................................

ในที่สุด นิยายก็ดำเนินมาถึงจำนวนตอนเลขสองหลักจนได้
สิบตอนแล้ว รู้สึกเป็นยังไงบ้างคะ
ชอบมั้ย ต่อจากนี้เนื้อเรื่องจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งคู่หลักคู่รอง ผสมปนๆกันไป
ยังไงฝากด้วยนะคะ
ใครมีทวิตกับเฟส ฝากแท็ก ฝากแชร์ #ฟานคีย์
ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่าาาา  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 10 ' จงกล้าที่จะรัก ' - 19.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: honey_noii ที่ 19-06-2016 22:55:47
 :o8: :o8: :-[ แอร๊ยชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 10 ' จงกล้าที่จะรัก ' - 19.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 20-06-2016 00:16:29
ชอบมากจ้า  ทั้งคู่หลักและคู่รองนะจ๊ะ
รอคอยอยู่ทุกวันนะคะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 10 ' จงกล้าที่จะรัก ' - 19.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 20-06-2016 01:28:24
อ้ายยยยยยยคบกันจนได้ :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 10 ' จงกล้าที่จะรัก ' - 19.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-06-2016 02:28:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 10 ' จงกล้าที่จะรัก ' - 19.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-06-2016 05:56:00
 :-[.  พลังแห่งความคิดถึงช่างรุนแรงนัก อิอิ พี่เมษคือรุกจริงจังมากอะ  มาดักรอ มีกันคิวตัวเองไว้ด้วย
เอาเวาลาสองเดือนมาจีบลิปงี้ โอ๊ย อิจค่ะ ว่าแต่พี่เมษนี่ไม่ถึง40แต่ก็เฉียดๆใช่ป่าว เราว่าสมัยนี้40ดูดีค่ะ บางคนก้อเดาอายุไม่ออก
เรื่องการดูแลตัวเองสมัยนี้มีสารพัด ที่รอพิสูจน์ก็คือความแซ่บนี่แหละจะสู้เด็กๆได้ไหมละ
ลิปคงต้องขอความรู้ซะพี่เมษซะแล้ว  :z1: 
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 10 ' จงกล้าที่จะรัก ' - 19.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 20-06-2016 14:33:13
แอร๊ยยยยย ลองเหอะลิป

มันต้องดีแน่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 10 ' จงกล้าที่จะรัก ' - 19.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 22-06-2016 23:22:51
แอร๊ยยยยย
เมษลิปปป
ฟานคีย์
น่ารักไปหมดดด
ดีๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 10 ' จงกล้าที่จะรัก ' - 19.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 23-06-2016 13:54:02
น่ารักนะเน๊ย ตัวกินเด็กกำลังจะโดนกิน อิอิ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 10 ' จงกล้าที่จะรัก ' - 19.6.59} หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 24-06-2016 02:02:09
อยากเห็นวิธีจีบแบบผู้ใหญ่ของคุณหัวหน้าโฮต
อยากใจเต้นแรงทุกสิบวิ บ้าง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 11 ' กุญแจห้อง ' - 24.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 24-06-2016 20:21:25
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 11
' กุญแจห้อง '

“ กลับมาแล้วเหรอครับ คุณคีย์ " ผมถอนหายใจออกมาตอนที่ได้ยินเสียงนี้เอ่ยทักผมตรงหน้าคอนโด เด็กหนุ่มร่างสูงลุกขึ้นจากที่นั่งข้างตู้ยาม เดินเข้ามาหาผมด้วยรอยยิ้มกว้าง บ้านช่องไม่มีกลับรึไงถึงได้มาหาเค้าได้ทุกวันขนาดนี้  " อย่าทำหน้าเซ็งตอนที่เห็นหน้าผมสิครับ "

“ แล้วนายไม่มีหนังสือหนังหาให้เรียนรึไง ถึงได้มาหาฉันได้ทุกวันเนี้ย " ตั้งแต่วันนั้นที่เราคุยกันจริงจังที่สวนสาธารณะดูเหมือนว่าจากที่เคยคิดว่า เราคงมีชีวิตแบบของใครของมันแล้วเวลาว่างตรงกันหรือเสาร์อาทิตย์เท่านั้นที่ฟานจะว่างมาหาผมได้แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ได้เป็นไปแบบนั้น

   ทุกวันไม่ว่ากลับดึกแค่ไหน ผมจะมีใครคนนี้คอยอยู่ เค้าที่เดินมาหาด้วยรอยยิ้มโดยไม่มีท่าทีเหน็ดเหนื่อยอะไรทั้งนั้น ทั้งๆที่ระยะทางไปกลับจากคอนโดผมไปมหาลัยเค้ามันก็ไม่ใช่ระยะทางสั้นๆเสียหน่อย เดินทางหนนึงก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมง ถึงจะบอกว่าเป็นนักศึกษามันไม่ค่อยเหนื่อย แต่สำหรับผมที่ผ่านการเรียนมาเหมือนกันไม่สามารถคิดอะไรแบบนั้นได้หรอก ใครว่าเรียนแล้วไม่เหนื่อย แค่ต้องนั่งฟังอาจารย์สอนเรื่องราวที่ไม่เข้าใจ ไม่รวมนับการบ้าน รายงาน ก็เหนื่อยจะตายอยู่ ไม่ต้องพูถึงการเดินทางไปกลับที่ต้องตื่นเร็วกว่าใครนั่งรถออกไปเรียนหรือนั่งรถกลับมาหรอก

“ แล้วนายไม่มีหอพักใกล้มหาลัยเลยรึไง ถึงเทียวไปเทียวกลับแบบนี้อยู่ได้ " บอกแบบนั้นตอนที่ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบน ผมไขประตูห้องก่อนจะเดินเข้าไป

“ ก็มีนะครับ " เค้าตอบก่อนจะเดินเข้าไปในห้องแล้วเอนตัวลงนอนบนโซฟาเป็นอันดับแรก เสียงถอนหายใจออกมาของฟานท่าทางที่ดูจะเมื่อยเอามากกับการนั่งรอผมอยู่ข้างล่างไม่รู้ว่าตั้งกี่ชั่วโมง

“ แล้วทำไมนายไม่นอนหอพักนายจะกลับมาหาฉันทำไม "

“ ก็ผมคิดถึงคุณนิครับ ที่หอพักผมมันไม่มีคุณคีย์อยู่ ผมไม่อยากจะกลับไปหรอกครับ " 

“ แล้วก็ทนเหนื่อย ไปกลับแบบนี้นะเหรอ " ผมถามก่อนจะถอนหายใจออกมา เด็กนะเด็กเหตุผลไม่มีทำตามความรู้สึกล้วนๆ วางกระเป๋าลงบนเค้าเตอร์ครัว เปิดตู้เย็นหาน้ำเย็นดื่มให้ชื่นใจสักแก้วก่อนจะโดนกอดจากด้านหลังด้วยสองแขนที่รัดเอวเอาไว้แน่น ใบหน้าคมที่แนบลงมาบนแก้ม

“ ผมไม่เหนื่อยหรอก ผมอยากจะเห็นหน้าคุณ "

“ ไว้ฉันจะถ่ายรูปตัวเองแล้วก็เอาไปติดกรอบให้นายเอาไปตั้งไว้หัวเตียงดีมั้ย "

“ โถ่ มันไม่เหมือนกันนะครับ ไม่เหมือนที่ผมได้กอดคุณแบบนี้ " พูดไปอ้อมกอดนั้นก็รัดเอวผมแน่นขึ้น

“ การที่นายทำแบบนี้ ฉันว่ามันทำให้นายเสียสุขภาพและการเรียนนะ ซึ่งนายควรทุ่มเทกับมันมากกว่าเรื่องอื่นๆ "

“ แต่ผมก็อยากจะทุ่มเทให้ความรักด้วยนิ "

“ ดื้อ " ผมพูดสั้นๆตอนที่กินน้ำเข้าไปเสียแก้วใหญ่ พูดอะไรไปก็คงป่วยการที่หมอนี่จะฟัง ฟานดื้อมากแม้ทุกอย่างที่ทำ จะเป็นเพราะผมแต่ผมก็ไม่อยากจะให้มันมากเกินไป เด็กมีหน้าที่สำคัญคือการเรียนหนังสือก็ต้องเรียน มีอย่างที่ไหนมาเห็นเรื่องอื่นสำคัญกว่า เป็นพ่อแม่แม่งจะไม่ส่งเสียสักแดง เปลืองตังค์

“ ผมไม่ได้ดื้อสักหน่อย " เสียงเถียงอ้อมแอ้มของเค้าทำเอาผมหลุดยิ้มออกมาจนได้ " ผมก็แค่อยากจะอยู่กับคุณทุกวันมันก็เท่านั้น ผมอยากจะกอดคุณเวลาที่ผมนอน ผมอยากจะตื่นมาแล้วเห็นหน้าคุณเป็นคนแรก ผมอยากจะรู้สึกว่าผมมีคนคอยอยู่ที่บ้าน คนที่ผมจะกลับไปหาได้ "

“ นายเป็นเด็กขาดความอบอุ่นรึไง พ่อแม่ไม่รักงั้นเหรอ " ผมหันไปถามแต่อีกคนไม่ตอบ ในแววตาที่กำลังเศร้านั้นราวกับว่าผมพูดอะไรสักอย่างผิดไป " ฟาน.”

“ คุณช่วยเติมความอบอุ่นให้ผมหน่อยสิ " เค้าก้มลงมากอดผมไว้อีกครั้ง เม้มริมฝีปากตัวเองแน่นอย่างไม่รู้จะพูดอะไรมา อยู่ๆมือมันก็เอื้อมไปลูบหลังเค้า " จริงๆผมก็แค่อยากจะกอดคุณไว้แบบนี้ ในเวลาที่ผมเหนื่อยแค่ได้กอดคุณผมก็หายเหนื่อยแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องการเรียนของผม หรือสุขภาพอะไรของผมหรอก ผมไม่เหนื่อยเลยจริงนะ ขอแค่ให้ผมได้กอดคุณแบบนี้ ผมเต็มใจเหนื่อยครับ ให้ผมทำมันเถอะ "

“  ทำไมนายถึงเป็นผู้ชายที่ดื้อด้านอะไรได้ถึงขนาดนี้ "

“ คุณมองว่าคนคิดถึงคุณ เป็นคนดื้อด้านเหรอครับ "

“ ใช่  โดยเฉพาะนาย " ผมผ่อนหายใจออกมาแรงๆ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตัวเองถึงได้มีอิทธิพลอะไรกับหมอนี่นัก จะบอกว่าเรื่องเซ็กส์ก็คงไม่ใช่เราไม่ได้มีอะไรกันบ่อยขนาดทุกวันต้องทำกัน ก็ไม่ใช่แบบนั้น แล้วจะบอกว่าเรื่องเอาใจอะไรแบบนั้นก็ลืมไปได้เลยผมไม่ใช่พวกคนทำอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว แล้วเหตุผลอะไรที่ต้องทุ่มเทให้ผมขนาดนี้ ผมไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจเค้าเหมือนกันกับที่ตัวผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้เค้าขนาดนั้น ทำไมถึงได้อุ่นใจที่ได้อยู่ด้วยกันขนาดนี้  " แล้วพรุ่งนี้มีเรียนกี่โมง "

“ มีเรียนบ่ายครับ ผมนอนตื่นสายได้ "

“ แต่ฉันทำงานเช้า ตื่นสายไม่ได้หรอก " ผมผละตัวเองออกห่างจากเค้าอีกคนก็ ถอนหายใจออกมาเสียเสียงดัง

“ โธ่.. "

“ ไม่ต้องมาโธ่เลย โธ่อะไรของนาย "  จะมาโธ่อะไรของมันว่ะ หน้าไม่อาย

“ โธ่ที่ผมอุตส่าห์เตรียมถุงยางกล่องใหม่มาแล้วแท้ๆเลย " หันไปชักสีหน้าใส่อีกคนที่ก็ทำหน้างอน ยัง ยังมีหน้ามาทำหน้างอนอีกไอ้เด็กนี่ " อยากใช้มันจังครับ "

“ เก็บเอาไว้แล้วอย่าให้ฉันเห็น ไม่งั้นนายมีเรื่องแน่  แล้วก็ไปอาบน้ำได้แล้ว ฉันจะได้อาบต่อ "

“ คุณคีย์อยากจะอาบน้ำแล้วเหรอ " อีกคนถามก่อนจะเดินเข้ามาใกล้

“ ก็ใช่ ทำไม " เหล่มองอีกคนแบบไม่ไว้ใจเท่าไหร่ " แต่นายอาบน้ำก่อนเถอะ นายดูเหนื่อยกว่าฉัน "

“ อาบด้วยกันมั้ยครับจะได้ไม่เสียเวลา " ฟานคว้ามือผมให้ยกขึ้นสูงก่อนจะใช้ฝ่ามืออีกข้างลูบเข้าไปในชายเสื้อที่หลุดรุ่ยออกมา ใบหน้าคมก้มลงมากระซิบ " อาบน้ำด้วยกันนะ "

“ นี่แหน่ะ! ไอ้เด็กหื่น ” เขกหัวอีกคนด้วยมือข้างที่ว่างเสียเต็มแรง เสียงร้องโอยที่ดังออกมาของเค้าชวนให้ผมถอนหายใจออกมา
“ โอ๊ยย เจ็บนะครับคุณคีย์ "

“ ก็ทำให้เจ็บนะสิ ไปอาบน้ำ ก่อนที่ฉันจะโมโหแล้วไม่ให้นายกลับมาที่นี่อีก "

“ ใจร้าย " เค้าที่บ่นออกมาแต่ก็ยังนิ่งยืนอยู่แบบนั้นอย่างไม่ยอมแพ้

" ยังไม่ไปอีก " ใบหน้าคมปั้นหน้างอนผมขึ้นมาก่อนจะเดินคอตกเข้าไปอาบน้ำอย่างจำยอม

   ผมเผลอหลุดยิ้มออกในตอนที่เห็นท่าทางแบบนั้น นี่สรุปว่ากูกำลังจะมีแฟนหรือกำลังจะมีลูกกันแน่วะ ส่ายหน้าไปมาตอนที่หันกลับไปเปิดทีวีแล้วนั่งบนโซฟาที่มีกระเป๋าของอีกคนวางอยู่ ผมขยับเลื่อนมันก่อนจะพบว่าข้างในกระเป๋านั้นหนักเสียเกินความพอดี ความสงสัยที่ชวนให้มือคว้ามันมาเปิดดูก็ต้องพบว่าตำราเรียนมากมายถูกอัดใส่ไว้ในนั้น ยังไม่รวมกับสมุดที่เหมือนจะรีบเก็บจนไม่ได้ปิดนั่นก็ด้วย ลายมือไม่สวยขยุกขยิกไปมาราวกับไม่ได้เขียนบนโต๊ะเรียบๆ คงจะเขียนระหว่างเดินหรือไม่ก็นั่งทำที่เก้าอี้ข้างตู้ยามระหว่างรอผมแน่ๆ

“ ทำไมนายต้องทุ่มเทให้ฉันขนาดนี้ด้วยนะ " อยู่ๆในอกมันก็รู้สึกอึดอัดขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ราวกับมีคลื่นลูกใหญ่กำลังซัดอยู่ในนั้น ผมจะทำยังไงกับความทุ่มเทของเค้าดี ทั้งๆที่รู้สึกว่าตัวเองให้เค้าได้ไม่ถึงครึ่งที่เค้าทุ่มเทให้ผมเลยสักนิด " เพราะรักงั้นเหรอ บ้าบอเกินไปแล้ว " เบือนหน้าหนีของเหล่านั้น ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปที่ตู้หน้าทีวี จำได้ว่าผมเคยเก็บมันไว้ตรงนี้  กุญแจสำรองของคอนโดอีกชุดนึง " นี่ไง " ผมหยิบมันขึ้นมาคีย์การ์ดเข้าคอนโดกับกุญแจที่ห้อยตุ๊กตาหมูเอาไว้  ตอนที่มองมันผมก็คิด " นี่เรากำลังจะให้เด็กที่รู้จักกันยังไม่ถึงเดือนเข้ามาใกล้เราขนาดนี้เลยเหรอวะ คิดให้ดีก่อนมั้ย คีย์ นายไว้ใจเค้าขนาดนั้นแล้วเหรอ  "

“ คุณคีย์ผมอาบน้ำเสร็จแล้วครับ " เสียงทุ้มที่พูดขึ้น ผมรีบเก็บกุญแจใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกงหยุดความคิดทุกอย่างไว้ตรงนั้น

“ อื้ม เหรอ " หันไปมองอีกคนที่เดินออกจากห้องน้ำด้วยกลิ่นหอมฟุ้ง ลำตัวท่อนบนที่เปลือยเปล่าโชว์กล้ามท้องเล็กๆของเด็กมหาลัยให้ชวนใจสั่น ผมเบือนหน้าหนีไปอีกทางในตอนที่เค้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูผม

“ ไปอาบน้ำได้แล้วครับ "

“ ทำไมต้องเข้ามาใกล้ด้วย " เอียงหน้าหลบอีกคนก่อนทำหน้าหงุดหงิดใส่ สีแก้มแดงๆผมเม้มริมฝีปากอีกคนก็หัวเราะ

“ ทำไมคุณต้องทำหน้าหงุดหงิดใส่ผมตอนเขินทุกที "

“ ใครเขินนายไม่ทราบ "

“ แก้มคุณแดงนะครับ " จูบเบาๆที่ข้างแก้มของผมฟานยิ้มกว้างออกมา " ถ้าไม่รีบไปอาบน้ำแล้วมาให้ผมกอด ผมจะอาบให้คุณในห้องน้ำแล้วมันจะไม่ต่ำกว่าสามชั่วโมงนะครับ "

“ ไอ้เด็กหื่น " พอพูดออกไปแบบนั้นเค้าก็สาวเท้าเข้ามาใกล้อีก " หยุดเลยนะ " ผมถอยหลังแต่เค้าก็ยังเดินเข้ามาใกล้ " ไปเดี๋ยวนี้แหละ ไอ้เด็กบ้า " ดันตัวเองเอียงหลบอีกคนก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง จริงๆเลยแพ้ให้มันอีกแล้ว

   ถอนหายใจโล่งออกมาตอนที่ตัวเองวิ่งเข้ามาในห้องน้ำได้ทันก่อนไอ้เด็กคนนั้นจะเดินตามเข้ามา ผมถอดเสื้อผ้าก่อนจะล้วงเอากุญแจที่ยังคิดอยู่ว่าจะให้เค้าดีรึเปล่าวางลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วก็พาตัวเองไปอาบน้ำ ถูสบู่ไปตามเนื้อตัวก่อนจะเผลอจับหน้าตัวเองที่ถูกจูบเมื่อครู่ ชวนให้ใจเต้นแรงอีกแล้วทำไมถึงต้องหวั่นไหวไปกับทุกเรื่องที่หมอนั้นทำก็ไม่รู้ ผมปิดก๊อกน้ำก่อนจะเดินไปที่ชักโครกเพื่อทำความสะอาดส่วนสำคัญของตัวเอง ก่อนจะเดินมาอาบน้ำใหม่อีกครั้ง ไม่ได้อยากจะมีอะไรด้วยกันหรอก แต่ก็แค่เผื่อไว้ เพราะไม่รู้จะโดนมาบุกโจมตีตอนไหน " คนอะไรไว้ใจไม่ได้สักนิด "

   แต่งตัวด้วยชุดนอนใหม่ก่อนจะเดินออกไปนอกห้องแล้วเห็นใครบางคนกำลังนั่งอ่านหนังสือด้วยสายตาเคร่งเครียด มือที่พยายามรีบทำการบ้านก่อนจะหันมามองที่ประตูห้องนอนที่ผมยืนอยู่ เค้านิ่งไปก่อนจะถอนหายใจ " คุณอาบน้ำไวจัง "

“ แล้วทำไมนายจะต้องให้ฉันอาบน้ำช้า เพื่อให้นายทำการบ้านให้เสร็จด้วยละ "

“ ไม่ได้ทำการบ้านสักหน่อย " เค้าพูดเสียงเบาๆผมก็เดินไปนั่งที่โซฟาข้างๆ ฟานนั่งอยู่ตรงพื้นพรมทำการบ้านที่โต๊ะหน้าทีวีก็ปิดสมุดของตัวเองลงทันที

“ ไม่ทำแล้วเหรอ การบ้านเสร็จแล้วรึไง "

“ ก็บอกว่าไม่ใช่การบ้านไงครับ " เค้าหันมาเถียงผมก็ขมวดคิ้ว

“ แล้วทำไมนายต้องขึ้นเสียงใส่ฉันด้วย ไหนเอามาดู การบ้านเสร็จรึยัง " แบมือไปหาอีกคนที่ก็ยังนิ่งอยู่แบบนั้น คว้าไหล่หนานั่นก่อนจะเขย่าไปมา " นี่ "

“ ก็บอกว่าไม่ได้ทำการบ้านไงครับ ไม่เข้าใจเหรอ "

“ แล้วก็ถามว่าทำไมต้องหงุดหงิดด้วย " ผมจ้องอีกคนยิ้มๆ แต่ดูเหมือนฟานจะไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นเลย " เป็นอะไรของนาย ฉันพูดแค่นี้ยั๊วะเหรอ หรือว่ากลัวฉันตรวจการบ้านแล้วนายทำผิด นายจะอายฉันรึไง "

“ เลิกพูดอะไรแบบนั้นที่มันทำให้ผมดูเป็นเด็กสักทีจะได้มั้ยครับ " เสียงจริงจังที่บอกออกมาแบบนั้น เค้าก้มหน้าลงก่อนจะถอนหายใจแล้วเก็บสมุดหนังสือของตัวเองใส่ลงไปในกระเป๋าแต่พอเห็นว่าผมก็เงียบเค้าก็เริ่มอธิบาย " ผมไม่ได้ทำการบ้าน ก็แค่ทบทวนบทเรียนที่เรียนไปเฉยๆ "

“ การทบทวนสิ่งที่เรียนไปก็คือการทำการบ้าน นายเป็นนักศึกษา นายก็ต้องทำการบ้าน นั่นก็ถูกแล้ว แล้วนายจะหงุดหงิดอะไรขนาดนั้น  พอฉันเดินมานายก็เก็บทั้งๆที่ยังทำไม่เสร็จด้วยซ้ำ "

“ ก็ผมไม่อยากจะดูเด็กในสายตาของคุณนิ " เค้าก้มหน้าลงก่อนจะพูด " คุณไม่ชอบคนที่เด็กกว่าไม่ใช่เหรอ ผมไม่อยากจะดูเป็นเด็กในสายตาของคุณนิครับ ก็การบ้านมันก็มีแค่เด็กเท่านั้นที่ต้องทำกันไม่ใช่รึไง "

“ การที่นายกำลังคิดแบบนั้นนั่นแหละ ที่ฉันเรียกมันว่า เด็ก " ผมถอนหายใจออกมา ก็นึกว่าอะไรที่หมอนี่หงุดหงิดนักหนาถึงขั้นมาขึ้นเสียงใส่กันได้ " ฟังฉันนะฟาน คนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วเค้าจะต้องรู้หน้าที่ตัวเองว่าตัวเองควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร นั่นคือคนที่เค้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ตอนนี้นายมีอาชีพเป็นนักศึกษา หน้าที่ของนายก็คือ เรียนหนังสือ ทบทวนบทเรียน ทำการบ้าน นั่นคือหน้าที่ของนาย มันไม่ได้ดูเป็นเด็ก แต่มันดูว่านายมีความรับผิดชอบ ฉันไม่ได้มองว่านายเป็นเด็กเพียงเพราะนายเอาการบ้านขึ้นมาทำหรอก " เค้าที่เหลือบมองผม ใบหน้าคมทำหน้านิ่งๆตอนที่ดึงสมุดกับหนังสือออกจากกระเป๋าอีกครั้งก่อนจะพูดเสียงเบาๆออกมา

“ กำลังทำการบ้านอยู่ครับ "  ผมเผลอยิ้มออกมาตอนที่เอื้อมมือไปขยี้หัวเค้าด้วยความหมั่นไส้ บางทีก็รู้สึกว่าฟานเป็นเด็กที่จริงจังกับชีวิต มุ่งมั่น แล้วก็คิดมาก มากกว่าที่ผมเสียอีก 

“ จริงๆ นายไม่เห็นต้องแคร์อะไรขนาดนั้นเลยนะ ทั้งเรื่องที่จะมาหาฉัน หรือว่าเรื่องที่ฉันบอกว่าไม่ชอบเด็ก ฉันหมายถึงว่านายน่าจะทำแบบพอดี แล้วเอาเวลาไปทุ่มเทให้การการเรียนของนายมากกว่า " ผมหยิบหนังสือเกี่ยวกับการเรียนวิศวะของเค้าขึ้นมาเปิดดู เนื้อหาภาษาอังกฤษที่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นั้น ฟานที่กำลังทำการบ้านก็พูดขึ้น

“ นั่นคือเหตุผลที่ผมไม่อยากจะแสดงอะไรที่เป็นเด็กให้คุณเห็น "

“ ห๊า ? ” ปิดหนังสือที่กำลังดูตอนที่เอียงหน้าถามเค้าฟานก็หันมามองหน้าผม

“ ผมต้องทุ่มเทกับการเรียน เพราะตัวเองกำลังเป็นนักศึกษานั่นก็จริงอยู่ แต่ผมก็ต้องทุ่มเทกับความรักแล้วก็ดูแลคุณให้ดีที่สุดเพราะว่าผมเป็นแฟนคุณ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะเหนื่อย เพราะผมไม่เหนื่อย ไม่ต้องกลัวว่าผมจะเสียการเรียน เพราะผมจะได้เกรดดีแน่นอน  ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างในสิ่งที่ผมต้องทำ เพราะงั้นแค่ผมอยากจะอยู่กับคุณ ไม่ต้องถามผมได้มั้ย ไม่ต้องพูดได้รึเปล่า คำที่บอกเหมือนให้ผมไม่ต้องมาที่นี่ คำที่พูดเหมือนให้ผมมาหาคุณแค่่ตอนที่ผมว่าง ก็ผมอยากจะอยู่กับคุณ ให้ผมมาเถอะครับ ไม่ต้องห่วงหรอก ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างให้ดี  ในแบบที่ผู้ใหญ่คนนึงที่คุณจะชอบ ทำได้ "

“ ทำไมฉันต้องเข้าไปอยู่ในเหตุผลทุกๆอย่างของนายด้วยนะ " ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตัวผมถึงสำคัญต่อเค้านัก ทั้งๆที่ตลอดมาไม่เคยเลยที่ใครจะให้ความสำคัญกับผมขนาดนี้ ไม่เคยเลย

“ ก็เพราะว่าผมชอบคุณ " เค้าที่เลื่อนหน้าเข้ามาจูบริมฝีปากของผม สองแขนที่เอื้อมเข้ามากอดเอว ก่อนจะดึงตัวเองขึ้นมานั่งบนโซฟาแล้วทาบทับผมไว้

   แล้วแบบนี้จะให้พูดอะไรได้อีก สิ่งที่ผมเป็นห่วงเค้าตอนนี้หายไปหมดแล้ว สิ่งที่กลัวว่าเค้าจะเหนื่อย กลัวว่าเค้าจะท้อไปก่อน ทุกอย่างถูกริดรอนออกไปจากคำพูดของผมที่ต้องพูดแล้ว ถูกริดรอนไปด้วยความมั่นใจของเค้า หลงเหลืออยู่เพียงแต่อ้อมกอดที่อบอุ่นและจูบหนักหน่วงของเค้า ถ้านายมั่นใจว่าทำได้ฉันจะยอมให้นายเข้ามาใกล้ฉันอีกนิดก็ได้ แต่อย่ามากกว่านี้นะ เพราะถ้ามากกว่านี้ สักวันฉันคงต้องขาดนายไม่ได้แน่เลย

“ ฟาน " กัดริมฝีปากแน่นตอนที่ที่เรียกชื่อเค้า ริมฝีปากของเค้าที่กำลังจูบลงไปบนลำคอไล่ลงต่ำเรื่อยจนได้แต่เกร็งไปหมด 

" ผมไม่เป็นไรหรอก ถ้าผมจะเหนื่อยสักหน่อยแต่ถ้าได้เห็นหน้าคุณทุกวัน ได้อยู่ใกล้คุณแบบนี้ สำหรับผม ผมยอมครับ เหนื่อยแค่ไหนผมก็ทนได้ แค่ได้อยู่ใกล้ๆคุณคีย์ก็พอ "

   เผลอไผลไปตามคำพูดพวกนี้อีกแล้ว รอยจูบที่กำลังไล่ลงต่ำอยู่นั้น เค้าหยุดอยู่ที่หน้าอกของผม ดูดกลืนยอดอกนั้นผ่านเสื้อนอนตัวบางที่กำลังสวมใส่ มืออีกข้างเอื้อมขึ้นมาบดบี้ยอดอกข้างที่ว่าง

   ผมกัดริมฝีปากแน่นมากขึ้นไปอีก ตอนที่มือนั้นจะผละออกแล้วเลื่อนลงด้านล่าง ร่อนเสื้อของผมขึ้นมาจนเห็นหน้าอก จูบลงไปยอดอกที่แข็งชันอีกครั้ง ความเย็นของน้ำลายที่กำลังถูกเลียและสะกิดด้วยปลายลิ้นอยู่นั้น ผมหดหน้าท้องเกร็งก่อนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“ เพี๊ยะ! ” มือผมตบเข้าที่หัวอีกคนอย่างแรงก่อนที่ฟานจะร้องลั่น

“ โอ๊ย!!  ผมเจ็บนะครับ "

“ ก็ตีให้เจ็บนะสิ " ผุดลุกขึ้นนั่งตอนที่ดึงเสื้อตัวเองลงอีกคนก็บ่น

“ กำลังได้ที่แล้วเชียว "

“ นี่ฉันได้ยินนะ เผลอไม่ได้เลยไอ้เด็กนี่ ไปทำการบ้าน! " ผมไล่อีกคนที่ก็ลงไปนั่งทำการบ้านที่เดิมด้วยอารมณ์เซ็งสุดๆ ท่าทางหงุดหงิดของเค้าแต่ก็ยอมทำการบ้านโดยดีแบบนั้นคงจะเสียอารมณ์ไม่น้อยทั้งๆที่ก็ไปได้ตั้งครึ่งทางแล้ว

“ ไว้เดี๋ยวทำการบ้านเสร็จแล้วก็ค่อยว่ากัน "

“ เหรอครับ " ผมเหลือบมองไปทางอื่น ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินเข้าไปในห้อง

“ ถ้าฉันยังไม่หลับละก็นะ " คำพูดของผมที่ทิ้งท้ายไว้แบบนั้น แต่คิดเหรอว่า ถ้าหลับจริงๆแล้วหมอนี่มันจะไม่ทำ ต่อให้หลับก็ต้องถูกปลุกให้ตื่นด้วยการลักหลับอยู่ดีนั่นแหละ และในคืนนั้นมันก็เป็นแบบนั้นทุกอย่างไม่ได้ต่างไปจากที่ผมคิดเลยสักนิด แม้จะบอกว่าให้ทำแค่รอบเดียวแต่เสือพอมันได้ลองกินเหยื่อแล้ว ยากครับ ที่จะคายออกมา สุดท้ายก็ต้องโดนกินจนกว่าอีกฝ่ายจะหมดแรงอยู่ดี

......................................................

   ลืมตาตื่นมาในเช้าวันใหม่ที่เร็วกว่าปกติแต่น่าแปลกที่มันกลับรู้สึกหลับเต็มตามากกว่านอนนานๆเสียอีก มองดูนาฬิกาที่หัวเตียงที่เพิ่งบอกเวลาหกโมงก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา " จะตื่นขึ้นมาทำอะไรในเวลาที่เช้าขนาดนี้วะ " พูดกับตัวเองก่อนจะหันไปมองคนที่นอนหลับอุตุอยู่ข้างๆ คนอะไรขนาดหลับยังหล่อเลย ทำไมถึงไม่นอนน้ำลายย้อยบ้างวะจะได้หมดหล่อ " น่าหมั่นไส้ " แต่ถึงจะพูดแบบนั้นผมที่นอนลงบนเตียงอีกครั้งแล้วพลิกตัวไปมองหน้าเค้าก็อดยิ้มกับตัวเองไม่ได้เลย ดึงตัวเองขึ้นหอมแก้มอีกฝ่ายเบาๆก่อนจะหัวเราะออกมา " สมน้ำหน้าอยากจะขี้เซาเอง โดนฉันแอบหอมแก้มเลย "

   ลุกขึ้นจากเตียงมาอาบน้ำแล้วแต่งตัวไปทำงาน ผมเดินออกจากห้องทั้งๆที่อีกคนก็ยังคงนอนอยู่ตรงนั้น อะไรจะขี้เซาได้ขนาดนั้น ผมเผลอยิ้มออกมาอีกครั้งตอนที่เดินออกไปที่ห้องครัวแล้วเปิดตู้เย็นออกมาก่อนจะพบว่าข้างในนั้นไม่มีอะไรอยู่เลยแม้แต่อย่างเดียว มองดูนาฬิกาที่ยังเร็วเกินไปที่จะออกไปทำงาน " ออกไปซื้ออะไรมากินหน่อยแล้วกัน " พอตัดสินใจได้แบบนั้นผมก็คว้ากระเป๋าตังค์กับกุญแจห้องแล้วเดินออกไปตรงข้างล่างของตึก ทักทายยามด้านหน้าจำได้ว่าก็เป็นคนเดียวกันกับที่นั่งคุยอยู่กับฟานเมื่อคืน " สวัสดีครับ " ผมเอ่ยทักเค้า เค้าก็ส่งยิ้มมาให้ 

“ สวัสดีครับ วันนี้ตื่นเช้าจังเลยนะครับ "

“ พอดีวันนี้ตื่นเช้านะครับก็เลยออกมาหาอะไรกินก่อนไปทำงาน "

“ แล้วน้องชายละครับ "

“ น้องชาย ? “ ผมทวนเสียงก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่าเค้าคงจะหมายถึงฟานละมั้ง " อ๋อ ยังนอนอยู่เลยครับ "

“ น้องชายคุณเป็นเด็กน่ารักนะครับ " คุณยามพูดชมออกมา " ทั้งๆที่ว่าเรียนหนักขนาดนั้นยังยอมนั่งรถกลับบ้านทุกวันเลย "

“ เอ่อ..ผมขอถามหน่อยสิครับ "

“ ครับ "

“ เค้าจะมาถึงที่นี่ประมานกี่โมงเหรอครับ "

“ ก็สักประมาน บ่ายห้าโมงนะครับ บางทีก็หกโมงเย็น " อีกคนตอบ " แล้วพอมาถึงจะขอเก้าอี้ผมแล้วก็นั่งทำการบ้านตรงนี้ทุกวันเลยครับ บอกให้ขึ้นห้องไปเค้าก็บอกแค่ว่าจะรอให้คุณมาก่อน แล้วพอถามว่าทำไมถึงไม่อยู่หอพักก็บอกแค่ว่า เค้าอยากจะอยู่กับคุณมากกว่าอยู่คนเดียว ท่าทางจะเป้นน้องชายที่ขี้อ้อนน่าดูเลยนะครับ "

“ ก็นะครับ " ผมพยักหน้ารับอีกคน

“ แต่ก็นะครับ เรียนก็หนักบางทีผมยังแอบสงสารเลย มีมาเผลอหลับตรงนี้บ้างเหมือนกัน แถมยังขนหนังสือมาเยอะแยะ เห็นว่าใกล้จะสอบแล้ว ขี้เกียจกลับเข้าหอไปเอาหนังสือก็เลยแบกมันไว้ทั้งหมด " ก็ถึงว่าทำไมมันถึงหนักนักกระเป๋าใบนั้น หนักจนผมยังคิดเลยว่าสักวันกระเป๋าแพงๆที่เค้าใช้คงจะขาด

“ ขอบคุณที่ช่วยดูแลนะครับ ขอโทษที่เด็กคนนั้นรบกวนคุณด้วย "

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ เค้าก็ชอบชวนคุย ก็สนุกดี " ผมพยักหน้ารับอีกคนยิ้มๆก่อนจะเดินไปที่ซูปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ใกล้กัน เหนื่อยขนาดฟุบหลับบนเก้าอี้ตัวเดียวได้แล้วยังจะมาบอกว่าไม่เหนื่อยอีก แล้วก็ยังไม่บอกเค้าเรื่องที่ว่าจะสอบอีกนะ ไอ้เด็กบ้าเอ้ย

   หยิบขนมปังขึ้นมาจากชั้นวาง ผมเผลอถอนหายใจออกมาตอนที่คิดถึงเรื่องที่ได้ฟังเมื่อกี้ อดคิดไม่ได้เลยว่าอีกคนต้องทนเหนื่อยมากแค่ไหนที่ต้องทนเดินทางไกลแบบนั้น ในช่วงสอบก็ต้องอ่านหนังสือแถมยังมีการบ้านให้ทำอีกตั้งเยอะแยะ ผมเดินลึกเข้าไปในร้านตอนที่หันไปเจอพวงกุญแจน่ารักเป็นรูปเอลโม่สีแดงก็ผลอคิดถึงอีกคนขึ้นมา " ตัวสูงๆยาวๆเหมือนกันเลย " หยิบมันขึ้นมาอันนึงตอนที่เดินไปจ่ายเงินที่เค้าเตอร์แล้วเดินกลับขึ้นห้องมา ตอนที่เปิดประตูก็พบว่าใครบางคนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาหน้าทีวีด้วยหน้าสะลึมสะลือแบบคนที่ยังไม่ตื่นเต็มตาเท่าไหร่

“ คุณคีย์ ไปไหนมาครับ "

“ ไปซื้อของกิน " ผมบอกก่อนจะวางขนมลงบนเค้าเตอร์ในครัว " ฉันซื้อมาเผื่อนายด้วยนะ แล้วทำไมไม่ไปล้างหน้าล้างตาให้มันสดชื่นก่อนจะออกมาอ่านหนังสือ แล้วแบบนั้นมันจะเข้าสมองไปได้ไง "

“ ผมแค่จะจัดหนังสือเฉยๆ ว่าตัวเองควรอ่านหนังสืออะไรบ้างในวันนี้ก็แค่นั้นครับ " เค้าบอกก่อนจะจัดหนังสือที่เหมือนจะอ่านเอาไว้ที่กระเป๋าล๊อคแรก ส่วนที่เหลือก็ไว้ข้างหลัง

“ ถามจริงๆเถอะ หนังสือนายในกระเป๋ามันหนักเกินไปรึเปล่า "

“ ก็ไม่หนักนะครับ " กะแล้วว่าต้องตอบแบบนี้

“ แล้วทำไม นายถึงมีหนังสือเรียนหนึ่งวันเยอะขนาดนั้น นายเป็นห้องสมุดมหาลัยรึไง " ผมบอก " เอาที่นี่บ้างก็ได้ นายจะแบกไปทำไม ก็นายต้องกลับมาที่นี่ทุกวันอยู่แล้วนิ "

“ ได้เหรอครับ " เค้าหันมาถามผมก็พยักหน้า

“ ชั้นวางตรงนั้นยังว่าง " ผมเชิดหน้าไปที่ตู้ริมสุดที่ยังไม่ได้ใส่อะไร อีกคนก็ยิ้มกว้างออกมา ร่างสูงที่กำลังจะเดินเข้ามากอดผมเบี่ยงตัวรีบเดินไปที่ห้องนอนตัวเองแทน " ฉันจะไปทำงานแล้ว จัดชั้นหนังสือไปก็แล้วกัน อย่าให้รกล่ะ "

“ ครับผม " เค้าตอบเสียงอ่อนๆ  ผมเดินไปหยิบกระเป๋าทำงานก่อนจะคว้ากุญแจของตัวเองไว้ในมือ เข้าไปหยิบกุญแจสำรองในลิ้นชักหัวเตียง ก่อนจะเดินออกมาแล้วสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆแล้วก็เอ่ยเรียกเค้า

“ ฟาน "

“ ครับ " ร่างสูงที่หันมาหา ผมโยนกุญแจคอนโดอีกชุดที่ห้อยพวงกุญแจเอลโม่สีแดงที่เพิ่งซื้อเมื่อกี้ไปให้ คนที่รับไว้ยังคงมีสีหน้างงๆ " กุญแจห้องคุณคีย์เหรอครับ "

“ จะได้ไม่ต้องไปนั่งหลับข้างตู้ยามอีก ฉันอายเค้า " ผมบอกก่อนจะหันหลังเดินหนีเค้า " ตั้งใจอ่านหนังสือสอบละ แล้วก็สอบให้ได้เกรดดีๆก็ด้วย ถ้าเกรดนายออกมาแย่ฉันเอานายตายแน่ " เดินเปิดประตูออกไปทำงานก่อนที่เค้าจะทันแสดงความดีใจอะไรออกมากับผมถอนหายใจอยู่ที่หน้าประตู ก็มีแค่นี้แหละที่ทำได้ในตอนนี้ ทั้งๆที่เคยคิดว่าจะไม่ให้ใครเข้ามาเหยียบพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองแล้วแท้ๆ แต่ก็ต้องยอมให้เค้าคนนี้จนได้ เผลอถอนหายใจออกมาผมยิ้มกับตัวเองก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืม โทรศัพท์มือถือไว้ในห้องซะงั้น " อุตส่าห์วางแผนเอาไว้ไม่ให้เสียฟอร์มแล้วแท้ๆ คีย์นะคีย์ จะมาลืมอะไรเอาวันนี้วะ "

   สุดท้ายก็ต้องเดินกลับเข้าไปในห้อง ฟานที่กำลังยืนค้นถุงขนมที่ตั้งอยู่ในครัวเค้าหันมายิ้มให้ผมก่อนจะถาม " ลืมไอ้นี่ไว้เหรอครับ " มือถือที่ถูกชูขึ้นผมพยักหน้ารับด้วยสีหน้านิ่งๆที่ก็ปั้นเอาไว้ มือที่ยื่นไปจะคว้ามือถือแต่จู่ๆมือหนาคู่นั้นก็คว้าร่างของผมให้ดึงเข้าไปใกล้เสียก่อน เค้าที่ก้มลงมาจูบที่ริมฝีปาก " ต่อไปนี้ก่อนไปทำงานต้องจูบกันแล้วบอกว่า ไปทำงานแล้วนะ ด้วยนะครับ "

“ แล้วทำไมฉันต้องทำอะไรแบบนั้นด้วย " เงยหน้ามองหน้าเค้าที่ก็ยังคงยิ้มอยู่แบบนั้นจนรู้สึกน่าหมั่นไส้ชะมัด

“ ก็เพราะว่าเรา อยู่ห้องเดียวกันแล้วนะสิครับ เพราะงั้นทำงานเสร็จก็รีบกลับบ้านนะครับ ผมคอยอยู่ " ริมฝีปากที่จูบผมอีกครั้งอย่างอบอุ่น ตั้งแต่ที่รู้จักกับฟานมา ผมรู้สึกหัวใจของตัวเองหวั่นไหวง่ายอยู่ตลอดเลย แล้วหลังจากนี้ก็คิดว่า คงมีเรื่องที่ทำให้หวั่นไหวแบบนี้อีกแน่ๆ ...

................................................................

คิดถึงน้องฟานมั้ย ? ในที่สุดเค้าก็ได้ย้ายมาอยุ่ด้วยกันแล้วค่าาคุณ
อยากจะอยู่ห้องเดียวกับน้องฟาน จะได้สอนน้องฟานทำการบ้าน
ก่อนจะออกไปเราก็จูบกลับ
แล้วพอกลับมาก็เจอน้องฟานคอยอยู่
อยากจะนั่งจ้องตากับน้องฟาน บ้างไรบ้าง
อยากเป็นพี่คีย์ ในจุดนี้ ที่น้องฟานจะทั้งรักและหื่น ในเวลาเดียวกัน
#ทีมน้องฟาน  ทั้งน่ารักและหล่อในเวลาเดียวกัน
หวังว่าคงชอบนะคะ
ใครมีทวิตกับเฟส ฝากแท็ก ฝากแชร์ ด้วยนะคะ #ฟานคีย์
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่าา  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 11 ' กุญแจห้อง ' UP - 24.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 24-06-2016 20:41:21
อยากขยันให้ได้สักครึ่งของฟานจังง อิจฉาคีย์จริงโว้ยยยยยยยยยยยย
ทำไมมีแฟนดีขนาดนี้ ถึงหัวหน้ามาชอบยังไงก็ห้ามหวั่นไหวนะ !!
ฟานดีขนาดนี้ หลุดมือไปเสียดายแย่
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 11 ' กุญแจห้อง ' UP - 24.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-06-2016 21:02:21
 :ling1:   :katai4:  โอ๊ยยย คนแถวนี้กำลังจะตายเพราะความอิจฉาค่ะคุณหนมมี่ขา. /ทึ้งหัวตัวเองด้วยความฟิน
น้องฟานจะประเสิรฐอะไรขนาดนี้คะลูก. บอกเลขที่บัญชีมาค่ะ ป้าอยากสมทบค่าหนังสือที่น้องอ่าน
คาดว่าน้องอาจจะเป็นเด็กทุนหรือที่บ้านไม่สมบูรณ์นัก ยิ่งอ่านยิ่งหลงรักความเป็นน้องฟาน
ตอนนี้คีย์ก็รู้ตัวแล้วสินะว่าโดนยึดทั้งตัว หัวใจ และห้องไปแล้ว เด็กมันขยันก็เหนื่อยแบบนี้แหละจ้า
ทำใจเถอะ แล้วก็ใจแข็งไว้นะเรื่องหัวหน้าหรือใครก็ตามที่จะแวะเวียนเข้ามา
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 11 ' กุญแจห้อง ' UP - 24.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 24-06-2016 21:19:51
 :-[
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 11 ' กุญแจห้อง ' UP - 24.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 24-06-2016 21:21:30
น่ารักเกินไปหรือเปล่าน้องฟานนนนนนน

อยากได้แบบนี้ๆๆๆ เป็นเด็กที่มีความตั้งใจและมุ่งมั่นมากกกก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 11 ' กุญแจห้อง ' UP - 24.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 24-06-2016 21:36:33
น้องฟานมีความโรแมนติกสูงมาก  อิจฉาคนได้กินเด็กที่ดีและมีคุณภาพเยี่ยงนี้!!
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 11 ' กุญแจห้อง ' UP - 24.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 24-06-2016 21:52:52
น้องฟานทุ่มเทเพื่อพี่คีย์เหลือเกิน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 11 ' กุญแจห้อง ' UP - 24.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 24-06-2016 22:27:13
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

โอ้ยยย เขินแรงงง
ไม่ไหวแล้ววว
เขินมากกกกกกกกก
มโนว่าตัวเปนเป็นคีย์แพร๊บ
โ้อยยย
ฟานนนนนนน
ทุ่มเทมากชิงๆ
เขินนน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 11 ' กุญแจห้อง ' UP - 24.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 24-06-2016 23:03:30
เด็กน้อยน่ารักกกกกกกกกก :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 11 ' กุญแจห้อง ' UP - 24.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 24-06-2016 23:06:31
สายปากเเข็งเเต่ใจอ่อน 5555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 11 ' กุญแจห้อง ' UP - 24.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 25-06-2016 10:40:06
คุณคีย์ ไม่เอา เราเอานะ น้องฟานน่ารัก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 11 ' กุญแจห้อง ' UP - 24.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 25-06-2016 18:45:28
น้องฟานนนนน :impress2:
เป็นคุณแฟนที่น่ารักน่าฟัดซะจริงๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 11 ' กุญแจห้อง ' UP - 24.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 25-06-2016 19:07:35
น้องฟานน่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 11 ' กุญแจห้อง ' UP - 24.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 25-06-2016 22:59:10
เด็กมันอ้อนได้ใจ 555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 11 ' กุญแจห้อง ' UP - 24.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 26-06-2016 06:25:46
พี่คีย์ได้แฟนเด็ก ลิปได้แฟนแก่
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 12 ' คนแก่ขี้งอน ' UP - 26.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 26-06-2016 20:28:24
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 12
' คนแก่ขี้งอน '

   เปิดประตูเข้าไปในคอนโดด้วยความมืดมิด ผมดูเวลาที่เกือบจะหนึ่งทุ่มแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วก่อนจะพูดกับตัวเองออกมา " นี่ยังไม่กลับอีกเหรอ " เอื้อมมือเปิดไฟที่อยู่ตรงประตู แล้วก็ต้องตกใจกับร่างสูงที่คิดว่าคงจะยังไม่กลับ แต่ดันมาฟุบหลับอยู่ตรงโต๊ะหน้าทีวีซะงั้นแถมไฟยังไม่เปิดอีก กองหนังสือมากมายที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ รอยดินสอขีดเขียนลงไปบนกระดาษเอสี่พวกนั้นเหมือนกำลังทบทวนความจำของตัวเองอยู่ แต่ที่ไม่ค่อยแน่ใจเพราะว่ากระดาษทุกแผ่นดูเหมือนจะเขียนคำว่า คิดถึง อยู่ด้วยนี่นะสิ แต่คงไม่มีความหมายไรหรอกมั้งเมื่อก่อนสมัยเรียนก่อนเขียนนู้นนี่เยอะแยะไป ผมรวบรวมกระดาษพวกนั้นขึ้นมาจากพื้นวางไว้บนโต๊ะให้อีกคนก่อนเสียงสั่นของมือถือที่ตั้งอยู่ข้างๆเค้าจะดังขึ้น

   ครืน ครืน ครืน  ผมมองชื่อที่อยู่ตรงหน้าข้างหน้าเป็นเหมือนตัวย่อภาษาอังกฤษ คงจะเป็นชื่อย่อของมหาลัยละมั้ง ก่อนจะตามด้วยชื่อของคนที่โทรมาไว้ด้านหลัง แล้วมันก็เขียนสั้นๆแค่ว่า ' ต้นหอม '

“ ผู้หญิงเหรอ " ความอยากรู้ของผมมันพุ่งสูงขึ้นทันทีตอนที่สมองประมวลผลออกมาว่าชื่อนั้นคงไม่มีผู้ชายที่ไหนใช้กัน มือถือยังคงสั่นอยู่เรื่อยๆในขณะนั้น  จะปลุกให้มารับดีมั้ยละ ก็คงไม่อยากจะให้ใครรบกวนละมั้งก็เลยปิดเสียงไว้ แต่ว่า ถ้าเป็นสายสำคัญมากๆละ ผมที่ยืนชั่งใจอยู่นานก่อนจะคว้ามันขึ้นมารับด้วยเหตุผลที่บอกตัวเองไปว่า อาจจะเป็นพี่สาวไอ้หมอนี่แล้วอาจจะมีเรื่องสำคัญที่ต้องติดต่อ

“ สวัสดีครับ " ผมกรอกเสียงลงไปตามสาย อีกฝ่ายที่เหมือนกำลังดีใจที่คนรับก็แตกตื่น

“ รับแล้วๆ  ฮัลโหล ฟาน อยู่ไหนหน่ะ มาติวหนังสือให้หน่อยสิน้า พรุ่งนี้สอบแล้วอะ แต่พอดีพวกฉันยังไม่ค่อยเข้าใจเลย " ฟังดูก็รู้ว่าไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจในบทเรียนอะไรนั่นแหละ อยากจะหาผู้ชายมากกว่า

“ ขอโทษครับพอดีว่านี่ไม่ใช่ฟาน " ตอบออกไปปลายสายก็เงียบ

“ พอดีเค้าหลับอยู่ ไว้ถ้าตื่นแล้วจะบอกให้โทรกลับนะครับ "

“ โอเคค่ะ งั้นฝากบอกให้โทรกลับด้วยนะคะ " เธอบอกแบบนั้น ผมก็ไม่พูดอะไรก่อนจะกดตัดสายทันที วางมือถือลงกับโซฟาที่เดิมที่มันตั้งอยู่ก่อนจะหันไปมองเจ้าของเครื่องที่กำลังหลับสนิท

“ เสน่ห์แรงจริงๆนะนาย หมั่นไส้ "

“ อื้ออ " เสียงครางที่ดังออกมาเบาๆ ก่อนใบหน้าคมจะลืมตาตื่นขึ้นเค้าที่หันมองซ้ายกว่าก่อนจะยิ้มให้ผมที่ยืนนิ่งมองเค้าอยู่ " คุณคีย์กลับมานานแล้วเหรอครับ "

“ นานพอจะยืนมองนายหลับอยู่ได้สักพักแล้วละ "

“ ผมเพลียน่ะครับเลยเผลอหลับไป " เค้าบอกแบบนั้นตอนที่ขยี้ตาตัวเองแล้ว อ่านหนังสือต่อ

“ แล้วทำไมวันนี้ไม่ไปมหาลัยล่ะ ไหนบอกมีเรียนตอนบ่าย "

“ อาจารย์ยกเลิกคลาสกระทันหันน่ะครับผมก็เลยอยู่บ้านอ่านหนังสือไม่ได้ไปไหน " พยักหน้ารับอีกคนตอนที่เดินเข้าไปในครัวก็รู้สึกว่าไม่ได้ไปไหนจริงๆ ขนมที่ซื้อมาให้เมื่อเช้าหมดไปแล้ว กองถุงขนมที่กินแล้วอยู่ในถังขยะ ในห้องผมก็ไม่มีอะไรซะด้วยที่จะทำออกมาเป็นอาหารได้ มาม่าก็เหมือนจะหมดแล้ว

   หันไปมองดูเค้าอีกครั้งมือหนาที่กำลังเลื่อนโทรศัพท์ดูนู้นนี่อยู่ในมือถือผมก็เผลอนึกถึงข้อความที่ผู้หญิงคนที่โทรมาเมื่อกี้ฝากเอาไว้ ที่บอกว่าให้อีกฝ่ายโทรกลับ

“ ไม่เห็นมีใครโทรมา " เค้าบ่นเบาๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามผม " คุณคีย์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ผมบ้างรึเปล่า "

“ ไม่ได้ยินนิ ทำไมเหรอ " ทำเป็นลืมเรื่องนั้นไป ผมหันไปสนใจอย่างอื่นแทน

“ ก็เพื่อนผมในคณะบอกว่าจะมีคนโทรมาหา แต่ไม่เห็นมีใครโทรมา " เค้าบ่นแต่มือก็ยังกดมือถือไปเรื่อย  ใบหน้าที่จู่ๆก็ยิ้มออกมาก่อนจะถามผมอีกครั้ง " ไม่มีใครโทรมาจริงๆเหรอครับ "

“ ก็ใช่ ถามเเซ้าซี้อยู่ได้ อ่านหนังสือต่อได้แล้วนายอะ พรุ่งนี้สอบไม่ใช่รึไง "

“ ก็ใช่ครับ " เค้าเงียบไปก่อนจะเอียงหน้าถามผม " แล้วคุณคีย์รู้ได้ยังไงว่าผมมีสอบพรุ่งนี้ " ทุกอย่างเงียบ  ดันเอาเรื่องที่ผู้หญิงคนนั้นที่โทรมาเมื่อกี้ไปอีกฝ่ายซะงั้น

“ ก็ฉัน... เดา " ผมตอบอีกคนก็ค้ำศอกกับโต๊ะพลางเอียงหน้ามอง แบ๋วตายละไม่ได้เข้ากับหน้าเลย " ก็ฉันเห็นนายกองหนังสือเต็มไปหมด ก็เดาได้ง่ายๆว่าคงมีสอบนั่นแหละ เด็กนักศึกษาทั่วไปเค้าก็อ่านหนังสือกันเป็นบ้าเป็นหลังก็ตอนสอบ ไม่ใช่รึไง "


“ อย่างงั้นเหรอครับ " ฟานพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นมาจากโต๊ะที่นั่งอ่านหนังสืออยู่แล้วเข้ามาหาผมในครัว ท่าทางที่เหมือนจะเดินมากินน้ำแต่ก็เปล่า เค้าที่เดินตรงมาหาผมกอดเอวแล้วดึงเข้าไปใกล้ก่อนจะซบลงที่ไหล่แล้วก้มหน้าซุกอยู่แบบนั้น

“ อะไรของนายเนี้ย  ฉันอึดอัด "

“ เหนื่อยจังเลยครับวันนี้ " คำพูดเบาๆที่พูดออกมาพร้อมกับการถอนหายใจที่ดังออกมาเฮือกใหญ่ทำเอาผมนิ่งไปแล้วให้เค้ายืนกอดอยู่แบบนั้น

“ แล้วกินอะไรรึยังละ โกโก้ร้อนมั้ยละ จะชงให้ "

“ ขอเป็นอ้อมกอดที่กอดผมแน่นๆ จูบผมแบบดูดดื่มก็พอแล้วละครับ " ความต้องการที่ทำให้ผมเบือนหน้าหนีเซงๆก่อนจะหันตัวมาดันอีกคนให้ออกไปไกลๆ

“ โรคจิต " กอดอกบอกอีกคน ฟานก็ค้ำมือสองข้างเข้ากับเค้าเตอร์ครัวที่ผมพิงอยู่ เค้าที่มองมา " มองอะไร "

“ อยากจะจูบคุณน่ะ แต่กำลังคิดว่าจะจูบแบบไหนดี "

“ อะไรของนาย " ผมขมวดคิ้วตอนที่เม้มริมฝีปากแน่นอีกฝ่ายก็หัวเราะ

“ อย่าทำแบบนั้นน่ะครับ มันน่าจูบมากกว่าเดิม "

“ ไม่ต้องเลย ไปอ่านหนังสือได้แล้ว " ออกปากไล่เค้าอีกฝ่ายก็ยังปั่นหัวผมไม่เลิก

“ หงุดหงิดแก้เขินอีกแล้ว " ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองตอนที่หันไปอีกทางเค้าก็ดึงให้หันมาเผชิญหน้า เลื่อนมือของผมนั่นลงก่อนจะจูบลงมาบนริมฝีปาก " ก่อนไปทำงานก็จูบกันก่อนไปแล้ว กลับมาก็ต้องจูบกันด้วยสิ "

“  ไร้สาระ " พูดแบบนั้นตอนที่เค้าผละออกฟานก็ยิ้ม ตอนที่ยื่นมือมาเกลี่ยแก้มผม ก่อนจะลดหน้านั่นลงมาใกล้อีกครั้งแต่ทว่า..

   ครืน ครืน ครืน เสียงสายโทรศัพท์ที่เข้ามาเค้าเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะถอนหายใจออกมา " ผมไปรับโทรศัพท์ก่อนนะ "

“ เรื่องของนายสิ " ฟานที่เดินออกไป ผมก็เหลือบตามองเค้าที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมารับ

“ ว่าไงมึง " เค้ากรอกเสียงลงไปตามสายคงเป็นเพื่อนละมั้งที่โทรมา แต่ที่น่าแปลกก็คงเป็นอารมณ์ฟึดฟัดของเค้า " กูไม่อยากไปอะ อยากอยู่บ้าน อื้ม ทำไมต้องให้กูออกไปด้วยวะ พวกมึงนี่นะจัดการกันเองดิวะ " คำพูดที่เค้าพูดกับเพื่อน อยากจะรู้ชะมัดว่าอีกฝ่ายพูดอะไร ท่าอารมณ์เสียที่เหมือนกำลังโดนชวนออกไปที่ไหนสักแห่ง ไปเที่ยวผับเหรอวะ ก็ตอนนี้มันดึกแล้วจะไปที่ไหนได้อีกยกเว้นผับ ยกเว้นบาร์ แล้วสายที่โทรเข้ามานี่ใครวะแต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นโทรมาฟานก็คงไม่พูดหยาบคายแบบนั้นงั้นก็คงเป็นเพื่อนผู้ชาย ยืนครุ่นคิดอยู่นานด้วยความอยากอยู่แต่ในสมองมันก็คิด ' แล้วเราจะไปเสือกเรื่องของไอ้หมอนั่นทำไมวะ '  แต่ว่า..มันก็อยากจะรู้นี่หว่าตอนนี้อยู่บ้านเดียวกันแล้วถ้าหมอนี่ไปเมาที่ไหนแล้วทำกุญแจหายเค้าก็ซวยไปด้วยเพราะงั้นเค้าก็มีสิทธิที่จะรู้ถูกม่ะ เม้มริมฝีปากตัวเองว่าจะทำยังไงถึงจะรู้เรื่องอีกฝ่าย ผมหันไปมองรอบห้องครัวก่อนจะเจอเครื่องทำกาแฟแล้วตอนนั้นสมองมันก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้

“ ฟาน โกโก้ " ผมชงโกโก้มาให้เค้าไม่ได้รู้สึกหึงหวงอะไรหรอกครับ แต่เราอยู่บ้านเดียวกันถ้าเค้ากลับดึกผมจะได้รู้ แต่แค่คนอย่างผมถามออกไปตรงๆมันไม่ได้ก็เท่านั้นแหละ

“ ให้ผมเหรอครับ " เค้าผละจากการคุยมือถือผมก็พยักหน้ารับ รอยยิ้มกว้างรับโกโก้ไปจากมือปากก็คุยกับเพื่อนไปเรื่อย เสียงที่ลอดออกมาจากลำโพงเป็นเสียงผู้ชายผมก็ถอนหายใจโล่ง " ไว้กูค่อยโทรไปแล้วกัน " คำพูดสุดท้ายที่เค้าพูดกับอีกฝ่ายก่อนจะวางสายนั่นลง ฟานนั่งลงบนพื้นอีกครั้งก่อนจะกินโกโก้ที่ผมให้พลางจัดหนังสือของตัวเองไปด้วย  " อร่อยจังเลยครับ "

“ แล้วนั่นจะไปไหน "

“ ไป..แล้วคุณคีย์รู้ได้ไงว่าผมจะไปไหน " อีกคนเอียงหน้ามาถามยิ้มๆ " แอบฟังผมคุยโทรศัพท์เหรอ "

“ เปล่าสักหน่อย ก็ฉันแค่เห็นนายกำลังจัดหนังสือ ..ใส่กระเป๋า " คิดคำหลังขึ้นเอง มโนไปเองว่าเค้าคงจะเอาของใส่กระเป๋า ก็ได้ยินเหมือนจะพูดกับเพื่อนว่า จะโดนชวนไปไหนสักที่นี่น่า

“ กำลังจะออกไปติวหนังสือให้เพื่อนครับ " นั่นไง ผมพยักหน้ารับตอนที่นั่งลงบนโซฟาอีกคนก็จัดหนังสือลงกระเป๋า " ผมคงออกไปสักประมาณ สามชั่วโมงเดี๋ยวกลับมานะครับ นัดเจอตรงร้านฟาสต์ฟู้ดตรงแยกถนนใหญ่ตรงนี้เอง "

“ บอกฉันทำไมอะ ไม่ได้อยากจะรู้สักหน่อย " หยิบมือถือขึ้นมาตอนที่อีกคนบอกแบบนั้น ฟานก็นิ่งไปก่อนจะก้มหน้าลงมาค้ำมือกับโซฟาที่ผมนั่ง " กำลังจะบอกพอดีเลยว่ามีใครไปบ้าง แต่คุณไม่อยากรู้ ผมไม่บอกก็ได้ครับ " ยักคิ้วให้ผมพลางยิ้มราวกับรู้อยู่แล้วละว่าผมอยากรู้ว่ามันจะไปไหนกับใครอะไรยังไง น่าหงุดหงิดชะมัดไอ้เด็กกวนตีนนี่ ผมเบือนหน้าไปอีกทางเค้าที่จูบลงบนริมฝีปากของผมก่อนจะบอก " ผมออกไปข้างนอกเดี๋ยวกลับนะ "

“ ทำรุ่มร่ามกับฉันอีกแล้วนะนาย  " ขมวดคิ้วบอกก่อนจะถอนหายใจหงุดหงิดออกมา สีหน้าเจื่อนๆของอีกฝ่ายที่แสดงออกมา ผมบอก " จะไปไหนเถอะไป  "

" ครับ " เค้าดึงตัวเองยืนปกติก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพาย

" เอากุญแจบ้านไปด้วยละ ฉันจะอาบน้ำนอนแล้ว "

“ งั้นผมไปนะ " เสียงที่บอกเบาๆ คงเผลอน้อยใจอะไรอยู่อีกๆแน่ละ ท่าทางแบบนั้น ฟานที่เดินคอตกออกไปจากห้องผมเองก็ถอนหายใจ

“ เด็กอะไรขี้น้อยชะมัด " ถึงจะบ่นออกมาแบบนั้นแต่เป็นเพราะเราเองรึเปล่าที่ทำมากเกินไป แต่ฟานที่คอยเอาแต่จูบเค้าอยู่ตลอดมันก็ไม่ไหวนะ เผลอเป็นไม่ได้ต้องรุ่มร่ามกับร่างกายเค้าตลอด กอดบ้างละ จูบบ้างละ ไม่อยากจะให้สมองคิดไปในแนวนั้นแต่บางทีเหมือนเค้าแค่ชอบเราที่ร่างกายมากกว่าอย่างอื่นอย่างงั้นแหละ " แต่เอาจริงๆนิสัยแบบนี้ เค้าจะชอบแค่เรื่องอย่างว่าก็ไม่ผิดหรอก นิสัยส่วนตัวปากเสียขนาดนี้ไม่คิดถึงใจเค้าขนาดนี้ เค้าจะชอบเรื่องแบบนั้นมากกว่ามันก็ไม่ผิดนิ " เม้มริมฝีปากตัวเองเสียแน่นเผลอคิดถึงรอยจูบพวกนั้นอีกแล้ว ก็อุ่นดีนั่นแหละ ก็ชอบ แต่บางทีมันก็เขินนี่หว่า แล้วจะพูดว่า " อย่าทำน่าฟานฉันเขินนะ " จากนั้นก็เอียงอายไปมานะเหรอ ตลก ใครมันจะทำ

   สะบัดความคิดพวกนั้นออกจากหัว ยังไงซะความห่างระหว่างอายุสิ่งที่เค้าคิดกับสิ่งที่เราคิดยังไงมันก็ต่างกันอยู่แล้ว ฟานเหมาะจะคบคนที่อายุเท่าๆกับเค้าหรือถ้าอายุมากกว่าก็ต้องอยู่ในระดับที่ว่า ยังอยู่ในสังคมแบบเดียวกันพวกรุ่นพี่มหาลัยอะไรทำนองนั้น ผมเดินเข้าไปอาบน้ำตอนที่แต่งตัวชุดนอนออกมานอนบนเตียงแล้วหลับตาลง ผมเผลอคิดถึงเสียงของสาวที่ได้ยินวันนี้  เสียงใสๆที่พูดจาหวานๆตอนที่โทรศัพท์มาหาฟาน "  ' มาติวหนังสือให้หน่อยสิน้าาา '  ทำไมต้องน้าเสียงหวานขนาดนั้น หมั่นไส้ซะจริงเด็กสมัยนี้ ยางอายไม่มีเลยรึไง นัดผู้ชายออกไปติวหนังสือให้ แล้วทำไมวิศวะเครื่องกลมันมีผู้หญิงเรียนด้วยเหรอ คณะวิศวะเครื่องกลไม่ได้แต่เด็กผู้ชายรึไง แล้วถึงมี ท่าทาง สำเนียงแบบนั้น จะเรียนวิศวะเครื่องกลนี่อะนะ ตลก อมพระมาพูดฉันก็ไม่เชื่อหรอก ท่าทางคงออเซาะกันน่าดูแล้วมั้งป่านนี้ " ถอนหายใจออกมาเซ็งๆผมหลับตาลงอีกครั้งก่อนจะเม้มปากตัวเองแล้วดึงตัวเองลุกขึ้นจากเตียงในที่สุด " นอนไม่หลับอะ ออกไปหาอะไรกินดีกว่า "  ลุกขึ้นไปแต่งตัวหยิบหมวกกับแว่นขึ้นมาใส่ก่อนจะถอนหายใจเบาๆกับตัวเองแล้วบอกข้ออ้างออกไปว่า " ก็ในห้องมันไม่มีอะไรกิน ก็เลยจะต้องออกไปหาอะไรกินข้างนอก " ก็แค่นั้นแหละใจจริงก็ไม่ได้อยากจะออกไปไหนแล้วแหละ ไม่อยากจะไปดูหรอกว่าเค้าติวหนังสือกับใครบ้าง แม้ว่าขาจะเดินตรงไปยังร้านฟาสต์ฟู้ดที่อยู่ตรงแยกถนนใหญ่แล้วก็ตาม

......................................................
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 11 ' กุญแจห้อง ' UP - 24.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 26-06-2016 20:28:44

   กระชับกระเป๋าหนักๆที่สะพายอยู่บนไหล่ตอนที่เดินออกมาจากห้อง ถอนหายใจออกมาตอนที่นึกถึงใบหน้าหวานที่ส่งสายตาเชิงรำคาญออกมาเพราะว่าตัวเราที่เข้าไปใกล้เค้ามากเกินไป

   มันเป็นความรักที่เข้ามาหาแบบไม่คาดคิด วันนั้นแค่ไปนั่งกินเหล้ากับรุ่นพี่แล้วก็เพื่อนในคณะเป็นร้านดังที่อยู่ไม่ไกลจากแยก ของถนนที่มีผู้คนผ่านไปมา ร้านเป็นแบบนั่งสบายฟังเพลงแถมยังเป็นแบบเปิดโล่งมองวิวด้านนอกได้ดี เหล้าที่กินกันไปเกือบจะหมดขวดทำให้สติของคนที่กินเข้าไปไม่ค่อยครบถ้วนมากนัก ผมที่พยายามกินให้น้อยที่สุดเพราะไม่อยากจะเมาเละแทะเหมือนกับคนอื่นที่เริ่มเมาจนไร้สติไปหมดแล้ว

   เสียงแก้วเหล้าถูกเขย่าไปมาเพราะน้ำแข็งที่อยู่ด้านใน รุ่นพี่ยูพี่รหัสของผมเป็นผู้ชายตัวเล็กที่เรียกได้ว่าเป็นหัวโจ๊กของชั้นปีกระดกเหล้าในมือจนหมดก่อนจะมองไปรอบๆตรงถนนนอกร้านก่อนจะที่เค้าจะชี้ไปที่ ใครบางคนที่สะดุดตาผมตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น  " นั่นผู้ชายหรือว่าผู้หญิงนะนั่น " คำพูดที่ชวนให้ทุกคนหันไปมอง ผู้ชายร่างบางที่มีใบหน้าหวานแต่ทว่าเค้าที่กำลังเศร้าแสดงความรู้สึกออกมาจากแววตาที่ทั้งเหม่อลอยแล้วก็เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ 

" ผมว่าน่าจะผู้ชายนะ " ทามหนึ่งในเพื่อนสนิทของผมพูดขึ้น

“ อารายยหว้าาา " พี่ยูพูดเสียงเสียดายก่อนจะถอนหายใจออกมา " แต่ว่าอยากจะจีบอะไร อยากจะชวนเค้ามานั่งด้วยกัน ดีมั้ยพวกมึง "

“ ดีๆ ดีเลย " ไอ้ชินที่นั่งอยู่ข้างๆไอ้ทามพยักหน้ารับ

“ อย่าไปยุ่งกับคนอื่นเถอะว่ะ กูว่า " เอ่ยบอกอีกสามคนที่นั่งร่วมโต๊ะไปแบบนั้น เพราะคิดว่าคนที่พวกมันจะเข้าไปหาก็คงมีเรื่องเศร้าใจมากพออยู่แล้ว แล้วแบบนั้นเราจะไปรบกวนเค้าทำไม 

“ โอ๊ย ไอ้คุณหนูมึงนี่มัน " พอทำตัวเป็นคนดีไอ้ชินแม่งก็พูดดักคอกันขึ้นมา ผมถอนหายใจออกมาตอนที่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มไม่รู้จะจัดการพวกมันยังไงดี คือผมก็ไม่ใช่คนดีหรอกแต่ใช่เหรอวะกับการที่เข้าไปยุ่ง ไปรบกวนคนอื่นแบบนั้น  " ช่างมันเถอะพี่ยู ปล่อยไอ้เหี้ยฟานไปเถอะ เราเค้าไปจีบเค้ากันดีกว่า " เพื่อนผมว่าพลางจะลุกจากที่นั่งแต่ก็โดนรุ่นพี่ขัดไว้ก่อน

“ เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ จะเข้าไปมันต้องมีวิธีทำให้สนุกๆสิวะ "

“ ทำอะไรอะพี่ " ไอ้ทามถาม

“ เรามาเล่นเกมส์หมุนขวดกัน ขวดหยุดอยู่ที่ใคร คนนั้นเข้าไปจีบเค้าแล้วเอามานั่งตรงนี้ ตกลงเปล่า "

“ จัดไป ตกลง " สองคนที่ประสานเสียงคนเมาที่โดนยุก็หมุนขวดเบียร์ที่เรากินหมดตรงกลางโต๊ะ ปากขวดหมุนไปมาจนค่อยๆลดความเร็วลง มันที่กำลังจะไปตกตรงหน้าไอ้ทาม แต่ในตอนนั้นผมก็เอื้อมมือไปจับแล้วดันให้ปากขวดหันมาชี้ทางผมแทน

“ เชี้ย " ไอ้ทามที่ร้องดังขึ้นมา ผมก็ลุกขึ้นยืน

“ พอดีมันชี้มาทางกูวะ งั้นกูขอตัวก่อนนะ "

“ ไอ้สัดฟาน มึงแม่งเล่นขี้โกงชัดๆอะ " เสียงตะโกนดังไล่หลังผมที่ตอนนั้นวิ่งออกไปหาผู้ชายคนนั้นที่กำลังจะเดินข้ามถนนพอดี คว้ามือของเค้าเอาไว้ ตอนที่เห็นใบหน้าใกล้ๆก็แทบจะหยุดหายใจไปชั่วขณะ ไม่รู้จะรู้สึกยังไงดีกับหัวใจที่เต้นแรงตอนนั้นเป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึก ถูกใจ ถูกใจใครคนนี้เอามากๆ

“ ขอโทษนะครับ แต่ว่าถ้าคุณไม่รีบไปไหนให้ผมไปดื่มเป็นเพื่อนมั้ยครับ " ตอนที่เอ่ยคำนั้นออกไป ผมไม่รู้ว่าเค้าจะตกลงมั้ยแต่คิดว่าถ้าปล่อยไปก็คงจะไม่ได้ สัญญาณไฟที่กำลังจะแดงอีกครั้ง ผมคะยั้นคะยอเค้าด้วยความหน้าด้านทั้งหมดที่มี ไอ้ทามลุกจากโต๊ะออกมาแล้ว ผมก็ยิ่งคะยั้นคะยอเค้ามากขึ้น แล้วในตอนนั้นเหมือนทุกอย่างก็เหมือนเต็มใจ เค้าตอบตกลง แม้จะเป็นเพราะความรำคาญที่ผมตื้อไม่เลิกก็เถอะ แล้วนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เราพบกัน ทั้งๆที่ในตอนนั้นมีความคิดเดียวคือไม่อยากจะให้เค้าถูกใครรบกวนแต่ดูเหมือนว่าสุดท้ายก็เป็นตัวเราเองที่ไปรบกวนเค้า

   บทสนทนาในวันนั้นผมยังคงจำมันได้ดี แม้แต่ตอนที่ผมไล่ต้อนความรู้สึกเศร้าของอีกฝ่ายให้พูดทุกอย่างออกมาอย่างจนมุมแล้วในตอนนั้นผมก็รู้สึกตกหลุมรักเค้าอย่างช่วยไม่ได้

   เผลอชอบในท่าทางที่กำลังเศร้าแบบนั้น รอยยิ้มของเค้า แววตาที่กำลังเศร้า แล้วสุดท้ายก็กลายเป็นว่าผมตัดสินใจลงไปดึงให้เค้าเข้ามาผูกมัดไว้กับตัวเองด้วยเซ็กส์ที่มอบให้กับเค้าทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าอีกคนไม่ได้สติ ฉกฉวยโอกาสตอนนั้นไว้ด้วยความเห็นแก่ตัวที่คิดว่า ' อยากจะเจอเค้าอีก '

   ความสุขที่แฝงไปด้วยความรู้สึกเจ็บเล็กๆ เพราะที่อีกคนบอกเสมอว่าไม่ชอบเด็กอย่างผม แต่ทุกครั้งที่เค้าเปิดโอกาสให้เข้าไปใกล้ คำพูดที่เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเขินๆ อ้อมกอดที่เค้ากอดผม หรือแม้แต่จูบร้อนๆที่ตอบรับความต้องการ สิ่งเหล่านั้นบางทีก็ทำให้รู้สึกเข้าข้างตัวเองไปว่าที่เค้าบอกว่าไม่ชอบ นั่นไม่ได้หมายความถึงทั้งหมดหรอก มันมีบางอย่างที่เค้าชอบเหมือนกัน แต่ก็แค่ ' ลังเล '

   มันไม่แปลกหรอกที่เค้าจะลังเล ผมพยายามคิดแบบนั้นเพราะเค้าไม่ชอบเด็กและไม่เคยคิดจะมีแฟนเด็ก  แต่บางทีที่รู้สึกเจ็บขึ้นมาคงเพราะไม่รู้ต้องทำแบบไหนเค้าถึงจะชอบ  อยากให้ทุกอย่างที่ผมทำมีแต่เรื่องที่คุณคีย์ชอบเท่านั้น เพราะอยากจะเป็นคนที่เค้าชอบมากๆ คนที่เค้าจะมองข้ามความเป็นเด็กที่เค้าไม่ชอบไป ผมเลยต้องพยายามทุกอย่าง เพื่อทำให้เค้ายอมรับ ความเป็นผู้ใหญ่ก็เหมือนกัน แต่ไม่รู้สิ บางทีผมก็คิดว่าไม่ว่าจะทำยังไง ผม...ก็ยังดูเด็กในสายตาเค้าอยู่ดี

“ ฟานทางนี้ " เสียงเรียกที่เอ่ยทักด้วยความร่าเริงของผู้หญิงหน้าตาดีสองคนที่กำลังโบกมือทักทายผม พอหันไปข้างๆเธอก็เจอกับเพื่อนสนิทสองคนอย่างไอ้ทามแล้วก็ไอ้ชินนั่งอยู่ ผมถอนหายใจออกมาตอนที่เดินเข้าไปข้างในร้านฟาส์ตฟู้ดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง หย่อนตัวลงนั่งที่โซฟาสาวๆก็เขยิบเข้ามาใกล้ " นึกว่าฟานจะมาไม่ได้แล้ว "

“ ต้องมาสิ เพราะฉันขอร้องไหว้วานมันเลยนะ " ทามบอกก่อนจะหันไปยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า พอทีเรื่องเพื่อสาวเนี้ยมึงไวจริงๆไอ้สัด อย่างตอนโทรไปหาผมก็เหมือนกัน คะยั้นคะยอบอกให้มาให้ได้มันอยากจะนั่งกับน้องต้นหอมคนสวยนานๆ อยากให้มาช่วยหน่อย ลำบากผมทุกทีที่ต้องออกจากห้องมา แถมวันนี้คุณคีย์ยังมีสีหน้าไม่พอใจอีกถ้าไม่ติดว่าเพื่อนสนิทก็อยากจะอยู่ง้อเค้าไม่ออกไปไหนหรอก

“ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามมาละกัน " ผมบอก น้ำหอมเธอก็ยิ้มหวาน

“ น่ารักจังเลย " เสียงเบาๆของไอ้ทามกับไอ้ชินที่นั่งอยู่นั่นพูดขึ้น ก็แน่นอนว่าเธอเป็นถึงดีกรีดาวคณะบัญชีด้วยซ้ำ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าไอ้พวกนี้ไปพูดยังไงเธอถึงชวนเพื่อนออกมาเจอพวกมันได้ แต่ก็อย่างว่าพวกมันก็ขี้หลีอยู่แล้วยังไงก็ปลาไหลเรียกพ่อนั่นแหละ

   ไอ้ทามกับไอ้ชินมันเป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่ม.ปลายแล้วครับ ทามมันเป็นคนรูปร่างผอมแห้ง ส่วนชินมันจะมีกล้ามร่างใหญ่เป้นพวกขี้หลี จีบสาวมากมายไปทั่วมหาลัย สาวคณะไหนเด็ดไอ้สองคนนี้ไปจีบมาหมดแล้ว แต่ก็ไม่จริงใจกับใครสักคน
“ ฉันไม่เข้าใจทั้งหมดเลย ฟานสอนด้วยสิ " เธอขยับมานั่งข้างผม เสื้อคอกว้างที่เธอสวมอยู่นั้นยามที่ก้มลงเห็นร่องอกชัดเจนจนคนที่นั่งตรงข้ามอย่างไอ้ทาม ไอ้ชินถึงกับเปิดตากว้างเมื่อได้เห็น

“ มึงสอนเค้าไปเลย ฟานสอนไปเรื่อยๆ " ชินว่า ไอ้ทามก็พยักหน้ารับตาม ให้มันได้อย่างงั้นสิพวกมึง

“ วิชาที่กำลังจะสอบพรุ่งนี้ก็คณิตศาสตาร์พื้นฐานสินะ " ผมพยักหน้ารับ

“ แต่มันง่ายก็เหมือนเลขม.ปลายทั่วไป "

“ แต่ว่าฉันสองคนทำไม่ได้เลยแหละ " ถึงจะพูดออกมาแบบนั้นแต่ใครจะเชื่อ เรียนคณะบัญชีแต่เรียนคณิตศาสตร์ม.ปลายไม่เข้าใจนี่อะนะ " สอนฉันหน่อยสิ " มือเธอเริ่มจับแขนผมตอนที่เอียงตัวเองเข้ามาใกล้ สายตากลมจ้องผมอ้อนๆ พยักหน้ารับอย่างไม่รู้จะพูดอะไรก่อนจะเปิดหนังสือสอนเธอกับเพื่อนอีกคนที่ก็มีท่าทางสนใจเรียนไม่แพ้กัน แต่ที่ดูสนใจกว่าก็คงจะเป็นเพื่อนสองคนของผมที่ก็ตั้งใจจ้องหน้าอกนั่นกันเสียเหลือเกิน

“ แล้วพวกมึงสองตัวเนี้ย จะให้กูติวด้วยมั้ย "

“ ก็ต้องพวกกูด้วยสิ " ถึงจะพูดแบบนั้นก็สายตาก็ไม่ละจากหน้าอกเค้าเลยนะพวกมึง

“ งั้นก็หันมาสนใจกูสิ " ผมบอกมันก็ถอนหายใจก่อนจะปั้นหน้าเซงใส่ผม

“ ทำไมไอ้ฟานกูมองไม่แบ่งแล้วมึงอิจฉาเหรอ "

“ เอออะดิไอ้สัด“ ผมตอบรับขำๆไอ้สองตัวนั่นก็หัวเราะ ทั้งๆที่จริงก็ไม่ได้สนใจหรอกตอนนี้กลายเป็นคนสนใจคนไม่มีนมมากกว่าคนมีนมไปแล้ว " จะเริ่มสอนจากตรงนี้แล้วกัน " ผมชี้ไปที่บทเรียนที่กำลังจะสอบทั้งหมด จริงๆก็ย่อไว้หมดแล้ว เป็นคนที่เวลาสอบจะย่อทุกอย่างเอาไว้อ่านมันเข้าใจมากกว่าอ่านบนหนังสือเล่มหนาๆแบบนั้นรู้สึกเยอะ ยิ่งอ่านก็ยิ่งง่วง

    ผมสอนพวกเธอไปเรื่อยๆ แล้วก็หาแบบฝึกหัดง่ายๆให้เค้าทำกันคนละข้อเพื่อฝึกความเข้าใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะเพราะรู้สึกว่ามีใครสักคนกำลังมองอยู่

   ร้านตรงข้ามอีกฝั่งของถนนเป็นร้านกาแฟที่ยังคงเปิดอยู่ กระจกใสที่มองเห็นด้านใน ผมเห็นผู้ชายคนนึงที่ท่าทางคุ้นตาใส่ทั้งหมวกแล้วก็แว่นนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวยาวแบบเค้าเตอร์ที่หันหน้ามาทางถนน ใบหน้าที่ก้มลงตอนที่ผมมองท่าทางลุกลี้ลุกลน แต่ผมก็ไม่กล้าจะฟันธงเท่าไหร่ว่าจะเป็นคนคุ้นเคยคนนั้น  ' ในเวลาแบบนี้ใครเค้าจะใส่แว่นใส่หมวกมานั่งกินกาแฟอีกเหรอวะ '

“ ฟานเสร็จแล้วละ " ต้นหอมบอกก่อนจะยื่นกระดาษให้ผมที่ก้มลงตรวจโจทย์เลขในมือก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ถูกต้องแล้วละ "

“ แล้วมีของรางวัลอะไรให้ฉันรึเปล่าละ "

“ ของรางวัล ? " ผมทวนคำถามอีกคนก็เอียงหน้าบอกเขินๆ

“ ก็อย่างเวลาที่เราไปเรียนพิเศษ ถ้าตอบคำถามถูกอาจารย์ต้องมีรางวัลนิดๆหน่อยๆให้ละนะ "
 
“ แต่ฉันไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกนะ " ผมบอกก่อนจะยื่นมือไปรับกระดาษจากไอ้ทามแล้วก็ไอ้ชินมาดู " พวกมึงทำผิด ทำใหม่เลย "

“ อะไรวะ " เสียงประสานที่ดังออกมาเบาๆแต่มันทั้งคู่ก็ยังก้มหน้าทำกันใหม่อีกครั้ง

“ ก็ถ้าไม่มี ให้ฉันหอมแก้มฟานเป็นรางวัลมั้ยละ "

“ ขอบคุณนะ " ผมก้มหน้าบอก อีกคนก็เอียงตัวเข้ามาใกล้  " แต่อย่าดีกว่า ฉันมีแฟนแล้วละ "

“ นายมีแฟนแล้วเหรอ "

“ ใช่ " พยักหน้ารับเธอที่หน้าเสียไปนิดหน่อยแต่ก็ยังยิ้มออกมา

“ น่าเสียดายจัง แต่ก็ไม่เป็นไรนิ เราก็แค่เล่นกันแบบเพื่อนมันก็ได้ใช่มั้ยละ " ต้นหอมที่เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ผมที่ก็นิ่งไม่ตอบอะไรเธอ

“ นี่ ถ้าไอ้ฟานมันไม่โอเค ต้นหอมจะหอมแก้มฉันแทน ฉันก็ไม่ถือหรอกนะ " ทามชี้ที่แก้มตัวเอง อีกคนก็ทำหน้างอนก่อนจะส่ายหน้าไปมา

" ไม่เอาอะ หน้านายมันไม่ชวนให้หอมอะ "

" นั่นปากเหรอจ้ะ " เสียงหัวเราะที่ดังขึ้น ผมก็หันไปมองที่ร้านกาแฟที่อยู่ตรงข้ามนั้นอีกครั้ง ผู้ชายคนนั้นที่กำลังนั่งอยู่ที่เดิมแต่ท่าทางที่เหมือนกำลังจะจ้องเขม็งมาทางเราก็ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ

“ แปลกจังนะ " ต้นหอมพูดขึ้นพลางหันมามองผู้ชายคนนั้นตามผม " สองทุ่มแล้วยังมีคนมากินกาแฟอยู่อีกเหรอ ไม่กลัวนอนไม่หลับรึไง "

“ ฉันเห็นเค้าจ้องมาทางเราตลอดเลย "  เพื่อนของต้นหอมบอก ผมก็หันไปมองเค้าอีกครั้ง " สโตกเกอร์ของเธอรึเปล่า ต้นหอม "

“ บ้า ฉันไม่มีอะไรพวกนั้นหรอก "

“ เค้าลุกแล้วละ " เพื่อนของต้นหอมบอกอีกครั้ง " คงรู้ตัวแล้วมั้ง ว่าเรารู้แล้วน่ะว่าเค้ามองอยู่ " ผมมองร่างบางที่ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วตรงที่ที่นั่งอยู่ ผิวขาวๆของเค้ากับรูปร่างผอมบางแบบนั้นทำให้รู้สึกคุ้นตายิ่งขึ้นไปอีก ตอนที่เค้ายืนขึ้นเต็มตัวผมมั่นใจมากว่าต้องเป็นเค้า ต้องใช่แน่ๆ

“ คุณคีย์ " เผลอพูดออกมาเบาๆ ก่อนลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเองด้วยความรวดเร็ว ผมคว้าเอากระเป๋าและทุกอย่างด้วยมือแบบลวกๆก่อนจะวิ่งออกไปจากร้านแบบที่ไม่ได้บอกลาใครด้วยความรีบเร่ง

“ ฟาน จะไปไหนน่ะ ยังติวหนังสือไม่เสร็จเลยนะ " ต้นหอมที่ตะโกนถาม ผมเองก็ตะโกนกลับไป

“ ขอโทษทีนะ แต่ฉันขอตัวก่อน " พูดแบบนั้นพลางยัดหนังสือใส่กระเป๋าลวกๆ ผมเร่งฝีเท้าวิ่งตามอีกคนที่ก็ไม่ได้วิ่งหรอกแต่เค้ากลับกำลังเดินเร็วจนเกือบจะเรียกว่าวิ่งตังหาก เค้าที่อยู่ตรงข้ามกับถนนฝั่งที่ผมกำลังวิ่งอยู่

    ทางม้าลายที่บอกให้รถวิ่งฉายไฟแดงขึ้นเพื่อให้รถหยุดแล้ว ผมวิ่งข้ามถนนไปตอนที่เร่งฝีเท้ามากขึ้นแล้วเข้าไปคว้าแขนอีกคนไว้ให้หยุดเดินได้ทันเวลา " คุณคีย์ "

“ ฟาน " เค้าที่หันมาเรียกผมด้วยสีหน้าตกใจ ใบหน้าหวานเม้มริมฝีปากแน่นราวกับจะหาเหตุผลอะไรสักอย่างแต่ทว่า หาไม่ได้เลยก็ได้แต่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น  " เอ่อ.. ฉันก็แค่อยากจะกินกาแฟ ก็เลยออกมานั่งกินกาแฟมันก็เท่านั้นแหละ "

“ ในเวลาแบบนี้นะเหรอครับ " ผมถาม  " กินกาแฟตอนสามทุ่มนะเหรอ พรุ่งนี้คุณไม่ทำงานรึไง "

“ คือฉัน.. อย่ามายุ่งน่า ก็ฉันอยากจะกินมันตอนนี้นี่ ว่าแต่นายเถอะ ไม่กลับไปติวหนังสือให้เพื่อนผู้หญิงพวกนั้นแล้วละ ดูท่าทางเค้าสนใจฟังนายติวดีออกนะฉันว่า เบียดเข้ามาซะชิดเชียวสงสัยนายจะพูดเบา "

“ คุณแอบดูผมอยู่เหรอครับ " พอถามคำถามตรงใจออกไปเข้าหน่อยเค้าก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยสีหน้าโกรธๆ

“ ใช่ที่ไหน ฉันก็แค่มองไปแล้วมันก็เห็น ก็เท่านั้นเอง ไม่ได้อยากจะมองหรอกว่าเธอกำลังจะเอานมหนีบหน้านาย แล้วก็ไม่ได้นั่งนับด้วยว่าเค้าส่งรอยยิ้มหวานๆมาให้นายเท่าไหร่ เป็นไงละติวถึงไหนแล้วเข้าใจกันจนลึกเลยสินะ " จะเป็นอะไรมั้ยถ้าผมจะเข้าข้างตัวเองว่าเค้ากำลังหึง ท่าทางกับคำพูดที่ประชดประชันเหล่านั้นแสดงออกมาทั้งสีหน้าแล้วก็แววตา สายตาที่กำลังมองหน้าผมโกรธๆยังไม่ทันจะอธิบายอะไรก็เหมือนอีกคนจะงอนไปแล้ว

“ งอนผมอยู่เหรอ "

“ ใช่ที่ไหน " กะแล้วว่าต้องพูดแบบนั้น ก็ปากแข็งอีกตามเคยนั่นแหละ ทั้งๆที่ตอนนี้สีหน้างอนๆก็บอกออกมาหมดแล้วว่ารู้สึกยังไง
“ แต่ร้านกาแฟแถวๆคอนโดก็มีตั้งเยอะ ถ้าอยากจะกินจริงๆ ทำไมออกมาไกลจังละครับ "

“ ก็ร้านนี้มันอร่อย "

“ ผมไม่เห็นเคยได้ยินคุณพูดถึงเลยว่ามันอร่อย "

“ ก็ไม่ได้จำเป็นว่า ต้องพูดถึงนิ " อีกคนบอก ผมก็ทำเป็นพยักหน้ารับ " แล้วนายจะกลับบ้านละเหรอ "

“ ก็ยังหรอกครับ ก็ตอนแรกคิดว่าคุณงอน เลยวิ่งตามมา แต่คุณบอกว่าไม่งอน ผมเลยว่าจะกลับไปติวหนังสือให้เพื่อนต่อ " เค้านิ่งไปตอนที่ผมพูดแบบนั้น เสียงถอนหายใจของเค้าผมทำเป็นหันหน้าไปมองที่ร้านเดิมที่ตัวเองวิ่งมา ก่อนจะหันไปบอกอีกคนที่ลังเลเหมือนจะพูดอะไรออกมา " งั้นผมขอกลับไปติวหนังสือให้เพื่อนก่อนนะครับ "

“ ไหนบอกว่า จะออกมาแค่สามชั่วโมงไง "

“ ตอนนี้ผมเพิ่งออกมาแค่ ชั่วโมงครึ่งเองนะครับ เหลือเวลาอีกตั้งเกือบสองชั่วโมง ถ้าคุณไม่งอนผมแล้วงั้นผมขอไปติวหนังสือให้เพื่อนต่อก็แล้วกัน " พูดออกไปแบบนั้นตอนที่กำลังจะหันเดินกลับไปอยู่ๆก็เหมือนมีมือมาดึงชายเสื้อของผมไว้ ตอนที่หันไปมองก็เจอเค้าคนที่กำลังงอนแต่ปากแข็งสุดๆ ยืนก้มหน้าหลบแก้มแดงๆอยู่แต่กลับไม่พูดอะไร  " คุณคีย์.. "

“ งอน.. ฉันงอนนาย ง้อฉันด้วย "

“ งอนผมเรื่องอะไรครับ " เดินเข้าไปถามเค้าใกล้ขึ้น ตอนที่ยกสองมือขึ้นประคองหน้าเค้าอีกคนก็เบือนหน้าหนี แก้มแดงๆที่ทำให้ผมยิ้ม ตามในตอนนั้น" แต่ผมก็งอนคุณนะ วันนี้น่ะ "

“ งอนเรื่องอะไร " เค้าถามราวกับจะหาเรื่องกัน " เรื่องที่นายจูบฉันแล้วฉันก็ด่าว่านายทำรุ่มร่ามใช่มั้ย "

“ คุณรู้ "

“ แค่มองตาก็รู้แล้ว ท่าทางที่เดินคอตกออกไปแบบนั้นน่ะ " เค้าเบือนหน้าหนีมือผมที่กำลังจับหน้าเค้าอยู่ " ที่ฉันบอกว่านายทำรุ่มร่ามกับฉัน ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้ไม่พอใจอะไรขนาดนั้นหรอกนะ "

“ แล้วทำไมตอนนั้นถึง.. "

“ จะให้ฉันพูดว่าอะไร จะให้ฉันพูดว่า  ฟานจะทำอะไรฉันน่ะ ฉันเขินนะ อย่าสิ แบบนั้นเหรอ ?  นายคิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้นรึไง " เค้าที่เถียงผมออกมาทั้งๆที่ผมยังพูดไม่ทันจะจบด้วยซ้ำ ก่อนที่จะหันไปทางอื่นอย่างเสียอารมณ์ " บอกว่าชอบคนปากแข็ง เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้ "

“ แสดงว่าที่ผมจูบคุณ คุณก็ชอบแต่คุณปากแข็งไปเองแบบนั้นนะเหรอ " ถามอีกคนยิ้มๆ คุณคีย์ก็หันมาจ้อง

“ พอรู้แบบนี้แล้ว ทำไมไม่ทำหน้าหงอยแล้วละ " เค้าถาม " ขี้น้อยใจจริงๆนะนาย "

“ ก็ผม แค่รู้สึกว่า คุณอาจจะรำคาญเวลาที่ผมทำแบบนั้นกับคุณ "

“ ฉันจะรำคาญก็ไอ้เรื่องที่ชอบคิดมากของนายนั่นแหละ " คนตรงหน้าเว้นเสียง " ฟาน  อย่าพยายามจนขาดความเป็นตัวเองสิ ถ้านายมีอะไรที่ฉันไม่ชอบอะไรฉันจะบอกนายเองแหละ "

“ แล้วคุณคีย์ไม่ชอบอะไรครับ " 

“ ผู้หญิงคนนั้นใกล้นายมากเกินไปแล้ว นั่นแหละ สิ่งที่ฉันไม่ชอบ " เค้าพูดก่อนจะเหลือบไปมองร้านอาหารที่เพื่อนของผมนั่งอยู่ แอบหัวเราะท่าทางหึงๆของเค้าที่ก็หันมาจ้องหน้าผมตาเขม็ง " หัวเราะอะไร สิ่งที่ฉันไม่ชอบมันเป็นสิ่งที่นายรึไงห๊า ? " เอื้อมมือขึ้นจับหน้าเค้าก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่ายที่ยังคงหงุดหงิดไม่เลิก

“ ผมไม่ได้ชอบเธอหรอกครับ แล้วอีกอย่างเพื่อนผมก็เป็นคนขอร้องให้มา ผมเองก็บอกเธอไปแล้วว่าผมมีแฟนแล้ว " แววตาโกรธๆคลายลงนิดหน่อยตอนที่ได้ฟังคำพูดนั้น เค้าที่เหลือบไปทางอื่นผมก็ก้มลงไปจูบเค้า " แล้วคนคนนั้นก็คือคุณ "

“ ทำไมนายต้องจูบฉันทุกที "

“ เพราะคนแบบคุณต้องทำแบบนี้เท่านั้นแหละ ถึงจะนิ่งแล้วหันมามองผมยอมคุยกันดีๆได้ " เพราะถ้าคุยกันแค่คำพูดมีหวังก็โดนเถียงแบบคนปากแข็งๆจนสุดท้ายก็คุยกันไม่รู้เรื่องทุกทีแถมยังชวนให้หงุดหงิดเสียอีก
“ น่ารำคาญชะมัดเลย "

“ ปากแข็งอีกแล้วนะครับ "

“ ชิส์ " ผมเบือนหน้าหนีออกจากมือผม เค้าที่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปมองอย่างอื่นทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“ ก็ตอนที่จูบเสร็จแล้วคุณน่ารักขนาดนี้จะไม่ให้ผม ชอบจูบคุณได้ไงละ "

“ อย่ามาอ้างหน่อยเลย นายก็แค่หื่นเท่านั้นแหละ "

“ ทีคุณเอง คุณยังปากแข็งบอกว่าไม่ชอบทั้งๆที่คุณเองก็ชอบให้ผมจูบ แถมยังหน้าแดงทุกครั้งด้วย  "

“ หน้าด้าน เลิกเอาคำพูดฉันมาพูดเลยนะ นายคิดว่ามันใช้ได้กับทุกกรณีเลยรึไง  "

“ ครับ จะเหมารวมเข้าข้างตัวเองไปทุกกรณีเลย "

“ ไอ้หื่น " คงไม่รู้จะด่าอะไรแล้วละมั้ง ถึงได้พูดคำนั้นออกมา ผมที่หลดหัวเราะถอนหายใจออกมาก่อนจะมองไปที่ร้านอาหารที่เพื่อนตัวเองนั่งอยู่อีกครั้ง

“ ถ้าคุณหายโกรธแล้ว ผมจะกลับไปติวหนังสือต่อให้เพื่อนนะครับ "

“ ยังไม่หายงอน " เค้าพูดเอาแต่ใจ " อีกสองชั่วโมงถึงจะหาย รอไปก่อนนะ "

“ คุณคีย์ ถ้าถึงตอนนั้นมันก็หมดเวลา แล้วผมก็ต้องกลับแล้วนะสิ "

“ งั้นก็กลับบ้านได้แล้ว นายอยากกลับไปดูนมพวกนั้นมากเลยรึไง " เค้าหันมาดุผมด้วยหน้าตาที่กำลังงอนอยู่นั้น ผมหันไปที่ร้านอีกคนก็เรียก  " ฟาน "

“ คุณหึงผมเหรอครับ "

“ ฉันจะไม่ตอบอะไรนายอีกแล้ว " เค้าที่เดินออกไป ผมคว้ามือนั้นไว้ก่อนจะเดินออกไปยืนข้างๆเค้า "  เค้านั่งเบียดนายเกินไป ฉันไม่ชอบ ใส่เสื้อก็โป๊เกินไป ฉันก็ไม่ชอบ ท่าทางออเซาะเกินไป ฉันก็ไม่ชอบ ฉันไม่ชอบให้นายใกล้ใครยกเว้นฉัน แล้วถ้าฉันพูดออกไปขนาดนี้แล้ว นายยังดึงดันที่จะกลับไปติวหนังสือให้เพื่อนนายแล้วละก็ เอากุญแจห้องฉันมา แล้วอย่าหวังว่าจะได้เข้าห้องฉันอีก " คำพูดตรงๆที่พูดออกมาในตอนที่ผมยิ้มกว้างคุณคีย์ก็เบือนหน้าหนีแววตานั้นก่อนจะเดินออกไป

“ คุณคีย์ "

“ เดินตามทำไม ไม่ไปติวหนังสือให้เพื่อนแล้วละ ไปดูนมพวกนั้นสิไป มันใหญ่ๆทั้งนั้นนี่ ฉันไม่ไม่นมให้นายดูหรอกนะจะบอกให้ " ร่างบางหันมาถามผมที่ก็เดินออกไปยืนข้างๆเค้า มือที่เอื้อมไปกอดเอวให้อีกฝ่ายหยุดเดิน เค้าที่หันมามองหน้าผมด้วยสีหน้านิ่งๆแบบนั้น แต่ก็พอดูออกว่ากำลังเขินเสียมากมาย

“ คุณมีแค่ไหนผมก็ดุมันแค่นั้นแหละ " เค้าที่เม้มริมฝีปากตอนที่ผมพูดออกมาแบบนั้น สายตาที่เหลือบไปทางอื่นก่อนจะถามให้มั่นใจ

“ ไม่แล้วจริงๆอะ "

“ ผมไม่ไปหรอกครับ ผมกลัวแฟนผมไม่ให้เข้าบ้าน "

“ ใครแฟนนายไม่ทราบ " คำพูดที่ปฎิเสธออกมา ผมก้มลงไปจูบเค้าก่อนจะผละออกแล้วก็ก้มลงกระซิบที่ข้างแก้มแดงๆ

“ ก็คุณคีย์ไงครับ แฟนผม "

......................................................

เค้าบอกว่าคนแก่ นอกจากจะคิดมากแล้ว ก็ยัง ขี้งอน
#พี่คีย์เขวี้ยงรองเท้าใส่หัว ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
น้องฟานน่ารักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ น่ารักเอามากกก
มีคนไปถามว่า เมื่อไหร่เค้าจะหึงกัน ( ตอนนี้ก็หึงแล้วนะ นิดนึง )
แต่คิดว่าคนอ่านคงหมายถึง ดราม่ามากกว่า ว่าเมื่อไหร่จะดราม่า
คำตอบคือ ใจเย็นเธอว์ มันมีขั้นตอนการดำเนินไปของมันอยู่ 
ใจเย็นๆ ตอนนี้อยากให้อ่านกันแบบ มีความสุข
เหมือน มีแฟนครั้งแรกๆ แล้วแม่ง มีโปรโมชั่นสุดๆอะไรพวกนั้น
รอก่อนนะจ้ะเธอว์

ฝากแท็ก #ฟานคีย์ พี่อยากไปรีทวิต ฝากแชร์ในเฟส
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 12 ' คนแก่ขี้งอน ' UP - 26.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 26-06-2016 20:48:47
ชอบมากกกกก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 12 ' คนแก่ขี้งอน ' UP - 26.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-06-2016 20:56:02
 :-[.   ปรบมือให้ความหึง.  ก็แฟนทั้งคนนี่น้อ
นมแบนๆนี่แหละของชอบเนอะๆๆฟานเนอะ
พี่คีย์จ๋า กินกาแฟแล้วตาค้างแน่ๆเลย หาไรทำดีน้อ นอนไม่หลับแน่เลย.
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 12 ' คนแก่ขี้งอน ' UP - 26.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-06-2016 21:00:46
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 12 ' คนแก่ขี้งอน ' UP - 26.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 26-06-2016 21:24:58
หึงได้น่ารัก งอนได้น่าง้อจริงๆ โอ้ยยย..หลงคนแก่ด้วยคนได้ไหมเนี๊ย


น้องฟานมีความผิดอยู่น่ะเรื่องเจอกันครั้งแรก ถ้าคีย์รู้มีหวังนอยแดกกอีกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 12 ' คนแก่ขี้งอน ' UP - 26.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 26-06-2016 21:27:48
นี่คุณคีย์ก็พยายามปรับตัวเหมือนกันนะเนี่ย

ดีแล้วววว ค่อยๆปรับตัวเข้าหากันเนอะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 12 ' คนแก่ขี้งอน ' UP - 26.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 26-06-2016 22:14:05
ต้องอย่างนี้ โดนใจป้า 555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 12 ' คนแก่ขี้งอน ' UP - 26.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Coaramach ที่ 26-06-2016 22:22:33
ชอบฟานน ฮือออออออ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 12 ' คนแก่ขี้งอน ' UP - 26.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 26-06-2016 22:32:21
คุณคีย์ งอน แรงงง์ นะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 12 ' คนแก่ขี้งอน ' UP - 26.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 26-06-2016 23:42:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 12 ' คนแก่ขี้งอน ' UP - 26.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 27-06-2016 00:04:57
ชอบจังง ที่พอถึงการงอแงกันจุดหนึ่ง
ทั้งคู่จะพูดความจริงออกมา
ดราม่าใหญ่คงไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่มั้ง
55555

ขอน่ารักมุ้งมิ้งแบบนี้ไปไม่ได้หรอออออ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 12 ' คนแก่ขี้งอน ' UP - 26.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 27-06-2016 22:40:31
อยากได้เด็กแบบฟานสักคนมั่งอ่ะ ต้องทำยังไงนะ 555^^ :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 12 ' คนแก่ขี้งอน ' UP - 26.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 27-06-2016 22:52:34
ฟานน่ารักจัง อิอิ  คีย์ใจอ่อน  ปากไม่แข็งแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 12 ' คนแก่ขี้งอน ' UP - 26.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 29-06-2016 06:09:32
น่ารักมากเลยค่ะ  อ่านยาวๆ มาเลยทีเดียว
ตอนแรกจะรอจบก่อน แต่อดใจไม่ไหว 5555

คีย์ปากแข็งได้โล่ แต่ตอนบอกก็บอกซะไม่มีเก็บ
ขี้งอน หึง หวง มาเต็มมากก ชอบค่ะ น่ารักดี

ฟานก็น่ารัก ไม่เด็กไป แต่ก็แอบเด็กบ้างบางเวลา
ต้อนคีย์ได้น่ารักมาก คีย์หลงแย่
แต่ฟานเป็นใคร เล่าฝั่งฝานสลับด้วยน้า อยากอ่านฟีลฟานด้วยค่ะ

ลิปชนะเลิศได้โล่ เป็นเรื่องชะตาจริงๆค่ะ
ในที่สุดก็ได้เจอ ได้ตอบสักทีว่า เป็นเพราะคุณ
เมษเข้าถูกทางมากเลยอะ

ขอบมากค่ะ ลุ้นตอนต่อไปรอแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 12 ' คนแก่ขี้งอน ' UP - 26.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-06-2016 08:09:54
ถูกใจอ่ะ ไม่ชอบอะไรก็บอก หึงก็บอก ฮา
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 12 ' คนแก่ขี้งอน ' UP - 26.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 29-06-2016 20:31:45
อั๊ยยยย น่ารักกกกกกก ฟานน้อยน่ารักอ่ะ คีย์ก็ซึนไม่เปลี่ยนเลยอ่ะ  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 13 ' ซื้อของเข้าบ้าน ' UP - 1.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 01-07-2016 20:44:36
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 13
' ซื้อของเข้าบ้าน '

“ ขอแวะร้านสะดวกซื้อก่อนจะเข้าห้องได้มั้ยครับ " คนข้างๆที่พูดขึ้นก่อนจะเบี่ยงตัวเข้าไปในร้าน ฟานหยิบตะกร้าขึ้นมาใบนึงก่อนจะเดินไปที่ชั้นวางขายขนมปัง ก่อนจะหยิบมันมาหลายๆแบบ

“ ทำไมนายซื้อเยอะจัง กินให้หมดนะ " ผมบอกเค้าก็ยิ้มพลางพยักหน้า

“ เมื่อเช้าที่คุณคีย์ซื้อไปให้ผม มันอร่อยมากเลยครับ ก็เลยคิดว่าจะซื้อไว้กินตอนอ่านหนังสือคืนนี้ "  เค้าพูดแบบนั้นตอนที่เดินไปที่ตู้เย็นที่ชั้นวางพวกไส้กรอก " คุณไม่คิดจะทำอาหารแบบ ไส้กรอกทอดกินบ้างเหรอครับ "

“ ไม่นิ " ผมส่ายหน้า " เรื่องอะไรแบบนั้นลืมไปเถอะ ฉันไม่ชอบหรอก ตอนทำยังพอโอเคอยู่แต่ตอนล้างนี่สิ ไม่เอาอะขี้เกียจ ซื้อกินง่ายกว่า "

“ แต่ทำเอง ถูกกว่านะครับ " เค้าบอก " แถมยังใส่ของเราอยากจะกินได้เยอะเท่าไหร่ก็ได้ "

“ นายพูดเหมือนทำอาหารเก่งเลยนะฟาน "

“ ก็พอทำได้นะครับ ผมเห็นเครื่องครัวในห้องคุณ เลยคิดอยากจะทำอะไรให้คุณสักอย่างแต่ในตู้เย็นคุณกลับไม่มีอะไรเลยยกเว้นเบียร์ แล้วก็ขนมที่บางอันก็หมดอายุไปแล้ว น้ำมันจะทอดไข่ยังไม่มีเลย อย่าว่าแต่ไข่ไก่สักฟองเลย "

“ นี่เลิกบ่นได้มั้ย  นายเป็นแม่ฉันรึไง "

“ รักษาสุขภาพหน่อยสิครับ ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ "

“ นี่ว่าฉันแก่เหรอ " ผมหันไปตีหลังอีกคน ที่หัวเราะพลางเบือนหน้าหนีแต่ก็ไม่ตอบอะไร ฟานเดินไปหยิบนมแพ็คนึงมาไว้ในตะกร้ามันเป็นนมสดรสจืดพวกที่มีแคลเซียมสูง " นี่นายยังกินนมอยู่อีกเหรอ "

“ ทำไมครับ ก็ผมชอบกินนิ "

“ เปล่า ไม่ทำไมหรอก ฉันแค่รู้สึกว่านายสูงเกินไปแล้วรึเปล่า ยังไม่หยุดสูงนิ กินเยอะๆไม่กลัวสูงกว่านี้เหรอ " เพราะแค่นี้ก็สูงมากแล้วขนาดผมที่รู้สึกว่าตัวเองก็สูงแล้วนะสำหรับส่วนสูง 174 แต่พอมาเจอหมอนี่ที่สูง 183 ทั้งๆที่อายุแค่ 19 แล้วแบบ..

“ ผมก็อยากจะหยุดสูงแล้วนะ แต่เหมือนว่ายังสูงได้เรื่อยๆอยู่เลย "

“ ก็เลิกกินนมสิ ก็เลิกสูงเองแหละ "

“ แต่ผมติดกินนมนะต้องกินทุกเช้าอะ งั้นคุณให้ผมกินนมคุณสิ ผมจะได้เลิกกินนมจืด โอ๊ย! เจ็บนะครับ " หยิบแพ็คนมเขกหัวอีกคนก็ร้องลั่นขึ้นมา

“ เพื่อนเล่นนายรึไง ไอ้เด็กหื่น "  ส่ายหน้าไปมากับความทะเล้นของอีกคน บทจะกวนมันก็กวนกันแบบได้ใจจริงๆเลย ผมหันไปดูพวกเครื่องดื่มดีๆเพื่อสุขภาพที่วางขายอยู่บนชั้น ก่อนที่คนตัวสูงข้างๆจะยื่นมาให้ นมสำหรับผู้สูงอายุ  " ไอ้ฟาน "

“ กระดูกจะได้แข็งแรงไงครับ ผมเป็นห่วงนะ " คว้าคอเสื้ออีกคนเข้ามาใกล้ ฟานที่ขมวดคิ้วมองผมก็บอกเค้าเบาๆ

“ ฉันยังโยกไหวนะจะบอกให้ "

“ ไม่เชื่อครับ เพราะงั้นต้องลอง " ปล่อยมือจากเสื้ออีกคนตอนที่จะเดินหนีไปที่อื่นเค้าก็คว้ามือดึงให้ผมเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมกระซิบลงข้างหู " งั้นช่วยโยกบนตัวผมหน่อยสิ "

“ ชิส์ ปล่อยเลยไอ้เด็กลามก " ดึงมือออกจากมืออีกคนเบือนหน้าหนีไปซื้ออย่างอื่น ฟานก็ถาม

“ แล้วตกลงคุณคีย์จะซื้อเครื่องดื่มอะไรมั้ย "

“ อยากได้น้ำผลไม้อร่อยๆนะ " แต่ถึงจะบอกแบบนั้นผมก็เห็นอีกคน หยิบนมเสริมสร้างกระดูกอะไรนั่นลงในตะกร้าอยู่ดี " เอาอันนี้ " ผมหยิบน้ำส้มกับน้ำมะเขือเทศแบบผสมใส่ลงไปในตะกร้า " จะว่าไปอยากจะไปซื้อพวกผลไม้สดๆนะ "

“ อยากจะซื้อของที่ทำครัวได้ ผมอยากจะทำอาหารกินเอง "

“ ไม่ขี้เกียจล้างรึไง บอกไว้ก่อนเลยนะโมเม้นต์ที่นายทำฉันล้าง จะไม่ทางเกิดขึ้น เพราะฉันไม่ชอบล้างจาน "

“ ผมทำเองก็ต้องล้างเองสิครับ ไม่ต้องห่วงผมชอบทำครัว "

“ เป็นผู้ชายประเภทไหนของนายฉันละไม่เคยเจอ " ไอ้พวกที่ชอบทำครัว ล้างจานอะไรแบบนี้ น้อยมากเลยในความรู้สึกของผมที่จะพบในพวกผู้ชายแบบนี้ แถมยังเด็กกว่าอีก แต่เอาจริงๆ ไอ้หมอนี่เป็นผู้ชายประเภทที่ผมไม่เคยเจอเลยเอาจริงๆ หน้าด้านก็เท่านั้น แถมยังหื่นอีก ไม่นับความกวนตีนของมันที่มาในรูปแบบใบหน้าหล่อเหลา และท่าทางที่ดูเหมือนจะเรียบร้อย

“ ก็แค่ ผู้ชายที่อยากจะทำกับข้าวอร่อยๆให้แฟนกิน "

“ ไม่ได้คิดจะวางยาพิษแล้วฮุบคอนโดฉันไปเป็นของตัวเองหรอกนะ "

“ บางทีผมว่าคุณก็ดูหนังมากไป " เค้าพูดบ่นๆ ก่อนจะเดินไปหยิบขนมขบเคี้ยวทั่วไปแล้วก็น้ำอัดลมสองสามกระป๋อง " คุณคีย์พรุ่งนี้ เราไปห้างกันมั้ยครับ "

“ ห้าง ? “ ผมทวนความต้องการของอีกคน ฟานก็พยักหน้า

“ พรุ่งนี้สอบเสร็จผมจะไปรอคุณที่หน้าบริษัท เราก็ไปซื้อของเข้าบ้านกัน มันมีหลายอย่างที่ผมอยากจะซื้อ "

“ ซื้อของเข้าบ้านเหรอ " อยู่ๆก็รู้สึกเขินคำนี้ขึ้นมาซะงั้น ผมเหลือบมองไปทางอื่นอย่างไม่รู้จะตอบว่าอะไรตอนได้ยิน ยังกับคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่ช่วยกันซื้อของยังไงอย่างงั้นเลย คิดสภาพว่าพรุ่งนี้ผมกับเค้าต้องไปเข็นรถเข็นซื้อของเดินเข้าตรอกนี้ ซอยนู้นเพื่อซื้อของจากนั้นก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านสิ  หน้าที่อยู่ๆก็แดงจัดผมหันหลังกลับก่อนจะเดินไปดูของอย่างอื่นอย่างไม่รู้จะทำยังไง

“ ว่าไงครับ ไปด้วยกันมั้ย ไปด้วยกันนะ ผมอยากจะไปกับคุณคีย์ " คำพูดนี้อีกแล้ว ผมเม้มริมฝีปากแน่นตอนที่อีกคนดึงให้ผมหันไปมองเค้า " นะครับ "

“ นายไปซื้อเองสิ อยากจะได้อะไรก็ไปซื้อเลย "

“ ก็อยากจะให้คุณไปช่วยเลือกด้วยกัน ผมอยากจะเริ่มทำอาหารให้คุณกิน ผมอยากรู้ว่าคุณชอบกินอะไรจะได้ทำให้ถูก ไปด้วยกันนะครับ ผมอยากไปกับคุณนะ " ส่องสายตาคมมาหา รอยยิ้มที่ค่อยๆยิ้มออกมาแล้วตอนนั้นปากของผมมันก็ตอบออกไปแบบชนิดที่หลงไปกับใบหน้าหล่อเหลานั้น

“ ไป..ก็ได้ "

“ เย้! งั้นเรานัดกันเลยนะครับ ว่าจะไปซื้อของกันกี่โมงดี เจอกันที่ไหน ผมน่ะ พอสอบเสร็จก็จะออกมาจากมหาลัยตรงมาหาคุณคีย์ทันทีเลยครับ ส่วนของที่จะซื้อ คืนนี้เดี๋ยวจะกลับไปจดไว้ ดีมั้ย คุณอยากจะกินอะไรเป็นมื้อแรกดีครับ " ท่าทางดีใจของเค้าฉุดไว้ไม่อยู่อีกแล้ว ผมถอนหายใจออก ถึงจะไม่ค่อยอยากไปแต่ดูท่าทางดีใจที่เค้าจะได้ไปกับผมสิ เอาจริงๆนะ ไม่ต่างกับเด็กที่แม่ตกลงว่าจะพาไปซื้อของเล่นเลยให้ตาย แต่มันติดอยู่ที่ว่า เด็กของผมคนนี้เค้าดีใจกับเรื่องที่กำลังจะทำให้ผมมันก็เท่านั้นแหละ

..................................................

   ลุกขึ้นจากโต๊ะที่ตัวเองนั่งตอนที่กำลังนั่งฟังเรื่องของลิปกับโฮสผู้ชายคนนึงที่เจ้าตัวไปพบด้วยเมื่อวาน เรื่องราวที่น่าสนใจที่ผมฟังอยู่แต่ดันมีเมล์เรียกตัวให้ไปพบจากหัวหน้าส่งมาก็เลยต้องผละตัวออกมาก่อน 

   เรื่องของโฮสผู้ชายอายุวัยหัวหน้าที่รูปร่างหน้าตาดีแถมยังคมเข้มแบบที่อีกคนเล่า จินตนาการถึงหน้าตากับเรื่องราวที่เพื่อนพบเจอ ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ คนเราก็เป็นแบบนี้  ทุกอย่างตรงข้ามกันไปหมด คนที่ชอบเด็กกลับได้แฟนเป็นผู้ใหญ่ แล้วดูคนชอบผู้ใหญ่แบบผมสิ กลับได้แฟนเด็กซะงั้น  '  ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย '

“ ขออุณญาติครับ " เปิดประตูเข้าไปในห้องประชุม หัวหน้าที่กำลังยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ก้มหน้าลงทักเค้าก่อนจะยิ้ม" หัวหน้าเรียกผม มีอะไรผมรึเปล่าครับ "

“ มีสิ ฉันมีอะไรจะคุยกับนายหน่อย " พยักหน้ารับช้าๆ ตอนที่เลื่อนเก้าอี้ตัวนึงแล้วนั่งลงอีกคนก็เดินมาใกล้โต๊ะตรงฝั่งตรงข้ามกันก่อนจะถาม " แต่คำถามฉัน มันเป็นเรื่องส่วนตัวนะ "

“ อ่า.. ครับ "

“ วันนี้ตอนเย็นว่างมั้ย ฉันจะชวนนายไปกินข้าวหลังเลิกงานสักหน่อย " เม้มริมฝีปากของตัวเองทันทีตอนที่อีกคนพูดชวนออกมาแบบนั้น

“ หมายถึง ผมกับหัวหน้า สองคนเหรอครับ " พอถามออกไป เค้าก็หัวเราะก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ก็ใช่นะสิ แค่เราสองคน " หัวใจของผมเพิ่มจังหวะการเต้นขึ้นเรื่อยๆตอนที่ได้ยินคำพูดนั้น สบสายตาคมของเค้าที่ก็มองผมอยู่  " ฉันมีร้านซูซิดีๆร้านนึงอยากจะพานายไป มันเป็นร้านหรูที่มีเซฟมาทำให้เรากินในห้องส่วนตัวเลย ถ้านายสนใจเราไปด้วยกันนะ แล้วเดี๋ยวฉันจะไปส่งนายที่บ้านเอง "

" เอ่อ.. " ท่าทางลังเลของผม ไม่ใช่ไม่อยากไปหรอก ก็อยากจะไปนะ.. ก็ผมชอบเค้ามานานแล้ว อีกอย่างอะไรแบบนี้ก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะเดินเข้ามาหาง่ายๆ แต่ว่าวันนี้น่ะ...ผมมีนัดกับใครอีกคนไว้แล้วนะสิ คนที่ดีใจเหลือเกินทั้งๆที่ก็แค่จะไปซื้อของกับผม เค้าที่อุตส่าห์นั่งจดนู้นนี่ว่าตัวเองอยากจะได้อะไร ในห้องครัวขาดเครื่องปรุงอะไร คนที่นอนพูดทั้งคืนว่า วันมะรืนจะทำอาหารเช้าให้ผมทานแบบไหน คนที่ถามจนน่ารำคาญว่าเย็นนี้เราจะกินอะไรกันดี คนที่บอกว่าสอบเสร็จแล้วจะรีบมาหา 

“ แล้วหลังจากกินข้าวเสร็จ เราก็ไปนั่งรถเล่นกันเป็นไง แบบส่วนตัว ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับนายด้วย อีกอย่างฉันว่านายเองก็คงมีเรื่องที่อยากจะคุยกับฉันเหมือนกัน ฉันรอให้เรื่องทุกอย่างของฉันมันจบลงไม่ไหวแล้ว มาคุยเรื่องของเรากันเถอะ " รอให้เรื่องของตัวเองจบลงไม่ไหวแล้ว หมายความว่ายังไงกันวะ คือหมายความว่า ยังไม่หย่ากับเมียแต่ก็ทนรอจะคั่วคนอื่นไม่ไหวแล้วอย่างงั้นเหรอ " ฉันอยากจะคุยเรื่องของเรา "

“ คือว่า..”

“ เดี๋ยวหลังเลิกงาน นายไปรอฉันที่ใต้ห้างใกล้ๆบริษัทนะ ฉันจะไปรับตรงนั้น อย่าออกไปพร้อมกันมันน่าเกลียด "

" น่าเกลียดยังไงเหรอครับ " ผมรู้สึกแปลกใจกับความคิดของเค้า ขมวดคิ้วมองอีกคนที่เหมือนจะกำลังคิดถึงเหตุผลที่ผมถามออกไป

“ ถ้าให้พูดตรงๆ สถานะของเราตอนนี้ไม่ใช่ในแบบที่เราจะเดินด้วยกันได้นะ " ทั้งๆที่ไม่เคยบอกว่ารู้สึกอะไรต่อกัน แต่การกระทำของเค้า คำพูดที่เอ่ยออกมา ก็ทำเหมือนว่าตอนนี้ผมไปมีความสัมพันธ์กับเค้าเสียแล้ว ความสัมพันธ์ที่มากกว่าลูกน้องกับหัวหน้าทั้งๆที่ตลอดมา ทุกอย่างก็เป็นแค่ความคิดของผม โดยที่ผมไม่ได้รู้เลยว่าเค้ารู้สึกยังไง เพราะเค้าไม่เคยบอก

“ หัวหน้ารู้สึกยังไงกับผมเหรอครับ " คำถามตรงๆที่ถามออกไป อีกคนก็ยิ้ม

“ ฉันจะบอกนายคืนนี้ "

“ แล้วหัวหน้าคิดว่าผมรู้สึกยังไงกับหัวหน้าเหรอครับ "

“ คิดว่าเราคงรู้สึกเหมือนกัน "

“ ช่วยพูดออกมาตรงนี้ตรงๆเลยไม่ได้เหรอครับ " ผมแค่อยากรู้ว่าเค้าคิดอะไรอยู่ ความคิดที่ดูเหมือนเอาตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วบอกว่าเราต้องรู้สึกเหมือนกัน  รู้สึกเหมือนกันแล้วยังไง ถ้าไม่บอกให้รู้แล้วพูดอ้อมไปอ้อมมา ใช้วลีที่ดูเหมือนมีชั้นเชิง ทั้งๆที่ในความจริงๆก็แค่พูดออกมามันก็สิ้นเรื่อง  แล้วมั่นใจเกินไปรึเปล่ากับคำที่บอกว่าเราคงคิดเหมือนกัน เราอาจจะไม่ได้คิดเหมือนกันก็ได้

" ฉันแค่ไม่อยากให้คนในบริษัทเห็น แล้วก็รู้เรื่องนี้นะ เดี๋ยวเป็นข่าวดัง " หรือพูดง่ายๆก็คือ ' อาย ' นั่นเอง หัวหน้าเป็นเกย์แอบคั่วกับลูกน้องตัวเองในบริษัท เค้าคงไม่ได้อยากได้ชื่อแบบนี้ห้อยติดหลังแน่ๆ เค้ามีความรู้สึกแค่นั้นจากที่ผมฟังคำพูดทั้งหมดที่เค้าพูดออกมา แอบไปที่ร้านอาหารด้วยกัน กินข้าวในร้านหรูๆแต่เป็นที่ลับตาคน จากนั้นก็นั่งรถเล่นพูดจาหวานๆหว่านล้อมจนผมใจอ่อน จากนั้นก็กลับไปที่ห้องผม ขึ้นเตียง จบด้วยการมีเซ็กส์ที่ถ้าถึงใจก็คงต้องผูกมัดแบบแอบๆอย่างงี้ไปเรื่อยๆ พอผมถามว่าเมื่อไหร่จะเปิดตัว ก็ตอบแบบเท่ห์ๆว่า ' ต้องรอดูเวลาก่อน ' หรือไม่ก็ตอบว่า ' ยังไม่พร้อม '

   ยิ้มให้คนตรงหน้าตอนที่มองความคิดของเค้าออกด้วยคำพูดที่ดูมีชั้นเชิงแค่ไม่กี่คำของเค้า นี่นะเหรอ ? คนที่เราแอบชอบมาตลอด นี่นะเหรอ คนที่เราบอกว่าอยากได้เป็นแฟน แค่อาหารสักมื้อยังไม่กล้าไปกินด้วยกันแบบออกนอกหน้าเลย นี่เหรอวะ คนที่เราอยากจะให้มาเดินข้างๆเรา ฝันไปเถอะคีย์.. เค้าไม่กล้าเดินข้างนายหรอก แล้วหวนคิดว่าผมเซ็งเอามากที่ชีวิตต้องมาเจอกับเด็กอายุน้อยกว่าที่เที่ยวบอกใครต่อใครว่าผมเป็นแฟน คนที่กล้าจูบผมต่อหน้าเพื่อน หรือแม้แต่ข้างถนนถ้าผมเกิดงอนเค้าขึ้นมา คนที่ดีใจกับเรื่องเล็กๆที่ผมทำให้

“ ขอโทษนะครับหัวหน้า แต่ผมคงไปกินซูซิกับหัวหน้าไม่ได้หรอกครับ วันนี้ผมมีนัดแล้ว "

“ นายยกเลิกนัดไม่ได้เหรอ นี่ฉันอุตส่าห์ชวนนายแล้วก็จองร้านหรูไว้แล้วนะ " โดยที่ไม่ได้คิดเลยเหรอวะ ว่าจะปฎิเสธ.. มั่นหน้าเกินไปหน่อยแล้วมั้ง หรือไม่อีกแง่ก็คิดว่าสายตาที่เรามองเค้าเป็นสายตาที่สื่อออกไปว่า อยากได้เค้าตลอดเวลา  ถ้าเมื่อก่อนก็คงตอบว่าไปนั่นแหละ แต่ตอนนี้ผมคงไม่ตอบแบบนั้นแล้ว

“ ไม่ได้หรอกครับ คนของผมก็เตรียมตัวไว้แล้วเหมือนกัน "

“ จะไปทำอะไร "

“ ก็แค่ซื้อของเข้าบ้านน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก "

“ ถ้าแค่ซื้อของเข้าบ้านจะไปวันไหนก็ได้ไม่ใช่รึไง นี่ซูซิร้านดังเลยนะ "

“ สำหรับผมแค่ซูซิร้านธรรมดาก็พอครับ อาหารมันไม่สำคัญหรอก มันอยู่ที่ว่า ผมรู้สึกโอเคกับการไปกินกับใครมากกว่า "

“ แล้วกับฉันมันไม่โอเครึไง " คำถามที่แสนมั่นใจนั่นหลุดออกมา ผมยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ที่นั่ง

“ เมื่อก่อนมันก็โอเคนะครับ แต่ตอนนี้ดูเหมือนผมจะมีคนที่โอเคกว่าแล้ว "

“ หมายความว่านายมีแฟนแล้วเหรอ " เค้าถามแบบไม่เชื่อสายตาเท่าไหร่

“ ไม่มีใคร ทนชอบในสิ่งที่เรารู้ว่า ไม่ใช่ของของเราได้นานหรอกครับ ผมเองก็เหมือนกัน เมื่อเจอของที่รู้สึกว่ามันดีกว่า ก็ต้องไป แม้มันจะไม่ได้สวยถูกใจทั้งหมด แต่มันก็ดีกว่าของเดิมนะผมว่า "

“ คีย์ "

“ ขอโทษด้วยนะครับ แต่ซูซิสุดหรูน่ะ คุณชวนภรรยากับลูกคุณไปกินดีกว่านะ ขอตัวก่อนนะครับหัวหน้า " หันหลังเดินออกไปจากห้องแต่อยู่ๆอีกคนก็พูดขึ้นมาอย่างไม่ยอมแพ้

“ แล้วครั้งหน้าฉันจะชวนนายอีก " ผมหันไปยิ้มให้เค้าตามมารยาท " มันต้องมีสักครั้งสิ ที่นายจะตกลง "

“ ครับ งั้นก็ไว้โอกาสหน้านะครับ " ถอนหายใจแล้วเปิดประตูเดินออกมา ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงตัดสินใจไปโดยไม่รั้งรออะไร แต่ว่าตอนนี้ พอมีใครอีกคนเข้ามา ก็เหมือนกับว่าทุกอย่างก็ถูกเอามาเปรียบเทียบกันจนทำให้ผมรู้สึกว่า บางทีสิ่งที่เราชอบก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นสิ่งที่ดีสุดเสมอไป อย่างน้อยตอนนี้คนในฝันที่เคยชอบก็ไม่ได้ดีอย่างที่จินตนาการเอาไว้อีกแล้ว

      ปิดคอมเก็บกระเป๋าตอนหันไปมองเวลาที่กำลังบอกว่าใกล้จะหกโมงเย็นแล้ว วันนี้ทำงานเกินเวลาเหมือนเคยทั้งๆที่คิดไว้แล้วว่าจะออกเร็วกว่าปกติ เพราะฟานเองก็ส่งข้อความมาบอกว่าตัวเค้าจะถึงที่หน้าบริษัทผมตอนสี่โมงเย็นแท้ๆ คว้ากระเป๋าของตัวเองขึ้นมาก่อนจะหันไปบอกลิปที่กำลังงานอยู่อย่างตั้งใจ

“ ลิปฉันกลับบ้านก่อนนะ "

“ เที่ยวให้สนุกนะ " อีกคนบอกผมก็ยิ้มก่อนจะพยักหน้า " แล้วฟานมาถึงแล้วเหรอ "

“ ตั้งแต่สี่โมงเย็นแล้วละ ฉันมัวทำงานเพลินไปหน่อย "

“ งั้นรีบไปเถอะ " เค้าบอกแบบนั้น ผมก็รีบเดินออกมาจากบริษัททันที

   
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 12 ' คนแก่ขี้งอน ' UP - 26.6.59} หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 01-07-2016 20:44:55
กดลิฟต์ลงไปชั้นล่างก่อนจะมองเงาตัวเองที่สะท้อนอยู่ในนั้น หน้าตาซีดเซียวของผมที่โหมงานจนหนัก ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกขาที่ต้องก้าวไปข้างหน้าก็หันกลับหันหลังไปที่ห้องน้ำทันที ยืนเช็คหน้าตัวเองที่หน้ากระจก หยิบทิชชู่มาซับหน้ามันๆของตัวเองก่อนจะจัดทรงผมให้ดูดีสักหน่อย

' ทำยังกับจะไปเดทเลยนะคีย์ ' พอคิดได้แบบนั้น มือมันขยี้หัวตัวเองให้ยุ่งมากกว่าเดิมไปอีก " ทำหน้าดีๆไปมีหวังไอ้หมอนั้นต้องเข้าข้างตัวเองคิดว่าผมทำไปให้มันดูแน่ๆ " ถอนหายใจออกมา ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องตื่นเต้นด้วยไม่ใช่ครั้งแรกที่ไปเที่ยวกับหมอนี่สักหน่อย ผมเดินออกมาจากบริษัทถนนข้างนอกที่เริ่มมืด แต่หลับมีผู้ชายคนนึงที่โดดเด่นแม้จะนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มีเพียงแค่แสงไฟนีออนสว่างๆหน้าบริษัทสาดลงมาก็แค่นั้น ร่างสูงที่เหมือนกำลังฟังเพลงอยู่ในตอนนั้นผมเดินเข้าไปใกล้ เค้าก็หันหน้ามามอง รอยยิ้มที่ยิ้มกว้างออกมาตอนที่เห็นหน้าผม ฟานลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนจะเดินเข้ามาหา

“ เลิกงานแล้วเหรอครับ "

“ อื้ม " ผมตอบสั้นๆ รู้สึกเขินยังไงก็ไม่รู้ สายตาของเพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่คนอื่นที่มองมาในตอนนั้น ผมเหลือบมองเค้าที่ยังคงยิ้ม " จะยิ้มอะไรนักหนา "

“ อย่าดุผมแก้เขินสิครับ "

“ ฉันไม่ได้เขิน แต่พอเห็นหน้านายแล้วมันหงุดหงิดตังหาก " ผมบอกตอนที่เดินนำเค้าไป อีกคนก็เดินตามมายืนข้างๆก่อนจะแซว

“ แต่หน้าคุณแดงหมดแล้วนะ "

“ ตกลงว่ายังอยากจะไปซื้อของอยู่มั้ย ฟาน "

“ ซื้อสิครับ " เค้าพยักหน้ารับก่อนจะหยิบเอากระดาษแผ่นเล็กๆออกมา " วันนี้กินข้าวกันข้างนอกดีมั้ยครับ "

“ ก็ได้นะ นายอยากจะกินอะไร "

“ ซูซิมั้ยครับ " ถอนหายใจออกมาก่อนจะเบือนหน้าหนีอีกคน ฟานก็หัวเราะ

“ ทำไมวันนี้ถึงมีแต่คนชวนไปกินซูซิวะ วันนี้มันเซลล์รึไง หรือว่าเป็นวันแรกที่เค้าคิดค้นอาหารชนิดนี้ขึ้นมาได้ " มือหนากอดคอผมตอนที่ดึงเข้าไปใกล้ฟานก้มลงหอมแก้มผมด้วยความรู้สึกหมั่นเขี้ยวเล็กๆแต่ทว่าขาของผมกลับหยุดนิ่ง เงยหน้ามองเค้าที่ก็ก้มลงมามองผม เสียงของคนรอบข้างที่เดินอยู่ข้างๆเรา ผมเอ่ยถามเค้า " ฟาน "

“ ครับ "

“ กอดฉันแบบนี้ นายไม่อายคนที่มองมารึไง " ผมแค่คิดว่าเค้าน่ะทั้งหล่อแล้วก็ยังดูเด็ก ภายนอกที่ดูเท่ห์มากขนาดนั้นเป็นที่สะดุดตาของใครๆเสมอ แต่แน่นอนว่าเค้าที่กอดผมแบบนี้ก็ต้องมีคนหันมาสนใจเราไม่น้อยอยู่แล้ว เด็กวัยรุ่นหน้าตาหล่อเหลากับลุงแก่ๆที่หน้าตาห่อเหี่ยวเพราะมัวแต่ทำงานหนัก

“ ไม่นิครับ สนใจทำไมละ นี่เรื่องของเรานะ ผมอยากจะกอดคุณผมก็แค่กอด จะให้เก็บเอาไปกอดที่บ้านเหรอครับ ไม่เอาอะเดี๋ยวต้องทำมากกว่ากอดอีก "

“ นี่ " ผมต่อยท้องเค้าอีกคนก็หัวเราะ

“ อย่าคิดแค่ว่า เรื่องแบบนี้ทำได้เฉพาะผู้ชายผู้หญิงที่เค้าเป็นแฟนกันสิครับ เราก็เป็นแฟนกันนะ แค่กอดเองไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียดสักหน่อย " มือหนาที่กอดคอเกลี่ยแก้มผม เราที่เดินออกไปพร้อมๆกัน " แล้วตกลงคุณคีย์ไม่อยากจะกินซูซิเหรอ "

“ อยากจะกินข้าว "

“ ซูซิก็เป็นข้าวนะครับ "

“ นายอยากจะกินซูซิว่างั้นเถอะ " อีกคนพยักหน้ารับผมก็ถอนหายใจออกมา สุดท้ายก็ต้องแดกอยู่ดีสินะ ไอ้ซูซิเนี้ย

“ อยากจะกินข้าวหน้าปลาไหลครับ "

“ อยากจะกินของแพงด้วยนะนาย " เค้ายิ้มตอนที่ผมพูดออกไปแบบนั้น " งั้นกินข้าวก่อนแล้วค่อยไปซื้อของแล้วกัน "  เราแวะร้านอาหารญี่ปุ่นตามที่ตกลงกันไว้ สั่งอาหารมาคนละชุดพร้อมกับเครื่องดื่ม มองดูราคาอาหารของเค้าแล้วอยากจะรู้นักว่า ครอบครัวเป็นยังไงถึงให้ลูกใช้จ่ายแบบสุรุ่ยสุร่ายได้ขนาดนี้ แต่จะว่าไปผมก็ไม่เคยรู้เกี่ยวกับเรื่องครอบครัวของหมอนี่เลยนะ อาจจะเพิ่งรู้จักกันก็เลยไม่ได้รู้อะไรถึงขนาดนั้น แต่ก็แอบอยากรู้เหมือนกันนะว่ามาจากครอบครัวแบบไหน

   เรากินอาหารกันเสร็จเรียบร้อย เป็นอีกครั้งที่ฟานออกค่าอาหารให้ผมอีกแล้ว แม้จะบอกให้แชร์แค่ไหนอีกคนก็ไม่ยอมเสียท่าเดียว พ่อแม่แกจะรู้สึกยังไงที่เอาเงินเยอะๆมาเลี้ยงข้าวคนอื่นแบบนี้แค่คิดก็สงสัยแล้วละ เดินออกจากร้านเข้าไปในส่วนของซุปเปอร์มาร์เก็ต ฟานดึงรถเข็นออกมาคันนึง ก่อนจะเดินเข้าไปในล๊อคแรก

“ คุณคีย์อยากจะกินอะไรเป็นอาหารเช้าพรุ่งนี้ดีครับ "

“ ปลาแซลมอนย่างเกลือ กับข้าวสวยห้าสี " หันไปบอกอีกคนที่ขมวดคิ้วออกมาตอนที่ผมพูด " นายทำได้มั้ยละ " ฟานถอนหายใจออกมาเค้าเดินไปเลือกอย่างอื่นอย่างไม่สนใจ " ฮ่าๆ  นี่ นาย ฉันเมินเหรอ "

“ เอาที่มันกินได้ในชีวิตจริงสิครับ "

“ ปลาแซลม่อนย่างเหลือนี่ง่ายมากเลยนะ "

“ ผมหมายถึงข้าวห้าสี "

“ อ้อเหรอ " พยักหน้าหงึกหงัก อีกคนก็เดินไปเลือกปลาแซลม่อนที่ตู้ให้ " เอาชิ้นใหญ่ๆนะ นี่ๆ อันนี้ใหญ่สุดเลย " หยิบให้ฟานตั้งสี่ชิ้นอีกคนก็ชมวดคิ้ว

“ สี่ชิ้นเลยเหรอครับ "

“ ก็ซื้อแล้ว ซื้อไปเลยสิ จะออกมาซื้อหลายๆรอบทำไมอะ "

“ ของสดเอาไว้ในตู้เย็นนานๆ มันไม่อร่อยหรอกครับ ค่อยออกมาซื้อก็ได้ เดี๋ยวถ้าอยากจะกินอีกผมจะซื้อเข้าไปให้ " พยักหน้ารับอีกคนฟานเอามันออกไปแขวนที่เดิมก่อนจะเลือกซื้ออย่างอื่น ทั้งผักทั้งเนื้อ เยอะแยะเต็มไปหมด

“ เอาจริงๆนะฟาน เราอยู่กันสองคน นายจะกินหมดเหรอ "

“ หมดสิครับ ทำไมจะไม่หมดละนี่แค่หนึ่งอาทิตย์เองนะ " เค้าบอกก่อนจะพูดยิ้มๆ

“ เอาที่สบายใจแล้วกัน แต่ฉันอยากจะกินมะเขือเทศลูกเล็กๆอะ " เค้าหันไปมองมะเขือเทศที่อยู่ในแพ็คตอนที่ก้มลงเลือกอีกคนก็ก้มลงมาค่อมทับตัวผมไว้ สองแขนที่เหมือนกำลังกอดกัน " ทำอะไรของนายประเจิดประเจ้อจริงไอ้เด็กนี่ "

“ แค่ช่วยเลือกมะเขือเทศเองครับ " เค้าบอกก่อนจะยิ้ม " เอาอันนี้สิ อันนี้สดกว่านะ "

“ แค่แพ็คเดียวพอ " ผมบอกก่อนจะวางมันไว้ในรถเข็น " นายซื้อของตรงนี้ไปนะ เดี๋ยวฉันมา "  หมุนตัวจะเดินออกไปจากมุมของสด ผมเดินไปดูของอย่างอื่นเค้าก็ถาม

“ แล้วจะไปไหนครับนั่น "

“ ไปดูขนม ไปดูของที่อยากจะซื้ออย่างอื่น ก็มาแล้ว จะซื้อให้หมดเลย "

" ฝากซื้อของอย่างนึงสิครับ "

" อะไร " ผมถามอีกคนยิ้มก่อนจะดึงตัวเองเข้ามาใกล้ ฟานกระซิบ

“ ถุงยางอนามัยครับ แล้วก็เจลหล่อลื่นด้วย "

“ ไอ้บ้า ใครจะซื้อของแบบนั้นกัน อยากได้ก็ไปซื้อเองสิ " ผมบอกปัดตอนที่หันหน้าไปทางอื่น รู้สึกตัวเองหน้าแดงขึ้นมายังไงไม่รู้ ร้อนไปหมดเลย " อยากตายรึไง " ยกมือขึ้นจะต่อยอีกคนก็หัวเราะ

“ อะไรกันครับ ที่ผมให้คุณคีย์ซื้อ คุณคีย์จะได้เลือกไงว่าชอบแบบไหน ถ้าไม่ซื้อมาผมใส่สดนะ "

“ ไอ้เด็กลามก ที่มีก็ใช้ให้หมดก่อนเถอะ "  ผมบอกอีกคนก็หัวเราะ ตอนที่เรามองหน้ากันฟานก็เหมือนจะเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ผมเหลือบมองซ้ายขวา ก่อนจะผลักเค้าออกไปไกลตัว แล้วเดินหนีออกไปอีกทางทันที นิสัยเสียชะมัดชอบทำอะไรรุ่มร่ามให้เขินอยู่เรื่อย ไอ้เด็กโรคจิต

   ผมเดินมาที่ล๊อคของใช้ เพราะคิดว่ามาแล้วก็ซื้อไปให้หมดเลย จะไม่ได้ไม่เปลืองค่าเท็กซี่ด้วย อะไรที่ขาดหรือใกล้หมดก็จะซื้อไปให้หมดเลย เพราะยังไงก็ขนขึ้นแท็กซี่อยู่แล้ว  ผมเดินเลือกของใช้ที่จำเป็นใส่ในตะกร้าที่หาได้จากแถวนั้น มันเป็นของใช้ส่วนตัวพวกครีมทาตัว หรือครีมอาบน้ำอะไรพวกนั้น ผ่านล๊อคถุงยางอนามัยที่ตัวเองหยุดดูอยู่แปปนึง ปรายตามองไปทั่วก่อนจะสะดุดกับคำพูดหน้ากล่องต่างๆ

" เดี๋ยวนี้แม่ง มีให้เลือกหลายแบบจัง " แล้วผิวขรุขระนี่คืออะไร เข้าไปในร่างแล้วต้องรู้สึกยังไงเหรอ ผมเม้นริมฝีปากถอนหายใจออกมารู้สึกขนลุกชะมัด แค่คิดว่าไอ้ส่วนกลางนั้นต้องใส่อะไรแบบนี้แล้วยัดเข้าไปในตัวเรา " ให้ตายก็ไม่ซื้อหรอก " ผมเดินไปดูของอย่างอื่นแบบไม่สนใจมัน เดินไปทุกล๊อคซื้อของจนรู้สึกตะกร้าที่ถือเริ่มหนัก ผมก็เดินผมเดินออกจากล๊อคของใช้ไปหาฟานที่อีกฝั่งกะว่าจะเอาของใช้ไปถ่ายลงในรถเข็นแล้วจะมาช็อปต่อ

    มองไปตามล๊อคเครื่องปรุงเกี่ยวกับอาหารต่างๆก่อนจะเห็นคนคุ้นตาที่กำลังเลือกซื้อของอยู่ แต่ทว่า เหมือนเค้ากำลังยืนคุยกับใครอยู่ด้วย ผู้ชายร่างสุงที่ดูท่าทางกวนๆเหมือนพวกอันธพาลแต่มีเงินสักหน่อย

“ ใครวะ " ผมสถบออกมา ตอนที่เดินไปที่ล๊อคข้างกัน มองไปก็ไม่คุ้นหน้าแล้วก็ดูเหมือนไม่ใช่คนรุ่นเดียวกันด้วย

“ แล้วนี่มาซื้อของคนเดียวเหรอ " คนตรงข้ามของเค้าถาม เหมือนจะหาเรื่องกันด้วยซ้ำ

“ ก็เปล่าหรอกครับ "

“ มากันแฟน " อีกคนถอนหายใจเหมือนไม่ค่อยอยากจะตอบแต่ก็ พยักหน้ารับไป " แล้วพ่อแม่นายเป็นยังไงบ้างละ ตอนนี้ได้ข่าวว่าอยู่อเมริกานิ "

“ ผมไม่รู้เรื่องของท่านหรอก เราไม่เคยติดต่อกัน "

“ ได้ข่าวว่าพี่สาวจะหย่าแล้วนิ เป็นไงละ ไปด้วยกันไม่รอดเหรอ อย่างงี้แหละน้า ขนาดเอาตัวซวยออกจากบ้านไปแล้วยังขจัดความซวยไม่หมดเลย "

“ อันนั้นมัน ไม่เกี่ยวกับผมเหมือนกัน นั่นเป็นเรื่องของพี่เค้า แล้วผมก็คิดนะครับว่ามันก็ไม่เกี่ยวกับคุณด้วย "

“ มึงว่ากูเสือกเหรอฟาน " เค้าดึงคอเสื้อของฟานไป อีกคนก็ยกยิ้มท่าทางก็ไม่ได้กลัวคนตรงหน้าเลยสักนิด

“ คุณพูดเองนะครับ ผมไม่ได้พูดเลยสักคำเดียว ด่าตัวเอง ยังมีหน้ามาโทษคนอื่นอีก "

“ พ่อแม่ก็ทิ้งแถมยังเป็นตัวซวย ถ้าฉันพูดอะไรออกไป ว่าเจอนายทำตัวไม่ดีอยู่ คิดว่าระหว่างฉันกับนายเค้าจะเชื่อใคร " อีกคนว่าก่อนจะยกยิ้ม " แต่ฉันคิดว่าเค้าคงไม่เชื่อนายหรอก ลูกนอกคอกนี่นะ "

“ จะพูดอะไรก็พูดเถอะครับ ผมไม่สนหรอก เพราะผมไม่ได้ใช้เงินของเค้าอยู่ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเค้ามานานมากแล้วด้วย  " ฟานบอกแบบนั้นอีกคนก็ยิ้ม

“ น่าแปลก ลูกชายคนกลางแท้ๆแต่เค้าไม่ค่อยสนใจนายเลยนะ เคยสงสัยบ้างรึเปล่าว่าทำไม ถ้าอยากรู้ฉันจะบอกให้ "

“ ไม่อยากจะรู้หรอกครับ รกสมองเปล่าๆ "

“ หึ.. “ รอยยิ้มที่ยกยิ้มขึ้นมานั้น " ฉันว่านายต้องเป็นลูกเมียน้อยแน่ๆ หรือว่าลูกของผัวคนอื่นของแม่นาย นายเลยเป็นตัวซวยไง "

“ ความคิดมึงนี่ ต่ำพอๆกับสันดานมึงเลยนะ " ฟานขึ้นเสียงใส่อีกคนราวกับว่าจะหมดความอดทนทั้งหมดแล้ว " หึ  “ เค้ายิ้มก่อนจะมองอีกคนตั้งแต่หัวจรดเท้า “ กูจะบอกอะไรให้นะ มึงใช้ชีวิตของตัวเองมึงให้ดีเถอะ มึงฐานะแล้วไงวะถ้าสันดานไพร่ขนาดนั้น แล้วก็อย่ามายุ่งเรื่องของคนอื่นจะดีกว่า ต่างคนต่างอยู่ไม่ได้รึไง กูเคยไปทำอะไรมึงเหรอ กูก็อยู่เฉยๆของกู เก็บปากไว้กินข้าวเถอะ "

“ ไอ้ฟาน " อีกฝ่ายที่กัดฟันแน่นคว้าเอาเสื้อของอีกคนให้เข้ามาใกล้ ฟานก็ยกยิ้ม

“ เอาสิ ถ้ามึงแน่จริงละก็ มึงต่อยกูทีนึง แล้วจากนั้นก็เตรียมเรียกรถพยาบาลไว้ได้เลย อย่าหาว่ากูใจร้ายก็แล้วกัน "

“ หึ " เค้าปล่อยคอเสื้ออีกคนด้วยสายตาที่ก็รู้ว่ากลัวคำพูดพวกนั้นอยู่ไม่น้อยแต่ก็ยังปากดีต่อว่าอีกคนอยู่ " ฉันก็ไม่อยากจะเจอนายให้ดวงตัวเองมันแย่ไปมากกว่านี้หรอก ไปดีกว่าเดี๋ยวความซวยจะติดตัวเอา " คำพูดทิ้งท้ายก่อนที่อีกคนจะเดินออกไป ผมก็ได้แต่ยืนงงอยู่แบบนั้น เหมือนเค้าสองคนจะเป็นญาติกันแต่คำพูดคำจาก็ไม่ได้ดูเหมือนญาติกันเลยสักนิด ทำไมต้องด่าฟานว่าตัวซวยด้วยแล้วไอ้เรื่องลูกเมียน้อยผัวน้อยอะไรนั่นอีก พ่อแม่ที่ให้เงินใช้เยอะขนาดนั้นจะไม่สนใจลูกจะเป็นไปได้เหรอ แล้วไหงบอกไม่ได้ใช้เงินพ่อแม่แล้วเงินที่เอามาใช้ตอนนี้มันเอามาจากไหนละ  จริงๆมันเป็นยังไงกันแน่นะ ครอบครัวหมอนี่.. อยากรู้ชะมัดเลย

.....................................................

ตอนหน้า เราจะได้รู้เรื่องของน้องฟานแล้วว่าเป็นยังไง  :katai4:
ตอนนี้เหมือนเป็นเกริ่นนำไปก่อนนะคะ
หนมชอบเวลาที่น้องฟานแกล้งพี่คีย์ มันตลกดี มีความกวนตีนในมาดของผู้ชายที่ดูเหมือนอบอุ่นและเรียบร้อย
ส่วนหัวหน้า.. ก็รุกพี่คีย์เหลือเกินน
ดูท่าจะไม่ปล่อยด้วยนะเนี้ยยย

เจอกันตอนหน้าค่าาา
ใครมีทวิต เฟส ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 13 ' ซื้อของเข้าบ้าน ' UP - 1.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-07-2016 21:23:25
 :m31:      เรียกสายด่วนๆ. เจอคนหน้าด้านสันดานไพร่สองคนค่ะ
น้องฟานก้อน่านับถือนะคะ ไม่เห็นต้องไปแคร์เลย พวกสันดานกดคนอื่นแล้วตัวเองดีนักหรือไง
ส่วนพี่ตีย์ก็ทำดีค่ะ เชิดหน้าเข้าไว้ค่ะ ใครมันอยากจะทิ้งครอบครัวหรืออะไรก้อแล้วแต่เขาเถอะ อยู่ให้ห่างดีกว่าเพราะว่ามันไม่คุ้มเลยที่จะเอาตัวเข้าไปเกือกกลั้ว
ปล. เอร๊ยยย. พี่คีย์หมุนกลับไปแล้วหยิบอันที่ขรุขระมาสิคะ.  :serius2:  ขอบคุณค่ะหนมมี่
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 13 ' ซื้อของเข้าบ้าน ' UP - 1.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 01-07-2016 21:33:47
เรื่องฟานน่าสงสัยจริงๆ
สงสัย หัวหน้า จะต้องเจอฟานด่าซักที
หรือไม่ก้ซักหมัดมั้ง ถึงจะเลิก
แต่คีย์รักตัวเองแบบนี้ก้ดีละ
คงไม่มีปัญหาที่หลังง 55555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 13 ' ซื้อของเข้าบ้าน ' UP - 1.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 01-07-2016 21:54:46
ใครกล้ามาด่าน้องฟาน!!!!!!!! :z6: :z6: เอ็งดิตัวซวย ซวยคนรอบข้างเจอคนสมองเน่าขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 13 ' ซื้อของเข้าบ้าน ' UP - 1.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 01-07-2016 22:02:25
ดีแล้วที่คีย์คิดได้ กับคนแบบนี้คบไปมีแต่ช้ำใจมากกว่า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 13 ' ซื้อของเข้าบ้าน ' UP - 1.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 01-07-2016 22:04:40
อยากรู้เรื่องน้องฟานนนนนนย


หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 13 ' ซื้อของเข้าบ้าน ' UP - 1.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 01-07-2016 22:44:41
 :katai2-1: :katai2-1: นางซื้อของเข้าบ้านด้วยกัน อ๊ายยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 13 ' ซื้อของเข้าบ้าน ' UP - 1.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 01-07-2016 23:11:00
อะไร ยังไงล่ะทีนี้ มาต่อเร็วๆนะ อยากจิรู้ไวๆเน้อ^^ ว่ามีความในอะไรซ้อนอยู่
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 13 ' ซื้อของเข้าบ้าน ' UP - 1.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 01-07-2016 23:23:04
อยากรู้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 13 ' ซื้อของเข้าบ้าน ' UP - 1.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 01-07-2016 23:35:49
หัวหน้านี่ก็มั่นละเกินเนอะ

และเรื่องของฟานน่าสนใจจังเลย แต่ไม่ว่าเป็นยังไง ฟานก็โตมาเป็นเด็กที่น่ารักมากเลยนะ (อย่างน้อยก็ในสายตาเรา)
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 13 ' ซื้อของเข้าบ้าน ' UP - 1.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 02-07-2016 17:47:39
ชอบฟานมากกกกกกกกก อยากได้ๆๆๆๆ
แต่ก้อชอบพี่คีย์ด้วยนะคะ 55555
อยากรู้จังเลยว่าฟานมีอดีตยังไง น้องต้องเปนคนเอาการเอางานสุด แระมีชีวิตดราม่ามากๆแหงๆ เลยเปนผู้ใหญ่เกินตัว
รอนะคะๆๆๆ >\\\\\\\\\\<
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 13 ' ซื้อของเข้าบ้าน ' UP - 1.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 02-07-2016 18:42:14
โอ๋ๆๆน้องฟานท่าจะผ่านเรื่องหนักหน่วงมา
มาม่า เค้้าจะกอดปลอบใจ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 13 ' ซื้อของเข้าบ้าน ' UP - 1.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 02-07-2016 19:41:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 13 ' ซื้อของเข้าบ้าน ' UP - 1.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 02-07-2016 23:29:45
นั่น เป็นไงล่ะ อยากรู้ก็จะรู้สมใจทีนี้แหละ คีย์
ฟานซับซ้อนนะ แต่ไม่มาก เข้าใจไม่ยาก คีย์ดูแลฟานให้ดีนะ น้องต้องมีกำลังใจ

ฟานอ้อนน่ารักมาก คนแก่ใจอ่อนได้ตลอด แล้วยังจะด่าแก้เขินตลอดด้วยนะ 555

คนแก่ก็มีคนแก่กว่ามาจิกสมใจ แต่ตอนนี้คงปิดโอกาสได้แล้วมั้ง ออกจะชัดเจนขนาดนี้ว่าเค้าอยากเก็บไว้ส่วนตัว

คนนั้นเป็นใคร ต้องการอะไร ฮึ่มมมม



หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 14 ' อย่ารักเพราะสงสาร ' UP - 3.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 03-07-2016 20:29:16
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 14
' อย่ารักเพราะสงสาร '

      คำถามมากมายที่กำลังอัดแน่นอยู่ในสมองของผม ตอนที่หยุดนิ่งแล้วยืนอยู่ตรงนั้น มองอีกคนผ่านล๊อคขายของ ฟานถอนหายใจออกมาเค้ายืนนิ่งอยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะเดินซื้อของต่อ เหลือแต่ผมที่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไม่รู้จะไปไหน คำพูดมากมายที่มีแต่ความสงสัยที่อยากจะรู้ แต่เรื่องของครอบครัว เวลาที่เราคบกันมันก็เหมือนว่า เป็นเรื่องที่อีกฝ่ายจะเปิดใจพูดเองมากกว่า พูดโดยที่เราไม่ต้องถาม เหมือนคบกันไปนานๆก็เรียนรู้กันไปเอง  ฟานที่ดูขี้อ้อน แถมชอบความอบอุ่น ผมเองก็คิดว่าเค้าจะมาจากครอบครัวอบอุ่นที่คงประคบประหงมลูกซะอีก แต่ที่ได้ยินเมื่อกี้น่าจะผิดจากที่คาดไว้ ยังจำวันที่เค้ากอดแล้วผมก็ถามเค้าว่า ' ขาดความอบอุ่นรึไง ' ได้เลย อีกคนที่เงียบไปในตอนนั้น ตอนนี้รู้แล้วละว่าทำไมถึงเงียบไปเพราะมันคงไปประทบจิตใจเค้าเข้าสินะ 

“ คุณคีย์ " ผมหันไปหาเค้าด้วยสีหน้างงๆ ฟานก็เดินเข้ามาหา " มายืนทำอะไรตรงนี้ครับ ผมคิดว่า คุณซื้อของใช้อยู่อีกฝั่งซะอีก "

“ ฉันเดินซื้อมาเรื่อยๆ แล้วรู้สึกว่ามันหนักอะ ก็เลยเดินมาหานาย " ผมบอกก่อนจะทะยอยเอาของในตะกร้าใส่ลงไปในรถเข็นแต่ฟานกลับดึงทั้งตะกร้านั้นใส่ลงไปในรถเข็น

“ เดินซื้อของด้วยกันดีกว่า ผมซื้อของในครัวเสร็จแล้วละ " พยักหน้ารับอีกคนที่ดูนิ่งๆเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ "  เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น "

“ ก็เปล่าหรอกครับ " เค้าส่ายหน้าบอกผม คราวนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าอีกคนโกหก เพิ่งเจอเรื่องแบบนั้นมาแท้ๆ จะมาทำร่าเริงทะเล้นก็คงไม่ใช่ทีละนะ " แค่กำลังคิดอะไรอยู่นิดหน่อย "

“ คิดอะไรละ " ผมหันไปถามอีกคนแบบอยากรู้ ฟานที่ขมวดคิ้ว

“ คุณก็ดูแปลกๆนะ "

“ แปลกยังไง แค่ฉันถามนายว่าเป็นอะไรงั้นเหรอ ? ฉันก็เห็นนายทำหน้าเศร้าเลยคิดว่า น้ำปลาที่จะซื้อมันไม่ขายรึเปล่า " คำพูดที่ชวนให้อีกคนยิ้มฟานเอื้อมมือมากอดไหล่ แต่ผมก็ถอยห่างจากอีกคนทันที แต่ทว่าเค้าก็ยังดึงให้เข้ามาใกล้

“ ขอกอดหน่อยสิครับ "

“ ตรงนี้อะนะ " ผมมองซ้ายขวา คนเดินซื้อของเยอะแยะไปหมดนี่อะนะ  ยังไงก็ไม่ได้นี่มันที่สาธารณะ แล้วถ้าญาตินายมาเห็นละจะทำยังไง  " ไม่เอาอะ "

“ ผมอยากกอดคุณนี่ นะครับ ขอกอดหน่อย " เค้าที่กระชับมือที่กอดไหล่ผมอยู่ ฟานเข็นรถไปข้างหน้าด้วยมือข้างเดียว ท่าทางที่ดูนิ่งๆไม่เหมือนในเวลาปกติ

“ ฉันจะละเว้นให้นายสักครั้งแล้วกันนะ " ช่วยเข็นรถอีกคนไปข้างหน้า ฟานเลือกซื้อของใช้ของตัวเอง ตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับไอ้หมอนี่มันย้ายเข้ามานอนที่บ้านผมเต็มตัวเลยนี่หว่า " นี่เดี๋ยวนะ ฉันขอถามหน่อย "

“ ครับ "

“ นี่นายหยิบของใช้ตัวเองลงมาในรถเข็นเนี้ย ไม่ได้หมายความว่าจะเอาไปใช้ที่ห้องฉันใช่มั้ย "

“ ก็เอาไปใช้ในห้องคุณคีย์นั่นแหละครับ  ทำไมเหรอ "

“ นี่กะจะเข้ามาอยู่ถาวรเลยรึไง  " ผมถามอีกคนก็พยักหน้ารับ

“ ที่เหลือก็แค่คุณบอกให้ขนเสื้อผ้าเข้ามาได้นั่นแหละครับ แต่ตอนนี้ก็มีเสื้อผ้าอยู่ส่วนนึงแล้วนะ ไม่น้อยหรอก "  ถอนหายใจพลางเบือนหน้าหนีอีกคน

    ให้มันได้แบบนี้สิ เผลอตัวแปปเดียวไอ้เด็กนี่ก็แทบจะขนทุกอย่างเข้ามาอยู่ในห้องผมซะแล้ว จากห้องที่อยู่คนเดียวตอนนี้กลายเป็นว่าทุกอย่างต้องเพิ่มมาเป็นสอง ครีมอาบน้ำสองแบบที่เราใช้ไม่เหมือนกัน แปรงสีฟันสองอันคนละสี แล้วยังไม่นับอาหารมากมายที่จะทำกินด้วยกันอีก ไม่ต่างอะไรกับคู่รักใหม่เลยสักนิด สมยอมให้เค้าเข้ามาจับจองทุกพื้นที่ส่วนตัวแบบชนิดที่ว่าถ้าตีตัวออกห่างก็คงจะยากแล้วละ

“ นี่ถามจริงๆเถอะ ฉันไปบอกว่า นายเป็นแฟนฉันเมื่อไหร่ห๊ะ ?  ถึงได้เข้ามาจัดการระเบียบทุกอย่างในชีวิตของฉันเนี้ย "

“ คุณก็รับผมเป็นแฟนแล้วละ แต่แค่ไม่ยอมพูดออกมาเท่านั้นเองครับ "

“ รู้ดี " อีกคนที่ยกยิ้มฟานหยุดเดินก่อนจะหันไปที่ชั้นวางสินค้าที่เมื่อครู่ผมตัดสินใจไม่ซื้อมัน หันไปมองที่ชั้นวางนั่นแล้วอยู่ๆก็รู้สึกหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

   เราสองคนที่กำลังยืนอยู่หน้าชั้นวางขายถุงยางอนามัย เค้าที่กำลังกอดผมอยู่ในตอนนั้นมองซ้ายมองขวาก่อนจะดันให้อีกคนขยับไปด้านหน้าให้มากขึ้น " นี่ ไปเถอะ อย่าซื้อเลย "

“ คุณอยากใส่สดเหรอครับ " ถามจริงๆเถอะ ไอ้หมอนี่มันแปลความหมายได้แค่นี้ใช่มั้ย  ไม่ซื้อถุงยางคือเท่ากับอยากจะใส่แบบสดๆ คือมึงไม่คิดว่ากูจะมียางอายเลยว่างั้นอะ ฟานหยิบถุงยางแบบบางชนิดเรียบชึ้นมาเค้าถามต่อ " คุณชอบแบบไหน เลือกเลยครับ "

“ ไม่เลือกตรงนี้  ไม่เอา " หน้าที่กำลังแดงของผมอีกคนที่ยิ้มกว้างออกมา เค้ายังกอดผมอยู่แถมยังดึงไว้ไม่ให้เดินหนีไปไหนอีก

“ ไม่เห็นเป็นไรเลย เราต้องป้องกันไว้ นั่นก็ถูกแล้ว ใครๆเค้าก็ป้องกันกันนะ "

“ แต่ฉันไม่เลือกตรงนี้เว้ย " ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเค้า ฟานก็ยิ้ม " ไปกันเถอะนะ  ไปเถอะ "

“ หน้าแดงหมดแล้วครับ "

“ ก็ฉันอายนี่  " ก้มหน้างุดลงกับอกของอีกคน " กอดกันอยู่ได้ปล่อยได้แล้ว  "

“ ไม่ปล่อยครับ เราต้องซื้อด้วยกันสิ ของแบบนี้อะ " ใครเป็นคนคิดตระกะนี่ให้มึง ไอ้ตระกะที่แฟนกันแล้วช่วยเลือกยุงยางอนามัยเนี้ย คือมึง..มึงต้องเข้าใจใหม่นะ  นี่มันไม่ใช่เสื้อผ้าที่จะช่วยกันเลือกแล้วรู้สึกมุ้งมิ้ง นี่ถุงยางอนามัยลูกกก " คุณอยากจะลองอันนี้มั้ย "

“ อะไรก็ได้ เอาๆ มาเถอะน่า แล้วก็รีบๆด้วย คนมองใหญ่แล้ว " ผมเหลือบมองซ้ายขวา ทุกคนที่กำลังสนใจเรา ผมถอนหายใจออกมาตอนที่ฟานกำลังลังเลของในมือผมก็คว้ามันทั้งหมดแล้วโยนใส่รสเข็น " ไปกันเถอะ ได้แล้ว "

“ แต่ว่านั่น "

“ อะไรอีกกกกก "

" ผมจะซื้อเจลหล่อลื่นด้วยครับ "

“ พูดให้มันเบาๆหน่อยไม่ได้รึไง " ผมเม้มริมฝีปาก หน้าแดงจนไม่รู้ว่าจะแดงยังไงแล้ว ฟานหัวเราะเบาๆก่อนจะหยิบเจลหล่อลื่นกลิ่นสตอเบอรี่ใส่ลงไปในรถเข็น

“ คุณคีย์หน้าแดงหมดแล้วครับ " เค้าเกลี่ยแก้มผมที่เบือนหน้าหนีทันทีในตอนนั้น

“ ใครมันจะไปหน้าด้านเหมือนนาย ยืนกอดฉันเลือกถุงยางอนามัยหน้าตาเฉยแบบนั้นอะ " สีหน้าหงุดหงิดของผมทำให้อีกคนหัวเราะออกมา ผมเงยหน้าขึ้นมองเค้า ท่าทางที่ไม่พอใจเค้าก็ถาม

“ งอนเหรอครับ "

“ ไม่มั้ง "

“ น่านะ เดี๋ยวเลี้ยงไอติม "

“ ฉันไม่ใช่เด็กนะ ที่นายจะเอาไอติมมาล่อกันน่ะ " ผมบอก ตอนที่สะบัดหน้าหนีอีกคน ฟานก็เข็นรถไปใกล้เค้าเตอร์ แต่ทว่าตอนนั้นเค้าก็แวะที่ตู้ไอติมก่อน

“ เอารสอะไรดีครับ "

“ ก็บอกว่าไม่ใช่เด็กไง " หันไปบอกอีกคน ฟานหยิบไอติมรสช็อคโกเล็ตกับสตอเบอรี่ขึ้นมาใส่รถเข็นผมก็บอกเค้าเสียงเบาๆ " เอารสวานิลลาด้วย "  เสียงหัวเราะของอีกคนที่ดังขึ้น ก็ดีที่ผมทำให้เค้าหัวเราะขึ้นมาได้บ้างเพราะฟานในเวลาที่นิ่งเงียบเพราะมีเรื่องทุกข์ใจแบบนั้น สีหน้าแบบนั้นของเค้า ผมไม่ชอบมันเอาซะเลย

   จ่ายเงินที่เค้าเตอร์เรียบร้อย เราขนทุกอย่างใส่รถแท็กซี่ที่เรียกได้จากหน้าห้าง ถุงสินค้าเยอะแยะที่ขนขึ้นคอนโดกับแบบพะรุงพะรัง เรากองมันไว้บนพื้นหน้าห้องก่อนที่ตัวผมจะพาตัวเองมานั่งพักเหนื่อยอยู่ที่โซฟาหน้าทีวี " เหนื่อยชะมัดเลย " พูดออกมาพลางมองไปที่ฟานที่ก็กำลังจัดของเข้าที่เก็บให้เรียบร้อย " จะว่าไปก็ดีเหมือนกันนะ มีนายอยู่ที่นี่เหมือนฉันมีพ่อบ้านเลย "

“ คุณเห็นผมเป็นคนใช้เหรอ " เค้าถาม ผมก็เบือนหน้าหนีไม่ตอบคำถาม ลุกขึ้นจากโซฟาเดินเข้าไปในครัวหยิบเอาถุงผลไม้ที่ถูกแยกออกมามาล้าง

“ นายซื้อสตอเบอรี่มาด้วยเหรอ "

“ เห็นว่ามันลูกใหญ่ดีน่ะครับก็เลยซื้อมา " ผมเปิดกล่องสตอเบอรี่ตอนที่จับมันล้างก็อดใจไม่ได้ที่จะแอบชิมมันสักหน่อย รสชาติหวานอมเปรี้ยวของมันถ้ามีนมข้นหวานคงดี ตอนที่คิดแบบนั้นขามันก็กำลังหันไปที่ตู้เย็นแต่ทว่ากลับถูกฟานกอดจากด้านหลังเอาไว้เสียก่อน คางของอีกคนที่ก้มลงซบที่ไหล่ผม

“ เป็นอะไรอีกละ จะอ้อนอะไรอีก "

“ แค่อยากจะกอดคุณคีย์เฉยๆ " เค้าบอกแบบนั้น ผมก็ถอนหายใจออกมาตอนที่หยิบสตอเบอรี่ขึ้นมา มือมันก็เลื่อนไปที่ปากอีกคนที่ก็งับมันเข้าไปทั้งลูก เค้าเคี้ยวมันเงียบๆก่อนจะกอดผมแน่นขึ้น

“ อยากจะพูดอะไรก็พูดออกมา ไม่ใช่มาทำท่างอแงแล้วกอดฉันอยู่แบบนี้ " หันไปบอกอีกคนที่เลื่อนมาจูบริมฝีปากของผมที่ยังคงนิ่งมองเค้า

“ คุณได้ยินเรื่องครอบครัวของผมแล้วใช่มั้ย "

“ เรื่องครอบครัวอะไรของนาย " ผมทำเป็นไม่รู้เรื่องอีกคนก็ยิ้ม

“ ปกติคุณไม่ให้ผมกอดนิ่งๆแบบนี้หรอก แล้วตอนที่ผมจูบคุณก็จะไม่นิ่งด้วย แต่ที่คุณนิ่งเพราะรู้สึกสงสารผมใช่มั้ยละ "

“ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นสักหน่อย แต่ว่าฉันก็ได้ยินเรื่องนั้นจริงๆนั่นแหละ เรื่องครอบครัวของนาย "

" เหรอครับ " เสียงทุ้มที่ตอบออกมาเบาๆ ฟานที่กอดผมอยู่คายอ้อมกอดของเค้าออก ผมก็หันตัวไปมองอีกคนให้ชัดขึ้น

“ ถ้าอยากจะเล่าก็เล่ามันออกมา นายอาจจะรู้สึกดีขึ้น "

“ มันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรหรอก สำหรับผมแค่มีเงินใช้ก็พอแล้วละ "

“ แต่ฉันไม่คิดว่าลึกๆแล้วนายจะรู้สึกแบบนั้นนะ " ฟานที่ยังคงต้องการความอบอุ่นเค้าที่ชอบกอดผมไว้แน่นๆ การกระทำที่บอกว่าเค้าเป็นแค่เด็กขี้อ้อนที่อยากได้ความรักมากกว่าใครๆ " คิดซะว่าเราจะได้รู้จักกันมากขึ้น ถ้าคิดแบบนี้นายจะยอมเล่าฉันมั้ยละ " ผมดึงตัวเองขึ้นนั่งบนเค้าเตอร์ครัวที่ว่าง " ฟาน..” ผมเรียกเค้าตอนที่ยื่นเท้าไปหนีบชายเสื้อของอีกคนให้เข้ามาใกล้ เค้าที่เดินเข้ามาผมใช้ขาหนีบเค้าให้เข้ามายืนตรงกลาง ก่อนจะยื่นมือขึ้นกอดเค้าไว้ "  ถ้าฉันบอกว่าอยากจะรู้จักนายมากกว่านี้จะยอมเล่าให้มั้ย "
“ ทำไมต้องใช้วิธียั่วกันแบบนี้ด้วยนะ " เค้าถามตอนที่ค้ำมือกับเค้าเตอร์แล้วยกยิ้มออกมา

“ เล่าออกมา เดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะจัดการนาย "

“ จัดการยังดีละครับ " เค้าถาม ผมก็เอียงหน้าคิด "จะจูบผมจนกว่าผมจะเล่ารึยังไงดี "

“ ถ้านายไม่เล่าฉันจะไม่ให้นายเข้ามาใกล้ฉัน "

“ เรื่องแบบนั้นผมเข้าไปหาคุณเองก็ได้ครับ ผมถนัดเรื่องเข้าหาคุณอยู่แล้วนี่ "

“ งั้นฉันจะไม่ให้นายเข้าบ้านฉัน "

“ คุณให้กุญแจบ้านผมมาแล้วนะ " เค้าบอกก่อนจะหัวเราะ " ทำไมวิธีแต่ละวิธีของคุณมันถึงเด็กจังละครับ " มือหนาเอื้อมมาหยิกแก้มฟานที่ก้มลงหอมมัน คงรู้สึกหมั่นเขี้ยวอีกแล้วแน่ๆ " งั้นบอกผมหน่อยสิ ทำไมคุณถึงอยากจะรู้ละ มันไม่ได้น่ารู้เลยนะ "

“ ทำไมถึงบอกว่า มันไม่น่ารู้ละ นายคิดว่าเพราะมันไม่สมบูรณ์แบบก็เลยไม่สมควรเล่าเหรอ "  อีกฝ่ายเงียบ ผมก็ถอนหายใจ "  ในชีวิตนึงไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก ไม่ว่าจะนายหรือว่าฉัน แล้วอีกอย่างที่ฉันอยากรู้ คือทำไม นายถึงต้องเศร้าขนาดนั้นเวลาที่พูดถึงครอบครัวของตัวเอง ทั้งๆที่นายเองก็ดูเป็นคนที่พร้อมทุกอย่าง "

“ ผมเป็นลูกชายคนกลางของบ้านครับ พ่อแม่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง มีพี่สาวคนนึง มีน้องสาวคนนึง เป็นลูกชายคนเดียวครับ " เค้าบอกแบบนั้นก่อนจะถอนหายใจออกมา " ครอบครัวผมเชื่อเรื่องดวงชะตามาก ฟังแล้วก็ดูเหมือนตลกแล้วก็ไร้สาระ แต่มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ บ้านผมเชื่อเรื่องหมอดูอะไรแบบนี้มานานแล้วละ ครั้งนึงตอนที่พ่อกับแม่แต่งงานกัน เค้าบอกว่าบ้านเราไม่เหมาะกับการมีลูกชายจะทำให้บ้านล่มจม "

“ แต่นายก็เกิดมาเป็นผู้ชายสินะ " เค้ายิ้มรับก่อนจะพยักหน้า

“ ตอนนั้นแม่ก็ไม่อยากจะเชื่อเรื่องอะไรแบบนั้นหรอก แต่พอผมเกิดไม่นานธุรกิจที่เหมือนจะรุ่งเรืองของพ่อก็ล้มลงไม่เป็นท่าเลย เรามีหนี้สินเยอะแยะ ทั้งพ่อทั้งแม่ก็เครียดกันมาก ตอนนั้นจำได้ว่าไม่มีใครเข้ามายุ่งด้วยเลย ถามอะไรพ่อกับแม่เค้าก็ไม่สนใจ จำได้ลางๆว่า พ่อเคยโมโหมากจนตีผมแบบไม่มีเหตุผลเลยสักนิด โดนตะคอกใส่แบบที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ทุกอย่างเป็นความทรงจำที่แย่มาก ผมยังจำได้จนถึงทุกวันนี้เลย ไม่มีใครคุยด้วย ไม่มีใคยุ่งด้วย อยู่ตัวคนเดียว เล่นคนเดียว มองดูพ่อกับแม่ที่ทั้งกอดทั้งหอมพี่สาวตัวเอง ใส่ใจน้องสาวตัวเอง แล้วตอนนั้นตัวผมก็ได้แต่ยืนมอง บางทีก็ถูกไล่ให้ไปไกลๆ เพราะเค้าต้องทำเหมือนว่าผมไม่ใช่ลูกของเค้า เพื่อให้ทุกอย่างในบ้านเราดีขึ้น "

" เพราะเค้าคิดว่านายเป็นคนที่ทำให้ครอบครัวล่มจมสินะ "

" ใช่ เพราะผมเกิดมาเลยทำให้พวกเค้าต้องล่มจมครับ " คำพูดของอีกคนที่พูดขึ้นตอนที่มองหน้าผม ในแววตาคมที่กำลังเจ็บปวดนั้น ใบหน้าเฉยชาที่เล่าเรื่องราวนั้นออกมา เค้าคงเจ็บปวดในอกไม่น้อย ผมที่เม้มริมฝีปากเข้ากันไว้แน่น น่าแปลกทั้งๆที่เมื่อกี้อยากจะฟังแท้ๆ แต่พอฟังเข้าจริงๆกลับรู้สึกว่ามันเจ็บปวดจนอยากจะให้หยุดเล่าได้แล้ว   การที่เราเกิดมาแล้วไม่เป็นที่ต้องการของใครเจ็บปวดยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ความรู้สึกของเด็กสักคนที่ต้องทนอยู่ในสภาพแบบนั้น ไม่มีใครรัก ไม่มีใครสนใจ  ผมก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่กำกันไว้แน่นอย่างไม่รู้จะไประบายความรู้สึกสงสารไว้ที่ไหน

“ แล้วเป็นไงต่อ "

“ ก็อยู่แบบนั้นจนถึงป.สามมั้งครับ แล้วผมถูกย้ายไปอยู่บ้านตากับยาย โอนเป็นลูกบุญธรรมของเค้า "

“ แล้วหลังจากนั้นที่บ้านเป็นไง "

“ เจริญรุ่งเรืองขึ้นมากเลยครับ " เค้าหลุดหัวเราะออกมา " อยู่ๆธุรกิจของพ่อก็ฟื้นตัวขึ้นมา แล้วนับตั้งแต่นั้นพ่อกับแม่ก็ไม่หันกลับมาใส่ใจผมอีกเลย ไม่พูดคุยด้วย ไม่สนใจ นานๆทีถึงจะกลับมาเยี่ยมบ้างแต่ก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้เรียกว่าพ่อกับแม่ ต้องเรียกแค่ว่า ลุงกับป้าแทน แต่ว่าก็หลายปีนะครับถึงมาทีนึงนะครับ จำได้ว่า ป.5 ครั้งนึง ม.3 ครั้งนึงแล้วก็ตอนที่ตากับยายเสียแค่นั้นแหละครับ  ส่วนคนที่คุณเห็นวันนี้เป็นญาติฝ่ายพ่อครับ เค้าก็รู้กันหมดนั่นแหละว่าผมเป็นตัวล่มจม เจอกันทีไรก็คอยเหยียดกันแบบนั้นตลอด แต่ผมไม่สนหรอกครับยังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม จะว่าอะไรก็ว่าไปเถอะ ยังไงผมก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวนั้นอยู่แล้ว เงินก็ไม่ได้ใช้เงินของเค้า เป็นเงินของตากับยายที่เหลือไว้ให้ ผมไม่แคร์หรอกครับ "

' ไม่จริงหรอก ' ผมอยากจะเถียงเค้าออกไปแบบนั้น แต่คิดว่าไม่ดีกว่า สายตาที่กำลังพูดอยู่นั้นแค่คิดถึงก็เหมือนว่าเค้าในตอนนี้กลับไปยืนอยู่ในความทุกข์นั้นอีกครั้ง กลับไปยืนมองดูตัวเองกำลังทรมานในตอนที่ยังเป็นเด็ก แต่ฟานก็เข้มแข็งเกินกว่าจะมาบอกกับผมตรงๆ ว่าเค้าเสียใจ

“ งั้นเงินที่นายใช้ตอนนี้ นายเอามาจากที่ไหน "

“ เป็นเงินที่ตากับยายเหลือไว้ให้ครับ ไม่มีอะไรมากมายหรอก แค่เงินติดตัวนิดหน่อย แล้วก็พวกที่ดินที่ให้เช่าจ่ายค่าเช่าแบบรายปีให้ผมไว้ใช้จ่ายเกี่ยวกับการเรียนแล้วก็ใช้ชีวิต เป็นสมบัติที่เค้าเหลือไว้ให้  " แต่ดูจากการใช้เงินของนายฉันไม่คิดว่ามันจะมีแค่นิดหน่อยหรอกนะฟาน คงเยอะมากพอที่ตากับยายของเค้าจะวางใจได้ว่าหลานชายจะอยู่แบบสบายๆแหละ ผมพยักหน้ารับ

“ นายก็ดีนะ ทั้งๆที่พ่อแม่ไม่สนใจ อยู่กับตากับยายแท้ๆ แถมตอนนี้พวกท่านก็ไม่อยู่แล้ว ถ้าเป็นเด็กคนอื่นอาจจะไม่เอาถ่าน เสเพลอะไรแบบนั้นไปแล้ว "

“ ตอนเด็กๆช่วงที่จะออกนอกลู่นอกทางได้พอดีว่า โดนหลอกนะครับ เลยไม่ได้เกเรอะไร "

“ โดนหลอก ? โดนหลอกอะไร “

“ ตาบอกว่า ถ้าเป็นเด็กดี พ่อแม่จะกลับมารับ ตอนนั้นก็เลยทำตัวเป็นเด็กดีซะยกใหญ่เลย แต่ว่าเค้าก็ไม่มานะ " ฟานหัวเราะ " ยายเคยเล่าว่าผมน่ะ คอยแต่ถามตลอดเลยว่า ผมเป็นเด็กดีรึยัง ผมเป็นเด็กรึยัง น่าตลกมั้ยละ "
 
“ อื้ม " ผมยิ้มออกมาจางๆทั้งๆที่ในใจก็อยากจะร้องไห้มากกว่าด้วยซ้ำ เราต้องใช้ความรู้สึกแบบไหนผ่านวันเวลาแบบนั้นมาได้วะ ต้องเข้มแข็งแค่ไหนที่จะพูดเรื่องราวเหล่าออกมาโดยที่ไม่ร้องไห้ออกมา " แล้วตากับยายเสียนานแล้วเหรอ "

“ ก็ไม่นานนะครับ ตาผมเสียตอนอยู่ม.ต้น ส่วนยายก็ม.ปลาย ตอนนี้ก็เหมือนอยู่คนเดียวนั่นแหละ "

“ เหรอ " พยักหน้ารับเค้าช้าๆ ความรู้สึกหลากหลายทิ่มแทงเข้ามาในใจของผม ความรู้สึกที่ผมไม่เคยเข้าใจในตัวเค้าเลย

    ทำไมถึงต้องตื้ออยากจะให้ผมบอกว่าชอบ บอกรักนักหนา ทำไมต้องอ้อนกันขนาดนั้น ทำไมต้องมาอยู่ใกล้ๆผมด้วย ทำไมต้องทำรุ่มร่ามแล้วคลอเคลียอยู่อย่างงั้น ตอนนั้นที่ไม่เคยเข้าใจแต่ทุกอย่างที่เคยสงสัย วันนี้ถูกคลายคำตอบออกหมดแล้ว ก็แค่เพราะว่าเค้าไม่เคยมี วันนี้พอตัวเองหลงรักใครสักคนก็อยากจะได้ทั้งหมดที่ตัวเองไม่เคยมมีมาตลอด เหตุผลมันก็มีแค่นั้น

   ผมก้มหน้าลงต่ำรู้สึกเจ็บปวดยังไงก็ไม่รู้ เจ็บปวดที่ต้องรับรู้ว่าเค้าเจ็บปวด เจ็บปวดที่เคยทำอะไรต่อมิอะไรเหมือนไปย้ำความรู้สึกของเค้าที่เคยเป็นแผลอยู่ก่อนแล้ว

“ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ " มือหนาที่ประคองหน้าผมที่กำลังก้มให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาเค้า 

" นายแบกรับความรู้สึกทั้งหมดนั้นไว้ได้ยังไงกันนะฟาน  นายเคยร้องไห้ออกมาบ้างมั้ย "

“ น้ำตาของผมมันไม่ไหลเพราะเรื่องแบบนั้นอีกแล้วละครับ "  หรือพูดง่ายๆก็คือ เค้าคงร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหลเพราะเรื่องแบบนั้นแล้ว ผมหลับตาลงตอนที่ฟังเค้าพูด ถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะพูดอะไรทั้งนั้น " อย่าทำหน้าสงสารผมแบบนั้นสิ "

“ ฉัน..” เงยหน้าสบตาเค้าอีกคนก็นิ่ง สายตาที่เหมือนกำลังอ่านความรู้สึกทุกๆอย่างของผม

“ นี่คือเหตุผลที่ผมไม่อยากจะเล่าคุณ เพราะคุณเป็นคนใจอ่อนแล้วก็ขี้สงสาร ผมก็เลยไม่อยากจะเล่าคุณ " เค้าบอก " ผมไม่อยากจะให้คุณสงสารผม ไม่อยากจะให้คุณคิดว่าต่อไปนี้คุณจะตามใจเพื่อเติมเต็มส่วนที่ผมเคยขาด ผมไม่อยากให้คุณคิดแบบนั้น ผมไม่อยากให้คุณรักผมเพราะสงสาร ไม่อยากให้คุณทำดีกับผมเพราะสงสาร ไม่ต้องสงสารผมหรอก ถ้าสงสารผมจริงๆ ช่วยทำตัวเหมือนเดิมอย่างที่เคยทำกับผมเถอะ  เพราะผมอยากให้คุณบอกว่าชอบผม เพราะชอบผมจริงๆ ไม่ใช่บอกว่าชอบผม เพราะสงสารผม " เบือนหน้าหนีออกจากมือเค้า โดนอ่านใจได้หมดอีกแล้วทั้งๆที่แค่มองตาเค้าเท่านั้นเอง แต่ก็จริงอย่างที่เค้าพูดเราจะรักใครเพราะความสงสารไม่ได้หรอก แล้วผมก็ไม่สมควรที่จะทำแบบนั้นกับเค้าด้วย เอื้อมมือไปหยิบสตอเบอรี่มากิน อีกคนที่กำลังมองอยู่ผมก็ถาม

“ มองอะไร ไปจัดของที่ซื้อมาสิ " เชิดหน้าไปที่ถุงที่กองไว้ตรงพื้น ฟานยิ้มออกมาเค้าจับคางผมให้หันมาจ้องหน้าเค้า ก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากของผมที่กำลังเคี้ยวสตอเบอรี่อยู่ในตอนนั้น

“ อยากจะกินสตอเบอรี่จังเลยครับ " แขนที่กอดเอวผมไว้ จูบอบอุ่นของเค้าเผลอเผยอริมฝีปากรับความรู้สึกทั้งหมดที่แทรกตัวเข้ามาหา ทั้งๆที่เติบโตมาแบบเจ็บปวดขนาดนั้นแต่ทำไมถึงได้อบอุ่นขนาดนี้ก็ไม่รู้  ผละริมฝีปากออกจากเค้า ฟานก็กอดผมไว้

“ ทำไมนายถึงเป็นคนที่อบอุ่นได้ถึงขนาดนี้นะ "

“ ก็เพราะคนตรงหน้าผมเป็นคุณ "

“ คำตอบของนายคือแค่นั้นเหรอ "

“ ครับ แค่นั้น "

“ งั้นขอเลียนแบบหน่อยได้มั้ย "

“ เลียนแบบอะไรครับ " คำถามที่มาพร้อมกับจูบที่ก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง

' ที่ฉันชอบให้นายเข้ามาใกล้ฉันขนาดนี้ทั้งๆที่ไม่ชอบเด็กเอาซะเลย ก็เพราะว่ามันคือนายนะฟานคำตอบของฉันมันก็มีแค่นั้นเหมือนกัน ' คำตอบที่ตอบเค้าอยู่ในใจผมยิ้มตอนที่ผละริมฝีปากออกจากอีกคน " ฉันไม่บอกนายหรอก " 

“ ทำไมคุณถึงปากแข็งจังนะ "

“ ก็นายชอบคนแบบนี้ไม่ใช่เหรอ " ผมถามอีกคนก็ส่ายหน้า

“ ไม่นิครับ " เค้าตอบ ก่อนจะยิ้ม " ผมแค่ชอบคุณเท่านั้นเอง "  เบือนหน้าหนีพลางถอนหายใจเซ็งๆออกมากับคำพูดเลี่ยนๆขอ
เค้า ฟานหัวเราะออกมาก่อนจะเดินออกไปจัดของต่อ แผ่นหลังหนาที่ผมเหลือบมอง จริงๆก็อยากจะถามเค้าว่า ' ตอนที่อยู่กับผมตอนนี้เค้ามีความสุขบ้างมั้ย ' ผมที่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ ชอบจริงๆเหรอ แต่นั่นก็ถามออกไปไม่ได้หรอก เพราะมันคงกลายเป็นว่าเราทำไปเพราะสงสารเค้าอีก แต่สำหรับผมตอนนี้ ขอแค่ตอนที่เค้าอยู่กับผม เค้ามีความสุขบ้าง เท่านั้นก็พอแล้ว

เป็นความรู้สึกเล็กๆที่อยากให้เค้ามีความสุข   ปฎิเสธไม่แล้วสิว่า ถ้าไม่ชอบก็คงไม่ทำแบบนั้น
 แต่ว่าคนอย่างผม ก็ยังปากแข็งที่จะพูดมันออกไปอยู่ดี
...............................................

น้องฟานนนนนนนนนนนนนนนน #วิ่งเข้าไปกอด
พี่คีย์ก็ช่างอ่อนไหว
แต่อย่ารักใครเพราะความสงสารเลย ไม่มีอะไรดีทั้งนั้น

ส่วนตัวเราคิดเรื่องปัญหาของน้องฟานมาสักพักละ ตอนแรกจะให้เป็นลูกชายคนเล็กที่ค่อนข้างขี้อ้อน
แต่บังเอิญได้ฟังเรื่อง เรื่องนึงมาก็เลยเอามาเขียนเป็นเรื่องของน้องฟาน
เพราะรู้สึกว่า เออ โลกนี้ก็มีเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยเว้ย เลยเขียนออกมาค่ะ
ตอนแรกจะเป็นผู้ชายใสๆ ซะแล้วฟานเอ้ยยยย
แต่เรามองว่า คนทุกคนไม่มีใคร เหมือนวัตถุด้านเดียวหรอก คนเรามีด้านเสีย และคนเรามีด้านแย่
ยิ่งนานวันไป ความรู้สึกจริงๆในใจก็จะออกมา ทุกคนเป็นแบบนั้น
ผ่านวันที่มีความสุข และ ผ่านวันที่มีความทุกข์ มันอยู่ที่ว่าจะโผล่ออกมาเมื่อไหร่ ก็เท่านั้น

วันนี้ทอล์คยาวดูมีสาระ ( ยกยิ้ม )
ยังไงฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะคะ
ฝากแชร์ในเฟสด้วย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่าา  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 14 ' อย่ารักเพราะสงสาร ' UP - 3.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 03-07-2016 22:47:08
น้องฟานนนนนนนนนน

ถ้าพี่คีย์ไม่เอา หันมาทางนี้ก็ได้น๊าาาา ฮาาาา

#กอดดดดด
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 14 ' อย่ารักเพราะสงสาร ' UP - 3.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 03-07-2016 22:51:27
น้องฟานนน น่าสงสารรร :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 14 ' อย่ารักเพราะสงสาร ' UP - 3.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 03-07-2016 23:03:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 14 ' อย่ารักเพราะสงสาร ' UP - 3.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-07-2016 23:14:14
งุ้ย มาซบเจ้มั่งม่ะหนูฟาน. โอ๋ๆๆๆนะลูกนะ  :man1:  ยังดีนะที่หนูไม่ต้องมีพ่อแม่บังคับขู่เข็ญเหมือนนายเอกบางเรื่อง เห้อ
ยังไงก็แล้วแต่ครอบครัวคือเบ้าหลอมของเด็กหนึ่งคน การที่น้องอยู่กับคนที่ต้องการน้องแล้วทำตัวเองให้ดี เห็นคุณค่าของตนเองและรู้จักรักผู้อื่นเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจมากแล้ว ใครจะซวยไปตลอดไม่มีหรอกลูก คนเรามีขึ้นมีลง มีล้มมีลุกเนอะ
เด็กดีของพี่คีย์ อ้อนเข้าไปลูก   o13 
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 14 ' อย่ารักเพราะสงสาร ' UP - 3.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-07-2016 23:22:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 14 ' อย่ารักเพราะสงสาร ' UP - 3.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 03-07-2016 23:44:05
โธ่ น้องฟานนนนนนนนนนนน  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 14 ' อย่ารักเพราะสงสาร ' UP - 3.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 04-07-2016 00:25:57
ดี ถ้าแบบนี้เรื่องพ่อแม่ฟานคงไม่มีปัญหา
ถ้ามายุ่งนะ จะด่าให้
ดีแล้ววว

คีย์ไม่ได้แค่สงสารหรอก แต่สงสารมาก เพราะรักมากใช่ไม๊ ยิ่งแคร์เขายิ่งเห็นใจ
ได้ยินแบบนี้แล้ว เลิกปากแข็งบ้างก้ได้นะ
แต่ฟานคงอ่านออกหมดแลหะ 55555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 14 ' อย่ารักเพราะสงสาร ' UP - 3.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 04-07-2016 00:51:53
กอดน้องฟานแน่นๆ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 14 ' อย่ารักเพราะสงสาร ' UP - 3.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 04-07-2016 01:27:25
 :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 14 ' อย่ารักเพราะสงสาร ' UP - 3.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 04-07-2016 01:37:23
 :mew2: เรื่องมันเศร้า เพราะแบบนี้ฟานถึงเห็นว่าคีย์เศร้าตอนเจอครั้งแรก
ฟานเข้มแข็งมากเลย ทนมาได้ขนาดนี้ ตากับยายต้องรักมาก
พ่อแม่บ้าอะไร แย่

ตลกคีย์ ปากแข็งเสมอต้นเสมอปลาย แต่ก็ยอมตลอด

ชอบมากตอนคีย์อยากปลอบ มีการเอาขาเกี่ยวด้วย น่ารัก
ยอมรับซะเหอะคีย์ ว่ารักฟานมาก ขนาดฟานยังรู้เลย 5555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 14 ' อย่ารักเพราะสงสาร ' UP - 3.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 04-07-2016 08:25:55
อ่านทันแล้วววว ชีวิตน้องฟานน่าสงสารจัง  :o12: พี่คีย์กอดน้องเยอะๆนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 14 ' อย่ารักเพราะสงสาร ' UP - 3.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 05-07-2016 07:47:01
โอ๋ๆๆๆๆ น้องฟานของเจ๊~~~~!!!
อย่างไปเสียใจกับพวกเค้าอีกเลย คิดซะว่าเค้าให้เราเกิดมา แต่ไม่ได้เลี้ยงเรา ก้อให้มันสิ้นเวนสิ้นกรรมกันไปนะ TT (แต่ถ้าที่บ้านฟานวนมาอีก นี่ด่ารัวคร้าาา)
พี่คีย์ก้อยังเปนพี่คีย์สุดซึน แระนางน่ารักอ่ะ!!!
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 14 ' อย่ารักเพราะสงสาร ' UP - 3.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 05-07-2016 12:44:31
 :o8: เรื่องนี้มันดีกะใจ อ่านแล้วบิดจริงๆ น้องฟานอ้อนมาก อ้อยมาก อร้ายยยยยย อิจฉาคีย์อะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 14 ' อย่ารักเพราะสงสาร ' UP - 3.7.59} หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 05-07-2016 13:04:57
งื้ออออออออ...น้องฟานของพี่!!  อยากจะกอดปลอบละเกินแต่กลัวคีย์ดักตบ

ลอยแพน้องขนาดนี้แล้วหวังว่าต่อไปคงไม่มายุ่งกะน้องอีกนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 15 ' ปัญหาแรกรัก ' UP - 8.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 08-07-2016 20:30:14

ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 14
' ปัญหาแรกรัก '

   ขยับเม้าส์ไปตามแบบงานที่ร่างเอาไว้ หยิบนู้นเติมนี่ เปลี่ยนงานไปมาจนกระทั้งลงตัวในสิ่งที่ชอบ งานใหม่ของผมที่ต้องทำตอนนี้คือการออกแบบแพ็คเก็จอาหารเสริมตัวใหม่ที่มีคุณประโยชน์ล้านชนิดจากผลไม้หลากหลายมาไว้ในแคปซูลเดียว แต่เอาจริงๆยาก็คือยานั่นแหละนะ สู้กินผลไม้สดๆก็ไม่ได้หรอก เงยหน้ามองเวลาก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว หันไปมองคีย์โต๊ะข้างๆที่หายไปตั้งเวลายังไม่ทุ่มดี ก่อนจะไปก็หันมาบอกผมด้วยเสียงอ้อมแอ้มแบบเกรงใจว่า " โทษทีนะขอกลับก่อน พอดีฉันมีนัดกินข้าวกับไอ้ลูกหมา " ไอ้ลูกหมาตัวโตสุดหล่อที่นับวันจะยิ่งเข้าทำให้คนปากแข็งเริ่มใจอ่อนขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่ค่อยรู้ตัวเท่าไหร่

   ครืน ครืน ครืน

   เสียงโทรศัพท์ที่ทำให้ตัวผมหลุดออกจากความคิดนั้น หันไปมองหน้าจอก็พบว่าคนที่นัดเอาไว้ช่วงดึกก็โทรมาตรงเวลาพอดีเป๊ะ  " ฮัลโหล " กรอกเสียงไปตามสายอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา

“ ขอหยิกแก้มหน่อยได้มั้ยครับ "

“ อะไรของคุณอีกละเนี้ย " เผลอยิ้มออกมากับคำทักทายของเค้า มือก็จับเม้าส์เลื่อนไปเซฟงานที่ทำไว้ก่อนจะปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองลง 

“ จะให้ไปรับที่ไหนดี "

“ เจอกันที่หน้าตึกที่ผมทำงานก็ได้ หรือว่าคุณจะรอผมในสถานีรถไฟก็ได้นะ "

“ ฉันคงถึงช้าหน่อย นายไปนั่งรอที่ร้านกาแฟก็ได้ " เค้าบอก ผมก็ถอนหายใจ

“ ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้นะคุณ ผมจะได้ไม่ต้องปิดคอม จะได้นั่งทำงานต่ออีกสักหน่อย "

“ ขยันเกินไปแล้วมั้ง นายคิดว่าจะฮุบบริษัทเค้ารึไง " อีกคนแซว

“ ผมต้องขยันทำงานสิ จะได้เอาเงินไปซื้อโฮสเด็กๆมาเป็นขวัญและกำลังใจ "

“ เดี๋ยวจะโดนโฮสแก่ๆคนนี้จัดการนะครับ " เค้าว่าผมก็หัวเราะออกมา

“ งั้นเจอกันนะ จะนั่งรออยู่ที่หน้าบริษัทแล้วกัน "

“ เจอกันครับ " ผมกดวางสายถอนหายใจออกมาตอนที่คว้ากระเป๋าตัวเองขึ้นมาสะพายแล้วเดินออกไปจากแผนกที่ทำงาน

   ตั้งแต่ที่บอกว่าจะคบแบบดูๆกันก่อน ชีวิตของผมก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่หรอกจะมีก็แค่เหมือนว่าตัวเองต้องทำงานนานขึ้นเพียงเพราะว่ารอให้อีกฝ่ายเลิกงานพิเศษของตัวเองเสียก่อน งานพิเศษที่ผมบอกกับตัวเองแล้วว่าอย่าไปสนใจเด็ดขาดว่าวันนึงเค้าจะทำอะไรกับใครบ้าง ไม่อย่างงั้นต้องเป็นฝ่ายอกแตกตายไปก่อนแน่ๆ ในเมื่อมันคืองานจะไปหึงหวงการทำงานของเค้านั่นก็คงจะไม่ได้ แล้วอีกอย่างเราเองก็เป็นฝ่ายที่รู้อยู่แล้วเต็มอก ว่าเค้าทำงานอะไร แต่ก็ยังตกลงไปคบด้วยนั่นก็เท่ากับว่าเหมือนต้องรับสภาพนั้นกลายๆอยู่แล้ว

   นั่งลงที่เก้าอี้หน้าตึก สูดอากาศเย็นที่พัดเข้าหน้า ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอนที่เสียบหูฟังแล้วกดฟังเพลงสบายๆสักเพลงก่อนจะก้มหน้าอ่านข่าวของวันในหน้าเฟสบุ๊คของตัวเองฆ่าเวลา

“ อ๊ะ " เผลอสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่ไอเย็นๆของกระป๋องอะไรสักอย่างจะกระทบหน้าตัวเองอย่างจัง

“ เบียร์หน่อยมั้ยครับ "

“ ตกใจหมด ดีนะไม่แช่งแม่ "

“ ถึงกับต้องแช่งแม่เลยเหรอ " ร่างสูงที่นั่งลงข้างหัวเราะ กระป๋องเบียร์ที่ถูกเปิดขึ้นเค้ายื่นอีกกระป๋องนึงให้ผม " สักหน่อยมั้ย "

“ อื้ม " พยักหน้ารับกระป๋องเบียร์ในถุงมาเปิดก่อนจะกินเข้าไป " แล้วคุณกินอะไรมารึยัง "

“ ก็กินแล้ว "

“ อ๋อ ผมลืมไป คงจะกินมากับแขกแล้วสินะ " พูดแบบนั้นคนที่นั่งข้างๆก็ลดกระป๋องเบียร์ที่กินอยู่ลงทันที " ทำไมอะ "

“ แขกเลยเหรอ เปลี่ยนคำว่าแขกเป็นแค่คำว่า ลูกค้าได้มั้ย "

“ ทำไมอะ "

“ ก็แขก ฟังดูแล้วเหมือนฉันไปขายตัวเลย " อีกคนบอกก่อนจะหัวเราะ " ผมแค่ไปช่วยเค้าเลือกเสื้อผ้านะครับ ไม่ได้เข้าไปช่วยเค้าลองเสื้อผ้าสักหน่อย "

“ เหรอ " ผมเหล่เค้า " ไม่ใช่ว่าอยากจะเข้าไปช่วยลองแต่ว่ามีกฏห้ามทำอะไรกับลูกค้าก็เลยอดเหรอ "

“ ก็ถ้าลูกค้าคนนั้นเป็นนายก็อยากจะเข้าไปดูอยู่นะ " เค้าพูดพลางหันมาเหล่มองผม

“ มองอะไร ลามกจริงคุณ "

“ อะไรกันแค่จินตนาการเอง ว่าข้างในจะเป็นยังไงบ้าง แค่นี้ก็ลามกแล้วเหรอ "

“ ใช่ แค่ความคิดมันก็ลามกแล้ว " ผมเบือนหน้าหนี " สงสัยจริงๆว่าคนที่เป็นลูกค้าคุณเค้าติดใจอะไรนักหนาถึงไหนจองตัวคุณติดกันจนคิวยาวเป็นเดือนขนาดนั้น "

“ ลองดูมั้ยละ "

“ ห๊ะ ? “ ผมหันไปมองอีกคนที่ยิ้มออกมาก่อนจะทวนประโยคที่ผมได้ยินให้เคลียร์มากกว่าเดิม

“ ลองดูมั้ยละ ไปซื้อเสื้อผ้ากันแล้วเดี๋ยวผมจะบริการคุณให้เหมือนเวลาที่ผมเป็นโฮสดูแลคนอื่นเลยเป็นไง  " คำชวนที่ทำให้ผมส่ายหน้า ตอนที่ลุกขึ้นจากที่นั่งผมเดินไปทิ้งกระป๋องเบียร์ที่กินหมดแล้วลงในถังก่อนจะเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าเค้าที่ก็เงยหน้าขึ้นมามอง

“ ไม่เอาอะ ผมไม่อยากจะเป็นแค่ลูกค้าของคุณ ผมอยากจะเป็นแฟนคุณมากกว่า "

“ เอาอย่างงั้นก็ได้ "  มือหนาดึงเนคไทที่ผมใส่ให้ลำตัวก้มลงมาหาเค้าจนใบหน้าของเราใกล้กัน แล้ววินาทีต่อมาที่ยังไม่ทันตั้งตัวนั้น คุณเมษก็จูบลงบนริมฝีปากของผมเนิ่นนานจนกว่าจะผละออกแล้วหันมาสบตาผม " ถ้าเป็นแฟนเรื่องแบบนี้ก็ทำได้ใช่มั้ยละ "

“ ก็ได้ละมั้ง " ผมเบือนหน้าหนีเค้าที่ยืนขึ้นก็ลุกขึ้นก่อนจะขยี้หัวผมจนยุ่ง ฝ่ามืออุ่นที่จับอยู่เงยหน้ามองหน้าเค้ากับความรู้สึกแบบนั้นที่ไม่เคยเกิดขึ้น เม้มริมฝีปากของตัวเองอีกคนก็ยิ้มก่อนจะคว้ามือของผมไปจับก่อนจะดึงให้เดินไปด้วยกัน

   ต่างไปจากทุกทีที่เคยรู้สึกเลย ถ้าเป็นเด็กที่คบด้วยคงจะกอดคอแล้วเดินดึงให้เราไปนู้นนี่ แต่นี่ไม่ใช่ เพิ่งรู้สึกว่าการเดินจับมือแบบนี้บางทีก็อุ่นมากกว่าก่อนจะเดินกอดกันเสียอีก อะไรๆที่ผู้ใหญ่เค้าทำกันมันเป็นแบบนี้เองเหรอ มันอบอุ่นแบบนี้เองเหรอ

“ คิดอะไรอยู่ "

“ เปล่านี่ " ผมส่ายหน้า เราที่เดินข้างกันไปบนถนน  คนที่เดินข้างๆกระชับมือผมก่อนจะหยุดแล้วเดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้า " เดี๋ยวๆ ไปไหน " นึกจะหยุดก็หยุดลากไปนู้นมานี่อะไรของเค้า

“ ไปซื้อเสื้อผ้ากันหน่อยมั้ย วันนี้ฉันไปเจอเสื้อตัวนึงอยากได้มากเลย "

“ ตอนที่ไปกับลูกค้านะเหรอ " ผมถามตอนที่เราเดินเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์ดัง คุณเมษพยักหน้ารับ " แล้วทำไมไม่ซื้อตอนนั้นละ เผื่อลูกค้าจะซื้อให้ไง "

“ ไม่เอาอะ ให้แฟนช่วยเลือกให้ดีกว่า " เค้าบอกตอนที่ปล่อยมือผมแล้วหยิบเสื้อตัวนึงขึ้นมา ทาบทับกับร่างตัวเองก่อนจะหันมาทางผม " สีนี้สวยมั้ย "  เสื้อยีนส์แบบยาวที่ทาบอยู่บนตัวของอีกคน อยู่ๆหน้าก็แดงขึ้นมาผมเบือนหน้าหนีไปจับเสื้อตัวอื่นอีกคนก็ถามซ้ำ " อ้าว ว่าไง เบือนหน้าทำไมอะ "

“ ก็สวยดี ซื้อสิ ก็เหมาะกับคุณนะ ถ้าใส่เสื้อเชิ้ตยาวข้างใน แล้วก็ทับด้วยยีนส์ยาวใส่กางเกงสีดำมันก็ดูดีนะคุณ " บอกเค้าแบบนั้นอีกคนก็พยักหน้ารับ

“ มีเซ็นส์เลือกเสื้อผ้าเหมือนกันนินายน่ะ "

“ คุณเถอะ ไหนบอกว่า เป็นโฮสที่เชี่ยวชาญเรื่องเสื้อผ้า ไหงพอซื้อผ้าตัวเองดันมาถามคนอื่น "

“ เรื่องแบบนี้ ฉันก็มีเหตุผลที่ต้องทำเป็นไม่รู้บ้างนะ "

“ เหตุผลอะไร "

“ อยากให้แฟนเลือกให้ เผื่อแฟนจะอยากถอดให้ " เค้าหันมายักคิ้วผมก็ขมวดคิ้วก่อนจะพูด

“ ลามก "

“ แค่ถอดเสื้อตัวเดียวก็ไม่ได้เหรอ อะไรกัน นายคิดเรื่องอะไรอยู่ " ใบหน้าคมที่ยิ้มแกล้งๆ ผมก็เอียงหน้ามองเค้า

“ เหรอ คุณคิดแค่จะตั้งใจให้ผมถอดแค่ตัวเดียวจริงๆอะ " เอื้อมมือไปจับเสื้อของเค้าตอนที่ไล่มือลงต่ำเรื่อยๆ จนถึงขอบกางเกง " ก็คิดว่า.. อยากจะให้ถอดอย่างอื่นด้วย "

“ นี่ .. “ ดึงมือตัวเองกลับตอนที่อีกคนเดินมาใกล้ผมกันไปทางอื่น " ระวังจะไม่ได้ลุกจากเตียงนะครับ "

“ ไม่กลัวหรอก คุณจะแรงมีแค่ไหนกันเชียว "

“ อย่าดูถูกกันสิ " เค้ายิ้มออกมา ก่อนจะหยิบเสื้ออีกสองสามตัวมาถือไว้ ก่อนจะหันมาจ้องหน้าผม" ฉันอาจจะเด็ดกว่าไอ้พวกเด็กๆในสต๊อกของนายที่เพิ่งหัดเอาก็ได้นะ " สายตาคมยกยิ้มก่อนจะดึงมือผมให้เดินไปที่ห้องลองเสื้อด้วยกัน

“ ดะ เดี่ยวจะไปไหนเนี้ยคุณ "

“ ไปช่วยเลือกเสื้อหน่อย ฉันจะลอง "

“ ก็ไปคนเดียวสิ แล้วก็ค่อยเดินออกมาให้ผมดู " ดึงแขนเค้าที่ลากผมไว้ แต่อีกคนก็ยังดึงดันให้ผมเข้าไปในห้องลองนั่นให้ได้ " คุณเดี๋ยวสิ นี่..” สิ้นคำพูดร่างของผมก็ถูกดันเข้าไปชิดห้องลองเสื้อเสียแล้ว

   ม่านที่ถูกปิดในห้องแคบๆร่างสูงแขวนเสื้อไว้ตรงที่แขวนก่อนจะหันมาค้ำมือกับกำแพงที่ผมยืน กั้นไม่ให้หนีไปไหน เงยหน้ามองเค้าที่ก้มลงมาจ้อง ใบหน้าคมก้มลงมาใกล้เค้าที่จูบผมโดยที่ไม่พูดจาอะไรทั้งนั้น ริมฝีปากที่แนบชิดสอดเกลียวลิ้นเข้าไปในปากตอนที่ผมเผลอจะพูดห้ามเค้า มือที่ไม่รู้จะเอาไปตั้งไว้ไหนดันหน้าอกเค้าที่ยังคงรุกล้ำเข้ามาหา สองแขนหนาลดลงกอดเอวผมเอาไว้แน่นตอนที่ผละริมฝีปากออกเค้าลดลงไปจูบที่ข้างแก้มก่อนจะไล่ลงมาที่ต้นคอ จูบดูดดื่มตรงนั้นเสียจนต้องเม้มปากตัวเองไว้แน่นเพราะเสียงครางที่กำลังจะเปล่งออกมาเพราะความเสียวซ่านที่อีกฝ่ายกำลังปลุกปั่น

“ นี่คุณ..” ผมผลักอกเค้าเบาๆ ในขณะที่อีกฝ่ายดึงเสื้อทำงานที่ผมใส่ให้หลุดออกจากขอบกางเกง สอดมือเข้าไปในเสื้อ แผ่นหลังที่ถูกลูบไล้ เค้าเลื่อนมาข้างหน้าก่อนจะใช้นิ้วสะกิดยอดอกของผมที่ก็ต้องหดตัวหนี " นี่คุณ ไม่เอา พอแล้ว " แม้จะรู้สึกดีแค่ไหนแต่ก็ต้องห้ามเค้าไว้ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เราจะมาทำอะไรแบบนี้ " นี่..” ปากที่ห้ามเค้าถูกปิดด้วยริมฝีปากของร่างสูงอีกครั้ง จูบหนักหน่วงที่แทบหายใจไม่ทัน เค้าผละริมฝีปากออกตอนที่จ้องหน้าผมคุณเมษก็ยกยิ้มขึ้นมา ราวกับพอใจในผลงานของตัวเองที่ทำเอาไว้
 
   ใบหน้าที่กำลังหอบแดงจัดของผม ไม่รวมซอกคอที่มีรอยแดงชัดเจน " อันนี้แค่น้ำจิ้มนะ ถ้านายบอกว่าฉันไม่มีเรี่ยวแรงอีกละก็..”

“ แค่นี้ก็ยั๊วะด้วยเหรอคุณ " 

“ ถ้าฉันบอกว่านายน่ารักสู้ลูกค้าฉันวันนี้ไม่ได้ นายจะยั๊วะมั้ยละ " คำถามสั้นๆที่เค้าถามผมก็ช้อนตามองเค้า " ไม่ต้องมามองอ้อนๆ"

“ ก็คงต้องยั๊วะละมั้ง "

“ ไว้วันหลังฉันทำ นายจะได้รู้ "

“ ไม่ต้องก็ได้ " ผมบอกก่อนจะดึงตัวเองไปใกล้ " ผมขอโทษ..ทีหลังจะไม่พูดอะไรแบบนั้นอีก เป็นคนแก่แล้วขี้น้อยใจชะมัด "

“ ไว้วันหลังฉันทำให้นายน้อยใจบ้าง "

“ คุณอะ " รู้สึกเหมือนอีกคนกำลังงอนเลย เค้าที่จ้องหน้าผมแบบไม่พอใจนั้น ผมหลบตาเค้า " ผมขอโทษ ลองเสื้อดีกว่านะ " หันไปบอกเสื้อที่แขวนอยู่ มือผมก็เอื้อมไปถอดเสื้อตัวนอกให้เค้า " อย่าหงุดหงิดกับคำพูดของผมเลย เดี๋ยวคิ้วขมวดเยอะๆ หน้าเหี่ยวนะคุณ "

“ นี่ "

“ อะไรกัน ก็เป็นห่วง " ผมเถียงตอนที่เค้าจะหงุดหงิดขึ้นมาอีก ถอดเสื้อตัวนอกให้ " ลองเสื้อนอกสิ "

“ ถอดเสื้อตัวในด้วย "

“ อ้าว จะซื้อเสื้อนอกไม่ใช่เหรอ "

“ อีกตัวมันเป็นเสื้อตัวใน " เค้าบอกผมก็หันไปมองเสื้อที่แขวนอยู่ แอบมีเสื้อตัวในอยู่จริงๆด้วย " ถอดเสื้อตัวในให้ผมด้วยครับ "

“ ไม่มีมือรึไงคุณ ถึงใช้คนอื่นอยู่ได้อะ "

“  เรื่องแบบนี้ใช้แฟนแล้วฟินกว่า " ถอนหายใจกับตระกะความคิดของอีกคน ผมเอื้อมมือไปถอดกระดุมของเค้าออกทีละเม็ด ตอนที่ดึงเสื้อออกให้ผมแอบเบือนหน้าหนีกล้ามอกของเค้า อีกคนก็หัวเราะ " เขินเหรอ "

“ ไม่ได้เขินสักหน่อย "

“ อ๋อเหรอ " คำพูดที่ดูไม่เชื่อกันอีกคนหยิบเสื้อที่จะลองมาใส่ เป็นเชิ้ตตัวยาวกับเสื้อคลุมยีนส์ที่ผมบอก มองตัวเองอยู่ที่หน้ากระจกก่อนจะหันมาถาม " คุณว่าเป็นไง โอเคมั้ย "

“ อื้ม ก็โอเคนะ " อยากจะบอกว่า มันมากกว่าคำว่าโอเคอีก แต่กลัวว่าอีกคนจะได้ใจ คนหล่อใส่อะไรมันก็หล่อ ถ้าพูดออกไปอย่างงี้มีหวังได้ลอยตัวขึ้นทะลุเพดานร้านแน่ๆ " ก็เหมาะกับคุณดี "

“ ดูแล้วน่าถอดมั้ย "

“ ไม่อะ " ตอบอีกคนทันที เค้าก็หัวเราะ

“ อะไรกัน ผมออกอยากจะถอดเสื้อผ้าทุกชิ้นของคุณแท้ๆ "

“ เลิกลามกสักทีเถอะน่า แล้วก็รีบถอดเสื้อผ้าแล้วใส่ชุดเดิมได้แล้วคุณ คนอื่นเค้าจะได้ใช้ห้องลองต่อ "

“ มันมีห้องเดียวที่ไหนละ " เค้าเถียง ก่อนจะถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกแล้วใส่ชุดเดิม " ตกลงก็เอาชุดนี้แหละนะ "

“ อื้ม " พยักหน้ารับตอนที่เดินออกมาจากห้องลองชุด พนักงานที่ยืนอยู่ก็ขมวดคิ้วงง ที่เห็นผู้ชายสองคนเดินออกมาจากห้องลองเสื้อผ้า ห้องเดียวกัน " เอ่อ.. พี่น้องกันนะครับ " ทั้งๆที่ไมไ่ด้ถาม ผมกลับตอบเค้าไปแบบนั้น คุณเมษคว้ามือผมให้เดินไปต่อคิวที่เค้าเตอร์ เค้าก็หลุดหัวเราะ

“ ฮ่าๆ "

“ หัวเราะอะไรคุณ มันน่าตลกมั้ยละ "

“ ก็หน้าตานายตอนเหวอๆ มันขำนิ " เค้าทำหน้าเลียนแบบผม ตาที่เปิดกว้าง ปากที่เผยอขึ้นนิดหน่อย " นายทำหน้าแบบนี้นะ รู้ตัวมั้ย "

“ ไม่ตลกเลยนะ เค้าจะคิดยังที่เห็นเราเดินออกมาจากห้องแต่งตัวเดียวกัน ทีหลังอย่าเที่ยวลากผมเข้าไปอีกนะ "

“ เค้าไม่คิดอะไรหรอก " อีกฝ่ายเถียง " เพราะถ้าคิด ก็คงคิดแค่ว่าเค้าสองคนนั้นคงเข้าไปทำอะไรกันมั้ง "

“ บ้า!! ไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นสักหน่อย “ เค้ายกยิ้มก่อนจะหันมากระซิบผม

“ ที่คอนายอะ มันแดงมากเลยนะ " ยกมือขึ้นปิดคอตัวเองตอนที่อีกคนบอก ลืมไปเลยว่าที่คอผมตอนนี้มันมีรอยแดงที่คนข้างๆทำเอาไว้ ขมวดคิ้วมองหน้าเค้าอีกคนที่หัวเราะก่อนจะถึงคิวจ่ายเงิน

“ จ่ายเงินเลยคุณ มัวหัวเราะอยู่ได้ " เสื้อผ้ามีราคา แอบตกใจราคาของมันนิดหน่อยตอนที่พนักงานบอกออกมา การ์ดที่ถูกยื่นจ่าย ไม่นานก็ได้เสื้อผ้าสองถุงมาถือเอาไว้

“ อยากจะกินอะไรก่อนจะกลับมั้ย "

“ กินอีกแล้วเหรอ ตั้งแต่รู้จักกันมาคุณชวนผมกินทุกวันเลยนะ ไม่เอาอะ เดี๋ยวอ้วน "

“ ตอนนี้ก็ไม่ผอม "

“ นี่!!!!!! “ ผมหันไปตะโกนใส่อีกคนที่ก็ยิ้มกว้าง ขาที่หยุดนิ่งของผม " ฉันไม่ได้อ้วน แค่เสื้อมันทำให้ดูอ้วนเฉยๆ "

“ ไปโทษเสื้อผ้าอีก "

“ ไม่ได้โทษ ก็มันเป็นแบบนั้นจริงๆอะ ก็แก้มเยอะมันเลยดูอ้วนๆ อวบๆอะ  " ใบหน้าคมยิ้มตอนที่หันมาพิจารณาหน้าตาของผม ที่ยกสองมือขึ้นบีบแก้มตัวเอง " จริงๆนะคุณ คุณไม่รู้สึกเหรอ "

“ ผมรู้สึก รู้สึกว่าคุณน่ารักจัง " มือหนายกมือขึ้นลูบหัว " อวบๆก็น่ารักดี มีเนื้อมีหนัง น่าจับออก "

“ ไม่ได้อ้วน แล้วก็ ไม่ได้อวบด้วย "

“ เฮ้ออ " คุณเมษถอนหายใจ " งั้นก็ตามใจ ผอมก็ผอม แล้วตกลงหิวมั้ยละ ผมจะพาไปกินอะไรก่อนคุณกลับ "

“ ไม่อะ ไม่หิว อื้มม " ท่าทางลังเลของผมตอนที่หันมองไปรอบๆ ก็ไม่ได้รู้สึกหิวนะ แต่อยากจะกินอะไรบางอย่าง " อยากจะกินช็อคโกเล็ตปั่นอะคุณ "

“ สามทุ่มแล้วนะ " เหลือบมองคนข้างๆ อีกคนก็ยิ้ม

“ ทีหลังก็ไม่ต้องมาชวนกินเลย แล้วก็บอกว่าคนอื่นอ้วน " ผมหันไปบอกอีกคน ใบหน้าที่กำลังปั้นหน้าโกรธ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้อารมณ์ดีนัก ไม่ว่าจะทำอะไร ก็เอาแต่หัวเราะอยู่อย่างงั้น " แล้วก็ไม่ต้องหัวเราะเลย มันน่าหงุดหงิดเว้ย "

“ ทำไมอะ ก็ฉันมีความสุขที่ได้อยู่กับนายนิ " คำถามที่ชวนให้ผมเงียบ เงยหน้ามองเค้าอีกคนที่กำลังมองผมอยู่ เค้าก็ถอนหายใจออกมา " ที่ฉันหัวเราะ เพราะรู้สึกว่าไม่ว่าจะทำอะไรนายก็น่ารักไปหมด น่ารักจนฉันหยุดยิ้มไม่ได้เลย "

“ ประสาท " คำพูดกลบเกลื่อนของผม เบือนหน้าหนีอีกคนตอนที่เดินนำออกไปก่อน เค้าก็หัวเราะก่อนจะเดินตามมา

“ แล้วตกลงไม่กินอะไรเหรอ "

“ ไม่กินเล่า กลับบ้านดีกว่า "

“ ไม่ใช่กลับบ้านไป ไปฟาดมาม่าถ้วยโตนะนายน่ะ "

“ คุณที่ยังไงกันนะ กวนตีนกันจัง " ผมหันไปถามอีกคนก็เอื้อมมือมาคว้ามือผมไปจับไว้ " พรุ่งนี้เรานัดเจอกันอีกนะ "

“ ที่นี่นะเหรอ "

“ คุณอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศเป็นห้องคุณ หรือว่า ห้องผม ก็ได้นะ ผมไม่เกี่ยงหรอก " ใบหน้าคมยักคิ้วก่อนจะพูดเค้าหยุดเดินก่อนจะก้มลงมากระซิบ " แต่คุณก็ต้องเตรียมตัวไว้ด้วยนะ "

“ เตรียมตัวอะไร "

“ ก็เตรียมตัวไว้ สำหรับที่ว่าผมอาจจะ.. " หันไปสบตาคนที่กำลังพูด ในแววตาที่แทบจะกลืนผมเข้าไปนั้น

“ ไอ้ลามก " 
 
“ อะไรอีก เตรียมตัวไว้ สำหรับที่ว่าฉันอาจจะทำอะไรอร่อยๆให้กิน "

“ ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง สายตาคุณมันบอกหมดทุกอย่างนั่นแหละ ไอ้เฒ่าหัวงู "

“ โห แรงจัง  นายใช้คำว่า เฒ่ากับคนที่อายุแค่ 32 นี่อะนะ "

“ ผมอายุยังแค่ 25 นะคุณ เจ็ดปีเลยนะ เฒ่าก็ถูกแล้ว " ใบหน้าคมที่กำลังยกมืออีกข้างขึ้นเขกหัวผม แต่ทุกอย่างก็ถูกหยุดอยู่ตรงนั้น เมื่อมีใครบางคนที่ผมไม่รู้จักเอ่ยทักคนตรงหน้าของผมขึ้นมา

“ อ้าว เมษ " ผมหันไปตามเสียงที่ได้ยิน ผู้หญิงในวัยทำงานที่ดูเหมือนแก่กว่าอีกคนสักหน่อย ผู้หญิงสวยที่อยู่ในชุดสูททำงานสีขาวดูดี ร่างสูงก็ก้มหน้าทัก

“ สวัสดีครับคุณมาเรีย " เค้ายิ้มให้เธอที่ก็มองลงมาตรงมือของเราสองคนที่กำลังจับกันอยู่ คนข้างๆผมปล่อยมือลงช้าๆ ในจังหวะนั้นราวกับทุกอย่างทุกอย่างถูกกระชากออกไปจากตัวผม อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว  มองดูคนข้างๆที่ก้าวเดินไปหาอีกคนด้วยสายตาที่ไม่ค่อยเข้าใจ ก็ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาทำงานโฮสไม่ใช่เหรอ ทำไมเราจะจับมือกันไม่ได้ละ ทำไมเราจะบอกใครๆไม่ได้ว่าเราเป็นอะไรกัน ในเมื่อตอนนี้คือชีวิตส่วนตัวของเค้าแท้ๆ " มาทำอะไรแถวนี้เหรอครับ "

“ ฉันมากินข้าวกับเพื่อนนะ  แล้วนายละ "

“ มาเดินเล่นซื้อของน่ะครับ "

“ กับ ? “ เธอถามพลางหันมามองที่ผม สายตาที่กำลังสงสัย อีกฝ่ายก็ยิ้ม

“ น้องชายนะครับ " คำพูดที่ทำให้ผมแค่นิ่งไป ' น้องชาย ? ' หัวใจที่ว่างเปล่าตอนนั้นอยากจะหันหลังเดินออกไปจากตรงนั้น แต่ก็ได้แต่ยืนนิ่งไว้ไม่รู้ทำไมแต่เหมือนว่ามันก้าวขาไม่ออกเสียแล้ว แฟนกันแท้ๆ แต่พอมาเจอใครอีกคนกลายถูกยัดเยียดอีกสถานะให้อย่างไม่เต็มใจ ผมไม่เข้าใจ ทำไมเค้าต้องพูดแบบนั้น ในเวลาแบบนี้โฮสก็ต้องอยู่กับความจริงไม่ได้เหรอ แต่อย่างว่า ถ้าโฮสมีแฟนความนิยมก็ต้องตกลงไปสินะ แล้วแบบนั้น ใครมันจะยอมพูดความจริงออกไปวะ  " ขอตัวก่อนนะครับ "

“ อื้ม ไว้เจอกันนะแล้วฉันจะโทรหา "

“ ครับผม " เธอที่เดินจากไป คุณเมษก็หันกลับมามองผม " เธอเป็นโฮสที่ซื้อตัวผมไปคุยด้วยบ่อยๆน่ะ "

“ คงไม่ได้แค่เลือกซื้อเสื้อผ้าใช่มั้ยละ คนนี้น่ะ แล้วก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะแค่ปรึกษาปัญหาชีวิตด้วยสินะ เพราะดูเค้ารวย ไม่น่าจะมีเรื่องน่าปวดหัวเท่าไหร่หรอกมั้ง " ผมบอกเค้าก็เงียบ " ถ้าจับมือผมแล้วรู้สึกว่าต้องปล่อยแบบเมื่อกี้เวลาที่เจอลูกค้าของคุณล่ะก็ ทีหลังไม่ต้องจับมือผมนะ "

“ ลิป " เค้าที่ก้าวเข้ามาหา " ฉันอธิบายได้นะ มันไม่ใช่เรื่องอะไรแบบนั้น "

“ ถ้าอย่างงั้น ไหนลองอธิบายให้ฟังหน่อยสิครับ คุณเมษ ทั้งๆที่ตอนนี้มันเป็นเวลาเลิกงาน คุณไม่ได้เป็นทั้งช่างภาพ ไม่เป็นโฮสแล้วเหตุผลอะไรที่คุณต้องแคร์ลูกค้าของคุณด้วย ในเมื่อตอนนี้ก็ไม่ได้ทำงานอยู่สักหน่อย คุณปล่อยมือผมตอนที่เธอมา คุณบอกเธอว่า ผมเป็นแค่น้อง ขอโทษทีนะ แต่ผมไม่ได้เป็นน้องคุณสักหน่อย พ่อแม่เราไม่ได้รู้จักกันเลยนะ  "

“ เธอเป็นลูกค้าคนแรกๆของผม เธอทำงานในวงการสื่อ  การที่ผมได้ตั้งบริษัทโฮส ก็เพราะเธอช่วยแนะนำให้ว่าจะทำยังไงบ้าง ก็ใช่ จะว่าไปเธอก็ไม่ใช่ลูกค้าที่มาปรึกษาทั่วไปหรอก เพราะผมเจอเธอก่อนหน้านั้น ตั้งแต่ยังเป็นโฮส.. " เค้าเว้นเสียงก่อนจะถอนหายใจออกมา " ตั้งแต่เป็นโฮสที่ต้องมีเรื่องอย่างงั้นด้วย เธอเป็นทั้งลูกค้าแล้วก็ คนที่มีพระคุณ ผมเลยเกรงใจเธอ "

“ เกรงใจเธอ แล้วก็มาทำร้ายความรู้สึกของผมนะเหรอ "

“ มันไม่ใช่อย่างงั้น ฉันขอโทษ ฉันคิดเร็วไปหน่อย คือมัน.. ฉันไม่ได้ตั้งใจ  " อีกคนที่กำลังอธิบาย เหมือนว่าอยากจะให้ผมเข้าใจในเรื่องงานของเค้าแต่ไม่ว่ายังไงผมก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะมาเข้าใจกันอยู่ดี

" คุณอยากจะให้ผมเข้าใจเรื่องนั้นเหรอ เรื่องของคุณกับเธอให้ผมเข้าใจและไม่โกรธที่คุณจะสะบัดมือบอกว่าผมเป็นน้องชาย และต้องไม่โกรธทุกครั้งที่โดนคุณสะบัดมือออกห่างเวลาเจอผู้มีพระคุณคนอื่นของคุณอีกอย่างั้นเหรอ  "

" ลิป " เค้าที่เรียกชื่อผมเหมือนคนที่ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาก็เท่านั้น เหมือนจะยอมรับว่า ' ใช่ อยากจะให้เข้าใจ ' แต่เค้าเองก็รู้สึกลึกๆว่ามันเป็นเรื่องที่สมควรทำความเข้าใจด้วยซ้ำ

" ผมต้องเข้าใจว่าคุณจะต้องรักษาน้ำใจของเธอ โดยที่ไม่ว่าเราจะจับมือกันอยู่ตรงไหน จะพลอตรักกันยังไง เราต้องผละออกจากกันตรงนั้น สะบัดมือผมบอก แล้วบอกกับเธอว่าเราเป็นแค่พี่น้อง อย่างงั้นเหรอ ที่ผมต้องเข้าใจ ที่ผมต้องทำมันคืออะไรแบบนั้นเหรอ "  คนตรงหน้าของผมเงียบ " คุณเมษ ผมเข้าใจนะการทำงานที่โฮสของคุณน่ะ  ทั้งๆที่เป็นคนอื่นเค้าจะไม่เข้าใจเลย ทำไมต้องยอมให้แฟนตัวเองออกไปเที่ยวไหนต่อไหนกับคนอื่น ผมที่นั่งมองนาฬิการอให้เวลาผ่านไปเจ็บปวดกับเวลาหลายชั่วโมงที่ต้องรู้สึกว่า แฟนตัวเองกำลังถูกใครบางคนออเซาะอยู่ข้างๆ โดยที่ ที่ข้างๆนั่น ก็คือที่ของผม แต่เพราะรู้ว่างานของคุณผมเลยไม่ยุ่ง ทำเป็นไม่สนใจ แต่นี่มันนอกเหนือเวลางานแต่ผมยังต้องมาเจออะไรแบบนี้อีกเหรอ ต้องมาแคร์คนที่เคยอุ้มชูคุณ นั่นเหรอที่คุณอยากจะให้ผมเข้าใจ ผมไม่ใช่ของตายนะคุณ คุณคิดว่าผมรักคุณจนต้องยอมเหรอ "  มือที่กำลังเอื้อมมาจับมือของผมที่เบี่ยงหลบออกไปนั้น  " ถ้าไม่พร้อมจะจับมือผม ก็อย่าจับเลยครับ เพราะเวลาที่มันโดนคุณสะบัดออก ผมรู้สึกเจ็บนะ แล้วอีกอย่างผมไม่ใช่พี่น้องของคุณแล้วก็ไม่อยากจะเป็นด้วย  ถ้าไม่พร้อมจะบอกใครว่าเป็นแฟนกัน ก็เลิกมายุ่งกับผมเถอะ ผมไม่ชอบเป็นของเก็บของใคร แล้วก็จะไม่ทนอยู่ในสภาวะนั้นด้วย ต่อให้รู้สึกชอบคุณมากแค่ไหนก็เถอะ ขอตัวนะครับ "


..................................................................

เดี๋ยวเค้าจะว่านิยายเราไม่มีดราม่า #คนอ่านเขวี้ยงรองเท้ามา
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
เรามองว่าพี่ลิปนี่เหมือน คนเล่นกับไฟเลยอะ
คือรู้อยู่แล้วว่าพี่เมษน่ะ ร้อน คือ รู้อยู่แล้วแหละ รักแล้วต้องเจ็บ แต่ก็อยากลองไง
รักแล้วก็ต้องเลี่ยง.. ตอนหน้าดูกันว่า พี่เมษจะง้อน้องลิปยังไง

ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ให้ทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 15 ' ปัญหาแรกรัก ' UP - 8.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 08-07-2016 20:52:08
เจ็บแทนลิปอ่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 15 ' ปัญหาแรกรัก ' UP - 8.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 08-07-2016 20:56:25
ชอบลิปอ่ะ  ตรงดี!!

เห็นด้วยทุกอย่าง คนเราถ้าไม่พอใจไม่เข้าใจ และไม่พร้อมก็อย่าคบกัน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 15 ' ปัญหาแรกรัก ' UP - 8.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-07-2016 20:59:29
 :hao7:   โอโหมะ.    ทางเรียบอยู่ดีๆเข้าโค้งหักศอกเมื่อสะบัดมือเลยค่ะ
โอ๊ยโดนมากทุกประโยคเลยอ่าลิป. คือเอาตรงๆนะ ลุงไม่น่าพูดไปว่าน้องชายเลยอะ ไม่ตอบก้อไม่เป็นจะเป็นไร
แล้วก้อทำรอยที่คอในห้องลองเสื้อเราว่ามันมากไปนะ. ล้ำเส้น คนอื่นมองเห็นได้แล้วมันก็ดูไม่ดีเลย

ง้อด่วน น้อยใจแล้วนะคนแก่.  :L2:    ถ้ายังยึดอาชีพนี้อยู่ก้อคงต้องโสดยาวๆไปนะลุง
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 15 ' ปัญหาแรกรัก ' UP - 8.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-07-2016 21:31:15
กำลังมีโมเมนท์หวาน ลิปนั่งรอมาตั้งนาน มาเจอสะบัดแบบนี้ เป็นใครก็โกรธป่าว
เมษสมควรโดนมาก ตอนรุกก็รุกหนักจัง ตอนทิ้งไม่คิดจะแคร์คนของตัวเองเลย

เมษทำใจนะถ้าลิปจะไม่ยอม

ลิปน่าสงสาร ยอมขนาดนี้แล้ว แต่ชอบที่ชัดเจน เคลียร์มากด้วย สมน้ำหน้าเมษ

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 15 ' ปัญหาแรกรัก ' UP - 8.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 08-07-2016 21:33:29
อื้อออออออ สงสารลิปอ่าาา

เหมือนหนีสถานะนี้ยังไงก็หนีไม่พ้นสักทีเนอะ เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 15 ' ปัญหาแรกรัก ' UP - 8.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 08-07-2016 21:33:46
เจ็บจิงๆแหะ เข้าใจมากกว่าลิปก้อพระอิฐพระปูนแล้วนะคะคุณเมษ
ยังไง ก้อรักษาน้ำใจคนเปนแฟนกันมากกว่าคนอื่นบ้าง ก้อน่าขะดีนะคะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 15 ' ปัญหาแรกรัก ' UP - 8.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-07-2016 22:01:21
จะเป็นยังไงต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 15 ' ปัญหาแรกรัก ' UP - 8.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 08-07-2016 22:11:30
จริงเวอร์ น้องลิป ใจเเข็งไว้นะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 15 ' ปัญหาแรกรัก ' UP - 8.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 08-07-2016 22:15:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 15 ' ปัญหาแรกรัก ' UP - 8.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 08-07-2016 22:26:55
ตรงสุดๆอ่ะลิป ชอบลิปตรงนี้ล่ะ คิดไงพูดงั้นไม่ต้องมาเกรงใจหรืออ้อมค้อมอ่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 15 ' ปัญหาแรกรัก ' UP - 8.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 08-07-2016 23:41:07
ลิป...... :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 15 ' ปัญหาแรกรัก ' UP - 8.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 09-07-2016 04:03:16
พี่เมษก้ทำเกินไปจริง
สมควรที่ลิปจะโกด

ถ้าไม่ง้อให้ยิ้มมากๆนะ จะไม่ให้ลิปให้อภัยเลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 15 ' ปัญหาแรกรัก ' UP - 8.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 09-07-2016 06:50:13
พี่เมษก็คงจะไม่ได้ตั้งใจที่จะทำแบบนี้  :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 15 ' ปัญหาแรกรัก ' UP - 8.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 09-07-2016 13:06:56
ปล่อยมือชั้นถ้าหากว่ามันลำบากใจจจ
ถ้ากลัวคนเดิมหวั่นไหวก็ อย่า ฝืนยืนใกล้ๆกัน// อ่านจบเพลงนี้ลอยมาเลย :ling3: :ling3:

ลิปสู้ๆ เป็นใคร ใครก็โกรธ เราไม่เข้าใจว่าบอกว่าเป็นแฟนแล้วผู้มีพระคุณจะเป็นอะไรอ่ะ เกรงใจอะไรเรางง ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันไม่ใช่หรอคะ หรือมีอะไรมากกว่านั้น ฮึ่มม :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 15 ' ปัญหาแรกรัก ' UP - 8.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 09-07-2016 13:12:51
หนูลิปของป้าาาาาา :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 15 ' ปัญหาแรกรัก ' UP - 8.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 09-07-2016 21:03:42
 :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ?' UP - 10.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 10-07-2016 21:18:13
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 16
' รักเราจะรอดเหรอ ? '

“ ลิป ลิป  "

“ ห๊ะ หื้ม ? " ผมหันไปมองเสียงเรียกที่ได้ยินแว่วมา คนเรียกที่ยืนข้างๆทำเอาผมตาโตก่อนจะเด้งตัวถอยหนีทันทีด้วยความตกใจ " หัวหน้า!”

“ ก็ฉันนะสิ เป็นอะไร นายเหม่อไปถึงแล้ว เมื่อไหร่จะทำงาน จ้างมาทำงานนะครับไม่ได้จ้างให้มานั่งเหม่อ " เสียงทุ่มที่บอกก็ตอนแรกคิดว่าเป็นคีย์ก็เลยไม่สนใจอะไรที่ไหนได้เป็นหัวหน้ามายืนจ้องเค้าแล้วเรียกเค้าอยู่ตังหาก
 
“ ครับผม ขอโทษครับ " หันกลับไปจ้องงานของตัวเอง หัวหน้าก็หัวเราะก่อนจะหันไปสนใจคีย์ต่อ ร่างสูงที่ค่อมอีกฝ่ายอยู่ในตอนนั้น เค้าจับมือคีย์ให้ลากเม้าส์เป็นรูปร่างอะไรสักอย่างเพื่อสอนงาน ทำยังกับเพื่อนเค้าเพิ่งหัดทำงานอย่างงั้นละ แล้วหน้านี่จะแนบชิดไปไหนจะสิงเข้าไปอยู่แล้ว " อะ แฮ่ม " ผมกระแอมไอ ก่อนที่หัวหน้าจะหันมามอง " ใกล้ไปมั้งครับ เค้ามีเจ้าของแล้วนะคนนั้นน่ะ "

“ ผมไม่ถือหรอก " เค้าพูดสั้นๆ คีย์ก็มองเราสองคนแบบแบบสลับไปมา ผมขมวดคิ้วมองหัวหน้าเพราะคำพูดแปลกๆของเค้าจนต้องเปลี่ยนคำตอบ " ผมหมายถึงว่าผมแค่สอนงานลูกน้อง ผมไม่ถืออะไรแบบนั้นหรอก คีย์เองเค้าก็ไม่เห็นจะถือนี่ ใช่มั้ย ฉันแค่สอนนายเอง "

“ มั้งครับ " อีกคนตอบก่อนจะดึงตัวเองให้ออกห่างจากหัวหน้าที่เหมือนจะเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ผมมองดูหัวหน้าสอนงานเพื่อนตัวเองอยู่สักพัก โคตรอยากจะถ่ายภาพนี้ไปให้ฟานดูเลยจะได้ทำสัญลักษณ์ตีตราจองคีย์ไว้เยอะๆเอาชนิดที่ว่าไม่กล้าจะเข้าใกล้เพราะรู้สึกว่าไอ้หมอนี่คงโดนมาเยอะเกินไปจนไม่อยากจะทำเรื่องอะไรแบบนั้นด้วยแล้ว

“ ตั้งใจทำงานได้แล้วลิป " หัวหน้าบอกผม ตอนที่เค้าเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง คีย์ก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะพิงตัวเองกับเก้าอี้เหมือนคนหมดแรง

“ เป็นอะไรไป หัวใจจะหยุดเต้นเลยรึไง คนที่ชอบเข้ามาใกล้ " ผมแซว อีกคนก็หันมาทำหน้าเบื่อโลกใส่ซะงั้น

“ มันเหมือนการคุกคามทางเพศเลยว่ามั้ย  "

“ ยังไง "

“ ไอ้ที่เค้ามาจับมือฉันแล้วบอกว่าสอนฉัน  ทั้งๆที่ฉันทำได้ดีกว่าเค้าซะอีก " คีย์บอก

“ เดี๋ยวนี้เค้าเข้าหานายจังนะ หย่ากับเมียแล้วเหรอ " สังเกตจากหลายๆอย่างปกติหัวหน้าจะอบอุ่นกับคีย์กว่านี้ เค้าจะแค่มองเฉยๆ แต่เดี๋ยวนี้เหมือนว่ามีจับเนื้อต้องตัวมากขึ้น สายตาก็เหมือนมองมาแบบมีความหมายมากขึ้น ราวกับอยากจะกลืนกินอีกคนเข้าไปทั้งตัวอย่างงั้นอะ

“ ยังอะ " ร่างบางส่ายหน้า " แต่คงเพราะฉันไปบอกเค้าว่า ฉันมีคนที่ฉันสนใจแล้วละมั้ง "

“ ก็คงอยากจะตะครุบเหยื่อให้เร็วขึ้นละมั้ง แบบเล็งมาตั้งนาน อยู่ๆ เหยื่อก็ถูกเด็กที่ไหนไม่รู้ฉกไปใครจะทนได้ " ผมแซว " แต่ฉันคิดว่าเค้าคงแค่อยากจะลองมีวันไนท์สแตนกับนายก็เท่านั้นแหละ แต่จะมากกว่านั้นก็ในกรณีที่นายแซ่บมากจนเค้าต้องการอีกนั่นก็อีกเรื่องนะ "

“ บ้า คิดอะไรอย่างงั้น "

“ คิดให้เยอะบ้างเถอะคีย์ คิดน้อยๆแบบนายระวังจะตกเป็นเหยื่อของเค้า จะมาเสียใจทีหลังไม่ได้นะ ทำอะไรก็คิดถึงฟานหน่อย "

“ ไอ้ลูกหมานั่นอีกแล้ว ทำไมฉันต้องไปคิดถึงไอ้ลูกหมานั่นด้วยล่ะ "

“ พูดแค่นี้ต้องยั๊วะด้วย " ร่างบางที่เสียงดังขึ้นมาพอผมพูดถึงฟานแค่หน่อยเดียวเอง ไม่รู้ทะเลาะอะไรกันมาอีก " ทะเลาะกันเหรอ "

“ เปล่า " เค้าตอบก่อนจะถอนหายใจออกมา " แต่อย่าพูดถึงชื่อนั่นได้มั้ย มันน่าหงุดหงิด "

“ อ่านะ " พยักหน้ารับก่อนจะหันมามองงานตัวเองอีกคนก็ถาม

“ ว่าแต่นายเถอะ เหม่ออะไรอยู่ คิดถึงแฟนเหรอ "

“ แฟน ? “ ผมทวนเสียงอีกคนก็ขมวดคิ้ว

“ ก็คุณเมษอะไรนั่นที่เล่าให้ฟังไง อะไร ทำมาเป็นไม่รู้จัก "

“ อ๋อออ คุณเมษ แค่คนที่กำลังคุยด้วย ไม่ได้เรียกว่าแฟนสักหน่อย " ใช่ว่าไม่รู้หรอกว่าอีกคนหมายถึงใคร จริงๆก็รู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วแต่แค่ไม่อยากจะนึกถึง หรือให้ความสำคัญอะไรเค้าทั้งนั้น ผมไม่ได้ร้องไห้กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแค่รู้สึกเจ็บนิดหน่อยเหมือนโดนตบหน้าแรงๆก็แค่นั้น เค้าเองไม่ได้ผิดอะไร เพราะเค้าก็ไม่ได้โกหก แถมยังสารภาพออกมาตรงๆด้วยซ้ำ แต่เป็นเรามากกว่าที่รับไม่ได้ที่จะคบกับเค้าแล้วต้องอยู่ในสถานะจำยอมมากมายแบบนั้น   " แล้วฉันก็คิดว่าเค้าไม่ใช่แฟนฉันด้วยนะ "

“ อ้าว ทำไมละ "

“ ก็ฉันคงคบกับหัวหน้าโฮสคลับอย่างเค้าไม่ได้หรอก นายทนได้เหรอที่ต้องเห็นแฟนตัวเองไปเที่ยวไหนมาไหนกับคนอื่น แล้วเราก็ต้องคอยรอเวลาจนกว่าเค้าจะเลิกงาน แถมตอนไปเที่ยวด้วยกันบางทีก็ถ้าเจอลูกค้าคนที่ใช้บริการเค้าบ่อยๆ ก็ต้องเกรงใจเค้า ถ้าจับมืออยู่ก็ต้องปล่อยมือ แล้วถ้าเค้าถามก็ต้องบอกว่า แค่พี่น้อง "

“ นายเพิ่งเจอเรื่องแบบนั้นมาสินะ " อีกคนถามผมก็พยักหน้ารับ

“ มันก็ดี เค้าก็เป็นคนที่ใช่นั่นแหละ นิสัยดี ตลก เข้ากันได้ แต่ว่าอาชีพของเค้ามากกว่าที่เข้ากับฉันไม่ได้ " ฝืนยิ้มออกมาตอนที่ได้แต่คิดถึงความสัมพันธ์ที่ดีของเรา เอื้อมมือจับรอยแดงจางๆที่คอ หัวใจมันก็เริ่มสั่นขึ้นเรื่อยๆ คิดถึงใบหน้าคมที่ก้มลงมาใกล้ คำพูดของเค้าหรือแม้ทุกสัมผัสที่ได้ใกล้ชิด มันคงดีถ้าเค้าจะเป็นแค่ช่างถ่ายภาพธรรมดา และคงดีกว่าถ้าเมื่อคืนเราไม่เจอเธอคนนั้น คนที่ทำให้เค้าต้องปล่อยมือจากผมไป

“ ตอนแรกฉันเห็นนายรอเค้าทุกวันก็คิดว่าจะไปด้วยกันได้ดีซะอีก "

“ มันก็ไปได้ดีอย่างที่นายคิดนั่นแหละคีย์ แต่ว่าเมื่อวานตอนที่กำลังจูงมือซื้อของด้วยกัน อยู่ๆก็ไปเจอผู้หญิงคนนั้นเข้ามาทักเค้า ตอนนั้นน่ะเค้าปล่อยมือฉัน เดินไปหาเธอที่พอถูกถามว่าเป็นอะไรกันเค้าก็บอกแค่สั้นๆว่า พี่น้อง " ผมยิ้มฝืนๆออกมาตอนที่เล่าอีกคน " จะว่ายังไงดีละ การที่เราบอกใครว่า เป็นพี่น้องกันมันมีหลายความหมายนะ  อย่างตอนที่เค้าลากฉันไปลองเสื้อผ้าในห้องเดียวกัน แล้วพนักงานเห็นเราเดินออกมา ฉันก็บอกเค้าไปว่า เราเป็นพี่น้องกัน ฉันพูดเพราะฉันเขินทั้งๆที่พนักงานเค้าไม่ได้ถามอะไรด้วยซ้ำ แต่ที่เค้าพูดว่าเราเป็นพี่น้องกัน มันเหมือนว่าเค้าไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นเข้าใจผิด เหมือนเค้าเกรงใจเธอ กลัวเธอจะโกรธอย่างงั้นแหละ แล้วเค้าไม่รู้สึกเหรอวะ ว่าฉันเองก็เสียใจเป็นเหมือนกันที่โดนทำแบบนั้น "

“ ลิป " คีย์เอื้อมมือมาจับไหล่ผม

“ ฉันไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไงวะ ถ้าฉันอยากจะคบต่อก็ต้องเข้าใจเค้าเหรอ เป็นนาย นายทนได้มั้ย ถ้าฟานทำแบบนั้นกับนาย นายจะทนคบกับใครสักคนที่ทำงานเป็นโฮสดูแลคนอื่น นายจะคบกับเค้าที่ทำงานแบบนั้นได้มั้ย "

“ ไม่ได้หรอก " อีกฝ่ายที่พูดสั้นๆออกมา " สำหรับฉัน ฉันไม่ใช่คนใจกว้างและสามารถทนอยู่ในสภาวะแบบนั้นได้ ฉันน่ะ แค่นายบอกว่าชอบฟานตอนนั้นก็ดิ้นเป็นไฟแล้ว เพราะงั้นถ้าถามฉัน ฉันคงตอบว่าไม่ แต่ลิป คิดดูให้ดีนะ นายชอบเค้ามากขนาดที่จะยอมเรื่องแบบนี้รึเปล่า ในอนาคตจะมีปัญหาอะไรอีกมั้ย แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะหยุดแค่เรื่องนี้หรอก เค้าทำงานเป็นโฮสนะ ต่อไปถ้ารักกันมากขึ้น นายมั่นใจได้ไง ว่านายจะไม่หึงแฟนนาย ต่อให้แฟนนายจะไปบริการผู้หญิงกี่คนก็ตาม "

   ทัศนคติของเรามักเปลี่ยนไปเมื่อมีความรัก ก่อนหน้านี้ผมมองว่าความคิดการเป็นโฮสที่ให้คำปรึกษาเรื่องต่างๆ เป็นไอเดียที่โคตรเจ๋ง แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันกลับกันไปหมดแล้ว .. เค้าไม่ใช่แค่คนทำหน้าที่โฮสอีกแล้วแต่กำลังพ่วงด้วยตำแหน่งที่สำคัญต่อใจผม นั่นนะสิ.. เราจะมั่นใจได้ไงว่าถ้ารักกันมากขึ้นจะรับได้ ' ตัดใจตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่ามั้ย ลิป '

   ถอนหายใจออกมา ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป ผละหน้าออกจากมือถือที่ยังคงมีการติดต่อมาไม่หยุดจากคนเมื่อคืนที่เราจากกันแบบไม่ได้อธิบายอะไรสักอย่าง ทั้งข้อความ หรือแม้แต่สายเรียกเข้า ถ้าการตัดใจจากใครสักคนมันง่ายก็คงดี แต่น่าเสียดายที่ใจของเรานั้น มันทั้งอ่อนไหว และอ่อนแอ เมื่อนำความรู้สึกไปผูกกับอีกฝ่ายแล้ว ก็ยากที่จะตัดออก

“ วันนี้นายไม่รีบกลับบ้านไปหา ไอ้ลูกหมาของนายเหรอ " ผมหันไปถามคีย์ตอนที่เงยหน้าขึ้นมองเวลาที่ตอนนี้ใกล้จะสองทุ่มแล้วแต่เหมือนเพื่อนที่นั่งโต๊ะข้างๆยังไม่ลุกออกไปไหนเลย คีย์ยังคงทำงานอย่างตั้งใจอยู่แบบนั้นแม้ว่าคนจะออกไปแล้วตั้งครึ่งออฟฟิศ
 
“ ไม่อะ " เค้าตอบสั้นๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา " ไอ้หมอนั่นไม่อยู่ "

“ ไปไหนอะ "

“ ไปตายมั้ง " ผมเงียบกับคำตอบของใครอีกคน คีย์วางมือที่กำลังขีดเขียนอะไรบางอย่างเค้าผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะหันมามองหน้าผม " เค้าไม่อยู่น่ะ หายหัวไปเลย "

“ อ้าว แล้วเค้าบอกมั้ยว่าไปไหน "

“ ก็บอก " เค้าพยักหน้ารับ

“ แล้วนายจะหงุดหงิดทำไม ฉันก็คิดว่านายโดนทิ้งซะแล้วถึงได้มานั่งทำงานหน้าตาหงุดหงิดอยู่แบบนี้ "

“ ก็ เค้าไม่ยอมติดต่อมาเลย "

“ นายก็ติดต่อไปสิ " ใบหน้าหวานหันมามองหน้าผม สำหรับคำแนะนำที่เหมือนต้องยื่นมือออกไปก่อนแบบนั้นเป็นความรู้สึกที่จะไม่ถนัดเอาซะเลยสำหรับคีย์ " ท่าทางจะไม่กล้าละสิ "

“ ไม่ใช่สักหน่อย "

“ เหรอออออ " ผมลากเสียงยาวก่อนจะยิ้มออกมา ขอให้ได้เถียงจริงๆทั้งๆที่คำพูดทุกคำ หน้าตา ก็บอกออกมาหมดแล้วว่าที่หงุดหงิดก็แค่คิดถึงเค้ามากมันก็เท่านั้น " เป็นฉัน ฉันจะโทรไปแล้วบอกว่า ฉันน่ะคิดถึง ไม่สบายอยู่ไหน เมื่อไหร่กลับ กลับมาได้แล้วน้า เหงามากเลย อยากจะกอด จุ๊บๆ "

“ บ้า " คีย์เบือนหน้าหนี แก้มแดงๆของเค้าก้มหน้าลงช้าๆ " ฉันทำแบบนั้นเป็นที่ไหน "

“ ไม่เป็นก็หัดสิ ของแบบนี้มันต้องลอง "

“ คนเรานี่ก็แปลกนะว่ามั้ย " เสียงถอนหายใจที่ดังขึ้นมาหลังคำพูดนั้น  " ตอนที่ไม่มีก็อยู่ได้สบายดีนั่นแหละ แต่ทำไมพอมีแล้วขาดไปสักหน่อย ก็เหมือนจะอยู่ไม่ได้แล้ว ฉันน่ะควรดีใจมากตังหากไม่ใช่เหรอที่สะบัดไอ้ลูกหมานั่นออกไปได้ ควรจะดีใจว่าตัวเองจะได้นอนบนเตียงกว้างๆคนเดียวแบบไม่ต้องแบ่งใครตั้งหลายวัน แต่น่าแปลกตอนนี้ฉันกลับรู้สึกว่า เตียงของฉันใหญ่เกินกว่าจะนอนคนเดียวแล้ว "

“ คีย์ "

“ งี่เง่ามากเลยอะ ที่ฉันต้องมาเป็นแบบนี้ ต้องมาคิดถึงคนที่ไม่คิดจะโทรหาฉันด้วยซ้ำ "

“ ก็อาจจะยุ่งก็ได้ อย่าคิดมากเลย " ผมปลอบเค้า แต่มันก็จริงอย่างที่อีกคนพูด ตอนที่ไม่มีเราเองก็อยู่ได้ไม่เห็นต้องมีเลย แต่พอมีแล้วทำไมพอขาดไปกลับรู้สึกว่าจะอยู่ไม่ได้ก็ไม่รู้ ยังคิดถึงเสียงที่ได้ยินอยู่ข้างหู ความอบอุ่นทุกอย่างที่ได้ใกล้ชิด ความสุขทุกอย่างที่อยู่รอบตัวในคืนนั้น

“ ลิป " คีย์เอ่ยเรียกผม ตอนที่มองเค้าอีกคนก็กำลังมองหน้าผมอยู่

“ มีอะไรเหรอ "

“ นายเหม่ออีกแล้วอะ "

“ โทษที แค่กำลังคิดว่าคำพูดนายมันก็จริงอย่างที่นายพูดมันก็เท่านั้นอะ " ผมบอก " กลับบ้านกันมั้ย ไปหาเบียร์อร่อยๆกินกันก่อนกลับเถอะ "

“ อย่างงั้นก็ได้เอาสิ " พยักหน้ารับผม คีย์หันไปปิดคอมของตัวเอง ผมเองก็เหมือนกัน จัดของส่วนตัวใส่กระเป๋าตอนที่เปิดลิ้นชักที่ใส่มือถือไว้ ผมพบว่ามันดับไปซะแล้ว อีกฝ่ายคงโทรมาจนแบตหมดไปเลยละมั้งแต่ก็ดีเหมือนกันจะได้เลิกติดต่อมาสักที

“ ไปกันเถอะ ไม่มีแฟนมากวนใจก็ไปดื่มให้หนำใจไปเลยดีกว่า " รอยยิ้มที่ตอบรับผม เราเดินออกจากออฟฟิศไปที่ชั้นล่างของตึก ผู้คนที่ดูบางตาเพราะเลยเวลาเลิกงานมานานแล้ว

“ จะว่าไปก็อยากจะกินเบียร์อร่อยๆกับของทอดเหมือนกันนะ  ร้านที่ใกล้คอนโดนายที่เราไปกินวันนั้นมันอร่อยมากเลย "

“ ใช่มั้ยละ " คีย์พยักหน้ารับ " หรือว่าเราจะไปกินที่ร้านนั้นกันดี "

“ ก็ได้นะ เอาสิ " ตอบตกลงกันดิบดีแต่ทว่าขาที่กำลังเดินอยู่ๆก็ได้ยินเสียงนึงเรียกขึ้นมาเสียก่อน

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ' UP - 8.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 10-07-2016 21:19:05
“ ลิป " ผมหันไปตามเสียงเรียกนั้นผู้ชายคุ้นหน้าที่เดินเข้ามาใกล้ ทำเอาหัวใจที่มีสั่นไปหมด ผมกลืนน้ำลายคงคอด้วยความตื่นเต้น ถอยหลังช้าๆตอนที่เค้าเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น คุณเมษก็พูดขึ้น " ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย "

“ วันนี้ไม่ว่าง พอดีนัดเพื่อนไปกินข้าวด้วยกันแล้ว " เชิดหน้าไปทางคีย์

“ สวัสดีครับ " คีย์ทัก " คุณคงเป็น คุณเมษสินะครับ "

“ ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก "

“ เช่นกันครับ คุณ.."

“ คีย์ครับ " รอยยิ้มที่เพื่อนผมมอบให้เค้า เบือนหน้าหนีออกมาก่อนจะคว้ามือของคีย์แล้วเดินออกไปจากตรงนั้น

“ ไว้เจอกันนะครับ วันนี้ผมมีนัดแล้ว "

“ เดี๋ยวสิ " มือหนาดึงมืออีกข้างของผมไว้ " คุยกับฉันให้รู้เรื่องก่อน "

“ แต่วันนี้ฉันมีนัดแล้ว " ผมหันไปพูดกับเค้า " ไว้เราค่อยคุยกันก็ได้ "

“ ค่อยคุยกัน ? “ คุณเมษทวนคำพูดของผม " คุยตอนไหน ฉันโทรไปหานายก็ไม่รับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ ฉันโทรตลอดทั้งวัน จนมือถือนายแบตหมดไปแล้วมั้ง แต่นายก็ไม่ตอบ แล้วแบบนี้นะเหรอที่บอกว่า เราค่อยคุยกัน อย่ามาหลอกฉันหน่อยเลย "

“ แต่ฉันจะไปกับเพื่อนจริงๆ เรานัดกันแล้ว ใช่มั้ยคีย์ " ผมหันไปถามอีกคนที่ก็ทำหน้าตาเหรอหราแบบไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ที่ผมจะโยนคำถามไปให้เค้าตอบเสียแบบนั้น

“ ก็ใช่ เรานัดกันแล้ว "

“ งั้นผมขอไปด้วยคนได้มั้ยครับ คุณคีย์ "

“ เอ่อ.. “ เค้าหันมามองผมตอนที่ร่างสูงถามคำถามนั้นกับเค้า " เรื่องนี้ผมว่า คุณถามลิปดีกว่านะครับ ผมได้ทั้งนั้นแหละ "

“ งั้นฉันไปด้วยนะ " สายตาคมที่หันมามองผม เบือนหน้าหนีอีกคน ในตอนนั้นคีย์ที่หันมองซ้ายขวาทำได้แต่ยิ้มแห้งๆออกมา

“ เอ่อ..ลิป  ฉันว่าฉันไม่ไปแล้วดีกว่า "

“ ได้ไง " ผมบอก " เรานัดกันแล้วนะ "

“ ฉันรู้สึกไม่ค่อยอยากจะกินแล้วอะ ขอกลับบ้านดีกว่า " 

“ คีย์ " เดินเข้าไปหาเค้าอีกคนก็มองคุณเมษก่อนจะกระซิบผม

“ นายไปเคลียร์กับเค้าให้รู้เรื่องเถอะ ปล่อยไว้คาราคาซังแบบนี้ไม่มีผลดีอะไรหรอก เคลียร์ไปดีกว่าจะเอาไงจะได้จบๆ เชื่อฉันสิ " คีย์พยักหน้าบอกผมในตอนนั้น ตัวผมเองก็ถอนหายใจออกมา " งั้นฉันกลับก่อนนะ ขอตัวก่อนนะครับคุณเมษ " ก้มหน้าลาอีกคนก่อนจะยิ้มให้ผม คีย์เดินออกไปเหลือไว้แค่เราที่มองหน้ากัน ผมที่ไม่รู้จะพูดอะไรหันหน้าไปมองทางอื่นก่อนจะถอนหายใจออกมา
 
“ ทำไมนายถึงไม่รับสายโทรศัพท์ฉันละ " คำถามแรกที่เค้าถามออกมา ผมหันไปจ้องหน้าเค้าที่เค้าเองก็กำลังจ้องผมเช่นกัน

“ แล้วทำไมต้องรับด้วยละ ผมทำงานนะคุณไม่มีเวลาว่างมารับสายหรอก งานยุ่งจะตายไป "

“ แม้แต่เวลาพักเที่ยงเค้าก็ไม่ได้เวลาพักเหรอ "

“ แล้วคุณจะโทรมาอีกทำไม " ถามเค้าออกไปตรงๆ " เรามีอะไรต้องพูดเหรอ ผมเองก็บอกคุณออกไปตรงๆแล้ว ว่าผมเองไม่อยากจะเป็นพี่น้องของคุณแล้ว แล้วก็ไม่อยากจะเกรงใจใครต่อใครเวลาเดินจับมือกับคุณด้วย เราคบกันไม่ได้หรอกคุณ ให้ผมเกรงใจผู้มีพระคุณของคุณแล้วทำเป็นไม่รู้สึกอะไรแบบนั้น ผมทำไม่ได้หรอก  ตอนที่มองเธอที่จ้องหน้าคุณเหมือนแสดงความเป็นเจ้าของ ผมเองที่ต้องทำเหมือนถูกซ่อนอยู่ข้างหลังต้องเกรงใจแล้วปล่อยให้คุณเดินไปแทคแคร์เธอที่เป็นผู้มีพระคุณของคุณ ผมที่ต้องเข้าใจ เรื่องอะไรแบบนั้นผมไม่เข้าใจหรอก และจะไม่มีทางเข้าใจด้วย เพราะเธอไม่ใช่ผู้มีพระคุณของผมจะพูดแบบนั้นก็ได้ แต่เรื่องแบบนี้ต่อให้ใครพูดว่ามันเป็นเรื่องที่แฟนต้องเข้าใจและอะรุ่มอะร่วยกัน แต่คุณ..ผมไม่ใช่คนโลกสวยและใจดีขนาดนั้น ถ้าไม่สบายใจที่จะคบก็เลิกยุ่งกันเถอะ แบบนั้นมันไม่ดีกว่าเหรอครับ คุณไปหาคนที่จะเข้าใจคุณ คนที่จะหลบอยู่หลังคุณเวลาที่เจอผู้มีพระคุณของคุณ คนที่เค้าใจดีทนให้คุณไปไหนมาไหนกับใครก็ได้ คุณไปหาแฟนแบบนั้นเถอะ "

" แต่ฉันอยากได้นายเป็นแฟน นายเท่านั้น " เหลือบตามองคำพูดเอาแต่ใจของคนตรงหน้า " ฉันยอมรับว่าฉันผิดที่ทำแบบนั้น ฉันขอโทษที่อยู่ๆก็ปล่อยมือนาย ขอโทษที่ทำให้นายเสียใจด้วยคำพูดที่สิ้นคิดของฉัน ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่ามาพูดตอนนี้ มาแก้ไขตอนนี้ก็เหมือนไม่ทันเวลาแล้ว นายโกรธฉันแล้ว แล้วก็ไม่มีทีท่าจะหายโกรธด้วย แต่ช่วยฟังที่ฉันจะอธิบายหน่อยได้มั้ย ทุกอย่างมันแก้ไขได้หันหน้ามาคุยกับฉันหน่อย อย่าเพิ่งตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองทุกอย่างสิ อย่าคิดว่ามันจะแก้ไขไม่ได้  เราจะคบกันไม่ได้เลยเหรอ ผมปรับได้นะ ผมจะเปลี่ยนเพื่อคุณ "

“ คุณจะเปลี่ยนมันทั้งๆที่มันเป็นอาชีพของคุณนะเหรอ คุณเมษ " ผมเอ่ยเรียกเค้า " คุณเปลี่ยนอดีตไม่ได้นะ คุณบอกว่าเธอเป็นผู้มีพระคุณของคุณ คุณเลยต้องเกรงใจเธอ ถามหน่อยคุณจะเปลี่ยนยังไง "

“  ทำไมนายถึงปิดกั้นทุกอย่างจากฉัน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ที่เราจะคบกันนายก็บอกเองว่า มาลองคบกันดู มาลองเปลี่ยน มาลองพยายามกันดู ฉันที่ไม่กล้าแม้จะบอกว่าคบกับนายเพียงเพราะนายชอบคนที่เด็กกว่า แต่นายเป็นคนที่ยื่นมือออกมาแล้วบอกว่าให้ฉันกล้า แต่พอเกิดเรื่องนี้ขึ้น ทั้งๆที่ยังไม่ลองแก้อะไรทั้งนั้น ยังไม่ได้คิดจะทำอะไร นายก็สะบัดมือฉันออกแล้วบอกว่า พอเถอะ มันง่ายไปมั้ย กับคำพูดที่บอกว่า มาลองคบกัน มาพยายามกัน มันง่ายไปมั้ยที่นายจะมาบอกให้ฉันเลิกยุ่งกับนาย เพียงเพราะเรื่องนี้ที่ฉันยังไม่ได้แก้ไขอะไรมันเลยสักอย่าง " ร่างสูงคว้ามือของผมไปจับเอาไว้ เค้าที่ถอนหายใจออกมา " ช่วยฟังเหตุผลของฉัน ช่วยบอกฉันว่านายต้องการอะไร แล้วช่วยอยู่ดูฉันแก้ไขมันเพื่อนายก่อนไม่ได้เลยเหรอ ใจฉันที่ชอบนายมากไปแล้ว ขอโอกาสให้มันเปลี่ยนแปลงตัวเองสักนิดไม่ได้เหรอ ฉันขอโทษที่พูดไปโดยไม่คิด ฉันขอโทษที่ทำร้ายจิตใจของนาย จะโกรธฉันก็ได้ลิป แต่อย่าเพิ่งไล่ฉันออกไปไหนเลย ฉันชอบนายขนาดนี้ ฉันไปไหนไม่ได้แล้วละ "

“ แล้วไงอะคุณ คิดว่าพูดแค่นี้มันจะเปลี่ยนความรู้สึกอะไรได้รึไง " ผมเบือนหน้าหนีอย่างไม่กล้าจ้องคนตรงหน้าตรงๆ ก็จริงอย่างที่อีกคนพูดทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็บอกว่าจะค่อยๆศึกษากัน แต่ทำไมพอมีปัญหาแค่เรื่องเดียวผมถึงผลักเค้าออกไปแบบไม่ใยดีแบบนั้น " แล้วคุณจะทำยังไง บอกผมหน่อยเถอะ จะให้ผมลองคบคุณอีกครั้งแล้วคราวนี้ถ้าเจอใครที่เป็นผู้มีพระคุณของคุณอีก แล้วก็ต้องถอยไปอยู่ในที่ที่คุณบอกว่า เราเป็นแค่พี่น้องกัน ถูกต้องมั้ย "

“ ทำไมแค่คำพูดเดียวนายถึงเอามันมาใช้คิดแค้นโกรธฉันขนาดนั้น "

“ ในทางกลับกันถ้าเมื่อวานผมเจอกิ๊กเด็กของผม เค้าเดินตรงเข้ามาหา เราทักทายกัน แล้วผมก็บอกเค้าไปว่า เราเป็นแค่พี่น้องกัน คุณจะรู้สึกยังไงเหรอ มันเปลี่ยนไปใช่มั้ยละ ความรู้สึกของคุณ มันเปลี่ยนไปจากเดิมตอนที่ผมบอกกับพนักงานร้านเสื้อว่าเราเป็นพี่น้องกันถูกมั้ย นั่นแหละความรู้สึกของผม "

“ เมื่ออีกฝ่ายดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่ดูมีใจ ความรู้สึกมันก็ถูกมองเปลี่ยนไปสินะ "

“ ไว้สักวัน คุณจะรู้สึกเข้าใจเองละ ว่าทำไมผมถึงรู้สึกโกรธเพราะมันเป็นความรู้สึกที่ทั้งเจ็บปวดแล้วก็เสียใจ เหมือนแค่เราคนเดียวเท่านั้นที่คิดไปเองว่าเราคือ แฟนกัน คล้ายๆคนถูกตบหน้าจนชา "

“ ฉันขอโทษ  " ถ้อยเสียงที่พูดออกมา มือหนาที่ดึงตัวผมเข้าไปกอด " ผมไม่ทันคิดว่ามันจะทำให้คุณเสียใจขนาดนั้น "

“ รู้อะไรมั้ย ถ้าคุณเปลี่ยนอะไรไม่ได้ทางที่ดีที่สุด คือปล่อยผมไปเถอะ "

“ พูดแบบนี้อีกแล้ว "

“ ใครมันจะไปทนเสียใจได้หลายๆครั้งว่ะคุณ ผมขอโทษที่พูดแบนนั้น แต่ผมคิดแบบนี้จริงๆนะ ต่อไปถ้าเราคบกันมันไม่ได้มีแค่เรื่องผู้มีพระคุณของคุณอย่างเดียวหรอก มันต้องมีอีกหลายๆเรื่องที่เข้ามา คุณทนง้อผมแล้วจะแก้ปัญหามันไปทั้งหมดได้จริงๆเหรอ "

“ ได้สิ " เค้าพยักหน้ารับ

“ แม้ว่าสักวันผมจะบอกว่าจะบอกว่าให้คุณเลิกเป็นโฮสเพียงเพราะผมหึงที่คุณไปไหนมาไหนกับผู้หญิงมากหน้าหลายตาน่ะเหรอ " ใบหน้าคมที่จ้องมองผม ผมยิ้มจางๆออกมาตอนที่ดึงตัวเองให้ออกห่างจากตัวเค้า " ความจริงเป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับนะคุณเมษ เพราะสักวันผมอาจจะไม่ได้มองเห็นคุณเป็นแค่คุณเมษคนธรรมดา แต่ผมจะมองคุณเป็นคนที่ผมรัก เป็นของของผม ของที่ผมจะไม่มีวันให้ใคร "

“ แต่คุณก็เคยบอกว่า งานนี้เป็นงานที่ดี "

“ ตอนนั้นคือตอนที่ผมเป็นแค่ลูกค้าคนนึงครับ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ที่ผมเป็นแฟนคุณ " เรายืนเงียบให้กันและกันในตอนนั้น อีกฝ่ายที่คงกำลังใช้ความคิดอะไรสักอย่าง สายตาคมที่มองหน้าผมเค้าเอื้อมมือมาจับมือของผมเอาไว้แน่น

“ คุณบอกใช่มั้ย เมื่อวานน่ะ ว่าถ้าจับแล้วคิดจะปล่อยก็อย่าจับมือคุณ "

“ อื้ม " ผมพยักหน้ารับ

“ ตอนนี้ผมจับมือคุณอยู่นะ แล้วผมก็ไม่คิดจะปล่อยด้วย " เค้าพยักหน้ารับ " ผมจะไม่ถอยหลังเพียงเพราะคำพูดในอนาคตที่คุณเป็นคนพูดแล้วบอกว่ามันจะเป็นอย่างงั้นหรอก เพราะผมมั่นใจว่าจะไม่ปล่อยมือคุณแล้วไม่ว่าอะไรจะเกิดผมจะไม่กลัวด้วย จะไม่กลัวคำพูดของคุณเด็ดขาด "

“ คุณเมษ ทำไมถึงได้ดื้อแบบนี้  "

“ เพราะผมไม่รู้ว่าอนาคตเป็นยังไง ทำไมต้องกลัวด้วยละ ถ้ากลัวตั้งแต่วันนี้ เราจะได้รักกันมั้ยละ " ผมนิ่งไปตอนที่เค้าพูดคำนั้นขึ้นมา เหมือนครั้งแรกที่เราเจอกันเลย คำที่ผมบอกกับตัวเองว่าอย่ากลัวอนาคต อย่ากลัวที่จะเดินไป " ผมจะไม่ปล่อยมือคุณ จนกว่าคุณจะสะบัดมือออกไปจากผมก่อน "

“ ดื้อด้านชะมัด " ผมบ่นออกมา อีกคนก็ดึงตัวเองมากอดผมไว้

" ตอนที่ขอเป็นแฟนนายครั้งแรก นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าให้ลองเสี่ยงดู " อ้อมกอดที่ผละตัวเองออกจากผม อากาศเย็นๆที่พัดอยู่รอบตัวเราผู้คนรอบข้างที่เดินไปมาอยู่ที่นอกถนน แม้ตรงนี้จะเงียบไม่มีใครแต่ก็ได้ยินเสียงรถชัดเจน สบสายตาของกันและกันผมถอนหายใจออกมาตอนที่หลับตาลงช้าๆเค้าก็จูบลงบนริมฝีปากของผม ความเสี่ยงที่เอาหัวใจของตัวเองเป็นเดิมพัน ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังโง่ หรือกำลังโง่มากๆกันแน่  " ลิป "

“ หื้ม ? “ เค้าผละตัวเองให้ออกห่าง

“ ช่วยไปที่ที่นึงกับฉันหน่อย "

“ ที่ที่นึง " ผมทวนคำพูดของเค้าอีกคนก็ยิ้มก่อนจะจับมือผมเดินไปตามทางกับเค้า มืออีกข้างของเค้ากดโทรศัพท์ของตัวเองด้วยความเคร่งเครียด " คุณเราจะไปไหนกันอะ "

“ ไปหาคนคนนึง " ความรู้สึกของผมบอกว่ามันคือคนเมื่อคืนกับที่เจอแน่ๆ มืออีกข้างที่จับมือของเค้าไว้

“ ถ้าเป็นคนนั้นเมื่อคืน ไม่ต้องก็ได้นะ "

“ ทำไมละ " คุณเมษหันมาถาม " วันนี้เค้ามาพบลูกค้าอยู่แถวนี้ แค่ร้านคาเฟ่ตรงนั้นเอง " ใบหน้าคมที่เชิดไปที่คาเฟ่ ผมก็ได้แต่มองตาม

“ ไปแล้วจะพูดว่าอะไร แสดงความมั่นใจว่า คุณกับเค้าไม่มีอะไรกันนอกเหนือจากเคารพเค้าที่เป็นผู้มีพระคุณน่ะเหรอ "

“ เรื่องที่เราเคยมีอะไรกัน เรื่องนั้นคุณไม่ติดใจจริงๆเหรอว่าตอนนี้ยังมีอะไรกันอยู่รึเปล่า " คำถามสั้นๆที่ชวนให้ผมนิ่ง เค้าที่ยกคิ้วขึ้นมา " เพื่อความสบายใจ ก็ไปกันเถอะ คุณจะได้เห็นกับตาไปเลยว่าผมไม่ได้รู้อะไรกับเธอมากกว่านั้น ไม่ได้แคร์เธออะไรขนาดนั้น ก็แค่เกรงใจแต่กลับสิ้นคิดทำร้ายความรู้สึกของคุณไปด้วย  "

" แล้วมันจะไม่เกิดผลเสียตามมารึไง.. " ยังไม่ทันจะห้ามอะไรเราสองคนก็มาหยุดอยู่ที่หน้าร้านนั้นแล้ว ผู้หญิงคุ้นตาที่วันนี้ใส่สูทสีดำตัวเนี๊ยบเดินออกมาจากร้านพอดี มือที่ถือโทรศัพท์ไว้คงจะนัดกันจากที่อีกฝ่ายคอยพิมพ์ข้อความส่งอยู่เมื่อครู่แน่ๆ

“ คุณมาเรีย สวัสดีครับ "

“ อ้าว ว่าไง ทำไมถึงเรียกฉันออกมาละ " เธอที่ตั้งคำถาม หันมองผมที่ถูกจับมืออยู่ข้างหลัง ก้มหน้าทักทายเธออีกฝ่ายก็ทักทายกลับ " มาเที่ยวกับน้องชายอีกแล้วเหรอ "

“ เปล่าหรอกครับ " อีกคนตอบ " คือเมื่อวานที่เราเจอกันน่ะ ผมบอกคุณว่าเราเป็นพี่น้องกัน แต่จริงๆผมโกหกน่ะ ทางนี้ก็งอนผมใหญ่โตว่าผมปล่อยมือเค้าแล้วบอกกับคุณว่าเราเป็นแค่พี่น้อง เค้าบอกว่าผมรักษาน้ำใจคุณ แต่ไม่รักษาน้ำใจเค้า จะขอเลิกกันให้ได้ วันนี้ก็เคยพาเค้ามาเจอคุณแล้วจะได้บอกกับคุณต่อหน้าไปเลย เด็กคนนี้ชื่อลิปครับ เป็นแฟนผม "

“ แฟน " เธอทวนเสียงตอนที่ผมเหลือบมองเธอ ที่ก็ยิ้มออกมา " ฉันรู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วละ "

“ ผมก็คิดว่างั้น "

“เธอก็ทำถูกแล้วละ เพราะเป็นฉัน ฉันก็โกรธนะ ถ้าคนที่ฉันรัก ไม่รักษาน้ำใจฉันน่ะ " เธอพูดออกมาสั้นๆ " เรื่องที่จะพบก็มีแค่นั้นใช่มั้ย "

“ ใช่ครับ " เค้าพยักหน้ารับ เธอเองก็ยิ้มก่อนจะมองหน้าผม

“ ขอให้มีความสุขละ " ทำไมถึงรู้สึกว่ามันไม่ใช่คำพูดที่จริงใจเอาซะเลย คุณมาเมียหันไปหาเมษก่อนจะยิ้มให้เค้าบ้าง " เธอเองก็โตแล้ว ฉันเองก็โตแล้วเหมือนกัน ความสัมพันธ์แบบนั้นของเราก็เหมือนทิ้งกันไปนานแล้ว หลงเหลือไว้เพียงแค่การช่วยเหลือที่ดีต่อกันในฐานะเพื่อนเก่า  ก็ดีเหมือนกันไว้เจอกันนะเมษ "

“ ครับ คุณมาเรีย " เค้าก้มหัวให้เธอที่ขึ้นรถยนต์ส่วนตัวแบบที่คนขับรถมารอรับตรงหน้าถนนตรงนั้น  ก่อนรถคันหรูจะแล่นออกไปอีกฝ่ายก็ถอนหายใจออกมา  " คราวนี้ก็ไม่ต้องทะเลาะกันเรื่องนี้แล้วนะ ต่อไปถ้าใครถามผมจะบอกว่าคุณเป็นเมียก็แล้วกัน เพราะคำว่าพี่น้องคุณรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ "

“ บ้า ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย " เบือนหน้าหนีอีกฝ่ายที่หัวเราะขึ้นมา น่าแปลกที่ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย ผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะจบง่ายเกินไปรึเปล่า ผู้หญิงที่มีอีโก้สูงจะจบเรื่องราวแบบที่ว่าคู่นอนเอาแฟนตัวจริงมาพูดต่อหน้าว่าเป็นแฟนแล้วตัวเองก็ยอมรับได้สนิทใจจริงๆนะเหรอ

“ ลิป คิดอะไรอยู่ "

“ เปล่า " ผมส่ายหน้าบอกเค้า ตอนที่หันไปมองใบหน้าคมที่กำลังยิ้ม อดเป็นห่วงไม่ได้เลยว่า ตัวเรากำลังทำให้เค้าลำบากรึเปล่า  อาชีพโฮสเป็นอาชีพที่เหมือนจะเหมาะกับคนเจ้าชู้ที่ไม่จริงจังกับใคร แล้วเค้าที่มาจริงจังกับเราแบบนี้ จะไปกันรอดจริงๆเหรอ เราเหมาะจะคบกันจริงๆนะเหรอ ความรักบนความเสี่ยงที่สูงแบบนี้ ผมไม่รู้เลยว่าจะรับมือกับความผิดหวังนั้นยังไง

................................................

คงมีคนสงสัยว่า เฮ้ยยยยย ทำไมลิปยอมวะ #โยนหม้อมา
ใจเย็นแกกก คนเราอะ มันต้องมีความปล่อยวางวางสะสม
แล้วพอถึงระเบิดมันจะได้ลูกใหญ่ๆ  จริงมั้ย ..
จะว่าไป ฟานคีย์ก็ยังไม่เคยมีดราม่าเลยเนอะ ...
เจอกันตอนหน้าค่าาาาา
โปรดให้อภัยชื่อตอนพี่ พี่คิดว่าครึ่งชั่วโมงแล้วก็ได้เท่านี้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ
ขอบคุณมากค่าาาาา
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ? ' UP - 10.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-07-2016 21:33:15
โยนหม้อทิ้งค่ะ ไม่เอามาม่าไม่เอาหัวหน้าด้วย น่ารังเกียจ
เราชอบที่เคลียร์ๆกันไปเลยอย่าทิ้งไว้นาน ว่าแต่น้องฟานไปไหนอ่าคะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ? ' UP - 10.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 10-07-2016 22:03:50
มาม่ายังไม่หมดแค่นี้ใช่มั้ย ฮื่ออออออ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ? ' UP - 10.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 10-07-2016 22:25:23
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ? ' UP - 10.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 10-07-2016 22:25:44
คิดเหมือนกันเลยลิปปป คุณมาเรียไม่น่าจบง่ายๆ ดูง่ายเกินไป
รออออละกันนะว่าจะเปนยังไงต่อ

แต่น้องฟานหายไปไหนนนนนนน
คีย์โทรไปเลยย
หรือไม่กล้า เมาก่อนดีมะ
อิอิ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ? ' UP - 10.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 10-07-2016 22:45:54
แทบอยากจะวิ่งซ่อนหม้อซ่อนไห กลัวดราม่า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ? ' UP - 10.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Coaramach ที่ 10-07-2016 22:57:19
ชอบเมษลิปปปป
คิดถึงน้องฟานนน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ? ' UP - 10.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 11-07-2016 01:54:35
รู้สึกถึงกลิ่นมาม่าถ้วยใหญ่ของคู่คีย์ฟานยังไงไม่รู้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ? ' UP - 10.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 11-07-2016 07:02:13
มาม่าหนักมากกกกกก ชีวิตกลางเดือนของเราเริ่มไม่ดีแล้ว TToTT
ลิปอย่าพึ่งถอดใจเลยนะ เราควรให้โอกาสพี่เมษอีกสักครั้ง ถ้าครั้งนี้ไม่เวิร์ก เราจะเชียร์ให้เลิกเลยแหล่ะ!!

ฟานหายไปหนายยยยย TTOTT
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ? ' UP - 10.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 11-07-2016 17:34:10
มองเห็นมาม่าในคู่เมษลิป จะยังมีอีกหลายหม้อใช่ไหมมมมม  :hao5:

ฟานไปไหนนนนนน :angry2: พี่คีย์คิดถึงโว้ยยยย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ? ' UP - 10.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 11-07-2016 19:55:09
เพิ่งได้ติดตาม ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ? ' UP - 10.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 11-07-2016 20:40:41
ไม่เอามาม่าแล้วนะ โยนชามทิ้งไปเลยจะำด้ไม่ต้องมาต้มเพิ่มอีก

อ๊ะ อย่าลืมโยนอีตาหัวหน้าสุดหน้าด้านนั่นทิ้งด้วยนะ เห็นแล้วรำคาญสายตาชะมัด :katai3:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ? ' UP - 10.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 11-07-2016 22:19:05
น่าติดตามมากจ้าาา
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ? ' UP - 10.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 12-07-2016 01:19:40
แต่ลิปก็สงสารแล้ว อย่าดรามาฟานคีย์เพิ่มเลยค่ะ แค่หึงแบบรอบก่อนก็พอกรุบกริบ
ลิปชัดเจนมาก ตรง เคลียร์ แล้วเมษเคลียร์จริงไหม จริงจังใช่ไหม
แต่ข้องใจ นัดง่าย มาง่ายไปไหม สมควรที่ลิปจะไม่ค่อยเชื่อ

คีย์อย่าปล่อยให้บอสรุกหนักนะ น่ากลัว
แล้วฟานไปไหนคะ ทำไมไม่สนใจคีย์ล่ะ คีย์ของขึ้นละนะ
ฟานไม่โทร คีย์ก็โทรสิ หรือว่าฟานรอแกล้ง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ? ' UP - 10.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: c-nat ที่ 12-07-2016 14:25:00
มองเห็นปัญหาลางๆ แต่ยังไงคู่นี้สปาร์กไวมากอะ แอบกลัวดราม่าจัง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ? ' UP - 10.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 12-07-2016 18:55:53
ตามต่อ ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ? ' UP - 10.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 12-07-2016 21:34:55
อ่านคู่ฟาน-คีย์มีแต่ความละมุน
อ่านคู่เมษ-ลิปละมีความขม
 :a5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ? ' UP - 10.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 12-07-2016 23:40:03
 :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ? ' UP - 10.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 13-07-2016 01:36:08
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ? ' UP - 10.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 13-07-2016 18:26:37
ไม่แน่นะเมษอาจจะเลิกก็ได้แล้วหันไปเป็นเถ้าแก่อย่างเดียว
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 16 ' รักเราจะรอดเหรอ ? ' UP - 10.7.59} หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 14-07-2016 14:31:54
ตามต่อ ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 17 ' ความคิดถึง ' UP - 15.7.59} หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 15-07-2016 20:26:44
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 17
' ความคิดถึง '
[/size]

   กลิ่นหอมกรุ่นจากครัวปลุกตัวผมที่กำลังนอนหลับอุตุอยู่ในห้องให้ตื่นขึ้นมาจากฝันเพราะท้องที่กำลังร้องปั่นป่วนเรียกร้องให้ลุกขึ้นไปหาอะไรหอมๆนั้นมาใส่ท้องได้แล้ว สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดกลิ่นแบบนี้ต้องเป็นปลาแซลม่อนย่างเกลือแน่ๆเลย ผมมองนาฬิกาที่ยังเช้า ถ้าอยู่คนเดียวคงได้นอนต่ออีกหน่อยแล้ว แต่พอมีไอ้ลูกหมานั่นมาอยู่ด้วยแล้วดันมาทำอาหารเช้ารสชาติอร่อยๆให้กินแบบนี้ การนอนหลับต่อทั้งๆที่ท้องร้องขนาดนั้นก็เป็นอะไรที่ยากเกินจะต้านทานไหว

   ดึงตัวเองลุกขึ้นจากเตียงแล้วมาอาบน้ำ แต่งตัวในชุดทำงานก่อนจะเดินออกไปนอกห้องนอน ฟานเงยหน้าขึ้นมามองผมใบหน้าคมหล่อเหลาอยู่ในชุดนอนเสื้อยืดสีดำเข้ากับผ้ากันเปื้อนสีดำของเค้า ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด ทั้งๆที่น้ำก็ยังไม่อาบ ผมก็ยังไม่ได้เซ็ตแต่กับหล่อได้ขนาดนั้น สวรรค์ที่ส่งคนแบบนี้มาเกิดได้ช่างไม่ยุติธรรมกับคนหน้าตาแย่ๆแบบผมซะจริงๆ

“ คุณคีย์ ตื่นแล้วเหรอครับ "

“ ยังมั้ง " ผมตอบสั้นๆก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารอีกคนก็ยิ้ม

“ กวนตีนกันเหรอครับ " หลุดยิ้มออกมาตอนที่อีกคนบอก ผมหันไปมองเค้าที่ก็ยกถ้วยข้าวมาให้ อาหารตรงหน้าเป็นปลาแซลม่อนย่างเกลือสีสันดูน่ากินจนต้องยกมือถือขึ้นมาถ่ายภาพ จริงๆผมก็ถ่ายภาพอาหารที่ฟานทำให้กินทุกวัน มันไม่มีเมนูไหนที่ดูไม่น่ากินเลย ส่วนรสชาติไม่ต้องพูดถึง อร่อยกว่าร้านอาหารบางร้านอีก

“ วันนี้กับข้าวเยอะกว่าทุกวันนะฟาน " นอกจากจะมีปลาแซลม่อนแล้ว ก็ยังมีแกงจืดถ้วยเล็กๆอีก ไม่นับไข่ยางมะตูมที่อยู่บนข้าวแล้วก็ผลไม้ " นายล้างตู้เย็นรึไง "

“ วันนี้ผมทำอาหารเที่ยงให้คุณด้วยนะ แล้วก็ทำให้คุณลิปด้วย เป็นแซนวิช "

“ แค่กๆ " สำลักน้ำที่กำลังกินตอนที่มองอีกคนที่ก็ส่งยิ้มมาให้ผม " ทำไมนายต้องทำให้ลิปด้วยละ "

“ ทำไมเหรอครับ ไม่ได้เหรอ " เค้าถามตอนที่เคี้ยวข้าวแบบไม่ได้สนใจว่าผมจะรู้สึกหงุดหงิดอะไร " ก็คุณคีย์บอกว่านั่งกินข้าวกับคุณลิปทุกวันตอนเที่ยงผมทำให้คุณคนเดียวมันก็น่าเกลียดนะสิ "

“ ไม่เห็นจะน่าเกลียด " ผมบ่นออกมาเบาๆ ตอนที่ตักข้าวเข้าปากด้วยความไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก อีกฝ่ายที่ยิ้มฟานเอื้อมมือมาเกลี่ยเศษข้าวที่ติดไว้ตรงมุมปากของผมออก

“ ไม่ต้องหึงหรอกครับ ของคุณคีย์ผมใส่ให้เยอะกว่าคุณลิปตั้งสองชิ้น แถมไส้ข้างในก็ให้เยอะกว่าด้วยนะ กินให้หมดก็แล้วกัน "   

“ ฉันไม่ได้หึงสักหน่อย ฉันไม่ได้หึงเรื่องไร้สาระแบบนั้นหรอก " แต่แค่ไม่อยากจะให้ใครกินกับข้าวฝีมือนาย ยกเว้นฉันมันก็เท่านั้นเอง

   เพราะผมเองก็รู้สึกถึงความรักความห่วงใยที่อีกคนมีให้ผ่านมื้ออาหารที่ได้กินในทุกเช้า ตั้งแต่ไปชอปปิ้งกันคราวนั้นทุกเช้าฟานจะเป็นคนลุกขึ้นมาทำกับข้าวให้ผมกิน แม้มันจะเป็นเมนูง่ายๆแต่คนที่เสียสละเวลานอนแล้วลุกขึ้นมาทำอาหารให้ผมกินทั้งๆที่ก็สามารถเดินออกไปซื้อได้ ก็คงไม่ต้องพูดอะไรแล้วว่ารู้สึกอบอุ่นมากแค่ไหน ด้วยเหตุผลง่ายๆว่า ผมจะได้กินของอร่อยๆไม่อั้นในมื้อเช้าที่สำคัญ แล้วแบบนั้นต้องแบ่งความอบอุ่นพวกนั้นไปให้เพื่อนเหรอ หนำซ้ำถ้าลิปรู้ว่าทั้งหมดนี้ฟานทำให้ ก็ต้องตกหลุมรักไอ้หมอนี่อีกแน่ๆเลย ขนาดแค่นี้ยังเพ้อเจ้อเข้าข้างได้ทุกอย่าง " ว่าแต่ทำไมนายทำกับข้าวเยอะจัง นายล้างตู้เย็นรึไง "

“ ก็ประมานนั้นครับ " อีกคนบอกผมก็พยักหน้ารับก่อนจะหยิบรีโมตทีวีที่ตั้งอยู่ข้างๆ เปิดดูข่าวในเช้าวันใหม่ที่ไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่นัก “ คุณคีย์ "

“ หื้ม ? อะไร " ตักข้าวเข้าปากแต่สายตาก็ยังจ้องมองที่ทีวีไม่ได้หันไปสนใจคนที่กำลังพูดอยู่มากนัก

“ ถ้าเกิดว่าผมหายไปสักพัก คุณจะคิดถึงผมมั้ย  "

“ หายไปไหนอะ " ผมถาม " ก็ถ้าหายไปเพราะเรื่องเรียนก็หายไปเถอะ ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่นายต้องรับผิดชอบอยู่แล้วอะนะ "

“ แล้วคุณจะคิดถึงผมมั้ย "

“ ไม่รู้สิ คงไม่หรอกมั้ง ใช่ว่าฉันจะไม่เคยอยู่แบบไม่มีนายนี่ ก็เคยอยู่มาแล้ว ทำไมจะไม่ได้ละ อ๊ะ..นี่ไง ข่าวนี้ที่อยากจะดู " สายตาที่กำลังสนใจที่ทีวีที่กำลังฉายข่าวเด็กอายุ หกขวบที่ถูกคุณพ่อคุณแม่ทิ้งไว้ที่ป่าของฮอกไกโด ทั้งๆที่ตำรวจกำลังตามหาแต่ก็ไม่พบสักที " น่าแปลกจังนะ เด็กอายุแค่นั้นเองจะหายไปได้ยังไง พ่อแม่โกหกซะแล้วละมั้งว่ามาปล่อยทิ้งไว้น่ะ " ผมพูดกับอีกคนตอนที่หันมามองร่างสูงที่กำลังจ้องหน้าผม " มีอะไรเหรอ มองหน้าฉันทำไมอะ "

“ เปล่าหรอกครับ " เค้าปฏิเสธผมก็หันไปดูทีวีต่อ ข้าวที่กินไปดูทีวีไปหมดลงตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เงยหน้าขึ้นมามองนาฬิกาแขวนผนังในห้องก่อนจะพบว่าผมในตอนนี้เกือบจะไปทำงานสายเสียแล้ว

“ สายแล้ว " ยกน้ำขึ้นดื่มเสียหมดแก้ว ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้คว้าเอากระเป๋าแล้วก็กล่องแซนวิชที่อีกคนทำไว้ในใส่กระเป๋า " สายแล้วๆ สายแล้ว แย่แล้ว " รีบหยิบทุกอย่างแบบร้อนรน คว้านู้นจับนี่ใส่กระเป๋าของตัวเอง

“ คุณคีย์ครับ "

“ อะไร ไว้ค่อยคุยกันได้มั้ยฟานฉันสายแล้วอะ " ผมบอกปัดเค้า

“ ผมจะไปอยู่หอสักสองอาทิตย์นะ "

“ อ่าห๊ะ " ผมบอกแบบไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่ ได้ยินว่าอะไรอาทิตย์ๆ ก็เท่านั้นแหละ ผมใส่รองเท้าอีกคนที่เดินตามมา " ไปละนะ " หันไปบอกเค้ามือที่กำลังจะเปิดประตูออกไปแต่ก็คิดขึ้นได้ว่าลืมอะไรไปบางอย่าง " เกือบลืมไปเลย " ผมหันมาหาเค้าคว้าคอเสื้อของอีกคนก่อนจะดึงลงมาใกล้ จูบริมฝีปากหนานั้นเบาๆจนดัง ' จุ๊บ ' “ ขอบคุณสำหรับมื้อเที่ยง ฉันไปทำงานก่อนนะ "

“ ครับ โชคดีนะ "

   วิ่งลงจากคอนโด ตอนที่กระโดดขึ้นรถไฟที่มีคนอัดแน่นในช่วงเช้า สมองมันก็คิดถึงคำพูดของอีกฝ่ายขึ้นมา เหมือนฟานจะพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่ยักจำได้ว่าอะไร ' อาทิตย์ๆ ' อะไรของเค้านี่แหละ คงจะชวนไปซื้อของวันอาทิตย์ละมั้ง ไว้ค่อยถามตอนเย็นก็แล้วกัน

   กลับมาถึงคอนโดของตัวเองในช่วงดึกของวัน แต่สภาพความเงียบที่ผิดไปจากปกติที่ต้องมีใครบางคนนั่งดูการ์ตูนอยู่ก็ต้องทำให้ผมขมวดคิ้วงงๆ " นี่ยังไม่กลับมาอีกเหรอวะ " สบถกับตัวเองตอนที่หันไปมองเวลาใกล้จะสองทุ่มแล้วแต่ว่าฟานยังไม่กลับ " หรือว่าจะไปติวหนังสือกับเพื่อนอีกละมั้ง " เปิดประเป๋าคว้าเอาทับเบอร์แวร์ที่ใส่แซนวิชใส่ลงไปในที่ล้างจาน แซนวิชในนั้นหมดเกลี้ยง ลิปชมไม่ขาดปากว่าอร่อยกว่าร้านดังที่เราชอบกินตั้งหลายเท่า ไม่รู้เพราะคนทำเป็นฟานด้วยรึเปล่าแต่หมอนั่นก็กินแบบมีความสุขเสียจนน่าหมั่นไส้

“ คราวหลังฉันจะไม่ให้นายทำอาหารไปเผื่อลิปสักชิ้นเลย " พูดกับตัวเองแบบหงุดหงิด ผมวางกระเป๋าไว้ที่โซฟาก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง จัดการอาบน้ำก่อนจะนอนลงบนเตียง คว้ามือถือมากดดูเวลาใกล้จะสามทุ่มแล้ว " ทำไมยังไม่กลับบ้านอีกวะ ไปไหนของเค้า " โปรแกรมไลน์ที่ไร้ข้อความใดส่งมา ผมเม้มริมฝีปากตัวเองก่อนจะหลับตาลง " เดี๋ยวคงกลับละมั้ง "

   ผมนั่งเล่นเกมส์รอเค้าฆ่าเวลา ตอนที่แพ้เกมส์แล้วเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาก็พบว่าใกล้จะตีหนึ่งเข้าไปแล้ว ปกติฟานจะไม่กลับดึกขนาดนี้ พอคิดแบบนั้นใจของผมมันก็เริ่มคิดอะไรทุกอย่างไปในแง่ลบ เข้าโปรแกรมไลน์อีกครั้ง ผมส่งสติกเกอร์ไลน์แบบคนกำลังแอบมองไปให้อีกคน เค้าที่อ่านหลังจากนั้นไม่กี่นาที ฟานส่งข้อความกลับมาผมก็ถอนหายใจโล่ง

“ ครับ คุณคีย์ "

“ ฉันซื้อสติกเกอร์ไลน์มาใหม่ " ผมพิมพ์ตอบกลับไปอีกคนก็ส่งกลับมา

“ มันมีแถมอยู่ในเครื่องนะ ไอ้หมีกับไอ้เป็ดตัวนี้น่ะ " เม้มริมฝีปากตัวเองแน่นตอนที่อีกคนส่งกลับมาแบบนั้น ต้องจับทางออกไปทุกเรื่องเลยรึไง ไอ้เด็กบ้า " มีอะไรครับ "

“ อยู่ไหน ทำไมยังไม่กลับ " ผมกดส่งข้อความไป เดี๋ยวต้องคิดว่าเป็นห่วงไม่ก็หวงอีกแน่ๆเลย " ฉันแค่ถามดูเพราะว่ากุญแจอีกอันมันอยู่ที่นายอะ ฉันนอนไม่ค่อยหลับมันไม่สบายใจ ไม่รู้ว่านายจะกลับเมื่อไหร่ก็เท่านั้นอะ พรุ่งนี้ทำงานเช้าด้วย ว่าไงอะ อยู่ไหน "

“ อย่างงั้นเหรอครับ " เค้าส่งข้อความกลับไป แค่อ่านก็รู้แล้วว่าอีกคนคงจะไม่ได้คิดอย่างที่ผมอยากจะให้เค้าคิดหรอก " คืนนี้ผมคงไม่กลับไปที่คอนโดคุณหรอกครับ คุณคีย์หลับไปได้เลย คืนนี้ผมจะอยู่หอ "

“ แล้วทำไม่บอกก่อน " อยู่ๆก็มาบอกว่าจะไม่กลับตอนที่คนอื่นเค้าคอยอยู่นี่นะเหรอวะ

“ ผมบอกคุณแล้วนะเมื่อเช้าน่ะ " ผมขมวดคิ้วตอนที่อ่านข้อความนั้น พลางหวนคิดถึงเรื่องราวเมื่อเช้า ตอนนั้นจำได้แค่ว่าเค้าพูดอะไร อาทิตย์ๆก็เท่านั้น เพราะตอนนั้นไม่ได้สนใจฟังเลย ตอบอะไรก็ตอบแบบส่งๆเหมือนไม่ได้คิด

“ ไม่เห็นจะรู้เรื่อง "

“ คุณตอบผมว่า อ่าห๊ะ "

“ เหรอ " ไม่เห็นจะจำได้ว่าตอบอะไรแบบนั้นออกไป ผมถอนหายใจกับตัวเองก่อนจะพยักหน้ารับแบบจำยอม สงสัยคืนนี้ต้องนอนคนเดียวจริงๆสินะ " พรุ่งนี้กลับเข้ามา ฝากซื้อสันคอหมูหน่อยสิ อยากจะกินสเต๊กน่ะ กินข้าวเย็นด้วยกันดีมั้ย "

“ ผมกลับมาอยู่หอ สองอาทิตย์นะ ผมบอกคุณแล้วนะ "

“ ไม่เห็นบอก " ผมส่งข้อความกลับไป ไม่เห็นรู้เรื่องเลย

“ ผมบอกคุณแล้วครับ แล้วคุณก็บอกว่า อ่าห๊ะ "

“ ฉันจะตอบแบบนั้นซ้ำกันสองครั้งได้ไง " ผมเถียง

“ ผมบอกคุณว่า ' ผมจะไปอยู่หอสักสองอาทิตย์นะ ' แล้วคุณก็บอกว่า ' อ่าห๊ะ '  " ถอนหายใจเซ็งๆออกมาตอนที่เห็นข้อความนั้น นึกออกแล้วว่า ไอ้คำพูดติดหูที่บอกว่า ' อาทิตย์ ' นั่นคืออะไร แล้วมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับการไปซื้อของวันอาทิตย์อะไรทั้งนั้น ฟานจะไม่กลับมาที่คอนโดเค้า สองอาทิตย์ ตังหาก  " ไว้เจอกันนะครับ "

“ เออ " ผมตอบเค้าสั้นๆก่อนจะปิดล๊อคหน้าจอแล้วโยนมือถือลงเตียงด้วยความหงุดหงิด คว้าหมอนใบที่เค้าเคยนอนเข้ามากอดไว้แน่นก่อนจะเหลือบมองโทรศัพท์ที่ก็ไม่มีเสียงตอบใดกลับมา " ไม่ต้องกลับมาก็ดีเหมือนกัน เตียงนอนกว้างๆจะได้เป็นของฉัน ของฉันคนเดียวเลย " ผมพูดออกมาเสียงดังก่อนจะกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง แต่เหมือนกับว่าคำพูดพวกนั้นก็แค่การปลอบใจตัวเองมันก็แค่นั้น ผมกอดหมอนตัวเองไว้แน่นมองดูโทรศัพท์ที่ตั้งนิ่งอยู่แบบนั้น สมัยนี้ก็มีเฟสทามนะ อยากเห็นหน้ากันหน่อยก็ไม่ได้เหรอ

   ผมจ้องโทรศัพท์ มือที่กอดหมอนของเค้าไว้แน่นไม่รู้ทำไมแต่รู้สึกว่าคืนนี้ เตียงที่กำลังนอนมันใหญ่เกินไปมากกว่าจะนอนคนเดียวแล้ว แอร์ก็เปิดอนุหภูมิเท่าเดิมแต่กลับหนาวมากกว่าปกติ กอดอุ่นๆที่หายไป ไหนใครบอกว่าเหนื่อยแค่ไหนก็ทนได้ แค่ให้ได้กลับมาเจอหน้ากันทุกวันก็พอ แล้วพอเค้าชินกับการเห็นหน้าเห็นตาทุกวัน ก็มาบอกว่าจะหายไปสองอาทิตย์ เพิ่งจะมาเหนื่อยเป็นตอนนี้รึไง ตอนที่เค้าชินกับการที่มีเค้าอยู่ข้างๆนี่อะนะ .. ขี้โกงชะมัดเลย

.................................................
   ลืมตาตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่ๆที่ไม่มีกลิ่นอะไรมากวนใจทั้งสิ้น ทุกอย่างในห้องของผมเงียบเชียบ ไม่มีเสียงทีวีที่เปิดการ์ตูนตอนเช้า หรือแม้แต่กลิ่นหอมของอาหารใดๆ ถอนหายใจออกมา ตอนที่ลากตัวเองไปที่ห้องน้ำ แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะออกมาชงกาแฟดื่มพร้อมกับขนมปังแผ่นที่ยังคงเหลือติดห้องไว้

“ อยากกินปลาแซลม่อนย่าง " ผมพูดกับตัวเอง ก่อนจะเปิดมือถือตัวเองดู แต่ก็ไม่มีข้อความอะไรของอีกคนส่งมา " จริงๆ ส่งภาพอรุณสวัสดิ์แบบ สวัสดีตอนเช้า แบบที่คนแก่ๆเค้าส่งมาให้เค้าก็ได้นะ เค้าไม่ถือหรอก  " นี่นายคิดจะไม่ติดต่อฉันเลยรึไง " กดเข้าไปในไลน์ของอีกคน ข้อความที่ผมส่งถูกอ่านแล้ว แต่ไม่เห็นว่าจะตอบกลับมา " ทำไมไม่ตอบวะ ตอบหน่อยสิ จะได้รู้ว่า ตื่นยัง " อยากจะส่งสติกเกอร์ไลน์ไปสักตัว แต่มือที่ห้ามตัวเองไว้ ก็เขินเกินกว่าจะทำอะไรแบบนั้น " เดี๋ยวก็หาเซ้าซี้อีก ช่างมันเถอะวะ ก็แค่สองอาทิตย์ คิดซะว่า ไม่มีเด็กมากวนใจสองอาทิตย์ก็แล้วกัน กลับสู่สภาพปกติที่ห้องนี้จะมีแค่ผมคนเดียว โดยสมบูรณ์ จะกินเหล้า กลับดึก เมาให้หัวราน้ำเลย  " คนปากเก่งแบบผม ที่พูดออกไปอย่างงั้นแต่ความเป็นจริงก็ไม่ชินซะแล้วละ ชีวิต แบบที่ต้องใช้ชีวิตคนเดียวแบบนั้นน่ะ

   ผมมาทำงานตั้งแต่เช้า ตอนที่เปิดคอมแล้วทำงานที่อยู่ตรงหน้า พยายามทำตัวเองให้ยุ่งจะไม่ไปคิดถึงคนที่เค้าไม่ติดต่อมา เหลือบสายตาไปดูโทรศัพท์ที่เงียบสงบ ผมเผลอถอนหายใจออกมาก่อนเสียงทุ้มคุ้นหูจะทักขึ้น

“ เครียดอะไรนัก หน้านิ่วเชียว " หัวหน้าแซว ผมก็ส่งส่งยิ้มแห้งๆไปให้เค้า " มันไม่ค่อยโอเคเหรอ " เค้าถามก่อนจะย่อตัวลงมาดูงานของผมที่หน้าจอ ความใกล้ชิดที่ทำให้ผมขยับห่างออกไปแต่เค้าก็ยังจะเบียดเข้ามา " ฉันว่าก็สวยดีนี่ แต่ถ้าจะเพิ่มตรงนี้ " มือหนาเอื้อมมือมมาจับมือผมที่จับเม้าส์ปากกาอยู่ เค้าขยับไปมาจากลายที่ทำสวยอยู่แล้วมันบิดเบี้ยวไปหมดเพราะสองคนช่วยกันทำ

“ เอ่อ ผมเข้าใจแล้วครับเดี๋ยวจะทำเอง " บอกปัดเค้าไปแบบนั้นก่อนที่อีกคนจะหันไปหาเพื่อนผมข้างๆที่ก็กำลังเหม่ออยู่ รายนั้นก็ไม่รู้จะเหม่อไปถึงไหน ตั้งแต่เช้ามาก็นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอะไร เหมือนกำลังคิดถึงใครอยู่ตลอดเวลา แต่เค้าเองก็เหมือนกัน อย่าว่าแต่ลิปเลย

   เหลือบมองลิปที่เถียงกับหัวหน้า ผมมองหน้าเค้าสลับกับหน้าของอีกคนก่อนจะหันกลับมาสนใจงานของตัวเองต่อ หัวหน้าที่หันกลับมาดูก้มลงดูงานในหน้าจอของผมก่อนจะคว้ามือผมไปจับอีก

“ ลากเพิ่มลงมาตรงนี้อีกนิดสิ "

“ ครับ " ผมตอบรับอีกคนสั้นๆแต่ก็ไม่ได้หันไปมอง หน้าของเค้าอยู่ใกล้มากรับรองว่าถ้าหันไปคงต้องเกิดเหตุการณ์ที่เผลอจุ๊บแก้มแบบในการ์ตูนญี่ปุ่นแน่ๆ แต่อย่าหวังเลย มุกแบบนี้มันเก่าเกินไปสำหรับเค้าแล้วละ ร่างสูงดึงตัวเองยืนขึ้นตอนที่รอนานแต่ผมก็ไม่หันไปสักทีเค้าที่เดินกลับไปที่โต๊ะ ผมก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะพิงหลังตัวเองกับเก้าอี้อย่างหมดแรง อึดอัดชะมัดเลย

“ เป็นอะไรไป หัวใจจะหยุดเต้นเลยรึไง คนที่ชอบเข้ามาใกล้ " เสียงแซวของเพื่อนโต๊ะข้างๆ ผมยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะทำหน้าเบื่อดลกส่งไปให้

“ มันเหมือนการคุกคามทางเพศเลยนายว่ามั้ย  "

“ ยังไง "

“ ไอ้ที่เค้ามาจับมือฉันแล้วบอกว่าสอนฉัน  ทั้งๆที่ฉันทำได้ดีกว่าเค้าซะอีก " แถมหนำซ้ำยังมาทำงานเค้าให้ยุ่งไปหมดอีก แค่ชี้ก็พอแล้วทำไมต้องจับมือวะ ไม่เข้าใจ อ่อยรึไง

“ เดี๋ยวนี้เค้าเข้าหานายจังนะ หย่ากับเมียแล้วเหรอ "

“ ยังอะ " เท่าที่รู้ก็น่าจะจังละมั้ง ก็เห็นเค้าพูดอะไรอะ  " แต่คงเพราะฉันไปบอกเค้าว่า ฉันมีคนที่ฉันสนใจแล้วละมั้ง "

“ ก็คงอยากจะตะครุบเหยื่อให้เร็วขึ้นละมั้ง แบบเล็งมาตั้งนาน อยู่ๆ เหยื่อก็ถูกเด็กที่ไหนไม่รู้ฉกไปใครจะทนได้ " อีกคนแซว " แต่ฉันคิดว่าเค้าคงแค่อยากจะลองมีวันไนท์สแตนกับนายก็เท่านั้นแหละ แต่จะมากกว่านั้นก็ในกรณีที่นายแซ่บมากจนเค้าต้องการอีกนั่นก็อีกเรื่องนะ "

“ บ้า คิดอะไรอย่างงั้น " ผมไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นกับหัวหน้าเลย อาจเพราะไม่อยากจะคิดมาจนเกร็งไปหมดเดี๋ยวจะพาลทำให้งานที่ต้องทำด้วยกัน มันยากขึ้นเพราะกลัวจนเข้าหน้ากันไม่ติด

“ คิดให้เยอะบ้างเถอะคีย์ คิดน้อยๆแบบนายระวังจะตกเป็นเหยื่อของเค้า จะมาเสียใจทีหลังไม่ได้นะ ทำอะไรก็คิดถึงฟานหน่อย " คำพูดเตือนที่ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ชื่อนั่นอีกแล้ว ฟานอีกแล้ว

“ ไอ้ลูกหมานั่นอีกแล้ว ทำไมฉันต้องไปคิดถึงไอ้ลูกหมานั่นด้วยล่ะ "

“ พูดแค่นี้ต้องยั๊วะด้วย " ลิปพูดก่อนจะเว้นเสียงถาม " ทะเลาะกันเหรอ "

“ เปล่า " ผมถอนหายใจออกมา " แต่อย่าพูดถึงชื่อนั่นได้มั้ย มันน่าหงุดหงิด " หันกลับมาที่โต๊ะตัวเองผมมองโทรศัพท์ที่ยังคงไม่มีเสียงเรียกเข้า หรือข้อความใดมันก็ยิ่งชวนให้หงุดหงิดมากขึ้นไปอีก หงุดหงิดที่ต้องคิดถึงแล้วมันก็มากขึ้นทุกๆที

   สายตาที่ยังคงจดจ้องอยู่ที่หนเาคอมพิวเตอร์ มือที่ยังคงออกแบบงานที่ได้รับมอบหมาย ผมลืมเวลาที่กำลังเดินไปหรือแม้แต่ข้อความหรือเสียงโทรศัพท์ที่กำลังคอยอยู่ สิ่งที่ดีที่สุดของการลืม คือการทำอะไรก็ได้ให้ชีวิตยุ่งเข้าไว้

“ วันนี้นายไม่รีบกลับบ้านไปหา ไอ้ลูกหมาของนายเหรอ " เสียงที่หันมาถามผม เงยหน้าขึ้นจากหน้าจองผมมองดูเวลาก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว

“ ไม่อะ " ผมตอบสั้นๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา " ไอ้หมอนั่นไม่อยู่ "

“ ไปไหนอะ "

“ ไปตายมั้ง " ตอบออกไปส่งๆก่อนจะถอนหายใจออกมา " เค้าไม่อยู่น่ะ หายหัวไปเลย "

“ อ้าว แล้วเค้าบอกมั้ยว่าไปไหน "

“ ก็บอก " ผมพยักหน้ารับ

“ แล้วนายจะหงุดหงิดทำไม ฉันก็คิดว่านายโดนทิ้งซะแล้วถึงได้มานั่งทำงานหน้าตาหงุดหงิดอยู่แบบนี้ "

“ ก็ เค้าไม่ยอมติดต่อมาเลย "

“ นายก็ติดต่อไปสิ " ผมหันไปมองอีกคนสำหรับความคิดนั้น ก็จริงอยู่ที่ว่าถ้าเค้าไม่ติดต่อมาเราก็แค่ติดต่อไปแต่ทว่าผม..ก็ไม่กล้าจะทำแบบนั้นหรอก " ท่าทางจะไม่กล้าละสิ "

“ ไม่ใช่สักหน่อย "

“ เหรอออออ " ลิปพูดเหมือนไม่เชื่อก่อจะพยักหน้ารับ " เป็นฉัน ฉันจะโทรไปแล้วบอกว่า ฉันน่ะคิดถึง ไม่สบายอยู่ไหน เมื่อไหร่กลับ กลับมาได้แล้วน้า เหงามากเลย อยากจะกอด จุ๊บๆ "

“ บ้า " ผมเบือนหน้าหนี ให้ตายก็ไม่มีทางพูดอะไรแบบนั้นหรอก ฟานจ๋า~ คิดถึงจังเลยอยู่ไหนน่ะ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว  " ฉันทำแบบนั้นเป็นที่ไหน "

“ ไม่เป็นก็หัดสิ ของแบบนี้มันต้องลอง "

“ คนเรานี่ก็แปลกนะว่ามั้ย " ผมถอนหายใจออกมาตอนที่อยู่ๆก็เผลอไปคิดถึงเค้าขึ้นมาอีก  " ตอนที่ไม่มีก็อยู่ได้สบายดีนั่นแหละ แต่ทำไมพอขาดไปสักหน่อย ก็เหมือนจะอยู่ไม่ได้ ฉันน่ะควรดีใจมากตังหากไม่ใช่เหรอที่สะบัดไอ้ลูกหมานั่นออกไปได้ ควรจะดีใจว่าตัวเองจะได้นอนบนเตียงกว้างๆคนเดียวแบบไม่ต้องแบ่งใครตั้งหลายวัน แต่น่าแปลกตอนนี้ฉันกลับรู้สึกว่า เตียงของฉันใหญ่เกินกว่าจะนอนคนเดียวแล้ว "

“ คีย์ "

“ งี่เง่ามากเลยอะ ที่ฉันต้องมาเป็นแบบนี้ ต้องมาคิดถึงคนที่ไม่คิดจะโทรหาฉันด้วยซ้ำ " ทั้งๆที่ว่าผมกำลังรอเค้าอยู่แท้ๆ รอให้โทรมา หรือว่าส่งข้อความมาหาก็ยังดี

“ ก็อาจจะยุ่งก็ได้ อย่าคิดมากเลย " ลิปเอ่ยปลอบผมก่อนจะทำหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่

“ ลิป " พอเอ่ยทักอีกคนก็หันมายิ้มแห้งๆให้ผม ช่วงนี้เพราะกำลังสับสนกับเรื่องของโฮสคนนั้นแน่ๆก็เลยเหม่อบ่อยๆ ความจริงปัญหาของลิปหนักกว่าผมซะอีก ก็เผลอรักคนที่ทำอาชีพแบบนั้น แล้วต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้นต่อให้ปากบอกว่าจะถอย แต่หัวใจที่ชอบเค้าไปแล้ว สำหรับผมจะถอยก็ยากแล้วละ

“ มีอะไรเหรอ "

“ นายเหม่ออีกแล้วอะ "

“ โทษที แค่กำลังคิดว่าคำพูดนายมันก็จริงอย่างที่นายพูดมันก็เท่านั้นอะ " เค้าบอก " กลับบ้านกันมั้ย ไปหาเบียร์อร่อยๆกินกันก่อนกลับเถอะ "

“ อย่างงั้นก็ได้เอาสิ " ผมพยักหน้ารับตอนที่ปิดคอมแล้วเก็บทุกอย่างลงกระเป๋าผมก็หันไปหาอีกคน

“ ไปกันเถอะ ไม่มีแฟนมากวนใจก็ไปดื่มให้หนำใจไปเลยดีกว่า " เราเดินออกจากออฟฟิศไปที่ชั้นล่างของตึก ผู้คนที่ดูบางตาเพราะเลยเวลาเลิกงานมานานแล้ว

“ จะว่าไปก็อยากจะกินเบียร์อร่อยๆกับของทอดเหมือนกันนะ "

“ ร้านที่ใกล้คอนโดนายที่เราไปกินวันนั้นมันอร่อยมากเลย "

“ ใช่มั้ยละ " ผมพยักหน้ารับ " หรือว่าเราจะไปกินที่ร้านนั้นกันดี "

“ ก็ได้นะ เอาสิ " เราที่ตอบตกลงกันดิบดีแต่ทว่าขาที่กำลังเดินอยู่ๆก็ได้ยินเสียงนึงเรียกขึ้นมาเสียก่อน

“ ลิป " เสียงที่ทำให้พวกเราหยุดเดิน ตอนที่ผมหันไปมองต้นเสียงตัวเองก็เหมือนจะนิ่งไปเหมือนกัน ผู้ชายร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาคมเข้ม ผมเม้มริมฝีปากตัวเองนี่อย่าบอกนะว่า เค้าคือหัวหน้าโฮสคนนั้นอะ ..ก็ว่าทำไมลิปเหม่อนัก หล่อขนาดนี้เลยเหรอวะ " ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย "

“ วันนี้ไม่ว่างอะ พอดีนัดเพื่อนไปกินข้าวด้วยกันแล้ว " เค้าที่เชิดหน้ามาทางผม ทั้งๆที่อีกฝ่ายก็ตั้งใจมาเคลียร์แท้ๆ

“ สวัสดีครับ " ผมทักอีกฝ่าย " คุณคงเป็น คุณเมษสินะครับ "

“ ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก "

“ เช่นกันครับ คุณ.."

“ คีย์ครับ " แนะนำตัวเองก่อนจะส่งยิ้มไปให้ ลืมฟานไปชั่วขณะเลยจริงๆให้ตายสิ แต่ยังไม่ทันจะได้คุยอะไรคนข้างก็ลากผมออกไปก่อนจะหันไปพูดกับอีกคน

“ ไว้เจอกันนะครับ วันนี้ผมมีนัดแล้ว "

“ เดี๋ยวสิ " คุณเมษเรียกเราก่อนจะคว้ามือของลิปเอาไว้ " คุยกับฉันให้รู้เรื่องก่อน "

“ แต่วันนี้ฉันมีนัดแล้ว " อีกคนหันไปเถียง" ไว้เราค่อยคุยกันก็ได้ "

“ ค่อยคุยกัน ? “ คุณเมษทวนคำพูด " คุยตอนไหน ฉันโทรไปหานายก็ไม่รับสาย ส่งข้อความไปก็ไตอบ ฉันโทรตลอดทั้งวัน จนมือถือนายแบตหมดไปแล้วมั้ง แต่นายก็ไม่ตอบ แล้วแบบนี้นะเหรอที่บอกว่า เราค่อยคุยกัน อย่ามาหลอกฉันหน่อยเลย "

“ แต่ฉันจะไปกับเพื่อนจริงๆ เรานัดกันแล้ว ใช่มั้ยคีย์ " ชิบหาย..แล้วก็ดันหันมาถามกูอีก

“ ก็ใช่ เรานัดกันแล้ว " ผมตอบก่อนที่อีกคนจะหันมายิ้มให้ผม

“ งั้นผมขอไปด้วยคนได้มั้ยครับ คุณคีย์ "

“ เอ่อ.. “ ผมหันไปมองลิป ก่อนจะโยนไปให้อีกคนโดยที่ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี " เรื่องนี้ผมว่า คุณถามลิปดีกว่านะครับ ผมได้ทั้งนั้นแหละ "

“ งั้นฉันไปด้วยนะ " โคตรตื้อเลย ผมคิดในใจตอนนั้นก่อนจะหันมองลิปที่ไม่รู้ว่าจะตอบอีกคนว่ายังไง ท่าทางอึดอัดที่แผ่ออกมา ผมรู้สึกว่าตัวผมควรออกไปจากเหตุการณ์นี้ท่าจะดีกว่า แฟนกันทะเลาะกันมันก็ควรเคลียร์กันสองต่อสองมันถึงจะรู้เรื่อง

“ เอ่อ ฉันว่าฉันไม่ไปแล้วดีกว่า "

“ ได้ไง " ลิปหันมาบอก " เรานัดกันแล้วนะ "

“ ฉันรู้สึกไม่ค่อยอยากจะกินแล้วอะ ขอกลับบ้านดีกว่า " 

“ คีย์ " เสียงที่เรียกชื่อผมก่อนจะเดินไปใกล้ผมก็กระซิบ

“ นายไปเคลียร์กับเค้าให้รู้เรื่องเถอะ ปล่อยไว้คาราคาซังแบบนี้ไม่มีผลดีอะไรหรอก เคลียร์ไปดีกว่าจะเอาไงจะได้จบๆ เชื่อฉันสิ " ผมพยักหน้าบอกเค้าในตอนนั้น อีกคนก็ถอนหายใจออกมา " งั้นฉันกลับก่อนนะ ขอตัวก่อนนะครับคุณเมษ " ก้มหน้าลาอีกคนก่อนจะยิ้มให้ทั้งสองคน ถอนหายใจตอนที่เดินออกมา ยังไงก็ไม่ขอยุ่งดีกว่าเรื่องผัวๆเมียๆ เคลียร์กันให้ลงตัวเถอะจะเอายังไง เรายังไงมันก็คนนอกอะนะ ผมพูดกับตัวเองตอนที่เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าในที่สุดก็ต้องกลับบ้านไปกินเบียร์คนเดียวอีกตามเคย

   หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาตอนที่กลับมาถึงห้องของตัวเอง ความเงียบเหงาที่เข้ามาปะทะกันตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้อง ผมตั้งกระเป๋าไว้ที่โซฟาก่อนจะทรุดตัวเองนั่งลง พลางกดโทรศัพท์ที่ไม่มีใครโทรเข้ามาทั้งนั้นแม้แต่ข้อความของคนที่คอยอยู่
“ นายไม่คิดจะติดต่อฉันเลยรึไง ไอ้ลูกหมา กำลังลองดีใช่มั้ย ว่าฉันจะคิดถึงนายรึเปล่า นายคิดว่าจะให้ฉันยอมแพ้แล้วลองติดต่อไปหานายก่อนใช่มั้ย หึ ไม่มีวันที่คนอย่างฉันจะทำแบบนั้นหรอก ฉันจะรอให้นายคิดถึงฉันจนทนไม่ไหวแล้วติดต่อมาหาฉันเอง " ผมพูดกับตัวเองแบบนั้น ก่อนจะกดโทรศัพท์หาสติกเกอร์ไลน์หน้าตาน่ารักก่อนจะกดโหลด เปิดหน้าไลน์ของฟานมือก็เลื่อนหาสติกเกอร์ที่เพิ่งซื้อก่อนจะ ' เผลอ ' กดส่งไปแบบไม่ได้ตั้งใจ

“ อุ้ย เผลอกดส่ง " ผมบอกกับตัวเองแบบนั้น  ก่อนจะปิดหน้าจอมือถือของตัวเองลง หัวใจที่เต้นแรงอยู่ๆ เสียงข้อความเข้าก็ดังขึ้นมา

“ ครับ ? “

“ ฉันแค่เผลอกดส่งสติกเกอร์ไลน์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่เท่านั้นแหละ ไม่ได้คิดถึงนายหรือว่าอยากจะให้ส่งข้อความกลับมาหรอก " ผมบอก อีกคนก็เงียบก่อนจะส่งสติกเกอร์ไลน์เป็นหมีส่งหัวใจมาให้พร้อมกับข้อความที่ทำให้ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ คิดถึงคุณคีย์นะครับ " มองดูข้อความนั้นก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่น  ฉันเองก็คิดถึงนายเหมือนกัน ฟาน
คิดถึง คิดถึงมากๆเลย

..........................................

คิดถึงก็บอก.. เค้าไปตรงๆ
มีซื้อสติกเกอร์ส่งไปหาเค้า อยากจะให้เค้าตอบกลับก็บอก
พี่คีย์คนซึน ใส่ใจแฟนตัวเองน้อยไปหน่อยแต่ว่า ก็รักแฟนตัวเองนะ แม้จะไม่พูดก็เถอะ
ตอนหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป.. พี่คีย์จะทนคิดถึงน้องฟานที่จะหายหัวไปสองอาทิตย์ได้หรือไม่
โปรดเป็นกำลังใจให้พี่คีย์ด้วย

(https://pbs.twimg.com/media/CnaPmwuVMAElblc.jpg)
อันนี้คือภาพที่พี่คีย์ส่งไปแล้วฟานบอกว่า เค้าให้ฟรีนะ..

ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะในทวิต มีความอยากรีแท็กอย่างมาก
ฝากแชร์ โพสต์ฟานคีย์ในเฟสสักหน่อย มีความอยากให้แชร์มาก

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
ตอนหน้ามาอัพวันเวลาเดิม รักน้าาาาาาา  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 17 ' ความคิดถึง ' UP - 15.7.59} หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: nuuwasabi ที่ 15-07-2016 20:43:26
ห่างกันนิสกันหน่อย คิดถึงใหญ่เลนะคุณคีย์ หวงเค้าละซิ

แอบสงสัยฟานไปใหนตั้ง 2 อาทิตย์  อย่ามีปมนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 17 ' ความคิดถึง ' UP - 15.7.59} หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 15-07-2016 20:53:47
 :hao3: คนแก่ปากแข็ง อิอิ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 17 ' ความคิดถึง ' UP - 15.7.59} หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-07-2016 21:20:10
น่ารักจังเลยพี่หมีคีย์
บอกกันเถอะ. รักกันคิดถึงกันก็บอกกันนะก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้บอก
 :mew1:  ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 17 ' ความคิดถึง ' UP - 15.7.59} หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 15-07-2016 22:15:07
โหยยยย มีความหน่วงอ่าาาา
ฟานตั้งใจหายไปเพราะงอนพี่คีย์รึเปล่า หรืออยากสั่งสอน?
ไม่เอามาม่าาาาาาาาาา TTOTT
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 17 ' ความคิดถึง ' UP - 15.7.59} หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-07-2016 22:28:29
อั้ยยยย ทำเนียนนะคีย์ ทำตัวน่ารักหน่อย ถึงฟานจะหลงมากก็เหอะ
ไหนว่าไม่คิดถึงไง อยู่คนเดียวมาตั้งนาน 5555

ฟานน่ารักเนาะ น้อยใจหรืออะไรถึงกลับหอน่ะ

คีย์พัฒนานะ ไม่ฝีกใฝ่บอสแล้ว ดีใจเป็นที่สุด รักฟานหลงฟานมากเลยเหอะ
แล้วบอสคุกคามมากนะ รุกหนักแล้วยังเนียนไปอีก

คีย์ไปรับฟานมาด่วน

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 17 ' ความคิดถึง ' UP - 15.7.59} หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 15-07-2016 23:01:16
หายไปไหนนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 17 ' ความคิดถึง ' UP - 15.7.59} หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 15-07-2016 23:13:30
สวัสดีค่าาาา ^^
เพิ่งตามอ่าน สนุกมาก
ตอนนี้พี่คีย์ตลกอ่ะ มีการลงทุนซื้อสติ๊กเก้อด้วย
น่าเอ็นดู (≧∇≦)
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 17 ' ความคิดถึง ' UP - 15.7.59} หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 15-07-2016 23:15:38
ฟานมาหานุ้งคีย์เร็วๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 17 ' ความคิดถึง ' UP - 15.7.59} หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 15-07-2016 23:26:22
ฟานมาหาคีย์เร็วๆน้า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 17 ' ความคิดถึง ' UP - 15.7.59} หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 16-07-2016 02:55:30
เหมือนฟานเฝ้าโทรศัพท์อยู่ปะเนี่ย
5555
แต่ก้นะ ไปทำอะไร ตั้ง 2 อาทิตย์ โปรเจคหรออ
คีย์คิดถึงแย่แล้ว
รีบกลับมานะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 17 ' ความคิดถึง ' UP - 15.7.59} หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 16-07-2016 05:39:49
มีความปากแข็งคะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 17 ' ความคิดถึง ' UP - 15.7.59} หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 16-07-2016 17:15:55
ไม่เลย ไม่คิดถึงเลย ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 17 ' ความคิดถึง ' UP - 15.7.59} หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 16-07-2016 19:09:44
ไม่คิดถึงสักนิดเล๊ยยยย แค่มือลั่นเฉยเนาะคีย์  :laugh:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 17 ' ความคิดถึง ' UP - 15.7.59} หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-07-2016 22:18:58
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 17 ' ความคิดถึง ' UP - 15.7.59} หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 17-07-2016 20:30:05
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 18
' ทนไม่ไหว '

   ' คืนนี้เวลาเที่ยงคืนครึ่ง ถึงตีสามครึ่งจะมีรังสีจักรวาล ( COSMO )  จากดาวอังคารส่งมายังโลก ฉะนั้นคืนนี้ให้ปิดโทรศัพท์มือถืออย่าเก็บไว้กับตัว ตอนหลับก็เอาไปไว้ไกลๆเพราะมันเป็นรังสีที่อันตรายมากๆ ( ข่าวจาก NASA BBC ) โปรดส่งต่อข่าวนี้ไปให้คนที่คุณรักทุกคน ถ้าไม่เชื่อเช็คจาก Google ' ผมกดส่งข้อความนี้ไปหาฟาน นี่ก็เข้าวันที่สี่แล้วที่เค้าไม่ติดต่อมา แล้วก็ไม่มีการกลับมาของเค้าที่คอนโดหรือกลับมาให้ผมเห็นหน้าใดๆทั้งสิ้น ส่วนตัวผมก็ได้แต่หาข้อความลูกโซ่พวกนั้นส่งไปหาอีกคน แม้แต่ภาพที่เขียนว่า สวัสดีวันพฤหัส ก็เคยส่งไปให้แล้ว

“ คุณคีย์ เชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอครับ " อีกคนที่ส่งข้อความตอบกลับมา

“ ไม่อะ ก็มือมันเผลอไปโดน แค่จะแคปไปให้ลิปขำๆเท่านั้นอะ "

“ คุณใช้มุกนี้ตั้งแต่ส่งภาพ สวัสดีวันพฤหัสมาให้ผมแล้วนะ สงสัยไลน์ของผมกับไลน์ของคุณลิปคงจะอยู่ใกล้กันมาก " ส่วนนายก็คงลบไลน์ของฉันออกไปแล้วใช่มั้ย ถึงไม่ได้ติดต่อมาเลยแบบนั้น ผมผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่ปิดหน้าจอมือถือของตัวเองลงแล้วก็ตั้งไว้ข้างๆ ' ทำไมเราต้องคิดถึงคนที่ไม่คิดแม้จะส่งข้อความมาหาเราด้วยวะ ' ผมถามตัวเองแบบนั้นก่อนจะหลับตาลงแล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำ วันนี้ต้องไปทำงาน พรุ่งนี้ก็วันหยุดแล้วจะซื้อขนมมาตุนไว้แล้วก็นั่งดูหนังทั้งวันทั้งคืนไปจนถึงวันอาทิตย์เลย แล้วนายจะไม่ได้เห็นข้อความของฉันอีก ไอ้ฟาน

   เปิดคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงานตอนที่หย่อนตัวลงนั่ง ลิปที่มาก่อนก็ทักก่อนจะยิ้มให้ " นี่ยังไม่หายหงุดหงิด เรื่องฟานที่ไม่ติดต่อมาอีกเหรอ "

“ ฉันไม่ได้สนใจไอ้ลูกหมานั่นสักหน่อย " ผมบอกอีกคนที่ก็พยักหน้ารับแต่กลับแสดงสีหน้าที่ไม่เชื่อออกมาเสียแบบนั้น

“ นายก็ส่งข้อความไปหาเค้าก่อนสิ อย่างที่ฉันบอกไง ฟานจ๋า คิดถึงนะ "

“ ฉันก็ส่งไปแล้ว " ผมบอก

“ ด้วยข้อความที่ฉันพูดอะนะ "

“ ก็เปล่าหรอก " แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ทักไปก่อนรึเปล่าวะ " แต่ตั้งแต่วันนี้ฉันจะไม่ส่งข้อความไปหาไอ้ลูกหมานั่นอีกแล้ว พอกันที "

“ งอนอะไรเค้าอีกละ "

“ ส่งเหี้ยอะไรไป ก็ไม่เห็นมันจะเข้าใจสักอย่าง ส่งข้อความมาหาก่อนบ้างก็ไม่มี ต้องรอให้ฉันส่งไปก่อนเรื่อยเลย พอกันที ไม่ส่งแล้ว จะติดต่อเมื่อไหร่ก็ติดต่อมาละกัน จะกลับมาเมื่อไหร่ก็เรื่องของมันแล้วละ ฉันไม่สนแล้ว "

“ โกรธจริงๆนะเนี้ยนาย "

“ แล้วมันน่าโมโหมั้ยวะ " ผมหันไปเถียงอีกคน ก่อนจะถอนหายใจออกมา " เค้าไม่คิดถึงฉันเลยเหรอ ถึงไม่ส่งข้อความมาเลย เฟสทามก็มีจะอยากเห็นหน้ากันสักหน่อยไม่ได้เหรอ สติกเกอร์ไลน์สักอัน หรือแม้แต่ข้อความ ถ้าเขินฉัน ส่งข้อความลูกโซ่มาหาก็ได้นะ แต่นี่ เค้าเงียบไปเลย "

“ ก็อาจจะมีเหตุผลของเค้า "

“ เหตุผลอะไร เหตุผลที่ว่าไม่คิดถึงฉันนะเหรอ " ผมหันไปถามอีกคนที่เงียบลง ลิปส่ายหน้า

“ ก็ลองไปถามเค้าสิ "

“ ฉันจะไม่ติดต่อไอ้หมอนั่นไปก่อนอีกแล้ว พอกันที "

“ การที่นายบอกว่า ติดต่อเค้าไปก่อน ด้วยการส่งสติกเกอร์ไลน์ ข้อความลูกโซ่ หรือแม้แต่รูปภาพสวัสดีวันพฤหัสที่ขอไปจากฉันตอนที่แม่ส่งมาให้ฉันเนี้ย ไม่ได้เรียกว่าการติดต่อไปก่อนหรอกนะคีย์ "

“ ก็..” แต่นั่นก็ถือว่าเราทักเค้าไปก่อนรึเปล่าวะ

“ การยอมรับใจตัวเองว่านายคิดถึงเค้า มันยากมากขนาดนั้นเลยเหรอ " ลิปที่เอ่ยถามผม " แค่บอกว่า ฟานฉันคิดถึงนาย คำพูดตรงๆแค่นี้ มันพูดยากมากเลยเหรอ ฉันคิดว่าคนอย่างฟานถ้ารู้ว่านายคิดถึงก็คงทำอะไรสักอย่างแน่ๆ นายรออยู่แบบนี้ รอให้เค้าติดต่อมา ระวังเถอะ ตัวเองจะอกแตกตายเพราะความคิดถึงไปซะก่อน "

“ คนอย่างฉัน ไม่เป็นอะไรแบบนั้นหรอก " คำพูดที่ดูเชื่อมั่นแต่ใจจริงกลับไม่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังพูดเลยสักนิด ไม่มั่นใจเลย ว่าตัวผมจะทนคิดถึงเค้าได้

   กลับมาถึงคอนโดตัวเองในช่วงดึก เป็นอีกวันที่ต้องทำงานเสียจนดึกดื่นโดยที่ไม่รู้ว่าเป้าหมายของตัวเองคืออะไร เพียงเพราะว่าไม่อยากจะคิดถึงใครคนนั้นก็เลยจมตัวเองไปกับงานทำให้ทุกอย่างยุ่ง แต่ทว่าดูเหมือนว่าพอถึงเวลากลับบ้านเราเองก็ต้องกลับ แล้วโลกความจริงที่พยายามลืมมันก็หวนกลับมาอีกครั้ง คือ ' คิดถึงเค้า '
 
   มือของผมไม่หยิบโทรศัพท์ออกมาดูอีกแล้ว เพราะรู้ว่าเค้าคงไม่ติดต่อมา เดินไปที่ตู้เย็นของตัวเองผมหยิบเบียร์ขึ้นมากินก่อนจะกลับไปนั่งที่โซฟาตัวเดิม อยากจะรู้นักเหตุผลอะไรที่ทำให้เค้าไม่ติดต่อมา งานยุ่งมากเหรอ แต่มันยุ่งถึงขนาดที่ว่าแค่จับมือถือแล้วส่ง สติกเกอร์ไลน์สักตัวมาให้ผมก็ไม่ได้เหรอ ไม่มีเวลาพักเลยเหรอ ทำอะไรทำไมถึงยุ่งขนาดนั้น ความรู้สึกที่เหมือนกับคนวอแว ผมเบือนหน้าไปมองกองหนังสือบนชั้นที่ตั้งไว้แบบเป็นระเบียบ มันคือหนังสือของฟาน แถมยังมีทั้งสมุดแล้วก็อะไรมากมายที่อีกคนเอามาไว้ที่นี่ ผมลุกขึ้นเดินไปมองมัน ก่อนจะเขี่ยมันให้ตกลงบนพื้นหลายๆเล่ม คว้ามือถือตัวเองออกมาถ่ายภาพกองหนังสือพวกนั้น แล้วในที่สุด ผมก็ส่งภาพนั้นไปให้เค้าเหมือนพวกคนที่พ่ายแพ้ต่อความรู้สึกภายในจิตใจ

“ หนังสือนายหล่นลงมาจากชั้น มาเก็บด้วย " ผมส่งข้อความไป ฟานที่อ่านก็ส่งข้อความตอบกลับมา

“ มันหล่นลงมาได้ไงน่ะครับ " เค้าถาม

“ ฉันจะไปรู้รึไง มาเก็บด้วยละกัน "

“ ตอนนี้ผมยังไม่ว่างน่ะครับ คุณคีย์ช่วยหยิบมากองไว้บนโต๊ะก่อนก็ได้ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าผมกลับไปเก็บเอง "

“ เรื่องของฉันรึไง " ผมตอบกลับไป " ของของนาย นายก็มาเก็บเองสิ "   

“ งั้นก็กองไว้ตรงนั้นก่อนก็แล้วกันครับ "

“ รก "

“ ขอโทษด้วยนะครับ ไว้คุยกันนะ " ข้อความที่เหมือนถูกตัดไป คงรำคาญที่จะตอบเค้าแล้วละมั้ง จะพูดอะไรตรงๆก็ไม่ได้ ต้องหาเรื่องนู้นนี่นั่นมาคอยพูดคอยถามอยู่แบบนั้น

   ผมปิดมือถือตอนที่ล้มตัวลงนอนยาวบนโซฟา ทั้งๆที่มันควรเป็นเสาร์อาทิตย์ที่ใฝ่ฝันว่าจะได้อยู่คนเดียวแบบไม่มีคนมาวุ่นวายแท้ๆ แต่ทำไมถึงไม่ดีใจที่ได้อยู่คนเดียวเลยสักนิด ยังมัวคิดถึงใครคนนั้นอยู่ได้

' แค่บอกว่าคิดถึง มันพูดยากขนาดนั้นเลยเหรอ '  คำพูดของเพื่อนที่แล่นเข้ามาในหัว ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นจากโซฟาตัวที่นอนอยู่ คว้าเอากระเป๋าตังค์กับมือถือแล้วออกไปนอกห้องในวินาทีต่อมา

   ผมเป็นคนพูดความจริงจากใจไม่เก่ง แล้วก็ยังไม่กล้าพูดออกไปตรงๆด้วย แต่สิ่งที่ผมรู้สึกคือ ถ้าแววตาของผมสามารถบอกอะไรเค้าได้ก็คงจะดี แววตาที่บอกว่า กำลังคิดถึง แล้วก็กำลังคิดถึงมากแค่ไหน มันอาจจะดูงี่เง่า ทั้งๆที่ถ้าพูดออกไปก็คงไม่ต้องทำอะไรแบบนั้น แต่คำพูดถ้าพูดออกไปมันคงจบ แต่ความคิดถึงก็คงไม่ได้จบไปกับคำพูด ความคิดถึงที่ยังคงอยู่แล้วแบบนั้นจะพูดทำไม พูดไปก็ยิ่งคิดถึง สู้ไปหา แล้วทำให้หายคิดถึงไม่ดีกว่าเหรอ

   การเดินทางที่ค่อนข้างไกลผมถอนหายใจตอนที่รู้ตัวอีกที มือก็เผลอเรียกแท็กซี่แล้วให้เค้าขับออกไปยังมหาวิทยาลัยของอีกคน ฝนที่กำลังตกลงมาอย่างหนักในช่วงเวลานั้น ผมมองดูนอกหน้าต่างที่ที่มีผู้คนกำลังเดินกางร่มหลากหลายสีอยู่ในขณะนั้น ก่อนที่รถจะจอดลงที่หน้ามหาลัยใหญ่ ผมยื่นเงินจ่ายให้กับคนขับ สายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักผมเดินออกจากรถก่อนจะวิ่งฝ่าฝนไปที่ป้ายรอรถเมล์ที่อยู่ใกล้ที่สุด คว้าโทรศัพท์มือถืออกมาผมกดส่งขอโทษไปหาเค้า

“ ฟาน ฉันอยู่ที่ป้ายรถเมล์ที่หน้ามหาลัยนาย ออกมาหาหน่อยได้มั้ย " ผมกดส่งข้อความไปหาเค้า ตัวเองที่ยืนอยู่ตรงนั้น สายฝนที่สาดเข้ามา ผมพยายามหลบไปยืนด้านในแต่ความแรงของมันที่สาดลงมาเหมือนพายุก็เหมือนจะไม่สามารถที่จะเป็นกำบังฝนที่ตกลงมาตอนนี้ได้เลย

   เสื้อเขิ้ตสีขาวที่เปียกปอนของผม เปียกไปจนถึงด้านในแล้ว มือที่กำมือถือเอาไว้รอให้เค้าตอบกลับ แต่ก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาเลยสักนิด ผมจ้องอยู่ที่หน้าจอ โกรธที่บอกว่าจะไม่เก็บหนังสือให้รึเปล่า หรือคิดว่าฉันเป็นคนวอแวจนไม่อยากจะคุยด้วยแล้ว ผมถอนหายใจออกมา ตอนที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นโทรออกไปหาเค้า  เสียงย่ำน้ำที่วิ่งเข้ามาใกล้ก็ชวนให้เงยหน้าขึ้นมาเสียก่อน ร่างสูงที่กำลังคิดถึงวิ่งเข้ามาพร้อมกับร่มคันใหญ่ที่ยื่นมันปกให้ผมทันทีทั้งๆที่ตัวเค้าในตอนนี้ก็เปียกไม่แพ้กัน

“ คุณคีย์ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ครับ แล้วทำไมเปียกแบบนี้ " เสียงหอบหายใจของเค้า มือหนายกขึ้นเช็ดน้ำฝนที่หยดลงบนหน้าของผม คำพูดที่อยากจะพูดกลืนหายไปแล้วตอนที่เห็นหน้าเค้า ผมเม้มริมฝีปากของตัวเองแน่นอยากจะพูดทุกคำแต่กลับพูดไม่ออกสักคำ คิดถึงใบหน้าแบบนี้ คิดถึงคนนี้ คิดถึงที่สุด  " ไปกันครับไปที่ห้องผม " ฟานดึงให้ผมเดินตามเค้า มือหนากอดไหล่ผมดึงเข้าไปใกล้เพื่อให้ผมถูกฝนน้อยที่สุด

   เราที่เบียดกันอยู่ในร่มคันนั้นผมสูดดมกลิ่นที่กำลังคิดถึงเข้าไปเต็มปอด ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี ทุกอย่างมันอัดแน่นไปหมดแล้วในตอนนี้ ทั้งๆที่มีคำพูดมากมายที่จะพูดแท้ๆ แต่พอเห็นหน้าทุกอย่างกลับถูกกลืนไปหมด ' ฉันแค่ผ่านมา ' ความตั้งใจที่จะพูดกับเค้าตอนที่นั่งรถมาคือคำพูดนั้น ' มากินข้าวกับเพื่อนที่ทำงานแล้วก็แค่ผ่านมาเลยแวะมาหา เพราะเพื่อนเมาเลยไม่กล้ากลับด้วย ทางมันไกลก็เท่านั้น ไม่ได้คิดถึงนายเลยสักนิดอย่าเข้าใจผิด ' ข้ออ้างทั้งหมดที่ถูกคิดไว้ถูกกลืนหายลงไป พูดไม่ออกแล้ว

   หอพักที่เป็นตึกสูงที่อีกคนพาผมมา เราเข้ามาในห้องแต่ผมกลับยืนนิ่งอยู่ที่ประตูหน้าตรงนั้น ในขณะที่ฟานกลับวิ่งเข้าไปในห้องแล้วก็หาผ้าขนหนูผืนหนาๆมาห่มตัวผมไว้ก่อนจะหยิบผ้าอีกผืนขึ้นมาเช็ดเส้นผมที่กำลังเปียกให้ เค้าที่ก้มลงมาถาม " หนาวมั้ยครับ แล้วทำไมถึงมาที่นี่ละครับ "

" ฉัน.. " สบสายตาคมที่กำลังมองจ้องมาข้ออ้างที่เตรียมไว้ได้เวลาพูดออกไปแล้ว แต่ทว่าริมฝีปากนั้นกลับสั่น แววตานั่นก็กำลังสั่นพร้อมด้วยหยาดน้ำตาที่คลอหน่วยตาเต็มไปหมด น้ำตาที่กำลังไหลออกมาในตอนที่ผมมองแววตาของฟานที่กำลังมองผมอยู่ในตอนนั้นมันมีความรู้สึกนึงที่ล้นเอ่อออกมาจนผมต้องคว้าคอเค้าเข้ามาแล้วกอดไว้แน่น " ฟาน ฉัน..คิดถึงนาย " 

“ คุณคีย์ "

“ ฉันคิดถึงนาย " ผมย้ำความรู้สึกนั้นกับเค้า ทนไม่ไหวอีกแล้วแค่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าตัวเองกำลังคิดถึงเค้ามากแค่ไหน คิดถึงกลิ่น คิดถึงใบหน้าหล่อเหลานั่น คิดถึงเสียง คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเค้า คิดถึงจนทนไม่ไหวอีกแล้ว น้ำตาของผมไหลออกมาตอนที่ซบเค้าไว้แบบนั้นฟานก็กอดรัดผมไว้แน่นเช่นกัน

“ ผมเองก็คิดถึงคุณ " ฟานบอกก่อนจะผละตัวออกจากผม

   ใบหน้าคมที่ก้มลงมาใกล้เค้าจูบริมฝีปากหลับตาลงช้าๆรับรู้ความรู้สึกอบอุ่นที่คิดถึงแล้วกอดรัดกันและกันไว้แน่น เผยอปากรับลิ้นชื้นที่แทรกตัวเข้ามา จูบดูดดื่มที่เพิ่มอุณหภูมิความต้องการให้มากขึ้นเรื่อยๆ เสื้อเปียกปอนของผมถูกร่อนขึ้นช้าๆ ฝ่ามือหนาสอดมือเข้าไปสัมผัสรอบเอวเค้าลูบมันอยู่แบบนั้นก่อนจะปล่อยมือแล้วย้ายมาปลดกระดุมเสื้อทำงานร่อนลงจากไหล่ก่อนที่ฟานจะดันให้ลำตัวของผมชิดติดกำแพงแล้วก้มลงจูบลำคอขาวพลางไล่ลงมาต่ำถึงยอดอก

   เสียงจูบดูดดื่มที่กำลังขบเม้นยอดอกของผม เม้มริมฝีปากตัวเองแน่นตอนที่บิดเร้าไปตามความรู้สึกที่อีกคนมอบให้ ผมแอ่นหน้าอกของตัวเอง รับลิ้นที่กำลังไล่เลียอยู่ตรงนั้น เสื้อของผมถูกดึงออกก่อนจะปล่อยให้กองอยู่บนพื้น เค้าเปลี่ยนมาถอดเข็มขัดก่อนที่กางเกงจะลงไปกองที่ข้อขาเช่นกัน " คุณคีย์ " เสียงที่เอ่ยเรียก ร่างของผมถูกอุ้มมานอนบนเตียงกว้าง ขยับตัวนิดหน่อยตอนที่ก้มลงมาจูบอีกครั้ง มือผมก็เอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อของอีกคนจนหมด  ฟานคว้ามือของผมไว้เค้าจับให้ยึดอยู่เหนือหัว ก่อนจูบริมฝีปากของผมอีกครั้งพลางไล่ลงต่ำมาเรื่อยๆ จากแก้ม ลงมาเป็นคอ ไล่ลงมาต่ำเรื่อยๆจนถึงหน้าท้องและส่วนที่น่าอาย

“ ฟาน " เสียงเบาๆที่เอ่ยเรียกเค้า ผมส่ายหน้าไปมาเพราะความเสียวซ่านที่อีกฝ่ายมอบให้ด้วยริมฝีปาก ที่จูบไปทั้งเรืยนกาย ขาของผมด้านนึงถูกยกขึ้นฟาดบ่าของเค้า นิ้วเรียวสอดเข้าไปในร่างของผม เค้ากดมันจนจมลึก ผมที่อ้าปากครางออกมา ร้องเรียกชื่อเค้าอย่างไม่เป็นภาษา " อะ  อ้าา ฟะ ฟาน อื้ออ " ยามที่นิ้วขยับไปเข้าออก ผมได้แต่ผ่อนลมหายใจแรงๆหลับตาแน่นกับความเสียวซ่านที่สอดเข้าออกตรงจุดนั้นพอดี เค้าที่ย้ำถี่ๆลงมา  ผมเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะเอ่ยบอกเค้าด้วยเสียงหอบเบาๆ " พอแล้ว อ๊าา พอแล้ว ไม่ไหว พอแล้วฟาน พอ ฉัน.. อ๊ะ ตรงนั้นอย่านะ  "

“ พอแล้วเหรอครับ " เค้าก้มลงมากระซิบแต่ก็ดัดนิ้วของตัวเองให้จมลึกลงไปที่จุดกระสันนั้นอีกครั้ง ผมอ้าปากค้างก่อนจะบรือขึ้นมองคนตรงหน้าที่ยิ้มกริ่มด้วยความพอใจสำหรับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความต้องการของผม กัดลงบนเนื้อแก้มของเค้าเบาๆ เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ฟานดึงนิ้วของตัวเองออก ก่อนจะสอดส่วนกลางที่สวยถุงยางอนามัยแล้วสอดเข้าไปในร่างของผมจนมิดด้าม ผ่อนลมหายใจอยู่เพียงครู่ๆอยู่ๆร่างก็ถูกดึงขึ้นมาให้อยู่ยนตัวเค้า ฟานที่เงยหน้ามองผมที่อยู่สูงกว่า " โยกให้ผมดูหน่อยสิ "

“ นายนี่มัน..”

“ คุณคีย์เคยบอกผม ว่าคุณคีย์เก่ง "

“ ฉันไปบอกนายเมื่อไหร่ อ๊ะ " แค่ขยับส่วนกลางที่สอดในร่างก็เหมือนจะแตะลงจุดกระสันนั้นพอดี ผมเม้มริมฝีปากแบบจำยอมแต่ปากก็ยังเถียงออกไปอย่างไม่ยอมแพ้ " ไม่เคยบอกอะไรแบบนั้นสักหน่อย แค่บอกว่ายังโยกไหว "

“ งั้นก็โยกให้ดูหน่อยสิครับ " เสียงทุ้มที่กระซิบลงข้างหู ผมขยับตัวเองช้าๆ มือที่จับไหล่หนาของอีกคนไว้ ฟานใช้มือสองข้างสอดเข้าไปใต้ขาของผมก่อนจะยกตัวผมขึ้นลงเร่งจังหวะรักให้รุนแรงมากขึ้น ความลึกที่สอดลงจนมิดด้ามเร่งความรู้สึกต้องการให้มากขึ้นเป็นเท่าตัวมากกว่าท่าไหนๆ

“ อ๊าาาา อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ ฟาน อื้ออ " พยายามปิดเสียงร้องของตัวเองเอาไว้ ไม่เคยต้องร้องครางออกมาเสียงดังขนาดนี้เลย แต่ท่านี้ ความเสียวซ่านแบบนี้ มันมากเกินไปแล้ว มากเกินจนทนไหวแล้ว มันลึก ลึกเกินไป " อ๊ะ อ๊ะ อื้อ อ๊ะ อ๊ะ ฟาน ฟานลึก ลึกเกินไปแล้วนะ อ๊า " เสียงครางยาวๆของผม เผลอกัดปากตัวเองแน่นตอนที่เค้าเพิ่มความเสียวด้วยการจูบที่ยอดอกที่แข็งชันของผม ก่อนที่ลำตัวที่เด้งขึ้นลงจะยิ่งเร็วขึ้นและถี่ขึ้น " นี่ แรง แรงเกินไปแล้วนะ อ๊าา ฟาน " ในที่สุดก็ทนทานความรู้สึกทุกอย่างไม่ไหว ผมปลดปล่อยความต้องการนั้นออกมาพร้อมกับเค้าจนเลอะหน้าท้องไปหมด " ฟาน..” เอ่ยเรียกชื่อเค้าผ่อนลมหายใจหอบออกมา เค้าวางผมนอนราบกับเตียงอีกครั้ง ฟานดึงส่วนกลางออก ก่อนจะเปลี่ยนถุงยางแล้วสอดเข้ามาใหม่อีกครั้ง " อื้ออ " แรงขยับเบาๆเค้าก้มลงมาจูบ

“ คิดถึงคุณคีย์จังเลยครับ "

“ แล้วทำไมไม่โทรหากันบ้างละ " ผมเอ่ยถามเค้า ตอนที่เรากำลังมองหน้ากันพร้อมด้วยจังหวะสอดใส่ที่เชื่องช้าของเค้า " ที่บอกว่าคิดถึงกัน มันจริงเหรอ ถ้าคิดถึงกันทำไมนายต้องรอฉันติดต่อไปก่อน ทำไมนายไม่ติดต่อมาหาฉันบ้าง จะบอกว่าไม่มีเรื่องคุยงั้นเหรอ แค่ถามว่า วันนี้เป็นยังไงบ้าง กินข้าวรึยัง ก็ไม่ได้เหรอ "

“ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ " เค้าที่พูดออกมาก่อนจะก้มลงมากอดผมไว้ ใบหน้าคมจูบอยู่ตรงซอกคอไม่ยอมผละออกไปไหน " แต่ผมเองก็ถามคุณแล้ว คุณก็บอกว่าคุณอยู่ได้ถ้าไม่มีผม "

“ ฉันบอกนายเมื่อไหร่ "

“ ตอนเดียวกันกับตอนที่ผมบอกคุณว่าผมจะไม่กลับไปที่คอนโดคุณสองอาทิตย์นั่นแหละครับ " เค้าบอกผมก็คิด จำไม่ได้แล้วว่าพูดประโยคทำร้ายจิตใจอีกคนไปแบบนั้น จำไม่ได้เลยว่าพูดอะไรแบบนั้นออกไป ผมถอนหายใจออกมาไม่รู้จะตอบอีกคนด้วยคำพูดไหนดี ฟานคงรู้สึกไม่ดีกับคำพูดที่ออกจากปากพล่อยๆของผมอีกแน่ๆ

“ นายงอนเหรอ "

“ นิดหน่อยครับ " เค้าบอก " แต่เพราะคุณส่งข้อความมาหาผมทุกวันเลยคิดว่า ไม่จริงอย่างที่พูดออกมาหรอก คุณคงคิดถึงผม ถึงได้เอานู้นเอานี่ส่งมาหากันอยู่เรื่อย "

“ แล้วถ้ารู้แบบนั้นทำไมไม่ส่งมาก่อนบ้างละ "

“ เพราะผมคิดถึงคุณครับ " สายตาคมที่เงยขึ้นมาสบตาผม " อยากจะโทรไปหา แต่ถ้าได้ยินเสียงต้องคิดถึงมากกว่าเก่าแน่ๆ อยากจะเห็นหน้า แต่ถ้าเฟสทามไปก็ต้องคิดถึงมากกว่าเก่าอีก แล้วถ้าส่งข้อความไปก็ต้องอยากคุยกันต่อจนไม่อยากจะทำอะไร เพราะแบบนั้นเลยไม่โทรไปครับ อยากจะทำงานให้เสร็จแล้วค่อยกลับไปกอดคุณทีเดียว ผมต้องรับผิดชอบงานที่ได้รับ คุณคีย์บอกว่าคนที่เป็นผู้ใหญ่เค้าจะมีความรับผิดชอบงานของตัวเองมาก่อนเสมอ แล้วคุณคีย์ก็บอกว่า คุณคีย์ชอบคนแบบนั้น ผมเลยอยากเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ " คนแบบที่เราชอบอีกแล้ว ผมเบือนหน้าหนีเค้าตอนที่อีกคนให้เหตุผลออกมาแบบนั้น ไม่ใช่ว่าไม่คิดถึง แต่คิดถึงมากตังหากก็เคยไม่ติดต่อไป

" ทำไมถึงได้เป็นคนแบบนี้นะ " ผมที่เผลอพูดออกมา อีกคนก็เอียงหน้ามามอง

“ คุณคีย์ว่าอะไรนะครับ "

“ ทำไมนายถึงเป็นคนแบบนี้กันนะ " หันหน้ามาสบตาเค้าก่อนจะถอนหายใจออกมา " ทำไมถึงต้องคิดถึงแต่เรื่องของฉันด้วยก็ไม่รู้ ทำไมต้องเป็นคนที่ฉันชอบ บอกกี่ทีแล้วว่าให้เป็นตัวเอง ฉันจะชอบนายที่สุดก็ตอนที่นายเป็นตัวเอง นายมีความรับผิดชอบในงานนั่นก็ดีอยู่หรอก แต่ว่า ถ้าคิดถึงฉันสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง สักชั่วโมงนึงให้เราได้คุยกันฉันว่าถึงมันจะทำให้เราคิดถึงกันมากขึ้น แต่มันก็ดีกว่าการที่เราไม่พูดกันเลยนะ เพราะการที่เราคิดถึงกันแต่เราไม่ได้พูดกันเลย มันไม่ใช่แค่ความคิดถึงหรอก แต่มันคือทรมานตังหาก แล้วฉันก็ทรมานมากเลย แล้วนายละ นายทรมานมั้ย ทรมานเหมือนกันกับฉันรึเปล่า "

" คุณคีย์ "

" แล้วถ้าเป็นแบบนั้น ทำไมเราต้องทนทรมานด้วยละ ถ้าคิดถึงฉันก็โทรมาบ้างสิ ฉันน่ะ รอสายฟานทุกวันเลยนะ "

“ คุณที่พูดออกมาตรงๆแบบนั้น น่ารักจังเลยนะครับ รู้มั้ย " เสียงทุ้มที่กระซิบลงมาข้างหู ผมเม้มริมฝีปากแน่นอีกคนก็ยิ้ม

“ อย่าบอกใครเรื่องนี้ละ เพราะฉันจะพูดแบบนี้กับนายคนเดียว " ใบหน้าคมที่ยิ้มกว้างเค้าที่กอดผมไว้แน่นก่อนจะจูบลงที่ข้างแก้ม

“ คุณน่ารักจัง ผมต้องรักคุณมากขึ้นอีกแล้ว " เสียงบ่นๆของอีกคน ผมเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นเพราะความเขินดีจังนะ ที่นายพูดออกมาแบบนั้น เพราะฉันเองก็อยากจะให้มันเป็นแบบนั้นเหมือน คำพูดที่บอกว่า รักฉันมากขึ้นน่ะ ขอให้มากขึ้นนะว่านี้อีกนะ เพราะฉันก็จะชอบนายมากขึ้นเหมือนกัน

..........................................

   ลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าอีกวันที่ร่างกายรู้สึกเมื่อยล้า เตียงนอนสีดำที่ไม่ใช่แบบเตียงนอนในห้องผม ตอนที่ลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปรอบๆก็เพิ่งนึกได้ว่า เมื่อคืนเรามาหาฟานที่นี่เพราะทนทานความคิดถึงอีกคนไม่ไหว แล้วสุดท้ายก็เหมือนว่าเราจะจบลงที่เตียงเป็นการพูดคุยกันให้หัวข้อที่เรียกว่า ' คิดถึง ' ได้ดีที่สุดแล้ว

“ ไปไหนของเค้าตั้งแต่เช้า " ผมบ่นออกมาตอนมองไปรอบๆ จะว่าไปเมื่อคืนไม่ได้สังเกตุเลยว่าห้องหมอนี่เรียบร้อยกว่าที่คิดไว้ตั้งแต่ทีแรกเสียอีก ห้องพักที่มีหันซ้ายก็เจอระเบียง หันขวาก็เป็นห้องน้ำแล้วก็ประตู ส่วนของใช้ที่จำเป็นก็กองอยู่ข้างหน้าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า หรือว่าโต๊ะเขียนหนังสือที่ดูเหมือนว่าตรงนั้นจะเป็นส่วนที่รกที่สุดในห้องแล้ว ถอนหายใจออกมาก่อนจะล้มลงนอนบนเตียงอีกครั้ง มองหามือถือของตัวเองก่อนจะพบว่ามันตั้งอยู่บนหัวเตียงแล้วก็มีโพสอิสสีส้มติดไว้อยู่

' ตื่นนอนแล้วเหรอครับ ? วันนี้ผมมีงานโอเพ่นเฮ้าส์ที่มหาวิทยาลัยเลยต้องไปตั้งแต่เช้า ถ้าคุณคีย์ตื่นแล้ว อยากจะอาบน้ำเสื้อผ้าแขวนอยู่ในตู้เลือกได้เลยครับ ส่วนเสื้อผ้าของคุณ ผมแขวนไว้ที่ระเบียงหลังห้องแต่คิดว่าคงยังไม่แห้งหรอก ถ้าเกิดคุณหิวเดินเข้ามาให้มหาลัยนะครับ แล้วโทรมาหาผม ผมจะไปหาคุณเองครับ '

“ สั่งเป็นพ่อเลยเว้ย " ผมบ่นออกมาก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ความคิดถึงที่มีเหมือนจะจางหายไปแล้ว น่าแปลกทั้งๆที่ทนทรมานอยู่ตั้งหลายวันแต่พอได้เจอ ก็เหมือนทุกอย่างที่ผ่านมานั้นเป็นแค่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ราวกับว่ามันเป็นแค่ความรู้สึกชั่ววูบ ณ ขณะนึงก็เท่านั้น

   ผมลุกขึ้นจากเตียงอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดเสื้อยืดที่หาได้จากในตู้แม้มันจะดูตัวใหญ่ไปหน่อยก็เถอะ มองหากางเกงในส่วนถัดไปแต่ก็พบว่าไม่มีกางเกงตัวไหนที่ผมใส่ได้เลยสักตัว ตัดสินใจเดินออกไปนอกระเบียง เสื้อที่แขวนเอาไว้แห้งแล้ว กางเกงก็ด้วย " งั้นใส่กางเกงซ้ำก็แล้วกัน เสื้อเหม็น คงใส่ไม่ไหวแล้วละ " คว้ากางเกงของตัวเองมาใส่ผมหยิบของที่จำเป็นก่อนจะเดินลงมาด้านล่างหอพักของอีกคน

   เด็กมหาลัยในชุดมหาลัยและชุดอยู่บ้าน เดินขวักไขว่กันหน้าละอ่อนในซอยที่เหมือนว่า ทั้งซอยนี้จะมีแค่หอพักนักศึกษาและร้านค้าที่เปิดขึ้นเพื่อนักศึกษาก็เท่านั้น ผมเดินออกจากซอยไม่ไกลเท่าไหร่ก็เข้าสู่เขตมหาลัยที่วันนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษ ป้ายใหญ่ๆของคณะต่างๆที่ถูกทำขึ้นตอนรับ ผมเดินเข้าไปเรื่อยๆแบบไม่มีจุดหมายอะไร ก่อนจะหยุดแล้วยกโทรศัพท์มือถือมาโทรหาอีกคนเพราะคิดว่ายิ่งเดินไกลแล้วคาดหวังว่าอยู่ๆจะเดินไปเจอฟานได้ด้วยตัวเองในสภาวะที่คนเยอะแบบนี้นั้น เป็นเรื่องยาก

“ คุณคีย์ ตื่นแล้วเหรอครับ "

“ ฉันอยู่ในมหาลัยนาย นายอยู่ไหนละ "

“ ผมอยู่ที่คณะครับ " เค้าตอบ " คุณอยู่ตรงไหนครับ ผมจะเดินไปรับ "

“ นายว่างรึไง "

“ ก็พอปลีกตัวได้สักสิบนาที "

“ อยู่ตึกแรกที่เดินเข้ามาน่ะ ตึกๆเก่าๆอ๋อ อื้มม " ผมพยายามมองหาสัญลักษณ์ที่เด่นชัดของมัน อ้อ อาคารหนึ่ง มันเขียนว่าอย่างงั้น "

“ งั้นเดี๋ยวผมเดินไปนะ รอผมแปปนะครับ " สายที่วางไปผมเก็บมือถือไว้ในกระเป๋าก่อนจะมองดูเหล่านักศึกษาที่กำลังเดินไปมา บ้างก็กำลังชวนน้องทำกิจกรรม น้องๆที่อยู่ในช่วงมัธยมผมยิ้มน้อยๆเพราะรู้สึกว่าการมายืนอยู่ในที่ตรงนี้ บ่งบอกความรู้สึกลึกๆของผมเลยว่า ตัวเรานั้นผ่านช่วงเวลานั้นมานานแค่ไหน

" ไอ้แก่เอ้ย "

“ คุณคีย์ " หันไปหาเสียงเรียก ฟานที่กำลังหอบเดินมาหยุดอยู่ข้างๆผม ก่อนจะถอนหายใจออกมา " รอนานมั้ยครับ "

“ ก็ไม่นานหรอก "

“ ใส่เสื้อของผมด้วย " อีกคนที่ทัก ก่อนจะก้มลงมองเสื้อสีขาวที่ตัวเองกำลังใส่ ใบหน้าคมที่แต้มสีแดงเขินๆตรงแก้ม

“ ทำไม ใส่ไม่ได้เหรอ "

“ ก็เปล่าหรอก แต่รู้สึกว่าเวลาคุณใส่เสื้อของผมเหมือนตัวผมกอดคุณไว้ตลอดเวลาเลย "

“ ไร้สาระ " ผมบอกปัดก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น ไอ้เด็กบ้าตอนแรกที่ใส่ก็ไม่คิดอะไรหรอก แต่พอหมอนี่พูดออกมาทำไมดันไปคิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่เรานอนกอดกันซะได้วะ " ฟาน หิวแล้ว พาไปกินอะไรอร่อยๆหน่อย "

“ อยากจะกินอะไรละครับ "

“ อะไรก็ได้ที่มันอร่อยน่ะ "

“ ข้าวหมูทอดที่นี่อร่อยครับ " ผมพยักหน้ารับ ท่าทางก็คงไม่เลวหรอกถ้าฟานบอกว่าอร่อยมันก็คงอร่อยจริงๆนั่นแหละ ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้เค้าที่คว้ามือผมไปจับไว้ แต่ผมที่สะบัดออกรวดเร็วอีกคนก็มองหน้า

“ เอ่อ..นี่มันมหาลัยนะนาย ให้เกียรติสถานที่ด้วยสิ "

“ แค่จับมือเองครับ ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย "

“ ก็ไม่ได้ " ผมบอกปัดแต่เค้าก็ยังดึงดันจะคว้ามือผมไปจับอยู่ดี ทั้งๆที่ว่าในความเป็นจริงเค้าน่าจะได้จับมือคนที่คู่ควรกับเค้ามากกว่านี้ อาจจะเป็นคนอายุเท่ากันหรือว่าสาวสวยสักคนในมหาลัย ก็การเดินจับมือกันแบบนี้ในมหาลัยมันเหมือนการเดินโชว์แฟนกลายๆไม่ใช่เหรอ แล้วการที่ฟานมาจับมือเค้าแบบนี้

“ อายเหรอครับ ที่ต้องจับมือกับผม "

“ ทางนี้มากกว่าที่ต้องถามคำถามนั้นน่ะ "

“ คุณคีย์สวยขนาดนี้ ผมไม่อายหรอกดูสิมีแต่คนมอง " มองว่านายไปเอาไอ้แก่ที่ไหนมาควงรึเปล่า ผมถอนหายใจออกมาแต่ก็ช่างเค้าเถอะ ยังไงก็แค่จับมือละนะ ไม่ได้ทำอะไรเสียหายอย่างที่อีกคนว่าจริงๆนั่นแหละ

    ก็คิดว่า ลูกหลานมันให้จับเพราะขาแข้งไม่ค่อยดีก็แล้วกัน เผลอแอบยิ้มออกมาตอนที่ถอนหายใจแล้วคิดแค่ว่า อย่างน้อยก็ควรดีใจ ที่มีใครคนนึง มั่นใจที่จะเดินจับมือกับผมไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ก็ตาม

.........................................................

ในที่สุด...
ก็ต้องมีใครสักคนที่ทนไม่ไหว แล้วระเบิดความจริงออกมา
โกรธน้องฟานได้แต่อย่าแรง
อิจฉาพี่คีย์ได้แต่อย่าแรง เช่นกัน


เคยสงสัยมั้ย.. แสนดีขนาดนี้ น่ารักขนาดนี้ โกรธ จะแล้วเป็นไงวะ
ไม่รู้เหมือนกัน ติตดามต่อไปดีกว่า
เดินเข้ามหาลัยแล้วจะเป็นยังไงต่อไป

ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านแล้วคอมเม้นท์จ้า
 :กอด1: :L2: :3123: :3123: :L1: :pig4:


หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 18 ' ทนไม่ไหว ' UP - 17.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-07-2016 20:42:37
อิจพี่คีย์มากมายเลยค่า    :-[   น้องฟานอ่า. คิดถึงๆก็เลยจัดหนักเช่นเคย
ความรับผิดชอบนั้นก็ต้องเผื่อแฟนด้วยนะฟาน เรามีความรับผิดชอบหลายอย่าง
พี่คัย์ก็รู้แล้วสินะว่าต้องใส่ใจน้องด้วย น้องแอบน้อยใจน้า. งื้อน่ารัก เด็กทำไรไม่เคยผิด อวยสุดๆ ฮ่าา
ขอบคุณค่ะ  :katai2-1: 
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 18 ' ทนไม่ไหว ' UP - 17.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 17-07-2016 21:00:08
 :-[ คือดีย์ใช่มั้ยคะคุณคีย์  น้องฟานน่ารักน่าใคร่จริงๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 18 ' ทนไม่ไหว ' UP - 17.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 17-07-2016 21:17:32
 :o8: สมใจคีย์เลยทีเดียว ต้องรอให้ระเบิดก่อนนะถึงยอมเริ่มก่อน
สงสารฟาน คิดถึงมากแต่ต้องทำนิ่งไว้ เพราะคีย์บอกว่าอยู่ได้
ต่อไปปากตรงกับใจหน่อยนะ ฟานหายไปอีกจะงานเข้าไม่รู้

ชอบค่ะ ที่คีย์ยอมมาหา ยอมบอกว่าคิดถึง บอกว่าชอบกัน น่ารักมุ้งมิ้งเลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 18 ' ทนไม่ไหว ' UP - 17.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 17-07-2016 21:22:43
ฟานฟานงอลพี่คีย์สินะ ก้อดูพี่คีย์สิปากแข็งนได้เรื่องอ่ะ โถ่วโถ่วโถ่ว
แต่ก้อยังสงสัยฟานฟานหายไปทำกิจกรรมม.????
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 18 ' ทนไม่ไหว ' UP - 17.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 17-07-2016 21:49:25
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 18 ' ทนไม่ไหว ' UP - 17.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 17-07-2016 23:07:00
ฟานงอนซ่ะคนแก่ทนไม่ไหวต้องออกไปตามเด็ก!  5555  น่ารักได้อีก   รอดูการทัวร์มหาลัยของคุณคีย์
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 18 ' ทนไม่ไหว ' UP - 17.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 17-07-2016 23:07:27
นุ้งคีย์ทนไม่ไหวแล้ว55555555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 18 ' ทนไม่ไหว ' UP - 17.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 18-07-2016 21:19:38
'ก็คิดสะว่าลูกหลานมันให้จับ เพราะกลัวล้มแข้งขาไม่ดี' ถถถถถถถ พี่คี้ยยยยย์ พี่ก็คิดได้เนอะ 555555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 18 ' ทนไม่ไหว ' UP - 17.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 18-07-2016 23:35:46
สงสัยคงเป็นตอนที่ต้องไปแยกกับอีผู้จัดการหวังฟัน หรือป่าวนะ555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 18 ' ทนไม่ไหว ' UP - 17.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 19-07-2016 00:14:00
อร๊ายยยย ไปจับมือกันแถวมหาลัยไหนนะ จะตามไปส่อง ^^
เวลาเห็นผู้ชายเดินจับมือกัน มันฟินจริงๆนะ >///<
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 18 ' ทนไม่ไหว ' UP - 17.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 19-07-2016 12:05:53
ในที่สุดคีย์ก็เลิกปากแข็งซะที
แต่เราชอบนะที่งอนแบบนี้ เพราะจะง้อกันทีนี่พาขึ้นเตียงอย่างเดียวเลย  555555  :hao7: :hao6:  :hao6:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 18 ' ทนไม่ไหว ' UP - 17.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 19-07-2016 15:40:13
และแล้วก็ทนคิดถึงไม่ไหว ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 18 ' ทนไม่ไหว ' UP - 17.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 19-07-2016 17:13:48
น่ารักอะ เด็กมันน่ารัก  :hao7:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 18 ' ทนไม่ไหว ' UP - 17.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 20-07-2016 10:31:33
อ่านๆไป สองคนนี้ก้อขี้งอนพอกันเลยนะ
แต่ยังดีที่คนนึงงอน แล้วคนนึงง้อ แม้จะปากแข็งไปหน่อยก้อเถอะ แต่ว่าชอบคีย์ตอนหมดมาดจริงๆ รู้สึกยังไงก้อพูดไปซะหมด ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 19 ' คำว่าชอบ ' UP - 22.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 22-07-2016 20:54:15
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 19
' คำว่าชอบ '
[/size]

   โรงอาหารใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางมหาลัยที่ฟานพาผมมาร้านอาหารมากมายที่วันนี้ดูยุ่งวุ่นวายเป็นพิเศษอาจเพราะมันไม่ได้มีแค่เด็กมหาลัยแต่ยังรวมถึงเด็กๆม.ปลายที่มาดูงานวันนี้ด้วย ร้านอาหารที่มีอาหารหลายๆแบบ ก่อนที่ฟานจะหยุดอยู่ที่หน้าร้าน ร้านนึง " ร้านนี้ครับที่ผมบอก ข้าวหมูทอดพิเศษสองจานครับ "

“ พิเศษเลยเหรอ ฉันยัดไม่หมด นายกินแทนเลยนะ " ผมหันไปถามอีกคนฟานก็หันกลับมากระซิบ

“ เค้าให้น้อยครับ " ยิ้มแห้งๆออกมา อีกคนก็มองซ้ายขวา " อยากจะกินน้ำอะไรครับ เดี๋ยวผมไปซื้อให้ "

“ น้ำเปล่าก็แล้วกัน " เค้าที่พยักหน้ารับเดินออกไปซื้อน้ำเปล่าที่ร้านใกล้ๆมาขวดนึงพร้อมด้วยหลอดสองอัน เรายืนรอข้าวหมูทอดอยู่สักพัก ก่อนจานอาหารที่ดูน่ากินจะถูกยกมาวางข้างหน้า ฟานจ่ายเงินก่อนที่เราจะเดินมาหาโต๊ะที่ว่างนั่ง " น่ากินจังนะ " อดชมหน้าตาของมันไม่ได้เลย หมูทอดชิ้นใหญ่เคลือบแป้งกรอบๆไว้ข้างนอก ผมราดน้ำจิ้มของมันลงบนหมูทอดก่อนจะเริ่มกินคำแรกที่เข้าไปในปาก ก็สมกับที่ฟานบอกนั่นแหละ " อร่อยจริงๆด้วย "

“ ผมกินบ่อยมากเลยร้านนี่น่ะ "

“ แต่เค้าก็ให้น้อยอย่างที่นายบอกจริงๆ " ขนาดบอกว่าพิเศษยังเหมือนจานธรรมดาเลย เพิ่มมาแค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง " ฟานแล้วไหนบอกว่าพักได้แค่สิบนาที นั่งกินข้าวแบบนี้คงมากกว่าสิบนาทีแล้วละมั้งนาย "

“ ผมบอกเพื่อนไว้แล้วละครับ ว่าผมจะไปกินข้าวก่อน " พยักหน้ารับอีกคนที่กินข้าวอยู่ๆ ผมก็เกิดความสงสัยขึ้นมา

“ แล้วที่นายไม่ได้กลับคอนโดก็เพราะว่า ต้องเตรียมงานโอเพ่นเฮ้าส์อะไรพวกนี้นะเหรอ "

“ ใช่ครับ "

“ แล้วทำอะไรบ้างละ "

“ ก็จัดซุ้มของคณะ ทำโมเดลงานให้น้องๆที่เค้าต้องเข้ามาดูว่าเรียนเครื่องกลต้องทำอะไรบ้าง ทำคำถามง่ายๆแบบ ทดสอบว่าน้องๆมีความสนใจที่จะเรียนคณะนี้มั้ย อะไรแบบนี้นะครับ ก็ช่วยกันทำในภาค อย่างของผมต้องออกแบบเครื่องกลง่ายๆให้น้องๆมาลองทำได้ วางกลไกนิดหน่อยนะครับ ทำร่วมกับอาจารย์ก็เลยปลีกตัวกลับไปหาคุณคีย์ไม่ได้ " ฟานบอกด้วยเสียงที่เริ่มจะเบาลงเรื่อยๆในประโยคท้ายๆ เค้าที่มองผ่านไปข้างหลังผมราวกับเจอใครสักคนที่รู้จัก

   หันไปมองตามเค้าก่อนจะเจอเค้ากับผู้ชายร่างสูงในชุดภูมิฐานที่ดูน่าจะเป็นอาจารย์มากกว่านักศึกษาที่เห็นโดยทั่วไป จานอาหารแบบเดียวกันกับที่เรากินอยู่ เค้าถือติดมือมาด้วย ก่อนจะนั่งลงข้างๆผมแล้วขอพูดอนุญาติสั้นๆ

" ฟาน ฉันนั่งด้วยคนสิ "

“ ได้สิครับ อาจารย์ " อีกคนบอกแบบนั้นก่อนจะแสดงสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนิดหน่อย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น เหลือบมองคนข้างๆให้ชัดอีกหน่อย เค้าเป็นผู้ชายรูปร่างสูงที่คงมีอายุมากกว่าผม หน้าตาหล่อเหลา ท่าทางก็ดูใจดี ผมหันกลับมาก้มกินข้าวในจานของตัวเองต่อก่อนที่คนข้างๆจะถามอีกฝ่ายขึ้น " ช่วงเวลาพักของนายเหรอฟาน "

" ใช่ครับ " อีกคนตอบฟานกินข้าวไปเรื่อยๆ แต่คนถามเค้ากลับหันมามองผมเหมือนบอกใบ้ให้อีกฝ่ายแนะนำ ฟานที่ทำเป็นไม่เห็นผมก็เลยต้องหันไปยิ้มแห้งๆให้เค้าแทน

" สวัสดีครับ คีย์ครับ เอ่อ..”

" ผมชื่อเพชรครับ เป็นอาจารย์สอนอยู่ในคณะวิศวะ " พยักหน้ารับอีกคนช้าๆ เค้าก็ถามต่อ " ขอโทษนะครับคุณคีย์เป็นพี่น้องกับฟานเหรอครับ "

“ ไม่..”

“ ใช่ครับ " สองเสียงที่แทรกขึ้นมาพร้อมกัน ผมหันไปมองฟานที่ก็ปั้นหน้าไม่พอใจอยู่ " เป็นพี่น้องกันน่ะครับ " ผมย้ำไอ้ลูกหมาที่นั่งอยู่ข้างหน้าถอนหายใจออกมาตอนที่ผมพูดออกไปแบบนั้น ก็จะให้บอกว่าอะไร เป็นแฟนกันเหรอ กับผู้หลักผู้ใหญ่ที่เป็นอาจารย์สอนนายเนี้ยอะไร บ้า จะตอบอย่างงั้นได้ไงก็ต้องเกรงใจกันหน่อยมั้ย

“ แล้ววันนี้มาหาฟานเหรอครับ เห็นเค้าบ่นว่าไม่ได้กลับบ้านหลายวัน คุณคงเป็นห่วงสินะครับ "

“ ก็ประมาณนั่นแหละครับ " ผมพยักหน้ารับอีกฝ่ายงงๆ ทำไมความจริงมันไม่มีเรื่องที่น่าให้ตอบเลยวะ จะบอกว่าอะไร  คิดถึงมากจนทนไม่ไหวก็เลยมากหาเค้าแบบนั้นดูเป็นพี่น้องที่มีความสัมพันธ์สวาทกันชัดๆเลย แต่ย้อนกลับไปคิดภาพเมื่อคืนก็ไม่ต่างอะไรจากคำพูดนั้นเท่าไหร่หรอกมากกว่าคำว่าสวาทอีกมั้ง เล่นเอากันตั้งหลายรอบ

    ผมหันกลับมากินข้าวต่อจนหมดตอนที่รวบช้อนฟานก็เก็บจานของผมกับของตัวเองไปไว้ที่ที่ให้เก็บ ผมหยิบน้ำขึ้นมากิน อีกฝ่ายก็พยักหน้าเหมือนบอกว่าให้ผมลุกขึ้น

“ ผมไปก่อนนะครับ อาจารย์ "

“ อ้าว แล้วคุณคีย์ต้องไปด้วยเหรอครับ นั่งเป็นเพื่อนผมก่อนสิเดี๋ยวเราไปพร้อมกันก็ได้ ให้ผมเป็นไกค์พาไปเดินดูรอบมหาลัยก็ได้นะครับ ฟานต้องทำกิจกรรมคงไม่ว่างหรอก " เค้าหันมาถามผมที่ตอนนั้นก็เหลือบมองฟานที่กำลังปั้นหน้าไม่พอใจอยู่ข้างๆเป็นครั้งแรกเลยที่เห็นเค้าทำหน้าแบบนั้น แล้วมันก็ดูไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่ด้วยเพราะอีกฝ่ายเป็นอาจารย์

“ เห็นทีจะไม่ได้นะครับอาจารย์ ก็เพราะว่าคุณคีย์มากับผม ก็ต้องไปกับผมสิครับ ขอตัวก่อนนะครับอาจารย์ " อีกคนตอบก่อนจะคว้ามือผมแล้วเดินออกไปด้วยอารมณ์ที่เรียกได้เลยว่า หงุดหงิดอยู่ไม่น้อยเลย

   ขาที่เดินเร่งออกมาจากโรงอาหาร มือที่จับแน่นอยู่ที่ข้อมือของผม แรงบีบที่เริ่มเจ็บทำให้ผมพยายามจะดึงออกจากการจับกุมนั้นแต่มันก็ยิ่งรัดแน่น ผมดึงแขนอีกคนให้หยุดแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าคนที่อยู่ในอารมณ์หงุดหงิดนั้นจะหยุดเดิน
“ ฟาน หยุดก่อน " ผมเรียกเค้าอีกคนก็ผ่อนขาที่รีบเร่งของตัวเองก่อนจะหยุดแล้วหันมามองผม " จะรีบไปไหนของนาย นายดึงฉันไปแบบนั้นฉันเจ็บนะ " เค้าที่ก้มลงมาดูข้อมือของผม " โกรธอะไร "

“ ผมไม่ใช่พี่น้องของคุณสักหน่อย " ปัญหาโลกแตกแบบนี้อีกแล้ว ผมถอนหายใจออกมาตอนที่มองอีกคนที่ก็หลบหน้าผม

“ แล้วจะให้ฉันบอกอาจารย์นายว่ายังไง " ผมถาม " บอกว่าเราเป็นแฟนกันนะเหรอ นายลองถามเพื่อนๆนายสิ ว่าถ้านั่งกินข้าวอยู่กับแฟนแล้วอาจารย์มาถามว่าเป็นอะไร เค้าจะตอบว่าแฟน หรือ ว่าเพื่อน ฉันคิดแค่ว่าเค้าเป็นอาจารย์ของนาย ฉันควรให้เกียรติเค้าโดยการบอกว่าเราเป็นแค่พี่น้อง มันก็เป็นคำที่สมควรจะพูดแล้ว อย่ามาง้องแง้งกับเรื่องแบบนี้จะได้มั้ย "

“  ถ้าอาจารย์แก่สักรุ่นปู่ผม ผมจะไม่หงุดหงิดให้คุณเห็นเลย " ฟานบอก " แต่ว่าอาจารย์เพชรน่ะ เป็นแบบที่คุณคีย์ชอบไม่ใช่เหรอ เป็นคนที่อายุมากกว่าคุณ แล้วนั่นแหละคือเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงไม่ชอบที่ต้องได้ยินคุณบอกว่า เราเป็นแค่พี่น้อง แล้วก็อยากจะให้คุณบอกว่าเราคือแฟนกัน เพราะว่านั่นคือคนในแบบที่คุณชอบ ไม่ใช่ผมที่เป็นคนในแบบที่คุณไม่ชอบ "

“ คิดอะไรแบบนั้น " ผมบอกปัดอย่างไม่รู้จะเถียงอะไรกับความรู้สึกของฟานที่พูดออกมาตรงๆ คงเหมือนอย่างที่ลิปบอกนั่นแหละ คำว่าพี่น้องที่พูดออกไป มันไม่ใช่คำที่ดูน่าเจ็บปวดอะไรหรอก แต่มันขึ้นอยู่กับว่าเราบอกใครตังหาก ถ้าคนนั้นคือคนในแบบที่เราชอบ แน่นอนว่าต้องสร้างบาดแผลให้อีกคนอยู่แล้ว " นายคิดมากเกินไปแล้ว "

“ รู้มั้ยทำไมผมถึงไม่อายที่จะบอกใครๆว่า คุณเป็นแฟนผม เพราะผมอยากจะให้มั่นใจไง ว่าไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ไหนหรือกับใคร คุณก็คือคนที่ผมชอบ "

“ ฟาน "

“ แล้วผมละ " เค้าถาม " ก็ยังไม่ใช่คนที่คุณชอบใช่มั้ย "

“ ไม่ใช่ ฉันบอกแล้วไงว่านั่นอาจารย์ เราต้องพูดให้เกียรติเค้า "

“ ครับ ให้เกียรติเค้าแล้วถ้าเค้ามาจีบคุณเพราะคิดว่าคุณเป็นแค่พี่ผม แบบนั้นผมยังต้องให้เกียรติเค้าอยู่มั้ย "

“ คิดมากเกินไปแล้ว " ผมเถียงแต่ทว่ากลับมีเสียงของเด็กผู้หญิงคนนึงดังขัดเราขึ้นมาก่อน

“ ฟาน กลับมาแล้วเหรอ น้องๆเรียกหาใหญ่แล้วล่ะ " เด็กสาวหน้าตาน่ารักผมยาวตรงสีดำกับผิวขาวที่ดูเข้ากัน ฟานพยักหน้ารับคำพูดนั้น " ตอนนี้มีแค่ทามกับชินอะ ถ้านายพักเสร็จแล้วช่วยไปช่วยไอ้สองคนนั้นหน่อยนะ "

“ ได้สิ " เค้าตอบรับเธอ อีกฝ่ายก็ยิ้มให้ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

“ เอ่อ สวัสดีค่ะ หนูเป็นเพื่อนฟานค่ะ "

“ สวัสดีครับ " ผมตอบรับเธอ ร่างสูงข้างๆก็แนะนำผม

“ นี่คุณคีย์ พี่ชายฉัน " เหลือบมองเค้าที่ตอบเธอแบบนั้น ช่างประชดประชันกันเสียจริงนะพ่อคุณ

" อ่า สวัสดีค่ะ "  อีกฝ่ายที่ยิ้มรับก่อนจะขอตัวออกไปก่อน มองดูคนข้างกายที่หันมามองผม

“ ฟาน "

“ อยากจะทำเหมือนที่คุณทำบ้าง ให้คุณรู้สึกเหมือนที่ผมรู้สึกบ้าง แต่ลืมไปว่าคุณคงไม่รู้สึกอะไรหรอก เพราะคุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมอย่างที่ผมรู้สึกกับคุณ " ขมวดคิ้วฟังคำพูดที่อีกคนพูด ฟานที่ถอนหายใจออกมา “ ผมต้องไปทำงานแล้วครับ " ยังไม่ทันได้ตอบรับอะไรอีกคนที่เดินออกไป ผมก็ถอนหายใจออกมา

“ ขี้งอน "

   ผมเดินตามเค้าไปที่ซุ้มคณะวิศวะที่กำลังจัดงาน ซุ้มที่ดูน่ารักและมีเด็กให้ความสนใจกันมากมาย เด็กผู้ชายสองคนที่คุ้นหน้าเหมือนว่าเคยเห็นตอนที่ฟานออกไปติวหนังสือให้เค้า กำลังพูดเป็นพิธีกรแนะนำอะไรสักอย่าง และดูท่าทางว่าจะตลกมากด้วยเพราะเด็กๆก็ให้ความสนใจกันเยอะ

“ ฉันรออยู่ตรงนี้นะ " บอกเค้าแบบนั้นตอนที่หยุดเดินที่ริมถนนอีกฝั่งตรงที่สามารถเห็นซุ้มของคณะได้ชัดเจน

“ ครับ " คนขี้งอนตอบก่อนจะเดินออกไป ผมถอนหายใจออกมากับความขี้งอนของเค้า ฟานที่บอกใครๆว่าเป็นแฟนผมแบบไม่อายแต่ผมกลับบอกกับอาจารย์ของเค้าว่าเราเป็นพี่น้องกันเพราะความเกรงใจในอาชีพ ผมว่ามันไม่มีใครผิดหรอกในเรื่องนี้ แต่เรียกว่าเป็นความคิดที่ต่างกันของคนที่อายุต่างกันมากกว่าละมั้ง

   ในขณะที่ฟานพยายามทุ่มเท แล้วบอกใครๆว่าเป็นแฟนผมด้วยความมั่นใจขนาดนั้นแต่กลับถูกผมที่มัวแต่คิดถึงเรื่องของความเกรงใจ อายุ มากกว่าการจะบอกออกไปตรงๆ พูดปัดไปว่าไม่ใช่แฟน เป็นใครใครก็ต้องไม่พอใจอยู่ ต่างคนก็ต่างมุมมอง ไหนใครบอกว่าคบคนที่เด็กกว่าจะไม่มีปัญหา นี่ไง ปัญหามันมาถึงผมแล้ว
 
“ ยืนถอนหายใจคนเดียว ท่าทางเซ็งๆแบบนั้น ไปร่วมกิจกรรมกันผมมั้ยละครับ " ผมหันไปตามเสียงที่เข้ามาทักก่อนจะพบกับอาจารย์เพชรที่เมื่อครู่เจอที่โรงอาหาร เค้าเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะยิ้ม

“ หมายถึงผมเหรอครับ ให้ไปเข้าร่วมกิจกรรมน่ะ " ถามอีกคนที่พยักหน้ารับผมก็หัวเราะ " ไม่ไหวมั้งครับ คงจะเรียนต่อไม่ไหวแล้วละ " พูดแบบนั้นตอนที่หันไปมองฟานที่กำลังอธิบายกิจกรรมอะไรสักอย่างให้เด็กม.ปลายผู้หญิงหน้าตาน่ารักฟัง ท่าทางดูเหมือนจะสนใจในตัวรุ่นพี่มากกว่าของที่เค้านำเสนอผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

“ ฟานน้องชายคุณ บ๊อปมากในคณะของเราเลยนะครับรู้มั้ยละ "

“ เหรอครับ " ผมยิ้มจางๆออกมา อีกคนก็พยักหน้ารับ

“ สาวๆตามจีบกันเยอะแยะ ก็ทั้งเรียนเก่งแล้วก็หน้าตาดีนี่น้า สาวสมัยนี้น่ะ เค้าจีบผู้ชายแบบนี้แหละ "

“ ผมไม่ค่อยได้สนใจเรื่องอะไรของหมอนั่นเท่าไหร่หรอกครับ " แล้วก็จะพูดง่ายๆก็คือ มีแค่หมอนั่นเท่านั้นแหละที่สนใจในทุกเรื่องของผม

“ เค้าเรียนเก่งนะครับ ผมคิดว่าถ้าเค้ารักษาระดับไว้ได้แบบนี้ การสอบทุนไปเรียนต่อเมืองนอก หรือว่าการทำงานในต่างประเทศก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเค้าหรอกครับ "

“ งั้นเหรอครับ " ไม่เคยรู้เลยว่าอีกคนเรียนเก่งอะไรขนาดนั้น ผมรู้แค่ว่าฟานตั้งใจอ่านหนังสือตอนที่สอบทุกครั้งมันก็แค่นั้นแหละ " แล้วอาจารย์เพชรสอนที่นี่มานานแล้วเหรอครับ "

“ ก็ตั้งแต่เรียนจบโท.จากอเมริกามา ก็มาสอนเลยละครับ เพราะว่าผมได้ทุนจากมหาลัยไปเรียนต่อ "

“ ชอบการเป็นอาจารย์เหรอครับ " ผมหันไปถามอีกคนก็ส่ายหน้าก่อนจะยิ้ม

“ แค่อยากจะเอาความแค้นสมัยเป็นนักศึกษาไปลงกับนักศึกษาที่สอนเท่านั้นแหละ ไม่ชอบหรอกครับ " เค้าที่หลุดหัวเราะออกมา " เรียกว่าต้องชอบ เพราะต้องใช้หนี้ที่ก่อนหน้านี้ยืมเค้าเอาไปเรียนมากกว่าคุณ แต่มันก็ไม่แย่หรอก ยังไงก็เป็นเรื่องที่ชอบอยู่แล้วด้วยอะนะ แล้วคุณคีย์ทำงานอะไรครับ "

“ เป็นนักออกแบบผลิตภัณฑ์น่ะครับ "

“ เหรอ น่าสนใจจังครับ "

“ หมายถึงงานของผมใช่มั้ย " ผมถามขำๆอีกคนก็ยิ้ม

“ คุณก็น่าสนใจครับนะ ผมว่า " นั่นไง.. โดนเข้าแล้ว ทอดสะพานให้หน่อยไม่ได้หรอก ผมยิ้มแห้งๆออกมาก่อนจะหันไปมองฟานที่ก็ตอนนี้กำลังหันมามองผมอยู่เหมือนกัน ท่าทางที่ไม่พอใจของเค้าคิดถึงคำพูดที่ฟานพูดออกมาเมื่อครู่ ' ถ้าเค้าเข้ามาจีบคุณผมยังต้องให้เกียรติเค้าอยู่มั้ย ' ขยับตัวออกห่างอาจารย์เพชรเล็กน้อยผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่เลยกับท่าทางแบบนั้นของเค้า อารมณ์ที่ดูฉุนเฉียวแสดงออกทางสีหน้าแบบไม่เคยเห็น " แต่ดูเหมือนคุณเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างยากนะ ท่าทางน้องชายจะหวงเอามา " หัวเราะแห้งๆออกมาตอนที่เห็นว่าอีกคนกำลังมองไปลูกศิษย์ตัวเอง " ตั้งแต่สอนหมอนั่นมา ยังไม่เคยโดนทำตาขวางใส่เลย จะโดนก็หนนี้แหละ โทษฐานมายืนจีบพี่ชายสุดสวยของเค้า แต่ว่าไม่แปลกหรอก เป็นผม ผมก็หวงนะ "  ผมยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้ อยากจะเดินออกไปแหละแต่ว่ามันก็ดูเสียมารยาทเกินไป " คุณคีย์มีแฟนรึยังครับ "

“ เอ่อ.. ก็มีแล้วครับ มีคนที่คุยด้วยอยู่แล้ว " ผมสารภาพออกไป

“ เหรอครับ " เสียงที่เหมือนจะเสียดายของเค้า

“ ใช่ครับ "

“ งั้นรับผมเป็นตัวสำรองสักคนมั้ย ฮ่าๆ " เสียงหัวเราะของเค้าที่ดังขึ้นมาเหมือนกำลังแก้เก้อ ผมก็ส่ายหน้าไปมา

“ ผมอยากจะคุยกับคนแค่คนเดียวมากกว่าน่ะครับ "

“ งั้นเหรอ "

“ อีกอย่างที่ผมอยากจะบอกคุณก็คือ.. ฟานน่ะ แฟนผมครับ ไม่ใช่น้องชาย " ตอนที่ส่งยิ้มแห้งๆบอกเค้าไป อีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นไปมองฟาน ก่อนจะหันหน้ามามองผมด้วยสายตาอึ้งๆ

“ คุณชอบเด็กเหรอ "

“ เปล่าหรอกครับ ผมไม่ได้ชอบเด็ก ไม่ชอบคนอายุน้อยกว่าด้วย  "

“ ขอโทษนะ งั้นแล้วทำไม "

“ ระวัง!!! “ เสียงดังที่ตะโกนมาลูกบอลที่ไม่รู้ลอยมาจากไหนกำลังถูกโยนมาทางเรา ในช่วงเวลาที่ผมกำลังยืนนิ่งแต่ทว่าคนข้างๆทีมี่สติมากกว่ากลับกอดผมไว้แล้วดันออกไปให้พ้นทางอย่างเฉียดฉิว " ขอโทษครับ " นักศึกษาที่วิ่งมาขอโทษเราที่ยังหายใจแรงๆกันแบบตกใจสุดๆ

“ เล่นอะไรกันตรงนี้วะ คนเยอะแยะ ไปเล่นตรงอื่นไป ถ้าหลบไม่ทันจะทำยังไง "

“ ขอโทษครับ อาจารย์ ขอโทษนะครับ " เด็กผู้ชายคนนั้นที่ขอโทษคนข้างๆก่อนจะหันมาก้มหน้าให้ผมที่ก็พยักหน้ารับแบบงงๆไป ท่อนแขนที่ยังคงกอดผมอยู่อาจารย์เพชรเอ่ยถาม

“ เป็นอะไรมั้ยครับ "

“ ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ขอบคุณมากนะที่ช่วยผมไว้ "

“ ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วก็ช่วยปล่อยด้วยครับ อาจารย์กำลังกอดแฟนผมอยู่นะ " ฟานที่มายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้พูดขึ้น อาจารย์เพชรที่เหมือนได้สติปล่อยมือจากเอวผมทันที เราที่หันไปคนละทางอย่างไม่รู้จะพูดอะไรออกมายิ่งชวนให้ฟานหงุดหงิดสุดขีดเค้าที่คว้ามือของผมอย่างไม่ทันฟังอะไร  ร่างสูงก้าวขายาวๆออกไปจากตรงนั้นขึ้นไปที่ตึกสูงที่ผมไม่รู้ว่าเป็นคณะอะไรโดยไม่พูดอะไรสักคำ

“ ฟาน ฉันเจ็บนะ " คำพูดที่เหมือนพูดออกไปคนเดียวนั้น เค้ายังคงเดินตรงไปจนถึงห้องที่อยู่ตรงกลางของตึก ผมถูกผลักเข้าไปในห้องเรียนห้องนึงก่อนที่มันจะถูกปิดล๊อค

   
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 18 ' ทนไม่ไหว ' UP - 17.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 22-07-2016 20:54:34
ร่างสูงหันกลับมามองผมในแววตาที่กำลังโกรธ มือหนาดึงผมเข้าไปใกล้ก่อนจะดันร่างของผมไว้กับประตู สองมือถูกตรึงไว้สูงเค้าที่จ้องลงมาในแววตานั้นก่อนจะจูบริมฝีปากผมด้วยความหนักหน่วง เกลียวลิ้นแทรกตัวเข้ามาตอนที่ผมพยายามจะเอ่ยปากห้ามเค้า

   ผ่อนมือที่จับกุมผมลงเหลือข้างเดียวก่อนจะสอดเข้าไปในเสื้อ มืออุ่นที่กำลังลูบไล้ไปตามผิว " ฟาน หยุดนะจะทำอะไร " ผละตัวเองออกถามอีกคนที่ยังคงไม่พูดอะไร เค้าก้มลงจูบที่ซอกคอขบเม้มไปทั่วก่อนจะไล่ลงต่ำมาที่หน้าอก เสื้อถูกร่อนขึ้นสูง ลิ้นที่ดูดกลืนและขมเม้มนั้นราวกับไม่ใช่ฟานคนที่ผมเคยรู้จัก " นี่ บอกว่าให้หยุดไง " ผมดิ้นหนีให้พ้นการจูบกอดของเค้าแต่มือที่กำลังไล่ลงต่ำเค้าปลดกางเกงของผมแล้วในตอนนั้นผมก็ผลักเค้าออกไปแล้วฟาดมือลงไปหน้าเค้าอย่างแรง “ เพี๊ยะ!!! ฉันบอกว่าให้หยุดไง “

   ทุกอย่างเงียบเค้าเองที่ก็นิ่งไปยืนหายใจหอบอยู่ข้างหน้าผมก่อนจะดึงตัวเองไปพิงกับโต๊ะ ฟานที่เอาแต่ก้มหน้าผมเพิ่งรู้สึกก็วันนี้เอง ว่านี่อีกด้านของเด็กผู้ชายคนนึงที่ผมรู้สึกว่าเค้าดูอบอุ่นมาตลอด อีกด้านของฟาน " เป็นอะไรของนาย เป็นบ้ารึไง จะปล้ำฉันเหรอ " ผมตะโกนถามเค้าอีกคนก็นิ่ง " แค่เห็นว่าฉันคุยกับอาจารย์ของนายแค่นั้นเหรอ แค่เห็นว่าเค้ากอดฉัน แล้วเห็นรึเปล่าว่าก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้น เค้าช่วยชีวิตฉันไว้นะ ทำไมถึงดึงฉันออกมาแบบไม่มีมารยาทแบบนั้น แล้วยังมาทำอะไรแบบนี้อีก นายจะทำตัวเป็นเด็กไปถึงไหนห๊ะ ฟาน "

“ แล้วอะไรที่ผู้ใหญ่เค้าทำเวลาโมโหกันเหรอครับ " เค้าเงยหน้าถามผม " คำก็เด็ก สองคนก็เด็ก นั่นก็เด็ก นี่ก็เด็ก ทุกอย่างที่ผมทำดูเด็กไปหมดสำหรับคุณเลยสินะ ถามจริงๆเถอะ การกระทำของผมมันเด็กไม่รู้จักคิด หรือว่าจริงๆคุณแค่ไม่ชอบมันกันแน่เลยมองว่าอะไรๆที่ผมทำมันก็เด็กไปหมด " เค้าลุกขึ้นมาอีกครั้ง ขาที่ก้าวเข้ามาใกล้ผมมือหนาที่จับมือของผมไว้ทั้งสองข้างด้วยมือเดียวของเค้าก่อนจะหันหน้าผมให้หันหลังกลับแล้วตรึงมือไว้กับประตู " แล้วผู้ใหญ่ในความคิดคุณมันเป็นยังไง เวลาที่แฟนคุณโมโห โกรธ หรือว่าหึงเค้าทำยังไงกันครับ " ปลดกางเกงของผมถูกปลดลงไปกองอยู่ที่ข้อขา กางเกงในถูกเกี่ยวลงในอันดับต่อมาเค้าที่เลื่อนหน้าเข้ามาแนบกับหน้าของผม " บอกผมหน่อยสิว่าเค้าทำกันยังไง "

“ เค้าไม่ทำแบบที่นายกำลังทำกับฉันอยู่แน่ๆ "

“ งั้นผมจะทำในแบบของผู้ใหญ่ที่คุณชอบแล้วกันนะครับ " กระซิบบอกผมพลางขบเม้มใบหูก่อนจะเลื่อนลงมาจูบที่คอ " ผมจะพิพากษาความผิดของคุณที่ไปยืนคุยหน้าตามีความสุขกับคนอื่น กรุณาตอบคำถามผมตามความจริงนะครับ "

“ ทำไมฉันต้องทำอะไรแบบนั้นด้วย " มือที่จับส่วนกลางของผมอยู่ขยับเข้าออกก่อนจะเลื่อนนิ้วมาถูที่ส่วนปลายของมันเบาๆ " อ๊าา นี่จะทำอะไร ปล่อยฉันนะไอ้เด็กบ้า "

“ ผมไม่ปล่อยครับ เพราะจะต้องถามคำถามที่สงสัยกับคุณก่อน คุยกันด้วยเหตุผล อย่างที่คุณชอบไงครับ " จูบที่ซอกคออีกครั้งเค้าดูดมันเบาๆก่อนจะถาม

“ คุณคุยอะไรกับอาจารย์ของผมครับ "

“ ไม่ได้คุยอะไรทั้งนั้น อ๊าา นี่ " พอโกหกแล้วโดนจับได้นิ้วมือก็เลื่อนมาถูข้างหน้าจนทำให้มผได้แต่หดตัวเกร็ง " อื้ออ อย่าทำแบบนั้น ฟานไม่เอานะ "

“ ไม่เอาก็ตอบมาสิครับ ผู้ใหญ่โกหกมันไม่น่ารักนะ "  เค้าจูบลงที่ข้างแก้มผมที่ยังไม่ตอบอะไรอีกคนก็ขู่ " ถ้าขืนยังเงียบผมจะไม่หยุดแค่ทำให้คุณเสร็จด้วยมือของผมหรอกนะ " เค้าบอกก่อนจะปล่อยมือจากส่วนกลางแล้วลูบไปด้านหลัง มือที่ถูอยู่ตรงช่องทางหลังผมแอ่นก้นรับอย่างรู้สึกอายที่ควบคุมความต้องการของตัวเองไม่ได้ ไม่ชอบเลยการถูกสัมผัสแบบนั้นจากฟาน ก็ร่างกายมันแพ้ฝ่ามือคู่นั้นมาตลอดนี่น่า แค่จับก็รู้สึกต้องการมากแล้วอย่าถามถึงการแตะต้องส่วนที่อ่อนไหวเลย " แต่ดูเหมือนคุณจะชอบให้ผมเข้าไปทางนี้มากกว่านะ "

“ ไม่ ไม่ได้ชอบ "

“ ทำไมคุณถึงชอบปากแข็งนักนะครับ " เค้าถามก่อนจะจูบที่ข้างแก้ม " งั้นผมให้คุณเลือกดีกว่า ข้างหน้าหรือข้างหลังดี "

“ ไม่เอาตรงไหนทั้งนั้นแหละ " ผมบอก

“ งั้นทั้งสองดีมั้ยครับ "

“ ห๊า ? “ ยังไม่ทันจะพูดอะไรเค้าที่ปล่อยมือที่จับกุมผมอยู่ ดึงให้ตัวผมใช้มือค้ำกับโต๊ะนักเรียนตัวแรก ก่อนที่เค้าจะทั้งจับส่วนหน้าแล้วก็สอดนิ้วเข้าไปยังช่องทางหลัง " อย่า อย่างทำแบบนั้น อื้อออ มัน มากเกินไปแล้ว " ทั้งส่วนกลางที่ถูกขยับอยู่แถมส่วนหัวก็ยังถูกถูด้วยนิ้วเป็นระยะ ช่องทางหลังที่ก็มีนิ้วสอดเข้าไปแล้วกำลังหาจุดกระสันในนั้น " ฟาน.. อ๊าา อื้ออ "

“ คุณคีย์คุยอะไรกับอาจารย์ของผมเหรอ "

“ คุย อื้อ คุยเรื่องของนาย " ผมตอบเค้าสั้นๆ ไม่ไหวแล้วแบบนั้นมันทรมานเกินไป ไม่อยากจะตอบเลยแต่ก็ต้องยอมแพ้อีกแล้ว ยอมแพ้ให้กับความต้องการของตัวเองที่กำลังถูกปลุกปั่นด้วยสองมือของเค้า

“ คุยเรื่องของผมเหรอ ? เชื่อดีมั้ยละครับ "

“ จริงๆนะ อ๊า ก็คุยกัน อื้ออ ว่านายเป็นคนเรียนเก่ง ฟานตรงนั้น ไม่เอานะ อย่าย้ำสิ "

“ ตรงไหนครับ ข้างหน้าหรือข้างหลังละ "

“ ข้างหลัง " นิ้วที่สอดเข้ามาลึกกดย้ำเข้าในจุดกระสันเป็นจังหวะจนได้แต่หอบหายใจ " อื้ออ นี่ ก็บอกไปแล้วไง ปล่อยได้แล้ว "

“ คุยแค่เรื่องของผมเหรอ "

“ ก็ไม่ใช่แค่นั้น ก็คุยเรื่องของนาย อื้ออ แล้วจากนั้น นี่ พอก่อนฉันกำลังจะพูดไม่รู้เรื่อง "

“ แต่เสียงคุณเซ็กซี่มากเลย " ฟานก้มลงมาบอกก่อนจะจูบที่ต้นคอของผม  " พูดมาเถอะครับผมเข้าใจ "

“ ก็เค้าถาม ถามถึงงานของฉัน ก่อนจะ อื้ออ  ถามว่าฉันมีแฟนรึยัง "

“ ครับ แล้วคุณตอบว่าไง "

“ ก็ตอบว่ามีคนที่คุยด้วยอยู่แล้ว อ๊ะ ตรงนั้น อื้ออ " ผมเม้มริมฝีปากในตอนที่เรากำลังเงียบเพราะความต้องการที่เหมือนกำลังจะถึงขีดสุด อยู่ๆก็เสียงพูดคุยก็ดังขึ้นมา หัวใจที่เต้นแรงของผม ทุกอย่างหยุดนิ่งแต่ไม่ใช่มือของฟานที่มันยังขยับอยู่ไม่ปล่อย ผมเม้มริมฝีปากตัวเองตอนที่ใช้ฝ่ามือปิดเสียงตัวเองไว้แน่น เสียงพูดคุยดังเข้ามาใกล้เราเรื่อยๆ

“ นี่ เมื่อกี้เห็นคนที่คุยกับอาจารย์เพชรมั้ย "

“ เห็นๆ สวยมากเลย ยังกับผู้หญิงเหน่ะ แต่ว่าผู้ชายล่ะ " คำพูดที่เหมือนมีเด็กสองคนพูดกัน " ฉันว่าแฟนอาจารย์เพชรแน่เลย นายเห็นฉากที่เค้าเข้าไปกอดแฟนเค้าหลบบอลได้มั้ย อย่างเท่ห์อะ " คำพูดที่ทำให้ฝ่ามือคู่นั้นขยับมันแรงขึ้นมากกว่าเดิม ผมอ้าปากค้างพยายามปิดเสียงความทรมานของตัวเองไว้แน่น แรงสอดเข้าออกที่ทำให้ร่างของผมสะท้านไปหมดโชคดีที่โต๊ะที่กำลังค้ำอยู่เป็นโต๊ะที่ติดกับพื้นไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้มันเลยไม่มีเสียง

“ เหรอวะ แต่ไหงฉันได้ยินจากพวกไอ้ชินกับไอ้ทามบอกว่าเค้าเป็นแฟนไอ้ฟานวะ " เสียงที่เข้ามาใกล้เรา กลอนประตูที่ถูกบิดเหมือนจะเปิดทำเอาหัวใจผมหยุดเต้นแม้แต่ฟานเองก็หยุดมือไปชั่วขณะ " อ้าวล๊อควะ " ผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่ได้ยินคำพูดนั้น สองทั้งสองก็ขยับต่อ

“ อื้อออ " เสียงที่ลอดออกมาผมเม้มปากตัวเองแน่น กลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน

“ สงสัยอยู่อีกห้องละมั้ง หลงชั้นเปล่าเถอะ "

“ ลองขึ้นไปชั้นบนดูก่อนสิ "

“ ว่าแต่ แล้วแกรู้ได้ไงว่ามันเป็นแฟนไอ้ฟาน "

“ ก็คนสวยๆคนนั้นแหละบอกมา ว่าเค้าเป็นแฟนไอ้ฟาน อาจารย์เพชรจะจีบเค้าไง เค้าเลยบอก ว่าเค้ามีแฟนแล้ว " จังหวะที่ขยับเริ่มช้าลงผมผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ตอนที่ฟานโน้มตัวลงมาทับผมไว้ ก่อนจะกระซิบเบาๆ

' รวดเดียวให้เสร็จไปเลยนะครับ ' พยักหน้าตอบรับเค้าก็ขยับนิ้วตัวเองเป็นจังหวะที่ถี่รัวมากขึ้นทั้ง แรงสอดของนิ้วที่ย้ำจุดกระสันพร้อมทั้งมือของส่วนหน้าที่ขยับเข้าออกมา สองทางที่ทำให้ผมต้องแพ้แล้วปลดปล่อยความต้องการออกมาในที่สุด

“ อื้ออออ " ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะหอบตัวโยแล้วทรุดลงใส่ร่างสูงที่คว้าผมเอาไว้ทัน ฟานอุ้มผมขึ้นมานั่งบนโต๊ะ เราที่มองกันเงียบๆ ฟังประโยคที่มีใครพูดถึงเราอยู่ที่หน้าห้อง

“ ก็ว่าทำไมมันไม่ชายตามองสาวที่ไหน แฟนมันสวยขนาดนี้นี่เอง "

“ แก่กว่าด้วยนะเว้ย ต้องเด็ดมากแน่เลยอะ "

“ ลามก ไอ้สัด " เสียงที่ห่างออกไปเรื่อยๆ ผมผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะเหลือบมองเค้าด้วยสายตาที่ไม่พอใจ

“ แล้วพออาจารย์เพชรถามว่าฉันมีแฟนรึยัง ฉันก็บอกเค้าไปว่าฉันมีคนที่คุยด้วยแล้ว แต่เค้าก็ยังถามถึงตัวสำรอง เค้าบอกว่าเค้าเป็นตัวสำรองได้มั้ย ฉันบอกว่าอยากจะคุยกับใคคคนนั้นแค่คนเดียว แล้วฉันก็บอกเค้าว่า ฟานน่ะ ไม่ใช่น้องชาย แต่นายคือแฟนฉัน คนที่ฉันกำลังคุยอยู่ คราวนี้พอใจรึยัง "

“ คุณคีย์ "

“ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว " ผมบอกปัดอีกคนที่กำลังมีท่าทีสำนึกผิด ผมไม่ได้รู้สึกแย่กับสัมผัสของฟานยังไงซะ ถ้าเป็นเรื่องเซ็กส์สำหรับผมกับเค้าแล้ว มันมีแต่ความรู้สึกดีแบบที่ชอบแฝงอยู่

   เซ็กส์ในแบบที่ไม่เคยได้ทำเหมือนทำให้ตัวเองพูดได้เต็มปากเลยเลยว่า ชอบเรื่องอย่างงั้นที่ฟานทำให้อยู่แล้ว อีกอย่างมันไม่ใช่การขืนใจอะไรแต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ผมคิดว่ามันไม่ถูกไม่ควรสักหน่อยที่เราจะมาทำกันที่นี่ แล้วก็มีใช้วิธีแบบนั้นกับผม แค่อยากจะโกรธให้เค้ารู้สึกบ้างว่าอะไรที่ควรทำ อะไรที่ไม่ควรทำ

“ โกรธเหรอครับ " ผมไม่ตอบ แต่กลับเดินไปใส่กางเกงในแล้วก็กางเกงของตัวเองแต่งตัวให้เรียบร้อย ในตอนที่ยืนหันหลังเค้าก็เข้ามากอด " ผมขอโทษ ที่ไม่ได้ฟังอะไรคุณเลย ผมขอโทษที่เอาแต่หงุดหงิด แต่ผมหวงคุณนิครับ ผมไม่พอใจที่คนแบบที่คุณชอบอย่างอาจารย์เพชรจะเข้ามาใกล้คุณ ไม่ชอบที่เค้าไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรกัน ไม่ชอบที่คุณบอกเค้าไปว่าเราเป็นแค่พี่น้อง "

“ ก็เลยทำแบบนั้นกับฉันน่ะเหรอ " ผมเอ่ยถามเค้าที่ก็เงียบไป " จะบอกอะไรให้นะ นี่แหละคือความห่างระหว่างอายุของเรา นายยังเป็นเด็ก ถึงนายจะไม่ชอบให้ฉันพูดคำนี้ แต่นายก็ยังคงเป็นเด็ก เด็กที่คิดว่าการเดินจูงมือกันสร้างความมั่นใจให้ฉันเป็นเรื่องที่ดี ใช่ฟาน มันดีนะ แต่นายต้องดูด้วยสิว่า เรื่องบางเรื่องมันสมควรมั้ย ฉันที่พูดออกไปแบบนั้นก็เพราะว่ามีความรู้สึกว่า มันไม่สมควรที่จะพูดกับอาจารย์ของนาย ส่วนนายกลับมองแค่ว่า กลัวเค้าจะมาจีบฉัน กลัวว่าฉันจะไปสนใจเค้า ถ้านายคิดแบบนั้น หมายความว่านายไม่เชื่อใจฉันเลยสิ ยังคิดใช่มั้ย ว่าฉันจะเปลี่ยนใจไปชอบผู้ใหญ่ "

“ ครับ " เค้าสารภาพออกมาตรงๆ " เพราะคุณไม่เคยบอกว่าชอบผม ต่อหน้าผมเลยสักครั้ง คุณบอกแค่ว่า วันไหนที่มั่นใจว่าชอบจะบอกเอง แต่ที่ไม่บอกเพราะยังไม่มั่นใจไม่ใช่เหรอครับ แล้วแบบนั้นจะให้ผมมั่นใจในตัวคุณคีย์ได้ยังไง สำหรับผมก็มีแค่ตัวเองที่เชื่อมั่นในตัวเองว่า เราจะต้องทำให้เค้าชอบเราให้ได้ ผมก็มีแค่นั้น ดีใจกับเรื่องที่คุณเขิน มีความสุขเวลาที่คุณมีท่าทางมีใจด้วย แต่ก็ไม่มั่นใจหรอกครับ เพราะงั้นเลยพยายามจะเป็นคนที่คุณชอบอยู่ในทุกวันไง "

“ ฟาน " กลายเป็นว่าผมที่กำลังโกรธเพื่อให้เค้าง้อ ตอนนี้ทุกอย่างมันกลับกันเสียแล้ว กลายเป็นผมเองแล้วที่ต้องโดนคำสารภาพในใจของอีกคน ตบหน้าอย่างแรงเข้าให้ เพราะอะไร คำตอบง่ายๆก็คือเรา เราที่ไม่กล้าพูดอะไรออกไปสักอย่าง มัวแต่เขินฐิทิสูงแล้วไม่กล้ายอมรับหัวใจตัวเอง คนที่ทำให้เค้ามีความสุขคือผม แต่ทว่าเช่นกันที่คนที่ทำให้เค้าต้องทุกข์ก็คือผมเหมือนกัน ผมที่ไม่สร้างความมั่นใจให้กับเค้าเลย " แล้วที่ฉันนั่งรถจากคอนโดมาหาเพราะว่าคิดถึง ฉันที่ทำแบบนั้นกับนายมันไม่ช่วยบอกอะไรนายเลยเหรอ "

“ อย่าเห็นเรื่องอย่างว่ามาสำคัญสิครับ สำหรับผม คุณคือทุกอย่าง คือความสุข คือสิ่งที่ผมมี ใช่ ผมอาจจะชอบเรื่องแบบนั้นกับคุณ แต่ไม่มีก็ได้นะ ขอแค่คุณบอกว่าไม่อยากทำ ผมก็จะไม่ทำ มันไม่ใช่เรื่องสำคัญและผมก็ไม่เอามาเป็นสำคัญด้วย สิ่งที่ผมมองว่าสำคัญคือความรู้สึกที่เราอยู่ด้วยกันตังหาก คือคำพูด คือการกระทำตังหากที่ผมมองว่าสำคัญ " เหมือนโดนเด็กตบหน้าเอาเสียงครั้งใหญ่ ผมที่เงียบไปถูกฟานดึงเข้าไปกอดอีกครั้ง " ผมรู้ครับ ว่าคุณรู้สึกยังไงกับผม แต่ไม่ว่ายังไงก็จะรอวันที่คุณพูดมันออกมาอยู่ดี อย่างที่ผมเคยสัญญากับคุณไว้ ผมจะไม่ถามคุณอีกว่าคุณชอบผมมั้ย แต่ผมจะรอวันที่คุณพร้อมแล้วคุณก็จะบอกผมเอง ไม่ว่ายังไงก็จะรอฟังครับ คำว่าชอบจากปากของคุณ " 

.............................................

รู้ตัวอีกที.. ก็มีฉากนี้เข้ามาในสมอง
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน อารมณ์ที่รุนแรงของน้องฟาน
กับพี่คีย์ที่หลงใหลเซ็กส์ของน้องฟานอยู่ลึกๆ
มันต่างกันนะ ความรักที่เด็กคิด กับผู้ใหญ่เค้าคิดกัน เหมือนเรารักชอบกัน
แต่เรามีจุดประสงค์ในความรู้สึกต่างกัน
คำว่าชอบก็เช่นกัน .. ระวังคนที่รอฟังจะรอไม่ไหว แม้จะบอกว่า รู้อยู่แล้วว่ารู้สึกต่อกันยังไงก็เถอะ

ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ไว้ในอ้อมใจ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านแล้วคอมเม้นท์
เจอกันตอนหน้าค่าา  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 19 ' คำว่าชอบ ' UP - 22.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-07-2016 21:12:18
อืมม ทั้งสองคนก็ต่างโดนปมทำร้ายเนอะ ปมเด็กว่ากับปมปากแข็ง
ก็รู้สึกดีนะที่ไม่มีกล้องวงจรปิดหรือโดนแอบถ่าย แถมฟานก็ดูมีความอดทนอยู่บ้าง
ถ้าเสียบสุดทั้งๆที่โกรธกันคงรู้สึกแย่ฝังใจกันไปอีกนาน
น้องฟานโกรธงอนเป็นเด็กๆนะหึงแม้กระทั่งอาจารย์ก็ถือว่ายังเด็กน้อยอยู่แต่เข้าใจนะเพราะน้องมีปมพ่อแม่
กลัวถูกทิ้งเป็นทุนเดิม พี่คีย์รักหนูขนาดนี้แล้วเข้าใจเถอะลูกนะ   คนปากแข็งอ่อนลงเยอะแล้ว.  :L1: ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 19 ' คำว่าชอบ ' UP - 22.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 22-07-2016 21:15:03
เพราะความไม่แน่ใจ รักมาก หวงมาก หึงมากสินะฟานจ๋า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 19 ' คำว่าชอบ ' UP - 22.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 22-07-2016 21:17:01
จะหน่วงหรือจะฟินดี พูดไม่ถูกคร๊าาาา 55555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 19 ' คำว่าชอบ ' UP - 22.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 22-07-2016 21:30:08
อ่านแล้วจุกเบาๆ  คือแบบรู้สึกสงสารจนอยากจะขอฟฟานมากอดปลอบอ่ะ

เด็กเอ๋ยเด็กน้อยช่างน่าเอ็นดู งื้อออ...
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 19 ' คำว่าชอบ ' UP - 22.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Krittapas ที่ 22-07-2016 22:02:45
มาต่อวันนี้เลยค่ะ ชอบมาก อบอุ่นการใช้ภาษาเข้าใจง่าย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 19 ' คำว่าชอบ ' UP - 22.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 22-07-2016 22:39:04
โอ๋ๆๆๆๆ ฟานนนนนน
มาๆมาพี่กอดดดนะ 5555
คีย์ก้อย่าปากหนักนักเลยยย
ชอบน้องก้บอกไปเถอะ สงสารรฟานนนน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 19 ' คำว่าชอบ ' UP - 22.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 22-07-2016 23:39:20
เธอทำอะไรนุ้งคีย์ กิกิ :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 19 ' คำว่าชอบ ' UP - 22.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 23-07-2016 03:12:13
งอนคนแก่ปากแข็ง ชอบก็บอกว่าชอบไปก็สิ้นเรื่อง คำว่าคิดถึงยังพูดบอกไปแล้วเลย กะอีแค่บอกว่าคีย์ชอบฟานนะทำไมมันพูดยากเย็นนักฮะพี่คีย์  :serius2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 19 ' คำว่าชอบ ' UP - 22.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-07-2016 07:45:41
ฟานชัดเจนแล้วนะ คีย์รู้ตัวไว้

ต่างคนต่างคิด พอวัยต่างเลยพูดให้ต่างได้อีก
เลยพาลน้อยใจไปด้วย

ฟานก็อยากให้คีย์พูดบ้างนะ อย่าอึนให้มาก
หึงแรง หวงแรง อีกมุมหนึ่งของคนขี้หวงนะคะ
ไม่อบอุ่นอย่างเดียวนะคีย์

แต่เข้าใจคีย์นะ เขินเลยไม่บอกออกมา แต่ทำให้เห็นว่าชอบ เลยคิดว่าฟานจะรู้ได้เอง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 19 ' คำว่าชอบ ' UP - 22.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 23-07-2016 10:40:35
ค่อยๆปรับกันไปเนอะ ^^
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 19 ' คำว่าชอบ ' UP - 22.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 23-07-2016 16:29:51
ปรับความเข้าใจ ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 19 ' คำว่าชอบ ' UP - 22.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 23-07-2016 16:47:32
 :hao5: สงสารเด็กน้อย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 19 ' คำว่าชอบ ' UP - 22.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 24-07-2016 09:52:56
ความหึงหวงมันไม่จำกัดอายุหรอกนะ ว่าเด็กหวงได้ พอเป็นผู้ใหญ่ห้ามหวงอะไรแบบนั้น แต่เราต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้ อย่าให้มากกว่าเหตุผลเท่านั้น 
ความรู้สึกก็เหมือนกันถึงจะบอกว่าคิดถึงแต่ในแบบไหนล่ะ ถ้าชอบควรพูดให้ชัดอย่ามัวมาทิฐิอยู่ ควรคิดถึงคนที่เขารอคอยเราบ้าง ว่าเขารอด้วยความรู้สึกแบบไหน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 19 ' คำว่าชอบ ' UP - 22.7.59} หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 24-07-2016 23:21:15
ค่อยๆปรับกันนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 20 ' คิดมาก ' UP - 29.7.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 29-07-2016 20:19:54
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่  20
' คิดมาก '

   เดินลงมาจากตึกพร้อมกับฟานที่เดินลงมาด้วยกัน ผมที่เดินก้มหน้าลงมามีความคิดมากมายที่อยู่ในหัวของผมตอนนี้ ' ผมรู้ครับ ว่าคุณรู้สึกยังไงกับผม แต่ไม่ว่ายังไงก็จะรอวันที่คุณพูดมันออกมาอยู่ดี ' มันไม่ใช่คำพูดบีบบังคับเพราะเค้าไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ยกเว้นครั้งนี้ที่พูดออกมา ทำไมทุกครั้งที่เค้าพูดความจริงออกมาจากใจตรงๆ ถึงเป็นผมทุกครั้งที่ต้องรู้สึกว่าตัวเองผิดตลอด เพราะความรู้สึกที่ไม่เท่ากันของเราน่ะเหรอ หรือเพราะความจริงแล้วเราเองก็เห็นว่ามันเป็นแบบนั้น เราเป็นอย่างที่เค้าพูดไม่มีผิดเลย ทั้งเรื่องที่ไม่เคยบอกว่าชอบเค้า แล้วก็เรื่องที่เค้าต้องพยายามอย่างหนักเพราะไม่มั่นใจว่าจะเป็นคนที่เราชอบรึเปล่า

   ใช่ เราเป็นแบบนั้น จะให้อีกคนมามั่นใจอะไรในตัวเรา ถ้าเรายังไม่คิดให้ความมั่นใจกับเค้าก่อน

“ คุณคีย์ "

“ หื้ม ? “ หันไปหาอีกคนที่เรียกผม ฟานยิ้มก่อนจะถาม

“ จะกลับบ้านเลยรึเปล่า แต่พรุ่งนี้ผมมีงานอีกวันนึง คงกลับไปพร้อมคุณไม่ได้ "

“ จะกลับอาทิตย์หน้างั้นเหรอ " ผมถามเค้าก็พยักหน้ารับ

" อาทิตย์หน้ามีงานสัปดาห์วิชาการของมหาลัยครับ ผมต้องอยู่ช่วยงานอาจารย์เพชร คงกลับอีกอาทิตย์นึงเลย "

“ เหรอ " ตอบรับเค้า ฟานก็คว้ามือผมไปจับก่อนจะดึงให้ผมหันมามองหน้าเค้า

“ ไม่โกรธนะครับ เดี๋ยวผมกลับไปนะ "

' อ่อนโยนกับฉันอีกแล้ว ไม่ต้องมาอ่อนโยนกับฉันเลย ' ผมพูดกับตัวเองในใจ ไม่ชอบเวลาแบบนี้เลยตอนที่มองสายตาคมที่กำลังมองผมมาด้วยความอบอุ่น คำพูดที่ดูห่วงใยอะไรพวกนั้น อ่อนไหวจนอยากจะดึงตัวเองเข้าไปกอดเค้าไว้ แล้วเอาแต่ใจให้ถึงที่สุด ' แวะกลับมาหน่อยก็ไม่ได้เหรอฟาน กินข้าวกันสักมื้อก็ได้นะ อาทิตย์นึงตั้งเจ็ดวันมันยาวเกินไปสำหรับฉัน ' ในใจที่คิดแบบนั้นแต่เอาเข้าจริงปากมันก็พูดออกไปอีกอย่าง " ใครจะไปโกรธเรื่องไร้สาระแบบนั้นกัน "

“ งั้นก็ดีแล้วละครับ " เราเดินลงมาถึงชั้นล่างของตึก กิจกรรมที่ดูเหมือนคนจะโล่งลงไปเยอะ คงเพราะเย็นแล้วด้วยเด็กๆก็คงทะยอยกลับไปแล้ว

“ เฮ้ย! ฟาน ทางนี้ " เสียงเรียกคนร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆผมดังมาจากโต๊ะนึง ที่มีเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันนั่งอยู่เต็มโต๊ะ คนที่เรียกเป็นผู้ชายผอม เค้าที่ยิ้มกว้าง ฟานก็หันมาบอกผม

“ ขอเข้าไปหาเพื่อนหน่อยนะครับ "

“ ก็เข้าไปสิ มาถามฉันทำไมอะ "

“ ก็ผมจะพาคุณไปด้วย " เค้าบอกก่อนจะดึงมือผมให้เดินไปที่โต๊ะที่มีเพื่อนเค้านั่งอยู่ เด็กหนุ่มสองสามคนที่พอเห็นผมก็ยืนขึ้นแนะนำตัวกันทีละคน

“ สวัสดีครับ ผมชินครับ "

“ ผมทาม "

“ ส่วนผมเป็นรุ่นพี่ฟานปีนึงชื่อ คอม "

“ โฮมครับ " ผมพยักหน้ารับทุกคนก่อนจะแนะนำตัว

“ เอ่อ.. คีย์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ " ไม่รู้จะแนะนำว่าอะไรดี แค่จะพูดว่า พี่คีย์นะทุกคน ยินดีที่ได้รู้จัก ก็รู้สึกกระดากปากชะมัดเลย

“ พี่คีย์แฟนฟานสินะครับ " คนที่ชื่อทามพูดขึ้นมาก่อนทั้งโต๊ะจะหัวเราะออกมาเสียงดัง ผมที่ยิ้มแห้งๆ ไม่รู้จะพูดอะไรก็ได้เลื่อนตัวเองไปยืนหลบอยู่หลังของอีกคน

“ มึงทำเค้าเขินใหญ่แล้ว ต้องไปหลบหลังแฟนเลยเห็นมั้ย "

“ ขอโทษนะครับ " ผมส่ายหน้าไปมาตอนที่อีกคนพูดออกมาแบบนั้น " แล้วนี่มึงจะพาแฟนไปไหน "

“ จะไปส่งเค้ากลับบ้าน " ฟานตอบ

“ แต่มึงมีงานต่ออีกนะ อย่าทิ้งพวกกูไว้กับอาจารย์เพชรนะเว้ย พวกกูทำไม่เป็น " ชินโวยวาย

“ กลัวอะไรวะ ไอ้โฮมก็อยู่ "

“ มีสองคนดีกว่ามีคนเดียวเปล่าวะ " ทามบอก อีกคนก็พยักหน้า

“ กูแค่ไปส่งเฉยๆ เดี๋ยวกลับมา " ฟานหันมายิ้มให้ผมก่อนจะหันไปบอกเพื่อน " งั้นเดี๋ยวกูมานะ "

“ แล้วเจอกันนะครับ พี่คีย์ "

“ อ่า เจอกัน " ผมยกมือบอกลาพวกเค้า ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับฟานที่ก็ยิ้มอยู่แบบนั้น " ยิ้มอะไรของนาย "

“ คุณดูเกร็งๆ เวลาเจอเพื่อนผมนะ "

“ เหอะ " ไม่เกร็งได้ไงละ ดูหน้ามันแต่ละคน เหมือนพวกขี้แซวที่แบบว่าถ้าเกิดเผลอทำอะไรถูกใจลงไปสักอย่างต้องโห่ออกมาดังๆแน่นอน ไอ้เรื่องจุดเด่นพวกนั้น ผมไม่อยากเป็นครับ ไม่เอาเด็ดขาด แค่นี้ก็ถูกจ้องมองจะแย่อยู่แล้วเพราะมาเดินจูงมือกับหนุ่มบ๊อปของมหาลัย

 “ ไม่ชอบเหรอครับ "

“ ก็เปล่าหรอก แต่ดูท่าทางเพื่อนนายเป็นพวก จะว่ายังไงดีละ อื้มม คิดคำไม่ออก ขี้หลีเหรอ พวกที่ชอบแซวสาวเสียงดังๆ " ฟานยิ้มตอนที่ผมอธิบาย

“ พวกมันเป็นแบบนั้นแหละครับ "

“ ฉันไม่อยากให้มันแซวอะ ต้องเสียงดังมากแน่ๆ "

“ ก็แค่คนทั้งหมดที่อยู่ใกล้ๆอาจจะหันมามองคุณ "

“ นั่นแหละที่ไม่เอาเด็ดขาด " ฟานหัวเราะตอนที่ผมพูดออกมาแบบนั้น เราที่เดินข้างๆกันอยู่ๆเค้าห็หยุดเดินเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ " มีอะไรเหรอ "

“ ผมลืมกระเป๋าไว้ที่ห้องในคณะน่ะ ขอไปเอาก่อนนะครับ "

“ อื้ม ไปสิ " ผมบอกอีกคนที่ก็ปล่อยมือผมก่อนวิ่งขึ้นตึกไป ถอนหายใจออกมากับความขี้ลืมของอีกคนก่อนจะหย่นตัวนั่งรอตรงโต๊ะว่างที่อยู่แถวนั้น

   อากาศเงียบๆที่มีลมพัดเบาๆ เผลอคิดถึงเรื่องที่เราคุยกันในห้องนั่นอีกแล้ว  ยิ่งเค้าดีกับเราเท่าไหร่เราก็ยิ่งแคร์เค้ามากแค่นั้น แววตาที่ฟานมองมาความเสียใจที่สื่อออกมาให้ผมรู้ ต่อให้ไม่พูดยังไง ต่อให้บอกว่าไม่รู้สึกอะไร ยังไงเค้าก็ยังเสียใจกับเรื่องนั้นอยู่ดีนะสินะ เรื่องปากแข็งไม่เข้าท่าของเรา เรื่องที่ไม่ยอมบอกว่าชอบทั้งๆที่ความจริงก็รู้อยู่แล้วว่า รู้สึกยังไง

   ถอนหายใจออกมาเซ็งๆผมหยิบมือถือมาเล่นฆ่าเวลาอย่างไม่รู้จะทำอะไรระหว่างรออีกคน “ เหมือนลุงแก่ๆ เลี้ยงลูกเลี้ยงหลานเลยอะ " เสียงที่ดังขึ้นผมหันไปมองต้นเสียงก็พบว่าเป็นกลุ่มเด็กสาวสองสามคนที่นั่งอยู่ไกลจากผมนัก จำได้คุ้นๆว่ามีคนนึงเป็นเด็กผู้หญิงที่ผมเจอตอนที่อยู่โรงอาหาร เธอทักผมแล้วฟานก็บอกว่าเราเป็นพี่น้องกัน " คนสมัยนี้ชอบซื้อเด็กหล่อๆไปกินเหรอวะ แบบนี้แหละนะ เค้าบอกว่าถ้าคิดว่าหาไม่ได้แล้วก็ให้ทำงานรวยๆแล้วซื้อกินเอา "

“ พูดอะไรแบบนั้น อาจจะเป็นความรัก " เสียงอีกเสียงที่แทรกขึ้น

“ ความรักแบบไหนกันวะ แบบที่ว่าถ้าไม่มีเงินก็ถูกทิ้งอะเปล่า "

“ แกเคยอ่านข่าวคนแก่อึ้บเด็กแล้วแม่ง หัวใจวายตายปะ " เสียงเม้าส์ที่เริ่มสนุกสนามมากขึ้นเพราะเสียงหัวเราะที่สอดแทรกเข้ามาตลอดเวลา 

“ เคยๆ "

“ แม่ง ไม่เจียมสังขารจะมาเอาเด็ก "

“ แกรู้อะไรมั้ย เด็กแบบพวกเราอะ ใช้เวลา 28 วันเซลล์ผิวถึงจะตาย แต่ว่าพวกป้าแก่ๆหรือว่าลุงแก่ๆอะ ต้องใช้เวลาตั้ง 45 วันเพื่อสร้างใหม่เลยนะ "

“ พูดหลักการแบบนี้หมายความว่าไงวะ "

“ ก็หมายความว่า หน้าที่เหี่ยวลงทุกวันต้องใช้เวลาตั้ง 45 วันกว่ามันจะสร้างใหม่นะสิ ฮ่าๆ " เสียงหัวเราะล้อเลียนที่ดังขึ้นมา ตอนที่ผมหันไปมองพวกเธอก็แค่จ้องมาแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่กำลังพูดอยู่ แสร้งทำเหมือนไม่ได้พูดอะไรเสียดสีผมเลยสักนิด

“ แค่คิดว่าต้องหอมแก้มหน้าเหี่ยวๆ ก็สุดจะทนแล้วอะ ไม่ใช่พ่อแม่เราสักหน่อย "

“ คิดไงไปคบคนรุ่นแม่วะ "

“ หน้าตาก็หล่อ ผู้หญิงสวยๆ ที่เข้ามาชอบก็เยอะแยะ สุดท้ายไปคว้าคนแบบนี้มาน่ะเหรอวะ สิ้นคิดมากเลยอะ " เสียงของผู้หญิงคนนึงที่พูดผมลุกขึ้นหันไปจ้องหน้าพวกเธอ ที่ก็ยกคิ้วขึ้นมองผม " มองอะไรเหรอค่ะ คุณลุง "

“ เปล่าหรอกครับ " ผมตอบ ก่อนจะมองไปรอบๆ " แค่สงสัยว่าทำไมมหาลัยนี้ถึงรับนักศึกษาที่มีวุฒิภาวะต่ำขนาดนี้เข้ามาเป็นนักศึกษาก็แค่นั้นเอง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่่า นี่คือ ปัญญาชนคนมีความรู้ แต่ก็ไม่แปลกหรอก คนบางคนมีหัวแต่ไร้สมองก็เยอะแยะไป "

“ พูดแบบนี้หมายความว่าไง " ผู้หญิงคนนึงที่ลุกขึ้นถามผม หน้าตาเอาเรื่อง

“ ก็แค่พูดโดยรวมไม่ได้เจาะจงใครหรอกครับ เหมือนกับที่พวกเธอพูด ก็ไม่ได้เจาะจงจะว่าใครไม่ใช่เหรอ " ผมถามเธอที่ก็หน้านิ่งไปสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆด้วยความหงุดหงิด " แต่ว่าถ้ามันไปตรงใจเธอ อันนี้ก็น่าเห็นใจนะ "

“ งั้นคำพูดของพวกฉันก็ต้องไปโดนใจคุณน่ะสินะ ถึงได้พูดออกมาแบบนั้น คงคิดว่าตัวเองแก่แล้วก็ไม่ได้เหมาะสมจะเป็นแฟนกับเด็กรุ่นลูกถูกมั้ยละ "

“ แต่ในความคิดของผม ถ้าแฟนรุ่นเดียวกันมีความคิดความอ่านแบบที่ได้ฟังคุณพูด ผมไม่คิดว่า ผมจะอยากคบคนรุ่นเดียวกันหรอกครับ เพราะดูไม่มีสมองเลย มีแค่ความอิจฉาเท่านั้น "   ผมยิ้มให้เธอ " แล้วลองคิดดูสิว่าเพราะอะไรกันนะ เค้าถึงไม่เอาเรา แล้วมาเอาคนแก่ๆแบบนี้ เพราะพวกเธอมีความคิดแบบนี้รึเปล่า "

“ เงียบปากไปเลยนะ " คำพูดที่หลุดพูดออกมา ผมเบือนหน้าหนีในตอนที่หันไปมองฟานก็เดินเข้ามาพอดี

“ ไปกันเถอะครับ " เค้าบอกก่อนจะกระชับกระเป๋าของตัวเองแล้วคว้ามือผมไปจับไว้

“ อื้ม ไปกันเถอะ ฉันก็ไม่อยากจะอยู่แถวนี้นานๆเหมือนกัน " หันไปบอกเค้า ฟานที่สงสัยไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพียงแค่พยักหน้ารับก็เท่านั้นเราที่กำลังจะเดินผ่านโต๊ะของผู้หญิงกลุ่มนั้นผมก็หันไปถามเค้า  " จะว่าไปมหาลัยนายนี่ก็แปลกนะ "

“ ทำไมครับ "

" เค้ารับชะนีมาเรียนด้วยเหรอ " คนตรงหน้าขมวดคิ้วผมก็เลยแสร้งหัวเราะออกมา " ฉันแค่ได้ยินเสียงร้องเรียกว่า ผัวๆ ดังระงมเลยเมื่อกี้นะ ชะนีขี้อิจฉาน่ะรู้จักมั้ย  " แม้จะสงสัยในสิ่งที่ผมพูดแต่ฟานก็ไม่ถามอะไรทั้งนั้น เค้าแค่ยิ้มในตอนที่เดินผ่านกลุ่มของเด็กสาวนั่นไปช้าๆ ผมไม่ได้หันไปมองเธอแต่ก็คิดว่า คงจะแสดงทีท่าไม่พอใจอยู่แน่ๆเพราะไม่ได้สวนกลับคำพูดของผม

“ หิวมั้ยครับ อยากจะกินอะไรก่อนกลับรึเปล่า "

“ ยังไม่อยากกลับ " พูดออกมาเสียงเบาๆอีกคนก็หันมามอง

“ ว่าอะไรนะครับ "

“ บอกว่ายังไม่อยากกลับ ฉันพรุ่งนี้หยุดอีกวัน " เค้าถอนหายใจออกมาตอนที่ผมพูดแบบนั้น ก้มหน้าลงต่ำผมรู้ว่าไม่ควรจะพูดเอาแต่ใจแบบนั้น ฟานก็มีหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง แล้วผมเองก็เป็นคนบอกเค้าเองว่าต้องมีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง

“ พรุ่งนี้ผมมีงานต่อ ผมก็อยากจะให้คุณอยู่นะ แต่ผมคงไม่มีเวลาอยู่กับคุณ " เค้าที่อธิบายออกมา สองมือที่เอื้อมมาจับหน้าผมให้เงยหน้าขึ้นมองเค้า " อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ ผมเองก็ลำบากใจนะ "

“ ฉันทำแบบไหนกัน " ผมถามก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

“ หน้างอนๆที่กำลังบอกผมว่า ไม่อยากกลับ อยากจะอยู่ด้วยกัน หน้าตาที่บอกว่า ไปส่งที่บ้านหน่อยแล้วค่อยกลับมาทำงานต่อ หน้าตาคุณตอนนี้มันเป็นแบบนั้นแหละครับ "

“ เข้าข้างตัวเอง "

“ ก็ยังดีกว่าคนโกหกหัวใจตัวเองก็แล้วละครับ " ปล่อยมือจากหน้าผมที่ถอนหายใจออกมา ฟานเปลี่ยนมาเป็นจับมือเราที่เดินข้างกันไปเรื่อยๆถึงหน้ามหาลัยเค้าก็ถามผมอีก " สรุปว่าไม่กินอะไรนะครับ "

“ ยังไม่หิวอะ ถ้าอยากจะกินอะไรตอนนี้ สิ่งที่อยากจะกินที่สุดคงเป็นคอลลาเจนละ "

“ คอลลาเจน " เค้าทวนคำผมก็ยักคิ้วรับ

“ จะเอามาเติมเต็มส่วนที่เหี่ยวให้เต่งตึงยิ่งกว่าสาวอายุ 18 “

“ ทำไมอยู่ๆ คิดอยากจะเต่งตึงขึ้นมาละนั่น " เค้าพูดยิ้มๆ ผมก็หันไปมอง " อย่าบอกนะว่า โดนใครพูดสะกิดใจอะไรขึ้นมาอีก " พอฟานทักผมก็ทำหน้ามุ้ยลงเหมือนโดนตามทันเค้าก็หัวเราะ " ว่าแล้ว ไปโดนใครพูดอะไรมาอีกละครับ หื้ม ว่าไง "

“ ไม่ต้องมาพูดเสียงอ่อนเสียงหวานกับฉันเลย " ใจสั่นไปหมดแล้ว นายละชอบอ่อนโยนทุกทีทั้งๆที่ตัวเองก็มีด้านมืดดำแท้ๆ จริงๆนายควรดาร์กกับฉันในเวลานี้ฉันจะเข้มแข็งอยู่คนเดียวได้ครบอาทิตย์ ไม่ใช่มาอ่อนโยนแบบนี้ เพราะพอเป็นแบบนั้นแล้วฉันที่ต้องอยู่คนเดียวอีกเป็นอาทิตย์จะไม่คิดถึงนายได้ยังไง  ไอ้คนใจร้าย

“ อะไรอีกละครับ ผมก็แค่ถามเองนะ " ผมถอนหายใจออกมา ทำไมในสมองมันมีแต่เรื่องให้คิด ทั้งเรื่องฟาน เรื่องที่ต้องทนเหงาคนเดียว แล้วยังจะมีเรื่องคำพูดเหี้ยๆจากปากชะนีพวกนั้นอีก หงุดหงิดเว้ยยย " เค้าว่าอะไรคุณละ "

“ อยากรู้ไปทำไม จะไปจัดการให้ฉันรึไง "

“ ก็ต้องดูก่อนว่าเค้าพูดว่าอะไร "

“ เค้าบอกว่าฉันแก่ มาคบกับเด็กรุ่นหลาน เรียกฉันว่าคุณลุง หนำซ้ำยังบอกอีกว่า ฉันไม่กลัวหัวใจวายคาอกนายรึไง แล้วก็บอกด้วยว่า เราคบกันก็แค่เงิน พอฉันไม่มีเงินนายก็ไป " ถอนหายใจออกมา ฝ่ามือที่กุมกัน อยู่ๆผมก็จับมือเค้าไว้แน่น

“ ไปฟังอะไรเรื่องไร้สาระแบบนั้นละ "

“ เค้ายังบอกอีกนะว่าฉันน่ะต้องใช้เวลาสร้างเซลล์ผิวใหม่ตั้ง 45 วันแหน่ะถ้าหน้าฉันเหี่ยว "

“ ไม่มีอะไรจริงเลยที่เค้าพูด คุณหน้าเหี่ยวเหรอ ก็ไม่นะครับ แล้วเวลาเรามีอะไรกันเราก็ไม่เคยถึงขั้นจะหัวใจวายเลยสักครั้ง คุณยังทำอะไรๆกับผมในท่ายืนได้ผมไม่คิดว่าคุณแก่หรอกนะ แล้วเราคบกันที่เงินเหรอ ก็เปล่า ไม่มีอะไรจริงเลย ไปเครียดทำไมละ " เค้าที่พูดปลอบผมใบหน้าคมที่หันมามองฟานยิ้มอยู่ในตอนนั้น " คุณไม่แก่เลยสักนิดสำหรับผม เพราะในบางทีคุณก็อ้อนผมเหมือนเป็นเด็กน้อย บางทีก็ยิ้มมีความสุขกับเรื่องเด็กๆ แถมวิธีจัดการกับคุณก็ยังเป็นวิธีที่ใช้จัดการกับเด็กเท่านั้นด้วย คุณไม่แก่หรอก คุณเด็กจะตายไป "

“ ก็พวกเธออยากพูดให้ฉันคิด ฉันก็คิดสิ "

“ เราห่างกันแค่หกปีเอง มีคนที่อายุห่างมากกว่านี้อีกครับ จะไปแคร์ทำไม "

“ ก็ฉันไม่ได้เปิดใจคบนาย แบบแค่คบๆแล้วก็เลิกนี่ ฉันหวังจะคบกับนายไปตลอด " ผมริมฝีปากตัวเองตอนที่พูดคำนั้น " ถ้าคบกันได้ละก็นะ " นั่นคือสิ่งที่ผมคิด แล้วก็เป็นสิ่งที่ผมกังวล เราจะเข้ากันได้มั้ยสำหรับอายุที่ต่างกันของเรา สภาพสังคมที่ต่างกัน ความคิดก็ต่างกัน คนแบบผม คนแบบเค้า เราจะปรับเข้ากันได้มั้ย เพราะไม่ได้คิดถึงแค่วันนี้ แต่สำหรับผมคิดถึงวันพรุ่งนี้ คิดถึงอนาคต อนาคตของเราสองคน  เราเข้ามาใกล้กันเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่าตอนนี้มันใกล้ชิดกันเท่าไหร่แล้ว แต่ที่รู้คือมันยากแล้วที่จะออกห่างจากกัน

“ คุณคีย์ " เสียงที่เรียกพร้อมกับท่อนแขนหนาที่ดึงผมเข้าไปกอด

“ ฟาน กอดทำไมคนเยอะแยะ " เพราะมันเป็นหน้ามหาลัย เค้าที่อยู่ๆดึงผมไปกอดแบบนั้น ใครๆก็ต้องมองอยู่แล้ว มือที่พยายามดันแต่อีกฝ่ายก็ยังดึงดันจะกอดไว้แน่น " นี่..”

“ ขอผมกอดคุณหน่อยเถอะครับ ก็ผมดีใจนี่น่าที่คุณพูดแบบนั้นออกมา " หยุดมือที่กำลังจะผลักเค้ากะทันหันตอนที่ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ฟานก็บอก " ผมคิดว่ามีแค่ผมที่คิดไปคนเดียวซะอีกว่าอยากจะอยู่กับคุณไปตลอด ดีใจจัง ที่คุณเองก็คิดแบบผม "

“ ก็บอกแล้วไง ว่าถ้าอยู่ด้วยกันได้น่ะ "

“ ต้องอยู่ได้อยู่แล้ว "

“ มั่นใจอีกแล้วนะนาย " เค้าผละตัวออกจากตัวผม ที่ขมวดคิ้วมองอีกคนที่กำลังยิ้มกว้าง แล้วเห็นน่าหมั่นไส้จะมีความสุขอะไรเบอร์นั้น  ผมเบือนหน้าหนีเค้าอีกคนก็เอียงหน้ามามอง " อะไรของนาย "

“ ผมมีอะไรอยากจะถามคุณคีย์หน่อย "

“ อะไรละ "

“ ทำไมถึงอยากจะอยู่กับผมตลอดไปเหรอ " คำถามตอบยากที่ชวนให้ผมนิ่งไป จะตอบว่าะไรดีละ เพราะความอบอุ่นของเค้า ความใส่ใจ ความมั่นใจเวลาเราไปไหนด้วยกัน ความรู้สึกที่ว่าต่อให้วันข้างหน้าหน้าตาผมจะเหี่ยวลง ผมที่มีสีดำอาจจะกลายเป็นสีขาว อาจจะไม่มีได้มีฟันสวยๆแบบนี้ แต่ก็คิดว่าฟานก็คงยังอยู่ข้างผมแน่ๆ  คำตอบพวกนั้นที่จะตอบออกไปดูมั่นใจในตัวอีกคนเหลือเกิน มั่นใจเสียจนรู้สึกว่าถ้าผิดหวังขึ้นมาคงรู้สึกเจ็บไม่น้อย

“ นายทำข้าวปลาแซลมอนย่างเกลือที่ฉันชอบอร่อย ดีอะ " ฟานขมวดคิ้วก่อนจะจ้องหน้าผมงงๆ

“ แค่นั้นจริงๆเหรอครับ "

“ อื้ออ ถ้าฉันได้กินทุกวันมันคงดี ก็คิดแบบนั้นแหละเลยอยากให้ฟานอยู่ด้วยกันไปตลอด " ยักคิ้วบอกเค้าที่ถอนหายใจออกมาเซ็งๆ

“ ปากแข็งอีกตามเคย " ฟานว่า ก่อนจะเงียบไปสักพัก " แต่ข่างเถอะ สักวันคุณก็บอกความจริงผมมาเองแหละ เหมือนอย่างเรื่องที่จะบอกว่า ชอบผมก็เหมือนกัน "

“ นี่..ฟาน " หัวใจของผมเหมือนถูกสะกิดความรู้สึกแย่พวกนั้นกลับมาอีกครั้ง มองเค้าด้วยแววตาหนักใจที่สื่ออกไปอย่างปิดไม่มิด

“ ครับ "

“ เรื่องที่ฉันไม่เคยบอกว่า ชอบนายน่ะ จริงๆแล้ว ฉัน..”

“ กังวลเรื่องนี้อยู่อีกเหรอ " เค้าถามผมก็พยักหน้ารับช้าๆ " บอกแล้วไงครับ ว่าผมรู้ว่าคุณรู้สึกยังไงกับผม เรื่องที่คุณจะบอก จะบอกเมื่อไหร่ก็ได้ "

“ แต่นายไม่มั่นใจตัวฉันเพราะฉันไม่ยอมบอกไม่ใช่เหรอ วันนี้ที่เรามีปัญหากันก็เพราะเรื่องนี้ นายที่โกรธฉันก็เพราะเรื่องนี้ เพราะนายไม่มั่นใจในตัวฉัน  "

“ ถึงมันจะเป็นแบบนั้น ผมก็ไม่อยากให้คุณบอกเพียงเพราะว่าต้องบอกผมหรอกนะ ผมอยากจะให้คุณรู้สึกว่า ชอบผมมากจริงๆ ถึงจะพูดคำนั้นออกมา เหมือนที่ผมบอกคุณ เพราะรู้สึกว่าชอบจริงๆ ผมถึงพูดออกมา มันไม่มีค่าอะไรหรอก ถ้าคุณจะบอกว่าชอบผมเพียงเพราะอยากจะให้ผมมั่นใจในตัวคุณ คำว่าชอบที่บอก เพราะต้องบอก มันไม่มีค่าอะไรหรอก " เค้าพูดก่อนจะยิ้มจางๆ " ใช่ครับ มันอาจจะทำให้ผมเจ็บอยู่บ้างเวลาที่ไม่รู้ว่าตัวเองดีพอรึยังสำหรับคุณ ไม่รู้ว่าสิ่งทีทำไปคุณจะชอบ หรือว่าไม่ชอบ แต่ถึงจะเป็นอย่างงั้นก็ยังอยากจะรอฟังคำที่คุณพูดว่าชอบ ในตอนที่รู้สึกชอบผมจริงๆมากกว่า ก็อย่างบอกไงครับ ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณรู้สึกยังไง "

“ รู้อยู่แล้วจริงๆนะ " เงยหน้าถามเค้า อีกคนก็พยักหน้ารับ

“ อย่าทำหน้าอ้อนผมแบบนั้นสิครับ "

“ ฉันไม่อยากให้นายรู้สึกว่าฉันไม่รู้สึกอะไร เพราะมันไม่จริง ฉันรู้สึกนะ รู้สึกกับนายเหมือนอย่างที่นายรู้สึกกับฉัน "

“ ผมรู้ครับ " ฟานยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัวผม " ไม่งั้นคุณไม่มาหาผมหรอก "

“ อื้อ "  ตอบรับเค้าสั้นๆ เราที่เงียบให้กันและกัน ' คงต้องไปแล้ว ' ใจผมมันบอกตัวเองแบบนั้น แต่ว่าขาที่หยุดยืนอยู่ตรงนั้นนิ่งๆกับงอแงไม่อยากจะจากไหนเลย  " คงต้องกลับแล้วละมั้ง " ตัดสินใจพูดออกไปอีกคนก็พยักหน้ารับ

“ อาทิตย์หน้าเจอกันนะครับ "

“ จะโทรไปหารึเปล่า " ผมถามเค้า " ถ้าบอกว่าจะโทรฉันจะชาร์จแบตไว้รอนะ "

“ ผมจะโทรไปหาคุณทุกวันเลยครับ แล้วถ้าว่างก็จะไลน์หาด้วย "

“ จริงเหรอ " ผมถามย้ำ กลายเป็นคนงอแงไปเสียแล้ว งอแงที่กำลังจะจากไอ้ลูกหมาที่เคยบอกว่ารำคาญนักหนาเวลาที่มันอยู่ใกล้ๆ

“ จริงครับ จะไม่ปล่อยให้คิดถึงอีกแล้ว ไม่ทำหน้าแบบนี้สิ ผมรู้สึกผิดนะที่ไม่กลับบ้านน่ะ "

“ งั้นก็จ้องหน้าฉันแล้วรู้สึกผิดมากๆซะเดี๋ยวนี้เลยเราจะได้กลับไปด้วยกัน " พอบอกอีกคนแบบนั้นเค้าก็ดึงผมเข้าไปกอด "  ทั้งๆที่ฉันควรมีความสุขแท้ๆในเวลาที่นายไม่อยู่ แต่กลับกันเลยรู้มั้ย เวลาที่นายไม่อยู่ ในห้องมันเงียบมากเลยนายรู้มั้ย เงียบจนน่ากลัว "

“ คุณคีย์ " ผมเผลอแสดงความรู้สึกจริงๆออกไปซะแล้ว ความรู้สึกที่ต้องทำให้ฟานเป็นห่วงแล้วต้องกลับไปทำงานด้วยความรู้สึกแย่ๆหลังจากผมกลับไป " ผม.. "

“ เพราะงั้นกลับไปทำงานของนายได้แล้วไป " ผมผละตัวเองออกจากเค้า " ตั้งใจทำงานของนายให้ดี เสร็จแล้วก็รีบกลับละกัน "

“ ครับผม คุณก็ดูแลตัวเองดีๆนะ ผมจะโทรหา "

“ อื้ออ " ตอบรับเค้าสั้นๆ ผมเห็นแท็กซี่ที่กำลังจะเข้ามาจอด ในตอนนั้นมือที่กวักมือเรียกเป็นสัญญาณ รถที่กำลังเคลื่อนเข้ามาอยู่ๆผมก็หันไปหาเค้า ในตอนนั้นสมองมันอยากจะทำอะไรสักอย่างแบบชนิดที่ว่าลืมความเหมาะสมของสภาพแวดล้อมข้างๆ ลืมสายตาของใครๆที่กำลังจะมองมา " ฟาน " ผมเรียกเค้าก่อนจะเขย่งตัวแล้วดึงคอเสื้อของอีกคนลงมาจูบเสียเนิ่นนาน " คิดถึงฉันด้วยนะ " คำพูดที่มาพร้อมแก้มแดงๆของผม ที่ตอนนั้นก็รีบวิ่งขึ้นรถไปทันทีอย่างไม่ทันได้ฟังอะไรจากอีกคนทั้งนั้น

   ปิดประตูลงเสียงดัง พนักงานขับรถก็หันมามองหน้าผมที่กำลังหน้าแดงอยู่ในขณะนั้น เอ่ยบอกสถานที่ที่จะให้เค้าไปส่งแต่ทว่าเค้าก็พูดคำพูดบาดใจออกมาแค่สั้นๆ.. “ ส่งรถครับ "

“ ห๊า ? “

“ ส่งรถครับ ไปไม่ได้อะน้อง มันไกล ลงไปเถอะ " ให้กูลงไป ทั้งๆที่กูเขินเค้าแล้วเพิ่งกระโดดขึ้นรถมาอะนะ

“ เอ่อ..”

“ บอกว่าส่งรถไงครับ " เค้าย้ำ แล้วในตอนนั้นผมก็จำใจลงจากรถมาด้วยความรู้สึกเขินที่มีมากกว่า เพราะฟานยังคงยืนรออยู่ตรงนั้น

“ มีอะไรเหรอ " เค้าถามผมแบบกลั้นขำเอาไว้

“ ส่งรถ " ผมบอก อีกคนก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ "

“ อายอะ ยังจะมาหัวเราะอีก " ผมบอกตอนที่เบือนหน้าหนีเค้าอีกคนก็หยุดขำก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ไม่หัวเราะแล้วครับ ไม่หัวเราะแล้ว "

“ หยุดยิ้มเลยด้วย "

“ โอเค หยุดยิ้ม " แต่ก็ยังเห็นว่ายังยิ้มอยู่ดีนั่นแหละ ฟานที่เอื้อมมือมากอดผม " นี่แหละที่ทำให้ผมชอบคุณ ก็คุณน่ารักแบบนี้ไง "

“ ไม่ต้องมาพูดมาก เรียกเท็กซี่ให้เลย "

“ โอเคครับ เรียกก็เรียก " ฟานกวักมือเรียกเท็กซี่ให้ผม เค้าเปิดประตูถามคนขับก่อนจะหันมาพยักหน้าให้ผม " เค้าไปครับ เชิญเลย "

“ แล้วทำไมคันนี้ไม่มาเมื่อกี้ " ผมพูดบ่น ฟานก็ยิ้มกว้างพลางเปิดประตูให้ ก่อนที่เค้าจะเรียกผมไว้

“ คุณคีย์ "

“ หื้ม ? “ แล้วในตอนที่หันไปริมฝีปากก็ถูกช่วงชิงจูบไปเสียแบบไม่ทันตั้งตัว

“ คิดถึงผมด้วยนะ "

“ รู้แล้วละน่า พูดมาก " เข้าไปนั่งในรถผมที่ก้มหน้างุดอยู่ตอนนั้นก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไป ผมมองฟานผ่านกระจกมองข้างที่อีกคนก็ยังยืนรออยู่ตรงนั้น

' คิดถึงฉันด้วยละ ' เพราะอยากให้เค้าคิดถึงผมเหมือนกัน เหมือนอย่างที่ผมก็คงต้องคิดถึงเค้าแน่ๆ

............................................

ไม่รู้จะคอมเม้นท์ตอนนี้ยังไง
มันเหมือนเป็นความรู้สึกกึ่งๆ เพราะงั้นเราจะรอให้คนอ่านแสดงความคิดเห็นแทน
ทางทวิตแท็ก #ฟานคีย์
ทางเฟส ใต้โพส
ทางเล้า เม้นท์ได้ตามสะดวก
แต่ส่วนตัวมองว่า ดีแล้วเหรอ ที่ปล่อยทุกอย่างไว้แบบนั้น
เค้าที่ไม่โกรธ เราก็ปล่อยผ่านไป เคยอ่านการ์ตูนเรื่องนึงมันมีคำพูดที่บอกว่า
" รักเรื่อยๆ มักเกิดปัญหา "

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ
เจอกันตอนหน้าค่าา  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 20 ' คิดมาก ' UP - 29.7.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 29-07-2016 20:58:38
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 20 ' คิดมาก ' UP - 29.7.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 29-07-2016 21:12:01
โอ้ยๆๆๆๆๆ คุณคีย์ อิจฉามากคร้า  :impress2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 20 ' คิดมาก ' UP - 29.7.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-07-2016 21:27:08
 :katai2-1:   สะใจ สมใจแม่ยกแท้ๆจ้าพี่คีย์น้องฟาน
ว่าแต่กลับไปคราวนี้จะมีไลน์หากันหวานแหววรึเปล่านะ
ลิปเป็นไงมั่งน้อ น่าห่วงนะคู่แฟนโฮสเนี่ย.  :ruready
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 20 ' คิดมาก ' UP - 29.7.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 29-07-2016 22:14:01
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

โอ้ยยย เขินนน ตัวจะแตกแล้ว

โอ้บบบ
คีย์เริ่มไม่ค่อยปากแข็งแล้วนะ
น่ารักมากกกกก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 20 ' คิดมาก ' UP - 29.7.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 29-07-2016 22:17:38
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย อย่างหวานนนนนน น่ารักอ่ะ :-[ :-[

อยากให้คีย์เลิกซึนปากแข็งซะที คิดอะไรควรบอกบ้างจะได้ไม่มีปัญหากันทีหลัง :hao3:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 20 ' คิดมาก ' UP - 29.7.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 29-07-2016 22:47:59
โอ้ยยยย...หลงๆๆๆๆ   หลงคนแก่ ทำไมถึงน่ารักขนาดนี้ มิน่าละเด็กมันถึงรักถึงชอบ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 20 ' คิดมาก ' UP - 29.7.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-07-2016 23:16:42
 :L2: :pig4:

การกระทำสำคัญที่สุด แต่
เราว่า ความรู้สึกพูดมาบ้างก็ดี
ดูเวลาที่เหมาะ มั้ง

ความรู้สึกดีๆ พูดมาบ้างก็ดีกับใจ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 20 ' คิดมาก ' UP - 29.7.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 30-07-2016 00:19:42
โอ๊ยยยยขำคีย์ไม่ไหวแล้ว "ส่งรถ"  ไม่แปลกที่ฟานจะลั่น 55 น่ารักอ่ะ //คนนึงก็ตรงดี อีกคนก่อนจะตรงหรือสารภาพต้องขอให้ได้แถก่อน  ลักษณะประจำตัวเขาเลย 55555 //ห่างกันอีกอาทิตย์  ไปเจอหัวหน้างานนั่น จะวุ่นยังไงรอตอนต่อไปค่าา  สนุกกกกกมากก ชอบๆค่ะ อารมณ์ความรู้สึกของคีย์ฟาน มันใช่นะ มันเป็นจริงๆที่เจอได้ แต่งออกมาดีค่ะ สู้ๆตอนต่อไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 20 ' คิดมาก ' UP - 29.7.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 30-07-2016 00:53:20
ถึงใครจะบอกว่าให้ดูที่การกระทำ แต่สำหรับเราคำพูดก็สำคัญนะ
ขอบคุณคนเขียน และรอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 20 ' คิดมาก ' UP - 29.7.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 30-07-2016 01:20:24
ปัญหาที่ว่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวหรือป่าวอ่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 20 ' คิดมาก ' UP - 29.7.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 30-07-2016 09:24:30
อายุห่าง กับคนปากแข็ง ไม่แปลกหรอกจะทำให้คิดมาก จนต้องระเบิดกันแบบนี้
แต่ก็ดีแล้วนะ ทะเลาะแล้วเข้าใจ คีย์ก็ยอมฟัง ฟานก็เพราะรักอะนะ

น่ารักมากเลยค่ะ เค้าหวานกัน เค้าอ้อนด้วย
จะสงสารคีย์ ถ้าโดนเพื่อนฟานล้อ 5555
ฮาคีย์ ก็รีบไปนะ ลั่นเลย 5555

ฟานเอาใจมากเลย คีย์ต้องปากแข็งให้น้อยละนะ

น่ารัก ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 20 ' คิดมาก ' UP - 29.7.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 31-07-2016 14:47:51
คิดถึงเค้าด้วยนะ ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 20 ' คิดมาก ' UP - 29.7.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 31-07-2016 16:37:46
หลงฟานมากมายยย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 20 ' คิดมาก ' UP - 29.7.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 31-07-2016 21:35:26
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 20 ' คิดมาก ' UP - 29.7.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: i_Tipz ที่ 31-07-2016 22:45:42
น่ารัก อ่านสนุกคะ  o13 o13
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 21 ' ความเชื่อใจ ' UP - 5.8.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 05-08-2016 20:15:08
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่  21
' ความเชื่อใจ '

   ' ถึงห้องแล้วนะ ' ผมกดส่งข้อความไปหาเค้า ตอนที่ถอนหายใจออกไปเบาๆกับร่างที่แทบจะแตกสลายไปหลังจากกลับมาจากทำงาน เงยมองเวลาเกือบจะสองทุ่มแล้ว นี่ถ้าเป็นงานตัวเองคงจะรวยเป็นสิบล้านแล้วแน่ๆ หลับตาลงผ่อนคลายความเมื่อยล้าอยากจะให้ใครสักคนมานวดให้ชะมัด ตรงต้นคอที่เมื่อยขนาดนี้ถ้าฟานอยู่คงดี

   ครืน ครืน ครืน สายโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาผมหยิบมันมากดรับ ไม่ต้องมองหรอกว่าใคร โทรมาเวลานี้มีคนเดียวเท่านั้นแหละ

 "  ฮัลโหล "

“ เลิกงานแล้วเหรอครับ "

“ อื้อ " ผมตอบรับอีกคนก็ถามกลับมา

“ ช่วงนี้กลับบ้านดึกจังนะครับ งานยุ่งมากเหรอ "

“ แล้วจะให้ฉันกลับบ้านมาทำไม ที่บ้านมีคนคอยอยู่รึไง กลับเร็วก็มานั่งๆนอนๆ สู้ทำงานให้เสร็จๆไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ "

“ งั้นหมายความว่าถ้าผมกลับไปอยู่คอนโน คุณจะกลับบ้านเร็วละสิ "

“ ไม่รู้ดูก่อน " วันนี้วันเป็นกลางสัปดาห์แล้ว ความเหงากัดกินผมอยู่แต่ก็ไม่ได้มากมายเหมือนอาทิตย์ก่อน อาจเพราะเราได้คุยด้วยกันทุกวัน ทั้งไลน์ช่วงกลางวัน แล้วก็โทรศัพท์ตอนกลางคืน ถึงมันจะไม่ได้ช่วยอะไรมากเหมือนการได้เจอตัวจริงๆของกันและกัน แต่การได้คุยกับเค้าบ้างก็ทำให้ ความคิดถึงมันก็บรรเทาเบาบางลง " ฟาน "

“ ครับ "

“ เมื่อไหร่กลับ "

“ ถ้างานเสร็จเร็วจะกลับวันศุกร์เลยครับ แต่ถ้าช้าหน่อยคงวันอาทิตย์ "

“ รีบทำให้เสร็จเร็วๆสินาย "

“ มันรีบได้ที่ไหนละครับ การทำงานเป็นทีมน่ะ ก็ต้องช่วยกันสิครับ ทนคิดถึงผมหน่อยนะ "

“ ไม่ได้คิดถึงอะไรขนาดนั้นสักหน่อย " ผมบอกปัดอีกคนก็ยิ้ม เป็นเสียงลมหายใจเวลายิ้มที่จะได้ยินเสมอ

“ แล้วคุณคีย์กินข้าวรึยัง "

“ ยัง "

“ ไดเอทเหรอครับ " เค้าถาม

“ ไม่มีใครทำให้กิน กับข้าวข้างนอกมันไม่อร่อย มันไม่ถูกปาก " ถึงจะเป็นคำพูดอ้างที่ใช้อ้อนให้เค้ารีบกลับมาก็เถอะ แต่ว่ามันก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆนะ เวลาที่กินข้าวเช้าก็รู้สึกว่าของที่กินมันไม่เห็นอร่อยเลย คิดถึงข้าวปลาแซลม่อนย่างเกลือจะตายอยู่แล้ว กับแกงจืดหอมๆนั่นก็ด้วย

“ อ้อนผมอีกแล้วนะ "

“ ฉันอ้อนนายเมื่อไหร่ คำพูดแบบนี้แค่พูดปกติเท่านั้นไม่เห็นจะเรียกว่าอ้อนเลย ถ้าอ้อนมันต้องทำเสียงยานๆสิ "

“ เสียงยานๆยังไงละครับ " เค้าถาม ทำยังกับว่าฉันไม่รู้ นายจะให้ฉันพูดอ้อนนายก็บอกมาเถอะ ไอ้ลูกหมา

“ ก็แบบว่า ฟาน~ กลับมาได้แล้วน้าาา "

“ อ๋อ แบบนี้นี่เอง " เค้าพูดก่อนจะหัวเราะออกมา

“ หัวเราะอะไร ฉันไม่ได้พูดอ้อนนายสักหน่อย แค่ยกตัวอย่าง "

“ งั้นเหรอครับ โอเค ยกตัวอย่างก็ยกตัวเอง แล้วช่วงนี้ไม่ไปกินเบีนร์กับคุณลิปละ ห่างๆกันนะครับ "

“ คนเค้ามีแฟนให้ไปกินด้วย เค้าจะมากินเบียร์กับเพื่อนอย่างฉันทำไมละ " ไม่ต้องพูดถึงคนมีความรักที่มีแฟนมารับทุกวันให้ต้องอิจฉาในดวงตาร้อนผ่าวจะได้มั้ย ทั้งๆที่ออกจากที่ทำงานพร้อมกันแท้ๆ แต่ลิปกลับมีหนุ่มหล่อมายืนรับทุกวัน ส่วนผมก็เดินคอตกขึ้นรถไฟคนเดียวกลับบ้าน ทั้งๆที่มีแฟนแต่ดันติดทำการบ้านต้องอุทิศตัวช่วยงานที่มหาลัย ชีวิตแม่งแตกต่างกันสุดขั๋วไปเลย

“ คุณลิปมีแฟนแล้วเหรอ "

“ ก็..”

“ ฟาน ช่วยไปหยิบของเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ " เสียงแทรกที่ดังขัดเราขึ้นมา ผมที่เงียบไปฟังบทสนทนาที่กำลังพูดคุยกันอยู่ในตอนนั้น เสียงหวานๆที่เอ่ยเรียกฟาน

“ ของอะไรเหรอ "

“ มันอยู่ที่โกดังข้างหลังอะ ตอนนี้มืดแล้วด้วย ไม่กล้าไปคนเดียว แล้วก็ไม่มีใครไปเป็นเพื่อนฉันด้วย " ฉลาดดีจังนะแม่คุณ.. จะไปเอาของที่โกดัง แต่กลัวความมืดเลยมาชวนผู้ชายหล่อๆไปเป็นเพื่อน แล้วแบบนั้นทำไมถึงไม่ให้ผู้ชายไปเอาละ อ่อยเปล่าวะ ผมเผลอคิดอยู่ในใจก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วพูดผ่านสายออกไป

“ แล้วทำไมนายไม่ไปเอาให้เธอละ แล้วให้เธอรอนายอยู่ที่ห้อง ผู้ชายไปกับผู้หญิงเกิดอะไรขึ้นมาเพื่อนนายจะเสียหายนะฟาน " ที่เตือนนี่ไม่ได้ไม่เชื่อใจฟานหรอก แต่ผมไม่เชื่อใจผู้หญิงพวกนั้นตังหาก ดูท่าทางที่ด่าผมวันนั้นคงจะแรงใช่ย่อยละแต่ละคน

“ อื้มม จะเอาอะไรละ รออยู่นี่ละกันฉันจะไปเอากับไอ้ทามให้เอง " ฟานบอกก่อนจะหันไปเรียกเพื่อน " ทาม มึงไปเอาของเป็นเพื่อนกูหน่อย "

“ แล้วพวกนายจะรู้เหรอว่ามันอยู่ตรงไหน แต่ฉันรู้นะ "

“ งั้นเราก็ไปกันสามคน " ฟานบอก ' อย่างงั้นแหละฟาน อย่าไปไหนกับสาวสองคนเชียวนะ ไว้ใจไม่ได้ '

“ แต่ทามต้องอยู่ช่วยงานฉัน ไปไม่ได้หรอก " เสียงผู้หญิงอีกคนที่ดังขัดขึ้น ผมที่ฟังอยู่ก็ยกยิ้ม ' งานนี้แก้งชะนีต้องมีแผน '

“ แปปเดียวเอง ไปด้วยกันหน่อยไม่ได้รึไง "

“ ก็ได้ " เค้าที่ตอบรับ พอเห็นเพื่อนหงุดหงิดเข้าหน่อยก็ต้องเลยตามเลยไป ผมถอนหายใจออกมา ช่างไม่รู้เท่าทันงานอ่อยของผู้หญิงซะจริงๆนะนาย

   เสียงเดินที่ผมได้ยินตัดกับเสียงลมพัดผ่านมาเบาๆ ฟานคงจะใส่หูฟังบลููทูธคุยกับผมละมั้ง ? ผมถึงได้ยินเสียงรอบข้างชัดขนาดนั้น เสียงประตูที่ถูกเลื่อนออกฟานก็หันไปถามอีกคน " แล้วตกลงจะเอาอะไรละ "

“ เอ่อ..จะเอา " คำพูดขัดๆของเธอ ชวนให้ผมตั้งใจฟังในสิ่งที่เธอกำลังจะพูดไปด้วย " ฉันไม่ได้อยากจะมาเอาอะไรหรอก ฉันแค่มีเรื่องอยากจะคุยกับฟานก็แค่นั้น "

' นั่นไง ทายผิดซะที่ไหนละ ' ผมผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่ฟังอีกคนพูดแบบนั้น หัวใจที่เริ่มเต้นเร็วไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรื่องอะไรที่เธอจะพูด แล้วก็รู้ว่าฟานก็คงจะรู้เหมือนกัน

“ เรื่องอะไรเหรอ " เค้าถาม

“ ฟาน  ฟานชอบฉันได้มั้ย ฉันชอบฟานนะ " ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเรื่องอะไร แต่ทำไมทุกอย่างถึงชวนให้หายใจลำบากขนาดนี้ " ตั้งแต่ที่เข้ามาเรียนที่นี่ ฉันก็แอบชอบฟานมาตลอด แต่ไม่กล้าบอกมันออกไป ฉันพยายามจะเข้าใกล้นายแต่ดูเหมือนว่า นายไม่มีทีท่าว่าจะสนใจฉันเลย "

“ ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆนะ " ฟานบอก " แต่ฉันมีแฟนแล้วละ ฉันมีคนที่ฉันชอบอยู่แล้ว " ผมเม้มริมฝีปากแน่นตอนที่ฟังคำพูดนั้นของเค้า อดยิ้มไม่ได้เลยที่ได้ฟังอะไรแบบนี้จากปากของอีกคน

“ ฉันรู้อยู่แล้วละ " คำพูดที่ชวนให้ขมวดคิ้วเปลี่ยนอารมณ์แทบจะทันที " เพราะรู้อยู่แล้วว่านายมีใครที่ชอบอยู่แล้วฉันเลยมาบอกว่า ฉันชอบนายไง "

“ งั้นก็ขอโทษด้วยนะ ที่ฉันตอบรับความรู้สึกของพลอยไม่ได้ "

“ เพราะฉันรู้ว่าคนที่นายชอบไม่คู่ควรพอที่นายจะชอบ แล้วฉันก็คิดว่าตัวฉันดีกว่าเค้าแน่ๆ ฉันเลยมาบอกชอบนาย " ทุกอย่างในตอนนั้นเงียบแม้แต่ผมที่ฟังอยู่ก็แทบจะนิ่งค้างไป " คนคนนั้นน่ะเหรอที่นายชอบ ผู้ชายอายุมากกว่าที่หน้าสวยๆคนนั้นนะเหรอ นายคิดว่าเค้าจะรักนายจริงๆรึไง คนแบบนั้นถ้าเจอคนที่ถูกใจมากกว่านายเค้าก็ไปแล้วละ เค้าไม่มาสนใจนายหรอกฟาน แล้วทำไมนายถึงไปสนใจคนแบบนั้นกัน ทั้งๆที่ฉันดีกว่าเค้าแท้ๆ ฉันชอบนายมาตั้งนาน  แล้วฉันก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อนาย แต่นี่อะไร คนที่นายไปชอบ คือคนแบบนั้นนะเหรอ คนที่เป็นเพศเดียวกับนาย แล้วก็แก่กว่านาย ท่าทางก็ดูเอาแต่ใจ แล้วทั้งๆที่ฉันที่เป็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนี้ ชอบนายแท้ๆ แต่ทำไมนายถึงไม่มองมาบ้าง "

“ แต่ถึงอย่างงั้น ฉันก็ชอบเค้าอยู่ดี " คำพูดสั้นๆที่ฟานบอก " ภายนอกเธอมองเค้ายังไงฉันไม่รู้ แต่สำหรับฉันทุกอย่างที่เค้าเป็นมันโอเคสำหรับฉัน แล้วฉันคิดว่านั่นก็คงพอแล้ว เพราะเราก็คบกันแค่สองคนไม่มีคนอื่นมาเกี่ยวข้อง คนนอกจะมองเรายังไงอันนั้นฉันไม่สนใจหรอก จะมองว่าเค้ามีอายุมากกว่าแล้วฉันเด็กกว่า จะมองว่าเค้าเอาแต่ใจ ถ้าฉันรับได้นั่นคือฉันรับได้ แล้วฉันก็ไม่เปลี่ยนใจเพียงเพราะคนอื่นมองเรา ว่าเป็นอย่างงั้น อย่างงี้ ทั้งๆที่คนพวกนั้นไม่รู้จักเค้าด้วยซ้ำ แล้วพลอยที่พูดถึงแฟนฉันแบบนั้น บอกว่าแฟนฉันไม่ดี พลอยรู้เหรอว่าเค้าชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหน ทำงานอะไร เบอร์โทรศัพท์เบอร์อะไร "

“ ก็..”

“ เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแฟนฉันเลยสักอย่าง แต่ฉันรู้ทุกๆอย่างที่ฉันถามเธอ แล้วฉันก็รู้มากกว่านั้นอีก ฉันรู้ว่าเค้าชอบกินอะไร ไม่ชอบกินอะไร ฉันรู้ทั้งหมดแล้วฉันก็ชอบทั้งหมดนั้น แต่เธอไม่รู้อะไรเลย แต่กลับมาบอกว่า ฉันไม่ควรชอบเค้าแบบนั้น มันใช่เหรอ " ฟานถามอีกฝ่าย " นี่คือชีวิตของฉัน ไม่ต้องมาบอกหรอก ว่าดีหรือไม่ดี ฉันตัดสินเองได้ ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆนะ แต่ฉันคงรับมันไม่ได้หรอก เพราะเธอบอกว่าเธอดีกว่าเค้า เพราะงั้นเธอคงดีเกินไปสำหรับฉันแล้วละ "

“ ฉันไม่ได้หมายความว่า ฉันดีกว่าแฟนแก่ๆของนายสักหน่อย แต่ฉัน..”

“ แต่เธอก็รู้สึกแบบนั้น " เค้าบอก " ประโยคที่เธอพูดทั้งหมด มันหมายความว่าอย่างงั้น "

“ ปกป้องเค้าจังนะ เพราะอะไรนายถึงชอบเค้านะ เพราะเซ็กส์นะเหรอ "

“ ไม่เกี่ยวกัน " ฟานตอบ

“ หรือเพราะว่าเค้ากำลังอยู่ในสายของนาย เค้ากำลังได้ยิน นายเลยต้องพูดเอาใจเค้า " คำถามที่ทำให้ใจของผมเริ่มเต้นเร็วขึ้นแล้วหวนคิดสิ่งในที่เธอพูดทั้งๆที่เมื่อกี้ยังมีความสุขกับคำพูดของร่างสูงที่ทั้งมั่นใจและมั่นคงอยู่เลย " งั้นมาลองดูมั้ยว่าเซ็กส์แบบชายหญิงวัยรุ่นอย่างฉัน กับคนรุ่นลุงอย่างแฟนนาย นายจะชอบแบบไหนมากกว่ากัน " คำพูดสุดท้ายที่ผมได้ฟังแล้วหลังจากนั้นสายของผมก็ถูกตัดไป

   ผมลดมือถือที่กำลังฟังอยู่ลง แล้วกดโทรศัพท์ออกไปหาเค้าอีกครั้งแต่ก็ไม่มีคนรับสายอีกแล้ว สองสามครั้งที่ผมกดโทรแต่ก็ไม่มีคนรับ ร่างกายของผมนิ่งค้างอยู่นาน อยากจะคิดในแง่ดีแต่คำพูดพวกนั้นก็ชวนให้รู้สึกอะไรแบบนั้นไม่ได้เลย ในจินตนาการของผมตอนนี้เธอคงย้ายตัวเข้ามากอดฟานเอาไว้ เอื้อมมือมาปลดบลูทูธหูฟังที่เรากำลังคุยอยู่นั้นลง แล้วหลังจากนั้น... ผมหลับตาลงอย่างไม่รู้ว่าตัวเองต้องรู้สึกยังไง เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ แล้วก็อยากจะไม่คาดเดาด้วยแม้สมองตอนนี้จะคิดไปในแง่ร้ายแล้วก็เถอะ 

   นึกถึงคำพูดของผู้หญิงคนนั้นก็จริงอย่างที่เธอบอก แก่ก็แก่กว่า นิสัยยังเอาแต่ใจ นี่ยังไม่รวมความปากแข็งอะไรนั่นอีก แต่ถ้าฟานจะทำเรื่องอย่างงั้นกับเธอที่เสนอมาให้มันก็ไม่แปลกหรอก เราเองก็ไม่ได้ผูกมัดเค้าไว้นี่ ชอบก็ไม่เคยพูด คำที่บอกว่าเค้าเป็นแฟนก็ไม่เคยบอก ไม่เคยแสดงความเป็นเจ้าของอะไรทั้งนั้น ถ้าฟานจะตอบรับก็คงไม่แปลก ความคิดย้ำๆที่ทำให้ น้ำตาผมมันไหลออกมา ทำไมถึงรู้สึกเจ็บขนาดนี้วะ ทั้งๆที่มันก็เป็นแค่ความคิดเท่านั้นเอง

“ ก็ไม่ยอมบอกเค้าเอง ก็ปากแข็งเอง วันนี้ถ้าเค้าจะใจอ่อนไปกับการยั่วยวนของใคร มันก็ไม่ผิดทั้งนั้น แล้ว จะร้องไห้ทำไมวะ " ผมถามตัวเองตอนที่ยิ้มแห้งๆออกมาแล้วปาดน้ำตานั่นทิ้งไป มองสายโทรศัพท์ตัวเองที่เงียบไปนานแล้ว ในเวลาแบบนี้ถ้ากลัวแฟนเข้าใจผิดเค้าต้องรีบกันผู้หญิงคนนั้นออกแล้วโทรมาหาแล้วรึเปล่า ต้องโทรมาหาแล้วบอกว่า เข้าใจผิด ไม่มีอะไรอย่างที่คิด อย่างที่กังวลไป แต่นี่กลับเงียบ ฟานกลับไม่โทรมาเลย เพราะสะบัดไม่ออกเหรอ หรือเพราะว่า สมยอมกับเค้าไปแล้ว

   ครืน ครืน ครืน  สายโทรเข้าที่ดังขึ้นมา ผมหันไปมองเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ของฟาน เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ แล้วกดรับ

“ คุณคีย์ "

“ เสร็จแล้วเหรอ " ผมถามเค้าสั้นๆ อีกคนก็ถอนหายใจ
 
“ ผมไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นกับ พลอยนะครับ " เค้ารีบบอก ไม่รู้สิ ให้เชื่อดีมั้ยละ ผ่านไปตั้งเกือบสี่สิบนาทีแล้วกว่าที่นายจะโทรมา " คุณคีย์ "

“ อื้ม ฟังอยู่ "

“ ผมไม่ได้ทำอะไรกับเธอเลยนะ เชื่อใจผมนะ " จะให้ตอบว่าอะไรดีละ ก็ใจมันยังหาคำตอบไม่ได้เลย " คุณคีย์ "

“ ฉันไม่รู้จะตอบอะไรนาย " ผมพูดไปตามตรงแบบนั้น " ฉันเชื่อในคำพูดของนายที่พูดกับเธอ เพราะนายก็พูดแบบนั้นกับฉันมาตลอดเหมือนกัน แต่ในทางกลับกันเพราะฉันไม่เห็น บางทีนายอาจจะพูดเอาใจฉันอย่างที่เธอคนนั้นพูดก็ได้ แล้วนายจะให้ฉันตอบอะไรละ ฉันที่แค่ได้ยิน แค่ได้ยินแต่กลับไม่เห็น มันมีเหรอฟานคนที่คิดเรื่องแบบนั้นไปในทางที่ดีน่ะ แฟนฉันดีมากๆเลยเค้าคงไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก ร้อยเปอร์เซ็น คนเราน่ะ จะเชื่ออะไรแบบนั้นได้ร้อยเปอร์เซ็นจริงๆนะเหรอ  "

“ แล้วที่ผ่านมา คุณเห็นผมเป็นคนแบบนั้นเหรอ " เค้าถาม " คุณเห็นผมเป็นพวกชอบพูดเอาใจคุณน่ะเหรอ ผมเจ้าชู้ อย่างงั้นเหรอ " ส่ายหน้าไปมาตอนที่อีกคนถาม ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าเค้าเป็นคนแบบนั้นหรอก ตั้งแต่รู้จักกันมาไม่เคยเลยที่จะรู้สึกอะไรแบบนั้น แต่ว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกันด้วยเหรอ เพราะเค้าดีกับผมมาตลอดผมเลยต้องเชื่ออย่างหมดใจว่าเค้าต้องไม่ทำอะไรแน่ๆ อย่างงั้นเหรอ

“ ฉันเชื่อใจนาย " ผมบอก " แต่ฟานขอโทษนะ มันไม่ใช่ทั้งหมดหรอก มันมีบางส่วนที่ฉันก็ไม่เชื่อมัน " เค้าที่เงียบไปผมเองก็เม้มริมฝีปากของตัวเองไว้แน่น " มันก็ไม่ผิดที่นายจะไปรู้สึกดีกับใคร ฉันไม่เคยบอกว่าชอบนาย ไม่เคยผูกมัด นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันเชื่อใจนายไม่ทั้งหมด "

“ เข้าใจแล้วครับ " เค้าบอก แต่ผมก็รู้ว่าเค้าคงไม่เข้าใจหรอก ฟานคงอยากให้ผมเชื่อใจเค้าทั้งหมด ทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ที่มีแต่ผมเองก็ทำใจให้คิดแบบนั้นไม่ได้

“ ฟาน "

“ ผมไม่รู้จะพูดอะไร เพราะพูดอะไรออกไปตอนนี้คุณก็คงไม่เชื่อผม " เค้าที่เงียบไปหลังจากพูดคำนั้น ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา " เหมือนความมั่นใจที่ผมทำมาทั้งหมดมันไม่มีความหมายอะไรเลย แต่ผมเข้าใจนะ "

“ นายไม่เข้าใจหรอก " ผมบอก " อย่าพูดว่าเข้าใจทั้งๆที่ตัวเองกำลังไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงเชื่อใจนายทั้งหมดไม่ได้ " อยากจะอธิบายให้ได้มากกว่านี้ ถ้าเราได้เจอกันก็คงดี การพูดอธิบายทางโทรศัพท์เป็นอะไรที่ไม่ได้เรื่องเลย ผมอยากจะมองตาเค้าตอนที่เค้ากำลังอธิบาย แล้วให้เค้ามองผมให้เค้าเข้าใจในสิ่งที่ผมคิด เรื่องแบบนี้มันพูดกันอย่างเดียวไม่เข้าใจหรอก ความเชื่อใจในเรื่องบางเรื่องมันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ โดยเฉพาะเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจก็เชื่อใจแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด " ฟาน "

“ ผมขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะครับ "

' โดยไม่คิดจะกลับมาหาฉันแล้วอธิบายเรื่องนี้เลยงั้นเหรอ ' ในใจของผมอยากจะถามเค้าแบบนั้นแต่ก็ได้แต่เงียบไว้อย่างไม่รู้จะรู้สึกยังไงดี ถ้าเป็นผม ผมจะรีบออกไปหาอธิบายเรื่องราวทีเกิดขึ้นแล้วก็อยากจะเข้าใจกันให้เร็วที่สุด แต่ในตอนนี้มันกลับกันฟานเหมือนกำลังรู้สึกไม่ชอบใจกับความรู้สึกของผม เหมือนเค้าพยายามทำให้ผมเชื่อใจเชื่อมั่นขนาดนั้นแล้ว ทำไมผมยังไม่เชื่อ แล้วพอตัวเองรู้สึกว่าผมไม่เชื่อ เค้าก็ไม่อยากจะพูดอะไรอีก ซึ่งในบางทีมันก็ไม่ใช่ เรื่องบางเรื่องมันไม่ได้จบลงง่ายๆแบบนั้น หรือเค้าสบายใจมากกว่ากับการที่ผมจะโกหกเค้าแต่ในใจก็หวาดระแวง " ตามใจนายแล้วกัน " ผมกดวางสายไป โดยที่ไม่ได้ฟังคำบอกลาอะไรทั้งนั้น

....................................................
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 20 ' คิดมาก ' UP - 29.7.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 05-08-2016 20:15:58

   สุดสัปดาห์ของการทำงานที่ผมได้แต่นั่งหมุนปากกาไปเรื่อยๆแบบไม่มีอารมณ์จะทำอะไร สมองคิดทบทวนแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ใบหน้าที่หันมายิ้มให้ในตอนที่พูดอย่างมั่นใจว่าเราเป็นอะไรกัน เค้าที่แม้แต่ตอนที่อยู่กับผู้หญิงอื่นสองต่อสองก็ยังจะปกป้องผมจากคำพูดของเธอ '  หรือเพราะว่าเค้ากำลังอยู่ในสายของนาย นายเลยต้องพูดเอาใจเค้า ' แต่พอคำนี้ผุดขึ้นมาทีไรก็ชวนให้ความเชื่อใจที่มีลดลงมากขึ้นทันที ' คุณเห็นผมเป็นคนแบบนั้นเหรอ ' เสียงของฟานที่ถามผมเมื่อคืนทำให้ผมย้อนถามตัวเองว่าตลอดมาเรามองเค้าเป็นยังไงกันแน่

“ คีย์ " ผมหันไปมองเพื่อนที่นั่งโต๊ะข้างๆ ที่เอ่ยเรียกผม ลิปยิ้มจางๆก่อนจะถาม " เหม่อนานไปแล้วนะเป็นอะไร "

“ มีอะไรให้คิดนิดหน่อยนะ " บอกเค้าไปสั้นๆอีกคนก็พยักหน้ารับ

“ ถ้ามีอะไรที่ฉันช่วยได้ อยากจะเล่าก็เล่าได้นะ "

“ อื้ม ขอบใจมากนะ " พยักหน้ารับอีกคนก่อนจะหันไปมองมือถือตัวเอง ตั้งแต่เมื่อคืนก็ไม่มีสายมาจากฟานอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นไลน์ ข้อความ หรือสายโทรเข้า ไม่รู้ว่าตัวผมพูดผิดอะไรไปรึเปล่า หรือว่าผมควรจะเชื่อใจเค้าเหรอ มันผิดเหรอที่พูดความจริงออกไปว่าเราคิดยังไง

   ผมนั่งทบทวนความรู้สึกของตัวเองอยู่นาน นานจนไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว " คีย์ ไปกินข้าวกันมั้ย " ลิปที่ทักขึ้นมาแบบนั้นทำให้ผมเงยหน้าขึ้นดูนาฬิกาก่อนจะพบว่าตอนนี้ได้เวลาพักเที่ยงแล้ว พนักงานในออฟฟิศที่เหมือนจะเหลือแค่เราสองคนที่นั่งอยู่

“ ฉันไม่หิวน่ะ นายไปกินเถอะ "

“ นายเป็นอะไร นายเหม่อมาทั้งวันแล้วนะ ทะเลาะกับฟานเหรอ "

“ ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันถูกรึเปล่า " ผมบอกเค้า " ฉันคิดว่าคนเราควรจะพูดในสิ่งที่ตัวเองรู้สึกกับเรื่องที่เราเข้าใจผิดกัน แต่ว่ากลายเป็นว่าฉันไม่รักษาน้ำใจของเค้าเลยอย่างงั้นเหรอ "

“ แล้วมันมีเรื่องอะไรกันละ " เรื่องราวของผมที่เกิดขึ้นเมื่อคืนถูกเล่าให้อีกคนฟัง ลิปที่ถอนหายใจออกมาเหมือนเค้าเองก็พูดไม่ออกเหมือนกัน " พูดยากจังนะ เรื่องแบบนี้ แต่นายก็ไม่ผิดนะที่เลือกพูดความจริงกับเค้า เพราะถ้านายเลือกที่จะโกหกสักวันที่มีปัญหาขึ้นมาอีก สิ่งนี้แหละจะเป็นเหมือนมีดแหลมๆที่จะกลับมาแทงนาย สู้ทะเลาะกันตอนนี้แล้วเคลียร์กันไปดีกว่า "

“ ถ้าเป็นนาย ถ้านายทะเลาะกับแฟน นายจะไปง้อเค้ามั้ย "

“ ก็คงไป  " ลิปถอนหายใจออกมา " แต่คีย์ ฟานก็อาจจะไม่ว่างจริงๆ "

“ อื้ม " ผมพยักหน้ารับ " ฉันเองก็อยากจะคิดแบบนั้น คิดว่าเค้าไม่ว่าง ไม่ว่างแม้แต่มาง้อฉันมาอธิบายหรืออะไรทั้งนั้น รู้มั้ย บางทีมันทำให้คิดว่าหรือที่ฉันไม่เชื่อใจเค้าแบบนั้น  มันทำให้เค้าคิดว่าพูดไปก็เท่านั้น มันทำให้ฉันรู้สึกผิด ผิดที่ไม่เชื่อใจเค้าตั้งแต่แรก "

“ อย่าคิดแบบนั้นสิ นายก็ทำถูกแล้วที่พูดออกไปตามตรงว่ารู้สึกยังไง "

“ รู้มั้ยบางทีพอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น มันทำให้ฉันรู้ว่า บางทีอะไรๆของเรามันก็ไม่เข้ากัน ทั้งอายุ นิสัย หรืออะไรก็ตาม ฉันที่ยิ่งพยายามปลงเท่าไหร่ ยิ่งไม่ฟังคนอื่นเท่าไหร่ พอเกิดเรื่องอะไรทีนึง ทั้งหมดที่เคยปลงก็ย้อนกลับมาให้คิดทั้งหมดเหมือนหนังที่ฉายซ้ำๆ" ผมถอนหายใจออกมา  " บางทีฉันเองก็เหมือนคนแก่ที่เอาแต่คิดมาก "

“ อย่าคิดมากเกินไปสิ เรื่องบางเรื่องนายไม่ต้องคิดมันก็ได้ ปล่อยๆมันไปบ้าง ช่างหัวมันบ้าง "

“ ฉันไม่เคยมีแฟนเด็กลิป ฉันไม่เคยโดนด่าว่าเป็นลุงแก่ๆกินเด็ก หรือไม่กลัวช็อคตายคาอกตอนเอากัน ฉันไม่เคยเจอเรื่องอะไรแบบนี้ ฉันมีความสุขก็จริงเวลาที่อยู่กับเค้า แต่ฉันก็มีความทุกข์นะในบางที เราจะคบกันไปได้จริงๆเหรอ ฉันอยากจะเลิกถามตัวเองแบบนั้น แต่ทุกครั้งที่เกิดปัญหาก็ถามตัวเองทุกที ถามตัวเองจนฉันไม่กล้าแม้จะบอกว่าเค้าว่าชอบ เพราะกลัวว่าจะเสียเค้าไป กลัวไปหมด "

“ นี่ยังไม่ได้บอกว่าชอบเค้าเหรอ " ผมส่ายหน้าไปมา " สิ่งที่ฉันอยากจะบอกนายก็คือ อย่ากลัวที่จะทำอะไรก็ตามถ้ามัวแต่กลัวนายก็จะเป็นอยู่แบบนี้ คิดอย่างที่อยากจะอยากจะคิด ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ต้องเอาเค้าไปเปรียบเทียบกับใคร อย่าคิดว่าแค่เด็ก คิดแค่ว่าเค้าเป็นผู้ชายคนนึง คนที่นายจะรัก คิดเท่านี้ก็พอแล้ว " ลิปบอก " แล้วถ้าเค้าไม่มาหาพรุ่งนี้วันหยุดก็ไปหาเค้าสิ ไปคุยกันให้รู้เรื่องจะด้วยวิธีบนเตียงหรือวิธีไหนก็ตาม ถ้ายังเป็นอย่างงี้ ถ้าปล่อยไว้มันแย่นะ ถ้าต่างฝ่ายก็ต่างไม่พูดกัน "

“ แล้วฉันต้องทำอะไรแบบนั้นเหรอ ทั้งๆที่ฉันไม่ใช่คนผิด "

“ ฟานเป็นคนที่นายชอบ เป็นแฟนของนาย ฉันพูดถูกมั้ย " เค้าถาม " แล้วแบบนั้นถ้านายกำลังเสียเค้าไปก็จะไม่คิดทำอะไรเลยเหรอ ไม่รู้สิแต่เป็นฉันถ้าฉันรักฉันจะรั้งเค้าไว้ทุกทาง จนหมดหนทางแล้ว ฉันถึงจะปล่อย มันดูไม่ใช่ตัวนายถูกมั้ย "

“ อื้ม ฉันไม่กล้าทำอะไรแบบนั้น "

“ แล้วเรื่องที่เกิดขึ้น สิ่งที่กำลังคิดมาก มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะว่า นายไม่กล้าหรอกเหรอ ไม่กล้าบอกว่าชอบกลัวว่าจะเสียเค้าไปแล้วจะเจ็บ คิดแค่ว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะได้สะบัดเค้าออกง่ายๆเพราะไม่ได้บอกว่าชอบออกไป แล้วตอนนี้เป็นไง ไม่ใช่เพราะไม่ได้บอกเค้าหรอกเหรอว่าชอบ ถึงมานั่งคิดมากว่าเพราะเราไม่ได้ผูกมัดกัน เค้าจะทำอะไรกับใครก็ได้ เค้าจะชอบใครก็ได้ ไม่ใช่เพราะสิ่งที่นายบอกกับฉันว่านายไม่กล้าเหรอ ที่นายไม่เชื่อใจเค้า ถามจริงๆ มันเป็นเพราะตัวนายรึเปล่า ที่สร้างช่องว่างระหว่างความรู้สึกนั่นออกมาเอง คิดเอง แล้วก็เจ็บเอง ฉันเข้าใจที่นายจะไม่เชื่อเค้าทั้งหมด เป็นฉัน ฉันก็ไม่เชื่อจนกว่าจะได้มองตาเค้าแล้วพูดออกมาให้ฉันฟัง แต่มันดีแล้วเหรอ ที่เอาความรู้สึกที่ตัวเองบอกว่า เพราะฉันไม่ได้ผูดมัดเค้าไว้ เค้าเลยจะทำอะไรก็ได้ มาคิดทำร้ายความรู้สึกระหว่างนายกับเค้า ถ้าแค่พูดคำว่าชอบออกไป แล้วทุกอย่างดีขึ้น จะทำให้นายไม่ต้องมาคิดมากแบบนี้ พูดมันออกไปเถอะ จะกลัวอะไร "

“ เพราะฉัน ชอบเค้ามาก มากจน ไม่อยากจะเสียเค้าไปอีกแล้ว " ผมพูดออกไปเสียงสั่นๆ น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลออกมา มันไม่ได้ยากที่จะพูดออกมา มากกว่าคำยาก คือคำว่ากลัว " กลัวว่า ถ้าพูดคำว่าชอบออกไป แล้วสุดท้ายฉันจะเป็นแค่ไอ้แก่คนนึงที่โดนทิ้ง "

“ คีย์ คิดมากเกินไปแล้ว "

“ เด็กอะมันจะมั่นคงแค่ไหนเหรอวะ ถ้าวันนึงที่ฉันไม่มีอะไรให้อย่างที่ฉันให้เค้าได้ เค้าจะยังอยู่กับฉันมั้ย ฉันคิดเรื่องอะไรพวกนี้ซ้ำไปซ้ำมาทุกวัน เพราะฉันไม่ได้อยากจะมีเค้าแค่วันพรุ่งนี้นี่ ฉันกลัวลิป ฉันเห็นความรักของใครๆแล้วฉันก็กลัว ฉันกลัวจริงๆนะ อึก " สูดน้ำมูกเข้าปอดผมหันไปหยิบทิชชู่ใกล้มือมาซับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจ ทั้งชอบแล้วก็กลัว กลัวไปหมด ลิปถอนหายใจก่อนจะจับมือผมไว้แน่น

“ ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจนะ ไม่เป็นไร แต่นายอย่าคิดในแง่ลบสิ ความรักมันไม่ได้มีด้านเดียวสักหน่อย ดูอย่างฉันสิ ฉันมีแฟนเป็นโฮสนะ โฮสที่ทำงานกับผู้หญิงทุกคืน แล้วรู้มั้ยทำไมฉันถึงยังคบเค้า เหตุผลง่ายๆ เพราะฉันอยากจะคบกับเค้า เท่านั้นจริงๆ สิ่งอยากบอกคือ ปล่อยใจของนายออกไปบ้าง อยากจะทำอะไรก็ทำ พูดกับเค้าในสิ่งที่นายรู้สึกบ้าง ไม่ต้องเก็บมันไว้ทั้งวัน ฉันเชื่อว่าฟานต้องอยากฟัง แล้วต้องพยายามอย่างหนักที่จะลบความไม่สบายใจของนายแน่ๆ นะ ไม่ต้องร้อง ฟานต้องฆ่าฉันแน่ๆ ถ้าพูดจนแฟนมันร้องไห้ขนาดนี้ "

“ ไม่ถึงขนาดนั้นสักหน่อย " ผมถอนหายใจออกมา อีกคนก็ยิ้ม

“ แล้วไม่คิดจะบอกว่าชอบเค้าจริงๆเหรอ "

“ คิด " ผมสารภาพออกไป " แต่ยังไม่โอกาสดีๆที่จะพูดตังหาก อยากให้เค้ารู้สึกว่า ฉันชอบเค้าจริงๆ อยากจะให้เค้าได้ฟังสมกับที่ตั้งใจจะรอฟัง"

“ แค่คิดว่าจะพูดก็ดีแล้ว  หาโอกาสบอกไปก่อนที่คนรอฟัง จะไม่รอฟังไม่ไหว การที่เค้าบอกว่าจะรอฟัง ไม่ได้หมายความว่า จะรอได้นานตลอดไปหรอกนะ  "

“ อื้ม ฉันรู้ "

“ งั้นวันนี้ไปเมากันมั้ย ฉันรู้ว่านายคงยังไม่หายคิดมากหรอก เพราะงั้นสิ่งเดียวที่จะทำให้ลืมได้ ก็มีแต่เหล้ากับเบียร์เท่านั้นแหละ "

“ ไม่มีนัดเดทกับแฟนรึไง "

“ อย่าไปสนใจเรื่องแบบนั้นเลยน่า ฉันต้องเห็นเพื่อนของฉันอย่างนาย สำคัญกว่าตาแก่ของฉันอยู่แล้ว "

“ ตาแก่เลยเหรอ นายนี่ใจร้ายชะมัด "

“ จำไว้นะคีย์ นายโชคดีแค่ไหนที่ได้คนที่ตายหลังนายอย่างฟานมาเป็นแฟน ไม่ใช่ฉันที่จะตายก่อนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ "

“ พูดอะไรของนาย " ผมหลุดหัวเราะออกมากับท่าทางจริงจังของอีกคน ลิปที่หันมายิ้มให้

“ ยิ้มแบบนี้ดีแล้วละ ทำอะไรที่อยากจะทำบ้างเถอะ สบายใจที่คิดยังไงก็คิด กดดันตัวเองทำไม ยังไงก็กลับไปเกิดให้เด็กกว่านี้ไม่ได้หรอกจริงมั้ย ฉันมั่นใจว่านายต้องสวยกว่าคนที่มาสารภาพรักกับฟานแน่นอน แล้วที่แน่กว่านั่นคือ นายมีคุณค่ามากกว่า "

“ พูดคุยอะไรกัน ท่าทางเคร่งเครียด " เสียงของหัวหน้าที่ขัดจังหวะการพูดของเรา พวกเราที่หันไปมองเค้าลิปก็ยิ้ม

“ ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่เรากำลังนัดจะไปกินเบียร์กันสักหน่อย "

“ เหรอ ที่ก็สุดสัปดาห์แล้วสินะ งั้นผมขอไปด้วยสิ "

“ เอ่อ..” เราที่ได้แต่มองหน้ากัน อย่างไม่รู้จะตอบอะไรจนในที่สุดก็ต้องพูดออกไปแบบเกรงใจว่า " ได้สิครับ หัวหน้า "

" งั้นเจอกันตอนเย็นนะ " เค้าที่เดินไปที่โต๊ะเราสองคนก็หันมองหน้ากัน ลิปก็ยกยิ้ม

" คงเห็นว่านายน้ำตานองหน้าเลยอยากจะช่วยเช็ดน้ำตาให้ละมั้ง " อีกคนบอก " ถ้านายเมาคืนนี้ โดนคาบไปกินแน่ๆ "

" นายก็อย่าปล่อยฉันไว้สิ " ผมหันไปบอกอีกคน ที่ก็หัวเราะออกมา

" ฉันไม่ปล่อยนายหรอก ถ้าจะปล่อยก็ตอนที่ฟานมาเท่านั้นแหละ จะได้เหมือนครั้งแรกที่นายเมาแล้วนายกับเค้าก็ จุดจุดจุด กันไง คราวนี้จำให้ได้ก็แล้วว่าท่าไหนบ้าง "

“ ทำไมอะ จะให้เอามาเล่าแล้วนายจะได้ทำกับแฟนเหรอ "

“ บ้า ใครจะไปทำอะไรแบบนั้นกับตาแก่นั่นกัน "

“ วันก่อนยังเห็นรอยแดงๆที่คออยู่เลย "

“ เลิกพูดเถอะน่า " อีกคนที่บอกปัดผมก็หันกลับมามองหน้าจอคอมของตัวเอง เผลอคิดถึงอีกคนขึ้นมาอีกแล้ว เพียงเพราะแค่เรา ไม่ได้หันหน้ามาพูดกันตรงๆก็เท่านั้น เค้าที่เงียบหายไป ผมเองก็เงียบหายไป ไม่มีใครเริ่มติดต่อหากันก่อน

" อยากรู้จังว่าตอนนี้นายจะกำลังคิดมากเรื่องของเราเหมือนที่ฉันคิดมั้ย "

.........................................................

ถ้าเราเป็นฟาน เราคงเสียใจที่แฟนไม่เชื่อใจเรา
แต่ถ้าเป็นคีย์ เราเองก็ไม่เห็นว่า มันเกิดอะไรขึ้น
แม่ง... บอกไม่ถูก ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทั้งนั้น
แล้วอีหัวหน้าเมื่อไหร่จะปล่อยพี่คีย์ ตอแยเสียจริง
สุดท้ายนี้ พี่ลิปพูดถูก เอาพี่เมฆไปนอกกอดได้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 21 ' ความเชื่อใจ ' UP - 5.8.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-08-2016 20:39:02
โอ้โหเพื่อนลิปดีงามจริงๆเลยนะคะ. พูดดีค่ะ  :hao6:
เราล่ะหมั่นไส้อีหัวหน้ากับยัยชะนีหน้าคอนกรีตสุดๆอะ
คือจะต้องมั่นหน้าเบอร์ไหนถึงได้คิดจะแย่งคนรักคนอื่นเนี่ย
เราเข้าข้างฟานนะ รู้จักเด็กคนนี้ดีขนาดนี้แต่ก็ไม่รักษาน้ำใจ
คนที่เขาตั้งใจจะมั่นคงถาวรนาดนั้นน่ะไปทำลายน้ำใจเขาทำไม
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 21 ' ความเชื่อใจ ' UP - 5.8.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-08-2016 21:00:47
อีกคนก็ปากแข็ง อีกคนก็คิดมาก คนอ่านเครียดโว้ยยยยยยย :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 21 ' ความเชื่อใจ ' UP - 5.8.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 05-08-2016 21:12:20
ไม่รู้สิ เราก้อเข้าใจฟานนะ ว่าอยากให้เชื่อใจ
แต่ถ้าการกระทำมันๆม่สอดคล้อง มันไม่ชัดเจน อล้วจะให้เชื่อใจๆๆๆ แบบนั่นใครจะไปทำได้...
อย่างถ้าเห็นแฟนเราเดินเข้าโรงแรมกับคนอื่น แล้วแฟนก้อบอกว่าไม่ได้ทำไรกันนะ ไม่มีหลักฐานไม่มีคำอธิบาย ใครจะไปเชื่อลง!
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 21 ' ความเชื่อใจ ' UP - 5.8.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 05-08-2016 21:24:50
กลัวว่าฟานจะยิ่งเข้าใจผิดไปมากกว่าเดิมล่ะซี่ ไม่ใช่ว่าตั้งใจกลับมาง้อแล้วมาเห็นฉากตึ้งตึ้งโป๊ะกับหัวหน้านะ เหอๆ จะสมน้ำหน้าคนปากแข็งให้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 21 ' ความเชื่อใจ ' UP - 5.8.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 05-08-2016 22:06:19
โ้อยย ลิปพูดถูกกกสุดๆๆๆๆๆ

คีย์ปล่อยไปตามหัวใจบ้างงง
และอีชะนีพลอยย อย่าให้เจอ แม่จะตบให้ ไม่ไหวไม่ไหว
อยากได้จนตัวสั่น

แต่ก้อยากรู้นะ ว่าฟานหายไปทำอะไรตั้ง 40 นาที เป็นเราความเชื่อใจมันคงหายไปตามนาทีที่รอให้โทรกลับมาอะ

กลัวววจังเลย ว่าฟานจะมาเห็นอะไรคืนนี้ที่ร้าน
แต่หวังว่าลิปจะปกป้องคีย์ไว้ให้ฟานได้นะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 21 ' ความเชื่อใจ ' UP - 5.8.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 05-08-2016 22:27:15
บางทีก็รำคาญคีย์..มากๆ..เลยล่ะ :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 21 ' ความเชื่อใจ ' UP - 5.8.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 06-08-2016 09:22:16
คีย์คิดมากไปเปล่าเนี่ย คนเราไม่ต้องซีเรียสไปทุกเรื่องก็ได้

บางเรื่องปล่อยไปตามธรรมชาติบางก็ได้ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์นะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 21 ' ความเชื่อใจ ' UP - 5.8.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 06-08-2016 12:57:32
ตาหัวหน้าหื่นกามมาอีกล่ะ
ฟานรีบมาเร็วๆหน่อยน๊าาาาา :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 21 ' ความเชื่อใจ ' UP - 5.8.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 06-08-2016 14:43:06
ไม่รู้ดิ เราเข้าข้างคีย์นะ คือ ผู้หญิงขอมีเซ็กส์ แล้วฟานตัดสาย หายไป 40 นาทีถึงโทรกลับมา มันทำให้คิดได้นะ อย่าบอกนะว่าต้องเชื่อใจ

คราวก่อนที่คีย์ไปมหาลัยฟาน อาจารย์ฟานมาจีบ แค่มาจีบ ฟานก็เห็น ฟานยังโมโห อาละวาด ไม่เชื่อใจคีย์เลย ไม่ถามคีย์ก่อนด้วยซ้ำว่า คุยไรกัน

แล้วคีย์ ได้ยินแต่เสียง ไม่เห็นภาพ แล้วหายไปนานขนาดนั้น เป็นใครก็คิดได้ป่ะ ฟานควรอธิบาย ไม่ใช่โกรธแล้วทำแบบนี้อ่ะ คราวก่อนที่ฟานโกรธ คีย์ก็บอกตามตรงเลย ว่าคุยไรกะอาจารย์บ้าง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 21 ' ความเชื่อใจ ' UP - 5.8.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 06-08-2016 17:43:38
มีเพื่อนดี เป็นศรีแก่ตัวเอง ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 21 ' ความเชื่อใจ ' UP - 5.8.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 06-08-2016 18:20:44
หวังว่าคงไม่เกิดอะไรขึ้นหรอกนะ  เห้อ~~~
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 07-08-2016 20:07:01
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่  22
' ดีใจที่กลับมา '
   คอมพิวเตอร์ถูกปิดลงเร็วเป็นพิเศษในวันนี้ ลิปกับผมที่เก็บของเตรียมออกจากที่ทำงานในตอนนั้นหัวหน้าก็เดินเข้ามาหาที่โต๊ะ " เดี๋ยวลงไปรอหน้าตึกนะ ผมจะไปเอารถ เราไปด้วยกันนะ "

“ เอ่อ เราสองคนไปเองง่ายกว่าครับ หัวหน้า " ผมบอก " ร้านมันใกล้ๆแค่นี้เอง "

“ ใช่แล้ว อีกอย่างมันดูน่าเกลียดมั้ยครับ เราไปกันแค่สามคนไม่ชวนคนอื่นน่ะ " ลิปบอก อีกคนก็พยักหน้ารับ " งั้นเจอกันที่ร้านเลยแล้วกันนะครับ " เราก้มหน้าลาหัวหน้าก่อนลิปจะเดินนำผมออกมาจากที่ทำงาน

   ร้านอาหารที่เรามากันประจำเวลามีนัดเลี้ยงกันในแผนก โต๊ะเล็กๆที่เราเลือกนั่ง ลิปเลือกที่จะนั่งข้างๆผมผิดจากทุกทีที่เราจะนั่งตรงกันข้าม สั่งเบียร์มาคนละแก้วใหญ่ๆระหว่างที่รอหัวหน้ามาถึง

“ ฉันละไม่อยากจะให้หัวหน้ามาเลย ขัดอรรถรสให้การพูดคุยเอามาก "

“ ตอนแรกก็ว่าจะเมาให้หนักไปเลยนะ แต่พออีกคนมาไม่กล้าเมาจริงๆ " ผมบอก

“ ทำไมกลัวโดนลากไปปล้ำเหรอ " ลิปกระซิบผมก็ส่ายหน้าไปมา ก็แค่ไม่อยากจะให้คนนอกมารู้เรื่องราวของผมเท่านั้นแหละ ก็เวลาเมาเราจะพูดอะไรออกไปก็ได้นี่หว่า ขนาดมีอะไรกับผู้ชายที่เห็นหน้าแค่ไม่กี่นาทียังเคยทำไปแล้วเลย " แต่จะว่าไปนะฉันก็อยากรู้ว่านะว่า ว่าเซ็กส์ของหัวหน้าที่อยากจะระบายออกมามากๆเนี้ยจะเป็นยังไง "

“ ทำไมต้องพูดว่าอยากจะระบายมากๆด้วยวะ " ผมหลุดหัวเราะออกมาตอนที่จิบเบียร์ขอตัวเองในแก้ว

“ ก็เวลาเค้ามองนายอะ มันเหมือน อยากจะกลืนกินเธอทั้งตัวไม่อยากเหลือไว้ให้ใครได้กิน อะไรทำนองนั้นเลยแหละ ฮ่าๆ " คนข้างผมหลุดหัวเราะ " แต่ฉันก็คิดไม่ออกเหมือนกันนะว่าเป็นยังไง "

“ คงคล้ายๆกับคนของนายมั้งฉันว่า คุณเมษไง "

“ ฉันยังไม่เคยมีอะไรกับเค้า " ผมชะงักมือที่กำลังกินเบียร์อีกคนก็ถอนหายใจออกมา " ก็อยากจะมีอยู่หรอกนะ แต่ช่วงนี้เค้ามีปัญหาที่ทำงานอยู่ด้วยฉันเลยคิดว่าก็ถ้าเรามีอะไรกันคลายเครียดฉันก็โอเคแหละแต่ว่าเค้าก็สุภาพบุรุษมากกว่าที่ฉันคิดนะ "

“ เหรอ "

“ อื้ม เหมือนเซ็กส์ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะ มีความรักกับความกุ๊กกิ๊กแบบเด็กๆก็พอแล้ว นายรู้อะไรมั้ยบางทีฉันก็รู้สึกว่าตัวเองแม่งติดเซ็กส์ปะวะ เพราะเหมือนฉันที่อยากจะมีอะไรกับเค้าแค่ฝ่ายเดียว "

“ ความรักแบบผู้ใหญ่ไง ก็ต้องมีความมั่นคงทางความรู้สึกก่อนถึงจะเริ่มได้ "

“ เพราะงั้นเลยชอบแกล้งว่าจะทำ จะทำแต่ไม่ทำสักทีถูกม่ะ " อีกคนหลุดหัวเราะออกมา " บางทีก็เหมือนจะเริ่มนะแต่ก็หยุดไปตลอดอะ คงเป็นอย่างที่น้อยพูดมั้ง ต้องรอให้มั่นคงก่อน แต่ฉันก็โอเคนะ ดีเหมือนกันแหละ ไม่เจ็บตัว "

“ ระวังว่าพอได้กันแล้ว เค้าจะไม่ยอมหลุดละกัน "

“ บ้า " เบียร์ถูกหยิบขึ้นมาชิมอีกคนก็ถามผม " แล้วเซ็กส์แบบเด็กๆของนายละ เป็นยังไง แซ่บมั้ย "

“ ก็งั้นๆอะ " ผมบอกก่อนจะเบือนหน้าหนีอีกคนที่ก็ยิ้มล้อ

“ ไม่งั้นๆหรอกมั้ง นี่เล่าหน่อย ฟานน่ะเซ็กส์จัดมั้ย "

“ เซ็กส์จัดของนายคือยังไงละ "

“ แบบว่าการเล้าโลมเหนือชั้นแบบชนิดที่ว่าแค่จูบก็อ่อนระทวยไปหมด การสอดใส่รุนแรงแต่ก็มีความสุข ไม่จำเจอยู่แค่บนที่นอน ทำให้เสียวได้ในแบบที่ไม่เคย "

“ เค้านายหมายถึงอะไรแบบนั้น เค้าก็เป็นแบบนั้นแหละ "

“ หื้มมมม " สายตาสนใจของอีกคน ลิปก็ขยับมาใกล้ผมก่อนจะกระซิบ " แล้วเค้าทำอะไรให้แบบที่นายจำไม่ลืมเลย " คำถามที่ทำให้ผมคิดก็ถ้าเรื่องอย่างงั้นคงเป็นตอนนั้นละมั้ง ตอนที่ที่ไปหาเค้าที่มหาลัยแล้วเรามีอะไรกันให้ห้องเรียนแม้จะไม่ใช่การมีอะไรกันแบบสอดใส่แต่เค้าช่วยตัวเองให้ผมแต่การที่เข้ามาสองทางแบบนั้น แล้วมีคนเดินมาแบบนั้นบอกตามตรงเลยว่า ทั้งเสียว ทั้งโมโห ทั้งรู้สึกดี เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกจริงๆที่ว่าจะเอนเอียงไปทางไหน หันไปกระซิบบอกอีกคนที่เม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะยิ้มกว้าง

“ เด็กๆเนี้ย มันแซ่บจริงๆนะ บางทีเราก็คิดว่ามันไม่เหมาะสมหรอก มันน่าหงุดหงิดนะที่โดนทำแบบนั้น แต่ยอมรับเลยว่า แม่ง รู้สึกดีจริงๆ "

“ อื้ม ฉันก็โกรธเค้านะตอนนั้นน่ะ แต่อีกใจมันก็..”

“ กินกันไม่รอผมเลยนะ " เสียงของหัวหน้าที่เพิ่งมาเอ่ยทักเรา แล้วในตอนนั้นเรื่องของชายแก่วัยกลางคนที่บ้าเซ็กส์สองคนก็ต้องจบลง ผมมองหัวหน้าที่นั่งลงตรงข้ามผม ก่อนจะยิ้มให้แล้วหันไปสั่งเบียร์แก้วใหญ่มาแก้วนึง " ไม่สั่งของกินอะไรด้วยละ "

“ ไม่ละครับ พวกผมอยากจะกินแค่เบียร์เฉยๆ " ลิปบอก

“ ชั่วโมงปรับทุกข์รึไง " เค้าแซว " เครียดอะไรกันละ งานเหรอ ถ้าเป็นเรื่องงานปรึกษาผมได้นะ "

“ ไม่ใช่เรื่องงานหรอกครับ " ผมบอก

“ เรื่องความรักละสิ "

“ ก็ประมานนั้นครับ " พยักหน้ารับช้าๆ อีกคนก็ยิ้ม ในตอนนั้นเบียร์ที่ถูกยกมาเสิร์ฟพอดีเค้ารับมันมาดื่มก่อนจะหันมาพูดกับผม

“ ถ้าคนเก่ามันแย่ก็หาคนใหม่สิ "

“ ไม่ใช่ว่าได้คนใหม่แล้วแย่กว่าคนเก่านะ " ลิปพูดติดตลกออกมา แต่ผมก็รู้ว่าเค้าหมายถึงอะไร " ถ้ามีแฟนใหม่ก็ต้องหาให้ได้ดีกว่าคนเก่า แต่ถ้าแฟนใหม่ที่ได้มาทุกข์มากกว่าคนเก่า ก็อยู่กับคนเก่าเถอะผมว่า "

“ ก็ถ้ามีปัญหาจะทนทำไมละ "

“ แหม หัวหน้าลิ้นกับฟันน่ะ ลิ้นกับฟัน หรือว่าหัวหน้าไม่เคยทะเลาะกับภรรยาละครับ "

“ อย่าพูดถึงภรรยาผมได้มั้ยละ เสียบรรยากาศหมด "

“ บรรยากาศอะไรละครับ " ผมหันไปเหลือบลิปที่ถามอีกคนออกมา " แบบว่ากลัวใครเข้าใจผิดเหรอ ก็ไม่น่าจะใช่เพราะเราก็รู้อยู่แล้วว่าหัวหน้ามีภรรยา หรือว่าไม่อยากพูดถึงเพราะว่า.. " เค้าที่ลากเสียงก่อนจะยิ้ม " ไม่อยากจะให้เสียบรรยากาศเวลาจะพูดจีบใครตอนนี้ "

“ คุณนี่นะ " หัวหน้าถอนหายใจออกมาก่อนจะยิ้มแล้วหันมามองผม ทุกอย่างก็บอกออกมาได้ทางแววตาของเค้า มันดูมีชั้นเชิงเหมือนคนตกปลาที่กำลังนั่งรอให้ปลามากินเหยื่อที่หย่นเอาไว้ คำพูดที่สื่อทุกอย่างว่าคือผม แต่แค่ไม่พูดชื่อออกมา  ไม่รู้ว่าไม่มีความกล้าหรือเพราะว่ากลัวจะเสียหน้ากันแน่

“ แล้วหัวหน้าหย่ากับภรรยารึยังละครับ " ผมที่เอ่ยถามออกไปตรงๆ อีกคนที่หันมามองหน้าก่อนจะเหลือบมองซ้ายขวาเหมือนกับไม่ค่อยอยากจะตอบ " โทษทีนะครับ คือผมอาจจะถามอะไรออกไปไม่เข้าท่าสักหน่อย "

“ ไม่เป็นไร " เค้าตอบสั้นๆ " จริงๆก็ยังหรอก ยังไม่ได้หย่ากัน มันเป็นเรื่องที่ลำบากนะการหย่ากันระหว่างผมกับภรรยาน่ะ มันไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคน มันต้องต้องคิดหลายๆอย่าง " สายตาคมที่จ้องผมราวกับจะอธิบายให้ผมเท่านั้นเข้าใจ ไม่ใช่การบอกเล่าหรือพูดคุยระหว่างพวกเรา " ผมมีหน้าที่การงานที่เรียกว่า จะพูดว่าไงดีละก็มีหน้ามีตา พ่อแม่ผมเป็นข้าราชการมีคนนับถือเยอะ ทางฝั่งภรรยาก็ด้วยเธอมีฐานะ พ่อแม่ก็เป็นนักธุรกิจใหญ่โต แล้วเราก็มีลูก ลูกเรายังเล็กมาก เธอเลยขอให้ผมรอให้ลูกโตกว่านี้สักหน่อย พอที่จะเข้าใจว่าทำไมพ่อแม่ถึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ เราถึงค่อยหย่ากัน "

“ งั้นหมายความว่าปัจจุบันหัวหน้าก็ยังอยู่บ้านใช่มั้ย "

“ ก็กลับบ้างไม่ไม่กลับบ้าง ยังไงก็ต้องกลับไปหาลูกอะนะ " เค้าพยักหน้ารับ ก่อนจะดื่มเบียร์เข้าไปเสียงอึกใหญ่ " พอเราเป็นผู้ใหญ่เราก็ต้องคิดถึงสิ่งรอบตัวเรามากขึ้น ยิ่งอยู่สูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งวิตก ยิ่งคิดมาก คิดถึงหน้าตาทางสังคม แล้วก็อะไรอีกหลายๆอย่าง มันต่างจากการที่เราเป็นเด็กนะ "

“ แต่การที่หัวหน้าจะคบกับใครสักคนที่เป็นคนใหม่แต่ยังไม่ทิ้งคนเก่า โดยอ้างเหตุผลออกมาแบบนั้น เพื่อให้คนใหม่ต้องเข้าใจในความเป็นผู้ใหญ่ของคุณ ผมว่า มันไม่ใช่นะ มันคนละเรื่องกันเลยอะ " ผมที่พูดออกไปโดยลืมไปว่าตัวเองต้องทำเป็นไม่ใส่ใจเรื่องนี้ " เอ่อ.. ขอโทษครับ ผมอินไปหน่อย "

“ ช่วงนี้ไอ้หมอนี่มันทะเลาะกับแฟนเด็กของมันน่ะ " ลิปว่าขำๆ หัวหน้าก็ยิ้มก่อนจะส่ายหน้า

“ ไม่เป็นไร ว่าแต่นายมีแฟนเด็กเหรอคีย์ "

“ ก็ครับ " ผมพยักหน้ารับ " ทะเลาะกันบ่อยๆก็เรื่องเด็กๆผู้ใหญ่ๆอะไรทำนองนี้แหละ "
 
“ ก็แบบนี้แหละ แฟนเด็กกว่าก็ต้องเอาแต่ใจละนะ "

“ กลับกันครับ " ยิ้มรับคำพูดของอีกคน  " ผมตังหากที่ชอบทำนิสัยไม่ดีกับเค้าอยู่บ่อยๆ แฟนผมเด็กกว่าก็จริงแต่ทางความคิดเค้าแก่กว่าผมนะ " ผมรู้สึกแบบนั้นกับฟานจริงๆ เด็กที่ทั้งวางแผน ขยันเอาใจใส่ แถมยังมุ่งมั่น มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าผมที่บางทีก็ไร้เหตุผลเอาแต่ใช้ความรู้สึกเสียอีก

“ แถมยังหล่อกระชากใจ ใครๆก็ต้องอิจฉาเลยนะครับ " ลิปเสริม

“ งั้นแล้วทำไมถึงทะเลาะกันละ "

“ ก็ปัญหาทั่วไปของคนรักกันนั่นแหละครับ " ลิปตอบแทนผม " เพราะเพื่อนผมน่ะ มันชอบคิดมาก "

“ อย่างงั้นเหรอ "

“ ก็แบบนั้นแหละครับ " พยักหน้ารับ

“ แต่ไม่ว่ามีความรักในรูปแบบไหนก็มีปัญหากันทั้งนั้นแหละ ขนาดความรักที่คิดว่าเพียบพร้อมก็ยังมีปัญหาเลย คนเรามีเหตุผลเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น ความรักน่ะมันเลยเหมือนว่า ต้องเข้าใจกันเท่านั้นถึงจะอยู่ด้วยกันได้ เข้าใจว่าเค้าเป็นยังไง เข้าใจและยอมรับกันและกันให้ได้ แบบนั้นความรักมันถึงยังคงอยู่ "

“ มีสาระจัง " ผมหยุดยิ้มออกมา อีกคนก็หัวเราะ

“ จริงๆ ผมก็เป็นคนมีสาระนะ "

“ งั้นหมายความว่า คนที่ยอมเป็นเมียน้อยให้ใครสักคน เค้าก็ต้องรักและยอมรับได้ว่าจะต้องอยู่ในที่ลับๆน่ะสิครับ เข้าใจว่าสามีของตัวเองไม่สามารถเลิกกับภรรยาได้ ก็เลยยอมเป็นเมียน้อยถูกมั้ยครับ " ลิปถาม หัวหน้าที่กำลังกินเบียร์นิ่งไปก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ก็คงแบบนั้น "

“ แต่แบบนั้น ผมเรียกว่าแค่ข้ออ้างของผู้ชายเห็นแก่ตัวที่อยากได้เมียเพิ่มมากกว่า " ลิปหัวเราะ " ทุกอย่างก็เหมือนดาบสองคมนั่นแหละ ที่หัวหน้าพูดมาก็ใช่นะครับ แต่ว่าถ้าคิดในอีกแง่ก็เหมือนคำแก้ตัวของผู้ชายเห็นแก่ตัวมากกว่า ถ้าเธอรักฉันเธอต้องก็ต้องยอมรับให้ได้ ยอมรับว่าตัวเองเป็นเมียน้อยแล้วก็คอยมองแฟนตัวเองควงกับตัวจริงของเค้าไปไหนมาไหนน่ะเหรอ ผมว่า มันไม่ใช่นะครับ "

“ ลิปนี่นะ ทำไมนายต้องขัดฉันอยู่เรื่อยเลย "

“ ก็ผมพูดตามที่ผมคิด เรื่องที่คุณพูดเหมือนดาบสองคมชัดๆ ก็จริงที่ความรักมันต้องเข้าใจกัน ยอมรับกัน แต่ไม่ได้หมายความว่า ต้องเข้าใจทุกเรื่องสักหน่อย แล้วก็ไมไ่ด้ว่าต้องยอมทุกเรื่องสักหน่อย เป็นคนมีความรักนะครับ ไม่ได้เป็นควาย "

“ ลิป " ผมหันไปปรามอีกคนที่เหมือนจะอินเรื่องของผมมากไปหน่อย เพราะดูเหมือนหัวหน้าจะพูดอะไรๆให้ตัวเองดูดีไปหมด

“ ก็ฉันแอนตี้การเป็นเมียน้อยใครนิ " ผมหัวเราะออกมา ตอนยังเบียร์ขึ้นดื่มจนหมดแก้วแล้วก็สั่งแก้วใหม่มาเติม คว้ามือถือในกระเป๋าออกมาดู วันนี้วันศุกร์แล้วฟานบอกว่าถ้างานเสร็จเร็วจะกลับมาแต่ตอนนี้คิดว่าต่อให้งานเสร็จแล้วก็คงยังไม่กลับมาหรอก
“ คีย์เงียบไปเลย " หัวหน้าทักผมที่ก็ส่ายหน้าไปมา

“ เปล่าหรอกครับ แค่เช็คข่าวในโทรศัพท์เพลินๆนะ " ผมบอก ก่อนที่ลิปจะชวนคุยเรื่องของข่าวขึ้นมา ดีเหมือนกันไม่ค่อยอยากจะคุยเรื่องความรักเท่าไหร่แล้ว เพราะยิ่งคุยก็ยิ่งคิดถึงตัวเอง คิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำกับเค้า คิดถึงสิ่งที่เค้าทำกับเรา คิดถึงเสียงที่แค่ฟังก็รู้แล้วว่าเสียใจแค่ไหน ที่ผมไม่เชื่อใจเค้า ถอนหายใจออกมาผมยกแก้วเบียร์ขึ้นกินอีกจนหมดแก้ว แล้วก็สั่งแก้วใหม่กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่รู้ จนตัวเองที่เคยพูดเอาไว้ว่า จะไม่เมาเด็ดขาด ตอนนี้ก็เริ่มลืมสิ่งที่คิดไว้ไปเสียแล้ว

....................................................
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 21 ' ความเชื่อใจ ' UP - 5.8.59} หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 07-08-2016 20:07:48

   งานล้นมือที่ตัวผมกำลังทำอย่างเคร่งเครียด จดจ่อกับหน้าจอคอมพิวเตอร์พิมพ์งานอย่างสุดท้ายที่ต้องทำให้เสร็จเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ สะบัดความคิด ความกังวลที่เกิดขึ้นเมื่อวานทิ้งไปให้หมดแม้มันจะเผลอเข้ามาในหัวทุกครั้งก็ตาม เมื่อวานตอนที่คุยกับคุณคีย์ อยู่ๆพลอยเพื่อนผู้หญิงร่วมคณะก็วานให้ไปเอาของที่โรงเก็บของด้านหลังคณะ เพียงแค่ประโยคแรกที่เกริ่นออกมา ก็รู้อยู่แล้วว่าต้องพูดว่าอะไร แล้วมันเป็นอย่างงั้น ผมถูกสารภาพรัก สารภาพรักต่อหน้าผมแล้วในตอนนั้นคุณคีย์ที่อยู่ในสายก็ได้ยินด้วยเพราะหูฟังบลูทูธที่ผมใช้มันยังคงติดอยู่

' หรือเพราะว่าเค้ากำลังอยู่ในสายของนาย เค้ากำลังได้ยิน นายเลยต้องพูดเอาใจเค้า  งั้นมาลองดูมั้ยว่าเซ็กส์แบบชายหญิงวัยรุ่นอย่างฉัน กับรุ่นลุงอย่างแฟนนาย นายจะชอบแบบไหนมากกว่ากัน ' คำพูดที่พูดออกมาพร้อมมือของเธอที่เอื้อมหยิบหูฟังของผมแล้วปิดมัน จากนั้นก็ดึงตัวเองขึ้นมาจูบ ผมที่ดันเธอออกไปในตอนนั้นได้แต่ถอนหายใจกับการกระทำที่ไม่รักตัวเองแบบนั้น

“ อย่าทำแบบนี้ได้มั้ย  ยังไงฉันก็ไม่ชอบเธอหรอก "

“ แต่ฉันชอบฟาน นี่! " คำพูดเอาแต่ใจที่ยังคงดึงดันเข้ามาหา แต่ผมที่ดันเธอออกไป จนสุดท้ายเธอก็พูดออกมาเสียงดัง “ ทำไมถึงได้โง่นักนะ " เธอที่ถอนหายใจออกมาก่อนจะปาหูฟังของผมทิ้งด้วยความโมโห " ฉันเสนอตัวให้นายแท้ๆ ยังไม่เอาอีก "

“ คนที่โง่คือเธอ ที่ยอมเอาเรื่องแบบนั้นมารั้งผู้ชายที่เค้าไม่เอาตังหาก " ดึงตัวเองออกห่างจากคนที่ได้แต่นิ่ง ตอนที่กำลังจะหันหลังเดินกลับไปที่คณะแต่พลอยก็ยังถามผมขึ้นมาอีก

“ เค้ามีดีอะไร นายถึงชอบเค้านัก แก่ก็แก่กว่า แถมยังเป็นผู้ชาย  แล้วนายยังจะต้องเอาใจเค้าอีกสารพัด "

“ เพราะเค้าไม่ได้ง่ายเหมือนเธอละมั้ง " ผมตอบออกไปสั้นๆในตอนนั้น ก่อนจะเดินออกมาออกห้องเก็บของแล้วปล่อยเธอไว้ตรงนั้นคนเดียว 

   คว้าโทรศัพท์ออกมาสายที่โทรเข้ามาสองสามสายเป็นสายที่ต้องทำให้ถอนหายใจมากกว่าเก่า ผมรีบกดโทรกลับไปหาเค้า เพราะรู้ว่าตอนนี้ใครอีกคนที่ได้ยินเรื่องราวต้องหมดต้องเอาไปจินตนาการเป็นเรื่องอื่นๆจนวุ่นวายไปหมดแล้วแน่ๆยิ่งเป็นคนคิดมากอยู่ด้วย

“ น่าเบื่อชะมัด " ผมบ่นกับตัวเอง เพิ่งจะพูดให้เข้าใจ เพิ่งจะยิ้มหัวเราะกันอยู่ไม่กี่วันเอง ต้องมามีเรื่องให้ต้องอธิบายกันอีกแล้ว

' เสร็จแล้วเหรอ ' คำพูดแรกที่เค้าพูดกับผมตอนที่โทรไปหา ถอนหายใจออกมาเพราะคิดเอาไว้แล้วว่าต้องคิดอะไรแบบนั้น ผมที่เอ่ยปากอธิบายว่ามันไม่มีอะไรทั้งนั้น ไม่ได้ทำอะไรกัน ในตอนนั้นผมคิด ว่าเค้าจะเชื่อ เพราะตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันคงเพียงพอที่จะทำให้เค้ารู้ว่าผมเป็นคนยังไง แล้วก็รู้สึกยังไงกับเค้า ความเชื่อมั่นที่บอกเค้าไปตลอด ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง แต่ทว่าอีกฝ่ายที่ผมมั่นใจว่าเค้าจะคิดยังไง กลับตอบกลับสิ่งที่ผมทำมาทั้งหมดด้วยประโยคที่ว่า  ' ฉันเชื่อใจนาย แต่ฟานขอโทษนะ มันไม่ใช่ทั้งหมดหรอก มันมีบางส่วนที่ฉันก็ไม่เชื่อมัน '

   ผมที่ได้นิ่งฟังคำพูดนั้นอย่างไม่รู้จะพูดอะไรออกมา ทั้งหมดที่ทำมันไม่มีความหมายให้พอจะให้เชื่อว่าเรารักเค้าคนเดียวแล้วไม่คิดจะมีใครทั้งนั้น " ผมเข้าใจแล้วครับ "

“ ฟาน " เสียงของเค้าที่เอ่ยเรียกผมเหมือนอยากจะให้พูดอะไรมากกว่านั้น

“ ผมไม่รู้จะพูดอะไร เพราะพูดอะไรออกไปตอนนี้คุณก็คงไม่เชื่อผม " ถอนหายใจออกมากับความรู้สึกเจ็บลึกๆนั้นจนห้ามอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่ " เหมือนความมั่นใจที่ผมทำมาทั้งหมดมันไม่มีความหมายอะไรเลย แต่ผมเข้าใจนะ "

“ นายไม่เข้าใจหรอก " เค้าบอก " อย่าพูดว่าเข้าใจทั้งๆที่ตัวเองกำลังไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงเชื่อใจนายทั้งหมดไม่ได้ " ครับผมไม่เข้าใจแต่ตอนนี้พูดอะไรก็บอกไปก็รังแต่ทะเลาะกันเสียมากกว่า หน้าก็ไม่เห็นก็แต่ได้พูดทะเลาะกันไปมาในมือถือแบบนี้ จะปลีกตัวออกไปหาก็ไม่ได้

' โธ่เว้ย ' สบถอยู่ในใจก่อนจะแตะกล่องที่อยู่ใกล้ๆเสียเต็มแรง ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ " งั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ " พูดออกไปแบบนั้นไม่ได้จะตัดคำที่เถียงกันหรือว่าอะไรแต่อยากจะให้แยกไปตั้งสติกันก่อน พูดไปก็เท่านั้น ยังไงตอนนี้ทั้งเค้าทั้งผมก็มีแต่รังให้เสียความรู้สึกกันเสียเปล่าๆ

“ ตามใจนายแล้วกัน " คำพูดสุดท้ายที่วางสายไป ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะทำยังไง งานที่มีก็ต้องทำจะปลีกตัวออกไปก็ไม่ได้ จะทำให้งานเสร็จเร็วขึ้นก็ไม่ได้ ทุกคนก็เหมือนทำกันแบบทีเล่นทีจริงกันอยู่แบบนั้น เราจริงจังคนเดียวทำไปก็ไม่มีทางเสร็จเร็วกว่านี้หรอก

“ มานั่งอู้อะไรตรงนี้ไอ้ฟาน คิดถึงแฟนเหรอ " เสียงอาจารย์เพชรที่เอ่ยแซวผม เงยหน้าขึ้นมองเค้าอีกคนก็เลิกคิ้ว " ทำไม พูดถึงแฟนนายก็ไม่ได้เหรอ "

“ อาจารย์ ถ้าผมทำงานส่วนของผมเสร็จผมขอกลับก่อนได้มั้ย "

“ ก็ได้นะ เอาสิ มีธุระเหรอ "

“ ครับ ธุระสำคัญ " ผมบอกเค้าอีกคนก็พยักหน้ารับ " งั้นผมจะทำให้เสร็จภายในคืนนี้เลย "

“ ไม่ต้องนอนมันแล้วละนายน่ะ ไหวเหรอ "

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไหว " ต่อให้ไม่นอนอีกกี่คืนถ้ามันทำให้ได้เจอหน้ากันเร็วขึ้นสักนาทีนั่นก็ดีแล้ว ผมอยากจะเจอเค้าอยากจะคุยกันให้รู้เรื่อง อยากจะอธิบาย อยากจะไปให้เค้าเห็นไปอธิบายกับตัวเอง

   รายงานเป็นอย่างสุดท้ายที่ผมต้องทำ เมื่อคืนไม่ได้นอนเลยแล้วก็ไม่ลุกไปไหนทั้งนั้น ยกเว้นว่าเข้าห้องน้ำ ของกินก็ฝากให้เพื่อนซื้อมาให้ พลอยไม่กลับเข้ามาช่วยงานที่คณะอีกแค่ฝากบอกเพื่อนมาว่าปวดท้องประจำเดือนแต่อาจารย์ก็คงรู้ว่าทำไม เค้าเองก็เห็นผมเดินออกไปกับเธอแต่เรื่องแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะมาสนใจ เธอไม่เคยอยู่ในสายตาจะสารภาพรักหรือไม่นั่นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ความรู้สึกของผมเปลี่ยน จะมีแต่เธอเองมากกว่าที่จะรู้สึกเข้าหน้าผมไม่ติดแต่นั่นก็ดีแล้วแสดงว่าเธอเองก็ยังมียางอาย

   จดจ่อกับงานแล้วก็ดูเวลาตลอด ตอนนี้จะใกล้จะสองทุ่มแล้วหวังว่าจะเสร็จทันสองทุ่มครึ่ง ผมเคาะวรรคงานครั้งสุดท้ายก่อนจะถอนหายใจออกมา กดเซฟงานเก็บไว้ที่ตัวเองพร้อมทั้งส่งไปในเมล์ของอาจารย์

“ เสร็จแล้วครับ "

“ เสร็จแล้วเหรอ งั้นก็ส่งงานมาแล้วก็กลับไปได้แล้วละ " อาจารย์เพชรบอกผมก็พยักหน้ารับ " ขอบคุณมากนะ "

“ ครับ ผมกลับก่อนนะ " คว้ากระเป๋าออกมาโดยไม่ฟังเสียงใครเรียกไว้ทั้งนั้น เรียกแท็กซี่ที่หน้ามหาลัยในตอนนั้นรอรถประจำทางไม่ไหวแล้วตอนนี้อยากจะถึงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่อยู่ๆมือถือของผมก็มีข้อความส่งเข้ามาเป็นข้อความจากคนที่ผมไม่ได้ติดต่อไปหาเค้าเลยทั้งวันเพราะมัวแต่ทำงาน แต่ทว่าข้อความนั้นก็เหมือนจะไม่ใช่ข้อความที่คุณคีย์ส่งเข้ามาด้วยตัวเอง

' ฟาน นายอยู่ไหนมารับคีย์ที่ร้านเบียร์ด้วย ก่อนที่แฟนนายจะโดนหัวหน้างานฉันงาบไปกินซะก่อน ลิป ' ข้อความที่ผมอ่านก่อนจะกดดูแผนที่ที่ส่งแนบเข้ามาต่อท้าย ผมบอกแท็กซี่ให้เปลี่ยนทิศทาง ถ้าจำไม่ผิดมันเป็นตึกที่อยู่ใกล้ๆกับที่ทำงานของคุณคีย์

“ กำลังไปครับ " ผมส่งข้อความตอบกลับไป ไม่นานเค้าก็ส่งกลับมาอีก

“ มาให้มันเร็วกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง " คำถามที่ชวนให้ถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้างถึงบอกให้รีบไปแบบนี้แต่ทางนี้ก็รีบกว่านี้ไม่ได้แล้ว มันไม่ใช่รถของตัวเอง ผมถอนหายใจออกมา คุณคีย์คงเมาหนักมากแน่ๆ ยังจำวันที่เค้าเมาแล้วไม่มีสติได้เลย เป็นคนที่เมาแล้วไม่มีการระวังตัวอะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างที่รู้สึกก็พูดออกมาทั้งหมดแล้วยังช่างเย้ายวนไม่เหมือนกับตอนที่สติสักนิด

“ จอดตรงนี้แหละครับ " ผมบอกกับคนชับก่อนที่จะยื่นเงินให้แล้วกระโดดลงมาจากรถ ผมรีบวิ่งไปที่ร้านตามแผนที่ที่อีกคนให้มา สอดส่องสองข้างทางที่มีร้านเบียร์อยู่มากกว่าหนึ่งก่อนจะเจอกับร้านเบียร์ที่คิดว่าใช่ ผมเดินเข้าไปในร้าน

   พนักงานบริษัทมากมายที่มากินเบียร์กันอยู่ที่นี่ ผมสอดส่องหาคนคุ้นตาก่อนจะได้ยินเสียงทักที่ดังมาจากโต๊ะด้านใน " ฟาน ทางนี้ " คุณลิปที่ยกมือขึ้นสุดแขนผมเดินเข้าไปในร้านก่อนจะพบว่า คนที่กำลังตามหาเมาไม่ได้สติชนิดที่ว่าพูดจาอะไรออกมาก็ไม่รู้เรื่องไปเสียแล้ว แบบนี้สินะเพื่อนถึงต้องรีบเรียกให้ผมมา

“ เห็นมั้ยครับ บอกแล้วว่าแฟนเค้ามารับเองแหละ หัวหน้าไม่ต้องไปส่งหรอก " คุณลิปหันไปบอกกับชายร่างสูงรูปร่างภูมิฐานแถมยังหน้าตาดีที่พยายามจะดึงให้คนที่เมาไม่ได้สติไปกับตัวเอง คนนี้น่ะเหรอคนที่คุณคีย์ชอบ ผู้ชายที่เป็นหัวหน้างานของตัวเอง ผู้ชายแบบนี้สินะที่เค้าชอบ

“ จริงๆไปกับหัวหน้าก็ได้น้าาา  ไปกันเถอะ แต่ว่า ส่งให้ถึงบ้านน้าาา ไม่แวะที่ไหนละ คิคิคิ " คุณคีย์บอกก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่าย คุณลิปก็ดึงให้อีกคนที่ยังจะไปกับอีกฝ่ายนั้นให้หันมามองผม

“ นี่จะไปหัวหน้ายังไง  ฟานมารับนายแล้ว "

“ ฟานไหน " เค้าหันมาถามเพื่อนตัวเอง " อย่ามาโกหกน่า ฟานโกรธฉัน เค้าไม่มาหรอก "

“ มาสิครับ เราไม่ได้โกรธอะไรกันนิ  ไปนะ กลับบ้านกัน " ผมก้มลงบอกอีกคนที่ก็หันมามองหน้าผม แววตาใสๆของคนเมาที่จ้องผมอยู่นานก่อนจะดึงตัวเองเข้ามากอดผมไว้แน่น

“ ฟาน มาหาฉันแล้วเหรอ " เค้าที่เอ่ยถามผมกอดเค้าเอาไว้ ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ กลับบ้านกันครับ ผมจะพาคุณกลับเอง "

“ แล้วฟานไม่กินเบียร์หน่อยเหรอ " อีกคนที่ผละตัวผมออกก่อนจะเอ่ยถาม เค้ายกแก้วเบียร์ของตัวเองที่เหลือนิดหน่อยส่งมาให้ผม " นี่ แก้วฉัน กินมั้ย "

“ ไม่ละครับ คุณก็เลิกกินได้แล้วนะ กลับบ้านกันดีกว่า " ผมดึงแก้วเบียร์ที่เค้าถือวางไว้ที่เดิม อีกคนก็ทำหน้าเหมือนจะงอแง

“ แต่ฉันอยากจะกินอีกนิ กินอีกสักแก้ว ถ้าฟานมาแล้วก็ปลอดภัยกินต่อได้ เย้ "

“ ที่บ้านก็มี ไปกินที่บ้านกันดีกว่านะ  " อีกคนที่คิดอยู่นานก่อนจะพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นแต่ก็ทรุดลงนั่งที่เดิม มือที่จับหัวตัวเองก่อนจะเอนมาทางผม

“ ทำไมร้านมันหมุนไปหมด "

“ ก็นายเมาไง " คุณลิปบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา " เอานี่กระเป๋าของแฟนนาย พากลับบ้านไปได้แล้ว อายเค้า เมาทีไรเจ้าน้ำตาแล้วเอาแต่ใจทุกที "

“ ขอโทษนะครับคุณลิป " ผมก้มหน้าขอโทษที่แฟนตัวเองไปสร้างความลำบากให้คนอื่น

“ ไม่เป็นไรหรอกน่า แต่เคลียร์กันซะละเรื่องที่โกรธกันอยู่น่ะ "

“ ครับ ขอบคุณมากนะครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะ " ก้มหน้าลาเพื่อนของเค้าก่อนจะหันไปก้มหน้าลาหัวหน้างานของคุณคีย์ที่จ้องผมอยู่ " คุณคีย์ ไปกันครับกลับบ้านกัน "     

“ อยากกินอีกอะฟานนน " พยุงตัวเค้าให้ลุกขึ้น กระชับกระเป๋าของอีกคนก่อนจะดึงให้ร่างบางเข้ามาพิงตัวเองไว้ ท่าทางที่ดูทุลักทุเล

“ ไหวมั้ยฟาน "

“ ไหวครับ "

“ ให้ฉันไปส่งมั้ย " หัวหน้างานของเค้าเอ่ยถามผม

“ คงไม่ต้องหรอกครับ แฟนผม แฟนจัดการเองได้ " ตอบเค้าไปแบบนั้น คุณคีย์พิงตัวผมอยู่ก็พูดออกมาก่อนจะหัวเราะ

“ ใช่ๆ ฟานจัดการได้ ว่าแต่ฟานจะจัดการฉันยังไงเหรอ เหมือนทุกครั้งเปล่า " สองมือยกนิ้วชี้ขึ้นสีกันก่อนจะยิ้ม " ฮี่ๆ "

“ กลับบ้านแล้วค่อยว่ากันดีกว่านะ " พยุงอีกคนออกจากร้านด้วยความทุลักทุเลเพราะความแคบของร้าน คนหลายคนที่มองมาทางเราเพราะคนเมาที่พูดนู้นพูดนี่อ้อแอ้ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น " จริงๆเลยคุณนี่นะ " ผมบ่นเบาๆก่อนที่สองมือบางจะเอื้อมมากอดคอผมเอาไว้ เราเดินออกมายืนหน้าร้าน ลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอของเค้าที่ซบอยู่ตรงคอ ผมลูบผมที่ตกลงปกหน้าให้ขึ้นไปก่อนจะก้มลงหอมแก้มเค้าไปเสียเต็มฟอด " ทำไมถึงได้เมาขนาดนี้กันละครับ "

“ ฟาน ฉันไม่อยากจะยืนแล้ว " คำพูดของอีกคนที่พูดออกมาก่อนจะดึงตัวเองลงนั่งกับพื้นเหมือนคนหมดแรงเสียแบบนั้น
 
“ คุณคีย์จะนั่งแบบนี้ไม่ได้นะครับนี่มันฟุตบาทหน้าถนนนะ "

“ ก็เมื่อยอะ ไหนบอกว่าจะพากลับบ้านไง " เสียงขัดใจของเค้า ผมมองหาแท็กซี่แต่ทว่าตอนนี้ก็ไม่เห็นแม้เงา คงต้องเดินไปที่สถานีรถไฟละมั้งถึงจะเจอ

“ ก็แท็กซี่มันไม่มีนี่ครับ " ผมย่อตัวลงบอกอีกคนที่ตอนนี้กลายร่างจากคนสวยปากแข็งเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆที่เอาแต่ใจ " ขึ้นขี่หลังผมดีกว่า แล้วเราก็เดินไปหาแท็กซี่กัน " หันหลังให้อีกคนที่พยุงให้เค้าโน้มตัวมาที่หลังสอดมือเข้าไปใต้ขา ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

“ ฟาน " สองแขนที่กอดคอผมไว้ ใบหน้าหวานเลื่อนหน้ามาแนบกับแก้มของผมอ้อนๆ " ฉันคิดว่านายจะไม่กลับมาแล้ว "

“ แล้วทำไมผมถึงจะไม่กลับมาละ "

"  เพราะฉันไม่เชื่อใจนาย "

“ ไม่เกี่ยวกันหรอก ผมต้องกลับมาสิ เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ "

“ ฉันดีใจที่นายกลับมานะ " มือที่กอดผมไว้แน่น " ฉันดีใจที่นายกลับมาหาฉัน แต่อย่าไปไหนอีกนะ สัญญาสิ อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวอีก ฉันจะเชื่อใจฟาน ไม่ว่าฟานอยากจะให้คิดอะไรฉันก็จะคิดแบบนั้น ฉันจะบอกว่าชอบฟานทุกวัน แต่ฟานอย่าไปไหนอีกนะ " คำพูดที่บอกถึงความกังวลทุกอย่างของเค้า ทำให้ผมถอนหายใจก่อนจะยิ้มจางๆออกมากับคนเมาที่กำลังเคลิ้มหลับ

“ ต่อให้คุณไม่เชื่อใจผม ยังไงผมก็ไม่ไปไหนหรอก "

   คงทั้งเครียดมาก แล้วก็คิดมาก มากเลยสินะสำหรับทั้งคืนแล้วก็ทั้งวันที่ผมไม่คิดจะติดต่อมา คนปากแข็งที่ไม่เคยพูดอะไรออกมาตรงๆแต่กลับชอบเอาความกังวลไปคิดเองคนเดียว แล้วก็เจ็บอยู่คนเดียว ทั้งเรื่องที่ผมอยากจะฟังคำว่าชอบ เรื่องที่คิดว่าผมโกรธเพราะไม่เชื่อใจ เรื่องที่เอาแต่ใจ ตัวเองที่เป็นแบบนั้นก็คิดมาตลอดว่ากลัวผมจะเสียใจ คนที่แคร์ผมอยู่ในใจลึกๆแต่ไม่เคยคิดจะพูดมันออกมา ปากแข็ง ดูไม่ใส่ใจ แต่จริงๆก็อ่อนไหว แล้วก็ร้องไห้ได้ง่ายๆกับคำพูดหรือการกระทำแค่ไม่กี่คำของผม นั่นคืออีกด้านที่ผมรู้จัก  คนที่ชื่อ คีย์ คนที่เป็นคนรักของผม

.......................................................

ก็สงสารพี่คีย์ในจุดนึง ที่แบบไม่อยากจะโกรธกับน้องฟาน
เลยยอมที่จะไม่รู้สึกอะไร เชื่อใจก็ได้ ทั้งที่ลึกๆ แม่ง ไม่อยากจะเชื่อเลย
แต่ก็สงสารน้องฟาน ที่ไม่ได้ทำผิดอะไร และความดีที่เคยทำมา ไม่ได้ทำให้ พี่คีย์ เชื่อใจได้เลย
เป็นความรู้สึกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

โปรดติดตามตอนต่อไป จะเคลียร์กันยังไง
รู้สึกตอนต่อไป จะเป็นฟานคีย​์ และถัดไปจะเป็น เมษลิป
อดใจรออาทิตย์หน้า
ส่วนอาทิตย์นี้
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ จ้า  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 07-08-2016 20:52:19
ดีกันเเล้ว เย้ :hao7:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 07-08-2016 20:55:04
ขอบคุณค่า  มาไวมาก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 07-08-2016 20:58:33
โธ่ๆๆๆ คุณคีย์ ฟานอะรักจริงหวังแต่งนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-08-2016 21:20:11
ตอนนี้ปริ่มมากค่ะขอเม้นยาวหน่อยนะ
สรุปว่าคีย์นั่นแหละที่เด็กสุดในเรื่อง ฟานเองก็ไม่ได้โกรธแต่มันแค่อยากจะเคลียร์เพราะคนมันรักไง คีย์เธอเคยเมาแล้วได้บทเรียนมายังไง ยังปล่อยให้ตัวเองเมาต่อหน้าหัวหน้าอีก นี่เธอต้องขอบคุณนะที่ได้เพื่อนดีไม่แทงข้างหลัง
ลิปคือคนที่จริงใจมากๆเลยแล้วก็เป็นตัวแม่ของแท้ หายากนะที่เกย์รับเป็นเพื่อนกันแล้วไม่แย่งผู้กัน. จริงใจต่อกันแบบนี้.  o13
 นางทำดีตั้งแต่ตอกหัวหน้าจนเลือดซิป(สีข้างถลอก) แล้วก้อเรื่องที่ไม่ยอมมีเซ็กส์เพราะคิดถึงเรื่องการใช้เซ็กส์เพื่อคลายเครียด คนที่มีมุมมองรอบด้านที่สุดอยู่นี่แล้ว.  :katai2-1: 
เราขยะแขยงคนแบบยัยชะนีใจง่ายกับหัวหน้ามากๆเลย เป็นตัวบ่อนทำลายสังคมปัจจุบัน ชีวิตคู่มีปัญหาก้อมาหาเมียน้อยในที่ทำงาน เหอะ
เห็นคนอื่นคบกันจริงจังแต่ไม่ถูกใจตัวก้อเสนอตัวเข้าแลกเพื่อที่จะเช็คเรตติ้ง คือมันก้อแค่อยากเอาชนะใช่ป่าววะ อยากเพิ่มคุณค่าของตัวเองแบบผิดๆ เสียใจนะหัวหน้าลิปเขาอ่านทางออก เขาเรียกฟานมาฉะเลยจะจะ.    :z6: 
 แหมพูดอย่างทำอย่าง. เหอะจะพาเขาไปส่งไหนอะถามใจตัวเองดู. ฟานลงโทษพี่คีย์เลยนะ เมาอ่อยคนอื่นได้ไง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 07-08-2016 21:25:04
คราวหน้าถ้าโกรธกันจับคีย์มอมเหล้าดีม่ะ  เมาทีไรระบายออกมาหมดเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-08-2016 21:42:18
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 07-08-2016 22:12:41
เมาแล้วทำตัวแย่นะคีย์ อยากรู้ถ้าไม่มีลิปไปด้วยตื่นขึ้นมาจะเป็นยังไง เราไม่ชอบเลยประเภทเมาแล้วมั่ว ไปกับใึครก็ได้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 07-08-2016 23:37:18
สู้ๆนะฟาน คงมีแต่กำลังใจส่งหปให้ เพื่อพิชิตใจคีย์ให้เลิกเป็นคนปากแข็ง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 07-08-2016 23:45:59
โอ้ยยยย ฟานมาทันจริงๆด้วย
ลิปทำหน้าที่ดีมากกกก
อิอิ

เมาแล้วอ้อนด้วย อย่างงี้คงเคลียร์ปัญหากันง่ายซินะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-08-2016 01:21:53
โอ้ยยย คีย์เมาแล้วน่ารัก จ้างมอมทุกวันเลยไหม
คือคิดมาก เข้าใจคีย์นะ อยู่ห่าง ความต่าง ปากแข็ง เลยกังวลว่าเค้าจะไม่จริงจัง ตอนเมานี้เพ้อซะฟานไปไหนไม่รอดเลย
ฟานดีมาก น้อยใจแต่ก็เข้าใจ ยังไงก็รักอะเนาะ

ฟานคีย์น่ารัก อยากรู้พอหายเมาแล้วคีย์จะจำได้ไหม แต่ตอนนี้ใจฟานเหมือนมีน้ำมารดอะ

ลิปน่ารัก เป็นเพื่อนที่ดี ดูแล ปกป้องจากหัวหน้า 5555
เก็บพลอยด่วน แต่ความคิดแบบนี้ก็แย่แล้ว ยังมาบอกว่าตัวเองดีได้อีกหรอ คิดไปได้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 08-08-2016 07:19:26
ฟานน่าจะแอบอัดคลิปไว้นะเพราะไม่แน่คุณคีย์อาจจะไม่พูดอีก 555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 08-08-2016 16:40:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 08-08-2016 17:50:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 08-08-2016 18:31:42
ค่อยๆคุยกันนะค๊าาาาาาาาาา
เชียร์ค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 08-08-2016 18:58:45
ถ้าเข้าใจกันได้เร็วๆก็ดีค่ะ
แต่ถ้าจะให้ดี กรุณาเอาเจ้าหัวหน้าหน้าม่อนั่นไปถ่วงทะเลจะเป็นพระคุณมากค่ะ ฮีน่ารำคาญมากกกกกกกกกกกก :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: wasabi ที่ 08-08-2016 19:02:38
เมาแล้วพูดหม๊ดดดด เลยนะคะคุณคีย์ 555555 
สบายเลยฟาน  เข้าใจคนแก่หน่อยน๊าา คนแก่ขี้น้อยใจ ปากแข็งงอีก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 08-08-2016 21:54:10
เอาจิงๆเราเข้าข้างคีย์นะ มันเปนช่วงระหองระแหงกันพอดีอ่ะ แบบมีปัญหาไม่เข้าใจกันหลายเรื่อง
พอมามีเรื่องนี้ แล้วไม่อธิบายมันก้อแย่นาาาา
แต่คีย์น่าตีมากๆ เมาแล้วไม่ระวังตัว ผิดเต็มประตูคร้าาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 08-08-2016 22:32:07
เคลียร์กันให้ได้ เปิดใจให้น้องฟานได้แล้วนะครับคุณคีย์ บอกรักน้องไปเถอะ เป็นถึงขนาดนี้แล้ว ^^
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 09-08-2016 13:39:57
ดีใจที่กลับมาเช่นกัน #ฟานคีย์ น่าร๊ากกกก  //มุมมองด้านความรักเห็นด้วยกับทุกคนเลย ไม่ว่าจะคีย์ลิปฟาน พูดได้ตรงสื่อได้ดี มันเป็นแบบนี้จริงๆ ไรค์เคยถูกปรึกษาปัญหาความรักบ่อยๆไหมค่ะ ดูเข้าใจได้ดีจริงๆ คือมันใช่อ่ะ อ่านไปแล้วแบบ เออหว่ะะ!! มุมมองแต่ละคนต่างกันแต่มันเกิดขึ้นได้จริงๆกับคนเรา //ชอบค่ะ ชอบมาก สนุก เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความรักจริงๆ แบบว่ายังไง อธิบายไม่ถูก 55555555 รู้แต่ชอบ ปูเสื่อรอตอนต่อไปค่ะ สู้ๆคร้า ไฟท์ติ้ง ^^
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: ปๅงลีลๅ ที่ 09-08-2016 22:05:22
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 23 ' 2 คำถาม 1 คำสั่ง ' UP - 12.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 12-08-2016 20:51:03
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่  23
' 2 คำถาม 1 คำสั่ง '

   อุ้มร่างบางวางบนเตียงก่อนจะถอดหายใจออกมาเสียเต็มแรง ไม่ใช่ว่าอีกคนหนักอะไรหรอก แต่กว่าจะหาแท็กซี่ได้ ของที่สะพายอยู่ก็หนัก แถมยังต้องคอยห้ามมือซนๆที่แกล้งเอามาจิ้มหน้าจิ้มตัวเค้าอีก ยังไม่นับเวลาที่เสียงหวานนั้นเอ่ยอ้อนๆพร้อมกับดึงตัวเองเข้ามากอดผมไว้แน่น ถ้าไม่เมาเป็นแบบนี้บ้างก็ดีนะสิ จะจับขังอยู่ในห้องนอนแล้วทำเรื่องอย่างงั้นไม่ต้องเห็นเดือนเห็นตะวันสักสองวัน โทษฐานที่ยั่วยวนเค้าเกินไป แต่พอเมาแบบนี้เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเช้าก็คงสร่างแล้วก็กลับมาเป็นคนเก่าคนเดิม

“ อื้อออ " เสียงครางเบาที่ดังขึ้นก่อนร่างบางที่กำลังอยู่ในอาการมึนเมาจะลุกขึ้นนั่งบนเตียง คุณคีย์ลุกขึ้นจากเตียงผมก็มองตามร่างบางที่โซซัดโซเซออกไปข้างนอกแล้วเปิดตู้เย็นในครัวก่อนจะหยิบเบียร์ที่อยู่ในนั้นออกมาเปิดกิน

“ ยังจะกินอีกเหรอครับ " ผมเดินเข้ามาหา ตอนที่ดึงเบียร์ออกจากมือเค้าอีกคนก็ทำหน้าขัดใจ

“ อื้อออ เบียร์ เบียร์ของฉัน เอาเบียร์ของฉันมานะ "

“ คุณเมามากแล้วนะ ยังจะกินเข้าไปอีกเหรอ " ชูกกระป๋องเบียร์ขึ้นสูงอีกคนที่พยายามเขย่งตัวแย่งแต่ไม่ว่ายังไงก็แย่งไม่ถึง " พอเถอะครับ วันนี้พอได้แล้ว ค่อยกินอีก "

“ ก็ฉันอยากจะกินอีกนี่ ฉันไม่อยากจะคิดถึงมันนี่ เอามาให้ฉันน่า " เค้าที่ยังคงดื้อ พยายามเขย่งตัวจะเอากระป๋องเบียร์นั่นให้ได้ " เอามา ก็บอกว่าให้เอามาไง " เสียงที่เริ่มอ่อนลงเค้าผ่อนตัวเองพิงกับลำตัวของผมก่อนจะซบแล้วนิ่งอยู่แบบนั้น " ฉันไม่อยากจะคิดถึงนายอีก มันน่าเบื่อ "

“ คุณคีย์ " ผมก้มหน้ามองอีกคนที่ตอนนี้ใบหน้าหวานแดงกล่ำไปหมด

“ ฉันไม่อยากจะคิดถึงนาย ไม่อยากจะแคร์ ไม่อยากจะสนใจแล้วด้วย นายอะ ทั้งๆที่ทำให้ฉันโกรธก็น่าจะรีบมาง้อแต่ก็เปล่าเลย ไม่ง้อฉันสักนิด หรือจริงๆเพราะฉันผิดรึเปล่าที่ไม่เชื่อใจนาย " แววตาที่กำลังจ้อมองผมมือบางก็เลื่อนขึ้นมากอดรอบคอของผมเอาไว้ " นายโกรธฉันเพราะฉันไม่เชื่อใจนายใช่มั้ยฟาน ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันจะไม่โกรธฟานแล้วก็ได้นะ ฉันจะเชื่อใจฟาน ฉันจะเชื่อใจฟานนะ " คำพูดย้ำของเค้าก่อนจะดึงตัวเองขึ้นจูบผม จูบที่ไม่ได้ลึกล้ำแต่เป็นเหมือนกับการขอโทษ " ต่อไปนี้ฉันจะเชื่อใจฟาน "

“ ผมว่าคุณไปนอนดีกว่านะ คุณเมามากแล้ว อย่าเพิ่งคิดอะไรตอนนี้เลยนะ " วางกระป๋องเบียร์ไว้บนเค้าเตอร์ตอนที่ดึงอีกคนที่กำลังพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาอย่างไม่ได้สติ ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร ตอนนี้เค้ากำลังเมาพูดออกไปเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องพูดอีกรอบอยู่ดี อีกอย่างเคลียร์กันตอนที่มีสติมันย่อมดีกว่าเถียงกันตอนอีกฝ่ายไร้สติอยู่แล้ว

“ แล้วฟานจะนอนด้วยกันกับฉันรึเปล่า " เค้าที่หันมาถามผมก็พยักหน้า นั่งลงบนเตียงพร้อมกันกับอีกคน ร่างบางที่ต้องนอนก็ดึงตัวเองมานั่งตักของผม " ฉันน่ะ คิดถึงกลิ่นนี้มากเลยรู้มั้ย กลิ่นของฟาน " คำพูดที่พูดออกมาเบาๆ ผมก้มหน้าลงมองเค้าที่ก็เงยหน้าขึ้นมองผม น้ำตาใสที่ไหลออกมา อยู่ๆเค้าก็ร้องไห้ออกมามีอารมณ์แปรปรวนจนแทบจะปรับตัวไม่ทัน " ห้องของฉันที่ไม่มีฟานมันเหงามากเลยนะ เตียงก็กว้าง ฉันจะเชื่อใจฟานต่อไปนี้ห้ามไปไหนอีกนะ "

“ ผมไม่ไปไหนหรอก คุณจะให้ผมไปไหนละ "

“ ไม่รู้ ฉันแค่กลัวนายจะไม่กลับมานี่ กลัว "

" แล้วคุณคีย์จะร้องไห้ทำไมละครับ หื้ม ? " ผมถามก่อนจะยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้เค้า

“ อันนั้นฉันก็ไม่รู้แต่อยู่ๆมันก็ไหลออกมาเอง มันไหลออกมาตอนที่ฉันคิดว่า ถ้าทำตัวไม่ดีฟานอาจจะไม่กลับมาก็ได้  ถ้าฉันไม่เชื่อใจนาย นายก็จะไม่กลับมา "

“ ผมไม่ได้โกรธเรื่องที่คุณไม่เชื่อใจผม " เค้าเอาแต่พูดวนไปวนมากับแค่เรื่องนี้ เรื่องที่คิดว่าผมโกรธเค้าเพียงเพราะเค้าบอกว่า เค้าไม่ได้เชื่อใจผม

“ งั้นโกรธฉันเรื่องอะไรเหรอ บอกฉันได้เลยนะ ฉันน่ะ ฉันจะแก้ไขให้นะ เรื่องบอกว่าชอบมั้ย ฟานอยากฟังใช่มั้ย ฉันจะบอกฟานนะ บอกกับฟานว่าฉันชอบฟาน " ผมเผลอยิ้มออกมา พอทีเมาแล้วก็พูดคล่องเชียวนะ คำว่าชอบน่ะ

“ อันนั้นผมรู้อยู่แล้วว่าคุณรู้สึกยังไงกับผม แต่ฟังผมนะ ผมไม่ได้โกรธคุณคีย์เลยจริงๆนะ ผมติดงานเลยมาหาคุณไม่ได้ตังหาก ก็แค่นั้นเอง แต่ตอนนี้ผมก็มาหาคุณแล้ว เราไม่ได้โกรธกันแล้วนะ " เอื้อมมือไปลูบผมอีกคนปลอบ ใบหน้าหวานที่พยักหน้ารับแต่ก็ยังกอดผมไว้แน่น เหมือนเด็กน้อยตัวเล็กๆขี้อ้อนที่ต่างจากปกติ

“ จริงนะ ไม่ได้โกรธกันแล้วนะ "

“ ครับ ไม่ได้โกรธแล้ว " ผมเผลอยิ้ม แล้วยังมาคิดกังวลว่าตัวเองแก่อีกคนคนเราทั้งๆที่ไอ้ที่ทำอยู่เนี้ย ไม่ต่างอะไรจะเด็กเลยด้วยซ้ำ

“ งั้นฟานกอดฉันหน่อยได้มั้ย " กอดเค้าตามคำขอ " ต่อไปนี้จะไม่ทิ้งฉันไปไหนแล้วนะ จะไม่ปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวแล้วนะ สัญญาสิ "

“ สัญญาครับ จะไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียวแล้ว "

“ หอมแก้มฉันด้วยสิ " ก้มลงหอมแก้ม เค้าก็ถามอีก

“ แก้มฉันน่าหอมรึเปล่า "

“ น่าหอมสิ น่าหอมทั้งสองข้างเลย "

“ แก้มไม่เหี่ยวนะ " เค้าถามเรื่องที่กังวลออกมา

“ ไม่หรอก ทั้งนุ่มทั้งหอมเลยละ " ผมย้ำคุณคีย์ก็พยักหน้ายิ้มรับ ดูเหมือนเค้าจะไม่คิดอะไรแล้วก็เป็นคนปลงง่ายๆ แต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่หรอก เค้าแค่ไม่พูดมันออกมาตังหาก ทั้งๆที่จริงเค้ากังวลเกี่ยวกับผม เกี่ยวกับเค้า แล้วก็เกี่ยวกับเรื่องของเรา กังวลไปหมดทุกเรื่อง

“ งั้นจูบฉันหน่อยได้มั้ย " คำพูดนี้อีกแล้วเหมือนตอนครั้งแรกที่เจอกันเลย ตอนนั้นเค้าก็พูดแบบนี้ ' จูบฉันหน่อยได้มั้ย ' ใบหน้าหวานที่เลื่อนเข้ามาใกล้ เค้าที่ก้มหน้าลงมาจูบผมเป็นจูบดูดดื่มที่เพียงแค่เผยอริมฝีปากเค้าก็จะรุกล้ำเข้ามาด้วยตัวเอง จูบดูดดื่มที่ผละห่างออกกันเพียงครู่ก็เริ่มใหม่อีกครั้งและอีกครั้งจนกว่าเค้าจะพอใจ " ฟาน ฉันอยากจะมีอะไรกับฟาน " สองมือที่เลื่อนลงต่ำไปที่ชายเสื้อก่อนที่เค้าจะถอดมันออกไปแล้วก็ก้มลงลูบไล้ลอนกล้ามของผมเบาๆด้วยมือสวยๆของเค้า " ฟาน " เสียงหวานๆที่เอ่ยเรียก

“ ครับผม " เผลอตัวก้มลงไปจูบที่ซอกคอของเค้าอย่างเผลอไผล้อดทนได้ยากจริงๆสำหรับคำเชิญชวนนั้น ลำคอขาวๆที่เจือจางด้วยกลิ่นตัวหอมๆของเค้าเหมือนแรงดึงดูดชั้นดีที่ทำให้ผมอยากจะครอบครองเค้ามากขึ้นจูบต้นคอขาวจนเป็นรอยแดงเล็กๆก่อนจะผละตัวออกมาจ้องหน้าเค้า

“ ฉันไม่ได้ไม่เชื่อใจฟานนะ " เค้าย้ำ " ฉันเชื่อใจฟานนะ แล้วฉันก็ชอบฟานนะ "

“ ครับผมรู้แล้ว แต่ที่ผมอยากจะบอกคุณคือ ผมไม่ได้มีอะไรเกินเลยกับเธอคนนั้นเลยสักนิดนะ "

“ เหรอ " เค้าพยักหน้าถาม ผมก็พยักหน้ารับ

“ จริงสิครับ ยังไงก็รักคุณคนเดียวอยู่แล้ว "

“ คุณไหน " เค้าถามผมก็หลุดหัวเราะ โดนอ้อนอีกแล้ว

“ ผมรักคุณคีย์คนเดียว " รอยยิ้มของคนตรงหน้าที่ยิ้มออกมา เค้าก้มลงมาจูบผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนกำลังชอบใจในคำพูดที่ผมเอ่ยพูดกับเค้า เวลาเมานอกจะขี้อ้อนแล้วอีกอย่างคือเค้ามักจะทำทุกอย่างที่เค้าอยากจะทำ ทั้งๆที่ในเวลาปกติเค้าจะไม่คิดแม้จะทำมันเลยสักครั้ง เหมือนอย่างตอนนี้ที่มือบางกำลังเลื่อนไปจับส่วนกลางของผม เค้าที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะเลื่อนซิปกางเกงผม " จะทำอะไรน่ะครับ " พอถามแบบนั้นอีกคนก็ส่ายหน้าไปมา เค้าปลดกางเกงของผมก่อนจะดึงส่วนกลางออกมา แล้ววินาทีต่อมาเค้าก็ก้มลงจัดท่าทางของตัวเองให้ถนัดก่อนริมฝีปากสวยนั้นจะส่งลิ้นออกมาเลียมันช้าๆ ฝ่ามือที่ขยับขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะ

   ผมผ่อนลมหายใจช้าๆในจังหวะที่ริมฝีปากอุ่นๆครอบครองมันทั้งอันแล้วขยับขึ้นลงด้วยจังหวะที่ทำให้ต้องกัดฟันแน่น เสียงน้ำลายที่ดูดดื่มผสานกับเสียงครางเบาๆของเค้าที่เพิ่มจังหวะขึ้นเรื่อยๆ ด้วยมือที่ช่วยเสริมขยับขึ้นลงเร็วขึ้น ส่วนหัวที่ถูกดูดด้วยริมฝีปาก

“ อื้ม " ครางออกมาเสียงเบาๆ พยายามจะกลั้นมันเอาไว้แต่สุดท้ายก็ไม่ไหว เพียงแค่ริมฝีปากนั้นเลียมันด้วยลิ้นอีกครั้งเบาๆ น้ำสีขุ่นก็ระบายความต้องการของมันออกมา คราบคาวที่เข้าไปในปากของคนที่กำลังเลียมันเค้าเงยหน้าขึ้นมามองผมในตอนที่กลืนมันลงไปแล้วส่งยิ้มหวานมาให้ 

" ฉันเอาใจนายเก่งใช่มั้ยละ " เอื้อมมือไปจับปลายคางของเค้าขึ้นมาสบตา ผมมองแววตาที่กำลังเมามายนั้นก่อนจะพูด

 " จำไว้นะ ต่อไปนี้คุณจะไม่ได้ไปเมาที่ไหนอีกถ้าผมไม่อนุญาติ " 

“ ฟาน ใจร้ายจัง " คำพูดที่มาพร้อมกับอ้อมกอดที่กอดผมไว้

   ดึงตัวเค้าให้นอนราบลงกับเตียง จูบริมฝีปากนั่นด้วยความดูดดื่มและหวงแหน ผมไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าวันนี้ผมไม่ได้กลับมามันเป็นยังไง ถ้าคุณลิปไม่โทรบอก แล้วถ้าคุณคีย์ต้องกลับไปหัวหน้างานของเค้า ผมไม่อยากจะคิดเลยว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับผมวันนี้จะไปเกิดขึ้นกับอีกคนมั้ยโดยที่คนทำก็ทำไปเพราะเมา ส่วนคนที่ไม่เมาก็เหมือนได้ไปฟรีๆแบบที่ตัวเองก็คงตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนั้นอยู่แล้วถึงได้คะยั้นคะยอให้อีกฝ่ายกลับไปด้วย

“ อื้ออ " ผละริมฝีปากออกจากเค้า ตอนที่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะขาดอากาศหายใจ สายตาหวานมองหน้าผมเค้าที่ลุกขึ้นนั่งก่อนจะดึงตัวเองเข้ามาจูบผมอีกครั้งก่อนจะกระซิบ " ถอดเสื้อให้หน่อยสิ "

“ อ้อนผมแบบนี้เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เดินไม่ไหวหรอก "

“ งั้นฟานก็อุ้มฉันสิ " เค้าบอกแบบนั้นในตอนที่ผมปลดกระดุมเสื้อของเค้าลงจนหมด มือบางเอื้อมมากอดผมด้วยท่าทางยั่วยวนก่อนจะดึงตัวเองให้นอนราบลงกับเตียงอีกครั้ง ผมถอดกางเกงของเค้าออกในตอนที่เราจูบกันอีกคนก็บอก " ใส่เข้ามาเลยสิ "

“ ยังไม่ได้ใส่ถุงยางเลยนะ "

“ ไม่ต้องใส่หรอก ฉันไม่อยากให้ใส่ ไม่ต้องใส่นะ " พอเมาทีไรก็เรียกร้องให้ทำแบบนั้นทุกที ไม่ต้องใส่ถุงยางได้มั้ย ไม่ชอบเลย อย่าใส่เลยนะ มือที่เอื้อมมาปัดไม่ให้ผมใส่ ถ้าเป็นคนอื่นเค้าคงทำตามที่ขอโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่ได้สนใจว่าเมา หรือไม่ได้สติอะไร
 
“ ไว้ค่อยไม่ใส่ตอนคุณมีสติดีกว่านี้ ตอนนี้ใส่ดีกว่านะ "

“ ฟานนน ตอนนี้ก็มีสตินะ " เค้ายังคงมั่นใจแบบนั้น ผมยิ้มออกมา ตอนที่หอมแก้มใสๆนั่นด้วยความหมั่นเขี้ยว " ฉันมีสติดีนะ ฉันชื่อคีย์ เป็นแฟนฟานไง "

“ นั่นแหละครับ ที่ผมเรียกว่าคุณกำลังไม่มีสติ "

" อื้อออ ก็มีสติ " จูบริมฝีปากที่กำลังเถียงออกมา ยังไงคืนนี้ต้องเหนื่อยกับเด็กดื้อคนนี้ไปทั้งคืนแน่ๆ แต่ไม่เป็นไรยังไงผมก็มีวิธีจัดการของผมเหมือนกัน วิธีจัดการที่เราจะทำมันเหมือนทุกครั้ง ทั้งจูบดูดดื่มและการสอดใส่เป็นจังหวะที่ร้อนแรง อย่าหมดแรงหลับไปก่อนก็แล้วครับ เด็กดื้อของผม

..............................................
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 22 ' ดีใจที่กลับมา ' UP - 7.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 12-08-2016 20:51:35

   ลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าที่สมองของมันหนักอึ้งไปหมด เพียงแค่ขยับตัวเล็กน้อยความรู้สึกเจ็บจากช่วยเอวก็แล่นขึ้นไปยังหัวแล้วก็ปลายเท้า เป็นอีกครั้งที่เข้าใจในคำว่าปวดทั้งตัวมันเป็นยังไง นึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนได้คร่าวๆคือ ไปกินเบียร์กับลิปแล้วก็หัวหน้าแล้วหลังจากนั้นก็เมาไปตามระเบียบ ก่อนจะถูกหัวหน้าชักชวนให้กลับบ้านแต่ตอนนั้นก็ไม่ยอมกลับยังนั่งกินต่อไป แล้วหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีก ผมนิ่งไปสักพักตอนที่หันมองรอบข้างๆแต่กลับพบว่าตัวเองก็นอนอยู่คนเดียวบนเตียงกว้างในห้องของตัวเอง สะโพกที่ปวดหนักราวกับถูกผ่านศึกมาอย่างหนัก ทำให้ใจผมหล่นลงไปถึงปลายเท้า ก่อนจะเสียงอะไรบางอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ข้างนอกห้องนอนจะทำให้หัวใจเต้นแรงมากขึ้นกว่าเก่า มันคงไม่ได้เป็นไปในแบบที่ผมคิดหรอกใช่มั้ย อย่าบอกนะว่า.. เมื่อคืนเรากับหัวหน้าจะทำเรื่องอย่างว่ากันไปแล้ว

   ครืนนนน เสียงประตูถูกเลื่อนออกผมหันไปมองมันด้วยความตกใจ แววตาที่เบิกกว้างในตอนนั้นผ่อนลงช้าๆพร้อมกับหัวใจที่แทบจะหยุดเต้นแต่ก็โล่งอกในคราวเดียวกัน " ฟาน "

“ ตื่นแล้วเหรอครับ " เค้าที่ถามก่อนจะเดินมานั่งบนเตียงข้างๆผม " น้ำส้มหน่อยมั้ย "

“ เมื่อคืนนายไปรับฉันที่ร้านเบียร์เหรอ "

“ กำลังสงสัยใช่มั้ยครับ ว่าที่กำลังปวดตัวอยู่ตอนนี้มันเพราะใครกันแน่ " ผมนิ่งไปกับคำถามของเค้า ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันฟานก็ถอนหายใจออกมา " นี่จำไม่ได้อีกแล้วใช่มั้ยครับ ว่าตอนเมาตัวเองทำอะไรลงไปไว้บ้าง คุณคีย์นี่นะ "

“ สรุปมาเลยได้มั้ย จะยอกย้อนทำไม " แค่อยากจะฟังเฉยๆว่าฝีมือคนที่มันทำให้ผมเจ็บตัวอยู่ตอนนี้เพราะไอ้คนตรงหน้านี้ใช่มั้ยก็เท่านั้นแหละ ถ้าฟานบอกว่าเค้าทำแค่นั้นผมก็สบายใจแล้ว แต่ถ้าไม่ใช่..

“ เมื่อคืนผมไปรับคุณที่ร้านเบียร์แล้วก็พากลับมาที่นี่ เรามีอะไรกัน ก็แค่นั้นครับ " พยักหน้ารับสั้นๆผมผ่อนหายใจโล่งออกมาอย่างไม่ทันระวังตัว อีกคนก็หัวเราะ " คุณคิดว่ามันจะเป็นคนอื่นเหรอ "

“ ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นสักหน่อย "

“ อย่ากลัวไปเลยครับ " เค้าบอกก่อนจะเอื้อมมือมาเชยคางผมให้สายตาของเราสบกัน " ถ้าคุณมีอะไรกับคนอื่น ตอนนี้ผมคงไม่รบกวนคุณอยู่ที่นี่หรอก "

“ ฟาน " เผลอเสียใจกับคำพูดนั้นของเค้าทั้งๆที่มันเป็นความรู้สึกปกติของคนรักกันที่ต้องทำอยู่แล้วในกรณีที่ถูกหักหลังโดยการเห็นแฟนตัวเองกำลังมีอะไรกับคนอื่น แต่ทำไมพอไอ้หมอนี่พูดออกมาด้วยสายตาจริงจังมันถึงรู้สึกเจ็บชะมัดวะ ทั้งๆที่เราเองก็ยังไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นสักหน่อย เหมือนก็แค่กลัวไปเองก็เท่านั้น  แล้วไอ้นิสัยที่ชอบเมาแล้วจำอะไรไม่ได้เนี้ย เมื่อไหร่มันจะหายไปสักที เมาทีไรไม่มีสติตลอดเลย

“ น้ำส้มหน่อยนะ คุณคงปวดหัว เดี๋ยวผมไปเอามาให้ " เค้าลุกออกไปจากห้องก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกับน้ำส้มแก้วโต ยาแก้แฮ้งค์ แล้วก็น้ำอีกแก้วนึง " น้ำส้มครับ " ผมรับน้ำส้มจากมือของเค้าตอนที่ยกขึ้นดื่มจนหมด อีกคนก็ยื่นยามาให้

“ นี่ต้องกินด้วยเหรอ "

“ กินสิครับ คุณเมาหนักมากเลยนะเมื่อคืนน่ะ " เค้าเอื้อมมือมาจับแก้มของผม ฝ่ามืออุ่นๆที่คิดถึงผมนิ่งไปสักพัก จำได้ว่าเมื่อวานเรายังไม่ได้คุยอะไรกันเลยเพราะปัญหาของคืนก่อนที่เค้าโดนเพื่อนผู้หญิงคนนึงสารภาพรัก ฝืนกินยาเม็ดเข้าไปก่อนจะกินน้ำจนหมดแก้ว แก้วเปล่าที่ถูกอีกคนหยิบไปวางไว้ที่เดิมก่อนที่เค้าจะพูดขึ้น " เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ "

“ เรื่องอะไร "

“ เอาเรื่องที่คุณหนักใจก่อนมั้ย "

“ เรื่องอะไรที่ฉันหนักใจ " ผมถามอีกคนก็ยิ้มพลางดึงตัวเองขึ้นมานั่งเตียงให้ถนัดขึ้น ก่อนมือหนาจะคว้าเอวของผมให้ขึ้นมานั่งบนตักของเค้า " เฮ้ย! นี่จะทำอะไร นี่ ปล่อยนะเว้ยไอ้ฟาน  โอ๊ย " เพราะมัวแต่ดิ้นไปมาก็เลยดันตกลงไปในระหว่างขาของเค้าซะงั้น ผมที่เงยหน้าขึ้นมองด้วยความไม่พอใจแต่อีกฝ่ายก็แค่ยกยิ้มเท่านั้น

“ คุณดิ้นเองนะ นั่งบนตักผมดีๆไม่ชอบ "

“ แล้วทำไมฉันต้องขึ้นไปนั่งบนตักนายด้วยไม่ทราบ "

“ ก็จะได้คุยกันได้ถนัดๆไงครับ " เค้าบอกก่อนจะกอดผมไว้เหมือนจะมัดไม่ให้หนีไปไหน แล้วฟังเค้าพูดให้จบ " เห็นมั้ย ดูสิครับ ใกล้กันขึ้นเยอะเลย "

“ แค่คุยไม่จำเป็นต้องใกล้กันขนาดนี้ก็ได้เว้ย " ผมบอกแบบหงุดหงิด เรื่องมากจริงไอ้ลูกหมา

“ ไม่ได้หรอกครับ คุยกับคนดื้อๆแบบคุณคีย์ผมต้องคุยแบบใกล้ชิด "

“ จะพูดอะไรก็พูดมา " ผมมองไปทางอื่นแบบไม่สนใจในตอนที่ถามเค้า หัวใจที่เต้นแรงเพราะรู้ว่าเค้าจะถามอะไร อยู่ๆฝ่ามือหนาทั้งสองข้างก็เอื้อมมือประคองใบหน้าผมแล้วหันให้มาสบตากับเค้า

“ ผมจะคุยเรื่องที่พลอยมาสารภาพรักผมเมื่อคืนวาน " หลบตามองต่ำตอนที่เค้าเริ่มเกริ่น  " มองผมหน่อยสิครับ คุณคีย์ " เค้าบอกผมก็หันกลับไปมองเค้าแม้จะไม่เต็มตาก้เถอะ " ผมไม่ได้มีอะไรกับเธอนะ คุณเชื่อรึเปล่าอันนั้นผมก็ไม่รู้ เพราะสิ่งที่ผมจะพูดกับคุณได้ก็มีแค่นี้คือผมไม่ได้มีอะไรกับเธอ หลังจากที่เธอดึงหูฟังบลูทูธผมไปปิด เธอก็จูบผม "

“ เธอจูบนาย  " ผมย้อนคำพูดนั้นอีกคนก็พยักหน้ารับ

" ครับ เธอจูบผมแต่มันก็ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งทั้งนั้นก็แค่ริมฝีปากชนกัน ผมผลักเธอออกแล้วก็พูดให้เธอเข้าใจ แต่ก็เหมือนจะไม่เข้าใจ เธอเลยโยนหูฟังของผมทิ้ง แล้วหลังจากนั้นผมก็โทรหาคุณ ผมบอกคุณว่ามันไม่อะไรระหว่างผมกับเธอ แต่คุณบอกผมว่า คุณเชื่อใจผมแต่มันไม่ทั้งหมด "

“ มันไม่ใช่แบบนั้น " ผมที่พยายามเถียงเค้า ถ้าเปลี่ยนคำตอบตอนนี้จะได้มั้ย เค้าจะเชื่อรึเปล่า ถ้าผมจะพูดมันออกไป

“ แล้วมันยังไงครับ " ฟานถาม " คุณจะบอกว่าคุณเชื่อใจผมเหรอ "

“ ก็..อื้ม ”

“ ผมยอมรับว่าผมเสียใจที่คุณไม่เชื่อผม  แต่พอมาคิดดูแล้วมันก็ไม่แปลกที่คุณจะไม่เชื่อ ก็คุณไม่เห็นนิว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างในตอนนั้นคุณก็มีสิทธิที่จะคิดไป เพราะงั้นผมไม่โกรธคุณหรอกถ้าคุณจะไม่เชื่อผม เลิกคิดมากว่าผมโกรธคุณได้แล้ว "

“ แล้วทำไมไม่โทรหา เมื่อวานไม่ติดต่อมาเลย "

“ เพราะผมเร่งทำงานอยู่ รีบทำงานให้เสร็จจะได้มาเคลียร์กับคุณไง เพราะรู้ว่าพูดทางโทรศัพท์ไปเท่าไหร่มันก็เท่านั้น สู้ทำงานให้เสร็จแล้วรีบมาเคลียร์กับคุณดีกว่า แต่ดูเหมือนว่า คุณจะคิดว่าผมโกรธคุณไปแล้ว "

“ ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น " ผมที่ยังเถียงแต่อีกคนกลับหัวเราะออกมา

“ หัวเราอะไร "

“ หัวเราะคนที่บอกว่าไม่ได้กังวลว่าผมจะโกรธ แต่เมื่อคืนคนเมาคนนึงกลับพูดแค่คำว่า ฉันเชื่อใจนาย ฉันเชื่อใจฟานนะ อยู่แค่นั้นแหละครับ "

“ ใครจะไปพูดแบบนั้นกัน " ผมเบือนหน้าหนีแต่ก็คิดว่าคงพูดออกไปนั่นแหละ ก็ในใจตอนนั้นมีแต่เรื่องที่กลัวว่าเค้าจะโกรธเท่านั้นนี่น่า ที่คิดทบทวนซ้ำซากจนกังวลไปหมด

“ ไว้คราวหน้าเวลาคุณเมาผมจะถ่ายคลิปวิดีโอไว้ให้คุณดูแล้วกันครับ " ผมหันมองเค้าด้วยสีหน้าไม่พอใจอีกคนที่ยิ้มก่อนจะกอดเอวผมแน่นขึ้น " เมื่อคืนผมบอกคุณไปแล้ว แต่คิดว่าคุณคงจำไม่ได้ เพราะงั้นผมจะบอกคุณอีกทีนึงแล้วกันนะ ผมไม่ได้มีอะไรเกินเลยกับเธอทั้งนั้น คุณเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ เพราะผมหาหลักฐานอะไรมายืนยันไม่ได้ว่าผมไม่ได้ทำ ไม่มีใครอยู่ในเหตุการณ์นั้นมีแค่ผมกับเธอ แล้วก็คุณที่อยู่ในสาย คำพูดที่ผมพูดจริงทุกคำเพราะผมไม่จำเป็นต้องพูดเอาใจคุณ แล้วคุณเองก็รู้ดีว่าต่อหน้าคุณผมก็พูดอย่างงั้น  แล้วตอนนี้ก็ยังย้ำต่อหน้าคุณตรงนี้  ว่าสำหรับผม ผมมีแค่คุณคีย์คนเดียวเท่านั้น "

   ผมไม่รู้จะตอบอะไรกับคำพูดหนักแน่นของคนตรงหน้าที่พูดออกมาดี ผมเชื่อเค้ามั้ย ? ผมเชื่อเค้ามากกว่าที่ไม่เชื่อนะ เพราะตั้งแต่คบกันมาฟานไม่เคยโกหก ไม่เคยทำอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกไม่มั่นใจ แล้วมันก็มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาเพื่อชี้วัดว่า ผมจะเชื่อใจในสิ่งที่ผมไม่เห็นได้รึเปล่า

“ นายบอกว่า เธอจูบนายเหรอ " ผมถามอีกคนก็พยักหน้ารับ เผลอถอนหายใจออกมาเพราะไม่รู้เหมือนกันว่าสักวันเค้าจะทำลายความเชื่อมั่นของผมมั้ย ผมจะกลายเป็นคนโง่ที่เชื่อเค้ามั้ย แต่สำหรับตอนนี้ผมอยากจะเชื่อเค้านะ เชื่อว่าฟานจะไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก ผมเชื่อเพราะว่ามันสบายใจมากกว่าที่ผมจะไม่เชื่อก็เท่านั้น " แล้วทำไมเธอต้องจูบนายด้วย "

“ ก็ไม่รู้สิครับ " ก็เพราะว่านายมันหล่อไง เธอเลยอยากจะรวบรัดยัดเยียดความเป็นเมียให้น่ะ ผมมองริมฝีปากของเค้าที่โดนใครคนอื่นจูบ ในตอนนั้นมันอดไม่ได้เลยที่จะดึงคอเสื้อของเค้าลงมา แล้วจูบลงบนริมฝีปากนั้นเสียนานก่อนจะผละออก

“ ทีหลังอย่าไปเผลอตัวให้ใครจูบอีกละ มันเป็นพื้นที่ของฉัน รู้ไว้ซะด้วย "

“ ครับผม " เค้าที่หลุดยิ้มออกมาก่อนจะกอดผมไว้แน่น มันคงไม่ดีหรอกที่ไม่เอาความไม่รู้ของตัวเองมากังวลจนไม่เป็นอันทำอะไร สบายใจแบบไหนก็คิดไปในแบบนั้น เพราะสำหรับฟานแล้วผมสบายใจที่มีเค้าอยู่ แล้วก็คิดว่าดีแล้ว ที่ตัวเองคิดแบบนั้น  " อ้อ ผมมีอะไรจะถามคุณหน่อย สักสามข้อ "

“ อะไรละ "

“ ข้อแรก คุณเคยอมไอ้นี่มั้ย " เค้าที่ชี้ไปที่ส่วนกลางของตัวเอง ผมก็ส่ายหน้าไปมาก่อนจะขมวดคิ้ว

“ ไม่เคยอะ แล้วก็ไม่คิดจะทำด้วย ถามทำไม ใครจะไปอม เหม็นอับจะตาย "

“ เหรอครับ  งั้นข้อสอง เคยไม่มีใส่ถุงยางอนามัยเวลามีเซ็กส์มั้ยครับ "

" อันนั้นก็ไม่เคย ฉันกลัวโรคติดต่อจะตาย ถามอะไรของนายเนี้ย บ้ารึเปล่า"

“ งั้นคุณก็ไม่เคยมีอะไรกับคนอื่นแบบไม่ใส่ถุงยางสินะ "

“ ก็ใช่ แต่ นายถามทำไม "

“ เมื่อคืนคุณเรียกร้องให้ผม ใส่สดให้คุณอีกแล้ว " คำพูดที่ฟานพูดทำเอาผมนิ่งค้างไปสักพัก เบือนหน้าหนีเค้าอีกคนก็พูดต่อ " ไปโรงพยาบาลกันมั้ยครับ "

“ ไปทำไม " ผมถาม

“ ไปตรวจโรคกัน "

“ ตรวจเพื่อ ? " อะไรเข้าเฝ้าไอ้เด็กคนนี้อีก นี่มันคิดอะไรของมันอีก

“ ก็ตรวจว่าเราเป็นโรคอะไรมั้ย เพื่อความสบายใจของคุณ ว่าผมจะไม่นำโรคร้ายมาสู่คุณแน่ๆ "

“ เอ่อ เดี๋ยวนะฟานนายคิดจะทำอะไรน่ะ  "

“ ผมอยากจะมีอะไรกับคุณแบบไม่ใส่ถุงยางดูน่ะครับ " นั่นไงกูว่าแล้ว

“ ไม่เอา " ผมเบือนหน้าหนี ใครก็ได้เอาไอ้ลูกหมาตรงหน้าผมไปเก็บทีเถอะ นับวันจะยิ่งบ้าไปกันใหญ่แล้ว มีอย่างที่ไหน ชวนไปโรงพยาบาลตรวจโรคเพื่อตั้งใจทำเรื่องอย่างว่ากันบ้างวะ

“ ทำไมละครับ เพื่อความมั่นใจว่าเราสองคนปลอดภัย เราก็จะได้มีอะไรกันแบบมีความสุขไงครับ "

“ ก็ใส่ถุงยางอนามัยแบบที่เคยทำมาตลอดนั่นก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ "

“ แต่คุณคีย์บอกว่า คุณคีย์ไม่ชอบ "

“ ก็นั่นมันเมา " ผมบอกปัด ถึงจะไม่ชอบจริงๆก็พูดอะไรแบบนั้นออกไปไม่ได้หรอก เวลาที่ส่วนกลางนั้นสอดเข้ามาในร่างผมต่อให้เป็นแบบบางยังไงก็ตามแต่มันก็รู้สึกเหมือนที่ถุงพลาสติกอันใหญ่ๆเคลือบไว้อยู่ดี แล้วผมก็เคยคิดมาตลอดว่า ถ้าสักวันได้ทำอะไรกับคนที่รักแบบไม่ต้องใส่ถุงยางแล้วละก็ มันจะให้ความสุขแบบไหนกันนะ ถึงการวางแผนของเค้าจะดี แต่มันก็เขินเกินไปที่จะไปตอบตกลงนี่หว่า  " ไม่เอาอะ "

“ ผมอยากจะเป็นคนแรกของคุณนะ " คำพูดที่แสนมั่นใจของเค้า " ดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยแต่ว่า อยากจะเป็นคนแรกแล้วก็คนเดียวที่คุณจะให้ทำเรื่องแบบนั้นได้ "

“ คนแรกอะไรของนาย ฉันไม่ได้มีอะไรกับนายคนแรกสักหน่อย "

“ แต่ถ้าไม่ใส่ถุงยางมันก็คนแรกไม่ใช่เหรอครับ " เค้าที่ยังคงดื้อดึง " นั่นแหละครับ ผมอยากเป็นคนแรกในแบบนั้น "

“ ถึงจะพูดอย่างงั้นก็เถอะ แต่ว่า " คือจะให้พูดออกไปได้ไงว่ะ ว่า อื้มม ไปกันเถอะ ไปโรงพยาบาลตรวจโรคเอาผลตรวจแล้วมามีอะไรกันเถอะโน๊ะ มันก็ไม่ใช่ ใช่มั้ยละ " ไว่ก่อนแล้วกัน ถ้าฉันว่างจะลองคิดดู "

“ คุณคีย์ "

“ อ้อ ข้อสาม ข้อสามจะถามอะไร นายบอกจะถามฉันสามข้อ " ผมเปลี่ยนเรื่องกะทันหันอีกคนก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูด
“ ข้อสามไม่ใช่คำถามครับ แต่เป็นคำสั่ง "

“ คำสั่ง ?  "

“ เวลาที่อยู่นอกห้อง ผมขอสั่งให้คุณห้ามดื่มแอลกฮอล์อีก ถ้าผมไม่อนุญาติ "

“ ห๊ะ ? “ เอียงหน้ามองอีกคนเหวอๆกับคำพูดที่ขนาดแม่เค้ายังไม่สาสมารถบังคับเค้าได้เลย " เดี๋ยวนะ นายมีสิทธิอะไรมาห้ามฉันไม่ทราบ "

“ สิทธิของความเป็นห่วง " อีกคนพูดออกมาก่อนจะถอนหายใจ " เมื่อคืนคุณเกือบไปกับหัวหน้าคุณ คุณรู้มั้ย ถ้าผมไปไม่ทันแล้วละก็ "

“ ลิปมันคงไม่ยอมให้ฉันไปหรอกน่า " ผมบอกปัดอีกคนที่ยังไงดึงดันจะให้ผมทำตามคำสั่งให้ได้ แต่ใครจะยอมวะ

“ ไม่มีคำพูดเผื่อเลือกแบบนั้นครับ คุณคิดว่าตัวเองจะไปกับคุณลิปตลอดเลยเหรอ ต่อไปนี้ถ้าคุณจะเบียร์เวลาสังสรรค์นอกห้องคุณต้องขออนุญาติผมก่อน "

“ แล้วถ้าฉันไม่ทำจะมีอะไรมั้ย " หันไปสบสายตาเค้าแบบไม่กลัว ผมแค่อยากรู้ว่าเค้าจะห้ามอะไรผมได้ ฟานเงียบอยู่สักพักเค้าที่ยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะก้มลงมากระซิบผม

“ ยังจำวันที่ผมทำเรื่องแบบนั้นกับคุณในห้องที่ตึกมหาลัยผมได้รึเปล่า " ผมเม้มริมฝีปากกับคำถามของอีกคน ความรู้สึกที่ยังคงจำได้ดี " ถ้าคุณไม่ฟังผม ผมจะทำเรื่องแบบนั้นกับคุณในร้านที่คุณไปกินเบียร์ทุกร้านเลยละครับ "

“ ไอ้ฟาน "

“ ไม่เชื่อก็ลองดูได้นะ ผมเองก็ชอบความตื่นเต้นแบบตอนที่มีคนเดินเข้ามาเหมือนกัน คุณเองก็ท่าจะชอบนะ ตอนนั้นคุณเสร็จไวมากเลย " ผมกัดฟันตัวเองแน่นอยู่ๆก็ต้องมาโดนคนที่เด็กกว่าจำกัดสิทธิของตัวเองแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน เค้าที่จ้องหน้าผมยิ้มๆก่อนจะโน้มตัวผมให้นอนราบลงไปกับพื้นเตียง ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งที่ผมสวมก่อนจะจูบลงบนริมฝีปากของผมอย่างดูดดื่ม " ผู้ใหญ่ดื้อๆแบบคุณ มีแค่วิธีนี้เท่านั้นแหละ ถึงจะจัดการได้ เพราะผมจะไม่ยอมเสี่ยงให้ไอ้หน้าไหนมันมาเล่นทีเผลอแล้วคว้าคุณไปทั้งนั้น " 

   คำพูดที่ผูกมัดกับบทรักที่กำลังเริ่มขึ้นอีกครั้ง ทั้งๆที่ยังคงรู้สึกเจ็บหน่วงที่ช่วงสะโพกแต่พวกเค้าโน้มตัวลงมาใกล้ แผ่นหลังที่ไร้การขืนตัวใดๆก็โอนอ่อนนอนราบลงไปตามความต้องการของเค้า ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับไอ้ลูกหมาตัวนี้วันหยุดพักสุดสัปดาห์ของผม ก็กลายเป็นวันที่เหนื่อยที่สุดของสัปดาห์ เพราะต้องกลายร่างตัวเองให้เป็นของเล่นให้อีกฝ่ายทั้งกอดทั้งฟัดเสียจนกว่าจะหนำใจ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นสุดสัปดาห์ที่มีเค้ามีก็ดีกว่าสุดสัปดาห์ที่ไม่มีเค้าอยู่ดีนั่นแหละนะ

..........................................

ในที่สุด.. ก็เคลียร์กันสักที
และเห็นด้วยว่าคนอย่างพี่คีย์ เรื่องเมา ควรโดนน้องฟานขู่แบบนี้แหละถึงจะยอมหยุดได้
เพราะงั้น ตอนหน้า ใครที่คิดถึง เมษลิป.. เราจะเจอกันยาวๆ ยาวมากจริงๆ จุ๊บๆ
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ สำหรับในทวิต
ฝากแชร์ สำหรับในเฟสบุ๊ค
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
ขอบคุณค่าาา  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 23 ' 2 คำถาม 1 คำสั่ง ' UP - 12.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-08-2016 21:05:54
 :haun4:      :mew1:    ฟานจ๋า.  สุดยอดจริง. ตอนนี้แบบว่าเขินแดดิ้นสุดๆค่ะ
พี่คีย์เมาแล้วก็ดีนะแต่น่าปวดหัวนิดนึงตรงลืมหมดเลย เหอๆ.
ไปเหอะไปคลินิคตรวจติดเชื้อก็ได้จะได้โล่งอกโล่งใจกันไป
มาตรการทำโทษยั่วใจคนอ่านมากๆค่ะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 23 ' 2 คำถาม 1 คำสั่ง ' UP - 12.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 12-08-2016 21:15:23
น่ารักที่สุดฟานกับคุณคีย์ 
ขอบคุณมากค่ะ  ติดตามเสมอนะคะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 23 ' 2 คำถาม 1 คำสั่ง ' UP - 12.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 12-08-2016 21:27:43
ฟานก็เบา ๆ มือกับคีย์หน่อยเดี๋ยวเครื่องพังทำไงล่ะเนี่ย คิคิ    :hao6:

แต่หัวหน้านี่มันหาโอกาสตลอดเลยนะ

แล้วมะไรคีย์จะเลิกปากแข็งซะทีเนี่ย รักก็บอกว่ารักได้แล้ว ให้ฟานดีใจจริง ๆ ซะทีถึงจะรู้แล้วแต่ก็อยากได้ยินตอนคีย์มีสติครบบ้างนี่เนอะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 23 ' 2 คำถาม 1 คำสั่ง ' UP - 12.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 12-08-2016 21:42:49
ดีแล้วๆ จะได้ไม่ต้องไปกับหัวหน้าที่คิดจะอยากได้เมียเก็บ //ไม่ชอบหัวหน้าเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 23 ' 2 คำถาม 1 คำสั่ง ' UP - 12.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-08-2016 21:47:54
 :L2: :pig4:

เป็นคำถามที่ดีจริงๆ 55
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 23 ' 2 คำถาม 1 คำสั่ง ' UP - 12.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 12-08-2016 22:42:22
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
โถ่ คีย์จำไม่ได้จริงๆหรออ
ไม่น่าเลย น่าจะจำได้นะ
55555

แล้วเรื่องบอกชอบหละ ไม่เมาแล้วจะบอกไม๊
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 23 ' 2 คำถาม 1 คำสั่ง ' UP - 12.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 12-08-2016 22:58:26
น่ารักมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 23 ' 2 คำถาม 1 คำสั่ง ' UP - 12.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 12-08-2016 23:48:14
โหหหหหห ฟานนายชัดเจนมาก ชัดเจนสุดๆ ชัดเจนเรื่องหื่นๆเนี่ย สุดๆเลย :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 23 ' 2 คำถาม 1 คำสั่ง ' UP - 12.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 13-08-2016 01:53:01
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 23 ' 2 คำถาม 1 คำสั่ง ' UP - 12.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 13-08-2016 09:19:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 23 ' 2 คำถาม 1 คำสั่ง ' UP - 12.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 13-08-2016 09:41:17
 :-[ ฟานน่ารักมากกกกกกกก
คุณคีย์ต้ิองระวังต้องห่วงเวลาเมาจริมๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 23 ' 2 คำถาม 1 คำสั่ง ' UP - 12.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 13-08-2016 10:08:11
ดีใจที่คุยกันเข้าใจแล้ว
แต่เราว่าเรื่องหัวหน้านี่คงยังไม่จบง่ายๆแน่
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 23 ' 2 คำถาม 1 คำสั่ง ' UP - 12.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-08-2016 12:17:43
คีย์น่ารักเนาะ ตอนปกติทำไมไม่ได้แบบตอนเมาสักครึ่งนะ 555

คีย์ไปไหนไม่รอดหรอก ออกจะรักฟานขนาดนั้น
ฟานก็มีแต่คีย์นะ ออกจะชัดเจน

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 23 ' 2 คำถาม 1 คำสั่ง ' UP - 12.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 13-08-2016 12:59:52
คราวหน้าอัดวีดีโอตอนคุณคีย์เมาไว้เลยนะฟราน...อ้อนได้น่ารักมากกกก อยากให้เห็นตัวเองตอนนั้นจริงๆ

กร๊ากกกก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 23 ' 2 คำถาม 1 คำสั่ง ' UP - 12.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 13-08-2016 14:49:38
อยากอัดคลิปตอนเมาไว้ให้คีย์ดู   หรือไม่ก็กินเหล้าแทนน้ำเปล่าไปเลย 555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 23 ' 2 คำถาม 1 คำสั่ง ' UP - 12.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: youuue ที่ 14-08-2016 01:22:07
 :o8: :o8:  ฟานน่่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 24 ' โฮส ' UP - 14.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 14-08-2016 20:42:39
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 24
' โฮส '

   พักหน้าจอโปรแกรมที่ต้องทำงานผมมองซ้ายขวาก่อนจะเปิดเฟสบุ๊คของตัวเองเล่น  ฆ่าเวลาเบื่อที่คิดงานไม่ออกมา เลื่อนเม้าส์ไถหน้าจออ่านข่าวที่ถูกแชร์มากมายในช่วงวันนี้จากเพื่อนที่อยู่ในเฟสบุ๊คของผม ก่อนจะขมวดคิ้วอมยิ้มกับสเตตัสเฟสบุ๊คของเพื่อนร่วมงานอย่างคีย์ที่ก็นานๆทีจะอัพขึ้นมา ' ไอ้ลูกหมาโรคจิต '

   ท่าทางว่าลูกหมาที่เค้าพูดถึงคงจะตัวใหญ่กว่าเค้าเกือบครึ่งแถมวันหยุดที่ผ่านมาก็เพิ่งคืนดีกันจากเรื่องเครียดๆ ไม่รู้ว่าโดนฟัดท่าไหนถึงต้องมาระบายผ่านโซเซี่ยลขนาดนี้แต่ที่รู้คือ ขนาดโทรไปหาตอนช่วงสายของวันเสาร์เค้ายังเล่นบทรักหนักๆกันอยู่เลย เสียงรับสายสั่นๆที่ชวนคุยไปเท่าไหร่แต่อีกฝ่ายก็แค่ตอบสั้นๆ ตามด้วยเสียงครางเบาๆที่ก็คงไม่อยากจะให้ผมได้ยินหรอก แต่เข้าใจว่ากลั้นไม่ไหว

“ เล่นกับหมาระวังหมาเลียตูดนะ " ผมยิ้มขำๆก่อนจะส่งข้อความตอบโพสต์เค้าไปพร้อมต้องกดไลค์ไปด้วย หมั่นไส้คนได้เติมรักจนเต็มจริงๆ คบแฟนเด็กมันก็ฟิตแบบนี้ละน้า

“ ลิป " ผมหันไปมองคีย์ที่เรียก อีกคนที่มองผมหน้านิ่งๆ " เฟสบุ๊คมันมีปุ่มไม่ชอบมั้ย ฉันจะได้กดความเห็นของนาย "

“ ฮ่าๆๆๆๆๆ " หลุดหัวเราะออกมา ตอนที่หันไปมองหน้าจอเฟสบุ๊คต่อผมก็เลื่อนดูอย่างอื่นไปเรื่อยๆ ก่อนจะเจอเข้ากับบทความที่น่าสนใจจนได้แต่ขมวดคิ้ว

   ' โฮสสูงวัย อาชีพแนวใหม่สำหรับเอาใจคุณผู้หญิง ' พอกดเข้าไปดูเนื้อหามันเป็นข่าวที่กล่าวถึงอาชีพโฮสในความหมายทั่วไปที่คนส่วนใหญ่มองนั่นคือ เด็กผู้ชายที่บริการสาวโสดที่ต้องการให้คนเอาใจ ก่อนจะวกกลับเข้ามาแนะนำโฮสสูงวัยที่ก็ไม่ใช่ของใครที่ไหน ก็บริษัทโฮสของคุณเมษนั่นแหละ ผมอ่านข้อมูลไปเรื่อยๆ ก็เขียนความจริงทุกอย่างแต่กลับลงท้ายด้วยประโยคที่ชวนให้เบิกตาน้อยๆราวกับข้อความนั่นจะชวนให้ปลุกปั่นดราม่ายังไงก็ไม่ทราบ ' อาชีพแนวใหม่ที่คุณผู้ชายต้องคอยระวังและเอาใจภรรยาของตัวเองให้มากขึ้นไม่เช่นนั้น เธออาจจะไปปรึกษาพักใจกับคนกลุ่มคนเหล่านี้ได้ ส่วนคุณผู้หญิงต้องคอยระวังไม่งั้นจะตกเป็นข้อกล่าวหาเป็นชู้ได้เหมือนกันนะ '

   ผมเลื่อนมาอ่านคอมเม้นท์ ที่โพสต์ต่อว่ากันอย่างดุเดือดแถมยังมีการพูดถึงต่างๆนานา ทั้งในเรื่องดีสำหรับคนที่เคยใช้บริการและเรื่องแย่ของคนที่ไม่เคยใช้และมองมันในแง่ลบแบบสุดๆ ข้อความอ่านชวนให้ผมกลืนน้ำลายกับความเห็นบางความเห็นที่ใช้ถ้อยคำรุนแรงขนาดที่ว่าถ้าเจ้าของโฮสมาเห็นคงต้องสะอึกกันบ้างละ " คุณจะได้อ่านมันรึยังไงนะ " ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าแล้วลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานออกไปคุยโทรศัพท์หาอีกคน

   เสียงรอสายที่รอไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับด้วยเสียงปกติของเค้า " ครับว่าไง คนสวย "

“ ยังมีหน้ามาเล่นลิ้นอีกนะคุณ " ผมถอนหายใจออกมาไอ้เราก็นึกเป็นห่วงกลัวว่าจะเครียดจนกระทบงานหลักแล้วทุกอย่างก็วุ่นวายไปหมดแต่พอรับสายแล้วพูดแบบนั้น ทางนี้แทบจะกดวางทันที

“ อ้าว พูดเล่นด้วยก็โดนด่า " คุณเมษหัวเราะ " โทรหาผมตั้งแต่ยังไม่พักกลางวันแบบนี้ ถ้าไม่โทรมายืมตังค์ ก็ต้องคิดผมมากจนทนรอคืนนี้ไม่ไหวแน่ๆ "

“ ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะคุณ ยืมตังค์อะไร แล้วคิดถึงอะไรกัน อ่านข่าวรึยังละ ถึงได้มีความสุขขนาดนั้นน่ะ "

“ เรื่องบทความโฮสสูงวัยละสิท่า " พูดออกมาแบบนั้นก็คงจะรู้แล้วสินะ

“ อื้ม "

“ เป็นห่วงความรู้สึกของผมเหรอ แฟนน่ารักจังเลยอะ มีการห่วงใยกันด้วย เดี๋ยวคืนนี้เจอกันจะจัดจูบแบบดีพคิสแถมด้วยการหอมแก้มแบบไม่อั้น จัดบุฟเพ่ต์จูบเลยเป็นไง "

“ คุณโอเคนะ คุณเมษ " ผมพูดออกไปเสียงเรียบๆ ทำไมถึงรู้สึกว่าอีกคนเหมือนกำลังพูดกลบเกลื่อนสิ่งที่กำลังคิดในใจอยู่ก็ไม่รู้ ทั้งที่ปกติเค้าก็ขี้เล่นแหละแต่แค่รู้สึกว่า บางทีมันก็ไม่ได้ขี้เล่นขนาดนี้

“ ยิ่งกว่าโอเคอีกคุณ " ไม่เชื่อ ผมบอกตัวเองแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้พูดออกไปหรอก เพราะยิ่งถามก็เหมือนไปซ้ำเติมความรู้สึกไม่ดีเสียเปล่าๆ " ว่าแต่วันนี้คุณเลิกงานเร็วหน่อยได้มั้ย ปกติคุณเลิกงานกี่โมง "

“ เลิกงานปกติคือ ห้าโมงครึ่งอะ "

“ วันนี้เลิกงานตรงเวลาได้มั้ย ผมจะไปคอยที่หน้าบริษัทเหมือนเดิมนะ "

“ แล้ววันนี้คุณไม่ไปพบลูกค้าเหรอ " ถามอีกคนไปแบบนั้นเค้าก็เงียบไปสักพักก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วก็ตอบ

“ ลูกค้ายกเลิกนัดของวันนี้แล้วละ ฮ่าๆ เพราะงั้นวันดีแบบนี้ผมจะไปรับคุณเร็วๆเลยนะ " เผลอถอนหายใจออกมาเบาๆ กะแล้วว่าต้องเป็นแบบนั้น ใครจะไปรู้สึกดีกับไอ้บทความนั่นได้แถมยังมีคอมเม้นท์จากพวกที่พิมพ์เหี้ยๆไม่คิดอีก

“ งั้นเจอกันเย็นนี้นะคุณ " ผมบอก " อย่าสายละ "

“ ครับ เจอกันนะ "

“ เออนี่ " ผมเรียกเค้าไว้ก่อนที่อีกคนจะกดวางสาย " คุณเมษยังฟังอยู่รึเปล่า "

“ ครับว่าไง "

“ ยังไงผมก็อยู่ข้างๆคุณนะ " ไม่รู้ว่าทำไมต้องพูดคำนี้เหมือนกัน แต่ในใจของผมมันก็อยากจะพูดออกไปแบบนั้น เหมือนอยากจะให้เค้ารู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็อยู่ข้างๆเค้าเสมอ

“ ขอบคุณครับ " เค้าที่ยิ้มก่อนจะวางสายไป เผลอถอนหายใจออกมาก่อนจะเก็บโทรศัพท์แล้วเดินกลับเข้าไปทำงานต่อ คีย์ที่หันมามองผมยิ้มๆ

“ มองอะไรไอ้คนมีแฟนเด็ก "

“ อะไรของนายมองก็ไม่ได้ " อีกคนพูดก่อนจะขมวดคิ้วตกใจกับคำทักของผม หน้าตาสวยที่กำลังสงสัย ดูตลกจนผมต้องยิ้มออกมา
 
“ ฮ่าๆ ฉันล้อเล่นน่ะ เออนี่ คีย์วันนี้ฉันจะกลับบ้านตรงเวลานะ "

“ เหรอ " เค้าที่พยักหน้ารับเข้าใจก่อนจะยิ้มออกมา " ทำไมอะ วันนี้ไม่รอคุณเมษเค้าเหรอ "

“ วันนี้ไอ้แก่ไม่มีงานตอนเย็นอะ เค้าก็เลยจะมารับเร็วหน่อย "

“ เหรอ " ผมพยักหน้ารับ " นายล่ะ ไม่กลับเร็วบ้างละ กลับไปดูแลไอ้ลูกหมาสุดหล่อของนายไง "

“ ไม่อะ ช่วงนี้ฟานสอบ อ่านหนังสือเป็นบ้าเป็นหลังทั้งวันเลย ฉันกลับไปเร็วก็เหมือนไปรบกวนเค้านั่นแหละ เพราะงั้นกลับเวลาเดิมก็ดีแล้ว "

“ งั้นก็ระวังตัวด้วยละ ถ้าคนกลับจะหมดออฟฟิสแล้วก็รีบกลับไปได้เลย อย่าเผลออยู่กับหัวหน้าสองต่อสองนะ "

“ ทำไม "

“ นายจะโดนเค้าปล้ำนะสิ ไม่กลัวเลยรึไง " ช่างไม่รู้จักระวังตัวอะไรซะบ้างเลย ไอ้หมอนั่นดูก็รู้ว่าทำได้ทุกอย่าง อย่างคีย์ถ้ามันเอาจริงขึ้นมาแค่ลากเข้าห้องประชุมจับปล้ำก็จบแล้วใครจะช่วยได้ไม่มีหรอก แถมเพื่อนผมคนนี้เวลาทำงานสมาธิยังจดจ่ออยู่กับงานอีกเค้าเข้ามาทางด้านหลังคงไม่รู้ตัวหรอก

“ รู้แล้วน่า ฉันจะระวังตัวและจะกลับไม่เกินหนึ่งทุ่มแน่นอน " เค้าบอกผมก็พยักหน้ารับ เป็นคนสวยนี่มันน่าลำบากใจจริงๆ ขนาดมีแฟนแล้วยังมีคนจ้องจะงาบอยู่ตลอดเวลาเลย " แต่งานรอบนี้ยากอะ ตั้งเวลาไว้ก่อนดีกว่าเผื่อทำเพลิน "

“ งานอะไรอะ " ผมถาม

“ ออกแบบผลิตภัณฑ์สินค้าใหม่ของบริษัทอาหารเสริม โจทย์บังคับสีด้วยอะแล้วก็ฮวงจุ้ยอะไรอีกเยอะแยะ " คีย์ถอนหายใจออกมาตอนที่อ่านรายละเอียดเค้าก็ทำหน้าเซ็งๆให้ผม ก็ต้องเข้าใจอะนะคีย์เป็นคนเก่งงานยากๆหัวหน้าจะให้เค้าทำตลอดเพราะเป็นคนที่รอบคอบเรื่องงานแล้วก็ทำงานได้ตรงตามโจทย์และตรงสเป็คหัวหน้าที่สุดแล้ว ทั้งเรื่องงานแล้วก็เรื่องรูปลักษณ์ของคนออกแบบด้วยอะนะ

“ สู้แล้วกันนะเพื่อน " ผมตบไหล่อีกคนที่ก็ยิ้มออกมาก่อนที่ผมจะดึงหันมาทำงานของตัวเองต่อ วันนี้เลิกงานเร็วคงต้องรีบทำงานให้เสร็จเร็วสักหน่อยแล้ว

   เงยหน้าขึ้นอีกทีตอนใกล้เวลาเลิกงาน จัดการเซฟงานทุกอย่างเรียบร้อยก่อนจะปิดคอมแล้วก็จัดกระเป๋าเตรียมเด้งออกจากที่ทำงาน ผมจับไหล่คีย์บอกลาเค้าที่พยักหน้ารับเข้าใจ ก่อนจะออกไปบริษัทไปเป็นคนแรก ลงลิฟต์ลงมาที่ชั้นล่างของตึกก่อนจะพบคนที่บอกว่าจะมารับกำลังนั่งรออยู่แล้วที่เก้าอี้ชั้นล่าง

“ มาเร็วจริงๆด้วย " ผมเอ่ยบอกคนที่กำลังอ่านอะไรสักอย่างในโทรศัพท์ก็เงยหน้าขึ้นมาก่อนเก็บมันแล้วยืนขึ้น

“ ก็บอกแล้วว่าวันนี้ไม่มีงาน "

“ ปกติเลิกงานเร็วเหรอคุณน่ะ "

“ ห้าโมงก็เลิกแล้ว อีกอย่างงานถ่ายภาพน่ะมันก็ไม่ได้มีงานให้ถ่ายทุกวันหรอก " เค้าบอกผมก็พยักหน้ารับ จะว่าไปผมก็ไม่เคยรู้เลยนะว่างานถ่ายของเค้าอยู่นิตยสารเล่มไหน จะถามทีไรแต่ก็ไม่ไม่โอกาสให้ถามสักที " ไปกินข้าวกันก่อนดีมั้ย "

“ หิวแล้วเหรอ " ผมถามเค้าอีกคนก็ส่ายหน้า " แล้วชวนไปกินข้าวทำไมละ "

“ ไม่รู้จะทำอะไรอะ "

“ ท่าทางคุณดูเบื่อๆนะ ไม่ได้หิวหรอก " เอื้อมมือไปจับหน้าเค้าที่ก็ยิ้มจางๆ หน้าตาที่ดูอิดโรยของร่างสูงตรงหน้าแตกต่างจากตอนที่เหนื่อยเพราะทำงานหนัก ตอนนี้มันเหมือนทั้งเครียดทั้งเหนื่อยผสมกันไปหมดมากกว่าความหนักใจที่แสดงออกมาทางสีแววตาคงไม่ใช่เรื่องเล่นๆอย่างที่อีกคนบอกกับผมตอนแรกว่าตัวเค้าไม่ได้เครียดอะไร

“ อื้ม เบื่อ " เค้าสารภาพออกมาตามตรง " แต่ก็ไม่รู้จะชวนนายไปไหนเหมือนกัน "

“ จริงๆก็น่าจะพักผ่อนหน่อย เราไม่ต้องเจอกันทุกวันก็ได้ "

“ แต่ฉันอยากเจอนาย " คุณเมษบอก " ถึงแม้ว่าไม่รู้ว่าพอเจอแล้วจะเป็นยังไงต่อก็เถอะ แต่ก็อยากจะเจออะ "
 
“ แล้วนอกจากที่อยากจะเจอผม อยากจะทำอะไรละ "

“ อยากจะอยู่เฉยๆ "

“ งั้นก็ไปอยู่เฉยๆสิ " ยิ้มให้เค้าอีกคนก็ขมวดคิ้ว ผมเหลือบมองไปทางอื่นก่อนจะก้มหน้าแล้วตัดสินใจพูดออกมา " ไปบ้านคุณกันมั้ยละ "

“ ถ้าไปบ้านฉันเกรงว่าจะไม่ได้อยู่เฉยๆนะสิ " เหลือบมองอีกคนที่ก้มลงมามองผม สายตาเจ้าเล่ห์ที่จ้องมาพอเรื่องแบบนี้ละก็เปลี่ยนอารมณ์ไวนักนะพ่อคุณ

“ ช่วยกลับไปทำหน้าให้มันสมกับที่เครียดเรื่องงานหน่อยได้มั้ยคุณ " คุณเมษหลุดหัวเราะตอนที่คว้ามือผมเอาไว้ แล้วเดินออกไปด้วยกัน มองหน้าคนข้างๆที่ยังคงยิ้มก็ชวนให้ผมยิ้มตามออกมา ผมไม่รู้ว่าปัญหาที่เค้าเจอมามันหนักหนาแค่ไหน ไม่รู้ว่ากระทบต่อเรื่องอะไรบ้างแต่สิ่งที่ผมรู้สึกคือมันคงดีถ้าเค้าจะยิ้มได้บ้างในช่วงนี้แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆก็เถอะ " แล้วคุณอยากจะกินอะไรมั้ย หรือเราแวะห้างซื้ออะไรเข้าไปทำกันดีมั้ย "

“ ในห้องฉันมี "

“ จริงอะ " ผมหันไปถามเค้าด้วยความแปลกใจ " คุณเป็นคนทำอาหารด้วยเหรอ "

“ ทำไม มันดูแปลกเหรอ " เค้าถาม " ฉันเป็นคนชอบทำอาหารนะ "

“ ดูจากหน้าตาท่าทางแล้ว คุณเหมือนไม่ใช่คนแบบนั้น " พูดออกไปตามที่ตัวเองคิด ก็คนข้างๆผมเค้าดูเหมือนผู้ชายวัยกลางคนที่ยังติดกับชีวิตสนุกสนาน ไม่ได้ดูมีลักษณะที่จะมายืนหน้าเตาแล้วจับตะหลิวอะไรพวกนั้น

“ อย่าตัดสินคนที่หน้าตาสิครับ " พยักหน้ารับคำพูดของอีกคนเราที่เดินขึ้นขบวนรถไฟที่เข้ามาจอดเทียบชานชาลา ผมผ่อนลมหายใจออกมากับความอึดอัดของผู้คนที่ค่อนข้างเบียดเสียดในช่วงเวลานั้น

   นี่แหละคือเหตุผลหลักเลยที่ชอบอยู่ทำงานจนดึกดื่น ไม่ได้ขยันอะไรหรอก แต่เพราะเวลาออกมาตรงเวลาแล้วมันต้องเบียดกับผู้คนขนาดนี้นะสิ มันเลยจำใจต้องอยู่จนดึก เพราะแค่ต้องทนเบียดกันในช่วงเช้าก็สุดจะทนอยู่แล้ว " หน้านิ่วเชียว " ผมเบือนหน้าหนีคนที่ก้มลงมาแซว " สถานีหน้าก็ถึงแล้ว "

“ อื้ม " พยักหน้าตอบเค้าสั้นๆ ก่อนที่รถไฟจะจอดลงที่สถานีที่ต้องลง ผมถอนหายใจออกมาตอนที่หลุดออกมาจากรถไฟปลากระป๋องนั่นได้ในที่สุด " อึดอัดมากจนแทบจะหายใจไม่ออกเลยคุณ "

“ แค่เห็นหน้านายงอขนาดนั้นฉันก็เข้าใจแล้วละ "

“ เข้าใจว่าอะไร "

“ เข้าใจว่าทำไมนายถึงต้องอยู่ทำงานจนดึกดื่น " ผมพยักหน้ารับอีกคนก็เอื้อมมือขึ้นกอดคอผมก่อนจะดึงเข้าไปใกล้เค้า " ทีหลังถ้าจะชวนนายมาคอนโด ไว้จะขับรถไปรับก็แล้วกัน "

“ ไม่ต้องลำบากหรอกคุณ ครั้งต่อไปเราก็ไม่ต้องกลับเวลานี้สิ " ยังไงสำหรับผมการนั่งรถไฟมันก็ยังเร็วกว่าการขับรถล่ะน่ะ เพราะขับรถถึงแม้ว่ามันจะไม่อึดอัดแถมยังเป็นส่วนตัวแต่ถ้าให้ไปนั่งนิ่งๆรอให้รถมันเคลื่อนไปช้าๆก็เป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดพอๆกับตอนที่ต้องยืนอัดกันอยู่ในรถไฟนั่นแหละ

   เดินลงจากสถานีแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงคอนโดสูงสุดหรูของร่างสูงข้างๆแล้ว ผมชะงักขาตัวเองนิดหน่อยตอนที่เค้าเดินนำเข้าไปในคอนโด ก็ไม่ได้คิดว่าเค้าจะไม่มีฐานะเพราะดูจากการทำงานหลายๆอย่าง แต่ก็ไม่ได้คิดเหมือนกันว่าเค้าจะรวยขนาดที่ว่าสามารถซื้อคอนโดหรูๆแบบนี้ได้ เพราะสำหรับผมคอนโดเป็นเหมือนที่พักพิงชั่วคราวก็เลยเลือกที่จะซื้อคอนโดที่ไม่ต้องแพงมากแต่ครบครันไปด้วยความต้องการพื้นฐานของตัวเอง ยังไงในอนาคตก็อยากจะมีบ้านหลังเล็กๆสักหลังมากกว่าจะอยู่ในคอนโดห้องสี่เหลี่ยมๆละนะ

“ เชิญครับ " ประตูห้องอย่างดีถูกเปิดออกโดนเจ้าของห้องที่ก็เชิญให้ผมเดินเข้าไปก่อน ภายในห้องที่แยกสัดส่วนชัดเจนไม่ว่าจะเป็นห้องครัว ห้องนั่งเล่น โต๊ะทำงาน หรือแม้แต่ห้องนอนที่มีประตูปิดอีกชั้น ทุกอย่างถูกตกแต่งอย่างดีใช้สีสันเน้นไปในโทนมืดและจัดตกแต่งทุกอย่างให้โดนเด่นตามเหมาะสมแต่ก็ดูเข้ากันไปหมด

“ คุณเรียบร้อยกว่าที่ผมคิดนะเนี้ย " ไม่รู้จะพูดอะไรก็เลยหันไปพูดกับเค้าแบบนั้น เกิดมาทั้งชีวิตนี้ยังไม่เคยมีแฟนที่ฐานะดีขนาดนี้มาก่อนเลย ส่วนใหญ่ก็พวกเด็กกว่าที่ยังแบมือขอเงินพ่อแม่ ครั้งนี้เลยเป็นครั้งแรกที่ผมมาเที่ยวบ้านของคนที่ชื่อว่าเป็นแฟนตัวเอง

“ ฉันจ้างแม่บ้านที่คอนโดทำความสะอาดบ้านอาทิตย์ละครั้งน่ะ " ท่าทางเก้ๆกังๆของผม พาตัวเองเดินไปนั่งนิ่งๆที่โซฟาตัวสีแดงอีกฝ่ายก็หัวเราะ " ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ นี่บ้านแฟนนายน่ะ พ่อแม่ฉันก็ไม่มีจะเกร็งทำไมละ " เค้าบอกก่อนจะเดินส่ายหน้าเข้าไปในครัว

   
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 23 ' 2 คำถาม 1 คำสั่ง ' UP - 12.8.59} หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 14-08-2016 20:43:13
ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะพิงตัวเองกับโซฟาอีกคนก็เดินเอาเบียร์มาให้กระป๋องนึง เค้าที่นั่งลงข้างๆก่อนจะมองหน้าผมแล้วหลุดหัวเราะออกมา " หัวเราอะไรละคุณ "

“ จะเกร็งทำไม เลิกเกร็งได้แล้ว " เค้าเอื้อมมือมาจับแก้มก่อนจะค้ำศอกกับผนักพิงของโซฟาแล้วหันมามองผม

“ ก็นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาบ้านแฟน แล้วก็ไม่คิดด้วยว่าต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ " พูดออกไปเสียงเบาๆอีกคนก็ยิ้ม

“ ไม่คิดว่าต้องมาเห็นอะไรแบบนี้นี่คือยังไง บ้านผมมันแปลกเหรอ "

“ ก็คุณดูรวยอะ คือผมไม่ได้คิดว่าคุณจะจนนะ " รีบปฎิเสธอีกคนที่ยังคงมองผมยิ้มๆ " แต่ผมไม่คิดว่าคุณจะรวยขนาดนี้ แบบครั้งแรกเลยที่รู้สึกว่า อ้อ แฟนกูรวยนี่หว่า "

“ นี่!! ปกติฉันมันดูจนมากเลยรึไง " เค้าที่เถียงเสียงดัง คราวนี้เป็นผมที่หลุดหัวเราะออกมาบ้าง 

“ ฮ่าๆๆๆ พอดีเคยคบแต่แฟนเด็กที่ยังแบมือขอเงินพ่อแม่อะนะ ก็เลยไม่ค่อยชินเวลาเห็นอะไรแบบนี้เท่าไหร่ " เข้าใจความรู้สึกของคีย์ที่อยากจะมีแฟนเป็นผู้ใหญ่ได้มากขึ้นอีกหน่อยหลังจากมาที่นี่ คนรักที่อายุมากกว่าเราคงมีทั้งความมั่นคงและทำให้รู้สึกพึ่งพาได้ มันคงเป็นแบบนี้เองสินะ

“ งั้นก็ย้ายมาอยู่ที่นี่สิจะได้ชิน "

“ เรื่องอะไรละคุณบ้านผมก็มี " บอกอีกคนแบบนั้นก่อนจะส่ายหน้าไปมา " ยังไงซะสำหรับผมแล้วไม่มีที่ไหนมีความสุข แล้วก็อยู่สบายมากกว่าบ้านตัวเองหรอก  "

“ แม้แต่ที่ที่มีผมอยู่น่ะเหรอ " คำถามที่ชวนให้มือที่ถือเบียร์อยู่ชะงักไปเล็กน้อย สายตาที่จ้องมามันไม่ได้เศร้าแต่มันก็ไม่ใช่คำถามที่เค้าถามออกมาเล่นๆ " แต่สำหรับผมที่ที่มีคุณอยู่มันเป็นที่ที่ผมสบายใจนะ "

“ ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น " มองแววตาเค้าที่กำลังฝืนยิ้มออกมาน้อยๆหลังจากที่ผมปฎิเสธออกมา " ผมก็สบายใจในที่ที่มีคุณอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าลองคิดว่าตัวเองต้องอยู่ที่นี่ในวันที่ไม่มีคุณอยู่ ถ้าต้องอยู่คนเดียว ก็รู้สึกว่าบ้านตัวเองมันสบายใจมากกว่าก็เท่านั้นเอง ไม่ได้หมายความว่า ที่นี่มันอึดอัดนะ มันก็แค่..”

“ ฉันรู้  " เสียงทุ้มพูดแบบนั้นก่อนจะก้มลงมาจูบริมฝีปากของผมที่กำลังอธิบายทุกอย่างให้เค้าสบายใจ มือหนาข้างนึงยกขึ้นกดริมฝีปากล่างของผมให้เผยอรับลิ้นชื้นของเค้าที่มอบจูบดูดดื่มให้ เค้าที่กอดผมไว้เต็มอ้อมแขนก่อนจะผละออกแล้วจ้องลงมาในแววตา " ถ้านายไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ใหญ่ ฉันเองก็ไม่เคยมีแฟนที่แคร์ความรู้สึกฉันเท่านายเหมือนกัน "

“ คุณเมษ "

“ เป็นครั้งแรกที่มีคนบอกกับฉันว่า เค้าจะอยู่ข้างๆฉัน เป็นครั้งแรกที่พอฉันพูดถามเชิงน้อยใจก็จะอธิบายทันทีเพราะไม่อยากให้ฉันต้องรู้สึกไม่ดีกับคำพูดนั้น เป็นครั้งแรกที่มีคนแคร์ฉันขนาดนี้ " เค้าบอกก่อนจะก้มลงจูบผมอีกครั้ง " ขอบคุณที่แคร์ความรู้สึกของฉันนะ "

“ แล้วจะไม่ให้แคร์ได้ไง " ผมก้มหน้าถาม ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมอง " คุณเป็นแฟนผมนะ "

“ นั่นสินะ ก็เราเป็นแฟนกัน " เค้าบอก " แต่ถึงอย่างงั้นผมก็รู้สึกดีกับมันจริงๆ รู้สึกดีทั้งๆที่มีเรื่องเหี้ยๆเข้ามา  แต่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่า ช่างมันเถอะ ยังไงก็ยังมีนายอยู่ข้างๆ ไม่รู้เหมือนกันว่ามีความรู้สึกแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ " เค้าก้มลงจูบที่คอก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปในเสื้อแล้วพูดมันออกมา  " ทั้งๆที่ทุกครั้งที่มีปัญหาฉันจะผ่านมันไปได้ด้วยตัวเอง แต่ครั้งนี้พอมีนายเข้ามา ก็รู้สึกอยากจะกอดนายไว้แบบนี้ " เค้ากอดผมแน่นขึ้น " จูบนาย " เค้าจูบผมก่อนจะผละออกแล้วจ้องมองลงมาในแววตา " มองตานายแล้วบอกว่าฉันรู้สึกแย่แค่ไหน อยากจะให้นายกอดฉัน ปลอบฉัน ฉันแค่อยากจะอ้อนนาย อ้อนเพื่อให้นายบอกว่า นายจะอยู่ข้างๆฉันแล้วมันจะผ่านไป "

“ ผมจะอยู่ข้างๆคุณ " พูดออกมาแบบนั้นตอนที่เอื้อมมือไปจับใบหน้าคมนั้น ผมจูบเค้าเป็นจูบดูดดื่มครั้งแรกที่ตัวผมเป็นคนเริ่มก่อน ดึงตัวเองขึ้นนั่งเค้าที่ตอบรับเกลียวลิ้นของเรากอดเกี่ยวกันอยู่นาน เสื้อของผมถูกร่อนให้สูงขึ้น

   ก่อนที่เค้าจะผละริมฝีปากออกแล้วไล่ลงจูบที่ต้นคอ ประทับรอยเป็นจุดแดงเล็กๆ มือหนาปลดกระดุมเสื้อไล่จูบลงมาถึงยอดอก เค้าขบเม้มมันเบาๆด้วยการเลียรอบข้างแล้วดูดดึงมันอยู่นาน พร้อมทั้งฝ่ามือที่ยกขึ้นบีบยอดอกของผมอีกข้างเพื่อความเท่าเทียม " คุณเมษ "

   มือหนาอีกข้างที่จับเอวเลื่อนลงไปในในกางเกงใน สัมผัสผิวเนียนของแก้มก้นเค้าบีบมันเบาๆเป็นจังหวะเดียวกันกับลิ้นที่กำลังดูดดึงตรงหน้าอก ผมผ่อนลมหายใจตัวเองช้าๆแอ่นตูดรับสัมผัสที่กำลังลุกล้ำเข้ามา นิ้วกลางเลื่อนมาถูเบาๆช่องทางหลังที่ขมิบถี่อย่างเรียกร้องสัมผัสที่มากกว่านี้

“ ลิป " เค้าเรียกผมตอนที่ก้มลงมองกัน ราวกับมีเสียงดึงดูดให้ผมต้องก้มลงไปจูบเค้าอีกครั้ง แต่จูบเนิ่นนานที่เร้าร้อนก้ต้องหยุดลงเมื่อมีเสียงโทรศัพท์ขัดเราขึ้นมาจนต้องจำใจผละออกจากกัน  " เหี้ยอะไรวะเนี้ย " คุณเมษสบถพลางถอนหายใจเซ็งๆก่อนจะคว้าเอามือถือที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดูรายชื่อที่โทรเข้ามา เค้าขมวดคิ้วสงสัยนิดหน่อยก่อนจะหันมาหาผม " ขอไปคุยโทรศัพท์แปปนึงนะ "

“ อื้ม " พยักหน้ารับอีกคนก็เดินไปคุยโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานที่อยู่ใกล้กัน ผมผ่อนลมหายใจออกมาแอบเซ็งเหมือนกันที่อยู่ๆก็มีคนโทรมาขัดจังหวะแบบนั้น ทั้งอารมณ์ทั้งความรู้สึกและความต้องการกำลังได้ที่แล้วเชียว เอื้อมมือจัดเสื้ออตัวเองให้เข้าที่ผมใส่กระดุมก่อนจะยกเบียร์ที่กินค้างอยู่ขึ้นมากินต่อ

“ เหรอครับ คิดดีๆก่อนมั้ย ผมเองก็อยากจะให้คุณใจเย็นๆ " เสียงของเค้าที่ดังขึ้นทำให้ผมหันไปมอง ท่าทางเคร่งเครียดแบบนั้นอดห่วงไม่ได้เลยว่า มันจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นมาอีก " แต่ถ้ามันกระทบงานผมก็เข้าใจ ครับ เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมากครับ สวัสดีครับ " เค้าผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆก่อนจะวางสายโทรศัพท์แล้วโยนมันลงบนโต๊ะ ท่าทางหัวเสียของเค้า ผมชั่งใจอยู่เล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามไป

“ มีอะไรรึเปล่าครับ " 

“ แค่มีพนักงานมาขอลาออกเพิ่มน่ะ " เค้าพูดก่อนจะยักไหล่แบบไม่สนใจ แต่สองมือที่ผสานเข้าหากันก่อนจะก้มหน้าลงค้ำมันอยู่แบบนั้นราวกับคนคิดหนักก็ไม่ใช่ท่าทางที่บอกผมว่าเค้าไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ ขอถามหน่อยได้มั้ย ว่าตอนนี้ธุรกิจโฮสของคุณมันเป็นยังไงบ้าง "

“ ก็แย่มากกว่าที่คิดล่ะนะ " คุณเมษบอกก่อนจะลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาตัวเดียวตรงข้ามผม เค้าที่นั่งลงบนที่พักแขนก่อนจะก้มหน้าแล้วถอนหายใจออกมา " บทความพวกนั้นถูกแชร์ออกไปเยอะเกินไป ตอนนี้คนที่ทำงานเป็นโฮสกับผมก็เหมือนโดนทางบริษัทสั่งห้ามให้ทำงานพิเศษแบบนี้ เพราะมันทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทดูไม่ดี "

“ แต่บริษัทโฮสของคุณน่ะ มันก็เป็นแค่บริษัทที่ให้คำปรึกษานะ ไม่ได้ทำเรื่องอะไรไม่ดีสักหน่อย "

“ ขึ้นชื่อว่า โฮส คนก็มองไปในแง่ลบทั้งนั้นแหละไม่มีใครมองไปในแง่ดีในครั้งแรกที่ได้ยินคำนี้หรอก " ก็จริงอย่างที่อีกคนพูด แล้วในมุมมองของเจ้าของธุรกิจแล้วด้วยภาพลักษณ์ของบุคลากรก็ต้องดูน่าเชื่อถือแต่โฮสในความหมายของคนทั่วไปมักจะกล่าวถึง ผู้ชายที่บริการเรื่องแบบนั้น พวกเอาใจผู้หญิง หรือไม่ก็เด็กนั่งดื่ม ทุกความหมายมองคำพูดนี้ไปในแง่ที่ติดลบไปหมด

“ เพราะแบบนั้น โฮสในบริษัทก็เริ่มทะยอยลาออกกันสินะ "

“ อื้ม " เค้ายักคิ้วรับ " หนำซ้ำลูกค้าบางรายก็มาขอยกเลิกเพราะว่าอายที่รู้สึกเหมือนโดนสังคมต่อว่า อย่างบางคนเข้าไปอ่านคอมเม้นท์ในบทความพวกนั้นที่แสดงความคิดเห็นที่ดูมีเหตุผลแต่ติดลบ เค้ารู้สึกว่าเหมือนเค้าจะกำลังนอกใจสามี ก็เลยรู้สึกผิด แล้วก็มาขอยกเลิกไป ตอนนี้โฮสก็ลาออกไปสามคนแล้ว ยังไม่รวมลูกค้าที่ก็ยกเลิกไปเป็นสิบราย มันก็แบบนี้แหละคุณ ช่างมันเถอะเดี๋ยวเรื่องนี้เงียบไป คนก็กลับเข้ามาเอง "

“ อย่าคิดมากเลยนะ " ผมไม่รู้จะพูดอะไรก็เลยปลอบเค้าไปด้วยประโยคนี้ ลุกขึ้นเดินเข้าไปพิงตัวเองกับโต๊ะที่อีกคนนั่ง ส่งไปยิ้มให้คุณเมษก็ยิ้มกลับมาเช่นกัน

“ ฉันไม่คิดมากหรอก " เค้าบอก " คิดซะว่า ฉันจะมีเวลาว่างที่จะได้อยู่กับนายมากขึ้น จะได้เอาใจนายมากขึ้น ไม่มีงานก็ดูแลแฟนไงดีมั้ย " ถึงจะพูดออกมาแบบนั้นแต่ผมก็รู้ว่าเค้าไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นหรอก เค้ารักงานของเค้าแน่นอนว่าเป็นใคร ใครก็เครียดธุรกิจของตัวเองกำลังมีปัญหาขนาดนี้ทั้งๆที่มันกำลังรุ่งเรืองแท้ๆ

“ ที่พูดออกมาแบบนั้น ให้มันจริงเถอะคุณ " บอกเค้ายิ้มๆอีกคนก็เอื้อมมือหยิบบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาก่อนจะหันมาทางผม

“ ขอไปสูบบุหรี่หน่อยนะ "

“ ถ้าบอกว่าไม่ให้ไปจะได้มั้ยละ " ใบหน้าคมที่คาบบุหรี่เอาไว้หันหน้ามามองผมเค้าดึงบุหรี่ที่คาบออกเก็บไว้ในซองที่เดิม แล้วโยนมันลงบนโต๊ะก่อนจะตบตักตัวเองเหมือนบอกใบ้ให้ผมเดินไปหาแล้วนั่งลงตรงนั้น " ทำไมต้องเดินไปนั่งตรงนั้นด้วยไม่เอาหรอก " ผมขมวดคิ้วบอกอีกคนที่หัวเราะออกมา เรื่องอะไรต้องทำอะไรแบบนั้น ไม่เด็กสักหน่อยที่จะได้เดินไปนั่งตักกัน

“ แล้วทำไมนั่งไม่ได้ละ แค่นั่งตัก "

“ ไม่ใช่เด็กสิบสี่สิบห้าที่เพิ่งมีความรักนะคุณ ที่ทำแล้วมันจะดูมุ้งมิ้ง นี่ชีวิตใกล้เกษียณแล้วนะ "

“ แล้วนายเป็นอะไรทำไมชอบทำตัวแก่นัก ห๊ะ ? ใกล้เกษียณอะไร แค่ครึ่งนึงของวัยเกษียณก็เท่านั้นเอง " อีกคนบอกยิ้มๆก่อนจะลุกขึ้นยิ้มแล้วดึงตัวผมให้ล้มลงมานั่งบนตักเค้า

“ ไม่เอา ปล่อยนะคุณ " แต่ยิ่งพูดก็ดูเหมือนว่าอ้อมกอดนั่นจะยิ่งรัดผมแน่นขึ้น

“ ทำไมถึงไม่ยอมให้ผมสูบบุหรี่ละ เป็นห่วงเหรอ "

“ หลงตัวเองเกินไปแล้วมั้ง " ผมหันไปบอกอีกคนที่ยกยิ้มขึ้นมา ก่อนจะดึงตัวเองขึ้นเอาจมูกมาคลอเคลียแก้มผม ริมฝีปากที่จูบกันเบาๆ " ผมรู้สึกห่วงตัวเองมากกว่า "

“ นายแพ้บุหรี่เหรอ "

“ แพ้กลิ่นมันน่ะ ไม่ชอบ " สารภาพออกไปตามตรงอีกคนก็พยักหน้ารับ " เวลาได้กลิ่นคนสูบบุหรี่แล้วไม่ค่อยอยากจะอยู่ใกล้ "

“ งั้นต่อไปฉันจะไม่สูบ "

“ แล้วถ้าเวลาอยากจะสูบจะทำไง อย่างเวลาเครียดๆ "

“ ก็สูบนายแทนไง " คำตอบที่มาพร้อมกับริมฝีปากที่ตอบคำถามของผมให้หายสงสัยกันแบบเป็นรูปธรรม จูบดูดดื่มจากเค้าผมผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆตอนที่อีกคนผละริมฝีปากออกมา

“ คุณนี่นะ " ขมวดคิ้วมองอีกคนที่กำลังยิ้มมีความสุข ทั้งๆที่มีเรื่องเครียดมากมายอยู่ในสมอง " ถ้าอยากจะสูบก็สูบได้นะคุณ ถ้ามันจะทำให้หายเครียดน่ะ เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าจะทำให้คุณหายเครียดยังไงเหมือนกันแต่ผมเข้าใจคุณนะ  "

“ ช่วยกอดฉันแล้วพูดอย่างที่พูดให้ฟังในสายโทรศัพท์วันนี้ได้มั้ย "

“ พูดอะไร " ผมถามอีกคนก็ยิ้ม

“ ก่อนที่นายจะวางสายไปน่ะ " ผมนึกถึงคำพูดที่ตัวเองพูดก่อนจะหน้าแดงขึ้นมา ยามที่สบสายตาเจ้าเล่ห์ของเค้า

   บางทีในช่วงเวลาที่เค้าเศร้าก็ดูปลอมๆเพราะไอ้ความต้องการที่ชอบหาเศษหาเลยกับผมอยู่เรื่อยนี่แหละ ถอนหายใจออกมาผมกอดเค้าตามที่เค้าขอก่อนจะพูดกระซิบลงที่ข้างหูอีกคน

“ ยังไงผมก็อยู่ข้างๆคุณนะ คุณเมษ "

“ อย่าทิ้งฉันไปไหนนะ แต่ถึงแม้นายจะคิดทิ้งฉันไป ฉันก็จะไม่ให้นายไปไหนแล้วล่ะ "  คำพูดที่ผูกมัดผม รวมทั้งอ้อมกอดและจูบของเค้าที่ดึงตัวเองขึ้นยืนแล้วล้วงเข้าไปในเสื้อสัมผัสเรือนร่างของผมด้วยฝ่ามืออุ่น

   ร่างสูงดึงตัวเองขึ้นดันให้ตัวผมชิดริมกำแพง จูบของเราดูดดื่มอีกครั้ง กระดุมเสื้อของผมก็ถูกปลดออกใบหน้าคมก้มลงจูบที่ยอดอกก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบาๆ

“ มันมีทางไหนที่ผมจะช่วยคุณได้บ้างนะ "

“ แค่อยู่ข้างๆฉันก็พอ " เค้าตอบก่อนจะยึดสองแขนของผมขึ้นสูง มือหนาตรึงผมไว้กับมือเพียงข้างก่อนจะใช้มืออีกข้างลูบไล้ไปตามหน้าท้องจนต้องหดเกร็ง

“ อ๊าา " ผมเผลอส่งเสียงเบาๆออกมาตอนที่เค้าเริ่มดูดยอดอกของผมแรงขึ้น มือที่ไล้ไปมาตามหน้าท้องลูบลงไปในกางเกง " คุณเมษ  " เอ่ยเรียกชื่อเค้าด้วยเสียงหอบๆอีกคนก็ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะเลื่อนหน้าขึ้นมาจูบที่ริมฝีปากของผมเค้าปล่อยมือที่ตรึงร่างเปลี่ยนเป็นกอดผมไว้เฉยๆ ทั้งๆที่อารมณ์ทุกอย่างนั้นกำลังถูกปลุกปั่นขึ้นมา รอยยิ้มของเค้าหอมแก้มผมที่กำลังงงกับการกระทำที่อยู่ๆก็หยุดลง

   คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวของผม ' ทำไมไม่ต่อ ' ' ทำไมไม่ทำ ' ' ทำไมถึงหยุด '  แต่ไม่รู้จะถามมันออกไปยังไง คำถามที่ดูเชื้อเชิญและต้องการแบบนั้น ผมได้แต่ก้มหน้าแล้วเม้มริมฝีปากตัวเอง ริมฝีปากหนาจูบผมอีกครั้ง " เงยหน้ามองฉันหน่อยสิ "

“ มีอะไรรึเปล่า " ผมไม่รู้ว่าตัวเองถามเค้าด้วยแววตาแบบไหนแต่มือหนาที่ยกขึ้นทัดผมของผมไว้ข้างหูแล้วส่งยิ้มมาให้ ก่อนเค้าจะตอบความไม่เข้าใจของผมด้วยคำพูดอ่อนโยนเกินกว่าจะเข้าใจ

“ ฉันอยากจะรอให้เราพร้อมจริงๆ สำหรับเรื่องนั้น ไม่อยากให้ตัวผมรู้สึกว่า เพราะตัวเองเครียดเลยมีอะไรกับคุณแก้เครียดเพื่อระบาย ไม่อยากจะเป็นอย่างงั้น " ทั้งที่ผมเองไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย แค่คิดว่าถึงเวลาที่ความต้องการมันมาเราก็แค่เดินไปตามความรู้สึกนั้น แต่เค้าที่อยู่ๆก็หยุดทุกอย่างราวกับว่าไม่อยากจะทำก็เป็นความรู้สึกที่ชวนให้เสียหน้าลึกๆ " อย่าเศร้าที่ไม่ได้มีอะไรกับฉันเลยนะ "

“ ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นสักหน่อย " ผมบอกก่อนจะเบือนสายหนีไปมองขอบางอย่างที่ตั้งอยู่ยนโต๊ะของอีกคน ในตอนที่เค้ากำลังหอมแก้มอยู่ ผมก็ถามขึ้น " นั่นอะไรเหรอคุณ "

“ อะไรครับ " เค้าถามก่อนจะหันมองตามสายตาของผม " อ๋อ ใบสมัครโฮสน่ะ ฉันว่าจะประกาศรับสมัครโฮสเพิ่ม โฮสลาออกเยอะ คนมันขาดอะ"

“ รับสมัครโฮสเพิ่มเหรอ "

“ อื้ม " เค้าพยักหน้ารับผมก็หันไปถามด้วยความสนใจ
 
“ แล้วผมสมัครด้วยได้มั้ย "

“ ห๊ะ ? “ เค้าสบถขึ้นด้วยความตกใจผมก็พูดย้ำ

“ ผมอยากขอลองสมัครเป็นโฮสบริษัทคุณน่ะ ให้ผมทำนะ "

.............................................................

แล้วพี่เมษจะรับน้องลิปเข้าเป็นโฮสมั้ยคะ ..
ฝากติดตามตอนต่อไป
สำหรับใครติดตามเมษลิปอยู่ อัพให้อ่านแล้วนะค่าาาาาาาา
เด็กแบบน้องฟานก็ดี เผู้ใหญ่แบบพี่เมษก็เลิศ
เลือกไม่ถูก เลือกไม่ถูกเลย จะไม่ทน
ฝากติดตามต่อไปด้วยนะคะ

ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยสำหรับใครที่มีทวิตนะ
ขอบคุณสำหรับการเข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 24 ' โฮส ' UP - 14.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-08-2016 20:52:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 24 ' โฮส ' UP - 14.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 14-08-2016 21:28:17
พี่เมษไม่น่ายอมนะ
แต่....ถ้าไม่ให้เป็นเพราะหึง
ลิปอาจจะเอาเหตผลเดียวกันมาพูดก้ได้
55555

สู้ต่อไปนะพี่เมษๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 24 ' โฮส ' UP - 14.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-08-2016 21:42:39
เอ้าน้องลิปจะเปลี่ยนสายงานเหรอจ๊า. พี่เมษไม่ยอมแน่ ถนอมน้องขนาดนี้
จะกินยังไม่ยอมกินเลย อุ้ยไม่น่าเชื่อว่าคู่นี้เต่า คู่หลักกระต่ายสี่คูณร้อยไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 24 ' โฮส ' UP - 14.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-08-2016 21:50:21
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 24 ' โฮส ' UP - 14.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 14-08-2016 22:08:26
แอบสงสารลิป นก2รอบเลยจ้าาาา รบแรกนี่ถ้าไม่มีโทรศัพท์มาขัดคงฟินนาเล่กันไปแล้ว 555555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 24 ' โฮส ' UP - 14.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 14-08-2016 22:16:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 24 ' โฮส ' UP - 14.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 14-08-2016 22:56:21
ลิปน่ารักอ่ะ  เป็นกำลังใจให้คุณเมษตลอดไปนะจ๊ะลิป
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 24 ' โฮส ' UP - 14.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-08-2016 01:27:22
เปิดมาก็งานเข้าเมษเลยค่ะ ไม่เครียดก็จะแปลกไป
แล้วคนบ้าอะไรเอาเรื่องคนอื่นไปเขียนให้เสียหาย
ไม้ได้รู้สิ่งที่เค้าทำเลย

ลิปน่ารัก เป็นห่วงน่าดู แฟนทั้งคนเนาะ
เจออุปสรรคแต่มีคนรัอยู่ข้างๆ มันดีกับใจ

แล้วเมษจะยอมไหมล่ะ คือถ้ายอมนี่มีคนหึงนะ 5555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 24 ' โฮส ' UP - 14.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 15-08-2016 09:18:38
ผมอยากขอลองสมัครเป็นโฮสบริษัทคุณน่ะ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 24 ' โฮส ' UP - 14.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 15-08-2016 20:16:02
งานนี้คุณเมษอาจจะอยากปิดบริษัทเพราะลิป

จะทนให้แฟนไปกับคนอื่นได้มั้ยเนี่ย 5555

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 24 ' โฮส ' UP - 14.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-08-2016 00:01:27
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 24 ' โฮส ' UP - 14.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 17-08-2016 16:29:28
คำถาม คำสั่ง ที่น่ากลัว ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 24 ' โฮส ' UP - 14.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 17-08-2016 21:51:47
โธ่ ลิปเฮียแกคงยอมหรอก อ่าาา แต่ถ้าอ้อนมากๆก็ไม่แน่น้าาาาาาาา :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 24 ' โฮส ' UP - 14.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 18-08-2016 19:26:43
อ่ะ รอดู
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 25 ' ผมอยากเป็นโฮส ' UP - 19.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 19-08-2016 20:38:50
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 25
' ผมอยากเป็นโฮส '

“ ผมอยากขอลองสมัครเป็นโฮสบริษัทคุณน่ะ ให้ผมทำนะ " นิ่งฟังแววตากลมๆที่จ้องมาทางผมด้วยความสนใจ ผ่อนลมหายใจออกมาขอทายเลยว่าถ้าบอกว่า 'ไม่' อีกฝ่ายต้องดื้อดึงจนถึงที่สุดแบบไม่ยอมแพ้แน่ๆ

“ ไม่ให้สมัคร "

“ ทำไมละ! ทำไมสมัครไม่ได้ " นั่นไง ผิดจากที่คิดซะที่ไหนละ เบือนหน้าหนีอีกคนที่ยังคงทำหน้างอนแบบไม่เข้าใจ ใบหน้าหวานของคนตัวเล็กข้างหน้าแก้มกลมๆที่เสริมให้ทุกอย่างดูน่ารัก รูปลักษณ์ของลูกค้าคนแรกที่ชวนให้ผมตกหลุมรักและยิ่งตกหลุมรักมากขึ้นกับความคิดของเค้าที่พูดออกมา ไม่รู้ว่าเพราะชอบคนหน้าตาแบบนั้นแล้วก็อวยไปเองรึเปล่าว่าเค้ามีความคิดที่ดีก็เลยตัดสินใจสารภาพคำว่าชอบออกไปตรงๆ ทั้งๆที่เป็นกฏเข้มงวดของงานโฮสอยู่แล้วว่าไม่ควรทำ " บอกเหตุผลผมมาหน่อยว่าทำไมไม่ได้ "

“ ไม่ได้ก็คือไม่ได้ "

“ นั่นไม่ใช่เหตุผล " เค้าที่เถียงออกมา ก็คิดไว้แล้วว่าอีกคนต้องดื้อ แต่ไม่คิดว่าจะดื้ออะไรขนาดนี้ " หวงเหรอครับ " คำพูดตรงๆที่ชวนให้ผมหันไปมองหน้าเค้า สบแววตาที่กำลังตั้งคำถามมันไม่มีคำอื่นที่จะต้องตอบหรอกยกเว้นแค่พยักหน้ารับอีกคนไปตรงๆอย่างที่เค้าเข้าใจ

“ ใช่ ฉันหวงนาย "

“ อะไรกันน่ะ ผมยังให้คุณทำได้เลย "

“ นั่นมันไม่เหมือนกัน "  จะอธิบายยังไงให้คนตรงหน้าเข้าใจดี คำพูดที่บอกว่าไม่อยากจะให้ใครมายุ่งกับเค้าเหมือนที่เราโดนบ่อยๆ ' ฉันโทรหานายเป็นการส่วนตัวได้มั้ย ' หรือไม่ก็ ' ถ้าหลังจากนี้เรามาเจอกันอีกในฐานะอื่นจะได้มั้ย ' หลากหลายคำชวนที่แค่คิดว่าถ้าคนตรงหน้าถูกชวนแล้วจะปฏิเสธยังไง ถึงมันจะมีกฏที่ระบุเอาไว้ว่าห้ามพูดคุยกันนอกเหนือเรื่องที่ปรึกษา หรือกฏที่ว่าห้ามสานต่อความสัมพันธ์ใดๆกับลูกค้า แต่คนเราบางทีถ้าถูกใจจริงๆก็ชอบแหกกฏข้อบังคับเหล่านั้น ไม่ต้องพูดถึงใครคนอื่นหรอก ดูอย่างเรามาเป็นแฟนกันได้ก็เพราะการแหกกฏนั่นแหละ แล้วแบบนั้นจะไม่ให้หวงได้ไง

“ มันไม่เหมือนกันยังไง จะบอกว่าเพราะว่าคุณเป็นเจ้าของแล้วก็ทำงานนี้มานานก่อนจะเจอผมเหรอ "

“ ก็ใช่ " ผมตอบอีกคนก็ยังดื้อไม่ฟังอะไรอยู่ดี " นี่ อย่าทำเลยน่า ทำงานของนายอย่างเดียวนั่นก็พอแล้ว นายทำไม่ได้หรอก "

“ ทำไมถึงจะทำไม่ได้ " พอพูดอะไรไม่เข้าหูสักหน่อยก็ดันยั๊วะขึ้นมาอีกผมที่ได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมาไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้วกับคนตรงหน้า " คุณยังไม่ได้สัมภาษณ์ผมเลยว่าผมจะทำได้รึเปล่า แต่ก็มาบอกว่าผมทำไม่ได้แล้ว ผมน่ะเก่งนะ "

“ เก่งยังไง " กอดอกถามเค้าตอนที่นั่งลงบนโซฟาอีกคนก็เดินมายืนตรงหน้าด้วยท่าทางที่เหมือนจะหาเรื่องกัน

“ ผมน่ะ ให้คำปรึกษาเพื่อนตัวเองเรื่องความรักอยู่บ่อยๆ " เบือนหน้าหนีอีกคนที่เอามือกอดอกตัวเองแล้วพยักหน้ารับด้วยความมั่นใจ เค้าจะรู้มั้ยว่ามันไม่เหมือนกัน การให้คำปรึกษาของเพื่อนกับการให้คำปรึกษาแบบโฮสน่ะ

“ มันไม่เหมือนกันหรอกนะครับ " บอกแบบนั้นตอนที่ดึงอีกคนเข้ามากอดแล้วล้มตัวลงนอนโซฟา เสียงโวยวายดังๆของลิปที่ทับอยู่บนตัวผม เค้าเม้มริมฝีปากด้วยความหงุดหงิด เสียงที่กำลังจะเถียงออกมาผมก้มลงจูบปิดริมฝีปากนั้นโอบกอดเค้าไว้แน่นก่อนจะลุกล้ำเข้าไปมากกว่านั้น  ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะดึงให้เค้ามานอนเบียดใกล้ๆ

   ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะทำอะไรมากกว่านี้ ก็อยากทำแต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้มากกว่า ผมไม่ใช่คนดีอะไรในเรื่องแบบนั้น ซ้ำยังชอบอะไรที่มันดูไม่เหมือนกับคนอื่น กลัวว่าการมีอะไรกันในครั้งเดียวของเราจะทำให้เค้าตกใจแล้วเลิกที่จะคบหากัน ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนไม่เคยซีเรียสกับการคบใคร ไม่เคยสน ว่าจะเลิกหรือจะคบต่อ อาจเพราะตัวเองเป็นคนที่มีอาชีพแบบนี้เลยไม่คาดหวังความเข้าใจจากใครทั้งนั้น เราเลิกเป็นตัวเราไม่ได้นั่นคือสิ่งที่ผมคิดมาตลอด

   แต่ทุกอย่างมันก็ค่อยๆเปลี่ยนไป จากคนไม่สนอะไร ก็กลายเป็นว่าแคร์เค้าไปทุกเรื่อง จนเกิดความสงสัยว่า ตัวผม ใจผม มันจะเปลี่ยนไปเพื่อคนคนนี้ได้ถึงขนาดไหนนะ

“ คุณเมษ " ลิปเอ่ยเรียกผมตอนที่หันไปมองอีกคนที่นอนอยู่ข้างๆ เค้าก็พูดขึ้นเสียงเบาๆ " ผมอยากจะลองทำงานเป็นโฮสจริงๆนะ "

“ ทำไมถึงได้ดื้ออะไรขนาดนี้นะ " พอทำหน้าดุอีกคนก็ก้มหน้าหลบ ใบหน้าน่ารักที่เหลือบมองผมเป็นระยะ " บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ไง ฉันไม่อยากให้นายทำ "

“ ขอผมลองครั้งเดียวก็ไม่ได้เหรอคุณ " ยังจะมาต่อรองอีก

“ ต่อไปนี้ถ้านายพูดเรื่องจะมาเป็นโอสกับฉันอีก ฉันจะจูบปากนายจนกว่านายจะหยุดพูด "  ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากันอัตโนมัติผมผ่อนลมหายใจออกมา ให้มันได้แบบนี้สิ ถึงกับต้องขู่จะได้เข้าใจกัน

   นอนกอดกันอยู่บนโซฟาเงียบๆ ตอนที่หันไปมองอีกคนที่ยังคงจ้องผมตาปริบๆ เราเงียบกันมาได้สักพักแล้วอย่างไม่รู้จะพูดอะไร คงเพราะอีกฝ่ายหวังอยากจะพูดเรื่องนั้นอีกแต่พอบอกว่า ถ้าพูดจะจูบก็เลยหยุดที่จะพูดไป " อยากจะกินอะไรหน่อยมั้ย "

“ วันนี้ไม่ค่อยหิวน่ะ อยากจะกลับบ้านมากกว่า " ลิปลุกขึ้นมานั่งบนเค้าที่ผ่อนลมหายใจออกมา ผมมองนาฬิกาที่เผลอแปปเดียวก็จะทุ่มนึงแล้ว

“ โกรธฉันรึไง ที่ไม่ยอมให้นายเป็นโฮส " เค้าไม่ตอบแต่แสดงสีหน้าด้วยการเบือนหน้าหนีผมแทน " ลิป "

“ ก็ถ้าผมพูด คุณก็ต้องจูบผม แล้วจะให้ผมพูดยังไง " หลุดยิ้มออกมากับคำพูดของเค้า ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ

“ ก็นึกว่าอยากจะให้จูบนะ เห็นดื้อเถียงอยู่ได้ตั้งนาน "

“ ใช่ที่ไหนกันละ "

“ งั้นหนนี้ฉันจะไม่จูบนาย งั้นพูดมาสิ " มองตาเค้าที่ก็จ้องมองผม

“ ผมไม่ได้โกรธ แต่ที่อยากจะเป็นเพราะอยากรู้ว่างานของคุณมันเป็นยังไง อยากรู้ว่าคุณที่มารับผมสาย คืนคืนนึงต้องทำอะไรบ้าง ก็เท่านั้นเอง คุณให้ผมเป็นเถอะ แค่ครั้งสองครั้งก็ได้ " ฝ่ามือที่เอื้อมมาจับมือผม เค้าที่พยักหน้าน้อยๆอ้อนกัน

“ มันไม่ได้มีเรื่องอะไรที่น่ารู้หรอก เอาเป็นว่ายังไงก็ไม่ได้  เลิกหวังได้เลยครับ " ถอนหายใจออกมาเซ็งๆ ลิปที่เบือนหน้าหนีผมก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ตู้เย็น " งอนกันอีก "

“ เปล่างอนสักหน่อย ก็แค่เซ็งๆ " เค้าพูดก่อนจะกดน้ำที่หน้าตู้เย็นขึ้นมากิน ผ่อนลมหายใจออกมาช้า " งั้นผมกลับบ้านก่อนนะ "

“ จะกลับแล้วเหรอ "

“ อื้ม คุณโอเคแล้วนี่น่า เรื่องที่เครียดอยู่น่ะ "

“ ถ้าบอกว่าไม่โอเค นายจะยังอยู่ต่อมั้ยละ " ผมถามพลางค้ำหน้ากับพนักพิงโซฟาเพื่ออ้อนเค้า

“ ยังมีอะไรที่ไม่โอเคอีกเหรอ " ร่างบางที่เดินมาหาก้มหน้าลงจูบริมฝีปากของผมก่อนจะยิ้มให้ " ถ้ามีอะไรโทรหาผมได้ตลอดนะ "

“ การโทรคุยกันมันไม่ได้เหมือนอยู่ด้วยกันนะคุณ นอนที่นี่ไม่ได้เหรอ " คำถามที่ชวนให้มือที่กำลังหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายหยุดชะงัก " ใส่เสื้อผ้าของผมไปทำงานก็ได้พรุ่งนี้น่ะ "

“ เสื้อผ้าของคุณ มันใช่ไซส์ผมซะที่ไหนละ " เค้าตอบก่อนจะถอนหายใจออกมา " คุณเมษ " มือบางจับแก้มของผม เค้าที่จ้องตามองมาไม่ต่างอะไรกับเด็กตัวเล็กๆที่กำลังอ้อนให้ใครสักคนให้อยู่ด้วย " แล้วตอนนี้อยากจะทำอะไรละครับ "

“ อยากจะให้นายอยู่กับฉัน "

“ งั้นผมทำอะไรให้กินมั้ย "

“ ฉันไม่หิว " บอกไปตามตรงอีกคนก็เอียงหน้าคิด

“ งั้นจะให้ทำอะไรละ แค่นั่งอยู่เฉยๆน่ะเหรอ " เค้าถาม " งั้นดูหนังมั้ยละ เปิดทีวีดูกัน "

“ ฉันอยากจะมีอะไรกับนาย " แม้จะพูดออกไปทีเล่นทีจริงแต่อีกคนที่เงียบไปนั้นก่อนดึงตัวเองยืนตรงก่อนจะมองซ้ายมองขวาราวกับคนเขินที่ทำตัวไม่ถูก

“ พูดอะไรแบบนั้นละคุณ "

“ ก็แค่พูดความจริงมันผิดรึไง " ผมบอก อีกคนก็ถอนหายใจออกมา

“ ทีเมื่อกี้อารมณ์กำลังพาไปแล้วหยุดทำไมละ หยุดเพื่อมาขอกันหน้าด้านๆแบบนี้น่ะเหรอ " ใบหน้าหวานขมวดคิ้วหน้าแดงผมก็หลุดขำ

“ เมื่อกี้มีอารมณ์แล้วเหรอ "

“ ก็ล้วงเข้ามาทำไมเล่า ลูบอยู่ได้ " เค้าเถียงแบบเอาแต่ใจ   ผมก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปกอดเค้าไว้ ลำตัวบางที่แข็งทื่อไปผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ " บางทีก็ไม่เข้าใจเลยว่าคุณเป็นคนยังไงกันแน่ "

“ ฉันก็ไม่เข้าใจนายเหมือนกัน " ผละตัวเองออกมองหน้าเค้าที่ก็เงยมองผม " บางทีนายก็น่ารัก มีเหตุผล บางทีก็ไม่มี บางทีก็ดื้อ บางทีก็เอาแต่ใจ บางทีก็น่าตี น่าจัดการเหลือเกิน " ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดต่อ " ฉันอยากมีอะไรกับนายนะ แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้  เพราะสำหรับฉันมันไม่ใช่แค่เรื่องเซ็กส์นะ "

“ ตามใจคุณก็แล้วกัน " ลิปพูดแบบบอกปัดก่อนจะหันหน้าไปมองทางอื่น " แล้วตอนนี้จะให้อยู่ด้วย แล้วจะชวนทำอะไรล่ะ ข้าวก็ไม่อยากจะกิน หนังก็ไม่อยากจะดู "

“ นั่งเฉยๆไม่ได้เหรอ แค่อยากจะอยู่ด้วยกันไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น " นั่นคือความรู้สึกของผม แค่อยากจะนั่งกอดเค้าเราไม่ต้องคุยกันเรื่องเครียดๆอะไรทั้งนั้นแค่นั่งเฉยๆ แค่กอดกัน กอดไว้เหมือนอย่างที่กอดไว้ตอนนี้

   ครืน ครืน ครืน 

   เสียงโทรศัพท์ของผมที่ดังขึ้นชวนให้จำใจผละมือออกจากอ้อมกอดของเค้า ก้มลงไปจูบปากอีกคนเบาๆก่อนจะเดินมารับสายโทรศัพท์ที่เพียงแค่มองชื่อก็ทำให้นิ่งคิดอยู่สักพัก ผมกดปิดเสียงก่อนจะวางมันไว้ที่เดิมอีกคนก็ถาม

“ ไม่รับสายล่ะครับ "

“ ไว้ค่อยรับก็แล้วกัน " พอพูดออกไปแบบนั้นลิปก็ยิ้มก่อนจะถอนหายใจออกมา เหมือนเค้าจะอ่านสถานการณ์ในตอนนั้นออก มือบางคว้าเอากระเป๋าของตัวเองขึ้นสะพายบ่าก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ผม

“ กลับก่อนดีกว่า คุณจะได้ทำงาน ดูเหมือนจะมีงานทำแล้วใช่มั้ยละ "

“ ลิป " เอ่ยเรียกเค้าไว้ อีกคนก็เดินมาหาก่อนจะจูบผมเบาๆที่ข้างแก้ม

“ ฝันดีนะครับ ไว้ถ้ามีอะไรก็โทรไปแล้วกัน "

“ อื้ม " ผมตอบรับสั้นๆอีกคนก็เดินออกไปจากคอนโดของผม ถอนหายใจออกมาตอนที่หันไปมองโทรศัพท์ของตัวเอง ถ้าเค้ารู้ใครโทรมาจะออกไปง่ายๆแบบนั้นมั้ยนะ

   คว้าเอาบุหรี่ที่เมื่อกี้ไม่ได้สูบก่อนจะเปิดประตูเดินออกไปข้างนอกก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่ระเบียง จุดบุหรี่สูบอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจโทรกลับหาผู้หญิงคนนั้น ' คุณมาเรีย ' คนที่เคยช่วยเหลือไว้ตลอด แต่ก็ตัดความสัมพันธ์ไปตั้งแต่ครั้งที่พาลิปไปเจอเค้า

“ ทำไมโทรกลับมาช้าจัง เธอก็รู้นี่ว่าฉันไม่ชอบคอย " คำพูดแรกที่เอ่ยออกมา ผมผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆเธอก็หลุดหัวเราะ " งานช่วงนี้เป็นยังไงบ้างละ ดีมั้ย "

“ ก็ดีตามสภาพของมันหลังจากที่โดนบทความของสื่อบางสำนักโจมตีไป "

“ เธอใช้คำว่าโจมตีเลยเหรอ " อีกฝ่ายหัวเราะ ผมก็ยกยิ้มออกมา

   ปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ที่ก่อตั้งบริษัทโฮสนี้ขึ้นมา เพื่อนร่วมหุ้นอย่าง ' โท ' ที่โทรมาเล่าด้วยความกังวลใจ ผมก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดขึ้นจากใคร พอได้อ่านเองก็ยิ่งเข้าใจแค่ชื่อเว็บไซต์ก็รู้แล้วว่าอยู่ในเครือของคนที่ผมรู้จักดี มันคงเป็นเธอที่พยายามบอกผมให้รู้ว่า เธอไม่พอใจกับการที่ผมพาลิปไปเจอและไปบอกว่า นั่นคือคนรัก ทั้งๆที่ความสัมพันธ์ของเราก็ไม่มีอะไรแต่แค่ ยังผูกมัดกันไว้ด้วยเซ็กส์ที่เธอชอบ " ใจร้ายจังนะ แต่เธอก็ใจร้ายกับฉันก่อน "

“ ผมใจร้ายยังไง "

“ เธอใจร้ายที่พาเค้ามาแนะนำกับฉัน ฉันบอกเธอแล้วไงว่าฉันน่ะจะโกรธนะถ้าคนที่ฉันรักไม่รักษาน้ำใจของฉัน " ถอนหายใจออกมาตอนที่ได้ฟังก็คิดไว้แล้วว่าอีกคนน่าจะไม่จบลงง่ายๆแต่แค่ไม่คิดว่าจะทำกันถึงขนาดนี้ เพราะยังคิดในแง่ดีถึงคำพูดที่อีกคนพูดว่า อย่างน้อยเราก็เป็น เพื่อนกันได้ แต่นั่นก็แค่คำพูดหรูหราที่อีกคนบอกเพื่อให้ตัวเองดูดี และน่าเกรงขามต่อหน้าเจ้าตัวเล็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างก็ลิปเท่านั้น

   ' คุณมาเรีย ' เป็นผู้หญิงที่เข้ามาใช้บริการผมมากที่สุดในสมัยที่ยังเป็นแค่นักศึกษามหาลัยที่ยังคงใช้ทุนเรียนและหางานพิเศษทำไปด้วย ทั้งค่าใช้จ่ายทุกอย่างแค่เงินจากงานพิเศษไม่พอใช้ ก็เลยต้องออกมาหางานพิเศษแบบนั้นกับเพื่อนสนิทอย่างไอ้โทที่ก็ไม่มีเงินเหมือนกัน

   เราเป็นแค่เด็กบ้านนอกสองคนที่ต้องปากกัดตีนถีบในเมืองหลวงโดยที่พ่อแม่ไม่ได้ใยดีอะไร แต่นั่นก็ถูกแล้ว ลำพังตัวเองยังไม่ค่อยจะมีกินจะเอาเงินที่ไหนส่งลูกมาเรียน แค่ค่าเดินทางกับค่าตั้งต้นที่ออกให้ก็เต็มกลืนจนต้องกู้หนี้ยืมสินแล้ว ในครั้งแรกที่ผมพบเธอ เธอขับรถมาชวนผมจากคำบอกเล่าของเพื่อนที่เคยใช้บริการ แล้วหลังจากนั้นผมก็ถูกผูกมัดแล้วให้บริการเธอมาตลอด เป็นทั้งเพื่อนเที่ยว เป็นทั้งคู่นอน เวลาที่มีคนอยากจะใช้บริการผม เธอจะจ่ายให้ผมมากเป็นสามเท่าเพื่อให้ผมตัดสินใจเลือกเธอ

   ผมบริการทุกอย่างอย่างดีในสิ่งที่เธอชอบโดยเฉพาะเรื่อง เซ็กส์ เพราะมันคือสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุด เราเคยไปเที่ยวต่างประเทศนอนโรงแรมหรูหราแต่ขังตัวเองอยู่นั้นมีอะไรกันทั้งวันทั้งคืน สั่งอาหารจากข้างล่างมากิน กินแล้วแล้วทำ ทำเสร็จเหนื่อยก็กิน เป็นผู้หญิงที่มอบโอกาสหลายๆอย่างให้ด้วยเงินหนาๆของเธอ และโอกาสที่ดีที่สุดที่เธอมอบให้ก็คือ ' เมษนายไม่ลองอยากจะเป็นเจ้าของบริษัทโฮสดูบ้างละ '

   เธอเป็นคนหัวธุรกิจอะไรที่เธอจับต้องและเริ่มบริหารไม่มีคำว่าขาดทุน พอคิดแบบนั้นก็เคยคว้าเหยื่อชิ้นใหญ่นั่นไว้ทั้งๆที่เพื่อนสนิทอย่างโท  ก็ได้เตือนเอาไว้แล้วว่า ' คนที่ทำธุรกิจ เค้าไม่ทำธุรกิจให้คนอื่นฟรีๆเพื่อไม่หวังผลหรอกนะ ' สำหรับผมตอนนั้นก็แค่คิดว่า ถ้าจะมีเซ็กส์กับเธอไปตลอดนั่นไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะคนอย่างผมก็ไม่คิดจะมีใครเป็นจริงเป็นจังอยู่แล้ว ผมคว้าโอกาสนั้นโดยไม่รีรอ โอกาสที่สร้างรายได้ให้ผมต่อปีเป็นเงินมหาศาล เงินที่ต่อยอดทำอะไรได้มากมาย ไม่ว่าจะซื้อบ้านหลังใหม่ให้พ่อแม่ ซื้อคอนโดสุดหรู ซื้อบ้านให้ตัวเองอีกหลัง หรือแม้แต่รถราคาแพงสักคัน

“ ฉันเป็นคนที่ให้เธอทุกอย่าง แล้วสุดท้ายเธอก็ทำกับฉันแบบนี้นะเหรอ คิดดูสิ ว่าใครจะสนใจเธอ เด็กคนนั้นจะสนใจเธอเหรอ ถ้าเธอเป็นแค่เมษคนที่ฉันรู้จักครั้งแรก คนที่ยังไม่มีอะไร ไม่ใช่เจ้าของบริษัทโฮสที่มีรายได้มากขนาดนี้ ฉันที่ให้ทุกอย่างกับเธอในตอนที่เธอลำบาก สุดท้ายพอไปได้ดีก็มาตีตัวจากฉันไปเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันใช้ได้เหรอ "

“ แล้วทำไมไม่พูดคำพูดพวกนั้นตั้งแรกละ ทำไมไม่พูดกับลิปด้วยประโยคที่พูดกับผมล่ะ ก่อนหน้านี้คุณบอกกับผมว่า อยากจะให้ผมมีชีวิตของผม คุณคงไม่มีเวลามามีเที่ยวเล่นกับผมแล้ว คุณอยากจะใช้ชีวิตกับครอบครัวเพราะลูกสาว ไม่ใช่เหรอ " ยังจำได้ที่เธอบอก ตอนที่เรามีเซ็กส์กันครั้งล่าสุดเมื่อปีก่อน เธอบอกว่าจะหยุดการทำแบบนี้เพราะลูกสาวเริ่มจะเข้ามหาลัยแล้วอยากจะอยู่กับลูกมากๆ คำพูดสวยหรูที่บอกว่า ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่ต้องห่วงผมแล้วเพราะว่าผมจะมีชีวิตที่ดี เธอบอกแบบนั้น " สุดท้ายก็แค่หวงก้างผมพูดถูกใช่มั้ย "

“ แล้วทำไมฉันจะไม่มีสิทธิทำอะไรแบบนั้นละ เมื่อฉันเองก็ลงทุนให้กับเธอทุกอย่าง ที่มีวันนี้ได้ก็เพราะว่าเงินของฉันไม่ใช่เหรอ แล้วมันจะผิดอะไรล่ะ ในเมื่อวันนึงที่ฉันไม่อยากจะใช้บริการเธอแล้ว แต่ฉันก็ยังอยากจะเห็นเธอที่เป็นเหมือนเดิม และไม่เป็นของใคร "

“ คุณจะพูดว่า คุณลงทุนให้ผมทุกอย่างก็คงไม่ใช่ทั้งหมดหรอกมั้ง คุณคิดเข้าข้างตัวเองเกินไปนะ "

“ เมษ "

“ การทำงานโฮสคือการซื้อของแลกเปลี่ยน คุณให้เงิน ผมให้เซ็กส์ ผมให้การบริการที่ดี แต่คุณพูดเหมือนผมไม่ต้องให้อะไรคุณ แล้วคุณก็เอาเงินมาให้ผมฟรีๆ ผมถึงต้องฟังข้อเรียกร้องนู้นนี่นั่นของคุณ ทั้งๆที่ทุกอย่างมันก็แค่ คุณไม่อยากให้ผมมีใครผมพูดถูกมั้ยละ "

“ แต่ฉันก็ให้เธอมากกว่าใคร ฉันจ่ายให้เธอหลายเท่า "

“ เพราะคุณเสนอมาเอง แล้วผมก็ไม่เคยร้องขอว่า ต้องให้ผมมากกว่าคนอื่นสองสามเท่า คุณเสมอให้ผมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องอะไร แต่ผมว่า การบริการของผมมันก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่าเงินที่คุณเสียให้นิครับ " คำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายเงียบ " ผมขอบคุณสำหรับโอกาสที่หยิบยื่นมาให้ ขอบคุณที่คุณติดใจแล้วก็เลือกผมมาตลอด ขอบคุณที่สร้างงานแล้วก็คิดวางแผนระบบบริษัทเล็กๆให้ผม นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่าคุณคือผู้มีพระคุณของผมมาตลอด ผมคิดว่าตัวเองโชคดีที่เจอคนอย่างคุณ เพราะงั้นอย่างทำให้ตอนนี้ตัวผมต้องมาคิดว่า ผมโชคร้ายเลยนะ "

“ เธอดูท่าทางจะติดใจเด็กหนุ่มคนนั้นจังเลยนะ เค้ามีอะไรดีรึไง หรือว่า โฮสของเธอตอนนี้มันเปลี่ยนจากแค่ให้คำปรึกษาไปบริการเรื่องแบบนั้นด้วย "

“ ผมไม่ได้ติดใจเค้าในเรื่องแบบนั้น แล้วที่คุยกับคุณอยู่ตอนนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเค้าเลย ผมกำลังคุยเรื่องของเราอยู่ตังหาก เรื่องที่คุณลงทุนเขียนบทความงี่เง่าแบบนั้นโจมตีบริษัทของผม ใช้คำพูดที่ส่อถึงเรื่องเพศ การบริการเรื่องอย่างว่า ทั้งๆที่บริษัทของเราไม่ได้มีเรื่องแบบนั้นมาข้องเกี่ยว เพียงเพราะแค่ไม่พอใจที่ผม พาแฟนไปแนะนำ "

“ เหตุผลที่ฉันไม่พอใจ มันน้อยไปเหรอ " เธอถาม " ฉันต้องยิ้มรับความรักของเธอเหรอ ในเมื่อฉันเองไม่ได้เธอมาครอบครองทั้งๆที่ก็อยากจะได้ ฉันที่ต้องจำใจเลือกครอบครัวทางนี้ แล้วทิ้งเธอ ทำไมละ ?  ฉันเป็นเจ้าของเธอนะ นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดแล้วฉันผิดรึไง ?  ฉันที่คอยอุ้มชู้เธอ จะพูดอะไรกับเธอก็ได้ไม่ถูกเหรอ แล้วมันแปลกอะไร ถ้าฉันจะไม่พอใจแล้วเลือกที่จะทำร้ายเธอ ในเมื่อเธอทำร้ายฉันก่อน "

“ เลิกคิดว่า ตัวคุณเป็นเจ้าของของผมเถอะ สำหรับเรา ไม่มีอะไรที่ติดค้างกันอีกแล้วนะ คุณให้เงิน ผมให้บริการ ทุกอย่างมันจบลงไปแล้ว เพราะครั้งหลังๆตั้งแต่ที่ผมเปิดบริษัทคุณไม่เคยให้เงินค่าบริการผมเลยด้วยซ้ำ คุณยังติดค้างหนี้ค่าบริการของผมด้วยซ้ำไปนะ แต่ก็คิดว่าเราเหมือนเพื่อนเก่าในตอนนั้นผมยังไม่มีใคร ทุกอย่างมันก็ได้แหละ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว "

“ แล้วถ้าฉันจะนัดเธออีกล่ะ มามีอะไรกับฉันได้มั้ย "

“ ผมขอปฎิเสธครับ "

“ ถ้าฉันจ่ายให้เธอ สามล้านละ จะมามั้ย "

“ ขอปฎิเสธครับ " ผมบอกเธอสั้นๆอีกคนก็ถอนหายใจออกมา

“ คิดดีแล้วเหรอเมษ ที่จะมีชีวิตที่มีคนรักแบบจริงจังเหมือนคนอื่นๆ ทั้งๆที่ตัวเองก็ทำงานเป็นโฮสที่ต้องคอยบริการผู้หญิงคนอื่นมากมาย นายคิดว่าเค้าจะรับได้เหรอ ที่นายเป็นแบบนั้น ความรักน่ะ มันเป็นความรู้สึกที่เห็นแก่ตัวมากกว่าที่นายคิดนะ และการทำเพื่อใครสักคนนึงบางทีผลตอบแทนมันอาจจะไม่ได้มาอย่างที่คิดก็ได้ สักวันเธออาจจะเสียเค้าไปก็ได้ แล้วแบบนั้นสิ่งที่ทุ่มเทเพื่อเค้าไปมันจะคุ้มกันเหรอ "

“ ถึงจะเป้นอย่างงั้น ถ้าใจอยากจะทำอะไร ผมก็อยากจะลองทำตามใจตัวเองดูครับ "

“ แม้ว่าจะเสียรายได้ส่วนนี้ไปน่ะเหรอ "

“ ครับ " ผมตอบเธอเพียงสั้นๆ ก่อนที่สายนั้นจะถูกตัดไปวางมือถือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจออกมากับคำเตือนบอกให้รู้ว่าเธอเองก็คงไม่ยอมให้เรื่องนี้มันจบง่ายๆ ส่วนผมเองก็ไม่ยอมจำนนเพียงแค่คำขู่ไร้สาระแบบนั้นเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องความรักก็ตาม

....................................................

   ครืน ครืน ครืน

   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นจากโต๊ะทำงานให้ระหว่างกำลังเช็คภาพที่ถ่ายอยู่ตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์ ผมละสายตาไปมองมันก่อนจะหยิบขึ้นมากดรับพลางเดินออกไปจากสตูดิโอถ่ายภาพที่กำลังเตรียมเซ็ตสถานที่เพื่อถ่ายแบบเซ็ตต่อไป " เดี๋ยวมานะ " ผมบอกกับรุ่นน้องที่พยักหน้ารับ ก่อนจะกดรับสาย " ว่าไงมึง "

“ ทำอะไรอยู่ว่ะ รับสายช้าชะมัด "

“ ทำมาหากินสิว่ะ มึงเห็นกูเป็นคนว่างงานที่จะว่างรับสายมึงมากเลยรึไง ไอ้หัวหน้าวิศวกร " ยกยิ้มออกมาตอนที่ตัวเองพูดไปแบบนั้น ปลายสายไม่ใช่ใครที่ไหนเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่ตั้งบริษัทโฮสมาด้วยกัน แถมยังเคยเป็นโฮสเหมือนๆกัน อย่างไอ้โท ที่ตอนนี้นอกจจะเป็นรองประธานบริษัทโฮสแล้วมันจะยังพ่วงด้วยตำแหน่งวิศวะกรในบริษัทผลิตรถยนต์แห่งหนึ่งด้วย " แล้วโทรมามีอะไร "

“ มีข่าวดี " มันบอก " มึงบอกให้กูเปิดรับสมัครโฮสคนใหม่ใช่มั้ยละ "

“ อ่าห๊ะ " พยักหน้ารับก่อนจะหยิบบุหรี่ในกระเป๋าขึ้นมาจุดสูบ ผมเดินไปที่ระเบียงข้างนอกอาคารก่อนจะนั่งยืนพิงกับระเบียงแล้วผ่อนควันออกมา " แล้วยังไง "

“ กูหาโฮสคนใหม่ให้มึงได้แล้วนะ "

“ เร็วจัง "

“ กูคิดว่ามันคงเป็นโชคชะตาว่ะ มึงลองคิดดูดิ แค่เปิดรับสมัครไปแปปเดียวอยู่ๆเค้าก็ส่งใบสมัครมา "

“ แล้วเป็นยังไง อาชีพ หน้าตา "

“ จัดว่าเหมาะสม ก็อย่างทุกที การงานดีนะ หน้าตาบุคคิคก็ดี น่ารัก "

“ น่ารัก ? “ ผมทวนเสียงอีกคนก็ขานรับเสียงยาวๆ

“ อื้มมมมมมม น่ารัก กูถูกใจเลยนัดสัมภาษณ์เค้าไปแล้วเมื่อตอนเที่ยงกูว่างพอดีเลยนัดเค้าสัมภาษณ์ที่ใต้ตึกบริษัทเค้า "

“ แล้วเป็นยังไง "

“ ทุกอย่างผ่านหมด ทุกอย่างดีมาก ทั้งความคิดที่ต่อการเป็นโฮส ทั้งคำพูดในเหตุการณ์สมมุติที่กูถามออกไปแล้วเค้าตอบ คือมันแบบ มึงคือมึงเข้าใจคำว่า หน้าตาเยียวยาจิตใจคนได้ปะ ซึ่งเค้าเป็นคนแบบนั้น เป็นคนที่แบบ แค่มึงเห็นเค้ายิ้ม เค้ามองมา ไม่ต้องปลอบอะไรหรอก ก็เหมือนจะหายแล้ว น่ารักมากจริงๆ "

“ ผู้หญิง ? “ คำพูดของมันที่กำลังบรรยายทำให้ผมเริ่มงง คำก็น่ารักสองคำก็น่ารัก แถมไอ้คำพูดที่บอกว่าหน้าตาเยียวยาจิตใจของคนได้อีก

“ ผู้ชายเว้ย ผู้หญิงบ้าอะไร "

“ ก็มึงพูดเหมือนเค้าเป็นผู้หญิง บรรยายซะเว่อร์ " ผมหลุดยิ้มออกมา " แล้วยังไงมึงจับเค้าเซ็นสัญญาแล้วใช่มั้ย "

“ ใช่ เป็นช่วงทดลองงานก็คือ ให้ลองพบลูกค้าก่อน ถ้าเกิดว่าผ่านได้สามคนก็จะถือเป็นพนักงาน "

“ ก็ขอให้ผ่านได้ก็แล้วกัน " เพราะส่วนใหญ่จะมาตายก็ตอนทำงานจริงๆนี่แหละ ในชีวิตจริงกับสิ่งที่เราสัมภาษณ์มันค่อนข้างแตกต่างกัน ความเป็นจริงลูกค้าบางคนก็ถึงกับร้องไห้ออกมา บางคนร้องเงียบๆ บางคนก็ร้องไห้โวยวาย หน้าที่ของเราก็คือทำให้เค้าสงบ แต่ก็ต้องทำให้เค้ารู้สึกดีกับการที่ได้รับคำปรึกษานั่นด้วย " แล้วมึงเขียนว่าเค้าถนัดให้ความปรึกษาเรื่องอะไร "

“ ความรัก " อีกคนตอบสั้นๆก่อนจะหัวเราะ " กูอยากจะไปเป็นลูกค้าเลยเนี้ย กูบอกตรงๆ ถ้ามึงเห็น มึงก็ต้องบอกว่าเค้าน่ารัก " ยกยิ้มขึ้นมากับคำพูดของเพื่อน ส่ายหน้าไป " เอาไว้เย็นนี้ กูนัดเค้าไว้มาถ่ายรูปกับมึงลงเว็บไซต์ ยังไงเย็นนี้เข้าบริษัทหน่อยนะ "

“ โอเค ยังไงไว้เจอกัน "

“ เดี๋ยวกูไปรับเค้าแล้ว จะตรงไปเลย "

“ ถึงขั้นต้องไปรับเลยเหรอวะ " ผมถามอีกคนก็หลุดหัวเราะ

“ นิดๆหน่อยๆ ปลาไม่ได้กิน ก็ขอให้ได้เชยชม " เสียงหัวเราะที่ดังตามมาก่อนที่สายนั้นจะถูกวางไป อยากจะเห็นนักพนักงานใหม่ที่ไอ้โทบอกว่าน่ารักนัก น่ารักหนา หน้าตาจะเป็นยังไง


............................................................................

แล้วตอนหน้า พี่เมษเห็นหน้าโฮสคนใหม่จะเป็นยังไงกันนะ  :ling3:
โปรดติดตามตอนต่อไป
จะว่าไป เมษลิปก็น่ารัก ดูมีอะไรดีเนอะ ลิปก็ซนนิดนึง ดื้อด้วย น่ารักกก #อวย ฮ่าๆ

ยังไงก็ฝากรี #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ สำหรับคนมีทวิต
ฝากไลค์ ฝากแชร์ ในเพจหนมมี่ผู้ใสซื่อด้วย

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและ คอมเม้นท์ เจอกันตอนหน้าค่า  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 25 ' ผมอยากเป็นโฮส ' UP - 19.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-08-2016 20:56:26
เหย. หนูลิปใช่ไหมจ๊า. ตื่นเต้นอ่า อยากเห็นหน้าจัง อยากได้รับการเยียวยาบ้าง
ยัยมาเรียไปหว่านเงินของหล่อนไกลๆเลยไป
เงินซื้อชีวิตคนได้เหรอ ประสาทแล้วเจ๊
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 25 ' ผมอยากเป็นโฮส ' UP - 19.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 19-08-2016 21:11:31
ลิปกำลังจะทำให้เมษโกรธนะนั้น

แอบไปสมัครแบบนั้นมีลมหึงแน่นอน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 25 ' ผมอยากเป็นโฮส ' UP - 19.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 19-08-2016 21:31:01
เหมือนจะเดาได้เลยว่าใครคืพนักงานคนใหม่ 555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 25 ' ผมอยากเป็นโฮส ' UP - 19.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 19-08-2016 22:11:22
น่าจะเป็นลิปใช่ป่ะ เหอๆ ถ้าเฮียรู้จะเกิดไรขึ้นน้าาาาาาาาาา :hao7:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 25 ' ผมอยากเป็นโฮส ' UP - 19.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 20-08-2016 00:40:54
พี่เมษช๊อคแน่นอน55555
นู๋ลิปชัวร์เลยอิอิ

แต่อีป้ามาเรียมนี่ไม่ไหว
ป้าไปหาซื้อเด็กใหม่เหอะ เอาจิง
แต่ดูท่าอายุอานามกมากแล้ว ยังหมกมุ่นเรื่องแบบนี้อีก ไม่ไหวหวะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 25 ' ผมอยากเป็นโฮส ' UP - 19.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-08-2016 00:56:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 25 ' ผมอยากเป็นโฮส ' UP - 19.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 20-08-2016 07:40:07
ลิปน่ารักกก :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 25 ' ผมอยากเป็นโฮส ' UP - 19.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 20-08-2016 18:47:55
มีเรื่องราวให้ได้ลุ้นตลอด จะเป็นไงน๊ออออออ ^^
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 25 ' ผมอยากเป็นโฮส ' UP - 19.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 21-08-2016 16:20:41
ท่าทางคราวนี้ ประธานบริษัทคงได้ปวดหัวแน่ๆ และก็กลัวว่าล/ค จะหันมาใช้บริการมากกว่าประธานบริษัทก็คราวนี้ซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 25 ' ผมอยากเป็นโฮส ' UP - 19.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 21-08-2016 17:56:24
แล้วจะเป็นยังไง ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 26 ' พลาด ' UP - 21.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 21-08-2016 20:57:03
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 26
' พลาด '

“ นายคิดดีแล้วเหรอ ที่จะทำแบบนั้นน่ะ " ผมหันไปตามเสียงที่อยู่ๆก็ถามขึ้นมา วางมือจากคีย์บอร์ดที่กำลังทำงานหันไปหาอีกคนที่ยังคงมีสีหน้าที่เป็นห่วงผม " ก็นายบอกว่าคุณเมษเค้าไม่ให้ทำ แล้วนายแอบไปสมัครเป็นโฮสแบบนั้นมันจะดีเหรอ "

“ ก็ฉันอยากจะลองทำดูนี่ " ตอบอีกคนด้วยความดื้อดึงแบบไม่มียอมแพ้ เมื่อวานก็คุยกับคุณเมษแล้วเรื่องที่อยากจะขอสมัครเป็นโฮสเพราะว่าทางนู้นก็ขาดคนทำงานพอดี แต่เค้าที่สั่งห้ามออกมาแบบนั้นก็ยิ่งทำให้ผมอยากจะทำงานนั้นมากขึ้นไปอีก อยากจะรู้ว่ามันเป็นยังไง แล้วทำไมเค้าถึงสั่งห้ามผมนัก เป็นพวกนิสัยไม่ดีที่ยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ นิสัยด้านแย่ของผมที่ไม่ว่ายังไงก็แก้ไม่หายจริงๆ

   เมื่อวานหลังจากออกมาจากคอนโดของเค้า ผมขึ้นรถไฟกลับไปที่คอนโดตัวเองระหว่างนั้นก็แอบเอามือถือเข้าเว็บโฮสของเค้าแล้วก็แอบเห็นปะรกาศรับสมัครงานพอดี ก็เลยลองอ่านรายละเอียดดูพอเห็นว่าคนที่สัมภาษณ์ไม่ใช่ชื่อของเค้า ผมก็ลองกรอกใบสมัครแล้วก็ส่งไป 

   จดหมายตอบกลับที่ได้รับแบบรวดเร็วในตอนเช้า การนัดสัมภาษณ์ก็เกิดขึ้นในตอนเที่ยงวันของวันนี้ เมื่อครู่ที่ล๊อปบี้ชั้นล่างของตึกที่ผมทำงาน ผู้ชายที่มาสัมภาษณ์เป็นคนรูปร่างผมสูงหน้าตาหล่อเหลา เค้าแนะนำตัวว่าเค้าชื่อ ' โท ' เป็นโฮสแล้วก็พ่วงด้วยตำแหน่งรองประธานของบริษัท การสัมภาาณ์เป็นการตอบคำถามส่วนตัวแล้วก็ จำลองสถานการณ์ง่ายๆ ซึ่งแน่นอนว่าผ่านฉลุย อาจเพราะช่วงนี้คีย์มีแฟน ผมก็เลยเหมือนได้ฝึกให้คำปรึกษามากขึ้น

“ แล้วนายไม่กลัวเค้าโกรธรึไง "

“ ทีนายทำอะไรยังไม่กลัวฟานจะโกรธเลย " พอหันไปพูดแบบนั้นเข้าหน่อย คนฟังก็ผ่อนลมหายใจออกมาเหมือนจะเถียงแต่ก็คงเถียงไม่ออก " คนเรามันมีความดื้ออยู่ในตัวทั้งนั้นแหละ เอาเป็นว่าถ้าเค้าโกรธฉัน ฉันก็แค่เลิกทำงานและจะไม่ดื้อดึงต่อ เหมือนนายไง ที่ต้องรอให้แฟนโกรธถึงจะสำนึกได้ว่าตัวเองผิด "

“ ทำไมต้องเป็นแบบนั้นด้วยวะ " อีกคนพูดออกมาเสียงเบาๆ เหมือนไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เราก็รู้ว่าเราผิดแต่ก็ยังทำตัวเหมือนเด็กๆที่แบบ ไว้ถ้าเค้าโกรธเราก็ค่อยง้อแล้วก็ขอโทษ มันไม่เรื่องที่ดีเลยในความรู้สึกของผมแต่ก็ไม่รู้สิ จะเรียกมันว่าอะไรดีละ ความรู้สึกแบบนี้น่ะ ' ยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ ' เหรอ ? หรือว่า ' เป็นพวกคนดื้อด้านที่ไม่ยอมฟังอะไรดี '

“ คงเพราะ เรายังไม่เคยเห็นด้านที่เค้าโกรธเราแบบจริงๆ จังๆละมั้ง ? เราเลยไม่กลัวไง "  ทั้งๆที่มีความคิดว่า ต้องรอให้โกรธจริงๆจังๆก่อนรึไง แต่ว่า.. ความดื้อ ยังไงมันก็เป็นความดื้ออยู่ดีนั่นแหละนะ ยากจะห้ามปรามจริงๆเมื่อมันอยากทำ ก็เหมือนว่าต้องทำมันให้ได้ " เอาเป็นว่าอย่าคิดมากในสิ่งที่ตัดสินใจไปแล้วเลย อีกอย่างฉันเองก็ตอบตกลงเซ็ตสัญญาไปแล้ว วันนี้จะไปถ่ายภาพลงเว็บไซต์โปรโมทเป็นพนักงานใหม่ด้วย "

“ เหรอ "

“ เค้าบอกว่า พบลูกค้าก่อนสามคนเพื่อลองงาน ถ้าผ่านได้สามคน ก็ถือว่า ผ่านเป็นพนักงานเต็มตัวได้ "

“ นายตั้งใจจะเป็นพนักงานเต็มตัวเลยเหรอ " คีย์ถาม

“ ก็ไม่ขนาดนั้น "

“ แล้วทำไมถึงไปสมัคร อยากจะลองของให้เค้าหึงรึไงว่าจะเป็นยังไง "

“ ใช่ที่ไหนเล่า แค่อยากจะรู้จักงานของเค้าให้มากขึ้นก็เท่านั้นแหละ "

“ นี่ลิป ฉันว่าที่เค้าไม่อยากจะให้ทำมันต้องเหตุผลอะไรบางอย่าง แล้วนายมั่นใจเหรอว่าสิ่งที่นายอยากรู้มันจะน่ารู้จริงๆ " คำถามที่ทำให้ผมหันไปมองหน้าอีกคน ก็คิดนะ อย่างที่คีย์บอก ผมเองก็คิดว่าจะดีเหรอ ก็เค้าไม่อยากให้รู้แล้วจะรู้ไปทำไม แต่เพราะมันเป็นแบบนั้นไง ในใจลึกๆมันก็สงสัย มันอยากจะรู้ ทำไมอะ ทำไมไม่ได้ " ถ้าเกิดอะไรขึ้น ต้องรับให้ได้นะ แล้วอย่ามาเสียใจทีหลังละ ก็เค้าบอกแล้วว่าอย่าทำ "

“ อื้ม ฉันจะรับมันให้ได้ " ก็ในเมื่ออยากจะรู้เอง มันก็เหมือนอย่างที่อีกคนบอกจริงๆ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องรับให้ได้นะ

   ปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองเก็บของตัวเองใส่กระเป๋าเรียบร้อย ก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วหันไปบอกลาเพื่อนร่วมงานที่ก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินลงมาที่ชั้นล่างของตึกแล้วพบว่าคนที่นัดไว้ว่าจะมารับผมไปที่บริษัท เพื่อจะทำเรื่องเกี่ยวกับถ่ายภาพของผมที่จะลงเว็บไซต์ก็นั่งคอยอยู่แล้ว

“ คุณโท รอนานมั้ยครับ "

“ ไม่นานครับ เพิ่งมาก่อนหน้า ห้านาทีเอง " ผมพยักหน้ารับเค้า อีกคนก็ส่งยิ้มมาให้ " เราไปกันเลยมั้ย "

“ โอเคครับ ไปกันเลย "

“ เดี่ยวผมจะพาคุณไปถ่ายภาพนะครับ แล้วก็พูดคุยกันนิดหน่อย "

“ แล้วผมจะเริ่มงานได้เมื่อไหร่เหรอครับ " หันไปถามอีกคนตอนที่เรากำลังเดินทางไปที่บริษัท นั่งรถไฟต่อไปแค่สามสถานีเท่านั้นก็ถึงที่หมาย

“ พออัพภาพลงเว็บก็รอให้คนเลือกคุณ จากนั้นก็สามารถทำงานได้เลยครับ "

“ ต้องทำให้ผ่านสามคน ถึงจะได้เป็นพนักงานจริงๆใช่มั้ยครับ "

“ ใช่แล้ว " เค้าหันมาพยักหน้ารับ

“ แล้วมีคนที่ไม่ผ่านเยอะมั้ยครับคุณโท "

“ ตั้งแต่ทำงานมา ก็สัก ห้าคนมั้งครับ แต่ผมว่าส่วนนึงมันอยู่ที่โชคนะ "

“ ยังไงเหรอ " ถามเค้าด้วยความสนใจอีกคนก็หันมาเล่า

“ บางคนก็ได้เครสยากๆตั้งแต่เริ่มทำงานวันแรก มันก็ยากที่จะทำให้เค้าพึงพอใจ แต่บางคนได้เครสที่คนไม่เรื่องมาก เค้าก็ผ่าน ผมเลยมองว่า ส่วนนึงก็อยู่ที่โชคนิดหน่อย " พยักหน้ารับอีกคนเบาๆ ตอนที่ถอนหายใจออกมา คุณโทก็ถาม " ตื่นเต้นเหรอครับ "

“ ก็นิดหน่อยน่ะครับ " ตื่นเต้นกว่าการเจอลูกค้าก็กลัวว่าเรื่องจะโป๊ะแตกเจอคุณเมษเอาตั้งแต่วันแรกนี่แหละ อยากจะลองดูก่อนเพราะงั้นก็อย่าได้เจอกันเลยนะ

“ ถึงแล้วครับ บริษัทเราอยู่ชั้นที่ 20 นะครับ " ผมพยักหน้ารับตอนที่เดินเข้าไปในลิฟต์ที่ขึ้นตรงสู่ชั้นที่ 20 ประตูลิฟต์ที่เปิดออกบริษัทเล็กๆที่มีคนทำงานอยู่จำนวนนึง " ที่นี่เราจะมีพนักงานโทรศัพท์โทรเช็คความพึงพอใจของลูกค้า แล้วก็คนจัดการตารางเวลานะครับ คนจัดการตารางเวลาเนี้ย เค้าจะโทรบอกแจังนัดกับคุณว่าต้องไปเจอลูกค้าที่ไหน รายละเอียดของลูกค้า เดี่ยวผมจะแนะนำให้รู้จัก เอ่อ ธีร์ "

“ ครับ " เสียงผู้ชายที่ขานรับกับท่าทางซื่อๆ ผมก้มหน้าทักทายอีกฝ่ายก็ก้มหน้าทักทายกลับมา

“ ฉันพาโฮสคนใหม่มาแนะนำ นี่คุณลิปนะ ส่วนคุณลิปนี่ ธีร์นะครับเป็นหัวหน้าคนจัดการเวลาที่จะโทรไปแจ้งเรื่องคิวงานของคุณ "

“ ยินดีที่ได้รู้จักครับ "

“ เช่นกันครับ " พยักหน้ารับอีกฝ่ายที่ส่งยิ้มให้

“ แล้วท่านช่างถ่ายภาพมารึยัง " คุณโทหันไปถามอีกคนที่ก็พยักหน้ารับ

“ มาแล้วครับอยู่ในห้อง กำลังรออยู่เลย " เค้าบอกอีกฝ่ายก็หันมามองผม

“ ไปครับ เดี๋ยวผมจะพาไปแนะนำให้รู้จัก "

“ คุณโท ผมถามอะไรหน่อยสิ "

“ ครับ " เค้าที่เดินนำหันมาหาผมแต่มือก็คว้าลูกบิดของห้องห้องนึง

“ ช่างภาพคุณ ชื่ออะไรเหรอครับ " เพราะจำได้ว่า อาชีพหลักของคุณเมษคือช่างภาพ แล้วเค้าจะเสียเงินจ้างคนอื่นทำไมในเมื่อตัวเองก็เป็นช่างภาพอยู่แล้ว ประตูที่เปิดออกกว้างผมมองเข้าไปข้างในแล้วตอนนั้นคำตอบทุกอย่างมันก็ฉายเป็นภาพชัดจนหน้าใจหาย

“ ชื่อเมษครับ " กลืนน้ำลายคงคอตอนที่เบื้องหลังนั้นเงยหน้าขึ้นจากกล้องถ่ายภาพแล้วมองมาเช่นกัน ต่างฝ่ายที่ต่างนิ่งผมรู้สึกเหมือนทุกอย่างรอบตัวมันมืดไปหมด สว่างจ้าอยู่แค่ตัวเค้าเท่านั้น พร้อมกับคำพูดที่เอ่ยเรียกชื่อผมเบาๆ

“ ลิป "

“ อ้าว รู้จักกันแล้วเหรอ " คุณโทที่เอ่ยออกมางงๆ เค้ามองหน้าผม แล้วก็มองหน้าหัวหน้าของตัวเอง " รู้จักกันได้ไงวะ "

“ เอ่อ..” ผมที่ได้แต่นิ่งไม่รู้จะพูดอะไรอีกฝ่ายก็เดินเข้ามาถาม

“ นี่มันอะไรกัน นายมาที่นี่ได้ยังไง "

“ คือ..”

“ ก็นี่ไงโฮสคนใหม่ที่กูเล่าให้ฟัง ว่าจะพามาแนะนำมึงแล้วให้มึงถ่ายรูปลงโปรโมตในเว็บให้ไง "  คุณเมษยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะก้มหน้าลงอยู่สักพัก เค้าถอนหายใจออกมา

“ มึงออกไปก่อน "

“ กูเหรอ " คุณโทชี้นิ้วเข้ามาตัวเอง อีกฝ่ายก็จ้องหน้าเหมือนจะหาเรื่อง

“ ใช่ ออกไป "

“ เอ่อ คุณโทครับคือว่า " ผมหันไปบอกเค้าตอนนี้อีกฝ่ายที่กำลังงงๆ  " ผมไปด้วยสิ "

“ ส่วนนายอะอยู่นี่ " เสียงทุ้มพูดผมก็กลืนน้ำลายลงคอไปด้วยความกลัว บิงโกมาเจอคุณหัวหน้าตั้งแต่ยังไม่ถ่ายรูปลงโปรโมตเลยด้วยซ้ำ แม่งจะเรียกว่าซวย หรือซวยมากๆดีวะ  " ฉันจะสัมภาษณ์โฮสใหม่แบบตัวต่อตัวหน่อย "

“ คือมึงช่วยบอกกูที ว่ามึงรู้จักเค้าใช่มั้ย กูจะได้เบาใจ " คุณโทถามอีกฝ่ายก็ยกยิ้ม

“ ยิ่งกว่ารู้จักอีก คนนี้อะ เมียกู "

“ ห๊า!! “ คุณโทอ้าปากค้างก่อนจะถูกดันให้ออกไปจากห้องด้วยมือหนาที่ล๊อคห้องทันทีแล้วหันมามองผมที่ได้แต่ยืนนิ่งแล้วก้มหน้าลง ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ ผมเองก็ถอยหลังจนสุดกำแพงก่อนจะเงยหน้ามองเค้าแบบกล้าๆกลัวๆอีกคนก็ค้ำมือกับผนังข้างหลัง

“ ฉันน่าจะเอะใจตั้งแต่ที่โทเล่าให้ฟังว่า โฮสใหม่น่ะ ทั้งน่ารักแล้วก็ช่างพูด " เค้าหลุดยิ้มออกมาก่อนจะจับปลายคางของผมให้เงยขึ้นจ้องหน้าเค้า " ฉันน่าจะเอะใจว่าเป็นนายตั้งแต่แรกแล้วว่ามั้ย ลิป "

“ คุณเมษ "

“ ทำไมถึงได้ดื้อขนาดนี้ ไม่เคยคิดจะฟังกันเลยใช่มั้ย " คำถามที่ทำให้ผมได้แต่เม้มปาก " นายอยากรู้มากเหรอว่าทำไมฉันถึงไม่อยากจะให้นายเป็น มาสิฉันจะบอกให้ "  เงยหน้ามองเค้าในตอนที่อีกคนก้มลงมาจูบริมฝีปากของผมเอาไว้ เบิกตากว้างตอนที่ลิ้นนั้นพยายามแทรกตัวเข้ามาในโพรงปาก ผมเม้นริมฝีปากเเน่นแต่มือหนาของเค้าก็ดึงปลายคางให้เผยอริมฝีปากออก เค้าไล่มือปลดกระดุมเสื้อก่อนจะดึงชายเสื้อออกจากกางเกง ผละริมฝีปากออกก่อนจะไล่จูบลงต่ำไปบนลำคอ

“ คุณเมษ ไม่เอา หยุดนะ ถ้าไม่หยุดจะฟ้องเลยนะ "

“ ฟ้อง ? “ เค้าเงยหน้าขึ้นถาม " ฟ้องฉันในข้อหาอะไรไม่ทราบ "

“ ในข้อหาคุกคามทางเพศลูกน้องในบริษัท " ผมบอกอีกคนก็ยิ้ม

“ ข้อหานี้ถูกยอมความเพราะลูกน้องฉันคนนี้ พ่วงด้วยตำแหน่งพิเศษอีกตำแหน่งนั่นคือ แฟนฉัน " เค้ายกคิ้วท้าทายตอนที่ก้มลงจูบที่คอของผมอีกครั้ง " ไหนบอกว่าอยากจะรู้ไงว่าบริษัทฉันมันทำอะไรบ้าง นี่ไงฉันกำลังทำให้นายดู ว่านายอาจจะโดนลูกค้าชวนทำเรื่องแบบนี้ก็ได้นะ "

“ แต่มันมีกฏข้อห้ามว่าห้ามทำนี่ แล้วผมก็ไม่คิดจะทำด้วย " ผละอกเค้าอีกคนก็ยังดึงดันเข้ามาหา เค้าที่ไม่ยอมฟังอะไรเอาแต่หงุดหงิดที่เห็นหน้าผมโผล่มาสมัครโฮสทั้งๆที่ห้ามเอาไว้แล้ว ริมฝีปากอุ่นที่แนบสัมผัสลงบนต้นคอผมได้แต่เม้มริมฝีปากแล้วดึงตัวเองหนี แต่อีกคนก็ยังตามมาไม่ลดละ

“ กฏข้อห้ามสำหรับบางคนมันก็ใช้ไม่ได้หรอกนะจะบอกให้ โดยเฉพาะคนดื้อดึงที่ไม่ฟังอะไรมันก็มีเยอะแยะ จะให้ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็นายไง " เค้าที่กระซิบลงข้างหูก่อนจะเลื่อนมือไปสัมผัสเรือนร่างของผมมากขึ้น

“ นี่! ปล่อยนะคุณ รู้จักสถานที่ซะบ้างสิ " ผมตะคอกใส่อีกคนตอนที่ผละเค้าให้ออกห่างได้ คุณเมษก็จับข้อมือของผมทั้งสองข้างก่อนจะขึงให้ชิดกับริมฝาผนังก่อนจะตะคอกกลับมา

“ ทำไมฉันต้องฟังนายด้วยทีนายยังไม่ฟังฉันเลย  นายไม่เคยฟัง ฉันห้าม ฉันพูดกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้ทำ ก็คือไม่ให้ทำ แล้วทำไมนายมาขอให้ฉันฟังนาย ทั้งๆที่นายยังไม่เคยฟังฉันเลย อยากจะเป็นโฮสจริงๆเหรอ มาสิ บริการฉันให้ถึงใจก่อนแล้วฉันจะให้ผ่าน "

“ แล้วผมที่อยากจะรู้จักอาชีพคุณมากขึ้น ผมผิดรึไงกันล่ะ! ” เสียงตะคอกที่ดังขึ้นของผม " ผมแค่อยากรู้ว่ามันต้องยังไงบ้าง อยากรู้ว่าทำไมคุณถึงชอบทำ ทำไมคุณถึงบอกว่ามันให้แง่คิดดีๆกับคุณ ทำไมคุณถึงรักงานนี้ ก็แค่อยากจะลองดู แล้วผมก็คิดว่าถ้าผมอยากรู้อยากลองอยู่ในขอบเขตสายตาของคุณก็คงไม่เป็นไร ก็เลยมาสมัครที่นี่ ถ้าผมคิดแค่อยากจะเป็นโฮสจริงๆ ผมไปสมัครที่อื่นก็ได้นี่ ทำไมต้องมาสมัครกับคุณด้วย แล้วคุณมองผมไปในแง่ไหนกันเหรอ มองไปถึงเรื่องเซ็กส์ กับเรื่องอย่างว่าแล้วเหรอ โฮสของคุณจริงๆ ขายเรื่องอย่างงี้รึไง ถึงกลัวไปถึงขนาดนั้นน่ะ!”

“ ลิป " เค้าเอ่ยเรียกชื่อผม มือหนาที่ค่อยๆลดมือที่จับกุมผมอยู่ คว้าเสื้อของตัวเองเข้ามาก่อนจะหันหลังติดกระดุมที่หลุดลุ่ยนั้น

“ ผมดื้อ ผมไม่ฟังคุณก็พูดกันดีๆก็ได้นี่ ทำไมต้องทำอะไรแบบนี้ด้วยวะ คุณดูเหมือนคนเถื่อนที่ชอบทำเรื่องอย่างงั้นเวลาไม่พอใจอะไร " ดูจากหลายๆครั้งที่เราเถียงกัน ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่เค้าก็ชอบทำแบบนี้ ไม่ได้คุยกันดีเหมือนผู้ใหญ่เค้าทำแต่กลับใช้กำลังใช้เซ็กส์มากกว่า ซึ่งต่างจากเค้าก่อนหน้านี้ที่ทั้งอบอุ่นและขี้เล่น

“ เรื่องนั้น ฉันขอโทษที " เค้าพูดก่อนจะถอนหายใจออกมา ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบไปหมด เงียบจนในห้องสี่เหลี่ยมนี้มันอึดอัด

“ ช่างมันเถอะ " ผมบอกก่อนจะถอนหายใจ ขาที่กำลังจะเดินออกไป ถูกมือของอีกคนจับไว้

“ แล้วจะไปไหน "

“ กลับบ้าน " เงยหน้ามองเค้าที่มองมา แววตาที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่หันไปมองทางอื่น เค้าก็ถอนหายใจ

“ เรื่องนั้นผมขอโทษจริงๆนะ อย่างอนกันสิ " เหลือบตามองเค้าแบบไม่ได้พูดอะไร " ลิป "

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นก่อนกลอนที่ล็อคจะถูกไขออกมา ผมหลบหน้าคุณโทที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจสถานการณ์เท่าไหร่นัก เค้ามองผมสลับกับหน้าของคุณเมษพลางเอ่ยถาม " โอเคแล้วนะ "

“ อื้ม " คุณเมษตอบ

“ นี่กูถามได้ยัง "

“ จะถามอะไร " ร่างสูงถาม

“ มึงกับคุณลิปนี่..คือเป็น แฟนกันเหรอ " เค้าถามแบบไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่ สีหน้าที่ดูลังเล แต่คุณเมษก็พยักหน้ารับ

“ อื้ม แฟนกัน "

“ อ่าา " เสียงทุ้มที่พยักหน้ารับ " แล้วเค้าขอมึงทำงานนี้ตั้งแต่ทีแรกแต่มึงไม่ให้ทำ "

" อื้ม "

" แล้วตกลงว่า มาถึงขนาดนี้แล้ว คุณลิป ยังทำมั้ยครับ โฮสนี่..”

“ ก็แล้วแต่เค้าสิ " เสียงทุ้มพูดขึ้นก่อนจะเดินไปจับกล้องของตัวเองขึ้นมาอย่างไม่สนใจ " ถ้าอยากจะทำก็ทำ สิทธิของคุณ เรื่องของคุณ "

“ เอ่อ..” คุณโทหันมาหาผม เหมือนจะถามว่าจะทำรึเปล่า แต่ท่าทางของอีกฝ่ายที่กำลังงอนนั้นก็ทำให้ผมลังเลที่จะตอบออกไป

“ เค้าเหมือนจะงอนนะผมว่า "

“ ไม่เหมือนหรอก กำลังงอนเลยแหละ " คุณโทพูดก่อนจะยกยิ้ม " เค้าคงกลัวใครมาจีบคุณละมั้ง เพราะเอาตัวเองเป็นเกณฑ์แบบว่า โดนลูกค้าจีบบ่อย " เสียงหัวเราะเงียบลงตอนที่คุณเมษหันมามอง เค้าที่ถอนหายใจออกมา

“ อยากจะทำก็มายืนตรงนี้ ฉันจะถ่ายรูปให้ "

“ ถ้าทำแล้ว เรามีปัญหากันผมก็จะไม่ทำ เพราะแค่นี้ก็มีปัญหากันอยู่แล้ว "

“ ไม่รับปาก " เค้าพูดก่อนจะดึงแขนผมให้เข้าไปยืนอยู่หน้าเฟรมที่ใช่ถ่ายภาพ " เพราะนายก็เห็นว่าเวลาฉันโกรธฉันจะเป็นยังไง แต่ถ้านายอยากจะลองของ ก็ตามแต่ใจแล้วกัน ดื้อมาได้ครึ่งทางแล้วนิ ก็ดื้อให้มันสุดๆเลยเป็นไง "

“ คุณเมษ "  ไอ้คนขี้ประชด

“ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะมาหาว่าผมใจร้ายไม่ได้นะ  เพราะผมก็หวงของของผม คุณเป็นของผมในฐานะแฟนเหมือนกัน " 

“ พูดซะน่ากลัวเลย " คุณโทพูดออกมาเสียงเบาๆ ก่อนจะหัวเราะ ผมจ้องหน้าคมของอีกฝ่ายที่ยกกล้องขึ้นถ่ายภาพผม เสียงชัตเตอร์ที่กดลง ผมเอียงหน้ามองเค้าก็กด

“ แล้วต้องทำท่าแบบไหนละ "

“ แบบไหนก็ได้ครับ น่ารักไปหมดเลยแหละ " คุณโทพูดเค้าที่ยืนมองภาพในคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ คุณเมษก็ลดกล้องลงแล้วหันมามองเพื่อนตัวเอง " แค่ชมก็ไม่ได้เหรอวะ "

“ แล้วทำไมมึงต้องชม "

" อ้าว ไอ้นี่ ก็ภาพเค้าน่ารัก ดูสิ มันไม่น่ารักเหรอ " เค้าชี้ไปที่หน้าจอก่อนจะเอียงหน้าตามภาพของผม " แค่เอียงหน้าเฉยๆยังน่ารักเลย "

“ มึงออกไปเลยไป "

“ อ้าว.. อะไรอะ หวงเกินไปแล้วมึง กูชมแค่นี้ยังรับไม่ได้ ไอ้พวกลูกค้า ถ้าสมมุติเค้าได้เป็นลูกค้าผู้ชายเค้าทำมากกว่านี้อีก ยิ่งได้ไอ้พวกกามๆหน่อยนะสัด " สายตาคมหันมาจ้องเขม็งไปที่เพื่อน ที่ก็ต้องเม้มปากแน่นทันที คุณเมษถอนหายใจก่อนจะวางกล้องลง " ไม่ถ่ายแล้ว ? “

" ถ่ายแค่นี้แหละ " เค้าพูด

“ มึงจะถ่ายแค่สองภาพไม่ได้ เราต้องถ่ายหลายๆมุม มึงอย่ามาหวงไม่เข้าท่า "

“ ก็กูจะถ่ายแค่นี้ " ย้ำแค่นั้นก่อนจะเลื่อนเม้าส์ไปมา แล้วสักพักเสียงของคุณโทก็ดังขึ้นอีก

“ แล้วมึงลบภาพเอียงหน้านั่นทำไม ภาพนี้มันไม่ค่อยสวย ไอ้เชี้ยยย "

“ เอาไป " เค้าพูดก่อนจะยื่นที่บันทึกข้อมูลอันเล็กๆส่งให้เพื่อนที่ก็บ่นอุบอิบแต่ก้ยอมรับไป

“ ไอ้ขี้หวงเอ้ย "

“ ออกไปทำงานของมึงได้แล้ว "

“ จะทำอะไรกันน่ะ " สายตาล้อๆที่ถาม ก่อนจะโดนอีกคนผลักแล้วปิดประตูใส่ คุณเมษถอนหายใจออกมาก่อนจะหันมามองหน้าผมที่ก็หลบตาไปทางอื่น

“ ช่วยกล้าหันมามองหน้าฉัน เหมือนที่นายกล้าจะขัดใจฉันหน่อยได้มั้ย "

“ ถ้าคุณไม่อยากจะให้ทำ ผมไม่ทำก็ได้ ทำไมต้องประชดกันด้วย "

“ แล้วทำไมทีแบบนี้ถึงว่าง่ายขึ้นมาละ " เค้าถามก่อนจะเดินไปหยิบกล้องของตัวเองขึ้นมาเช็คอะไรบางอย่าง " ตอนที่บอกว่าไม่ให้ทำตั้งแรก ทำไมถึงดื้อมาสมัคร " คำถามที่ไม่รู้จะตอบอะไรก็ได้แต่นิ่งแบบนั้น ทุกอย่างมันเริ่มมาจากผมที่ไม่ยอมฟังอะไร เอาแต่ดื้อ ก็รู้ว่าสุดท้ายต้องเจออะไรแบบนี้แต่ก็ยังทำ " มันไม่ใช่ว่าคุณไม่รู้นิ ว่าถ้าทำลงไปแล้วจะเจออะไร คุณไม่ใช่เด็ก จะมาบอกว่าไม่รู้ ก็ไม่ได้นะ "

“ แล้วทำไมคุณต้องขู่ด้วย "

“ ไม่ได้ขู่ " เค้าบอก " มันไม่ได้สวยงามอย่างตอนที่ผมเจอคุณหรอก ถ้านายดวงดี นายอาจจะเจอคนดี แต่ถ้านายซวยนายอาจจะเจอคนที่เค้าอยากจะสานสัมพันธ์ต่อ คนที่เค้าเดินตามนายจนมาถึงบ้าน รู้ที่อยู่ ที่ทำงาน แล้วก็ตามไปในทุกที่จนคุณต้องจิตตก บางทีก็ต้องย้ายหนี "

“ งั้นคุณก็ไปกับผมสิ "

“ ไม่ " เค้าพูดเสียงเด็ดขาด

“ คุณเมษ "

“ ไม่ต้องมาอ้อน คุณเลือกที่จะทำเอง คุณเลือกที่จะดื้อเอง คุณต้องจัดการมันด้วยตัวเอง " ใบหน้าคมที่กำลังนิ่งจ้องมองมาทางผมด้วยสีหน้าที่กำลังโกรธ สิ่งที่เค้าขู่ตอนนี้น่ากลัวพอๆกับอารมณ์ของเค้าที่ค่อยๆกรุ่นขึ้นมา

“ อย่าโกรธผมสิ ผมขอโทษที่ดื้อกับคุณ "

“ ทั้งๆฉันพยายามจะปกป้องนาย ไม่อยากให้มีอันตรายจากสิ่งที่เคยได้ยิน เคยเจอ แต่นายก็ดันทุรังที่อยากจะทำ งั้นก็ทำเถอะ ทำอย่างที่นายดื้อที่จะทำมันไง ลืมความหวังดีของฉันไปซะ ไม่มีค่าอะไรหรอก "

“ คุณ.. " ผมเรียกเค้าเสียงอ่อน แต่ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะยอมใจอ่อนลงเลย รู้สึกผิดเต็มประตูจนไม่รู้จะง้อเค้ายังไงดีเลยได้แต่เงียบอยู่แบบนั้น

“ ผมละอยากให้คุณเจอแบบน่ากลัวๆจริงๆ จะได้รู้ว่าไง ว่าทำไมถึงหวง ถึงห่วง "

“ ขอโทษ " ยื่นมือไปจับชายเสื้อของเค้าที่ได้แต่ถอนหายใจออกมา ผมดึงตัวเองเข้าไปใกล้กอดเค้าไว้แน่นอีกคนก็เบือนหน้าหนี " อย่าโกรธผมเลยนะ ก็ผมไม่รู้นี่น่าว่ามันจะมีเรื่องแบบนั้น ผมก็แค่อยากจะรู้จักคุณ รู้จักงานของคุณ มันก็เท่านั้น ผมยอมรับว่าผมดื้อ แต่คุณอย่าประชดด้วยคำพูดแบบนั้นสิ " เงยหน้ามองเค้าตอนที่เขย่งเท้าหอมแก้มอีกคนที่ก็ยอมก้มหน้าลงมาสบสายตาผม

“ จำเอาไว้อย่างนึงนะ ถ้าเกิดว่าฉันโมโหแล้วทำอะไรแบบที่นายไม่ชอบขึ้นมา ก็อย่ามาหาว่าใจร้ายก็แล้วกัน เพราะฉันจะไม่ใจดี กับเหตุผลของเด็กดื้ออย่างนาย แล้วฉันก็เตือนแล้ว แต่นาย ไม่ฟังเอง " คำพูดขู่ที่ทำให้ผมกลัว ทำได้แค่ถอนหายใจออกมาเพราะความไม่สบายใจ สมควรแล้ว คิดจะดื้อไม่เข้าท่า ตอนนี้ก็ได้แต่กลัว ทั้งคนที่จะมาเป็นลูกค้ารายแรก แล้วที่กลัวที่สุดก็คือคนตรงหน้า เรียกได้ว่า กลัวที่สุดเลย

' พลาดแล้วลิป นายไม่น่าไปเล่นกับของจริงเข้าเลย ' 
 
...................................................

คนบางคนไม่เห็นโรงศพ ก็คงไม่หลั่งน้ำตา...
แถวบ้านเรียก ลองของ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ช่วงนี้ยังคงเป็น เมษลิป นะคะ
ตอนหน้าก็เช่นกัน มาดูกันว่า ลูกค้าคนแรกของน้องลิปจะเป็นใคร

เจอกันตอนหน้าค่ะ
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและ คอมเม้นท์ค่าาา

 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:


หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 25 ' ผมอยากเป็นโฮส ' UP - 19.8.59} หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-08-2016 21:05:56
ลองของแบบนี้ระวังจะเจอของดีนะจ๊ะหนูลิป
เรายังหวั่นๆว่ายัยป้านั่นจะยังไมารามทอน่ะสิเห้อ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 26 ' พลาด ' UP - 21.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 21-08-2016 21:09:02
น้านนนนนนนน หาเรื่องจนเป็นเรื่องจนได้นะ ลิป :ruready
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 26 ' พลาด ' UP - 21.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 21-08-2016 21:31:19
ทำตัวเองแท้ๆหนูลิปเอ้ย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 26 ' พลาด ' UP - 21.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 21-08-2016 21:41:49
เมษต้องสกรีนลูกค้าให้หนักๆ ทั้ง 3 คนแรกแน่นเลย

แล้วที่บอกจะไม่ไปด้ยวย อย่าให้เห็นนนนตายไปนะ อิอิ

หาเรื่องจับกดลิปอะป่าวเนี่ยยย อิอิ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 26 ' พลาด ' UP - 21.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 21-08-2016 22:08:54
ลิปเอ๊ย  หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ  เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 26 ' พลาด ' UP - 21.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 21-08-2016 23:56:34
ก็หวังว่าจะไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้นนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 26 ' พลาด ' UP - 21.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 22-08-2016 00:16:54
5555  ตายแน่ลิปงานนี้  อิคุณแฟนขี้หวงขู่ไว้ขนาดนี้ อนาคตอยู่ยากมากบอกเลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 26 ' พลาด ' UP - 21.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-08-2016 00:57:52
จะสมน้ำหน้าลิปดีมั้ย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 26 ' พลาด ' UP - 21.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-08-2016 04:15:43
โดนค่ะโดน จัดไปค่ะให้สมกับเด็กดื้อ
ขนาดคีย์ยังไม่อยากให้ทำ ยิ่งเมษที่ว่าเป็นแฟนก็สมควรแล้วไหม

ลูกค้าคนแรก เป็นเมษ 5555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 26 ' พลาด ' UP - 21.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 22-08-2016 06:26:35
เมษโกรธเพราะเป็นห่วงไม่อยากให้ลิปมีประสบการณ์ไม่ดีกับงานที่เขาทำ หวงเพราะแค่คิดว่าลิปอาจถูกจีบ ถูกลวนลามก็ได้

ส่วนลิปก็อยากรู้จักแฟนให้มากขึ้นแต่ไม่ระวังตัวเองเท่านั้น
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 26 ' พลาด ' UP - 21.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 22-08-2016 12:58:27
รอดู ลูกค้ารายแรก ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 26 ' พลาด ' UP - 21.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 22-08-2016 14:53:40
' พลาดแล้วลิป นายไม่น่าไปเล่นกับของจริงเข้าเลย '  :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 26 ' พลาด ' UP - 21.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 22-08-2016 20:12:22
กรี๊ดดดดด ขออย่าให้ลิปเจอคนน่ากลัวมากนักนะ งื้อออ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 26 ' พลาด ' UP - 21.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 23-08-2016 23:30:09
พลาดแล้วววววววววววลิปปปปปปปปป แต่บอกเลยว่าตัวเองก็คิดและ(อาจ)จะทำเหมือนลิป 555555555 ความอยากรู้อ่ะ ก็เข้าใจถึงอันตรายหรืออะไรที่มันเสี่ยงอะนะ แต่ก็แบบอยากรู้อ่ะ เป็นยังไง อะไรแบบไหน ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุจริงละ เข้าใจลิปนะ เป็นพวกแบบต้องเกือบ(เจออันตรายแต่รอดมาได้)เห็นโลงศพก่อนถึงจะยอมอ่ะ รอดู๊ววววววววววว่าจะเจอเคสไหนบ้าง เคสแรกไปเข็ดเลยซะละ 55555555555 //สนุกกกค่ะ ชอบบบมาก มันเป็นอะไรที่เป็นความจริงที่เจอได้ในความคิดคน ตัวเองอ่านไปนี้ เออว่ะ เออใช่ 555555 //มาต่อนะค่ะ รออัพรออ่านทุกวัน สู้ๆนะค่ะไรท์ เป็นกำลังใจให้ทุกตอนเลยยยค่ะ ชอบค่ะชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ  :katai4: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 26 ' พลาด ' UP - 21.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 26-08-2016 16:55:53
 :o8:

น่ารักกกกกกกก ชอบพาสหึง หวง ที่สุดดดด
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 26 ' พลาด ' UP - 21.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: whyrockstarx3 ที่ 26-08-2016 18:36:17
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 27 ' งานวันแรก ' UP - 26.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 26-08-2016 20:38:46

ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 27
' งานวันแรก '

   ผ่อนลมหายใจออกมากับเช้าวันเสาร์หลังจากที่ได้รับสายโทรศัพท์สำคัญที่รออยู่นาน งานโฮสที่ไปสมัครไว้ที่บริษัทของคนขี้งอนที่แม้แต่ตอนนี้ผ่านมาสามวันก็ยังพูดจาแบบถามคำ ตอบคำกับเค้าอยู่เลย ถึงแม้จะถามว่าโกรธอะไร ดีกันเถอะ หรืออ้อนแค่ไหน อีกฝ่ายก็จะแค่บอกด้วยเสียงเรียบๆว่า ' ฉันไม่ได้โกรธ ' หรือไม่ก็ ' ฉันตามใจนายไง ' เป็นคำพูดโกหกที่แฝงไปด้วยความประชดประชัน แต่ทุกอย่างนั่นก็เกิดจากความดื้อดึงของผม ที่ไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น

' คุณลิป วันนี้คุณมีตารางงานนะครับ ' เสียงของคุณธีร์ที่กรอกเข้ามาในสายตอนนั้น ผมเบิกตากว้างขึ้นมาทันทีกับคำพูดของเค้าก่อนจะเม้มริมฝีปากตัวเองเพราะความตื่นเต้น แล้วคว้าเอากระดาษและปากกามาจดรายละเอียดทั้งหมดเอาไว้ ทั้งชื่อ สถานที่นัดพบและเวลาทำงาน ' เพราะว่าวันนี้เป็นวันแรกของคุณ เดี๋ยวคุณโทจะขอนัดเจอคุณที่คาเฟ่ใกล้ๆสถานที่ที่ลูกค้านัดคุณนะครับ เพื่อแจ้งรายละเอียดสำคัญที่ต้องรู้ "

' ครับผม '

' ผมส่งรายละเอียดทั้งหมดไปที่ อีเมล์แล้ว ถ้ายังไงก็อ่านจากในเมล์นะครับ หรือถ้าไม่เข้าใจก็โทรมาถามผมได้ '

' ขอบคุณมากครับ คุณธีร์ '

   ผมเปิดเมล์อ่านในนั้นมีทั้งสถานที่การนัดเจอ ชื่อลูกค้า ประวัติพื้นฐานแล้วก็เบอร์ติดต่อ ลูกค้ารายแรกของผมเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยครับ แถมยังเป็นผู้ชายด้วย

“ เด็กนักศึกษามหาลัย เป็นผู้ชาย ปรึกษาเรื่องความรัก " ผมทวนความคิดตัวเอง ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาแล้วส่ายหน้าขำๆเมื่อคิดถึงใครคนนึง " น้องฟานเปล่าวะ แต่ไม่น่าใช่ รายนั้นลั๊นล๊ากันจะตายไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ถึงมีคีย์ก็คงมาเล่าเค้าก่อนที่น้องฟานจะมาขอคำปรึกษากับคนพวกนี้อยู่ดี " ถอนหายใจออกมาด้วยความตื่นเต้น ไม่ว่ายังไงก็ยังรู้สึกอดกังวลไม่ได้เลยว่ามันจะออกมาเป็นยังไง แต่ก็ขอให้ออกมาดีด้วยเถอะ  ขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม

   อาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปจากบ้านไปก่อนเวลานัด เสื้อยืดขาวคอวีของผมคลุมทับด้วยเสื้อคาร์ดิแกนตัวยาวพร้อมกับกางเกงขาวยาวสีดำแบบแนบเนื้อ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ยกมือภาวนากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองสำหรับการทำงานพิเศษในวันแรก

   ครืน ครืน ครืน

   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาผมกดรับในตอนที่จะเดินเข้าไปในร้านคาเฟ่ใกล้ๆกับสถานที่ที่ลูกค้านัดผมเอาไว้เย็นนี้ " สวัสดีครับคุณโท "

“ คุณลิปอยู่ไหนน่ะ "

“ กำลังจะเดินเข้าไปในร้านคาเฟ่ที่นัดกับคุณน่ะครับ " ผมบอกก่อนจะกวาดสายตามองไปทั่วร้าน แล้วก็พบกับคนคุ้นหน้าที่ยกมือขึ้นทักเป็นสัญญาณ " อ๊ะ เจอแล้ว " กดวางสายโทรศัพท์ของตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะด้านใน ชุดโซฟาที่อีกคนกำลังนั่งอยู่ กาแฟหอมๆที่ส่งกลิ่นอบอวนตรงหน้าบ่งบอกว่าเค้าคงมาถึงได้สักพักแล้ว " คุณโทมาคอยผมนานมั้ย "

“ สักห้านาทีน่ะ แต่ฉันมาก่อนเวลาอะนะ ไม่เป็นไรหรอก "

“ ครับ "

“ นายจะสั่งอะไรมั้ยละ "

“ ไม่ล่ะครับ ผมไม่ค่อยอยากจะกิน " บอกอีกคนแบบนั้น ตอนที่ยิ้มแห้งๆไปให้เค้าอีกฝ่ายก็หัวเราะ

“ ตื่นเต้นเหรอ "

“ ก็นิดหน่อยครับ กลัวทำงานออกมาไม่ดี "

“ กังวลเรื่องอื่นให้มากกว่า เรื่องทำงานไม่ดี จะดีกว่านะ ฉันว่า " เค้าพูดก่อนจะยกกาแฟตรงหน้าขึ้นมาดื่ม

“ หมายความว่าไงครับเนี้ย "

“ คุยกับไอ้เมษรึยังไงละ "

“ ก็คุยกันทุกวันนะครับ " พอบอกอีกคนไปแบบนั้นคนตรงหน้าก็ยิ้มกว้างขึ้นมาก่อนจะมองผมเหล่ๆ เหมือนรู้ความจริงเรื่องความสัมพันธ์ที่กำลังงอนๆกันของเราอยู่แล้ว

“ คุยกันแบบดีๆสิคุณ ไม่ใช่คุยกันแบบประชดๆ "

“ รู้แล้วก็ยังถามอีกนะครับ " ถอนหายใจออกมา ตอนที่เบือนหน้าหนีอีกคนก็หัวเราะ

“ แต่คุณก็เจ๋งดีนะผมว่า ไม่ยอมฟังคำพูดของแฟนง่ายๆ เป็นพวกไม่ว่าง่าย ไม่หัวอ่อน ต่างจากที่ไอ้เมษคบมาตลอดเลย "

“ นี่คุณกำลังชมอยู่ ผมเข้าใจถูกมั้ย ฟังดูแล้วเหมือนแอบด่านิดๆนะคุณ " คุณโทหัวเราะผมก็ผ่อนลมหายใจออกมา " แต่ผมว่ามันเป็นนิสัยแย่ๆของผมมากกว่า "

“ เป็นพวกต้องได้ลองทำด้วยตัวเองก่อนสินะ ถึงจะเชื่อในสิ่งที่คนอื่นพูด พวกความดันทุรังสูง "
 
“ จะว่าแบบนั้นก็ผิดหรอกครับ " ยิ้มแห้งๆ ก็รู้ตัวทุกอย่างแหละว่าตัวเองผิดยังไง ควรทำอะไรไม่ควรทำอะไร ผิดแต่ที่ถ้าอยากจะทำแล้วต้องได้ลองทำก่อนนี่สิ เป็นพวกถ้าไม่เจ็บเองก็จะไม่เชื่อ พวกไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งน้ำตา

“ แต่ผมว่ามันแย่นะ ไม่รู้สิ คงมีข้อดีกับข้อเสียมั้งคุณ แต่ผมไม่คิดว่ามันแย่ทั้งหมด ในมุมมองของไอ้เมษคงเพราะมันหวงคุณมากก็เท่านั้นเอง มันคงถูกใจคุณมากเลยแหละ ถึงได้หวงขนาดนั้น "

“ คุณโทรู้จักกับคุณเมษมานานแล้วเหรอครับ "   

“ ตั้งแต่เรียนมหาลัยน่ะ เราเป็นเด็กบ้านนอกที่เข้ากรุงเทพมาด้วยกัน ลำบากมาด้วยกัน ทำงานโฮสก็เริ่มทำด้วยกัน " พยักหน้ารับอีกคนที่ก็หยุดยิ้มออกมาอีก สายตาที่มองผมอย่างเจ้าเล่ห์ " ถ้าคุณจะถามผมเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของมันละก็ ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ จะเก็บเป็นความลับให้ก็แล้วกัน ถ้าคุณอยากจะรู้แล้วละก็นะ "

“ คุณถามเปิดทางให้ผมเลยนะ คุณโท " คงรู้อยู่แล้วแหละ ว่าอยากรู้ พวกโฮสก็แบบนี้ เก่งจับผิดความรู้สึกของคนอื่น

“ ก็เห็นกันอยู่แล้วว่าคุณอยากจะถาม "

“ คุณบอกว่าแฟนเก่าของคุณเมษเป็นพวกหัวอ่อนเหรอ "

“ คิดไว้แล้วว่าต้องคำถามนี้ " อีกคนว่ายิ้มๆก่อนจะพยักหน้ารับ " ใช่ หมอนั่นมันชอบคนเรียบร้อยหัวอ่อน ก็อย่างว่าละนะเราทำงานโฮสนี่คุณ คบกับคนหัวอ่อนที่ว่านอนสอนง่ายมันก็ดีที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอ พวกที่ไม่ต้องอธิบายอะไรมากก็เข้าใจ พวกที่ยังทนคบเราทั้งๆที่ก็ต้องเห็นเราไปทำเรื่องว่ากับคนอื่น หรือแม้แต่พูดคุยเอาใจคนอื่น สมัยก่อนที่มีแฟนเราก็คบกับคนแบบนี้ทั้งนั้นแหละ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครทนไหว ก็เลิกลากันไป "

“ แล้วตอนนี้คุณโทมีแฟนมั้ยครับ " ผมถามอีกคนก็ส่ายหน้า

“ จะมีได้ไงละครับ คนที่เข้าใจอาชีพโฮสแบบเราแล้วก็คบกับเราได้แบบไม่คิดมากอะไร ตอนแรกมันก็เฉยๆแหละคุณ แต่พอรักมากเข้าอะไรที่เคยเข้าใจมันก็ทำให้เข้าใจอย่างงั้นไม่ได้ ความเห็นแก่ตัวก็มากขึ้น แล้วสุดท้ายก็รังจะมีแต่ปัญหา ผมน่ะ เบื่อความรักแบบนั้นแล้วนะ ก็เลยคิดว่าเลิกเป็นโฮสก่อนก็แล้วกัน ค่อยคิดจะมีใครจริงจัง อีกอย่างผมก็ไม่มีใครมาทำให้รู้สึกว่า อยากจะเป็นโฮสด้วยสิ สำหรับผมเงินสำคัญกว่าน่ะ "

“ อย่างงั้นเหรอครับ " ผมพยักหน้ารับคำพูดของอีกคน มันก็ถูกอย่างที่เค้าพูด แล้วก็ไม่ผิดเลย นั่นคือสิ่งที่ผมกังวลอยู่ในใจลึกๆแต่พยายามทำเป็นมองข้ามไป ทั้งๆที่ก็รู้ตัวเองอยู่แล้วว่า สักวันเมื่อเรามีความรู้สึกรักที่มากขึ้นเรื่อยๆความเห็นแก่ตัวที่อยากจะครอบครองเค้ามันก็จะมีมากขึ้นด้วย แล้วพอถึงวันนั้น ผมก็ไม่รู้ว่าตัวผม หรือ งาน กันแน่ จะเป็นสิ่งที่เค้าเลือกที่จะเก็บไว้ ก็เพราะตัวเองเป็นคนดื้อด้านแบบนี้ไง ถึงได้กล้าลองเสี่ยงทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์ด้านแย่มันจะทำให้เจ็บปวดแค่ไหน

“ แต่ผมได้ยินมาว่าคุณเองก็ชอบคนอายุน้อยกว่าเหมือนกันนิ "

“ เอ๊ะ ? รู้ได้ไงเหรอครับ " ผมถามอีกคนก็ตอบแบบยิ้มๆ

“ แฟนคุณไง " เค้าบอก " รู้อะไรมั้ยละ ว่าลูกค้าคนแรกของคุณจริงๆแล้ว มีเข้ามาตั้งแต่วันแรกที่เราลงโปรโมตในเว็บแล้วละ แต่ว่าถูกไอ้เมษสแกนออกไปซะหมด จนสุดท้ายก็มาถึงคนนี้แหละ ซึ่งจริงๆมันก็จะไม่ให้คุณทำอีก แต่ผมก็คงยอมไม่ได้แล้วละ มันเล่นปฎิเสธเรี่ยราดแบบนั้น เสียลูกค้ากันหมดพอดี "

“ ขอโทษด้วยนะครับ " ผมก้มหน้าลงขอโทษอีกคนที่ก็ส่ายหน้าเชิงไม่เป็นไร

“ มันก็หวงของมันยังไงผมก็เข้าใจละนะ แต่ที่ตลกคือ มันหงุดหงิดใหญ่ว่าทำไมต้องเป็นเด็กอายุน้อยกว่าไปได้ มันบอกว่าเข้าทางคุณเลยสินะเพราะคุณชอบอะไรแบบนี้ "

“ จะใช่มันก็..ใช่ละนะ ” จะพูดยังไงละ แต่ส่วนตัวก็รู้สึกว่าตัวเองอ้อนเด็กเก่งกว่าผู้ใหญ่ เลยรู้สึกเบาใจมากตอนที่เห็นว่าลูกค้าเป็นคนอายุน้อยกว่า เพราะรู้สึกว่ายังไงก็ต้องทำได้ดีแน่ๆ

“ แล้วทำไมถึงมาคบกัยคนแก่กว่าอย่างไอ้เมษได้ละ "

“ เอ่อ..” ผมไม่รู้ว่าคำถามของอีกฝ่าย ผมจะตอบมันออกไปได้มั้ย โฮสของที่นี่ห้ามติดต่อกับลูกค้านอกเหนือเรื่องอื่น จริงๆห้ามไปส่งลูกค้าด้วยซ้ำ แต่เพราะคุณเมษผิดกฏทุกวันนี้เราก็เลยได้คบ แต่ว่าผมก็ไม่รู้ว่าคุณโทจะรู้เรื่องนี้จากคุณเมษแล้วรึยัง

“ ไม่อยากเล่าเหรอ "

“ คุณไปถามคุณเมษเถอะครับ " บอกแบบนั้นอีกคนก็พยักหน้ารับ

“ อย่างงั้นก็ได้ งั้นเรามาคุยเรื่องงานกันดีกว่า อีกหนึ่งครึ่งชั่วโมงลูกค้าคนแรกของนายก็จะมาแล้ว "

“ ครับ " พยักหน้ารับ

“ สิ่งที่นายต้องทำก็คือ ไปนั่งรอเค้าก่อน ตอนที่เข้าไปในร้านก็เลือกโต๊ะที่นั่งข้างในสุดนะ ตอนที่เจอหน้าเค้าก็เอ่ยทักเค้าอย่างสุภาพ ชวนพูดคุยให้คุ้นชินกันก่อน ถามเค้าว่าอยากจะกินอะไรมั้ย แล้วก็ค่อยสั่ง จำไว้ว่าถ้าทำได้ให้เลือกกินน้ำเปล่า แต่ถ้าลูกค้าบอกว่า จะสั่งอะไรก็ได้ ก็ให้เลือกที่อยากกินแค่อย่างเดียว หรือถ้าเค้าชวนกินข้าว อย่างสมมุติ สเต๊ก ก็เลือกกินที่ถูกๆไว้ก่อนนะ เพราะเค้าต้องจ่ายให้เรา "

“ เพราะเค้าจะได้สบายใจในการจ่ายเงินให้เราสินะครับ "

“ ใช่ " อีกฝ่ายพนักหน้ารับ " จากนั้นก็ชวนคุยเรื่อยๆ แล้วก็ค่อยๆถามถึงปัญหาของเค้า จำไว้ว่าให้ตั้งใจฟังให้มากที่สุด แล้วตอบคำถามเค้าอย่างใจเย็นที่สุด "

“ ครับ "

“ แล้วตอนที่หมดเวลาแล้ว แต่ถ้าเค้ายังพูดอยู่ ให้ฟังเค้าพูดจนจบแล้วค่อยๆพูดบอกเค้าไปถึงเวลาที่หมดไปอย่างสุภาพ ส่วนถ้าเค้าตอแยก็เหมือนกัน ก็บอกปัดอย่างสุภาพไปนะ "

“ ครับ "

“ การทำงานครั้งนี้ฉันขอฟังด้วยนะ " เครื่องอัดเสียงที่ถูกส่งมาตรงหน้าทำเอาผมขมวดคิ้ว " เพราะเป็นการทำงานครั้งแรกของนาย วันนี้ ฉันต้องฟังแล้วก็ประเมินการให้คำปรึกษากับนาย ไม่ต้องห่วงฉันได้รับความยินยอมจากลูกค้าแล้ว "

“ เหรอครับ "

“ ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านในก็ได้ "

“ ครับ " หยิบเรื่องฟังเล็กๆนั่นใส่ไว้ข้างในกระเป๋าเสื้อด้านในก่อนจะกระชับเสื้อตัวนอกปิดเอาไว้ ถอนหายใจมองหน้าอีกคนที่ก็หลุดหัวเราะออกมา " หัวเราะอะไรละครับ "

“ ก็หัวเราะคนตื่นเต้น " เค้าบอก " ไปเตรียมตัวได้แล้วครับ โชคดีนะ "

“ ครับ งั้นผมไปก่อนนะ " ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่ตัวเองนั่ง สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆกระเป๋าขึ้นสะพายก่อนจะเดินออกไปจากร้าน ตรงข้ามอีกฝากถนนเป็นร้านที่ลูกค้าคนแรกนัดเอาไว้ ก่อนจะเลือกนั่งที่โต๊ะตัวด้านในของร้าน พนักงานเดินถือเมนูเข้ามาวางไว้บนโต๊ะ ผมก็เอ่ยบอก " จะรอเพื่อนสักครู่ครับแล้วเดี๋ยวค่อยสั่ง"

“ ค่ะ " ถอนหายใจออกมาช้าๆ ตอนที่มองไปยังคาเฟ่ที่ตัวเองนั่งคุยกับคุณโทเมื่อครู่ก็พบว่าอีกฝ่ายไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว คงเพราะไม่อยากให้ผมตื่นเต้นที่มีคนคอยนั่งจ้องอยู่ตลอดเวลา

“ ตื่นเต้นชะมัด " พูดออกแบบนั้นมือที่กำเข้าหากันก่อนจะบีบกันแน่นระบายความตื่นเต้นด้วยการหลับตาแล้วก็ตั้งสมาธิ

“ สวัสดีครับ คุณลิป "

“ สวัสดีครับ " ผมลุกขึ้นจากที่นั่งอัตโนมัติตอนที่ได้ยินเสียงนึงทักขึ้นมา เด็กผู้ชายมหาลัยลูกค้าคนแรกของผมที่ยืนอยู่ตรงหน้า เป็นเด็กมหาลัยที่ตัวสูงกว่าผม ใบหน้าที่ไม่ได้จัดว่าหล่อเหลาแต่ก็ดูดีบวกกับการแต่งตัวก็ตามสมัยเค้านั่งลงตรงหน้าผมก็ยิ้มรับเค้า

“ คุณมารอผมนานมั้ยครับ "

“ ไม่ครับ ไม่นานเลย แล้วคุณเรย์เดินทางมาเหนื่อยมั้ยครับ "

“ ก็นิดหน่อยครับ เสียเวลาตรงหาร้านเพราะว่าผมไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน " เค้าบอกก่อนจะมองไปรอบๆ " เพื่อนบอกว่ามันเป็นร้านที่ดัง หาง่ายแต่ผมคงเซ่อร์ไปหน่อยก็เลยหาไม่ค่อยเจอ " ยิ้มรับคำพูดของอีกคน เค้าก็หยิบเมนูตรงหน้าผมไปมอง " สั่งอะไรก่อนดีมั้ยครับ "

" ก็ได้นะครับ " พยักหน้ารับบอกเค้า ผมมองไปที่เมนูหลากหลายเอียงหน้าดูเมนูกับเค้าที่ก็เหลือบผมแต่พอผมหันไปมองเค้าก็หลบตาก่อนจะอ่านเมนูต่อ

“ ผมสั่งมอคค่าเย็นแล้วกันครับ คุณอยากจะกินขนมหรือว่าอาหารจานหลักมั้ยครับ "

“ ไม่ล่ะครับ ขอเป็นบลูโซดาก็พอ " บอกอีกคนแบบนั้นเค้าก็หันไปเรียกพนักงานเสิร์ฟเข้ามาก่อนจะสั่งเครื่องดื่มสองแก้ว พลางถอนหายใจแล้วหลุดยิ้มออกมาตอนที่มองผม

“ ขอโทษนะครับ คือพอดีว่า คุณสวยมากเลย ผมเลยตื่นเต้นมากไปหน่อย " เค้าพูดออกมาแบบเขินๆก่อนจะก้มหน้าลง " ผมดูในโปรไฟล์ของคุณก็คิดว่าคุณหน้าตาดีนะครับ แต่ไม่คิดว่าพอมาเจอตัวจริงแล้วจะเป็นผู้ชายที่หน้าสวยขนาดนี้ "

“ ขอบคุณมากครับ " ผมบอกอีกคนยิ้มๆ ส่งสายตามองเค้าที่ก็ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆแล้วก็ค่อยๆพูดขึ้น

“ พอดีผมเพิ่งเลิกกับแฟนน่ะครับ เสียใจจนเวลาพูดคุยกับเพื่อน เพื่อนก็เบื่อที่จะมานั่งปลอบแล้ว ก็เลยแนะนำให้มาหาโฮสปรึกษาสักคน เผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้น เพราะไม่ว่าจะทำยังไงมันก็เลิกคิดถึงไม่ได้สักที ทรมานมากเลยครับ " เสียงพูดเศร้าๆที่ชวนให้ผมหันไปมองใบหน้าที่ก้มลงต่ำ เครื่องดื่มที่สั่งถูกยกมาเสิร์ฟแต่ไม่มีทีท่าว่าเค้าจะดึงไปกินหรือว่าอะไรทั้งนั้น " เพราะเป็นคนเซ่อๆแบบนี้ก็เลยถูกเค้าหลอกว่าคบกัน แต่จริงๆเธอก็คบกับใครคนอื่นอีกคน ทั้งๆที่เพื่อนบอกว่าดีแล้วที่เลิกกับคนแบบนั้นได้  ทำไมผมถึงคิดว่ามันไม่ได้ดีอย่างงั้นเลย ทำไมถึงยังเจ็บทั้งๆที่เค้าก็ไม่ดี ทำไมถึงยังต้องคิดถึงทั้งๆที่เค้าก็ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของเราเลย "

“ ก็เพราะว่าคุณรักเธอมากไงครับ " ผมตอบคำพูดของอีกคน " มันไม่แปลกหรอกที่คุณจะคงเสียใจ ก็ความรักของคุณมันคงอยู่นี่ครับ มันยังคงอยู่ที่เธอ "

“ แล้วมันแย่มั้ย "

“ มันไม่ได้แย่หรอกที่คุณจะยังคิดถึงช่วยเวลาที่มีความสุขเหล่านั้น คนเราทุกคนเวลามีความรักก็เลือกที่จะมองแต่ด้านที่มีความสุขเท่านั้นแหละครับ แล้วก็มักจะเอาความสุขนั่นกลบเกลื่อนความทุกข์ในใจ แต่มันแฟร์แล้วเหรอ ที่คุณยังคงคิดถึงเธอแล้วต้องทุกข์ใจอยู่แบบนี้คนเดียว "

“ แต่ผมลืมไม่ได้ ไม่ว่ายังไงก็ลืมไม่ได้ "

“ ไม่ลืม หรือว่าไม่พยายามที่จะลืมกันแน่ครับ " ผมถาม " ตอนที่ผมอกหัก ผมเองก็ถามตัวเองเหมือนกันนะ ทำไมถึงไม่ลืมสักที ทำไมถึงยังคิดถึง ทำไมถึงยังต้องร้องไห้ มองไปทางไหนในห้องก็มีแค่ภาพของเค้าวนเวียนเต็มไปหมด ทั้งๆที่เค้าเองคงไม่มีความรู้สึกอะไรแบบนั้นหลงเหลืออยู่แล้ว เราที่กำลังร้องไห้ เค้าที่กำลังมีความสุข มันเจ็บนะครับที่ต้องรู้สึกแบบนั้น เจ็บที่ต้องรู้สึกว่าก็มีแค่เราคนเดียวที่ต้องเสียใจ ผมไม่ได้บอกว่าให้คุณพยายามลืมเค้า จะจำไว้ก็ได้ถ้าคุณไม่อยากจะลืม ถ้ายากที่จะลืมก็จำไว้ก็ได้ แต่อย่าให้ความทรงจำเหล่านั้นมันกลับมาทำร้ายคุณสิ ทำไมไม่ทำให้ความทรงจำเหล่านั้นกลายมาเป็นพลังล่ะ พลังที่จะทำให้คุณก้าวเดินต่อไปแล้วก็จำเอาไว้ว่าจะมีชีวิตที่กว่านี้ ดีกว่าที่เคยมี ดีกว่าตอนที่อยู่กับคนที่เค้าไม่รักคุณ " ร่างสูงตรงหน้าที่มองหน้าผมเค้าที่ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ก้มหน้าลงคนแก้วม๊อคค่าตรงหน้าที่เริ่มละลาย " ผมรู้ว่ามันยากที่จะลืม แต่การที่คิดว่าลืมไม่ได้นั่นก็เหมือนคุณไม่ได้พยายามที่จะลืมมันเลย แต่กลับพยายามที่จะจมอยู่กับความรู้สึกแบบนั้นมากกว่า "

“ แล้วนายล่ะ ลืมฉันไปแล้วรึยัง " เสียงที่เหมือนจะไม่ใช่เสียงของคนตรงหน้าพูดออกมา ผมมองเค้าที่ยิ้มออกมาก่อนจะวางโทรศัพท์มือถือที่มีใบหน้าของคนเคยคุ้นและกำลังฉายอยู่บนจอมือถือเครื่องนั้น

“ จิน นี่มันหมายความว่ายังไง "

“ หมายความว่า ฉันอยากจะรู้ว่านายน่ะลืมฉันไปแล้วรึยัง " คำพูดที่ชัดขึ้นผมมองไปหน้าร้านที่มีคนเดินเข้ามา แฟนเก่าที่ไม่เจอกันนาน ท่าทางที่ยังคงดูมั่นใจในตัวเองไม่เปลี่ยน เค้าลดมือถือที่ถืออยู่ตรงหน้านั่นลงก่อนจะก้มหน้าลงมาถามผม " ว่าไง เมื่อไหร่จะตอบคำถามของฉันล่ะ คุณโฮส "

“ ฉันลืมมันไปหมดแล้วล่ะ " ถอนหายใจออกมาตอนที่มองผู้ชายอีกคนตรงหน้าที่ก็ก้มหน้าลงเหมือนรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่ต้องร่วมแผนการณ์แบบนี้

   ' จิน ' แฟนเก่าของผมเป็นเด็กอันธพาลที่ค่อนข้างร้ายอยู่ใช่ย่อย อาจจะไม่ถึงขั้นต่อยตีคนไม่เลือกหน้าแต่ก็เป็นพวกชอบแกล้งคนอื่น บังคับคนอื่น แถมยังอารมณ์ร้อนสมัยคบกันก็ถูกบังคับอยู่บ่อยๆ คำพูดหวานๆที่มาพร้อมกับคำพูดในเชิงบังคับ ตอนนี้พอมองย้อนกลับไป รู้สึกตัวเองโง่ชะมัดที่คบกับเด็กผู้ชายคนนี้

“ ไม่เจอกันตั้งนาน เจอกันอีกทีก็กลายเป็นโฮสไปแล้วเหรอ ทำไมอะ หาเด็กผู้ชายกินไม่ได้แล้วเหรอ เลยมาเอาดีด้านนี้แทน " คำพูดดูถูกของอีกคนที่ทำให้ผมนิ่ง ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ตอนที่อีกฝ่ายหันมานั่งลงข้างๆก่อนจะกอดคอผมเอาไว้ จินหันมากระซิบ " กลับไปคบกันดีกว่าลิป "

“ กรุณาปล่อยมือออกจากคอผมด้วยครับ " เบี่ยงตัวเองออกมาจากอีกคนเค้าก็ถาม

“ เมื่อกี้ฉันยังได้ยินนายพูดเลย อะไรนะ ตอนที่เลิกกันมองไปทางไหนก็เห็นแต่ภาพของเค้าเต็มไปหมด กลับมาคบกันเถอะคราวนี้ฉันจะไม่มีทางไปไหนแล้วล่ะ จะเลิกยุ่งกับผู้หญิงทุกคนแล้วจะคบกันนายแค่คนเดียว "

“ นายเอาคำพูดพวกนั้นไปพูดกับคนอื่นเถอะ ฉันไม่โง่ขนาดนั้น ไม่โง่ขนาดที่จะเชื่อนาย "

“ ลิป " มือหนาที่กอดคอผมเปลี่ยนมาจับแขนของผมไว้แน่น " อย่าทำให้ฉันต้องโมโหนะ ฉันลงทุนซื้อโฮสอย่างนายเพื่อมาพูดเรื่องแบบนี้ ไหนจะบอกให้เพื่อนเข้ามาช่วย "

“ แน่ใจเหรอ ว่าแค่บอก ไม่ได้บังคับให้เค้าทำ " สีหน้าหงุดหงิดของอีกฝ่าย เค้าบีบมือผมแน่นขึ้น " แล้วที่บอกว่าลงทุนน่ะ ไม่ได้คิดหรอกเหรอว่า แค่ลงทุนเท่านี้แต่ถ้าได้ฉันกลับไปคบกับนายจริงๆ นายจะถอนทุนคืนมันทั้งหมด แล้วก็มากกว่าที่ลงทุนง้อฉันอีกหลายเท่า "

“ นี่ "

“ อย่าคิดว่าการใช้กำลังบังคับขู่เข็นจะทำให้ฉันใจอ่อนในทางตรงกันข้าม ฉันรังเกียจมัน "

“ ลิป "

“ แล้วก็ช่วยหลบด้วย ถือว่าการบริการโฮสสิ้นสุดลงแค่นี้ เพราะคุณทำผิดกฏที่ให้ไว้ หนึ่งไม่มีการแตะเนื้อต้องตัว สองไม่มีคำพูดดูถูกหยาบคาย และสามไม่มีการพูดเรื่องส่วนตัวของโฮสด้วย "

“ ไม่หลบ ทำไมฉันต้องหลบด้วย นายเป็นโฮสที่ฉันซื้อมานะ ไม่ว่าจะสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำสิ " มือหน้ายื่นมาบีบปากของผม " กลับมาคบฉันเถอะ รับรองว่าหนนี้จะไม่ทำให้นายเสียใจเลย แล้วจะบริการนายอย่างดีกว่าที่เคยบริการเลยด้วย ชอบไม่ใช่เหรอ เพราะงั้นรีบตอบกลับฉันเดี๋ยวนี้ "

“ ไม่มีทาง " ผมสะบัดหน้าหนีอีกคนก่อนจะลุกขึ้นยืนแต่คนที่เร็วกว่าก็คว้าตัวผมที่กำลังแทรกตัวหนีจากที่นั่งไว้ได้ทัน

“ จะหนีไปไหน มานี่ " คำพูดเอาแต่ใจที่มาพร้อมกับการจับกุมที่แน่นมากกว่าเดิม ใบหน้าคมที่จ้องมองมาทางผมก่อนจะก้มลงมาใกล้  " ฉันจะทำให้นายคิดถึงคืนวันเก่าๆของเราไงลิป "

“ กรุณาปล่อยแขนแฟนผมด้วยครับ " เสียงทุ้มคุ้นๆที่ดังขึ้นผมหันไปมองต้นเสียงที่มาจากด้านหลัง ท่าทางที่กำลังโกรธของเค้าก้าวเข้ามาใกล้เราช้าๆ

“ คุณเมษ " มือหนาคว้าจับมือของจินที่จับมือของผมไว้ เค้าบีบมืออีกคนแน่นจนต้องจำนนปล่อยแขนผมลงจากการจับกุม เค้าดึงอีกคนให้คว่ำลงจากโต๊ะผมก็เดินออกมายืนอยู่ข้างหลังของเค้า  จินตะโกนโวยวายจนคนในร้านทั้งหมดหันมามองที่โต๊ะเรา

“ ไอ้เชี้ย มึงปล่อยกูนะ กูจะคุยกับเมียกูให้รู้เรื่อง นี่ ปล่อยกู แม่งเลือกอะไรเรื่องผัวเมียเค้าว่ะ "

“ ขอโทษทีที่ตอนนี้เค้าเป็นเมียกูแล้ว เพราะงั้นถ้าไม่ยุ่งก็คงจะไม่ได้ "

“ ห๊า " เสียงตกใจของอีกฝ่ายเงยหน้ามองผมก่อนจะมองคุณเมษสลับกัน เค้าที่หลุดหัวเราะออกมา " มึงคิดดีแล้วเหรอที่จะเอามันทำเมีย กูจะบอกอะไรให้นะ ภายใต้หน้าตาที่ดูเหมือนใสๆ แต่ก็ร่านใช่ย่อยนะมึง พวกติดเซ็กส์น่ะ "

“ ถ้ามึงยังไม่เงียบปากของมึงแล้วละก็ "

“ ทำไม มึงจะทำอะไรกู อิจฉากูเหรอที่ได้กูได้มันก่อนหน้ามึง หรือว่าตอนนี้มึงบริการให้มันไม่ถึงใจ แล้วมันก็เลยมาเป็นโฮสเที่ยวแขกไปบำบัดความใคร่ของตัวเอง ทำไมลิป คันเหรอ "
 
“ กูชักทนไม่ไหวแล้วนะ " เค้าคว้าเอาคนปากดีขึ้นมาด้วยความโมโหอย่างถึงขีดสุด อย่างไม่ทันจะห้ามปรามอะไร มือหนากำหมัดแน่นก่อนจะซัดแรงๆไปบนใบหน้าของอีกฝ่ายเสียงเต็มแรงอยู่หมัดสองหมัดจนผมต้องคว้ามือห้ามเค้า

“ คุณเมษพอ พอแล้ว " ผมบอกอีกคนก็ละบัดมือผมออก ก่อนจะต่อยอีกฝ่ายลงไปซ้ำๆ " พอแล้วคุณเมษ พอได้แล้ว "

“ จะปกป้องมันรึไง "

“ พอได้แล้ว! คุณจะฆ่าคนรึไง " มองหน้าอีกฝ่ายที่ผ่อนลมหายใจหงุดหงิดออกมาเค้าโยนอีกฝ่ายลงบนโซฟาตัวนั้น ก่อนจะมองไปทางเพื่อนของจินที่เป็นลูกค้าของผมที่กำลังตกอยู่ในสภาวะกลัวอีกฝ่าย

“ มึงมันเหี้ยมาก "

“ คุณอย่า ! " ผมพยายามดึงอีกคนที่จะหาเรื่องอีกฝ่ายไว้ ก็ดูท่าทางแบบนั้น ไม่น่าจะมาด้วยความสมัครใจหรอก ก็คงถูกบังคับให้ทำเหมือนกัน

“ มานี่เลย " เค้าคว้าแขนผมออกไปจากร้านก่อนจะดึงให้ข้ามถนนไปอีกฝากนึง รถหรูที่อีกคนเดินไปถูกกดปลดล๊อคก่อนที่เค้าจะเปิดประตูแล้วโยนผมให้เข้าไปนั่งในนั้น ขยับตัวเองจะพูดอะไรสักอย่างอีกคนก็ก้มหน้าลงมาขู่ " ถ้าคิดจะหนีลงไปแล้วละก็ นายจะเจอฉันจัดหนักยิ่งกว่าที่นายคิดซะอีก " เสียงประตูที่ปิดลงอย่างแรง ก่อนที่เค้าจะเดินมาขึ้นรถอีกฝั่งแล้วขับมันออกไปอย่างเร็วด้วยความหงุดหงิดอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน 

   ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิดขนาดนี้ แต่ความเงียบเชียบที่แม้จะหายใจยังลำบาก ผมเองก็ไม่รู้เลยว่าเค้าในตอนนี้คิดอะไร จะคิดว่าผมน่ารังเกียจอย่างที่อีกฝ่ายพูดถึง หรือว่าจะนึกโกรธที่สุดท้าย ก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจนได้ทั้งๆที่ตัวเอง ก็ห้ามแล้ว ว่าอย่าทำ

......................................................

ก็บอกแล้วว่าอย่าทำ .. เป็นไงละเกิดเรื่องจนได้
พี่เมษ โกรธแล้ววว พี่เมษโกรธแล้ววว
จะว่าไปในฉากนี้เราชอบ คำพูดของพี่โท กับ ความกังวลลิปจัง
ไม่รู้ทำไม

ยังไงฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้าา  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 27 ' งานวันแรก ' UP - 26.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-08-2016 20:50:56
หูยย ดุเดือดมาก งานนี้มีบทพิศาลล่ะมั้ง พี่เมษทนมานานแล้วนะลิป
ปากดีจริงไอ้แมงดาตัวเก่า ตีให้ตายเลยดีมะ จบไปแล้วยังจะมายุ่งอีกบ้าป่าวเนี่ย
บ้าพอๆกับป้ามาเรียเลย. ขอบคุณที่มาต่อค่า. แอบสั่นเนอะ รอฉากต่อไป
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 27 ' งานวันแรก ' UP - 26.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 26-08-2016 22:14:50
งานนี้ท่าทางจะโดนมิใช่น้อย 5555  โชคดีนะลิป
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 27 ' งานวันแรก ' UP - 26.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 26-08-2016 22:32:20
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 27 ' งานวันแรก ' UP - 26.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-08-2016 22:49:27
 :L2: :pig4:
ไม่ลงมือทำก็ไม่รู้ เราชอบลิป
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 27 ' งานวันแรก ' UP - 26.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: EunSung87 ที่ 27-08-2016 01:29:29
เอาแล้วไงพี่เมษโมโหหนักแล้ว
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 27 ' งานวันแรก ' UP - 26.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 27-08-2016 01:38:53
ไม่ว่าน้ำจะเย็นต่ำสุดขนาดไหน ก็คงไม่สามารถดับอารมย์ของคุณเมษตอนนี้ได้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 27 ' งานวันแรก ' UP - 26.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 27-08-2016 18:58:26
ห้ามแล้วไม่เชื่อ ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 27 ' งานวันแรก ' UP - 26.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 27-08-2016 20:34:24
ดีใจด้วยนะลิป ผลที่ดื้อมันตามมาล่ะ
กว่าจะเห็นโลงศพ อะไรๆอาจจะสายไปก็ได้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 27 ' งานวันแรก ' UP - 26.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 28-08-2016 00:33:15
เห็นไม๊บอกแล้ววว
พี่เมษเลือกตัวแสบมาให้จริงๆ
และแอบตามมาดูจริงๆด้วย
เฮ้ออออ
จะเปนยังไงเนี่ยยยยย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 27 ' งานวันแรก ' UP - 26.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 28-08-2016 02:29:20
โอยยย คนแรกนึกว่าจะชิลๆ ไหนกลายเป็นเรื่องได้ขนาดนี้
ไอ้เชี่ยจิน ไอ้เลว!!
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 27 ' งานวันแรก ' UP - 26.8.59} หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 28-08-2016 14:28:06
เป็นยังไงล่ะที่นี้ เอาไงดีลิป o18
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 28 ' สงสารตัวเอง ' UP - 28.8.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 28-08-2016 20:31:51
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 28
' สงสารตัวเอง '


“ คุณเมษ " เอ่ยเรียกชื่อเค้าตอนที่รถคันหรูสีดำจอดลงใต้คอนโด มือหนาที่คว้าผมดึงออกจากรถเดินไปที่ลิฟต์สะบัดแขนออกจากอีกคนที่ก็จับไว้แน่นขึ้นก่อนจะก้มหน้าลงมาเชิงถามแต่ผมก็เป็นฝ่ายชิงบอกก่อน " ผมไม่หนีไปไหนหรอก ไม่จำเป็นต้องจับกันแน่นขนาดนี้ก็ได้ " พอพูดแบบนั้นมือหนาที่ปล่อยมือลงช้าๆ ก่อนที่ลิฟต์จะพาเรามาถึงชั้นของห้องของอีกคน

   ประตูห้องที่ถูกเปิดออกผมเดินเข้าไปข้างในก่อนจะหันไปถามอีกฝ่ายที่ยังไม่ทันจะพูดอะไรเค้าก็เดินตรงเข้ามาคว้าใบหน้าของผมเข้าไปจูบ ริมฝีปากที่บดเบียดกันของเรา ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเค้าถึงได้โมโหขนาดนั้น เพราะอะไรกันก็ไม่รู้

“ คุณเมษ " เอ่ยเรียกชื่อเค้าตอนที่อีกฝ่ายผละริมฝีปากออกแล้วไล่ลงจูบที่ต้นคอ ผมเม้นริมีปากแน่นกับความรู้สึกแผ่วเบาที่แตะลงไปบนผิวกาย ความอุ่นที่ค่อยๆดูดกลืนพร้อมอ้อมกอดที่กอดร่างของผมไว้ " โมโหอะไรอยู่เหรอ " คำถามที่ทำให้อีกคนหยุดชะงักลง " กำลังโมโหเพราะลูกค้าคนแรกของผม คือจินแฟนเก่าผมเลยทำให้เกิดเรื่องขึ้นที่ร้านอาหาร หรือเพราะเค้าพูดดูถูกผม หงุดหงิดอะไรอยู่เหรอ "

“ หงุดหงิดมันทั้งหมด " ผละริมฝีปากออกก่อนจะหันมาจ้องผม " ฉันหงุดหงิด ตั้งแต่ที่ลูกค้าเค้าชมว่านายสวย หงุดหงิดที่ต้องให้ใครก็ไม่รู้มานั่งอยู่หน้านาย มองนายยิ้ม แล้วนายก็พูดกับเค้า ฉันไม่อยากให้เค้าเห็นท่าทางใจดีของนายอย่างที่ฉันเห็น ทุกอย่างที่ฉันชอบแล้วก็ตกหลุมรักมัน และที่เกลียดที่สุด คือสุดท้ายต้องมารู้ว่า ทั้งหมดแค่แผนจอมปลอมของไอ้เด็กเหี้ยคนนึงที่เป็นแฟนเก่านาย คนที่มันเอาแต่ดูถูกนาย "

“ คุณเมษ "

“ ฉันหวงนายมากขนาดนี้ มันยังไม่พอรึไงยังต้องการอะไรอีก ก็บอกว่าไม่อยากให้ทำก็คือไม่อยากจะให้ทำไง ฟังกันไม่ได้เลยรึไงวะคำที่ฉันบอกว่า ฉันหวง ยังต้องมีเหตุผลมากกว่านี้อีกเหรอ ยังต้องให้เหตุผลอะไรมากกว่านี้รึไง แล้วถ้าวันนี้ฉันไม่ได้บอกให้ไอ้โทมันติดเครื่องดักฟังนาย มันจะเกิดอะไรขึ้น เคยคิดมั้ย ว่ามันอาจจะทำอะไรนายมากกว่าการกอด เคยคิดมั้ยว่าควรจะเป็นห่วงตัวเองแล้วคิดถึงฉันบ้าง "

“ คุณให้คุณโทดักฟังผม ไม่ได้เป็นการประเมินการทำงานตั้งแต่ทีแรกเหรอ "

“ ไม่ใช่ " เค้าพูดเสียงทุ้ม ผมก็ถอนหายใจออกมา สบแววตาที่กำลังหงุดหงิดของเค้า

“ ผมขอโทษ คราวหลังผมจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีก ผมขอโทษที่ต้องให้คุณมานั่งฟังอะไรแบบนั้น ผมขอโทษที่ต้องทำให้คุณมารู้เรื่องอดีตของผม "

“ อดีตของนายฉันไม่สนหรอก ฉันไม่ได้คิดว่านายเป็นคนบริสุทธิ์ไม่เคยเจอใครแตะต้องมาก่อนหรอก " เค้าบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา " แต่แค่ไม่คิดว่าแฟนเก่านายมันจะกุ๊ยได้ถึงขนาดนั้น "

“ จินน่ะ ..”

“ ไม่ต้องพูดชื่อมัน " ผมเม้มริมฝีปากตอนที่อีกคนบอกแบบนั้น ก้มหน้าลงต่ำอีกฝ่ายก็ผ่อนลมหายใจออกมา " ฉันไม่ได้อยากจะฟังเรื่องของนายกับมัน หรือเรื่องของมัน ฉันไม่สนว่าเมื่อก่อนนายจะเป็นยังไง เรื่องของนายฉันจะตัดสินใจเองว่ามันเป็นยังไงผ่านสายตาของฉัน โดยไม่ฟังคนอื่น "  พยักหน้ารับอีกคนสั้นๆมือหนาที่เชยคางผมขึ้น เค้าจูบลงบนริมฝีปากของผมอีกครั้ง " สัญญากับฉันสิลิปว่าต่อไปนายจะไม่ดื้อกับฉันอีก "

“ คุณเมษ "

“ สัญญากับฉันสิ "

“ อื้อ ผมสัญญากับคุณว่าจะไม่ดื้อกับคุณอีก "

“ อย่างงั้นแหละเด็กดี " เป็นครั้งแรกที่ถูกเรียกสรรพนามแบบนั้น ' เด็กดี ' ทำไมฟังแล้วมันถึงได้ใจเต้นแรงขนาดนั้น ทั้งๆที่ตลอดมาก็ไม่เคยคิดจะชอบคนที่อายุมากกว่าเลยสักนิด แต่ทำไมพอเป็นเค้าทุกอย่างในร่างกายของเรามันกลับอ่อนไหวไปหมด

   มือหนาที่โอบรอบกาย ริมฝีปากที่จูบแนบลงมาทุกอย่างอ่อนโยนจนไม่อยากจะผลักไส ตอลสนองเกลียวลิ้นที่แทรกตัวเข้ามากอดเกี่ยว ผมผ่อนลมหายใจช้าๆตอนที่เค้าผลริมฝีปากออกแล้วไล่จูบจากต้นคอลงไปจนถึงคอเสื้อกว้าง ปลดเสื้อคลุมตัวที่ใส่ออกมา เค้าสอดมือเข้าไปด้านใน ก่อนจะถอดเสื้อที่ผมสวมใส่อยู่โยนมันลงไปด้านล่าง

   ริมฝีปากจูบบนยอดอกเบาๆก่อนที่เค้าจะเม้มและดูดดึงมันเล่นด้วยปลายลิ้น ฟันคมๆขบเม้มมันเบาๆผมก็ได้แต่หลุดเสียงครางออกมา " อ๊าา คุณเมษ " มือหนาสองข้างเลื่อนลงไปจับที่เข็มขัดตอนที่ปลดมันออกกางเกงตัวที่ใส่ก็หลุดลงไปกองกับพื้น แทรกมือเข้าไปใต้ชั้นใน ก้นกลมถูกบีบเคล้นก่อนจะถูกปลดมันลงโดยอีกฝ่าย ร่างกายเปลือยเปล่าของผมปรากกฏอยู่ตรงหน้าของอีกคน เค้ายกยิ้มกับรูปร่างตรงหน้าก่อนจะดันตัวผมให้เข้าไปในส่วนของห้องนอน เอนตัวลงนอนบนเตียงกว้าง ไออุ่นของผืนผ้าแนบลงกับหลัง ร่างสูงถอดเสื้อปลดกางเกงออก ก่อนจะก้มลงจูบที่ซอกคอก่อนจะไล่จูบไปทั่วเรือนร่างของผม ร่องรอยรักสีแดงถูกแต่งแต้มไปบนเนื้อตัวในยามที่ริมฝีปากนั้นเคลื่อนผ่าน ก่อนที่จะหยุดอยู่ที่ส่วนกลาง มือหนาหยิบมันขึ้นมาขยับขึ้นลงก่อนจะใช้นิ้วถูที่หัวเบาๆจนได้แต่บิดเร้า

“ นี่คุณ.. อื้ออ " ผ่อนลมหายใจออกมา ตอนที่ดึงตัวเองให้ลุกขึ้น เค้าก็ดึงให้ตัวผมหันหน้าเข้ากับหัวเตียงเป็นท่าคลานเข่า มือหนาลูบสัมผัสที่ก้นก่อนจะแยกมันออกแล้วค่อยๆใช้ลิ้นเลียมันเบาๆ " อ๊าา " หดเกร็งช่องทางหลังทันทีตอนที่อีกฝ่ายเลียมันแบบนั้น เบาๆพลางใช้มือที่ว่างจับส่วนกลางก่อนจะขยับเข้าออกมา " อื้ออออ นี่ ท่านั้นมัน อื้ออ คุณเมษ "

“ ชอบมั้ย " คำพูดของเค้าที่เอ่ยถาม ก่อนจะเลียช่องทางหัลงของผมต่อ หดเกร็งอย่างเชื้อเชิญอีกคนยกยิ้ม " มันหดเกร็งเรียกฉันใหญ่แล้วละ  "

“ ก็ทั้งหน้าทั้งหลังแบบนี้ใครจะไปทนไหวกันละ อ้าา นี่ มากเกินไปแล้วนะ อย่าทำแบบนี้สิ " อย่าอ่อยอิ่งแบบนี้ การสัมผัสที่เหมือนฉาบฉวยโหดร้ายเกินไปกับความต้องการที่กำลังเพิ่มทวีขึ้น

“ งั้นผมจะทำแบบไหนดี " เค้าถามตอนที่เอนตัวขึ้นมาทาบทับผม นิ้วชี้ก็แทรกตัวเข้าไปในเสียจนมิดก่อนจะสอดเพิ่มเข้าไปอีกสอง สวมเข้าออกช้าๆ ก่อนจะเพิ่มจังหวะให้มากขึ้นแล้วเค้าจะหยุดลงในตอนที่ผมกำลังถึงจุดที่มีความสุขอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

   ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะจำใจขยับร่างตัวเองให้เข้าออกนิ้วนั้นเสียเองอย่างไม่อยากให้อารมณ์ของตัวเองมันหลุดหายไปไหน กัดริมฝีปากล่างอย่างชอบใจ ก่อนที่เค้าจะดึงมือหายไปแล้วมาแทนที่ด้วยส่วนกลางใหญ่ที่เหมือนว่าจะใส่ถุงยางอนามัยไว้เรียบร้อยแล้ว " อันนี้ดีกว่านะ " กระซิบลงข้างหู ก่อนส่วนนั้นจะค่อยๆแทรกเข้ามาในร่างกายช้าๆจนได้แต่กัดฟันผ่อนช่องทางหลังให้แทรกตัวเข้ามานิ่งๆ เค้าที่ขยับเข้าออกช้าๆ แต่ก็แทรกตัวเข้าไปจนลึกเสียจนมิดด้าม แรงกระแทกเพิ่มจังหวะขึ้นเรื่อยๆ ผมที่ได้แต่ฉีกขาให้กว้างออก ตอบรับแรงกระแทกที่ดันเข้ามาในจังหวะที่ค่อนข้างกระชันชิดและถี่รัว

“ อ๊าา เหมือนว่าผมจะ อื้ออ คุณเมษ อ๊ะ อ๊ะ อื้ออ " หอบหายใจออกมาช้าๆ ก่อนจะทรุดขาที่ตั้งชันไว้เพราะหมดแรง  ร่างถูกพลิกให้นอนหงายแม้จะเสร็จสมไปแล้วแต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด " คุณ..”

“ ฉันยังไม่พอ " เค้าพูดแบบนั้น จังหวะสอดใส่ก็เร่งขึ้นมาอีก สองขาของผมถูกฉีกออกกว้างด้วยสองมือของคนที่กำลังสอดใส่ส่วนนั้นเข้ามา เค้ากระแทกมันเข้ามาด้วยจังหวะถี่ๆ ใบหน้าคมที่กำลังสอดใส่เม้มริมฝีปากแน่นในช่วงเวลานั้น เค้าที่สอดใส่ด้วยความเร็วและแรงก่อนความต้องการของผมและเค้าจะถูกระบายมันออกมาอีกครั้ง " ลิป " เสียงทุ้มที่เรียก เค้าดึงตัวผมขึ้นมานั่งบนตัวเค้าที่ก็นอนลงพลางเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักของตัวเองคว้าอะไรบางอย่างออกมาก่อนจะดึงตัวเองขึ้นแล้วกระซิบผม " ขยับบนตัวฉันสิ "

“ ยังไม่พออีกเหรอ " คำถามของผมตอนที่ค้ำมือกับแผงอกของอีกผ่านแล้วค่อยๆขยับตัวขึ้นลง ผ่อนลมหายใจหอบออกมาขยับตัวเองเร็วขึ้น ในตอนนั้นคนใต้ร่างก็เหมือนถืออะไรบางอย่างที่เป็นกล่องสี่เหลี่ยมเอาไว้ " นั่น.. คุณจะทำอะไรน่ะ  อื้ออ คุณเมษ "

“ ถ่ายรูปนายไง " เค้าบอกก่อนจะลั่นชัตเตอร์แรกออกมา

“ ไม่เอา ไม่ถ่ายนะคุณ " เอื้อมมือไปปัดกล้องอีกคนก็ยิ้มออกมาแต่มือก็ยังถ่ายอยู่แบบนั้น ผมเริ่มหยุดขยับตัวแต่ความเชี่ยวชาญของอีกคนก็ไม่ยอมแพ้ขยับแทนที่ผมขึ้นมาด้วยจังหวะที่แม้มือจะถือกล้องแล้วถ่ายไปด้วย ขยับส่วนกลางให้กระแทกเข้ามาในร่างผมด้วยก็ไม่มีปัญหา " คุณเมษ ไม่ถ่ายรูปสิ "

“ นายเซ็กซี่มากเลยจะไม่ให้ฉันถ่ายได้ไงละ "

“ อื้ออ "

“ อย่างงั้นแหละ หน้าตาตอนนี้แหละ " ผมกัดริมฝีปากตัวเองบิดเร้าอยู่บนร่างของเค้าที่ประวิงเวลาในการสอดใส่ในจังหวะธรรมดาเพื่อให้ได้ถ่ายรูปผมนาน " สวยมากเลย "

“ นี่คุณ พอได้แล้ว " แอ่นหน้าอกตัวเองในที่สุดก็ทนกับความต้องการของตัวเองไม่ไหวจนต้องเป็นขยับตัวแรงอยู่บนตัวของอีกคน ใบหน้าคมที่ยกยิ้ม ลั่นชัตเตอร์อีกหลายรูปก่อนจะวางกล้องตัวนั้นลงบนเตียงเมื่อได้รูปที่ถูกใจแล้ว ดึงตัวเองขึ้นนั่ง สอดมือเข้าไปใต้ขาก่อนจะยกตัวผมให้กระแทกลงมาครอบส่วนกลางของเค้าจนมิดด้าม " อ๊าา ท่านี้มัน ลึก ลึกเกินไป อื้ออ คุณ "

“ นายน่ารักมากเลยลิป " คำพูดที่มาพร้อมกับริมฝีปากที่ดูกลืนยอดอกของผม ร่างของผมถูกขยับขึ้นลงเร็วขึ้น ผ่อนลมหายใจที่แทบจะขาดใจออกมา มือแขนที่กอดรัดเค้าไว้ ในที่สุดก็ทนกับความต้องการของตัวเองที่มาถึงขีดสุดไม่ไหว

“ อ๊าา " แอ่นหน้าอกปลดปล่อยความต้องการของตัวเองออกมาอีกครั้ง ก่อนอีกฝ่ายจะค่อยๆวางผมลงบนเตียง ส่วนกลางที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหลุดออกเค้าหอมแก้มในตอนนั้นก็เหมือนจะได้ยินเสียงชัตเตอร์ดังขึ้นมาอีก แต่แค่หายใจยังลำบากคงไม่มีแรงจะห้ามอะไรเค้าอีกแล้ว ไม่มีแรงที่จะบอกให้เค้าหยุดการสอดใส่ที่กำลังเริ่มต้นขึ้นอีก ไม่มีแรงแม้จะทำอะไรเลย และคืนนี้เห็นทีว่าคงต้องปล่อย ปล่อยให้เค้าทำตามใจตัวเองและตักตวงทุกอย่างออกไปจากผม ทุกอย่างๆ

...........................................

   ลืมตาตื่นมาในตอนเช้าบนเตียงหนาที่ไม่ค่อยคุ้นชิน ขมวดคิ้วกับแสงแดดที่ลอดเข้ามา อยากจะขยับหนีห่างแต่ร่างที่เจ็บไปทั้งร่างก็ได้แต่หลับตาแล้วนอนนิ่งๆอยู่แบบนั้น แทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย ร่างกายชาไปหมด ผมเอียงตัวมองคนข้างๆที่ยังคงหลับอยู่พร้อมทั้งกอดผมเอาไว้ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ " ไอ้คนบ้ากำลัง "  เหตุการณ์ที่ผ่านมาบรรยายคนข้างๆของผมด้วยคำนี้แค่คำเดียวจริงๆ ไม่รู้เอาแรงมาจากไหนแต่เค้าที่ไม่ยอมปล่อย แล้วเอาแต่ใจจนถึงที่สุดนั้นก็ทำให้ร่างกายของผมต้องมาเป็นแบบนี้ ดึงมือของอีกคนออกก่อนจะลุกขึ้นนั่งด้วยความปวดร้าว ไม่อยากจะลุกจากเตียงเลยแต่ก็ต้องลุก เนื้อตัวเหนียวเหนะจนไม่อยากจะหลับต่ออีกแล้ว

“ ปวดตัวชะมัด " บ่นออกมาเบาๆ ตอนที่ขยับขามายืนบนพื้นก็แทบจะล้มลงทั้งยืน เดินช้าๆไปที่ห้องน้ำหรู แบ่งโซนชัดเจนเป็นส่วนเปียกและส่วนแห้ง เดินเข้าไปในห้องแต่งตัว หาเสื้อยืดที่ตัวเองพอใส่ได้พร้อมกับผ้าขนหนู ก่อนจะเดินมาที่ห้องน้ำ
 
   ทุกอย่างดูหรูหราจนไม่อยากจะจับต้องอะไรทั้งนั้น แต่ตอนนี้ความเมื่อยล้าที่อยากจะแช่ตัวก็พลอยให้ลบคำว่า เกรงใจออกไปจากสมองได้มากอยู่ " ค่อยยังชั่ว " หย่นตัวเองลงนอนในอ่างน้ำอุ่นผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ก่อนจะคิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้น จำได้ว่าคุณเมษถ่ายรูปของผมไว้เสียเยอะแยะ ต่อให้ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่มีฟัง " ตื่นขึ้นมาก่อนเถอะ จะสั่งให้ลบให้หมดเลย " มีอย่างที่ไหนถ่ายภาพตอนกำลังมีเซ็กส์กัน จะเอาไปแบล็คเมล์รึไงวะ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว ผมแช่ตัวอยู่นานจนรู้สึกดีขึ้นกับร่างกายที่เมื่อยล้า ก่อนจะย้ายตัวเองไปอาบน้ำ แล้วแต่งตัวด้วยเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นของเค้าที่หาได้จากในห้องแต่งตัว มองไปรอบๆห้องของอีกคนที่ดูเรียบร้อยแต่ส่วนใหญ่จะแต่งด้วยโทนสีเข้ม

   ผมเดินกลับเข้ามาในห้องนอนมองไปรอบๆก่อนจะผงะกับภาพ ภาพนึงที่ติดอยู่บนผนังที่หัวเตียง ภาพใหญ่ภาพนั้นเป็นภาพผู้หญิงที่ไม่ใส่อะไรปิดอะไรเลยสักชิ้นเดียว หน้าอกทรงโต กับส่วนลับของเธอโชว์สรีระที่บิดเร้าเต็มที่ แม้จะไม่เห็นหน้าตาว่าเป็นใครก็ตาม " ต้องเป็นคนประเภทไหนถึงได้ติดภาพแบบนั้นไว้บนหัวเตียงได้วะ ลามกชะมัด "

   ออกจากห้องนอนปิดประตูคนที่เอาแต่หลับสนิทไม่ยอมตื่นสักที คว้าเอาเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นมาพับไว้ให้เรียบร้อยก่อนจะเดินเข้าไปในครัว " น่าจะมีอะไรให้กินบ้างนะ " ทุกอย่างก็ดูไฮโซจนไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนเลย ขนาดเครื่องชงกาแฟยังเป็นแบบหรูหราเลย ผมตัดสินใจชงกาแฟแก้วเดียวก่อนจะค้นนู้นหานี่ไปเรื่อยๆ เปิดตู้เย็นก็พบแต่ผลไม้ซึ่งก็ไม่ใช่อาหารเช้าแบบที่อยากจะกินอยู่ดี

“ ตื่นเช้าจัง " เสียงทุ้มที่เดินมาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงกอดผมจากด้านหลังก่อนจะก้มลงมาซบที่แก้มของผม " ใส่เสื้อผ้าของฉันด้วย "

“ ใส่ได้รึเปล่าคุณ โทษทีนะที่หยิบออกมาใส่โดยพลการน่ะ " ผมบอกอีกคนก็กอดเอวผมให้แน่นขึ้น

“ ช่างมันเถอะ อยากจะใส่ะไรก็ใส่อะไรก็ใส่ไป ยังไงฉันก็โฟกัสแค่ตอนที่ถอดมันออกทั้งหมดอยู่แล้ว "

“ ลามกซะจริงนะคุณ " หันไปบอกแบบนั้น คนที่กอดก็ก้มลงจูบผม ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกางเกงตัวที่ผมใส่ นิ้วหนาแทรกลงไปตรงกลางก่อนจะถูเบาๆที่ช่องทางหลัง " นี่ เจ็บอยู่นะ "

“ ยังเจ็บอยู่เหรอ " เค้าถามผมก็หันหน้าไปเค้า

“ ไม่เจ็บก็บ้าแล้วคุณ โดนมาหนักขนาดนั้น " ยิ่งพูดอีกคนก็ยิ่งถูมันไม่หยุด " นี่ พอได้แล้ว "

“ ทำไมฉันรู้สึกไม่พอเลย ยังอยากจะมีอะไรกับนายอีก " จูบลงบนต้นคอก่อนจะไล่ต่ำลงมาเรื่อยจนถึงหน้าอก

“ พอได้แล้ว ผมระบมไปหมดทั้งตัวแล้วนะ คุณเมษ "

“ ใช้คำว่าระบมเลยเหรอ "

“ อยากจะใช้คำพูดที่มันแรงกว่านั้นอีกจะบอกให้ "

“ เช่น " ใบหน้าคมถาม

“ ไอ้คนลามก ลบภาพที่แอบถ่ายผมออกให้หมดด้วยนะ " พอพูดแบบนั้นคนฟังก็หัวเราะออกมา ไม่ได้มองเลยว่าผมที่ยืนอยู่ข้างหน้าจะขมวดคิ้วหงุดหงิดแค่ไหน " ยังจะมาหัวเราะอีกนะคุณ ผมไม่ขำนะจะบอกให้ " หันหน้าหนีอีกฝ่ายที่ยังกอดผมไว้แน่นเชิงง้อ " ถ่ายไปทำไมถามจริง "

“ ก็ตอนนั้นนายสวย เช็กซี่ดีด้วย ฉันชอบนะ อยากจะดูภาพมั้ยละ ความจริงฉันเองก็ยังไม่ได้ดูเลย " พอทำหน้าไม่เชื่ออีกคนก็ยิ้ม " มองมันเป็นงานศิลปะมันก็ไม่ใช่ภาพโป๊แล้วละ "

“ เหมือนกับภาพในห้องคุณใช่มั้ย " คนตอบคำถามหยุดหัวเราะออกมาอีกครั้งก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น

“ อันนั้นเพื่อนที่เป็นนางแบบให้ฉันถ่ายเอาไว้ อีกอย่างมันเป็นภาพขาวดำ ก็ดูไม่โป๊นิงานศิลปะ  "

“ เพื่อนนางแบบนี่หมายความว่าคุณถ่ายเธอใช่มั้ย "

“ ก็ใช่นะ "

“ มีอะไรกันแล้วถ่ายก็บอกมาเถอะ "

“ ไปดูภาพกันดีกว่า " คำตอบเลี่ยงๆของอีกคน น่าหงุดหงิดชะมัดไอ้หมอนี่ ภาพที่ถ่ายดูก็รู้ว่าแนวไหนแต่จะว่าไปผมไม่เคยถามเลยนะ ว่านิตยสารที่เค้า เป็นนิตยสารอะไร  ร่างสูงเดินมาที่โต๊ะทำงานของเค้าหยิบเอากล้องตัวเล็กนั่นวางลงบนโต๊ะก่อนจะเปิดคอมจับการเสียบเมมเมอรี่การ์ดนั่นเข้ากับเครื่องเล็กๆ

“ จะออกมาเป็นยังไงกันนะ "

“ ผมไม่ชอบให้คุณถ่ายภาพแบบนั้นของผมเลย ผมกลัว " บอกอีกคนไปตามตรง ผมที่ยืนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังโหลดภาพเยอะแยะขึ้นมา

“ กลัวอะไร "

“ ก็กลัว..”

“ กลัวว่าฉันจะเอาภาพนายไปแบล็คเมล์ตอนที่เราเลิกกันแล้ว " เหลือบตาไม่มองเค้าก่อนจะพยักหน้ารับอีกคนก็หัวเราะ " งั้นเดี๋ยวเราดูกันเสร็จฉันจะให้ภาพทั้งหมดไปกับนาย อยากจะทำอะไรก็ได้ จะทิ้งก็ได้ อยากจะเก็บไว้ก็ได้ ตามใจเลยก็แล้วกัน จะไม่ให้มันหลงเหลือไว้ที่ฉันสักชิ้น ดีมั้ยละ "

“ คุณ..เอ่อ ”

“ ฉันไม่ได้รู้สึกแย่ที่นายระวังตัวหรอก นั่นก็เป็นสิ่งที่นายควรทำ นายทำถูกแล้ว " ถอนหายใจออกมาตอนที่ฟังอีกคนพูด  ผมหันไปมองหน้าจอคอมที่ฉายภาพต่างๆที่ถ่ายออกมา " ได้แล้วละ "

“ นี่มัน..”

“ สวยมากเลยใช่มั้ยละ "

“ ไอ้เฒ่าลามก!!!” ตีเข้าที่หลังอีกคนอย่างแรง คนที่กำลังนั่งเลื่อนภาพอยู่ก็เอาแต่หัวเราะออกมาก่อนจะคว้าตัวผมไปนั่งบนตักเค้า " ปล่อยเลยนะเว้ย คุณถ่ายมาได้ไงเนี้ย ภาพพวกนี้ น่าเกลียด "

“ สวยจะตายไป "

“ สวยกับผีนะสิ " ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี ถ้าให้พูดถึงความสวย โอเคมันสวย ผมยอมรับว่ามันออกมาดูดี ตามความสามารถของช่างกล้องมากฝีมือคนนึง แต่ว่า การถ่ายภาพตอนที่ผมกำลังทำเรื่องแบบนั้นหน้าตาที่กำลังมันกลัดและต้องการ ดูยังไงก็ทุเรศที่สุดเลย หน้าอกที่กำลังแอ่นเพราะแรงปรารถณาอะไรพวกนั้น ถอนหายใจออกมาก่อนจะเบือนหน้าหนีภาพหลายๆภาพที่เค้าถ่าย

“ ผมว่ามันดูมี Sex Appeal ดีนะ "

“ โรคจิต "

“ สวยออกคุณ ภาพนี้สวยดี " มันเป็นภาพที่คุณเมษกำลังจับเอวผมไว้และผมเองก็กำลังกอดคอเค้าไว้ ใบหน้าคมที่กำลังดูดดึงยอดอกของผมที่กำลังเงยหน้าขึ้นเหมือนกำลังมีความสุขเอามากโดยการกัดปากของตัวเอง เห็นส่วนข้างของรูปร่างที่โค้งเว้าชัดเจน หน้าตาก็ไม่น่าเกลียดอะไรหรอก แต่ไม่รู้สิ ..มันดู แปลกๆ มันแปลกๆอยู่ในความรู้สึกของผม เขินชะมัด " สวยมั้ย "

“ ไม่สวย "

“ อย่าตัดสินเพียงเพราะมันเป็นภาพโป๊สิครับ แล้วมันก็ไม่ดูโป๊อะไรด้วย ไม่เห็นของลับ ก็ไม่โป๊นะครับ "  เบือนหน้าหนีอีกฝ่าย เค้าใช้เม้าส์คลิกเลือกภาพ ภาพนั้นออกมาที่หน้าจอ " ผมขอภาพนี้แล้วกัน "

“ จะเอาไปทำอะไร "

“ เอาไปทำเป็นภาพขาวดำ แล้วเอาไปติดในห้องแทนภาพผู้หญิงคนนั้นที่ติดอยู่ คุณคิดว่าไง "

“ ก็ไม่คิดว่าไงทั้งนั้น "

“ อนุญาติมั้ยละครับ " เค้าถามก่อนจะจับคางผมให้หันมาสบตาเค้า " กำลังขออนุญาติคุณนะ คุณตกลงมั้ยละ "

“ ถ้าปฎิเสธก็ได้ใช่มั้ยละ "

“ ก็ได้ " ใบหน้าคมพยักหน้ารับ ผมก็เบือนหน้าหนีไปมองภาพที่เค้าเลือก ภาพในห้องตอนนี้มันเป็นภาพของผู้หญิงที่เห็นของลับทั้งบนทั้งล่างชัดเจนจะเรียกว่าภาพโป๊ก็คงไม่ผิดหรอก แต่ไม่ใช่ภาพในมุมมองศิลปะอย่างที่อีกคนบอกแน่ๆ ก็อยากจะให้เปลี่ยนภาพนั้นอยู่หรอกถ้าเป็นไปได้แต่ว่า เปลี่ยนมันมาเป็นภาพของผม ภาพของเราที่กำลังทำเรื่องแบบนั้นกันอยู่

“ ก็ได้ ผมตกลง "

“ ขอบคุณมากครับ "

“ แต่ผมมีอะไรอยากจะถามคุณหน่อย " อีกฝ่ายที่พยักหน้ารับ สายตาที่จ้องมองเค้าอีกคนเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะยิ้ม " ที่บอกว่าช่างภาพถ่ายแบบนิตยสาร คุณถ่ายนิตยสารอะไรเหรอครับ "

“ นิตยสารสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ "

“ พวกที่ว่า มีภาพผู้หญิงเซ็กซี่ๆขึ้นปกน่ะเหรอ "  จำได้ว่าเวลาไปร้านสะดวกก็จะเห็นหนังสือแบบนั้นประจำ ผู้หญิงดาราสวยๆหน้าอกไซส์ใหญ่ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น แอ่นอก แอ่นตูดขึ้นหน้าปกกันแบบไม่อายอะไร เป็นนิตยสารสำหรับผู้ชายที่ไว้อ่านเกี่ยวกับเรื่องอย่างว่าบ้าง เรื่องรถบ้าง ไลฟ์สไตส์ทั่วไปบ้าง

“ ใช่ ครับอย่างงั้นแหละ ทำไมเหรอ "

“ ก็แค่คิดว่าไม่แปลกหรอก ที่คุณจะชอบถ่ายภาพแนวนี้ " ผ่อนลมหายใจออกมา ได้แต่นิ่งถามตัวเองอย่างไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไงดี มีแฟนเป็นโฮสก็ว่าแย่แล้วนะ นี่หนำซ้ำเวลาปกติก็ต้องถ่ายภาพผู้หญิงที่นุ่งน้อยห่มน้อยตลอดเวลา พระเจ้าเห็นเค้าเป็นเสาไฟฟ้ารึไงถึงได้ส่งไอ้ผู้ชายโปรไฟล์แบบนี้มาให้รักกัน " เห้ออออ "

“ ทำไมถอนหายใจออกมาแบบนั้นละคุณ "

“ สงสารตัวเองน่ะ "

“ สงสารตัวเอง ? “ เค้าทวนเสียงผมก็หันหน้าไปมองเค้ากอดอีกฝ่ายไว้แบบที่พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ จะอยู่ในความรู้สึกแบบนั้นได้อีกนานแค่ไหนกันนะ ต่อจากนี้ไปไม่รู้เมื่อไหร่จะมีเรื่องให้เค้าทุกข์ใจอีก เรื่องงานโฮสของอีกคนที่ต้องดูแลผู้หญิงตอนกลางคืน หนำซ้ำพอกลางวันก็ต้องถ่ายภาพนางแบบสวยๆอีก  ไม่มีช่วงเวลาไหนที่ไม่รู้สึกหึงหวงเลย แต่ตอนนี้ความรู้สึกที่บอกว่า มันคืองาน ยังคงมีมากอยู่ แต่พอนานไป ความรักที่เข้ามาแทรกซึม ความเห็นแก่ตัวที่อยากจะครอบครองเค้าไว้นั้น จะทำให้ทุกอย่างมันแย่ลงไปมากกว่านี้รึเปล่า ไม่อยากจะคิดเลย

“ ช่างมันเถอะ..” ผมที่บอกเค้าก่อนจะก้มลงไปกอดอีกฝ่ายไว้ ก็ได้แต่หวังว่าคำว่า ช่างมันเถอะที่พูดไป จะไม่ใช่คำพูดที่กลับมาทำร้ายกันก็แล้วกัน  เพราะตัวผมที่เป็นคนที่ดื้อดึงขนาดนี้ รู้ว่าอีกฝ่ายคือ ไฟ ถ้าเข้าไปเล่นก็ต้องร้อนและมีแต่เจ็บใจ แต่ถึงอย่างงั้นก็ยอมเสี่ยงที่จะเล่นกับไฟอยู่ดี   

...............................................

อยากดูภาพที่พี่เมษถ่าย  :impress2:
เป็นความรักที่เลี่ยงจะเล่นกับไฟโดยแท้จริง
มีแฟนเป็นโฮส เป็นช่างถ่ายภาพนางแบบแนวเซ็กซี่ พี่เมษต้องมีแฟน ที่มีความเชื่อใจสูงโคตรรร
แต่พี่ลิปนั่น... เอาเป็นว่า อ่านตอนต่อไปดีกว่านะคะ จะเป็นอย่างไรต่อไป

เจอกันตอนหน้าค่ะ
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 28 ' สงสารตัวเอง ' UP - 28.8.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 28-08-2016 21:28:42
สะใจลิปอ่ะ  เกิดคำว่าระบม  อิอิ
บ้ากำลัง------>บ้าพลัง
อนุญาติ------>อนุญาต
ลิปใจคอหนักแน่นเชื่อใจคุณเมษนะ  กับแฟนที่มีอาชีพแบบนี้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 28 ' สงสารตัวเอง ' UP - 28.8.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 28-08-2016 22:06:45
คู่ยี้มีแววดราม่าสินะ  ก็แหม๋...ใครจะทน ถึงทนก็จะได้นานแค่ไหนกัน.....เห้ออออ....
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 28 ' สงสารตัวเอง ' UP - 28.8.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 28-08-2016 22:28:51
 :กอด1: โอ๋ๆๆ สู้ๆนะหนูลิป
ต้องเชื่อใจให้มาก และพี่เมษเองก็ต้องทำให้ลิปไว้ใจด้วย
ต้องปรับตัวกันทั้งสองฝ่ายละนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 28 ' สงสารตัวเอง ' UP - 28.8.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 28-08-2016 23:40:29
ขอรูปลิปด่วน555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 28 ' สงสารตัวเอง ' UP - 28.8.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-08-2016 23:59:20
5555 จัดหนัก จัดเต็ม ของขึ้น โมโห โดนเมษจัดเลย

เข้าใจลิปนะ แต่ดีที่ลิปชอบคุย ชอบถาม เลยได้เคลียร์

เมษมีอารมณ์ดิบเยอะมาก ร้อนแรงเวอร์ 555

ลิปอย่าคิดมากนะ มันยังไม่เกิด แล้วเมษทำครบสูตรด้วยนะ สมควรที่ลิปจะหลอนตัวเอง

เรื่องผู้หญิงคนนั้น เมษทำไงต่ออะคะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 28 ' สงสารตัวเอง ' UP - 28.8.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 29-08-2016 00:54:30
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 28 ' สงสารตัวเอง ' UP - 28.8.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-08-2016 08:57:06
โอ๊ยยย. อีพี่เมษตาเฒ่าลามกเอ๊ย. ยังมีอะไรหมกเม็ดลึกๆอีกไหม นอกจากกล้องแล้วยังมีอุปกรณ์อะไรอีกปะ
ไอ้เรื่องลบรูปน่ะ ลบเหอะ ถ้าโดนงัดห้องหรือคอมหาย กล้องหายจะได้ปลอดภัยต่อหน้าที่การงาน
ยังไงๆลิปก็ลาออกไปทำโฮสไม่ได้อยู่แล้วนี่.   :z2:     สงสารตัวเองใช่ปะลิป คิดถูกแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 28 ' สงสารตัวเอง ' UP - 28.8.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 29-08-2016 09:10:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 28 ' สงสารตัวเอง ' UP - 28.8.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 29-08-2016 19:10:15
ศิลปะ ล้วนๆ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 28 ' สงสารตัวเอง ' UP - 28.8.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 29-08-2016 21:58:38
เฮ้ออออ ลิปจะอดกลั้นได้นานแค่ไหนนะ ทำไมคู่นี้ดูมืดมนจังงงง :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 28 ' สงสารตัวเอง ' UP - 28.8.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 29-08-2016 22:28:23
โอ้ยยตายยย พี่เมษ จริงๆแล้วเป็นเสือใช่ไม๊
ตายๆๆๆๆ
หนักใจแทนลิปจิงๆ
้ถ้ารักมากกว่านี้จะทำยังไงเนี่ยย
#ติดตามตอนต่อไป
คู่นี้น่าห่วงกว่า ฟานคีย์อีกเนี่ยย
โอ้ยยยย

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 28 ' สงสารตัวเอง ' UP - 28.8.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 30-08-2016 00:10:00
เฮ้ออ ผ่านไปอีกหนึ่งปัญหา
ลุ้นจริงๆคู่นี้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 29 ' ตรวจสุขภาพ ' UP - 2.9.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 02-09-2016 20:40:26
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 29
' ตรวจสุขภาพ '

   ' โปรแกรมตรวจสุขภาพ ' ผมขมวดคิ้วมองโบชัวร์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะด้วยความสงสัย หยิบมันขึ้นมากระดาษแผ่นสีฟ้าของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งมันคือคำอธิบายของการตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐาน เหมือนสมัยทำงานใหม่ๆแล้วเค้าให้ไปตรวจสุขภาพยังไงอย่างงั้นเลย

“ คุณคีย์ "

“ อะไร "

" เมื่อไหร่จะไปโรงพยาบาลกับผมครับ " คำถามที่ดังขึ้นจากในครัวผมวางโบชัวร์นั่นลงก่อนจะทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินไปที่โต๊ะอาหารทันที ข้าวถ้วยเล็กๆถูกวางไว้ตรงหน้าแล้ว เมนูวันนี้เป็นหมูผัดพริกไทย น่าตาน่ากินมากไม่รู้เพราะหิวหรือเพราะอะไรแต่ฟานก็ทำเมนูทุกเมนูที่เค้าบ่นอยากจะกินได้อร่อยๆมากจริงๆ เมนูนี้ก็คงเหมือนเดิม ทุกวันนี้แทบอยากจะหอบอาหารกลางวันไปกินอยู่แล้วด้วยความอร่อยของมัน ก็รู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่ได้กินแค่มื้อเดียว

“ น่ากินจัง " ฟานที่นั่งลงตรงข้ามกันผมแสร้งพูดเรื่องอาหารตอนที่อีกคนกำลังพูดเรื่องซ้ำๆเดิมๆนั่นออกมาอีก เรื่องโปรแกรมตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล มันเป็นเรื่องตั้งเมื่อปลายอาทิตย์ก่อนที่ผมดันเมาแล้วก็.. มีอะไรกับหมอนี้ ตอนนั้นดันหลุดปากไปว่าอยากจะมีอะไรกันแบบไม่ใส่ถุงยาง แต่ไอ้ลูกหมานี่ดันมาจริงจังกับคำพูดของคนเมาอย่างผม บอกว่าความคิดของคนเมามันออกมาจากใจที่สุด หลังจากนั้นก็วอแวเรื่องจะให้ไปตรวจสุขภาพกันเรื่อยมา เหตุผลเพราะ ' เราจะได้มีเซ็กส์กันแบบไม่ใส่ถุงยาง '  ประสาทใครจะทำ ผมปัดความคิดนั้นออกไปอย่างไม่ใยดี การไปตรวจสุขภาพแล้วทุกอย่างออกมาโอเคหลังจากนั้นเราก็มีเซ็กส์กัน  บ้างน่า การมีเซ็กส์แบบตั้งใจแบบนั้น จะให้ผมทนทำหน้านิ่งอยู่ได้ ได้ยังไง ช่วงเวลาที่ถือเอกสารแลกเปลี่ยนกัน กลับมาที่ห้องในช่วงเวลาที่เงียบสงบนั้น เค้าก็เข้ามาใกล้ๆ แล้วหลังจากนั้น .. พอกันที ไม่ว่าคิดยังไงก็เขินเกินกว่าจะทำอะไรออกไปแบบนั้น แม้จะยอมรับว่าความคิดของฟานจะเป็นความคิดที่ดีก็เถอะนะ

“ อย่ามาแกล้งเปลี่ยนเรื่องเลยครับคุณคีย์ ผมรู้นะ "

“ รู้อะไร " มองหน้าเค้าที่ถอนหายใจออก

“ เรื่องที่ผมชวนคุณไปตรวจสุขภาพเย็นนี้ไงครับ "

“ ฉันอาจจะต้องนั่งทำงานจนดึกก็ได้ ช่วงนี้งานฉันยุ่งจะตายไป "

“ เมื่อวานมีใครสักคน บอกผมว่า งานเสร็จแล้ว " ชะงักข้าวที่กำลังกินอยู่ทันที ผมพยายามนึกถึงเรื่องเมื่อวานว่าไปบอกเค้าตอนไหน จำได้ว่าก็ดีใจมากๆที่งานเสร็จแล้วเพราะเป็นงานที่โหดหินเอาเรื่องเหมือนกันและคิดว่าหัวหน้าต้องส่งงานกลับมาให้แก้แน่ๆ แต่ก็ไม่ พอเป็นแบบนั้นก็ยิ่งดีใจมากจำได้ว่าฮัมเพลงมาตลอดทางกลับบ้านแถมยังแวะซื้อขนมกลับมาให้ฟานด้วย " จำไม่ได้เหรอครับ เมื่อวานคุณกลับบ้านมาแบบอารมณ์ดีมากๆ พอผมถามคุณก็บอกว่า เพราะงานเสร็จแล้วแถมยังไม่ต้องแก้เลยด้วย "

“ เอ่อ..อย่างงั้นเหรอ " เพราะความดีใจจนเกินลิมิตของกูสินะที่ทำให้ไอ้หมอนี่รู้เข้าจนได้ว่างานเสร็จแล้ว คราวนี้จะเบี่ยงการไม่ไปโรงพยาบาลด้วยเหตุผลอะไรอีกดีละนั่น
 
“ คุณคีย์ " ฟานที่เอ่ยเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง เค้าวางช้อนลงก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ แววตาคมที่จ้องมองผม " ที่ผมอยากจะให้คุณไปตรวจกับผมไม่ใช่ว่าผมไม่มั่นใจหรือว่าอยากจะทำเรื่องอย่างงั้นกับคุณอย่างเดียวหรอกนะ ก็ยอมรับครับว่าอยากจะมีเซ็กส์แบบนั้นกับคุณเป็นคนแรกแต่ที่ผมอยากจะให้คุณไปเพื่อให้คุณได้มั่นใจในตัวผมมากกว่า ว่าผมจะไม่ได้นำโรคร้ายหรืออะไรที่คุณไม่สบายใจก็ตามมาให้คุณ ผมอยากจะให้คุณสบายใจ และมีความสุขในช่วงเวลาที่เราไม่ได้ป้องกัน

' กูจะไม่ไปก็เพราะมึงพูดว่า ' จะได้มีความสุขกับช่วงเวลาที่เราไม่ได้ป้องกัน ' นี่แหละ ' เบือนหน้าหนีอีกฝ่ายอย่างไม่รู้จะพูดอะไรออกมา

   ก้มหน้าลงมองจานข้าวก็พลอยทำให้กินไม่ลงเข้าไปด้วย มันก็จริงที่เราต้องตรวจเพื่อความสบายใจในการจะมีเซ็กส์แบบไม่ป้องกัน แต่ การทำแบบนั้นมันเหมือนเราตั้งใจจะมีเซ็กส์กันชัดๆเลยนี่หว่า พอคิดว่าเป็นแบบนั้นก็ชวนให้ไม่อยากจะไปสักนิด ก็เขินนี่หว่าจะให้ทำไง

“ คุณคีย์ครับ "

“ ไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลังก็แล้วกัน " ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งคว้าเอากระเป๋าทำงานของตัวเองขึ้นสะพายแล้วเตรียมจะเดินออกไป แต่ทว่าคนที่นั่งอยู่กลับลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วคว้าแขนผมไว้ได้ทัน

“ คุณคีย์ "

“ ก็บอกว่าไว้ค่อยคุยกันไงเรื่องนี้น่ะ วันนี้ฉันต้องรีบไปทำงานแล้ว "

“ ขอโทษที่เห็นแก่ตัวครับ " เสียงทุ้มที่พูดขึ้นผมหันไปมองเค้าที่กำลังจ้องหน้าผมพลางถอนหายใจออกมา " ที่อยากให้คุณไปตรวจจริงๆแล้ว ก็เพราะอยากจะให้คุณสบายใจที่จะทำแบบนั้นกับผม  ผมรู้สึกเห็นแก่ตัว อยากจะเป็นคนแรกที่คุณให้ทำเรื่องแบบนั้นได้ อยากจะผูกมัดคุณไว้ ไม่อยากให้คุณเป็นของใคร เวลาคุณเมาก็ชอบเรียกร้องอะไรแบบนั้น ผมเลยคิดว่าจิตใจลึกๆคุณคงไม่ชอบใส่ถุงยางเท่าไหร่ เพราะงั้นถ้าคุณรู้สึกอยากจะทำแบบนั้น ให้ผมทำให้ได้มั้ยครับ อยากจะเป็นคนที่คุณคีย์ยอมให้ทำเรื่องแบบนั้นด้วย เป็นคนเดียวที่จะได้ทำ ผมขอได้มั้ย ผมอยากจะเป็นคนคนนั้นครับ " ผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่มองแววตาจริงจังที่กำลังส่งความรู้สึกออกมาให้ผมรู้

   ' เซ็กส์ ' มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ ตลอดมาผมไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลย เหมือนแค่เราถูกใจเราก็ขึ้นเตียงกันมันคือเรื่องปกติ แค่เราป้องกันนั่นก็โอเคแล้ว ผมไม่เคยซีเรียสกับครั้งแรกของตัวเอง จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่และตอนไหน เพราะไม่เคยใส่ใจเลยไม่เข้าใจเลยว่าทำไม เค้าถึงใส่ใจกับมันนัก

“ ทำไม.. นายถึงได้จริงจังกับเรื่องแค่นั้นกันนะ "

“ มันไม่ได้เป็นเรื่องแค่นั้นนะครับ " อีกคนเถียง“ ถ้าคุณคิดว่าการไม่ใส่ถุงยางแล้วมีเซ็กส์กันเป็นเรื่องแค่นั้น คุณคีย์ก็คงมีอะไรกับผมแบบไม่ใส่ถุงยางมาตั้งนานแล้วละ แต่เพราะถึงจะอยากจะทำยังไงแต่ก็กลัวใช่มั้ยละ ว่าจะติดโรคจากการมีเซ็กส์ เพราะคุณแคร์ไม่ใช่เหรอ คุณเลยไม่เคยทำแม้จะอยากทำ "

“ ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่การที่เราไปโรงพยาบาลกันสองคนเพื่อไปตรวจร่างกายแล้วสุดท้ายก็เอาผลมานั่งดูกัน ตอนนั้นนายจะให้ฉันทำหน้ายังไง ก็ตั้งใจจะไปตรวจเพื่อมีเซ็กส์กันไม่ใช่เหรอ แบบนั้นแล้ว จะให้ฉัน ทำหน้ายังไงตอนเอามันให้นายดูละ " ก้มหน้าลงตอนที่อธิบายเรื่องความเขินอายของตัวเอง ไม่ใช่ว่าไม่อยากมีอะไรแบบนั้นกับเค้า สำหรับฟานตอนนี้เหมือนเค้าเป็นคนที่ใช่จนแทบอยากจะให้ทุกอย่างๆ เพราะคิดแบบนั้นก็เลยเขินเกินกว่าจะโรงพยาบาลเพื่อตรวจแล้วกลับมาตั้งใจทำเรื่องแบบนั้นด้วยกัน
 
“ ถ้าคุณเขินเราแยกกันไปดีมั้ย " ฝ่ามือหนาเอื้อมมือประคองใบหน้าหวานให้เงยหน้าขึ้นมามองเค้า รอยยิ้มอบอุ่นที่ยิ้มให้กัน " คุณไปตรวจของคุณ ผมก็ไปตรวจของผม แล้วเราก็ค่อยเอาผลตรวจมาแลกกันดีมั้ยครับ "

“ ก็ได้ " ในที่สุดก็ยอมตกลงไปเพราะสายตาอบอุ่นที่จ้องมองมานั่นอีกแล้ว จะต้องอ่อนไหวไปกับเสียงนุ่มอบอุ่นแบบนั้นไปถึงเมื่อไหร่กัน ผ่อนลมหายใจออกมาในตอนที่ฟานกอดผมไว้มันเป็นความรู้สึกที่พูดออกมาเป็นประโยคไม่ได้ แต่รู้สึกว่า ' ชอบจัง ความรู้สึกแบบนี้ ' ตอนที่เค้ากอดก็อยากจะกอดตอบ แต่ก็ไม่กล้า เขิน " ฉันไปทำงานก่อนนะ "

“ ครับ " เค้าก้มลงมาจูบที่ริมฝีปากก่อนจะยิ้ม " โชคดีครับ ตอนเย็นเจอกันนะ "

“ อื้ม เจอกัน " เดินออกมาจากห้องของตัวเอง ผ่อนลมหายใจออกมาอีกครั้งในที่สุดก็ต้องยอมตามใจเค้าอีกจนได้ ทำไมถึงได้พ่ายแพ้กับแววตาและคำพูดพวกนั้นได้ง่ายเหลือเกินนะ ทั้งๆที่ไม่เคยยอมให้เด็กคนไหนแท้ๆ แต่ทำไมพอเป็นฟานแล้วก็เหมือนต้องยอมให้เค้าทั้งหมด บ้าชะมัดเลยคีย์ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ

..............................................

   เงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์ที่เอาแต่เล่นทั้งวันเพราะงานที่รับผิดชอบหมดไปแล้ว งานใหม่ที่จะเข้ามาอีกทีวันจันทร์นั้น ผมบิดขี้เกียจเล็กน้อยตอนที่มองไปรอบๆก็พบว่าพนักงานคนอื่นในออฟฟิศเริ่มเดินออกไปจากโต๊ะของตัวเองบ้างแล้ว

“ พักเที่ยงแล้วเหรอวะ " พูดกับตัวเองเบาๆตอนที่เงยหน้ามองนาฬิกาก็บอกเวลาพักเที่ยงพอดีจริงๆด้วย ผมหันไปหาลิปที่กำลังจดจ่อกับงานของตัวเอง " ลิป เที่ยงแล้วไปกินข้าวกันมั้ย "

“ วันนี้ไม่ไปอะคีย์ นายไปเถอะ ฉันต้องรีบทำงานนี้ให้เสร็จ ลูกค้าเร่งแล้ว "

“ เหรอ " ผมพยักหน้ารับ " งั้นฉันขอไปโรงพยาบาลหน่อยนะ "

“ โรงพยาบาล " อีกฝ่ายทวนคำพูดก่อนจะหันหน้ามามองผม " ไปทำไม นายเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ "

“ จะไปตรวจสุขภาพหน่อยอะ ช่วงนี้รู้สึกปวดหัวบ่อยๆ "

“ ไม่ใช่เพราะว่ามีแฟนเด็กแล้วทำให้ปวดหัวเหรอ ถ้าแบบนั้นไม่ต้องตรวจหรอกมันปกติอยู่แล้ว " เค้าพูดพลางหัวเราะผมก็ยกยิ้มแห้งๆออกมา เออ จะว่าแบบนั้นก็ถูกก็เพราะกูมีไอ้ลูกหมานั่นไงเลยต้องลากสังขารไปโรงพยาบาลตอนนี้ เพื่อจะได้เอาผลตรวจร่างกายไปแลกกับมันตอนเย็น แถมวันต่อมายังเป็นวันเสาร์อาทิตย์ที่หยุดอีก ขอทำงานลากไปถึงวันจันทร์ไม่กลับบ้านได้มั้ย รู้สึกไม่ปลอดภัยต่อชีวิตชะมัด

“ ฉันว่าจะตรวจแล้ว ตอนเย็นก็ค่อยไปรับผล "

“ ก็คงใช้เวลาไม่นานหรอก ไปโรงพยาบาลเอกชนสิใกล้ๆตรงนี้เอง "

“ คิดว่าอย่างงั้นแหละ " พยักหน้าตอบรับอีกคนก่อนจะว้าเอากระเป๋าสตางค์แล้วเดินออกไปจากออฟฟิศ ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆตอนที่กำลังรอจะเรียกแท็กซี่ผมกลับเห็นรุ่นน้องผู้ชายตัวเล็กๆหน้าตาน่ารักที่เพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทได้ไม่นาน ยืนอยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก " น้องเนย์เหรอวะ ทำไมมายืนเหมือนรออะไรอยู่ตรงนั้น " ขมวดคิ้วเสือกเรื่องชาวบ้านแบบงงๆ ความสงสัยของผมชะลงเมื่อมีรถคันสีดำคุ้นตาขับเข้ามาจอดเทียบก่อนที่เค้าจะขึ้นแล้ว มันก็ถูกขับออกไปด้วยความเร็ว แต่ทว่าผมน่ะ รู้จักเจ้าของรถคันนี้เป็นอย่างดีเลย " รถหัวหน้านี่หว่า แล้วทำไมถึงมารับน้องเนย์ไปหรือว่า.. " ปล่อยความคิดแย่ๆให้ไห้ไหลไปตามจินตนาการ คงจะเกิดเหตุการณ์กินข้าวเสร็จกินเธอต่อแน่ๆ ไม่ก็กินข้าวเสร็จ เย็นนี้ก็มากินเธอต่อ ผมหลุดยิ้มออกมาไม่คิดว่าจะมาเจออะไรแบบนี้เลยนะเนี้ย เพราะช่วงนี้ตอนพักเที่ยงถ้าไม่มีอาหารจากฟานก็พึ่งแซนวิชตรงชั้นล่างของตึก ไม่ได้ออกไปหาอะไรกิน ขี้เกียจต่อแถวแย่งกินกับใครมันอึดอัด

“ อ๊ะ " รถแท็กที่ขับเข้ามา ผมเอื้อมมือไปโบกก่อนจะเดินขึ้นไป มิสเตอร์ถูกกดหลังจากที่ผมบอกปลายทางเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ใกล้ๆ แห่งนึง " นี่ครับ " ยื่นเงินไปให้ก่อนจะได้รับตังค์ที่ไม่ครบเท่าไหร่แต่นั่นก็ช่างมัน ผมเดินลงจากแท็กซี่เดินเข้าไปในโรงพยาบาลก่อนจะสอบถามกับพนักงานเค้าเตอร์

“ สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าจะตรวจสุขภาพต้องไปที่ชั้นไหนครับ "

“ ตรวจสุขภาพเพื่อสมัครงานใช่มั้ยคะ "

“ ไม่ใช่ครับ " ผมบอก " ตรวจสุขภาพเพื่อ..เอ่อ คือ เอ่อ ” ทุกอย่างเริ่มนิ่งจะพูดออกไปยังไงดี ผมเหลือบมองทุกอย่างรอบตัว ก่อนจะเห็นผู้หญิงท้องที่เดินผ่านมา สามีเธอที่พยุงอยู่นั้น " เพื่อการมีลูกครับ "

“ การมีลูกเหรอคะ "

“ ครับ " ยิ้มแห้งๆให้เธอ ที่พยักหน้ารับก่อนจะยื่นโบชัวร์แผ่นนึงให้ผมอย่างสุภาพ

“ อยู่ที่ชั้นสามนะคะ "

“ ขอบคุณมากครับ " รีบเดินออกจากโต๊ะประชาสัมพันธ์แล้วเดินเร้วแบบตรงดิ่งมาที่ลิฟต์ทันที กดลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้นสามก็เจอกับประชาสัมพันธ์อีกครั้ง

“ สวัสดีค่ะ มาติดต่อเรื่องอะไรคะ "

“ มาตรวจสุขภาพ เพื่อพร้อมที่จะมีบุตรนะครับ " ทำไมพอพูดว่ามาตรวจสุขภาพเพื่อพร้อมที่จะมีบุตร พนักงานต้องเหลือบมองผม ด้วยสายตา ' คุณนี่มีเมียเหรอคะ '  ด้วยวะ ทำไมหน้าตากูไม่แมนพอที่จะมีเมียเหรอ

“ งั้นช่วยกรอกเอกสารตรงนี้ด้วยนะคะ " เอกสารที่ยื่นมาตรงหน้าผมถอนหายใจออกมา การที่บอกว่ามาตรวจเพื่อจะมีบุตรจะใช้การตรวจเดียวกันกับการตรวจเพื่อมีเซ็กส์มั้ยนะ

“ เอ่อ ขอโทษนะครับ "

“ ค่ะ "

“ จริงๆผมมาตรวจสุขภาพเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ครับ ไม่ทราบว่ามันเป็นเอกสารเดียวกันกลับที่ต้องเขียนตอนนี้มั้ยครับ " ทุกอย่างนิ่งไปนานหลายวิก่อนที่พนักงานจะยิ้มแล้วเปลี่ยนกระดาษให้ผม

“ แผ่นนี้ค่ะ เปลี่ยนแผ่นนะคะ " ก้มหน้าก้มตาลงเขียนประวัติของตัวเอง ผมชะงักกับคำถามที่ถามว่าเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่ ' วันอาทิตย์ละมั้ง หรือว่าวันพุธที่ผ่านมากันนะ ชักจะไม่แน่ใจ ' เขียนไปว่าวันพุธที่ผ่านมาก็แล้วกัน

“ เสร็จแล้วครับ " ยื่นกระดาษคืนให้เธอที่มองดูจนครบถ้วนก่อนจะอธิบายแพ็คเก็จการตรวจมีทั้งการตรวจ HIV ตรวจซิฟิลิส เพื่อตรวจแอนติบอดี้  ตรวจหนองใน แล้วก็ไวรัสตับอักเสธ A B “ ตรวจทั้งหมดนี่แหละครับ "

“ ตรวจหามะเร็งปากทวารหนักด้วยมั้ยคะ มาตรวจแล้วก็ตรวจให้ครบไปเลย "

“ ก็ได้ครับ " ชีวิตต้องมาถึงจุดนี้แล้ว รู้สึกคลื่นไส้จะอ้วกจะชะมัดแม่งเกร็งไปหมด

“ รอเรียกชื่อสักครู่นะคะ " เดินออกไปนั่งบนโซฟาที่ไม่ค่อยมีคน ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆตอนที่หยิบมือถือออกมาดู ก็เจอกับข้อความนึงของฟานส่งเข้ามา

' ผมมาตรวจสุขภาพแล้วนะครับ ตื่นเต้นจัง '

“ ตื่นเต้นอะไรของนาย " ผมบ่นก่อจะส่งสติกเกอร์ไลน์กลับไปให้เค้าแค่ตัวเดียว จะว่าไปตอนนี้ มันน่าอายมากกว่าจะตื่นเต้นนะ เอาจริงๆก็พอเข้าใจอยู่ว่าทำไมใครๆถึงไม่ค่อยมาตรวจร่างกายก่อนมีเซ็กส์กันนักคงเพราะในสภาพแวดล้อมของเรามันไม่ได้เป็นเรื่องปกติสักหน่อยที่ผู้ชายจะมาตรวจโรคอะไรแบบนั้น ทั้งๆที่ว่าการ Safe Sex เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็นะ.. ไม่มีใครอยากจะบอกให้คนนอกรู้หรอกว่าเราเป็นเกย์น่ะ  ยังไงเรื่องแคร์สายตาชาวบ้านก็ต้องมาก่อนเรื่องสุขภาพอยู่แล้ว ใครหลายคนมักคิดแบบนั้นซึ่งจะว่าไปก็ไม่ดีเลยนะ อย่างเราเองถ้าไม่คบกับฟานแล้วอีกฝ่ายขอให้มาตรวจก็คงไม่มาหรอก เพราะอายที่ต้องสบตาใครตรงๆ หลายๆคนก็คงคิดแบบนั้น

“ เชิญค่ะ " พยาบาลที่เดินมาตรงหน้า ผายมือออกไปที่ห้องตรวจห้องนึงที่มีคุณหมอรออยู่ คุณหมอเป็นผู้หญิงหน้าตาดูใจดีแต่มีอายุแล้ว ผมทักทายเธอก่อนจะนั่งลงตรงหน้า การตรวจมากมายกินเวลาไปมากกว่าหนึ่งชั่วโมงกว่าจะตรวจหมดทั้งคอร์ส สิ่งสุดท้ายที่ตรวจคือการตรวจมะเร็งปากทวารหนักนี่แหละ แม่ง ต้องไปนอนโก่งตูดให้หมอตรวจน่าอายชิบหาย โชคดีที่หมอเป็นผู้หญิงและแก่แล้วไม่งั้นถ้าเป็นผู้ชายนะ ชีวิตต้องบรรลัยถึงขั้นไม่กล้ามาโรงพยาบาลนี้อีกแน่ๆ เปลี่ยนเสื้อผ้ากลับไปใส่ชุดเดิมก่อนจะเดินมาที่เค้าเตอร์พนักงานก็อธิบายผลตรวจ " ตรวจเสร็จหมดแล้วนะคะ ส่วนผลตรวจอย่างเช่นตรวจเลือด ตรวจ HIV ซิฟีลิสแล้วก็ไวรัสตับอักเสบเนี้ย จะได้ผลภายในหนึ่งชั่วโมงค่ะ จะรับผลตรวจก่อนมั้ยค่ะ หรือว่าจะรอผลตรวจมะเร็วปากทวารหนักทีเดียว อันนั้นต้องรอผลตรวจสองอาทิตย์ค่ะ "

“ งั้นรอสองอาทิตย์ครับ " ผมบอกเธอก็พยักหน้ารับ ผมมั่นใจแน่ๆว่าตัวเองไม่ได้เป็นเอดส์หรืออะไรแบบนั้นหรอก มะเร็งก็ไม่น่าเป็น แต่ที่รอ เพราะหมั่นไส้ไอ้คนที่แม่งคะยั้นคะยอให้มาตรวจนี่แหละ ' เชิญรอไปเลยครับไอ้ลูกหมา สองอาทิตย์ '

“ ใบตรวจจะให้ส่งไปที่บ้านหรือว่ามารับเองค่ะ ถ้ามารับเองทางเราโทรไปแจ้งเมื่อเสร็จ แต่ถ้าให้ส่งไปจะมีค่าส่งแล้วก็รอประมานอีกสามวันหลังผลตรวจออกค่ะ "

“ มารับเองครับ " พนักงานพยักหน้ารับ เธอเขียนใบรับผลตรวจเป็นกระดาษบางๆมาให้ผม

“ ได้ผลตรวจเมื่อไหร่จะแจ้งไปนะคะ "

“ ขอบคุณมากครับ " เดินออกจากโรงพยาบาลด้วยการถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ผ่านพ้นไปสักทีกับการตรวจสุขภาพบ้าบออะไรนี่ ไม่รู้ฟานจะตรวจออกมาเป็นยังไงบ้างนะ ผลตรวจคงจะออกมาภายในวันนี้แหละ เพราะว่าหมอนั่นคงไม่ต้องตรวจมะเร็งปากทวารหนักหรอกมั้งก็เป็นฝ่ายรุกเรามาตลอด

    เอ๊ะ ? หรือว่า เราจะมีเพื่อนสาว ท่าทางทำกับข้าวฉับชวนเอาไว้เอาใจหนุ่ม ส่ายหน้าออกมาก่อนจะหัวเราะกับตัวเองแล้วเดินนั่งรถกลับไปที่บริษัท ตื่นเต้นจังนะไม่รู้ผลจะออกมาเป็นยังไง

   ลากสังขารกลับจากที่ทำงานช้ากว่าที่คาดคิดไว้หน่อย เพราะลิปงานยุ่งมากก็เลยเผลอตัวเข้าไปช่วยเค้าไว้เหตุเกิดจากการว่างจัดแบบไม่มีอะไรทำ กระชับกระเป๋าของตัวเองกดกริ่งประตูห้องสักพักก็มีคนวิ่งออกมาเปิดประตู " กลับมาแล้วเหรอครับ "

“ อื้ม " ตอบรับสั้นๆตอนที่เดินเข้าไปข้างในผมโยนกระเป๋าไว้ที่โต๊ะกินข้าว แล้วหันมาเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์กระป๋องเย็นๆขึ้นมาเปิดแล้วยกดื่มให้ชื่นใจ ท่อนแขนหนาที่ดึงตัวผมเข้าไปกอด ตอนที่ลดกระป๋องเบียร์ลงเค้าก็ก้มลงมาจูบดูดดื่มเสียนานก่อนจะผละออกจากกัน

“ สำหรับคุณคีย์ครับ " ฟานยื่นซองกระดาษสีขาวมาให้ ผมที่รับไว้อีกคนก็แบมือมาตรงหน้าผม
 
“ อะไร "

“ ก็ไหนบอกว่าเราจะแลกกันไง "

“ ของฉันไม่มี " ผมบอกอีกคนก็ปล่อยมือจากเอวผมอัตโนมัติ สีหน้าที่กำลังเสียใจที่ได้ยินคำพูดนั้น เค้าพูดออกมาเสียงเบาๆ ราวกับผิดหวังอยู่มาก ' น่าฟาดด้วยหลังมือสักทีจริงๆไอ้เด็กนี่ '

“ ทำไมไม่มีละครับ ไหนบอกวันนี้จะไปตรวจไง " ทำไมต้องทำเสียงละห้อยอะไรขนาดนั้น นี่หวังเคลมกันแบบสดๆอยู่ใช่มั้ย ไอ้เด็กหื่น

“ ก็ไปตรวจแล้ว " ดึงตัวเองออกห่างจากอีกคนที่ยังยืนมองผมด้วยสายตาผิดหวัง

“ แล้วทำไม "

“ ก็ไปตรวจแล้วแต่ผลตรวจฉันมันต้องรอสองอาทิตย์ "

“ เหรอครับ "

“ นี่หยุดทำเสียงเสียความรู้สึกจะได้มั้ย นายนี่มัน "

“ ก็ผมน่ะเตรียมตัวไว้แล้วแท้ๆ วาดฝันไปต่างๆนานาเลยด้วย " วาดฝันอะไรของเอ็งวะ เบือนหน้าหนีเค้าที่ก้มหน้าลงต่ำฟานถอนหายใจออกมา " เจลหล่อลื่นที่ซื้อมาวันก่อน แกะพลาสติกแล้วนะครับ "

“ แล้วจะให้ทำยังไง ก็มันไม่ได้ผลตรวจมาละ หื้มมม " ประคองหน้าของอีกฝ่ายขึ้นมาถาม จะว่าไปก็น่าเอ็นดูเหมือนกัน โถ่ ลูกหมาน้อยคิดว่าจะได้ขยำฉันแล้วละสิ ผิดหวังเลย น่าสงสาร

“ แล้วทำไมผลตรวจของคุณคีย์มันถึงได้อีกสองอาทิตย์ละครับ "

“ ฉันตรวจมะเร็งด้วยน่ะ "

“ มะเร็ง " อีกคนทวนเสียงผมก็พยักหน้ารับ

“ อ๋อออ เข้าใจแล้ว ตรวจเพราะว่าคุณเป็นฝ่ายรับสินะ "

“ อื้ม " ยักคิ้วบอกอีกคนก็ยิ้ม

" ดีจัง ผมน่ะ คิดว่าพอตรวจแล้วเราก็ควรไปตรวจทุกปีเลยเป็นไงครับ ผมว่าตรวจสุขภาพทุกปีก็ดี ปลอดภัยหายห่วง อีกอย่างจะได้สบายใจว่าคุณคีย์น่ะ จะอยู่กับผมไปอีกนานเลย "

“ นี่ฉันเพิ่งแค่ 25 นะ ฉันต้องอยู่กับนายไปอีกนานอยู่แล้ว " หันหลังหนีอีกคน ตอนที่ยกเบียร์ขึ้นดื่ม ขามันก็เดินมาที่ทีวีแล้วหยิบรีโมตเปิดขึ้น แต่ทว่าสองแขนหนาที่เดินมากอดผมไว้ เค้าที่กอดรัดไปแทบทั้งตัวก็ทำให้ผมนิ่งไปสักพัก " ฟาน "

“ จะอยู่กับผมไปอีกนานเลยใช่มั้ย จนกว่าเราจะตายจากกันเลยนะ "

“ อื้ม จนกว่าจะตายจากกัน แต่บอกไว้ก่อนนะ ฉันน่ะ จะไม่มีวันตายหลังนายเด็ดขาด " ผมบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา ก้มหน้าลงต่ำกับความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจลึกๆ ความจริงที่ตัวเองรู้สึก " เพราะฉันน่ะ ไม่อยากจะอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีนายอีกแล้ว "

“ คุณคีย์ "

“ เพราะฉะนั้น " ดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดอีกคน ตอนที่เงยหน้ามองใบหน้าคมที่กำลังส่งยิ้มมาให้ " นายต้องดูแลสุขภาพให้ดีแล้วตายหลังฉันเข้าใจมั้ย "

“ เป็นคำสั่งเหรอครับนั่นน่ะ " เค้าถามก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ สองแขนที่ดึงตัวผมเข้าไปกอดเอาไว้ ซบหน้าลงบนแผ่นอกนั่นก่อนจะสูดกลิ่นตัวอุ่นๆที่ชอบเข้าไปเสียเต็มปอด ทุกวันนี้เหมือนมีทั้งคนดูแลแล้วก็คนคอยออกคำสั่งให้ทำนู้นทำนี่เหมือนมีผู้ปกครองอยู่กลายๆ แต่ถึงอย่างงั้นกลับรู้สึกว่า ชีวิตที่มีเค้า มีความสุขกว่าชีวิตที่เคยอยู่คนเดียวตั้งหลายเท่า หาเหตุผลไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม แต่หลายๆอย่างคงเพราะ มันเป็นฟานละมั้ง

“ ใช่ เป็นคำสั่ง " คำพูดเอาแต่ใจของผม ร่างสูงที่ผละอ้อมกอดออกก่อนจะก้มลงจูบลงบนริมฝีปากของผมเสียเนิ่นนานก่อนจะผละตัวเองออก

“ งั้นก็รับทราบครับ ผมจะทำตามคำสั่งของคุณ "

คำสั่งที่ห้ามทิ้งผมไว้คนเดียว นั่นคือคำสั่งที่ผมสั่งเค้าเอาไว้

.................................................................

คือ... ตอนแรกจะเขียนสั้นๆ พอกรุบกริบในความน่ารัก
แต่พอเขียนแล้วลากยาวไปมาก.. ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อ่านเพื่อความบันเทิงไปแล้วกันนะคะ
ตอนหน้า .. ผลตรวจจะเป็นอย่างไร ลุ้นต่อไปค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
เจอกันตอนหน้าค่าาาา
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ
ขอบคุณมากๆค่ะ  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 29 ' ตรวจสุขภาพ ' UP - 2.9.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 02-09-2016 21:09:28
อบอุ่นน่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 29 ' ตรวจสุขภาพ ' UP - 2.9.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 02-09-2016 21:18:00
 :-[ คุณคีย์น่ารักมาก เวลาพูดตรงๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 29 ' ตรวจสุขภาพ ' UP - 2.9.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-09-2016 21:21:07
มันช่างดีงามและรอบคอบ มีนิยายเรื่องไหนบ้างน้อที่จะเน้นรายละเอียดเรื่องตรวจโรคก่อนจะสด
จะเห็นมีก็แต่สดแล้วกลัวจนต้องไปตรวจ  :katai2-1:  อบอุ่นดีค่ะ.
เหมือนเรารียมเข้าหอเลยอะ อีกสองอาทิตย์เองน่าฟาน. อดทนนิดนึงนะ
งั้นวันนี้ก็วันหมั้นสินะ  :mew1:    :mc4:    ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 29 ' ตรวจสุขภาพ ' UP - 2.9.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 02-09-2016 21:22:01
คำสั่งของคีย์นี่บอกเลยว่าน่าทำตามมาก!!
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 29 ' ตรวจสุขภาพ ' UP - 2.9.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-09-2016 22:28:38
 :L2: :pig4:

สำคัญจริงๆ รักกันแล้วพากันดีขึ้น
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 29 ' ตรวจสุขภาพ ' UP - 2.9.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 02-09-2016 22:28:57
มุ้งมิ้งมุ้งมิ้งจิงๆเลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 29 ' ตรวจสุขภาพ ' UP - 2.9.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 02-09-2016 23:50:31
เบาหวานขึ้นจอ :-[
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 29 ' ตรวจสุขภาพ ' UP - 2.9.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 03-09-2016 07:41:14
กรี๊ดดดดดดดด หวานฟินมั่กๆๆ
ปล. แอบสงสารฟานนิดนึง อีก 2 อาทิตย์ 555555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 29 ' ตรวจสุขภาพ ' UP - 2.9.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 03-09-2016 20:21:12
น่ารัก ยังไงก็ต้องยอมจนได้นะคีย์
แต่ถึงจะยังไม่ได้ผลตรวจ แต่ก็ต้องเจอฟานจัดหนักอยู่ดี 5555

คีย์น่ารัก ปากแข็งไม่เลิก แต่พอโดนอ้อนหน่อย ยอมเลยนะ
ฟานก็ทำดีค่ะ ต้องหงอยเข้าไว้ 5555

เค้าน่ารักกันดีเนาะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 29 ' ตรวจสุขภาพ ' UP - 2.9.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 04-09-2016 02:28:46
คุณคีย์ในโหมดอ้อนรึเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 29 ' ตรวจสุขภาพ ' UP - 2.9.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 04-09-2016 11:15:35
น่ารัก น่าหมั่นใส้ ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 29 ' ตรวจสุขภาพ ' UP - 2.9.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 04-09-2016 11:18:02
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 29 ' ตรวจสุขภาพ ' UP - 2.9.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 04-09-2016 11:29:53
ชอบเรื่องนี้จัง  :o8:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 29 ' ตรวจสุขภาพ ' UP - 2.9.59} หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-09-2016 11:33:41
แหม คู่นี้น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 30 ' ผลการตรวจสุขภาพ ' UP - 4.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 04-09-2016 21:01:06
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 30
' ผลการตรวจสุขภาพ '

“ อีกสองวันแล้ว " เสียงทุ้มที่พูดออกมาเบาๆ พลางขีดฆ่าวันบนปฎิทินแบบพับที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ผมถอนหายใจออกมาตอนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนั่นอยู่ในสายตามาตลอด ตั้งแต่บอกว่าผลตรวจจะได้อีกทีคือสองอาทิตย์หน้า ไอ้หมอนี่ก็ลงทุนไปซื้อปฎิทินตั้งโต๊ะแล้วมานั่งขีดวันนับมันทุกวันเหมือนว่ารอคอยมันอยู่อย่างใจจดจ่อ ทั้งๆที่ว่าวันนั้นไม่ได้ผลตรวจก็ยังมีอะไรกันเหมือนเดิมแท้ๆ แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันจะรอคอยอะไรขนาดนั้น

“ นี่ ถึงนายจะนับไปถ้าฉันได้ผลตรวจออกมาเป็นวันอังคารจริงๆ ฉันก็ไม่ให้นายทำอะไรกับฉันหรอกนะ "

“ ทำไมละครับ " สีหน้าเสียใจที่หันมาถาม ผมผ่อนลมหายใจออกมาอีกฝ่ายที่ยังคงไม่เข้าใจ " ทำไมคุณคีย์ถึงชอบแกล้งเด็กแบบนี้ "

“ นายพูดเหมือนนายตัวสูงสัก 140 แล้วฉันก็แย่งของเล่นนาย เพิ่งสามชวบรึไงไม่ทราบ "

“ ก็คุณพูดทำร้ายจิตใจคนรอคอย " มันต้องรอคอยอะไรวะ ปกติก็เอากันอยู่แล้วแค่ใส่ถุงยางก็เท่านั้น แล้วนี่จะเปลี่ยนจากใส่ถุงยางมาไม่ใส่ มันจะอะไรนักหนา

“ โถ่ เจ้าเด็กน้อยที่น่าสงสารของฉัน " เดินเข้าไปใกล้เค้าตอนที่ยกมือขึ้นลูบหัวแล้วเอนให้เข้ามาซบตรงอก อีกฝ่ายที่หันหน้ามาซบพลางงับเข้าที่ยอดอกของผมก่อนจะโดนฟาดเข้าไปที่หลังเสียเต็มแรง

“ โอ๊ย เจ็บนะครับ "

“ ไอ้หื่น ถูกเนื้อต้องตัวหน่อยไม่ได้เลยนะนาย " พอทำหน้าดุเข้าหน่อย ฟานก็ยิ้มแห้งๆออกมา ผมลุกกลับไปนั่งที่โต๊ะอาหารวันนี้เป็นผัดเส้นหมี่ดูน่ากินดีเหมือนกัน

“ ผมเองก็สอบเสร็จแล้วนะครับ ปิดเทอมแบบนี้ไม่มีอะไรทำมันน่าเบื่อนะ "

“ ก็ลองหาอะไรทำสิ " โชคดีจังเลยน้า เพราะเป็นมหาลัยยังมีช่วงปิดเทอมให้ได้พักผ่อนแล้วก็เที่ยวเล่น แต่พอเข้าสู่วัยทำงานแล้วแค่จะขอลาสักห้าวันกลับบ้านต่างจังหวัดก็จ้องตาเขม็งยิ่งกว่าไปฆ่าใครตายซะอีก ช่วงพักร้อนที่กว่าจะขอลางานได้สักทีต้องเล็งตั้งนานกว่าจะได้ ต้องเป็นช่วงที่คนลาไม่เยอะ แถมยังต้องไม่ติดกับวันลาของใคร " ทำงานพิเศษมั้ยละ "

“ ทำงานพิเศษเหรอครับ " อีกคนถาม

“ ก็อย่างเช่น สอนพิเศษเด็กม.ปลาย ไม่ก็ทำงานร้านกาแฟ ฉันว่าก็น่าสนใจนะ  แต่ว่าปิดเทอมทั้งทีไม่พักผ่อนก่อนละ ไม่มีหนังหรือเรื่องที่อยากจะทำบ้างรึงไง " ผมถามอีกคนก็ทำท่าคิด

“ อยากไปเที่ยวต่างประเทศกับคุณคีย์ครับ "

“ ฉันไม่ได้ขอวันลาพักร้อนไว้ช่วงนี้น่ะสิ ต้องบอกก่อนนะ ถ้าจะไปน่ะ "

“ เหรอครับ " เสียงผิดหวังของเค้าก่อนจะก้มหน้าลงกินอาหารในจาน " งั้นผมก็ไม่มีอะไรที่อยากจะทำหรอก สิ่งที่ผมอยากจะทำ มันมีคุณอยู่ด้วยในนั้นทุกอย่างเลยนี่ ถ้าไม่มีคุณทำด้วยก็ไม่มีอะไรที่อยากจะทำแล้วละ "

“ ให้มันน้อยๆหน่อย ฉันเป็นหมีเน่าของนายรึไง ถึงได้ติดฉันขนาดนนั้นน่ะ ไม่ใช่ว่าต้องมีกิจกรรมร่วมกันทั้งหมดสักหน่อย "

“ แต่ว่ากิจกรรมบนเตียงเราต้องทำร่วมกันนะครับ " น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ที่ส่งสายตากวนตีนมาให้ ผมจ้องหน้ามองอีกคนที่ถอนหายใจออกมา " ผมว่าจะหยุกพักสองอาทิตย์ครึ่งแล้วอาจจะหาร้านกาแฟ ไม่ก็สอนพิเศษเด็กอย่างที่คุณบอกแล้วกัน ไม่อยากจะอยู่ว่างๆ "

“ แต่เสาร์อาทิตย์นี้ว่าง หาอะไรทำกันมั้ยละ " ปิดเทอมทั้งทีละนะ สมัยตอนเป็นเด็กนอกจากจะนั่งๆนอนๆ ก็ช่วงเวลาที่พ่อแม่พาไปเที่ยวนี่แหละมีความสุขที่สุดเลย แม้มันจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆก็เถอะ แต่ว่านะ.. ที่กูกำลังทำตัวเป็นพ่อแม่ของแม่งอยู่รึเปล่าวะ
 
“ ไปชอปปิ้งกันมั้ยครับ วันอาทิตย์มันมีถนนคนเดินอยู่ "

“ ที่เคยไปกันครั้งก่อนน่ะเหรอ " ผมถามอีกคนก็ส่ายหน้า

“ ไม่ครับ หนนี้เราจะไปที่อื่น ผมดูรีวิวมา ของกินมันน่ากินมาก เราเที่ยวกันเถอะ "

“ ไว้ถึงวันแล้วจะบอก "

“ ไหนบอกว่า จะหาไรทำไงครับ พอบอกว่าออกไปเดินถนนคนเดินแล้วไหงเปลี่ยนอารมณ์ไปขนาดนั้นละ "

“ นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบที่ร้อนๆ ยังชวนออกไปตากแดดอยู่ได้ " ผมบ่นออกมาอีกคนก็หัวเราะ

“ คุณน่ะ ต้องรู้จักออกไปเจอแดดบ้างนะ ผิวจะได้ชินกับการโดนแดด คุณขาวไปแล้วนะจะบอกให้ "

“ ก็ฉันไม่ชอบให้เหงื่อออก เปลี่ยนไปเดินห้างธรรมดาไม่ได้รึไง " พูดออกไปแบบนั้นคนฟังก็หัวเราะ ผมเหลือบมองเวลาที่ใกล้เวลางานก่อนจะมองอาหารในจานที่ยังเหลืออีกครึ่ง " ตายแล้ว!  มัวนั่งคุยกับนายสายเลย " รีบกินอาหารที่อู่ในจานในเสร็จ ยกน้ำขึ้นดื่มก่อนจะหยิบสตอเบอรี่ที่ตั้งอยู่ในตู้เย็นออกมากินลูกนึง คว้ากระเป๋าของตัวเอง ฟานที่รู้งานยืนขึ้นแล้วเดินเข้ามาใกล้ ผมที่เคี้ยวผมไม้รสเปรี้ยวอยู่เต็มปากในตอนนั้นดึงตัวเองเขย่งเท้าขึ้นจูบเค้าเสียเสียงดังก่อนจะยิ้ม " ฉันไปทำงานก่อนนะ เย็นนี้เจอกัน "

“ โชคดีครับคุณคีย์ "

   นั่งรถไฟแบบที่เบียดเสียดกับผู้คนมาทำงานกันตามปกติ ตอนที่หลุดออกจากสถานีที่หมายผมผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะแปลกใจกับโทรศัพท์ที่มีสายเข้ามาตั้งแต่เช้า ยกมือถือขึ้นมาดู สายแปลกที่โทรเข้ามาผมขมวดคิ้วก่อนจะกดรับ

“ สวัสดีครับ "

“ สวัสดีค่ะ คุณคีย์ใช่มั้ยค่ะ โทรมาจากโรงพยาบาลนะคะ " ปลายสายที่ทำให้ผมพยักหน้ารับ

“ ครับ "

“ ผลตรวจของคุณออกมาแล้วค่ะ ถ้าสะดวกมารับก็เข้ามาได้เลยที่แผนกเดิม อย่าลืมนำใบรับผลตรวจมาด้วยนะคะ "

“ ครับ ขอบคุณครับ " วางสายจากทางโรงพยาบาลงผมหยุดยิ้มออกอย่างไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไงดี เห็นทีวันอาทิตย์นี้คงมีกิจกรรมอื่นรับปิดเทอมให้ไอ้ลูกหมาตัวโตที่ห้องซะแล้วมั้ง

   ....................................................


“ จะว่าไป ผลตรวจที่นายไปตรวจวันก่อนยังไม่ได้รับผลอีกเหรอ " ลิปเอ่ยถามผมที่ตอนนั้นเรากำลังเดินลงไปหาแซนวิชกินข้างล่างเพื่อเป็นมื้อกลางวัน

“ ผลตรวจ ? "

“ อย่ามาทำเป็นลืมน่า ผมตรวจที่สองอาทิย์ก่อนนายบอกว่า นายไปตรวจสุขภาพมาเพราะปวดหัวไง " คำพูดที่อีกคนอธิบายออกมา จริงๆแล้วก็รู้แหละว่าเรื่องอะไรแต่ที่ประวิงเวลาทำเป็นไม่ใส่ใจเพราะคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะลืมไปแล้วละ

“ อ๋อ จริงๆก็ออกมาแล้วละ "

“ เหรอ แล้วเป็นไง "

“ คือยังไงไม่รู้เลยเค้านัดให้ไปเอาวันนี้น่ะ "

“ ถามจริงๆเถอะ ที่ไปตรวจน่ะ ไปตรวจสุขภาพโรคทางเพศสัมพันธ์ใช่มั้ย " คำถามของอีกฝ่ายที่ทำให้ผมเบิกตากว้างออกมา ลิปก็หัวเราะ " ก็ถ้าแค่ปวดหัวมันไม่รอผลตรวจนานสองอาทิตย์หรอกน่า ไปตรวจตรงนั้นมาละสิ "

“ รู้ได้ไงน่ะ นายก็ตรวจเหรอ "

“ เห็นแบบนี้ ฉันก็รักตัวเองเหมือนกันนะ ฉันไปตรวจทุกปีแหละ " อีกคนว่าก่อนจะถอนหายใจออกมา " ก็นะ เรามันเป็นแบบนี้ก็ต้องรักตัวเองให้มาก สุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด นายไปตรวจก็ดีแล้ว ว่าแต่คิดไงถึงไปตรวจล่ะ "

“ ก็.. “ จะบอกว่ายังไงดี ไปตรวจเพราะจะทำเรื่องแบบนั้นกับฟานน่ะเหรอ บ้าน่าใครจะพูด " แค่อยากไปตรวจอะ แบบว่าเหมือนต้องรักษาสุขภาพขึ้นมาซะแล้วละมั้ง ก็เลยตัดสินใจไป "

“ มีแฟนเด็กต้องมั่นตรวจเช็คร่างกายสินะ " ยกยิ้มออกมาตอนที่อีกคนพูดแบบนั้น เอาจริงๆคือที่ต้องหมั่นตรวจเช็คนี่คือเพราะกลัวมันจะชำรุดไปสักวันเพราะโดนไอ้แฟนเด็กบ้าพลังใส่ไม่หยุดใช่มั้ย

“ อ้าว น้องเนย์กินแซนวิชเหรอ "

“ อ้าวพี่ลิป พี่คีย์ ครับมากินแซนวิช " รุ่นน้องในออฟฟิศที่เดินมาซื้อแซนวิชในร้านที่ผมกำลังกินอยู่พอดี รอยยิ้มน่ารักที่ยิ้มมาให้อยู่ๆผมก็คิดถึงเรื่องราวที่เจอวันนั้นขึ้นมาได้พอดี

“ น่ารักจังน้า น้องเนย์น่ะ ตัวเล็กๆน่ารักมีลักยิ้มด้วย "  ลิปพูดเสียงเบาๆ ตอนที่มองดูอีกคนที่กำลังซื้อแซนวิชอยู่ที่หน้าร้าน " น้องเนย์กินด้วยกันสิ "

“ ขอบคุณที่ชวนครับรุ่นพี่แต่ว่าผมต้องออกไปกินกับเพื่อนน่ะ " ผมมองดูแซนวิชที่อยู่ในถุงสองชิ้นของเค้าก่อนจะพยักรับ

“ อ๋อ อย่างงั้นเหรอ งั้นไว้โอกาสหน้านะ "

“ ครับ " ร่างเล็กที่เดินออกไปผมที่มองตามอีกคน ก่อนจะหันมาพูดกับลิปนั่งข้างๆ

“ ลิป สองอาทิตย์ก่อนฉันเห็นน้องเนย์ขึ้นรถหัวหน้าที่ห้างใกล้ๆตึกทำงานไปกินข้าวตอนพักเที่ยงด้วยแหละ "

“ อะไรนะ ? มองผิดเปล่า หัวหน้าจะมากินข้าวกับน้องเนย์ได้ไง "

“ ไม่รู้สิ แต่ฉันมองไม่ผิดนะ มั่นใจว่าใช่เค้าแน่ๆ "

“ นายมั่นใจได้ยังไง " คำถามที่ทำให้ผมต้องถอนหายใจออกมา

“ ลิปฉันชอบหัวหน้ามาตั้งนาน ฉันน่ะรู้เรื่องของเค้าตั้งเยอะ ฉันจำสีของรถ ยี่ห้อรถก็เคยค้นว่ารูปแบบภายในมันเป็นยังไง จำได้ว่าป้ายทะเบียนอะไรด้วยซ้ำ เรื่องของคนที่ชอบใครๆก็ใส่ใจทั้งนั้นจะจำผิดได้ไง "

“ รักที่เริ่มจากร้อยนี่มัน..สุดยอดจริงๆ " อีกคนว่าก่อนจะเอียงหน้าสงสัย " แล้วแบบนั้นน้องเค้าจะไปกับหัวหน้าทำไมอะ หรือว่า..จะแอบกินกันอยู่ "

“ ไม่รู้สิ "

“ หัวหน้าเนี้ยเป็นผู้ชายที่แปลกจังนะ " อีกคนบอกก่อนจะยิ้มออกมา " เค้าดูเหมือน คนที่ใส่หน้ากากสีขาวน่ะ ดูไม่รู้เลยว่าข้างในจริงๆคิดอะไรอยู่ เค้าเหมือนน้ำทะเลใสๆ ที่ยากจะหยั่งดูว่าลึกขนาดไหน กะด้วยสายตาภายนอกก็คิดว่าคงดี คงไม่จม แต่พอหย่นเท้าลงไปแล้วกลับทำให้เราจมลงไปด้วยความลึกของมัน ฉันว่าเค้าเป็นคนแบบนั้นเลย น่ากลัว "

“ ฉันก็คิดอย่างงั้น  แต่คนบางคนก็หลงใหลกับความอันตรายนะ รู้ทั้งรู้ว่าเสี่ยงยังกล้าเข้าไปเลย คนบางคนอะ " จ้องหน้าคนบางคนที่ตรงหน้าที่กล่าวถึง ลิปถอนหายใจออกมาก่อนจะย่นหน้าแล้วยกกำปั้นคล้ายจะต่อยผม

“ เดี๋ยวเถอะนาย! ว่าฉันเหรอ "

“ ยังไม่ได้เอ่ยชื่อสักหน่อย "

“ เดี๋ยวฉันเลิกหลงใหลในอันตรายแล้วมาตีท้ายครัวนายเป็นไง ฟานจะได้เป็นของฉัน "

“ ได้ไม่ง่ายหรอกจ้า จะบอกให้ " หัวเราะออกมาด้วยความชอบใจไม่รู้เดี๋ยวพอเย็นนี้เจอกัน จะยื่นซองตรวจให้เค้ายังไงดี หรือว่าจะยังไม่ยื่นก่อน หรือว่าให้เลยดี ตื่นเต้นชะมัดทั้งๆที่เรื่องแบบนั้นไม่ใช่เรื่องทำกันครั้งแรกสักหน่อย

   เลื่อนเก้าอี้เก็บเข้าที่โต๊ะทำงานมองดูนาฬิกาที่เลยเวลาเลิกงานมานิดหน่อย หันไปบอกลาเพื่อนตัวเองที่นั่งอยู่ข้างๆลิปยิ้มก่อนจะโบกมือลาผมเพราะตัวเค้าต้องรอแฟนมารับช่วงสองทุ่มก็เลยมีเวลาทำงานรับโอทีอีกสักหน่อย ส่วนผมเองก็ต้องไปเอาผลตรวจที่โรงพยาบาล " ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้างนะ " ตอนที่เผลอพูดออกมาแบบนั้น มือมันก็โบกเรียกแท็กซี่ที่ขับผ่านไปยังโรงพยาบาลเอกชนที่เคยไปตรวจไว้

“ มารับผลตรวจครับ " ผลแจ้งพนักงานที่เค้าเตอร์ตรงชั้นที่มาตรวจ เธอรับกระดาษจากมือผมก่อนจะหันหลังไปหยิบเอกสารใส่ซองสีขาวมาให้ เปิดกระดาษออกมาดูเนื้อหามากมายที่ไม่เข้าใจเธอก็อธิบายอย่างละเอียด สรุปว่าเป็นผู้ชายอายุ 25 ที่ยังสุขภาพดีไม่มีโรคร้าย ไม่ได้เป็นมะเร็ง ก็ได้แต่ถอนหายใจโล่งอกออกมา

“ แนะนำว่าให้มาตรวจทุกหกเดือน หรือหนึ่งปีนะคะ " คำพูดกระชับของเธอผมพยักหน้ารับก่อนที่เธอก็ยิ้มกลับมาให้
 
“ ขอบคุณมากครับ " เดินออกจากโรงพยาบาลเดินเท้าออกมาไกลสักหน่อยกว่าจะถึงทางขึ้นรถไฟ เพราะไม่อยากจะเรียกแท็กซี่แล้วในสภาวะรถติดแบบนี้ นั่งไปก็ติดอยู่ในรถนั่นแหละเปลืองเงินเสียเปล่าๆ เดินดีกว่าถึงเร็วกว่าด้วย

   กดกริ่งหน้าบ้านของตัวเอง ประตูที่เปิดออกเผยโฉมคนอยู่บ้านที่คงจะเอาแต่นอนทั้งวันด้วยสีหน้ามึนๆอึนๆของคนที่เพิ่งตื่น หัวยุ่งๆที่ยิ้มให้ผมก่อนจะถาม " กลับมาแล้วเหรอครับ "

“ ยังมั้ง นายคงฝันอะ " เดินเข้ามาในห้องถอดรองเท้าก่อนจะตั้งกระเป๋าไว้บนโต๊ะแล้วเดินไปหาอะไรเย็นๆมากิน ผมหยิบแก้วเปล่าตอนที่รินน้ำผลไม้ลงไปครึ่งแก้วอีกคนก็เดินมากอดไว้จากด้านหลัง ร่างสูงที่กำลังงัวเงียซบลงตรงไหล่ผมก่อนจะถอนหายใจ " ถ้าจะหลับก็ไปหลับดีๆ นายจะมากอดฉันทำไมเล่า "

“ คิดถึงอะ อยู่บ้านคนเดียวไม่มีคุณมันน่าเบื่อนะครับ "

“ ทำงานบ้านไปสิ นายชอบไม่ใช่เหรอ " ผมบอกอีกคนก็ถอนหายใจ

“ ผมทำจนครบทุกอย่างแล้วครับ วันนี้เอาเสื้อผ้าคุณไปส่งซักแล้วด้วย ทำจนไม่มีอะไรแล้วครับ "

“ หางานทำสิ จะได้ไม่เบื่อ "

“ อีกใจก็อยากจะหา แต่อีกใจก็อยากจะพัก สับสนมากคิดไม่ออก " หลุดยิ้มออกมาตอนที่วางแก้วในอ่างว่างๆ เปิดน้ำแล้วเขย่าแก้วไปมาก่อนจะหันไปหาอีกคน สบสายตาที่ก้มลงมาจูบผมอย่างรู้หน้าที่

“ เรื่องมาก "

   ครืน ครืน ครืน เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเราสองคนหันไปมองต้นเสียงพร้อมกัน ฟานที่ดึงตัวเองออกเดินไปที่กระเป๋าผมก่อนจะเปิดกระเป๋าแล้วคว้าเอาโทรศัพท์ออกมาให้ " คุณลิปโทรมานะครับ "

“ เหรอ " เดินไปหยิบมือถือมารับ ตอนที่หันหลังแล้วกดรับสาย ฟานยังคงสงสัยกับอะไรบางอย่างในกระเป๋าผมแต่ตอนนั้นผมเอง็้ยังไม่ได้เอะใจอะไร " ว่าไงลิป "

“ นายลืมปิดคอมนะคีย์ "

“ ห๊า ? จริงเหรอ "

“ อื้ม ไฟมันกระพริบน่ะฉันเลยเปิดดู นายจะเซฟงานที่ทำไว้ในไหน ฉันจะได้เซฟให้ถูก " ผมกำลังคิดว่างานที่ตัวเองทำไว้คืองานอะไรแต่ก็ดันลืมไปแล้ว

“ ที่หน้าจอแล้วกัน "

“ โอเค เซฟละ "

“ ขอบคุณมากนะ " ผมบอกอีกคนก็ตอบกลับแค่ว่าไม่เป็นไรแล้วก็วางสาย ผ่อนลมหายใจออกมากับความชี้ลืมของตัวเองก่อนจะหันกลับมาพูดกับฟาน แต่ทว่าตัวผมเองต้องเป็นฝ่ายที่นิ่งไป " นี่ฟานฉันน่ะ..”

“ คุณคีย์ " ซองจดหมายสีขาวที่อีกคนถือด้วยสองมือแล้วชูขึ้นที่หน้า ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะมีคำพูดนึงที่ดังออกมาจากในสมอง ' ชิบหายแล้วมึง ' “ คุณได้ผลตรวจมาแล้ว "

“ ก็อื้มม " พยักหน้ารับก่อนจะเบือนหน้าหนีท่าทางดีใจของเค้าที่ยิ้มกว้างออกมาจนแทบจะกระโดดดีใจ " นี่ช่วยทำหน้าให้มันปกติจะได้มั้ย ดีใจอะไรนักหนาละ "

“ ก็มันดีใจนี่ครับ ผมน่ะ "

“ ถอยออกไปเลยเว้ย ไม่ต้องเข้ามาใกล้ " เดินถอยหลังจนชนเค้าเตอร์ที่ห้องครัวอีกคนก็ยังเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แขนหนาที่กอดเอวผมก่อนจะดึงเข้าไปใกล้

“ ซองนี้นะ ให้ผมนะ "

“ ก็เอาไปสิ " พูดออกมาเสียงเบาๆ เค้าที่ปล่อยมือจากตัวผมก่อนจะเปิดมันออกมาดู

“ คุณสุขภาพดีจัง "

“ แน่นอน ฉันยังแข็งแรงอยู่แล้ว " ยักไหล่ไหวๆร่างสูงที่เข้ามาใกล้กอดเอวผมไว้ก่อนจะก้มลงมาจ้องหน้า " อะไร "

“ ถ้างั้นคืนนี้ เรามา "

“ ไม่ "

“ ทำไมละครับ "

“ นายอย่าทำเสียงเศร้าได้มั้ย มันฟังแล้วหงุดหงิดเว้ย "

“ ก็คุณทำร้ายความรู้สึกของเด็กที่กำลังรอคอยอีกแล้ว " อยากจะคว้าหัวมันแล้วทุ่มเข้ากับกำแพงจริงๆ ไอ้เด็กร้ายกาจพอเวลาโดนขัดใจก็อ้างบอกว่าตัวเองเป็นเด็กน้อย ไหนใครบอกอยากจะเป็นผู้ใหญ่กัน หมั่นไส้เว้ย  “ คุณไม่อยากจะใกล้ชิดผมเหรอ "  เสียงทุ้มที่ถามก่อนจะเอียงหน้ามาหอมแก้มอ้อนๆ ผมผ่อนลมหายใจเบาๆ ต้องหักจิตหักใจนะคีย์ นายจะตามใจไอ้หมอนี่มากเกินไปแล้ว  " คุณคีย์ครับ " ฟานที่ยังคงเรียก เค้าหันมาหอมแก้มอ้อนๆอีกข้าง

“ ไม่ ฟาน "

“ คุณคีย์ " เสียงอ้อนๆที่เหมือนกำลังร้องไห้ เผลอดันไปสบสายตาที่กำลังอ้อนนั่นอีก " นะครับ "

“ ไม่ " หนักแน่นเข้าไว้คีย์ ต้องหนักแน่น

“ คุณคีย์ครับ นะ " เอียงหน้าอ้อนอีก เอาเข้าไป

“ มะ ไม่ " ทำไมเสียงเริ่มสั่น

“ คุณคีย์ครับ นะครับนะ "

“ ไม่ใช่ตอนนี้ นายหลบ ฉันจะไปอาบน้ำ " สองแขนที่คว้าตัวผมเข้าไปกอด เค้าที่หอมแก้มผมไปเสียเต็มฟอดก่อนจะร้องเสียงลั่นออกมาด้วยความดีใจ ในที่สุด หินผาก็ต้องพังทลายลงมากับลูกอ้อนของไอ้ลูกหมาหน้าหล่อที่ทำให้จิตใจต้องแพ้แบบย่อยยับ “ ช่วยทำเศร้าแบบเดิมจะได้มั้ย น่าหมั่นไส้เกินไปละ "

“ ก็ผมดีใจ "

“ ดีใจอะไรปัญญาอ่อน ฉันไม่เคยมีอะไรกับนายรึไง ไร้สาระ "

“ น่าดีใจจะตายครับ คุณจะให้ผมทำเป็นคนแรกไม่ใช่เหรอ การที่ได้เป็นคนแรกของคุณผมสมควรดีใจไม่ใช่เหรอครับ " รอยยิ้มมีความสุขของเค้าก้มลงมาจูบริมฝีปากของผมก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ แล้วปล่อยให้ผมยืนหัวใจเต้นแรงโครมครามอยู่ตรงนี้ เป็นครั้งแรกเลยละมั้ง ที่รู้สึกเห็นความสำคัญของครั้งแรกในเรื่องแบบนี้ ความสำคัญของครั้งแรกกับคนสำคัญคนแรก

จะว่าไป .. ก็น่าตื่นเต้นชะมัดเลย

   อาบน้ำหลังจากฟานอาบเสร็จผมถูสบู่ทำความสะอาดร่างกายครั้งใหญ่ของตัวเองอย่างที่ต้องทำทุกครั้งก่อนจะมีเซ็กส์ยิ่งครั้งนี้ก็ยิ่งต้องสะอาด เดินออกจากห้องน้ำ เช็ดตัวจนแห้งแล้วมายืนเลือกชุดนอนสักตัวอยู่หน้าตู้ เป็นครั้งแรกที่ลังเลกับการใส่อะไรดี ทั้งๆที่มันก็แค่ชุดนอนที่ต้องถูกถอดออกอยู่แล้ว " เสื้อเชิ้ตละกันให้ความสำคัญกับคนที่กำลังตื่นเต้นหน่อย "

“ จะฆ่ากันตั้งแต่ชุดเลยใช่มั้ยครับ " คำถามของคนที่นั่งดูทีวีอยู่บนเตียงหันมาถามผม ยกยิ้มออกมาก็แค่เสื้อเขิ้ตตัวสั้นที่ไม่ใส่ชั้นในอะไรเลย ผมเดินเข้าไปใกล้ อีกฝ่ายก็ดึงให้ผมเข้าไปนั่งที่ตัก บรรยากาศโรติกแมนที่แสนยั่วยวนไม่มีอะไรจะวิเศษไปมากกว่านี้อีกแล้ว เอื้อมมือไปกอดคอเค้าไว้ก้มหน้าลงไปใกล้ไม่ได้พูดอะไรอีกฝ่ายก็เริ่มจูบที่ริมฝีปากสอดเกลียวลิ้นแลกจูบดูดดื่มมือหนาที่กอดเอวเลื่อนตัวเองลงต่ำมาที่ชายเสื้อสั้นๆ ไล้มือเข้าไปด้านในลูบไล้เรือนร่างของผมก่อนจะผละริมฝีปากที่กำลังจูบกันเอียงมาหอมแก้มแล้วย้ายลงต่ำมาที่ยอดอก จูบผ่านเสื้อตัวบางที่ใส่วาบวามจนทำได้แต่แอ่นตัวรับลิ้นร้อนๆที่ซึมเข้ามา

   กระดุมเสื้อถูกปลดออก สาบเสื้อที่ถูกดึงเข้ามาจูบผิวกายของผมไปทั่วก่อนจะใช้ลิ้นละเลงไปทั่วบริเวนของยอดอกนั้น ขบเม้มมันเบาๆด้วยริมฝีปากก่อนจะดึงแล้วกัดมันด้วยฟันคมๆจนต้องสะดุ้ง เสื้อถูกถอดออกไป เค้าดันตัวผมให้ลงมานอนบนเตียงกว้างจูบจากอกไล้ลงมาถึงหน้าท้องที่หดเกร็ง มือหนาจับส่วนกลางจูบที่หัวผมก็ได้แต่หดตัวเสียว " ฟาน " เสียงเบาๆที่เรียกเค้าไว้ก่อนจะถูกพลิกร่างให้อยู่ในท่าคลานเค้าปลดกางเกงของเค้าออกเอาส่วนกลางมาถูเบาๆตรงช่องทางหลังที่ตอดถี่ด้วยความต้องการ เอื้อมมือมาคว้าส่วนกลางของผมไว้เค้าขยับมันเข้าออกเป็นการสัมผัสสองทางอีกแล้ว " อ๊า  ฟาน ท่านี้มัน "

“ คุณชอบมั้ยครับ คืนนี้ร้องให้สุดเสียงไปเลยนะ ผมอยากจะได้ยินเสียงคุณ "

“ อื้อ " ตอบความต้องการของเค้า ตอนที่นิ้วเย็นถูกสอดเข้ามาในร่างเค้าย้ำกับจุดกระสันจนทำได้แต่กัดริมฝีปากล่างจนแน่น แรงสอดส่วนหลังกับแรงขยับส่วนหน้าค่อยๆเคลื่อนไหวด้วยความรู้สึกเชื่องช้าแต่นั่นที่ทำให้ความต้องการยิ่งทรมานมากขึ้น " ตรงนั้นฟาน อื้อ "

   แอ่นก้นรับนิ้วที่กระแทรกลงมารู้สึกดีจนไม่อายที่จะทำอะไรแบบตามอำเภอใจแบบนั้น ความต้องการที่อีกฝ่ายสอดนิ้วออกมา ก่อนจะแทนที่ด้วยสวยกลางอุ่นๆที่สอดเข้ามาในร่างช้าๆ ผ่อนช่องทางหลังหลับตารับความรู้สึกที่ได้ทำอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก ส่วนกลางที่สอดเข้ามาจนสุดเค้าที่เริ่มขยับทุกอย่างช่างแตกต่างจากทุกครั้งที่เคยเป็น มันทั้งอุ่นและรู้สึกได้ถึงแสงสอดใส่ที่ชัดเจน ผมกำผ้าปูเตียงแน่นรับแรงสอดจังหวะช้าๆที่ค่อยๆขยับเข้าออก " ฟานแรงอีกสิ " คำพูดเอาแต่ใจที่อีกคนเริ่มขยับร่างเร็วขึ้น

    มือหนาเอื้อมมาหัวนมของผมบิดขยี้มันพร้อมกับเร่งจังหวะมากขึ้นไปอีก เสียงเนื้อกระทบร่างผมอ้าปากค้างครางเสียงเบาๆตอนที่เค้าปล่อยมือจากยอดอกแล้วจับเอวผมไว้มั่น กระแทกส่วนกลางเข้ามาแรงมากขึ้นจนช่องหลังที่ถูกสอดเริ่มร้อนขึ้นตามแรง ร่างสั่นไปตามแรงสอดใส่ที่หนักหน่วง ผมผมเม้นริมฝีปากแต่ก็ทนไม่ไหวในความต้องการที่ต้องผ่อนหายใจออกมาแล้ว ครางออกมาจนดังลั่น " อ๊าาา ฟาน อ๊าห์ " แรงน้ำที่ฉีดเข้ามาในร่าง เป็นครั้งแรกที่รู้สึกดีขนาดนี้ทั้งของตัวเองที่ปลดปล่อยแต่น้ำที่ฉีดเข้ามาในร่างก็โดนจุดกระสันเสียเต็มแรง ผมล้มตัวลงนอนกับเตียงหอบหายใจเพราะมือที่หมดแรงค้ำ ส่วนกลางที่ถูกปลดออก คราบคาวพวกนั้นก็ไหลซึมออกมาจากช่องทางหลัง

“ คุณคีย์ " ร่างสูงล้มตัวลงมาจูบที่แก้มเค้าที่กอดผมไว้ ก่อนจะเริ่มจูบอีกครั้งแล้วหันไปกระซิบข้างแก้ม " ขอบคุณครับที่ให้ผมเป็นคนแรก " เอื้อมมือไปจับหน้าเค้าสบสายตาที่กำลังมีความสุข  เผลอยิ้มออกมาจางๆผมพยักหน้ารับคำพูดของเค้าก่อนจะพลิกตัวนอนหงายเพราะรู้ดีว่ามันไม่ได้สิ้นสุดแค่รอบนี้ ขาที่ถูกดึงให้ฉีกออก เค้ายกร่างผมขึ้นมาค่อมส่วนกลางเอาไว้ สอดมือเข้าไปใต้ขาก่อนจะบรรเลงบทรักอีกครั้ง

“ อาทิตย์นี้ไปเที่ยวไหนกันดี  อื้มม " ผมถามเค้าตอนที่ร่างกายถูกขยับให้สอดใส่กับส่วนกลาง มือที่กอดรอบคอของเค้าไว้จูบที่ดูดดื่มของเรา

“ อาทิตย์นี้เหรอครับ "

“ นายบอกว่าอยากจะไปเที่ยวถนนคนเดิน "

“ ผมเปลี่ยนใจแล้วละ ผมจะอยู่กับคุณแล้วทำกิจกรรมนี้สองวันติดเลย " ขมวดคิ้วก่อนจะยิ้มมองเค้าที่ก้มลงจูบยอดอกของผม สองแขนที่เอื้อมไปกอดคอเค้า ร่างกายที่ขยับขึ้นลงอยู่บนตัว

“ เอาแต่ใจกับร่างกายฉันอีกแล้ว "

“ ก็มันเป็นของผมทั้งหมดนิ " ใช่..แล้วฉันก็ยอมให้นายเป็นเจ้าของมันซะด้วย

...............................................

มีอะไรจะบอก หลังจากนี้ คิดว่าหลังจากนี้ เนื้อเรื่องจะเริ่มเข้มข้นค่ะ
ยังไงฝากติดตาม แล้วห้ามทิ้งกันไปไหนนะคะ
ใครมีทวิต ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในมีเฟส ฝากแชร์ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่ะ  :กอด1: :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 30 ' ผลการตรวจสุขภาพ ' UP - 4.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 04-09-2016 21:50:58
หย่นเท้าลงไป----->หย่อนเท้าลงไป

ติดตามอย่างใกล้ชิดจ้า 
ขอบคุณนะคะที่มาลงอย่างสม่ำเสมอ

ตอนหน้าขอคู่ลิปบ้างนะคะ 
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 30 ' ผลการตรวจสุขภาพ ' UP - 4.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 04-09-2016 21:53:01
 :impress2: ฟานหมาน้อยขี้หื่น
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 30 ' ผลการตรวจสุขภาพ ' UP - 4.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-09-2016 22:03:22
 :katai2-1:    กิจกรรมวันหยุดของคนสุขภาพดีที่มีสามีเด็ก(ปิดเทอม)ค่ะ อิจไม่ไหวแล้ว
คนเขียนจ๋าอย่าเพิ่มต้มน้ำค่ะต้นเดือนอยู่เลย
เข้มข้นได้แต่ไม่เอาดราม่านะคะ ไม่อยากให้ใครเสียน้ำตา.
 :katai2-1: 
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 30 ' ผลการตรวจสุขภาพ ' UP - 4.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 04-09-2016 22:08:26
หึหึ....นี่ไงปิดเทอมไม่เหงาละ มีกิจกรรมทำแล้ว

แหม....ร้อนแรงสุดๆไปเลยสินะคนแรกครั้งแรก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 30 ' ผลการตรวจสุขภาพ ' UP - 4.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 04-09-2016 22:15:16
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

แอร๊ยยยย
เขินนแรงงง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 30 ' ผลการตรวจสุขภาพ ' UP - 4.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 04-09-2016 22:37:08
กิจกรรมวันหยุดของรุณสามีเด็ก :z1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 30 ' ผลการตรวจสุขภาพ ' UP - 4.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 05-09-2016 00:01:58
สองตอนล่าสุดนี่ฟินมากกกก
คนอ่านมีความสุข
ขอบคุณค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 30 ' ผลการตรวจสุขภาพ ' UP - 4.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 05-09-2016 00:46:34
ชีวิตจริงจะเอาผัวแบบนี้ :hao7:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 30 ' ผลการตรวจสุขภาพ ' UP - 4.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 05-09-2016 13:54:14
เด็กมันอ้อนต้องทำใจนะ คีย์  :hao6: :hao6: :hao6: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 30 ' ผลการตรวจสุขภาพ ' UP - 4.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 05-09-2016 14:19:09
อยากรู้เรื่องราวของฟานมากกว่านี้จัง  :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 30 ' ผลการตรวจสุขภาพ ' UP - 4.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-09-2016 18:32:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 30 ' ผลการตรวจสุขภาพ ' UP - 4.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 07-09-2016 02:10:01
โอ้ยยยยยน เด็กหื่น
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 30 ' ผลการตรวจสุขภาพ ' UP - 4.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 07-09-2016 17:21:20
มีสามีเด็กมันดีอย่างนี้จริงๆสินะ 2วันติดคงได้ตายกันไปข้าง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 31 ' ป่วย ' UP - 9.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 09-09-2016 20:50:07
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 31
' ป่วย '

   ถอนหายใจออกมากับเช้าวันจันทร์ที่ไม่มีแรงขยับร่างตัวเองออกจากเตียงไปไหน เสาร์อาทิตย์ที่ไม่ได้ออกไปเห็นเดือนเห็นตะวันที่ไหนเลย ต้องขลุกอยู่แต่ในห้องแล้วทำเรื่องอย่างงั้นเหมือนเป็นตุ๊กตาให้ไอ้ลูกหมาตัวนึงมันกัดเล่นแบบที่ข้าวปลาก็แทบไม่ได้กินท่อนแขนหนาที่ดึงตัวเองผมเข้ากอดไว้ อิจฉาคนที่มันได้นอนทั้งวันแบบเต็มแรงไม่ต้องตื่นไปทำงานวันจันทร์เสียจริง ทำไมการทำงานไม่มีปิดเทอมบ้างนะ

   หลับตาลงช้าๆอีกครั้งปวดหัวจนแทบจะระเบิดแรงจะคว้าเอาโทรศัพท์ก็ยังจะไม่มี จนสุดท้ายก็ต้องหันไปพึ่งคนข้างตัว จับเข้าที่แขนหนาที่กอดผมอยู่ ถึงเวลาแล้วที่นายต้องรับผิดชอบที่ทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้

“ ฟาน " ผมเรียกอีกคน แต่อากาศเย็นๆที่ชวนให้หลับสนิทก็ทำให้เค้าไม่รู้สึกตัวใดๆทั้งนั้น ออกแรงหยิกที่ต้นแขนแรงขึ้นจนอีกคนสะดุ้งตื่น

“ อื้ออ เจ็บ " เสียงบ่นกระปอดกระแปดของเค้าผมถอนหายใจออกมา " คุณคีย์ อะไรกัดผมไม่รู้ " เค้าว่าก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดแน่นขึ้น

“ ฉันนี่แหละที่หยิกนาย " พอบอกแบบนั้นอีกคนก็ขมวดคิ้วก่อนจะก้มลงมองหน้าผม

“ หยิกผมทำไมอ่าครับ หรือว่าอยากจะให้ผมหอมแก้มคุณกัน "

“ เลิกหลงตัวเอง แล้วหยิบโทรศัพท์ฉัน กดโทรออกหาลิปให้หน่อย " เค้าหันไปมองโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ที่หัวเตียงฝั่งที่ผมนอน ฟานหยิบให้อย่างว่าง่ายผมเอื้อมมือไปสแกนนิ้วตัวเองเปิดล๊อคหน้าจอ " หาเบอร์ลิปแล้วบอกเค้าว่าฉันจะไม่ไปทำงาน ฉันไม่สบาย "

“ คุณคีย์เป็นอะไรครับ " เค้าก้มหน้าลงมาถามด้วยความตกใจ มือหนาที่เอื้อมมือจับหน้าผากของผม " คุณตัวร้อนจัง "

“ อื้ม ลางานให้หน่อย "

“ เพราะผมเหรอ " เสียงเบาๆที่ถาม จะมีหน้ามารู้สึกผิดอะไรเอาตอนนี้ ถ้าจะรู้สึกผิดก็ช่วยรู้สึกกับเมื่อวานที่ฉันลุกขึ้นไปกินน้ำหน้าตู้เย็นหลังอาบน้ำเสร็จแล้วนายก็มาดึงกางเกงชั้นลงแล้วบี้หัวนมจากนั้นก็เอาไอ้ส่วนนั้นยัดเข้ามาแบบเอาแต่ใจน่าจะดีกว่า  แล้วยังไม่นับรวมที่หน้าทีวี หรือบนโซฟาอีก ข้าวปลาก็ไม่ได้กินเพราะกลัวจะถ่ายท้อง เราเองก็ไม่ได้ใส่ถุงยาง เป็นเซ็กส์ที่นัวเนียกันทั้งวันแม้จะมีความสุขแต่ก็ทุกข์พอๆกัน

“ โทรหาลิปแล้วอย่าพูดอะไรมากกว่านี้ได้มั้ย " ผมบอกอีกคนก่อนถอนหายใจออกมา ไม่มีแรงจะมาปลอบอะไรใครทั้งนั้นแล้วตอนนี้คืออยากนอน อยากจะพักผ่อนให้มากที่สุด

" ครับ " ฟานก้มลงมองจอโทรศัพท์กดเบอร์หาเพื่อนของผม ก่อนจะกดโทรออกเค้าที่รอสายอยู่สักพักก่อนจะพูดออกไป “ สวัสดีครับคุณลิป ผมจะโทรมาลางานให้คุณคีย์น่ะ วันนีคุณคีย์ไม่สบายเลยจะไม่ไปทำงานนะครับ ก็ปวดหัวครับลุกจากเตียงไม่ไหว ครับ ผมจะบอกให้ ขอบคุณมากครับ สวัสดีครับ " ฟานที่วางสายก่อนจะหันมาบอกผม " คุณลิปบอกว่าจะลางานให้ไม่ต้องเป็นห่วงครับ บอกให้คุณคีย์หายป่วยไวๆ "

“ อื้ม " ผมยักคิ้วรับก่อนจะหลับตาแล้วนอนต่อ ร่างสูงที่กำลังนั่งมองดูผมหลับ  ลืมตาขึ้นมองอีกครั้งเค้าก็พบว่าฟานก็ยังมองอยู่ " เป็นอะไร "

“ คุณป่วยก็เพราะผม ขอโทษครับ " เค้าที่ก้มหน้าลงเพราะกำลังรู้สึกผิด เหมือนเด็กตัวเล็กๆที่ทำให้คนที่รักบาดเจ็บเพราะความเล่นซนของตัวเอง

“ อื้มใช่ ฉันป่วยเพราะนาย " พยักหน้ารับก่อนจะยื่นสองมือไปจับแก้มของคนที่ยังก้มหน้าอยู่แบบนั้น " แต่นายช่วยดูแลฉันได้มั้ย มันดีกว่ามานั่งหน้าเศร้าแบบนี้นะ ฉันตามใจนายเองโทษนายฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้หรอก เพราะงั้นช่วยดูแลฉันดีๆด้วยละกัน โทษฐานที่ทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้ กรุณารับผิดชอบผมด้วยนะครับ  " ลดมือที่จับอีกคนลงผมผ่อนลมหายใจก่อนจะพลิกตัวกลับไปหลับตาต่ออีกครั้ง

“ ผมต้องรับผิดชอบคุณอยู่แล้ว " เค้าที่ก้มลงมาหอมแก้ม ผมรู้สึกถึงแรงย้ายตัวที่ออกไปจากเตียง แต่สมองที่ค่อยๆหลับไปเพราะยังมีความง่วงอยู่มากก็พอทำให้สติขาดการรับรู้ไปชั่วขณะแล้วละว่าเค้าทำอะไรให้ผมบ้าง

.....................................................

“ คุณคีย์ คุณคีย์ครับ "  เหมือนจะได้ยินเสียงเรียกพร้อมกับกลิ่นหอมๆของอะไรสักอย่างที่ลอยเข้าจมูกมา ทั้งๆที่รู้สึกยังอยากจะนอนต่ออีกสักหน่อยแต่ตอนนั้นก็ได้แต่บรือตาขึ้นช้าๆแล้วมองภาพเลือนๆนั้น ใบหน้าคมหล่อเหลาที่อยู่ใกล้กันเพียงคืบผมถอนหายใจก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

“ ฟาน "

“ ลุกขึ้นมากินข้าวหน่อยสิครับ " มือหนาลูบอยู่ที่หน้าผาก ก่อนความอุ่นของริมฝีปากจะจูบลงเบาๆตรงนั้น " กินข้าวกินยาแล้วจะได้นอนต่อ ผมทำข้าวต้มมาให้ "

“ อื้อ วางไว้ " ผมบอกปัดแต่อีกคนก็ยังดึงดันที่จะให้กินให้ได้

“ ไม่ได้ครับ ลุกขึ้นมากินยาก่อนเถอะนะ " เสียงที่ไม่ยอมแพ้ แต่ตอนนี้ผมเองก็ไม่มีแรงแม้จะลืมตาหรือขัดขืนอะไรทั้งนั้น

“ ฉันลืมตาไม่ไหวแล้ว "

“ คุณคีย์ " นิ้วหนายื่นมาฉีกตาผมให้กว้างออก " ผมช่วยครับ " ถามจริงใครสอนนายให้ทำอะไรแบบนี้กับผู้ป่วยที่ต้องการพักผ่อน

“ ฟาน " ปัดมือของเค้าออก ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะลืมตาขึ้นมามองหน้าเค้าที่ก็ยิ้มให้ผม

“ กินข้าวหน่อยนะครับ กินเสร็จจะได้กินยา แล้วก็นอนพัก คราวนี้ผมสัญญา ผมจะไม่กวนคุณ จะให้คุณนอนจนกว่าคุณจะหายดีเลย นะครับนะ " อ้อนกันอีก แล้วทางนี้จะทำยังไงละ ก็คงได้แต่ลุกสังขารขึ้นมาจากเตียงแล้วพิงเค้ากับหัวเตียงมองอีกคนที่ก็ตักข้าวต้มหอมๆในถ้วยใบเล็ก ที่เบาเบาๆแล้วยื่นช้อนมาทางผม " กินสักหน่อยนะครับ สิบคำก็พอ "

“ เยอะ "

“ งั้นเก้า " เค้าผันผ่อนจำนวนลง

“ ลดลงน้อยจัง ห้าไม่ได้เหรอ " พอบอกแบบนั้นคนป้อนกลับไม่พูดอะไร ฟานแค่ยิ้มก่อนจะอ้าปากตัวเองออกเหมือนตอนที่แม่พยายามจะบอกให้ลูกกินข้าวเลย

“ อ้าาาา อั้ม " พอกินเข้าไปก็มีเสียงส่งท้ายอีก ผมเคี้ยวข้าวต้มรสชาติดีนั่นอยู่สักพักก่อนจะกลืนมันไป จะว่าไปก็ไม่ได้ป่วยหนักแบบขาแข้งพิการถือช้อนไม่ไหวหรอก แต่มันขี้เกียจมากกว่าถูกบริการแบบนี้ก็ดีแล้ว มองดูคนตรงหน้าเป่าข้าวต้มร้อนๆนั่นก่อนจะยื่นมาทางผมแล้วคิดถึงแม่ชะมัด จำได้ว่าโมเม้นต์อะไรแบบนี้เกิดขึ้นตอนอยู่ม.หนึ่งมั้ง แล้วหลังจากนั้นต่อให้ป่วยหนักแค่ไหนก็ต้องลากสังขารมากินเองตลอด

“ พอแล้วฟาน ไม่กินแล้ว " เบือนหน้าหนีช้อนที่ถูกป้อนอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่ากินไปกี่คำแต่ตอนนี้ไม่อยากจะกินแล้วมันอยากจะนอนไม่อยากจะมาเคี้ยวอะไรทั้งนั้น

“ อีกสักสามคำนะครับ " เค้าบอกก่อนจะยื่นมือขึ้นมาเช็ดที่มุมปากของผม " นะครับคนเก่ง "

“ ฉันเป็นเด็กอนุบาลรึไง ถึงได้ต้องพูดคำนั้นน่ะ " หยุดยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จนสุดท้ายก็ต้องฝืนความง่วงยัดข้าวเข้าไปอีกสามคำตามที่อีกคนบอก สงสัยตัวเองชะมัดนี่ถ้าฟานบอกให้กินหมดถ้วยผมจะฝืนกินมันจนหมดมั้ย ก็ถ้าจะแพ้ลูกอ้อนเค้าขนาดนี้แล้วละก็ ..

“ ยาครับ แล้วก็น้ำ " ยาเม็ดทรงรีถูกยื่นมาให้พร้อมกับน้ำสะอาดหนึ่งแก้ว ผมกินมันอย่างว่าง่ายก่อนจะนั่งนิ่งๆอยู่สักพักแล้วล้มตัวลงนอน ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆหลับตาสนิทแล้วหลังจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่ได้พักผ่อนเต็มที่จนกว่าร่างกายจะหายดี

   ลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องที่เงียบสนิท ม่านที่ปิดแสงไว้คาดเดาเวลาภายนอกไม่ได้เลยว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้ว พลิกตัวเองไปฝั่งคว้าเอาหมอนที่มีกลิ่นไออุ่นๆของอีกคนขึ้นมากอด อยากจะหลับต่อแต่คิดว่าคืนนี้คงหลับไม่ลงแน่ๆถ้าเป็นแบบนั้นพรุ่งนี้ก็คงต้องไปทำงานไม่ไหวอีกตามเคย ฝืนตื่นขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงสักพักตอนที่สะบัดผ้าปูเตียงออกแล้วเดินออกไปจากห้อง ผมพบว่ามีใครบางคนกำลังขะมักเขม้นทำอะไรบางอย่างที่มีกลิ่นหอมฉุยมาจากในครัว 

" กรอด~ “ เสียงท้องของผมทักทายคนในครัวได้เร้วกว่าปากของผมซะอีก ฟานเงยหน้าขึ้นมาเค้าหลุดยิ้มออกมา ผมก็ก้มหน้างุด
“ ดีขึ้นแล้วเหรอครับ "

“ อื้อ " พยักหน้ารับเค้าตอนที่เดินเข้าไปครัวผมมองดูเมนูในหม้อที่เค้ากำลังทำ " นายทำอะไรอะ "

“ แกงจืดกับข้าวผัด ใกล้เสร็จแล้วละครับ รอก่อนนะ "  ทำไมแค่เมนูธรรมดาๆถึงได้มีกลิ่นหอมทรมานได้ร้ายกาจขนาดนั้น หิวแล้วสมองของผมมันโวยวายทำให้มันเร็วกว่านี้อีกไม่ได้รึไง คิดถึงแกงจืดหมูรสชาติดีที่พอตัดใส่ถ้วยแล้วเทพริกไทยลงไปเยอะๆจนมีรสชาติเผ็ดสักหน่อย กินคู่กับข้าวผัดกระเทียมร้อนๆ ไม่มีอะไรพิเศษไปมากกว่านี้แล้ว

“ ฟานฉันรอไม่ไหวแล้ว หิวมากเลย "

“ กินผลไม้รองท้องไปก่อนนะครับ " เค้าบอกก่อนจะเชิดหน้าไปที่ตู้เย็น ที่พอผมเอื้อมมือไปเปิดก็เจอกับผลไม้ที่ชอบแกะใส่กล่องไว้อย่างดี

“ นายไปห้างมาเหรอ "

“ ครับ " เค้าตอบรับตอนที่เปิดกล่องที่เขียนว่าส้มมาดู ส้มที่แกะเป็นกลีบๆที่ขนาดเม็ดยังเอาออกให้ ยังไม่รวมถึงสตอเบอรี่ แล้วก็เชอรี่ที่ผมชอบอีก เข้าใจความหมายของแม่ที่เคยพูดกับพี่ชายตัวเองก็วันนี้ ' การที่เราได้แฟนดีก็เหมือนเราถูกหวยรางวัลที่หนึ่งนั่นแหละ '

“ ฟานทำไมนายถึงใส่ใจคนเก่งขนาดนี้นะ " เอ่ยถามอีกคนตอนที่หยิบส้มในกล่องขึ้นมากิน เค้าไม่ใช่รูปแบบของผู้ชายที่เจอได้ตามท้องถนนจริงๆ สำหรับความใส่ใจระดับนี้ คนที่แกะแม้แต่ผลไม้ให้ คนที่ทำอาหารให้กินในทุกเช้า

“ คงเพราะอยู่กับคนแก่ๆมาตั้งแต่เด็กๆมั้งครับ "

“ จะบอกว่าฉันดูแลง่ายเหมือน ตากับยายนายรึไง " ทำไมฟังแล้วมันทะเม่งๆวะ

“ เปล่าสักหน่อย " เค้าบอกก่อนจะหันมายิ้ม " แค่ตอนเด็กๆผมเป็นลูกมื้อยายทำอาหารบ่อยๆ พอตาเริ่มป่วยยายก็เริ่มทำของพวกนี้มากขึ้น เธอเริ่มแกะผลไม้ไว้ ทำอาหารที่เหมาะกับคนป่วยทุกวัน แล้วพอยายป่วยมันก็กลายมาเป็นหน้าที่ผม ที่ต้องทำ จะว่ายังไงดีละครับ ถูกเลี้ยงมาแบบไหนก็ใส่ใจในแบบนั้น ผมก็คิดแบบนั้นแหละ "

“ งั้นฉันก็โชคดีนะสิ ที่เจอนาย "

“ คุณคิดอย่างงั้นเหรอ " เค้าที่หันมาถาม มือหนากอดเอวของผมดึงเข้าไปใกล้ก่อนจะจูบเบาๆที่ริมฝีปาก

“ ก็คิดว่ามีพ่อบ้านที่ดูแลดีขนาดนี้ก็คิดว่าโชคดีละนะ แต่ถ้าเป็นเรื่องอย่างว่า คิดว่าโชคร้ายนิดหน่อย " เพราะนอกจากได้แฟนเด็กที่ทั้งแรงเยอะแล้วยังบ้าพลัง ท่ามาก แถมยังชอบทำเรื่องหื่นๆเกินเลยกับร่างกายของเค้าตลอด แต่ถึงอย่างงั้นโดยรวมก็สุขมากกว่าทุกข์อยู่ดี ไม่สิ ต้องบอกว่าสุข 80% แล้วทุกข์แค่ 20% เองละมั้ง ถ้าไม่ทำตัวให้ทุกข์เองละก็นะ.. ฟานก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง จูบดูดดื่มที่เนิ่นนาน เราผละออกในตอนที่เริ่มหายใจไม่ถนัดแล้วเริ่มจูบใหม่อีกครั้งวนเวียนอยู่แบบนั้นจนได้แต่มองหน้ากันยิ้มๆ ใบหน้าคมที่ก้มลงมาหอมแก้มผม

“ ผมรักคุณครับ คุณคีย์ " เอื้อมมือไปกอดเค้าไว้ตอนที่ได้ฟังคำนั้น แนบหน้ากับอกของเค้าที่กำลังเต้นแรง บรรยายกาศรอบข้างคือในครัวที่แกงจืดกำลังเดือดฟ่านได้ที่หน้าตาที่เพิ่งตื่นจากนอน ไม่มีอะไรที่ดูโรแมนติก แต่น่าแปลก ผมรู้สึกว่าตอนนี้แหละ ..โรแมนติกชะมัดเลย

“ มีความสุขจัง "
.................................................

   เช้าในวันทำงานของอาทิตย์นี้เริ่มต้นขึ้นอีกแล้ว ต่อให้อยากจะนอนต่อมากแค่ไหน แต่ก็ต้องตื่นขึ้นมารับผิดชอบต่อชีวิตและการงานของตัวเองอยู่ดี ลากเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานออกก่อนจะหย่นตัวลงนั่ง เปิดคอมพิวเตอร์เรียบร้อยตอนที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆก็มีมือนึงมาตีเข้าที่ไหล่จนต้องหันไปมอง

“ สวัสดีตอนเช้า คีย์คนสวย "

“ สวัสดี " ผมตอบรับอีกคนที่ยิ้มกว้างด้วยสายตาที่เหมือนอยากรู้อยากถามเรื่องบางเรื่องที่ตัวเองสนใจ " หน้าตาสดใสดีแล้ว หายป่วยแล้วเหรอ "

“ อื้ม ก็ดีขึ้นแล้วละ แล้วเมื่อวานเป็นยังไงบ้าง "

“ ฉันก็ลางานให้นายเรียบร้อยอะนะ "

“ แล้วมีใครถามอะไรมั้ย "

“ ก็มีรองหัวหน้าอะที่ถามว่าแบบ ทำไมนายถึงป่วย ใบรับรองแพทย์ละ ฉันก็บอกไปอะนะว่าแบบ ฝากมาบอกแค่นี้ " พยักหน้ารับอีกคนก่อนผ่อนลมหายใจออกมา " แล้วนายเอาใบรับรองแพทย์มารึเปล่า "

“ ไม่อะ ฉันแค่นอนไม่พอเท่านั้นเอง ไม่ได้ป่วยอะไรมากมายหรอก ก็เลยไม่ได้ไปหาหมอ "

“ นอนไม่พอ ? “ ลิปขมวดคิ้วถาม " ทำไมถึงนอนไม่พอกันน้าา ทั้งที่เป็นวันหยุดแท้ๆ มัวทำอะไรกับใครเอ่ย "

“ นี่ ..”

“ เพิ่งได้ใบตรวจสุขภาพไปด้วย.. อย่าบอกนะว่า เริงรักกันจนไมไ่ด้กินไม่ได้นอน " รอยยิ้มล้อของอีกคน หน้าตาที่ดูมีความสุขที่ได้รับรู้เรื่องราวความรักของผมกับฟานเกี่ยวกับเรื่องบนเตียง " ว่าไง เป็นอย่างงั้นใช่มั้ย "

“ ไม่ใช่สักหน่อย " ผมบอกปัด " แค่ติดซีรี่ส์อะเลยแบบไม่ได้นอน "

“ ติดซีรี่ส์ ? “ ลิปทวนเสียงก่อนจะหัวเราะ " นี่นายช่วยอ้างอะไรที่มันเข้ากับไลฟ์สไตส์ตัวเองได้มั้ย "

“ ก็อะไรเล่าติดซีรี่ส์จริงๆ "

“ ซีรี่ส์อะไรอะ พวกใส่สด อะไรพวกนั้น "

“ ลิป..” ผมเอ่ยเรียกชื่อคนที่มัวแต่แซวให้แก้มแดงอีกคนก็หัวเราะ รู้แล้วยังจะแกล้งกันอีกไอ้เพื่อนคนนี้

“ ฉันรู้น่าว่านายไม่มีแรงเพราะอะไร เอาเป็นว่าขอถามสั้นๆว่า เด็ดมั้ย "

“ ไม่เคยลองเหรอ " ผมถามอีกคนก็ส่ายหน้า " จริงดิ "

“ ทำไม หน้าตาฉันมันไม่น่าเชื่อเลยรึไง "

“ จะว่าแบบนั้นก็ใช่อยู่ " หลุดหัวเราะออกมาตอนที่อีกคนทำหน้าเซ็งใส่ผม " ก็ดีอะนะ ดีกว่าใส่แหละ รู้สึกดีกว่าแล้วก็แตกง่ายกว่าแต่ข้อเสียก็คือตอนที่ทำกินอะไรก็ไม่ได้ เดี๋ยวอย่างอื่นจะแตกแทน ฮ่าๆ " หลุดหัวเราะออกอีกคนก็หัวเราะตาม " นายไม่ลองบ้างละ กับคุณเมษของนาย "

“ แค่ใส่ถุงยางยังเซ็กส์จัดขนาดนี้ ถ้าไม่ใส่จะเซ็กส์จัดขนาดไหนวะ ไม่เอาอะ ไม่กล้าเสี่ยงจริงๆกับผู้ชายคนนี้ ไม่เล่นกับไฟดีกว่า "

“ กลัวแล้วเหรอ วันก่อนยังชอบที่จะเสี่ยงอยู่เลย "

“ กลัวแล้วจ้า กลัวแล้ว " อีกคนว่าขำๆ เราที่แยกย้ายออกไปทำงานของตัวเอง วันนี้มีงานออกแบบชิ้นใหม่มาให้ผม เป็นงานที่ค่อนข้างง่ายคือออกแบบแพ็คเก็จของกล่องใส่กระเป๋าแบรนด์นึง ผมร่างงานทั้งหมดด้วยเม้าส์ปากกา ขีดๆเขียนๆออกแบบงานตัวเองอยู่สักพักก่อนรองหัวหน้าจะเดินเข้ามาหาแล้วเรียกผมด้วยเสียงที่ค่อนข้างตึงเครียดจากปกติ

“ คีย์ หัวหน้าเรียก "

“ ครับ " เซฟงานที่กำลังทำของตัวเองเรียบร้อย ก่อนจะเดินตามอีกคนไปในห้องประชุมที่มีหัวหน้ารออยู่ในห้องนั้นแล้ว " หัวหน้าเรียกผมมีอะไรเหรอ "

“ นั่งลงสิ " เค้าบอกด้วยสีหน้าตึงเครียดเหมือนไม่ใช่เวลาปกติ รองหัวหน้าที่เดินเข้ามาด้วย ผมหย่นตัวเองนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับเค้าส่วนรองหัวหน้าก็นั่งลงข้างหัวหน้า ทำไมบรรยากาศมันดูแปลกๆ บรรยากาศที่บอกกับผมว่านี่ไม่ใช่ข่าวดีแน่นอน

“ คีย์ นี่งานของคีย์ที่ออกแบบกล่องผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้ลูกค้าใช่มั้ย " แฟ้มงานของผมถูกเปิดออกมา ผมพยักหน้ารับ จำได้ว่ามันเป็นงานที่ยากและเคี่ยวมากเพราะรายละเอียดความต้องการของลูกค้าเยอะแยะไปหมด แต่ทั้งๆที่เคี่ยวแบบนั้นตอนที่ส่งไปให้หัวหน้ามันกลับเป็นงานที่ผ่านตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ทั้งๆที่ปกติต้องโดนตีกลับมาแล้ว " แล้วเคยเห็นงานนี้มั้ย " แฟ้มอีกอันโดนกางออกมาหัวใจของผมแทบจะหยุดเต้นตอนที่เห็นภาพที่อยู่ในนั้น กล่องอาหารเสริมที่เรียกว่ามีความคล้ายคลึงกับของที่ผมออกแบบเอามากๆ

“ ไม่เคยเห็นครับ "

“ แน่ใจนะ " รองหัวหน้าบอกผมก็พยักหน้ารับ

“ ไม่เคยเห็นเลยจริงๆครับ ก่อนหน้านี้ที่ได้งานมาก็แค่อ่านรายละเอียดแล้วก็ออกแบบตามสิ่งที่คิดเอาไว้เลย ไม่เคยสนใจงานของคนอื่นเลย ผมยอมรับว่าผมศึกษางานจากต่างประเทศบ้างเพื่อพัฒนาฝีมือ แต่งานชิ้นนี้ผมไม่เคยเห็นเลยครับ "

“ แต่งานชิ้นนี้เค้าทำมาก่อนที่นายจะออกแบบนะ " หัวหน้าบอก

“ หัวหน้าจะบอกว่า ผมลอกงานคนอื่นเหรอครับ "

“ ไม่ใช่แบบนั้นคีย์ แต่ลูกค้าตังหากที่คิดว่าเราทำแบบนั้น " รองหัวหน้าพูดเสริมขึ้นมา " เมื่อกี้เราได้รับสายตรงจากผู้ว่าจ้างงานนี้ เค้าตำหนิเราถึงงานที่เหมือนกับคู่แข่งของเค้ามากเกินไป เหมือนจนดูเหมือนว่าคนออกแบบ ลอกเลียนแบบอีกฝ่ายมารึเปล่า "

“ แต่ผมไม่ได้ลอกนะ ผมคิดเองทั้งหมด มันเป็นไปตามรายละเอียดงาน ถ้าคุณได้อ่านคุณก็จะรู้ว่ามันต้องทำออกมาแบบนั้น "  ผมรู้สึกว่าผมไม่ใช่ฝ่ายผิด การที่มาบอกว่าความคิดของเราลอกเลียนแบบคนอื่นเหมือนการดูถูกกันในวงการการออกแบบอยู่แล้ว " อย่างในรายละเอียดมันก็บอกออกมาอยู่แล้วว่า โลโก้ต้องเป็นวงกลมสีส้ม ทับกับเหลือง แล้วส่วนที่เหมือนกันก็คือส่วนของโลโก้แบบนั้นผมจะถูกเรียกว่า คนลอกงานคนอื่นทั้งๆที่เป็นผู้ว่าจ้างเองตังหากที่มีความต้องการต้องการแบบนั้นอย่างงั้นเหรอครับ "

“ แต่คีย์ นั่นคือลูกค้า " รองหัวหน้าบอก " ต่อให้เป็นความผิดของเค้า แล้วเค้าโยนมาทางเรา เราก็ต้องรับผิดชอบนะ "

“ ไม่แฟร์เลย " ผมบอก หัวหน้าก็ถอนหายใจ

“ ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจความรู้สึกของนายดี แต่คีย์ฟังฉันหน่อยนะ การทำงานออกแบบถ้าต้องรู้ว่าคนที่ว่าจ้างต้องการให้นายออกแบบอะไร แล้วคู่แข่งของเค้ามีผลงานอะไรบ้าง นายถึงจะออกแบบผลงานนั้นของเค้าให้โดดเด่นกว่าใคร มันก็ไม่ผิดหรอกที่นายจะจะตามจุดประสงค์ของลูกค้า แต่การที่บอกว่า ก็ลูกค้าบอกว่าจะเอาแบบนี้ก็เลยทำให้น่ะ มันเป็นแค่ข้ออ้างนะ ข้ออ้างของคนที่ไม่ได้ใส่ใจที่จะดูงานในกลุ่มของลูกค้าเลย แล้วสักแต่ออกแบบตามความต้องการของลูกค้าเท่านั้น " เงยหน้ามองอีกคนที่ก็ถอนหายใจออกมา " ตอนนี้ยังโชคดีที่แพ็คเก็จนี้ยังไม่ถูกนำเสนอผ่านสื่อใดๆ มันเลยยังไม่มีผลเสียมากเท่าไหร่ แต่ว่า ลูกค้าก็โมโหมากเลยนะที่งานที่เค้าว่าจ้างออกมาแบบนี้ ลูกค้าคอมเพลนว่า ถ้าออกแบบให้เหมือนแบบนี้เค้าจะมาจ้างบริษัทออกแบบทำไม ลูกน้องเค้าที่มีก็ทำได้ "

“ แต่ว่าตอนที่นำเสนอลูกค้าผมก็เห็นเค้าไม่ขัดอะไร "

“ อาจเพราะตอนนั้นไม่ทันคิดน่ะว่าเหมือนกับของคู่แข่ง " รองหัวหน้าบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา " ฉันเข้าใจนะว่านายทำงานดีมาตลอด แต่มันก็ต้องมีบ้างใช่มั้ยละที่เราเผลอคิดเหมือนคนอื่น "

“ ผมไม่ได้ลอกงานใคร แค่สะเพร่าที่ไม่ยอมดูว่าคู่แข่งของลูกค้าออกแบบแพ็คเก็จงานมาเป็นแบบไหนก็เท่านั้น ผมทำตามที่ลูกค้าบอก นั่นคือสิ่งที่ผมจะยืนยันไม่ว่าจะเป็นกับคุณทั้งสองคน หรือว่ากับตัวลูกค้าเอง ถ้าจะดุด่า ก็ขอให้ดุด่าถึงความสะเพร่าของผมที่ไม่ยอมดูงานของคนอื่น แต่กรุณาอย่าด่าผมว่าผมดูงานของคนอื่นแล้วมาทำเลยครับ เพราะผมมั่นใจอย่างที่สุดว่าตัวเองไม่ได้ลอกใคร "

“ ถ้านายมั่นใจว่าเป็นแบบนั้น ก็ขอให้พรุ่งนี้นายพูดกับลูกค้าด้วยประโยคนั้น ประโยคที่นายบอกว่านายไม่ได้ลอกใคร "

“ แต่หัวหน้าไหนเราคุยกันว่าจะให้คีย์ยอมรับไปไงว่าลอก ลูกค้าจะได้ไม่หาว่าเราน่ะ โทษเค้าว่าความต้องการของเค้าเหมือนกับคู่แข่งเอง เพราะมันยังมีอีกหลายงานนะที่เค้าจ้างเราทำอยู่ " รองหัวหน้าที่พูดกระซิบกับอีกคนด้วยเสียงไม่เบานัก นี่สินะที่เค้าเรียกว่าด้านมืดของของการทำงานคนตำแหน่งสุงกว่าก็ชอบใช้อำนาจบีบคั้นไอ้พวกที่ทำงานตำแหน่งน้อยกว่า ทั้งให้รับผิดแทนและอีกสารพัดไม่ต่างอะไรกับโถชักโครกเลยสักนิด

“ โดยการที่คุณจะให้ผม โยนความผิดให้ลูกน้องตัวเองที่ไม่ได้ลอกใครน่ะเหรอ ถ้าวันนึงคุณทำงานโดนที่ไม่ได้ลอกใครแล้วผมบอกว่าให้คุณรับผิด โดยที่ใครๆจะมองว่าคุณลอกงานคนอื่น คุณจะรู้สึกยังไงละ " รองหัวหน้าเงียบ " คุณจะรู้สึกดีมั้ย "  ใบหน้าคมถอนหายใจออกมาก่อนจะหันมามองหน้าผม " ฉันจะอยู่ข้างๆนายเอง "

“ หัวหน้า " สบสายตาคมที่ยิ้มให้ผมอย่างอบอุ่นและใจดี

“ พรุ่งนี้สิบเอ็ดโมงลูกค้าจะเข้ามาพบนาย ฉันไม่คิดว่าเค้าจะพูดจากับนายดีๆหรอก แต่สิ่งอยากจะบอกนายก็คือ ฉันอยากจะให้นายพูดตามที่นายคิด ถ้านายไม่ได้ทำจงมั่นใจในตัวเองว่าไม่ได้ทำ ยืดอกรับในสิ่งที่ผิดพลาดและละเลยส่วนที่เค้ากล่าวหาและโยนความผิดมาก็อธิบายให้เค้าเข้าใจว่าเราไม่ได้เป็นคนทำ พรุ่งนี้ฉันจะอยู่ข้างๆนายเอง ไม่เป็นไร ถ้านายมั่นใจว่าไม่ได้ลอกใครมา ฉันก็พร้อมจะเชื่อมั่นในตัวนาย "

   หัวใจที่กำลังสั่นไหวของผมด้วยความตึงเครียดราวกับมีใครสักคนยื่นมือมาปลอบประโลมมันไว้ ในช่วงเวลาคับขันแบบนั้น ผมเคยมองว่าเค้าเป็นพวกที่มุ้งเน้นถึงความสำเร็จของตัวเองแบบที่ไม่สนใจใคร เกลียดความผิดพลาด แต่ผมคิดว่าคงต้องมองเค้าใหม่ซะแล้ว อย่างน้อยคนที่กลัวความผิดพลาดคนนั้นก็กำลังกางปีกของเค้าปกป้องผมเอาไว้ทั้งๆที่ว่าจะทำตามที่รองหัวหน้าพูดก็ได้นั่นคือการโยนความผิดมาให้ผม ตอนนั้นรอยยิ้มจางๆที่มอบให้เค้าผมก้มหน้าลงขอบคุณเค้าจากหัวใจ

“ ขอบคุณครับหัวหน้าที่เชื่อผม " ตอนนี้แค่สักคนที่เชื่อในตัวเราก็ทำให้อุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกแล้ว
 
........................................................

น่าจะตั้งชื่อตอนว่า " เชื่อในตัวเธอ " อะไรแบบนี้มากกว่า
ตอน ป่วย นี่เหมือนหลอกกัน มีป่วยอยู่แค่ไม่กี่บรรทัดแรก
เรื่องราวหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อ จะเข้มข้นแค่ไหน
โปรดติดตามอ่าน และอย่าทิ้งกันไปไหน
สัญญาว่าจะเขียนออกมาให้ถึงอรรถรสที่สุด
มีคนบอกว่า อยากอ่านความรู้สึกของฟานบ้าง เรื่องราวของฟาน
ได้อ่านแน่นอนค่ะ ไม่นานนี้
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สัญญากับนะว่าจะอ่านจนจบ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
เอ้ออ ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยค่ะ
เจอกันตอนหน้าาาา  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 31 ' ป่วย ' UP - 9.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 09-09-2016 21:22:26
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 31 ' ป่วย ' UP - 9.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 09-09-2016 21:23:28
โอ้ยยยยยยยย
คีย์ๆๆ อย่าาาาหวั่นไหววว กับหัวหน้านะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 31 ' ป่วย ' UP - 9.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 09-09-2016 21:28:33
หวังว่าคีย์คงไม่กลับไปเทใจเอนเอียงไปทางหัวหน้าอีกนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 31 ' ป่วย ' UP - 9.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 09-09-2016 22:46:48
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราสัญญาว่าจะอ่านจนจบค่ะ แต่ใจไม่ดีไปแล้วนะ  :sad4:

รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่าา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 31 ' ป่วย ' UP - 9.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 09-09-2016 23:04:09
คีย์เอนไปหาหัวหน้าอีกแล้วเหรอ  จะทำให้ฟานเสียใจจริงๆเหรอคีย์

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 31 ' ป่วย ' UP - 9.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 10-09-2016 00:57:23
เราสัญญาว่าจะอ่านจนจบ ถ้าไม่คิดจะทิ้งกันซะก่อน^^
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 31 ' ป่วย ' UP - 9.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 10-09-2016 01:39:30
คีย์ต้องห้ามหวั่นไหวนะ ฮืออออออ ไม่อยากกินมาม่าแล้ว
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 31 ' ป่วย ' UP - 9.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 10-09-2016 07:16:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 31 ' ป่วย ' UP - 9.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-09-2016 09:17:16
อย่าหวั่นไหวนะคีย์. ต่อให้ดูดีพึ่งได้ขนาดไหน คนที่เราควรเก็บไว้คือคนที่เราอยู่ด้วยแล้วมีความสุข
สงสารฟานล่วงหน้าได้ปะ. เด็กดี
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 31 ' ป่วย ' UP - 9.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 10-09-2016 14:03:49
อร๊ายยย อิจฉาคีย์ชีวิตดิ๊ดี
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 31 ' ป่วย ' UP - 9.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Yukisho ที่ 10-09-2016 19:37:17
ทำไมอ่านช่วงทอล์กแล้วมีความกลัว...  :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 31 ' ป่วย ' UP - 9.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 10-09-2016 19:47:43
สู้ๆ ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 31 ' ป่วย ' UP - 9.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-09-2016 21:43:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 31 ' ป่วย ' UP - 9.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 10-09-2016 23:30:04
ถ้าจะหวั่นไหวก็คงจนปัญญา
แฟนเด็กแบบฟานช่างเอาใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 31 ' ป่วย ' UP - 9.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 11-09-2016 03:13:07
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 31 ' ป่วย ' UP - 9.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 11-09-2016 13:13:22
สำหรับคีย์เรารู้สึกว่าเราไม่ค่อยหวั่นใจนะ
เพราะตอนที่ผ่านๆมามันทำให้เรารู้ว่าคีย์ก็รักฟาน
แต่ทีีหวั่นก็คือหัวหน้าต่างหาก กลัวว่าจะมีแผนที่จะเคลมเด็กรึเปล่า
เพราะเด็กอย่าคีย์ดันไม่เล่นด้วย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 31 ' ป่วย ' UP - 9.9.59} หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 11-09-2016 20:56:37
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 32
' เหตุผลที่ไม่ชอบเด็ก '

“ จะบ้าเหรอ ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของนายแต่จะให้นายรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น แบบนั้นมันใช่ได้ที่ไหน รองหัวหน้าบ้าคิดอะไรอยู่ " ลิปที่หันมาแสดงความคิดเห็นกับเรื่องราวที่ผมเล่า ถอนหายใจออกมาตอนที่ก้มหน้าลงต่ำกับแก้วกาแฟในช่วงเวลาพักเที่ยงที่ยังคงคิดกังวลถึงเรื่องของวันพรุ่งนี้ ถึงแม้จะมั่นใจยังไงว่าเราไม่ได้ลอก แต่ลูกค้าก็มีหลายประเภทจนเผลอคาดเดาไม่ได้เลยว่าจะเจอกับคนแบบไหน อาจจะเข้าใจง่าย หรืออาจจะเข้าใจยาก ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของปัญหาจะออกมาในรูปแบบไหน " แล้วหัวหน้าว่าไง "

“ เค้าเข้าข้างฉันแหละ "

“ ห๊ะ ? “ เพราะหัวหน้าในความรู้สึกของลิปนั่นแย่กว่าที่ผมคิดซะอีก จากหลายๆอย่างที่ลิปพูดถึงเค้าเหมือนทุกอย่างมันเป็นแง่ลบไปหมด

“ อื้ม เค้าบอกว่าเค้าจะอยู่ข้างๆฉัน แล้วก็จะเชื่อมั่นในตัวฉัน "

“ เหอะ เป็นไปได้ " อีกคนบอกก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา " จะถือโอกาสทำคะแนนกับนายละสิไม่ว่า "

“ ทำไมนายมองเค้าเป็นแง่ลบไปหมด มันอาจจะไม่เป็นแบบนั้นก็ได้ หัวหน้าเค้าอาจจะอยากลองเชื่อฉันจริงๆ "

“ คีย์ หัวหน้าที่เราทุกคนรู้จักคือคนที่ทั้งเห็นแก่ตัวแล้วไร้ข้อบกพร่อง รู้อะไรมั้ย เหตุการณ์น่าแปลกที่มันมาเกิดขึ้นกับนายแค่คนเดียว ทั้งๆที่แค่ฉันออกแบบกล่องรองเท้ายังต้องแก้ตั้งสามรอบเพราะเค้าไม่พอใจแล้วคิดว่ามันไม่โอเค เอาจริงๆนะ ฉันคิดว่าเค้าเมคเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยซ้ำ ตั้งใจไม่ตรวจงานแล้วให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นกับนาย  "

“ แล้วเค้าจะทำแบบนั้นไปทำไม "

“ ไม่รู้สิ เพื่อให้นายประทับใจเค้าอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ได้มั้ง " คนตรงหน้ายกกาแฟขึ้นดื่ม

“ นายมองเค้าในแง่ลบเกินไปนะฉันว่า "

“ แล้วฉันก็มองว่านายมองเค้าในแง่บวกเกินไป " อีกคนบอกผมก็ถอนหายใจออกมา " แต่ถึงจะเป็นอย่างงั้น ถึงเค้าจะพลาดในการตรวจงานนายไปจริงๆ ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหน ก็มันเป็นหน้าที่ของหัวหน้าที่ต้องทำอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว มันคือหน้าที่ของเค้าที่ต้องเชื่อเราในฐานะที่ว่าเราเป็นลูกน้องคนนึงของเค้าคีย์ " มองหน้าอีกคนที่กำลังมองผมด้วยสายตาที่เหมือนกำลังเดาออก

“ นั่นสินะ " จะว่าไปสิ่งที่ที่อีกคนพูดก็ถูก

“ แต่นายที่เคยชอบเค้าก็ไม่แปลกหรอกที่จะประทับใจเค้าเป็นพิเศษ แต่อย่าลืมนะว่า ตอนนี้นายก็มีใครอยู่อีกคนนึงแล้ว อย่าให้ความประทับใจแค่หนเดียวมาทำลายความรู้สึกทั้งหมดที่ใครคนพยายามทำมันมาตลอดก็แล้วกัน "

“ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรขนาดนั้นสักหน่อย " ไม่ได้รู้สึกประทับใจจนเอาไปเปรียบเทียบกับฟาน ว่าเค้าดีกว่าหรือแย่กว่า ไม่ได้รู้สึกอะไรขนาดนั้น ที่ประทับใจก็แค่ประทับใจในตัวเค้าก็แค่นั้น ไม่ได้เอาไปเปรียบเทียบกับใคร

    ร่างงานใหม่ที่รับมาอยู่หน้าจออย่างรู้สึกตันทางความคิด ไม่รู้จะเขียนอะไร คิดไม่ออกเลยสักนิดทั้งๆที่งานนี้ไม่ได้ยากเลยด้วยซ้ำแล้วก่อนหน้านี้ก็คิดออกแล้วแท้ๆว่าจะออกแบบมายังไง เพราะเรื่องนั้นแท้ๆ ผมผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่พิงตัวเองเก้าอี้แล้วเงยหน้ามองเพดานของออฟฟิศ หลับตาลงสักพักก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วต้องสะดุ้งกับคนคุ้นตาที่มายืนก้มหน้าลงจ้องผมอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาที่ชวนให้ใจเต้นนั้นผมรีบเด้งตัวเองขึ้นมา

“ หัวหน้า "

“ เป็นอะไร เครียด ? คิดงานไม่ออกเหรอ " เค้าถามก่อนจะดึงตัวเองก้มลงมามองหน้าจอที่ผมขีดๆเขียนๆงานไว้อยู่

“ ก็นิดหน่อยครับ "

“ เพราะเรื่องนั้นสินะ " พยักหน้ารับอีกคนช้าๆเค้าก็หลุดยิ้มออกมาก่อนจะยกมือขึ้นตบหัวผมเบาๆ " ไม่ต้องคิดมากหรอก เชื่อฉันสิว่ามันจะผ่านไปด้วยดีแน่นอน "

“ ทำไมถึงคิดแบบนั้นละครับ " ทั้งๆที่ผมเองก็ยังกลัว กลัวว่าทางนู้นจะเถียงหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ยอมกันง่ายๆ ดื้อดึงว่าไม่ใช่ความผิดของตัวเองแล้วให้เรารับผิดชอบทุกอย่าง โดยเฉพาะผมที่ต้องรับผิดว่าตัวเองลอกงานคนอื่นไปโดยปริยาย

“ คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตายไม่ใช่เหรอ " หัวหน้าบอกก่อนจะเอียงหน้ามามองผม ใบหน้าที่ใกล้กันกันของเราเค้าที่ดึงตัวเองขึ้นยืนเต็มความสูง " ฉันมีนายที่มั่นใจในตัวเอง ส่วนนายก็มีฉันที่มั่นใจในตัวนายก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง อย่าคิดถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึงสิ ใจเย็นๆ ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก่อน "

“ ครับๆ " ผมตอบรับมือหนาก็ยื่นมาตบไหล่ให้กำลังใจ

“ ยังไงก็ผ่านไปได้แน่นอน นายอย่าลืมทำข้อมูลอธิบายลูกค้าละ ยังไงงานออกแบบอันใหม่นี่ค่อยทำก็ได้ ทำเอกสารที่ต้องอธิบายลูกค้าวันพรุ่งนี้ก่อนก็แล้วทำให้ละเอียดเลยนะ ทำเสร็จแล้วก็ส่งเข้าเมล์ฉัน เดี๋ยวจะตรวจให้อีกที " พยักหน้ารับคำสั่งของอีกคนก่อนหัวหน้าจะเดินออกไป สายตาที่มองตามเค้าอยู่นานจนได้สติที่ว่าไม่ควรทำอะไรแบบนั้นก็ต้องก้มหน้าลงทำงานของตัวเองต่อก่อนจะให้เหตุผลที่เอาแต่จ้องมองเค้าอยู่แบบนั้นด้วยใจที่พองโตแค่ว่า ' ก็แค่ประทับใจที่เค้าช่วยเหลือน่า ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้นสักหน่อย '

   เอกสารทั้งหมดถูกทำออกมาเสร็จเรียบร้อยในช่วงเกือบทุ่ม มือที่กำลังขยับเม้าส์จัดส่งงานไปให้อีกคนตรวจแต่ทว่าเค้ากลับเดินมาที่โต๊ะผม พร้อมกับกระเป๋าของตัวเองแทนเหมือนคล้ายจะเตรียมตัวกลับบ้าน " คีย์ ฉันขอตรวจงานนายก่อนได้มั้ย "

“ ได้สิครับ เสร็จพอดีเลย หัวหน้าจะกลับบ้านแล้วเหรอ "

“ ใช่ ฉันจะกลับบ้านแล้ว " ร่างสูงพูดขึ้นเราก็หันไปยิ้มให้กัน เปิดไฟล์งานทั้งหมดที่ทำเป็นเอกสารไว้ระหว่างที่รอโหลดขึ้นมาผมเหลือบมองพนักงานหลายๆคนที่เหมือนกำลังออกจากที่ทำงานไป

“ ผมกลับแล้วนะครับ หัวหน้า " เสียงของรุ่นน้องที่ชื่อเนย์ทักหัวหน้าก่อนจะก้มหน้าให้ผม สีหน้าแววตาที่ดูเหมือนไม่ค่อยพอใจกันเท่าไหร่นัก

“ อื้ม แล้วเจอกันนะ " หัวหน้าที่หันไปตอบกลับเค้าที่พยักหน้ารับแล้วเดินออกไป ก่อนจะก้มลงมามองหน้าจอคอมของผมเค้าเลื่อนเม้าส์ไปมาก่อนจะอ่านรายละเอียดพวกนั้นคร่าวๆ " โอเคเลย อ่านคร่าวๆแล้วก็เข้าใจดีอะนะ "

“ เหรอครับ "

“ ไม่ใส่เหตุผลของตัวเองมากไป แต่เลือกอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็ดีนะ เพราะเหตุผลพวกนั้นเราไว้อธิบายเค้าเองดีกว่า ในนี้มีแค่เนื้อหางานของเรา กับ คำสั่งของเค้าก็พอ "

“ ครับ " พยักหน้าคำสั่งของหัวหน้าผมกดเซฟงานทั้งหมดเอาไว้ก่อนจะปริ้นท์ออกมาจัดใส่แฟ้ม

“ งั้นผมกลับก่อนนะ วันนี้พอดีมีธุระต่อ "

“ ครับ เจอกันพรุ่งนี้ " ผมบอกก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเอาเอกสารที่ส่งปริ้นไว้ แต่ขาที่ชะงักอยู่แบบนั้นเพราะร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหน้ายังไม่ไปไหน หัวหน้าหลุดยิ้มออกมาตอนที่ร่างของเราใกล้กันแบบนั้น ผมก้มหน้าคงอีกคนก็เอื้อมมือไปลูบหัวผมเบาๆ

" อย่าคิดมากละ กลับบ้านไปก็รีบนอนให้เต็มอิ่มจะได้มาสู้ศึกพรุ่งนี้ "

“ อย่าพูดแบบนั้นสิครับ " ผมก้มหน้าลงยิ้ม " จะกลัวก็เพราะหัวหน้าพูดแบบนั้นแหละ "

“ ซะงั้นไป ฮ่าๆ โอเคฉันไปพูดละ ไปก่อนนะ "

“ ครับ " ผมพยักหน้ารับ

“ กลับแล้วนะลิป "

“ ครับผม เจอกันครับหัวหน้า " อีกคนที่หันหน้ามาพยักหน้ารับช้าๆ หัวหน้าก็เดินออกไป ผมเดินไปที่เครื่องปริ้นท์ของออฟฟิศก่อนจะเดินมาจัดเอกสารเข้าแฟ้มจนเสร็จเรียบร้อย มองดูเอกสารที่ต้องอธิบายพวกนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจเครียดออกมาแบบนั้น " ไม่ต้องเครียดหรอกคีย์ ฉันคิดว่านายต้องผ่านมันไปได้แน่นอน "

“ เหรอ " หันไปหาลิปที่พยักหน้ารับ

“ นายเป็นคนตั้งใจทำงาน สำหรับเรื่องงาน นายเป็นคนหัวแข็งในสิ่งที่ตัวเองคิด ไม่อ่อนลงให้ใครง่ายๆ แต่ก็มีเหตุผลในการพูด ฉันคิดว่านายต้องผ่านไปได้แน่ๆ "

“ ขอบคุณนะลิป "

“ ตอนนี้กลับไปหาไอ้ลูกหมาของนายเถอะ กลับไปพักผ่อนกับเค้าสักหน่อย " คำพูดของอีกคนที่ทำให้ผมหลุดยิ้ม

“ แต่ฉันไม่คิดว่า ฉันจะได้พักผ่อนกับเด็กคนนั้นหรอก ฟานยังเด็กคงไม่เข้าใจเรื่องแบบนี้หรอก ถ้ามีแฟนเป็นผู้ใหญ่ก็ว่าไป " ก้มหน้าลงเช็คงานทั้งหมดตอนที่ปิดคอมลง ผมก็หันไปหาคนที่กำลังจ้องผมอยู่ " ทำไมเหรอลิป "

“ ฉันว่าสิ่งที่นายคิดมันผิดนะ ยังไม่ได้ปรึกษากับฟานเลยรู้ได้ยังไงว่าเค้าจะให้คำปรึกษาไม่ได้ละ "

“ ก็.. เค้ายังเด็ก " แค่เด็กมหาลัยปีหนึ่งผมว่าชีวิตเค้ายังไม่ต้องมีเจอปัญหาแบบนี้ อีกอย่างพูดไปก็คงไม่เข้าใจ งั้นจะพูดทำไม

“ เอาจริงๆนะ นายกำลังมองว่ามีแฟนเป็นผู้ใหญ่มันดีกว่ารึเปล่า "

“ จะพูดแบบนั้นก็ใช่ อย่างน้อยๆก็เวลามีปัญหา "

“ แต่ฉันว่ามันก็เหมือนกันนั่นแหละ จะผู้ใหญ่จะเด็ก อย่างฉันเองถ้ามีปัญหาเดียวกับนาย คุณเมษคงช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอกอย่างมากก็แค่ปลอบ คนที่จะช่วยฉันได้ก็คงมีแค่หัวหน้าเท่านั้น แต่ดูเหมือนในความคิดนาย ผู้ใหญ่ที่ว่า คือหัวหน้าคนเดียวรึเปล่าคนที่ช่วยนายได้น่ะ "

“ ทำไมนายต้องพูดเหมือนฉันกลับไปชอบเค้า นายพูดเหมือนฉันกำลังใจนอกใจฟานอย่างงั้นแหละ ทั้งๆที่ฉันเองก็แค่รู้สึกดี โล่งใจที่มีคนช่วยเหลือฉันมันก็เท่านั้น "

“ ไม่รู้สิ การกระทำของนายมันเปลี่ยนไปมั้ง ขนาดเค้าถึงเนื้อถึงตัวนายยังเฉยเลย มันต่างกันนะกับตอนที่นายเคยบอกว่าเค้าเหมือนจะคุกคามทางเพศนายน่ะ "

“ ลิป หัวหน้าเข้ามาช่วยฉันไว้นะ จะไม่ให้ฉันรู้สึกดีกับเค้าได้ไง "

“ ยังไม่ได้ช่วยเลยคีย์ เค้าแค่บอกว่า เค้าจะอยู่ข้างนายก็เท่านั้น ฉันยังบอกว่าจะอยู่ข้างนายเลย และแน่นอนว่าถ้านายไปเล่าฟาน ฟานก็ต้องบอกว่า เค้าจะอยู่ข้างๆนายเหมือนกัน " อีกคนยิ้มออกมา ก่อนจะหยิบกระเป๋าในลิ้นชักออกมาสะพายไหล่ " ฉันจะไม่ยุ่งเรื่องของนายก็แล้วกัน  เพราะฉันก็คงไม่รู้ความรู้สึกของนายทั้งหมด ถ้าคิดว่าดีก็ทำไปเถอะ เอาที่สบายใจ "

“ ลิป..”

“ ฉันขอโทษนะ ที่มองอะไรก็ดูแย่ไปหมด คล้ายคนอคติ นิดๆหน่อยๆก็เป็นเรื่องเป็นราว ฉันแค่คิดถึงฟานมากไปหน่อย ฉันแค่เอาความรู้สึกของฟานมาผูกกับความรู้สึกของฉัน มากเกินไปหน่อย แค่คิดนะ.. ว่าถ้าฉันเป็นฟานฉันจะรู้สึกยังไง " เค้าบอกก่อนจะยกยิ้มขึ้น " กลับบ้านเถอะ อย่างที่หัวหน้าบอก พรุ่งนี้นายต้องรับศึกหนัก ต้องพักผ่อนให้เต็มที่นะ "

“ อื้ม " พยักหน้ารับอีกคนอย่างไม่รู้จะพูดอะไร เราเดินออกจากออฟฟิศเงียบๆ

    ผมกำลังหาคำตอบให้ตัวเองว่า การรู้สึกดีกับการกับโดนช่วยเหลือมันผิดเหรอวะ มันแปลกเหรอที่จะรู้สึกอุ่นใจในช่วงเวลาแบบนี้ ก็แค่ประทับใจไม่ได้หมายความว่าจะชอบสักหน่อย แต่ลิปก็เป็นคนแบบนี้ เป็นเพื่อนที่หวังดี แถมพูดอะไรตรงๆ รู้สึกอะไรก็พูดออกมาแบบนั้น แต่ที่เค้าพูดออกมากับท่าทางที่ดูหงุดหงิดตอนที่ผมใกล้ชิดหัวหน้า เค้ารู้สึกอะไรกันแน่นะ รู้สึกว่า สายตาที่เรามองหัวหน้ามันเปลี่ยนไปแล้ว หรือแค่รู้สึกกลัวว่าจะเปลี่ยนไปกัน

   กดกริ่งหน้าประตูห้องของตัวเอง รออยู่ไม่นานคนที่อยู่ในนั้นก็เปิดประตูให้  ผมเดินผ่านร่างสูงที่ยิ้มรับอย่างไม่ใส่ใจ " กลับมาแล้วเหรอครับ "

“ อื้ม " ตอบเค้าสั้นๆก่อนจะพาตัวเองไปที่โซฟาแล้วล้มตัวลงนอนบนนั้น ทั้งเรื่องงาน เรื่องชีวิตส่วนตัว ความรู้สึกที่เหมือนแยกแยะอะไรไม่ออกทำได้เพียงผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆอย่างไม่รู้จะทำอะไรก่อนเป็นอันดับแรก ทำไมมนุษย์ถึงได้อ่อนไหวขนาดนั้นวะ ทำไมต้องแคร์คำพูดของคนอื่นขนาดนั้นวะ แค่เพื่อนพูดก็เก็บเอามาคิดเล็กคิดน้อย ' ใช่เหรอ ? เรากำลังกลับไปชอบหัวหน้าเหรอ งั้นก็ไม่ดีใช่มั้ย เพราะตอนนี้ก็เหมือนมีใครอีกคนนึงอยู่แล้ว เราเองคบกับคนคนนี้ก็ดีอยู่แล้ว จะกลับไปสู่วงเวียนของความรักที่ไม่ใช่ของเราอีกทำไม ถ้ากูกลับไป กูจะเลวใช่มั้ย แต่กับแค่กูประทับใจเค้า กูต้องเป็นคนเลวคนนึงเลยเหรอวะ บ้าวะ นี่มันไม่ใช่ '

“ คุณคีย์ ไม่สบายเหรอ " มือหนายื่นมือมาจับที่หน้าผากของผม เบือนหน้าหนีก่อนจะพลิกตัวไปอีกฝั่ง

“ อย่าเพิ่งมายุ่งกับฉันได้มั้ย "

“ ก็ถ้าไม่สบายจะได้เอายาให้กินไงครับ "

“ ฉันสบายดี " ผมบอก " แต่ขออยู่เงียบๆคนเดียวสักพักได้มั้ย "

“ ก็ได้ครับ " เสียงตอบรับที่มาพร้อมกับจมูกคมที่ก้มลงมาหอมแก้มผมเสียเต็มฟอด

“ นี่ ! " ถอนหายใจออกมาแบบรำคาญก่อนจะลุกขึ้นนั่งมองอีกคนที่ก็ยังคงค่อมตัวผมอยู่ ส่งสายตาเชิงโมโหไปอีกคนก็ค่อยๆนั่งลงช้าๆที่ปลายโซฟาอีกฝั่ง " ฉันบอกว่าอย่าเพิ่งมายุ่งไม่เข้าใจรึไง "

“ ก็แค่หอมแก้มเอง "

“ ถึงจะแค่นั้นแต่มันก็น่ารำคาญ นี่ อย่าทำตัวเหมือนเด็กๆที่ไม่รู้จักเวล่ำเวลาสิ ฉันก็บอกนายแล้วไงว่าฉันอยากจะอยู่ก็คนเดียว ขอเวลาให้ฉันได้อยู่คนเดียวอย่างที่ฉันขอ ไม่ได้เลยรึไง ทำไมนายต้องยุ่ง ต้องเข้ามารุ่มร่าม " ไม่รู้ทำไมถึงต้องหงุดหงิดขนาดนั้นเหมือนกัน ผมมองหน้าคนที่ไม่เข้าใจอารมณ์ของผม ฟานที่ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาในตอนที่เค้าได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆแล้วเอ่ยขอโทษผมสั้นๆ

“ ขอโทษครับ "

“ ฉันแค่เครียดเรื่องงานน่ะ งานฉันมันมีปัญหา " ผมบอกเหตุผลกับร่างสูงตรงหน้าที่พยักหน้าเข้าใจ

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจว่าคุณคงเครียดจริงๆ "

“ อื้ม " พยักหน้ารับก่อนจะขยับตัวเองนั่งพิงกับพนักพิงของโซฟา ฟานที่หันมามองยิ้มจางๆก่อนจะถาม

“ แล้วคุณคีย์เครียดเรื่องอะไรเหรอ " มือหนาเอื้อมมือจับแก้มเบือนหน้าหนีเค้าก่อนจะถอนหายใจออกมา " ถอนหายใจออกมามากๆ เดี๋ยวก็ตายเร็วหรอกคุณ "

“ ไอ้เรื่องหลอกเด็กที่บอกว่า ถอนหายใจหนนึงจะตายเร็วหนึ่งวินาทีน่ะเหรอ ฉันไม่เชื่อเรื่องอะไรไร้สาระหรอกน่า ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ฉันตายไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว วันๆนึงฉันถอนหายใจมากกว่าสิบรอบซะอีก "

“  งั้นก็เลิกถอนหายใจสิครับ ไม่อยากจะอยู่กับผมเหรอ "

“ ไร้สาระ "

“ ว่าไงล่ะครับ เครียดเรื่องอะไรละ บอกผมได้นะ "

“ บอกนายไปแล้วนายช่วยอะไรฉันได้ " เอ่ยถามอีกคนที่มองหน้าผม เค้าที่ยิ้มออกมาก่อนจะส่ายหน้าไปมา " เห็นมั้ยพูดไปนายก็ช่วยอะไรฉันไม่ได้ พูดไปมันก็เท่านั้นแหละ "

“ แต่ว่าผมช่วยรับฟังได้นะ " มือหนาที่ดึงผมเข้าไปกอด " ถ้าคุณเครียดผมจะเครียดไปพร้อมกับคุณเอง จะรับฟังปัญหาของคุณ ถึงจะช่วยไม่ได้แต่มันก็ดีกว่าเก็บไว้คนเดียวไม่ใช่เหรอ เรื่องบางเรื่องคุณอาจจะร้องไห้กับใครไม่ได้ แต่คุณร้องไห้กับผมได้นะ จะร้องหนักแค่ไหนก็ได้ ถ้าอยู่กับผม คุณไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งเลย เพราะผมจะเข้มแข็งเพื่อเป็นที่พักให้คุณเอง "

“ ฟาน " เอ่ยเรียกชื่อเค้าตอนที่อีกคนกำลังกอดผมไว้แน่น ผมก้มหน้าลงซบกับไหล่ของเค้า ทั้งๆที่ไม่ได้อยากจะร้องไห้เลย ตัวผมไม่ใช่คนอ่อนแออะไรขนาดนั้น แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเหมือนสลับกัน น้ำตาของผมที่ไหลออกมาซึมลงบนเสื้อของเค้าอย่างไม่ขาดสาย สองมือที่กอดเค้าไว้แน่น

“ ฉันไม่ได้ลอกงานของใครเลยสักนิด แต่ลูกค้ากลับมาบอกว่าฉันลอกงานของคนอื่นทั้งๆที่ฉันทำงานตามที่เค้าบอกแท้ๆ ฉันทำตามความต้องการของเค้า ฉันไม่อยากให้ใครบอกว่าฉันลอก ฉันไม่ได้ลอกใครนิ ทำไมต้องรับผิดชอบด้วย พรุ่งนี้เค้าจะเข้ามาคุยกับฉัน  ถ้ามันออกมาไม่ดีแล้วฉันต้องรับผิดชอบ ฉันอาจจะต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกก็ได้ อึก แล้ว แล้วถ้าเป็นแบบนั้นน่ะ ฉันจะไปหางานที่ไหนได้ ถ้าฉันต้องออกไปเพราะการลอกงานคนอื่น ใครจะให้โอกาสฉัน ทั้งๆที่ฉันไม่ผิดเลย ฉันไม่รู้จะทำยังไง ถึงหัวหน้าจะบอกว่าเค้าจะช่วยพูดให้ แต่ฟาน ถ้าเค้าไม่ฟังหัวหน้าละ ถ้าเค้ายังโยนความผิดให้ฉันด้วยการบอกว่า เค้าจะเอางานที่จ้างบริษัทเราทั้งหมดออก แบบนั้นทางบริษัทจะเลือกฉันเหรอ เค้าต้องเลือกลูกค้าถูกมั้ยละ อึก แล้วแบบนั้นฉันจะทำยังไงละ ฮือๆ " ผมที่ร้องไห้ออกมาเสียงดังพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากพูด คำพูดที่พูดกับคนอื่นไม่ได้ ความกังวลที่เอาแต่เก็บไว้ในใจ " ฟานฉันจะทำยังไงดีละ ฉันจะทำยังไงดีละ "

“ ใจเย็นๆมัน มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่คุณคิดก็ได้ ผมรู้ครับว่าคุณกำลังวิตกถึงมัน แต่ผมเชื่อว่า มันต้องผ่านไปได้แน่ๆ "

“ แล้วถ้ามันไม่ผ่านไปละ " เงยหน้ามองเค้าทั้งๆที่น้ำตายังคงนองหน้า รอยยิ้มของฟานที่ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ผม " ถ้ามันไม่ผ่านไปละฟาน ฉันจะทำยังไง ต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นคนลอกงานคนอื่นอย่างงั้นเหรอ "

“ อย่าคิดอะไรไปในทางที่แย่แล้วบั่นทอนตัวเองสิครับ มันไม่ดีกว่าเหรอถ้าคุณจะเลิกคิดแล้ว ตั้งสติกับมัน พรุ่งนี้ค่อยๆพูดอธิบายให้เค้าเข้าใจ ว่าความจริงมันเป็นยังไง "

“ ลูกค้าไม่มีทางรับผิดในสิ่งที่ตัวผิดหรอก "

“ ผมจะอยู่ข้างๆคอยให้กำลังใจคุณเอง " เค้าบอกก่อนจะยิ้มให้ผม " ไม่ว่าจะเป็นยังไง พรุ่งนี้คุยก็ยังมีผม แล้วเราค่อยมาคิดกันว่าจะทำยังไงต่อดีมั้ย ตอนนี้มันยังไม่เกิดขึ้น คิดอะไรไปในแง่ลบก็ทำให้รู้สึกแย่เสียเปล่าๆ "

“ ก็มันรู้สึกแย่ "

“ เลิกคิดสิครับ " สองมือยกขึ้นดึงแก้มผมก่อนจะยิ้ม เบือนหน้าหนีจากมืออีกคนก่อนจะซบเค้าอยู่แบบนั้น " อาบน้ำสักหน่อยมั้ยครับจะได้รู้สึกดีขึ้น "

“ อยากอยู่แบบนี้สักพัก "

“ แบบนี้นะเหรอ " เค้าถามย้ำก่อนจะกอดผมแน่นขึ้น หลับตาลงพยายามไม่คิดอะไรแต่สุดท้ายมันก็ต้องคิดอยู่ดี ความกังวลที่เหมือนวนอยู่ในสมองซ้ำๆ คืนนี้ดูท่าทางว่าคงต้องกินยานอนหลับซะแล้วละมั้ง เพราะขืนยังมัวคิดมากแบบนี้ พรุ่งนี้คงเบลอจนเถียงกับลูกค้าไม่ไหวแน่ๆ " ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ผมจะอยู่ข้างๆคุณเอง "

“ อื้ม " พยักหน้ารับเค้าช้าๆ มันให้ความรู้สึกต่างกันนะ แม้จะเป็นคำพูดเดียวกัน ' อยู่ข้างๆ ' ของฟานทำให้ผมรู้สึกรับรู้ว่ามีเค้าแต่ไม่ได้หายเครียด ไม่ได้หายกังวลทั้งๆที่เค้าเป็นคนพิเศษของเราแท้ๆ  แต่น่าแปลกคำว่า 'อยู่ข้างๆ' ของหัวหน้ากลับทำให้ผมรู้สึก ปลดความกังวลลงไป เหมือนว่า เค้าจะช่วยเราได้จริงๆ ไม่ใช่แค่พูดให้เลิกคิดมาก หรือว่าแค่ให้กำลังใจอย่างเดียว

   นี่คงเป็นความรู้สึกแตกต่างระหว่าง การมีแฟนเด็ก กับการมีแฟนเป็นผู้ใหญ่ละมั้ง แฟนที่เด็กกว่าจะทำได้แค่ให้กำลังใจ แต่ไม่ใช่แฟนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า ที่จะช่วยเราแก้ปัญหาได้

   ในที่สุดก็เจอแล้ว .. คำตอบที่ว่าทำไมตัวผมถึงชอบผู้ใหญ่มากกว่าเด็กเพราะความรู้สึกในช่วงที่ต้องการที่พึ่งพานี่เอง
 
................................................

   ถอนหายใจออกมาในเช้าวันใหม่ที่อยากให้ทุกอย่างมันผ่านไปเร็วๆ เมื่อคืนแม้จะกินยานอนหลับเข้าไปแต่เหมือนร่างกายที่ยังกังวลก็ไม่ชวนให้หลับลึกเท่าไหร่ แต่งตัวเรียบร้อยอาหารที่เคยน่ากินวันนี้ ผมไม่อยากจะกินอะไรสักอย่าง คว้าช้อนตักเข้าไปปากไปแค่คำสองคำก่อนจะวางช้อนแล้วดื่มกาแฟเข้มๆไปอีกแก้ว

“ ไปทำงานก่อนนะ " ผมบอกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังตอนที่จะเดินออกไป ฟานกลับใส่รองเท้าเหมือนจะเตียมตัวออกไปข้างนอกด้วย

“ วันนี้ผมจะไปส่งครับ "

“ ไปส่ง ? “ ทวนคำพูดของเค้าก่อนจะขมวดคิ้วงงๆ " ไปทำไม ไม่ต้องไปก็ได้ "

“ ผมอยากจะไปส่งคุณถึงที่ทำงาน เป็นห่วงน่ะครับ " อีกคนบอกผมก็ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะพยักหน้ารับ มือหนาสอดเข้ากับมือผมแล้วจับไว้แน่น " ไปกันเถอะครับ " ฟานคงรู้สึกห่วงผมไม่ต่างอะไรจากที่ผมกำลังเครียดละมั้ง เพราะเห็นว่ากินน้อย พูดก็น้อยก็เลยไม่เซ้าซี้แต่ก็คอยมาอยู่ข้างๆแทน " เย็นนี้อยากจะกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ "

“ ไม่อะ ตอนนี้ไม่อยากจะทำอะไร อยากให้ผ่านการประชุมไปเร็วๆมากกว่า "

“ ต้องผ่านไปได้ด้วยดีแน่ๆ " เค้าบอกก่อนจะยิ้มแล้วจับมือผมแน่นขึ้น พยักหน้ารับเค้าอีกครั้งเราเดินทางด้วยรถไฟเงียบๆมาถึงสถานที่ทำงานของผม ตรงหน้าบริษัทที่ทำให้ได้แต่ถอนหายใจออกมา หัวใจที่เริ่มสั่น ความกังวลทำให้หัวใจผมเต้นเร็วขึ้น มือไม้ก็ชาไปหมด " คุณคีย์ครับ "

“ หื้ม ? " หันหน้าไปมองเค้าอีกคนที่ดึงเป้ของตัวเองขึ้นเหมือนบังผู้คนจากฝั่งที่มีคนเดินเข้าออกฟุกฟ่าน ใบหน้าคมที่ก้มลงมาจูบผม

“ ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีนะ ผมจะคอยให้กำลังใจคุณอยู่ตรงนี้ โชคดีนะครับ "

“ ขอบคุณนะฟาน " บอกอีกคนตอนที่สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเดินเข้าไปในบริษัท หน้าลิฟต์ที่มีคนเยอะแยะกำลังรออยู่ผมหันไปมองร่างสูงที่มาส่งผม แต่ตอนนี้เค้าไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิมแล้ว ฟานที่เหมือนเดินไปข้างๆบริษัท ศาลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ตรงนั้น เค้ายกมือไหว้ด้วยความตั้งใจ ในช่วงเวลาที่ทำให้ผมได้แต่ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังมีคนนึงที่ทุกข์ร้อนเป็นเพื่อนเราทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของเค้าเลยสักนิด แล้วก็ยังพยายามทำทุกอย่างที่ตัวเค้าสามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นทางไหนก็ตาม ' ขอบคุณนะฟาน ขอบคุณจริงๆ '

............................................................

พี่คีย์ตะคอกใส่น้องฟานอะ
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
ทำใจไม่ได้ #เอาไปโอบกอดน้องฟาน  :ling1:
แต่หนมมี่ขอบวกคะแนนให้พี่ลิป สิบคะแนน
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ นทวิตด้วยนะคะ
สุดท้ายนี้
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
เจอกันตอนหน้าค่าา
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 32 ' เหตุผลที่ไม่ชอบเด็ก ' UP - 11.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 11-09-2016 21:13:46
ตอนนี้ไม่ชอบพี่คีย์เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 32 ' เหตุผลที่ไม่ชอบเด็ก ' UP - 11.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 11-09-2016 21:39:01
อย่าเอียงไปหาหัวหน้าสิคีย์ สงสารฟานนน  :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 32 ' เหตุผลที่ไม่ชอบเด็ก ' UP - 11.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 11-09-2016 22:23:12
คีย์ทำไมคิดแบบนี้อะ ไม่เอาไม่ดีนะ มีปห.ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้ มาเกี่ยวอะไรกับฟาน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 32 ' เหตุผลที่ไม่ชอบเด็ก ' UP - 11.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 11-09-2016 22:23:45
คือขนาดลิปเป็นเพื่อนยังรับคีย์ไม่ได้...เพราะอะไรคีย์ถึงอยากมีแฟนเป็นผู้ใหญ่??ก้อเพราะว่าคีย์นะทำตัวเป็นเด็ก...
ต้องคอยให้มาช่วย..มาโอ๋..ทำตัวอ่อนแอไปวันๆ..อิหัวหน้ามันมีเมียมีลูก..คือเค้าทำดีด้วยก้ออ่อนระทวย..คนใจโลเลแบบคีย์นะแย่..มีปัญหาเข้ามาแค่นี้ไปมองว่า..ฟานไม่เข้าใจ..ตั้งป้อมเลยว่า..เพราะฟานเด็กกว่า...
อย่างที่ลิปบอกเอาที่สบายใจ!!
สุดท้ายจะดูว่าใครกันแน่ที่แก่แต่อายุ แต่วุฒิภาวะต่ำติดดินกันแน่!!
#ทีมน้องฟาน :katai3:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 32 ' เหตุผลที่ไม่ชอบเด็ก ' UP - 11.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 11-09-2016 22:49:37
มันยากขนาดนั้นถ้าจะรักเด็กอย่างฟานก็หาผัวใหม่ซะเลยคีย์ เอาหัวหน้านั่นแหละเหมาะกันละ ขนาดลิปเพื่อนแท้ๆยังไม่เห็นด้วย เหอะ เกลียดนายเอกนิสัยแบบนี้ว่ะ ใครดีด้วยหน่อยก็หวั่นไหว เอาที่สบายใจนั่นแหละ เปลี่ยนผัวซะ ส่วนฟานก็อย่าเป็นของตายให้มันมาก น่ารำคาญ เม้นนี้อารมณ์ล้วนๆ ขออภัยด้วย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 32 ' เหตุผลที่ไม่ชอบเด็ก ' UP - 11.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 11-09-2016 23:04:01
คีย์แม่งงงง
โอ้ยย หงุดหงิดดด
อยากให้ฟานโกดแล้วหนีไปเลยจิงๆ
ิชิส์

กดไลค์ลิปแรงๆๆๆๆเลยยย
ทำไมถึงดีขนาดนี้
แต่ความดื้ของคีย์ก้นะ ชิส์
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 32 ' เหตุผลที่ไม่ชอบเด็ก ' UP - 11.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 11-09-2016 23:04:36
คีย์เป็นคนโลเลสูงจริงๆ
ถ้ายังมองผูชายที่มีเมียแล้วๆ ยังมาอ่อยคนอื่น ผชที่กินเด็กในที่ืำงานไปแล้วก็ยังมาอ่อยว่าดีอีก ...ก็เลิกกับฟานไปคบกันเลย...ปล่อยฟานไปเถอะ สงสารฟานนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 32 ' เหตุผลที่ไม่ชอบเด็ก ' UP - 11.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 11-09-2016 23:27:56
ทำไมถึงทำกับฟานแบบนี้ ลิปพูดถูก แต่แน่ใจแล้วหรอว่าคีย์คิดแค่นั้นจริงๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 32 ' เหตุผลที่ไม่ชอบเด็ก ' UP - 11.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 11-09-2016 23:30:15
ลิปเป็นเพื่อนที่ดีมาก  คอยให้คำแนะนำให้กำลังใจและช่วยชี้แนะคีย์ในหลายๆเรื่อง  การที่ลิปพูดแบบนี้คีย์น่าจะฟังเพื่อนบ้างอย่าเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่นัก  ถ้าไม่ใช่เพนาะรักเพราะห่วงลิปคงไม่พูด

คีย์โคตรโลเลเลย  สงสารฟานว่ะ  ถ้าฟานต้องเสียใจเพราะคีย์เราคงเสียใจร้องไห้งอแง แล้วยุให้มีใครสักคนที่จริงใจ รักและดูแลฟานให้มารับช่วงต่อ...สงสารฟาน  คีย์ทั้งปากไม่ตรงกะใจ ไว้ตัว แถมโเล

ปล. อินจัดเพราะรักฟานมาก  ถึงเป็นไปได้อยากขอมาดูแลเอง 555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 32 ' เหตุผลที่ไม่ชอบเด็ก ' UP - 11.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 12-09-2016 00:52:19
มองเห็นดราม่ามาแต่ไกลๆ
ฮืออออออ
 :hao7:
ทำไมคีย์ต้องพาลใส่น้อง
น้องแค่เด็กกว่าน้องผิดอะไร
ที่ต่างกันเพราะแค่เรื่องงานเอง
พองานมีปัญหาและหัวหน้าบอกว่าจะอยู่ข้างๆ
คีย์ก็โอนเอนล่ะอ่ะ ลืมไปเลยว่าหัวหน้าเคยทำตัวแย่ๆ
นี่เห็นด้วยกับลิปนะ ลิปพูดถูกทุกอย่างเลย
ตอนนี้ให้คะแนนลิปสิบบวกบวกบวกกกกก
รอตอนต่อไปนะคะ
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 32 ' เหตุผลที่ไม่ชอบเด็ก ' UP - 11.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 12-09-2016 04:16:39
สำหรับเรื่องหัวหน้า เราแค่คิดว่าเขาใช้โอกาสที่คีย์พลาดมาทำดีหาประโยชน์ให้ตัวเอง
แต่ลิปกับคิดขั้นกว่า หัวหน้าวางแผนให้เป็นแบบนี้ จริงอ่ะ ระดับนี้เนี่ยนะ เพลียๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 32 ' เหตุผลที่ไม่ชอบเด็ก ' UP - 11.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-09-2016 08:25:05
 :z3: เราหวั่นไหวกับตอนนี้มาก สงสารน้องฟาน  เรามองว่าฟานเหมือนหมาน้อยที่นั่งรอเจ้าของกลับมาบ้าน มันดีใจสุดชีวิตที่คนที่เรารอคอยกลับมาให้เห็นหน้าสักที อยากเล่นด้วย อยากปลอบโยนไม่ว่าเจ้านายไปออกจากบ้านไปเจอเรื่องอะไรมา แต่เจ้านายกลับดุเรา ตะคอกเรา ไม่เล่นกับเราไม่พอนะยังมาปั้นปึ่งใส่อีก   :hao7:  อย่างไรก็ตาม คีย์จงจำเวลาที่ดอกฟานซบฟานร้องไห้ไว้ให้ดี ถ้าเลือกทางผิดน้ำตาจะเช็ดหัวเข่านะยะ
ลิปอะมองอออกเพราะเขาได้รับการปฏิบัติอีกแบบจากเจ้านายไง ลิปพูดถูกแล้วและหวังดีกับคีย์จริงๆ เอาที่สบายใจแล้วกันนะถ้าอยากเป็นเมียเก็บก็ปล่อยฟานไป ชิ ก็เห็นด้วยกับเม้นท์บนๆนะ คนที่ทำตัวเป็นเด็กอะ ใครกันแน่ ชิ
เราอ่านเกมเจ้านายออกนะ ตั้งใจสร้างสถานการณ์แล้วพาไปกินเหล้าปลอบใจสองต่อสองอะดิ เสร็จแล้วก้อจบที่คำว่าเรื่องนี้เรารู้กันแค่สองคนนะแล้วก็เอาไปแดกลับๆ ถุ๊ยยย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 32 ' เหตุผลที่ไม่ชอบเด็ก ' UP - 11.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 12-09-2016 09:43:30
เอาเลยคีย์ อยากได้ผัวแก่นักก็ไปหาหัวหน้าสิ ไปเล้ย มาพูดทำไมว่าชอบผู้ใหญ่ ถ้าไม่ใช่นายเอกนี่ด่าต.แหลแล้วอะ ชอบนักไม่ใช่เหรอคนมีลูกมีเมียแล้วอะ ไปสิ มันเข้าใจมากกว่านี่ ไอ้คนไม่ได้ทำอะไรผิด รออยู่บ้านเฉยๆดันผิดมากมาย มันอยู่ที่ความคิดเธอ เป็นลิปนี่จะด่ามากกว่านี้อีก ควบสองเลยมั้ย เอาทั้งเด็กที่แก่ สะใจดีนี่ หรี่จริงๆ

โดนอิผช.ชั่วหลอกเอาละเป็นเมียน้อยเมียเก็บไม่ต้องกลับมานะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 32 ' เหตุผลที่ไม่ชอบเด็ก ' UP - 11.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 12-09-2016 16:32:09
อ่านตอนนี้แล้วแบบ โอ้โหววววว ฟานดีเกินไปสำหรับคีย์จริงๆ มาคบกับพี่ดีกว่าลูกพี่ชอบเด็ก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 32 ' เหตุผลที่ไม่ชอบเด็ก ' UP - 11.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 13-09-2016 00:54:37
กลับมาอ่านต่อ 6 ตอนรวดยาวๆ(27-32)  :katai2-1: //ลิปนึกว่าจะโดนเคสแบบไหน โด่ววววว เคสแผนไอ้เด็กจินโรคจิตนี่เอง มันบ้า ระรานไม่เลิก สมควรโดนเมษต่อย ปากดี นี้ถ้าไม่ห้ามจะกระทืบซ้ำนะเนี้ย ถุย!!ลำไย 5555 /แต่ก็ดีอ่ะ ใช้เป็นข้อเรียกร้องให้ลิปสัญญาว่าจะไม่ดื้อกับเมษอีก 55555 อื้ออหื้อออออออออออเมษทำตรูเลือดพุ่ง  :pighaun: :oo1: เร่าร้อนแรงมากกกกก เชรดดดดดดด ลิปเซ็กซี่โคตร ชอบภาพที่ถ่ายตอนออนท็อป ดูอีโรติกไปอิ๊ก (มโนได้ขนาดนั้นนะเออ คิดภาพตามไง อินๆ) 55555 แต่อย่าให้ภาพทำความเดือนร้อนเลยนะ ภาพสวยเก็บไว้ดูสองคนพอ//ในที่สุดความปรารถนาละตั้งใจก็มาถึง ดีใจด้วยฟานนนนนนนนน ที่ได้เสียบสด 555  :oo1: :jul1: :haun4: โคตรรจะเสียวละฟินตามอ่ะ อ๊างงงงงงงงงง  :impress2: 55555555 รอมานานขอจัดหนักๆสัก2วันเต็มเห๊อออออ 555555 ความสุขช่างผ่านไปเร็วซะจริง //ใครว่ะสปายในบริษัท ไม่งั้นจะเกิดเหตุการณ์นี้ได้ไง มันต้องมีคนมาก๊อบงานไปที่คีย์ลืมปิดคอมอ่ะ อย่าว่าหัวหน้าวางแผนเถอะ ไม่ม้างงงงง มันดูเลวไป 555555 //ฟานนนนนนนนนนนนนนโคตรจะใจเย็น ตอนที่คีย์เหวี่ยงบอกไม่ต้องมายุ่ง ถ้าเป็นตรูนี่คือเดินหนีไปละ ปล่อยให้อยู่คนเดียวสักพัก แต่พอเห็นฟานทำแบบนั้น นั่งต่อละบอกให้ระบายมา เลยคิดได้ว่าเออหว่ะ มันควรทำแบบนี้นะ คือดีไปอี๊ก ฟานนนนนนนนนนนนนนน //ว่าแต่คีย์(หวังว่า)คงไม่คิดอะไรมากมั้งกับหัวหน้า อารมณ์ประมาณพระเอกขี่ม้าขาว อาจจะเพราะว่าหัวหน้าไปอธิบายงานด้วยไง นั่งอยู่ข้างๆเลยหายกังวล นี่พยายามแถจนสีข้างจะถลอกละ 555555 ชอบบลิป ลิปพูดทุกอย่างทุกเรื่อง เห็นด้วยกับลิปตั้งแต่ตอนแรกยันตอนนี้ คือมันใช่อ่ะละใช่ที่สุด //ฟานไม่โง่นะ แกฉลาดมาตลอด ดูคนออก ถ้าว่าคีย์อารมณ์แบบจะรู้สึกรำคาญ ขวางหูขวางตา หรือตัวอยู่นี้ใจคิดถึงหัวหน้าเงี้ยะ แกพอจะจับได้อารมณ์นะว่าคีย์เริ่มเปลี่ยน ถ้าสงสัยหรืออะไรยังไง ปิดเทอมพอดี จับให้ได้คาหนังคาเขา สมมติถ้ามันเป็นแบบนั้นนะฟาน เอาดิลองให้คีย์คบกับคนตามสเปคตัวเองดูไหม จะได้รู้ๆกันไปเลย เพราะนี้คีย์ก็ยังไม่คบกับสเปคตัวเอง แต่ถ้าไม่มีไรคิดมากก็หวานกันต่อไป //ส่วนตัวแอบอยากให้คีย์พลาดอยู่นะ แบบเห็นแล้วรู้เลยว่าไม่ใช่ลูกน้องหัวหน้า ไม่ว่าตอนนั้นจะอยู่ในอารมณ์ไหนก็ตาม ละฟานมาเจอ โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย อยากรู้ฟานจะทำไง คิดไว้แล้วว่าถ้าฟานทำงี้ ตัวเองจะถูกใจรัวๆ แต่ถ้าฟานทำแบบนี้จะไม่โอเคเลย คิดไปไกลขนาดนั้นนะเออ อ่านจบยังมานั่งคิดต่ออ่ะ อินมากบอกเลย 55555555555555 สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกคร้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ชอบบบบบบบบบบบบค่ะชอบบบบบ รออ่านตอนหน้าไม่ไหวแล้ว รีเฟรช F5 รัวๆที่ชั่วโมง 555 แต่ขอบคุณนะค่ะที่มาอัพให้อ่านได้เรื่อยๆ ดีมากๆค่ะ สู้ตอนต่อไปนะค่ะ ฮึบๆ  :katai4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 32 ' เหตุผลที่ไม่ชอบเด็ก ' UP - 11.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 13-09-2016 15:15:59
โอยยยยยย
ต้องไปหาแฟนดีๆจากนี้ได้ที่ไหน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 32 ' เหตุผลที่ไม่ชอบเด็ก ' UP - 11.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Yukisho ที่ 13-09-2016 20:15:33
 เหมือนคีย์หาข้ออ้างให้ตัวเองไงก็ไม่รู้สิ
ถ้าไงก็บอก ๆ ฟานไปเลยว่าไม่ชอบเด็กกว่าตัวเอง
ทำไงมันก็เปลี่ยนความยึดมั่นถือมั่น ในการที่ชอบแฟนแก่กว่าไม่ได้
คิดว่าฟานเข้าใจอยู่แล้ว ถ้าบอกกันตรง ๆ (แล้วจับฟานมาเข้าฮาเร็มตัวเอง  :hao6: )
เอาเถอะอย่างที่ลิปบอกเลย เอาที่สบายใจนะ  :angry2:

 ส่งเนย์ไปกระโดดตบคีย์จะผิดไหม  :beat: ก๊ากกกกกกกกกกก

 :pig4: :3123: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 32 ' เหตุผลที่ไม่ชอบเด็ก ' UP - 11.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 13-09-2016 21:02:27
เราว่าหาแฟนใหม่ให้ฟานเถอะ อ่านๆมาเหมือนคีย์ก็แค่คนเห็นแก่ตัวเท่านั้นล่ะ เหมือนไม่รักไม่แคร์ฟานเท่าไรเลยด้วยซ้ำ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 32 ' เหตุผลที่ไม่ชอบเด็ก ' UP - 11.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-09-2016 21:24:20
กำลังสวีทกันดีๆ คีย์เจอเรื่องซะงั้น
คีย์ต้องใจเย็นๆนะคะ ฟานอยู่ข้างๆ

คือรองหัวหน้าน่ะ ต้องการอะไร

ฟานน่ารัก ทำคีย์เปิดใจเยอะเลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 33 ' จุดเริ่มต้น ' UP - 16.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 16-09-2016 20:26:03

ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 33
' จุดเริ่มต้น '

   หย่อนตัวเองลงนั่งที่เก้าอี้สำนักงานสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเอง นั่งรอมองดูคนอื่นที่เข้างานมาเรื่อยๆ ก่อนจะยิ้มให้ลิปที่เดินเข้ามาทัก

“ วันนี้แฟนมาส่งเหรอ "

“ รู้ได้ไงน่ะ " ผมถามก่อนจะขมวดคิ้วมองเค้า

“ ก็ฉันเห็นฟานที่หน้าบริษัทกำลังยืนไหว้ศาลพ่อตาเจ้าที่อย่างตั้งใจเลย ฉันเลยเข้าไปบอกเค้าว่า บนเยอะๆ เดี๋ยวนายก็โดนลูกค้าแอบปิ้งเข้าหรอก เค้าก็หัวเราะใหญ่ " หลุดยิ้มออกมาตอนที่อีกคนพูดแบบนั้น

“ ติ๊งต๊อง เป็นเด็กเป็นเล็กเชื่อเรื่องไม่มีจริงแบบนั้นด้วย "

“ เค้าต้องพูดว่า เราก็ต้องทำทุกอย่างที่พอมีทางทำได้ ไม่ว่าจะด้วยสมองหรือด้วยเล่ห์กลก็ตาม น่ารักดีออก เค้าดูห่วงนายมากเลยนะ "

“ อื้ม ฉันรู้ " ฟานที่ไม่ได้นอนทั้งคืนก็เพราะกอดผมไว้แน่น เค้าที่พูดปลอบผมวกไปวนมาด้วยเรื่องซ้ำๆ สีหน้าท่าทางที่ดูออกทั้งหมดว่ากำลังกังวลแทนตัวผมขนาดไหน

“ แฟนนายน่ารักชะมัด ถึงเค้าจะเด็ก แล้วก็ช่วยแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ แต่ก็ดูเดือดร้อนแทนมากเลยนะ ขอให้โชคดีละ " ลิปจับไหล่ของผม " ฉันเองก็จะเป็นกำลังใจให้นาย สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พูดในสิ่งที่นายคิด นายไม่ผิดก็ต้องยืนยันในสิ่งนั้น แล้วก็ยอมรับในส่วนที่ผิดจริงๆ นายทำได้ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป "

“ ขอบคุณนะลิป "

“ ฉันอยู่ข้างนายเอง ถ้ามันกดดันให้นายรับผิดชอบด้วยการลาออก ฉันจะให้คุณเมษรับนายเป็นโฮสเองนะ "

“ ลิป..”

“ ถ้าฟานไม่มาฉีกอกฉันก่อนละก็นะ "  เสียงหัวเราะของอีกคนที่ดังขึ้นมาก่อนที่เราจะแยกย้ายไปทำงาน ผมมองดูเวลาที่ค่อยๆผ่านไปเรื่อยๆ ขีดๆเขียนๆงานออกแบบที่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ก่อนจะมีเสียงนึงเรียกผมขึ้นมา เสียงของหัวหน้า

“ คีย์ ไปกันเถอะ ลูกค้ามาแล้วละ รออยู่ที่ห้องประชุมชั้นล่าง "

“ ครับ " ลุกขึ้นยืนจากโต๊ะที่ทำงานผมคว้าเอาแฟ้มเอกสารที่เตรียมไว้ เดินตามร่างสูงและรองหัวหน้าออกไปจากออฟฟิศ ก่อนจะหันไปมองหน้าลิปที่มองผมแล้วก็ยิ้มให้ เค้ากำมือให้กำลังใจผมก็ยิ้มรับ

   ผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่ลงลิฟต์ลงมา ในตู้สี่เหลี่ยมที่รู้สึกอึดอัดนั่นหัวหน้าก็ถาม " ตื่นเต้นเหรอ "

“ ก็ครับ..กลัวว่าจะตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก "

“ ถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงตื่นเต้นเหมือนกันนะ "

“ ครับ " พยักหน้ารับอีกคน ลิฟต์ที่เปิดออกหัวใจของผมก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ถึงเวลาขึ้นเขียงโดยสมบูรณ์แล้ว รองหัวหน้าเดินออกไปก่อนในตอนนั้นผมที่จะเดินตามออกไปต้องหยุดชะงักกับมือหนาของหัวหน้าที่เดินเข้ามาอยู่ข้างหลังพร้อมกับจับเอวของผมไว้ ใบหน้าคมที่ก้มลงมากระซิบข้างๆหู

“ ต้องผ่านไปได้ด้วยดีแน่ๆ ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะช่วยนาย แล้วอยู่ข้างหลังนายเอง ไม่ทิ้งนายไปไหนแน่นอน "

“ หัวหน้า " แก้มแดงๆของผม พยักหน้ารับอีกคนที่เดินนำออกไป แผ่นหลังหนาที่เหมือนปกป้องเราได้นั่น ในตอนนี้ไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกอุ่นใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว

“ ขออนุญาติครับ " ประตูที่ถูกเลื่อนออกลมแอร์เย็นๆที่ปะทะเข้าใบหน้า ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะพูดให้กำลังใจตัวเองในใจ ' เราต้องทำได้ ทำให้ดีที่สุดคีย์ ไม่ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแหละ '

“ สวัสดีครับ " ทักทายลูกค้าวัยกลางคนที่ก็ลุกขึ้นทักทายเราเช่นกัน รูปร่างท้วมที่ไม่คุ้นตาของเค้าจำได้ว่าตอนที่เสนอผลงาน ไม่ใช่คนคนนี้ที่มานั่งฟังแล้วตอบรับให้สิ่งที่เราออกแบบ จำได้ว่าตอนนั้นเป็นผู้ชายที่ดูหนุ่มกว่านี้ไม่ได้แก่ขนาดนี้ แล้วก็ไม่ได้ลงพุงด้วยในขณะที่กำลังนิ่งสงสัย ตอนนั้นรองหัวหน้าก็ผายมือแนะนำตัวผมพอดี

“ นี่เป็นพนักงาน ที่ออกแบบงานของคุณนะคะ ชื่อ ณาศิส อัครภานุวัตน์ "

“ ณาศิสครับ  "

“ คนนี้น่ะเหรอที่ ลอกงานคนอื่นมาส่งผม "

“ ผมไม่ได้ลอกนะครับ " ผมพูดตอบรับอีกคนไปคนทั้งห้องก็หันมามองแม้แต่หัวหน้าเอง

“ ใจเย็นคีย์ นั่งลงก่อน " หัวหน้าบอกก่อนจะดึงมือผมให้นั่งลงใกล้ๆตัวเค้า ก้มหน้าลงขอโทษอีกฝ่ายที่ก็ยกยิ้มมองมา ท่าทางหาเรื่องของเค้าวันนี้ไม่รู้จะจบด้วยดีรึเปล่า แต่ที่แน่ๆ เหมือนเค้าจะไม่ยอมแน่ๆ ถ้าเกิดว่าเราบอกความจริงไปว่า ฝ่ายเค้านั่นแหละที่ผิด 

“ ถ้าไม่ได้ลอก งั้นคุณบอกผมได้มั้ยละว่าทำไมงานของคุณกับคู่แข่งของเราถึงเหมือนกันขนาดนั้น "

“ บอกได้ครับ เพราะผมทำตามรายละเอียด " เปิดเอกสารออกมาก่อนจะแจกจ่ายให้กับทั้งลูกค้า และทุกคนที่อยู่ในที่ประชุม " เอกสารที่ผมแจกไปคือรายละเอียดทั้งหมดที่ลูกค้าต้องการครับ จะเห็นว่า ส่วนของวงกลมในโลโก้มันเหมือนกันกับหน้าตาของอีกผลิตภัณฑ์นึง ซึ่งที่มันเหมือน ก็เพราะลูกค้าเจาะจงรายละเอียดมากับทางเราว่า จะเอาวางกลมสีเหลืองที่ทับซ้อนกับวงกลมสีส้ม ลูกค้ากำหนดขนาดของตัวหนังสือ สี ทุกอย่าง ทำให้มันมีความเหมือนกัน เพราะเป็นรายละเอียดที่ลูกค้าต้องการ ผมก็เลยต้องออกแบบไปตามที่ลูกค้าสั่ง "

“ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ทำไมคุณถึงไม่เปลี่ยนมันละ ถ้ารู้อยู่แล้วว่าความต้องการของผมมันเหมือนกันกับอีกฝ่าย คุณละเลยที่จะช่วยเหลือ และขาดความรับผิดชอบในการออกแบบนิอย่างงี้นะ เรียกว่างานชุ่ยนะคุณ "

“ งานทำตามความต้องการของลูกค้าที่กำหนดว่าต้องเป็นอย่างไร ได้ตรงตามเป้าหมาย คุณเรียกมันว่างานชุ่ยเหรอครับ " หัวหน้าเอ่ยถามอีกฝ่าย " แต่นั่นคือสิ่งที่เราปฎิบัติกันมานานแล้วนะครับ คือ เราต้องออกแบบงานให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ถ้าเราเปิดบริษัทออกแบบ แต่เรากลับออกแบบตามความคิดของเราแต่ไม่ตรงตามความต้องการของลูกค้าแบบนั้นจะได้เหรอครับ ผมว่ามันไม่น่าจะใช่นะครับ "

“ แต่คุณก็ต้องรู้ด้วยสิ ว่าทางนู้นเค้าออกแบบเป็นยังไง คุณก็น่าจะทำออกมาให้มันต่างกัน บริษัทคุณเป็นบริษัทออกแบบที่ออกแบบตามใจลูกค้าโดยไม่สนใจใช่มั้ยว่าหลังจากที่งานออกไปแล้ว ลูกค้าจะโดนกล่าวหาว่าลอกงานใครรึเปล่า "

“ ก่อนหน้าที่เราจะส่งงานให้กลับลูกค้า เราจะส่งงานกลับไปให้ลูกค้าตรวจถึงความพึงพอใจในการออกแบบ และสอบถามถึงการแก้ไขที่อยากจะเปลี่ยนแปลงแล้ว แต่กลับไม่มีผลตอบกลับการแก้ไขอะไร แบบนั้นทางเราก็คิดว่า ลูกค้าก็พึงพอใจแล้วและลูกค้าก็น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับว่างานของอีกฝ่ายเป็นแบบไหน ทำไมตอนนั้นไม่แก้ไขละครับ "

“ คุณกำลังจะบอกว่า ผมจงใจจะให้รายละเอียดพวกนั้นเพื่อออกแบบแพ็คเก็จสินค้ามาแข่งกับคู่แข่งงั้นเหรอ คุณจงใจจะบอกว่าเราตั้งใจลอกของของเค้าโดยสมัครใจ เพราะเราไม่เปลี่ยนแปลงอะไรในรูปแบบงานของพวกคุณ เราเอาความผิดมาโยนให้คุณเพียงเพราะโดนอีกฝั่งโจมตีว่าเหมือนอย่างงั้นเหรอ "

' ใช่ อย่างงั้นแหละ ' ผมตอบอีกฝ่ายในใจคุณคงจงใจให้มันเป็นแบบนั้นแหละ ตั้งใจจะออกแบบให้ผู้บริโภคสับสนทางแพ็คเก็จที่ดูคล้ายคลึงกัน แต่สุดท้ายพอเปิดตัวรูปลักษณ์ไปกลับโดนสังคมของอีกฝ่ายโจมตีถึงความเหมือน พอทุกอย่างออกมาเป็นแบบนั้นก็เลยโยนความผิดมาให้คนอออกแบบ ไม่ใส่ใจบ้างละ เราลอกงานอีกฝ่ายบ้างละ น่ารังเกียจจริงๆไอ้พวกที่คิดว่าลูกค้าคือพระเจ้าจะทำอะไรก็ได้

“ ถ้าคุณคิดอย่างงั้นเราก็คงไม่ต้องทำงานร่วมกันอีก งานที่ผมจ้างบริษัทคุณออกแบบทั้งหมด ทางผมจะขอยกเลิก "

“ เดี๋ยวก่อนสิค่ะท่าน อย่าเพิ่งใจร้อน เรามาหาทางแก้ไขมันไม่ดีกว่าเหรอ " รองหัวหน้าของผมพูดขัด เธอที่หันหน้ามามองหัวหน้าก่่อนจะพูดกระซิบ " ทำอะไรสักอย่างสิบค่ะหัวหน้า ถ้าเค้ายกเลิกงานของเรา เราซวยนะ งานที่เค้าจ้างไม่ได้มีแค่แผนกเรานะ มันมีตั้งหลายอย่างเป็นล้านเลยนะคะ  คุณอาจจะต้องโดนไล่ออกเลยนะ ให้คีย์รับผิดชอบไปเถอะค่ะ คีย์ยอมๆเค้าไปเถอะ " รองหัวหน้าที่หันมาพูดกับผม " อย่าทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่เลย คราวนี้โดนเรียกถึงระดับผู้บริหารแน่ๆ "

“ ทำไมต้องยอมละ ก็เราไม่ได้ทำผิด " หัวหน้าที่หันไปพูดกับรองหัวหน้าที่ผ่อนลมหายใจออกมา ก่อนจะบ่นเบาๆ

“ ปกป้องกันซะจริง "

“ ฉันเป็นหัวหน้าของคีย์ จะไม่ให้ปกป้องลูกน้องที่ไม่ได้ทำความผิดอะไรแต่ต้องมารับผลกรรมแทนมันใช่เหรอ "

“ หัวหน้า " คำพูดเบาๆของผมที่เอ่ยออกไป ในตอนที่เค้าหันมามองผมสักพักแล้วหันไปตอบคำถามของอีกฝ่าย

“ ถ้าเกิดว่าคุณไม่พอใจเราล้มงานชิ้นนี้กันมั้ยครับ "

“ หมายความว่าไง " ฝ่ายลูกค้าถาม " แค่ยอมรับว่าตัวเองลอกงานของคนอื่น มันไม่ตายหรอกมั้ง แล้วยังไงละฉันเป็นลูกค้านะ ปีๆนึงเสียให้บริษัทนี้ไปตั้งเท่าไหร่ คิดดีแล้วเหรอที่จะปกป้องลูกน้องที่ตัวเองต้องจ่ายเงินเดือน แถมยังหาใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ เด็กจบใหม่ก็เยอะแยะ กับเงินเป็นล้านที่ทางผมจ่ายให้พวกคุณทำงานน่ะ "

“ คุณพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะครับ ลูกน้องถึงจะแค่คนเดียวแต่เค้าไม่ต้องกินไม่ต้องใช้ ไม่ต้องมีเงินเหรอครับ ไม่มีสิ่งที่เค้าต้องรับผิดชอบเหรอครับ คุณทำความผิดแต่กลับยกความผิดของตัวเองไปให้คนอื่น ผมว่าถ้าเพียงแค่บอกว่ามีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้ มันไม่ใจร้ายกับคนอื่นไปหน่อยเหรอครับ คุณเอาตัวรอดเพราะคุณมีเงิน แล้วลูกน้องผมละ ต้องมีความผิดทั้งๆที่ไม่ได้ทำความผิดน่ะเหรอ " หัวหน้าที่ลุกขึ้นพูดกับอีกฝ่ายด้วยสายตาจริงจัง คำพูดที่เอ่ยปกป้องผมทั้งๆที่อีกฝ่ายเป็นลูกค้าคนสำคัญของบริษัท " ขอโทษนะครับ ผมคงรับข้อเสนอแบบนั้นของคุณไม่ได้ "

“ หัวหน้า " รองหัวหน้าเงยหน้ามองอีกคนแบบไม่เชื่อสายตาเท่าไหร่ " นี่ ไม่ได้นะคะ "

“ แต่ผมจะทำงานออกแบบผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ให้คุณใหม่ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และจะทำให้เสร็จทันเวลา เพราะทางเราก็ไม่อยากจะเสียลูกค้าคนสำคัญไปเช่นกัน เราเห็นความสำคัญของคุณครับ แต่การที่คุณจะให้เราบีบลูกน้องที่ไม่ทำความผิดคนนึงออก เพื่อรับผิดชอบรายละเอียดงานที่เป็นความต้องการของลูกค้าเอง เราคงทำแบบนั้นไม่ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นทางเดียวที่เราจะทำได้ตอนนี้ คือ ทำงานให้คุณใหม่ เหมือนเดินมาคนละครึ่งทางแบบนั้นจะโอเคมั้ยครับ "

“ แล้วใครจะเป็นคนออกแบบ "

“ ผมเองครับ ผมจะเป็นคนทำให้เอง " หัวหน้าบอกอีกคนก็ทำท่าคิดอยู่สักพักแล้วก็พยักหน้ายินยอมไปในที่สุด
 
“ ตกลงตามนั้นก็ได้ แต่ว่างานต้องเสร็จภายในวันนี้นะ เพราะเป็นงานที่ฉันต้องทำให้ทันกับวันเปิดตัวผลิตภัณฑ์ "

“ ได้สิครับ ไม่มีปัญหา " สิ้นเสียงตอบตกลงของหัวหน้า ลูกค้าก็ดูพึงพอใจอยู่มากแน่นอนว่านอกจากไม่ต้องเสียเงินเพิ่มแล้วยังได้รูปแบบการออกแบบใหม่อีก หนำซ้ำยังได้คนเก่งๆออกแบบให้ มีแต่ได้กับได้ แต่ว่าผมที่ทำให้เค้าต้องรับงานหนักเพิ่มขึ้นแบบนั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมสบายใจเท่าไหร่เลย ที่เรื่องนี้ผ่านพ้นออกจากตัวเองไปได้

“ แม่ง ผู้ชายบ้าอะไรวะ โคตรประสาท น่ารังเกียจชะมัด " รองหัวหน้าพูดขึ้นก่อนจะถอนหายใจออกมา " แต่ก็ดีนะคะที่เค้าไม่ยกเลิกงานของเราทั้งหมดน่ะ แล้วแบบนี้จะทำยังไงละ งานก็ท่วมหัวอยู่แล้วนะหัวหน้าน่ะ "

“ จิ๊บๆ อย่างผม แปปเดียวก็เสร็จ "

“ อย่ามาทำเป็นคุยหน่อยเลยค่ะ งานที่ค้างๆเอาไว้ช่วยทำให้เสร็จก่อนเถอะ ฉันสุดจะจี้งานคุณแล้วนะ " รองหัวหน้าว่าบ่นๆก่อนจะเดินออกไปจากห้องทิ้งไว้แค่ผมกับหัวหน้าที่อยู่ในห้องประชุมนั้นสองคนไม่ออกไปไหน

“ หัวหน้าครับ " ผมเอ่ยเรียกเค้า

“ ว่าไง " ใบหน้าคมที่หันมามองก้มหน้าลงยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัวผม " ยังไงมันก็ผ่านไปแล้ว ไม่เป็นไรแล้วนะ นายไม่ได้ผิดอะไรแล้วละ "

“ แต่ดูเหมือนคุณต้องมารับผิดชอบงานทั้งหมดก็เพราะผม " รู้สึกผิดชะมัดแม้อีกคนจะบอกว่าไม่เป็นไรก็เถอะ

“ คิดมากน่า ฉันเต็มใจทำมันเพื่อนายอยู่แล้ว " เงยหน้าสบสายตาของอีกคนที่จ้องมองมา ก่อนที่เค้าจะหลบตาแล้วพูดแก้คำพูดไปอีกทาง " นายเป็นลูกน้องที่ทำงานดี ใครจะยอมเสียไปละ "

“ ขอบคุณนะครับที่ช่วยเหลือผม "

“ ถ้ารู้สึกผิดมากๆ ก็ช่วยไปกินข้าวกับฉันสักมื้อสิ แค่นั้นก็พอแล้ว " ก้มหน้าหลบเค้าอีกคนก็หัวเราะออกมา " แต่ถ้ายังไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปก็ได้ ฉันไม่บังคับหรอก "

“ งั้นไว้เสร็จงานแล้วเราหาวันว่างๆไปกันก็แล้วกันครับ " หันไปยิ้มรับตอบตกลงคำชวนของเค้าไปในที่สุด ก็แค่กินข้าวคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ก็หัวหน้าช่วยเราไว้ ถ้าไม่ไปก็คงดูน่าเกลียด

“ เยส!!! นายสัญญากับฉันแล้วนะว่าจะไปน่ะ " อีกคนทำท่าดีใจเหมือนเด็กผมก็หลุดยิ้มออกมา " ฉันจะส่งเมล์ไปบอกแล้วกัน ว่าวันไหน หรืออาจจะเป็นพรุ่งนี้ นายอยากจะกินอะไรละ "

“ อะไรก็ได้ครับ กินได้ทั้งนั้นแหละ "

“ โอเค ไว้ยังไงฉันจองร้านอร่อยๆแล้วจะบอกแล้วกัน "

“ โอเคครับ " พยักหน้ารับเค้าตอนที่จะเดินออกไปจากห้องประชุมอีกคนก็เรียกผมไว้

“ คีย์ "

“ ครับ " หันไปหาเค้าที่ยิ้มจางๆให้ผม

“ นายน่ะ เป็นลูกน้องคนพิเศษของฉันนะ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไม ฉันถึงปกป้องนายทั้งๆที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน เพราะนายพิเศษมากกว่าใครๆ " ใบหน้าคมที่ก้มลงก่อนจะถอนหายใจออกมา " ฉันรู้สึกแบบนั้น แม้ว่ามันจะไม่ควรคิดก็เถอะ " หัวใจที่เต้นแรงของผมเหมือนทุกอย่างจะควบคุมไว้ไม่อยู่แล้ว เค้าที่ไม่เคยปกป้องใครแต่เลือกที่จะปกป้องเรา คนที่เห็นแก่ตัวและเกลียดความผิดพลาดคนนั้น

    กลับยื่นมือเข้ามาช่วยเราไว้ในช่วงเวลาที่เราลำบาก ทั้งๆที่เลือกที่จะไม่ทำ แล้วเลือกที่จะทำตามที่รองหัวหน้าพูดก็ได้ ความรู้สึกประทับใจที่แสนอบอุ่นนี้ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกลับมายืนตรงที่เดิมอีกครั้ง ตรงที่ที่เคยรู้สึกดีกับเค้า เหมือนกำลังกลับมาชอบเค้าอีกครั้ง ถึงแม้ในตอนนี้จะไม่ควรรู้สึกแบบนั้นเลยก็ตาม

..................................................................

   หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ก่อนถอนหายใจออกมา เพื่อนร่วมงานที่กำลังทำงานวางเม้าส์ปากกาที่กำลังถือแล้วหันมาสนใจตัวผมทันที ลิปเลื่อนเก้าอี้มาใกล้ก่อนจะถามไถ่

“ เป็นยังไงบ้างคีย์ โอเคมั้ย " คำพูดที่ทำให้ผมพยักหน้ารับ

“ ก็โอเค ไม่โดนไล่ออก ไม่โดนตีตราหน้าว่าลอกใคร "

“ ค่อยยังชั่ว ฉันนั่งใจระส่ำไปพร้อมกับนายเลยเนี้ย ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย เป็นห่วงนาย " อีกคนบอกก่อนจะยื่นมือมาตบไหล่ " ดีแล้วละ ดีแล้วที่ผ่านไปได้ก็ดี "

“ แต่ว่า หัวหน้าต้องมารับผิดชอบงานนั้นแทนฉัน "

“ หมายความว่าไง "

“ ลูกค้าไม่ยอมแล้วก็บีบบังคับเรา ว่าเค้าจะยกเลิกงานทั้งหมดที่จ้างเรา เค้าบอกด้วยนะว่า ลูกน้องที่ต้องจ่ายเงินให้อย่างฉันจะไปแคร์ทำไม ทำไมไม่แคร์เค้าที่จ่ายเงินให้ทางบริษัท แล้วตอนนั้นหัวหน้าเค้าก็ลุกขึ้นอธิบายแล้วก็ปกป้องฉันไว้ แล้วเค้าก็บอกกับลูกค้าไปว่า จะออกแบบงานอันนั้นใหม่ให้ลูกค้าเอง ลูกค้าก็เลยยอม "

“ อย่างงั้นเหรอ "

“ อื้ม " พยักหน้ารับอีกคนก่อนจะหันไปมองหัวหน้างานตัวเองที่ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองอยู่ที่โต๊ะ เค้าที่ต้องทำงานมากขึ้น รับผิดชอบงานเยอะขึ้น " ฉันเหมือนทำให้หัวหน้าต้องลำบากที่ต้องมาปกป้องฉันเลย "

“ คิดมากน่า หัวหน้าก็มีหน้าที่ที่ต้องปกป้องลูกน้องที่ไม่ได้ทำผิดสิ "

“ แต่ลิป คนแบบเค้าที่ไม่แคร์ใคร แล้วเกลียดความผิดพลาดอะไรพวกนั้น กลับยื่นมือมาปกป้องฉันไว้ ฉัน..” ผมหยุดคำที่จะพูดกับอีกคนไว้ ทั้งๆที่จะหลุดออกไปแล้วว่า ' ฉันประทับใจในตัวเค้ามากเลย '

“ นายทำไม "

“ เปล่าหรอก ฉันแค่รู้สึกตัวเองเหมือนเป็นภาระให้เค้าน่ะ ทั้งๆที่งานของเค้าก็เยอะอยู่แล้วยังจะต้องมาแก้งานให้ฉันอีก เกรงใจน่ะ "

“ เหรอ " อีกคนพยักหน้ารับก่อนจะยิ้มเจื่อนๆออกมา สีหน้าที่อยากจะพูดคำพูดแรงๆของเค้า ผมรับรู้ได้แต่ที่ไม่พูดเพราะเค้าคงคิดว่าตัวเองไม่สมควรพูดหรือเข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวอะไรของผม และไม่ควรคิดแทนใครอีกคน โดยเฉพาะ ฟาน " ก็ถ้าเค้าทำแบบนั้น มันคงไม่แปลกที่นายจะประทับใจเค้า "

“ อื้ม ฉันแค่ไม่คิดว่าเค้่าจะทำแบบนั้น ทั้งๆที่รองหัวหน้าเองก็พูดเหมือนกันว่า รักษาลูกค้าไว้จะดีกว่า "

“ รองหัวหน้าก็เกินไปนะ รายนั้นก็คิดถึงแต่เงิน บีบใครก็บีบออก หน้าเนื้อใจเสือชัดๆ " ลิปบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา " แต่มันผ่านไปก็ดีแล้วละ ตอนนี้นายก็ทำงานของนายให้เต็มที่ก็แล้วกัน "

“ อื้ม "

“ แต่มันก็น่าแปลกนะ "

“ แปลกยังไง " ผมหันไปถามอีกฝ่าย

“ หัวหน้าน่ะ ตั้งแต่เราทำงานด้วยกันมาไม่เคยมีครั้งไหนที่จะไม่ตรวจงานลูกค้าก่อนให้เราส่งเลยไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าจะงานเล็กงานใหญ่ พอมาคิดว่าลูกค้ารายนี้เป็นลูกค้ารายใหญ่ตัวเค้าก็ต้องระวังเป็นพิเศษอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด นายไม่คิดว่ามันไม่แปลกเหรอที่อยู่ๆ งานของนายก็ถูกละเลยจากเค้า แล้วเค้าก็เข้ามาช่วยเหลือนายเอาไว้ "

“ อาจจะเพราะช่วงนี้งานเค้ายุ่งมากจนละเลยจุดเล็กๆก็ได้ " ผมบอก อีกคนก็ยังคงส่ายหน้าไปมาด้วยความไม่เข้าใจ ลิปที่เลื่อนเก้าอี้ไปทำงานต่อ

“ ถึงจะพูดอย่างงั้นแต่ฉันว่ามันก็ยังแปลกอยู่ดีนั่นแหละ แต่ก็นะ ฉันมองเค้าให้แง่ลบอยู่แล้ว มันก็ไม่แปลกไม่หรอกที่จะบอกว่า นั่นคือแผนที่จะไม่ตรวจงานของเค้า เพื่อสร้างความประทับใจให้กับนายมากกว่า "

“ แล้วเค้าจะทำแบบนั้นทำไม " ผมถามแต่อีกคนก็หันมายิ้มก่อนจะส่ายหน้า

“ ไม่รู้สิ แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันว่ามันก็ได้ผลดีด้วยนะ อาจจะดีกว่าที่เค้าคาดด้วยละมั้ง " ผ่อนลมหายใจกับคำพูดของอีกคนก่อนจะมองไปที่โต๊ะของหัวหน้าอีกคน ผู้ชายที่กำลังขมักเขม้นทำงานที่ต้องรับผิดชอบต่อจากผม ในตอนนั้นตัวผมที่ลุดขึ้นยืนก็ตัดสินใจเดินตรงไปหาเค้า

“ หัวหน้าครับ "

“ ว่าไงคีย์ " เค้าที่เงยหน้าขึ้นมามองผม

“ คือ มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ "

“ งานนายเสร็จแล้วเหรอ " คำถามที่ทำให้ผมส่ายหน้าก่อนจะยิ้มแห้งๆให้เค้า

“ แต่ว่าผมทำให้หัวหน้าลำบาก ต้องมารับผิดชอบงานของผม ผมก็อยากจะช่วยอะไรหัวหน้าบ้าง "

“ แต่ฉันไม่ได้มองว่ามันเป็นความผิดของนายเลยนะ " อีกคนบอกก่อนจะหมุนเก้าอี้มามองหน้าผม " นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าไม่ได้ลอก แค่ทำตามรายละเอียดของงาน "

“ แต่ว่า..”

“ ฉันที่ทำงานใหม่ให้เค้า ก็เพราะว่าเค้าเป็นลูกค้าที่บริษัทเราทำงานด้วยมานานแล้วมันก็แค่นั้นแหละ ฉันไม่อยากจะเสียเงินหลายๆล้านไป ก็เท่านั้นเอง ตัดความรำคาญของผู้บริหารด้วย เรื่องจะได้ไม่ต้องถึงหูเค้า "

“ แต่ว่า..”

“ คิดมาก ไปทำงานของนายได้แล้วไป ทำออกมาให้ดี ฉันใช้เวลาทำงานไอ้แพ็คเก็จนี่ไม่นานหรอก ตอนที่นั่งฟังในห้องประชุมก็ร่างๆไว้แล้ว " เค้าพูดเชิงปลอบก่อนจะยื่นกระดาษมาให้ดู มันเป็นกระดาษที่ผมแจกเพื่ออธิบายลูกค้า ส่วนล่างที่มีพื้นที่ว่างมันเหมือนถูกวาดเอาไว้เป็นแบบร่างเล็กๆ " คิดไว้แล้วทำแปปเดียวก็เสร็จ เอาเป็นว่าถ้าเกิดว่ามีอะไรให้ช่วยฉันจะเรียกแล้วกัน "

“ โอเคครับ " พยักหน้ารับอีกคน ผมก็เดินกลับมานั่งที่เดิม เปิดงานตัวเองขึ้นมาทำขีดๆเขียนๆร่างแบบ ตั้งใจทำงานของตัวเองแบบที่อีกคนบอกด้วยความตั้งใจ จนงานที่ทำนั้นมันเสร็จลง ก็ล่วงเลยเวลาถึงช่วงดึกเสียแล้ว

“ คีย์งานเสร็จรึยัง กลับบ้านกันเถอะ "

“ เสร็จแล้วละ " ผมหันไปบอกลิป เซฟงานเรียบร้อยก่อนจะส่งเข้าไปในเมล์หัวหน้าปิดจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองก่อนจะเก็บกระเป๋าของตัวเอง ในตอนนั้นมือมันก็หยิบมือถือขึ้นมาเช็ค มีข้อความนึงที่ส่งมาจากฟานมันเป็นข้อความไลน์ ข้อความสั้นๆที่ขึ้นมาบนหน้าจอ ' เป็นยังไงบ้างครับ โอเคมั้ย '

“ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไร ใครส่งข้อความมาให้รีบกลับเหรอ "

“ เปล่าหรอก " ส่ายหน้าบอกอีกคน " แค่ไอ้ลูกหมาตัวนึงน่ะ "

“ งั้นก็กลับบ้านกัน "

“ อื้ม "

“ กลับก่อนนะครับ หัวหน้า " เราสองคนหันไปทักหัวหน้าที่เหมือนจะยังคงทำงานอยู่คนเดียวในออฟฟิศตอนนี้

“ อื้ม โชคดีละ พรุ่งนี้เจอกัน " เค้าบอกก่อนจะก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อแบบไม่สนใจเท่าไหร่นัก ความรู้สึกในอกที่ถูกบีบรัดของผม เราที่เหมือนสร้างความเดือดร้อนให้เค้า แต่กับกลับบ้านไปก่อนหน้าเค้าทั้งๆที่เค้าต้องกลับดึกเพราะแบกรับงานของเราเอาไว้ทั้งๆที่ไม่จำเป็นน่ะเหรอ

“ คีย์ คีย์ กลับบ้านกัน " ลิปยื่นมือมาเขย่าแขนผมที่หันไปพยักหน้าเค้า เราก็เดินออกไปจากออฟฟิศด้วยกัน ลงลิฟต์ลงมาทีชั้นล่างในตอนที่กำลังจะข้ามถนนไปขึ้นรถไฟอยู่ๆขาผมมันก็หยุด
 
“ ลิป นายกลับบ้านไปก่อนเถอะ "

“ อ้าวทำไมละ นายไม่รีบกลับไปหาฟานเหรอ "

“ ฉันรู้สึกว่าตัวเองยังมีงานที่ต้องทำอีกนิดหน่อยน่ะ นายไปก่อนเถอะนะ ไว้พรุ่งนี้เจอกัน " เดินถอยหลังวิ่งเข้าตึกไป อีกคนก็ตะโกนไล่หลังมา

“ นี่!! นายมีคนที่คอยฟังข่าวดีของนายด้วยความเป็นห่วงอยู่ที่บ้านนะเว้ย "

   เรื่องนั้นผมรู้แล้ว ว่าฟานคอยอยู่ แต่ว่า ตัวผมคงบอกเค้าด้วยความรู้สึกมีความสุขไม่ได้เต็มๆหรอก ถ้ายังคงทิ้งให้อีกคนต้องทำงานที่รับผิดชอบแทนผมอยู่คนเดียวในตึกนี้ ถึงจะไม่ใช่ความผิดอะไรของผมแต่เค้าที่ต้องมารับผิดชอบลูกค้าแทนผมก็ไม่ใช่กงการอะไรของเค้าเหมือนกัน เพราะงั้นถ้าเค้าไม่ได้กลับไปพัก ผมเองก็คงกลับไปพักไม่ได้หรอก ไม่ใช่คนที่จะไม่รู้สึกอะไรแบบนั้น  หัวหน้าที่ใจดีกับผมคนนั้นจะทิ้งเค้าให้ต้องลำบากคนเดียวได้ยังไงกัน

........................................................

ไม่รู้จะพูดอะไร ..
ต่อจากนี้คิดว่าคงเขียนทอล์คไม่ออก ไปเรื่อยๆ
ถ้ามองว่าลิปมองโลกในแง่ร้ายมั้ย ก็ร้ายอยู่นะ แต่คีย์ก้มองโลกในแง่ดีมากไปอีก
คือมันก็ไม่ผิดหรอก ถ้าคีย์จะรู้สึกดีที่มีคนช่วยเหลือแต่เราก็เห็นด้วยกับลิปที่ว่า
มันคือหน้าที่ของหัวหน้าอยู่แล้ว ที่ต้องช่วยเหลือลูกน้อง
สุดท้ายนี้ สงสารน้องฟานเหลือเกินค่ะคุณ

ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิต
ฝากแชร์ในเฟส
สามารถด่าได้ตามสะดวก ระบายความรู้สึกพวกนั้นออกมา

เจอกันตอนหน้า
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 33 ' จุดเริ่มต้น ' UP - 16.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: AdLy ที่ 16-09-2016 21:03:33
อย่าทำแบบนี้นะคีย์ คือเราเห็นด้วยกับลิปทุกอย่างเลยอะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 33 ' จุดเริ่มต้น ' UP - 16.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 16-09-2016 21:14:43
คห.แรงค่ะ มีความอินมากกก

โอ้ยยย เกลียดอิคีย์แล้ว พอ ฉันพอกับคนหลายใจแบบหล่อนแล้ว อยากได้ผัวแก่นักก้ไปเอากับมันเลยไป๊ ถ้ามันดีนักหนะ อีคนที่รอที่บ้านก็ทิ้งแม่งไปเลยดิ ไม่มีดีสักอย่างเลยหนิ ชอบนักเนาะเป็นเมียน้อยเค้า ที่เค้ามีเมียอยู่แล้วอะ สำส่อน เกลียดคนแบบนี้  :beat:
หัวหน้าเป็นคนดีจัง รับผิดแทนดั้วะ พระเอกสุดๆ ผัวในอุดมคติมั่กๆอะ แก่กว่า เป็นผู้ใหญ่ ปกป้องหล่อนได้ด้วย

ว้าว ดีเนอะ ไปรักกันเลยสิ ไป ชิ่วๆ
คือหวั่นไหวกับผช.เห้ๆคนเดิมไม่เท่าไหร่ คือเมิงมีแฟนอยู่แล้วนะ แฟนที่ยอมให้เมิงทุกอย่าง แฟนเด็กที่สมองน่าจะโตกว่าหล่อนด้วยซ้ำ มีแค่หล่อนที่งอแงฝ่ายเดียว ที่อยากได้ผัวแก่เพราะหล่อนทำตัวเด็กๆเองไง ปัญญาอ่อน

เกิดอะไรเห้ๆขึ้นมากับตัวก็ไม่ต้องนั่งเสียใจนะ ไม่ต้องกลับไปหาฟานด้วย

หล่อนเลือกเอง  :z6:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 33 ' จุดเริ่มต้น ' UP - 16.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 16-09-2016 21:16:00
บอกแล้ว หาแฟนใหม่ให้ฟานเถอะ ฟานดีเกินไปสำหรับคนแบบคีย์
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 33 ' จุดเริ่มต้น ' UP - 16.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-09-2016 21:28:03
ค่ะ คีย์ถ้าคิดว่าดีก็ทำไป  แล้วอย่ามาเสียใจทีหลัง

พอถึงตอนนั้นอยากบอกฟานว่า ให้ใจแข็งไว้เลยนะ
ไม่ใช่เรื่องที่คีย์จะมาคิดน้อยกับความรู้สึกฟานแบบนี้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 33 ' จุดเริ่มต้น ' UP - 16.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-09-2016 21:29:32
ต้องฝากให้ลิปช่วยถามคีย์ว่าเธออยากเป็นสาวน้อยให้บอสแก่ปกป้อง(แล้วเป็นเมียน้อย+แย่งผัวเขามา)
 หรือว่าเลือกที่จะเป็นราชินีของลูกหมาน้อยฟานผู้ซื่อสัตย์. เลือกเอานะก่อนที่ฟานจะต้องเป็นฝ่ายตัดสินใจเลือกทางออก
เราว่าลิปมองขาด ที่ผ่านมาคีย์ปลื้มหัวหน้ามาตลอด มันก็เหมือนปิดตาข้างเดียวมาตลอด พอมาตอนนี้เลยปิดแม่มทั้งสองข้างเลย55. ขอบคุณคนเขียนจ้า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 33 ' จุดเริ่มต้น ' UP - 16.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 16-09-2016 21:42:55
ขอให้ได้ขอให้โดนสมใจนะคีย์ เราขอร้องคนเขียนเลยช่วยดึงฟานออกมาที เกลียดนายเอกสายโง่ ให้รู้ตัวเมื่อสายเกินก็โอเคนะ ตายซะอิคีย์โลกสวย :z6:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 33 ' จุดเริ่มต้น ' UP - 16.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 16-09-2016 22:53:49
ช่วยได้กันกับคุณหัวหน้าเถอะ...เราจะได้หมดห่วง
เผื่อฟานจะเจอคนที่ดีกว่านี้
ลาก่อน.....ถ้ามันดีขึ้นเราจะกลับมานะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 33 ' จุดเริ่มต้น ' UP - 16.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-09-2016 23:15:10
คนเขียนปูเรื่องดีพอสมควร ดังนั้น ในตอนนี้เราเลยเข้าใจความคิดของทั้งคีย์และลิป (ถึงแม้จะพยักหน้าแบบแรง ๆ ให้กับความคิดของลิปก็เถอะ) ในมุมมองของเรา ที่หัวหน้าต้องมารับผิดชอบแบบนี้ก็เพราะความบกพร่องต่อหน้าที่ของหัวหน้าส่วนหนึ่งนะ (ส่วนหลักนะ ประมาณเกินครึ่งมาหน่อย) ที่ปล่อยงานของคีย์ไปโดยไม่ตรวจสอบ (เราจะยังไม่ว่าถึงประเด็นจงใจหรือหลุดจริง) ดังนั้น การที่หัวหน้าทำแบบนี้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ที่จะแก้ไขความผิดพลาดของตัวเอง (ทั้งไม่โยนความผิดให้ลูกน้องและพยายามไม่ให้บริษัทเสียลูกค้า) อันนี้ไม่นับรวมการพยายามทำตัวเป็นพระเอก ผู้เสียสละและรักความยุติธรรม (อดไม่ได้ ขอแขวะหน่อย) พยายามทำคะแนนกับคีย์ (ผู้ที่หัวหน้าอยากได้มานาน แต่ยังไม่ได้เสียที) งานนี้คงหวังเผด็จศึกเลยสินะ
จะเอายังไงก็แล้วแต่ รอดูกันต่อไป
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 33 ' จุดเริ่มต้น ' UP - 16.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 16-09-2016 23:40:36
50 : 50  :เฮ้อ: เข้าใจความรู้สึกคีย์นะ เพราะถ้าเป็นตัวเองก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกันนอกจากความประทับใจแล้ว ก็ตรงที่รู้สึกเกรงใจและจะยังไม่กลับบ้านก่อน ถึงจะบอกว่าไม่ใช่ความผิดและอยู่ช่วยอะไรไม่ได้ แต่ก็ขออยู่เป็นเพื่อนสักนิดก่อนเถอะ รู้สึกไม่สบายใจจริงถ้าต้องกลับก่อน มันเกรงใจอ่ะ ยังรู้สึกงานมันเป็นเพราะเรา (แล้วก็ค่อยกลับมาบ่นว่า เออจริง ทำไมมึงไม่ตรวจงานกูก่อนละว่ะ 55555 แต่มันก็ถูกกลบไปด้วยข้อที่ว่ามาช่วยแก้ปัญหาให้อยู่ดี)ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะโทรไปบอกคนรอที่บ้านด้วยเล่าให้ฟังทุกอย่าง พอถ้ารู้สึกว่ามันดึกเกินไปไม่ได้ช่วยอะไรก็ค่อยขอกลับ //ส่วนอีก 50 จากที่ประทับใจรู้สึกพึ่งพาอุ่นใจได้แล้ว ละหัวหน้าบอกชัดเจนเลยว่าคิดพิเศษยังไง แล้วคือระ????? ที่คีย์รู้สึกหวั่นไหวหน้าแดงใจเต้นแรงกลับมาชอบอีก เห๊อะ! ไม่โอเคเลย มากกกก รู้สึกถึงความนอกใจไปเกือบครึ่ง ถ้าถามว่ารักฟานเต็ม100ไหมตอนนี้ คีย์ช่วยตอบที! ใจคนเรามันห้ามกันไม่ได้จริงอันนี้เข้าใจหวะ ถ้าใจแอบมาทางหัวหน้า(ชู้ทางใจ)แต่ติดที่ว่าไม่ควรไม่ถูกต้อง ถ้าเลือกอยู่กับสิ่งถูกสิ่งที่ควรมันจะกลายเป็นความอึดอัดไหมละ  //ต่อหน้าฟาน โอเค ตอนนี้ยังไม่แสดงอะไร แต่ต่อจากนี้ไปต้องดูกันว่าคีย์จะมีอาการยังไง ฟานต้องดูออกหล่ะ จะจับความรู้สึกตอนอยู่ด้วยกันได้หรือจับได้คาหนังคาเขา (เห็นว่าจะมีกินข้าวกันอยู่อ่ะ) ต้องรอไรท์มาต่ออย่างเดียวเลยค่ะ ถึงจะพูดไรได้ต่อมากกว่านี้ 5555555555 //ส่วนลิปพูดดีละยังคงเตือนสติได้ดี ถ้าเป็นที่ลิปบอก ว่าหัวหน้าเพิกเฉยตรวจงานเพราะหวังแบบนั้น สมมติถ้าคีย์เลือกใจเลือกสเปคตัวเอง คบกับหัวหน้าอยู่ ละพอรู้ความจริง ตรูจะเกิดความรู้สึกยังไงกับคีย์กันนะ 55555555 แล้วถ้าเป็นแบบนั้นฟานจะทำอะไรยังไงอยู่ อยากรู้ว่ะ 55555 จะผ่านไปกี่ปี ถ้าไม่มีไรก็ไม่มีไร หวานกันต่อไป แต่มันใช่หรอ 555555 //จุดพีคส่วนตัวมันอยู่ฉากที่พอจะรู้ว่าคีย์หวั่นไหวกับหัวหน้าละฟานจะทำไงว่ะ สิ่งที่แกทำแกพูดกับคีย์ จะถูกใจฉันไหม ฉันคิดไว้แล้วว่าทำไงถึงจะถูกใจปรบมือให้ 55555555555555555 รอไรท์มาต๊ออออ 55555 อินมาก สนุกกกกกก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 33 ' จุดเริ่มต้น ' UP - 16.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 17-09-2016 00:09:19
ถ้าคีย์จะทำแบบนั้น ก็ให้ฟานเดินออกมาจากตรงนั้น แล้วให้มีความสุขจะดีกว่าอยู่กะคนโลเลที่ให้ความหวังว่ารักแล้วกลับมาทำแบบนี้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 33 ' จุดเริ่มต้น ' UP - 16.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 17-09-2016 01:05:00
แง๊ๆๆ เค้าอุส่ามั่นใจในตัวคีย์ แล้วทำไมตอนนี้คีย์ถึงมีความคิดที่ทำให้เค้าเริ่มไม่แน่ใจล่ะ
อย่าทำให้อิคนอ่านคนนี้ผิดหวังซีจ๊ะ (T_T)
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 33 ' จุดเริ่มต้น ' UP - 16.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 17-09-2016 02:37:34
มันก้เป็นปมหนึ่งที่หนมทิ้งไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องอะนะ รู้อยู่แล้วว่ามันต้องเกิดขึ้น

แต่จากความดีของฟานที่ผ่านมาทั้งหมดแล้ว. มันไม่โอเคเลยกับความโลเลขอคีย์.
ขอให่มาม่าจบเร็วๆนะ. หรือถ้าไม่จบเร็วๆ. หนมก้ต้องมาต่อบ่อยๆนะ

ฟาน. ถ้าทนไม่ไหว. ก้ออกมาเลย. มันเจ็บ แต่จากนิสัยของฟานแล้ว. ก้คงทนอยู่. จนคีย์ไล่ออกมาเองมั้ง

จริงๆ. ก้น่าจะให่ไปคบกันเลยนะ. อีคีย์เนี่ย(ขึ้นมา) ขอให้ลิปโกดด้วย แบบลิปแท๊กทีมฟาน.
เพราะอีหัวหน้าก้ไม่ได้ดีจริงๆ. แล้วทั้งหมดนี่อาจจะเปนแผนของนางก่ได้. แล้วไหนจะเด็กใหม่คู่ขาลับๆขอฃยาง รก

โอ้ยคีย์. แกเปนน้อยของน้อยเลย. เชิญๆๆๆ. เห็นกรจักรเป็นดอกบัวค่ะ
ส่วนฟาน. ขอตัวใหม่เลย ดีมะ. เปลี่ยนนายเอกแม่งเลย หรือไม่ก้มีคนที่ดีดี๊มาชอบฟาน. หรือฟานไปทำดีกับคนอ าบ้านดีกว่า
เผื่ออีคีย์จะรู้สึกอะไรบ้าง. ชิส์
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 33 ' จุดเริ่มต้น ' UP - 16.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 17-09-2016 06:03:30
โอ้ย จุกแทนฟาน
จุกจริงๆน่ะ เกลียดความรู้สึกนี้มาก
เกลียดๆ เกลียดทุกคน ยกเว้นฟานกับลิป
อยากร้องไห้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 33 ' จุดเริ่มต้น ' UP - 16.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 17-09-2016 07:30:41
สงสารฟานคะคุ๊ณ~~~~    ทุ่มให้เท่สไหร่คีย์ก็ไม่มีวันพอเพราะสิางที่ฟานทำถึงจะดีแสนดีแค่ไหนมันก็ไม่ใช่สิ่งคีย์ต้องการ นางเหมือนว่าพร้อมจะเทฟานถ้าได้รักกับตาหัวหน้า  งุ๊ยยยย...น้อฝฟารนจ๋ามาซบอกพี่ดีกวาาลูก


อยากให้ฟานได้เจอใครสักคนมที่พร้อมจะเข้าใจและดูแลฟานบ้าง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 33 ' จุดเริ่มต้น ' UP - 16.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 17-09-2016 07:41:38
แค่จุดเริ่มต้นยังเจ็บขนาดนี้แล้วตอนต่อไปจะขนาดไหนนนนน :katai1:

น้องฟานที่น่าสงสารรรรรร :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 33 ' จุดเริ่มต้น ' UP - 16.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Yukisho ที่ 17-09-2016 10:21:59
  เอ๊ะทำไมมีความรู้สึกว่าเนย์มีส่วนเกียวข้องก็ไม่รู้สิ :ruready

 โอ้ยยอิผี อินี่สงสารฟานเหลือเกิน ส่ง(ความรัก)ไปเท่าไหร่ แต่ไม่เคยถึงปลายทางสักที ฮืออออออ กอดปลอบฟานแน่น ๆ  :hao5:
 นี่ยังแอบคิดเลยว่า ถ้าวันหนึ่งวันใดฟานถอดใจ ยอมแพ้ขึ้นมาจริง ๆ ...  ถึงตอนนั้น คีย์............ หึหึหึ

 :L2: :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 33 ' จุดเริ่มต้น ' UP - 16.9.59} หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 18-09-2016 20:10:57
เข้าใจคีย์นะ ชอบเค้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วยนี่นา
แต่ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย เริ่มกลัวทุกครั้งที่ต้องอ่านตอนต่อไป

รีบมาอัพน้า  :z3:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 34 ' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก ' UP - 18.9.59} หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 18-09-2016 20:38:20
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 34
' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก '

   แก้วกาแฟอุ่นของร้านดัง ผมตั้งลงตรงหน้าของอีกคนที่เงยหน้าขึ้นมองมันทันที ส่งยิ้มให้หัวหน้างานของตัวเองที่ก็ยิ้มตามก่อนจะเอ่ยถาม " ไหนบอกว่ากลับไปแล้วไง "

“ ก็คิดว่าหัวหน้าทำงานคนเดียวคงง่วงก็เลย ถือโอกาสซื้อกาแฟอร่อยๆมาฝากน่ะครับ " ตอบอีกคนผมก็ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะถาม " หัวหน้าทำงานใกล้เสร็จรึยังครับ "

“ ใกล้แล้วละ อีกหนึ่งชั่วโมงคงเสร็จ " เค้าตอบก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าเอาแก้วกาแฟนั้นขึ้นมาจิบก่อนจะยิ้ม " แล้วนายละ กลับมาอีกทำไม จะกลับมาทำงานต่อเหรอ "

“ ก็ใช่นะครับ " พยักหน้ารับเค้า " ก็เผื่อหัวหน้ามีอะไรให้ช่วย "

“ ไม่มีอะไรหรอก อีกชั่วโมงนึงเสร็จแล้วฉันก็คงกลับเหมือนกัน ขอบคุณสำหรับกาแฟนะ "

“ ไม่เป็นไรครับ " พยักหน้ารับเค้าก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง

“ นี่ คีย์ จะไม่กลับจริงๆเหรอ "

“ ถ้าผมกลับไป ผมคงรู้สึกไม่ดี "

“ รู้สึกไม่ดี ? " อีกคนทวนคำพูดนั้นก่อนจะยกคิ้วสูง " หมายความว่าไงที่บอกว่ารู้สึกไม่ดี อย่าบอกนะว่ายังเครียดเรื่องงานที่ฉันนั่งทำอยู่นี่อีก "

“ ก็...” ผมเม้มริมฝีปากก่อนจะพยักหน้ารับอีกคนเค้าก็หัวเราะ

“ เด็กบ้า บอกว่าให้เลิกคิดฉันไม่ได้ซีเรียสอะไรแบบนั้น นายทำส่วนของนายเสร็จแล้ว นี่มันเป็นส่วนของฉัน เลิกคิดมากได้แล้วเอาเวลาไปนอนเถอะไป " เค้าพูดก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา 

“ ไม่รู้สิครับ กลับไปก็คงรู้สึกไม่ดี ก็ผมได้กลับไปพักแล้วทั้งๆที่คุณยังทำงานอยู่เลย เอาเป็นว่าผมจะกลับบ้านพร้อมหัวหน้านะ เดี๋ยวไปนั่งทำงานของตัวเองต่อแล้วกัน " ผมบอกเค้าก่อนจะเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองทั้งๆที่งานเสร็จแล้ว ถึงแม้มันจะไม่มีอะไรทำแต่ว่ามันก็สบายใจมากกว่าที่กลับบ้านไปแบบสบายใจๆ แบบนั้น

“ คีย์มานี่หน่อยสิ "

“ มีอะไรเหรอครับ " ผมถามตอนที่ลุกเดินไปหาเค้า

“ ไอ้อักษรตัวนี้ นายใช้ฟอนต์อะไรน่ะ "

“ ไม่ได้ใช้ครับ ผมวาดเอง "

“ เหรอ " เค้าพยักหน้ารับ

“ ทำไมเหรอครับ "

“ สวยดี มาวาดให้หน่อยสิ " หัวหน้าบอกก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่ตัวเองนั่ง เชิดหน้าไปทางเก้าอี้ตัวนั้นของเค้าเองก่อนจะบอกผม " นั่งลงสิแล้ววาดให้หน่อย "

“ ส่งไปในเมล์ก็ได้ครับเดี๋ยวผมวาดให้ "

“ ส่งทำไมละ เสียเวลา อยู่ด้วยกันสองคนไม่น่าเกลียดหรอก แค่ทำอักษรก็เสร็จแล้ว "

“ โอเคครับ " นั่งลงที่โต๊ะทำงานของเค้า จับเม้าส์ปากกาขึ้นมาร่างในงานแผ่นใหม่ ตัวอักษรภาษาอังกฤษแค่สี่ตัวที่ผมเขียนเอง หัวหน้าก็ยื่นหน้ามาใกล้กันก่อนจะชม

“ สวยนิ นายน่าจะทำฟอนต์ตัวนี้ขายนะ "

“ คงไม่ได้เงินหรอกครับ "

“ ดูถูกฝีมือตัวเองอีก " เค้าบอกก่อนดึงหน้าเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ แก้มเราที่เกือบจะใกล้กัน สายตาที่เค้ามองจอไม่ได้มองผม แต่ว่าความรู้สึกในอกตอนนี้ก็เต้นแรงเกินกว่าจะต้านทานสำหรับความใกล้ชิดนั่น " คีย์..”

“ หัวหน้าขยับไปหน่อยได้มั้ยครับ ผมหายใจไม่ออก "

“ โอเคๆ ขอโทษๆพอดีอยากจะอยู่ใกล้นายมากไปหน่อย " กลืนน้ำลายกับคำพูดนั้นข่มแก้มแดงๆของตัวเอง และก้มหน้าลงขีดๆเขียนๆงานจนเสร็จ ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้อีกคนก็ยิ้ม " เสร็จแล้วเหรอ "

“ ครับ ลากมาใช้ในงานได้เลย "

“ ขอบใจมากนะคีย์ "

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมมากกว่าที่ต้องขอบคุณหัวหน้าที่ช่วยผมไว้ " ยิ้มให้เค้าตอนที่อีกคนนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเองแล้วจัดอักษรของผมที่วาดไว้มาวางให้เข้าที่ งานแก้เสร็จสิ้นแล้วเค้าที่ถอนหายใจออกมาก่อนจะเซฟงานนั้นไว้

“ เท่านี้ก็เสร็จแล้ว " อีกคนบอกก่อนจะหันมายิ้ม " นายติดหนี้ไปกินข้าวกับฉันมื้อนึงนะ จำไว้ "

“ ครับผม ทราบแล้ว "

“ อยากจะกินอะไรดีละ " เค้าที่หันมาถามเอียงหน้ามองผมที่ยืนอยู่ก่อนจะคิด " อาหารอิตาเลี่ยน อาหารญี่ปุ่นหรือว่าอยากจะกินอาหารไทย "

“ ร้านไหนก็ได้ครับ เอาที่หัวหน้าอยากกินก็แล้ว "

“ เอาเป็นร้านซูิที่วันก่อนฉันชวนนายไปกินแล้วนายปฎิเสธก็แล้วกัน " พยักหน้ารับอีกคนที่หัวเราะออกมา เค้าที่หันหน้าไปที่หน้าจอคอมตัวเองอีกครั้ง ปิดโปรแกรมต่างๆก่อนจะปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเอง " ตั้งใจว่าจะชวนนายไปกินก็อยากจะให้นายไปกินด้วยกันจริงๆนะ "

“ อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอครับ "

“ แค่อยากจะชวนนายไปกินก็เท่านั้นแหละ ฉันเป็นพวกไม่ยอมแพ้น่ะอยากจะพาไปก็ต้องพาไปให้ได้ ตอนนั้นที่ถูกปฎิเสธก็คิดนะว่า เสียดายอะ อยากจะให้มากินด้วยกัน แต่คราวนี้ถ้าฉันจองแล้วนายจะไปใช่มั้ย " อีกคนที่ก้มหน้าลงถามใกล้ๆ รอยยิ้มของเค้ามาพร้อมกับแววตาที่สบมองผม
 
“ ไปสิครับ "

“ งั้นพรุ่งนี้ตอนเย็น อย่าเบี้ยวฉันละ " มือหนายกขึ้นวางบนหัวผมก่อนจะขยี้เบาๆ

“ ห่วงจังนะครับว่าจะเบี้ยว ไม่เบี้ยวหรอก "

“ ก็นายเคยเบี้ยวฉันแล้วนิ ฉันจะกลัวมันก็ไม่แปลก "

“ ก็ตอนนั้นคุณชวนกะทันหัน " ผมตอบอีกคนที่หลุดหัวเราะออกมา

“ ไม่ใช่เพราะว่าจะไปซื้อของกับแฟนของนายรึไง "

“ ก็..จะพูดอย่างงั้นก็ได้ แต่ผมมีนัดแล้ว ผมไม่ยกเลิกนัดแรกหรอก คนที่เค้าตั้งใจจะไปด้วยกันเค้าก็คอยนะครับ "

“ งั้นต่อไปนี้ถ้าฉันชวนนายไปกินข้าว ไปเที่ยว ขอแค่นัดก่อนใครๆนายจะไปกับฉันถูกต้องมั้ย " สองแขนของเค้าค้ำลงกับโต๊ะที่ผมยืนพิงอยู่กั้นทางหนีไม่ให้ผมขยับหนีไปไหน ใบหน้าของเค้าก้มลงมาใกล้

“ ไม่ทราบครับ " ผมตอบ " แต่หัวหน้าช่วยหลบหน่อยเถอะครับ ผมว่ามัน..”

“ ทำไมเหรอ ใกล้เกินไปเหรอ "

“ ครับ ใกล้เกินไปแล้ว " เอียงหน้าหลบใบหน้าคมของอีกคนที่หลุดยิ้มออกมา " ผมมีแฟนแล้วนะครับ ถอยออกไปเถอะ "

“ ฉันเองก็มีภรรยาแล้ว "

“ แบบนั้นก็ยิ่งต้องถอยออกไปครับ เพราะคุณไม่ได้มีแค่ภรรยา แต่คุณมีลูกแล้วด้วย " คำพูดที่ทำให้อีกคนนิ่งถอนหายใจก่อนจะก้มหน้าลงไปสักพักแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม

“ คีย์..ฉันน่ะนะ ไม่อยากให้นายเอาข้อจำกัดพวกนั้นมาปิดกั้นความรู้สึกของฉันเลย ฉันเคยบอกนายไปแล้วว่าฉันขอแค่ให้ลูกชายชั้นโตกว่านี้ เข้าใจทุกอย่างมากกว่านี้ ฉันจะหย่าขาดกับภรรยาของฉัน "

“ แต่ในความเป็นพ่อคุณยังต้องดูแลเค้านะ คุณหย่ากับภรรยาได้แต่คุณหย่าออกจากความเป็นพ่อไม่ได้หรอก "

“ บางทีฉันอาจจะขอมากไป เพราะฉันมันแค่ผู้ชายที่มีตำหนิ " เค้าที่ยกยิ้มออกมาก่อนจะก้มหน้าลงต่ำ " หงุดหงิดชะมัดว่ามั้ย ที่ต้องมาแพ้เพราะเรื่องในอดีตของตัวเอง "

“ ผมอยากจะให้คุณคิดดีๆนะ สำหรับความรู้สึกของคุณ ไม่ใช่แค่เฉพาะกับผม แต่หมายถึงกับคนอื่นๆด้วย ลูกคุณจะรับได้เหรอถ้าต้องรู้ว่า พ่อของตัวเองหย่าขาดกับแม่แล้วมามีคนใหม่เป็นคนที่เป็นเพศเดียวกับพ่อ "

“ เพราะแบบนั้น ฉันเลยอยากจะหาคนที่เข้าใจชีวิตของฉัน คนที่พร้อมจะยอมรับฟังและแก้ไขปัญหาพวกนั้นไปกับฉัน " สายตาที่มีความหมายจ้องมองมา คำตอบของคำถามพวกนั้นอยู่ตรงหน้านี้แล้ว คนที่พร้อมรับฟังและแก้ไขปัญหาในความคิดเค้าตอนนี้ ก็คือคนที่อยู่ในแววตาเค้าตอนนี้ ก็คือผม " คีย์..ฉันไม่อยากให้นายต้องคิดเรื่องอื่น ฉันอยากจะให้นายคิดแค่เรื่องของเราเท่านั้น ถ้าเรามีความสุขกับการที่ทำอะไรแบบนี้ด้วยกัน ไม่ว่าอะไรก็ตาม ทำไมเราถึงไม่ทำละ เราจะยอมหักห้ามใจเพียงแค่อีกฝ่ายมีเจ้าของแล้วอย่างงั้นเหรอ แต่สำหรับฉัน ฉันไม่คิดแบบนั้นหรอกนะ ต่อให้ตอนนี้นายเป็นคนที่มีเจ้าของอยู่แล้วก็เถอะ ” หัวหน้ายกมือข้างนึงของเค้าขึ้นประคองใบหน้าของผม ใบหน้าคมที่ก้มลงมาเรื่อยๆในตอนนั้นริมฝีปากที่เผยอออกของผมรอรับจูบของเค้า  ต้องรีบขบเม้มห้ามมันทันทีกับความรู้สึกแบบนั้น รีบเบือนหน้าหนีอีกคนด้วยความเร็วมือที่ผลักเค้าออกแล้วดึงตัวเองออกห่าง

“ ผมว่า ผมกลับบ้านก่อนดีกว่าครับ แฟนผมรออยู่ งานของคุณก็เสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย " เดินถอยหลังไปเรื่อยๆก่อนจะหันหลังวิ่งไปเอาของที่โต๊ะตัวเองผมก้มหน้าลาเค้าอย่างไม่ให้อีกคนได้ตั้งตัวอะไร "  งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะครับหัวหน้า "

“ คีย์ ให้ฉันไปส่งก็ได้ "

“ ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้ สะดวกกว่าด้วย ลาแล้วนะครับ " รีบพูดแล้วก็รีบออกจากห้องนั้นมา เอื้อมมือกดลิฟต์ที่ว่างก่อนจะเดินเข้าไปข้างในแล้วรีบปิดมันซะ ผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความตื่นเต้นกลัวว่าเค้าจะตามมา

   พิงตัวเองกับตัวลิฟต์น่ากลัวชะมัด ผมมองเงาสะท้อนของตัวเองที่ฉายอยู่ตรงหน้า คนที่น่ากลัวตอนนี้ไม่ใช่หัวหน้าที่เข้าใกล้แต่ผมรู้สึกว่ามันกลับเป็นตัวของผมเอง เพียงเพราะเค้าเข้ามาช่วยเหลือก็เอนเอียงไปกับความรู้สึกพวกนั้นแล้วเหรอวะ ใจง่ายชะมัด

    '  ถ้าเรามีความสุขกับการที่ทำอะไรแบบนี้ด้วยกัน ไม่ว่าอะไรก็ตาม ทำไมเราถึงไม่ทำละ เราจะยอมหักห้ามใจเพียงแค่อีกฝ่ายมีเจ้าของแล้วอย่างงั้นเหรอ    ทั้งๆที่คำพูดพวกนั้นทั้งน่าเกลียดแล้วก็เห็นแก่ตัวแต่ทำไมแค่เค้าเข้าใกล้ ริมฝีปากที่น่าจะเบือนหนีมันกลับเผยอขึ้นเหมือนจะตอบรับและอยากจะได้รับรสจูบนั่นกัน

   หัวใจที่เต้นแรงเหมือนความรู้สึกพวกนั้นแหละที่รอคอย ผมหลับตาตัวเองลงอยากจะตบหน้ามันแรงๆสักครั้งจริงๆกับตัวเองตอนนี้  ทั้งที่มีคนที่แสนดีแล้วกำลังรอเราอยู่ที่บ้านแท้ๆ แต่กลับมาเอนเอียงกับผู้ชายที่เข้ามาช่วยเหลือเราไว้แค่ครั้งเดียวทั้งๆที่ก็รู้ว่าเค้าทั้งนิสัยน่าเกลียดและเห็นแก่ตัว

   ทั้งๆที่เคยคิดว่าเค้าเป็นแบบนั้นแท้ๆ แต่ทำไมตอนนี้เหมือนทุกอย่างมันถูกลบไปหมด จะเหลือแค่ความดี ความอบอุ่น แล้วคิดในใจลึกๆแค่ว่า ' นั่นสินะ มีเจ้าของแล้วทำไมละถ้าเรารักกันทำไมเราจะรักกันไม่ได้ วันไนท์สแตนด์สักครั้งจะเป็นอะไรไป เมื่อก่อนก็เคยทำมาแล้ว ' เป็นความคิดที่เหี้ยที่สุดตั้งแต่ที่เคยคิดมาเลย ใจที่หวนคิดถึงหน้าฟานแล้วคิดแค่ว่า ' ตอนนี้ถ้าไม่มีเค้าก็ดี จะได้ทำอะไรตามใจตัวเองมากกว่านี้ '

“ ถ้านายคิดจะทิ้งฟานแล้วมาคบกับหัวหน้า นายจะเป็นคนที่โง่ที่สุดในโลกคีย์ "

   ออกจากที่ทำงานมาขึ้นรถไฟเที่ยวสุดท้ายได้ทันเวลาพอดี ผมคว้าโทรศัพท์มือถือที่ปิดเสียงของตัวเองขึ้นมาดู ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมากับข้อความจากใครบางคน ฟานส่งข้อความมาให้ผมเป็นสติกเกอร์หมีที่เหมือนโผล่มาดูอะไรอย่าง คล้ายจะถามว่ามีคนอยู่ในนี้มั้ย

“ ส่งอะไรกลับไปดี " พูดกับตัวเองก่อนจะกดส่งสติกเกอร์กระต่ายที่ทำท่าทางเหนื่อยๆไปให้เค้า แล้วไม่นานมันก็ถูกตอบกลับด้วยสติกเกอร์อีกเหมือนกันแต่คราวนี้มันคือ สติกเกอร์ที่หมีกอดกระต่ายเอาไว้ เอามือถือใส่ลงไปในกระเป๋าตอนที่เดินลงจากรถไฟ แล้วเดินต่อเข้าไปในคอนโด ผมกดกริ่งคอนโดตัวเองแล้วไม่นานเสียงเท้าที่ดูรีบร้อนก็วิ่งออกมาพร้อมกับประตูที่เปิดออก

“ คุณคีย์กลับมาแล้วเหรอครับ "

“ อื้ม กลับมาแล้ว " ผมตอบรับก่อนจะก้าวขาเข้าไปในห้องแต่ยังไม่ทันจะถอดรองเท้าหรืออะไร ก็กลับโดนอีกคนคว้าเข้าไปกอดเสียก่อน " ฟาน.. “

“ เป็นยังไงบ้างครับ งานโอเคมั้ย แล้วคุณโอเครึเปล่า เค้าว่าอะไรคุณมั้ย ไม่เป็นไรนะครับ ผมว่าถ้าคุณอยากจะออกจากงานมาทำฟรีแล้นซ์ก็ได้ถ้ามันหนักไป เรื่องค่าใช้จ่ายผมจะเป็นคนออกทั้งหมดเอง คุณไม่ต้องห่วงนะ ยังไงคุณก็มีผมอยู่ " คำถามห่วงใยหลายๆคำที่พูดออกมาแบบชนิดที่ฟังแทบไม่ทัน เหมือนมันถูกอัดอยูในใจของเค้าแล้วพอเจอผม มันก็ถูกระเบิดออกมา ในขณะที่เรามัวแต่ทำงาน ห่วงคนอื่น หรือแม้แต่ลังเลกับความรู้สึกลึกๆพวกนั้น คิดถึงแต่ว่าถ้าไม่มีเค้าก็คงดี แล้วก็สารพันความคิดเหี้ยๆมากมายที่คิดอยู่ แต่กลับมีใครคนนึงที่คอยห่วงผมอยู่ คนที่จะคอยคิดแต่เรื่องของผมเสมอ ...ส่วนผมที่คิดถึงแต่ใครอีกคน คิดจะจูบกับใครอีกคน

“ ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย งานผ่านไปได้ด้วยดี หัวหน้าแก้งานส่งให้ฉันเรียบร้อย ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น "

“ เหรอครับ " เค้าผละตัวเองก่อนจะจ้องหน้าผมแล้วถอนหายใจ " ค่อยยังชั่ว ผมก็เอาแต่คิดนู้นคิดนี่ กลัวว่าคุณต้องออกจากงาน แล้วคุณจะเครียด "

“ ไม่หรอก ออกจากงานต้องสบายใจสิ จะเครียดทำไมละ "

“ แล้วเมื่อวานใครร้องไห้ฟูมฟายละครับ โอ๊ย ผมเจ็บนะ ตีผมทำไมเนี้ย "

“ ฉันไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายสักหน่อยไอ้เด็กบ้า " ตีเค้าเข้าที่ท่อนแขนอีกคนก็หัวเราะออกมา ฟานกอดรัดผมแน่นขึ้น

“ แค่รู้ว่าคุณไม่เป็นไร ผมก็โอเคแล้วละ คุณโอเคใช่มั้ย "

“ ฉันโอเค " ยิ้มให้อีกคนที่ก็ยิ้มตามผม ยกมือขึ้นจับหน้าเค้าใบหน้าคมที่กำลังมองผมด้วยแววตาอบอุ่น " ฟาน นายเป็นห่วงฉันมากขนาดนี้เลยเหรอ "

“ ห่วงสิครับ คุณที่ร้องไห้ขนาดนั้นจะไม่ให้ผมเป็นห่วงได้ยังไง ต้องห่วงสิ คุณเป็นแฟนผมนะ "

“ นั่นสินะ " ฉันเป็นแฟนนาย เป็นคนที่มีเจ้าของอยู่แล้ว แต่พอมาคิดว่าวันนี้ตัวเองกลับรู้สึกประทับใจใครคนอื่นที่เคยชอบเอามากๆ เพียงแค่เค้าเข้ามาช่วยเอาไว้ โดยไม่ได้คิดถึงเลยว่าตอนนี้เราเองก็กำลังมีใครคนนึงที่คอยห่วงอยู่เหมือนกัน แต่มันต่างกันแค่ หัวหน้าช่วยผมไว้ แต่ฟานทำได้แค่ห่วงแล้วก็ให้กำลังใจเท่านั้น เพราะช่วยอะไรไม่ได้ หรืออาจจะจริงที่ลิปบอก มันคือหน้าที่ของหัวหน้าอยู่แล้วในทางกลับกันถ้าเป็นลิปที่เจอเรื่องแบบนี้ ก็คงเป็นหัวหน้าที่ช่วยได้ คุณเมษก็คงช่วยไม่ได้เหมือนกัน ตกลงว่า ผู้ใหญ่แบบที่เราชอบ มันครอบคลุมถึงคนที่อายุมากกว่าเราทุกคนหรือแค่เฉพาะ หัวหน้ากันนะ

“ คุณคีย์ คิดอะไรอยู่เหรอครับ "

“ เปล่าหรอก เปล่า " ผมส่ายหน้าก่อนจะยิ้มให้อีกคนที่ก็ส่งยิ้มกลับมา ฟานที่ผละอ้อมกอดออกเค้าก้มหน้าลงมาจ้องตาผม

“ คุณดูเหนื่อยๆนะ อยากจะกินอะไรรึเปล่า ผมทำให้กินมั้ย หรือว่าอยากจะอาบน้ำก่อนดีครับ "

“ ทำไมนายถึงดีกับฉันนักนะ " หลุดปากพูดออกไปอีกคนก็หัวเราะ ความดีที่เหมือนหนามแหลมๆปักลงตามร่างจนอยากจะร้องไห้ออกมา คนแสนดีที่รักเราอยู่ตรงนี้ ทำไมถึงยังไปลังเลกับผู้เห็นแก่ตัวที่อยากจะให้เราไปเป็นเมียน้อยคนนั้นวะ ทั้งๆที่คนคนนี้คือคนที่จะเดินจูงมือเราไปในทุกที่แท้ๆ คนที่ไม่เคยอายที่จะมีเราอยู่ข้างๆ แต่กลับไปหวั่นไหวกับคนอยากจะให้เราต้องคอยหลบซ่อนอยู่ในที่ลับๆ แล้วไม่ให้คนอื่นเห็นว่าเราเป็นอะไรกัน ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้ ทำไมถึงได้มีความคิดโง่ๆแบบนั้น

“ ก็เพราะผมรักคุณ ไม่เห็นแปลกเลยนี่ครับ มันเป็นสิ่งที่ตัวผมต้องทำอยู่แล้ว ไปอาบน้ำเถอะครับ จะได้สดชื่น "

“ จูบฉันหน่อยได้มั้ย " สบสายตาของเค้าอีกฝ่ายที่นิ่งไป ผมก็เอื้อมมือไปกอดคอเค้าเอาไว้ เขย่งฝ่าเท้าขึ้นสูงจูบลงบนริมฝีปากนั้นก่อนอย่างไม่ค่อยได้ทำเท่าไหร่  จูบดูดดื่มที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นด้วยความต้องการของเรา มือที่จับอยู่ที่เอวของฟานเลื่อนเข้ามาในเสื้อของผม ลูบไล้ผิวกายตอนที่ผละออกผมจูบลงที่ข้างแก้มของเค้า " ฟาน ช่วยย้ำกับฉันหน่อย ว่าฉันเป็นของนาย ทำให้ฉันรู้ทีว่าฉันมีนายอยู่ข้างๆ"

“ คุณคีย์ " เค้าที่เอ่ยเรียกชื่อผม คงสงสัยอยู่ไม่น้อยกับความรู้สึกของผมในตอนนี้แต่ก็ไม่ถามอะไรออกมาทั้งนั้น จูบดูดดื่มที่ตอบรับกันอย่างถึงรส เสียงน้ำลายเหนียวที่กอดเกี่ยวกันในโพรงปากดูดดื่มจนแทบหายใจไม่ทัน เค้าที่ผละริมฝีปากออกพลางจูบไปที่ซอกคอแล้วปลดกระดุมเสื้อของผมออกจนหมด " ทำไมวันนี้อ้อนผมจัง "

“ ฉันเหนื่อย " ผมบอกเค้าแบบนั้น ตอนที่ผละมือลูบเข้าไปใต้เสื้อของเค้า " ฉันอยากจะปลดปล่อยอะไรสักอย่าง ที่ทำให้ฉันมีความสุข นายจะทำให้ฉันมีความสุขใช่มั้ย "

“ พูดแบบนี้เดี๋ยวคืนนี้ก็ไม่ได้นอนหรอก " ดึงผมเข้าไปกอดไว้อีกครั้งเค้าที่ก้มลงมาจูบ ผมมองแววตาที่กำลังเจ้าเล่ห์นั้นพลางยิ้มออกมา

“ เคยกลัวที่ไหนกันล่ะ " จูบแรงๆที่ดูดดึงริมฝีปาก ผละออกแล้วไล้ลงต่ำจนถึงยอดอกของผม เค้าจูบมันแรงก่อนจะดันให้ตัวผมเดินเข้าไปห้องนอน ตรงกระจกบานสูงที่เห็นเราได้ทั้งตัวนั้น เค้าดึงตัวผมให้เผชิญหน้า ดันให้แผ่นหลังโน้มตัวลงไปข้างหน้าก่อนจะใส่ถุงยางแล้วดันส่วนกลางนั้นเข้ามา แรงสอดใส่ที่ค่อยๆเพิ่มขึ้น ทุกอย่างฉายชัดอยู่ที่หน้ากระจกนั้น
 
   สองแขนที่กอดรัดผม ส่วนกลางที่กำลังสอดใส่อยู่ภายในร่างกายของผม จูบที่กำลังไล้จูบอยู่บนเรือนร่างของผม ทุกส่วนสัด ทุกอย่างมันเป็นของคนข้างหลังนั้น เป็นของฟาน เป็นของเค้าทั้งหมด

“ ฟาน " ถูกดึงขาให้ยกขึ้นสูงขานึง แรงกระแทกที่ดันเข้ามาจนสุด ผมเม้มริมฝีปากของตัวเองมองภาพของร่างกายผอมบาง ยอดหน้าอก และส่วนกลางที่กำลังชูชัน ไม่ต่างอะไรกับช่างทางหลังที่กำลังกระหมิบถี่ๆตอดรับของของฟานที่สอดใส่เข้ามา " อ๊าา ตรงนั้น แรงอีก อ๊าา ฟาน ฉัน " เอ่ยชื่อเรียกเค้าอย่างไม่อาย ร่างที่ถูกดันลงไปข้างหน้า ผมคว้าจับที่กำแพงห้องเค้าก็ดันส่วนกลางเข้ามาแบบเป็นจังหวะและสุดแรง เสียงกระทบกันดังก้องหูแรงกระแทกที่สุดท้ายก็ดันเข้ามาจนสุดแล้วผมกับเค้าก็ปลดปล่อยมันออกมา
ส่วนกลางถูกดึงออกผมที่หันหน้าไปเผชิญหน้ากับเค้า เราที่กำลังจูบกันทำไมมันถึงรู้สึกไม่พอก็ไม่รู้ อยากจะได้มากกว่านี้ ย้ำลงไปอีกสิ สำหรับความรู้สึกพวกนั้น บอกกับฉันให้ฉันจำ ว่าฉันเป็นของนาย แล้วไม่ควรจะคิดถึงใครหน้าไหนทั้งนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องคิดถึงแต่นาย แค่นายคนเดียวเท่านั้น

“ ฟาน "

“ อีกสักรอบนะครับ " เค้าบอกผมก็ยิ้มก่อนจะผยักหน้ารับ ถุงยางที่ถูกดึงออกถูกผูกถุงแล้วโยนอยู่ตรงนั้น ก่อนที่สองแขนจะอุ้มร่างของผมให้ขึ้นมาบนเตียงขนาดใหญ่ สบสายตาที่กำลังเคลือบคลานเข้ามาพร้อมกับส่วนกลางที่ถูกใส่ถุงยางอันใหม่ กิจกรรมรักที่ร้อนแรงเริ่มขึ้นอีกครั้งแรงโหมกายของอีกคนที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง

“ คุณคีย์ครับ ผมรักคุณ " คำพูดเบาๆที่พูดอยู่ข้างหูของเค้า ผมหลับตาลงแน่นตอนที่เอื้อมมือกอดเค้าไว้ ในใจมันก็ถามตัวเอง ยังต้องการอะไรอีก ยังจะอยากได้อย่างอื่นไปทำไม นี่ไงของของเรา นี่ไงคนของเรา ยังอยากจะได้อย่างอื่นอีกเหรอ ยังจะลังเลกับความรู้สึกพวกนั้นอีกเหรอ คิดดีแล้วเหรอ ที่จะทำร้ายความรู้สึกของเค้าคนนี้ อยากจะโง่รึไง ทำไมถึงได้รู้สึกแบบนั้นกับเค้า คนของเราก็กำลังตอกย้ำความเป็นเจ้าของอยู่นี่ไง

“ ฟาน "

“ ผมรักคุณครับ "

“ ทำไมถึงได้พูดอออกมาง่ายกันนะ คำว่ารักนั่นนะ ” มองหน้าอีกคนที่กำลังยิ้มแล้วกอดผมไว้ แก่นกายที่อยู่ในร่างขยับเข้าออกช้าๆราวกับประวิงเวลาในการพูดคุย

“ ก็ผมรักคุณ ก็แค่บอกว่ารักคุณ "

“ ฉัน..”

“ จะบอกผมแล้วเหรอ " หน้าตาที่กำลังดีใจของเด็กผู้ชายที่อยู่ข้างบน ทำเอาผมเบือนหน้าหนี

“ ไม่บอกแล้วดีกว่า "

“ ใจร้ายจังนะครับ " ใบหน้าคมก้มลงมาจูบที่คอ ขบเม้มเบาๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้ากันอีกครั้ง " พรุ่งนี้ตอนเย็นหลังจากที่คุณเลิกงาน ไปหาอะไรอร่อยๆกินกันมั้ยครับ ฉลองที่งานของคุณผ่านไปได้ด้วยดี ผมเลี้ยงเอง "

“ พรุ่งนี้เหรอ "

“ ครับ คุณอยากจะกินอะไรละ หรือว่าจะทำกินกันในห้องก็ได้นะ สุกี้ดีมั้ยครับ ชาบู หรือว่าปิ้งย่าง อะไรก็ได้ที่คุณคีย์อยากจะกิน พรุ่งนี้ผมน่ะจะออกไปรอ..”

“ พรุ่งนี้ตอนเย็นฉันมีนัดแล้วละ " ทุกอย่างที่เงียบไป ผมยิ้มจางๆให้เค้า ก่อนจะยกมือลูบแก้มอีกคนที่ก็หดยิ้มลงทันที " อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฉันนัดกับที่ทำงานเอาไว้ว่าจะไปกินข้าวด้วยกันน่ะ "

“ งั้นเหรอครับ " เค้าพูดออกมาก่อนจะพยักหน้ารับ " คงจะเป็นการฉลองให้คุณ งั้นคุณก็ไปเถอะ กับผมไว้คราวหน้าก็ได้ "

“ อื้ม ขอโทษทีนะ "

“ ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ก็เหมือนกับกำลังฉลองกับผมอยู่ เพราะงั้นเรื่องกินของอร่อยๆไว้คราวหน้าก็ได้ คราวนี้ผมเองก็จะกินคุณให้อร่อยเหมือนกัน " จังหวะรักที่เริ่มแรงขึ้น เค้าที่ก้มลงมากอดผมแล้วสอดใส่ส่วนนั้นเข้ามา สองแขนของผมกอดเค้าแน่นขึ้นถ้ารู้ว่าพรุ่งนี้นัดตอนเย็นของเค้าคือ มื้อเย็นที่ต้องออกไปกับหัวหน้าสองต่อสอง ไม่รู้ว่าคนที่กำลังบอกว่าไม่เป็นไรตอนนี้ จะยังบอกว่าไม่เป็นไรอยู่มั้ย ถ้าขืนว่ารู้ความจริงเข้า

   เพราะฟานรักผมมาก ทั้งรักทั้งทุ่มเท ผมเลยคิดไม่ออกเลยว่า เค้าจะเป็นยังไงถ้าเกิดว่า คนที่เค้าทั้งรักทั้งทุ่มเทอย่างผม ทำให้เค้าเสียใจ จะยังรักกันอยู่ หรืออยู่ในสถานะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็ไม่รู้

................................................................

เดี๋ยวพี่คีย์ก็ได้รู้คำตอบนั้นเองแหละค่ะ ..ถ้ายังมึนๆงงๆกับความรู้สึกของตัวเองแบบนี้
หนมก็เข้าใจคีย์ หัวหน้าคือคนที่เคยชอบ แต่.. แต่ตอนนี้ คีย์มีฟานแล้วนะ
มันเหมือนว่า เราอยากจะกินผลไม้ลูกนึงที่อยู่สูงมาก เรามอง ปีนไปเอาก็ไม่ได้ แม่งของป้าข้างบ้าน
จนวันนึง เราก็ได้ผลไม้เมืองนอกมาลูกนึง แม่งแพงมาก แต่อยู่ๆไอ้ผลไม้ลูกที่เล็งมาตลอด คันตกลงมาในรั้วบ้านเรา
อยากกินนะ ก็มองมานานแล้ว แต่ถ้ากินผ้าข้างบ้านต้องจัดการแน่ แล้วไอ้ผลไม้ลูกแพงๆที่เราได้มานี่ละ
มันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก รู้ผิดชอบชั่วดีทุกอย่างแหละ
แต่นั่นแหละ นั่นแหละนะ..

เจอกันตอนหน้า มีคนสงสัยว่า ถ้าฟานรู้ ฟานจะเป็นยังไง
รออ่านค่ะ รับรองเลยว่า... #ยิ้มอ่อน
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า  :กอด1: :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 34 ' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก ' UP - 18.9.59} หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 18-09-2016 20:50:20
คีย์ นายไม่ใช่คนใจง่ายนะ แต่นายเป็นคนง่ายไปหมดตังหาก เราไม่รู้จะด่าอะไรดีเพราะนายมันเกินจุดนั้นไปแล้ว รู้แต่ว่าคนอย่างนายโสเภณีที่มีรักเดียวยังมีค่ามากกว่า ทำอะไรก็ขอให้ได้อย่างนั้น นายไม่เหมาะเป็นนายเอกเลย และดีใจด้วยนายเป็นหนึ่งในนายเอกที่เราเกลียดมากที่สุด เจ็บให้มากๆ นะ เราจะรอสมเพช
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 34 ' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก ' UP - 18.9.59} หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 18-09-2016 21:21:19
คืออยากถีบหน้าหัวหน้าว่ะ ยังดีที่คีย์พอจะคิดได้บ้างนะ
อยากให้ฟานรู้เหมือนกัน อยากอ่านในมุมฟานบ้าง มีความสงสาร

คนเขียนสู้ๆ เขียนดีมากเลย เราโคตรอิน  :z3:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 34 ' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก ' UP - 18.9.59} หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 18-09-2016 21:25:00
อ่านแล้วสงสารฟานจังเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 34 ' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก ' UP - 18.9.59} หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 18-09-2016 21:29:52
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
ไม่เห็นดีขึ้นเลย
แง้ๆๆๆๆๆๆ

ฟานต้องรู้สึกอะไรแปลกๆแน่เลย
เขาเลยบอกรักเยอะขนาดนี้ๆๆๆๆ

หนมมมมาต่อพรุ่งนี้นะขออออออ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 34 ' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก ' UP - 18.9.59} หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 18-09-2016 21:30:07
อยากเห็นฟานเจ็บ แต่เป็นเจ็บแล้วจำ ทำให้คนที่ไม่เห็นค่าของฟานได้รู้ว่าเขาพลาดสิ่งที่ดีขนาดนี้ไป  คนที่ลังเลให้คนอื่นทั้งที่กำลังเปิดใจให้คนหนึ่งอยู่มันสมควรได้รับบทเรียนค่ะ  รักและหวงฟานมาก ถ้าเสียใจเมื่อไหร่ยินดีมอบอกแบนๆนี่ให้ฟานซบเสมอ  งื้อออ..

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 34 ' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก ' UP - 18.9.59} หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: ZaRa ที่ 18-09-2016 21:35:39
คือว่านะ เอาจริงๆ อ่านแบบข้ามๆ มากเลย รอให้หายหน่วงก่อนค่อยอ่านแบบละเอียด เรามันพวกใจไม่แข็งแรงพอ นี่ขนาดอ่านผ่านๆ เรายังนอยด์ขนาดนี้เลย คือแบบ ปกติเราจะรับไม่ได้และไม่อ่านนิยาย bad end เลยนะ แต่เรื่องนี้ถ้าสุดท้ายฟานได่เจอคนอื่นที่เขารักฟานจริง และไม่ทำให้ฟานเสียใจอย่างคีย์ เราโอเค
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 34 ' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก ' UP - 18.9.59} หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 18-09-2016 22:14:24

ขอข้ามอีกคน..แบบรู้ทั้งรู้ว่า หน.มีเมีย..มีลูก..มีกิ๊ก..ส่วนตัวเองก้อมีผัว!!!
พูดง่ายๆ...คืออิคีย์มัน "ร่าน" ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี..คือชั้นอยาก..ชั้นเสี้ยน.ชั้นจะเอา!!
คนประเภทนี้มีเยอะแล้วในสังคม..ไม่คู่ควรกับการเสียเวลาด่าหรือติดตาม..ลาก่อน~ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 34 ' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก ' UP - 18.9.59} หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: gintama66 ที่ 18-09-2016 22:34:09
ถ้าคีย์ยังลังเลกับความรู้สึกของตัวเองขนาดนี้. ก็ปล่อยฟานไปเถอะค่ะ
 :fire: :fire:
เราจะไม่เชียร์นายเลยคีย์ ไปอยู่กับหัวหน้าจอมวางแผนเถอะ ความผู้ใหญ่ที่นายอยากได้นักหนาไง

ปล่อยฟานให้ไปเจอคนอื่นที่ดีกว่านายเหอะ. แล้วไม่ต้องมาคร่ำครวญคิดถึงฟานเหมือนตามนั้นที่ฟานคิดกิจกรรมที่ ม ล่ะ

 :fire:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 34 ' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก ' UP - 18.9.59} หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-09-2016 23:44:25
เราเข้าใจเหตุผลนะคะ คนเขียนก็สื่อดีจนอิน
เราสงสารทั้งเด็กตาดำๆที่ขาดพ่อและฟานน้อย
ฟานเจอคนที่บ้านทำร้ายมามากแล้ว เราไม่คิดว่าฟานจะรับไหวถ้าโดนทรยศ
อย่างไรก็ตาม ลิปพูดถูกและเราก็ไม่เคยมองหัวหน้าผิดด้วย คนเลวยังไงก็อย่างงั้น ไม่เคยพอ ถ้าคีย์ยังทำตัวไร้เดียงสาอีกจะเลิกอ่านละ หมั่นไส้แรง
เราขอเหอะนะอย่าให้ฟานต้องมาทนเจ็บเพราะความเลวของคนอื่นอีกเลย จะเรียนต่อยังไงกะใจคงไม่มี
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 34 ' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก ' UP - 18.9.59} หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 18-09-2016 23:47:08
เชื่อว่าถ้าฟานรู้ ก็คงบอกได้แค่ว่า "ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็ผมรักคุณไปหมดแล้วทั้งใจ"

"คุณไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก" มันต้องมีบ้างล่ะหว้าและต้องมีคนเสียใจสุดๆ ก็คงเป็นฟานอยู่ดี
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 34 ' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก ' UP - 18.9.59} หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 19-09-2016 00:25:24
 :laugh: หึหึหึ!!!กร๊ากกกกกก โอ๊ยยยยยกูขำ 555555555 ไม่ไหวจะย้ำกับตัวเองแล้วไง เลยมาบอกให้เขาย้ำ ให้เขาทำซ้ำๆเพื่อให้ตอกย้ำว่าตัวเองตอนนี้อยู่กับใคร ควรจะอยู่จุดไหน ช่วยดึงสติไว้ที (ทางกาย) อึดอัดใจดีไหมละ แล้วก็นะที่ไม่รู้จักพอสักที จูบหรือเอาเท่าไหร่ก็ไม่เต็มอิ่มเพราะมัน........ไง 55555 ใจโหยหาไปถึงคนในสเปค แต่กายอยู่กับคนที่เพราะว่าทำดีทุ่มเทให้ หึหึ!!ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว #นอกใจแพร่บ 5555 //ฟาน ฉันคิดว่าแกไม่โง่นะ ใช่ป่ะ ที่พร่ำบอกว่ารักไปนั้น เพราะเซ็กซ์ครั้งนี้มันไม่เหมือนเดิม แกรู้สึกเหมือนฉันม่ะ มันอัดอวนไปด้วย.....หึหึหึ!!*แสยะยิ้ม* 555 //ส่วนตัวคิดว่าสิ่งที่คีย์เป็นตอนนี้ #ชั่ววูบ เออคิดแบบนี้จริง ละในอารมณ์ชั่ววูบตอนนี้อะขอให้คีย์สมปรารถนา #ใจกาย สักครั้งเถอะ พลีสสสส!! // หลังจากสมปรารถนากายใจแล้ว คีย์จะแสดงอาการออกมาชัดเลยเพราะรู้สึก.............ที่มีกับฟาน เพราะในตอนนี้คีย์ยังออกอาการ  คีย์เลือกที่จะ....หรือฟานจะจับ....... ก็ค่อยมาพูดอีกที ขึ้นอยู่กับไรท์ค่ะ5555 แต่ถ้าฟานคิดว่าเริ่มแปลก มันแปลกไป ละดันไปเห็นกับตาอีก หึหึหึ!! ......เพราะแกรักเขามากมายเกินไปจริงๆ .............เอาสิคีย์ วันไนท์แสตนท์ไปเติมเต็มให้อิ่มใจกาย อยากรู้ไม่ใช่หรอว่าเขาจะเสียใจจะยังรักกันอยู่ไหม นี้ก็อยากรู้เหมือนกัน มากเลยด้วย หึหึหึ!!*กดยิ้มมุมปาก*// ให้ตายสิ ตรูอิน ตรูคิดตาม ตรูคิดไว้แล้วว่า จะดั่งใจไหม 5555555 //เคยผ่านช่วงที่คิดถึงและโหยหากันมาแล้ว แน่ชัดว่าคีย์รักฟาน แต่มาหวั่นไหวคนึงหาพามามโนกับหัวหน้าแบบนี้ #ชั่ววูบ แล้วหลังจากที่ชั่ววูบวูบนึงผ่านไป จะ................ ละถึงตอนนั้นนะ ถ้าเหตุผลไม่มากพอสำหรับฉัน ฉันจะไม่............ จริงๆ ฟานแกก็ด้วย.......................... //โว้ยยยยสนุกกกกกกกกก ชอบบบบบบ อ่านตอนนี้จบกลั้นใจรอตอนต่อไปจริงค่ะ อิน 55555 ขอบคุณที่มาอัพค่ะ   :call: o13 :katai4: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 34 ' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก ' UP - 18.9.59} หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 19-09-2016 08:14:08
 :katai1: สงสารฟาน แต่ก็เข้าใจคีย์นะ คือการมีคนเข้ามาในขณะที่ยังคาค้างกับความรู้สึกของตัวเองมันต้องหวั่นไหว สับสนบ้าง ที่สำคัญการเริ่มต้นรู้ใจตัวเองมันต้องมีข้อพิสูจน์ หุหุ ความรักมันไม่ง่ายนะสำหรับบางคน แต่คีย์อย่าสับสนนานนะ สงสารฟาน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 34 ' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก ' UP - 18.9.59} หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 19-09-2016 09:18:54
ขอให้โดนมอมเหล้าหลอกเย.ไปเลย ไปสมสู่กับอีคนดีของหล่อนซะให้สมใจ  :beat: ไม่ต้องมาเอากับฟานหรอก ถ้าใจมันยังกระสันอยากได้อยากโดนคนนั้นอะ รังเกียจคนแบบนี้จริงๆ นี่พยายามจะไม่ด่าแรงละนะ ไม่งั้นกลายร่างเป็นปันปันละ  :beat: ก.หรี่
ใช่เนาะ ก็มีของตายอยู่ในมือ จะทำอะไรก็ได้ ต่อให้หล่อนทำเหี้ยขนาดไหนคงจะคิดว่าฟานคงจะทน
โทษนะ ขอให้ฟานพอ ถ้าอีนี่มันระริกระรี้จนจับได้ พอกับมันสักที ดีใจด้วยนะนังคีย์ หล่อนเป็นนายเอกไม่กี่คนที่นี่จะเกลียด โลเลหลายใจ สำส่อนอวอร์ด เอาไปเลย

รู้สึกขยะแขยงที่โดนจูบละมาจูบฟานต่ออะ สกปรก โสโครกกันทั้งสองคน
ถ้าเค้าเอาหล่อนจริงเค้าหย่าลูกหย่าเมียมาหาหล่อนนานละค้าาา. โตขนาดนี้แก่จนป่านนี้อยู่มายังไงไม่รู้เล่ห์เหลี่ยมผู้ชายวะ สมควรโง่อยู่ สาวน้อยจริงๆ

ขอให้หล่อนไม่เหลือใคร :mew4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 34 ' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก ' UP - 18.9.59} หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 19-09-2016 14:53:09
ฟานมันเหมือนของตายไง
รักคีย์มากๆ เหมือนยอมได้ทุกอย่าง
สงสัยคีย์ต้องโดนหักดิบอีกสักรอบล่ะมั้งเนี้ย
รู้ว่ามีอยู่ก็สายไปไรงี้
เดาว่าฟานต้องไปเจอตอนกินข้าวกับหัวหน้าแน่เลย
อร้ายยย อดใจรอไม่ไหวแล้ว
ฮืออออออ
มาต่อไวๆ นะค๊า
 :call: :call:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 34 ' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก ' UP - 18.9.59} หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 19-09-2016 19:25:47
คีย์เอ๊ย :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 34 ' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก ' UP - 18.9.59} หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 19-09-2016 19:49:42
เอาไงดีอ่ะ เหมือนคีย์ไม่เคยรักฟานเลย ทั่งการกระทำและคำพูดแทบไม่เคยแสดงออกอะไรเลย คือถ้าไม่คิดจะจริงจังก็ปล่อยเขาไปดีกว่ามั้ย สงสารน้องฟานที่ต้องคอยรองรับอารมณ์ทุกอย่างของนางอ่ะ อันนี้คือส่วนของเม้นในตอน33ค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 34 ' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก ' UP - 18.9.59} หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 19-09-2016 20:04:26
อห พูดไม่ออก ไม่มีความมั่นคงอะไรในใจคีย์เลยค่ะ เปลี่ยนนายเอกมั้ยคะ ให้น้องฟานไปเจอคนดีๆที่รักน้องจริงๆเถอะค่ะ น้องยังเด็กน่าจะยังได้เจออะไรในชีวิตอีกเยอะ ถ้าตอนจบไม่ได้กันนี่เราก็โอเคอ่ะค่ะ ขนาดอ่านข้ามๆมาแล้วนะ เจอแบบนี้หลายเรื่องเหมือนกันนะ อยากรู้เหตุผลที่ฟานรักคีย์จัง นี่ยังหาไม่เจอเลย โอ้ยยยยยยย ขึ้น
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 34 ' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก ' UP - 18.9.59} หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 19-09-2016 23:48:44
เค้าว่าฟานมันก็รู้สึกแหละว่าคีย์มีเรื่องปิดบัง
ยังไม่เม้นท์ไรมาก รอดูยาวๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 35 ' คนเห็นแก่ตัว ' UP - 23.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 23-09-2016 21:18:58
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 35
' คนเห็นแก่ตัว '

   ช่วงเวลาพักเที่ยงของที่ทำงาน พนักงานหลายๆคนที่เดินออกไปจากหน้าคอมพิวเตอร์ลงสู่ชั้นล่างก็ทำให้ผมผละสายตาออกไปได้ไม่ยาก เงยหน้าขึ้นมองคนอื่นในตอนนั้นก็สบสายตาเข้ากับหัวหน้าพอดี เค้าที่ยิ้มออกมาก่อนจะชี้นิ้วที่นาฬิกาของตัวเองคล้ายจะบอกว่า พักเที่ยงแล้วนะ ผมพยักหน้ารับเค้า ก่อนหัวหน้าจะพูดไม่ออกเสียงออกมา ' เย็นนี้เจอกันนะ '  พยักหน้ารับไปอีกครั้งผมก็หันไปหาลิปที่คิดว่ายังคงทำงานอยู่ แต่เปล่าเค้ากำลังมองผมอยู่ตังหาก

“ เอ่อ... ลิป ไปกินข้าวกันมั้ย "

“ ไปสิ หิวพอดีเลย แต่ว่ารอให้คนออกไปน้อยกว่านี้ก็แล้วกัน จะได้ไม่ลงลิฟต์แบบเบียดๆ "

“ อื้ม ก็ดี " หันกลับมาทำงานของตัวเอง มือที่ลากเม้าส์ไปเรื่อยๆพยายามไม่หันไปสบสายตากับคนที่กำลังจ้องผมอยู่

“ เหมือนนายยังมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ยังไม่ได้บอกฉันนะ "

“ เรื่องอะไรเหรอ " หันไปถามเค้าอีกคนก็ยกยิ้ม

“ ฉันจะถือว่านายไม่อยากจะบอกก็แล้วกัน งั้นเราไปกินข้าวกันได้แล้ว " ผ่อนลมหายใจหนักใจออกไปก่อนจะหยักหน้ารับอีกคนที่ก็เดินข้างกันลงไปที่ร้านแซนวิชร้านเดิม เราอยากย้ายกันสั่งอาหารก่อนจะมานั่งกินที่โต๊ะข้างๆกัน ลิปที่กินแซนวิชของตัวเองเงียบๆ จนผมต้องเป็นคนพูดออกไป

“ คือเย็นนี้ หัวหน้าชวนฉันไปกินข้าวด้วย แล้วฉันก็เห็นว่า เค้าก็อุตส่าห์ช่วยฉันไว้ ก็เลยตกลงไปกับเค้า "

“ อย่างงั้นเหรอ "

“ ไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่บอกนายหรอกนะ แต่ว่า..” ผมที่เม้มริมฝีปากอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี

“ แต่ว่าเพราะฉันไม่ชอบเค้า นายเลยไม่อยากจะพูดเรื่องของเค้า เพราะไม่ว่ายังไงฉันเองก็มองเค้าให้แง่ร้ายอยู่แล้ว นายก็กลัวว่าฉันจะมองนายในแง่ร้ายไปด้วย "

“ ก็ไม่เชิงขนาดนั้นหรอก "

“ แต่นายก็คิดแบบนั้น " อีกคนบอกก่อนจะยกแซนวิชขึ้นกิน ลิปที่ถอนหายใจออกมา

“ ไม่รู้สิ เรื่องนี้มันก็พูดยากนะคีย์ ถ้าเป็นฉัน ฉันเองก็อาจจะไปละมั้ง ก็เหมือนอย่างที่นายบอก เค้าก็ช่วยเราไว้ถึงจะมองว่ามันเป็นหน้าที่ยังไงแต่ยังไงเค้าก็ช่วยพูดให้อะนะ แล้วเค้าที่ชวนเราไปกินข้าวก็ยากที่จะปฎิเสธซะด้วยสิ "

“ อื้ม ฉันก็คิดอย่างงั้นแหละ " พยักหน้าบอกเค้า

“ นายโตแล้วคีย์ นายมีความคิดเป็นของนาย จะถูก จะผิด ฉันมองว่านายแยกแยะออกได้ นายจะทำอะไรก็เรื่องของนาย สำหรับฉันคงทำได้แค่เตือน " อีกคนยิ้มบอกผม " หัวหน้าน่ะ ไม่ใช่คนที่เราจะวางใจได้หรอกนะ นายเองก็น่าจะรู้ดีกว่าใคร เพราะนายก็เคยชอบเค้ามาก่อน แล้วนายก็มีเหตุผลที่ค่อยๆเลิกชอบเค้าด้วย ฉันว่านายเห็นข้อเสียของเค้ามามากกว่าฉันซะอีก เพราะงั้นอยากจะทำอะไรก็ทำเถอะ ฉันไม่อยากจะยุ่ง อีกอย่างเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแบบนี้ แล้วคอยให้คำปรึกษากันดีกว่าอย่ามาผิดใจกันเพราะฉันรู้สึกเกลียดหมอนั่นแล้วนายชอบเค้าเลย "

“ ลิป หัวหน้าน่ะ ฉันว่าเค้าก็ไม่ได้ร้ายอะไรขนาดที่นายคิด "

“ ฉันรู้ แต่ว่า พอดีฉันอยู่ฝ่ายฟานน่ะ "

“ ก็แค่หนเดียวที่ไปกินข้าวด้วยกัน คงไม่เป็นไรหรอก ก็แค่ในฐานะหัวหน้ากับลูกน้อง " ผมบอก ในสิ่งที่ตัวเองพยายามคิดให้เป็นแบบนั้น คิดว่าแค่หนนี้หนเดียว ไปเถอะให้มันจบๆไป แล้วต่อไปเค้าชวนไปไหนก็จะไม่ไปอีก

“ แล้วนายบอกฟานว่าอะไรละ วันนี้กลับบ้านดึก ไปกินข้าวกับหัวหน้าเหรอ "

“ ก็เปล่า " ผมบอกเค้า " บอกไปว่า กินข้าวกับเพื่อนที่บริษัท "

“ ขนาดใจของนายเอง ยังรู้สึกเลยว่า การไปกินข้าวหนนี้มันไม่ได้มีแค่ความรู้สึกของหัวหน้าและลูกน้อง แต่ก็ช่างเถอะ ไปๆให้มันสิ้นเรื่องก็ดี แม้ฉันจะไม่คิดว่าหัวหน้าจะหยุดแค่มื้อนี้ก็เถอะ "

“ หมายความว่าไงอะ "

“ หมายความว่าหลังจากนี้ นายจะไม่ได้มานั่งกินแซนวิชกับฉันแบบนี้แล้วนะสิ " แซนวิชที่ถูกยัดเข้าไปในปาก ผมมองแซนวิชในมือตัวเองก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา

“ ฉันไปดีมั้ย นายว่า "

“ มาถามอะไรเอาตอนที่เค้านัดนายแล้ว แล้วนายก็ตกลงไปแล้วกันละ "

“ ถ้าเป็นนาย นายจะไปมั้ย "

“ คงไม่อะ ถ้าฉันไม่มีใจให้เค้า " ลิปบอกก่อนจะยิ้ม " แต่ถ้าฉันมีใจ ฉันจะไป เพราะฉันรู้ตัวอยู่แล้วว่าเค้าอาจจะทำอะไรฉันบ้างไม่มากก็น้อยละนะ "

“ อาจจะทำอะไร นี่ยังไง "

“ ไม่รู้สิ " อีกคนส่ายหน้า " ก็อาจจะอย่างเช่น จูบ กอด ไม่ก็ลูบคลำ คนที่จ้องจะงาบเราอยู่แล้วจะปล่อยให้ช่วงเวลาแบบนั้นผ่านไปโดยไม่ทำอะไรสักอย่างเหรอ คงยาก แล้วดูจากท่าทางหัวหน้าที่อยากจะกลืนกินตัวนายแล้วด้วยละก็ ระวังอย่าไปเผลอดื่มเบียร์จนเมาก็แล้วกัน "

“ เค้าอาจจะไม่ทำอะไรแบบนั้นก็ได้ นายคิดมากไปรึเปล่า "

“ นายคิดน้อยไปตังหาก " ลิปบอก " ระวังเถอะสักวันนายจะเสียฟานไปเพราะคำที่นายคิดแล้วชอบพูดว่า ' คิดมากไปรึเปล่า' นี่แหละ คนอย่างหัวหน้า ไม่สิ คนทุกคนแหละ เวลานายมองคนอื่นก็ควรมองในแง่ลบบ้าง คาดสถานการณ์ในแง่ลบบ้าง ไม่มีอะไรออกมาในแง่บวกทั้งหมดหรอก หรือไม่งั้นก็หัดคิดถึงฟานบ้าง ว่าถ้านายเผลอไปมีอะไรกับหัวหน้า ฟานจะรู้สึกยังไง "

“ นายกำลังพูดให้ฉันกลัวนะ "

“ ดีแล้วละ ที่นายจะกลัว " อีกคนบอกก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา " แต่ก็นะ มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เค้าอาจจะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษกับนายมากๆ เป็นคนอบอุ่นแบบที่นายชอบก็ได้ เค้าฉลาดจะตายไป จะอดเปรี้ยวไว้กินหวานก็คงไม่แปลกหรอก "

“ นายนี่นะ "

“ มองเค้าให้แง่ร้ายอีกละสิ " ลิปทำปากแบะๆเหมือนกำลังหมั่นไส้ความรู้สึกของผมอยู่ไม่น้อย " ฉันละน้อยใจแทนฟานชะมัด กว่าจะทำให้นายยอมรับได้ว่ารัก ก็แม่งแทบจะถวายหัวให้อยู่ละ ทุ่มเทให้ทุกอย่างแล้วนี่คือเหี้ยไรวะ นายกลับไปอ่อนไหวกับมุมอบอุ่นของหัวหน้าจอมบริ้นปล้นอะนะ กูเป็นฟานก็จะเลวให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย ทำดีไปเท่านั้นยังไงเค้าก็ชอบคนเลวๆ "

“ ลิป "

“ ฉัน หงุดหงิดวะ " คนข้างๆผมที่ก้มหน้าลงพูดออกไปในที่สุด " นายดูเค้าไม่ออกจริงๆเหรอ หรือความรักมันบังตากันวะ ทำไมถึงเป็นฉันที่รู้สึกกับเค้าในแง่ลบไปหมด เพราะรู้สึกว่าสิ่งที่เค้าทำ มันเป็นแบบนั้น มันเหมือนสามารถมองไปในแง่ร้ายได้ตลอด พอมาคิดว่าเค้าคิดอะไรแบบนั้นกับนาย ก็รู้สึกสงสารฟานขึ้นมา ทั้งๆที่ดีขนาดนั้นแต่กลับโดนทำแบบนี้ "

“ ฉันจะไปกับเค้าแค่หนนี้หนเดียวเท่านั้นแหละ " ผมตัดสินใจบอกเค้าไป " ฉันเองก็รู้สึกไม่ดีนักหรอกที่ต้องปิดบังฟาน อีกอย่างเค้าดีกับฉันมาก ฉันคิดนอกใจเค้าไม่ลงหรอก "

“  ความรู้สึก มันยากจะหยั่งถึงนะ ว่าเป็นยังไง นายอาจจะบอกว่าไม่เป็นไร นายควบคุมความรู้สึกตัวเองได้ แต่อย่าลืมนะว่าแม้ขนาดนายเองยังตกหลุมรักฟานได้ง่ายๆเลย ทั้งๆที่ไม่ใช่คนที่ชอบ แล้วกลับคนที่นายชอบอยู่แล้วละ มั่นใจได้แค่ไหนกันคีย์ ว่านายจะไม่ตกหลุมรักเค้าอีกครั้ง เวลาที่คนเรารักใครมันไม่ได้บอกหรอกว่า กำลังจะตกหลุมรัก มารู้ตัวอีกทีก็นตอนรักไปแล้วทั้งนั้นแหละ "

   ' คีย์ ฉันจองร้านอาหารไว้แล้วนะตอนทุ่มนึง เดี๋ยวหกโมงเย็นเราออกจากออฟฟิศ นายลงไปรอฉันที่ใต้ห้างข้างๆนะ ฉันจะขับรถไปรับนายเอง ' ผมอ่านข้อความจากอีเมล์ของตัวเองที่อีกคนส่งมาให้ ก่อนจะขมวดคิ้วงงๆแล้วจะตั้งคำถามออกไปว่า

“ แล้วทำไมเราไม่ออกไปพร้อมกันวะ " นั่นคือสิ่งที่ผมสงสัย ก็ออกไปกินข้าวด้วยกันแบบไม่คิดอะไร ทำไมต้องหลบ กดตอบรับอีเมล์ของอีกคนก่อนจะคิดประโยคที่อยากจะพิมพ์ออกไป

' แล้วทำไมเราไม่ออกไปพร้อมกันเลยละครับ หัวหน้าเองจะได้ไม่ต้องขับรถวกไปวนมาให้เสียเวลา ' อ่านประโยคนั้นทบทวนอยู่นานก่อนจะผ่อนลมหายใจแล้วกดลบมันไปทั้งหมด " รู้ว่าเค้าหวงหน้าตาของตัวเองแค่ไหนแล้วยังจะไปถามอีกเหรอวะ เหตุผลก็เดิมๆอย่างที่รู้นั่นแหละ มันน่าเกลียดที่เราจะออกไปพร้อมกันสองคน " ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะกดส่งไปแค่คำว่า

' รับทราบแล้วครับ ' ไม่ต่างอะไรจากเมียน้อยเลยคีย์ สิ่งที่นายกำลังทำอยู่

   เหลือบมองเวลาที่กำลังใกล้หกโมงเย็น สำหรับเวลานัดที่นัดอีกคนเอาไว้ ใจที่ตื่นเต้นจนระส่ำคาดคะเนคิดไปต่างๆนานา ทั้งเรื่องที่ลิปเตือนแล้วก็เรื่องที่ตัวเองเหมือนกำลังทำความผิดนอกใจแฟนตัวเองอยู่ ผมปิดคอมของตัวเองลงก่อนจะหันไปมองลิปที่ยังคงทำงานของตัวเองแบบไม่สนใจอะไร

“ ลิป " ผมเอ่ยเรียกอีกคนที่หันมามองหน้า " ฉันกลับบ้านก่อนนะ "

“ โชคดีนะ ขอให้ปลอดภัย ฟานคุ้มครองละ "

“ ขอบคุณนะ " ยิ้มบอกก่อนคนที่ก็ส่งยิ้มกลับมาให้ " เจอกันพรุ่งนี้ "

   
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 34 ' สิ่งที่ไม่ควรรู้สึก ' UP - 18.9.59} หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 23-09-2016 21:19:57
คว้ากระเป๋าเดินออกไปจากออฟฟิศตรงชั้นจอดรถใต้ดินของห้างใกล้ๆ เหลือบมองไปรอบๆเพราะรู้สึกเหมือนมีใครบางคนมองอยู่แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใคร " คิดไปเองละมั้ง " ผมที่บอกตัวเองแบบนั้นยืนรออยู่ไม่นานสักพักรถคันหรูก็ขับเข้ามาจอดตรงหน้า กระจกรถเลื่อนลงหัวหน้าส่งยิ้มมาให้

“ คีย์ ขึ้นมาสิ "

“ ครับ " พยักหน้ารับเค้า ก่อนจะเดินขึ้นไปนั่งบนรถคันหรู ใบหน้าคมที่ส่งยิ้มมาให้หัวใจของผมเต้นแรงตอนที่มองไปรอบๆรถคันนี้ มันเป็นรถที่ผมเคยคิดว่าอยากจะนั่งมาตลอด ที่นั่งข้างๆของผู้ชายคนนี้ที่เคยใฝ่ฝัน แต่ว่าตอนนี้ความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว หลากหลายความรู้สึกเข้ามาแทนที่ ตอนนี้มีแค่ความรู้สึกที่อยากจะให้มันจบไป แค่ให้ช่วงเวลานี้ผ่านไปเร็วๆเท่านั้นเราจะได้ไม่ต้องเจอกับเค้าอีก ใช่..คิดแบบนี้เอาไว้นะคีย์ นายมีเจ้าของแล้ว นายมีฟานอยู่แล้ว

“ ร้านอาหารวันนี้เป็นร้านซูชินะ ที่หนก่อนฉันชวนนายแต่นายไม่ได้ไปไง " หัวหน้าที่หันมาชวนผมคุยระหว่างรอรถติดในช่วงเวลาที่กำลังเลิกงาน

“ เหรอครับ "

“ อร่อยมากเลยนะ นายกินตับห่านรึเปล่า "

“ ก็กินได้นะครับ "

“ ที่นี่อร่อยมากเลย " เค้าบอกก่อนจะหันมายิ้มให้ผม ที่ก็พยักหน้าตอบรับเค้าช้าๆ " แล้วก็แซลม่อนก็สดมากๆ ปลาไหลก็อร่อย ข้าวหน้าปลาไหลก็อร่อย " เผลอเม้มริมฝีปากตอนที่อีกคนพูดถึงข้าวหน้าปลาไหลขึ้นมา จำได้ว่าวันนั้นที่ไปกินซูซิด้วยกันกับฟาน เค้าก็บอกเหมือนกันว่าเค้าชอบกินข้าวหน้าปลาไหลเอามากๆ

“ เหรอครับ " ทำไมรู้สึกผิดแบบนี้วะ เพียงแค่ใครอีกคนพูดถึงข้าวปลาไหลขึ้นมา ก็รู้สึกขึ้นมาลึกๆเลยว่า ไม่น่าจะมาด้วยเลย ก็ถ้าฟานรู้..

“ นี่ คีย์ " มือหนาคว้าจับที่ไหล่ผมก็สะดุ้งแล้วดึงตัวเองออกห่างด้วยความตกใจ ท่าทางที่ทำให้อีกฝ่ายหยุดนิ่งก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา " เป็นอะไรทำไมทำหน้าตกใจขนาดนั้น "

“ ก็ เปล่าหรอกครับ ผมแค่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็เท่านั้น "

“ กลัวอะไรอยู่รึเปล่า " หันมองหน้าเค้าที่หลุดยิ้มออกมา " กลัวฉันเหรอ "

“ ทำไมหัวหน้าคิดแบบนั้นละครับ "

“ ก็ท่าทางนายมันบอกว่ากำลังคิดแบบนั้น นายกำลังกลัวฉัน กลัวฉันทำไม กลัวว่าฉันจะทำอะไรนายรึไง " เค้าถามพลางดึงหน้าตัวเองเข้ามาใกล้ผม

“ หัวหน้า "

“ หึ " เค้ายกยิ้มก่อนจะดึงตัวเองกลับไปกุมพวงมาลัยอย่างเดิม " ฉันไม่ทำอะไรนายหรอกน่า ฉันไม่ใช่คนที่จะบังคับคนอื่นนะ ฉันชอบคนที่สมยอม เพราะงั้นนายไม่ต้องกลัวอะไรแบบนั้นหรอก "

“ ผมไม่ได้กลัวอะไรแบบนั้นสักหน่อย "

“ เหรอ " เค้าหันมาถามล้อๆก่อนจะยิ้ม " แต่แค่ฉันจับไหล่แค่นั้น นายก็สะดุ้งซะสุดตัวเลยนะ "

“ ก็.. ก็คุณเล่นเข้ามาใกล้กันขนาดนั้น ผมไม่ทันระวังก็ต้องตกใจเป็นธรรมดาสิครับ "

“ ฉันว่า นายฟังลิปมากไปนะบางที " แววตาของผมลุกลนตอนที่เค้าพูดออกมาแบบนั้น " ฉันก็รู้ว่าลิปเค้าไม่ได้ชอบฉันเท่าไหร่ แต่นายมีอะไรก็บอกหมอนั่นแล้วสุดท้ายมันก็ได้รับแต่ความคิดเห็นแย่ๆทั้งนั้น ก็กลายเป็นว่าต่อให้ฉันทำดีกับนายแค่ไหน นายก็ฟังแค่เพื่อนจนเหมือนสร้างกำแพงกั้นฉันเอาไว้ แต่ก็นะ ฉันมันไม่ได้ดีอยู่แล้วจะพูดอะไรมันก็ชวนคิดไปในทางแย่ๆหมดนั่นแหละ "

“ นี่อย่าบอกนะครับ ว่ากำลังน้อยใจ "

“ แล้วมันน่าน้อยใจมั้ยละ " หันไปมองเค้าที่กำลังมองไปยังถนนข้างหน้า " กับแค่มีเมียแล้วก็กำลังจะหย่าจะหาคนใหม่ไม่ได้เลยรึไงวะ ไม่ได้คิดจะเก็บใครไว้เป็นเมียน้อยสักหน่อย ก็บอกอยู่ตลอดว่า ขอเวลาให้ลูกโต แต่ช่างเถอะ คนที่มีครอบครัวแล้วแบบฉันจะพูดจะอธิบายอะไรมันก็คงยาก "

“ น้อยใจใหญ่แล้วครับ พอเถอะ พูดเรื่องอื่นดีกว่านะ " หันไปยิ้มให้เค้า อีกคนก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะหันมามองผม

“ น่าหงุดหงิด "

“ แล้วทำไมต้องหงุดหงิดกันเล่า "

“ ก็ฉันชอบนายแล้วพยายามจีบนายอยู่ จะไม่ให้ฉันหงุดหงิดได้ไงละ เป็นนาย นายจะไม่หงุดหงิดรึไง ที่ยิ่งทำให้เค้าชอบเท่าไหร่พยายามแค่ไหน ทุกอย่างก็เท่ากับศูนย์ ไม่มีค่าอะไรเลย "  ทุกอย่างเงียบไปหมดตอนที่เค้าพูดออกมาแบบนั้น แม้แต่รอยยิ้มของผมที่กำลังยิ้มอยู่ก็ค่อยๆหดลงจนเหลือแค่ใบหน้านิ่งเฉยที่ได้แต่เบือนหน้าหนีเค้า ' ฉันชอบนาย ' คำสั้นๆจากประโยคยาวๆที่กำลังหมุนอยู่ในหัวของผม

   ผ่อนลมหายใจที่กำลังเต้นแรงมองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างไม่รู้จะเอ่ยอะไรทั้งนั้น ทำไมคำว่า ' ชอบ ' จากเค้าถึงได้ทำให้รู้สึกดีอะไรขนาดนั้น คนที่แอบชอบมานานอยู่ๆก็บอกความรู้สึกที่อยากจะฟังมาตลอดในช่วงเวลาที่ยังชอบเค้า แม้ตอนนี้จะมีใครอยู่แล้วแต่แก้มแดงๆของผมที่กำลังเขินก็อดไม่ได้เลยที่จะแสดงความรู้สึกลึกๆนั่นออกมา

   หัวใจที่เต้นแรงตอนนี้ ผมพยายามข่มมันให้สงบลงอย่างยากลำบากเสียเหลือเกิน ช่วงเวลาเงียบเงียบที่ได้แต่นั่งนิ่งๆในรถที่แล่นไปช้าๆก่อนที่มันจะจอดลงที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง  " ถึงแล้วละ "

“ ร้านนี้เหรอครับ " ผมหันไปถามอีกคนก็พยักหน้ารับ สวนที่จัดแบบญี่ปุ่นเป็นสวนเล็กๆรับกับร้านอาหารที่จัดทรงอาคารออกมาเป็นแบบแนวญี่ปุ่นอย่างชัดเจน เดินตามร่างสูงเข้าไปในร้านพนักงานที่ก้มหน้าทักทายเรา

“ จองไว้แล้วครับ ชื่อธีร์ สองที่ "

“ ค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ " พนักงานสาว ผายมือออกเดินนำให้เราสองคนไปที่ห้องพิเศษห้องนึง ประตูเลื่อนแบบญี่ปุ่นถูกเลื่อนออก ภายในเป็นห้องอาหารที่ถูกจัดไว้เป็นส่วนตัววิวที่ติดกับสวนเล็กๆผมนั่งลงบนฟูกแบบญี่ปุ่นก่อนจะมองไปรอบๆ

“ บรรยากาศดีจัง "

“ ไม่ใช่บรรยากาศดีอย่างเดียวนะ อาหารที่นี่ก็อร่อยมากๆด้วย แบบสไตส์ญี่ปุ่นแท้ๆเลย "

“ ท่าทางจะมาบ่อยนะครับหัวหน้า ดูเชี่ยวชาญ " ผมแซวอีกคนก็ยิ้ม เมนูอาหารถูกยกมาให้ หัวหน้าที่เปิดออกดูเค้าก็เอ่ยบอกผม
“ จะสั่งอะไรก็สั่งเลยนะ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง นานๆทีคนสวยๆจะมากินข้าวด้วย "

“ พูดอะไรน่ะหัวหน้า อายเค้า " ผมหันมองพนักงานที่หลุดยิ้มออกมา ก้มหน้าลงมองดูเมนูอาหารและราคาที่ไม่ค่อยสัมพันธ์กันเท่าไหร่ ซูซิบ้าอะไรแพงหูฉี่ขนาดนี้ " ซูซิปลาแซลม่อน สองคำ "

“ เอาแบบเซ็ตมาเลยดีกว่ามั้ย "

" ก็ได้นะครับ "

" งั้นเอาเซ็ตนี้แล้วกัน " หัวหน้าเป็นคนสั่งก่อนจะชี้ที่เมนู มันเป็นเซ็ตราคาสูงที่ค่อนข้างแพงแต่มีหลายๆอย่างเพราะดูท่าทางแล้วผมเกรงใจเค้ามาจนไม่กล้าจะสั่งอะไรเท่าไหร่

“ เยอะขนาดนั้นจะกินกันหมดเหรอครับ "

“ หมดสิ เดี๋ยวพอได้กิน นายจะบอกว่าอร่อยมาก แล้วกินจนหมดเองละ " เค้าบอกก่อนจะยื่นเมนูกลับไปให้พนักงาน

“ แล้วเครื่องดื่มจะรับเป็นอะไรดีค่ะ "

“ ชาเขียวเย็นครับ " ผมบอก

“ ไม่กินเบียร์เหรอคีย์ " ส่ายหน้าบอกเค้าอีกคนก็หัวเราะ " งั้นของผมขอเป็นเบียร์แล้วกัน " พนักงานสาวก้มหน้ารับก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหารของเรา " น่าแปลกวันนี้นายไม่กินเบียร์ ฉันจะบอกให้นะว่าเบียร์ที่นี่รสชาติดีนะจะบอกให้ "

“ ไม่ละครับ ผมรู้สึกไม่ค่อยอยากจะกินเท่าไหร่ "

“ กลัวเมาเหมือนวันนั้นรึไง " เค้าแซวผมก็ยิ้มก่อนจะเอียงหน้าไปทางอื่น " แล้วตอนนี้เป็นยังไง สบายใจกับเรื่องนั้นขึ้นมาบ้างรึยัง เรื่องลูกค้าคนนั้น "

“ ก็สบายใจขึ้นมากแล้วละครับ ก็มันผ่านไปแล้วนี่น่า ผมเองก็ต้องขอบคุณหัวหน้ามากๆเลยที่ช่วยผมไว้ ถ้าไม่มีหัวหน้าวันนั้นคงต้องรับผิดชอบโดนกล่าวหาว่าลอกงานคนอื่นแน่ๆ เพราะรองหัวหน้าคงไม่ใช่คนที่จะช่วยเหลืออะไรผมทั้งนั้น " ยิ้มให้อีกคนก่อนจะก้มหน้าลง

“ ก็เพราะว่าฉันชอบนายแล้วก็ไม่สามารถเสียนายไปได้ นั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมฉันถึงช่วยนายไว้ " เงยหน้าสบแววตาตาคมที่พูดออกมา " นายคงรู้ว่าฉันเป็นคนยังไง ฉันน่ะ ทั้งเห็นแก่ตัวแล้วก็ไม่ยอมให้ใครมามองฉันในแง่แย่ๆหรอก แต่ที่ฉันยอมลูกค้าคนนั้น ก็เพราะว่าชอบนายมาก จนคิดว่า ถ้าเกิดว่านายต้องออกไปจากบริษัท ฉันก็คงไม่ได้เห็นนายอีก พอคิดแบบนั้นก็เลยช่วยนายไว้ ฉันไม่ใช่คนดีหรอกคีย์ เพราะถ้าเป็นคนอื่น ฉันก็คงบีบให้ออกเหมือนกัน แต่คราวนี้มันเป็นนายไง ฉันเสียไปไม่ได้ "

“ หัวหน้า..”

“ น่ารังเกียจใช่มั้ยความรู้สึกของฉันน่ะ ความรู้สึกที่แอบชอบลูกน้องของตัวเอง " ผมเม้มริมฝีปากแน่นไม่รู้จะตอบอะไรอีกคนดีก็เลยได้แต่นิ่งอยู่อย่างงั้น " ฉันรู้คีย์ ว่าฉันมาช้าเกินไป ตอนนี้นายมีแฟนแล้ว แต่ว่า .. ฉันเองพยายามมาตั้งนาน ฉันแอบชอบนายอยู่ตรงนี้แล้วจะให้ทิ้งความพยายามทั้งหมดไปเพราะเหตุผลแบบนั้น ไม่รู้สิ ฮ่าๆ " คนตรงหน้าหลุดหัวเราะแห้งๆออกมา " ฉันรู้สึกเสียดายชะมัด เสียดายที่ต้องหยุดชอบนายไว้แค่ตรงนี้ เพราะงั้น ฉันบอกนายไว้ก่อนเลยว่า ฉันจะไม่หยุดเพราะเหตุผลนั่นหรอก แล้วฉันก็จะคิดมันในแง่ดีด้วย "

“ คิดมันในแง่ดี ? “ ผมทวนคำพูดของอีกคนที่ยกยิ้มขึ้นมา

“ ตอนนี้นายมีแฟน ฉันเองก็มีภรรยาอยู่ ถ้าเราชอบกันจริงๆ มันก็แฟร์นิ สำหรับรักที่ไม่ผูกมัดอะไร นายก็ไม่ต้องเลิกกับแฟน ฉันก็ไม่ต้องใส่ใจหรือห่วงเรื่องภรรยาหรือลูกของตัวเอง ถ้าเราอยากจะอยู่ด้วยกัน เราก็แค่มาหากัน ฉันว่าแบบนั้นก็ดีนะ ฉันคิดแบบนั้นก็เลยตัดสินใจจีบนายต่อ " คำพูดที่เห็นแก่ตัวที่สุดของเค้าถูกสารภาพออกมา จากที่ฟังก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการลักกินขโมยกินที่เค้าพยายามชัดจูงผมให้เดินตามเกมส์ของเค้า คำพูดกรอกหูที่สรุปได้สั้นๆว่า ' ชอบฉันอยู่แล้วนิ ไม่ต้องเลิกกับแฟนก็ได้นะ เราคบกันได้ แอบคบกันสิ ทั้งฉันทั้งนาย '

“ หัวหน้าครับ คือว่า..”

“ ฉันไม่ได้พานายมาเลี้ยงข้าวเพื่อให้นายปฎิเสธฉันนะ " เค้าพูดขัด " นายจะคิดยังไงนั่นมันเรื่องของนายไม่เกี่ยวกับฉัน นายจะคิดว่าฉันแย่ เห็นแก่ตัว ก็เรื่องของนาย แต่ฉันคิดแบบนี้ แบบคนเห็นแก่ตัวที่ชอบนายมากๆจนไม่อยากจะเสียไปคิดก็เท่านั้น แล้วฉันจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้นายหันมาสนใจฉันแม้ในหัวใจนายจะมีใครคนอื่นอยู่แล้วก็ตาม "

“ ก็เลยชวนให้ผมนอกใจแฟนเหรอครับ "

“ ใช่ เพราะมันเป็นทางเดียวที่เราจะสามารถแสดงความรู้สึกจริงๆออกไปได้ นายชอบฉันไม่ใช่เหรอคีย์ แต่ก็ไม่อยากจะเลิกกับแฟนไม่ใช่เหรอ "

“ อย่าทำให้ลำบากใจกันเลยครับ " ยิ้มแห้งๆบอกอีกคนที่กำลังมองหน้าผมตอนนี้ " คุณกำลังทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่ดีที่มากินข้าวกับคุณตอนนี้ เหมือนว่าผมกำลังนอกใจแฟนของตัวเอง "

“ นายไม่ผิดนะ " เค้าบอก " นายจะผิดได้ยังไง นายไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉัน "

“ ที่บอกผมไม่ได้รู้สึกอะไร คุณคิดอย่างงั้นจริงๆเหรอ " ใบหน้าคมที่ยกยิ้มแน่นอนว่าเค้าไม่ได้คิดอย่างที่พูดบอก คำพูดที่บอกว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรกัน " แน่ใจเหรอครับ ไม่ใช่ว่ารู้อยู่แล้วเหรอว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณ คุณเลยยังดึงดันที่จะเข้ามาอยู่แบบนี้ ยื่นข้อเสนอต่างๆนานา ทั้งๆที่ก็น่าจะหยุดเรื่องนี้ได้แล้ว หยุดทำให้ผมหวั่นไหวได้แล้ว เลิกเอาขนมมาล่อผมสักที แฟนผมดีก็จริง แต่เค้าไม่ได้โง่นะครับ  ไม่ได้โง่ที่จะทนให้ผม มาเอากับคุณในเวลาที่คุณต้องการ แล้วถ้าไม่ต้องการก็อยู่ที่บ้านเพื่อนเอากับเค้า เลิกทำแบบนี้เถอะ ถ้าจะทำอะไรแบบนี้ เราหยุดเสียตรงนี้ดีกว่า อย่าเริ่มเรื่องเลวๆแบบนั้นเลย " บอกเค้าออกไปตรงๆอีกคนก็ผ่อนลมหายใจออกมา ปากที่กำลังเอ่ยอธิบายเรียกชื่อของผม

“ คีย์ "

“ ขออนุญาติค่ะ " เสียงจากหน้าประตูดังขัดเรา ประตูเลื่อนออกมาพร้อมกับอาหารที่ชุดใหญ่ที่ถูกยกเข้ามาให้ สีสันของอาหารสดที่ถูกทะยอยวางลงบนโต๊ะ

“ กินอาหารกันเถอะครับ ผมอยากจะรีบกลับบ้าน " ผมบอกอีกคนที่ถอนหายใจออกมาก่อนจะยกตะเกียบขึ้นคีบ ปลาแซลม่อนมาวางไว้บนจานของผม

“ ขอโทษ ฉันจะไม่พูดอะไรแบบนั้นแล้วก็ได้ อะนี่..ปลาแซลม่อนที่นี่อร่อยมากเลยนะ ลองกินดูสิ "

“ ขอบคุณครับ " คีบปลาแซลม่อนในจานขึ้นมากินเงียบๆ อีกคนก็คีบของที่ตัวเองอยากจะกินขึ้นมากินเช่นกัน  เคี้ยวรสชาติปลาสดๆในปาก มันก็อร่อยอยู่นะ แต่ทำไมมันถึงรู้สึกไม่อยากกินเลยวะ

“ อร่อยมั้ย "

“ อร่อยมากครับ "

“ ปลาไหลก็อร่อยนะ "

“ ผมไม่ชอบกินปลาไหลครับ " พูดสั้นๆแค่นั้นอีกคนก็ชะงักมือที่กำลังจะคีบอาหารให้ผม เปลี่ยนมาเป็นวางอาหารลงในจานของตัวเองเสียแทน มองดูปลาไหลพวกนั้นแล้วก้มหน้าลงต่ำ เป็นอะไรไปไม่รู้ จะบอกว่ารู้สึกผิดเหรอวะ ทั้งๆที่ตอนนี้ก็มานั่งให้เค้าสารภาพรักที่ทำให้ใจเต้นสะร่ำทั้งๆที่มีคนที่เป็นเจ้าของอยู่แล้ว ความรู้สึกที่ถูกจับจองเมื่อคืนไม่ได้ช่วยอะไรเลยเหรอ ร่องรอยที่ตีตราจองเอาไว้พวกนั้น ทำไมถึงได้หวั่นไหวขนาดนี้ ทั้งๆที่คนตรงหน้า ทั้งน่ารังเกลียดแล้วเห็นแก่ตัวขนาดนี้ แต่ทำไมกลับมีเสี้ยวนึงที่คิดว่า ' อย่างงั้นก็อาจจะดีก็ได้  ' 

ตอนนี้  แม้ขนาดเป็นแค่ความคิด ก็ยังน่ารังเกียจเลย คีย์..

   นั่งกินซูชิมาเรื่อยๆ เรื่องสนทนาก็ถูกเปลี่ยนไปพูดเกี่ยวกับเรื่องงานในบริษัทบ้าง ส่วนตัวบ้างจนสุดท้ายอาหารบนโต๊ะก็หมดลง เรายกน้ำขึ้นดื่ม เรียกเก็บเงิน ก่อนจะเดินกลับมาขึ้นรถแล้วเค้าก็ขับออกมาส่งผมที่คอนโด

   มองออกไปนอกหน้าต่าง ผ่อนลมหายใจออกมา สิ้นสุดสักทีสำหรับความเกรงใจที่ต้องมาสำหรับอาหารมื้อนี้ หวังว่าคงไม่ต้องมาอีกไม่ต้องมารับฟังอะไรเห็นแก่ตัวพวกนั้นอีกแล้ว ไม่ต้องมาหวั่นไหวกับคำชักจูงพวกนั้น คำชักจูงที่จะทำให้เราต้องเสียฟานไป เพียงเพราะแค่อารมณ์ อยากจะได้ชั่ววูบ กับเหตุผลที่ไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่ว่า ' ก็เพราะชอบเค้ามานานแล้ว ' คนที่น่ารังเกียจแม้กระทั้งความคิดอย่างผม คนที่หวั่นไหวง่ายๆอย่างผม ตอนนี้ควรถอยออกไปให้ห่างคนคนนี้มากที่สุด เพราะไม่รู้ว่าหนหน้าจะข่มใจไม่หวั่นไหวกับคำสารภาพที่ทำให้ใจเต้นแรงพวกนั้นได้รึเปล่า

   รถขับไปเรื่อยๆจนมาถึงคอนโด ล้อรถที่จอดสนิท ในตอนนั้นผมก็เอียงหน้าไปมองเค้าก่อนจะอ้าปากเอ่ยขอบคุณแต่ก็เหมือนโดนอีกฝ่่ายพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน

“ หวังว่าจะได้พานายมากินของอร่อยๆแบบนี้อีกนะคีย์ "

“ ครับ ไว้ถ้าผมว่างนะ " พูดไปตามมารยาทอีกคนก็ก้มหน้าลงก่อนจะยิ้ม

“ คงตอบไปตามมารยาทสินะ "

“ หัวหน้า "

“ นาย เรียกฉันว่าพี่ธีร์ได้มั้ย " เค้าถามก่อนจะยิ้มให้ผม " เวลาที่เราอยู่ด้วยกันสองคน นายเรียกฉันว่าพี่ธีร์ได้มั้ย แค่พี่ธีร์ "

“ แต่ว่า..”

“ ฉันอยากจะให้นายเรียกฉันแบบนั้น อย่างน้อยก็ตอบแทนฉันที่ ฉันเลี้ยงข้าวนายก็ได้ " แววตาเว้าวอนที่มองมา ราวกับกำลังอ้อนให้ผมอ่อนไหวแล้วมันก็ดูเหมือนจะได้ผลดีอย่างน่าประหลาด หัวใจที่โอนอ่อนไปหมดตอนนี้ชวนให้ปากมันเอ่ยออกไป

“ พี่ธีร์ "

“ คีย์ " มือหนาผละจากพวงมาลัยรถแล้วเอื้อมมาประคองแก้มของผม นิ้วโป้งเกลี่ยเบาๆที่แก้มผมก็ก้มหน้าก่อนผละหน้าตัวเองออกจากฝ่ามืออุ่นนั้นแต่อีกคนก็ดึงดันที่จะเข้ามาหา

“ อย่าทำแบบนั้นเลยครับ ไม่ว่าคุณจะคิดอะไรอยู่ ผมอยากจะให้มันหยุดไว้แค่นั้น "

“ เพราะอะไร " เค้าถาม " ทั้งๆที่ฉันไม่อยากจะหยุดความรู้สึกนี้ ทั้งๆที่ฉันก็สารภาพกับนายไปแล้วว่า ไม่อยากจะหยุดความรู้สึกนี้ นายเองจะบอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉันงั้นเหรอ ก็ไม่ใช่ใช่มั้ยละ นายเองก็รู้สึกกับฉันเหมือนที่ฉันรู้สึกกับนาย แล้วทำไมละคีย์ ทำไมเราถึงไม่แสดงความรู้สึกดีๆนั่นออกมา ฉันที่ยอมรับความรู้สึกนั่นแล้ว แต่ทำไมนายถึงไม่ยอมรับมันละ ทั้งๆที่นายเองก็เห็นด้วย นายเองก็หวั่นไหว "

“ เพราะผมมีเจ้าของอยู่แล้ว " ปลดกระดุมเสื้อด้านบนของตัวเองออก ก่อนจะดึงให้ออกโชว์รอยประทับแดงๆจากริมฝีปากของอีกคนที่ทำไว้เมื่อคืนตรงช่วงไหล่ " คุณคงรู้ว่ามันคืออะไร แล้วมันก็ไม่ได้มีแค่ที่เดียว มันมีทั่วทั้งเรือนร่างของผม แม้แต่ส่วนลับนั่นก็ด้วย มันคือเครื่องหมายที่บอกผมว่า ต่อให้รู้สึกอะไร ก็ไม่ควรกลับไปรู้สึกอย่างที่เคยรู้สึกไม่ได้ เพราะผมมีเจ้าของอยู่แล้ว ขอตัวนะครับ " ผ่อนลมหายใจออกยาวๆ นั่นคือสิ่งที่สมควรทำ มือที่เปิดประตูออกแต่ยังไม่ทันจะก้าวลงไปอีกคนก็คว้ามือของผมเอาไว้ เค้าที่นิ่งอยู่แบบนั้น ก้มใบหน้าคมลงเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างผมก็รอฟัง

“ เพราะมันเคยเป็นของฉันมาก่อน .. ที่ตรงนั้นในหัวใจนาย ฉะนั้นฉันจะเอามันคืนมา และไม่ยอมหยุดแค่นี้แน่ "

“ หัวหน้า "

“ เพราะนายที่หวั่นไหวนั่นคือจุดอ่อนที่บอกกับฉันว่า ฉันมีโอกาสจะชนะคนปัจจุบันของนายแน่นอนแม้มันจะเป็นแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็เถอะ ฉันก็จะลองดู จะต้องทำให้นายกลับมารักฉันให้ได้ แม้ใครจะมองว่าเห็นแก่ตัวก็ตาม "

..........................................................................

หัวหน้าก็ทำให้หวั่นไหวเข้าไป
คีย์ก็ยิ่งหวั่นไหวหนักไปอีก คีย์ตอนนี้เหมือนรู้อยู่ว่าไม่ดี ไม่ควรทำ สะกดจิตใจตัวเอง
แต่เหมือนจะไม่ไหวแล้ว บอกว่าไม่.. แต่ว่าใจนี่แบบ..

#มองฟ้า  :z6:

เจอกันตอนหน้า นะคะ
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
ป.ล. สำหรับคนที่อ่านข้ามๆ ตอนที่แล้ว พี่คีย์ยังไม่ได้จูบกับหัวหน้านะ ผละออกมาก่อน
 :กอด1: :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 35 ' คนเห็นแก่ตัว ' UP - 23.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 23-09-2016 21:35:04
หัวหน้าแม่ง. สงสารลูกเมียจริงๆหวะ.  :z6:   
ส่วนคีย์ก็ เปิดโอกาสเองนะ ระวังเหอะ ถ้าเขารุกจริงขึ้นมาจะหวั่นไหวอีกรึเปล่า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 35 ' คนเห็นแก่ตัว ' UP - 23.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 23-09-2016 21:51:04
อ่านละขยะแขยงผช.แบบนี้มากก คันคะเยอไปทั้งตัว เมียกับลูกที่บ้านนางน่าสงสารนะ มีหัวหน้าครอบครัวหน้าฮี๋แบบนี้

ส่วนนางอ่อนไหว จะเคลิ้มจะใจเต้นอะไรก็เรื่องของเธอ เทนางเอกเรื่องนี้ละ

ถ้านี่เป็นลิปจะไม่จบแค่เบะปากใส่อะ หมั่นหน้ามาก

#ทีมฟานonly.
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 35 ' คนเห็นแก่ตัว ' UP - 23.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 23-09-2016 22:04:39
 :z6: ขาคู่ใส่อิหัวหน้า
คีย์คงไม่หวั่นไหวชิมิ เจอแบบนี้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 35 ' คนเห็นแก่ตัว ' UP - 23.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-09-2016 22:47:26
บอกได้คำเดียวว่าแย่ แค่คีย์ยอมเรียกชื่อก็แย่ละ นี่หรอที่จะตัด

อยากให้ฟานรู้แล้วหายไป ให้คีย์ได้รู้จักรักฟานด้วยใจสักที
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 35 ' คนเห็นแก่ตัว ' UP - 23.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 23-09-2016 22:57:46
โอ้ยยยยเลววมากกก
อีหัวหน้า แล้วอีคู่ขาอีกคนหละ น้องใหม่ ชื่ออะไรนะ เนยหรอ
แต่นังนั้นแต่นอนที่ตามมา

โอ้ยยย คีย์ คิดได้แล้วก้ถอยไม๊ แต่ก้อย่างที่อีหัวหน้าพูด
ถ้าคีย์ยังหวั่นไหว เขาก้จะทำต่อไป
ในเมื่อคีย์เองก้ไม่มั่นคงในความรู้สึกของตัวเอง

สงสารฟานเน้อออ เรื่องในรถ ฟานจะเห็นไม๊
แล้วคีย์ก้บอกเอง ว่าฟานไม่ได้โง่ เขาไม่ได้โง่จริงๆนะ
โอ้ยยย ไม่อยากให้ฟานเจ็บปวดเลย
อยากให้คีย์เจ็บมากกว่าฟาน อยากให้ฟานทำแบบที่ลิปบอก
ให้เลวบ้างเลย ชิส์

หนมมม ไหนบอกว่าไม่ดราม่าไง ใสๆ นี่อะไรรรโมโหมากกกกกกก
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

มาต่อเลย ขอตอนฟานเอาคืนบ้างงง ถึงจะทำได้ไม่มาก แต่ของฟานเอาคืนหน่อยย
เหมือนตอนลิปกับพี่เมษอะ
ที่ไปเป็นโฮสอะ
ขอนะนขอนะขอนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 35 ' คนเห็นแก่ตัว ' UP - 23.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 23-09-2016 23:10:46
อยากให้ฟานมาเห็นตอนนี้  เห็นตอนที่คีย์เริ่มหวั่นไหวตอนที่คีย์กำลังลังเลแบบนี้ละ แล้วฟานก็แค่ถอยออกมาถ้าคนที่เขาลังเลแสดงว่าเขาไม่ได้ให้ใจอย฿ต่อไปก็เหมือนรู้ว่ามีแผลแต่ไม่ยอมใส่ยาจนแผลมันอักเสบ กลัวว่าถ้าถึงจุดนั้น..จุดที่ฟานโดนคีย์หักหลังแบบไม่ลังเลฟานจะเจ็บจนเกินทนพิษไหว ตลอดชีวิตฟานเหมือนเป็นส่วนเกินที่ใครไม่ต้องการมาตลอดแล้วยังจะมาโดนคนที่คิดจะมอบใจทำแบบนี้ตอบอีก...สงสารฟานวะ กลัวว่าถึงจุดนั้น จุดที่โดนกีดกัน จุเที่ต้องกลายเป็นส่วนเกิน เรากลัวว่าหานจะปิดใจจนกลับกลายเป็นฟานคนใหม่ที่ไร้ความดี คว่าน่ารักแลลนี้ไป.....งื้อออ  อินหนักมาก  อยากเข้าไปตบกระชากเรียกสติคีย์ ว่าคีย์กำลังจะปล่อยมือและพลักฟานออกไปจากชีวิตแล้ว
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 35 ' คนเห็นแก่ตัว ' UP - 23.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 23-09-2016 23:15:02
โอยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
อึ :z6:
ขอดอกหนึ่ง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 35 ' คนเห็นแก่ตัว ' UP - 23.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 23-09-2016 23:15:25
เรานี่สายอวยเคะนะ แต่อ่านมาถึงตอนนี้ หมั่นไส้คีย์มาก ได้ผู้หล่อแซ่บ แสนดีแบบฟาน ยังจะโลเลหวั่นไหวอีก อยากให้คีย์รู้แล้วทิ้งเสียจิง ๆ นางจะได้เป็นเมียน้อยสมใจอยาก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 35 ' คนเห็นแก่ตัว ' UP - 23.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 24-09-2016 01:17:21
ณ จุดๆนี้ ถึงลิปจะพูดอะไรออกไป คีย์ก็ไม่มีทางเชื่อ

หวังว่าฟานจะไม่ถอดใจง่ายๆหรอกนะ ก็นะ รักมากขนาดนั้นไปแล้วหนิ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 35 ' คนเห็นแก่ตัว ' UP - 23.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Yukisho ที่ 24-09-2016 02:01:17
 ได้แต่...เฮ้อ เฮ้อ เฮ้อ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: ไม่รู้จะพูดไงดี
คีย์เหมือนสะกดจิตตัวเองโนะ เหมือนย้ำคิดอยู่นั่นล่ะ ว่าตัวเองมีเจ้าของแล้ว เพราะเหมือนจะทนใจอ่อนกับหัวหน้าแทบไม่ไหว

เอาจริงอยากให้ตอนนี้คีย์โดนหัวหน้ากระชากไปจูบหรือนัวกันอยู่อะไรก็ได้ แล้วฟานผ่านมาเห็นพอดี  แต่เอาแบบที่ฟานเห็นอยู่ฝ่ายเดียวนะ อยากจะรู้ในส่วนของฟานเหมือนกันว่าจะทำยังไง แตถ้าเป็นนี่นะ จะขอให้ฟานหันหลังให้กับคีย์ไปเลย ไหน ๆ ก็ไม่มีใครรัก(?)ใครสนใจอยู่แล้ว แค่ตัดคีย์ออกไปอีกคนจะเป็นไรไป 

ขอให้นางสมหวังกับหัวหน้ายอมใจอ่อนไว ๆ ละกัน  โอ้ยยยยเกลียดนายเอกแบบเน้~ (ก๊ากกกกอินเบอร์แรงมาก)

รอตอนต่อไปค้าบ  :L2: :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 35 ' คนเห็นแก่ตัว ' UP - 23.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 24-09-2016 03:08:05
ถ้าคีย์รักฟานสักนิด คีย์จะไม่มีทางหวั่นไหวกับหัวหน้า...
เหมือนความรู้สึกที่คีย์มีให้หัวหน้ามันมากกว่ามีให้ฟานอีก
เพราะเรียกฟานว่า "แฟน" ถึงได้รู้สึกผิด แค่นั้น???
รู้ทั้งรู้ว่ายังไงหัวหน้าก็ไม่ยอมหยุดง่ายๆ
แต่คีย์ก็ไม่ได้ตัดขาดให้ชัดเจน
ไม่พอยังเหมือนเติมเชื้อไฟให้เขาได้ใจอีก
เพราะความหวั่นไหวคือจุดอ่อนจริงๆ
สงสารฟานมากๆ
อยากให้เลิกกันไปเลย นี่ทีมฟานอ่ะ

 :z6:
อีโมนี้ให้หัวหน้านะ
อยากจะขาคู่ใส่ให้สำนึก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 35 ' คนเห็นแก่ตัว ' UP - 23.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 24-09-2016 05:55:51
คีย์  :fcuk: สักทีดีมั๊ย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 35 ' คนเห็นแก่ตัว ' UP - 23.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 24-09-2016 08:02:23
อินี่รอสงสารฟานล่วงหน้าเลยได้ไหม (T_T)
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 35 ' คนเห็นแก่ตัว ' UP - 23.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: aunszMT ที่ 24-09-2016 12:32:36
ปกตินี่สายอวยเคะนะ แต่คีย์นี่แบบไม่ไหววะ ทีมฟานสงสารน้องนะ ไม่รักแต่ยื้อเค่าไว้ ขอให้ฟานทิ้งแม่มม ขนาดเพื่อนเตือนยังไม่ฟัง เกลียดดดด ขอโทษนะคะตนเขียนเราอินมากกก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 35 ' คนเห็นแก่ตัว ' UP - 23.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 24-09-2016 13:38:06
ไม่ดีๆ ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 35 ' คนเห็นแก่ตัว ' UP - 23.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 24-09-2016 15:47:09
#หัวหน้า ขอปรบมือให้รัวๆ คิดยังไงทำไปเพื่อใครมีจุดประสงค์อะไรหวังแบบไหนและจะทำอะไรต่อไป - ชัดเจน มีจุดยืน ตรงๆ ให้กับทั้งสองทาง >> เมียเมื่อไม่รักก็บอกจะหย่า ไม่รักก็คือไม่รัก บอกกันตรงๆ คิดจะกิ๊กกับคีย์ไม่ว่าเลยนะ  แต่คีย์สิ หึหึ!! //โอเค ลิป เป็นเพื่อนที่ดีม๊าก ปรึกษารับฟังตักเตือนแต่ละเรื่องโคตรจะใช่ แต่คิดว่าควรพอก่อนไหม ตักเตือนมาครอบคลุมทุกเรื่องละ ให้คีย์ ได้คิด ได้เจอ ตัดสินใจด้วยตัวเองเถอะ ลิปก็เห็นแล้วหนิ พูดแก้ต่างให้ซะขนาดนั้น ถึงได้บอกไม่อยากทะเลาะผิดใจกัน พอๆ 555 รู้สึกว่ามันเป็นการกดหรือเบรคความอารมณ์ชั่ววูบของคีย์ไม่ให้ปะทุขึ้นมาอ่ะ ไม่รู้ว่าเพราะคำพูดลิปหรือคีย์ยังดีกว่าที่คิด ความรู้สึกนั้นถึงได้มาเร็ว คิดว่ากินข้าวมื้อนี้ คีย์จะมัวหลงระเริงหัวใจสั่นรัวไปกับคำว่า.....จากหัวหน้าจนลืมใครอะไรไปจนหมด แต่นี้ไม่ ในความหวั่นไหวมันยังมีความรู้สึกผิดแฝงอยู่ หึหึ!! เกินคาดแหะ แต่ก็นั่นละ มันทำให้คีย์กดความอยากไว้ ในใจลึกๆนี้แบบ อยากปะทุออกมาเต็มที เพราะงั้นอย่าให้มีอะไรมาเป็นตัวควบคุมจิตนอกใจคีย์ไว้เลยนะ ปะทุออกมา 5555 ตราบใดที่คีย์ยังพยามซ่อนเก็บกดมันไว้ในใจ ความชั่ววูบปรารถนาหัวหน้ามันจะไม่หายไป หลอกใจตัวเองมันหลอกไม่ได้หรอก ยิ่งพยายามคนใกล้ตัวยิ่งมองออก //ขณะที่หัวหน้ากำลังจะรุก ลิปพูดเตือนน้อยลง คีย์ก็จะเผลอใจไป ................. หึหึหึ!!55555 ฟานนนนนนช่วงนี้กำลังดี เหมาะที่จะควรได้รู้ได้เห็น รักมากมายเกินไปจริงๆ แต่ก็ต้อง....ได้เช่นกันเพราะงั้นยังเชื่อมั่นในตัวฟาน ความมีสติที่จะทำอะไรลงไป อย่ายึดติดว่ารักเขาถ้าเขา.......ไม่ก็คือไม่ เสียใจเสียการทรงตัวได้แต่อย่านานนะ เป็นห่วงอ่ะ 55555555 //อ๊ากกกกกกกกสนุกกกกกกกกก ไม่รู้จะคิดต่อไงละ ไรท์รีบมาต่อนะค่ะ จะอะไรยังไงต่อไป อยากรู๊วววววววว ฟานจะพูดอะไร เพราะฟานเป็นคนพูดตรงๆ แล้วท่าแบบนี้นะ คือกดดันให้คีย์พูดตามใจตัวเองออกมา หึหึหึ!!! 55555555 คิดไม่ออกเลยว่าหน้าฟานตอนนั้นจะ....ขนาดไหน เสียการทรงตัวแพร่บ คึ!! แล้วเราก็มองดูความรู้สึกผิดของคีย์ ความมือสั่น ความกลัวการสูญเสียที่มากขึ้น อ่าาาาาชอบอ่ะ 555555555555 //ขอให้มันสายเกินไปนะคีย์ อิอิ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 35 ' คนเห็นแก่ตัว ' UP - 23.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 24-09-2016 16:56:56
ร่านๆ แบบนี้ก็อ้าขาให้เขาเถอะคีย์ รำคาญว่ะ ทำไรก็ทำให้มันสุดๆ มัวแต่ลังเลยื้อไปยื้อมาอยู่ได้ คนโน้นก็รู้สึกผิด คนนี้ก็อยากได้อยากโดน มึงก็ให้มันเยอซะ มันอยากได้ของคนอื่นนักล่ะก็ ถ้ามึงคิดว่าคนแบบนี้เป็นคนดีก็ถวายรูให้จบๆ ส่วนฟานปล่อยให้ไปเจอคนที่ดีกว่าเถอะ เชื่อว่ามีดีว่ามึงเยอะอีคีย์  ปอลิง.ขอประทานโทษในความหยาบมา ณ.ที่นี้ เราอินจัดน่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 35 ' คนเห็นแก่ตัว ' UP - 23.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 25-09-2016 02:56:07
สวยค่ะ อีคีย์ สวยมากกกกก (แบะปาก)
เกลียดคนร่านแบบหลบในแบบนี้
(จริงๆชอบรับร่าน แต่แบบเปิดเผยน่ะ โรคจิตอ่ะ)
ถ้าจะร่านก็ร่านซะ
อย่ามาทำ ปญอ ทำตัวเป็นแม่พระ
คือเกลียดคนโลเลอย่างนี้จริงๆน่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 35 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 25-09-2016 21:09:23
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 36
' คนที่ควรแคร์ '

 
“ กลับมาแล้วเหรอครับ " เสียงที่เอ่ยทักผมก่อนจะพยักหน้ารับอีกคนแบบชะงักเล็กน้อย มองหน้าฟานที่ยิ้มจางๆให้ผม เด็กผู้ชายที่กำลังดูการ์ตูนเรื่องโปรดของตัวเองอยู่ในตอนนั้น " ทำไมมองหน้าผมนานจัง " อาจเพราะเอาแต่จ้องอีกคนก็เลยถามออกมาแบบนั้น ผมเบือนหน้าหนีไปทางอื่นอีกคนก็หัวเราะออกมา ก่อนจะลุกจากโซฟาแล้วเดินมาหา สองแขนที่กอดผมเอาไว้ เค้าก้มหน้าลงหอมแก้มผม  " เหนื่อยมั้ย " คำพูดห่วงใยของเค้า อยากจะร้องไห้ออกมาเสียเฉยๆ อย่างไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น มึงกำลังทำอะไรอยู่ว่ะคีย์ มึงกำลังคิดอะไรอยู่ คิดที่จะทิ้งคนที่รักมึงขนาดนี้ไปหาคนที่เห็นแก่ตัวแบบนั้นนะเหรอ ไอ้โง่ โง่ซะเหลือเกิน

“ ไม่เหนื่อยหรอก " ผมบอกเค้าก่อนจะพิงร่างอีกคนอยู่แบบนั้น

“ เมาเหรอครับ "

“ ไม่ได้เมาสักหน่อย " เงยหน้ามองเค้าที่ก้มลงมาจูบผม ตอบรับเกลียวลิ้นนั้นอย่างไม่เกี่ยงงอนเราจูบกันเนิ่นนานจนฟานผละออกแล้วหอมแก้มผม

“ น่ารักจัง ไม่เมาด้วย "

“ ฟานเคยสั่งไว้ว่าห้ามเมา ถ้าฟานไม่อนุญาติ "

“ เด็กดีนะเนี้ย "
 
“ ใครกันแน่ที่เป็นเด็ก " อายุน้อยกว่าก็เท่านั้นยังมาหาว่าคนอื่นเค้าเป็นเด็กอีก

“ คุณอายุมากกว่าผมแต่ตัวแค่นี้เองเหรอออ ทำไมตัวแค่นี้อะ " หน้าตาล้อๆของเค้าทำเอาผมขมวดคิ้วก่อนจะผลักอีกคนให้ออกห่างตัว เสียงหัวเราะของฟานที่ยังดึงดันจะกอดผมไว้เค้าเอ่ยถาม " ไม่แกล้งก็ได้ แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้างครับ ไปกินข้าวกับเพื่อนที่ทำงาน " ชะงักนิดหน่อยตอนที่อีกคนถามออกมา เค้าที่ก้มหน้าลงมาถาม " คุณคีย์ครับ "

“ ก็ดีนี่ อร่อยดี "

“ กินอะไรกันละครับ "

“ ซูซิน่ะ "

“ เหรอครับ พอพูดถึงซูซิแล้วอยากจะกินข้าวหน้าปลาไหลมากเลย นี่คุณคีย์ครับ ผมมีร้านร้านนึงที่เคยไปกินมาเป็นร้านหรูสไตส์ญี่ปุ่นแท้ๆเลย ไว้วันไหนเราไปกินกันมั้ย "

“ ไม่ไป! " เผลอหลุดพูดออกไปแบบนั้น ผละตัวเองออกจากอ้อมกอดของฟาน  ที่ก็เลิกคิ้วงงๆ ก่อนจะยิ้มจางๆสงสัย " คะ คือ คือฉันหมายถึงว่า  กินร้านธรรมดาๆก็พอ  ไม่ต้องถึงขั้นหรูหรานั้นหรอกน่า ฉันไม่ได้อินกับอาหารญี่ปุ่นอะไรขนาดนั้น  "

“ อย่างงั้นเหรอครับ " ฟานพยักหน้าเข้าใจ

“ แต่ถ้านายชอบไว้เราหาร้านอร่อยๆไปกินกันมั้ย เอาร้านที่ไม่แพงมากแต่อร่อยไง มันก็มีเยอะแยะไม่ใช่เหรอ ฉันเคยเห็นรีวิวในเน็ต " ทำไมยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งงง ยิ่งสับสนกันนะ เหมือนพยายามเบี่ยงเบน แต่ก็เหมือนชวนเค้าพูดวกเข้าเรื่องนั้นอยู่ " ฉัน ขอตัวไปอาบน้ำก่อน เหมือนจะเหนื่อยๆ "

“ ครับ "
   ถอนหายใจออกมาตอนที่เดินเข้ามาในห้องตัวเองแล้วปิดประตูลง ทำไมมันอึดอัดขนาดนี้ก็ไม่รู้ สมองที่เหมือนเอาแต่คิดเรื่องของหัวหน้าเสียจนวุ่นวายไปหมด คำพูดที่พูดออกมาพวกนั้น คำพูดที่ชวนให้เราหวั่นไหว  ' เพราะนายที่หวั่นไหวนั่นคือจุดอ่อนที่บอกกับฉันว่า ฉันมีโอกาสจะชนะคนปัจจุบันของนายแน่นอนแม้มันจะแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็เถอะ ฉันก็จะลองดู จะต้องทำให้นายกลับมารักฉันให้ได้ แม้ใครจะมองว่าเห็นแก่ตัวก็ตาม ' ทั้งที่ความเห็นแก่ตัวแบบนี้ เราน่าจะรังเกียจแล้วหนีไปให้พ้นๆ แต่ทำไมถึงแม้ปากจะพูดออกไปว่า อย่าทำ แต่ใจมันกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด ใจที่ร้อนรนอยากจะตอบรับเค้า เพราะรอเค้ามานานงั้นเหรอ เพราะว่านั่นคือคนที่แอบชอบมานานเหรอ แล้วฟานละ.. ตอนนี้ความรู้สึกที่เรามีต่อเด็กคนนั้นคืออะไรว่ะ

   อาบน้ำเรียบร้อยตอนที่เดินออกมาจากห้องน้ำผมพบว่าคนที่ควรจะดูการ์ตูน หรือหนังอยู่ในเวลานี้กลับมานอนเล่นมือถืออยู่บนเตียงเตรียมตัวจะนอนแล้ว ฟานหันมองผมก่อนจะขยับตัวไปนอนฝั่งตัวเอง มือที่ตบลงบนเตียงเหมือนเชื้อเชิญให้ไปนั่งตรงนั้น

“ ทำไมวันนี้นายนอนเร็วจัง "

“ พอดีผมสมัครงานไว้ได้น่ะครับ เริ่มทำวันพรุ่งนี้ วันนี้เลยจะรีบนอน " อีกคนบอกก่อนจะเลื่อนตัวเองมาหนุนตักผมที่นั่งอยู่บนเตียง

“ นี่ ถอยออกมาไปน่า มาหนุนตักฉันทำไมเล่า " ดันหัวไอ้เด็กดื้อออกแต่ฟานไม่ยอมแพ้กลับกอดเอวผมไว้แน่นแล้วซุกหน้าเข้ากับท้องก่อนจะถอนหายใจออกมา " เป็นอะไร เครียดเหรอจะได้ทำงาน ตื่นเต้นรึไง  "

“ เปล่า แค่รู้สึกอยากจะกอดคุณคีย์เฉยๆ อยากอ้อนนะครับ "

“ อะไรของนาย อ้อนอะไรเล่า" หลุดยิ้มออกมาตอนที่หันหน้าไปมองทางอื่น เผลอถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ยังไงเค้าก็แพ้ทางไอ้เด็กคนนี้อยู่ดีสินะ ไอ้ท่าทางลูกหมาๆแบบนี้น่ะ

“ อ้อนแบบนี้ไง คุณคีย์ครับ คุณคีย์ของผม " ใบหน้าคมที่เงยหน้าขึ้นมามองส่งสายตาน่ารักมาให้ก่อนจะดึงตัวเองขึ้นมาหอมแก้มผม " คุณคีย์ครับ "

“ จะเอาอะไร เรียกอยู่ได้ "

“ ไม่เอาอะไรทั้งนั้น อยากจะแค่กอด " เค้ากอดผมแน่นขึ้น " อยากจะแค่หอมแก้ม " แล้วเค้าก็หอมแก้มผม " อยากจะแค่จูบ " ริมฝีปากที่จูบผม ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะหลุดยิ้ม ให้ตายสิ ทำไมต้องมาแพ้ลูกอ้อนของไอ้เด็กคนนี้ด้วยขนาดนี้ด้วย หัวใจเต้นแรงไปหมดแล้ว

“ ถ้าแบบนั้นก็ไม่ได้เรียกว่า ไม่เอาอะไรทั้งนั้นหรอก เรียกว่าอยากจะกอด อยากหอมแล้วก็อยากจะจูบแล้วละ  "

“ เหรอ งั้นอยากให้คุณเป็นของผม คุณเป็นของผมได้มั้ยละครับ "

“ แล้วตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นของนายหรอกเหรอ " ก้มหน้าลงถามเค้า ฟานก็ลุกขึ้นจากตักของผมขึ้นมานั่งมองหน้ากัน สบสายตาคมของเค้าอยู่สักพักก่อนที่เค้าก้มลงมาจูบผม มือที่จับมือของผมไว้ยิ้มจางๆให้กัน

“ ไม่รู้สิ ไม่แน่ใจ เพราะงั้นช่วยทบทวนความจำให้หน่อยสิ "

“ ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์ " หลุดปากออกไปเบาๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายหยุดการเข้าหาผมลง เค้าที่จูบริมฝีปากพร้อมกับอ้อมกอดที่กอดรัดแล้วดันให้ลงนอนราบกับพื้นเตียง ช่วงเวลาที่ไม่ต้องเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากนี้คงต้องกลายร่างเป็นของเคี้ยวเล่นให้ไอ้ลูกหมาอีกแล้ว แค่ไม่รู้ว่าจะนานเท่าไหร่สำหรับค่ำคืนนี้มันก็เท่านั้น แต่แบบนี้ก็ดีอย่างน้อยก็ได้ย้ำว่า ตัวเรานั้นเป็นของใครแล้วก็เลิกคิดสักสักทีสำหรับเรื่องของผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนั้น

   เดินออกจากคอนโดพร้อมกันในช่วงเวลาเช้าของวันต่อมา ในรถไฟที่ค่อนข้างอึดอัดผมที่ยืนอยู่ในอ้อมกอดของเค้าที่พยายามกันไม่ให้ใครเข้ามาใกล้ผม ทั้งๆที่นี่ก็เป็นรถสาธารณะในช่วงเวลานี้มันก็ต้องเบียดกันอยู่แล้ว ใบหน้าหงุดหงิดของเค้ามองซ้ายดูขวาเหมือนขู่ทุกคนที่พยายามเข้ามาใกล้

“ นี่ นายจะไปแยกเขี้ยวใส่คนอื่นทำไม "

“ ก็เค้าเข้ามาใกล้เกินไป " ฟานบอกผมก็ถอนหายใจ ร่างที่อยู่ติดผนังโบกี้โดนอีกคนกางแขนกั้นทุกคนที่เดินมายืนข้างๆ แต่มันก็ไม่ได้ผลหรอก ช่วงเวลานี้ใครๆก็อยากจะไปทำงานให้ทันกันทั้งนั้น ทุกคนก็พยายามดันตัวเองเข้ามานั่นแหละ

“ นายจะบ้ารึไง นี่มันรถไฟนะ ทุกคนเค้าก็รีบไปทำงานกันทั้งนั้นอะ "

“ ถ้าโดนจริงๆ คุณคีย์ไม่กลัวโดนเหรอ "

“ โดนอะไร " เอียงหน้ามองเค้าอีกคนก็เอื้อมมือมาจับตูดผมก่อนจะบีบเบาๆ " นี่ ไอ้ฟาน อยากตายรึไง " ถลึงตาใส่เค้าที่หัวเราะออกมา

“ โดนแบบนี้ไม่กลัวเหรอ "

“ ไม่กลัวเว้ย เพราะไม่มีใครเค้าคิดอัคกุศลเหมือนนายหรอก "

“ น้อยไปน่ะสิครับ " เค้าพูดแค่นั้น ก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทาง " ถ้าผมเรียนจบเตรียมตัวออกจากงานได้เลยคุณน่ะ ผมจะไม่ให้คุณทำงานอะไรแบบนี้หรอก จะให้คุณทำแค่พรีแล็นซ์แล้วใช้ชีวิตอยู่กับผมทั้งวัน "

“ ตลก ฉันก็มีหนี้มีสินของฉันที่ต้องทำงานชดใช้เหมือนกันนะนาย "

“ ไม่เป็นไร เดี๋ยวทำงานจ่ายให้ก็ได้ หรือจะจ่ายตอนนี้เลยก็ได้ "

“ จ้าๆ พ่อคนรวย นายเขยิบหน่อยสถานีหน้าฉันจะลงแล้ว "

“ ผมก็ลงสถานีหน้าเหมือนกัน " ฟานบอกก่อนจะคว้ามือผมแล้วดึงให้ออกมาจากรถไฟตอนที่จอดลงที่สถานีใกล้ที่ทำงานของผม ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ยังไงก็ไม่ชอบเลยจริงๆไอ้ช่วงเวลาเบียดคนมาทำงานในตอนเช้านี่น่ะ ถ้าทำได้อยากจะมาทำงานสายสักหน่อยเพราะยังไงก็กลับช้าอยู่แล้ว

“ แล้วตกลงนายได้งานอะไร ยังไม่เห็นเล่าฉันเลย "

“ ไว้ตอนเย็นผมจะมาเล่านะ ตอนนี้ดูเหมือนผมเกือบจะสายแล้วละ " ท่าทางรีบร้อนของเค้า ตอนที่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วรีบวิ่งออกไปแต่ยังไม่ทันพ้นสายตาผมเท่าไหร่ เค้าก็วิ่งกลับมาก่อนจะหอมแก้มผมอย่างรวดเร็ว " วันนี้แค่นี้ก่อนนะครับ พอดีลืมทำตอนออกจากบ้าน "

“ ไอ้.. ไอ้บ้า ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้คนเยอะแยะ ไอ้เด็กนี่นิ " ตะโกนด่าเค้าไปแต่ถึงอย่างงั้นก็หลุดยิ้มออกมาอยู่ดี ฝ่ามือหนาที่โบกมือลาผม ผมเองที่โบกมือลาเค้าก่อนที่ฟานจะหายเข้าไปในห้างใกล้ๆ

“ หวานกันตั้งแต่เช้าเชียวน้าาา " หันไปหาต้นเสียงที่เอ่ยแซวกันอย่างไม่ให้สุ่มให้เสียงอะไร  ตกใจกับใบหน้าของเพื่อนร่วมงานอย่างลิปที่ยืนอยู่ข้างหลังกับยิ้มล้อๆ

“ ตกใจหมดนายนี่ อยู่ๆก็เข้ามาทัก "

“ คิดว่าฉันเป็นหัวหน้ารึไง "

“ เปล่าสักหน่อย " เบือนหน้าหนีเค้าก่อนจะเดินเข้าไปในอาคาร ลิปก็หัวเราะ

“ แล้วฟานมาทำอะไรแถวนี้เหรอ กลัวนายนอกใจถึงขั้นมาส่งกันแล้วเหรอเดี๋ยวน่ะ "

“ นี่ ลิป " ผมหยุดเดินแล้วหันไปมองอีกคนก็ยิ้มออกมาจางๆ เหมือนรู้ตัวแล้วละว่ากำลังทำให้ผมโกรธ " เลิกพูดแบบนั้นสักทีได้มั้ย ฉันไม่ได้นอกใจฟาน แล้วหยุดสักทีเถอะ ไอ้คำพูดประชดประชันแบบนั้นของนายน่ะ เอาตรงๆนะ มันไม่ใช่แล้วอะ แรกๆมันก็โอเคแต่ตอนนี้มันมากไปแล้ว " หลายครั้งแล้วกับคำพูดเชิงประชดที่ทำให้ผมต้องเจ็บปวด หลายครั้งแล้วที่คำพูดพวกนั้นทำให้ผมดูเป็นคนไม่ดี คนเลว คำพูดที่ทำให้ต้องจิตตก

“ ขอโทษ " อีกคนพูดเสียงเบาๆ

“ ฉันไม่ได้โกรธที่นายเตือนฉันเรื่องนั้น แต่ฉันแค่เหนื่อย บางทีนายที่ประชดประชันฉันมันทำให้ฉันคิด "

“ คิดว่า ตัวเองกำลังทำแบบนั้นจริงๆใช่มั้ย "

“ อื้ม "

" ฉันคงทำได้แค่เตือนนายคีย์ สิ่งที่ฉันคิดฉันยอมรับว่า เล่นบ้าง จริงบ้าง แต่โดยรวมแล้วก็แค่อยากจะเตือนสตินาย ไม่ให้ลุ่มหลงไปกับคำพูดของหัวหน้า ฉันไม่อยากให้นายต้องมาเสียใจทีหลัง "

“ เสียใจทีหลัง ? “ ผมทวนคำพูดอีกคนก็ยกยิ้ม

“ ตอนที่รู้ว่าจริงๆแล้วหัวหน้าไม่ได้ดีอย่างที่นายคิด เป็นแค่ผู้ชายคนนึงที่ใส่หน้ากากน่ารังเกียจ แล้วก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เค้าต้องการ แต่ว่าตอนที่นายรู้ความจริงฉันกลัวว่ามันคงสายไปแล้ว เพราะตอนนั้นฟานอาจจะไม่ได้อยู่กับนายแล้วก็ได้ "

“ หัวหน้าน่ะนะ ไม่ใช่คนใส่หน้ากากอะไรหรอกลิป เมื่อวานเค้ายังพูดตรงๆกับฉันเลย " เถียงอีกคนไปแบบนั้น ลิปก็พยักหน้ารับ
“ อย่างงั้นเหรอ "

“ อย่างที่หัวหน้าบอกจริงๆ นายมองเค้าในแง่ร้าย "

“ นี่ฉันไปอยู่ในวงสนทนาของนายกับเค้าด้วยเหรอไง " ลิปหัวเราะ " แสดงว่าฉันก็เป็นคนสำคัญนะเนี้ย หรือว่าจะกีดกันความรักของเค้ากับนาย จนเค้าดูออกกัน "

“ ลิป "

“ ไม่ว่านายจะพูดยังไง ฉันก็มองเค้าเหมือนเดิมนั่นแหละ ฉันให้ความเคารพเค้าในฐานะของลูกน้องคนนึง เพราะเค้าเป็นคนเก่ง และเป็นหัวหน้า แต่ในฐานะที่เค้าเข้ามาจีบนายที่มีเจ้าของอยู่แล้วด้วยท่าทางด้านๆที่ทำให้รู้สึกเท่ห์ในสายตาของนาย ฉันก็มองเค้าเป็นแค่ คนน่ารังเกียจคนนึง ที่ยอมรับออกมาตรงๆว่ากำลังขโมยของของคนอื่นกินอย่างหน้าด้านๆก็เท่านั้น แต่ไม่สิ..ไม่น่าจะเรียกว่าขโมยของคนอื่นกินหรอก เพราะเรื่องแบบนี้ ปรบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก "

“ ลิป ฉันไม่ได้ "

“ นายคงรู้ดีแก่ใจว่าทำอะไรอยู่ ฉันคงเตือนนายได้แค่นี้ ระวังไว้ก็แล้วกัน ระวังความรู้สึกชอบของนาย มันจะระเบิดออกมานะ "

“ สวัสดีครับ คุณลิป คุณคีย์ คุยอะไรกันอยู่เหรอ หน้าตาเคร่งเครียด ไม่เข้าทำงานรึไง " เสียงทุ้มที่ทำให้เราหันไปมองต้นเสียงนั้นพร้อมๆกัน ผมก้มหน้าลงตอนที่เจอเค้าในตอนนั้น แต่ลิปกลับยกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าไม่พอใจเล็กๆ หัวหน้าวันนี้ใส่สูทผูกไทค์อย่างดี เค้ายิ้มขึ้นมาก่อนจะชวนคุยต่อ " ทำไมทำหน้าตึงเครียดกันขนาดนั้น เงินเดือนไม่พอใช้เหรอไง "

“ เปล่าหรอกครับ แค่กำลังถามคีย์ว่าเมื่อวาน รสชาติอาหารเยี่ยมรึเปล่า "

“ อร่อยมากเลยแหละ ไว้วันไหนนายก็ไปด้วยกันสิลิป " หัวหน้าชวนอีกคนก็ส่ายหน้า

“ ไม่ดีกว่า เชิญไปกันสองคนเถอะครับ "

“ อย่างงั้นเหรอ เออ นี่คีย์ เที่ยงนี้ไปกินข้าวกัน " หัวหน้าหันมาบอกผมที่ก็เหลือบมองลิปน้อยๆ ก็ทุกวันกินข้าวกลางวันด้วยกันมาตลอด แล้วอีกอย่างผมว่า ผมเองไม่สมควรจะไปแล้ว ไม่สมควรจะใกล้ชิดกับหัวหน้าอีกแล้ว

“ คือว่า..”

“ นายบอกฉันเองนะว่า ถ้านัดนายก่อนคนอื่น นายจะไป "

“ คือ " ท่าทางเก้ๆกังๆของผมที่เหมือนกำลังจะปฎิเสธเค้า

“ ลิปก็ไปด้วยกันสิ ไปด้วยกันสองคนเลย "

“ แหม ฉลาดจัง พออีกคนเหมือนจะไม่ไปก็มาชวนเรา " เค้าพูดเบาๆแต่หัวหน้าก็คงได้ยินอยู่แล้ว ร่างสูงที่ยิ้มแห้งๆออกมาก่อนจะมองผม

“ เท่านี้คีย์ก็คงสบายใจที่จะไปกับฉันมากขึ้นแล้วใช่มั้ย "

“ ผมยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะ " ลิปหันไปถามหัวหน้าที่ยิ้มออกมา " ไปหน่อยเถอะน่า เดี๋ยวเลี้ยง "

“ ทำได้ทุกอย่างเลยนะครับ จะแย่งเมียชาวบ้านเนี้ย "

“ ลิป " ผมปรามอีกคนที่ก็หันมาจ้องหน้าผม

“ แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ เมียเค้าเล่นด้วย " ประโยคที่มาพร้อมกับรอยยิ้มหวานๆของลิปที่เดินจากเราไป ผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่มองแผ่นหลังเพื่อนเดินออกไป หัวหน้าก็หันมาถาม

“ นายโอเครึเปล่า คีย์ "

“ โอเคครับ ผมไม่ได้คิดมากอะไรหรอก มันไม่จริงสักหน่อย " ตอบเค้าแบบนั้นก่อนจะก้มหน้าลง ขอตัวเดินเข้าไปในอาคารแต่ทว่าอีกฝ่ายก็คว้าข้อมือของผมไว้

“ นี่ ฉันเป็นห่วงนายนะ "

“ ถ้าเป็นห่วงกันจริงๆ ก็ช่วยอยู่ห่างๆกันหน่อยได้มั้ยครับ  "

“ คีย์ " เสียงทุ้มที่เรียก ผมดึงมือตัวเองออกจากการจับกุมของเค้าก่อนจะเดินเข้าไปในบริษัทเข้าแถวขึ้นลิฟต์ หัวหน้าที่เดินมาต่อคิวอยู่หลังผม เราเข้าไปในลิฟต์ตัวเดียวกัน

   ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่อัดแน่นผู้คนขึ้นไปส่งตามชั้นต่างๆของแต่ละแผนก ร่างสูงของหัวหน้าที่ยืนช้อนหลังของผม ผ่อนลมหายใจสม่ำเสมออาจเพราะเค้าสูงกว่าผมมากก็เลยกลายเป็นว่าเค้าคือกำแพงที่กั้นผมออกจากใครๆ ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก พนักงานอีกชั้นที่ไหลเข้ามา ในตู้ก็ยิ่งอึดอัด ร่างของผมเบียดเข้ากับเค้ารับรู้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นแรงของเค้าในความใกล้ชิดของเรา จนกระทั่งถึงแผนก

“ อึดอัดชะมัดเลย " เค้าบ่นออกมา ผมก็หันไปยิ้มจางๆให้

“ วันนี้หัวหน้ามาเร็วนะครับ ปกติมาสายไม่ใช่เหรอ "

“ ทำไมถึงพูดแบบนั้นละ มันทำให้ฉันดูเป็นคนไม่ดีนะคีย์ " มือหนาเอื้อมมาเขกหัวผมเหมือนจะทำโทษ " ว่าฉัน เดี๋ยวเถอะ "

“ ก็มันจริงนี่น่า ปกติคุณมาสายจะตาย " ยิ้มล้อเค้าก่อนอีกคนจะเงียบไป สบสายตาเค้าที่เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

“ ถ้าลิปโกรธนายก็ไม่เป็นหรอกนะ ยังไงก็ยังมีฉันอยู่นะ " มือยกขึ้นลูบหัวผมเค้าที่กำลังจะเดินเข้าไปในแผนก " การที่เรารู้สึกดีต่อกันไม่ใช่เรื่องผิดอะไรหรอก "

“ แม้ว่าทั้งคุณ ทั้งผม จะมีคนที่ตัวเองรักอยู่แล้วอย่างงั้นเหรอ "

“ ใช่ เพราะสำหรับฉันถ้าเลือกนายได้ตั้งแต่แรก ฉันคงเลือกนายไปแล้ว ไม่เลือกเธอหรอก ฉันแค่เจอนายช้าไปก็เท่านั้นแหละ" หันมองแผ่นหลังที่เดินเข้าไปในแผนก ผมผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะตั้งคำถามนึงกับตัวเอง

' แล้วเราล่ะ ฟานไม่ใช่คนในแบบที่ชอบ มาทีหลังแต่แสนดี กับหัวหน้าที่เป็นคนในสเป็ค ชอบมานานแต่เค้าเห็นแก่ตัว เราจะเลือกใคร '

   ผ่อนลมหายใจออกมากับความรู้สึกที่คิดไม่ออก ไม่อยากจะคิดอะไรอีกแล้ว มันเหนื่อยกับความรู้สึกทุกอย่างที่กำลังประดังประเดเข้ามาในชีิวิต ผิดรึเปล่าที่เรากำลังรู้สึกหวั่นไหวไปกับเค้า

   ใช่ แน่นอนมันผิดอยู่แล้ว คนที่มีเจ้าของแล้วไม่ควรหวั่นไหวกับคนอื่น โดยเฉพาะคนที่เป็นรักเก่า แต่ถึงอย่างงั้นที่เราต้องมาหวั่นไหวแบบนี้ มันเพราะอะไรวะ เพราะหัวหน้าทำดีกับเรา เพราะเราไม่ได้รักฟานมากพอ หรือที่ผ่านมาเพราะไม่เคยขาดเค้าไป เราแค่รู้สึกดีกับเค้าแต่ไม่ได้พิเศษอะไร เลยบอกคำว่า ชอบออกไปไม่ได้สักที แต่การที่ให้เค้าจับจองเป็นเจ้าของมันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะมาบอกว่าไม่รู้สึกอะไรหรอกนะ

   ฟานเป็นคนพิเศษ แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเป็นแบบนี้ หรือเพราะไม่เคยเสียเค้าไป เพราะว่ารู้ว่ายังไงเค้าก็ยังอยู่ ฟานไม่ทิ้งเค้าหรอก ฟานรักเค้าจะตาย

   ' ความคิดที่เหมือนเห็นเค้าเป็นของตาย ' ทำไมความรู้สึกสับสนแบบนี้ต้องมาเกิดขึ้นเพียงเพราะคำพูดของหัวหน้าที่หันมาบอกว่าชอบเราแบบจริงจังด้วยนะ .. ทำไมถึงรู้สึกว่า อยากจะตอบรับรักกับเค้าจัง อยากจะลองดูว่ามันจะเป็นยังไง จะต้องใช้ชีวิตแบบไหน  ถ้าไม่ติดว่ามีฟานอยู่ ตอนนี้คงตอบรับรักไปแล้ว เพราะสำหรับผมเรื่องวันไนท์สแตนอะไรพวกนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอคิดว่านี่คือความรู้สึกลึกๆของตัวเองก็รู้สึกว่าตัวเอง น่ารังเกียจที่สุดเลย

อยากจะเป็นเมียน้อยเค้าจนตัวสั่นไปหมดแล้วคีย์
น่ารังเกียจชะมัด แม้มันจะเป็นแค่ความคิดเลวๆที่มีความคิดดีๆคอยรั้งไว้ก็เถอะแต่นั่นก็น่ารังเกียจเหลือเกิน


“ ลิป " ผมหันไปเรียกคนข้างกายที่หันมายิ้มให้อย่างเช่นทุกที " มีอะไรเหรอ " เค้าถามออกมาเพราะเห็นว่าผมไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักที

“ เปล่า แต่ฉันคิดว่า ฉันควรขอโทษนาย "

“ เรื่อง ? “

“ เรื่องที่บอกว่านายยุ่งวุ่นวายเรื่องของฉันมากเกินไป คือ หมายถึงที่นายชอบพูดประชด "

“ ไม่ต้องซีเรียส ฉันมองว่านั่นมันก็จริง ฉันชอบพูดประชดมากเกินไปจริงๆ " เค้าบอกก่อนจะยิ้ม " ฉันเองควรจะคิดได้ว่า ตัวเองก็มีแฟนเป็นโฮสที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเลิกกันเหมือนกัน ทั้งๆที่นายเองก็ห้ามฉันอยู่ว่าอย่าเล่นกับไฟ แต่ฉันก็ด้านที่จะเล่นมันอยู่ในตอนนี้ ฉันเลยมานั่งคิดๆว่า ชีวิตใครก็ชีวิตมันอะนะ ทำตามใจตัวเองเถอะ "

“ แต่ฉันคิดว่า ที่นายพูดมันก็ไม่ผิดหรอก แต่ที่ฉันบอกนายไปแบบนั้นอาจจะเป็นเพราะว่า ช่วงนี้คำพูดประชดของนายมันโดนใจไปหน่อยก็เท่านั้น เหมือนคนกำลังหลอกตัวเองว่าไม่ใช่น่ะ พอนายพูดอะไรที่ตรงใจฉัน แม้จะประชดออกมาเล่นๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนของขึ้นน่ะ ขอโทษนะ "

“ ช่างมันเถอะ ฉันไม่ซีเรียสหรอก แต่ฉันคงทำได้แค่เตือนเท่าไหร่แหละ เพราะยังไงสุดท้ายแล้วมันก็แล้วแต่นายจะคิดละนะ "  พยักหน้ารับเค้าอีกครั้ง ผมที่หันกลับมาทำงานของตัวเอง แต่ยังไม่ทันที่จะทำอะไรอยู่ๆก็มีเมล์ฉบับนึงส่งเข้ามา เมล์จากหัวหน้า

' เที่ยงนี้ไปกินข้าวกันเถอะ ร้านอาหารอิตาเลี่ยนใกล้ๆบริษัทอร่อยมากเลย ฉันอยากจะไปกินกับนายสองคน แต่ว่าถ้าไม่สะดวกใจจะชวนลิปไปด้วยก็ได้นะ ถ้าเค้าอยากจะไปละก็ ฉันตามใจนาย แล้วเจอกันครับ ' ถอนหายใจออกมาตอนที่อ่านอีเมล์ฉบับนั้น ผมเม้นริมฝีปากตัวเองกำลังคิดว่าจะตอบอะไรเค้าออกไปดี

' วันนี้คงไม่สะดวกที่จะไปด้วยหรอกครับ ไว้โอกาสนะครับ ' ผมกดตอบกลับไปหาเค้าสักพักอีเมล์ฉบับใหม่มันก็เด้งกลับขึ้นมาอีก

' แย่ชะมัด วันนี้ไม่มีใครไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉันเลย ฉันที่อยู่ข้างๆนายมาตลอดตอนที่นายมีปัญหา ตอนนี้ฉันมีปัญหาไม่มีคนไปกินข้าวด้วย จะไม่ช่วยฉันหน่อยเหรอคีย์ ไม่อยากกินข้าวคนเดียวนี่น่า ' คำพูดติดอ้อนที่ส่งมาผมหลุดยิ้มออกมาก่อนจะผ่อนหายใจออกมาเบาๆ

“ ช่างอ้างให้จนมุมจริงๆ"

“ นายพูดกับฉันเหรอคีย์ " ลิปที่หันมาถาม ผมก็ส่ายหน้าไปมาก่อนจะยิ้มให้อีกคน

“ คือ.. ฉันพูดคนเดียวน่ะ "

“ อะ..หนักนะนาย พักผ่อนบ้าง " คนข้างๆที่แซวเค้าที่หันไปทำงานต่อ ผมก็ถามขึ้น

“ นี่ลิป.. จะเป็นอะไรมั้ยถ้าเที่ยงนี้ นายช่วยไปเป็นเพื่อนฉัน ไปกินข้าวกับหัวหน้าหน่อย "

“ ไม่ไปอะ นายไปเถอะ เผื่ออยากจะคุยเรื่องส่วนตัวฉัน มีฉันไปเป็นก้างมันคงไม่ดีหรอก " อีกคนที่ส่ายหน้าปฎิเสธผมก็ผ่อนลมหายใจออกมา เลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้เค้าอีกคนก็ถอนหายใจหนัก " นี่ ไม่ต้องคิดเข้ามาอ้อนฉันเลย ฉันไม่ไปหรอก นายไปเถอะ ฉันเกลียดหัวหน้าจะตาย นายก็รู้ ฉันไม่อยากจะทำให้ช่วงเวลาพักที่แสนมีค่าของฉันต้องเอาไปอยู่กับคนแบบหมอนั่นหรอก "

“ แต่หัวหน้าเลี้ยงนะ "

“ แล้วยังไงกันเล่า ฉันเองก็มีเงิน นายเถอะ ไม่รู้จักปฎิเสธเค้าละ ถ้าไม่อยากจะไปละก็ "

“ ฉันปฎิเสธไม่ได้ " เม้มริมฝีปากบอกอีกคนไป ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะปฎิเสธหรอก แต่พอเค้าอ้างเรื่องนั้นออกมามันก็ชวนให้น้ำท่วมปากแล้วก็ปฎิเสธไม่ออกเพราะรู้สึกผิดไปซะทุกที

“ ทำไมถึงปฎิเสธไม่ได้ นายปฎิเสธไม่ได้หรือไม่คิดจะทำมันมากกกว่า "

“ ฉันปฎิเสธเค้าไปแล้ว " ผมบอก " แต่เค้าก็ตอบกลับมาแล้วก็ อ้างเรื่องนั้น เรื่องที่บอกว่าเค้าช่วยฉันไว้แล้วก็ถามว่าพอทีเค้าไม่มีเพื่อนกินข้าวทำไมฉันไม่ช่วยเค้า "

“ ถามจริงๆเถอะคีย์ เค้าทำแบบนี้ เอาเรื่องนั้นมาคอยอ้างกับนาย นายยังมองว่าเค้าดีอยู่อีกเหรอ นี่มันทำบุญหวังผลชัดๆไม่ใช่รึไง เค้าน่ะ น่ารังเกียจแถมยังเห็นแก่ตัวขนาดนี้ นายยังรู้สึกว่าเค้าดีได้ยังไง "

“ ฉัน..”

“ นายกำลังเหมือนคนมีความรักที่กำลังมองแง่เหี้ยๆ เป็นแง่ดีไปหมด ฉันเตือนนายแล้วนะ ระวังจะเสียฟานไป ฉันเตือนนายแล้ว " สบตาอีกคนที่ถอนหายใจออกมา " ฉันจะไปเป็นเพื่อนแล้วกัน แต่แค่หนนี้นะ หนหน้าฉันจะไม่ไปเป็นเพื่อนนายแล้ว ถ้านายยังไม่รู้จักหัดปฎิเสธเค้าซะบ้าง "

“ แล้วนายจะพูดกับเค้าว่ายังไง ถ้าเป็นนาย นายก็จนมุม "

“ ถ้าเป็นฉัน ฉันจะพูดว่า หน้าที่ของหัวหน้าคือการช่วยลูกน้องอยู่แล้ว แต่หน้าที่ของลูกน้องไม่ได้มีความจำเป็นต้องไปกินข้าวกับหัวหน้าสักหน่อย ถ้าไม่อยากจะไป "

“ ความเป็นจริงเราพูดไม่ได้หรอก คำพูดพวกนั้นน่ะ มันแรงเกินไป "

“ นายมีร้อยวิธีที่จะปฎิเสธ จำไว้ ยกเว้นที่จะไม่ปฎิเสธ แล้วใจอ่อนไปกับคำพูดอ้อนๆของเค้า " ลิปบอก " ช่างเถอะเลิกพูดถึงไอ้ผู้ชายคนนั้นน่าจะดีกว่า เอาเป็นว่าฉันจะไปกับนายก็แล้ว แต่ครั้งหน้าฉันจะไม่ไปแล้วนะ เพราะงั้นถ้านายไม่คิดจะหาคำปฎิเสธเค้า นายคงต้องไปคนเดียว "

“ อื้ม ขอบคุณนะ "

“ นายไม่จำเป็นต้องแคร์เค้าขนาดนั้นคีย์ คนที่นายควรแคร์ คือฟานตังหากจำไว้ "

คนที่ควรแคร์ แต่ตอนนี้ผมกลับไม่ได้แคร์เค้าเลย

......................................................

ฉันไม่ชอบพี่คีย์เลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :katai4:
ทำไมฉันต้องเขียนอะไรออกมาแบบนี้!!!!!!!!!!!!!!!!! #ทึ่งหัวตัวเองด้วยความก้าวร้าว
ยืมร่างพี่ลิป เข้าตัวเองเข้าสิงพี่ลิปไป
มันก็เป็นพล๊อตที่เราวางมาตั้งแต่แรกว่า นี่คือดราม่านะ
แต่ทำไมพอเขียนแล้วแบบ แบะปากไปมองไปวะ  :z3:
แต่สัญญากับตัวเองแล้ว ว่าจะไปให้สุด จะไปให้สุดตามที่ตั้งไว้อย่างไม่ไหวหวั่น  :katai1:

ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ
หนมอยากจะเข้าไปรี จะให้เชิญชวนคนอื่นมาอ่านด้วยกัน เอิ้กกกกกก
ฝากแชร์ในเฟสด้วยนะคะ ขอบคุณค่าา

มันส์อย่างต่อเนื่อง หมั่นไส้ไม่มีสิ้นสุด รอวันถึงจุดจบ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
เจอกันตอนหน้าค่า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 25-09-2016 21:33:55
คีย์จะคิดได้ทัน ใจแข็งพอก่อนที่ทุกอย่างจะสายไปไหม

ไปให้สุดของไรท์จะเป็นมาม่ารสอะไรนะ


 :katai4:  :katai4:    :katai4:  :katai4:

....

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: PREMIUM_ALMOND ที่ 25-09-2016 21:43:34
พออ่านความคิดที่คีย์รู้สึกแล้ว ไม่สงสารคีย์สักนิดเลยที่โดนลิปว่า

สู้สึกรังเกียจหัวหน้ามากกกก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 25-09-2016 21:45:25
คีย์เมื่อไหร่คีย์จะคิดได้คะ โอ่ยยยยยย อ่านแล้วหงุดหงิดแทนลิปเลย :เฮ้อ: อินมาก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-09-2016 21:51:29
เกลียดอะ. นี่แหละหนทางของคนมีชู้.  ไม่เลือกสักทาง
ชอบหลบๆซ่อนๆเหรอ. ชอบคาราคาซังเหรอ. ถ้าลำบากใจนักก้อลาออกสิ
หมั่นไส้. มันจะอดตายให้รู้ไปสิ. ยังไงก้อขอให้ตอนหน้าเคลียร์ลงนะคะ. เราว่าคีย์ชักจะยืดเยื้อมากไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 25-09-2016 21:54:49
เปลี่ยนนายเอกได้ไหมคะ  แบบว่าขออาสาเองเลย  สงสารฟานอะ  โอ้ยยยย...บีบคั้นหัวใจ


พี่ลิปไม่น่ามีแฟนไปก่อนเลย คนดีๆแบบฟานนะจะได้คนที่ดี มีความคิดและเข้าใจโลกแบบลิปนี่
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 25-09-2016 21:57:23
ฮื่ออออออ อยากจะเม้นให้ทุกตอน แต่คำพูดมันจุกอกกก กรี๊ดดดดด

แต่งดีมากค่ะ เอาให้สุด รอตอนต่อไปด้วยความลุ้นระทึก คนเขียนสู้ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 25-09-2016 22:38:14
 :z3: :z3: :z3: :z3:
โอ้ยย ถ้าลิปไม่มีพี่เมษนะ
จะให้ลิปได้กับฟานแทนเลย

แล้วนี่ๆๆๆๆ รอบนี้ลิปไปด้วย ฟานอาจจะไม่เห็น แต่รอบที่ไป 2 คน (ซึ่งมีแน่นอน)
ฟานต้องเห็นแน่นอน
แล้ววแล้วแล้ว ที่ฟานทำตัวแปลกๆ ต้องเห็นอะไรแน่เลย ของอ่านพาร์ทฟานบ้างได้ม้ายยยยย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 25-09-2016 22:47:11
สรรหาอะไรมาด่าไม่ได้ละ นอกจากโคตรเกลียดมึงเลยอีคีย์ เราชอบเม้นของคนหนึ่งนะ ที่ว่าประมาณคีย์ร่านในแบบของคนที่พยายามเป็นแม่พระ ใช่เลย ทำอะไรได้ไม่สุดเพราะสวมหน้ากากนายเอกอยู่ เปลี่ยนกันถ้าคีย์เป็นแค่อดีตแฟนของฟานที่ไม่ใช่นายเอก เราจะมองว่าฟานฉลาดมากที่เลิกกับคนมักมากจนไร้ค่าแบบนี้ เพราะอย่างงั้นเปลี่ยนนายเอกก็ไม่ว่ากันนะคนเขียน ท้ายของท้ายสุด หวังว่าจะถึงจุดพีคสุดๆซะทีนะคับไม่งั้นเรื่องจะยืดเยื้อไป อ้อ ขอแถมเราอยากเห็นฟานรักตัวเองมากกว่ารักคนอย่างคีย์นะคับ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 25-09-2016 23:45:22
ลิปได้ใจข้าอีกแล้ว
พูดอะไรคือโดนคือแทงใจหมดอ่ะ
คีย์ก็คิดได้นะ คิดได้เยอะด้วย
แต่ก็ไม่ยอมตัดสักที
นี่ไม่เข้าใจนางเลยอ่ะ
อะไรจะจิตใจดีแม่พระขนาดนั้น
คนแบบหัวหน้าเกรงใจไปก็ไม่ช่วยอะไรหรอก
หันไปแคร์คนที่ควรแคร์นะคีย์
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 25-09-2016 23:58:31
คนเขียนเก่งนะ เขียนให้เราเกียจนายเอกแบบที่ไม่เคยเกียจมาก่อนที่อ่านๆมาหลายๆเรื่อง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 26-09-2016 00:15:59
เอาน๊าคีย์ ทำตามใจไปเถอะ ช่วงเวลานอกคอนโดนี้ขอมีความโล่งใจหาความสุขให้ตัวเองนะ อยากอยู่กับคนที่หวั่นไหวนานๆ ก็ตามสบายเลยอย่าได้แคร์ใคร ไม่ว่ากัน สงสารอ่ะตอนกลับคอนโด อยู่กับคนที่อยากอยู่กับคนที่ต้องอยู่ ความรู้สึกมันต่างกัน อึดอัดมากไหมละหืม หึหึหึ!! 55555  //ช่างไม่รู้ตัวเลยจริงๆ เขารู้แล้ว //ฟาน ที่ทำ พูดอ้อนมาแบบนั้นเพราะต้องการย้ำว่ายังเป็นของเรา ชัดว่ารู้มีไรเปลี่ยน แต่แกแค่ไม่แน่ใจเหรอ ก็เอออะ เข้าใจหว่ะ เพราะยังไม่เห็นตอนเขาอยู่ด้วยกันใช่ม่ะ? แต่ตอนนี้คีย์ออกอาการชัดมากเลยนะ แน่นอนว่าแกไม่บื้อขนาดนั้นหว่ะฟาน(รึป่าว) เมื่อไดที่ความไม่แน่ใจลดลงจนแน่ใจ มองหน้าคีย์ฟาน กดดันให้พูดออกมา ความอัดอั้นที่ฉายชัดตอนนี้ได้ที่เลย จะได้รู้ความจริงจากใจที่ซ่อนมันไว้ หึหึ!! //เอ รึว่าจะให้คีย์สมปรารถนากายใจก่อนแล้วค่อยกดดัน อืมเอาไงวะตรู 5555555 //ตราบใดที่คีย์ยังไม่สมปรารภกายใจก็จะไม่เลิกหวั่นไหว ชั่ววูบยังไม่หายไป ยกเว้นแต่จับได้ก่อน อิอิ!!555 //ลิป พอๆ ต่อไปพูดเรื่องดินฟ้าอากาศโน้นนน เรื่องนี้พอเถอะ เตือนมาเยอะละ ปากเปียกปากแฉะแต่ก็ไม่ฟัง พอเถ๊อะ //หัวหน้ารุกเลย รุกๆ นั่นๆคีย์กำลังหวั่นไหว อิอิ #ยิ้มอ่อน 555555 //หวั่นไหวกับคนนี้แต่อย่ามาหวงก้างกับคนอื่นนะ พูดเผื่อไปเฉยๆ 5555555 // สนุกอ่ะสงสารคีย์จัง อึดอัดอยากทำอย่างนี้แต่ก็.... 5555555 //แต่ฉันขอให้มันสายเกินไปนะคีย์ สายเกินไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ 555555 สนุกอ่ะ ชอบคะ รอมาต่อ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 26-09-2016 02:05:22
โอ๊ยยยย อินางงงง ใจนี่ระริ๊กระรี้อยากจะรี้ๆเข้าไปหาเขาาาา แต่ก็มีตัวจริงอยู่แล้วไง บอกตัวเองทำแบบนี้ไม่ดีนะ สะกดตัวเองไว้แบบนั้นแต่ไม่สะกดใจเลย แหมมมมม ร้อยวิธีบอกปฏิเสธมันมีนะจ๊ะ แต่ไม่แข็งไงยังระริ้กระรี่อยู่ อยากลอง อยากสัมผัส บอกคิดถึงฟานน้าาาา นั้นผัวตัวจริง แต่ไปกินข้าวกะหัวหน้าสองคน เธอยังเลือกที่จะไม่หมดเลยยย ถ้าตัวจะสั่นอยากได้เขาขนาดนั้น แนะนำบอกเลิกฟานก่อนนะ ลิปเตือนปากเปียกปากแฉะก็ยังหาเหตุผลเหี้ยๆมาอ้างต่อให้หัวใจร่านๆได้ชุ่มช่ำ นางทำไม่จริงอ่ะ ถ้านางปฏิเสธจริงๆแล้ววางป้อมปราการปกป้องตัวเอง ปกป้องความรักของนางกะฟาน อิหัวหน้าไม่ได้ขยับตีนมาใกล้ขนาดนี้หรอก อ่านล่ะอยากจะจับอินางมาขยี้ๆๆๆ หมั่นไส้ชิบ ปลาทู.1  คิดว่าอินางนี่หลงหัวหน้าล่ะไม่ใช่รักแล้ว ถ้าอยากไปเป็นเมียน้อยเขาหรือเพราะเขาบอกำลังจะเลิกกะเมีย นี่บอกนัดมาคุยเลยมา แล้วหัวหน้านี่มีซัมติ้งกะเด็กฝึกมิใช่หรอมมมม น้องเนยไรนั้น
ปลาทู2. กราบขอประทานอภัยหากเม้นท์นี้บั่นทอนจิตใจคุณนักเขียน


สู้ๅนาจา ;D # ฮาร์ททึ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 26-09-2016 03:02:41
อันนี้มาม่ารสอะไรอะคะ???  รสผัดผงกะหรี่ป่าว  :katai3:
อ่านตอนนี้แล้วเบะปากอย่างเดียว งี้แหละน้า คนร่านอยากจะไปเป็นเมียน้อยเค้า ปากบอกก็วนสต.อยู่แล้ว อย่าค่ะ อยากได้ก็บอกอยากได้ รูขมิบริกๆละนั่น

อยากบอกขุ่นแม่ลิปว่า เผ็ชมากค่า แม่ก็คือแม่ แล้วก็นะลิป คนมันอยากจะนอกใจไปหาผู้เลวๆอะ ปล่อยไปเหอะ คนดีๆแบบเราคงไม่เข้าใจแนวคิดเค้าหรอก แนวแบบ แอบกินกันเงียบๆลับหลังแฟน เมีย และลูก
ออกจะเร้าใจเค้าดีเนาะ

คิดอะไรไม่ออกจริงๆตอนอ่านนอกจากคำว่าก.หรี่  :hao6: อยากสมสู่กันท่าไหนก็ไปเถอะค่า ฤดูติดสัดพอดีเลย

ฟานต้องฉลาด ใจแข็ง และสตรองนะคะ ถ้าพี่เมษไม่มีนี่ยกแม่ลิปให้ละ คนดีย์ กลัวว่าถ้าพวกนั้นนัดกันกินข้าวอีก นังนั่นจะอ้างว่าลิปไปด้วยเรื่อยๆ

ขอให้ที่นางทำมันสายไป จนไม่เหลือใครจริงๆ
โตจนขนาดนี้ละ ศีลห้ายังจำไม่ได้นะคนเรา เห้อม ขยะแขยง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 26-09-2016 03:11:19
ใช่เลย เห็นด้วยกับเม้นบนค่ะ
พวกนางเหมาะกับคำว่า โตเป็นควาย จริงๆ
ไม่มีความคิดเอาซะเลย
ตั้งแต่อ่านนิยายวายมาไม่มีเรื่องไหนทำให้เกลียดนายเอกเลยนะเนี้ย
เรื่องนี้เรื่องแรกเลย แถมอยากให้เรื่องนี้จบแบบทุกคนเจ็บอ่ะ ยกเว้นฟานกับลิป
เรื่องนี้ดราม่าใช่ไหมค่ะ เพราะงั้นต้องจบแบบดราม่าน่ะค่ะ ตามชื่อเรื่อง (นางไม่ชอบเด็กนี้)
เอาแบบเจ็บแบบเจียนตายอ่ะ แบบตายจริงๆน่ะ
ตายทั้งเป็นเลยก็ได้
อยากให้คนพวกนี้เจ็บแบบสุดๆอ่ะ คือเกลียดมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 26-09-2016 03:44:30
ยังงี้คงมีดราม่ายาวรึป่าว แง่งงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-09-2016 09:08:53
คีย์ทำไปเลย กล้าคบไปเหอะ ไม่ต้องสับสนหรอก อยากทำอยู่แล้ว แคร์แค่คนนั้น ก็ทำไปเหอะ
ฟานจะได้ไปสักที ดีกว่าอยู่กับคนไม่จริงใจ แล้วคีย์จะรู้ จะได้คิดได้สักที

ฟานรู้แล้วแน่เลย

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 26-09-2016 11:09:10
การที่เราจะมีใครใหม่ เราต้องบอกเลิกคนเก่าให้เรียบร้อยก่อนนะคะ
จะได้ไม่ค้างคานะคะพี่คีย์
หัวหน้าก็ควรไปเลิกกับเมียก่อนนะคะ ทำแบบนี้นิสัยไม่ดีนะคะ
รู้สึกตัวเองสุภาพเรียบร้อย หุหุ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 26-09-2016 11:59:36
ไม่น่าจะเป็นแบบนี้ ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: aunszMT ที่ 27-09-2016 02:52:57
ลิปอาจจะพูดประชดประชันไปบ้างแต่ทีาพูดคือเรื่องจริงอะ ชั้นอยากให้นางโดนทิ้งซะอยากเป็นเมียน้อยก็ไปฟานควรได้เจอกับคนใหม่
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 29-09-2016 20:38:35
โอ้ยยยย เอดอกกกก พีคมาก ไม่เคยมีนายเอกเรื่องไหนทำให้พีคเท่าเรื่องนี้เลย ความอยาก ความกระเหี้ยนกระหือรือมันบดบังความจริงหมดแล้วใช่มั้ย
อย่าแต่งให้ฟานใจอ่อนยอมให้อภัยนางนะ ตัดเป็นตัด ขาดเป็นขาด ถ้ากระเหี้ยนขนาดนี้แล้วยังแต่งเข้าข้างละก็แม่จะแช่งเลยคอยดู หึยย พูดแล้วขนลุก ขยะแขยง อย่าเรียกว่าแม่พระคนดีค่ะ อันนี้เค้าเรียกกระเหี้ยนกระหือแต่แอ็บแบ๊วทำเป็นใส ตื่นค่ะ!!!! มึงไม่ใช่คนพรหมจรรย์ อย่ามาทำเป็นไม่รู้ว่าเค้าหวังอะไร ไปค่ะถ้าไม่มีค่าโรงแรมเดี๋ยวออกให้ แล้วจะแวะเข้าไปเก็บเสื้อผ้าฟานออกจากคอนโดเธอด้วย

อย่าลืมน้องเนย น้องเนย์อะไรนั่นนะ ที่เคยกิ๊กกั๊กกัน เตือนคีย์ด้วย เตือนคนแต่งด้วยเดี๋ยวจะเมามันกับดราม่าจนลืมว่าตัวหัวหน้ากำลังคั่วกับใครหลังคีย์ปฏิเสธไป พี่ขอแซ่บๆจัดเต็มเลยนะบทน้องเนยเนี่ย ขอหนักๆ
แม่เจ้าประคุณเอ๊ย ถ้าเป็นลิปนี่จะขอดัดหลังเพื่อนสักรอบ แชร์โลเคชั่น ส่งรูปไปเลย ไม่งั้นก็ให้ฟานมาเจอพอดี ถ้าจะหน้าด้านโยนความผิดว่ามาเป็นเพื่อนลิปนี่ก็ขอตัดขาดความเป็นเพื่อนเลย เหลือแค่เพื่อนร่วมงานพอ ทีมนานะ เอ้ย! ไม่ใช่ๆๆ ทีมลิป
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 29-09-2016 20:50:49
คือนางแรดมากไง กะจะเอาหัวหน้านั่นให้ได้ ก็หาข้ออ้างเรื่องอายุบ้าง เรื่องงานบ้าง แต่จริงๆคือนางแรดอยากได้หัวหน้าจนหน้ามืด

ขอย้ำอีกที หาแฟนใหม่ให้ฟานเถอะ เน่าๆแบบนั้นทิ้งลงถังไปเถอะ เสียดายนะที่ลิปมีแฟนแล้ว น่าให้คู่ฟานจริงๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-09-2016 02:47:06
คีย์จำเป็นต้องได้รับบทเรียนจริงๆนะ โดนสักทีเถอะ รู้สึกหมั่นไส้เหลือเกิน ไก่ได้พลอยจริงๆ :m16:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 30-09-2016 11:02:41
คีย์น่ารังเกียจอะไรขนาดนี้นะ ฟานไม่ใช่คนโง่ เค้ารู้แน่ๆอะ
ถ้าฟานรู้แล้วไม่ถอยออกมา เราว่าระบบความคิดเค้ามีปัญหาตามคีย์ไปอีกคนละ
คนแบบนี้ต้องเอาให้รู้สำนึก  o18

ปล.อยากด่าคีย์ว่า"กะหรี่" แต่กลัวแรงไป ไม่เอาดีกว่า  :katai5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 36 ' คนที่ควรแคร์ ' UP - 25.9.59} หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 30-09-2016 12:03:27
เป็นนิยายที่ด่าชิปหายวายวอดแต่ก็อ่านมาตลอดจนชักจะงงตัวเองละว่าสรุปแล้วตัวเองมาโซรึป่าว 555


ขออาสาดูน้องฟานยามเมื่อรู้ว่าคนที่ทุ่มเทให้ทุกอย่างกำลังติดจะเทคืน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 37 ' เด็กส่งน้ำ ' UP - 30.9.59} หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 30-09-2016 21:16:10

ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 37
' เด็กส่งน้ำ '

   ร้านอาหารอิตาเลี่ยนใกล้กับอาคารสำนักงานของเราที่เพิ่งมาเป็นครั้งแรก เพราะมันไม่ได้อยู่ฝั่งห้างผมเลยไม่ได้สนใจว่ามีร้านอาหารแบบนั้นอยู่ใกล้กับบริษัทของเราด้วย หย่อนตัวลงนั่งที่โต๊ะเล็กๆภายในร้าน พนักงานออฟฟิศมากมายที่ทยอยกันเข้ามาเป็นช่วงเวลารีบเร่งของคนค้าขายที่ต้องรีบบริการให้รวดเร็วที่สุด

“ ร้านน่านั่งจัง " เอ่ยหลุดปากชมออกมา ตอนที่มองไปรอบๆ ร้านที่ตกแต่งแนวอิลาลี " พึ่งรู้นะครับ ว่ามีร้านแบบนี้อยู่แถวบริษัทของเราด้วย "

“ อื้มม ไม่เคยเห็นเลย "  ลิปบอกก่อนหัวหน้าจะหลุดหัวเราะ

“ ก็พวกนายสองคนวันๆก็นั่งกินแต่แซนวิชในร้านใต้บริษัท ไม่เคยออกมาหาอะไรกินข้างนอกนี่ จะไปรู้ได้ไง " หัวหน้าว่ายิ้มๆ " ที่นี่น่ะ สปาเก็ตตี้อร่อยอะ พิซซ่า ก็เด็ด "

“ หัวหน้านี่ ท่าทางจะรู้เยอะนะครับ "

“ แน่นอน ผมเป็นพวกชอบกินข้าวข้างนอกนี่ ชอบหาร้านอร่อยๆกินช่วงพักเที่ยง "

“ ไม่ใช่ว่าชอบพาใครมากินข้าวเหรอ " ลิปแซวอีกคนก็ยกยิ้ม

“ ก็เพื่อนทั้งนั้น แต่มีหนนี้แหละที่ไม่ใช่เพื่อน " มือหนาที่เปิดเมนูอยู่ๆก็คว้ามือผมไปกุมไว้ ก่อนจะถูกผมดึงกลับทันที เงยหน้ามองลิปที่ทำท่าทางตกใจแต่ก็แค่ก้มหน้าลงดูเมนูของตัวเอง เสียงเบาๆของเค้าที่พูด

“ หน้าด้านกว่าที่คิดอีกว่ะ "

   เราสั่งอาหารมาคนละจานผมก้มหน้าลงกินอาหารที่มาเสิร์ฟตรงหน้าไม่ได้พูดจาอะไรกับใคร ภายในโต๊ะที่ค่อนข้างเงียบอยู่ๆหัวหน้าก็ถามขึ้น

“ พรุ่งนี้มากินด้วยกันสิ ฉันมีร้านอาหารแนะนำเยอะแยะเลยนะ "

“ พรุ่งนี้เห็นทีคงต้องขอผ่านครับ " ลิปบอก " ผมไม่ชอบกินอาหารในที่ที่คนพลุกพล่านน่ะ ขอกลับไปกินที่เดิมดีกว่า "

“ งั้นคีย์ นายปฎิเสธฉันไม่ได้แล้วนะ เหลือนายคนเดียวแล้วที่ต้องมากินข้าวกับฉัน "

“ เอ่อคือ.. ผมว่าผมเองก็ไม่ค่อยชอบ "

“ ฉันบอกว่าห้ามปฎิเสธไงคีย์" ร่างสูงพูดแค่นั้นก่อนจะก้มหน้าลงกินสปาเก็ตตี้ในจานของตัวเองต่อ ลิปมองหน้าผมที่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่ออีก เรากินอาหารกันเงียบๆ ผมใช้มือเดียวในการหมุนส้อมกินอาหารในจานแบบเบื่อๆ ไม่อยากจะกินเลย แล้วยิ่งคิดถึงวันพรุ่งนี้ก็ยิ่งไม่อยากกิน

    มืออีกข้างที่วางบนตักในช่วงเวลาที่คิดอะไรเพลินๆ อยู่ๆก็โดนใครที่นั่งอยู่ข้างๆคว้าจับมันไว้แน่น ผมหยุดกินอาหารไปแบบชะงักก่อนจะค่อยๆเลื่อนมือตัวเองออกจากการจับกุมของเค้า แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมปล่อยเค้ายังคงกุมมือของผมไว้แน่นอยู่ดี

   เงยหน้ามองลิปที่ยังคงก้มหน้ากิน ผมหันมองหัวหน้าที่ก็ยิ้มให้ผม เหมือนกับตัวเค้าเองก็ไม่ได้กำลังจับมือของผมอยู่ ดึงมือของตัวเองออกด้วยความรวดเร็วแบบรุนแรงจนหลุดออกจากการจับกุม ผมยกมันขึ้นมาไว้บนโต๊ะ รีบกินอาหารของตัวเองจนเสร็จก่อนจะดื่มน้ำ ผมไม่ชอบการทำอะไรที่เหมือนเรากำลังลักลอบคบกันแบบนั้น เค้าที่กำลังทำให้ผมดูสมยอมทั้งๆที่ตัวผมก็ไม่ได้สมยอมเลยสักนิด ทั้งๆที่พยายามหนี พยายามห้ามใจ แต่ก็ดูเหมือนว่าเค้าจะยิ่งเข้ามาใกล้

“ อร่อยดีจัง " ลิปบอกก่อนจะคว้ากระเป๋าเงินของตัวเองขึ้นมา

“ ไม่ต้องหรอกผมเลี้ยงเอง "

“ อย่าเลยครับหัวหน้า ผมจ่ายเองดีกว่า "

“ นั่นนะสิครับ ไม่ต้องเลี้ยงหรอก "

“ ผมอยากเลี้ยงนะ "

“ ไม่เป็นไรครับ เราสองคนจะจ่ายเอง ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครด้วย เดี๋ยวเผื่อหนหน้าไม่อยากมา ก็โดนขู่อีกว่า ฉันเคยเลี้ยงนะ รอบนี้นายมาเลี้ยงฉันเลย อะไรแบบนั้นน่ะ.. กลัว " ลิปว่าก่อนจะพูดออกมาเชิงขำๆ " แต่ผมไม่ได้หมายถึงหัวหน้านะ เพราะหัวหน้าคงไม่ใช่คนแบบนั้นใช่มั้ยละครับ พวกคนเห็นแก่ตัวน่ะ ฮ่าๆ " ยกมือขึ้นเรียกกับเงิน และของการจ่ายเงินแบบแยกกันจ่าย รอรับเงินทอนก็เป็นอันว่าสิ้นสุดการกินข้าวมื้อนี้เสียที

   ผมผ่อนลมหายใจออกมาเหมือนปลดโล่งออกไป ลิปก็หันมาทัก " คีย์ ถอนหายใจเสียงดังจังนะ นายตึงเครียดมากเลยเหรอที่ต้องไปกินข้าวข้างนอกน่ะ " เหลือบมองหัวหน้ากับคำพูดของอีกคนที่ทำเป็นพูดออกมาเหมือนอยากให้ร่างสูงรู้ว่าผมไม่ชอบเท่าไหร่ " ก็น่ะ ฉันเข้าใจนาย ก็นายไม่ชอบกินข้าวในที่ที่คนเยอะๆนี่นะ "

“ อื้ม ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ "

“ งั้นพรุ่งนี้บอกให้ฟานทำอาหารกลางวันมากินกับฉันสิ ฉันจะให้คุณเมษทำมาให้เหมือนกัน "

“ เอางั้นเหรอ " ผมหันไปบอกอีกคน ลิปก็พยักหน้ารับ การตกลงของเราจะเป็นไปด้วยดีแต่ทว่า มือหนาที่คว้าแขนของผมเอาไว้

“ ไหนบอกว่าพรุ่งนี้จะไปกินข้าวกับฉันไง ฉันบอกแล้วนะว่าห้ามปฎิเสธ  "

“ หัวหน้า แต่ว่าคือ."

“ หัวหน้าช่วงเวลาพักผ่อนนะ อยากจะทำอะไรก็ให้ลูกน้องทำเถอะครับ ผมขอพูดตรงๆเลยนะอย่าหาว่าไม่เกรงใจกันเลย  คีย์มันไม่อยากจะไปกับหัวหน้า ดูก็รู้แล้ว ยังจะบีบบังคับกันอยู่ได้ คำพูดที่ชวนให้อีกคนพูดไม่ออกน่ะ คุณมีความสุขนักหรือไงที่ไปกินข้าวกับคนที่ไม่อยากจะไปกินข้าวกับคุณแต่เค้าต้องไปเพราะคุณเป็นหัวหน้าน่ะ "

“ ใช่ " ร่างสูงยอมรับ " ถ้าคีย์ไปกับฉัน ด้วยวิธีไหนก็แล้วแต่ แค่ผลลัพธ์คือเค้าไปกับฉันนั่นก็พอแล้วเพราะเค้าคือคนที่ฉันสนใจอยู่ "  ลิปขมวดคิ้วตอนที่ฟังอีกคนพูดพลางถอนหายใจออกมา

“ คุณนี่..”

“ แล้วนายเกี่ยวอะไรด้วยลิป ฉันชวนคีย์ไม่ได้ชวนนาย ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนายถึงชอบออกความคิดเห็นเหมือนพวกรู้ดีไปหมดทั้งๆที่ไม่ได้รู้อะไรเลย "

 “ เหรอครับ " ลิปยิ้ม " ไม่รู้อะไรเลย หรือรู้มากไป มองออกมากไป กันแน่ " ทุกอย่างเงียบแววตาที่กำลังจ้องกันเหมือนจะทะเลาะ

“ ผมว่าเราขึ้นบริษัทไปทำงานต่อดีกว่า ไปเถอะลิป ไปกัน " ลากแขนของเพื่อนออกไปจากสงครามเย็นของทั้งหัวหน้าและก็เค้า แต่ทว่าหัวหน้าที่กำลังจะเดินตามเค้ากลับคว้าแขนของลิปเอาไว้ ก้มลงกระซิบอะไรสักอย่างที่ผมไม่ได้ยิน ลิปที่ยกยิ้มออกมาในตอนนั้นทำได้แค่จ้องเค้าอย่างไม่กลัว แล้วจากนั้นหัวหน้าก็เดินจากเราไป " ลิป..”

“ ฉันเห็นตอนที่เค้าแอบจับมือนายน่ะคีย์ ที่ร้านเมื่อกี้ " อีกคนหันมาบอกผม " อย่าเผลอขึ้นรถไปกับเค้าเชียวละ เพราะนายอาจจะต้องเลื่อนฐานะ จากลูกน้องไปเป็นเมียเค้าก็ได้ "

“ แล้วเมื่อกี้เค้าพูดอะไรกับนาย "

“ ถ้าสิ้นปีนี้มีคำสั่งปลดพนักงานออก ฉันจะเป็นคนแรกที่เค้าจะเสนอชือให้ออก " เค้ายักคิ้วบอกผมเป็นประโยคสั้นๆ ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วสำหรับสิ่งที่อีกคนเอ่ยออกมา ลิปไม่ชอบหัวหน้า แล้วหัวหน้าเองก็คงไม่ชอบลิปหรอก เพราะคำพูดประชดประชันพวกนั้นก็ไม่ใช่คำพูดเล่นๆ แต่ฟังแล้วเจ็บจุกอยู่เหมือนกัน " แล้วแบบนี้นายยังคิดอีกเหรอคีย์ ว่าที่เค้าช่วยนายอะ เค้าไม่ได้วางแผนมาตั้งแต่แรกแล้ว ถ้านายไม่ชอบเค้าก็ ระวังตัวไว้เถอะ หมอนี่มันร้าย แต่ถ้านายยังดึงดันที่จะลองชอบคนที่แอบชอบมานานแล้วละก็ นายมาถูกทางแล้วละ เพราะตอนนี้เค้าก็รุกนายแบบที่ไม่สนใจอะไรเลยเหมือนกับว่ากำลังทำทุกอย่างเพื่อให้ได้นายมา แม้จะด้วยวิธีที่เลวๆแค่ไหนก็ตาม "

“ ฉันไม่ได้ชอบเค้าหรอกลิป ยังไงก็ชอบฟานอยู่แล้ว " บอกอีกคนไปแบบนั้นก่อนจะถอนหายใจอกมา " แต่ฉันแค่ไม่รู้จะปฎิเสธเค้ายังไงก็เท่านั้น "

“ เหรอ งั้นก็ระวังไว้นะ ระวังความเกรงใจจะทำให้นายต้องไปกับเค้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนหยุดความรู้สึกจริงๆของตัวเองไม่ได้ " มือบางเอื้อมมาตบไหล่ผม " ความรู้สึกที่นายก็ชอบเค้าแต่ติดที่ว่าตอนนี้มีฟานอยู่แล้วละไม่อยากเสียไป จำไว้นะว่า นายหลอกใครก็ได้แต่นายหลอกใจตัวเองไม่ได้หรอกคีย์ "

“ แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง ถ้าเป็นแบบนั้น นายจะให้ฉันทำยังไง ถ้าคนนึงก็แสนดีแล้วไม่อยากจะเสียไป แต่อีกคนก็ชอบมานานแล้วถึงไม่จริงจังแต่ก็ชอบมานานแล้ว ฉัน...มันก็เสียดายนะเว้ย  ถ้าเป็นนาย นายจะทำยังไง "

“ คงเลือกใครสักคนละมั้ง  ระหว่างเป็นแฟนกับคนดีๆที่รักเรามากแต่ไม่ถูกสเป็คเท่าไหร่ กับเมียน้อยของผู้ชายในสเป็ค ก็คงต้องเลือกเอา "

“ แต่ฉันไม่อยากจะเลือก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเก็บเอาไว้ทั้งสองคนหรอกนะ "

“ นายกำลังจะบอกฉันว่า แอบคบกันหัวหน้าไปแบบนี้ และยังคงคบกับฟานอยู่ คืนไหนอยากจะนอนกับหัวหน้าก็บอกฟานว่า มีงานต่างจังหวัด ละไปมีอะไรกับเค้า พอเสร็จกลับมา อยากมีอะไรกับฟานก็มีอะไรกับเค้า พอหัวหน้าเบื่อ หัวหน้าทิ้งนายไปสุดท้ายนายก็ยังมีฟานอยู่ อย่างงั้นเหรอ ? ขอโทษนะ ความเห็นแก่ตัวมันถ่ายทอดทางลมหายใจเหรอไง ทำไมนายถึงติดมาจากเค้าได้ละ "
“ ลิป ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น ไม่ได้หมายความถึงเซ็กส์ บางทีเราแค่เป็นเพื่อนคุยกันก็เท่านั้น  แค่คนที่ถูกใจกันแต่เราทั้งคู่ก็มีแฟนอยู่ เราก็เลยทำได้แค่คุยกัน "

“ นี่นายยย คีย์ นายอายุ 25 แล้วนะเว้ย ยังมีความคิดโลกสวยแบบนั้นได้อยู่อีกเหรอ รักแล้วขาดสติรึไง นายคิดเหรอว่าเค้าจะไม่หวังมีอะไรกับนาย ฉันขอพนันพันล้านเลยก็ได้ ยังไงเค้าก็หวังจะมีอะไรกับนาย และไม่ใช่ครั้งเดียวจบด้วย คงจะหวังให้มีจนกว่าเค้าจะพอใจ แล้วค่อยสะบัดทิ้ง เลิกหลอกตัวเองสักทีจะได้มั้ย ชอบก็บอกไปว่าชอบ ก็แค่นายชอบคนเลวๆคนนึง แล้วมองแม่งดีกว่าคนดีๆ อยากจะเลือกหัวหน้าก็เลือก แล้วทิ้งฟานมันไปซะ สงสารมัน คนดีๆแบบมันอย่าให้ต้องมาคบกับคนเลวๆแบบนายเลย "

“ ฉันไม่ทิ้งฟานหรอก " ผมพูดออกไปอีกคนก็ถอนหายใจออกมา

" คีย "

" ฉันสับสนว่ะ ฉันไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไง ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ไม่รู้อะไรทั้งนั้น ฉันไม่อยากเสียฟานไป แต่ถึงอย่างงั้นหัวหน้าก็คือคนที่ฉันชอบมานาน พอเค้ามาจริงจังกับฉันแบบนี้ ฉันเองก็หวั่นไหว ฉันเองก็อยากจะลองคบเค้าดูเหมือนกัน "  ยอมรับออกไปแบบนั้นคนฟังก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้งเหมือนไม่รู้จะพูดอะไรออกมาแล้ว

“ เลือกสักคนคีย์ " ลิปเอื้อมมือมาจับไหล่ของผม " เลือกสักคน คนที่รักนายแล้วนายก็รักเค้า  ถ้าเป็นฟานก็เลิกยุ่งกับหัวหน้าซะ ถ้าเป็นหัวหน้าก็ปล่อยฟานไป อย่าจับปลาสองมือเพราะมันจะไม่ได้สักมือ เลือกดีๆ นายก็เลือกดูยิ่งเร็วยิ่งดีจำไว้ เพราะความลับมันไม่มีในโลกหรอก สักวันคนที่นายปิดบังไว้เค้าก็คงรู้ว่านายกำลังทำอะไรอยู่ ฉันเองก็คงเตือนนายได้แค่นี้ "   

   กลับขึ้นมานั่งทำงานต่อให้แผนก ผมที่พยายามรวบรวมสติทำงานตรงหน้าให้เสร็จ ออกแบบร่างงานของตัวเองด้วยการหาข้อมูลต่างๆกองไว้เสียเต็มตรงหน้าจอ งานยุ่งๆที่ทำให้ลืมเรื่องราวที่ทำให้รู้สึกเครียดในช่วงนี้ ยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มก่อนรุ่นน้องในแผนกจะเดินเข้ามาหา

“ พี่คีย์จะกินน้ำมั้ย พวกชา กาแฟ โกโก้ อยากจะกินมั้ยคะ "

“ น้ำเหรอ ไม่ค่อยอยากจะกินนะ " ผมตอบเธอไปอีกคนก็พยักหน้าเข้าใจ แม้จะเสียดายอยู่หน่อย ๆ "  ทำไมทำหน้าแบบนั้นอะ "

“ ก็เปล่าหรอกค่ะ แล้วพี่ลิปล่ะ อยากจะกินมั้ย "

“ เอาชาเขียวเย็นมาแก้วนึง "

“ โอเคค่า " เธอตอบรับก่อนจะจดชาเขียวเย็นที่ลิปสั่งลงในกระดาษแผ่นเล็กๆที่ถือมา " ครบแล้วค่ะ สิบแก้ว "

“ ต้องสั่งถึงสิบแก้วเลยเหรอ "

“ ใช่ค่ะ ถ้าสั่งสิบแก้วจะมีคนมาส่งให้ถึงแผนกเลย "

“ ดีจังนะบริการแบบนี้ " ผมว่า รุ่นน้องก็พยักหน้ารับ

“ ไม่ใช่แค่บริการดีนะ แต่ว่าพนักงานที่มาส่งน่ะ หล่อสุดๆไปเลย "

“ เคยเห็นแล้วเหรอ หน้าตาเป็นไง " ลิปถามอีกคนก็ส่ายหน้า

“ ยังหรอกค่ะ แต่แผนกบัญชีน่ะ เมื่อเช้าเค้าสั่งกาแฟกันแล้วน้องคนที่มาส่งหล่อมากกกก นางก็เลยมาเม้าส์ๆให้ฟัง แผนกเราก็เลยจะลองดูว่าหน้าตาจะหล่อจริงมั้ย "

“ แบบนั้น "

“ รอดูพร้อมกันนะคะ พี่ลิป "

“ โอเคๆ " เธอที่เดินออกไป ผมก็หลุดยิ้มออกมา กับท่าทางดีใจของสาวๆในแผนก จะหล่อแค่ไหนกันวะถึงได้ดี๊ด๊าอะไรขนาดนั้น

“ หล่อขนาดนั้นเลยเหรอวะ ถ้าโดนแผนกบัญชีหลอกแล้วจะขำให้ " ลิปว่าเสียงเบาๆ ผมก็หันไปบอก

“ แต่นายก็สั่งชาเขียวไปนะลิป "

“ อันนั้นก็เพราะว่าฉันอยากจะกินอยู่แล้วตังหากเว้ย ไม่ได้เกี่ยวกับพนักงานหล่อ ไม่หล่อหรอก "

“ อย่างงั้น " รับคำอีกคนก่อนจะหันกลับมาทำงานต่อ แบบไม่สนใจอะไร จดจ่อกับงานที่หน้าจอของตัวเอง ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แต่ตอนนั้นออฟฟิศเงียบๆของเรา อยู่ๆก็มีเสียงที่ผมคุ้นๆทักขึ้น

“ ขออนุญาติครับ มาส่งน้ำครับ " ทุกสายตาที่หันไปมอง สาวๆในออฟฟิศที่เป็นคนสั่งก็แสดงอาการดีใจแบบออกนอกหน้า ยามที่ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลานั่น

   ทุกอย่างที่แผนกบัญชีพูดเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องโม้เหม็นแต่อย่างใด ถาดน้ำถูกวางลงบนเค้าเตอร์ข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มของหนุ่มส่งน้ำที่บอกได้สั้นๆว่า หล่อสัดๆ หน้าตาคมเข้ม รูปร่างสูง พร้อมกับรอยยิ้มเท่ห์ๆ แต่ว่านะ.. นั่นน่ะ

“ ฟาน " ผมเอ่ยเรียกชื่อเค้าเบาๆสำหรับความหล่อเหลาที่คุ้นเคยดี ลิปที่หันมองอยู่หลุดขำออกมาเสียงดังลั่น นี่นะเหรอ ? หนุ่มส่งน้ำสุดหล่อที่แผนกบัญชีคลั่งไคล้กัน คือไอ้ฟาน คือ ไอ้ลูกหมาของผมเนี้ยอะนะ

“ หน้าคุ้นๆนะคีย์ เด็กหนุ่มส่งน้ำเนี้ย "  คนข้างๆบอกก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับกระเป๋าเงินของตัวเอง ตรงไปที่เค้าเตอร์ข้างหน้า " ชาเขียวของฉันล่ะ "

“ ถึงขั้นต้องลุกมาจากที่นั่งเลยนะพี่ลิป " เด็กผู้หญิงข้างหน้าแซวอีกคนก็ยิ้ม ก่อนจะยกกระเป๋าขึ้นป้องปาก ก่อนจะพูด

“ ชอบ "

“ นี่ครับ " ฟานยื่นน้ำให้อีกคนก็ยิ้มกว้าง

“ เสียดายแทนบางคนจังที่เค้าไม่ได้สั่ง อดมายืนตรงนี้เลย " ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะดึงมือตัวเองที่กำลังเท้าคางมองจ้องอยู่ ลงที่เดิม

    เบือนหน้าหันกลับไปทำงานต่อทันทีตอนที่ทุกคนหันมามองผมโดยเฉพาะฟาน  ไม่เห็นรู้เรื่องเลยสักนิดว่าหมอนี่ทำงานที่ร้านกาแฟ ไม่เห็นบอก เมื่อเช้าจะถามก็บอกว่ารีบ เพราะกลัวจะเข้างานสาย แล้วจำได้ว่า กาแฟร้านนั้น ไม่เคยมีบริการส่งนอกสถานที่ นี่น่า แล้วนี่อะไรทำไมพอหมอนี่ไปทำงานต้องส่งนอกสถานที่ด้วย แล้วนี่ส่งไปกี่แผนกแล้ว แล้วแต่ละแผนกเด็กฝึกงานก็เยอะ ไม่นับพวกป้าๆที่ชอบเต๊าะเด็กอีก ไม่ต้องดูอะไรมาก แค่แผนกกูก็รู้ ว่าที่ผ่านมาเจอไปกี่คำถาม

“ น้องชื่ออะไรเหรอคะ " รุ่นพี่ในที่ทำงานของผมถาม

“ ฟานครับ "

“ กำลังเรียนอยู่เหรอ "

“ ครับ กำลังเรียนอยู่ "

“ คณะอะไรละ "

“ วิศวะครับ "

“ วิศวะ ด้วย ตายแล้ววว " เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกัน ทำให้ผมหันไปเหลือบมองตรงกลุ่มที่เค้าเตอร์อีกครั้ง พอเรียนวิศวะแล้วมันเป็นยังไงวะ มันดูหล่อขึ้นเหรอ ทำไมถึงต้องทำหน้าทำตาเคลิ้มอะไรกันขนาดนั้น มีเจ้าของแล้วด้วยเว้ยคนนั้นน่ะ มีแฟนแล้ว

“ แล้วเรียนอยู่ปีไหนแล้วละ "

“ ปีหนึ่งครับ กำลังจะขึ้นปีสอง "

“ มีคนจ่ายค่าเทอมงวดสุดท้ายให้รึยังจ๊ะ  ถ้ายังใส่ชุดนักศึกษาแล้วขึ้นลิฟต์ตรงมาหาพี่เลยนะ " รุ่นพี่สาวโสดในแผนกอีกคนว่าแบบนั้นก่อนจะยิ้มให้ฟานที่ก็ทำได้แค่ยิ้มตามแล้วพนักหน้ารับ

' น่าเกลียดพูดแบบนั้นได้ไง เป็นผู้หญิงแท้ๆ จะส่งเสียผู้ชาย ส่งเสียตัวเองก่อนเถอะย๊ะ ไอ้หมอนั่นก็เหมือนกันปฎิเสธซะบ้างสิ พยักหน้ารับคืออะไรวะ เห็นแม่งเป็นลูกค้าแล้วต้องยอมรับทุกอย่างเลยรึไง ค่าเทอมไม่มีใส่ชุดนักศึกษามาหากูนี่มา เดี๋ยวจ่ายให้เอง ' ผมคิดในใจตอนที่มองดูการสนทนาของคนกลุ่มนั้น ทิชชู่แผ่นเล็กสองสามแผ่นจะถูกยกขึ้นเช็ดหน้าให้อีกคนที่ก็ก้มหน้ายิ้มเขินๆ ' มีเมียแล้วไม่มีสิทธิเขินกับผู้หญิงอื่นนะเว้ย ไอ้ฟาน ต่อหน้าต่อตากูเลยนะเนี้ย หยุดเลยนะอีป้า '

“ แรงมากเลยอะชะนีสมัยนี้ มีความเปย์ แล้วก็มีความถึงเนื้อถึงตัว " ลิปว่าก่อนจะหันไปมองฟานบ้าง " แล้วมีค่าขนมรึยังจ๊ะ พี่จ่ายให้ก็ได้นะ แม้จะโดนคนแถวๆนี้มองแรงก็ตาม "

“ ครับ "

“ แหมม แล้วเมื่อกี้ว่าแต่พี่นะลิป "

“ นิดๆหน่อยๆนะครับ " ลิปหันไปมองอีกคนก็จะยิ้มขำท่าทางเท่ห์ๆที่กำลังอาย “ นี่ฟาน  เมื่อกี้ถามว่าจ่ายค่าเทอมให้มั้ยก็พยักหน้ารับ พอบอกจะจ่ายค่าขนมให้มั้ยก็ตอบครับอีก ตกลงจะเอาจริงๆเหรอ ฉันจ่ายให้เลยได้นะ ขอไปเอาสมุดเช็คแปป "

“ ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้ขาดอะไร "

“ แหม เสียดาย " ท่าทางเสียดายที่ดูน่ารักชวนให้ฟานยิ้มออกมาก่อนรุ่นน้องในแผนกจะถามขึ้นอีก

“ แล้วน้องฟานมีแฟนรึยังคะ "

“ โสด " ลิปตอบ " แน่นอนว่าหน้าตาแบบนี้ต้องโสดแน่ๆ หรือถ้ามีแฟน ก็อาจจะกำลังโสดในไม่ช้าก็ได้ " ผ่อนลมหายใจกับคำพูดเล่นๆของลิปตรงนั้น มือที่จับเม้าส์ปากกาแน่นของผมทำได้เพียงจ้องไปที่ภาพนั้น

   เด็กผู้ชายวัยรุ่นสุดหล่อที่กำลังถูกล้อมหน้าล้อมหลังด้วยผู้หญิงหรือแม้แต่ผู้ชายคนละรุ่นกับตัวเอง เค้าที่เป็นที่สนใจเพราะทั้งหล่อแล้วก็โดดเด่น พนันได้เลยว่าถ้ามารู้นิสัยภายในว่าแสนดีขนาดไหน คงมีแต่ทำให้คนหลงใหลมากขึ้น ฟานที่ทั้งใส่ใจแล้วดูแลผมอย่างดี ทำอาหารก็เก่ง งานบ้านก็คล่อง แถมยังขี้อ้อน แล้วก็มีมุมดิบๆของผู้ชาย ไม่ต้องพูดเรื่องบนเตียงที่ก็ทั้งอบอุ่นและรุนแรงในคราวเดียวกัน เรียกได้ว่าเฟอร์เฟ็คทั้งภายในแล้วก็ภายนอกเลยแหละ ไอ้เด็กนั่นน่ะ

' แต่ แล้วเราทำไมไม่พอใจอีกวะ ทำไมถึงยังไปหวั่นไหวกับคนเก่าอยู่ได้ แล้วตอนนี้ที่หึงเค้า หงุดหงิดเค้าตอนนี้เพราะมีคนมาสนใจมันคืออะไร นู้นก็หวั่นไหว นี่ก็ไม่อยากทิ้งไป  '

“ คีย์ เหม่ออะไรอยู่ " เสียงทุ้มของหัวหน้าที่เอ่ยถาม ชวนให้ผมละสายตาจากฟานที่กำลังพูดคุยกับเพื่อนร่วมแผนก หันกลับมาสนใจงานของตัวเอง " เด็กส่งน้ำคนนั้น หน้าตาคุ้นๆนะ "

“  ครับ " ตอบเค้าสั้นๆ ในตอนที่หัวหน้าก้มลงมามองงานของผมในหน้าจอ ใบหน้าคมของเค้าที่เข้ามาชิดที่แก้ม ผมเองก็ถอยหนี " มีอะไรรึเปล่าครับ "

“ ก็เปล่าหรอก แค่สงสัยว่า นายกลัวที่แฟนนายจะเห็นด้วยเหรอ ความใกล้ชิดของเรา "

“ หัวหน้า "

“ ถ้านายไม่อยากจะให้เค้าเห็น บอกฉันสิ ฉันไล่เค้าไปให้ได้นะ " ผมเงียบไปตอนที่อีกคนพูดแบบนั้น

“ ทำไมถึงไม่คิดบ้างละครับ ว่าผมไม่อยากจะให้แฟนผมเข้าใจผิด เพราะผมรักแฟนผม "

“ คิดแบบปวดใจน่ะเหรอ .. ฉันไม่คิดอะไรแบบนั้นหรอก " เค้าว่าก่อนจะดึงตัวเองเข้ามาใกล้ผมอีก " วันนี้งานของนายออกแบบอะไร "

“ กล่องแพ็คเก็ตของรองเท้าครับ "

“ สวยจังนะ งานอะไรแบบนี้ของคีย์น่ะ "

“ หัวหน้า ต่อหน้าแฟนผมนะครับ กรุณาถอยออกไปเถอะ " ผมพูดเสียงเรียบๆ " อย่าทำให้แฟนผมกับผมต้องเข้าใจผิดกันเลย "

“ แต่นี่มันงาน "

“ คุณเข้ามาใกล้ผมมากกว่าคำว่า งานแล้วครับ " หันหน้าไปมองอีกคนที่ก็ถอนหายใจออกมา

“ กลุ่มเต๊าะเด็กส่งน้ำตรงนั้นน่ะ ถ้าจ่ายเงินเสร็จแล้ว ก็ช่วยกลับมาทำงานด้วยนะครับ มีลูกมีผัวกันหมดแล้วนะ "

“ หัวหน้าอ่าาา " เสียงดังๆของกลุ่มคนเหล่านั้นที่เอ่ยออกมากับความรู้สึกเสียอารมณ์เพราะคำพูดแซวตรงๆของหัวหน้า หันไปจ้องหน้าฟานที่ยิ้มให้ผมเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆที่ทำให้ผมยิ้มจางๆกลับไปให้เค้า

   แผ่นหลังที่เดินออกไปช้าๆหัวใจของผมบีบรัดกับความรู้สึกที่ต้องมาทำอะไรลับหลังเค้าแบบนี้ ความใกล้ชิดของผมกับหัวหน้า หรือแม้แต่คำพูดที่ไม่บริสุทธิ์ใจเหล่านั้น

“ ไม่มีไอ้หมอนั้นแล้ว คราวนี้ฉันใกล้ชิดกับนายได้เหมือนเดิมแล้วยังคีย์ "

“ หัวหน้ามันไม่เกี่ยวกันนะ "

“ ไม่เกี่ยวกันได้ไง เมื่อวันก่อนนายยังไม่พูดจาแบบนี้กับฉันเลย แต่เพราะมีแฟนนายยืนอยู่ตรงนั้น นายก็มาแสดงทีท่าขัดขืนฉัน ไม่ต้องกลัวหรอก เค้าไม่รู้หรอก ยังไงสำหรับภายในออฟฟิศฉันก็แค่ใกล้ชิดนายเพียงเพราะนายเป็นลูกน้องคนนึงก็เท่านั้น แต่ถ้าข้างนอก.. ก็ว่าไปอย่าง " หัวหน้าผ่อนลมหายใจออกมา ก่อนจะก้มลงมากระซิบผม " มันไม่ผิดหรอกที่นายจะชอบคนสองคนในเวลาเดียวกันแล้วก็เลือกไม่ได้ แต่มันจะผิดนะ ถ้านายไม่ยอมรับความคิดของตัวเอง อย่างน้อย นายก็ผิดต่อตัวเอง " ผมหันไปหาอีกคนที่กำลังยิ้มแต่มีแววตาที่เสียใจอยู่ในนั้น ความรู้สึกที่ทำให้ผมเงียบไป

“ คือ. "

“ กำลังปฎิเสธฉันอีกแล้วสินะ นายอย่าคิดสิว่า คนเห็นแก่ตัวอย่างฉัน จะไม่เสียใจที่ต้องคอยมาพูดจาเห็นแก่ตัวแบบนี้กับนาย ถ้าไม่รักไม่ชอบจริงๆ ฉันจะพูดทำไมละ ใช่มั้ย "

“ คำพูดเห็นแก่ตัวของคุณนั่นแหละ ที่จะทำให้ผมเลิกชอบคุณ เพราะมันเห็นแก่ตัวมากไปจนน่ารังเกียจ "

“ กำลังคุยเรื่องซีเรียสอะไรกันเหรอครับ " ลิปที่เดินมานั่งตรงที่เดิมเอ่ยถามเราสองคนที่กำลังจ้องตากันเขม็งด้วยความรู้สึกที่ไม่เหมือนปกติ แววตาอ่อนโยนที่มองกันและกันในตอนนี้เหมือนมันหายไปชั่วขณะ

“ เปล่าหรอก " หัวหน้าบอกก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง

“ ชาเขียวหน่อยมั้ย อร่อยนะ " ลิปที่ยื่นแก้วมา ผมก็ส่ายหน้า " หน้าตานายดูหงุดหงิดจัง หัวหน้ามาพูดอะไรให้โกรธอีกละ "

“ ก็เรื่องเดิมๆของคนเห็นแก่ตัว "

“ ฉันก็ตกใจ นึกว่านายโกรธฉัน "

“ เรื่องอะไรละ ทำไมฉันต้องไปโกรธนายด้วย " ผมหันไปถามอีกคนก็ทำท่านึก

“ เรื่องที่ฉันพูดไปว่า ฟานยังโสดทั้งๆที่เค้าจะตอบแล้วแท้ๆว่ามีแฟนแล้ว แล้วที่ฉันพูดว่า หรือไม่ก็กำลังจะเลิกกับแฟน "

“ ฉันไม่โกรธหรอก สิ่งที่นายพูดมันไม่ใช่ความจริงฉันจะไปโกรธนายทำไม " ผมหันไปมองอีกคนก่อนจะยิ้ม " เพราะยังไงซะ ฉันก็ไม่มีทางเลิกกับฟานหรอก ส่วนเรื่องที่คาราคาซังอยู่ตอนนี้ คงต้องปล่อยไปสักพักนึง ฉันเองก็เลือกไม่ได้ด้วย ว่าใครที่จะดีกว่าในระยะยาวกันแน่ ถ้าเลือกฟานไปสุดท้ายความเป็นเด็กเข้ากันไม่ได้ละ หรือถ้าเลือกหัวหน้าไปแล้วสุดท้ายเค้าไม่จริงจัง แบบนั้นก็เหมือนเสียอีกตัวเลือกไปเปล่าๆเลยนะ ว่ามั้ยละ  "

“ สงสารฟานนะ คีย์ "

“ ทำไมไม่สงสารฉันบ้างละ ฉันก็หนักใจที่ต้องเลือกใครคนใดคนนึงนะ แล้วฉันก็ไม่อยากจะเลือกใคร คนนึงก็ดี อีกคนก็ชอบมาตั้งนาน ทำไมถึงไม่มีใครสงสารฉันบ้างวะ มันเลือกยากนะเว้ย ที่ต้องเลือกใครคนใดคนนึงทั้งๆที่เราก็ลังเลแบบนั้นน่ะ  " คำถามที่ทำให้คนฟังขมวดคิ้วก่อนจะเอื้อมมือมาจับไหล่

“ คนเห็นแก่ตัว มันไม่น่าสงสารหรอกนะ จะบอกให้ มันมีแต่น่ารังเกียจ "

..................................................................

ถึงขั้นต้องสบถออกมาว่า " อีเหี้ย!! กล้าาา ” กล้าพูดออกมาแบบนั้นได้ยังไงวะ
เราว่าคีย์เหมือนกับ คนที่หวั่นไหวไปแล้วแต่เพราะที่ยังมีความหักห้ามใจ คงเพราะเป็นความดีของน้องฟานที่ทำมาตลอดรั้งนางไว้อยู่ เหมือนเราชอบนะ แต่ไม่ได้มึงไม่ได้กูชอบไม่ได้ แต่มือที่โคตรรรอยากจะเอื้อมไปสัมผัสของชิ้นนั้นมากๆ นี่แหละ อยากจะได้มานานแล้ว ใจสั่นเชียว
มีคนบอกว่า เมื่อไหร่ดราม่าจะจบวะ แม่งยาวนานวะ คือ ตอนนี้เราเขียนล้ำหน้าคนอ่านที่กำลังอ่านไปหน่อยนึงนะคะ
เราเขียนพาสดราม่าตรงนี้อะ จบไปแล้ว จะบอกใบ้ว่า สักประมาณตอนที่ 39 40 จะถึงฉากที่พีคขั้นหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นก็จะสนุกขึ้นเรื่อยๆ  เพราะทุกคนรออ่านฉากพวกนั้นอยู่ เนื้อเรื่องทั้งหมด มีความจำเป็นต้องยืดยาวตัดไม่ได้ เพราะมีเหตุผลของมันที่ทำให้ต้องเขียนต่อ  ถ้าเราตัดไปแล้วเขียนข้ามๆ พอเขียนต่อไปคนอ่านจะไปอินกับเนื้อหาในส่วนอนาคตที่เราคิดไว้นะคะ
เพราะงั้น ยาวหน่อย อร่อยแน่

ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะคะ
ฝากแชร์ ในเฟสด้วย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ เจอกันตอนหน้าค่าาา  :กอด1: :L2: :3123: :L1:
..................................................................
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 37 ' เด็กส่งน้ำ ' UP - 30.9.59} หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 30-09-2016 21:29:26
 :katai2-1:   ฟานคะ.  ออกมาเถอะค่ะ.  อย่าไปเกลือกกลั้ว
พี่พูดเพราะหวังดีนะคะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 37 ' เด็กส่งน้ำ ' UP - 30.9.59} หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 30-09-2016 21:29:51
อึมครึมกันต่อไป  มืดมนกันต่อ  เฮ้อ
เอาคู่ลิป  เมษ  มาให้อ่านกันดีกว่าเนอะ  อิอิ  อยากอ่านคู่นี้มากค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 37 ' เด็กส่งน้ำ ' UP - 30.9.59} หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: PREMIUM_ALMOND ที่ 30-09-2016 21:40:50
“ คนเห็นแก่ตัว มันไม่น่าสงสารหรอกนะ จะบอกให้ มันมีแต่น่ารังเกียจ " ชอบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 37 ' เด็กส่งน้ำ ' UP - 30.9.59} หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 30-09-2016 21:45:13
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
โอ้ยยยยยยย อีคีย์ๆๆๆๆ
ถ้ายังเห็นแก่ตัวกว่านี้ จะไม่ต่างอะไรกับหมออินแล้วนะ
แต่ก้นั้นแหละ นิยายของหนมตัวละครมีมิติ เหมือนคนจริง
ยังไงคีย์ก้ยังลังเลเรื่องฟาน เพราะงั้นนางจะลังเลก้ไม่แปลก
แต่ถ้าสุดท้าย ฟานจากไป ก้ไม่แปลกเหมือนกัน
รอต่อไป

แต่ถ้าเขียนไปแล้วก้มาอัพบ่อยๆน้าาาา
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 37 ' เด็กส่งน้ำ ' UP - 30.9.59} หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-09-2016 21:54:44
หัวหน้ากับคีย์ก็ดูเหมาะกันดีนะ เห็นแก่ตัวแบบไม่มีอะไรมาเปรียบจริงๆ เราอยากให้สุดท้ายคีย์โดนเทแบบไม่เหลือใครเลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 37 ' เด็กส่งน้ำ ' UP - 30.9.59} หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 30-09-2016 21:58:10
พูดได้เต็มปากเต็มคำดีว่ะ เราก็ทำได้แค่ยิ้มอ่อน
ไม่อยากด่าเยอะ รอซ้ำตอนที่พีคทีเดียวละกันฮึ้ยย หงุดหงิด

ขอบคุณคนเขียนนะคะ แต่งดีมากๆ เลย
สู้ๆนะคะ รอตอนต่อไปปปป  :L2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 37 ' เด็กส่งน้ำ ' UP - 30.9.59} หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 30-09-2016 22:20:48
ฉากที่ทุกคนรอคือฉากที่คีย์โดนทิ้งใช่มั้ย?
งั้นตั้งตารอเลยจ้ะ  o18
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 37 ' เด็กส่งน้ำ ' UP - 30.9.59} หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 30-09-2016 22:56:35
ฉากที่รอคืออะไร ฉากที่อิคีย์ได้กับหัวหน้าแล้วโดนฟานทิ้งใช่ไหม นี่ละที่รอ....


ตอนนี้ตือแบบชูป้ายไฟเชียร์ลิปจ้า ทำไมพี่ลิปถึงได้ตรงขนาดรี้  ในฐานะเพื่อของคีย์ ต้องบอกว่าพี่แกเป็นคนที่รักเพื่อนมากถึงจะดูว่าตรงจนไม่รักษาน้ำใจแต่นี่ละคนรักเพื่อนเขาทำกันแบบนี้  ในฐานะคนนอกที่มองอยู่ห่างๆม่ได้มีส่วนได้เสียพี่คีย์ทำดีมากคะที่ด่าอิคีย์จนเรารู้สึกสะใจมากในหลายๆครั้ง....เสียดายจังถ้ายังโสดนะเราจะทำพิธีสู่ขอลิปให้ฟาน 555

เรานับถือในฝีมือการเขียนของคนเขียนที่เขียนงานออกมาชิ้นไหนก็โดนใจจนต้องด่างนายเอกของเรื่อง สาปแช่งตัวโกงและเสียความรู้สึกในหลายๆตอนหลายๆเรื่อง แต่ก็ต้องบอกเลยว่าเธอแน่มากที่ทำให้เราทั้งด่าและติดตามผลงานของเธอมาตลอดไม่เคยหยุดอ่าน  นี่ถ้าเปรียบตัวละครสักตัวคงเป็นตัวโกงตัวอิจฉาที่ด่ามันชิปหายวายวอดแต่ก็ต้องมาหลงยิ้มตามแล้วชมจากใจจริงว่าเล่นดีมากเลยจ้าาาาา 555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 37 ' เด็กส่งน้ำ ' UP - 30.9.59} หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 30-09-2016 23:11:09
งั้น เราคงต้องใจเย็นๆ รออ่านรวบยอดเลยดีกว่า ไม่อยากค้างคาน่ะ เพราะอ่านไปอย่างนี้ ยิ่งทำให้เราเกลียดอีคีย์จนแทบปาโทรศัพท์ทิ้ง คนที่เผลอใจโดยไม่ตั้งใจยังพอให้อภัยนะ แต่อีนี่มันตั้งใจแถมมองตัวเองไม่ผิดอยากให้คนอื่นเห็นใจซะด้วย สุดจะบรรยายความคันของนาง ชั่วไร้ที่ติ เลวไร้ตำหนิจริงๆ เทคับเท เฮ้อ.. ใจเย็นๆ(บอกตัวเอง) ยังไงเป็นกำลังใจให้คนเขียนคับ ถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก รอบทสรุปและหวังว่าการรอคงไม่เสียเปล่า รอกระหน่ำอีคีย์นายเอกสายคันคะเยอทีเดียว หึๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 37 ' เด็กส่งน้ำ ' UP - 30.9.59} หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 30-09-2016 23:33:23
มีความปวดตับ :z6:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 37 ' เด็กส่งน้ำ ' UP - 30.9.59} หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 30-09-2016 23:56:46
ชั้นหมดคำจะพูดกับคนแบบอีนี่ละ คันมากป้ะรูมึงเนี่ยยย
คนแบงหล่อนมีไรให้สงสาร???  ไปให้ว่าที่ผัวดูเอ็นเอ็นดูไป๊ สกปรก หมายถึงสันดานนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 37 ' เด็กส่งน้ำ ' UP - 30.9.59} หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 30-09-2016 23:59:55
กูว่าแล้ววววววววววววววววว เม้นในตอนก่อน "หวั่นไหวกับคนนี้แต่อย่ามาหวงก้างกับคนอื่นนะ พูดเผื่อไปเฉยๆ 555555" คนอย่างนี้ อย่างคีย์เนี้ยจะเป็นแบบนี้ละ 55555 ละถ้าฟานเป็นคนตอบเองนะว่าโสด จะรู้สึกโกรธมาก แต่ถ้าตอบว่ามีแฟนแล้ว จะยิ่งลำพองใจ แล้วก็จะเล่นชู้ทางใจกับหัวหน้าต่อไป //เข้าใจความรู้สึกนะเลือกไม่ถูกไม่อยากเลือกอยากเก็บไว้ทั้งสองคน คนนึงใจรัก อีกคนรักใจ ถ้าเลือกใครไม่ได้ ก็จะไม่ทำอะไร จะอยู่แบบนี้ละ ให้อีกคนจับหรือรู้ได้เอง ขึ้นอยู่กับอีกคนแล้วละ หึหึ!!!!! //นั่งมองดูความอึดอัดใจ เรียกร้องความเห็นใจของคีย์ต่อไป สนุกดีออก 555555 //ปะชะดะกันตรงๆ ลิป vs หัวหน้า หึ!!!!!!! //รอตอนต่อไปค่ะ ฟานจากไม่แน่ใจในตอนก่อนจะแน่ใจในตอนไหน รอดูค่ะ อิอิ คิก!!!!
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 37 ' เด็กส่งน้ำ ' UP - 30.9.59} หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 01-10-2016 00:05:39
คนที่เห็นแก่ตัวมันน่าสงสารตรงไหนกันนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 37 ' เด็กส่งน้ำ ' UP - 30.9.59} หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 01-10-2016 00:32:46
ปวดหัวกับคีย์แท้
ไม่มีใครสงสารเธอหรอกข่า
แบบนี้ก็รู้แล้วไหมอ่ะ
ว่าต้องเลือกใคร
แต่นางยังเลือกไม่ได้อีก
 :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 37 ' เด็กส่งน้ำ ' UP - 30.9.59} หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-10-2016 01:06:47
บีบหัวใจมาก อึดอัด

ทำไมคีย์ถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ

บอกเลยสงสารคีย์ สงสารที่มีความคิดแบบนี้

ยกนิ้วให้ลิปค่ะ คิดว่าฟานพอจะรู้แล้ว
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 37 ' เด็กส่งน้ำ ' UP - 30.9.59} หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 01-10-2016 03:23:16
ขอโทษนะคะแต่ว่า ตอนอ่านนี่ก็แบบ
"แหมมมมม. อิดอกกกกกกก"
คีย์นี่น่ารังเกียจจริงๆ  :z6:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 37 ' เด็กส่งน้ำ ' UP - 30.9.59} หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 01-10-2016 04:23:56
เดี๋ยวค่ะๆ อีคีย์นี้ไม่ใช่คนน่ะค่ะ  :hao3:
แต่เป็นควายค่ะ  :laugh:
คนมันต้องแบบลิปกับฟานค่ะ
รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก และรู้ที่จะแก้ไข
ไม่ใช่แบบนี้แน่นอน
หรือถ้าไม่ใช่ควาย แรดก็ได้ เหมาะดีค่ะ
11รด แบบเงียบๆ o18

แต่มาคิดๆดูอีกที คนที่น่าส่งสารที่สุด
คงเป็นลูกของอีหัวหน้า
อายุเท่าไรอ่ะ ญ หรือ ช
พ่อทิ้งแม่กับตัวเอง เพื่อจะได้ไปเอากับผู้ชายด้วยกัน
ไม่แคร์คนเป็นแม่ไม่เท่าไร ดูจะไม่แคร์คนเป็นลูกด้วย
ดูจะสนใจแต่ความคันของตัวเอง
นี้ล่ะสัตว์เดรัจฉานของแท้  o13

อิคีย์ก็ไม่สงสารเด็กเลยซิ ไม่นึกถึงด้วยมั้ง
ลืมไปเลยทั้งเรื่อง

ไม่มีบทให้คนเป็นลูกบ้างหรอค่ะ
อยากรู้ความรู้สึกน้องจังเลย
ว่ารู้สึกยังไงกับคนที่ได้ชื่อว่าพ่อแบบนี้

แล้วก็ต่อให้อีคีย์คิดได้
กลับมาเป็นนายเอกที่ดีตามเคย
ก็คงไม่อินแล้วอ่ะ เพราะไม่โอเคกับนางไปแล้ว
ขอโทษคนเขียนด้วยน่ะค่ะ 555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 37 ' เด็กส่งน้ำ ' UP - 30.9.59} หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 01-10-2016 07:05:54
ผิดหวังในตัวคีย์มากค่ะ

ผิดหวังจริงๆ...
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 02-10-2016 21:52:39
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 38
' แบบที่ดีที่สุด '

   ตัดสินใจปิดคอมของตัวเองแล้วออกจากที่ทำงานตั้งแต่ห้าโมงเย็น ไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น งานเหลืออีกนิดหน่อยยังไม่เสร็จก็ปล่อยมันไป ตอนนี้ไม่อยากจะคุยอะไรกับใคร เบื่อฟังการพูดจาเห็นแก่ตัวของหัวหน้า หรือแม้แต่คำพูดตรงๆของลิป ไม่อยากจะทำงาน ไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น ตอนนี้แค่อยากจะกลับบ้าน อาบน้ำแล้วก็นอนเพื่อลืมทุกอย่าง เพราะไม่มีทางเลือกที่จะคลายความทุกข์ของตัวเองไม่ว่าจะด้านไหน กินเบียร์สักกระป๋องเหรอ ? ถ้าเผลอกินเข้าไปมีหวังความลับแตกแน่ๆ เรื่องที่กำลังหวั่นไหวไปกับหัวหน้า แล้วถ้าเรื่องนั้นฟานรู้ละก็ ..

“ ทำไปได้ยังไวะ เรื่องแบบนั้น รู้สึกไปได้ยังไงวะ  " หย่นตัวลงนั่งตรงที่นั่งด้านหน้าตึก ผู้คนที่ทะยอยออกมาจากบริษัทค่อยๆเดินออกไปขึ้นรถไฟฟ้าที่ยังคงอัดแน่นในช่วงเวลานี้ ผมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาดูกดหน้าไลน์ ที่มีข้อความส่งมาเป็นข้อความจากหัวหน้า

' ไปกินข้าวกันมั้ย ถ้านายตกลงฉันจะออกจากที่ทำงานตอนนี้เลย ' ผมกดอ่านแต่ไม่ตอบก่อนจะลบแชทนั่นออกไป แล้วผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ

   เปิดไลน์กดดูข้อความของฟานก่อนจะส่งข้อความไปให้เค้า ' ฉันเลิกงานแล้ว นายเลิกงานกี่โมง '  ล็อคหน้าจอตอนที่ส่งข้อความนั่นเสร็จผมนั่งรออยู่สักพักใหญ่ๆ ก่อนที่ข้อความจะถูกส่งกลับมา

' ผมเลิกงานหกโมงเย็นครับ คุณคีย์เลิกงานเร็วจัง '

' วันนี้เบื่อ อยากจะกลับบ้านเร็วๆ ' กดส่งข้อความไปให้เค้า ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา มองดูเหล่าพนักงานออฟฟิศคนอื่นที่บ้างก็เดินเม้าส์กัน บ้างก็เดินคนเดียว

“ นี่ พนักงานร้านกาแฟที่มาส่งกาแฟที่แผนกวันนี้หน้าตาดีชะมัดเลยเนอะ คิ้วสุดๆ " เหลือบมองบทสนทนาของผู้หญิงสองคนที่กำลังพูดถึงคนที่เหมือนจะเป็นประเด็นภายในวันนี้  เด็กส่งน้ำสุดหล่อที่กระชากผู้หญืิงทุกวันในแผนกแม้แต่เก้งกวางก็ไม่เว้น

“ น่าจะถ่ายภาพไปลงโซเซี่ยลเนอะ ต้องถูกแชร์เยอะแน่ๆ "

“ เขียนว่าไรดีละ "

“ พนักงานส่งน้ำสุดหล่อ เห็นแล้วน้ำเดินมากๆ "

“ บ้า หื่น น้องเค้ายังอยู่ปีหนึ่งอยู่เลยนะ "

“ กินเด็กดีออก พวกกินเด็กนะ สดใสกันทั้งนั้นแหละ " ไม่ได้นับรวมกูไปด้วยใช่มั้ย ทำไมตอนนี้กูถึงห่อเหี่ยวอะไรได้ถึงขนาดนี้ละ
 
“ แต่จะว่าไปเค้าคงไม่เอาพวกป้าแก่ๆแบบเราหรอก อย่างน้องเค้าคงจะมีสาวสวยๆมีดีกรีเป็นดาวในมหาลัยมาทอดสะพานกันให้วุ่นวายนั่นแหละ "

“ แล้วสรุปจะไปที่ร้านน้องเค้ามั้ย ฉันอยากจะเห็นหน้าน้องเค้าอีก "

“ ไป " สองสาวที่ตกลงกันตามนั้น ก่อนจะเดินเบี่ยงทิศทางไปทางห้าง ในจังหวะนั้นผมเองก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินตามเธอไปเรื่อยๆ แบบที่ไม่ให้รู้ตัวเท่าไหร่

   ร้านกาแฟที่ถูกชั้นล่างของห้าง ผู้คนที่ดูหนาตามันแปลกกว่าทุกวัน เก้าอี้ในร้านที่ถูกจับจองจนหมด ผมก็ได้แต่ถอนหายใจพลางมองพนักงานในร้านคนนึงที่ก็กำลังทำงานอย่างขยันขันแข็ง พิงตัวเองเข้ากับระเบียงนอกร้าน สาวๆที่กำลังสนใจในตัวเค้า เสิร์ฟกาแฟโต๊ะไหนก็มีแต่คำถามที่ทำให้ต้องยืนตอบนานๆทั้งนั้น คอยดูเถอะ คืนนี้แม่งจะทำรอยเอาไว้ที่ต้นคอจะได้รู้กันไปเลยว่ามีเจ้าของแล้ว

" น่าหงุดหงิด " เบือนหน้าหนีออกมาสนใจอย่างอื่น ผมมองไปรอบๆห้างที่มีคนเข้าออก บ้างก็กินอาหารเย็นหลังเลิกงาน บ้างก็คอยเวลารอรถติดในถนนโล่งกว่านี้สักหน่อย

   ครืน ครืน ครืน  สายโทรศัพท์ที่ทำให้ผมละความสนใจมาดูมัน เบอร์ที่โชว์อยู่เป็นเบอร์ของหัวหน้าที่โทรเข้ามา ผมผ่อนลมหายใจก่อนจะกดล๊อคทำเป็นไม่สนใจกับสายเรียกเข้านั้น " ถ้าเรื่องสำคัญก็ค่อยโดนด่าพรุ่งนี้ก็แล้วกัน "  ผมมองไปรอบๆเรื่อยๆ ก่อนจะสะดุดเข้ากับผู้ชายคุ้นตาคนนึง “ คุณเมษนี่หว่า "  ผมจ้องเค้าให้ชัดขึ้นเพราะรู้สึกว่าตัวเองอาจจะมองผิดก็ได้ เพราะเค้าที่เดินมากับผู้หญิงและมีท่าทางเอาใจเธอแบบสุดๆ รอยยิ้มที่ยิ้มให้เธอนั้นผมขมวดคิ้วกับสิ่งที่เห็นอยู่สักพัก เพราะภายนอกถ้าดูไปดูมาผู้หญิงคนนั้นก็แค่มีแฟนหล่อแบบสุดๆไม่ได้ดูออกเลยว่า ตอนนี้กำลังใช้บริการโฮสคลับอยู่ " คงอยู่ในเวลางานของเค้าละมั้ง " ผมพูดกับตัวเองก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา ถ้าเค้าต้องมามีแฟนเป็นโฮสต้องอกแตกตายแน่ๆเลย กับความรู้สึกอึดอัดที่ต้องเห็นแฟนตัวเองเอาใจผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าแบบนี้

'  ฉันเองควรจะคิดได้ว่า ตัวเองก็มีแฟนเป็นโฮสที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเลิกกันเหมือนกัน ทั้งๆที่นายเองก็ห้ามฉันอยู่ว่าอย่าเล่นกับไฟ แต่ฉันก็ด้านที่จะเล่นมันอยู่ในตอนนี้ ฉันเลยมานั่งคิดๆว่า ชีวิตใครก็ชีวิตมันอะนะ ทำตามใจตัวเองเถอะ ' คิดถึงคำพูดของลิปที่พูดกับผมเลย คำพูดประชดที่บอกให้ทำตามใจจัวเอง แต่ยังไงผมก็คิดว่ามันต่างกันอยู่ดี

   คุณเมษแม้จะเป็นโฮสแต่เค้าก็ไม่ใช่คนมีเจ้าของอยู่แล้ว ก็แค่ประกอบอาชีพที่ไม่ควรมีแฟนเป็นจริงเป็นจังก็เท่านั้น มันต่างผม ผมสิที่กำลัง นอกใจแฟนแถมยังแอบรู้สึกอยากจะเป็นเมียน้อยชาวบ้าน จะให้มาทำตามใจตัวเองแบบที่ไม่คิดอะไรเลยแบบนั้น คงไม่ได้หรอก แม้จะใจจะยอมรับไปแล้วมากกว่าครึ่งก็เถอะ ว่าชอบเค้า คนที่เห็นแก่ตัวคนนั้นน่ะ

“ รอนานมั้ยครับ " ผมหันไปตามเสียงที่พูดขึ้น ใบหน้าคมที่มีเหงื่อเต็มไปหมดพิงตัวเองมายืนข้างๆผมก่อนจะถอนหายใจ

“ ดูเหงื่อนายสิ " ตอนที่อยากจะยกมือเช็ดเหงื่อให้เค้า ผมหันไปมองสาวๆในร้านที่มองมาทางเรา มือที่จะเอื้อมไปก็ชะงักก่อนจะเปลี่ยนเป็นตบไหล่เบาๆแทน " กลับบ้านกันเถอะ "

“ ไปหาที่นั่งสงบๆ นั่งสักพักไม่ได้เหรอครับ "

“ ทำไมไม่ไหวแล้วละสิท่า "

“ ขาผม จะให้ยืนในรถไฟตอนนี้คงไม่ได้แล้วละ มันชาไปหมด "

“ ขายดีขนาดนั้นเลย " หันไปแซวอีกคนตอนที่เราเดินออกมาด้วยกัน ฟานก็พยักหน้ารับ ผมพาเค้าเดินมาที่หน้าตึกทำงานของผมที่มีเก้าอี้นั่งอยู่ เค้าที่หย่อนตัวลงนั่งพิงตัวเองกับพนักพิงหลับตาลงช้าๆก่อนจะถอนหายใจออกมา ช่วงเวลาเงียบๆที่ไม่ค่อยมีคนอื่น ผมหยิบกระดาษทิชชูในกระเป๋าขึ้นมาซับเหงื่อให้อีกคน

“ วันนี้น่ะนะ ผมเดินไปทุกแผนกของบริษัทคุณเลยแหละ "

“ แล้วแต่ละแผนกต้องตอบคำถามนานด้วยใช่มั้ย " ผมถามอีกคนก็ขมวดคิ้วก่อนจะหันมามอง " ก็อย่างเช่น คำถามที่ว่า ชื่ออะไร เรียนที่ไหน อายุเท่าไหร่ เรียนคณะอะไร มีแฟนรึยัง อะไรแบบนั้น ฉันไม่หึงอะไรหรอกนะ ก็มันเป็นงานของนาย นายเป็นเด็กส่งน้ำที่มาใหม่ใครๆก็ต้องสนใจอยู่แล้ว "

“ ไม่ได้หึงเหรอครับ "

“ ก็พูดอยู่ว่า ไม่ได้หึง "

“ เชื่อไม่ได้ " อีกคนบอกก่อนจะดึงตัวเองมากอดผมไว้ เค้าที่ล้มตัวลงหนุนตัก

“ เฮ้ยๆ ตรงนี้ไม่ได้นะเว้ย ลุกขึ้นมาเลย เดี๋ยวใครเค้าเห็นเข้า อยากหมดความบ๊อปรึไง  " ดันอีกคนที่ยังทำตัวหนักให้ออกห่าง " นี่ ใครรู้ว่านายมีแฟนคราวลุง หมดความบ๊อปพอดี "

“ ช่างมันสิครับ แคร์อะไรละ " เค้าบอกเสียงเบาๆ ใบหน้าคมที่กำลังขืนตัวการดันของผม หลับตาแน่นอยู่แบบนั้น " ทำไมผมต้องปิดบังใครๆด้วย ผมไม่ได้แอบไปสนใจใครไว้สักหน่อย อีกอย่างผมก็บอกไปแล้วว่ามีแฟนแล้ว ยังไงก็รักคุณคีย์คนเดียวอยู่แล้วแหละ " หยุดมือที่กำลังดันเค้าไว้แค่นั้นก้มลงมองใบหน้าคมที่กำลังหลับตาราวกับจะพักสายตา เม้มริมฝีปากของตัวเองกับคำพูดของอีกคนที่พูดแบบไม่คิดอะไรแต่กลับคล้ายว่าเค้าได้ยื่นมือมาตบผมเสียอย่างแรง ' ผมไม่ต้องปิดบังใคร ไม่ต้องแคร์ใคร เพราะไม่ได้แอบสนใจใครเอาไว้ ' แล้วเราละ ถ้าหัวหน้าเดินมาจะยังกล้าให้เค้านอนอยู่แบบนี้มั้ย จะกลัวอีกคนเสียใจมั้ย ถ้าเค้าผ่านมาเห็น

“ นายคงไม่รู้จัก พวกที่มีแฟนแต่ยังตามตื้อสินะ ไอ้พวกที่เราบอกว่า มีแฟนแล้วนะ แต่ยังดึงดันจะจีบเรา "

“ ก็หนก่อนที่เราทะเลาะกัน เพราะคนแบบนั้นจำไม่ได้แล้วเหรอครับ " ฟานถาม ผมก็นึกจำได้ว่าเธอเป็นเพื่อนในคณะหมอนี่ทั้งๆที่รู้ว่ามีแฟนแต่ก็ยังดึงดันจะมอบตัวให้ฟานแบบหน้าด้านๆ " ไม่รู้สิครับ ผมมองว่าถ้าเราไม่เล่นด้วยแล้วพยายามผลักเค้าออกไป เค้าก็ไม่เข้ามาหรอก เรื่องแบบนี้มันปรบมือข้างเดียวไม่ดังอยู่แล้ว อย่างผม ผมก็ไม่คุยกับเธอหลังจากนั้น ไม่สนใจ ต่อให้เธอสนใจผมมากแค่ไหนก็ตาม ทุกอย่างมันก็จบไม่มีการสานต่อ มันก็เท่านั้นแหละ "

“ นั่นนะสินะ "

“ แต่ถ้าผมยังสนใจเธอ ก็เหมือนไปให้ใจเธอ ไปให้ความหวัง เรื่องแบบนี้อยู่ที่การตอบสนองของอีกฝ่ายมากกว่า "

“ แล้วถ้าเค้าตื้อนายมากๆ นายจะทำยังไง ถ้าเค้ามาทำให้นายหวั่นไหว " เผลอถามออกไปก่อนที่อีกฝ่ายจะลืมตาขึ้นมามองผมแล้วก็ยิ้ม

“ ผมไม่มีทางหวั่นไหวกับคนอื่นหรอก คนที่ทำให้ผมหวั่นไหวก็คงมีแค่คุณเท่านั้นแหละ เพราะว่าผมรักคุณ ถามแปลกๆนะครับเนี้ย ยังคิดเรื่องวันนั้นอีกเหรอ วันที่ได้ยินผมพูดแบบนั้นกับเพื่อนผม " เค้าดึงตัวเองขึ้นจากตัก จ้องมองลงไปในแววตาของผมก่อนจะยิ้มแล้วก้มลงจูบ " คุณคีย์ครับ "

“ ฉันไม่ได้คิดเรื่องนั้นแล้วละ " แต่ที่กำลังคิดคือกำลังคิดเรื่องของตัวเราตังหาก กำลังคิด กำลังตั้งคำถามกับตัวเอง แล้วเราละ เราที่หวั่นไหวไปกับผู้ชายคนนั้น เพราะยังรักฟานไม่มากพอเหรอ หรือเพราะอะไรกันแน่วะ ' เพราะความมักง่ายของตัวเอง '

“ คุณคีย์ "

“ หายเหนื่อยรึยัง กลับบ้านกันเถอะ " ยื่นมือไปจับแก้มเค้าตอนที่หยิกมันเบาๆ ฟานก็ยิ้มก่อนจะกอดผมไว้แน่น " เป็นอะไรอีก จะอ้อนออะไรฉันอีก "

“ จูบเพิ่มพลังให้ผมหน่อยสิครับ เดินไม่ไหว " ใบหน้าคมดึงหน้าตัวเองเข้ามาใกล้ ในตอนนั้นผมก็เผลอยิ้มออกมา " จูบตรงนี้นะ " เค้าทำปากจู๋ก่อนจะหลับตาลง ช่วงเวลาที่ผมมองซ้ายมองขวาพอเห็นว่าไม่มีใครก็เลยก้มลงจูบเค้าแต่ทว่าความมือไวของอีกคนที่ยังคงกอดรั้งเอวผมไว้แถมยังสอดลิ้นเข้ามากวาดความดูดดื่มในช่วงปากเสียนานก่อนจะผละออก " ฟานพาวเวอร์ "

“ พาวเวอร์บ้านพ่อนายสิ ไอ้เด็กนี่นิ " ดึงตัวเองออกก่อนจะฟาดมือเข้าที่แขนอีกคน ฟานก็หัวเราะลั่น

“ ก็เติมพลังเสร็จแล้ว มันก็มีพลังไง ฟานพาวเวอร์ "

“ ปัญญาอ่อน "   

“ คุณน่าจะมองว่ามันน่ารักนะ " สองมือหนากางมือใต้คางเหมือนดอกไม้บาน " คิ๊ว "

“ พอเถอะ กลับบ้านกัน เห็นแบบนั้นแล้วความดันฉันจะขึ้น " คว้ามือของเค้าก่อนจะดึงอีกคนให้ลุกขึ้นจากที่นั่ง เสียงหัวเราะที่ดังไปตามทางฟานกอดคอผมก่อนจะดึงให้เข้าไปใกล้ตัวเค้า

   เราเดินไปเรื่อยๆจดถึงสถานี นั่งลงตรงเก้าอี้ว่างในโบกี้ก่อนจะหันมองคนข้างๆที่ก็กอดอกหลับตาลงอีกครั้ง จะว่าไปไม่เคยเห็นฟานเหนื่อยแบบนี้มานานแล้ว ครั้งล่าสุดก็คงเป็นตอนที่ยังไปได้ย้ายมาอยู่กับผม หัวที่เอียงไปมาก่อนจะเอนลงมาซบไหล่ผม " นี่ " ยกไหล่ขึ้นบอกให้เค้ายกหัวออกไปแต่เหมือนฟานจะนิ่งอยู่แบบนั้น  ลมหายใจออกสม่ำเสมอคงหลับไปแน่ๆ ชะงักมือหยุดที่จะปลุกเค้ากลายเป็นนั่งเฉยๆ นึกถึงมุกติงต๊องของไอ้หมอนี่แล้วแอบขำ จะว่าไปคบการฟานก็เป็นชีวิตเรียบง่ายในแบบที่ไม่ต้องเครียดอะไรเลยสักนิด เค้ารักเราแล้วเราก็รักเค้า เป็นความสบายใจอย่างที่สุด แต่ถึงอย่างงั้นผมว่าบางทีมันก็ขาดอะไรไป อาจจะเป็นความหวือหวาหรืออะไรสักอย่าง เรื่องราวที่ชวนให้ตื่นเต้น จะว่าไปทะเลาะเราก็ไม่ค่อยทะเลาะกัน แต่ว่าแบบนั้นไม่ใช่เหรอวะ ที่ใครๆมองว่ามันเป็นรักที่ดี ความรักแม่งต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้างนะที่ทำให้อยู่ได้นานๆโดยไม่เบื่อ

“ ฟาน ถึงแล้วนะ ตื่นได้แล้ว " เอื้อมมือไปเขย่าอีกคนที่ลืมตาขึ้นมาก่อนจะถอนหายใจ เค้ามองไปรอบๆ ป้ายหน้าก็ถึงแล้วผมกลัวลงจากรถไฟไม่ทันก็เลยปลุกเค้าก่อน

“ ถึงแล้วเหรอครับ "

“ หน้าตาดูไม่ได้เลยนาย " หันมองอีกคนก็นึกเอ็นดู เหมือนเด็กตัวเล็กๆที่ถูกแม่ปลุกให้ตื่นจากที่นอนเลย ขาดก็แค่มันไม่ได้ร้องไห้งอแอมันก็เท่านั้นล่ะ อ้อ ขนาดตัวของมันด้วย

“ ง่วง "

“ ก็พอถึงห้อง นายก็อาบน้ำแล้วรีบนอนซะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นไปทำงานอีก "

“ ขี้เกียจ ไม่อยากทำแล้ว อยากจะโดด "

“ ตลก เพิ่งไปทำได้วันเดียว " ผมหันไปบอกอีกคนที่ลุกขึ้นบิดขี้เกียจเต็มที่จนกระดูกหลังเกิดเสียงหักเบาๆ

“ งานเยอะกว่าเงินที่ได้อีก ผมทำตั้งเยอะได้แค่สามร้อยเอง "

“ นั่นแหละ จะได้รู้ค่าของเงิน เงินยังหาเองไม่ได้ แต่ใช่เงินสิ้นเปลือง ดีแล้ว นายจะได้รู้ไว้ "

“ บ่นเป็นแม่อีกแล้ว " ฟานดึงผมเข้ามากอดก่อนจะซบหน้าลงที่ไหล่ " คุณคีย์ขอขี่คอหน่อย "

“ จะบ้ารึไง ตัวเท่าควายจะมาให้ฉันแบก ฉันแบกนายไหวที่ไหนละ แค่นายขึ้นมาบนหลังฉันก็คงหน้าคว่ำแล้ว "

“ ลืมไปหัวเข่าคุณไม่ค่อยดี "

“ ไอ้นี่นิ " หันไปหมายจะด่า แต่อีกคนที่ยิ้มก่อนจะกอดเอวผมไว้

“ คุณคีย์อ่าาาาา รักนะครับ "

“ มึงเหนื่อยแล้วมึงติงต๊องนะฟาน "

“ พูดไม่เพราะ "

“ ยืนนิ่งๆให้มันเป็นคนได้มั้ย จะมานัวเนียอะไรฉันหนักหนาที่สถานีรถไฟนะเว้ย ไม่ใช่ในห้อง "

“ งั้นถึงในห้องแล้วนัวเนียได้เหรอ " เค้าก้มลงมาถาม " แต่ถ้าในห้องจะทำมากกว่านี่นะ " นิ้วชี้ยื่นมาเขี่ยแก้มผมก็สะบัดออก เรากดบัตรผ่านออกจาสถานีร่างสูงที่ยังคงวอแวก็เอียงตัวเข้ามาหาผม

“ อะไรอีก "

“ งั้นขอพิง " ร่างสูงที่พิงผมจนต้องดันตัวเองให้ยืนทรงตัวให้อยู่

“ ฟานฉันเดินยากนะ  นายตัวใหญ่อะ ตัวเท่าควายยังจะมาเบียดคนตัวเล็กๆอีก ไอ้เด็กนิสัยไม่ดี  " ผลักให้คนที่เหนื่อยแล้วงอแงไปยืนนิ่งๆ ร่างสูงที่ยิ้มก่อนจะยิ้มให้ผม

“ ตัวเล็กๆ "

“ เออ ถอยไปสิ เบียดอยู่ได้ " ร่างสูงที่หลุดหัวเราะออกมา ไม่รู้จะมีความสุขอะไรนักหนา

“ พรุ่งนี้อยากจะกินอะไรครับ ผมจะทำให้ "

“ ไม่เอาอะ นายนอนเถอะ ไม่ต้องมาใส่ใจฉันหรอกน่า งานก็หนักจะมาตื่นเร็วทำไม "

“ พรุ่งนี้ผมไปทำงานตามเวลาปกติได้แล้วครับ " ร่างสูงบอก " พรุ่งนี้ออกไปเก้าโมงก็ทันพี่ที่ทำงานบอกว่า ให้ถึงร้านเก้าโมงครึ่ง "
 
“ แล้วทำไมวันนี้ไปเร็ว "

“ ก็ไปเรียนรู้งานไง ก็ไปทำวันแรก แต่พรุ่งนี้พอรู้แล้วละครับ ว่าทำอะไรบ้าง เค้าก็เลยให้ไปตามเวลาพนักงาน " พยักหน้ารับอีกคนผมก็คิด จริงๆแล้ว ห้างก็เปิดสิบโมงอะนะปกติร้านน้ำมันก็ต้องขายตามเวลาห้างเปิดสินะเพราะมันอยู่ในห้างนี่หว่า

“ ไม่อะ ไม่ค่อยอยากจะกินอะไร ในห้องก็มีขนมปังอยู่ ฉันกินขนมปังกับกาแฟก็ได้ นายพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต่อให้ทำงานเก้าโมงนายก็อาจจะไม่ทำงานไม่ไหวก็ได้ "

“ ดูถูกกันชะมัด ผมน่ะมีเรื่องที่อยากจะทำอยู่นะ เพราะงั้นต้องทำจนจบแน่นอน "

“ ทำอะไรย๊ะ " หันไปถามอีกคนก็ลอยหน้าลอยตาไปทางอื่น

“ ไม่บอกหรอกครับ เก็บไว้เซอร์ไฟส์ อย่าหัวใจวายไปซะก่อนละ "

“ นี่ ฉันไม่แก่ขนาดนั้นสักหน่อย "

“ ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะเซอร์ไฟส์คุณคีย์น่ะ เข้าข้างตัวเองอีกละ "

“ นี่ ทำไมกวนตีนจังวะ " หันไปด่าอีกคนที่ยิ้มกว้างฟานก็กัดริมฝีปากก่อนจะเดินเข้ามากอดผม เค้าที่ก้มลงมากระซิบ

“ พอถึงห้องแล้ว ผมขอจูบคุณหน่อยได้มั้ย "

“ แค่จูบเหรอ " กดลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้นบนของห้อง อีกคนก็ยิ้ม

“ ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ "

   ปิดประตูห้องลงแล้วเล๊อคเรียบร้อยผมเดินเข้ามาในห้องวางกระเป๋าลงก่อนจะโดนคนที่บอกว่าขอจูบที่ชั้นล่างเมื่อกี้กอดเข้าที่ด้านหลัง เอียงหน้าไปมองอีกคนก็ก้มลงมาจูบผมเอื้อมมือขึ้นไปกอดคอเค้าก่อนจะพลิกตัวให้หันหน้าสบกับเค้าเพื่อการจูบที่ง่ายขึ้น สอดเกลียวลิ้นเข้าไปกอดรัดกันและกันตอนที่ผละออก ผมก็เผลอกัดริมฝีปากเค้ายกยิ้ม

“ อยากให้ผมจูบอีกเหรอ "

“ เปล่าสักหน่อย " บอกเค้าแบบนั้นแต่กลับดึงใบหน้าคมเข้ามาจูบอีกครั้ง ลดมือลงลูบแผ่นอกของเค้า ฟานเองก็สอดมือเข้าไปในเสื้อของผม มือหนาที่ไล้สูงขึ้นจนถึงยอดอก ก่อนจะสะกิดมันเบาๆให้ผมหดเกร็ง มืออีกข้างผละจากข้างเอวสอดเข้าไปในเสื้อ ยอดอกที่ถูกจับจองทั้งสองเอาเข้าใช้นิ้วสะกิดเร็วๆก่อนจะบิดมันให้แข็งชัน " ตอนนี้ไม่ได้นะฟาน " ผละริมฝีปากออกเพื่อบอกเค้า อีกคนก็ยิ้มพลางปลดกระดุมเสื้อของผมออก  เสื้อถูกร่อนลงมาถึงช่วงไหล่ ใบหน้าคมก็ผละออกจากซอกคอเปลี่ยนมาจูบยอดอกของผม " นี่ ทำอะไรของนาย "

“ ดูดนมเติมพลัง " คำพูดเอาแต่ใจของเค้า แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไรเค้าทั้งนั้น สองมือจิกนิ้วเกร็งลงไปบนโซฟาตัวที่กำลังยืนพิง เม้มริมฝีปากกับความรู้สึกที่กำลังปั่นป่วนอยู่ในช่วงท้อง

“ ฟาน พอแล้ว ฉันว่าหยุดเถอะ " ปากที่คอยถามแต่ร่างกายกับแอ่นตัวไปให้เค้าดูดกลืนช่วงอกอย่างไม่อาย ทุกอย่างที่สวนทางกันทำเอาอีกฝ่ายยิ้มแต่ก็ยังไม่หยุดการกระทำของตัวเองลง " ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหว "

“ ทนไม่ไหวก็ไม่ต้องทนสิ " เค้าเงยหน้าขึ้นบอก ริมฝีปากหนาเลื่อนตัวขึ้นมาจูบที่ซอกคอ

“ นายมีแรงจับฉันปล้ำรึไง "

“ ดูถูกว่ะ " เค้าบอกก่อนจะเลื่อนขึ้นมาจูบริมฝีปากของผมอีกครั้ง ลมหายใจที่ผ่อนออกมา

“ ฟาน " ไม่ใช่ไม่อยากจะให้เค้าจูบหรือสัมผัสอะไรหรอก แต่แค่กลัวว่าอารมณ์จะขึ้น ขึ้นมาก็เท่านั้น ตอนนี้เพิ่งกลับจากงานร่างกายก็ยังไม่ได้ทำความสะอาด แต่ถ้าบอกว่าให้รอ เชื่อได้เลยว่าคนอย่างหมอนี่ คงรออะไรแบบนี้ไม่ค่อยได้หรอก

“ ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่มีแรงทำอะไรคุณคีย์หรอกครับ "

“ แต่เหมือนตรงนั้นมันโด่ๆ อยู่นะ " ส่วนกลางที่กำลังดันตัวผมแต่ก็คนก็แค่ยิ้ม " นี่..”

“ กลัวเหรอ "

“ ฉันไม่มีกลัวหรอก แต่ช่วยดูสภาพตัวเองด้วยเถอะ จะล้มลงมาทับฉันอยู่แล้ว "

“ ไม่มีแรงทำเรื่องอย่างว่าหรอก เฮือกสุดท้ายคือการจูบคุณนี่แหละ " ฟานพิงตัวเองกับร่างของผมอยู่สักพัก " ไปอาบน้ำก่อนนะครับ ชาร์ตแบตร่างกายเสร็จละ "

“ อื้ม " ร่างสูงที่เดินเข้าไปด้านใน ผมผ่อนลมหายใจก่อนจะก้มลงมองดูสภาพตัวเองก็ได้แต่เกาหัวตัวเองหน่ายๆ ดูสภาพที่มันทำทิ้งไว้ เสื้อที่ใส่ถูกถอดกระดุมจนหมดอยู่ในสภาพหลุดรุย ยอดอกบวมแดงทั้งสองข้าง ไม่นับร่องรอยแดงที่ปะปายไปทั่ว ถอนหายใจออกมาแรงๆก่อนจะหันมองไปทางห้องน้ำ ไอ้ลูกหมาเอ้ย ทุกทีเลย

...................................................................

   อาหารง่ายที่ผมกินในตอนเช้าเป็นแค่ขนมปังก้อนใส่ไส้กับกาแฟร้อนๆ อยากจะกินข้าวปลาแซลม่อนแต่สภาพของคนทำก็เหนื่อยล้าเกินกว่าจะลุกขึ้นมาทำให้ได้ ฟานยังคงนอนอยู่เป็นการหลับลึกเพราะความเหนื่อยของงานเมื่อวาน กินขนมปังเสร็จผมล้างแก้วใบเดียวของตัวเองคว่ำไว้ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง มองดูเวลาที่อีกไม่นานร่างสูงก็ต้องตื่น

“ ฟาน ฉันไปทำงานก่อนนะ " ไม่มีเสียงตอบรับอะไร ผมที่นั่งลงตรงขอบเตียงก้มลงจูบริมฝีปากอีกฝ่ายที่พลิกตัวหนีไปอีกทาง " หนอย..ไอ้ลูกหมาแกกล้าพลิกตัวหนีฉันเหรอ ฟาน! " ตีเข้าที่แขนอีกคนยิ้มๆ คนที่หลับนิ่งๆก็ไม่โต้ตอบอะไร ก้มลงไปกอดเค้าก่อนจะหอมแก้มก็ได้แต่ยิ้มกว้างออกมา เหมือนแม่ที่เห็นลูกนอนหลับอยู่อย่างมีความสุขก็ปลื้มใจ " ฉันไปทำงานก่อนนะ เจอกันตอนเย็น "
   ออกจากคอนโดมารอรถไฟที่กำลังจะขับผ่านสถานทีใกล้คอนโดของตัวเอง ผมผ่อนลมหายใจกับการหอบวิ่งเล็กน้อยตอนที่ก้มลงมองเวลาก็มีเสียงนึงทักขึ้น เสียงคุ้นๆที่ทำให้ต้องเบิกตากว้าง

“ คีย์ "

“ หัวหน้า "

“ ตกใจอะไรขนาดนั้น ฉันก็ต้องไปทำงานเหมือนกัน " ขมวดคิ้วกับคำพูดของคนที่เดินเข้ามายืนข้างๆกันใกล้ๆ

“ ก็ตกใจเพราะปกติคุณไม่ได้มาขึ้นรถไฟไปทำงาน แล้วถึงจะขึ้นคุณก็ไม่เคยขึ้นขบวนนี้ ที่สถานีนี้ด้วย "

“ แล้วมันแปลกอะไรละ ในเมื่อคนที่ฉันชอบ ขึ้นรถไฟที่สถานีทุกเช้า ถ้าฉันอยากจะไปทำงานกับคนที่ฉันชอบ ฉันก็ต้องมาขึ้นรถไฟสายเดียวกับเค้าสิ " สายตาที่จ้องมองมาแบบที่ความหมายผมหลบตาเค้าก่อนจะเผลอถอนหายใจออกมา

' โชคดีชะมัดที่ฟานไม่มาด้วย ถ้ามาด้วยคงไม่รู้จะทำหน้าแบบไหนถ้าต้องขึ้นรถไฟฟ้าไปพร้อมๆกัน สามคน '

“ แล้วคีย์ฉันเคยบอกนายไปรึยัง ว่าเวลาส่วนตัวที่อยู่กับฉันสองคนให้นายเรียกฉันว่า พี่ธีร์เฉยๆ "

“ ก็บอกแล้วครับ " ผมบอกเค้าอีกคนก็ก้มหน้าลงถาม

“ แล้วทำไมไม่เรียกละ ฉันว่า ฉันได้ยินคำว่า หัวหน้านะเมื่อกี้น่ะ "

“ ก็คุณเป็นหัวหน้าผมเรียนคุณว่า หัวหน้ามันชินปากมากกว่า " บอกเค้าแบบนั้นอีกคนก็ยิ้ม

“ อยากจะทำโทษนายชะมัด ถ้าทำได้แล้วละก็ ฉันจะสั่งสอนนายจนนายไม่กล้าเรียกฉันว่า หัวหน้าเลย " เผลอเม้มริมฝีปากตอนที่อีกคนพูดแบบนั้นเค้าก็หัวเราะ

“ ทำไมต้องขู่อะไรแบบนั้นด้วยละครับ น่ากลัว " เบือนหน้าหนีออกมา หัวหน้าก็หันมามองตาม " เรียกหัวหน้ามาตั้งนาน อยู่ๆจะให้มาเรียกชื่อหัวหน้าเฉยๆ มันก็ แปลกๆ ไม่ใช่เหรอ "

“ แต่ไม่มีแฟนกันที่ไหนเค้าเรียกชื่อตำแหน่งแฟนหรอก เพราะงั้น นายควรฝึกให้ชินไว้ตั้งแต่ตอนนี้ "

“ หัวหน้า..”

“ หัวหน้าอีกละ " เค้าผ่อนลมหายใจออกมา ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวผมแล้วขยี้เบาๆ " เมื่อคืนฉันกลับไปนอนคิดทั้งคืนเลย ฉันจะไม่ทำให้นายลำบากใจแล้วละ ถ้าเที่ยงนี้ไม่อยากจะไปกินข้าวกับฉัน ไม่ต้องไปก็ได้นะ ฉันว่าการบังคับให้นายทำนู้นทำนี่ด้วยเพื่อคว้าใจนายมา ดูเหมือนไม่เวิร์คเท่าไหร่  ฉันควรพยายามเองมากกว่า แบบว่า เอาความดีชนะใจนาย "

“ ขอบคุณนะครับที่ทำให้ไม่ลำบากใจกัน "

“ ยังไงความสบายใจของนายในการคบกับฉัน ก็เป็นสิ่งที่ฉันอยากจะได้นะ ขอโทษที สำหรับเรื่องเมื่อวานที่ทำให้นายอึดอัด "

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ " ผ่อนลมหายใจออกมา ค่อยหายใจโล่งลงหน่อยถ้าเค้าบอกว่าจะไม่ทำให้อึดอัดต่อไปนี้จะปฎิเสธอะไรก็คงง่ายกว่าที่ต้องทำอยู่

“ เมื่อวานคงไม่อยากจะไปกินข้าวกับฉันจริงๆใช่มั้ย ที่ปฎิเสธมา "

“ ครับ ไม่อยากไป " ผมบอกอีกคนไปตรงๆ " มันอึดอัด ความรู้สึกของผมตอนนี้มันอึดอัด หัว .. พี่ธีร์ที่จับมือผมแบบนั้น มันทำให้ผมอึดอัดแล้วไม่อยากจะเข้าใกล้คุณเลย ผมกลัว "

“ กลัว  ? “ อีกคนที่หันมาถาม ผมก็สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดก่อนจะผ่อนออกมาเบาๆแล้วตอบเค้า

“ กลัวการสัมผัสแบบนั้นเลยทำให้ไม่อยากจะออกไปไหนด้วย " เพราะมันดูโจ่งแจ้งแล้วหมายจะสัมผัสมากไป มันดูรู้เกินไปว่าอีกคนกำลังคิดอะไรอยู่ รู้ว่าอีกคนต้องการอะไร

“ ขอโทษอีกครั้งนะ ขอโทษจริงๆ " 

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ " ผมหันไปยิ้มให้อีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆผม

“ ฉันแค่ไม่รู้ว่า ต้องทำยังไง นายถึงจะหันมาชอบฉัน เพราะไม่อยากจะเสียนายไปแล้ว ฉันเคยเสียนายมาแล้วครั้งนึงเพราะความเชื่องช้าที่คอยแต่จะเลิกกับภรรยาแล้วค่อยจีบ จนนายมีแฟนแล้วก็เข้าใจกับตัวเองว่า เวลามันไม่เคยรอเราหรอก หนนี้ฉันเองก็เลย ลนๆ เหมือนอยากจะทำให้นายคิดเหมือนฉันสักที ฉันกลายเป็นคนที่รอไม่ไหวแล้ว รอให้นายตอบกลับความรู้สึกของฉันไม่ไหวแล้ว  ขอโทษนะ "

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ " ผมบอกเค้า " แต่ว่านะ การที่ทำให้อีกฝ่ายชอบมันไม่ใช่การรวบรัดหรอกครับ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามไม่มีใครชอบหรอก เป็นตัวของคุณดีกว่า  ผมว่าคุณก็เป็นคนอบอุ่นดี แล้วนั่นดีที่สุดแล้ว  " รถไฟที่เคลื่อนเข้ามาในชานชาลาเสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นผมก็หันไปบอกอีกคนที่ก็ได้แต่ยิ้มกว้างออกมา " มันดีที่สุดสำหรับผม "

..........................................................

จ๊ะ..
หมั่นไส้พี่คีย์แค่ไหน มือก็ต้องเขียนไป และปากก้ต้องแบะไปตามสิ่งที่คิด
กรอกตามองบน มองกรอก นิยายเรื่องนี้เขียนโคตรยาก คือไม่ชอบนิสัยนายเอกเลย
แต่ต้องเขียน คือแบบ ต้องแสดงความคิดของคนคนนี้ในด้านนี้ ในใจเรามันค้านในเหตุผลของนาง
แต่มันก็ต้องเขียนไป บางทีเราก็แก้คำพูดนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า แบบ แรดไป ลดลงมา อันนี้คือซอฟสุด
มีคนถามว่า
" ทำไมไม่เขียนพาร์ทน้องฟานบ้างอะคะ "
คำตอบ " เขียนพาร์ทคีย์คนอ่านยังเกลียดขนาดนี้ ถ้าเขียนพาร์ทฟาน คีย์คงตายไปเลย "
แต่มีพาร์ทฟานแน่นอนคะ ไม่ต้องห่วง พาร์ทน้องฟานจะยาวตอนท้ายๆ
มีคนอ่านบอกว่าเกลียดคีย์ ทำยังไงก็ดีกับนางไม่ได้ต่อให้ตอนท้ายนางกลับมาเป็นคนที่แสนดี
แต่ถึงอย่างงั้น ก็ขอให้อ่านเรื่องนี้จนจบเถอะนะคะ อยากจะให้อ่านบทสรุปสุดท้ายของมันด้วยกัน
แล้วค่อยตัดสินจริงๆว่ามันจะเป็นยังไง
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ยังไงก็ ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ ในทวิต
ฝากแชร์ในเฟส
เจอกันตอนหน้า อาทิตย์หน้า เชื่อว่าจะเป็นตอนที่ทุกคนรอคอยค่ะ ทั้งตอนที่ 39 และ 40 เลยแหละ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่ะ  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 02-10-2016 22:19:40
คีย์ลังเลมากเลยเน้อ
สงสารนางจัง เลือกไม่ได้
แต่ก้เก็บไว้ทั้ง 2 คนไม่ได้หรอก
แต่ยังไง ก้#ฟานคีย์ เน้อ ไม่ใช่ #ธีย์คีย์

ปล.ขออ่านตอนเมษลิปคั่นบ้างได้ม้ายยย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 02-10-2016 22:28:06
อ๋อหรอจ๊ะ "ดีกับผมที่สุดแล้ว" ดีเนอะ :beat:
 อยากทะลุเข้าไปในเนื้อเรื่องละ  :beat: :beat: :beat: :beat: จนกว่าจะสะใจ
ที่ไม่ชอบให้จับมืออะ เรารู้นะ เพราะกลัวคนอื่นรู้ไงคะ น้องคีย์ ว่าน้องคีย์ใสใสจะเอาผัวชาวบ้านที่เค้ามีลูกมีเมียอยู่แล้ว แถมผัวชาวบ้านมาอ่อยซะด้วย ผีเน่าเฟะกับโลงผุพัง เข้ากันมั่กๆ

จะหวงฟานทำไม๊ นี่ไม่เข้าใจ อย่าเอาตัวสกปรกของน้องคีย์ไปโดนฟานเลยค่ะ คันคะเยอแทนฟาน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 02-10-2016 22:31:12
อึดอัดๆๆๆๆ   อาทิตย์หน้าช่วยคลายปมแล้วพาให้หลุดจากความอึดอัดนี้ทีนะคะไม่ไหวแล้ว...สงสารฟาน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 02-10-2016 22:56:24
ถ้าจะโลเลขนาดนี้ ก็ปล่อยฟานไปเถอะ แกจะได้ไปเป็นเมียเก็บหัวหน้าสมใจไง
โธ่ เปิดเรื่องมาทำเหมือนคนดี แอบรักไม่หวังได้ ตอนนี้ระรี้ระริกไปหาเชียวนะ ขนาดมีแฟนอยู่ยังขนาดนี้ เหอๆๆๆ

ปล.ไรท์เก่งอ่ะ เขียนได้ดีจนอ่านแล้วอินถึงหลังๆเราจะอ่านคราวๆเพราะรังเกียจนังคีย์ก็เถอะ
     
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 02-10-2016 23:09:32
 :katai1: ชั้นจะทนอุปสรรคความรักของน้องฟานไม่ไหวเพราะคีย์โลเลนี่แหละ อยากมีฟานไว้ แต่ก็ไม่สลัดอิหัวหน้าทิ้ง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Abella ที่ 02-10-2016 23:33:35
คีย์เป็นคนที่ไม่ควรได้ความรักจากใครไม่มีความมั่นคงในใจเลย  เบื่อนาง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 02-10-2016 23:44:04
คีย์ ไปเหอะ อย่าทำร้ายฟานเลย ทำไมแค่นี้ยังคิดไม่ได้

ฟานคงตั้งใจเซอร์ไพรส์คีย์ เลยไปทำงานพิเศษ
ใครจะเซอร์ไพรส์ใครก่อน

บอกเลย อยากให้คีย์เจ็บยิ่งกว่า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 02-10-2016 23:45:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 03-10-2016 00:01:24
ตึงคีย์มาหลายตอนเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 03-10-2016 01:41:55
โอ้ย อีคีย์ อีห่าน
ยู กิบวิ่ง มี แคนเซอร์ ยูโนว์?
จะทำให้เราเป็นมะเร็ง
ลำใยมาก
โกล เฟลาเวอร์ มาก ยูโนว์?
ดอก---จริงๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 03-10-2016 05:41:55
 :z2: :z2: ฟานน่ารักกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 03-10-2016 07:14:51
เราว่าคีย์ก็ดูไม่ได้รักฟานเท่าไรนะ
ค่อยๆห่างฟานออกมาแล้วทำตามหัวใจตัวเองเถอะค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 03-10-2016 08:39:16
ท่าทางคนแต่งจะชอบเข้าข้างคนเลว คีย์ถึงยังรอดตัวอยู่อย่างนี้ ตอนหึงที่ฟานมาส่งน้ำที่แผนกก็ฟินดี แต่สะใจกว่า ก่อนที่จะคิดว่าคนอื่นห้ามยุ่งถามตัวเองก่อนนะว่ามีสิทธิอะไรไปหึงหวงทั้งที่ตัวเองทำมากกว่าเขาอีก
อยากให้ทุกคนเลิกพูดกับนาง ทั้งลิป ทั้งฟาน เลิกพูดเตือนนางเหอะ เวลาที่ลิปเตือนแล้วนางเถียงมาแต่ละทียิ่งน่าขยะแขยง
ความคิดจิตสำนึกที่มาเป็นพักๆของคีย์ไม่ได้ทำให้เราเห็นใจเลย มันน่ารังเกียจอ่ะ เหมือนคนไม่ได้ลุแก่ความผิดแล้วมองตัวเองว่า "เอ๊ เราผิดเหรอ เราผิดรึเปล่านะ" แต่สุดท้ายความเห็นแก่ตัวในตัวเองก็เป็นฝ่ายชนะ "ไม่หรอกเราไม่ผิดเพราะเรารักเค้ามาก่อน"
เมียน้อยกับเมียหลวงมันก็คือเมียเหมือนกัน แต่ศักดิศรีมันต่างกัน
รอดไปเรื่อยๆนะ สะสมความเลวไปเรื่อยๆ แอบกินไปเรื่อยๆ เวลาโป๊ะแตกมันสนุกดี สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 03-10-2016 11:42:00
"มันดีที่สุดสำหรับผม" จ่ะ ใช่ เป็นตัวของตัวเองละหัวหน้า ไม่ต้องรุกรวบรัดทำอะไรเลย แค่นี้ก็หวั่นไหวจะแย่ละ หึ! //ทำไมตอนนี้มีความรู้สึกว่าคีย์จะหมดรักฟานแล้วจริงๆ ก่อนหน้าคิดมาตลอดว่าแค่ชั่ววูบนะ พอถึงตอนนี้คีย์บอก ใจให้ไปมากกว่าครึ่ง นั่นก็หมายถึงว่า หมดรักฟานไปแล้วมากกว่าครึ่งเช่นกัน เพราะว่า “การนอกใจ...ก็เหมือนกับเป็นการบอกว่า ไม่ได้รักกันแล้ว” อยู่กับฟานเก็บกด อึดอัดทุกอย่างเลย กลัวรนไปหมด แบบนี้หมดรักกันแล้ว รั้งไว้อยู่เพราะความดีทั้งนั้น มีเสี้ยวเดียวของความรัก //กูว่าแล้ววววไง ว่าคีย์จะไม่ทำอะไร จะปล่อยอยู่อย่างเนี้ย กายจริง ชู้ใจ ในเมื่อคีย์ไม่บอก ฟานไม่รู้ คิดว่าความลับจะแตกยังไง >>> หัวหน้านี้ละ อาจจะทำให้คาดไม่ถึงกะด่ะ มันตะหงิดๆว่ะ 55555 ไม่แน่นะคนอย่างหัวหน้า กล้ากว่าที่คิดเยอะ 5555 //ว่าแต่นะ ฟาน เมื่อไหร่จะแน่ใจสักทีว๊า...ไม่อยากรู้หรอว่าใครทำให้คีย์แปลกไป หรือแกมีแผนอะไรป่าวว่ะ เริ่มสับสนแล้วหนิ หรือว่าแกไม่รู้จริงๆ เฮ้ยตรูไม่อยากจะเชื่อเลยหว่ะ จริงๆ 5555 คีย์ออกอาการขนาดนั้นอ่ะ ป่าวหรอก แกรู้ แต่อะไรที่จะมาทำให้แน่ใจนะนี้สิ อยากรู้อยากเห็นจริง อิอิ!! //ที่บอกว่าฟานควรจะรู้ตัวได้แล้ว เพราะมันมีเหตุผลหลายอย่างเลยที่ควรจะดูออกจากตอนที่ผ่านๆมา คนรักกันอยู่ด้วยกันแบบนี้ เป็นคนที่ดูสีหน้าอ่านออก ฉลาด จะพลาดหรอ หรือว่าไง หรือเพราะว่ารักมากมายเกินไปจริงๆ เลยไม่.............มองข้ามไปยังไงเขาก็อยู่กับเรางี้หรอ โว้ยยยย ไม่อยากจะเดา คิดต่อแล้ววววว 55555555 รอไรท์มาต่อดีกว่าเนาะ จะยังไงต่อไปดีนะ หวงก้างต่อไป คิดจะทำรอยไว้ เหอ๊ะ กูขำ!!!5555555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: aunszMT ที่ 03-10-2016 15:18:23
ชอบคำพูดลิปที่ว่า ถ้าชอบคนเลวก็ชอบไป แล้วปล่อยคนดีๆไป สงสารเค้า ไม่ต้องจับปลาสองมือ แต่นังคีย์ก็ยังไม่สำนึก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: aunszMT ที่ 03-10-2016 15:29:09
ตอนนี้คือแบบเหมือนจะดีแต่ไม่ ชั้นอย่กให้ฟานมาเจอ อยากให้นางโป๊ะแตก ลิปไม่คุยด้วย ฟานขอเลิก ไปเสพสมกับเจ้านายสุดสวาทขาดใจหล่อนเถอะยะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 03-10-2016 16:18:50
เรื่องนี้ถ้าจะจบแบบ bad ending ผมว่าโอเคมาก เพราะฟานสมควรจะคู่กับคนที่มีค่า สะอาดทั้งกายใจ ไม่ว่าอดีตจะผ่านอะไรมาไม่เป็นไร ขอแค่ัปัจจุบันเป็นของเราคนเดียว ไม่ใช่มักง่าย ใจง่าย พร้อมจะอ้าขาให้ใครง่ายๆ ไม่สนใจถูกผิดศีลธรรมทั้งสิ้น คนประเภทนี้ต่อให้ผ่านเรื่องนี้ไปก็จะมีเรื่องใหม่มาอีกเรื่อยๆ วัวเคยค้าม้าเคยขี่ ยิ่งเป็นคนเคย one night stand มาด้วย คงไม่แคร์เลยถ้าจะให้ใครเอา นายเอกเรื่องนี้ไม่เหมาะกับคนมีรักจริง เล่นๆ ไปจนตายก็พอ แต่ว่าก็ว่านะคนแบบนี้ในสังคมจริงๆ ก็มีเยอะ จึงอยากให้คนเขียนเขียนสะท้อนออกมาถึงบทเรียนที่จะได้รับ ไม่ต้องจบคู่กันก็ได้ ผมว่าคนที่คิดเหมือนผมมีเยอะ จริงไหม?
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 03-10-2016 20:10:34
บวกเป็ดให้เม้นบนค่ะ bad end 1เสียง คือแต่งจนมันไม่รู้จะให้สงสารตอนไหนแล้วอ่ะ ขนาดตอนคีย์นึกกับตัวเองเป็นพักๆเรายังไม่สงสารเลย // คีย์รู้สึกโล่งใจดีที่ฟานไม่มาด้วยตอนขึ้นรถไฟฟ้าเพราะขึ้นกับหัวหน้า อี...ฮึ่ยยย มึงคงสวยมากนะทำตัวแบบนี้ ถ้าบริสุทธิ์ใจจริง เลือกคนรักจริงไม่ต้องกลัวหรอก แล้วตอนต้นยืนยันเสียงแข็ง "ฉันไม่มีทางเลิกกับฟาน"  อยากบอกว่า มึงปล่อยเค้าไปเห๊อะะะะ สงสารฟาน
ลงชื่อทวงฟานคืน1ล๊อคอิน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 03-10-2016 20:39:02
บอกเลยว่า ตอนที่ทุกคนรอคอยตอนนี้คือฟานจับได้และคีย์โดนทิ้งค่ะ  o18
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-10-2016 21:13:57
ถ้าฟานยอมโดนสวมเขาเราจะเลิกอ่านจริงๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 04-10-2016 01:54:45
บวกอีกหนึ่งให้ bad ending
ไม่ต้องจบแฮปปี้ก็โอน่ะ
เผลอๆทุกคนจะสะใจด้วย ใช่ไหมค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 38 ' แบบที่ดีที่สุด ' UP - 2.10.59} หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 04-10-2016 17:30:39
ตื้ออยู่ได้ ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 07-10-2016 20:32:05
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 39
' ความลับไม่มีในโลก '

   ขบวนรถไฟที่อึดอัดในช่วงเช้า ผมกลืนน้ำลายกับความอึดอัดที่มีมากกว่าทุกครั้งอาจเพราะร่างสูงของหัวหน้าที่กำลังยืนช้อนหลังของผมอยู่ในตอนนี้ เราที่กำลังแนบชิดกันและกัน ลำตัวที่ค่อยๆส่ายไปมาเล็กน้อยเพราะทางเดินของรถไฟที่กำลังโยกย้ายไปมา อากาศเย็นๆแต่ภายในอกของผมกำลังร้อนรุ่ม เพราะรู้สึกถึงส่วนกลางของเค้าที่กำลังบดเบียดอยู่ที่ช่วงบั้นท้ายของตัวเอง ทั้งๆที่พยายามสงบจิตสงบใจกับความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้น ' ไม่มีอะไรหรอก คิดไปเอง ' แต่ส่วนกลางที่ดันผมอยู่ตอนนี้แถมยังโด่ขึ้นเรื่อยๆก็ไม่ได้ช่วยให้คิดอะไรให้แง่นั้นได้

“ ขอโทษนะคีย์ " ร่างสูงก้มลงมาบอกผมให้ตอนนั้นก็ได้แต่หน้าแดงแล้วก็ก้มหน้างุด ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่รู้จะทำยังไง " ฉันเหมือนควบคุมมันไม่ได้อะ " ผมไม่ตอบอะไรอีกคน อยากบอกว่าเข้าใจแต่นั่นก็กระดากปากเหลือเกินที่จะพูดออกไป

“ เดี๋ยวอีกสองสถานีก็ถึงแล้วครับ " ตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้นก่อนจะพยายามขยับตัวหนีเค้าแต่เหมือนว่าความอึดอัดในโบกี้จะไม่สามารถทำให้ผมหนีได้เท่าไหร่ หนำซ้ำเค้ายังเบียดเข้ามาใกล้กันอีกเป็นเท่าตัวตอนที่รถไฟจอดลงที่สถานีเหมือนย้ำสัมผัสของเราให้แนบชิดขึ้นไปอีก ผมหดเกร็งตัวเอง เม้มริมฝีปาก ก่อนจะเบิกตากว้างกับความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรมาถูตรงที่ช่วงก้นเบาๆมันไม่ใช่การสัมผัสแบบผิวๆแต่เป็นการสัมผัสที่เรียกว่า จงใจ   ตอนที่หันขวับไปมองก็พบกับลุงแก่ๆคนนึงที่เหมือนกำลังยืนนิ่งแต่มือก็สัมผัสอยู่เค้าลูบก้มผม ตอนที่พยายามเอามือมาปัดออก เค้าก็นิ่งไปสักพักก่อนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่แค่มือแล้ว แต่กลับเป็นอะไรแข็งๆที่น่าจะเป็นส่วนนั้นมากกว่า เค้าที่เอามันมาถูที่ก้นของผม หลับตาแน่นนึกถึงคำถามของฟานที่เคยถามผมเมื่อวาน
 
' ไม่กลัวเหรอครับ ถ้าโดนลวนลานในรถไฟ ' ตอนที่ตอบไปว่าไม่กลัว เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ อีกอย่างผมมองว่าใครจะมาโรคจิตทำอะไรแบบนั้นได้วะ แต่ว่าตอนนี้ก้นที่กำลังโดนคนแปลกหน้าสัมผัสอยู่ตอนนี้ ปากที่ไม่กล้าแม้จะเอ่ยปากห้ามออกไป ผมที่ได้แต่กอดตัวเองเพราะไม่รู้จะทำยังไงไม่กล้าแม้จะปัดออก เพราะถ้าปัดก็คงโดนส่วนนั้นของเค้า คนก็เบียดแน่นเกินไป ถ้าเกิดว่าเผลอพูดคงต้องเป็นข่าว แล้วต้องแพร่ไปทั่วในบริษัทแน่ๆ

“ ทำอะไรน่ะ " เสียงทุ้มนิ่งๆของหัวหน้าที่คว้ามือนั่นให้หยุดลงก่อนจะจ้องเขม็งไปที่ชายคนนั้น " มายุ่งอะไรกับคนของผม "

“ พี่ธีร์ " ผมหันไปมองเค้าที่กำลังขมวดคิ้วเอาเรื่องอีกคน ชายร่างเตี้ยหัวล้านๆที่เหมือนไอ้แก่ตันหากลับ เค้าสะบัดมือออก

“ ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย " คำพูดที่ประจวบเหมาะกับรถไฟที่  จอดลงที่สถานีอีกคนก็วิ่งออกไป ท่ามกลางผู้คนในโบกี้ที่กำลังสงสัยในตัวเค้า หัวหน้าก็ก้มลงมามองผม พร้อมทั้งสายตาของอีกหลายๆคน

“ ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่เรื่องเข้าใจผิดกัน " พูดออกไปแบบนั้นก่อนจะก้มหน้าลงกับหัวใจที่ก็ยังเต้นแรง สัมผัสที่โดนล่วงเกินนั้นทั้งน่ารังเกียจแถมยังน่าขยะแขยงผมทำได้แต่กอดตัวเองก่อนจะเงยมองหน้าอีกฝ่ายที่เอื้อมมือมาจับไหล่ผมไว้ เค้าที่ยิ้มให้ราวกับกำลังปลอบโยนผมด้วยแววตา ' ไม่เป็นไรหรอก ยังมีฉันอยู่ตรงนี้ '

   สถานีที่ต้องลงถูกจอดป็นสถานีต่อมา ผมก้าวเดินลงจากรถไฟก่อนจะเบี่ยงตัวเองออกไปนั่งตรงเก้าอี้ที่ว่างอยู่สักครู่ ร่างสูงที่เดินตามมาเค้าย่อตัวคุกเข่าลงถามผม " โอเครึเปล่าคีย์ ไม่เป็นไรนะ "

“ ครับ ไม่เป็นไร " ผมบอก " แค่รู้สึกไม่ค่อยดีก็เท่านั้นครับ เหมือนจะอ้วกอยู่หน่อยๆ "

“ นั่งพักก่อนก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก " มือหนาเอื้อมมาจับมือผม เค้ากุมไว้แน่น " ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนนายเอง " เสียงอบอุ่นกับความอุ่นของมืออีกคนที่ทำให้ผมผ่อนลมหายใจออกมา

   ทุกอย่างเงียบอยู่ในขณะนั้นเป็นเวลานาน สัมผัสที่ชวนให้อยากกลับบ้านไปอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายของตัวเอง แม้จะไม่มากแต่การที่เราโดนสัมผัสที่ค่อยๆถูไถช้าๆ จากใครสักคนที่ไม่รู้จัก การสัมผัสด้วยความตั้งใจของเค้า ลมหายใจที่เข้าออกร้อนๆของเค้ายามที่สัมผัมเรา มันชวนให้อยากจะอาเจียนออกมาจนแทบจะกลั้นเอาไว้ไม่อยู่

“ ลางานมั้ย ฉันจะอนุมัติตอนนี้เลย "

“ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากจะกลับไปบ้านด้วยรถไฟแล้ว " ไม่อยากจะขึ้นไปแล้วเบียดเสียดกับผู้คนแบบนั้นอีกแล้ว " ไม่เป็นไรหรอกครับ นั่งสักพัก ขอให้ผมได้นั่งสักพักก็พอ "

“ อื้ม " เค้าตอบรับ ฝ่ามือที่ยังกุมมือของผม ผมมองฝ่ามือนั้นไม่รู้ทำไมแต่มันต่างจากครั้งนั้นที่เค้าดึงมือผมไปจับ หนนี้มันทั้งอบอุ่นแล้วก็รู้สึกว่าเค้าปกป้องเราได้ ไม่เหมือนหนนั้นที่ดูเหมือนเป็นการล่วงเกินแล้วพยายามจะจับเสียมากกว่า " โทรบอกแฟนนายมั้ย " คำถามที่ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกคน " เผื่อนายจะรู้สึกดีขึ้น "

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ " ผมก้มหน้าลงบอกก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่า อีกไม่นานฟานก็ต้องออกจากบ้านแล้วมาทำงาน ถ้าผมมัวขืนช้านั่งรู้สึกแย่กับสัมผัสแบบนั้นอยู่ตรงนี้ กับหัวหน้าที่ยังจับมือผมอยู่ตอนนี้ คงได้มีเรื่องแน่ " เราไปทำงานกันเถอะครับ " ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง อีกคนก็รั้งมือไว้

“ ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องไปหรอก นายรู้สึกไม่ดีแบบนี้กลับไปพักที่บ้านก่อนก็ได้ "

“ ผมไม่เป็นไรแล้วจริงๆ เชื่อเถอะครับ " บอกอีกคนแบบนั้นทั้งๆที่อยากจะกลับไปบ้านเต็มทน แต่เพราะถ้ากลับไปฟานก็ต้องสงสัย แล้วคนแบบหมอนั้นคงไม่ปล่อยให้ผมโกหกได้นานอยู่แล้ว แสนวิธีที่จะถูกบีบคั้นความจริงออกมา แล้วฟานที่ห่วงผมอยู่แล้วมีหวังต้องฝืนตัวเองมาส่งกันทุกวันแถมยังคอยดูคนไม่ให้เข้าใกล้ผมอีก แล้วถ้าเป็นแบบนั้นเค้าที่เหนื่อยอยู่แล้ว แถมยังต้องมาคอยห่วงผม นั่นคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ 

“ แต่ว่า "

“ พี่ธีร์ก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นแล้วละ ไม่เป็นไรหรอก ไปทำงานกันเถอะครับ " หันไปพูดกับอีกคนแบบนั้น เค้าที่นิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มกว้างออกมา แล้วก้มหน้าลง " เป็นอะไรไปล่ะครับ "

“ เปล่าหรอก แต่นายนี่มัน..”

“ หื้ม ? “ เอียงหน้ามองเค้าอีกคนก็ยิ้มบอก

“ ไม่บอกหรอก "

“ อ้าว ไหงงั้นละครับ "

“ ไว้ไปกินข้าวด้วยกันเที่ยงนี้แล้วจะบอก " เค้าหันมาบอก เราที่เดินข้างกันออกไปจากสถานีรถไฟ เดินตรงสู่ตึกบริษัท

“ ต่อรองแบบนี้อีกแล้วนะครับ "

“ ก็ถ้านายไม่สนใจอยากจะรู้ก็ไม่ต้องมาสิ "

“ เหมือนกำลังโดนแกล้งเลย "

“ แค่รู้สึกดีน่ะ ฉันรู้สึกดีที่ทำให้นายรู้สึกดีขึ้นได้ในสถาวะแบบนั้น รู้สึกตัวเองสำคัญสำหรับนายขึ้นมานิดนึงแล้วละ " เค้าที่หันมายิ้มให้ " เพื่อไม่ให้มองว่าฉันต่อรองอะไรกับนาย ความรู้สึกในใจฉันมันเป็นเป็นแบบนั้นแหละ "

“ พี่ธีร์ ..”

“ ส่วนเที่ยงวันนี้ นายจะไปกินข้าวกับฉันมั้ยมันก็สุดแล้วแต่นายนะ " ใบหน้าคมที่จ้องหน้าผม ความอบอุ่นของเค้าชวนให้ผมประทับใจอีกแล้ว การช่วยเหลือหรือแม้แต่สองมือที่คอยโอบจับกันเอาไว้ " คีย์ "

“ ครับ "

“ โอเคจริงๆใช่มั้ย เรื่องนั้นน่ะ เรื่องในรถไฟเมื่อกี้ โอเคขึ้นแล้วใช่มั้ย " พยักหน้ารับอีกคนแบบนั้น มือหน้าก็เอื้อมมือลูบหัวผม " ฉันเป็นห่วงนะถ้ามีอะไรก็บอกกันก็แล้วกัน อยากจะกลับก็บอกฉันจะให้นายกลับเอง ฉันไปทำงานล่ะ เพื่อนนายที่เกลียดฉันเดินมานู้นละ " ผมหันไปมองตามสายตาคมที่มองไป ลิปที่กำลังเดินมาด้วยท่าทียิ้มๆ ผมหันกลับมามองเค้า ที่เหมือนมีคำพูดนึงที่ลังเลอยากจะพูดออกมา

“ มีอะไรเหรอครับ "

“ ฉันแค่อยากจะถามว่า พรุ่งนี้ ถ้าฉันขึ้นรถไฟมาทำงานกับนายอีกได้รึเปล่า นายจะรังเกียจมั้ย ถ้าฉันจะไปด้วย แต่ฉันเป็นห่วงนายไม่อยากจะให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก ฉันไม่ชอบเลยที่นายต้องทำหน้าวิตกแบบนั้น ไม่ชอบที่ใครมาทำแบบนั้นกับนาย ไม่อยากจะคิดว่าถ้าฉันไม่เห็นมันจะเกิดอะไรมากขึ้นกว่านั้นรึเปล่า กลัวว่าแค่มือที่ฉันจับ จะทำให้นายอุ่นใจไม่พอ "

“ อย่าคิดมากเรื่องของผมขนาดนั้นสิ "

“ ฉันชอบนาย ฉันไม่อยากให้จะให้ใครแตะต้องของของฉันทั้งนั้น คนที่นายไม่สมยอม เพราะแค่คนนั้นสำหรับฉันมันก็สุดจะกลืนแล้ว "

“ พี่ธีร์ ..” เค้าที่ก้มหน้าลงผ่อนหายใจออกมาเบาๆ ผมก็ทำได้แค่เม้มริมฝีปากแล้วก็พยักหน้ารับความห่วงใยที่แสนอบอุ่นของเค้าไปในที่สุด " ก็ได้ครับ ยังไงซะนั่นมันก็รถสาธารณะนี่ ใครจะขึ้นก็ได้ไม่ใช่รึไง "

“ ขอบใจนะ งั้นไว้เจอกัน " รอยยิ้มของอีกคนที่เดินจากผมไป แผ่นหลังหนาที่ค่อยๆห่างสายตาออกไปเรื่อยๆ ผมมองดูเค้าอย่างไม่ละสายตาเลยสักนิด ความห่วงใยและความอบอุ่นของเค้า ก้มลงมองฝ่ามือของตัวเองที่ถูกเค้ากุมไว้เมื่อครู่ ความรู้สึกดีๆที่เค้าคอยอยู่ข้างๆตอนนั้น นี่แหละมั้ง คนที่เราชอบ ผู้ใหญ่ที่อบอุ่นแบบนี้แหละ

“ คีย์ " หันไปหาเสียงที่เอ่ยเรียกชื่อผม ลิปยิ้มจางๆ " ไปทำงานกันเถอะ "

“ อะ อื้ม " ผิดคาดไปหน่อยสำหรับคำทักทายธรรมดาๆของเค้าที่พูดแค่นั้นทั้งๆที่ปกติควรจะมีคำพูดประชดประชันหลุดออกมาจากปากเค้าแล้ว ผมที่ยืนนิ่งอยู่สักพัก อีกคนก็ขำ

“ ทำไมนิ่งแบบนั้น มีอะไร ฉันแปลกเหรอ "

“ ก็แปลกนิดหน่อย " ผมบอก ลิปก็หัวเราะ

“ แปลกยังไง "

“ ก็แปลก ที่ไม่ประชดทั้งๆที่เห็นฉันยืนคุยอยู่กับหัวหน้า "

“ ไม่เห็นต้องประชดเลยนี่น่า นายรู้ตัวดีอยู่แล้วว่าควรทำอะไรไม่ควรทำอะไร จะ 30 แล้วนะเว้ยไม่ใช่เด็กเล็กๆที่ไม่รู้ประสีประสาสักหน่อย เราไม่ได้อยู่ในช่วงอายุที่ว่า สามารถพูดได้ว่า นี่มันเรื่องของผู้ใหญ่นะเว้ย แต่สุดท้ายพอโดนทิ้งจริงๆโดนโกรธจริงๆก็บอกว่า ผิดไปแล้ว เราพูดแบบนั้นไม่ได้หรอก เพราะผู้ใหญ่เค้าไม่พูดกัน  "

“ ที่พูดหมายความว่าไงกันแน่วะ " ทำไมถึงรู้สึกว่าคำพูดของลิปมันแปลกๆ เหมือนจะบอกไม่ใส่ใจ แต่ก็แอบประชดอยู่ ประชดแบบไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ด้วย เปรียบเปรยจนงง

“ หมายความว่า ถ้าฟานจับติด แรกๆ นายคงพูดว่า  ก็แค่สนิทกันเพราะงานมันก็เท่านั้น นี่เรื่องของผู้ใหญ่ แล้วหลังจากนั้นนานๆไปเค้าทนไม่ไหวจะเลิกกับนายขึ้นมานายคงพูดว่า นายผิดไปแล้วนายทำไปเพราะความไม่รู้ ไม่รู้ว่าฟานจะเสียใจถึงขนาดนี้ แล้วที่ฉันจะบอกคือ นายอ้างเหตุผลพวกนั้นไม่ได้หรอกนะ จะบอกว่าทำไปไม่รู้ไม่ได้หรอก เพราะนายเองก็รู้อยู่แก่ใจ จริงมั้ย " ลิปพูดจบก่อนจะเดินนำผมออกไปแต่ตอนนั้นผมก็พูดออกมาก่อน

“ นายไม่รู้อะไรหรอกลิป นายไม่รู้ว่าทุกวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับฉันบ้าง นายก็มองแค่ด้านเดียว คือเรื่องที่เกิดขึ้นฉันควรเลือกฟานเพื่อความถูกต้อง แต่ลิปถ้านายมาเป็นฉัน นายจะพูดแบบนั้นออกมาไม่ได้หรอก "

“ ใช่ เพราะมันไม่ใช่ฉันไง ฉันแค่พูดในสิ่งที่ฉันมองว่ามันถูกต้อง ฉันมองในแบบของคนไม่มีความรู้สึกอะไรมาทำให้ไขว้เขว มองอย่างเป็นกลาง แต่นายมองมันด้วยความความรู้สึก รัก แล้วก็ต้องการ"

“ วันนี้หัวหน้าช่วยฉันเอาไว้ จากผู้ชายที่กำลังลวนลามในรถไฟ เค้าที่กุมมือฉันไว้เพื่อปลอบใจฉัน ฉันคิดว่า เค้าไม่ใช่คนที่เห็นแก่ตัวแบบที่นายว่าหรอก " อย่างน้อยสำหรับฉัน เค้าก็สารภาพความเห็นแก่ตัวนั้นออกมาตรงๆ

“ ละ..แล้วเป็นยังไงบ้าง นายโอเคมั้ย " มือที่เอื้อมมือมาจับที่ไหล่ สายตาห่วงใยที่มองผมมันเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง ลิปที่มีท่าทางตกใจ " แล้วบอกฟานรึยัง เค้าน่าจะเป็นห่วงนายนะ "

“ ฉันคงไม่บอกเค้าหรอก "

“ อ้าว "

“ ฉันไม่อยากจะให้เค้าเป็นห่วง ถ้าฟานรู้มีหวังต้องคอยห่วงมากกว่านี้แน่ๆ ช่วงนี้ทำงานที่ร้านกาแฟเค้าเหนื่อยมากพออยู่แล้ว อีกอย่างถ้าต้องมาส่งฉันตอนเช้า เค้านั่นแหละที่จะไม่ไหวไปซะก่อน "

“ แล้วนายจะแจ้งตำรวจมั้ย ไปแจ้งรึยัง "

“ ฉันคงไม่แจ้งหรอก รถไฟคนเบียดขนาดนั้น กล้องคงจับไม่เห็นหรอก อีกอย่างนะ เวลาไปแจ้งตำรวจเค้าก็ต้องให้เราเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น แบบนั้นก็เหมือนฉันโดนลวนลามซ้ำอีกทีนึงนั่นแหละ สู้ลืมๆมันไปไม่ได้กว่ารึไง "

“ คีย์ " ลิปเรียกชื่อผม ก่อนอีกคนจะถอนหายใจออกมามือของเค้าคว้ามือของผมจับก่อนจะบีบแน่น " ไม่ต้องพูดถึงแล้วล่ะ เลิกคิดถึงมันเถอะ ฉันจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว ลืมมันซะเถอะนะ "

“ อื้ม "

“ พรุ่งนี้ฉันจะไปรับนายที่คอนโด เรามาทำงานด้วยกันนะ ดีมั้ย "

“ เอ่อ.. ลิปไม่ต้องก็ได้ "

“ ทำไมล่ะ ฉันเป็นห่วงนายนะ ไม่เป็นไรฉันเข้าใจว่าช่วงแรกๆนายต้องยังกลัวๆอยู่บ้าง ฉันจะไปรับนายก็ได้ "

“ คือพรุ่งนี้หัวหน้าจะมารับฉัน " ทุกอย่างเงียบไปตอนที่ผมพูดแบบนั้น คนตรงหน้าที่นิ่งไปก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ " เพราะว่าเค้าอยู่ในเหตุการณ์น่ะ แบบนั้นหัวหน้าเลยจะขึ้นรถไฟมากับฉันวันพรุ่งนี้ โทษทีนะ แต่ว่าฉันนัดกับเค้าไปแล้ว "

“ ไม่เป็นไรหรอก ก็ดีแล้วนี่นายจะมีใครสักคนมาเป็นเพื่อน นายจะได้อุ่นใจ แต่ว่านะ ดีแล้วเหรอที่ไม่บอกฟานไม่ให้เค้าเป็นห่วง แล้วให้คนอื่นที่นายไม่ควรหวั่นไหวด้วยมาเป็นห่วงแทน "

“ โทษทีนะ "

“ ขอโทษฉันทำไม ฉันไม่เป็นไรหรอก ฉันมันแค่เพื่อน เก็บคำขอโทษของนายไปบอกฟานเถอะ เพราะคนนั้นแหละ คือคนที่นายควรขอโทษเค้ามากกว่าใคร "    

   เดินขึ้นตึกมาเงียบๆข้างๆลิปที่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีกหลังจากนั้น ผมเองก็ไม่มีอะไรทั้งนั้นที่จะพูดจะแก้ตัวให้เค้ามองผมในแง่ดี ทุกอย่างดูโจ่งแจ้งไปหมดเหมือนเปิดไฟในห้องมืดๆ ทั้งความรู้สึกของหัวหน้า หรือความรู้สึกตอบรับของผมขยับเข้าไปสู่วังวนของการนอกใจอีกนิด

    เปิดคอมทำงานของตัวเองเงียบๆ ก่อนอีเมล์ฉบับนึงจะถูกส่งเข้ามาหา อีเมล์ของหัวหน้าที่พอมองดูเวลาแล้วอีกชั่วโมงนึงก็ใกล้เวลาพักเที่ยงแล้ว

' ไปกินข้าวกันมั้ย ' ประโยคสั้นๆที่เค้าพิมพ์มา ผมเหลือบมองลิปที่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเกรงใจอีกคนเสียมากมายทั้งๆที่เรื่องนี้มันก็แค่เรื่องการตัดสินใจของเราคนเดียวเท่านั้น ว่าจะไปหรือไม่ไป  ' วันนี้ฉันจะชวนนายไปกินสเต็ก '

“ ไปก็ได้ครับ เจอกันที่ไหนครับ "

' เดินออกไปพร้อมกันเลยก็ได้ ชวนลิปด้วยสิ '

“ เค้าคงไม่ไปหรอกครับ " บอกอีกคนสั้นๆแบบนั้น เพราะลิปก็บอกตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ว่าเค้าจะไปกินข้าวกับผมแค่วันนั้นวันเดียว
' งั้นออกไปพร้อมกันเลยก็ได้ '

“ โอเคครับ " ตอบรับเค้าไปก่อนจะถอนหายใจออกมา ถ้าอยากจะทำอะไรก็ทำไป ผมบอกกับตัวเองแบบนั้นกับสิ่งที่ตัดสินใจตอบตกลงเค้าไปทั้งๆที่ก็ปฎิเสธได้ เพราะพี่ธีร์ช่วยเหลือเค้าในยามที่ลำบากเสมอ ก็คิดซะว่านี่คือการตอบแทนในสิ่งที่ตัวเค้าจะทำได้ ก็แค่ไปกินข้าวด้วยกัน ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรหรอก ถ้ายังควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้อยู่แล้วละก็..

“ คีย์ "

“ ลิปเที่ยงนี้ฉันจะไปกินข้าวกับหัวหน้านะ " ผมพูดขัดอีกคนขึ้นมาก่อนที่เค้าจะชวน ลิปนิ่งไปสักพักก่อนจะพยักหน้าลงเข้าใจในสิ่งที่ผมบอกแบบยังคงงงๆอยู่

“ ไปเถอะตามสบาย "

“ โทษทีนะ "

“ ไม่เป็นไร " เค้าที่ส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันไปทำงานต่อ ผมหันมองดูเวลาที่บอกเวลาพักเที่ยง เพื่อนร่วมงานที่เดินออกไปจากที่ทำงาน ผมเองในตอนนั้นก็ลุกขึ้นพร้อมกันกับพวกเค้า หัวหน้าเดินตามออกมาก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

“ ไปกันเถอะครับ "

“ อื้ม " เสียงตอบตกลงที่ยังงงๆของเค้า คงไม่คิดว่าวันนี้ผมจะตอบตกลงไปกินข้าวกับเค้ามากกว่า เพราะเมื่อวานผมเองก็มีท่าทางบอกเค้าไปชัดๆว่าไม่ค่อยอยากจะมากินข้าวด้วย

“ ร้านที่จะไปกินกันเป็นร้านสเต็กสินะครับ " เอ่ยถามอีกคนที่ที่พยักหน้ารับ " อยู่ตรงไหนเหรอครับ "

“ ข้างหลังตึกที่เราทำงานน่ะ เป็นร้านเล็กๆ อร่อยดีนะ ฉันเคยพาหัวหน้าไปนั่งกิน "

“ ท่าทางจะอร่อยจริงๆ เพราะว่าขนาดพี่ธีร์ยังพาคนระดับหัวหน้าไปกินเลย "

“ แน่นอนมากินกับนายทั้งทีฉันต้องแนะนำที่มันอร่อยๆอยู่แล้ว "

“ เลี้ยงผมด้วยนะ " เอียงหน้ายิ้มๆบอกเค้าอีกคนก็ยิ้มตาม

“ แน่นอนเลี้ยงอยู่แล้ว เพราะเมื่อวานไม่ได้เลี้ยงนิ " เดินลัดออกไปตามซอยเล็กๆ ร้านสเต็กที่ยังมีคนไม่เยอะเป็นร้านที่แต่งด้วยโทนสว่างหัวหน้าเปิดประตูให้ผม ก้มหน้าขอบคุณเค้าตอนที่เดินเข้าไปข้างในโต๊ะสำหรับสองคนที่เราเลือกนั่งพนักงานก็เอาเมนูมาให้เลือก

“ พี่ธีร์มากินบ่อย มันมีเมนูพิเศษแนะนำรึเปล่า "

“ ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้กินบ่อยขนาดนั้นหรอก ฉันเป็นพวกชอบสั่งของที่ชอบกินก็เท่านั้นอะ "

“ งั้นเหรอครับ " ผมพยักหน้ารับก่อนมองไปตามเมนูต่างๆแล้วสะดุดกับสเต๊กปลาแซลม่อน ก่อนจะปรายตาไปมองอย่างอื่น " ผมสั่งสเต๊กสันคอหมูแล้วกันครับ "

“ โอเค งั้นฉันกินพอร์คชอปแล้วกัน " เค้าบอกก่อนจะเรียกพนักงานมารับเมนู ผมมองไปรอบๆร้านแต่ทว่าคนตรงหน้าที่กำลังจ้องหน้าผมก็ชวนให้เอ่ยถามออกไป

“ มองหน้าทำไมเหรอ "

“ วันนี้นายมาแปลก "

“ แปลก ? ผมแปลกเหรอ " ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอีกคนก็พยักหน้า

“ เมื่อวานนายยังไม่อยากจะมากินข้าวกับฉันเลย แล้วทำไมวันนี้ "

“ อยากให้ผม ทำท่าเหมือนไม่อยากจะมากินข้าวกับพี่งั้นเหรอ " ยิ้มจางๆให้อีกคนที่ก็ส่ายหน้าไปมาก่อนจะหลุดหัวเราะ

“ ไม่ใช่สิ แบบนี้มันก็ดี แค่รู้สึกว่านายเหมือนมีอะไรรึเปล่าถึงมานั่งกินข้าวกับฉัน "

“ จริงๆก็มีนิดหน่อยนะครับ " สารภาพบอกอีกคนก่อนจะก้มหน้าลงไม่มองตาอีกฝ่าย " คุณช่วยผมไว้ .. ผมก็มาตอบแทนที่คุณใจดีกับผม อีกอย่างถ้ามัวแต่แคร์เพื่อนที่พูดว่าไม่ดี ผมคงต้องรู้สึกแย่แน่ๆที่ไม่ได้กินข้าวกับคุณที่ช่วยผมไว้วันนี้ เลยคิดว่า ก็มาดีกว่าเพื่อนไม่มาก้มาเถอะ อย่างน้อยก็ตอบแทนที่คุณช่วยผมไว้ "

“ อย่างงั้นเหรอ " คนตรงหน้าของผมตอบรับยิ้มๆ ใบหน้าคมที่กำลังซับสีแดงเค้ามองไปทางอื่นก่อนจะพูดออกมาแบบที่ผมได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่  " ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันก็ดีนะ "

“ เอ๊ะ ? ว่าอะไรนะครับ "

“ ถ้าฉันกับนายได้มากินข้าวด้วยกันสองคนแบบนี้ ทุกวันก็ดีสินะ อยากจะให้เป็นแบบนั้นทุกวันเลย " หลุดยิ้มออกมากับคำพูดของเค้า ผมก้มหน้าลงมองมือของตัวเองที่กำลังตั้งอยู่บนโต๊ะ แล้วอยู่ๆก็เผลอคิดเรื่องนั้นขึ้นมาอีก

“ ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ ขอบคุณที่ปกป้องผม แล้วก็ขอบคุณที่อยู่ข้างๆผม "

“ มันเป็นสิ่งที่ฉันต้องทำอยู่แล้ว " มือหนาเอื้อมมือมาจับมือผมก่อนจะบีบเบาๆ " อย่าคิดถึงเรื่องนั้นเลยนะ ลืมมันไปได้แล้ว ยิ่งคิดนายเองนั่นแหละจะยิ่งเจ็บปวด "

“ ครับ " ตอบเค้าแบบนั้นสั้นๆ มือหนาที่กำลังปลอบก็ดึงออกไป เป็นจังหวะเดียวกันที่อาหารก็ถูกเอามาเสิร์ฟพอดี หน้าตาที่น่ากินของมันผมยกมือถือขึ้นมาถ่ายภาพนิดหน่อยอีกคนก็หัวเราะ

“ นายเป็นพวกชอบถ่ายภาพอาหารก่อนกินด้วยเหรอ "

“ ก็แค่ของที่ผมรู้สึกน่ากินมากๆก็เท่านั้นแหละครับ ชอบถ่ายเก็บไว้ "

“ งั้นเหรอ " อีกคนว่าในตอนนั้นกว่าที่ผมจะรู้ตัวก็เหมือนมีเสียงชัตเตอร์เบาๆดังขึ้นมา ก่อนจะเงยหน้ามองอีกคนที่ก็ยิ้มกับผลงานภาพถ่ายในมือที่แอบถ่ายผมไว้ " งั้นฉันถ่ายบ้างแล้วกันของที่น่ากิน "

“ หมายความว่าไงน่ะครับ ลบเลยนะ " ผมบอกอีกคนยิ้มๆ หัวหน้าก็ส่ายหน้าไปมาทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร มือที่จะคว้ามือถือเค้ามาดูแต่อีกคนก็หลบก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าไป " หัวหน้า "

“ พูดใหม่ "

“ พี่ธีร์ ลบเลยนะครับ แอบถ่ายนิสัยไม่ดีเลย "

“ ภาพนายไม่น่าเกลียดหรอก ออกจะน่ารักให้ฉันเก็บไว้เถอะ กินกันได้แล้ว เดี๋ยวก็หมดเวลาพักพอดี "

“ จริงๆเลยนะ " หลุดพูดออกไปแบบนั้นก่อนจะขมวดคิ้วใส่อีกคนที่ก็ไม่สนใจหันสเต๊กในจานของตัวเองแล้วกินด้วยท่าทีอร่อยจนผมได้แต่ถอนหายใจปล่อยวาง ก้มหน้าลงหั่นสเต๊กในจานของตัวเองกินบ้าง รสชาติอร่อยอย่างที่อีกคนบอกจริงๆ

“ อร่อยมั้ย "

“ อร่อยมากครับ ชิมมั้ย " ผมหั่นสเต๊กให้เค้าชิมคำนึงตอนที่วางในจานให้เค้าอีกคนก็ถาม

“ ป้อนไม่ได้เหรอ "

“ เดี๋ยวก็จิ้มตาบอดเลย " ยื่นมีดขู่อีกคนเค้าก็หัวเราะก่อนจะกินสเต๊กที่ผมตัดให้เข้าไป

“ อร่อยจัง แต่คนที่ให้ชิม ต้องอร่อยกว่านี้แน่ๆ "

“ เลิกพูดอะไรแบบนั้นเลยนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไม่มากินข้าวด้วยหรอก "

“ อุ้ย โดนขู่ว่ะ งั้นเลิกพูดๆเดี๋ยวพรุ่งนี้เค้าไม่มากินข้าวด้วย " หลุดยิ้มออกกับท่าทางเป็นเด็กของคนตรงหน้าอีกคนครั้ง ผมก้มตักสเต๊กขึ้นมากินก่อนจะเงยหน้ามองไปนอกร้านเพราะรู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองตัวผมอยู่ และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆมีคนจ้องผมอยู่ รอยยิ้มของผมค่อยๆหดลงช้าๆผู้ชายร่างสูงคุ้นตาที่กำลังจ้องมองผมอยู่ด้วยท่าทางนิ่งๆ ปากที่กำลังเคี้ยวอาหารนั้นช้าลงเรื่อยๆผมวางอุปกรณ์ที่ตัวเองกำลังกินก่อนจะเผลอเรียกชื่อของคนนั้นออกมาด้วยเสียงเบาๆที่ไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไหร่

“ ฟาน "

   เพียงชั่วขณะที่เรามั่นใจว่า เราควบคุมความรู้สึกได้และปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามใจ ชั่วขณะที่เราหาเหตุผลต่างๆมาให้ตัวเองพ้นผิด นั่นคือชั่วขณะที่จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรงที่สุด ผมลัพธ์ที่จะทำให้เรารู้สึกดีกับคนที่ไม่ควรรู้สึกมากขึ้น และผลลัพธ์ที่ว่าความจริงเรากำลังนอกใจอีกคน แต่ทว่าเราอาจลืมไปว่า ' ความลับมันไม่มีในโลก '


.......................................................

ยิ้มอ่อน ...
มาดูกันสิว่า จะตอแหลฟานว่าอะไร ... #นี่นายเอกนะดูพูดจา
จริงๆหมั่นไส้นิดนึงแหละ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

เจอกันตอนหน้านะคะ
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ฝากแชร์ในเพจ fb ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่าาา  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: ZaRa ที่ 07-10-2016 20:57:58
วะ ฮะ ฮ่าๆๆๆๆ //หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง!! ในที่สุด!! ในที่สุด!!! ฟานก็เห็นจนได้ ไงล่ะอีดอกกกกก ตอนลิปเตือนนี่ก็แก้ตัวแล้ว แก้ตัวอีก หาข้ออ้างในความเลวของตัวเองได้เรื่อยๆ คราวนี้ฟานเห็นเองกับตา อยากรู้จริงๆ ว่ามันจะแก้ตัวกับพระเอกของเราว่าไง เดาว่าต้องตอแหลจนฟานเชื่อ หรือไม่ก็ต้องจำใจเชื่อเพราะไม่อยากเลิก เพราะตั้งแต่อ่านนิยายของหนมมา เดาว่านี่ยังไม่ใช่จุดพีค ต้องรอให้นางถลำลึกกว่านี้ก่อนค่ะ เวลาที่นางรู้ตัว จะได้รู้สึกผิดจนกระอักเลือดตายห่าไปเลย //ห่วงก็แต่ความรู้สึกของฟานน้อย โอ๋ๆ นะ อีกไม่นานหนูก็จะหลุดพ้นจากเกย์เฒ่ากระหายดุ้นแล้วลูกเอ๊ย

ปล.อยากบอกว่านิยายของหนมเรื่องนี้ถูกจริตเรามากกกกกกก เราเป็นคนที่ชอบนิยายพระเอกน่าสงสาร แต่ส่วนมากไม่มีไง 5555555 นานๆ ทีจะเจอ เรื่องหน้าขอแบบนี้อีกนะ แต่เปลี่ยนพล็อตก็ได้ แบบเอาดราม่าเรื่องอื่น แต่เอาพระเอกน่าสงสาร อิอิ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-10-2016 21:02:22
ย่ะ. ยัยสวิฟท์. อุ๊ย. แค่สวยเลือกได้เองค่ะ. หมั่นไส้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 07-10-2016 21:08:32
ไม่ว่าจะตอแหลว่าไง แต่เราก็ขออนุโมธนาจิตขอให้ฟานตาสว่าง  เลิกหวังได้แล้วละว่ารักที่ทุ่มเทไปจะได้กลับมาเท่ากัน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 07-10-2016 21:09:40
หึ ร่านจนได้เรื่อง อยากให้ฟานตาสว่างซะที อย่าเชื่อความสตอของมันให้มากนัก เห็นขนาดนี้เลิกกันเถอะ ปล่อยให้มันร่านต่อไปเถอะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 07-10-2016 21:16:12
ขอเหอะ ฟานอย่าได้โง่เชื่อความตอแหลนะ แต่่ถ้าจะให้ดี มึงมีได้กูก็มีได้เหมือนกัน ดูซิใครมันจะเจ็บได้มากกว่ากัน เอาให้แตกกันไปข้างนึง พระเอกแสนดีแกล้งโง่เพราะรักมากน่ะเก็บเข้ากรุไปได้แล้ว หมดเวลาเคี้ยวหญ้าแล้วฟาน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 07-10-2016 21:21:22
พี่คีย์มีขัอแก้ตัวที่ดีแน่นอนค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 07-10-2016 21:28:54
ว้ายยยยยยยย  :hao6: สมน้ำหน้า อีโง่ อีดอก อีหรี่
มีค.สะใจแบบสูงสุด ต่อมร่านหล่อนทำงานแล้วมั้ยละ
แม่ลิปไม่ต้องเตือนค่ะ อีนั่นโตเป็นควาย ไม่ๆ แรดตัวเต็มวัยแล้ว สมองมันคิดได้นะ คิดว่าทำยังไงให้ตัวเองได้กกผัวทีเดียว2คน โถ่อีหลวม

รอดูว่านางจะตอแหลอะไรใส่ฟาน ฉันแค่มากินข้าวกับหัวหน้านะะ เค้าแต่งงานแล้วไม่ยุ่งด้วยหรอก ฉันมีนายคนเดียว อิอิ  :hao7:

เราว่าฟานไม่โง่นะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 07-10-2016 22:15:34
คงใกล้ถึงจุดที่นางต้องเลือกละ

นางจะเลือกใคร......

เห็นใจฟานนะ. แต่ก้อนะ.  ความรักความหลงมันห้ามกันไม่ได้

ตบบ่าฟานสามที.... ลูบหลังอีกสามรอบ...

แล้วหันไปกระโดด...นางสามตลบ

 :z6:   :z6:   :z6:

 :m16:  :m16:   :m16: 

...

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 07-10-2016 22:16:11
ในที่สุดฟานก็เห็นสักที  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 07-10-2016 22:21:42
เย้ๆๆๆๆ
ฟานเห็นแล้วววว
ไหนนนน นางจะไปแก้ตัวอะไรหละ
มีป้อนกันด้วย
เหอะ

#เบ้ปาก ไม่เอา #ฟานคีย์ แล้วนะ #ทีมฟาน ดีกว่า ฟานเลิกเลยเลิกเลยเลิกเลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 07-10-2016 22:22:28
"สม"

สั้นๆคำเดียว จบ.
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 07-10-2016 22:23:56
มารอดูคีย์แก้ตัว
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 07-10-2016 23:05:04
สาแก่ใจกูนักอีช้อยเอ๊ยยยย
เป็นไงล่ะ ความสุขเล็กๆน้อยๆชั่วเวลาพัก
การแอบลักลอบกินกัน เล่นชู้กันลับหลังคนของตัวเองนี่มันเต้นเร้าใจดีใช่มั้ยล่ะ ยิ่งเวลาแฟนมาเห็นด้วยแล้วมันยิ่งตื่นเต้นใหญ่ เข้าใจๆว่าคนจืดชืดที่ผ่านมาได้แค่แอบซ่อนความกระหายสั่นระริกอยู่ในใจทั้งที่จริงแล้วอยากระเบิกออกมาพอมันได้ลองทำชั่วมันก็ซาบซ่านเสียวดี
เลิกเถอะคีย์ รู้ใจตัวเองได้แล้วว่าเธอไม่เหมาะกับคนนุ่มนวลและแสนดีอย่างฟานหรอก ถึงลีลาเซ็กส์ฟานจะดีแต่ก็คงไม่เท่าอะไรๆที่เธอยังไม่เคยลองหรอก ไปหาสิ่งที่เธอไฝ่ฝันจะดีกว่า
หวังดี ไม่อยากให้เลือกทางผิดนะ  :mew1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 07-10-2016 23:17:52
รอดูแถของผู้ใหญ่ค่าาาาา
หล่อนโตแล้วนะคีย์
โตจนเป็นแรดหนอแหล๊มแหลมอ่ะค่ะ


โอ๊ยยยยย ด่าได้ไม่เต็มปากเพราะชื่อเหมือนกัน. 5555555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: ่KEI_jry ที่ 07-10-2016 23:42:00
เย้ๆๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

สาแก่ใจอิช้อยนักแล คนตอ..แหลจะแถยังไง (ขอโทษที่ไม่สุภาพจริงๆ อินมาก)

ไม่ชอบคนแบบคีย์ เพราะเราเป็นคนชัดเจนมากๆ เลยทำให้เกลียดคีย์อ่ะ

คือเพื่อนเตีือนเพื่อนอะไรกลายเป็นประชด กลายเป็นเพื่อนคิดลบ เอ้อออ.. แล้วแต่เลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: aunszMT ที่ 08-10-2016 00:24:32
กรี๊ดดด สมใจอยากอีนี่มาหลายตอนแล้วค่าา. เป็นตอนนึงที่อยากให้มาถึงเร็วมากๆๆ รอดูความแหล ถ้าตอนหน้าฟานทิ้งไปชั้นจะจุดพลุฉลองงงง กลียดแบบคีย์ที่สุด ยังมีหน้ามาว้าคีย์อีก สะใจโว้ยยยยย ป.ล ขออภัยอินหนักไปหน่อยยย.
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 08-10-2016 00:28:27
ไม่ต้องกลัวไปคีย์ไม่ต้องสั่น ก็อย่างที่บอกละว่ามากินข้าวเพื่อตอบแทนน้ำใจที่ช่วยไว้ไง ไม่มีอะไรเลย ไม่ต้องซีเรียสนะ อืมมมม ฟานเชื่ออยู่แล้วเหอะ หึหึ 55555 //คีย์ปากไม่ตรงกับใจจริงนะเออ ที่บอกหัวหน้าว่ามาทานข้าวด้วยเพราะตอบแทนอะ หึ!!กูขำ ใจจริงอยากบอกใจจะขาดว่าอยากมาทานข้าวด้วยเพราะอยากมา ระริ้กระนี้เชียวละแต่เก็บอาการไปงั้น กูรู้หรอกน๊า 55555//ฟานจ่ะ เห็นแล้วคิดไงเอ่ย อิอิ เก็บภาพนี้ไปคิดประกอบกับอาการที่คีย์แสดงออกมาก่อนหน้านี้นะ มันมากพอแล้ว ควรสมเหตุสมผลที่จะแน่ใจ "อ่าาาาาาาาา เพราะแบบนี้สินะ" หรือไม่ก็ "อืมม อย่างที่คิดจริงๆ นั่นสินะ" มันจะบอกได้เลยว่าฟานรู้มาหรือเพิ่งรู้ 555 แต่ฟานอาจมีคำพูดอื่นอีกกะดะ รอไรท์ดีกว่า รอดูฟานจะพูดไง อิอิ พอกลับห้องไปคุยกันฟานก็ถามคีย์กลับไปว่า........?? คีย์จะพูดอะไรก็ถามคำเดิมนั่นละ (น่าจะเอะใจนะว่าไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น) *นานเท่าไหร่แล้ว* กดดันไม่ยากหรอกเพราะความอึดอัดเต็มปรอทพร้อมจะแตกร่อมร่อ ถ้ากดดันได้ดีคีย์ไม่มีอะไรจะแก้ตัวมีแต่ความจริง หึหึ!!! //ฟานเป็นคนดี ถ้าทำให้คีย์คนรักอึดอัดใจได้ขนาดนั้น ก็........ และอีกอย่างเขาอยู่เพราะความถูกต้อง เพราะงั้นเราก็ควรจะทำสิ่งที่ถูกต้องเหมือนกัน สิ่งที่ถูกต้องของฟานคือไร หรือจะไม่สนใจข้อนี้เลยแต่จะทำตามใจ ถ้าทำตามใจนี้แอบคิดว่าฟาน คือแบบฟานรักคีย์ไง รักมากมายเกินไป ครั้งนี้อาจ.....ป่าว?? ไม่หรอกม้างมันต่างกันใจอยู่โน้นแต่ตัวอยู่นี้ ถึงจะยื้อจะรั้งมันก็....อยากฟังคำพูดฟานหว่ะ คนมีเหตุผลตั้งสติได้แบบนี้ คำพูดที่คนฟังเจ็บสุดๆแค่ไม่กี่คำอ่ะ เดี๋ยวๆมึงคิดไปไกลแล้ว อินไง 555 มีแอบคิดว่าตัวเองเป็นฟานแล้วจะทำหยังนั้นหยังนี้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดคำไหนดีเช่นกัน รอแสงสว่างจากไรท์ 555555555 รอคะรอ ใกล้ละๆจะได้เห็นฟานทำไง อิอิ อย่าให้คีย์ได้เล่นชู้นานเห๊อะ สงสารและเห็นใจคีย์มากอ่ะ บอกเลย ไปคบกันซะ 5555555555 //ตอนนี้ลิปทำดีมากสงบคำพูดละดีแล้ว ปากแฉะแทน 555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 08-10-2016 00:57:57
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 08-10-2016 01:19:12
ถ้าคนเขียนเขียนให้ฟานทำโง่น่ะ
จะเลิกอ่านจริงๆด้วยน่ะค่ะ
ขอคำพูดแบบกระอักเลือดจากฟานดีกว่า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 08-10-2016 05:20:27
จะแก้ตัวว่าไงอ่ะ
พูดแบบไหนที่ผู้ใหญ่เขาพูดกันอ่ะ
หมั่นนางไปอี้ก
 :hao3:
ฟานเอ้ย.. เลิกเลยนะ อย่าไปยอม
ให้นางได้ลิ้มรสความเสียใจบ้าง
ลังเลอยู่นั่นแหละ ถ้าไม่รักน้องก็ปล่อยไป
อย่ารั้งไว้เพราะเขาดีกับตัวเอง
แต่ตัวเองแย่อ่ะ มันไม่สมควร
 :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-10-2016 07:23:21
โอ้ยยยยย ของขึ้น
คีย์ใช้ตรรกะอะไรคิด ชอบก็เข้าใจแต่ชอบอยู่บนคนมีคู่นี่ทำถูกว่างั้น หลงลม
เค้าช่วยต้องตอบแทน เค้าช่วยเค้าเป็นคนดี  เป็นข้ออ้าง เข้าข้างตัวเองมาก

ฟานจัดไปค่ะ ได้รู้สักที แล้วภาพชัดด้วย

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 08-10-2016 08:06:42
ให้เราเดามั้ย "มันไม่ได้เป็นอย่างที่นายเห็นนะ" (คำตอบในใจจากเราคือ มึงเป็นลูกตากูเหรอออออ ถึงได้รู้ว่ากูเห็นอะไร)
"ชั้นรักนายนะ"
หรือคีย์อาจจะสารภาพความไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจของตัวเองแล้วคีย์ก็คลุกวงใน นัวเนียๆๆๆ จนฟานให้อภัยหวังว่าความดีและความจริงใจจะชนะทุกสิ่ง แล้วคีย์ก็ได้โควต้าไปแซ่บกับหัวหน้าอีกนานนนนนน กว่าดราม่าจะวนเวียนมาอีก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 08-10-2016 13:13:58
 :z4: :z4: :z4: เจอแน่คีย์
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 08-10-2016 16:32:32
ฟานน่าจะเจอลิปก่อนเนอะ ถ้าเป็นแบบนั้นคงดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: EunSung87 ที่ 09-10-2016 05:25:58
สมน้ำหน้าคีย์
หัวข้อ: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 09-10-2016 19:48:44
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 40
' เรื่องโกหก '

   รอยยิ้มของผมค่อยๆหดลงช้าๆผู้ชายร่างสูงคุ้นตาที่กำลังจ้องมองผมอยู่ด้วยท่าทางนิ่งๆ ปากที่กำลังเคี้ยวอาหารนั้นช้าลงเรื่อยๆผมวางอุปกรณ์ที่ตัวเองกำลังกินก่อนจะเผลอเรียกชื่อของคนนั้นออกมาด้วยเสียงเบาๆที่ไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไหร่

“ ฟาน "

“ หื้ม ? “  เสียงทุ้มตรงหน้าถามขึ้นด้วยความสงสัยเค้าที่จ้องหน้าผมงงๆ ในตอนนั้นผมที่หลบสายตาของคนนอกร้านมามองหัวหน้าที่ก็หันไปมองนอกร้านตามผม

“ ขอตัวสักครู่นะครับ " ขาของผมที่กำลังจะลุกขึ้นแต่ทว่ามือหนากลับเอื้อมมาจับเอาไว้แน่น

“ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่ "

“ เอ๊ะ ? “ ขมวดคิ้วมองอีกคนก่อนจะหันกลับไปมองฟานที่ก็ยังจ้องมองมาทางผม

“ ถ้านายออกไปก็ต้องทะเลาะกับเค้า มันไม่ได้ดูดีเลยนะที่จะทะเลาะกันต่อหน้าคนเยอะๆในช่วงเวลาพักเที่ยงน่ะ แล้วที่ฉันบอกว่าไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่ ก็คือ ไม่เห็นเป็นไรเราก็แค่กินข้าวกันตามประสาพนักงานออฟฟิศทั่วไป นายแค่มากินข้าวกับหัวหน้าไม่เห็นจะแปลก "

“ ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะแต่ว่าเค้ากำลังเข้าใจผมผิดนะครับ " หรือว่ากำลังเข้าใจถูกกันแน่วะ เม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะถอนหายใจ ในสิ่งที่หัวหน้าพูดมันก็ถูกคนเยอะแยะถ้าออกไปหาก็ต้องทะเลาะกันเสียงดังแน่ๆ แต่ว่าถ้าปล่อยไว้ มันจะดีเหรอ

“ นายแค่ทำตัวให้มันปกติ ไม่เห็นเป็นอะไร " คำพูดเฉยๆที่อีกคนพูดออกมา หัวหน้ายังคงตัดชิ้นเนื้อเข้าปากทั้งๆที่ตอนนี้ผมเองก็รู้สึกอิ่มเสียจนไม่อยากจะกินมันต่อไปอีกแล้ว ในท้องที่ปั่นป่วนไปหมด จะบอกให้อยู่เฉยๆไม่รู้สึกอะไรได้ไง ในเมื่อตอนนี้ก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าทำอะไรอยู่ แม้ปากจะบอกว่า ไม่จริงไม่ใช่  เราแค่มากินข้าวกับคนที่ช่วยเหลือเราไว้ก็เท่านั้น แต่ว่าในใจลึกๆก็ไม่ได้คิดแบบนั้น " กินเข้าไปกินอีกหน่อยสิ เค้าก็ไปแล้วนิ " เงยหน้ามองตามคำพูดของหัวหน้า ฟานไม่อยู่ตรงนั้นแล้วจริงๆ แต่ในใจของผมกลับไม่ได้สบายใจอย่างงั้น

“ ไม่ค่อยอยากจะกินแล้วละครับ " บอกอีกคนแบบนั้น ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา

“ ถ้าเค้ารักนาย เค้าไม่ปล่อยนายไปง่ายๆหรอก เหมือนฉันไง ต่อให้เสียใจยังไงก็ต้องรั้งไว้ให้อยู่ด้วยกัน อยู่แล้วละ " จะจริงอย่างงั้นจริงๆ หรือแค่คำพูดของคนที่กำลังพูดเข้าข้างตัวเองกันนะ คำพูดของเค้าตอนนี้

“ แต่ว่าคนเราความอดทนมันมีขีดจำกัดนะครับ "

“ ฉันรู้ แต่กลัวอะไรละ " มือหนาเอื้อมมือมาจับมือผมอีกครั้งเค้าที่คว้ามือผมแล้วสอดมือเค้าเข้ามากุมมือผมไว้ " มองหน้าฉันสิคีย์ " เงยหน้าขึ้นมามองเค้าที่ตอนนี้กำลังจ้องหน้าผม  “ นายจะกลัวอะไร ในเมื่อตอนนี้นายเองก็มีฉันเป็นตัวสำรองอยู่ ไม่เห็นต้องแคร์เลย ไม่มีเค้าก็ยังมีฉันนะ "

“ ไม่แคร์ได้ไงละครับ สำหรับผม ผมน่ะไม่มีหัวหน้าได้นะ แต่ผมไม่มีเค้าคงไม่ได้หรอก แบบนั้นจะไม่ให้แคร์เค้าได้ยังไงจริงมั้ยละครับ " ดึงมือออกจากการจับกุมของอีกฝ่ายที่ก็นิ่งไป ลุกขึ้นจากที่นั่งที่กินอาหารแสนอร่อยตรงหน้าไว้ไม่ได้แล้ว " ขอตัวก่อนนะครับ " หยิบเงินออกจากกระเป๋าเงินตั้งเอาไว้ก่อนจะเดินออกไปโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองเค้าอีกเลย

   ขาของผมวิ่งออกจากมาจากร้าน มองซ้ายดูขวาผมไม่เห็นแม้เงาของคนที่ยืนอยู่เมื่อครู่แล้ว ก้มลงมองเวลาที่เหลืออีกแค่ไม่ถึง 20 นาทีก็ได้เวลาเข้างานหลังช่วงพักเที่ยงแล้ว ตัดสินใจวิ่งตรงไปที่ห้างที่อีกคนทำงาน ตรงร้านกาแฟร้านนั้นมีผู้คนไม่น้อยกำลังต่อคิวซื้อน้ำ ผมผ่อนลมหายใจหอบๆกับร่างสูงที่ยังคงทำงานอยู่ที่หน้าเค้าเตอร์ แถวยาวๆที่ตัดสินใจต่อคิวทั้งๆที่เวลาอาจจะล่วงเลยเกินกว่าที่จำเป็น

“ ชาเย็นแก้วนึงครับ " ผมบอกเค้าสั้นๆ ตอนที่เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรต่อหน้าผม มันเรียบเฉยเค้าไม่แม้จะสบตา ไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น ใจของผมมันว่างเปล่าเหมือนถูกราดน้ำเย็นจัดจนทำให้ชาไปหมดทั้งตัว ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีตัวตนอยู่ในแววตา แววตาที่เคยมีเราอยู่ในนั้นมาตลอด " ฟะ..” 

“ ยี่สิบห้าบาทครับ "

“ นี่ครับ " ยื่นเงินไปให้ตอนที่ยืนอยู่ตรงนั้นสักพักเพื่อรอเงินทอนผมก็เอ่ยเรียกเค้าออกไป " ฟานคือ..”

“ เงินทอนครับ กรุณาขยับไปข้างๆเพื่อรับสินค้านะครับ " แถวที่ถูกรันไปอย่างรวดเร็วผมได้แต่ถอนหายใจก่อนจะยื่นมือไปรับน้ำที่พนักงานอีกคนยื่นมาให้ หันมองดูหน้าเค้าที่ยิ้มแย้มให้คนอื่นด้วยความสุภาพก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างไม่รู้ว่าต้องรู้สึกอะไร ผลลัพธ์ของการปล่อยใจไปกับความรู้สึกที่ต้องหลบเลี่ยงมันร้ายแรงขนาดนี้เลยเหรอ ขนาดที่ว่าจะกลายเป็นแค่อากาศสำหรับอีกคน กลายเป็นคนไร้ตัวตน และกลายเป็นคนที่เค้าไม่รักไปในที่สุด

' คนที่ฟานจะไม่รักอีกแล้ว ' คนที่นอกใจเค้าอย่างผม

   เดินขึ้นตึกกลับมาทำงานตอนที่วางชาเย็นแก้วนั้นลงบนโต๊ะ ลิปก็หันมาถามด้วยความสงสัยเพราะเหมือนท่าทีของผมจะแปลกไปจากก่อนหน้านี้ที่ออกไปกินข้าว จากที่ร่าเริงพกความมั่นใจไปเต็มที่ ไม่แคร์ ไม่สนสิ่งใด แต่ขากลับมากลับนิ่งเงียบเหมือนจมอยู่กับความคิดของตัวเองแล้วก็ไม่พูดอะไรสักคำ

“ ไปแวะซื้อน้ำที่ร้านฟานมาเหรอ "

“ อื้ม " พยักหน้ารับอีกคนสั้นๆ ก่อนจะหยิบชาเย็นยื่นให้อีกคน " นายกินมั้ย "

“ แล้วนายไม่กินรึไง "

“ ไม่ค่อยอยากจะกินแล้วละ "

“ แล้วไปซื้อมาทำไมเล่า " มือบางที่รับชาเย็นไปเจาะหลอดแล้วกินด้วยท่าทางชอบใจ ผมหันไปมองเค้าก่อนจะพูดความจริงออกไป

“ พอดีไปกินข้าวกับหัวหน้าแล้วฟานเห็นน่ะ รู้สึกผิดกับเค้าอยากจะง้อเลยไปซื้อน้ำร้านเค้ามาแต่หมอนั้นมันไม่สนใจเลยนะสิ "

“ อย่างงั้นเหรอ " ลิปตอบรับพลางพยักหน้ารับแล้วหันกลับไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเอง " กำลังจะถามพอดีว่าทำไม ออกไปพร้อมหัวหน้าแล้วไม่กลับมาพร้อมกัน "

“ ฉันอยากจะเคลียร์กับฟานวะ "

“ เคลียร์ว่าไรอะ "

“ มันไม่ใช่อย่างที่เค้าคิด "

“ มันไม่ใช่อย่างที่เค้าคิด ทั้งๆที่เค้าคิดถูกแล้วนี่อะนะ นายจะบ้ารึไง " อีกคนว่าก่อนจะหัวเราะออกมา " จะโกหกอีกละสิ ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เค้าคิด จะอ้างอะไรดีละ เค้าช่วยเหลือไว้เลยไปกินข้าวเพื่อตอบแทนเป็นไง ได้ทั้งขึ้นทั้งร่องเลยนะ ข้อแรกคือฟานจะห่วงนายมากขึ้น ข้อต่อมาคือ พ้นความผิด เจ๋งดีปะ แต่อย่าหลุดพูดว่าจริงๆรู้สึกดีแฮปปี้แค่ไหนก่อนหน้าที่ฟานจะมาเห็นก็พอ แค่นั้นก็จบละ ง่ายมากๆ "

“ ลิป "

“ เอาจริงๆ ฉันว่าสิ่งที่นายควรเคลียร์กับเค้าคือ บอกเค้าให้ชัดไปเลยดีกว่า ว่านายกำลังคบคนอยู่สองคน เค้าจะได้ไม่มาเข้าใจอะไรถูกอยู่แบบนี้ "

“ ลิป เลิกพูดประชดสักทีได้มั้ย ”

“ คิดอะไรอยู่ ก็รู้อยู่แก่ใจน่า อย่าทำเป็นปฎิเสธนักเลยคีย์นายรู้สึกฉันพูดประชดนายจริงๆเหรอ หรือจริงๆฉันแค่พูดตรงใจนายแต่เพราะมันไม่ใช่เรื่องถูกต้องนายเลยบอกว่าฉันประชด ประชดตรงไหนวะก็ความจริงทั้งนั้นอะ จะบอกอะไรให้นะ " อีกคนว่าพลางยกมือขึ้นจับไหล่ผม " นายหนีความจริงในใจนายไม่พ้นหรอก แล้วอีกอย่างนายก็รู้อยู่แล้วนี่ตอนนี้น่ะว่าความลับมันไม่มีในโลก ทางที่ดีบอกเค้าไปตรงๆดีกว่า ว่าชอบหัวหน้ามาก หัวหน้าเองก็จีบอยู่ ตอนนี้หวั่นไหวนะ หวั่นไหวมากๆแต่ฉันก็ไม่อยากจะเสียฟานไปหรอกนะ ฟานว่าฉันต้องทำยังไงดี แบบนี้ได้มั้ย ฉันขอคบกับหัวหน้าสักพัก เดี๋ยวพอเค้าเบื่อ เค้าก็คงเลิกยุ่งกับฉันเอง ฟานทนหน่อยได้มั้ย ขอแค่ช่วงนี้ให้รักเราเป็นสามคน ทนหน่อยนะฉันรักฟาน พอพูดเสร็จนายก็จูบเค้า ให้เค้าอึ้บแรงๆสักทีแบบใส่สด แล้วก็บอกเค้าว่า ยังไงฉันก็ให้ฟานทุกอย่างนะ ให้ฟานใส่สด แต่หัวหน้าจะไม่ให้ใส่สดหรอกจะให้ใส่ถุงงี้ เป็นไง แจ๋มมั้ย  " คำพูดประชดที่มาพร้อมรอยยิ้มของอีกคน " หรือว่านายอยากจะให้หัวหน้าใส่สด แต่ว่านะ ใส่สดใส่ถุงยังไงก็โดนใส่อยู่แล้ว เค้าไม่รู้หรอก ตอแหลๆไปเถอะ "

“ ลิป!! "

“ ยอมรับความจริงเถอะน่า นายกำลังชอบผู้ชายสองคนแล้วก็เสียไปไม่ได้ทั้งสองคน คนนึงก็ดีถ้าเสียไปคงโง่เพราะจริงจังและน่าจะคบได้นาน ส่วนอีกคน..” คนพูดเหลือบสายตาไปมองที่ประตูแผนกหัวหน้าที่เดินเข้ามาเค้าก็ยกยิ้ม " อีกคนนี่ อยากจะได้ไว้ในครอบครองแต่ไม่จริงจัง อยากก็เอากัน สนุกสนานแบบไม่ผูกมัด "

“ ลิปฉันว่ามันมากไปแล้วนะสิ่งที่นายพูด ฉันไม่ได้คิดกับ หัวหน้าแบบนั้น โดยเฉพาะเรื่องนั้น ฉันไม่เคยคิด "

“ อ๋อ~เหรอ! " เค้าพยักหน้ารับ  อย่างน้อยผมก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องอย่างว่า แค่รู้สึกอุ่นใจที่มีเค้าอยู่เหมือนคนที่ชอบ ก็แค่คนที่ชอบทั่วไปมันก็เท่านั้น " แต่ฉันว่าหัวหน้าเค้าคิดนะ การที่เค้าตัดสินใจมาพยายามกับนายก็เพราะเรื่องนี้แหละฉันว่า เซ็กส์ล้วนๆไม่มีอย่างอื่นผสมหรอกเอากันจนหายเงี่ยนก็ทิ้งไปหาคนใหม่ "

“ ทำไมนายต้องพูดให้ฉันรู้สึกแย่ลงด้วยวะ คนกำลังเครียดก็ประชดกันอยู่ได้ พูดอยู่แต่เรื่องนั้นแหละ มันได้อะไรขึ้นมาวะ มันทำให้ฉันสบายใจขึ้นรึเปล่าวะ " คนตรงหน้าของผมเงียบ เค้าที่หยุดดูดน้ำที่กำลังกิน ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ แล้วนายจะให้ฉันพูดอะไร ในเมื่อสิ่งที่นายทำ ฉันเองก็เตือนนายแล้ว ฉันบอกนายทุกอย่าง แต่นายก็ไม่เคยฟัง ไปกินข้าวกับหัวหน้าทำท่าทางมั่นใจจนน่าหมั่นไส้เหมือนอยากจะไปกินข้าวกับเค้าจนตัวสั่น ยิ้มแย้มแฮปปี้พูดจาหยอกล้อยั่วยวนกันแบบมีความสุข และสุดท้ายพอผัวจับได้ก็มานั่งระทมกลัวผัวทิ้ง ก็น่าจะปากเก่งปากดีตั้งแต่ต้นจนจบไม่ใช่รึไง กลัวอะไรวะ ทำเก่งให้มันตลอดดิ เก่งให้มันเหมือนตอนที่นอกใจผัวอะ "

“ มันยากนะลิป " ผมถอนหายใจออกมากับคำพูดของอีกคนที่เหมือนการตบหน้าแรงๆหลายครั้งติดจนได้แต่เม้มริมฝีปากอย่างไม่รู้จะทำยังไง มันไม่มีข้อแก้ตัวมันเป็นแบบนั้นมันตรงทุกคำ ทุกคำที่อีกคนพูด " การที่เราจะขัดใจตัวเองในสิ่งที่เราชอบมันยากนะ ฉันไม่รู้แล้ววะ ว่าต้องทำยังไง  "

“ อื้ม ฉันรู้ ฉันรู้ว่ามันยาก แต่ที่ฉันไม่รู้เลยคือความรักคือสิ่งที่นายขาดเหรอ ถ้านายขาดมันไปจริงๆ นายไม่มีใครอยู่ตอนนี้ นายเลยหลงใหลไปกับความอบอุ่นของหัวหน้าจนอยากจะยอมไปเป็นเมียน้อยเค้า ฉันจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่ฟานก็ให้นายทุกอย่างมากเกินกว่าใครสักคนจะทำให้กันด้วยซ้ำในบางครั้ง ทั้งทุ่มเท ทั้งเอาใจใส่ ล้นจนแทบไม่ขาดเลย แต่นายยังรู้สึกว่าเค้าให้นายไม่พอเหรอ นายถึงต้องยังอยากได้จากคนนั้นเพิ่มอีก ความต้องการของนายมันมากมายเป็นทะเลอันดามันรึไง ถึงได้เติมเท่าไหร่ก็ไม่เต็มน่ะ "

“ ฉันจะพูดยังไงนายถึงจะเข้าใจฉัน เค้าช่วยเหลือฉัน เค้าอบอุ่น เค้าทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจ นายเข้าใจมั้ย เข้าใจความรู้สึกของฉันรึเปล่า ถ้าสักวันมีคนทำให้นายหวั่นไหวได้มากกว่าคุณเมษ นายคงเข้าใจฉัน นายคงรู้สึกว่าฉันรู้สึกยังไง  "

“ คนที่ทำให้ฉันหวั่นไหวได้ถึงขีดสุดตอนนี้ ก็คือทั้งหมดของคุณเมษที่จะคิดถึงแค่ฉัน ไม่ใช่เห็นฉันสำคัญน้อยกว่างานและการบริการผู้หญิงพวกนั้น สำหรับฉันแค่ทั้งหมดของเค้าก็ทำให้ฉันหวั่นไหวได้มากกว่าใครแล้วละ เพราะฉันอยากจะเป็นที่สุดของเค้าและสนใจเค้าแค่คนเดียวไง ส่วนนาย นายเป็นที่สุดของฟานอยู่แล้ว และตอนนี้ก็อยากจะทำตามหัวใจตัวเองที่อยากจะเป็นของหัวหน้ามาตลอด และฉันก็คิดว่าฉันไม่ได้เข้าใจอะไรผิดนะ บางทีคนอย่างนายคงได้ฟานมาง่ายไปคีย์ นายเลยไม่ค่อยเห็นค่าเค้าเท่าไหร่ ไม่เคยเห็นค่าอะไรในตัวเค้าเลย เป็นแค่ของตายเท่านั้น "

   ผมผ่อนลมหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะพูดอะไรกับอีกคนเบือนหน้าหนีเค้าที่พูดตรงใจจนได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น ก็อาจจะจริงอย่างที่ลิปบอก ผมได้ฟานมาง่ายเกินไปเค้าที่ทั้งแสนดีและเอาใจเก่ง ผมเลยมองเป็นของตาย ส่วนหัวหน้าอยากได้มาตลอด เค้าได้มายาก แล้วตอนนี้ก็เหมือนจะเอื้อมถึงแล้ว เลยรู้สึกอยากจะเก็บมันไว้สักพัก

“ แต่ยังไงฉันก็ไม่มีทางปล่อยฟานไปหรอก ยังไงเค้าก็คือคนที่ฉันอยากจะให้อยู่กับฉัน ฉันเสียใครไปก็ได้ แต่ฉันคงเสียฟานไปไม่ได้  แต่จะไม่ยอมเสียไปเด็ดขาด "

“ ฟานไม่ใช่ของตายนะคีย์ ระวังไว้เถอะ นายจะเสียเค้าไปแล้วไม่ได้เค้ากลับมาอีกเลย "

.................................................

   เด้งตัวออกจากที่ทำงานตั้งแต่ห้าโมงครึ่งผมเดินไปที่ห้างเดิมตรงร้านที่ฟานมาทำงานพิเศษ หย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้ข้างหน้าร้านช้าๆ มองดูร่างสูงที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นผมแล้วแต่ก็ก้มลงทำงานต่อเหมือนไม่ได้รู้จักอะไรกันมาก่อน หัวใจของผมมันเหมือนกำลังจะหายไป สายตาที่ไม่มีผมอยู่ในนั้น เผลอคิดว่าสักวันถ้าไม่มีผมอยู่ในนั้นขึ้นมาจริงๆ มันจะเป็นยังไงนะ ฟานที่ไม่รักผมแล้วมันจะเป็นยังไง

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 39 ' ความลับไม่มีในโลก ' UP - 7.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 09-10-2016 19:49:07

   นั่งรออีกคนจนถึงเวลาเลิกงาน ผมลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเองตอนที่ฟานเดินออกมาจากร้านแล้วถอนหายใจออกมาตอนที่มองหน้าผม เค้ามองไปทางอื่นก่อนที่ผมจะเดินตามเค้าไป เราเดินไปตามทางจะที่จะขึ้นรถไฟเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรกันแม้จะยืนอยู่ข้างๆกันก็ไม่พูดคุยอะไรกันสักอย่าง

“ ฟาน " เผลอเอ่ยเรียกชื่อเค้าไปอีกคนที่หันมามองหน้าผม ในสายตาที่กำลังโกรธนั้น " ฉันแค่คิดว่าเราต้องพูดกัน "

“ ค่อยคุยกันที่บ้าน "

“ อื้ม " ผมตอบได้แค่นั้นกับคำพูดนิ่งๆที่เหมือนกำลังสงบจิตสงบใจที่จะไม่พูดหรือแสดงออกอะไรไม่ดีในที่สาธารณะก็เท่านั้น นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเค้าถึงไม่เข้าไปจัดการผมตั้งแต่ที่เห็นนั่งกินข้าวกับหัวหน้า  เพราะความเป็นผู้ใหญ่ที่รู้สึกว่าไม่ควรทำให้ขายหน้าด้วยเรื่องส่วนตัวที่ตัวเองไม่รู้ว่า เข้าใจผิดรึเปล่า

   กลับมาถึงบ้านผมก็ยิ่งหายใจได้ยากขึ้น ตอนที่เปิดประตูเข้าไปในห้องผมวางกระเป๋าก่อนจะหันมาสบสายตาคนที่ปิดประตูแล้วเดินตามเข้ามา ฟานก้มหน้าก่อนจะถามผม

“ ว่าไง จะพูดอะไรก็พูดมา "

“ นายกำลังเข้าใจผิดเรื่องของฉันกับหัวหน้า " ผมบอกเค้าอีกคนก็เงยหน้าขึ้นมา ในแววตาที่กำลังโกรธ หาเรื่อง และไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นั้น อีกฝ่ายถอนหายใจ

“ อย่างงั้นเหรอ เข้าใจผิดยังไงละ คุณไม่ได้ไปกินข้าวกับเค้า ? นั่นคือคุณตัวปลอม หรือว่า นั่นไม่ใช่หัวหน้าแต่เป็นคุณลิปที่เผลอกินเวย์โปรตีนเข้าไปทำให้ตัวใหญ่ขึ้น จะอ้างว่าไงดีละครับ "

“ ฉันไม่ได้จะอ้าง แล้วที่ฉันจะบอกก็คือ ทั้งบริษัทฉันไม่ได้มีเพื่อนไปกินข้าวอยู่แค่คนเดียวสักหน่อย และถ้าให้พูดกันตามความจริงแล้ว มันก็ไม่แปลกอะไรรึเปล่าที่ฉันจะไปกินข้าวกับหัวหน้า มันก็แค่หัวหน้ากับลูกน้อง "

“ แค่สองคน " เค้าทวนถาม

“ ใช่ แล้วมันแปลกยังไงละ ที่ฉันจะไปกินข้าวกับหัวหน้า "

“ ไม่แปลกหรอกครับ ถ้าคุณจะไปกินข้าวกับเพื่อนที่ทำงาน ผมไม่ใช่คนใจคอคับแคบที่จะไม่ให้คุณไปกินข้าวกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นเลย แต่ผมก็ไม่ใช่คนใจดีที่จะให้คุณไปกินข้าวกับคนที่คุณเคยชอบ คนที่คุณเคยหวั่นไหว ผมจะได้รู้ได้ยังไงว่าคุณจะไม่หวั่นไหวไปกับเค้าอีก ไปกินข้าวด้วยกันเฉยๆมันได้เหละถ้าไม่รู้สึกอะไรกันมากก่อน แต่ผมจะมั่นใจได้ไง มันว่าจะเป็นไปอย่างงั้น "

“ นายไม่เชื่อใจฉัน " ราวกับข้ออ้างที่เผลอพูดออกไปแบบไม่คิด เรียกร้องความเชื่อใจจากอีกคนทั้งๆที่สิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ ฟานก็เข้าใจถูกแล้ว ผมที่กำลังหวั่นไหวไปกับหัวหน้า หวั่นไหวให้กับคนที่เคยชอบมาก่อน

“ ผมเชื่อใจคุณ แต่ผมไม่ไว้ใจเค้า เรื่องที่ผมได้ยินเกี่ยวกับเค้าทำให้ผมคิดไปในแง่ดีอะไรแบบนั้นไม่ได้ ครั้งก่อนที่คุณเมาเค้าไม่ใช่เหรอที่พยายามจะพาคุณมาส่งบ้าน แต่คุณลิปช่วยกันไว้ แล้วถ้าวันนั้นผมไปไม่ทัน ตอนนี้ผมอาจจะไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้วก็ได้ "

“ หมายความว่าไงยังไง "

“ เพราะถ้าคุณจะไปเป็นของเค้า ผมก็จะไป จะไม่ยืนโง่อยู่ตรงนี้หรอก ต่อให้คุณอ้างว่า คุณแค่เมาแล้วเผลอไปเอากับเค้าก็เถอะ "

“ หัวหน้าฉันเค้าไม่ใช่คนที่ร้ายกาจอะไรขนาดนั้น " ผมบอกอีกคนที่กำลังจ้องตาผมด้วยความหงุดหงิดแบบไม่ลดละ ราวกับกำลังคิดถึงเรื่องราวคราวนั้นตอนที่ผมเมาแล้วหัวหน้าจะอาสาไปส่ง 

“ เหรอครับ ในความคิดของคุณคนเดียวรึเปล่า ชอบไม่ใช่รึไง หัวหน้าของคุณน่ะ ผู้ใหญ่ในแบบที่ชอบเลยนี่ "

“ เลิกประชดเรื่องที่ฉันเคยชอบเค้าสักทีได้มั้ย หัวหน้าน่ะ ..อย่างน้อยเค้าก็ช่วยฉันในเวลาที่ฉันลำบาก อย่างตอนที่มีปัญหาเรื่องงานเค้าก็ช่วยเหลือฉันไว้ แล้ว..” ผมเผลอจะพูดเรื่องที่ถูกลวนลามบนรถไฟแต่ปากมันก็หยุดไว้แค่นั้น " แล้วก็อีกหลายๆเรื่อง เค้าก็ช่วยฉันไว้ในเวลาที่ฉันลำบาก เพราะงั้นฟานมันก็ไม่แปลกที่ฉันจะไปกินข้าวกับเค้า เราก็เหมือนเพื่อนร่วมงานกัน แค่เพื่อนร่วมงาน "

“ แล้วทำไมคุณลิปไม่ไปด้วยละ คุณลิปปลีกวิเวกอยากจะกินข้าวคนเดียวเหรอครับ "

“ ลิปไม่ชอบหัวหน้า ก็เลยไม่ไป "

“ ก็น่าแปลกอยู่นะครับพนักงานบริษัทมีตั้งเยอะแยะ แต่ไม่มีใครคิดจะไปกินข้าวเที่ยงกับเค้าเลย ยกเว้นคุณ เค้าตั้งใจไม่ชวนคนอื่นแล้วคิดจะชวนคุณคนเดียวรึเปล่า "

“ นายเลิกคิดอะไร ตั้งแง่ในแบบเด็กๆจะได้มั้ย ในโลกของการทำงานแค่ลูกน้องกินข้าวกับหัวหน้ามันแปลกยังไง มันไม่ใช่โลกของเด็กที่ยังยึดติดกับเพื่อน ต้องไปกินข้าวกับแค่กลุ่มของเราเท่านั้น ห้ามไปกินกับคนอื่น ต้องกินแค่กับเพื่อนของตัวเอง มันไม่ใช่นะ ฟานนี่สังคมของผู้ใหญ่ เราจะไปกินข้าวกับใครก็ได้ บางทีก็เพื่อตอบแทนความช่วยเหลือ หรือว่าแค่กินข้าวกันธรรมดา มันไม่ได้หมายความว่า ไปกินข้าวสองคนต้องรู้สึกพิเศษ " ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังเถียง กำลังเถียงอีกฝ่ายหน้าตั้ง โกหกปั้นน้ำเป็นตัวเพื่อให้อีกพ้นผิด แล้วเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาทุกทีที่ไม่เห็นแววตานั้นผ่อนความรู้สึกโกรธและไม่เชื่อใจนั่นลงเลย แม้จะโกหกบิดเบือนเท่าไหร่ก็ตาม

“ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร คุณก็อ้างเรื่องที่คุณเป็นผู้ใหญ่ตลอดเลยนะ คุณที่ชอบบอกว่าผมไม่เข้าใจในเรื่องราวผู้ใหญ่พวกนั้นที่เค้าเป็นกัน ผมที่ยังเด็กในสายตาของคุณ แต่ถามหน่อยเถอะ คุณเห็นผมอายุสักสามชวบที่ยังเรียนอยู่โรงเรียนอนุบาล หรือว่า ประถมต้นเหรอครับ  ทำไมถึงไม่คิดบ้างว่าผมก็เป็นแค่ผู้ชายคนนึง ที่ไม่ชอบเห็นแฟนตัวเองไปนั่งกินข้าวกับคนที่เค้าก็เคยบอกเราว่า เค้าชอบ วันนึงถ้าคุณเห็นผมนั่งกินข้าวอยู่กับคนที่เคยเข้ามาสารภาพรักกับผม คนที่มอบเรือนร่างของเธอให้ผมคุณจะไม่รู้สึกอะไรกับผมเลยเหรอ คุณจะไม่หึง คุณจะเฉยๆ แล้วบอกว่า อ้อ เค้าเป็นเพื่อนกัน ไม่มีอะไรหรอก อย่างงั้นเหรอ คุณคิดว่าตัวเองจะทำได้อย่างงั้นกับคนที่คุณรักเหรอครับ " ใบหน้าคมที่เดินเข้ามาใกล้ " แต่สำหรับผมถ้าใครมาเจอเรื่องแบบนี้แล้วไม่รู้สึกอะไร ผมว่าคนคนนั้นมันต้องไม่รู้สึกอะไรต่ออีกคนแล้วแน่ๆ เค้าคงไม่รักกัน เพราะคนที่รักกันมันทนไม่ได้หรอก "

“ ฉันไม่อยากจะเถียงกับนายแล้ว วันๆนึงฉันเจอเรื่องเยอะแยะ เจอคำพูดไม่ดีเยอะแยะ แถมยังต้องมาทะเลาะกับนายอีกอย่างงั้นเหรอ มันเหนื่อยนะฟาน พอทีจะได้มั้ย " ผมที่เริ่มตัดบทอีกคนก็ถอนหายใจ

“ เบื่อจะเถียงเลยจะตัดบทแบบที่ ไม่ต้องสนใจว่าผมจะเข้าใจผิดอยู่รึเปล่า ผมรักคุณมากไปจนคุณรู้สึกว่าจะทำอะไรก็ได้อย่างงั้นเหรอ จะอธิบายไม่อธิบายก็ได้ ช่างมันปล่อยไป อย่างงั้นเหรอ   "

“ งั้นนายต้องการอะไร จะให้ฉันทำอะไร ก็บอกไปแล้ว ว่าก็แค่เพื่อนร่วมงานมันก็เท่านั้น เค้าก็เป็นแค่เพื่อนร่วมงานคนนึงที่ฉันไปกินข้าวด้วย จะให้พูดอีกกี่ครั้งฉันก็จะพูดแบบนี้ เค้าเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน " ผมที่ยังคงโกหก ยังคงปากแข็งไม่ยอมรับในสิ่งที่อีกคนพูดเท่าไหร่

“ งั้นคุณก็ช่วยตอบคำถามผมหน่อย ว่าเพื่อนร่วมงานแบบไหน ถึงได้นั่งจับมือกันในร้านอาหารเหรอครับ " คำถามที่ทำให้ผมนิ่งไปสักพัก สายตาที่หลุบลงต่ำไม่คิดมาก่อนเลยว่าเค้าจะเห็นตอนนั้นด้วย ตอนที่ทั้งผมและหัวหน้าจับมือกัน " ว่าไงละครับ คราวนี้จะตอบว่าอะไรดีละ เพื่อนร่วมงานเหรอครับ ร่วมงานกันแบบไหนละ งานอะไรที่ทำร่วมกัน เรื่องอย่างว่ารึเปล่า "

“ ฟาน "

“ คราวนี้จะแก้ตัว.. ไม่สิ จะตอบว่าอะไรดีละครับ มุกเพื่อนร่วมงานใช้ไม่แล้วนะ คงต้องเปลี่ยนแล้วละ ว่ามาสิครับ ตอบว่าอะไรดี "
“ ฉัน " ผมถอนหายใจออกมากับแววตาที่กำลังจ้องหน้าผม ไม่ต่างอะไรจากคนที่กำลังจนมุมเลยสักนิด มองไปทางไหนก็มีแต่ทางตัน ไม่มีคำพูดที่ต้องบ่ายเบี่ยงอีกแล้ว ตอนนี้ที่มีในสมองก็คือแค่พูดความจริงแล้วยอมรับไปให้สิ้นเรื่องว่าเรากำลังหวั่นไหวไปกับหัวหน้า ขอโทษเค้าซะ หรือ จะโกหก โกหกเพื่อที่จะยังรักษาทุกอย่างไว้

“ ระหว่างคุณกับเค้าตอนนี้มันเป็นยังไงกันแน่ "  เงยหน้ามองหน้าเค้าที่กำลังจ้องตาผมเพื่อถามไถ่ความจริงในสิ่งที่ตัวเอยากจะรู้ ร่างหนาเดินเข้ามาใกล้ผมก็ถอยไปจนชิดกำแพง " อยากจะกลับไปรักเค้ารึเปล่า ถ้าจะไปผมก็ให้ไปนะ ไปเลย ไปเป็นเมียน้อยหัวหน้าคุณไง แต่อย่ากลับมาหาผมก็แล้วกัน เพราะผมไม่ชอบของเหลือๆ "

“ วันนี้ฉันโดนลวนลามบนรถไฟ " เอ่ยบอกเค้าไปแบบนั้นโดยไม่ตอบคำถามที่เค้าถามออกมา ตัดสินใจพูดเรื่องนี้ไปดีกว่าจะตอบคำถามพวกนั้น ' อยากจะกลับไปรักเค้ารึเปล่า ถ้าจะไปผมก็ให้ไปนะ ไปเลย ไปเป็นเมียน้อยหัวหน้าคุณไง แต่อย่ากลับมาหาผมก็แล้วกัน เพราะผมไม่ชอบของเหลือๆ  ' คำพูดพวกนั้นไม่อยากจะได้ยินมัน ตอนนี้ไม่ว่าเรื่องไหนที่ช่วยอ้างได้ ผมก็จะอ้างมันออกไป จะทำทุกอย่างเพื่อรั้งเค้าเอาไว้ จะทำเพื่อเค้ายังอยู่ตรงนี้ ข้างๆกัน

“ อะไรนะ " อีกคนถามซ้ำ

“ ฉันโดนลวนลามในรถไฟ แต่โชคดีที่หัวหน้าช่วยฉันไว้ได้ทัน เพราะเค้าบังเอิญขึ้นรถไฟขบวนเดียวกันกับฉัน วันนี้ที่ฉันไปกินข้าวกับเค้าก็แค่เลี้ยงขอบคุณที่เค้าช่วยฉันไว้ แล้วตอนที่นายเห็นว่าเค้ากำลังจับมือฉันอยู่ ก็คงเป็นตอนที่เค้ากำลังปลอบใจ ไม่ให้ฉันคิดมาก มันก็แค่นั้น นั่นแหละความจริงที่ฉันจะบอกนาย ไม่มีอะไรมากกว่านี้อีกแล้ว "

“ คุณโดนลวนลาม " ฟานพูดเสียงเบาๆด้วยตความตกใจ ก่อนจะคว้ามือผมขึ้นไปจับไว้แน่น " แล้วทำไมไม่บอกผม "

“ ก็เพราะว่าไม่อยากจะให้นายเป็นห่วงไง นายทำงานหนักมากอยู่แล้วเหนื่อยมากอยู่แล้ว ถ้าวันนี้ฉันโทรมาบอกนาย คนอย่างฟานต้องรีบออกมาช่วยฉันแน่ๆ ฉันแค่ไม่อยากจะให้นายต้องมาเป็นห่วงมันก็เท่านั้น " เอื้อมมือออกไปจับมือเค้า ผมบีบมันเบาๆเราก็จ้องหน้ากัน " ฉันไม่ได้คิดอะไรกับหัวหน้า  ไม่เคยคิด " ย้ำเค้าแบบนั้นก่อนจะกลืนก้อนโกหกลงไปในคอ ผมเลือกที่จะโกหกดีกว่าจะต้องมาเสียฟานไป แล้วมันก็ดีกว่า ที่ต้องทำเป็นไม่สนใจเรื่องหัวหน้าเลยทั้งๆที่ตอนนี้ก็รู้สึกดีกับเค้า ผมอยากจะจากกับหัวหน้าด้วยดี ไม่ใช่แบบที่ต้องหลบตาหลบตากันเพราะเป็นคำสั่งของฟานที่รู้ความจริงที่ว่า ผมรู้สึกยังไงกับเค้า ฟานที่ต้องคอยจับผิดผมกับหัวหน้าตลอดเวลา จับตาดูทุกฝีก้าว โกหกไปมันคงดีกว่า " ฟาน ขอโทษนะ  แต่ฉันไม่ได้คิดอะไรกับหัวหน้าจริงๆ แค่เพื่อนร่วมงานจริงๆ มันไม่ได้มีอะไรทั้งนั้น "

“ ทีหลังมีอะไรก็บอกผมนะ " แขนหนาที่ดึงผมเข้ามากอดไว้แน่น ใบหน้าคมที่ซบลงกับไหล่เค้าถอนหายใจออกมา ทุกอย่างเปลี่ยนไปทันทีจากหน้ามือที่เค้าบีบคั้นเรื่องราวของผมกับหัวหน้า กลายเป็นความห่วงใยที่ทำได้แต่กอดปลอบผมไว้แทน " ขอโทษที่คิดมากเรื่องคุณกับเค้า แต่คราวหน้าไม่ว่าเรื่องอะไรคุณก็ต้องบอกนะ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะเหนื่อย ผมไม่เหนื่อยหรอก ไม่เป็นไร บอกผมเถอะ เรื่องแบบนี้จะไม่ให้ผมรู้ได้ไง คุณจะปล่อยให้ผมเข้าใจผิดแบบนั้นไม่ได้นะ เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่นะคุณ คุณคีย์คือคนที่ผมรักนะ คนที่ผมรักต้องรู้สึกไม่ดีแล้วจะให้ผมไม่รู้เรื่องนั้นได้ยังไง คุณเป็นยังไงบ้าง โดนลวนลามตรงไหน แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง "

“ แค่โดนลูบก้นน่ะ ไม่รู้ว่าคิดมากไปรึเปล่าเพราะคนช่วงเช้านายก็รู้ว่ามันเบียดกันขนาดนั้น "

“ แล้วตอนนี้รู้สึกดีขึ้นรึยังครับ โอเคมั้ยอยากจะให้ผมทำอะไรให้รึเปล่า " สายตาห่วงใยของเค้าที่จ้องตาผม ทำไมถึงได้รู้สึกผิดยิ่งหว่าสายตาโกรธๆของเค้าเสียอีก ทั้งๆที่สิ่งที่เล่าก็เป็นความจริง แต่แค่บิดเบือนเรื่องความรู้สึกต่อหัวหน้าเพื่อเอาตัวรอดก็เท่านั้นให้เค้ายังคงอยู่ก็เท่านั้น แต่ทำไมถึงได้รู้สึกผิดขนาดนี้ ผิดที่ตัวเราไม่ยอมบอกเค้าตั้งแต่แรกปล่อยให้ใครคนอื่นมานั่งปลอบเราแล้วให้เค้าเอาใจเราไปทำให้เราประทับใจ ส่วนคนที่ห่วงใยเราจริงๆ เรากลับปิดเค้าไว้ ด้วยเหตุผลโง่ๆ เหมือนกันทางให้อีกฝ่ายทำคะแนน
“ ฉันจะพยายามไม่คิดถึงมัน ไม่อยากจะคิดถึง "

“ โดนลูบตรงไหน "

“ ที่ก้น " ผมบอกเค้าอีกคนก็ลดมือที่กอดอยู่ตรงเอวลงไปลูบก้นผม " คุณเป็นของผมนะ ทุกพื้นที่ในร่างกายของคุณมันเป็นของผม ลืมมันซะเถอะแล้วคิดแค่ว่า ผมเป็นคนจับมันก็แล้วกันนะ "

“ อื้ม " ผมพยักหน้ารับ ฟานที่ถอนหายใจออกมาผมรู้ว่าเค้ารู้ว่าเค้าไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นหรอก แต่เค้าก็ยังเป็นเค้าเป็นคนที่พยายามจะทำให้ผมรู้สึกดีเสมอ ด้วยอ้อมกอดที่กอดผมไว้แน่น เสียงผ่อนลมหายใจช้าๆที่รู้สึกผิดผสมกับความหนักใจที่เค้าเผลอเข้าใจผมผิด ทั้งๆที่ความจริงเค้าเองก็เข้าใจทุกอย่างถูกต้องแล้ว

“ พรุ่งนี้ผมจะไปส่งคุณนะ ผมจะไปส่งคุณทุกวัน "

“ ไม่ต้องก็ได้มั้ง ฉันคิดว่าพรุ่งนี้เค้าคงไม่กล้าแล้วละ "

“ เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหรอก เพราะงั้นผมจะไม่ยอมให้คุณไปเสี่ยงในที่แบบนั้นอีก เมื่อก่อนคุณไปคนเดียวได้เพราะตอนนั้นคุณยังไม่มีใคร แต่ตอนนี้คุณมีผมอยู่ ผมไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องของของผม เพราะงั้นผมจะไปส่งคุณเอง " ผมยิ้มจางๆกับคำพูดของเค้า

“ ไม่เหนื่อยรึไง "

“ เพื่อคุณคีย์ผมทนได้ ไม่เป็นไรหรอก " ผ่อนลมหายใจออกมากับอ้อมกอดที่กอดผมแน่น คิดเอาไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ถ้าฟานรู้มีเหรอจะไม่หวง ไม่มีทางหรอกยังไงก็ต้องห่วงกันอยู่แล้ว ก็เค้ารักผมมากขนาดนี้จะไม่ให้เค้าห่วงได้ไง

   ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ผมคว้ามือถือออกจากกระเป๋ากางเกงของตัวเอง ถ้าพรุ่งนี้อีกคนไปส่งผมก็ต้องส่งข้อความหาอีกคนก่อนเพราะหัวหน้าก็บอกไว้เหมือนกันว่าเป็นห่วงแล้วอยากจะมารับไปทำงานด้วยกัน ถ้าเป็นแบบนั้น รถไฟชนกันแล้วความต้องแตกแน่ๆ ไม่มีหัวหน้าคนไหนใส่ใจลูกน้องที่โดนลวนลามถึงขนาดมารับมาส่งหรอก ถ้าไม่คิดอะไรต่อกัน

' พรุ่งนี้หัวหน้าไม่ต้องมารับผมนะครับ เพราะฟานจะเป็นคนไปส่งผมที่บริษัทเอง ' กดปิดหน้าจอมือถือลงตอนที่ส่งข้อความไปให้อีกคนแล้ว ผมก็กอดตอบฟานไว้ซบลงไปบนอกของเค้า

   รู้ดีว่ามันผิดกับการจับปลาสองมือแบบนี้ แต่ตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำยังไง ฟานคือคนที่ผมจะไม่มีวันเสียไปเด็ดขาด แต่หัวหน้าก็รู้สึกเสียหายเหมือนกันทั้งๆที่คนที่ชอบมานานมายืนอยู่ข้างหน้าตรงนี้แล้ว  " รู้มั้ย สายตาของนายตอนที่พูดเรื่องหัวหน้ากับฉัน เหมือนมันบอกฉันว่านายพร้อมจะไปเสมอ ถ้าฉันชอบหัวหน้าเข้าจริงๆ "

“ สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือคนที่พยายามหักหลังความพยายามของผม " เค้าบอก " แต่มันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอครับ ก็ผมเป็นคนทุ่มเท ตอนรักก็รักมาก ตอนเกลียดก็เกลียดมาก เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้วละ "

“ อย่างงั้นเหรอ " ใจที่ผมที่เริ่มกลัว กลืนน้ำลายแบบใจดีสู้เสือพร้อมกับกอดเค้าไว้แน่น  " แต่ฉันจะไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก  ไม่ต้องกลัว ยังไงก็มีนายคนเดียวอยู่แล้ว "

แต่ความลับไม่มีในโลก เรื่องโกหก เรื่องนี้ ก็เช่นกัน
............................................................

รู้ว่า โกหกไม่ดี ก็ยังโกหก งั้นก็รับผลกรรมไปละกัน
เราชอบที่ลิปพูดอะ โคตรแรง และตรงมาก เขียนแล้วอิน เหมือนตัวเองเป็นลิป ..  :katai4:
มีคนอ่านเม้นท์ว่า " ถ้าฟานเจอลิปก็ดี " แต่หนมว่า ไม่ดีหรอก .. เจอกับพี่เมษอะ ดีแล้ว
เพราะว่า ก็ยังไม่เคยเห็นข้อเสียของลิปใช่มั้ยละ ฟานเองก็ด้วย
อ่านจบทุกอย่างแล้วอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้
หลายคนอ่านแล้วรู้สึกแบบ ไรวะ ทำไม ฟานเชื่อ .. หงุดหงิดอะดิ
เดี๋ยวสิ ถ้าทุกอย่างมันจบแค่นี้ มันก็ไม่มันส์สิ

เพราะงั้นเจอกันตอนหน้าค่ะ
หนมฝากแท็ก #ฟานคีย์ สำหรับคนที่มีทวิตเตอร์ด้วยนะคะ
แล้วก็ ฝากแชร์ในเฟสบุ๊คด้วย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 09-10-2016 20:57:58
เย้ๆๆๆๆ
ฟานดีมาก ชอบมากที่ว่า "อยากจะกลับไปรักเค้ารึเปล่า ถ้าจะไปผมก็ให้ไปนะ ไปเลย ไปเป็นเมียน้อยหัวหน้าคุณไง แต่อย่ากลับมาหาผมก็แล้วกัน เพราะผมไม่ชอบของเหลือๆ"
ดีๆๆๆๆ
เพราะผมไม่ชอบของเหลือๆ เพราะผมไม่ชอบของเหลือๆ เพราะผมไม่ชอบของเหลือๆ เพราะผมไม่ชอบของเหลือๆ
เพราะงั้น ถ้าคีย์เผลอ ไปมีอะไรกับหัวหน้า ก้จบบบเย้ๆๆๆๆ

มีตัวละครใหม่ไม๊ ที่เขามาคู่กับฟาน 5555
ตอนนี้แซ่บจริงอย่างที่บอกไว้
ชอบจุดยืนของฟาน ที่ว่า เขาไม่ใช่ของตาย ไม่ชอบการหักหลัง รักมาก เกลียดมาก
มันดูเป็นฟานดี

คีย์รู้ขนาดนี้แล้ว ไปเอากับหัวหน้าก้ได้นะ จะได้รู้ว่าฟานเด็ดขาดขนาดไหน 555555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 09-10-2016 20:58:42
คนแบบคีย์ ต้องเจอกับตัวเองนะ ถึงจะรู้สึก !!!! ลิปปล่อยให้คีย์เจอกับตัวเองเหอะ พอแล้วกับคนแบบนี้ !! นี่เราอินไปป่าว 555 :fire:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 09-10-2016 21:35:37
เราว่ามันไม่จบ  ฟานไม่ใช่คนโง่  ถึงจะรักคีย์มากจนความห่วงมันบดบังความหวงแต่เมื่อถึงเวลาฟานเป็นคนฉลาดคะเขาคิดเองได้ใครก็จูงจมูกเด็กคนนี้ไม่ได้  คนทุ่มเทแบบฟานถ้าได้รักจะรักมากเขาก็บอกแล้ว เพราะงั้นความขี้หึงขี้หวงคงไม่หยุดไว้แค่นี้เพราะฟานพอจะมองออกแล้วแน่ๆว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 09-10-2016 21:48:13
จำสิ่งที่นายพูดไว้นะฟาน อย่าได้กลับคำ!! แน่ล่ะเห็นแค่นี้ต้องโกหกตอแหลได้ ตอนหน้าขอให้ฟานเห็นตอนงูกำลังจะเข้ารูเลยก็แล้วกันจะได้ไม่มีข้อแก้ตัวอีก ขอพีคๆ จัดหนักๆ ให้สมกับความร่าน อยากได้กรวดนักก็จมอยู่ในตมด้วยกันซะ จำไว้นะฟาน นายควรหารูที่เป็นของนายคนเดียว ไม่ใช่รูสาธารณะที่โดนใครเสียบมาจนหลวมแล้วยังไม่พอยังอยากได้สองอันพร้อมกัน นายมีค่ามากกว่าจะเอาคนอย่างอีนี่(แม้แต่ชื่อยังไม่อยากเอ่ย) ส่วนลิปว่าได้สะใจดีถ้าเป็นคนอื่นคงจะสำนึกอ่ะนะ เฮ้อ ยังยืนยันว่าอินจัด ว่าจะรออ่านทีเดียวก็อดใจไม่ไหว คนเขียนเก่งมากคับ เรารู้คุณก็คงนึกเกลียดตัวนายเอกนี้ที่คุณสร้างเหมือนกันใช่ม๊าาาา จัดให้นางกระอักทีนะคับ ส่วนเราเตรียมกระทืบซ้ำ สู้ๆ !!
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-10-2016 22:03:42
เอาตามที่พูดนะฟาน. อย่ายอมโง่ทีหลัง. ความรักมันจบได้ถ้าทรยศกันลง
ย่ะ. ยัยตอแหล.  เอาให้เต็มที่แล้วก็รับผลของมันด้วย
ตอนนี้เราไม่เห็นความรักเลย. มันเป็นการเล่นเกมไปแล้ว
ฟานถอนตัวออกมาก่อนที่จะเจ็บเถอะลูก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 09-10-2016 22:09:34
ชักจะเบื่อละ อีรูหลวมสาธารณะนี่ก็ตอแหลปั้นน้ำเป็นควายเก่งจัง อีงูเห่า
รักแม่ลิปจริมๆ คือก็อย่างที่นางว่าอะ เตือนซะยิ่งกว่าแม่อีก ถ้าอีคีย์ยังอยากได้ผัวใหม่ก็เอาเลย ควบสองสนุกๆเสียบสดๆ ที่มันสกปรกคล้ายๆหล่อนอะ
ฟานคะ พอค่ะ เจ้ขอ เจ้อัดอั้นมานาน ไปหาคนใหม่เหอะ
หาผัวใหม่ก็ได้ฟาน ผัวดีๆหล่อๆใหญ่ๆที่อีคีย์ต้องคันต้องถ่างรอ

โสเภณียังได้เงิน หล่อนนะรู้ตัวป้ะว่าของฟรี อีคีย์
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 09-10-2016 22:48:29
ฟาน ถามถึง+พูดบอก+ระแวงกังวล+เตือนล่วงหน้า+มาขนาดนี้ คีย์เลยต้องระวังตัวมากขึ้นเลย รอคีย์พลาดมาตลอด นี้ถือเป็นครั้งแรก แต่ก็นะ มีข้อแก้ตัวที่ให้ฟานใจเย็นลงได้อย่างเนียนๆ และกดดันยังไม่พอ แค่เบื้องต้น ใช่ เลยปล่อยรอดตัวไป แต่ก็คงไม่ใช่ว่าจะวางใจได้อะนะ คงต้องดูกันไป จะรอดตัวไปได้อีกกี่ครั้ง รอดบ่อย ฟานก็ควายแล้วละ 55555555  //ฟานแกดูฉลาดนะ คงไม่พลาดดูอาการตอนที่คีย์ตอบคำถามนะ สายตาท่าทางน้ำเสียง  หาคำตอบ ข้ออ้างข้อแก้ตัว  คำตอบที่จะรอดตัวไปแม้มันไม่ตรงกับใจ ในขณะที่ถูกกดดัน แถได้ไม่มีทางเนียนหรอก โอเคคีย์เก็บความในใจได้ดี แต่การแสดงออกไม่ค่อยเนียนหรอก เชื่อพี่น้อง 5555555 //จะพลาดจริงๆจังๆ ยังไงน๊า ถึงจะไม่รอดตัวไปได้ //มาถึงตอนนี้ ชี้ชัดพูดได้เลยว่าคีย์เห็นแก่ตัวจริงๆ ประโยคที่บอก ไม่ปล่อยฟานไปนี้ละ ทั้งที่ตัวเองรู้สึกยังไง ไม่ปล่อยก็อย่าให้พลาดเล่นกับหัวหน้าไปอย่างเนียนๆนะจ๊ะ ฟานจับไม่ได้หรอกเชื่อดิ 5555 ไอ้คำว่าไม่มีทางปล่อยนี้คือจะแถจนสีข้างถลอดเลย หรือว่าตอนบอกเลิกจะกอดขาอ้อนวอน หรือถ้าสุดๆปล่อยไป ก็จะไปตามรังควาน ไม่ปล่อยแกนี่ยังไงคีย์ 55555555 ตลก //ตอนก่อนหน้าเพิ่งจะแน่ชัดว่าหมดรักไปแล้ว อยู่เพราะความถูกต้อง //หมดรักแล้วไม่ปล่อยไปเพราะกักไว้เป็นตัวสำรอง เป็นทาสต่างหากละ ทาสรักคนนี้ก็ดีไปอีก อืมมม นะ //ชอบความตรงของหัวหน้าว่ะ เรามากินกันลับๆแบบนี้ดีแล้ว ทำต่อไปเถอะ อย่าได้แคร์ใครเลยนะ ฉันนี้ละชู้นายเอง 555555//ความรู้สึกคีย์ยังไงตอนนี้ ลิปพูดไปหมดแล้ว //ไว้ใจ เชื่อใจ ยกใจให้ไป โดน.................นานเท่าไหร่แล้ว จะร้องไห้เสียใจหรือจะหัวเราะเยาะสมเพชตัวเอง ดีน๊าาาาาาาาาาาาาา 5555 //สนุกกกไปอี๊กค่ะ 55555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 09-10-2016 23:56:09
ทำไมเหมือนฟานทุ่มเทอยู่คนเดียวไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ทุ่มเทให้เขามารักเราทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่เคยมั่นใจอะไรเลย แล้วมาพูดว่าจะไม่ยอมเสียคนๆนี้ไปเป็นอันขาด เพื่ออะไร
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 10-10-2016 00:30:35
นังรู้ดีว่าต้องทำยังไง เพราะนังเป็นผู้ใหญ่แล้ว. โลกของผู้ใหญ่ไม่ทำแบบนี่หรอกนะคีย์
คำโกหกของนังคนตอแหลในวันนี้. มันจะเป็นสิ่งมัดตัวในตอนหน้าๆ ฮ่ะๆๆ


สงสารฟานจริงๆ ทุ่มเทให้กับคนที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อตัวเองเนี้ย เทไปเท่าไรก็ไม่พอ


เฮ้อออออ ลิปมาจุ๊บเหม่งทีมา นี่รอตอนหน้าลิปจะสาดอะไรใส่นังคนมีนอนั้น

บั๊ยส์
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 10-10-2016 01:07:51
ขอให้คีย์โดนเกลียดเบอร์แรงสุดค่ะ
ฟานไม่ใช่คนโง่ นางเชื่อเพราะนางให้ใจกับคนของตัวเอง
แต่ถ้านางรู้ค.จริงขึ้นมา
เราว่านางพร้อมชนให้เละแน่ๆ
ลิปนี่พูดแรงแต่คือมันใช่อ่ะ
คีย์พอโดนจี้ใจดำก็ทำเป็นรับไม่ได้
 :beat:
ตอนหน้าเราว่าแซ่บ
เดาว่าอีหัวหน้านางต้องพยายามทำอะไรสักอย่างอ่ะ
รู้อยู่แล้วนิว่าคีย์หวั่นไหว
เหลือแค่ชงให้เขาแตกแยกกันก็ง่ายๆ
รอค่า :call:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 10-10-2016 01:08:23
ตอนหน้าขอให้คีย์โดนจับได้ ขอให้ฟานตาสว่างด้วยเถอะ :call:

***ไม่เคยอ่านนิยายเรื่องไหนแล้วเกลียดนายเอกแบบเรื่องนี้เลย (อินมากกกกก)***
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: aunszMT ที่ 10-10-2016 01:08:42
คีย์ก็ยังใช้ข้ออ้างที่ว่ามีคนลวนลามเหอะ ช่วงนี้ชอบลิปมากพูดถูกดีและทีมฟาน ส่วนหัวหน้าคนดีแลัว่าที่เมียน้อยอย่างคีย์ ก็ขอให้โดนตับได้แล้วโดนหมัดฟานสักสิบยี่สิบที เป็นเรื่องแรกที่ถ้าฟานจะต่อยตีหรือตบคีย์ก็ไม่โกรธคะ สมควรโดน  :fire:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 10-10-2016 06:29:10
ไม่ไหวล่ะ จุกมากค่ะ
ต้องขอโทษคนอ่านด้วย
ขอโทษน่ะฟานลิปที่รัก
ต้องขอเลิกอ่าน
แต่ถ้าจบเมื่อไรจะกลับมาอ่านน่ะค่ะ
ไม่ไหวกับความรู้สึก คนเขียนเก่งมากค่ะ
เรายอมแพ้ จุกจนไม่รู้จะจุกยังไง
เกลียดอีพวกนี้เข้าไส้ล่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 10-10-2016 11:02:23
 :katai4: :ling1: :katai1: :katai2-1:
หูยยยย กระหาย เอาตอนต่อไปมาเลยยยย เอามาเร็วๆนี่อยากต่อแล้ว อยากรู้ว่าจะเป็นไง อยากให้ฟานจับได้อีก เอาอีกๆๆๆ ชอบบบบ สะใจ ไร้ซึ่งความสงสาร
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 10-10-2016 13:39:34
คือว่าจะไม่ด่าแต่ขอซะหน่อย
โห อีร่านแรด อยากได้ไอ้หัวเหม็นนั่นจนตัวสั่นก็ไปเอากับมันเลยไป๊ จะมารั้งฟานทำซากไร
แต่ฟานด่าได้ดีสะใจจริง ถูกมากกก เราว่านังคีย์นี่ก็แปลก ได้รับความรักขนาดนี้ยังไม่พอ กระหายกระสันอยากได้ผัวเพิ่มอยู่ร่ำไป หึ คราวหน้าขอให้จับได้จะๆทีเถอะ ฟานจะได้เลิกกับนังร่านแรดนี่ซะที

เรื่องนี้ลิปเป็นเพื่อนที่ดีมากนะ แต่อีนี่มันร่านแรดเกินไปไง คำเตือนของเพื่อนก็ฉุดแรดไม่อยู่ อย่างว่า ความอยากมันบังตา อะไรก็ฉุดไม่อยู่หรอก

ปล.นี่เป็นนิยายเรื่องแรกเลยนะที่เราออกอาการเม้นด่าได้ขนาดนี้ นับถือไรท์จริงๆ :call: :call:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: PREMIUM_ALMOND ที่ 10-10-2016 14:01:19
ฟานไม่ได้โง่ เชื่อเราสิ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 10-10-2016 14:09:23
"ฟานคือคนที่ผมจะไม่มีวันเสียไปเด็ดขาด"

ทั้งๆที่คิดแบบนี้ ยังจะทำตัวเป็นนางวันทองสองใจอีก สมควรโดนฟานทิ้งมาก ๆ

เราไม่เคยเกลียดเคะเลย ยกเว้นเรื่องนี้ รับนางไม่ได้ มั่นหน้ามากกกก  ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าฟานเองก็หล่อลากกก  ฟานมีทางเลือกเยอะ มีทางไปแยะ แต่ยังรักนาง ยังทำฟานลง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 10-10-2016 19:03:26
ถ้าเรื่องนี้จบที่ฟานทิ้งคีย์ไปเราจะไม่เสียใจเลยยยยยยย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 10-10-2016 20:09:59
มีแค่คำเดียวเลยให้คีย์

อีดอก!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 10-10-2016 23:05:53
คือเชียร์ฟานมาก บอกเลย รู้ทันทุกอย่าง คือถ้าไม่โดนดักทางเรื่องโดนลวนลาม คีย์อย่าหวังเลย
แล้วที่คีย์บอกจะไม่ทำแน่ ตอนนี้ก็ทำอยู่นะ เอนเอียงไปทางโน้นมากกว่าด้วย
รอรับผลจากคำหลอกลวงไว้ได้เลยนะคีย์

อยากกรีดร้องให้ลิปมากค่ะ พูดได้โดน ตรงใจ แต่ก็ไม่ทำให้คีย์คิดได้
เป็นผู้ใหญ่ แต่สมองน้อยนะ สมแล้วที่ฟานจะถามว่า เห็นเป็นเด็กสามขวบหรอ

ขอแบบจัดหนักค่ะ ให้คีย์ได้ซึ้ง แล้วให้หัวหน้าไม่ได้เกิดอีก

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 10-10-2016 23:17:40
ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 10-10-2016 23:23:55
มันร้ายมากคะหัวหน้า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 10-10-2016 23:51:15
 :เฮ้อ:  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:

การจับปลาสองมือมันเป็นอย่างนี้นี่เองงงงงง

นางต้องเข้าใจใหม่นะว่า....

เด็กไม่เด็กอย่าดูที่อายุ. ให้ดูที่ความคิดและการกระทำนะ

 o22.  o22.  o22.  o22

....

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 11-10-2016 20:59:46
รอ สมน้ำหน้าเลยครัช
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 12-10-2016 19:39:23
ไม่น่าจะโกหก ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 41 ' จุดเริ่มต้นของข่าวลือ ' UP - 21.10.59} หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 21-10-2016 20:44:20
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 41
' จุดเริ่มต้นของ ข่าวลือ '

   ตื่นเช้าไปทำงานพร้อมกันผมที่ยืนถอนหายใจอยู่ที่สถานี  วันนี้หัวหน้าไม่มายืนรออยู่ที่สถานีจริงๆด้วยอย่างที่ผมส่งข้อความบอกเค้าไปเมื่อวาน หันมองดูรถไฟที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ก่อนจะหลับตาลงช้าๆกับความรู้สึกที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก รู้สึกไม่อยากจะขึ้นรถไฟไปทำงานตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไม่อยากจะเข้าไปในนั้นเลย ก้มหน้าลงในตอนนั้นฟานที่ยืนข้างๆก็เอื้อมมือมาจับมือของผมไว้

“ ไปด้วยกันนะ " พยักหน้ารับเค้าสั้นๆ ก่อนที่เราจะเดินเข้าไปในขบวนรถไฟที่คนก็เริ่มเบียดเสียดกันมากขึ้น พื้นที่ชิดผนังที่ว่างฟานดันผมให้ไปพิงอยู่ตรงนั้นก่อนที่ตัวเค้าจะยืนอยู่ข้างหน้าแล้วยกแขนขึ้นกันผมไว้

“ ทำอะไรของนาย " เอ่ยถามอีกคนที่ทำหน้าดุมองซ้ายขวาก่อนจะจ้องผม

“ ขู่คนที่เข้ามาใกล้คุณ "

“ ด้วยหน้าตาเหมือนลูกหมาหัดแยกเขี้ยวอะนะ " หลุดยิ้มออกมาอีกคนก็ขมวดคิ้วพลางมองไปรอบๆ " ขยับเข้ามาน่า มันเสียพื้นที่คนอื่นเค้าจะไปทำงานเหมือนกัน " ดึงเอวเค้าเข้ามาใกล้ตัวผม ฟานก็จับราวข้างบนของตัวเองยึดเอาไว้ใบหน้าคมที่ยกยิ้ม " ยิ้มอะไร "

“ คุณกอดเอวผมอยู่ " ก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่ยังคงยึดอยู่ที่ชายเสื้อของเค้า ผมดึงมันลงวางข้างตัวอีกคนก็หัวเราะ  " โธ่ เอามือลงซะละทั้งๆที่กำลังรู้สึกดีแท้ๆ "

“ ไอ้เด็กบ้านิ เงียบไปเลย " เบือนหน้าหนีเค้ารถไฟที่ผ่านสถานีแล้วสถานีเล่าฟานก็ขยับตัวมาเบียดผมมากขึ้นเพราะผู้คนที่เพิ่มเข้ามาทุกสถานี  ก้มหน้าลงมองต่ำส่วนกลางโปร่งพองขึ้นของเค้าผมขมวดคิ้วก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่ก็ยิ้มแห้ง แล้วก้มลงมากระซิบผม

“ อย่าบอกใครนะ "

“ จริงๆเลย " หัดควบคุมบ้างก็ไม่ได้ เบียดกันหน่อยสีกันหน่อยก็ตุงขึ้นมาซะอย่างงั้น  แต่จะว่าไปเมื่อวานตอนที่ขึ้นรถไฟขบวนเดียวกับหัวหน้าเค้าก็รู้สึกเหมือนกัน แล้วส่วนกลางที่ขนาดใหญ่ขึ้นมันต้องมีอารมณ์ไม่ใช่เหรอถึงเกิดขึ้นได้ พอคิดถึงตรงนี้ ริมฝีปากของผมมันก็เม้มลงอัตโนมัติ งั้นแสดงว่าหัวหน้าก็คงจะ..

“ หน้าแดงหมดแล้วครับ " มือหนาปล่อยราวจับด้านบนก่อนจะหยิกแก้มผมเบาๆ " เขินผมเหรอ "

“ ใช่ที่ไหนละ " ตอบอีกคนออกไปแบบนั้น ทั้งๆที่ปกติมันเป็นคำพูดแก้เขินที่ใช้บอกปัดกัน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่ต้องพูดคำพูดแก้เขินบอกปัดเค้า ทั้งๆที่ความจริงมันก็เป็นแบบนั้น ผมไม่ได้เขินเค้าแต่กำลังเขินเรื่องราวของใครอีกคนอยู่ตังหาก

   ขบวนรถไฟจอดที่สถานีใกล้ที่ทำงานของผม เราเดินออกจากขบวนรถแล้วเดินไปที่หน้าบริษัทของผม  ฟานคว้ามือผมไว้ ตอนที่หันไปหาอีกคน เค้าที่ก้มหน้าลงเหมือนมีอะไรสักอย่างที่อยากจะพูด

“ ช่วยรับผิดชอบของของผมหน่อยสิ " ก้มลงมองต่ำไปที่ส่วนกลางของเค้าที่ยังคงโปร่งพองอยู่ ใบหน้าคมที่กำลังยิ้มผมดันอกเค้าออกห่าง

“ ออกไปไกลๆฉันเลยไอ้ลูกหมา "

“ คุณทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้นะ รับผิดชอบผมด้วยสิครับ "

“ อยากจะมาส่งฉันเองทำไม ไม่ได้ขอร้องสักหน่อย " เบือนหน้าหนีอีกคนที่ก็หลุดหัวเราะออกมากับท่าทางของผม ฟานเอื้อมมือมาหยิกแก้ม

“ จริงๆไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกที่ผมจะขอร้องคุณคีย์ แต่เป็นอีกเรื่อง "

“ เรื่องอะไร "

“ ไม่ข้องเกี่ยวกับหัวหน้าของคุณจะได้มั้ย " สบสายตาคมของเค้าที่กำลังจ้องมองผมเขม็งด้วยแววตาจริงจัง สำหรับคำขอร้องที่เอ่ยออกมา " ผมไม่ชอบ ไม่อยากให้คุณอยู่ใกล้ๆเค้า "

“ แต่ฟานมันก็เป็นเรื่องงาน "

“ ผมรู้ว่าบางทีมันก็เป็นเรื่องงาน แต่ผมก็ไม่ชอบอยู่ดี " ผ่อนลมหายใจก่อนจะอ้าปากที่กำลังเอ่ยเถียงเค้าแต่ฟานก็พูดขึ้นก่อน " คุณกำลังมองว่ามันไร้สาระใช่มั้ยครับ มันเป็นเรื่องงานลูกน้องไม่คุยกับหัวหน้ามันดูแปลก "

“ อื้ม "

“ ถ้าคุณไม่เคยคิดอะไรกับเค้าก็คงไม่เป็นไร แต่คุณที่เคยชอบเค้าไม่มีอะไรมาการันตีหรอกครับว่าคุณจะไม่กลับไปชอบเค้าอีก " หัวใจผมแทบจะหยุดเต้นตอนที่อีกคนพูดออกมาแบบนั้น มือหนาเอื้อมมือจับมือของเค้าไว้ฟานที่บีบมันเบาๆ " ขอร้องเถอะครับ อย่ายุ่งกับเค้าเลย ถ้าคุณบอกว่าเมื่อวานเค้าช่วยคุณไว้ คุณเลยไปกินข้าวกับเค้าเพื่อเป็นการขอบคุณ งั้นมันก็พอแล้วละ เพราะงั้นอย่าให้มีอีกนะ " เงยหน้าสบสายตากับคำขู่ของเค้าที่พูดออกมา

“ นายกำลังทำเหมือนว่าฉันกำลังนอกใจนาย "

“ ผมไม่ได้คิดแบบนั้น "

“ แต่นายก็พูดว่า อย่าให้มีอีกนะ "

“ อย่าไปนั่งกินข้าวกับเค้าสองต่อสองอีก เป็นคำพูดที่บอกว่า คุณนอกใจผมเหรอ แค่บอกว่าอย่าไปกินข้าวกันสองคนก็เท่านั้น ชวนคุณลิปไปด้วยถ้าต้องไปมันก็แค่นั้น ไม่ได้บอกว่านอกใจเลย ไม่มีสักคำเลยที่พูดออกมา " คำถามที่ทำให้ผมเงียบก่อนจะผ่อนลมหายใจหงุดหงิดออกมา ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมสบหน้าเค้า ทำไมถึงหงุดหงิดนักก็ไม่รู้ อยากจะไปกินข้าวกับเค้าสองต่อสองอีกเหรอไงถึงได้หงุดหงิดนัก " คุณคีย์ "

" ฉันรู้แล้ว จะทำตามที่นายสั่งก็แล้วกัน " พูดประชดอีกคนไป ฟานก็ถอนหายใจ " ทำไมยังไม่พอใจอะไรอีก จะสั่งอะไรฉันอีกละ คราวนี้จะสั่งให้ฉันออกจากงานเลยมั้ย "

“ อยากจะไปกินข้าวกับเค้าถึงขนาดนี้เลยเหรอ คุณดูโมโหทั้งๆที่ผมแค่ขอคุณดีๆ มันไม่ได้หนักหนาเลย แค่ไม่ให้ไปกินข้าวกันสองต่อสอง คุณก็ชวนเพื่อนไปสิ เพื่อนในบริษัทมีตั้งเยอะแยะถ้าอยากจะชวนไป มันเว้นเสียแต่ว่า คุณอยากจะไปกับหัวหน้าคุณแค่สองคน "

“ ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น ก็แค่ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ " ผมบอก อีกคนก็ถอนหายใจ

“ ถ้าคุณคิดว่าเรื่องที่ผมขอ แค่ไม่ให้ไปกินข้าวกับหัวหน้าคุณสองต่อสอง เป็นเรื่องบังคับใจกัน งั้นอยากจะทำอะไรก็ทำเถอะครับ ผมไม่ห้ามก็ได้ แต่จำไว้นะว่า ถ้าถึงทีผม คุณก็ห้ามไม่ได้เหมือนกัน ทีใครก็ทีมัน "  เค้าพูดแบบนั้นก่อนจะเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองผมเลยสักนิด

" ฟาน.." ถอนหายใจออกมาตอนที่จะเดินตามเค้าไปเสียงนึงก็ดังขึ้น

“ ใกล้จะถึงเวลางานแล้วนะ เข้างานสายไม่ดีหรอกมั้ง " หันไปมองต้นเสียงคุ้นๆของอีกคนผมก็หันกลับทันทีตอนที่รู้ว่าเป็นใคร

“ หัวหน้า "

“ ยังไม่ดีกันอีกเหรอ แฟนนายไม่เข้าใจเรื่องของเรารึเปล่า "

“ ดีกันแล้วครับ แล้วก็เพิ่งทะเลาะกันใหม่อีก "

“ ความรักเด็กๆมักไม่มีเหตุผลแบบนี้แหละนะ " ร่างสูงบอกก่อนที่ผมจะหันไปมองเค้าที่ก็หันมามองผม " นี่ เที่ยงนี้..”

“ เที่ยงนี้ผมคงไปกินข้าวกับหัวหน้าไม่ได้แล้ว ขอโทษด้วยนะครับ "

“ ทำไมละ มันก็แค่การกินข้าวของหัวหน้ากับลูกน้องเอง เอาเป็นว่าฉันสั่งก็แล้วกัน ไปกินข้าวกับฉันหน่อย แฟนนายจะได้สบายใจไง นายเองก็ด้วย "

“ ช่วยปล่อยผมไปสักวันได้มั้ยครับ ตอนนี้ผมสับสนไปหมดแล้ว สับสนไปหมดแล้วจริงๆ คุณพอเถอะ ช่วยหยุดก่อนเถอะนะ วันนี้ผมจะไม่ไปกินข้าวกับคุณ ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ไม่ไปครับ "

“ เพราะไอ้เด็กนั่นมันไม่ให้ไปสินะ นี่ นายไม่เห็นว่าต้องเชื่อฟังมัน "

“ ผมไม่ได้เชื่อฟังใคร! แต่ช่วยหยุด สักพักเถอะ ผมเหนื่อย เหนื่อยกับความรู้สึกแบบนี้เต็มทนแล้ว ช่วยหยุดก่อนไม่ได้เหรอไง แค่นี้ไม่พอเหรอไง จะเอาอะไรอีก คุณเห็นแล้วนิว่าผมกำลังทะเลาะกับเค้าเพราะเค้าแค่ขอร้องให้ผมเลิกไปกินข้าวกับคุณสองต่อสองแล้วผมไม่ยอม เพราะคุณผมก็เลยต้องทะเลาะกับเค้า "

" คีย์ "

" ช่วยหยุดสักพักเถอะ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตามช่วยหยุดสักพักไม่ก็หยุดไปเลยก็ได้ ผมเหนื่อย เหนื่อยมากแล้ว บางทีผมก็แค่อยากจะรักใครสักคนแค่คนเดียว ไม่อยากจะหวั่นไหวกับใครทั้งนั้น ผมเหนื่อย เหนื่อยที่จะต้องมีความรู้สึกแบบนี้ ไม่อยากจะเสียฟานไปเลยแต่ก็หวั่นไหวไปกับคุณตลอด คุณที่ผมแอบชอบ " ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะก้มหน้าลงต่ำ
 
“ คีย์แต่ตอนนี้..“

" ไอ้ความรู้สึกพวกนั้นน่ะ พอทีเถอะครับ ช่วยหยุดเข้ามาทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นสักทีเถอะ ผมเลวจนไม่รู้จะเลวยังไงแล้ว รังเกียจตัวเอง ขยะแขยงตัวเอง จนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ตอนนี้ช่วยอยู่ห่างๆผมเถอะ แค่สักวันก็ยังดี ตอนนี้ผมเหนืิ่อยมากแล้ว " มันน่าเบื่อสำหรับความรักที่ไม่รู้จะทุ่มเทไปทางไหนแบบนี้ ผมที่ต้องแคร์ความรู้สึกของคนถึงสองคน มันเหนื่อย มันเบื่อ แล้วอยากจะหยุดเรื่องราวแบบนี้สักที อยากจะเลือกแล้ว ใครสักคนในสองคนนี้

“ ฉันหยุดสักพักก็ได้ แต่คงจะไม่หยุดไปเลยตามที่นายขอหรอก ตอนนี้ถ้านายอยากจะพักก็พักก่อน แต่ถ้านายจะเลือกใครสักคนแล้วละก็ สุดท้ายฉันอยากจะให้มันเป็นฉันนะ คนที่นายจะเลือก "

“ ผมคงไม่เลือกหัวหน้าหรอกครับ " หลุดปากเอ่ยออกไปกับอีกคนที่ได้แต่นิ่งค้าง " ผมหวั่นไหวไปกับคุณก็จริงอยู่แต่ผมคงจะไม่เลือกคุณหรอก เพราะสำหรับผมคุณเหมือนกับคนในความฝันมาตลอด เหมือนดาราที่เด็กๆใฝ่ฝันจะได้คบ ทั้งๆที่รู้ว่า นิสัยแท้ๆไม่ได้เป็นอย่างที่คิดและจินตนาการเอาไว้อย่างสวยหรู แต่ก็ยินดีจะยื่นมือเข้าไปสัมผัสประสบการณ์ที่ตัวเองเคยอยากจะจับต้องมาตลอด อยากจะไปกินข้าวกับคุณ อยากจะอยู่กับคุณ ถ้าผมไม่มีใครตอนนี้ผมคงสนุกกับประสบการณ์นั้นมากกว่านี้ แต่เพราะผมมีฟานแล้ว เค้าที่รักผมมาก แล้วตอนนี้ผมก็เลวกับเค้ามากที่ต้องมารู้สึกแบบนี้กับคุณ ทุกอย่างที่เคยคิดว่าจะแค่สนุกๆระหว่างเราตอนนี้มันเริ่มกลายเป้นปัญหาระหว่างผมกับเค้าแล้ว เพราะงั้นมันควรถึงเวลาแล้วละที่ควรหยุดสักที "

“ แล้วฉันไม่จริงจังกับนายเหรอ นายพูดเหมือนนายเองก็ไม่ได้จริงจังอะไรกับฉัน เหมือนแค่เล่นๆ "

“ ครับ ผมไม่ได้จริงจังกับคุณ เหมือนอย่างที่คุณเองก็ไม่ได้จริงจังกับผม "

“ นายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้จริงจังกับนาย "

" ถ้าคุณคิดจะเลิกกับภรรยาของคุณ คุณคงเลิกไปนานแล้วละ เพราะคุณก็บอกมานานแล้วว่าจะเลิกแต่จนถึงตอนนี้ผมก็ไม่เห็นว่าคุณจะเลิกกับเธอสักที คุณบอกว่าเลิกไม่ได้ คุณสงสารลูก แต่ผมว่ามันไม่ใช่แบบนั้นหรอก เหมือนคุณแค่กำลังหาใครสักคนที่ถูกใจมาเป็นเมียน้อยคุณมากกว่า  แล้วพอเบื่อก็เลิกรากันไป ตอนแรกคุณทำทีเหมือนสนใจผมแต่ไม่กล้าเพราะกลัวว่าผมจะไม่ยอม แต่พอรู้ว่าผมมีแฟนคุณก็กล้ามากขึ้นเพราะเอาคำพูดที่ว่า ต่างฝ่ายต่างก็มีเจ้าของมันเหมือนกัน มายื่นข้อเสนอที่ว่าผมไม่ต้องเลิกกับเค้า คุณไม่ต้องเลิกกับเธอ แล้วเราก็มาแอบคบกัน เพราะผมชอบคุณอยู่แล้วแค่ทำให้หวั่นไหวก็คงง่ายต่อการคบกัน ส่วนผมก็เป็นแค่ไอ้เหี้ยคนนึง ไอ้เหี้ยคนที่ทำร้ายคนที่รักมันมากๆเพราะความต้องการที่อยากจะได้ของที่เคยอยากได้ ไอ้เหี้ยที่ไม่เคยพอ รู้อยู่แล้วว่าคุณสันดานเป็นไงแต่ก็ยังอยากจะลองดี "

“ คีย์ ฉันไม่เคยคิดอะไรแบบนั้น นายจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ฉันจริงจังกับนาย มากกว่าที่นายรู้สึก จริงจังแบบที่ไม่เคยจริงจังกับใครมาก่อน ใจเย็นๆ ฉันจะไม่พูดอะไรกับนายทั้งนั้น เพราะตอนนี้นายกำลังทะเลาะกับแฟน นายกำลังกลัวเรื่องที่ยังไม่เกิด "

“ ถ้าวันนี้ฟานไปกินข้าวกับใครคนอื่นที่ผมไม่ชอบ ผมจะไม่โทษใครเลยยกเว้นตัวเอง ทั้งๆที่ว่า ผมก็ทำกับเค้าก่อน ผมทำให้เค้าเสียใจก่อน ผมผิดเองที่หวั่นไหวไปกับคุณ " แค่คิดถึงคำพูดของเค้า แค่คิดว่าถ้ามันเป็นจริงขึ้นมาเราจะรู้สึกยังไง ฟานที่ไปรักคนอื่น ฟานที่หวั่นไหวไปกับคนอื่น คนอื่นที่ไม่ใช่ผม

“ เราไม่ผิดหรอก "

“ เลิกพูดเห็นแก่ตัวแบบนั้นเถอะครับ! เราที่กำลังหวั่นไหวไปกับคนอื่นทั้งๆที่มีคนที่รักเรามากๆอยู่ข้างหลัง เราจะไม่ผิดได้ยังไง คนที่คิดว่าตัวเองไม่ผิดได้หน้าตาเฉย ผมว่า เค้าต้องไม่ใช่คนดีแน่ๆ ต้องเลวมากเลยแหละ ถึงจะคิดได้ขนาดนี้ ขนาดผมยังรู้สึกผิดเลย รู้สึกผิดมากๆจนอยากจะร้องไห้ออกมาหนักๆ หรือไม่ก็ย้อนเวลากลับไปแก้ไขทุกอย่าง ทั้งๆที่เรื่องของเรามันไม่มีอะไร แค่รู้สึกหวั่นไหวก็เท่านั้นผมยังรู้สึกผิดกับเค้าเลย รู้สึกว่าไม่ซื่อสัตย์กับความรักของเค้า เพราะงั้นเลิกยุ่งกับผมสักทีเถอะครับ เลิกทำให้หวั่นไหวสักที " จบการสนทนากับอีกคนด้วยการเดินออกห่างจากเค้าหลังจากพูดประโยคนั้นจบ

   ผมควรเลิกได้แล้ว ความรู้สึกที่หวั่นไหวพวกนั้น เพราะแค่หลับตาลงแล้วคิดถึงคำพูดของอีกคนก็ได้แต่กลัวไปหมดจนไม่รู้จะทำยังไงดี ' ถ้าคุณคิดว่าเรื่องที่ผมขอ แค่ไม่ได้ให้ไปกินข้าวกับหัวหน้าคุณสองต่อสอง เป็นเรื่องบังคับกัน งั้นอยากจะทำอะไรก็ทำเถอะครับ ผมไม่ห้ามก็ได้ แต่จำไว้นะครับว่า ถ้าถึงทีผม คุณก็ห้ามไม่ได้เหมือนกัน ทีใครทีมัน ' สมองทบทวนเรื่องที่อีกคนพูดเหมือนเทปชั้นดีที่คอยกรอเทปเสียงของอีกฝ่ายให้ผมฟังอยู่เรื่อยๆ แล้วถ้าฟานทำลงไปจริงๆละ ถ้าเค้าไปหวั่นไหวกับคนอื่นจริงๆอย่างที่เราทำละ แล้วถ้าเค้า เลือกใครอีกคนที่ไม่ใช่เราล่ะ ถ้าเค้าทิ้งเราไป

   เป็นคนเห็นแก่ตัวที่พอเราทำเค้า เรากลับไม่คิดว่าเค้าจะเสียใจ แต่ในทางกลับกันที่แค่คิดว่า ถ้ามันเกิดขึ้นกับตัวเอง ตัวเราจะเสียใจแค่ไหน พอคิดได้แบบนั้นก็เกิดกลัวขึ้นมา กลัวว่าตัวเองจะเจ็บปวดเหมือนอย่างที่เราเองกระทำต่อเค้า

“ คีย์ " เสียงที่ทักผมพร้อมมือที่วางลงบนไหล่ทำเอาผมสะดุ้งตัวขึ้นตอนที่หันมองคนทักด้วยหน้าตาตื่นๆ ลิปก็ยิ้มแห้งๆออกมา " โทษที ตกใจที่ฉันทักเหรอ "

“ ลิป "

“ มีอะไรรึเปล่า เหม่อเชียว " คำถามที่ทำให้ผมมองหน้าเค้าก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ " หน้านายดูไม่ดีเลย "

“ เดี๋ยวมานะ "

“ จะไปไหนน่ะ จะเข้างานแล้วนะเว้ย " เสียงที่ตะโกนไล่หลังมาแต่ตอนนั้นขาของผมก็ไม่ได้หยุดหันไปตอบอะไรกับอีกคน มันยังคงวิ่งไปที่ห้างกวาดสายตามองไปที่หน้าห้างที่ยังไม่ค่อยมีผู้คนเท่าไหร่ ก่อนผ่อนลมหายใจกับร่างสูงคุ้นตาที่กำลังนั่งก้มหน้าคิดอะไรบางอย่างอยู่ ทั้งๆที่ไม่ใช่เวลางานแต่กลับต้องมาทำงานก่อนใครๆเพราะเป็นห่วงผม ทั้งๆที่เค้าทำทุกๆอย่างเพื่อผม ทุ่มเททั้งหมดให้ไป แล้วนั่นคือสิ่งที่เราให้เค้ากลับไปเหรอวะ นี่คือสิ่งที่ผมให้ฟานเหรอ การนอกใจและหวั่นไหวไปกับใครอีกคน ผมที่ทรยศความซื่อสัตย์ของเค้า ขาของผมเดินเข้าไปหาช้าๆ ตอนที่นั่งย่อตัวลงข้างหน้าอีกคน ฟานก็เงยหน้าขึ้นมามอง

“ ฉันขอโทษ "

“ ไม่ไปทำงานรึไงครับ "

“ ฉันขอโทษเรื่องที่หงุดหงิดนาย ฉันจะไม่ไปกินข้าวกับหัวหน้าสองต่อสองอีก ถ้ามีเรื่องที่ทำให้ต้องไปกินข้าวด้วยกัน ฉันจะชวนลิปไปด้วย แต่ว่า นายอย่าไปกินข้าวกับคนอื่นเลยนะ อย่าหวั่นไหวไปกับคนอื่นเลยนะ ถึงแม้จะโกรธฉันที่ฉันดื้อ ที่ฉันไม่ยอมฟัง แต่อย่าประชดฉันด้วยการไปนั่งกินข้าวกับคนอื่น คนที่ชอบนายหรือคนที่นายถูกใจแบบสองต่อสองเลยนะ อย่าทำแบบนั้นเลยนะ ฉันขอโทษ ขอโทษนะฟาน ขอโทษจริงๆ นะ "

“ คุณคีย์ " เอื้อมมือไปจับเค้าไว้ ไม่รู้ทำไมถึงได้กลัวนัก น้ำตาที่ไหลออกมาตอนที่ผมมองเค้า แค่กลัวว่าคนคนนี้จะหวั่นไหวกับคนอื่น คนที่เค้าแสนดีและนิสัยน่ารักกว่าผม คนที่ทำให้ฟานค่อยๆมองผมเปลี่ยนไปแล้วเลิกรากันไปในที่สุด เรื่องนั้นแค่คิดก็กลัวไปหมดแล้ว กลัวว่าจะไม่มีเค้า กลัวว่าจะเสียเค้าไป

“ ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ ฉันจะไม่ไปกินข้าวกับเค้าอีก ฉันจะทำตามที่นายขอ ฉันจะทำ แต่อย่าประชดฉันแบบที่ฉันทำกับนายเลยนะ " อย่าหวั่นไหวกับคนอื่นแบบที่ฉันทำกับนาย อย่านอกใจฉันแบบที่ฉันทำกับนาย อย่าทำแบบที่ฉันทำกับนายเลย อย่าทำนะฟาน อย่าทำ

“ กลัวเรื่องที่ผมขู่ขนาดนั้นเลยเหรอ "

“ ก็นายเป็นคนพูดจริงทำจริง ฉันจะไม่กลัวได้ไงละ สัญญาสิ สัญญากันนะ ว่าจะไม่ทำ " ยื่นนิ้วก้อยไปให้เค้าอีกคนก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะหลุดยิ้ม

“ งอแงอะไรไม่เข้าท่า " เค้าว่าแบบนั้นก่อนจะยื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้ผม

“ สัญญาก่อน " ส่งนิ้วก้อยยื่นเข้าไปใกล้อีกคนมากขึ้น ฟานที่เกี่ยวก้อยผมในตอนนั้น " ดีกันนะ "

“ โกงกันนิครับ เล่นให้เกี่ยวก้อยทั้งสัญญา ทั้งขอคืนดี "

“ แต่ถึงอย่างงั้นนายก็ไม่โกรธฉันแล้ว นายเกี่ยวก้อยฉันแล้ว " ผมบอกก่อนจะเกี่ยวก้อยของอีกคนไว้แน่น

“ ที่วิ่งมาหาผม เพราะเรื่องแค่นี้เองเหรอ แค่เพราะคำขู่ของผม อย่างงั้นเหรอ "

“ อื้ม " พยักหน้ารับเค้าสั้นๆ ตอนที่ก้มหน้าลง ผมไม่กล้าสบตาเค้าเลย คำถามของเค้าที่ถามผมถ้าให้ตอบจริงๆคงต้องตอบว่ามีเรื่องอีกมากมายที่ทำให้ฉันกลัวว่าจะเสียนายไป แต่เพราะตอบความจริงออกไปทั้งหมดไม่ได้  ก็เลยได้แต่อ้างเหตุผลออกไปแค่เท่านั้น

“ สัญญากับผมแล้วนะ ว่าจะไม่ไปกินข้าวกับหัวหน้าคุณสองต่อสองอีก "

“ สัญญา แต่นายก็ต้องสัญญากับฉันเหมือนกัน ว่าจะไม่ประชดฉันด้วยการไปกินข้าวกับคนอื่น หรือแม้ว่ามันจะไม่ใช่การประชดนายก็ห้ามทำ "

“ ครับ ผมสัญญา "

" งั้นฉันก็สัญญา ถ้าถึงคราวจะไปจริงๆ ฉันจะมาบอกนายก่อน " พยักหน้าตอบเค้าแบบนั้นก่อนจะถอนหายใจโล่งฟานก็ถาม
" แล้วทำไมถึงได้กลัวขนาดนั้นละครับ "

“ เพราะฉันไม่ใช่คนดี ฉันต้องกลัวสิ " คนที่นอกใจนายคนที่หวั่นไหวไปกับคนอื่น คนที่กลัวว่าคนที่ตัวเองรักจะเป็นเหมือนตัวเอง แล้วแบบนั้นคนแบบฉันจะไม่กลัวเสียนายไปได้ยังไง ฉันต้องกลัวอยู่แล้ว

............................................

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 40 ' เรื่องโกหก ' UP - 9.10.59} หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 21-10-2016 20:46:27
   กลับมาทำงานในเวลาที่สายกว่าปกติเกือบสามสิบนาที สายตาที่จ้องแบบเขม็งมาของรองหัวหน้าผมก้มหน้ายิ้มแห้งๆก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา เปิดคอมพิวเตอร์ก่อนจะมองไปที่โต๊ะหัวหน้าที่อีกฝ่ายกำลังทำงานแบบขยันขันแข็งอยู่

' แบบนี้ก็ดีแล้ว พูดแบบตัดๆกับคนคนนั้นไป เราจะได้เลิกยุ่งกันสักที ดีแล้วละ ' บอกกับตัวเองแบบนั้นตอนที่สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด ลิปที่นั่งอยู่ข้างๆก็ดันเก้าอี้เข้ามาใกล้

“ คีย์ ไปไหนมา "

“ ไปหาฟานน่ะ " ผมบอกหันไปบอกเค้าอีกคนก็พยักหน้ารับ " พอดีเราทะเลาะกันนิดหน่อยเลยไปง้อ "

“ อย่างงั้นนี่เอง "

“ ลิป วันนี้ขอไปกินข้าวด้วยคนนะ "

“ ไม่ไปกินข้าวกับหัวหน้าแล้วละ " อีกคนถามยิ้มๆ ผมก็ส่ายหน้า

“ คงไปกินด้วยไม่ได้แล้วละ  ไปกับนายดีกว่า ขอไปกินข้าวด้วยคนนะ "

“ ทำไมจะไม่ได้ละ ยังไงฉันก็ต้องไปกินข้าวกับนายเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ที่ไม่ปกติคือนายไม่ได้มานั่งกินข้าวกับฉันตังหาก "

“ นั่นนะสินะ "

“ แล้วกับหัวหน้าเรื่องไปถึงไหนแล้วละ "

“ ฉันคงเลิกยุ่งกับเค้าแล้วละ "

“ ทำไมละ บอกฉันได้มั้ย " หันมองอีกคนที่กำลังเอียงหน้าฟัง ผมก็ถอนหายใจออกไปก่อนจะเล่า

“ ฉันแค่คิดว่า ถ้าฟานนอกใจฉันบ้าง อย่างที่ฉันทำกับเค้า ฉันจะรู้สึกยังไง ถ้าเค้าเจอคนที่ดีกว่า คนที่น่ารัก คนที่เอาใจ คนที่รุ่นราวคราวเดียวกันกับเค้า คนที่ดีกว่าฉัน พอมาคิดถึงเรื่องแบบนั้นฉันก็รู้สึกกลัวขึ้นมา กลัวว่าถ้ายังเป็นอยู่แบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าถ้าเค้าจับได้ขึ้นมาจริงๆ ถ้ารู้ความจริงขึ้นมาจริงๆ เค้าจะทำยังไงกับฉัน ด้านมืดของฟานน่ะ มันน่ากลัวนะเค้าที่เด็ดขาดมันน่ากลัวจริงๆ " ยังจำแววตาโกรธของอีกคนได้ดีอยู่เลย ในวันที่อาจารย์ของเค้าเข้ามาจีบผม เพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบสั้นๆนั่นก็ดูเหมือนว่าเค้ามีอีกด้านที่ลึกลงไปเกินกว่าที่ผมจะหยั่งถึง " ถอยตอนนี้ดีกว่า ฉันกลัวว่าทุกอย่างมันจะสายไป "

“ ก็นะ..ขอให้มันไม่สายไปเถอะ " ลิปว่าก่อนจะพิงหลังเข้ากับเก้าอี้ "  คนเรามันไม่ได้มีแต่สีขาวหรอก เรามีทั้งขาวกับดำ ยิ่งคนที่เรารักดีกับเราเท่าไหร่ ตอนที่เค้าโมโห โกรธ หรือเกลียดเรา ก็คงน่ากลัวมากเท่านั้น บางทีอาจจะเป็นคนละขั๋วกันก็ได้ "

“ คนละขั๋วกัน ?  "

“ ก็แบบตอนรักก็รักสุดขีด ตอนเกลียดก็เกลียดจนสุดจะทนยังไงละ " พยักหน้ารับคำอธิบายของอีกฝ่าย ผมเองก็ไม่เคยเห็นมุมมองนั้นของฟานเหมือนกัน เคยเห็นแค่ตอนที่เค้าหึง แต่แค่นั้นมันก็น่ากลัวมากพอแล้วแม้มันจะเป็นไม่ใช่ความโกรธแบบสุดขีดแต่เป็นแค่การหึงหวงธรรมมดาก็เถอะ

“ ขนาดคุณเมษยังน่ากลัวเลย ทั้งๆที่ปกติเป็นคนตลกแถมยังอบอุ่นขนาดนั้นแท้ๆ คนเราน่ะนะมันดูกันด้านเดียวไม่ได้หรอกว่ามั้ย "

“ อื้ม จริงของนาย " พยักหน้ารับอีกคนก่อนที่เราจะแยกย้ายออกไปทำงาน จดจ้องสมาธิไปกับงาน ลากเม้าส์คลิกไปมาใส่รายละเอียดที่วางแผนเอาไว้ จดจ่อกับงานก่อนจะสะดุ้งขึ้นมากับอีเมล์ที่ถูกส่งมา เงยหน้ามองเวลาที่เกือบเที่ยงคงเป็นเมล์ของหัวหน้าอีกตามเคย ผมกดเปิดอ่านแล้วมันก็เป็นแบบนั้น เมล์นัดทานข้าวของหัวหน้า

   ' เที่ยงนี้ไปกินข้าวกับฉันได้มั้ย อยากจะคุยกับนาย '  คำพูดสั้นๆที่อีกคนพิมพ์มาผมถอนหายใจออกมาก่อนจะกดตอบกลับไป

“ ขอโทษด้วยครับแต่ผมคงไปกินข้าวกับหัวหน้าไม่ได้แล้ว ขอโทษด้วยนะครับ " กดส่งข้อความตอบกลับไปหาเค้า ผ่อนลมหายใจออกมา อีเมล์อีกฉบับของเค้าก็ตอบกลับมา

' ฉันอยากจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่นายเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวฉัน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะบอกมันทั้งหมด ช่วยฟังหน่อยไม่ได้เหรอ ฉันจริงจังกับนายนะคีย์ แล้วฉันก็อยากจะให้นายรู้ว่าฉันทำทุกอย่างได้เพื่อนาย ถ้านายไม่สบายใจที่ฉันคบกับภรรยาของฉันอยู่ ฉันก็เลิกกับเธอได้เพื่อนาย ถ้านายอยากจะให้คนอื่นรับรู้เรื่องของเรา อยากจะคบกันแบบออกนอกหน้า ฉันก็ทำให้นายได้ ทั้งๆที่ฉันพยายามเพื่อนายขนาดนี้ อย่างที่ไม่เคยให้ใครมาก่อน ขอโอกาสให้ฉันได้ลองรักนายอีกสักครั้งไม่ได้เหรอ อย่าทำแบบนี้กับฉันเลย อย่าเพิ่งตัดสิทธิ์ของฉัน เปิดใจนายให้ฉันอีกหน่อยสิ '

" พอเถอะครับหัวหน้า ผมไม่ได้อยากให้คุณทำอะไรให้ผมทั้งนั้น เพราะตอนนี้ผมแค่ไม่อยากจะนอกใจแฟนของผมอีกแล้ว ผมรู้สึกผิดกับเค้า เค้ารักผมมาก ผมไม่อยากจะทำให้เค้าเสียใจ ขอบคุณสำหรับความรู้สึกทั้งหมดครับ แต่ผมคงรับมันไว้ไม่ได้แล้ว ขอโทษด้วยนะครับ "  กดส่งข้อความออกไปอีกครั้ง ผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่เงยหน้ามองนาฬิกาก็ได้เวลาเที่ยงพอดี

“ คีย์ ไปกินข้าวกันเถอะ "

“ อื้ม ไปสิ " ผมหันไปตอบ ก่อนจะเซฟงานแล้วปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองลง ลุกขึ้นยืนมองหัวหน้าที่กำลังนั่งจดจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่สักพัก ผมเผลอคิดขึ้นมาว่า คำพูดว่าผมมันทำร้ายน้ำใจของเค้ามากเกินไปหน่อยรึเปล่า ที่อยู่ๆจะตัดก็ตัดแบบไม่รักษาน้ำใจอะไรแบบนั้นทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ดูเหมือนเปิดใจให้เค้าเข้ามาแท้ๆ แต่ทว่าตอนนั้นลิปก็ดันตัวผมให้เดินออกไปจากความคิดนั่นเสียก่อน

" ไปกินข้าวเถอะ หิวแล้ววววว "

   แซนวิชกับน้ำเปล่าเป็นอาหารเที่ยงประจำที่เรากินกันแทบจะทุกครั้ง เพราะคนน้อยแถมยังอยู่ใต้บริษัทที่ค่อนข้างสงบไม่ค่อยมีคนกิน จัดการยัดอาหารเที่ยงใส่ท้องเรียบร้อย เราก็เดินมาต่อคิวขึ้นลิฟต์เพื่อจะได้กลับไปทำงานต่อ ลิปที่กำลังเล่าเรื่องราวตลกๆของคุณเมษให้ผมฟังระหว่างที่กำลังรอลิฟต์แล้วขึ้นไปสู่ชั้นบนของแผนก เรื่องราวความน่ารักของแฟนหนุ่มที่ชวนให้หมั่นไส้เบาๆ

“ แล้วก็น่ะ เค้าบอกฉันว่าเค้าทำอาหารเก่ง แต่เอาจริงๆ แม่งโคตรไม่ได้เรื่องเลย อยากจะบอกมากว่าแทบแดกไม่ได้แต่ก็เกรงใจ ต้องฝืนกินเข้าไปจนสุดท้ายเค้าก็ยอมแพ้แล้วลงไปซื้ออาหารสำเร็จรูปมาเวฟให้ฉันเพราะทนดูหน้าพะอืดพะอมของฉันไม่ได้ละ "
“ นายที่ก็นะ ไปทำหน้าพะอืดพะอมใส่เค้า "

“ ก็มันทนกินไม่ได้จริงๆนี่หว่า " เดินเข้าในแผนกที่ทุกคนทะยอยกลับเข้ามาตั้งครึ่งแต่ทุกอย่างกลับดูเงียบงันผิดปกติ ผมหันมองหน้าลิปในตอนที่ทุกคนหันมามองหน้าเราสองคนแล้วก็ได้แต่แยกย้ายไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง " บรรยากาศน่ากลัวจัง มีอะไรกันเหรอ " ลิปเผลอเอ่ยทัก ทุกคนก็แค่ยกยิ้มแห้งๆ เราก็เดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง

“ พี่ลิปลองเปิดเมล์สิค่ะ หนูว่าน่าจะถูกส่งไปทุกเมล์ในแผนกเรานะ "

“ เมล์เหรอ มีเรื่องอะไรกันละ " ลิปว่าพลางเปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองขึ้น หน้าจอที่โชว์แจ้งเตือนว่ามีเมล์จากคนที่เราไม่รู้จักส่งเข้ามาหนึ่งฉบับ เลื่อนเม้าส์ไปเปิดมันขึ้นมา เมล์ที่ไม่มีหัวข้ออะไร แต่กลับมีภาพมากมายอยู่ในนั้น ภาพที่ทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่งไป โดยเฉพาะผม ที่ได้แต่เบิกตากว้างกับภาพที่ได้เห็นนั้น

“ พี่คีย์น่ะ กำลังแอบคบกับหัวหน้าอยู่เหรอคะ " คำถามที่ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองคนถาม แววตารังเกียจจากพนักงานทั้งหมดในแผนกที่ส่งสีหน้าเชิงสมเพชและสงสัยมาให้ คำพูดที่กระซิบนินทากัน  ริมฝีปากอึกอักของผมแข็งจนเอ่ยอะไรออกไปไม่ได้ทั้งนั้น ภาพทั้งหมดที่ฉายอยู่ที่หน้าจอเป็นภาพของตัวผมเองที่กำลังอยู่กับหัวหน้าในสถานที่ต่างๆ เป็นภาพแอบถ่ายในอริยาบทต่างๆ ตั้งแต่ที่ไปกินข้าวด้วยกันครั้งแรก  นั่งรถไปด้วยกัน ภาพที่ร้านอาหาร แล้วก็ภาพใต้คอนโด ตอนที่ยืนคุยกันที่สถานีรถไฟ ตอนที่นั่งจับมือกันที่สถานีรถไฟ  หรือแม้แต่ภาพที่เราไปนั่งกินข้าวเที่ยงด้วยกัน สองต่อสอง ภาพที่บอกได้ถึงความสัมพันธ์ที่มากกว่าคำว่า หัวหน้าและลูกน้องของเรา

“ ความสัมพันธ์ลับๆของหัวหน้าที่มีเจ้าของแล้วกับลูกน้องที่หวังอยากจะเป็นเมียน้อย จะดำเนินต่อไปอย่างไร .. “ ลิปอ่านประโยคท้ายเมล์นั่นด้วยเสียงเบาๆ ก่อนจะหันมามองหน้าผมที่ได้แต่ยืนนิ่ง ร่างกายที่ชาไปหมดตอนนี้ ผมก้มหน้าลงเพราะไม่กล้าแม้จะสบสายตาของใครทั้งนั้น สายตาสมเพชและรังเกียจผม สายตาที่กำลังตั้งคำถามกับผม 

' พี่คีย์เป็นเมียน้อยของหัวหน้าจริงๆเหรอคะ '
............................................................

อัพนิยายแล้วค่ะ
หลังจากนี้.. จะขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่ฉากกรรมตาสนองของพี่คีย์
#เปิดม่าน
ไม่ขอพูดไรมาก เจอกันตอนหน้า
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิต
แล้วแชร์ผ่านเฟสด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 41 ' จุดเริ่มต้นของข่าวลือ ' UP - 21.10.59} หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 21-10-2016 21:27:02
ไม่น่าสงสารเลยสักนิด  คำพูดที่จริงใจที่สุดที่จะบอกคีย์คือ "สมน้ำหน้า!" นี่ละผลของการคิดร้ายทำร้าย   แหม๋...ถ้าตะให้เดานี่ก็ไม่ยากนะ  ต้องเป็นอิเด็กคนที่คีย์เคยขึ้นรถไปกะหัวหน้าแน่เบย

งานนี้ก็รอดูบทโหดของนุ้งฟานสิว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง...แหม๋..ถ้าจะยุให้ตีจากไปเลยก็สงสารนังคีย์เพราะนางก็อุตส่าห์คิดได้ว่าอะไรดีอะไรที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตในความเป็นจริง  5555  รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 41 ' จุดเริ่มต้นของข่าวลือ ' UP - 21.10.59} หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 21-10-2016 21:34:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 41 ' จุดเริ่มต้นของข่าวลือ ' UP - 21.10.59} หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 21-10-2016 22:10:58
อีน้องเนยยยย(ใช่ชื่อนี้มะ) เมียน้อยคนก่อนของหัวหน้าชัวร์
หึหึ
สมน้ำหน้าคีย์
แล้วเรามาดูกัน ว่าหัวหน้าจะทำยังไง
จะออกมาปกป้องคีย์ไม๊

เอ แล้วจะมีคนเอาเรื่องนี้ไปคุยกันที่ร้านกาแฟของฟานไม๊น้าาาา
หึหึ

แอบอยากให้ฟานเห็นด้วย หรือรู้ความจริงด้วยจัง
อยากเห็นด้านมืดของฟาน ไม่ว่าจะเป็นกับคีย์ หรือถ้าคีย์ไปสารภาพเอง ก้จะลดโทษให้กึ่งหนึ่ง
ให้ฟานไปด้านมืดใส่หัวหน้าแทน 555555

โอ้ยอยากอ่านแล้ว แซ่บชัวร์
#ทีมฟาน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 41 ' จุดเริ่มต้นของข่าวลือ ' UP - 21.10.59} หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 21-10-2016 22:25:55
ส่งให้ฟานด้วยนะรูปทั้งหมดน่ะผู้หวังดี ให้อีตัวร่านมันแก้ต่างให้ตัวเองไม่ได้อีก แอบไปทำระยำอัปปรีย์อะไรไว้กับไอ้หัวเน่านั่น อย่าให้มันได้มีที่ยืนทั้งคู่ น่ารังเกียจ น่าสมเพชแค่ไหนให้มันได้รู้สึก มีของดีอยู่ในมือไม่รู้ค่าร่านคันรูอยากเป็นเมียน้อยเขาจนตัวสั่น ก็ให้มันได้เป็นสมใจ แล้วอีกอย่างหมดสมัยพระเอกอ่อนด๋อยใจดีมีเขาละนะ อยากเห็นฟานรักแรงเกลียดแรงอย่างที่ว่าแล้วล่ะ หวังว่ากรรมจะสนองได้อย่างถึงใจ ..สุดท้ายต้องขอโทษกับบรรดาคำหยาบทั้งหลายที่ด่ายังไงก็ไม่คู่ควรกับนายเอก รอผลการกระทำอย่างตั้งใจ อ้อ..บอกไว้ก่อนไม่มีสงสารคับ เต็มที่ได้เลย เหอๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 41 ' จุดเริ่มต้นของข่าวลือ ' UP - 21.10.59} หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 21-10-2016 22:40:02
ข่าวลือนุ้งคีย์ :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 41 ' จุดเริ่มต้นของข่าวลือ ' UP - 21.10.59} หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 21-10-2016 23:32:23
ฟาน  จัดการคีย์ให้สาสม  สมน้ำสมเนื้อที่สุด 
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 41 ' จุดเริ่มต้นของข่าวลือ ' UP - 21.10.59} หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 22-10-2016 00:58:37
อย่าสั่นไปเลยคีย์ ไม่ต้องกลัว แถต่อไป ฟานให้อภัยได้ จริงเชื่อดิ 555 //ไรว่ะ คำพูดความในใจที่มันอัดอั้นเหล่านั้น อยากจะเห็นมากอยากจะให้คีย์ตะโกนใส่หน้าฟาน แต่กลับดันมาพูดกับหัวหน้า อ่าาาา เอ่ออออ ง่ะ 555555 แต่ถึงจะพูดไปก็ไม่ทำให้ความนอกใจมันลดหรอกนะ ทำเป็นเหมือนละเลยไม่สนใจไปแค่นั้น เก็บกดมันไว้ หลอกตัวเองไปงั้น ใจนะใจ ก็ยังคงอึดอัดอยู่ดีนั้นละ ที่ไม่ทำตามใจเพราะรู้สึกผิดงั้นหรอ หึหึ!! ฟานเขารู้สึกผิดกับนายนะ นายทำให้เขาอึดอัดนะ ช่างไม่รู้ตัวเลยจริงๆ อิอิ!!! //ยิ่งนับวันความอึดอัดยิ่งทำให้หลุดเยอะ พูดนิดไรหน่อย ลำ!!!! ใจไม่อยู่ด้วยแล้วไง ก็จะแบบนี้ละ บางทีขวางหูขวางตาไปหมด //พอข่าวลือมา คราวนี้ละ จะยอมรับไหม หลุดปากป่าว แล้วยังไง แค่ขอโทษ ก็บอกอย่าให้มีอีกแค่นั้น จบ หรอ??? รอดตัวไปอีกสิ??? แต่ยังไงก็นะมันได้จุดนี้แล้ว จากสังเกตุได้เห็นกับตามาข่าวลืออีก ความระแวงความเชื่อใจนี้ยังมีอยู่เหมือนเดิมไหมถามใจตัวเองดู??ต่างคนมีความสุขป่าว??เอาไงดี??//ฟานฉันว่านายมีความเป็นผู้ใหญ่นะ มีเหตุผลมีสติดี ถ้ารู้ความจริงสิ่งซุกซ่อนในใจ นายจะยังไงว่ะ อย่าน๊า ฟาน 555555//ขอบคุณที่มาต่อ รอตอนต่อไปเลยค่ะ จะยังไงต่อนะ อิอิ!! เอาเลยหัวหน้าเชียร์ทำให้หวั่นไหวไปอีก ใจเขามากว่าครึ่งละ ตะล่อมอีกหน่อย ปลอบอีกนิด เพราะใจเขามาอยู่กับเราแล้ว อย่าได้แคร์ใคร ถึงเขาจะไม่เลือกก็เถอะ ยังไงซะได้ใจมาแล้วน๊า 55555555 //ทำใจให้เชื่อไม่ได้ว่ะว่าฟานจะไม่รู้อะไรเลย จับอาการนอกใจไม่ได้เลยตั้งแต่แรก คือมันแปลกมาก ยิ่งรักมากอยู่ด้วยกันมันยิ่งดูออก รึป่าว?? หรือจะความรักทำให้คนตาบอด คิดไปไกลแล้วกู พอๆ อินค่ะอิน 55555555555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 41 ' จุดเริ่มต้นของข่าวลือ ' UP - 21.10.59} หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 22-10-2016 03:52:31
งานนี้มีผู้หวังดีมาร่วมแจมค่ะ
เอาแล้วเหวยย
 :hao7:
มารอดูกันว่าหัวหน้าที่คีย์เคยบอกว่าปกป้องตัวเอง
ดีกับตัวเองนักหนา จะเอาตัวรอดยังไง
สนุกแน่ๆล่ะ
แล้วเรื่องนี้จะถึงหูฟานไหม
ถ้าเป็นทั้งสองอย่างที่เราคาดไว้
กรรมตามสนองคีย์แบบ x2 เลยอ่ะ
จะสงสารดีไหมเนี้ย
เอาเป็นว่ารอตอนต่อไปค่า
 :call: :call:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 41 ' จุดเริ่มต้นของข่าวลือ ' UP - 21.10.59} หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-10-2016 06:03:50
ที่ฟานพูดคือไว้ใจมากแล้วนะ แต่คีย์ร้อนตัวไปเอง
ฟานพูดได้ตรงใจมาก ชัดเจนแล้วนะคีย์

คีย์ที่พูดไป ทำให้ได้จริงๆนะ
แล้วในที่สุด ก็เกิดเรื่อง ปกปิดแค่ไหน ความลับไม่มีในโลก
โดนหนักด้วย หนักกว่าทำงานพลาดอีก แล้วมารอดูว่า ผู้ชายคนนั้นจะอยู่ข้างคีย์
คีย์ภาวนาด้วยนะว่า ฟานจะไม่รู้ ถ้ารู้จะไม่เลิก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 41 ' จุดเริ่มต้นของข่าวลือ ' UP - 21.10.59} หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 22-10-2016 06:51:40
รู้สึกสะใจ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 41 ' จุดเริ่มต้นของข่าวลือ ' UP - 21.10.59} หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 22-10-2016 13:21:44
 :jul3: :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 41 ' จุดเริ่มต้นของข่าวลือ ' UP - 21.10.59} หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 22-10-2016 21:51:22
อิหัวหน้าลำไยมาก คีย์ มั่นคงหน่อยคนแบบนี้ไม่คู่ควร
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 42 ' คนนอกใจ ' UP - 23.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 23-10-2016 20:44:17
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 42
' คนนอกใจ '

“ ฟานเดี๋ยวไปส่งน้ำแผนกการเงิน ที่บริษัทเดิมทีนะ " รุ่นพี่ที่ทำงานในร้านน้ำเอ่ยบอกผมที่กำลังยืนตักน้ำแข็งใส่แก้วจำนวนสิบแก้วเพื่อไปส่งในแผนกการเงินที่โทรมาสั่งน้ำกับเราเมื่อสักครู่นี้ พยักหน้ารับตามคำสั่งก่อนจะหันไปตักน้ำแข็งใส่แก้วต่อจนเสร็จ ผมทำงานในร้านน้ำที่มีบริการเดลิเวลี่ถ้าสั่งจำนวนสิบแก้วขึ้นไป วันๆนึงผมเดินขึ้นตึกทำงานของคุณคีย์เกือบห้าหกรอบ เดินจนเหนื่อย และไม่มีบ่นเลยถ้าวันนั้นได้ขึ้นไปส่งที่แผนกออกแบบผลิตภันฑ์ของคุณคีย์แล้วด้วย แต่ว่าที่นั่นก็เคยสั่งมาแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

   จากที่เคยจินตนาการว่าที่ทำงานของเค้าจะเป็นยังไง นั่งทำงานอยู่ตรงไหนในวันนั้นก็ได้เห็นทั้งหมด เห็นท่าทางจริงจังในการทำงานของเค้า  ของบนโต๊ะทำงาน และอย่างที่คิดคุณคีย์นั่งทำงานอยู่ข้างๆคุณลิปอย่างที่จินตนาการไว้ไม่มีผิดเลย แต่ทั้งๆที่อยากจะเห็นหน้าคนน่ารักเพิ่มกำลังใจในการทำงานมากเท่าไหร่ และภาวนาให้เค้าสั่งกันเท่าไหร่ แต่แผนกออกแบบก็ไม่เคยสั่งมาสักที ไม่รู้ทำไม

“ อันนี้แก้วสุดท้ายแล้วครับ " ยื่นแก้วน้ำไปให้พี่ที่ร้านที่จัดการรินน้ำใส่แก้ว ผมจัดแก้วกาแฟที่ถูกสั่งใส่ลงไปในกระบะสี่เหลี่ยมเล็กๆที่ใช้จัดส่งน้ำเป็นประจำ

“ เอ้านี้ แผนกการเงินนะ อย่าคุยกับลูกค้านานเกินไปละ อย่าไปหว่านเสน่ห์ใส่พี่เค้ามากนักนะ "

“ คร๊าบบบผม " ตอบรับอีกคนแบบยิ้มๆ ก่อนจะยกน้ำที่สั่งเดินไปที่ตึกข้างๆผมกดลิฟต์รออยู่สักพัก ตอนที่ประตูลิฟต์เปิดออก ผมเดินเข้าไปในข้างในก่อนจะขึ้นไปที่แผนกการเงินที่อยู่ตรงชั้นห้า

   แผนกการเงินที่ปกติเงียบแต่วันนี้กลับเสียงดังเป็นพิเศษ ผมวางกระบะน้ำที่เค้าเตอร์ด้านหน้ากลุ่มพนักงานผู้หญิงที่กำลังก้มมุงดูอะไรสักอย่างก็เงยหน้าขึ้นมามอง

“ อ้าว น้องฟานมาแล้วเหรอ "

“ ครับผม " พยักหน้ารับก่อนจะหยิบน้ำออกจากกระบะที่หิ้วมาไว้บนเค้าเตอร์ " รวมทั้งหมด 250 บาทนะครับ " ทุกอย่างเงียบทั้งๆที่ปกติพวกเธอจะต้องพากันมาถามไถ่นู้นนี่นั่นกับผมแต่วันนี้กลับเงียบแล้วสนใจอะไรสักอย่างในหน้าจอมือถือขนาดไม่เล็กมาก ก่อนสาวคนนึงจะพูดขึ้น

“ ฉันว่าก็คงเป็นเมียน้อยคุณธีร์หัวหน้าแผนกนั่นแหละ ดูสิทั้งออกไปกินข้าวด้วยกัน จับมือถือแขนกัน หัวหน้าลูกน้องมันไม่ทำอะไรกันแบบนี้หรอก "

“ งั้นคุณธีร์ก็เป็นเกย์น่ะสิ " ผู้หญิงผมสั้นอีกคนว่า

“ แต่คุณธีร์มีเมียแล้วนะ มีลูกด้วยเรื่องเข้าใจผิดกันรึเปล่า "

“ จะเข้าใจผิดอะไร ถ้าไม่มีอะไรจริงๆ จะเดินออกไปขึ้นรถที่ใต้ห้างทำไม ทำไมไม่ขึ้นรถใต้บริษัทไปเลยนะ ก็บริสุทธิ์ใจกันไปเลย นี่ต้องแอบไปขึ้นรถกันที่ใต้ห้าง คงต้องมีอะไรแหละถูกมั้ยละ คงไม่อยากจะให้ใครเห็นนั่นแหละ "

“ ก็จริงนะ "


“ ไม่เข้าใจคนสมัยนี้เลย มีภรรยา แถมมีลูกแล้วแต่ดันมามีเมียน้อยเป็นเกย์ งง เค้าเพิ่งรู้ตัวรึเปล่าว่าเค้าเป็น "

“ อาจจะเพราะเรื่องเซ็กส์ก็ได้ เมียน้อยเค้าคงบริการได้เร้าใจใช่ย่อยนะ แต่เสียดายความสวยน่าจะหาคนดีๆหน่อย ไม่น่ามาเป็นเมียน้อยคนอื่นเลย "

“ นั่นนะสิน้า "

“ เอ่อ..คือ " ผมขัดบทสนทนาที่กำลังนินทาคนอื่นของพวกเธอ

“ ต๊าย ตายแล้ว เม้าส์เพลินลืมน้องฟานไปเลย เงินๆ เมื่อกี้เตรียมไว้ให้แล้วละ " ผู้หญิงผมสั้นที่กำลังเม้าส์ติดลมหันมาทักผม ก่อนจะรีบหาเงินที่เตรียมไว้มาให้ ก่อนที่สาวๆคนอื่นจะหันมายิ้มให้พลางขอโทษ

“ ขอโทษนะคะน้องฟานพอดีพวกพี่กำลังยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของชาวบ้านมากเกินไปหน่อย "

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ "

“ พอดีช่วงนี้ในบริษัทมีข่าวแซ่บนะ ไปแผนกไหนเค้าก็คุยกันแต่เรื่องนี้ ต้องทำใจนะ "

“ อย่างงั้นเหรอครับ " ผมพยักหน้ารับไม่ได้อยากรู้หรอกว่าเรื่องอะไรแต่ทว่าเธอก็จัดการเล่ามาเสียเสร็จสรรพ

" มาค่ะน้องฟานพี่จะเล่าให้ฟัง พอดีมันมีคนในบริษัทแอบคบชู้กับหัวหน้าแผนกที่มีลูกมีมีเมียแล้วค่ะ แถมคนที่เป็นชู้ยังเป็นผู้ชายด้วยนะคะ "

“ เหรอครับ "

“ นี่! แล้วไปเล่าน้องทำไม " เพื่อนอีกคนของเธอขัด

“ ก็ไม่ได้เอ่ยชื่อออกไปสักหน่อย เอาจริงๆ ถึงจะเอ่ยชื่อออกไปให้น้องเค้าได้ยิน ยังไงน้องเค้าก็ไม่รู้จักหรอกน่า "

“ แล้วพวกพี่รู้กันได้ยังไงละครับ "

“ ก็สงสัยภรรยาหัวหน้าคงจับได้ว่าหัวหน้าแอบคบใครอยู่ละมั้ง เลยจัดการส่งนักสืบมาถ่ายภาพแล้วหลังจากนั้นก็ส่งเข้าอีเมล์ของคนในแผนกเพื่อแฉนะ ร้ายดีใช่มั้ยละ นี่แหละ สงครามระหว่างเมียหลวงกับเมียน้อยเลยแหละ แซ่บสุดๆแหกกันขนาดนี้ "

“ แล้วหลังจากนั้นคนในแผนกก็ส่งต่อๆกันไปในบริษัท ได้ข่าวว่าตัวเมียน้อยอะนะ หน้าเสียไปเลยเพราะเพื่อนในแผนกก็คงมองตัวเองเปลี่ยนไปแล้ว ทั้งๆที่ดูติ๋มๆไม่ค่อยยุ่งกับใครแท้ๆ ที่ไหนได้แรดเงียบชัดๆ ตอนนี้แค่ขยับตัวนิดๆหน่อยๆ ก็โดนซุบซิบแล้วละ "

“ ได้ข่าวว่าหัวหน้าแผนกหัวเสียมากเลย สั่งให้ลูกน้องลบเมล์ทั้งหมด แล้วก็ห้ามไม่ให้มีใครเซฟภาพ แชร์ต่อ แต่ก็นะ..เรื่องแบบนี้ไปไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่งอีก แล้วเรื่องเกี่ยวกับเมียน้อยอะไรแบบนี้อีก ตอนนี้ส่งต่อไปทั้งบริษัทแล้วละมั้ง " 

“ ส่งเป็นภาพเข้ามาในอีเมล์เลยเหรอครับ " ผมถามอีกคนก็พยักหน้ารับ

“ ใช่ แล้วจากนั้นก็เซฟใส่มือถือละก็ส่งต่อกัน อยากดูมั้ยละ พี่จะเอาให้ดูนะ นี่ไง " มือถือถูกยกขึ้นมาตรงหน้าผม ภาพที่ฉายอยู่ในหน้าจอเป็นภาพผู้ชายสองคนที่ผมคุ้นตา คนนึงคือคนที่ผมรัก ส่วนอีกคนก็คือหัวหน้าแผนกของเค้าคนที่ผมเกลียด คนที่เค้าบอกกับผมว่าเป็นแค่หัวหน้า แค่เพื่อนร่วมงานไม่ได้คิดอะไร แม้จะเคยชอบมาก่อนแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรแล้ว
   
   ภาพทั้งหมดเป็นภาพของคุณคีย์ที่ไปนู้นมานี่กับอีกฝ่าย ตั้งแต่ที่มายืนรออยู่ใต้ห้าง ขึ้นรถไฟพร้อมกับเค้า จอดที่ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านนึง ตอนที่ออกมาจากร้าน ตอนที่มาส่งกันใต้คอนโด ในรถไฟ หรือแม่้แต่ในสถานีที่ทั้งคู่นั่งจับมือกัน  ภาพในร้านอาหารวันนั้นที่ผมเห็น ทุกอย่างรอบตัวของผมนิ่งไป ไม่ได้ยินเสียงอะไรสอดแทรกเข้ามาทั้งนั้น มีแต่คำถามที่ถามผมซ้ำในสมอง ' นี่มันอะไรกันวะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ คนที่ผมรัก คนที่ผมกำลังคบด้วยกำลังคบกับผมและหัวหน้าของตัวเองที่เคยบอกว่าชอบ ในเวลาพร้อมกันเหรอวะ มันหมายความว่าอย่างงั้นเหรอ ผมกำลังโดนเค้าสวมเขาเหรอ อย่างงั้นเหรอ " มือของผมกำแน่นน้ำตาที่อยู่ๆไหลออกมาควบคุมความรู้สึกที่ได้รับรู้ความจริงนี้ไม่ได้เลย รู้สึกเจ็บในช่วงอกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มันช็อค ช๊อคจนพูดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ผ่อนหายใจออกมาจากภาพพวกนั้นก่อนจะวางมือถือลงบนเค้าเตอร์คืนให้กับพนักงานที่เอาภาพพวกนั้นให้ดู  ก่อนจะเช็ดน้ำตาแล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

   กระจกที่ฉายหน้าของผมที่กำลังร้องไห้ พร้อมกับคำถามที่เอ่ยถามตัวเองผ่านกระจกเงานั้น " มึงยังดีไม่พอมั้งฟาน มึงแม่ง ยังให้เค้าไม่พอวะ "

“ น้องฟานค่ะ "

“ ครับ " หันหน้ามามองคนในแผนกก็เริ่มเงียบไป พี่คนนึงยื่นเงินให้ผม ก่อนอีกคนจะถาม

“ โอเครึเปล่า ทำไมตาแดงแบบนั้น นี่ ทิชชู่ค่ะ " เธอยื่นกระดาษแผ่นสีขาวให้ผมที่ก็รับมันมาตามมารยาท

“ ขอบคุณครับ "

“ ร้องไห้ทำไม มีอะไรรึเปล่า ในภาพนั้นมันทำไมเหรอ หรือว่าน้องฟานเคยมีแฟนนอกใจเป็นแบบนี้ งั้นพี่ขอโทษนะที่เอาให้น้องฟานดู "

“ ผมไม่เคยมีแฟนเป็นแบบนี้หรอกครับ ผมไม่เคยมีแฟนที่นอกใจผม " ผมบอกพวกเธอ

“ แล้วร้องไห้ทำไมจ๊ะ พี่ตกใจหมดเลย อินเหรอ "

“ แต่เพิ่งมีก็ครั้งนี้แหละครับ " สาวในแผนกการเงินที่เบิกตาขึ้นน้อยๆ ด้วยความสงสัย " เมียน้อยของหัวหน้าแผนกอะไรนั่น เป็น แฟนผมเองครับ " ยกยิ้มบอกพวกเธอที่ก็หลุดปากออกมาทันที

“ อะไรนะ ! "

“ คุณคีย์เป็นแฟนผม ขอบคุณที่ทำให้ตาสว่างครับ " คว้ากระบะใส่น้ำแล้วหันนหลังเดินออกไปโดยที่ไม่พูดอะไรต่อ
   
   ผมกดลิฟต์ ตอนที่ประตูเปิดผมเดินเข้าไปข้างในช้าๆ ก่อนลิฟต์จะปิดลง พิงตัวเองกับลิฟต์ราวกับคนไม่มีแรง มองเงาตัวเองที่สะท้อนตรงหน้า คิดถึงคนที่วันนี้รีบวิ่งหน้าตั้งมาหาผม คนที่บอกผมว่า เค้าจะไม่มีทางนอกใจผม แต่ก็เป็นคนคนเดียวกันกับคนในภาพที่มีข่าวว่ากำลังเป็น เมียน้อยคนอื่น คนที่แอบไปกินข้าวกับคนที่ตัวเองชอบอยู่หลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่เคยบอกให้รู้ คนที่สวมเขาให้ผม คนที่ทำให้ผมดูเหมือนเป็นคนสำคัญ แต่จริงๆ ก็แค่ของตายที่อยากจะรักษาไว้ก็เท่านั้น " ไม่มีค่าอะไรเลย " ความรักของผม ที่มีต่อเค้า ไม่มีค่าอะไรเลยทั้งนั้น

   กลับมาที่ร้านของตัวเอง ยื่นเงินให้กับกับพนักงานร้านแล้วหันไปพูดกับคนที่เอ่ยขอบคุณผมที่เป็นธุระ จัดการเรื่องการไปส่งน้ำให้เหมือนทุกที

“ พี่ครับ วันนี้ขอกลับก่อนได้มั้ย "

“ มีอะไรรึเปล่า หน้าตาดูไม่ดีเลย " เธอบอกก่อนจะเอียงหน้าถาม

“ ปวดหัวน่ะครับ วันนี้ไม่รับเงินค่างานก็ได้แต่ขอกลับบ้านก่อนนะ " ท่าทางนิ่งๆของผมคงต่างไปจากทุกที เธอหันซ้ายดูขวาก่อนจะพยักหน้ารับอนุญาติ

“ งั้นก็กลับไปก่อนเถอะ ช่วงเย็นคนไม่เยอะเท่าช่วงเที่ยงหรอก ยังไงมีกันสองคนก็คงเอาอยู่ กลับไปเถอะจ๊ะ " เธอว่าแบบนั้นผมก็พยักหน้ารับ แล้วเดินไปหลังร้านถอดผ้ากันเปื้อนที่ใส่นิ่งอยู่สักพักก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายแล้วบอกลาพี่สองคนแล้วเดินออกไป

   บรรยากาศเงียบๆที่เหมือนมีลมคอยพัดอยู่เบาๆ ผู้คนบางตาที่เดินผ่านไปมา สองแขนล้าๆของผมรู้สึกเหนื่อยยามที่ไม่ต้องยกถังน้ำแข็งหนักๆ หรือไม่ต้องเดินหิ้วน้ำหลายสิบแก้วขึ้นไปบนตึกสูง ทั้งๆที่ไม่ต้องทำงานหนักก็ได้มีกินมีใช้ไปตลอดจากสมบัติที่ตากับยายทิ้งไว้ให้ ไม่เคยขัดสนเรื่องเงินแต่ก็มาทุ่มเททำงานหนักเพื่อจะได้อยู่ใกล้ใครสักคน ที่ตอนนี้เหมือนทุ่มเทไปเท่าไหร่ก็ไม่มีค่าอะไรทั้งนั้น ดูโง่เหมือนมีเขายาวๆของควายตัวนึงงอกออกมาที่หัว หลายคำถามที่เกิดขึ้นในใจของผม ' กูพยายามไปทำไมวะ ' จะพยายามทำให้เค้ารักทำไม ในเมื่อเค้าไม่ได้รู้สึกถึงความพยายามอะไรนั่นเลยสักนิด ไม่เคยรู้สึกแถมยังมองเป็นแค่ของตายที่จะทำอะไรก็ได้กับความรู้สึกที่ทั้งรักและทุ่มเทของเรา

   พาตัวเองกลับมาถึงบ้านหย่นตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา ก้มหน้าลงมองพื้นที่ว่างเปล่า ไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น ผมปล่อยให้เวลาผ่านไปช้าๆ

   แสงแดดที่ค่อยๆหายไป กลืนสีห้องที่กำลังสว่างให้มืดลงตามเวลาของมัน ผมนิ่งอยู่แบบนั้นจนกระทั่งประตูห้องเปิดออก พร้อมกับแสงไฟนีออนที่คนมาใหม่เปิดขึ้น

“ กลับมาแล้วเหรอครับ "

“ ฟาน " เสียงที่เอ่ยเรียกผมเบาๆ เค้าถอนหายใจออกมา " กลับมาแล้วทำไมไม่บอก ฉันไปหานายที่ร้านเค้าบอกนายกลับไปแล้วตั้งแต่บ่ายสอง ที่จริงก็น่าจะบอกกันหน่อยฉันจะได้ไม่ต้องรอ "

“ ไม่ต้องรอผม หรือว่าจริงๆ จะได้ไปกินข้าวกับหัวหน้าของคุณได้อย่างสบายใจกันแน่ครับ " หันไปพูดกับอีกคนก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง ใบหน้าหวานตรงหน้ามีทีท่าตกประหม่า แววตาใสๆที่เบิกกว้างขึ้นก่อนจะหลบไปทางอื่น " อยากจะถามผมรึเปล่า ว่ารู้ได้ไง หรือ จะทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร โดยการถามว่า นายพูดเรื่องอะไรกันน่ะ ฉันบอกแล้วไงว่ากับเค้าก็แค่เพื่อนร่วมงาน จะบอกแบบไหนดีครับ " เดินตรงเข้าไปหาเค้าที่ค่อยๆกลืนน้ำลายแล้วถอยหลังไปจนชิดติดผนังอีกฝั่ง  "  ท่าทางคุณดูกำลังสงสัยนะ ว่าผมรู้เรื่องอะไรมา ถ้าให้พูดตรงๆ คงเป็นเรื่องประมาณว่า พนักงานคนนึงในบริษัทใกล้ๆที่ทำงานของผม กำลังคบชู้กับหัวหน้าแผนกที่มีลูกมีเมียแล้ว และน่าตลกยิ่งกว่านั้นคือ คนที่เค้ากำลังเป็นเมียน้อยชาวบ้านคนนั้น ก็คือ แฟนของผม  คนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าผมนี่เอง  "

“ มันไม่ใช่แบบนั้นนะ นั่นมันเรื่องเข้าใจผิดกันทั้งนั้น ฉันอธิบายได้นะ "

“ อธิบาย ? อธิบายอะไรละ คุณหลอกผมมานานเท่าไหร่แล้ว สวมเขาให้ผมมานายเท่าไหร่แล้ว " คว้าเข้าที่แขนของอีกคนก่อนจะบีบแน่น " คุณไปกินข้าวกับเค้าแล้วโกหกผมว่าไปกินข้าวกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น แต่คุณกลับไปกลับเค้าสองคน  คุณไปทำงานคนเดียวแต่จริงๆ คุณกลับนัดเจอเค้าแล้วไปนั่งพลอตรักกันที่สถานีรถไฟ คุณเจอกันทุกเช้า คุยกันอย่างมีความสุข ส่วนผมก็ทำงานพยายามแทบตายเพื่อให้อยู่ใกล้ๆคุณ ทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าร้านน้ำที่ไปสมัคร จะมีสักกี่ครั้งที่คุณมาซื้อกัน ผมกำลังเข้าใจอะไรผิดงั้นเหรอ กำลังเข้าใจอะไรผิดวะ! ” ตะโกนใส่หน้าอีกคนที่กำลังนิ่ง น้ำตาของผมมันไหลออกตรงหน้าอีกคนที่ได้แต่มองดู " ผมไม่ดีเหรอ ผมไม่รักคุณงั้นเหรอ ผมไม่ดีตรงไหนทำไมไม่บอกกันละ ถ้าคุณบอก ผมจะเปลี่ยนแปลงให้คุณทันทีเลย คุณเบื่อที่จะนั่งรถไฟรึเปล่า ถ้าแบบนั้นผมจะซื้อรถแล้วขับให้คุณนั่ง คุณอยากนั่งรถหรูๆ อยากจะกินอาหารแพงๆ คุณอยากจะทำอะไร บอกผมสิ ผมจะให้คุณทุกอย่างเลย แต่ทำไมทำแบบนี้วะ ทำไมถึงไปคบกับไอ้เหี้ยนั่น มันหมายความว่ายังไง มันหมายความว่า สุดท้าย คือไม่ว่ายังไงมึงก็ไม่ชอบกูใช่มั้ย ไม่ว่าพยายามยังไงมึงก็ไม่ชอบ ทีหลังมึงบอกกูดิ บอกกูมาเลยตรงๆ อย่าทำท่าทางเหมือนว่าชอบกูแบบนี้ กูจะได้ไปไง  ไปให้มันพ้นๆจากมึงสักที "

“ ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้นนะ ฟานฟังฉันก่อน "

“ กูแม่งต้องฟังเหี้ยอะไรอีกวะ!!! “ สะบัดมือที่เอื้อมมาจับมือผม " ยังจะต้องให้กูฟังอะไรอีก ภาพพวกนั้นที่ออกมา มันทำให้กูดูโง่ไม่พอเหรอ นี่กูยังต้องฟังอะไรอีก มึงจะโกหกอะไรกูอีก "

“ มันไม่ใช่แบบนั้น มันไม่ใช่แบบที่ใครๆคิด ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเค้า ไม่ได้คิดเลย "

“ ไม่ได้คิดแล้วไปทำไม โกหกกูทำไมว่าไปกับเพื่อน ถ้ามึงไม่คิดมึงไม่ต้องโกหก คนที่โกหกคือคนที่คิด คิดจะปิดบังกัน บอกว่าไปกินข้าวกับเพื่อน สุดท้ายมึงไปกับเค้าสองคน พอกูบอกว่าจะพาไปอีก มึงก็บอกว่าไม่อยากจะกิน ทำไมวะ กินกับกูมันไม่อร่อยเหมือนกินกับไอ้เหี้ยเหรอไง "

“ เลิกพูดมึงกูกับฉันแล้วฟังฉันอธิบายสักหน่อยไม่ได้รึไง! ” ร่างบางตะโกนใส่ผม " ก็บอกว่ามันไม่ใช่แบบนั้นก็ฟังกันสักหน่อยมันจะตายรึยังไงวะ "

“ กูไม่มีอารมณ์พูดเพราะเหี้ยอะไรทั้งนั้นแล้ว ตอนนี้ถ้ากูทำได้ กูแม่งอยากจะไปให้พ้นๆจากมึงซะด้วยซ้ำ กูไม่อยากแม้จะเห็นมึงยืนอยู่ตรงนี้ ตอนที่กูเห็นภาพนั่นมึงรู้มั้ยกูรู้สึกยังไง กูเจ็บ เจ็บจนแม่งพูดเหี้ยอะไรไม่ออกเลย  กูถามตัวเองว่ากูทำเหี้ยอะไรอยู่ กูทำดีให้คนคนนึงแทบตายกูรักเค้าแทบสุดท้าย สุดท้ายเค้าให้อะไรกับกู คำตอบคืออะไรรู้มั้ย เค้าให้เขากูไง เขาควายยาวๆที่สวมให้กูอยู่ตอนนี้ เป็นของขวัญจากคนที่กูรักเค้ามาก คนอย่างมึงไง "

“ ฟาน  ฟานฉันขอโทษ ขอโทษ แต่ได้โปรดเถอะนะ ฟังฉันก่อน จะไม่เชื่อก็ได้ แต่ฟังฉันก่อน ขอให้ได้พูด พูดในสิ่งที่มันเกิดขึ้น ได้โปรดเถอะฟาน วันนี้มันหนักหนาสำหรับฉันมากพอแล้วนะ ไม่มีใครฟังฉัน แล้วนายก็จะไม่ฟังฉันอีกเหรอ ได้โปรดฟังฉันหน่อยเถอะ อึก ฟังฉันอธิบายสักหน่อย ได้โปรดฟังฉันที อึก ฮือๆ ฟังฉันสักนิดเถอะ อย่าเพิ่งคิดไปในแง่แบบนั้นสิ ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้น " ร่างบางที่ดึงตัวเองเข้ามากอดผมทั้งน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มเค้า แต่ผมในตอนนั้นก็ไม่ต่างกันน้ำตาของผมก็ไหลลงมาอาบแก้มไม่ต่างกัน

' ผมไม่อยากฟัง ' คำสั้นๆที่สมองผมบอก ไม่อยากจะรับรู้ จะความจริงหรือตอแหลกันอีกก็ไม่อยากจะรับรู้อะไรทั้งนั้น เพราะถ้ารู้ก็ต้องยอมให้เค้าอีก รักมากจนไม่มีแรงแม้จะก้าวขาเดินลาจากเค้าไป รักมากจนยอมยืนโง่ๆอยู่แบบนี้ทั้งๆที่ควรไปได้แล้วก่อนที่คำสารภาพที่ทำให้ใจอ่อนจะผุดขึ้นมาจากปากของคนรักที่กำลังร้องไห้และขอร้องเค้าให้อยู่
   
   ทุกอย่างเงียบไปหมดในตอนที่อีกฝ่ายค่อยๆพูดออกมา " เหตุผลที่ฉันต้องไปกับเค้าเพราะตอบแทนที่เค้าช่วยฉันไว้จากงานคราวก่อนที่โดนกล่าวหาว่าลอกของคนอื่น ฉันขอบคุณเค้าที่อยู่ข้างฉัน ปกป้องฉันในเรื่องนั้นด้วยการไปกินข้าวกับเค้ามื้อนึงตามที่เค้าขอร้อง เค้านัดฉันไปที่ใต้ห้างแล้วเราก็ไปกินข้าวด้วยกัน จากนั้นเค้าก็มาส่งฉันที่คอนโด ภาพที่ออกมาเราก็แค่คุยกันปกติ เหมือนคนที่นั่งรถมาด้วยกัน มันไม่ได้มีอะไรเลย ครั้งที่สองไปกินข้าวกับเค้าหนนั้นลิปก็ไปด้วย ครั้งที่สามนายเองก็เห็น ฉันเองก็อธิบายนายแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น "

“ แล้วภาพที่สถานีรถไฟนั่นมันคืออะไร จะอธิบายว่าอะไร  "

“ วันนั้นฉันโดนลวนลามในรถไฟ แล้ววันนั้นหัวหน้าอยู่กับฉันที่นั่นเค้าช่วยฉันไว้ ตอนที่ถึงสถานีฉันก็นั่งพักอยู่ในสถานีหัวหน้าเห็นท่าทางฉันไม่ดีก็เลยปลอบฉัน มันไม่มีอะไรเลยฟานทุกภาพที่ถ่ายออกมา ไม่มีอะไรในภาพพวกนั้นเลยสักนิด ฉันยอมรับว่าฉันโกหกนายเรื่องที่ไปกินข้าวกับเพื่อนที่บริษัทแต่ไปกับหัวหน้าสองคน เรื่องนั้นฉันอธิบายได้นะ ก็ฉันไม่อยากให้นายโกรธ ไม่อยากจะให้นายไปห่วง คิดสั้นๆแค่ว่า ไปครั้งเดียว เดี๋ยวก็กลับ ถ้าบอกให้นายรู้ก็ต้องทะเลาะกันอีกเลยเลือกที่จะโกหกไป แต่มันไม่มีอะไรจริงๆนะ ถึงมันจะเป็นร้านอาหารหรู แต่มันก็ไม่มีอะไรจริงๆ ฉันไม่ได้ทำอะไรกับเค้าอย่างที่ใครๆพูดกัน เชื่อฉันหน่อยเถอะ แค่นายเชื่อฉัน แค่คนเดียวก็ได้ สำหรับคนอื่นฉันจะไม่สนใจเลยว่าเค้าคิดยังไง ขอแค่นายเชื่อฉันเถอะ ได้โปรดเชื่อฉันหน่อยเถอะนะ มันไม่มีอะไรจริงๆ " ลำตัวบางที่ล้มตัวลงมากอดผมแล้วร้องไห้อย่างหนัก ผมที่ได้แต่นิ่งค้างฟังเค้าร้องไห้อยู่แบบนั้น ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ น่าแปลก ที่ทุกๆเหตุการณ์ต้องมีไอ้เหี้ยนั่นอยู่ด้วย ทำไมอยู่ๆถึงขึ้นรถไฟคันเดียวกันได้วะ ทำไมอยู่ๆ ถึงมีภาพมันมาขึ้นรถไฟเวลาเดียวกันกับมึงละ "

“ ฉันไม่รู้ " อีกคนส่ายหน้าเสียงสั่น

“ ไม่รู้ หรือทำเป็นไม่รู้กันแน่ ว่าเค้ากำลังสนใจ ถ้าคิดว่าจะอธิบายแล้วอธิบายไม่หมด มึงไม่ต้องพูดหรอก เงียบไปเถอะ "

“ ฟาน "

“ เลิกเรียกชื่อกู เลิกร้องไห้ขอให้กูเชื่อมึง แล้วพูดความจริงออกมาให้หมดสักทีสิวะ!! ”

“ ใช่! หัวหน้าจีบฉัน เค้ากำลังจีบฉันอยู่ ตั้งแต่วันที่เค้าช่วยฉันไว้ เค้าก็จีบฉัน แต่ฉันไม่ได้สนใจเค้า นายก็รู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับนายฟาน "

“ กูไม่รู้ มึงไม่เคยบอก " ผมบอกอีกคนก็ถอนหายใจออกมา สองแขนที่กอดผมไว้ ใบหน้าหวานที่จูบลงข้างแก้ม " กูเคยมั่นใจว่ามึงต้องชอบกูแน่ๆ แต่พอกูเห็นภาพพวกนั้นแล้ว กูก็มานั่งคิดว่า บางทีกูอาจจะเป็นแค่ของตายที่จงรักภัคดีในความคิดของมึงก็ได้ การกระทำที่บอกว่าชอบ มีใจ แต่จริงๆที่ปากไม่เคยพูดออกมา เพราะว่าจริงๆ ไม่เคยรู้สึกเหี้ยอะไรทั้งนั้นถูกมั้ย ความรักที่มันไม่สุด มันเลยพูดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ "

“ ไม่จริงเลย ฉันเล่านายหมดทุกอย่างแล้วจริงๆฟาน ภาพพวกนั้นมันไม่มีอะไรเลย หัวหน้าจีบฉันก็จริงอยู่ แต่ฉันไม่เคยเล่นด้วย ฉันไม่เคยหวั่นไหวไปกับเค้าเหมือนที่ฉันหวั่นไหวไปกับนาย เชื่อฉันเถอะนะ ฉันขอแค่นายคนเดียวที่เชื่อฉันก็พอ ฉันบอกนายหมดทุกอย่างแล้ว บอกหมดแล้วจริงๆ " ผมเงียบในตอนที่อีกคนผละใบหน้าออกมามองผม สบสายตาที่กำลังแดงเพราะร้องไห้อย่างหนัก " คนเดียวที่จะทำให้ฉันหวั่นไหวได้ ก็คือนายคนเดียว นายคนเดียวเท่านั้น ไม่เชื่อก็พิสูจน์สิ ทั้งหมดของฉันมันเป็นของนายนิ นายเองก็น่าจะรู้ "

   กระชากเสื้อที่อีกคนสวมออกหลังจากที่สบสายตาของอีกฝ่าย ปลดเข็มขัดและกางเกงที่เค้าสวมอยู่ตอนนี้ ก้มลงจูบริมฝีปากนั่นอย่างดูดดื่มและรุนแรง ไล้ลงต่ำมาที่คอย้ำร่องรอยแดงไปทั่วร่างกายขาวที่ได้แต่หอบใจถี่ผมดันเค้าให้หันหลังตอนที่กระชากกางเกงลง แล้วยกชายเสื้อของเค้าขึ้น โน้มตัวอีกฝ่ายให้แอ่นตัวลง ผมปลดกางเกงตัวเองใช้มือกำส่วนกลางแล้วดึงขึ้นลงด้วยความเร็วจนมันแข็งชัน ยกมือเขี่ยน้ำลายตัวเองจากช่วงปากป้ายลงที่ช่องทางหลังก่อนจะสอดส่วนกลางเข้าไปจนมิดด้ามแบบที่ไม่ได้เปิดทางใดๆเมื่อทุกครั้ง

“ อ๊า " เสียงร้องของอีกคนที่ดังขึ้น ผมขยับส่วนกลางเข้าออกรุนแรงกับช่องทางหลังของอีกคนที่ได้แต่เกร็งแล้วผ่อนเสียงลมหายใจออกมา " อ๊ะ อื้อ อ๊ะ ฟาน  อ๊ะ " มือบางยกขึ้นค้ำกับกำแพงระบายความเจ็บปวดกับเสียงในคอครางออกมาไม่หยุดในตอนที่ผมสวมสอดส่วนกลางเข้าไปด้วยความโมโห

“ ทั้งๆที่มันเป็นของกูแท้ๆ ทั้งๆที่ทุกอย่างมันเป็นของกูแท้ๆ แต่มึงก็ไปกับมัน แล้วมีภาพพวกนั้นมาเหยียบย้ำกู "

“ อ๊า ฟาน ฉัน ขอโทษ อ๊ะ ฉันขอโทษ ฉันจะไม่ทำแล้ว จะไม่ทำอีก ฉันจะบอกฟานทุกอย่าง อ๊ะ อ๊ะ ทุกอย่างเลย จะไม่โกหก จะไม่ทำอีก อ๊ะ แรง แรงไปแล้วนะ " เสียงร้องทรมานของเค้าที่ร้องออกมา ลำตัวบางหดเกร็งไปหมดแม้ช่องทางหลังจะขมิบตอบรับแต่เหมือนสันชาติยานมากกว่าการร่วมรักที่อบอุ่นของเรา น้ำตาของผมไหลออกมา ตอนที่เห็นร่างของคนตรงหน้า ใบหน้าที่หวนให้คิดถึงภาพถ่ายพวกนั้น ภาพที่เค้ากำลังมีความสุข มีความสุขกับคนอื่นที่ไม่ใช่ผม

“ กูรักมึงน้อยไปเหรอวะ กูให้มึงให้มึงไม่พอเหรอ " ผมถามก่อนจะดันส่วนกลางเข้าไปแรงๆจนมดด้ามแล้วค้างมันไว้แบบนั้น " ผมรักคุณน้อยไปรึเปล่าครับ ผมให้คุณน้อยไปรึเปล่า ความรักของผม อยากได้มันมากกว่านี้มั้ย "

“ ฟาน " เค้าที่เอ่ยเรียกเอียงหน้ามามองผมตอนที่หยุดขยับตัวลง อีกฝ่ายก็หันกลับมาเผชิญหน้า สองมือที่ประคองใบหน้าของผมที่กำลังร้องไห้

“ ถ้าคุณคีย์อยากจะได้อะไรผมจะให้ครับ จะให้คุณคีย์ทั้งหมดเลย แต่ขอร้องอย่าทำแบบกับผมเลย ผมรักคุณนะ ผมรักคุณมาก อย่านอกใจผมเลย อย่าไปกับเค้า ขอร้องละครับ อย่าทรมานผมทั้งเป็นแบบนี้เลย  ทำไมคุณถึงดูมีความสุขเวลาอยู่กับเค้ามากกว่าผมล่ะ ผมมันน่าเบื่อรึเปล่า แสนดีเกินไปมั้ย หรืออยากจะให้ผมทำอย่างอื่น ผมจะทำให้ครับ ถ้าคุณบอกว่าอยากจะได้อะไรผมจะให้คุณทุกอย่าง ขอแค่คุณบอกผมมา ผมจะให้คุณมันทั้งหมด ถ้ามันไม่พอผมจะให้คุณอีก จะให้คุณจนกว่ามันจะพอ จะทำจนกล่าวคุณจะพอใจ แต่อย่าทำแบบนี้ อย่าทำให้ผมต้องรู้สึกแบบนี้ อย่าทำให้ผมต้องรู้สึกว่า คุณไม่ได้รักผม  เป็นแค่ของไร้ค่าอย่างนึงที่คุณไม่ได้ต้องการเป็นแค่ของตายของคุณ ผมรักคุณมากนะ ผมมีคุณเป็นทั้งหมดของผม อย่าเอาของของผมไปเลย อย่าเอาคุณคีย์ของผมไปให้ใครเลยนะ ช่วยรักผมแค่คนเดียวเถอะ ช่วยมีผมแค่คนเดียวได้มั้ย อย่ารู้สึกอะไรกับเค้าเลย " กอดอีกคนไว้แน่นด้วยความรู้สึกหวงแหน ความเข้มแข็งพังทะลายลงมา สุดท้ายก็กลายเป็นแค่เด็กคนนึงในแบบที่เค้าไม่ชอบ เราที่งอแงไม่ต่างอะไรจากวันนั้น ครั้งแรกที่แม่มาเยี่ยมที่บ้านตากับยายก็เป็นแบบนี้ ' ผมจะเป็นเด็กดี แม่อย่าทิ้งฟานไปไหนนะ กลับมารับฟานไปอยู่กับแม่ด้วยนะ ' แต่เค้าที่ทิ้งเราไป ไม่ว่าพยายามเท่าไหร่ ก็ได้เท่านั้น คือสุดท้ายก็เป็นคนที่โดนทิ้ง แล้วตอนนี้ก็กลัวว่ามันจะเป็นแบบนั้นอีก คือ ' ไม่ว่ารักยังไงสุดท้ายเค้าก็ไปอยู่ดี ต่อให้เป็นคนดีแค่ไหน ทุ่มเทเท่าไหร่สุดท้ายก็ไปอยู่ดี '

“ ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆฟาน ฉันขอโทษนะ ขอโทษ ฉันจะไม่ยุ่งกับเค้าอีก ฉันจะมีแค่นายคนเดียว ฉันขอโทษนะฟานขอโทษจริงๆ

" สองแขนที่กอดผมไว้ น้ำตาของเค้าที่ไหลออกมา " ฉันขอโทษ ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ "

“ อย่ายุ่งกับเค้าอีก เลิกยุ่งกับเค้า แล้วมองแค่ผมคนเดียว คนเดียวเท่านั้นได้มั้ย "

“ ฉันจะมองแค่นายคนเดียว และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเค้าอีก " คำสัญญาที่เค้าให้ไว้กับผม ตอนที่เรากอดกันไว้แน่น ไม่รู้ว่ามันจะเป็นคำสัญญาแบบไหนกัน แบบแม่ที่สัญญาว่าจะมารับถ้าเป็นเด็กดี แต่ก็ไม่เคยมาเลย สัญญาจอมปลอมและหลอกลวงพวกนั้น วันนี้ที่ใครตรงหน้าคนนี้สัญญากับผม ผมจะเชื่อได้มั้ย ไม่มั่นใจสักนิดเลย

.......................................................   

ถ้าคุณคิดว่า ดราม่าจะจบลงแค่นี้ คุณคิด.. ผิดค่ะ
ชอบตอนน้องฟานโมโหจัง ทั้งๆที่ยังรัก เป้นเด็กโมโหแรง รักมากก็รักมาก แสดงออกมาทุกอย่างแบบ สุดประตู
พอเป็นแบบนั้น ทำให้คิดไปได้ว่า เอ๊ะ ถ้าเจ็บกว่านี้ น้องฟานจะแสดงออกกับพี่คีย์ยังไง

เจอกันตอนหน้า ..
ที่จะมันส์ขึ้นเรื่อยๆ
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่าาาา
 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 42 ' คนนอกใจ ' UP - 23.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 23-10-2016 20:58:08
สงสารฟานนะ เชื่อใจแต่มาเจอแบบนี้เจ็บปวดมากแถมมีปมเคยโดนพ่อทิ้งอีก กรรม!!!
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 42 ' คนนอกใจ ' UP - 23.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 23-10-2016 21:12:44
ไม่เคยหวั่นไหว โถวว อีตอแหล~ นี่เหรอนายเอกไม่คู่ควรเลยว่ะ ยิ่งอ่านยิ่งเกลียด สันดานเสียไม่มีใครเขาเอาล่ะสิเลยกลัวเสียฟานไปขนาดยกเอาสตอทั้งสวนออกมาแบบนี้ แต่ว่านะ เดี๋ยวอีหัวหน้าก็เสนอหน้าทำมาปกป้อง แล้วอีตัวร่านก็ยิ่งเป็นปลื้ม ทีนี้แหละ ถวายรูแน่นอน จะดูซิมึงจะแก้ตัวยังไงอีกถ้ามันคารูขนาดนั้น ที่เหลือก็ต้องอยู่ที่ตัวฟานว่าจะทำให้คนอ่านผิดหวังไหม ขอให้มันส์ๆ สมใจจริงๆ นะค้าบบ ปอลิง ยังคิดว่าจบแบบsadเป็นอะไรที่เหมาะอยู่คับนอกเสียจากคนเขียนจะทำให้รู้สึกว่าสาสมแล้วกับนายเอกประเภทนี้อ่ะนะ สู้ๆคับ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 42 ' คนนอกใจ ' UP - 23.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 23-10-2016 21:25:58
รออ่านจ้า  เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ  แค่นี้คีย์ไม่หลาบจำหรอก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 42 ' คนนอกใจ ' UP - 23.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 23-10-2016 21:32:25
ก็คิดละว่าคงลงเอยแบบนี้ที่ฟานต้องยอมใจอ่อน  แต่ก็โอเคนะ...ยัยคีย์ถึงจะเผลอหวั่นไหวแต่นางกลับลำทัน  คราวนี้ก็รอดูฤทธิ์เด็กขี้หวงที่กลัวจะเสียของรักสิว่าจะขนาดไหน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 42 ' คนนอกใจ ' UP - 23.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 23-10-2016 21:38:48
โหหห แค่นี้จะเปลี่ยนสันดานมันได้หรอ คนร่านๆแบบนี้ มันชอบเป็นเมียน้อยชาวบ้านเขาแบบนั้นมากกว่าเนี่ย ก็อย่างว่า คนเดียวมันคงไม่เร้าใจพอ มันถึงต้องมีเพิ่มเรื่อยๆ ตอนเปิดเหมือนดูดี หลังๆความเน่า ร่าน แหลมาครบเลยนะ นังคีย์

ไรท์ขาาาาา ช่วยเอานังนั้นไปเผาทิ้งแล้วหานางเอกหรือนายเอกใหม่มาให้ฟานเถอะค่ะ :call: :call:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 42 ' คนนอกใจ ' UP - 23.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 23-10-2016 21:45:51
คีย์โกหกอ่ะ นิสัยไม่ดี สงสารฟาน  :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 42 ' คนนอกใจ ' UP - 23.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 23-10-2016 22:04:14
แง่งงงงงงงง :z3:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 42 ' คนนอกใจ ' UP - 23.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 23-10-2016 22:05:21
สงสารฟาน  :mew6:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 42 ' คนนอกใจ ' UP - 23.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 23-10-2016 22:25:27
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

เปลี่ยนนายเอกโล้ดงั้น
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 42 ' คนนอกใจ ' UP - 23.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 23-10-2016 22:37:05
เสนียดจัญไรมากอะน้องฟาน ยังจะไปเอากับมันอีก รู้สึกแกว่งแขนในโอ่งบ้างป่าวเนี่ย
เฮ้อ ถ้าอีหลวมนี่ยังมีวีรกรรมอะไรมาเพิ่มอีกขอให้นางเจ็บๆเลยนะ ไม่ใช่แค่เจ็บใจอะ เอาแบบ เมียหลวงแฉภาพ จ้างคนมารุมตบ ไม่ก็ฟ้องแม่งเลย

ฟานอย่าทำให้คนอ่านผิดหวังนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 42 ' คนนอกใจ ' UP - 23.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 23-10-2016 23:20:03
นี่เหมือนระเบิดลูกเล็ก แบบออเดิร์ฟยังไงไม่รู้
แต่ดูจากหนมบอกแล้ว
เด๋ซลูกใหญ่คงมาซินะ ต้มน้ำรอเลย

แหมมมอีคีย์ไม่เคยคิดอะไรกับเขา จะไม่ทำแล้ว
สัญญาไป แล้วให้จริงเถอะ
แล้วนี่ยังไงหละ เรื่องรูปหลุด อีหัวหน้าแสนดีจะทำอะไรได้มะ
เหอะๆ
แล้วป่านนี้ ทั้งบริษัทรู้หมดแล้ว
ว่านอกจากคีย์จะเป็นเมียน้อยคนอื่นแล้ว ยังนอกใจผัวตัวเองด้วย เลวสิ้นดี


จริง ควรลาออกให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยนะ
เอาแบบฟานบอก รับงานฟรีแลนส์อยู๋บ้าน ฟานเลี้ยงได้อยู๋และ
ไม่มีปัญหาด้วย

แต่เอาจริงขนาดนี้แล้ว คีย์ยังไม่พูดคำว่ารักออกมาเลยอะ
แล้วไงอะ ไม่ต้องพูดแล้วมั้ง ฟานออกมาเลยเหอะ ก่อนเขาจะงอกยาวกว่านี้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 42 ' คนนอกใจ ' UP - 23.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 23-10-2016 23:24:39
นั่นไง แถไปได้อี๊กไหมละ สติฟานสติ ตอนนี้หลุดมาก ทั้งสงสารทั้งผิดหวัง 5555 รูปภาพ/หลักฐานถึงจะชัดก็แถได้อยู่แล้ว ภายนอกไง ภายในใจที่หวั่นไหวไป อีกคนไม่มีทางรู้ก็เลยยอมอีกครั้ง  ทั้งๆที่มันน่าจะรู้ อะไรว่ะ?? ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ เหี้ย!!ให้ตายเถอะ!!!พูดแทบไม่ออกบอกแทบไม่ถูก 555555 //จริงๆด้วยอ่ะ ปิดกั้น+ผ่าน+ละเลย ต่อ..... เพราะว่ารักเขามากมายเกินไปจริงๆ จึงไม่รับรู้อะไรเลยที่ผ่านมา หึหึ!! ถ้าไม่เข้มแข็งก็จะลงด้วยสถาพนี้ละ //ห้ามเจอห้ามพบห้ามยุ่งห้ามๆๆๆภายนอกหนะได้ แต่ภายในใจมันไม่ได้หรอก ก็ยอมใช่มะ แบบตัวอยู่กับกู ใจมึงจะอยู่กับใครก็ช่างงี้ป่ะ ก็นะพอเจอปัญหาแบบนี้ไปก็จะไม่สร้างปัญหาอีกขี้เกียจทะเลาะ กลัวจับได้ ก็เกิดเบื่อหน่ายกับหัวหน้าเองละมั้ง(จะบอกว่าชั่ววูบ หึหึ) พร้อมกันนั้นก็จะชินชากับฟาน หมดรักไปแล้วอ่ะ มันไม่มีมาหวั่นไหวอีกแล้ว ใจไม่อยู่นี่ หรือจะพยายามกลับมารักอีก แน่นอนว่าความเชื่อใจมันไม่เหมือนเดิม ใช่ไหมฟาน หรือว่าป่าว เหมือนเดิม ส่วนคีย์ก็จะเก็บหวั่นไหวไว้ในใจปิดกั้นมันไป ยอมอยู่กับเขาแบบเฉยชา มีความสุขหรอ จากนี้มันก็ดูออกอยู่แล้ว รึป่าว หรือดูไม่ออกอีก 5555 //ตอนนี้ความเชื่อมั่นในตัวฟานลดลงมากเลย 5555 ซะงั้นไป หวังกับตัวฟานสูงไป แอบผิดคาดเล็กๆตรงที่เพิ่งมารู้นี้ละ ผิดหวัง 555 ก็นะเข้าใจ การรับรู้ไม่เหมือนกัน นึกเอามาเทียบกับตัวเองไง คืออินมาก 5555555 แต่ช่วงที่กดดันนี่ทำได้ดีมาก โอเคเลย ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถทำให้หลุดปากความใจในได้ก็เถอะ ก็เลยต้องยอมไปอีก ไปตั้งสติให้ดีกว่านี้เถอะฟาน //สรุปที่อยากรู้ว่าจะร้องไห้ไหม คือร้อง และร้องไห้ด้วยอารมณ์ไหนคือเพราะเสียใจ เพราะเพิ่งรู้ความจริง แต่ถ้าเอ๊ะใจมากบ้างก็คงเป็นหัวเราะเยาะสมเพชตัวเองสินะ รึป่าว!! 55555 //ขอบคุณค่ะที่มาต่อ สนุกจริงๆ ^^ รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 42 ' คนนอกใจ ' UP - 23.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 24-10-2016 00:15:49
ลูกต่อไปจะเป็นยังไงหนอออ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 42 ' คนนอกใจ ' UP - 23.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 24-10-2016 01:08:36
ถ้ามีงานตอแหล อวอร์ด นี่เธอเอาไปเลย นังคีย์
ทำตัวเหมือนบอร์นทูบี xxx จริงๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 42 ' คนนอกใจ ' UP - 23.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 24-10-2016 10:33:38
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 42 ' คนนอกใจ ' UP - 23.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 26-10-2016 09:25:38
เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้ครั้งแรก  ติดหนึบ
สงสารฟานมาก ทุ่มเทให้คีย์มาก  แต่หัวหน้ามันร้ายๆมาก
เห็นแก่ตัวสุดๆ  รักแต่ตัวเองจนน่ารังเกียจ
ฟานมาถึงจุดที่ย้ำแผลเดิมแล้ว กลัวว่าจะถูกทิ้งจากคนที่เขารักที่สุด
คนเรามักใช้ประสบการณ์มาทำนายอนาคต  ถ้าฟานเลือกจะคิดว่า
ต่อไปคีย์อาจจะทิ้งเขาไปเหมือนที่พ่อแม่ทำ  ฟานมันจะอยู่ยังไงวะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 42 ' คนนอกใจ ' UP - 23.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 26-10-2016 18:19:28
แซ่บจริงแซ่บจัง สาแก่ใจจริงโว้ยยยยย :katai3: :katai2-1:
ทีนี้แหละนะคีย์ คบกันความไว้ไม่ใจและมีชนักติดหลังคงจะมีความสุขน่าดูละ โฮะๆๆๆๆๆ
เอาอีกๆๆ อย่าหยุดไปกินข้าวกับหัวหน้า ที่ตอนบอกให้หยุดเขียนแบบนี้ไม่หยุดที่นี้อย่าหยุดเชียวนะ ไปกินอีก อย่าเข็ด อย่าหลาบ สวมเขาไปเรื่อยๆ ไหนๆก็ความแตกแหกกระเจิงแล้วก็ทำมันต่อไป กลับตัวกลับใจเป็นนายเอกสายแบ๊วไม่ทันแล้วก็แอ๊บมันต่อไป
ตอนท้ายๆถ้ายังเป็นแมวเก้าชีวิตขอให้ได้อยู่อย่างทาสนะ ความรักที่ฟานมีให้ไม่เหลือ ถ้าพูดไม่ฟังก็จับล่ามโซ่ขังไว้ในห้องให้สำนึกผิดซะ  :katai1: :fire:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 42 ' คนนอกใจ ' UP - 23.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 26-10-2016 19:55:52
ไม่เคยหวั่นไหว จริงดิ๊ กล้าพูดเนอะ  :fire:

ร้องไห้ให้กับฟาน รักเค้ามากเกินไปแล้วลูกกกก  :o12: :sad4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 42 ' คนนอกใจ ' UP - 23.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 27-10-2016 15:29:13
บางครั้ง มันก็เจ็บ นะ ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 43 ' เมียน้อย ' UP - 28.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 28-10-2016 20:46:57

ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 43
' เมียน้อย '

   ลืมตาตื่นเช้าขึ้นมาด้วยสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ดวงตาแดงที่บวมกล่ำจากการร้องไห้หนักเมื่อคืนทั้งขอร้อง ทั้งอ้อนวอน และขอโทษ หรือแม้แต่การโดนกระทำแบบหนักหน่วงที่รู้สึกจุกแน่นที่ช่วงท้องไม่น้อยแต่มันก็สมควรกับคนอย่างผมที่ได้รับมัน ความเสียใจของเค้าเจ็บร่างกายแค่นี้บางทียังเหมือนเหมือนจะน้อยไป สารภาพความจริงกับฟานออกไปทั้งหมดแล้วแต่ก็ยังเห็นแก่ตัวเรื่องความรู้สึกของตัวผมที่มีต่อหัวหน้าที่ยังไม่กล้าจะสารภาพออกไป กลัวเหลือเกินว่าจะถูกทิ้ง กลัวว่าเค้าจะไปถ้าได้รับรู้มันทั้งหมด ความหวั่นไหวของผมที่มีให้ผู้ชายคนนั้น

    ผมผ่อนลมหายใจออกมานั่งนิ่งอยู่บนเตียงตัวเองอยู่นาน ไม่อยากจะลุกไปไหน ไม่อยากจะไปทำงาน ไม่อยากจะสบสายตาของคนที่มองมาด้วยสายตาติติงพวกนั้น ไม่อยากจะได้ยินเสียงกระซิบที่ว่ากล่าวแล้วชี้ชวนให้หันมามองเค้าเหมือนตัวประหลาด ' นั่นไง เมียน้อยของหัวหน้าแผนกออกแบบที่โดนเมียหลวงแฉด้วยการส่งเมล์ไปทั่วแผนกเลย ' 

   คำว่า ' เมียน้อย ' ที่ติดอยู่บนตัวผมตอนนี้ ทั้งๆที่ไม่ได้มีอะไรกับเค้า ทั้งๆที่แค่กินข้าว คุย ยังไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมอะไรกันถึงขั้นกอดจูบ แต่กลับได้คำว่าเมียน้อยมาติดไว้ทั่วตัวเสียแล้ว เพราะแค่มีภาพพวกนั้นหลุดออกมา ภาพที่ในนั้นมีแค่ผมกับเค้าภาพที่บอกเรื่องราวว่าที่ไหน แต่ไม่ได้บอกว่า ทำไม ไม่ได้บอกว่า เพราะอะไร ภาพที่บอกไม่ได้ ถึงความรู้สึกของคนในภาพ ทั้งตอนที่ถูกถ่ายภาพ และทั้งตอนนี้

“ ตื่นแล้วเหรอครับ "

“ อื้ม " พยักหน้ารับอีกคนตอนที่หันไปมองผมก็ยิ้มจางๆ ฟานขยับตัวเข้ามาใกล้อาจเพราะถ้าเป็นในเวลาปกติผมคงรีบอาบน้ำแต่งตัว กินกาแฟสักแก้วแล้วออกไปทำงาน แต่ตอนนี้กลับนั่งๆอยู่บนเตียง

“ ทำไมยังไม่อาบน้ำไปทำงานอีกละครับ เดี๋ยวสายนะ "

“ ฉันไม่ค่อยอยากไปน่ะ " บอกอีกคนแบบนั้น ก่อนจะเอนตัวเองดึงอีกคนมากอดเค้าไว้ " อยากจะอยู่เฉยๆ สักพัก "

“ เพราะเรื่องนั้นสินะ "

“ อื้ม " พยักหน้ารับช้าๆ เรื่องที่ตอนนี้กระจายไปทั้งบริษัท เมล์แปลกๆฉบับนึงถูกส่งเข้ามาในอีเมล์ของทุกคนในแผนกของเรา ทุกคนที่เห็นภาพนั้นบ้างก็แค่ดู แต่ถ้าเป็นพวกขาเม้าส์ก็เซฟหลักฐานทั้งหมดเอาไว้ แล้วส่งเข้ามือถือตัวเอง จากนั้นก็ต้องต่อไปทั่วเพื่อเม้าส์มอยกันแบบสนุกสนาน ไม่มีเรื่องราวมีแค่ภาพแต่คนที่ดูกับปะติดปะต่อเรื่องราวออกมาได้ราวกับฟังมาจากปากของผม บ้างก็บอกว่า แอบคบกันมานานแล้ว มีอะไรกันมาหลายครั้งแล้ว บ้างก็บอกว่าเพราะผม หัวหน้าก็เลยทะเลาะกับเมียและทิ้งลูกมาอยู่กับผม แล้วบางคนก็บอกว่าผมยั่วยวนหัวหน้าใช้มารยาทุกอย่างหลอกล่อให้เค้าติดกับ วางแผนสร้างสถานการณ์ ทำทุกอย่าง ทั้งๆที่เรื่องทั้งหมด ไม่มีอะไรที่เป็นความจริงเลย แต่ไม่มีใครกล้าจะเข้ามาถามผมตรงๆสักคน ทุกคนต่างพูดไปในสิ่งที่ตัวเองได้ยินมา และเสริมต่อเรื่องราวตามอรรถรสให้การพูดคุยสนุกสนานมากขึ้น ทั้งๆที่ไม่รู้หรอกว่า ความสนุกสนานนั้นกำลังฆ่าผมให้ทรมานและอยากจะตายมากขึ้นช้าๆ 

“ ไม่อธิบายให้คนอื่นฟังละครับ "

“ อธิบายยังไงเหรอ " ผมหันไปถามอีกคน " เขียนอีเมล์ส่งไปหาทุกคนในแผนกเหรอ หรือว่าบ่นลงเฟสบุ๊คดี เค้าไม่ใช่นายหรอกฟาน่ที่จะมานั่งฟัง นั่งเถียงกับฉัน ไม่มีใครมองหน้าฉันด้วยซ้ำแต่ทุกคนก็เอาแต่ซุบซิบนินทากันแต่เรื่องของฉัน "

“ อยากจะออกจากงานมั้ยครับ "

“ เพราะเรื่องนี้น่ะเหรอ "

“ อื้ม ถ้าเกิดว่าไม่ไหว ก็ลาออกเถอะ หางานใหม่ หรือไม่อาจจะทำพรีแล๊นซ์ค่าใช่จ่ายไม่ต้องห่วง ผมจะช่วยออกให้เอง ถ้าคุณโอเคแล้วละก็ "

“ ฉันจะลองพยายามอดทนกับมันก่อนแล้วกัน ถ้าไม่ไหว ยังไงจะบอกนะ " เงยหน้ามองอีกคน ที่ส่งสายตาเชิงเป็นห่วงมาให้ " ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันแค่ต้องรับผลกรรมที่ฉันก่อมันขึ้นมากับนาย โทษฐานโกหกแล้วไปกินข้าวกับคนคนนั้นแค่สองคน "

“ คุณคีย์ "

“ แค่นายฟังฉันอธิบายก็พอแล้วละ คนเดียวที่ฉันอยากจะให้ฟังคำอธิบายของฉันมีแค่นายเท่านั้น ส่วนคนอื่นก็ช่างมันเถอะ เดี๋ยวพอเรื่องเงียบก็คงเลิกพูดไปเองนั่นแหละ " ลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะถอนหายใจออกมา หันมองใบหน้าคมที่นั่งอยู่บนเตียงก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ แต่งตัว ผมรู้ว่าฟานยังไม่เชื่อใจผม แต่นั่นก็สมควรแล้วกับสิ่งที่ทำ โชคดีแค่ไหนที่เค้ายังอยู่ตรงนี้ ยังอยู่ตรงหน้าผม ทั้งๆที่จริงภาพที่ออกมาชัดขนาดนั้นเค้าอาจจะไม่ฟังแล้วทิ้งผมไปเลยก็ได้ 

   นั่งรถไฟมาทำงานพร้อมกันสองคนผมเดินช้าๆจากสถานีมาถึงหน้าบริษัททุกสายตาที่จับจ้องผม ทั้งผมทั้งคนข้างๆทั้งๆที่ปกติไม่เคยมีคนที่จับจ้องเราชนาดนี้  เสียงซุบซิบที่จับกลุ่มกันพูดถึงผม หยุดเดินลงแค่นั้นฟานก็ก้มลงมอง

“ ส่งแค่นี้ก็พอ ขอบคุณนะ "

“ คุณโอเคนะ "

“ อื้ม " พยักหน้ารับเค้าเบาๆก่อนจะส่งยิ้มไปให้ " ทำไมจะไม่โอเคละ ฉันเข้มแข็งจะตายไป "

“ ไว้ตอนเย็นเจอกันนะ ผมจะมารับ "

“ อื้ม เจอกัน " บอกเค้าแบบนั้นก่อนจะหันหลังเดินเข้าบริษัท รอยยิ้มของผมที่ค่อยหุบยิ้มลง พยายามไม่สนใจสายตาที่มองมา หรือเสียงซุบซิบนินทาพวกนั้น ทำเป็นไม่ได้ยินอะไร  ผมยืนนิ่งเพื่อต่อคิวขึ้นลิฟต์เหมือนทุกวัน เงยหน้ามองเงาสะท้อนที่ฉายภาพของตัวผมที่มีคนรอบข้างมองมาแล้วเอาแต่ชี้และนินทา ผู้ชายบางคนที่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าโดนแฟนสาวที่ยืนอยู่ข้างๆกัน กระชากก่อนจะตี

“ มองทำไมอยากจะไปจีบมันมาเป็นเมียน้อยเหรอ " เธอว่าแบบนั้นผู้ชายก็หันไปดุ

“ จะบ้ารึไง แค่คิดว่าใช่คนเดียวกับในภาพรึเปล่า "

“ ก็ใช่นะสิ " บทสนทนานั้นจบลงพร้อมกับลิฟต์ที่มาถึงพอดี ผมเดินเข้าไปด้านในกดชั้นของตัวเองเรียบร้อย เพราะยืนอยู่ตรงกลางเลยยิ่งเด่น แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่มีใครกล้าจะเดินมาเบียดเลยสักนิด แม้แต่น้องในแผนกก็ยังทำเป็นไม่รู้จักกัน
 
“ เมื่อเช้าเห็นเด็กผู้ชายหน้าตาหล่อๆมาส่งด้วย ไม่รู้เป็นอะไรกันนะ "

“ กิ๊กเด็กละมั้ง แบบว่าควงมาปิดเรื่องคาวๆของตัวเองไง ฉันมีแฟนแล้วนะ ไม่ได้เป็นเมียน้อยชาวบ้านสักหน่อย "

“ เด็กผู้ชายหล่อซะด้วย น่าจะซื้อมา " ผมถอนหายใจออกมากับเสียงนินทาของพวกเธอที่คงรู้ตัวก็เลยเงียบเสียงไป ลิฟต์หยุดที่ชั้นของผมตอนที่เดินเข้าไปในข้างใน ผมเอ่ยทัก

“ อรุณสวัสดิ์ " แต่ทว่ากลับไม่มีใครทักตอบกลับมาเลยสักนิด ทุกคนแค่มองก่อนจะหันกลับไปจับกลุ่มคุยกันเหมือนเดิม ผ่อนลมหายใจแล้วนั่งลงที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองขึ้น วันนี้อยากจะตั้งใจทำงานให้เสร็จเร็วที่สุด ฟานเลิกงานหกโมงอยากจะกลับบ้านพร้อมกัน ไม่ก็ออกไปหาอะไรอร่อยๆกินกันสักอย่าง ชอปปิ้งหรือทำอะไรที่มันสบายใจ

“ คีย์ อรุณสวัสดิ์ "

“ อรุณสวัสดิ์ลิป " หันไปมองคนทักที่นั่งลงข้างๆก่อนจะถอนหายใจออกมา " เป็นยังไงบ้าง วันนี้กินอะไรยัง  "

“ ยังเลยไม่ค่อยหิวน่ะ " ผมบอกยิ้มๆ อีกคนก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะคว้ามือผมไปจับ

" ไม่เป็นไรหรอก ยังไงฉันก็จะอยู่ข้างๆนายเอง คนอื่นจะว่ายังไงก็ช่างมันเถอะ สุมหัวนินทากันได้เดี๋ยวมันก็เลิกนินทากันไปเองแหละ ยังไงฉันก็เป็นเพื่อนนายนะ "

" ขอบใจนะลิป ขอบใจจริงๆ " ทั้งหมดในบริษัทก็เหมือนจะมีแค่คนคนนี้ละมั้งที่ไม่ได้ร่วมนินทาผมไปกับคนอื่น อาจเพราะลิปรู้ทุกอย่างอยู่แล้ว และก็รู้ดีกว่าใคร

“ ไม่เป็นไรหรอก มันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะ ฉันรู้ว่าอะไรเป็นอะไรอยู่แล้ว กังวลก็แต่นายเถอะ ฉันกลัวนายทนไม่ไหวมากกว่า วันนี้ตอนเดินขึ้นมาที่แผนกมีแต่คนเค้าคุยกันแต่เรื่องของนาย แถมไม่มีเรื่องจริงสักเรื่องเลย พอเห็นฉันสนิทกับนายเข้าหน่อยก็หันมาซุบซิบว่า ฉันเป็นเพื่อนกับนายน่าจะมีส่วนรู้เห็น ทำเหมือนกูขายยาบ้าอย่างงั้นอะ "

" ขอโทษนะ นายเหมือนพลอยลำบากไปด้วยเลยวะ "

“ ช่างมันเถอะ ฉันไม่สนใจอีพวกชอบเม้าส์หรอก ฉันสนใจนายมากกว่า หัวหน้าพูดอะไรกับนายบ้างรึยังไง " ส่ายหน้าไปให้เค้า ตั้งแต่วันนั้น หัวหน้ายังไม่ได้พูดอะไรกับผมสักคำเลย ไม่มีแม้แต่คำว่าขอโทษหรืออะไรทั้งนั้น ลิปถอนหายใจออกมา " พอทีแบบนี้หายกัวไปเลยนะ แต่ฉันว่ามันแปลกๆนะคีย์ "

“ แปลกยังไง "

" นายคิดจริงๆเหรอว่า เมียของหัวหน้าจะเป็นคนจ้างคนไปถ่ายภาพพวกนั้น แล้วส่งเมล์มาให้ลูกน้องทุกคนในบริษัทดู "

“ นายกำลังจะบอกอะไรฉันน่ะ "

“ ไม่รู้ว่าพูดออกไป นายจะคิดว่าฉันมองหัวหน้าในแง่ร้ายอีกรึเปล่า แต่ลองคิดดูนะ คนที่ถ่ายภาพนายได้ทุกอริยาบทขนาดนั้นก็ต้องสืบรู้ก่อนรึเปล่าว่า นายกับหัวหน้ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาก่อน แล้วภาพที่นายไปรอที่ลานจอดรถใต้ห้างก็เป็นครั้งแรกที่ไปด้วยซ้ำแล้วทำไมถึงรู้ละ ว่านายจะไปวันนี้ แถมภาพที่ออกมาเหมือนรู้ไปหมดว่าจะไปไหน จะทำอะไร เหมือนตามมาตลอด เรื่องนี้ก็พอพูดได้อยู่นะว่า เมียเค้าสั่งนักสืบมาตามเค้า แต่ว่าเรื่องอีเมล์ มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ อีเมล์ของทุกคนในแผนกมันเป็นเมล์ที่ฝ่ายไอทีทำให้ไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่เมล์ส่วนตัวสักหน่อย แบบนั้นเมียหัวหน้าจะรู้ชื่อเมล์ทั้งหมดของคนในแผนกเราได้ยังไงวะ แต่ต่อให้เมล์ส่วนตัวก็ว่ายากวะ นายมีเมล์ทุกคนก็เพราะนายทำงานที่นี่ แล้วเมียหัวหน้าไม่ได้ทำงานที่นี่จะไปเอาเมล์พวกเรามาได้ยังไง ฉันว่าเรื่องนี้เป็นการจับแพะซะมากกว่าละมั้ง "

“ นายจะบอกว่า หัวหน้าเป็นคนทำงั้นเหรอ " ผมถามอีกคนก็พยักหน้ารับ " แต่มันขัดกับบุคลิคที่หวงหน้าตาของตัวเองของเค้ามากเลยนะเว้ย เค้าหวงหน้าตาชื่อเสียงตัวเองขนาดนั้น การที่ลงภาพพวกนั้นก็เหมือนประจานตัวเอง ไม่ใช่เหรอ " ไม่ได้ปกป้องเค้าแต่แค่คิดถึงนิสัยของอีกคนแล้วดูมันขัดแย้งกันไปสักหน่อย หัวหน้าจะอยากมีข่าวคาวๆแบบนี้เหรอ ทั้งๆที่เป็นหัวหน้าในฝันของสาวๆตั้งหลายแผนก สร้างข่าวที่บอกว่าตัวเองมีเมียน้อยเพื่อให้ตัวเองดูไม่ดีมันไม่ใช่นิสัยเค้า มันดูเป็นไปไม่ได้เลยสักนิด

“ คนบางคนนะคีย์ นายจะไม่มีวันรู้เลยว่า เค้าอาจทำได้ทุกอย่างถ้าอยากจะได้มา เวลาที่มันถึงขีดสุดแล้ว พยายามทุกอย่างแล้ว เวลาที่จนตรอก นายเดาไม่ออกว่าเค้าจะทำอะไร เพราะมันแทบไม่เป็นตัวเค้าเองด้วยซ้ำ " ถอนหายใจออกมากับคำพูดของอีกคน ก็อาจจะจริงอย่างที่ลิปบอก ขนาดฟานเองยังดูไม่ออกเลยว่า เวลาโมโหแล้วก็โกรธจะจริงจังและน่ากลัวได้ขนาดนั้น  " ตอนนี้นายเองก็ปิดๆอย่าให้ฟานรู้ก็แล้วกัน รอจนกว่าเรื่องนี้จะเงียบไปเองไม่งั้นต้องทะเลาะกันแน่ๆเลยฉันว่า หมอนั่นเล่นส่งน้ำไปทุกแผนก เดี๋ยวก็มีใครเผลอเล่าหรอก "

“ ฟานรู้แล้วละ "

“ ห๊า ! " สีหน้าตกใจของลิปจ้องหน้าผมที่พยักหน้ารับกับเค้า " รู้แล้ว รู้เรื่องที่นายกับหัวหน้าไปกินข้าวกันสองต่อเรื่อง เรื่องพวกนี้อะนะ "

“ อื้ม เค้ารู้แล้ว " พยักหน้ารับอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจออกมา คำพูดที่หัวหน้าบอกว่าอย่าส่งไปให้ใครนะ ห้ามเซฟภาพนั้นนะ ในวันนั้นที่ตะโกนออกไปแบบที่เจ้าตัวโมโหสุดๆก็ยิ่งทำให้คนในแผนกอยากจะเซฟแล้วเอาไปส่งต่อกันมากขึ้น เพราะยิ่งเค้าโมโหก็ทำให้รู้ว่า นั่นคือเรื่องจริง พนักงานหลายคนเซฟออกไป แล้วส่งต่อก่อนจะกำชับเพื่อนว่า ' ห้ามส่งต่อนะ ' แต่เรื่องชวนเม้าส์แบบนี้จะไม่ส่งต่อได้ยังไง พอส่งต่อไปก็กำชับออกไปอีกว่า ' ห้ามส่งต่อนะ ' เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนทุกคนในบริษัทมีภาพพวกนี้ หนำซ้ำคนนอกบริษัทก็รู้อีกมั้ง ดีไม่ดีเจ้าของร้านแซนวิชที่ไปกินบ่อยๆ อาจจะรู้แล้วก็ได้ แล้วแบบนั้น ฟานจะไม่รู้ได้ไง

“ แล้วเค้าว่าไงบ้าง คงไม่หงุดหงิดจนบอกเลิกนายหรอกนะ "

“ ก็เกือบแล้วละ ถ้าฉันไม่อธิบายให้เค้าฟัง " นึกถึงเรื่องเมื่อคืนก็ได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมา ฟานที่กำลังร้องไห้แล้วขอร้องผม เค้าที่ถามว่าอะไรที่ ผมยังไม่พอใจในตัวเค้า เค้าที่บอกว่าจะปรับทั้งๆที่ไม่ใช่ว่าตัวเองที่ไม่ดีพอหรอก แต่เหมือนผมมากกว่าที่ยังไม่พอสักที

“ แต่ตอนนี้ก็ดีกันแล้วใช่มั้ย "

“ อื้ม แต่ฉันว่ามันก็แปลกอยู่ดี มันเหมือนว่า เค้าก็เชื่อใจฉันอย่างเดิมไม่ได้แล้ว เค้าระแวงแล้วก็ระวัง แม้ว่าจะไม่แสดงอาการอะไรออกมาก็เถอะ แต่ฉันก็รู้สึกแบบนั้น " ไม่มีใครสามารถเชื่อใจแฟนตัวเองได้เหมือนเดิม ทั้งๆที่พึ่งผ่านเรื่องราวแบบนั้นมาหรอก

“ เอาน่า อย่างน้อยเค้าก็ยังอยู่ ต่อไปนี้ก็ค่อยๆสร้างความเชื่อใจขึ้นมาใหม่ก็ได้นิ ไม่เป็นไรหรอก เวลาเท่านั้นแหละที่จะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น "

“ แต่ฉันไม่รู้ว่าสำหรับเค้าแล้ว มันจะสร้างได้ง่ายขนาดนั้นจริงๆเหรอ "  ผ่อนลมหายใจออกมาอีกครั้ง ตอนที่่หันไปสนใจหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองเพื่อเริ่มทำงานอีกครั้ง หยุดคิดเรื่องราวพวกนั้นไว้ก่อนถ้ามัวแต่คิดคงมีแต่ทำให้แย่กับแย่ ทั้งเรื่องของตัวเองแล้วเรื่องของฟาน

   เสียงประตูของแผนกที่เปิดออก ทุกคนที่หันไปมองคนมาใหม่ด้วยความสนใจ หัวหน้าเดินไปนั่งที่โต๊ะก่อนเสียงซุบซิบนินทาจะดังขึ้นมาอีกครั้ง จากโต๊ะแถวหน้าที่ก็หันมาคุยกันเสียงไม่เบานัก

' ท่าทางเค้าดูไม่ดีเลยนะ '

' จริงๆมีเมียน้อยสวยๆ น่าจะมีความสุขดี '

' เป็นข่าวลือไปทั้งบริษัทนะเว้ย ใครจะมีความสุขลง แล้วเรื่องแบบนั้นด้วย '

' เมียน้อยยังสตรองเลย ทำไมสามีไม่สตรองไปได้วะ ทำตัวให้มันสมกับตอนที่แอบเอากันหน่อยสิวะ ยืดอกหน่อย '

“ นี่เบาๆหน่อยได้มั้ยวะ ได้ยินนะเว้ย " ลิปพูดขัดพวกนั้นกับเสียงพูดที่ไม่เบาหนักของพวกเค้า แต่ผมว่าบางทีก็อาจจะตั้งใจพูดให้ได้ยินก็ได้ คนพวกนี้ถ้าถึงเวลาที่เหยียบใครได้ก็คงเหยียบอยู่แล้ว แถวที่นั่งจัดแบบสามคนบ้างนั่งคู่กันบ้าง สี่คนบ้างอย่างแถวหลังสุดอย่างผมกับลิปก็เป็นสองโต๊ะคู่กัน  ซึ่งระหว่างแถวไม่ได้ใกล้เลยสักนิด แล้วที่พูดดังจนพวกผมได้ยิน จะไม่ใช่อะไรถ้าไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้ฟัง

“ ได้ยินด้วยเหรอ " หนึ่งในคนนินทาหันมาถาม

“ ได้ยินสิ "

“ อย่างงั้นสินะ " ไร้คำพูดขอโทษใดๆ เธอหันกลับไปทำงานของเธอต่อ ลิปก็หันมามองผม

“ มารยาททรามซะจริง ขอโทษสักคำก็ไม่มี "

“ ช่างมันเถอะ " ตอนนี้ด่าได้ก็ด่าไป หลายคนเป็นพวกนิสัยคนล้มแล้วเหยียบซ้ำกันทั้งนั้น ผมรู้ดี แต่ทีใครทีมันก็แล้วกัน ผ่อนลมหายใจออกมา ผมตั้งใจทำงานต่อพยายามไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแค่ทำงานให้เสร็จจนถึงหนึ่งทุ่มแล้วก็กลับบ้านพร้อมฟาน เท่านี้ก็จบแล้ว แค่อดทนกับมันไปก็พอ อีกไม่นานคงลืมกันไปเอง 

    ดื่มน้ำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะจนหมดแก้วในระหว่างการทำงาน ผมลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งออกไปห้องน้ำเพราะเริ่มจะอั้นเอาไว้ไม่ไหว จัดการตัวเองตอนที่ออกมายืนล้างมือที่หน้ากระจกผมก็พบกับใครบางคนที่ไม่อยากพบมายืนช้อนตัวอยู่ข้างหลัง " หัวหน้า "

“ คีย์ ฉันมีอะไรจะพูดด้วย "

“ แต่ผมไม่มีอะไรจะคุยหรอกครับ ขอตัวนะครับ " ก้มหน้าบอกเค้าแต่อีกคนก็ขวางทางไว้ไม่ให้ไปไหน

“ ถ้านายไม่ฟังฉัน ฉันก็จะไม่หลีกไปไหนหรอกนะ ฉันอยากจะอธิบายเรื่องทั้งหมด เรื่องราวพวกนั้นทั้งหมด ฉันขอโทษ ขอโทษที่เรื่องราวพวกนี้ต้องมาเกิดขึ้นกับนาย ฉันขอโทษ ขอโทษที่ทำให้นายต้องมามีข่าวไม่ดีพวกนั้น ขอโทษที่ทำให้คนอื่นมองนายไม่ดี ฉันขอโทษ ขอโทษแทนคนของฉันด้วย "

“ คำขอโทษมันใช้ไม่ได้ผลหรอกครับ เก็บมันไว้เถอะ แล้วมาเริ่มต้นใหม่ดีกว่านะ การเริ่มต้นใหม่ที่ว่าอย่ามายุ่งกับผม เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ต่อจากนี้ อย่ามายุ่งกับผมอีก แค่นั้นก็พอ เรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้ว ผมไม่ถือ คนพูดกันได้สักวันเค้าก็ลืม แล้วผมก็ขอโทษที่ทำให้คุณต้องรู้สึกอะไรก็ตาม "

“ แต่ฉันยังอยากให้นายกลับมารู้สึกแบบเดียวกับที่ฉันรู้สึก "

“ รู้สึก ? “ ผมทวนคำพูดของอีกคน " ยังต้องให้รู้สึกอะไรอีกเหรอครับ ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นเมียน้อยของคุณเลย ผมไม่เคยมีอะไรกับคุณ ไม่เคยทำเรื่องอะไรไม่ดี มากสุดก็แค่ไปกินข้าว จับมือคุณก็ฉวยโอกาสมันทุกครั้ง แล้วตอนที่นั่งที่รถไฟตอนนั้นคุณแค่ปลอบผม ผมยังไม่ได้เป็นอะไรในแบบที่ใครๆนินทาผมเลย เมียน้อยอะไรพวกนั้น คืออยากจะให้เป็นจริงๆใช่มั้ย ไอ้เมียน้อยน่ะ ยังไงก็ไม่ยอมใช่มั้ย ยังอยากจะให้เป็นใช่มั้ย คุณต้องการแบบนั้นใช่มั้ย ใช่มั้ยครับ ใช่มั้ย!! “ ผมตะโกนใส่หน้าอีกคนด้วยความโกรธ น้ำตาที่อัดแน่นอยู่ในใจไหลออกมาก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ

 " คุณรู้มั้ยว่าตอนนี้ผมต้องใช้ชีวิตแบบไหน ไปไหนมามาไหนก็มีแต่คนมอง ทุกวันนี้ถ้าไม่ได้มาทำงานก็ไม่อยากจะมาเหยียบแถวนี้ด้วยซ้ำ เพราะอะไร เพราะใครๆก็มองไง ดูนั่นสิ นั่นไง เมียน้อยหัวหน้าแผนกออกแบบ ดูนั่นสิ เค้าแอบได้กับหัวหน้าตัวเองแหละ อย่าเข้าไปใกล้เค้านะเดี๋ยวเค้าจะหาว่าเรารู้จักกันแล้วเราเป็นคนสมรู้ร่วมคิดกับเค้าที่จะจับผู้ชายแบบหัวหน้า ผมต้องใช้ชีวิตแบบนี้ แบบที่เป็นขี้ปากคนอื่น ทั้งๆที่ ผมทำรึเปล่า คำตอบคือไม่ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น อาจแค่รู่สึกหวั่นไหวไปกับคุณ แน่นอนก็คุณเป็นคนที่ผมเคยชอบ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ตอนนี้คนที่ผมควรแคร์คือแฟนผม แล้วรู้อะไรมั้ย ตอนนี้สิ่งที่แย่มากกว่าการโดนนินทา คือต่อจากนี้แฟนของผมจะไม่เชื่อใจอะไรผมอีกแล้ว ความรักของเราจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เค้าที่บอกว่าจะเปลี่ยนแปลงเพื่อผมทั้งๆที่ไม่ใช่ว่าเค้าไม่ดีพอ แต่เพราะผมที่แหละที่ไม่พอสักที ไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีแล้วเอาแต่หวั่นไหวไปกับคนแบบคุณที่รู้อยู่แล้วว่าเห็นแก่ตัวแค่ไหน ที่รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ รู้อยู่แล้วว่าไม่ดี ผมแม่งโง่มากๆ โง่สุดๆเลย ทั้งโง่ทั้งเหี้ยที่มารู้สึกอะไรแบบนั้นกับคุณ" ผ่อนลมหายใจออกมาช้าผมก้มหน้าลงสักพัก่อนจะเงยมองหน้าเค้า " เลิกยุ่งกับผมสักทีเถอะ เลิกยุ่งได้แล้ว จะมายุ่งอะไรกันอีก ผมไม่อยากจะได้อะไรทั้งนั้น ความรู้สึกพวกนั้นของคุณเอามันไปพ้นๆสักทีเถอะ พอได้แล้ว พอสักที "

" คีย์ "

" คุณทำลายชีวิตของผม มันพังไปหมดแล้ว มันป่นปี้หมดแล้ว เพราะว่าคุณคนเดียว เพราะว่าผมเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแบบคุณ ผมที่คิดอะไรเลวๆแบบนั้น หวั่นไหวไปกับคุณที่เข้ามายุ่งพูดให้ผมคิดว่ามันดีแล้วที่เราจะนอกใจใครสักคน แต่มันไม่ใช่ มันไม่ใช่เลย ผมไม่น่าเลย ไม่น่าเห็นความใจดีของคุณ ไม่น่าปล่อยให้ตัวเองรู้สึกหวั่นไหวเลย ทั้งๆที่ยังไม่มีอะไรที่ลึกซึ้งต่อกันแต่ทุกคนก็พูดกันไปแบบนั้นแล้ว ชีวิตผมมันเหมือนจบลงไปแล้ว จบลงเพราะคุณ  แล้วเรื่องทั้งหมดที่มันเกิดขึ้นวันนี้มันก็เพราะ คุณคนเดียว เพราะคุณคนเดียวเท่านั้น!! ที่เข้ามาทำลายชีวิตผม “ ผลักอีกคนที่กำลังยืนขวางผมไว้ให้พ้นทาง แต่ทว่าอีกฝ่ายที่ไวกว่ากลับคว้ามือของผมไว้แม้จะไม่หันกลับไปมอง แต่เค้าก็พูดออกมา

“ แต่ไม่ว่ายังไง ฉันก็ไม่คิดจะยอมแพ้เพื่อที่จะได้นายมาหรอกนะ "

“ การตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก จะทำอะไรก็ทำไปเถอะ " สะบัดมือออกจากมือของอีกคน ผมเดินออกจากห้องน้ำกลับเข้ามานั่งตรงที่โต๊ะทำงานของตัวเองคนในแผนกที่มองมาด้วยความสงสัย  ผมหันมองลิปที่ก็หันมามองผม

" ไปเจอหัวหน้าที่ห้องน้ำมาสินะ "

" รู้ได้ยังไง "

" ก็ตอนนายเดินออกไป ไม่ถึงห้านาทีหัวหน้าก็เดินออกไป "

" สังเกตกันทุกท่วงท่าที่เคลื่อนไหวเลยนะ " ลิปถอนหายใจออกมา อาจเพราะไม่รู้จะตอบอะไรแต่ผมก็รู้อยู่แล้วละว่าทำไม คนที่กำลังเป็นที่พูดถึงขยับตัวนิดหน่อยก็เป็นเรื่องเป็นราว แล้วตอนนี้ผมที่เดินตาแดงเข้ามาแบบนั้น คงทำให้เป็นเรื่องซุบซิบกันอีกแน่ๆ คราวนี้คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับว่า ' หัวหน้าบอกเลิกผมแล้ว ' หรือไม่ก็เรื่องพวกว่า ' ผมกดดันจนทนไม่ไหว หัวหน้าเลยนัดไปปลอบที่ห้องน้ำ ผมร้องไห้ออกมาในตอนนั้นหัวหน้าก็คงกอดผม '

" แล้วนายไปเจอหัวหน้ามาจริงๆสินะ "

" อื้ม " พยักหน้ารับอีกคน " แต่ฉันไมไ่ด้ทำอะไรไม่ดีนะ เค้าก็แค่ขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น เค้าบอกว่าคนของเค้าเป็นคนทำ "

" จะใช่เหรอ โทษเมียปะเนี้ย "

" ฉันไม่สนหรอกว่าใครมันจะเป็นคนทำ เรื่องมันเกิดขึ้นแล้วใครทำมันก็เหมือนกันนั่นแหละ จะใครทำ ฉันก็โดนพูดถึงแบบนั้นเหมือนกัน ตอนนี้ถ้าทำได้อยากจะย้อนเวลาไปไม่หวั่นไหวกับความดีที่เค้าช่วยฉันไว้ ถ้าทำได้จะไม่คิดสั้นๆแค่ว่า ก็ไปจะได้จบๆ ถ้าทำได้ฉันจะไม่ทำอะไรแบบนั้น แต่ตอนนี้ฉันย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว ความรู้สึกของฟานที่เชื่อใจฉัน ฉันย้อนกลับไปเอามันคืนมาไม่ได้แล้ว ไม่มีอะไรที่ฉันเอากลับมาได้เลย แม้แต่คนที่ฉันรักเค้า ทั้งๆที่ยังไม่ได้บอกเลยว่ารัก แต่ตอนนี้เหมือนเค้าใกล้จะหมดรักฉันแล้ว "

“ คีย์ " ก้มหน้าร้องไห้ในตอนที่ลิปจับไหล่แล้วยื่นทิชชู่มาให้ผม " มันผ่านไปแล้ว ทำวันนี้ให้ดีที่สุดดีกว่านะ "

“ ฉันกลัวลิปฉันกลัวว่าเค้าจะไม่ปล่อยฉันไปง่ายๆ "

“ หมายถึงหัวหน้านะเหรอ "

“ เค้าบอกว่า ไม่ว่ายังไงเค้าก็ไม่คิดจะยอมแพ้เพื่อที่จะให้ได้ฉันมา " ลิปถอนหายใจออกมา ตอนที่ทำได้แต่ตบไหล่ผมปลอบๆ " ฉันจะทำยังไงดีวะ ต้องออกจากงานรึเปล่า ฉันต้องหนีไปมั้ย "

“ ฉันก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าคนที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆแบบเค้า จะมีแผนอะไรซ่อนอยู่ " อีกคนว่าก่อนจะนิ่งไป สายตาที่สบแววตาของผม " ฉันไม่อยากจะพูดคำนี้เลยคีย์เพราะมันก็เหมือนกับว่าฉันกำลังด่าว่าตัวเองอยู่  แต่นายเลือกที่จะลองเล่นกับกองไฟเองนะ ฉันเตือนแล้ว ว่าอย่า แต่นายก็ยังเลือกที่จะเล่นกับมัน ตอนนี้คงต้องรอรับผลความเจ็บปวดของไฟที่มันกำลังแผดเผานายนั่นแหละ "

ไฟที่ไม่รู้เลยว่าจะแผดเผาจนเกิดความเสียใจมากมายแค่ไหน และสุดท้ายจะยังคงเหลือออะไรไว้
ปัจจุบันที่กำลังเจ็บปวด กับอดีตที่ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ และอนาคตที่ไม่อยากคาดเดา
ผมไม่อยากจะเผชิญหน้ากับเรื่องพวกนี้เลย

.................................................................

ชอบคำพูดของพี่ลิป "  แต่นายเลือกที่จะลองเล่นกับกองไฟเองนะ ฉันเตือนแล้ว ว่าอย่า "
เหมือนบอกว่า สมน้ำหน้ากลายๆ แต่เป็นคำสุภาพ ยังไงก็ไม่รู้

หัวหน้ายังไม่ปล่อยพี่คีย์ไป น้องฟานก็ยังไม่รู้ความจริงทั้งหมด
มาดูกันว่าหัวหน้า จะทำยังไงต่อไป
แล้ว เมื่อน้องฟานรู้ความจริงทั้งหมด จะเป็นยังไง

เจอกันตอนหน้าค่าาาาาาา
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่าา  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 43 ' เมียน้อย ' UP - 28.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 28-10-2016 20:58:41
ไม่รู้จะบอกว่ายังไงดี :katai1: เอาเป็นว่า รออ่านตอนหน้าก็แล้วกัน ฮือออออออออ :sad4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 43 ' เมียน้อย ' UP - 28.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-10-2016 21:21:04
ค่ะ จัดให้หนัก ขยี้ให้ตายค่ะ โอ้ยยยยยย เครียด

ขนาดยังไม่รู้ ฟานแทบไม่ไหว ถ้ารู้ว่าคนที่ตัวเองรัก หวั่นไหว ฟานจะเชื่อใจได้อีกหรอ
คีย์ใจร้ายมากเลยนะ แก้ไขตอนที่เรื่องมันเกิด

หัวหน้าบ้าหรือเปล่า พอรู้ว่ามีคนได้เค้าไป เลยอยากได้บ้างหรอ อยากจับหมกป่า

คีย์รอรับสิ่งที่ทำไว้เหอะ โกรธ

คำลิปคือจริง  คือเจ็บ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 43 ' เมียน้อย ' UP - 28.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 28-10-2016 21:51:01
 :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 43 ' เมียน้อย ' UP - 28.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 28-10-2016 22:08:22
สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือการขว้างความผิดไปไกลๆตัว ละเลยที่จะรับรู้ว่าตัวเองนั้นผิดเต็ม!รับไม่ได้ไม่อยากยอมรับ อะไรหว่ะ?? ตัวเองหวั่นไหวไปเองแท้ๆ อย่ามาอ้างชั่ววูบเพราะช่วงหนึ่งมันคือการนอกใจไปแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นมันไม่เกิดปัญหา //หัวหน้าเข้ามาวอแวกับคีย์ ส่วนตัวมองเฉยๆนะ ไม่ว่าเลย มันเป็นสิทธิ์เพราะยังไงก็จะหย่าอยู่แล้ว คนไม่รักก็คือไม่รัก(เมียหน.) คนอยากได้ก็คืออยากได้(คีย์) มีแฟนแล้วยังไง ถ้ารักจริงมั่นคงมันไม่หวั่นไหวหรอก จริงม่ะ ตื้อให้ตายก็ไม่เล่นด้วย ดีซะอีกเป็นตัวทดสอบ//ต้องการหลบความผิดของตัวเองนะสิ เลยตะโกนพูดกับเขาไปแบบนั้น โยนมันไปใส่อีกคนแล้วบอกห้ามยุ่ง หึหึ!! ถ้าใจตัวเองมั่นคงจำเป็นไหมต้องบอก? พอเกิดเรื่องแบบนี้ทำให้ตัวเองเสียหายและจะเสีย*สิ่งของ*รักไปเลยเลิกสานต่อ ถ้าไม่มีข่าวก็ไม่มีทางเลิก ชู้ใจกันไปอย่างงั้นละ ปิดได้ปิดไป นั้นคือสิ่งที่ฟานควรจะรู้แต่ก็ไม่รู้ จะใครทำ+สร้างข่าวขึ้นมาไม่สำคัญ ประเด็นมันที่อยู่การนอกใจไปแล้ว หวั่นไหวไปแล้ว แค่ไหวตัวทันเท่านั้น ในเมื่อมันผิดมาแล้ว เหตุผลที่จะให้กลับไปยังไงก็ไม่เพียงพอ เวลานี้จะตีห่างจากคนนี้ ก็จะทำให้อีกคนไม่มีทางรู้ความที่เป็นมา หรือจะรู้ยังไงก็อยากจะรู้เหมือนกัน //พอบอกจะไม่ยุ่งกับเขาอีก สุดท้ายกลับมา รับได้? ใช่หรอ มันใช่หรอ หึหึหึหึหึ!!!! //รอตอนต่อไปค่ะจะยังไง หัวหน้าและคีย์จะทำยังไงอะไรก็เชิญเลย จากนี้ไม่มีผลต่อความคิด จะไม่มองว่าผิดเลย ให้ยกเหตุผลไรมาก็ไม่มีทางเพียงพอแล้ว แต่จะรอดูปฎิกริยาจากฟานเท่านั้น รอดู๊วววววววววววววววววว จะยังไง อิอิ!! :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 43 ' เมียน้อย ' UP - 28.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 28-10-2016 22:16:06
หัวหน้านี่พยามยามไม่สิ้นสุดจริงๆ  อย่าทำตัวแย่ไปกว่านี้เลย
เค้าชอบจนเกลียดแล้วยังไม่เลิกนิสัยแบบนี้อีก
อารมณ์ขึ้น :m31:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 43 ' เมียน้อย ' UP - 28.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 28-10-2016 22:17:43
หึ!! มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ ขอให้ฟานรู้ความจริงทั้งหมด ถ้าจะให้มันเจ็บก็ต้องถึงที่สุด ประมาณไหนดี กอดเข่าอ้อนวอนขอร้องให้เห็นใจน้ำตาไหลแทบเป็นสายเลือด.. ขาดใจตายดิ้นกระแด่วๆ (ไม่ล่ะ เดี๋ยวจะกลายเป็นนิยายแนวสยองไป เหอๆ) อย่างไรก็ตามโทษฐานของการริอาจนอกใจไปถึงนอกกาย มันต้องเอาให้หนักให้สาสม ให้รู้ว่าร่างกายของคุณหัวใจของคุณยังจะมีค่าพอสำหรับคนดีๆ อีกไหม แค่เริ่มหวั่นไหวก็ทำลายทุกอย่าง สั่งสอนนายเอกให้เข็ดหลาบทีนะคับคนเขียน เป็นกำลังใจให้ค้าบบบ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 43 ' เมียน้อย ' UP - 28.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-10-2016 22:23:51
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 43 ' เมียน้อย ' UP - 28.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 28-10-2016 22:27:32
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 43 ' เมียน้อย ' UP - 28.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 29-10-2016 00:09:02
ฟาน...สติๆลูก รักษาไว้ดีๆ คีย์กำลังโดนลงโทษหนักที่ลังเลสองใจ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 43 ' เมียน้อย ' UP - 28.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 29-10-2016 02:30:02
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

โอ้ยยย กรรมตามสนองได้เร็วดังจรวด

ฟานต้องได้ต่อยซักทีแหละนะ
55555
ต่อหัวหน้าอะ

แต่ลิปพูดถูกใจอีกแล้ว ปลื้มมมม รักกกมากกกกก
ขอให้รักกับพี่เมษนานๆ อย่ามีอะไรมาวุ่นอีกเลยยยยย เพี้ยง

ส่วนคีย์ (เรียกดีขึ้นมาละ) ก้รับผลของไฟนะ ไม่ว่ากองไฟจะเผาอะไรไปบ้าง
คีย์หนีออกมาแล้ว แต่ร่องรอยของความเจ็บปวด และบาดแผลที่โดยไฟเผาจะคงอยู่
ต่อให้เวลาผ่านไป คงนาน กว่าแผลจะหาย แต่ช่วงแรกๆ คงปวดแสบปวดร้อนน่าดู
หวังว่า ฟานจะช่วยทายาให้นะ หรือไม่ก้ กดที่แผลหนักๆ ให้เจ็บกว่าเดิม 555555

ปล. หนมบอกว่าเรื่องนี้นิยายรักใสๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 43 ' เมียน้อย ' UP - 28.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 29-10-2016 06:52:24
 :really2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 43 ' เมียน้อย ' UP - 28.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 29-10-2016 10:10:40
 :m16 :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 43 ' เมียน้อย ' UP - 28.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 29-10-2016 12:22:02
ทางที่ดีควรเล่า ควรบอก ฟานทุกๆเรื่อง แต่ถ้ายังคิดว่า ก็เรื่องแค่นี้เองมันไม่มีอะไรสักหน่อยอีกล่ะก็ เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 43 ' เมียน้อย ' UP - 28.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 29-10-2016 12:47:51
ชดใช้ ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 43 ' เมียน้อย ' UP - 28.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 29-10-2016 13:14:33
สะใจแบบซอฟท์ๆ เพื่อนแบบลิปนี่หายากนะ เป็นนี่นี่เลิกคบนานละ :hao6:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 43 ' เมียน้อย ' UP - 28.10.59} หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 30-10-2016 00:41:36
บักหัวหน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 30-10-2016 20:30:08
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 44
' ทางที่ถอยไม่ได้ '

' แต่นายเลือกที่จะเล่นกับไฟเองนะ ฉันเตือนแล้ว ว่าอย่า ' ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆกับเรื่องจริงพวกนั้น ลิปเตือนแล้ว เตือนหลายครั้งแล้วว่าอย่า แต่คนที่ดื้อดึงจะเข้าไปหาเป็นพวกไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งน้ำตาแบบผมก็คงทำได้แค่ด่าทอตัวเองและสมน้ำหน้าตัวเองในใจ

“ หัวหน้า " เสียงเบาๆที่ดังขึ้นตอนที่ใครอีกคนเดินเข้ามาในแผนก ทุกคนที่หันมามองหน้าผมก่อนจะมองหน้าหัวหน้า สลับไปมาเหมือนกำลังคิดว่า เราสองคนคงทะเลาะกันมา เมื่อครู่ผมเดินเข้ามาด้วยสายตาแดงๆ ต่อมาไม่กี่นาทีหัวหน้าก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางหงุดหงิดอีก

“ เป็นประเด็นไม่จบไม่สิ้นจริงๆนะ " ลิปว่าเสียงเบาก่อนจะเลื่อนตัวเองกลับไปทำงานที่โต๊ะ ผมหันมาสนใจงานของตัวเองบ้างทำเป็นไม่ได้ยินเสียงนินทาของคนอื่น

' คงทะเลาะกันมาแน่ๆ เมื่อกี้คีย์ก็เข้ามาแบบตาแดงๆ คราวนี้หัวหน้าก็เข้ามาแบบหงุดหงิดอีก '

' คงจะเข้าไประบายความรักที่แสนจะทรมานเพราะการแอบกินกันที่โดนเมียหลวงจับได้ละมั้ง '

' ยังไง '

' ก็แบบว่าเหมือนในละครไง ผมทนไม่ได้แล้วครับหัวหน้า หัวหน้าก็กอดปลอบแล้วก็บอกว่า อดทนอีกหน่อยนะเพื่อฉัน '

' น้ำเน่า '

“ ตอแหลด้วย " ผมเผลอพูดออกไปเสียงไม่เบานักคนที่กำลังนินทาก็เลยเงียบไป ก่อนจะหันกลับไปทำงานของตัวเองต่อ ความเป็นจริงเป็นยังไงก็ไม่รู้แต่จินตนาการเป็นเรื่องเป็นราว บอกเล่าคนนู้นนี่เหมือนตัวเองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดมากับตา

“ ทุกคนวันนี้ฉันมีเรื่องจะประกาศนะ " เงยหน้ามองเสียงของรองหัวหน้าที่พูดขึ้น สงสัยคงจะขอความร่วมมือหาคนสมัครไปเข้าร่วมอบรบอะไรสักอย่างของทางบริษัทอีกแน่เลย ทุกครั้งที่มาประกาศอะไรแบบนี้ก็มีแค่เรื่องแบบนี้แหละ หาคนไปอบรบคอมพิวเตอร์บ้าง ภาษาบ้าง " ฉันจะขอตัวแทนจากแผนกเราไปงานสัมมนาที่หัวหิน สองวันหนึ่งคืน "

“ เฮ้ยย น่าสนใจ "

“ ใช่ๆ น่าไปเนอะ " เสียงพูดคุยของพนักงานในบริษัทดังขึ้นด้วยความสนใจ ลิปที่หันมามองหน้าผมในแววตาของเค้าก็ดูเหมือนว่าจะสนใจไปไม่น้อยเหมือนกัน

“ แต่ว่าไปกับหัวหน้าสองคนนะ เพราะงั้นจะมีคนเดียวเท่านั้นที่ได้ไป "

“ งั้นก็หมดสิทธิ์ยังไงหัวหน้าก็ต้องเลือกเมียน้อยเค้าอยู่แล้ว " พนักงานที่นั่งอยู่ข้างหน้าของผมพูด

“ เหมือนได้ไปฮันนี่มูนเที่ยวต่างจังหวัดเลย แต่คราวนี้บริษัทออกให้ด้วย ดีจัง เมียว่าไม่ได้แน่ๆเพราะเป็นงาน " เพื่อนที่นั่งข้างๆเธอเสริมลิปก็หันมามองหน้าผม

“ สรุปใครจะอาสาไปกับหัวหน้ามั้ย " รองหัวหน้าถาม

“ ให้ตายฉันก็ไม่ไปหรอกจ้า เดี๋ยวโดนหาว่าเป็นเมียน้อยหัวหน้าอีกคนจะทำยังไง  ผัวยิ่งไม่มีอยู่ " พนักงานหลายคนที่ส่ายหน้าปฎิเสธกับรองหัวหน้าที่ก็ได้แต่ถอนหายใจ ในช่วงเวลาที่มีข่าวแบบนี้มันคงยากที่ใครจะอาสาไป

“ ให้คีย์ไปสิค่ะ ยังไงคีย์ก็เหมาะสมที่จะไปที่สุดอยู่แล้ว " รุ่นพี่ที่ทำงานว่าทุกคนก็หันมามองหน้าผม " อีกอย่างหัวหน้าคงอยากจะให้คีย์ไปที่สุดแล้วละมั้ง ในบรรดาคนในแผนกน่ะ "

“ แต่ผมไม่ได้อยากไปนะ " คำพูดที่ทำให้ทุกคนหันมามองหน้าผม ก่อนจะแบะปากมองบนกันเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดเท่าไหร่

“ ตอนนี้ทำมาเป็นพูดว่าไม่อยากไป ทีตอนยังไม่มีใครรู้ว่าแอบคบกัน เห็นร่อนไปร่อนมากับหัวหน้าได้หน้าตาระรื่นขนาดนั้น พอทีแบบนี้ละมาบอกว่า ไม่อยากไป ตอแหล "

“ ช่วยคิดให้มันเบากว่านี้ไม่เหรอครับ " ผมหันไปหาคนที่พูดออกมาเสียงไม่เบานัก กับความคิดแย่ๆของเธอที่ถ่ายทอดออกมาทางแบบตั้งใจที่จะทำให้ตัวเองดูกล้า ดูแรง แต่จริงๆแล้วก็ดูเป็นคนที่จิตใจต่ำก็เท่านั้น " ทุกคนคงคิดว่าผมเป็นเมียน้อยหัวหน้าอย่างที่ดูจากในภาพ  ทุกคนที่ว่าผม เหยียบผม พูดเสียดสีผม เหมือนไม่ใช่เพื่อนร่วมงานกัน เหมือนว่าตั้งแต่ทำงานกันมาเราไม่เคยยิ้ม ไม่เคยคุยกันเลย ในทางกลับกันทุกคนคุยกับผม รู้จักผม บางคนก็มีเบอร์ส่วนตัวของผม มีไลน์ แต่น่าแปลก น่าแปลกที่ว่าพวกคุณไม่เคยคิดจะมาถามความจริงเรื่องนี้จากปากของผม จริงเหรอคีย์ ?  เรื่องของนายกับหัวหน้า ใช่รึเปล่าคีย์ ทุกคนไม่แม้จะให้ผมอธิบายแต่กลับพูดไปตามที่ทุกคนเห็น คุณรู้มั้ยว่าเบื้องหลังภาพถ่ายพวกนั้นมันเป็นยังไง ทำไมผมถึงไปกินข้าวกับหัวหน้า ทำไมถึงขึ้นรถไปกันสองต่อสอง ทำไมผมถึงนั่งอยู่ที่สถานีรถไฟกับหัวหน้า ก็ไม่เห็นมีใครถาม ไม่มีใครให้โอกาสผมพูดเลยสักคำ แต่ช่างเถอะไม่ถามก็ไม่ว่าไม่ให้อธิบายก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ที่เรื่องของผมไปพูดใส่สีตีไข่กันเหมือนตัวเองเห็นกับตา บวกผสมกับดราม่าละครหลังข่าวที่ดูกันบ่อยๆ มันเหมาะสมแล้วเหรอที่ทำแบบนั้น ไม่รู้ความจริงแต่เอาไปพูด ถ้าวันไหนวันนึงเป็นทีของพวกคุณบ้างละ จะรู้สึกยังไง  "

“ งั้นถ้าไม่ใช่ความจริงก็ไม่เห็นต้องแคร์เลย คีย์ก็ไปงานสัมมนากับหัวหน้าสิ ไม่ใช่ความจริงก็ไม่แคร์ไม่ใช่เหรอ "

“ นั่นนะสิค่ะ พวกเราไปไม่ได้หรอก แค่นี้ก็เป็นข่าวซุบซิบไปทั้งบริษัทแล้ว ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนมองว่ามาจากแผนกออกแบบที่หัวหน้ากับลูกน้องแอบกินกัน " พนักงานอีกคนเสริม

“ ไม่ใช่เรื่องจริงคีย์ก็ไปสิ ยังไงมันก็แค่งานอยู่แล้ว "

“ งั้นให้คีย์ไปนะคะ " รองหัวหน้าหันไปมองหัวหน้าที่ก็ทำหน้านิ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา " หัวหน้าว่าไงค่ะ ดีมั้ย "

“ ดีสิ ให้คีย์ไปก็ได้ " ร่างสูงที่เอ่ยบอกคำนั้น ยิ่งทำให้พนักงานทั้งหมดมองผมในแง่ร้ายมากขึ้นไปอีก

“ แหม..มันก็ต้องดีอยู่แล้วละนะ จะได้มีอะไรกันแบบหามรุ่งหามค่ำไปเลย ซอยถี่ๆไง แล้วมาทำเป็นพูดว่าเข้าใจผิด แหม แม่นางเอกที่น่าสงสาร " พี่พนักงานคนเดิมว่าก่อนจะแบะปากใส่เพื่อนที่ก็หัวเราะออกมา

“ มันจะไม่ดีได้ไง ในเมื่อก็อยากจะไป... กันอยู่แล้วละนะ น่าจะตั้งกล้องแอบถ่ายคลิปตอนเอากันแล้วส่งไปให้เมียหลวงดูนะ เป็นการตอกหน้าไง ไม่ก็ถ่ายภาพสวีทๆกัน ส่งกลับไปให้เมียหลวงไปเลย "

“ แล้วเราจะไม่ถามเค้าหน่อยเหรอว่า จริงอะเปล่า "

“ ถามไปก็ได้คำตอบตอแหลๆว่า ไม่ได้เป็นอะไรกันครับ แล้วแบบนั้นถามทำไมวะ ยังไงเมียน้อยก็คือเมียน้อยนั่นแหละน่า "

“ ถามเพื่อดูความตอแหลไง ว่าแหลถึงเลเวลไหน ฮ่าๆ "

“ คีย์ " ลิปดึงตัวผมเหมือนห้ามไม่ให้พูดอะไรออกไป " พอเถอะ พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อหรอก เงียบไว้ดีกว่า "

“ แต่ฉันไม่ได้อยากไปกับหัวหน้าเลย ทำไมฉันต้องไปด้วย แล้วฟานอีก คราวนี้เค้าไม่เลิกกับฉันเลยรึไง "

“ ใจเย็นๆก่อนลองพูดกับรองหัวหน้ามั้ย ก็บอกไปว่านายไม่อยากจะไปจริงๆ ฉันว่าเธอน่าจะเข้าใจนะ "

“ แต่ฉันไม่คิดว่าเธอจะเข้าใจหรอก " ตอนนี้ไม่มีใครอยากจะไปไหนกับหัวหน้าทั้งนั้นเพราะถ้าไปก็ต้องโดนซุบซิบนินทา บางคนก็หาว่าเป็นเมียน้อยคนใหม่ของหัวหน้า ตอนนี้ถ้าทำได้ก็มีแต่คนผลักเรื่องนี้ออกไปให้ไกลตัวทั้งนั้น

“ แล้วทำไมบริษัทต้องดันให้งบมาแค่สองคนด้วยนะ จะสามก็ไม่ได้ฉันจะได้ไปกับนาย " ถอนหายใจออกมา ไม่มีสมองจะมาคิดงานตรงหน้าอะไรนี่แล้ว ทำได้แค่นั่งนิ่งๆแล้วหยิบปากกาตัวเองมาขีดเขียนงานไปเรื่อย ผมกำลังคิดถึงฟานมากกว่า ถ้าบอกเค้าไปว่าคนทั้งบริษัทกดดันให้ผมไปแบบนั้นเค้าเชื่อมั้ย เค้าจะเข้าใจมั้ยว่าผมต้องไปต่างจังหวัดกับหัวหน้าแค่สองคน จะเข้าใจมั้ยว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

“ คีย์ อันนี้เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่จะไปสัมมนานะ " รองหัวหน้าเดินเอาเอกสารมาเกี่ยวกับงานสัมมนามาให้ผม เอกสารที่บอกถึงหัวข้องานแล้วก็รายละเอีนด วันเวลาที่ไป

“ รองหัวหน้า ขอพูดอะไรหน่อยได้มั้ย "

“ ไม่อยากไปใช่มั้ย " พยักหน้ารับอีกคนเค้าก็ถอนหายใจออกมา เธอพิงตัวเองลงกับโต๊ะของผม

“ ช่วยหาคนไปแทนผมทีเถอะ ผมไม่อยากจะเป็นขี้ปากคนไปมากกว่านี้อีกแล้ว "

“ ฉันเข้าใจนายนะคีย์ แต่จะให้ทำยังไงดีละ ตอนนี้ไม่มีใครอยากจะไปกับหัวหน้าทั้งนั้น เค้าก็เหมือนตกที่นั่งลำบากเหมือนกันนะ แม้ว่าฉันจะงงๆนิดหน่อยว่าทำไมเค้าถึงเลือกนายก็เถอะ "

“ ทำไมเหรอครับ "

“ ก็ตอนนี้เพราะเรื่องนั้นเค้าก็เลยถูกเพ่งเล็งจากทุกแผนก แล้วการสัมมนาครั้งนี้มันไปกันทุกแผนกเลยนะ แถมยังค้างคืนอีกกลับมาก็คงมีแต่เรื่องให้นายปวดหัวแน่ๆ ทั้งเรื่องจริงที่ใส่สีตีไข่เข้าไปแล้วก็เรื่องไม่จริง " รองหัวหน้าถอนหายใจออกมาก่อนจะก้มลงมาถามผม " ทำไมถึงไปกินข้าวกับหัวหน้าสองต่อสองล่ะ บอกฉันได้มั้ย "

“ วันที่งานมีปัญหาที่โดนกล่าวหาว่าโดนลอกงานคนอื่น หัวหน้าเห็นผมเครียดๆวันต่อมาเลยนัดไปกินข้าวฉลองที่ผมไม่โดนไล่ออก ก็แค่นั้นครับไม่ได้มีอะไร เค้านัดผมให้ไปรอใต้ห้างก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม "

“ อย่างงั้นเหรอ " ผมพยักหน้ารับอีกคนก็ยิ้มจางๆ " แต่เหมือนนายไม่ได้มาอธิบายใครๆก็เลยพูดกันไปเป็นเรื่องอื่น "

“ ช่างมันเถอะ เรื่องนั้นอีกหน่อยก็คงลืมแล้วก็หายไปเองนั่นแหละ แต่ว่าตอนนี้ผมไม่อยากจะไปงานสัมมนากับหัวหน้ามากกว่า แค่ไม่อยากจะไปเป็นประเด็นมากกว่านี้อีกแล้ว "

“ นายไม่ได้เป็นอะไรกับหัวหน้าจริงๆเหรอ "

“ ครับ ก็จริงนะสิ จะเป็นได้ไง ผมมีแฟนแล้วนะ แล้วอีกอย่างผมก็ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับหัวหน้าด้วย " บอกอีกคนไปแบบนั้นแม้มันจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมดก็ตาม
 
“ แต่หัวหน้าเค้าดูสนใจนายมากเลยนะ ฉันรู้จักหัวหน้ามานานเค้าไม่เคยใส่ใจใครได้เท่านายเลย อย่าตอนที่ฉันบอกว่า งานสัมมนาหนนี้คงหาคนไปยากแน่ๆ เค้าก็บอกแค่ว่า ถ้าเป็นนายก็คงดี พอฉันหันไปบอกว่า นายคงรับความรู้สึกกดดันพวกนั้นไม่ได้ เค้าก็บอกแค่ว่าแต่ไม่ว่ายังไงสุดท้าย ก็ต้องเป็นนายที่ไป เพราะไม่มีใครไปหรอก ใครจะกล้าไปกับเค้า เค้าว่ามาแบบนั้นแหละ "

“ แต่ผมก็ไม่อยากจะไปกับเค้านะ รองหัวหน้าไปแทนได้มั้ย "

“ ฉันอะนะ " เธอชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง " ตอนแรกฉันก็จะเสนอตัวเองนะ เพราะดูท่าทางจะไม่มีใครไปกับเค้าแต่เหมือนเค้าจะต้องการนายมากกว่าฉันนะ "

“ แล้วถ้าผมไปบอกหัวหน้าว่า ผมไม่อยากไปแล้วจะให้คุณไปแทน คุณจะยอมไปแทนผมมั้ย ถ้าผมขอกับหัวหน้าได้ "

“ ถ้าเค้ายอมละก็นะ " เธอพยักหน้ารับคำผมแบบง่ายๆ ง่ายเกินไปจนตัวผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่า ที่มันง่ายขนาดนี้เพราะเธอสงสารผม หรือเพราะแอบคิดอะไรกับหัวหน้ากันแน่ แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญอะไรแล้วช่างมันเถอะ ขอแค่ไม่ต้องไปก็พอ

“ นี่ นายจะไปพูดกับหัวหน้าเรื่องที่ขอไม่ไปงานสัมมนาจริงๆเหรอคีย์ "

“ จริง " พยักหน้ารับคำถามของลิปที่ก็พยักหน้ารับ

“ งั้นก็ขอให้โชคดีนะ ขอให้เค้าเปลี่ยนใจ แม้มันจะเป็นเปอร์เซ็นที่น้อยมากๆก็เถอะ " คำพูดที่ชวนให้เครียดมากกว่าเก่า เงยหน้ามองเวลาที่กำลังจะใกล้เที่ยง ผมนั่งมองคนทำงานคนอื่นที่ทะยอยออกไปพักกันเรื่อยๆจนเหลือเพียงแค่หัวหน้า รองหัวหน้า ผมแล้วก็ลิป “ คีย์ไปกินข้าวกัน "

“ ฉันขอไปคุยกับหัวหน้าก่อนไปกินข้าวได้มั้ย "

“ จะพูดเลยเหรอ "

“ ตอนนี้แหละ " ผมเดินตรงไปที่โต๊ะของหัวหน้า ใบหน้าคมก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมเค้าวางปากกาที่กำลังเขียนเอกสารอะไรสักอย่างลง " หัวหน้าผมมีอะไรจะพูดด้วยครับ "

“ ตรงนี้เหรอ "

“ ครับ ตรงนี้ " พยักหน้ารับ เค้าก็พยักหน้าตอบตกลง

“ ว่ามาสิมีอะไร เรื่องจะไปสัมมนารึเปล่า "

“ ครับ คือผมไม่สะดวกจะไปงานสัมมนาครั้งนี้ครับ ขอให้คนอื่นไปแทนผมได้มั้ย "

“ แล้วใครจะไปแทนนาย " หัวหน้าถาม

“ รองหัวหน้าจะไปแทนผมครับ ใช่มั้ย " หันไปมองเธอที่ก็พยักหน้ารับน้อยๆ
 
“ เพราะคีย์บอกว่าไม่อยากจะไป ในสภาวะแบบนี้ ฉันว่าถ้าเป็นแบบนั้นฉันควรจะไปแทนดีกว่า ถ้าขืนไปไม่รู้ว่าจะเกิดคำพูดไม่ดีต่อคีย์แล้วก็หัวหน้ามากขึ้นไปอีก ตอนนี้แผนกอื่นก็มองเราไม่ดีอยู่แล้ว อย่าให้เรื่องมันบานปลายเลยค่ะ "

“ แต่ฉันอยากจะให้คีย์ไปนะ " หัวหน้าบอก ทุกคนก็หันไปมองหน้าเค้า " ถ้าให้พูดตรงๆเลยก็คือ ฉันอยากจะไปกับคีย์อยู่แล้วตั้งแต่แรกอยากไปสัมมนากันสองต่อสองเราจะได้คุยกันในเรื่องยุ่งๆที่มันเกิดขึ้น ฉันคิดว่าถ้าเราอยู่ด้วยกันแค่สองคนไม่มีคนอื่นมันอาจจะคุยอะไรกันง่ายขึ้นเพราะตอนนี้เค้าไม่คุยกับฉันเลย ขอเวลาคุยด้วยเค้าก็บ่ายเบี่ยง แล้วก็ไม่ยอมรับอะไรท่าเดียว เพราะงั้นนี่ก็เป็นทางเดียวที่เราจะได้คุยกัน ผมไม่เปลี่ยนตัวให้หรอก คุณไม่ต้องไปหรอกนะรองหัวหน้า ผมจะให้คีย์ไป ผมส่งชื่อเค้าไปแล้ว "

" หัวหน้า..”

" หัวหน้า จริงๆสินะคะ เรื่องของคุณกับคีย์ คุณชอบคีย์อย่างงั้นสินะ " รองหัวหน้าถามอีกคนที่ก็ยังนิ่งก่อนจะพยักหน้ารับในที่สุด

" ใช่ ผมชอบคีย์แล้วกำลังพยายามทำให้เค้าเป็นแฟนของผมอยู่ "

" แต่ผมมีแฟนแล้วครับ ถ้าคุณจะกรุณาเลิกยุ่งกับผมเถอะ อย่าทำให้แฟนผมต้องรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้เลย อย่าทำให้ผมต้องทำร้ายเค้าซ้ำๆเลย "

" แต่นี่มันงาน การไปสัมมนาเป็นงานที่นายขัดไม่ได้หรอกนะ ไปอธิบายให้เค้าเข้าใจสิ ว่านี่คืองานในแบบฉบับของผู้ใหญ่ที่เค้าต้องทำกัน เรื่องบางเรื่องไม่อยากจะทำก็ต้องฝืน ไม่ใช่เด็กที่หนีปัญหาได้ทุกเรื่อง "

" หัวหน้า " ผมเอ่ยเรีบกชื่อเค้าเบาๆ อีกคนก็ถอนหายใจออกมา

" ฉันไม่เหลืออะไรให้ต้องรักษาอีกแล้ว ทั้งชื่อเสียง หรือแม้แต่ความน่าเคารพ ฉันเองก็ทุ่มเทให้นายทั้งหมดเหมือนกัน เพราะงั้นฉันจะไม่มีวันยอมแพ้เพียงเพราะนายที่ปฎิเสธฉันหรอกนะ ต่อให้เป็นฉันแค่คนเดียวที่ทุ่มเทให้นาย ต่อให้นายจะเฉยเมยกับฉัน ฉันก็จะพยายามเข้าไปใกล้นาย เพราะฉันจะไม่ถอยหรือกลัวอีกแล้ว "

   ทุกคนเงียบในประโยคที่เค้าพูดกับผม อาจเพราะไม่คิดว่าใครคนนี้จะพูดความรู้สึกจริงๆออกมา ก็เลยทำได้แต่เงียบเพราะไม่รู้จะตอบโต้อะไร แม้แต่ลิปเองที่ยืนฟังอยู่คนที่ตอบโต้ใครอีกคนแบบไม่กลัวยังได้แต่ยืนนิ่ง

“ ขอโทษด้วยนะครับ แต่ผมคงปฎิเสธการเปลี่ยนตัวคีย์ให้เป็นรองหัวหน้าในการไปสัมมนาในครั้งนี้ "

“ หัวหน้าแต่ว่า อย่าทำให้ตัวเอง แผนก ต้องมีแต่เรื่องโดนนินทาเลย อย่างน้อยถ้าคุณไม่คิดถึงแผนก ไม่คิดถึงงาน ก็คิดถึงคีย์เถอะค่ะ  คำว่า เมียน้อยน่ะ ไม่ใช่คำพูดธรรมดาที่ฟังแล้วมีความสุขนะคะ ถ้าชอบคีย์จริงๆ ทำไมไม่เลือกที่จะปกป้องเค้าละ "

“ รักของผมไม่ได้ บริสุทธิ์ขนาดนั้น ขอโทษครับ ผมเป็นคนเห็นแก่ตัว " คำพูดทิ้งท้ายของร่างสูงที่พูดจบการจะเดินออกไป ทิ้งให้ผมยืนนิ่งอยู่แบบนั้นอย่างไม่รู้จะพูดอะไรออกมาทั้งนั้น มือข้างนึงที่เอื้อมมาจับไหล่ของผมตอนที่หันไปมองดูลิปก็เดินมายืนอยู่ข้างๆ

“ คีย์ ไปกันเถอะ "

“ ฉันไม่รู้จะพูดอะไรเลย ตอนนี้ช็อคไปหมดแล้ว " รองหัวหน้าบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา เธอมองหน้าผมสลับกับลิป " ความรักมันน่ากลัวชะมัด ว่ามั้ย ขนาดเป็นเรื่องที่รู้ว่าไม่เหมาะสมแท้ๆแต่เค้าก็ยังทำ "

“ อย่าเรียกว่าความรัก ให้เรียกว่าความเห็นแก่ตัว ผมว่าน่าจะเหมาะสมกว่า " ลิปพูดไว้แบบนั้นกับรองหัวหน้าที่ก็ทำได้แค่ถอนหายใจ

" ขอโทษนะคีย์ ฉันเองก็คงช่วยนายได้แค่นี้ "

" ไม่เป็นไรหรอกครับ ทั้งหมดอาจจะเป็นความผิดของผมเอง " ยิ้มให้อีกคนที่ยกคิ้วสงสัยแต่ก็ไม่ถามอะไรต่อ จริงๆผมก็คิดว่าเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นตอนนี้มันคงเป็นเพราะผม เป็นความผิดของผมทั้งหมด ก็ถ้าผมไม่หวั่นไหวไปกับเค้า เรื่องราวพวกนี้มันคงไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก แต่เพราะหวั่นไหวไปกับเค้าให้ไปให้ท่าเค้าพอเค้าเล่นด้วยตอนนี้จะถอยหลังกลับก็ดูเหมือนจะไม่ทันแล้ว ติดกับอยู่ในเกมส์ที่ตัวเองไม่น่าจะหวั่นไหวไปตั้งแต่แรก

“ อย่าคิดมากเลยนะ " มือที่เอื้อมขึ้นมาจับไหล่ผมของลิป ตอนนั้นทุกอย่างเงียบไปหมด ผมไม่รู้จะพูดอะไรอออกมาดี คิดถึงฟานตอนที่รู้ว่าผมต้องไปสัมมนาก็ได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมา ตอนนี้ได้แต่กลัวไปหมดแล้ว กลัวที่สุดก็คือกลัวเค้าไม่พอใจแล้วเลิกรากันไป

“ ถ้าฟาน ขอเลิกกับฉันละ "

“ ให้ฉันช่วยพูดมั้ยว่านายจำเป็นต้องไปจริงๆ มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ "

“ ถ้านายช่วยพูดเค้าจะมองว่า ฉันต้องไปจริงๆ หรือแค่เอาเพื่อนมาช่วยพูดให้ตัวเองได้ไปไหนมาไหนกับชู้ละ "

“ คีย์ "

“ เพราะฉันโกหกเค้ามาแล้วครั้งนึง ฉันไม่คิดว่าฟานจะเชื่อฉันอีก "

“ ก็ลองดูก่อนมันอาจจะไม่ได้เลวร้ายก็ได้ " ผ่อนลมหายใจออกมาคำปลอบพวกนั้นไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น ฟานเป็นแฟนผม ผมรู้จักเค้าดี ว่าเค้าจะรู้สึกยังไงถ้าได้ฟังเรื่องนี้ ท่าทางโกรธของเค้าเมื่อคืนที่ยังอยู่ในสายตาแววตาที่แม้แต่จะร้องไห้ก็เหมือนร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกทั้งแค้นแล้วก็โกรธ

“ ลิป ฉันไม่หิวอะ "

“ กินอะไรเข้าไปหน่อยเถอะน่า เมื่อเช้าก็ยังไม่ได้กินอะไรเข้าไปเลยไม่ใช่เหรอ " ถอนหายใจออกมาตอนที่มองไปรอบๆ มันไม่อยากจะกินอะไรเลย มันรู้สึกตื้อไปหมด ตอนนี้สิ่งที่รู้สึกคือ ไม่อยากจะไปสัมมนาบ้าบออะไรนั่นเลยสักนิด ไม่อยากจะคุยกับฟานเรื่องนี้ ไม่อยากจะทะเลาะกันอีกแล้ว อยากจะดีกัน อยากจะมีความสุขเหมือนเดิม

“ หัวหน้า " เดินมาถึงร้านแซนวิชผมก็พบว่ามีใครคนนึงกำลังนั่งกินแซนวิชเงียบๆคนเดียวอยู่ในร้าน

“ ชิบหายแล้วเราจะไปแดกอะไรกันละทีนี้ " ลิปถอนหายใจออกมาในตอนนั้นร่างสูงที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้เหมือนกินเสร็จเรียบร้อยเค้าเดินออกมาจากร้านก่อนจะเอ่ยทักเรา

“ กินแซนวิชกันอีกแล้วเหรอ "

“ ก็ครับ " พยักหน้ารับ ก่อนที่ผมจะพูดออกไป

“ หัวหน้า ผมไม่อยากไปจริงๆนะ ช่วยฟังผมหน่อยไม่ได้เหรอ ช่วยเห็นใจผมหน่อยได้มั้ยครับ ลำพังตอนนี้ก็แทบไม่เหลืออะไรแล้ว ถูกคนอื่นนินทาว่าร้าย ไม่มีใครเคารพ แฟนกำลังจะทิ้ง อย่าให้ผมต้องกลายเป็นคนไม่มีอะไรเลยนะ อย่างน้อยก็ช่วยยกเลิกเรื่องที่ผมต้องไปสัมมนากับคุณเถอะ "

“ ฉันคิดว่าเราพูดคุยเรื่องนี้กันรู้เรื่องแล้วนะ "

“ ได้โปรดเถอะครับ ช่วยกรุณา..”

“ แต่ฉันเองก็ไม่เหลืออะไรเหมือนกัน นายบอกว่าตอนนี้นายไม่เหลืออะไรแล้ว ฉันเองก็ไม่เหลืออะไรเหมือนกัน ฉันเองก็ไม่มีใครเคารพ มีคนนินทา แถมคนทีฉันทุ่มเทสนใจเค้าตอนนี้ เค้ายังจะมาหนีจากฉันไปอีก ถ้านายบอกว่า นายไม่เหลือใคร ฉันเองก็ไม่เหลือใครเหมือนกัน "

“ แล้วคุณก็เลยทำให้คีย์ไม่เหลือใครเหมือนคุณ จะได้กลับมาเป็นของคุณอย่างงั้นเหรอ ถามจริงๆเถอะ คิดอะไรอยู่เหรอครับ " ลิปเอ่ยถามอีกคนที่ก็นิ่งแล้วหันมามอง " หัวหน้ากำลังทำให้คีย์เลิกกับแฟน แล้วก็หันมาสนใจหัวหน้าอย่างงั้นเหรอ เหมือนสุดท้ายเค้าไม่เหลือใครแต่ก็ยังเหลือหัวหน้าอยู่ เพราะคีย์คือคนที่หัวหน้าทุ่มเทให้ อย่างงั้นใช่มั้ย " เค้าเงียบไม่ตอบคำถามอีกคนก็ถอนหายใจก่อนจะบ่นออกมาเบาๆ " เราก็ไม่น่าถาม ดูก็รู้อยู่แล้ว "

“ ถ้าผมตกลงไปจะช่วยเลิกยุ่งกับผมตลอดไปได้มั้ยครับ "

“ คีย์ " หัวหน้าเอ่ยเรียกชื่อผม ตอนที่พูดแบบนั้นออกมา

“ ถ้าผมไปสัญญาได้มั้ยว่าจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของผมอีก ให้มันเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของผม ให้ความเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะไปไหนมาไหนด้วยกัน "

" คีย์ ฉันแค่อยากจะอธิบายเรื่องราวของเรา เรากลับมาคบกันได้นะ ทำไมเราต้องแคร์คนอื่นละ เรารักกันไม่ใช่เหรอ "

" เราไม่ได้รักกัน ผมไม่ได้รักคุณ " เอ่ยบอกเค้าไปตรงๆอีกคนก็นิ่ง " การที่ผมหวั่นไหวไปกับความอบอุ่นของคุณไม่ได้หมายความว่าผมจะรักคุณ ผมเคยบอกคุณไปหลายครั้งแล้วว่าผมรู้สึกยังไง แต่คุณก็ยังบีบบังคับทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับคุณ ทั้งๆที่ผมก็บอกมาตลอดว่า คุณไม่ได้สำคัญไปมากกว่าแฟนของผม "

" ทั้งๆที่ฉันคอยช่วยเหลือนาย ทั้งๆที่ฉันทุ่มเทให้นายมากขนาดนี้ นายยังมองไม่ออกอีกเหรอว่าฉันจริงจังกับนายมากแค่ไหนทั้งหมดนี้ฉันให้นายนะคีย์ แค่นายคนเดียวทำไมถึงพูดออกมาง่ายๆว่า ให้เลิกยุ่งกัน ทั้งๆที่ฉันเองพยายามขนาดนี้ "

" งั้นคุณก็คงคิดว่าหลังกลับจากทริปสัมมนาเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม หรือมากกว่าเดิม "

" แล้วมันผิดรึไงที่ฉันคิดแบบนั้น นายเองก็ต้องหวั่นไหวไปกับฉันอยู่แล้ว "

" มั่นหน้า " ลิปพูดเสียงเบาๆ ผมก็หันไปมองเค้าที่ก็ทำเป็นหันไปมองอย่างอื่นแทน

“ คีย์ ฉันไม่เข้าใจ แค่เรื่องภาพหลุดแค่นั้นทำไมเราถึงไม่ทำให้มันกลายเป็นผลดีละ "

“ ผลดี " ผมทวนคำพูดของเค้า " ผลดียังไง ผลดีจากการเป็นเมียน้อยคนอื่นมันมีผมดีด้วยเหรอครับ "

“  ทำไมเราไม่ใช่โอกาสนี้เปิดตัวไปเลยละ ว่าเราเป็นอะไรกัน เราจะได้ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆความรู้สึกของตัวเอง "

“ หัวหน้ากำลังพูดเหมือนคีย์ มันมีใจให้หัวหน้าเสียเต็มเปาเลยนะ ทั้งๆที่ มันก็แค่หวั่นไหวไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นเลย "

“ แล้วคุณยุ่งอะไรด้วย เอาเรื่องของตัวเองให้รอดเถอะ "

“ ก็มันฟังแล้วจะอ้วก คุณก็ดีแต่เข้าข้างตัวเอง คิดว่าคนอื่นเค้าจะชอบคุณไปหมดรึยังไง "

“ นี่มันเรื่องของผมกับคีย์ ไม่ได้เกี่ยวกับคุณเลยนะ "

“ แต่คีย์เป็นเพื่อนผม แล้วคุณกำลังบังคับเพื่อนผมให้ทำในสิ่งที่เค้าไม่อยากจะทำ " หัวหน้าไม่เถียงอะไรออกมา เหมือนไม่ยอมรับในสิ่งที่ลิปพูด และในสิ่งที่ผมขอร้อง “ ลาออกเถอะคีย์ ถ้าบังคับกันขนาดนี้ ถ้าไม่ยอมฟังเหี้ยอะไรเลยขนาดนี้ พอเถอะว่ะ มันมากไปแล้ว ออกไปหางานอื่นทำกัน ไปจากชีวิตแบบนี้สักที " ลิปหันมามองหน้าผมที่เอาแต่มองหน้าอีกคนอยู่แบบนั้น
“ ผมจะไม่มีวันหวั่นไหวไปกับคุณอีกเป็นครั้งที่สอง "

“ แต่คนอย่างฉัน จะลองดูมันทุกวิถีทาง "

“ หัวหน้า นี่คุณ.. " ผมถอนหายใจออกมาอย่างจนใจกับคนตรงหน้าที่ยังดื้อรั้นที่จะทำตามใจตัวเองอย่างไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น

" ขอโทษด้วยกันที่คนอย่างฉันมารักนาย แต่นายก็ผิดเองนะ ที่เล่นด้วยกับฉันก่อน "

................................................................. 

ชอบคำพูดของหัวหน้า ' แต่นายก็ผิดเองนะ ที่เล่นด้วยกับฉันก่อน '
เรื่องบางเรื่อง มันไม่ถอยกันง่ายๆ คนบางคนจบง่ายๆ คนบางคนไม่
ให้เมื่อ สร้างปัญหาให้มันเกิด ก็ต้องแก้ปัญหามันต่อไป
ปัญหาที่พี่คีย์ก่อขึ้น แม่จะบอกว่า แค่หวั่นไหว แต่บางทีผลกระทบมันมากมาย
เพราะงั้นทำอะไร ก็ต้องคิดถึงผลที่ตามมาเสมอ
ไม่ใช่บางอย่าง มันจะมาง่ายไปง่ายเสมอไป

ตอนหน้า ขอใบ้ว่า น้องฟานจะรู้เรื่องที่พี่คีย์จะไปงานสัมมนากับหัวหน้าสองต่อสองแหละ
เพราะงั้น... อาจจะเป็นฉากที่ทุกคนรอคอยต่อจากนี้ไป แซ่บลืมบอกไว้
อย่าลืมเข้ามาอ่านกันนะจ๊ะ ม๊วฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้าาา
หนมมี่ผู้ใสซื่อ  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 30-10-2016 21:09:44
หัวหน้าแม่มมมม  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 30-10-2016 21:18:46
ก็แค่ไม่ต้องไป เจอหัวหน้าแบบนี้ร้องเรียนได้นะคีย์ อย่าไปยอม
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 30-10-2016 21:22:37
สมน้ำหน้า ร่านขนาดนี้จัดให้หนัก ไม่มีการสงสารอะไรทั้งสิ้นสำหรับเรา ถ้าเรื่องไม่แดงนี่จะไปถึงไหนกันแล้วคะซิส ขัดใจฟานวุ้ย ละนี่จะไปด้วยกัน มันส์แน่ๆตอนหน้า พรุ่งนี้เลยได้มั้ย  :z3:
อยากให้จบแบบ sad จุง มันจะเป็นอะไรที่สะใจมาก เกลียดนายเอกแรด ร่านเงียบ ตอแหล ถ้าไม่โดนประจานนี่นางก็ไม่คิดได้หรอก สมน้ำหน้าเพื่อนเตือนแล้วไม่ฟัง  :z6: :z6:/ตกใจตัวเองอินไรเบอร์นั้น  :serius2:  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 30-10-2016 21:37:17
คีย์ เธอเลือกได้ เลือกได้จริงๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-10-2016 21:38:42
จริยธรรมและสามัญสำนึกของหัวหน้ามันหมดไปแล้ว เห็นแก่ตัวจริงๆ ส่วนคีย์ก็รับผลกรรมที่ก่อไว้แล้วกัน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 30-10-2016 22:08:34
จริงๆ แล้ว ถ้าเรื่องไม่แดงขึ้นมา นางก็ไม่หยุดหรอก หัวหน้าใจร้อนไปนะแทนที่จะทำดีด้วยเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ได้กิน นี่นางคิดจะถอยเพราะไม่อยากเป็นขี้ปากใช่ว่าสำนึก และกลัวสูญเสียคนที่แค่ดีกับนางไปก็เท่านั้น มันก็อย่างเขาว่าคิดจะแอบกินกันไปเรื่อยๆ ถามจริง? ถ้าเรื่องไม่เกิดคิดเหรอว่าอีคีย์มันจะไม่เสร็จไอ้หัวหน้้า อ่อนเป็นขี้ผึ้งรนไฟขนาดนั้น แล้วเรื่องที่จะต้องไปกันสองคน ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป จะไล่ออกเหรอ เชิญ!! แต่นี่ เฮ้อ เหมือนกรรมมันจะสนองอ่ะนะ นางถึงมองไม่เห็นทางออก

คำว่ารักของนางที่ยังไม่ได้บอกฟาน ไม่รู้จะยังมีค่าอยู่อีกไหมเพราะถึงขนาดนี้แล้วนางยังไม่คิดจะพูด อวยพรให้พูดเมื่อสายละกัน

(นางเคยคิดว่าฟานได้มาง่ายเกินไปไม่เหมือนหัวหน้าที่นางใฝ่ฝัน แต่อย่าลืม ฟานก็ได้นางมาง่ายเช่นกัน)
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 30-10-2016 22:18:24
ตอนที่เขายังไม่กล้าทิ้งอะไร ใจมาหวั่นไหวรู้สึกดีอยากอยู่ด้วยคิดถึงหน้าอยากเจอถึงแม้จะแอบก็มีความสุขมากเราสองคน แต่พอเขาพร้อมทิ้งทุกอย่างมาหา ละเกิดปัญหากับตัว จากที่หวั่นไหวตอนนี้ก็คือรำคาญนิดไม่อยากยุ่งหน่อยไม่เอาแล้วแบบนี้ พอกันที ฉันกลัว หึหึ!! //ทั้งพนักงานทั้งลิปพูดซะจนไก่ตื่นหมด  เซ็ง!!!!! จากที่นอกใจหวั่นไหวตอนนี้ไม่ละ อยากจะกลับไปหาฟานคนดี นี้ฉันทำอะไรลงไปเนี้ย!! //เอาเลยหัวหน้า จะยังไงก็เอาเลย ตอนนั้นหวั่นไหวเขามีใจให้ไปแล้ว ถึงแม้ตอนนี้ไม่มีก็ไม่เป็นไร ทำให้เขามาเป็นของเราซะ ยังไงมันก็ผิดมาแล้ว เขาเคยนอกใจแฟนมาแล้ว ช่วยสงเคราะห์อีกนิด ลูบอีกหน่อยเป็นไรไปถ้าไม่หวั่นไหวหรือสมยอมซะอย่าง เบื้องลึกของหัวใจคีย์ยังมีหัวหน้า แต่กดไว้เพราะกลัวปัญหากลัวกลัว อย่าทำให้ความกลัวมาปิดกั้นใจ ตะล่อมอีกหน่อยนะหัวหน้า เอาความที่ว่ายอมทิ้งทุกอย่างมานี้ละ พูดหวานๆดีๆคีย์ก็อ่อนแล้วละ กูเชียร์หัวหน้าโว้ยยยยย 55555555555555 รอตอนต่อไปเลยค่ะ สัมมนาครั้งนี้ มีเวลาอยู่เท่านี้ เราสองคนมาสร้างอะไรดีๆด้วยกันเถอะ ฟานไม่รู้หรอกน๊า 555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 30-10-2016 22:37:13
เอาจิงถ้าเปนคีย์ คือลาออก ก้จบ ไปทำงานที่ใหม่ ถ้ายังโดนหัวหน้าราวี
ก้ทำฟรีแลนซ์
แต่คิดว่าหัวหน้าไม่มีปัญญา หรือมันคงไม่ใช่ทุกบริษัท ที่จะฟังแต่หัวหน้า
เพราะยังไงเข้าก้ผิด ที่มีเมียน้อย

ตอนนี้แค่สงสารเบาๆ แต่สมน้ำหน้ามากกว่า
ฟานนนทำไงดีทำไงดี
ตามไปดีมะ
ไปเปิดห้องโรงแรมข้างๆ เอาคีย์ไปนอนด้วย
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 30-10-2016 22:44:57
รอดูความแซ่บของฟาน~~~   คีย์ก็น๊าาาาา...กรรมมันติดจรวดนะเธอ เล่นกะไฟไงละไฟไหม้บ้านเลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 30-10-2016 22:53:46
(นางเคยคิดว่าฟานได้มาง่ายเกินไปไม่เหมือนหัวหน้าที่นางใฝ่ฝัน แต่อย่าลืม ฟานก็ได้นางมาง่ายเช่นกัน)

กรี๊ดดดดดดดดด โควทออฟเดอะเยียร์ค่าาาาา
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 30-10-2016 23:06:49
เออ เจ็บดีไหมคีย์ ถ้าไม่เล่นด้วย เรื่องก็ไม่ยาวหรอก ยอมรับความจริง แล้วแก้ไขดีกว่า

ลิปพูดแล้วโดน เพื่อนร่วมงานพูดแบบนี้ต่อหน้าคือได้หรอ แย่มากนะ

หัวหน้าเผยตัวแล้วสินะ เล่นด้วยเองนะ เลยจะจัดให้หรอ

สงสารฟาน คีย์รู้ตัวช้าไป
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 31-10-2016 01:16:08
ลาออกก็ไม่ต้องไปด้วยกันแล้ว ก็รักษาความสัมพันธฺกับแฟนได้ในระดับหนึ่งแล้วเป็นการพิสูจน์ว่าเลือกแฟนนะ ในเมื่ออีกคนไม่แยกเรื่องส่วนตัวกับงานแล้วเราจะแยกออกมาทำไม ไปสัมนากลับมาก็รู้ว่าต้องเจออะไรบ้างถ้าจะไปอีกก็นะ ไม่น่าโง่
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 31-10-2016 03:37:15
ไม่เก่งเลยอ่ะคีย์ วุ้ยยยยยยย
เรื่องแค่นี้ก็คิดไม่ได้ ไปสัมนากะอิหัวหน้าอ่ะ ฟานเลิกกะเธอแน่ อิหัวหน้าต้องวางแผนอึ้งเธอเอาไว้แล้ว!!!
หงุดหงิด ทั้งๆที่ก็ดูฉลาดขึ้นมานิดแต่ก็ยังจัดการไม่ได้ รำคาญแล้วอ่ะ 555555555555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 31-10-2016 07:31:51
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 31-10-2016 20:54:08
ถ้ามีสติและความดีก็จะรู้ทางออก แต่นี่ความดีไม่มี สติก็หาย ทางออกทุกอย่างเลยตันไปหมด

ถ้าอ่านไม่ครบทุกตอนมาอ่านเอา2ตอนล่าสุดยังไงหัวหน้าก็ผิด คีย์ก็ดูกลายเป็นนางเอก
แต่ทุกคนอ่านทุกตอนนะคะ ถึงจะไม่ชอบนางแต่ก็อ่านแล้วผลคือ มันไม่เมคเซ้นเลย คีย์ปัดสวะ ปัดความผิดออกจากตัว พร้อมโย้นความผิดทุกอย่างให้หัวหน้าว่าเข้ามาทำลายชีวิตตนเองให้ป่นปี้ ทั้งๆที่ตัวคีย์เองเป็นคนเลือกอ่อย เลือกเล่นกับเขาเอง สองตอนล่าสุดถึงคนจะด่าหัวหน้า อ่านแล้วเกลียด(ที่จริงเกลียดมาตั้งแต่ต้นแหละ) แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า "หัวหน้าแม่งคนจริง" หัวหน้าใจมาก ทิ้งทุกอย่าง ยอมรับผลการกระทำของตัวเองทั้งที่ตัวเองก็ถูกเพ่งเล็ง แต่กูเลือกแล้ว กูจะเอาคนนี้
กลับกลายเป็นคีย์ที่บอกว่า "ผมไม่ได้คิดอะไรกับหัวหน้าเลย แค่หวั่นไหว" อีดอกกกกกกก หวั่นไหวอะไรของมึงคะ เค้าเรียกชอบแล้ว การกระทำที่ผ่านมา ทั้งลิปที่เตือนจนจะกลายเป็นจงใจเขียนให้ลิปด่าเอามันตามกระแสฟีดแบ็คด้วยซ้ำคีย์ยังไม่ฟังเลย หลอกทั้งฟาน แก้ตัวให้พ้นไปวันๆ วันต่อมาก็ไปอีกแล้วมาตีหน้าเศร้า คือตอแหลอ่ะ การกระทำก่อนเรื่องจะแดงไม่รู้ว่าคนเขียนจะจงใจหรือคนเขียนไม่รู้ นั่นคือพฤติกรรมของคนไม่รักแล้ว ไม่เคยรักด้วยซ้ำ แล้วการที่คีย์กลับลำมาแบบนี้มันควรมีประโยคหรือการกระทำอะไรของฟานมากระทบมากกว่านี้ คำพูดของคีย์ออกมามากกว่านี้ถึงจะรู้สึกว่าคีย์รักฟานและหัวหน้าจะทำชีวิตเขาป่นปี้จริงๆไม่ใช่การโยนความผิดให้คนอื่น ยังไงก็ตามสิ่งที่คีย์เป็นตอนนี้เราเห็นแค่ หมาหวงก้าง
ตอนแรกลิปด่า(แซะจนแทบจะหมดความเป็นเพื่อนละ) ตอนนี้คนรอบข้างด่า ขอโทษนะแต่ขอแสดงความเห็นหน่อยว่าด่าตามกระแสรึเปล่า เพราะตอนลิปเตือนคือสะใจคนอ่านจริงแต่แซะแรงมากจริงๆ ทุกเม็ดทุกหน่วยไม่พลาด จนเราเองเริ่มคิดว่า พอแล้วมั้ย เตือนไม่ฟังก็ปล่อยมันเถอะ ตอนนี้คนนอกด่าก็เก็บทุกเม็ดเหมือนกัน ลิปกลับมาปกป้องเหมือนคนไม่เคยเตือนแรงๆเลย พูดแค่ว่า ฉันเตือนนายแล้วว่าอย่าเล่นกับไฟ เบาไปรึเปล่า? และลิปอีกเช่นเคยที่สงสัยว่าหัวหน้าอาจจะเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด คือตอนนี้เหมือนกำลังฟอกสีคีย์ให้ขาวแล้วสาดความผิดทั้งหมดไปที่หัวหน้า
เราจะดูตอนต่อไป ทางแก้มีนะสำหรับเรื่องสัมนา2คน ทางแก้มีจริงๆ บอกฟานให้ไปด้วยก็สิ้นเรื่อง ถือว่าไปเที่ยวด้วยยังไงฟานก็มีเงิน ลางาน ขาดเรียนวันสองวัน มันไม่ใช่เวลาที่จะพิสูจน์ความเชื่อใจแล้วว่า คุณไปสิผมเชื่อคุณ ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจมันจะไม่มีอะไรคุณไปเถอะ เวลานั้นมันหมดแล้ว ถ้าอยากจะแก้ปัญหากันฟานโกรธและกันหัวหน้าเข้าหา เอาฟานไปด้วย แต่เราอยากดูว่าคีย์จะเห็นทางนั้นมั้ย หรือเลือกที่จะโง่และทำร้ายฟานต่อไป 
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 31-10-2016 23:45:39
เอาจริงๆนะ ถ้าเรื่องมันไม่แดงขึ้นมา แล้วฟานรู้ Eคีย์มันก็ไม่หยุดหรอก!!
ตอแหล!!!

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 02-11-2016 14:19:28
ลำคาญทั้งคีย์ ทั้งหัวหน้า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-11-2016 14:43:53
คือ เราเกลียดนายเอกตอแหลอะค่ะ คนไม่จริงใจสมควรได้พระเอกดีๆแบบฟานเหรอคะ
ถ้าจบให้นางได้นี่เราไม่่โอเคจริงๆนะ ถึงจะมาสำนึกอะไรตอนหลังก็เถอะ ใช้กรรมไปสิวะ อีโลกสวย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 02-11-2016 20:45:06
คืออีหัวหน้านั่นจะเลิกก็ต่อเมื่อได้นังคีย์แล้วใช่ม่ะ แบบได้แล้วทิ้งประมาณนั้น
แต่เห็นด้วยอย่างนะ ไอ้ที่ว่ามันก็ผิดที่นังแรดนั่นไปเล่นกับเขาด้วย แล้วไงสมน้ำหน้าหล่อนแล้ว
เห็นด้วยกับลิป เรื่องมากแม่งก็ลาออกไปเลยสิ ถ้าไม่คิดจะกลับไปหากันอีก จะกลัวอะไร เหอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 02-11-2016 21:55:38
 แฮทแท็ค คีย์ฟานไม่ลง จะอ้วก เสียของจริงๆ ฟานควรเจอคนดีๆ ละให้ฟานรู้ความจริงเอาความจริงที่อีคีย์ตอแหลทั้งหมดทั้งมวลมาตบหน้าเหอะ ไม่เคยรู้สึกเลยว่าคีย์รักรึจริงใจกับฟาน มีแต่ความเห็นแก่ตัว นึกถึงแต่ตัวเอง ด้านใส่เพื่อน ด้านใส่แฟนไปวันๆ ละจะให้รู้สึกว่าอินว่าจะกลับมารักกันหวานชื่น ถุยยยย สงสารฟาน 
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 04-11-2016 20:32:04
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 45
' ทางที่เลือกไม่ได้ '


   เดินออกจากที่ทำงานตอนเวลาหนึ่งทุ่มพอดี ผมเดินทอดน่องไปตามทางช้าๆไม่ได้สนใจใครคนอื่นที่มองมา คำนินทาพวกนั้นที่ใครๆก็ต่างชี้ชวนให้มองมาทางผม คำพูดเดิมๆที่ได้ยิน

' นั่นไงๆ เมียน้อยหัวหน้าแผนกออกแบบน่ะ '
' หน้าตาก็ดีไม่น่าเลยนะ '

   ทุกอย่างมันเป็นเพราะผมอย่างที่หัวหน้าบอก จริงๆ เค้าอาจจะผิดที่ชอบผมแต่ ผมเองก็ผิดที่เข้าไปเล่นด้วยกับเค้าก่อน ทุกอย่างมันผิดที่ผม ที่ผมคนเดียวไม่ใช่ที่หัวหน้าหรือใครๆหรอก

“ อ๊ะ! " เดินชนกับใครสักคนที่เดินตรงมาอย่างไม่ระวัง ผมก้มหน้าลงก่อนจะเงยหน้าแล้วเอ่ยขอโทษเค้า " ขอโทษครับ อ้าว ฟาน..”

“ ถึงจะเหม่อแต่ก็ช่วยดูทางข้างหน้าด้วยสิครับ " เค้าที่ก้มหน้าลงมาพูด ใบหน้าคมที่คิดถึงตอนนั้นสองแขนของผมก็ดึงตัวเองเข้าไปกอดเค้าไว้แน่นทันทีอย่างไม่ทันให้อีกคนตั้งตัว การกระทำที่ไม่เคยทำมาก่อนในที่สาธารณะแบบนี้

“ คุณคีย์ " อาจเพราะผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้ อีกคนก็เลยนิ่งไปสักพักก่อนจะเอื้อมมือมากอดผมตอบ เค้าที่กอดผมไว้แน่น " หนักหนาเกินไปเหรอครับสำหรับวันนี้  ไหวรึเปล่า "

' ไม่ไหว ' ผมอยากจะตอบเค้าไปแบบนี้แต่ก็ทำได้แค่เงียบอยู่แบบนั้น กลิ่นกายอุ่นๆของเค้าแม้จะทำงานมาเหนื่อยๆก็ยังรู้สึกอุ่นอยู่ดี ไม่ใช่กลิ่นเหงื่อเหม็นๆแต่กลับเป็นกลิ่นที่ทำให้รู้สึกอยากจะสูดดมลึกๆไม่อยากจะให้กลิ่นนี้หายไปไหนเลย " กลับบ้านไปทำอะไรกินกันมั้ย หรือว่าดูหนังกัน ฉันอยากจะอยู่กับฟานสองต่อสอง "

“ งั้นกลับบ้านไปหาอะไรทำกันดีมั้ย "

“ อื้ม กลับบ้านกันเถอะ " ฟานคว้ามือผมไปจับไว้แน่น เค้าที่เดินจูงมือผมออกไปท่ามกลางสายตาของใครๆที่มองมาทางเรา คนที่เอาแต่ซุบซิบนินทาสนใจในความสัมพันธ์ของพวกเราสองคน

' เฮ้ย นั่นเด็กผู้ชายคนนั้นที่หล่อๆ ที่อยู่ร้านส่งน้ำไง แล้วเค้าเป็นอะไรกับเมียน้อยหัวหน้าแผนกออกแบบล่ะ ทำไมมาเดินจูงกัน '

' แฟนมั้ง แต่ฉันว่าน่าจะเป็นเด็กที่ถูกจ้างมากลบข่าวคาวๆของเค้ามากกว่าละมั้ง " ดึงมือตัวเองออกจากการจับกุมของฟานช้าๆ มันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าคนข้างๆต้องมาถูกนินทาไปด้วยโดยที่ตัวเค้าไม่ได้ทำอะไรผิด

“ ฟาน " มือหนาคว้ามือของผมกุมไว้แน่น เค้าที่กระชับมันไว้ก่อนจะหันมาพูดกับผม

“ ผมเป็นแฟนคุณ ไม่ใช่เด็กที่คุณจ้างมาอย่างที่เค้าว่าสักหน่อย แคร์อะไรละ "

“ ฉันแค่ไม่อยากให้นายต้องมาโดนนินทาไปด้วย "

“ แล้วปล่อยให้แฟนผมต้องโดนนินทาคนเดียวนะเหรอ " เงยหน้ามองเค้าที่ก็ยิ้มออกมา " มีผมโดนนินทาเป็นเพื่อนอย่างน้อยก็ไม่รู้สึกเหงานะ " เผลอยิ้มออกมากับความคิดเด็กๆของเค้า การนินทามันต้องมีเพื่อนด้วยรึไงวะ เราเดินไปเรื่อยๆตามทางจนถึงรถไฟ ยืนรอที่สถานีสักพักสายตาของผมก็หันไปเห็นเก้าอี้ที่วันนั้นลงรถไฟหลังจากโดนลวมลามแล้วหัวหน้าก็มานั่งปลอบ พอคิดถึงใบหน้าของหัวหน้าแล้วความสุขที่มีกับคนข้างๆมันก็ค่อยๆหายไปช้าๆ

   เงยหน้ามองฟานที่ยืนข้างกันผมจับมือเค้าไว้แน่นอย่างไม่รู้เหตุผล จะทำยังไงฟานถึงยังจับมือเค้าไว้แบบนี้ จะทำยังไงดีให้คนคนนี้เข้าใจ ตอนนี้ผมเสียฟานคนที่เชื่อใจผมไปแล้ว ไม่อยากจะเสียอะไรไปมากกว่านี้อีก คล้ายคนเห็นแก่ตัวที่แม้ทำผิดก็ยังอยากได้รับการให้อภัย เหมือนทำแก้วแตกไปแล้วแต่หวังยังอยากให้มันสวยเหมือนเดิม ทั้งๆที่ในความจริงเรารู้อยู่แล้วว่า ไม่ว่าต่อยังไงมันก็ต้องมีรอยร้าว

“ อยากจะกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ " เสียงที่พูดอยู่ข้างๆในช่วงเวลาที่ผมกำลังเหม่อ " คุณคีย์ "

“ หื้ม ? “

“ อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย "

“ ไม่อะ ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ " จะว่าไปวันนี้ยังไม่ได้กินอะไรเลยสักอย่าง มันไม่อยากจะกินอะไรทั้งนั้น แค่คิดว่าต้องเคี้ยวอะไรเข้าไปสักอย่างก็อยากจะอ้วกออกมาแล้ว

“ ยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ " ผมหันไปมองอีกคนที่เอ่ยขึ้นมา

“ รู้ได้ยังไงน่ะ "

“ คุณลิปส่งข้อความมาบอกผมว่าให้หาอะไรให้คุณกินสักหน่อยเพราะวันนี้คุณเครียดมากจนกินอะไรไม่ค่อยลง "

“ นี่มีเบอร์ติดต่อกันตั้งแต่เมื่อไหร่ "

“ นานแล้วครับ คุณลิปให้ไว้ " ร่างสูงบอกผมก็พยักหน้ารับ แอบมองหน้าจอมือถือของอีกคนแบบห่างๆ ไม่รู้นอกจากเรื่องของผมแล้วยังคุยเรื่องอื่นอีกมั้ย ไม่ได้ว่าไม่เชื่อใจฟานหรอกนะ แต่ฟานก็ชอบคนเป็นผู้ใหญ่กว่าแล้วลิปก็ชอบคนที่เด็กกว่าด้วยถึงแม้ว่าจะมีแฟนแล้วทั้งคู่ แต่เรื่องแบบนี้มันก็.. " อยากจะเช็คมือถือผมมั้ย "

“ ไม่อะ " ผมเด้งตัวส่ายหน้าตอนที่อีกคนยื่นมือถือมาให้ดู คงเพราะเห็นว่าผมจ้องมันอยู่นานแล้ว " ฉันไม่ได้อยากดูสักหน่อย ฉันเชื่อใจนายอยู่แล้ว "

“ ดูเหมือนใจไม่ได้รู้สึกอย่างที่พูดเลยนะ " มือหนากอดคอผมก่อนจะดึงเข้ามาไปใกล้ มือถือเครื่องนั้นอยู่ตรงหน้าฟานเปิดข้อความไลน์ให้ผมดู ตรงหน้าจอแชทหลักไม่มีอะไรมาก นอกจากกลุ่มเพื่อนแล้วก็มีผมกับลิปแค่สองคน นิ้วหนากดเข้าไปที่ไลน์ของลิปก่อนจะเลื่อนขึ้นไปที่ข้อความบนสุด ตั้งแต่ที่ทักทายครั้งแรกจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีข้อความอะไรทั้งนั้น เหมือนแค่คุยปกติเรื่องส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของผมทั้งนั้น " อยากดูของคนอื่นด้วยมั้ยครับ "

“ ไม่ละ " ผมส่ายหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองอีกคน " ฉันไม่ได้ไม่เชื่อใจฟานนะ "

“ ผมรู้ครับ " เค้าบอก " ก็แค่อยากจะให้คุณสบายใจ เพราะผมเองก็ไม่มีอะไรปิดบังอยู่แล้ว " พยักหน้ารับอีกคนแบบนั้นตอนที่เดินขึ้นรถไฟที่เข้ามาเทียบชานชาลา  เราเดินทางกลับบ้านกันเงียบๆ ฟานแวะซื้ออะไรนิดหน่อยไม่กี่อย่างที่ร้านสะดวกซื้อก่อนจะเดินขึ้นคอนโด ดูคล้ายๆว่าน่าจะเป็นอาหารที่ต้องพยายามยัดให้ผมกินคืนนี้แน่ๆ

   หย่อนตัวเองลงนั่งที่โซฟาในห้องตอนที่ล้มตัวลงนอนฟานก็เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับช็อคโกเล็ตบาร์ชิ้นนึง เค้าที่นั่งลงข้างๆ ก่อนจะแกะแล้วยื่นมันมาจ่อที่ปากผม " กินสักหน่อยนะครับ "

“ ถ้าฉันไม่กินจะเป็นยังไง " คงไม่ลดมือลง หรือไม่ก็.. ยังทันจะหยุดความคิด อีกคนที่กัดช็อคโกเล็ตบาร์ในมือของตัวเองก่อนจะเลื่อนตัวเข้ามาใกล้ผม ริมฝีปากที่แนบกันของเรา เค้าดันช็อคโกเล็ตแท่งนั้นเข้ามาในปาก ตอนที่เลื่อนออกมาฟานก็บอก

“ ยังไงก็จะทำให้คุณคีย์กินให้ได้ครับ "

“ ประสาท " จับริมฝีปากของตัวเองแล้วหันไปเคี้ยวทางอื่นอีกคนก็ยิ้ม

“ กินอีกสิครับอะ " เค้ายื่นมาให้ผมกินอีก ตอนที่รับแท่งช็อคโกเล็ตนั่นไว้ ฟานก็มองหน้าผม

“ มองอะไร "

“ เปล่าหรอกครับ แค่รู้สึกว่าช่วงนี้ดูคุณผอมลงไปรึเปล่า " มือหนาเอื้อมมาจับเอวของผม ตอนที่ดึงขึ้นเข้ามากอดเค้าก็ถอนหายใจ " ผอมลงจริงๆด้วย "

“ วัดแค่นี้ก็รู้แล้วเหรอ "

“ รู้สิครับ ก็ผมกอดคุณทุกวัน " หลุดยิ้มออกมากับคำพูดของอีกคน

“ ฉันแค่ไม่ค่อยหิวน่ะ เลยไม่ได้กินอะไรเข้าไปเท่าไหร่ แต่ก็สบายดีนะ ไม่ได้เจ็บป่วยอะไร "

“ ไม่ได้เจ็บป่วยอะไรละ การคิดมากก็เป็นอาการเจ็บป่วยอย่างนึงไม่ใช่รึไง "

“ เหรอ ถ้าอย่างงั้นก็คงใช่ละมั้งนะ " ยิ้มจางๆให้อีกคนที่ถอนหายใจออกมา คงกำลังคิดถึงเรื่องภาพหลุดนั่นละมั้ง " นี่ฟาน "

“ ครับ " เค้าหันมาหาผม ตอนที่ลุกขึ้นไปนั่งค่อมตัวของเค้าไว้อีกคนก็ขมวดคิ้ว " คุณคีย์ "

“ สารภาพกับฉันมาหน่อยได้มั้ย ฉันอยากจะถามอะไรกับนายสักอย่าง "

“ ถามอะไรครับ " เอื้อมมือไปกอดคอเค้าตอนที่ก้มลงมองหน้าก็สบสายตาคมนั่นพอดี

“ นายเองก็ยังไม่เชื่อใช่มั้ย เรื่องภาพพวกนั้น นายไม่ได้คิดว่าฉันโกหกแต่นายก็ไม่ได้เชื่อมันทั้งหมดในสิ่งที่ฉันพูด " ไม่มีเสียงตอบรับในคำถามนั้น แต่ผมก็รู้ดีว่าคำตอบนั้นมันคืออะไร ก้มลงซบที่ไหล่ของอีกคนไม่รู้จะพูดอะไรออกมาทำได้แต่กอดเค้าไว้อยู่แบบนั้น

“ ผม.."

“ ดีแล้วที่ไม่โกหกกัน แต่ถึงนายจะโกหกให้ฉันสบายใจ ฉันก็รู้ดีแหละ ว่านายไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้น " ท่าทางอึกอักของเค้าทำให้ผมตัดสินใจพูดมันออกมาก่อน มันเชื่อยากในเมื่อเราเองก็เลือกที่จะโกหกไปแล้วก่อนหน้านั้น ถ้าบอกไปตรงๆตอนนั้นว่าไปกับหัวหน้า วันนี้อะไรๆก็คงไม่เป็นแบบนี้ ตอนนี้เราอาจจะไม่ได้โกรธกัน เรื่องคงง่ายกว่านี้ แต่ไม่ทันแล้ว... อดีตกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว

   ก้มลงจูบริมฝีปากหนาของอีกคนเบาๆ ตอนที่ใช้ลิ้นลุกล้ำเข้าไปในริมฝีปากนั้นช้าๆอีกคนก็ตอบรับ พร้อมกับมือที่กอดรอบเอวของผมไว้ จูบดูดดื่มของกันและกันในตอนที่เราผละออกผมผ่อนหายใจออกมาแรงๆ กัดริมฝีปากตอนที่เค้าค่อยๆเอียงหน้าลงจูบไปที่คอ ไล่ลงต่ำมาที่คอเสื้อ มือหนาปลดกระดุมที่ผมใส่ทีละเม็ดแล้วไล่ลงมาเรื่อยๆ เสื้อเชิ้ตถูกปลดออกมากองอยู่ที่ตรงข้อแขน ฟานที่ก้มลงจูบเนินหน้าอกก่อนจะขบเม้มยอดอกนั่นเบาๆ

“ ฟาน " ก้มหน้าลงมองริมฝีปากของเค้าที่กำลังจูบหน้าอกของผมก็ทำได้แต่เม้มริมฝีปากไว้แน่น เอื้อมมือประคองใบหน้านั้นให้ขึ้นมาสบตากัน คงต้องบอกเรื่องนั้นออกไปแล้ว เรื่องงานสัมมนาที่จะต้องไปต่างจังหวัด ปากที่กำลังจะเอ่ยออกไปแต่ทว่าอีกคนที่สบตากันอยู่กลับพูดขึ้นมา

“ คุณคีย์ ผมรักคุณครับ " เผลอก้มหน้าลงยิ้มกับอีกคนที่ยืดตัวขึ้นมาหอมแก้ม  " มีอะไรที่ทำให้ผมทำให้คุณสบายใจบ้างมั้ย อะไรก็ได้ ผมจะทำให้ "

“ แค่กอดฉัน จูบฉัน แล้วอยู่ข้างๆกันก็พอ " ฟานยกยิ้มขึ้นมาตอนที่หอมลงบนแก้ม เค้าเลื่อนมาจูบที่ริมฝีปากสองแขนที่กอดผมไว้แน่นในตอนนั้น กลายเป็นว่าในที่สุดก็ไม่กล้าจะพูดออกไปจริงๆ ความรู้สึกทั้งหมดนั้น ความรู้สึกที่ว่า เรารู้อยู่แล้วว่าจะทำให้เค้าเสียใจ แม้ในใจก็คิดว่าอย่าพยายามดื้อดึงอะไร จะช้าเร็วเค้าก็ต้องรู้ แต่ว่าในช่วงเวลาแบบนี้  ปากที่ได้แต่เงียบนิ่งอยู่แบบนี้ ไม่อยากจะเสียไปเลย ไม่อยากจะเสียบรรยากาศแบบนี้ไปเลย  บรรยากาศที่เรากอดกันและกันไว้แน่น ช่วงเวลาที่มีความสุขพวกนั้น" ฉันอยากจะให้นายอยู่ข้างฉัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อยู่ข้างๆฉันนะ ไม่ว่าตอนนี้หรือหลังจากนี้ก็ได้โปรดอยู่ข้างๆฉันนะ "

“ ผมอยู่ข้างๆคุณครับ แต่ถ้าคุณไม่โอเคอีก เดี๋ยวผมจะเข้าไปอยู่ข้างในตัวคุณก็ได้ " ขมวดคิ้วกับคำพูดของอีกคน แต่พอก้มลงมองส่วนกลางโปร่งพองที่ตัวเองนั่งทับอยู่ก็เข้าใจทุกอย่างได้ในทันที

“ ไอ้เด็กหื่น นิสัยเสีย " เอื้อมมือไปหยิกปลายจมูกคมที่สะบัดหน้าหนีก่อนจะหอมแก้มผมแล้วจูบผมอีกครั้ง เค้าที่จูบไล้ลงมาบนคอ รู้สึกหวาบวามจนใจเต้นแรงได้แต่เม้มริมฝีปากของตัวเองไว้แน่น ก่อนที่ผมจะก้มลงไปกระซิบเค้าที่ข้างหู " เข้ามาในตัวฉันสิฟาน "

“ แล้วมาว่าคนอื่นหื่น แบบนี้ใครกันแน่ละครับ ที่ยั่ว "

“ จะไม่เข้ามางั้นเหรอ " จ้องตาเค้าถามอีกคนก็ดึงตัวเองขึ้นมากระซิบที่ข้างหู

“ ใส่สดนะครับ "

“ ก็ตามใจสิ "
.........................................................

“ อะไร นี่ยังไม่ได้บอกอีกเหรอ " ลิปชะงักแซนวิชที่กำลังถืออยู่ในมือ ตอนที่ถามไถ่ผมเกี่ยวกับเรื่องงานไปสัมมนาที่หัวหินว่าได้บอกฟานแล้วรึยัง แต่คำตอบที่ได้รับจากผมคือ ' ไม่ ยังไม่ได้บอก ' เค้าที่ผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่มองหน้าผมที่ได้แต่นิ่ง " จะรอไปถึงเมื่อไหร่วะ จะบอกตอนเช้าของวันไปเลยรึไง "

" ฉันไม่กล้าบอกวะ " สารภาพออกไปตามตรงกับคนตรงหน้าที่ก็เงียบไป " ฉันรู้ว่าถ้าบอกออกไปมันจะเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้จะคิดในแง่ดีว่าเค้าจะเข้าใจฉัน  แต่มันก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย นายจะยอมให้คุณเมษไปค้างคืนกับคุณมาเรียสองต่อสองที่ต่างจังหวัดมั้ย "

" ก็คงไม่ " เค้าที่ส่ายหน้าออกมา  อาหารตรงหน้าผมถือค้างมันอยู่แบบนั้นเหมือนไม่อยากจะกินเท่าไหร่ กินอะไรไม่ลงมาหลายวันแล้วแม้จะเป็นอาหารสุดโปรดฝีมือของฟานก็ตาม ราวกับว่าทุกวันนี้ความสุขที่มีมันแสนฉาบฉวย เราที่กอดกันจูบกันหรือมีอะไรกัน ความสัมพันธ์ที่แสนจะดูดดื่มและมีความสุข แต่ในใจผมก็รู้ว่า พอถึงวันที่เค้ารู้  ทุกอย่างมันก็ต้องเปลี่ยนไป

“ แต่ยังไงก็ต้องบอกเค้านะ "

“ อื้ม ฉันรู้ "

“ คีย์ "

“ ฉันอยากจะหายไปวะ หายไปจากวันนี้ แล้วก็ค่อยโผล่กลับมาอีกทีวันจันทร์ ฉันไม่อยากถูกไล่ออกจากงานเพราะถ้าไม่มีงานก็ไม่มีกิน ไม่ได้อยากจะย้ายไปไหน แม้จะมีเรื่องวุ่นวายแบบนี้แต่ฉันก็อยากจะทำงานที่นี่ เงินเดือนมันดี สวัสดิการก็ดี อีกอย่างฉันเกลียดการเปลี่ยนแปลง ไม่อยากจะต้องเข้าไปปรับเปลี่ยนตัวเองอีก แต่ถ้าหันไปทำฟรีแล๊นซ์วันไหนวันนึงที่ฟานทิ้งฉันไป ฉันจะเอาเงินที่ไหนกินวะ ถ้ารายได้มันดีอย่างที่ทำงานบริษัทก็ดีนะสิ แต่ถ้าไม่ละ มันบอกไม่ได้ไม่ใช่เหรอว่าจะดีหรือแย่ แต่ละเดือนก็ไม่เหมือนกัน ใครๆก็รู้ว่ามันไม่มั่นคง "

“ ก็จริงของนายนะ ฟรีแล๊นซ์เป็นงานที่ไม่มั่นคงจริงๆ จะเยอะจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับลูกค้า แล้วเรามันก็แค่ระดับลูกน้อง ฐานลูกค้าก็น้อยเพราะทำมาไม่กี่ปีเอง "

“ อื้ม " พยักหน้ารับอีกคน ผมถอนหายใจออกมามองแซนวิชในมืออย่างไม่รู้จะหันสายตาไปมองอะไร " ฉันไม่ได้กลัวว่าฟานจะทิ้ง แต่ในโลกใบนี้มันไม่มีอะไรแน่นอนเลย ดูอย่างฉันสิ อยู่ๆหัวหน้าที่เคยแอบชอบมาสามปีกลับเข้ามาสนใจฉัน แต่ในขณะที่ฉันพยายามจะตัดเค้าออกตอนที่รู้สึกว่า ชิบหายแล้วเราจะคบเค้าไม่ได้ถ้าคบต้องเสียฟานไปแน่ เค้ากลับจับมือฉันไว้แล้วบีบแน่นจนไม่ปล่อยไปไหน ฉันที่ไม่เคยคิดจะชอบคนอายุเด็กกว่าเลย แต่วันนี้กลับกลัวแม้จะบอกความจริงกับเค้า กลัวที่จะเสียเค้าไป กลัวว่าจะกลายเป็นคนที่ถูกทิ้ง " น้ำตาของผมไหลออกมาจากดวงตาช้าๆ " ทุกวันฉันมีความสุขที่ได้อยู่กับเค้า แต่เป็นความสุขที่ไม่เคยสุดเลยสักวัน เพราะฉันปิดบังเรื่องพวกนี้อยู่ ปิดบังเรื่องงานสัมมนางี่เง่านี่ เรื่องความรู้สึกจริงๆของฉัน ฉันไม่เคยบอกฟานเลยว่าฉันหวั่นไหวไปกับหัวหน้า โกหกไปตลอดว่า ไม่ได้คิดอะไร เพื่อเอาตัวรอดให้เค้าอยู่ใกล้ๆ แต่มันก็ไม่เคยมีความสุข ใจฉันรู้ดี ว่าเรื่องมันเป็นยังไง อย่างที่นายบอกไงลิป ฉันโกหกคนอื่นได้ แต่ฉันคงโกหกตัวเองไม่ได้หรอก "

“ ไม่รู้เมื่อไหร่มันจะสิ้นสุดสักทีนะ " ลิปบอก เค้าที่ก้มลงมามอง ในแววตาที่กำลังสงสารผมนั้น เราทำได้แค่เงียบให้กันอย่างไม่รู้จะพูดอะไรออกมา

   เดินกลับขึ้นมาในแผนกนั่งลงที่โต๊ะทำงานของตัวเองแต่ยังไม่ทันได้เริ่มทำงาน หัวหน้าที่นั่งอยู่ที่โต๊ะก็ลุกเดินเข้ามาหาผม เค้าที่เอ่ยเรียกชื่อทำเอาคนทั้งแผนกหันมามอง " คีย์ "

“ ครับ "

“ พรุ่งนี้ เจ็ดโมงฉันจะไปรับนายที่คอนโดนะ จะได้ไปสัมมนาที่หัวหินพร้อมกัน "

“ ผมไปเองได้ครับ ไม่เป็นไรหรอก " หันไปบอกเค้าแบบนั้นอีกคนก็ถอนหายใจออกมา

“ จะไปเองได้ยังไง โรงแรมอยู่ที่ไหนนายรู้รึยังไง แล้วนายจะเดินทางยังไงนายไม่มีรถ โรงแรมมันอยู่ไกลออกไปมากนะ ไม่ใช่จะนั่งรถสาธารณะได้เสักหน่อย "

“ ผมเดินทางคนเดียวได้ครับ ไม่มีปัญหาหรอก "

“ เค้าให้ทุกแผนกไปถึงพร้อมๆกันนะ ถ้าเดินทางรถสาธารณะมันก็ต้องเสียเวลา ไปกับฉันนั่นแหละ "

“ ไม่เป็นไรจริงๆครับ ผมจะไปให้ทันตามเวลานัดหมายเลย จะไปถึงก่อนเวลาอีกด้วย เดี๋ยวผมไปเอง ไม่เป็นไรครับ "

“ ฉันบอกว่าให้ไปกับฉัน!! " หัวหน้าพูดเสียงดังออกมาด้วยความรู้สึกโกรธที่ไม่อยากจะถกเถียงอะไรกับผมอีกแล้ว " อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงานสิ นี่เราไปสัมมนากันนะ ช่วยให้ความร่วมมือกับทางบริษัทหน่อย นี่มันเรื่องงาน! " เค้าอธิบายเสียงแข็งด้วยใบหน้าหงุดหงิดที่เหมือนกำลังตัดคำปฎิเสธทั้งหมดไปแล้วเหลือเพียงแค่การจำยอมที่ต้องยอมรับไปอย่างเลี่ยงไม่ได้  ผมที่นิ่งมองเค้า " พรุ่งนี้ทุกแผนกจะเดินทางไปกันเอง นัดถึงที่หมาย 10 โมงถ้านายเดินทางเองนายก็จะถึงช้ากว่าคนอื่น แน่นอนไม่มีทางจะถึงก่อนหรอกแล้วแบบนั้น แผนกเราก็จะดูไม่ดี เพราะงั้นพรุ่งนี้เจ็ดโมงฉันจะไปรับนายที่ใต้คอนโด ตรงเวลาด้วยละ นี่คือคำสั่งของหัวหน้า " ร่างสูงที่เดินออกไปทำให้ผมได้แต่นั่งนิ่งๆอยู่แบบนั้น เสียงกระซิบของพนักงานที่ได้ยินดังขึ้น เสียงที่ไม่ได้ต่างอะไรกับมีดคมๆที่กรีดซ้ำลงบนร่างกายของผมให้เจ็บมากขึ้นกว่าเก่า

“ อย่าเอาเรื่องส่วนตัวไปปนกับเรื่องงานสิ โถ.. พ่อคุณคนดี ไอ้ที่ไปกันสองคนนี่ก็เรื่องส่วนตัวชัดๆอะคะ จะไปกกเมียน้อยแล้วเอางานมาอ้าง ทำเป็นบอกว่าเพื่องาน เอาจริงๆคงอึ้บกันตั้งแต่ในรถแล้วมั้ง ทนความคิดถึงที่มีต่อกันไม่ไหว เค้ารู้กันหมดละ ยังมาปั้นเรื่องทำเป็นไม่อยากจะไปกันอีก โถ่...ช่างน่าสงสาร "

“ เมียน้อยเขินไงพี่ ต้องทำท่าทางว่าไม่กล้าจะไปด้วย จะได้ดูมีข้ออ้างไงแบบ จริงๆก็ไม่อยากจะไปด้วยนะ แต่ในใจคงอยากจะไปจนตัวสั่นละ แต่นะเดี๋ยวโดนว่าใส่ร้ายนางอีก เพราะไม่มีใครไปถามนางว่าจริงๆเรื่องเป็นไง "

“ แกก็ไปถามมันสิว่าจริงมั้ยที่ไม่อยากไป "

“ ไม่เอาอะ สงสารเค้าเดี๋ยวเค้าต้องตอแหลอีก แล้วพอไม่เนียนทางเราจะเสียความรู้สึกได้นะ "

“ นั่นนะสินะ ฮ่าๆ "   เสียงหัวเราะที่พูดคุยกันอย่างมีความสุข แม้จะเป็นเรื่องที่ทุกข์ใจของคนอื่นแต่กลับบอกเล่ากันอย่างสนุกปากเหมือนเป็นเรื่องตลกขำขันกัน ไม่ได้รู้สึกเห็นใจหรือรู้สึกอะไรถึงคนอื่นทั้งนั้น เหมือนพอเห็นคนล้มแทนที่จะช่วยกันพยุงกลับวิ่งมาเหยียบซ้ำๆเหมือนอยากจะให้ตายกันไปข้างถึงจะพอใจ

“ คีย์ " อาจจะเห็นผมเหม่ออยู่คนทำงานโต๊ะข้างๆอย่างลิปเลยเรียกผมไว้  " วันนี้ให้ฉันไปกับนายมั้ย อยากจะให้ฉันไปช่วยอธิบายอะไรฟานรึเปล่า "

“ ไม่เป็นไรหรอก ฉันอยากจะคุยกับเค้าสองต่อสองมากกว่า "

“ เหรอ " เค้าพยักหน้ารับ " งั้นถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ "

“ อื้ม ขอบใจนะ "

   เงยหน้ามองนาฬิกาบอกเวลาเป็นช่วงเวลาหนึ่งทุ่มพอดี ผมปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองตอนที่ลุกขึ้นจากที่นั่งเก็บเก้าอี้เรียบร้อย เตรียมจะกลับบ้านเสียงของหัวหน้าก็พูดทักขึ้น

“ เจอกันพรุ่งนี้นะคีย์ อย่าสายละ " รอยยิ้มใจดีของเค้าที่ส่งมา ตอนนั้นผมทำได้แต่มองมันนิ่งๆเค้าก็ค่อยๆคลายยิ้มนั้นแล้วหันไปทำงานของตัวเองต่อ ผมไม่ได้ตอบอะไรเค้าแต่กลับหันไปหาลิปแทน

“ ลิป ฉันกลับบ้านก่อนนะ "

“ อื้ม ไว้จะโทรหานะ "

“ อื้ม " พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกมาจากแผนกโดยไม่ได้บอกลาใครคนอื่นทั้งนั้น กดลิฟต์ลงไปชั้นล่างทั้งๆที่มีผู้คนรอบข้างมากมายแต่มันกลับดูเหมือนไม่มีใครเลย ทุกอย่างดูเงียบเหงาแล้วก็ว่างเปล่า เหมือนรอบตัวมันเงียบไปหมด เหลือเพียงแค่ตัวผม ตัวผมที่สิ้นหวังลงไปทุกวินาที
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 44 ' ทางที่ถอยไม่ได้ ' UP - 30.10.59} หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 04-11-2016 20:34:28


“ คุณคีย์ครับ " เงยหน้ามองเสียงเรียกคุ้นๆของร่างสูงที่ยิ้มให้ก่อนจะวิ่งมาหาจากถนนฝั่งตรงข้ามห้าง ใบหน้าหล่อเหลาที่แม้แต่กระทั้งตอนที่วิ่งเข้ามาหาผม " เลิกงานพร้อมกันเลย "

“ อื้ม " พยักหน้ารับเค้า อีกคนก็ก้มลงมามองดู

“ หน้าตาคุณดูไม่ดีเลยไหวรึเปล่า อยากจะกินอะไรก่อนที่เราจะกลับบ้านมั้ย "

“ ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากจะกินอะไร กลับบ้านกันเถอะ " ผมบอกเค้าเราที่เดินไปขึ้นรถไฟกันเงียบๆ พอเดินทางมาถึงคอนโดฟานก็รีบเข้าไปในครัวทันที

“ ผมจะทำข้าวปลาแซลม่อนให้คุณกินนะ กินอะไรสักหน่อยนะ "

“ ฉันไม่ค่อยหิวนะ " หันหน้าไปบอกเค้า ฟานที่จัดการเตรียมทุกอย่างอยู่ในครัวก็เดินออกมาหาผมที่นั่งอยู่บนโซฟา ร่างสูงย่อตัวลงตรงหน้าก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือของผมเอาไว้

“ กินอะไรเข้าไปสักหน่อยเถอะครับนะ ถึงคนอื่นเค้าจะพูดทำร้ายคุณยังไง แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องทำร้ายตัวเองไปด้วยนี่ "

“ ฟาน " ผมเอ่ยเรียกชื่อเค้า พลางจ้องแววตาห่วงใยที่ส่งมาให้ผม " ฉันมีอะไรจะบอกฟานนะ คือ พรุ่งนี้ฉันจะไปสัมมนางานที่ต่างจังหวัดสองวันกับหัวหน้านะ " ทุกอย่างเงียบแววตาห่วงใยที่เปลี่ยนไปของเค้า เหมือนคนฟังไม่เข้าใจเท่าไหร่เค้าที่ขมวดคิ้วน้อยๆก่อนจะถามซ้ำ

“ อะไรนะ.. ไปสัมมนางานต่างจังหวัดกับหัวหน้า  "

“ อื้ม ไปสัมมนางานต่างจังหวัด ไปหัวหินน่ะ ไปสองวันหนึ่งคืน "

“ แล้วที่บอกว่าไปกับหัวหน้า คือ ไอ้เหี้ยนั่นเหรอ "

“ อื้ม ใช่ " ผมพยักหน้ารับ

“ แล้วแค่สองคนเหรอ "

“ อื้ม " ก้มหน้ารับอีกครั้งผมที่กำมือเค้าไว้แน่น แววตาที่หันมาจ้องผมทั้งเด็ดเดี่ยวและมั่นคงเสียงเข้มๆที่เอ่ยออกมา

“ ไม่ให้ไป ผมไม่ให้คุณไป "

“ ฉันไม่ได้มาขอให้นายอนุญาติหรือไม่อนุญาติ ฉันแค่มาบอกว่า ฉันต้องไปสัมมนางานกับหัวหน้า " ใบหน้าคมขมวดคิ้วก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเอง ความรู้สึกโกรธที่กำลังจะระเบิดออกมาเต็มที่

“ เดี๋ยวนะ นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรกันน่ะ คุณจะไปสัมมนางานสองวันหนึ่งคืนกับไอ้เหี้ยนั่นสองต่อสองที่ต่างจังหวัด แล้วมาบอกผมเพื่อให้ผมไม่ได้รู้สึกอะไรแต่แค่รับรู้ไว้ ว่าคุณจะไปอย่างงั้นเหรอ บ้ารึเปล่า การยินยอมให้เมียตัวเองไปเป็นเมียคนอื่น มึงคิดว่ากูจะยอมให้มึงไปเหรอ "

“ ฟาน ฉันไม่ได้ไปกับเค้าสองคนแบบนั้น คือฟังก่อนนะ ในแผนกฉันไปกับเค้าสองคนก็จริง แต่มันยังมีคนอื่นๆ ในแผนกอื่นๆอีกทีเค้าก็ไปด้วยไม่ใช่การไปสัมมนากันสองคนแบบนั้น เราแค่ต้องไปด้วยกันมันก็แค่นั้น เราเป็นตัวแทนของแผนก "

“ ตัวแทนของแผนก แล้วทำไมต้องเป็นมึงด้วยวะ ในแผนกมีมึงกันสองคนรึไงวะ " เค้าถามก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา "  ช่างเลือกดีนะ เลือกคนที่ได้ชื่อว่ากำลังเป็นชู้กัน ให้ไปงานแบบค้างคืนด้วยกัน ถามจริงๆเถอะ ทั้งแผนกเค้าเสนอชื่อมึง หรือจริงๆตัวมึงอยากจะไปกกกับมันโดยเสนอชื่อตัวเองกันแน่ "

“ ฉันไม่ได้อยากไปนะ ! " ผมเถียงกลับ " แล้วการที่นายบอกว่าฉันเสนอชื่อตัวเองคืออะไร นายคิดว่าฉันอยากจะไปงานนี้รึไง ฉันไม่ได้อยากจะไปเลย ไม่อยาก "

“ ไม่ได้อยากไปก็ปฎิเสธเค้าไปสิวะ แล้วจะไปทำไม " 

“ ฉันปฎิเสธจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ฉันทำทุกวิถีทางแล้ว แต่เพราะเรื่องมันเป็นแบบนี้ เพราะใครๆคิดว่าฉันเป็นเมียน้อยเค้า ทุกคนเลยโยนมาให้ฉันไป ให้ฉันไปคู่กับเค้า ทั้งๆที่ความจริงฉันไม่ได้อยากจะไปเลย ฉันปฎิเสธแล้ว ปฎิเสธมาเยอะมากแล้ว ปฎิเสธมาตลอด แต่มันก็ไม่มีใครฟังฉันเลย ไม่มีเลย ทุกคนต่างยัดเยียดบอกให้ฉันไป ให้ฉันไปกับเค้า เพราะคิดว่าฉันเป็นเมียน้อยหัวหน้า "
“ แบบนั้นก็เลยตกลงไป " ผมพยักหน้ารับอีกคนก็ก้มลงมามอง " แต่ถ้ามึงไปนะ มึงได้เป็นเมียน้อยมันแน่ๆ มันไม่มีทางปล่อยมึงออกมาหรอก เพราะมันจ้องจะเอามึงอยู่แล้ว เรื่องที่กูไม่รู้ก็มีแค่ว่า มันจะเอามึงแบบไหนก็เท่านั้นแหละ ระวังไว้เถอะ ยิ่งมึงดื่มเหล้า มันคงเอามึงทั้งคืนอะ "

“ ฟาน!! อย่ามาประชดได้มั้ย มันไม่ใช่เวลาที่นายจะมาทำนิสัยเด็กๆของนายนะ "

“ กูไม่ได้ประชด! กูพูดจริงๆ! “ เค้าคว้าแขนของผมมันจับไว้แน่น ใบหน้าคมที่ก้มลงมาจ้อง " ฟังนะ ถ้ามึงไป มึงไปเลย แล้วพอมึงกลับแล้วมึงก็ไม่ต้องกลับมาเจอกูอีก ไม่ว่ามึงจะกลับมาแบบไม่ได้เอากับมันซึ่งแม่งมีเปอร์เซ็นที่น้อยมากๆ หรือกลับมาแบบที่โดนมันเอาจนยับมึงก็ไม่ต้องมาเจอกูอีก เพราะกูบอกมึงแล้ว  ว่าอย่ายุ่งกับไอ้เหี้ยนี่ กูบอกมึงแล้วว่าอย่าไป แต่ถ้ามึงดึงดันที่จะไปเป็นเมียมัน มึงก็ไป  "

“ ฟาน แต่นี่มันเป็นงานนะ งานที่ฉันต้องทำ ต้องไป ถ้าไม่ไปก็โดนไล่ออก แล้วจะให้จะทำยังไง ต้องให้ลาออกเลยเหรอไง "

“ ไม่มีปัญหาลาออกสิ กูพร้อมเลี้ยงมึงอยู่แล้ว เพราะตอนนี้สิ่งที่กูหวังที่สุดคือ กูอยากให้มึงลาออกจากบริษัทเหี้ยๆนี่สักที ใครมันอยากจะให้เมียตัวเองไปทำงานอยู่กับผู้ชายที่ไม่รู้ว่าวันไหนมันจะงาบมึงไปวะ มึงจะรู้ตัวเหรอไง ถ้าเผลอไปแดกน้ำที่มันให้เข้าไป มึงก็หมดสติจะโดนเค้าเอาท่าไหนมึงก็ไม่รู้ตัวแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเวลาเมาเหล้า มึงอยากมากนี่ ไม่ชอบใส่ถุงยางด้วย ให้มันเล่นสดดีๆละ ระวังติดเอดส์ก็แล้วกัน ! “

“ เพี๊ยะ! “ เสียงตบแรงๆที่ผมฟาดลงไปบนหน้าของเค้าเหลืออดแล้วกับคำพูดของอีกฝ่ายที่พูดจาไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ซ้ำยังเอาแต่อารมณ์และความรู้สึกของตัวเอง พูดแค่เรื่องอย่างว่าตอกย้ำกันซ้ำๆว่าจะไปจากกันให้ได้ ผมเอ่ยออกไปทั้งน้ำตา " พูดแต่เรื่องแบบนั้นอยู่นั่นแหละ กูไม่เคยคิดจะไปเอากับใครทั้งนั้น ทุกวันนี้ก็คิดจะมีอะไรกับมึงแค่คนเดียว แต่มึงยังมาคิดว่ากูจะไปเอากับเค้าอยู่ได้มันใช่เหรอวะฟาน มันใช่เหรอสิ่งที่มึงกำลังพูดอยู่ สิ่งที่มึงกำลังตอกย้ำกูน่ะ  กูแค่ไปงานสัมมนาของบริษัทไม่ได้ไปงานสัมมนาฟรีเซ็กส์ ทำไมมึงต้องคิดอะไรแต่เรื่องแบบนั้น มันอาจจะไม่มีก็ได้ กูแค่ไปทำงาน  "

“ คนแบบมึงนี่แหละ คือคนที่จะมีผัวไม่รู้ตัว เพราะมึงไม่คิดเหี้ยอะไรเลยไง มึงจะโลกสวยไปไหนวะ มึงคิดว่าคนที่เค้าชอบมึง ได้นอนห้องเดียวกับมึงเค้าจะไม่คิดปล้ำมึงงั้นเหรอ ถ้ามีโอกาส มึงคิดว่าคนที่มึงสะบัดรักไปจากมึงแต่เค้ายังรักมึงอยู่ จะไม่คว้าโอกาสทำอะไรแบบที่อยากทำงั้นเหรอ มึงมองหัวหน้ามึงเป็นสุภาพบุรุษมากเลยสินะ รอให้มันเอาก่อนมั้ย มึงถึงจะรู้ตัว "

“ ฟาน.. "

“ ถ้ามึงรักกู กูขอ..” เค้าเว้นเสียงก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ " อย่าไป อย่าไปกับมันเพราะมันจะเล่นไม่ซื่อกับมึงแน่ๆ ลาออกจากงานนี่ซะเถอะ  ถ้ามึงไม่มีเงินใช้กูจะเลี้ยงมึงเองอยากได้เท่าไหร่กูก็จะให้  กูเลี้ยงมึงได้ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว แต่ออกจากงานนี้เถอะ มึงเชื่อกู อย่าเสี่ยงเลยไม่คุ้มหรอก "

“ แล้วถ้ามึงทิ้งกูไปละ กูจะใช้ชีวิตยังไง ถ้าวันไหนวันนึงมึงทิ้งกูไป กูจะทำยังไงกับรายจ่ายของตัวเองละ มึงยังจะเสียให้กูรึไง "

“ กูไม่ทิ้งมึงหรอก "

“ มึงพูดตอนนี้มึงก็พูดได้ง่ายๆดิวะ ก็มึงไม่อยากให้กูไป มึงพูดเหมือนว่ามึงรู้อนาคต มึงพูดเหมือนว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมึงก็จะไม่ทิ้งกู แต่ความเป็นจริงมึงไม่มีทางรู้หรอกว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น "

“ กูไม่เคยคิดจะทิ้งมึง ไม่เคย " เค้าบอก " ตั้งแต่ที่มีมึงเข้ามาในชีวิตก็คิดอยู่ตลอดว่าจะรักตลอดไป กูถึงได้พยายามทุกอย่างเพื่อให้มึงชอบไง กูเลยทุ่มเทให้มึงคนเดียวไง ทำไมกูถึงมั่นใจนัก เพราะไม่ว่าจะเจอใครกูก็จะไม่รักเค้า นอกจากมึงไง กูทำอย่างที่กูพูด และกูรู้สึกอย่างที่กูบอก บอกว่ารักมึงคนเดียวก็คือรักมึงคนเดียว ไม่เคยหวั่นไหวกับใคร ถ้ามึงไม่มั่นใจ กูขอท้าจะทำสัญญากันก็ได้ ถ้ากูนอกใจมึงเอาไปเลยสิบล้าน เพราะกูไม่มีวันจะได้จ่ายมึงแน่ๆ เพราะกูจะไม่มีวันเปลี่ยนไป ตราบใดที่มึงไม่เปลี่ยนไปก่อน "

“ แต่กูเคยเปลี่ยนไปนะ " เงยหน้ามองหน้าเค้าอีกคนก็นิ่ง " ที่เคยบอกว่าหัวหน้าเข้ามาจีบ แล้วบอกว่ากูไม่รู้สึกอะไร ตอนนั้นกูโกหกเพื่ออยากจะรักษามึงไว้ แต่จริงๆ กูรู้สึกนะ กูหวั่นไหว กูหวั่นไหวไปกับเค้า ไปกับความรู้สึกดีๆที่เค้าให้มา กูเผลอเล่นด้วย วันที่ไปกินข้าวกับเค้าตอนที่มึงเห็น วันนั้นกูสมัครใจไปเอง กูตั้งใจจะไปกับเค้าเองเพราะกูอยากจะลองทำตามใจตัวเองบ้าง กูชอบเค้ามานานกูก็อยากจะลองดูว่าเป็นยังไง ถ้าได้อยู่.."

“ นี่มึง..” สองแขนปล่อยออกจากตัวผม ฟานที่ได้แต่อึ้งกับคำสารภาพของผม

“ ถ้ากูได้อยู่ใกล้เค้ากูจะเป็นยังไงกูอยากรู้ แต่ว่ามึงก็ดันมาเห็นซะก่อน กูเลยมีสติแล้วคิดได้ว่ากูมีแฟนแล้ว กูกลัวมึงโกรธ กลัวมึงไปหวั่นไหวกับคนอื่นที่ไม่ใช่กู พอเป็นแบบนั้นก็เลยไม่เข้าไปยุ่งกับเค้าอีก เพราะกูรู้ตัวแล้วว่า กับหัวหน้ากูแค่เล่นๆไม่จริงจังแต่กับมึงมันไม่ใช่ กับมึงกูจริงจัง แล้วกูก็ไม่อยากจะเสียมึงไป แต่มันไม่ได้มีอะไรเกินเลยนะ กูแค่หวั่นไหว "

“ มันไม่ใช่แค่หวั่นไหว แต่มันคือการนอกใจ จะมากจะน้อยเท่าไหร่ นอกใจก็คือนอกใจ "

“ แต่ตอนนี้กูไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเค้าเลยสักนิดเดียว " ผมเถียงออกไปเสียงสั่น ฟานก็เบือนหน้าหนี น้ำตาของเค้าที่ไหลออกมาพร้อมกับคำพูดที่พูดออกมาทั้งน้ำตา

" ทั้งๆที่กู รักมึงมากขนาดนี้แท้ๆ ทั้งๆที่กูเชื่อใจมึง ว่ามึงพูดจริงๆ แล้วนี่คือสิ่งที่มึงให้กูเหรอวะ นี่คือสิ่งที่มึงตอบแทนกูที่รักมึงงั้นเหรอ การนอกใจนี่อะนะ แล้วก็ยังมาโกหกกู มึงนี่มัน.. “

” แต่พอกูเลิกยุ่งกับเค้า เค้ากลับไม่เลิกกับกู ยังบังคับให้กูไปสัมมนากับเค้า ทั้งๆที่กูไปขอรองหัวหน้าให้ไปแทนแล้ว แต่เค้าก็ไม่ยอม ยังไงก็จะให้กูไป ฟานขอโทษ ขอโทษจริงๆที่รู้สึกแบบนั้นกับคนอื่นกูขอโทษฟาน ขอโทษจริงๆ " ผมก้มหน้าร้องไห้ตอนที่สารภาพทุกอย่างกับเค้าไป คว้ามืออีกคนมาจับไว้แน่น สบสายตาที่สั่นไหวเพราะความจริงที่ตัวเองรับรู้ ความจริงที่ผมปิดบังเค้าไว้ตลอด อีสองมือของผมกอดเค้าไว้แน่นแล้วพร่ำขอโทษออกมา " ฉันขอโทษฟาน ขอโทษ ขอโทษจริงๆ "

“ แล้วแบบนี้มึงยังไม่รู้อีกเหรอ ว่าแม่งต้องการอะไรจากมึง ที่มันบังคับให้มึงไปแค่มึงเท่านั้นที่ต้องไป มึงยังไม่รู้อีกเหรอว่าเพราะอะไร ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่ามันจะทำอะไรมึง  แล้วยังมีหน้ามาบอกกู ให้กูแค่รับรู้ว่ามึงจะไปโดยไม่ให้กูออกความเห็นเหี้ยอะไร จะให้กูบอกว่าไปเถอะ ไปกับเค้าเถอะ มึงจะให้กูบอกแบบนั้นเหรอ บอกอนุญาติให้เมียตัวเองไปนอนเอากับคนอื่นอย่างงั้นเหรอวะ มึงบ้ารึเปล่าวะ! มันจะเอามึงดูแค่นี้ก็รู้แล้ว มึงเองก็รู้แล้วยังจะไปเหรอวะ “ เค้าจ้องหน้าที่ไม่ได้ตอบอะไรออกมา ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ " ถามจริงๆเถอะ ที่จะไปน่ะ เพราะรู้อยู่แล้วใช่มั้ยว่าจะโดนเค้าเอาก็เลยตัดสินใจจะไป เพราะอยากจะเป็นของเค้าอยู่แล้วก็เลยจะไปถูกต้องมั้ย "

" ไม่จริงนะ! ฉันไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้นกับเค้าเลย ฉันเป็นของฟานเป็นของฟานแค่คนเดียว แล้วอยากจะเป็นแค่ของนาย ไม่อยากจะเป็นของของคนอื่น ฟาน ได้โปรดเชื่อฉันเถอะนะ ฉันผิดไปแล้วเรื่องนั้นฉันรู้แต่ที่ต้องโกหกก็เพราะว่าไม่อยากจะเสียนายไป ฟาน.."

“ เรื่องที่มึงหวั่นไหวกับเค้า กูจะถือว่ามันผ่านไปแล้วก็ได้ แต่เรื่องนี้ขอก็แล้วกัน อย่าไปงานสัมมนานั่น ถ้ามันบังคับยังไงก็ต้องไป ลาออกซะไม่ต้องทำ ถ้ามึงไม่มีเงินกูจะให้ กูจะให้ทุกอย่าง แค่ออกมาห่างมาจากไอ้เหี้ยนั่นก็พอ ตกลงนะ อย่าไปเลย มึงไม่รอดหรอก "

“ ฟาน ฉันไม่อยากจะใช้ชีวิตอยู่แบบไม่มีค่า ไม่อยากจะใช้ชีวิตเครียดๆแบบที่ว่า ไม่รู้ว่าจะมีเงินเข้ามาเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ที่เค้าจะจ้างงาน ฉันไม่อยากจะรู้สึกแบบนั้น ไม่อยากใช้ชีวิตแบบที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่นายจะทิ้งฉัน ไม่อยากจะใช้ชีวิตแบบนั้น "

“ เลยอยากจะไปเป็นเมียน้อยเค้ามากกว่าถูกมั้ย " เค้าจ้องหน้าผมก่อนจะพูดออกมา " กูขอถามมึงอีกแค่คำถามเดียวแล้วกัน ถ้ากูคุกเข่าขอร้องมึงจะไปมั้ย ถ้าบอกว่าอย่าไปกับไอ้เหี้ยนั่นวันพรุ่งนี้ ถ้ากูร้องไห้ แล้วกูขอร้องมึง ถ้ากูกราบมึง บอกมึงว่า อย่าไปเลยนะ อย่าไปกับเค้า อยู่กับกูเถอะนะ อย่าไป มึงจะฟังกูมั้ย " น้ำตาของอีกคนไหลออกมา ก่อนที่เค้าจะคุกเข่าลงแล้วกอดเอวผมไว้ " คุณคีย์ อย่าไปเลยครับ ถ้าคุณไปคุณจะไม่ใช่ของของผมแล้วนะ อย่าทำร้ายผมถึงขนาดนั้น อย่าทำร้ายผมด้วยการเอาร่างกายของคุณ เอาหัวใจของคุณไปให้เค้าเลย อย่าทำแบบนั้นเลยนะ ผมสัญญาว่าผมจะดูแลคุณเอง ได้โปรดเถอะ อย่าไปเลยนะ คุณคีย์ครับ ผมรักคุณ " ก้มหน้าลงมองหน้าเค้าที่เงยหน้ามองผม ทุกอย่างเงียบไปในตอนนั้นผมที่หลบตาปฎิเสธความต้องการของอีกคนเป็นคำตอบที่ไม่ต้องพูดอะไรออกมาทั้งนั้น  ท่าทางที่อีกคนก็เข้าใจมันได้ทันทีก่อนจะเอ่ยขึ้นมา " ขนาดขอร้องขนาดนี้แล้วก็ยังตัดสินใจจะไปใช่มั้ย ถามจริงๆเถอะ ที่บอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเค้าแล้ว ที่บอกว่าเลิกหวั่นไหวไปแล้ว จริงๆแล้วโกหกอีกแล้วใช่มั้ย ที่ผมพยายามทำมาทุกอย่างสิ่งที่ผมได้เป็นเจ้าของของคุณ คงเป็นแค่ร่างกายสินะ แต่หัวใจผมไม่เคยได้เลย ยังไงก็ยังชอบเค้าอยู่ดีสินะ หัวหน้าของคุณคนเป็นเป็นผู้ใหญ่คนนั้นน่ะ แบบนั้นก็เลยอยากจะเอาไปให้เค้าสินะ ร่างกายนี่นะ เพราะหัวใจคุณคงให้เค้าไปนานแล้ว "

“ ฟานมันไม่ใข่ ฉันก็บอกแล้วไง ว่าไม่ได้รู้สึกอะไรแค่ไม่อยากจะออกจากงาน "

“ อื้ม งานที่สำคัญกว่าความรู้สึกของผม " เค้าพยักหน้ารับ “ งั้นก็ไปเถอะ ไปซะ ไปหาคนที่คุณที่รักเถอะ ไม่ต้องฝืนหรอก อย่าฝืนอยู่กับผมเลย " เค้าลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แต่มือของผมก็รีบคว้าเค้าเอาไว้ " แล้วจำเอาไว้นะว่าน้ำตาของกูที่ไหลออกมา คือเพราะว่าไม่ว่าจะพยายามจะทำเท่าไหร่ สุดท้ายมึงก็เลือกที่จะไปกับเค้า แล้วจำเอาไว้อีกอย่างคือ ไปแล้วอย่ากลับมา "

“ ฟาน " กอดเค้าเอาไว้แน่นผมที่ซบลงไปบนแผ่นหลังของเค้า " อย่าพูดแบบนั้นสิฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเค้านะ ที่ฉันมาบอกฟานเพราะไม่อยากจะโกหกอะไรฟานอีกแล้ว ไม่อยากจะให้ฟานเสียใจเพราะฉันโกหกฟาน ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเค้าแล้ว ตอนนี้ฉันมีฟานแค่คนเดียว ฉันแค่ฟานคนเดียว แค่คนเดียวจริงๆนะ "

“ มึงมีกูคนเดียวแต่มึงก็แคร์มันมากกว่ากู แคร์งานของตัวเองมากกว่ากู ทั้งๆที่กูบอกมึงอยู่ตรงนี้ว่าจะให้มึงทุกอย่าง แต่มึงก็ยังดึงดันที่จะเลือกเค้า แล้วมึงก็มาบอกกูว่า มึงมีแค่กูคนเดียว มึงแคร์กูคนเดียว " ปลดมือของผมที่กอดเค้าลง ฟานที่หันหน้ามาหาผมเค้าที่ถอนหายใจออกมา ฝ่ามือหนาเอื้อมขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ผม " อย่าฝืนเลยครับ คุณตอแหลไม่เก่งหรอก ไปเถอะ ไปกับเค้าเถอะ อย่าเอางานมาอ้างเลยสุดท้ายแล้วคุณก็แค่อยากจะไปกับเค้ามันก็เท่านั้น "

“ ไม่ใช่นะ! " ตะโกนออกไปไล่หลังคนที่กำลังเดินเข้าไปในห้องนอนของผม ผมที่เดินตามเค้าเข้าไปอธิบาย แต่ฟานกลับหยิบกระเป๋าเดินทางใบเล็กของผมออกมา เค้าที่จัดการเปิดตู้เสื้อผ้าเอาชุดของผมมาวางไว้บนเตียง แล้วพับใส่กระเป๋าไว้ให้ น้ำตาที่ไหลออกมาผมเดินไปหาเค้าที่ยังเลือกเสื้อผ้าแล้วพับใส่ให้ " ฟาน "

“ ผมจะจัดเสื้อผ้าให้ อยากจะใส่ชุดไหนเป็นพิเศษมั้ย " ผมเงียบไม่ตอบเค้าก็จัดไปเรื่อยๆ มองดูเสื้อผ้าที่เค้าจัดก็ได้แต่นิ่งเงียบ คนตรงหน้าที่นิ่งเงียบเหมือนกำลังผลักให้ผมออกไปทำให้สิ่งที่ผมต้องการ เหมือนทุกอย่างมันจบแล้วนี่คือสิ่งที่ผมต้องการเค้าเองก็จะทำให้ ถ้าอยากไปก็จะจัดการของให้ ให้ไปกับเค้าคนนั้น ทั้งๆที่ตอนนี้มันไม่ใช่ ผมไม่ได้อยากไป แต่ที่ต้องเพราะมันเป็นงาน งานที่ต้องรับผิดชอบ

“ ฉันไม่อยากออกจากงาน เพราะไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ไม่อยากจะเป็นคนไร้ค่าที่ได้อยู่บ้านรอให้นายเลิกเรียนมาหา ทั้งๆที่เรียนจบมีงานทำแล้วแต่กลับมาเกาะเด็กยังเรียนไม่จบกิน ฉันไม่อยากจะเป็นแบบนั้น ฉันมีคอนโดที่ต้องผ่อน ฉันยังอยากจะสร้างฐานลูกค้าของตัวเองก่อน แต่ตอนนี้ฉันยังไม่มีอะไร ฉันเลยต้องไปเพราะถ้าไม่ไปคงโดนไล่ออก ฉันรู้ว่าหัวหน้าคิดอะไรอยู่แต่ฉันจะระวังตัว ถ้าเค้าให้ฉันนอนห้องเดียวกับหัวหน้า ฉันจะจ่ายเงินส่วนของฉันเองแยกห้องออกไป ฉันจะระวังตัวเอง จะไม่ให้เกิดปัญหา ฉันจะโทรหาฟานทุกวัน ฟาน..”

" เสร็จแล้วครับ " ซิปกระเป๋าถูกรูดปิด ผมร้องไห้ออกมาตอนที่กอดเค้าไว้จากด้านหลัง

" มันหมายความว่ายังไงอะ แบบนี้มันหมายความว่ายังไง อย่าเฉยชากันแบบนี้สิ ทำแบบนี้หมายความว่าไงน่ะ จะทิ้งฉันไปแล้วเหรอ จะผลักฉันออกไปเหรอ "

" อาบน้ำนอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องไปงานสัมมนา "  เค้าบอกแค่นั้น ตอนที่ดึงแขนของผมออกจากรอบแอวของตัวเอง ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกห้อง

    ประตูห้องนอนถูกปิดลงผมที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นทำได้แค่ร้องไห้ออกมาพร้อมกับอีกคนที่ก็คงร้องไห้ออกมาไม่ต่างกันที่ตรงนอกห้องนั่น ขาของผมเอื้อมไปเปิดประตูห้องของตัวเอง ตอนที่พยายามดันมันออก แต่ทว่ามันเหมือนถูกดันไว้ไม่ให้เปิดจากข้างนอก เสียงร้องไห้ของเค้าแม้จะเบาแต่ก็ได้ยินชัด

“ ฟาน ..” ทุกอย่างนิ่งเงียบ ผมไม่รู้จะพูดอะไรทั้งนั้น ทำได้แค่ทรุดลงที่หน้าประตูตรงนั้น ร้องไห้อย่างหนักกับความรู้สึกทุกอย่างที่กำลังเปลี่ยนไป ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ความรักและคนรักอย่างก่อนหน้านี้ที่เคยมีมาทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะตัวผม แค่ผมคนเดียวเท่านั้น

   แสงแดดลอดส่องเข้ามาในเช้าวันรุ่งขึ้นผมที่ยังอยู่ในชุดของเมื่อวานลืมตามองแสงแดดอ่อนๆดูเวลาที่กำลังจะถึงเวลานัด ประตูที่เปิดไม่ออกเมื่อคืน ถูกเปิดออกมาพร้อมกับใครอีกคนที่ก้มลงมาแล้วดึงให้ผมลุกขึ้นยืน ฟานที่คว้ากระเป๋าที่ตั้งอยู่บนเตียงมาถือก่อนจะหันมาพูดกับผมสั้นๆ " เค้ามาแล้วครับ "

“ ฉัน.. ฉันไม่ไปแล้ว " หลุดปากพูดออกไป ฟานที่ชะงักไปสักพัก ผมที่กอดเค้าไว้ซบหน้าลงกับแผ่นหลังของเค้า " ฉันไม่ไปแล้วฟาน ฉันไม่ไปแล้ว ฉันจะไปบอกหัวหน้า ว่าฉันจะขอลาออก ไม่ไปแล้ว "

“ ไปเถอะ อย่าฝืนเลยครับ ถ้าอยากจะไปก็ไป " เค้าก้าวไปหยิบมือถือของผมที่ตั้งอยู่บนโต๊ะมาพร้อมกับกระเป๋าเป้ทำงานหัวหน้าคงส่งข้อความมาเค้าเลยรู้ว่าอีกคนถึงแล้ว

“ ก็บอกว่าจะไปไม่แล้วไง " คำพูดที่ไม่มีเสียงตอบรับยกเว้นแรงดันที่ดึงให้ผมออกไปจากห้อง เค้าดึงแขนผมมาที่หน้าห้องคว้ารองเท้าผ้าใบของผมขึ้นมา ก่อนจะก้มลงยัดเท้าของผมใส่ลงไปในรองเท้าคู่นั้นให้ เชือกที่ผูกให้จนแน่น " ฟาน "

“ ไปซะเถอะ อยากไปก็ไปซะ อย่าฝืนที่จะอยู่ที่นี่ อย่าฝืนที่จะเลือกผมเลย เพราะตอนนี้สำหรับเรามันก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้ว " ร่างของผมถูกดึงออกมาจากห้อง เราที่กดลิฟต์ลงไปชั้นล่างด้วยมือของร่างสูงที่จับผมไว้แน่น

    น้ำตาของผมที่ไหลออกมา กระเป๋าเดินทางที่เค้ากระชับไว้แน่นนั้นยื้อแย่งจะไม่ไปยังไงเค้าก็ไม่ยอมปล่อย  เรามาถึงชั้นล่างของตึกที่มีรถของหัวหน้าจอดรออยู่แล้วที่ด้านหน้า

    ขาที่พาผมเดินตรงไปตรงนั้น ท่ามกลางสายตาตกใจไม่น้อยของหัวหน้า ฟานยกยิ้มขึ้นมา ก่อนจะเปิดประตูรถข้างคนขับ แล้วดันผมเข้าไปนั่งข้างใน เค้าโยนกระเป๋าลงมาใส่ผมอย่างแรง ก่อนจะจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่ทั้งโกรธและเกลียด ผมที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก ขาที่พยายามจะออกไปจากรถรั้งเค้าไว้ แต่ฟานก็ดันไม่ให้ออกมาเค้าที่ก้มหน้าลงพูด  " กูเอาของที่มึงอยากได้มาให้แล้ว อีร่านนี่ใช่มั้ย อยากได้ก็เอาไปเลย กูไม่เอามันแล้ว " เค้าบอกแบบนั้นก่อนจะโยนถุงยางอนามัยที่ยังไม่ใช้จำนวนนึงใส่หน้าเราสองคนที่ก็ได้แต่สะดุ้ง  " เอาไปใช้ด้วยละ แต่ก็มันส์ดีนะ ถ้าใส่สด "

...............................................................

มันส์ที่สุดในเรื่องแล้วค่ะ ..
หลังจากนี้จะเป็นพาสที่ เรียกว่าทุกคนรอคอยรึเปล่าไม่รู้
เพราะเป็นช่วงชีวิตที่จะต้องชดใช้กรรม ( ควรเรียกแบบนี้ ) ของพี่คีย์เค้า
สรุปตอนสุดท้าย จะได้กันมั้ย เราไม่อยากจะให้คนอ่านคิดไปถึงตอนนั้น
อยากจะให้อ่านไปเรื่อยๆมากกว่า คือ นิยายเรื่องนี้มันมีข้อเสียของบุคคลทุกตัวละครที่ซ่อนอยู่
มากน้อยก็ ต่างกันไป ตอนนี้เราเสนอด้านพี่คีย์ออกมาชัดสุด โดยใช้ความเห็นแก่ตัวหัวหน้าร่วมด้วย ฟานที่ไม่แสดงอาการอะไรมาตลอดก็แสนดี เพราะงั้น เราเลยอยากจะให้อ่านไปก่อน
แล้วค่อยๆ ตัดสินใจไปทีละนิด
ทุกคนผิดพลาดกันได้ มันอยู่ที่ว่าความผิดนั้นมันคืออะไร แล้วแก้ไขให้กลับมาได้มั้ย
บางทีก็ได้ และ แน่นอนว่า บางทีก็ไม่ได้
โดยส่วนตัว อันนี้หนมก็เข้าใจพี่คีย์นิดนึงตรงเรื่องงานว่า ถ้าบอกว่าจะออก ไม่ใช่ว่าจะออกได้เลยตอนนี้
การทำงานมันต้องใช้เวลา ยื่นใบลาออก แล้วเคลียร์งานถึงออกได้
แต่ก็เข้าใจน้องฟาน ใครมันอยากจะให้เมียตัวเองไปกับคนที่รู้อยู่แล้วว่าจะทำอะไร

ยังไงก็ฝากติดตามกันต่อไปนะคะ เนื้อเรื่องจะเข้มข้นและมันส์ยิ่งกว่านี้ค่ะ
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะจ๊ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 04-11-2016 20:59:37
แอร๊ยยยยยย วีคนี้มันส์พ่ะย่ะค่ะ!!! ไปอ่าน กราฟสุดท้ายมาล่ะ ได้แต่ เอาล่ะเว้ยยยยยยย


*อดใจไว้ไปอ่านวันอาทิตย์ทีเดียว* #กัดฟันแน่น!!!!
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 04-11-2016 21:16:05
ปวดตับ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 04-11-2016 21:23:42
แหม่ๆ พอคิดได้ว่าจะเสียเขาไปจริงๆ นางรีบกลับลำค่ะ ไม่ไปแล้วๆ คือมีเวลาให้นางคิดนะไม่ใช่ไม่มี ไม่อยากเป็นคนไร้ค่าให้พระเอกเลี้ยง ขอโทษนะตัวมึงตอนนี้มีค่าอะไร ละนางมีหน้าไประแวงเพื่อนนางจ้าา โคตรตลก อย่าคิดว่าทุกคนจะเหมือนมึงสิจ้ะอิร่าน ยิ่งตอนนี้ยิ่งเห็นได้ชัดโคตรไม่อินกับคู่ฟานคีย์
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 04-11-2016 21:30:44
เราจะไม่เม้นท์อะไรมากนะตอนนี้ เราได้รู้ความจริงจากเรื่องราวที่อ่านมาทั้งหมดเข้าใจแล้วว่า คีย์ นายเอกเรื่องนี้รักแค่ตัวเอง คิดถึงแค่ตัวเอง

นางต้องเรียนรู้ที่จะรักคนอื่นอย่างแท้จริง และเจ็บปวดจากความรักอย่างแสนสาหัส มันถูกต้องที่สุดแล้ว

สำหรับฟานเราไม่ได้มองว่าสิ่งที่ทำมันแรงนะ แต่กลับมองว่าเสียเวลามากไปด้วยซ้ำ

สู้ๆ นะคับคนเขียน เราจะติดตามจนถึงบทสุดท้าย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-11-2016 21:52:19
 :L2: :pig4:

ปวดใจ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 04-11-2016 22:19:27
มันส์พระยะค่ะ

ยังไงยังไง
เอาไงดีนุ้งคีย์
ลงจากรถเองมะ
หรือตีกับหัวหน้าอีกคน

กลับมาก้ไม่เจอฟาน
55555

เราว่าสิ่งที่ฟานทำไม่ใช่เรื่องผิดพลาดนะ ในเมื่อความเชื่อใจที่เคยมี มันพัง พังไปหมดแล้วเลย เพราะคีย์พึ่งมาบอกความจริง
ซึ่งคีย์ก้ทำเอง

ถ้าไปสัมมนากลับมา ยังไม่เป็นเมียน้อยแบบสมบูรณ์แบบ
ก้คงถึงเวลา ที่คีย์จะวิ่งตามฟานบ้าง
555555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 04-11-2016 22:32:53
เกลียดการนอกใจ เกลียดจริงๆ
สงสารฟานมาก อยากให้ตัดใจได้เร็วๆ
แล้วเริ่มต้นใหม่กับใครซักคนที่เขารักเราจริงๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 04-11-2016 22:35:24
มันคือผลของการกระทำที่ตัวนางทำเองทั้งนั้น เพื่อนเตือนก็ไม่ฟังอยากได้เขาจนตัวสั่น พอแฟนรู้ก็โกหกๆๆๆๆๆๆๆๆ จนจับได้ พอให้หยุดก็ไม่ยอมหยุด จนพอจะเสียเขามากลับตัวก็ไม่ทันแล้ววว
ฟานทำถูกแล้ว โดยส่วนตัวเรายึดถือคำว่าความซื่อสัตย์ที่สุด เจอแบบนี้บอกตรงๆ เชียร์ให้หาฟานใหม่ให้แฟนมานานล่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 04-11-2016 22:42:41
เสนอตัวเป็นเมียน้องฟานค่ะ จน พร้อมให้น้องฟานเปย์เต็มที่  :hao6:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 04-11-2016 23:00:45
ตอนนี้คือแบบได้ใจสุดๆ ฟานคนจริงยิ่งกว่าอะไรใดๆ  งานนี้ก็รอดูผลกรรมของคีย์อะน่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 05-11-2016 00:07:07
รำคาญนิสัยนายเอก สมควรมาก ๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: Yukisho ที่ 05-11-2016 00:18:08
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่คิดที่จะสงสารนางนะ หึหึ แต่ประโยคสุดท้าย ฟานเอาใจไปเต็ม ๆ เลย  o13
 
ขอบคุณคนเขียนค้าบบบบที่ทำให้เราอินได้ขนาดนี้ รออินตอนต่อไป  :katai3:  :3123:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 05-11-2016 00:34:11
เรื่องนี้เป็นเรื่อง ฟานคีย์ จริงๆดิ แต่มีสิ่งหนึ่งที่อยากรู้มากที่สุดคือจบแบบต่างคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง ส่วนอดีตก็เป็นเรื่องที่สอนการใช้ชีวิต แบบนั้นหรือป่าว ถ้าใช่บอกเลยว่าคงอ่านไม่จบแน่ๆ เพราะว่าไม่อยากอ่านเรื่องที่มันไม่สมหวังสักเท่าไร ก็แค่อยากให้มันเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราสมหวังได้แค่นั้นพอ(เอาความรู้สึกจริงๆมาใส่ในนิยาย) คงบ้าแน่ๆเรา  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-11-2016 00:52:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 05-11-2016 01:17:15
เลิกกันได้สักทีก็ดี
คนนึงก็ทุ่มสุดๆ อีกคนก็กลัวนั่นนี่
มีเหตุผลร้อยพันมาแย้งได้ตลอด
คนพยายามมาตลอดมันก็เหนื่อย จนสุดท้ายมันก็ต้องหยุดอ่ะเนอะ
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-11-2016 07:49:14
ฟานไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนั้นเลยอะ ที่จริงแค่เดินจากไปสวยๆก้อพอแล้วอะ 555
ตัวเสนียดจัญไรเนี่ยยิ่งหายใจร่วมด้วยก็ตกต่ำแล้วอะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 05-11-2016 08:09:28
ลำคาญคีย์ แค่ลาออกจะอ้างเหี้ยไรนักหนา
อ้างนู้นอ้างนี้ก็เลิกกันไป ไปเป็นเมีนร้อยหัวหน้าไปจบ
ไม่ต้องแต่งต่อ มีผัวใหม่ดีสุด จบปิ้ง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-11-2016 09:12:42
สมใจกันแล้วใช่ไหม หัวหน้า

สงสารฟาน

คีย์ต้องผ่านมันไปให้ได้นะ ด้วยตัวคีย์เอง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 05-11-2016 11:35:48
ถึงตอนนี้ได้เห็นแล้วพูดได้เลยว่าสิ่งที่คาดหวัง(ความเป็นผู้ใหญ่)ในตัวฟานนั้นสูงไป และความรักทำให้คนตาบอดมันใช้ได้จริงๆเพราะว่ารักเขามากมาย มากมายเกินไปจริงๆ //คาดหวังว่าจะให้รับรู้ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปตอนเขาหวั่นไหวได้บ้างไม่มากก็น้อย เขาเองก็แสดงออกมามาก แต่ก็ไม่เลย มามั่นใจว่าเขามีคนใหม่ก็ตอนที่เขาพูด ถ้าไม่พูดก็ไม่รู้จริงๆสินะ อาาาา!! (ก็มึงเป็นคนอ่านมึงก็รู้ดิว่าคีย์มันนอกใจจะให้ฟานรู้ได้ไง : ไม่เห็นด้วยเลยอ่าาข้อนี้เพราะมันควรจะดูออกจริงๆ ยิ่งคนรักมากแบบนี้ยิ่งจับสิ่งที่เปลี่ยนไปได้ง่ายในช่วงแรกที่หวั่นไหว ความรู้สึกอึดอัดความกลัวใจตัวเองเผลอ จนต้องย้ำให้ตัวเองรู้ว่าเป็นของใคร แล้วไหนความที่จะหลบเลี่ยงพูดกับเรา อาการมันไม่เก็บได้ขนาดนั้นสายตาท่าทาง มันควรจะดูออกบ้างประกอบกับเคยเห็นกับตาแล้วยังมีข่าวมาอีก ควรจะทบทวนคิดมาบ้างก่อนแล้ว พอรู้ความจริงจะไม่ได้สติแตกมากแบบนี้ มันไม่ใช่ต้องมาร้องไห้อีกเพราะร้องไปแล้ว ร้องไห้ซ้ำๆ มันควรต้องยิ้มเยาะตัวเอง จริงด้วยสินะ! อ่าาาเป็นแบบนี้นี่เอง!!เพราะงี้ใช่ไหม! หึ!สุดท้ายก็พูดออกมา! )

แล้วการที่เอาแต่พูดว่าเขาจะเอาเขาจะฟันถ้าไปเสร็จเขาแน่ๆ อยากเป็นเมียน้อยนักหรือไงพูดย้ำๆซ้ำๆ ยกเป็นเหตุผลรั้งเขาไว้ไม่ให้ไป มันเป็นอะไรที่แบบ เฮ้ย!!ถ้าเขาไม่ทำละ เสียงานเลยนะ ให้ลาออกจะเลี้ยงเอง มันใช่ทางออกแล้วจริงๆหรอ ละก็นะถึงแม้ห้ามยังไงถ้ายังหวั่นไหวไปอยู่ที่ไหนกับใคร ใจก็อยู่กับเขา โอเคตอนนี้คีย์ไม่มีหวั่นไหวแล้วจริงๆ บอกจะไม่พลาดแน่นอน ก็สายไปแล้ว แต่ก็ดีพอโกรธโมโหมาก ทำให้เขาสารภาพพูดยอมรับออกมาสักที ถือว่าโอเค แต่ก็ไม่ควรจะรั้งเพราะกลัวเขาจะเสร็จ กลัวทำไม ถ้าเขาไม่ไปคือจะให้อภัยไม่คิดไรกับสิ่งที่ผ่านมาเลยใช่ไหม แน่นอนก็พีคสุดตอนที่บอกว่า **เรื่องที่มึงหวั่นไหวกับเค้า กูจะถือว่ามันผ่านไปแล้วก็ได้ แต่เรื่องนี้ขอก็แล้วกัน อย่าไปงานสัมมนานั่น** เฮ้ยยยยยยยยยแบบ คือให้มันผ่านไปแล้วได้ยังไงกัน ประเด็นตรงนี้มันสำคัญกว่าที่เขาจะไปสัมมนาอีกนะ ตรูว่า!!!! ก็เลยแบบงุนงง แดกจุดไปหลายนาทีเลยกู 555555555 เหตุผลที่สมควรเอามาเลิกกันห่างกันสักพักจริงๆคือมันต้องข้อนี้ดิ **การหวั่นไหว การนอกใจ** ไม่ใช่หรอหว่ะ????? เพราะงั้นเขาจะอยู่จะไปมันมีความหมายไร ให้เขาไปดิไม่เสียงานด้วย แต่แกมาคิดว่าถ้าจะไปเสร็จแน่ๆสำคัญกว่าการนอกใจ ก็ เอิ่มมม............. แดกจุดจ๊ะ 55555

สุดท้ายระเบิดอารมณ์เต็มๆ พูดเหมือนไม่เคยรักมากมายมาก่อน ก็สะใจดีอะนะ ยับยั้งอารมณ์ไม่ได้เลย แต่ก็ อืมมมม เอาเถอะ กลับไปตั้งสติคิดทบทวนก่อนเหอะว่ะ และที่ให้ของแถมไปด้วย เขาไม่มีอารมณ์จะทำแล้วละ เป็นขนาดนี้ สัมมนาไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ ไม่รู้จะเข้าทางหัวหน้าพอดีหรือป่าวนะ เสียใจมา กำลังอ่อนแอ ปลอบใจไปหน่อย ประกอบกับย้ำดีนักใช่ไหมว่าเขาจะเอาจะฟัน ยุให้เป็นเมียน้อยกันมากนักใช่ไหม คิดไ้ดัดังนั้นมาถึงขั้นนี้ก็เอาให้แม่งรู้ไปเลย แต่อารมณ์ตอนเอาคงไม่มีหวั่นไหวเคลิ้มหลงแน่นอน เอาเพราะโดนตอกย้ำ เอาเพราะจิตอ่อนแอ ไม่รู้จะเสร็จหรือป่าวนะ หรือจะยับยั้งได้ ก็รอดูคิคิ!!

**แล้วถ้ามึงเป็นฟานละ จะทำยังไงไหนว่ามาดิ? (คาดหวังว่าฟานจะเป็นแบบนี้) >> ในกรณีที่ไม่เอะใจไรมาก่อนแบบฟานนี้เลยนะ โอเค ช็อค ร้องไห้ได้เหมือนกัน จากนั้นตั้งสติ สูดลมหายใจเต็มปอด 3 เฮือก แล้วบอก "โอเค งั้นไปสัมมนานะ กลับมาแล้วค่อยคุยกัน จะไม่ไปไหน จะรออยู่ตรงนี้ อย่ากังวล จะรอ" พอเขาไปปุปกลับมานั่งโซฟาคิดทบทวนสิ่งที่ผ่านมา เขาเป็นไงบ้าง กูพลาดไปตรงไหนถึงไม่เคยรู้เลย พอคิดได้ตั้งสติแล้ว ควรทำไรต่อไปก็ทำซะ จากนั้นพอวันเขากลับมา ก็ทำอาหารมื้อพิเศษสุดๆรอ ถ้าเขาระแวงก็แค่บอกว่าเห็นว่าเหนื่อยก็อยากทำให้ทาน จะพูดไรก็ให้เขาได้กินก่อน เดี๋ยวเขากินไม่ลง หึหึ!! เสร็จ จากนั้นก็ "เราเลิกกันเถอะ" ถ้าเขาถามว่าทำไมไหนบอกจะอยู่ข้างกันละ บอกไปดิ นี้ไงอยู่แล้ว แต่ตอนนี้หมดเวลา สมใจเขาแล้วหนิอย่างที่เขาบอก เผื่อวันหนึ่งนายเลิกกับฉัน ฉันจะได้ไม่เสียงาน ยังมีงานทำอยู่ (ทั้งๆที่กูรักมึงมากมึงยังคิดเผื่อไปซะ ทำให้สมใจแม่งเลย) นี้ไง เลิกแล้วเขาก็ไม่เสียงาน ในขณะที่เขาน้ำตานองหน้าถ้าเขาสังเกตุดูดีๆก็จะเห็นว่าของบางส่วนได้หายไปจากห้อง หึหึหึ!!!!

อีกกรณีถ้าพอจะรู้เค้ารางมาก่อนแล้ว ก็จะไม่ร้องไห้เพราะทำใจมาบ้างแล้ว พอรู้ความจริงจากปากก็คงจะยิ้มเยาะสมเพชตัวเองอ่ะ ว่าแล้วเชียว หึ!ยกยิ้มมุมปาก! พอกันที ตีหน้าซื่อบอกเขาให้ไปสัมมนา รอกลับมาบอกเลิก

ถ้าจะเม้นยาวขนาดนี้แต่งเองเหอะ ป่าวแต่งไม่ได้ไปไม่เป็น 55555 อยากจะบอกไรท์เก่งมาก อินนนนกับบท มันก็ดีนะ หลังอ่านจบเราก็คาดหวังว่าจะเป็นยังงี้ยังงั้นแบบนั้นหรือป่าวสมมติเราเป็นคนนั้น ในตอนต่อๆไป จะเป็นอย่างที่เราคิดม่ะ ยังไง ลุ้นดี เอาอีกค่ะเอาอีก สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: Peterpanmama ที่ 05-11-2016 11:42:49
มันเหี้ยยยยยยมากกกกกก.   นังคีย์นังคนเห็นแก่ตัวมัน.พอฟานไม่เอาแล้วมันจะเป็นจะตายไม่ใช่เพราะมันรักฟานหรอก แต่มันกลัวไง กลัวว่าสิ่งที่ฟานทำให้ทุกอย่างจะหายไป กับหัวหน้ามันก็แค่ความอยาถ้าจะคบกันจริงๆก็คงไปกันไม่รอด สงสารฟาน สวนหัวหน้าไม่โทษเธอนะ ตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง ส่วนนังคีย์มันเหี้ยยยมากกกกกก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 05-11-2016 22:15:43
อินเนอร์เเรงจริงเรื่องนี้
แต่เห็นด้วยกับฟานนะ

สรุป คือ มึงรักกูมั้ย มึงเลือกงาน? ไม่ได้เลือกกู
กูบอกกูจะเลี้ยง  ถ้ามึงไม่ชอบก้อไม่หางานใหม่ไง
ไม่โดนด่าว่าเป็นเมียน้อยด้วย

จริงๆแล้วลึกในใจมึงก็อยากไปกับบักหัวหน้านั่นแหละคีย์
ตามใจจ๊ะ
ทีมฟาน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 45 ' ทางที่ไม่ได้เลือก ' UP - 4.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 05-11-2016 22:18:49
ตอนนี้ผิดหวังกับฟาน พูดเลย ที่จริงในโลกนี้มีคนยอมให้อภัยเยอะแยะก็จริงแต่กรณีนี้มันไม่น่าให้อภัยแล้ว ถ้าเป็นตอนก่อนเรื่องจะแดงฉาวโฉ่ขึ้นมาฟานจะรั้ง จะรัก ไม่ว่าเลย แต่อันนี้มันยับเยินป่นปี้ทั้งที่ทำตัวเองแล้วกลับมาหามึงเหมือนมึงเป็นของตาย ยิ่งรั้ง ยิ่งบอกรัก ยิ่งอ้อนวอนมันยิ่งตอกย้ำว่าฟานจะไม่ไปไหนแน่นอน ทีนี้ก็เข้าทาง คนรักฉันยังอยู่
ฉันรักนาย ฉันเป็นของนายคนเดียว ฉันไม่หวั่นไหว...แต่ฉันไม่อยากออกจากงาน ฉันไม่อยากเปลี่ยนอะไรเลย นี่ก็แสดงชัดแล้วว่าคีย์เลือกตัวเอง ไม่ได้เลือกฟาน ถ้าคีย์คิดจะกลับต้องกลับตั้งแต่ทีแรกแล้ว คิดจะปฏิเสธต้องปฏิเสธตั้งแต่ทีแรกแล้ว ไม่ใช่รอให้เรื่องมันอื้อฉาวขึ้นมา ฟานจ๊ะ"ผัวไม่ใช่พ่อแม่ที่บ้าน ไม่ต้องรอมันก็ได้ถ้ามันไม่คิดจะกลับมา"

แล้วอีกอย่างนะ เป็นทางเลือกให้ ชีวิตคู่แบบนี้เห็นมานักต่อนักแล้วถึงตอนนี้จะไปกันรอด แต่เมื่อความเชื่อใจมันหายไป ยังไงก็ไปไม่รอด อยากย้อนถามว่าฟานไม่มีสิทธิเจอคนดีกว่านี้แล้วเหรอ พระเอกเรื่องอื่นโชคดีที่เลิกคนรักเก่าที่อาจจะเป็นเหมือนคีย์ไปแล้วไปเจอนายเอกที่รักด้วยสติและสมองกว่าเดิม แต่ฟานจะไม่มีโอกาสนั้นแล้วเหรอ
คีย์อาจจะเลิกแล้วทบทวนตัวเองว่ารักที่ผ่านมาตัวเองทำลายอะไรไปบ้าง นิสัยยังไง ความผิดพลาดข้อไหนที่ทำให้เสียรักครั้งนี้ไป แล้วพอไปเจอคนใหม่ก็คิดให้มากกว่านี้ ทำตัวเองให้ดีกว่าเดิม แบบเนี้ย
ให้รักครั้งนี้เป็นบทเรียนซะแล้วเริ่มต้นใหม่ต่างคนอาจจะเจอรักที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีสติคิดมากขึ้น เลิกเหอะพูดจริง

ตอนนี้อ่านดูยังไงคนเขียนก็เขียนให้คีย์ชนะแน่ๆ สุดท้ายฟานกลับไปแน่ๆ มันจะเป็นอะไรที่เฟลในความรู้สึกมาก นิสัยนึงของคีย์ที่ไม่ชอบคือ คนพูดอะไรเถียงตลอด พูดความจริงก็เถียง สวนมาสี่ห้าบรรทัด มีเหตุผลยาวเป็นกิโล แต่พอให้พูดความจริงกลับมีเพียงนิดเดียว
ก็ไม่รู้ว่าคนเขียนแต่งจบรึยังหรือรอฟีดแบ็คแล้วค่ะแต่งบทต่อไป ไหลตามน้ำมากไปก็ไม่ดีตอนก่อนแฉนี่เห็นชัดๆว่าลิปด่าตามน้ำ ถ้าตอนนี้แต่งจบแล้วมันจะไม่ไขว้เขวง่ายๆ เราก็อยากรอดูเหตุผลที่ฟานจะกลับมาหรือไม่กลับมา อยากรู้บทสรุปในแบบของคุณ

คือความจริงเราก็ไม่ชอบการไหลตามน้ำนะ แต่ถ้าไหลตามน้ำให้ตอนจบเลิกกันอย่างที่เราและคนอื่นว่ามันก็ดี
 
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 06-11-2016 20:24:10
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 46
' ช่วยผมที.. '

   รถที่แล่นออกมาจากลานจอดรถใต้คอนโด คนขับไม่ได้สนใจว่าผมกำลังร้องไห้หรือแสดงทีท่าว่าไม่อยากจะไปแค่ไหนเค้าที่แค่ขับรถออกไปเรื่อยๆตามเส้นทางที่ออกไปทางต่างจังหวัด หัวหน้าไม่ได้ถามไถ่อะไรถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เหมือนว่าเค้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เค้าเห็น เหมือนว่านั่นก็แค่เรื่องธรรมดา เรื่องที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว

   เบือนหน้าหนีออกไปมองข้างนอก สบสายตาตัวเองกับกระจกมองข้างที่ฉายใบหน้าของผม ดวงตาแดงกล่ำกับหน้าตาที่มีแต่คราบน้ำตาผมยกมือขึ้นเช็ดก่อนจะก้มหน้าลงต่ำ " หัวหน้าผมขอลาออกจากงานนะครับ ไม่ไปงานสัมมนานี่แล้ว "

" นายจะลาออกทำไม เพราะไอ้เด็กนั่นมันไม่พอใจที่นายต้องมาทำงานต่างจังหวัดกับฉันสินะ คิดดีแล้วเหรอ ทำงานมีประสบการณ์แค่สามปีจะเลิกเพราะเรื่องไร้เหตุผลแค่นั้น "

“ ทำไมคุณถึงพูดจาดูมีเหตุผลทั้งๆที่จริงแล้ว เรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็เป็นสิ่งที่คุณทำมันเองทั้งหมด " ผมหันไปถามอีกคนที่เค้าก็ไม่ได้หันมามองผม แต่แววตาที่เปลี่ยนไปของเค้าทำให้อีกคนแค่ผ่อนลมหายใจออกมา " คุณใช้อำนาจบีบบังคับให้ผมไปด้วยกัน ทั้งๆที่ผมเองก็ไปขอให้รองหัวหน้าไปแทนผมแล้ว แต่คุณก็ไม่ยอมยังไงต้องเป็นผม พอไม่มีทางเลือก ก็ต้องไป ไม่ไปก็โดนไล่ออกเพราะขาดความรับผิดชอบต่องาน คุณเอาแต่ตัวเอง เอาแค่ความรู้สึกของตัวเอง และไม่คิดถึงความรู้สึกของใครทั้งนั้น "

“ คีย์ "

“ ผมผิดเองครับ ที่เข้าไปยุ่งกับคุณ วันนี้ผมไม่เหลือใครอีกแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว เพราะคุณคนเดียว ผมไม่น่าจะเข้าไปยุ่งกับคุณเลย ไม่น่าเลย "

“ คีย์ " เค้าเรียกผมซ้ำ มือหนาที่เอื้อมมือมาจับมือผมไว้แน่น สะบัดออกจากแรงอีกคนก็หันมามองหน้า " นายยังเหลือฉันไง ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ ไม่มีเค้าก็ยังมีฉัน ฉันจะไม่ทิ้งนายแน่นอน "

“ แต่ผมไม่ได้ต้องการคุณโปรดรู้ไว้ซะด้วย แล้วกรุณาช่วยจอดรถด้วยครับเพราะผมจะไม่ไปแล้ว ผมจะขอลาออก "

“ ขั้นตอนการลาออก คือการยื่นเอกสารลาออก แล้วใช้เวลาหนึ่งเดือนจัดการงานทั้งหมดของนาย ไม่ใช่บอกว่าลาออกแล้วจะออกได้วันนี้  คิดดีๆเถอะ คิดว่ากลับไปเค้าจะยังอยู่รึไง ถ้าลาออกไปตอนนี้ นอกจากจะโดนทิ้งแล้ว ก็ยังจะเป็นคนตกงานนะ  ดีแล้วเหรอที่ทุ่มเทให้กับคนแบบนั้น คนที่ไม่เข้าใจอะไรเลย "

“ คนที่ไม่เข้าใจอะไรเลย " 

“ เค้าไม่เข้าใจเลยไม่ใช่รึไง ว่านี่มันก็แค่งาน "

“ เพราะเค้าเข้าใจทุกอย่างรึเปล่า เข้าใจว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น มองออกทั้งหมดว่ามันจะเป็นยังไง  ขัดกับแผนของคุณ สิ่งที่คุณต้องการ คุณเลยบอกว่าเค้าเป็นคนที่ไม่เข้าใจอะไรเลย " ทุกอย่างเงียบหลังจากที่ผมพูดคำนั้น รถที่แล่นออกไปเรื่อยๆ หลายชั่วโมงจนถึงโรงแรมที่จัดงานสัมมนา ผมถอนหายใจออกมาตอนที่เดินลงจากรถ ก็มีพนักงานจากแผนกอื่นทยอยมากันบ้างแล้ว สภาพที่ดูแย่ๆของผมไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้นแม้ใครจะมองมา น้ำก็ยังไม่ได้อาบเป็นชุดจากเมื่อวาน ดวงตาที่ปวดแดงอย่างหนัก หน้าตาก็ดูไม่ได้ สภาพที่โดนบังคับให้มาแบบนั้นยิ่งทำให้คนเห็นต่างพากันสงสัย

“ อ้าว มาถึงแล้วเหรอ " เพราะทุกคนที่ต่างพากันเงียบ หัวหน้าในแผนกลูกค้าสัมพันธ์ก็เลยทักเรา หัวหน้าพยักหน้ารับตอนที่เดินไปที่เค้าเตอร์เช็คอินพร้อมกับผมที่เดินตามหลังไป พนักงานโรงแรมที่รู้อยู่แล้วยื่นการ์ดของห้องให้ ผมก็เอ่ยถามไป

“ ขอโทษนะครับ เป็นห้องแบบไหนเหรอครับ "

“ เป็นห้องเตียงเดี่ยวนะคะ พอดีเตียงคู่ทั้งหมดลูกค้าท่านอื่นที่มาถึงก่อนได้เลือกไปหมดแล้ว " เธอบอกผมก็พยักหน้ารับ

“ งั้นขอเปิดห้องใหม่ห้องนึงครับ ไม่ทราบว่าเท่าไหร่ "

“ ห้องใหม่เหรอคะ " เธอถามซ้ำผมก็พยักหน้ารับความเข้าใจนั่นอีกที

“ เดี๋ยวนะ นายจะเปิดห้องซ้ำทำไม " หัวหน้าหันมาถาม " นายไม่จำเป็นต้องเสียเงินเพื่องานนี้เลยนะ นี่มันงานของบริษัทไม่จำเป็นต้องออกเอง แล้วเหลือเตียงเดี่ยวมันจะเป็นอะไรขึ้นมา "

“ ผมจ่ายเงินของผมเองได้ครับ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ผมสบายใจมากกว่า "

“ แต่ว่า "

“ หัวหน้าไม่เห็นต้องเดือดร้อนเลย มันเป็นความสมัครของผม อีกอย่างหัวหน้าน่าจะโอเคนะครับ ตัวเองจะได้นอนสบายๆไม่อึดอัด " ผมว่าแบบนั้นก่อนจะหันไปบอกพนักงานโรงแรมอีกครั้ง " ขอเปิดห้องนึงครับ สำหรับหนึ่งคืน "

“ เป็นห้องสแตนดาดนะคะ สำหรับหนึ่งคืน "

“ ครับ " ตอบรับพนักงานที่ก้มหน้าลงคีย์ขอมูลบางอย่างก่อนจะขอสำเนาบัตรของผมเพื่อขอเปิดห้องพัก การ์ดที่ถูกยื่นมาให้ราคาห้องพักที่ไม่ใช่ถูกๆแม้จะเป็นห้องธรรมดา แต่เพื่อความสบายใจในราคาแค่นี้สำหรับผมก็ถือว่าคุ้ม อีกอย่างคืนนี้ก็อยากจะติดต่อฟานให้ได้ด้วย อยากจะคุยกับเค้า ถ้าเค้ารับสายมันก็คงดี

   แยกย้ายไปที่ห้องพักของตัวเองผมวางกระเป๋าลงบนเตียงของตัวเองก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา นึกถึงใบหน้าหงุดหงิดของหัวหน้าที่หันมามองผมก่อนจะพูดขู่ออกมาเบาๆ ' จะไม่คิดคุยกับฉันดีๆเลยใช่มั้ย ' แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ตอบอะไรทำได้แค่เดินออกห่างจากเค้าแล้วเดินไปตามทางของตึกเพื่อหาห้องพักของตัวเอง ที่เหมือนจะอยู่แยกออกมาจากทุกคนที่มาร่วมงานสัมมนาครั้งนี้ด้วยกัน 

   คว้าโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรออกไปหาฟานตอนที่ถึงห้อง แต่ปลายสายก็ไม่มีทีท่าว่าจะรับ ถอนหายใจออกมาผมกดวางสายก่อนจะลากตัวเองไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วกลับมาโทรออกไปหาเค้าอีกครั้ง เสียงรอสายที่ไม่มีใครรับเหมือนเดิม ผมส่งข้อความไปหาเค้า

' ฟาน ช่วยรับโทรศัพท์หน่อยสิ ฉันมีอะไรจะพูดด้วยนะ ' มองดูข้อความที่ส่งไปแต่มันก็ไม่มีใครอ่าน ' ฉันมาถึงที่ที่สัมมนางานแล้วนะ แต่ว่าก็ไม่ได้นอนห้องเดียวกับหัวหน้าหรอก เรานอนคนละห้องกัน เดี๋ยวฉันจะกลับไปหาฟานนะ พรุ่งนี้คงจะขอคนในแผนกอื่นติดรถกลับไปด้วย ไม่ก็คงกลับเอง ฟานฉันขอโทษนะ ขอโทษที่ไม่ทำตามความต้องการของนาย แต่ว่าไม่ใช่ว่าฟานไม่สำคัญนะ ฟานสำคัญ แล้วก็สำคัญที่สุด ' พูดไปตอนนี้ก็เหมือนทุกอย่างมันสายไปแล้ว เหมือนทุกอย่างที่พูดออกไป มันก็แค่คำโกหกที่หลอกลวงกัน ' นายสำคัญนะ.. ' พูดแบบนั้นแต่กลับเลือกงานที่เค้าไม่อยากให้ทำมากกว่าเค้า ดูตอแหลสิ้นดีเลย     

   ครืน ครืน ครืน 

   ก้มหน้าลงมองโทรศัพท์มือถือตัวเองอีกครั้ง สายโทรเข้ามาเป็นสายของลิปผมถอนหายใจออกมาเซงนิดหน่อยที่ไม่ใช่สายที่คอยแต่ก็กดรับ " ฮัลโหล "

“ คีย์เป็นยังไงบ้าง " คำถามแรกที่เค้าถาม ผมก็ผ่อนลมหายใจอกมาก่อนจะก้มหน้าลงต่ำมองพื้น

“ ไม่รู้จะพูดว่ายังดีวะ คงแย่มากๆเลยละมั้ง "

“ แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน "

“ กำลังจะไปงานสัมมนาอีกประมานสามสิบนาที " เงยหน้าดูเวลาลิปก็ถาม

“ ตกลงนายไปงานสัมมนาจริงๆสินะ แล้วฟานละ เค้าโอเครึเปล่าที่นายไป " ผมเงียบเป็นคำตอบให้อีกคน ลิปก็ถอนหายใจออกมา " โอเค ฉันเข้าใจแล้วละ ไว้เราค่อยคุยกันคืนนี้แล้วกัน แต่นายต้องระวังตัวละ อย่าเผลอไว้ใจใครทั้งนั้น ผู้ชายคนนั้นน่ากลัวกว่าที่นายคิดนะ "

“ อื้ม ฉันรู้ เพราะแบบนั้นก็ขอนอนแยกห้องกับเค้าไง "

“ ถึงจะนอนแยกห้องกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไว้ใจเค้าได้นะคีย์ ระวังตัวเองด้วยละ "

“ เข้าใจแล้ว ขอบคุณนะ ฉันขอไปงานสัมมนาการก่อนแล้วกัน " กดวางสายจากเพื่อนสนิท ผมคว้าเอาเอกสารงานในกระเป๋าพร้อมกับทุกอย่างที่จำเป็นออกไปจากห้อง แต่ทันทีที่เปิดประตูออกมากลับพบใครอีกคนยืนอยู่ที่ประตูหน้าห้องของตัวเอง ผมเด้งตัวถอยหลังทันที หัวใจที่แทบจะหยุดเต้นตอนที่พูดขึ้นเค้าออกไป " หัวหน้า "

“ ฉันมาตามนายให้ไปสัมมนาด้วยกันเดี๋ยวสาย "

“ รู้ได้ยังไงครับ ว่าผมอยู่ห้องนี้ " คำถามที่มาพร้อมกับมือที่รีบปิดประตูรวดเร็วแล้วล๊อคทันที 

“ ถามพนักงานเอาสิ ว่าลูกน้องแผนกฉันอยู่ไหน จะมาตามไปสัมมนางาน แค่นั้นเค้าก็บอกแล้วละ " รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยกยิ้มขึ้นมาผมก็หันไปทางอื่น เดินนำหัวหน้าออกไปแต่เค้าที่คว้ามือของผมไว้เหมือนจะสั่งให้หยุด " คีย์ "

“ ไปเข้าสัมมนางานกันเถอะครับ ถ้าไปสายพนักงานในแผนกอื่นจะมองเราว่าไม่ดีนะ คุณห่วงหน้าตาของแผนกมากนิ ขนาดผมจะมาคนเดียวยังกลัวสายเลยบังคับให้มากับคุณเลย ไปกันเถอะครับ แม้ว่าเค้าจะมองเราไม่ดีอยู่แล้วก็เถอะ " ฝ่ามือที่จำใจปล่อยแขนผม เราเดินออกมาจากตึกไปที่ห้องประชุมเล็กที่ติดกับทะเล ห้องประชุมที่จัดในรูปแบบของโต๊ะตัวยาวเหมือนห้องประชุมทั่วไป เก้าอี้แบบสำนักงานตัวใหญ่ถูกจัดไว้ตามจำนวนของหัวหน้าแผนก ส่วนลูกน้องที่ติดตามมาด้วยเหมือนจะต้องนั่งแค่เก้าอี้ด้านหลัง ผมเลือกหย่อนตัวเองลงนั่งข้างๆกับพนักงานสาวคนนึงเหมือนจะเป็นน้องใหม่ของแผนกบุคคล บริเวณที่นั่งที่ไม่ได้อยู่ใกล้กับหัวหน้าแผนกตัวเอง

“ คุณธีร์นั่งตรงนี้สิ " หัวหน้าฝ่ายการเงินบอกเค้า อีกคนก็มีท่าทางอึกอัดเพราะเหมือนจะเดินมานั่งอยู่ตรงที่นั่งหน้าผมที่หัวหน้าฝ่ายบุคคลก็นั่งลงไปแล้ว

" อยากจะนั่งตรงนี้รึเปล่าคะ " คำถามของหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่ถาม เค้าก็ส่ายหน้า เธอก็ยกยิ้มออกมา " นึกว่าอยากจะนั่งตรงนี้ใกล้ๆใครซะอีก "

“ ไม่ได้อยากจะนั่งด้วยซะหน่อย " ผมพูดออกมาเสียงเรียบๆไม่เบานัก ทุกคนที่หันไปมองผมก็ทำเป็นไม่สนใจพลางหันมองไปทางอื่น

   การสัมมนาเริ่มต้นขึ้นเป็นการพูดคุยสัมมนาในหัวข้อเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาบริษัทของแผนกต่างๆ โดยคนที่มาร่วมสัมมนาต้องเสนอแนวทางการพัฒนาออกมา พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนสิ่งที่ดีและไม่ดีในแผนกเพื่อบริษัทปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น การสัมมนายาวนานครึ่งค่อนวันจบลงในช่วงเวลาประมาณหกโมงเย็น ตอนที่ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆกับงานที่จบลง เสียงชักชวนให้ไปกินเลี้ยงต่อก็ดังขึ้น

“ เดี๋ยวเราจะจัดเลี้ยงเล็กๆ น้อยๆที่ ข้างนอกห้องสัมมนานะ เชิญทุกคนอยู่กินข้าวด้วยกันก่อนนะ " มือที่ผายออกไปชี้ชวนให้ดูตำแหน่งที่จัดเลี้ยง ระเบียงกว้างๆติดริมทะเลมีอาหารประเภทบุพเฟ่ที่มีให้เลือกเติมได้ไม่อั้นแถมยังมีแอลกฮอล์ชั้นดีให้เลือกกินอีกหลายแบบ

“ พี่คีย์ ไปกินข้าวกันมั้ยคะ " น้องที่นั่งข้างๆถามผม ที่ก็พยักหน้ารับคำชวน

“ เอาสิ " ยิ้มให้เธอตอนที่เดินออกไปตักอาหารเท่าที่พอทานมาใส่จาน เป็นพวกสปาเก็ตตี้แล้วก็ของทอดเล็กๆน้อยๆ เติมน้ำพันซ์มาแก้วนึงก่อนจะเลือกโต๊ะที่ว่างนั่งกัน

“ พี่คีย์กินน้อยจัง อิ่มเหรอคะ "

“ พี่ไม่ค่อยหิวอะ น้องก็กินน้อยนะ "

“ พอดีหนูไม่ค่อยหิวนะคะ " เธอตอบผมก็พยักหน้ารับจริงๆไม่ใช่ว่าไม่หิวหรอก อาจเพราะมาทำงานกับคนที่ทำงานมาหลายปีแล้วเลยเกร็งๆ จนกินอะไรไม่ลงมากกว่า เหมือนมานั่งเฉยๆฟังผู้ใหญ่พูด สงสารเหมือนกันคงกดดันกันน่าดู

“ เหรอ แล้วทำงานเป็นไงบ้างละที่ฝ่ายบุคคล สนุกมั้ย "

“ หนูเพิ่งเริ่มทำนะคะ ก็เลยยังไม่มีอะไรให้ทำมากมายหรอกค่ะ ตอนนี้เลยไม่รู้ว่าสนุกมั้ย แต่ก็ชอบนะคะ "

“ เหมือนตอนที่พี่มาทำงานแรกๆนั่นแหละ ตอนแรกนะก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรมากมายหรอก ส่วนใหญ่ก็แค่ทำงานที่เหมือนเก็บรายละเอียดมากกว่า กว่าจะได้รับผิดชอบงานจริงๆจังๆ ก็ทำมาเกือบห้าเดือนแล้วมั้ง "

“ อย่างงั้นเหรอคะ แต่ดูเหมือนจะยากนะคะ งานออกแบบ "

“ ไม่อยากหรอก แต่ก็ไม่ง่ายนะ " ผมหัวเราะออกมา เราที่ก้มหน้าลงกินข้าวไปเรื่อยสักพักก็มีคนใครคนนึงเดินมานั่งที่โต๊ะของเราด้วย เค้ามาพร้อมกับเบียร์แก้วนึง วางลงตรงหน้าผม

“ คีย์ เบียร์อันนี้อร่อยนะ ลองชิมสิ "

“ ไม่ละครับหัวหน้า ขอบคุณ  " ก้มหน้าลงบอกเค้า ผมไม่ได้สบตาสายตาอะไรคนมาใหม่แต่เค้ากลับหันไปถามเด็กผู้หญิงที่นั่งข้างๆผมแทน

“ ขอฉันนั่งด้วยคนนะ "

“ ตามสบายค่ะ " เธอตอบผมก็ถอนหายใจออกมา บรรยากาศภายในโต๊ะเริ่มเปลี่ยนไปผมรีบกินอาหารของตัวเองจนเสร็จ ตอนที่ยกจานไปให้พนักงาน น้องผู้หญิงก็เดินตามมาด้วยกัน " พี่คีย์ เดี๋ยวหนูขอกลับไปนั่งกับหัวหน้าแผนกของหนูนะคะ "

“ ตามสบายครับ เดี๋ยวพี่จะขึ้นห้องแล้วละ " บอกเค้าแบบนั้น เธอก็หันมายิ้มให้ก่อนจะเดินออกไป ผมมองซ้ายดูขวาไม่มีใครจ้องมาก็แอบเดินออกไปจากงานเลี้ยงช้าๆ ตอนนี้เป็นเวลาพักผ่อนแล้วไม่ใช่เวลาทำงานใครใคร่จะอยู่ก็อยู่ ใครไม่อยากจะอยู่ก็แยกไปพักผ่อนได้

   ผมเดินช้าๆไปตามทางข้างหน้าโรงแรมที่ติดกับทะเล ไฟที่เปิดไปตลอดทางเสียงลมทะเลที่พัดเข้ามา คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูตอนที่กดโทรออกไปหาฟานแต่ทว่ากลับไม่มีใครรับสายเลย กดโทรออกไปอีกครั้งแต่ทุกครั้งก็เป็นแบบนี้คือไม่มีใครรับสาย ข้อความไลน์ก็ไม่อ่าน ผ่อนลมหายใจออกมาอีกครั้งผมที่กำลังจะก้าวเดินต่อไปอยู่ๆ ก็มีมือหนามาคว้าเอาไว้

“ คีย์ "

“ หัวหน้า " หันไปมองคนคุ้นตาก่อนจะเรียกชื่อเค้าด้วยความตกใจ พยายามจะสะบัดแขนที่เค้าจับกุมอยู่นั่นเพื่อออกห่างแต่ทว่ามันเหมือนจะรัดแน่นมากเกินไป " ปล่อยเถอะครับ ผมจะกลับขึ้นไปพักผ่อนแล้ว "

“ แต่ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย "

“ แต่ผมไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับหัวหน้านะ "

“ แต่ฉันมี ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายเยอะแยะ ได้โปรดฟังฉันสักหน่อยไม่ได้รึไง นายจะให้ความพยายามของฉันที่ตัดสินใจพานายมาถึงที่นี่ต้องสูญเปล่าอย่างงั้นเหรอ "

“ นั่นมันเรื่องของคุณก็บอกแล้ว ว่าผมไม่ได้อยากจะมา แล้วกรุณาปล่อยด้วยครับ นี่มันหมดเวลาทำงานแล้ว "

“ แต่ฉันไม่ปล่อย ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย " เค้าพูดออกมาเสียงดัง มือที่กำแขนของผมแน่น " คีย์ ..ได้โปรดฟังฉันพูดสักหน่อยไม่ได้เหรอ ทั้งๆที่เราเองก็มีใจให้กัน ทั้งๆที่เราเองก็พยายามมาจนถึงจุดนี้แล้ว นายเองตอนนี้ก็ไม่มีใครแล้ว ทำไมไม่หันมาคุยกับฉันหน่อยละ เรื่องของเราน่ะมันยังต่อไปได้นะคีย์ อย่าไปแคร์คนรอบข้างสิ เค้าจะว่ายังไงก็เรื่องของเค้า เราชอบกันเท่านั้นก็พอ ความจริงเป็นไงเราเองก็รู้อยู่แล้ว ”

“ เลิกพูดเรื่องนี้สักทีเถอะครับ เลิกพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้สักที ผมไม่อยากจะเป็นเมียน้อยใคร ทำไมคุณถึงยังดึงดันพูดเรื่องนี้อยู่ได้ทั้งๆที่ผมก็พูดไปชัดเจนแล้วสำหรับเรื่องของเรา คุณอยากจะให้ผมเป็นมากใช่มั้ยเมียน้อยของคุณนะ เพราะอะไร เพราะอะไรถึงไม่ปล่อยผมไปสักทีละ ผมทำเวรทำกรรมอะไรให้คุณว่ะ คุณต้องมาจองเวรจองกรรมกันถึงขนาดนี้ มันพอได้แล้วมั้ง หยุดสักที หยุดได้แล้ว "

“ ฉันจะไม่หยุดจนกว่านายจะตอบรับความรู้สึกของฉัน เพราะฉันทุ่มเทแล้วก็พยายามให้กับนายจนถึงที่สุดแล้ว ทำไมอะ กับไอ้แค่เด็กไม่มีเหตุผลคนเดียวนายถึงยอมเลิกยุ่งกับฉัน แค่เด็กที่ไม่ยอมเข้าใจเหตุผลของผู้ใหญ่ที่มาทำงานร่วมกันแค่นี้ ถ้าขาดคนแบบนั้นไปมันจะตายรึไง "

“ เออ! ใช่! มันจะตาย " ผมพยักหน้ารับเค้า " ถ้าขาดเค้าไปผมตายแน่ๆ คนที่คอยรัก คอยดูแลผม คนที่ทุ่มเทให้ผม ถ้าขาดเค้าไปคงต้องตายแน่ๆ รู้สึกเหมือนอยากตายที่กูมายืนอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าคนที่โคตรแม่งจะเห็นแก่ตัว คำพูดแต่ละคำพูดที่พูดออกมาก็โคตรที่จะน่ารังเกียจ ที่บอกว่าเหตุผลของผู้ใหญ่ที่เด็กไม่เข้าใจ ถามจริงๆเถอะ เมื่อไหร่จะยอมรับสักทีว่างานสัมมนานี้ก็แค่งานบังหน้า ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย ไม่ใช่เลยในสิ่งที่คุณพูดออกมา ไม่มีเหตุผลของเด็ก ไม่มีเหตุผลของผู้ใหญ่ ไม่มีอะไรทั้งนั้น มีเพียงแค่เหตุผลของผู้ชายคนนึงที่รู้อยู่แล้วว่า คุณจะทำอะไรแฟนของเค้า  แฟนที่ยอมรับกับเค้าตรงๆว่าเคยนอกใจไปกับความรู้สึกใจดี ทั้งๆที่จริงแล้วแม่งโคตรจะจอมปลอม ทุกอย่างมันมีแค่นั้นแหละ แต่คุณก็พยายามจะผลักความผิดไปให้แฟนผม แล้วดึงให้ผมมองโลกในแง่เดียวกับคุณ ที่นายทำมันไม่ผิดนะคีย์ ไม่ผิดเลย เราหวั่นไหวต่อกันไม่ผิด เรามาทำงานไม่ผิด ไม่ผิดเหี้ยอะไรวะ นอกใจกันไม่ผิดรึไงวะ!!! “ ผมตะโกนออกไปตอนที่ถอนหายใจออกผมมองมือเค้าที่กำลังจับมือผมอยู่ " แล้วกรุณาปล่อยเถอะ เลิกเอาความดีเข้าตัว ความชั่วให้คนอื่นได้แล้ว แล้วเลิกพูดให้ผมนอกใจใคร หรือพยายามจะเป็นเมียน้อยคุณสักที เพราะผมจะไม่มีวันยอมเป็นมันเด็ดขาด ต่อให้ตอนนี้ไม่มีฟานแล้ว ก็จะไม่ยอมเป็น ผมกำลังรับกรรมที่ตัวเองกำลังทำอยู่ แค่นี้ก็หนักหนาพอแล้ว คุณพอเถอะ "

“ ทำไมนายถึงไม่ฟังฉันบ้าง " เค้าพูดเสียงอ่อน " ฉันชอบนาย ก็บอกกี่ครั้งแล้วว่าชอบนาย ที่พยายามทำทุกอย่างก็เพื่อตัวนายทั้งนั้น เพื่อที่ฉันจะได้รักกับนาย นายรักฉันไม่ใช่เหรอ นายอยากจะเป็นแฟนฉันมาตลอดไม่ใช่เหรอ ทำไมล่ะ นี่ไง โอกาสมันมาถึงแล้วนะ นายจะปฎิเสธมันเหรอ นายชอบฉันมาตั้งนานไม่ใช่เหรอ คว้ามันไว้สิ คีย์..” เค้ากระชับมือของผมแน่น " ฉันสัญญาว่าฉันจะดูแลนายอย่างดี สัญญาว่าจะไม่ทิ้งให้นายโดดเดี่ยวแน่นอน ฉันจะอยู่กับนายมากกว่าที่จะกลับไปอยู่กับเมียฉัน แล้วพอลูกชายฉันเข้าม.ปลาย ฉันก็จะหย่าขาดกับเมียแล้วก็มาอยู่กับนาย ขอให้เชื่อฉัน ฉันขอแค่นี้ ตอนนี้ฉันทุ่มเทให้นายทุกอย่างแล้ว นายยังไม่เชื่ออีกเหรอว่าฉันรู้สึกยังไง ภาพที่หลุดออกไปทำไมนายไม่คิดละ ว่ามันคือการแสดงให้ใครหลายๆคนเห็นว่า ฉันเป็นของนาย ทำไมนายไม่คิดบ้างว่า ต่อจากนี้ไม่ว่าเราจะไปกินข้าวด้วยกัน หรือทำอะไรด้วยกันก็จะไม่มีคนสนใจแล้ว เพราะเค้ารู้อยู่แล้วว่าเราเป็นอะไรกัน "

“ รู้อยู่แล้วว่าผมเป็นเมียน้อยของคุณ อย่างงั้นสินะ " ผมถามเค้าอีกคนก็เงียบ " เลิกพูดเถอะครับ เลิกทำให้ตัวเองมันดูน่ารังเกียจสักที ผมไม่เคยคิดอยากจะเป็นเมียน้อยคุณ ที่ผมเล่นด้วยกับคุณ เพราะคุณก็เป็นแค่ของเล่นชิ้นนึงที่ผมเคยชอบ พอวันนึงมีคนหยิบยื่นมาให้เล่น ผมก็เล่น แต่ก็ไม่คิดจะเอามาเป็นของตัวเองจริงจัง เพราะรู้อยู่แล้วว่า มันคือการหยิบยืมของของคนอื่นมา ผมไม่เคยคิดจะจริงจังกับคุณ ไม่เคยคิดจะเป็นเมียน้อยคุณ ไม่เคยคิดอะไรกับคุณไปมากกว่าของเล่นชิ้นนึงที่ก็จะโยนทิ้งหลังจากที่ได้รู้แล้วว่ามันเป็นยังไง แต่ตอนนี้ผมก็ได้รู้แล้ว ว่าคนอย่างคุณทั้งน่าเกียจ เห็นแก่ตัว แล้วก็โสโครกทางความคิดสิ้นดี " พยายามจะสะบัดมือออกจากเค้าอีกครั้งแต่แววตาโกรธๆที่จ้องมาทางผมทำให้เค้ายิ่งจับมือผมไว้แน่น " ปล่อย "

“ นายมองว่าฉันเป็นแค่ของเล่นทั้งๆที่ฉัน พยายามทุ่มเทให้นายมากขนาดนี้อย่างงั้นเหรอ " เค้าคว้าร่างของผมทั้งร่างมาเผชิญหน้า แววตาที่จ้องมองลึกเข้าไปในแววตาทั้งโกรธแล้วหงุดหงิดที่ไม่ว่าพูดอะไรเท่าไหร่ผมก็ไม่มีทางฟังเค้า " นายมองว่าฉันเป็นของเล่นของนายทั้งๆที่ฉันพยายามทุ่มเทให้นายมาตลอดอย่างงั้นเหรอ รู้มั้ยว่าฉันต้องทำอะไรบ้าง รู้มั้ยว่าฉันต้องเสียอะไรบ้าง เพื่อให้ได้นายมา แล้วพอแฟนนายจะขอเลิก นายจะมาทิ้งฉันไม่สนใจฉันแล้ว แบบนั้นมันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้นายก็เล่นด้วยกับฉัน ฉันทุ่มเทให้นาย มันควรจะมีอะไรจากนายที่ต้องมาตอบแทนให้ฉันบ้างสิ ของที่ฉันอยากจะได้มาตลอด "  สายตาที่มองลงต่ำไปยังเรือนร่างของผมที่ยืนอยู่ตรงหน้าเค้า เสื้อตัวนอกที่ถูกกระชากออก " มีอะไรกับฉัน แล้วฉันจะไม่ยุ่งกับนายเลยคีย์ แค่มีอะไรกับฉันคืนเดียว แล้วฉันจะไม่ยุ่งกับนาย "

“ ไม่มีวัน ที่กูต้องยอมอะไรพวกนั้นหรอก "

“ แต่มึงต้องยอม!! เพราะกูจะเอา " มือของผมถูกกระชากให้เข้าไปใกล้เค้าด้วยมือเดียว ส่วนอีกมือก็พยายามผลักร่างของเค้าที่พยายามจับผมให้นอนลงกับพื้นหญ้าเล็กๆหน้าโรงแรม ในบริเวนรอบๆที่เงียบและไม่มีใครอยู่ บวกกับเสียงทะเลที่ซัดสาดเข้ามายิ่งทำให้เสียงทะเลาะของเราโดนกลบไปเสียมิด

   ร่างถูกทุ่มลงบนพื้นหญ้าหัวกระแทกเข้าหับก้อนหินแข็งๆทำให้ผมนิ่งไปสักพักเพราะความชา มือหนากระชากเสื้อยืดที่ใส่ขึ้นมาก่อนจะฉีดออกด้วยแรงทั้งหมดของเค้า สองมือของผมถูกกขึ้นมัดไว้เหนือหัว ร่างที่พยายามดิ้นแต่หัวที่โดนกระแทกก็ยังมึน แรงที่มีค่อยๆหายลงไปช้าๆ ผมคิดถึงคำพูดของฟาน คำพูดที่ผมเคยบอกเค้าว่า เค้าคิดมากไปแล้วคิดแต่เรื่องอย่างว่า คำพูดที่ตอนนั้นผมคิดว่าถ้าระวังตัวมันคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ตอนนี้ทุกอย่างมันกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นเหมือนอย่างที่ฟานเป็นห่วงผม ' ถ้าไปมึงไม่รอดแน่ ยังไงมันก็จ้องจะเอามึงอยู่แล้ว ' 

“ ปล่อยผมนะ บอกว่าให้ปล่อย " ดันแขนตัวเองออกมา กำหมัดของตัวเองแน่นก่อนจะฟาดลงบนหัวของอีกคนแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าแรงจับกุมนั้นจะลดลง

“ แบบนี้แหละกูชอบ ดิ้นอีกสิ มึงดิ้นได้เท่าไหร่มึงก็ดิ้นเลย ร้องออกมาเลย ร้องออกมาเสียงดังๆ กูจะถ่ายคลิปมึงไว้ เสียงร้องของมึง เสียงโหยหวนของมึง เสียงที่บอกว่า ต้องการอีก อยากจะได้อีก กูจะเอายาปลุกให้มึงกิน เอาให้มึงร้องครางหากูทั้งคืนเลย แล้วกูจะตั้งกล้องให้ห้อง ถ่ายทุกวินาทีที่มึงเป็นของกู แล้วจะอัพลงเมล์บริษัทส่งไปให้ทุกคนดูเหมือนกับ ภาพพวกนั้นที่กูส่งไปให้ทุกคนดูไง หรือเก็บหลักฐานพวกนั้นไว้แบล็คเมล์มึง ต้องมามีอะไรกับกูตอนที่กูต้องการนะ ถ้าไม่อย่างงั้นกูจะส่งวิดีโอนี้ไปให้คนทั้งบริษัทดู เป็นไง อะไรที่มึงอยากจะได้มากกว่ากัน เลือกมาสิ แต่กูว่าอย่างหลังดีกว่ามั้ง " เค้าว่าก่อนจะยกยิ้มออกมา " มึงไม่อยากจะเป็นของกูไม่ใช่เหรอ แต่ต่อไปนี้มึงไม่ต้องกลัวนะ มึงจะได้เป็นของกูไปตลอดแน่ๆ เพราะกูจะเอามึง จะเอาจนกว่ากูจะพอใจ จะเอาจนกว่าจะหายเงี่ยนเลยแหละ แล้วพอกูเจอเด็กใหม่ กูก็จะไปเอาเค้า พอเบื่อเค้าก็กลับมาเอามึง มึงว่าแผนนี้เป็นไง มึงจะได้ตกนรกไปพร้อมๆกับกูไง กูที่ทุ่มเทให้มึงทุกอย่างแล้ว กูขอดีๆไม่ชอบ ชอบให้กูใช้กำลัง กูก็จะจัดให้ "

“ นี่มึง..เป็นคนส่งภาพพวกนั้น ”

“ แล้วมึงคิดว่าใครเป็นคนทำ คิดว่าเมียกูเป็นคนทำงั้นเหรอ ไอ้เหี้ยนั่นมันโง่ มันไม่รู้หรอก ก็คิดว่ากูเป็นผัวที่แสนดีของมันนั่นแหละ แล้วมึงคิดว่าคนที่ถ่ายภาพออกมามันจะรู้ได้ยังไงว่าเราไปไหนมาไหนด้วยกันเมื่อไหร่ ก็กูเป็นคนจ้างมันทั้งนั้น กูเป็นคนบอกมันทุกอย่างว่ากูไปไหน ทำอะไรกับมึงบ้าง แล้งมึงคิดว่าทุกอย่างมันประจวบเหมาะมากเลยเหรอ งานที่มึงทำอยู่ๆก็มีปัญหา มีคนลวนลามบนรถไฟ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะกูทั้งนั้น กูเป็นคนละเลยงานของมึงจนทำให้มึงต้องแก้งานมีปัญหากับลูกค้า ทำให้มึงเกือบโดนไล่ออก แต่กูก็ช่วยมึงเอาไว้ จ้างคนไปลวนลามมึง จะได้ช่วยมึง ทุกอย่างกูทำทั้งนั้น กูลงทุน เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ มันก็ถึงเวลาแล้วที่กูจะถอนทุนคืน แล้วจำเอาไว้ว่ากูจะเอามันมาให้ได้มากกว่าที่กูลงทุนอีก "

“ อย่านะ อย่า.. ช่วยด้วย!!! ปล่อยนะ ไอ้สัด ปล่อยกู ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย ช่วย!! ช่วยด้วย! “ เสียงของผมตะโกนออกไปแบบสุดเสียงแข่งกับเสียงน้ำทะเลที่สาดซัดเข้ามา " ช่วยด้วย !! อือออออ " มือหนาปิดปากของเราไว้ แขนข้างนึงที่จับมือผมไว้มันไม่มีแรงมากพอ ผมสะบัดตัวหนี กำหมัดแน่นแล้วทุบไปสุดแรงตามร่างกายของเค้า แรงของอีกคนเริ่มเพิ่มมากขึ้นด้วยความหงุดหงิดแต่ผมก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีสู้อย่างไม่ยอมแพ้ ฟาดมือไปตามร่างก่อนจะคว้าเอาทรายใกล้มือซัดใส่หน้าจนเค้าชะงักไป ผมลุกขึ้นยืนตอนที่ออกวิ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต ตรงใกล้จะถึงประตูของโรงแรม เค้ากระโดดคว้าขาผมไว้ได้ทันจนต้องล้มลงไปอีกครั้ง " ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย ช่วยด้วยครับ มีคนจะข่มขืนผม ช่วยด้วยครับ ใครก็ได้ช่วยที ช่วยด้วย " เสียงที่ตะโกนออกไปดังๆ ก่อนที่จะมีพนักงานที่เหมือนจะเป็นยามวิ่งออกมา ในตอนนั้นผมก็ตะโกน " ช่วยด้วยครับ ช่วยผมด้วย "

“ อย่ามายุ่ง!!! นี่เรื่องผัวเมีย กูจัดการเมียกูได้ ไม่ต้องมาเสือก " เสียงที่ทำให้คนจะวิ่งลงมาหยุดชะงัก ผมก็จตะโกนต่อ

“ ไม่ใช่ กูเป็นผู้ชาย กูจะเป็นเมียมันได้ไง ช่วยด้วยครับ ช่วยผมด้วย ได้โปรดเถอะพี่ ช่วยผมที " ในตอนนั้นที่แรงผมเริ่มหมด แววตาที่มองพนักงานโรงแรมคนนั้นที่กำลังหันหลังกลับไปด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง เค้ากำลังจะเดินจากไปเพียงเพราะเชื่อว่านี่คือเรื่องของผัวเมีย เรื่องที่ไม่ใช่ของเค้า ถ้าเค้าเข้ามายุ่งก็เหมือนเข้าไปยุ่งเรื่องของแขก แต่ในตอนนี้มันไม่ใช่ ผมที่กำลังพยายามดิ้นรน กางเกงที่ใส่เป็นกางเกงยืดแล้วเหมือนจะถูกดึงออกไปช้าๆ หลอดยาเล็กๆแบบหยดที่เหมือนจะใส่อะไรสักอย่างไว้ถูกดึงออกมา อาจจะเป็นยาปลุกอย่างที่อีกคนบอก เรี่ยวแรงที่กำลังหมดไปของผม ตอนนั้นผมเอื้อมมือไปดันตัวอีกคน ปากที่เม้มสนิทเพราะกลัวโดนหยอดยาตัดสินใจตะโกนออกไปสุดเสียงอย่างสิ้นหวัง " ได้โปรด ช่วยผมทีเถอะครับ ได้โปรด ใครก็ได้ ช่วยผมที ช่วยผมด้วย "

.........................................................................


ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
ยังไงฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิต และช่วยแชร์กันในเฟสด้วยนะคะ
เจอกันตอนหน้าจ้า :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 06-11-2016 20:38:12
จะมีใครมาช่วยไหม :a5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-11-2016 20:40:16
สายโหด!!!
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 06-11-2016 20:44:35
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 06-11-2016 21:01:15
 :z3: :z10:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 06-11-2016 21:01:41
เกลียดหัวหน้า เห็นแก่ตัวมาก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 06-11-2016 22:03:37
ธาตุแท้โผล่ เหวอกันเลยค่ะ
ถึงจะหมั่นไส้คีย์แต่ก้เริ่มสงสารนางเบาๆ
โดนฟานทิ้งไม่พอจะโดนข่มขืนอีก  :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 06-11-2016 22:07:18
โอ้ยยยตายยยย ใครดีเนี่ยจะมาช่วยนางได้
ตอนนี้คงมีแค่ฟาน ไม่ก้ลิป แล้วหละ

ไม่รอออศุกร์หน้าได้ไม๊ๆๆๆๆๆ
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: Peterpanmama ที่ 06-11-2016 23:07:34
นังคีย์เอ๊ยยยย ทั้งสงสารทั้งสมนำ้หน้า
แต่ว่าไอ้หัวหน้ามึงก็เหี้ยไปละนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: Dolamon ที่ 07-11-2016 05:26:52
ไม่รู้ว่าจะสงสาร. หรือสมน้ำหน้านางดี
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 07-11-2016 06:29:47
เป็นไงล่ะ แม่นางโลกสวย สมใจหรือยัง? เคยคิดว่าถ้าไม่มีฟานคงทำอะไรตามใจได้สุดกว่านี้ไม่ใช่เหรอ? เอาเลยสิอีโง่!! ถ้าเสียตัวให้ไอ้หัวเน่านั่นจริงๆ ยิ่งน่าสมเพช ..แต่ก็ยังใจดีอยากให้ฟานตามมาช่วยนะ แต่ช่วยได้แล้วเขี่ยทิ้ง ไม่ต้องเอา ถึงไงก็เกลียดพวกที่นอกใจนอกกายแม้จะเผลอด้วยความโง่ก็ตาม

ส่วนไอ้เห้หัวหน้าอยากให้ทุกคนได้รู้ได้เห็นสันดานมัน ชาติชั่วแค่ไหน ผู้ชายแบบนี้เลวและอันตรายยิ่งกว่าคนที่ทำซึ่งหน้า ไม่อยากให้ใครตกอยู่ในสภาพน่าโง่เหมือนคีย์

(เราชักด่าคีย์ว่าโง่มากไปแล้วล่ะ  :mew5: แต่ไม่มีคำไหนเหมาะกับนางเท่านี้แล้ว)

ท้ายสุด เป็นกำลังใจให้คนเขียนค้าบบบ^o^
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 07-11-2016 08:52:27
สงสารนางอยู่น่ะ  คบคนพาลพานพาไปหาผิด คิดอยากเล่นกะเหี้ยก็คงต้องเจอแบบนี้ละ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 07-11-2016 11:56:45
สงสารใครดีวะ  เค้าเตือนแล้วไม่ฟัง
ปล่อยให้ถลำลึก  ปล่อยให้เรื่องมันมันเป็นปมแน่น
แล้วค่อยอยากแก้  สงสารฟานส่งแฟนตัวเองให้คนอื่น
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 07-11-2016 19:02:41
ทั้งเจ็บและจุก ฟานรับไม่ไหวอยู่แล้ว รู้ว่าชอบแต่ก็เชื่อใจ แต่ความจริงคือความจริง

คีย์รู้ตัวช้าไป เล่นกับไฟ ไฟก็ลาม
คนตั้งใจทำชั่ว อยู่ไหนก็ตามไปทวง เหมือนหัวหน้าน่ะ แค่อยากได้

คิดว่าฟานมาช่วยทันนะ หวังว่าค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 07-11-2016 19:33:19
เลวจริงๆ  :fcuk: :fcuk:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 07-11-2016 20:23:45
นางก็คงมีคนมาช่วยแหละมั้ง นางเป็นนายเอกนี่ เผลอๆอาจจะเป็นฟานก็ได้ที่มาช่วยนาง ละฟานก็รู้ว่าไอ้หัวหน้าเลวจริงๆ ละสงสารคีย์ คีย์ขอโทษ ฟานก็รักอิคีย์อยู่แล้วนี่ ถึงขนาดบอกเรื่องนอกใจจะปล่อยผ่านขอแค่อิคีย์ไม่มา  ละสุดท้ายก็คืนดีกัน เดาล้วนๆ เกลียดอิคีย์จบปิ้ง  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 07-11-2016 21:36:35

แล้วจะยังไงต่อไป
คิดไม่ออกว่าเรื่องราวจะเป็นแบบไหน

ถ้าสุดๆ ต้องเสร็จอิหัวหน้า
หลังจากนั้น ไม่ตกเป็นทาสไปตลอดชีวิต
ก็คงจะหายไปจากโลกด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง
ชีวิตที่ไม่มีฟานและไม่มีใครอีกแล้ว

ไม่อยากเดา แอบเครียดและกังวล

เฮ้อ!!!
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 08-11-2016 00:17:56
โลกนี้ช่างโหดร้ายยย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 09-11-2016 02:45:06
หึหึหึ!!! 5555555555555555555 **หัวเราะด้วยความสะใจบอกเลย** ในเมื่อฟานมันให้อภัยง่ายๆที่นอกใจ กูก็ได้หัวหน้านี้แหละว่ะมาลงโทษแทน : ⏩⏩คิดถึงตอนเป็นชู้ หน้าตาที่มีความสุขระริกระรี้ภายข้างหลังแฟน ไม่เคยคิดบอกโกหกตลอด แถไม่มีหยุด พูดคำลวงให้เขาเชื่อ เพื่อนเตือนย้ำๆซ้ำๆไม่เคยฟัง เอากับแฟนยังคิดถึงหน้าชู้ สุขทางใจ(ชู้)แม้กายอึดอัด(แฟน)ก็ยังรั้งไว้เพราะเขาดี เอาสิ ถ้าไม่เห็นแก่ตัวขนาดนี้ทำไม่ได้ แม้จะรู้สึกผิดต่อแฟนก็ไม่ยอมเลิกรา จนมาตอนเกิดเรื่องนำความเดือดร้อนมาสู่ตัวถึงยอมล่าถอย //ยังไม่พอต่อจากนั้นแฟนโกรธก็กลัวเสียเขาไป กลับมาด่าชู้หาว่ามายุ่งทำไม เห็นไหมชีวิตฉันพังปนปี้ไม่มีชิ้นดีมันเป็นเพราะแกคนเดียว แกคนเดียว ฉันไม่เกี่ยว ไม่เคยคิดจะเลือกอยู่แล้ว ก็แค่เล่นๆไม่จริงจังอย่าหวังเยอะ โยนความผิดทุกเหตุให้พ้นตัวขว้างไปให้เขา ➡➡➡ มาบัดนี้สมกับคำที่พ่นออกไปไหม ชีวิตมันพังเพราะเขาคนเดียว ความผิดที่โยนให้มันก็เป็นคนสร้างขึ้นมาจริงๆ หึหึหึ!!!! คิดกับเขาแค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง เบื่อก็ทิ้ง แล้วดูสิเขาคิดกับแกยังไง หัวเราะ(เยาะ)ที่หลังดังกว่าไหม มันบอกแล้วว่าไม่ใช่คนดี คนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง ⏪⏪⏪ แต่กูบอกเลยว่ามึงมันเหี้ยสัสหมามากหัวหน้า!!!! แต่ก็นะ มีสิทธิ์เหี้ยได้ตามใจขึ้นอยู่กับว่าใครจะเผลอดันไปแส่แค่นั้นละ บังเอิญนายเอกเรื่องนี้ไง 55555 เอาเหอะคีย์รู้ตัวว่าผิดสำนึกได้ก็เมื่อรู้ความจริงจากปากเหมือนอย่างที่ฟานรู้ว่าแกนอกใจก็ตอนที่แกพูด

ทุกสิ่งอย่างที่แกทำมา สมควรจะโดนตราประทับตราบาปติดตัวเพื่อเป็นสิ่งเตือนใจไปตลอดชีวิตหว่ะ คนที่เอาแต่แถพูดแต่คำลวงไม่เคยรักษาสัญญาอะไรหวั่นไหวนอกใจใครบอกก็เฉย มารู้แต่สายไป โดนสักหน่อยก็ดี เพราะยังไงก่อนหน้ามาเจอฟานก็เอากับใครมาเยอะเหมือนกันเพราะงั้นฟานมันไม่ถือบริสุทธิ์หรอก แค่ว่าพลาดให้อภัยได้เสมอ!!!!

ถ้าโดนจะไม่โกรธไม่เกลียดเลยนะ แต่จะสงสารเห็นใจแค่ปลอบ แต่ก็ยังคงไม่ให้อภัย ที่นอกใจ มันคนละประเด็น คือผิดมาก่อนแล้วไง จะกลับไปคิดดูว่าเหตุผลที่จะยกมาสมควรที่จะพอเป็นนายเอก จบแฮปปี้ได้ไหม อิอิ !! ⏩⏩ฉันมันคนเย็นชากว่าที่นายคิด หึหึ!!⏪⏪ ฟานมันสงบสติอารมณ์ไปถึงไหนแล้วหนิ มันได้คิดทบทวนอะไรบ้างไหม หรืออย่าบอกนะว่ามันตามมา 55555 หรือว่าหันไปทำตัวประชดชีวิตรัก เมาเคล้านารีไรงี้ 5555 เหอๆ เอาไงดี ตอนนี้ทำไรอยู่ว่ะ???? 555555555 สนุกอ่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 09-11-2016 15:13:36
หัวหน้าแม่งโคตรเลวววว
บทเรียนราคาแพงเลยนะคีย์
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: Supak-davil ที่ 10-11-2016 15:05:34
เข้ามาอ่านและคลิกจากสารบัญทีทำไว้
หลังๆ แอบอ่านเมนท์มั่ง
หูย คุณคนเขียนสุดยอดอ่ะ ที่ยังยืนตามพล็อตได้
เมนท์นี่แบบ อ่านสนุกพอๆ กับ เนื้อเรื่องเลย
ขอบคุณค่ะ
ยืนตามพล็อตไว้นะ เราชอบ เราชอบอ่านเมนท์ด้วย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 46 ' ช่วยผมที ' UP - 6.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 10-11-2016 15:30:04
รับกรรมกันไป ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 47 ' ลาก่อน ' UP - 11.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 11-11-2016 20:47:25
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 47
' ลาก่อน '

 " ได้โปรด ช่วยผมทีเถอะครับ ได้โปรด ใครก็ได้ ช่วยผมที ช่วยผมด้วย "  เสียงสุดท้ายที่พูดออกไปในตอนนั้นร่างที่กำลังจะเดินกลับไปก็เดินกลับมาเหมือนตัดสินใจได้ว่าควรช่วยเหลือผม มากกว่าจะปล่อยผ่านไปเสียเฉยๆ  เค้าวิ่งมาแยกเราสองคนออกจากกัน เค้าดึงร่างสูงที่กำลังจับตัวผมไว้แน่นให้ลุกขึ้นยืน ผมที่ผ่อนลมหายใจ หลั่งน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย ผมหอบหายใจอยู่แบบนั้น หยุดน้ำตาของตัวเองไว้ไม่ได้เลย แม้เสียงรอบตัวตอนนี้จะเป็นเสียงตะโกนของหัวหน้าที่ต้องการจะบอกให้คนคนนั้นปล่อยเค้า

" ปล่อยกูสิวะ นี่มันเมียกู กูแค่จะเคลียร์กับมัน กูแค่จะเปลี่ยนบรรยายกาศเซ็กส์ แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไรต้องมาจับกู กูจะฟ้องเจ้าของโรงแรมว่าที่นี่เค้าบริการลูกค้ากันแบบนี้ มองไม่ออกเหรอวะ ว่ากูกับมันเป็นอะไรกัน ปล่อยสิวะ "

“ ผมว่าจะเป็นอะไรกันไม่สำคัญหรอกครับ แต่สำคัญที่ว่า คุณไม่สมควรมาทำแบบนี้ในที่สาธารณะ "

“ กูก็บอกแล้วว่าเปลี่ยนบรรยากาศ "

“ ไว้ไปคุยกันข้างในดีกว่านะครับ " พนักงานโรงแรมบอกปัด ก่อนจะหยิบเครื่องส่งสัญญาณติดตัวขึ้นมาเรียกคนอื่นให้มาช่วย " มาที่ด้านหน้าหาดด้วย เอาผ้าขนหนูมาผืนนึงนะ "

“ ปล่อยกูสิวะ จะจับอีกนานมั้ย " แรงสะบัดของเค้าแต่ไม่มีทีท่าว่าคนนั้นจะยอมปล่อย พนักงานคนอื่นที่ถูกเรียกเริ่มเดินมา ผ้าขนหนูผืนใหญ่ถูกคลุมให้ผม เค้าบอกกับคนที่มาใหม่เป็นประโยคสั้นๆ

“ คุณคนนี้บอกว่า ผู้ชายคนนี้จะทำร้ายเค้า "

“ ไม่เป็นไรแล้วนะครับ เข้าไปข้างในกันก่อนนะครับ " ผมพยักหน้ารับตอนที่ถูกพาเดินเข้าไปข้างใน ในระหว่างนั้นเค้าก็เอ่ยถามรายละเอียดทั่วไปของผม " แล้วไม่ทราบว่าคุณมาพักที่นี่คนเดียวรึเปล่าครับ "

“ เปล่าครับ มาสัมมนางานกับทางบริษัท "

“ คีย์ " เสียงเรียกชื่อผมที่ทำให้หันไปมอง หัวหน้าแผนกบุคคลขมวดคิ้วตอนที่เห็นท่าทางของผมที่ต้องมีคนพยุงเข้ามา เสื้อผ้าที่ขาดลุ่ย เธอเบิกตากว้างกับสิ่งที่เห็นก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ " นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี้ย "

“ คุณคนนี้มีเรื่องกับคุณคนนั้นครับ " พนักงานโรงแรมผายมือออกไปหาคนข้างหลังผมเธอก็ยิ่งเบิกตากว้างตกใจเป็นเท่าตัว

“ คุณธีร์ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ แล้วคีย์ไหวรึเปล่า มานี่ก่อนมา มาพักก่อนนะ " เธอเข้ามาประคองผมเดินไปทางห้องสัมมนาที่ยังมีคนเหลืออยู่อีกไม่กี่คน ส่วนใหญ่จะเป็นแค่หัวหน้าแผนกก็เท่านั้นที่ยังคงกินเหล้าสังสรรค์กันอยู่

   ผมถูกดึงให้นั่งลงที่เก้าอี้ตัวที่ว่างในห้องผมที่ไม่กล้าแม้จะหันไปสบตาเค้า หัวหน้าแผนกบุคคลก็เรียกให้คนอื่นที่ยังเหลือเดินเข้ามาในห้อง สภาพของผมที่ทุกคนเห็นชวนให้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย หนำซ้ำหัวหน้ายังโดนพนักงานของโรงแรมจับมือไขว้หลังไว้อีก

“ นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ "

“ ผมไปเจอคนสองทั้งสองคนที่หน้าหาดของโรงแรมครับ คุณคนนี้ " เค้ามองมาทางผม " บอกว่ากำลังจะโดนผู้ชายคนนี้ข่มขืน ผมก็เลยช่วยไว้ครับ แต่ทางคุณคนนี้ให้การว่า เค้าเป็นสามีภรรยากับอีกฝ่ายแล้วก็บอกว่ากำลังมีเซ็กส์กันแบบเปลี่ยนบรรยากาศ "
“ อะไรนะ! " หัวหน้าแผนกบุคคลหลุดปากออกมา เค้ามองหน้าผมสลับกับหัวหน้า

“ เราก็แค่ทะเลาะกันเฉยๆ มันหลายเรื่องที่ทำให้ต้องคุยกัน แล้วคีย์เองก็ไม่ยอมฟังท่าเดียวแบบนั้นผมก็เลยคว้าตัวเค้าที่เดินหนีไว้จะอธิบาย แต่เพราะเค้าไม่ยอม เลยดึงแรงขึ้นจนเสื้อเค้าขาดมันก็เท่านั้น ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรเค้าสักหน่อย แล้วที่บอกกับพนักงานโรงแรมไปแบบนั้นก็แค่ไม่อยากจะให้เกิดเรื่องยุ่งๆขึ้นก็เท่านั้น คิดว่าพอบอกแบบนั้นแล้วเค้าจะเลิกยุ่ง  ไม่คิดจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ "

“ มันเป็นอย่างงั้นเหรอคีย์ " เธอหันมาถามผม

“ พวกคุณเองก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าผมกับคีย์เป็นอะไรกัน แล้วก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าเรามีปัญหาอะไรกัน  มันก็เรื่องทั่วไปของคนที่มีความสัมพันธ์แบบนี้ "

“ ไม่ใช่ครับ!! " ผมตะโกนออกไป " ไม่ใช่ครับ! ไม่ใช่แบบนั้น เราไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้น เราไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น ไม่ได้เป็น  เลิกเอาความสัมพันธ์จอมปลอมที่คุณเองเป็นคนปล่อยภาพพวกนั้น แล้วสร้างสถานการณ์ต่างๆหลอกผม หรือคนอื่นๆมาอ้างสักที สถานการณ์ที่ดูเหมือนคุณจะตกเป็นจำเลยแต่เปล่า คุณนั่นแหละคือผู้กระทำมันทั้งหมด!! “ เงยหน้ามองคนที่ยังคงเห็นแก่ตัวเอาตัวรอดต่อหน้าคนอื่นแล้วโยนความผิดกรุเรื่องเป็นอีกเรื่องใส่ผม " เลิกทำเป็นคนดีที่น่าเชื่อต่อหน้าคนอื่นสักทีเถอะ ทั้งๆที่เมื่อกี้คุณเองก็กำลังจะข่มขืนผมอยู่แท้ๆ "

“ ห๊า ! " หัวหน้าแผนกอีกคนพูดเสียงเบาๆตอนที่ได้ยินคำพูดของผม

“ นี่คีย์ ฉันจะไปทำแบบนั้นทำไม เอาหลักฐานมาสิ "

“ ผมไม่มีหรอก หลักฐานอะไรพวกนั้น สิ่งที่มีก็แค่คำพูดของผมที่จะเล่าให้ทุกๆคนฟังหลังจากนี้แหละ เหตุการณ์ที่เมื่อกี้คุณเองก็เป็นคนเล่ามันให้ผมฟัง ว่าภาพหลุดพวกนั้นของผมกับคุณที่หลุดออกไปก็คือ ภาพที่คุณจ้างคนมาถ่ายภาพผมกับคุณในสถานที่ต่างๆ ที่คุณเองเป็นคนจัดสถานการณ์ไว้แล้ว แกล้งไม่ตรวจงานผมให้มีปัญหากับลูกค้าแล้วยื่นมือเข้ามาช่วย ให้ไปกินข้าวด้วยกัน ให้ไปขึ้นรถที่ใต้ห้าง ไปขึ้นรถไฟฟ้าเที่ยวเดียวกันในตอนเช้า จ้างให้คนมาลวนลาม แล้วทำทีว่าใจดีนั่งปลอบผม ทุกอย่างภาพที่ถ่ายออกมา คุณก็สร้างสถานการณ์มันทั้งหมดคุณที่พยายามทำให้ผมไม่เหลือใครแล้วทำให้ดูเหมือนคุณคือที่พึ่งคนเดียวที่มี เพื่อให้ผมประทับใจแล้วยอมเป็นเมียน้อยลับๆของคุณ คุณที่บีบบังคับให้มางานสัมมนานี้ ทั้งๆที่ไม่ได้อยากมา ทั้งๆที่รองหัวหน้าเองก็บอกว่าจะมาแทน แต่คุณก็ยังดึงดันที่จะให้ผมมาด้วยกัน เพราะอะไร เพราะจะมาทำอะไรเหี้ยๆแบบนี้ไง!! " น้ำตาของผมไหลออกมา มันทั้งเจ็บ มันทั้งแค้นเป็นความรู้สึกในอกที่ระคนไปหมดทุกความรู้สึก

" นี่เหรอวะ งานผมต้องทุ่มเทให้ นี่เหรอวะ หัวหน้างานที่ผมต้องเชื่อฟัง คุณต้องการอะไรจากชีวิตของผมอีกวะ คุณหัวหน้า ตื่นนอนตอนเช้ามาทำงานให้กลับบ้านสองทุ่มเกือบทุกวันตลอดเวลาสามปีที่ทำงานมา พออยากจะเอาพนักงานออฟฟิศสักคนมาทำเมียแก้เงี่ยน คุณก็แกล้งทำสถานการณ์ช่วยเหลือบีบบังคับลูกน้อง ถ่ายภาพ แล้วทำเป็นบอกว่าภาพหลุด เพื่อให้ลูกน้องตกเป็นเมียน้อยจริงๆด้วยความรู้สึกที่โดนกดดดันจากเพื่อนร่วมงานที่คอยเอาแต่นินทาลับหลัง ผมที่ตอนนี้ไม่มีเหี้ยอะไรแล้ว คุณยังจะมาเอาอะไรจะผมอีกวะ รักงานไม่อยากโดนไล่ออก ทั้งๆที่ไม่อยากจะมางานสัมมนาเพราะแฟนไม่อยากให้มา เพราะแฟนรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องการจะทำอะไรผม แต่ผมก็ดึงดันจะมา ไม่อยากจะโดนไล่ออก ไม่อยากจะหางานใหม่ นี่เหรอวะ สิ่งที่ผมได้รับ การที่คุณจะข่มขืนผมทั้งๆที่ผมเองก็หนีแล้ว ที่จะไม่นอนห้องเดียวกับคุณ หนีออกมาแล้วยอมจ่ายเงินตัวเองนอนห้องแยกจากคุณ แล้วตอนนี้ยังจะเอาอะไรอีก ยังจะเอาอะไรกับชีวิตของผมอีก กูแม่งไม่เหลือเหี้ยอะไรแล้ว จะเหลือก็แค่ความเป็นคนที่มึงกำลังจะพรากมันไปนั่นแหละ ตอนนี้แฟนก็ทิ้งไปแล้ว ยังจะมาเอาอะไรกับกูอีกวะ นี่เหรอวะ งานที่กูเลือกจะทุ่มเทให้ คือการที่หัวหน้าจะลากผมไปข่มขืนให้กินยาปลุกแล้วจะแบล็คเมล์ถ่ายวีดีโอเพื่อให้มาเอากันซ้ำๆ หนำซ้ำยังบอกกับยามที่มาช่วยชีวิตผมว่า เรื่องของผัวเมีย ไหนใครที่นี่บอกหน่อยสิครับ ผมเป็นเมียหัวหน้าเหรอ ผมแต่งงานกับหัวหน้าเราจดทะเบียนสมรสกันเหรอ เปล่าเลย กูไม่ได้เป็นอะไรกับมึงทั้งนั้น กูเป็นแค่ลูกน้องมึง ลูกน้องที่มึงสรรหาทุกวิธีจะปล้ำกูทำเมียไง ไอ้เหี้ย!! “

“ คีย์ใจเย็นๆ "

“ พูดอะไรออกมา ไม่มีหลักฐานแล้วใครจะเชื่อนาย ฉันทำงานที่นี่มานาน ถ้าจะเอาใครสักคนเป็นเมียอย่างที่นายบอก ก็ต้องทำกับคนอื่นด้วยสิ ทำไมต้องมาทำกับนายละ ทำไมต้องเอาภาพพวกนั้นที่มีฉันอยู่ในภาพออกไปให้คนอื่นมองฉันในแง่ร้าย นายจะบ้ารึเปล่า ใครจะทำร้ายตัวเอง แล้วนายเองไม่ใช่เหรอที่เล่นด้วยกับฉัน เวลาชวนไปกินข้าวด้วยถ้าไม่อยากไปก็ปฎิเสธสิ ไปทำไมละ "

“ แล้วไอ้หมาตัวไหน มันบอกละ ว่า ฉันช่วยนายไว้ คราวนี้ฉันไม่มีเพื่อนกินข้าวช่วยไปกับฉันหน่อย ตอบแทนที่ฉันช่วยนาย หมาตัวไหนมันพูดอะไรทำนองนี้ไว้ไม่ใช่เหรอ ถ้าอยากจะให้โชว์อีเมล์ กูโชว์ตอนนี้เลยก็นะ ทุกคำพูดที่มึงพูดเลย " ผมหยิบมือถือออกมาจากกางเกง ตอนที่กำลังเปิดออกหัวหน้าที่เบิกตากว้างด้วยความตกประหม่าก็พูดขึ้นมา

“ ผมว่าปล่อยให้เป็นเรื่องภายในของเราไม่ดีกว่าเหรอครับ หัวหน้าแผนกบุคคล จะให้คนนอกเข้ามารู้ด้วยจะดีเหรอ " เค้าว่าพลางเชิดไปทางพนักงานโรงแรมที่ยืนอยู่เหมือนออกนอกเรื่อง

“ อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ หัวหน้าแผนกบุคคลยังไม่ได้อ่านเมล์ที่คุณส่งมาชวนผมไปกินข้าวเลยนะ "

“ ผมขอเรียนให้ลูกค้าทราบด้วยนะครับว่า เพราะเรื่องนี้เกิดเหตุในบริเวณของโรงแรมข้อเท็จจริงทั้งหมด เราขอเข้าร่วมฟังเพื่อรายงานปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย "

“ อย่างงั้นคีย์จะอธิบายเรื่องราวพวกนั้นให้เราได้มั้ยละ " หัวหน้าแผนกก้มลงมาถามผม " หรือว่าอยากจะนั่งพักสักหน่อย "

“ เล่าเลยก็ได้ครับ " พยักหน้ารับเธอก่อนจะถอนหายใจออกมา เรื่องราวที่เล่าออกไปเหมือนผมกำลังเดินไปอยู่ในจุดเดิมนั่นอีกครั้ง ความรู้สึกที่หวนกลับมา ผมมองลงต่ำตอนที่กำลังเล่าเรื่องทุกอย่างออกจากปากของตัวเอง ไม่อยากจะคิดถึงมันอีกแต่ก็ต้องพูดออกไป เพราะถ้าไม่พูดออกไปก็ไม่ได้ ถ้าไม่พูดก็เหมือนปล่อยให้เค้าได้ใจจะทำอะไรก็ได้ ทุกอย่างมันควรจบลงไปได้แล้ว ถ้าจบด้วยดีไม่ได้ก็จบแบบเกลียดกันไปเลย

“ ถ้าแบบนั้น ที่ตัวของคุณธีร์ต้องมีขวดยานั่นอยู่สิ " หัวหน้าแผนกบุคคลบอก " คีย์บอกว่าคุณธีร์พยายามใช้ยาปลุกกับเค้าถูกมั้ยคะ แบบนั้น หลักฐานเดียวที่มีตอนนี้ก็คือ ขวดยานั่น "

“ งั้นทางนี้จะขออนุญาติค้นตัวนะครับ "

“ แล้วก็ช่วยไปค้นที่ที่เกิดเหตุด้วยนะคะ อ้อ! ช่วยหาระหว่างทางเดินที่เดินไปด้วยนะคะ " หัวหน้าแผนกบุคคลเสริม ทางเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยก็แยกย้ายกันออกไปเป็นสองส่วน

“ คุณหัวหน้าแผนกบุคคลดูเหมือนจะเชื่อคีย์ตั้งแต่ยังไม่ได้ถามผมเลยนะว่า เรื่องราวของผมมันเป็นยังไง "

“ ฉันแค่ไม่อยากจะให้ใครพ้นผิดค่ะ ถ้าผิดจริง แล้วก็ถ้าไม่ผิดจริงๆก็ไม่อยากจะให้ใครมาปรักปรำใครด้วยเหมือนกัน "  เธอยิ้มบอกอีกคนก่อนจะหันมากระชับผ้าขนหนูที่คลุมตัวผมอยู่

“ ไม่เจอที่ตัวของผู้ชายคนนี้ครับ " พนักงานของโรงแรมบอก ผมก็ถอนหายใจออกมา ก็คิดว่าคงไม่ได้อยู่ที่ตัวหรอก คงทิ้งไปแล้วหรือไม่ก็ตกอยู่ตรงที่เกิดเหตุเพราะตอนนั้นผมเองก็ดิ้นแรงมากเพราะกลัวจะโดนให้กินมันจริงๆ ผมหลับตาลงภาวนากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในใจตัวเอง เพราะผมพูดความจริงก็ขอให้มีหลักฐานมามัดตัวผู้ชายคนนี้เถอะ ขอให้พนักงานของโรงแรมที่ไปหาเจอขวดยานั่น หรืออะไรก็ได้ที่เป็นหลักฐาน

“ หายไปนานจัง " อาจเพราะมันล่วงเวลาไปนานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว ข้างนอกมืดขนาดนั้นไม่แปลกหรอกที่จะหาไม่เจอหรือหายากไปสักหน่อย

“ ก็มันไม่มี ที่คีย์พูดก็เรื่องตอแหลทั้งนั้น ใครจะบ้าเปลี่ยนบรรยากาศไปเอากันหน้าหาดวะ คิดสภาพถ้ามีใครเดินไปเดินมาไม่อุบาทตาตายรึไง "

“ แต่ฉันก็ไม่ได้คิดว่าคุณจะทำอะไรตรงนั้นนะ ถ้าคีย์พูดจริงๆ ฉันคิดว่าคุณคงแค่ให้เค้ากินยานั่น แล้วพอกินเสร็จก็ค่อยขึ้นห้อง ฉันคิดว่าเรื่องราวมันน่าจะเป็นแบบนี้มากกว่า " หัวหน้าแผนกบุคคลเสริม หัวหน้าก็หัวเราะ

“ ดูละครมากไปรึเปล่าครับนั่น "

“ เจอแล้วครับ ไม่ทราบว่าใช่อันนี้รึเปล่า " ประตูห้องที่เปิดออกมาพร้อมกับชายร่างสูงสองสามคนที่เดินตามเข้ามาด้วย ขวดยาแบบหลอดเล็กๆสีขาวไม่มีฝา แถมที่หัวก็เปื้อนทราย ทุกอย่างอยู่ในถุงพลาสติกแบบใส " ไม่มีกลิ่นนะครับ " เค้าบอกก่อนจะดมมัน " ผมเจอมันตกอยู่ตรงที่เกิดเหตุในกองทราย "

“ แต่มันอาจจะเป็นขยะที่มีคนมาทิ้งไว้ก็ได้ อาจจะเป็นแค่ขวดยาหยอดตาธรรมดา "

“ จะให้ทางเราส่งไปตรวจมั้ยครับ "

“ รบกวนด้วยนะคะ " หัวหน้าแผนกบุคคลบอกก่อนที่เธอจะพูดอะไรบางอย่างออกมาเหมือนคิดขึ้นมาได้ " คือ ขอแบ่งใส่ถุงเล็กๆให้ทางเราด้วยได้มั้ยค่ะ ฉันอยากจะให้ทางโรงแรมช่วยตรวจ แล้วก็ทางเราก็ส่งตรวจด้วย อยากจะให้ความเท่าเทียมกันนะคะ เพราะเราคงไม่ได้ส่งไปตรวจที่เดียวกัน เพื่อผลที่แน่ชัดว่าใครกันแน่ที่ผิด  เพราะฉันจะไม่มีวันปล่อยคนผิดให้ลอยนวลแน่ๆ ฝากด้วยนะคะ "

“ ได้ครับ "

“ คุณธีร์มีอะไรจะพูดมั้ยคะ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นคีย์พูดเป็นเรื่องจริง คุณทำแบบนั้น หรือว่า ไม่ได้ทำคะ "

“ คุณที่เชื่อคีย์ไปแล้ว ยังจะหันมาถามผมทำไม "

“ ฉันพร้อมฟังคำพูดของคุณเสมอค่ะ คุณทำหรือไม่ได้ทำพูดออกมาเลยค่ะ "

“ ผมไม่ได้ทำ " เค้าพูดเสียงหนักแน่นหัวหน้าแผนกบุคคลก็พยักหน้ารับ

“ แล้วถ้ายาที่เอาไปตรวจผลออกมาเป็นยังไง ทุกคนในที่นี่เป็นพยานนะคะ ว่าคุณธีร์หัวหน้าแผนกออกแบบบอกว่าไม่ได้เป็นคนทำ ส่วนคีย์เองก็บอกว่าหัวหน้าแผนกของเค้าเป็นคนทำ ฉันขอให้ตรวจลายนิ้วมือด้วยนะคะ ถ้าทำได้ ตรวจทุกอย่างให้หมด ฉันอยากจะหาความจริง เพราะเรื่องนี้มันร้ายแรงมากกว่าจะปล่อยเอาไว้ ถ้าคีย์โกหกเค้าก็โกหกแบบร้ายแรงเป็นการใส่ร้ายคนอื่นจนเสียชื่อเสียง ส่วนคุณธีร์ถ้าทำจริงๆการกระทำแบบนั้นที่คิดทำร้ายคนอื่นก็เกินกว่าจะปล่อยไว้ได้เหมือนกัน "

   ผมผ่อนลมหายใจออกมากระชับผ้าขนหนูที่ตัวเองห่มอยู่ก่อนจะผ่อนลมหายใจ น้ำตาที่ไหลออกมาผมถามตัวเองตอนที่มองเค้าว่า นั่นเหรอวะ คือคนที่ตลอดมาเราเคยแอบหลงรัก ผู้ชายใจดีที่เราหวั่นไหวไปกับทุกอย่างของเค้า ใบหน้า คำพูดและทุกอย่าง ผู้ชายที่เราเคยนอกใจแฟนมาหวั่นไหวไปกับความรู้สึกอ่อนโยนทั้งๆที่ทุกอย่างมันก็แค่ฉากละครที่ถูกสร้างขึ้น ทั้งจอมปลอมและโสโครก ความคิดที่เค้าพูดออกมา แย่ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานตัวนึงจะคิดได้

   ' แต่ต่อไปนี้มึงไม่ต้องกลัวนะ มึงจะได้เป็นของกูไปตลอดแน่ๆ เพราะกูจะเอามึง จะเอาจนกว่ากูจะพอใจ จะเอาจนกว่าจะหายเงี่ยนเลยแหละ แต่กูเจอเด็กใหม่ กูก็จะไปเอาเค้า พอเบื่อเค้าก็กลับมาเอามึง มึงว่าแผนนี้เป็นไง มึงจะได้ตกนรกไปพร้อมๆกับกูไง'  กอดตัวเองแน่นตอนที่คิดถึงคำพูดนั้น ผมเม้นริมฝีปากของตัวเองความรู้สึกในร่างมันปั่นป่วนอยากจะอ้วก หรือไม่ก็อยากจะลืมๆมันไปด้วยการกินยานอนหลับสักแผง แต่ก็กลัวเหลือเกิน กลัวแม้แต่ตอนที่จะหลับตาลงกลัวว่าช่วงเวลาที่ไร้สติแบบนั้นเค้าจะกลับมา จะมาทำเรื่องอย่างว่า จะมาทำเรื่องที่เค้าต้องการจะทำอีก

“ แล้วเรื่องของคุณคนนี้จะให้ผมทำยังไงครับ "

“ ตอนนี้ไม่มีหลักฐาน ก็ต้องปล่อยไปก่อนสิ "  หัวหน้าพูดออกมาก่อนจะมองหน้าหัวหน้าแผนกบุคคล " ว่าไงครับ คุณไม่มีหลักฐานนะ "
“ ก็ปล่อยเค้าไปก่อนเถอะค่ะ เพราะว่ามันไม่มีหลักฐาน " เค้าสะบัดแขนตัวเองออกจากการจับกุมตอนที่หัวหน้าแผนกบุคคลพูดออกมาแบบนั้น เธอหันมามองผมก่อนจะก้มตัวลงมาใกล้ " คีย์กลับห้องกันเถอะ ฉันจะไปส่งนายเองนะ "

“ ครับ " พยักหน้ารับคำพูดของเธอ ผมก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องนั้น เราเดินไปเงียบๆตามทางเดินของโรงแรมแต่อยู่ๆหัวหน้าแผนกบุคคลก็ถามผมขึ้น

“ คีย์ "

“ ครับ "

“ ฉันรู้ว่านายยังไม่โอเคกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ขอถามจริงๆเถอะ เรื่องที่เกิดขึ้นมาจริงใช่มั้ย คุณธีร์ทำแบบนั้นจริงๆนะเหรอ "

“ ครับ เค้าทำแบบนั้น " ผมหันไปบอกเธอที่ก็ถอนหายใจออกมา " ผมไม่กลัวเลยเรื่องพิสูจน์หลักฐานอะไรนั่น ผมหวังว่าขอให้ขวดยานั้นเป็นขวดจริงๆที่เค้าใช้ ขอให้มีลายนิ้วมือของเค้า ขอให้ทุกอย่างเป็นหลักฐานที่มัดตัวเค้า เป็นหลักฐานว่าตัวผมไม่ได้พูดโกหก ผมไม่เหลืออะไรแล้วครับหัวหน้า ตอนนี้ไม่มีงานที่อยากไปทำ ไม่มีคนที่รัก เพราะงั้นขอให้ความเป็นคนของผม มันยังหลงเหลืออยู่เถอะ "

“ ฉันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายนะ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงก็ตาม "

“ ขอบคุณครับ "

“ แล้วอยากจะลาพักงานหน่อยมั้ย ถ้าไม่ไหวยังไงไปบอกฉันที่แผนกได้ทุกเมื่อเลยนะ ฉันจะลางานให้นายเอง ไปพักผ่อนสักหน่อยเพราะดูท่าทางว่าเรื่องวันนี้คงทำให้นายถูกพูดถึงไปทุกแผนกอีกแน่ๆ " ผ่อนลมหายใจออกพลางหยักหน้าตอนที่อีกคนฝ่ายพูดแบบนั้น เธอยกมือขึ้นตบไหล่ผมผ่อนลมหายใจออกมา เราก็ต่างรู้ดีว่าเรื่องการถูกนินทาไปไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่งแล้วยิ่งกว่าใครจะยับยั้งได้ทัน ต่อให้บอกว่า อย่าพูดกับใคร แต่ไม่ว่ายังไง เรื่องนี้ก็ถูกพูดถึงอยู่ดี ไม่มีวันเก็บเงียบได้หรอก  " พรุ่งนี้ฉันจะมารับนายแล้วกัน เราลงไปกินข้าวด้วยกัน แล้วก็กลับด้วยกัน นายกลับกับฉันนะ "

“ ครับ ขอบคุณมากครับ "

“ มีอะไรบอกฉันได้ตลอดเวลาเลยนะ "

“ ครับ " ตอบรับเธออีกครั้งแต่ท่าทางที่ไม่สบายใจของเธอก็ฉายชัดอยู่ที่หน้าว่าเป็นห่วงความรู้สึกของผมมากแค่ไหน

“ ขอโทษนะคีย์ เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด “ พยักหน้ารับคำพูดนั้น เพราะไม่รู้จะตอบอะไรเธอก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา “ พักผ่อนซะละ อย่าคิดมากนะ " เธอบอกก่อนจะยกมือลาแล้วเดินออกไป ผมเสียบคีย์การ์ดเดินเข้าไปในห้อง ล๊อคทุกอย่างอย่างดีก่อนจะเดินกลับมานั่งที่เตียงของตัวเอง

   ผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่หลับตาคิดถึงเรื่องราวทั้งหมดก็ทำได้แค่เม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่น เอื้อมมือไปกอดตัวเองฝืนกลืนน้ำลายด้วยความกลัวก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปอาบน้ำในที่สุด อยากจะชำระสัมผัสทุกอย่างออกไปจากร่างกายให้หมด ผมถูสบู่ไปตามเนื้อตัว ขยี้มันแดงๆจนแดงไปหมดด้วยความโกรธ โกรธที่ทุกอย่างมันต้องมาเป็นแบบนี้ โกรธที่ตอนนั้นเลือกงานมากกว่าฟานที่บอกว่าให้เลือกเค้า โกรธที่ตัวเองบอกปัดความต้องการของฟานแล้วดึงดันที่จะมาทำงานนี้ โกรธที่รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวผมเลือกมันคือทางที่ผิดแล้ว

   ย่อตัวลงนั่งใต้ฝักบัวที่เปิดน้ำให้ไหลอยู่แบบนั้น เหมือนกับน้ำตาที่ไหลออกมาก็เช่นกัน เพราะว่ากลัวไปหมดทุกอย่างก็เลยไม่ได้อะไรสักอย่าง กลัวว่าจะไม่มีงานทำ กลัวว่าฟานจะทิ้ง แต่สุดท้ายงานก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้อยากจะกลับไปทำอีก ส่วนฟานเองก็ไม่ได้อยู่เพื่อฟังคำแก้ตัวใดๆของผม ไม่รู้ว่าถ้ากลับไปจะยังเห็นไอ้ลูกหมาตัวนั้นอยู่ในห้องเหมือนกับทุกทีมั้ย ไม่รู้ว่าถ้าไปขอโทษเค้าจะกลับมามั้ย ถ้าอธิบายทุกอย่างให้ฟัง ไม่รู้ทุกอย่างของเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมมั้ย ผ่อนลมหายใจออกผมคิดถึงข้อความที่ส่งไปหาเค้า โทรศัพท์ที่โทรไปหาแต่ก็ไม่มีปลายสายตอบกลับมา จนได้แต่คิดว่า บางทีก็ไม่ควรหวังอะไรแบบนั้นอีกแล้ว เพราะเค้าคงไม่อยู่แล้ว ไม่อยู่ในที่ที่ผมจะกลับไปเจอได้อีกแล้ว

   ครืน ครืน ครืน

   เสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่นอกห้องผมรีบปิดน้ำก่อนจะวิ่งออกมาเพราะคิดว่ามันจะเป็นสายสำคัญแต่นั่นก็ไม่ใช่ เบอร์ที่หน้าจอเป็นเบอร์ของลิปที่โทรเข้ามา ผ่อนลมหายใจผิดหวังออกมาตอนที่ไม่ใช่สายของฟาน ก่อนจะเอื้อมไปกดรับ

“ ลิป "

“ เป็นยังไงบ้าง " ผมผ่อนลมหายใจออกมาอีกครั้งตอนที่เค้าถามแบบนั้น นั่งลงบนเตียงช้าๆอย่างไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ปากก็อยากจะเล่าแต่ตอนนี้มันไม่มีอารมณ์จะพูดอะไร อยากจะลืมไปก่อน " คีย์ "

“ เกิดเรื่องขึ้นน่ะ ไว้พรุ่งนี้ไปทำงานจะเล่าให้ฟังนะ "

“ แล้วโอเครึเปล่า "

“ อื้ม ตอนนี้ฉันยังไม่อยากจะพูดอะไรนะ ขอฉันพักสักแปปเถอะนะ "

“ ได้สิ ถ้ามีอะไร ไม่ไหวยังไงก็โทรมาแล้วกันนะ "

“ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ ลิป "

“ อื้ม ก็นายเพื่อนฉัน แค่นี้แหละ เจอกัน" เค้ากดวางสายผมเองก็ถอนหายใจออกมาอีก มองหน้าจอโทรศัพท์ที่ไม่มีสายสำคัญโทรมาหรือแม้แต่ข้อความสักข้อความ ฟานไม่แม้จะเปิดอ่าน ผมกดโทรศัพท์หาเค้าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้ยินเสียงรอสายแล้วแต่เป็นเสียงปิดเครื่องแทน " ปิดเครื่องไปแล้วอย่างงั้นเหรอ "

   ล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างพลิกตัวไปมาทั้งๆที่ผมยังเปียกและตัวก็ยังชื้นไปด้วยหยดน้ำที่เกาะอยู่ตามตัว มองดูเพดานขาวว่างเปล่า ไม่มีความรู้สึกจะอยากทำอะไรหลังจากนี้ ไม่มีงานที่อยากจะไปทำ เหมือนแค่อยากจะนอนนิ่งๆอยู่แบบนี้ไม่ได้อยากจะทำอะไร ปล่อยให้เวลามันผ่านไปช้าๆ ทรมานกับความรู้สึกทุกอย่างที่กัดกินหัวใจ ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เรื่องในอดีต แล้วก็ เรื่องที่ไม่รู้ว่าในอนาคตมันจะเป็นยังไง

.......................................................


   ลุกขึ้นจากเตียงจากเตียงในเช้าวันใหม่ ที่นอนไม่หลับเลยไปทั้งคืน ผมจัดเสื้อผ้าเตรียมตัวจะไปเช็คเอ้าท์ก่อนเสียงประตูห้องจะดังขึ้น มองผ่านตาแมวที่ประตู ข้างหน้าเป็นหัวหน้าแผนกบุคคลที่ก็มาหาตั้งแต่เช้า

“ ครับ หัวหน้า " ผมเปิดประตูขานรับเธอก็ยิ้ม

“ เสร็จรึยัง เตรียมตัวกลับกันเลยมั้ย "

“ ครับ เสร็จแล้วครับ " ผมบอกก่อนจะเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าเช็คทุกอย่างเรียบร้อยก่อนจะเดินตามเธอออกมา ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเงียบผมจัดการเช็คเอ้าท์โรงแรม ทุกคนที่แยกย้ายกันไปกินอาหารเช้าก่อนจะเตรียมตัวกลับแต่ผมกับรู้สึกไม่อยากจะกินอะไร อาจเพราะหัวหน้าตัวเองก็กำลังกินข้าวอยู่ในนั้นเลยชวนให้ทุกอย่างมันดูไม่น่ากินไปหมด

“ คีย์ เสร็จแล้วเหรอ " หัวหน้าแผนกบุคคลเดินมาบอก " แล้วนี่จะกินอะไรรึยัง "

“ ผมไม่หิวครับ กลับกันเถอะครับ "

“ งั้นก็กลับกันเลย " เธอพยักหน้ารับก่อนจะชวนให้น้องในแผนกที่พามาด้วยขึ้นรถไปพร้อมกัน

   ในรถที่เงียบเชียบมีคำถามมากมายถามไถ่ผมแต่เพราะไม่อยากจะตอบอะไรและหัวหน้าแผนกเองก็เข้าใจอยู่แล้วเลยไม่เซ้าซี้จะถามอะไรต่อ เธอขับรถมาส่งผมถึงคอนโด ตอนที่เปิดประตูรถลงผมก็ขอบคุณเธอ

“ ขอบคุณที่มาส่งนะครับ "

“ ไม่เป็นไร " เธอว่ายิ้ม " แต่คีย์ มีอะไรก็บอกฉันได้นะ ถ้าอยากจะพักสักหน่อยก็บอกได้เลย ฉันจะให้นายพักเป็นกรณีพิเศษ ไม่โอเคไม่ต้องฝืนหรอกนะ "

“ ครับ ขอบคุณมากครับ " พยักหน้ารับเธออีกครั้ง ก่อนจะเดินขึ้นคอนโดของตัวเองไป ผมผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่กดลิฟต์ขึ้นไปที่ห้อง ในใจลึกๆที่คาดหวังเอาไว้ว่า จะมีใครสักคนที่ติดต่อไม่ได้มาสองวันยังคงอยู่ในนั้น อาจจะแค่งอนก็เลยไม่รับโทรศัพท์กัน ไม่ตอบไลน์

   ไขกุญแจเข้าไปในห้อง ผมเปิดประตูเข้าไปก่อนจะพบกับความจริงที่ว่าสิ่งที่คาดหวังไว้ ไม่ได้เป็นแบบนั้นทุกอย่างดูว่างเปล่ามันเป็นแค่ห้องว่างเปล่า เหมือนห้องของผมตอนที่ยังไม่มีฟานเข้ามาอยู่ วางกระเป๋าลงตรงนั้นผมเดินเข้าไปในห้องนอนไม่มีใครอยู่ในนั้น ตู้เสื้อผ้าไม่มีเสื้อผ้าของเค้าแขวนอยู่ ในห้องน้ำของใช้ส่วนตัวก็มีแค่ของผม แชมพูกลิ่นของฟานไม่มีแล้ว ที่โกนหนวดของฟานก็ไม่มี แปรงสีฟันของเค้า หรือแม้แต่อะไรที่บ่งบอกว่าเค้าอยู่ที่นี่ก็ไม่มีสักอย่าง ทุกอย่างหายไปหมดแล้ว แม้แต่หนังสือสักเล่มที่เป็นของเค้าก็ไม่มี

   ผมหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นเหมือนโลกทั้งใบก็หยุดหมุนไปด้วย มองไปรอบๆห้องของตัวเองก่อนจะสะดุดกับกุญแจห้องที่ห้อยตัวเอลโม่สีแดงอยู่ มันที่ตั้งไว้บนเค้าเตอร์ในครัว ไม่มีโน๊ตอะไร แต่ทุกอย่างก็เหมือนเป็นคำตอบที่บอกผมได้อยู่แล้วว่าสิ่งที่รู้สึกตอนนี้คืออะไร คำบอกลาสุดท้ายที่เค้าให้ผมไว้

   ' ลาก่อน.. และเค้าจะไม่กลับมาที่นี่ อีกแล้ว '

..................................................


ลาก่อนน้องฟาน  :bye2:
ที่เราเขียนตอนที่ 45 มีคนบอกว่าน้องฟานให้อภัยคีย์ เรื่องนอกใจทำไม ไม่โอเคเลย
คือขออธิบายนิดนึง ในบทเราเขียนให้น้องฟานเหมือนรั้งคีย์ไว้ทุกอย่าง ขอแค่คีย์ไม่ไปงานสัมมนา แต่ในเมื่อคีย์ดึงดันจะไป ก็ไป แต่อย่าที่ฟานบอก " ไปแล้ว อย่ากลับมา " ตอนนี้น้องฟานก็ทำอย่างที่พูดแล้วนะจ๊ะ
คือถ้ามึงไปแล้ว ก็อย่ากลับมา กลับมาที่เดิม กูก็ไม่อยู่แล้ว บัย~~~

พี่คีย์ได้รับกรรมหนักแน่ค่ะ เผลอๆหนักกว่าที่นางทำฟานอีก ถ้ามองในมุมว่า ฟานรักแรงเกลียดแรง
ละก็นะ พล๊อตนี้หนมคิดไว้ตั้งแต่เริ่มเขียน หวาน และ ดราม่า หวานก็หวานสุด ดราม่าก็ดราม่าสุดๆ
ยังไงให้กำลังใจกันด้วยนะเด้อออออ

ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้าาาา ม๊วฟฟฟฟ
 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
 
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 47 ' ลาก่อน ' UP - 11.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 11-11-2016 21:00:01
กรรมนางหนักจนเราหวั่นใจ อีกทั้งยั้งคิดว่าไอ้หัวหน้าเหี้ยๆนั่นคงยังไม่ยอมจบแค่นี้แน่
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 47 ' ลาก่อน ' UP - 11.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 11-11-2016 21:20:44
มันก็สมควรแล้วกับสิ่งที่มันทำไง กรรมมาหนักๆยิ่งดี กับอีหัวเน่านั่นด้วยก็ด้วย เอาให้ไม่มีที่ยืนเลยยิ่งดี
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 47 ' ลาก่อน ' UP - 11.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 11-11-2016 21:21:35
ตอนแรกก็เกลียดตอนนี้กลับมาสงสารคีย์อีกแล้ว โอยยยย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 47 ' ลาก่อน ' UP - 11.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 11-11-2016 21:40:00
เอาจริงๆตอนที่คีย์บอกว่าไม่ไปแล้ว แต่ฟานกลับลากให้คีย์ไป อันนี้เราโกรธฟานอ่ะ คีย์ตอนนี้เจอหนักเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 47 ' ลาก่อน ' UP - 11.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 11-11-2016 21:57:45
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 47 ' ลาก่อน ' UP - 11.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-11-2016 22:14:01
 :L2: :L1: :pig4:

คีย์อาจจะไม่น่ารัก แต่มันก็สำนึกนะ คนเราก็ไม่เพอร์เฟก อ่าาาาาาาา  สงสาร
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 47 ' ลาก่อน ' UP - 11.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 11-11-2016 22:18:51
คีย์นางตั้งความหวังไว้สวยหรูกับสเปคตัวเอง ลืมคิดไปว่าแก่นแท้คนแบบนั้นมันก็เหี้ยได้เหมือนกัน จนนำไปสู่การนอกใจ และลงเอยที่บทเรียนราคาแพงระยิบ..

สำหรับฟาน เราคิดว่ามันคือการทุ่มจนหมดหน้าตักแล้ว และไม่เอาอะไรอีกแล้ว ไม่ว่าสุดท้ายคีย์จะกลับมาในสภาพไหน ก็ไม่มีค่าอะไรอีก..

รอ ติดตามคับ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 47 ' ลาก่อน ' UP - 11.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 11-11-2016 22:31:33
เราว่าฟานไม่ควรลากคีย์ไปขึ้นรถออหัวเน่าอ่ะ ถึงจะโกรธก็เถอะนะ ทำอย่างนั้นถ้าคีย์โดนข่มขืนจริงๆ ส่วนหนึ่งมันมาจากฟานเลยนะ มันไม่ใช่ความสมยอมที่จะไปอย่างทีแรก มาถึงบทล่าสุด สงสารนางอีกชั้นแต่มันก็เป็นเพราะตัวนางเองก็เถอะ ถถถถ สู้ๆนะคีย์ไปให้ลิปปลอบนะ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยเดินหน้าง้อฟาน ถึงฟานจะเคยบอกว่าไม่เอาแล้วก็เถอะ เพราะตัวฟานเองก็เทหมดหน้าตักไปแล้ว ไม่งั้นเธอต้องทำใจ เพราะเธอเป็นฝ่ายนอกใจก่อนเอง ปล.อิหัวเน่ามันไม่ยอมแค่นี้แน่ค่ะทุกคน
// ขอบคุณที่แต่งให้อ่านค่า จุ๊ฟฟฟฟฟฟ ;3
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 47 ' ลาก่อน ' UP - 11.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 12-11-2016 01:41:55
คีย์ คงไม่ใช่ลาพักร้อน แต่เราว่าลาออกไม๊
ต่อให้หัวหน้าผิดจริง เจอความผิดแล้วไง
เขาก้แค่โดนสังคมในที่ทำงานด่า แล้วเด๋วทุกคนก้ลืมไป หรือถ้าจะเป็นคดีความก้แค่จ่ายค่าปรับ
แต่ทุกอย่างก้เหมือนเดิม
ต้องมีใครซักคนลาออกอะ ซึ่งเราว่าหัวหน้าไม่ทำ
งั้นคีย์ก้ออกมามะ แล้วก้ไปตามง้อฟาน
หรือบางทีถ้าเล่าให้ลิปฟัง ก้จะมีคนสมน้ำหน้าก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะชวนง้อฟานยังไงดี
55555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 47 ' ลาก่อน ' UP - 11.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 12-11-2016 10:08:56
คีย์จะทำยังไงละทีนี้  :เฮ้อ: :เฮ้อ:

สู้ๆๆ  :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 47 ' ลาก่อน ' UP - 11.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 12-11-2016 23:45:28
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 47 ' ลาก่อน ' UP - 11.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: supernaturalgay ที่ 13-11-2016 01:32:02
อยากรู้จังว่าถ้าฟานรู้ว่าคีย์เกือบถูกไอ้เชี่ยนั่นข่มขืน  แถมยังต้องแบกเรื่องหนักๆไว้บนบ่าเพียงลำพัง  ฟานจะคิดยังไง?   ทำเป็นเมินเฉย  ทำหน้าแสยะยิ้มใส่  หรือเป็นห่วงและหวงคีย์มากแต่ทิฐิไม่ยอมมาหา

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 47 ' ลาก่อน ' UP - 11.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 13-11-2016 12:59:54
ถือว่าเป็นบทเรียน ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 47 ' ลาก่อน ' UP - 11.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 13-11-2016 14:34:22
โกรธและโมโหคีย์มาก. แต่ตอนนี้แอบสงสารนางเหมือนกัน. ยิ่งไรท์บอกนางจะโดนหนักกว่าที่ฟานโดนอีก. ฟานรักแรงเกลียดแรงอีก. สงสารรอเลยละกัน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 47 ' ลาก่อน ' UP - 11.11.59} หน้า 26
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 13-11-2016 16:25:03
มันบดมันขยี้จริงๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 13-11-2016 20:17:14
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 48
' ฉันรักนาย '

   ตื่นขึ้นมาตอนเช้าด้วยความเงียบเหงา ไม่มีกลิ่นหอมของอาหารอร่อยๆ หรือแม้แต่เสียงอะไรสักอย่างเพื่อบอกให้ผมรู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียวในคอนโดแห่งนี้ เหมือนย้อนกลับไปในอดีต อดีตที่ตัวผมไม่เคยมีฟานอยู่ใกล้ๆ หันไปมองโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ตรงหัวเตียงผมหยิบมันขึ้นมาเปิดดูก็พบว่า มันไม่มีข้อความ ไม่มีการติดต่อกลับ ไม่มีแม้ไลน์สักฉบับไม่มีอะไรทั้งนั้น กดมือถือโทรออกไปหาเค้าอีกครั้ง แต่ปลายสายก็ยังเป็นแค่การฝากหมายเลขโทรกลับ

' ฉันอยากคุยกับนาย ถ้าเปิดมือถือแล้ว ช่วยส่งข้อความมา หรือว่า โทรมาหาฉันหน่อยนะ ' ผมกดส่งข้อความไปหาเค้า ก่อนจะกดเข้าไปในไลน์ เลื่อนอ่านข้อความของเราที่ไม่มีอะไรทั้งนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นอีกฝ่ายที่ติดต่อมามากกว่า กดปิดมือถือลงอีกครั้ง ผมผ่อนลมหายใจออกมา

   ไม่มีความสุขมานานแล้วนะ ช่วงเวลาที่ยิ้มออกมาจากใจจริงๆ มันนานแค่ไหนกันแล้ว  จำได้ว่ามีความสุขที่สุดก็ตอนที่ได้อยู่กับเค้า แต่ว่าก็ทำให้ความสุขนั้นมันหลุดมือไปเอง ทั้งหมดที่ผ่านมาก็ทำตัวเองทั้งนั้น ทำให้ความสุขเหล่านั้นมันหายไปด้วยตัวเอง

   จัดการอาบน้ำแต่งตัวออกไปทำงาน ไม่รู้วันนี้ต้องเผชิญกับอะไรบ้าง เรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนไปสัมมนาคงมีการบอกเล่ากันตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องแล้ว จากปากหัวหน้าแผนกต่างๆคนที่อยู่ในเหตุการณ์สู่ปากลูกน้อง และ ลูกน้องก็ส่งต่อไปให้เพื่อนร่วมแผนก แต่อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เราห้ามอะไรไม่หรอก โดยเฉพาะปากของคน

   ก้มหน้าลงเดินไปเรื่อยๆระหว่างทางจากสถานีรถไฟถึงหน้าบริษัท ตอนที่กำลังยืนรอลิฟต์ผมก็ได้ยินเสียงพูดคุยของคนที่มาต่อคิวขึ้นลิฟต์ด้วยกันดังขึ้น

“ ได้ฟังข่าวใหม่รึยัง " ผมเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยจากจอโทรศัพท์ก่อนจะก้มลงเหมือนเดิมเพราะมันก็คงไม่ใช่เรื่องที่น่าฟังเท่าไหร่ และคงไม่ผิดไปจากที่คิด คือพวกเธอกำลังนินทาเรื่องของผม

“ ข่าวอะไร "

“ ก็ข่าวที่หัวหน้าแผนกออกแบบกับลูกน้องเมียน้อยที่ไปสัมมนาด้วยกันไง เค้าว่ากันว่า จริงๆแล้ว หัวหน้าเป็นคนปล่อยรูปนั้นออกมาน่ะ แล้วเหตุการณ์พวกนั้นก็ถูกเมคจากหัวหน้าแผนกทั้งหมดเลยเพราะว่าเค้าจะจับลูกน้องในแผนกตัวเองทำเมียน้อยจ้า "

“ บ้าน่า ไหนใครบอกว่า ตัวเมียน้อยมันอ่อยไงอยากรวย อยากจะสบายจนตัวสั่น "

“ ก็นั่นนะสิ เห็นบอกเรื่องมันแดงขึ้นมาเพราะหัวหน้าแผนกจะจับลูกน้องข่มขืน! แล้วทางโรงแรมจับได้ ลูกน้องรอดแต่ก็แฉความจริงออกมาทั้งหมดเลย เรื่องมันก็เลยแดงขึ้น เห็นว่าหัวหน้าแผนกบุคคลจะจับให้ได้เลยว่าใครพูดจริงใครตอแหล เพราะหัวหน้าแผนกแกบอกว่าแกไม่ได้ข่มขืนจ้า ลูกน้องคิดไปเอง "

“ คนบ้าอะไรจะคิดว่าคนอื่นมาข่มขืนตัวเอง นอกเสียจากว่า หนึ่ง คือโดนจริงๆ กับ สอง ตอแหลจะจับผู้ชายแล้วสร้างสถานการณ์ให้ตัวเองดูดี แบบ ฉันไม่ได้เป็นเมียน้อยเค้า เค้าจะจับฉันทำเมียเอง แต่ที่สงสัยคือ ถ้าเรื่องทั้งหมดมันไม่จริงแล้วทำไมไม่ออกมาพูดตั้งแต่แรกว่าไม่จริง "

“ ใช่ไง นั่นคือประเด็น แล้วทำไมไม่บอกความจริงตั้งแต่แรก ปิดปากเงียบใครๆก็ต้องคิดว่าเรื่องจริงสิ ไม่จริงก็เถียงออกมาสิ เงียบอยู่ได้ "

“ แล้วพูดไปมันมีใครฟังเหรอไงครับ " ผมหันไปบอกเธอสองคนที่ก็เบิกตากว้างตอนที่เห็นผม ใบหน้านิ่งๆที่มองพวกเธอที่ได้แต่ถอยตัวออกห่างก่อนจะมองไปทางอื่น ด้วยท่าทางตกประหม่า " ทุกคนเอาเรื่องของผมไปพูดกันสนุกปาก ใส่สีตีไข่ให้ดูสนุกยิ่งขึ้น ไม่ฟังเรื่องราวจริงๆเลยสักนิด ที่เงียบเพราะไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับคนที่เอาเรื่องของคนอื่นไปพูดโดยไม่คิดถึงความรู้สึกของคนอื่น ที่เงียบเพราะอยากจะให้เรื่องมันจบไป แต่พอเรื่องกลับกลายเป็นอีกแบบนึงก็ออกมาพูดอีกว่า ทำไมไม่พูดความจริง แล้วตอนที่ผมพูดมันมีใครฟังบ้างมั้ย ตอแหลบ้างละ เชื่อไม่ได้บ้างละ  ไม่ใช่ไม่พูดครับ พูดแล้วแต่ไม่มีใครฟังตังหาก "  ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ผมมองคนอื่นๆที่ก้มหน้ามองผมพูดอยู่โดยรอบไม่ใช่แค่คนสองคนนี้เท่านั้น ทุกคนนั้นนั่นแหละที่เอาเรื่องของผมไปใส่สีสีไข่พูดกันเป็นเรื่องเป็นราว " ถ้าอยากจะมีเรื่องเล่าสนุกๆในที่ทำงานให้เล่ากัน ทำไมไม่เล่าเรื่องของตัวเองบ้างละ เรื่องของพวกคุณน่ะ ต่อให้ไม่ใส่สีตีไข่มันก็สนุกอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ โดยเฉพาะเรื่องเลวๆที่ชอบว่าร้ายคนอื่นน่ะ "

“ ต้นเรื่องมันก็มาจากแผนกนายนั่นแหละไม่ใช่รึไง เราก็แค่พูดต่อมันผิดตรงไหน ใครๆเค้าก็พูดกัน ถ้าจะโทษใครสักคนทำไมไม่โทษคนในแผนกตัวเองละ "

" วันนี้ก็เอาเรื่องนี้ไปเล่าในแผนกตัวเองสิครับ เรื่องที่โยนความผิดของตัวเองให้คนอื่น ทั้งๆที่เมื่อกี้ก็ยังนินทาผมอย่างออกรสอยู่เลย พอโดนจับได้ก็โยนให้คนอื่นแล้วบอกว่าฉันไม่ผิดซะแล้ว " ผมยิ้มให้พวกเธอ " เห็นมั้ยครับ ไม่เห็นจะต้องใส่สีตีไข่เลย แต่สนุกออกเรื่องของพวกคุณน่ะ "

   ตึ่ง

   ประตูลิฟต์ที่เปิดออก ผมเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับคนอื่นๆที่เดินตามเข้ามา คนที่นินทาสองคนนั้นไม่ได้เดินตามมาด้วย พวกเธอแค่ยืนนิ่งปั้นหน้าไม่พอใจ หงุดหงิดที่ผมว่าเธอด้วยความเสียหน้า ทั้งๆที่ก่อหนหน้านี้ก็เป็นพวกเธอเองที่ว่าผมแต่กลับไม่คิดถึงจิตใจคนอื่นเลยว่าผมจะรู้สึกยังไง

   เดินเข้ามาในแผนกที่มีคนจับกลุ่มซุบซิบนินทากันอยู่ผมหย่นตัวลงนั่งที่นั่งของตัวเองสักพัก หยิบมือถือมาวางไว้บนโต๊ะ เปิดคอมพิวเตอร์ ก่อนประตูแผนกจะเปิดออกด้วยความรีบร้อนของคนที่วิ่งเข้ามาอย่าง ลิป

“ คีย์! " เค้าเดินตรงมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าผม แววตาที่กำลังร้อนรนสองมือของเค้าเอื้อมมาจับมือผม ลิปที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่าง

“ ใจเย็นๆ เดี๋ยวฉันเล่าให้นายฟังเอง "

“ นายไม่เป็นไรนะ "

“ ฉันไม่เป็นไร " ยิ้มให้เค้าอีกคนก็ผ่อนลมหายใจโล่งอกออกมา เค้าที่ดึงผมเข้าไปกอดก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ โล่งอกไปที " เค้าผละตัวออกพลางมองหน้าผม " เล่าเลยได้มั้ยตอนนี้ ฉันไม่อยากจะรอแล้ว ฉันอยากได้ยินมันจากปากนาย " เค้าคว้าแขนผมให้ลุกเดินเข้าไปในห้องประชุมของแผนกที่เก็บเสียง มันถูกปิดล๊อค " จริงเหรอ นายโดนหัวหน้าข่มขืนจริงๆเหรอ เค้าทำแบบนั้นจริงๆเหรอ "

“ นายไปฟังมาจากไหน "

“ คนที่ยืนรอหน้าลิฟต์เค้าพูดกัน " อีกคนว่าเสียงอ่อนๆ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ แววตาที่กำลังคลอไปด้วยน้ำตา " คีย์ ฉัน..”

“ ร้องไห้ทำไม ฉันไม่ได้โดนข่มขืนสักหน่อย มีคนมาช่วยไว้ทันน่ะ  นายคิดว่าถ้าฉันต้องเจอกับเรื่องแบบนั้นฉันจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างงั้นเหรอ "

“ นั่นนะสินะ " เค้าผ่อนลมหายใจออกมา " ตกใจหมดเลย อยู่ๆเมื่อเช้า ก็ได้ยินคนในบริษัทพูดกันแต่เรื่องนี้ พอมาคิดว่านายดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะพูดอะไรตอนที่ฉันโทรหา ฉันก็เลยคิดว่า..”

“ ตอนนั้นฉันแค่ไม่อยากจะพูดถึงมันน่ะ " ผมมองหน้าอีกคนที่ก็พยักหน้ารับช้าๆ ก่อนที่ผมจะค่อยๆเล่าเรื่องทั้งหมดให้เค้าฟัง ลิปนิ่งไปสักพักก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ทุกอย่างในห้องนั้นเงียบ

“ คีย์ ฉัน พูดไม่ออกเลยวะ ฉันไม่คิดเลยว่าเรื่องแบบนี้มันจะมาเกิดขึ้นกับนาย ทำไมเค้าถึงทำแบบนั้นวะ มันยิ่งกว่าเหี้ยแล้วนะ นี่มันสัตว์นรกชัดๆเลยนะ ไอ้คำพูดที่บอกว่าจะถ่ายคลิปเก็บไว้ นายจะได้มามีอะไรกับเค้าทุกครั้งที่เค้าต้องการแบบนั้น ทำไมเค้าถึงเลวได้ขนาดนี้วะ แล้วนี่ผลมันจะออกมาเมื่อไหร่ ผลตรวจเกี่ยวกับขวดยานั่นน่ะ "

“ ไม่รู้สิ ฝ่ายบุคคลเค้าจัดการ แต่ฉันกลัวว่ะ กลัวว่าผลมันจะออกมาว่าไม่ใช่ ทั้งๆที่ฉันพูดความจริง นายเข้าใจมั้ย ว่าฉันพูดความจริง ฉันไม่ได้โกหก ฉันกลัวว่าผลมันอาจจะออกมากลับกัน แม้หัวหน้าแผนกบุคคลบอกว่าจะช่วย แต่..  แต่ทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นได้ไม่ใช่เหรอวะ ถ้าผลมันถูกล๊อคละ ยังไงฉันก็ผิด ฉันจะทำยังไงดีวะ ตอนนี้ฉันไม่อยากจะเชื่อใครอีกแล้ว ไม่อยากจะเชื่ออีกแล้วว่าคนพวกนั้นจะช่วยฉันได้ ฉันไม่อยากจะไว้ใจใครอีกแล้ว " เพราะตลอดมาความเชื่อใจนี่แหละที่เป็นตัวหวนกลับมาทำร้ายเรา ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ มันไม่มีที่สำหรับคนอ่อนแอแล้วมองโลกในแง่ดีหรอกสำหรับโลกของการทำงาน หรือแม้แต่ในโลกจริงๆที่เราอยู่ ทุกอย่างมันมีเงื่อนไขของมัน มีเหตุผลของมัน เพราะอะไร ทำไม  มันเหมือนไม่มีใครที่ดีกับเราจริงๆหรอก ไม่มี..

   มือของผมกำกันแน่นในช่วงเวลาที่กำลังคิดแบบนั้น อยู่ๆมือของลิปก็เอื้อมมาจับมือของผมเอาไว้ " คีย์ใจเย็นๆก่อน อย่าเพิ่งคิดอะไรให้แง่ลบเลยนะ "

" ลิป "

" ฉันเข้าใจว่านายกำลังเครียดหลายๆเรื่อง แต่นายใจเย็นๆนะ ค่อยๆแก้มันไปทีละเรื่องสิ "

" ฉันกลัว " ผมบอกเค้าก่อนจะก้มหน้าลง กลัวที่สุดก็คือเรื่องภายในที่ตัวผมก็ไม่ต่างอะไรกับมดตัวเล็กๆ ถ้าเทียบกับระดับหัวหน้าแผนกด้วยกันเอง บางทีหัวหน้าอาจจะยื่นข้อเสนอให้กับหัวหน้าแผนกบุคคลด้วยเงินจำนวนมากเพื่อปัดความผิดของตัวเองในเรื่องนี้ก็ได้ แล้วถ้าขวดนั่นเป็นแค่ขวดขยะทั่วไปตามทะเลที่ใครๆก็ชอบทิ้งกันละ " ใครมันจะช่วยฉันวะ ฉันมันก็แค่พนักงานธรรมดาไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับบริษัท ไม่เหมือนกับพวกหัวหน้าแผนกที่มีความสำคัญมากกว่า "

" อย่าคิดอะไรในแง่ร้ายแบบนั้นสิ ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นเราก็ลาออกไปเลย ฉันจะให้คุณเมษช่วยฝากงานให้นายเอง รวมถึงฉันด้วย ฉันเองก็จะไปกับนาย "

" ลิป " ผมหันมองอีกคนที่ผ่อนลมหายใจออกมา

" ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้เรื่องมันไม่เกิด ถ้าเราคิดในแง่ร้ายมันจะบั่นทอนชีวิตนายจนไม่มีความสุขเลยนะ เพราะงั้นตอนนี้ใจเย็นๆ เผชิญหน้ากับวันนี้ก่อน "  พยักหน้ารับเค้าช้าๆอีกคนก็ยิ้มปลอบๆ " แล้วฟานละ เค้าว่ายังไงบ้าง  "

" ฉันยังติดต่อเค้าไม่ได้เลย โทรไปก็ไม่รับ ปิดเครื่องด้วย ข้อความก็ไม่ตอบกลับมา "

“ อย่างงั้นเหรอ "

“ ทุกอย่างในชีวิตฉันตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้วลิป " ผมบอกอีกคนที่นิ่งเงียบฟัง " ฉันรู้ว่าถ้าพูดไปนายคงสมน้ำหน้าฉันเพราะมันเป็นเรื่องที่นายเองก็เตือนฉันแล้วว่าอย่าเข้าไปยุ่งกับใครคนนั้น นายเตือนแล้วว่าสักวันฉันจะเสียเค้าไป แล้วตอนนี้ฉันก็เสียเค้าไปแล้วจริงๆ "

“ คีย์ "

“ ไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่เหลืองานที่อยากจะมาทำ ทั้งๆที่ฉันขัดใจคนรักเพื่อรักษามันไว้ ไม่เหลือคนที่รักแล้ว เพราะฉันทำร้ายให้เค้าเจ็บ ไม่เหลืออะไรเลย " ก้มหน้าลงต่ำน้ำตาที่ไหลออกมา ผมไม่รู้จะพูดอะไรอีก ทุกอย่างมันอัดแน่นอยู่ในใจนี้ มันเจ็บไปหมดแล้ว ทุกเรื่องราวที่ซัดเข้ามาใส่ผมตอนนี้ ไม่รู้เลยว่าจะเริ่มต้นหยิบจับหรือคว้าอะไรก่อน ไม่รู้เลยว่าควรไปทางไหน ไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ควรทำที่สุดในตอนนี้

“ ไม่ไปง้อเค้าละ รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าเค้าอยู่ที่ไหน ไปง้อเค้าสิ ถ้านายไปง้อแล้วพูดทุกอย่างออกมาจากใจจริงๆ ฟานอาจจะฟังนายก็ได้นะ "

“ แต่ฉันไม่คิดว่าเค้าจะฟัง "

“ ไม่ฟังแล้วไงละ ก็ดีกว่านายไม่ทำอะไรเลยมั้ยวะ ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้เค้ากลับมาเพราะเค้าเป็นคนสำคัญของฉัน มันอยู่ที่ว่า นายน่ะ มองว่าฟานสำคัญกับนายมั้ยตังหาก ถ้านายคิดว่าเค้าสำคัญก็ไปง้อสิ ไปเอาเค้ากลับมา "

   
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 13-11-2016 20:18:50
เข็มนาฬิกาบอกเวลาเลิกงานผมลุกออกจากโต๊ะ ปิดคอมพิวเตอร์ ก่อนจะหันไปลาลิปแล้วขอตัวออกมาก่อน วันนี้หัวหน้าไม่มาทำงานเหตุเพราะเรื่องงานสัมมนาเลยทำให้เค้าต้องถูกพักงานไปก่อนจนกว่าจะรู้ความจริงทั้งหมดของเรื่องที่เกิดขึ้น และเพราะเป็นแบบนั้น เรื่องที่ทุกคนคิดว่าเป็นข่าวลือก็ไม่ใช่ข่าวลืออีกต่อไป แต่ผมก็ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องแบบนั้นแล้ว ต่อให้ใครจะนินทาก็นินทาไป เราไปอธิบายให้ทุกคนฟังแล้วเข้าใจเราทั้งหมดไม่ได้หรอก เพราะงั้นก็เลือกไว้เฉพาะแค่คนสำคัญก็พอ

   เรียกแท็กซี่ที่หน้าบริษัทให้ไปส่งตามจุดหมายปลายทางที่ค่อนข้างไกลจากตัวเมือง แท็กซี่คันแล้วคันเล่าปฎิเสธที่จะไปจนกระทั้งมีคนตอบตกลงว่าจะไปส่ง ผมนั่งเงียบๆไปตลอดทางจนถึงหน้ามหาลัยที่คุ้นตา ผมให้เค้าจอดก่อนจะเดินเข้าไปในซอยหอพักเอง เพราะจำไม่ได้แล้วว่าเค้าอยู่ที่ไหน แต่คิดว่าถ้าเดินช้าๆ ค่อยๆหา ก็คงต้องเจอแน่ๆ เพราะมันเป็นภาพที่อยู่ในความทรงจำแต่ระบุออกมาเป็นสถานที่ไม่ได้

   นักศึกษามากหน้าหลายตาเดินผ่านสวนทางกับผม ในซอยที่คึกคื้นอยู่ตลอดเวลามีทั้งร้านเหล้าแล้วก็ร้านอาหารตลอดทาง หอพักมากมายที่ผมเดินผ่านพยายามตั้งใจมองมันก่อนจะเจอเข้ากับหอพักสูงที่คุ้นตาที่สุด จำได้ว่าที่นี่แหละที่เคยมาพักหนนั้น ผมเดินเข้าไปในตัวตึก

“ ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่า มาหาใครครับ " เสียงทักของยามที่เอ่ยถาม อาจเพราะท่าทางไม่คุ้นชิน หน้าตาก็ไม่คุ้นก็เลยถามไถ่กัน

“ เอ่อ ผมมาหาน้องชายที่อยู่หอพักนี้นะครับ " ผมบอกเค้า

“ แล้วน้องชายพักอยู่ห้องไหนครับ " คำถามที่ทำให้ผมเงียบ ก็เพราะไม่รู้คำตอบที่จะตอบอีกคนเลยได้แต่เงียบ

“ เอ่อ.. ผมไม่ทราบครับ พอดีไม่ได้มาหาบ่อยๆ แต่ว่าเค้าชื่อ ฟานครับ "

“ อ๋ออ น้องฟาน คงต้องนั่งรอนะครับ เพราะว่าทางหอพักพึ่งออกกฏใหม่ ห้ามให้คนนอกเข้าถ้าจะเข้าต้องให้เจ้าของห้องเป็นคนพาขึ้นไปครับ " ผมผ่อนลมหายใจออกมาอย่างหมดหวัง เพิ่งรู้สึกว่าตัวผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวฟานด้วยซ้ำ ไม่รู้ด้วยว่าวันนี้ เจ้าตัวมีเรียนรึเปล่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เปิดเทอมรึยัง ไม่รู้ว่าตอนนี้เค้าอยู่ที่ไหน ถ้าอยู่บนหอคงจบ เพราะมือถือก็ติดต่ออีกคนไม่ได้

“ คุณคีย์..” เสียงไม่คุ้นเรียกชื่อผม ตอนที่หันไปมองก็พบเด็กผู้ชายที่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นเพื่อนในกลุ่มของเค้า จำได้ว่าเป็นคนคนเดียวกันแน่ๆที่วันนั้นฟานแนะนำให้รู้จัก รู้สึกว่าจะชื่อ.. ทาม

“ เอ่อ..คือฉันมาหาฟานนะ แต่ฉันติดต่อเค้าไม่ได้เลย นายรู้มั้ยว่าเค้าอยู่ไหน " ท่าทางที่เหมือนไม่ค่อยอยากจะช่วยของเค้าก็คงพอเดาออกว่า อีกฝ่ายคงรู้เรื่องอะไรของเรามาบ้าง

“ ผม.. “

" ขอร้องละ ฉันติดต่อเค้าไม่ได้เลย แต่ฉันอยากจะคุยกับเค้า ฉันอยากจะอธิบายหลายๆเรื่องที่เราเข้าใจผิดกัน ได้โปรดเถอะนะ ถ้านายรู้ว่าเค้าอยู่ที่ไหน ช่วยพาฉันไปหน่อย "   

“ มันอยู่บนหอครับ วันนี้ไม่มีเรียน " เค้าตอบเสียงสั้นๆ ผมก็เหลือบไปมองยามที่มองเราอยู่ " คุณคงขึ้นไปไม่ได้สินะ "

“ นายพาฉันขึ้นไปได้มั้ย "

“ แล้วถ้ามันเกิดอะไรขึ้นกับคุณละ " ผมสะกิดใจกับคำพูดเตือนของเค้า แต่ในวินาทีนั้นตัวเองก็ส่ายหน้าไปมาด้วยความมั่นใจ

“ ไม่เป็นไรหรอก ฉันอยากจะเจอเค้าจริงๆ ช่วยหน่อยเถอะนะ "

“ งั้นก็ได้ " เค้าเดินนำผมไปขึ้นลิฟต์ยามที่ห้ามก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เราเดินไปขึ้นลิฟต์ด้วยกันเงียบๆตอนที่มาถึงชั้นที่หมายเค้าเดินนำผมไปที่ห้อง เงยหน้ามองเลขหน้าห้อง ' 513 ' “ ห้องนี้แหละครับ " ทามมือที่เอื้อมไปเคาะประตูสักพักเจ้าห้องก็เปิดประตูออกมา หัวใจของผมเต้นแรงดีใจตอนที่ได้เห็นหน้าเค้าจนตัวผมเผลอยิ้มออกมา  " มีคนมาหามึงอะ " พอเพื่อนเชิดหน้ามาทางผมเค้าก็นิ่ง

“ ฟาน "

“ กลับไปซะ " เค้าพูดเสียงนิ่งๆก่อนจะปิดประตูกลับ แต่ผมก็ดึงตัวเองไปขวางประตูที่กำลังปิดลงอีกครั้ง

“ เดี๋ยวสิ! เรายังไม่ได้คุยกันเลยนะ ฟาน คุณกับฉันก่อนสิ "

“ กูไม่มีอะไรจะคุยกับมึง กลับไปซะ แล้วอย่ามายุ่งกับกูอีก  "

“ ไอ้ฟาน พูดกับเค้าดีๆสิว่ะ คนเค้าอุตส่าห์มาง้อ "

“ แล้วมึงเสือกเหี้ยไรด้วย ถึงต้องไปพามันมา ต้องไปช่วยเหลือมัน " เค้าหันไปด่าเพื่อนตัวเองที่ถอนหายใจออกมา " ทีหลังมึงไม่ต้องเสือกเลยนะไอ้ทาม "

“ เออๆ กูรู้ว่าไม่ควรเสือกเรื่องของมึงแต่เข้าไปคุยกันข้างในไม่ดีหว่าเหรอวะ คุยกันตรงนี้ เดี๋ยวก็มีใครมาเห็น มันน่าเกลียด "

“ ช่างหัวมันสิ ก็มันอยากมาหากูเอง กูไม่ได้บอกให้มันมาสักหน่อย ไปแล้วมึงก็ไปเลยสิวะ กลับมาทำไม " เค้าบอกก่อนจะหันมามองหน้าผม แววตาโกรธที่กำลังหงุดหงิดและเสียใจในแววตาที่กำลังสั่นไหวนั้น " ทำไม เค้าไม่เอามึงเหรอหรือยังไง หรือเค้าเอาเสร็จแล้ว หายเงี่ยนจากไอ้เหี้ยนั่นแล้วมึงถึงกลับมา กลับมาเพื่ออะไร จะให้กูเอาต่องี้เหรอ "

   เพี๊ยะ! ผมฟาดแรงมือลงไปบนหน้าอีกคนที่หันไปตามแรงฟาด เสียงผ่อนลมหายใจของเค้าซัดสายตามองผมด้วยความโกรธที่พุ่งมากขึ้น ส่วนผมเองที่มองเค้าทั้งน้ำตาราวกับว่าคนตรงหน้าเป็นคนที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน เหมือนไม่ใช่คนที่เคยรักกันถึงได้ดูถูกกันออกมาอย่างงั้น  " ฉันมาที่นี่ เพื่อที่จะมาง้อนาย มาอธิบายว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ากับเค้าสักหน่อย! ฉันโดนทำร้ายมาด้วยซ้ำ แล้วนายก็ยังจะมาพูดแบบนี้กับฉันอีก ทั้งๆที่ฉันมาง้อนายแท้ๆ "

“ แล้วใครขอร้องให้มึงมา กูเหรอ ? ก็เปล่า มึงมาเองถูกมั้ย แล้วมึงจะมาเรียกร้องอะไร เสียใจที่กูพูดแรงๆเหรอ " เค้าถาม  " หรือว่าเจ็บที่กูพูดความจริง "

“ ไม่ใช่!!! ฉันแค่อยากจะให้นายฟัง ฟังฉันสักหน่อยไม่ได้รึไง !! "

“ เอ่อ..กูว่าเข้าไปข้างเถอะ มันเริ่มเสียงดังขึ้นมาเรื่อยๆแล้ววะ " คำเตือนที่ทำให้เรามองไปรอบๆตัว ผู้คนที่เดินกันขึ้นหอพักมาต่างหันมามองเราที่กำลังเถียงกัน มือหนาดึงมือผมให้เดินเข้ามาในห้องของเค้า ประตูที่ปิดลงเสียงดังจนผมสะดุ้ง

“ เผื่อจะจำไม่ได้ กูบอกมึงไปแล้วใช่มั้ย ว่าถ้าไปแล้ว อย่ากลับมา กลับไปซะแล้วอย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก "

“ ฟาน " ผมที่พยายามใจเย็น สูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะเอื้อมมือไปจับมืออีกคนไว้แน่นคนที่กำลังโกรธและเสียใจ คนที่ตอนนี้เหมือนไม่ได้ฟังอะไรทั้งนั้น คนที่คิดแต่จะไม่ฟัง คนที่กำลังผลักผมออกไป " ฟังฉันหน่อยได้มั้ย ฉันแค่อยากจะอธิบายว่าเรื่องราวของฉันกับเค้ามันไม่มีอะไร ฉันอธิบายนายไปหมดแล้ว และทุกอย่างก็คือเรื่องจริง ฉันยอมรับว่าเคยหวั่นไหวไปกับเค้าแต่ฉันเลิกรู้สึกไปนานแล้วเพราะว่านาย ฉันไม่อยากจะเสียนายไป ฉันเลยตัดใจจากความรู้สึกพวกนั้นไป นายเองก็รู้ดี ว่าฉันเลิกแล้ว เลิกก่อนที่ฉันจะไปงานสัมมนานั่นด้วยซ้ำไป " ฟานเงียบเค้าที่ถอนหายใจออกราวกับเบื่อหน่ายที่ต้องฟัง

" ฉันรู้ ฉันผิดไปแล้วฉันยอมรับว่าฉันเคยพลาดแต่ตอนนี้ฉันมีแต่นายคนเดียวนะ ฉันไปสัมมนากับเค้าก็จริงแต่เรานอนคนละห้องกันนะ แทบจะไม่ได้ใกล้กันเลยสักนิดเดียว นายจะไปถามใครก็ได้ที่ไปสัมมนาร่วมกันกับฉัน ฉันแทบไม่ได้ยุ่งอะไรกับเค้าเลย ฉันพยายามติดต่อนายมาตลอดสองวัน พยายามทำให้นายรู้ว่า ฉันไมไ่ด้ยุ่งอะไรกับเค้าแล้วจริงๆ แต่ฉันติดต่อนายไม่ได้เลย ฉันแค่อยากจะอธิบาย มันไม่ได้มีอะไรอย่างที่นายคิด ไม่ได้มีเลย ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเค้าแล้ว ไม่ได้รู้สึก "

“ จะพูดแค่นี้ใช่มั้ย "

“ ฟาน "

“ ถ้าพูดเสร็จแล้ว ก็กลับไปได้แล้ว " เค้าเชิดหน้าไปทางประตูผมก็ผ่อนลมหายใจออกมา " อะไร ? มึงจะเอาอะไรอีก อยากจะให้กูฟัง กูก็ฟังแล้วไง ยังจะเอาอะไรอีก "

“ ฉัน..”

“ กลับไปซะเถอะ เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้หรอก  "

“ ฟานแต่ฉัน อยากให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม " สารภาพความรู้สึกของตัวเองออกไปต่อเค้าตรงๆ มือของผมที่กำมือของเค้าแน่นขึ้น " ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันไม่น่าให้อภัย แล้วฉันก็รู้ว่าการที่พูดว่าขอโทษหรืออธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ช่วยให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ แต่ฉันก็หวังว่ามันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉันสัญญาว่าทุกอย่างมันจะดีกว่าเดิม ฉันจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นอีก ถ้านายอยากจะให้ฉันทำอะไรฉันก็จะทำ ฟาน เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะนะ อย่าโกรธกันเลย นายคือคนสำคัญของฉัน ตลอดเวลาที่นายไม่อยู่ ฉันรู้แล้ว รู้แล้วว่านายสำคัญ ฟาน "

“ มึงไม่คิดว่าคำพูดพวกนั้น มันสายไปแล้วเหรอ "  เค้าถาม " ขอโทษนะครับ แต่ผมตายไปแล้วละ ไอ้ฟานคนที่โง่ๆคนนั้นน่ะ มันตายไปแล้ว ตายไปตั้งแต่วันที่มึงดึงดันจะไปเป็นเมียน้อยไอ้เหี้ยนั่นไง " เค้าดึงมือที่ผมกำลังจับอยู่นั่นออกก่อนจะผลักผมไปชนประตูเสียเต็มแรง แววตาที่กำลังสั่นของเค้าไม่ต่างอะไรไปจากผมที่กำลังร้องไห้ออกมาอย่างหนัก " กลับไปซะ แล้วอย่ากลับมาที่ีนี่อีก ให้คิดซะว่ากูตายไปแล้ว กูตายไปจากมึงแล้ว "

“ ฉันคิดแบบนั้นไม่ได้หรอก จะให้คิดแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อนายยังยืนอยู่ตรงนี้ จะให้ฉันคิดว่านายตายไปแล้วได้ยังไง ก็นายยืนอยู่ตรงหน้าฉัน  สิ่งที่ฉันทำได้ตอนนี้คือพยายามพูดทุกอย่างเพื่อให้นายเข้าใจฉัน ฉันผิดไปแล้ว ผิดไปแล้วจริงๆ แต่ฉันก็มีเหตุผลของฉัน ฉันไม่อยากออกจากงาน ไม่ใช่ว่ากลัวว่าฟานจะทิ้งไป  แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้ไม่ใช่เหรอ นายโกรธฉัน ที่ฉันไม่รับข้อเสนอของนาย วันนี้นายพูดว่านายรัก นายจะไม่ทิ้งไป นายสาบาน แต่ถ้าถึงวันนึงที่นายไม่ได้รักแล้วละ ทุกอย่างมันจะเป็นยังไง "

“ นี่ฟังนะ! " เค้าเอื้อมสองมือมาจับไหล่ผม " ถ้ามึงยังพอจำวันนั้นได้ กูขอร้อง กูอ้อนวอน กูบอกมึงว่า อย่าไปได้มั้ย อยู่กับกู อย่าไปเลยถ้าไปมึงก็คงไม่รอด กูหวง หูห่วง มึงเป็นของของกู กูทำทุกอย่าง กูรั้งมึงไว้ กูให้มึงทุกๆอย่าง แต่มึงก็ยังดึงดันที่จะไปกับมัน ไปกับไอ้เหี้ยนั่นที่หวังจะเอามึงทำเมีย มึงเองก็รู้อยู่แล้วว่ามันจะเอามึงทำเมียแต่มึงก็ไป กูที่ร้องไห้ยังไงมึงไม่สน ขอร้องยังไงมึงไม่สน แล้ววันนี้ มึงกลับมา กลับมาบอกกับกูว่า ให้กูฟังมึง ให้กูเข้าใจมึง กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอวะ กูที่เสียใจไปแล้วมันคืนเหี้ยอะไรกลับมาไม่ได้แล้ว กูตายไปแล้ว ไอ้เหี้ยฟานที่เคยรักมึงมากๆคนนั้นมันตายไปแล้วเข้าใจมั้ย มันตายไปแล้วมันตายไปแล้วเว้ย กูตายจากมึงไปแล้ว " แรงบีบที่เขย่าไหล่ของผมไปมาตามแรงประโยคที่ตะโกนกลับมาใส่หน้าเค้าที่ร้องไห้ออกมา ก่อนจะผลักผมให้ชนประตูอีกครั้งก่อนที่เค้าจะถอนหายใจออกมา " กลับไปซะเถอะ อย่ามาเพื่ออธิบายอะไรอีกเลย มึงเปลี่ยนความเสียใจของกูไม่ได้หรอก กูเสียใจไปแล้ว อย่ากลับมาย้ำกูให้กูต้องรู้สึกอีกเลย "

“ ฟาน " น้ำตาของผมไหลออกมา หลับตาแน่นก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือเค้าไว้อย่างไม่ยอมแพ้ เพราะเค้าเป็นคนสำคัญไม่ว่ายังไงก็อยากจะอธิบายกันให้รู้เรื่อง “ วันนั้นที่ฉันเลือกงาน นายรู้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ฉันเกือบโดนหัวหน้าข่มขืนแต่มีคนช่วยไว้ทัน " เค้าเงียบไปสักพักตอนที่ได้ฟังก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ น่าเสียดายนะ ที่มีคนช่วยไว้ทัน ไม่งั้นคงสมใจมึงแล้วละ ก็ที่มึงไป เพราะอยากจะให้เค้าทำแบบนั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ "

“ ฟาน!! นายไม่เข้าใจเลยรึไงวะ ก็บอกว่าไม่ได้อยากจะไป แล้วก็ไม่ได้อยากจะเป็นเมียน้อยใครด้วย เข้าใจกันบ้างสิวะ เข้าใจฉันบ้างว่ะ ว่าต้องไปเพราะอะไร บอกอยู่ว่าไม่ได้อยากไป ไม่ได้อยากไป ก็พูดว่าฉันอยากจะไปอยู่นั่นแหละ ทั้งๆที่นายเองก็รู้ว่าฉันไม่ได้อยากไป ก็บอกอยู่ว่าไปเพราะงาน ต่อให้ลาออกวันนั้นก็ยังต้องไปเพราะอะไร เพราะว่างานน่ะ ไม่ได้บอกว่า ขอลาออกแล้วออกได้เลยวันนั้น ฉันต้องทำเรื่องลาออกอีกเป็นเดือนก่อนจะออกได้ไม่ใช่ว่าจะออกได้เลยตามใจเหมือนเด็กๆ " เงยหน้ามองเค้าทั้งน้ำตาอีกคนก็นิ่ง " ฉันที่โดนทำร้ายหวังแค่ว่าอยากจะนายกอดปลอบฉันสักนิด แล้วบอกฉันเหมือนทุกทีว่า ฉันจะไม่เป็นอะไร นายจะยังอยู่ข้างๆฉัน แต่นี่เหรอ คือสิ่งที่ฉันได้รับหลังจากที่บอกความจริงไป ฉันไม่ใช่คนรักของนายเหรอ หรือแม้แต่คนที่เคยรัก แค่สองวันมันเปลี่ยนได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ ความรักของนายทั้งหมดที่ให้ฉัน นี่มันเพิ่งแค่สองวันเองนะ  อึก ฮือๆ นายไม่รักฉันแล้วจริงๆนะเหรอ ไม่มีฉันในใจแล้วจริงๆนะเหรอ อึก ฟาน ฉันรักนายนะ ฉันรักนาย ได้โปรดเถอะ อย่าทำแบบนี้กับฉันเลย " ดึงตัวเองเข้าไปกอดอีกคนไว้แน่นผมที่เงยหน้ามองหน้าเค้าทั้งน้ำตาทั้งๆที่อีกฝ่ายก็ได้แต่นิ่งมองผมอย่างคนไม่รู้สึกอะไร " ฉันรักนายน่ะฟาน ฉันรักนายมาก ได้โปรดอย่าทำแบบนี้กับฉันเลยนะ อย่าทำกันแบบนี้เลย อย่าผลักฉันออกไปเลยนะ กลับมารักกันเถอะ กลับมารักฉันเถอะนะ ฉันรักนาย ฉันผิดไปแล้ว ฉันขอโทษ ฉันรักนายจริงๆ ฟาน "

“ มาพูดอะไรตอนนี้ คำว่ารักที่พูดออกมาตอนนี้ มันสายไปแล้วละ " เค้าบอกเสียงนิ่งๆ " มันไม่มีค่าอะไรแล้ว ผมไม่ได้อยากจะฟังมันอีกแล้ว "

“ ฟาน "

“ กลับไปเถอะ กลับไปอยู่ในทางที่คุณเลือก กับคนในแบบที่คุณชอบ  ส่วนผม ผมก็จะใช้ชีวิตของผม  "

“ แต่ฉันรักนายน่ะ ฉันรักนายจริงๆนะ "

“ รักของเรามันจบไปแล้ว ทุกอย่างที่คุณพูดออกมา มันไม่มีค่าอะไรแล้ว คำว่ารักมันไม่มีค่าอะไรแล้วครับ เพราะถ้ามีคำพูดอะไรสักคำที่อยากจะฟัง ก็คือคำที่มึงพูดว่า มึงจะไม่กลับมาให้กูเห็นหน้าอีก " ประตูที่เปิดออก เค้าดึงตัวผมให้ออกไปจากห้อง " กลับไปซะ แล้วอย่ากลับมาอีก เพราะต่อจากนี้ กูไม่ได้รักมึงอีกแล้ว "

   ประตูที่ปิดลงเสียงดังผมทรุดลงตรงนั้นก่อนจะร้องไห้ออกอย่างหนัก เอื้อมคว้าลูกบิดประตูของห้องเค้า เขย่ามันไปมาเหมือนคนทำใจไม่ได้กับคำพูดนั้นที่ได้ยินจากปากของคนที่รัก ' กูไม่ได้รักมึงอีกแล้ว ' มือที่พยายามจะเปิดห้องนั้น หัวใจของผมมันกำลังร้องเรียก " ฟาน ฟังฉันก่อนสิ ฟานฟังฉันก่อน อย่าทำแบบสิ อย่าทำกับฉันแบบนี้ ฉันรักนายนะ ฟาน " มือของผมทุบประตูซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนคนห้องข้างๆออกมาดูแต่ผมก็ไม่สนใจ เพราะคนที่ผมสนใจคือคนในห้องนี้ คนที่ผมรักแต่ตอนนี้เค้ากลับไม่ได้รักผมแล้ว
.................................................................

ไม่อยากเขียนทอล์คเลย
เขียนไม่ค่อยออก
คนเรามันมีหลายด้าน รักแรงเกลียดแรง ทั้งรักทั้งเกลียด ก็มีให้เราเห็นๆกันอยู่
ฟานรักมาก แน่นอนว่าต้องเจ็บมาก แล้วฟานจะทำยังไงต่อไป แล้วพี่คีย์จะยังกลับมาง้อมั้ย
โปรดติตตามอ่านต่อไป
ขอบคุณสำหรับการติดตามเข้ามาอ่าน และ คอมเม้นท์นะคะ
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ
ขอบคุณมากค่าา  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 13-11-2016 20:36:57
หึ สมควรแล้วนี่ที่โดนแบบนี้ ฟานให้โอกาสมากี่ครั้งแล้ววว ตอนนั้นหน้ามืดตามัวอยากเป็นเมียน้อยหัวเน่านั่นจนตัวสั่น ทีมาตอนนี้ฟานก็หลบทางให้แล้วไง จะกลับมาอีกทำไม กลับไปเป็นเมียน้อยให้สมใจซะสิ

ถามว่าสงสารมั้ย บอกเลยว่าไม่อ่ะ คนเราผิดได้ แต่เมื่อได้โอกาสแก้ตัวก็ไม่ควรผิดซ้ำอีก แต่นี่ทำผิดมากี่ครั้งแล้วว จะขอโอกาสไปทำไมอีกกกก :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 13-11-2016 20:44:48
ก็แกปัญญาอ่อนเอง เลือกงานมากกว่าผัว
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 13-11-2016 20:47:20
หึ คิดแล้วว่าฟานต้องไม่ใจอ่อน เย้ๆๆๆๆ
โชคดีนะคีย์
ตื้อเข้าไป
ไปนึกถึงตอนที่ตัวเองรำคาญแต่ฟานก้มาตื้ออะ ทำแบบนั้นแหละ
ซักวัน ฟานคงใจอ่อน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 13-11-2016 20:49:35
ก็สมควรแล้วที่ฟานจะทำแบบนั้น  สู้ต่อไปนะคีย์ ตีไหล่ให้กำลังใจ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 13-11-2016 20:59:00
สงสารนางน่ะนี่  ฟานรักแแรงเกียจแรงจนน่ากลัว  ในตอนที่นางอยากให้คนที่รักปลอบแต่เหมือนโดนกระทำซ้ำแล้วซ้ำอีก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 13-11-2016 21:15:19
ก็ยังคงเป็นคีย์ที่พูดเอาแต่ได้เหมือนเดิม ทำเป็นมาเสียใจที่ฟานพูดดูถูก ดอกกกกก
แกก็เคยทำ แกดูถูกฟานด้วยการกระทำนอกใจแฟนตัวเองไปคบคนชั่วๆ เพื่อนเตือนแล้วเตือนอีกยิ่งกว่าแม่ แกก็ไม่หยุด จริงๆแล้วแกก็ควรได้กับคนประเภทที่แกชอบ แบบที่ฟานพูดก็ถูกหมดทุกอย่าง สงสารไม่ลงหรอก ทำตัวเองล้วนๆ อยากให้คนอื่นเข้าใจ ตอนแกนอกใจหน้าไหว้หลังลอกใส่ฟาน แกไม่มีสมองคิดว่าฟานจะรู้สึกยังไงบ้างเหรอ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-11-2016 21:44:56
 :L2: :L1: :pig4:

เป็นเรา เราก็ตัดสินใจแบบคีย์ ในชีวิตจริง คนรู้จักเราที่เป็น ผญ ถูกทิ้งกันตอนสี่สิบกว่าทั้งนั้น อย่างที่คีย์บอก ถ้าไม่มีงาน แล้ววันหนึ่งถูกทิ้ง ชีวิตก็ไม่เหลืออะไร

ฟานเป็นคนดี รักคีย์ เหมือนจะมากนะ แต่คนที่รักมาก จะไม่ให้อภัยหรอ นี่ความผิดครั้งแรกไม่ใช่หรอ เป็นเรา เราไม่เลือกฟาน วันไหนทำผิดอะไรขึ้นมา ชีวิตคงพัง

อินจัด
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 13-11-2016 22:20:37
รักมากก็เจ็บมาก เจ็บมากก็เกลียดมาก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 13-11-2016 22:22:48
อีคีย์มันพล่ามอะไรของมันเยอะแยะ อ่านไปเบะปากไป สำเนียกไว้สิทำตัวเองล้วนๆ โกหกตอแหล ใครเตือนไม่ฟัง เข้าใจว่าเลือกงานแต่นี่มันกรณีพิเศษไง เลือกงานแล้วก็ไปอยู่กะงานนู้นชิ่วๆ มันไม่เหลืออะไรเลยไงเลยจะเป็นจะตาย  ดีใจที่ฟานไม่ใจอ่อนง่ายๆ สงสารมั้ยตอบเลยว่า หึ สะใจมาก   #คนเขียนเก่งมาก  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 13-11-2016 23:42:38
ถ้าเราเป็นฟาน เราก็จะเลือกเดินคนละทางกับคีย์ มันจบแล้ว มันหมดแล้ว ก็คือหยุดทุกอย่าง จะเสียใจให้มากๆ ร้องไห้เท่าที่ร้องได้ แล้วก็จะทิ้งทุกอย่าง ความสุข ความทุกข์ หรือแม้แต่ความรัก เพราะได้ทำทุกอย่างแล้ว

หากใครถามว่าถ้ารักมากแล้วทำไมไม่ให้อภัย เราก็จะตอบว่า เพราะเขาทำให้เราหมดรักแล้ว มันเกินจุดที่ว่าจะให้อภัยได้หรือไม่มาแล้ว #อินสุดๆ

แต่ถึงอย่างไร เราไม่อยากให้ฟานคบใครเพื่อประชดคีย์หรือทำให้คีย์เจ็บเพราะมันมีแต่แนวนี้ซ้ำๆ ส่วนคีย์ รีบทำตัวให้ดูมีค่า แสดงความจริงใจ ให้เห็นว่าน่ากลับมารักใหม่ ดีกว่ามาอ้อนวอนอย่างน่าสมเพชนะ

ขอบคุณคับ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 14-11-2016 00:05:24
 :a5: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 14-11-2016 02:03:36
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: seii ที่ 14-11-2016 02:15:03
เลิกง้อ กลับไปทำตัวเองให้มีค่าก่อนเถอะ
เเผลใหม่ง้อให้ตายเขาก็ไม่สนหรอก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 14-11-2016 09:27:18
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: Supak-davil ที่ 14-11-2016 10:53:08
หืม?
ไม่มีทีมคีย์เลย
ยังดราม่าอีกหลายตอนนะนี่
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 17-11-2016 23:58:06
เอาน๊าคีย์ กลับไปตั้งตัวคิดทบทวนสำนึกผิดตัวเองให้มาก ทนชอกช้ำระกำใจไปอีกสักแปปก่อนนะ อิอิ!! (ยังไม่รู้สึกเห็นใจเลยอ่ะ หุหุ!!^^) พักเรื่องราวพักใจสักพักค่อยๆคิด จะทำไรยังไงต่อไป ถ้ารู้ว่าใจรักเขาแล้วจริงๆ พร้อมแล้วไหมที่คิดจะหยุดกับเขา ไม่ใช่ชั่ววูบชั่วคราวอีก เพราะงี้ไงเลยบอกต้องทนเจ็บช้ำไปอีกก่อนสักระยะปานกลางถึงเกือบยาว 80% อ่ะกูมันคนใจอ่อน 55555 ทดสอบความรักจริงมั่นคง มันต้องใช้เวลาเว้ย!!! ออกจากที่เดิมๆ เริ่มต้นใหม่ ผ่านไปสักไม่กี่ปี ถ้ามันยังใช่อยู่ ละถ้าเขายังไม่มีใคร กูเชียร์ให้มึงไปจีบเขาอ่ะ ถึงจะยาก ทนไหวไหมละ หึหึ!!! //⏩ตอนนี้ต่างคนต่างกลับไปคิดอีกที แม้ไม่กลับมา ถ้าคิดว่าใจยังรักกันอยู่ ก็มาพูดกันดีๆให้เข้าใจว่าขอเลิกห่างกันสักพักต่างคนต่างไปก่อน (ฟ)ถึงจะโกรธโมโหเกลียดหรืออะไรก็ตาม แต่ช่วงนึงมันก็สุขมาก (ค)พลาดไปก็สำนึกต้องยอมรับผล ทบทวนแล้วมาคุยกันอีกทีนะ ตอนนี้รู้สึกจะต่างคนต่างใช้อารมณ์ หัวร้อนไป #ฟานคีย์ พวกมึงไปทำให้หัวเย็นก่อนเถอะ

ห่างกันไปถ้าใจมันรักจริงมันจะไม่อยากคุยอยากรักใครหรอก แต่ถ้ายังมีหวั่นไหวอยู่ก็อีหรอบเดิม หรือถ้ารักจริงมั่นคงก็จะไม่ยอมเปลี่ยนใจง่ายๆ จมปรักป่าวว่ะ พูดยากว่ะ ใช้เวลาและการกระทำพิสูจน์เถอะ //รอตอนต่อไปค่ะ จะยังต่อดีคีย์ ตื้อหรอ ฟานเอาไง จบแบบนี้เลยช๊ะ โอเคๆ ไม่พูดละ กูรอไรท์มาดีกว่า 55555555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 18-11-2016 09:34:51
ไม่เชียร์คีย์นะ ทำตัวเองล้วน ๆ คือถ้าแค่ครั้งเดียวยังโองัย แต่หลายครั้ง โกหกตอแหล  แถมเพื่อนเตือนแล้วด้วย

แต่ยังงัยก็แอบสงสารนางนะ ยอมรับเสียเถอะว่าเสียฟานไปแล้ว ทำตัวให้มีค่าเถอะ ตัดใจไวๆ สวยๆ แบบนางเดี๋ยวก็มีคนมาปลอบ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-11-2016 10:50:38
รอจบแล้วค่อยอ่าน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-11-2016 11:03:45
ไม่รู้จะสงสารใครก่อนดี

แต่เจ็บแล้วจำนะคีย์ ไม่ง่ายนะที่จะเจอคนแบบนี้ บางครั้งการตัดสินใจพลาดแค่ครั้งเดียว ชีวิตพังนะคะ
เข้าใจฟานนะ แผลจากครอบครัว แล้วยังมาผิดหวังกับคนรักอีก คือทุกอย่างจบ

ต้องให้เวลาตัวเองสักพักนะ ยิ่งรั้นจะยิ่งแย่นะคีย์

หัวหน้าคะ บอกเลย ไม่น่ามาเป็นพ่อของลูกเลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 48 ' ฉันรักนาย ' UP - 13.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 18-11-2016 14:44:47
อยู่ที่เวลา เยียวยา หัวใจทั้ง 2 ฝ่าย ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 49 ' ไม่รัก ' UP - 18.11.59} หน้า 27
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 18-11-2016 20:23:49
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 49
' ไม่รัก'

“ คุณคีย์ ลุกขึ้นเถอะครับ " เสียงของเพื่อนฟานอย่างทามดึงตัวเองลงมานั่งย่อตัวข้างๆผม เค้าที่ผ่อนลมหายใจออกมา ท่ามกลางใครหลายๆคนที่มองผมอยู่อย่างอยากรู้ " เดี๋ยวผมจะลงไปส่งคุณข้างล่าง ลุกขึ้นเถอะนะ "

“ แต่ว่าฟาน ฉันยังอยากจะคุยกับเค้าก่อน " มือของผมที่ยังคงทุบอยู่ที่ประตู " ฟาน คุยกับฉันก่อนสิ ฟานนะ ได้โปรดเถอะ อย่าทำแบบนี้เลย  "

“ เสียเวลาเปล่าครับอย่าเลย " เค้าห้ามมือผมไว้ แต่ผมก็สะบัดมือออกจากมือของเค้าแล้วทุบประตูนั่นต่อไป

“ ฟาน  ไม่จริงใช่มั้ย นายไม่ได้รักฉันแล้วเหรอ ฟานไม่จริงอะ ไม่จริง  ฟาน.." หลับตาแน่นร้องไห้ออกมากับคำพูดที่ยังได้ยินชัดอยู่ในใจ ' รักของเรามันจบไปแล้ว ผมไม่ได้รักคุณอีกแล้ว '   น้ำตาหยดใสไหลลงกระทบมือที่ได้แต่นั่งนิ่งๆอยู่แบบนั้น ไม่รักแล้ว ไม่รักกันอีกแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่มีอีกแล้วรักของเรา ฟานจากไปแล้ว เค้าไปแล้ว ไม่ว่าจะขอร้องเท่าไหร่ อ้อนวอนแค่ไหน หรือหาเหตุผลอะไรมาบอก ก็ไม่มีเค้าอีกแล้ว ผมเสียคนที่รักผมที่สุดไปแล้ว เสียไปเพราะตัวผม ผมที่โง่เอง

“ คุณคีย์ลุกขึ้นเถอะ ผมจะไปส่งคุณข้างล่างนะ " ทามเอื้อมมือมาจับตัวของผมให้ลุกขึ้นยืน ร่างที่เดินไปตามแรงดันของเค้า ลิฟต์ที่เปิดออกมาเค้าดันตัวผมให้ยืนด้านในก่อนจะถอนหายใจออกมา เค้ามองหน้าผมที่กำลังร้องไห้อยู่ในตอนนั้น " กลับไปก่อนเถอะครับ ตอนนี้มันคงไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ถ้ายังดึงดันจะอยู่ก็ยิ่งมีแต่ทำให้คุณเสียใจมากขึ้นเท่านั้นแหละ ฟานน่ะ มันไม่ใช่คนที่จะให้อภัยใครง่ายๆหรอก "

“ ฉันรักเค้า ฉันรักเค้ามากจริงๆนะ " ผมที่ปิดตาร้องไห้ออกมาจนตัวโย เสียงสะอึกสะอื้นที่ดังก้องไปทั้งลิฟต์ไม่ได้สนใจเลยว่าคนข้างๆจะเป็นคนที่ตัวเองไม่เคยสนิทด้วย ความเสียใจที่อยากจะร้องไห้ออกมาแค่อย่างเดียว " ทำไมมันต้องกลายเป็นแบบนี้ด้วย ทุกอย่างฉันถอยออกมาแล้ว ฉันถอยออกมาแล้วจริงๆนะ ฉันไม่ได้คิดกับหัวหน้าแบบนั้น ฉันพยายามปรับตัวแล้วแต่ทุกอย่าง มันก็ไม่ทัน ฉันต้องเสียเค้าไปจริงนะเหรอ อึก ฮือออ ฉันจะเสียคนที่ฉันรักคนนี้ไปจริงๆนะเหรอ ถ้าฉันรู้แบบนี้ฉันจะบอกรักเค้าให้มากกว่านี้ จะบอกทุกวัน ว่าฉันรักเค้า ฉันรักเค้ามาก "

“ พอเถอะครับ เลิกร้องไห้ได้แล้ว "

“ นายเป็นเพื่อนฟานนิ " ผมหันไปมองหน้าอีกคน มือที่คว้าเอามือของเค้ามาจับ " บอกฉันมาเถอะนะ ว่ามันมีทางไหนที่จะทำให้ฟานกลับมาคืนดีกับฉันได้บ้าง ฉันจะทำทุกอย่างที่นายแนะนำเลย บอกฉันมาเถอะนะ "

“ อย่าพยายามเลยครับ " เสียงนิ่งๆของอีกคนที่บอกออกมาก่อนจะถอนหายใจ " ไอ้ฟานนะมันไม่มีทางกลับมารักคุณเหมือนเดิมได้หรอก เพราะมันเคยรักคุณมากที่สุดแล้ว แล้วคุณก็ทำให้มันเสียใจ ตลอดสองวันที่ผ่านมามันเหมือนคนบ้าที่เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง ร้องไห้แล้วไม่คุยกับใคร คนเรามีระบบป้องกันตัวเองไม่ใช่เหรอ แล้วตอนนี้คุณก็เป็นคนที่ถูกมันเปิดระบบนั่นใส่แล้วละ คุณก็คือคนที่ไม่ต่างจากพ่อแม่มัน ที่ทิ้งมันไป คนที่สัญญาว่าจะอยู่ แต่กลับไม่อยู่กับมัน มันทุ่มเทให้คุณทุกอย่างแล้วมันก็ทำทุกอย่างที่เคยคิดว่าจะทำเพื่อให้พ่อแม่เข้าใจ มันทำทุกอย่างแล้ว แต่คุณ ก็ไม่เห็นค่ามันเอง "

“ ฉัน..”

“ คุณคิดว่าคนเรา มันจะแสนดีได้ขนาดนั้นเลยเหรอ คุณคิดว่าเพราะอะไรมันถึงแสนดีกับคุณขนาดนั้น  ถ้ามันไม่รักคุณมากจริงๆ มันที่พยายามทำให้คุณชอบมาตลอด แล้วสุดท้ายคุณก็หักหลังความพยายามของมัน " เค้าว่าก่อนจะถอนหายใจออกมา " ผมไม่มีอะไรจะแนะนำหรอก ยกเว้นว่า อย่ามาที่นี่อีกอย่างที่มันบอกคุณไว้ เพราะถ้าคุณไม่ฟังมัน คุณเองนั่นแหละที่จะเจ็บตัว ฟานไม่ใช่คนแสนดีอย่างที่คุณคิดหรอก เวลาที่มันโกรธมันทำได้ทุกอย่างแหละ แม้กระทั้งว่าคุณจะเป็นคนที่มันรักก็เถอะ "

“ แต่ฉันไม่อยากจะเสียเค้าไป โดยที่ตัวเองไม่ได้พยายามที่จะทำอะไรเลย แล้วกลัวแม้แค่คำพูดเตือนของคนอื่น ฉันจะลองทำมันก่อน ฉันทำให้เค้าเสียใจ ฉันต้องรับผลการกระทำของตัวเอง "

" ผมก็ได้แค่เตือนครับ สุดท้ายแล้วจะเป็นยังไง ก็เรื่องของคุณ " เค้าพูดสั้นๆก่อนจะเดินออกไปเรียกรถแท็กซี่ที่ขับผ่านไปมา " คุณจะให้ไปส่งที่ไหนละ คอนโดในเมืองที่ฟานไปอยู่วันก่อนรึเปล่า "

“ ใช่ " ผมพยักหน้ารับ " ว่าแต่นายรู้ได้ยังไง "

“ เคยได้ยินไอ้ฟาน ขอติดรถเพื่อนไปลงแถวนั้นบ่อยๆ " ผมพยักหน้ารับก่อนจะยืนเหม่อกับความคิดของตัวเองอยู่นานก่อนคนที่อาสาเรียกรถให้จะเรียกรถได้แล้วหันมาบอก " เชิญครับ "

" ขอบคุณมากนะที่เป็นธุระให้ "

" ไม่เป็นไรครับ แต่ว่าคุณคีย์..” อีกคนที่ชะงักไปเหมือนอยากจะพูดบางอย่างออกมาแต่พูดไม่ได้ แต่ผมก็รู้แหละว่าเค้าต้องการสื่ออะไร

" ขอบคุณที่เตือนนะทาม แต่ฉันปล่อยให้ทุกอย่างมันจบลงโดยไม่ทำอะไรเลยไม่ได้หรอก " ผมหันกลับไปมองตึกสูงที่อยู่ด้านหลัง เพราะคำที่พูดว่ารัก ในตอนนี้มันคงเป็นแค่คำพูดนึงที่ไม่มีค่าอะไร เพราะงั้นผมจะพยายามแสดงให้เค้ารู้ว่าสิ่งที่ผมพูดมันคือเรื่องจริง ผมรักเค้าจริงๆ แล้วเค้าก็เป็นคนสำคัญของผม คนที่ไม่ว่ายังไงผมก็ขาดไปไม่ได้

......................................................

“ วันนี้ก็จะไปหาฟานอีกเหรอ " ลิปที่ยืนอยู่ข้างผมเอ่ยถามออกมา ผมหยักหน้ารับอีกคนตอนที่เรายืนรอรถไฟที่กำลังเข้ามาเทียบชานชาลาพร้อมๆกัน เมื่อวานค่าเดินทางไปหาฟานที่ต้องจ่ายให้แท็กซี่รวมถึงค่าทางด่วนเยอะมากเพราะไม่ได้คิดคำนวนทุกอย่างให้ดี วันนี้พอตั้งสติได้ก็เลยคิดว่าจะนั่งรถไฟไปก่อนจนสุดสายเมื่อไหร่ก็ค่อยต่อแท็กซี่ไป เร็วกว่าแถมยังประหยัดกว่าด้วย " แล้วเมื่อวานไปแล้ว เค้ายังไม่หายโกรธเหรอ "

“ อื้ม " พยักหน้ารับอีกคนซ้ำผมก็ยิ้มออกมาจางๆ " นอกจากจะไม่คืนดีแล้ว ยังบอกเลิกฉันอีก  แต่ว่า เพราะเค้ายังโกรธมากฉันก็เลยคิดว่าถ้ายังง้อต่อไปเรื่อยๆ ความโกรธมันจะลดลงแล้วเค้าจะหันมาใจอ่อนกับฉันบ้างน่ะ "

“ คีย์ ทำเท่าที่ทำไหวนะ " ลิปเตือนออกมาสั้นๆ ผมที่หันไปมองเค้าอีกคนก็ยิ้มแห้งๆ " ฉันหมายถึงว่าอย่าทรมานตัวเองด้วยการหลอกมันเลย " เค้าเว้นเสียงก่อนจะก้มหน้าลง " ขอพูดตรงๆนะ ถ้าเค้าไม่รักก็คือไม่รักนั่นแหละ นายอย่าไปพยายามฝืนเลย "

“ จะไม่รักได้ยังไง แค่สองวันเองนะเว้ยที่เราทะเลาะกันน่ะ แล้วเราก็คบกันมานานแล้วด้วย จะบ้าเหรอ " ผมที่ยังหลอกตัวเองกับเรื่องนั้นอยู่ ฟานน่ะ จะไม่รักผมได้ยังไง แค่สองวันเองที่เราไม่ได้คุยกัน ความรักมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้เร็วขนาดนั้นหรอก เพราะงั้นผมจะไปหาเค้าทุกวัน ไปให้เค้าเห็นว่าผมยังรักเค้าอยู่ ยังอยู่ตรงนี้แล้วจะไม่ไปไหนอีก จะทำให้เค้าเชื่อ เชื่อในตัวผม

" คนบางคนถ้าบอกว่าตัดก็คือตัดนะ ฟานที่นายรู้จักเค้าเป็นแบบนั้นรึเปล่าละ " ผมเงียบเป็นคำตอบให้เค้า ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะพูดอะไร " ฉันเป็นกำลังใจให้นายอยู่แล้ว แต่จะไม่พูดตอแหลเพื่อให้นายมีความสุขว่าเค้าจะกลับมาหรอกนะ เพราะเค้าอาจจะไม่กลับมาก็ได้ เพราะงั้นถ้านายไหวอยู่ นายก็ทำ แต่ถ้าไม่ไหวก็หยุดซะนะ ของบางอย่างเราเอากลับมาเป้นของเราไม่ได้หรอก ก็นายทิ้งมันไปแล้วนี่ "

   ผมไม่ได้ตอบอะไรคนข้างๆอีก นั่งรถไฟต่อรถแท็กซี่มาจนถึงหอพักของฟานในช่วงที่ยังไม่ดึกมาก มองไปรอบๆตัวเองเมื่อวานก็ลืมขอเบอร์ทามเอาไว้จะได้ใช้ติดต่อถามว่าฟานอยู่ไหน

   นั่งลงที่หน้าหอพักของเค้าเมื่อมาถึง มันเป็นระเบียงเล็กๆที่มีนั่งศึกษาสาวสองสามคนนั่งอยู่ ไม่รู้ว่าวันนี้จะโชคดีได้เจอเหมือนเมื่อวานรึเปล่า แต่มาแล้วก็ขอให้เจอหน่อยก็ได้ จะด่า จะทำให้ร้องไห้อีกก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ได้เจอ ผมอยากเจอเค้า

“ กินเหล้ากันดีกว่า ฉลองเปิดเทอม " ผมเงยหน้ามองต้นเสียงที่ดังออกมาจากในหอพัก ร่างของหนุ่มสองสามคนที่เดินออกมา ผมหลุดยิ้มออกมาตอนที่เห็นหน้าเค้า

“ ฟาน " ทั้งสามคนที่เดินออกมาชะงักฝีเท้าลงทันที แววตาของร่างสูงที่หันมามองผม ผมยิ้มให้เค้าอีกคนก็ผ่อนลมหายใจ

“ มึงฟังภาษาคนไม่ออกเหรอวะ กูบอกแล้วไม่ใช่รึไง ว่าอย่างมาให้กูเห็นหน้าอีก "

“ แต่ฉันอยากจะเจอฟานนะ อยากจะคุยกับฟานให้รู้เรื่อง "

“ แต่กูไม่มีอะไรจะคุยกับมึง " เค้าพูดย้ำทีละคำก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา " ไปกันเถอะพวกมึง อย่าไปมองแม่งให้เสียสายตาเลย " ฟานที่เดินออกไปว่าแบบนั้นก่อนจะเข้าไปกอดเอวสาวสวยคนนึงที่ก็นั่งอยู่ข้างผมเมื่อครู่ ใบหน้าคมที่วางอยู่บนไหล่เธอ สาวเจ้าที่หันมามองก็ยิ้มให้ กับคำถามที่อีกคนเอ่ยถาม " รอนานรึเปล่า "

“ ไม่นานหรอก เพิ่งมาถึงเหมือนกัน ไปกันเลยมั้ย "

“ ไปสิ " เค้าตอบรับ ก่อนจะเดินควงเธอออกไป โดยที่ไม่ได้แคร์เลยว่า มีผมคนนี้ยืนมองเค้าอยู่

“ คุณคีย์กลับไปเถอะครับ " ทามเดินเข้ามาบอกผม " เราจะไปกินเหล้ากัน อีกนานคงกว่าจะกลับ คุณกลับไปเถอะ วันนี้มันคงเมา คงคุยกับคุณไม่รู้เรื่องหรอก " ผมเงียบเป็นคำตอบให้คนที่เตือน สองร่างที่กำลังจะเดินไปผมเรียกเค้าไว้

“ เดี๋ยวสิทาม "

“ ครับ "

“ ฉันขอไปด้วยได้มั้ย "

“ จะไปเหรอ " เค้าถามซ้ำผมก็พยักหน้ารับ แววตาแดงๆที่มองคนที่ก็ได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมา " แต่คุณก็เห็นอยู่ว่ามันนัดกิ๊กมันไปด้วย คุณก็ยังจะไปอีกเหรอ "

“ ไม่เห็นเป็นไรเลย คิดซะว่า ก็ดีกว่ากลับไปแล้วต้องไปนั่งจินตนาการว่า เค้าจะทำอะไรกัน สู้ไปเห็นด้วยตาไม่ดีกว่าเหรอ " ไม่รู้เหตุผลอะไรผมถึงคิดออกมาแบบนี้ ทั้งที่รู้ว่าจะต้องเจ็บแน่ๆ ถ้าไปเห็นเค้านั่งอยู่ข้างคนคนนั้น เค้าที่ถ้าเมาคงจะแสดงความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อกันออกมา แต่ว่าถ้าเกิดว่าเค้าเมาแล้วพูดความรู้สึกจริงๆออกมา ความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องของผม แบบนั้นผมก็อยากจะไปนะ อยากจะเป็นคนฟังมัน แล้วอธิบายมันให้เค้าฟังทั้งหมด " ขอไปด้วยคนนะ "

“ คุณนี่มัน.. " คนฟังที่ได้แต่ถอนหายใจออกมา " อยากเจ็บมากนัก งั้นก็ตามใจ "

   ร้านเหล้าเล็กๆที่ผมเดินตามเพื่อนสองคนของฟานมา ในระหว่างทางที่มาผมขอเบอร์โทรศัพท์ของทามไว้ใช้ติดต่ออีกคนก็ให้มาแม้จะมีทีท่าลังเลอยู่สักหน่อย ร้านเหล้าของเด็กมหาลัยตกแต่งเป็นแบบเปิดมากกว่าจะอยู่ในร้านปิดๆ ฟานนั่งอยู่ที่โต๊ะกับสาวที่เค้าพามาตอนที่ผมเดินเข้าไป เค้าก็ถอนหายใจ

“ นี่มึงจะพามันมาทำไมวะ "

“ กูไม่ได้ชวน เค้าขอมาเอง " ทามบอก ก่อนที่เราจะนั่งลง ผมนั่งตรงข้ามฟานที่ส่งสายตาเชิงไล่มาทางผม ก่อนจะหลบตาไปมองผู้หญิงข้างๆเค้าที่ก็เหมือนกระซิบอะไรสักอย่าง

“ ไม่ต้องกระซิบหรอก ถามออกมาตรงๆเลยก็ได้ คิดซะว่า ไม่มีแม่งอยู่ เพราะไม่มีใครเชิญแม่งมาอยู่แล้ว เสือกอยากจะมาเอง "

“ เอ๋ ? “ ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วน้อยๆตอนที่ร่างสูงบอก ก่อนจะเค้าจะเอ่ยถามผมออกมาเสียงเบาๆ " พี่เป็น ใครเหรอคะ "

“ คนหน้าด้านที่ฉัน ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไปสักที " เธอหันไปมองร่างสูงที่ตอบออกมาแบบนั้น

“ อย่าบอกนะว่าเค้าเป็นคนที่มาแอบชอบฟานแต่ฟานไม่ชอบอะไรแบบนี้ ก็เลยออกปากไล่แต่ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไปสักที "

“ สั่งเหล้าเถอะ อย่าไปพูดถึงคนที่ทำให้กูหงุดหงิดเลย "

“ โอ๋ๆ อย่าเพิ่งหงุดหงิดนะ " เธอว่าก่อนจะเอื้อมมือมากอดคออีกคน " สั่งเหล้ากันนะ เดี๋ยวฉันไปสั่งให้นะ แบบปกติที่กินกันใช่มั้ย "

" อื้ม " ฟานตอบรับก่อนจะยื่นเงินให้เธอจำนวนนึงที่ก็เดินไปจัดการทุกอย่างให้

   ภายในโต๊ะที่ผมไม่ได้พูดคุยอะไร ได้แต่ฟังคนในโต๊ะพูดคุยกันถึงเรื่องเรียนบ้าง เพื่อนบ้าง อย่างที่ฟานบอก ไม่มีใครสนใจผมจริงๆ ไม่มีใครทำเหมือนว่าผมตรงอยู่ตรงนั้นด้วยซ้ำไป เหล้าที่ถูกยกมาเสิร์ฟแก้วมีจำนวนห้าแก้วตามที่คนนั่ง เพื่อนของฟานที่ชื่อชินเป็นคนชงเหล้า เค้าชงครบสี่แก้วก่อนจะหยิบขึ้นมาอีกแก้วฟานก็เอ่ยทัก

“ ครบคนแล้วมึงจะชงอีกทำไมวะไอ้ชิน "

“ ก็คุณคีย์ "

“ กูไม่เลี้ยงไอ้เหี้ยนี่นะ อยากจะแดกก็ให้ไปหาแดกเอง กูเลี้ยงเฉพาะคนที่กูชวนมา " เค้าพูดก่อนจะยกเหล้าขึ้นดื่ม มือหนาที่เอื้อมมือไปลูบขาสวยๆของคนข้างเธอก็ดึงตัวเองเอียงมาซบ

“ ฉันไม่กินเหล้าหรอก ไม่เป็นไร " ผมบอกเพื่อนของร่างสูงที่พยักหน้ารับเข้าใจแต่บรรยากาศภายในโต๊ะมันก็ไม่ได้ดีนัก ทุกอย่างมันดูอึดอัด  ในตอนนั้นฟานก็ดึงบุหรี่ขึ้นมาจากในกระเป๋ากางเกงข้างหลัง มวลบุหรี่กลมๆที่ถูกจุดก่อนที่เค้าจะพ่นควันมาทางผมเต็มๆ ราวกับไม่เห็นว่าใครกำลังนั่งอยู่

“ แค่กๆ " ผมไอออกมาเพราะควันจำนวนมากพวกนั้น ตอนที่ปัดมือไล่ควันตรงหน้าเค้าก็ยกยิ้มขึ้นมา แต่ก็ไม่พูดอะไรสักคำฟานหันไปกินเหล้าต่อ เค้าทั้งสูบบุหรี่ ทั้งกินเหล้า หัวเราะสังสรรค์กับเพื่อน เหล้าเต็มขวดพร่องลงไปเยอะจนใกล้หมด คอที่เริ่มแห้งเพราะควันบุหรี่จากทั้งของเค้าและโต๊ะอื่นที่พัดเข้ามา " เดี๋ยวฉันมานะ " ทุกคนที่หกำลังคุยกันมามองผมที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมา

“ ใครอยากรู้วะ " ฟานบอก ตอนที่ผมเดินออกไปแต่ยังไม่ทันพ้นโต๊ะ เสียงเอะอะที่โต๊ะก็ดังขึ้น " หาเก้าอี้อยู่เหรอวะ เอาไปสิ นั่นอะ ว่างอยู่ตัวนึง "

“ เชี้ยฟาน มึงให้เค้าไปแล้วคุณคีย์จะนั่งไหน ร้านนี้หาเก้าอี้ยากจะตาย "

“ ช่างหัวมันประไร ยืนไปดิ ทนไม่ได้ก็กลับไปซะกูรำคาญ นั่งอยู่ได้ เห็นแล้วรกตา " เค้าว่าก่อนจะเชิดไปทางโต๊ะมาใหม่ที่กำลังนั่งลงแล้วหาเก้าอี้ " เอาไปเลย ไม่มีคนนั่งหรอก " ผมผ่อนลมหายใจออกมาเดินตรงที่เค้าเตอร์ สั่งน้ำขวดเล็กมาขวดนึงตอนที่เดินกลับมาก็ไม่มีเก้าอี้ของตัวเองแล้ว แต่ท่าทางที่ไม่มีคนสนใจก็ต้องทำให้ผมเดินออกไปหาเก้าอี้ด้วยตัวเองแทน

“ ขอโทษนะครับ ตัวนี้มีคนนั่งมั้ย "

“ มีค่ะ " เธอบอก ผมก็เดินไปหาอีกโต๊ะ

" ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าเก้าอี้ตัวนี้มีคนนั่งมั้ย "

" มีครับ " มองไปรอบๆที่มีแต่เก้าอี้ที่มีคนจอง ขอไปเท่าไหร่ก็ไม่มีเก้าอี้ตัวที่ว่าง จนสุดท้ายก็ต้องเดินไปบอกพนักงานที่ก็จัดการหาเก้าอี้ให้แต่นั่นก็นานกว่าจะได้มาสักตัว ผมกลับมานั่งที่เดิม เปิดขวดน้ำของตัวเองขึ้นดื่มก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ ขอไปเข้าห้องน้ำแปปนะ " สาวที่นั่งข้างๆฟานบอก เธอที่ลุกออกไปสักพักก็มีคนมาขอเก้าอี้ตัวที่ว่างนั่นเหมือนกัน

“ เก้าอี้ตัวนี้มีคนนั่งมั้ย " ผู้ชายคนนึงที่ถามร่างสูงที่สูบบุหรี่อยู่ก่อนจะหันไปบอก

“ มีครับ " แค่คำตอบสั้นๆ ก็ชวนให้หัวใจผมมันว่างเปล่าไปหมด แต่จริงๆหัวใจของผมมันก็ว่างเปล่าไปตั้งแต่เข้ามาในร้านนี้แล้ว นั่งอยู่ร่วมโต๊ะกันแต่เค้าก็ไม่ได้สนใจ ทำเหมือนไม่มีตัวตน แถมยังมีสารพัดคำด่า คำไล่พูดออกมา คิดถึงตัวเองเมื่อครู่ที่เที่ยวไล่หาเก้าอี้ไปทั่วร้าน ต่างจากกับเธอคนนั้นที่อีกคนจับจองให้โดยที่ไม่ต้องออกแรงไปหาใหม่

พอไม่ใช่คนที่รักแล้วก็แบบนี้ ความสำคัญไม่มี การกระทำก็เลยไร้ความใส่ใจลงไปด้วย

“ ไปนานจัง คิดถึงอะ " เค้าทักคนที่กลับมานั่งลงที่เดิมก่อนจะกอดเอวเธอไว้หลวมๆ ใบหน้าคมก้มลงจูบที่ข้างแก้ม สาวสวยที่หันหน้ามามองอีกคนเธอยิ้มจางๆตอนที่ยกมือขึ้นลูบแก้มอีกคน

“ เมาซะแล้วละมั้ง คนนี้น่ะ "

“ อะไร ยังกินไหวอยู่ " ฟานว่ายิ้มๆ " แต่ว่านะ ฉันอยากจะกินอย่างอื่นมากกว่า " เค้ายื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอ ริมฝีปากที่จูบกันเบาๆนั้น ผมนิ่งค้างอยู่นานในมือที่กำขวดน้ำของตัวเองไว้แน่น ในตอนที่จูบนั้นดูดดื่มขึ้นเรื่อยๆ ใจของผมสั่น น้ำตาของผมไหล มือที่กำขวดนั้นไว้แน่น แล้ววินาทีต่อมานั้นผมเปิดมันออกก่อนจะสาดไปที่คนสองคนที่กำลังจูบกันอยู่ตรงหน้า

“ เชี้ย! " ร่างที่ผละออกจากกัน ฟานหันมาชักสายตาใส่ผมก่อนจะยืนขึ้นแล้วผลักอกผมอย่างแรง " ทำเหี้ยไรวะ "

“ เฮ้ย ไอ้ฟาน ใจเย็นก่อน " ทามที่ลุกขึ้นห้ามแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าร่างสูงจะหยุด

“ มึงสาดน้ำใส่กูทำไม "  ผมไม่ตอบอีกคนก็ยกยิ้ม " เจ็บเหรอ หรือยังไง ทนไม่ได้เหรอที่จูบกับคนอื่น แต่โทษทีนะกูเชิญมึงมารึไง ก็เปล่า มึงเสือกมาของมึงเอง แล้วเสือกมาทนไม่ไหวเอง ทนไม่ไหวก็ออกไปสิวะ จะมานั่งมองอยู่ทำไม กูไม่ได้มาขอร้องให้มึงมาสักหน่อย ไปอยู่กับผัวแก่ของมึงไป!!”

“ เพี๊ยะ! ” ผมฟาดมือลงไปบนหน้าเค้าในวินาทีที่ที่ได้ยินคำนั้น ฟานก็คว้าถังน้ำแข็งที่อยู่ใกล้มือสาดใส่หน้าผมเสียเต็มแรง ถังน้ำแข็งสเตเลสตกลงพื้นเสียงดังลั่นร้าน แต่ทุกคนที่อยู่ในเหตุการ์ณนั้น กลับเบิกตากว้างตอนที่เห็นหน้าผม ความชาที่ไม่ได้ทำให้รู้สึกอะไรเพราะน้ำที่เย็นจัด แต่กลิ่นคาวเลือดที่ไหลซึมออกมาตรงปลายคิ้วไหลลงอาบแก้มผมลงมาช้าๆ กลิ่นคาวที่เตะจมูกนั้นผมเอื้อมมือสั่นๆไปจับเลือดสีแดงๆนั่นก่อนจะมองคนทำที่ก็ยังนิ่ง

“ กูบอกแล้วว่าอย่ามา มึงเสือกรนหาที่เจ็บตัวเองนะ " เค้าคว้ามือบางของผู้หญิงที่นั่งนิ่งด้วยความตกใจขึ้นมา ขาที่เดินออกไปนอกร้าน ผมก็เดินตามเค้าไป

“ ฟานเดี๋ยวสิ " ผมคว้ามือเค้าไว้อีกคนก็หยุดเดิน " นายจะไปไหนน่ะ "

“ เสือก กูจะไปไหนก็เรื่องของกู "

“ ตอบฉันก่อนสิ จะไปมีอะไรกับเธอใช่มั้ย " ผมถามสิ่งที่ตัวเองอยากจะรู้ออกไปตรงๆ เค้าที่ถอนหายใจออกมา หันมามองผมที่ยังคงยื่นนิ่งอย่างต้องการฟังคำตอบจากปากเค้าทั้งๆที่ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้ว เมาเหล้า จูบกัน แล้วจูงมือกันกลับ ช่วงเวลาหลังจากนั้นไม่ต้องเดาก็รู้อยู่แล้ว ทุกอย่างมันบอกอยู่แล้วแต่นั่นแหละที่ไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้น ฟานของเค้าที่กำลังจะไปมีอะไรกับคนอื่น สองมือที่เคยโอบกอดผมกำลังจะไปกอดคนอื่น ความอบอุ่นที่เคยเป็นของผม เค้ากำลังจะแบ่งปันไปให้คนอื่น น้ำตาของผมไหลออกมาพร้อมกับความเจ็บของแผลที่มีเลือดซึมออกมา แผลที่แสดงอาการช้าๆเพราะความชาที่เริ่มหายไป แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมจะมาสนใจตอนนี้ สิ่งที่ผมสนใจคือฟาน ฟานที่กำลังจะไปกับเธอคนนั้น  " อย่าไปเลยนะ อย่าทำแบบนั้นกับเค้าเลย ฟาน "

" เหอะ! มาดูคนหน้าด้านคนนี้ดิวะ  มึงนี่ตลกวะ ขนาดกูที่ขอร้องมึงว่าอย่าทำ อย่าไปมึงยังไม่ฟังเลย ทำไมวันนี้กูต้องฟังมึงวะ "

" แต่มันไม่เหมือนกัน "

" เห็นแก่ตัว!! มันไม่เหมือนกันได้ไงวะ มึงเสียใจมั้ยละ กูเองก็เสียใจ แล้วมันจะไม่เหมือนกันได้ไง ในเมื่อเราก็เสียใจด้วยกันทั้งคู่! “ เค้าทีหันมาตะคอกใส่ผมทุกอย่างนิ่งไปสักพัก ก่อนที่เค้าจะเดินออกไปผมก็คว้าเอาไว้อีก

" ฟาน ไปมีอะไรกับฉันเถอะ ถ้านายต้องการฉันจะให้นายเอง " ผมบอกเค้า ฝ่ายผู้หญิงที่ยืนข้างๆก็เบิดตากว้าง

" นี่เดี๋ยวนะ มียางอายบ้างปะเนี้ย ชวนผู้ชายที่เค้าไล่เหมือนหมูเหมือนหมาว่าไม่เอา ไปเอาด้วยเนี้ยอะนะ บ้ารึเปล่า " เธอถามผม แต่เสียงนั้นก็ไม่ใช่เสียงที่ผมสนใจ คนที่ผมสนใจคือฟานที่กำลังฟังอยู่ตังหาก

“ นะฟาน.. ถ้านายอยากจะมีอะไรกับใคร มีอะไรกับฉันสิ ฉันจะทำให้นายทุกอย่างที่นายต้องการเลย " คว้ามือเอื้อมจับเค้าไว้อีกคนที่เหมือนกำลังจะคิดแต่ก็สะบัดมันออกไปแบบไม่ใยดี

“ ไม่เอาอะ กูไม่ชอบใช้ของร่วมกับคนอื่น น้ำของไอ้เหี้ยนั่น ต้องยังติดอยู่แน่ๆ คงโสโครกน่าดู ไม่เอาอะ กูรังเกียจ " เค้าสะบัดมือผมให้หลุดออกก่อนจะเช็ดแขนที่ผมจับกับเสื้อตัวเองด้วยสีหน้ารังเกียจ

“ ฟาน "

“ นี่! เค้าบอกว่าไม่เอายังไงรบเร้าอีก เงี่ยนมาก็ไปเอาคนอื่นสิค่ะ ไปซื้อผู้ชายเอาก็ได้ ไปกันเถอะฟานอย่าไปใส่ใจเลย คนหน้าด้าน " เธอบอกก่อนจะดึงให้อีกคนเดินออกไปห่างจากผม แต่ขาที่ยังเดินไปคว้าตัวเค้าไว้อย่างไม่ยอมแพ้ ผมจับมือเค้าไว้แน่นพยายามรั้งเค้าไว้

“ อย่าทำแบบนี้เลยนะ นายเองก้รู้ว่าฉันไม่ได้มีอะไรกับเค้า ฉันไม่ได้มีอะไรเกินเลยกับเค้าเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันไม่เคยให้เค้าสัมผัสอะไรของฉันเพราะฉันรู้ว่ามันเป็นของนาย แล้วฉันก็รู้แล้วว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องรู้สึกเห็นคนที่ตัวเองรักไปจูบกับคนอื่น ไปกอดคนอื่นที่ไม่ใช่เรา ถ้านายอยากจะให้ฉันเจ็บปวดวันนี้ฉันก็เจ็บปวดแล้วนะ พอเถอะ พอได้แล้ว อย่าทำแบบนั้นเลยนะ ฉันไม่ได้มีอะไรกับเค้าเลยฟาน ไม่เคยมีเลย อย่าเลยนะ อย่ามีอะไรกับเธอเลย อย่าทำแบบนั้น "

“ นี่! “ เค้าหันมาคว้าตัวผมไว้ แววตาที่จ้องมองผมลึกลงไปใน ในแววตาคู่นั้นที่ไม่มีผมอยู่แล้ว ผมมองมันด้วยแววตาสั่นระริกน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเค้าพูดออกมาเสียงหนักแน่น " กูไม่รู้ว่ามึงเคยมีอะไรกับเค้ารึเปล่า กูไม่มั่นใจในความร่านของมึงหรอก เพราะมึงก็ดูหวั่นไหวง่ายด้วยสิ ใครจะรู้ว่าจริงๆอาจจะเผลอไปเอากับมันแล้วก็ได้ "

“ ไม่นะ ไม่เคยเลย จริงๆนะ นายพิสูจน์ก็ได้ มีอะไรกันแล้วนายก็รู้ ฟาน..” ผมส่ายหน้าบอกอีกคนก็ยกยิ้ม

“ อย่าเลย กูไม่ได้อยากจะเอากับมึง แล้วกลับไปซะเถอะ อย่าให้กูเห็นหน้าอีก เพราะถ้ามึงดึงดันที่จะกลับมา มึงจะไม่เจ็บแค่นี้แน่ " เค้าปล่อยมือตัวผม ตอนที่เดินไปคว้ามือของเธอคนนั้นแล้วจะเดินจากไป ผมก็ดึงมือเค้าไว้อีก แต่ทว่ามันคงสิ้นสุดความอดทนของเค้าแล้ว ในตอนที่ผมยังดึงดันคว้าเค้าไว้  ฟานก็หันมาคว้าตัวผมสองแขนที่บีบไหล่ผมแน่นก่อนจะผละแรงจนตกลงขอบฟุตบาทฝ่ามือที่ค้ำตัวขูดกับพื้นถนนจนหนังถลอกเลือดซิบ แต่ตอนที่กำลังจะลุกขึ้นรั้งไว้อีก เค้ากลับตะโกนใส่หน้า " กลับไป!! กลับไปซะ!! แล้วอย่ามายุ่งกับชีวิตกูอีก!! " ฟานว่าแบบนั้นเค้าที่ถอนหายใจออกมาเบาๆ " ถือว่ากูขอร้อง ปล่อยกูไปเถอะ "

   น้ำตาที่ไหลออกมาของผมต่อให้ขอร้องและอ้อนวอนแค่ไหนไม่มีวันได้ใครคนนั้นกลับมาแล้ว อย่างงั้นเหรอ ทุกอย่างมันเป็นเหมือนที่ลิปบอกอย่างงั้นเหรอ ' เค้าไม่รักก็คือไม่รักนั่นแหละ นายอย่าไปพยายามฝืนเลย '

“ ฟาน นายไม่รักฉันจริงๆแล้วอย่างั้นเหรอ "

...............................................................

เหมือนไม่มีแม้ศักดิ์ศรีอะไรเลยทั้งนั้น
เมื่อถึงจุดที่เราพยายามจะรั้งใครไว้สักคน เราจะทำทุกอย่าง ไม่สนแม้สิ่งใด
ฟานเองก็เคยเป็นแบบนั้น เสียศักดิ์ศรีลุกเข่าขอร้องคีย์มาแล้ว ทั้งคุกเข่า ทั้งให้อภัยทุกอย่าง
ต่างจิตต่างใจกันไป จะเรียกว่าทีใครทีมันก็คงได้
ความรักในอีกรูปแบบ ตอนหน้าจะเป็นพาสน้องฟานบ้างไรบ้าง

ยังไงฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 49 ' ไม่รัก ' UP - 18.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 18-11-2016 20:44:09
เอาให้สุด เจ็บกันให้สุดๆไปโลดดดดดดดด :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 49 ' ไม่รัก ' UP - 18.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: pae_kanyanut ที่ 18-11-2016 21:20:28
เอาให้สุดค่ะ เอาให้คนอ่านร้องไห้จนน้ำตาออกมาเป็นสายเลือดไปเร้ยยย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 49 ' ไม่รัก ' UP - 18.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-11-2016 21:22:00
 :o12:  คีย์ มาหาเรามา เดี๋ยวเรากอดคีย์เอง

คนที่ก่ำกึ่งอย่างคีย์ ถามว่าถึงแม้จะเอียงไปหาหัวหน้า ต้องเข้าใจนะวันคนมันฝังใจมาก่อนแอบรักมาก่อน และก็ยังไม่มั่นใจในความรักครั้งนี้ แต่คีย์ไม่ได้มีความตั้งใจจะทำให้ฟานเจ็บ

แต่ฟาน ที่บอกว่ารักมาก พอถูกทำให้เสียใจ ก็เลือกที่จะทำให้คีย์เจ็บทั้งกาย ทั้งใจ เจตนามันไม่เหมือนกัน

ก็ยังอินอยู่  ความรักที่มันพังไปแล้ว ปล่อยมันไปดีไหม ไปเริ่มกะคนใหม่เหอะ

I am not perfect.


:pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 49 ' ไม่รัก ' UP - 18.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-11-2016 21:46:20
สุดท้ายเรื่องนี้จะจบยังไงหนอ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 49 ' ไม่รัก ' UP - 18.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 18-11-2016 21:46:47
สิ่งที่คีย์ควรทำมากที่สุดก็คือหยุด แล้วใช้ชีวิตต่อไป ไม่ต้องตั้งคำถามว่าแค่สองวันมันจะหมดรักได้จริงหรือ? บางคนได้ก้มหน้าล้มลง เพียงเสี้ยววินาทีที่เขายืนขึ้นแล้วเงยหน้า นั่นก็คือได้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว คนเรามีกลไกในการปกป้องตัวเองอย่างที่เพื่อนฟานพูด แล้วแต่ว่าใครจะมีแบบไหน

ความรู้สึกโกรธ เกลียด มันอาจรุนแรงทำลายได้ทุกสิ่ง แต่เมื่อเวลาได้ช่วยเยียวยามันก็จะบรรเทา ให้เวลาฟาน ถ้าเขายังคงมีความรู้สึกหลงเหลือ ไม่ว่าจะเป็นความโกรธหรือความเกลียด มันจะดีขึ้นเมื่อเวลาผ่าน เพราะสิ่งที่น่ากลัวที่สุดนั่นคือเขาไม่รู้สึกอะไรเลยตังหาก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 49 ' ไม่รัก ' UP - 18.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 18-11-2016 21:47:59
ก็ดีแล้วไงที่โดนบ้าง เคยทำกับฟานแบบไหน ก็โดนกลับแบบนั้นน่ะล่ะ
จำไว้เป็นบทเรียน คราวหน้าจะได้ไม่แรดจนลืมคนที่รักแบบนี้อีก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 49 ' ไม่รัก ' UP - 18.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Peterpanmama ที่ 18-11-2016 21:52:18
ไม่รู้สึกสงสารคีย์เลยสักนิด. รับผลกรรมที่ทำกับฟานซะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 49 ' ไม่รัก ' UP - 18.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: champthai ที่ 18-11-2016 22:02:02
ประเด็นความผิดนี้ มันอยู่ตอนที่ฟานคุกเข่าขอร้องให้คีย์อยู่กับเค้า ไม่ไปสัมมนา ไม่ไปกับหัวหน้า คือ ถ้าคนที่รักกันจริง ๆ ก็คงไม่ไป เพราะในใจลึก ๆ คีย์ก็รู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เข้าใจที่คีย์เอางานมาเป็นข้ออ้างต่างๆ แต่ก็นะพออ่านดี ๆ คีย์ ไม่มีความเชื่อใจในตัวฟานตั้งแต่เริ่มต้น กลัวว่าฟานจะทิ้งคีย์ไป แล้วจะเหตุอะไร ๆ เกิดขึ้นตามมา ถ้ากลัว ก็อย่าไปรักกับฟานเลย

คีย์ผิดครับ เลิกกันนะดีแล้ว ฟานจะได้ไม่เจ็บ ฟานจะได้เจอคนที่เข้าใจ และรักฟานแบบที่มีความเชื่อมั่นในตัวฟานมากกว่านี้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 49 ' ไม่รัก ' UP - 18.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 18-11-2016 22:16:06
อยากสงสารคีย์นะ แต่ยังไงก็ต้องยอมรับละว่าสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้คือผลกรรม
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 49 ' ไม่รัก ' UP - 18.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 18-11-2016 22:21:34
อ่านตอนนี้แล้วเร่ิ่มสงสารคีย์  คือคีย์ผิดจริง ฟานสมควรโกรธ  แต่ไม่ชอบที่ฟานมั่วหญิงอ่ะ (ทำร้ายจิตใจหนักมาก) แถมทำร้ายร่างกายคีย์ด้วย 

ขอเถอะคีย์ ที่ผ่านมาเธอสตรองมาก เธออย่าทำตัวไร้ค่ามาง้อฟานเลย  ง้อได้ แต่เขาทำขนาดนี้ พูดขนาดนี้ เขาบอกว่าไม่รัก รู้นิสัยฟานนี่ เลิกยุ่งกะฟานเหอะทางใครทางมัน เอาเรื่องในครั้งนี้มาเป็นประสบการณ์กับรักครั้งต่อไปนะ สู้ ๆ (ที่ผ่านมาเกลียดนางมาก แต่พอฟานทำขนาดนี้เราเริ่มสงสารอ่ะ)
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 49 ' ไม่รัก ' UP - 18.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 18-11-2016 22:49:12
คีย์ลุกขึ้นมาเถอะนะ. พอแล้วพอ. สุดๆแล้ว เค้าไม่กลับคืน ก้อปล่อยไป

อยู่กับความเหงาๆ  อยู่กับความเดียวดาย. ให้สมกับสิ่งที่ผิดพลาดไป

แล้วยืนขึ้นใหม่. เป็นกำลังใจให้คีย์นะ.

เราต้องStrong Strong

 :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:

.....

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 49 ' ไม่รัก ' UP - 18.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 18-11-2016 22:53:38
ต้องขอแสดงความคิดเห็นแบบส่วนตัวกันเลยทีเดียวหลังจากตามอ่านจนตาแฉะ

ตอนแรกที่อ่านเรื่องนี้เราว่ามันเป็นเรื่องที่สนุกนะ พอมากลาง ๆ เริ่มเอือมกับคีย์ แบบว่าอ่านแล้วร้องเฮ้ย!! มั้ยคีย์เป็นคนแบบนี้ว้า สองจิตสองใจไปป่าว ดูไม่แฟร์กับฟานเลย ทั้งที่ลิปเองก็ได้พูดเตือนแล้ว แต่ก็เข้าใจนะว่าเคยรู้สึกดีกับหัวหน้ามาก่อนที่จะเจอกับฟาน มันก็หวั่นไหวกันได้ สงสารฟานมากตอนนี้ หลังจากคีย์เริ่มรู้ตัวเองแล้ว เริ่มที่จะปรับตัวเองแม้จะช้าไปสักนิดก็ตาม แต่เราว่าเรื่องงานไม่ใช่ว่าอยากจะลาออกเลยก็ทำได้ แล้วยิ่งคีย์ยังมีภาระที่ต้องรับผิดชอบการทิ้งงานออกมาทันทีก็ใช่ว่านึกจะทำก็ทำ งานไม่ได้หาง่าย ๆ นะ ออกมาแล้วจะทำอะไรกิน นั่งนอนอยู่เฉย ๆ รอให้โดนไล่ออกจากคอนโดหรอ เราว่ามันก็ไม่ใช่อ่ะ ตอนนี้ฟานบังคับให้คีย์เลือกในสิ่งที่ยากนะ แล้วยิ่งตอนนี้ที่คีย์เกือบจะโดนไอ้หัวหน้าชั่วข่มขืนอืก อันนี้เราว่าคีย์เองก็กลัวมาก ถ้าหากไม่ได้คนเข้ามาช่วยเราเลิกอ่านแน่นอนเลย แบบว่ามันหน่วงจิตเกินจะอ่านต่อไหว หลังจากที่กลับมาก็ยังต้องทนขี้ปากคนในออฟฟิตอีก เราก็ไม่ชอบนะคนที่ไม่ชอบถูกแต่เรื่องที่ทำให้คนอื่นเค้าเสียหายโดยที่ไม่รู้เรื่องจริงเนี่ย มันน่าโดนตบให้เลือดกลบปากเลย ยิ่งพอมาตอนหลังนี้เราเริ่มจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการกระทำของฟานแล้ว มันก็เกินไปนะบางที ถึงจะบอกว่ารักมากแต่ก็ไม่อาจที่จะฟังในสิ่งที่คีย์เองจะอธิบายเลย เราก็ไม่คิดว่าสิ่งที่คีย์ทำมันจะดีแต่คีย์เค้าอยู่ในวัยที่ต้องทำงาน มีภาระที่ต้องรับผิดชอบ การที่จะออกจากงานไปดื้อๆ ก็ไม่ส่งผลดีในอนาคตเช่นกัน อยากให้ฟานได้คิดตรงจุดนี้บ้างนะ การประชดในแบบที่ฟานทำอยู่ตอนนี้เราเองก็เริ่มจะพอเดาทางต่อไปได้แล้ว ก็หวังว่าจะไม่เป็นแบบที่คิดนะ

ปล.คนแต่งเขียนเรื่องได้น่าติดตามดีมาก อยากให้เลิกหน่วงจิตเร็ว ๆ จัง 555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 49 ' ไม่รัก ' UP - 18.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: seii ที่ 18-11-2016 23:02:24
เลิกเถอะคีย์ สำนึกก็เเล้ว เเต่ฟานมันคงรับไม่ได้จริงๆ อ่ะ
เเต่เราเอือมกับฟานเหมือนกันนะที่กลับทำตัวเเย่มั่วชะนีซะงั้น
ถ้ามันพลาดไปทำใครท้องคนอ่านเองก็รับไม่ได้
ถ้ามันไปนอนกับเขาจริงๆ ก็อยากให้นางเลิกตามได้เเล้ว
โอเคคีย์มันเเรดมันหลายใจ เเต่มันก็ไม่ได้ร่าน

เราว่าในตอนนี้คีย์มันคงสำนึกเเล้วล่ะ
อยากให้นางถอยออกมาซะ ถ้าหางานในตจว.ได้ยิ่งอยากให้นางไปเลย
หนีจากเพื่อนร่วมงานจอมนินทา เจ้านายเลวๆ เเฟนเก่าที่เขาไม่เอา
เขาลงทุนขอร้องให้ใสหัวไป เเถมผลักจนเลือดออกโดยไม่เเยเเส
ก็ไปเถอะ อยู่ให้มันได้อะไร????
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 49 ' ไม่รัก ' UP - 18.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 18-11-2016 23:11:42
ฟานเองก็ไม่ได้ถูกไปทุกอย่างนะ  การที่คุกเข่าขอร้องคีย์  ไม่ได้แปลว่าทุ่มหมดตัว  แต่ฟานกำลังบีบให้คีย์เลือกว่าจะคบหรือเลิก 

โดยที่ไม่ได้สนเหตุผลหรือพยายามเข้าใจอะไรเลย  แต่ถามว่ามันมาจากไหนก็มาจากคีย์ทำตัวเองน่ะแหละ 

แล้วยังเรื่องที่ให้คีย์ออกมานอนอยู่เฉยๆแล้วจะเลี้ยงเอง  ไม่คิดหรอว่าความคิดแบบนี้มันเหมือนดูถูกกัน 

ถ้าเป็นชายหญิง  มันคือการสื่อว่าให้ฝ่ายหญิงเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกอะไรงี้  แต่ถ้าชายชายล่ะ คีย์ต้องทำอะไร  งานบ้านแล้วก็ถ่างขาหรอ

ฟานยังเด็กก็คิดแบบเด็กๆ  แต่ในขณะที่คีย์โตกว่าเลยมีเรื่องให้คิดในมุมมองที่เปิดกว้างกว่าแบบคนที่โตกว่า   เราว่าสองคนนี้ไม่เหมาะกันหรอกในระยะยาวอ่ะนะ 

ยิ่งตอนล่าสุดด้วยแล้ว  คีย์ไปเถอะ  ไปหาคยที่โดนใจกว่านี้เถอะ  เก็บเรื่องนี้เป็นบทเรียนราคาแพงแล้วเชิดหน้าเดินไป   

ถ้าให้ดีอยากให้คีย์ทำแบบฟานบ้างคนสนุกไม่น้อย  "แกทำได้ชั้นก็ทำได้"  ให้ตายกันไปข้าง  ดูสิใครจะตายก่อน 
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 49 ' ไม่รัก ' UP - 18.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 18-11-2016 23:35:21
ตอนหน้าไม่ต้องถามเลย
ว่าฟานเจ็บไม๊ที่ทำแบบนี้
บอกเลยว่าเจ็บ
และแอบคิดเล็กๆ ว่าฟานไม่ได้จะไปมีอะไรกับนังชะนีนั้น
55555

ทนต่อไปเถอะคีย์ ให้ฟานเอาคืนให้สาสม เด๋วเขาก้ใจอ่อน
ถ้าเขายังรักอะนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 49 ' ไม่รัก ' UP - 18.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-11-2016 07:57:05
คีย์ต้องใช้เวลานะ บาดแผลนี้ยากรักษา
อย่าทน อย่าพยายามให้เข้าใจ เพราะคีย์ก็ยังไม่เข้าใจ แต่งานนี้คีย์โดนหนักจริง

ฟานนี่คือตัวจริงหรือทำประชด บอกที จะได้ว่าถูก
ฟานเป็นคนดีเพื่อคีย์ ยอมทำทุกอย่าง แต่ก็นั่นแหละ รักมากไป ทุ่มเทมากไป เลยเหมือนถูกหักหลัง

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 49 ' ไม่รัก ' UP - 18.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 19-11-2016 08:37:23
เหนื่อยแฮะ.. ถ้าไม่ไหวก็พอเนอะ
ต่างคนต่างไป
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 49 ' ไม่รัก ' UP - 18.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 19-11-2016 08:53:02
เห็นบางคนบอกคีย์ไม่ได้ตั้งใจทำให้ฟานเจ็บ โกหก ทำอะไรลับหลัง หวั่นไหวกะคนอื่นเนี่ยนะ ทำตัวเองล้วนๆไม่ฟังใคร ซึ่งนางก็สำนึกผิดล่ะแหละ คนเรานิสัยไม่เหมือนกัน ทำกันขนาดนั้นฟานควรเออออ ไม่เป็นไรหรอ เรื่องฟานไปกับผู้หญิงนี่คิดว่าธรรมดานะ ไม่ได้ทำอะไรลับหลังก็เลิกกันแล้วอ่ะจะมาโวยวายเพื่อ แอบสงสารนาง แต่ก็ไม่เอาใจช่วย พอเถอะคีย์ กลับมาอยู่กับตัวเอง ให้เวลาเป็นตัวตัดสินเถอะ เราคิดว่าฟานยังไม่เลิกรักอิคีย์หรอก แต่ไม่อยากเจ็บอีกมั้ง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 49 ' ไม่รัก ' UP - 18.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 19-11-2016 09:05:14
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 20-11-2016 20:25:51

ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 50
' รักมากก็เกลียดมาก '

“ หน้าด้านจังนะคนคนนั้นน่ะ " เสียงของผู้หญิงที่เดินอยู่ข้างผมพูดขึ้นมาตอนที่เราเดินออกห่างจากใครคนนั้นที่ยังคงร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ผมหลับตาแน่นข่มน้ำตาที่กำลังไหลให้กลับไปในที่ที่ควรอยู่ของมัน จะไม่ร้องไห้อีกแล้วผมสัญญากับตัวเองไว้ จะไม่ร้องไห้ให้กลับคนคนนั้นอีกแล้ว คนที่ไม่ว่าพยายามเท่าไหร่ ก็เท่ากับศูนย์ คนที่ไม่ว่าจะเป็นคนแสนดีเท่าไหร่ หรือไม่ว่าจะทำยังไง ก็ไม่สำคัญ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ตัวผมเองก็ผิดเองที่พยายามดึงดันมันตั้งแต่ต้นทั้งๆที่อีกคนบอกอยู่แล้วว่า ' ไม่ชอบเด็กอย่างผม ' แต่ผมก็ยังดึงดันคิดมาเสมอว่าถ้าพยายามสักวันก็คงรักกันได้แน่ๆ แต่ผมเองก็ลืมไปว่า ความรักน่ะ มันไม่ใช่สิ่งที่ต้องพยายามกันหรอก " ฟาน "

“ ว่าไง " ผมหันไปหาเธอที่ก็ยิ้มออกมาให้ มือบางจับมือของผมแน่นเธอที่เอียงเข้ามาใกล้ ในแววตาที่โหยหาและต้องการนั้นไม่ต้องเอ่ยออกมาเป็นคำพูดอะไรตัวผมก็รู้ดี เธอคงจะหมายถึงเซ็กส์ที่อยากจะให้ผมจัดการให้ในคืนนี้ " รู้แล้วละ "

“ ที่ห้องของฟานนะ "

“ อื้ม ได้สิ " ผมตกลงเธอก็ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะเขย่งจูบที่ริมฝีปากของผม

“ ว่าแต่นะ คนคนนั้นน่ะ จะแค่คนที่มาชอบฟานจริงๆน่ะเหรอ "

“ ถามทำไม  "

“ ก็แค่สงสัยน่ะว่าถ้าเค้าแค่มาชอบนายทำไมถึงหน้าด้านขนาดนั้น โดนด่าก็แล้ว โดนแกล้งก็แล้ว แถมยังโดนทำร้ายร่างกายให้เจ็บอีก แต่เค้าที่ยังรั้งนายไว้แบบนั้น ถ้าแค่มาจีบเค้าก็ต้องชอบนายมากๆเลยนะถึงจะทนได้ แต่ไม่ว่ายังไงก็แปลกอยู่ดี ถ้าที่แค่เหตุผลว่าชอบใครสักคนแล้วทำให้เรา ทนได้ขนาดนั้น ฉันว่ามันคงเป็นเพราะว่าเค้ารักนายมากเลยนะ "

“ หึ! " ผมยกยิ้มออกมา " คนแบบนั้นไม่มีทางรักใครจริงหรอก ก็แค่อยากจะได้ฉันคืน ให้ฉันกลับไปเป็นของตายโง่ๆของเค้าก็เท่านั้นแหละ "

“ เดี๋ยวนะ ทำไมนายถึงพูดเหมือน... "

“ เลิกพูดถึงเรื่องนี้สักทีจะได้มั้ย! “ ผมหันไปตะคอกใส่เธอที่ก็สะดุ้งขึ้นด้วยความตกใจ " เธออยากจะรู้อะไรกันแน่ อยากรู้ใช่มั้ยว่าทำไมเค้าถึงยอมฉันขนาดนั้น ถ้าอยากจะรู้นักฉันจะบอกให้ก็แล้วกัน เค้าเคยเป็นแฟนฉันมาก่อน "

“ ห๊า..”

“ เหตุผลที่เค้าทนได้ขนาดนั้น เพราะเค้าเคยเป็นแฟนฉันมาก่อน ฉันรักเค้ามากแต่สุดท้ายมันก็นอกใจฉันไปเอากับหัวหน้างานตัวเองที่ชอบมาตลอดหลายปี  เพราะเห็นว่ากูรักมันมากเลยคิดจะทำเหี้ยอะไรกับกูก็ได้ กูที่เคยโง่ยอมให้ทุกอย่างขอแค่มันเลิกกับไอ้นั่น แต่สุดท้ายคนที่โง่ที่สุดก็คือกูนั่นแหละ โง่ตั้งแต่ที่ขอร้องคนที่เค้าไม่รักให้รักกูแล้ว "

“ นี่นาย..เป็นเกย์เหรอ "

“ ใช่มั้ง ก็กูเคยเอากับผู้ชาย " ผมหันไปบอกเธอที่ก็ทำหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่ " ทำไมละเอากับผู้หญิงด้วยผู้ชายด้วยไม่ได้เหรอ เธอโอเครึเปล่า "

“ ก็... " เธอทำท่าลังเลก่อนจะยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา " ถ้าเป็นฟานละก็ไม่มีอะไรที่ฉันไม่โอเคหรอก " สองมือที่เอื้อมขึ้นกอดคอ เราที่หยุดเดินลงกระทันหันก่อนที่ สาวหน้าตาน่ารักตรงหน้าจะเขย่งเท้าขึ้นมอบจูบที่แสนดูดดื่มให้ผม ช่วงเอวคอดที่ผมกอดเธอไว้ตอนที่ผละกันออกมาเธอคว้ามือผมก่อนจะเดินตรงไปที่หอพัก เราจูบกันตั้งแต่ขึ้นลิฟต์ตอนที่ปิดประตูห้องลง ผมสอดมือเข้าไปใต้ร่างบางของเธอ หน้าอกกลมที่อยู่จับ ผมผละริมฝีปากที่จูบเธอพลางไล่ไปตามคอขาวระหง กลิ่นน้ำหอมจางๆคุ้งอยู่ตามจมูกยามที่ลากผ่าน หวนคิดถึงใครบางคนใบหน้าที่เปื้อนเลือดเป็นทางยาว หรือแม้แต่ฝ่ามือแดงๆที่ถูกผลักตกถนนจนเลือดซิบ ใบหน้าที่มีแต่คราบน้ำตากับปากที่อ้อนวอนขอร้อง ' ฟาน ไปมีอะไรกับฉันเถอะ ถ้านายต้องการฉันจะให้นายเอง ' พยายามลบคำพูดพวกนั้นออกจากสมองผมสะบัดหน้าหนีไม่อยากจะคิดถึงอะไรแบบนั้นอีก คนที่ตอนนี้ดูน่าสงสารแต่จริงๆก็คงเคยทำอะไรที่มันเหมือนกับเค้าทำอยู่ตอนนี้ เรือนร่างนั้นก็คงเอาไปให้ไอ้หัวหน้าคนที่เค้าชอบกอดจูบแล้วก็แสดงความเป็นเจ้าของ เค้าที่คงจูบผิวที่หน้าอก ขบเม้นมันเบาๆแล้วอีกคนก็ครางออกมา เสียงครางเบาๆพลางเอามือจิกลงไปที่แผ่นหลังนั้น จูบที่ดูดดื่มจนยากที่จะถอดถอน หรือแม้แต่การสอดใส่ที่รุนแรง ผมหลับตาแน่นตอนที่คิดถึงเรื่องราวพวกนั้นด้วยความโกรธ

“ ฟาน ฉันเจ็บนะ นายขยำหน้าอกฉันแรงเกินไปแล้ว " คนตรงหน้าผมบอก ตอนที่คลายมือออกเธอก็ผ่อนลมหายใจออกมา " คิดอะไรอยู่ คิดแค่เรื่องของฉันสิ "

“ โทษที " ผมว่า ก่อนจะจูบที่ริมฝีปากเธออีกครั้ง มือที่กอดเอวไล้ลงต่ำไปจนถึงช่วงก้น ปลดกางเกงที่สวมจนมันตกลงที่ข้อขา ลูบมือเข้าไปในกางเกงใน นวดก้นกลึงนั่นเบาๆก่อนจะใช้นิ้วแทรกเข้าไปที่ช่องทางหลัง

“ นี่! อย่านะ! ” เธอผลักตัวผมออก แววตาที่มองผมด้วยความตกใจ " นายจะเอาทางหลังนี่! ไอ้บ้าเอ้ย! แล้วบอกว่าเป็นไบได้ทั้งนั้น นี่มันเกย์ชัดๆเลยนี่หว่า ชิส์ " เสียงต่อว่าที่อีกคนวีนใส่ เธอดึงกางเกงขึ้นมาใส่ก่อนจะหันมามองหน้าผม " ฉันรู้ว่านายกำลังคิดถึงไอ้ผู้ชายคนนั้นที่มันมาตามง้ออยู่ เพราะงั้นถ้าคิดถึงมากก็ไปเอากับมันเลยสิวะ จะมาเอากับผู้หญิงทำไม ยังไงๆ มันก็บอกอยู่ว่าให้เอามัน ไอ้เกย์เอ้ย " มือที่ผละผมเบาๆ เธอเดินออกไปจากห้องปิดประตูเสียงดังผมก็ผ่อนลมหายใจออกมา ล้มตัวนั่งบนเตียงก่อนจะนอนลงช้าๆ มองดูเพดานในห้องมืดๆอยู่ๆน้ำตามันก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

   คิดถึงช่วงเวลาเก่าๆอีกแล้ว คิดถึงตอนที่เรามีความสุขด้วยกัน คิดถึงตอนที่ได้กอด คิดถึงตอนที่ได้รัก คิดถึงช่วงเวลาดีๆที่เรามีให้กัน ความทรงจำที่คล้ายกับหนามแหลมๆที่ปักลงบนเรือนร่างของผม ตอนที่ได้ฟังเค้าพูดว่าจะไป ผมที่คุกเข่าขอร้องยังไงเค้าก็ยังยืนยันจะไปอยู่ดี ไปกับคนที่เค้าชอบ คนที่ชอบเค้า คนที่แค่ดูตาก็รู้แล้วว่า คิดอะไรอยู่

   ความคิดโสโครกที่อยากจะได้ คนของผมจนตัวสั่น แต่ก็คงไม่ต่างกันกับคนของผมที่อยากจะได้เค้าจนตัวสั่นเหมือนกัน หวนคิดถึงตอนที่เจอหน้ากันแล้วเค้าพูดว่ารัก คำพูดที่ได้แต่ยกยิ้มขึ้นมา เพราะมันดูตอแหลที่ได้ฟังจนเกิดจนทนไหว คนที่รักกันมันไม่ทำกันแบบนี้หรอก คนที่รักกันเค้าคงคิดแคร์กันมากกว่านี้ แล้วที่สำคัญคงไม่คิดจะนอกใจตั้งแต่แรก

“ เมื่อไหร่จะลืมไปสักทีวะ " ผมพูดกับตัวเองออกมาตอนที่เช็ดน้ำตาที่กำลังไหล ไม่อยากจะเจอหน้าใครคนนี้อีกแล้ว ไม่อยากจะเจ็บปวดอีกแล้ว เจ็บปวดที่ต้องถูกทิ้ง เจ็บปวดที่ไม่ถูกรัก เจ็บปวดที่ต้องทนเห็นเค้ารักคนอื่น เจ็บที่ต้องหลอกตัวเอง หลอกว่าเค้ายังรัก ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงกันได้ เค้าชอบใครคนนั้นมานานจะทำให้รักเราทั้งหมดมันก็ยาก แต่ถ้ารักเค้ามากๆความรักที่เราให้มันต้องเติมให้อีกฝ่ายเต็มจนกลับมารักเราบ้างแน่นอน แต่ก็ไม่ใช่แบบนั้น ความรักมันไม่ง่ายขนาดนั้น ไม่รักก็คือไม่รัก ไม่ต้องพยายามอะไรทั้งนั้น  เพราะไม่ว่าจะคุกเข่าขอร้องยังไง เค้าก็ไม่มีวันรักหรอก จะตอนนี้หรือกลับไปก็ตาม

   พยายามลบภาพทั้งหมดที่ยังคงติดตา แววตาสั่นไหวของเค้าที่ร้องไห้ น้ำตาที่ไหลออกมาดูน่ารังเกียจในความรู้สึกของผม มันเหมือนคนที่แสดงละครทำให้ทุกอย่างดูน่าสงสาร แต่ก็ไม่ใช่ แววตาที่ต้องการผม คำพูดที่บอกว่ารัก  รักแต่กลับต้องการจะไปกับคนอื่น นั่นคือรักเหรอวะ เลิกโง่ได้แล้วฟาน มันแค่ต้องการกลับมาเอามึงไปเป็นของตายเหมือนเดิมนั่นแหละ ไม่มีใครรักมึงจริงยกเว้นตัวมึงเองหรอก โดยเฉพาะคนคนนั้น

   ครืน ครืน ครืน

   ผมหันไปมองโทรศัพท์ตัวเองที่มีสายเข้ามา มันเป็นสายของทามเพื่อนสนิท กดรับสายของเค้าก่อนจะถอดหายใจออกไปตามสาย " ว่าไง "

“ คุณคีย์ ต้องเย็บตั้งสองเข็ม เพราะน้ำแข็งที่มึงสาดใส่หน้าเค้าไป มันทำให้หัวเค้าแตก "

“ อย่างงั้นเหรอ " ผมพยักหน้ารับ ก็คิดว่าแรงอยู่เพราะตอนนั้นมันโมโหที่ถูกตบจนสุดจะทน ก็เลยคว้าเอาถังน้ำแข็งที่มีทั้งน้ำแข็งก้อนใหญ่ก่อนเล็กสาดเข้าไปเต็มหน้า แต่ที่ผิดคาดไปหน่อยคือไม่คิดว่าหัวจะแตก คงว่าแค่จะซ้ำเฉยๆ " แล้วไงละ "

“ แล้วไงละ " ไอ้ทามทวนเสียง " นี่มึงถามกูว่าแล้วยังไงละเหรอ มึงเข้าข่ายทำร้ายคนอื่นแล้วนะเว้ย แล้วยังไม่นับที่มึงผลักเค้าตกฟุตบาทอีก "

“ ทาม "

“ อะไร "

“ กูบอกให้มันมาเหรอ " ผมถามอีกคน " กี่ครั้งแล้วที่กูบอกว่าให้มันไปไกลๆ กี่หนแล้วที่บอกว่าอย่ามายุ่งกับกู กูพยายามไม่ยุ่งกับมันแล้ว แต่มันก็ยังมายุ่งกับกู มันรนหาที่ของมันเอง ในเมื่อกูเตือนมันแล้วว่ามันจะเจ็บตัว อย่ามายุ่งกับกู มันเสือกมายุ่งกับกูเอง อันนั้นมันช่วยไม่ได้ "

“  ไม่สงสารเค้าเลยเหรอวะ คนเคยรักกันแท้ๆ มึงเคยรักเค้ามากเลยนะเว้ย "

“ แล้วเค้าสงสารกูมั้ยวะ กูเองก็เคยเป็นคนรักของเค้าเหมือนกัน แล้วที่ผ่านมาเค้าเคยสงสารกูบ้างมั้ยวะ ที่เค้าทำกับกู ที่เค้านอกใจกู ที่เค้าไปกับไอ้เหี้ยนั่น กูใจดีแล้วนะมึง กูบอกดีๆแล้ว กูบอกตรงๆ อย่ามายุ่งกับกูนะ  แล้วมันเสือกมายุ่งกับกูทำไม "

“ ก็เค้ารักมึง มันก็ไม่แปลกที่เค้าจะมาง้อ มึงไม่น่าทำแบบนั้นกับเค้าเลยวะ "

“ ถ้าเค้ารักกู เค้าไม่นอกใจกูหรอก เค้าแค่เสียดายที่ตัวเค้าจะไม่มีกูไว้ใช้แล้วมากกว่า "

“ ถ้าแค่เสียดายจะยอมเจ็บขนาดนี้เลยเหรอวะ จะยอมให้มึงไล่เค้าเป็นหมูเป็นหมาแบบนี้เหรอวะ "

“ มึงดูห่วงเค้าจังนะ " ผมถามเพื่อนตัวเองที่ผ่อนลมหายใจออกมา " มึงจัดการเรื่องมันให้มาหากู นี่ก็คงพามันไปโรงพยาบาลอีกใช่มั้ยถึงรู้ว่ามามันเย็บกี่เข็ม "

“ ก็กูสงสารเค้า "

“ อยากได้มั้ยละ "

“ อะไร " อีกคนถามด้วยความน้ำเสียงที่ไม่เข้าใจ

“ คีย์น่ะ อยากได้มั้ย ถ้าอยากได้เอาไปเลยกูให้ แต่ระวังนะ มันชอบนอกใจแล้วก็ไม่ชอบไม่ชอบคนอายุน้อยกว่าด้วย แต่ถ้ามึงคิดว่าจะแค่เอา กูหลอกมาให้ก็ได้นะ ลองเอาก่อนถ้าติดใจก็ค่อยต่อ "

“ ไอ้เชี้ย กูไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น มึงเลิกคิดต่ำๆแบบนั้นเถอะ มันไม่ใช่ว่าทุกคนที่จะไม่เคยพลาด แล้วไม่ใช่ว่าทุกคนต้องมองใครแล้วอยากจะได้อยากจะเอาไปหมด ไอ้สัด กูแค่โทรมาบอกมึง ให้มึงรู้ซะบ้างว่ามึงกำลังทำอะไรอยู่ ไม่เจ็บปวดบ้างเหรอวะ คนที่มึงรักเจ็บขนาดนี้อะ กูเป็นคนนอกเป็นแค่คนนอกกูยังสงสารเค้าเลย "

“ ไม่นี่ ทำไมกูต้องสงสารละ กูสงสารตัวเองไม่ดีกว่าเหรอวะ " ผมถามอีกคน " เพราะถ้ากูจะต้องรักใครสักคน ต่อไปนี้กูจะรักตัวเอง " เพราะตอนที่มันถูกเอาไปหยิบยื่นให้คนอื่น เค้าไม่เคยเห็นค่า  แถมยังโยนทิ้ง เหยียบซ้ำ เหมือนมันไม่มีความรู้สึก ตอนนี้ถ้าต้องเอาความรักไปให้ใคร เห็นทีว่ารักตัวเองน่าจะดีที่สุด

“ ไอ้ฟาน "

“ ถ้ามึงจะโทรมาพูดแค่นี้ กูไม่อยากฟังวะ มันไม่ใช่เรื่องของกู มันรนหาที่เองมึงก็รู้ เจ็บก็ดี ทีหลังจะได้ไม่ต้องมาอีก ไม่อยากจะเห็นหน้า " กดวางสายนั่นลง ก่อนจะโยนไปให้พ้นตัวแล้วผ่อนลมหายใจออกมา นึกถึงหน้าที่เลือดไหลอาบในตอนนั้นก็เผลอคิดว่า มันลึกจนต้องเย็บแผลเลยเหรอวะ ผมยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะส่ายหน้า " สมน้ำหน้า ทีหลังจะได้ไม่ต้องเข้ามายุ่ง แล้วเรื่องนี้ก็ควรจบลงได้แล้ว " พลิกตัวเองหันกลับไปอีกทาง หยิบมือถือขึ้นมาดูหน้าจอสีดำที่ว่างเปล่า ไม่มีอะไรทั้งนั้น เห็นแค่เงาจากแววตาของตัวเองที่น้ำตากำลังไหลออกมาช้าๆ ทรมานจนอยากจะหายไปทั้งๆที่ก็เกลียด แต่ก็เจ็บ เจ็บจนไม่อยากจะทำอะไรอีกแล้ว ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่บนความทรงจำพวกนั้น

   อยากจะลบความทรงจำที่มีออก ผมอยากจะลืมทุกๆอย่าง ลืมว่าเคยรู้สึกรักใครคนนั้น คนที่ไม่เคยรู้สึกรักผมได้อย่างที่ผมรักเค้าเลย " ใช่..ผมควรจะลืมคุณได้แล้ว คุณคีย์ "

แต่ความทรงจำไม่ได้ถูกเขียนด้วยดินสอ มันไม่ได้ลบได้ง่ายขนาดนั้น
แม้หากจะใช้ยางลบ ลบมันออกไปได้หมด ก็ยังทิ้งคราบไว้ให้จำอยู่ดี ว่าเคยมีมันอยู่

........................................................

   ในเช้าวันเปิดเทอมแรกที่ยังไม่ค่อยมีคนมาเรียนเท่าไหร่ นักศึกษาที่ยังดูบางตาผมผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ เหม่อมองสิ่งรอบตัวไปอย่างไร้จุดหมายกำลังคิดถึง ใบหน้าของคนเมื่อคืนที่อาบไปด้วยเลือดและน้ำตา หลับตาลงช้าๆพยายามลืมภาพพวกนั้น  ยังไงก็ไม่ลืม ยังไงก็ยังคงเห้นใบหน้านั้นอยู่ในตา ยากกว่าการที่ทำให้รัก ก็คือการทำให้ลืมนี่แหละ ผ่อนลมหายใจออกมาอีกครั้งก่อนที่มือหนาจะจับเข้าที่ไหลแล้วเอ่ยทัก " มานั่งเหม่ออะไรคนเดียวต้องมีวะไอ้ฟาน "

" พี่คอม "

“ ได้ข่าวว่าเลิกกับแฟนแล้ว " คำถามที่ทำให้ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะพยักหน้ารับ " แต่ไหงมีคนบอกว่าเค้าเห็นแฟนมึงอยู่หน้าร้านเหล้าข้างม.เมื่อวาน แล้วยัง.."

“ อยากจะถามอะไรก็ถามมาเถอะวะ " ผมบอกอีกคนก็ก่อนเบือนหน้าไปทางอื่น เค้าก็ยิ้มออกมาแห้งๆ พี่คอมเป็นรุ่นพี่คนสนิทเป็นพี่รหัสในคณะ เมื่อวานคงมีเพื่อนเค้าเห็นผมก็เลยไปเล่าให้เจ้าตัวฟัง แล้วเจ้าตัวก็คงคิดอยากจะมาถามผมกับปากด้วยความอยากรู้เหมือนทุกที

“ เมื่อวานเพื่อนกูไปกินเหล้าที่ร้านเหล้าข้างม. แล้วเพื่อนกูก็บอกว่าเจอมึง กำลังยืนด่าแฟนมึงอยู่ แล้วคนคนนั้นก็มีเลือดอาบหน้าด้วย แถมมันยังเล่าว่ามึงผลักเค้าจนกระเด็นเลย จริงเหรอวะ กูบอกเพื่อนกูว่ามึงไม่น่าทำแบบนั้น มึงทำแบบนั้นเหรอวะ "

“ อื้ม ผมทำ " ตอบรับอีกคนที่ก็นิ่งมองผมสักพัก " ทำไม "

“ ก็เปล่าหรอก กูเห็นมึงรักเค้ามาก ไม่น่าจะเลิกกัน "

“ รักมากก็เกลียดมากได้ ไม่แปลกหรอกพี่ ถ้าเค้าทำให้เราเจ็บ เราก็เกลียดเค้าได้ " ไม่มีคำถามที่จะถามต่อ พี่คอมนั่งมองผมอยู่สักพัก มือของเค้าที่ยื่นมาตบไหล่ผมเบาๆ เหมือนปลอบ ในตอนนั้นเพื่อนสองคนทั้งไอ้ชินแล้วไอ้ทามก็มาถึงพอดี พวกมันที่นั่งลงร่วมโต๊ะก้มหน้าทักรุ่นพี่คอมที่ก็เอ่ยทักมัน

“ ว่าไงพวกมึง เมื่อวานเป็นไงกูได้ข่าวว่าดราม่าก่อนเปิดเรียนเลยสินะ "

“ อื้ม ก็ไอ้เชี้ยฟานนะสิ มันจะไล่เค้าอยู่ท่าเดียว แต่มึงก็ไล่เค้าแรงไปนะ ทำให้เลือดตกยางออกแบบนั้น " ไอ้ชินบอก

“ ก็ดี จะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายวายกับกูอีก " ผมบอกสั้นๆ ไอ้ทามก็ถอนหายใจออกมา

“ แต่จะจริงเหรอวะ ที่มึงบอกว่าเค้าจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับมึงอีก แล้วถ้าเค้ากลับมาอีก คราวนี้มึงจะทำยังไง ฆ่าเค้าเลยมั้ย พอเค้าตายเค้าจะได้ไปให้พ้นๆจากชีวิตมึงไง ทำไมวะมันรกสายตามึงมากเหรอ แค่เค้ามาง้อเอง "

“ เออ!! มันรกมาก!!  รกจนกูอยากจะตายไปให้พ้นๆจากมันอยู่แล้ว เพราะ รกสมอง รกความรู้สึก รกจนกูไม่อยากจะเจอมันอีกแล้ว "

“ ที่ไม่อยากจะเจอ เพราะกลัวว่าต้องกลับไปใช่มั้ย เพราะมึงก็ยังรักเค้าอยู่แต่แค่ปากแข็งแล้วก็คิดว่า ไม่อยากจะเจ็บอีก "

“ แล้วจะทำไมวะ ถ้ากูคิดแบบนั้น " ผมมองหน้าอีกคนที่ก็จ้องหน้า ไอ้ทามถอนหายใจออกมา

“ งั้นมึงก็พูดกับเค้าดีสิวะ ไปนั่งฟังปรับความใจแล้วบอกเลิกกันดีๆ ไม่ใช่เอาแต่อารมณ์ ถ้ามึงเอาแต่อารมณ์เค้าก็คิดว่ามึงแค่โกรธไม่ได้อยากจะเลิกจริงๆ ถ้าอยากจะเลิกจริงๆ คุยด้วยสติ กูว่าเค้าน่าจะเข้าใจนะ "

“ มึงพูดเหมือนมึงไม่รู้ว่ากูพูดแล้ว กูพูดไปหมายครั้งแล้ว ทั้งแบบดีๆ แบบไม่ดี แต่มันก็ไม่ฟังเอง "

“ ก็เพราะเค้ารักมึง "

“ แค่เสียดายมากกว่า เค้าไม่ได้มีความรู้สึกแบบที่กูมีให้เค้าหรอก คนแบบนั้นน่ะ "

“ แล้วถ้าวันนี้เค้ากลับมาง้อมึงอีก มึงจะทำยังไง " ชินถาม ผมถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะตอบอะไร มันไม่มีคำตอบให้กลับคำถามนั้น เหนื่อยที่จะพูดแล้วแต่ถ้าพูดออกไปด้วยเหตุผลก็ไม่รู้จะทำให้อีกคนหยุดแล้วเลิกไปได้มั้ย ' ผมแค่ไม่อยากจะเห็นหน้าคุณ จะได้ลืมคุณไปได้สักที '

“ กูไม่รู้ " ลุกขึ้นจากที่นั่งตอนที่ถอนหายใจทิ้งเหนื่อยๆกับเรื่องทั้งหมด ยกแขนขึ้นดูเวลาอีกไม่นานก็จะเข้าเรียนคาบแรก

   ตัดสินใจเดินออกไปจากโต๊ะด้วยความรู้สึกเบื่อๆ คิดถึงคำพูดที่อีกคนพูดแล้วก็อธิบายให้ฟังก็ได้แต่คิดแต่ไม่อยากเชื่อ และสนใจในสิ่งที่อีกคนพูดเท่าไหร่ โดนหลอกมาหลายครั้งแล้ว ไม่อยากจะเชื่ออะไรอีก ต่อให้ใครบอกว่าปิดหู ไม่ยอมรับฟัง ก็ยอมรับแบบนั้นเพราะไม่อยากจะเจ็บปวดอีก คนรักที่ไม่ดีก็เหมือนเนื้อร้ายตัดๆไปดีกว่า เพราะไม่รู้จะเจ็บปวดซ้ำๆไปอีกทำไม

   หยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าขึ้นมาเปิดดู ตัดสินใจกดส่งข้อความไปหารุ่นพี่คนสนิทที่นั่งคุยกันอยู่ด้วยเมื่อครู่ ' ผมมีอะไรจะคุยด้วยหน่อย ' บอกสถานที่ที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้นให้เค้าไป ตอนที่เก็บโทรศัพท์มือถือแล้วยืนรอสักพักไม่นานคนที่อยากเจอก็เดินเข้ามา

" มีอะไร ถึงเรียกกูมาคุยส่วนตัวขนาดนี้ "

" จะปรึกษาหน่อย "

" ถ้ากูเดาไม่ผิดก็เรื่องของแฟนเก่ามึงใช่มั้ย ทำไมจะให้กูทำทีเป็นแฟนมึงแล้ว ไล่มันไปเหรอ " ผมมองหน้าคนที่พูดออกมาแบบนั้นก่อนจะถอนหายใจออกมา ไม่ได้ดูหน้าตาตัวเองเลยให้ตายเถอะ " โอเค กูขอโทษนะฟานที่กูไม่ดูตัวเองแต่อย่าเหยียดกูขนาดนั้น เจ็บปวดจริงๆ "

“ ผมแค่ไม่อยากจะให้เค้ามายุ่งกับผมอีก พี่พอมีวิธีมั้ย "

“ มึงทำอะไรไปแล้วบ้างละ "

“ ด่าแล้ว ไล่แล้ว ทำให้เจ็บตัวแล้ว ไม่รู้ว่าวันนี้จะมาอีกรึเปล่า แต่อยากจะให้หยุดมาสักที "

“ เพื่ออะไรวะ " เค้าถาม " เพราะมึงลืมเค้าไม่ได้ใช่มั้ย ถ้ายังเห็นหน้าอยู่ แบบนั้นก็เรียกว่า ยังรักอยู่ปะวะ " ผมเงียบไปไม่ตอบคำถามอะไรอีกคน พี่คอมยืนมองผมอยู่สักพักก่อนจะถอนหายใจออกมา " ก็ทำให้มันมากกว่าที่เคยทำสิ ก็เพิ่มเลเวลขึ้นไป จากที่ทำห้เจ็บ คราวนี้ก็ทำให้กลัว "

“ พี่มีเพื่อนที่สนิทแล้วไว้ใจได้สักสองคนมั้ย "

“ ทำไม "

“ ถ้าลองฉุดไปทำเป็นจะปล้ำ หนหน้าเค้าจะกล้ามาอีกมั้ย "

“ ไอ้ฟานนี่มึง..” อีกคนหันมาเบิกตากว้างใส่ผม เพราะคงคิดไม่ถึงที่ผมจะพูดคำพูดพวกนั้นออกมา

“ ทำไม มันน่ากลัวไปเหรอ "

“ กูแค่ไม่คิดว่ามันจะออกมาจากปากมึง มึงไม่ใช่คนระยำที่คิดอะไรแบบนั้นได้ อีกอย่างมึงรักเค้ามาก แต่มึงจะทำลายความรู้สึกของเค้าขนาดนั้นเลยเหรอวะ มึงต้องทำให้เค้ารู้สึกแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ มันไม่ใช่แค่เรื่องที่จะลืมกันง่ายๆนะเว้ย มันอาจจะติดอยู่ในความรู้สึกเค้าไปตลอด "

“ เหมือนอย่างที่มันกำลังติดอยู่ในใจของกูตอนนี้รึเปล่า " ผมหันไปถามอีกคน " มันจะเหมือนอย่างที่ว่ามันนอกใจผมแล้ว แล้วทำให้ผมเจ็บอยู่เหมือนอย่างตอนนี้รึเปล่า "

“ ไอ้ฟาน "

“ กูพยายามจะลืมมัน พยายามที่จะไม่ยุ่ง พยายามอย่างที่สุดที่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยที่ไม่มีมัน กูแค่อยากให้มันเลิกยุ่งกับกูสักที ปล่อยกูไปได้แล้ว กูทรมานวะ การที่กูต้องมาเห็นหน้าคนที่กูรัก ร้องไห้ อ้อนวอน เจ็บปวด กูก็เจ็บเหมือนกันแต่จะให้กูกลับไปหาคนที่เค้าทำร้ายกู นอกใจกู มันใช่เหรอวะ มันบอกจะไม่ทำอีก จริงเหรอวะ ถ้ามันเจอใครที่ชอบอีกแล้วก้นอกใจกู กูต้องเจ็บปวดแบบนี้ซ้ำเหรอวะ  กูแค่อยากมีชีวิตใหม่ ไม่ได้เหรอ ทำไมต้องมาให้กูเห็นหน้าด้วยวะ สงสารกูบ้างเถอะ พอสักทีได้แล้ว กูทรมาน มันทรมานจริงๆนะเว้ย กู..” น้ำตาของผมที่ไหลออกมาเบือนหน้าหนีคนที่กำลังมองดูอยู่ในตอนนั้น

   ทุกอย่างในอกมันบีบรัด และเจ็บปวดคิดถึงสีหน้าที่อีกคนร่ำร้องออกมาตลอดเวลา ก็ได้แต่พยายามลืมแล้วใจแข็งกับสิ่งที่เห็น เพราะทุกอย่างมันก็แค่การแสดงที่ไม่รู้จะจริงรึเปล่า รักกันจริงๆอย่างที่บอกเหรอวะ แล้วถ้าเป็นอย่างงั้นจริงๆ ทำไมนอกใจกันได้ละ นี่แหละที่ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคนที่บอกว่ารักกันถึงทำกันได้

“ กูไม่อยากจะให้มึงทำแบบนั้น กูหาคนที่ไว้ใจให้มึงได้ก็จริง เราไม่ทำอะไรเค้าก็จริง แต่ถ้าจะให้กลัวด้วยการกระทำแบบนั้นกูว่ามัน..”

“ แย่ไปเหรอ "

“ เหี้ยมากกว่า ไม่ใช่แค่แย่หรอก " อีกคนบอก " มันจะไม่ใช่แค่เค้ากลัวที่จะมาหามึง แต่เค้าจะเกลียดมึงไปเลยก็ได้ ถ้าเค้ารู้ว่ามึงทำ "

“ อย่างงั้นเหรอ "

“ อื้ม "

“ งั้นก็หาคนมาให้สักสองคนสิ "

“ ไอ้ฟาน " พี่คอมให้มามองหน้าผมก่อนจะถอนหายใจ

“ วันนี้ถ้ามันมากูจะชวนมันไปที่ร้านเหล้า พี่ก็บอกให้สองคนนั้น ส่งสายตาอยากจะเอามันสักหน่อย เดี๋ยวกูส่งให้เอง แล้วพอแยกย้าย ถึงตอนนั้นก็ค่อยให้ไอ้สองคนไปจัดการมันก็แล้วกัน เอาแค่ขู่นะ อย่าให้ทำจริงล่ะ เอาแค่วิ่งหนีไปแล้วจะไม่กลับมาให้กูเห็นหน้าได้เลยก็พอ "

“ ไอ้ฟานนี่มึงฟังกูบ้างรึเปล่าวะ กูบอกมึงว่า  ถ้ามึงทำงั้น เค้าจะเกลียดมึงไปเลยนะเว้ย เค้าจะไม่อยากเข้าใกล้มึงอีก ต่อไปถ้ามึงคิดจะกลับไปหาเค้า มึงจะกลับไปหาเค้าไม่ได้แล้วนะ เพราะเค้าเกลียดมึงไปแล้ว "

“ นั่นแหละที่กูต้องการ " ผมบอกอีกคนสั้นๆ " กูไม่อยากให้มันเข้ามาใกล้กูอีก และกูก็ไม่อยากจะกลับไปโง่ซ้ำๆอีก ถ้าจากด้วยกันดีๆไม่ได้ ก็ให้เกลียดกันไปเลย "

 ........................................................

เจ็บจนหายใจไม่ออก ทั้งเกลียด  ทั้งเสียใจ
ระคนไปหมด เหมือนคนโซซัดโซเซ ที่ไม่รู้จะระบายความรู้สึกเจ็บปวดนี้ไปลงที่ไหนที่ดี
จะทำยังไงดี ให้หายเจ็บปวด เป็นเด็กจริงๆนั่นแหละ
เด็กที่เพิ่งเรียนรู้ว่า สิ่งที่ทุ่มเท ไม่ได้มีผลลัพธ์ที่ดีเสมอไป
น้องฟานจะเติบโตขึ้น จากเหตุการณ์นี้แน่

และอาจจะเสียใจอย่างที่สุดกับสิ่งที่ตัดสินใจไปแล้วก็ได้ เชือกที่คิดจะตัดแต่กลับไปผูกมันไว้ให้แน่นขึ้น

#สปอยสุด
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่ะ
หนมมี่ผู้ใสซื่อ
 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:

 
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: pim14 ที่ 20-11-2016 20:51:33
ฟานแก้แค้นเกินไปนะคราวนี้ เราว่าความผิดของคีย์ก็ไม่ได้ถึงกับขั้นต้องทำขนาดนี้ หรือจริงๆเพราะฟานคิดเองเออเองว่าคีย์ไปนอนกับหัวหน้ามาแล้วก็เลยเจ้าคิดเจ้าแค้นเกินเหตุ นี่ทำคีย์เจ็บตัวถึงขั้นต้องเย็บแผลยังไม่คิดจะเป็นห่วงเลยสักนิด หึหึ คำใบ้ที่คนแต่งบอกว่าการคิดแค้นคราวนี้จะยิ่งผูกให้ฟานยิ่งแก้เชือกที่ผูกกับคีย์ไม่ออก น่าจะแปลว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะพลิกกลับทำให้คีย์คงต้องถอดใจ แล้วฟานนั่นแหละที่จะรู้สึกผิดและยิ่งถ้ารู้ความจริวเรื่องไอหัวหน้ามันคือจอมวางแผน ฟานจะคิดได้เมื่อสายรึป่าว คดีจะพลิกรึป่าว มันส์ล่ะคราวนี้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 20-11-2016 21:08:15
ถ้าฟานทำแบบนั้นจริงเรานี่เตรียมย้ายข้างเลย   แค่ตอนจะโดนอิหัวหน้าปล้ำคีย์ก็สติหลุดพอแรงถ้างานนี้มาโดนมารับรุ้ว่าฟานเป็นคนส่งให้ตัวเองต้องไปเจอเหตุการณ์แบบนั้นอีกคราวนี้เราว่านางคงถึงขั้นสติแตก งานนี้ขอเตรียมข้าวของย้ายข้างไปฝั่งคีย์แปป?..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 20-11-2016 21:19:39
สปอยล์ตอนต่อไปของคุณหนมชวนกลัวเลยค่ะ  :hao5:
มีลางสังหรณ์ไม่ดี กลัวว่าทำตามแผนแล้วจะพลาดจริง... ฟานพลาด คีย์พลาด
งานหนักแน่ฟาน  :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 20-11-2016 21:25:08
ฟานก้เป็นเด็กอยู่ดีนั้นแหละ
เฮ้อออ

อยากให้พี่เมษ หรือลิป มาคุยกับฟานจัง
ไอ้รุ่นพี่ก้....พยายามแล้ว แต่มันไม่ฟัง
ฟานก้ดื้อ ดื้นด้วยนิสัยของฟานอยู่แล้ว ตั้งแต่ตอนตื้อ

ถ้ามั่นใจว่าทำไปแล้ว คีย์หนีไป เกลียด แล้วตัวเองจะไม่เสียใจก้ทำไปเถอะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 20-11-2016 21:34:07
ทำไมอ่านแล้วสงสารคีย์ 
ฟานดูไม่ใช่รักมากเกลียดมาก แต่ดูเป็นอาฆาตมาก
กลัวฟานนนนนนน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-11-2016 21:35:19
เราจะกล้าอ่านตอนต่อไปไหม
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-11-2016 21:51:15
ถ้าฟานทำแบบนี้ เราว่าต่อไปก็ไม่ต้องกลับมารักกันอีกแล้วนะ ต่างคนต่างไปเถอะ :hao3:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 20-11-2016 21:57:34
เราว่าคีย์มีสิทธิ์ที่จะมีปัญหาทางจิตถ้าโดนทำอย่างนั้น คนเรารับอะไรมากๆ ในเวลาเดียวกันไม่ได้หรอก เรายอมรับว่าเกลียดคีย์ที่นอกใจ และเข้าข้างฟานมาตลอด แต่ฟานทำอย่างนี้เราคิดว่าโง่มาก มันไม่ใช่แค่ไม่จบแต่อาจถึงขั้นเป็นคดีความตัดอนาคตตัวเอง คิดน้อยสุดท้ายเป็นตัวเองที่เสียใจที่สุด

น่าจะคุยกันดีๆ คนเราไม่เอาเสียอย่างใครจะทำอะไรได้ สู้อยู่นิ่งๆ เฉยชาแบบสง่างามไม่ดีกว่าเหรอ

แต่ก็นั่นแหละ เรื่องนี้ไม่เน้นความสมบูรณ์แบบเพราะอย่างนั้นตัดไปได้เลยเคะเมะในฝัน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: tksr ที่ 20-11-2016 22:24:24
ฟานทำไม่ถูกตั้งแต่ทำร้ายร่างกายแล้วนะ จริงอยู่ว่าคีย์ผิด แต่ผิดขนาดนั้นเลยหรอ

คนที่ต้องเสียที่สุดต้องเป็นฟานแน่
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 20-11-2016 22:38:06
เกินไปแล้วนะฟาน :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 20-11-2016 22:49:27
นังฟาน เด็กบ้า สงสารคีย์แง่งงงงง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 20-11-2016 23:42:03
เข้าใจว่าฟานเสียใจ และอยากให้ลิปไปๆสักที
แต่แบบนี้มันมากเกินไป
คิดอะไรตื้นๆ คิดแค่ว่าทำยังไงก็ได้ให้คีย์ไม่มายุ่ง
ฟานเด็กจริงๆ ที่ผ่านมานางแค่พยายามโต
หากสุดท้ายพลาด คีย์จะโดนข่มขืนเข้าจริงๆ
อยากรู้ว่าคนที่พยายามผลักไสขนาดนี้
จะทำใจมองเฉยๆได้ไหม
 :mew4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: seii ที่ 20-11-2016 23:57:16
อีฟานมันยังเด็กไปจริงๆ นั่นเเหละ ตั้งเเต่เรื่องงานคีย์เเล้ว
ถ้าทำจริงๆ อยากให้คีย์ไปเลย หายหัวไปซะ
ถ้าฟานมันทำเหมือนที่เพื่อนเเนะนำคือจับเข่าพูดให้เลิกกันดีๆ
ก็น่าจะจบ เเต่นางก็นะ... "เกลียด"คีย์มาก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 21-11-2016 00:06:47
โหหหหหห ถ้าฟานทำลงไปจริงๆนี่แบบ หมดคำจะพูดเลย  :m31:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 21-11-2016 00:15:39
ร้องไห้เลย
ฮือออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Bingpao ที่ 21-11-2016 00:39:36
ถ้าคีย์โดนข่มขืนจริงๆแล้วคิดสั้นขึ้นมา คนที่เสียใจที่สุดก็คงเป็นฟาน ฮืออ ไม่กล้าอ่านต่อออ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 21-11-2016 03:46:52
คำพูดฟาน เดี๋ยวผมเดี๋ยวกู คือเข้าใจว่าอารมณ์ขึ้นนะเวลาพูดเรื่องคีย์ แต่พอประโยคถัดมาอารมณ์ลงแล้วมันเลยดูแปลก ๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 21-11-2016 07:56:36
หวังว่าคงไม่ต้องให้ถึงมือลิปหรอกนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Supak-davil ที่ 21-11-2016 08:43:21
ตั้งแต่เริ่มอ่านมา
แต่ละเม้นท์น่ากลัวกว่าเนื้อเรื่องอีก
ขอบคุณคนเขียน
ขอบคุณคนอ่าน
สนุกทั้งเนื้อเรื่องทั้งคอมเม้นท์เลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 21-11-2016 10:14:04
ตอนแรกชอบฟานมาก ๆ หมั่นไส้คีย์ แต่หลัง ๆ ไม่ชอบสิ่งที่ฟานทำ ยอมรับว่าคีย์ผิดที่คิดนอกใจ แต่สิ่งที่ฟานตอกกลับเราว่าร้ายแรงกว่ามาก ฟานทำร้ายร่างกาย มีไรกะชะนี
(ที่ยังไม่มีไรกันเป็นเพราะ ลืมตัวจะเข้าทางข้างหลังเลยโดนชะนีเมิน) จะล่อลวงแฟนไปให้เพื่อน(ทาม) มีไรด้วย สุดท้ายร้ายแรงสุด ถึงขนาดจัดฉากให้คนมาข่มขืน

ความจริงเราก็ไม่ชอบตั้งแต่ที่ให้เลือกเรื่องงานกับความรักแล้ว ตรงนี้เราว่าคีย์ไม่ผิด ไม่ใช่ว่าคีย์เลือกหัวหน้า แต่คีย์เลือกงาน เราทำงานแล้วเราเลยรู้ว่า งานมันหายาก
นึกจะออกใช่ว่าจะออกได้เลย เราเองเคยโดนครอบครัวแฟนให้ออกจากงานมาทำงานกะเค้า เรายังไม่กล้าออกเลย กลัวอนาคตเกิดเลิกกะแฟนหรือแฟนเสียชีวิต ทั้ง ๆ ที่เรา
แต่งงานแล้วนะ มันเป็นระบบกงสีงัย เรายังไม่กล้าเสี่ยงเลย แล้วคีย์จะไม่ยิ่งกลัวกว่าเราเหรอ (อีนี่ก็อินจริง)

ถ้าฟานยังคิดจะให้คนมาข่มขืน แม้จะแค่ขู่ เราว่า คีย์ควรรู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจากใคร และจากไปอย่างสวย ๆ ถึงจะสติแตกและเสียใจ แต่อย่าได้แคร์ เราจะเข้าข้างนาง
อย่างเต็มที่ หาผู้ใหม่แซ่บ ๆ เลยค่า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 21-11-2016 11:12:12
เป็นทางที่ไม่ฉลาดเลยค่ะฟาน มีสติกว่านี้นะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 21-11-2016 23:53:52
เป็นเรื่องแรกที่เกลียดนายเอกจริงๆ

สงสารฟาน ต้องไปอยู่ในจุดของฟานจริงๆ

เราอ่านเรื่องสองมุม แต่ฟานไม่ใช่คนอ่าน

รับรู้ด้านเดียว เป็นเรานะน่วมกว่านี้อีก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 22-11-2016 00:29:19
อ้าวระวังคีย์เป็นบ้าประสาทก่อนนะ
โดนคนจะข่มขืนมันน่ากลัวจริงๆนะ หลอนไม่กล้าเข้าใกล้ใครเลยล่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: oilk ที่ 22-11-2016 10:51:26
ตอนแรกชอบฟานมาก ๆ หมั่นไส้คีย์ แต่หลัง ๆ ไม่ชอบสิ่งที่ฟานทำ ยอมรับว่าคีย์ผิดที่คิดนอกใจ แต่สิ่งที่ฟานตอกกลับเราว่าร้ายแรงกว่ามาก ฟานทำร้ายร่างกาย มีไรกะชะนี
(ที่ยังไม่มีไรกันเป็นเพราะ ลืมตัวจะเข้าทางข้างหลังเลยโดนชะนีเมิน) จะล่อลวงแฟนไปให้เพื่อน(ทาม) มีไรด้วย สุดท้ายร้ายแรงสุด ถึงขนาดจัดฉากให้คนมาข่มขืน

ความจริงเราก็ไม่ชอบตั้งแต่ที่ให้เลือกเรื่องงานกับความรักแล้ว ตรงนี้เราว่าคีย์ไม่ผิด ไม่ใช่ว่าคีย์เลือกหัวหน้า แต่คีย์เลือกงาน เราทำงานแล้วเราเลยรู้ว่า งานมันหายาก
นึกจะออกใช่ว่าจะออกได้เลย เราเองเคยโดนครอบครัวแฟนให้ออกจากงานมาทำงานกะเค้า เรายังไม่กล้าออกเลย กลัวอนาคตเกิดเลิกกะแฟนหรือแฟนเสียชีวิต ทั้ง ๆ ที่เรา
แต่งงานแล้วนะ มันเป็นระบบกงสีงัย เรายังไม่กล้าเสี่ยงเลย แล้วคีย์จะไม่ยิ่งกลัวกว่าเราเหรอ (อีนี่ก็อินจริง)

ถ้าฟานยังคิดจะให้คนมาข่มขืน แม้จะแค่ขู่ เราว่า คีย์ควรรู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจากใคร และจากไปอย่างสวย ๆ ถึงจะสติแตกและเสียใจ แต่อย่าได้แคร์ เราจะเข้าข้างนาง
อย่างเต็มที่ หาผู้ใหม่แซ่บ ๆ เลยค่า

ขออยู่ทีมเดียวกับคุณเจเจจังค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 22-11-2016 17:23:47
โหยยย ฟานทำเกินไปนะ รู้ว่าคีย์ผิด แต่เค้าก็สำนึกแล้วนี่
ทำร้ายร่างกายกันไม่พอ นี่ยังคิดที่จะทำร้ายจิตใจคีย์ด้วยวิธีเหี้ยๆแบบนี้จริงๆเหรอฟาน
จะทำจริงๆเหรอ?
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 23-11-2016 21:24:03
เอาเลยฟาน ทำเลย แม้ว่าสิ่งที่กำลังจะทำมันจะเกินไปปานกลาง ก็ตามแผนนั้น ถ้าคิดว่าทำแล้วเขาจะเกลียด ⏩ เอาคืนครั้งนี้กับนอกใจครั้งนั้น ต่างคนต่างก็ได้ทำร้ายจิตใจกัน - ลบ + - ลบ ถ้ายังรักกัน จะให้อภัยกันได้ไหม รักมากพอไหมที่จะมองผ่านความผิดของแต่ละคนไป  >> โอเคคคคคค คู่นี้ดูไปก็เหมาะสมกันดีนะ อย่าปล่อยให้สองคนนี้ไปรัก/เริ่มกับคนอื่นเถอะ คู่สร้างคู่สมแล้ว 555555555 ⏩ คีย์ก็ได้รู้ความรู้สึกที่ทำร้ายแฟน ฟานเองก็เช่นกันทำร้ายจิตใจแฟนมันเป็นแบบนี้นี่เอง มันไม่โอเคสักนิด ต่างคนก็ต่างเป็นทั้งคนทำและถูกกระทำ เพราะงั้นคงเข้าใจดี เลิกทำร้ายกัน จะจากไปหรือกลับมา ต่อจากนี้ไม่ว่าเลย พอหักล้างกันได้ อิอิ!! //ถ้าจะกลับมาคีย์ได้รู้จริงไปอีกแบบ เข็ดจนตายอ่ะ หึหึ!! // รอๆตอนต่อไปค่ะ จะเอายังไงก็มาว่า รอดู๊วววว #ฟานคีย์
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 23-11-2016 22:17:43
ทุเรศไปไหมความคิดคนคนนี้ ?
ฝ่ายคีย์ผิดที่มันนอกใจอ่ะจริง ผิดโครตๆ
แต่ ถึงขนาดวางแผนเลวๆแบบนี้  สามัญสำนึกตัวพระเอกดูท่าจะไม่มี
เออ ขอให้คีย์โดนแม่งเหอะ จะได้หมดเวรหมดกรรม ความคิดแม่งเลวดี
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 23-11-2016 23:03:36
ค้างงงงงงงง ต่อด่วนน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Palita08 ที่ 24-11-2016 21:24:30
อยากอ่านต่ออออออ. ค้างแบบจะขาดใจแล้วคร่าาาาาาา :ling1: :ling1: :ling1:   ตอนแรกหมั่นไส้คีย์ตอนนี้สงสานอะ :sad4: :sad4: ถ้าแผนที่คิดมันผิดพลสดขึ้นมา ฟานจะทำไง ฮือออออออ. ต่อออออออออพลัสสสสสสส :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 51 ' กลัว ' UP - 25.11.59} หน้า 29
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 25-11-2016 20:31:22



**ตอนนี้มีเนื้อหาที่ไม่ดีนัก ใครเครียด จิตตก ขี้กังวล แนะนำให้อ่านวันอาทิตย์ เพราะจะได้อ่านสองพาสพร้อมกัน**

ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 51
' กลัว '

“ คีย์ " เสียงเบาๆที่เรียกผมในเช้าวันใหม่ของการทำงาน ตอนที่หันไปมองตามเสียงนั้น ผมยิ้มให้เค้าแก้เก้อเพราะรู้อยู่แล้วว่าอีกคนจะถามอะไรต่อจากนี้ ลิปขมวดคิ้วน้อยๆก่อนจะเอื้อมมือมาจับที่แผลตรงหน้าผากของผม แต่ผมก็ถอยหลังหนีเพราะกลัวเจ็บ  " นั่นไปโดนอะไรมา ทำไมถึงมาทำงานสภาพนั้น หัวแตกเหรอ แล้วมือไปโดนอะไรมา " คำถามมากมายจากเพื่อนร่วมงานที่คว้ามือผมไปพลิกดูก่อนจะเงยหน้าขึ้นถาม " ฟานทำเหรอ "

“ เปล่าหรอก ฉันแค่เดินไม่ทันระวังเอง พอดีคนมันเยอะก็เลยถูกเบียดจนตกถนน "

“ เดินตกถนน" อีกคนทวนคำพูดด้วยหน้าตาที่ไม่เชื่อกันเท่าไหร่  " เดินตกถนนเพราะมีคนมาชนแล้ว หัวก็ไปกระแทกอะไรสักอย่าง อย่างแรงจนทำให้หัวแตก ถูกต้องมั้ย " ผมไม่ตอบอีกคนก็ถอนหายใจออกมา " นี่นายไม่ต้องพยายามปกป้องไอ้เด็กนั่นหรอก ฉันดูออกอยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้านายตกถนนจริงด้วยสภาพแบบนี้ ถนนของนายคงต้องตกลงมาจากถนนที่สูงสักเมตรสองเมตรแหละฉันว่า ถึงทำให้หัวแตกได้ "

" ฉัน พอดีฉันเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นน่ะ ก็เลยโดนถังน้ำแข็งสาดใส่หน้า " ตอนแรกก็ไม่รู้สึกเลยว่ามีเลือดไหลออกมา ตอนนั้นมันเย็นมาก ความรู้สึกแรกคือชาไปทั้งหน้า ก่อนจะเหลือบมองที่หางคิ้วตัวเองแล้วรู้สึกว่ามีอะไรแดงๆไหลออกมา พอเอามือแตะๆแล้วเอามาดูให้ชัดก็พบว่าเป็นเลือดจริงๆ สีหน้าตอนฟานเห็นเลือดของผม แววตาตกใจที่เบิกตาน้อยๆแต่ก็เปลี่ยนมาเป็นหงุดหงิดเหมือนเดิมอย่างที่เป็น

" เอาจริงๆนะ สภาพนายตอนนี้มันไม่ต่างอะไรจากศพเดินได้เลยฉันจะบอกให้ ตาก็บวม หน้าตาก็ดูไม่มีแรง หัวก็แตกแถมนี่อะไร  มีผ้าพันแผลพันอยู่ที่มือทั้งสองข้างอีก ยังไหวอยู่รึเปล่าวะ  ไม่ไหวก็พอเถอะ ไม่ต้องไปง้อมันแล้ว ที่ฉันบอกว่าถ้าเค้าสำคัญก็ให้ไปง้อ คือไปง้อก็จริง แต่ไม่ใช่ให้เค้ามาทำร้ายร่างกายแบบนี้ เลิกเถอะ พอได้แล้ว เค้าไม่รักก็อย่าไปฝืนเค้า "

“ แต่ฉันอยากจะได้เค้าคืนมาจริงๆนะ " ผมเม้มริมฝีปากตอนที่บอกอีกคนที่ก็ได้แต่เบือนหน้าหนีความคิดของผม "  ฉันอยากจะอธิบายให้ฟานฟัง เค้ากำลังเข้าใจฉันผิด เค้าไม่ได้ไม่รักฉันลิป แต่ฟานแค่กำลังโกรธ โกรธมากๆจนไม่ยอมฟังอะไรฉันเลย เพราะงั้นถ้าฉันไปหาเค้าทุกวัน เค้าต้องใจอ่อนแล้วยอมฟังฉันบ้างสิ เรื่องมันไม่ใช่อย่างที่เค้าคิด แล้วเรื่องแผลพวกนี้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฟานหรอก ฉันผิดเอง ฉัน..ซุ่มซ่ามเอง "

“ สารภาพมาเถอะ อย่าโกหกเลย แววตานายตอนนี้มันบอกฉันหมดแล้ว เก็บไว้โกหกคนอื่นเถอะ " มือที่เอื้อมมือจับมือของผม ฝ่ามืออุ่นๆที่บีบรัดเบาๆ " คีย์ ไม่อยากจะระบายมันออกมาบ้างเหรอ ฉันจะรับฟังนายเองนะ เผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้น อยากจะร้องไห้มั้ย "

   ทำไมแค่คำพูดที่บอกว่า ' อยากร้องไห้มั้ย ' ถึงมีอิทธิพลมากขนาดนั้น ทั้งๆที่ร้องไห้ทุกวันจนเหนื่อย และไม่อยากจะร้องไห้แล้วแต่ตอนนี้พอคนตรงหน้าถามแบบนั้นมันกลับรู้สึกว่าอุ่นจนน้ำตาไหลออกมาเสียเฉยๆ มือที่เอื้อมมือกอดหลังผมปลอบๆไม่มีอะไรดีไปกว่ากว่านี้อีก เหมือนมีคนกำลังเข้าใจ เหมือนมีใครสักคนที่อยู่ข้างๆ 

“ เมื่อวาน ฟานเค้าไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นแล้วละ ทั้งๆที่ฉันขอร้องยังไงเค้าก็ไม่ฟัง ฉันที่ขอร้องให้เค้าทำเรื่องแบบนั้นกับฉันแทนแบบหน้าด้านๆ ฉันที่คุกเข่าขอร้องเค้าไว้ ฉันที่ยอมทุกอย่าง ขอร้องไม่ให้เค้าทำแต่เค้าก็ไปกับเธอคนนั้น มันจะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมจริงๆแล้วเหรอลิป แต่ฉันยังไม่ได้อธิบายเรื่องที่มันเกิดขึ้นเลยนะ ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่เค้าบอก ฉันไม่ได้มีอะไรกับหัวหน้า ไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นเลยแต่เค้าก็ยังเชื่อว่าฉันทำเรื่องแบบนั้น เชื่อว่าฉันไปเป็นของคนอื่นแล้ว แต่ฉันไม่ได้ทำนะ อึก ลิป ฮือๆ ฉันไม่ได้ทำจริงๆนะ " น้ำตาที่ไหลออกมาอย่างหนัก สองมือของผมยกขึ้นปิดหน้าตัวเองแล้วร้องไห้โฮออกมาในแผนกที่มีคนมากมายนั้นผมไม่ได้สนใจใครทั้งนั้น มันเจ็บปวดไปหมด ร่างกายที่เจ็บปวด แต่ใจนั้นกลับเจ็บกว่า ภาพที่เค้าเดินออกไปกับใครคนอื่น เค้าที่จูบกับคนอื่น เค้าที่เป็นของคนอื่น เค้าที่ผลักผมให้ออกไปไกลๆ ทั้งๆที่เค้าคนนั้นเคยเป็นของผม ฟานเคยเป็นของผมแท้ๆ แต่ผมเองที่กลับปล่อยให้มันหลุดมือไป

“ แล้วทำไมถึงได้แผลพวกนี้มา "

“ คือฉัน..” ผมเล่าทุกเรื่องให้ลิปฟัง ตั้งแต่ตอนที่ไปหาอีกคนจนกระทั้งถึงตอนที่เค้าผลักผมแล้วบอกให้หยุดเข้ามายุ่งได้แล้ว คนฟังที่ขมวดคิ้ว ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ คีย์ ฉันว่านะ..”

“ ฉันผิดเองแหละ ฉันไปสาดน้ำใส่เค้าก่อน เค้าที่โมโหก็ไม่แปลกหรอก ฉันว่าฟานคงไม่ได้ตั้งใจหรอก ไม่คิดว่าหัวฉันจะแตก อีกอย่างฉันเองที่พยายามรั้งเค้าไว้ เค้าก็พูดออกมาหลายครั้งแล้วว่าอย่ามายุ่ง แต่ฉันก็ยังหน้าด้าน มันก็สมควรแล้ว "

“ มันไม่สมควร นายคิดยังไงว่ามันสมควร มันทำนายเจ็บถึงขั้นหัวแตก นี่อย่าบอกนะว่า คิดจะไปอีก " หลบสายตาตั้งคำถามของอีกคนที่หลับตาลงสักพักด้วยความเบื่อหน่ายก่อนจะพูดออกมา " คีย์ เลิกเถอะอย่าฝืนเลย อย่าไปเลย นี่ขนาดไล่กันแบบหมูแบบหมาได้ หนต่อไปมันไม่หนักกว่านี้รึไง การง้อคนน่ะ ถ้าง้อแล้วโดนเค้าทำร้ายมาก็ควรเลิกง้อนะ เพราะการที่เค้าทำให้เราเจ็บได้ นั่นมันก็หมายความว่า เค้าคงไม่รักเราแล้วละ พอเถอะ "

“ แต่ฉันรักเค้า ฉันไม่อยากเสียฟานไปทั้งๆแบบนี้ ฉันผิดที่ฉันนอกใจเค้า ฉันผิดที่ฉันไม่ฟังเค้า แต่ฉันก็ไม่อยากจะเสียเค้าไปโดยที่ตัวเองไม่พยายามทำอะไรเลย ถ้าเค้าเจ็บมากจนอยากหันมาทำให้ฉันเจ็บ ฉันยอมเจ็บก็ได้ แต่ถ้าเค้าหายเจ็บแล้ว ฉันอยากจะให้เรากลับมารักกันเหมือนกัน "

“ คีย์  นายเองก็น่าจะรู้ดีนะ ว่าแก้วที่มันแตกไปแล้วมันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเหรอก ต่อให้นายพยายามต่อมันยังไง มันก็เป็นรอยร้าวอยู่ดี หรือบางทีชิ้นส่วนมันอาจจะหลุดหายไป ไปซื้อแก้วใหม่ดีกว่ามั้ย " อีกคนมองหน้าผม " ฉันไม่อยากให้นายต้องทรมานไปมากกว่านี้แล้ว ฉันอยากให้นายกับเค้ากลับมารักกันเหมือนเดิมนั่นก็จริงอยู่ แต่ว่าถ้าเค้าทำถึงขนาดนี้ ฉันว่านายหยุดเถอะ อย่าพยายามเลย เลิกที่จะดึงดันกลับไปหาเค้า เลิกที่จะพยายามดึงเค้ากลับมาเถอะ " สองมือที่เอื้อมมือเช็ดน้ำตาให้ผม ก่อนจะทัดผมเข้าไปเก็บที่หลังหู " เราอาจจะเจ็บที่เอาเค้ากลับมาไม่ได้ แต่ถ้านายปล่อยเค้าไป แล้วทำใจยอมรับ นายจะเข้มแข็งขึ้นแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง แบบนั้นมันดีกว่าเจ็บซ้ำๆทั้งตัวทั้งใจไม่ใช่เหรอ "

“ แต่ฉันทำให้เค้าต้องเจ็บนะ ฉันผิด ฉันอยากจะขอโทษ อยากให้เราเข้าใจกัน ถ้าต้องเลิกกันอยากจะให้เลิกด้วยความเข้าใจไม่ใช่เลิกกันด้วยความรู้สึกที่เค้าเข้าใจผิดว่าฉันไปมีอะไรกับหัวหน้าอยู่แบบนี้ ตลอดสองวันที่ผ่านมา เค้ายังไม่ได้ฟังฉันพูดด้วยเหตุผลเลยนะ เหมือนกำลังโกรธ แล้วกำลังผลักฉันออกไปโดยไม่ฟังอะไร มันเหมือนทุกอย่างที่ฉันพูด เค้ารับฟังมันด้วยอคติ เพราะคิดแค่ว่า ฉันชอบหัวหน้าแล้วอยากจะเป็นของหัวหน้ามากกว่าเค้า ทั้งๆที่จริงแล้วมันไม่ใช่ ฉันไปงานสัมมนาเพราะต้องไป ไม่ได้อยากไป แล้วฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับหัวหน้าแล้วด้วย "

“ เรื่องที่นายบอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับหัวหน้า มันพูดยากนะ ฟานเองเค้าก็ทนกับความรู้สึกที่เห็นนายชอบหัวหน้ามาตลอด หัวหน้าเป็นคนที่นายชอบ หมอนั่นก็คิดแบบนี้มาตลอด พยายามทำให้ตัวเองดีกว่าหัวหน้ามาตลอด แล้วพอรู้ว่านายนอกใจเค้าไปหวั่นไหวกับหัวหน้า นายจะให้เค้าเข้าใจเหมือนนายว่า เอ้ย นั่นมันแค่การหวั่นไหวฉันรู้สึกไม่นานเลย ฉันเลิกรู้สึกไปแล้วด้วยซ้ำก่อนที่จะไปงานสัมมนา นายอย่าโกรธฉันเลยนะ คือมันไม่ใช่ไง นอกใจคือนอกใจ นายจะมาเปลี่ยนคำว่านอกใจเป็นแค่หวั่นไหวไม่ได้หรอก นอกใจคือนอกใจจะนานเท่าไหร่ไม่สำคัญหรอก ยังไงนายก็นอกใจเค้าอยู่ดี แล้วทั้งๆที่เค้าพยายามรั้งนายขนาดนั้นให้อภัยนายทุกอย่าง นายยังดึงดันที่จะไป ต่อให้นายไม่รู้สึกอะไร ไปเพื่องาน อนาคตที่คิดแบบคนมีหนี้ และผู้ใหญ่เค้าคิดกัน แต่ฟานคนที่ถูกนายนอกใจเค้าก็ไม่คิดอะไรแบบนั้นหรอก เค้าคิดแค่ว่าจะทำยังไงไม่ให้นายไป ทำยังไงก็ได้ แต่พอนายยืนยันจะไปในความรู้สึกของเค้ามันก็เหมือนนายไม่รักเค้าเลย คือคนเราตอนเสียใจมันไม่ได้มีเหตุผลขนาดนั้นไงจะมาเข้าใจว่า มีหนี้ต้องจ่าย มีงานต้องทำ ไม่อยากแบมือแบเท้า เค้าไม่คิดอะไรละเอียดแบบนั้นหรอก เค้าคิดแค่ว่านายชอบหัวหน้าแล้วอยากจะไปมีอะไรกับเค้า นายไม่รักเค้า นั่นคือสิ่งที่เค้าคิด เพราะมันเริ่มมาจากที่นายนอกใจเค้าไง "

" ลิป "

" เลิกหลอกตัวเองเถอะ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่นายคิดหรอก การเปลี่ยนใจเค้าให้กลับมาเหมือนเดิม นายทำมันไม่ได้หรอกคีย์ นายเสียเค้าไปแล้ว ฟานที่รักนายมากๆคนนั้นอะ อย่าพยายามเอาเค้ากลับมาเลย ฉันคิดว่านายเจ็บเพราะปล่อยเค้าไปตอนนี้ คงดีกว่า " ผมเงียบไม่ตอบอะไรเพื่อนที่กำลังเตือนอยู่ มันจริงอย่างที่อีกคนพูด มันถูกทุกอย่าง แต่มันเป็นเพราะผมเองที่ไม่อยากจะยอมรับมัน คิดถึงตอนที่เรารู้จักกันใหม่ เค้าที่ชอบออกไปเดินชมวิวนั่งสวนสาธารณะตอนวันหยุด กับผมคนที่เกลียดอากาศร้อนๆ คิดถึงตอนที่เค้าสารภาพว่าชอบ คำพูดตรงๆที่คิดว่าไอ้เด็กคนนี้มันจะตรงไปไหน คิดถึงช่วงเวลาที่ดูแลกันและกัน อาหารทุกมื้อที่ได้กิน กอดอุ่นๆที่กอดผมไว้ หรือแม้แต่ช่วงเวลาที่ลึกซึ้งของเรา

“ ฉันผิดเอง ฉันโง่เอง ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้น มันเป็นเพราะตัวฉันเอง ฉันทำเค้าหลุดมือไปเอง มันเป็นความผิดของฉันที่ไม่ดูแลเค้าให้ดี ผิดเองที่นอกใจเค้า "

“ ฉันกลัวว่ายิ่งนายดันทุรัง มันจะยิ่งทำให้นายเจ็บมากขึ้น ยอมรับมันตรงๆดีกว่ามั้ย ว่าของที่เสียไปแล้ว เราเอามันกลับมาไม่ได้ " ทุกอย่างเงียบ ผมไม่อยากจะยอมรับ ทำใจไม่ได้จริงๆกับการจะเสียเค้าไป แม้ใครจะบอกว่า เสียเค้าไปแล้ว เอากลับมาไม่ได้แล้ว แต่ก็ยังไม่อยากจะเสียเค้าไป ต้องไม่มีฟานแล้วเหรอ เค้าจากไปแล้วจริงๆเหรอ เราเพิ่งห่างกันแค่สองวันเองนะ แค่สองวัน ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ

    ผมเลื่อนเก้าอี้ตัวเองกลับมาทำงาน ลิปไม่ได้พูดอะไรถึงเรื่องนี้อีกตลอดทั้งวันที่นั่งทำงานด้วยกัน หันมองนาฬิกาที่กำลังจะใกล้เลิกงานอีกแค่ไม่กี่นาทีข้างหน้า

“ ลิป ฉันกลับบ้านก่อนนะ " ผมหันไปพูดกับอีกคน ตอนที่เตรียมตัวเซฟงานปิดคอมพิวเตอร์ ก่อนคนที่ผมบอกจะเลื่อนเก้าอี้เข้ามาถาม

“ จะไปหาฟานเหรอ "

“ อื้ม " ผมนิ่งไปสักพักก่อนจะพยักหน้าตอบเค้า " ฉันจะไป ยังไงก็อยากจะคุยกับเค้าด้วยเหตุผล "

“ แต่ คีย์ "

“ ยังไงก็ทำใจไม่ได้จริงๆ ที่จะต้องเสียเค้าไป " ผมก้มหน้าลงบอกอีกคน " ให้ฉันไปเถอะ มันเจ็บปวดก็จริงอยู่นะที่ถูกไล่ออกมาแบบนั้น ที่ถูกบอกว่าไม่รักกันแล้ว แต่มันก็ดีกว่าที่ฉันจะไม่เห็นเค้า ดีกว่าที่ฉันจะไม่ทำอะไรเลย " ผมเม้มริมฝีปากของตัวเองผ่อนลมหายใจออกมา คว้าประเป๋าของตัวเองขึ้นสะพาย " ฉันไปก่อนนะ แล้วเจอกัน "

“ ระวังตัวด้วยละ " พยักหน้ารับอีกคน ผมเดินออกไปจากออฟฟิศของตัวเอง นั่งรถไฟในช่วงเวลาที่ไม่ชอบก่อนจะไปต่อแท็กซี่เพื่อเข้าไปหาใครอีกคนที่มหาลัย

   เดินไปรอเค้าที่หน้าหอพักมันเป็นช่วงหลังเลิกเรียนที่มีเด็กนักศึกษาทยอยออกจากหอพักบ้าง เข้าหอพักบ้าง หย่อนตัวลงนั่งที่ระเบียงหน้าหอ ก่อนจะยกโทรศัพท์มือถือขึ้นโทรหา ทาม เพื่อนของฟานที่ได้เบอร์โทรมาเมื่อวาน ผมรอสายอยู่สักพักไม่นานเค้าก็รับ

“ ฮัลโหล..”

“ ทามฉันเองนะ " ผมกรอกเสียงไปตามสาย อีกคนก็ถอนหายใจออกมา

“ นี่ คุณยังจะมาอีกเหรอ " ผมเงียบไปตอนที่อีกคนถามออกมาแบบนั้น " เอาจริงๆนะคุณคีย์ ผมว่าคุณอย่ามาที่นี่เลย เมื่อวานที่โดนไปมันยังไม่เจ็บอีกเหรอ มันทำร้ายคุณขนาดนั้น แล้วยังไม่คิดจะไปแจ้งตำรวจโทษฐานที่มันทำร้ายร่างกายอีก จะให้มันฆ่าคุณก่อนรึไงถึงจะหยุด " เสียงถอนหายใจของอีกฝ่ายที่ดังลอดออกมา " มันอยู่ที่หอนั่นแหละ คืนนี้คงลงไปกินเหล้ากับพี่ที่คณะเหมือนเดิม ถ้าอยากจะเจอก็นั่งรอไปก็แล้วกัน "

“ ขอบคุณนะ " เผลอยิ้มกับเสียงตอบรับที่ยอมบอกนั้นก่อนอีกฝ่ายจะกดวางสายผมก็นั่งรอ

   
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 50 ' รักมากก็เกลียดมาก ' UP - 20.11.59} หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 25-11-2016 20:33:27
จากช่วงเย็นกลายมาเป็นเริ่มดึก ช่วงเวลาใกล้สองทุ่มผมกวาดสายตาไปทั่วนั่งมองคนที่เดินเข้าออกก่อนที่คนที่รอจะเดินออกมา เค้าผ่อนลมหายใจเบื่อหน่ายตอนที่เจอหน้าผม ฟานที่เดินตรงออกมา ผมก็ลุกขึ้นยืน

“ ฟาน "

“ มาทำไม "

“ ฉันแค่อยากจะคุยกับนาย " พอบอกแบบนั้นอีกคนก็ยิ่งขมวดคิ้ว ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ แต่กูไม่อยากจะคุย แล้วก็ไม่มีอะไรจะคุยกับมึงด้วย " เค้าพูดสั้นๆก่อนจะหันไปมองเพื่อนอย่างทามที่เดินตามลงมา " ไปเถอะวะ เห็นหน้าไอ้เหี้ยนี่นานๆแล้วกูจะอ้วก "

“ ขอฉันไปด้วยคนสิ " ฟานที่กำลังจะเดินออกไป เค้าหันมองเพื่อนสนิทอย่างที่ทามที่ทำหน้านิ่งๆก่อนจะมองผม แล้วเดินออกไป

“ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น กูไม่รับผิดชอบด้วยนะ "

“ ผมก็ไม่รับผิดชอบด้วยนะ " ทามบอกผม ที่ก็พยักหน้ารับคำพูดของเค้า

“ ฉันไปเองก็ต้องรับผิดชอบตัวเองสิ ไม่เป็นไรหรอก " ผมเดินตามอีกสองคนไปที่เรื่อยๆ มองดูแผ่นหลังของร่างสูงที่เดินนำอยู่ก็ได้แต่คิดสงสัย มันน่าแปลกทั้งๆที่ปกติคงต้องไล่ แล้วผลักให้ไปไกลๆ แต่วันนี้กลับพูดแค่คำพูดสั้นๆ แถมยังไม่ห้ามตอนที่จะตามไปอีก แต่อย่าคิดมากเลย คงเพราะเค้าเหนื่อยจะพูดแล้วรึเปล่า ถึงไม่ห้ามอะไรแล้ว

   เราเดินมาถึงร้านเหล้าที่อยู่ตรงช่วงกลางซอย ร้านเล็กๆที่แต่งร้านด้วยการทุบห้องแถวชั้นล่างสองร้าน รวมเป็นร้านใหญ่ จัดแต่งแบบเรียบง่ายด้วยโทนสีเข้มที่ตัดด้วยไฟสีส้มชวนให้ร้านน่านั่งด้วยบรรยากาศแบบดิบๆ หย่อนตัวลงนั่งที่โต๊ะติดผนังร้าน ผมมองไปรอบๆในตอนนั้นเหล้าเซ็ตนึงก็ถูกสั่งมาพร้อมด้วยกับแกล้มเล็กๆน้อยๆ ผ่อนลมหายใจมองร่างสูงที่เอาแต่เล่นมือถือ ยังไม่ได้คุยกันสักที ทั้งๆที่อยากจะคุยกันด้วยเหตุผลแท้ๆ แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่แม้ที่จะฟัง

“ เฮ้ย! พวกมึง " เสียงที่เอ่ยทัก ผมหันไปมองต้นเสียงของคนที่มาใหม่ คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ว่าฟานเองก็เคยแนะนำให้รู้จัก  “ อ้าว วันนี้มีคนสวยนั่งอยู่ด้วย สวัสดีครับ "

“ สวัสดีครับ " พยักหน้ารับเค้าอีกคนก็ยิ้ม

“ อ้าาา คุณคีย์คงจำผมไม่ได้ คอมครับ เป็นรุ่นพี่ของไอ้ฟาน "

“ อ้อ สวัสดีครับ " ก็ว่าทำไมคุ้นหน้าคงเพราะตอนนั้นที่เคยมาที่นี่ฟานคงแนะนำให้ผมรู้จักเค้าแล้ว ความเงียบคืบคลานเข้ามาอีกครั้งมีแต่บทสนทนาของคนภายในโต๊ะแต่ไม่ใช่การสนทนาที่เกี่ยวกับผม ไม่มีการชวนคุยอะไรเหมือนแค่มานั่งนิ่งๆ เหมือนคนไม่มีตัวตน

“ ขอโทษนะครับ " พนักงานในร้านยื่นแก้วทรงสูงที่เหมือนจะใส่บลูฮาวายโซดามา เค้าวางที่โต๊ะเรา ท่าทางงุนงงของคนนั่งร่วมโต๊ะก่อนที่ทามจะถาม

“ ไม่ได้สั่งนะน้อง "

“ พอดีมีคนสั่งมาให้พี่ผู้ชายคนนั้นน่ะครับ " มือที่ชี้มาทางผม เบิกตาน้อยๆตอนที่หันซ้ายมองขวาไปรอบๆ น้องคนเสิร์ฟก็ชี้ไปทางโต๊ะที่เป็นเจ้าของน้ำแก้วนั้น " พี่ผู้ชายสองคนนั้นครับพี่ "

   ผู้ชายร่างหนากำยำสองคน ส่องยิ้มมาให้ก่อนที่คนคนนึงจะยกแก้วในมือขึ้นทัก ผมก็พยักหน้ารับก่อนจะบอกน้องคนเสิร์ฟไปสั้นๆ  " เอาไปคืนให้หน่อย ไม่รับครับ "

“ อ้าว..แต่ว่า "

“ รับๆไปเถอะน่า เค้าสนใจอะ " ฟานที่เอ่ยบอก มองผมก่อนจะยกยิ้ม " ผัวก็ไม่มีเป็นตัวเป็นตน เป็นแค่เมียน้อยชาวบ้าน รับไปดิ ชอบไม่ใช่เหรอ พวกวันไนท์สแตนอะ " แก้วบลูฮาวายแก้วนั้นถูกดึงเข้ามาใกล้ผม " ไม่ต้องเกรงใจหรอก ยังไงกูก็ไม่กลับไปเอามึงทำเมียอยู่แล้วละ "

“ ไอ้ฟาน ไอ้เชี้ย " รุ่นพี่อย่างคอมว่าสั้นๆก่อนจะยกยิ้มแล้วหยิบแก้วเหล้าขึ้นมากิน

“ ฉันแค่ไม่อยากจะกินน่ะ "

“ งั้นก็ตั้งไว้ก็ได้มั้ง " คอมบอกก่อนจะหันไปมองคนที่ส่งน้ำแก้วนั้นมาให้ " ดูท่าทางว่าถ้าเอาไปคืน คงดูไม่ดีแน่เลย "

“ เด็กคณะไหนวะ ไม่คุ้นหน้าเลยกู "

“ ช่างมันเถอะสนใจไรวะ ไม่ใช่เรื่องของพวกเราสักหน่อย " ฟานบอกสั้นๆ ในตอนนั้นทุกคนก็หันกลับมาคุยเรื่องของตัวเอง เสียงหัวเราะดังๆภายในโต๊ะของเรา ผมที่ได้แต่นั่งนิ่งถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเหลือบมองไปที่โต๊ะของผู้ชายสองคนนั้นที่ก็ยังมองมาทางผมอยู่อย่างไม่ละสายตาไปไหน เค้าที่ยกยิ้มแล้วส่งสายตาโลมเลียมาให้ ท่าทางที่ทำให้กลัวและไม่น่าไว้ใจจนได้แต่นั่งก้มหน้า

    สายตาของเค้าทั้งคู่นั้นที่ส่งมาให้นั้น ความรู้สึกที่บอกกันได้ว่าเหมือนเค้ากำลังเชิญชวนและมีต้องการ ต้องการในตัวผม แววตาที่มองจากขาที่อยู่ใต้โต๊ะมาจนถึงหน้า รอยยิ้มที่เยียดที่มุมปากเบาๆ 

    ผมผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ น่ากลัวจนเผลอยกมือขึ้นกำเสื้อที่สวมใส่ไว้แน่น มือสั่นๆของผมพยายามสงบจิตใจของตัวเอง ' ไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย ไม่เป็นไรคีย์ ใจเย็นๆนะ '

“ อ้าว ฟาน..” เสียงของคนมาใหม่ที่เอ่ยทักร่างสูงที่กำลังนั่งกินเหล้าอยู่ ผมเงยหน้ามองหน้าเธอที่ก็คุ้นอยู่ไม่น้อย ก็ผู้หญิงคนนี้ไงที่เคยอยากจะมอบเรือนร่างของเธอให้ฟาน คนที่ครั้งนึงเคยทำให้ผมกับฟานทะเลาะกัน

“ พลอย " ร่างสูงเอ่ยทัก " มาคนเดียวเหรอ "

“ เปล่าอะ มากับเพื่อนแต่เห็นฟานกับทามนั่งอยู่เลยเข้ามาทัก แต่จะให้นั่งด้วยก็ได้นะ ถ้ามีเก้าอี้เหลือ "

“ มีสิ นั่งดิ " ฟานบอกก่อนจะหันมามองผม " ลุกสิ "

“ ห๊ะ ? แต่ฉันนั่งอยู่นะ อยากจะนั่งก็ให้เธอไปหาเก้าอี้มาใหม่สิ "

“ ก็กูชวนเค้า ไม่ได้ชวนมึงเลยมาเลย มึงเสือกมาเองนะ เพราะงั้นมึงที่ไม่ได้ถูกชวนมาจะนั่งอยู่ทำไม ลุกไปดิ " มือหนาเอื้อมมือมาผลักตัวผมให้ลุกออกจากเก้าอี้ไป แล้วจะยกเก้าอี้ตัวนั้นให้เธอคนที่มาใหม่นั่ง ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น มองผู้หญิงที่เข้ามานั่งใหม่ด้วยความไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ ต้องเหยียดกันต่อหน้าคนที่ก็รู้อยู่แล้วว่าต้องรอสมน้ำหน้าอยู่ อย่างงั้นเลยเหรอ ผมสบตาเธอที่ก็เงยหน้ามองก่อนจะยกยิ้มด้วยแววตาสมเพช

“ อะไรกัน นี่เลิกกันแล้วเหรอ "

“ อื้ม สักพักแล้วอะ "

“ แล้วทำไมยังมานั่งอยู่ตรงนี้ละ ตื้อไม่เลิกสินะ "

“ คงก็แบบนั้น "

“ กลับไปได้แล้วมั้งคะ มายืนค้ำหัวอยู่แบบนี้ ทุเรศมากเลยนะจะบอกให้ " คำพูดของหญิงสาวที่เงยหน้ามองผม " ผู้ชายเค้าไม่เอาแล้วยังจะมาตามตื้ออยู่อีก.. หน้าด้าน "

“ อย่าพูดอะไรที่เธอไม่รู้น่าจะดีกว่ามั้ง " ผมบอกเธอที่หันมามองผมแต่ยังไม่ทันที่จะโต้ตอบอะไร ฟานก็เป็นคนพูดออกมาก่อน
“ นั่นนะสิ กลับไปแล้วมั้ง หรือว่าต้องให้สาดน้ำไล่อีก "

“ แต่ฉันยังไม่อยากจะกลับ "

“ คนเค้าไม่เอาแล้วน่า ไปให้คนอื่นเอาสิ มันก็เหมือนๆกันไม่ใช่เหรอ หรือว่าฟานจะมีอะไรดีน้าา เค้าเลยได้ติดใจนายไง " ผู้หญิงคนนั้นบอกก่อนจะหันไปจ้องร่างสูงที่ก็ได้แต่ยกยิ้ม

“ ก็เบสิคทั่วไปนั่นแหละน่า ไม่ค่อยเร้าใจหรอกมั้ง "

“ ถ่อมตัวไปหน่อยเปล่าวะ ไม่งั้นจะติดใจขนาดนี้เหรอ " คอมรุ่นพี่ของร่างสูงว่า ทั้งโต๊ะก็หัวเราะออกมา

“ ฉันไม่ได้มาง้อเค้าเพราะเรื่องเซ็กส์สักหน่อย เลิกดูถูกกันได้แล้ว! " ผมว่าเสียงดังทั้งโต๊ะนั้นก็เงียบ " เห็นว่าเงียบ! ก็เลยจะพูดอะไรก็ได้อย่างงั้นเหรอวะ ฉันมาที่นี่ก็แค่อยากจะคุยกับเค้าดีๆ แล้วนี่นั่งทนอยู่ตรงนี้ก็แค่อยากจะได้คุยกับเค้าดีๆ แบบที่คนที่เค้าเป็นผู้ใหญ่เค้าทำกัน ไม่ใช่เด็กเล็กๆที่เค้าแต่แอบด่าคนอื่นเพราะเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไร แล้วคิดว่าเค้าหงอให้ก็รุมกันใหญ่ ไม่ต่างอะไรกับพวกสัตว์เดรัจฉานที่พอเสือมันล้มสัตว์ตัวอื่นได้ ก็คอยมาแย่งจิกแย่งกิน ส่วนเธอ! " ผมหันไปมองผู้หญิงคนนั้น " ว่าแต่ฉันหน้าด้านมาตื้อผู้ชาย ขอดทษทีเถอะ ผู้ชายที่ฉันง้อยังไงก็แฟนเก่าฉัน ไม่ใช่เธอ ที่แค่ชอบเค้า เค้าไม่เล่นด้วยก็ถวายตัวให้เค้าฟรีๆ แบบหน้าด้านๆ ถามจริงเถอะ แบบนี้ใครมันหน้าด้านกว่ากันวะ ก่อนจะว่าคนอื่นหัดดูตัวเองซะบ้างเถอะ! มันทุเรศ "

“ นี่! " ผู้หญิงคนนั้นหันมาตวาดพลางชักสีหน้าใส่ผม " โดนเขี่ยทิ้งก็ยังไม่เจียมตัว ไสหัวไปไกลๆเลยไป เค้าไม่เอาแล้วยังมาหน้าด้านจะให้เค้าเอาอยู่ มันก็ทุเรศเหมือนกันนั่นแหละจะบอกให้ แล้วฉันจะบอกให้นะ ว่าอยากมากนักละก็ ลองไปเดินอ่อยแถวนี้ดูสิ อาจจะได้ติดมือกลับไปก็ได้นะ ง่าย ไม่ใช่เหรอ "

“ งั้นถ้ากูคุย ทุกอย่างมันก็จะจบใช่มั้ย " ร่างสูงยืนขึ้นจ้องหน้าผม ในตอนนั้นผู้หญิงคนนั้นก็หุบปากลงทันที " งั้นก็ออกไปคุย " ฟานเดินออกไปนอกร้าน ผมที่เดินตามเค้าไป ข้างนอกที่มีคนอยู่เยอะ เค้าที่หยุดยืนก่อนจะหันมามองหน้าผม " พอสักทีได้รึยัง "

“ ฟาน "

“ กลับไปได้แล้ว มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเถอะนะ ขอร้องละ "

“ ไหนบอกว่าจะฟังไง " ผมคว้ามือไปจับมือเค้าอีกคนก็ถอนหายใจออกมา

“ มึงจะให้กูฟังอะไรวะ กูฟังมึงมากี่รอบแล้ว กูฟังมึงมาหลายรอบแล้วทุกอย่างมันก็เหมือนเดิม มันไม่ใช่กูไม่ฟังมึง กูฟังมึงแล้วแต่มึงมากกว่าที่ยังหลอกตัวเองว่ากูไม่ได้ฟัง เพราะกูไม่ได้กลับไปเป็นเหมือนเดิมอย่างที่มึงคิดว่า ถ้าอธิบายแล้วกูจะกลับไปเข้าใจมึงเหมือนเดิมไปรักเหมือนเดิม แต่โทษทีเถอะว่า กูกลับไปโง่เหมือนเดิมไม่ได้แล้ว  มึงลืมไปรึเปล่าว่าสิ่งที่มึงทำ คือการนอกใจกู แล้วกูก็ไม่ได้เข้าใจผิด มึงจะอธิบายยังไง สุดท้าย คือมึงนอกใจกู มึงชอบไอ้เหี้ยนั่น จะมากจะน้อย นอกใจคือนอกใจ เข้าใจมั้ย มันจบแล้วมึง กลับไปเถอะ อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก " เค้าที่สะบัดแขนออกจากการจับกุมของผม

“ ฟาน "

“ พอเถอะน่า! มึงจะเอาอะไรอีก หรือว่าเงี่ยนอย่างที่เค้าพูดกัน " ผมเงียบตอนที่เค้าพูดออกมาแบบนั้น ฟานมองซ้ายขวาในตอนนั้นผู้ชายสองคนนั้นที่ซื้อน้ำแก้วนั้นให้ผมก็เดินออกมาจากร้าน มองเราที่กำลังยืนคุยกันอยู่ สองแขนของฟานเอื้อมมือจับไหล่ผมก่อนจะกระซิบ " นั่นไงคนที่อยากจะเอามึงเดินออกมาละ ไปให้เค้าเอาดิ จะได้หายเงี่ยนแล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก " แรงผลักเบาๆตอนที่เค้าปล่อยมือจากผมแล้วเดินเข้าไปในร้านอย่างไม่สนใจที่จะหันกลับมามอง ผมมองผู้ชายสองคนนั้นที่ยกยิ้มมองผม ก่อนที่ผมจะหันไปทางอื่นด้วยความกลัว

   มองดูนักศึกษาที่ยังคงยืนอยู่แถวๆนั้น ผมมองไปรอบๆถ้าเดินไปตอนนี้ก็ยังมีคนเดินเป็นเพื่อนเยอะแยะ คงไม่เป็นไรหรอกพอเรียกแท็กซี่ได้นั่นก็คงปลอดภัยแล้ว ผมเหลือบมองคนสองคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ เท้าที่ก้าวห่างออกไปพยายามเร่งฝีเท้าให้เดินตามเด็กนักศึกษาเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด หัวใจที่เต้นแรงของผมกอดตัวเองแน่นตอนที่เดินไปยังทางข้างหน้า ในตอนนั้นขาที่เดินออกมาถึงหน้าถนนใหญ่ผมมองซ้ายขวาหาแท็กซี่ที่จอดอยู่แต่ยังไม่ทันจะเดินเข้าไปเปิดประตูรถเอ่ยถาม ร่างสูงกำยำของคนสองคนที่เดินตามมาก็คว้าที่ไหล่ก่อนจะลดระดับหน้ามาเบียดอยู่ข้างๆแก้มแล้วถาม

“ จะรีบกลับไปไหนละครับ คนสวย เรายังไม่ได้คุยกันเลยนะ " กลิ่นเหล้าผสมกลิ่นกายตัวของผู้ชายที่ออกจะเหม็นๆผมได้กลิ่นนั่นชัดจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น หัวใจกระตุกแรงราวกับโดยกระชากให้หายไป ตกใจนแทบจะหายใจไม่ออก มือสั่นๆพยายามรวบรวมสติทั้งหมดที่มี

“ แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยด้วย ขอตัวก่อนนะ "

“ อะไรกันพวกเราอุตส่าห์เลี้ยงน้ำอร่อยๆ จะขอบคุณสักคำก็ไม่มี "

“ เอ่อ ขอบคุณมากแต่นั่นมันดูเป็นการรบกวนพวกนายมากเลย ฉันขอจ่ายค่าน้ำให้ได้มั้ย "

“ ได้สิ แต่ห้ามจ่ายด้วยเงินนะ " ร่างสูงคนนั้นว่าก่อนจะมองหน้าผมแล้วก้มต่ำลงไป " จ่ายด้วยอย่างอื่น ฉันไม่รับเงินสด "

“ ไม่ "

“ ไม่อะไร ไม่มีคำว่าไม่นะ ต้องจ่ายเท่านั้นแหละ ก็เพราะบอกเองนี่..ว่าจะจ่าย " ร่างสองร่างที่พยายามดึงผมให้ออกไปตามทางที่ไร้ผู้คน ปากที่กำลังตะโกนและกรีดร้องออกไป ในตอนนั้นก็โดนมือใหญ่ปิดปากไว้เสียแน่น ทางมืดๆที่เหมือนเป็นแค่สนามหญ้าเล็กๆในทางแคบ ผมพยายามจากการจับกุมของคนทั้งสอง มือที่ดิ้นไปถูกกุมรัดไว้เสียแน่นด้วยมืิอหนาของอีกคนจนไร้ทางหนีใด น้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความกลัวผมได้แต่ร้องไห้และกรีดร้อง  แต่เสียงที่กรีดร้องออกไปเท่าไหร่ก็ดูเหมือนไร้ค่ามากขึ้นเท่านั้น มันไม่มีใครได้ยิน ราวกับตะโกนคนเดียวอยู่ในห้องสี่เลี่ยมที่ปิดมืด

“ มาสนุกกันหน่อยสิ คนสวย ฉันได้ยินอยู่ว่านายก็เหมือนจะเงี่ยนๆ ต้องการๆอยู่นะ " เสียงที่พูดชิดริมใบหู ผู้ชายคนนึงคว้าเอาแขนผมยึดไว้ด้านหลังด้วยมือทางสองข้างอย่างแน่นหนาไม่ให้มีทางหนี อีกคนก็ใช้มือปิดปาก " กูขอก่อนมึงทีหลังนะ "

“ อื้ม เอาสิ " เสียงตอบรับที่ทำให้ผมอยากจะหายไปจากตรงนั้น เท้าที่พยายามดิ้นรนหนีเอาตัวรอด เตะไปตามร่างกายที่สูงใหญ่แต่ก็ไม่สะถกสะท้านอะไร

   มือของผมพยายามดึงกระชากให้หลุดออก เสียงที่กรีดร้องออกไปทั้งน้ำตาอย่างบ้าคลั่งสุดเสียงทั้งหมดที่มีแต่นั้นก็แค่ครางอยู่ในฝ่ามือหนานั้นไม่ได้หลุดออกมาเลยแม้แต่น้อย  แววตาเบิกกว้างผมพยายามร้องขอชีวิตจากคนทั้งสองแต่นั่นก็ไม่ได้ผลอะไร ไม่มีเสียงออกไปเลยแม้แต่น้อย ไม่มีทางที่เค้าจะได้ยินคำขอร้องพวกนั้น ' ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ ขอร้องละ ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว แต่ขอร้องปล่อยฉันไปเถอะ อย่าทำแบบนี้ ฆ่าฉันเลย แต่อย่าทำแบบนี้ อย่าทำฉัน ได้โปรด ใครก็ได้ช่วยที ช่วยฉันหน่อย ฟาน.. ฟานช่วยฉันหน่อย “ เสียงพูดออกไปสุดเสียงแค่ไหนก็อื้ออึงอยู่ในฝ่ามือนั่น ไม่มีใครได้ยินมัน เค้าได้ยินแต่เสียงรถที่สัญจรผ่านไปมาตรงถนนใหญ่ เสียงเดินของผู้คนข้างนอก เสียงพูดคุยที่มีความสุข แต่ทว่าทุกคนกลับไม่ได้ยินเสียงของผม เสียงขอร้องของผม

   ลมหายใจที่ผ่อนออกมาแรงๆจนแทบจะหยุดในตอนที่ใบหน้าน่าเกลียดพวกนั้นกำลังเลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ลมหายใจรดผิวหน้าของผม พร้อมทั้งฝ่ามือสากที่กำลังปลดเสื้อของผมที่กำลังสวม กระดุมที่ถูกปลดลงเม็ดแล้วเม็ดเล่าจนหมด เค้าเปรยออกมาเสียงเบาๆด้วยความต้องการ ชิดริมใบหูของผม

“ นายนี่มัน..ร่างดีชะมัด ผิวขาวยังกับผู้หญิงเลย เมียจ๋า "

“ เร็วๆสิวะ ไอ้เชี้ยนี่มันแรงเยอะนะมึง ดิ้นยังไม่หยุดเลย เอาๆมันเร็วๆเถอะน่า ใส่ๆ ควบๆ เข้า กูอีก "

“ เออๆ แต่กูไม่ถนัดวะ จับให้มันนอนลงบนพื้นหญ้าเถอะ " คนที่อยู่ตรงหน้าบอกก่อนร่างของผมจะถูกดึงให้นอนลงกับพื้นหญ้าเขียว ผมดิ้นตัวไปตามพื้นหญ้าคมๆ ร่างกายที่ยังคงรู้สึกอยู่ น่าจะตายไปแล้วในตอนนี้ แค่จินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนี้ด้วยความกลัว ก็ไม่อยากจะอยู่แล้ว อยากจะฆ่าตัวตายไปให้พ้นๆ ก่อนที่อะไรๆมันจะเกิดขึ้น อะไรก็ตามที่จะทำให้ผมต้องเหมือนคนตกนรกทั้งเป็น ปากของผมกรีดร้องแม้ว่าจะไม่มีใครได้ยิน ดิ้นแม้รู้ว่าสู้ไปก็ไม่มีทางหนี ร่างกายด้านบนที่โดนกดไว้ด้วยคนคนนึง ด้านล่างก็คนอีกคนนึง ร่างกายของผมไม่มีแรงสู้ขนาดนั้น แต่ก็ยังดิ้นด้วยแรงทั้งหมดที่ตัวเองมีอยู่ ปลดมือที่ถูกจับ ส่ายหน้าหนีมือที่ปิดเสียงขอร้องของผม ดึงขาที่ถูกกอดรัด ในตอนที่มือนั้นเอื้อมลูบจากหน้าอกไปจนถึงขอบกางเกงผมหยุดหายใจไปจนถึงตอนที่เค้าปลดเข็มขัดและตะขอกางเกงของผม พลางเอื้อมมือขึ้นสูงเพื่อลูบไล้ร่างกายของผมอีกครั้ง

   มือสากสะกิดยอดอก ในตอนนั้นคนอีกคนที่จับตัวผมไว้เบื้องล่างก็เอื้อมมือมาลูบไล้ร่างกายของผมเช่นกัน ยิ่งดิ้นหนีเท่าไหร่ ในตอนนั้นก็เหมือนยิ่งทำให้เรือนร่างถูกลูบไล้ไปทั่วมากยิ่งขึ้น

    เสียงของผมหวีดร้องออกมาดังมากขึ้น และมากขึ้น สุดเสียงเสียงนั้นมันอื้ออยู่ในหู แต่ก็ไม่ยอมลดละที่จะกรีดร้องเสียงเหล่านั้นออกมา ราวกับคนบ้าเสียสติที่พยายามทำกรีดร้องออกมาให้ดังเพื่อทำให้ตัวเองหลุดพ้นออกไปจากชุมนรก ขุมนี้ที่กำลังฉุดกระชากให้เค้าจมลึกลงไปทุกที น้ำตาไหลที่ไหลออกมา ผมดีดดิ้นขอความช่วยเหลือ ความกลัวที่ทำให้สติของผมได้แต่กรีดร้องออกมาสุดเสียงไม่หยุดหย่น ช่วงเวลานึงที่เหมือนร่างกายจะจมลึกของไปในห้วงมหาสมุทรแห่งความทรมานตลอดชีวิต ผมคิดถึงหน้าของใครคนนึง  ใครคนนั้นที่ในตอนนั้นกำลังยิ้มให้ผมอย่างใจดี อ้อมกอดของเค้าที่กอดผมไว้ เค้าเอ่ยกับผมด้วยน้ำเสียงสุภาพและอบอุ่น ' ผมรักคุณคีย์ครับ ผมรักคุณคีย์ที่สุดเลย ' นั่นอาจจะเป็นความทรงจำสุดท้ายที่ผมมีต่อเค้า คนที่ผมคิดถึงในช่วงเวลาความสุขสุดท้ายของชีวิต

    ในระหว่างที่สองร่างนั้นกำลังใช้ฝ่ามือลูบไปทั่วเรือนร่าง ลมหายใจที่รดไปตามเนื้อตัวด้วยการดมรดร่างของผมอย่างหื่นกระหาย เสียงหัวเราะที่ต่างจากมีดที่กรีดลงไปลึกจนแทบทะลุร่าง " ถ้าเอาแม่งจริงๆก็ไม่มีใครรู้หรอก น่าเอาออก จะปล่อยไปทำไมวะ เอาจริงๆเลยเถอะมึง "

" ก็กูว่า แม่งโคตรน่าเอา มึงสักทีกูสักทีเป็นไง " ถ้อยเสียงที่ผมได้ยินฟังดูแปลกไปสักหน่อย แต่ไม่ใส่ใจที่จะจดจำมัน ต่อจากนี้จะเป็นร่างไร้ชีวิต และจิตใจ นั่นคือสิ่งที่ผมรู้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้สายตาคู่นี้ยังได้นั่งมองเค้าอยู่เลย คนที่ผมรัก คนที่ผมทำผิดต่อเค้า คนที่อยากจะขอโทษและได้คืนมา แต่เค้าก็เป็นคนคนเดียวกับคนที่ผลักผมออกมา ผลักให้ออกมาพร้อมกับคนสองคนนี้..คนที่ดูก็รู้อยู่แล้วว่าจะทำร้าย คนที่ส่งผมมาสู่ช่วงเวลาแบบนี้ทั้งที่รู้อยู่แล้ว คือคนคนเดียวกันที่เคยบอกว่ารักผมที่สุด

   ' คีย์ฟังฉันให้ดีนะ ถ้าฟานยังรักนายอยู่จริงๆ  เค้าจะไม่ทำร้ายนายหรอก แต่ถ้าเค้าทำร้ายนายได้นั่นก็หมายความว่า เค้าไม่ได้รักนายแล้ว และนั่นคือสิ่งที่นายควรจะยอมรับมันนะ '

' ฉันมันคนดื้อดึง ลิป แล้วนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องเสียใจ ที่ฉันไม่ฟังนาย ทุกอย่างมันเป็นอย่างที่นายพูดเลย ลิป ฉันควรยอมรับ ว่าฉันไม่มีคนที่รักอีกแล้ว และตอนนี้ฉันก็กำลังจะไม่มีชีวิตเหลืออยู่อีกแล้วเช่นกัน

ฉันกำลังจะตาย.. จะตายจากความเป็นคนไปช้าๆ ตายไปอย่างทรมาน อย่างที่ฉันต้องเคยทำให้ฟานต้องทรมาน
ทุกอย่างเป็นความผิดของฉัน .. ฉันผิดเอง
 
.........................................................

ไม่รู้จะพูดอะไร ขอพูดอีกทีวันอาทิตย์ ตอนนี้หนมเองก็ตื้อมาก  :z3:
อยากจะทำร้ายตัวเอง  :z13:
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิต ฝากแชร์ในเฟสด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
หนมมี่ผู้ใสซื่อ  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 51 ' กลัว ' UP - 25.11.59} หน้า 29
เริ่มหัวข้อโดย: pae_kanyanut ที่ 25-11-2016 20:47:20
TT วันอาทิตเลยได้มั้ยยยย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 51 ' กลัว ' UP - 25.11.59} หน้า 29
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 25-11-2016 20:52:43
เราละกลัวคีย์จะจิตหลุด คือเราหลุดไปก่อนนางแล้วไง  เป็นบทเรียนอันโหดร้ายเกินไปสำหรับคำว่านอกใจ คือถ้านางโดนกระทำจริงๆ......งื้อ  จาร้องไห้ปกะนาง

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 51 ' กลัว ' UP - 25.11.59} หน้า 29
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 25-11-2016 21:04:17
 :z3: :z3: :z3: :z3: โกรธฟานชิบหายเลยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 51 ' กลัว ' UP - 25.11.59} หน้า 29
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 25-11-2016 21:14:32
ฟาน แกมั่นใจนะ ในสิ่งที่ทำ
แค้นมากขนาดทำลายชีวิตของคนที่รักเลยหรอ
เอาจริง ว่าไม่เสียใจ
ตอนหน้าไม่ต้องมาช่วยคีย์นะ
ให้ทามมาช่วยดีมะ
หรือพี่คอมงี้
แล้วไปต่อยฟานแรงๆซักที 5555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 51 ' กลัว ' UP - 25.11.59} หน้า 29
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 25-11-2016 21:22:19
 :fire:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 51 ' กลัว ' UP - 25.11.59} หน้า 29
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-11-2016 21:34:07
 :L2: :pig4:

เสียใจจริงๆ ว่าแล้วต้องเป็นแบบนี้ ถ้าคีย์โดนจริงๆเราอ่านต่อไม่ไหวแน่
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 51 ' กลัว ' UP - 25.11.59} หน้า 29
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 25-11-2016 22:11:39
อย่างฟานนะหรอ!!????ไม่หรอกน๊า!!แต่ก็นะ อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าแล้ว จะยังไง หึหึ!!! รอตอนต่อปายยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 51 ' กลัว ' UP - 25.11.59} หน้า 29
เริ่มหัวข้อโดย: italy18 ที่ 25-11-2016 22:27:26
รักงี่เง่า  :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 51 ' กลัว ' UP - 25.11.59} หน้า 29
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 25-11-2016 22:38:56
โดนไปเลยข่มขืนไปเลย 555555
เป็นบ้าประสาทกลับไปเลยยิ่งดีนายเอกเรื่องนี้
อ้อ ตอนจบอย่าลืมให้มีฉากแจ้งความจับด้วยนะทั้งคนว่าจ้างทั้งคนโดนจ้าง
คนนึงอยู่คุกคนนึงเป็นบ้า คู่สร้างคู่สมดี
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 51 ' กลัว ' UP - 25.11.59} หน้า 29
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 25-11-2016 22:49:27
ที่ลิปพูดคือถูกทุกอย่าง ถ้าฟานทำร้ายจิตใจ ก็แย่แล้ว นี่ถึงขนาดทำร้ายร่างกาย (ไม่นับข่มขืนนะ เอาก่อนหน้าเกิดเรื่องข่มขืน) มันไม่ควรไปง้อแล้วอ่ะ ตัดใจหาใหม่สถานเดียว แล้วดูดิ มาวันนี้โดนดูถูกจากรอบโต๊ะ ยัยพลอยคู่แค้นเก่า แถมจะโดนข่มขืนอีก คุ้มมั้ยกับความดื้อไม่เคยฟังใครเนี่ย

สิ่งที่ฟานพูดแล้วเราต้องยอมรับคือ "มันไม่ใช่กูไม่ฟังมึง กูฟังมึงแล้วแต่มึงมากกว่าที่ยังหลอกตัวเองว่ากูไม่ได้ฟัง เพราะกูไม่ได้กลับไปเป็นเหมือนเดิม" และอีกประโยคนึงคือ "กูไม่ได้เข้าใจผิด"  คือใช่เลย ฟานได้ฟังเรื่องที่คีย์เล่าแล้ว และฟานเข้าใจถูกจริง ๆ แหละ เราเลยไม่รู้ว่าคีย์ที่สำนึกแล้วทำไมไม่เข้าใจ ตัวเองทำตัวเองทั้งนั้นนะคีย์

เอาจริง ๆ นี่สงสารคีย์นะ  แต่แอบหมั่นไส้เหมือนกัน (จะเอางัยฟะอีนี่) คือลิปเคยเตือนตอนนอกใจฟานทีนึงแล้วนางไม่เชื่องัย  ตอนนี้ก็เตือนเรื่องตามง้อฟานแล้ว ยังไม่เชื่ออีก สมควรโดนเหมือนกัน จะได้เข็ดและรู้เสียทีว่า หัดฟังคนอื่นบ้างเถอะ

แต่สุดท้าย สิ่งที่ฟานทำก็รุนแรงเกินไปอยู่ดี โดยเฉพาะเรื่องจ้างคนมาแกล้งข่มขืน ต่อให้แค่แกล้งมันก็รุนแรงมากในสายตาเรา แถมมีโอกาสพลาดกลายเป็นเรื่องจริงได้อ่ะ มันเป็นปัญหาทางจิตได้นะ โกรธฟานแค่เรื่องที่ทำรุนแรงเกินไปนี่แหละ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 51 ' กลัว ' UP - 25.11.59} หน้า 29
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 25-11-2016 23:11:40

หนนี้ คงไม่รอด
ปัญหาทางจิตใจ คงตามมา

ปวดตับ ปวดจิตมาก
แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป

พูดไม่ออก

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 51 ' กลัว ' UP - 25.11.59} หน้า 29
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 25-11-2016 23:18:39
 :fire:อัพเเล้วก็ต้องอ่าน ถึงแม้จะรู้ว่าค้างก็เถอะ
ทึงผมตัวเอง :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 51 ' กลัว ' UP - 25.11.59} หน้า 29
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 26-11-2016 14:37:42
ทำไมไม่รักตัวเองกันบ้างนะ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 51 ' กลัว ' UP - 25.11.59} หน้า 29
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 26-11-2016 18:02:10
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 51 ' กลัว ' UP - 25.11.59} หน้า 29
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 26-11-2016 19:20:13
นี่มันโหดร้ายเกินไปนะ  :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 51 ' กลัว ' UP - 25.11.59} หน้า 29
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 27-11-2016 17:51:25
ลุ้นกันต่อ ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 51 ' กลัว ' UP - 25.11.59} หน้า 29
เริ่มหัวข้อโดย: madxsound ที่ 27-11-2016 17:54:15
เฮ้ยยย อันนี้มันมากไปจริงๆอ่ะ
ทำไมคีย์ไม่รักตัวเองบ้างอ่ะ ฟานไม่รักแล้วจริงๆ ก็ควรพอได้แล้วนะ
มีความรู้สึกว่าจะไม่แฮปปี้เอนดิ้งอ่ะ เรื่องนี้ อ่านแล้วหน่วงมาก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 27-11-2016 18:38:41
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 52
' ผิดมากไหม '
 

“ ถ้าพวกมึงทำแบบนั้น กูจะไม่ให้ตังค์พวกมึงเลยสักบาทเดียว " ผมพูดสั้นๆตอนที่ยินชายสองคนนั้นที่พี่คอมเป็นคนจัดการหามาให้กำลังเปลี่ยนแผนจากที่ตกลงกันเอาไว้เป็นอย่างอื่น " มึงลองคิดดูแล้วกัน ถ้ามึงทำ มึงโดนจับเข้าคุก ตังค์ก็ไม่ได้.. อยู่ข้างนอกใช้เงินให้สุขสบายดีกว่าอยู่ในคุกไม่ใช่เหรอวะ อนาคตก็ไม่ดับ " คำพูดของผมที่ทำให้มันสองคนเลิกลั่กมองตากันเหมือนกำลังใช้ความคิด ผมไม่ไว้ใจไอ้สองคนนี้ตั้งแต่ที่พี่คอมแนะนำให้รู้จักแล้ว แม้จะได้รับการยืนยันว่าไว้ใจได้ก็เถอะ แต่เรื่องแบบนี้มันไม่เข้าใครออกใคร ไว้ใจใครก็ไม่ได้หรอก ทุกอย่างเปลี่ยนไปได้ทั้งนั้น แล้วที่สำคัญ ถึงจะเกลียดแค่ไหนก็ไม่อยากจะทำร้ายขนาดนั้น อยากจะให้กลัวก็พอ ยังไงก็คนเคยรักกัน

   ก้าวเท้าเข้าไปใกล้คนสองคนนั้นมากขึ้นตรงสนามหญ้าเล็กๆที่มืดจนแทบจะมองไม่เห็นอะไร สบสายตากับร่างสูงกำยำที่หยุดการกระทำทุกอย่าง ผมเชิดหน้าให้คนพวกนั้นออกไปก่อนจะมองร่างบางที่กำลังสั่นเทาด้วยความกลัว สายตาหวานนั่นเบิกกว้างกรีดร้องราวกับคนไร้สติ ขาที่ลุกขึ้นได้วิ่งหนีเข้าไปที่พุ่มไม้ใกล้ๆเหมือนกับจะหาที่พึ่งพิง  คล้ายกับคนบ้า ปากที่เอาแต่กรีดร้องออกมาพร้อมกับมือที่กอดตัวเองไว้แน่น ใบหน้าที่ซบลงหนี มือที่ปัดป่ายไปมาราวกับไล่คนที่กำลังทำร้าย เสียงร้องที่เหมือนมีดคมๆกรีดเข้ามาในใจผม

“ อย่าเข้ามานะ  ช่วยฉันที ช่วยฉันด้วย อย่าทำอะไรฉัน อย่าทำ อย่าทำฉันนะ ได้โปรด อึก อย่าทำ อย่าทำเลย อย่าทำนะ อย่า ได้โปรด อย่าทำฉันเลย อย่าทำฉัน ฮือๆๆ อย่าทำเลย อย่าทำ อย่าทำฉัน กลัวแล้ว ฉันกลัวแล้ว  "

   ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไร ก็แค่ทำเหมือนว่าจะทำ แต่ยังไม่ได้ทำ แค่ปลดเสื้อผ้า ลูบไล้ไปตามเนื้อตัว แค่ทำให้กลัว กลัวจนไม่กล้ามาที่นี่อีก เพื่อที่ผมจะได้มีชีวิตใหม่ ชีวิตใหม่ที่จะไม่ได้เจอเค้าอีก เป็นความคิดสิ้นคิดที่ตระหนักได้ในตอนที่ลงมือทำไปแล้วว่า ไม่ควรทำ น้ำตาของผมคลอตามองดูคนที่เอาแต่กอดตัวเองไว้แล้วร้องขอชีวิต สองมือที่ยกขึ้นไหว้ขอร้อง

“ อย่าทำฉันเลย ฉันไหว้แล้ว อย่าทำฉันเลย อย่าทำฉัน " คนขาดสติตรงหน้าว่า ผมสูดลมหายใจเข้าปอดไปลึกๆ ตอนที่ก้าวขาเข้าไปใกล้เค้า ย่อตัวลงนั่งลงช้าๆ อีกคนฝ่ายก็ทำท่าจะหนีไปอีก " อย่านะ! ”

“ ใจเย็นๆ ไม่มีใครทำอะไรคุณหรอก ไม่มี ไม่มีใครทำอะไรนะ " ตัดสินใจเอื้อมมือไปลูบหลังอีกคนเบาๆ เค้าที่ยังคงร้องไห้อย่างหนัก ผมมองลงไปในแววตาของเค้า แววตากลัวๆที่มองซ้ายขวาก่อนจะหันมาจับจ้องผมราวกับว่าเค้ากำลังหลอน แล้วเห็นผมเป็นคนพวกนั้น  มือบางที่ผลักผมออกไปด้วยความกลัว เค้าที่ยังกอดตัวเองไว้แน่นแล้วพยายามถอยหนี มือที่พยายามผลักดันทั้งๆที่ผมไม่ได้เข้าไปใกล้เลยแม้แต่น้อย

“ อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา อย่าาาาาา " เสียงที่แผดออกมาดัง " ได้โปรดอย่าทำฉันเลย อย่าทำ ฮือๆ อย่าเข้ามา อย่าทำ "

“ คีย์ "

“ อย่าทำนะ  ไม่เอา อึก กลัวแล้ว ฉันกลัวแล้ว ฮือๆ " หัวใจที่ถูกบีบแน่นขึ้น มองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่พูดออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก อย่างที่คิดไว้คือ ถ้าทำให้กลัวก็จะไม่กล้ามาที่นี่อีก และนั่นก็เหมือนจะเป็นสิ่งที่ต้องการมาตลอด ต่อจากนี้ใครคนนี้ก็จะไม่กล้ามาที่นี่อีก  ความเจ็บปวดของผมจะไม่ถูกซ้ำเติมโดยการเห็นหน้าคนที่อยากจะลืมอีก แต่ทว่าทำไม ทำไมตัวผมตอนนี้ถึงได้กลายเป็นคนที่เจ็บปวดซะเอง ทำไมตัวผมตอนนี้ถึงอยากจะฆ่าตัวเองให้ตายไปซะ ที่ทำแบบนั้นกับเค้า

“ นี่ผมเอง ฟานไง " ขยับเข้าไปใกล้เค้าอีกคนที่มีท่าทางกลัวไม่น้อย แววตาที่กำลังสั่น " มองดูให้ดีสิ นี่ผมเอง ฟานไง ผมเองนะ "

“ ฟาน "

“ ใช่ผมเอง กลับบ้านกัน ผมจะพาคุณไปส่ง " ขยับตัวเข้าไปใกล้เค้าอีกนิด กอดร่างบางนั่นเอาไว้ ก่อนที่เค้าจะเอื้อมมือเข้ามากอดผมไว้แน่น

" ฟาน " เสียงที่เรียกผมทั้งน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างหนัก ไม่มีคำพูดจาอะไร เค้าแค่ร้องไห้ ร้องไห้ออกมาด้วยเสียงร้องดังๆที่ผมไม่เคยเห็น ความเจ็บปวดที่เหมือนออกมาตามเสียงของเค้า ผมทำได้แค่หลับตาแน่นด้วยความรู้สึกผิด ทั้งๆที่คิดว่าอยากจะไปให้ไกลๆใครคนนี้ อยากจะผลักออกไป แต่ตอนนี้กลับเหมือนว่าตัวผม ต้องกลับเข้าไปใกล้เค้าอีก เข้าใกล้เพราะตัวเองทำตัวเองแท้ๆ
 
   เรียกรถแท็กซี่พาคนที่กำลังนั่งร้องไห้ไปตลอดทาง กลับไปที่คอนโดของเค้า มือที่กำเสื้อของผมไว้แน่น ผมก้มลงมองใบหน้าที่มีแต่คราบน้ำตา ท่าทางที่เหมือนกำลังกลัวทุกอย่างแม่ขณะที่นั่งอยู่ข้างๆผม

" ให้ผมเข้าไปส่งข้างในมั้ยครับ " คำถามของแท็กซี่ที่หันมาหาถามเรา ชวนให้อีกคนสะดุ้งถอยหลังชิดติดตัวผมมากขึ้น แววตาที่กลัวคนแปลกหน้าของเค้าทำให้ผมได้แต่เอ่ยตอบแทน

" ครับ เข้าไปด้านในเลย " จ่ายเงินค่าเดินทางทั้งหมดกับรถแท็กซี่ ผมพยุงร่างของอีกคนออกมาก้มหน้าลงมองเค้าที่ยังมองแท็กซี่ที่ขับออกไปด้วยสายตาหวั่นๆ " เค้าไปแล้ว ไม่มีอะไรแล้วละ ถึงบ้านคุณแล้ว ขึ้นไปกันเถอะ " ไม่มีเสียงตอบรับอะไรจากอีกคน มีแต่ขาของผมที่ก้าวเดินนำเค้าเข้าไปด้านในตัวคอนโด ที่ที่ผมคิดว่าจะไม่มาอีกแล้ว หันมองคนข้างๆตอนที่เราอยู่ในลิฟต์ผมเอื้อมมือไปจับไหล่นั่น เค้าก็สะดุ้งถอยห่าง " กุญแจละ "

" กุญแจ " เค้าทวนเสียงก่อนจะพยายามจับเนื้อตัว คีย์การ์ดกับกุญแจขนาดเล็กที่ถูกหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงข้างหน้า เอื้อมมือไปหยิบกุญแจจากมือเค้ามาถือไว้ แต่เพราะความใกล้ชิดจึงทำให้ร่างบางหันมามอง " แค่จะหยิบกุญแจน่ะ " สายตาที่อ่อนลงของเค้าผมเดินนำออกไปตอนที่ลิฟต์พาเราขึ้นมาถึงชั้นที่พัก  ไขกุญแจเข้าไปในห้อง ผมมองคนที่เดินเข้าไปในห้องตัวเองแบบเงียบๆไม่พูดอะไร " อาบน้ำก่อนมั้ย "

“ อื้ม " เค้าพยักหน้ารับแค่นั้น ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องนอนตัวเอง

   ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ผมมองไปรอบๆห้องอย่างไม่รู้จะทำอะไรสุดท้ายก็ทำได้แค่ทรุดนั่งลงที่โซฟาตัวที่ว่าง ผมนั่งลงอยู่นาน ตอนที่พิงผนักพิงแล้วหลับตาลงก็เอาแต่คิดถึงภาพนั้น ภาพที่เค้าเบิกตากว้างด้วยความกลัวแบบสุดขีด มือที่เอาแต่ปัดป้องห้ามไม่ให้ใครเข้ามาใกล้แม้ว่าจะไม่มีใครอยู่ตรงนั้น น้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความหวาดกลัวพร้อมกับเสียงที่กรีดร้องออกมา ' อย่า อย่าทำ กลัวแล้ว อย่าทำ '

   ทุกอย่างวนเวียนอยู่ในหัวของผม ทั้งๆที่ก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะไม่ไปดู เพราะถ้าไปดูมันก็ต้องลงเอยแบบนี้แบบที่กำลังเป็นอยู่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะไม่ไป เพราะไม่ไว้ใจแล้วอยากจะไปให้เห็นกับตามากกว่า ว่าเค้าจะไม่เป็นอะไรเกินกว่าสิ่งที่ตกลงกันไว้ให้ผู้ชายสองคนนั้นทำและนั่นก็เป็นความคิดที่ถูกแล้ว ที่ไป เพราะถ้าไม่ไปตอนนี้คงมีเรื่องเศร้ามากกว่านี้แน่

    ทั้งๆที่คิดว่าก็แค่ขู่ให้กลัว ลูบคลำนิดหน่อย ก็คงไม่น่าจะเป็นอะไรมาก แต่ผลที่ได้กลับมา กลับทำให้รู้สึกว่า เค้าเหมือนได้ทำลายหนึ่งชีวิตนั้นไปแล้ว แม้ว่าจะเป็นหนึ่งชีวิตที่เกลียดแล้วอยากจะไล่ไปไกลๆ แต่ก็ไม่ได้อยากจะทำให้เค้าต้องมากลัวคนรอบข้างในชีวิตประจำวันแบบนี้

   ผมผ่อนลมหายใจออกมาอีกครั้ง ผมก้มหน้าลงอย่างไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องราวชีวิตต่อจากนี้ดี  อยากให้เค้าเกลียด อยากให้เค้ากลัว ทุกอย่างเป็นไปตามแผน แต่ทำไมถึงไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิด  น้ำตาที่เหมือนจะไหลออกมาทำได้แค่ฝืนมันไว้อยู่ในอก ไม่อยากจะร้องไห้ให้คนคนนั้น การที่หลั่งน้ำตาให้ใคร นั่นก็หมายความว่าเราได้รู้สึกพิเศษอะไรสักอย่างต่อเค้า ทั้งๆที่ไม่อยากจะรักใครอีกแล้ว ไม่อยากจะดูแล ไม่อยากจะอยู่ใกล้ๆ อยากจะผลักออกไปไกลๆ แต่สุดท้ายก็เหมือนตัวเอง วิ่งอยู่ในวงกลมวงหนึ่ง วงกลมที่ยิ่งหนีก็ยิ่งเจอ ปากบอกว่าเกลียดแต่ใจก็เป็นห่วงจนต้องวิ่งมาหา

“ ไม่เก่งอย่างที่ปากบอกเลยนี่หว่า "  พูดกับตัวเองเบาๆ ตอนที่เงยหน้ามองเวลาที่รู้สึกว่านานแล้ว ที่คนคนนั้นเข้าไปในห้องน้ำแล้วยังไม่ออกมาเสียที ผมลุกขึ้นจากโซฟาเดินเข้าไปในห้องนอนที่ไม่ได้ล๊อค ประตูห้องน้ำที่ปิดไม่สนิทนั้น ขาชะงักกับสิ่งที่เห็นอยู่ในแววตา ร่างบางที่กำลังเปลือยเปล่าถูตัวเองด้วยใยขัดผิวจนร่างกายแดงไปหมด เค้าที่นั่งแช่อยู่ในอ่างน้ำ มือก็ถูไปเรื่อย แรงหนักๆที่ถูลงไปบนผิวกายผมรู้สึกว่ามันหนักพอจะทำให้คิดว่า ผิวหนังแดงๆพวกนั้นไม่นานมันคงร่อนออกมาแน่ถ้ายังไม่ห้ามไว้ " ยังอาบน้ำไม่เสร็จอีกเหรอ "

“ มันไม่สะอาด ฉันรู้สึกว่ามันยังไม่สะอาด " เค้าพูดสั้นๆ มือก็ถูไปตามร่างกายตัวเอง " มันยังติดอยู่ อาบเท่าไหร่ก็ยังติดอยู่ รอยพวกนั้น รอยที่คนพวกนั้นเค้าทำฉัน มันยังติดอยู่ " แววตาแดงๆหลั่งน้ำตาออกมาพร้อมทั้งมือที่ถูให้แรงขึ้นอีก " ฉันอยากให้มันออกไป อยากให้มันออกไป "

“ พอเถอะ แค่นี้ก็แดงไปหมดแล้ว " ผมเข้าไปห้ามมือนั้นไว้ตอนที่ดึงใยขัดตัวนั้นทิ้งไป ตัวผมที่ได้แต่ถอนหายใจก่อนจะก้มหน้าลง มองเนื้อตัวแดงๆพวกนั้นตอนที่เอื้อมมือไปดึงผ้าขนหนูมาคลุมตัวเค้าไว้ " ออกจากห้องน้ำไปแต่งตัว แล้วนอนได้แล้ว อย่าไปคิดถึงมันเลย " คำพูดของคนเห็นแก่ตัวอย่างผมเอ่ยออกไป ' อย่าไปคิดถึงมันเลย '  ผมพูดมันออกไปง่ายๆ แต่กลับอีกคนมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น อย่าไปคิดถึงมันได้ยังไงในเมื่อทุกอย่างที่เกิดขึ้นโหดร้ายกับเค้าขนาดนั้น นี่ไม่ใช่เรื่องที่แค่พูดว่า อย่าคิด ก็ทำตามได้ง่ายๆสักหน่อย

   จัดการเช็ดตัวแล้วหยิบชุดนอนชุดใหม่ให้อีกคนใส่ ก่อนจะเดินพาเค้ามานั่งลงที่เตียง ผมย่อตัวลงตรงหน้าเค้า " นั่งตรงนี้ แปปนึงนะ "

“ แล้วนายจะไปไหน "

“ ไปเอายามาให้ ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก " พูดสั้นๆตอนที่ดึงมือให้หลุดออกจากเค้า ก่อนจะเดินไปที่ตู้ยาที่อยู่ที่ห้องนั่งเล่น อยากจะได้ยาอะไรสักอย่างที่มีฤทธิ์นอนหลับสักเม็ด เพราะถ้าให้หลับเองคืนนี้เค้าคงหลับไม่ลงและคงเอาคิดถึงแต่เรื่องนั้น เพราะงั้นยาคงเป็นตัวช่วยที่จะทำให้เค้าได้พักผ่อนแล้วลืมเรื่องนั้นไปสักพัก เปิดตู้ค้นยาอยู่สักพักก่อนจะเจอยาคลายเครียดในซองที่เหมือนจะซื้อมาจากร้านขายยาทั่วไป

   กดน้ำแก้วใหญ่หนึ่งแก้ว ก่อนจะดินเอายาไปให้คนที่นั่งอยู่บนเตียง เค้ารับไปอย่างว่าง่ายแล้วกินยานั้นแบบที่ไม่ถามอะไรกับผมมากมาย น้ำที่ถูกกินไปจนเกือบหมด แก้วเปล่าถูกยื่นกลับมาผมก็บอก

“ นอนได้แล้ว "

“ ฟาน " มือที่เอื้อมมารั้งผมไว้  สายตาที่เงยหน้ามองผม ในแววตาที่บวมแดงเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เหมือนมีบางอย่างที่จะบอกกับผม

“ มีอะไร "

“ ฉันอยากจะคุยกับนาย "

“ นอนเถอะ "

“ แต่..”

“ ฉันไม่ไปไหนหรอก จะอยู่รอฟัง อยากจะพูดใช่มั้ยละ " ผมถอนหายใจออกมา อีกคนก็พยักหน้ารับ " ฉันจะอยู่รอฟังแต่ตอนนี้หลับไปก่อนเถอะ ไว้พรุ่งนี้ตื่นมาเราค่อยคุยกัน " ดึงมือออกจากเค้า ผมมองหน้าคนที่นอนลงบนเตียงอย่างว่าง่าย แต่เหมือนว่ายังไม่เชื่อเท่าไหร่ในสิ่งที่ผมพูด

“ สัญญากับฉันได้มั้ย ว่าพรุ่งนี้นายจะยังอยู่ "

“ อื้ม " ผมตอบสั้นๆ " ฉันจะลางานให้นะ ยังไงพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องไปทำงานหรอก "

“ อื้ม " เค้าตอบ

“ หลับตาแล้วนอนได้แล้ว " คำพูดเชิงสั่งของผม เค้าที่หลับตาลงผมเองก็มองอยู่นาน นานจนมั่นใจว่าใครคนที่สั่งให้หลับตาแล้วพักผ่อนนั้น ได้พักผ่อนไปแล้วจริงๆ ก่อนที่ผมเดินออกมาจากห้องคว้าเอามือถือของเค้าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดู ผมกดดูเบอร์โทรฉุกเฉินที่มีแค่สองเบอร์อยู่ในนั้น คือเบอร์ของผม ที่ตอนนี้บล๊อคเบอร์ของเค้าไว้ไม่ให้โทรเข้ามา แล้วก็เบอร์ของเพื่อนสนิทของเค้า อย่างคุณลิป ผมกดโทรออกรอสายไม่นานสักพักคนที่จะคุยด้วยก็กดรับ

“ ฮัลโหล "

“ ขอโทษที่โทรมารบกวนตอนดึกครับคุณลิป "

“ ฟาน " ปลายเสียงที่เหมือนไม่เชื่อหูตัวเองเท่าไหร่ เอ่ยเรียกชื่อของผมเบาๆ " มีอะไรเหรอ "

“ ผมจะโทรมาลางานให้คุณคีย์ เพราะพรุ่งนี้เค้าไปทำงานไม่ได้ "

“ ทำไมไม่ได้ เกิดอะไรขึ้น "

“ ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่พรุ่งนี้เค้าไม่สะดวกที่จะไปทำงาน “

" แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน ฉันจะไปหาคีย์ จะไปคุยกับเค้าเอง "

“ อยู่ที่คอนโดคุณคีย์ แต่เค้าคงคุยกับคุณไม่ได้หรอก เพราะเค้ากินยานอนหลับ แล้วหลับไปแล้ว " คำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายเงียบ เค้าที่เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

“ ฉันจะไปหาคีย์ "

“ ก็มาสิครับ " ผมบอกอีกคนก็วางสายไป ผ่อนลมหายใจออกมา วางมือถือเครื่องนั้นไว้ที่โต๊ะก่อนจะเดินกลับเข้าไปหาอีกคนในห้องมองดูคนที่กำลังหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยา ขาของผมก้าวเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานที่ยังคงมีคราบน้ำตาเล็กๆนั่นผมหย่นตัวลงนั่งข้างเค้าก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้ แต่ทว่าก็ชะงักมันหยุดไว้แค่นั้น กับความรู้สึกลึกๆที่ยังเจ็บลึกอยู่ในใจ

' คนที่ทำให้เสียใจ มันก็คนคนเดียวกันที่กำลังเสียน้ำตาไม่ใช่เหรอวะ ทำดีด้วยจะได้อะไร อดีตก็บอกอยู่ว่าไม่มีอะไรดีทั้งนั้น ' ผมเบือนหน้าหนีเค้าไม่อยากจะมองเห็นใบหน้านั่นอีก ผมเกลียดที่เค้าร้องไห้ เกลียดที่เค้ายังดึงดัน ทุกอย่างมันทำให้ผมเจ็บ ทั้งเจ็บทั้งทรมาน เจ็บเพราะยังรักเค้าอยู่ เจ็บที่ไม่ว่าเค้าจะทำยังไง ผมก็ยังหยุดรักเค้าไม่ได้สักที เพราะแบบนั้น ก็เลยเกลียด เกลียดที่เค้าทำให้มันต้องเป็นแบบนี้ 

   ครืน ครืน ครืน

   เสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่ข้างนอก ปลุกให้ผมลุกขึ้นจากความคิดของตัวเอง เดินออกไปดูสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ของคุณลิปที่บอกให้รู้ว่าตอนนี้เค้าคงเดินทางมาถึงแล้ว

“ ครับ "

“ ช่วยลงมาข้างล่างหน่อยสิ ฉันถึงแล้วแต่เข้าไปไม่ได้ "

“ ถ้าเข้ามาทางด้านหน้าจะเข้ามาได้ครับ " ผมบอกอีกคนที่ก็เงียบไป ประตูเล็กเป็นประตูด้านข้างที่ต้องใช้คีย์การ์ดในการเข้ามาแต่ถ้าเป็นประตูหน้าด้านก็สามารถเดินเข้ามาได้เลย ผมจะโทรไปบอกยามให้ " คุณรู้ชั้นที่พักอยู่แล้ว ขึ้นมาถึงก็เคาะประตูห้อง ผมจะเปิดให้ "

“ ฟานนายไม่ได้ทำอะไรคีย์ใช่มั้ย " คำถามที่ทำให้ผมเงียบ กดตัดสายอีกคนอย่างไม่รู้จะตอบอะไรทั้งนั้น

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก 

   ยืนรออยู่ที่หน้าประตูไม่นานเสียงเคาะประตูของคนที่มาถึงก็ดังขึ้น ผมเดินออกไปเปิดประตูให้เค้าที่ก็เดินเข้ามาในห้องโดยการพุ่งเข้าไปหา เพื่อนสนิทของตัวเองก่อน

“ คีย์ " เค้าเอ่ยเรียกแต่ก็เงียบเสียงลงตอนที่เห็นว่าอีกคนหลับสนิท คุณลิปเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา " ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน " เค้าพูดก่อนจะฉุกคิดขึ้นมาได้ แล้วเปิดเสื้อของอีกฝ่ายออกแต่ก็ต้องถอนหายใจโล่งออกมาอีกครั้งเพราะมันไม่มีอะไร
 " โล่งอกไปที "

“ เค้าไม่ได้บาดเจ็บอะไรแบบนั้นหรอกครับ "

“ แล้วทำไมนายถึงมายืนอยู่ที่นี่ เกลียดเค้าแล้วไม่ใช่เหรอ ไล่เค้าเหมือนหมูเหมือนหมา ทำยังกับว่าเค้าเป็นตัวน่ารังเกียจที่ไม่อยากจะเข้าใกล้ แล้วทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ "

“ ใช่ครับ ผมเกลียดเค้าแล้ว แต่ที่ต้องมายืนอยู่ตรงนี้ เพราะว่าผมสั่งให้คนไปทำร้ายเค้ามา " คำพูดของผมที่ทำให้อีกคนเบิกตากว้างขึ้นมา คุณลิปที่เดินเข้ามาใกล้เอ่ยถาม

" นายทำอะไร "

“ ผมสั่งให้คนไปข่มขืนเค้า "

“ อะไรนะ นายว่าอะไรนะ " เหมือนจะไม่เชื่อหูตัวเองเท่าไหร่ อีกคนก็เลยเอ่ยถามซ้ำออกมาด้วยเสียงสั่นๆ " นี่นาย..”

“ แต่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่า ก็แค่ดักฉุด ถอดเสื้อ ถอดกางเกง ลูบไล้นิดหน่อยให้กลัวจนไม่กล้าจะกลับมาหาผมมันก็.. เพี๊ยะ!! “ แรงฝ่ามือฟาดลงที่หน้าผมทั้งๆที่ยังพูดไม่จบเลยด้วยซ้ำ หันกลับมามองหน้าคนที่ตบผม สุดท้ายคุณลิปเองก็ร้องไห้ออกมาก่อนจะเดินเข้ามาตบหน้าผมซ้ำอีกครั้ง

“ เพี๊ยะ! ทำไมนายถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ นายเคยเป็นคนที่แสนดีไม่ใช่เหรอ แล้วนายทำแบบนั้นได้ยังไง แล้วยังมาบอกว่าแค่ขู่ให้กลัว นายบ้ารึเปล่า ! คนที่นายทำอะ มันเคยเป็นคนที่นายรักมากไม่ใช่เหรอ ทำไมนายถึงทำกับเค้าแบบนี้ละ คีย์น่ะ มันแค่อยากจะอธิบายให้นายฟังเองนะ เค้าแค่อยากจะง้อ แต่นาย... นายกลับทำเหมือนเค้าไม่ใช่คน เป็นแค่สัตว์ตัวนึงที่อยากจะไล่ไปให้พ้นๆ  นายไล่เค้าเหมือนหมูเหมือนหมา นายเอาน้ำแข็งสาดใส่เค้าจนหัวแตก นายผลักเค้าตกฟุตบาท นี่นายยังสั่งคนให้เค้าไปข่มขืนอีกเหรอ จิตใจนายทำด้วยอะไรน่ะ มันหนักหนามากรึยังไง กับอีแค่คนที่รักนายแล้วอยากจะขอโทษในสิ่งที่เค้าทำ มันหนักหนามากนักเหรอ ที่ต้องเห็นเค้า จนต้องมาทำกับเค้าแบบนี้ "

“ เออ! มันหนัก มันไม่อยากจะเห็น มันทรมาน มันอยากจะให้เรื่องนี้จบๆไปได้สักทีแล้ว แต่มันก็ยังเข้ามายุ่ง เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของกู ทั้งๆที่กู ก็เจ็บมากพอแล้ว กับสิ่งที่มันทำกับกู "

“ มันเจ็บมาก ขนาดที่นายสั่งคนไปข่มขืนเค้าเลยเหรอ "

“ กูยังไม่ได้ทำ กูแค่ขู่ "

“ รู้อะไรมั้ยฟาน นายไม่มีวันเข้าใจหรอก ความรู้สึกในตอนที่เราโดนกระทำน่ะ จะแค่ขู่ หรือจริงจัง นายก็ทำลายชีวิตของคีย์ไปแล้ว เค้าจะไม่มีวันไปหานายอีกอย่างที่นายต้องการเพราะเค้ากลัวนั่นคงทำให้นายพอใจ แต่แม้ในชีวิตประจำวันเค้าก็จะกลัวคนอื่นๆไปด้วย นายทำลายชีวิตเค้าไปแล้ว "

“ เหมือนอย่างที่มันทำลายชีวิตกูไง "

“ มันไม่เหมือนกันหรอก!! “ อีกคนตะโกนใส่หน้า " นายอกหักสักวันก็หาย มันจะกลายเป็นแค่ความทรงจำที่นายจะไม่รู้สึกอะไรอีก อาจจะเกลียดกัน ไม่อยากจะเจอหน้า แต่สักวันมันต้องหายอยู่แล้ว แต่คีย์จะไม่มีวันหาย เค้าจะจำ จะนึกถึง ในทุกๆครั้งที่เค้าลืมตาแล้วยังมีชีวิตอยู่ แม้แต่ตอนที่เค้าสัมผัสตัวเอง เค้าก็จะรังเกียจแม้กระทั้งตัวเอง เป็นความรู้สึกที่เหมือนตกนรกอยู่ตลอดเวลา เพราะทุกครั้งที่คิดถึง ทุกครั้งที่เค้าส่องกระจก เค้าจะคิดถึงคนสองคนนั้น คนที่ไหนก็ไม่รู้ รู้จักก็ไม่รู้จัก ท่าทางหื่นกระหายของเค้าตอนที่มองดูเรา มือที่ลูบไล้ไปตามร่างกายของเค้า คนที่ทำร้ายเค้า คนที่ไม่ว่าเค้าจะร้องขอยังไง ก็ไม่มีปล่อยอิสระให้กับเค้า นายฆ่าคีย์ให้นายทั้งเป็นแล้ว นายรู้ตัวบ้างรึเปล่า รู้ตัวตัวมั้ยว่าทำลายชีวิตของคนอื่นไปแล้ว ต่อจากนี้เค้าจะไม่กล้าแม้จะไปไหนอีก แม้จะใช้ชีวิตประจำวันก็ยังลำบาก เค้าที่ต้องกังวลกับทุกอย่าง จมอยู่ในความรู้สึกที่เกินกว่าใครจะรับไหว ไม่ว่าจะนอนตื่น หรือนอนหลับ มันจะหลอกหลอนเค้าไปตลอด สักวันนายอาจจะเจอใครสักคนที่นายรักและมีชีวิตใหม่ เรื่องราวพวกนี้จะกลายเป็นแค่ความทรงจำของนายที่นายคงไม่แม้จะหวนกลับมาคิดถึงและลืมมันไปได้ในที่สุด ไม่รู้สึกอะไรกับมันอีกตลอดชีวิต แต่คีย์ไม่ใช่.. เค้าจะคิดถึงมันไปตลอด กลัวมันไปตลอด และใช้ชีวิตด้วยความทรมานไปตลอด  " น้ำตาของอีกคนไหลออกมา คุณลิปเม้มริมฝีปากก่อนจะหันไปทางอื่น " ฉันไม่น่าเลย มันเป็นความผิดของฉัน ฉันบอกเค้าเองว่าให้ไปง้อนาย ถ้านายสำคัญก็ให้ไปตามกลับมา ฉันบอกคีย์แบบนั้น เพราะฉันเอง ฉันทำลายชีวิตของคีย์ "

“ คุณลิป "

“ นายเกลียดคีย์ เพราะเค้านอกใจนาย ไม่ทำตามความต้องการของนาย หรือเพราะอะไรกันแน่ ทำไมถึงต้องทำร้ายเค้าขนาดนั้น ไม่มีความเป็นคนหลงเหลืออยู่เลยเหรอ นายน่ะ .. นายเคยรักคีย์มากไม่ใช่เหรอฟาน ทำไมถึงทำร้ายเค้าขนาดนี้ละ เพราะไม่รักแล้วอย่างงั้นเหรอ เพราะเกลียดเค้ามากอย่างงั้นเหรอ  "

“ เพราะยังรักตังหากก็เลย พยายามจะทำให้เค้าออกห่างไปไกลๆ "

“ แล้วต้องทำถึงขนาดนี้เลยรึไง ต้องทำร้ายเค้าถึงขนาดนี้เลยเหรอ " คนถามลุกขึ้นยืนคว้าเอาเสื้อตัวที่ผมใส่อยู่ก่อนจะเขย่าแรงๆ น้ำตาที่ไหลออกมาเค้าพูดออกมาทั้งน้ำตาในขณะที่ด่าทอผม " ทำไมนายถึงทำแบบนี้ ทำไมถึงใจร้ายขนาดนี้ แค่เค้าจะง้อเองนะ แค่เค้าจะง้อนายเอง นายมันไม่ใช่คนแล้ว นายมันคือสัตว์เดรัจฉานชัดๆเลย นายทำกับคนที่นายรักแบบนี้ได้ยังไง นายทำลายชีวิตคนที่นายรักแบบนี้ได้ยังไง อึก ฮือๆ แล้วคีย์จะใช่ชีวิตอยู่ยังไง เค้าจะเป็นยังไงถ้าตื่นขึ้นมาละ " ทุกอย่างเงียบผมไม่ตอบคำถามของอีกคนที่ถามออกมา คุณลิปที่เงยหน้าขึ้นมอง เค้าทุบลงบนหน้าอกของผมแรงๆ " ตอบฉันสิ !! นายจะรับผิดชอบความรู้สึกของเพื่อนฉันยังไง นายจะให้เค้าใช่ชีวิตยังไงต่อจากนี้ ตอบสิ ตอบฉันมา! “

“ ผมไม่ทราบครับ มันไม่ใช่เรื่องของผม "

“ ฟาน.. นี่นายไม่ได้รู้สึกผิด ที่ทำร้ายคีย์เลยเหรอ นายที่สั่งให้เค้าไปข่มขืนคนที่นายเคยรัก เคยหวง แตะต้องของที่นายเคยหวงไม่ให้ใครแตะต้อง นายไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ไม่เสียใจในสิ่งที่ทำลงไปบ้างเหรอ นาย..”

“ หวงแล้วจะได้อะไรละ หวงไปก็มีแต่ทำให้เจ็บปวด ผมเคยหวงเค้า เคยรักเค้า แต่เค้าก็ตอบแทนมันด้วยการไปรักคนอื่น ไปให้คนอื่นลูบคลำ แล้วผมจำเป็นต้องหวงเหรอ ในเมื่อเค้าไม่เคยต้องการมันเลย "

“ ผิดแล้ว คีย์ไม่เคยให้หัวหน้าลูบคลำสักหน่อย ก่อนหน้าที่จะมาหานายเค้าก็เกือบโดนหัวหน้าข่มขืนมา "

“ นั่นเค้าก็ชอบ.. คงไม่เกี่ยวกันหรอกมั้ง "

“ ฟาน!! “ เสียงตะโกนของคนตรงหน้าที่ทำให้ผม ผ่อนลมหายใจที่อยากจะเถียงต่อออกมาช้าๆ " ฉันเคยคิดว่านายคงเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะฟังเหตุผลต่างๆ แต่วันนี้ฉันค้นพบแล้วว่า นายมันก็แค่เด็กคนนึง ที่ไม่แม้จะเปิดใจให้กับอะไรเลย นายที่ไม่ฟังแม้เหตุผล นายที่ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ถ้าคิดว่าผิด ก็คือผิด นายจะไม่ฟังคำพูดของคนที่กำลังอธิบายเลย ว่าเค้าไม่ผิด อย่าโกรธคีย์เลย ที่ชอบบอกว่านายเป็นเด็ก เพราะนายมันก็เด็กจริงๆ " คุณลิปเว้นเสียงไปสักพักถอนหายใจออกมา " ฉันรู้ว่าคีย์ผิดที่นอกใจนายไปหวั่นไหวกับหัวหน้า แต่เค้าก็กลับตัวแล้วก็ไม่ได้อยากจะไปกับงานสัมมนากับหัวหน้าสักหน่อย ถ้านายจะโกรธที่เค้านอกใจนาย ฉันจะไม่ว่าเลย แต่ถ้านายโกรธเพราะเค้าไปงานสัมมนางาน โกรธที่เค้าไม่ยอมลาออกจากงาน ฉันว่ามันไม่ใช่วะ เหมือนแค่เค้าไม่ตามใจแล้วนายก็ฉุนจนฟิวขาด คิดไปต่างๆนานา ว่าเค้าต้องอยากจะเอากัน เลยไปด้วยกัน คิดว่ามันต้องเอากันแน่ๆ เพราะหัวหน้าก็อยากจะเอาคีย์อยู่แล้ว นายจะเอาความคิดของหัวหน้าที่นายมองออกมา มาตัดสินคีย์ไม่ได้นะ เค้าไม่ได้อยากจะไปเลย แล้วพอเค้าไป เค้าโดนหัวหน้าจะจับข่มขืน เค้าก็เจ็บปวดมากพอแล้ว แต่นี่ยังจะมาโดนนายทำร้ายอีก นายคิดว่า การที่เค้านอกใจนาย เค้าต้องได้รับโทษขนาดนี้เลยเหรอ " ผมเงียบทุกอย่างผมรู้ดีว่าผมผิด ผิดที่ทำร้ายเค้า ผิดที่ทำลายชีวิตของเค้า เพราะงั้นผมเลยเงียบแล้วไม่ได้โต้เถียงอะไรอีกคนไป ผมคิดถึงใบหน้าที่ผมรัก ต้องทุกข์ทรมานผมก็ได้แต่รู้สึกผิด เหมือนนั่นเป็นแค่สิ่งเดียวที่ผมทำได้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว ความรู้สึกของคีย์เสียไปแล้ว ผมทำลายเค้าไปแล้ว นั่นคือสิ่งที่ผมจะย้อนกลับไปไม่ได้อีก

“ ถ้านายทรมานกับการที่เค้าจะเข้าไปง้อ เข้าไปขอคุยด้วย นายแค่นั่งฟังเค้าสักครั้ง ด้วยความตั้งใจ มันยากมากนักเหรอ ถ้าไม่อยากจะฟังก็เฉยชากับเค้าก็ได้ แต่ถ้าไม่อยากจะเห็นหน้าจนสุดจะทนแล้ว ก็โทรมาบอกฉันสิ ฉันจะห้ามเค้าไว้เอง คนเราน่ะ ถ้าถูกคนที่รักเฉยชาใส่ มันทนไม่ได้จนเลิกที่จะเดินตามไปเองแหละ แล้วมาดูสิ่งที่นายทำกับเค้าสิ นายคิดว่าตัวเอง ทำแบบนั้นมันถูกแล้วเหรอ นายโดนนอกใจฉันเข้าใจว่ามันแค้น แต่มันถูกแล้วเหรอ ที่นายแก้แค้นเค้า ด้วยการทำร้ายเค้า ทำให้เค้ากลัว ด้วยการสั่งคนไปข่มขืนเค้า นั่นมันถูกแล้วเหรอ ฟาน.. แล้วฉันจะบอกอะไรให้ฟังนะ วันนี้นายทำลายชีวิตของคีย์ มากกว่าที่เค้าทำให้นายเสียใจซะอีก มันมากกว่าจนนายประเมินค่ามันไม่ได้เลยรู้เอาไว้ซะด้วย นายไม่ได้แค่ทำให้เค้าเสียใจ ไม่ได้ทำให้เค้าแค่กลัว แต่นายเหมือนฆ่าเค้าให้ตายทั้งเป็น แล้วฉันก็แค่อยากจะรู้ ว่าเค้าผิดขนาดนั้นเลยเหรอ "

..........................................................

วันนี้ลงนิยายเร็ว เพราะอยู่ๆ คอมตัวดีมันก็ชาร์ตแบตไม่เข้าซะงั้น
เมื่อวานนั่งเล่นอยู่ดีๆ ไฟดันตก ตกอยู่ สองครั้ง หลังจากนั้นก็ชาร์ตไฟไม่เข้าอีกเลย โคตรเครียดด กลัวคอมพัง
แล้วไม่รู้ว่า สายชาร์ต หรือ คอม ที่เสียกันแน่
เครียดกว่านิยายตอนนี้ก็ชีวิตหนมแล้วเค่อะ TTTT ใครเคยเจอวิธีนี้ กับ macbook บอกหน่อยสิคะ ว่ามันเป็นอะไร
ตอนนี้เอานิยายออกหมด แบตเหลืออยู่จิ๋วนึง ขออัพนิยายก่อน เพราะเดี๋ยวไม่ได้อัพ
บ่นเรื่องตัวเองมากไป มาเข้าเรื่องนิยายบ้าง

สงสารพี่คีย์ แต่อีกใจก็ไม่ได้สงสารน้องฟานนะ เพราะคิดว่าน้องทำแรงไป แต่ที่คิดคือ ฟานเองก็เสียใจเหมือนกัน
หนมว่าฟานเหมือนกับ เด็กที่พอตัวเองเสียใจแล้วโวยวายด้วยการกระทำ
กูเสียใจ กูเสียใจ เหมือนเค้ารู้สึกอย่างงั้นแต่ไม่มีระบบจัดการตัวเองอะ ระบายความรู้สึกตัวเองออกมาไม่ได้
มันอึดอัด มันก้าวร้าว มันอยากจะหนีปัญหาไปไกลๆ
มันพาลไปหมด เหมือนโลกเป็นสีดำ เหมือนมองไม่เห็นใครอีกแล้ว อาการของคนจัดการกับความเสียใจไม่เป็น

ยังไงฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตให้กำลังใจหนมด้วย
ฝากแชร์ ในเฟส ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
ขอให้คอมไม่เป็นอะไรมากด้วยเถอะ #สาธุ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 27-11-2016 19:04:24

อ่านตอนนี้ทั้งน้ำตา คิดตามที่ลิปพูด

พรุ่งนี้คีย์จะมีชีวิตอยู่อย่างไร
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: madxsound ที่ 27-11-2016 19:06:08
ตอนนี้คือ ลิปพูดถูกทุกอย่าง ฟ่านรักคีย์จนเป็นบ้า หวงเค้าโดยไม่มีเหตุผล ถึงแม้คีย์จะผิดจริงๆที่นอกใจ แต่การบอกให้คนไปข่มขืนคือมันไม่ใช่คนแล้วอ่ะ แค่ฟ่านทิ้งคีย์ไป คีย์ก็ไม่เหลือความเป็นคนแล้วอ่ะ
ฟ่านบอกว่าฟ่านอยู่มหาลัยแล้ว แต่คนเรียนมหาลัยมีความคิดอย่างนี้หรอ แล้วบอกว่าตัวเองโตแล้ว เราว่ามันไม่ใช่

คนเขียนก็สร้างตัวละครให้น่าสงสารเกิ้น อ่านไปอินไป มโนว่าเป็นเรื่องจริงเฉย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 27-11-2016 19:07:17
 :katai1: ถ้าฟานจะเป็นคนแบบนี้ก็ไม่สมควรที่จะได้รับความรักจากใคร
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 27-11-2016 19:17:20
ลิปนี่เหมือนตัวแทนของคนอ่านอ่ะคือด่าได้โดนใจตั้งแต่คราวคีย์ยันมาคราฟาน  โหยยยย...สงสารคีย์
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 27-11-2016 19:17:27
ิีฟานนนนน ทำไมทำกับคีย์แบบนี้  :mew4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: Palita08 ที่ 27-11-2016 19:26:08
คืออ่านตอนนี้แล้วแบบ...น่ำตาไหลเลยอะ :mew2: ที่ลิปพูดคือคิดตามอะ ว่าคีย์จะใช้ชีวิตต่อไปยังไงในตอนที่ตื่นขึ้นมาอะ ฮืออออออ. คีย์ผิดที่นอกใจแต่ฟานเลวเพราะทำลายคนที่รักให้ตายทั้งเป็นอะ โอ๊ยยยยยยยย. อยากอ่านต่ออออออฮือออออออ :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 27-11-2016 19:27:43
หลังจากคีย์พูดจบแล้วฟานจะทำยังไงต่อไป แล้วคีย์จะทำยังไงต่อไป และหวังว่าคีย์คงไม่ได้ยินที่ลิปกับฟานคุยกันนะไม่งั้นกลัวว่าจะโดนตึกซะก่อน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 27-11-2016 19:37:08
หลังจากที่ตามด่านังคีย์มาตลอด ไม่ได้ต้องการให้นางเจอแบบนี้เลย สงสารอ่ะ  ฟานทำเกินไปมาก!! นางได้รับบทเรียนพอแล้วล่ะ เกินไปด้วยซ้ำ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 27-11-2016 19:45:38
คนหนึ่งผิดเพราะหวั่นไหว ใจง่าย อีกคนผิดเพราะใช้แต่อารมณ์ ปิดหูปิดตา สรุปเรื่องนี้ลิปถูกคนเดียวตั้งแต่แรก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 27-11-2016 19:45:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 27-11-2016 19:55:43
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 27-11-2016 20:01:38
อ่านตอนนี้จบ เหมือนไม่จบอะ ><
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-11-2016 20:02:53
เราว่าลิปพูดถูกนะ ทั้งสองคนต่างก็สร้างแผลใจให้แก่กัน แต่วันหนึ่งฟานจะมีโอกาสเจอใครสักคนที่สามารถรักได้ ในขณะที่คีย์ต้องอยู่อย่างยากลำบากและทรมานกับสิ่งที่ได้รับ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 27-11-2016 20:58:07
ดีใจมากกก ที่ลิปมาวันนี้
นอกนั้นก้
รอให้นู๋ฟานคิดได้ และดูอาการของคีย์ตอนตื่นมา รู้ความจิง
ว่าจะเป็นยังไงต่อ
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 27-11-2016 21:26:02
ฟานเด็กมาก คิดถึงแต่ตัวเอง  ชอบเอาชนะ
ทำอะไรไปพอเห็นผลแล้ว ถึงจะรู้ว่าที่ทำไปมันผิด
แต่ก็ยังใช้อารมณ์และความคิดของตัวเองเป็นใหญ่
ทำร้ายเขา ก็ต้องให้หักกันไปข้าง ให้เห็นว่าเขาเจ็บปวดกว่าตัวเอง

แต่คีย์  ตอนนี้ต้องรักตัวเองให้มากแล้ว  ใครไม่รักเราต้องรักตัวเอง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 27-11-2016 22:03:21
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 28-11-2016 04:22:05
ให้ลิป100 คะแนนเต็ม พูดแทนใจเราทั้งหมด...
ลึกแล้ว ฟานก็แค่เด็กนี่แหละแต่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่
มันไม่ใช่แค่ขู่ หรือ แค่ อะไรใดๆก็ตาม หลังจากนี้ คีย์อาจจะเป็นบ้าไปเลยก็ได้ ก็เกือบโดนมา 2 ครั้งติดๆอ่ะ ใจมันไม่ไหวจะรับหรอก คีย์ผิดที่นอกใจแต่มันไม่สมควรที่จะถูกทำแบบนี้ ชีวิตของคนหนึ่ง มันใช่คำว่าแค่ ไม่ได้หรอกนะฟาน ถ้าหากได้กลับมาคบกันอีกครั้ง จะมองหน้าคีย์ยังไงก็ให้เจ็บปวดหรอ? แต่นั้นก็เป็นสิ่งที่ฟานจะได้รับล่ะ ก็เป็นคนลงมือเองนี่



ขอบคุณค่าาาาาาา :3
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: Supak-davil ที่ 28-11-2016 10:54:04
ขอบคุณคนเขียนมากมาย
ที่ยังคงแน่วแน่ตามพล็อตที่วางไว้
ทั้งๆที่โดนถล่มซะขนาดนี้
เราชอบความหนักแน่นของคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 28-11-2016 11:41:00
สงสารคีย์สุดๆตอนนี้  :hao5:
ลิปพูดได้ถูกใจมากๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: pim14 ที่ 28-11-2016 11:44:18
ยอมรับว่าแอบเชียร์ฟานลึกๆในใจมาตลอด พอเจอตอนนี้ เราตัดขาดแล้วล่ะ เพราะความแค้นมันบังตา ความสำนึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำมันก็เลยต่ำมาก  เราว่าคนแบบนี้ไม่เหมาะกับตำแหน่งพระเอกอีกต่อไป เราว่าสองคนนี้มันคงไม่ได้รักกีนหรอก บางคู่ก็แค่เหมาะกันในเวลาปกติ แต่เมื่อมีเหตุกนะทบแล้วจัดการชีวิตคู่แบบนี้ แยกกันไป ต่างคนต่างมีชีวิตซะดีกว่า บ๊ายบายนะฟาน คีย์ไม่น่าจะกล้ายุ่งกับแกอีกแล้วแหละ สมใจอยาก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 28-11-2016 19:43:22
บทเรียนที่ต้องจดจำ ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 28-11-2016 22:20:32
 :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 29-11-2016 10:12:55
คำว่า เพราะเขาทำให้เราเสียใจ

ไม่ใช่ข้ออ้างในการทำร้ายร่างกายคนอื่นนะฟาน

ทุกคนต้องได้รับบทเรียนจากการกระทำของตัวเอง

คิดว่าคีย์ได้รับแล้ว เหลือตาฟานแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: p^tarn ที่ 29-11-2016 12:02:55
ให้คนเราผิดแค่ไหมจะนอกใจ ซุกกิ๊ก หรืออะไรๆมันก็ไม่ใช่ความผิดถึงกับต้องโดนข่มขืนปะ ถึงฟานจะไปทันแต่อะไรคือคำว่ารักถ้าจะสามารถทำร้ายกันได้ขนาดนี้ คนที่โดนข่มขืนมันคือการโดนฆ่าทั้งเป็นเลยนะ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือเปล่ามันก็คือแผลร้ายในใจในชีวิตไปแล้ว แผลแบบนี้มันไม่มีวันหายชั่วชีวิต. ในที่สุดฟานก็รักแต่ตัวเองนั้นหละ ไม่ได้รักคีย์หรอก เพราะถ้ารักคงไม่ทำกันขนาดนี้ ไม่มีหัวคิด ไร้สมองที่สุด แล้วถ้าคีย์รู้ว่าคนที่สั่งให้คนข่มขืนตัวเองคือคนรัก คือคนที่ตัวเองรักมากจนยอมทิ้งศักด์ศรี ตามง้อ โดนเขาเหยียดหยามสารพัด ทำร้ายทั้งจิตใจและทำร้ายร่างกาย ถ้าวันหนึ่งคีย์รู้ว่าคนที่ทำเรื่องเลวร้ายกับตัวเองขนาดนี้คือฟาน. คีย์จะให้อภัยฟานได้ยังไง จะกลับไปรักคนเลวๆแบบฟานได้ยังไง.  พอเราอ่านมาถึง ณ จุด ที่ฟานให้คนไปลงมือข่มขืนคีย์  เราคิดไม่ออกว่า สองคนนี้จะสมหวังกันได้ยังไง. สิ่งที่ฟานทำมันเหี้ยเกินกว่าคนรักคนหนึ่งจะทำกับคู่รักตัวเอง อย่าว่าแต่เป็นพระเอกเลย. เป็นตัวร้ายยังไม่มีใครทำกับคนรักแบบฟานเลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 30-11-2016 12:47:11
รรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร รออยู่นะ

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 52 ' ผิดมากไหม ' UP - 27.11.59} หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 30-11-2016 14:54:56
เป็นความรักที่น่ากลัวมาก
ยิ่งสมัยนี้ข่าวฆ่ากันเพราะมีชู้เยอะมาก
หวังว่าคนเขียนจะให้ฟานได้รับบทเรียน
หรือกรรมตามสนองที่ผู้ชายคนนั้นก่อ
คีย์ได้รับบทเรียนที่แสนน่ากลัวไปแล้ว
ลิปพูดได้ดี นี้ถ้าคนอ่านเข้าไปได้จะไปช่วยด่าแม่ง 55555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 02-12-2016 20:22:48

ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 53
' ปล่อย '

   แสงของเช้าวันใหม่สาดเข้ามาในห้อง ผมลืมตาขึ้นมาจากโซฟาตัวที่นั่งอยู่ช้าๆ ไม่รู้เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะตอนที่คุณลิปร้องไห้จนตัวโยแฟนเค้าก็เข้ามารับแล้วกลับกันออกไป  ผมก็ดึงตัวเองกลับมานั่งที่โซฟาตัวนี้ แล้วคิดทบทวนในสิ่งที่อีกคนพูดด้วยความรู้สึกหลากหลายที่อยู่ในใจ ' ฉันแค่อยากรู้ว่าเค้าผิดขนาดนั้นเลยเหรอ ' ผิิดขนาดที่เราต้องสั่งคนไปแกล้งเป็นว่า ข่มขืนเค้าเพื่อให้เค้ากลัว เพื่อไม่ให้มาหาเรา เพื่อปกป้องตัวเองไม่ให้เห็นหน้าเค้าอีก เพื่อที่จะทำให้ลืมทุกอย่างได้ง่ายขึ้น แต่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของอีกคนเลย ว่าเค้าจะรู้สึกยังไง ทั้งๆที่ตอนทำก็คิดแค่ว่า ' ช่างมัน เค้าไม่ใช่คนที่เราจะรักอีก ' แต่ตอนนี้มันไม่ใช่.. เพราะแม้แต่ในฐานะเพื่อนร่วมโลกคนนึง มันก็โหดร้ายเกินไป

   ..ครืน..

   เสียงเลื่อนประตูที่ทำให้ผมหันไปมอง ร่างบางที่คิดว่าหลับสนิทอยู่ตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าเค้าหลบตาลงตอนที่เห็นผมนั่งอยู่ ก่อนจะพาตัวเองมานั่งที่โต๊ะกินข้าวเล็กๆ ที่ติดกับห้องครัว

“ ไม่นอนต่ออีกหน่อยละ "

“ นอนไม่หลับแล้วละ " เค้าพูดสั้นๆ ผมก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินเข้าไปในครัว

“ จะกินอะไรหน่อยมั้ย นม กาแฟ จะลงไปซื้อให้ "

“ แค่กาแฟก็พอ " เค้าบอกสั้นๆก่อนจะทำทีลุกขึ้น แต่ผมก็เอ่ยห้ามไว้

“ ไม่ต้องลุกหรอก เดี๋ยวชงให้เอง กินแบบเดิมใช่มั้ยละ "

“ อื้ม " เสียงตอบรับเบาๆ ผมหยิบแก้วใบเดิมของเค้า ชงกาแฟแบบที่เค้ากินบ่อยๆให้ ในห้องที่ไม่มีแม้ขนมปังสักชิ้น แค่กาแฟแล้วก็น้ำเปล่า เพราะของทุกอย่างที่มันเคยมีผมทิ้งไปหมดแล้วก่อนที่จะออกไป ไม่อยากจะหลงเหลืออะไรเกี่ยวกับตัวเองที่เคยทำไว้ที่นี่อีก เป็นคนที่คิดอยู่เสมอว่า ถ้าจะตัดอะไรก็ต้องตัดให้ขาด เพราะถ้าตัดไม่ขาดมันก็จะต้องเป็นแบบนี้ แบบที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“ นี่ กาแฟ " ยื่นแก้วกาแฟส่งไปให้เค้า ผมนั่งลงตรงหน้าอีกคนที่ก็มองผมก่อนจะก้มลงกินกาแฟ " คิดจะพูดเลยรึเปล่า เรื่องที่อยากจะพูด จะได้ฟัง "

“ เรื่องวานที่เกิดขึ้นกับฉัน คงทำให้นายลำบาก ขอโทษด้วยนะ " เค้ากำแก้วนั่นแน่นตอนที่พูดประโยคนั้นออกมากับผม ริมฝีปากที่เม้มสนิท ผมรู้ว่าเค้าคงคิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นที่เกิดขึ้นกับเค้าตอนที่พูดถึงเรื่องนั้นออกมา คงคิดถึงผู้ชายสองคนนั้น คิดถึงเหตุการณ์แย่ๆที่มันเกิดขึ้น คิดถึงเสียงกรีดร้องของตัวเอง หรือแม้แต่มือที่ลูบไล้ไปตามเรือนร่าง " ฉัน..”

“ ไม่ต้องขอโทษ ฉันเป็นสั่งให้มันสองคนไปทำแบบนั้นเอง " ทุกอย่างเงียบแม้แต่คนที่กำลังจะพูดตรงหน้าก็ทำได้แค่มองผมด้วยความรู้สึกไม่เชื่อ สายตาที่กำลังสั่นไหวนั่นผมมองเค้าจ้องมาที่แววตาของผมที่ทำได้แค่ถอนหายใจแล้วก้มหน้าลงต่ำ " ฉันขอโทษ มันเป็นความคิดที่งี่เง่าและสิ้นคิดของฉันเอง "

“ ฟาน .. เกลียดฉันขนาดนั้นเลยเหรอ " คำถามที่ทำให้ผมเงยหน้ามองเค้า น้ำตาที่ไหลออกมามาของเค้า " นายเกลียดฉันขนาดนั้นเลยเหรอ "

“ อื้ม " ยอมรับออกไปสั้นๆ น้ำลายเหนียวๆของผมก็เหมือนจะชวนให้ความรู้สึกตอนนี้ที่แม้จะหายใจยังรู้สึกอึดอัด คนสองคนที่นั่งตรงกันข้ามที่โต๊ะอาหาร ในห้องที่เงียบเชียบของเวลาเช้า บรรยากาศที่ชวนให้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก " ฉันเกลียดนาย เกลียดที่ต้องเห็นหน้า หงุดหงิดที่ต้องมาเห็นน้ำตาที่ร้องไห้ออกมา มันรู้สึกน่าสมเพช จะอ้วก หึ..” ผมหลุดหัวเราะ " ขอโทษนะที่พูดอะไรออกไปตรงๆ "

“ ไม่เป็นไร " เค้าบอก

“ ฉันแค่คิดถึงตอนที่ฉันคุกเข่าขอร้อง คิดถึงตอนที่ให้ทุ่มเททุกอย่างให้นาย คิดถึงช่วงเวลาที่นายนอกใจฉัน พอคิดถึงตอนนั้นมันทำให้ฉันตั้งคำถามกับตัวเองแล้วอยากจะถามนายออกไปว่า ' ร้องไห้ทำไมวะ ก็ทำตัวเองทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ ? ' จะคร่ำครวญหาสวรรค์วิมารอะไรฉันขอร้องให้นายนอกใจฉันเหรอ ก็เปล่าใช่มั้ยละ ตัวนายเองทำตัวเองแท้ๆ แล้วอีกอย่างที่สงสัยคือ คนเรามันก็แปลกทีตอนฉันขอร้องนาย นายไม่เห็นเคยฟัง แต่วันนี้กลับมาขอร้องฉัน ให้ฉันฟังนาย ถามจริงๆเถอะ ไม่คิดว่าตัวเองเห็นแก่ตัวเกินไปเหรอ "

“ ฉันขอโทษ "

“ เลิกพูดคำนั้นเถอะ ต่อให้ฟังอีกกี่ครั้ง ฉันก็ไม่ให้อภัยนายเพราะแค่คำพูดนั้นหรอก " ผมว่ายิ้มๆ " เพราะงั้นตอนนี้ก็พูดในสิ่งที่อยากจะพูดมาก็แล้วกัน ฉันจะฟัง "

“ ทำไมถึงสั่งให้คนไปทำแบบนั้นกับฉัน "

“ เพราะไม่อยากจะเห็นขี้หน้านายอีก ไม่ว่าจะทำยังไง ไล่ยังไง ขอร้องยังไงก็ยังกลับมา แบบนั้นก็เลยสั่งคนไปทำให้กลัว เพื่อที่จะไม่ให้มาที่นั่นอีก แต่ฉันก็ไม่ได้บอกว่าข่มขืนจริงๆหรอกนะ แค่ให้ขู่ให้กลัว " น้ำตาของอีกฝ่ายไหลออกมา เค้าที่ก้มหน้าร้องไห้อยู่ตรงหน้าผม ชวนให้ทุกอย่างเงียบไปทั้งๆที่ผมกำลังเป็นเด็กปากดีอยู่แท้ๆ

“ ทุกอย่างมันเป็นเพราะฉันอีกแล้วสินะ เพราะฉันดึงดันที่จะเข้าไปหานายมันก็เลยต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เพราะฉันเองสินะ " เค้าพูดเสียงเบาๆออกมาในขณะนั้น " เมื่อวานทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ผู้ชายสองคนที่เดินตามฉันมาเค้าน่ากลัวมากตอนที่เค้าคว้ามือฉันให้ออกห่างจากแท็กซี่แล้วฉุดเข้าไปหลังกำแพง มือสากๆที่ลูบไปตามร่างกายของฉันมันน่าขยะแขยงไปหมด " เค้าว่าพลางเอามือลูบไปตามตามร่างกายของตัวเองแรงๆ " รอยยิ้มของเค้ามือที่ปิดปากฉันไม่ว่าจะร้องขอยังไงก็ไม่มีวันปล่อยฉันไป ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ ฉันพูดแบบนั้นกับเค้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าออกมาจากปากที่มือนั่นปิดอยู่ " เค้ายกมือขึ้นเช็ดปากตัวเองแรงๆไปมาเสียหลายที " ฉันบอกเค้าว่า ได้โปรดไว้ชีวิตฉันด้วย ฉันบอกเค้าว่าอย่าทำร้ายฉันเลย ฉันขอร้อง ฉัน..อึก ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว ฉันบอกเค้า อึก ฮือๆ ฉันบอกเค้าว่าขอให้ฉันได้เหลือความเป็นคนไว้เถอะนะ เพราะฉันไม่เหลืออะไรแล้ว อึก ฮือๆ แล้ว แล้วในตอนนั้นเค้าก็ถอดกระดุมเสื้อของฉัน มือที่ลูบไปตามเนื้อตัว มันสกปรกมากๆ ฉันรู้สึกว่าตัวเองสกปรกมากๆ น่าขยะแขยง ไม่ว่าจะอาบน้ำเท่าไหร่ ถูให้แรงยังไง มันก็ยังสกปรกอยู่ แม้แต่ตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกว่า ตัวฉันมันสกปรก มันสกปรกมากๆเลย ฮือๆ " น้ำตาที่ไหลออกมามากมายของเค้า แขนเล็กๆกอดตัวเองเอาไว้แน่นราวกับว่าตัวเค้ามีแค่ตัวเค้าเท่านั้นที่คอยเป็นที่พึ่งพิง " มันเป็นความผิดของฉันเองสินะ ฉันรนหาที่เอง มันเป็นความผิดของฉันเองที่ยังดึงดันไปหานาย ทั้งๆที่นายเองก็เตือนฉันแล้วว่าอย่าทำ ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นมันเป็นความผิดของฉัน หัวหน้าจะข่มขืนฉันมันก็เป็นความผิดของฉัน ผิดที่ฉันไปหวั่นไหวกับเค้าก่อน นายที่ทำร้ายฉันมันก็ผิดเพราะฉันเองที่ทำร้ายนายก่อน "

    ผมหลบตาลงต่ำตอนที่ฟังคำพูดนั้น ไม่เห็นต้องมีคำพูดด่าทอแรงๆ หรืออะไรอย่างที่ผมพูดกับเค้าเลย แต่ทุกอย่างก็ฟังแล้วทำให้รู้สึกเจ็บจุกอยู่ในอกจนอยากจะร้องไห้ออกมา ผมอยากจะกอดเค้าไว้ เค้าไม่ได้น่ารังเกียจหรือน่าขยะแขยงอะไร เค้าไม่ได้ไม่เหลืออะไรแล้ว มันไม่ได้เสียอะไรไปทั้งนั้น ทุกอย่างมันยังอยู่อย่าคิดแบบนั้น แต่อีกใจก็ไม่อยากจะทำอะไร ' แล้วยังไงเค้าไม่ใช่คนเรารักแล้วแคร์อะไรอีก ' แต่ว่าในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกันสิ่งที่ผมทำกับเค้าก็ดูแย่เกินกว่าจะมาบอกว่าไม่ต้องแคร์ไม่ใช่เหรอ เราไม่ได้ทำร้ายแค่ร่างกาย ตอนนี้ผมทำร้ายเค้าไปหมด ทั้งร่างกายและจิตใจ

   นึกถึงคำพูดของพี่คอมที่เตือนผมว่าอย่าทำ แต่ตอนนั้นผมที่คิดสั้นๆแค่ว่าแค่โดนลูบไล้ ไม่เป็นไร มีผัวใหม่เดี๋ยวก็ลืม .. แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้ามันไม่ใช่  นึกถึงคำถามของคุณลิปที่เอ่ยถามผมไว้แต่ผมไม่ได้ตอบ

' ฉันแค่อยากรู้ว่าเค้าผิดขนาดนั้นเลยเหรอ ' 

' เปล่า เค้าไม่ได้ผิดอะไรขนาดนั้น ไม่ได้ผิดถึงขั้นจะต้องมาโดนทำร้ายความรู้สึกขนาดนี้ "

“ ขอโทษ ฉันขอโทษ " ผมเองก็พูดได้แค่นั้น ทั้งๆที่เพิ่งบอกเค้าไปก่อนหน้านี้แท้ๆ ว่าคำพูดนั้น ต่อให้ฟังอีกกี่ครั้ง ก็ให้อภัยเพราะคำพูดนั้นไม่ได้ เรื่องบางเรื่องคำว่าขอโทษก็เป็นคำพูดที่ใช้งานไม่ได้  ผมเองให้อภัยเค้าไม่ได้ด้วยแค่คำว่าขอโทษ เพราะเค้านอกใจแล้วทำให้ผมเสียใจ ส่วนเค้าเองก็คงให้อภัยผมไม่ได้เหมือนกันที่ทำแบบนั้นกับเค้า

“ เพราะนายไม่ได้รักฉันแล้ว มันก็ไม่แปลกหรอกที่นายจะทำร้ายฉัน ฉันผิดเองที่ทำร้ายนายก่อน ฉันผิดเอง ที่ไม่ยอมฟังคำพูดของลิปที่ก็เตือนฉันแล้ว ถ้าเค้ารักเราเค้าจะไม่ทำให้เราต้องเจ็บปวดหรอก " เค้าบอกก่อนจะเอื้อมมือไปจับแผลที่หน้าผากของตัวเอง แผลที่ผมเผลอสาดถังน้ำแข็งใส่เค้าจนเลือดอาบ " ขอโทษที่ฉันยังดึงดันให้นายกลับมา ขอโทษที่ฉันคิดว่าแค่สองวันที่เราทะเลาะกัน ฟานจะไม่รักฉันแล้วอย่างงั้นเหรอ จะเป็นไปได้ยังไง " เค้าว่ายิ้มๆ  " แต่วันนี้ฉันรู้แล้ว ว่าฟานคนนั้นมันไม่มีแล้ว นายไม่ได้รักฉันแล้วจริงๆ ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับนายแล้วละ เรื่องที่อยากจะพูดกับนาย ตอนนี้ก็ไม่อยากพูดแล้ว "

“ งั้นฉันมีอะไรจะถาม " เค้าเงยหน้ามองผมตอนที่พูดออกไปแบบนั้น " คุณรักผมมั้ย ผมแค่อยากรู้ ว่าตลอดมาคุณรักผมมั้ย "

“ รักสิ "

“ รักจริงๆ หรือแค่เสียดายกันแน่ รักจริงๆ หรือแค่คิดว่า กูต้องกลายป็นคนโง่แน่ๆถ้าเสียคนคนนี้ไป กูต้องมีเค้าอยู่เพราะเค้าดีกับกู เหตุผลที่คุณบอกว่ารักผม เหตุผลที่คุณยังพยายามดึงดันมัน เพราะรักผมจริงๆ ไม่อยากจะเสียผมไปจริงๆ หรือจริงๆแค่เพราะตอนนี้ไม่เหลือใครแล้ว เลยกลับมา กลับมาเพราะยังรู้สึกว่า ผมยังรักคุณอยู่ เพราะผมเคยรักคุณมาก ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน คุณรู้สึกยังไงกับผมเหรอ "

“ ฉันมีความสุขที่มีนายอยู่ " เค้าบอก " ในทุกวันที่ตื่นขึ้นมาฉันเห็นนาย นายที่กำลังกอดฉัน นายที่ทำทุกอย่างให้ฉัน ฉันมีความสุขที่ได้รับมัน  มีความสุขที่นายอยู่ข้างๆฉัน ฉันไม่เคยรู้เลยว่า มันเรียกความรู้สึกพวกนั้นว่าอะไร นอกจากความสุข ชอบเหรอ หรือว่ารักฉันไม่ได้หาคำตอบพวกนั้น ไม่เคยแปลความสุขของฉันเป็นความหมายที่เฉพาะตัวอะไร และเพราะคิดมาตลอดว่า เราไม่จำเป็นต้องหาความรู้สึกพวกนั้นว่าคืออะไรหรอก วันไหนที่มันรู้สึกมากขึ้นมันคงจะเปลี่ยนจากคำว่าความสุขที่ฉันคิด เป็นคำอื่นเองนั่นแหละ แล้วพอวันที่จะเสียนายไปฉันเลยได้รู้ ว่าจริงๆแล้วฉันรู้สึกยังไง "

“ อื้ม .. แล้วทำไมถึงนอกใจผมละ ถ้ามีความสุข แล้วนอกใจกันทำไม "

“ ฉัน...” ท่าทางอึกอักของเค้า คำพูดที่ไม่กล้าพูดออกมา

“ พูดออกมาเถอะ คำพูดที่อยากจะพูด ตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรที่ได้ฟังมันหรอก "

“ หัวหน้าเป็นคนในแบบที่ฉันชอบมาตลอด ฉันแอบรักเค้ามาสามปี จนกระทั้งมาเจอนาย ฉันไม่ได้ชอบคนอายุน้อยกว่านายเองก็น่าจะรู้เรื่องนั้นดี "

“ อื้ม " ใช่ ผมรู้ดีเพราะเรื่องที่จะทำให้เค้าชอบเป็นเรื่องที่ผมพยายามมาตลอด

“ ทั้งๆที่ไม่ชอบคนอายุน้อยกว่าเลยแต่ฉันกลับมีความสุขมากๆที่ได้อยู่กับนาย มันเหมือนว่าฉันเป็นตัวเองได้มากที่สุด ไม่ต้องทำตัวให้ดีเหมือนใครๆ ไม่ต้องเกร็งเหมือนตอนที่แอบชอบหัวหน้า แต่พอหัวหน้ารู้ว่าฉันมีแฟนตั้งแต่นั่นเค้าก็เริ่มเข้าหาฉันมากขึ้น เพราะงานที่มีปัญหาทำให้ฉันรู้สึกดีกับเค้าเพราะเค้าช่วยเหลือฉันไว้ แล้วก็ตอนที่เค้าช่วยฉันไว้ที่ตอนที่เจอคนลวนลามในรถไฟอีก นั่นก็ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นไปอีก ฉันหวั่นไหว แล้วก็ลังเลมากขึ้นทั้งๆที่ฉันในตอนนั้นมีนายอยู่แล้ว ฉันจะไม่ขอแก้ตัวว่าไม่รู้สึก ฉันรู้สึกดีกับเค้ามาก เพราะเค้าเป็นคนที่ฉันชอบมาตลอดและเลิกหวังไปแล้วว่าเค้าจะมามีใจ แต่แล้วเค้าก็หันมาชอบฉัน ฉันก็เลยหวั่นไหว แต่พอรู้สึกหวั่นไหวจนถล้ำลึกมากขึ้นฉันก็มีปัญหาทะเลาะกับนายขึ้นมา ตอนที่นายขอให้ฉันเลิกไปกินข้าวกับหัวหน้าแล้วฉันไม่ยอม นายบอกฉันว่า นายจะทำแบบฉันบ้าง ฉันจะได้รู้ว่านายรู้สึกยังไง " ผมพยักหน้ารับตอนที่เค้าพูดออกมา ทุกอย่างที่เค้าเล่าผมเองก็จำมันได้ดี

" ตอนนั้นตอนที่นายพูดแล้วเดินจากฉันไป ฉันกลัวมาก มันไม่ใช่แค่ว่ากลัวว่านายไปเป็นกินข้าวกับคนอื่น แต่ฉันกลัวมากกว่านั้น กลัวว่านายจะหวั่นไหวไปกับคนอื่นอย่างที่ฉันเป็น กลัวว่านายจะเผลอชอบคนอื่นมากกว่า กลัวว่านายจะเป็นแบบฉัน แบบที่ฉันกำลังทำไม่ดีกับนายอยู่ คิดไปว่าถ้านายเจอใครสักคนที่ดีกว่าฉันแล้วทิ้งฉันไป คิดถึงการที่ไม่มีนายอยู่ ตอนนั้นฉันก็เลยคิดได้ว่า คนที่สำคัญกับฉันและฉันไม่อยากจะเสียไปคือใคร แต่มันก็สายไปแล้ว เพราะฉันเข้าไปเล่นด้วยกับหัวหน้าและเค้าก็ไม่ยอมปล่อยฉันไปง่ายๆอย่างที่ฉันคิด ภาพหลุด หลุดออกมา ตอนนั้นฉันทะเลาะกับนาย  หน้ำซ้ำยังต้องไปงานสัมมนา  ทั้งๆที่ไปขอร้องให้รองหัวหน้าไปแทน แต่หัวหน้าก็ไม่ยอม เค้าจะให้ฉันไปกับเค้าให้ได้ ส่วนนายเองก็ไม่ให้ฉันไป ฉันยอมรับว่าฉันกลัวว่านายจะไม่ได้รักฉันจริงแล้วทิ้งฉันไป ปล่อยให้ฉันที่ลาออกจากงานกลายเป็นคนไม่มีที่ไป เพราะฉันทำเลวกับนายไว้เยอะฉันก็กลัวว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่นายสัญญา ฉันเลยอยากจะออกจากงานแบบเป็นขั้นตอน ถ้านายทิ้งฉัน ฉันจะได้หางานใหม่ทำ แต่ทั้งหมดก็ต้องไปงานสัมมนานั่นอยู่ดี "

“ อื้ม "

“ ฉันไม่ได้คิดว่าอยากจะไปงานสัมมนานั่น ฉันพยายามติดต่อนายแต่นายไม่ตอบกลับเลย ฉันพยายามโทรแต่นายก็ไม่รับสาย ฉันอยากจะให้เราเข้าใจกัน ฉันไม่อยากให้นายคิดแบบที่นายกำลังเข้าใจผิด เข้าใจผิดว่าฉันอยากจะไปงานนั่นกับหัวหน้า เข้าใจผิดว่าที่ฉันไปเพราะอยากจะไปมีอะไรกับหัวหน้า มันไม่ใช่แบบนั้น ฉันไปเพราะต้องไปมันเป็นเหตุผลของงานที่เลี่ยงไม่ได้ มันไม่ใช่ว่าถ้าบอกว่าจะลาออก พรุ่งนี้จะออกได้เลย แต่ว่าถ้าฉันออกกลางคันแบบนั้น สมมุติว่าไปสมัครที่ใหม่ เค้าก็ต้องไปถามที่เก่าอยู่ดีว่าประวัติงานของเราเป็นยังไง แล้วแน่นอนว่ามันคงไม่ดีแน่ ถ้าฉันออกจากงานแบบคนไม่มีความรับผิดชอบแบบนั้น " เค้าอธิบายผมเรื่อยๆ ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นและเรื่องที่เค้ารู้สึก เรื่องที่เค้าคิด " แต่พอฉันไปงานสัมมนา ฉันก็รู้ความจริงทุกอย่าง ความจริงที่ว่าทุกอย่างเป็นแผนของหัวหน้า ตั้งแต่ตั้งใจจะไม่ตรวจงานฉันจนทำให้มีปัญหา ให้คนมาลวนลามฉันบนรถไฟ จ้างช่างกล้องมาถ่ายภาพฉันกับเค้า แล้วก็เป็นคนส่งเมล์นั่นไปให้แผนก ทุกอย่างมันเป็นแผนของเค้า ฉันมารู้ความจริง ก็ตอนที่เค้าพยายามจะข่มขืนฉันตอนที่ฉันมัวแต่โทรศัพท์หานายอยู่คนเดียวที่หน้าโรงแรมแบบไม่ได้สนใจอะไร "

“ งั้นก็เรื่องจริงสินะที่ว่า เค้าจะข่มขืนนาย "

“ อื้ม ตอนนั้นเค้าบอกความจริงทั้งหมดกับฉัน ก่อนจะหยิบยาที่เค้าบอกว่าเป็นยาปลุกเซ็กส์ขึ้นมาจะให้ฉันกิน เค้าพูดว่าจะถ่ายวิดีโอตอนที่ฉันกับเค้ามีอะไรกับเพื่อเอาไว้แบล็คเมล์ฉัน ฉันจะได้มามีอะไรกับเค้าตลอดเวลาที่เค้าต้องการ เป็นเหมือนเครื่องสนองตันหาของเค้า "

“ แล้วสำเร็จมั้ย " ผมถามอีกคนก็เงยจ้องหน้า ก่อนจะส่ายหน้า

“ ไม่ พนักงานโรงแรมช่วยฉันได้ทัน ตอนนี้ขวดยานั่นก็ถูกส่งไปตรวจ หัวหน้าเองก็ถูกพักงานจนกว่าเรื่องนี้มีผลที่แน่นอนออกมา "

“ ถ้ามันใช่เค้าก็คงโดนไล่ออก แต่ถ้าไม่ละ..”

“ คงเป็นฉันที่โดนไล่ออกแทน " ก็คงเป็นแบบนั้นอยู่แล้วหนำซ้ำอาจจะโดนกล่าวหาว่าใส่ความไอ้เหี้ยนั่นด้วยก็ได้ " ตลอดมาเพราะฉันไม่เคยห่างจากนายมาก่อน ไม่เคยมีความรู้สึกที่ว่าจะสูญเสียนายไปเพราะนายอยู่ใกล้ๆฉันมาตลอดแต่ว่าตอนนี้ ฉันที่ไม่มีนายอยู่ข้างๆแล้ว เลยเข้าใจแล้วว่าตลอดมาฉันรู้สึกยังไง " แววตาของเค้าที่เงยหน้าขึ้นมองผม " นายเป็นคนสำคัญของฉันนะ  เป็นคนที่ฉันจะขาดไม่ได้ ฉันรักนาย พอไม่มีนายก็เพิ่งจะรู้ตัวว่ารักมากแค่ไหน "

“ แต่ตอนที่รู้ตัว มันสายไปแล้วละ เอาจริงๆผมก็เห็นใจคุณนะที่เกิดเรื่องร้ายๆกับคุณแบบนั้น แต่ความรู้สึกของผมมันเสียไปแล้วละ จะพูดว่าเกลียดคุณมั้ย หรือตอนนี้รู้สึกยังไงกับคุณ คำตอบคือก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่รู้คือ ไม่ได้รักมากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่ได้อยากจะทุ่มเทอะไรให้มากมายอีกแล้ว จะบอกว่าไงดีละ ผมรู้สึกเสียใจที่ผมทำให้คุณต้องมาเจอเรื่องแบบนั้นเหมือนย้ำเรื่องที่คุณเจอกับหัวหน้าของคุณ ผมอยากจะกอดคุณนะ อยากจะปลอบคุณ รับผิดชอบในเรื่องที่ผมทำ แต่ว่าเรื่องของคุณกับหัวหน้าอันนี้ผมยังลังเลเลยว่า.. เหรอ ไม่ได้อยากจะเป็นของเค้าตั้งแต่แรกเหรอวะ ฮ่าๆๆๆ เอาจริงๆ ผมว่าคุณคงไม่อยากจะเสียผมที่ตอนนั้นรักคุณมากๆไปก็แค่นั้น ไม่อยากจะให้ใครมองว่าโง่เท่านั้นแหละ  เพราะคงเหมือนอย่างที่คุณบอกไว้ตั้งแต่ต้น คนที่รักกันจริงๆเค้าจะไม่ทำให้อีกฝ่ายต้องเสียใจหรอก คุณจะมาบอกว่าไม่รู้ว่าจะทำให้ผมเสียใจไม่ได้นะ เพราะการนอกใจยังไงอีกฝ่ายก็ต้องเสียใจอยู่แล้ว คุณรู้อยู่แล้วแต่ยังทำ แบบนั้นคุณก็คงไม่ได้รักผมหรอก "

“ ฟาน มัน.. "

“ ไม่ต้องเสียดายไอ้เด็กแสนดีคนนั้นหรอกครับ เพราะมันไม่มีแล้วละ ผมคนนั้นน่ะ เพราะต่อไปนี้ผมตั้งใจว่าจะไม่ทุ่มเทให้ใครอีก ไม่แสนดีกับใครทั้งนั้น จะไม่พยายามอะไรทั้งนั้นเกี่ยวกับเรื่องความรัก งี่เง่า บ้าบอ เหี้ยอะไรพวกนี้อีกแล้ว เพราะงั้นก็วางใจได้เลย ผมกลับไปเป็นคนเก่าไม่ได้หรอก ไม่ต้องเสียดายหรอกนะ "

“ แต่ฉันรักนายนะ จะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ได้ เพราะฉันก็ยอมรับว่าฉันผิดเอง "

“ ใช่ ถูกต้องครับ คุณเป็นฝ่ายผิด แต่ไม่เป็นไรหรอกก็คิดซะว่า ชอบเค้ามาตั้งนาน ได้เห็นธาตุแท้ของเค้า แต่ก็ได้อย่างเสียอย่างละนะ ต่อไปนี้คุณก็หาใครสักคนในแบบที่ชอบจริงๆเถอะ " ถอนหายใจออกมา ตอนที่มองหน้าคนที่จ้องหน้าผม " เพราะผมไม่อยากจะกลับมารักคุณอีกแล้ว "

“ แต่ฉันคงรักใครไม่ได้อีก ฉันไม่ได้อยากจะรักคนอื่น ฉันแค่อยากจะรักนาย ฉันแค่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อนาย ฉันอยากจะเป็นคนที่ดี คนในแบบที่นายชอบ อยากจะให้เราหันหน้ากลับมาเข้าใจกันอีกครั้ง ฉันรู้ว่ามันยาก แต่ฉันอยากจะพิสูจน์ให้นายเห็น ว่าฉันจริงๆ ฉันรู้สึกยังไงกับนาย "

" เลิกกันแรกๆเค้าก็พูดกันแบบนี้ทั้งนั้นแหละ " ผมบอก " แต่พอเจอใหม่เดี๋ยวก็ทำใจได้ แล้วก็รักกับคนใหม่เองนั่นแหละ แล้วอย่างที่ผมบอกก็คือ ผมไม่ใช่คนเก่าแล้ว ต่อให้เรากลับมารักกันมีแต่จะทำให้คุณต้องเจ็บปวดนะ สู้ไปหาคนใหม่ไม่ดีกว่าเหรอ "

"  เจ็บปวดมากเลยสินะ ที่ฉันทำแบบนั้นกับนาย นายที่ทุ่มเทให้ฉันมาตลอด " คำถามที่ทำให้ผมนิ่งค้างไปสักพัก " ฉันรู้ดีว่าถึงจะพูดว่าขอโทษกับอีกกี่สิบครั้งก็ไม่สามารถลบความรู้สึกเสียใจของนายได้ แต่ถ้าความเจ็บปวดของฉันสามารถลบความรู้สึกเจ็บปวดทั้งหมดของนายได้ ฉันเองก็ยินดีจะรับมันไว้ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับฉัน เรื่องแผลนี้ " เค้าชี้ไปที่แผลที่หน้าผากของเค้า " เรื่องที่นายผลักฉันล้มหรือแม้แต่เรื่องที่นายสั่งให้คนมาขู่แล้วทำเป็นข่มขืนฉันให้ฉันกลัว ถ้าเรื่องพวกนี้มันคือวิธีระบายความเจ็บปวดของนายแล้วละก็ ฉันจะรับมันไว้เอง ฉันยกโทษให้นาย แต่ต่อไปจากนี้เราไม่มีอะไรติดค้างกันได้มั้ย ฉันรู้ว่ามันยาก ฉันรู้ว่าฉันเห็นแก่ตัวที่เอาความเจ็บปวดของตัวเองมาแลกกับความเจ็บปวดของนาย แต่ฉันแค่ไม่อยากให้เราผิดใจกัน ฉันทำให้นายเจ็บ นายเองทำให้ฉันเจ็บ เราไม่ติดค้างกันได้มั้ย ในเมื่อต่างฝ่ายก็เจ็บด้วยกันทั้งคู่แล้ว "

“ ที่พูดหมายความว่าไง " ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกคนพูด " พูดเหมือนกำลังบอกว่า เรามาเริ่มต้นใหม่ได้มั้ย  ไม่ติดค้างอะไรกันแล้วนะ มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ทั้งเรื่องที่คุณทำให้ผมเจ็บ ทั้งเรื่องที่ผมทำให้คุณเจ็บ มันลบกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ "

“ ไม่หรอก มันไม่ง่าย " เค้าส่ายหน้า " แต่ฉันแค่อยากจะให้นายอยู่ใกล้ๆันมันก็เท่านั้นเอง ฉันอยากจะให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉันอยากจะแก้ไข ฉันไม่อยากจะอยู่โดยไม่มีนาย ฉันอยากจะทำให้นายรู้ว่า ฉันรักนายจริงๆ จากความรู้สึกของฉัน อยากจะพิสูจน์ให้นายเห็น "

“ ที่คุณไม่อยากจะเสียผมไป เพราะคุณแค่เสียดาย "

“ เพราะนายคิดแบบนั้นไง ฉันก็เลยอยากจะทำให้นายรู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับนาย "

“ หน้าด้านไปมั้ยคุณ  อย่ามาทำเป็นรักผมตอนนี้จะได้มั้ย บอกอีกทีแล้วว่าให้ไปหาผู้ชายคนใหม่ ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ดีกว่า "

“ ฉันเริ่มต้นใหม่ไม่ได้หรอก แค่ตอนนี้คิดว่าจะต้องลงไปซื้ออะไรสักอย่างมากินยังไม่กล้าเลย แค่คิดว่าถ้ามีใครเดินตามหลังฉันมาฉันก็ไม่กล้าจะออกไปไหนแล้ว แล้วแบบนั้นจะให้ฉันไปเริ่มต้นใหม่กับใครละ นายอกหักนายยังเริ่มต้นใหม่ได้ แต่ว่าฉัน..”

“ เอาตรงๆ คือจะให้ฉันรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นสินะ เอาแบบนี้มั้ย ฉันจะจ่ายค่ารักษาให้นาย นายก็ไปพบจิตแพทย์ ฉันจะจ่ายให้จนกว่าจะหายเลย บอกเลขบัญชีจดมาแล้วกัน " ผมที่ล้วงมือถือเตรียมจะเอามาบันทึกแต่คนตรงหน้ากลับนิ่งก่อนจะมองผมด้วยสายตาเสียใจ ความผิดหวังในแววตาของเค้า  มันเหมือนว่าทุกอย่างมันจบแล้ว  เหมือนเค้าบอกกับตัวเองว่า ' พอเถอะ '

“ งั้นก็ไม่ต้องหรอก เพราะฉันไม่คิดว่ามันจะรักษาง่ายขนาดนั้น  " เค้าว่าก่อนจะถอนหายใจออกมา  " นายรู้มั้ยฉันหวังว่าเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ แม้จะไม่ใช่นายคนเดิมฉันเองก็ยังอยากจะได้รักกับนายอยู่ดีด้วยเหตุผลโง่ๆของฉันที่ยังคิดถึงช่วงเวลาดีๆของเราแล้วอยากจะปรับตัวใหม่เพื่อนาย พิสูจน์ให้นายที่ไม่เชื่อเลยว่า ฉันรักนาย ให้นายได้เห็นก่อนที่จะตัดสินใจว่าฉันเป็นยังไง เพราะตลอดมาฉันไม่เคยแสดงออกให้นายรู้ ฉันเลยอยกาจะลองเปลี่ยนมัน แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกแล้วว่ามันเปลี่ยนไม่ได้หรอก อย่าพยายามพูดอะไรอีกเลย  " เค้ายิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืน " เอาเป็นว่า ฉันจะไม่โกรธนายที่นายทำแบบนี้กับฉัน ฉันจะให้อภัยนายเพราะไม่อยากจะติดค้างอะไรกับนายอีก อโหสิกรรมให้กันไปแล้วกัน แต่สิ่งสุดท้ายที่ฉันอยากจะบอกนายก็คือ นายลองไปให้ใครข่มขืนตัวนายเองดูสิ นายจะได้รู้ว่ามันรู้สึกยังไง เจ็บปวดและทรมานมากแค่ไหน แล้วนายลองรักษากับจิตแพทย์ด้วยนะ ลองดูว่าหายมั้ย  แล้วจะได้คิดได้สักทีว่า ไม่สมควรที่จะพูดกับฉันแบบนั้นในเรื่องสั่งคนมาข่มขืนฉันแบบนี้ แล้วนายเองก็จะได้รู้ด้วยว่า ที่ตัวเองทำมันเลวยิ่งกว่าสัตว์ซะอีก " เค้าเงียบไปสักพักก่อนจะหันมาพูดมาต่อ " ฉันไม่เคยคิดอยากจะให้นายมารับผิดชอบเรื่องเหี้ยๆที่นายทำ  แต่สิ่งที่ฉันอยากได้ คือนายที่จะกลับมาอยู่ข้างๆเพื่อให้ฉันได้แก้ตัวในสิ่งที่ฉันทำลงไปมากกว่า "

“ ต่อให้เรากลับมารักกัน เราก็กลับมารักกันแบบเดิมไม่ได้หรอก เพราะความรู้สึกที่เสียไปแล้ว มันเอากลับมาไม่ได้แล้ว " ผมบอกอีกคนที่พยักหน้ารับด้วยความเข้าใจในท้ายที่สุด

“ ใช่ อย่างที่ฉันกำลังพยายามเอามันกลับมา ทั้งๆที่ก็รู้ดีว่า ฉันเอากลับมาไม่ได้แล้ว แล้วตอนนี้ก็คงต้องปล่อยมันไปจริงๆ  "

คนเรามันก็เหมือนกันทุกคน เมื่อพยายามทำทุกอย่างแล้ว แต่ไม่ได้อะไรกลับมา
เราก็แค่ต้องหยุด..  หยุด และยอมรับความจริง

..................................................................

ฟานนิสัยไม่ดีเลย ไม่น่ารัก
คีย์เองก็ดีแล้ว ที่ตัดสินใจปล่อยเค้าไป ทำทุกอย่างแล้วที่จะรั้งไว้เมื่อ มันถึงจุดที่คิดว่าพอ ก็ควรพอ
ให้อภัยกันไป อโหสิกรรม อย่าได้มาเจอคนแบบนี้อีกเลย
บัยยยยย

จริงๆ มีคนอ่านถามว่า ฟานจะได้บทเรียนมั้ย คงต้องได้นะคะ
แต่ถามว่าดราม่ามั้ย คงไม่แล้วละมั้ง คือไม่ดราม่าของหนมอาจจะดราม่าของคนอ่านก็ได้นะ อันนี้ตัดสินใจกันเอง
ตอนต่อๆไปมันจะเป็นช่วงของบทสรุปแล้วค่ะ
เพราะงั้นอ่านกันไปจนถึง บทสุดท้าย ยันตอนพิเศษกันเลยนะคะ

ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้าา
 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 02-12-2016 20:34:45
คีย์ผิดนะที่นอกใจ ส่วนสิ่งที่ฟานทำเราว่ามันแย่ยิ่งกว่าสัตว์ซะอีก ก็แบบที่คีย์ว่าน่ะล่ะ

จบแล้วก็ดี ต่างคนต่างไป อย่ามาเจอกันอีกยิ่งดี เราเชื่อว่าต้องทำได้
ต้องมาดูบทสรุปกันว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปปปปปปปปป
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 02-12-2016 20:50:33
ถ้าฟานจะดึงดัน คลั่งแค้นขนาดนั้นก็ปล่อยไปเถอะคีย์ สักวันนึงคีย์จะหายดี แต่ฟานคงลำบาก จากคนโดนหักหลังแต่กลายเป็นคนชั่วเพราะคลั่งแค้น ไม่ดีเลยฟาน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: seii ที่ 02-12-2016 20:50:50
อีฟานปากหมามาก พอเถอะ อย่าไปเอามันเลย เหมือนจะสำนึกเเต่ก็ไม่
ไม่อยากกลับมาคบไม่ว่าหรอก เเต่ปากน่าตบจริงพ่อคุณเอ้ยยยย
กลับไปคบก็ไม่มีไรดีหรอก อกหักใครๆ เขาก็โดน เเต่อินี่เยอะไปไหม
เเถมยังทำร้ายร่างกายเขาขนาดนี้ ปล่อยๆ มันไปเถอะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: Abella ที่ 02-12-2016 21:02:39
คีย์ดูเป็นคนยังไงก็ไม่รู้ตรรกะแปลกๆ 
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 02-12-2016 21:04:36
รออ่านบทสรุป  :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 02-12-2016 21:16:36
อ่านตอนนี้แล้วผิดหวัง

-ผิดหวังฟาน ที่รักแรงเกลียดแรงเกินไป ด้วยความที่เราชอบฟานมาก  พอนิสัยแบบนี้เลยผิดหวัง คือจ้างคนมาข่มขืนเค้า ทำร้ายร่างกายเค้า แต่เหมือนแทบไม่รู้สึกผิดอ่ะ ที่สำคัญปากเสียมาก ไม่กลับไปคบก็ไม่เป็นไร แต่ส่ิงที่พูดออกมาทำเราเกลียดเลย (แอบสงสัยว่าคีย์มันหน้าด้านอะไรเบอร์นั้น โดนด่าขนาดนี้ยังอยากกลับไปคบ) สิ่งที่แกทำร้ายแรงกว่าที่คีย์นอกใจอีก ตอนแรกเสียดายฟานแทนคีย์มาก แต่ตอนนี้ ไม่ได้กะคีย์ก็ดีแล้ว คนน่ากลัวและปากแบบนี้ไม่น่าคบอ่ะ

-ผิดหวังคีย์ ที่ตอนนี้โง่งมงายในรักมาก ฟานจ้างคนมาข่มขืนแถมนิสัยเปลี่ยนไปขนาดนั้น คีย์ไม่โกรธก็ทำให้เราผิดหวังพอแล้ว ดันจะกลับไปคบ ที่ผ่านมาคีย์ง้องอนฟานมาเยอะแล้วนะ ตอนนี้ยิ่งหมดท่าเลย โดนทำขนาดนี้เป็นเราก็กลับไปรักฟานไม่ได้อีกแล้ว ฟานน่ากลัวเกินไป (ถึงเกือบโดนข่มขืนแต่ยังงัยคีย์ก็ผู้ชายอ่ะ เราว่านางน่าจะเข้มแข็งได้เร็วกว่านี้นะ)

-ผิดหวังหนม ที่ทำให้เรารอมาหลายวัน และไม่รู้ตอนต่อไปจะอีกหลายวันหรือป่าว อยากอ่านบทสรุปเรื่องนี้แล้ว มาไว ๆ นะ

ถ้าขอได้ อยากให้คีย์มีความสุข นางได้รับบทเรีียนที่แสนเจ็บปวดแล้ว อยากให้นางได้เจอผู้ชายแสนดีที่รักนางมาก ๆ ไม่เอาแบบรักแรงเกลียดแรงนะ ส่วนฟานขอให้ได้รับบทเรีียนที่สมน้ำสมเนื้อหน่อย (แต่แอบกลัวว่าจะจบแบบคีย์อยู่คนเดียวเพราะยังผวา ส่วนฟานมีแฟนใหม่)
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-12-2016 21:32:29
จบยังไงก็ได้นะ เพราะสำหรับเรา...ถ้าความสัมพันธ์มันถึงจุดที่ไม่มีทางให้ไปต่อก็พอเถอะ
สิ่งที่แต่ทั้งคู่ทำมันทำให้ความรู้สึกของพวกเขากลับไปเป็นแบบเดิมไม่ได้แล้วละ (อันนี้อาจจะหมายถึงตอนแรกที่ฟานดึงดันจะคบ คีย์ดึงดันกับตัวเองว่าที่จริงชอบคนแก่กว่า แล้วไปหวั่นไหวกับเกมของคนนั้น)
รอบทสรุปค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 02-12-2016 21:36:11
ถ้าจบแบบนายเอกตาย พระเอกเสียใจ เราโอเคนะ

แล้วแต่คนเขียน Bad ending ก็ดี 55555

ยืนยันคำเดิม จากเม้นเดิมก่อนหน้านี้

คำว่า เพราะเขาทำให้เราเสียใจ ไม่ใช่ข้ออ้างในการทำร้ายผู้อื่น
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: pim14 ที่ 02-12-2016 21:36:23
อ่านถึงตอนนี้แล้วก็ต้องบอกว่า เรามองไม่เห็นความรักของฟานอีกต่อไปแล้ว คีย์ก็ไม่ควรจะยื้อหรือรั้งใดๆไว้เช่นกัน ฟานคนเดิมมันไม่อีกแล้ว ฟานคนนี้ก็ใจหยาบเกินกว่าจะรักและอภัยให้กัน จากกันแบบนี้ก็ดีค่ะ  ตอนแรกคิดว่าพระเอกจะมั่นคงต่อความรักมากกว่านี้ซะอีก ถ้าจะเจ้าคิดเจ้าแค้นแบบนี้ หาใหม่เถอะคีย์ คนรอเสียบเพียบ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 02-12-2016 21:44:06
อึ้มม!!! me อ่านไปก็ได้แต่รับรู้และพูดว่า "อึ้ม" จริงๆ // อะไรที่คั่งค้างคาใจมันก็มาเคลียร์กันหมดซะตอนนี้ที่จะปล่อยไป อื้มมใช่แล้วละ ต่างคนก็เป็นยังงี้ พักรักษาตัวและใจไปก่อนเน๊อะ ระยะห่างและเวลาช่วยได้ถ้าต่างคนต่างก็คิดได้ควรเลิกควรปล่อยแบบนี้ //ผ่านไป 5 ปี จุดจุดจุด To be..  //เออตอนนี้โอเค เคลียร์กันสักที อนาคตต่อจากนี้ไม่รู้จะยังไง อืมมมมแล้วเราคิดว่าควรจะให้เขากลับมารักกันอีกป่าวดีไหมนะ แต่ว่าคู่นี้มันเหมาะสมกันมากเลย เอาน๊าคำว่ารักของคีย์จะรักจริงไหมหรือเปลี่ยนไปตามกาลเวลา กาลเวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน?ความรู้สึกเปลี่ยน?
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-12-2016 21:51:00
 :L2: :pig4:

เฮ้ออออออออ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 02-12-2016 21:52:18
 :เฮ้อ: หวังว่าหลังจากนี้ เวลาคงจะทำให้เรามีช่วงที่ดีๆเข้ามาบ้างก็ยังดี
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: p^tarn ที่ 02-12-2016 22:07:16
แปลกใจมากที่คีย์เลือกที่จะขอคืนดีกับผู้ชายที่ทำเรื่องเหี้ยๆกับตัวเองได้ถึงขนาดนี้ แต่พอดูจากเหตุผลที่คีย์บอก เราว่าเรามมองเห็นคนๆหนึ่งที่เป็นผู้ใหญ่มาก คนที่พยายามรับผิดชอบสิ่งที่ทำผิดพลาด พยายามแก้ไข พยายามทำให้ดีขึ้น. พยายามรักษาความรักของตัวเองไว้สุดชีวิตในด้านหนึ่งเรารู้สึกว่าคีย์โง่มาก แต่อีกด้าน เรารู้สึกว่า ถ้ามีคนรักแบบคีย์ เราจะไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว.  ส่วน ฟาน  เหตุผล คำพูด การกระทำ ยิ่งเห็น ยิ่งรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไร้ค่ามาก ไม่มีค่าจะให้รัก ไม่มีค่าแม้แต่จะชายตาแล  ไม่มีสำนึกความเป็นคน  ความผิดที่ร้ายแรงขนาดนั้น นอกจากไม่สำนึกแล้ว ยังทำตัวเลวร้ายได้แบบนั้นอีก. คนๆนี้เป็พระเอกจริงๆหรือ.  คนแบบฟานสมควรมีความรักดีๆด้วยเหรอ สำหรับเรา แค่ฟานยังมีลมหายใจก็หนักโลกมากแล้ว ถ้าคนเลวๆที่ไร้สำนึกแบบฟานจะได้ความรักของคีย์ไป เราเสียดาย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 02-12-2016 22:12:44
เราว่าเอาเข้าให้จริงๆ พระเอก นายเอกเรื่องนี้ของคุณหนม แปลกๆว่ะ คือความคิดไม่นิ่งเลย แปรปรวนทั้งคู่ อารมณ์ขึ้นๆลงๆ มีตรรกะป่วงๆ สรุปป่วยกันใช่ไหมคับ 5555

รอบทสรุป ขอบคุณคับ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 02-12-2016 22:33:13
ฟาน ทำไมคิดไม่ได้นะ ทำแรงไปจริงๆ มันฝังใจนะ เรื่องแบบนี้
สมควรแล้วที่ลิปด่าว่า เด็ก สมควรแล้วที่คีย์ยอมปล่อย

คีย์ผิดก็จริงที่นอกใจ แต่เรื่องนี้มันร้ายแรงกว่าหลอกลวงและหักอกอีกนะ
คีย์น่าสงสาร จะระแวงและคอยแต่ทำร้ายตัวเองหรือเปล่า

คีย์รักษาแผลใจตัวเองดีกว่านะ ปล่อยไปเหอะ ฟานจิตใจแย่มากไป
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 02-12-2016 22:39:35
นั่นสินะ ดันทุรังไปก็มีแต่จะเจ็บป่าวๆ....ถึงจะได้ตัวเขามา แต่ถ้าใจเขาไม่มามันก็ไม่มีความหมาย อีกอย่างจะหวังให้คนที่เราก็รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นคนทำร้ายเราให้มารักษาเรา อยู่กันไปคงมีแต่ความระแวง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: toeyy ที่ 02-12-2016 23:43:36
อยากให้คีย์เจอคนใหม่เลย
แบบพิสูจน์ตัวเองว่าสามารถรักใครได้จริงๆ
เพราะเราว่ากับฟานมันดูต่อไม่ติดแล้วอะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 02-12-2016 23:54:18
อ๊ากก...!!!! ต่อด่วน!!
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 03-12-2016 01:21:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 03-12-2016 02:37:11
กลับมาอ่าน เรื่องก็ใกล้จบแล้ว
ยังไงก็ทีมฟาน
ไม่มีความสงสารอีคีย์ด้วย คือทำตัวเองเองไง
นางยังกับเด็ก 3 ขวบ ที่ฟานทำก็เพราะเด็กไง 555
คือเอาจริงๆนี้นางรักฟานจริงดิ แน่ใจน่ะว่ารัก
นี้ไม่รู้สึกถึงความรักเลย
รุ้สึกแต่ความเห็นแก่ตัวของนาง
อยากรู้ว่านิสัยแบบนี้อยู่มายันโตปานนี้ได้ยังไง
สงสารฟานคงขยาดกับความรักไปอีกนาน
ขอให้จบแบบต่างคนต่างอยู่น่ะค่ะ
มีหลายคนอยากให้คีย์เจอผู้ชายดีใหม่
ถ้าเจอจริงๆ รู้สึกสงสารผู้ชายคนนั้นแปลกๆ
555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 03-12-2016 03:55:12
ไม่เคยเห็นความคิดการกระทำคนไหนที่จิตสำนึกหายได้เท่าผู้ชายที่ชื่อฟาน
ฟานเป็นผู้ชายที่ไม่ใช่ผู้ชาย(ยืมคำด่า5555)
พวกเพศที่สามยังแมนกว่าความคิดดีกว่า
ยิ่งอ่านยิ่งแบบเฮ้ย ความคิดนายได้เท่านี้จริงๆหรอ
โทษทุกอย่างในโลกคนแต่ที่ไม่ยอมโทษคือตัวเอง
ะป็นผู้ชายที่สมควรไปใส่กระโปสงผู้หญิงเถอะ
ส่วนคีย์ โอ้ยยื้อม้นทำไมไม่เข้าใจ หาสามีใหม่แม่งยังง่ายกว่าทำให้ฟานมันกลับไปซะอีก
จบแบบไม่ได้คู่กันนี้เล่อค่ามากแต่ดูท่าอาจจะไม่ได้สมหวังแบบที่คิดแฮะ
ต่างคนต่างไปอ่ะดีแล้ว ขนาดเรื่องเกิดถึงขนาดนึ้ฟานแม่งยังคิดอะไรไม่ได้ โอ้ยวัวเรียกพี่อ่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: champthai ที่ 03-12-2016 07:58:42
ด้วยที่การเลิกกันระหว่างฟาน-คีย์เป็นแบบ เลิกฝ่ายฟานฝ่ายเดี่ยว คีย์ยังไม่คิดเลิก โดยให้เหตุผลที่เห็นแก่ตัวว่า ฉันไม่ผิดนะ แค่หวั่นไหว ฉันมาทำงาน ฟานก็แค่เข้าใจผิด มันเลยทำให้คีย์คิดว่า ฟานสามารถที่จะกลับมายืนอยู่ข้าง ๆ ได้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 03-12-2016 09:57:15
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ทิฐิ จริงๆ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 03-12-2016 12:37:00
ไม่คิดว่าฟานจะเป็นได้ถึงขนาดนี้ เฮ้อออ  :m31:
คีย์ปล่อยไปก็ดีแล้ว หันกลับมารักตัวเองบ้างก็ดีนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 03-12-2016 16:42:56
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 03-12-2016 19:10:55
ปล่อย เพื่อ ทางเดินของแต่ละคน ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 03-12-2016 22:57:30
ว่าจะไม่เมนท์แล้วนะ

ฟานนี่เหมือนกับไทแฟนเก่าปิงเลย   คือทำเลวมาโคตรๆแต่ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองผิดเลยสักนิด  คนแบบนี้ต่อให้พ้นจากคีย์ไปก็ไม่น่ามีความสุขหรอกจนกว่าจะเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองทำ  เหมือนกับไทจากเรื่องนั้นเมือนกัน   ไม่ผิดที่จะโกรธคีย์แต่สมควรไหมที่จะทำร้ายคนอื่นแบบนี้?  ตามกฏหมายแล้วนี่คือผิด ตามศีลธรรมแล้วนี่ก็คือบาป   ปัญหาของฟานคือฟานเอาความหวังที่ไม่ได้จากครอบครัวมากลงที่คีย์หมด  เรารู้สึกว่าการที่ฟานทำลงไปนั้นส่วนลึกๆก็ไม่ใช่แค่ความรักอย่างเดียว นี่เป็นการทดแทนสิ่งที่ขาดไปในชีวิต หวังว่าตัวเองจะสามารถเติมเต็มจากความรักของคีย์ถ้าหากว่าตนพยายามอย่างที่สุดจนไม่เหลือพื้นที่ให้ความผิดหวังเลย  ลืมไปว่าคนที่ไม่ใช่ยังไงมันก็ไม่ใช่  เหมือนที่สำหรับครอบครัวตัวเองยังไงฟานก็ไม่ใช่ ในอนาคตต่อให้ฟานมีแฟนอีกกี่คนก็ช่าง ถ้าหากว่าแฟนรู้ว่าฟานแคยสั่งจ้างคนให้ทำแบบนี้กับแฟนที่เลิกกันไป ต่อให้รักยังไงก็ตามจุดด่างตรงนี้จะไม่มีวันหายหมอง  บาปจะติดอยู่ที่ปูมหลังขอฟานตลอดไป เพราะไม่ใช่แค่คีย์ที่รู้  ลิป  เพื่อน รุ่นพี่ คนที่จ้าง ยังไงเรื่องก็มีทางแพร่อยู่แล้ว  ไม่มีการรับผิดชอบอะไรเลยสักอย่างแม้กระทั่งความรู้สึก

คีย์นั้นสำหรับเราเหมือนตัวแทนคนทั่วไป  เห็นแก่ตัว ลังเล จับปลาสองมือ แตุ่คงคีย์จะเลวยังไงก็ตามเราไม่คิดว่าคีย์สมควรที่เจอเหมือนกับสิ่งที่เจอ ไม่ว่าจะหัวหน้า หรือ ฟาน  ส่วนตัวแล้วคิดว่าแค่คีย์เสียฟานไปก็พอแล้ว ส่วนอิหัวหน้านั้นเลวเกินมนุษย์ทั่วไปก็ไม่น่าลงเองด้วยดี ชั่วชีวิตคีย์อาจจะทรมาณจนไม่สามารถที่จะมีแฟนได้อีก ต้องอยู่คนเดียว ส่วนตัวแล้วไม่คิดว่านั่นเป็นสิ่งที่คีย์ควรลงเอย  คนเราทำผิดก็ควรได้รับโอกาสเมื่อสำนึกตัว  ณ ตอนนี้คีย์กำลังทุกข์ รับเอาความผิดทุกอย่างมาลงที่ตัวเอง  ตัดฟานได้ แล้วก็เดินหน้าต่อไปเถอะคีย์ ผิดวันนี้แค่เพราะโลเล แต่คีย์ก็ยังไม่ได้ให้ร้ายใครเหมือนที่ฟานกับอิหัวหน้าทำ  มาตอนนี้คีย์ท่าจะลาออกจากบริษัทมารับงานนอกเอง

ลิปการเตือนของลิปนั้นในบางส่วนเราคิดว่าลิปพูดเกินไป  การเป็นเพื่อนที่ดีอย่างหนึ่งที่ควรรู้ก็คือว่าควรขีดเส้นตรงไหน  หลายๆครั้งเรามีความรู้สึกว่าเหมือนลิปด่าคีย์สนองนี๊ดตัวเองมากเกินไป   การเป็นเพื่อนคือการบอกตามจริงและอยู่คอยซัพพอร์ทเพื่อนในวันที่เพื่อนทุกข์ที่สุดหรือสุขที่สุด

บางทีนะเรารู้สึกว่าคนอ่านก็คล้ายกับคนที่บริษัทของคีย์ประมาณหนึ่งเลยทีเดียว

สำรับนข เราขอติงตรงที่ไดอะล็อคการคุยของตัวละครว่ายาวแล้วดูเป็นบทเขียนมากกว่าบทสนทนา
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ' UP - 4.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 04-12-2016 20:42:03
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 54
' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ '

“ ต่อให้เรากลับมารักกัน เราก็กลับมารักกันแบบเดิมไม่ได้หรอก เพราะความรู้สึกที่เสียไปมันเอากลับมาไม่ได้แล้ว "

“ ใช่ อย่างที่ฉันกำลังพยายามเอามันกลับมา ทั้งๆที่ก็รู้ดีว่า ฉันเอากลับมาไม่ได้แล้ว แล้วตอนนี้ก็คงต้องปล่อยมันไปจริงๆ  " คำพูดสุดท้ายที่ผมพูดกับอีกคนที่กำลังมองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก  ผมไม่เข้าใจความรู้สึกของฟาน บางทีก็เหมือนเป็นห่วงในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป รู้สึกผิดกับเรื่องราวตรงนั้นที่ทำกับผม แต่เหมือนอีกใจเค้าก็คิดว่า ดีแล้ว ที่ทุกอย่างมันเกิดขึ้น มันสมควรแล้วที่ผมได้รับมัน สายตาเกลียดชังที่มองมา บางทีก็เป็นสายตาห่วงใย ทุกอย่างสลับสับสนภายในไม่กี่นาที เหมือนในใจของเค้าเองก็ยังไม่แน่ชัดว่ารู้สึกยังไง แล้วบางทีก็เหมือนเค้ากำลังดื้อดึงที่จะไม่รู้สึกอะไรบางอย่างอยู่

   ผมเดินเข้ามาในห้องของตัวเอง ปิดประตูก่อนจะทิ้งตัวเองลงนั่งบนเตียงด้วยความรู้สึกเหนื่อยกับการกระทำของตัวเองที่เหมือนคนหน้าด้านที่กำลังร้องขอทุกอย่าง แต่สุดท้ายมันก็เท่านั้น

   มาถึงตอนนี้เค้าคิดว่าตัวเองคงต้องยอมรับความจริงได้แล้ว  อย่างที่ใครๆเคยบอก ' ไม่รักคือไม่รัก ความรู้สึกนั้นมันฝืนกันไม่ได้ ' แล้วตัวผมเองก็คงต้องยอมรับมันให้ได้สักทีแล้ว ว่าเชือกที่ผมพยายามฝืนดึงอยู่ ยิ่งดึงคนที่เจ็บก็คือผม ทั้งทรมานและทุกข์ทนกับทุกสิ่งทุกอย่างที่จากไปแล้ว จากการกระทำของคนที่ไม่รัก จากคำพูด และท่าทางของเค้า ถ้านี่คือบาปกรรมที่ทำไว้กับฟานความทรมานทั้งหมดที่ต้องเจอตอนนี้ก็ขอให้มันถูกชดใช้ไปให้หมดเถอะ

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ อยากจะกินอะไรหน่อยมั้ย จะลงไปซื้อมาให้ " คำถามดังมาจากหน้าห้อง เสียงของคนที่ผมคิดว่ากลับไปแล้ว แต่ทว่าเค้ายังอยู่
“ ไม่เป็นไรหรอก ฉันโทรสั่งเอาก็แล้วกัน " ผมตอบกลับไปเสียงเรียบๆ บานประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออกมา ร่างสูงที่กำลังแสดงท่าทางหงุดหงิดอยู่หน้าห้อง ผมขมวดคิ้วมองเค้า " มีอะไรรึเปล่า "

“ จะไม่กินอะไรหน่อยรึยังไง "

“ เดี๋ยวฉันโทรสั่งเอง "

“ อยากจะกินอะไรเดี๋ยวโทรสั่งให้ " คำถามที่ทำให้ผมจ้องหน้าเค้าแต่ฟานไม่ตอบอะไร ก่อนจะถามเค้าด้วยความสงสัย
 
“ นายมีอะไรรึเปล่า "

“ ทำไมต้องมีอะไรด้วย " ไม่รู้จะพูดตอบคนที่ถามแบบนั้นออกไปยังไง คือถ้าถามออกไปตรงๆว่า ทำไมยังไม่กลับไปอีกทั้งๆที่ท่าทางก็ดูรังเกียจแล้วไม่อยากจะเข้ามาใกล้ ปากก็บอกว่าไม่อยากจะเห็นหน้ากัน  เมื่อกี้ตอนที่เราพูดกัน ผมก็เข้าใจกันแล้วไง ว่าต่างฝ่ายก็ต่างไปเถอะ ประโยคที่พูดก็น่าจะแปลความหมายได้ตามนั้นแต่ทำไมถึงยังไม่กลับไป

“ นายกำลังกังวลเรื่องความรู้สึกของฉันรึเปล่า " อีกฝ่ายชะงักตอนที่ผมถาม ปากที่กำลังอ้าเถียงของเค้า " ฉันหมายความถึงเรื่องที่นายสั่งให้คนมาทำแบบนั้นกับฉัน กังวลเรื่องของความรู้สึกของฉันกับเรื่องนั้นรึเปล่า ถ้าใช่นายไม่ต้องกังวลหรอก "

“ ทำไม "

“ นายบอกว่าไม่อยากจะเห็นหน้าฉัน นายเกลียดฉัน ถ้าเมื่อคืนฉันไม่ไปหานาย นายก็คงไม่ทำแบบนั้น ฉันว่ามันไม่ใช่ความผิดของนายคนเดียวหรอก มันเป็นความผิดของฉันด้วย ถ้าฉันไม่ไปเรื่องนี้ก็คงไม่เกิด อีกอย่างอย่าฝืนที่จะมาอยู่ข้างๆฉันเลย ฉันเข้าใจดีแล้วว่านายรู้สึกยังไงกับฉัน "

“ แล้วฉันรู้สึกยังไง "

“ รู้สึกว่า ไม่รักแล้ว เกลียด ไม่อยากจะเห็นหน้า แต่ที่ต้องมายืนอยู่ตรงนี้ก็แค่ดูแลรับผิดชอบเรื่องที่ตัวเองทำให้ฉันกลัว " เค้าเงียบ " แล้วที่ฉันอยากจะบอกคือ ไม่ต้องหรอกนะ ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรหรอก ฉันรับผิดชอบตัวเองได้ ฉันต้องรับผลในสิ่งที่ทำกับนายเอาไว้มันก็เท่านั้น ฉันทำให้นายทรมานมามาก คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ฉันที่ต้องทรมานบ้าง "

“ อย่ามาทำตัวน่าสงสารได้มั้ย ไอ้ที่พูดมาทั้งหมด มันก็ดูเหมือนยกความผิดให้ฉันเลยนะ "

“ ยกความผิดอะไร " ผมถาม " ฉันไปยกความผิดอะไรให้นายอีก พอฉันไม่ยอมรับว่านายจะไม่กลับมา นายก็บอกว่า น่ารำคาญไปให้พ้น พอฉันยอมรับ พอฉันหยุด ฉันพูดให้นายสบายใจว่า เออ มึงไปเถอะ มึงไม่ต้องมารับผิดชอบมารู้สึกผิดอะไรกับกูทั้งนั้นคิดซะว่า ก็กูทำมึงก่อน กูสมควรโดนแล้ว แล้วกูยังบอกอีกว่า เออ ไม่เอาผิดกับมึงนะ มึงก็มาบอกอีก ว่ากูทำตัวน่าสงสาร คราวนี้มึงจะเอาไงกับกูวะ จะเอาอะไรอีก ต้องการอะไร " เค้าเงียบตอนที่ผมพูดอธิบายอีกฝ่ายถอนหายใจก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น ผมเองก็สูดลมหายใจตั้งสติพูดกับเค้าอีกครั้ง " ตอนนั้นฉันพยายามหมดทุกทางแล้วที่จะเอานายกลับมา แต่ในเมื่อสุดความพยายามแล้วมันไม่ได้ ตัวฉันเองก็คงต้องต้องยอมรับความจริงว่ามันไม่ได้ นั่นก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะถ้าฝืนพยายามต่อไปจากนี้ นายคงจ้างคนมาฆ่าฉันแล้วละ เพราะงั้นฉันควรหยุดดีกว่าไม่ใช่เหรอ "

" ฉันยังรู้สึกค้างคาใจ "

" เรื่องอะไรอีก "

" ฉันทำเรื่องที่มันเกินกว่าเหตุ ฉันมีความรู้สึกว่า สักวันฉันก็คงไม่มีเหลือนายไว้ให้จำแล้ว คงลืมไปหมด แต่นายคงไม่ใช่ มันไม่ง่ายขนาดนั้น "

“ ไม่เป็นไรหรอก เพราะนายเองก็คงไว้ใจใครคนคนใหม่ไม่ง่ายเหมือนกัน มันก็สมควรแล้วละ ที่เรื่องนั้นจะเกิดขึ้นกับฉัน ต่อจากนี้ถ้านายมีแฟน นายอาจจะไม่ไว้ใจเธอเลยก็ได้ เพราะฉันทำลายความเชื่อใจของนายไปแล้ว "

“ แต่ฉันก็ทำลายนายไปแล้วเหมือนกัน "

“ ถ้าเราไม่ต้องติดค้างอะไรแบบนั้นก็ดีนะ ฉันหมายถึงว่า ฉันทำนายเจ็บ แล้ว นายก็ทำให้ฉันเจ็บ เราที่ทำร้ายกันและกันแล้ว ไม่ติดค้างอะไรแล้ว ต่อจากนี้ถ้าไม่มีอะไรติดค้างกันมันก็คงดี " พอพูดมาถึงตรงนี้สายตาที่จ้องมองผมของฟานก็เปลี่ยนไป เค้าที่เหมือนหงุดหงิดกับคำพูดของเค้า แววตาที่กำลังโกรธนั้นจ้องมองมา ราวกับว่าผมพูดอะไรสักอย่างผิดไป

“ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ความรู้สึกของฉันที่เสียใจ ลบไม่ออกง่ายขนาดนั้นหรอก อีกอย่างเรามันคนละคนกัน ความเจ็บปวดของเรามันทดแทนกันไม่ได้หรอก ต่อให้ตอนนี้นายเจ็บมากแค่ไหน ฉันก็ยังไม่หายเจ็บอยู่ดี " เค้าพูดเสียงเรียบๆ " นายเองก็เหมือนกันความเจ็บปวดของนายมันทดแทนด้วยอะไรไม่ได้หรอก "

" ฉันรู้ดี แต่จะให้ทำยังไง จะให้อคติแล้วโกรธ เกลียดกันไปแบบนี้เหรอ อโหสิให้กันดีกว่า อโหสิที่หมายถึงว่าไม่แค้นเคืองอะไรกัน แต่ก็ไม่ใช่ในความหมายที่ดีกันแล้วเราจะกลับมารักกันเหมือนเดิมไม่ใช่แบบนั้น " ผมอธิบายเพราะคิดว่าเค้าคงเข้าใจผิดคิดว่าอยากจะให้เรากลับมาคืนดีกัน จริงๆผมก็แค่หวัง หวังว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ในอนาคตถ้าเจอหน้ากัน เราก็ยังยิ้มให้กัน

“ อโหสิเพื่ออะไร เพื่อให้ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องเจอกันอีกอย่างงั้นเหรอ " เสียงสั่นๆที่หลุดออกมาจากปากเค้า " ไม่ต้องถึงชาติหน้าหรอก แม้แต่ตอนนี้ถ้าเกิดฉันบอกว่า ฉันให้อภัยนาย เราก็คงไม่ต้องมาเจอกันอีก แต่แบบนั้น ฉันน่าจะดีใจมั้ยวะที่จะได้ไม่ต้องเจอคนอย่างนาย  แต่ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆ รู้สึกเหมือนถูกผลักออกไปแล้วจริงๆ ทั้งๆที่ฉันเองก็พยายามผลักนายออกไปตลอด ก็น่าจะดีใจปะวะ ทำไมตอนนี้มันถึง.. " เค้าเลือกจะเงียบแต่ผมก็เข้าใจอยู่ว่า มันหมายถึงอะไร ความรักมันไม่ได้ติดกันง่ายๆ ความเกลียดที่มีบางทีมันเหมือนกับแค่ว่า ต้องเกลียดเพราะทำกันให้เจ็บ ต้องเกลียดให้มากๆ เพราะเค้าทำให้เจ็บมากๆ

“ ฟาน..”

" ฉันไม่น่าทำแบบนั้นกับนายเลย ไม่น่าสิ้นคิดสั่งคนไปทำแบบนั้นเลย ถ้าฉันฟังคำเตือนของพี่คอมเค้าสักหน่อย วันนี้ฉันก็ไม่ต้องมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ต้องเห็นหน้าคนที่มันทำให้ฉันเจ็บจนอยากจะตายๆไป ไม่ต้องมานั่งคิดว่า นายจะใช้ชีวิตอยู่ยังไงเพราะการกระทำของฉัน ฉันที่ทำลายชีวิตนายไปแล้ว ไม่ต้องมานั่งคิดเป็นห่วงทั้งๆ สมองมันสั่งให้เกลียดขนาดนี้ ไม่น่าเลยว่ะ ฉันไม่น่าเลย "  ประโยคยาวๆที่จบลงผมไม่ได้ตอบอะไรเค้า ความเงียบที่ทำให้อีกคนผ่อนถอนหายใจทิ้ง สายตาคมที่กำลังร้องไห้ ฟานเดินออกไปจากห้องของผม เสียงประตูคอนโดที่ปิดลงบอกถึงใครอีกคนที่เดินจากไปแล้ว

   ผมผ่อนลมหายใจออกมา เม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะทำได้แค่นั่งลงบนเตียงก่อนจะเอนหลังดึงตัวเองลงนอน เพดานขาวที่ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น ทั้งหมดก็จริงอย่างที่เค้าพูด ใช่..ก็จริงของเค้า ต่อให้ผมเจ็บมากแค่ไหนก็ทดแทนและทำให้เค้าหายเจ็บไม่ได้ ความเจ็บปวดของใครก็ของมัน ทดแทนกันไม่ได้หรอก และต่อให้ผมต้องเจ็บปวดมากกว่านี้ หรือตายไปก็ไม่สามารถทำให้ฟานหายเจ็บปวดได้อยู่ดี เพราะที่เค้าเจ็บ มันเป็นเพราะเค้ายังรักอยู่ ไม่ได้เกลียดอย่างที่ปากพูดออกไป

..................................................................


หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 53 ' ปล่อย ' UP - 2.12.59} หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 04-12-2016 20:42:36
' วันนี้ฉันจะไปรับที่คอนโดนะ  เราไปทำงานพร้อมกัน ' ผมอ่านข้อความที่ส่งมาตั้งแต่เช้าของลิปผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะยิ้มจางๆให้ความห่วงใยที่ส่งมาถึงแม้จะมาในรูปแบบของข้อความก็ตาม

   ลุกขึ้นอาบน้ำเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็พึ่งยานอนหลับแถมยังเปิดไฟไว้ตลอดคืน เป็นความรู้สึกทรมานที่เผลอคิดมาน้ำตามันก็ไหล จะหลับตาลงก็กลัว จะลืมตาตื่นมาก็เจอ ไม่มีทางเลือกสักอย่าง ราวกับรอบตัวมีแต่คนหน้าตาแบบคนที่ทำร้ายผมรายล้อมไปหมด ราวกับมีคนจ้องมองอยู่ตลอดเวลา  ผมมองตัวเองผ่านกระจก ร่างเปลือยเปล่าถูกเช็ดด้วยผ้าขนหนูเบาๆไปตามผิวหลังการอาบน้ำ เงาสะท้อนของตัวเองที่เห็นอยู่ในขณะนั้น ราวกับมีมือหนาใหญ่ๆโอบมาจากด้านหลัง มือที่กำลังลูบไล้ร่างกายของผม มือที่ค่อยๆไล้ลงต่ำลงไปข้างล่าง

" ไม่!" ตะโกนออกไปตอนที่ก้มหน้าลงต่ำแล้วเงยหน้ามองตัวเองอีกครั้งก็พบว่า ก็ไม่มีใครทั้งนั้นที่อยู่ที่นี่ ในห้องที่เงียบเชียบผมผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ แม้แต่กระจกเงาก็ชวนให้รู้สึกว่ามีคนมองอยู่ตลอดเวลา ผมเหลือบมองมันอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจเอาผ้าขนหนูของตัวเองขึ้นไปคลุมมันไว้ แล้วจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อยเตรียมตัวออกจากห้อง

   ล๊อคประตูกระชับกระเป๋าของตัวเองเดินไปกดลิฟต์ รออยู่สักพักลิฟต์ตัวที่รอก็มาถึง ประตูที่เปิดออกในนั้นมีผู้ชายสองคนกำลังจะลงไปชั้นล่างพอดี ฝ่าเท้าของผมชะงัก คนในนั้นก็เหมือนจะสงสัย

“ คุณครับ "

“ ไม่ไปครับ ชะ เชิญ เชิญไปก่อนได้เลย พอดีผม ลืมของ " ผมกดปิดประตูลิฟต์ด้วยความรวดเร็ว หัวใจที่เต้นแรงของตัวเองผมผ่อนลมหายใจหอบออกมาเร็วๆด้วยความตื่นกลัว จนกระทั้งมีผู้หญิงคนนึงที่อยู่ในชั้นเดียวกัน เดินมารอลิฟค์อยู่ข้างๆ ผมก็ถอนหายใจโล่งออกมา คราวนี้รอบหน้านี้คงได้ไปแล้วอย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนไปด้วยไม่ได้มีแต่เราแค่คนเดียวที่จะเข้าไปในลิฟต์นั่นคนเดียว

   ในลิฟต์รอบสองที่ว่างเปล่า ผมลงมาถึงชั้นล่างพร้อมกับคนในชั้นเดียวกัน ลิปที่รออยู่ข้างนอกผมเดินออกไปหาเค้าอีกคนก็ยิ้มจางๆ ก่อนจะเม้มริมฝีปากเสียสนิทเหมือนกับมีอะไรจะพูดกับผมแต่ก็พูดออกไปไม่ได้

“ ลิป "

“ ไปทำงานกันเถอะ " เค้าพูดสั้นๆในแววตาที่กำลังเศร้าของอีกคน แม้จะยิ้มแต่ก็ดูเป็นยิ้มที่ฝืนเสียเหลือเกิน

“ เป็นอะไร มีอะไรรึเปล่า "

“ เปล่า ฉันไม่เป็นอะไร " ส่ายหน้าไปมาแรงๆ มือที่เอื้อมมือมาจับมือผม ดูก็รู้ว่าอีกคนคงรู้เรื่องราวทั้งหมดนั่นอยู่แล้วโดยที่ผมไม่ต้องอธิบายอะไร ลิปก้มหน้าลง " คีย์ฉันขอโทษ มันเป็นเพราะฉันเอง "

“ ทำไมถึงคิดแบบนั้น ไม่ใช่เพราะนายสักหน่อย "

“ มันก็เป็นเพราะฉันด้วยเหมือนกันถ้าวันนั้นฉันไม่ให้นายไปง้อไอ้เหี้ยนั่น เรื่องมันคงไม่เกิดขึ้น ฉันขอโทษคีย์ ฉันขอโทษ "

“ ไม่เกี่ยวกับนายเลยลิป จำได้มั้ยวันนั้นนายห้ามฉันแล้ว แต่ก็เป็นฉันเองที่ดื้อดึงจะไปเอง อย่าโทษตัวเองเลย คนที่ผิดที่สุดคือฉันที่ดึงดันจะไปมากกว่า " ผมลูบหลังเค้า อีกคนก็พยักหน้ารับ

“ แต่ว่า..”

“ อย่าพูดถึงมันเลยนะ ฉันไม่อยากจะนึกถึง "

“ งั้นฉันจะอยู่เป็นเพื่อนนายเองนะ เย็นนี้ฉันจะมาส่งนายที่บ้านเอง แล้วก็ค่อยออกไปตอนที่คุณเมษเค้าเลิกงาน "

“ แบบนั้นฉันไม่โดนคุณเมษเขม่นตายเหรอวะ แฟนเค้ามาใส่ใจฉันขนาดนี้ " ผมถามอีกก็หัวเราะ

“ ก็งอนอยู่ แต่ฉันก็ไม่สนใจหรอก คุณเมษบอกว่า เป็นห่วงนายขนาดนั้นเค้าชักสงสัยแล้วว่า ฉันแอบรักนายรึเปล่า " คราวนี้ก็เป็นผมที่หลุดยิ้มออกมาบ้าง " แต่ฉันก็บอกเค้าไปละนะ ว่า ฉันไม่ได้เป็นเบี้ยน แล้วเค้าก็หัวเราะใหญ่เลย ฮ่าๆ "

“ นี่ลิป ขอบใจนะ " เอ่ยบอกอีกคนที่ก็จ้องหน้าผมก่อนจะพยักหน้ารับ " ฉันขอบใจ ขอบคุณ สำหรับทุกๆอย่างที่นายทำเพื่อฉัน นายที่เตือนฉัน นายที่เป็นห่วงฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะดื้อแล้วไม่ฟังอะไรนายเลย แต่สุดท้ายนายก็อยู่ข้างๆฉันมาตลอด " ผมขอบคุณในความเป็นเพื่อนของเค้า เพื่อนที่ไม่ทิ้งกันไปไหน ลิปเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลวร้ายแค่ไหน ก็ยังจะมีเค้าอยู่ข้างๆเสมอ มันทำให้รู้ว่ารอบตัวผมยังมีคนที่ดีกับผมจริงๆ หลงเหลืออยู่ 

“ ขอบคุณทำไม มันเป็นหน้าที่ของเพื่อนอยู่แล้ว เอาจริงๆ ฉันก็สมน้ำหน้านายนะสำหรับเรื่องของฟานที่นายโดนเค้าทิ้ง เพราะฉันเตือนแล้ว แต่นายไม่ฟัง แต่ในความเป็นเพื่อนแล้ว สมน้ำหน้ายังไงก็ยังต้องอยู่ข้างๆนั่นแหละ  ก็เราเป็นเพื่อนกันนิ แล้วอีกอย่างฉันว่าเรื่องนั้น มันก็เหี้ยเกินไป เกินว่ามนุษย์จะทำได้ " เค้าว่าพลางก้มหน้าลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม " เอาเป็นว่าเราอย่าพูดถึงมันเลยดีกว่า รกสมองไปทำงานกันเถอะนะ "

   รถไฟขบวนเช้าแน่นขนัดเหมือนทุกวัน ผมผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะมองคนรอบตัวที่ต่อคิวกันยาวเพื่อขึ้นรถไฟขบวนนี้ ผมเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกราวกับภายในท้องมันปั่นป่วนไปหมด ผู้คนรอบข้างที่เบียดเข้ามาผมเผลอคิดถึงช่วงเวลาที่เคยโดนลวนลานบนรถไฟก่อนหน้านี้ มือหยาบกร้านที่สัมผัสร่างกายของผม ผิวที่โดนลูบไปทั่ว

“ คีย์ ทำไมหน้าซีดแบบนั้น ไหวมั้ย "

“ ฉันแค่รู้สึกหายใจไม่ออกน่ะ ฉัน ฉันว่าเราขึ้นรถแท็กซี่ไปทำงานกันมั้ย "

“ แต่รถไฟมาแล้วนะ " ลิปบอกก่อจะเชิดหน้าออกไปที่ราง " ไม่เป็นไรหรอก นายมีฉันอยู่ ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวสักหน่อย ใครมันจะกล้ามาทำอะไรนาย "

“ แต่..”

" มาเถอะน่า " เค้าคว้ามือผม

" อื้ม " รับคำเค้าด้วยการพยักหน้าลงช้าๆอย่างจนใจ เรื่องมากไปก็ไม่ได้เพื่อนอุตส่าห์มารับแล้ว รถไฟเข้ามาเทียบชานชาลา ผมก้าวขาเข้าไปในข้างในที่มีผู้คนยืนอยู่แล้ว ลิปดึงผมให้ไปยืนพิงผนังฝั่งที่ว่าง ก่อนจะยกมือกอดตัวเองไว้คนที่ยืนข้างๆก็หันมามอง ลิปยิ้มจางๆมือที่คว้ามือผมมาจับไว้เค้าก็เริ่มชวนผมคุย

“ แล้วเมื่อวานไอ้ฟานมันกลับไปตอนไหน "

“ ก็ช่วงเช้าที่คุยกันเสร็จ เค้าก็ออกไปเลย เราเลิกกันแล้วละ " นึกถึงใบหน้าคมที่มองหน้าผมในช่วงเวลานั้น ผมก้มหน้าลงมันพาลจะร้องไห้ออกมาอีกแล้ว น้ำตาที่รื้นขึ้นมายามที่คิดถึงเค้า คิดถึงคำพูดที่รังเกียจกัน การกระทำของเค้า หรือแม้ประโยคตัดพ้อทุกอย่างดูเหมือนไม่ชัดเจนสำหรับความรู้สึกจริงๆ แต่ถึงอย่างงั้นก็อาจจะพอสรุปได้ว่าเค้าได้จากไปแล้ว

" คิดว่าดีแล้ว ก็แล้วกันนะ " ลิปบอก " ไม่รู้สิ ในความคิดของฉัน ฟานน่ากลัวเกินกว่าจะให้กลับมา เค้าดูเป็นคนที่จะทำอะไรได้แบบคาดไม่ถึง ยากจะหยั่งถึงในจิตใจ  เป็นคนอันตราย ที่ตอนดีก็ดีใจหาย ตอนเลวก็แทบจะไม่มีความเป็นคนเลย "

“ แล้วมันเป็นเพราะใครละที่ทำให้เค้าต้องเลวจนแทบไม่เป็นคนแบบนั้น "

“ คีย์ มันไม่เกี่ยวกันนะเว้ย สิ่งที่ฟานทำน่ะ "

“ อย่าโทษเค้าเลย ให้ทุกอย่างจบแล้วเอาความผิดทั้งหมด มาลงที่ฉันดีกว่า เพราะต้นเหตุทั้งหมด มันเกิดจากฉันทั้งนั้น " ผมยิ้มจางๆให้อีกคน " ไม่ใช่ว่าฉันพยายามเป็นคนดีอะไรหรอก แต่ถ้านายคิดดูให้ดี ทุกอย่างมันเป็นเพราะฉันทั้งหมดนะ ถ้าฉันไม่นอกใจเค้า ทุกวันนี้เค้าก็ยังเป็นคนแสนดีเหมือนเดิมนั่นแหละ "

“ แต่ยังไงซะ ฉันก็ไม่เห็นว่าเค้าต้องทำร้ายนายถึงขนาดนั้น มันกลายเป็น นายแค่นอกใจเอง แต่มันที่สั่งให้.. " ลิปผ่อนลมหายใจออกมา ตอนที่มองไปทางอื่น " เลิกพูดถึงเรื่องนี้เถอะ ฉันขอโทษที่ถามถึงมัน "

“ อื้ม " รถไฟเลื่อนขบวนมาจนถึงสถานีใกล้ที่ทำงาน เราเดินคุยกันมาเรื่อยๆจนเข้ามาภายในตึกที่ทำงานรอลิฟต์ขึ้นไปที่แผนกตอนที่มาถึง ทุกอย่างที่นี่ดูเงียบแม้จะมีคนมาถึงแล้วเกือบครึ่งแผนก

“ บรรยากาศแปลกๆนะวันนี้ " ลิปทัก " อรุณสวัสดิ์ครับทุกคน "

“ อื้ม อรุณสวัสดิ์ " รุ่นพี่ทำงานทัก เราเดินไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาในตอนนั้นเมล์เข้าใหม่ก็ถูกส่งเข้ามา เป็นเมล์แปลก

“ มีเมล์แปลกส่งเข้ามาว่ะ " ลิปพูดเสียงเบาๆ " คีย์ นายได้รับมั้ย "

“ ได้รับ " ผมบอกเค้าสั้นๆ คิดถึงตอนที่มันเคยมีเมล์แบบนี้ส่งเข้ามา แต่พอเปิดออกมาก็ภาพของผมกับหัวหน้า ภาพที่หัวหน้าเป็นคนจงใจปล่อยออกมาเอง ภาพที่ทำลายชีวิตของผมให้ย่อยยับตั้งวันนั้นจนมาถึงวันนี้

“ คือ.. ทุกคนได้รับเมล์กันมั้ย "

“ ได้รับ " เสียงตอบสั้นๆของทุกคนในแผนกว่าแบบนั้น ก่อนรุ่นพี่ในที่ทำงานจะบอก " ก็นี่ไงกำลังยืนดูกันอยู่ พวกนายก็ดูสิ " ผมเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้ลิป อีกคนที่กดเปิดเมล์นั่นก่อนจะพบว่าในนั้น ไม่ได้มีภาพ หรือข้อความอะไร แต่กลับมีคลิป

“ เป็นคลิปเลยเหรอวะ  " ลิปบอกก่อนจะหันมาทางผม

“ คงไม่ฉันหรอก เพราะฉันไม่เคย แล้วกับฟานก็ไม่เคยถ่ายอะไรแบบนี้กันด้วย “

“ ฉันไม่คิดว่าเป็นนายสักหน่อย “ ลิปบอก " เราใส่หูฟังกันดีกว่า " หยิบหูฟังมาใส่คนละข้างก่อนจะกดปุ่มเล่น ภาพในจอที่กำลังฉายนั้นทำให้ผมเบิกตากว้างขึ้นมา มันเป็นคลิปการมีเซ็กส์ระหว่างผู้ชายสองคน เซ็กส์เร้าร้อนที่ทำให้ผมกลืนน้ำลายแล้วก็ได้แต่เอามือปิดปากตัวเอง จ้องคนที่อยู่ในนั้นก่อนจะพูดออกมาเสียงเบาๆ

“ นั่นมันหัวหน้ากับ เนย์นิ " ผมพูดออกมาเบาๆ ลิปที่กำลังดูอยู่ก็นิ่ง

   เนย์ เป็นรุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทเราได้ไม่นาน เป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารัก ครั้งนึงผมเคยเจอเค้าขึ้นรถไปกับหัวหน้า พอเอามาบอกลิปอีกคนก็ไม่เชื่อ แถมยังหาว่าผมจำคนผิดแต่วันนี้ภาพคลิปที่เห็นมันทำให้ผมรู้เลยว่า มันไม่ผิดจากที่ผมเห็นแล้วที่ผมคิดเท่าไหร่ นอกจากผมแล้ว หัวหน้ายังแอบทำแบบเดียวกันกับคนอื่น แต่ก็คงแตกต่างกันไปตามการตอบสนองของอีกฝ่าย ของผมมีแต่ภาพที่แอบถ่ายเพราะเรายังไม่เคยมีอะไรที่ลึกซึ้งกันขนาดนั้น โชคดี ผมคิดว่าผมโชคดีที่วันนั้นหนีออกมาทัน โชคดีที่มีคนช่วยผมไว้ เพราะไม่อย่างงั้นคลิปที่เห็นอยู่ตอนนี้ คนแสดงอาจจะเป็นผมก็ได้

   ร่างกายเปลือยเปล่าของคนในคลิป ท่าทางที่กำลังร่วมรักกันนั้นชวนให้ผมขมวดคิ้วแล้วกลั้นหายใจเอาไว้ มันไม่ใช่การมีเซ็กส์กันแบบธรรมดาแต่เป็นแบบที่ ทั้งทรมานและใช้อุปกรณ์แปลกๆ มือบางๆของเด็กคนนั้นถูกรัดด้วยผ้าสีดำ ช่องทางหลังที่ถูกใส่อุปกรณ์อยู่ แอ่นหน้าอกรับลิ้นของหัวหน้าที่กำลังดูดคลึง ก่อนจะดึงอุปกรณ์ออกแล้วแทนที่ด้วยแก่นกายของเค้า กระแทกแรงหนักๆเข้าออก เสียงร้องครางแบบทรมานดังเข้ามาในหูของผมเค้าที่บอกว่าให้หยุด เสียงที่บอกว่าตัวเค้านั้นไม่ไหวแล้ว แต่แรงพวกนั้นก็ยังกระแทกกระทั้นเข้ามามาไม่หยุดหย่น มือหนาฟาดลงไปที่ก้น ก่อนจะเอื้อมมือไปบิดหัวนม ผมถอดหูฟังที่ตัวเองกำลังฟังอยู่ออก ลิปก็พูดขึ้น

“ รสนิยมเซ็กส์เค้าเป็นพวกชอบความรุนแรงเหรอวะ " 

“ คงจะอย่างงั้น "

“ ดีนะ ที่วันนั้นนายรอดมาได้ " ผมพยักหน้ารับ แค่คิดว่าถ้าวันนั้นผมรอดมาไม่ได้ ถ้าวันนั้นผมต้องกินยานั้นเข้าไป ทุกอย่างก็คงต้องจบลงตรงนั้น ยิ่งกว่าการตกนรกขุมไหนๆ คือการที่ต้องทนอยู่แบบนั้นแล้วสิ่งเดียวที่ทำให้รอดพ้นได้คือความตายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

“ นี่มันอะไรกันเนี้ย " เสียงของรองหัวหน้าดังขึ้นมาที่โต๊ะ ทุกคนที่เงยมองหน้าเธอที่ก็ลุกขึ้นมองหน้าเราทุกคน " ใครเป็นคนส่งเมล์นี้มา "

“ ไม่มีใครรู้หรอกค่ะ รองหัวหน้า "

“ หัวหน้ารึเปล่า " เสียงของเพื่อนร่วมงานคนนึงดังขึ้น " ก็ขนาดภาพของคีย์เอง เค้ายังเป็นคนปล่อยออกมาเลย "  ทุกคนเงียบพลางหันมามองทางผม

“ แต่เรื่องนี้ผมไม่ทราบหรอกครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าทำรึเปล่า แต่ที่ผมรู้คือ เพราะเราไม่รู้เรื่องราวมันเป็นยังไง ก็อย่าไปพูดให้น้องเค้าต้องรู้สึกไม่ดีเลย "

" ต่อให้ไม่พูด แต่มันเห็นชัดขนาดนี้แล้วจะให้รู้สึกดีอะไรอีกวะ ไม่มีใครรู้สึกดีที่ได้เป็นนายเอกหนังโป๊หรอกน่า แล้วยังจะต้องให้หาความจริงอะไรอีกคีย์ " รุ่นพี่ที่เคยด่ากระแทกผมถาม " เอากันขนาดนี้ คงไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดหรอกมั้ง นี่เค้าแอบคั่วคนทั้งแผนกเลยรึไง วันก่อนก็จีบคีย์จะเอาทำเมียให้ได้ถึงขั้นจ้างคนไปตามถ่ายภาพแบล็คเมล์กัน วันนี้ก็มาเด็กเนย์นี่อีก นี่ยังมีใครอีก ที่ผู้ชายคนนี้ไปมั่วด้วย ลิปนายด้วยรึเปล่าเนี้ย  "

“ อย่าพูดหมาๆแบบนั้นสิ ไม่เคยเว้ย ผมมีผัวแล้ว รักกันมากด้วยไม่เล่นด้วยกับผู้ชายพันนั้นหรอก " อีกคนบอกเสียงหงุดหงิด " แต่ฉันเห็นด้วยกับคีย์นะ บางทีเค้าอาจจะโดนบังคับก็ได้ อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครปล่อยคลิปนี้ออกมา " ลิปเสริม

" นี่ได้ดูตั้งแต่ทีแรกรึเปล่า ฉากแรกเข้ามาพอหัวหน้ากอด เค้าก็กอดกลับ แบบนั้นมันจะโดนบังคับได้ไง หลงเอ็นดูมาตั้งนานสุดท้ายก็ร้ายลึก แอบไปอ่อยหัวหน้าจนได้เป็นเมียน้อยเค้า แล้วสุดท้ายก็โดนเค้าแฉ ไม่ก็เมียเค้าแฉแน่ๆ ส่วนนายก็โชคดีแล้วนะคีย์ " เธอหันมามองหน้าผม " ถ้าตอนนั้นนายยอมตกร่องป่องชิ้นกับเค้าเพียงเพราะภาพหลุดพวกนั้น นั่นต้องชิบหายแน่ๆ ดีแล้วละ โชคดีแล้ว คิดว่าฟาดเคราะห์แล้วกันนะ ตอนเป็นขี้ปากชาวบ้านเรื่องเมียน้อยหัวหน้าน่ะ ตอนนี้เมียน้อยตัวจริงโผล่มาละ " ทั้งๆที่เธอเป็นตัวตั้งตัวตีคอยว่าผมอยู่ตลอดแท้ๆ แต่สุดท้ายพอเรื่องพลิกกลับเธอกลับมาอยู่ข้างผมแล้วหันกลับไปถล่มเด็กคนนั้นซะงั้น ทั้งๆที่ยังไม่ได้ฟังเลยว่า เรื่องมันเป็นมายังไง แทนที่จะถามเจ้าตัวก่อนเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเรื่องของผม แต่ก็เปล่า กลับขึ้นไปซ้ำเติมอีกฝ่ายเหมือนอย่างที่เคยทำมาตลอด

" ฉันอยากจะให้ทุกคนเก็บเรื่องนี้ไว้แค่ในแผนกเราเท่านั้น ขอร้อง อย่า เอา ไป แชร์ อีกนะ " รองหัวหน้าย้ำเเน่นทีละคำ แต่ผมก็ไม่เชื่อหรอกว่ามันจะไม่ถูกแชร์ สังเกตเห็นโต๊ะเยื้องกันก็โหลดคลิปเก็บไว้กันแทบทุกคน วันนี้ตอนเย็นก็คงจะดังไปทั่วบริษัท " เราไม่รู้ว่าเรื่องเป็นยังไง เหมือนเรื่องของคีย์ตอนนั้นนั่นแหละ ทุกคนก็เอาแต่ว่าเค้า สุดท้ายแล้วก็เกือบทำให้เค้าต้องเป็นอันตราย ฉันก็ยังไม่เห็นว่าใครจะไปขอโทษคีย์สักคน ทั้งๆที่ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง ใครเป็นคนทำเรื่องนี้ ก็เอาแต่เงียบไม่เห็นปากดีเหมือนตอนที่ด่าเค้าเลย ไม่มีใครขอโทษที่พูดไม่ดีกับคีย์เค้าสักคำ " รองหัวหน้ามองหน้าพี่คนนั้นที่เคยว่าผม " ฉันเห็นคนที่ว่าเค้าเมื่อกี้ทำมาเป็นพูดเหยียบคนอื่นแล้วยกเค้าขึ้นมาทำเหมือนที่ผ่านมาตัวเองไม่ได้พูดอะไร เอาบทเรียนพวกนั้นมาใช้บ้างเถอะ มันสมควรแล้วเหรอที่เธอจะแชร์เรื่องที่เธอไม่รู้มันจริงๆ " ทุกคนเงียบตอนที่รองหัวหน้าพูดออกแบบนั้น ไม่มีใครเถียงออกมาจนสุดท้ายเธอก็พูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน " ลบเมล์พวกนั้น แล้วกลับไปตั้งใจทำงานเถอะ เสือกเรื่องชาวบ้านมันไม่ได้เงินเดือนหรอกนะ "

“ จะห้ามได้เหรอ โหลดกันทุกคนขนาดนั้น " ลิปบอกก่อนจะนั่งลงที่ทำงานของตัวเอง ประตูแผนกเราถูกเปิดออก เนย์ที่มาทำงานตามปกติเค้าทักทายทุกคน

“ สวัสดีตอนเช้าครับทุกคน " แต่ทุกอย่างกลับเงียบ เค้าเดินไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองเปิดงานขึ้นมาแล้วในตอนนั้นเมล์เข้าใหม่มันก็เด้งขึ้น ทุกคนต่างมองดูปฎิกิริยาของเค้าที่จะตอบสนองกับเรื่องนี้ เด็กผู้ชายคนนั้นนั่งนิ่งเค้าที่ปิดคลิปลงเพียงแค่เห็นมันไม่นานก่อนจะเงยหน้ามองคนรอบตัว

" นั่นมัน ..ไม่ใช่ผมนะ ไม่ใช่ผม ก็แค่คนหน้าคล้าย " เค้าพูด ก่อนจะส่ายหน้าไปมา น้ำตาที่ไหลออกมาของเค้ามองดูผู้คนที่ไม่พูดอะไรแต่กลับจ้องเค้าเหมือนไม่เชื่อ แล้วในวินาทีต่อมานั้นเค้าก็วิ่งออกไปนอกแผนกทันที  ผมเข้าใจความรู้สึกของเค้าแม้จะไม่ทั้งหมดแต่ก็เข้าใจ ไม่มีใครอยากจะเอาเรื่องตัวเองในด้านแย่ๆมาให้คนอื่นพูดถึงหรอก ยิ่งเป็นเรื่องความสัมพันธ์ของคนที่มีเจ้าของแล้ว ต่อให้เรื่องนั้นจะจริงหรือไม่จริง มันเหมือนการทำลายชีวิต ทำลายอนาคต ทำลายทุกๆอย่าง คำพูดของผู้คน สายตาของผู้คน ไม่ต่างอะไรกับการตกนรกทั้งเป็น

   ในตอนนั้นของผมยังเป็นแค่ภาพ ยังโดนรังเกียจแล้วโดนต่อว่านินทาขนาดนั้น แล้วเด็กคนนั้นที่ออกมาเป็นคลิป จะต้องใช้ชีวิตต่อไปยังไง ผมเองยังนึกภาพไม่ออกเลย

“ ไม่ใช่ยังไง ปฎิเสธออกมาได้หน้าด้านๆ ก็ตัวเองอยู่ในคลิปแท้ๆ " รุ่นพี่ในแผนกบอก ทุกคนที่เริ่มนินทากันถึงคลิปนั้นอย่างออกรส ผมหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง

“ คีย์ ฉันจำได้ว่านายเคยบอกว่าเห็นเนย์ไปกินข้าวเที่ยงกับหัวหน้าข้างนอก "

“ อื้ม " ผมพยักหน้ารับ

“ แสดงว่าก็คงได้กันมาสักพักแล้วสินะ ก่อนจะมาสนใจนายจริงจัง " ลิปทำท่าคิด " สงสารชะมัดเพิ่งเรียจบแท้ๆ อนาคตมาดับเพราะผู้ชายแบบนั้น คอยดูว่าคลิปนี้สุดท้ายก็ต้องไปตกอยู่ตามเว็บหนังโป๊แน่ๆ เฮ้ออ " เค้าถอนหายใจ " ไม่รู้ว่าใครจะตกเป็นเหยื่อบ้างนะว่ามั้ย แล้วเหตุผลอะไรกันวะ ที่เค้าต้องทำแบบนี้ ต้องทำลายคนอื่นแบบนี้ เพราะอะไรวะ "

“ นั่นนะสิ ฉันเองก็อยากรู้ ว่าทำไม "

“ คีย์ " รองหัวหน้าเดินมาหาผม เธอที่ผ่อนลมหายใจออกมา รอยยิ้มจางๆตอนที่มองหน้า " หลักฐานเรื่องของนายกับหัวหน้าออกมาแล้วนะ วันนี้แผนกบุคคลจะสอบสวนเรื่องนี้ให้นาย แล้วตอนนี้หัวหน้าก็มาถึงที่นี่แล้วด้วย เค้ากำลังรอนายอยู่ที่แผนกบุคคล "
“ ครับ " ตอบรับสั้นๆกับรองหัวหน้าแผนก เธอที่เอื้อมมือมาจับไหล่ผมไว้ ราวกับกำลังให้กำลังใจกัน ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ที่นั่งแต่รู้สึกว่าอยู่ๆขามันก็แข็งไปหมด หัวใจของผมเหมือนกับจะหยุดเต้นไป

   ในวินาทีนั้นผมคิดถึงผลลัพธ์ที่ร้ายแรงที่สุดที่จะเกิดขึ้น ผลของยานั่นไม่มีอะไรอยู่ในนั้น ขวดนั้นไม่ใช่ขวดยาจริงๆ เป็นแค่ขยะชิ้นนึงที่ตกอยู่ตามหาดทั่วไป แล้วสุดท้ายผมก็ถูกไล่ออกแล้วไม่ว่าจะไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ เพราะใส่ร้ายทำให้หัวหน้าแผนกเสื่อมเสียชื่อเสียง

" คีย์ " เสียงที่เรียกผมอีกครั้ง แต่ผมไม่รู้เลยในตอนนั้นว่ามันเป็นเสียงใคร หวนคิดถึงฟานตอนที่เค้าเดินไปยืนไหว้ศาลเจ้าที่หน้าบริษัทขอให้เค้าช่วยคุ้มครองผม ให้ผมผ่านพ้นเรื่องราวไม่ดีไปให้ได้ แต่ตอนนี้ผมไม่มีใครที่จะไปขอพรให้แล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะตัวผมเองทั้งหมด แล้วตอนนี้ก็ต้องรับผิดชอบมันทั้งหมด " ไปกันเถอะ "

" ครับ " พยักหน้ารับคนที่ตบไหล่ ตอนที่ก้าวเดินออกไป ผมคิดว่านานเหลือเกิน กับความทรมานทั้งหมดนี้ นานจนแทบจะ ไม่รู้เลยว่า เมื่อไหร่กันที่จะถึงจุดจบของมันสักที

..............................................................

ตอนหน้ามาลุ้นกัน ว่าเรื่องของคีย์ และหัวหน้าจะเป็นอย่างไร  :เฮ้อ:
สงสารชีเนย์

จากที่นั่งอ่านเม้นท์หลายๆ เม้นท์ของคนอ่าน
เรื่องที่ว่า ตัวละครนิสัยไม่นิ่ง เหมือนเรื่องอื่น คือจริงๆ เราก็วางให้ฟานเป็นคนที่ดีมากๆ แต่เวลาร้ายก็ร้ายๆมากๆนะ
เช่น ตอนที่หึงคีย์ แล้วจับคีย์ไปมีอะไรด้วยบนตึกของอาคารเรียนอะ ฟานในความคิดเราคือ เด็กวัยรุ่นที่ยังมีสภาวะอารมณ์ไม่คงที่อะ ไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกเสียใจมากๆนี่ยังไงดี เป็นคนรักแรงเกลียดแรง แต่เราคงเขียนให้งงอยู่หน่อยๆละมั้ง คือไม่เจาะจงให้เห็นชัดๆ
ส่วนคีย์ เราเขียนให้เป็นคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ในแบบที่ เรียกว่าไงดี เขียนเป็นคำพูดออกมาไม่ถูก กล้าได้กล้าเสียเหรอวะ ( ในเรื่องที่กล้านอกใจฟาน คือเรามองว่านางกล้ามากนะ แบบไม่แคร์ไรเลยอะ ) เป็นคนที่ถ้าคิดจะทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ ( ในส่วนของเรื่องง้อฟาน ) เป็นคนคนนึงที่ไม่ได้มีนิสัยเด่นชัดอะไรด้วยซ้ำไป แต่ส่วนใหญ่คนอ่านคงมองว่า คีย์เป็นคนซึนๆ ปากแข็งในช่วงแรก และดื้อเงียบด้วย

ส่วนบทสนทนาที่ยาวเกินไป จนเหมือนคำอธิบาย ไม่ใช่บทสนทนาแล้วนั้น
เหตุผลเพราะ เราคงอินเกินไปค่ะ เหือนเวลาเราเขียน เราชอบมีอินเนอร์กับตัวละคร ประดุจเป็นคีย์ที่มีฟานยืนอยู่ข้างหน้า
คือจริงๆ บทเดียวไม่เพียงพอ มันเหมือน นึกขึ้นมาได้ว่า ฟานเคยพูดแบบนั้นนี่ เออ งั้นตอบนี้ เออ ฟานพูดนี่ด้วย งั้นตอบนี้ไปด้วย อะไรแบบนั้นอะ  :laugh:

บางทีเหมือนเรารู้สึกว่า บางบท ฝ่ายตรงข้ามมันไม่ต้องตอบอะ
คือฟังแล้วไม่อยากจะตอบ ฟังแล้วบางประโยคทำได้แค่กรอกตามองบน ตัวละครอีกตัวก็เอาแต่พูด
กลายเป็นว่า.. ยาวไป

ยังไงจะปรับปรุงในส่วนนี้นะ

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ
คอมเม้นท์เมามันส์มาก หนมจะเก็บคอมเม้นท์ไปเพิ่มเติมในงานเขียน ในส่วนที่คนสงสัยจะได้คลี่คลาย

สุดท้ายนี้ ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ทวิต
และขอบคุรที่เข้ามาอ่านคอมเม้นท์ค่ะ
ป.ล. เมื่อวานทำโพล ถามว่า นิยายที่เราแต่งเรื่องไหน ดราม่าสุด สุดท้าย " รักที่ต้องเลือก ชนะไปค่ะ "
แสดงว่าเรื่องนี้ยังไม่ดราม่า ยังไม่ต่อได้อีก  :z1:
 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ' UP - 4.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 04-12-2016 21:28:19
เอาเป็นว่าเราให้กำลังใจคนเขียนต่อไปดีกว่า เพราะบางทีเราก็อยากอ่านอะไรที่มันดราม่าๆมากๆ ขอบคุณหลายๆเน้อ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ' UP - 4.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-12-2016 21:34:17
 :L2: :L1: :pig4:

ไม่รู้แล้วเอาไปพูด หรือแชร์ นี่เป็นเรื่องที่รุนแรงจริงๆ
ทำชีวิตคนพังได้เลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ' UP - 4.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 04-12-2016 21:57:55
รอดู #คีย์ฟาน กันต่อปายยยยยย คีย์ส่งไม้วิ่งผลัดให้เนย์วิ่งไปต่อ ขอบใจที่มารับส่งต่อนะ 55555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ' UP - 4.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 04-12-2016 23:10:02
แอบสงสาร เนย์ เบา คาดว่านางน่าจะโดนหลอกมุกเดียวกับคีย แต่นางยังเด็ก ยังใสๆ ตามหัวหน้าไม่ทัน เหอะๆ เลยเสร็จไปตามระเบียบ
รอตอนต่อไปคะ ว่าอิหัวหน้ามันจะทำไงงง :katai4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ' UP - 4.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 04-12-2016 23:11:42
จัดไป 2 ตอนรวดดดด
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

เรื่องฟานคงต้องปล่อยให้ไปจัดการความรู้สึกตัวเองมาก่อน
ส่วนคีย์ ก้คงต้องคิดแบบนั้นจริงๆ แต่ก้สงสาร
เรื่องหัวหน้า ขอให้ออกมาดี นางโดนไล่ออกเองละกันนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ' UP - 4.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 04-12-2016 23:35:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ' UP - 4.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 04-12-2016 23:53:27
รอดูจุดสิ้นสุดของแต่ละคนกันต่อไป

แต่ที่ไรท์เขียนเราว่ามันคือธรรมชาติของคนนี่ล่ะ สีเทากันไปปปป
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ' UP - 4.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 05-12-2016 00:03:01
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ' UP - 4.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 05-12-2016 02:07:57
ลิปพูดได้โดนใจอีกแล้ว ที่ว่าคีย์น่ากลัวไม่เหมาะที่จะกลับไปคบด้วย คือต่อให้ดีแค่ไหน แต่ถ้าผิดหวังเสียใจหรือโกรธแล้วนิสัยเปลี่ยนจนเลวขนาดนี้ คบเป็นแฟนแล้วห่วงชีวิตตัวเองอ่ะ คีย์ไม่โกรธแถมอยากคบต่อได้งัย


หมั่นไส้คีย์อีกแล้วที่แก้ตัวแทนฟาน แหมที่ฟานเลวเพราะโดนแกทำก่อน ที่ฟานเลวขนาดนี้มันมาจากสันดานด้วยแหละ ไม่งั้นไม่ทำขนาดนี้หรอก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ' UP - 4.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 05-12-2016 02:41:05
ขอให้คีย์ชนะ เจอเรื่องดีๆบ้างช่วงนี้หลายอย่างเหลือเกิน555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ' UP - 4.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: p^tarn ที่ 05-12-2016 07:42:11
เลิกกับฟานแล้ว ขอให้เจอคนดีๆนะคีย์
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ' UP - 4.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 05-12-2016 08:04:02
ขอให้มีเรื่องดีๆเข้ามาบ้างเถอะ ช่วงนี้ชีวิตคีย์หดหู่เกิ๊นนนนน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ' UP - 4.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 05-12-2016 09:25:12
ฟานเอ้ย เด็กน้อย
อิหัวหน้านี่เลวสุดติ่งจริงๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ' UP - 4.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 05-12-2016 16:27:47
เป็นกำลังใจกันต่อไป ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ' UP - 4.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 05-12-2016 17:11:01
เอาจริงๆคือเข้าใจอารมณ์เด็กอายุ19 20ของฟานนะ
มันไม่เคลียร์สักอย่าง ด่วนตัดสินใจเกินไปอารมณ์ประชดประชนเจ้าคิดเจ้าแค้นมาเต็ม
คือคีย์ทำผิดก็ควรฟังที่นางจะไปบอกให้ละเอียดแล้วก็จบๆไม่ใช่ไปทำอะไรแบบนั่น สุดท้ายคนที่อ่อนแอสุดก็คือฟานนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ' UP - 4.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 05-12-2016 18:30:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ' UP - 4.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-12-2016 19:07:29
ที่ฟานทำ ไ้ด้ผลนะ เลิกแล้ว พอแล้ว แต่ฟานทำคีย์เป็นโรคระแวง หลอน หวาดกลัว
แลกไม่ได้กับที่ฟานแค่เจ็บเพราะถูกหลอกเลย

ลิปเป็นเพื่อนที่ดี อย่างน้อยคีย์ก็ยังมีคนคอยอยู่ข้างๆ

หัวหน้าเป็นโรคจิตหรอ ไบโพล่าหรอ

สงสารเนย์ ตอนไปก็ตั้งใจแหละ แต่ตอนโดนแบบนั้น ใครจะเต็มใจ

เรื่องคนอื่น สนุกปาก เรื่องตัวเองเหยียบให้มิดเลย คนเรา
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ' UP - 4.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 08-12-2016 22:43:22
เรื่องมันเศร้าาา รออออ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ' UP - 4.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 09-12-2016 10:54:55
ขอให้คีย์ชนะคดี ขอให้คีย์เจอแต่เรื่องดีๆบ้าง แล้วหลังจากนี้ก็ทำแต่สิ่งดีๆ เพื่อชดเชยเรื่องที่ไม่ดีของตัวเองที่ผ่านมา คีย์โดนมาหนักแล้ว หนักมากเกินไปสำหรับคนคนนึง ส่วนฟานยังอยากให้กลับมารักกันเหมือนเดิม ปรับความเข้าใจใจกันซะ ปมอะไรที่มีอยู่ในใจก็ช่วยกันคลี่คาย เอาใจช่วยนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 54 ' ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ' UP - 4.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 09-12-2016 11:18:59
เลิกแล้วต่อกันนะฟาน แค่นี้คีย์ก็น่าสงสารเกินไปแล้ว อยากให้ต่อไปนี้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาหาคีย์ซักที  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 55 ' อย่า!!! ' UP - 9.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 09-12-2016 20:23:30
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 55
' อย่า!!! '

   ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อลงมาถึงชั้นแผนกบุคคล ผมผงะเล็กน้อยตอนที่เห็นหัวหน้ายืนอยู่ที่หน้าห้องตรงนั้น เค้าที่กำลังยืนนิ่งอยู่คนเดียวเงยหน้ามองผมก่อนจะยกยิ้มให้

“ เป็นไง สบายดีมั้ย ไม่ได้เจอกันตั้งนาน " ผมไม่ตอบพยายามเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องประชูมแต่กลับโดนมือหนาคว้าแขนเอาไว้ เค้าที่ดึงผมเข้าไปหาเพราะไม่ทันตั้งตัวในตอนนั้น ผมสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจแล้วปกป้องกันตัวเองด้วยการผลักเค้าออกห่างตัวเสียเต็มแรง แผ่นหลังที่ถูกผลักไปชนกำแพง เค้าร้องโวยวาย " โอ๊ย! ฉันเจ็บนะเว้ยเป็นบ้าอะไรของนาย คนแค่ทัก ”

“ คีย์ เป็นอะไร ทำไมต้องผลักหัวหน้าขนาดนั้น " รองหัวหน้าถาม ผมก็ส่ายหน้าแรงๆ ก่อนจะถอยหลังออกห่าง

“ คือผม ขอโทษครับ ผมแค่ตกใจ " เหลือบมองคนที่มองถอนหายใจมองมา " ก็อยู่ๆหัวหน้าดันมาจับแขนผม ผมก็ตกใจสิ "

“ ขวัญอ่อนจังนะ "

“ แล้วมันเพราะการกระทำเหี้ยๆของใครละ " เค้ายกยิ้มตอนที่ผมพูดแบบนั้น หัวหน้าเดินเข้ามาใกล้ ผมที่ตอนนั้นเดินถอยหลังหลบไม่ให้ตัวเองเข้าไปใกล้เค้าอีกคนก็พูดเสียงไม่เบานัก

“ ถ้าอยากจะทำให้หายกลัวก็มีทางเดียว คือลองเป็นของฉันจริงๆเลยเป็นไง ฉันจะได้ลบความโหดร้ายแล้วเติมเต็มสิ่งดีๆให้ไง "

“ หัวหน้า คุณพูดแบบนั้นออกมาได้ไงน่ะ ทุเรศ! " รองหัวหน้าพูดขึ้น อีกคนก็ยกยิ้มขึ้นมา เค้าที่ดูไม่สนใจอะไรแปลก และ แตกต่างไปจากหัวหน้าที่ผมเคยรู้จัก " ความคิดต่ำๆแบบนี้ยังกับไม่ใช่คุณเลย หรือจริงๆแล้วมันคือสันดานแท้ๆของคุณ สันดานที่เพิ่งออกมาให้คนอื่นรู้ "

“ แล้วเธอละ ปกติก็เห็นแก่ตัวไม่ใช่เหรอ เอาความผิดให้คนอื่นประจำ " หัวหน้าว่าเสียงเบาๆตอนที่มองหน้ารองหัวหน้าที่ก็เหลือบตาไปมองทางอื่น " ง่ายๆก็ดูอย่างตอนงานคีย์เค้ามีปัญหาสิ ก็เธอไม่ใช่เหรอ ที่บอกให้ฉันไล่คีย์ออกบ้างละ บอกให้คีย์รับความผิดบ้างละ แล้วนี่อะไร พอฉันใกล้จะถูกไล่ออกตัวเธอเองก็คงถูกเลื่อนมาเป็นหัวหน้า ก็เลยพยายามทำดีกับลูกน้อง.. ไม่สายไปเหรอ คุณว่าที่หัวหน้าแผนกออกแบบ "

“ แต่ยังไงซะ ฉันก็คิดว่าความเลวของฉันมันก็ยังไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร อย่างเช่นพวก อยากปล้ำลูกน้องในแผนก แอบคิดแผนทำเรื่องเลวๆ พวกไม่ตรวจงาน แล้วพยายามบีบบังคับเค้าด้วยการถ่ายรูปแบล็คเมล์แล้วส่งไปในบริษัท จากนั้นก็บังคับจะข่มขืนลูกน้อง ส่วนบางคนที่มันเล่นด้วย พอตอนจะไปมีอะไรกันก็แอบถ่ายคลิปไว้ " หัวหน้านิ่ง รองหัวหน้าก็ถาม " คลิปของเนย์น่ะ คุณเป็นคนปล่อยออกมาใช่มั้ย "  เค้าไม่ตอบแค่จ้องมองอีกคนด้วยสายตาที่ไม่ตกใจอะไร แค่นิ่งมองแล้วในตอนนั้นประตูฝ่ายบุคคลก็ถูกเปิดออกมา

“ คุณธีร์ .. อ้าว คีย์ มาแล้วเหรอ " ผมก้มหน้าทักเธออีกคนก็ยิ้ม " เข้ามาสิ คุณธีร์เองก็เข้ามาได้แล้วนะคะ " หัวหน้าเดินตามคำที่พูดแบบนั้นเข้าไปในห้อง ผมมองรองหัวหน้าแผนกตัวเองที่ก็พยักหน้าลงก่อนจะตบไหล่

“ เข้าไปกันเถอะคีย์ "

“ รองหัวหน้า  คุณคิดรึเปล่าว่าคลิปนั่นของเนย์หัวหน้าจะเป็นคนปล่อย "

“ คิดสิ " เค้าพูดก่อนจะยิ้ม " คนที่ไม่ได้ปล่อยฟังครั้งแรกมันต้องตกใจไม่ใช่เหรอ แต่นี่ไม่ เพราะงั้นถ้าไม่ใช่เค้าจะเป็นใครละ น่ากลัวชะมัด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่ดีขนาดนั้นพอเลวแล้วจะเลวได้ขนาดนี้ "

" นั่นสินะครับ " ผมเดินเข้าไปด้านในห้องของฝ่ายบุคคล ตรงไปที่ห้องประชุมที่อยู่อีกฝั่ง เปิดประตูเข้าไปภายในนั้นมีบุคคลหลายฝ่าย ผมเลือกนั่งเก้าอี้ใกล้กับหัวหน้าแผนกบุคคล ก่อนที่การประชุมจะเริ่มขึ้น

“ อย่างที่ทุกคนรู้วันนี้หัวข้อการประชุมของเราก็คือ สรุปเหตุการณ์ของคีย์กับหัวหน้าแผนกนั่นก็คือคุณธีร์นะคะ วันนี้เรามีคนของทางโรงแรมมาด้วย คุณชัด "

“ สวัสดีครับ " เค้าลุกขึ้นแนะนำตัวเอง " ผมเป็นหัวหน้าแผนกความปลอดภัยที่โรงแรมครับ "

“ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ไม่ต้องให้เสียเวลา ผลของนิติวิทยาศาสตร์ ถูกส่งมาให้เมื่อวานนะคะ ผลของทางโรงแรมที่ส่งไปก็ถูกส่งมาให้แล้วเช่นกัน "

“ แล้วก็ยังมีภาพจากวงจรปิดด้วยครับ " ซีดีแผ่นเล็กถูกวางลงบนโต๊ะ ผมเงยหน้ามองหัวหน้าที่ยังมีสีหน้าเรียบเฉย ราวกับคนที่ไม่ได้รู้สึกกลัวหรือ ตกใจอะไร " จากน้ำยาที่เหลืออยู่ในขวดที่ทางโรงแรมส่งไปตรวจนั้น พบว่ามีสารระเหยในกลุ่มไนไตรท์อยู่ครับ ซึ่งสารนี้เป็นสารที่เป็นส่วนผสมของยาปลุกเซ็กส์  "

“ ของทางบริษัท เราได้ตรวจทั้งยาแล้วก็รอยนิ้วมือ ผมก็ออกมาว่ายาที่อยู่ในขวดก็พบสารระเหยในกลุ่มไนไตรท์เหมือนกันค่ะ แล้วรอยนิ้วที่พบก็ตรงกับของคุณธีร์ " หัวหน้าแผนกบุคคลบอกก่อนจะมองหน้าร่างสูงที่ยังคงนั่งนิ่ง " คุณธีร์ค่ะ .. มีอะไรจะพูดมั้ย "

“ ไม่มี " เค้าตอบสั้นๆ " ทำไมต้องมีละ ในเมื่อผลมันออกมาเป็นแบบนี้ เถียงไปก็เท่านั้น ถ้าผมจะพูดความจริง นั่นก็คือ คีย์เองก็มีใจให้ผม  เราที่ชวนกันออกไปเดินเล่นแล้วผมก็ชวนเค้าเล่นพิเรนทร์ เพราะปกติเราก็ชอบใช้ยาปลุกเซ็กส์กันอยู่แล้ว แต่ติดที่ว่าตอนนั้นเค้าอยากจะเลิกกับผมอยู่ ก็เลยสร้างสถานการณ์ใส่ร้ายผม เพื่ออยากจะให้ผมไปไกลๆ ก็แค่นั้น "

“ ไม่จริงครับ " ผมบอก อีกคนก็ถอนหายใจออกมา

“ คีย์ นายควรจะยอมรับความจริงได้แล้ว ถ้าอยากจะบอกเลิกฉัน นายก็บอกมาตรงๆเลยสิ ทำไมต้องสร้างสถานการณ์แบบนี้ด้วย การที่นายทำทีบอกฉันว่าอยากจะได้ประสบการณ์พิเศษ อยากจะมีเซ็กส์หน้าโรงแรมที่บนหาด อยากได้ความรู้สึกแบบพวกโดนข่มขืนแบบนั้น  แต่สุดท้ายก็ตะหลบหลังฉันบอกว่า ฉันทำร้ายนายซะงั้น "

“ คุณคิดแบบนั้นได้ยังไงน่ะ คุณบอกว่าผมมีใจให้คุณ โอเค ผมยอมรับว่าผมเคยมี แต่การที่บอกว่า ผมอยากจะทำเรื่องแบบนั้นกับคุณ อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศอะไรนั่น ถามจริงๆเถอะ ว่าคิดนานรึเปล่า กว่าจะได้เหตุผลนี้ ถามจริงๆเถอะ ว่าเอาสมองส่วนไหนคิดกว่าจะได้มันออกเป็นเหตุผลแบบนี้ คุณมันไม่ใช่คน คุณรู้ตัวมั้ย คุณเหมือนสัตว์เดรัจฉานที่มาจากนรก คุณแม่ง.. ผมไม่มีคำพูดไหนจะสรรหาคำพูดมาด่าคุณได้เลย เพราะดูคำพูดไหนแม่งก็ดูดีไปหมดพอมาเจอกับความเลวของคุณ "

“ คีย์ " หัวหน้าแผนกบุคคลคว้ามือผมเหมือนจะให้สงบสติลงหน่อย เพราะความโกรธที่ได้ยินอีกคนพูดมันกำลังทำให้ปากของสั่น น้ำตาที่ไหลออกมาของผม

“ คุณอย่าเลวไปมากกว่านี้เลย มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บ เจ็บที่เคยมองว่า คนแบบนี้เป็นคนดีไปได้ยังไง เคยรู้สึกชอบคนน่ารังเกียจคนนี้ไปได้ยังไง เคยนอกใจแฟนผมมารู้สึกดีกับคุณที่ชั่วช้าและต่ำตมแบบนี้ได้ยังไง คือ.. คือทุกอย่างมันเหี้ยมาก มันเลว มันต่ำช้า มันไม่อยากจะนึกถึงเลยว่าคุณคือคนที่ทำมันทั้งหมด อยากได้พนักงานในออฟฟิศตัวเองเป็นเมีย ก็ทำดีกับเค้า สร้างปัญหางาน แก้ปัญหาให้ คล้ายว่าจะอยู่ข้างๆ ทำให้หวั่นไหว ทำให้ชอบ พอใครตกร่องป่องชิ้นด้วย ก็มีเซ็กส์กัน จากนั้นก็แอบถ่ายคลิปเอาไว้ ส่วนใครที่ไม่ยอมก็จ้างคนไปถ่ายภาพแบล็คเมล์ บีบบังคับทุกอย่างแม้แต่การข่มขืน "

“ แอบถ่ายคลิปเอาไว้ ? "

“ วันนี้มีคลิปส่งมาในเมล์ของทุกคนในแผนกอีกแล้ว เป็นคลิปของหัวหน้ากับเนย์เด็กใหม่ในแผนกนะคะ " รองหัวหน้าแผนกผมบอก หัวหน้าฝ่ายบุคคลก็หันไปเบิกตากว้างตกใจกับคำพูดนั้น แล้วเช่นกันหัวหน้าก็ด้วย เค้าที่พูดขึ้นเสียงดัง

“ อะไรนะ! คลิปของผมกับเนย์อย่างงั้นเหรอ “

“ ตกใจอะไรคะ เมื่อกี้ตอนฉันบอกคุณ ก็ไม่เห็นว่าคุณจะตกใจอะไรเลยนี่ " รองหัวหน้าบอกหัวหน้าที่พูดออกไปด้วยความตกใจ

“ ฉันไม่เคยได้ยินนะ ทำไมมันมีหลุดออกมาละ ใครเป็นคนส่ง "

“ ก็คุณไม่ใช่เหรอ " ผมถาม อีกคนก็ส่ายหน้า

“ เปล่านะคีย์ ฉันรักนายคนเดียว ตลอดเวลาก็รักนายคนเดียวมาตลอด ไม่เคยคิดนอกใจเลย "

“ เลิกพูดแบบนั้นสักทีจะได้มั้ย คุณจะป่วนประสาทผมไปถึงไหน แค่นี้มันยังไม่พออีกรึไง! “ ผมตะโกนออกไปอีกคนก็ยกยิ้มน้อยๆก่อนจะพิงหลังตัวเองเข้ากับโซฟาตัวที่นั่งอยู่

“ ทำไม ฉันไปทำอะไรให้นาย ชีวิตนายมันพังเหรอตอนนี้น่ะ " เค้าถาม " ก็แล้วไงละ ชีวิตฉันมันก็พังเหมือนกัน ทั้งๆที่ฉันทุ่มเททุกอย่างให้นายมาตลอด แต่นายก็ไม่เคยเห็นค่าฉันเลย ฉันยอมเป็นขี้ปากคนในบริษัท เปิดเผยภาพพวกนั้น เพราะอยากให้นายมีรู้สึกถูกรังเกียจแล้วก็ไม่มีใครเข้าใจ จนสุดท้ายก็มีแค่ฉันที่ยังอยู่ข้างๆ แต่นายก็ไม่เคยหันมาเหลียวมองมัน ฉันที่พยายามทำให้นายมีความสุขถ้าลองมีอะไรกับฉันแล้ว นายอาจจะติดใจแล้วกลับมา แต่ก็ดันมีคนมาช่วยนายไว้  แต่นายเองก็ชอบฉันไม่ใช่เหรอคีย์ทำไมละ ทั้งๆที่ก็นอกใจไอ้เด็กนั่นอยู่ตั้งหลายวัน ทำไมอยู่ๆถึงมาคิดได้ นายจะคิดได้ทำไม นายจะรู้สึกทำไม ความรู้สึกรักมันไม่ผิดนะ มีเจ้าของแล้วยังไง ใครมันแคร์ รักก็คือรักเราจอยกันได้นี่ ไม่ได้มาเอากันแบบสามคนสักหน่อย "

“ พอเถอะค่ะ ฉันฟังแล้วฉันจะอ้วกออกมา " หัวหน้าแผนกบุคคลบอก " คุณยอมรับมาเถอะ คุณธีร์ ว่าเรื่องทั้งหมดที่คีย์เล่าวันนั้นมันคือความจริง คุณจะข่มขืนเค้า จะใช้ยาปลุกเซ็กส์กับเค้า ยอมรับมาเถอะ อย่าให้เรื่องมันต้องใหญ่ไปมากกว่านี้เลย "

“ ทำไมผมต้องยอมรับ "

“ ทั้งๆที่พูดออกมาทั้งหมดด้วยปากของตัวเองแล้ว ว่าเป็นคนปล่อยภาพ ทำให้คีย์เสียชื่อเสียง ยอมรับออกมาแล้วว่าจะทำเรื่องไม่ดีกับเค้า ยอมรับมาเถอะเพราะถ้าคุณไม่ยอมรับ ฉันคงต้องเปิดซีดีนี่ ภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าหาดในวันนั้น วันที่คุณจะทำร้ายคีย์ ทางโรงแรมได้ตัดแล้วบันทึกมาให้ทางเราหมดแล้ว "

“ แล้วถ้าผมยอมรับ มันจะเกิดอะไรขึ้นกับผมละ สุดท้ายพวกคุณก็ไล่ผมออก ทั้งๆที่ตลอดมาผมทำงานดีๆให้บริษัทมาตลอด ใครๆก็รู้ว่าแผนกออกแบบที่ผมเป็นหัวหน้า เป็นแผนกที่สร้างชื่อเสียงให้กับบริษัท แล้วนี่เหรอ สิ่งที่ฝ่ายแผนกบุคคลทำกับผม คนที่ทำงานดีมาตลอด เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องส่วนตัวของผมกับคีย์ แล้วก็เนย์ ไม่ใช่รึไง ไม่เกี่ยวอะไรกับบริษัท "

“ เกี่ยวสิ ทำไมจะไม่เกี่ยว การสัมมนางานจัดขึ้นภายในองค์กรของเรา แม้ช่วงเวลานั้นจะเป็นช่วงเวลาพักแต่การที่คีย์ต้องมาตกอยู่ในอันตรายก็เกิดจากต้องมางานสัมมนาที่จัดขึ้นภายใน ทำไมจะไม่เกี่ยวละ อีกอย่างคุณทำให้บริษัทเสื่อมเสียเชื่อเสียงด้วยการที่เอาเมล์ของบริษัททำเรื่องแบบนั้น นั่นก็ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายแล้ว ไม่นับว่าคุณยังละเลยการตรวจงานซึ่งนำมาซึ่งปัญหา และนั่นมันก็ ผิดต่อกฏของบริษัทเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ฉันจึงต้องขอไล่คุณออกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แล้วก็ให้รองหัวหน้าของแผนกออกแบบ ขึ้นมาเป็นหัวหน้าแทน "

“ กะแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ " ร่างสูงว่าก่อนจะถอนหายใจออกมา เค้าที่พิงร่างตัวเองกับเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่ จ้องหน้าผมด้วยสายตาคมที่ไม่ละไปไหน แววตาที่ทั้งความโกรธและความเกลียด " เพราะนายคนเดียวคีย์ ที่ทำให้ชีวิตฉันต้องเป็นแบบนี้ "

“ กรุณาอย่าพูดข่มขู่แบบนั้นนะคะ เพราะไม่เช่นนั้น ฉันจะแจ้งความโทษฐานที่คุณข่มขู่อีกฝ่าย "

“ หึ เข้าข้างกันดีนัก บริษัทบ้าอะไรวะ ทำงานหนักมาให้ตั้งหลายปี สุดท้ายเกิดเรื่องแค่นี้ก็ไล่ออกเหมือนหมู เหมือนหมา เห็นพนักงานตัวเล็กๆที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรมากมายให้กับบริษัทมากกว่า หัวหน้างานที่ทำงานมาให้หลายปี K! " เค้าสถบก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่ง " ฉันไม่น่ามาจมปรักทำงานอยู่ที่นี่เลย โง่ตั้งนาน "

“ งั้นตอนนี้ก็ได้เวลาที่จะหายโง่แล้วละคะ เพราะตอนนี้ทางบริษัทก็ได้เชิญคุณออกไปแล้ว " ร่างสูงที่ลุกขึ้นยืนทันทีหลังจากได้ยินแบบนั้น รอยยิ้มร้ายๆของเค้ามองหน้าหัวหน้าแผนกบุคคลด้วยสายตาแค้นๆ ตวัดสายตามามองผมกับรองหัวหน้าเค้าเดินออกไปทั้งๆที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาทั้งนั้น

   ผมผ่อนลมหายใจออกมา ในตอนนั้นหัวหน้าแผนกบุคคลก็หันมาพูดกับผม " ฉันขอโทษนะคีย์ ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับนาย แต่ต่อจากนี้ไปมันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้วนะ "

“ ครับ ขอบคุณมากครับที่ตลอดมาคุณช่วยเหลือ และเห็นใจผมมาตลอด "

“ ฉันต้องเข้าข้างคนถูกอยู่แล้ว จะไปเข้าข้างคนผิดได้ยังไง " พยักหน้ารับกับเธออีกคนก็ตบหลังผมเบาๆ " ถ้าอยากจะได้วันลาพักร้อนสักหน่อยก็บอกฉันได้นะ ฉันจะจัดการให้ บางทีฉันว่านายควรจะได้พักผ่อนสักพักบ้าง "

“ นั่นนะสิ นายควรไปพักผ่อนบ้างนะ นายผอมมากแล้วหน้าตาก็อิดโรยมากเลยนะ ตอนนี้น่ะ " รองหัวหน้าแผนกผมเสริม  ก้มหน้ารับความใจดีของคนทั้งคู่

“ ขอบคุณมากครับ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากจะอยู่คนเดียวก็เลยตักสินใจมาทำงานดีกว่า" ผมก้มหน้าลงยิ้มให้เธอ กับคนที่อยู่ในห้อง ตอนที่เดินออกมาจากห้องฝ่ายบุคคลนั้น มันน่าแปลกอยู่อย่างนึงคือ ผมไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรมากมาย แค่รู้สึกว่าก็ยังมีเรื่องดีๆอยู่ ในที่สุดผมก็แก้ต่างให้ตัวเองได้ว่า ผมไม่ได้พูดโกหก หัวหน้าทำแบบนั้นจริงๆ และผมไม่ได้เป็นอย่างที่เค้าพูด ไม่ได้สมยอมเค้า เป็นความโล่งอกที่ตัวเองถูกพิสูจน์ได้ว่า บริสุทธิ์ แต่ก็ไม่ได้ดีใจอะไรมากมาย อาจเพราะว่า ไม่ว่าเรื่องราวนี้สรุปออกมาว่าผมเป็นฝ่ายถูกหรือผิด จะเสียหายยังไง เค้าก็ไม่กลับ.. ไม่ว่ายังไง ฟานก็ไม่มีวันกลับมารักผมเหมือนเดิมอีก

   ลงลิฟต์กลับมาที่แผนกตัวเองผมกับรองหัวหน้า ขาที่กำลังก้าวออกจากลิฟต์แต่กลับต้องผงะถอยหลังกับคนที่กำลังเดินตรงเข้ามาเหมือนกัน

" หัวหน้า " ผมเผลอหลุดปากเรียกเค้า ร่างสูงที่ถือกล่องใบโตเอาไว้เหมือนเป็นของใช้ส่วนตัวที่ก็ต้องมาเก็บออกไป หลังจากมีคำสั่งย้ายออก ผมก้มหน้าลงไม่สนใจตอนที่กำลังเดินเข้าไปในแผนกมือหนาก็คว้ามือผมเอาไว้

" จำไว้นะ ว่าชีวิตฉันมีวันนี้ได้ก็เพราะนาย "

" ไม่เกี่ยวอะไรกับผม คุณทำตัวของคุณเองทั้งนั้น " ผมบอก อีกคนก็ยกยิ้ม

" สักวันฉันจะทำให้ชีวิตของนาย จบลงแบบไอ้เด็กเนย์นั่น เพราะนายกล้าที่จะปฎิเสธคนแบบฉัน " ยืนนิ่งมองเค้าที่พูดออกมาด้วยสายตาโกรธ " ฉันบอกว่าแล้วว่าอย่าขัดใจฉัน เพราะไม่งั้นเราจะได้เห็นดีกัน แล้วนั่นก็คือผลที่เด็กนั่นขัดใจฉัน "

“ คุณเป็นคำปล่อยคลิปพวกนั้นออกมาจริงๆสินะ " รองหัวหน้าที่ยืนข้างผมพูด

“ แล้วทำไม ฉันต้องตกต่ำไปคนเดียวละ อย่าหวังว่าจะมีความสุขอยู่ในบริษัทนี้ได้เลย " เค้าบอกก่อนจะหันมาจ้องหน้าผม " นายเองก็ด้วยคีย์ .. สำหรับนาย จำไว้ว่าอะไรที่ฉันต้องได้ ฉันก็จะไปเอามันมา  " สายตาคมมองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนจะยกยิ้ม " ระวังตัวไว้ก็แล้ว "

“ เลิกพูดจาข่มขู่คนอื่นก่อนจะที่ฉันจะแจ้งความจับคุณ "

“ หึ.. “ หัวหน้ายกยิ้ม " ผมไปก็ได้ แล้วเจอกันนะ คีย์ " คำพูดทิ้งทายที่ทำให้ผมนิ่งค้างไป แววตาของที่ไม่สั่นไหวของผม ทุกอย่างในร่างกายมันชาไปหมด คล้ายกับโลกทั้งใบนี้ได้หยุดหมุนไป ภาพที่หน้าโรงแรมนั่นหวนกลับมาในตาของผม เสียงกรีดร้องของผม ใบหน้าคมที่พยายามเข้ามาใกล้ แรงที่พยายามดึงรั้งให้ผมหยุดนิ่ง มือที่กำตรงข้อมือไว้แน่น ผมคิดถึงมือสากไที่ลูบไล้ไปทั่วร่างกาย

“ คีย์ "

“ อย่านะ!!!” ผมตะโกนออกไปเสียงดัง ตอนที่เด้งตัวออกห่างคนที่เอ่ยทัก รองหัวหน้าแผนกเบิกตาน้อยๆ ก่อนจะผ่อนลงช้าแล้วเอ่ยพูดกับผม

“ นี่ฉันเอง โทษที ทำให้ตกใจใช่มั้ย "

“ รองหัวหน้า ขะ ขอโทษครับ " ผมก้มหน้าบอกเค้า สายตาสั่นไหวที่กำลังกลัวของผม น้ำตาที่ไหลออกมา เธอเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะกอดไหล่ผมไว้ ฝ่ามือที่ลูบหลังปลอบๆ

“ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น นิ่งซะไม่ต้องร้อง  เค้าจะไม่มีวันทำอะไรนายได้หรอก เค้าไม่กล้าหรอก " เค้ากล้า เค้าทำแน่ๆ ผมรู้สึกแบบนั้น มั่นใจในแววตาของเค้าที่มองมาที่ผม " คีย์ กลับเข้าไปนั่งข้างในเถอะ ไปนั่งพักสักหน่อยนะ "

“ ครับ " ผมตอบรับเธอเสียงเบาๆ ตอนที่ยกมือขึ้นเช็ดน้ำแล้วเดินเข้าไปนั่งที่ที่นั่งของตัวเอง ลิปก็หันมามองไม่มีเสียงถามอะไร เค้าที่ยื่นมือมาจับมือผมไว้

“ ไว้ตอนเย็นหาอะไรอร่อยๆกิน แล้วฉันจะพานายไปส่งบ้านนะ วันนี้เลิกงานสักหกโมงเย็นเป็นไง ดีมั้ย "

“ ก็ได้นะ "

“ หัวหน้าถูกไล่ออกแล้วสินะ "

“ อื้ม " พยักหน้ารับอีกคน

“ เมื่อกี้ตอนเค้าเข้ามาเก็บของ ในแผนกเงียบมาก ไม่มีใครพูดกับเค้าเลย เค้าเองก็เก็บของเงียบๆ แล้วก็พูดออกมาว่า เพราะที่นี่ก็เลยทำให้เค้าต้องตกต่ำแบบนี้ เค้าไม่น่ามาอยู่ที่นี่ ไม่น่ามาอยู่กับคนแบบพวกเราเลย " ลิปบอกก่อนจะยกยิ้ม " มันตลกน่ะว่ามั้ย ทั้งๆที่เค้าทำตัวเองแต่ไม่มีเลยสักเสี้ยววินาทีเดียว ที่เค้าจะคิดว่าตัวเองผิด ก็ยังบอกว่าคนอื่นผิดทั้งนั้น น่าสมเพช "

“ เค้าบอกด้วยนะ เมื่อกี้ตอนที่เดินออกไป เค้าเจอฉัน เค้าบอกฉันว่า ให้ฉันระวังตัวเองไว้ให้ดี เพราะอะไรที่เค้าต้องได้ เค้าต้องได้ เค้าบอกแบบนั้น "

“ คีย์ "

“ ฉันกลัวลิป " ผมร้องไห้ออกมาตอนที่หันมองเพื่อนตัวเองที่เลื่อนเก้าอี้เข้ามาใกล้ " ฉันกลัวมากๆเลย อึก กลัวมากๆ ฉัน อึก ฮือๆ ฉันจะทำยังไงดี ถ้าว่ามันเกิดขึ้นละ   ฉันยังจำวันนั้น วันที่เค้าทำแบบนั้นกับฉัน วันที่ฟานสั่งให้คนของเค้ามาทำแบบนั้นกับฉัน " มือของผมจับกันแน่นบีบจบฝ่ามือขาวกลายเป็นสีแดง

" อย่าไปคิดถึงมันเลยคีย์ " ยาซุยเอื้อมมือมาจับมือผม " ถ้าเราระวังตัวเองดีๆ ไม่มีทางที่เรื่องร้ายแบบนั้นจะเกิดขึ้นกับเราหรอก ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนนายเอง ไม่ต้องกลัว  " มองแววตาของคนที่กำลังปลอบอยู่ในตอนนั้นก็ได้แต่นิ่ง ผมพยักหน้าลงแม้จะไม่มั่นใจอะไรเลยก็ตาม 

   ตั้งแต่เกิดเรื่องแบบนั้น ทุกอย่างมันบอกกับผมว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ ต่อให้ระวังตัวหรือไม่ระวังตัว ขนาดวันนั้นเดินอยู่ในที่ที่คนเยอะๆก็ยังโดนเลย นับภาษาอะไรกับการเดินกันแค่สองคน ถ้ามากันมากกว่าสองคนก็จบแล้ว อีกอย่างพอลิปมาส่งผม ผมเองก็ต้องเป็นห่วงเค้าอีกในตอนที่เค้าเดินกลับไป หัวหน้าไม่ชอบลิปบางทีอาจจะคิดแค้นแล้วมาทำอะไรเพื่อนผมก็ได้  " ทำงานกันดีกว่านะ เดี๋ยวไม่เสร็จ " ผมยิ้มให้อีกคนตอนที่เค้าดันตัวเองกลับไปทำงาน ผมเองก็กลับมาทำงานบ้าง แม้จิตใจจะคิดแต่เรื่องของอีกคน คิดถึงแววตาและคำขู่พวกนั้นก็เถอะ

   ช่วงเวลาใกล้เลิกงาน ผมที่จดจ่อกับงานก่อนจะหันมองคนข้างๆที่เหมือนกำลังตึงเครียดอะไรสักอย่างกับปลายสายของตัวเอง ลิปที่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันมามองผมแล้วลุกขึ้นออกไปโทรศัพท์นอกแผนก เค้าคุยอยู่นานด้วยสายตาเคร่งเครียดก่อนจะเดินกลับมานั่งที่เดิม

“ มีเรื่องให้เครียดอีกแล้วเหรอ " ผมแซว อีกคนก็พยักหน้ารับหน่ายๆ " ทำไม แฟนงอนเหรอ "

“ คุณเมษไม่สบายน่ะ นอนซมอยู่ที่บ้าน ก็เลยบอกให้ฉันกลับบ้านเร็วหน่อย ฉันเลยบอกไปว่า จะไปส่งนายก่อน แต่ดูเหมือนเค้าจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดสักเท่าไหร่ ก็เลยประชดว่า ปล่อยให้แฟนแบบเค้าตายไปได้ก็ดี " ผมหลุดหัวเราะออกมา คิดสภาพผู้ใหญ่ใจดีแบบนั้นมาทำท่าทางประชดแบบเด็กๆแล้วขำ " ตลกตรงไหนเนี้ยคีย์ "

“ ก็คิดภาพคนสุขุมๆแบบเค้างอนแล้วขำ "

“ เค้าไม่ใช่คนในแบบที่ใครๆเห็นหรอก เป็นแค่ไอ้แก่ตันหากลับคนนึงก็เท่านั้น "

“ ที่บอกว่าเค้าตันหากลับ นี่หมายถึงเรื่องแบบนั้นรึเปล่า " ผมเหล่มองอีกคนที่ก็ถอนหายใจออกมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร " ใช่แน่ๆ ทำไมอะ เค้าเป็นพวกยังไง "

“ ไม่อยากจะพูดถึง พอเถอะ "

“ ที่ไม่อยากจะพูดถึง เพราะคืนนี้ต้องดูแลคนป่วยแบบนั้นรึเปล่า "

“ อย่าพูดเหมือนว่าขำไปหน่อยเลย ฉันอยากจะไปส่งนายก่อนไปหาเค้านะ ยังไงฉันก็เป็นห่วงนาย "

“ ไม่เป็นไรหรอก ลิป นายไปเถอะ ฉันจัดการชีวิตตัวเองได้ เดี๋ยวฉันจะขึ้นแท็กซี่กลับบ้านเอง ไม่ขึ้นรถไฟฟ้าหรอก "

“ เหรอ " เค้าถามย้ำด้วยความเป็นห่วง

“ ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันดูแลตัวเองได้ นายกลับไปดูแลคุณเมษเถอะ เดี่ยวเค้าโกรธว่านายมัวเอาเวลามาดูแลฉัน เดี๋ยวสั่งให้ฉันเลิกคบกับนายพอดี "

“ แต่ว่า..”

“ ถ้าถึงคอนโดแล้ว ฉันจะโทรหานาย ไม่ต้องกลัวหรอก "

“ ขอโทษนะคีย์ แต่พรุ่งนี้ฉันจะไปส่งนายแน่ๆ ไม่ต้องห่วง แต่วันนี้ขอกลับไปเคลียร์กับไอ้แก่ก่อนนะ " ผมพยักหน้ารับอีกคน ตอนนั้นผมหันกลับมาทำงานของตัวเอง ในใจที่กลัวแต่ต้องฝืนเอาไว้ ผมไม่อยากจะให้เพื่อนลำบาก ยังไงชีวิตใครก็ชีวิตมันอยู่แล้ว ถ้าต้องให้เพื่อนช่วยเหลือตลอดเวลา ก็ต้องช่วยกันอยู่ตลอดไป

   นาฬิกาบอกเวลาเลิกงาน ผมเก็บของเปิดคอมพิวเตอร์ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวที่นั่ง ลิปที่ลุกขึ้นตามในตอนนั้นผมสังเกตเห็นเนย์ ที่ยังนั่งทำงานอยู่ไม่ไปไหน คิดถึงคลิปหลุดของเค้าที่วันนี้ข่าวก็แพร่ไปทั่วทั้งบริษัท คลิปที่ถูกส่งต่อ ทำให้มีแต่คนพูดถึงเรื่องนี้ตลอดพักเที่ยง ร่างที่ไม่ขยับไปไหนตลอดวันเค้าที่เอาแต่นั่งทำงานข้าวปลาไม่กิน ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะชวนเค้ากลับบ้านด้วยกัน

“ เนย์ กลับบ้านกันมั้ย " คำถามที่ทำให้เด็กผู้ชายหันมามองหน้าผม ก่อนจะส่ายหน้า

“ ไม่ครับ ขอบคุณครับพี่คีย์ " เค้าบอกผมก็พยักหน้ารับ ลิปหันมามองหน้าผม เราเดินออกไปจากแผนกด้วยกัน ในตอนนั้นเค้าก็พูด

“ วันนี้ทั้งวัน เนย์ไม่ได้คุยกับใครเลย เอาแต่ทำงาน น่าสงสารเหมือนกันนะ "

“ อื้ม พรุ่งนี้เราชวนเค้าไปกินข้าวด้วยกันดีกว่ามั้ย มันคงมีคนมองแต่ฉันคิดว่า ตอนนั้นถ้านายไม่อยู่ข้างๆฉัน ฉันคงไม่เข้มแข้งถึงตอนนี้หรอก "

“ ได้สิ พรุ่งนี้นะ " ลิปตอบรับ เราลงลิฟต์มาถึงหน้าตึก เค้าที่แยกย้ายกลับไปผมก็ถอนหายใจกระชับกระเป๋าก่อนจะเดินไปเรียกแท็กซี่ที่อยู่ข้างหน้า รถที่จอดอยู่ผมเปิดประตูตอนที่จะเอ่ยถาม ผมผงะกับคนขับหน้าเข้มที่ก็หันมามองด้วยสายตานิ่งเฉย ทุกอย่างนิ่ง หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นมา เผลอคิดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว เรื่องของผู้ชายสองคนนั้น ผู้ชายคนที่ลูบไล้ร่างกายของผม

“ คุณครับ "

“ ขอโทษครับ คือ.. ผมไม่ไปแล้วครับ " ปิดประตูคืนรถตอนที่วิ่งให้ออกห่างแท็กซี่คันนั้น ผมตัดสินใจวิ่งไปที่สถานีรถไฟที่คนค่อนข้างพลุกพล่าน ผ่อนลมหายใจหอบช้าๆ มองดูคนที่กำลังต่อคิวกันกลับบ้าน ผมเดินไปนั่งรอตรงที่นั่ง รอจนกว่าคนจะเบาบางลงสักหน่อย แล้วค่อยขึ้นไปต่อคิวขึ้นรถไฟกลับบ้าน

   รถที่เคลื่อนตัวไปช้าๆ ผมมองออกไปนอกหน้าต่างโบกี้ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม แต่สำหรับผมมันไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีก ทุกอย่างเปลี่ยนไปช้าๆ รอบตัวดูน่ากลัวไปหมด ไม่ว่าจะเป็นสถานที่หรือผู้คน ความหวาดกลัวที่คอยเอาแต่ระแวงทุกอย่างทำได้แค่หลับตาลงช้าๆ ต้องใช้ชีวิตต่อไปไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม ผมคิดแบบนั้น สักวันก็ต้องหายกลัวแล้วก็กลับมาเป็นคนเดิมได้ในที่สุด

   ลงรถไฟที่สถานีของคอนโดตัวเอง คนเบาบางกับอากาศช่วงตะวันลับขอบฟ้าทำให้ทุกอย่างดูสลัวเป็นสีส้มไปหมด ผมก้มหน้าก้าวเท้าเดินด้วยความเร็ว เหลือบมองคนรอบข้างด้วยความระวัง แผ่นหลังของผมเย็นวาบรู้สึกเหมือนมีใครบางคนจับจ้องมาตลอดเวลา แต่ผมไม่กล้าจะเหลือบมอง กลัวจนแม้แต่กระดูกที่คอก็ไม่สามารถหันไปมองได้ทั้งๆที่ใจอยากรู้ว่าเป็นใคร จะได้ระวังตัวได้ทัน  ผมที่ได้แต่เร่งฝีเท้า คิดถึงคำพูดของหัวหน้า คำที่หัวหน้าพูดกับผม  '  จำไว้ว่าอะไรที่ฉันต้องได้ ฉันก็จะไปเอามันมา ' ความคิดที่ทำให้ฝีเท้าเร่งขึ้นจนเกือบจะกลายเป็นวิ่ง แต่เงาข้างหลังก็ยังจะก้าวเท้าให้เร็มขึ้นตามมาอย่างไม่ลดละ

   เหตุการณ์ตอนนั้นที่ยังอยู่ในใจของผม เสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ตะโกนออกไป เป็นช่วงเวลาที่ทั้งทรมานและโหดร้าย ไม่อยากจะเกิดเรื่องแบบนั้นอีก เพราะหนนี้อาจจะไม่ได้โชคดีเหมือนหนนั้น คำพูดของหัวหน้าดังเข้ามาในหูของผมอีกครั้ง แววตาของเค้าที่ผมยังจดจำได้ดีก่อนที่เค้าจะพูดคำนั้น ' แล้วเจอกันนะคีย์ '
' ไม่ ต้องไม่ใช่เค้า ต้องไม่ใช่ ' ในใจของผมคิด ขาของผมเร่งขึ้นอีกแล้วตอนนั้นมือหนาของคนที่เดินตามก็เอื้อมมือมาคว้าผมไว้หยุดชะงัก แววตาของผมเบิกกว้างในตอนนั้นปากก็ส่งเสียงร้องออกไปด้วยความกลัวอย่างสุดขีด

“ อย่า!!!!!!!!!! “

.................................................................

สงสารคีย์ ทั้งเรื่องของฟาน และก็เรื่องของหัวหน้า
อีหัวหน้าเลวมาก เกลียดมัน  :m31:
ช่วงนี้เราเบลอมากเพราะมัวแต่เขียนนิยายชีวิต ขอทอล็คแค่นี้นะคะ
ยังไง ฝากเม้นท์ ฝากแชร์ในเฟส และ ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 55 ' อย่า!!! ' UP - 9.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 09-12-2016 20:49:23
เรากลัวน้องเนย์คิดสั้นจังเลย :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 55 ' อย่า!!! ' UP - 9.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 09-12-2016 20:50:07
ค้างงงงงงงงงงงงงง  :ling1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 55 ' อย่า!!! ' UP - 9.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 09-12-2016 20:55:19
สงสารคีย์จังเลย ต่อไปจะมีชิวิตแบบคนปกติได้ยังไง :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 55 ' อย่า!!! ' UP - 9.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 09-12-2016 21:20:25
เอาสิ ใครเลวกว่ากันนะงานนี้ เหอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 55 ' อย่า!!! ' UP - 9.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 09-12-2016 21:34:23
ฟานชัวร์ 55555

อะไรจะมั่นใจขนาดนั้นเน้ออ
แต่อยากให้เปนฟานนนไง
ให้ฟารได้เห็นว่าทำอะไรกับเขาไว้
เขาเป็นยังไงบ้าง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 55 ' อย่า!!! ' UP - 9.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-12-2016 22:32:42
 :o12:

 :sad4:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 55 ' อย่า!!! ' UP - 9.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 09-12-2016 22:50:34
ลุ้นให้เป็นฟานนะ อย่าเป็นหัวหน้าเลย พอแล้วว  :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 55 ' อย่า!!! ' UP - 9.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 09-12-2016 23:53:06
โอ๊ยยย!! ทำไมเรื่องนี้หลังๆ มันบลูเกินพิกัดดด!! เมื่อไหร่จะคลี่คลาย เครียดแล้วนะ 55555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 55 ' อย่า!!! ' UP - 9.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 10-12-2016 06:39:14
โหยยยยย   น่ากลัวอะ  คีย์จะเป็นไงต่อ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 55 ' อย่า!!! ' UP - 9.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 10-12-2016 22:51:23
ฟานมั้ย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 55 ' อย่า!!! ' UP - 9.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: madxsound ที่ 11-12-2016 14:00:03
ต้องเป็นหัวหน้าแน่ๆ เลยอ่ะ
ทำไงดีแล้วคีย์จะรอดมั้ยเนี่ย
มาต่อเร็วๆนะครับบบ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 55 ' อย่า!!! ' UP - 9.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-12-2016 20:28:20
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 11-12-2016 21:08:56
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 56
' ฉันไม่ยอม '

ลงรถไฟที่สถานีของคอนโดตัวเอง คนเบาบางกับอากาศช่วงตะวันลับขอบฟ้าทำให้ทุกอย่างดูสลัวเป็นสีส้มไปหมด ผมก้มหน้าก้าวเท้าเดินด้วยความเร็ว เหลือบมองคนรอบข้างด้วยความระวัง แผ่นหลังของผมเย็นวาบรู้สึกเหมือนมีใครบางคนจับจ้องมาตลอดเวลา แต่ผมไม่กล้าจะเหลือบมอง กลัวจนแม้แต่กระดูกที่คอก็ไม่สามารถหันไปมองได้ทั้งๆที่ใจอยากรู้ว่าเป็นใคร จะได้ระวังตัวได้ทัน  ผมที่ได้แต่เร่งฝีเท้า คิดถึงคำพูดของหัวหน้า คำที่หัวหน้าพูดกับผม  '  จำไว้ว่าอะไรที่ฉันต้องได้ ฉันก็จะไปเอามันมา ' ความคิดที่ทำให้ฝีเท้าเร่งขึ้นจนเกือบจะกลายเป็นวิ่ง แต่เงาข้างหลังก็ยังจะก้าวเท้าให้เร็มขึ้นตามมาอย่างไม่ลดละ

   เหตุการณ์ตอนนั้นที่ยังอยู่ในใจของผม เสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ตะโกนออกไป เป็นช่วงเวลาที่ทั้งทรมานและโหดร้าย ไม่อยากจะเกิดเรื่องแบบนั้นอีก เพราะหนนี้อาจจะไม่ได้โชคดีเหมือนหนนั้น คำพูดของหัวหน้าดังเข้ามาในหูของผมอีกครั้ง แววตาของเค้าที่ผมยังจดจำได้ดีก่อนที่เค้าจะพูดคำนั้น ' แล้วเจอกันนะคีย์ '

' ไม่ ต้องไม่ใช่เค้า ต้องไม่ใช่ ' ในใจของผมคิด ขาของผมเร่งขึ้นอีกแล้วตอนนั้นมือหนาของคนที่เดินตามก็เอื้อมมือมาคว้าผมไว้หยุดชะงัก แววตาของผมเบิกกว้างในตอนนั้นปากก็ส่งเสียงร้องออกไปด้วยความกลัวอย่างสุดขีด

“ อย่า!!!!!!!!!!!!!! “ โดยที่ไม่มองอะไร ราวกับว่าสติของผมมันควบคุมตัวเองไม่ได้ " อย่าทำ ! อย่าทำนะ!! อย่าทำ ! ปล่อยย ปล่อยฉัน!! “

“ คีย์ นี่ " มือหนาที่เอื้อมมือมาเขย่าผมเบาๆ เสียงที่กรีดร้องซ้ำๆของผมราวกับคนเสียสติ ใบหน้าคมที่จ้องมองหน้าผมไม่ใช่หัวหน้าอย่างที่รู้สึก " คีย์ ตั้งสติหน่อย นี่ฉันเอง ฟานไง คีย์นี่ ไม่เป็นไรไม่มีใครทำอะไรนายหรอก นี่ คีย์ " 

“ อย่าทำฉันเลย ฉันกลัวแล้ว ฮือๆๆ " ร้องไห้ออกมาเสียงดังลั่น เสียงที่แผดออกมา มือหนาก็ดึงผมเข้าไปกอดไว้ เค้าที่ลูบหลังของผมเบาๆ

“ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ นี่ฉันเอง ฉันเอง ฟานไง "

“ ฟาน " ซบหน้าลงที่ไหล่ของอีกคน ผมยืนร้องไห้อยู่แบบนั้น น้ำตาที่ไหลซึมลงไปบนเสื้อของเค้า ตอนที่ผละใบหน้าออกอีกคนก็ก้มลงมามอง ไม่มีคำถามอะไรหลุดออกมาจากปากของเค้า ผมเองพอตั้งสติได้แล้วมองดูคนตรงหน้าก็ได้เหลือบซ้ายมองขวาอย่างไม่รู้จะทำอะไร ผมดันตัวเองออกห่าง ผู้คนที่มองมาทางเราเหมือนกำลังสงสัยในพฤติกรรม

“ ฉันว่าเราเดินออกไปจากตรงนี้ก่อนดีกว่า ก่อนที่ใครเค้าจะคิดว่าฉันเป็นคนทำอะไรนาย "

“ อะ อื้ม " พยักหน้ารับคำของเค้าสั้นๆ ก่อนจะเดินนำอีกคนออกมาจากจุดที่ใครๆก็ต่างพากันมองดู  เดินตรงมาที่คอนโดก่อนจะพบกับร่างสูงคุ้นตาที่ผมให้ขาของผมสะดุ้งจนสุดตัว " หัวหน้า "

“ อ้าว.. ผัวมารอ อยู่แล้วนี่ " ฟานบอกผมที่ก็หันไปคว้ามือเค้าก่อนจะส่ายหน้าปฎิเสธ

“ ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ไม่ใช่จริงๆนะ ฟาน "

" งั้นฉันกลับละ อยู่กับผัวให้สำราญแล้วกัน "

" ไม่! อย่าไปฟาน! ฟานอยู่กับฉันก่อนนะ อยู่กับฉันก่อน อย่าไปไหนนะ ขอร้องละ อย่าไปนะ อยู่กับฉันก่อน " มือที่กำเค้าไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

   ถ้าฟานไม่อยู่ตรงนี้ มันคงเป็นช่องทางง่ายๆที่หัวหน้าจะทำอะไรกับผมก็ได้ คำพูดที่เค้าขู่ไว้ การที่เค้ามายืนอยู่ตรงหน้าคอนโดของผมมันก็บอกใบ้อยู่แล้ว ว่าเค้าพูดจริง แล้วก็คิดจะทำมันจริงๆ " ฟาน ขอร้องได้โปรดเถอะนะ อย่าไป อยู่กับฉันก่อน ฉันกลัว ขอร้องถอะนะ " น้ำตาไหลออกมาตอนที่เงยหน้ามองเค้าผมหลบไปยืนอยู่ข้างหลังของร่างสูงที่ยังมองหน้าผมงงๆ เหมือนไม่เข้าใจสถานการณ์ เค้านิ่งอยู่สักพักเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่างก่อนจะยกยิ้มขึ้นมา

“ หึ นายคงกำลังแสดงให้ฉันเห็นว่า ตัวนายเองไม่ได้อยากจะเข้าใกล้ไอ้เหี้ยนั่น ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นคนนัดกันมาทำเรื่องแบบนั้นสินะ "

“ ไม่ใช่นะ! “ ตวาดเค้าออกไปเสียงดัง อีกคนก็ยกยิ้มก่อนจะเดินตรงไป ฟานพูดสถบเสียงเบาๆ

“ ฉันไม่ได้โง่สักหน่อย " เค้าจับมือผมก่อนจะเดินจูงเข้าไปใกล้หัวหน้า มือหนายกขึ้นทัก “ ว่าไงมาหาเมียน้อยตัวเองเหรอ  " ฟานเอ่ยถามหัวหน้าที่ก็ยกยิ้มขึ้นมาตอนที่ได้ยินแบบนั้น เค้าพยักหน้ารับช้าๆ ก่อนจะมองฟานตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ กูสิ ควรถามว่ามากกว่า ว่ามึงมาหาเมียน้อยกูทำไม "

“ กูแค่ผ่านมาดูอาการอะน่ะ ว่ามันยังปกติดีมั้ย " เค้าหันมามองหน้าผม " แต่คิดว่าคงปกติดีแหละ ไม่งั้นจะเรียกผัวมาเอากันถึงคอนโดเหรอวะ หรือว่าไง นายไปบอกผัวนายรึเปล่าว่า นายกลัวอยู่ไม่ไหวเลยต้องให้ผัวมาอยู่เป็นเพื่อน แต่ก็นะน่าสงสาร ผัวมีเมียแล้วก็คงทำได้แค่นั่งรถกลับเองแล้วนัดเจอผัวที่คอนโดแทน  กันสายตาผู้คนที่จ้องจะนินทาแล้วก็พูดความจริงใส่หู "

“ ไม่ใช่ ไม่ใช่นะฉันไม่ได้นัดเค้ามา เค้ามาของเค้าเอง เค้ามาเพื่อที่จะทำร้ายฉัน "

“ ทำไมพูดแบบนั้นละคีย์  นายเองไม่ใช่เหรอ นี่นัดให้ฉันเป็นคนมาที่นี่ นายยังบอกกับฉันเลย ว่าต้องการ อยากจะให้ทำเรื่องแบบนั้นกันเหมือนที่เคยทำมาตลอด ก็เลยนัดฉันมาที่นี่วันนี้ ฉันก็มานี่แล้วไง ทำไมพอเจอแฟนเก่าแล้วพูดไม่เหมือนเดิมละครับ "

“ กูไม่เคยพูด! กูไม่เคยพูดอะไรแบบนั้น แล้วกูกับมึงก็ไม่เคยทำเรื่องเหี้ยๆแบบนั้นด้วย "

“ ไม่เอาน่า โกหกไม่เก่งหรอก แฟนเก่านายเค้ารู้อยู่แล้วว่าเรารู้สึกยังไงต่อกัน เราไปกินข้าวด้วยกันเค้าก็เห็น เราไปสัมมนางานด้วยกันเค้าก็รู้ นี่ฉันยังเก็บถุงยางที่เค้าให้ไว้อยู่เลย นายเองก็บอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าเราจะใช้มันจนหมด นี่ยังไม่หมดเลยนะ ขนาดถี่ๆน่ะ " หัวหน้าว่าพลางเงยหน้ามองฟานก่อนจะยกยิ้ม " อย่างที่นายบอก ใส่สดมัน มันส์กว่าจริงๆ "

“ หึ " ฟานยิ้ม ผมที่หันไปมองเค้าก่อนจะส่ายหน้าไปมาปฎิเสธสิ่งที่อีกคนกำลังพูด

“ ไม่จริงนะฟาน ฉันไม่เคยมีอะไรกับเค้า " ผมหันมองหัวหน้าที่ยังคงยกยิ้มมองผม " กูไม่เคยมีอะไรกันมึง กูจะมีอะไรกับมึงได้ไง ถ้ากูมีอะไรกับมึงจริง วันนี้มึงก็คงไม่ต้องถูกไล่ออก โทษฐานที่พยายามข่มขืนกูหรอก ทั้งหลักฐานเรื่องยา วิดีโอจากกล้องวงจรปิด ทุกอย่างมัดตัวมึง ว่ามึงพยายามทำร้ายกู แล้วที่มึงมาหากูวันนี้ก็เพื่อแค่จะกลับมาแก้แค้นกู ที่ทำให้มึงต้องตกงานแล้วโดนสังคมประนามมันก็เท่านั้น " หันกลับมามองฟาน สบสายตาที่กำลังคิดถึงสิ่งที่ทั้งผมและหัวหน้าพูดออกมา " ฉันพูดจริงๆนะฟาน เชื่อฉันเถอะ "

“ ใครเค้าจะโง่เชื่อคนที่เคยหลอกเค้า ครั้งแล้วครั้งเล่ากัน " หัวหน้าบอกก่อนจะเดินก้าวเข้ามาใกล้ผม " เรื่องที่นายพูดก็เหมือนกัน ใครเค้าจะเชื่อ ไม่มีใครเชื่อหรอก จำไม่ได้เหรอ นายเองไงที่โกหกเค้าเพื่อที่จะได้อยู่กับฉัน "

“ ฟาน " ผมเงยหน้ามองเค้า สบสายตาที่มองผมอยู่ในขณะนั้น แววตาของเค้ามันบอกกับผมว่าเค้าเชื่ออย่างงั้น เชื่อในคำพูดของหัวหน้ามากกว่าผม " ฟาน ฟังฉันนะ ฉันไม่เคยมีอะไรกับเค้าเลย ไม่เคยคิดที่จะมีอะไรกับค้าเลยสักนิด ฉันไม่เคยคิด ไม่เคย " ย้ำความรู้สึกพวกนั้นแต่ก็ดูเหมือนไม่มีค่าอะไร ในช่วงเวลาที่กำลังเสียใจที่เค้าไม่แม้แต่จะเชื่อ จังหวะนั้นหัวหน้าก็คว้าเข้าที่แขนผมแล้วดึงให้ออกมายืนข้างกัน

“ คีย์ไปกับฉัน เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันอีกเยอะ "

“ ฟาน " เสียงของเค้ายังเอ่ยเรียกเค้า สายตาที่ยังมองเค้า ก็แค่อยากจะให้เเค้าเชื่อผม ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็อยากจะให้เค้าเชื่อ เชื่อคนโกหก เชื่อคนที่เคยนอกใจเค้าสักครั้งว่าผมพูดความจริง

   เสียงปลดล็อคประตูรถถูกเปิดออกเหมือนเรียกสติของผมให้กลับมาสนใจอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น แรงลากที่ดึงให้ผมเดินไปที่รถในตอนนั้นผมที่หันไปมองอีกคนพยายามดึงแขนตัวเองออกจากการจับกุมของอีกฝ่าย

“ ปล่อยกูนะ!! “

“ กูไม่ปล่อย! “ เค้าหันมาตวาดก่อนจะใช้สองมือคว้ามือทั้งสองข้างของผมขึ้น สายตาคมเหลือบมองฟานก่อนจะยกยิ้มแล้วก้มลงมามองผมที่พยายามดิ้นรนให้ออกห่างจากตัวเค้า เสียงทุ้มกระซิบ ' กูจะไม่วันยอมปล่อยให้มึง ได้เสวยสุขกับไอ้เหี้ยนั่นหรอก มึงที่ทำให้กูต้องตกต่ำมาจนถึงตอนนี้ กูไม่มีวันปล่อยมึงไป เพราะกูทุ่มเททุกอย่างให้มึง อย่าคิด!  อย่าคิดว่าจะจากกูไปง่ายๆ มากับกู แล้วยอมกูดีๆซะดีกว่า แล้วกูสัญญาว่ากูจะดูแลมึงอย่างดี ไม่ให้เกิดเรื่องแบบที่เกิดกับเนย์หรอก ถ้ามึงไม่คิดดื้อดึงกับกูแล้วละก็.. "

“ ไม่กูไม่มีวันไปกับมึง! กูจะไม่มีวันยอมมึง! ปล่อยกู! กูไม่ยอมเป็นเมียมึงหรอกถ้ากูจะต้องเป็นเมียมึง กูขอตายดีกว่า กูจะยอมฆ่าตัวตายดีกว่าต้องมาเป็นเมียคนอย่างมึง!! "

“ หึ ไม่เอาน่า พูดอะไรแบบนั้น ขู่ว่าจะฆ่าตัวตายเพราะกลัวที่จะต้องเป็นเมียฉัน ทั้งๆที่เป็นเมียฉันไปแล้วนี่อะนะ " เค้าว่าเสียงดังให้ฟานได้ยินก่อนจะก้มลงมาพูดเสียงเบาๆกับผม “ แฟนนายเค้าไม่สนใจอะไรในตัวนายแล้วคีย์ นายมันก็แค่คนตัวคนเดียว นายไม่มีใครอีกแล้ว ไปกับฉันเถอะน่าอย่างน้อยก็ยังมีฉันนะ แล้วเราจะมีแต่ความสุขด้วยกัน นายเองก็คงได้เห็นอยู่ ตอนที่เนย์มีอะไรกับฉัน เสียงที่หมอนั่นร้องออกมา มันมีมีความสุขมากแค่ไหน " คำพูดที่ทำให้ผมคิด คิดถึงภาพที่วันนี้ผมได้ดู หน้าตาที่กำลังทรมานของเด็กคนนั้นจากการถูกผูกมัด แล้วใช้อุปกรณ์ที่ทรมานร่างกายเหล่านั้น ผมส่ายหน้าไปมา

" ไม่! กูไม่มีวันไปกับมึง ต่อให้กูไม่เหลือใครแล้วกูก็จะไม่มีวันไปกับมึง " ผมถอยหลังเดินหนี มือที่พยายามดึงออกจากการจับกุมที่รัดแน่นนั้น เค้ากระชากผมแรงๆให้เข้ามาหาตัวเค้า

" ไป! ไปกับกูเดี๋ยวนี้!! " ปลดมือที่กุมมือผมออกข้างนึง เค้าเอื้อมไปเปิดประตูรถ 

   ประตูที่เปิดออกกว้างถ้าต้องเข้าไปอยู่ในนั้นทุกอย่างมันก็คงจบแล้ว ภาพความทรมานต่างๆเข้ามาในหัวของผมอีกครั้ง เป็นทั้งจินตนาการที่เค้ากำลังทำร้ายผมอย่างที่เคยทำมาก่อน  และภาพของผมที่จะโดนกระทำไม่ต่างจากเนย์ไม่ต่างอะไรจากภาพในวิดีโอนั้น

   ร่างกายของผมเริ่มแข็งทื่อด้วยความกลัว ส่ายหน้าไปมากับน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาจาดดวงตาแข็งกร้าว คิดถึงเสียงกรีดร้องที่ทรมาน ผ่ามือสากๆที่ลูบไล้ไปตามร่างกาย สติที่กำลังขาดออกของผมในตอนนั้นผมพยายามสะบัดการจับกุมจากมือของเค้า ก่อนจะพร่ำคำพูดที่ดูเหมือนคนไร้สติออกมา

" ไม่!! กูไม่ไป ไม่!! กูไม่ไป ปล่อยกูนะ! ปล่อย!! ปล่อยกู ปล่อย!! อย่าทำ! อย่าทำกู  ปล่อยกูนะ อย่าทำ! กลัว กูกลัวแล้ว กลัว อย่าทำ อย่าทำ อย่าทำ อย่านะ อย่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา  " ตะโกนออกไปในห้วงสุดท้ายของสติ แผดเสียงออกไปด้วยความดังจากความกลัวสุดขีดของตัวเอง ผมสะบัดแขนตัวเองออกแรงๆจนมันหลุดออกมาเพราะความตกใจของคนจับกุมที่ทำให้เค้าคลายมือนั่นออก

    ล้มตัวลงนั่งบนพื้นก่อนจะกระเสือกกระสน ทั้งคลานทั้งรีบลุกขึ้นหนีเข้าไปในคอนโดแบบไม่คิดชีวิตก่อนที่เค้าจะก้มลงคว้าตัวผมไว้ได้ทัน ผมเปิดกระเป๋าหาคีย์การ์ดขึ้นมาปลดล็อคประตูแต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พบด้วยความร้อนรนและกลัว หัวหน้าที่ได้สติวิ่งเข้ามาใกล้ เอื้อมมือของเค้ามาจับไหล่ของผมไว้ในตอนนั้นลำตัวของผมมันแข็งทื่อ แววตาที่เบิกกว้างทุกอย่างในร่างมันหยุดชักงัก แล้วตอนนั้นฟานที่เดินเข้ามา เค้าคว้ามือของหัวหน้าไว้ก่อนจะผลักให้ร่างนั้นถอยห่างออกไปจากผมแบบไม่พูดไม่จาอะไร
" ไอ้เชี้ย! ผลักกูทำไมวะ เรื่องผัวเมียเค้จะเคลียร์กัน มึงก็เป็นแค่ผัวเก่า! ถอยไป!! "

" กูไม่ถอย " เค้าบอก " ก็เมียไม่อยากจะไปด้วย เอากันไปก็ไม่มันส์หรอก เลิกยุ่งซะดีกว่า " ฟานบอกก่อนจะหันไปมองทางอื่น " หรือว่าต้องให้กูเรียก รปภ.ว่าที่นี่กำลังมีคนดักฉุดข่มขืนคนอยู่ หรืออยากจะลองกินหมัดหนักๆของกูสักที " เค้าหักนิ้วมือเสียงดังขู่อีกฝ่ายที่ก็ถอยหลังไปช้าๆ

" เสือก " เค้าว่าเสียงลอดไรฟัน ก่อนจะถอนหายใจออกมาพลางมองไปรอบๆแล้วเห็นว่ายามกำลังเดินเข้ามาพอดี " ฝากไว้ก่อนเถอะมึง ทั้งมึงทั้งไอ้คีย์ ครั้งนี้มึงรอดไปได้ ก็อย่าคิดว่าครั้งหน้ามึงจะรอดไปได้ก็แล้วกัน " ร่างสูงที่เดินออกไปห่างจากตัวเรา ผมถอนหายใจออกมาพิงร่างกับประตูหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น

   กลั้นน้ำตาที่ไหลออกมาไว้ไม่อยู่อีกแล้ว กลัวจนอยากจะหายไปให้พ้นจากโลกใบนี้ ที่ที่เคยปลอดภัยอย่างบ้านตัวเอง ผมก็รู้ว่าต่อจากนี้ไปที่นี่ก็จะไม่ปลอดภัยอีกแล้ว มือที่ยกขึ้นเช็ดนน้ำตาที่ไหลออกมา ผมก้มหาคีย์การ์ดในกระเป๋าที่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ก่อนที่อีกคนจะพูดขึ้นเสียงเบาๆ

“ ไม่ต้องกลัว ค่อยๆหา " ฟานบอก " เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปอยู่เป็นเพื่อนนายเอง " ผมไม่ตอบอะไรตอนที่หยิบคีย์การ์ดออกจากกระเป๋า ผมกดปลดล็อคประตูแล้วเดินเข้าไปข้างใน

   
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 55 ' อย่า!!! ' UP - 9.12.59} หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 11-12-2016 21:09:16
รอลิฟต์ขึ้นไปชั้นบนที่เคลื่อนตัวมาช้าๆ ไขประตูเข้าไปในห้อง เปิดประตูเข้าไปในคอนโดผมตรงเข้าไปในห้องนอนปิดประตูลงก่อนจะทรุดลงนั่งร้องไห้กับพื้นห้อง ด้วยความรู้สึกที่ไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตตัวเองดีต่อจากนี้ คิดถึงคำพูดของหัวหน้าสายตาที่มองมาพร้อมกับคำพูดพวกนั้น ' ฝากไว้ก่อนเถอะ ครั้งนี้มึงรอดไปได้ ก็อย่าคิดว่าครั้งหน้ามึงจะรอดไปได้ก็แล้วกัน '  การกระทำที่ทั้งฉุดทั้งกระชากผม รู้อยู่แล้วว่าเค้าทำจริงอย่างที่พูด ต่อจากนี้จะใช้ชีวิตอยู่ยังไง แค่คิดถึงวันพรุ่งนี้ก็กลัวจนไม่อยากจะมีแม้วันพรุ่งนี้แล้ว เค้าที่ต้องตามผมตัวเป็นเงา เค้าที่ต้องหาโอกาสเล่นงานผมตอนที่อยู่คนเดียว เค้าที่ไม่มีทางปล่อยผมไปง่ายๆ

“ เรื่องจริงสินะ ที่นายพูด " คำพูดที่ดังมาจากหน้าห้อง พร้อมกับประตูห้องนอนที่ถูกเลื่อนออก " เรื่องของหัวหน้าของนาย " ฟานขยายความ เค้าที่ยืนพิงร่างตัวเองกับขอบประตูนั้น " เรื่องที่นายบอกว่า เค้าพยายามจะข่มขืนนายก็เลยถูกไล่ออก "

“ อื้ม " ผมตอบเค้าสั้นๆ เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาก่อนจะก้มหน้าลงในความเงียบนั้น ผมเอ่ยพูดออกไป " ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้นะ ถ้าไม่มีนายก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง "

“ ก็โดนลากไปข่มขืนไง " เค้าบอก " ก็แค่ช่วยเพื่อนมนุษย์คนนึงไม่เป็นไรหรอก ขอโทษนะ ที่ไม่เชื่อตั้งแต่แรก “

“ ฉันเข้าใจดีว่าทำไมถึงไม่เชื่อ แต่ขอบคุณที่มาช่วยไว้แล้วกัน“

" จริงๆฉันก็คิดว่าตัวเองก็มีส่วนผิดอยู่ " ฟานเงียบไปสักพักก่อนจะก้มหน้าลงมองพื้นตรงที่ที่เค้ายืน " เพราะที่นายกลัวเค้าขนาดนั้น ส่วนนึงมันก็เป็นเพราะฉันที่สั่งคนไปทำแบบนั้นกับนาย "

“ สำหรับฉันตอนนี้ เพราะมันมีหลายๆอย่างให้กังวลน่ะ " ผมบอก " เรื่องผู้ชายสองคนนั้นก็ส่วนนึงเค้าเป็นเหมือนความทรงจำที่คอยหลอกหลอนฉันตลอดแต่นายก็บอกว่าเค้าไม่ได้ทำจริงๆ บางทีแม้กลัวฉันก็ยังมีความคิดที่ว่าเค้าไม่ได้ทำอะไรฉันจริงๆหรอก มาหลอกใจตัวเองไม่ให้กลัวได้อยู่เวลาที่กลัวมากๆ  แต่ตอนนี้ที่กลัวที่สุดคือหัวหน้าตังหาก เพราะฉันเป็นคนที่ทำให้เค้าถูกไล่ออกวันนี้ "

“ ที่บอกว่าเป็นเพราะตัวเองมันก็ถูกอยู่หรอกนะ มันเหมือนนายเข้าไปยั่วเค้า ทำให้เค้าอยากได้ พออยู่ๆจะไม่ให้ คนที่มันคิดว่าจะได้แล้ว มันก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดา แต่ที่เค้าผิดคือใช้วิธีที่รวบรัดมากไปหน่อยก็เลยทำให้ทุกอย่างมันแย่ไปหมด มันไม่ใช่ความผิดของนายคนเดียวหรอก จะมาโทษนายคนเดียวก็ไม่ได้ ทำไมไม่บอกเค้าไปละ ว่าไม่อยากจะเอากันที่หาดทราย ที่ห้องมั้ย ในโรงแรม ชอบเตียงนุ่มๆอะไรก็ว่าไปสิ "

“ ฉันไม่เคยคิดอยากจะมีอะไรกับเค้า " เงยหน้ามองคนที่ยืนมองผม ฟานที่ยกยิ้มผมเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ผมเปลี่ยนความคิดของคนตรงหน้าไม่ได้หรอก ที่จะให้มองว่าผมไม่ได้อยากจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหัวหน้าเพราะฟานก็คิดมาตลอดว่าที่ผมไปงานสัมมนาก็เพราะว่าผมต้องการจะไปมีอะไรกับหัวหน้า

“ เหรอ แต่เอาจริงๆแล้ว ฉันว่า นายเองก็เคยบอกว่า นายชอบเค้าแล้วเค้าก็เป็นคนในแบบที่นายชอบ ตอนนี้เค้าก็ดูอยากจะได้นายมากๆ ส่วนนายก็ไม่มีใคร ทำไมไม่ลองคบกับเค้าละ "

“ ฉันไม่ได้อยากจะคบกับเค้า " พอตอบออกไปแบบนั้นฟานก็หลุดหัวเราะออกมา

“ โทษทีๆ ฉันแค่รู้สึกขำอะ " เค้าหันหน้าไปหัวเราะก่อนจะหันมาอธิบายกับผมที่หน้านิ่งมองเค้า " คือ แบบครั้งนึงนายเคยนอกใจฉันไปยุ่งกับไอ้เหี้ยนั่น แต่ตอนนี้กลับบอกว่าไม่อยากจะคบกับเค้า มันตลกอะ มันดูย้อนแย้งกันยังไงก็ไม่รู้ "

“ นั่นนะสินะ " ผมยิ้มออกมาตอนที่เค้าพูดแบบนั้น เพราะไม่รู้จะอธิบายอะไร ทุกอย่างที่พูดไปก็ไม่ถูกเชื่อ หรือเห็นใจอะไร ต่อให้พูดอีกกี่ครั้งทุกอย่างก็จบลงที่จุดเดิม คือเค้าก็ยังคิดในแบบที่เค้าคิด ต่อให้บอกว่า ผมไม่ได้ชอบหัวหน้า เลิกชอบไปตั้งแต่วันที่เค้าขู่ว่าจะทิ้งผมแล้ว แล้วทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่ผมรู้สึกดีกับหัวหน้ามันเกิดเพราะแผนหัวหน้าทั้งนั้น แต่ถ้าเค้าไม่เชื่อ ก็คือไม่เชื่อ อธิบายไปก็ทำให้ผมเจ็บเสียเปล่าๆ ผมลุกขึ้นยืนผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะเปลี่ยนเรื่องถามเค้า " แล้ววันนี้นายมาหาฉันมีอะไรรึเปล่า "

“ โกรธเหรอ ที่ฉันพูดแทงใจดำน่ะ ไม่จริงก็เถียงออกมาสิ เหมือนที่นายชอบเถียงไง "

“ เปล่าหรอก ไม่ได้โกรธ แค่คิดว่าเถียงคนอย่างนายไปมันก็เท่านั้น นายก็เอาแต่ความคิดของตัวเองที่คิดว่าต้องเป็นแบบนั้น หยิบยกขึ้นมาพูดกับฉันอยู่ดี ฉันเลยไม่อยากจะเถียง คำอธิบายที่เหมือนคำแก้ตัวในความรู้สึกของนาย พูดไปมันก็เท่านั้น อยากจะคิดอะไรก็คิดเถอะ ตามสบาย เหนื่อยจะพูดกับคนอย่างนายแล้ว " ผมยิ้มให้อีกคนที่ก็ไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่ผมไม่คิดจะเถียงหรือพยายามอธิบายอะไรเค้า เป็นคนที่เอาใจไม่ถูกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อยากจะร้ายก็ร้าย พูดจารุนแรงเป็นเด็กปากดี แต่บางทีก็เข้ามาช่วยเหลือ อย่างวันนี้เค้าที่มายืนอยู่ตรงนี้ก็ชวนให้ผมสงสัยเหมือนกัน ว่ามาทำไม " แล้วตกลงว่านายมาทำอะไร "

“ มาดูอาการนาย "

“ อาการฉัน ? " ผมทวนคำพูดก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามันคือเรื่องอะไร คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายสองคนนั้น " เรื่องนั้นน่ะเหรอ "

“ เป็นยังไงบ้างละ " 

“ ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก กลับไปเถอะ " คำตอบที่เหมือนจะชวนให้อีกคนหงุดหงิด เค้าที่ดึงตัวเองจากประตูที่พิงอยู่สายตาคมที่จ้องมองผมเหมือนกำลังหาเรื่องกัน

“ อย่ามาทำตัวน่าหงุดหงิดแบบนี้ได้มั้ย ทำไม ? คิดว่าทำตัวแสนดีแล้ว แล้วมันช่วยให้น่าสงสารเหรอ ? เปล่าเลย ฉันจะบอกให้ มันดูน่ารัจเกียจ แล้วก็ดูตอแหล "

“ ฟาน " ผมเอียงหน้าถามเค้า " นายอยากจะคุยอะไรกับฉันกันแน่ มีอะไรที่นายอยากจะได้แล้วฉันไม่ได้ทำตามความต้องการของนายมั้ย นายอยากจะให้ฉันหงุดหงิดที่นายพูดด่ากระแทกฉัน หรือว่าอธิบายในสิ่งที่นายรู้สึกอีกครั้ง อยากจะให้เถียงนาย นายอยากจะได้อะไรพวกนั้นเหรอ " ผมถามเค้า " ที่ฉันไม่อธิบาย หรือที่ฉันไม่พูดแก้ตัวอย่างที่นายอยากฟัง นั่นก็เพราะว่า พูดไปมันก็เท่านั้น เพราะนายก็เอาแต่ความคิดตัวเอง ไม่ได้ฟังใคร ฉันพูดไปเท่าไหร่ ก็เหมือนทุ่มบอลลงกำแพงสูงนั่นแหละ สุดท้ายก็กระเด้งกลับมาไม่ได้ข้ามไปทำให้นายเข้าใจฉันได้หรอก แล้วจะให้ฉันพูดอะไรอีกละ ไม่พูดดีกว่ามั้ย เปลืองน้ำลาย "

“ รู้ไว้ซะบ้าง ว่าถ้าฉันไม่มา วันนี้นายคงโดนหัวหน้าของนายปล้ำไปแล้ว "

“ นั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมฉันยังต้องขอบคุณนายทั้งๆที่ นายก็ด่าฉันไง " ผมยิ้มให้เค้าที่ก็ถอนหายใจออกมา ใบหน้าคมที่กำลังหงุดหงิดฟานหันไปทางอื่น " ถ้านายแค่มาดูอาการฉัน ฉันก็ขอขอบคุณมากในความเป็นห่วง แล้วก็ขอขอบคุณมากๆ สำหรับการช่วยเหลือ "

“ ฉัน.." เค้าถอนหายใจออกมา " ฉันอยากจะฟังเรื่องหัวหน้าของนาย ช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยจะได้มั้ย ทำไมมันต้องจ้องจะลากนายไปข่มขืนด้วยละ แล้วทำไมนายต้องกลัวเค้าขนาดนั้น ฉันเห็นนายกลัวเค้าตั้งแต่ที่เห็นเค้ามายืนรอที่ใต้ตึกละ ทั้งๆที่ยังไม่ได้พูดอะไรกันเลย " เค้าหันมาถามผมก่อนจะก้มหน้าลงตอนที่จ้องตาผมแล้วสำนึกผิดเหมือนเด็กเล็ก " คือ.. ฉันขอโทษที่พูดจาไม่ดีใส่นายเมื่อกี้ "

" รู้จักคำว่าขอโทษแล้วเหรอ " ผมถามก่อนจะถอนหายใจออกมา ลอบยิ้มเล็กๆกับคนที่ไม่ได้ตอบอะไรได้แต่เร่งให้เล่าเรื่องที่เค้าอยากจะฟังเร็วๆ

“ เล่าเรื่องที่ฉันอยากจะรู้ได้ยังละ "

“ ก่อนที่ฉันจะเล่านาย ขอถามอะไรหน่อยสิ นายเชื่อใช่มั้ย เรื่องที่เค้าบอกว่า ฉันนัดเค้ามาที่นี่ นายเชื่อเค้าใช่มั้ย แล้วแบบนั้นทำไมถึงมาช่วยฉันละ "

“ ไม่รู้สิ " เค้าส่ายหน้า " ฉันเองก็ไม่ได้เชื่อคำพูดของนายทั้งหมดตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่านายคงยังมีใจให้เค้าแล้วแอบคบกันเค้าอยู่จริงๆก็ได้อย่างที่เค้าบอก ก็นายเคยหลอกฉัน ฉันเลยไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ มันอาจจะจริงก็ได้ ไม่จริงก็ได้ แต่ที่ฉันช่วยนายเอาไว้ ถ้านายพูดจริง ฉันอาจจะเสียใจไปตลอดก็ได้มันก็เท่านั้น "

“ ฉันไม่ได้อยากจะเป็นของเค้าต่อให้ฉันชอบเค้ามากแค่ไหน แต่เรื่องเซ็กส์อะไรแบบนั้นฉันไม่เคยคิด มันเป็นแค่ความรู้สึกที่อยากจะแค่อยู่ใกล้เค้าสักนิด ไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อ กับหัวหน้าฉันก็แค่รู้สึกแบบนั้น ไม่เคยคิดจะมีอะไรด้วยเลย แต่เค้าไม่ได้คิดแบบนั้น เค้าคิดว่า เราต้องมีอะไรกันนั่นคือสิ่งที่เค้าต้องการในการเข้ามาหาฉัน แล้วก็คนอื่นๆ "

“ ที่บอกว่าคนอื่นๆนี่หมายความว่าไง ไม่ใช่นายคนเดียวเหรอ "

“ มีรุ่นน้องที่แผนกอีกคนที่โดนปล่อยคลิปออกมา เป็นคลิปที่เค้ามีอะไรกับหัวหน้าน่ะ มันเป็นคลิปที่น่ากลัวมากเลยนะ มันไม่ใช่เซ็กส์ธรรมดาของคนทั่วไปที่ทำกัน ฉันว่าเค้าเหมือนพวกชอบใช้ความรุนแรง ชอบทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวด ในคลิปน่ะรุ่นน้องฉันเค้าร้องเสียงดังมากๆ เหมือนจะขาดใจตายเลย คำพูดที่บอกว่าให้พอ บอกว่าให้หยุด แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเค้าจะหยุดเลย เค้ายังคงถูกทรมานสารพัดด้วยอุปการณ์หน้าตาแปลกๆ "

“ นายก็เลยคิดว่า กลัวว่ามันจะเป็นตัวเอง ถ้าเกิดว่าไปมีอะไรกับเค้า ตอนนั้นก็เลยกลัวมากสินะ "

“ อื้ม " ผมพยักหน้ารับ " ฉันคิดว่า ถ้าเป็นฉัน ถ้าวันนั้นฉันไม่มีคนช่วยไว้ ถ้าพนักงานที่โรงแรมไม่ได้ยินเสียงของฉัน ถ้าเค้าเชื่อคำพูดของหัวหน้า วันนี้คลิปพวกนั้น ก็อาจจะเป็นฉันที่แสดงอยู่ก็ได้ " น้ำตาของผมไหลออกมามันกลัวจนทำได้แต่ก้มหน้าร้องไห้ " รู้มั้ยฉันคิดว่าฉันยังโชคดีที่ฉันมีนาย ถ้าตอนนั้นฉันไม่มีนายอยู่ฉันก็คงยอมไปกับเค้าแล้วละถ้าเค้ามาขอคบก็คงคบด้วยแล้ว แต่เพราะฉันมีนายอยู่ฉันก็เคยไม่เคยคิดจะมีอะไรกับเค้า แล้วฉันก็โชคดีที่วันนั้นมีคนมาช่วยฉันไว้ "

" แล้วนายว่าเค้าทำแบบนั้นทำไม ทำไมถึงต้องปล่อยคลิปนั้นออกมา  เพราะเค้าไม่ยอมเหมือนกันนายเหรอ "

“ น่าจะ เพราะพอเรื่องงานตอนงานสัมมนาหลุดออกไปก็มีคนรู้สันดานจริงๆของเค้า แต่หัวหน้าก็บอกแค่ว่าเพราะเค้าจะไม่ยอมตกต่ำไปคนเดียว เค้าจะให้ทุกคนตกต่ำไปพร้อมๆกับเค้า รวมถึงฉันด้วย เค้าบอกกับฉันว่า ให้ฉันจำไว้ว่าอะไรที่เค้าต้องได้ เค้าก็จะไปเอามันมา "

“ หมายถึงเรื่องเซ็กส์สินะ ที่ยังไม่ได้ "

“ อื้ม "

“ งั้นที่มันมาวันนี้ก็เพราะจะฉุดนายไปสินะ " พยักหน้ารับอีกคน ฟานก็ถอนหายใจออกมา " โง่ชะมัด ทั้งนายแล้วก็มัน ทำไมนายไม่ให้เพื่อนมาส่ง มาคนเดียวไม่กลัวโดนฉุดรึไง ส่วนไอ้เหี้ยนั่นก็บ้า แค่โดนไล่ออกจากงาน ยังไปสมัครงานใหม่ได้ ไปออฟเด็กที่บริษัทอื่นได้ แต่นี่มันดันเอาคลิปไปแพร่ ก็เห็นหน้ามันอีก คราวนี้ไปสมัครงาน ใครที่ไหนจะรับมันวะ เรื่องแบบนี้มันแพร่ไปทั่วนั่นแหละ โง่ จริงๆ "

“ ลิปจะมาส่งฉันแล้วละ แต่คุณเมษไม่สบายน่ะ ฉันก็เลยต้องมาคนเดียว แต่ฉันก็ไม่อยากจะให้ลิปมาส่งหรอกนะ มันรบกวนเค้าอีกอย่าง หัวหน้าก็คงเกลียดลิปมากอยู่ ถ้าเกิดเค้าทำอะไรเพื่อนฉันละ แบบนั้นคงไม่ดีหรอก "

“ อยากจะให้เค้าทำนายคนเดียวว่างั้น "

“ อยากจะให้เค้าหยุดมากกว่า หยุดที่จะคิดแค้นใคร หยุดที่จะพยายามทำร้ายคนอื่น เพราะเค้าก็ทำร้ายคนอื่นมามากพอแล้ว " ผมบอกอีกคนก็นิ่ง " ตอนที่โดนคนในบริษัทนินทาฉันยังมีลิป แต่เนย์ตอนนี้ไม่มีใครเลย เค้าอาจจะฆ่าตัวตายอยู่ก็ได้ ใครจะรู้ "

“ ไม่มีใครโง่ขนาดนั้นหรอกน่า "

“ เพราะนายไม่เคยเจอ นายก็พูดได้ว่ามันแค่เรื่องธรรมดาไม่มีใครโง่ทำเรื่องแบบนั้น ถ้าฆ่าตัวตายเพราะเรื่องแค่นั้นก็คงเป็นชีวิตที่ดูไร้ค่า แต่ฟาน คนเราถ้าถึงจุดที่ทรมานกับการมีชีวิตอยู่มากๆ เจ็บปวดกับการที่ถูกหลอกหลอน และมองทุกอย่างรอบตัวมันแย่ไปหมด คนเราก็คิดจะจบชีวิตให้มันพ้นๆไปทั้งนั้น ฉันยังเคยคิดเลย ว่าถ้าตายไปให้พ้นๆ มันก็คงจะดีกว่า อย่างน้อยฉันก็จะได้ไม่ต้องทนเจ็บปวด ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวลอะไรอีก ฉันน่ะ ..คิดแบบนั้นจริงๆนะ ว่าอยากจะตาย "

“ อย่าคิดแบบนั้นนะ!!! " ร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมตวาดออกมาก่อนจะคว้าตัวผมเข้ามากอดไว้  " อย่าคิดว่าจะตายเพื่อที่จะได้หนีปัญหาง่ายๆนะ นายน่ะ! ต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความเจ็บปวดอย่างที่ฉันกำลังรู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่นายทำกับฉันสิ!! ถ้านายตายไปมันคงไม่แฟร์กับคนอย่างฉันเท่าไหร่หรอก ไม่แฟร์เลยจริงๆ ที่ฉันต้องมาเจ็บปวดคนเดียว " มือที่กอดผมแน่นขึ้นเหมือนเค้ากลัวจริงๆ ว่าผมจะฆ่าตัวตาย

“ ฟาน.. "

“ อย่าคิดฆ่าตัวตายนะ ช่วยอยู่ทรมานเหมือนฉันเถอะ ถึงฉันจะเกลียดนายแต่ก็ไม่ได้อยากจะให้หายไปไหนหรอก " มีแต่อ้อมกอดที่รัดตัวผมไว้แน่น ไม่เข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้เลย ผมไม่เข้าใจคนตรงหน้านี้เลยด้วยซ้ำว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่อ้อมกอดที่กอดเค้าไว้ตอนนี้ กลิ่นที่คุ้นชินนี้ ทำให้ผมได้แค่หลับตาลงแล้วสูดมันเข้าไปเสียเต็มปอด มันเป็นความคิดถึง คิดถึงเสียเหลือเกินกับสัมผัสแบบนี้ น้ำตาของผมไหลออกมาตอนที่ซบลงไปบนไหล่ของเค้า " ถ้ามันยากนักกับการมีชีวิตอยู่ที่ต้องกลัวแบบนี้ ฉันจะมาอยู่กับนายเอง ฉันจะไม่มีวันให้นายมีโอกาสรอดไปฆ่าตัวตายที่ไหนหรอก ฉันจะให้นายอยู่ข้างฉัน ให้นายทรมานเพราะฉันทำให้นายทรมาน ดีกว่าให้นายตายแล้วพ้นจากความทุกข์นี้ไปคนเดียว ความทุกข์ที่จะมีแค่ฉันที่ยังจมอยู่กับมัน ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะขอรับข้อเสนอของนายดีกว่า ข้อเสนอที่นายบอกว่า ให้เรากลับมารักกันแล้วนายจะทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ให้ฉันเห็นว่า นายรักฉันจริงๆ  เพราะฉันจะไม่ยอมให้นายตายไปจากฉันเด็ดขาด ไม่มีวันยอมให้นายพ้นจากความทุกข์นี้ไปคนเดียวหรอก ไม่มีวัน "                         

..........................................................

เราอยากจะให้ทุกคน สนุกกับการอ่าน และร่วมลุ้น
ไปจนกว่านิยายจะจบเรื่องนะคะ  :กอด1:
ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้ทอล์คไม่รู้จะพูดอะไร รีบอัพนิยายดีกว่า ฮ่าๆๆ
ยังไงฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิต และ ฝากแชร์ในเฟสด้วยนะจ๊ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 11-12-2016 21:44:03
เอาสิ รีเทินร์นยังทัน กันตัวไอ้หัวหน้ามาวอแว อยากรู้เหมือนกันถ้ากลับมาจะยังไง อิอิ!! //รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 11-12-2016 21:49:34
บอกเลยว่ายังไงๆก็ไม่เข้าใจความรู้สึกพวกนี้เลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 11-12-2016 22:13:18
เหมือนฟานสับสนกับตัวเองเลยนะ ปากบอกเกลียดแต่สิ่งที่ทำและความรู้สึกมันตรงข้ามกันหมดเลย รอลุ้นจนตอนจบ

ปล.ช่วยหามือดีเฉี๋ยนไอ้หัวเน่านั่นทิ้งทีสิ รู้สึกเลวเกินทนนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 11-12-2016 22:13:54
กลั้นใจอ่านทุกตอนเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 11-12-2016 22:19:12
ทำไมมมมอ่านความฟูมฟายของฟานตอนจบแล้วยิ้ม
เหมือนเด็กปากแข็ง ทะเลาะกับเพื่อน ไล่เพื่อนเล่นไปให้ไปเล่นที่อื่น แต่พอเพื่อนจะไปจริงๆ ก้วิ่งไปบอกว่าไม่ได้นะ ต้องมาอยู่ทะเลาะกันต่อ
5555555

นี่คือแปลว่าให้คีย์พิสูจน์แล้วใช่ไม๊ ว่าคำว่ารัก ที่พูดคือเรื่องจริง
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-12-2016 22:22:32
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 11-12-2016 22:42:12
รู้สึกลุ้นทุกตอนที่อ่าน...แต่ในใจลึกๆ อยากให้สองคนนี้เลิกกัน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 11-12-2016 23:02:14
 :hao7: ชีวิตคีย์ต้องเจอผู้ชายบ้าบอ2คนรึไง
ฟานนี่จริงๆคือสับสนจนขาดสติสินะ อีกนิดก็จะเหมือนอิหัวหน้าแล้ว
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 11-12-2016 23:04:30
ลุ้นให้คีย์ปฏิเสธ ยังไม่ยอมให้ฟานอยู่ด้วย

ให้ฟานกลับไปรู้ใจตัวเองให้ชัดก่อนแล้วค่อยมา

แต่เรื่องหัวหน้านี่ซิ. จะแก้ยังไง เนย์จะจัดการเองไหม

เนย์จะเข้มแข็งแล้วลุกมาจัดการหัวหน้าฐานลงคลิปได้ไหม

โปรดติดตามชมตอนต่อไป. .....

 :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 11-12-2016 23:04:49
เลิกกันเถอะ ลำคาญคนมีเหตุผล
อย่ารักกันเลยถ้าลำบากขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 11-12-2016 23:26:55
โอยยยยย :katai1: เรานึกว่าคีย์จะสติแตกจนหลุดเป็นบ้าไปแล้วจริงๆนะ ตอนที่เจอหัวหน้าที่หน้าคอนโดแล้วจะเอาตัวคีย์ไปด้วย  :ling2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 11-12-2016 23:48:52
หานนี่เด็กมีปัญหาของแท้  ของที่ตัวเองจะทิ้งถึงขนาดว่าลงมีอพังมันด้วยตังเอง พอรู้ว่ามันจะหายก็ยังหวง

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 12-12-2016 00:03:04
ฟานนี่เด็กน้อยตริงๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 12-12-2016 00:08:23
คีย์นี่มีพ่อแม่ป้ะ ถ้าเป็นเราชีวิตพังขนาดนี้ คงกลับบ้านแน่บอ้ะ  :z3:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: SaNip015 ที่ 12-12-2016 00:35:03
คือเด็กกว่าแต่งี่เง่าเกินก็ไม่ไหวนะ. ฟานไม่ยอมฟังเลยอะ ขนาดไปช่วยคีย์ก่อนจะโดนข่มขืน ยังพูดแบบนี้เลย อยากมห้คีย์หนีจากบ่วงนี้ ไปเจอชีวิตดีๆกว่านี้.  :katai1: :z3:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 12-12-2016 02:21:05
ไร้วุฒิภาวะกันทั้งสามคน   ระดับการจัดการกับตัวเอง การแก้ปัญหาแย่มาก  เหมือนเป็นกลุ่มคนที่มีปัญหาทางอารมณ์ค่ะ  ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญทั่วไป  คือมันสุดโต่งไปหมดเลย  เหมือนไม่มีสามัญสำนึกแบบคนปกติมารั้งไว้  หลงก็ละเมอเพ้อพก   เกลียดก็ไปสุดๆ  ใคร่ก็กระเหี้ยนกระหือรือจะเอา  ทั้งฟาน คีย์ กับอิหัวหน้า

การเขียนตัวละครแบบนี้ดีตรงที่ทำให้อินไปด้วยง่าย รักแรงเกลียดแรงจนตกสุดขอบของอารมณ์ปกติ  จะมีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่มีอารมณ์ประเภทนี้คือกลุ่มติ่งส่วนหนึ่งที่ตามศิลปินอย่างบ้าคลั่ง  รักก็รักแบบถวายหัว  ฟินก็สุดๆอารมณ์  พอได้เกลียดก็ยิ่งกว่าแสนชัง  เสียใจก็จมดิ่งจนอยากฆ่าตัวตาย  เป็นอารมณ์ที่คนกลุ่มนี้รู้สึกได้จริงและอยุ่เหนือกว่าเหตุผลค่ะ  คนเขียนบรรยายได้ดีมากๆกับอารมณ์แบบ  obsessed  แบบนี้   ตอนนี้อ่านแล้วรู้สึกแย่มากๆกับฟานและหัวหน้า  ที่จริงกำลังรอว่าคีย์จะระเบิดออกมาด้วยความอัดอั้นใส่ฟานว่าจะเอายังไงกับกูวะ?พร้อมทั้งเหวี่ยงอะไรใส่สักที  คีย์ยังเลือกที่จะโทษตัวเองทุกอย่าฃซึ่งก็น่าอยู่หรอกเมื่อโดนฟานกับลิปโยนความผิดใส่หน้าเรื่อยๆ + ความรู้สึกผิดอีก 

อีกคนที่เรารอดูคือเนย  ไม่รู้ว่าจะมีเอ่ยถึงไหม?   อยากดูว่าเนยจะเลือกเดินทางไหน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: p^tarn ที่ 12-12-2016 11:00:37
หน่วงงงงงงงงง จะเป็นไงต่อ :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: Supak-davil ที่ 12-12-2016 11:26:11
คนที่อินมาก ๆ ก็ยังคงอินกันต่อไป
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 12-12-2016 13:08:02
อ่านแล้วรู้สึกจะเป็นบ้ากับเรื่องนี้ โคตรอึดอัด อยากให้ฟานคีย์เข้าใจกัน  คีย์สู้ววววว ฟานเริ่มฉลาดแล้ว อิอิ
ปล.คนเขียนเก่งมากกกกก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 12-12-2016 13:24:40
โอ้ย มันเริ่มไม่สนุกละ
เราขอไม่อ่านเรื่องนี้ต่อน่ะ
เหตุผลก็รู้ๆกันเนอะ ขอไม่อธิบาย
เพราะมันเห็นๆกันอยู่แล้วในเนื้อเรื่อง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 12-12-2016 15:48:29
รออ ตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 12-12-2016 18:12:01
เรายังคิดเหมือนเดิม ตัวหลักของเรื่องดูจิตๆ เป็นพวกสุดโต่งสุดกู่ คืออารมณ์ของคนปกติเค้าไม่เป็นกัน ยิ่งไอ้หัวหน้ายิ่งแล้วใหญ่ ไร้ซึ่งความยับยั้งชั่งใจแบบสุดๆ เอาจู๋นำทุกอย่าง เหอๆ ลิปเองตอนแรกก็เหมือนพูดถูกไปหมด (เราเองก็เคยเข้าใจอย่างนั้น) แต่มองดีๆ เราว่าเหมือนสนองความต้องการของตัวเองมากกว่า เอาความสะใจตัวเองเป็นหลัก เอาไปเอามาก็เหมือนพวกบ่างช่างยุ คอยว่าคอยยุแต่ไม่เห็นช่วยอะไรคีย์จริงๆ ซักอย่าง

อันนี้คือความเห็นส่วนตัวนะคับ ไม่ใช่ไม่ดี เรามองคนเขียนถ่ายทอดออกมาได้ดีเลยล่ะ รักโลภโกรธหลง เห็นได้อย่างชัดเจน สะท้อนออกมาให้เห็นว่าไม่ใครสมบูรณ์แบบไปหมด สนุกมากคับ ติดตามจนจบแน่นอน และขอเป็นกำลังใจให้คุณหนมเขียนนิยายดีๆ ออกมาเยอะๆ นะคับ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 12-12-2016 19:15:10
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 12-12-2016 20:04:06
อยากให้คีย์เจอคนที่ดีกว่า ไม่อยากให้รีเทริ์นกับฟาน 
เพราะฟานนิสัยยังเด็กเกินไป ไม่มีเหตุผลบ้าบอคอแตก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 12-12-2016 21:52:40
รอดูจุดที่จะมาเชื่อมอีกครั้งหรือเปล่า????
ฟานนี่น่าตบปากนะ5555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 13-12-2016 14:30:47
รับฟัง และ ยอมเข้าใจกัน ทั้ง 2 ฝ่าย ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 14-12-2016 11:30:09
ฟานนี่ดูสับสนตัวเองนะ มาวอแวคีย์อยู่ได้ :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 56 ' ฉันไม่ยอม ' UP - 11.12.59} หน้า 33
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-12-2016 12:26:51
ตอนนี้สงสารทุกคน ที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ ไม่จบสิ้นสักที
อยู่กับความแค้น และการหลอกลวง ทำร้ายกัน

ที่ฟานจะกลับมา เพราะห่วงคีย์ใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 57 ' ทั้งเกลียดทั้งรัก ' UP - 16.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 16-12-2016 20:47:55
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 57
' ทั้งเกลียดทั้งรัก '

    ' อย่าคิดฆ่าตัวตายนะ ช่วยอยู่ทรมานเหมือนฉันเถอะ ถึงฉันจะเกลียดนายแต่ก็ไม่ได้อยากจะให้หายไปไหนหรอก " มีแต่อ้อมกอดที่รัดตัวผมไว้แน่น ไม่เข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้เลย ผมไม่เข้าใจคนตรงหน้านี้เลยด้วยซ้ำว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่อ้อมกอดที่กอดเค้าไว้ตอนนี้ กลิ่นที่คุ้นชินนี้ ทำให้ผมได้แค่หลับตาลงแล้วสูดมันเข้าไปเสียเต็มปอด มันเป็นความคิดถึง คิดถึงเสียเหลือเกินกับสัมผัสแบบนี้ น้ำตาของผมไหลออกมาตอนที่ซบลงไปบนไหล่ของเค้า " ถ้ามันยากนักกับการมีชีวิตอยู่ที่ต้องกลัวแบบนี้ ฉันจะมาอยู่กับนายเอง ฉันจะไม่มีวันให้นายมีโอกาสรอดไปฆ่าตัวตายที่ไหนหรอก ฉันจะให้นายอยู่ข้างฉัน ให้นายทรมานเพราะฉันทำให้นายทรมาน ดีกว่าให้นายตายแล้วพ้นจากความทุกข์นี้ไปคนเดียว ความทุกข์ที่จะมีแค่ฉันที่ยังจมอยู่กับมัน ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะขอรับข้อเสนอของนายดีกว่า ข้อเสนอที่นายบอกว่า ให้เรากลับมารักกันแล้วนายจะทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ให้ฉันเห็นว่า นายรักฉันจริงๆ  เพราะฉันจะไม่ยอมให้นายตายไปจากฉันเด็ดขาด ไม่มีวันยอมให้นายพ้นจากความทุกข์นี้ไปคนเดียวหรอก ไม่มีวัน  '

“ หมายความยังไง " ผมเอ่ยถามเค้าที่ยังคงกอดผมไว้ " ที่บอกว่าจะกลับมารักกัน มาอยู่ด้วยกัน มันหมายความว่ายังไง "

“ อย่าคิดที่จะฆ่าตัวตายเลยนะ "

“ ไม่ต้องกลัวถึงฉันตาย ฉันก็ไม่หลอกนายหรอกน่า " พูดติดตลกออกไปแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ขำ

“ ไม่ตลก " ฟานพูดสั้นๆ ก่อนจะผละตัวเองมาจ้องหน้าผม " อย่าคิด หรือพูดว่าอยากจะตายอีก เข้าใจมั้ย "

“ รู้แล้วน่า ฉันก็พูดไป ไม่ได้คิดว่าจะฆ่าตัวตายจริงๆหรอก " ผมบอกเค้าก่อนจะยิ้มแล้วเบือนหน้าหนีไปทำอย่างอื่น ขาที่เดินเข้าไปในครัวกดน้ำจากตู้เย็นออกมาก่อนจะดื่ม

   ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิดหรอก แต่ว่าคิดมาตลอดตังหาก ตั้งแต่ตอนที่มีเรื่องโดนนินทาก็รู้สึกว่าถูกกดดันด้วยสายตาจากคนอื่นๆมาตลอด คำพูดเสียดสีพวกนั้น ผมเคยมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วรู้สึกว่า ถ้าดิ่งตัวเองลงมาจากดาดฟ้าสูงก็คงดี อยากจะให้คนที่คอยเอาแต่ด่าว่า รู้บ้างว่าตัวเค้ากำลังทำอะไรอยู่ รู้บ้างว่าการพูดถึงคนอื่นในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้จริงมันเป็นยังไง แล้วคำพูดพวกนั้นมันสร้างความเจ็บปวดมากแค่ไหน อยากจะให้รับรู้ความรู้สึกว่า เพราะคำพูดของตัวเองทำให้ใครคนนึงต้องจบชีวิตลง แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ตัดสินใจทำอะไรลงไป ทำได้แค่คิดเท่านั้น อาจเพราะตัวผมมีทั้งฟาน และมีลิปอยู่เป็นกำลังใจก็เลยไม่คิดว่าจะจบชีวิตลงเพื่อคนไร้ค่าพวกนั้น

   แต่ทุกอย่างที่ค่อยๆเปลี่ยนไปอีกครั้งตั้งแต่ครั้งงานสัมมนา ตอนที่โดนหัวหน้าทำร้าย ตอนที่โดยผู้ชายสองคนนั้นฉุดไปแล้วล่วงละเมิดทางเพศ ภาพทุกอย่างในวันนั้นยังคงหลอกหลอนแล้วอยู่ในสายตา ทุกอย่างที่ฝังลึกลงไปในความรู้สึก สัมผัสที่ยังคงแจ่มชัดในใจ มันยากเกินจะลืมเลือนไปในเวลาสั้นๆ

   บางทีก็ไม่กล้าที่จะลงลิฟต์คนเดียว ไม่กล้าขึ้นรถไฟที่มีผู้คนเบียดกันเยอะๆ กลัวการที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกคนเดียว แล้วตอนนี้ก็ต้องมากลัวกับคำพูดข่มขู่ของหัวหน้าที่ยังคงจำได้ดี ว่าเค้าต้องการอะไร ทุกอย่างที่ค่อยๆบีบบังคับให้อยากตายไปทีละนิด บีบบังคับให้ทางรอดสุดท้ายที่มีคือการตายจากไปเท่านั้น สำหรับผมตอนนี้ราวกับว่าโลกใบนี้มีแค่สีดำ มองไปทางไหนก็มืดไปหมด สว่างอยู่แค่ทางเดียว คือตายจากเรื่องนี้ไปซะ 

“ ไม่จริงหรอก นายคิดจะฆ่าตัวตายจริงๆใช่มั้ยละ " คำพูดของฟานที่ทำให้ผมหันไปมองเค้า ไม่มีคำตอบออกจากปากผมยกแก้วเปล่าขึ้น เพื่อเปลี่ยนคำถาม

“ นายอยากจะกินอะไรหน่อยมั้ย "

“ ตอบฉันสิ! " เค้าบอกก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินเข้ามาใกล้ผม สายตาคมที่จ้องมองมา " สัญญากับฉันก็ได้ ว่าจะไม่ฆ่าตัวตายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น " ผมเงียบเป็นคำตอบให้เค้า เป็นคำถามที่ผมไม่มั่นใจในคำตอบ เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็เลยไม่มั่นใจที่จะตอบ ถ้าเกิดว่าผมโดนหัวหน้าฉุดไปข่มขืนจริงๆก็คงอยากตายมากกว่าจะมีชีวิตอยู่ให้เค้าข่มขู่แล้วเป็นทาสกามของเค้า " สัญญากับฉันมาสิ " เค้าคว้ามือผมไปจับเขย่าและบีบรัดแน่น " ฉันบอกว่าให้ตอบออกมา ตอบฉันสิ ตอบ!”

“ ฟาน ฉันเจ็บนะ "

“ เจ็บก็ตอบออกมาสิ พูด! สัญญากับฉัน! ว่านายจะไม่ฆ่าตัวตาย นายจะอยู่ จะอยู่ให้ฉันเห็นหน้านายไปแบบนี้ หน้าของคนเลวๆที่นอกใจฉัน สัญญาสิ "

“ ฉันสัญญาไม่ได้หรอก ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับฉันบ้าง แต่ฉันสัญญานะ ว่าตอนนี้ฉันจะยังอยู่ ยังไม่ไปไหนหรอก ฉันไม่มีความคิดจะจบชีวิตตัวเองเพราะคำขู่ที่ยังไม่เกิดขึ้นหรอก ไม่ต้องกลัว " ผมบอกเค้าก่อนจะมองสายตาที่กำลังหลุบลงต่ำ " อย่ากลัวไปเลยฟาน คนเราเกิดมาก็ต้องตายทั้งนั้น จะช้าจะเร็ว ก็ต้องตายอยู่ดี  " เอื้อมมือขึ้นประคองหน้าของอีกคนไว้ " แต่ตอนนี้ฉันก็ยังไม่ไปไหนหรอก ยังอยู่ให้นายเกลียดขี้หน้าไปอีกนาน เป็นคนเลวๆที่เคยทำร้ายนายอยู่แบบนี้แหละ คราวนี้ก็สบายใจได้แล้ว ถ้านายคิดแล้วกังวลเรื่องนั้นละก็ ฉันไม่ทำแบบนั้นหรอก "

“ จริงนะ "

“ อื้ม จริงสิ แต่ก็แปลกดีเหมือนกันนะ ที่นายมาห้ามให้ฉันไม่ตายแบบนี้ ทั้งๆที่นายเองก็ฆ่าให้ฉันตายทั้งเป็นด้วยการให้ไอ้ผู้ชายสองคนนั้นมันมาทำร้ายฉัน นายที่เหมือนฆ่าให้ตายไปแล้ว กลับมาขอร้องว่าไม่อยากจะให้ตาย แปลกดีเหมือนกัน " ผมหลุดยิ้มออกมาก่อนจะหันไปบอกเค้า " คราวนี้ก็กลับบ้านไปได้แล้ว ถ้ากลับดึกกว่านี้ เดี๋ยวไม่มีรถแท็กซี่เข้าไปในซอยหอนะ "

“ ฉันขอโทษเรื่องนั้น ขอโทษเรื่องที่ไม่ดีกับนาย ขอโทษที่ทำร้ายนายขนาดนั้น ขอโทษ มันเป็นเพราะฉัน ฉันก็มีส่วนทำให้นายอยากจะฆ่าตัวตาย ฉันขอโทษ "

" ฟาน "

" แต่ฉันพูดจริงๆนะ เรื่องนั้นน่ะ " ฟานเงยหน้าขึ้นบอก " เรื่องที่บอกว่าจะกลับมาอยู่ที่นี่ เพื่อให้นายพิสูจน์เรื่องนั้น เรื่องที่นายเคยบอกว่า นายรักฉันจริงๆ แล้วอยากจะแก้ตัว อยากจะทำให้ฉันรู้ว่านายรักฉัน "

“ ฟาน พอเถอะนายไม่เชื่อคนอย่างฉันหรอก ถ้านายคิดจะเชื่อ นายเชื่อไปนานแล้วไม่ใช่จะพยายามมาเชื่อเพราะรู้สึกว่าฉันกำลังจะฆ่าตัวตาย ถามจริงๆนายจะเชื่อฉันได้เหรอ ตอนนี้นายคิดเรื่องของฉันเป็นแบบไหนกัน ถ้าเอาตามที่ฉันคิด ตอนนี้นายคงคิดว่า ตอนที่สัมมนาคราวนั้นฉันคงมีอะไรกับหัวหน้าแล้ว แล้วนายก็ปักใจเชื่ออย่างงั้นโดยไม่ฟังอะไร  นายยังคิด แล้วคิดอยู่ตลอดว่าฉันชอบเค้า ทั้งๆที่ฉัน บอกนายมาตลอดเหมือนกันว่าฉันไม่ได้ชอบเค้าแล้ว ถ้านายคิดว่าจะอยู่กับฉันที่นี่ เพื่อรั้งไว้ให้ฉันไม่ฆ่าตัวตายแล้วละก็ อย่าห่วงเลย ฉันไม่ฆ่าตัวตายหรอก ถ้าฉันจะฆ่าตัวตายละก็ คงมีเหตุผลอะไรที่หนักหนามากสักอย่างที่จะจบชีวิตลง แต่มันก็คงไม่เกี่ยวอะไรกับนาย "

“ ถ้าฉันไม่เปิดใจ นายก็ทำให้ฉันเปิดใจสิ ไหนบอกว่าอยากจะพิสูจน์ไง นี่ไงก็เสนอข้อเสนอให้พิสูจน์แล้วไง ทำไมไม่รับไว้ละ แค่รับไว้มันไม่ได้รึไง ยังจะต้องมีอะไรอีก "

“ ไม่มีอะไรที่ฉันต้องการแล้วฟาน ก็จริงอยู่ที่ฉันอยากจะให้นายให้โอกาสฉันแต่ฟานมันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ การเปิดใจรับฟังน่ะ มันต้องรู้สึกอยากจะเปิดใจไม่ใช่เอาเรื่องนี้มาอ้างแต่จริงๆไม่ได้เปิดใจจะรับฟังอะไร ถ้าไม่รู้สึกจะเปิดใจตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องหรอก มันเสียเวลา ต่างคนต่างอยู่กันดีกว่า ฉันรู้ดีว่าฉันเปลี่ยนใจนายไม่ได้หรอก นายที่มีอคติกับเรื่องของฉันขนาดนั้นน่ะ "

“ แต่..”

“ ตลอดมาฉันก็พยายามจะทำให้นายเชื่อ ฉันอธิบาย แต่มันก็บอกฉันอยู่ ว่าไม่ว่าจะยังไง ฉันก็เปลี่ยนความคิดนายไม่ได้ " ผมก้มหน้าลงก่อนจะหลุดยิ้ม " แต่มันก็ถูกแล้วที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ ฉันทำให้นายเสียใจมามาก ทั้งหลอกลวง นอกใจ แล้วก็อะไรๆอีกหลายอย่าง มันไม่คุ้มกับที่นายทุ่มเทให้เลย ฉันไม่อยากจะปฎิเสธหรอกข้อเสนอของนายน่ะ ฉันอยากจะให้นายมาอยู่กับฉัน มารักฉันเหมือนเดิมอยู่แล้วแต่มันก็ไม่ใช่การเสียดายฟานคนเก่าที่แสนดีอะไรนั่นอย่างที่นายคิดหรอก ฉันแค่อยากจะให้เราได้คบกันในแบบที่ ทั้งฉันและนายเรารักกันไม่ใช่ความรู้สึกของฉันแบบเมื่อก่อน ไม่ใช่ความรู้สึกที่ก็รักแต่ไม่แสดงออกแบบนั้น แต่ตอนนี้สิ่งที่ฉันคิดอยู่ มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย ฉัน..”

“ แล้วทำไมทีแรกถึงคิดว่าทำได้  แต่ตอนนี้ทำไมถึงคิดว่าทำไม่ได้ " อีกคนเถียงออกมา " ฉันให้โอกาสแล้ว รีบรับไว้สิ อยากจะได้ไม่ใช่เหรอ นายไม่ได้รักฉันจริงๆอย่างที่พูดรึเปล่า ทำไมตอนนั้นถึงพูดออกมาได้ว่าจะพิสูจน์ แล้วตอนนี้ทำไมถึงเงียบไป นายเคยร้องไห้จะเป็นจะตายขอร้องฉัน บอกว่าจะทำ จะทำให้ได้ จะพยายาม ไม่เป็นคนเดิมก็ได้ แต่ขอให้ได้อยู่ใกล้ๆ นายจะทำให้ฉันรู้ว่า นายรักฉัน แล้วตอนนี้ เป็นอะไรถึงไม่มั่นใจขึ้นมา ความมั่นใจมันหายไปไหนหมด เพราะไม่ได้รักฉันจริงๆใช่มั้ย  ตอนนั้นเพิ่งเลิกอยู่ไม่ได้เลยพูดรั้งออกไป แต่ตอนนี้ผ่านมาสักระยะแล้วทำใจได้แล้วก็เลยไม่ได้แคร์คำพูดพวกนั้นที่พูดออกไปถูกต้องมั้ย พอหมดความรู้สึกตอนนั้น มันก็จบกันแล้วใช่รึเปล่า "

" ไม่ใช่หรอก " ผมไม่รู้จะอธิบายคนที่กำลังคิดอะไรแต่ในแง่ลบให้เข้าใจยังไง อยากจะบอกว่าตอนนี้มันไม่ใช่ความรู้สึกที่เค้าจะเปิดใจเพื่อให้ผมพิสูจน์อย่างที่ผมอยากได้ อย่างที่ผมอยากจะแสดงให้เค้าเห็น  สำหรับผมไม่ต้องให้อภัยกันทั้งหมดก็ได้ ไม่ต้องเปิดใจทั้งหมด ขอแค่สักนิดจากความรู้สึกติดลบพวกนั้น ขอให้ผมได้ทำ ได้ทำอย่างที่อยากจะทำ ผมรักเค้า อยากจะทำให้เค้ารู้ แต่การเติมน้ำที่เต็มแก้วด้วยความรู้สึกติดลบแบบที่เป็นตอนนี้ เติมเท่าไหร่ก็คงเท่านั้น ล้นออกมาอยู่ดี คล้ายกับการวิ่งบนลู่วิ่งเท่าไหร่ก็ไม่ถึงเส้นชัยหรอก นอกจากปิดเครื่องวิ่งหลังจากยอมรับกับมันว่า เราเหนื่อยแล้ว ก็เท่านั้น

   ฟานไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เค้าแค่อยากจะมาอยู่เฝ้าผม ไม่ให้ผมทำอะไรอย่างที่เค้ากลัวนั่นก็คือการฆ่าตัวตาย แต่จะให้อยู่ๆ เค้าดื้อดึงเข้ามาเองก็ดูแปลก เค้าเลยหาเหตุผล เหตุผลที่ดูไม่เข้ากันสำหรับคนที่พูดมาตลอดว่าเกลียดกัน ไม่อยากจะเห็นหน้า คนที่เคยเอานำแข็งสาดหน้า ไล่เหมือนหมูเหมือนหมา แถมยังเกลียดถึงขั้นสั่งให้คนมาทำลายชีวิตทั้งชีวิต

“ ฉันยอมรับ...  ฉันไม่อยากให้นายตาย ฉันกลัวว่านายจะตาย “ เค้าพูดออกมาตอนที่ถอนหายใจราวกับจะยอมรับความรู้สึกทั้งหมดของตัวเองในตอนนี้ “ ตอนที่นายบอกว่าจะถอย จะไม่มายุ่งกับฉัน ตอนนั้นฉันคิดอยู่สองอย่าง คือ ง่ายเกินไป กับ ก็ดีแล้ว ง่ายเกินไปคือฉันคิดว่า แม่งจะได้รับผลกรรมที่มันทำให้กูเจ็บแค่นี้เหรอวะ กูอยากจะให้มึงรักใครมากๆแล้วเค้าทำให้มึงเจ็บด้วยการนอกใจแบบที่มึงทำกับกู อยากจะให้มึงร้องไห้ ทรมาน จะเป็นจะตายเหมือนกูสักที อยากให้มึงรู้ว่ามันเจ็บแค่ไหน แต่อีกใจกูก็คิดว่า ว่าพอแล้ว ต่อไปนี้มึงคงใช้ชีวิตเหมือนคนปกติไม่ได้ ต้องคิดระวังตัวเองตลอดเวลา กลัวคนรอบข้าง แล้วรักใครไม่ได้อีก นั่นก็พอแล้ว กูเองก็ควรหยุดได้แล้ว เพราะยังไงก็อยากจะเลิกยุ่งกับมึง.. แต่สุดท้ายกูก็พาตัวเองมาดูมึงว่ามึงเป็นยังไงบ้าง " เค้าเงยหน้ามองผมในตอนนั้นเค้าหลบตาราวกับกำลังโกหกความรู้สึกตัวเองอีกแล้ว

 " มึงจะกลัวคนอื่นจริงๆอย่างที่กูรู้สึกว่าต้องเป็นรึเปล่า มึงได้รับผลกรรมของตัวเองมั้ย แล้วสุดท้ายก็เป็นแบบนั้น มึงกลัวทุกอย่างแม้กระทั้งคนเดินตามหลัง พอเรามาคุยกันเมื่อกี้ มึงเล่าเรื่องรุ่นน้องที่ทำงาน ในตามึงตอนที่เล่าเหมือนบอกกูว่า ถ้าเป็นมึง มึงคงฆ่าตัวตาย แล้วมันทำให้กูรู้สึกว่า มึงคงทำจริงๆถ้ามันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น " ฟานยกยิ้มขึ้นมา" แต่การตายมันคือสิ่งที่กูไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้น มันง่ายไปที่มึงจะเป็นแบบนั้น มึงที่จะไปสบาย ไม่ต้องเจ็บปวด ไม่ต้องทรมาน มันง่ายไปวะ ไม่สมกับที่มึงทำกับกูเลย กูที่ยังอยู่ ต้องเจ็บปวดแล้วคิดถึงแต่เรื่องที่มึงทำ เริ่มต้นใหม่ก็ไว้ใจใครไม่ได้กลัวเป็นแบบมึง ระแวงไปหมด แม่งโคตรไม่แฟร์เลยมึงว่ามั้ยละ  มึงไปตายแล้วเกิดใหม่ ส่วนกูยังวนเวียนอยู่กับทุกข์ที่มึงทำ โดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะจบเหมือนคนตกนรกทั้งเป็น และคนที่สมควรตกนรกทั้งเป็นคือมึงมากกว่า ไม่ใช่กู "

" ตอนนี้นายรู้สึกยังไงกับฉันเหรอ " มันเป็นคำถามที่ผมอยากจะรู้ " รู้มั้ยบางทีคำพูดที่นายพูดมาทั้งหมดก็เหมือนกำลังประชดกัน พูดให้ดูรุนแรง ให้เจ็บ บางทีนายดูเหมือนเกลียดฉันมากจนอยากจะให้ตายแบบทรมานด้วยซ้ำ แต่บางทีก็ดูเป็นห่วง มันทำให้ฉันสับสนว่าตกลง นายรู้สึกยังไงกันแน่  คำพูดของนายที่พูดออกมาแบบนั้น นายรู้สึกยังไงกับฉันกันแน่ "

" ฉันน่ะเหรอ " เค้าทวนถาม

“ ช่วยบอกความรู้สึกจริงๆกับฉันแบบไม่ต้องประชดประชัน แบบที่ใจตัวเองรู้สึก ไม่ต้องดัดคำพูดให้ดูรุนแรงแค่เพราะอยากจะให้ฉันเจ็บ แต่ช่วยพูดออกมาจากใจจริงๆ ใจที่นายรู้สึกสักครั้งจะได้มั้ย ฉันอยากรู้ " เค้าเงียบไปตอนที่ผมถามก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าแล้วตอบผม

“ ทั้งเกลียดแล้วก็รัก  กูเกลียดขี้หน้ามึงอยากจะให้ตายไปพ้นๆ เกลียดทุกอย่างที่มันเคยเกิดขึ้นกับกู แต่อีกใจกูก็ไม่อยากให้มึงไปไหน อยากจะให้มึงอยู่ ถึงจะเกลียดแค่ไหนก็ยังอยากจะให้มีชีวิตอยู่ มึงรู้มั้ยกูเกลียดตัวเองนะ ที่ทำร้ายมึง ที่ทำให้มึงเจ็บ กูเกลียดจนกูไม่อยากจะมองหน้าตัวเอง ว่ากูทำเรื่องเลวๆแบบนั้นไปได้ไง แล้วบางทีกูนึกเชื่อคำพูดของมึงที่มึงอธิบายออกมา แต่บางทีก็มีอีกใจที่ขัดขึ้นว่า คนตอแหลแบบนี้เชื่อเหี้ยอะไรไม่ได้ทั้งนั้น กูเองก็น่าจะรู้อยู่เพราะถูกหลอกมาหลายครั้งแล้วก็น่าจะจำสักที  ทุกอย่างแม่งสับสนไปหมด อยากให้มึงตายไปแท้ๆ แต่ทำไมพอบอกว่าเคยคิดว่าจะฆ่าตัวตาย มือกูมันกลับดึงมึงมากอดไว้ ไม่อยากจะตายไปไหน ไม่อยากจะให้จากกันไปไหน กูแม่ง โคตรโง่เลย ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ ทำไมต้องช่วยกูน่าจะดีใจไม่ใช่เหรอ ที่มึงจะโดนไอ้หัวหน้านั่นทำร้าย มึงที่เคยทำร้ายกู มึงต้องเจ็บสิ เจ็บอย่างที่กูเจ็บ ทรมานอย่างที่กูทรมาน มึงอยากจะได้ไอ้เหี้ยนั่นนิ นั่นไง ของที่อยากได้ เป็นไงละไอ้สัด มันเป็นอย่างที่มึงอยากได้เลยสินะ ชอบความรุนแรง นิสัยเลว อย่างที่มึงคิดไว้เลยสินะ ไอ้ผู้ชายแก่ๆที่อบอุ่นคนนั้นนะ กูน่ะ น่าจะปล่อยให้มึงไปตกนรกกับมันด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ สุดท้ายกูก็ต้องเป็นคนที่ดึงมึงขึ้นมา  สุดท้ายก็ยังเป็นมึงอยู่ดี มันเหี้ยมากๆที่กูยังคิดอยู่แบบนี้ เหี้ยมากจริงๆ "

“ ฟาน " ผมเรียกเค้า " แล้วถ้าฉันตอบตกลงฉันจะเจ็บปวดอีกรึเปล่า "

“ ไม่รู้สิ " เค้าบอก " แต่เคยบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าไม่ว่าจะเป็นยังไง ก็อยากจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น "

“ ก็ใช่ ฉันเคยบอก "

“ ฉันจะให้นายพิสูจน์ ทำให้ได้ก็แล้วกัน ทำให้ฉันกลับมารักนายเหมือนเดิม ฉันที่ตอนนี้กลายเป็นคนที่ทั้งรักแล้วก็เกลียดนาย "

............................................................

“ นายว่าอะไรนะคีย์ วันนี้ฉันไม่ต้องไปรับงั้นเหรอ แล้วนั่นจะมากับใคร " คำพูดของลิปที่กรอกเสียงผ่านสายมาในช่วงเช้า ผมผ่อนลมหายใจออกมาเผลอเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นเพราะไม่กล้าบอกอีกคนเท่าไหร่ ถ้าลิปรู้ว่าเช้านี้ฟานจะไปส่งผมแล้วต่อจากนี้หน้าที่ไปรับไปส่งผมจะเป็นหน้าที่ของเค้าไปตลอด

   เมื่อคืนเค้าก็นอนที่คอนโดของผม แม้จะนอนอยู่ที่หน้าห้องตรงโซฟาในห้องนั่งเล่น ไม่ได้เข้ามานอนในห้องหรอก แต่นั่นก็ดี เพราะระหว่างเราเป็นอะไรที่ทั้งอึดอัดและเขม่นกันอยู่ตลอดเวลา การพูดคุยด้วยเรื่องธรรมดาก็กระอักกระอ่วนจนยากที่จะพูดออกมา กลายเป็นว่าคนนึงว่าไงอีกคนก็แค่ยอมรับแล้วว่าไปตามนั้น เรื่องที่เค้าจะไปส่งผมก็เช่นกัน
 
“ คือ..ฟานน่ะ "

“ อะไรนะ !!! " คิดแล้วไม่มีผิดว่าต้องได้ยินเค้าพูดแบบนี้ " นี่นาย..”

“ ลิปคือค่อยคุยกันได้มั้ย ฉันจะอธิบายนายเมื่อไปถึงที่ทำงานเลยนะ แต่ตอนนี้ฉันพูดลำบากน่ะ " ผมบอกเค้าเสียงเบาๆเพราะดูเหมือนว่าคนที่ถูกพาดพิงจะมองมาไม่วางตา

“ อื้ม งั้นเจอกันแล้วกัน " ถอนหายใจโล่งออกมาตอนที่ได้รับเสียงตอบกลับแบบนั้น ผมกดวางสายเก็บของเข้ากระเป๋าตัวเองก่อนจะเดินไปที่ห้องครัว ชงกาแฟแบบที่กินทุกวัน ก่อนจะหันมองอีกคนที่ก็นั่งกินขนมปังแผ่นกับนมอยู่ที่โต๊ะ ข่าวในทีวีที่กำลังดังอยู่ผมหย่นตัวลงนั่งตรงข้ามถุงขนมปังก็ถูกโยนมาให้

“ กินสิ จะได้ออกไปสักที "

“ อื้ม " หยิบขนมปังแผ่นขึ้นมากิน กินกาแฟจนหมดแล้วจัดการล้างแก้วเรียบร้อยสะพายกระเป๋าขึ้นบ่า " ไปกันเถอะ เดี๋ยวสาย "

“ อื้ม " ฟานตอบรับสั้นๆ เค้าลุกจากเก้าอี้ปิดทีวีเรียบร้อย ก่อนจะเดินนำผมออกไปข้างนอกห้อง 

   บรรยากาศเกร็งๆรอบตัวระหว่างที่เรากำลังเดินทาง ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความเงียบไม่มีการพูดจาอะไรจนมาถึงสถานี ระหว่างที่ยืนรอรถไฟ ผมเหลือบมองเค้าที่ก็เอาแต่เล่นโทรศัพท์ นิ้วที่กำลังจิ้มไปบนเครื่องด้วยความถนัด

“ มองอะไร " เสียงทุ้มที่เอ่ยถามผมก็ส่ายหน้า

“ ก็เปล่า "

“ ก็เห็นอยู่ว่ามอง จะเสือกเรื่องฉันรึไง ถ้าไม่มีอะไรมองก็เอามือถือตัวเองมาเล่นสิ "  ก็แบบนี้ทุกที ผมถอนหายใจออกมาตอนที่ได้ฟังเค้าพูด ได้คุยกันทีไรมีอันต้องเสียอารมณ์กันทุกที ปากคอเราะร้ายไม่รู้ว่าเพราะมันเป็นอยู่แล้วแต่อาการเพิ่งออกมา หรือว่าเพิ่งมาหัดเป็นตอนนี้ก็เพราะอยากจะพูดจาแรงๆใส่ผม

“ เออนี่ ฟานฉันมีอะไรจะให้ อะ " ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าทำงานผมหยิบพวงกุญแจเอลโม่สีแดงที่แขวนกุญแจห้องและคีย์การ์ดไว้ในนั้น

“ ให้ฉันทำไม "

“ ก็ต่อไปนายจะเข้ามาอยู่ที่คอนโดฉัน เผื่อวันไหนนายมีเรียนกลับก่อนจะได้เข้าไปพักผ่อนเลย "

“ ไม่ต้องใช้หรอก ยังไงฉันก็ต้องไปรับนายที่ทำงานก่อนอยู่แล้ว หรือว่านายอยากจะไอ้หัวหน้านั่นมาดักข่มขืนกัน "

“ เผื่อว่าวันไหน นายไม่มีเรียนแล้วจะเข้าออกห้อง ถ้ามีมันก็จะได้ไม่ลำบากไง " ผมเบี่ยงประเด็นไม่อยากจะเถียงกับเค้าด้วยเรื่องไร้สาระแบบนั้น  ไม่อยากจะทะเลาะด้วย

“ งั้นก็ค่อยใช้วันนั้นก็แล้วกัน เพราะว่ายังไงซะ ฉันต้องมารับมาส่งนายทุกวันอยู่แล้ว "

“ นี่นายคิดจะมาส่งฉันทุกวันจริงๆนะเหรอ " ผมถามอีกคนที่ก็เงยหน้าขึ้นจากมือถือแล้วหันมามองหน้าผม

" ถ้ามึงโดนฉุดไปปล้ำ มึงคงฆ่าตัวตายอะ แล้วแผนกูก็ล้มไม่เป็นท่าพอดี แบบนั้นต้องดูแลมึงให้ดีหน่อยละนะ "

“ แผน ? แผนอะไร "
“ บอกไปมันจะใช่แผนมั้ยละ " เค้าบอกก่อนจะเชิดหน้าไปที่รถไฟที่เคลื่อนขบวนเข้ามาพอดี " รถไฟมาแล้ว "

“ ฉันแค่ถามเพราะจะได้เตรียมรับมือก็เท่านั้น "

“ รู้อะไรมั้ย วันที่กูรู้ว่ามึงนอกใจกูมันก็เป็นธรรมดาๆแบบนี้แหละ กูไปทำงานพิเศษที่ร้านน้ำด้วยรถไฟ เล่นเกมส์ตอนเช้าฆ่าเวลา ทุกอย่างก็ปกติ ไม่มีอะไรเป็นลางบอกเหตุมาก่อนเลยว่า เย็นวันนั้นคือวันที่จะต้องเสียใจ ไม่มีใครมาบอกเลยว่า วันนั้นจะเป็นวันที่กูต้องรู้ว่า แฟนที่กูรักมากนอกใจกู " ผมเงียบตอนที่เค้าพูดออกมาแบบนั้น ร่างสูงคนข้างๆหันมามองผมก่อนจะยกยิ้ม " แล้วทำไมวันนี้กูต้องบอกให้มึงเตรียมใจด้วยละ "

“ นั่นนะสินะ " ผมตอบเค้าออกไปแค่นั้น รู้สึกขำตัวเองเหมือนกันที่ถามเค้าออกไปแบบนั้น อยากจะเตรียมใจไว้ก่อน เตรียมใจอะไรกันตอนที่ทำร้ายเค้าก็ไม่เคยเห็นว่าผมจะไปบอกให้เค้าเตรียมใจเลยสักครั้ง แต่กลับทำออกไปหน้าด้านๆแบบที่ไม่เคยคิดว่าตัวเค้าจะรู้สึกเสียใจ และถึงแม้บางทีก็รู้อยู่ว่าเสียใจ แต่ก็ทำลงไปโดยที่ไม่ใส่ใจด้วยซ้ำ

   รถไฟจอดที่สถานทีของที่ทำงานของผม เราเดินลงจากสถานีพร้อมกัน ทั้งๆที่ก็บอกแล้วว่าให้เค้าไปเรียนได้เลย ' คนเยอะแยะแบบนี้ไม่มีใครกล้าจะทำอะไรหรอก ' แต่เค้าก็ไม่ยอมยังคงดึงดันจะมาส่งผมให้ถึงมือของลิปอยู่ดี

“ นั่นไงลิป " ผมชี้ไปที่เพื่อนตัวเล็กที่กำลังยืนรออยู่หน้าบริษัท  " ลิป " เดินเข้าไปทักอีกคนก็พยักหน้ารับก่อนจะเหลือบมองคนข้างๆผมด้วยสายตารังเกียจ

“ สวัสดีครับคุณลิป "

“ สวัสดี " อีกคนตอบแบบขอไปทีก่อนจะหันไปมองทางอื่นไม่สนใจ ฟานก็หลุดหัวเราะ " หัวเราะอะไร "

“ ก็หัวเราะคุณลิปนั่นแหละ เป็นอะไรครับ เกลียดขี้หน้าผมเหรอ "

“ ใช่ "

“ เกลียดเพราะผมทำให้เพื่อนคุณต้องเจ็บสินะ " อีกคนไม่ตอบอะไร เหตุผลอะไรเราทั้งหมดก็รู้มันดีอยู่แล้ว " งั้นก็ช่วยเกลียดเพื่อนคุณที่ทำให้ผมเจ็บบ้างสิ "

“ ฉันไม่ชอบใจที่คีย์ทำให้นายต้องเสียใจอยู่แล้ว แต่ที่นายทำมันเกินที่ฉันจะรับไหวในฐานมนุษย์คนนึงด้วยซ้ำ "

“ งั้นคุณก็ช่วยดูแลเพื่อนคุณให้ดีในระหว่างทำงานด้วยก็แล้วกัน อย่าให้คาดสายตาไปไหนเลยละ เพราะมันมีเศษมนุษย์กำลังคิดจะคอยดักปล้ำเพื่อนคุณอยู่ "

“ ฟาน " ผมพูดขัดอีกคนที่กำลังพูดทุกอย่างออกมา

“ แล้วเมื่อวานเพื่อนคุณเค้าก็บอกผมด้วย เค้าจะฆ่าตัวตาย "

“ ฟานพอเถอะน่า ฉันก็บอกแล้วว่าแค่เคยคิด นายเองก็เอาไปยึดติดว่าฉันจะทำอยู่นั่นแหละ " ผมเถียงอีกคนก่อนจะหันไปมองลิปที่็มองผมอยู่ " นายอย่าไปคิดมากตามที่ฟานพูดเลยลิป "

“ ฝากดูแลเค้าด้วยนะ อย่าให้ไปฆ่าตัวตายที่ไหนละ ตอนเย็นผมจะมารับเอง "

“ อื้ม " ลิปพยักหน้ารับอีกคนที่เดินออกไปห่างจากตัวเรา ผมถอนหายใจออกมาตอนที่คนข้างๆหันมองผม " คีย์ "

“ อย่าฟังที่ฟานพูดมากนักเลยลิป " ผมบอกเค้าแต่อีกคนก็ยังคงส่งสายตาที่ไม่เชื่อมาให้ " คือเมื่อวานเค้าช่วยฉันจากหัวหน้าไว้น่ะ "

“ หัวหน้าไปหานายที่คอนโดอย่างงั้นเหรอ "

“ อื้ม ไปดักอยู่ที่ลานจอดรถของคอนโด แต่โชคดีที่ฟานเค้าเข้ามาช่วยไว้นะ "

“ แล้วทำไมหมอนั่นมันถึงกลัวว่านายจะฆ่าตัวตาย "

“ เพราะว่าเราคุยกันน่ะ คือเรื่องมันเป็นแบบนี้นะ " ผมเริ่มเล่าลิปในระหว่างที่เราเดินเข้าตึกไปเรื่อยๆทั้งเรื่องที่ตอนเจอหัวหน้าแล้วก็เรื่องตอนที่ผมคุยกับฟาน  เรื่องที่เค้ากลับมาอยู่กับผม

“ ชีวิตนายนี่มัน " ลิปถอนหายใจออกมาราวกับคนที่ไม่รู้จะพูดอะไร " ฉันไม่รู้จะพูดอะไรวะ หัวหน้าที่ทำแบบนั้นมันก็ดีแล้วที่ฟานจะคอยอยู่เฝ้าดูนาย ฉันก็หมดห่วงนะ เพราะคนอย่างหมอนั่นมันคงไม่ปล่อยให้นายเป็นอันตรายหรอก แต่ถ้าจะเป็น ก็เป็นเพราะหมอนั่นแหละที่ทำให้มันเป็น แต่คีย์ ฉันถามจริงๆเถอะ คิดดีแล้วเหรอ ที่จะให้เค้ากลับมาทั้งๆที่นายเองก็รู้ดีว่า ตัดใจไปตั้งแต่ตอนนี้มันก็คงดีกว่า ดีกว่าที่จะเค้ากลับมาแล้วทำให้นายเสียใจ "

“ มันมีคนสองประเภทนะลิป คนประเภทแรกคือ กลัวที่จะเจ็บกับความรักแล้วไม่ลงมือทำอะไรเลย ปล่อยทุกอย่างทิ้งไป คนพวกนี้จะไม่เจ็บปวดอีกก็จริง แต่ถ้าสุดท้ายถ้าเรากลับมารักกันได้ คนแบบนี้จะไม่ได้กลับไปเพราะไม่กล้าจะทำมันตั้งแต่ทีแรก ส่วนอีกประเภท คือเจ็บแล้วไม่จำยังกล้าลองดี ข้อดีคือถ้าเค้าเจ็บจนสุดท้ายได้รักกันมันก็ดีไป สมที่อดทน แต่ถ้าสุดท้ายไม่ว่าทำยังไงก็ไม่มีทางรักได้ เราก็กลายเป็นคนเจ็บฟรีๆ เป็นเหมือนคนโง่คนนึง "

" นายจะบอกว่า นายเป็นคนประเภทหลังงั้นสินะ "

" มันก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยไม่ใช่เหรอ เพราะฉันได้ฟานมาง่ายเกินไปมั้งลิป ตอนนี้พออยากจะได้เค้ากลับมา อะไรๆมันก็ดูยากไปหมด "

" ถ้านายพูดแบบนั้น ฉันว่าฟานเค้าก็ได้นายไปง่ายๆเหมือนกันนะ " เค้าถอนหายใจ " เอาจริงๆก็ง่ายทั้งคู่นั้นแหละ นายนี่โง่จัง "

“ ฉันก็เป็นคนโง่มาตลอดนั่นแหละ " ผมก้มหน้ารับคำพูดของอีกคน

“ แล้วถามจริงๆเถอะ ว่าให้อภัยเค้าได้เหรอ เรื่องที่เค้าทำกับนายน่ะ นั่นแย่มากเลยนะ “

“ ในตอนที่เราอยู่ด้วยกัน ตราบใดที่ฉันยังคิดถึงเรื่องพวกนั้นอยู่ ฉันไม่คิดว่าเค้าจะได้รับการให้อภัยจากฉันหรอก เพราะเค้ายังคงต้องทรมานจากสิ่งที่เค้าทำกับฉันไปอีกนาน เป็นความทรมานที่อยู่ในใจของเค้า มันจะทำให้เค้าเจ็บเอง ทรมานเอง โดยที่ฉันไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ แล้วนั่นก็คงพอแล้ว ฉันก็ทรมาน เค้าก็ทรมาน ฉันไม่คิดว่ามันจะไม่แฟร์หรอกนะ  "

“ คีย์ "

“ คิดซะว่า ว่ามันเป็นบทพิสูจน์ของฉันต่อจากนี้ก็แล้วกัน ดูโง่ แล้วก็บ้า แต่นี่แหละ ความรัก "

" รู้อะไรมั้ย นายเหมือนคนกำลังเตรียมใจที่จะเจ็บปวดเลย "

" คิดซะว่า ทุกวันนี้ก็ไม่ได้มีความสุขอยู่แล้ว จะไปแคร์อะไรละ จริงมั้ย " ความรักของผมมันก็มีเท่านี้ ไม่หยุด ก็เดินหน้าต่อไป แต่สำหรับผม ผมขอเดินต่อไปดีกว่า เดินหน้าต่อไปเพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่ได้มาง่ายเกินไปอย่างเราทั้งคู่ มันจะเป็นยังไงเมื่อถึงตอนจบ ดีกว่าปล่อยทุกอย่างทิ้งไปตอนนี้ โดยที่ไม่คิดแก้ไขอะไร แล้วยอมรับกับคำพูดของใครๆที่พูดว่า เพราะเรารักมันง่ายเกินไป ทุกอย่างเลยเป็นแบบนี้

.......................................................

มัวนั่งแก้ เลยลงไปสักหน่อย  :katai4: :katai4: :katai4:
คิดเห็นยังไงกับตอนนี้ 
ฝากเม้นท์ ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะคะ
ในเฟสก็เช่นกัน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ จ้า  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 57 ' ทั้งเกลียดทั้งรัก ' UP - 16.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: toeyy ที่ 16-12-2016 21:21:05
พอแล้วฟานนนนน
ไม่ต้องมีผงมีแผนอะไรแล้ว  รักกันดีๆเถอะ
อ่านแล้วเจ็บแทน  ฮืออออ :o12:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 57 ' ทั้งเกลียดทั้งรัก ' UP - 16.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 16-12-2016 21:45:04
เอาตรงๆนะ ผิดหวังคีย์มาก. ฟานให้คนมาแกล้งข่มขืนจนเกือบบ้า นอกจากไม่โกรธยังโง่งมงายรักมันอยู่อีก ที่สำคัญมันบอกว่ามีแผนคีย์ยังจะทนคบ ต่อ

ฟานทำร้ายคีย์มากกว่าที่คีย์ทำร้ายฟานอีกนะ นอกจากฟานไม่สำนึกยังมีแผนทำร้ายคีย์อีก สรุปนิยายเรื่องนี้มันแปลกไปไหม
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 57 ' ทั้งเกลียดทั้งรัก ' UP - 16.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 16-12-2016 22:19:53
ทำไมรู้สึกว่าที่ผ่านมามันแค่แผ่นดินหว ที่กำลังจะตามมาคือซึนามิลูกใหญ่   โอ้ยยยย....ลุ้น
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 57 ' ทั้งเกลียดทั้งรัก ' UP - 16.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 16-12-2016 22:40:48
ฟานนนนนนนนนนน แผนอะไรแะ แหนะๆๆๆๆๆ
แผนแกล้งคีย์อะเดะ

แต่ความรักก้แค่นั้นอะนะคีย์ ยอมเสี่ยงไม๊
เสี่ยงก้รู้ว่า 50/50 แต่ก้ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
อาจจะจริงอย่างที่นางบอกตอนจบ ว่ามันแย่อยู่แล้ว มันคงไม่แย่ไปกว่านี้
มีฟาน อย่างน้อยก้กันหัวหน้าได้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 57 ' ทั้งเกลียดทั้งรัก ' UP - 16.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-12-2016 22:47:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 57 ' ทั้งเกลียดทั้งรัก ' UP - 16.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 16-12-2016 22:57:52
 :m31: :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 57 ' ทั้งเกลียดทั้งรัก ' UP - 16.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 16-12-2016 22:58:00
ตอนนี้เหมือนกับวิธีการสอนให้เรารักเป็น รู้จักว่าถ้ารักมันจะต้องเจอกับอะไร จะทุกข์หรือสุขมันอยู่ที่ตรงไหน ต้องทำยังไงเมื่อเจอเหตุการณ์ที่เลวร้ายในชีวิต มันจะแย่หรือดีเราก็ยังคงต้องเดินต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 57 ' ทั้งเกลียดทั้งรัก ' UP - 16.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 16-12-2016 23:14:32
รออออออ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 57 ' ทั้งเกลียดทั้งรัก ' UP - 16.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: Abella ที่ 16-12-2016 23:23:13
เฮ้อ ยังไงจ๊ะ แล้วไงต่อน่าลุ้นจัง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 57 ' ทั้งเกลียดทั้งรัก ' UP - 16.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 16-12-2016 23:24:30
ดูบ้าดีนะทั้งคีย์ทั้งฟาน สรุปแล้วเรื่องนี้ตัวละครนิยมมาโซใช่ม่ะเนี่ย!!!!!
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 57 ' ทั้งเกลียดทั้งรัก ' UP - 16.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-12-2016 23:58:34
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 57 ' ทั้งเกลียดทั้งรัก ' UP - 16.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 17-12-2016 13:37:54
 :katai1: ฟานเอ้ย รักคีย์แต่ก็ยีงไม่ละความโกธร สับสนในตัวเองแล้วไปกดดันคีย์ จะดีขึ้นมั้ยนี่
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 57 ' ทั้งเกลียดทั้งรัก ' UP - 16.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 17-12-2016 14:50:26
มันรู้สึกเหมือน ไม่มีใครยอมใคร ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 57 ' ทั้งเกลียดทั้งรัก ' UP - 16.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 17-12-2016 22:28:05
ฟานจะหลอกให้คีย์รักอีกรอบแล้วก็จะทิ้งและนอกใจ
เพื่อแก้แค้น
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 57 ' ทั้งเกลียดทั้งรัก ' UP - 16.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 18-12-2016 02:43:56
บีบจิตใจเรามาก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 18-12-2016 20:52:54
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 58
' ชีวิตที่ถูกทำลาย '

“ เอาน่าๆ อย่าคิดมาก ไปทำงานกันดีกว่า ทำงานหาเงินยังไงก็เป็นสิ่งที่แน่นอนที่สุดแล้ว เพราะไม่มีผัวก็ยังมีเงิน นะ! " ลิปตบไหล่ของผมเบาๆคำพูดเล่นๆเชิงปลอบพวกนั้นทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา   " ชีวิตของนาย นายต้องเลือกเองนั่นมันก็ถูกแล้ว แต่ไม่ว่านายจะเลือกทางไหนฉันก็ยืนอยู่ข้างนายอยู่แล้วไม่ต้องห่วง ยังไงเราก็เพื่อนกัน "

“ ขอบคุณนะ " หันไปยิ้มให้คนข้างๆ มันก็จริงอย่างที่อีกคนบอก ' ฉันก็ยืนอยู่ข้างนายอยู่แล้วไม่ต้องห่วง ' เค้าที่เตือนผมตอนที่ผมเดินทางผิด แล้วให้กำลังใจในสิ่งที่ตัดสินใจทำอะไรลงไปสักอย่างเสมอ อยู่ข้างกันเสมออย่างที่บอกจริงๆ " ฉันว่า ฉันโชคดีที่มีนายเป็นเพื่อน "

" เขินน้าาา ไม่เอา ไม่พูดแบบนี้เค้าเขิน " มือบางยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองก่อนจะฉีกนิ้วมองผม ผ่านซอกฝ่ามือนั้น " พูดซึ้งๆแบบนี้เดี๋ยวเค้าก็หาว่าเรามีใจให้กันนะ "

" ไม่เอาอะ เดี๋ยวคุณเมษจะฆ่าฉันเอา แล้วเป็นยังไงบ้างละ เค้าสบายดีขึ้นยัง "

" จะสบายดีขึ้นยังไง ไม่ได้ ไม่สบายเลยตังหาก เค้าก็แค่ไข้การเมืองอะ " ลิปบอกผมก็ขมวดคิ้ว " แค่อาการของคนโรคจิตที่คิดว่าแฟนตัวเองใส่ใจเพื่อนมากเกินไปแล้ว ก็เลยมีไข้การเมืองนิดหน่อย พอฉันโวยวาย เค้าก็พูดว่า เพราะแบบนี้เลยต้องโกหกฉันถึงจะเห็นความสำคัญของเค้า พวกคนแก่ขี้น้อยใจอะนะ "

" ฉันทำให้ นายกับคุณเมษทะเลาะกันรึเปล่าวะ "

" ไม่หรอก เพราะฉันกับไอ้แก่นั่นทะเลาะกันไม่นานหรอก สุดท้ายมันก็จบแบบเดิมทุกที วิธีเดิมๆที่ฉันแพ้เค้าตลอดนั่นแหละ "

“ วิธีอะไร " ผมถามอีกคนที่หันไปทางอื่น แก้มลิปแดงนิดหน่อย

“ ก็แค่ หอมแก้ม แล้วก็กอดฉันไว้จากด้านหลัง ลูบไล้กันนิดหน่อย พูดจาง้อกันดีๆ สุดท้ายก็จบลงที่เตียง " เค้าว่าก่อนจะถอนหายใจ " ฉันน่ะ มันพวกแพ้ทางแบบนี้กับไอ้แก่นั่นด้วยนะสิ ก็เลยโกรธไม่ลงทุกที "

“ ที่โกรธไม่ลง ไม่ใช่เพราะว่า กำลังทำเรื่องแบบนั้นอยู่แล้วถ้าเราโกรธกันมันก็ดูแปลกๆที่นายจะร้องบอกเค้าว่า ตรงนั้น แรงกว่านี้อีกสิ หรือว่า แรงเกินไปแล้ว อะไรพวกนั้นสินะ " ผมมองเค้าล้อๆคนที่เขินก็หันไปมองอย่างอื่น ราวกับกำลังหาอะไรสักอย่างมาพูดเบี่ยงประเด็น

“ ไปทำงานกันเถอะน่า มัวพูดอยู่กันอยู่ตรงนี้สายพอดี ไปๆ " ลิปคว้ามือของผมเดินเข้าไปด้านใน ท่าทางที่เหมือนไม่รู้เรื่องอะไรของเค้าทำให้ผมหลุดหัวเราะ

“ แสดงว่าจริงสินะ นายคิดแบบนั้นจริงๆ "

“ ฉันไม่พูดกับนายเล่าคีย์ เงียบไปเลย " คิ้วที่ขมวดกันผมเอียงหน้ามองเค้า " มองอะไรวะ "

“ เปล่านี่ แค่รู้สึกว่า นายก็เซ็กส์จัดเหมือนกันนะ ดูภายนอกคิดว่าเป็นพวกไม่ชอบอะไรแบบนี้ซะอีก "

“ น้อยไปนะสิสำหรับฉันน่ะ แต่ฉันว่ามันก็แล้วแต่บุคคล ถ้าเปนคนที่รักยังไงก็ชอบอยู่แล้ว แม้ว่าเค้าจะเป็นยังไงก็เถอะ "

“ แล้วคุณเมษเค้าเป็นยังไง "

“ เค้าเก่งเรื่องแบบนี้อะ เรียกว่าเซ็กส์จัดเลยก็ว่าได้ " อีกคนบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา " ยังจำที่หัวหน้าถ่ายวิดีโอตอนเค้ามีอะไรกับเนย์ได้มั้ย "

“ เค้าเซ็กส์จัดถึงขั้นชอบความเจ็บปวดเลยเหรอวะ " ผมถามอีกคนก็ส่ายหน้า

“ ไม่ถึงขั้นนั้น แต่ครั้งแรกที่เรามีอะไรกัน เค้าถ่ายรูปฉันไว้ด้วย แต่ตอนนั้นฉันก็บอกให้เค้าลบไปอะนะ แล้วฉันก็เห็นว่าเค้าลบออกไปจริงๆ เมื่อวานตอนที่เห็นคลิปที่หลุดออกมาของเนย์ฉันคิดถึงตัวฉันเลย ถ้าเกิดว่าเค้าไม่ลบให้ฉันเห็นวันนั้น ฉันคงไม่สบายใจหรอกเพราะคิดว่าถ้าสักวันที่เราเลิกกัน ถ้าเค้าทำอย่างที่หัวหน้าทำกับเนย์ ฉันจะมีชีวิตอยู่ยังไงวะ "

“ นั่นนะสิ ก็โชคดีแล้วที่นายบอกให้เค้าลบ ไม่มีอะ ดีแล้ว เพราะสุดท้ายเราไม่รู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้น "

" นั่นนะสิ พอคิดถึงเรื่องเมื่อวานขนาดไม่มีฉันยังคิดมากเลย คิดว่าเค้าลบจริงๆรึเปล่า มีไฟล์สำรองอะไรมั้ย กลัวไปเลยวะ "

" จะไปว่าก็สงสารเนย์นะ ไม่รู้ว่าเด็กนั่นจะคิดอะไรอยู่ตอนนี้ "

" เห็นว่าไม่มีใครคุยด้วยเลย พอเค้าชวนกลุ่มของเค้าคุยก็เหมือนมีแต่คนตีตัวออกห่าง แล้วตอนนี้นะคลิปก็ถูกส่งต่อออกไปเยอะเลยด้วย เมื่อวานพี่ที่ฉันรู้จักที่แผนกบัญชีก็ยังไลน์มาถามว่าฉันมีคลิปอะไรนี่รึเปล่า ขอหน่อยได้มั้ย "

" มันไม่มีทางที่จะหยุดอยู่แค่รองหัวหน้าสั่งหรอก " ผมบอก " เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ที่น่าพูดถึงมากที่สุด เรื่องของชาวบ้าน แถมยังมีคลิปออกมาแบบนี้แล้ว ก็หลักฐานชั้นดีเลยแหละ ดูอย่างของฉันสิ ยังพูดต่อๆกันได้โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าเรื่องที่พูดมันจริงรึไม่จริงคนพูดก็สักแต่พูดให้มีความสุข ออกรสชาติเท่านั้น ไม่ได้สนใจความรู้สึกของคนที่ถูกพูดถึงหรอก ว่ามันจะเป็นยังไง "

" แต่ตอนนี้ก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนายแล้วนะ เพราะความจริงที่หัวหน้าถูกไล่ออกเป็นไงทุกคนก็รู้อยู่ แต่เนย์น่ะสิ คลิปออกมาชัดขนาดนั้นแถมยังไม่มีการปัดป้องอะไรด้วยซ้ำจะบอกว่าไม่สมยอมคนก็คงไม่เชื่อ เจอหนักกว่านายหลายเท่าเลย ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเค้าอยู่ในกลุ่มที่คอยเอาแต่นินทานายแท้ๆ "

“ เรื่องราวพิสูจน์คน เพื่อนกันจริงมั้ยก็รู้ตอนที่มีปัญหานี่แหละ " ผมหันไปยิ้มให้ลิปที่ก็พยักหน้ารับ เราเดินมายืนต่อคิวที่ลิฟต์ขึ้นตึกเงียบๆ พนักงานมากมายที่กำลังต่อคิวกันอยู่ ผมได้ยินเสียงซุบซิบเหมือนกำลังชี้ชวนให้ดูอะไรสักอย่าง

“ คีย์ เนย์ยืนอยู่หน้านาย " ลิปกระซิบผมที่ก็เอียงมองคนตรงหน้า ก่อนจะมองคนโดยรอบที่มองมา ทุกคนมองก่อนจะหันไปซุบซิบกับเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ บ้างก็กำลังกดโทรศัพท์ราวกับกำลังพูดถึงกันแต่เรื่องของเค้า

“ นั่นไง คนในคลิป " เสียงเบาๆของผู้หญิงขี้นินทาดังขึ้นข้างหลังผมกับลิป " เมียน้อยหัวหน้าแผนกตัวจริงที่มีคลิปหลุดตอนเอากันออกมาไง "

“ คลิปทุเรศ วิปริต "

“ นี่ฉันได้ข่าวว่ามีคนหาเมล์เค้าให้ทั่วเลยนะ "

“ หาทำไมวะ "

“ ก็พวกที่ชอบอะไรแบบนั้นก็หาเมล์ ติดต่อเค้า ชวนไปทำเรื่องแบบนั้นกันไง ทั้งเบอร์ ทั้งไลน์ ตอนนี้มีความต้องการกันสุดๆ แต่คนเค้าก็ส่งกันแบบแอบๆอะนะ ก็อย่างว่าละน้า ใครอยากจะเปิดตัวว่าตัวเองเป็นเกย์ที่ชอบเรื่องแบบนั้นกัน ดูจิตไม่ปกติออก "

“ เนย์ " ผมเอ่ยเรียกคนตรงหน้า ตอนที่เอื้อมมือไปจับไหล่เค้าอีกคนก็สะดุ้งก่อนจะหันมามองด้วยสายตาตกใจ

“ พี่คีย์ "

“ กินข้าวรึยัง "

“ กิน กินแล้วครับ " เค้าพูดเสียงเบาๆก่อนจะยิ้ม 

“ แล้วงานช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง โอเคมั้ย ยากรึเปล่า "

“ ก็ไม่ค่อยยากหรอกครับ " อีกคนตอบสั้นๆ แล้วหันกลับไปยื่นนิ่งเหมือนเดิม ผมอยากจะเอ่ยถามอะไรเค้าต่ออีกหน่อยเห็นเค้าแล้วก็คิดถึงตัวเอง ตอนที่ไม่มีใคร ตอนที่รอบข้างมีแต่คนนินทา ตอนนั้นในใจของผมอยากจะให้คนพวกนั้นหยุดแม้จะรู้ดีว่าเราห้ามปากใครไม่ได้ก็ตาม และบางทีก็อยากจะมีใครสักคนมาอยู่ใกล้ๆ ใครสักคนที่ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่า เราอยู่คนเดียว

“ นี่ " ลิปดึงผมเข้ากระซิบลงข้างหู " เค้าไม่ได้อยากให้นายไปอยู่ข้างๆเลยนะ ท่าทางน่ะ ระวังใจดีผิดคนนะฉันจะบอกให้ " ผมผ่อนลมหายใจออกมากับคำเตือนของเพื่อน

   ตัดสินใจยืนรอเงียบๆจนกระทั้งขึ้นลิฟต์ไปถึงแผนก ผมมองเนย์ที่เดินเข้าไปข้างใน เค้าที่เอ่ยทักทุกคนที่ก็แค่พยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกับเค้าเหมือนอย่างปกติ ลิปที่ยืนอยู่ข้างๆผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะพูด " ชีวิตนายก็ทุกข์มากพอแล้วนะฉันว่า อย่าไปเอาชีวิตของใครมาใส่สมองเลยน่า สัตว์สังคมน่ะใครที่พลาดก็เป็นเหยื่อให้ทุกคนรุมด่าอยู่แล้วเหมือนว่าถ้าไม่ได้พูดเรื่องนี้เราจะกลายเป็นคนเชยๆไม่ตามสังคมก็เลยยอมด่าตามๆกันไปทั้งๆที่ไม่ได้รู้ความจริงอะไรหรอก นายอย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเค้าเลย ตอนนั้นนายรู้สึกแย่ ตอนนี้นายไม่อยากจะให้เค้ารู้สึกแบบนั้น เรื่องอะไรพวกนั้นน่ะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก ชีวิตใครชีวิตมัน "

" ก็จริงของนายนะ เค้าดูไม่ได้อยากจะให้ฉันเข้าไปยุ่งด้วยสักหน่อย " ท่าทางถามคำตอบคำแบบนั้นก็บอกกันอยู่

" คนที่เค้าอยากจะให้สนใจเค้าคือคนในกลุ่มเค้าตังหาก ที่ตอนนี้ก็ขับไล่เค้าออกจากกลุ่มเหมือนไม่ได้รู้จักกันเลยสักนิด แล้วฉันจะบอกอะไรให้อีกอย่าง เนย์เค้าไม่ได้ชอบนายหรอก "

“ ฉันไปทำอะไรให้เค้าวะ " ผมหันไปถามอีกคนงงๆ

“ แย่งผัวเค้าไง หรือไม่ก็เป็นคนที่ผัวเค้าต้องการมากกว่าเค้า " ลิปอธิบาย " นายไปลืมไปเหรอว่าเค้าเป็นเมียน้อยหัวหน้าน่ะ แล้วการที่นายโดนหัวหน้าให้ความสนใจมากกว่าเค้า แน่นอนว่าเค้าต้องไม่ชอบหรอก ฉันว่าที่ตอนนั้นคนในกลุ่มเค้าเกลียดนายมาก เพราะเค้าคงเสี้ยมเรื่องนายสุดๆ เพราะว่าเกลียดนายอยู่แล้ว ตอนนี้พอเรื่องพลิกกลับ เค้าก็รู้สึกอีกว่าตัวเองเหมือนแพะรับบาปเรื่องของนาย ใจดีให้มันถูกคนเถอะนะ แม่นางเอก "

“ แต่เค้าก็น่าสงสารนะ "

“ เรื่องนั้นฉันก็ไม่เถียงหรอก แต่เราไม่ใช่เพื่อนเค้า ไม่ใช่คนที่เค้าต้องการ ทำได้มากสุดก็คงแค่ไม่พูดถึงเรื่องของเค้า ก็เท่านั้นแหละ "

“ ก็จริงของนาย "

   เราเดินกลับมานั่งทำงานของตัวเองที่โต๊ะ ในแผนกที่ไม่ถึงกับเงียบแต่ก็ไม่ได้มีเสียงโวยวายอะไร ผมออกแบบงานของตัวเองจนเสร็จตั้งแต่ช่วงก่อนพักเที่ยงของวัน ผละสายตาออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองก่อนจะลุกเดินไปในห้องน้ำหน้าแผนก
   เปิดประตูเข้าไปเบาๆ แต่ยังไม่ทันจะเปิดก๊อกล้างมือเสียงนึงก็ดังขึ้นก่อน เสียงของคนที่กำลังร้องไห้และพูดคุยกับใครบางคนผ่านสายโทรศัพท์ อยู่ในห้องน้ำห้องนึง

“ ทำไมคุณต้องเอาเรื่องแบบนั้นมาบีบบังคับผม ผมไม่อยากจะทำเรื่องแบบนั้นกับคุณอีกแล้ว รู้มั้ย ว่าคุณทำลายชีวิตของผมไปมากแค่ไหน แล้วยังเอาเรื่องนี้มาบีบบังคับผมอีกอย่างงั้นเหรอ คุณต้องการอะไรกันแน่ ชีวิตของผมรึเปล่า ทำไมผมต้องคอยตามใจคุณ ต้องคอยเป็นทาสกามให้คุณ ทั้งๆที่คลิปมันก็หลุดออกมาแล้ว ผมเสียหายไปแล้ว ผมจะไม่เชื่อคุณอีก คุณทำลายชีวิตผม " เค้าพูดออกมาแบบนั้นด้วยเสียงที่ทั้งโกรธและสั่น     " คุณจะปล่อยคลิปอะไรอีก! จะทำร้ายผมไปถึงไหน เมื่อไหร่จะหยุดสักที จะให้ผมตายไปเลยรึไง คุณถึงจะพอใจ ผม.. ไม่เหลืออะไรในชีวิตแล้ว ได้โปรดหยุดเถอะนะ.. ทุกวันนี้ผมไม่กล้าแม้ที่จะกลับบ้านเพราะผมกลัว กลัวว่าพ่อแม่ผมเค้าจะรู้แล้วว่าเรื่องมันเป็นยังไง  ผมไม่กล้าโทรหาเพื่อนเพราะกลัวว่าเพื่อนจะรู้แล้วเหมือนกัน ผมไม่มีอะไรแล้ว ไม่มีเลย คุณได้ทุกอย่างจากผมไปแล้ว ผมไม่ขอมันคืนหรอกแต่อย่าทำร้่ายผมอีกเลย ผมขอร้อง หยุดเถอะ อย่าปล่อยคลิปของผมเลย หัวหน้า ได้โปรดเถอะครับ "           ผมเบิกตาตอนที่รู้แน่ชัดแล้วว่าคนในห้องน้ำตอนนี้มีใครกำลังพูดอยู่แล้วกำลังพูดอยู่กับใคร             " งั้นถ้าคุณอยากจะให้ผมไปนัก ผมไปก็ได้นะ เจอกันก็แล้วกัน " คำพูดตัดสายนั่นที่ได้ยิน ผมเดินไปเปิดน้ำล้างมือทันที ทำเหมือนกับว่าตัวเองเพิ่งเข้ามาในห้องน้ำแล้วก็ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เนย์ชะงักเล็กน้อยตอนที่เดินออกมา เค้าเดินออกมาล้างมือ ผมที่มองเค้าผ่านกระจกอีกคนก็ยิ้ม

" พี่คีย์ "

" หื้ม ? “

“ เพิ่งเข้ามาเหรอครับ "

“ อื้ม มีอะไรรึเปล่า ทำไมตาแดงๆ มีอะไรปรึกษา.."

" พี่โชคดีนะ พี่รู้ตัวมั้ย ว่าพี่น่ะ โชคดีแล้วละ โชคดีที่วันนั้นมีคนช่วยพี่ไว้ " ผมอยากจะถามเค้าว่า หมายความว่ายังไงแต่เหมือนว่าทุกอย่างนั้นผมเองก็รู้อยู่แล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้น หัวหน้าคงบังคับให้เนย์ออกไปหาเค้าคืนนี้ โดยการเอาคลิปมาเป็นตัวแบล็คเมล์ ถ้าไม่ออกมาเจอ มามีอะไรกับเค้า เค้าจะส่งคลิปพวกนั้นไปที่เมล์ของพนักงานในแผนก อย่างที่เค้าเคยขู่กับผมว่าเค้าจะทำแบบนั้น " เพราะวันนี้ มันไม่มีใครช่วยผมไว้ได้เลย แม้แต่ตัวผมเอง ผมก็ช่วยตัวเองไม่ได้ ทุกอย่างเพราะผมแค่คิดว่าก็เซ็กส์ธรรมดาไม่มีมีอะไรหรอก แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เค้าจะถ่ายคลิปพวกนั้นไว้ในทุกๆครั้งที่เรามีอะไรกัน "

" เนย์ "

" ผมโง่เองที่หลงรักคนแบบนั้น หลงเชื่อคนแบบนั้น เชื่อว่าเค้าจะมีใจให้ผมจริงๆ ผมโง่เอง วันนี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันก็เพราะตัวของผมเอง " เค้าพูดก่อนจะเดินออกไปยังไม่ทันให้ผมได้พูดปลอบอะไรเค้าสักคำ ผมที่ได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมา หันมองตัวเองที่หน้ากระจกผมรู้สึกว่าตัวเองมีปัญหาเยอะแยะ ทั้งเรื่องรูปถ่ายที่ถูกปล่อยออกมา ต้องเลิกกับแฟนที่รักผมมาก ต้องโดนทำร้ายหลายครั้ง จนรู้สึกแย่และกลัวกับการมีชีวิตอยู่ ผมไม่รู้ว่าเรื่องของผม กับเรื่องของเนย์ที่กำลังตกอยู่ในสภาพนั้นใครจะโหดร้ายกว่ากัน ผมไม่อยากจะเปรียบเทียบ แต่ถ้าเค้ามีใครสักคนที่ดีกับเค้าอย่างที่ผมมีลิปนั่นก็คงดี

“ คีย์ เที่ยงแล้วไปกินข้าวกัน " รุ่นพี่ในแผนกเอ่ยถามผมตอนที่เปิดประตูเข้าไปในแผนกแล้วสวนทางกับเธอพอดี ผมส่ายหน้าให้เธอพลางยิ้ม

“ ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก เดี๋ยวผมรอไปกินพร้อมลิปนะ "

“ งั้นพวกพี่ไปนะ "

“ ครับ " ผมเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ ลิปที่กำลังขยันทำงานเค้าละมือที่กำลังขยับเม้าส์ปากกาหันมาพูดกับผม

“ อีก สิบนาทีนะคีย์ "

“ ตามสบายเถอะ " บอกแบบนั้น ก่อนที่ผมจะหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาดู เปิดไลน์ของฟานที่ไม่มีข้อความอะไร ผมตัดสินใจส่งข้อความไปให้เค้า ' อย่าลืมกินข้าวเที่ยงนะฟาน ' ยิ้มกับหน้าจอที่คงไม่มีการตอบกลับก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ไปหาลิป

“ นายเสร็จงานแล้วเหรอ "

“ อื้ม เสร็จเรียบร้อยแล้วละ "

“ โชคดีจริงๆเลยน้าาาา " ลิปบอกก่อนจะเหลือบมองไปรอบๆ เค้าหันมากระซิบผม " มีอะไรจะเล่าให้ฟัง "

“ นินทาคนที่อยู่ในห้องนี้แน่ๆ ถ้าพูดเสียงเบาขนาดนี้น่ะ " อีกคนหลุดยิ้มตอนที่ผมพูดออกไป ลิปมองซ้ายขวาก่อนจะพูดกับผมเสียงเบาๆ

“ เมื่อกี้น่ะ อีเจ๊กลุ่มเนย์ไม่ยอมชวนเนย์ออกไปกินข้าว คืออยู่ๆ กลุ่มนางก็ลุกขึ้นเลยแล้วเดินออกไปเลยไม่ได้ชวนสักนิด พอน้องมันถามว่าผมไปกินข้าวด้วยได้มั้ย อีเจ๊ก็บอกว่า วันนี้มันแยกกินกันไม่ได้ไปด้วยกันหรอก ทั้งๆที่เดินออกไปพร้อมกันอะ โคตรน่าเกลียดเลยแบบนั้นใครมันก็ต้องรู้ตัวเปล่าวะ ว่าโดนเขี่ยออกจากกลุ่ม "

" งั้นเราชวนเค้าไปกินข้าวสิ " ผมบอก ลิปก็ขมวดคิ้ว

" นี่เดี๋ยวนะ นายหมายความว่าไงอะ ปกติเราก็กินข้าวกันสองคนอยู่แล้ว ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยถ้าไม่ชวนน่ะ "

" สงสารเค้าน่า "

" คิดถึงตัวเองอีกแล้วละสิท่า " อีกคนบอก ผมก็พยักหน้ารับ " ตามใจนายแล้วกัน โดนนินทาว่าเมียน้อยด้วยกันทั้งคู่ก็เลยเข้าใจกัน อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน " ลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมกันหลังจากลิปพูดจบ ผมมองไปรอบๆไม่มีใครอยู่ในแผนกแล้วมีแค่ผมกับลิปสองคนแล้วก็ เนย์ที่ก็ยังนั่งเขียนอะไรสักอย่างลงไปในกระดาษ

" เนย์ "

" ครับ " เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองผมตอนที่เอ่ยเรียกเค้าออกไป

" ไปกินข้าวกันมั้ย ยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ "

" ผมไม่หิวครับ พี่คีย์กับพี่ลิปไปกินข้าวกันเถอะ พอดีผมมีอะไรที่จะต้องทำนิดหน่อยน่ะครับ "

" อย่างงั้นเหรอ แล้วจะให้พี่ซื้อแซนวิชมาให้มั้ย "

" ไม่เป็นไรครับ ผมคงไม่กินแล้วละ ขอบคุณมาก " เค้าบอกก่อนยิ้มให้ผมแล้วก็ก้มหน้าลงไปเขียนอะไรสักอย่างในกระดาษต่อ ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกมาจากแผนกโดยไม่เซ้าซี้เค้าอีก

“ น่าสงสารเหมือนกันนะ เค้าก็อยู่กลุ่มอีเจ๊นั่นมาตั้งแต่เริ่มทำงาน พอมาโดนเทออกจากกลุ่มแบบนี้ก็ลำบากอยู่เหมือนกัน แล้วด้วยสภาพจิตใจของเค้าที่โดนแบบนั้นด้วยแล้ว ฉันว่าตอนนี้เด็กนั่นต้องรู้สึกแย่มากแน่ๆ "

“ อย่าพูดเลย " ผมบอก ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสารแล้วยิ่งทำอะไรไม่ได้แบบนี้มันก็ยิ่งอึดอัด มันเหมือนผมรู้ว่าในช่วงเวลานี้เค้าต้องการใครแต่มันไม่ใช่ทุกคนที่เค้าต้องการ เค้าต้องการให้คนของเค้าเข้าใจเค้า แต่มันกลับไม่มีใครเข้าใจเลย ไม่มีคนปลอบเหมือนกำลังอยู่ในที่มืดที่มองไม่เห็นแม้แต่ตัวเอง

“ น่าๆ อย่าคิดมากเราก็ทำเต็มที่แล้ว เราไม่ได้นิ่งดูดายปล่อยเค้าไปสักหน่อย ไปกินข้าวกันดีกว่าเดี๋ยวหมดเวลาพักเที่ยงนะ "

" อื้ม "

" นี่ๆ วันนี้หลังจากกินแซนวิชกันเสร็จ เราไปหากาแฟอร่อยๆกินกัน ฉันอยากจะกินชาเย็นอร่อยๆสักแก้ว ร่างกายต้องการความหวาน " เราเดินลงลิฟต์ไปที่ชั้นล่าง แม้ลิปจะชวนพูดเรื่องอื่นมากมายแต่สมองของผมก็ยังคิดถึง เรื่องของเด็กคนนั้นที่ตัวเองได้ยินมาตอนที่เดินเข้าไปในห้องน้ำ " คีย์ นี่ "

“ ห๊ะ อะไร "

“ นายจะเหม่อไปไหน จะเดินผ่านร้านแซนวิชแล้วนะ " ลิปทักยิ้มๆ เราเดินเข้าไปในร้านกินแซนวิช พูดคุยกันตามปกติก่อนจะเดินออกจากร้านไปซื้อน้ำในห้าง ชาเย็นสองแก้วกับขนมอีกนิดหน่อยที่เราเดินถือกันเดินออกมาจากห้าง รอบข้างมีคนเดินกันไปมาเพราะเป็นช่วงพักเที่ยง

“ ชาเย็นร้านนี้กินอร่อยนะ ขนมก็อร่อย " ผมหันไปบอกลิปตอนที่กัดมันฝรั่งทอดเข้าไปในปาก " แต่ถ้ากินแล้วนั่งทุกวันต้องอ้วนแน่เลยวะ "

“ ให้มันอ้วนขึ้นมาบ้างเถ๊อะ นายอะ ผอมแบบถ้าเปิดพัดลมเบอร์สามนายคงปลิวอะ "

“ เว่อร์ไป ฉันหมายถึงว่ามันอาจจะลงพุงเพราะเราเอาแต่นั่งเว้ย อ้วนแค่พุงอะ เข้าใจมั้ย "

“ ทำไมคนมามุงตรงนั้นเยอะแยะ มีอะไรกันวะ " ลิปพูดออกมาตอนที่มองไปทางหน้าตึกของบริษัท เราเดินเข้าไปใกล้มองตามคนที่มองขึ้นไปบนยอดตึกนั่นก่อนจะมีเสียงของยามดังขึ้น

“ คนจะกระโดดตึกฆ่าตัวเองตาย เรียกตำรวจเร็ว! เรียกหน่วยกู้ภัยมาด้วย! "

“ เนย์.. " ผมหลุดเรียกชื่อของคนที่อยู่บนยอดตึกนั่นออกมา ขาของผมนิ่ง มันก้าวไม่ออก หัวใจของผมสั่นแรงจนยากจะควบคุมให้หยุดลงได้ สายตาของผมเงยมองอยู่แบบนั้น ผมไม่ได้ยินเสียงของใครคนอื่นแม้แต่เสียงของลิปที่กำลังร้อนรนแล้วดูเหมือนว่ากำลังโทรหารองหัวหน้า

   ผมคิดถึงคำพูดของเค้าที่ผมได้ยินวันนี้ คำพูดที่เค้าบอกกับปลายสายถึงความทุกข์ทรมานของตัวเค้าที่กำลังเผชิญอยู่ ผมได้ยินถ้อยคำที่ถูกบีบบังคับจากใครอีกคน เสียงร้องไห้ที่พูดว่ารอบข้างไม่มีใคร ความทุกข์ทรมานพวกนั้นทำให้ขาของผมก้าวออกไปในสมองผมคิด คิดว่าผมอยากจะไปห้าม ห้ามเค้าไว้ไม่ให้จบชีวิตลงแบบนั้น ถ้าเค้าไม่มีใครผมจะเป็นเพื่อนเค้าเอง แต่อย่าทำลายตัวเองแบบนั้น อย่าทำลายตัวเองเพราะคนที่ทำร้ายเราถึงขนาดนั้น

“ คีย์! “

“ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด " เสียงแผดร้องที่ดังออกมาของผู้หญิงทั่วบริเวณ ผมเงยขึ้นมองยอดตึกที่ตอนนี้มีร่างนึงลอยออกมาจากตึกสูงและตกกระทบพื้นล่างด้วยความรวดเร็ว " แผละ! “ สะดุ้งเฮือกกับเสียงที่ได้ยินและภาพที่ได้เห็น ร่างบางของคนที่เพิ่งได้พูดคุยกันนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น เลือดสีแดงไหลนองออกจากร่างกายขยายเป็นวงกว้างไปเรื่อยๆ ชิ้นส่วนของร่างกายที่เหมือนจะหลุดออก

    ภาพที่ผมเห็นชวนให้ลมหายใจของผมอ่อนลง ขาที่เคยมีแรงนั่นก็ด้วย มองดูศพด้วยสายตาสั่นไหวราวกับคนควบคุมไม่ได้ ร่างที่มีเลือดไหลนอง  ทุกอย่างในร่างกายของผมสั่นไปหมด สั่นจนทำได้แค่นั่งลงช้าๆบนพื้นที่ตอนนี้ทุกคนถูกกันออกนอกพื้นที่ เสียงรถพยาบาลที่แล่นเข้ามาใกล้ แต่ทุกอย่างเหมือนไม่ได้อยู่ในสายตาของผม ผมยังคงจดจำแค่ภาพของเนย์ เสียงร้องไห้ของเค้า และความทุกข์ทรมานทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเค้า

“ คีย์ " เสียงที่เอ่ยเรียกผม ลิปนั่งลงข้างๆ เราไม่ได้พูดอะไรเหมือนรู้ดีอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง เพราะคงเป็นความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน น้องในแผนกที่เราเพิ่งคุยกันไม่นาน ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงกลับเป็นร่างที่ตอนนี้จะไม่มีวันกลับมานั่งพูดคุยกับเราได้อีกแล้ว

   ผ้าสีฟ้าถูกปิดคลุมตรงที่เกิดเหตุเป็นวงกว้าง พนักงานทุกคนถูกไล่ให้ออกจากพื้นที่และขึ้นไปบนตึก นักข่าวที่มาทำข่าวต่างยื่นไมค์สอบถามผู้อยู่ในเหตุการณ์ รถพยาบาล หน่วยเคลื่อนศพ ตำรวจ ทุกอย่างอยู่ในความวุ่นวาย ลิปที่ดูมีสติในตอนนั้นดึงผมให้ลุกขึ้นยืน

“ ขึ้นไปบนตึกกันเถอะ ถ้าอยู่ตรงนี้มีหวังได้ออกทีวีแน่ แถมยังเป็นคนในแผนกอีก พูดอะไรออกไปตอนนี้ไม่ดีหรอก ไปเถอะ " ผมไม่ได้ขานรับแต่ก็ลุกขึ้นยืนเดินไปตามที่อีกคนบอก เราขึ้นตึกมาที่แผนกที่มีแต่ความวุ่นวายทุกคนที่กำลังยืนอยู่ในนั้นด้วยความระส่ำระส่ายและจิตตก เสียงโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุดของรองหัวหน้า เด็กผู้ชายในแผนกที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะของเนย์หันพบอะไรบางอย่างที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ เค้ายืนพิจารณามันอยู่สักพักก่อนพูดขึ้น

“ เอ่อคือว่า.. นี่น่ะ จดหมายลาตายรึเปล่าครับ " คำพูดที่ทำให้ทุกคนสนใจแล้วลุกขึ้นไปมุงที่โต๊ะทำงานของเนย์พี่คนนึงที่เหมือนจะเอื้อมมือไปจับมันขึ้นมาอ่านโดนรองหัวหน้าตะโกนห้ามไว้

“ อย่าหยิบนะ! “ เธอถอนหายใจ ก่อนจะเดินมาอ่านแล้วพูดออกมาเสียงเบา " ให้ตำรวจเค้ามาจัดการ ตอนนี้ห้ามแตะต้องของอะไรบนโต๊ะของเนย์ทั้งนั้น " ทุกอย่างเงียบไปหลังจากที่รองหัวหน้าพูดออกมา เธอเดินกลับไปก่อนจะทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ที่โต๊ะของตัวเองเลื่อนเก้าอี้เบือนหน้าหนีพวกเราพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา

   บรรยากาศที่ยิ่งชวนในทุกอย่างเงียบลงไปไม่มีอะไรเคลื่อนไหวทั้งนั้น เสียงพูดคุยหรือแม้แต่เสียงมือที่สัมผัสกับแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ที่ได้ยินบ่อยๆ ตัวผมที่ตอนนั้นได้ยินแต่เสียงของนาฬิกา เข็มวินาทีที่เคลื่อนไปช้าๆ แต่ทว่าในที่นี่กลับไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เหมือนว่าผมฝันไป แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาก่อน เสียงของเค้าที่กำลังร้องไห้อยู่ในตอนนั้นถ้าผมพูดออกไปมันคงดี พูดบอกกับเค้าไปว่าผมได้ยิน แล้วให้กำลังใจเค้า อธิบายเค้า ถ้าเมื่อกี้ผมคะยั้นคะยอให้เค้าไปกินข้าวด้วย แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว  ไม่มีคำว่า ถ้า... ผมหวนกลับไปแก้ไขไม่ได้แล้ว และเช่นกันเค้าที่จากไปแล้ว และก็ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว .. 

................................................................

ไปดีนะน้องเนย์ หมดทุกข์หมดโศกสักที
การตายคือการพ้นทุกข์ อย่างนึง สำหรับน้องเนย์หนมเขียนในด้านของ
มนุษย์ที่มีสภาวะจิตใจอ่อนไหว คือ ด้วยความเป็นเด็ก ถูกมองข้าม โดนกระทำซ้ำ ข่มขู่ แล้วโดนดูถูก
ไม่มีคนคอยอยู่ข้างๆ ( อันนี้จะขยายความทุกอย่างในตอนถัดไปนะคะ )
อยากจะเขียนให้แนวมันฉีกไปจากเดิมนิดหน่อย เพราะคนเรามีการจัดการกับความเศร้าและแรงกดดันไม่เหมือนกัน
เลือกวิธีต่างกัน  และ สุดท้าย หัวหน้ามีจุดจบของนางแน่นอนค่ะ

ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิต และ เฟส
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
เจอกันตอนหน้าจ้า  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 18-12-2016 21:14:18
น่าสงสารเนย์นะคะ สำหรับหลายๆเรื่องที่เจอ และน่าจับนังหัวเน่านั้นมาทรมานให้สาสมกับความเลวของมัน เหมือนมันไม่แฟร์อ่ะ ทำไมมันไม่โดนอะไรบ้างละ มันควรโดนหนักๆ เซ่!!!!!!!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 18-12-2016 21:18:20
คีย์โชคดีที่มีลิปคอยเป็นกำลังใจตอนมีปัญหา แต่เนย์ไม่มีใครเลยยยย   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 18-12-2016 21:25:37
 :katai1:  คนที่สมควรได้รับผลกรรม  รองจากไอ้ชั่วหัวหน้าคือ คนในออฟฟิต  เสือกแม้แต่ตอนที่เขาตายไปแล้ว  ขอให้เนย์ตามไปหลอกหลอนพวกมันด้วย 

ทั้งลิปและคีย์ควรลาออกที่สุด  เพราะออฟฟิตนี้ไม่มีคำว่าเพื่อนอยู่เลย  สังคมแบบนี้มีอยู่จริง แต่แบบนี้มันเกินคำว่า ควรอยู่ไปแล้ว   น่าขยะแขยงเป็นบ้า  ขนาดแค่อ่านยังอยากจะอ้วกแทน   

ปล.ทำงานออฟฟิตเหมือนกัน  โหดประมานนี้แหละ  แต่เรามันสายโหดไง  ทำมาทำกลับ ไม่โกง  จากใสๆกลายเป็นพวกโฉดชั่วที่พร้อมสวนทุกคน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 18-12-2016 21:29:58
ความคิดเพียงชั่ววูบ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 18-12-2016 21:34:31
เหยื่อ คำๆนี้น่ากลัวเหลือเกิน ขอบคุณคุณหนมที่ทำให้เราได้เห็น การที่ใครสักคนหนึ่งต้องตกเป็นเหยื่อ(สังคม) หัวหน้าไม่ใช่คนเดียวที่ฆ่าเนย์
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 18-12-2016 21:36:58
มันเป็นฟิกมาก่อนสินะ ชื่อแปลกๆ โผล่มาให้งงเล่น ฮ่าาาา
ยาซุย ใครอ่ะ เกงกิ นี่ก็ใครอ่ะ  :ruready
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-12-2016 22:06:58
 :L2: :pig4:

หนักหน่วง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 18-12-2016 22:08:53
เฮ้อ  ดราม่ามาก  ดราม่าที่สุด
เรื่องต่อไป  ขอไม่ดราม่าเข้มข้นแบบนี้นะคะ  อ่านแล้วจิตตก  งือ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 18-12-2016 22:14:04
 :monkeysad: :m15: :m15: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 18-12-2016 22:28:12
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 18-12-2016 22:32:47
โอ้ยยย สงสารเนย แต่นางไม่มีคนที่ไว้ใจเลยอะ

สงสารจริงๆ
จริงๆถ้าบอกที่บ้านพ่อแม่ รู้อาจจะไม่เป็นแบบนี้

อีหัวหน้าจะรู้สึกยังไงเนี่ยยย นางทำให้คนฆ่าตัวตายยย
นางต้องจบไม่ดี แน่เลยยยย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 18-12-2016 22:37:03
มันเป็นฟิกมาก่อนสินะ ชื่อแปลกๆ โผล่มาให้งงเล่น ฮ่าาาา
ยาซุย ใครอ่ะ เกงกิ นี่ก็ใครอ่ะ  :ruready

แงงงงงง มันเป็นชื่อ ที่เราลืมเปลี่ยนค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
จริงๆ เราเขียนนิยายเรื่องนี้เป็นฟิคคู่ที่เราชอบด้วย เพราะเขียนไม่ออก คราวนี้มันติดมือมาน่ะค่ะ
มันเลยแก้ไม่หมด แงงงง อายยยย จัง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ คิดว่าเอาออกหมดแล้ว TTTTTTT
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 19-12-2016 00:25:52
มันดาร์กมากกกก
คนจะตายก็งี้แหละเนาะปุบปับมาก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 19-12-2016 00:51:09
เราว่ามนุษย์หัวหน้าควรไปพบจิตแพทย์
สงสารเนย์อยู่นะ น่าน้องจะลาออกหรือไปตั้งต้นชีวิตด้านใหม่ ไปบวชก็ได้ เนอะ
แต่ก็เบื่อชะนีป้าที่เทนางออกจากกลุ่ม เราไม่ค่อยเข้าใจมนุษย์สังคมเท่าไหร่เล้ย
เฮ้ออออออ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 19-12-2016 01:10:34
รอดูจุดจบของหัวหน้านะคะ สำหรับผู้ชายคนนี้ติดคุกก็ยังน้อยไป ตายไปก็ยังไม่สาสมเลย แค้นแทนเนย์ :m31:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 19-12-2016 07:51:49
อิหัวหน้าจะได้รับกรรมหนักๆบ้างไหมน่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 19-12-2016 08:00:31
อีหัวหน้าาาา อีเลวววว แหม่มันเค้นนักกก 5555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 19-12-2016 14:01:50
สงสารเนย์...เพื่อนร่วมงานที่ไม่เข้าใจและไม่ให้ความช่วยเหลือแต่กลับซ้ำเติม
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 20-12-2016 12:14:08
คนที่เหลือ ก็ต้องต่อสู้กันต่อไป ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-12-2016 21:40:57
บีบหัวใจที่สุด อึดอัดค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: moobarpalang ที่ 22-12-2016 23:32:17
ทำไมเหมือนคีย์มักจะทำผิดซ้ำๆ แต่ผิดแบบใหม่ๆ
ตัดสินใจผิด เชื่อคนผิด คิดผิด
#ขอสมองจงสถิตอยู่กับคีย์
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 58 ' ชีวิตที่ถูกทำลาย ' UP - 18.12.59} หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 23-12-2016 19:04:16
 :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 59 ' สัญญา ' UP - 23.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 23-12-2016 20:32:11
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 59
' สัญญา'

   ' ผมขอโทษ ในสิ่งที่ผมตัดสินใจทำลงไป แต่ผมใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว ผมไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมไม่อยากให้พ่อกับแม่อายที่ต้องมีลูกแบบผม ผมขอโทษ ผมไม่กล้าบอกเพื่อนสนิทของผมเพราะผมอาย ผมขอโทษ ผมรู้ว่าถ้าบอกไปเค้าต้องช่วยเหลือผม ต้องปลอบใจผม แต่ผมไม่กล้าจริงๆ ผมขอโทษ ผมไม่กล้าจะบอกเรื่องนี้กับใครเพราะผมกลัว กลัวว่าคนที่ผมรักเค้าจะทำเหมือนคนอื่นๆที่รู้เรื่องของผม จะถอยห่างออกไปจากผม จากชีวิตสกปรกของผม ผมกลัวว่าผมจะไม่เหลือใคร ไม่มีใครเข้ามาคุยกับผม ไม่มีใครถามผมว่าเรื่องมันเป็นยังไง แต่ทุกคนตัดสินว่าผมเป็นคนไม่ดี ที่ไปทำเรื่องแบบนั้น ตัดสินว่าผมแย่ที่ทำให้เค้าต้องคอยเสียหน้าไปด้วยเพราะเราอยู่กลุ่มเดียวกัน ผมกลัวว่าคนที่ผมรักคนอื่นจะเป็นแบบนั้น จะเป็นแบบเดียวกันทุกๆคน

   ผมขอโทษที่อดทนไม่พอ อดทนไม่พอที่จะทนเห็นสายตาของทุกคนที่คอยเอาแต่พูดเรื่องผม มองมาทางผม แล้วคอยแต่พูดกันเรื่องของผม

   ผมขอโทษที่ผมทนไม่ไหวแล้ว ทนไม่ไหวแล้วที่หัวหน้าคอยแต่ใช้คลิปพวกนั้นบีบบังคับให้ผมทำทุกอย่าง อย่างที่เค้าต้องการ  เค้าอยากจะให้ผมไปหาเค้า ไปทำเรื่องแบบนั้นกับเค้า ถ้าไม่ไปเค้าจะปล่อยคลิปออกมาอีกเค้าบอกผมแบบนั้น แต่ผมไม่อยากจะทำมันแล้ว มันทรมาน ผมไม่อยากจะไปแล้วไม่อยากจะไปหาเค้า แล้วตอนนี้ผมก็ไม่อยากจะอยู่แล้ว ผมขอโทษที่ผมคิดง่ายเกินไป แต่ผมไม่อยากจะทรมานอีกแล้ว รักพ่อกับแม่ครับ ขอบคุณแล้วก็ขอโทษ
                               เนย์ '
“ แค่นี้ครับ " เด็กที่นั่งข้างเนย์พูดขึ้นหลังจากที่เค้าอ่านจดหมายนั่นจบลง ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะหันมองหน้าลิปที่ก็เครียดไม่แพ้กัน เหตุผลที่ทำให้เค้าฆ่าตัวตายบอกอยู่ในจดหมายนั่นหมดแล้ว เค้าทนกับเหตุการณ์รอบตัวของเค้าไม่ไหวแล้ว หนักหนาเกินไปสำหรับเด็กจบใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในสังคมของทำงาน ที่ยังคงมีอายุที่คาบเกี่ยวกับความเด็กและความเป็นผู้ใหญ่อยู่

“ ไม่น่าเลย คิดอะไรง่ายๆแค่ไม่มีเพื่อนเป็นที่ระบายก็เท่านั้น ทำไมถึงไม่เดินเข้ามาหาละ คิดว่าคนอื่นเค้าจะเข้าไปปลอบใจตัวเองได้รึไง ใครจะรู้ว่าเครียด " เสียงเบาๆที่บ่นออกมาทำให้ทุกคนในแผนกหันไปมองดูเธอ หนึ่งในคนในกลุ่มของเนย์ คนที่เนย์เองก็พูดถึง " มองอะไร คิดว่าไอ้เด็กนั่นมันฆ่าตัวตายเพราะฉันด้วยงั้นสินะ ทุเรศ!! ทำไมมันต้องมาป้ายความผิดให้ฉันด้วย จะฆ่าตัวตายก็ฆ่าไปสิ ทำไมต้องเขียนระบายเหมือนฉันผิด ใครมันจะไปปลอบใจไอ้เด็กนั่นได้ตลอดเวลา งานก็มีทำตั้งเยอะแยะ แล้วแค่วันนี้เราแยกไปกินข้าวเท่านั้นเอง ก็เลยไม่ชวน มันแปลกรึไง "

" มันก็แปลกอยู่นะ ก็ปกติเธอชวนเค้าแล้วก็สนิทกระดี๊กระด๊ากันขนาดนั้นอะ แต่พอเกิดเรื่องเธอกลับไม่ชวนแล้วตีตัวออกห่างเค้าตลอด "  พี่อีกคนนึงเสริม

“ นี่! แทนที่เธอจะโทษฉัน เธอโทษหัวหน้าที่เอาคลิปมาประจานมันดีกว่ามั้ย แล้วเนย์มันก็เขียนอยู่ว่าหัวหน้าให้มันไปหาแล้วทำเรื่องแบบนั้น มันเลยไม่อยากจะไป มันเลยฆ่าตัวตาย ไม่เกี่ยวกับที่ฉันตีตัวออกห่างมันหรอก ถ้าจะฆ่าตัวตายเพราะเรื่องแบบนั้น คีย์มันคงฆ่าตัวตายไปนานแล้วละ เพราะเค้าโดนว่ายิ่งกว่านังเด็กนี่อีก "

“ กรุณาอย่าพาดพิงถึงคนอื่นครับ " ผมบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา " ถ้าจะผิดมันก็ผิดด้วยกันทุกคนที่เนย์เค้าเขียนถึงนั่นแหละ คนที่เค้าเขียนถึงก็คือคนสำคัญที่เค้านึกถึงในช่วงเวลานั้น ช่วงเวลาที่เค้าเสียใจ ไม่ต้องเถียงโยนความผิดกันหรอก "

“ นี่นายว่าฉันก็มีส่วนร่วมงั้นสิ! “ เธอหันมามองผมตาขวางท่าทางหาเรื่องของเธอ ทำให้รองหัวหน้าที่ฟังอยู่ลุกขึ้นปราม

“ หยุด!! ไม่ต้องเถียงกัน " เธอตวาดก่อนจะมองไปรอบๆ เธอมองทุกคนแล้วถอนหายใจออกมา " นี่แหละคือสิ่งที่ฉันห้าม เข้าใจรึยังว่าทำไมถึงบอกว่า อย่าส่งคลิปนี้ออกไปนอกแผนก อย่าคิดว่าคีย์ทนได้ แล้วเด็กคนนี้ต้องทนได้ คนเรามีวุฒิภาวะทางความรู้สึกไม่เท่ากัน เรามองว่ามันเรื่องเล็กน้อยแต่คนที่โดนกระทำมันไม่ใช่ พวกเธอไม่มีทางรู้ว่าเค้ารู้สึกยังไงในขณะที่พวกเธอพูดคุยเรื่องของเค้าอย่างสนุกปากในตอนพักเที่ยงหรอก แล้วฉันก็เห็นนะ คนในกลุ่มของเนย์วันนี้ก็นั่งกินข้าวกันที่ร้านเดิมไม่ได้แยกกันไปไหน ฉันไม่ได้บอกว่าเธอผิด ที่เธอปกป้องตัวเอง ไม่อยากจะให้ใครมามองพวกเธอถ้ามีเค้าไปกินข้าวด้วย แต่การที่เธอบอกว่าเธอไม่ผิด นั่นก็คงจะไม่ใช่ เธออาจจะคิดว่าไม่เห็นจะเป็นไรเธอแค่ไม่ยุ่ง ไม่เป็นไรแค่เพื่อนร่วมงาน ไม่สำคัญ เค้าอาจจะไม่สำคัญสำหรับเธอ แต่บางทีฉันว่า เธออาจจะสำคัญสำหรับเค้านะ แล้วตอนนี้เธอก็คงเห็นชัดเจนแล้ว "

“ ทำไมทุกคนต้องหันมาโทษฉัน มาโทษพวกฉันทั้งๆที่ควรโทษหัวหน้ามากกว่า ลำพังแค่เรื่องนินทาแล้วโดนเทจากกลุ่มไม่ได้แย่ร้ายแรงนักหรอก "

“ ก็ฉันไม่ได้พูดถึงเรื่องของหัวหน้า ฉันพูดถึงเรื่องของเธอ " รองหัวหน้าบอก " นั่งลงแล้วคิดเถอะ ว่าตัวเองผิดรึเปล่า ไตร่ตรองให้ดี แล้วเอาเรื่องนี้เป็นบทเรียนซะ คนอื่นๆก็เหมือนกัน คิดว่าสมควรแล้วเหรอที่เอาแต่พูดเรื่องของคนอื่นในมุมมองที่เราไม่รู้ วิจารณ์เค้าด้วยคำพูดที่แต่งแต้มสีให้ดูมีสนุกสนาน ฉันจะบอกอะไรให้นะ คำพูดของคนเราน่ะมันทำร้ายให้คนเจ็บยิ่งกว่าหมัดหนักๆซะอีก "

“ ขออนุญาติครับ "  เสียงที่ดังขึ้นจากประตูแผนกทำให้ทุกคนหันไปมอง ตำรวจในเครื่องแบบเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับหัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคล

“ เจ้าหน้าตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวนน่ะ " หัวหน้าแผนกบุคคลแนะนำ " คนนี้เป็นรองหัวหน้าแผนกออกแบบที่ผู้ตายทำงานอยู่ค่ะ "

“ สวัสดีค่ะ " รองหัวหน้าก้มหน้าทักทายก่อนจะหันไปมองที่โต๊ะของเนย์ " เราพบจดหมายของผู้ตายที่คิดว่าจะเป็นจดหมายลาตายวางอยู่บนโต๊ะค่ะ คิดว่าน่าจะเป็นของเค้า "

“ อย่างงั้นเหรอครับ " ตำรวจที่เดินเข้าไปใกล้โต๊ะ เค้าเก็บหลักฐานต่างๆที่พอเป็นไปได้พร้อมกับสอบถามข้อมูลกับรองหัวหน้า " ผมขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดในแผนกด้วยนะครับ "

“ ได้ค่ะ " การตรวจสอบเป็นไปอย่างเคร่งเครียด ในตอนนั้นทุกคนที่หยุดการทำงานทุกอย่างแล้วสนใจแต่กับขบวนการสอบสวนที่กำลังถูกตรวจเช็คจากที่โต๊ะ และกล้องวงจรปิดที่กำลังดูกันอยู่ข้างนอกที่ส่วนของมุมผักผ่อนนอกแผนก  พนักงานคนแล้วคนเล่าถูกเรียกออกไปสอบสวน ท่าทางที่ดูไม่สู้ดีอย่างเพื่อนร่วมกลุ่มของเนย์เดินกลับมาสีหน้าของเธอซีดเผือกแถมยังดูคล้ายว่าจะเป็นลม ท่าทางที่ทำให้ลิปหันมากระซิบผม

“ ท่าทางจะเจอหนักนะ "

“ ก็นะ พวกเค้าเป็นคนที่ถูกเขียนถึงนี่ยังไงก็ต้องเจอการสอบสวนแบบหนักๆอยู่แล้วละ  สาเหตุที่ฆ่าตัวตายก็ต้องมาจากเค้าด้วยส่วนนึง "

“ คีย์ ลิป คุณตำรวจเรียกน่ะ " หัวหน้าแผนกบุคคลเดินเข้ามาเรียกผมสองคนที่ก็ลุกขึ้นเดินออกไปนอกแผนก นั่งลงที่โซฟาข้างหน้าคุณตำรวจสองคนที่คนนึงกำลังพิมพ์อะไรสักอย่างอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ส่วนอีกคนก็กำลังนั่งจ้องมาทางเรา

“ จากหลังฐานวงจรปิดทางเราเห็นว่า คุณสองคนเป็นสองคนสุดท้ายที่เข้าไปคุยกับผู้ตายไม่ทราบว่าเข้าไปคุยอะไรกันครับ "

“ ผมสองคนเข้าไปชวนเนย์ไปทานข้าวครับ เพราะเห็นว่าเค้านั่งอยู่คนเดียวไม่มีใครชวนไปทานข้าว "

“ แต่ดูเหมือนมีการตอบโต้กันเป็นเวลานานนะ "

“ เพราะว่าเราชวนแล้ว แล้วเค้าไม่ไปน่ะครับ ก็เลยคุยกันว่าจะซื้ออะไรมาให้กินแต่เค้าก็ปฎิเสธอีก " ลิปอธิบายต่อ คุณตำรวจก็พยักหน้ารับ

“ แล้วคุณคีย์ ก่อนหน้านี้ คุณเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากที่ผู้ตายเข้าไปไม่นาน ไม่ทราบว่าได้คุยอะไรกับผู้ตายมั้ยครับ  "

“ ตอนที่ผมเข้าไปเนย์กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่าปลายสายเป็นใคร " ผมพูดออกไปแบบนั้นเพราะไม่อยากจะเข้าข่ายคดีปรักปรำคนอื่นแม้จะมั่นใจมากกว่าครึ่งว่าปลายสายเป็นใครก็เถอะ

“ คุยโทรศัพท์อย่างงั้นเหรอ "

“ เหมือนกำลังทะเลาะกับใครสักคน เค้าพูดเชิงน้อยใจ แล้วก็เหมือนว่านัดแนะออกไปกับปลายสาย ผมได้ยินเค้าพูดถึงเรื่องที่ว่าคนปลายสายทำลายชีวิตเค้า เค้าไม่เหลือใครแล้ว แล้วผมก็ได้ยินเค้านัดแนะกันเหมือนจะออกไปเจอกันครับ แค่นั้นแล้วเค้าออกก็มาจากห้องน้ำ "

“ แล้วคุณทำอะไรอยู่ "

“ ล้างมือครับ ผมเพิ่งทำงานเสร็จก็เลยเข้ามาล้างมือ ล้างหน้า "

“ แล้วผู้ตายพูดคุยอะไรกับคุณอีกมั้ย "

“ เค้าพูดว่า ผมโชคดีแล้วที่มีคนช่วยผมไว้ "

“ แล้วทำไมเค้าต้องพูดแบบนั้น มันหมายความว่ายังไง " ตำรวจที่ต้องการขยายความคำพูดของผม ทั้งๆที่อยากจะให้เรื่องนั้นจบไปแต่สุดท้ายก็ต้องเล่าทุกอย่างออกไปจนหมด ฝันร้ายที่เคยเกิดขึ้นกับผมทั้งๆที่พยายามลืมแต่กลับต้องมาถูกสอบถามซ้ำๆไม่ต่างอะไรกับการฉายภาพพวกนั้นซ้ำวนไปมา

“ แล้วทำไมคุณถึงไม่แจ้งความ "

“ ไม่อยากจะมีเรื่องน่ะครับ ผมไม่อยากจะพูดถึงมันด้วยก็เลยไม่ได้แจ้งความ อีกอย่างทางบริษัทก็ไล่หัวหน้าออกไปแล้ว ตอนนั้นผมก็เลยไม่ได้แจ้งความว่าเค้าพยายามทำร้ายร่างกายและข่มขืนใจ "

“ แล้วตอนนี้หัวหน้ายังตามไปรังควานนายอยู่อีกรึเปล่า " รองหัวหน้าของผมเอ่ยถามขึ้นมา " คือแบบนี้นะคะ ตอนที่หัวหน้าแผนกโดนไล่ออกเค้าเกลียดแล้วก็โกรธมาก นอกจากเค้าจะปล่อยคลิปเนย์แล้ว เค้าก็ยังขู่คีย์ว่าเค้าจะทำร้ายคีย์ด้วย "

“ ไปครับ เมื่อวานเค้าไปหาผมที่คอนโดพยายามจะฉุดไปแต่แฟนผมช่วยเอาไว้ ก็เลยไม่มีอะไรเกิดขึ้น "

“ แบบนั้นนายต้องแจ้งความเอาไว้นะว่าถูกเค้าข่มขู่โดยทำให้กลัว ใช่มั้ยค่ะ คุณตำรวจ คีย์แจ้งไว้ได้ใช่มั้ย "

“ ได้ครับ "

“ งั้นแจ้งไว้เลยค่ะ ว่าหัวหน้าแผนกที่ถูกไล่ออกไปแล้ว พยายามจะข่มขู่ทำร้าย "

“ จะแจ้งไว้เลยใช่มั้ยครับ " คุณตำรวจถามผม " แจ้งไว้ก็ดีนะคุณ ถ้าเกิดว่าเค้าทำอะไรคุณเราจะได้เอาผิดเค้าได้ "

“ แจ้งไว้ก็ครับ " ผมพยักหน้ารับ คุณตำรวจก็ทำเรื่องรับแจ้งความกับผมไว้ " คุณตำรวจแล้วแบบนี้เราจะเอาผิดกับใครได้มั้ยครับ "

“ หมายถึงเรื่องของคุณน่ะเหรอ "

“ เปล่าครับ ผมหมายถึงเรื่องของเนย์ " มันคงดีถ้าคนคนนี้ไม่ต้องตายเปล่า ผมอยากให้คนทำผิดได้ผลของความผิดบ้าง เค้าที่พลากชีวิตของคนคนนึงไปโดยไม่มีวันกลับมาเพราะความเห็นแก่ตัว ชีวิตที่ต้องจบลงเพราะการข่มขู่ของเค้า

“ ทางเราต้องสอบสวนของกับทางนู้นก่อน แต่โดยรูปการณ์ผมคิดว่าโทษหนักสุดก็คงจะเป็นแค่ปรับ หรือไม่ก็เอาผิดอะไรไม่ได้เพราะ เค้าข่มขู่แต่ไม่ได้คาดการณ์ว่าอีกฝ่ายจะฆ่าตัวตาย การฆ่าตัวตายเป็นการสมัครใจของผู้ตายเอง ทางเราตอนนี้ก็เหมือนหาข้อสรุปถึงสาเหตุการตายเท่านั้น "

“ อย่างงั้นเหรอครับ " ผมพยักหน้ารับเข้าใจ น่าเสียใจชะมัดที่เราไม่สามารถเอาผิดอะไรคนคนนั้นได้เลย ผมคิดถึงใบหน้าที่ถ้ารู้ว่าเค้าเป็นสาเหตุที่ทำให้เนย์ต้องฆ่าตัวตาย คนแบบนั้นก็ต้องมีเหตุผลออกมาอ้างเป็นร้อยเป็นพันเพื่อให้พ้นคดีอยู่แล้ว ถ้าไม่มีหลักฐานที่มัดตัวเค้าแน่นพอ ไม่มีทางที่จะยอมรับว่าทำจริงๆหรอก ซึ่งพอดูจากเหตุการณ์ตอนนี้ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสักนิดที่จะมีหลักฐานอะไร เมล์ที่ส่งคลิปก็เป็นเมล์ปลอม คลิปเสียงตอนข่มขู่ก็ไม่มี ถ้าเกิดว่าบอกว่าข้อมูลโทรศัพท์ แต่ถ้าอีกคนบอกว่าไม่ได้พูดคุยอะไรแค่ชวนออกมากินข้าวธรรมดา นั่นก็จบแล้ว 

   น่าเศร้าชะมัดทั้งๆที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแท้ๆ แต่เหมือนคนตายกลับไม่ได้รับความยุติธรรมอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เหมือนตายไปเพราะปากของคนสังคม สังคมที่ไม่ฟังเค้าพูดอะไรทั้งนั้น

“ ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือครับ คุณสองคนกลับไปได้แล้วละ "

“ ขอบคุณมากครับ " ผมลุกขึ้นพยักหน้ารับให้คุณเจ้าหน้าที่

“ ฟังแล้วโคตรรู้สึกแย่เลยวะ " ลิปบอกตอนที่เรานั่งลงประจำที่ของตัวเอง " ตามกฏหมายเอาผิดอะไรไม่ได้ เป็นแค่การข่มขู่ที่ไม่ได้คาดว่าคนโดนข่มขู่จะฆ่าตัวตาย ไม่ได้ข่มขู่ให้ตาย แต่ตายไปเองว่างั้นเถอะ "

“ แล้วก็ไม่ได้รู้ด้วยว่า ถูกข่มขู่จริงๆรึเปล่า เพราะไม่ได้มีบันทึกเสียงการสนทนาเอาไว้ "

“ โคตรเหี้ย น่าหงุดหงิดชะมัดเลยวะ เหมือนตายไปแบบไม่มีค่าอะไร เอาผิดคนที่ทำร้ายเรายังไม่ได้เลย "

“ พูดแบบนั้นมันก็ไม่ถูกหรอก " ผมบอก " บางทีเนย์อาจจะแค่ไม่อยากจะเจอปัญหาแบบนี้อีกก็ได้ ไม่อยากจะใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแบบนี้ ไม่อยากตกเป็นทาสใคร ไม่อยากจะทรมาน ไม่อยากจะตื่นขึ้นมารับรู้อะไรอีก เค้าอาจจะแค่รู้สึกแค่นั้นก็ได้ "

" คีย์ "

" เพราะฉันก็เคยรู้สึกแค่นั้นแหละ ไม่ได้อยากกล่าวโทษใครทั้งนั้น ก็แค่ไม่อยากจะอยู่แล้วมันก็เท่านั้น ไม่ได้คิดถึงว่าเรามีพ่อแม่อยู่ เรามีเพื่อน เราไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งขนาดนั้นหรอก เราคิดสั้นๆแค่ว่า เราไม่อยากจะลืมตาตื่นมา เราเบื่อ เราเหนื่อย เราอยากจะหยุดแล้ว เราคิดสั้นๆ เราคิดง่ายๆ เวลาจะฆ่าตัวตาย ก็คิดกันแค่นี้ทั้งนั้นแหละ "

" ไม่ต้องพูด พอเถอะ " ลิปห้ามผมเค้าที่เอื้อมมือมาจับไหล่ผมไว้ ในแววตาที่เหมือนกำลังร้องไห้ " อย่าพูดเลยวะ ฉันไม่อยากจะได้ยิน นายพูดแบบนี้ "

" ฉันไม่ทำอะไรแบบที่ฟานเค้ากลัวหรอก นายฟังหมอนั่นมากเกินไปแล้ว "

" คีย์ นายอาจจะไม่รู้ตัว แต่ตอนนที่นายพูด ฉันรู้สึกว่านายเองก็รู้สึกแบบนั้น ไม่ได้แค่พูดไป " คนตรงหน้าผมเม้มริมฝีปาก " มันน่ากลัวนะกับการที่นายพูดออกมาแบบนั้น แล้วฉันว่ามันก็ไม่แปลกหรอกที่ฟานเค้าจะกลัว แล้วคิดว่านายจะทำแบบนั้น "

   ครืน ครืน ครืน
 
   เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวดังขึ้นจากรอบๆข้างของผม แม้แต่ของลิปเองก็ดังขึ้นมา ทุกคนที่กดรับสายโทรศัพท์ต่างถูกถามไถ่ถึงเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ คุณเมษโทรมา " ลิปบอกก่อนจะกดรับสาย ผมเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเอง เข้าเฟสบุ๊คเป็นอันดับแรกแล้วก็เจอเข้ากับข่าวด่วนที่ถูกอัพขึ้นมา เกี่ยวกับพนักงานงานแผนกออกแบบผลิตภัณฑ์บริษัทยักษ์ใหญ่ฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึก จากการสันนิฐานเบื้องต้นตำรวจคิดว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากปัญหาส่วนตัวและแรงกดดันจากเพื่อนร่วมงาน " ยังมีชีวิตอยู่เว้ย!!! ไม่ใช่ผมสักหน่อย เตรียมหาเมียใหม่อะไรกัน อยากตายเหรอไอ้แก่ " ผมหันไปมองลิปที่กำลังเถียง เผลอยิ้มออกมากับคำพูดห่วงใยที่ปลายสายก็ถามมา " อื้ม ก็เป็นรุ่นน้องในแผนกน่ะ คนที่เล่าให้ฟังเมื่อวานไง อื้ม คนนั้นแหละ ผมไม่ได้นินทาอะไรเค้า ผมไม่ได้รู้สึกแย่หรอก "

   ผมหันมองดูทุกคนที่มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามา ถามไถ่ถึงความห่วงใยแต่โทรศัพท์ของผมก็ยังคงเงียบอยู่แบบนั้น หันมองลิปที่กดวางสายลงพลางถอนหายใจออกมา " คุณเมษคงเป็นห่วงนายน่าดู "

“ โทรมาเช็คว่าคนที่กระโดดลงไปเป็นฉันรึเปล่า จะได้หาเมียใหม่ " หลุดหัวเราะออกมาตอนที่อีกคนพูดแบบนั้น

“ เค้าก็พูดให้มันขำ แต่จริงๆคงเป็นห่วงนายเพราะไอ้ประโยคในข่าวที่บอกว่า ถูกกดดันจากเพื่อนร่วมงานมากกว่า "

“ นั่นก็ด้วย พอดีฉันเล่าเรื่องเนย์ให้เค้าฟังเมื่อวานนะ เรื่องของนายด้วย เค้าก็เลยโทรมา " ลิปเหลือบมองผม

“ ทำไม "

“ ตอนแรกคุณเมษคิดว่าเป็นนาย " ผมหลุดยิ้มออกมา " แต่ฉันด่าไปละ ไม่ต้องห่วง เค้าแค่บอกว่า ฉันเล่าว่านายถูกกดดันจากเพื่อนร่วมงาน ถูกนินทาเค้าก็เลยคิดแบบนั้น "

“ มันก็น่าคิดแบบนั้นอยู่นั่นแหละ ฉันไม่ถือโกรธเค้าหรอกน่า ซีเรียส "

“ ทำไมนักข่าวมันเขียน ข่าวแบบนี้วะ!! ทุเรศ!!!  " เสียงของรุ่นพี่ร่วมงานเพื่อนของเนย์ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง เธอที่กำลังหงุดหงิดถอนหายใจออกมาก่อนจะขมวดคิ้วอยู่หน้าจอโทรศัพท์ของเธอเอง " ที่บอกว่าเพราะแรงกดดันจากเพื่อนร่วมงาน แบบนี้มันก็หมายถึงพวกฉันนะสิ กดดันมันจนต้องฆ่าตัวตายอะ ใช่ที่ไหน มันก็ทำตัวของมันเองทั้งนั้น แบบนี้ถ้าคนที่แผนกอื่นอ่านเค้าก็คงจะคิดกับพวกฉันนะสิ เพราะฉันอยู่กลุ่มเดียวกับมันนี่ "

“ อย่าเพิ่งโวยวายสิ ตำรวจยังอยู่ข้างนอกนะ " เพื่อนร่วมงานปรามเธอก็ตะโกนด่ากลับ

“ ได้สิ! พวกแกไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับมัน พวกแกก็พูดกันได้นี่ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรนี่ แต่ฉันอยู่ ตายไปแล้วยังทำให้ฉันขายหน้าได้ ไม่ต่างอะไรกับตอนที่อยู่เลยนะอีนี่ "

“ เนย์ก็ตายไปแล้ว หงุดหงิดไปมันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกน่า อโหสิกรรมกันไปเถอะ " ลิปบอก

“ แกพูดได้สิ แกไม่ได้มาถูกนินทาแบบฉันนิ!! ไม่ได้มาถูกใครๆจ้องมองแล้วบอกว่า นั่นไง เพื่อนของอีเด็กนั่นที่ฆ่าตัวตาย เพราะว่าฉันเขี่ยอีเด็กนั่นออกจากกลุ่มแน่ๆ มันเลยกดดันจนต้องฆ่าตัวตาย "

“ แล้วมันจริงแบบนั้นรึเปล่าละ " ผมถาม " พี่เขี่ยเค้าออกจากกลุ่มจริงๆรึเปล่าละ แล้วจะกลัวอะไรในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง พี่พูดกับผมแบบนี้ตอนที่มีภาพหลุดผมกับหัวหน้า พี่บอกว่าไม่ต้องถามความจริงหรอก เดี๋ยวผมตอแหลพี่จะรับฟังมันไม่ได้ พี่บอกว่าความจริงเป็นไงภาพมันก็ฟ้องอยู่ อย่ามาทำตัวน่าสงสาร แล้วตอนนี้พี่จะให้ใครมารับฟังพี่เหรอครับ  เพราะเค้าคงคิดอย่างที่พี่คิดและพูดกับผมเมื่อตอนนั้นนั่นแหละ เค้าจะไม่ฟังพี่อธิบายเพราะคิดว่าพี่ตอแหล และความจริงเป็นไงเค้าก็รู้อยู่แล้ว รู้แบบไม่ต้องให้พี่มาบอก รู้แบบในฉบับของเค้า ฉบับที่พี่จะเดาไม่ออกเลยว่า มันเป็นยังไง " ทุกอย่างเงียบ ทุกคนที่หันมามองหน้าผมเหมือนกำลังคิดถึงในสิ่งที่ตัวเองกระทำ และ เคยพูดไว้

“ มันไม่มีใครอยากจะอยู่ใกล้คนที่ปัญหาแล้วคอยแต่จะมีคนจ้องนินทาหรอก ใครๆก็รักตัวเองกันทั้งนั้นแหละ ใครจะเสียสละแบบนั้นได้ "

“ ลิปก็ยังอยู่กับผม ในตอนที่มีแต่คนมองและคนนินทา มันไม่ใช่ข้ออ้างหรอก มันอยู่ที่ว่าพี่จะอยู่ข้างๆน้องมันมั้ย มันไม่ใช่ทุกคนหรอกที่เนย์ต้องการ คนที่เค้าต้องการคือเพื่อนของเค้า ไม่ใช่ใครก็ได้ แต่พอเพื่อนเค้าไม่เอาเค้า นั่นแหละที่ทำให้เค้าคิดว่าเค้าไม่มีใคร "

“ ยังไงซะ ฉันก็ผิดสินะ ก็แล้วไงละ ฉันไม่อยากจะให้ใครมองฉัน ไม่อยากจะเป็นจุดสนใจ มันทำเรื่องแบบนั้นมีแต่คนมอง ฉันก็ต้องปกป้องตัวเองไว้ก่อนสิ  ฉันผิดยังไงละ ก็แค่เขี่ยมันออกไป มันหาเพื่อนใหม่ไปสิ ก็ใช่ว่าเราจะสนิทกันมากมายขนาดนั้น ก็ใช่ ฉันผิดอยู่ แต่มันไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ฉันผิด แล้วจะทำให้ฉันดูเป็นคนเลวไปทั้งหมดนี่ เรื่องดีๆฉันก็มีอยู่ ทำไมไม่จดจำกันบ้างละ เอามาหักล้างกันสิ ฉันก็มีดีมีเลวนะ มนุษย์ทั่วไปมันก็แบบนั้นนี่ "

“ ความดีถ้าไม่มากพอ มันไม่ถูกจดจำหรอก มันแทบไม่ถูกจดจำเลยด้วยซ้ำ มันไม่เหมือนความเลวที่คุณทำมันแค่ครั้งเดียวหรอก  ต่อให้ทำความดีสักสิบอย่าง แต่ทำชั่วแค่ครั้งเดียว สิบอย่างนั่นก็ไม่มีค่าแล้ว สังคมเรามันเป็นแบบนี้แหละเค้าจดจำแค่เรื่องเลวๆเท่านั้นแหละ เหมือนอย่างที่พี่นินทาผม ว่าร้ายผม ผมไม่ได้คิดหรอกว่าพี่เคยดีกับผมยังไง ผมจดจำได้แค่ว่า พี่เคยนินทา แล้วทำร้ายผมด้วยปากของพี่  มันก็เท่านั้นแหละ " หลายสายตาหันมามองผมที่ถอนหายใจออกมาก่อนจะนั่งลงตรงที่นั่งของตัวเอง ลิปที่นั่งข้างๆยกยิ้มก่อนจะหันมากระซิบผม

“ พูดได้ถูกใจ "

   การสืบสวน สอบสวนดำเนินไปเรื่อยๆจนถึงใกล้เวลาเลิกงาน ช่วงเวลาที่ไม่มีใครทำงานแต่ทุกอย่างกลับเงียบไปหมดทั้งแผนก มีเสียงคุยโทรศัพท์กันบ้าง เสียงพูดคุยกันบ้างแต่นั่นก็เบาจนแทบไม่ได้ยินอะไร

“ วันนี้ทุกคนกลับบ้านได้แล้วละ การสืบสวนสอบสวนเสร็จแล้ว "

“ แล้วสรุปว่ายังไงเหรอคะ " พนักงานคนนึงถาม

“ เป็นการฆ่าตัวตายด้วยตัวเองน่ะ " รองหัวหน้าบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา " ส่วนเรื่องศพทางครอบครัวก็คงมาจัดการ  ฉันอยากจะให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับทุกคนนะ อยากให้ทุกคนใส่ใจแล้วอย่าละเลยความรู้สึกของเพื่อนร่วมงาน อย่าแบ่งพรรคแบ่งพวก อย่าอคติกับความผิดพลาดให้มากนัก ส่วนยังไงวันนี้ก็กลับไปกันก่อนเถอะ " เธอบอกก่อนจะเดินออกไปคุยอะไรสักอย่างกับคุณตำรวจพร้อมกับฝ่ายบุคคล ผมหันมองหน้าลิปที่ก็ทยอยเก็บของทั้งหมดของตัวเองช้าๆ เราเดินลงลิฟต์ไป ทยอยเป็นกลุ่มจนมาถึงชั้นล่าง วันนี้เพราะว่ากลับก่อนคนก็เลยยังไม่พลุกพล่านเหมือนอย่างทุกที

“ เราไปกินอะไรกันหน่อยมั้ย ฟานจะมารับนายกี่โมง "

“ ไม่รู้เหมือนกัน ฉันยังไม่ได้นัดเค้าเลย เมื่อเช้าเราแทบไม่ได้คุยกัน ข้อความฉันส่งไปเค้าก็ไม่ตอบ " ผมบอกอีกคนก่อนจะยิ้มออกมาแห้งๆ เพราะไม่ได้นัดเเรื่องเวลาไม่รู้ว่าอีกคนจะมาหลังงาน หรือว่าจะมาหลังเลิกทำโอทีกันแน่ " แต่ว่าวันนี้เลิกงานก่อน เหลือเวลาตั้งชั่วโมง ไปหาอะไรกินกัน..”

“ คีย์ " ผมหันไปมองเสียงที่เรียกผมตอนที่เดินออกมา เบื้องหน้าเป็นร่างสูงคุ้นตาคนที่บอกว่าจะมารับกันแต่ยังไม่รู้เวลายืนหอบอยู่

    ใบหน้าเคร่งเครียดของเค้าคลายลงตอนที่เราสบสายตากัน ฟานก้มหน้านิ่งอยู่สักพักก่อนที่ขายาวๆนั่นจะเดินเข้ามาหาผมช้าๆ แล้วก็คว้าตัวผมดึงเข้าไปกอดไว้

“ ฟาน..”

“ โล่งอกไปที " เค้าพูดออกมาแค่นั้นในตอนที่กอดผมไว้แน่นเค้าก็พูดซ้ำ " โล่งอกไปที ไม่ใช่นาย ไม่ใช่จริงๆด้วย "
 
“ คิดว่าเป็นฉันเหรอที่กระโดดตึกลงมา " ผมถามแต่อีกคนก็เงียบ " ไม่ใช่ฉันหรอก รุ่นน้องในแผนกน่ะ โทษทีนะ คงทำให้นายตกใจ แต่นายน่าจะโทรมาสักหน่อย จะได้ไม่ต้องตกใจแบบนี้ "

“ ฉันไม่กล้าโทร " เค้าบอกผมก็เบิกตาสงสัย " ฉันกลัวไม่มีคนรับสาย กลัวว่าคนที่รับสายจะไม่ใช่เสียงนาย "

“ ฟาน "

“ ฉันอยากจะเห็นด้วยตาตัวเอง ก็เลยมารับนายก่อนเวลา เพราะนายสัญญาว่าจะอยู่รอฉัน  ให้ไปรับ.. แล้วฉันก็คิดว่านายคงไม่เหี้ยขนาดที่่โกหกฉันอีกครั้งหรอกมั้ง "

“ ไม่หรอก ฉันก็บอกแล้วไงว่าฉันจะไม่ฆ่าตัวตายหรอก "

“ งั้นก็สัญญามาสิ!! “เค้าดึงตัวเองมาเผชิญหน้ากับผมก่อนจะตะคอกใส่ผมเสียงดัง " สัญญากับฉัน สัญญามาเดี๋ยวนี้ ไม่มีข้อแม้อะไรทั้งนั้น สัญญาออกมา สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้น จะไม่ฆ่าตัวตาย จะไม่หาทางออกแบบนั้น สัญญาสิ สัญญากับฉัน อยู่กับฉัน สัญญาสิ สัญญามา!! “

“ ฟาน คือ "

“ สัญญามา!! พูดมาสิวะ ว่าจะอยู่กับฉันจะไม่ฆ่าตัวตาย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อยู่ เจ็บแค่ไหนก็ต้องอยู่ ต้องอยู่กับฉัน พูด!! พูดออกมาสิ อย่าไปไหนเลยนะ อย่าจากฉันไป ขอร้องละ อย่าทำแบบนั้นเลยนะ อยู่กับฉันเถอะ “ คำพูดของอีกคนที่พูดออกมาเบาๆในประโยคสุดท้ายเค้าที่กอดผมไว้แน่น

“ อะ อื้ม.. สัญญา ฉันจะอยู่กับฟาน " เค้าถอนหายใจออกมาตอนที่ผมตอบตกลง มือที่จับไหล่ผมไว้แน่นนั่นอ่อนลงจนลดลงข้างตัว สายตาที่จ้องผม ฟานจ้องลึกลงไปข้างใน

“ แล้วอย่าผิดสัญญากับฉันละ "
.............................................................



ขอออกตัวสักนิด คือเราไม่เก่งกฏหมายนะคะ
แต่ที่เขียนในอ่าน คือ ไปสอบถามจากคนที่เรียนกฏหมายมาได้ความมาตามนี้ค่ะ
ผิดพลาดยังไงขออภัยล่วงหน้าด้วยนะคะ
เอาจริงๆ ตอนนี้เราเขียนเน้นออกไปในแนวของสังคมปัจจุบัน
ที่พอเกิดปัญหาอะไร ก็จะดราม่าพูดถึงบางคนก็ด่ากัน  คือบางทีคำพูดรุนแรง
จนเรารู้สึกเลยว่า คนที่โดนด่า แม่งจะทนอยู่ในสังคมได้ยังไงกันวะ
คือคนเรามันผิดกันได้ แต่ผิดนั้น ผิดแล้ว แก้ไข หรือยิ่งทำให้แย่ลงมากกว่า
การด่าด้วยถ้อยคำรุนแรง วิจารณ์ในสิ่งที่เราไม่รู้จริง บางทีส่งผลเสียเยอะมากๆ
เราชอบคำที่คีย์บอกว่า
" ความดีถ้าไม่มากพอ มันไม่ถูกจดจำหรอก มันแทบไม่ถูกจดจำเลยด้วยซ้ำ มันไม่เหมือนความเลวที่คุณทำมันแค่ครั้งเดียวหรอก  ต่อให้ทำความดีสักสิบอย่าง แต่ทำชั่วแค่ครั้งเดียว สิบอย่างนั่นก็ไม่มีค่าแล้ว สังคมเรามันเป็นแบบนี้แหละเค้าจดจำแค่เรื่องเลวๆเท่านั้น "

ทุกคนแหละ.. ทุกคนในเรื่องที่ก็เป็นแบบนั้น และสังคมเราก็เป็นแบบนั้น เช่นกัน

ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตและแชร์ในเฟสด้วยนะคะ ตอนนี้ดูสั้นๆ ยังไงเดี๋ยวเจอกันตอนหน้านะค่าาาา
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่า   :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 59 ' สัญญา ' UP - 23.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 23-12-2016 21:17:31
อ่านไปอ่านมาแล้วกลัวใจคีย์ที่สุด เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 59 ' สัญญา ' UP - 23.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 23-12-2016 21:32:22
สะใจที่คีย์พูดกับนังรุ่นพี่ในแผนกคนนั้น  :katai1:

สั้นไปนิด แต่กราฟเริ่มพุ่งขึ้นแล้ว  :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 59 ' สัญญา ' UP - 23.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 23-12-2016 21:34:09
สงสารเนย์ เมื่อไหร่อิหัวหน้าจิชดใช้นี่
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 59 ' สัญญา ' UP - 23.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: tonnum18 ที่ 23-12-2016 22:03:37
ถูกต้องเลยค่ะ  ว่าสังคมเราสมัยนี้ ตายเพราะคำพูดกันเป็นส่วนใหญ่

พนักงานออฟฟิสที่อื่นเป็นงัยไม่รู้  แต่ของเราแบบนี้เลย เป็นกลุ่มเป็นพวก

นินทาซึ้งกันและกัน  ใครทนอยู่ได้ก็ทนไป  ตีสองหน้ากันไป  แต่เราทนไม่ได้สิ้นปีนี้ก็ออก

แต่ว่าคีย์นี้ก็เก่งนะ  ทนอยู่ได้ เป็นเราอยู่ไม่ได้หรอก  ที่ออฟฟิสแห่งนี้แล้งน้ำใจกันเป็นส่วนใหญ่

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 59 ' สัญญา ' UP - 23.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 23-12-2016 22:30:08
โหหหห พอฟานพูดคือเข้าใจเลย
ไม่โทรเพราะกลัวว่าจะไม่ได้เจคนที่"รัก" อีก 55555

แต่คีย์พูดดีจริงๆ
โครตความจิงเลย
ทำดีมาเปน ร้อย ทำผิดครั้งเดียว โดนด่าไม่เหลือ
แต่อีพี่คนนั้น ไม่ได้ทำผิดครั้งเดียวไง 5555

ดีที่คีย์มีเพื่อนดีๆแล้วลิป

และมีแฟนที่ปากแข็งแบบฟาน 55555

วิ่งมาเหนื่อยไม๊ เด๋วพี่เช็ดเหงื่อให้ อิอิ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 59 ' สัญญา ' UP - 23.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 23-12-2016 23:04:17
คำพูดคีย์ในตอนนี้คือดีจน(เกือบ)ลืมว่านางเคยเลวมาก่อน คือแบบดีมาก กินใจมาก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 59 ' สัญญา ' UP - 23.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 23-12-2016 23:30:51
ชอบนิยายเรื่องนี้มาก  ทุกตัวละครมันมีชีวิตจริงไม่ต้องฝันเฝ้อถึงเจ้าชายแสนดี ตัวร้ายสุดเลว นางเอกน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 59 ' สัญญา ' UP - 23.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 24-12-2016 02:50:16
ร้องไห้อีกแล้ว หลายๆตอนมานี้ร้องตลอดเลย แต่เราชอบนะและครอบคุณที่ยังแต่งให้อ่านกันต่อไป ชอบนิยายนี้สุดๆเลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 59 ' สัญญา ' UP - 23.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 24-12-2016 04:25:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 59 ' สัญญา ' UP - 23.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-12-2016 08:03:49
สงสารเนย์ เมื่อถึงจุดที่มองไม่เห็นใคร
มันเป็นความจริงที่เราจะไม่คิดถึงคนสำคัญจริงๆ จะคิดถึงแค่เรื่องตรงหน้า เรื่องที่ทำให้เสียใจ

คนถูกกระทำก็เสียใจ เครียด แต่ตอนเป็นผู้กระทำก็สนุกปาก ไม่เกิดกับใครก็ไม่รู้ นั่นแหละความจริง

ฟานคีย์ ก็ยังคงบีบหัวใจ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 60 ' ความรู้สึกที่ลังเล ' UP - 25.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 25-12-2016 20:27:28
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 60
' ความรู้สึกที่ลังเล '

   ช่วงหลังพักเที่ยงที่อากาศเย็นของเครื่องปรับอากาศในห้องดูหนัง ชวนให้น่านอนเป็นพิเศษ ผมหลับตาลงช้าๆกับหนังที่ดูไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ของเพื่อนที่ยืมกันมาจากห้องสมุดเพื่อเอามานั่งดูกันให้ห้องดูหนังเล็กๆของมหาลัย มันเป็นห้องดูหนังขนาดห้าคน ที่มีทีวีจอเล็กๆ แล้วก็เก้าอี้โซฟาอย่างดีให้นั่ง นักศึกษาส่วนใหญ่ก็ชอบเอาเวลาต่อคาบมานั่งดูหนังกันที่นี้เพราะมีหลายห้องมากกว่าตากแดดร้อนๆ อบๆ อยู่ตามศาลา หลายๆชั่วโมง

“ ฟาน..” เสียงเรียกที่ทำให้ผมบรือตาขึ้นเล็กน้อย มองคนข้างๆที่ก็ยิ้มให้ผมก่อนจะซบลงหนุนที่ไหล่ มือของเธอเอื้อมมาจับมือของผมไว้ ใบหน้าสวยเลื่อนเข้ามาใกล้ปลายจมูกรั้นหอมแก้มของผมก่อนที่เธอจะยิ้ม ' พลอย ' เป็นคนที่ผมควงอยู่ตอนนี้ เพื่อนคณะเดียวกันที่ครั้งนึงเธอเคยเสนอร่างกายให้ผม

“ มีอะไร " ผมเอ่ยถาม เธอก็ส่ายหน้าก่อนจะกอดผมแน่นขึ้น

“ เปล่านี่ แค่คิดว่าเราน่าจะไปหาอะไรทำสนุกๆ มากกว่าการมานั่งดูหนังแบบนี้นะ "

“ ยกตัวอย่างเช่นอะไรละ "

“ ไม่มีสิ่งที่นายอยากจะทำบ้างเหรอ มากกว่าที่ต้องนั่งเฉยๆแบบนี้เนี้ย " เธอบอก ในตอนนั้นกระโปรงสั้นที่เธอสวมอยู่ก็ถูกร่อนขึ้น ขาสวยขยับเล็กน้อย ก่อนจะไขว่ข้างโชว์เรียวขาต่อสายตาของผม

“ ก็คงมี "

“ อะไรละ "

“ ฉันอยากจะกลับห้อง " ผมบอกเธอ " ไปนอน "

“ งั้นไปมั้ย เดี๋ยวฉันไปนอนเป็นเพื่อน " ผมเหลือบมองเธอที่ก็ยิ้มเชิญชวน ก่อนจะหันกลับมาดูหนังที่ฉายอยู่แล้ว ผมหลับตาลงอีกครั้งแค่ไม่เข้าใจว่าทำไม ต้องเชิญชวนกันถึงขนาดนั้น ทำไมถึงต้องอยากจะทำเรื่องแบบนั้น

   หลายครั้งแล้วที่พลอยชวนผม แต่ความรู้สึกลึกๆ คือ ไม่อะ กูไม่ได้อยากจะมีอะไรกับมึงเลย ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น แค่ตอบตกลงที่จะมีมึงจะมาเดินควงกันข้างๆ ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรที่เกินเลยแบบนั้น สำหรับเซ็กส์ไม่ใช่เรื่องสนุก ผมอยากจะมีมันกับคนที่อยากจะมีเท่านั้น

   ถอนหายใจออกมาหลับตาลงตอนที่ภาพของใครบางคนฉายชัดขึ้นมาในสมอง พอคิดถึงเรื่องอย่างว่าแล้ว ก็เอาแต่คิดถึงเค้า คิดถึงรูปร่างผอมบางของเค้า ผิวกายขาวละเอียดที่ชวนลูบไล้ไปทั้งตัว ริมฝีปากสวย ผิวแก้มหอมๆ ลมหายใจอุ่น หรือแม้แต่เสียงครางที่ผมเคยได้ยิน คิดถึงคนนั้นแล้วอยากจะให้เป็นเค้า แค่คนเดียวเท่านั้นมากกว่าใครๆ

“ ฟาน ว่าไง "

“ ไม่ไปอะ ขี้เกียจ " ผมบอกเธอเชิงหงุดหงิด อีกคนก็ถอนหายใจเซ็งๆออกมา

“ นี่ถามจริงๆเถอะ.. ทำไม "

“ ทำไมถึงอยากจะไปนอนกับฉันนัก ฉันไม่ได้เก่งเรื่องอย่างว่านะ เป็นคนที่ถ้าไม่ใช่คนที่อยากจะทำด้วย ก็ไม่ค่อยมีอารมณ์หรอก " ผมหันไปบอกตัดความสงสัยที่เธอกำลังจะเอ่ยถาม เหลือบมองพลอยที่ก็นิ่งไปก่อนจะปล่อยมือออกจากเอวผมที่เธอกอดอยู่ช้าๆ ลมหายใจของเธอผ่อนออกก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นท่านั่งที่สุภาพขึ้นก่อนจะเอียงหน้ามองผม

" ถ้าฟานบอกว่าไม่ชอบ ฉันก็จะไม่ทำ เพราะฉันอยากจะเป็นคนที่นายชอบ " เธอว่าแบบนั้นก่อนจะยกมือขึ้นเท้าคางแล้วมองหน้าผม " นายยังลืมไอ้ผู้ชายหลอกลวงคนนั้นไม่ได้ใช่มั้ยละ คนที่นอกใจนายน่ะ แต่เอาจริงๆก็เข้าใจได้อยู่ก็นายรักเค้ามากนี่นะ จริงๆ ฉันแค่อยากจะทำให้นายลืมเค้าไปเร็วๆมันก็เท่านั้น ก็ช่วงนี้นายเอาแต่หน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วเครียดอยู่ตลอด ไม่เหมือนฟานคนเก่าที่ฉันเคยรู้จักเลย "

" แล้วฉันที่เธอรู้จักมันเป็นยังไง "

" เป็นคนที่ดูเท่ห์กว่านี้ ไม่เครียด นิสัยดี สุภาพบุรุษ เดี๋ยวนี่นายเอาแต่ตะหวาด แถมยังขี้หงุดหงิดอีก บางทีอยู่ดีๆก็อารมณ์เสียขึ้นมาเฉยๆ เดาอารมณ์ไม่ออกเลยสักนิด"

" ฉันไม่ได้อยากจะเป็นอย่างงั้นแต่บางทีมันก็.."

" เพราะนายยังลืมเค้าไม่ได้ แล้วพอคิดถึงหน้าเค้ามันก็ชวนให้หงุดหงิด ฉันไม่รู้เรื่องของนายกับเค้าหรอกนะ แล้วฉันก็ไม่ได้สนใจด้วยว่าเรื่องของนายกับเค้ามันจะเป็นยังไง ฉันคิดแค่ว่าตอนนี้นายให้โอกาสฉันมาอยู่ใกล้ๆ ถ้าฉันทำดี ถูกใจ ฉันอาจจะได้เลื่อนขั้นมาเป็นตัวจริงของนายก็ได้ " ผมหลุดหัวเราะออกมาตอนที่เธอพูดแบบนั้น

" ไม่ได้คิดถึงผลเสียเลยนะเธอเนี้ย ถ้าฉันไม่เลือกเธอเพราะเธอง่ายแล้วไปเลือกคนอื่นละ แบบนั้นมันไม่เจ็บใจรึไง ทั้งๆที่อุตส่าห์พยายามมาตลอดแท้ๆ "

" ก็คงเจ็บใจ แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยไม่ใช่เหรอ นายพูดเหมือนว่าถ้าฉันอยู่เฉยๆ ไม่เสนอตัวเข้ามาดามอกนาย นายจะเข้ามาจีบฉันเองอย่างงั้นเหละ " เธอหลุดหัวเราะ ผมก็นิ่ง " นี่ฟาน ฉันนะไม่ได้ซีเรียสเรื่องเซ็กส์อะไรหรอก สำหรับฉันคนเราถ้าพอใจจะมีอะไรกัน ก็แค่มีแต่ก็ต้องป้องกันมันก็เท่านั้น สมัยนี้นายก็รู้ว่ามันเป็นแบบนั้น "

“ อย่าลดคุณค่าของตัวเองเพื่อฉันเลย ฉันไม่ได้จริงจังกับเธอ เธอก็รู้ " เอื้อมมือไปลูบหัวเธอ อีกคนก็ยิ้มก่อนจะเลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ริมฝีปากสวยแนบจูบลงมาที่ริมฝีปากของผม แววตาที่ช้อนขึ้นมามองกัน

“ สำหรับนายไม่เป็นไรหรอก อย่าบ่นได้มั้ยละนี่มันสมัยไหนแล้ว " เธอเว้นเสียงไปก่อนจะถอนหายใจออกมา " คิดว่าเห็นใจฉันหน่อยก็แล้วกัน ฉันก็แค่อยากอยู่ใกล้ฟานคนที่ฉันชอบมากๆ แต่ไม่เคยหันมามองฉันเลยมันก็เท่านั้นเอง ตามใจฉันหน่อยเถอะน่า  นายไม่ได้เสียหายสักหน่อย ซีเรียสอะไร "

" แล้วมันไม่ดีกว่ารึไง ที่เธอจะไปให้อะไรแบบนี้กับคนที่ชอบเธอ ที่เค้าจริงจังแล้วทุ่มเทให้เธอ "

" คนที่เราชอบ ยังไงก็คือคนที่เราชอบมันเอาใครคนอื่นมาทดแทนไม่ได้หรอกต่อให้เค้าดีกับเรายังไงก็เถอะ ยังไงซะเราก็ชอบคนที่เราชอบอยู่ดี แม้จะไม่ได้มันมาเป็นของตัวเอง แต่ถ้ามีโอกาสได้ลองใครๆก็ต้องคว้ามันไว้ทั้งนั้น ก็เค้าเป็นคนที่ชอบนี่ "

" อย่างงั้นสิ ถ้าอธิบายออกมาแบบนั้น ฉันก็เข้าใจแหละ เข้าใจมันดีซะด้วย " เพราะฉันเองก็เคยรู้สึกแบบนั้น รู้สึกว่าไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ ทุ่มเทให้คนที่รักแค่ไหน สุดท้ายเค้าก็สนใจคนที่เค้าชอบ สุดท้ายก็ยังนอกใจแล้วไปคบกับคนที่ชอบมาตลอดอยู่ดี

“ เพราะคนที่นายรักเค้าก็กลับไปหาคนที่เค้าชอบมาตลอดสินะ "  ผมก้มลงจูบริมฝีปากของเธอตอนที่พูดประโยคนั้นออกมา

   ไม่อยากจะได้ยินอะไรแบบนั้น เรื่องของคนรักกันที่ทำร้ายใจผม คนที่เคยยิ้มให้ คนที่เคยทุ่มเทให้ คนที่คิดว่าจะไม่ทำร้ายกัน ไม่เหมือนกับครอบครัวที่เคยทำร้าย คนที่เคยคิดว่าถ้าพยายามและทุ่มเท ก็คงจะทำให้รักกันไปตลอด แต่ความจริงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ ไม่ว่าทุ่มเทแค่ไหนก็ได้แค่นั้น ไม่ชอบยังไงก็คือไม่ชอบ แต่ถึงอย่างงั้นทั้งๆที่น่าจะผลักออกไปไกลๆ แต่ใจของผมที่รักไปแล้วก็เอาแต่คิดว่า ' อยากจะให้อยู่ใกล้ๆ แม้ว่าจะทำให้ทั้งเค้าและผมเจ็บปวด ก็อยากจะให้เค้าอยู่ ไม่อยากจะให้จากไปไหน ไม่อยากจะให้อะไรพรากเค้าไป เพราะรู้สึกไม่แฟร์เลยที่ต้องเป็นฝ่ายเดียวที่เอาแต่เจ็บปวดอยู่แบบนี้ อยากจะให้อีกฝ่ายเจ็บปวดบ้าง ทั้งเจ็บและรักแบบที่ผมกำลังเป็นอยู่ '

    จูบที่ดำเนินไป ผมเอื้อมมือไปจับต้นคอของเธอไว้ สอดลิ้นเข้าไปในปากที่เผยอขึ้นน้อยๆเพื่อตอบรับจูบดูดดื่มของผม ความรู้สึกอุ่นและเหนียวกอดเกี่ยวกันในโพรงปาก ความรู้สึกที่ไม่ได้ลึกอะไรซึ้งในใจ ก่อนจะถูกผละออกในตอนที่มีเสียงเรียกชื่อผมจากโซฟาด้านหน้าสุด

“ ไอ้ฟาน "

“ อะไร " ผมหันไปถามคนที่นั่งอยู่ข้างหน้า ไอ้ทามหันหน้ามาพร้อมกับยื่นมือถือให้ดู

“ มึง อ่านข่าวอะไรนี่ดิ "

“ ข่าวอะไร " มือที่ยื่นออกไปรับเอาโทรศัพท์ออกมาดู แต่ยังไม่ทันอ่านไอ้ชินก็พูดขึ้นมา

“ ข่าวคนกระโดดตึกตาย มึงอ่านดิ อยู่ใกล้ๆที่ทำงานของคุณคีย์รึเปล่า มีคนถ่ายภาพศพส่งมาด้วยโคตรน่ากลัว เหมือนจะเละๆ ตึกนั่นมันสูงแค่ไหนวะ " มองโทรศัพท์มือถือที่ฉายหน้าจอสว่างอยู่ในมือ ผมรู้สึกแปลกๆเหมือนใจมันไม่กล้าแม้จะอ่านรายละเอียดอะไรพวกนั้นหรือมองภาพอะไร

   ทั้งๆมันเป็นข้อความสั้นๆ กับภาพที่เหมือนเป็นไวรัสส่งต่อๆกันมาด้วยการแชร์ผ่านโลกออนไลน์ ศพที่ดูไม่น่ามองแทบมองไม่ออกว่าใคร ผมเลื่อนอ่านรายละเอียด อ่านมันอยู่แบบนั้นซ้ำๆ เหมือนไม่ค่อยเชื่อสิ่งที่อ่านเท่าไหร่ สำหรับชื่อของบริษัทออกแบบยักษ์ใหญ่และชื่อตึกที่เจ้าของร่างนั้นกระโดดลงมา ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นชื่อที่ผมคุ้นเคย ตึกที่เมื่อเช้าเพิ่งไปส่งใครคนนั้น

“ ไอ้ฟานมึง..ทำไมเงียบไปวะ มีอะไรรึเปล่า " ไอ้ทามเอ่ยถาม

“ ตึกนี้ ตึกที่ทำงานของคีย์ " ผมพูดเสียงเบาๆในใจของผมมันหวิวแปลกๆตอนที่ลุกขึ้นจากที่นั่งมองเพื่อนที่ยังคงนิ่งมองดูผมด้วยความสงสัยในท่าทาง ที่หันซ้ายดูขวาเหมือนคนเลิกลั่ก ขาที่เดินชนนู้นชนนี่ตอนที่จะออกไปจากห้อง ไอ้ทามลุกมาคว้าตัวไว้ก่อนจะถามเรียกสติ

“ แล้วนี่มึงจะไปไหน "

“ กูจะไปหาคีย์ วันนี้เค้าสัญญากับกูไว้ว่าเค้าจะให้กูไปรับ ให้กูไปรับเค้ากลับบ้าน "

“ แต่นี่มันยังไม่ใช่เวลาเลิกงาน " ทามบอก ผมก็มองหน้ามัน

“ เค้าบอกกับกูว่า เค้าเคยคิด ที่ฆ่าตัวตาย " เสียงสั่นๆของผมพูดออกไป " แต่เค้าก็บอกกูนะว่าเค้าจะไม่ทำ ถ้า..”

“ ถ้าอะไร "

“ กูจะไปหาเค้า กูจะไปดูให้เห็นกับตากู ต้องไม่ใช่ ต้องไม่ใช่เค้า ไม่ใช่ ไม่ใช่แน่ๆ " เดินถอยหลังไปจนถึงประตู ผมเปิดประตูห้องก่อนจะวิ่งออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยังไงก็ต้องได้เห็นกับตา ได้รู้ ว่าคนคนนั้นที่กระโดดตึกฆ่าตัวตายนั้นเป็นใคร จะใช่เค้ามั้ย เค้าที่มองผมด้วยสายตาเฉยชาตอนที่พูดเรื่องฆ่าตัวตายออกมาได้แบบไม่รู้สึกอะไร สีหน้าเรียบนิ่งราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่เค้าก็อยากจะทำมันเหมือนกัน

   แววตาที่เหมือนกำลังคิดถึงเรื่องพวกนั้นอยู่ตลอด เค้าทำแน่ผมรู้..ถ้ามีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ทำให้ใช้ชีวิตไม่ไหว เค้าคงทำแน่ๆ คงตัดสินใจจบชีวิตลง ชีวิตที่ผมอยากจะให้อยู่แต่เค้ากลับไม่อยากจะอยู่แล้ว

   เรียกแท็กซี่ให้มาส่งที่หน้าตึกทำงานของเค้าด้วยความรวดเร็ว ผู้คนที่กำลังมุงดูตรงที่เกิดเหตุ ตำรวจมากมายกำลังเคลียร์สถานการณ์ มีสายรัดห้ามไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ ผมเดินเข้าไปใกล้ แทรกผู้คนที่ยืนมุงดูกันอยู่มากมาย ศพมีการเคลื่อนย้ายไปแล้ว หลงเหลือแค่เลือดที่กระจายเป็นบริเวณกว้าง ผู้คนแถวนั้นพูดขึ้นเหมือนบอกเล่าสถานการณ์ที่ก็คงฟังปากต่อปาก

“ ศพเหมือนจะเละๆมากแบบดูไม่ออกว่าใครเลยนะ "

“ แต่ตึกสูงขนาดนี้จะไม่เละได้ยังไงละ เห็นว่าเป็นคนของแผนกออกแบบผลิตภัณฑ์ "  เสียงที่ทำให้ทุกอย่างนิ่งไปถนัดตา ผมกลืนน้ำลายของตัวเองกับใจที่กำลังเต้นระส่ำ ขาของผมชามันเหมือนทุกอย่างไร้ความรู้สึกใด

“ เครียดเรื่องงานเหรอ "

“ เปล่าหรอก เห็นว่าคนที่กระโดดเป็นเมียน้อยของหัวหน้าแผนกออกแบบที่โดนไล่ออกไปวันก่อน กระโดดเพราะทนเสียงนินทาของคนในแผนกที่บอกว่าเค้าเป็นเมียน้อยไม่ไหวอะ "

“ อย่างงั้นเหรอ น่าสงสารจังเลยนะ ต้องมาตายเพราะปากคน "

“ แล้วรู้เปล่าครับ ว่าคนที่เสียชีวิต ชื่ออะไร " ผมเอ่ยถามคนตรงหน้าออกไป เธอสองคนที่กำลังยืนพูดคุยกันอยู่ก็หันมามองผมด้วยความสงสัยที่อยู่ๆก็ถามขึ้น เธอสองคนส่ายหน้าไปมา

“ ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ รู้แค่ว่าเป็นคนของแผนกออกแบบ " ผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่ได้ยินอย่างงั้น ผมเดินเข้าไปใกล้พื้นที่อีกเล็กน้อย มองดูคราบเลือด ก็ได้แต่ภาวนาในใจตัวเอง ผมยืนนิ่งอยู่แบบนั้นไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ยืนนิ่งแม้ว่าสภาพแวดล้อมจะวุ่นวายแค่ไหนก็ตาม ทุกอย่างรอบตัวผมเหมือนหยุดหมุน ในใจที่คิดแค่ว่าต้องไม่ใช่ ต้องไม่ใช่แน่ๆ ราวกับว่าถ้าสะกดได้ก็อยากจะเปลี่ยนคนที่ตายไปได้ให้ฟื้นคืนมาถ้ามันเป็นเค้าแล้วละก็

   อยากจะให้กลับมาให้ผมเห็นหน้าก่อน ให้ผมบอกว่า อย่าไป อย่าทำแบบนั้น อย่าทิ้งกันไป เพราะถึงจะเกลียดแค่ไหนก็อยากจะให้มีชีวิตอยู่ อยู่เพื่อเจ็บปวดไปพร้อมๆกับผม

“ ไอ้น้อง  น้องมายืนตรงนี้นานแล้วนะ เป็นอะไรรึเปล่า " ตำรวจที่ยืนอยู่ใกล้ๆหันมาถาม คงเพราะเห็นว่ายืนนิ่งอยู่นานแล้ว " เกี่ยวข้องกับผู้ตายรึไง "

“ ไม่หรอกครับ ผมแค่อยากรู้เฉยๆว่าเป็นใครนะ "

“ อ้อ เค้าชื่อ.. " ตำรวจคนนั้นบอกก่อนจะก้มลงอ่านเอกสารที่ถืออยู่ในมือ ปากที่กำลังจะเอ่ยบอกแต่อยู่ๆ ผมก็ตะโกนออกไป

“ ไม่ต้องบอกหรอกครับ! “ ผมเว้นเสียงไปก่อนจะถอนหายใจออกมา กับหัวใจเต้นรัวแทบไม่เป็นจังหวะ " คือ ผม..ผมไม่อยากจะรู้แล้ว "

“ อ้าว ตกลงว่าอยากรู้ หรือไม่อยากรู้ "

“ ไม่อยากรู้แล้วครับ ขอโทษที " ก้มหน้าลงให้เจ้าหน้าที่ก่อนจะถอยหลังเดินออกจากบริเวณนั้น ผมพาตัวเองมายืนมองทุกอย่างจากที่ไกลๆก้มหน้าลงผมคว้ามือถือออกจากกระเป๋า 

   ข้อความสุดท้ายที่ได้รับจากเค้า คือข้อความก่อนที่จะเกิดเหตุเค้าส่งมาว่าให้ผมกินข้าว ตอนนั้นไม่ได้สนใจจะตอบกลับอะไร แต่ตอนนี้ถ้าย้อนกลับไปก็อยากจะตอบกลับมันสักหน่อย ผมกินข้าวแล้วนะ อย่าลืมกินข้าวละกัน ข้าวนะไม่ใช่แซนวิชเหมือนทุกที ถ้าแบบนั้นเราอาจจะได้คุยกันยาวกว่านี้ ผมอาจจะมีหลักฐานว่าอาจจะไม่ใช่เค้า เพราะเค้าก็กำลังคุยไลน์กับผมอยู่ แต่ตอนนี้มันไม่มีหลักฐานอะไร มีแค่คำสัญญา สัญญาว่าจะไม่ทำ แต่ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์อะไรที่ทำให้เค้าทนไม่ไหวเค้าจะไม่ทำ.. เพราะมันมีคำว่า แต่.. ถ้าไม่มีคำนั้นก็ดี ถ้าไม่มีคำพูดนั้นผมคงมั่นใจกว่านี้ ว่าคงไม่ใช่เค้า คงไม่หลอกกันอีกครั้งหรอกมั้ง คงไม่ทำให้เสียใจอีกครั้งใช่มั้ย

“ เราไปกินอะไรกันหน่อยมั้ย ฟานจะมารับนายกี่โมง " เสียงคุ้นที่ดังขึ้น ทำให้ผมที่ก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นมอง หัวใจที่ถูกบีบรัดคายออกจนเหมือนเลือดที่หยุดไหลนั้นแล่นไปทั่วร่าง ทุกอย่างเหมือนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง คนตรงหน้าที่เดินคุยกับเพื่อนออกมา เค้ายังคงอยู่ ยังมีชีวิตอยู่ ผมไม่ได้ตาฟาด ไม่ได้เห็นภาพหลอน นั่นคือเค้า

“ คีย์ " เอ่ยเรียกเค้าออกไป ผมที่เดินเข้าไปใกล้ใบหน้าที่กำลังเคร่งเครียดของผมคลายออกมาจนเกือบจะยิ้มกว้าง ผมบรรยายความรู้สึกของตัวเองไม่ออก รู้แค่ตอนนั้น ขาของผมมันก้าวยาวๆเข้าไปหาเค้า สบสายตาที่มองผมมาแบบงงๆ ผมดึงเค้าเข้ามากอดไว้

“ ฟาน..”

“ โล่งอกไปที " ผมพูดบอกเค้า " โล่งอกไปที ไม่ใช่นาย ไม่ใช่จริงๆด้วย " เค้ายังอยู่ ยังอยู่ในอ้อมกอดของผม ยังไม่ไปไหน ไม่ใช่ ไม่ใช่จริงๆด้วย

“ คิดว่าเป็นฉันเหรอที่กระโดดตึกลงมา " เค้าถามแต่ผมก็ไม่ตอบ ในใจตอนนี้มันดีใจจนเกินกว่าจะตอบได้ ทั้งดีใจทั้งโกรธ ดีใจที่ไม่ใช่เค้า แต่ก็โกรธที่ทำให้เป็นห่วงกันเพราะคำพูดของเค้าก่อนหน้านี้ " ไม่ใช่ฉันหรอก รุ่นน้องในแผนกน่ะ โทษทีนะ คงทำให้นายตกใจ แต่นายน่าจะโทรมาสักหน่อย จะได้ไม่ต้องตกใจแบบนี้ "

“ ฉันไม่กล้าโทร  ฉันกลัวไม่มีคนรับสาย กลัวว่าคนที่รับสายจะไม่ใช่เสียงนาย "

“ ฟาน "

“ ฉันอยากจะเห็นด้วยตาตัวเอง ก็เลยมารับนายก่อนเวลา เพราะนายสัญญาว่าจะอยู่รอฉัน  ฉันให้มารับ.. แล้วฉันก็คิดว่านายคงไม่เหี้ยขนาดที่่โกหกฉันอีกครั้งหรอกมั้ง "

“ ไม่หรอก ฉันก็บอกแล้วไงว่าฉันจะไม่ฆ่าตัวตายหรอก " รอยยิ้มหวานๆของเค้าเอียงหน้าบอกผมเหมือนกำลังขอโทษกัน แววตาที่กำลังปลอบผมดูใจดีแต่นั่นก็ไม่จริงหรอก เมื่อถึงเวลาที่จะทำ แค่เสี้ยววินาทีนั้น ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ ผมไม่อยากจะเชื่ออะไรเค้าอีกแล้ว ไม่อยากจะได้ยินคำว่า ฉันจะไม่ฆ่าตัวตายหรอก ถ้า.. ผมไม่อยากให้มันมีคำว่าถ้า อยากจะให้แค่สัญญา สัญญาว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะไม่ฆ่าตัวตาย เค้าที่สัญญาว่าจะอยู่ จะอยู่ด้วยกันกับผม อยากจะให้เค้าพูดแค่นั้น

“ งั้นก็สัญญามาสิ!! “ผมดึงเค้าเข้ามาหาก่อนจะตะคอกใส่เสียงดัง " สัญญากับฉัน สัญญามาเดี๋ยวนี้ ไม่มีข้อแม้อะไรทั้งนั้น สัญญาออกมา สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้น จะไม่ฆ่าตัวตาย จะไม่หาทางออกแบบนั้น สัญญาสิ สัญญากับฉัน สัญญาสิ สัญญามา!!!”

“ ฟาน คือ "

“ สัญญามา!! พูดมาสิวะ ว่าจะอยู่กับฉันจะไม่ฆ่าตัวตาย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อยู่ เจ็บแค่ไหนก็ต้องอยู่ ต้องอยู่กับฉัน พูด!! พูดออกมาสิ อย่าไปไหนเลยนะ อย่าจากฉันไป ขอร้องละ อย่าทำแบบนั้นเลยนะ อยู่กับฉันเถอะ “ ถึงใครจะบอกว่าบีบบังคับแต่ก็อยากจะให้ทำ ถึงจะดูเห็นแก่ตัวที่เรียกร้องแค่ความสบายใจของตัวเองก็อยากจะให้เค้าทำ เพราะอยากจะให้อยู่จริงๆ อยากจะให้อยู่กับผม อยู่ใกล้ๆ ไม่อยากให้จากไปไหนทั้งนั้น

“ อะ อื้ม.. สัญญา ฉันจะอยู่กับฟาน " ผมถอนหายใจออกมาตอนที่เค้าตอบตกลง ลดมือที่จับเค้าอยู่นั่นลง ก่อนจะจ้องลงไปในแววตาแล้วย้ำกับเค้าออกไปอีกครั้ง

“ แล้วอย่าผิดสัญญากับฉันละ " ใบหน้าหวานพยักหน้าลงน้อยๆ ยืนนิ่งอยู่แบบนั้นสักพักคุณลิปก็พูดออกมา

“ เอ่อ..ฉันว่าพวกนายกลับบ้านกันมั้ย ดูสิ รอบข้างมีแต่คนมองมา ไอ้ฟานเล่นตะโกนซะดังเรื่องห้ามให้นายตาย คนแถวนี้เค้าจะคิดไงเพิ่งมีคนกระโดดตึกมาสดๆร้อนๆแท้ๆ "

“ ขอโทษทีนะ " คีย์บอกเพื่อนตัวเองที่ก็ยิ้มแห้งๆ

“ ฉันกลับดีกว่านายกลับ กับหมอนี่เถอะ ไว้พรุ่งนี้เจอกัน "

“ เอางั้นเหรอ ไหนบอกจะไปกินข้าวด้วยกันก่อนไง "

“ กินข้าวกับนายอะ พอโอเคนะ แต่ไปกินข้าวกับคนบางคนเหมือนจะไม่ค่อยคุ้มแคลลอรี่เท่าไหร่วะ ฉันไปหาแฟนฉันดีกว่า ยังไงเจอกันพรุ่งนี้ละกัน "

“ งั้นเจอกันนะ " เค้ายกมือขึ้นลาเพื่อนที่ก็เดินออกไป ก่อนจะหันมามองหน้าผมที่ก็ก้มมองเค้าอยู่ " งั้นเราก็กลับบ้านกันเถอะ "

“ อื้ม " พยักหน้ารับสั้นๆผมเดินนำอีกคนออกไปเค้าก็เดินตามมา

   เราเดินขึ้นรถไฟขบวนก่อนหน้าเวลาเลิกงานที่ค่อนข้างว่าง หย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ตัวติดกันแต่กลับไม่พูดคุยอะไรกันทั้งนั้น  ความอึดอัดที่เหมือนคลุมตัวเราทั้งคู่ไว้ หวนคิดถึงคำพูดของไอ้ทามตอนที่ถามผมเกี่ยวกับเรื่องของคนข้างกายว่าจะเอายังไงต่อหลังจากนี้ หลังจากที่มันรู้แล้วว่าผมกลับไปอยู่ที่เดิม ที่ที่เคยคิดว่าจะไม่กลับไปอีก

“ กูไม่รู้ " ผมตอบมันออกไปแบบนั้น อีกคนก็ยกยิ้ม

“ เอาจริงๆ ถ้าเค้าจะตายมึงก็ไม่น่าจะไปเป็นห่วง มันก็สมควรตายแล้วไม่ใช่เหรอไง ตายไปจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับมึงอีก หมดบ่วงเวร บ่วงกรรม หนำซ้ำถ้าโดนไอ้หัวหน้านั่นจับไปข่มขืนหรือทำอะไรสักอย่าง เค้าก็คงไม่กล้ามายุ่งกับมึงอีก นั่นก็ดีแล้ว  มึงอยากจะให้เป็นแบบนั้นไม่ใช่รึไง กูว่าการที่มึงไปช่วยมันเหมือนมึงยังมีเยื้อใย ปล่อยเค้าไปเถอะอะไรจะเกิดขึ้นกับเค้าก็ช่างหัวเค้า จะตายจะอยู่มันไม่เกี่ยวอะไรกับมึงนี่ " ผมเงียบตอนที่มันพูดออกมาแบบนั้นเหมือนกำลังประชดกัน ประชดในสิ่งที่ผมเคยทำและเคยพูดไว้  " แบบนี้เค้าเรียก ไม่แน่จริงอย่างที่พูดไว้นี่หว่า ไหนบอกจะไม่ยุ่งกับเค้าอีก นี่เหี้ยอะไร อยู่ๆก็กลัวเค้าตายขึ้นมา อยู่ๆก็ไปรั้งคนที่เกลียดจนอยากจะให้ตาย ให้มาอยู่ด้วย " ผมถอนหายใจออกมากับคำพูดของมัน ลดบุหรี่ที่กำลังสูบลงอีกคนก็หัวเราะ " มึงยังรักเค้าอยู่นี่หว่า กลับไปดีกับเค้าสิ ไปง้อ ไปขอโทษ ถ้าเป็นห่วงเค้าขนาดนั้นละก็ "

“ มันไม่ใช่ความรู้สึกนั้น "

“ แล้วมันเป็นความรู้สึกยังไง "

“ กูก็ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร กูไม่ได้รู้สึกกับมันเหมือนเมื่อก่อน ไม่ได้รักมาก แล้วรู้สึกว่าต้องดูแลมาก ไม่ได้อยากจะทุ่มเท ไม่ได้ห่วง ไม่หวง ไม่ได้รู้สึกดีอะไร แต่สิ่งที่กูรู้สึก กูรู้สึกแค่ว่าถ้ามันตายไปกูต้องเสียใจแน่ๆ เหมือนคนที่เคยรู้จักกัน เคยเห็นหน้ากัน เคยรู้สึกดีๆต่อกัน ตายจากไป มันรู้สึกแบบนั้น กูรู้สึกแย่ที่ทำให้มันรู้สึกกลัวคนรอบข้างเพราะเรื่องที่กูทำระยำกับมัน เสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป เป็นความรู้สึกผิดบาปของมนุษย์คนนึง แต่บางทีกูก็รู้สึกว่าทำไมมันไม่เจ็บแบบที่กูเจ็บบ้างวะ ทั้งที่กูตอนนี้ก็ยังรู้สึกไม่อยากจะคบใครใหม่ เพราะกลัวว่าเค้าจะมาหลอกเหมือนที่มันทำกับกู อย่างเรื่องหัวหน้าของมันที่เข้ามายุ่งกับมันกูก็รู้สึกว่า มันมากไปเพราะไอ้เหี้ยนั่นน่ะ กำลังคิดจะทำร้ายคนคนนึงให้ตายทั้งเป็น "

“ มึงก็เลยไปช่วยเค้าไว้ ตามประสาคนดี "

“ อื้ม ไม่รู้วะ กูก็ไม่รู้ว่ากูสึกยังไง แต่ที่รู้คือกูไม่รักมันอย่างที่เคยรักหรอก บางทีนึกเกลียด นึกเหม็นขี้หน้าขึ้นมา ไม่อยากจะสนใจปล่อยให้มันตายไปดีมั้ย แต่กูก็คิดนั่นแหละว่า การตายแม่งก็คือการพ้นทุกข์ดีๆนี่เอง แล้วแบบนั้น ทำไมกูต้องทำให้มันพ้นทุกข์ด้วยวะ ทั้งๆที่กูยังทุกข์อยู่ตั้งขนาดนี้ มันต้องทุกข์ไปพร้อมๆกูสิ "

“ มึงดูสับสนนะ แต่ฟาน คนเราอะ ถ้าไม่รู้สึกอะไร มึงไม่เข้าไปช่วยเค้าหรอก นี่มึงเองก็เหมือนกลับไปอยู่กับเค้าเหมือนเดิมแล้ว ถ้ามึงเกลียดเค้าอย่างที่มึงพูดจริงๆ มึงจะทนอยู่กับคนที่มึงเกลียด ทั้งๆที่บอกว่าอยากจะให้ตายไปด้วยซ้ำในบางทีได้เหรอวะ " ทามถอนหายใจออกมา ก่อนจะจ้องหน้าผม " มึงกำลังเป็นห่วงเค้ามาก มึงรู้ตัวมั้ย ห่วงว่าเค้าจะมีอันตราย ห่วงว่าเค้าจะจากไป ห่วงว่ามึงจะไม่ได้เจอกับเค้าอีก ห่วงความรู้สึกของเค้า มึงห่วงเค้าทุกอย่าง แต่เพราะเค้าเคยนอกใจมึงเองก็รู้สึกดง่มากที่ยังรักคนแบบนั้น มึงก็เลยปากแข็งบอกว่าไม่รู้สึกอะไร " ผมเงียบไป ไม่ตอบอะไร เบือนหน้าหนีกับความรู้สึกที่เพื่อนพูดได้ตรงใจ " ถ้ามึงเข้าไปอยู่ใกล้เค้า ต้องกลับไปรักเค้าแน่ๆ เชื่อกูสิ แต่มันไม่แปลกหรอกมั้ง ก็มึงรักเค้าอยู่ตลอด อยู่แล้วนี่ "

“ ไม่แฟร์เลยมึงว่ามั้ย ทั้งๆที่มันทำให้กูเสียใจขนาดนั้น ทั้งๆที่มันสวมเขาให้กู ทั้งๆที่มันหลอกกู แต่กูยังห่วงมันเหรอวะ "  ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะก้มหน้าลง มองดูมวนบุหรี่ในมือที่ไฟค่อยๆกัดกินมันไปเรื่อยๆ " กูอยากจะให้มันเจ็บบ้าง แต่บางทีกูก็อยากจะหยุด อยากจะขอโทษ อยากจะกอดเค้าไว้แล้วบอกว่าไม่เป็นไร ต่อไปนี้จะมีกูดูแลอยู่ ไม่ต้องห่วง "

“ ไอ้ฟาน.. "

“ กูไม่รู้ว่ากูรู้สึกอะไรวะ กูไม่รู้ ไม่รู้เลยจริงๆ " ผมส่ายหน้าไปมาบุหรี่ที่หล่นลงพื้นผมเหยียบมันด้วยเท้าขยี้แรงๆ " กูทรมานมากเลยมึงรู้มั้ย ตอนที่เห็นเค้ากรีดร้องด้วยความกลัวแบบสุดขีดทั้งๆที่มันไม่มีอะไร หัวใจของกูเหมือนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เป็นความรู้สึกชาไปหมด จนบางทีก็อยากจะร้องไห้ หรือไม่ก็ทำร้ายตัวเองให้ตายไปแบบทรมาน ให้สาสมกับที่ทำกับเค้าไว้ กูมันเลว ชาติชั่ว ระยำ กูทำได้แม้ประทั่งคนที่กูรัก เพียงเพราะว่า กูเจ็บที่เค้าทำร้ายกู นอกใจกู "

“ มึงรู้สึกกับเค้าขนาดนี้ กูว่ามึงหยุดเถอะ ความรู้สึกที่ต้องให้เค้าเจ็บปวดอย่างที่มึงเจ็บ ด้วยการนอกใจหรืออะไรก็ตาม เค้าเจ้บปวดกว่ามึงอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ มึงเองก็รู้ดีนี่ แล้วยังคิดจะทำอะไรอีกเหรอ "

“ กูบอกว่ากูไม่รู้ กูก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน กูไม่ได้บอกว่า จะนอกใจมัน ตอนนี้กูแค่ไม่รู้ ไม่รู้ว่าจัดการกับความรุ้สึกของตัวเองยังไง มึงเข้าใจมั้ย รักก็รัก โกรธก็โกรธ กูแม่งเจ็บไปหมดทั้งใจแล้ว "

“ ใจเย็นๆเว้ย " ไอ้ทามตบไหล่ผม มันที่ถอนหายใจออกมา " กูไม่รู้จะบอกมึงยังไง ไม่รู้ว่ามึงต้องไปทางไหน แต่ที่กูรู้สึกคือมึงควร ทำ อย่างที่ใจมึงอยากจะทำ ไม่ต้องคิดว่า ดูโง่ที่ต้องอ่อนลงให้คนที่เคยหักหลังหรือว่าอะไร คิดแค่ว่ามึงรู้สึกยังไงกับเค้า แล้วต้องการที่จะทำอะไรให้เค้าเท่านั้นก็พอ " ผมเงียบก่อนจะหันไปมองเพื่อนที่ยักคิ้วให้ " คนเรามันผิดพลาดกันได้ แต่เราจะยอมรับรึเปล่าว่าเราผิด แล้วยอมแก้ไขในสิ่งที่เราผิดรึเปล่า มันก็เท่านั้น ฐิถิไม่ได้ช่วยอะไรดีขึ้น มันมีแต่แย่ลง มึงเองก็คงรู้ดี " 


.....................................................
ก่อนอื่น "  Merry Christmas " ค่าาาาาาา  :L2:
ก็ยังรู้สึกว่า สั้นอยู่ดี แต่ความรู้สึกมันดันจบลงแล้วในจุดนี้  :ling1:
แต่นิยายเรื่องนี้จะจบที่ 70 ตอนนะคะ ( ไม่รวมตอนพิเศษ )
เพราะงั้นก็ใกล้จบแล้วววววว
โค้งสุดท้ายยยยยยยย มาลุ้นตอนจบสิยตอนสุดท้ายนี้กันนะคะ
ยังไงก็ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตและแชร์ในเฟสด้วย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
หนมมี่จ้า  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 60 ' ความรู้สึกที่ลังเล ' UP - 25.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-12-2016 20:52:32
 :เฮ้อ: :L2: :L1: :pig4:

คีย์พลาด โลเลเพราะรักมาก่อนแต่ก็ยังมีศีลธรรมค้ำคอไว้
แต่ฟาน ที่เอาแต่ว่าเขานอกใจ แล้วทำน้านทั้งกาย และใจ
เราว่าระดับความเลวมันไม่เท่ากันป๊ะ :เฮ้อ: ถอนใจอีกรอบ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 60 ' ความรู้สึกที่ลังเล ' UP - 25.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 25-12-2016 21:34:35
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 60 ' ความรู้สึกที่ลังเล ' UP - 25.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 25-12-2016 22:10:54
ทั้งฟานและคีย์ควรไปหาจิตแพทย์ซะนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 60 ' ความรู้สึกที่ลังเล ' UP - 25.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 25-12-2016 22:19:03
ฟานจะผูกใจเจ็บกับคีย์เรื่องนอกใจทำไมอีกในเมื่อตอนนี้ฟานทำยิ่งกว่าที่คีย์ทำมาเยอะแล้ว   คีย์อาจจะเคยเขวเพราะว่าคนที่เคยชอบหันมาชอบตอบแต่คีย์ยังมีความยั้งคิดมีความหวงตัว มีความห่วงว่าอีกคนจะรู้สึกยังไง แต่ที่ฟานกำลังเป้นกำลังทำตอนนี้มันเกินไปมากแล้วอ่ะ


บางทีก็อยากให้คีย์ได้ยินสิ่งที่ฟานคิด อยากให้คีย์รู้ในสิ่งที่ฟานกำลังทำ คือแบบอยู่กันแบบนี้มันไม่โอเคหรอก ต่างคนต่างเจ็บว่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 60 ' ความรู้สึกที่ลังเล ' UP - 25.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 25-12-2016 22:32:00
 :katai2-1: เริ่มคลี่คลายความรู้สึกบ้างยังฟาน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 60 ' ความรู้สึกที่ลังเล ' UP - 25.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 25-12-2016 23:53:43
มันคงไม่ดีหรอกเนอะ ถ้ายังรู้สึกว่าไม่รู้ว่าตัวเองคิดยังอยู่กับความรักครั้งนี้ เพราะมันจะไม่รู้ว่าจุดจบมันจะดีหรือจะเลว
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 60 ' ความรู้สึกที่ลังเล ' UP - 25.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 26-12-2016 02:00:19
เราไม่รู้ว่าคนเขียนมีปมอะไรเรื่องนอกใจหรือเปล่า
แต่สิ่งที่ฟานทำแม่งยิ่งกว่าที่คีย์ทำอีก บอกตรงๆยิ่งพยามติดตายิ่งขยะแขยงความคิดตัวละครที่ขึ้นชื่อว่าจะเป็นพระเอกของเรื่อง
พยามจะเลิกอ่านเรื่องนี้แต่อยากกลับมาดูว่าฟานได้รับผลของการกระทำไหม ปรากฏว่าไม่เลย
แถมยังไปควงผู้หญิงคนใหม่ เราเลยไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องนี้สื่ออะไร หรือแค่เอาสะใจ แย่จุง  :เฮ้อ:
สำหรับคีย์เราว่าเขาได้รับผลของการกระทำแล้ว.แถมโครตน่ากลัว
แต่กับฟาน ไหน อะไร ยังไง ยิ่งอ่านยิ่งเหมือนตัวฟานเป็นโรคทางจิตเวช.
นี้ถ้าตอนจบพาไปพบจิตแพทย์ด้วยก็ดีนะ ความคิดน่ากลัว
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 60 ' ความรู้สึกที่ลังเล ' UP - 25.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 26-12-2016 02:23:26
ทามดีจังเลย มีแฟนยังงง พี่่ว่างนะ 555555

ฟานทำตามทามบอก ทำตามหัวใจตัวเองเถอะ

10 ตอนเองหรออ ขอหวานๆน้า ไม่หวานต้องเอาตอนพิเศษหวานๆน้า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 60 ' ความรู้สึกที่ลังเล ' UP - 25.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 26-12-2016 07:49:09
ว้าว  ามสู้ๆ กล่อมเข้าไปปปปปป
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 60 ' ความรู้สึกที่ลังเล ' UP - 25.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 26-12-2016 08:02:47
ที่ผ่านมาคีย์ก็เลวจริงๆหนะแหละที่อ่อนไหวไปตามความรู้สึกของตัวเองแต่ส่วนลึกก็ยังรู้สึกผิดชอบชั่วดีผิดกับฟานที่ตอนรู้อยู่แล้วว่าปัญหาที่มีอยู่ก็เยอะพออยู่แล้วแต่ยังควงคนอื่นแถมจูบกันทำทั้งที่รู้ว่าผิดแสดงให้เห็นว่าตั้งใจทำน่าขยะแขยงมีความรู้สึกว่าฟานเห็นแก่ตัวมากกว่าคีย์ถ้าเราเป็นคีย์คงจะรู้สึกกรรมตามสนองแต่คนที่รักกันต่อให้ถูกทำร้ายเท่าไรยิ่งตอนแรกฟานบอกรักคีย์มากถ้ารักจริงคงจะอยากเห็นคนที่รักมีความสุขมากกว่าไม่ใช่ทำร้ายเขาอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าที่จริงแล้วฟานรักตัวเองมากกว่ารักที่มีให้คีย์เพราะอยากให้ตัวเองสมหวังพอไม่เป็นอย่างที่คิดก็เลยพาลไปหมดทุกอย่างเลวว่ะ :m16:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 60 ' ความรู้สึกที่ลังเล ' UP - 25.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 26-12-2016 10:40:14
ฟานนี่ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าเลวแฮะ  ตอนนี้สิ่งที่ฟานทำร้ายแรงกว่าที่คีย์ทำมากมายนัก ทำร้ายร่างกาย จ้างคนมาขู่ข่มขืน(อันนี้เลวร้ายสุด) ยังคิดทำร้ายคีย์เพิ่มด้วยการนอกใจ ควงและจูบพลอย ทั้ง ๆ ที่กลับมาคบกะคีย์แล้วอ่านนิยาย

จริง ๆ ไม่อยากอ่านนิยายเรื่องนี้ต่อแล้ว แต่ยังอยากรู้ว่าฟานจะได้รับผลกรรมอะไรบ้างไหม แอบเชียร์ให้คีย์เท และทิ้งอีกรอบ หรือไม่ก็ให้ฟานเจอผลกรรมที่ไม่ต้องหนักมากแต่เจ็บพอสมควร
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 60 ' ความรู้สึกที่ลังเล ' UP - 25.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: mxb ที่ 26-12-2016 12:21:36
จะรักก็ไม่รัก จะทิ้งก็ไม่ทิ้ง..
.
หงุดหงิดเฟ้ยยย จูบอีกคนเป็นห่วงอีกคน
มันใช่เรอะนังฟาน!!! ขอจุดพีคหน่อยค่ะ
ไม่เคยชอบอ่าน bad end เลย
แต่จะไม่โกรธเลยถ้าเรื่องนี่ให้คีย์ตาย
มันจี๊ด!!! :katai1:


(ปล.อันนี้คิดในมุมมองที่คีย์สำนึกผิดแล้ว แต่การนอกใจก็ไม่ควรทำนะจ้ะ)
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 60 ' ความรู้สึกที่ลังเล ' UP - 25.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 26-12-2016 13:58:10
ทำเค้าแล้วก็เจ็บเอง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 60 ' ความรู้สึกที่ลังเล ' UP - 25.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-12-2016 14:38:35
 :ling1: เดี๊่ยวนะ มาไกลไปรึเปล่าอะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 60 ' ความรู้สึกที่ลังเล ' UP - 25.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 26-12-2016 15:37:05
คีย์เจ็บมากพอแล้วนะ คีย์ได้รับบทลงโทษที่สมควรแล้ว หลังจากนี้ขอให้คีย์ได้พบความสุขบ้าง และขอให้ฟานสำนึกให้ได้โดยเร็วว่าสิ่งที่ทำอยู่นี้ ไม่ต่างอะไรจากคีย์เลย อาจจะมากกว่าที่คีย์ทำด้วยซ้ำ อยากให้เรื่องนี้จบแบบ Happy นะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 60 ' ความรู้สึกที่ลังเล ' UP - 25.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 26-12-2016 18:34:22
เอาใหม่เนอะ กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ พูดคุยกันดีๆ ฟานเองก็ยังรัก แต่อะไรๆมาบังตาจนมองไม่เห็นความรักนั้น แอบเสียใจที่เพิ่งมาเห็นเรื่องนี้ อ่านแล้วเครียดดีจนแบบอยากจะอ่านให้จบไปเลย มันค้างคาในความรู้สึก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 60 ' ความรู้สึกที่ลังเล ' UP - 25.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 26-12-2016 21:25:18
หวังว่าฟานจะคิดได้และเลิกทิฐิก่อนจะสายเกินไปนะ
สรุปแล้ว พระนายคู่นี้ สายมาโซแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 60 ' ความรู้สึกที่ลังเล ' UP - 25.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 26-12-2016 22:18:34
หน่วงมากกก อ่านไปร้องไห้ไป มันยากสำหรับทั้งคู่จริงๆนั่นแหละ  :o12:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 60 ' ความรู้สึกที่ลังเล ' UP - 25.12.59} หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 26-12-2016 23:08:13
ฟานจะเยอะไปไหน มัวแต่ลังเลอยู่นั่นแหละ  :m16:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 61 ' สกปรก ' UP - 30.12.59} หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 30-12-2016 21:42:19
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 61
' สกปรก '

“ ฟาน ถึงแล้วนะ " เสียงที่เรียกผมในลืมตาขึ้นจากความคิดของตัวเอง มองภาพด้านหน้าก็พบว่ารถไฟเดินทางมาใกล้สถานีที่เราต้องลงเต็มทีแล้ว ผมถอนหายใจตอนที่ลุกขึ้นยืน คนข้างๆก็ลุกขึ้นตาม ประตูรถที่เปิดออกผมหันไปถามอีกคน

“ กินอะไรก่อนจะกลับเข้าบ้านกันมั้ย นายกินอะไรรึยัง "

“ ก็ยังหรอก แต่ไม่ค่อยหิว ไม่ค่อยอยากจะกินอะไร แต่ถ้านายหิวฉันเดินไปเป็นเพื่อนก็ได้นะ " รอยยิ้มที่ยิ้มให้ผม ในแววตาที่ดูเศร้าสร้อยนั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงดึงเค้าเข้ามากอดแล้วถามเค้าว่า เค้าโอเครึเปล่ากับชีวิตตอนนี้ หนักหนาเกินไปมั้ย มีอะไรให้ผมช่วยได้บ้าง หลากหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนนี้ทำให้คนที่เคยดูสดใส กลับดูหม่นหมองไปถนัดตาไม่นับรูปร่างที่ผอมลงไปจนสังเกตได้ชัด

“ ไม่หิวยังไงนายก็ต้องกินนะ " ผมบอก " ถ้าไม่อยากมีสภาพเป็นศพต่อไปแล้วละก็ ก็กินมันเข้าไปหน่อยก็แล้วกัน กลางวันก็กินแต่แซนวิชไม่ใช่เหรอไง "

“ แต่ว่า... " คำพูดที่กำลังจะเถียงเงียบลงไปเหมือนไม่ค่อยอยากจะพูดอะไรเท่าไหร่นัก   

“ ก็ลองเข้าไปนั่งในร้านดูก่อน ได้กลิ่นหอมๆ นายอาจจะสนใจ " ผมเดินนำอีกคนออกไป ผ่านซอยที่เป็นซอยคอนโดของเราเข้าสู่ถนนอีกฝั่งที่มีทั้งห้างและร้านอาหารที่มาเปิดใหม่ " นายอยากจะกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย "

“ ไม่ล่ะ นายอยากจะกินอะไรก็เลือกได้เลย " 

   อาคารหรูที่เปิดเป็นโซนของร้านอาหารชั้นดี ผมเดินเข้าไปในตึกนั้นมองดูร้านอาหาร หลายๆร้านที่เพิ่งมาเปิดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นราเมง ซูซิ ปิ้งย่าง อาหารอิตาเลี่ยน หรือแม้อาหารไทย เป็นตึกที่มีร้านอาหารหลากหลาย ทั้งคาวทั้งหวาน

“ ซูชิแล้วกัน " ผมบอกก่อนจะเดินนำเข้าร้านไป นั่งลงที่โต๊ะอาหารในร้านที่ว่างพร้อมอีกคนที่เดินตามมา เค้านั่งลงเงียบๆผมก็รับเมนูจากพนักงาน พลิกไปหลายหน้าก่อนจะถามเค้า " มีอะไรที่นายอยากจะกินเป็นพิเศษมั้ย "

“ ไม่มีหรอก "

“ มันน่าหงุดหงิดนะรู้มั้ย " ผมเปิดเมนูอาหารไปมาพลางพูดขึ้นแล้วเหลือบมองคนตรงหน้าที่ก็เงยหน้ามองผม " ฉันถามอะไรนายก็ปฎิเสธลูกเดียว มันน่าเบื่อนะรู้มั้ย "

“ ก็ฉันบอกว่า ฉันไม่อยากจะกิน นายจะฉันมีความสุข นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เปิดดูเมนูอาหารแล้วสั่งรัวๆ ทั้งๆที่ฉันเพิ่งเห็นคนกระโดดตึกมาอย่างงั้นเหรอ จะให้ฉันไม่รู้สึกอะไรเลยอย่างงั้นเหรอ " ผมชะงักก่อนจะถอนหายใจออกมาตอนที่เค้าพูดออกมาแบบนั้น กลับกลายเป็นผมที่ต้องเงียบลงไปอีกครั้งพอได้ฟังเค้าพูด เผลอลืมเรื่องราวเหล่านั้นแล้วคิดแค่อยากจะให้เค้ากินข้าวด้วยความเป็นห่วง แต่ลืมไปเลยว่า ตอนนี้มันไม่ใช่เวลา

“ สั่งอาหารครับ " เรียกพนักงานร้านให้เข้ามารับเมนู ผมสั่งเป็นข้าวหน้าปลาไหล กับซูชิอีกสองสามคำ แล้วก็ชาเขียวร้อนอีกสองแก้ว

“ ชาเขียวร้อนค่ะ " แก้วกระเบื้องกลมๆขนาดเล็ก ถูกวางลงตรงหน้าผมกับเค้า ร่างบางเหลือบมองผมที่ค้ำมือกับโต๊ะเล่นโทรศัพท์อยู่
“ ก็แค่ชาเขียวร้อน กินๆเข้าไปเถอะ กินอะไรร้อนๆก่อนนอนจะได้หลับสบาย "

“ ขอบคุณนะ "

   อาหารที่ผมสั่งทยอยวางลงบนโต๊ะ หน้าตาอาหารที่น่ากินผมเหลือบมองคนที่นั่งกินชาเขียวร้อนนิ่งๆ ดูท่าทางของเค้าว่าอยากจะกินอาหารพวกนี้บ้างมั้ย แต่ก็เปล่า เค้าก็แค่นั่งนิ่งๆไม่ได้สนใจที่อยากจะกินมันเลยสักนิด

“ แล้วตอนนี้ในบริษัทเป็นยังไง คงยุ่งวุ่นวายมากเลยสินะ ในแผนกมีคนกระโดดตึกแบบนั้น แถมข่าวยังลงด้วยนี่ว่า เป็นผลมาจากแรงกดดันของเพื่อนร่วมงานด้วยส่วนนึง " เค้าเงียบตอนที่ผมถาม " วันนี้ฉันเห็นภาพศพด้วย ไอ้ทามมันเอามาให้ฉันดู ถามว่าเป็นนายเป็นรึเปล่า "

“ แล้วนายตอบไปว่าอะไรละ " คีย์ถาม " ตอบว่า น่าจะใช่ หรือว่า ไม่ใช่ละ "

“ ฉันไม่ได้ตอบอะไรพวกมันหรอก " ผมก้มหน้าลงกินข้าว " เพราะแค่เห็นข่าว ฉันก็รีบออกจากมหาลัยตรงมาหานายเลย "

“ อย่างงั้นเหรอ " บรรยากาศเริ่มเงียบลงอีกครั้งระหว่างเรา " ฉันคิดว่านายเพิ่งมาถึงตอนที่ฉันเดินออกมาซะอีก "

“ ฉันถึงก่อนหน้านั้นได้สักพักแล้ว  เข้าไปถามตำรวจด้วยว่าคนที่กระโดดตึกลงมาคือใคร "

“ แล้วตำรวจเค้าว่าไงละ "

“ ยังไม่ทันจะได้ฟังตำรวจบอกอะไร ฉันก็วิ่งออกมาแล้วละ " ผมหัวเราะ " อยู่ๆก็เกิดกลัวที่จะได้ยินขึ้นมา ก็เลยไม่ได้ฟังเค้าพูดอะไร แต่ตอนนั้นฉันไม่คิดว่าเป็นนายหรอก ไม่อยากจะให้เป็นด้วย "  คนตรงหน้าผมก้มหน้าลง " แล้วทำไมเค้าถึงฆ่าตัวตายละ " คำถามที่ทำให้คีย์เงยหน้าขึ้นมองผมอีกครั้งด้วยสายตาที่ดูลำบากใจ แววตาที่ดูเศร้าเหมือนว่าไม่อยากจะพูดอะไรออกไปทั้งนั้น  " โทษที ถ้าไม่อยากจะเล่า ก็ไม่ต้องเล่าหรอก " 

“ ก็ไม่เชิงว่าเล่าไม่ได้หรอก "

“ แต่ไม่อยากจะนึกถึงว่างั้นเถอะ "

“ อื้ม รู้มั้ยฟาน.. ก่อนที่เค้าจะตาย ฉันได้ยินเค้าคุยกับหัวหน้าในห้องน้ำด้วยละ แล้วเค้าก็พูดกับฉันก่อนที่เค้าจะตายด้วย " เค้าบอก " ตอนนั้นฉันเข้าไปในห้องน้ำพอดีก็เลยได้ยินเสียงเค้าคุยกับ คนคนนึงอยู่แล้วฉันก็คิดว่าน่าจะเป็นหัวหน้า "

“ อย่างงั้นเหรอ ทำไมถึงคิดแบบนั้นละ "

“ เพราะเค้าพูดว่าคุณทำลายชีวิตผม เค้าพูดถึงเรื่องคลิป แล้วก็เหมือนว่าปลายสายจะขู่เค้าว่าจะปล่อยคลิปออกมาอีก  ถ้าไม่ไปนอนด้วยกันเย็นวันนี้ ฉันได้ยินเสียงของเนย์ร้องไห้ออกมา เค้าบอกให้หัวหน้าหยุดทำลายชีวิตของเค้าแต่เหมือนว่าคำขอร้องนั้น เค้าจะไม่ได้สนใจมันเลย ฉันได้ยินเสียงเค้าตอบรับ แล้วสักพักเค้าก็เดินออกมา พอเค้าเจอฉัน เค้าก็บอกว่า ฉันโชคดีแล้วที่มีคนมาช่วยฉันไว้ ตอนนั้นฉันคิดนะว่าที่เค้าพูดแบบนั้นมันคงเป็นเพราะว่า ตอนนี้มันไม่มีใครช่วยเค้าเลยรึเปล่า "

“ แล้วไงต่อ "

“ จากนั้นฉันก็กลับมาที่แผนก มันถึงเวลาพักเที่ยงพอดี เพราะไม่มีใครชวนเค้าไปกินข้าว ฉันกับลิปก็เลยชวนเค้าไปกินข้าวแต่ก็ถูกปฎิเสธ แล้วหลังจากนั้นไม่นานเค้าก็กระโดดตึกลงมา เค้าเขียนจดหมายลาตายไว้ด้วย พูดถึงเพื่อนในแผนกที่ทิ้งเค้าแล้วก็หัวหน้าที่บีบบังคับเค้าจนทำให้เค้าทนไม่ไหวแล้ว เค้าก็เลยตัดสินใจไปแบบนั้น "

“ แล้วได้บอกตำรวจรึเปล่า เรื่องที่นายได้ยินในห้องน้ำ " เค้าพยักหน้ารับ

“ บอก แต่ตามกฏหมายมันไม่สามารถเอาผิดได้ เค้าบอกว่ามันเป็นการข่มขู่ที่ไม่ได้คิดจะเอาชีวิต และไม่คิดว่าผู้ถูกข่มขู่จะตัดสินใจคิดสั้นฆ่าตัวตาย โทษมากสุดก็แค่ปรับ "

“ ฟังแล้วรู้สึกแย่ชะมัด " ผมบอก ทั้งๆที่ทำให้ใครคนนึงต้องตายไปแท้ๆแต่โทษกลับแค่ปรับ แล้วดูท่าว่าคงจะเป็นการปรับที่ไม่ได้เยอะแยะอะไรหรอก " นายกำลังคิดรึเปล่า ว่ามันคือความผิดของนาย " คีย์เงยหน้าขึ้นมองผมตอนที่ผมถามเค้าออกไป " นายกำลังคิดรึเปล่าว่า เพราะนายโชคดีที่ไม่เป็นแบบเค้า นั่นคือความผิด " สายตาหวานหลบตาไปทางอื่นเค้าที่ถอนหายใจออกมาดูก็รู้แล้วอีกคนคงกำลังคิดแบบนั้น " แต่ฉันว่ามันก็ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก ไม่ใช่เลยสักนิด คนเราโชคดี โชคร้ายต่างกัน ทำตัวคนละแบบกัน ผลก็ออกมาคนละแบบกัน  นายก็ทำหน้าที่ของนายดีแล้ว ก็คือการใส่ใจเค้า นายใส่ใจเค้าแล้ว แต่แค่เค้าไม่ได้ต้องการนายมากกว่า ส่วนคนที่เค้าต้องการก็ไม่ได้ให้ความสนใจเค้า อีกอย่างนายเองก็บอกตำรวจเพื่อทวงความยุติธรรมให้เค้าแล้ว แต่มันติดที่ว่าตามกฏหมายเราเอาผิดอะไรให้เค้าไม่ได้ เพราะงั้นปล่อยให้เป็นเรื่องของกฏแห่งกรรมเถอะ คนที่ทำคนอื่นแบบนั้นมันไม่ตายดีหรอก "

“ อื้ม " ร่างบางพยักหน้ารับ “ แต่นี่ ฟาน "

“ อะไร "

“ ฉันแจ้งความไว้แล้วนะ เรื่องที่หัวหน้ามาข่มขู่ฉัน เรื่องเมื่อวานน่ะ "

“ ก็ดีแล้วนิ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมันจะได้ถูกจับเข้าคุก " ผมบอก จริงๆก็อยากจะให้ไปแจ้งความตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่อะไรก็ดันยุ่งไปหมดจนลืมไป " ถ้ามันโทรมาก็อัดเสียงเอาไว้ ทำทุกอย่างให้มีหลักฐาน ต่อให้มันไม่ถูกเข้าคุก เสียแสนสองแสนก็ยังดีกว่าตายไปฟรีๆ "

“ เค้าน่าจะได้รับโทษบ้างนะ ฉันรู้สึกแย่มากเลยที่เนย์จะต้องตายไปแบบนั้น ทั้งๆที่ฉันก็รู้ว่าการตายของเค้าคือการจบปัญหาที่ทรมานตัวเค้าเองก็เถอะ  แต่คนที่สร้างปัญหาไม่โดนโทษอะไรแบบนี้ มันรู้สึกแย่ชะมัด "

“ กฏหมายเอาผิดไม่ได้ แต่กฏแห่งกรรมมี คนที่ตายอาจจะไปหลอกมันก็ได้ ก็นัดไว้ว่าจะไปหาไม่ใช่เหรอ ไม่เคยได้ยินเรื่องเอากับผีรึไง " ปั้นมุขพูดให้อีกคนขำออกมา แต่ดูเหมือนว่าเค้าจะแค่ยิ้มน้อยๆแล้วก้มลงกินน้ำในแก้วต่อเหมือนกับมันเป็นเรื่องที่ดูไม่เข้าท่าอะไร แต่ผมที่คิดจินตนาการถึงผู้ชายคนนั้นเปิดประตูรับคนที่ตายไปแล้ว แต่มาสภาพร่างสวยๆ แล้วพอเอากันอยู่ๆหน้าก็เละ แล้วก็มีเลือดไหลออกมา ผมสะบัดหน้าหนี " ขนลุกวะ เอากับผี กำลังฟินๆหันหน้ามาแต่ตัวเละๆ อี๋ ~ "

“ นี่เลิกพูดเถอะน่า พูดอะไรของนาย คนตายไปแล้วให้เค้าไปสู่สุขติเถอะ "

“ นายน่ะ ระวังตัวไว้เถอะ " ผมยักคิ้วบอกเค้า " ทั้งๆที่มีปัญหาคล้ายกัน มีผัวคนเดียวกัน แต่นายกลับมีคนช่วยเหลือ ส่วนเค้าไม่มี เค้าอาจจะคิดแค้นกลับมาบีบคอนายเพราะเห็นว่านายมีความสุขแล้วอาจจะกลับไปรักกับผัวเค้าก็ได้ ระวังผีหลอกนะ จะบอกให้ "

“ นี่! ฉันไม่เคยคิดจะกลับไปชอบคนแบบนั้นนะ!! "

“ เหรอ " ผมหลุดปากพูดออกไป ก่อนจะก้มลงกินข้าวต่อแล้วพูดเบาๆออกมาตอนที่คิดถึงเรื่องที่อีกคนปฎิเสธ  " ตอนนั้นก็พูดแบบนี้ ไม่ได้คิดจะสนใจ แต่ก็นอกใจกูไปกับมัน "

“ ฟาน "

“ กินซูชิสักคำมั้ย " ผมคีบซูชิในจานยื่นไปให้เค้า อีกคนก็ส่ายหน้า ท่าทางที่ดูหนักใจของเค้า " ฉันไม่ได้อยากจะคิดอะไรแบบนั้นหรอก แต่มันอดคิดถึงไม่ได้ในบางครั้ง โทษทีแล้วกัน ฉันน่าจะรู้อยู่แล้วว่านายมีปัญหาเยอะแยะ ฉันไม่ควรตอกย้ำ " ผมคีบซูชิเข้าไปในปาก

“ ฉันเข้าใจอยู่นะ เรื่องที่นายยังเก็บมันเอามาคิด แต่ฉันเองละที่ไม่อยากจะได้ยินจากปากของนาย ถึงแม้มันจะเป็นความจริงก็เถอะ "

“ น่าตลกดีนะ ฉันมีเรื่องที่อยากจะให้นายลืม นายเองก็มีเรื่องที่อยากจะให้ฉันลืม เราที่พยายามลืมแต่มัน..ลืมไม่ง่ายเลย "

“ นั่นนะสิ " คีย์ก้มหน้าเค้าที่ถอนหายใจออกมา ผมกินซูซิเข้าไปคำสุดท้ายก่อนจะเรียกเก็บเงิน น้ำชาร้อนๆเหมือนกับย่อยอาหารที่กินไปทั้งหมด ผมยื่นบัตรเครดิตจ่ายค่าอาหารก่อนจะได้รับลูกอมหลังมื้ออาหารมาสองเม็ด

“ หน่อยมั้ย " ผมยื่นลูอมให้เค้าอีกคนก็ส่ายหน้า

   ลุกขึ้นเดินออกจากที่นั่งตอนที่เซ็นบัตรแล้วก็รับใบเสร็จ เราเดินออกมาจากร้านมองซ้ายดูขวาโดยรอบ ก่อนจะออกมานอกตึก เงยหน้ามองฟ้าที่ครึ้มเกินกว่าเวลาปกติ ฝนที่ท่าทางจะตกลงมาหากไม่รีบกลับบ้านกันตั้งแต่ตอนนี้

“ รีบกลับเถอะ ฝนท่าทางจะตก " ผมบอกเค้าแบบนั้น ตอนที่ก้าวขาออกจากตึกยังไม่ทันจะถึงปากซอยคอนโด ฝนเม็ดใหญ่ก็ตกลงมาแบบชนิดที่ไม่ทันตั้งตัว เราพากันเข้าไปหลบใต้ชายคาร้านค้าที่ปิดไปแล้วแถวนั้น คนทั่วไปที่เดินผ่านไปมาก็เช่นกัน เพราะมันเป็นร้านเดียวที่มีชายคาให้หลบฝน

“ อะไรวะ อยู่ๆจะตกก็ตกลงมา " ผมบ่นเบาๆก่อนจะหันไปมองอีกคนที่ก็หายใจเข้าออกเสียงดัง ร่างบางขยับเข้ามาใกล้ผมจนเกือบจะเบียด พอหันไปดูผมก็เห็นร่างสูงของผู้ชายคนนึงที่เข้ามาหลบฝนพยายามขยับเบียดเข้ามาใกล้เค้าเพื่อให้คนอื่นๆที่อยากจะหลบฝนเหมือนกันให้เข้ามาด้วย ทั้งที่ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ดูน่ากลัวอะไร ใส่สูทผูกไทดูภายนอกก็เป็นแค่พนักงานออฟฟิศธรรมดาคนนึงแต่เค้าก้ยังหวั่นวิตก

   ใบหน้าหวานเริ่มซีดเค้ากลืนน้ำลายพลางกำมือของตัวเองของชายกางเกงไว้แน่น ผมรู้ว่าเค้าคิดอะไรอยู่มันคงเป็นฝันร้ายที่ไม่ว่ายังไงก็ตามหลอกหลอนเค้าอยู่เสมอ จินตนาการที่ไม่มีวันจะทำให้ลืมไปได้

“ ขยับมานี่มา " ผมบอกอีกคนให้เปลี่ยนที่ยืนกับผมที่เป็นฝ่ายยืนอยู่ข้างนอกแล้วไม่ได้ติดกับใคร คว้ามือเค้าไว้ผมกุมมันไว้ก่อนจะหันไปมองอีกคนที่เงยหน้าขึ้นมามองผม " ไม่เป็นไร ฉันอยู่ตรงนี้ " ยิ้มให้เค้าตอนนั้นคีย์ก็ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะก้มหน้าลงต่ำ เค้าซบลงที่แขนเสื้อผมคล้ายว่ากำลังจะร้องไห้ ภาพที่ชวนให้หัวใจของผมแทบจะหยุดเต้น เป็นทั้งความรู้สึกที่ทั้งเจ็บปวดและทรมาน

   ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะผม ผมทำมันเองทั้งหมด ผมทำลายชีวิตของใครคนนึงที่ไม่ว่าจะหาทางแก้ไขยังไง มันก็จะไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก ' เจ็บปวดแล้วเหรอวะ กับการที่เค้านอกใจ แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าตอนนี้มันเจ็บกว่า เจ็บที่ต้องรู้สึกว่าเค้ากำลังเจ็บและทรมาน ทำไมถึงรู้สึกเจ็บขนาดนี้ ทั้งที่ก็เป็นเราเองไม่ใช่เหรอ ที่ทำร้ายเค้า ' ผมก้มหน้าลงกัดริมฝีปากตัวเองจนรู้สึกชาไปหมดเรายืนนิ่งกันอยู่แบบนั้นไม่ได้พูดคุยอะไร เหมือนต่างฝ่ายกำลังคิดถึงเรื่องที่กำลังเสียใจอยู่ไม่ต่างกัน

   ฝนที่ตกลงมาผมเงยหน้ามองมัน ถ้าความเสียใจเป็นเหมือนสายฝนก็คงดี เพราะเวลาฝนตกลงมามันจะชอบตกลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตาแล้วพอไม่นานฟ้ามันก็จะสดใสขึ้น ราวกับว่ามันได้ร้องไห้ระบายออกไปจนหมดแล้ว แต่จิตใจมนุษย์ไม่เหมือนกัน ต่อให้ร้องไห้สักกี่ครั้ง ก็ยังจดจำความรู้สึกทุกอย่างนั้นได้ดี

“ ฝนเริ่มซาแล้วละ กลับบ้านกันเถอะก่อนที่มันจะตกหนักลงมาอีกรอบ  " ผมหันไปบอกอีกคน มือที่กระชับเค้าแน่นขึ้น เราเดินออกจากชายคาร้านค้าที่คนเริ่มมาเข้ามาเบียดเยอะขึ้น มือข้างนึงของคีย์ยกขึ้นบังฝนที่ตกลงมาใส่หัวเราที่รีบเดินแต่ระยะที่ยังอีกไกลนั้น ทำให้ผมปล่อยมือเค้าก่อนจะคว้าเอากระเป๋าเป้ที่สะพายหลังขึ้นบังฝนที่กำลังตกลงมาใส่เรา

   ร่างบางหยุดนิ่งไปตอนที่ประเป๋าของผมถูกยื่นมาบังหัวให้เค้า แววตาที่เหมือนกำลังตั้งคำถามเชิงสงสัย " ถ้านายเป็นหวัด จะไปทำงานได้ไงละถูกมั้ย รีบเดินเถอะน่า สงสัยอะไรนัก มันแปลกรึไงที่ฉันจะยกกระเป๋าตัวเองบังฝนให้นาย "

“ ก็ไม่แปลก " คีย์ตอบ " แค่ไม่คิดว่าตอนนี้ นายจะยังทำให้อยู่ "

“ ไม่อยากจะให้ฉันทำว่างั้นเถอะ " ผมถามอีกคนก็หันมามองหน้า เค้าที่ไม่ตอบอะไร ผมก็ยกยิ้ม " เอาน่าเดินกลับกันเถอะ ไม่ต้องคิดมากหรอก  ถ้านายเป็นหวัดฉันก็ต้องดูแลอีกแบบนั้นก็ควรดูแลนายให้มันดีๆตั้งแต่ตอนนี้ ไม่ใช่เหรอ "

" คำพูดนั่นแหละ ที่แปลก " เค้าพูดสั้นๆก่อนที่เค้าจะเดินออกไปจากกระเป๋าของผมที่ยกขึ้นบังหัวให้เค้า มันดูแปลกเหรอวะ ผมคิดกับตัวเอง ก็แค่ไม่อยากจะให้เค้าป่วยอีกอย่างเห็นเอามือยกบังหัวก็คิดว่ากลัวเปียกเลยเสียสละยกกระเป๋าบังให้

" อะไรของเค้า " ผมบ่นก่อนจะเดินตามอีกคนที่ก็หยุดชะงักไปทันทีตอนที่ถึงใต้คอนโด  ผมเดินเข้าไปใกล้ร่างบางที่ขยับเข้ามาหา มองดูไปรอบๆเหมือนคนหวาดระแวง " วันนี้เค้าคงไม่มาหรอก " ผมบอก " ทำให้คนกระโดดตึกตายได้ ป่านนี้คงโดนตำรวจสอบสวนอยู่ ไม่ว่างมาดักฉุดนายหรอกน่า "  เค้าถอนหายใจออกมาตอนที่ผมพูด เราเดินเข้าตึกกันเงียบๆ เปิดประตูเข้าไปในห้องอีกคนก็หย่อนตัวลงนั่งบนโซฟา

“ นายจะอาบน้ำก่อนก็ได้นะ " เค้าบอกก่อนจะนั่งนิ่งๆอยู่แบบนั้นเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

“ เป็นอะไรรึเปล่า " ผมถามก่อนจะนั่งลงข้างๆ

“ เปล่า ฉันแค่นั่งคิดว่า ถ้าคนเราย้อนเวลากลับไปได้ก็ดีนะ " เค้าเริ่มพูดกับผมตอนที่นั่งนิ่งไปสักพัก " ฉันน่ะ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ตอนนั้น ตอนที่ได้ยินเค้าพูดโทรศัพท์กับหัวหน้าก็คงบอกเค้าไปว่า ฉันได้ยินในสิ่งที่เค้าพูด ฉันคงถามเค้าออกไปว่า เค้าโดยบังคับอะไร ไปแจ้งตำรวจกันมั้ย ฉันคงจะจับมือเค้าไว้แล้วบอกว่า เพื่อนที่ทำงานไม่พูดด้วยเหรอ ไม่เป็นไรนะ ฉันจะอยู่ข้างๆนายเอง ไม่เป็นไรหรอก มันไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น ทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้วต่อให้เค้าขู่ว่าจะปล่อยคลิปออกมาอีกก็ปล่อยเค้าไป ยังไงมันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ทำวันนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า ฉันจะอยู่ข้างๆนายนะ แต่ตอนนั้นฉันทำได้แค่เงียบ สิ่งที่ฉันทำคือ ทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นเพราะตอนนั้นฉันคิดตื้นๆแค่ว่า เพราะไม่อยากจะให้เค้าลำบากใจ ฉัน.. ไม่น่าเลย ฉันไม่น่าเลยจริงๆนะ ฟาน อึก ฉันน่าจะช่วยเค้าไว้ อึก ฮือๆ " เค้าที่ก้มหน้าลงร้องไห้ ผมเอื้อมไปกอดไหล่เค้าไว้ก่อนจะดึงเข้ามาซบที่อก

    ผมเงียบไม่ได้พูดอะไรออกไปทั้งนั้น ไม่อยากจะบอกให้เค้าหยุดคิดมาก หรือหยุดร้องไห้ เพราะคิดว่าการระบายคงเป็นทางที่ดีที่สุดในตอนนี้

“ ฉันน่ะ ตอนที่เค้าบอกจะไม่กินข้าว ฉันน่าจะตื่้อเค้า แล้วพาเค้าไปกินข้าว ฉันน่าจะสังเกตว่ากระดาษที่กำลังเขียนนั่น เค้าเขียนอะไรอยู่ ถ้าฉันรู้ว่ามันคือกระดาษที่เขียนจดหมายลาตายไว้ ฉันจะห้ามเค้า ฉันจะห้ามเค้าไว้ อึก ฮือๆ ฉันน่าจะห้ามเค้าไว้ "

“ ใจเย็นๆ ใจเย็นๆนะ " ผมลูบหลังเค้าที่ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

“ นายรู้มั้ย ฉันเห็นตั้งแต่ที่เค้ายังไม่กระโดดเลย ตอนที่เค้ากำลังยืน อยู่ที่ชั้นดาดฟ้าของอาคาร ตอนนั้นฉันอยากจะเดินออกไปห้ามเค้าไว้ แต่ร่างของเค้าก็ลอยออกมาจากอาคารซะก่อน มันเร็วมาก ใช้เวลาไม่นานเลย แค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นสั้นกว่าช่วงเวลาที่เค้าต้องทรมานซะอีก แล้วพอมาคิดว่า คนที่ทำให้เค้าต้องเป็นแบบนนี้ กลับไม่ได้รับโทษอะไรทั้งนั้น เค้ายังคงสุขสบาย มีความสุข ถึงจะโดนข้อหาแต่ก็ถูกปรับไม่กี่บาท ไม่คุ้มเลยกับชีวิตที่เสียไป ทั้งๆที่เค้าน่าจะรับบทเรียน บทเรียนที่จะทำให้เค้าไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในโลกด้วยด้วยซ้ำ "

“ เค้าต้องได้รับบทเรียนแน่นอน " ผมบอก " ไม่มีความชั่วอะไรที่จะไม่ได้รับผลของการกระทำหรอก แต่แค่เราไม่รู้ว่าเค้าจะได้รับผลจากการกระทำแบบไหน มันก็เท่านั้น " เพราะฉันเองก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะได้รับผลจากการกระทำของตัวเองอยู่ ทั้งๆที่บอกว่าเกลียดแต่ในใจก็ค่อยๆเริ่มทรมานไปช้าๆ เจ็บปวดและเริ่มเกลียดตัวเองมากขึ้นไปเรื่อยๆ กับการกระทำที่บอกว่าปกป้องตัวเองในครั้งนั้น แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ มันคือการทำร้ายคนอื่น ชั่วชาติเกินกว่าจะเรียกตัวเองว่า คน ได้เต็มปาก

“ นายคิดแบบนั้นเหรอ " ตาแดงๆเงยหน้าขึ้นถามผม เราที่มองตากันในตอนนั้น ผมพยักหน้ารับก่อนจะดึงเค้าเข้ามากอด ก้มหน้าลงค้ำกับหัวหอมๆ

“ กฏหมายอาจจะมีช่องว่างให้หนีได้ แต่ไม่มีใครหนีกฏแห่งกรรมได้หรอก "

“ ก็คงจริง " คีย์เงยหน้าบอกผม เราที่สบตากันในตอนนั้นเหมือนทุกอย่างมันหยุดไป ริมฝีปากสวยที่กำลังเผยอพูดอะไรอย่างผมก้มลงไปใกล้ เผลอลืมความรู้สึกของเราไปในชั่วขณะนึง ผมจูบเค้า ประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากนั้นจูบอยู่นานก่อนจะส่งลิ้นร้อนๆออกไปแตะที่ริมฝีปากของเค้าที่ก็ตอบรับด้วยการเผยอรับลิ้นของผมให้เข้าไปข้างในนั้น เกลียวลิ้นของเรากอดเกี่ยวเข้าหากัน จูบเนิ่นนานที่ทำให้มือของผมที่กอดเค้าอยู่เริ่มกอดเค้าแน่นขึ้น

   ดึงชายเสื้อที่เค้าสวมอยู่นั้นขึ้นจากขอบกางเกง มือของผมไล่ขึ้นไป ลูบไล้ผิวกายขาวเนียน หน้าท้องที่หดเกร็งของเค้าตอนที่มือผมไล้ขึ้นเกือบจะถึงยอดอก แต่อยู่ๆคนตรงหน้าก็เบิกตากว้างก่อนจะผลักผมให้ออกห่างแล้วตะโกนออกมา

" อย่านะ! “ เสียงสั่นๆที่ผมได้ยินเค้าส่ายหน้าไปมาก่อนจะค่อยๆถอยหลังออกไปให้ห่างจากผมจนชิดขอบโซฟาอีกด้าน " อย่าทำฉัน อย่าทำนะ อย่าทำ " น้ำตาของเค้าไหล มันไหลออกมาอาบใบหน้าที่กำลังไม่มีสติ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เค้าเห็นผมเป็นใคร ไม่รู้ว่าสมองของเค้ากำลังคิดอะไรอยู่ คิดถึงหัวหน้าที่กำลังทำร้ายเค้า คิดถึงผู้ชายสองคนนั้น หรือกำลังคิดอะไร แต่ที่แน่ๆที่เค้าคงคิดถึงฝันร้าย ฝันร้ายที่ไม่ว่ายังไงเค้าก็ไม่มีวันลบออกไปจากสมองของตัวเองได้

" คีย์ " พอเอ่ยเรียกเค้าสายตาเกร็งๆนั่นก็ค่อยๆผ่อนลง คีย์ถอนหายใจออกมาเค้าหลบหน้าผมหันไปทางอื่นตอนที่ตัวเองได้สติ " ผมขอโทษ "

“ ฉัน ฉันไม่เป็นไร  ฉันแค่... คิดถึงอะไรนิดหน่อย " มือบางเอื้อมมือจับท้ายทอยของตัวเองก่อนจะจิกนิ้วลงบนผิวเหมือนกำลังระบายความเจ็บปวด และความเครียด เลื่อนมือขึ้นสางผมก่อนกระชากมันซ้ำๆ

“ อย่าทำแบบนี้ ไม่เจ็บรึไง " ผมคว้ามือเค้ามากุมไว้ เอื้อมมืออีกข้างลูบผมที่กำลังยุ่งเหยิงให้เข้าที่ " ไม่เป็นไร ผมจะไม่ทำแบบนั้นกับคุณอีก ไม่เป็นไรนะ ไม่มีอะไร ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น "

“ ฉันแค่อยากจะเอามันออกไปจากหัวของฉัน อยากจะเอามันออกไปจากร่างกายของฉัน " มืออีกข้างของเค้าเริ่มขยับมาดึงชายเสื้อของตัวเองออก ขยำขยี้เสื้อผ้าที่สวมใส่ก่อนจะกระชากมันแรงๆ น้ำตาที่ไหลออกมาของเค้าพร่ำพูดแค่สิ่งที่ตัวเองรู้สึกอยู่ในใจนั้นลึกๆ " มันอยู่ข้างในนี้ มันยังอยู่ข้างใน ข้างในตรงนี้ มันยังอยู่ ยังอยู่ ยังอยู่ " มือของเค้าเริ่มกระชากเสื้อที่สวมอยู่แรงขึ้น " ฉันสกปรก ฉันต้องไปอาบน้ำ อาบน้ำ ใช่ ต้องอาบน้ำ " เค้าลุกขึ้นจากที่นั่ง ตรงเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ผมเดินตามเค้าเข้าไปข้างใน

   เค้าในตอนนั้นเปิดประตูห้องน้ำแล้วพุ่งตรงไปเปิดน้ำที่ฝักบัวทันที น้ำที่ไหลออกมา มือบางถูไปตามร่างกายตัวเอง ปากก็พร่ำบอก " ฉันมันสกปรก ฉันมันสกปรก " สบู่เหลวเป็นขวดถูกปั้มออกมาเยอะแยะจนมันหกเละเลอะไปหมด เค้าฟอกสบู่ลงบนร่างกายของตัวเองทั้งๆที่ยังคงใส่เสื้อผ้าอยู่ ถูไปเรื่อยๆ ปากก็คอยแต่พูดอยู่อย่างเดียว " สกปรก สกปรก สกปรกที่สุด " เสื้อตัวนั้นถูกกระชากออก กางเกงทุกอย่างถูกถอดออกจนเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่า เค้ากดสบู่ถูตัวอีกครั้ง ก่อนจะดึงเอาใยขัดตัวมาถูตัวเองด้วยแรงทั้งหมดที่เค้ามี " ออกไป ออกไป ออกไปสักที ออกไปสักทีสิ ออกไป ออกไป อึก ออกไป ออกไปสักทีวะ ออกไปจากตัวฉัน ออกไป !! " เค้าตะโกนออกมา มือที่ยังใช้ใยขัดตัวถูกตัวนั้นเริ่มถูแรงขึ้นอีก จนผิวขาวนั้นเริ่มแดงและอีกไม่นานคงถลอก

    ผมที่ได้แต่ยืนมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำที่ไม่ได้คิดของผม ผมมันไม่ใช่คน ผมรู้สึกแบบนั้น ผมทำแบบนั้นลงไปได้ยังไง ปกป้องตัวเองเหรอ ? ตอนนั้นคิดอะไรอยู่ ผมทำลายความสุขของคนนึงไปตลอดชีวิต เหมือนฆ่าเค้าให้ตายทั้งเป็นด้วยการให้เค้าอยู่ในความทุกข์และความทรงจำที่จะคอยตามหลอกหลอนเป็นเงา

   ผมรู้สึกหายใจไม่ออก ทุกอย่างตื้อไปหมด ทุกอย่างที่รู้สึกมันบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ คำพูดที่อยากจะพูดออกไปถูกปิดสนิท ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เคยปากดีแล้วไม่เคยยอมรับเลยว่า สิ่งที่ตัวเองทำมันเลวร้ายแค่ไหน ยังคงเป็นเด็กปากดีทั้งๆที่ได้ลงมือฆ่าคนคนนึงไปแล้ว

   น้ำตาของผมไหลออกมา เบือนหน้าหนีไม่มองก็ยังเห็นมันอยู่แบบนั้น ภาพตรงหน้า ภาพของคนที่ผมรักและกำลังทำร้ายตัวเอง กำลังบอกว่าตัวเองสกปรก สกปรกเพราะผม เป็นคนทำให้มันสกปรก ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะคนแบบผม คนที่เคยบอกว่ารักเค้ามาก แต่วันนี้กลับทำร้ายเค้า

   ' ผมรักคุณนะ ' นี่เหรอคำพูดที่ผมเคยบอกเค้าไว้ คำว่ารักที่แค่เพราะเค้าทำให้เจ็บก็เลยทำร้ายเค้า ทั้งๆที่ มีวิธีอื่นอีกมากมาย แต่ผมกลับเลือกใช้วิธีสิ้นคิดแบบนั้น กลับเลือกใช้วิธีที่เหมือนฆ่าคนอื่นทั้งเป็นแบบนั้น

“ พอได้แล้วครับ คุณคีย์ " ผมเดินเข้าไปหาเค้าในห้องน้ำ ปิดน้ำที่กำลังเปิดล้างตัวเค้าอยู่ ก่อนจะคลุมร่างบางด้วยผ้าขนหนูผืนหนาแล้วดึงเค้าเข้ามากอดไว้ " พอแล้ว คุณไม่ได้สกปรกหรอก คุณคีย์ คุณไม่เคยสกปรกเลย คุณยังสะอาดเสมอ พอได้แล้วนะ  หยุดอาบน้ำได้แล้ว ไม่เป็นไรนะ " ผมกอดเค้าแน่นขึ้น น้ำตาที่ไหลออกมาพร้อมๆกับเค้าที่ก็นิ่งลงไป ก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ผมที่ตอนนั้นซบลงไปบนไหล่เค้า คำว่าขอโทษนับพันที่อยากจะพูดออกมาแต่ก็ลบล้างความผิดของตัวเองไม่ได้ ลบล้างความทรงจำของเค้าไม่ได้  เป็นคำขอโทษที่ไม่รู้ว่าพอพูดออกไปแล้ว เค้าจะให้อภัยกันรึเปล่า

“ ฉันมันคนสกปรก ฟาน ฉันมันคนสกปรก “

" คุณไม่ได้สกปรกหรอก  แต่คนที่สกปรกคือผมตังหาก จิตใจของผมมันสกปรก " 

...................................................................

ส่งท้ายปีเก่า ด้วยฟานคีย์เหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือ มาช้ากว่าปกติ
ไปกินเลี้ยงมาาาาาา #ยิ้มหวาน 
สงสารคีย์เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือน้องฟานได้สติแล้ว คราวนี้ไม่มีการ รับผิดแต่ยังบอกว่าตัวเองไม่ผิดอีกต่อไป
ความรู้สึกโกรธที่ค่อยๆ จางหายไป กลายเป็นความผิดชอบชั่วเดีที่เข้ามาแทนที่
แผลสดที่กำลังค่อยๆตกสะเก็ดนั่น แน่นอนว่าต้องหลงเหลือร่องรอย
เพราะงั้น ต่อจากนี้ ก็มาจัดการแผลนี้ และอยู่กับมันเถอะ

สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะคะ ขอให้คนอ่านของหนมมีความสุข
สมหวัง และขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามา
ส่วนตัวหนมเองจะพยายามเขียนนิยายดีๆออกมาเช่นกันในปีหน้า
ปีนี้ผิดพลาดยังไง รู้สึกไม่ดียังไง ขอให้ผ่านไปนะคะ ปีหน้ามาเริ่มกันใหม่นะคะ
หนมมี่ผู้ใสซื่อ

ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตและแชร์ในเฟสด้วยนะจ๊ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 61 ' สกปรก ' UP - 30.12.59} หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-12-2016 22:11:17
 :เฮ้อ: :L2: :pig4:

กำลังจะเห็นแสงส่วงที่ปลายอุโมงค์หรือยังหนอ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 61 ' สกปรก ' UP - 30.12.59} หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 30-12-2016 22:16:27
แง่งงงงงงงงงงงงง :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 61 ' สกปรก ' UP - 30.12.59} หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 30-12-2016 22:21:04
ต้องพาคีย์ไปบำบัดจิตให้หายนะฟาน

จะอยู่ด้วยกันหรือไม่ ไม่สำคัญละ ขอให้คีย์อยู่อย่างมีความสุขกับชีวิตด้วยตัวเองจะดีกว่า

 :ling3:  :ling3:  :ling3:  :ling3:

....
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 61 ' สกปรก ' UP - 30.12.59} หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 30-12-2016 22:29:40
โธ่คีย์
สุดท้ายก็เจ็บปวดกันหมดนะฟาน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 61 ' สกปรก ' UP - 30.12.59} หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 30-12-2016 23:46:03
อะไรจะทำให้คีย์เลิกเป็นแบบนี้ เวลาหรอ บางครั้งการนอกใจมันมีบทลงโทษแรงขนาดนี้กันเลยหรอ มันจะอโหสิต่อกันไม่ได้เลยหรอ แต่ที่แน่ๆอยากเห็นอิหัวหน้าทรมานบ้าง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 61 ' สกปรก ' UP - 30.12.59} หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 31-12-2016 00:30:14
สงสารคีย์เหลือเกินนนน :o12: ถ้าสำนึกได้แล้วก็พาคีย์ไปรักษาด้วยนะฟาน :beat:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 61 ' สกปรก ' UP - 30.12.59} หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 31-12-2016 02:44:55
โอ้ยยยสงสารคีย์ๆๆๆ
แผลเริ่มตกสะเก็ดแล้ว ฟานก้ทายาแก้แผลเป็นน่าจะช่วยได้
แล้วหลังจากนั้นก้ไปเลเซอร์ออกซะนะ
ฮืออออออ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 61 ' สกปรก ' UP - 30.12.59} หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: p^tarn ที่ 31-12-2016 08:20:59
น้ำตาไหลพรากกกกกกกกกอือออออออ :o12:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 61 ' สกปรก ' UP - 30.12.59} หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 31-12-2016 09:37:40
ชอบตอนนี้จัง เหมือนทุกอย่างมันกำลังจะดีขึ้น หวังว่าจะไม่มีอะไรแย่ๆมาอีกนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 61 ' สกปรก ' UP - 30.12.59} หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 31-12-2016 09:57:45
สุดท้ายก็เสียใจกันทุกคน

ฟานจะรักษาแผลที่ทำไว้ได้ไหม
แล้วคีย์จะลืมแผลนี้ได้หรือเปล่า

สงสารทั้งคู่เลยค่ะ ได้รับผลจากการกระทำแบบไม่ต้องร้องขอ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 61 ' สกปรก ' UP - 30.12.59} หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 31-12-2016 10:03:30
ทุกอย่างจะผ่านไป ..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 61 ' สกปรก ' UP - 30.12.59} หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 31-12-2016 10:20:03
ไม่อยากให้คีย์ลงเอยกับฟาน เพราะฟานเป็นคนที่ไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้น
ยึดติดแค่ความคิดของตัวเอง  ไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไรถ้าไปทำให้ไม่พอใจ
สงสารคีย์จังงงงงง เบื่อฟานมากๆ ย้ำแต่เรื่องเดิมๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 61 ' สกปรก ' UP - 30.12.59} หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 31-12-2016 11:19:47
รอวันหัวหน้าได้รับผลกรรม  :fcuk: :fcuk:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 61 ' สกปรก ' UP - 30.12.59} หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 31-12-2016 11:40:08
ควรไปปรึกษาจิตแพทย์ด้วยกัน ให้ผู้เชียวชาญดูแล
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 61 ' สกปรก ' UP - 30.12.59} หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 31-12-2016 15:03:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 61 ' สกปรก ' UP - 30.12.59} หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 31-12-2016 16:43:25

ทั้งคู่ ต้องสู้ไปด้วยกันนะ

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 61 ' สกปรก ' UP - 30.12.59} หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 31-12-2016 21:01:44
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 61 ' สกปรก ' UP - 30.12.59} หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 31-12-2016 22:33:58
ผลตอบแทนการทำโดนไร้สติคิดแต่จะทำร้ายกันสุดท้ายก็เจ็บทั้งคู่

รอให้นังหัวเน่านั้นรับกรรมที่มันทำโดยเร็วววว


ปล.สวัสดีปีใหม่จ้าาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 61 ' สกปรก ' UP - 30.12.59} หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 01-01-2017 01:34:43
สงสารคีย์  งื้ออออออ


เผลอใจครั้งเดียวตายทั้งเป็นตลอดชาติ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 62 ' คำสารภาพผิด ' UP - 1.1.60} หน้า 37 (สวัสดดีปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 01-01-2017 20:39:11
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 62
' คำสารภาพผิด '

   เสียงสะอื้นที่ค่อยๆนิ่งลงจนหยุด ผมพาร่างบางที่ดวงตายังแดงเพราะร้องไห้อย่างหนักมานั่งลงบนเตียง ผ้าขนหนูผืนหนาที่คุมร่างของเค้าไว้ ผมจัดการเดินไปหยิบชุดนอนออกมาให้แม้อีกคนจะบอกว่าไม่เป็นไรแล้วขอจัดการตัวเองก็ตาม เปิดประตูตู้เสื้อผ้า ผมหยิบชุดนอนของอีกคนขึ้นมา ก่อนจะผ่อนลมหายใจอีกครั้งเพราะภาพของเค้ายังคงติดอยู่ในตาของผม เค้าที่กำลังร้องไห้ ขยี้ร่างกายตัวเองราวกับเกลียดและขยะแขยงมันเสียเหลือเกิน

   ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะผม ไม่มีข้ออ้างอื่น เพิ่งมารู้ตัวตอนนี้ ตอนที่ได้มาเห็นทุกอย่างด้วยตาตัวเอง ว่าความเจ็บปวดในตอนนั้น ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะทำร้ายคนอื่นแบบนั้น ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เคยปากดีเพราะว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะเค้าทำให้ผมต้องเจ็บปวดก่อน เค้าเข้ามายุ่งกับผม ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไปก่อน ก็เลยต้องลงมือทำร้าย แต่ตอนนี้พอมาย้อนคิดไปกลับคิดว่าสิ่งที่ทำนั้นมันไม่ใช่ ถ้าย้อนไปได้ ผมจะไม่ทำมัน จะไม่ปากดีว่าเค้า จะไม่แม้ที่จะคิดอะไรสั้นๆแบบนั้นเพราะความโมโหของตัวเองอีก
 
   ทั้งๆที่เคยคิดว่าความเจ็บปวด ตอนที่ถูกนอกใจ มันเจ็บมากแล้ว แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ถ้าเทียบกับตอนนี้นั่นอาจจะแค่ความเสียใจ แต่ตอนนี้ ตอนที่ผมเห็นคนที่ผมรักต้องเป็นแบบนั้น ต้องทรมานเพราะสิ่งที่ผมทำ ก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างในใจผมมันชัดมากขึ้น จากเคยไม่แคร์เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็หาย แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าทุกอย่างที่คิดมันสวนทางกัน ทุกอย่างไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ความทรงจำที่โหดร้ายไม่ได้ถูกลบออกง่ายขนาดนั้น ทั้งเรื่องที่เค้าไม่กล้าเข้าใกล้คนอื่น ทั้งเรื่องที่เอาแต่จดจำเรื่องราวเหล่านั้นเวลาที่ไปสะกิดต่อมความทรงจำเข้า ก็เหมือนไปสะกิดโดยแผลของเค้า แผลที่เค้าทั้งเจ็บปวดและทรมาน

   มารู้ก็ตอนนี้ ว่าไม่ควร มารู้ก็ตอนที่สายไปแล้ว มารู้ว่าความเสียใจที่รู้สึกตอนที่ถูกใจ นอกใจ หรือโดนทิ้ง นั่นอาจจะเรียกแค่ว่าความเสียใจเท่านั้นเพราะตอนนี้สิ่งที่ผมรู้สึกมันคือทั้งเสียใจและเจ็บปวด ทรมาน 

“ ฟาน " เสียงที่เรียกดังมาจากห้องนอน ผมสะดุ้งหยุดสิ่งที่คิดก่อนจะหยิบชุดที่ใส่ง่ายๆ ออกมาให้เค้า เป็นแค่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น

“ มีอะไร " ผมออกมาจากห้องแต่งตัวแล้วเอ่ยถาม ยื่นเสื้อผ้าให้เค้าอีกคนก็ส่ายหน้า

“ แค่เห็นเข้าไปนาน ก็เลยสงสัย "

“ หาเสื้อผ้าให้นายอยู่น่ะ เลือกไม่ถูกว่า นายจะใส่อะไรดี "

“ แค่ชุดนอน ใส่ได้ทั้งนั้นแหละ " อีกคนบอกก่อนจะยิ้มให้  รอยยิ้มที่ยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่มากขึ้นไปอีก คนคนนึงจะยิ้มให้คนที่เคยทำร้ายตัวเองได้ยังไงกัน ต้องใช้ความรู้สึกแบบไหนที่ทำแบบนี้ ทำไมเค้ายังกล้าที่จะยิ้มให้คนที่ทำให้ตัวเองต้องเป็นแบบนั้นได้ยังไง ยังใจดี ยังบอกว่าไม่เป็นไร ได้ยังไง ทำไมไม่ผลัก ไม่ตบ ไม่ตี ทำไมไม่ทำแบบนั้น ทำไมไม่รู้สึกโกรธผมบ้าง ในสิ่งที่ผมทำกับเค้า ทำไมไม่ทำร้ายผมเหมือนกับผมที่ทำเค้าตอนที่โกรธเค้า " ฟาน ร้องไห้ทำไม "

" หื้ม ?  " คำถามที่เหมือนเรียกสติ ไม่รู้เลยว่าตัวเองร้องไห้ ผมหัวเราะออกมาตอนที่ยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเอง " อ้าว. ฉันร้องไห้เหรอเนี้ย ฉันร้องไห้ทำไมวะ "

“ มีอะไรรึเปล่า คิดอะไรอยู่ " เค้าถามก่อนจะเอียงหน้ามองผม " คิดเรื่องของฉันเหรอ สงสารฉันเหรอ " คำถามที่ทำให้ผมเงียบ ไม่ได้ตอบอะไรเค้าทั้งนั้น คีย์ที่ยังยิ้มเค้าหัวเราะออกมาเบาๆ "  ไม่ต้องสงสารฉันหรอก ตอนที่ฉันทำร้ายนาย ฉันยังไม่เคยคิดสงสารนายเลยนะ ยังคงนอกใจนายโดยไม่คิดถึงหัวใจของนายเลยสักนิด "

“ ฉันว่านายไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ นายทำร้ายฉันหรอก " ผมบอก " ฉันไม่อยากฟังมัน เลิกพูดเรื่องนั้นได้แล้ว ถ้าอยากจะให้ฉันลืม ก็เลิกพูดมันเถอะ ฉันจะได้ลืมมันสักที " เพราะถ้ายิ่งพูดผมก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองแย่ ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองทุเรศจนแทบไม่น่าจะอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ มันมีคำถามมากมายอยู่ในหัวผม ' เจ็บปวดเหรอมึง ตอนที่เห็นเค้าชอบคนอื่น เจ็บปวดมากสินะ ถึงต้องให้คนไปทำกับเค้าแบบนั้น ถึงต้องไปทำลายชีวิตเค้าแบบนั้น '

   ทุกอย่างวนเวียนเหมือนวงกลมที่ไม่มีที่สิ้นสุด ตอนนี้ทุกครั้งที่คิดถึงความเจ็บปวดของตัวเอง ก็จะคิดถึงตอนที่แค้นเค้าจนต้องทำร้ายเค้า คิดถึงสีหน้าตอนที่เค้ากรีดร้อง คิดถึงท่าทางตลอดสองสามวันที่ผมเห็น คิดถึงคนที่พูดเรื่องความตายด้วยสีหน้า ยิ้มๆแบบไม่รู้สึกอะไร ราวกับจะเตรียมตัวตายอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมของมัน

“ ฟาน "

“ ทำไม ไม่อยากจะทำร้ายฉันบ้าง ตบฉัน ผลักฉัน หลังจากวันที่นายรู้ว่าฉันเป็นคนทำ ทำไมถึงไม่คิดทำให้ฉันเจ็บบ้าง " ผมเงยหน้าถามเค้า สบสายตาที่ชวนให้น้ำตาไหล

   มันรู้สึกอึดอัด อึดอัดที่เค้าไม่รู้สึกอยากจะทำร้ายอะไรผมทั้งนั้น ทั้งๆที่ผมทำร้ายเค้าถึงขนาดนั้นแต่เค้าก็ยังถามแค่สั้นๆว่า ' นายเกลียดฉันขนาดนั้นเลยเหรอ ' แล้วคำตอบของผมในวันนั้นคือ ' ใช่ ฉันเกลียดนาย ' เกลียดที่ทำให้ต้องเสียใจขนาดนี้ เกลียดที่ต้องร้องไห้ให้กับคนที่ทุ่มเทให้ทุกอย่าง ทั้งๆที่พยายามรั้งยังไง เค้าก็ไป เหมือนไม่เคยเห็นค่าความรู้สึกรักทุ่มเทที่ให้กันเลย แล้วพอคิดว่า เค้ารัก และ หลอกเราอยู่นาน ตลอดเวลาที่อยู่กับเรา ก็กำลังรักคนอื่นอยู่ ตอนนั้นก็ยิ่งเกลียด เกลียดคนที่หักหลังกันคนนี้ เกลียดที่สุด .. เกลียดจนทำได้ทุกอย่างเพื่อไม่ให้เห็นหน้าเค้า เกลียดจนทำเรื่องแบบนั้นลงไป


" ฉันก็ทำให้นายเจ็บแล้วนี่ ยังจะต้องทำอีกเหรอ ฉันไม่คิดว่าฉันต้องทำหรอก ตบไป ตีไป ก็เจ็บมือเปล่าๆ ส่วนคนที่โดนตบโดนตีพรุ่งนี้เดี๋ยวก็หาย แต่ฉันไม่ได้หายไปด้วยนี่ ใจก็ยังคิดอยู่ ยังนึกถึงอยู่ แบบนั้นจะตบจะตีไปทำไม อีกอย่าง นายเองก็เจ็บมากไม่ใช่เหรอ ฉันว่าคนอย่างนายคงไม่ทำร้ายฉันหรอก ถ้านายไม่เจ็บมากแล้วแค้นมากละก็ นายคงไม่.. " เค้าถอนหายใจออกมา
   " ฉันนอกใจนายทั้งๆที่ตลอดเวลานายทั้งแสนดี ดูแล เอาใจใส่ แต่ฉันก็ยังนอกใจนาย ไปหาใครอีกคน ทั้งๆที่ก็รู้ว่านายเป็นคนยังไง รู้ว่าชีวิตของนายตอนเด็กๆเป็นยังไง เกลียดการโดนทิ้งแล้วโดนหักหลังมากแค่ไหนแต่ฉันก็ยังทำ ยังทำให้นายเจ็บ " เค้ายิ้มก่อนจะก้มหน้าลง " แล้วตอนนี้คนที่ยังดูแลฉัน ก็ยังคงเป็นนาย นายเข้ามาดูแลฉันเพื่อให้ฉันรอดพ้นจากคนคนนั้น คนที่ครั้งนึงฉันเคยนอกใจนายไปหาเค้า รู้มั้ยบางทีฉันอยากจะถามนายเหมือนกันว่า เวลาฉันเห็นกับเค้าอยู่ใกล้กัน ไม่ว่าจะเถียงหรืออะไรก็แล้วแต่  นายยังรู้สึกเจ็บบ้างรึเปล่า คิดอยู่ตลอดเวลาใช่มั้ย เวลาที่ฉันมองเค้า  นายเองก็ยังเจ็บใช่มั้ย "

" อื้ม ก็ยังเจ็บอยู่ " เจ็บที่เห็นเค้า แล้วคิดถึงว่าเมื่อก่อนเค้าเคยมีความรู้สึกยังไงต่อกัน เค้ากอดกัน จูบกันบ้างมั้ย เค้าเคยมีอะไรกันรึเปล่า เคยมีความสุขตอนที่ได้อยู่ด้วยกัน เคยมีความสุขมากกว่าตอนที่อยู่กับผมใช่มั้ย ตอนนั้นสมองก็เอาแต่คิดเรื่องแบบนั้น มันไม่ได้คิดอะไรในแง่ดีเลย คิดแต่เรื่องแง่ร้ายไปหมด

" นายเลิกเถอะ ความคิดว่า ความเจ็บปวดของฉันมันเยอะกว่า หรือที่นายทำมันไม่ใช่คน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้วฟาน เรากลับไปแก้ไข หรือนั่งเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้แล้ว เพราะถ้ากลับไปแก้ไขได้ ฉันคงจะกลับไปแก้ไขมันนานแล้วละ แก้ไขไม่ให้ตัวเองนอกใจนาย ถ้าย้อนกลับไปได้ ฉันจะไม่มีวันทำร้ายนาย แล้วทุกเรื่องทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นตอนนี้ มันก็จะไม่มีวันเกิดขึ้น เราจะยังรักกันเหมือนเดิม ตอนเช้านายก็ยังทำอาหารให้ฉันกินเหมือนเดิม เรายังคงมีความสุขกับเสาร์อาทิตย์ที่ฉันว่าง ตอนเย็นเราคงได้ออกไปกินของอร่อยๆ ดูหนังด้วยกัน หรือว่าทำเรื่องที่คนเป็นแฟนเค้าทำกัน มีความสุขในแบบของเรา " เค้าก้มหน้าลง ผมก็ดึงตัวเองไปกอดเค้าไว้ คีย์ร้องไห้ เค้าก้มหน้าซบลงที่ไหล่ผมแล้วร้องไห้ออกมา " สำหรับฉันแล้วถ้ามีเรื่องอะไรสักอย่างที่ทำให้เราโกรธกัน ตอนนั้นคงเป็นแค่เรื่องที่ฉันไม่ยอมออกไปเที่ยววันอาทิตย์กับนาย หรือว่ากินข้าวที่นายทำไม่หมดมันก็เท่านั้น  คงไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรอก "

" คีย์..”

" เสียใจกับมันไปก็เท่านั้น คิดว่าไม่น่าทำลงไปเลยมันก็เท่านั้น เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว เราแค่ต้องปรับตัวยอมรับกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น แก้ไขสิ่งที่ทำลงไปแล้ว และตั้งสติต่อจากนี้ว่า จะไม่ทำมันผิดซ้ำสองอีก "

" ผมขอโทษ " ผมกอดเค้าไว้แน่น แล้วพูดออกมาจากความรู้สึกผิดของตัวเองที่อยู่ในใจ มันไม่มีคำพูดอะไรที่ต้องพูดออกไปยกเว้นคำพูดนี้ที่พูดออกไปพร้อมน้ำตา" ผมขอโทษครับ ผมขอโทษ ผมขอโทษ " น้ำตาของผมไหลตอนนี้ ก็เหมือนพูดได้แต่คำนี้เท่านั้น " ฉันผิดไปแล้ว ผิดไปแล้วจริงๆ ฉันมันคนสิ้นคิด ฉันไม่น่าทำแบบนั้น ไม่น่าคิดทำแบบนั้น ฉันมันเลว เลวจริงๆ ขอโทษ คีย์ ฉันขอโทษนะ ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองก็พูดได้แค่นี้ ทั้งๆที่นายตอนนี้ต้องเป็นแบบนี้มันก็เป็นเพราะฉัน แต่ฉันก็ยังพูดมันได้แค่นี้ พูดได้แค่คำว่าขอโทษ ขอโทษนะ ฉันมันผิดเอง ผิดที่คิดว่าจะแค่ไล่นายไปไกลๆ ผิดที่คิดอะไรง่ายๆ ผิดที่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของนายเลย ฉันขอโทษ "

“ ฟาน แต่ว่าฉันเองก็เคยทำให้นายเจ็บ "

“ มันไม่เท่ากันหรอก! นายก็รู้ดีว่าไม่เท่ากัน เพราะงั้นนายไม่ต้องพูดแบบนั้นหรอก สิ่งที่ฉันทำมันไม่ได้ทำให้นายเจ็บอย่างเดียว แต่มันเหมือนกับว่าฉันฆ่านาย ฉันฆ่านายไปแล้ว ฉันขอโทษ ฉันมันงี่เง่า ฉันขอโทษคีย์ ฉันขอโทษ "

“ ฟาน.. "

“ ทั้งๆที่ฉันเคยรักนายขนาดนั้น แต่ฉันกลับทำให้นายต้องเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่ควรสำนึกผิด แล้วพูดขอโทษนายไปตั้งนานแล้วแต่เพราะเอาแต่คิดถึงเรื่องที่นายนอกใจ คิดถึงแต่เรื่องที่นายทำร้ายฉัน ฉันก็เอาแต่ปากแข็งไม่พูดออกมา ทั้งๆที่ฉัน ควรพูดขอโทษนายตั้งนานแล้ว ควรพูดออกไปตรงๆว่าขอโทษ แต่ฉันก็ปล่อยให้มันยืดยาวมาจนถึงตอนนี้ ใช้ข้ออ้างสารพัดมาอยู่กับนายทั้งๆที่ความจริง ฉันก็แค่กลัวว่าจะนายตายจากฉันไป กลัวนายหายไปจากฉัน ฉันไม่อยากจะให้ตาย ฉันอยากจะให้นายอยู่กับฉัน อยู่ใกล้ๆฉัน ฉันขอโทษ คีย์ ฉันขอโทษ ขอโทษที่ฉันทำแบบนั้นกับนาย ขอโทษที่ทำร้ายนาย ฉันขอโทษ " ผมร้องไห้ มันคือทุกอย่างที่ออกจากใจของผม ทุกอย่างออกมาหมดแล้ว และมันมีแค่นั้น คือขอโทษและเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป ผมแก้ไขมันไม่ได้ ผมย้อนเวลากลับไปก็ไม่ได้ ตอนนี้ที่ทำได้ คือรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไปกับเค้า

“ ฉันไม่รู้ว่าจะตอบนายยังไง ฉัน พูดความรู้สึกของตัวเองออกมาไม่ถูก " เค้าบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา ผมผละตัวเองที่กอดเค้าไว้จ้องใบหน้าที่ยิ้มจางๆมาให้ มือบางเอื้อมมือขึ้นประคองแก้มของผม " ฉันเสียใจที่นายทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้ เสียใจที่คนที่รักฉันมากๆคนนั้นทำร้ายฉันขนาดนี้ แต่พอคิดอีกที มันก็เป็นเพราะฉันด้วยส่วนนึงที่ทำให้นายต้องมาเป็นแบบนี้  ถ้าจะบอกว่าไม่ได้เป็นเพราะฉันเลยนั้นก็ไม่ใช่ แต่จะบอกว่าไม่โกรธ ไม่ถือโทษก็คงดูเหมือนโกหก แต่นายที่ขอโทษออกมาจากใจที่รู้สึกผิดจริงๆตอนนี้ ฉันก็โอเคแล้วละ อย่างน้อย นายก็ยังคิดที่จะขอโทษจริงๆกับสิ่งที่ทำลงไป "

“ ฉันทำได้แค่ขอโทษ ฉันแก้ไขอะไรไม่ได้เลย เคยมีคนบอกว่าคนนิสัยเด็กน่ะ คือคนประเภทที่ว่าทำผิดก็ได้แต่ขอโทษแล้วบอกว่าผิดไปแล้ว จะไม่ทำอีก นั่นคือเด็ก ฉันก็เป็นอยย่างงั้น รู้แล้วละว่า ตัวเองก็เป็นแค่คนแบบนั้น คนนิสัยเด็ก รู้แล้วละว่าตลอดมาที่นายไม่ชอบฉันก็คงเพราะฉันมันนิสัยอย่างนี้เอง เป็นเด็กที่คิดว่าตัวเองผู้ใหญ่แล้ว ทั้งๆที่จริงๆฉันเองยังจัดการกับอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย "

“ เลิกพูดถึงอดีตเถอะ ฉันไม่เคยมองว่านายเป็นผู้ใหญ่หรอก ฉันมองว่านายเป็นนาย เป็นฟานคนนี้ ฉันมองนายแบบนั้นมาตั้งนานแล้ว " เค้าที่ยิ้มให้ผม " ฉันบอกแล้วไง ว่าเราย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดไม่ได้ แต่ทำวันนี้ให้ดีขึ้นได้ แล้วก็ใช้เรื่องพวกนั้นเป็นบทเรียนไม่ได้ทำผิดอีก "

“ ฉัน... ฉันขอรับผิดชอบในสิ่งที่ฉันทำลงไปได้มั้ย " ผมมองหน้าเค้าที่เลิกคิ้วสงสัยอยู่ไม่น้อย " ฉันรู้ว่านายคงคิดไม่ไว้ใจฉัน แต่ฉันอยากจะกลับมารับผิดชอบเรื่องที่ตัวเองทำไว้กับนาย อยากจะกลับมาดูแลนาย มันอาจจะไม่เป็นเหมือนเดิม แต่มันจะไม่แย่กว่าที่เป็นอยู่ ฉันอยากจะดูแลนายแก้ไขในสิ่งที่ตัวเองทำผิดไป ให้ฉันได้ดูแลนายได้มั้ย ขอให้ฉันได้ดูแลนายเถอะนะ "

" ฉัน..”

" ฉันจะพยายามทำให้นายลืมเรื่องพวกนั้นไปให้ได้ ฉันจะทำให้นายกลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉันจะทำให้นายมีชีวิตที่มีความสุขเหมือนเดิม ขอโอกาสให้ฉันได้ดูแลนายเถอะนะคีย์ ฉันขอละ ได้มั้ย มันเหมือนเป็นทางเดียวที่ทำให้ฉันไถ่โทษในสิ่งที่ฉันทำลงไป ทางเดียวคือ ฉันต้องดูแลนาย " เค้าถอนหายใจออกมา

“ ยังมีอีกทางนะ "

“ ทางที่ฉันต้องไปให้ไกลจากนาย " ผมบอกอีกคนก็หลบตาลง " ฉันไม่อยากจะทำแบบนั้น ถ้าฉันไปนายคิดว่านายจะลืมมันเหรอ นายจะไม่หวาดกลัวเหรอ เรื่องของหัวหน้าอีกละ ขอให้ฉันอยู่เถอะ ถ้ายังมีฉันอยู่ ถึงจะไม่ได้อยากจะให้อยู่แต่ฉันก็ปกป้องนายจากเค้าได้นะ ปกป้องนายจากสิ่งที่นายกลัวได้นะ " มองหน้าเค้าที่ยังไม่ตอบอะไรอีกคนที่นิ่งไป " ความคิดฉันมันคงเห็นแก่ตัวสินะ..นายคงไม่อยากจะให้คนที่เคยทำร้ายนายกลับมาดูนายหรอก " ผมถอดใจก่อนจะยิ้มให้เค้า " โทษที  "

" กลับมาดูแลฉันได้มั้ย งั้นเหรอ " เค้าทวนคำพูดของผม " แล้วนายจะให้ฉันตอบว่า ไม่ได้ ได้ยังไง ก็นายเคยบอกกับฉันไว้ ฉันไม่มีสิทธิ์ตอบอย่างอื่นยกเว้นตกลง ตอนนั้นนายก็พูดไปประมานนี้แล้วก็กลับมาอยู่กับฉันนี่ แล้วตอนนี้นายก็อยู่ที่นี่แล้ว จะให้ตอบอะไรอีก "

" นั่นนะสินะ " ผมยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะหลุดหัวเราะ " ตอนนี้ฉันก็อยู่ดูแลนายที่นี่แล้วนี่หน่า " นึกถึงเรื่องที่เคยบังคับขอให้ตัวผมเค้ามาอยู่ที่นี่แบบข้างๆคูๆก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆมองหน้าเค้า คีย์หลุดหัวเราะออกมา

“ อย่าบอกนะ ว่ากำลังรู้สึกผิด ที่วันนั้น ขู่บังคับฉันฉันตกลงให้นายมาอยู่ที่นี่ "

“ ก็ อื้มนะ " ผมพยักหน้ารับ เค้าก็ถอนหายใจออกมา

“ ดีแล้วที่รู้สึกผิด นายก็กำลังเป็นผู้ใหญ่จริงๆแล้วนี่ ก็ผู้ใหญ่ที่ดีจริงๆน่ะ เค้าต้องรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำผิดลงไป แล้วแก้ไข ขอโทษในสิ่งที่ทำผิด ตอนนี้นายก็ทำมันหมดแล้ว ฉันจะพยายามมันนะฟาน แต่ไม่ใช่เพื่อนายที่รู้สึกผิดหรอกนะ แต่เพราะตัวฉันเอง ฉันจะทำเพื่อตัวฉัน "

“ ฉันจะช่วยนายอยู่ข้างๆเอง " ผมบอกตอนที่กอดเค้าไว้อีกครั้ง ถอนหายใจโล่งออกมา แค่นี้ก็ดีแล้ว ถือเป็นจุดเริ่มที่ดี ผมดีใจที่ผมได้ขอโทษเค้า ได้ขอโทษเค้าจริงๆออกมาจากใจของผม ได้ทำในสิ่งที่ควรทำ และอยากจะทำ “ นายใส่เสื้อผ้าเถอะ ฉันจะไปอาบน้ำ "

“ อื้ม " 

   เดินเข้าไปในห้องน้ำ ผมจัดการอาบน้ำก่อนจะเดินออกมาแล้วพบว่าใครอีกคน กำลังนอนนิ่งๆบนเตียงไม่ขยับตัวไปไหน ทีวีที่เปิดเสียงดังอยู่นั้น พอเค้าเห็นผม รีโมตก็ถูกเบาเสียงลง

“ ฉันคิดว่านายหลับแล้ว "

“ ฉันนอนไม่หลับหรอกตอนนี้น่ะ ต้องดึกกว่านี้ " อีกคนบอกก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง

“ แล้วนั่นจะไปไหน "

“ ไปกิน.. น้ำน่ะ " คำพูดที่เว้นช่วงไป ผมขมวดคิ้วก่อนจะมองหน้าเค้าที่เหมือนรู้ว่าผมไม่เชื่อเท่าไหร่ " ไปกินยา ฉันนอนไม่ค่อยหลับเลยต้องใช้ยาช่วย "

“ ไม่ต้องกินหรอก ถ้ากินบ่อยๆ นายจะเป็นคนที่หลับเองไม่ลงนะ "

“ แต่ฉัน " เค้ากลืนน้ำลายก่อนจะหันไปทางอื่น  " ถ้าฉันไม่กิน ฉันจะคิดถึงแต่เรื่องพวกนั้น แล้วมันทำให้ระแวงจนนอนไม่หลับ "

“ ไม่เป็นไร ฉันจะนอนอยู่ข้างๆเอง นอนเป็นเพื่อนกัน ไม่มีใครทำอะไรนายได้หรอก " ผมพูดเชิงปลอบอีกคนที่นิ่งเหมือนฟัง ลังเลอยู่ไม่น้อยที่จะเดินออกไป ผมคว้าแขนเค้าไว้ดึงให้กลับมานั่งที่เตียง " นอนลงได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้นายก็ไปทำงานสายหรอก "

“ รู้แล้วน่า " ร่างบางนอนลงอย่างว่าง่ายแต่ก็แอบถอนหายใจเหมือนไม่ค่อยมั่นใจว่าตัวเองจะหลับลงได้ยังไงในคืนนี้ เค้านอนมองเพดาน ผมเดินออกไปปิดไฟเช็คห้องเรียบร้อยก็เดินกลับมานอนข้างๆเค้า หันมองคนที่มองแต่เพดานไม่ยอมหลับ

“ หลับตาลงสิ ไม่งั้นมันจะหลับได้ไง "

“ ฉันไม่กล้าหลับตา " เค้าบอกเสียงนิ่งๆ " เพราะฉันมักเห็นมันเวลาที่ฉันหลับตา ก็เลยต้องลืมตาอยู่แบบนี้ ปกติ ฉันจะกินยาแล้วก็นอนลืมตาแบบนี้จนกว่าจะหลับไปเอง "

“ ไม่มีใครหรอกที่นี่น่ะ มันมีแค่ฉันแล้วก็นาย " ผมบอกตอนที่ขยับเข้าไปหาเค้าคีย์สะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะนิ่ง " ขยับเข้าเข้ามานี่ มานอนใกล้ๆฉัน " คว้าเอวร่างบางให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดแล้วกอดเค้าไว้แน่น จ้องใบหน้าของเค้าที่ผมมาบังหน้า ผมเอื้อมมือไปจัดทรงผมให้เข้าที่อีกคนก็ก้มหน้างุด แก้มแดงๆที่ชวนให้ผมยิ้ม " จ้องหน้าฉันจนกว่านายจะหลับไปก็แล้วกัน "

“ ใครมันจะไปหลับลงวะ " เค้าพูดเสียงเบาๆแต่ก็ยอมนอนจ้องหน้าผม เราจ้องมองกัน สายตาหวานที่มองผม ค่อยๆหลับลงช้าๆแต่ก็ลืมตาขึ้นมาเหมือนกับยังรู้สึกตัวอยู่ เค้าทำแบบนี้อยู่หลายครั้งจนกระทั้งว่าหลับสนิทลงไปจริงๆ ผมผ่อนลมหายใจออกมาดึงผ้าห่มคลุมตัวเค้าไว้ จัดการปิดไฟแล้วกอดเค้าไว้แน่น หลังจากนั้น เราก็หลับไปพร้อมๆกัน

................................................................

   ตื่นเช้าขึ้นมาจัดการทุกอย่างก่อนจะออกไปทำงานกันตามปกติ รู้สึกว่าทุกอย่างรอบตัวมันแปลกไปเสียหน่อยอาจเพราะเมื่อเช้าตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมาผมกลับพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของฟานที่ก็กอดผมไว้แน่นไม่ปล่อยเลย แอบกังวลก่อนนอนอยู่หน่อยๆว่าจะตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วจะกลัวจนนอนต่อไม่หลับรึเปล่าเพราะอีกคนหลับไปแล้ว แต่ก็ไม่มีอาการแบบนั้น ทั้งๆที่ไม่ได้กินยานอนหลับแต่ก็หลับสนิทอย่างน่าเหลือเชื่อ อาจเพราะใจของผมมันค่อนข้างสบายใจที่ได้อยู่ใกล้ๆเค้าละมั้ง เป็นความสบายใจที่ว่า ยังไงซะ ผมตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว

   เมื่อคืนได้ฟังคำสารภาพของเค้า คำขอโทษทุกอย่าง มันเหมือนชีวิตได้เดินก้าวขึ้นไปอีกก้าวนึง ผมดีใจที่เค้า ขอโทษแล้วรู้สึกผิดในสิ่งที่เค้าทำ จากแววตาแล้วการกระทำทั้งหมดที่บอกว่ารู้สึกผิดพวกนั้น ผมรู้สึกว่ามันโอเคแล้วที่เป็นแบบนั้น อย่างน้อยเค้าก็ยังรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำ มีสามัญสำนึก ไม่ใช่เด็กที่เอาแต่เถียงเรื่องความรู้สึกตัวเองแล้วก็ไม่ยอมรับอะไร

“ กินขนมปังหน่อยมั้ย " เสียงที่เอ่ยถามผม ตอนที่เดินออกไปจากห้อง กาแฟหอมๆถูกชงวางไว้แล้ว ขนมปังเป็นแพ็คก็มีให้เลือกอยู่หลายแบบ " กินสักหน่อย จะได้ออกไปทำงาน "

“ อื้ม แล้ววันนี้นายไม่มีเรียนเหรอ " เพราะว่าเค้าไม่มีประเป๋าอยู่ข้างตัวก็เลยสงสัย

“ ไม่มี " เค้าตอบสั้นๆ มือก็ไถข้อความในหน้าจอตัวเองไปเรื่อย

“ แล้ววันนี้จะไปไหนบ้างละ " คำถามที่ทำให้อีกคนเงยหน้าขึ้นมามองผม ไม่รู้ว่าละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวเกินไปรึเปล่า " คือ ฉันหมายถึงว่า ถ้านายไม่มีเรียนแล้วจะอยู่บ้าน ฉันจะได้ให้กุญแจไว้ แต่ถ้าไม่ก็จะได้รู้ว่าไม่ต้องให้ไป ก็เท่านั้น คือไม่ได้คิดจะละลาบละล้วงเรื่องของนาย "

“ ฉันไม่ได้คิดว่ามันละลาบละล้วงอะไรสักหน่อย " เค้าบอก ก่อนจะหัวเราะแล้วก้มหน้าลงอ่านข้อความในมือถือต่อ " แต่ยังไม่ได้คิดว่าจะไปไหนมันก็เท่านั้น คงดูหนังอยู่ในห้องแล้วเที่ยงๆก็ออกไปหาอะไรกินมั้ง หรือว่าดูหนังรอนายเลิกงานอยู่ที่ห้างแถวๆที่ทำงานาย ไม่รู้อะ ยังไม่ได้คิด "

“ งั้นก็เอากุญแจไปก่อนแล้วกัน " ผมยื่นกุญแจที่เคยเป็นของเค้า ให้เค้าไปอีกคนรับใส่กระเป๋าไว้ ผมหยิบกาแฟขึ้นมากิน พร้อมกับขนมปัง เก็บแก้วไปล้างที่ล้างจาน กินน้ำก่อนจะคว้ากระเป๋า

“ เสร็จแล้วเหรอ ง้ั้นก็ไปกัน "

“ ไม่มีเรียนก็จะไปส่งเหรอ "  อีกคนก็พยักหน้ารับ

“ ก็ใช่นะสิ เผื่อว่ามันมาดักทำร้ายนาย จะทำยังไงละ ระวังตัวไว้น่ะดีที่สุดแล้ว "

“ นั่นนะสินะ "  จะว่าไปก็จริงอย่างที่ฟานบอก ระวังตัวไว้ดีที่สุดแล้วอย่าคิดว่าจะไม่เกิดขึ้น เพราะเวลาที่มันเกิดขึ้นเราจะย้อนกลับมาระวังตัวไม่ได้แล้ว " จริงๆ วันนี้ฉันไม่แน่ใจว่า ตอนเย็นหลังเลิกงานฉันต้องไปงานศพของเนย์รึเปล่า ไม่รู้ทางบริษัทจะเป็นเจ้าภาพให้วันไหน "

“ ไปถามพ่อแม่เค้าแล้วรึไง ว่าจะให้ทางบริษัทเป็นเจ้าภาพน่ะ " ฟานถาม

“ ทำไมนายถามแบบนั้น พนักงานกระโดดตึกตาย ทางบริษัทก็ต้องแสดงความอาลัยสิ ขนาดญาติของพนักงานเค้ายังส่งพวงหรีดไปเลย "

“ ก็ในจดหมายลาตาย เค้าเขียนว่า เค้ากดดันจากเพื่อนร่วมงาน แล้วนายคิดว่าพ่อแม่เค้า จะอยากจะเห็นหน้ากลุ่มคนที่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกเค้าต้องตายเหรอ ฉันไม่คิดว่าอย่างงั้นอะ "

“ แต่ว่าฉันไม่ได้..”

“ ปลาตัวเดียวตายในเข่ง มันเน่าทั้งเข่งนะ " ผมถอนหายใจออกมาตอนที่เค้าบอกแบบนั้น " เอาเป็นว่า ถ้านายไปฉันจะไปด้วยแล้วกัน ยังไงวันนี้ก็ว่างทั้งวันอยู่แล้ว "

“ เหรอ งั้นถ้าจะไป ไม่ไป ฉันจะโทรมาบอกนะ "

“ อื้ม " ฟานพยักหน้ารับ เราเดินออกไปจากคอนโด ขึ้นรถไฟไปด้วยกันจนถึงสถานีที่ทำงานของผม

“ นายไม่ต้องออกจาสถานีหรอก ตรงนี้คนเยอะแยะ ไม่มีใครทำอะไรฉันหรอก นายจะกลับไปเลยก็ได้ "

“ ไม่อะ " เค้าปฎิเสธ " จะคนเยอะ คนน้อย ฉันก็ไม่ไว้ใจทั้งนั้นอะ ฉันอยากจะให้เห็นกับตาว่านายถึงบริษัทแล้ว เจอเพื่อนแล้ว ฉันถึงจะวางใจ "

“ ฟาน " ถึงจะดูน่าอึดอัดแต่ความเป็นห่วงของเค้าที่มีต่อผมมันล้นออกมาจากแม้แต่ตัวผมเองคนทีไ่ด้รับความห่วงใยนั้นยังรู้สึกอุ่นใจจนรู้สึกตื้นตันไปด้วย ที่เค้าเป็นห่วงกันมากถึงขนาดนี้  ผมผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่ต่อแถวแตะการ์ดที่เครื่องตรวจเดินออกจากสถานีเค้าก็เดินตามมาข้างๆ 

“ คุณลิปยังไม่มาอีกเหรอ "

“ คงยังมั้ง " ผมมองไปรอบๆ ก่อนจะมองเค้าที่ก็มองไปรอบๆเหมือนกำลังมองหาเพื่อนผม " นี่ ฟาน"

“ อะไร " เค้าหันมามองหน้าผม ตอนที่เอ่ยเรียกชื่อเค้า

“ ฉันอาจจะหวังมากไปที่เราอาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ฉันหวังได้ใช่มั้ย ว่าความรู้สึกของเรามันจะดีขึ้นกว่าเดิม "

“ ได้สิ ถ้าเรื่องความรู้สึก ฉันก็หวังว่าให้มันดีขึ้นกว่าเดิมเหมือนกัน " ผมยิ้มออกมาตอนที่เค้าตอบออกมาแบบนั้น ไม่ต้องเหมือนเดิมหรอก ผมรู้ดีว่ามันยากที่จะทำให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม แค่ขอให้มันดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ก็พอ “ คุณลิปมานู้นแล้ว งั้นตอนเย็นผมมารับนะ "

“ อื้ม ตอนเย็นเจอกัน " ผมบอกลาเค้า อีกคนก็หันมามองเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง " มีอะไรรึเปล่า "

“ คือฉันไม่ได้หวังแค่ว่า ความรู้สึกของเรามันจะดีขึ้นหลังจากนี้นะ ฉันหวังด้วยว่า ทุกอย่างมันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม "

“ ฟาน..” ผมยิ้มให้อีกคน เค้าที่เดินออกไปก่อนจะหยุดยิ้มแล้วพูดออกมา

“ รอดูต่อไปแล้วกัน เดี๋ยวเวลามันก็พิสูจน์ทุกอย่างให้เอง "

   จริงที่อย่างที่เค้าบอก เรื่องของเราก็คงต้องรอดูต่อไป พูดอะไรตอนนี้มากไม่ได้หรอก ไอ้เรื่องที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอะไรนั่น เพราะงั้นก็ปล่อยให้เวลามันพิสูจน์ไปก็แล้วกัน  เราก็แค่ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังและทำให้มันดีขึ้นในทุกๆวัน

............................................................

สวัสดีปีใหม่ค่าาาาาา ทุกคนนนนนนนนนนน #วิ่งมากอด
ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีขึ้นจาก ปีที่แล้ว คิดสิ่งใด หวังสิ่งใดของสมปรารถ รวยๆ สวยๆ นะคะ

จบการอวยพรก็มาเข้าเรื่องกัน ตอนนี้ ฟานนางก็ได้คิดได้แล้ว ( หลังจากความโกรธแค้นบังตามานาน กว่าจะคิดได้ )
เอาเถอะคนมันเจ็บ ใช่ว่า บุ๊ปปั๊ปสวิตซ์ไฟถึงจะรับรู้ผิดชอบชั่วดีได้แบบรวดเร็วทั้งๆที่เจ็บแค้นเค้าขนาดนั้น
เดี๋ยวต้องมีคนหงุดหงิดพออ่านแล้ว " ทำไมคีย์แม่งง ถึงยังโทษตัวเองวะ แม่งงง ฟานทำร้ายมึงนะ "
แต่ในความคิดหนม หนมว่า มันก็เกิดขึ้นจากคีย์ที่นอกใจฟานก่อนนะ คือโอเค สิ่งที่ฟานทำเลวร้ายผิดมนุษย์มาก
แต่ไม่ได้หมายความว่า สิ่งที่คีย์ทำ มันจะไม่ผิดเลย ไม่ผิดอีกแล้ว ไม่ใช่เนอะ
คีย์มีเรื่องที่คีย์ผิด ฟานมีเรื่องที่ฟานผิด
ต่างฝ่ายต่างมีข้อเสีย มีความผิดพลาด ไม่ได้มีคนใด คนนึงที่แสนดี วิเศษ โอเคนะตัวเองงง

สุดท้ายนี้ น้องฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิต ฝากแชร์ในเฟส
เผื่อมี เพื่อนของเพื่อนเห็นแล้ว แบบ เฮ้ยย ไรอะ อ่านแปป แล้วเค้าก็ตามมาอ่านนะ ช่วยกัน
จะได้มีคนมาเครียด มาดราม่าลงตับพร้อมๆกับเรา  :o8:
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
เจอกันตอนหน้า หนมมี่ค่าาาา  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 62 ' คำสารภาพผิด ' UP - 1.1.60} หน้า 37 (สวัสดีปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 01-01-2017 21:03:57
หมดทุกข์หมดโศกสักทีเนาะ55555555

สวัสดีปีใหม่น้าหนมมี่ ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 62 ' คำสารภาพผิด ' UP - 1.1.60} หน้า 37 (สวัสดีปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-01-2017 21:08:52
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 62 ' คำสารภาพผิด ' UP - 1.1.60} หน้า 37 (สวัสดีปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 01-01-2017 21:22:19
ดีแล้วดีแล้วดีแล้ว
กำลังดีขึ้นเรื่อยๆๆๆๆๆ
เหลือแค่รออีหัวหน้ารับกรรม เย้ๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 62 ' คำสารภาพผิด ' UP - 1.1.60} หน้า 37 (สวัสดีปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 01-01-2017 21:27:10
 :katai2-1: กำลังจะดีขึ้นแล้ว ฟานพยายามเข้า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 62 ' คำสารภาพผิด ' UP - 1.1.60} หน้า 37 (สวัสดีปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 01-01-2017 21:31:43
น่าจะจับไปบำบัดทางจิตทั้งคู่นะเหมือนจะโทษตัวเอง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 62 ' คำสารภาพผิด ' UP - 1.1.60} หน้า 37 (สวัสดีปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-01-2017 21:57:42
 :m20: :L2: :pig4:ชอบการขายของหนมอะ มามามาปวดตับกันเพื่อนๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 62 ' คำสารภาพผิด ' UP - 1.1.60} หน้า 37 (สวัสดีปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 01-01-2017 22:43:04
สวัสดีปีใหม่หนมมี่ ปีใหม่แล้วดราม่าไม่ต้องเยอะก็ได้นะ 5555


ฟานสำนึกได้แล้วแบบจริงจังและจริงใจ  :katai2-1:  ดูแลคีย์ให้ดีนะ :mew2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 62 ' คำสารภาพผิด ' UP - 1.1.60} หน้า 37 (สวัสดีปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 01-01-2017 22:54:17
สวัสดีปีใหม่จ้าาาาาาา

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 62 ' คำสารภาพผิด ' UP - 1.1.60} หน้า 37 (สวัสดีปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 02-01-2017 07:10:35
เอาจริงๆก็คือผัวเมียทะเลาะกันอะแหละ
แต่ทะเลาะกันแรงไปหน่อย 5555

สวัสดีปีใหม่ครับ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 62 ' คำสารภาพผิด ' UP - 1.1.60} หน้า 37 (สวัสดีปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 02-01-2017 07:11:39
ปีใหม่ก็เริ่มต้นใหม่อ่ะเน อะ  ดีจัง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 62 ' คำสารภาพผิด ' UP - 1.1.60} หน้า 37 (สวัสดีปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 02-01-2017 08:02:32
สวัสดีปีใหม่นะหนมมี่
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 62 ' คำสารภาพผิด ' UP - 1.1.60} หน้า 37 (สวัสดีปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 02-01-2017 11:00:25
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย
วันที่รอคอยยยย

สวัสดีปีใหม่คร้าาา
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 62 ' คำสารภาพผิด ' UP - 1.1.60} หน้า 37 (สวัสดีปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 02-01-2017 11:16:31
ความเข้มข้นของมาม่าเริ่มน้อยลง หวังว่ามันจะกลับมาปรกติเร็วๆนะ แต่ก็ยังมีเรื่องของหัวหน้าอยู่อีกที่ยังไม่กระจ่าง

#สุดท้ายไม่ท้ายสุด Happy New Year2017 นะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 62 ' คำสารภาพผิด ' UP - 1.1.60} หน้า 37 (สวัสดีปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 03-01-2017 03:42:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 62 ' คำสารภาพผิด ' UP - 1.1.60} หน้า 37 (สวัสดีปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 03-01-2017 09:58:04
สวัสดีปีใหม่ค่าาาา
ดีใจที่อะไรๆมันดีขึ้นเรื่อยๆ หวังแต่ว่ามันจะกลับไปอยู่ใจจุดเดิม และดีกว่าเดิมนะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 62 ' คำสารภาพผิด ' UP - 1.1.60} หน้า 37 (สวัสดีปีใหม่)
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 03-01-2017 11:01:41
การทะเลาะกัน ทำให้คนรักกันมากขึ้น มั้ง 5555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 63 ' ผู้หญิงคนนั้น ' UP - 6.1.60} หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 06-01-2017 20:45:56
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 63
' ผู้หญิงคนนั้น '

“ สวีทกันตั้งแต่เช้าเลยนะจ๊ะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลย " เสียงลิปแซวผมตอนที่เดินเข้ามาใกล้ ปากที่ได้แต่หลุดยิ้มออกมาก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นอย่างไม่รู้จะพูดอะไรตอบอีกคน พอเป็นแบบนั้นลิปก็เดินมาหยุดอยู่ข้างหน้าเอียงหน้ามองผม " มีเรื่องดีๆอะไรละสิ สวีทกันตั้งแต่เช้าเลย "

“ ก็มีเรื่องดีๆนิดหน่อยละมั้ง " ผมบอก

“ ไม่หน่อยละมั้ง ก็เล่นคุณคีย์ยิ้มกว้างแบบนี้ทั้งๆที่ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นกันเลยแบบนี้น่ะ ท่าทางจะเป็นข่าวดีเอามากๆเลย "

“ ก็แบบว่า..” ผมเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ลิปฟัง เรื่องที่ฟานขอโทษผม เรื่องที่เค้าสำนึกผิดในสิ่งที่เค้าทำ ผมเล่าให้อีกคนฟังจนหมดแต่คนฟังไม่ได้ตอบหรือแสดงความคิดเห็นอะไรแค่ยิ้มแย้มไปตามเรื่องเล่าของผม ก่อนที่เค้าจะตอบออกมาสั้นๆแค่ว่า

“ นายมีความสุขที่เรื่องมันเป็นแบบนั้น นั่นก็ดีแล้ว ชีวิตที่มีความสุขคือสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้วละ "

“ แล้วนายคิดว่าไง " ผมถามเค้า " คิดว่ามันดีแล้วมั้ยที่ฟานสารภาพผิดแล้วขอโทษฉัน แล้วฉันที่ยอมรับคำขอโทษของเค้า มันดีแล้วรึเปล่า "

“ มันต้องดีอยู่แล้วสิ กับการที่เค้ามาสารภาพผิด และรู้สึกผิดจริงๆกับเรื่องที่เค้าทำกับนาย แต่ฉันบอกไม่ได้หรอกว่าตอนนี้ สิ่งที่นายตัดสินใจไปว่าให้เค้ากลับมาอยู่ด้วยแล้วทำให้ชีวิตมันดีขึ้นกว่าเดิม มันจะดีขึ้นจริงๆมั้ย แต่ถ้านายมีความสุขไปกับมัน สำหรับฉัน นั่นก็คงพอแล้ว อนาคตเป็นสิ่งที่เราไม่รู้ อยู่กับปัจจุบันที่ตอนนี้นายโอเคกับมันเถอะ "

“ นั่นนะสินะ " ผมบอกเค้าก่อนจะพยักหน้ารับยิ้มๆ

“ เลิกคิดเรื่องความรักหนักสมองเถอะ ขึ้นไปทำงานกันดีกว่า อนาคตเรื่องรักมันไม่แน่แต่อนาคตที่สิ้นเดือนนี้นายยังมีหนี้บัตรเครดิตรอนายอยู่ นั่นคือความจริงนะ " ลิปบอกยิ้มๆเค้า ก่อนที่เราสองคนจะเข้าตึกไปพร้อมกัน ในระหว่างที่รอลิฟต์เค้าก็หันมาถาม " คีย์ นายว่าวันนี้รองหัวหน้าจะพาพวกเราไปงานศพเนย์รึเปล่า "

“ ไม่รู้สิ แต่ฉันคิดว่า คงพูดเรื่องงานศพเนย์วันนี้แหละ ถ้าจะไปก็คงต้องไปกันตั้งแต่วันแรกๆ "

“ ไม่อยากจะไปเลยวะ " ลิปพูดเสียงเบาๆ " พอคิดว่าต้องไปเห็นสายตาพ่อแม่ที่อาฆาตเราเหมือนเราเป็นคนทำให้ลูกเค้าตายแบบนั้น ฉันก็ไม่อยากจะไปแล้ว ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วยวะ "

“ เหมือนอย่างที่ฟานบอกเลยสินะ " ผมเผลอพูดออกไปอีกคนก็หันมาถาม

“ ฟานบอกอะไรนาย "

“ ฉันคุยกับเค้าว่า วันนี้หลังเลิกงานไม่แน่ฉันต้องไปงานศพน่ะ แล้วเค้าก็พูดขึ้นเหมือนนายนั่นแหละ คือพ่อแม่เค้าคงไม่ได้ยินดีให้เราไปร่วมหรอก เราที่ทำให้ลูกค้าต้องตายน่ะ ต่อให้ฉันหรือนายไม่ใช่คนที่ทำ แต่ฟานก็บอกว่า มันก็เหมือนกับ ปลาตัวเดียวตายในเข่ง มันเน่าทั้งเข่ง "

“ อ่า ใช่ เข้าใจเปรียบเทียบ ตอนนี้พวกเราเป็นแบบนั้นแหละ " ลิปถอนหายใจออกมา " แล้วคอยดูนะว่า พวกอีเจ๊กลุ่มเนย์ต้องสละสิทธิ์ไม่ไปกันทั้งหมดแน่ๆ แล้วสุดท้ายคนที่ไปก็คงต้องเป็นพวกเราอย่างช่วยไม่ได้ ให้ฉันเดาเลยนะคือพอไปถึงงานร้ายหน่อย ก็โดนไล่ ถูกโยนพวงหรีดออกนอกงาน แล้วบอกว่าไม่ต้องเข้างาน หรือไม่ก็เขย่าถามว่า พวกนายเป็นคนฆ่าลูกชายฉัน ทำไมไม่ช่วยเหลือเค้า เด็กคนนั้นต้องตายไปเพราะพวกนาย ส่วนดีหน่อยก็คงเป็นแนวที่ว่า มีญาติมาตอนรับเราอย่างเสียไม่ได้ แต่พ่อแม่เค้าก็มองเราเหมือนจะฆ่า ถ้าทำได้คงลุกขึ้นมาตบ แต่ก็อดใจไว้ และเราคงโดนมองแรงตลอดทั้งงาน "

" นายดูหนังมากเกินไปรึเปล่า นี่ไม่ใช่ละครนะเว้ย "

" คนที่ตายเป็นลูกเค้านะคีย์ ไม่ใช่ลูกหมา " เค้าหันมาบอกผมก่อนจะถอนหายใจ " คนที่เป็นพ่อแม่คนน่ะ ไม่มีความทุกข์ไหนยิ่งใหญ่ไปกว่า คนที่เป็นลูกมาตายไปก่อนตัวเองหรอก นั่นน่ะ เป็นความทุกข์ที่สุดสำหรับคนเป็นพ่อแม่แล้ว "

“ ถ้าพูดแบบนั้น มันก็จริงของนาย อีกอย่างจดหมายนั่นที่เค้าเขียน มันก็บอกอยู่แล้วว่า ส่วนนึงมาจากเพื่อนร่วมงาน "

“ นั่นนะสิ " ผมถอนหายใจออกมาพร้อมกัน ก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์ที่ก็เป็นคิวของพวกเราพอดี

   ประตูลิฟต์เปิดตอนที่มามาถึงชั้นแผนกของตัวเอง เราเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะทำงานประจำที่ตัวเอง ผมมองไปรอบแผนกที่เหมือนวันนี้พนักงานจะหายไปหลายคนโดยเฉพาะคนในกลุ่มของเนย์ทั้งๆที่อีกไม่กี่นาทีก็ใกล้ถึงเวลางานแล้ว

“ วันนี้ทำไมคนมาทำงานน้อยจังวะ " ผมเผลอหลุดปากพูดออกไป ลิปก็มองซ้ายมองขวาก่อนจะหันมาตอบรับคำพูดของผม

“ นั่นนะสิ คนน้อยจังนะวันนี้ไปไหนกันหมดเลยวะ นี่ก็ใกล้เวลางานแล้วนะ มาสายกันเหรอ "

“ ลาน่ะค่ะ แล้วก็ป่วย พักร้อนก็มีนะคะ " น้องผู้หญิงที่นั่งทำงานอยู่ข้างหน้าผมหันมาบอก

“ ทั้งกลุ่มของเนย์เลยนี่อะนะ " ลิปถาม เธอก็ยิ้มเจื่อนๆค่ะแล้วพยักหน้ารับ

“ ค่ะ ใช่แล้ว เห็นบอกว่า มีธุระบ้าง ป่วยบ้าง ส่วนหัวหน้ากลุ่มเค้า ลาพักร้อนน่ะค่ะ เห็นว่าไปต่างประเทศ "

“ แหม จองตั๋วเร็วจังนะ จองเหมือนรู้ว่าน้องในกลุ่มตัวเองจะตายเพราะปากตัวเอง " ลิปบอกผมก็หันไปมองหน้าเค้าบอกใบ้ด้วยแววตาให้เงียบเสียงลงหน่อยสำหรับคำพูดพวกนั้น

“ ก็คงเพราะว่า พวกเค้าคิดกันว่าวันนี้ทางบริษัทคงไปงานศพของเนย์กันนะคะเพราะมันเป็นวันแรก หนูว่าเพราะพวกเค้าไม่อยากไปก็เลย ลา แล้วก็ไปพักร้อนกันหมด "

" ก็น่ะ เค้าบอกนิ ว่าเค้าเป็นคนแบบที่เรียกว่า รักตัวเองก็ต้องปกป้องตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก " ผมยกยิ้มให้ลิปตอนที่คิดถึงคำพูดของหัวหน้ากลุ่มเนย์ที่เถียงผมออกมาด้วยคำพูดหน้าด้านๆของเธอ แบบที่ผลักปัญหาออกไปให้พ้นตัวก็เท่านั้น เธอบอกว่าเพราะเรื่องของเนย์มันฉาวโฉ่เค้าเลยต้องปกป้องตัวเองไม่ให้โดนนินทาไปด้วย โดยการเขี่ยเด็กคนนั้นออกจากกลุ่มของเค้าซะ จนทำให้เกิดเรื่องน่าเศร้าแบบนี้ แต่สุดท้ายพวกเธอเองก็กลัวและรับไม่ได้ที่จะยอมรับความจริงนี้ ความจริงที่ว่าได้ฆ่าเด็กคนนึงทิ้งไป เพราะการกระทำที่เธอบอกเสมอว่า เธอนั้น แค่รักตัวเอง

" เอาจริงๆฉันว่า คำว่ารักตัวเองในกรณีนี้ เป็นแค่คำพูดสุภาพของคำว่าเห็นแก่ตัวเท่านั้นแหละ "

" ฉันก็ว่างั้น "

" ลางานกันหมดเลยนะวันนี้ " รองหัวหน้าเดินเข้ามาก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียเฮือกใหญ่ " กลัวว่าฉันจะจับพาไปงานศพเนย์กันละสิท่า ลากันเกลี้ยงไม่มีเหลือ แถมตัวแม่ยังพักร้อนยาวอีก "

“ สงสัยเค้าคงจะไปปฎิบัติธรรมมั้งคะ คิดในแง่ดี " พนักงานคนนึงพูดขำๆก่อนที่น้องพนักงงานที่นั่งอยู่หน้าผมเค้าจะถามขึ้น

“ แล้วตกลงวันนี้เราจะไปงานศพเนย์กันมั้ยคะ รองหัวหน้า "

“ พนักงานในแผนกไม่ต้องไปหรอก แต่ฝ่ายบุคคลกับฉันจะเป็นคนไปเอง พวกเธอแค่ร่วมทำบุญก็พอแล้ว "

“ แบบนั้นจะดีเหรอครับ หัวหน้า " ผมถาม

“ ดีแล้วละ ทางฝ่ายพ่อแม่เค้าไม่ได้พอใจเท่าไหร่หรอก สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นแม้เราจะอธิบายออกไปแล้ว แต่เค้าก็ยังเสียใจอยู่ดี แต่ถ้าทางเราไม่ไปมันก็ดูน่าเกลียด ฉันเลยปรึกษากับหัวหน้าแผนกบุคคลดู เรามาคิดกันว่า ไปให้น้อยที่สุดแล้วไปแค่เฉพาะคนที่อธิบายเรื่องของเนย์ให้พวกท่านฟังวันที่คุยกับตำรวจก็พอ นั่นก็คือฉัน หัวหน้าแผนกบุคคล แล้วก็รองหัวหน้าแผนกบุคคล เพราะถ้าเรายกกันไปทั้งแผนก ฉันไม่คิดว่าพ่อแม่เค้าจะมองพวกนายในแง่ดีหรอก อีกอย่างเราไม่รู้ด้วยว่า มันจะเกิดอะไรขึ้น แม้จะเป็นงานโศกเศร้าแบบนี้ก็เถอะ "

“ นั่นนะสินะ " ลิปพูดออกมาเสียงเบาๆ รองหัวหน้าเองก็ถอนหายใจ

“ ยังไงก็รวบรวมเงินใส่ซองกันมาแล้วกันนะ เดี๋ยววันนี้ฉันจะเป็นคนเอาไปให้พ่อแม่เนย์เอง " ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานหลังจากที่หัวหน้าพูดแบบนั้น ผมรู้สึกแปลกๆอยู่นิดหน่อยที่ไม่ได้ไปแสดงความเสียใจกับรุ่นน้องในแผนกตัวเอง แต่รองหัวหน้ากับแผนกบุคคลคงคิดมาอย่างดีแล้วสำหรับทางออกของเรื่องนี้ อย่างที่รองหัวหน้าบอกมันก็พอเข้าใจได้ พ่อแม่เค้ารู้ว่าลูกเค้าต้องตายเพราะหนึ่งคือโดนกดดันจากคลิปและสองเพื่อนร่วมงานที่ตีตัวออกจากแต่พ่อแม่เค้าก็ไม่รู้หรอกว่า เพื่อนร่วมงานพวกนั้นเป็นใคร ยังไงเค้าก็เหมารวมกลุ่ม เผลอๆเข้ามาทำร้ายเราขึ้นมาอย่างที่ลิปพูดจริงๆ แบบนั้นคงแย่ไปใหญ่

“ รู้สึกแย่รึเปล่า ที่ไม่ได้ไป งานศพของเนย์น่ะ " ลิปหันมาพร้อมผมก็ยิ้มเจื่อนๆ

“ นิดหน่อยอะ ฉันแค่อยากจะไปบอกลาเค้า อย่างน้อยก็เพื่อนร่วมงานกัน "

“ นั่นนะสินะ "

   ทุกอย่างกลับมาสู่ความเงียบอีกครั้ง ผมเปิดหน้าจอคอพิวเตอร์ทำงาน ก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่า มีคนรอฟังคำตอบของผมที่ว่าจะไปงานศพช่วงเย็นรึเปล่า ผมหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งไปหาเค้า

' ฟาน วันนี้ฉันไม่ไปงานศพของเนย์นะ กลับตามเวลาปกติ '

' อื้ม ' เค้าตอบกลับมาสั้นๆแค่นั้น ผมก็ล็อคมือถือแล้ววางไว้บนโต๊ะ ก่อนที่เสียงสั่นๆจะดังขึ้นเหมือนมีข้อความตอบกลับมาอีก ' แล้วทำไมถึงไม่ได้ไป '

' ก็พอดี หัวหน้าบอกว่า พ่อแม่เค้าไม่ค่อยโอเคกับพนักงานในแผนกที่มีส่วนทำให้ลูกของเค้าต้องเสียชีวิตน่ะ หัวหน้าก็เลยห่วงความปลอดภัย ก็เลยไม่ให้ไป ให้แค่ทำบุญด้วยเงินฝากเค้าไปแทน '

' อย่างงั้นก็ดีแล้ว แล้วนายโอเครึเปล่าละ '

' ถามเหมือนลิปเลย ' ผมหลุดยิ้มออกมาตอนที่เห็นข้อความนั้น 

' ก็เมื่อวานนายร้องไห้ฟูมฟายเรื่องที่เค้าคนนั้นเสียไป ฉันก็คิดว่า นายคงอยากจะไปบอกลาเค้าครั้งสุดท้ายอะไรทำนองนั้น '

' ก็เสียใจอยู่หน่อยๆแหละ แต่จะให้ทำไงได้ละ '

' เค้าคงรับรู้ความรู้สึกของนายแหละ ไม่ต้องห่วงหรอก '

' ถ้าเป็นอย่างที่นายพูดมันคงดี ' ผมถอนหายใจออกมา  เผลอคิดถึงตอนที่เค้ายังอยู่ คิดถึงใบหน้าของเค้าแล้วแววตาเศร้าๆนั่นอีกแล้ว

' อย่าคิดมากนะ ไม่เป็นไรหรอก เค้าคงไม่ถือโทษโกรธนายที่ยื่นมือเข้ามาช่วยหรอก '

' อื้ม '

' พูดว่า อื้ม แล้ว ก็ทำให้ได้ด้วย  ไม่ใช่พูดว่าพูด อื้มแล้ว ก็ไม่ทำตามที่พูด '

' ครับๆ ทราบแล้ว ' เค้าบอกผมก็หลุดยิ้ม

' งั้นตอนเย็นเจอกัน ไว้ไปกินข้าวด้วยกันนะ '

' อื้ม ได้สิ ' ผมกดปิดหน้าจอโทรศัพท์ ตอนที่มองมันอยู่สักพักแล้วแต่ไม่มีข้อความจากอีกคนตอบกลับมา ผมเริ่มทำงานของตัวเองตั้งแต่เช้าจนถึงพักเที่ยง มองดูเวลาที่เลยเวลาพักเที่ยงไปเกือบสิบนาทีแล้ว คนข้างๆอย่างลิปก็ลุกขึ้นจากที่นั่งมายืนช้อนเก้าอี้ผมอยู่ข้างหลัง

“ ไปกินข้าวกันเถอะ คีย์ หิวแล้ว "

“ แปปนึง ฉันขอเซฟงานตรงนี้ " ผมบอกเค้าตอนที่เคลื่อนปากกาไปกดเซฟงานลิปก็เอ่ยชม

“ กล่องอะไรอะ น่ารักจัง "

“ กล่องใส่บราวนี่น่ะ น่ารักเนอะ ฉันยังชอบเลย "

“ อวยงานตัวเองก็เป็นวะ คนเรา "

“ ฮ่าๆ ก็มันน่ารักนี่ ลูกค้าบอกว่า อยากจะได้แบบที่บอกส่วนผสม วิธีการทำ กล่องออกแนวน่ารัก น่าเก็บ แบบอยากจะให้คนทั่วไปเห็นแล้วด้วยความน่ารักของมันก็อยากจะซื้อไปลองชิม ฉันก็เลยออกแบบด้วยภาพวาดแนวการ์ตูนแบบนี้มันน่ารักดี " เป็นงานที่ไม่ค่อยเครียดเท่าไหร่ เหมือนวาดภาพการ์ตูนเล็กประถมสมัยเรียน ผมชอบงานแบบนี้ พอได้วาดอะไรแบบนี้แล้วก็รู้สึกผ่อนคลาย 

“ น่ารักดี อยากกินขึ้นมาเลย "

“ นายคงหิวมากแล้วละ " ผมหันไปบอกอีกคน ตอนที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ในสำนักงาน

“ เออ หิวมากกกก หิวจนจะกินนายเข้าไปด้วยแล้ว " ลิปคว้ามือผมให้เดินตามเค้าออกไปที่ลิฟต์ ร้านแซนวิชที่ปกติเราจะแวะเข้าใจวันนี้อีกคนเดินผ่าน  " วันนี้เรากินอย่างอื่นกันเถอะนะ ฉันเริ่มเบื่อแล้ววะ "

“ ได้สิ แล้วจะกินอะไร "

“ เดี๋ยวขึ้นไปดูบนห้าง ร้านไหนว่างก็กินร้านนั้นแหละ อะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่แซนวิชอะ เปลี่ยนบรรยากาศ "

“ ก็ดีเหมือนกัน " จริงๆก็รู้สึกเบื่อๆเหมือนกัน กินทุกวันเอาที่ง่ายๆมากไปหน่อยแล้ว จริงๆอยากจะลองไปกิน ข้าว บะหมี่ หรืออะไรสักอย่าง แต่ทุกทีที่มีความคิดแบบนั้น เราพากันเดินเข้าห้างแล้วเห็นทุกร้านเต็มไปด้วยพนักงานออฟฟิศ มันทำให้เราหยุดนิ่ง แล้วสุดท้ายก็กลับมากินข้าวร้านเดิม เพราะนิสัยที่ไม่ชอบเบียดกับใครด้วยกันทั้งคู่

“ วันนี้ฉันจะอดทน แล้วกินข้าวอย่างอื่น นอกจากแซนวิชให้ได้!” ลิปบอกตอนที่สูดลมหายใจกับภาพตรงหน้า ภาพของร้านอาหารในห้างที่มีผู้คนมากมายและดูเหมือนจะเต็มไปหมดเสียทุกร้าน

“ ราเมงร้านนั้นไม่มีคนวะ " ผมชี้ไปที่ราเมงร้านที่ไม่ค่อยมีคน ลิปเบิกตาแล้วในจังหวะนั้นเค้าก็คว้ามือผม แล้วพุ่งตรงเข้าไปในร้านทันที เรานั่งกันอยู่ที่โต๊ะ เปิดเมนูที่ดูน่ากินไปหมดทุกอย่าง ลิปสั่งทั้งราเมงถ้วยเล็ก และข้าวหน้าหมูชาชู ไม่นับของกินเล่นอีกเยอะแยะ " ลิป นายกินหมดเหรอ "

“ หมดน่า หิวจะตายอยู่แล้วเนี้ย นานๆออกมากินข้าวข้างนอกตอนเที่ยงทั้งที ต้องจัดหนัก จัดเต็ม " เดี๋ยวท่าทางว่าต้องมีคนร้องขอให้ช่วยกินแน่ๆ เพราะยัดทั้งหมดนั่นไม่ไหว ผมสั่งราเมงแต่ในใจก็แอบอยากจะกินข้าวก็เลยสั่ง ข้าวแบบที่ลิปสั่งมาด้วย เรานั่งกินกันไปเรื่อยๆด้วยความอร่อยจนสุดท้ายก็ยัดมันเข้าไปจัดหมดทั้งคู่ ทั้งราเมงและก็ข้าว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทั้งๆที่ไม่กินเยอะมานานแต่วันนี้มันกลับหมดลงอย่างง่ายดายแล้วไม่มีเสียงร้องขอให้ช่วยกินแต่อย่างใด จากปากของอีกคน

" นายท้องเหรอ ลิป นายกินเยอะมากอะ "

" อึก แค่กๆ ไอ้บ้า พูดอะไรวะ " อีกคนทีี่กำลังกินน้ำ สำลักทันทีผมก็แอบขำ " ฉันมีมดลูกที่ไหน ท้องอะไรกัน ท้องก็ลูกคอมพิวเตอร์เล่า จ้องหน้ากับมันทุกวันขนาดนั้น "

" ไม่ใช่คุณเมษเหรอ " ผมแซวอีกคนก็ เบือนหน้าหนีเขินๆ

" ไม่ท้องหรอกน่า กับคนแบบนั้นต่อให้ฉันท้องได้ ฉันก็ไม่เอามาเป็นพ่อของลูกฉันหรอก "

" ให้มันจริงเถอะ นายน่ะชอบว่าเค้า ไม่โอเคแบบนั้นแบบนี้ แต่จริงๆก็รักเค้าจะตายไป "

" ก็นายชอบแซวกันนี่ จะให้ฉันตอบว่าอะไรวะ ใช่ ฉันท้องอย่างง้ั้นเหรอ บ้า "

" แล้วความรักของนายตอนนี้เป็นยังไงบ้าง " ผมถามอีกคนก็นิ่งไปสักพักก่อนจะพูดออกมาเสียงเบาๆ

" เรื่อยๆ ไม่มีอะไรหวือหวา น่าตื่นเต้นหรอก เค้าก็ยังทำงานของเค้า ทั้งสองงานแหละ ทั้งถ่ายแบบนางแบบสวยๆ โป๊ๆ แล้วก็เป็นโฮสรับคำปรึกษา " เค้าบอกก่อนจะถอนหายใจ สีหน้าที่ไม่ดีของของลิป ผมยิ้มจางๆก่อนจะบอกเค้า

" ถ้ามีอะไร ปรึกษาฉันได้นะ "

" อื้ม ถ้ามีละก็จะปรึกษาทันทีเลย แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะถึงถ้ามีก็คงเป็นแค่ ฉันอยากจะให้เค้าออกจากงานทั้งสองอย่างนั้นของเค้า แต่นั่นก็คงจะเป็นไปไม่ได้ละนะ " อีกคนว่าก่อนจะถอนหายใจ " นั่นมันงาน มันเงินของเค้า ถ้าฉันไปบอกให้หยุดทำ เค้าจะเอาเงินที่ไหนเลี้ยงชีพ อีกอย่างความสัมพันธ์ในแบบของเราก็ไม่รู้จะไปได้ยืนยาวเท่าไหร่กัน ถามตัวฉันเองฉันเองยังไม่มั่นใจเลย ก็ได้แต่บอกว่า ก็ลองคบกันไปเรื่อยๆ แต่พอเป็นแบบนั้นแล้ว ยิ่งนานไปใจฉันมันก็เหมือนอยากจะผูกมัดเค้าไว้ให้เป็นของฉัน " ลิปก้มหน้าลง " ไม่รู้สิคีย์ ฉันก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่า ตัวเองจะทำยังไงต่อไป รักเรื่อยๆไม่มีการวางแผนมันไม่ดีหรอก แต่ว่า ฉันก็กลัวว่าในอนาคตเราจะไปด้วยกันไม่รอด เหมือนอย่างที่ฉันเคยไปด้วยกันไม่รอดกับคนอื่นๆ "

" คำถามฉันทำให้นายเครียดรึเปล่าวะ "

" เปล่าหรอก เรื่องของฉันกับคุณเมษมันจะเรียกว่าไงดีวะ เราไม่ได้มีปัญหากันนะ ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี ด้วยความเข้าใจของฉัน เข้าใจว่าเค้าต้องทำงานอะไร เกี่ยวข้องกับอะไร แต่บางทีคนเรามันก็คิดถึงอนาคตรึเปล่าวะ ฉันไม่อยากจะคบแล้วเลิกอีกแล้ว อยากจะคบกับใครก็อยากจะคบไปนานๆ พอคิดแบบนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันจะเข้าใจเค้าไปได้อีกนานแค่ไหน ทั้งๆที่ทั้งหมดที่ฉันเข้าใจอยู่ตอนนี้ ฉันแทบไม่เข้าใจมันเลย "

" ลิป " ผมถอนหายใจออกมาตอนที่อีกคนบอก ผมเข้าใจความรู้สึกของเค้าดี ไม่มีใครอยากจะให้แฟนตัวเองทำงานเกี่ยวข้องกับผู้หญิงที่นุ่งน้อยห่มน้อยแบบนั้นหรอกเพราะไม่รู้ว่าพวกเธอจะคิดยังไงเวลาได้มองตากันผ่านเลนส์อีกอย่างคุณเมษก็ไม่ได้เป็นเกย์สักหน่อย จากที่ฟังก็เหมือนจะชายก็ได้หญิงก็ได้ซะมากกว่า อีกอย่างเค้ามีงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับการเอาใจผู้คนอะไรนั่นอีก ลูกค้าของเค้าเราเองก็ไม่รู้เลยว่าเค้าจะคิดยังไงกับคนรักของเรา

" งานของคุณเมษน่ะต้องเอาใจผู้หญิงมากหน้าหลายตา บางคนก็ชอบเค้าซื้อเค้าไปเดินซื้อของด้วยกันบ่อยๆจนบางทีก็ดูเหมือนแฟนกันไปแล้ว นี่ยังไม่นับว่ายังมีผู้หญิงมาขอเค้านอนด้วยอีกนะ "

" มีแบบนั้นด้วยเหรอ "

" มีสิ ก็ผู้หญิงบางคนคิดว่าเค้าเป็นโฮสแบบนั้นด้วย ถ้าจ่ายมากพอ " ผมยิ้มเจื่อนๆ " แล้วยังมีงานถ่ายแบบพวกนางแบบเซ็กซี่ที่ก็อีกนิดก็จะแก้ผ้าให้ถ่ายรูปแล้ว ฉันไม่รู้วะ ฉันรักเค้านะ ฉันพยายามจะเข้าใจเค้า แต่ว่าฉันที่รักเค้ามากขึ้นไปทุกทีแบบนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าความเข้าใจที่ฉันพยายามอยู่ มันจะพอทำให้ เรารักกันได้นานรึเปล่า มันเป็นเรื่องของอนาคตจริงๆ สำหรับเรื่องของฉัน "

“ นั่นนะสินะ เรื่องของอนาคตเราบอกไม่ได้หรอกว่ามันจะเป็นยังไง "

“ ฉันเลยกับนายไงว่า ถ้าปัจจุบันนายมีความสุขกับการใช้ชีวิตยังไง ก็ให้ทำไปเถอะ อย่างเรื่องของฟานเค้าที่ทำร้ายนาย ถ้าเป็นคนอื่นเค้าอาจจะหนีห่างไปให้ไกลจากผู้ชายคนนี้แล้วก็ได้ แต่ถ้าการหนีห่างไปทำให้นายทุกข์ แล้วก็กลัวหัวหน้า จมอยู่กับความทรงจำ ฉันก็เห็นว่านายควรจะเลือกที่จะอยู่กับเค้าดีกว่าละมั้ง ในเมื่อเค้าเองก็บอก ว่าจะปรับตัว จะแก้ไข ก็ลองให้โอกาสเค้าอีกครั้งเถอะ "

“ อื้ม " ผมพยักหน้ารับ " เห้ออ... ฉันว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้แล้วไปหา อะไรอร่อยๆกินกันดีกว่า พวกชาเย็น โกโก้ หรือไม่ก็ขนมหวานสักชิ้น "

“ แล้วก็บอกว่าฉันท้องนะคีย์ นายเองมากกว่ามั้ง ฉันว่าน่ะ " ลิปพูดแซว เราลุกขึ้นจากที่นั่งในระหว่างที่กำลังเดินออกไปจากตัวห้างผมแวะซื้อโกโก้ที่ร้านประจำกับขนมคุ๊กกี้กล่องนึงตรงลานหน้าตึกที่เชื่อมกับที่ทำงาน ผู้คนเริ่มทะยอยเดินออกจากห้างมาอยู่ตรงบริเวณนั้นเพราะมันใกล้เวลาเข้างานช่วงบ่ายแล้ว ผมที่กำลังเดินเข้าตึกแต่อยู่ๆลิปก็พูดขึ้น

“ คีย์ ฉันอยากจะกินชาเย็นวะ  นายรอตรงนี้นะ ถือโกโก้จากร้านอื่นเข้าไปต่อคิวเดี๋ยวคนขายจะจิตตกว่าชงโกโก้ไม่อร่อยถึงต้องไปซื้อร้านอื่นมากิน "

“ ได้สิ " ผมหลุดยิ้มกับความคิดของอีกคน ลิปเดินออกไป ผมก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา ส่งภาพอาหารวันนี้ทั้งหมดไปให้ฟานแต่ทว่ากลับไม่มีใครอ่าน ผมปิดหน้าจอมือถือเอามือใส่กระเป๋าก่อนจะมองไปรอบๆ ก่อนจะเจอกับคนคนนึงที่คุ้นตาเอามากๆ กับผู้หญิงคนนึงที่เหมือนกำลังฉุดกระชากลากถูกันอยู่ เหมือนว่ามีปัญหาและกำลังทะเลาะกัน

“ ฟาน " ผมเอ่ยเรียกชื่อเค้า ตอนที่เห็นว่าอีกคนถอนหายใจออกมาแล้วหยุดฟังผู้หญิงคนนั้นที่กำลังอธิบายอะไรสักอย่างกับเค้าอยู่ที่ถนนหน้าห้าง ผู้หญิงคนนั้นดูสะสวยแล้วก็ดูมีเงินเมื่อมองเสื้อผ้ากับข้าวของที่ใช้เป็นเครื่องประดับ ดูดีสมวัยที่น่าจะอยู่ไม่ม.ปลายก็น่าจะ มหาลัยแล้ว เธอคว้ามือของเค้ามาจับ พูดอะไรอยู่สักพัก ฟานก็เดินตามเธอไป

“ คีย์.. นั่นฟานกับใครวะ "

“ ไม่รู้เหมือนกัน ฉันก็เพิ่งเคยเห็นเธอ พร้อมๆกับนายนี่แหละ "

..............................................................

#แวะอ่านตรงนี้นิดนึง
ตอนนี้ไม่มีอะไร เป็นแค่การปูทาง เพราะมันมีตอนหน้า  :katai4:
เอาจริงๆ ตอนนี้ อยากจะเขียน แทนความรู้สึกของความเชื่อใจ
คือ เราจะเชื่อฟานได้มั้ย กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นคำขอโทษ และ ต่างๆ
ถ้าเราเป็นคีย์ เราเจอฟาน เราจะคิดไปในแง่ดีมั้ย ว่า เพื่อน พี่ น้อง  หรือกำลังนอกใจกัน

ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิต ฝากแชร์ในเฟส ด้วยนะจ๊ะ
จุ๊บๆ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
หนมมี่จ้า  :กอด1: :3123: :L1: :pig4:

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 63 ' ผู้หญิงคนนั้น ' UP - 6.1.60} หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 06-01-2017 21:07:30
เรื่องเก่าเรียบร้อยแล้วหรอเอาเรื่องใหม่มามันจะทำให้เราคนอ่านหนักใจตามคีย์ไปอีกหรือป่าว เพราะเรานั้นอินไปกับตัวละครและ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 63 ' ผู้หญิงคนนั้น ' UP - 6.1.60} หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 06-01-2017 21:38:08
ผู้หญิงคนนั้น เป็นใครกัน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 63 ' ผู้หญิงคนนั้น ' UP - 6.1.60} หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 06-01-2017 22:03:33
รออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 63 ' ผู้หญิงคนนั้น ' UP - 6.1.60} หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 06-01-2017 22:35:19
เรื่องมาม่าชุดใหม่กำลังจะเข้ามา
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 63 ' ผู้หญิงคนนั้น ' UP - 6.1.60} หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 06-01-2017 22:37:05
คหสตนะ ถ้าเราเป็นคีย์นี่มาขั้นนี้แล้วเราจะไม่แปลกใจเลยถ้าฟานมีคนอื่น
เพราะว่าระหว่างคีย์กับฟานมันร้าวจากฐานะแฟนจนไม่สนิทแล้ว
อย่าบอกว่า You didn't see it coming.
เราคงจะปลงแล้วก็รอดูต่อไปว่าฟานจะยังไง
เป็นน้อง เป็นแฟนหรือไร
แต่ก็ว่าไม่ได้คีย์ถนัดนักกับการเข้าข้างตัวเอง
เรียกร้องสารพัดเพื่อตัวเอง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 63 ' ผู้หญิงคนนั้น ' UP - 6.1.60} หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 06-01-2017 22:57:38
ยังมีงานข้ามาอย่างไม่หมดไม่สิ้น  ถถถ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 63 ' ผู้หญิงคนนั้น ' UP - 6.1.60} หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-01-2017 23:43:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 63 ' ผู้หญิงคนนั้น ' UP - 6.1.60} หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: seii ที่ 07-01-2017 07:18:24
อีฟานมันบ้าอ่ะ เดี๋ยวรักเดี๋ยวเกลียด เขาจะไปก็ยื้อ เหมือนจะกลับมาคบกันก็นอกใจ?
ถ้านอกใจนี่อยากกระโดดถีบมันมากอ่ะ โดนเขาทำเป็นเดือดเป็นเเค้น เเต่กลับทำซะเอง
เเต่นางคงอ้างเหตุผลกากๆ ว่าคบกับคีย์ไม่สนิดใจ เลยต้องมีตัวเลือก
เราว่าสองคนนี้ควรเเยกทางใครทางมันเถอะ ไม่ก็ห่างๆ กังซักปีสองปี
คนหนึ่งหลงผิดเเต่สำนึก ส่วนอีกคนก็หวาดระเเวงตลอด มันจูนกันไม่ติดเเล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 63 ' ผู้หญิงคนนั้น ' UP - 6.1.60} หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 07-01-2017 11:30:12
 :katai1: ฟานเอาอีกแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 63 ' ผู้หญิงคนนั้น ' UP - 6.1.60} หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 07-01-2017 14:49:50
จะจบอย่างไงกันนะ เรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 63 ' ผู้หญิงคนนั้น ' UP - 6.1.60} หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 07-01-2017 15:18:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 63 ' ผู้หญิงคนนั้น ' UP - 6.1.60} หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 07-01-2017 19:20:10
ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครรรรรร :hao4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 63 ' ผู้หญิงคนนั้น ' UP - 6.1.60} หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 07-01-2017 20:30:27
คีย์เข้มแข็งมากกกก เป็นเราคงโดดไปกับเนย์ละ...
รอตอนต่อไป... :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 63 ' ผู้หญิงคนนั้น ' UP - 6.1.60} หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 07-01-2017 21:21:25
อารายยยย ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก้เข้ามาแทรกกก
ต้องพูดแบบนี้เลย โอ้ยยชะนีอีกแล้ว
ใช่นางนั้นไม๊ แต่ถ้าใช่ หรือจะเป็นใคร ฟานก้คงกำลังเคลียร์ตัวเองอยู่5555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 63 ' ผู้หญิงคนนั้น ' UP - 6.1.60} หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-01-2017 08:48:26
แอบคิดว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นญาติหรือพี่น้องขอฟาน อะไรเทือกนั้น
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 64 ' ครอบครัว ' UP - 8.1.60} หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 08-01-2017 20:43:26
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 64
' ครอบครัว '

   วางมือถือลงข้างตัวตอนที่ตอบข้อความสุดท้ายให้คีย์ที่ส่งมาบอกว่าเย็นวันนี้ให้ผมมารับเหมือนเดิม เพราะเค้าไม่มีธุระที่ต้องไปงานศพของรุ่นน้องในแผนกที่กระโดดตึกตายเมื่อวาน พอมาคิดดูแล้ว ท่าทางอีกคนคงจะเศร้าอยู่ในใจลึกๆ เมื่อวานก็นั่งร้องไห้แล้วโทษตัวเองที่ช่วยอะไรไม่ได้อยู่เลย พอยิ่งไม่ได้ไปงานศพแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าในใจจะนึกเสียใจมากแค่ไหน ที่ไม่ได้ไปบอกลา บอกขอโทษกันครั้งสุดท้าย

   ผมผ่อนลมหายใจออกมา เอนตัวลงนอนบนโซฟาที่เปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำสู้กับอาการข้างนอกที่ตอนนี้คงเริ่มจะร้อนแล้ว เพราะเมื่อเช้าตื่นเช้าไปหน่อยก็เลยหลับไปได้อีกรอบแบบชนิดที่ไม่มีปัญหาอะไร

   ครืน ครืน

   เสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่ข้างตัวผมลืมตาตื่นขึ้นกดมารับสายไม่ทันดูเบอร์ที่หน้าจอว่าเป็นใครที่โทรเข้ามา " ครับ "

“ พี่ฟาน ทำอะไรอยู่เหรอ " ผมขมวดคิ้วน้อยๆกับเสียงและสรรพนามที่ได้ยิน ตอนที่ดึงมือถือออกมาดูเบอร์มันเป็นเบอร์แปลกที่แม้แต่ผมเองก็ยังไม่ได้บันทึกไว้

“ ใครน่ะ " ผมถาม ปลายสายก็ถอนหายใจออกมา

“ นี่เฟิร์นไง นี่อย่าบอกนะว่าไม่ได้บันทึกเบอร์โทรศัพท์ของน้องสาวตัวเองไว้เลยน่ะ " ก็ใช่ ไม่เคยบันทึกเพราะไม่คิดว่าว่าจะได้รับการติดต่อจากใครทั้งนั้นในครอบครัวนั้นอยู่แล้วเพราะผมเองก็ถูกตัดขาดออกจากพวกเค้าตั้งแต่วันนั้น วันที่พ่อแม่โอนให้ผมมาเป็นลูกบุญธรรมของตากับยายและไม่เคยหันกลับมาสนใจใยดีกันอีก

“ มีอะไร "

“ พี่ทำอะไรอยู่ "

“ โทรมามีอะไร " ผมถามย้ำเธอก็เงียบไปสักพัก

“ ก็..คือพอดี เฟิร์นอยากเจอน่ะค่ะ พี่ฟานช่วยออกมาเจอเฟิร์นหน่อยได้มั้ย "

“ ไม่ต้องเจอหรอก มีอะไรก็พูดมาเลยทางโทรศัพท์นี่แหละ " ผมไม่ได้เจอญาติพี่น้องตัวเองนานแล้วไม่ว่าจะเป็นน้องสาว หรือว่าพี่สาวตัวเองก็ตาม ไม่ต้องนับพ่อแม่ เพราะตั้งแต่หลังจากที่ตากับยายของผมเสียผมก็ไม่เคยเจอพวกเค้่าอีกเลย พูดให้ถูกก็เหมือนกับว่า พวกเราก็เหมือนคนที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน รู้จักันก็แค่ชื่อ แล้วพอมีงานสำคัญเราก็มาเจอกัน เป็นเหมือนผู้ร่วมงานคนนึง ผมมีความรู้สึกแค่ว่า เค้าคือใคร แต่ก็ไม่ได้รู้สึกดีใจหรือสนิทสนม แค่รู้ว่า นี่พ่อนะ แม่นะ พี่นะ น้องนะ  แต่ไม่ได้มีความรู้สึกถึงครอบครัวอะไร

“ พอดีหนูมีปัญหานิดหน่อยนะคะ " เธอเริ่มว่าเสียงเศร้า อย่างเฟิร์นเองผมก็ลืมไปแล้วว่าตอนนี้เธอเรียนอยูชั้นไหน หน้าตาเป็นยังไง เพราะเธอไม่เคยโทรศัพท์มาคุยกับผมแบบนี้เลยสักครั้ง ตอนนี้ก็ยังสงสัยเลยว่า เอาเบอร์ผมมาจากไหนกัน

“ ปัญหาอะไร เรื่องเงินหรอ "

“ ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่เรื่องเงิน คือหนูอยากจะเจอพี่ฟานจริงๆ ออกมาเจอหนูหน่อยได้มั้ยคะ หนูอยากจะคุยกับพี่ต่อหน้า " ถอนหายใจผ่านสายออกมา อยากจะถามออกไปตรงๆเลยว่า ถ้าเจอกันแล้วเธอจะจำพี่ได้เหรอ ถึงเรียกผมว่า พี่ ออกมาจากปากได้เหมือนว่าเรานั้นสนิทสนมกันเสียเหลือเกินแบบนั้น ทั้งๆที่เราก็เจอกันแบบนับครั้งได้ แล้วเจอกันทีไรก็แทบจำกันไม่ได้เพราะเด็กๆก็โตเร็วอยู่แล้ว

“ มันเป็นเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงต้องเจอหน้ากันแล้วคุยกัน ทำไมถึงพูดในโทรศัพท์ไม่ได้ "

“ เถอะค่ะ นะคะ ขอให้หนูได้เจอพี่แล้วหนูจะอธิบายทุกอย่าง " ผมมองนาฬิกาตอนที่เธอพูดออกมา มันเป็นช่วงใกล้พักเที่ยงแล้ว คิดเอาไว้เหมือนกันว่าจะออกไปดูหนังที่ห้างใกล้ที่ทำงานของคีย์ เพื่อรอรับอีกคนกลับบ้านพร้อมกันเลยทีเดียว

“ งั้นก็ได้ " ผมบอกที่อยู่เธอไป นัดแนะเรียบร้อยผมกดวางสายแต่ก็ไม่คิดจะเซฟเบอร์นั่นไว้ เพราะถ้าเป็นเรื่องเงิน ผมจะให้แล้วก็จะบล๊อคเบอร์โทรไปเลย เพื่อไม่ให้เธอกลับมาขอผมอีก ถึงใครจะบอกว่า เป็นพี่น้องกันต้องช่วยเหลือกันก็เถอะ แต่พี่น้องแบบที่พ่อแม่ไล่ให้ผมออกไปจากครอบครับตั้งแต่เด็กๆ ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับคำว่า พี่น้อง หรือ ครอบครัวจากผมหรอก เพราะครอบครัวของผม มีแค่ตากับยายแล้วตอนนี้พวกท่านก็เสียไปแล้ว ผมมันแค่คนไม่มีครอบครัว

   นั่งรถไฟมาลงสถานที่ที่นัดกับเธอไว้ บอกไว้ว่าให้เจอกันที่ลานหน้าห้าง แต่ช่วงเวลาพักเที่ยงที่คนเยอะๆแบบนี้ ผมก็ทำได้แค่มองซ้ายมองขวาก่อนที่จะมีสายโทรศัพท์ของเธอโทรเข้ามา

“ พี่ฟาน หนูถึงแล้วนะ พี่ฟานอยู่ตรงไหน "

“ ที่หน้าห้างอะ ใส่เสื้อสีอะไรละ "

“ เป็นเดรสสีดำนะคะ " เธอบอก ผมก็มองหาก่อนจะเจอเข้ากับผู้หญิงคนนึงใส่ชุดเดรสสีดำแขนกุดสะพายกระเป๋าแบรนด์หรู ผมยาวสีน้ำตาลดัดลอนใหญ่ๆใบหน้าสละสวยของเธอ มันทำให้ผมไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่านั่นคือน้องสาวของผมแค่คุ้นๆว่า ก็น่าจะใช่ ตอนเด็กๆหน้าตาแบบนั้น โตมาก็คงหน้าตาแบบนี้  ผมเดินเข้าไปหา เอ่ยทักคนที่กำลังมองหาผมอยู่แม้ตอนนี้ผมจะมายืนอยู่ใกล้เธอแล้วก็ตาม

“ มีอะไร " ผมทัก เธอก็หันมามองก่อนจะลดโทรศัพท์ลงเหมือนตกใจไม่น้อยที่เห็นผม

“ พี่ฟาน.. เหรอค่ะเนี้ย " เธอหลุดคำพูดนั้นออกมาผมก็ยักคิ้ว รอยยิ้มสดใสของเธอตอนที่ผมตอบรับ เฟิร์นเก็บมือถือใส่กระเป๋าก่อนจะคว้ามือผมขึ้นมาจับ " หนูมีพี่ชายหล่อขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย ไม่อยากจะเชื่อเลย "

“ ฉันไม่ใช่พี่ชายเธอหรอก ลืมไปแล้วเหรอว่าที่บ้านเค้าไม่ให้เธอนับฉันเป็นพี่ชาย เธอมีแค่พี่สาวเท่านั้นแหละ เดี๋ยวจะซวยเอานะ ฉันมันตัวซวยลืมไปแล้วรึไง  "

“ อย่าพูดเรื่องแบบนั้นเลยค่ะ ตอนนี้อะไรๆมันก็เปลี่ยนไปแล้วนะที่บ้านน่ะ " เธอบอก

“ เปลี่ยน ? “ ผมทวนคำพูด เธอก็พยักหน้ารับ " แล้วเธอมีอะไรจะพูดกับฉัน "

“ หนูอยากจะมาคุยกับพี่ฟาน เรื่องธุระของพ่อกับแม่น่ะค่ะ ท่านฝากมา "

“ ฉันไม่คุย " ผมบอกก่อนจะเดินหนีเธอทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

“ เดี๋ยวสิค่ะ ยังไม่ได้ฟังเลยว่าจะพูดอะไร อย่าเดินหนีกันก่อนสิคะ " เธอฉุดแขนผมไว้ " ฟังหนูก่อนสิ พี่ยังไม่ได้รู้เลยว่าหนูจะพูดอะไร ฟังให้จบก่อน ถ้าจะจบแล้วก็ค่อยว่ากันไม่ได้เหรอ ยังไงเราก็เป็นพี่น้องกันนะ ต่อให้พ่อแม่จะว่ายังไง สำหรับหนู พี่ฟานคือพี่หนูนะ "

“ รู้มั้ยฉันเกลียดคนประเภทที่ชอบตอแยที่สุดเลย มันน่ารำคาญ "

" ก็แค่ฟังกันหน่อยไม่ได้รึไง แค่ฟังเองนะคะ "

" แค่ฟังใช่มั้ย " ผมหันไปถามเธอ "  ถ้าฉันฟังเรื่องที่เธอพูดจบแล้ว เธอกลับไปเลยนะ ตกลงมั้ย "

“ ก็..ได้ค่ะ " คำพูดที่ดูไม่มั่นใจเท่าไหร่ ผมหยุดนิ่งหันไปมองเธอที่ก็เอื้อมมือมาคว้าแขนผมให้เดินออกไป " งั้นเราไปหาอาหารเที่ยงกินกัน แล้วนั่งคุยไปกินไปกันดีกว่านะคะ "

   ผมไม่ได้ตอบอะไรเธอ ได้แต่เดินตามไปตามแรงลากจูงนั้นในห้างที่ผู้คนเริ่มเบาบางเพราะใกล้เวลาทำงานช่วงบ่ายเราเข้ามานั่งในร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่อยู่ตรงชั้นล่างของอาคาร พนักงานแจกเมนูผมสั่งอาหารจานเดียวแบบง่ายๆอย่างสปาเก็ตตี้ส่วนอีกคนก็สั่งทั้งสปาเก็ตตี้ทั้งเครปที่เป็นเมนูดังของร้าน

“ มีอะไรก็ว่ามา "

“ พี่ดูรีบนะ นัดใครไว้รึเปล่า "

“ ก็เปล่าหรอก แต่จะนั่งด้วยกันทำไมนานๆ ถ้าไม่มีอะไรละ " ผมยกมือถือขึ้นมาดูแก้เบื่อที่ต้องคุยกับคนตรงหน้า มีไลน์ของคีย์ส่งเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เค้าส่งภาพที่เหมือนจะเป็นอาหารที่เค้ากินวันนี้และดูท่าทางว่าจะเยอะเป็นพิเศษ เผลอยกยิ้มออกมากับความกินเก่งนั้น ดีแล้วผมเองก็อยากจะให้เค้ากินเยอะๆ ตอนนี้เค้าผอมลงไปจากแต่ก่อนเยอะมากจนดูเหมือนคนที่สุขภาพไม่ค่อยดี

“ พี่ฟานน่ะ มีแฟนอยู่แล้วรึเปล่า "

“ ถามทำไม "

“ ก็อยากจะรู้นะคะ แต่หนูคิดว่าก็คงมีแล้ว " เธอว่าก่อนจะยิ้ม " ก็พี่หล่อ คงจะมีแฟนแล้วละ "

“ อื้ม ฉันมีแฟนแล้ว "

“ พี่มีแฟนแล้วจริงๆด้วยสินะคะ " เสียงของเธออ่อนลงเหมือนผิดหวังที่ได้ยินเรื่องที่ผมมีแฟนแล้ว " แล้วหน้าตาแฟนพี่เป็นยังไง น่ารักมั้ย ขอหนูดูภาพหน่อยได้มั้ย อยากจะเห็นหน้าว่าที่พี่สะใภ้นะคะ " ผมทวนคำพูดของเธอในใจ ว่าที่พี่สะใภ้.. ว่าที่พี่สะใภ้อะไรกัน ผมไม่มีวันให้คีย์ไปรู้จักกับครอบครัวที่ผมไม่เคยเรียกว่าครอบครัวหรอก

“ เธอมีอะไรจะพูดกันแน่ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า "

“ ก็ไม่ได้ได้มีเรื่องอะไรหรอกค่ะ " เธอบอกในตอนนั้นอาหารที่เราส่งจานแรกก็ถูกนำมาเสิร์ฟ เธอตัดแบ่งเครปที่อยู่ตรงหน้าตักใส่ปากก่อนจะเคี้ยว

“ ยิ่งบอกว่าไม่มีอะไรมันก็ยิ่งแปลกนะ ครอบครัวเธอไม่ได้ติดต่อกับฉันเลยมาหลายปี แต่อยู่ๆเธอก็เอาเบอร์ฉันมาจากไหนก็ไม่รู้ โทรมาหา บอกว่ามีเรื่องจะพูดด้วย เอาจริงๆ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรจะ โทรมาทำไม " ผมมองเธอที่ก็ก้มหน้าลงต่ำอาหารที่จะถูกตัดกินชะงักลง " แล้วยิ่งถ้าบอกแค่อยากจะเจอเฉยๆ ก็ยิ่งดูแปลก คนที่ไม่สนิทกัน เจอกันไม่ถึงห้าครั้งในรอบเกือบยี่สิบปี จะมาบอกว่า อยากจะเจอ คิดถึง ไม่ได้เจอกันนานแล้ว แบบนั้นมันก็ยิ่งดูแปลก เธอมีอะไร พูดออกมาตรงๆเลยดีกว่า ฉันไม่ได้มีความอดทนสูงแล้วก็ใจดี ที่จะนั่งฟังคนที่บอกว่าฉันเป็นคนในครอบครัวทั้งๆที่สั่งให้ฉันเรียกคนที่เป็นพ่อแม่ว่า น้า หรอกนะ "

“ คือพี่อาจจะจำไม่ได้แล้วแต่ว่าพี่เคยให้เบอร์กับพี่ฟิล์มไว้ ตอนงานศพคุณย่า หนูก็เอามาจากพี่ฟิล์มนะคะ "

“ แล้วมีอะไร "

“ คือพ่อแม่อยากให้หนูมาสนิทกับพี่ไว้น่ะ " เธอเงยหน้าขึ้นมองผมแบบกล้าๆกลัวๆ

“ ทำไมต้องให้มาสนิท ฉันเป็นตัวซวยพวกเค้าลืมไปแล้วเหรอ "

“ แต่ตอนนี้เค้าไม่ได้คิดแบบนั้นแล้วละค่ะ จริงๆนะ " น้ำเสียงจริงจังของเธอ ผมผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะค้ำมือแล้วหันไปมองอย่างอื่น จะให้พูดว่าไงดี คือผมไม่ได้เชื่อเรื่องหลอกเด็กอะไรแบบนั้นหรอก

   เมื่อก่อนตอนเด็กๆก็โดนหลอกเรื่องนี้มาตลอดเหมือนกัน สมัยที่ต้องมาอยู่กับตากับยายใหม่ๆ ช่วงนั้นเพราะติดแม่มากก็เลยยังร้องไห้งอแงหาแม่ ตากับยายก็คอยเอาแต่บอกว่า เดี๋ยวพ่อกับแม่จะมารับถ้าผมเป็นเด็กดี เชื่อฟังท่าน  แต่ไม่ว่าจะเรียนเก่งแค่ไหน ทำตัวดียังไง สุดท้ายเค้าก็ไม่มารับ ไม่เคยแม้แต่จะมาเยี่ยมกัน ถ้าไม่ใช่ธุระสำคัญจริงๆ

   อย่างพอเริ่มเข้าประถมห้าท่านก็มาพาผมกับตาและก็ยายไปทำเรื่องโอนชื่อผมให้เป็นบุตรบุญธรรมของตากับยาย ผมถูกเปลี่ยนนามสกุลแล้วก็ต้องเรียกคนที่เอ่ยเรียกว่ามาตลอดว่า พ่อกับแม่เป็น คุณน้าแทน และทุกครั้งที่เจอถ้าเรียกว่าพ่อกับแม่ผมจะถูกตีแล้วบอกให้เรียกใหม่

   ทุกอย่างในตอนนั้นดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ ความสัมพันธ์ของผมที่เคยผูกพันแย่ลงไป จากที่เคยอยากจะเห็นหน้า เคยโทรไปหาบอกให้มาเยี่ยม กลายเป็นว่าไม่โทรไปหา ไม่มีความรู้สึกอยากจะเจอ พวกเค้าเองก็ไม่เคยมาเยี่ยม ไม่เคยสนใจว่ามีผมอยู่ในโลกใบนี้ด้วยซ้ำไป ตั้งแต่นั้นเราก็ไม่เคยเจอกันอีก มาเจอกันอีกทีก็คือตอนที่ตาเสีย แล้วล่าสุดก็คือตอนที่ยายเสียหลังจากนั้นก็ไม่เคยได้เจอกันอีกเลยเหมือนเดิม กลายเป็นคนที่ไม่รู้จักและเหมือนไม่มีสิ่งใดมาผูกมัดให้ต้องมาเจอกันอีกตลอดกาล แล้วมาตอนนี้จะให้มาเชื่อคำพูดพวกนั้นน่ะเหรอ.. เป็นไปไม่ได้หรอก

“ อย่างงั้นเหรอ " ผมแสร้งทำท่าทางดีใจที่ได้ยิน ยิ้มให้เธออีกคนก็ยิ้มตามก่อนจะปั้นเรื่องโกหกขึ้นมาอีก

“ พ่อกับแม่น่ะ บ่นคิดถึงพี่ฟานเหมือนกันนะ เค้าบอกว่า มันคงดีถ้าพี่ฟานกลับมาอยู่ที่บ้านของเรา มาเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ท่านก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะพี่ฟานคงจะไม่ให้อภัยท่านแล้ว "

“ เหรอ ทำไมถึงแบบนั้นละ " ผมหยิบช้อนตัวเองขึ้นมาตอนที่อาหารถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะ ใช้ส้อมหมุนสปาเก็ตตี้เข้าปากผมเคี้ยวช้าๆมองเธอที่ก็ก้มหน้ากินเหมือนกัน

“ แล้วถ้าท่านอยากจะเจอพี่ฟาน อยากจะขอโทษ พี่ฟานจะให้อภัยท่านแล้วกลับไปอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวมั้ยคะ "
“ แล้วตอนนี้ท่านเป็นยังไงบ้างละ " ผมเสี่ยงไม่ตอบคำถามของเธอ แต่กลับถามคำถามอื่น เพื่อล้วงความจริงที่เธอมาหาผมให้วันนี้ ธุระจริงๆที่เธอถูกสั่งให้มาทำ

“ ก็สบายดีทั้งคู่นะคะ พ่อแม่เพิ่งกลับมาไปจากเที่ยวยุโรป ซื้อกระเป๋าใบนี้มาฝากหนูด้วย " เธอยกกระเป๋าแบรนด์ใบแพงขึ้นมาผมก็พยักหน้ารับ  " แต่ของพี่ฟิล์มได้ตั้งสองสามใบ ดูไม่แฟร์เลยหนูได้แค่นาฬิกากับกระเป๋าเอง "

“ แค่นั้นก็ดูแพงมากแล้วนี่ เค้าก็น่าจะซื้อของที่ราคาใกล้เคียงกันให้สิ พ่อแม่น่ะ มันต้องเท่าเทียมนะ "

“ ไม่ค่อยหรอกค่ะ พี่ฟิล์มน่ะแต่งงานแล้ว แถมตอนนี้ยังมีลูกพ่อกับแม่ค่อนข้างเห่อหลานน่ะค่ะ เค้าก็เลยค่อนข้างตามใจพี่ฟิล์มมากกว่า เธออยากจะได้อะไรก็ได้ ไม่เห็นเหมือนหนูขอของแต่ละอย่างกว่าจะได้ " เธอบอก

“ แล้วไม่มีของฝากของฉันบ้างเหรอ " เอียงหน้าถามเธอ อีกคนก็นิ่งไปถนัดตา ผมก็หลุดหัวเราะ " สงสัยที่เธอบอกพ่อแม่คิดถึงฉัน คงจะเป็นคิดถึงหลังจากกลับมาจากยุโรปสินะ ฮ่าๆ "

“ พี่ฟาน คือมันไม่ใช่แบบนั้นหรอก พ่อกับแม่มีของฝากพี่นะแต่ว่าพี่ไม่กลับไปบ้านเค้าจะให้พี่ได้ยังไงละ "

“ เค้าไม่รู้ว่าฉัน อยู่ที่ไหนด้วยซ้ำ "

“ แต่ที่หนูพูดว่าพ่อกับแม่คิดถึงพี่มันเป็นเรื่องจริงนะ " เธอเถียง

“ อื้ม ฉันเชื่อเธอ " พยักหน้ารับอีกคนผมก้มหน้ากินอาหารต่อ " ก็ดีแล้วที่พวกท่านยังสบายดี "

“ แต่จริงๆ พวกท่านก็มีเรื่องเครียดนิดหน่อยนะคะ " เธอเหลือบมองผมก่อนจะพูดออกมาเสียงอ้อมแอ้มเหมือนทำให้มันดูเหมือนเป็นเรื่องหนักใจที่ไม่ค่อยอยากจะพูด

“ เรื่องอะไรละ "

“ คือพ่อกับแม่ตอนนี้ ธุรกิจมันมีปัญหาน่ะ เค้ากำลังหาผู้ถือหุ้นรายใหญ่มารองรับธุรกิจที่กำลังจะใหญ่ขึ้นของเค้าน่ะค่ะ แต่หนูก็เห็นว่าหาได้แล้วนะเห็นพูดคุยกัน แต่ก็ยังไม่ได้ตกลงกันสักที เหมือนว่าเค้ายังขาดอะไรอยู่ "

“ ขาดอะไรละ "

“ ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ว่าหนูเองก็เคยเจอคู่ค้าของธุรกิจพ่อกับแม่เหมือนกันนะ ลูกสาวเค้าน่ะ สวยมากเลยแหละคะ นี่นะคะ หนูจะเอารูปให้พี่ฟานดู " เธอที่รีบกุรีกุจอหาภาพเธอคนที่กล่าวถึงให้ผมดู หน้าจอมือถือถูกยื่นส่งมาให้ ก็เป็นผู้หญิงที่หน้าตาสวยอยู่หรอกแต่ผมก็ไม่สนใจ สิ่งที่ผมสนใจคือผมรู้แล้วตังหากว่าที่เธอมาวันนี้ เธอมาเพื่ออะไรกันแน่ " เธอสวยมากแล้วก็นิสัยดีมากๆเลยล่ะค่ะ อีกอย่างเธอเรียบร้อยแถมยังเรียนเก่ง นี่กำลังจะไปเรียนต่อด้วยนะคะหลังจากเรียนจบที่ไทยน่ะ อ้อ! พี่เค้าชื่อ มีน นะคะ หนูน่ะชอบพี่เค้ามากเลย ถ้าเกิดว่าเราได้มาเป็นครอบครัวเดียวกันมันก็คงดี "

“ ฉันว่าสิ่งที่ทำให้คู่ค้าธุรกิจของพ่อแม่เธอขาดไป ที่เธอบอกว่ามันยังขาดอะไรสักอย่างอยู่ คือพ่อแม่เธอไม่มี ลูกชายที่จะไปดองกับอีกฝั่งนึงมากกว่าละมั้ง "  ผมเอ่ยถามเธอ " แล้วคราวนี้พ่อกับแม่เธอก็ เลยคิดถึงลูกชายที่โยนทิ้งไปอย่างฉันขึ้นมา นี่สินะ เหตุผลจริงๆที่เธอมาในวันนี้ "

“ ไม่ใช่แบบนั้นนะคะพี่ฟาน คือ หนู..” เธอที่พยายามเถียง หันมองซ้ายขวาเหมือนคนที่เพิ่งรู้สึกว่า ตัวเองกำลังทำให้เหยื่ออย่างผมตื่นขึ้นซะแล้ว

“ ไม่ใช่อะไร ฉันดูออกหมดแล้วเธอจะบอกว่าไม่ใช่อะไรอีก เอาเป็นว่า ธุระของเธอก็คือพ่อกับแม่ของเธอวานให้เธอมาช่วยพูดกับฉัน มาทำตัวสนิทสนมกับฉันเพื่อที่จะได้กลับไปอยู่เป็นครอบครัวกันเหมือนเดิม แล้วหลังจากนั้นก็จับฉันคลุมถุงชนกับผู้หญิงคนนั้นเพื่อที่ธุรกิจจะได้ดำเนินต่อไป  งั้นก็เอาเป็นว่า ฉันฝากข้อความฉันส่งไปถึงพ่อแม่เธอทีนะ ' อย่ามายุ่งกับชีวิตของกู แล้วกูก็ไม่ใช่ลูกของพวกมึงตั้งแต่ที่พวกมึงทิ้งกูไปแล้ว มึงไม่ใช่ครอบครัวกู ครอบครัวกูพวกเค้าตายหมดแล้ว พวกมึงมันไม่ใช่ แม้แต่คนที่กูรู้จักกูก็ไม่อยากจะให้พวกมึงเป็น' “ ผมลุกขึ้นจากที่นั่งวางเงินค่าอาหารทั้งหมดลงบนโต๊ะ " แล้วมื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง เพราะหลังจากนี้เราคงไม่ได้เจอกันอีก "

   ผมเดินออกจากร้านแต่ยังไม่ทันจะเดินหนีไปได้ไกล เฟิร์นก็เดินมาคว้ามือผมไว้เสียก่อน ผมหันไปมองเธอที่ยังคงจับมือผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

 “ พี่ฟาน เดี๋ยวสิ!! ฟังเฟิร์นก่อน พี่อาจจะไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญอะไร แต่ตอนนี้ธุรกิจของบ้านเรามันเกี่ยวกับการที่ต้องมีคู่ค้าจริงๆนะคะ ถ้าไม่มี ธุรกิจของเรามันอาจจะมีปัญหาก็ได้ "

“ มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน อย่างมาพูดว่า บ้านเรา นั่นไม่ใช่บ้านฉัน แล้วมันก็ไม่เคยเป็นบ้านของฉัน " ผมสะบัดมือออกจากการจับกุมของเธอ เดินก้าวออกไปอีกคนก็ตะโกนกลับมา

“ เห็นแก่ตัว! พี่มันคนเห็นแก่ตัว ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองเป็นความหวังที่จะช่วยพ่อแม่ได้ แต่พี่ก็ไม่ช่วย พี่ปล่อยให้พ่อแม่ต้องลำบาก พี่มันเป็นลูกแบบไหนกัน " ผมหลุดยิ้มออกตอนที่เธอถาม หันกลับไปใกล้เธอที่ก็ยังมองผมด้วยสายตาไม่พอใจ

“ ฉันเป็นแบบไหนน่ะเหรอ ฉันเป็นลูกที่พ่อแม่เค้าไม่ต้องการไง ฉันเป็นแบบลูกแบบนั้นแหละ "

“ แล้วถ้าหนูบอกพี่ว่า ถ้าพี่ไม่แต่งงานกับพี่มีน ไม่ตอบตกลงจะแต่งงานกับพี่เค้า มันต้องเป็นหนูที่ต้องหมั้นกับลูกชายบ้านเค้าแทนล่ะ แบบนั้นพี่จะช่วยหนูมั้ย หนูไม่อยากจะแต่งงานกับคนที่หนูไม่ได้รัก เค้าแก่กว่าหนูมากด้วย แถมยังหน้าตาก็ยังไม่ดี บุคลิคภาพก็แย่ มีดีก็แค่รวย แล้วหนูก็มีแฟนแล้ว หนูไม่อยากจะโดนจับคลุมถุงชน ถ้าเป็นแบบนี้หนูเป็นน้องสาวพี่ พี่จะช่วยหนูมั้ย "

“ ไม่ช่วย " ผมบอก เธอก็นิ่งอึ้งไป

“ ทั้งๆที่ครอบครัวกำลังลำบาก ทั้งๆที่หนูเป็นน้องสาวพี่ หนูกำลังลำบาก พี่ก็ไม่เคยคิดจะช่วยเหลือหนู "

“ เธอรู้มั้ย ว่าชื่อจริงของฉัน คืออะไร " ผมถาม เธอก็เงียบไป " เธอรู้มั้ย ฉันเกิดวันที่เท่าไหร่ เธอรู้มั้ยว่าตอนนี้ฉันเรียนที่ไหน คณะอะไร มีเพื่อนสนิทชื่ออะไร แฟนฉันชื่ออะไร เธอรู้รึเปล่า เธอกล้าเรียกฉันว่าครอบครัวได้ยังไง เธอกล้าบอกว่าฉันเห็นแก่ตัวได้ยังไง คนที่แก่ตัว คือ เธอ คือพ่อแม่เธอตังหาก เธอไม่รู้แม้กระทั้งชื่อจริงของฉัน เรื่องง่ายๆแค่นี้เธอยังไม่รู้ เธอยังกล้าเรียกฉันว่าครอบครัวได้ยังไงทั้งๆที่เธอเองตอนนี้ยังไม่รู้สึกเลยว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เธอแค่คิดถึงฉันขึ้นมาว่า ถ้าฉันตอบรับเธอจะพ้นทุกข์ที่เธอต้องเจอ เธอแค่คิดจะไปให้ไกลๆจากเรื่องนี้ เอาตัวรอดจากเรื่องนี้มันก็เท่านั้น เธอเอาเรื่องครอบครัวมาอ้าง ฉันเป็นพี่เธอ ฉันต้องช่วยเหลือเธอ เธอคิดว่ามันสมควรแล้วเหรอ ที่เธอจะมาขอความช่วยเหลือฉัน ฉัน..ที่พวกเธอไม่เคยนับรวมเป็นครอบครัวเลยแม้สักครั้งเดียว "

" แต่อย่างน้อย แต่ก็ควรคิดว่า พ่อกับแม่เป็นคนที่เกิดพี่มา เค้ามีบุญคุณกับพี่ เค้าทำให้พี่เกิดมา "

" ฉันไม่ได้ขอร้องให้เค้าเกิดฉันมา เค้าเกิดฉันออกมาเอง เป็นความสมัครใจของเค้าทั้งคู่ที่จะมีฉันเอง แล้วพวกเค้าก็เป็นพ่อแม่ที่แค่เกิดฉันมา แต่ไม่เคยให้ความรัก ไม่เคยเลี้ยงดู ไม่เคยเอาใจใส่ เค้าไม่ได้เรียกคนแบบนั้นว่าพ่อแม่หรอก สำหรับฉันพวกเค้าก็แค่ คนที่เกิดฉันมาก็เท่านั้นแต่ไม่ได้มีค่าให้ต้องเรียกว่า พ่อกับแม่เลย  "

“ พี่มันคนอกตัญญู จำไว้! พี่มันเห็นแก่ตัว พี่มันเลว ไม่รักพ่อแม่!! “

   เสียงตะโกนที่ด่าผมไล่หลัง ชวนให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น หันมามองดูผมที่ก็ไม่ใส่ใจสายตาของใคร หรือคำพูดนินทาพวกนั้นสักเท่าไหร่ ผมเดินตรงขึ้นไปที่ชั้นบนของห้าง เลือกตั๋วหนังเรื่องที่คิดว่าจะดูก่อนจะเข้าไปดูทันทีเพราะมันเป็นเวลาที่เปิดฉายหนังพอดี

   
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 63 ' ผู้หญิงคนนั้น ' UP - 6.1.60} หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 08-01-2017 20:43:42
ผมมองหนังที่ฉายอยู่ตรงหน้าผ่อนลมหายใจสงบสติอารมณ์ของตัวเองลงช้าๆ ไม่ได้มีความรู้สึกอยากดูอะไรเหมือนก่อนหน้านี้ สมองของผมเหมือนหวนย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องราวสมัยเด็กที่ยังคงจำได้ดี บ้านหลังใหญ่ในห้องรับแขกที่ผมวิ่งเล่นไปมาตามประสา พ่อที่หัวเสียกลับมาจากที่ทำงานธุรกิจตอนนั้นคงแย่พอดู เค้านั่งลงข้างแม่ที่นั่งดูผมวิ่งเล่นก่อนจะพูดออกมาเสียงไม่เบานัก

“ เอาไอ้เด็กนั่นออกไปไกลๆผมที " เค้าบอกแม่แบบนั้น แม่ก็พยักหน้ารับแบบว่าง่ายก่อนจะบอกให้สาวใช้เป็นคนพอผมออกไป แต่ด้วยความเป็นเด็กตอนนั้นเหมือนจะแค่ห้าขวบ ตัวผมกลับวิ่งเข้าไปหาเค้าแล้วเอ่ยเรียกด้วยความไม่รู้

“ พ่อเล่นกับฟาน มาเล่นกับฟานนะ " แล้วตอนนั้นเค้าก็ก้มลงมาพูดกับผมก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินหนีขึ้นไปชั้นบนของบ้าน

“ ฉันไม่พ่อแก ไอ้ตัวซวย " เพราะไม่รู้เรื่องอะไร ตอนนั้นแค่สงสัยว่าคำว่าตัวซวยคืออะไรก็เท่านั้น ผมถามสาวใช้ที่เป็นพี่เลี้ยงด้วยความไม่รู้

“ ตัวซวยคืออะไรเหรอ ฟานเป็นตัวซวยเหรอ " แล้วหลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ถูกย้ายจากบ้านหลังนั้นให้มาอยู่กับตากับยายที่บ้านหลังนึงที่ไกลออกจากตัวเมือง ยังจำภาพวันนั้นได้ดี วันแรกที่ถูกย้ายมาผมร้องไห้ ตอนที่พ่อกับแม่พูดกับตากับยายเสร็จว่า ขอฝากผมไว้เป็นลูกบุญธรรมสักคน ผมกอดเอวแม่ขอร้องให้เธออย่าทิ้งผมไว้ที่นี่ " อย่าทิ้งฟานไว้ แม่ อย่าทิ้งฟานไป ฟานจะเป็นเด็กดี จะเชื่อฟังแม่ จะไม่ดื้อ จะไม่ซน  อึก ฮือๆ อย่าทิ้งฟานนะ ไม่เอา ฟานไม่อยู่ ไม่อยู่ที่นี่ อย่าทิ้งฟานไป " เพราะคิดว่าเป็นเด็กไม่ดีเลยต้องถูกทิ้ง ถูกทิ้งไว้ให้อยู่กับตากับยายที่ก็ไม่รู้ว่าพวกเค้าจะเป็นยังไง ผมกลัว กลัวจนต้องวิ่งตามรถที่มาส่ง วิ่งจนล้มแต่ก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งต่อไป วิ่งตามรถที่มาทิ้งผมไว้เหมือนหมาตัวนึงอย่างไม่ลดละ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่ารถนั้นจะจอดลง เค้าขับออกไปไกล ไกลเกินกว่าเด็กอย่างผมจะสามารถวิ่งตามทัน 

   ความเสียใจของวันนั้นถูกเกลี้ยงหล่อมด้วยเสียงอบอุ่นของยายว่า ' ถ้าฟานเป็นเด็กดี พ่อกับแม่เค้าจะกลับมารับไปอยู่ด้วย ตอนนั้นเค้าแค่มีปัญหาเค้าเลยมาพาเราไปอยู่ด้วยไม่ได้  เค้ากลัวเราจะลำบากเค้าก็เลยให้ฟานมาอยู่กับตากับยายทีนี่ ' แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยมาเยี่ยมอีก ไม่ว่าจะเป็นเด็กดียังไงก็ไม่เคยมาเยี่ยมอีก จนกระทั้งเข้าประถมห้า รถที่ไม่คุ้นตาก็แล่นเข้าสู่บ้านสวนของตากับยาย ความรู้สึกดีใจของผมมันล้นเอ่อออกมา ผมทิ้งทุกอย่างที่ทำ ที่เล่นอยู่ วิ่งเข้าไปหารถคันนั้นตอนที่รู้ว่า คนที่มาเป็นใคร ผมตะโกนออกไปด้วยความดีใจแบบเด็กๆ

“ พ่อกับแม่มาหาฟานแล้ว มารับฟานกลับแล้ว " ตอนที่เห็นแม่ลงจากรถ ผมไหว้เธอแม้จะอยากกอดมากกว่าแต่เพราะคิดว่าต้องทำตัวให้ดูเรียบร้อยเค้าจะได้รับกลับไปก็เลยต้องข่มความดีใจเอาไว้

“ ธุรกิจมันไม่ดีอีกแล้วละคะ มีปัญหานิดหน่อย " แม่เอ่ยบอกกับตากับยายที่ก็เดินออกมารับ " หมอดูบอกว่าต้องเปลี่ยนนามสกุลของฟานทำเรื่องให้เป็นหลักฐาน เพื่อแก้ดวงนะคะ "

“ ยังไม่เลิกเชื่อเรื่องพวกนี้อีกเหรอพวกแกน่ะ เชื่อหมอดูที่สั่งให้ทิ้งลูกพวกแกนี่อะนะ " ตาเอ่ยถามแม่ อีกคนก็ถอนหายใจก่อนจะเถียง

“ แต่หลังจากที่ให้เค้าออกมาจากบ้าน ธุรกิจเรามันก็ดีขึ้นมากๆเลยนะคะ วันนี้เราก็เลยจะทำเรื่องโอนชื่อของเค้าให้เป็นลูกบุญธรรมของพ่อกับแม่เลย "

“ เอากับพวกมันสิ พวกแกมันบ้า ทิ้งลูกตัวเอง "

“ แต่ธุรกิจพวกเรามันดีขึ้นหลังจากที่ทิ้งเค้า เงินก็ไหลเข้ามาไม่ขาด ผมก็ต้องเชื่อแล้วละครับ ต่อให้ใครว่ายังไง " พ่อบอกแบบนั้น ตากับยายที่แม้จะไม่ชอบใจแต่ก็ตามใจดำเนินเรื่องทุกอย่างให้ เค้าพาผมกลับมาส่งที่บ้านหลังเดิม ทั้งๆที่ตอนนั้นผมเองยังไม่รู้เลยว่าตัวเองได้ถูกย้ายมาเป็นลูกของตากับยายแล้วโดยสมบูรณ์

“ ฟานจะไปเก็บเสื้อผ้าครับ แม่กับพ่อรอฟานแปปนึงนะ " ผมที่เตรียมตัวออกวิ่ง แต่เค้าก็ฉุดมือไว้

“ ไม่ต้องหรอก เราไม่ได้มารับฟาน ฟานต้องอยู่ที่นี่กับตากับยายนะ " แม่บอก " ตากับยายแก่แล้ว อยู่ที่นี่ดูแลพวกท่านนะ "

“ แต่ฟานอยากจะอยู่กับแม่ " ผมบอกเธอเสียงอ่อน เธอก็ถอนหายใจออกมา

“ ไว้เป็นเด็กดีแม่จะกลับมารับ " เธอยิ้ม " เพราะงั้นต่อไปนี้การเป็นเด็กดีก็คือ อยู่กับตากับยายแล้ว ฟานก็เรียกพ่อกับแม่ว่า คุณน้า นะ "

“ ทำไมละ "

“ มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ฟานไม่เข้าใจหรอก เอาเป็นว่า ถ้าอยากจะให้พ่อกับแม่มารับต่อไปนี้ก็เรียกพ่อกับแม่ว่า น้า นะ แบบนั้นถึงจะเรียกว่าเด็กดี เด็กดีต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ แล้วไม่ต้องถามอะไรอีก เพราะเด็กดีไม่เถียงผู้ใหญ่นะ " ตอนนั้นผมไม่ตอบอะไร เพราะไม่รู้จะพูดอะไร ผมสะบัดมือเธอแล้ววิ่งขึ้นไปบนบ้าน มีแต่ความรู้สึกไม่เข้าใจอยู่ในหัวเต็มไปหมดในตอนนั้น ผมนั่งซึมอยู่ในห้องนอนตัวเองเองเงียบๆ นั่งอยู่นานจนตากับยายเดินขึ้นมาดูด้วยความเป็นห่วง ทั้งสองคนที่นั่งลงข้างๆตัวผม กอดผมไว้แน่น

" ไม่เป็นไรนะฟาน ฟานยังมีตากับยายอยู่ ตากับยายจะเป็นพ่อกับแม่ให้ฟานเอง ตากับยายจะดูแลฟาน จะให้ทุกอย่างกับฟาน ลืมมันซะนะลูก คิดซะว่าไม่เคยมีแล้วกัน " คำพูดที่กรีดลงไปในใจของผม แม้จะไม่เข้าใจแต่ตอนนั้นมันก็เจ็บปวดเหลือเกิน ผมกอดยายไว้แน่นจำได้ว่าร้องไห้จะหลับไปทั้งแบบนั้น

   แล้วพอโตขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ได้เข้าใจอะไรมากขึ้นด้วยตัวเอง คำพูดของตากับยายในวันนั้น เข้าใจถึงเหตุผล และทุกๆอย่างที่โดนกระทำมาตลอด และเข้าใจว่า พ่อแม่ก็ไม่ได้จำว่าต้องรักลูกทุกคน บางคนก็เห็นแก่ตัว แล้วก็เป็นพ่อแม่แค่ในนามเท่านั้น แค่เกิดเด็กสักคนมาไม่ได้ทำให้คนบางคนถูกเรียกว่าพ่อแม่ได้หรอก การเป็นพ่อแม่ต้องมีปัจจัยหลายอย่าง และพวกเค้าไม่มี เค้าไม่ใช่พ่อแม่และครอบครัวของผม และจะไม่มีวันใช่ด้วย

................................................................................... 

#ขอแก้ไขทอล์คนิดนึง ไปหาชื่อหนังกับประโยคเต็มๆมาได้ละ
น้องฟาน  :hao5:
เคยดูหนังเรื่องนึง เป็นหนังญี่ปุ่น ชื่อ Ashita Mama ga Inai
เกี่ยวกับเด็กที่ถูกทิ้งในอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า  แต่ว่าในเรื่องคือเด็กทุกคนจะพยายามทำให้ตัวเองมีบ้าน
ตีแผ่หลายแง่มุมของเด็กหลายๆคน
เด็กคนนึง มาอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพราะแม่ติดคุก แม่ไม่กลับมารับ
จนนางกำลังไปมีครอบครัวอุปถัมละถึงจะกลับมา ควาวนี้นางก็ไม่รู้จะเลือกใคร
มีคำพูดนึงของผู้อำนวยการของสถานที่นั้นพูดว่า “ คนที่แค่ให้กำเนิดเธอออกมาไม่ใช่คนที่เรียกได้ว่าเป็น ‘พ่อแม่’ หรอกนะ คนที่เลี้ยงเธอให้เติบโตขึ้นมาด้วย ความรักต่างหากคือ ‘พ่อแม่ที่แท้จริง’ ของเธอ มันต่างกันนะระหว่าง ‘ผู้ที่ให้กำเนิด’ กับ ‘พ่อแม่ที่แท้จริง’ ” : Ashita Mama ga Inai เครดิตจากเว็บ marumura

ฟังแล้วก็คิดถึงชีวิตน้องฟานเลย ชีวิตน้องฟานเจ็บปวดนะ ถูกทิ้งมาตลอดเป็นคนที่ไม่มีใครต้องการ

#สะอื้น
ยังไงฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ ค่าาา  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 64 ' ครอบครัว ' UP - 8.1.60} หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 08-01-2017 20:57:44
โอ้ย น้องฟานนนน  :sad4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 64 ' ครอบครัว ' UP - 8.1.60} หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 08-01-2017 21:17:19
ไม่รู้จะพิมพ์อะไรเลย น้องฟานลูก  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 64 ' ครอบครัว ' UP - 8.1.60} หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: seii ที่ 08-01-2017 21:24:50
กรี๊ดดดดดด อีชะนี ที่หล่อนด่านั่นเข้าตัวเองกับครอบครัวใจนรกหล่อนทั้งนั้น
เเหม ....ดอกกกกกกกกกกก ให้มันล้มละลายทั้งครอบครัวไปเลยค่ะ
เชื่อหมอดูเเล้วเป็นไง? ทิ้งลูก เเต่ครอบครัวกำลังล่มจน เห๊อะ สมน้ำหน้า
อยากให้มันไปหาหมออีกคน เเล้วโดนหมอตอกกลับเเรงๆ จัง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 64 ' ครอบครัว ' UP - 8.1.60} หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: tonnum18 ที่ 08-01-2017 21:46:13
รู้ประวัติความเป็นมาของฟานแล้ว  ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาต่อว่าครอบครัวฟาน

เป็นพ่อแม่ที่เห็นแก่เงินจริงๆ  เชื่อหมอดูโดยทิ้งเลือดเนื้อเชื้อไขตัวเองได้ลงคอ

และสอนลูกได้ดีจริงๆ โคตรเห็นแก่ตัวเลย  ธุรกิจครอบครัวมีปัญหา จะหาคนมาต่อยอด

ธุรกิจ อย่างน้องสาวอยากเอาตัวรอด  โดยหาพี่ชายอ้างสารพัดว่าครอบครัวรักอย่างนั้นอย่างนี้

ที่ไหนได้  ตัวเองไม่อยากแต่งกับใครก็ไม่รู้  แต่หาตัวตายตัวแทนนี้เอง  ฟานเอ๋ยไปต้องกลับไปดูดำ

ดูดีหรอก  ปล่อยให้มันล่มจ่มดีแล้ว  อย่าเป็นพระเองละครไทยนักเลย  ให้ครอบครัวพวกนั้นมันสำนึกบ้างเถอะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 64 ' ครอบครัว ' UP - 8.1.60} หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 08-01-2017 21:56:31
 :a5:
งึดอิเฟิร์น
 :z6:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 64 ' ครอบครัว ' UP - 8.1.60} หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 08-01-2017 22:11:55
 :angry2: ปมครอบครัวฟานนี่สุดๆจริง ทิ้้งลูกได้ลงคอยังมีหน้าให้น้องมาทวงบุญคุณ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 64 ' ครอบครัว ' UP - 8.1.60} หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 08-01-2017 22:13:00
โอ้วววว ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมฟานโตมาเป็นคนแบบนี้ สิ่งที่ทำกับคีย์ สะท้อนจากสิ่งที่เคยได้รับแบบนี้นี่เอง
และนั่นเรียกว่าพ่อแม่ได้ด้วยเหรอ โคตรชั่วอ่ะ งมงายเห็นแก่เงินจนทิ้งลูก สุดจะสรรหาอะไรมาเปรียบ อีน้องก็นะ เห็นแก่ตัวไม่ต่างกัน เค้าเรียกว่าปัดขี้ให้คนอื่น
ดีแล้วฟานอย่าไปนับญาติด้วยเลย ใครจะว่ายังไงก็ช่าง ไม่ต้องไปช่วยอะไรทั้งสิ้น ไร้ซึ่งจิตสำนึกของความเป็นคนขนาดนี้ แม่งงง อินจัด!!
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 64 ' ครอบครัว ' UP - 8.1.60} หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 08-01-2017 22:25:05
โอ๋ๆๆๆๆ ฟานนน มาให้พี่กอดน้าาา
โอ๋ๆๆๆๆๆ ไม่เปนไรไม่เปนไรรร
เด๋วคีย์จะเป็นครอบครัวให้เอง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 64 ' ครอบครัว ' UP - 8.1.60} หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 08-01-2017 22:45:34
เป็นครอยครัวที่เห็นแก่ตัวมากๆ  สงสารฟานเลยยยยย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 64 ' ครอบครัว ' UP - 8.1.60} หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-01-2017 22:49:52
 :L2: :pig4:

มีพ่อแม่แบบนี้ โตมาได้แบบฟานก็บุญแล้ว
พ่อแม่ตัวจริงคือตายาย สองคนข้างบนคือผู้บริจาคไข่กับน้ำเชื้อ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 64 ' ครอบครัว ' UP - 8.1.60} หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 08-01-2017 23:58:16
เลวได้ใจจริงๆสำหรับครอบครัวนี้ เห็นแก่ตัวทั้งหมด :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 64 ' ครอบครัว ' UP - 8.1.60} หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 09-01-2017 10:34:46
พ่อแม่ฟานใช่คนหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 64 ' ครอบครัว ' UP - 8.1.60} หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 09-01-2017 19:43:35
 :o7: :o7: :o7:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 64 ' ครอบครัว ' UP - 8.1.60} หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 09-01-2017 20:05:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 64 ' ครอบครัว ' UP - 8.1.60} หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: madxsound ที่ 10-01-2017 11:34:57
จริงๆ ที่่ฟานมีปัญหาด้านจิตใจ เอาแต่ใจตัวเอง มันเป็นเพราะครอบครัวฟานจริงๆแหละ
เอาตรงๆ นะ น้องสาวฟานตอนนี้คือนิสัยไม่ได้จริงๆ อ่ะ ไม่ได้เจอเค้าเป้นสิบๆปี กลับมาหาก็จะให้เค้าช่วยเรื่องของครอบครัวเลย คือเห็นแก่ตัวจริๆ ไม่ชอบเลยอ่ะ

เฮ้ออออ มาม่าอืดละ ตอนนี้รีดกำลังแบบปวดขมับ อยากให้ถึงตอนที่ฟานคีย์มีความสุขสักที อึดอัดจัง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 64 ' ครอบครัว ' UP - 8.1.60} หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 11-01-2017 10:32:58
อดีตผูกมาจนถึงปัจจุบัน

เรื่องคีย์กับฟานก็เหมือนจะเริ่มดี
คีย์อย่าเข้าใจผิดก็พอ

สงสารฟานนะ เด็กน้อยถูกทำร้ายเพราะความเห็นแก่ตัว โชคดีที่ตายายรัก
แต่น้องสาวก็กล้าถามเนาะ พูดออกได้ แค่ให้ตัวเองพ้นจากเรื่องที่ต้องเจอ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 65 ' โลกแคบ ' UP - 13.1.60} หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 13-01-2017 20:52:34
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 65
' โลกแคบ '
    ผมเซฟงานหลังจากที่นั่งคิดงานไม่ออกอยู่นานจนมันถึงช่วงเวลากลับบ้าน ถอนหายใจออกมาในสมองของผมตอนนี้มีแต่ภาพของ ฟานที่เดินอยู่ข้างๆผู้หญิงคนนั้นที่ผมไม่รู้จัก ผมอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไม ทำไมเค้าถึงมาอยู่ที่นี่ ทำไมเค้าถึงมากับเธอ เธอเป็นใคร แต่ผมก็คงถามอะไรออกไปไม่ได้ เพราะมันคงทำให้เค้ารู้สึกแย่ไปใหญ่ถ้ารู้ว่าที่ผมรู้สึกกังวลอยู่ตอนนี้ มันมีเหตุผลที่ว่า ' เพราะเคยนอกใจเค้ามาก่อนก็เลยกังวลว่า ตอนนี้ฟานกำลังนอกใจผมอยู่รึเปล่า '

“ คีย์กลับบ้านกันเถอะ "

“ อื้ม " ผมพยักหน้ารับ ปิดหน้าจอคอมของตัวเองคนที่ยืนข้างๆก็เอียงหน้ามองเหมือนรับรู้ถึงความไม่สบายใจของผม

“ ถ้านายอยากจะรู้ว่าเธอคนนั้นเป็นใครก็ถามเค้าออกไปตรงๆเลย จะได้ไม่ต้องมายืนทำหน้าเศร้าแบบนี้ แค่ถามออกไปตรงๆ มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ "

“ แต่ถ้ามันมีละ " ผมถาม " ถ้าเค้าโกหกฉันละ ฉันจะทำยังไง " ถ้ารู้ว่าเค้านอกใจผมต้องทำยังไงต่อมันเป็นคำถามที่ผมตั้งขึ้นมาเล่นๆในใจ ถ้าฟานนอกใจผมจับได้แล้ว ผมจะบอกว่าเค้าให้เลิกกับผู้หญิงคนนั้นซะ ผมไม่ชอบอย่าไปยุ่ง แล้วถ้าเกิดขึ้นว่าฟานเถียงขึ้นมาว่าแค่เพื่อนในคณะเราทำงานกลุ่มด้วยกันไม่มีอะไรทั้งนั้น ผมจะทำยังไงต่อ จะเชื่อเค้าอย่างที่เค้าเคยเชื่อผมมั้ย แล้วถ้าผมไม่เชื่อเค้าตอบผมว่าอะไร ' อย่าเอาอดีตของคุณมาตัดสินผมสิ ผมไม่ได้เป็นเหมือนคุณสักหน่อย ผมไม่ได้แอบนอกใจแฟนแล้วไปกินข้าวกับคนอื่นแบบคุณหรอก ' และถ้าฟานเถียงออกมาแบบนี้แล้วผมจะพูดอะไรกับเค้าต่อ

“ ถึงมันจะมี นายก็จะได้รู้ไปเลยว่ามันกำลังเอาคืนนายที่นายเคยนอกใจมัน ไม่ใช่ตอนนี้ที่นายไม่รู้อะไร แล้วก็กำลังเดาไปมั่วๆจากนั้นก็รู้สึกเครียดและคิดมากไปเอง เค้านอกใจฉัน เค้านอกใจ เค้าต้องชอบเด็กผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ เค้าอาจจะทะเลาะกันแล้วก็คืนดีกัน หรือไม่เค้าก็กำลังหวั่นไหว หวั่นไหวเหมือนที่ฉันทำกับเค้า " ผมถอนหายใจออกมาตอนที่ฟังอีกคนพูด " ถามคีย์ ถามออกไปตรงๆเลย วันนี้ฉันเห็นนาย ตอนเที่ยงกับผู้หญิงคนนึง ใครเหรอ จบ แล้วนายจะได้รู้ "

“ ในความเป็นจริง มันถามได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ เรื่องแบบนี้นะ " โดยเฉพาะคนแบบผมแล้ว สามารถถามได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ 

“ งั้นก็กลับบ้านกันเถอะ " ลิปบอกก่อนจะตบไหล่ผม " เดี๋ยวนายอยากรู้มากๆ ก็คงถามเค้าออกไปเองละมั้ง "

   เดินลงมาจากชั้นบนคนที่มารับก็รออยู่ที่หน้าบริษัท ผมถอนหายใจออกมาตอนที่เห็นหน้าเค้าที่ยังคงใส่ชุดเดิมในตอนเที่ยงยิ่งทำให้มั่นใจขึ้นไปอีกว่า นั่นคือเค้าแน่ๆ ผมไม่ได้จำคนผิดแต่อย่างใด ก้าวขาเดินเข้าไปใกล้ ลิปที่อยู่ข้างๆก็เอ่ยทักฟาน

“ ฉันพาแฟนนายมาส่งให้ละ "

“ ขอบคุณมากครับ " เค้าพยักหน้ารับก่อนจะยิ้มให้อีกคนที่ก็หันมากระซิบผม

“ อย่าลืมถามซะละ ถามซะจะได้สบายใจ "

“ อื้ม " ผมตอบรับอีกคนก็เดินออกไป

“ ฉันกลับบ้านละ พรุ่งนี้เจอกัน "

“ เจอกัน "

“ เราไปหาอะไรกินกันก่อนกลับบ้านมั้ย " ฟานถามตอนที่ลิปเดินห่างจากเราออกไป " วันนี้ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย กินก็นิดนึงยังไม่ทันอิ่ม " เค้าบอกผมก็ขมวดคิ้วสงสัย ไม่ได้กินตั้งแต่เที่ยงกับผู้หญิงคนนั้นหรอกเหรอวะ

“ ได้สิ นายอยากจะกินอะไรละ "

“ วันนี้นายกินราเมงแล้วสินะ จริงๆฉันกินอาหารอิตาเลี่ยนไปนิดหน่อยอะนะวันนี้ " ฟานทำท่าคิดผมที่มองจ้องเค้า อยากจะถามออกไปว่าวันนี้ไปกินอาหารอิตาเลี่ยนที่ไหนมาละ  ร้านตรงนั้นที่อยู่ใต้ห้างรึเปล่า แล้วมากับใคร ฉันเห็นนะผู้หญิงคนนั้น เพื่อนเหรอ
 " คีย์ ? "

" หื้ม ? " ผมเอียงหน้าก่อนจะยิ้มให้เค้าที่เหมือนจะสงสัยในท่าทางเหม่อๆของผม " นายว่าอะไรนะ "

" ฉันถามว่าไปกินส้มตำกันมั้ย  ไม่ได้ยินหรอกเหรอ "

" โทษทีฉันคิดอะไรเพลินไปหน่อย " ผมยิ้มแห้งๆ " เอาสิ ส้มตำก็ดีเหมือนกันฉันอยากจะกินอะไรที่มันแซ่บๆ " ผมบอกก่อนจะคว้ามือเค้าแล้วเดินเข้าไปในห้าง เพื่อเบี่ยงเบนไม่ให้อีกคนจับพิรุธได้แม้ว่าเค้าจะกำลังสงสัยเรื่องของผมอยู่ก็ตาม

“ มีอะไรรึเปล่า " คำถามของคนที่จับมือผมให้หยุดเดินด้วยสีหน้าเป็นห่วง " ยังไม่สบายใจเรื่องที่ไม่ได้ไปงานศพของรุ่นน้องในแผนกอยู่เหรอ "

“ ปะ เปล่า ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก " ผมส่ายหน้า

“ แล้วเรื่องอะไร นายดูเหม่อแปลกๆนะ "

“ คือฉันมีเรื่องงานให้คิดนิดหน่อยน่ะ " บอกเค้าไปแบบนั้น ฟานก็ขมวดคิ้วก่อนจะก้มหน้าลงมามองเหมือนไม่เชื่อกันเท่าไหร่ แต่ก็ปล่อยผมผ่านไปไม่ได้ถามต่อ จะมีก็แค่อาการงอนนิดหน่อยที่หลุดออกมาจากปากของเค้า

“ ไม่อยากจะบอก ก็ไม่ต้องบอกก็ได้ นายคงไม่อยากจะบอกฉัน " เค้าหันหน้าไปทางอื่นผมก็หลุดยิ้มออกมา

" ท่าทางแบบนี้ อย่าบอกนะว่างอนฉัน " ผมเอียงหน้ามองเค้า ฟานก็ส่ายหน้า

" ใช่ที่ไหน " ขนาดพูดคำว่าใช่ที่ไหนยังทำหน้าไม่พอใจเลย แล้วก็ยังจะมาบอกว่าไม่ได้งอนอีก

" ฉันเครียดเรื่องงานจริงๆ มันหลายเรื่องน่ะ ทั้งงานที่ทำ ชีวิตที่เป็นอยู่ สิ่งแวดล้อม " ผมบอกเค้าอีกคนก็เดินจูงมือผมเข้าห้างไม่ได้ถามอะไรอีก ราวกับว่าเข้าใจดีอยู่แล้วถึงความรู้สึกของผม ถ้าผมพูดออกมาแบบนั้นเค้าเองก็เข้าใจดีอยู่แล้วว่า เรื่องที่ผมกังวลมันคือเรื่องอะไร

" งั้นก็ไปหาอะไรกินกัน ฉันหิวแล้ว "

" อื้ม " ผมพยักหน้ารับ มองแผ่นหลังที่เดินจูงมือผมไป ข้างในใจผมตอนนี้มันก็มีความรู้สึกหลายแบบ จะเป็นยังไงถ้าความจริงที่ผมอยากจะรู้มันเป็นอย่างที่ผมคิด ฟานกำลังนอกใจ เค้าที่แก้แค้นผมที่เคยนอกใจเค้าให้รู้สึกเหมือนกัน แบบนั้นถ้าเป็นแบบนั้น ตัวผมจะยอมรับได้รึเปล่า จะยอมเสียใจไปกับการกระทำของเค้าที่ครั้งนึงผมเคยทำมันมั้ย " นี่ไง ร้านนี้ ที่ฉันบอกว่าอร่อย "

    เราเดินเข้าไปในร้านจับจองที่นั่งว่าง ก่อนจะรับเมนูอาหาร เราสั่งทุกอย่างที่อยากจะกินเมนูที่เหมาะกับการมาสามคนมากกว่าสองคน

“ ฉันว่าเราสั่งเยอะไปมั้ย " ผมถามฟานที่ก็ส่ายหน้าไปมา

“ ไม่นี่ ก็ฉันอยากจะกิน ของแบบนี้สั่งมาเยอะก็จริงแต่พอกินไปเรื่อยๆคุยไปเรื่อยๆมันก็หมดไม่ใช่เหรอ "

“ เหรอ ไม่รู้เหมือนกัน ขนาดขาเม้าส์อย่างลิปเวลากินกับฉันเรายังสั่งกันน้อยกว่านี้เลย "

“ ช่างมันเถอะน่า สั่งไปแล้ว กินไม่หมดเหลืออะไรเอากลับได้ก็ค่อยเอากลับ " ฟานบอกปัดเค้าพิงตัวเองกับที่นั่งก่อนจะมองซ้ายขวาแล้วหยิบมือถือขึ้นมาเล่น

“ วันนี้นายมารับฉันเร็วจังนะ "

“ เหรอ ? ฉันว่ามันออกจากสายไปด้วยซ้ำ ฉันคำนวนเวลาดูหนังผิด "

“ นายไปดูหนังมาเหรอ "

“ อื้ม ตั้งสองเรื่อง " เค้าบอก " รอบตอนเที่ยงเรื่องนึง พอออกมายังเหลือเวลาอีก ก็เลยดูอีกเรื่อง "

“ นี่นาย..มาที่นี่ตั้งแต่เที่ยงแล้วสินะ " ฟานเงยหน้ามองผม " ละ แล้ว หนังเป็นไงสนุกมั้ย "

“ เรื่องแรกไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ เรื่องสองสนุกดี "

“ เหรอ แล้วตอนเที่ยง มาแวะกินอะไรละ นายบอกว่าอาหารอิลาเลี่ยนนี่ แล้วมันอร่อยมั้ย "

" ก็ไม่ค่อยอร่อยหรอก แดกแทบไม่ลง " เค้าบอกก่อนจะวางมือถือไว้ข้างตัวกอดอกแล้วมองหน้าผม " จะถามอะไรอีกมั้ย "
" ละ แล้วนายกินสปาเก็ตตี้อะไร "

" จะถามด้วยรึเปล่าว่ามากินกับใคร " อีกคนยิ้มตอนที่ยกน้ำขึ้นกินแล้วยักคิ้วให้ผม " เรื่องนี้สินะที่ทำให้นายเหม่อๆ แล้วถามฉันเป็นต่อยหอยแบบนี้ "

" เอ่อ..”

" เห็นละสิ ฉันกับผู้หญิงคนนั้นตอนเที่ยง " ผมผ่อนลมหายใจออกมา พยักหน้ารับอีกคนแบบว่าง่ายก่อนจะเหลือบมองอีกคนที่ก็ยังจ้องผมอยู่

" ฉันไม่ได้ ไม่เชื่อใจฟานหรอกนะ แต่ว่าตอนเที่ยงฉันดันเห็นนายกับผู้หญิงคนนั้น เหมือนกำลังทะเลาะกัน แล้วอยู่ๆนายก็เดินตามเค้าเข้าไปในห้าง " ก้มหน้าลงผมเม้นริมฝีปากตอนที่เงยหน้ามองเค้า ผมถามคำถามที่ผมอยากจะรู้ " ใครเหรอ "

“ ฮ่าๆ " ฟานที่หลุดขำออกมา เค้าก้มหน้าลงขำราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่ตลกเอามากๆ " ฮ่าๆ นาย นายน่าจะได้เห็นหน้าตัวเองตอนนี้นะ นายดูเครียดมากอะ ฉันจะบอกให้ ฮ่าๆ "

“ มันน่าตลกมากนักรึไงที่ฉันกลัวว่านายจะนอกใจฉันน่ะ!! " ผมถามด้วยแววตาและเสียงโกรธๆ เค้าก็หยุดหัวเราะก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ ถ้าฉันบอกว่า แฟนใหม่ นายจะทำยังไง " ผมเงียบ ฟานก็เลิกคิ้วมอง " ถ้าฉันบอกว่าฉันนอกใจนาย นายจะทำยังไง  "

“ ฉัน.. “ ไม่รู้สิ แม้มันจะดูโง่แต่ตอนนี้ในสมองมันก็มีแค่คำพูดนี้ ไม่รู้สิ ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ไม่อยากจะปล่อยไปแต่ถ้าทนอยู่ในสภาพที่ให้เค้านอกใจแบบนี้ไปเรื่อยๆ มันก็เหมือนของตายซึ่งก็เป็นความรู้สึกในอนาคตที่ผมเองก็คงไม่ชอบ แต่ถ้าบอกว่า รับไม่ได้และขอเลิกกันไป ผมเองก็ต้องเสียใจเหมือนกัน เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่ประโยคที่จะตอบได้ตอนนี้ซะเมื่อไหร่

“ น้องสาวฉันนะ " เค้าบอก " ไม่ต้องคิดมากหรอก แค่น้องสาวฉัน "

“ แต่ว่าครอบครัวนาย เค้าไม่..”

“ ใช่ เค้าไม่ได้ติดต่อฉันมานานมากแล้ว ก็เพิ่งติดต่อกันมาวันนี้ละ " เท่าที่ผมรู้ ครอบครัวของฟานเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างแปลกแล้วดูแย่เอามากๆในความรู้สึกของผม พ่อแม่ทำธุรกิจใหญ่โตแต่กลับมีความเชื่อเรื่องดวง เชื่อคำพูดของคนที่ไม่ได้เป็นญาติพี่น้องเชื่อทั้งๆที่เค้าบอกว่าให้ทิ้งลูกชายตัวเองไป เชื่อทั้งๆที่เค้าบอกว่า ให้เอาลูกชายไปอยู่ที่อื่น ไม่ให้เอามาเป็นลูก ฟานที่ถูกทิ้งให้อยู่กับตากับยายตั้งแต่เด็กๆ ไม่ได้รับการเหลียวแลจากที่บ้านเลยเพราะพวกเค้าเชื่อว่า ถ้าเกิดมายุ่งเกี่ยวกับเด็กคนนี้จะทำให้ชีวิตต้องเกิดเรื่องไม่ดี

“ แล้วทำไมเค้าถึงติดต่อมาละ "

“ ถ้าพูดออกไป นายจะคิดมากมั้ยละ " ผมเลิกคิ้วตอนที่อีกคนพูดแบบนั้น อาหารที่ถูกทยอยมาเสิร์ฟฟานก็เล่าเรื่องที่เค้าเจอวันนี้ให้ผมฟัง เรื่องของน้องสาวตัวเองที่นัดมาเจอกัน เพื่อที่จะให้กลับไปเป็นครอบครัวเดียวกันและหมั้นหมายแต่งงานกับคู่ค้าของธุรกิจของพ่อแม่ ผมฟังเรื่องราวพวกนั้นด้วยความรู้สึกชา มองหน้าคนที่เล่ามันด้วยความรู้สึกเจ็บปวด

   ครอบครัวที่ไม่ได้เจอกันนาน ไม่เคยสนใจและเหลียวแล อยู่ๆก็ติดต่อมา เพราะเห็นว่าเค้ามีประโยชน์ทางการเงินและธุรกิจที่ต้องเติมโตขึ้นไป ทั้งๆที่ฟานเองก็ไม่ได้เป็นคนในครอบครัวนั้นแล้วด้วยซ้ำ เงินทองที่เค้าใช้ตอนนี้เท่าที่ผมรู้คือสมบัติที่ตากับยายเค้าทิ้งไว้ให้ เป็นที่ทางมากมายที่ถูกเช่าทำสัญญาหลายสิบปี ทั้งๆที่เค้าไม่เคยถูกเรียกว่า คนในครอบครัวเลยแต่วันนี้กลับถูกเรียกว่าคนในครอบครัว เพียงเพราะตัวเองมีประโยชน์ก็เท่านั้น


" แล้วนายคิดว่ายังไงละ "

" คิดว่ายังไงน่ะเหรอ ก็ไม่ทำอยู่แล้ว ฉันบอกปัดไปแล้วก็ฝากข้อความไปบอก คนสองคนนั้นแล้วด้วย " เค้าถอนหายใจออกมา " ความรู้สึกที่อยากมีพ่อแม่น่ะก็เป็นแค่ตอนประถมที่โรงเรียนจัดงานวันพ่อวันแม่ก็เท่านั้นแหละ ส่วนตอนนี้ฉันไม่จำเป็นต้องมีหรอก เท่าที่ฉันมีมันก็พอแล้ว "

" ไม่เป็นไรหรอกนะ " ผมเอื้อมมือไปจับมือเค้าไว้ มาหวนคิดดูว่า เมื่อก่อนผมก็เป็นของสำคัญที่เค้าให้ความสำคัญมากๆ เป็นเหมือนคนคนเดียวในชีวิตของเค้า เป็นครอบครัวของเค้า แต่สิ่งที่ผมทำคือการนอกใจเค้าไปรู้สึกดีกับคนอื่น ทิ้งเค้าทำร้ายเค้าไม่ต่างอะไรกับพ่อแม่ที่เป็นครอบครัวเค้าที่ทิ้งและทำร้ายเค้าเลยสักนิด

“ ฉันไม่เป็นไรหรอก เรื่องของบ้านนั้นมันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันแล้วก็ไม่ได้ทำให้ฉันเสียความรู้สึกอะไรทั้งนั้น แค่รู้สึกตลก ตลกความเห็นแก่ตัวของคนบ้านนั้น ตลกความหน้าด้าน ที่คิดว่าแค่มาหลอกฉันว่าจะให้กลับไปเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วฉันจะเชื่อ ตลกที่เค้ายังคิดว่า ฉันยังอยากจะกลับไปเป็นครอบครับเดียวกับเค้า ทั้งๆที่ตลอดมา ฉันไม่เคยคิด ความรู้สึกที่ฉันเป็นลูกของคนบ้านนั้น มันตายไปนานแล้ว " เค้าพูดก่อนจะยกยิ้ม " แต่ถ้านายรู้สึกว่าฉันยังเสียใจแล้วอยากจะปลอบฉันจริงๆละก็ นายจูบฉันสักครั้ง ฉันก็หายแล้วละ ความรู้สึกที่ไม่ดีพวกนั้นนะ "

" บ้า ใครจะทำ กลางร้านอาหารนะ " ผมดึงมือออกจากมือเค้าบ่นเสียงเบาๆก่อนจะหันมาสนใจอาหารในจานตรงหน้า " คนอุตส่าห์เป็นห่วงยังมาหื่นใส่อีก "

" เอ้า ! ก็ฉันเห็นหน้านายเศร้า ก็คิดว่าอยากจะปลอบใจ ฉันก็เลยบอกไง ว่าทางที่จะปลอบใจฉันน่ะ มันคือทางไหน "

" ใครจะทำ คนเยอะแยะ "

“ ถ้าอยู่กันสองคนจะทำงั้นสิ " ฟานบอกก่อนจะคิด " งั้นหลังจากกินข้าวเสร็จนายจูบฉันนะ "

“ จะให้ฉันจูบนายทั้งๆที่มื้ออาหารที่เรากินมันคือ ส้มตำนี่อะนะ.. นายคิดดีแล้วเหรอ คิดใหม่ได้นะฟาน " ผมถามอีกคนก็หัวเราะออกมาลั่นร้าน  เรานั่งกินอาหารกันไปเรื่อยๆ ถามไถ่เรื่องต่างๆของงานในวันนี้

   ความรู้สึกในใจของผมตอนนี้ มันเปลี่ยนจากหลายนาทีก่อนที่เอาแต่คิดวุ่นวายถึงผู้หญิงคนนั้นว่าเค้าเป็นใคร เหมือนยกภูเขาทั้งลูกออกจากอก แต่การที่เค้ามาบอกว่า ต้องการให้ฟานกลับไปเป็นครอบครัวและอยากจะให้หมั้นหมายกับคู่ค้าของธุรกิจ แม้ฟานจะปฎิเสธไปแล้วแต่ผมไม่คิดว่าทุกอย่างจะลงง่ายแบบนั้นหรอก

   เงินทองไม่ใช่บ้านสองบาท เป็นพันพันล้าน  ถ้าฟานเป็นความหวังเดียวของเค้าแล้วละก็ เค้าคงไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆ แล้วคนที่ไม่เคยเห็นค่าความความรู้สึกของคนอื่นเลย อย่างพ่อแม่ของเค้า คงไม่แคร์อะไรกับความรู้สึกของลูกชายของพวกเค้า ขนาดทิ้งลูกชายตัวเองยังทำได้ขอแค่ได้ตรงตามเป้าหมาย ไม่ว่าอะไรผมก็คิดว่า คนแบบนั้นคงไม่แคร์

“ พรุ่งนี้ไปเที่ยวไหนกันดี " ฟานหันมาถามผมหลังจากที่เรากินข้าวเสร็จแล้วเดินกลับมาขึ้นรถไฟเพื่อกลับบ้าน

“ พรุ่งนี้วันหยุดเหรอ " ลืมไปเลยว่าวันหยุดถ้าฟานไม่บอกผมคงออกไปทำงานเหมือนทุกวันเพราะลืมวันลืมคืนไปแล้ว ผมยกมือถือที่ถืออยู่ขึ้นมาดู " วันเสาร์เหรอ ปกตินายชอบชวนฉันไปเที่ยววันอาทิตย์ไม่ใช่เหรอ "

“ ก็ใช่อยู่ แต่ว่าพรุ่งนี้อยากจะออกไปเดินซื้อของในห้างสักหน่อย ช่วยไปเป็นเพื่อนหน่อย "

“ ได้สิ "

“ ฉันอยากจะซื้อเสื้อผ้าใหม่ แล้วก็ของใช้ส่วนตัวสักหน่อย ไปด้วยกันนะ " 

..............................................................

   ตื่นนอนในเช้าวันเสาร์ที่สายกว่าปกติบิดขี้เกียจน้อยๆ คนที่กอดผมไว้บนเตียงกว้างก็ดึงผมเข้าไปกอด ใบหน้าคมที่ยังคงหลับสนิท ผมเงยหน้ามองเค้า ก่อนจะคิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่เราพูดกัน เรื่องของครอบครัวเค้าที่อยู่ๆก็ติดต่อมา คิดถึงแววตาเจ็บปวดแต่พอปลอบหน่อยเค้าก็บอกว่า เค้าไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้น คำพูดหื่นๆกลบเกลื่อนของเค้าที่บอกว่า ช่วยจูบเค้าหน่อยถ้าอยากจะให้หายเศร้า ผมหลุดยิ้มออกมาตอนที่คิดถึงคำพูดนั้นเอื้อมมือกอดร่างสูงที่นอนอยู่ข้างกัน ผมรู้ดีว่าคนอย่างฟานคงไม่คิดจะยอมรับความรู้สึกเสียใจในใจลึกๆของตัวเองหรอก ไม่ยอมรับ และทำเป็นไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น

   ผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่คิดแบบนั้น ผมขยับตัวแล้วจูบเค้าที่ริมฝีปาก ก่อนจะหลับตาลงตอนที่อีกคนขยับตัวกอดผมไว้แน่น เสียงทุ้มที่กระซิบลงข้างหู " แอบจูบฉันตั้งแต่เช้าเลยนะคีย์ " ผมเงียบแสร้งทำเป็นว่าตัวเองกำลังหลับอยู่ อีกฝ่ายที่หัวเราะในลำคอคงรู้อยู่แล้วว่าผมแกล้งหลับ " ไม่ยอมรับสินะ ว่าจูบฉัน "

   ร่างสูงเงียบไปก่อน มือที่กอดผมไว้จะย้ายมาสอดเข้าไปใต้เสื้อของผมที่ใส่อยู่ ผมที่หลับตาอยู่ในตอนนั้น สัมผัสมือที่เลื่อนขึ้นมาเลื่อนๆ ภาพความทรงจำเดิมมันก็ผุดขึ้นมาในสมองอีกครั้ง มือหยาบกร้านที่ทำให้ขวัญผวาอยู่ตลอดเวลา มือที่ค่อยๆเลื่อนขึ้นมา

“ อย่านะ!! “ ผมสะดุ้งตัวตื่นผลักร่างที่กำลังนอนกอดกันให้ออกห่างจากตัว ลมหายใจที่หายใจเข้าออกแรงๆ ผมกอดตัวเองไว้ก่อนที่ฟานจะลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ มือหนาที่เอื้อมมือจับไหล่ผมไว้

“ ฉันขอโทษ "

“ ไม่เป็นไร " บอกเค้าแบบนั้นผมเบือนหน้าหนีเค้าลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที ทั้งๆที่ทุกอย่างมันกำลังเป็นไปได้ดีแต่ไม่ว่ายังไง เรื่องราวพวกนั้นมันก็ยังคงฝังอยู่ในใจของผม และถูกปลุกขึ้นมาทุกครั้งที่หลับตาลง ถูกปลุกขึ้นมาทุกครั้งที่เริ่มทำเรื่องแบบนั้นแม้จะเป็นกับคนที่ผมรักอย่างฟานก็ตาม

   เงยหน้ามองตัวเองในกระจก น้ำตาที่เริ่มไหลอาบแก้มผมเกลียดภาพพวกนั้น ภาพที่บางทีก็ฉายขึ้นมาในกระจกเงาตรงหน้าผม ภาพที่คนพวกนั้นกระทำกับร่างกายของผมด้วยความน่ารังเกียจ ขาของผมเริ่มถอยหลังด้วยความกลัว แววตาสั่นๆของผมมือเอื้อมคว้าเอาที่ใส่ของที่ตั้งอยู่หน้ากระจกไว้แน่น ง้างมือจะขว้างให้ภาพพวกนั้นมันหายไป แต่ทว่าในตอนนั้นเองฟานก็เดินเข้ามาในห้องน้ำนั้นเสียก่อน เค้าเดินมากอดผมไว้จากด้านหลัง ค้ำหน้าลงบนไหล่ก่อนจะหอมแก้ม ภาพตรงหน้ากระจกนั้นเปลี่ยนไป มันเป็นไปมีแค่เค้ากับผมเท่านั้น ฟานหยิบของออกจากมือ

“ คีย์ " เสียงทุ้มที่เอ่ยเรียก ผมก็ผ่อนลมหายใจออกมา

“ ขอโทษที ฉัน ..”

“ ไม่ต้องพูดหรอก " ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกแล้วเค้าเองก็ต้องรู้สึก อย่าที่ผมเคยบอกเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่อยู่ในใจของฟานไปตลอดเหมือนตราบาปของเค้าที่ทำไว้กับผม เป็นเรื่องที่ผมเองไม่ต้องทำอะไรเค้าก็เหมือนได้รับผลจากสิ่งที่เค้าทำอยู่แล้ว ยิ่งผมอยู่ใกล้ๆ ยิ่งเค้าอยากจะให้ผมกลับมาเป็นเหมือนเดิมเท่าไหร่เค้าก็ยิ่งเจ็บปวดเท่านั้น เจ็บโดยที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย .. แต่ถึงอย่างงั้น ทั้งผมทั้งเค้าเราก็เจ็บมันไปด้วยกันทั้งคู่ 

   เค้ามองผมผ่านทางกระจกบานที่กำลังฉายร่างของเราที่กำลังกอดกันอยู่ ผมยิ้มจางๆ " อาบน้ำแล้วไปข้างนอกกันดีกว่า วันนี้นายสัญญากับฉันแล้วนะว่าจะไปด้วยกัน "

“ อื้ม " ผมพยักหน้ารับฟานก็ปล่อยมือจากเอวของผม เค้าเอื้อมมือไปหยิบแปรงสีฟันแล้วบีบยาสีฟันส่งมาให้ผม ก่อนจะจัดการของตัวเอง เราแปรงฟันพร้อมๆกัน ตรงหน้ากระจกที่ตอนนี้ก็เห็นเพียงแค่เค้า

   น้ำตาของผมไหลออกมา ไม่รู้ทำไม แต่หยุดน้ำตาของตัวเองให้ไหลไม่ได้เลยทั้งๆที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดีแล้วแท้ๆแต่ผมกลับยังคงคิดถึงแต่เรื่องพวกนั้น เรื่องที่ไม่อยากจะคิดถึงอีก

“ ไม่ต้องร้องไห้ ไม่เป็นไร ฉันจะอยู่ข้างๆนาย จนกว่านายจะลืมสิ่งที่ฉันทำ ฉันจะรับผิดชอบมัน ฉันจะอยู่กับนายจะไม่ทิ้งนายไม่ไหน " เค้าบอกก่อนจะเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ผม ฟานก้มลงบ้วนปาก แล้วผมเองก็ป้วนตาม

“ ฉันรู้สึกว่าว่า ฉันมันสกปรก " ผมบอกแบบนั้นฟานก็มองก่อนจะเอื้อมมือหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดปากตัวเองก่อนจะเช็ดให้ผม เค้าที่ก้มลงมาจูบเบาๆก่อนจะผละริมฝีปากออก

“ อย่าพูดแบบนี้ นายไม่ได้สกปรกอะไร " เค้ายิ้ม " แค่เหม็นนิดหน่อย แต่ถ้าอาบน้ำแล้วก็คงหอมเหมือนเดิม " ผมหลุดยิ้มออกมาฟานยิ้มจางๆก่อนจะยกมือขึ้นทัดหูผม " ขอโทษนะคีย์ ขอโทษนะฉันทำมันอีกแล้ว ฉันไม่น่าเลย ทั้งๆที่ฉันต้องทำให้นายลืม แต่มันเป็นเพราะฉันทุกครั้งที่ทำให้นายต้องคิดขึ้นมา "

“ เราแค่ต้องผ่านมันไปด้วยกัน " มือของผมประคองหน้าเค้า ใบหน้าที่กำลังเศร้านั้น ผมเองก็ไม่รู้ว่าเราจะตกอยู่ในความรู้สึกแบบนี้อีกนานเท่าไหร่ ความรู้สึกที่เราทั้งคู่ก็อยากจะลืมมันไป และมีทางเดียวที่ทำได้คือการพยายามไม่พูดถึงและไม่ยืดเยื้อกับความรู้สึกเศร้าๆแบบนี้อีกต่อไป เมื่อคิดถึงก็คือคิดถึงแต่ก็ต้องพยายามลืมให้เร็วที่สุดเพื่อตัวผมเอง " นายออกไปข้างนอกก่อน ฉันจะได้อาบน้ำ จะได้หอมๆไง "

“ แล้วนายจะไม่..”

“ ฉันโอเค ฉันต้องพยายามที่จะลืมแล้วอยู่กับมันให้ได้สิ ต้องเผชิญหน้ากับมัน " ผมยิ้มให้เค้า ฟานที่เดินนิ่งอยู่สักพักเค้าที่ยังไม่เดินไปไหนเพราะคงยังกังวลเรื่องความรู้สึกของผม " นายออกไปได้แล้ว ฉันจะอาบน้ำเราจะได้ออกไปซื้อของกันไง " คำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายพยักหน้ารับ ฟานออกไปจากห้องน้ำแต่โดยดี ผมเองก็ผ่อนลมหายใจออกมาเหลือบมองกระจกเงาที่ก็มีแต่ตัวเองอยู่ในนั้น พยายามหลับตาไม่มองภาพที่ค่อยๆฉายความน่ากลัวนั่นออก  พยายามลืมแล้วเบี่ยงเบนตัวเองให้คิดเรื่องอื่นและเริ่มอาบน้ำให้เร็วที่สุด

   เราสองคนออกจากคอนโดตอนเกือบเที่ยงวัน ห้างใหญ่ใจกลางเมืองมีผู้คนเยอะแยะในวันหยุดอย่างที่ผมนึกจินตนาการเอาไว้ ร้านอาหารที่เต็มทุกร้านเพราะติดช่วงเที่ยง เราออกมาเดินซื้อของกันก่อนฆ่าเวลารอให้คนในร้านอาหารว่างกว่านี้เสียหน่อย ของที่ฟานพาผมมาซื้อวันนี้ผิดไปจากคาดที่คิดว่าน่าจะเป็นเสื้อผ้า แต่เปล่าเลย ฟานมาซื้อน้ำหอม น่าแปลก ผมคิดว่าฟานไม่่ใช้น้ำหอม คิดว่ากลิ่นตัวอุ่นๆที่ชอบกอดเป็นกลิ่นประจำตัวของอีกคนอยู่แล้วซะอีก

“ นายว่ากลิ่นไหนหอม "

“ ฉันไม่ค่อยมีความเห็นเรื่องกลิ่นของน้ำหอมหรอก " ผมบอก " ปกติฉันไม่ใช้ แล้วก็ไม่ชอบน้ำหอมกลิ่นแรงๆด้วย " ปกติเป็นคนไม่ใช่น้ำหอมอยู่แล้ว ได้กลิ่นน้ำหอมฉุนๆที่ไรก็รู้สึกหายใจไม่ออกทุกที " นายใช้น้ำหอมกลิ่นเดิมก็ดีนะ ฉันว่ามันก็หอมดี ไม่ฉุนมาก "

“ ก็คิดว่างั้นแค่อยากเปลี่ยนบ้าง นายไม่มีกลิ่นที่นายชอบบ้างรึไง "

“ นายใช้แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ฉันชอบละเนี้ย " ผมบอกก่อนจะยื่นมือไปรับเทสเตอร์ของพนักงานที่ยื่นน้ำหอมกลิ่นนึงมาให้ดม มันเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายๆกับกลิ่นที่ฟานใช้ " กลิ่นนี้หอมดี แต่คงคล้ายๆกับของนาย " ผมยื่นเทสเตอร์สะบัดไปมาตรงปลายจมูกอีกคนฟานซี่ก็ยกยิ้ม

“ ไม่คล้ายได้ไง นี่เป็นกลิ่นที่ฉันใช้ตอนนี้ " ขมวดคิ้วดมอีกทีเหมือนในมือมันจะหอมกว่าหน่อยๆ " น้ำหอมพอมันผสมกับกลิ่นตัวคนมันจะเป็นอีกกลิ่นนึง "

" เหรอ งั้นก็เป็นขวดเดิมก็ดีนะ ดมแล้วสบายใจดี " ผมยิ้มให้เค้าอีกคนก็หันไปสั่งพนักงานแล้วยื่นบัตรเครดิตไปให้ กลิ่นของฟานสำหรับผมมันเป็นกลิ่นที่ดมแล้วอบอุ่น อุ่นใจ เป็นความรู้สึกหลายๆอย่างที่อบอวลอยู่ในความรู้สึกเหมือนพอได้กลิ่นนี้จากเค้าตอนที่อยู่ใกล้ๆก็รู้สึกสบายใจอย่างประหลาด แต่เป็นแบบนี้มานานแล้ว

" นายจะใช้สักขวดมั้ย ฉันซื้อให้ "

" ไม่เอาอะ ฉันไม่ชอใช้น้ำหอมเท่าไหร่ " ผมส่ายหน้าบอก แต่อีกคนก็ยังดึงดันให้เดินไปดูน้ำหอมเค้าเตอร์แบรนด์ของผู้หญิงข้างๆ ฟานกระซิบ " วันก่อนฉันได้ดมเทสเตอร์ของมัน หอมดี “ เทสเตอร์น้ำหอมตัวที่อีกคนชอบ ถูกส่งมาให้ผมที่ก็พอดมดูแล้วก็หอมดีนะ เหมือนขนมหวานผสมดอกไม้ที่หอมอ่อนๆ " หอมมั้ย "

" ก็หอมดี แต่ฉันไม่ใช่น้ำหอม ครีมอาบน้ำที่ใช้อยู่มันก็หอมติดผิวอยู่แล้ว "

" ฉันซื้อให้เอาเถอะน่า ขวดนึงครับ " ประโยคหลังเค้าบอกพนักงานที่ก็พนักหน้ารับ

" คะยั้นคะยอกันจริงๆเขียว "

" ฉันชอบ ฉันอยากจะให้กลิ่นแบบนี้มันติดอยู่ที่ตัวนาย " เค้าบอกก่อนจะหันมายิ้มให้ผม " รู้สึกน่ากินดี "

" น่าเกลียด " ผมเหลือบมองซ้ายขวาโชคดีที่ไม่มีใครอยู่แถวนี้ ฟานที่หลุดหัวเราะออกมาเสียงดังเค้าเดินไปดูน้ำหอมขวดอื่น ผมเองก็หยิบนู้นนี่ทำเป็นไม่สนใจ ทำเป็นไม่รู้จักก่อนจะถูกดันไหล่แซวๆ รอยยิ้มของเราทั้งคู่ที่กำลังหัวเราะก่อนจะเสียงของผู้หญิงคนนึงจะเรียกฟานขึ้นมา เสียงที่ผมไม่คุ้น แต่พอหันไปมองดูก็ชวนให้รอยยิ้มที่เคยยิ้มกว้างกลับค่อยๆหดหายไปด้วยความตกใจไม่น้อยที่เจอ

" ฟาน.. " เธอเอ่ยคำพูดออกมา ร่างสูงที่ยืนข้างผมก็หดยิ้มลงพลางถอนหายใจออกมา

" พี่ฟิล์ม " ชื่อของคนคนนั้นหลุดออกมาจากปากเค้า " โลกเชี้ย ทำไมมันแคบจัง " เค้าบอกก่อนจะหันมาสนใจอย่างอื่น ผมในตอนนั้นถอยห่างออกไปจากเค้าไปดูของอย่างอื่นเพราะไม่อยากจะให้ผู้หญิงคนนั้นเห็น ผู้หญิงที่ผมยังคงจำได้ดี ผู้หญิงที่ครั้งนึงผมเคยอิจฉาเค้า อิจฉาที่เค้าทั้งสวย ดูดี และที่สำคัญเค้าเป็นเจ้าของคนที่ผมแอบชอบ ผู้หญิงที่เป็นภรรยาของหัวหน้า ' คุณฟิล์ม '

...............................................................

บางที จุดเริ่มต้นของบางอย่างก็เป็นจุดจบของบางสิ่ง
มีคนหลายคนถามว่า คีย์เป็นแบบนี้ไม่ไปหาหมอเหรอ
หมอรักษาไม่ได้ทุกโรคนะ การเยียวยาต้องใช้เวลา ถ้าความรู้สึกดีๆมันลบได้ง่ายๆ เหมือนดินสอที่มียางลบแล้วละก็
ตอนนี้คงไม่มีเรื่องเศร้าแล้วละ ใช่มั้ยละ
ฝากเรื่องนี้ไว้ในใจทุกคนด้วยนะคะ
ตอนนี้กำลังเร่งเขียนให้จบอยู่
ยังไงฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์  :กอด1: :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 65 ' โลกแคบ ' UP - 13.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 13-01-2017 21:13:36
เหมือนโลกจะกลมเกินไปนะบางทึ สงสารฟาน ต้องทนเจ็บช้ำกับคนพวกนี้ไปอีกเท่าไหร่
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 65 ' โลกแคบ ' UP - 13.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 13-01-2017 21:22:23
อย่าบอกนะว่านางคือพี่สาวของฟานอ่ะ  งานเข้าอีกละ  ดราม่าเรื่องงนี้ไม่จบไม่สิ้น
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 65 ' โลกแคบ ' UP - 13.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 13-01-2017 22:53:43
ดราม่าให้สุด เราคิดว่าเรายังไหว  :z6:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 65 ' โลกแคบ ' UP - 13.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-01-2017 23:10:05
 :katai1:

ไอ้หัวหน้าใช่ไหมมมมม
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 65 ' โลกแคบ ' UP - 13.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 13-01-2017 23:27:09
มันนนกำลังจะดีแล้ววว
ทำไมมมมทำไมมม
โลกแม่งแคบจิงๆด้วย
ม้ายยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 65 ' โลกแคบ ' UP - 13.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-01-2017 23:42:34
โห โลกกลมมากกกกก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 65 ' โลกแคบ ' UP - 13.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 14-01-2017 01:20:58
ปมใหม่มาแล้ววว
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 65 ' โลกแคบ ' UP - 13.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 14-01-2017 01:39:21
ผู้ชายเหี้ยๆคนนั้น คือพี่เขยฟาน
น่ารังเกียจไปหมด
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 65 ' โลกแคบ ' UP - 13.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 14-01-2017 02:10:04
ฟานบอกว่าโลกแคบ แบบนี้มันยิ่งกว่าแคบอีกนะ  มันเหี้ยเลยล่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 65 ' โลกแคบ ' UP - 13.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 14-01-2017 02:42:34
โลกกลมพรหมลิขิตอะไรเบอร์นี้
พี่ของฟานก็คือภรรยาของอีตาหัวหน้า
โอ้โหมากเลย
นี่ว่าเรื่องครอบครัวฟานไม่จบง่ายๆแน่
นี่พี่ก็โผล่มาอีกล่ะ
เอาใจช่วย สู้เน้อ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 65 ' โลกแคบ ' UP - 13.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 14-01-2017 07:17:42
เอ๋า โลกแคบสมกับชื่อตอนจริงๆ  :katai1:

ฟานคีย์ต้องผ่านมันไปได้ :mew6:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 65 ' โลกแคบ ' UP - 13.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-01-2017 09:32:32
บรรยากาศดี ต่างคนต่างเปิดใจมากขึ้น

ฟานทำได้ดี ไม่โกหก แถมมีแซวนะ
คีย์ก็น่ารัก พยายามได้ดี แอบมีนอยด์นิดๆ

เอิ่มมม แล้วฟานจะรู้ไหมว่า คนนั้นเป็นพี่เขย แต่ที่แน่ๆ คีย์รู้แล้ว โลกแคบจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 65 ' โลกแคบ ' UP - 13.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 14-01-2017 20:10:24
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 65 ' โลกแคบ ' UP - 13.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 14-01-2017 22:22:14
โลกมันกลมเกินไป
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 65 ' โลกแคบ ' UP - 13.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 15-01-2017 02:15:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 66 ' ภรรยาหัวหน้า ' UP - 15.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 15-01-2017 20:28:17

ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 66
' ภรรยาหัวหน้า '

   รอยยิ้มของเราทั้งคู่ที่กำลังหัวเราะก่อนจะมีเสียงของผู้หญิงคนนึงเรียกฟานขึ้นมา เสียงที่ผมไม่คุ้น แต่พอหันไปมองดูก็ชวนให้รอยยิ้มที่เคยยิ้มกว้างกลับค่อยๆหดหายไปด้วยความตกใจไม่น้อยที่ได้เจอ

" ฟาน.. " เธอเอ่ยชื่อเรียกอีกคนออกมา ร่างสูงที่ยืนข้างผมก็หดยิ้มลงพลางถอนหายใจออกมา

" พี่ฟิล์ม " ชื่อของคนคนนั้นหลุดออกมาจากปากเค้า " โลกเชี้ย ทำไมมันแคบจัง " เค้าบอกก่อนจะหันมาสนใจอย่างอื่น ผมในตอนนั้นถอยห่างออกไปจากเค้าไปดูของอย่างอื่นเพราะไม่อยากจะให้ผู้หญิงคนนั้นเห็น ผู้หญิงที่ผมยังคงจำได้ดี ผู้หญิงที่ครั้งนึงผมเคยอิจฉาเค้า อิจฉาที่เค้าทั้งสวย ดูดี และที่สำคัญเค้าเป็นเจ้าของคนที่ผมแอบชอบ ผู้หญิงที่เป็นภรรยาของหัวหน้า ' คุณฟิล์ม '

“ ฉันได้ข่าวว่า เมื่อวานนายฝากข้อความผ่านเฟิร์นไปให้พ่อกับแม่เหรอ " เธอถามอีกคนก็ไม่ตอบ " มันเป็นคำพูดที่ดูไม่ดีเอาซะเลยนะ ไม่เป็นผู้ใหญ่เลย " ฟานเงียบไปตอบอะไร เธอก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ " ยังไงเค้าก็เป็นพ่อแม่ของนายพ่อให้กระทำการแบบไหนที่เธอไม่ชอบเค้าก็คือพ่อแม่นาย คนที่เกิดนายมา เค้ามีบุญคุณแล้วช่วยชุบเลี้ยงให้เธอมีเงินกินเงินใช้อยู่ในทุกวันนี้ "

“ เมื่อวานฉันบอกเฟิร์นไปว่า ฉันไม่ได้ขอร้องให้เค้าเกิดฉันออกมา " ร่างสูงหันไปบอก " แล้วที่เธอควรรู้ไว้ เงินทุกบาททุกสตางค์ตั้งแต่ที่ฉันถูกส่งให้มาอยู่กับตากับยาย เงินที่เลี้ยงดูฉัน ส่งฉันเรียนหนังสือ มันคือเงินของตากับยาย เค้าไม่ได้ส่งเงินมาให้ฉันแม้สักบาทเดียว " เธอเงียบไป " ธุระของบ้านนั้นมันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน พวกเธอไม่เคยสนใจแล้วไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตของฉันตั้งนานแล้วทำไมพอมีปัญหาถึงมาคิดถึงตัวซวยอย่างฉันละ ไม่กลัวเหรอ ไม่กลัวว่าพอฉันกลับเข้าไปจะยิ่งแย่เหรอ แล้วเลิกติดต่อฉันสักทีเถอะ เลิกมาวุ่นวายกับชีิวิตฉันสักที ทำอย่างที่เคยทำสิ ชีวิตใครก็ชีวิตมันทิ้งแล้ว ตัดแล้ว ก็ตัดให้ขาดไป ทำให้ได้อย่างที่เคยทำสิ ไม่ใช่พอลำบากแล้วหน้าด้านมาขอความช่วยเหลือ ฉันไม่ให้ มันไม่ใช่ธุระของฉันเหมือนกัน "

   ประโยคสนทนาที่ทำให้ผมยิ่งรู้สึกมั่นใจเข้าไปอีกว่า ภรรยาหัวหน้าคงไม่ใช่แค่คนที่ฟานรู้จักทั่วไปหรอก แต่คงเป็นพี่สาว พี่สาวแท้ๆของฟานเอง แต่ที่น่าแปลก ถ้าเป็นแบบนั้นฟานเองก็เคยเจอหัวหน้าแล้ว แต่ทำไมเค้าถึงดูเหมือนไม่รู้จักหัวหน้ามาก่อนเลย เหมือนไม่รู้ว่า ผู้ชายคนนี้เป็นพี่เขยของตัวเอง

“ นายว่่าฉัน เหมือนวันนี้ฉันตั้งใจมาหานายเลยนะ " เธอบอก " ฉันไม่ได้ตั้งใจมาหานายสักหน่อย ก็แค่บังเอิญมาซื้อของกับครอบครัวแล้วเจอ ก็เลยทักก็แค่นั้น" คำพูดที่ทำให้ผมรีบมองซ้ายมองขวาเสียทันทีแต่ทว่าตัวเองก็ไม่พบกับหัวหน้าในบริเวณใกล้ๆที่ได้เห็น " แล้วนายมากับใคร คนเดียวเหรอ "

“ เปล่า มากับแฟน แต่ว่าจะกลับละ ไปกินข้าวที่อื่นดีกว่า เดี๋ยวถ้านั่งกินอยู่แล้วเจอพี่ผมคงต้องอ้วกออกมาแน่ๆ " ฟานบอกก่อนจะหันมองซ้ายขวาเหมือนหาตัวผมว่าอยู่ไหน ผมที่หลบอยู่หลังเค้าเตอร์เครื่องสำอางอีกฝั่งทำเป็นไม่เห็น มองดูนู้นนี่นั่นไปเรื่อยเหมือนกำลังเลือกซื้อของ

“ แล้วจะไม่คิดแนะนำ แฟนให้พี่รู้จักเลยรึไง "

“ คิดว่าไม่จำเป็น เพราะเราคงไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอยู่แล้ว " ร่างสูงว่าเค้าเดินตรงเข้ามาหาผม มือที่คว้าเข้าที่แขนตอนที่กำลังจะเดินออกไป เธอก็เอยเรียกชื่อผม

“ คีย์ " เหมือนทุกอย่างถูกสั่งนิ่งแม้แต่ฟานที่กำลังดึงให้ผมเดินไปเค้าก็หยุดนิ่งก่อนจะหันมามองพี่สาวตัวเองที่เอ่ยเรียกชื่อผม ร่างสูงหันมองผมที่ก็มองเค้า ก่อนจะถอนหายใจแล้วหันไปมองคนที่เอ่ยเรียก ไม่ว่าจะหลบซ่อนยังไงก็ต้องเห็น เธอก้าวขาเดินเข้ามาใกล้เรา " คีย์ คีย์เป็นแฟนนายเหรอฟาน "

“ พี่รู้จักแฟนผมได้ยังไง " เค้าถามเธอก่อนจะหันมามองผม " นายรู้จักพี่สาวฉันด้วยเหรอ "

“ อื้ม " ผมพยักหน้ารับ " เธอเป็นภรรยาของหัวหน้า "

“ ภรรยาของหัวหน้า หัวหน้านายน่ะเหรอ " ฟานถามอีกครั้ง

“ ใช่.. คนที่แฟนนายชอบแล้วก็เอาแต่เล่นหูเล่นตายั่วยวนเค้าในที่ทำงานไง " พี่สาวของฟานเสริมผมก็มองหน้าเธอ ที่ก็ยกยิ้มแล้วหันไปมองหน้าน้องชายตัวเอง " ฉันหวังว่านายคงตาสว่างแล้วรู้อยู่แล้วละนะ ว่าผู้ชายคนนี้เค้าเคยนอกใจนายมายุ่งกับหัวหน้าตัวเอง แต่นายคงไม่รู้สินะ ว่าเค้าเป็นสามีฉัน "

“ ผมไม่เคยยั่วยวนสามีคุณ " ผมบอกเธอก็ยกยิ้มก่อนจะหันไปอื่น

“ สามีฉันบอกความจริงกับฉันหมดแล้วเรื่องภาพนั่น แล้วก็บอกว่าด้วยว่าทำไมตัวเค้าถึงถูกไล่ออก " เธอเหลือบมองน้องชายของตัวเองท่าทางที่ดูเหมือนว่าเธอรู้ทุกอย่างและรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าผม ที่ในความคิดเธอ เธอคงเห็นว่าผมกรุข่าวต่างๆนานาหลอกฟานไว้ " แต่ดูท่าว่ามันคงจะเป็นคนละเรื่องกันละมั้ง ไม่อย่างงั้นฟานคงไม่โง่คบกับนายอยู่หรอก จะให้บอกความจริงนายมั้ยละ "

“ ผมไม่รู้ว่าคุณรู้อะไร เพราะไม่รู้ว่าหัวหน้าบอกอะไรคุณเกี่ยวกับตัวผม เกี่ยวกับภาพที่คุณคงเห็น เค้าก็ต้องอธิบายคุณ แต่ผมไม่ได้โกหก ฟานเค้ารู้ดีอยู่แล้ว ว่าผมทำอะไรแล้วก็ผิดยังไง ผมบริสุทธิ์ใจเพราะผมพูดความจริง และไม่กลัวเรื่องที่คุณจะเล่าให้เค้าฟังด้วย " บอกเธอไปแบบนั้นอีกคนที่จ้องมองผมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

“ เป็นเกย์ก็ว่าแย่แล้วนะฟาน แบบนี้ถ้าพ่อแม่รู้คงไม่ได้อยากจะเอาแกกลับไปอยู่เป็นครบอครัวเดียวกันแล้วละ เพราะเราคงอายมากที่มีหนึ่งในครอบครัวเป็นแบบนี้ หนำซ้ำคนที่ได้ชื่อได้ว่าเป็นแฟนของนาย ยังสมัครใจมาเป็นเมียน้อยของผัวฉันอีก ฉันไม่วันยอมหรอก "

“ เออ งั้นก็ดีจะได้เลิกยุ่งกันสักที รำคาญ " ร่างสูงบอกก่อนจะคว้ามือผมให้หันหลังจะเดินหนีพี่สาวของเค้าเอง แต่ยังไม่ทันเดินไป คุณธีร์สามีของพี่สาวฟานก็เดินตรงเข้ามาก่อน เค้าชะงักตอนที่เห็นผม ใบหน้าที่ตกใจของเค้าฟานยกยิ้มก่อนจะหันไปบอกพี่สาวตัวเอง

“ นี่น่ะเหรอ สามีเธอ " เค้าเชิดหน้าไปทางหัวหน้าที่ก็รีบเดินสาวเท้าเข้ามาใกล้ " ขอโทษด้วยนะตอนที่แต่งงานเมื่อสี่ปีก่อนฉันไม่ได้ไปร่วมแสดงความยินดีน่ะ พอดี ฝ่ายเจ้าสาวเห็นว่าลูกชายคนนี้มันเป็นตัวซวยก็เลยไม่ถูกชวนนะ แต่โลกกลมจังเลยนะว่ามั้ย " เค้าหัวเราะก่อนจะก้มลงกระซิบอะไรสักอย่างกับพี่สาวของเค้า " แล้วไว้ฉันค่อยเล่าให้ฟังต่อนะ "

“ เล่าอะไร!! “ หัวหน้าตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ " พวกมันเล่าอะไรคุณ แล้วคุณไปฟังอะไรเค้า คุณเชื่อพวกมันมากกว่าผมเหรอ คุณเชื่อเรื่องอะไร คุณต้องเชื่อผมสิ ผมพูดความจริงกับคุณนะ " เค้าที่เลิกลั่กเกิดกว่าเหตุทำให้ภรรยาของเค้าเองมองเค้าแบบไม่เชื่อสายตาเท่าไหร่ หัวหน้าหันมาหาเรา " พวกมึงเล่าอะไร!!!”

“ ตกใจอะไรวะ ยังไม่ได้เล่าอะไรเลย " ฟานบอก ก่อนจะหัวเราะในคอ " ปิดบังอะไรอยู่เหรอ หลอกอะไรเมียละ เป็นวัวสันหลังแหวะรึไงน่ะ แปลกจังนะ แฟนผมที่พี่บอกว่ากรุเรื่องขึ้นมา เค้ายังไม่กลัวเวลาที่พี่พูดขู่ออกมาแบบนั้นเลย แต่ทำไมผัวพี่ ที่พี่บอกว่าพูดความจริง ถึงกลัว ขนาดนี้น้า .. หรือว่าเรื่องที่พูดมันจะไม่ใช่ความจริง "

" มึง!!” หัวหน้านิ่งเค้าถลึงตาใส่เราก่อนจะมองภรรยาตัวเองสลับกับพวกเรา  ฟานเอียงหน้าพูดกับพี่สาวของเค้าด้วยรอยยิ้มก่อนที่เราจะเดินออกมา

" แต่ถ้าอยากฟังว่าทำไม ผัวพี่ถึงกลัวพวกผมจะพูดขนาดนี้ ก็โทรไปนะเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง เพราะคีย์น่ะเค้าไม่กลัวเรื่องที่พี่จะเล่าอยู่แล้ว "

“ มันโกหก เธอไม่ต้องไปฟังมัน มันจะใส่ร้ายฉัน มันจะทำให้รักของเราพัง มันจะทำให้ครอบครัวของเราพัง " เค้าบอกกับภรรยาของเค้าแบบนั้น เธอที่มองเราอยู่ก็ตะโกนบอก

“ ฟาน! คิดว่าคบกับคนคนนั้นมันดีแล้วเหรอ เค้านอกใจนายนะ! เค้าโกหกนาย! "

“ ผมมั่นใจว่าคีย์ไม่ได้โกหกผม " ฟานหยุดเดินก่อนจะหันไปตอบ " แล้วพี่ละ มั่นใจรึเปล่าว่าผัวพี่เค้าจะไม่ได้โกหกพี่ "

   เราเดินห่างออกมาจากพวกเค้า ผมหันมองหน้าคนที่ไม่แสดงความรู้สึกอะไร ฟานได้แต่นิ่งแล้วเดินออกมาให้ไกลจากตร
งนั้น เราเดินออกจากห้างไม่ได้แวะกินอาหารกลางวันอย่างที่ตั้งใจกันเอาไว้ตั้งแต่ทีแรก

“ ไปกินข้าวที่อื่นกันดีกว่า " เค้าบอกผมสั้นๆ เราก็เดินขึ้นรถไฟฟ้าที่อยู่ตรงหน้าห้าง เดินทางมาอีกห้างนึงที่อยู่ไม่ไกลกันนัก

“ ฟาน " ผมดึงมือเค้าให้หันหน้ามาเผชิญหน้ากับผม แววตาที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร ผมไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไรอยู่ ไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น เรื่องที่อยู่ๆผมก็กลายเป็นคนที่เคยนอกใจไปกับพี่เขยเค้าแล้วทำให้พี่สาวเค้าต้องเสียใจ " ฉัน..”

“ รู้สึกผิดเหรอ " เค้าถาม " นายรู้สึกผิดเหรอ ที่อยู่ๆหัวหน้าที่นายเคยนอกใจฉันไปชอบกับเค้า กลายมาเปนพี่เขยฉันซะงั้น "
“ อื้ม " สารภาพเค้าออกไปตามตรงอีกคนก็ยกยิ้ม

“ ฉันไม่ได้เห็นเค้าสำคัญอะไรหรอก ไม่ต้องกังวล ความเจ็บยังเท่าเดิมนั่นแหละ ไม่ได้เพิ่มขึ้น " ฟานมองหน้าผม " ไม่ต้องคิดมากหรอกฉันไม่ได้เห็นเค้าเป็นพี่เขยอยู่แล้ว และฉันก็ไม่ได้เห็นว่าเธอคนนั้นเป็นพี่สาวอะไร ฉันไม่แคร์หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ เพราะถ้ามีใครสักคนที่แคร์ ฉันแคร์นายที่คิดมากอยู่ตอนนี้มากกว่า "

“ ฟาน " ผมยิ้มให้เค้าอีกคนก็เอื้อมมือมาลูบหัว

“ ไม่ต้องคิดมาก ฉันไม่รู้สึกอะไรหรอก " ฟานบอก แววตาที่จ้องมองผมเหมือนกับเสียใจอยู่ลึกๆ ทุกครั้งที่เค้าเห็นผู้ชายคนนั้นเค้าก็ยังคงคิดถึงเรื่องราวพวกนั้น เรื่องที่ผมเคยนอกใจเค้า แม้ปากจะบอกว่าเค้าไม่ได้เจ็บเพิ่มขึ้นจากสิ่งที่รู้วันนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะไม่เจ็บกับสิ่งที่มันเป็นอยู่แล้ว  " ไปกินข้าวเถอะ ฉันหิวละ "

“ อื้ม แล้วนายอยากจะกินอะไรละ " 

“ อยากกินพิชซ่า แฮมเบอเกอร์ แล้วก็ตบด้วยเป็ปซี่ซ่าส์ๆแก้วใหญ่ๆ " คำพูดที่เหมือนจินตนาการฟานดึงมือผมให้เดินตามเค้าไป " ไปกินกันเถอะ "

   ร้านอาหารที่อยู่ตรงโซนชั้นบนของห้าง เราเดินเข้าไปนั่งตรงมุมในสุดของร้านที่เป็นโซฟากลมที่ทำให้เราได้นั่งอยู่ข้างๆกัน ฟานสั่งอาหารที่เค้าอยากจะกิน เป็นพิซซ่าถาดกลางที่มีสองหน้าคือซีฟู๊ดของเค้าและชีสของผม แฮมเบอร์เกอร์หมูชิ้นโต แล้วก็แป็ปซี่ พนักงานร้านรับรายการอาหารก่อนจะเดินออกไป  ผมมองไปรอบๆก่อนจะมีมือนึงเอื้อมมาจับมือผมเอาไว้ฟานที่กำลังเล่นมือถือทำเป็นไม่สนใจอะไร ผมยิ้มก่อนจะบีบมือเค้าเบาๆตอบรับการจับนั้น

“ นานแล้วเหมือนกันนะ ที่เราไม่ได้นั่งข้างกันแบบนี้ "

“ อื้ม นานแล้ว " ตั้งแต่ที่ฉันนอกใจนายไปหวั่นไหวกับคนอื่น ตั้งแต่ตอนนั้น

   เอาจริงๆผมเองก็อยากจะลืมเรื่องราวตรงนี้ไป ลืมว่าตัวเองเคยนอกใจเค้า เพราะการที่เรามัวแต่คิดถึงสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้วนั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีอะไร ถ้าอยากจะเดินหน้าใหม่ก็ไม่ควรไปคิดถึงมัน แต่ก็เหมือนผมจะทำไม่ได้ ผมนอกใจเค้านั่นคือเรื่องจริง แล้วเพราะการนอกใจทำให้เป็นต้นเหตุของการเกิดปัญหานั่นก็คือเรื่องจริง

    ครืน ครืน

   เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดัง หยิบมันออกมาดูก็พบว่าเป็นข้อความจากเบอร์โทรศัพท์ของคนที่ไม่คิดว่าเค้าจะส่งข้อความมา " หัวหน้า " ผมพูดเสียงเบาๆกับตัวเองก่อนจะเปิดล็อคหน้าจอดูข้อความพวกนั้นที่ส่งเข้ามา " ฟาน "

“ หื้ม ? “

“ หัวหน้าส่งข้อความมาให้ฉัน ดูสิ " ผมยื่นมือถือไปให้อีกคนดู ฟานยกยิ้มก่อนจะสถบออกมา

“ ไอ้เชี้ย " ข้อความที่ไม่ยืดยาวอะไร เค้าบอกเพียงแค่ว่า ' ถ้านายอยากจะมีชีวิตอยู่กับผู้ชายคนนั้นอย่างสงบสุขก็อย่ามายุ่งกับเรื่องของฉัน ฉันจะเลิกยุ่งกับนายถ้านายเลิกยุ่งกับฉัน อย่าคิดพูดอะไรกับภรรยาของฉัน เพราะถ้านายพูดฉันจะทำให้ชีวิตของนายต้องล้มจม อย่างที่คาดไม่ถึงเลยละ '

“ ฉันควรทำยังไงดี "

“ ก็ทำอย่างที่เค้าบอก " ฟานบอก คิ้วที่ขมวดกันของเค้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่สักอย่าง " นี่แสดงว่ามันคงโกหกพี่สาวฉันไว้เยอะเลยสินะ เกี่ยวกับเรื่องภาพหลุดพวกนั้น เรื่องที่ทำให้ตัวเองต้องโดนลาออกจากงาน แต่ฉันว่าพี่สาวฉันคงไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับคลิปหลุด มันก็เลยกลัว "

“ นายไม่คิดจะบอกพี่สาวนายจริงๆเหรอ " ผมถามเค้า " คือต่อให้เป็นยังไง ฉันว่านั่นก็พี่สาวนาย "

“ บอกเพื่อให้นายมีปัญหาน่ะเหรอ " เค้าถาม " ถ้าการเป็นคนดีแล้วต้องทำให้เราต้องเดือดร้อน นายจะเป็นคนดีไปทำไม "

“ แต่ ฉันก็แค่สงสารเธอ "

“ อย่าเสี่ยงอันตรายเพราะคนที่เค้าไม่ได้รักเราเลย นายมีความสุขมากเหรอไงทุกวันนี้น่ะ ถึงจะเอาความทุกข์ความกังวลมาแขวนคออีก "

“ แล้วนายจะให้ฉันตอบเค้าว่าอะไรละ " ฟานแคบหน้าจอมือถือที่มีข้อความของผม ส่งเข้ามือถือของเค้า

“ ไม่ต้องตอบ ปล่อยมันไปอย่างงั้น ทำเหมือนไม่ได้รับข้อความอะไร "

“ ขออนุญาติเสิร์ฟอาหารค่ะ " เมนูอาหารที่่สั่งถูกทยอยเอาเข้ามาเสิร์ฟ กลิ่นอาหารโชยขึ้นชวนให้กินแต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะกินอะไรแล้ว

   ในความรู้สึกตอนนี้คือก็อยากบอกเค้าว่าเค้ากำลังถูกหลอก แต่ก็เห็นด้วยกับฟาน ทุกวันนี้ไม่ได้มีความสุขมากที่จะเอาความทุกข์มาแขวนคอหรอก ชีวิตที่เพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆยังไม่ทันจะได้พักก็เหมือนจะต้องมาคอยระแวงชีวิตเพราะทำตัวเป็นคนดี อีกอย่างผมเองยังไม่รู้เลยว่าถึงจะบอกเธอไป เธอจะเชื่อรึเปล่า เดี๋ยวก็หาว่าผมใส่ร้ายสามีผู้แสนดีของเธออีก

" น่าหงุดหงิดชะมัด คนจะกินให้อร่อยยังเสือกมาทำให้กูหงุดหงิดอีก " ฟานบ่น เค้าเอื้อมมือไปหยิบพิซซ่ามางับเข้าไปเต็มคำ " แต่เอาจริงๆฉันก็อยากจะบอกนะ แต่ไม่ใช่เพราะฉันหวังดีกับพี่สาวฉันหรืออะไรพวกนั้นหรอก ฉันก็แค่ไม่ชอบตอนที่เธอเห็นนายแล้วพูดว่าทำไมฉันมาคบกับคนแบบนี้มากกว่า ฉันก็เลยบอกความจริงเค้า แต่ไอ้เหี้ยนั่นก็ดันเสือกส่งข้อความมาขู่ซะก่อน ลำพังฉันมันไม่เท่าไหร่หรอก แต่นายนี่สิ ถ้าต้องให้นายต้องอยู่แบบกลัวๆอีก ฉันก็ไม่อยากจะให้มันเป็นแบบนั้นแล้ว มันพอแล้วสำหรับนาย อย่าไปสนใจเลย เราอยู่แบบนี้แล้วทำตัวให้มีความสุขดีกว่า " ผมยิ้มออกมาตอนที่เค้าพูดออกมาแบบนั้น

“ ฟาน " ผมหยิบทิชชู่เช็ดปากให้เค้าก่อนจะจูบลงไปลงริมฝีปากอีกคนก็นิ่งก่อนจะหลุดยิ้มออกมา " ขอบคุณนะ ที่คิดถึงฉัน "

“ ฉันจะพยายามปกป้องนาย แล้วดูแลนาย ทดแทนที่ฉันเคยทำ..."

“ อื้ม ฉันรู้ กินกันเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว " ผมห้ามเค้าไว้ ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าอีกคนจะพูดเรื่องอะไร

   เราไม่ได้ลืม ไม่ได้คิดว่าความผิดที่ก่อขึ้นมันจะถูกลบล้างได้ง่ายๆ แต่ทุกวันนี้สิ่งที่ทำได้คือพยายามทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น ดีขึ้นจากแต่ก่อนที่เคยเป็น ผมรู้ว่าผมดูโง่ ที่ให้โอกาสคนคนนี้เข้ามายุ่งเกี่ยวในชีวิตอีก และถ้าวันนึงเกิดทำอะไรให้เค้าไม่พอใจขึ้นมาอีก ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นยังไง มันดูเสี่ยง โง่ คงไม่มีคนฉลาดที่ไหนเค้าทำ แต่ทั้งๆที่รู้ว่าความคิดของตัวเองมันโง่ ก็ไม่ยอมตัดใจไปหาคนใหม่

   อาจเพราะผมไม่ได้อยากจะได้คนอื่น ไม่ได้รักคนอื่น แต่ผมรักคนคนนี้แค่ฟาน เท่านั้น แม้ตอนทุกข์จะเจ็บเจียนตาย แต่ตอนที่สุขมากๆมันก็มี ใครๆอาจจะคิดว่าได้ไม่คุ้มเสีย สุขไม่คุ้มกับทุกข์ที่เจอ แต่สำหรับผมมันคุ้มนะ เพราะผมรักเค้า อาจจะดูโง่ที่มีเหตุผลแค่นั้น แต่ถึงแม้จะกลายเป็นคนที่ดูโง่ที่สุด ก็ยังรักเค้าอยู่ดี

“ เดี๋ยวกินเสร็จแล้ว ไปกินน้ำแข็งใสกันเถอะ " ผมบอกฟานที่ก็พยักหน้ารับ " เมื่อวานฉันเห็นลิปแชร์มาในเฟสบุ๊ค มันน่ากินมากเลย เราไปกินกันนะ "

“ ได้สิ " ฟานพยักหน้ารับ เรากินอาหารตรงหน้าจนเกือบหมด เหลือพิซซ่าครึ่งถอดให้ห่อกลับบ้าน ท้องที่กำลังตึงเราเดินออกไปจากร้านตอนที่กำลังเดินไปที่ร้านน้ำแข็งใสอยู่ๆ คนข้างๆผมก็หยุดเดิน

“ มีอะไรรึเปล่าฟาน "

“ พี่สาวฉัน ส่งข้อความมา " เค้าบอก ผมก็ยื่นหน้าเข้าไปดูข้อความที่ส่งเข้ามามันเป็นข้อความสั้นๆ ที่บอกว่า ' ฉันอยากจะรู้เรื่องราวทั้งหมดที่นายบอกว่าสามีของฉันโกหก ช่วยบอกฉันหน่อยได้มั้ย นัดวันที่ว่างมาได้เลยฉันจะไปหา ' ฟานปิดหน้าจอโทรศัพท์เค้าเอามือถือใส่กระเป๋าก่อนจะมองหน้าผม " เราจะไม่ยุ่ง เรื่องของเค้า "

“ อื้ม ถ้านายว่ายังไง ฉันก็ว่าอย่างงั้นละ "

“ ผู้ชายคนนั้นน่ะ น่ากลัว ถ้าพี่สาวฉันรู้ความจริงแล้วขอเลิกรากับเค้าขึ้นมา เค้าคงสรรหาทุกวิธีเพื่อมาทำร้ายนาย แล้วไม่แน่ก็อาจจะทำร้ายพี่สาวฉันด้วย " ร่างสูงว่าพลางถอนหายใจ " แต่เราอย่าไปยุ่งเลยนั่นมันครอบครัวเค้า เราอยู่ของเราไปแบบนี้ดีกว่า " สายตาที่ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นไปอย่างปากพูดเท่าไหร่นัก ผมรู้สึกเค้าเหมือนจะเป็นห่วงพี่สาวเค้าอยู่นิดหน่อย แม้จะบอกว่าไม่สนใจก็เถอะ

“ แต่ฟาน มันดีแล้วเหรอ ที่เราจะปล่อยเค้าไปแบบนั้นทั้งๆที่เรารู้อยู่แล้วอาจจะเกิดอะไรขึ้นกับเค้า "

“ แล้วมันดีแล้วหเรอ ที่เรารู้ว่าอันตรายจะเกิดขึ้นกับเรา แต่เรายังไปเสี่ยง " ผมเงียบอีกคนก็ยกคิ้วมองผม " ฉันรู้ว่านายคงรู้สึกว่าฉันเป็นห่วงพี่สาวฉัน ก็ใช่ ฉันเป็นห่วงเพราะรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเค้าเป็นคนยังไง แต่ถึงอย่างงั้นฉันก็เป็นห่วงนายมากกว่า อยากจะใช้ชีวิตแบบที่กลัวคนรอบข้างไปหมดเหรอคีย์ อยากจะใช้ชีวิตแบบที่ต้องระวังตัวตลอดเวลาเหรอไง แค่นี้มันยังไม่พออีกเหรอ ฝันร้ายของนายน่ะ " ผมเงียบเค้าก็ถอนหายใจ " เราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก ถ้าพี่ฉันติดต่อมาอีก ฉันจะเป็นคนจัดการกับเค้าเอง "

“ อื้ม โอเค เราจะไม่พูดกันถึงเรื่องนี้อีก " ผมบอกเค้า " ไปกินน้ำแข็งใสกันเถอะ "

“ อื้ม " ผมพาเค้าเดินไปร้านน้ำแข็งใสที่อยู่ในชั้นโรงหนัง ร้านดังที่วันนี้คนมานั่งกินที่สาขาน้อยเกินคาด " น้ำแข็งใสอะไรนี่มันบิงซู "

“ เหมือนๆกันนั่นแหละน่า มันก็เย็นๆ ปั่นมาจากน้ำแข็งเหมือนกัน "

“ นายพูดเหมือนน้ำแข็งใสถ้วยสิบบาทใส่ของเชื่อมแล้วราดน้ำแดงกับนมข้นหวานอย่างงั้นอะ "

“ เอาน่า พูดมาก ไปนั่งที่โต๊ะที่ว่างฉันจะสั่งให้ นายอยากจะกินน้ำอะไรมั้ย "

“ ไม่อะ เอาน้ำเปล่าก็พอ "

“ โอเค " ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปสั่งบิงซูงแบบราดซอสสตอเบอรี่หนึ่งถ้วย แล้วก็พ่วงด้วยขนมชิ้นเล็กๆอีกชิ้น จ่ายเงินเรียบร้อยก็เดินเอาป้ายมาตั้งที่โต๊ะ " เรียบร้อย ฉันสั่งขนมมาด้วย "

“ นี่ยังไม่อิ่มอีกเหรอ "

“ ก็อิ่มแล้ว แต่ว่าฉันมีกระเพาะสำหรับของหวานน่ะ มันแยกจากกัน "

“ เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรก ก็จากที่นายพูดนี่แหละ ว่ามนุษย์มีสองกระเพาะ" ฟานบอกก่อนจะก้มหน้าลงเลื่อนมือถือเล่นไปเรื่อย " นี่คีย์ "

“ หื้ม อะไร "

“ เมื่อไหร่นายจะขอวันหยุดยาว ลาพักร้อนได้สักทีละ "

“ ตอนนี้ฉันก็ลาได้นะ ทำไมเหรอ " ผมถามอีกคนก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มๆ

" สักสิบวันนายลาได้มั้ย  ฉันว่าเราน่าจะไปเที่ยวพักผ่อนกันบ้าง "

" ไปเที่ยวเหรอ " ผมทวนคำพูดอีกคนก็พยักหน้ารับ

" ใช่  ไปเที่ยวฮอกไกโดกันมั้ย " คำถามที่ชวนให้ผมยิ้ม ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกดีขนาดนี้ แต่แค่รู้สึกมีความสุข มีความสุขที่เค้าจะชวนไปเที่ยวแล้วก็มีความสุขที่เราจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน

“ ไปสิ " ไม่มีคำตอบอื่น ผมหยิบมือถือขึ้นมาเลื่อนดูวันที่ตัวเองจะลาได้ เพื่อวางแผนไปเที่ยวด้วยกันกับฟาน " เราจะไปวันไหนกันดีละ เดือนหน้า หรืออีกสองเดือนดี ถ้าไปฮอกไกโดฉันอยากจะไปช่วงที่มีหิมะน่ะ ฉันอยากจะไปเล่นหิมะที่ฮอกไกโด งั้นอีกเดือนนึงเราไปกันเลยมั้ย แต่ว่าฉันต้องขอลาพักร้อนก่อน แล้วก็ต้องบอกลิปด้วย เผื่อลิปอยากจะลาพร้อมกันกับฉัน " เสียงตื่นเต้นของผมทำให้ฟานหลุดยิ้ม

“ ไปสักปลายเดือนหน้าก็แล้วกัน มันมีตั๋วโปรอยู่พอดี นายไปขอลางานมา พอได้วันลา ฉันจะได้จองตั๋วบิน โอเคมั้ย "

“ โอเคเลย " บิงซูถูกวางลงตรงหน้า ผมหยิบช้อนขึ้นมาอีกคนก็บอก

“ ถ่ายรูปก่อน อะ ยิ้ม "  ผมยิ้มให้เค้า ฟานก็หัวเราะ " ฉันไปซื้อเลนส์กล้องใหม่ดีกว่า จะได้ถ่ายรูปออกมาสวยๆ ซื้อโกโปรมั้ย เราจะได้ถ่ายรูปด้วยกันมันเล็กดีด้วย ถ่ายในน้ำก็ได้ "

“ แล้วแต่ ได้ทั้งนั้นอะ แต่นายอย่าพูดเลยฟาน ฉันตื่นเต้น ฉันอยากจะไปแล้วเนี้ย "

“ ฮ่าๆ โอเคๆ ไปหาวันลามาซะนะ "

“ อื้อออ รู้แล้ว " ผมพยักหน้ารับก่่อนจะก้มกินบิงซูที่อยู่ตรงหน้า มือหนาตั้งมือถือไว้บนโต๊ะ ผมคว้ามันขึ้นมาก่อนจะกดปลดล๊อคด้วยรหัสที่ผมรู้อยู่แล้ว " ขอดูภาพเมื่อกี้หน่อย " กดเข้าไปที่ภาพแต่ยังไม่ทันดูภาพ ก็มีข้อความนึงส่งเข้ามาก่อน ฟานเหลือบมองท่าทางทีของผม ผมเองก็เงยหน้ามองเค้า " มีข้อความน่ะ จากพี่สาวนาย "

“ ว่าอะไรละ " เค้าถาม ผมก็เปิดอ่าน

   ข้อความที่ก่อนหน้านี้ฟานส่งตอบเธอไปเพราะเธอเอาแต่รัวข้อความเดิมๆมาไม่หยุด เค้าตอบเธอไปว่า ' มันไม่ใช่เรื่องของฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องบอกหรอก ' แล้วเธอก็ส่งข้อความตอบกลับมา ' เพราะนายเองก็กลัวที่จะต้องรู้ว่า แฟนตัวเองโกหกละสิ กลัวว่าคนของฉันจะพูดความจริง ขี้ขลาดเหรอฟาน ' ผมอ่านข้อความให้อีกคนฟัง เค้าก็ถอนหายใจออกมา

“ ไม่ต้องตอบ ปล่อยมันไปแบบนั้นแหละ "

' ไอ้คนขี้ขลาด '

“ เธอส่งมาอีกว่า ' ไอ้คนขี้ขลาด ' “ ผมบอกเค้าอีกคนก็พยักหน้ารับ " ฟาน"

“ เค้าส่งมาอีกเหรอ "

“ อื้ม " ผมพยักหน้ารับ อีกคนก็ดึงมือถือของตัวเองไปดู ฟานอ่าน

' ไม่ใช่นายคนเดียวหรอกที่รู้เรื่องราวทั้งหมดว่าเป็นไง ฉันไม่จำเป็นต้องฟังคำโกหกของแฟนนายก็ได้ ฉันจะไปถามคนอื่น '

“ เธอจะไปถามคนอื่นอย่างงั้นเหรอ "

“ ก็คงใช่ " ร่างสูงบอก " ถ้าอย่างงั้นก็คงช่วยไม่ได้แล้วละ เราไม่ได้พูด งั้นก็อย่าสนใจเลย ไม่มีใครเอาผิดเราได้ทั้งนั้นแหละ "

" เหรอ นายคิดงั้นเหรอ " แต่ทำไมผมรู้สึกมันไม่ใช่อย่างงั้น ยิ่งเธอไปถามคนอื่นแล้วรู้ความจริงทั้งหมด จนทำให้ต้องเลิกกัน หัวหน้าจะไม่หาว่า คนที่บอกความจริงเป็นพวกผมเหรอ ก็เค้าคงไม่คิดหรอก ว่าเมียเค้าจะไปสืบจากคนอื่น ทั้งๆที่ฟานเองก็เป็นถึงน้องชายแท้ๆ ยังไงเค้าก็ต้องคิดว่าฟานเป็นคนบอกเองอยู่แล้ว และถ้ามันเป็นแบบนั้น ถ้าเค้าเข้าใจไปในแบบนั้น ยังไงเราก็โดนเค้าหมายหัวอยู่ดี

" คีย์ คิดอะไรอยู่ "

“ คิดว่า ที่นายบอกว่าเค้าเอาผิดเราไม่ได้ เราไม่ได้พูด เรื่องนั้นคงไม่จริงหรอก ฉันว่า แค่เค้าเข้าใจผิด ว่าเราเป็นคนพูด นั่นก็หมายถึงว่า เรื่องนั้นมันเกี่ยวข้องกับตัวเราแล้ว "

..................................................................

มีคนถามว่า เมื่อไหร่ดราม่าจะจบ
เอาจริงๆ เราอยากให้เรียกว่า ความเมามันส์ของเนื้อเรื่องที่เข้มข้น มากกว่า #รู้สึกไม่ต่างกัน
ถ้าถามว่าเมื่อไหร่จะจบ เอาเป็นว่า อร่อยจนหยดสุดท้าย แน่นอนค่ะ สู้ๆนะคะทุกคน
อีกสองอาทิตย์ จะจบแล้วววววววว เราต้องจับมือกันข้ามผ่านวันคืนนี้ไปด้วยกันนะคะ

ยังไงหนมฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิต และแชร์ในเฟสด้วย
เพื่อการโปรโมตให้คนเข้ามาร่วมดราม่าเบาๆกับเรา

เจอกันตอนหน้า
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ๊ะ  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 66 ' ภรรยาหัวหน้า ' UP - 15.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 15-01-2017 21:08:34
ข้ามไปฮอกไกโดเลยได้มั้ย เผื่อจะมีรอยยิ้มบ้างงงงงง  :sad4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 66 ' ภรรยาหัวหน้า ' UP - 15.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 15-01-2017 21:09:26
ยังจบไม่ได้!!! ถ้าอีหัวเน่ายังไม่ตายยนน 5555 #โหดไปไหมมม? :katai1: :fire:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 66 ' ภรรยาหัวหน้า ' UP - 15.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 15-01-2017 21:46:17
บทเรียนของการนอกใจแพงโคตรๆ จะสิ้นสุดที่ตรงไหน? และจะสุขได้จนสุดหัวใจได้อีกจริงเหรอคีย์?
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 66 ' ภรรยาหัวหน้า ' UP - 15.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 15-01-2017 21:52:28
เราชอบช่วงนี้นะ อย่างน้อยฟานคีย์เขาก็จับมือกันสู้กับปัญหา คือปัญหาจากภายนอกจะดราม่าเท่าไหร่เราไม่หวั่นขอแค่อย่าตีกันเองมันก็ไม่ดราม่าละ อิอิ   รอดูครอบครัวของพ่อแม่พี่สาวของฟานได้รับผลกรรมที่เคยทอดทิ้งเด็กชายผู้ที่เขาอ้างว่าเป็นตัวซวย.....แหม๋ งานนี้จะว่าฟานก็ไม่ได่ ว่าฟานเป็นตัวซวยไหงตัวเองเอาตัวมายุ่งเกี่ยวจนชิปหายกันหมดเลยย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 66 ' ภรรยาหัวหน้า ' UP - 15.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 15-01-2017 23:06:23
ที่ว่าอีก2อาทิตย์จะจบนี่คือจะมาต่อแบบทุกวันๆหรือป่าว :mew1: มีอีกเรื่องอยากจะบอกคือถ้าเอาจริงๆเบื่อครอบครัวของฟานมากๆ ทำไมถึงมีแต่คนเห็นแก่ตัวอย่างนี้ตั้งแต่พ่อแม่ น้องสาว นี่ยังจะมีพี่สาวร่วมด้วยอีกคนหรอ อยากเห็นพ่อแม่พี่และน้องของฟานเจอความลำบากบ้าง น่าจะเอาให้เจ็บ เจ็บกว่าที่ฟานเจอมาอีก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 66 ' ภรรยาหัวหน้า ' UP - 15.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 15-01-2017 23:15:20
นี่ไรท์ยังจะต้มมาม่ารอไว้อีกหรอคะเนี่ยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 66 ' ภรรยาหัวหน้า ' UP - 15.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-01-2017 23:17:58
 :L2: :pig4:


 :heavenสู้ต่อไปปปปปปป
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 66 ' ภรรยาหัวหน้า ' UP - 15.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 15-01-2017 23:30:03
เกลียดอิหัวเน่ายีงไม่ตายอีกรึนี่ โลกกลมชะมัด
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 66 ' ภรรยาหัวหน้า ' UP - 15.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 15-01-2017 23:54:15
จนาดแว๊บๆมาอ่านก็ยังเครียดอยู่
ยิ่งอ่านยิ่ง.... :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 66 ' ภรรยาหัวหน้า ' UP - 15.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 16-01-2017 00:15:08
อ่าว จะจบแล้วหรอ
ไม่น้าาาาาาาาา

จุดจบของหัวหน้าจะเปนยังไนเี่ยย

ขอไปฮอกไกโดด้วยได้ไมี
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 66 ' ภรรยาหัวหน้า ' UP - 15.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: ่KEI_jry ที่ 16-01-2017 00:21:03
ชอบตอนนี้จัง รู้สึกว่าทั้งสองคนคุยกันและรับฟังความคิดของอีกคน ไม่ใช้อารมณ์

เริ่มเป็นผู้ใหญ่แล้วนะฟาน

 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 66 ' ภรรยาหัวหน้า ' UP - 15.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-01-2017 01:59:16
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 66 ' ภรรยาหัวหน้า ' UP - 15.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 16-01-2017 07:46:23
มีเข้ามาได้เรื่อยๆเลยนะคะคุญปัญหา แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้สู้อยุ่คนเดียวเนอะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 66 ' ภรรยาหัวหน้า ' UP - 15.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 16-01-2017 11:50:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 66 ' ภรรยาหัวหน้า ' UP - 15.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 16-01-2017 12:31:42
จับมือกันไว้แน่นๆนะ
ค่อยๆผ่านมันไปด้วยกันนะฟานคีย์
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 66 ' ภรรยาหัวหน้า ' UP - 15.1.60} หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 18-01-2017 21:47:14
อ่านละเครียต  แต่ก้  สนุกดี  อ่านต่อๆ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 67 ' ความจริงที่ถูกเปิดเผย ' UP - 20.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 20-01-2017 20:33:39
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 67
' ความจริงที่ถูกเปิดเผย '

   เช้าวันจันทร์ที่ต้องเริ่มทำงานใหม่ภายในวันแรกที่ไม่สดใสนักสำหรับผม ฟานเอียงหน้ามองตอนที่เดินมาส่งผมถึงที่หน้าตึกทำงานแต่ผมก็ยังคงเงียบ แต่เอาจริงๆผมก็เงียบๆมาตลอดสองวันแล้ว ทั้งๆที่เมื่อวันเสาร์ยังดี๊ด๊าที่จะได้ขอทำเรื่องลางานไปเที่ยวฮอกไกโดกับฟานอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าทุกครั้งที่คิดถึงข้อความของภรรยาหัวหน้าและเรื่องที่เค้าขู่ไว้ ผมก็ได้แต่กังวลจนแทบจะนอนไม่หลับ

" นี่ยังคิดถึงเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ " ฟานคว้ามือผมไว้ทั้งสองข้าง เค้าดึงผมให้มาเผชิญหน้าก่อนจะก้มลงมาสบตา " นี่คิดมาสองวันแล้วนะ ตั้งแต่คืนวันเสาร์ วันอาทิตย์ นี่มันก็วันจันทร์แล้ว นายยังคิดมากอยู่อีก "

“ ฉันไม่ได้คิดเรื่องนั้นสักหน่อย " ผมโกหกเค้าอีกคนก็ถอนหายใจก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัว

“ คีย์ ฉันเพิ่งคบกับฉันเมื่อวานรึไง ถึงได้โกหกฉันออกมาแบบนั้นน่ะ " ผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่เค้าถาม เหลือบมองเค้าฟานที่ยกยิ้มขึ้นมา

" ฉันยอมรับก็ได้ ว่าฉันกำลังคิดถึงเรื่องนั้น ฉันกลัว " เพราะรู้ว่าเค้าทำจริงแน่ มันไม่ใช่แค่การขู่กัน เค้าทำจริงทุกเรื่องที่เค้าพูดออกมา ตั้งแต่ที่พยายามจะทำร้ายผมที่งานสัมมนา แล้วยังมีตอนที่ไปดักรออยู่ที่คอนโดเพื่อจะฉุดผมอีก " ฉันกลัวฟาน กลัวจริงๆนะ พยายามไม่คิด เพราะมันยังไม่เกิดขึ้น แต่ก็อดกังวลไม่ได้เลย ฉันไม่รู้อะ ฉันกลัว "

“ ฉันเข้าใจคีย์ ฉันเข้าใจนะ " ฟานบอกก่อนจะลูบมือผมที่เค้าจับอยู่ข้างนึง " ใจเย็นๆที่บริษัท มีคุณลิปคอยอยู่เป็นเพื่อนนายอยู่แล้ว และฉัน ฉันจะไม่ปล่อยให้นายคาดสายตา ตราบใดที่นายอยู่กับฉัน ตกลงมั้ยไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น "

“ อื้อ " คำตอบที่ไม่ค่อยเต็มเสียงของผม ทำให้อีกคนยิ้มจางๆ

“ ฉันรู้สึกเหมือนว่า เป็นฉันอีกแล้วที่ทำให้นายต้องตกอยู่ในอันตราย " ผมเงยหน้ามองเค้าที่ถอนหายใจออกมา " ถ้าฉันไม่ปากเร็วพูดเรื่องนั้นตอนที่พี่สาวฉันดูถูกนาย ตอนนี้เธอคงเข้าใจในแบบของเธอ แล้วนายก็คงจะไม่ต้องกังวลใจแบบนี้ "

“ เราไม่มีทางรู้ผลลัพธ์ในสิ่งที่เราพูดหรอก " ผมบอก " ตอนที่เราพูดออกไป คำพูดมันไปไวกว่าความคิด บางทีพูดออกไปแล้วก็มาคิดขึ้นได้ว่าไม่ควรพูด ฉันไม่โทษนายหรอก นายก็แค่ไม่อยากให้เค้ามาดูถูกฉันเพราะนายเชื่อใจฉันแล้วเชื่อความจริงจากปากฉัน ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นยังไง มันไม่แปลกที่นายจะเถียงออกไปหรอก " ฟานถอนหายใจ " ไหงเมื่อกี้นายปลอบฉัน แล้วตอนนี้ฉันต้องมาปลอบนายละฟาน "

“ แค่รู้สึกว่า เรื่องวุ่นวายทั้งหมด มันก็เกิดขึ้นมาจากความไม่คิดให้ดีของฉัน เกิดขึ้นจากความโมโห "

“ ถ้าเป็นแบบนั้น มันก็เกิดขึ้นจากฉันเหมือนกัน " ผมยิ้ม " เราเลิกโทษตัวเองเถอะ การคิดถึงอดีตซ้ำๆไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ตอนนี้เรากำลังแก้ไขมันฟาน ยิ่งพูดฉันก็ยิ่งคิด พอนายพูดว่านายผิด ฉันก็รู้ว่านายผิดแหละในส่วนของนาย แต่ก็ฉันก็คิดว่าฉันผิดในส่วนของฉันเหมือนกัน เพราะงั้นเราเลิกพูดถึงเรื่องนั้นเถอะ เอาเป็นว่าฉันจะเลิกกังวล แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันจะบอกนายทันที "

“ อื้ม ก็ได้ " เค้าถอนหายใจออกมาก่อนจะยิ้ม " ยังไง ถ้ามีอะไรต้องรีบบอกฉันนะ "

“ อื้ม " ผมพยักหน้ารับ

“ ตอนเย็นเจอกัน "

“ เจอกัน " ผมโบกมือลาเค้า ฟานที่เดินออกไปผมที่กำลังจะหันหลังเดินเข้าไปข้างในบริษัทก็มีเสียงนึงเรียกผมขึ้นมาพร้อมกับร่างที่กำลังวิ่งเข้ามาหา

“ คีย์ รอด้วยยยย " ลิปที่วิ่งเข้ามาใกล้ก่อนจะหยุดยืนหอบอยู่ตรงหน้าผม " แฮ่กๆ เหนื่อย โอ๊ยย หัวใจเต้นแรง "

“ แล้วนายจะรีบไปไหนของนาย "

“ ก็ กลัว ไม่ ทัน นาย นะสิ " อีกคนว่าไปหอบไป " เห็นฟานเดินสวนออกมาก็เลยคิดว่านายน่าจะยังอยู่เลยรีบวิ่งมา "

“ นายไหวรึเปล่าวะเนี้ย ใจเย็นๆ หายใจเข้าออกลึกๆ "

“ ไหวสิ แต่ตอนนี้เข้าตึกเถอะ " เค้าว่า " ไปตากแอร์เย็นๆกัน ฉันวิ่งมาเหงื่อออก จักกะแร้เปียกไปหมดละ " ผมหลุดขำท่ายืนของอีกคนที่กางแขนออกมา รอในจักกะแร้ที่เปียกมันแห้ง เราเดินเข้าตึกมารอลิฟต์ผมก็หันไปบอกเค้า

“ นี่ลิป ฉันมีอะไรจะบอก ฉันจะขอลาพักร้อนนะ นายจะลาพักร้อนไปพร้อมๆฉันเลยมั้ย "

“ ลาพักร้อนเหรอ นายมีแพลนจะไปไหน "

“ ไปเที่ยวกับฟานน่ะ ไปฮอกไกโด "

“ สวีทไกลนะย๊ะหล่อน " ลิปแซวก่อนจะทำท่าคิด " ฉันอยากจะลาพักร้อนพร้อมนายจัง แต่ไม่รู้คุณเมษ จะหยุดไปเที่ยวพร้อมกับฉันได้รึเปล่านะสิ งานเยอะขนาดนั้น "

“ ก็ลองถามดูสิ "

“ ฉันไม่อยากจะมาทำงานคนเดียวอะ มันเหงานะถ้าไม่มีนายอยู่ด้วยน่ะ " สายตาเศร้าๆของอีกคนบอก " แต่ว่าถ้าจะให้หยุดแต่ทำได้แค่อยู่บ้าน มันก็เปลืองเวลาพักร้อนวะ  ถ้าพักร้อน เราควรไปเที่ยวพักผ่อน "

“ ก็จริงของนาย ยังไงลองถามคุณเมษดูก่อนว่าเป็นยังไง ถ้าเค้าตกลงจะหยุดไปเที่ยวกับนาย เราก็ยื่นใบลาพักร้อนพร้อมกันไปเลย "

“ งั้นฉันจะถามเค้าเลยแล้วกัน ได้ความว่าไงฉันจะบอกนะ " ผมพยักหน้ารับอีกคนก็ตั้งหน้าตั้งตาคว้ามือถือออกมาพิมพ์ข้อความตั้งแต่นั้น

    ลิฟต์ที่มาถึง เราขึ้นไปที่แผนกทำงานเปิดคอมพิวเตอร์เริ่มทำงานที่ค้างคาเอาไว้ให้เสร็จ ผมหันมองลิปที่ยังคงวุ่นวายอยู่กับมือถือ เค้าพิมพ์นู้นพิมพ์นี่ลงไปบนมือถือตั้งแต่มาทำงานก็ไม่ได้ทำงานอะไรทั้งนั้น มัวแต่แอบหัวหน้าพิมพ์ข้อความอยู่กับโทรศัพท์ของตัวเอง คงจะเจรจาเรื่องวันลากับคุณเมษให้เรียบร้อย เพราะคงอยากจะลางานไปพักพร้อมๆกับผมจริงๆ แต่ถ้าเป็นผมก็คงเป็นแบบนั้น อยู่ด้วยกันกับลิปทุกวัน กินข้าวด้วยกัน ถ้าขาดใครไปสักคนก็คงเหงา แถมยังไม่รู้ว่าจะไปกินข้าวกับใครอีก บางทีนี่อาจจะเป็นข้อเสียของการคบกันอยู่แค่สองคนในบริษัท

“ คีย์!! ” ลิปเรียกก่อนจะเลื่อนเก้าอี้เข้ามาหาผม " คุณเมษตอบตกลงจะพาฉันไปเที่ยวช่วงลาพักร้อนแล้วแหละ ฉันลาพักร้อนพร้อมนายได้แล้ว "

“ จริงเหรอ ดีเลย งั้นก็ทำเรื่องลาพักร้อนกันเถอะ " ผมหยิบปฎิทินบนโต๊ะขึ้นมามาดู ตารางของเดือนหน้า ช่วงปลายเดือนที่ใกล้กับวันหยุดยาว " เอาตรงนี้ดีมั้ย ใกล้วันหยุดยาวพอดี ก็ได้พักยาวไปเลย "

“ เอางั้นเลยเหรอ จะได้มั้ยเนี้ย "

“ เอาน่าลองดู ถ้าไม่ได้เราก็ค่อยขยับกันออกมา ฉันเขียนใบลาละ " ผมบอกก่อนบริ้นท์ใบลาออกมาสองแผ่นเพื่อเขียนส่งให้หัวหน้า  ที่ก็เหลือบมองผมพวกเราอยู่นิดหน่อยตอนที่ได้อ่าน

“ นี่กะจะลาไปแบบ ลืมงานที่ทำเลยรึเปล่า " ผมยิ้มแห้งๆให้เธอตอนที่พูดออกมาแบบนั้น

“ ก็ผมเห็นว่ามันใกล้กันพอดี ก็เลยลาหยุดไปเลย อีกอย่างปีนี้เรายังไม่ได้หยุดเลยนะครับ " ลิปบอกอีกคนก็ถอนหายใจ

“ แล้วทำไมพวกนายต้องลางานพร้อมกันตลอด ฉันไม่เข้าใจเลย "

“ พอดีจะไปเที่ยวด้วยกันน่ะครับ " ผมบอกอีกคนก็เหล่มอง ก่อนจะถอนหายใจเค้าพยักหน้ารับ " อื้ม ฉันจะทำเรื่องวันลาให้แล้วกัน "

“ ขอบคุณมากครับ " ก้มหน้าลงขอบคุณก่อนจะเดินกลับมานั่งลงที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ขีดวันลาบนปฎิทินของตัวเองเป็นวันลาที่ยาวที่สุดในปีนี้ของตัวเองเลย

“ ฉันนะ จะเที่ยวให้ฉ่ำปอดไปเลย จะนอนกลิ้งอยู่บ้าน ดูซีรี่ส์ แล้วให้ผัวทำการบ้านแบบจัดหนักๆ " ลิปว่า

“ ใจเย็นนะ ลิป ความต้องการนายออกมาทางคำพูดแล้ววะตอนนี้ แม่งดูแรดมากอะ "

“ แรดตรงไหนวะ "

“ แรดตรงที่บอกให้ผัวเอาแบบจัดหนัก " อีกคนแบะปากใส่ผมก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ ฉันเชื่อว่านายก็ทำกับผัวจ้า หยุดยาวขนาดนี้ ไม่แน่อาจจะจัดหนักจนไม่ได้ไปเที่ยวไหน จนต้องนอนมองหิมะจากขอบหน้าต่างในโรงแรมที่ฮอกไกโดก็ได้ "

“ พูดอะไรของนาย "

“ ไม่เข้าใจไปถามฟานสิ " อีกคนบอกก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ไปนั่งที่หน้าจอคอมของตัวเอง ลิปหยิบมือถือออกมาพิมพ์ข้อความท่าทางที่มีความสุขของเค้า ชวนให้ผมยิ้มออกมา มองปฎิทินที่ถูกขีดช่องวันหยุดเอาไว้จนเต็ม อยากจะให้วันลาพักร้อนมาถึงไวๆ หวังว่าการไปเที่ยวครั้งนี้จะช่วยให้ ความสัมพันธ์ของเรามันดีมากขึ้น ช่วยให้ผมลืมความเศร้าและเค้าเองก็เช่นเดียวกัน

   เก็บความทรมานที่เคยมีในอดีตไว้เป็นบทเรียน แล้วเริ่มต้นใหม่กับชีวิตที่จะมีความสุขในทุกๆวัน  หวังว่าการได้ไปเที่ยวหนนี้จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น และทำให้เราความสัมพันธ์ของเราดี นั่นก็คงดี

“ อยากไปเที่ยวเร็วๆจัง "

...........................................................

   ส่งคีย์ที่หน้าบริษัทเรียบร้อยผมเดินกลับมาขึ้นรถไฟออกไปเรียนต่อตามปกติ ล้วงมือถือออกจากกระเป๋าเสียบหูฟังจะเล่นเกมส์ แต่ทว่าก็ต้องถอนหายใจกับข้อความจากพี่สาวตัวเองที่ก็ยังส่งมาให้ไม่หยุด

' ไอ้คนขี้ขลาด แกมันตอแหลปักปรำสามีฉันใช่มั้ย '

“ วอแวไม่เลิกเลยเว้ย " ผมบ่นออกมาตั้งแต่เมื่อวันเสาร์แล้วที่พี่สาวผมส่งข้อความพวกนี้มา ไอ้คนขี้ขลาด ไอ้คนหลอกลวง ไอ้เหี้ย ไอ้นั่น ไอ้นู้น ไอ้นี่สารพัด ส่งมาเพื่อให้ผมส่งข้อความกลับไปบอกเค้าว่า ใช่ครับ ผัวพี่นั่นแสนดีผมผิดเองที่ปักปรำเค้า แต่ถ้าพูดออกไปแบบนั้น คนผิดก็ดูเป็นคีย์อีก และผมก็ไม่อยากจะให้ใครมามองคีย์ผิดเพราะคนที่ผิดคือผู้ชายคนนั้นที่กลัวความผิดจนต้องมาขู่บังคับให้พวกเราไม่พูดอะไร แล้วผมก็ไม่อยากจะเสี่ยงปากกล้าไปบอกพี่สาวหรอกว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง เพราะมันเกินพอแล้วที่คีย์จะต้องใช้ชีวิตแบบที่กลัวทุกอย่างไปหมด ทั้งเรื่องที่ผมทำกับเค้า ผู้ชายคนนั้นทำกับเค้า แล้วยังต้องมากลัว และกังวลเรื่องพวกนี้อีก ผมว่ามันพอแล้ว จะด่าอะไรก็ช่างแต่ผมไม่สนใจแล้ว

' ฟาน ฉันจะให้โอกาสแกครั้งสุดท้าย ถ้าแกไม่ออกมาอธิบาย มาขอโทษฉันในสิ่งที่แกพูด ฉันจะเป็นคนไปตามหาความจริงในเรื่องนี้เอง ' ผมมองดูข้อความนั้น คิดถึงเรื่องที่คีย์เคยพูดไว้เมื่อตอนที่ไปเที่ยวด้วยกัน ' ถ้าเค้าไปฟังจากคนอื่นแล้วต้องเลิกกัน เราอาจจะไม่ได้พูด แต่หัวหน้าคงคิดว่าเราทำ แล้วถ้าเค้ามาทำอะไรเราเพราะเข้าใจผิด นั่นมันก็คงเป็นเรื่องของเราแล้ว '
“ อยากจะให้ไปเจอที่ไหนละ " ผมส่งข้อความไปหาอีกคน ที่ไม่นานก็มีข้อความส่งกลับมา มันเป็นร้านกาแฟในห้างร้านนึงที่ผมรู้จัก ผมตอบตกลงการไปพบกับเธอครั้งนี้ทันที

   ลงรถไฟฟ้าที่ห้างทั้งๆที่กำลังจะเดินทางไปเรียน ผมเดินตรงไปที่ร้านกาแฟดัง ที่เธอนัดมองซ้ายมองขวาไม่พบคนที่นัด ผมเข้าไปสั่งกาแฟก่อนจะเดินกลับมานั่งที่โซฟาตัวที่ว่างก่อนจะกดมือถือส่งข้อความไปหา " ฉันมาถึงแล้ว นั่งรออยู่ในร้าน "  ผมนั่งอยู่ไม่นานสักพักคนที่นัดก็มาถึง เธอมาพร้อมกับสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ที่ปากมีรอยแผลเหมือนกับถูกทำร้ายด้วยการตบแรงๆ " นั่นปากไปโดนอะไรมา " ผมถามเธอก็นิ่งและนั่งลงตรงข้ามกับที่ที่ผมนั่ง

“ อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ ฉันซุ่มซ่ามเอง "

“ งั้นเหรอ " โกหก ผมอยากจะบอกออกไปแบบนั้น เพราะดูยังไงก็ดูเป็นรอยตบ มันคงเป็นเพราะเธอคาดคั้นความความจริงจากสามีที่ก็คงโกหกและสุดท้ายเมื่อเถียงไม่สำเร็จก็ปัดความรำคาญด้วยการทำร้ายร่างกายให้อีกฝ่ายหยุด

“ ฉันถามความจริงกับเค้าแล้ว แต่เค้าก็ยังบอกเหมือนเดิม "

“ เค้าบอกว่าไงละ " ผมถาม

“ คีย์เป็นลูกน้องในแผนกของเค้า คีย์น่ะแอบชอบเค้ามานาน ก็เลยเข้ามายั่วแล้วก็อ่อยเค้า สามีฉันรู้มาตลอดว่าคีย์แอบมีใจให้ ทั้งๆที่พยายามตีตัวออกห่างแต่พอช่วงนึงที่คีย์มีปัญหาเรื่องงานสามีฉันเข้าไปช่วยเค้าก็เริ่มเข้ามาใกล้ชิดสามีฉัน ชวนไปกินข้าว หลอกให้มารับที่บ้าน "

" แล้วสามีพี่ก็เชื่อเหรอ "

" ใช่ เค้าบอกว่าคีย์ดูท่าทางมีปัญหาจริงๆอย่างที่พูด เค้าสงสารก็เลยช่วยเหลือและคิดว่าไม่น่ามีอะไร แต่เค้าคิดไม่ถึงเลยว่าทั้งหมดมันเป็นแผนที่คีย์เองวางเอาไว้ เค้าให้คนมาถ่ายภาพเพื่อทำให้สามีพี่เสียหาย ปล่อยภาพให้คนอื่นรับรู้ว่าเค้ากับสามีพี่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันเพื่อผูกมัด "

" อย่างงั้นเหรอ " ผมฟังนิ่งๆ  " ผมไม่เคยฟังเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย " ผมแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ฟังเธอเล่าด้วยความรู้สึกที่เหมือนกำลังเชื่อว่าผมคงจะถูกอีกฝ่ายหลอกจริงๆ แต่ทว่าทุกอย่างมันกลับกัน เธอตังหากที่กำลังถูกหลอก

" คีย์น่ะ ร้ายมากเลยนะฟานนายรู้มั้ยว่าเค้าเสนอชื่อตัวเองให้ได้ไปงานสัมมนาของบริษัทด้วยนะ แล้วพอไปถึงเค้าก็ชวนสามีฉันออกไปเดินเล่น ทำทีว่าไม่มีอะไรแต่ก็จะปล้ำสามีพี่ แล้วทั้งๆที่เค้าจะปล้ำสามีพี่แต่พอทุกคนถามเค้าก็บอกว่า สามีพี่จะปล้ำเค้า จนตอนนี้สามีพี่ต้องออกจากงานก็เพราะเค้า ต้องออกจากงานทั้งๆที่ไม่มีความผิดอะไร ทั้งๆที่เค้ารักพี่คนเดียว " เธอถอนหายใจออกมาก่อนจะเงยหน้ามองผม " เรื่องทั้งหมดที่พี่เล่า มันเป็นความจริงใช่มั้ย คีย์เป็นคนทำมันทั้งหมดใช่มั้ย " ผมเงียบไปตอนที่มองหน้าเธอ รอยซ้ำที่มุมปากนั่นคงโดนมากกว่านี้ถ้าผมบอกความจริงออกไป และคีย์เองก็คงเป็นอันตรายไม่ต่างกัน

" ใช่ครับ มันเป็นอย่างที่พี่พูด " ผมบอกก่อนจะลุกขึ้นยืน ตีสีหน้าเศร้าๆเหมือนตัวเองเพิ่งรับรู้ความจริงทั้งหมดที่ออกมาจากปากของเธอ

“ ฟาน "

" ฝากไปขอโทษสามีพี่ด้วยนะ ที่ผมคงเข้าใจเค้าผิดไป " ผมถอนหายใจออกมา " ผมขอตัวก่อนครับ "

“ เดี๋ยวสิ ! แล้วนายจะทำยังไงกับคีย์ " มือของเธอคว้ามือของผมไว้ " เลิกเถอะกับคนแบบนั้นน่ะ ต่อให้นายเอาเรื่องนี้ไปบอกกับเค้าแล้วเค้าสำนึกผิดออกมา คนแบบนั้นก็ต้องนอกใจนายอีกแน่ๆ คนร่านๆน่ะมันไม่มีที่สิ้นสุดหรอกนะ หาแฟนใหม่ดีกว่า ถ้านายอยากจะหาคนดามใจแล้วละก็ ตอนนี้ที่บ้านเราก็กำลัง..”

“ คีย์ไม่ใช่คนร่านนะ!! " ผมหลุดปากเสียงดังใส่เธอไป " ผมอยากจะเคลียร์ชีวิตของผมเอง ไม่ต้องออกความคิดเห็นหรอกครับ อีกอย่างผมไม่มีทางที่จะกลับไปอยู่ในครอบครัวนั้นอีกและไม่มีทางที่จะตอบตกลงหมั้นกับใครทั้งนั้น ชีวิตของผม ผมจะเลือกเอง "

" แต่เฟิร์นน่ะ น้องอาจจะต้องหมั้นแทนนะ ทั้งๆที่เฟิร์นยังเด็กแถมยังมีแฟนอยู่แล้ว ผู้หญิงเราถ้าแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก "

" เลิกเห็นแก่ตัวสักทีเถอะน่่า!!! " ผมตะคอกใส่เธอ " แล้วยังไง ผมไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับคนที่รักเหรอ พูดออกมาแบบนั้นได้ยังไงกันวะ ละลายบ้างมั้ยที่พูดคำพูดพวกนั้นออกมา ผลักเรื่องของตัวเองให้คนอื่น ฉันสบายคนอื่นจะเป็นจะตายยังไงก็ช่าง ถูกเลี้ยงดูกันมายังไงวะ ทำไมถึงได้เห็นแก่ตัวขนาดนี้ " มองหน้าเธอที่ก็หันไปมองรอบๆเพราะมีคนมองดูเราที่กำลังเถียงกัน " หึ แต่คงไม่แปลกมั้ง พ่อแม่พี่ก็ผลักผมออกมาเพราะว่าผมมันตัวซวยเหมือนกันนี่ นิสัยสันดานคงถอดกันออกมาไม่มีผิดนั่นแหละ "

" ไม่คิดสงสารน้องเลยเหรอฟาน น้องน่ะ.."

" แล้วเคยสงสารผมบ้างมั้ย " คำถามที่ทำให้เธอนิ่งไป " เคยสงสารผมที่ต้องถูกไล่ออกมาบ้างมั้ย เคยคิดหาวิธีที่จะติดต่อมา เคยคิดอยากจะกลับมารับ เคยสงสารผมบ้างมั้ย ถ้าวันนี้ไม่ลำบากจะคิดถึงกันบ้างรึเปล่า อย่าเอาความเป็นครอบครัวมาอ้าง เราไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน "

" ฟาน.."

" แล้วที่เฟิร์นต้องทำแบบนั้นมันก็ถูกแล้ว เฟิร์นเค้าเกิดมาอยู่ในครอบครัวนั้นเอง แล้วครอบครัวนั้นก็เลือกที่จะเค้าเป็นคนในครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบเรื่องต่างๆร่วมกัน ต้องทำตามคำสั่งของพ่อแม่  ส่วนผมมันไม่ใช่ ผมน่ะมันถูกเขี่ยออกจากการเป็นครอบครัวนั้นไปตั้งนาน "

" แต่...”

" กรุณาอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก! เพราะไม่ว่าจะกี่ครั้ง คำตอบของผมคือเหมือนเดิม คือ ผมจะไม่มีวันกลับไปเป็นคนในครอบครัวนั้น จะไม่มีวันกลับไปทำอะไรตามใจใคร ไม่มีวันกลับไปหาพวกคนเห็นแก่ตัวพวกนั้น ไม่มีวันจำไว้!! ผมตัดเค้าขาดออกไปจากชีวิตแล้ว เธอเองก็เช่นเดียวกัน " เธอถอนหายใจออกมาตอนที่ผมมองหน้าเธอ " ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะต้องมาเจอกัน กรุณาอย่าถามอะไรสามีพี่เกี่ยวกับเรื่องของอีก คีย์เป็นคนผิดเอง มันถูกต้องอย่างที่สามีพี่พูด ผมขอให้พี่สบายใจและคิดไปตามนั้น "

" แล้วนายกับคีย์.”

" สำหรับผมกับคีย์ มันเป็นเรื่องของเราสองคน ผมจะจัดการเรื่องของผมเอง ขอตัวครับ "  เดินออกมาจากร้านกาแฟโดยที่ไม่ได้ฟังคำพูดอะไรของเธอต่อ ผมอยากจะให้ทุกอย่างมันจบลงแค่นี้ อยากจะเริ่มชีวิตใหม่ ชีวิตที่ต้องดูแลคนที่ผมรักให้ดีกว่าที่เคยทำ ให้เค้าได้ลืมเรื่องร้ายๆที่ผมก่อไว้พวกนั้น อยากให้เค้ามีชีวิตที่มีความสุข ชีวิตที่มีแต่รอยยิ้ม เพราะตอนนี้เค้าทุกข์มากพอแล้วและผมก็จะปกป้องเค้าไม่ให้เค้าต้องทุกข์ไปมากกว่านี้อีก

......................................................


“ แซนวิชวันนี้อร่อยจัง เหมือนพอไม่ได้กินนาน ก็รู้สึกว่ามันอร่อยขึ้น " ลิปพูดออกมาตอนที่เราเดินออกจากร้านแซนวิชหลังมื้อเที่ยง " แต่ฉันก็ยังคิดถึงราเมงวันนั้นอยู่ดี "

“ เหมือนกันเลย รู้สึกช่วงนี้ฉันอยากจะกินข้าว มากกว่าแซนวิชว่ะ พรุ่งนี้เราไปกินกันมั้ย "

“ ได้สิ พรุ่งนี้ไปกินกันนะ " คนข้างๆผมตอบตกลงเราขึ้นลิฟต์มาถึงแผนกหย่นตัวลงนั่งเม้าส์พักผ่อนก่อนจะถึงเวลา พนักงานคนอื่นๆที่ทะยอยกันเข้ามา ก่อนที่พี่ร่วมงานคนนึงจะเดินตรงเข้ามาหาผม

“ นี่คีย์ คีย์ๆ ฉันมีอะไรจะเล่าให้ฟัง "

“ เรื่องอะไรเหรอครับ " เธอเดินไปเลื่อนเก้าอี้ตรงโต๊ะตัวหน้าเข้ามานั่งข้างผม ท่าทางที่ต้องเม้าส์แบบออกรสออกชาตินั้นชวนให้ทั้งผมทั้งลิปขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้เธอ

“ ดูท่าทางไม่ค่อยอยากจะฟังเลยนะ " เธอแซวผมก็หลุดยิ้ม " เล่าๆ วันนี้นะ อยู่ๆภรรยาหัวหน้าก็โทรมาชวนฉันไปกินข้าวจ้าาา ” ประโยคเริ่มต้นที่ทำให้ผงะเล็กน้อยสีหน้าที่อยากจะฟังของผมเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกอื่นที่เข้ามาแทนที่ " ตอนแรกฉันก็คิดว่าเธอคงจะชวนไปกินข้าวเฉยๆ ตามประสาคนรู้จักกันไม่คิดจริงจัง "

“ พี่รู้จักกับเมียหัวหน้าเหรอ " ลิปถาม " แบบขนาดที่ว่าเธอจะชวนไปกินข้าวด้วย อะไรแบบนั้นน่ะ "

“ ก็ในระดับนึงนะ เพราะว่าเธอเป็นเจ้าของธุรกิจน่ะ ฉันก็ทำดีไว้เผื่อว่าในอนาคตต้องออกไปรับฟรีแล๊นซ์ก็พอได้มีที่ทางที่พึ่งอะไรกับเค้าบ้าง "

“ อย่างงั้น "

“ โอ๊ยอย่าถามนอกเรื่อง ฟังต่อนะ แต่คราวนี้พอฉันลงไปข้างล่าง ไปพักกินข้าวปกติเธอก็ชวนฉันไปกินข้าวบอกว่าอยู่ที่ร้านอาหารหลังตึกเราแล้วให้ฉันไปเลย ฉันก็แบบเห็นเป็นร้านหรูเธอเลี้ยงก็เลยไป แล้วสุดท้ายรู้มั้ยเค้าถามฉันเรื่องอะไร "

“ เรื่องอะไรเหรอครับ " ผมถาม

“ เรื่องของแกกับหัวหน้าแหละคีย์ " ร่างกายของผมรู้สึกชาตอนที่ได้ฟังคำพูดนั้น หัวใจของผมเต้นแรง

“ แล้ว แล้วพี่บอกอะไรกับเธอไปบ้าง "

“ คือก่อนอื่นนะ เธอก็เล่าเรื่องที่ผัวเธอออกจากงานก่อน เธอบอกว่าผัวเธออะ โดนคีย์ปล้ำจ้าเลยต้องออกจากงาน ฮ่าๆ ฉันนี่แบบฟังแล้วก็ขอมองแรงเบาๆ ชีโดนผัวชีหลอกเข้าเต็มเบาแล้วยังไง คราวนี้นางก็ถามฉันว่าเป็นเรื่องจริงมั้ย ฉันก็เลยจัดการเล่าความจริงไปทั้งหมดเลยจ้า เรื่องความเลวของอีหัวหน้า แล้วกูก็บอกเรื่องของเนย์ด้วย ว่ามันเอาคลิปเนย์มาแฉ บังคับเนย์ แล้วทำให้เนย์ฆ่าตัวตาย "

“ ตายแล้วอีเจ๊ แล้วคนฟังมันเป็นไง ไม่ช็อคตายไปเลยเรอะ "

“ จะเป็นไงละ ก็ร้องไห้ ตกใจ รับไม่ได้เลยน่ะสิ นี่จะบอกให้ ฉันเอาคลิปให้ดูด้วยนะ เป็นหลักฐาน " เธอบอกก่อนจะเอื้อมมือมาจับไหล่ผม " ฉันบอกความจริงนางไปแล้วคีย์ นางจะไม่ได้ต้องมาว่านาย ว่านายแอบคบชู้กับผัวนาง "

“ สงสารเหมือนกันนะ ต้องมารับรู้ความจริงแบบนั้น นางคงกลับไปบอกเลิกผัวนางเลยแหละ " ลิปบอก

“ ฉันก็ว่า นางรวยอะ นางไม่ต้องแคร์ผัวนางก็ได้ คนที่ลำบากคือหัวหน้ามากกว่า งานไม่มี เมียก็ดันมาทิ้งอีก แต่สมน้ำหน้า มันทำกับคนอื่นไว้เยอะ มันควรได้รับผลกรรมนั่นแล้ว "

“ ใช่ เห็นด้วยเลย "

“ คีย์เป็นอะไรไปอะ เงียบไปเลย " รุ่นพี่ที่อยู่ตรงหน้าเอ่ยถาม ผมก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ เปล่าครับ "

“ ไม่โอเครึเปล่าที่ฉันไปเล่าเรื่องของนายให้คนอื่นฟังน่ะ แต่ฉันแค่ไม่อยากให้เค้าเข้าใจนายผิดๆนะ คนคนนั้นน่ะ บอกว่านายไปอ่อยผัวเค้า วางแผนจะจับสารพัด แถมจะปล้ำอีก ฉันไม่อยากจะให้เค้าป้ายความผิดให้นาย "

“ ผมจะไม่โอเคได้ยังไง พี่ปกป้องผมไม่อยากจะให้เค้า คิดกับผมผิดๆ ผมต้อง ขอบคุณพี่สิ " ผมบอกก่อนจะก้มหน้าลงอย่างไม่รู้จะพูดอะไร

“ แล้วทำไม ทำหน้าแบบนั้น "

“ นายกำลังคิดว่าหัวหน้าจะโดนเมียทิ้งรึเปล่า " ลิปถาม " นายสงสารเค้าเหรอ "

“ เปล่า ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเค้า แต่ว่า..เมื่อวันเสาร์ฉันไปเจอหัวหน้ากับภรรยาของเค้ามาเหมือนกัน "

“ เห้ยย " สองเสียงที่สบถขึ้นพร้อมกัน

“ แล้วที่สำคัญคือเธอเป็นพี่สาวของแฟนฉัน "

“ อะไรนะ!! “ ลิปอ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน

“ แต่แฟนฉัน เพราะปัญหาครอบครัวเลยทำให้เค้าตัดขาดจากครอบครัวไปแล้ว ตอนนั้นพอเธอเห็นฉันเธอก็ดูถูกฉัน เราได้ฟังก็รู้เลยว่าเธอคงถูกสามีของเธอหลอก แต่เพราะคำดูถูกของเธอ ฟานเค้าทนไม่ได้ก็เลยพูดให้พี่สาวเค้าฟังว่า พี่สาวเค้าโดนหลอก ตอนนั้นหัวหน้าเองก็มีท่าทางกลัวเหมือนกัน แต่เราก็ไม่พูดอะไรหรอก แต่ไม่นานหัวหน้าก็ส่งข้อความมาหาฉัน เค้าขู่ฉันว่า ถ้าฉันบอกความจริงกับภรรยาของเค้า เค้าจะตามมาจัดการฉัน มาทำให้ชีวิตของฉันล่มจม ฉันเลยตัดสินใจที่จะไม่พูดความจริงอะไรทั้งนั้น พยายามผลักเรื่องนี้ออกไป มันไม่ใช่เรื่องของฉัน ฉันไม่เกี่ยว เค้าจะคิดยังไงฉันก็ไม่สนใจ ขอให้ชีวิตฉันไม่ต้องกังวลอะไรก็พอ "

“ คีย์.. "

“ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ตอนนี้ภรรยาเค้ารู้ความจริงแล้วต่่อให้ฉันไม่ได้พูดแต่เค้าก็คงคิดว่าฉันเป็นคนพูด เป็นคนบอกความจริงทั้งหมดนั้น มันไม่จริงหรอก ที่เค้าจะเชื่อว่าฉันไม่ใช่คนที่พูด " สองมือที่เข้ามาจับมือผมที่กำไว้แน่น ความปลอบโยนพวกนั้นไม่ได้ทำให้ความกลัว และความกังวลใจของผมมันลดน้อยลงไปเลย ผมคิดถึงภาพของหัวหน้า คิดถึงความรุนแรงของเค้า คิดถึงแววตาที่พูดจริงทำจริงของเค้า คิดถึงประโยคคำขู่พวกนั้นที่อ่าน ประโยคที่บอกว่า จะทำให้ผมล่มจม ผมคิดถึงเนย์ คิดถึงคลิปวิดีโอพวกนั้น คิดถึงว่ามันเป็นผม  " สุดท้าย ฉันก็ต้องเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ดี ไม่มีทางเลือกอื่นเลย ไม่มี " 

................................................................

มันอาจจะเป็นปีชงไงพี่คีย์
แบบพี่คีย์คงชง 100% ค่ะ หนมว่า แนะนำในส่วนของการทำบุญ..สะเดาะเคราะห์เปิดดวงชะตาใหม่นะคะ
อยากให้ขำ อย่าเครียด นิยายมันจะเข้มข้นถึงหยดสุดท้าย
อยากจะให้จินตยาการตอนกินมาม่าต้มยำกุ้งใส่เครื่องทุกอย่างที่ชอบ เราก็ซเน้ำจนต้องยกถ้วย หยดสุดท้าย อะไรประมานนั้น
เผ็ดปากเบินแต่ไม่ความสุขในการกิน

อยากจะฝากประชาสัมพันธ์เล็กน้อยเพราะนิยายกำลังจะจบแล้ว เหลืออีก สามตอน
นิยายเรื่อง " ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง " จะมีการรวมเล่มอย่างแน่นอน ใครสนใจ หยอดกระปุกหมูตัวน้อยไว้รอได้เลย
รายละเอีนดพร้อมเสิร์ฟในตอนจบของเรื่องค่ะ
ขอบอกตอนพิเศษแน่นมากกกกกกก เหมือนทุกที ทุกเรื่อง

และ ยังไงก็ ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิต เพื่อขยายความหน่วงจิตของเราให้แผ่ไป
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
หนมมี่ค้าาา  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 67 ' ความจริงที่ถูกเปิดเผย ' UP - 20.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 20-01-2017 21:10:40
อิมาม่าต้มยำกุ้งนี่มันไม่น่ารักนะกินหมดซดจนแทบเลียถ้วยมันก็ยังเหลือผงอะ มันละลายไม่หมด มันไม่คักใจ งื้มมมมมมม....นิยายจะจบเลยของอแงยังอยากอ่านต่อไม่อยากให้จบ 555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 67 ' ความจริงที่ถูกเปิดเผย ' UP - 20.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-01-2017 21:16:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 67 ' ความจริงที่ถูกเปิดเผย ' UP - 20.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 20-01-2017 21:35:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 67 ' ความจริงที่ถูกเปิดเผย ' UP - 20.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-01-2017 21:49:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 67 ' ความจริงที่ถูกเปิดเผย ' UP - 20.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 20-01-2017 23:31:10
อือหือเรื่องนี้เค้าเทน้ำตาลไปตอนต้นเรื่องหมดแล้วใช่มะ หลังๆมานี่บีบคั้นหัวใจตลอด จะได้ไปเที่ยวกันอย่างมีความสุขมั้ยนี่ เจอแต่เรื่องตลอด
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 67 ' ความจริงที่ถูกเปิดเผย ' UP - 20.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 21-01-2017 00:13:33
เรื่องจะจบยังไงเนี่ยไม่อยากจะคิดหรือเดาเลยเพราะเหลืออีก 3ตอนจะจบ แต่เหมือนเรื่องมันเพิ่งเริ่มต้นเอง รู้สึกแบบนั้นจริงๆนั
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 67 ' ความจริงที่ถูกเปิดเผย ' UP - 20.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 21-01-2017 00:21:04
จริงๆน่าฆ่า ตัด ตอน เจ้าหัวหน้านั่นไปซะเลยจะดีที่สุด
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 67 ' ความจริงที่ถูกเปิดเผย ' UP - 20.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 21-01-2017 01:51:55
โอ้ย คีย์เอ๊ยยยย เวรกรรมอะไรนักหนาน้อออ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 67 ' ความจริงที่ถูกเปิดเผย ' UP - 20.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 21-01-2017 02:08:17
เกลียดหัวหน้าอ่ะ 55555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 67 ' ความจริงที่ถูกเปิดเผย ' UP - 20.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 21-01-2017 07:52:03
เรื่องนี้ตัดคอไอ้หัวหน้าทิ้งเรื่องก็จบ555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 67 ' ความจริงที่ถูกเปิดเผย ' UP - 20.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: madxsound ที่ 21-01-2017 22:20:34
เรื่องบางเรื่องเราจะมโนตอนจบไปเองนะ แต่เรื่องนี้เราเดาไม่ได้จริงๆอ่ะ คือ อีก 3 ตอนจะจบละ แต่ยังมาม่าอืดขนาดนี้ เฮ้อออ อยากให้มีโมเม้นอื่นบ้าง ตอนนี้มันหมองๆ ไปหมดเลยอ่า TT หวังว่าตอนหน้าจะแฮปปี้กว่านี้นะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 67 ' ความจริงที่ถูกเปิดเผย ' UP - 20.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 22-01-2017 13:31:46
ไม่ชอบกินมาม่ารสจัดๆเพราะกินแล้วมันเครียดดดดดด
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 68 ' ยังไม่พร้อม ' UP - 22.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 22-01-2017 20:41:34
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 68
' ยังไม่พร้อม '

“ คีย์ ฉันขอโทษนะ " รุ่นพี่ที่ทำงานเอ่ยบอกผมเสียงเศร้า จากเรื่องที่ชวนเม้าส์สนุกปากของเธอกลายเป็นเรื่องเศร้าของทุกคนเพียงแค่ผมเล่าความจริงพวกนั้นออกมา เธอก้มหน้าลงมือที่จับผมไว้ " ฉันขอโทษ ฉันไม่คิดว่ามันเป็นแบบนี้ ถ้าฉันรู้ ฉันจะไม่บอกเค้าเลย ฉันขอโทษ "

“ ไม่เป็นไรหรอก ผมเข้าใจ " เค้าไม่รู้ และ พูดความจริงไปโดยไม่รู้ " พี่ไม่ผิดหรอก ผมรู้ว่าพี่ไม่อยากจะให้ผมโดนเข้าใจผิด อยากจะให้เมียหัวหน้าเค้ารู้ความจริง "

“ แล้วนายจะทำยังไงละ เค้าจะทำอะไรนายละ "

“ ผมไม่รู้ " ไม่รู้เลยว่าถ้าเค้ารู้ เค้าจะทำอะไรผม ไม่รู้เลยว่าเค้าจะเล่นไม้ไหนอีก " แต่ก็ดีนะที่พี่บอกผม ผมจะได้ระวังตัวไง "

“ ฉันรู้สึกผิดวะ ฉันเหมือนทำให้แกต้องลำบาก อีกแล้ว " เธอก้มหน้าลงก่อนจะถอนหายใจ น้ำตาที่คลอเบ้าของเธอ " ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ "

“ ไม่เป็นไรพี่ พี่ไม่รู้ ผมไม่โทษพี่หรอก ผมไม่คิดว่าเธอจะมาถามพี่เหมือนกัน มันเป็นเรื่องที่เราไม่รู้ และไม่คาดคิด พี่เองก็ไม่รู้ ไม่ต้องโทษตัวเองหรอก อย่าโทษตัวเองเลยนะ "

“ ฉันขอโทษจริงๆ " เธอบอกผมก็พยักหน้ารับ เธอเดินออกไปจากเก้าอี้ที่นั่งกลับไปที่โต๊ะทำงานของเธอ ลิปก็ถอนหายใจออกมา

“ คีย์.. ฉันไม่รู้จะพูดอะไรเลยจริงๆวะ ทำไม ชีวิตของนายมันถึง..”

“ ซวยแบบนี้ ก็ไม่รู้นะ " ผมหลุดยิ้ม " เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเหมือนว่าชีวิตฉันจะทุกข์แค่ตอนนี้ตอนเดียวแล้วหลังจากนี้มันจะไม่ทุกข์อีกแล้วอย่างงั้นแหละ เหมือนว่าต้องชดใช้กรรมทั้งหมดในตอนนี้ "

“ ไม่รู้เค้าจะมาไม้ไหนนะ ไม่รู้ว่าพอรู้ความจริงแล้ว เค้าจะเป็นยังไงบ้าง "

“ นั่นสิ " ผมถอนหายใจออกมา แต่ถึงอย่างงั้นผมก็หวังให้มันเกิดเรื่องดีๆขึ้น เรื่องที่ว่าเค้าจะเข้าใจกันและรับกันได้ในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพราะนั่นก็หมายความว่า ผมจะไม่โดนหมายหัวและรอดพ้นจากเรื่องนี้ไปสักที แต่นั่นก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย เค้าที่ได้รู้ว่าสามีเค้าทั้งโกหกเค้า แสร้งเป็นคนดีรักครอบครัว ดักข่มขืนลูกน้อง แถมยังถ่ายคลิปวิดีโอประจานจนต้องทำให้ลูกน้องต้องฆ่าตัวตาย ไม่มีใครรับเรื่องจริงแบบนี้ได้หรอก เป็นใครก็อยากจะอยู่ให้ไกลจากคนแบบนี้ทั้งนั้น

“ แล้วนายจะทำยังไงต่อไปคีย์ "

“ ไม่รู้สิ คงต้องบอกฟานเอาไว้ก่อนเป็นอย่างแรกแหละ "  ผมยิ้มให้ลิปก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะคว้ามือผมไปจับ มืออุ่นๆที่บีบมือของผม

“ ฉันขอให้มันผ่านไปได้ด้วยดีนะ แล้วก็ขอให้ชีวิตของนายมีความสุขสักที "

“ ขอบใจนะลิป " ผมเลื่อนเก้าอี้กลับมานั่งที่ทำงานของตัวเอง ครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆมากมายที่มันยังไม่เกิดขึ้นจนได้แต่ส่ายหน้าไปมา ' ไม่คิดมาก ไม่เอา มันเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น อาจจะไม่ได้แย่อย่างที่คิดเอาไว้ก็ได้ ' บอกตัวเองแบบนั้นก่อนจะเริ่มตั้งใจตั้งงานของวันนี้ให้เสร็จไป กังวลไปก็ไม่มีประโยชน์เครียดซะเปล่าๆ ทางที่ดี คือควรระวังตัวเองไว้ แล้วอย่ากังวลอะไรไปในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง

   เดินออกจากที่ตึกที่ทำงานหลังเลิกงาน ผมมองไปรอบๆก็เห็นผู้ชายคุ้นตากำลังยืนดูดน้ำอะไรสักอย่างอยู่ไม่ไกล ในมือที่กำลังเล่นถือโทรศัพท์เล่นเกมส์อะไรสักอย่าง ผมหลุดยิ้มออกมา ลิปก็แซว

“ นู้นนน แฟนมารับแล้ว " เค้าบอก " ฉันชักอิจฉานายแล้วนะเนี้ย มีแฟนมาคอยรับ คอยส่งทุกวันเลยเว้ย "

“ อิจฉาอ๋อวะ ชีวิตที่เค้าต้องคอยรับส่งเพราะกลัวจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นน่ะ " ผมหันไปแซวอีกคนก็เบิกตาก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ เออ กูไม่อิจฉาก็ได้ " หลุดหัวเราะออกมา ผมเดินเข้าไปใกล้เค้า นั่งลงข้างๆอีกคนก็หันมามอง

“ เลิกงานแล้วเหรอ " ฟานถามผมก็พยักหน้ารับ

“ งั้นฉันกลับบ้านก่อนนะ ไว้เจอกัน " ลิปเดินออกไปหลังจากที่บอกลาผม ฟานที่กำลังจะลุกผมคว้าเค้าไว้ให้นั่งอยู่ตรงนี้ก่อน อีกคนที่หันมามองหน้าผมก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะยิ้มจางๆให้เค้า

“ มีอะไร เหนื่อยเหรอ " คำถามที่มาพร้อมกับมือหนาที่ลูบผมของผมเบาๆ จมูกที่ก้มลงมาดมที่ผม ฟานทำจมูกฟุตฟิตก่อนจะแซว " ผมนายเหม็นนะ วันนี้สระได้แล้ว "

“ ฟานฉันมีเรื่องอะไรจะบอก เป็นทั้งข่าวดีแล้วก็ข่าวร้าย จะฟังอะไรก่อน "

“ ทำไมต้องเลือกด้วยวะ " เค้าบ่นออกมาก่อนจะเอียงหน้ามองผมก่อนจะคิด " ฉันฟังข่าวร้ายก่อนดีกว่า เพราะร้ายของนาย ฉันไม่มั่นใจเลย ว่าจะเป็นร้ายแค่ไหน "

“ ทำไมคนเราถึงชอบฟังข่าวร้ายก่อนวะ "

“ ก็เพราะว่าพอฟังข่าวร้ายเสร็จ ข่าวดีมันอาจจะช่วยให้บรรเทาข่าวร้ายนั่นละมั้ง "

“ ข่าวร้ายคือ พี่สาวนายรู้ความจริงเรื่องของหัวหน้าแล้วนะ " ผมบอกก่อนจะก็นิ่งไป ผมหันมองฟานที่ถอนหายใจออกมาใบหน้าเคร่งเครียดของเค้าปรากฏขึ้นอย่างเห็นได้ชัดว่าอีกคนก็กังวลไม่ต่างจากผม " วันนี้เค้านัดรุ่นพี่ที่ทำงานฉันไปกินข้าวด้วย แล้วรุ่นพี่ที่ทำงานก็เล่าความจริงเค้าทุกอย่างเลย "

“ อย่างงั้นเหรอ " เค้าพูดเสียงเบาๆ " เค้าไม่เชื่อฉันสินะ "

“ ไม่เชื่อนาย ? “ ผมทวนคำพูดของเค้า " หมายความว่ายังไงที่บอกว่าเค้าไม่เชื่อนาย "

“ วันนี้ฉันไปหาเค้ามา เพราะมานั่งคิดๆดูแล้วว่าถ้าเกิดเราทำเป็นเงียบเค้าต้องไปสืบจากคนอื่นแน่ๆ แล้วแบบนั้นเค้าก็คงรู้ความจริงอยู่ดี ฉันก็เลยไปหาเค้ามา ไปนั่งฟังเรื่องที่สามีเค้าเล่าให้เค้าฟัง ว่านายไปอ่อยผัวเค้าอย่างงั้นอย่างงี้ แล้วเค้าก็ถามฉันว่ามันจริงรึเปล่า เรื่องที่เกิดขึ้น แล้วก็ฉันก็บอกว่า จริง ฉันทำเป็นไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องที่เค้าเล่า ทำเป็นว่าฟังเรื่องมาคนละแบบกัน ฉันคิดว่าเธอจะเชื่อนะ แต่ไม่คิดว่าเธอจะไม่เชื่อแล้วมาถามเพื่อนร่วมงานนายอีก "

“ เพื่อนฉันบอกว่าตอนที่เค้ารู้ความจริงเค้านิ่งไปเลย เค้าร้องไห้แล้วเดินออกจากร้านไปเลย " ผมก้มหน้าลง " ไม่รู้ว่าเธอจะจัดการเรื่องนี้ยังไงนะ "

“ เลิกกับผัวมั้ง แต่ก่อนอื่นก็คงโดนผัวซ้อมก่อน " ฟานบอก " วันนี้ตอนที่ฉันเจอเธอ ที่ปากที่รอยโดยตบด้วย เธอคงโดนตบมาเพราะต้องเอาแต่เซ้าซี้เรื่องของผัวกับนายแน่ๆ "

“ น่าสงสารจัง "

“ สงสารตัวเองมั้ย ต่อจากนี้น่ะ ต้องมานั่งกังวลกันแบบละสายตาไม่ได้น่ะ สงสารตัวเองก่อนมั้ย " ฟานบอกผมก็ถอนหายใจออกมา
 
“ นั่นสินะ "

“ แล้วข่าวดีละ ข่าวดีของนายคืออะไร "

“ ข่าวดีคือ ฉันขอลางานได้แล้ว ได้ก่อนวันหยุดยาวเลยด้วย " ผมหันไปบอกเค้ายิ้มๆ " เพราะงั้นนะ ฉันจะได้ลาพักร้อนพ่วงด้วยวันหยุดยาวเลยแหละ "

“ ก็ดี อย่างงั้นคืนนี้เราก็จัดการจองตั๋วเครื่องบินแล้วก็ที่พักกันเลยดีมั้ย "

“ ดี! งั้นก็กลับบ้านกันเถอะ " ผมลุกขึ้นยืนคว้ามือฟานขึ้นมาจับเค้าก็ลุกขึ้นก่อนจะดึงผมเข้ามากอดไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว " ฟาน..”

“ กลัวรึเปล่า กังวลมั้ยกับเรื่องนั้นน่ะ "

“ กลัวสิ " ผมซบไปบนอกของเค้า " แต่จะทำยังไงได้ มันเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน "

“ ฉันจะอยู่ข้างๆนะ จะไม่ไปไหน ฉันจะคอยดูแลนายอยู่ข้างๆแบบนี้ไม่ให้คาดสายตาเลย " อ้อมกอดที่กอดรัดแน่นขึ้นเหมือนคำสัญญาที่เค้าบอกกับผมไว้

“ อื้ม เราจะผ่านมันไปด้วยกัน "  ผมกอดเค้าตอบซบไออุ่นจากร่างกายแล้วยิ้มอยู่แบบนั้น ก่อนอีกคนจะผละออกแล้วดึงร่างของผมให้ออกมายืนข้างตัวเค้า เราที่ก้าวเดินออกไปพร้อมๆกันเค้าที่เดินอยู่ข้างๆผม อุ่นใจยังไงก็ไม่รู้  " ฟานกินอะไรแล้วรึยัง "

“ ยัง แต่ไม่ค่อยหิวหรอก แต่ว่าฉันอยากจะกินไก่เกาหลีนะ " เค้าหยิบมือถือขึ้นมา " เมื่อกี้นั่งแล้วแล้วเห็นว่ามีบริการส่งไก่เกาหลีจากร้านดังถึงบ้าน ก็เลยว่าจะลองสั่งดู ลองกินดูกันมั้ย "

“ เอาสิ เดี๋ยวพอไปถึงห้องแล้วก็ค่อยสั่งแล้วกัน "

   เดินทางกลับมาถึงคอนโดผมวางกระเป๋าลงที่โซฟา  หย่นตัวลงนั่งหลบตาลงพักผ่อนสายตาก่อนจะรู้สึกถึงไอเย็นจัดที่แนบลงมาบนแก้มจนทำให้ต้องถอยหนี

“ น้ำเย็นๆสักหน่อยมั้ย "

“ ขอบคุณนะ " เอื้อมมือไปหยิบน้ำจากอีกคนขึ้นมากิน ฟานนั่งลงข้างๆก่อนจะเปิดมือถือของเค้าเล่นเกมส์ไปเรื่อย " ฉันไปอาบน้ำหน่อยดีกว่า "

“ อย่าลืมสระผมนะ " อีกคนเตือนผมก็ชะงักขาที่กำลังจะลุกขึ้นยืน

“ มันเหม็นมากเหรอ " ผมถาม ฟานก็ละสายตาจากหน้าจอมือถือตัวเองมามองผม

“ นี่ถามจริงๆ หรือเล่นมุขกัน "

“ ก็ถามจริงๆ ฉันยังไม่อยากสระอะ " ไม่อยากจะอยู่ในห้องน้ำนานๆ เดี๋ยวนี้เวลาอาบน้ำก็รีบๆอาบไปก็เท่านั้นไม่ได้ใส่ใจความสะอาดเท่าไหร่นักหรอก เพราะรู้สึกไม่ค่อยชอบอยู่ในที่ที่มีกระจกเยอะๆ รู้สึกกลัว มันกลัวอยู่ในจินตนาการของตัวเองที่คิดถึงขึ้นมาเอง อยากจะคิดก็คิด กำหนดไม่ได้ว่าให้หยุดคิด หรือแม้แต่บอกตัวเองว่า ให้คิดเรื่องอื่นแทน ยังไงก็ต้องเป็นเรื่องพวกนั้น

“ ก็เหม็นนะ สระเถอะ " เค้าบอกผมก็ถอนหายใจ

“ สระก็สระ " ลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งแบบเซ็งๆ ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำมองดูรอบๆห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันจะเดินเข้าไปแผ่นหลังหนาที่คิดว่านั่งเล่นเกมส์อยู่ก็เดินเข้ามาใกล้ เค้าดึงตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ ตรงไปเปิดน้ำที่อ่างน้ำ " นายจะอาบก่อนเหรอ "

“ ฉันจะสระผมให้ " ผมเงียบอีกคนก็หันมายิ้ม " ไม่อยากจะอาบน้ำนานๆคนเดียวละสิ "

“ ก็นะ ..” เหลือบไปมองทางอื่น ในระหว่างที่ฟานเดินไปหยิบสบู่ที่ใช้สำหรับตีฟองในอ่างมาใช้ " ไม่ต้องแช่น้ำก็ได้มั้ง แค่สระผมเฉยๆก็พอ "

“ ปกตินายชอบแช่นิ แต่เพราะอยู่ในห้องน้ำนานๆไม่ได้ ตอนนี้ก็เลยไม่ได้แช่เลย แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันจะอยู่เป็นเพื่อน อาบน้ำให้มันสะอาดหน่อยละกันนะ "

“ นายกำลังบอกว่า ปกติฉันอาบน้ำไม่สะอาดเหรอ "

“ รู้ตัวนี่ " ผ่อนลมหายใจออกมาพอได้ยินคำตอบของอีกคน ผมเดินไปหยิบผ้าขนหนูแล้วกลับมายืนดูอีกคนกำลังวุ่นวายอยู่ในห้องน้ำเพื่อแค่จะสระผมให้ผม ตั้งแต่รู้จักกันมาบางทีก็เหมือนจะแต่ฟานเท่านั้นที่คอยเอาแต่ดูแลผมกับเรื่องเล็กๆพวกนั้น เค้าช่างสังเกต และเหมือนจะล่วงรู้ทุกความคิดของผมแม้ว่าจะไม่พูดก็ตาม " เสร็จแล้ว ถอดเสื้อผ้าสิ "

“ อะ อื้ม แปปนึง " เดินมาหลบมุมถอดเสื้อผ้าก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน เค้าที่มองดูอยู่ " นายหันไปทางอื่นก่อนสิ ฉันจะได้ลงอ่าง "

“ ทำเหมือนฉันไม่เคยเห็นไปได้ " อีกคนบอก ฟานหันหลังผมก็รีบเดินลงไปนั่งในอ่าง น้ำอุ่นๆที่ชวนให้ผ่อนคลายตอนที่แช่ตัวนั้นชวนให้เลือดทั่วร่างนั้นแล่นไปได้ด้วยดี  " นี่ นายลืมล้างตัวก่อนลงอ่างรึเปล่าคีย์ "

“ ช่างมันเถอะน่า ลงอ่างก็เจอน้ำเหมือนกัน ได้ล้างตัวเหมือนกันละน่า " ผมบอกปัดอีกคนก็หัวเราะ ขยับตัวไปให้หลังชนขอบอ่างที่มีฟานนั่งอยู่ " ฟานสระผม "

“ ครับๆ " น้ำอุ่นๆถูกเปิดจะฝักบัวขึ้นรดผมจนชุ่มก่อนที่แชมพูสระผมจะถูกชะโลมบนหัวแล้วฟานก็เริ่มขยี้มันเบาๆ " สรุปว่าเราจะไปฮอกไกโดกันวันไหนดี "

“ อื้ม เดี๋ยวนะฉันของคิดก่อน ฉันหยุด 15  วัน รวมหยุดวันพิเศษของบริษัทด้วยแล้วเราไปสัก 9 วันมั้ย ไปแล้วก็ไปให้ทั่วเลย เที่ยวให้ทั่วหัวเมืองหลักของที่นั่นเลยเป็นไง ฟุกุโอกะ โตเกียว โอซาก้า เมืองใหญ่ๆน่ะ  " ผมหันไปบอกอีกคนที่ก็พยักหน้ารับ " ไปหลังจากที่ฉันหยุดสองวันแล้วก็ได้ สองวันนั้นเราจะได้จัดการแพ็คของไปเที่ยวให้เรียบร้อยไม่ต้องรีบร้อน กลับมาก็ได้พักผ่อนอีกสี่วันเต็มๆ เป็นไงดีมั้ย "

“ นายว่าดีฉันก็ว่าดี ได้ทั้งนั้นแหละ "

“ ฟานน่ารักจังตามใจกันสุดๆไหนมาให้จุ๊บที " ผมพูดแซวอีกคนเล่นๆ แต่ทว่าใบหน้าคมนั้นกลับก้มลงมาใกล้จริงๆ " อ๊ะ..”

“ จุ๊บสิ "

“ พูดเล่นๆเฟ้ย!!”

“ แต่ฉันเอาจริงนะ ไหน จุ๊บสิ " ผ่อนลมหายใจออกมา ลืมไปเลยว่าไอ้หมอนี่มันไม่รู้จักการพูดเล่นๆหรอกถ้าเรื่องแบบนี้น่ะ ผมหอมแก้มเค้าอีกคนก็หัวเราะในคอ " ไว้ฉันจะจองตั๋วเครื่องบิน เอาแบบธรรมดาหรือว่าชั้นธุรกิจดีละ "

“ ธรรมดาก็พอมั้ง ต้องต่อเครื่องอีกละ นั่งธรรมดาก็พอเอาเงินไปทำอย่างอื่น ยังมีค่าโรงแรมอีก " ผมบอก " ฉันจะเริ่มเลือกซื้อเสื้อโค๊ชแล้วนะ แล้วก็พวกเสื้อไหมพรม เดี๋ยวถ้าเจอแบบสวยๆฉันจะซื้อมาเผื่อนายนะ เดี๋ยวจะสั่งจากในเน็ตให้ " ยิ่งจินตานาการถึงทริปที่จะได้ไปนอนกลิ้งดูหิมะตกนอกหน้าต่าง วิ่งไปเล่นหิมะที่ขาวโพลนสุดลูกหูลูกตาก็อดจะมีความสุขไม่ได้ " ตื่นเต้นจังฟาน ฉันอยากจะไปเที่ยวแล้วเนี้ย ไม่อยากจะทำงานแล้ว "

“ นายมีความสุขฉันก็ดีใจ เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จเรามานั่งเลือกโรงแรมแล้วก็วางแพลนคร่าวๆกันนะ ว่าจะไปไหนบ้าง อยู่กี่วัน การเดินทาง ดีมั้ย หาข้อมูลกัน "

“ ดีๆ หาไปเรื่อยๆ ทำไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ถ้าเราไม่ทำเลยนะ พอเราไปถึงเราก็ไม่รู้จะทำอะไร ฉันน่ะนะ อยากจะกินของอร่อยๆให้ทั่วเลย ของที่เค้าบอกว่า มาถึงแล้วต้องไปกินนะ อะไรแบบนี้น่ะ ฉันจะกินให้หมดเลย "

“ ระวังอ้วกแตกเข้าโรงพยาบาลก็แล้วกัน "

“ นายก็พูดเว่อร์ไป "

“ เงยหน้าขึ้นหน่อยจะล้างผมให้ " ผมเงยหน้ามองอีกคนที่กำลังตั้งใจล้างแชมพูออกจากผมให้ด้วยความตั้งใจ มือที่ประคองไม่ให้แชมพูไหลเข้าตานั้น มันเป็นภาพที่ชวนให้ผมหลุดยิ้มออกมา " ยิ้มอะไร "

“ นายเหมือนกับตอนที่เราคบกันแรกๆเลย "

“ จะบอกว่าก่อนหน้านี้ไม่เหมือนงั้นเหรอ " เค้าถาม แต่ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรอีกคนก็ยิ้มก่อนจะตอบขึ้นมาก่อน " ก็ไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่หรอกใช่มั้ย "

“ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองได้รู้จักตัวตนจริงๆของฟานเลย "

“ ยังไง "

“ เมื่อก่อนตอนที่เราคบกันแรกๆ ฉันรู้สึกว่านายน่ะเป็นคนดีชนิดที่ว่า ในโลกใบนี้มันยังมีคนดีขนาดนี้อยู่อีกเหรอ "

“ แต่พอนานไป นายก็ได้รู้ว่า มัจจุราชมันแฝงอยู่ในร่างกายฉันอีกคน " ฟานหัวเราะบอก ผมก็ถอนหายใจออกมา

“ ฉันว่า ฉันไม่ควรพูดเรื่องนี้เลยเนอะ ฮ่าๆ " ผมว่าขำๆก่อนจะหันไปมองเค้าที่ก็กำลังบีบครีมนวดผมใส่มือ " คือที่ฉันจะบอกคือว่า คนเรามันมีดีมีเลว นั่นคือสิ่งที่ฉันจะพูด นาย..คิดมากรึเปล่า "

“ ไม่หรอก ฉันรู้ดีว่าตัวเองเป็นยังไง " อีกคนบอกก่อนจะชโลมครีมนวดผมลงไปบนหัวของผม รู้สึกตัวเองเป็นคนที่ทำให้บรรยากาศในห้องน้ำที่เคยดีดูอึมครึมไปหมดแล้ว เหมือนไปสะกิดแผลของอีกคนขึ้นมาอีก

“ โทษที ฉันว่า ฉันไม่น่าพูด "

“ ไม่เห็นจะเป็นอะไร นายก็แค่อยากจะพูดว่า ฉันไม่ได้แสนดีจนดูเหมือนไม่มีจริงแต่ฉันเป็นแค่คนธรรมดาๆคนนึงที่มี รัก โลภ โกรธ แล้วก็หลง เหมือนคนธรรมดาทั่วไป แต่ฉันว่าฉันมันเกิดธรรมดาเวลาโกรธแล้วก็โมโหนะ "

“ จะว่าแบบนั้นมันก็ใช่อยู่หรอก " ผมว่าเสียงเบาๆ " แต่.. ขอโทษ ฉันว่าฉันไม่น่าพูดจริงๆ นายลืมมันเถอะนะ ฉันปากไม่ดีเอง " ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทั้งที่แค่อยากจะบอกว่า ผมรู้จักเค้าดีขึ้นและรู้สึกว่าผมเห็นทุกด้านของเค้าแล้ว มันเป็นเรื่องดีที่พอรักกันแล้วเห็นกันทุกๆด้าน ด้านที่แย่สุดและดีสุด แต่เหมือนผมจะลำดับประโยคได้แย่ไปสักหน่อยความหมายเลยผิดเพี้ยนไป ก้มหน้าลงก่อนจะเหลือบมองคนที่นวดครีมนวดไปบนหัวให้ผม

“ คิดมาก ฉันไม่เอาเรื่องพวกนั้นมาเป็นสาระหรอก ฉันรู้ตัวอยู่แล้วว่าตัวเองเป็นยังไง นายเองก็ด้วยถูกมั้ย "

“ ก็จริง.... “ ผมเว้นเสียงก่อนจะยิ้มให้อีกคน " ฉันว่า.. เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ ฟานจะอาบน้ำรึยัง "

“ เดี๋ยวฉันจะออกไปสั่งไก่ก่อน นายจะกินด้วยมั้ย "

“ กิน อยากจะกินไก่กับแป็ปซี่สักแก้ว สั่งเผื่อด้วยนะ "

“ โอเค "  ฟานบอกก่อนจะล้างผมให้ผมจนเสร็จเรียบร้อย เค้าลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่ง " เสร็จละ ลุกขึ้นมาอาบน้ำได้แล้ว และก็.." ใบหน้าคมก้มลงมากระซิบข้างหู " อย่าคิดมากเรื่องที่พูดไปเมื่อกี้ด้วยละ " จมูกคมจูบที่ข้างแก้ม เค้าเดินออกไปจากห้องน้ำ  ผมก็ลุกขึ้นจากที่นั่งล้างตัว อาบน้ำเรียบร้อยก็ออกมาแต่งตัวจัดการทาครีมทาแป้งไปตามเนื้อตัวให้หอมก่อนจะออกมานั่งข้างๆอีกคนที่โต๊ะอาหาร

“ เสร็จแล้ว นายทำอะไรอยู่ "

“ กำลังกดดูที่พัก นายลองเลือกดูว่าสนใจอันไหนนะ แล้วพอสนใจก็กดหัวใจอันนี้ไว้ มันจะบันทึก เราจะได้มาเลือกกันอีกที " ผมพยักหน้ารับ " ฉันไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวมา "

“ อื้อ " เลื่อนดูหน้าจอไปเรื่อยๆ ผมนั่งอ่านรีวิวแล้วก็สภาพห้องโรงแรม เพลินจนไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปเท่าไหร่ ฟานเดินออกมาจากห้องน้ำ เค้าลงไปเอาไก่ทอดเกาหลีที่สั่งเอาไว้ เรานั่งกินกันเรื่อยๆดูโรงแรมไปพลาง อ่านรีวิวท่องเที่ยวแล้วนั่งจดกันไปตามประสา “ ฉันอยากจะลองพักที่พักแบบเรียวกังอะ ที่มีน้ำร้อนให้แช่ในห้องพัก "

“ อื้ม น่าสนใจ เราจะได้นั่งแช่กันสองคนใช่มั้ย "

“ บ้า ไม่ใช่เว้ย ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น " ผมเถียงอีกคนก็ยิ้ม

“ แต่ฉันหมายถึงแบบนั้นแหละ เพราะฉันจะจองแบบนั้นให้นาย แบบว่าตอนกลางคืนเราแช่น้ำด้วยกัน กอดกันในน้ำแล้วหลังจากนั้น....” เอื้อมมือไปปิดปากเค้า อีกคนก็หลุดหัวเราะออกมา

“ ไอ้โรคจิต ฉันจะไปดื่มด่ำกับประสบการณ์พิเศษ ไม่ได้จะทำเรื่องแบบนั้นสักหน่อย "

“ แต่มันน่าทำออก เพราะคงหาโอกาสที่จะทำนี่นี่ไม่ได้ " ฟานยักคิ้วให้ผม เค้าเลื่อนตัวเข้ามาใกล้ก่อนจะดึงมือผมที่ปิดปากเค้าลงแล้วกระซิบ " เราจะยืนทำกันในน้ำ ฉันจะให้นายหันหลังนะ แล้วฉันก็จะเข้าไปตรงนั้น..”

“ พอเลย ฉันไม่ไปแล้วเว้ย " ผมเถียงอีกคนก็ยิ้ม " ฉันไม่อยากพักที่พักแบบนี้แล้ว เราไปพักที่อื่นเถอะ  ฉันไปอาบน้ำบ่อรวมก็ได้ ไม่ต้องเป็นส่วนตัวหรอก "

“ แต่ถ้าไปพักบ่อรวม นายต้องไปแช่รวมกับคนอื่นๆ นายแน่ใจเหรอว่ามันจะดี นายจะไปแก้ผ้าให้คนอื่นดู หึ ฉันไม่มีวันให้คนอื่นมันมาเห็นหรอก " ผมคิดตามอีกคน ฟานก็ยักคิ้วเชิงถามว่ามั่นใจกับสิ่งที่ตัดสินใจไปมั้ย

“ งั้นเราก็ไม่ต้องไปเที่ยวแบบ เรียวกังหรือแช่บ่อน้ำร้อนอะไรนี่หรอก เราไปเที่ยวธรรมดาๆก็ได้ "

“ แล้วนายแน่ใจเหรอ ว่าธรรมดาๆนี่นายว่า นายจะรอดจากฉันน่ะ " เค้ามองผมก่อนจะเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ สบสายตาที่ก็ต้องหลบลงตอนที่อีกคนยิ้มแล้วหอมแก้มผม มือหนาเลื่อนมากอดเอวเค้าจูบที่ริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะย้ายไปข้างแก้มอีกฝั่ง ลมหายใจอุ่นๆรดใบหน้าของผม มันบอกถึงอารมณ์ความรู้สึกความต้องการของอีกคนได้เป็นอย่างดี " คีย์...”

“ ฉันยังไม่พร้อม ฟาน " ผมตัดสินใจบอกเค้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง อีกคนที่ก็หยุดชะงักไป " ฉันรู้ว่านายต้องการอะไร ฉันก็อยากจะให้มันนะ แต่ฉันไม่พร้อมจริงๆ ฉันกลัวฟาน ฉันยังคิดถึงมันอยู่ "

“ ไม่เป็นไร ฉันขอโทษที รู้สึกไม่ดีรึเปล่า " ผมส่ายหน้าไปมา

“ ตอนนี้ยังหรอก แต่ฉันไม่อยากจะคิดถึงมันอีกแล้ว หยุดไว้ก่อนเถอะนะ "

“ อื้ม โทษทีนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ " เค้ากอดผมตอนที่พูดก่อนจะถอนหายใจออกมา " อารมณ์มันพาไปน่ะ "

“ ช่างมันเถอะ ไว้พร้อมเมื่อไหร่เราค่อยทำกันนะ " ร่างสูงผละอ้อมกอดมามองตามผม ฟานยิ้ม

“ ถ้าพูดแบบนี้ นายต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเองด้วยนะ อย่าลืมซะละ "

“ ไม่ลืมหรอกน่า " เอื้อมมือไปกอดคอเค้าผมยิ้มให้  " นายคิดว่า นายมีความต้องการคนเดียวรึไง "

“ คีย์ อย่ายั่วฉันน่า " ฟานเอียงหน้าบอกเซงๆ " ได้เมื่อไหร่ฉันจะทบต้นทบดอกเลยคอยดู "

“ ถ้าเป็นอย่างงั้น ฉันก็คงต้องรีบกลับมาเป็นเหมือนเดิมเร็วๆซะแล้วสิ เพราะกลัวว่าการทบต้นทบดอกนี่แหละ "

“ ร้ายนักนะ " เค้าที่กอดผมไว้ ซบกลิ่นไออุ่นยามที่เราใกล้กัน ผมอยากจะมีอะไรกับเค้านะ คิดถึงความรู้สึกที่ความสุขแบบนั้นเหมือนกัน แต่ก็พอคิดว่าต้องคิดถึงเรื่องราวทรมานที่ยังอยู่ในใจ เรื่องราวความโหดร้ายพวกนั้น ทุกอย่างก็บอกกับผมว่าอย่าเข้าไปใกล้เลย

   ถ้ายังทำใจลืมมันไปไม่ได้จริงๆ ก็อย่าไปฝืน เพราะช่วงเวลาที่ต้องคิดถึงเรื่องราวพวกนั้น มันยังคงเจ็บปวด และเจ็บปวดมาก ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะเป็นคนที่รักและอยากจะให้แสดงความรักต่อกันก็ตาม

.......................................................................

คลายความเครียดกันสักหน่อย ผ่อนคลาย ใสๆ เบาๆ
อาทิตย์หน้า จบแล้ว เราจะเขียนแบบ เอาม้วนเดียวจบไปเลยนะ  :katai4:

ยังไงขอฝากนิยายไว้ในอ้อมใจของทุกคน
อาทิตย์หน้าจบแล้ว อยากให้มาอ่านตอนจบกันเยอะๆ ค่ะ

ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่ะ
 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 68 ' ยังไม่พร้อม ' UP - 22.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 22-01-2017 21:03:50
รอบทหวานของคู่ฟานคีย์
รอบทจบของหัวหน้า
และรอบทส่งท้ายของลิปด้วยนะ

 :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:

...
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 68 ' ยังไม่พร้อม ' UP - 22.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-01-2017 21:12:33
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 68 ' ยังไม่พร้อม ' UP - 22.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 22-01-2017 21:19:14
ดีจังที่ตอนนี้เริ่มยิ้มได้แล้ว   งื้ออออ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 68 ' ยังไม่พร้อม ' UP - 22.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-01-2017 21:36:04
ตอนหน้าจะจบแล้วเหรอ มันจะได้หวานกันซักเท่าไหร่นี่
อิหัวหน้าก็ยังไม่รุ้จะเป็นไร
ฟานกับคีย์ก็ยังก้าวข้ามความผิดพลาดของตัวเองไปไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 68 ' ยังไม่พร้อม ' UP - 22.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 22-01-2017 21:43:29
 :sad4:อาทิตย์หน้าจะจบแล้วอ่า จะจบแบบไหนล่ะเนี่ย จบแบบน้ำตาท่วมจอหรือป่าว ไม่เอานะถ้าเป็นแบบนี้ บอกเลยทำใจไม่ค่อยไหวทั้งๆที่จะได้ไปเที่ยวด้วยกันแล้ว เพราะไม่แน่ถ้าไปเที่ยวครั้งนี้คงลืมเรื่องร้ายๆลงไปบ้าง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 68 ' ยังไม่พร้อม ' UP - 22.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-01-2017 21:44:02
 :L2: :pig4:

มาพยายามไปด้วยกัน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 68 ' ยังไม่พร้อม ' UP - 22.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 22-01-2017 23:01:38
จบวีคหน้านี้แล้วววววว เดี๋ยวค่อยตามมาอ่านนะคะ~ ยังทำใจไม่เลยรอจนจบเนี่ยยยย 55555555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 68 ' ยังไม่พร้อม ' UP - 22.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 22-01-2017 23:06:15
จะจบแล้วหรอคะ
คือยังอึน มึน งง อยู่เลยหวังว่าปมทั้งหมดจะเคลียร์ด้วยดีน้าาาาาา
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 68 ' ยังไม่พร้อม ' UP - 22.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 23-01-2017 09:43:56
ก่อนที่หัวหน้ามันจะจบบทบาทของตัวเองคงมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแย่ๆเลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 68 ' ยังไม่พร้อม ' UP - 22.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 23-01-2017 12:16:46
อยากรู้จุดจบอิหัวหน้าจัง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 68 ' ยังไม่พร้อม ' UP - 22.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Supak-davil ที่ 23-01-2017 15:11:18
ถ้าจบตอนหน้า มันจะยาวกี่รีพลายนะ
เรายังมองตอนจบไม่เห็นเลย ถ้ามันสั้นมากอ่ะ
อย่าจบแบบรวบรัดนะ
อุตส่าห์เข้มข้นมาทั้งเรื่องแล้ว
ขอบคุณค่ะ ที่แต่งเรื่องดีๆ สนุกๆ ให้อ่าน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 68 ' ยังไม่พร้อม ' UP - 22.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: ummax ที่ 23-01-2017 20:06:42
ขอแบบยาวๆๆๆๆได้มั่ยอ่ะ ได้โปรด
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 68 ' ยังไม่พร้อม ' UP - 22.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 23-01-2017 21:08:05
ไม่ได้เม้นเสียหลายตอนต้องบอกรวมๆว่า "โอ๊ย อีดอก มันแซ่บมาก!!!!!!!!!!"
ยิ่งใกล้จบยิ่งมัน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 68 ' ยังไม่พร้อม ' UP - 22.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 23-01-2017 21:21:25
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 68 ' ยังไม่พร้อม ' UP - 22.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 24-01-2017 07:09:15
ได้แต่คิดว่าจะจบยังไงน้าาาาาาา :mew2:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 68 ' ยังไม่พร้อม ' UP - 22.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 27-01-2017 02:29:16
ชีวิตคีย์ แม่ม ไม่ง่ายเลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 69 ' ช่วงเวลาที่เลวร้าย ' UP - 27.1.60} หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 27-01-2017 20:27:31
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 69
' ช่วงเวลาที่เลวร้าย '

   อาทิตย์ของการหยุดพักร้อนใกล้เข้ามาแล้ว อีกไม่กี่วันหลังจากนี้ช่วงเวลาที่ผมรอคอยมาเกือบทั้งเดือนก็จะมาถึง มือที่กำลังเร่งทำงานให้เสร็จภายในวันนี้ก่อนเที่ยง คิดเอาไว้ว่าจะได้ใช้ช่วงเวลาบ่ายที่ไม่มีงาน นั่งดูรูป อ่านรีวิวสถานที่ท่องเที่ยว แล้วก็ร้านอาหารดังๆในญี่ปุ่นเพิ่มเติม จากแผนที่วางเอาไว้ จะได้ใช้ในเวลาจำเป็น เพราะอีกไม่กี่วันเราก็ต้องเดินทางแล้ว

" ตื่นเต้นจังเลยนะ " ผมบ่นกับตัวเองออกมาเบาๆ กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ผมกำลังทำงานอยู่ กระเป๋าเดินทางของเราถูกสั่งซื้อมาแล้วเมื่อหลายวันก่อน กระเป๋าสองใบที่จัดเตรียมไว้ เสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวของที่นู้นก็ถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้ว ผมเป็นคนเลือกซื้อมันทั้งหมด ทั้งของตัวเองแล้วก็ของฟาน เพราะเห็นว่าฟานจ่ายค่าทริปเดินทางครั้งนี้ไปเยอะมากแล้ว ทั้งค่าเดินทาง โรงแรม หรือแม้แต่ตั๋วเครื่องบิน และดูท่าทางว่า อาหารการกินเค้าก็จะเป็นคนออกเองอีก

   ทั้งๆที่ผมเองก็บอกแล้วว่าจะช่วยออก แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอม สุดท้ายก็เลยต้องมานั่งจัดการเสื้อผ้าให้แบบลับๆ แต่ถึงอย่างงั้นราคาเสื้อผ้าสำหรับหน้าหนาวเก้าวัน ก็ไม่ใช่ราคาเล่นๆเลย " เสร็จสักที " ผมผ่อนลมหายใจออกมา ตอนที่ดันเก้าอี้ให้ออกห่างโต๊ะแล้วบิดขี้เกียจน้อยๆ คนที่นั่งข้างกันก็หันมามอง

“ งานเสร็จแล้วเหรอ คีย์ "

“ เสร็จแล้ว " ผมบอก " นายเสร็จแล้วเหรอ "

“ เสร็จสักพักแล้วละ นี่ก็เลยมานั่งดูรีวิวทริปยุโรปไง " ลิปกับคุณเมษจะไปเที่ยวยุโรปเพราะคุณเมษไม่ค่อยได้หยุดพักผ่อน พอได้หยุดนานๆเค้าก็เลยตัดสินใจไปเที่ยวที่ที่อยากจะไปที่สุดนั่นก็คือฝั่งยุโรป  " แต่ไปๆมาๆ ไม่ได้ดูวะ มัวนั่งเม้าส์กับเพื่อนเนี้ย "

“ เหรอ "

“ นายยังจำเพื่อนฉันที่เคยเล่าให้ฟังว่า เป็นเพื่อนที่เรียนมหาลัยเดียวกันแล้วได้ทำงานบริษัทออกแบบ อีกบริษัทนึงได้ม่ะ " อีกคนท้าวความผมก็เอียงหน้าคิด " จำไม่ได้เหรอ ช่างมันไม่สำคัญหรอก เรื่องสำคัญคือนางเล่าให้ฉันฟังว่า หัวหน้าเราไปสมัครงานที่บริษัทนางจ้า ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบ "

“ เหรอ " ผมไม่ได้ยินชื่อของหัวหน้ามาหลายอาทิตย์แล้วตั้งแต่วันนั้น วันที่พี่สาวของฟานรู้เรื่องความจริงทุกอย่างจากปากเพื่อนร่วมงานของผม จากที่ต้องคอยกังวลกันสุดๆ ฟานก็มารับส่งเช้าเย็น ลิปก็แทบจะไม่ปล่อยให้ผมคาดสายตาไปไหน แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเจอหัวหน้าที่ขู่ไว้ว่าจะมาทำร้ายเลยสักนิด ผมคิดว่าเค้าคงเคลียร์กับภรรยาโอเคแล้ว เพราะไม่อย่างงั้นเค้าคงทำตามที่เค้าขู่ผมไว้ หรือไม่ก็อาจจะปลง หรือคิดขึ้นได้ว่า เค้าควรหยุดการกระทำพวกนี้ซะ " แล้วเป็นไง เค้าได้งานมั้ย "

“ ไม่ได้วะ " ลิปส่ายหน้า " เพื่อนฉันบอกว่าไม่ผ่านตั้งแต่ฝ่ายบุคคลแล้ว เพราะว่าเรื่องที่เค้าทำไว้นั่นแหละ "

“ ฝ่ายบุคคลของที่นู้นคงจะโทรมาถามฝ่ายบุคคลของเราเกี่ยวกับการทำงานของเค้าที่นี่สินะ "

“ ช่ายยยย ทั้งเรื่องเม้าส์ๆ ทั้งเรื่องานที่ขาดความรับผิดชอบ เรื่องรักๆในออฟฟิศอีก มันก็ไม่แปลกหรอกที่จะไม่ได้งาน " ลิปว่าก่อนจะถอนหายใจ " ทั้งๆที่ฝีมือก็ดี มีความรับผิดชอบสูงแต่กลับต้องมาตกงานเพราะเรื่องเซ็กส์แล้วก็ความต้องการของตัวเอง นี่ถ้าเค้าอยู่เป็น ใช้ชีวิตให้เป็น มันคงไม่เป็นแบบนี้หรอก เค้าอยู่ที่นี่เงินเดือนสูงจะตาย ฆ่าตัวเองชัดๆ "

“ นั่นนะสินะ " ผมพยักหน้ารับเห็นด้วยกับลิป มันก็เหมือนกับที่อีกคนบอก

“ ถ้าเค้าชอบเรื่องแบบนั้น เค้าก็ซื้อคอนโดไว้สักห้องแล้วก็เอาเมียเล็ก เมียน้อย จะชายจะหญิงจะสวิงกิ้งกันยังไงก็ได้ ก็ทำไปเถอะ หน้าตาดีแบบเค้า รวยแบบเค้า คนที่สมยอมด้วยมันก็มีตั้งเยอะแยะ อย่างเนย์เองก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบเค้าสักหน่อย น้องมันก็มีใจพูดดีๆ เข้าใจกัน น้องมันก็ยอมนั่นแหละ แต่นี่บังคับเค้า ขู่เค้า แถมกับคนที่ไม่ได้เล่นด้วยก็ยังจะเอาไม่ยอมปลง ใช้กำลังบังคับ พอจะเอาก็จะเอาให้ได้ ทำเหมือนชีวิตคนอื่นเป็นแค่ตุ๊กตาเซ็กส์ทอยสนองความใคร่ก็เท่านั้น เค้าน่ะใช้ชีวิตไม่เป็นเอง ฉันจะบอกให้ " ผมถอนหายใจออกมาตอนที่อีกคนพูด 

   หวนคิดถึงว่าเค้าเคยเป็นทั้งคนที่เก่งแล้วก็น่าหลงใหลมากแค่ไหน ตอนสมัยที่เข้ามาทำงานใหม่ๆ มีปัญหาก็ได้หัวหน้าช่วยเอาไว้ ทั้งสอนงานแล้วแก้ไขงานให้ เป็นทั้งคนที่ใจดีแล้วก็เก่ง จนไม่อยากจะเชื่อเลยว่า อีกด้านของเค้าจะเป็นคนที่น่ากลัวอย่างที่คาดไม่ถึงขนาดนี้  เผลอคิดไปว่าผมเองถ้าไม่ได้เจอฟานตอนนี้จะใช้ชีวิตยังไง ยังชอบเค้าอยู่ หรือว่าจะมีชีวิตเป็นแบบเนย์ที่ต้องเป็นทาสกามให้เค้าไปตลอด แล้วสุดท้ายก็จบลงด้วยการฆ่าตัวตายรึเปล่า

“ แล้วนี่เค้ามาดักหาเรื่องนายที่ใต้คอนโดรึเปล่า " ผมส่ายหน้าอีกคนก็ถอนหายใจโล่ง " ดีแล้วละ ฉันว่า เค้าคงปรับความเข้าใจกับเมียได้แล้วละมั้ง ไม่ก็ปลงเรื่องที่เกิดกับตัวเองได้แล้ว "

“ ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน " ผมก็หวังว่าให้เรื่องดีๆเกิดขึ้นกับเค้า เค้าจะได้ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวอะไรกับผมอีก  " เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ  วันนี้ฉันจะเลิกงานเร็วหน่อยนะ นายจะกลับบ้านพร้อมฉันมั้ย พอดีฉันนัดกับฟานว่าเราจะไปซื้อของเข้าบ้านด้วยกันน่ะ "

“ สวีทหวานจริงๆเลยนะ ช่วงนี้น่ะ มีแฟนมารับมาส่งทุกวัน ไปชอปปิ้ง ไปกินข้าว นี่ข้างนอกยังหวานขนาดนี้ แล้วถ้าอยู่ด้วยกันสองคนจะหวานกันขนาดไหนละจ๊ะ " เสียงแซวที่ทำให้ผมส่ายหน้าไปมาก่อนจะดึงตัวเองกลับมานั่งที่หน้าจอคอมของตัวเอง

   ไม่อยากจะบอกเลยว่าดูภายนอกมันก็ดูหวานกันดีอยู่หรอก ไอ้โมเม้นท์ที่ว่า มารับมาส่งทุกวันนั่นน่ะ แต่ความจริงเวลาอยู่ด้วยกันสองคนก็ไม่ได้สวีทหวานอย่างที่ใครๆคิดหรอก เราก็ใช้ชีวิตกันตามปกติออกจะเกร็งๆกันในบางทีด้วยซ้ำไป อาจเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลยทำให้ชีวิตมันไม่ได้ มีความสุขมากอย่างที่เคยเป็นแต่ก็ไม่ได้แย่หรอก เราก็ต้องปรับเปลี่ยนกันไป

   เข็มนาฬิกาบอกเวลาหลังเลิกงาน ผมจัดเตรียมกระเป๋าของตัวเองปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองเรียบร้อยด้วยความเงียบ ท่ามกลางเสียงพูดคุยของเพื่อนร่วมงานคนอื่นที่ก็เตรียมตัวกลับบ้านเหมือนกัน

" นี่แก วันนี้เมื่อตอนเที่ยงฉันเหมือนจะเจอหัวหน้าด้วยแหละ "

" หัวหน้าเหรอ " อีกคนบอกก่อนจะเชิดไปที่รองหัวหน้าที่ตอนนี้ย้ายขึ้นมาเป็นหัวหน้าแล้ว " ก็ต้องเจอสิ เค้าก็ต้องไปกินข้าวแปลกอะไร "

" ไม่ใช่สิ คนที่ฉันเจอน่ะ คือหัวหน้าคนเก่าตังหาก "

" เหรอ แล้วเค้ามาทำอะไรแถวนี้วะ "

" ไม่รู้เหมือนกัน แต่ได้ข่าวแผนกบุคคลบอกว่าเค้ามาสมัครงานจ้า "

" บริษัทเราอะนะ "

" อื้ม ใช่นะสิ ก็แหมเค้ารู้จักกับคนใหญ่คนโตตั้งเยอะ คงเส้นสาย "

" แต่ก่อเรื่องขนาดนั้น ไม่ว่าเส้นไหนก็คงเอาไม่อยู่หรอกมั้ง แล้วหัวหน้าตอนนี้เองก็คงไม่ลดขั้นตัวเองลงเป็นรองหัวหน้าอีกครั้งหรอกน่า จริงมั้ย "

" นั่นก็จริง "

" อย่าใส่ใจเลยน่า ยังไงเค้าก็ไม่ได้กลับมาทำงานที่นี่หรอก "

" กลับบ้านแล้วเหรอคีย์ " รุ่นพี่ที่ทำงานทักผมขึ้นมา หันไปยิ้มแห้งๆให้เธอที่ก็ยิ้มแซว “ แฟนมารับแล้วอีกแล้วละสิท่า สวีทจังนะคีย์ " ผมเบิกตาน้อยๆกับคำแซวพวกนั้นก่อนจะยิ้มเขินๆ แล้วพยักหน้ารับ " คีย์คบกับน้องฟานมานานแล้วเหรอ "

“ ก็นานแล้วครับ " บอกไปแบบนั้นลิปก็เสริม

“ เค้าคบกันก่อนที่ฟานจะมาส่งน้ำให้พวกเธอเห็นอีกจ้า "

“ งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ " ก้มหน้าบอกลาทุกคนในแผนก เดินลงลิฟต์มาพร้อมกับลิป ตอนที่ลงมาถึงหน้าตึกผมมองไปรอบๆก่อนจะเจอเข้ากับฟานที่ก็เดินเข้ามาใกล้กัน

“ แฟนนายเนี้ยไม่เคยมาสายเลยนะ "

“ แล้วคุณเมษนัดเจอนายที่ไหน "

“ นัดเจอกันที่คอนโดน่ะ " ลิปบอก " งั้นฉันกลับก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน "

“ พรุ่งนี้เจอกัน " ผมโบกมือลาลิปที่ก็เดินสวนทางกับฟานที่ก็เดินเข้ามาหา

   ผมที่ยิ้มให้คนที่มารับในตอนนั้น  ก่อนจะรู้สึกถึงใครบางคนที่วิ่งเข้ามายืนช้อนหลังด้วยความรวดเร็วแบบไม่ทันตั้งตัวพร้อมกับปลายแท่งเหล็กกลมๆที่จ่ออยู่ที่แผ่นหลัง รอยยิ้มของผมหดลงทันทีในตอนนั้นแววตาที่เบิกกว้างกับร่างกายที่แข็งทื่อไปนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครที่กำลังยืนช้อนหลังผมและสิ่งที่เค้ากำลังถือขู่อยู่นั่นคืออะไร  มันคือปืน ผมรู้สึกเลยว่ามันต้องเป็นแบบนั้น

“ ไม่เจอกันนานนะ คีย์ "  เสียงทุ้มของหัวหน้าที่ผมคุ้นเอ่ยบอก เค้าขยับปลายกระบอกปืนนั้นเข้าใกล้หลังของผมอีกนิด ฟานวิ่งเข้ามาใกล้แต่ยังไม่ทันพูดอะไรหัวหน้าก็คว้าตัวผมหันให้อีกคนดู ปลายประบอกปืนที่กำลังจ่อหลังผมอยู่นั้น ทำให้ให้ฟานนิ่งค้างไป " เป็นไง.. ไม่ได้เจอกันนานนะ คุณน้องอดีตภรรยา "

“ ปล่อยคีย์ซะ " เค้าบอก " ถ้ามึงไม่ปล่อยคีย์กูจะตะโกนให้คนช่วย " คำขู่ที่ชวนให้หัวหน้าหัวเราะ

“ หึ งั้นมาลองดูกันมั้ย ว่าเสียงของมึง กับ เสียงจากปืนของกู ใครมันจะเร็วกว่ากัน "

“ อย่านะ!! มึงจะทำอะไรน่ะ "

“ ทำอะไรเหรอ " อีกคนถามก่อนจะมองไปรอบๆ " ถ้ามึงไม่อยากจะให้คีย์ตายก็เงียบๆไว้ กูจะขึ้นตึกไปที่ดาดฟ้า ถ้ามีคนจับกูได้กูจะยิงคีย์ทิ้งทันที "

“ แล้วจะขึ้นตึกไปบนดาดฟ้าทำไม "

“ มึงเงียบน่า  อยากจะตายรึไง " เค้าดันปืนจ่อผมให้ใกล้ขึ้น ฟานมองหน้าผมเค้าถอนหายใจออกมาก่อนจะมองไปที่ประตูบริษัท

“ เดินเข้าไปตอนนี้แหละ ยามไม่อยู่แล้ว " มันเป็นช่วงเวลาที่ยามหน้าตึกเดินออกไปคุยกับพนักงานคนนึงพอดี

   ผมมองฟานที่พยักหน้ารับเหมือนกำลังให้กำลังใจผมผ่านแววตาว่ามันจะไม่เป็นอะไร เพราะเค้าจะยืนอยู่ข้างๆตรงนี้ ผมมองไปรอบๆทั่วบริเวนที่ไม่มีใครคนไหนหันมาสนใจพวกเรา แผ่นหลังของลิปที่กำลังยืนรอข้ามถนนอยู่นั้น เค้าที่เหมือนกำลังจะหันกลับมา ผมจ้องเค้าเพื่อพยายามจะบอกถึงภัยอันตรายของตัวเองแต่ทว่าเค้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะหันมา

' ลิป หันมาสิ ลิป ลิป ลิปหันมา ' คำพูดที่พูดได้อยู่ในใจแต่เอ่ยอะไรออกไปไม่ได้ หัวหน้าดึงผมให้เดินเข้ามาในตึก เค้าสาวเท้าเดินผ่านผู้คนที่เริ่มบางตาเข้าไปข้างใน ผ่านยามที่มัวแต่คุยกับคนอื่นโดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้มีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับคนในบริษัท
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 68 ' ยังไม่พร้อม ' UP - 22.1.60} หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 27-01-2017 20:27:51

    ภายในลิฟต์ที่มีแค่เราสามคนทุกอย่างเงียบจนได้ยินแต่เสียงของลมหายใจ หัวหน้าดึงตัวผมให้พิงตัวเค้าเอาไว้ สายตาที่สบมองกับฟานที่ได้แต่ยืนมองนิ่งๆ เค้าที่เหมือนกำลังคิดหาทางอะไรสักอย่างในตอนนั้น ชวนให้หัวหน้าหัวเราะขึ้นมา " นายกำลังคิดสินะ ว่าจะทำยังไงดี ถึงจะช่วยแฟนของนายได้ หึ  แต่ที่ฉันอยากจะบอกคือ อย่าพยายามเลย เพราะเพียงแค่ครั้งเดียวที่นายไม่ทำตามคำพูดของฉัน ฉันจะให้คีย์เป็นแค่คนที่เหลือแค่ชื่อเท่านั้น จำไว้ "

" อย่าคิดที่จะทำอะไรเค้านะ "

" มันอยู่ที่นายมากกว่า ว่าจะทำตามฉันรึเปล่า "

" จะให้ทำอะไร "  ลิฟต์พาพวกเรามาที่ชั้นบนสุด หัวหน้าเชิดหน้าบอกใบ้ให้ฟานเดินออกไป

" เดินออกไป แล้วขึ้นบันไดไปที่ดาดฟ้า " หัวหน้าล๊อคตัวผมจากด้านหลังเข้าไปชิดกับลำตัวของเค้า เราเดินตามฟานขึ้นไปชั้นบนสุดของดาดฟ้า ในช่วงเวลายามเย็นที่ท้องฟ้ายังไม่ทันมืดครึ้มลมแรงๆที่พัดมา

“ มึงต้องการอะไร " ฟานถามอีกคนก็คิด

“ ต้องการอะไรงั้นเหรอ " เค้าพูดก่อนจะก้มลงมามองผม ลมหายใจอุ่นๆที่รดผิวหน้า ร่างกายของผมแข็งทื่อราวกับจะหยุดหายใจไปขั่วขณะทำได้แต่หลับตาลงด้วยความกลัว " คีย์ดีมั้ย มึงรักมันมากนิ ถ้ากูบอกว่าให้มึงอยู่นิ่งๆแล้วกูจะเอาเมียมึงโชว์มึง แบบนั้นมึงจะโอเคมั้ย "

“ อย่าคิดทำอะไรเหี้ยๆแบบนั้นกับคีย์นะ ! “ ร่างสูงตะโกนก่อนจะก้าวขาเดินเข้ามาใกล้แต่ทว่าก็หยุดลงตอนที่ปืนย้ายจากหน้าหลังมาจ่อเข้าที่หัวของผม ฟานหยุดนิ่งหัวหน้าก็หัวเราะ  " ปล่อยคีย์ แล้วมึงจะทำอะไรกับกูก็เชิญ "

“ จะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ " เค้าทำท่าคิด " กูอยากจะยิงมึงสักสองนัด มึงให้กูยิงมึงได้มั้ยละ "

“ ไม่ได้นะ !!! “ ผมตะโกนออกไป " อย่าทำอะไรฟานนะ! คุณต้องการอะไรแน่ คุณทำแบบนี้ทำไม แค่นี้ชีวิตคุณมันยังแย่ไม่พออีกเหรอ ทำไมคุณไม่ปรับตัวเอง ทำไมคุณไม่..”

“ ก็เพราะพวกมึงนั่นแหละที่ทำให้ชีวิตกูต้องเป็นแบบนี้!! “ เค้าตะโกนออกมา " เพราะว่าพวกมึงเอาความจริงไปบอกเมียกู เค้าเลยบอกเลิก ฟ้องหย่ากับกู แล้วไม่ว่ากูพยายามกลับไปเท่าไหร่ ขอคืนดีเท่าไหร่ เค้าก็ไม่ยอมรับฟังอะไรกู ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะพวกมึงเอาความจริงของกูไปพูด! ทั้งๆที่กูบอกพวกมึงแล้ว ว่าอย่าพูด! ไม่อย่างงั้น กูจะทำลายชีวิตมึง เพราะพวกมึง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะพวกมึง "

“ พวกเราไม่ได้พูด ผมไม่ได้พูด ฟานก็ไม่ได้พูด " ผมบอก " เรื่องความจริงของคุณ ภรรยาของคุณมาถามคนที่แผนกเอง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกับพวกเราเลย เราไม่ได้พูด "

“ กูไม่เชื่อ!! ถ้าไม่ใช่พวกมึงที่อยากจะทำลายชีวิตกูแล้วมันจะใคร ยังจะมีใครอีกที่อยากจะทำลายชีวิตกู มึงคงแค้นกูสินะที่กูทำแบบนั้นกับคีย์ มึงเลยไปบอกพี่สาวมึงไอ้ฟาน ”

“ กูไม่ได้พูด! ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น มันเป็นเพราะการกระทำของมึง มึงทำร้ายคีย์ มึงทำร้ายเนย์ มึงทำตัวของมึงเอง มันไม่ใช่มีแค่กูกับคีย์แค่สองคนหรอกที่รู้ถึงความระยำของมึง คนทั้งบริษัทเค้าก็รู้ แล้วมึงไม่คิดบ้างเหรอ ว่าเมียมึงเค้าจะมาถามคนในบริษัทมึงที่เค้ารู้จัก ทุกอย่างมันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะพวกกูอย่างเดียว มันเป็นเพราะมึง เพราะสิ่งที่มึงทำไว้กับคนอื่น "

" มันไม่ได้เป็นเพราะกู!! " เค้าดันปืนที่หัวเข้ามาใกล้ผม " มันเป็นเพราะไอ้เหี้ยนี่ตังหาก มันเป็นเพราะคีย์! เพราะคีย์ไม่ตอบรับรักกู เพราะคีย์ไม่ยอมนอกใจมึงมาคบกับกู ไม่ยอมเป็นเมียน้อยกู เรื่องมันเลยต้องมาเป็นแบบนี้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้มันเป็นคีย์ เพราะมึงคีย์ เพราะมึงคนเดียว มึงตาย!! "

" อย่าทำอะไรคีย์นะ!! " ฟานตะโกนออกมา ตอนที่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังโมโหแบบสุดขีดและกำลังไม่ได้สติอะไร  " ทุกอย่างมันเป็นเพราะกู เพราะกูขู่เค้า เค้าเลยไม่ยอมตอบรับความรู้สึกของมึง ถ้ามึงโกรธแล้วอยากจะแก้แค้นละก็ มาทำกับกู แล้วปล่อยคีย์ไป คีย์ไม่เกี่ยว คีย์ไม่เกี่ยวเลย "

“ ฟาน " ผมเรียกอีกคนก่อนจะส่ายหน้าไปมา ผมไม่อยากจะให้เค้าเสี่ยง ไม่อยากจะให้เค้าเสี่ยงเพื่อผมแบบนั้น

“ แล้วกูจะมั่นใจได้ยังไง ว่าถ้ากูปล่อยคีย์ไปแล้ว มึงจะไม่หนีตามมันไปด้วย " ฟานเงียบไปคำตอบอีกคนก็ยกยิ้ม " งั้นให้กูยิงมึงสองนัด แล้วกูจะปล่อยคีย์ไป "

“ ไม่นะ!! อย่ายิงฟานนะ ไม่เอา "

“ ตกลง "

“ ไม่!!! ฟานไม่ได้นะ  ไม่อย่ายิงเค้านะ อย่ายิงเค้า ไม่นะ!! " ผมที่ยิ่งดิ้นอีกคนก็จับแขนผมไว้แน่น

“ อยู่นิ่งๆ ไม่งั้นกูจะเป่ามึงคนแรกเลย "

“ งั้นก็ยิงกูเลย!! “ ผมตะโกนบอก " มึงแค้นกูไม่ใช่เหรอ มึงก็ฆ่ากูเลยสิ "

“ อย่า!! คีย์! มึงอย่ายิงคีย์นะ " ฟานตะโกนกลับมา ผมที่หันมองเค้าฟานก็ส่ายหน้าไปมาเหมือนบอกให้ผมหยุดพูดแบบนั้น " อย่าพูดแบบนั้น ไม่เป็นไร แค่นายปลอดภัยสำหรับฉันนั่นก็พอแล้ว "

“ ไม่ มันไม่พอสำหรับฉัน แล้วฉันจะอยู่ยังไงถ้าไม่นายละฟาน อึก ฮือๆ ได้โปรดอย่าทำเราเลยนะ หัวหน้าผมไหว้ละ อย่าทำเราเลย ปล่อยเราไปเถอะ " ผมยกมือไหว้เค้า " เราไม่ได้เป็นคนบอกภรรยาของคุณจริงๆ ผมจะไม่เอาเรื่องคุณด้วย แค่คุณปล่อยเราไป ปล่อยเราไปเถอะนะ ผมไหว้ละ "

“ แหมม ความรักช่างหอมหวาน  แต่ละคนก็ปกป้องคนที่ตัวเองรัก ฟังแล้วอยากจะอ้วก " เค้าดึงผมให้เงยหน้าขึ้นมา " มึงรักมันมากเหรอ ไอ้เด็กนั่นนะ งั้นดูไว้นะ นี่แหละคือสิ่งที่เกิดขึ้นจากการที่มึงไม่ยอมตกลงเป็นของกู นี่แหละคือผลของการตัดสินใจของมึงที่ไม่ยอมเป็นเมียน้อยกู "

“ อย่าทำอะไรฟานเลย ผมขอร้องละ อย่าทำเค้าเลยนะ อึก ฮือๆ อย่าทำ อย่าทำเค้า " น้ำตาที่ไหลออกมาอย่างหนัก ดวงตาของผมมันพร่ามัวไปหมดจนมองไม่เห็นแม้ร่างสูงตรงหน้าที่กำลังยืนอยู่นิ่งๆ ปลายกระบอกที่เปลี่ยนทิศไปยังฟาน หัวหน้าพูดเสียงนิ่งๆ

" ดูอะไรนี่น่ะ นี่แหละคือผลที่มึงปฎิเสธกู "

" อย่านะ!!”

" ปัง!” เสียงร้องของผมพร้อมกับเสียงปืนที่ดังออกไป ผมกรีดร้องออกไปเสียงดังตอนที่เห็นฟานล้มลงเพราะกระสุนปืนที่ยิงเข้าที่ขา " ไม่!!!!!! ฟาน!!!" ร่างที่ถูกมือหนารัดเอาไว้ไม่ว่าจะดิ้นเท่าไหร่หรือร้องไห้ยังไงมันก็ยังรัดแน่นอยู่แบบนั้น " ฟาน !..อึก ฟาน! "

" อยู่นิ่งๆ มึงอยากจะเห็นมันโดนยิงอีกนัดรึไง " ผมหยุดดิ้นลงทันที มองดูคนที่โดนยิงที่จับขาตัวเองไว้แล้วมองมาที่ผม เค้ายิ้มก่อนจะส่ายหน้าไปมา ราวกับจะบอกว่าตัวเค้าไม่ได้เป็นอะไร

" นิ่งซะนะคีย์ ฉันไม่ได้เป็นอะไร " คำพูดที่กำลังปลอบผม

" ฟาน... อย่าทำฟาน อึก ได้โปรดเถอะ พอเถอะนะ อย่าทำเค้าเลย หัวหน้าผมขอร้อง ปล่อยเค้าไปเถอะ อึก เค้า ไม่เกี่ยวหรอก ไม่เกี่ยวกับเรื่องของเราเลย ถ้าคุณโกรธมาลงที่ผมเถอะ อย่าทำเค้าเลย ผมขอร้อง "

" มาลงที่นายอย่างงั้นเหรอ " หัวหน้าก้มลงถามผมก่อนจะยิ้ม " เป็นครั้งแรกเลยนะที่นายพูดเชิญชวนฉันแบบนี้ "

" คีย์อย่านะ! ”

" เงียบ! ไม่งั้นกูจะเป่าหัวเมียมึงซะ กูจะฟังเมียสุดที่รักของมึงพูดให้ท่ากูสักหน่อย " เค้าตะโกนบอกฟาน " ไหนนายว่ายังไง นายจะยอมเป็นเมียฉันมั้ยละ ถ้านายยอมฉันจะปล่อยไอ้ฟานไปก็ได้นะ "

" อย่านะคีย์! อย่าไปยอมมัน “

" กูบอกว่าให้เงียบ! ปัง!” เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง ผมหันไปดูร่างสูงที่ถูกยิงเข้าที่แขน

" ฟาน!! “ ผมตะโกนออกมาก่อนจะหันมามองอีกคน " อึก อย่าทำฟาน พอแล้ว ผมยอมแล้ว ผมยอมคุณแล้วพอเถอะ อย่ายิงฟานอีกเลย ผมขอร้อง อย่าทำเค้า พอแล้ว พอเถอะนะ ผมยอมคุณแล้วก็ได้ แต่ปล่อยฟานไป "

" คีย์อย่าไปยอมมันนะ ฉันยอมตายดีกว่าที่จะต้องเห็น แล้วจะต้องได้ยินอะไรแบบนั้น อย่าลดตัวเองเพื่อคนอย่างฉัน ฉันก็เคยทำร้ายนาย มันไม่คุ้มกันหรอก อย่าเลย อย่านะ "

" แต่ฉันก็เห็นฟานตายไปต่อหน้าต่อตาฉันไม่ได้เหมือนกันนะ ฉันเห็นฟานจากฉันไปไม่ได้เหมือนกันนะ อึก ฮือๆ "  ผมก้มหน้าร้องไห้ออกมา ก่อนจะเงยขึ้นมองหัวหน้าที่ยังคงยกยิ้มอยู่ " ผมยอมคุณแล้ว คุณอยากจะให้ผมทำอะไร ผมก็ยอม แต่ได้โปรดปล่อยฟานเค้าไปเถอะครับ "

" ฉันจะมั่นใจได้ไงว่านายจะยอมฉันอย่างที่พูดจริงๆ แล้วจะไม่กลับไปหาไอ้เด็กนั่นอีก " เค้าเอียงหน้าทำท่าคิด " งั้นนายช่วยย่ำยีจิตใจไอ้เด็กนั่นต่อหน้าฉันสิ แล้วฉันจะเชื่อ " ผมเงียบด้วยสายตาหวาดกลัว " สำเร็จความใคร่ให้ฉันด้วยปาก ต่อหน้ามันแล้วฉันจะปล่อยมันไป "

" อย่านะคีย์!!! “ ฟานตะโกนขึ้นมาขาที่กำลังขยับเดินมาหาผมทั้งๆที่เจ็บไปทั้งตัวจนได้แต่ทรุด เค้าก็ยังคลานเข้ามา " ไหนมึงบอกว่า ถ้ากูให้มึงยิง มึงจะปล่อยคีย์เป็นไง กูก็ให้มึงยิงกูแล้ว ก็ปล่อยคีย์ไปสิวะ "

" อ้อ เหรอ กูพูดแบบนั้นเหรอ "   

“ ไอ้เหี้ย! มึงนี่มัน " เค้ายกยิ้มขึ้นมาตอนที่ฟานสถบ ก่อนจะดึงผมให้นั่งลงตรงหน้า

" แต่เรื่องที่ฉันพูดกับนาย ฉันพูดจริงนะคีย์ เร็วสิ ไม่งั้นฉันจะยิงฟานอีกนัดนะ " ผมหันมองฟานที่กำลังส่ายหน้าไปมา

“ ให้มันฆ่าฉันเถอะ " เค้าพูด " ให้ตายดีกว่าต้องทนเห็นนายตกอยู่ในสภาพแบบนั้น เพราะถ้านายทำ นายก็เหมือนฆ่าฉันไปแล้ว อย่ารักษาชีวิตฉันเลยนะ ให้ฉันตายไปจากโลกนี้โดยการที่เห็นนายยังรักฉันอยู่แบบนี้มันยังดีกว่า อย่าเลยนะ ได้โปรดอย่าทำกับฉันถึงขนาดนั้นเลย " ผมนิ่งฟังที่เค้าพูด มันก็จริงอย่างที่เค้าพูดเราจะมีชีวิตอยู่ไปทำไมถ้าต้องทำเรื่องแบบนั้น การกระทำที่เหมือนตายไปแล้วทั้งเป็นแบบนั้น เราจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม " อย่าคีย์ อย่าลดตัวเอง ปล่อยให้มันฆ่าฉัน "

“ เชี้ย มึงนี่มันพูดมากชะมัด " หัวหน้าสลบออกมาด้วยความหัวเสียตอนที่เห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของผม เค้าคว้ามือของผมไว้ก่อนจะย่อตัวลงมาตรงหน้าแล้วดึงร่างของผมให้นอนลงด้วยความรวดเร็ว ปืนที่จ่ออยู่ที่หัวด้วยมืออีกข้าง ส่วนอีกข้างก็คว้ามือของผมทั้งสองข้างไว้เหนือหัว " พอ! มึงไม่ต้องทำอะไรแล้วคีย์ เพราะกูนี่แหละจะปล้ำมึงต่อหน้าผัวมึงเอง "
 
" ไม่นะ!! " ผมตะโกนออกไปก่อนดิ้นให้หลุดออกจากการจับกุมที่ไม่แน่นหนาเหมือนทีแรก ขยับตัวเองหนีออกมามือเดียวที่มีแรงไม่มากพอจะมัดผมให้นอนไว้ได้ ผมที่ดิ้นรนเอาชีวิตรอดจนแทบจะขาดสติ ขยับตัวเองถอยหลังหนี รู้แค่อย่างเดียวว่าจะไม่ยอมให้มันทำอะไรทั้งนั้น ปลายด้ามปืนตบลงอย่างแรงบนหน้าผมจากอีกคนเพราะอยากจะหยุดลง แต่ผมก็ไม่หยุด

" หยุด ! กูบอกให้หยุด "

" กูจะไม่หยุด! ต่อให้วินาทีเดียวต่อจากนี้ กูก็จะไม่หยุด จะไม่หยุด จะไม่ยอมเป็นของมึง กูจะไม่มีวันทำให้ฟานต้องเสียใจอีก เพราะงั้นต่อให้กูต้องตายกูก็จะไม่หยุดจำไว้!! เพี๊ยะ! “ ด้ามปืนตบเข้าที่หน้าผมอีกครั้งแต่ผมก็ยังไม่หยุดที่จะดิ้นหนี เค้าคว้ามือผมอีกครั้ง ผมก็สะบัดจนหลุด ผลักเค้าให้ออกห่างก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้ว เตะเข้าไปเต็มแรงที่หน้า ปืนไถลออกไปฟานจะตะโกนขึ้นมา

" คีย์วิ่ง! หนีไป รีบวิ่งไปคีย์ หนีไป!! “

" มึง " เสียงหัวหน้าพูดกัดฟัน  ผมหันมองฟานที่กำลังคลานเข้ามาเพื่อบอกให้ผมหนีไป ผมวิ่งเข้าไปช่วยเค้า

" ไป วิิ่งไปซะ หนีไป ไม่ต้องช่วยฉัน หนีไป หนีไปซะ "

" แต่ฟาน “

" หนีไป เร็วเข้าสิ ฉันเอาตัวรอดได้ นายไปสิ ไปซะ!! " ร่างที่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้นผมตัดสินใจวิ่งเข้าไปหาคนที่บอกว่าให้ผมหนี ดึงเค้าที่บาดเจ็บให้ลุกขึ้นมา " มันเสียเวลาคีย์ ไปซะ! " เค้าผลักผม

" ไม่ ถ้าไม่มีนายฉันก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น จะให้ฉันทิ้งนายไว้ที่นี่ได้ยังไงกัน เราต้องไปด้วยกันสิ " ผมจะไม่เอาตัวรอดคนเดียวเด็ดขาด จะไม่นึกจินตนาการว่าเค้าจะเป็นยังไงต่อจากนี้ ถ้าจะตายก็ตายด้วยกัน ถ้าจะรอดก็ต้องรอดด้วยกัน

" พวกมึงไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น นั่นแหละ! " เสียงทุ้มที่ดังขึ้นหันไปอีกทีผมเห็นปลายกระบอกปืนที่ยื่นตรงมาทางเรา แล้วเสียงดังปัง! ก็ดังขึ้นในวินาทีถัดมานั้น

   ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนแทบจะตั้งตัวไม่ทัน เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน นอกจากเสียงปืนคือเสียงของฟานที่ลุกขึ้นจากพื้นแล้วมากอดผมไว้ด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่เค้ามี เค้าที่หันหลังของเค้าบังมาร่างของผมเอาไว้

" คีย์ ระวัง! " เค้าพูดแบบนั้นตอนที่กอดผมไว้แน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก แต่ก็ค่อยๆคลายมันออกมาตอนที่ผมเงยหน้าขึ้นมองเค้า เค้าก็ทำได้แค่ยิ้ม ก่อนร่างที่กอดผมนั้นจะค่อยๆทรุดล้มลงตรงหน้า

" ฟาน!!! " แววตาที่เบิกกว้างของผมกับเลือดจำนวนมากที่ไหลออกมาจากร่างกายของเค้า เสียงหวีดร้องที่ดังออกมาจากสติในตอนนั้น ผมทรุดลงนั่งแล้วคว้าร่างของเค้ามากอดไว้ ร่างที่เอาตัวเองมาบังผมไว้จากกระสุนปืนที่หมายจะยิงผม  " ไม่จริง ฟาน อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะฟาน ไม่นะ ไม่ๆ ฟาน ไม่นะ ไม่นะ ไม่ "

" หนีไป คีย์ " เค้าพูดออกมาเสียงเบาๆ " หนีไปซะ หนีไป "

" ไม่ เราต้องไปด้วยกันสิ เราต้องไปด้วยกันนะ ฉันจะพานายไปหาหมอ เราจะไปโรงพยาบาล ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร " ผมกอดเค้าไว้ในตอนนั้นไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น แม้แต่เสียงฝีเท้ามากมายที่วิ่งขึ้นมาจากที่ไกลๆ ก่อนประตูชั้นดาดฟ้าจะเปิดออกกว้างพร้อมกับเสียงของคนที่ไม่คุ้นจะตะโกนขึ้นมา

" หยุด! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจวางอาวุธปืนลงซะ!  "  เสียงอาวุธปืนที่ถูกโยนลงบนพื้น

" ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ยิงพวกมันนะ เป็นแค่ป้องกันตัว ไปจับพวกมันสิ พวกมันจะฆ่าฉัน " เสียงหัวหน้าระล่ำพูดดังขึ้นมาผมหันมองเค้าที่กำลังอะลาวาดที่ตัวเองกำลังโดนจับกุม เท้าที่เตะต่อยและดิ้นหนี เสียงที่หันมาด่าทอพวกเรา " เพราะพวกนาย เพราะพวกนายทำให้ชีวิตฉันต้องเป็นแบบนี้ " ผมกอดฟานที่บรือตามองผมไว้ในตอนนั้น เค้าที่ยิ้มออกมา 

" มีคนมาช่วยแล้ว ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องกลัว "

" ฟาน ไม่นะ นายต้องไม่เป็นไรอะไรนะ ฉันจะพานายไปหาหมอ นายจะต้องปลอดภัย เราจะไปเที่ยวด้วยกันไง เรากำลังจะได้ไปเที่ยวด้วยกันนะ นายรอฉันอยู่ตรงนี้ ฉันจะไปบอกคุณตำรวจ "

" คีย์.. "

" มีคนบาดเจ็บครับ ช่วยด้วย ช่วยเค้าด้วย ได้โปรดช่วยเค้าที ฟานโดนยิง ช่วยเค้าด้วย ช่วยเค้าครับคุณตำรวจ  "  เสียงตะโกนของผมพูดออกมาไม่ขาดสาย ผมพูดจาวนไปมาเหมือนกำลังจะขาดใจและไม่ได้สติอยู่ตรงนั้น

" มีคนบาดเจ็บ! รีบนำส่งเร็วเข้า!! " เสียงของตำรวจที่ตะโกนออกไป หน่วยกู้ภัยเคลื่อนที่ก็รีบวิ่งขึ้นมานำร่างของฟานขึ้นไปบนเตียงสีส้ม เค้าที่มองหน้าผมเหมือนจะพูดอะไร มือหนาที่คว้ามือผมไว้ฟานยิ้ม

" คีย์ "

" หื้ม ? อะไร เจ็บเหรอ ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็จะหาย เดี๋ยวจะหายนะ เค้าจะฟานไปหาหมอนะ " ผมลูบหัวเค้าตอนที่ก้มหน้าลงไปกอดอีกคนก็พูด

" ฉันรักนายนะ " เค้าบอกแบบนั้น น้ำตาก็ไหลออกมา " ฉันขอโทษนะที่ทำร้ายนาย " ผมส่ายหน้าไปมา

" ไม่ต้องพูด ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันให้อภัยนายแล้ว นายจะไม่เป็นไรนะ " ผมจับมือเค้าไว้ " เดี๋ยวนายก็จะหาย เราจะได้ไปเที่ยวกัน เราจะได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิมไงนะ เค้าจะพานายไปหาหมอ ไปรักษา ไม่เป็นไรนะฟาน ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร "

" คีย์.. ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆทั้งๆที่วันนั้นฉันควรจะปกป้องนายเหมือนอย่างวันนี้แท้ๆ  แต่ฉันกลับทำร้ายนาย  ฉัน. " เสียงของค้าที่หยุดไป ผมคว้ามือเค้าไว้ก่อนจะเขย่า

“ ฟาน ไม่นะ ฟาน ไม่ๆ ทำเงียบไปละ ตื่นสิ ฟื้นขึ้นมา ฉันให้อภัยนาย ไม่เป็นไร ฉันไม่โกรธ ฟานฟื้นสิ ฉันไม่โกรธนายหรอกนะ แต่นายต้องอยู่กับฉันสิ ถ้านายไม่อยู่ ฉันจะอยู่กับใคร ไหนบอกว่าจะดูแลฉันไง พูดไว้แล้วไง ฟาน! หมอ ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย "

“ ผู้บาดเจ็บหัวใจเต้นอ่อนมาก รีบเคลื่อนย้าย " เสียงของหน่วยกู้ภัยบอกก่อนที่เค้าจะเคลื่อนย้ายแปลสีส้มที่มีร่างของอีกคนออกไป
 
“ ฟาน ฟาน!  ฟานอย่าเป็นอะไรนะ "

“ คีย์ ใจเย็นๆ นะ นายเป็นยังไงบ้าง เป็นอะไรมั้ย "  เสียงที่วิ่งเข้ามาทักผมพร้อมอ้อมกอดที่เข้ามากอดผมไว้ ลิปลูบหลังผมปลอบๆ " ไม่เป็นไรนะคีย์ ใจเย็นๆ ฟานจะปลอดภัย แต่นายอย่าเพิ่งเข้าไปกวนเจ้าหน้าที่เลยนะ "

“ ลิป ฟานเค้า ฟาน.. " เสียงที่พูดไม่เป็นคำเพราะน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างหนัก แต่ลิปก็พยักหน้าเข้าใจ 

“ ไม่เป็นไร เค้าจะปลอดภัยแน่ๆ ไม่เป็นไรนะ คีย์ "

“ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันฉันไม่ได้เป็นคนทำ คีย์มันบีบบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้  แล้วที่ฉันต้องยิงไอเด็กนั่นจะตายนั่นก็เพราะว่าคีย์มันบีบบังคับให้ฉันทำ  แล้วที่ฉันต้องมาเป็นแบบนี้นั่นมันก็เพราะคีย์อีกนั่นแหละ นายบีบบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้ " เสียงคำอธิบายของหัวหน้าดังขึ้นมาเค้าที่ตอนนี้ถูกจับกุมอยู่พยายามพูดกับตำรวจแล้วดึงตัวเองให้หลุดออกจากการจับกุม ผมหันไปมองเค้าอีกครั้งมองคนที่กำลังพูดไม่หยุดปาก คำพูดที่กำลังกล่าวโทษแค่ผมกับฟานกล่าวว่า เราผิด กล่าวว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเรา  ผมเดินเข้าไปใกล้เค้าอีกคนก็เงียบ

   มือที่กำแน่นของผมแม้จะเอื้อมไปต่อยเค้าสักหมัด หรือตบแรงๆ ก็ยังรู้สึกรังเกียจที่ต้องทำให้มือตัวเองไปสัมผัสกับผิวกายของคนชั่วช้าแบบนั้น ผมมองเค้าด้วยสายตาสั่นๆ แววตาแดงที่น้ำตามันไหลไม่หยุด ทั้งโกรธ ทั้งแค้นแล้วอยากจะฆ่าให้ตายคามือตรงนี้

“ หยุด! โทษคนอื่นเถอะ ไม่ใช่คนอื่นหรอกที่ทำให้มึงต้องเป็นแบบนี้แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะตัวมึงเองนั่นแหละ มึงกล่าวโทษทุกคนยกเว้นตัวมึงเอง แต่ตัวมึงเองนั่นแหละ ที่มึงควรกล่าวโทษที่สุด ที่มึงต้องมาเป็นแบบนี้ มันก็เพราะความไม่เคยพอ ความอยากมีอยากได้ ความเจ้าคิดเจ้าแค้น ทั้งๆที่เรื่องที่เกิดขึ้นมันก็เกิดจากตัวมึงทั้งนั้น ,มึงอยู่ในจุดที่สุงสุดก็เพราะตัวมึง แล้วที่มึงตกต่ำอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็เป็นเพราะมึงที่มักมากเอง  ไม่มีใครหน้าไหนมันทำมึงทั้งนั้น  มึงมันทำตัวเอง! “ ผมผ่อนหายใจออกมาตอนที่จ้องหน้าคนคนนั้นที่ก็จ้องมองผม " ถ้ามีใครสักคนที่มึงควรโทษ มึงควรโทษตัวเองที่สุด แล้วจำไว้นะ! ถ้าคนที่กูรักต้องเป็นอะไรไป กูจะจองล้างจองเวร ให้มึงต้องชดใช้บาปกรรมทั้งชีวิต!!  “

...................................................................

หลังจากอ่านคอมเม้นท์ ทุกคนคิดว่า ตอนนี้คือ ตอนจบ
ซึ่งมัน.. ไม่ใช่ ยังไม่จบบบ จบวันอาทิตย์นี้ค่าาาาาา ใจเย็นๆเนอะ
มีคนบอกว่า จบยังไง ลุ้น จะแฮปปี้มั้ย จะดูเบียดๆ อึดอัดมั้ย
เท่าที่แต่งจบแล้ว หนมคิดว่าไม่นะคะ เป็นการสรุปที่พอดี และ เข้าใจ
เพราะงั้นต้องมาอ่านตอนจบวันอาทิตย์นี้นะคะ  =3= =3=
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า เจอกันตอนจบเด้ออออ  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 69 ' ช่วงเวลาที่เลวร้าย ' UP - 27.1.60} หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: ฟุยุโกะ ที่ 27-01-2017 20:51:50
ฟานจะเป็นอะไรมากไหม เมื่อไหร่คีย์จะหมดเคราะห์หมดโศกซะทีเนี่ย :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 69 ' ช่วงเวลาที่เลวร้าย ' UP - 27.1.60} หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 27-01-2017 21:02:43
ตำรวจมาตอนจบตามสูตรเป๊ะๆ...
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 69 ' ช่วงเวลาที่เลวร้าย ' UP - 27.1.60} หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 27-01-2017 21:19:47
ขอให้ฟานไปดี :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 69 ' ช่วงเวลาที่เลวร้าย ' UP - 27.1.60} หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-01-2017 22:10:02
หวังว่าฟานจะทรหดพอ รอดชีวิตมาได้นะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 69 ' ช่วงเวลาที่เลวร้าย ' UP - 27.1.60} หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 27-01-2017 22:25:00
เราคิดถึงตอนแรกๆ ของเรื่องนี้ ทุกคนกลายเป็นคนละคนไปหมดณ.จุดนี้ ไม่น่าเชื่อเลยนะ คีย์จากหนุ่มออฟฟิศธรรมดามีคนที่แอบปลื้ม เหมือนๆ คนในสังคมทั่วไป หัวหน้าจากคนที่ดูอบอุ่น เป็นผู้ใหญ่พึ่งพาได้ แลดูไอดอลเหมาะแก่การแอบปลื้ม ถ้ามันมีแค่นี้มันคงเป็นเรื่องรักที่feelgoodจริงไหม?

แต่เพราะมันไม่ใช่ไง คีย์คงไม่นึกว่าหัวหน้าที่ตัวเองหลงไหลมานานสองนานจะชั่วช้าถึงขนาดนี้ ไม่คิดว่าคนที่ตัวเองรู้สึกดีถึงขนาดจะนอกใจแฟนมาเล่นด้วยจะกลายเป็นความรู้สึกเกลียดชังถึงขนาดสาปส่งไม่ให้ได้ผุดได้เกิดแบบนี้...

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ใจคนยากแท้หยั่งถึงและก็ไอ้คนที่ขึ้นชื่อว่าคนนี่แหละ น่ากลัวที่สุดจริงๆ ขอบคุณคับ

ปอลิง. คุณหนมคับ เรามาถึงจุดๆ นี้ กันได้อย่างไร 5555
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 69 ' ช่วงเวลาที่เลวร้าย ' UP - 27.1.60} หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 28-01-2017 00:00:56
รอค้าบบบ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 69 ' ช่วงเวลาที่เลวร้าย ' UP - 27.1.60} หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 28-01-2017 00:31:25
 :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 69 ' ช่วงเวลาที่เลวร้าย ' UP - 27.1.60} หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 28-01-2017 00:40:08
แม้แต่ในนิยายย ตำรวจไทยยังมาช้าเสมอเลย ชิส์

ฟานไม่เปนอะไรเน้ออออ
ต้องไปญี่ปุ่นด้วยกันเน้ออออ

แต่หัวหน้าโดนแบบนี้ไม่สะใจเลย น่าจะต้องหนักกว่านี้อะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 69 ' ช่วงเวลาที่เลวร้าย ' UP - 27.1.60} หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 28-01-2017 00:45:57
คีย์จ๋า สู้ๆนะ
ฟาน อย่างเป็นอะไรนะ ฮอกไกโด รออยู่ไง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 69 ' ช่วงเวลาที่เลวร้าย ' UP - 27.1.60} หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 28-01-2017 02:57:55
 มันน่าจะมีฉากปืนลั่นใส่พวงกระเจี๊ยวหัวหน้าเนาะ มันจะได้ไปทำชั่วกับใครไม่ได้อีก :m16:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 69 ' ช่วงเวลาที่เลวร้าย ' UP - 27.1.60} หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 28-01-2017 10:04:09
อย่าตายนะฟานนนน ทริปญี่ปุ่นรออยู่วววววววว :katai1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 69 ' ช่วงเวลาที่เลวร้าย ' UP - 27.1.60} หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 28-01-2017 11:27:38
ทำใจตั้งแต่อ่านชื่อตอน แต่พอมาอ่านก็ยังหน่วงใจยุ่ดี อะไรมันจะเลวร้ายไปหมดขนาดนี้
ฟานจะเป็นไรมั้ย อ่านแล้วเครียดเลย
แถมต้องมาลุ้นอีกว่ามันจะจบแบบไหน โอ้ย ปวดใจ  :ling3:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 69 ' ช่วงเวลาที่เลวร้าย ' UP - 27.1.60} หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 28-01-2017 12:26:16
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 69 ' ช่วงเวลาที่เลวร้าย ' UP - 27.1.60} หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-01-2017 19:19:25
โอ๊ยยยย บีบหัวใจค่ะ เมื่อไหร่จะมีความสุขกันจริงๆสักที

ฟานคีย์ก็พยายามปรับตัวปรับใจกันแล้ว

ปากคนเรา พาจนจริงๆค่ะ มันประจวบเหมาะไปหมด

แล้วคนไม่ดีแล้วยังไม่สำนึกอีก ก็ไม่แปลกเลยที่จะกล้าทำร้ายคนอื่นอีก แถมมีปัญหาทางจิตอีก เป็นหนัก
คิดการใหญ่มากค่ะ กะจะให้ตายกันไปเลยหรอ

ฟานต้องปลอดภัยนะ คีย์รออยู่

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 69 ' ช่วงเวลาที่เลวร้าย ' UP - 27.1.60} หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: madxsound ที่ 29-01-2017 12:00:59
เป็นตอนที่อ่านไปพูดไปว่า "ฟานอย่าเป็นไรเลยนะ" แล้วแบบร้องไห้ออกมา ฟานจะเป็นไรมั้ยอ่ะ ไม่นะอย่าจากคีย์ไปอย่างงี้นะ TT
 :sad4:
หัวข้อ: Re:ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนที่ 70 'ความรักที่เข้ากันได้ดี'UP - 29.1.60}หน้า 41 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 29-01-2017 20:39:16
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 70
' ความรักที่เข้ากันได้ดี '

   โรงพยาบาลเอกชนใกล้ที่ทำงาน ฟานถูกนำส่งมาก่อนหน้านี้ด้วยรถของโรงพยาบาลจากจุดเกิดเหตุ ส่วนผมคุณเมษเป็นคนขับรถพาผมมาส่งที่นี่พร้อมกับลิปที่นั่งลูบหลังปลอบกันมาตลอดทาง

   ขาของผมวิ่งตรงไปที่ห้องฉุกเฉินทันทีตอนที่มาถึง ไฟหน้าห้องที่บอกว่าเจ้าหน้าที่กำลังปฎิบัติงานอยู่นั้นสว่างจ้า ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นน้ำตาที่ไหลออกมา สองมือของผมมันบีบเข้าหากันแน่น ความรู้สึกในอกนี้ผมได้แต่ภาวนาขอให้ทุกอย่างปลอดภัย ขอให้เค้าปลอดภัย ขอให้ทุกอย่างมันผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ขอให้เค้ามีชีวิตอยู่ต่อไป อยู่กับผม อยู่ใกล้ๆผม

“ คีย์ ฟานถึงมือของหมอแล้ว เค้าต้องปลอดภัยแน่ๆ มานั่งเถอะ " ลิปเดินเข้ามาใกล้ผม เค้าที่ดึงตัวผมให้มานั่งที่เก้าอี้หน้าห้องผ่าตัดนั้น มือที่ลูบให้กำลังใจกันไม่มีสักวินาทีเลยที่ผมจะหยุดร้องไห้

   น้ำตาที่ไหลออกมานั้น ผมคิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาทั้งหมด เค้าที่ไล่บอกว่าให้ผมไป ให้หนีไปโดยไม่คิดถึงชีวิตของตัวเอง เสียงพูดที่ยังคงคิดถึงความผิดของตัวเองที่เคยทำไว้กับผม ความดีมันทดแทนสิ่งแย่ๆที่ทำไว้ไม่ได้นั่นก็จริงอยู่ แต่ที่แน่ๆเค้าเองก็พยายามที่จะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น พยายามปกป้องผมเอาไว้เพราะเค้าคงคิดมาตลอดมาว่า ครั้งนั้นที่เคยทำร้าย ครั้งนี้ก็จะขอปกป้องเอาไว้ให้สุดความสามารถที่สุด " คีย์หยุดร้องได้แล้ว พอแล้วนะ เลิกร้องไห้เถอะ " มือที่เอื้อมมาเช็ดน้ำตาให้ผมลิปถอนหายใจออกมา

“ ถ้าฉันพูดว่าฉันรักเค้า มันจะเป็นอะไรมั้ยลิป คนที่ครั้งนึงเคยทำร้ายฉันให้ต้องทรมาน ถ้าฉันบอกว่า ฉันรักผู้ชายที่ทำร้ายฉันคนนั้น จะได้รึเปล่าลิป ฉันจะดูโง่มั้ยที่บอกว่ารักเค้า แล้วไม่อยากจะให้เค้าจากฉันไปไหน ฉันที่ขอร้องให้เค้าอยู่ แล้วยกโทษให้เค้าทั้งหมด ฉันดูโง่มากรึเปล่าที่ยังรักเค้า "

“ คีย์ "

“ แต่ฉันรักเค้านะ แม้ว่าจะเป็นยังไง ฉันก็ยังรักเค้านะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นฉันอยากจะให้อภัยเค้าทั้งหมด อยากให้เราเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน ฉันจะไม่นอกใจเค้าอีก เค้าจะไม่ทำร้ายฉันอีก จะไม่มีเรื่องราวพวกนั้นเกิดขึ้นอีก เรากำลังจะเริ่มต้นใหม่ เค้าจะปลอดภัยใช่มั้ย อึก ฮือๆ เค้าจะปลอดภัยแล้วกลับมาเริ่มต้นใหม่กับฉันใช่มั้ย ใช่มั้ยลิป อึก ฮือๆ  "

“ ใช่ เค้าจะปลอดภัย ต้องปลอดภัยแน่ๆ ฟานจะต้องกลับมาดูแลนาย เพราะนายคือคนที่เค้ารักเหมือนกัน เค้าจะทิ้งนายไปได้ยังไงจริงมั้ย " เสียงลิปที่ปลอบผม ไม่ได้ช่วยให้น้ำตาทั้งหมดที่ยังคงไหลออกมามันหยุดไป มือที่เอื้อมขึ้นมาลูบหัวเบาๆนั้น " คีย์ นายไม่ได้ดูโง่หรอกที่รักคนคนนั้น ไม่ต้องสนใจคำพูดของคนอื่น ไม่ต้องสนสายตาของใครๆ ในสายตาคนอื่นเค้าอาจจะดูแย่ เลว แต่สำหรับนาย  นายไม่ได้มองเห็นเค้าแค่ด้านนั้น นายยังเห็นด้านดีๆของเค้า นายรู้ว่าเค้าเป็นยังไงมากกว่าคนอื่นๆ อย่าฟังคำของคนอื่นที่เพราะเค้าไม่ได้เห็นทุกด้านเหมือนนาย ไม่ได้มีความทรงจำมากมายเหมือนนายและไม่ได้เป็นนาย " เค้าถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดต่อ

" ถ้านายจะดูโง่เรื่องไหนสักเรื่องแล้วละก็ ฉันว่านายคงดูโง่มาก ที่ทั้งๆที่นายรักเค้าแต่กลับบอกว่าไม่รักแล้วเลิกกับเค้าไปเพราะคำพูดของคนอื่นๆที่บอกว่า อย่ารัก  อย่ารักคนคนนี้ตังหาก " หันหน้ามองลิปที่ยิ้มให้ผม " นายรู้จักฟานดีที่สุด นายเห็นเค้าในตอนที่ดีที่สุดและแย่ที่สุดนายเผชิญทุกอย่างมันมากับเค้าทั้งหมด จะเดินต่อ หรือ หยุด มันคือชีวิตของนาย อย่าฟังเสียงคนอื่น ฟังเสียงหัวใจตัวเอง ไม่ต้องถามว่า จะพูดว่ารักเค้าได้รึเปล่า จะดูโง่มั้ยถ้านายรักเค้า  ไม่ต้องถาม รักคือรัก นี่คือหัวใจของนาย "

   ผมมองออกไปที่ห้องฉุกเฉิน ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ก่อนจะลุกขึ้นทันทีตอนที่คุณหมอเดินออกมาจากห้องนั้น  ผมเอ่ยถามอาการของอีกฝ่ายด้วยใจร้อนรน " คุณหมอ ฟานเป็นยังไงบ้างครับ เค้าเป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยแล้วใช่มั้ย "

“ ตอนนี้ผู้บาดเจ็บปลอดภัยแล้วครับ บาดแผลทั้งสามแห่งที่แขนและขาโดนยิงไม่สาหัสนักกระสุนแค่ถากผ่านไป ส่วนที่ท้องเป็นแผลลึกแต่ไม่โดนส่วนอันตรายตอนนี้นำกระสุนออกมาเรียบร้อยแล้วครับ " ผมผ่อนลมหายใจออกมาแทบจะทรุดลงนั่งบนพื้น " อีกสักครู่เราจะทำการย้ายผู้ป่วยไปห้องพักพิเศษครับ "

“ ขอบคุณมากครับหมอ ขอบคุณมากครับ " ผมก้มหน้าลงขอบคุณเค้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลิปที่เดินมาใกล้กอดไหล่ที่กำลังสั่นไว้ก่อนที่ผมก็ดึงตัวเค้าเข้ามากอดเค้า " ลิป ฟานปลอดภัยแล้ว เค้าปลอดภัยแล้วลิป เค้าปลอดภัยแล้ว "

“ โล่งอกไปทีนะคีย์ เฮ้ออ หมดทุกข์หมดโศกกับเค้าสักที "  มือที่ตบหลังผมก่อนจะผละออกตอนที่นางพยาบาลเดินเข้ามาใกล้ เธอยิ้มแห้งๆเพราะเหมือนต้องเข้ามาขัดจังหวะของเราที่กำลังปลอบใจกันอยู่

“ ขอโทษนะคะ ดิฉันขอแจ้งให้ทราบว่าตอนนี้ห้องของผู้ป่วยได้ถูกจัดไว้เรียบร้อยแล้ว ญาติผู้ป่วยสามารถเข้าไปพักผ่อนที่นั่นก่อนได้เลยนะคะ "

“ แล้วเมื่อไหร่ ฟาน.. คือ เมื่อไหร่ผู้ป่วยจะได้ออกมาจากห้องฉุกเฉินเหรอครับ "

“ คุณหมอจะขอรอดูอาการอีกสักครู่นะคะ ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไร อีกสักพักก็คงจะย้ายออกไปได้ค่ะ " ผมพยักหน้ารับ  ก่อนจะเดินตามพยาบาลไปที่ห้องพักเดี่ยวของอีกคนที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้

“ คีย์ นายจะกินอะไรหน่อยรึเปล่า ฉันจะไปซื้อมาให้ "

“ ไม่เป็นไร ฉันไม่ค่อยหิวน่ะ " ผมบอกก่อนจะหันไปยิ้มจางๆให้คุณเมษ " ขอบคุณคุณเมษมากเลยครับที่ขับรถมาส่งผมที่นี่ "

“ ไม่เป็นไรครับ " อีกคนว่าก่อนจะยิ้ม " แต่หมอนี่ตอนที่รู้ว่าคุณโดนจับตัวไปก็ระส่ำโทรแจ้งหาคนนู้นคนนี้เต็มไปหมด จนตำรวจแทบจะมากันทุกส.น.”

“ นายเป็นคนแจ้งตำรวจเหรอลิป " ผมถามอีกคนที่ก็ถอนหายใจก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ฉันห่วงนายมากเลยรู้มั้ยคีย์ " อีกคนบอกก่อนจะคว้ามือผมไปจับไว้ " ฉันหันมาเห็นน่ะ ตอนที่หัวหน้าจับนายแล้วก็บังคับขึ้นไปข้างบนตึกพร้อมฟาน ตอนนัั้นฉันหันกลับมามองพอดี แล้วก็เกิดสงสัยว่าทำไมนายกับฟานถึงเข้าไปในบริษัทพร้อมกันอีก จะบอกว่าลืมของก็คงจะไม่ใช่ ถ้ามีมีธุระอะไรเค้าก็ไม่ให้คนนอกขึ้นไปอยู่แล้ว ฉันก็เลยลองเดินเข้ามาดูใกล้ๆช่วงที่พวกนายรอลิฟต์อยู่ ฉันก็เห็นหน้าหัวหน้า ตอนนั้นจำได้ว่าตกใจมาก ฉันก็เลยวิ่งไปแจ้งยาม แต่ท่าทางเค้าเหมือนไม่เชื่อฉัน  เค้าบอกว่าเค้าเฝ้าอยู่ตลอดถ้าหัวหน้าเข้าไปเค้าต้องเห็นทั้งๆที่ตอนนั้นเค้ายืนหันหลังให้ประตูแล้วกำลังคุยกับเพื่อนด้วยซ้ำ  พอเห็นเป็นแบบนั้นฉันก็โทรแจ้งตำรวจแต่ก็ช้ามากกว่าเดินทางมาถึง พอตำรวจมาเค้าก็เลยตรวจสอบกล้องวงจรปิดในลิฟต์แล้วก็เห็น หัวหน้ากำลังขู่นายด้วยปืน " ลิปก้มหน้าลงก่อนจะถอนหายใจออกมา " ตอนนั้นน่ะ  ฉันได้ยินเสียงปืน มันดังใกล้กันมาก สองนัด ฉันคิดว่าเป็นนาย ฉันได้แต่ภาวนาว่าไม่ใช่ ขอให้ไม่มีใครบาดเจ็บ ฉันกลัวคีย์ ฉันกลัวนายเป็นอะไรไป "

“ ลิป ขอบใจนะ แต่ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอก " ผมก้มหน้าลงตอนที่คิดถึงช่วงเวลานั้น " ฟานไม่ยอมให้ฉันเป็นอะไรไปหรอก เค้ายอมให้หัวหน้ายิงตัวเองเพื่อที่จะให้เค้าปล่อยฉันไปน่ะ "

“ แบบนี้ต้องจัดการให้หนักนะอย่ายอมความ " คุณเมษบอก " เค้าคงโดนข้อหาพยายามฆ่าอยู่แล้วละ เพราะมันเป็นการกระทำที่ถูกไตร่ตรองมาก่อน " ผมถอนหายใจออกมามือที่จับมือของผมอย่างลิปก็พยักหน้ารับ

“ ตำรวจคงกำลังสอบสวนเค้าอยู่ แล้วอีกไม่นานคงมาสอบสวนนาย แล้วก็หาหลักฐานมัดตัวคนผิดอย่างเค้า เข้าคุกไป ฉันเชื่อว่าจุดจบของคนอย่างเค้าคงไม่ได้ตายดีหรอก "

“ อื้ม " ผมพยักหน้ารับอีกคนก่อนที่ประตูห้องจะถูกเคาะสองสามครั้ง

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามาหาผมหลังจากที่ลิปเพิ่งพูดถึงได้ไม่นาน ท่าทางเคร่งเครียดนั้นผมทำได้แค่สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด การสอบสวนเกิดขึ้นในห้องนั้น ผมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดและทุกอย่าง ทั้งเรื่องที่เคยถูกข่มขู่ และ ทำร้ายร่างกาย แสดงหลักฐานเท่าที่ผมมีนั่นคือข้อความที่หัวหน้าเคยส่งมาข่มขู่ผม คุณตำรวจที่ฟังความจดบันทึกเหตุการณ์ทุกอย่างไว้

   ขั้นตอนต่อไปของเค้าก็คงเป็นการการหาหลักฐานในที่เกิดเหตุ กล้องวงจรปิด และส่งฟ้องศาลก่อนที่จะยื่นเรื่องดำเนินคดี ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการต่อไป

“ ทางเราจะดำเนินเรื่องให้เร็วที่สุดครับ "

“ แล้วในระหว่างนี้เค้าจะได้ประกันตัวออกมามั้ยครับ "

“ เรื่องนั้นศาลจะเป็นฝ่ายพิจารณาครับแต่ในระหว่างที่รอคำสั่งศาลก็คงต้องถูกคุมขังไว้ก่อน ยังไงทางเราจะติดต่อมานะครับ ถ้าหากว่ามีความคืบหน้า หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมอะไร "

“ ขอบคุณมากครับ " ผมก้มหน้าลงขอบคุณพวกเค้าที่ก็ก้มหน้ารับก่อนจะเดินออกจากห้องไป ถอนหายใจออกมาเบาๆ ลิปก็พูดขึ้น

“ โล่งใจไปทีนะ ยังไงตอนนี้เค้าก็ถูกคุมขังอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ " ผมพยักหน้ารับ " นายอยากจะกินอะไรหน่อยมั้ยคีย์ ฉันจะลงไปซื้อมาให้กับคุณเมษ "

“ ไม่ละ นายไปเถอะ ฉันว่านายกลับไปพักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้ยังจะต้องไปทำงานอีกนะ " ผมบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา " ฉันก็ไม่มีวันลาเหลือแล้วเหมือนกัน พรุ่งนี้ก็คงต้องไปทำงาน "

“ ฉันว่านายไม่ต้องไปหรอก อีกสักพักหัวหน้ากับฝ่ายบุคคลคงเดินทางมาเยี่ยมนายอยู่แล้ว เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เค้าให้นายไปทำงานมันก็คงจะเกินไปหน่อยมั้ง ลูกจ้างเพิ่งพ้นจากเหตุการณ์ที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดมานะจะให้ไปทำงานได้ไง " ผมหันไปยิ้มให้อีกคนลิปก็ตบไหล่เบาๆ " ยังไงเดี๋ยวฉันลงไปหาอะไรให้นายกินหน่อยดีกว่า ตอนนี้ไม่หิวเผื่อดึกๆ นายหิวขึ้นมา "  เค้าเดินออกไปพร้อมกับคุณเเมษ ผมก็นั่งนิ่งอยู่แบบนั้น จนกระทั่งเตียงของผู้ป่วยถูกเครื่องย้ายเข้ามา

   ผมลุกขึ้นยืนทันทีตอนที่ร่างนั้นถูกย้ายจากเตียงนึงมาอีกเตียงนึง ถุงน้ำเกลือถูกแขวนไว้ในที่ของมัน ฟานมีใบหน้าซีดที่ต่างไปจากเดิม เครื่องช่วยหายใจถูกติดไว้ ผมเดินเข้ามาใกล้เค้าในตอนที่พยาบาลกำลังจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยเธอยิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกไป

   นั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงนั้นอีกครั้งเอื้อมมือจับมือข้างที่ว่างขึ้นมาแนบแก้มน้ำตาที่ไหลเอ่อออกมา ภาพตรงหน้ามันบีบรัดหัวใจของผมแน่นจนแทบจะหายไม่ออก ภาพที่เค้าต้องนอนนิ่งด้วยสีหน้าซีดเซียว ทั้งๆเมื่อเช้าเรายังมีความสุขกับอาหารเช้าที่ทำกันแบบง่ายๆ เราที่หัวเราะด้วยกันตอนที่เค้าเอ่ยเล่าเรื่องของเพื่อนที่มหาลัยให้ผมฟัง เราที่พูดคุยกับถึงทริปที่กำลังจะเกิดขึ้น ความสุขที่กำลังจะเกิดขึ้นของเรา

“ ฟานเจ็บมั้ย ฉันขอโทษนะ ที่ฉันทำให้นายเจ็บเพราะผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว " ผมบอกเค้าก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดแก้มของเค้าเบาๆ " ขอโทษนะฟาน ฉันขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ แต่อีกเดี๋ยวนายก็จะไม่เจ็บปวดแล้วนะ นายจะหายดี แล้วเราก็จะได้ไปเริ่มต้นด้วยกันใหม่ เราจะมีความสุขอย่างที่เราพูดกันไว้ไง  ตื่นขึ้นมาได้แล้วนะ ฉันรอฟานอยู่นะ รู้มั้ย "

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   เงยหน้าขึ้นมองบานประตูที่มีคนใหม่เข้ามาผมเช็ดน้ำตาของตัวเอง ประตูที่เปิดออก ผมพบว่าคนที่มาคือหัวหน้าแผนกแล้วก็หัวหน้าฝ่ายบุคคลที่วิ่งกระหืดกระหอบกันเข้ามา

“ คีย์เป็นยังไงบ้าง "

“ หัวหน้า สวัสดีครับ " ผมเอ่ยชื่อเรียกเค้าก่อนจะก้มหน้าลงทักพวกเธอ " ผมไม่เป็นไรครับ ปลอดภัยดีครับแฟนผมช่วยผมไว้น่ะ " พวกเธอถอนหายใจโล่งอกออกมาทันทีตอนที่ได้ยินแบบนั้น ขาที่เดินเข้ามาใกล้เตียงมองดูฟานก่อนจะหันมองผม

“ แล้วตอนนี้เค้าเป็นยังไงบ้างละ "

“ หมอบอกว่า ตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับ แต่ผมกำลังรอให้เค้าฟื้น " หันไปมองฟานที่กำลังหลับอยู่ ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะยิ้มให้คนที่เอ่ยถาม " ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะครับ "

“ จะไม่มาได้ยังไง เรื่องมาถึงขั้นนี้ ฉันหัวใจแทบวายตอนที่รู้ว่าคุณธีร์จับนายขึ้นไปจะทำร้ายบนดาดฟ้าตึก " หัวหน้าแผนกบุคคลบอก " แถมตอนที่ฉันรู้ ตอนนั้นยังมีข่าวลือออกมาว่ามีคนโดนยิงอีก ฉันก็ยิ่งตกใจเพราะคิดว่าเป็นนาย "

“ นี่พวกฉันก็รีบจนไม่ได้ซื้อแม้แต่ของเยี่ยมเนี้ย " หัวหน้าแผนกของผมเสริม

“ ของเยี่ยมไม่ต้องหรอกครับ ตอนนี้น่ะ ผมไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น ผมแค่อยากจะให้เค้าฟื้นขึ้นมาก็เท่านั้นแหละครับ "

“ คีย์ " หัวหน้าเอื้อมมือมาบีบมือผม " ไม่ต้องคิดมาก เค้าปลอดภัยแล้วละอยู่กับหมอแล้ว ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ต่อจากนี้ไปนายเองก็จะได้เริ่มต้นใหม่ คิดซะว่าเรื่องร้ายๆพวกนี้ผ่านพ้นไปแล้วต่อไปนี้ก็จะมีแต่เรื่องดีๆเข้ามานะ "

“ ขอบคุณครับ ผมก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้นเหมือนกันครับ "

“ ฉันละพูดอะไรไม่ออกเลย  ทั้งๆที่กำลังจะได้หยุดพักไปเที่ยวแล้วแท้ๆ แต่ยังมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก "

“ หัวหน้าครับ คือ..จริงๆผมต้องไปทำงานพรุ่งนี้อีกวันก่อนจะหยุดพักร้อนที่ขอไว้ แต่ว่าถ้าผมขอหยุดตั้งแต่พรุ่งนี้ไปจะได้มั้ยครับ หักเงินเดือนผมก็ได้ แต่ขอให้ผมได้หยุดดูแลเค้าได้มั้ยครับ คือ ผมเป็นห่วงแฟนผม..ผม "

“ ได้สิคีย์ ทำไมจะไม่ได้ละ งานของนายก็เสร็จหมดแล้วนี่ หยุดตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลยก็ได้ ฉันไม่คิดว่าอยากจะให้นายไปทำงานหลังจากผ่านเรื่องร้ายๆแบบนั้นมาหรอกนะ พวกฉันก็ไม่ใช่คนใจดำขนาดนั้น "

“ ขอบคุณมากครับ "

“ แล้วนี่ทางตำรวจว่าไง เค้ามาสอบสวนนายรึยัง "

“ เรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐานส่งฟ้องศาลให้พิจารณาคดีอยู่ " ผมบอก หัวหน้าแผนกบุคคลก็พยักหน้าเข้าใจ

“ เดี๋ยวฉันจะเป็นคนรวบรวมหลักฐานส่งทางตำรวจให้เอง ทั้งกล้องวงจรปิดในลิฟต์แล้วก็ที่ดาดฟ้า นายวางใจได้เลยนะ บริษัทจะเอาเรื่องเค้าจนถึงที่สุด ฉันจะไม่ปล่อยเค้าให้มาทำร้าย ทำอันตรายกับใครได้อีก "

“ ขอบคุณมากครับหัวหน้า " ผมก้มหน้าลงขอบคุณเค้า   หัวหน้าแผนกของผมก็พูดขึ้น

“ เฮ้อ.. ฉันไม่รู้จะพูดอะไรเลย กับเรื่องที่นายต้องเจอคีย์ ฉันพูดไม่ออกจริงๆ ทั้งๆที่จะได้เที่ยวไปพักผ่อนแท้ๆยังจะมาเกิดเรื่องแย่ๆแบบนี้อีก แล้วแบบนี้ทริปของนายที่จะไปเที่ยวไม่ต้องถูกพับเก็บไปด้วยรึไง "

“ มันไม่สำคัญหรอกครับเรื่องเที่ยวน่ะ สำหรับผมตอนนี้ขอแค่เค้าฟื้นขึ้นมาแล้วปลอดภัย ผมก็ไม่ได้ต้องการอะไรอีก " ผมหันมองใบหน้าของร่างสูงที่กำลังหลับ เอื้อมมือจับมือเค้าไว้แน่นสำหรับความรู้สึกที่อยู่ในใจตอนนี้ " เพราะถ้ายังมีเค้าอยู่ เราจะไปเที่ยวเมื่อไหร่ก็ได้ ตอนนี้ขอแค่เค้าฟื้นขึ้นมา แล้วมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยก็พอ "

   ในเวลาดึกที่ท้องฟ้าข้างนอกมืดมิด ทุกอย่างในห้องนี้ดูเงียบงันไปหมด หัวหน้าทั้งสองคนกลับออกไปนานแล้ว ลิปกับคุณเมษก็กลับขึ้นมาเอาขนมมาให้แล้วกลับไปแล้วเหมือนกัน ตอนนี้เหลือเพียงแค่ผมที่ยังคงนั่งจับมือฟานอยู่แบบนี้ จับมืออยู่ข้างๆเค้าไม่ไปไหน ผมไม่อยากจะละสายตาไปไหนไกลจากเค้าเลยแม้สักวินาที กลัวว่าถ้าเผลอไปไหนแล้วเค้าตื่นขึ้นมาจะไม่เห็นใครอยู่ข้างๆเค้า

   เสียงนาฬิกาที่เดินไปเรื่อยๆผมฆ่าเวลาว่างเปล่านั้นด้วยการเอ่ยพูดกับเค้าแม้จะไม่มีเสียงตอบรับอะไรกลับมาเลยก็ตาม
“ นี่ ฟาน นายยังจำครั้งแรกที่เราเจอกันได้รึเปล่า " ผมยิ้มตอนที่เอื้อมมือไปลูบหน้าอีกคนแล้วพิงแก้มเข้ากับมือของเค้า " ตอนนั้นน่ะ ฉันไม่ชอบนายเอาซะเลยจริงๆนะ มีอย่างที่ไหนกัน ทำตัวเหมือนโฮสขายเรื่องแบบนั้นแล้วชวนฉันไปกินเหล้าด้วย แต่แล้วสุดท้ายฉันก็ตกร่องป่องชิ้นไปกับนายจนได้ มาคิดตอนนี้รักเราก็เกิดขึ้นได้ง่ายๆเหมือนกันนะ ฉันไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่ามันจะเป็นรักที่จริงจังอะไรนายเองก็คงรู้ ก็เลยพยายามจริงจังแล้วแสดงให้ฉันเห็นอยู่ตลอด นี่ๆยังจำครั้งแรกที่เราไปเที่ยวด้วยกันได้รึเปล่า ภาพพวกนั้น นายยังเก็บไว้อยู่มั้ย ฉันว่าเราควรไปอัดมาใส่กรอบแล้ววางไว้ในห้องนะ จะว่าไปมันมีรูปคู่ด้วยนิ ถ้ายังอยู่เดี๋ยวนายฟื้นขึ้นมาเราอัดใส่กรอบกันนะ ไปเลือกกรอบสวยๆในห้างแล้วทำรูปใส่กัน แต่ถ้าไม่มีนายลบไปแล้ว เราก็ถ่ายด้วยกันใหม่ดีมั้ย วันก่อนฉันดูข่าวเค้ามีตลาดกลางคืนมาเปิดใหม่นะ ไว้ว่างๆเราไปด้วยกันนะ " ผมยิ้มบอกฟานแบบนั้น

   จ้องดูหน้าเค้าที่กำลังหลับพร้อมเครื่องช่วยหายใจนั่น ผมแค่อยากจะให้เค้าตื่นขึ้นมาตอนนี้เลย ตื่นขึ้นมาแล้วพูดคุยกับผม เพราะในความรู้สึกที่มองเห็นเค้าหลับอยู่ตอนนี้คือเค้ายังไม่ได้ปลอดภัยยังไม่ได้หายดี ผมเลยอยากจะให้เค้าตื่น ตื่นขึ้นมาคุยกับผม " ฟาน ฉันอยากจะกินข้าวปลาแซลม่อนย่างกับข้าวห้าสี ตื่นขึ้นมาทำให้ฉันหน่อยสิ หิวแล้วนะ " ก้มหน้าลงร้องไห้กับมือหนาที่กอดไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

   แค่นาทีเดียวก็รู้สึกนานเป็นชั่วโมงยามที่เค้าหลับไป น้ำตาที่ไหลออกมาของผมหลับตาแน่นคิดถึงเรื่องราวทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับเรา ครั้งแรกที่เจอกัน ตอนทีไปเที่ยวตลอดวันอาทิตย์ด้วยกัน เรื่องตลกของเรา หรือแม้แต่ตอนที่ทะเลาะกันครั้งแรก ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหล อ่อนเพลียจนร่างกายของผมเองก็ค่อยๆหลับลงไปช้าๆ อย่างไม่ทันตั้งตัวอะไร

    แรงขยับน้อยๆจากมือที่ผมกุมไว้อยู่เริ่มขยับ ผมที่ได้สติเหมือนกับมีใครมาสะกิดก็สะดุ้งตัวเองขึ้น ก่อนจะมองไปรอบๆแล้วพบว่าร่างสูงที่กำลังรอให้ตื่นขยับตัวเคลื่อนไหวแล้ว

“ ฟาน.. " ผมลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วจ้องมองเค้าที่ค่อยๆลืมตาขึ้นมองผม ดวงตาคมเปิดขึ้นมาช้าๆและกระพริบลงสองสามครั้งก่อนที่เค้าจะถอนหายใจแล้วเอื้อมมือดึงหน้ากากช่วยหายใจออก

" คีย์ "

" ฟาน! " ผมก้มลงไปกอดเค้าไว้แน่นในตอนที่อีกฝ่ายเอ่ยชื่อเรียกผม น้ำตาที่เพิ่งหยุดไหลไปจากการนอนหลับไหลออกมาอีกครั้งหลังจากที่เห็นเค้าลืมตาตื่นขึ้นมา " นายฟื้นแล้ว นายฟื้นแล้ว อึก ฮือๆ ฟาน นายฟื้นแล้ว ขอโทษนะ ขอโทษที่ทำให้เจ็บมากขนาดนี้ ฉันขอโทษ "

" นายเป็นยังไงบ้าง " นี่คือคำถามแรกที่เค้าถามผม " เจ็บตรงไหนมั้ย "

" ไม่เจ็บ ไม่เจ็บอะไรเลย ฉันไม่เป็นไร " ผมบอกเค้า " แล้วนายละ นายเจ็บรึเปล่า ยังเจ็บแผลอยู่มั้ย ฉันจะเรียกพยาบาลนะ ให้เค้ามาดูนาย นายฟื้นแล้ว " ท่าทางตื่นเต้นของผมที่กำลังจะเดินออกไปแต่อีกคนก็คว้ามือผมไว้ หันไปมองดูเค้าที่เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างผมก้มหน้าลงไปมอง " มีอะไรรึเปล่า เจ็บแผลมากเหรอ หรือว่าอยากจะได้อะไร "

" ฉันขอโทษนะคีย์ " ขมวดคิ้วมองเค้าที่ยิ้มจางๆให้ผม " ขอโทษที่ฉันทำให้นายต้องอดไปเที่ยวฮอกไกโดเลย " ผมหลุดยิ้มออกมาตอนที่อีกคนบอกแบบนั้น หน้าที่ส่ายไปมาของผม เอื้อมตัวไปกอดเค้าไว้แน่นจนอีกคนได้แต่นิ่งไป

“ ไม่เป็นไร  มันไม่สำคัญหรอกเรื่องอื่นน่ะแค่มีฟานอยู่ข้างๆฉัน ฉันก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว ขอแค่มีฟานก็พอ "

“ คีย์ " มือของเค้าเอื้อมมากอดตัวผมไว้ น้ำตาที่ไหลออกมานั่นคือความรู้สึกของผมทั้งหมดที่มี เค้าปลอดภัยแล้วและตอนนี้ฟานก็อยู่กับผม อยู่ข้างๆผม

“ ไม่ต้องไปไหนก็ได้ จะอยู่แต่บ้านก็ไม่เป็นไร แค่ยังมีฟานอยู่กับฉันก็พอ เพราะการที่นายยังอยู่ข้างๆฉัน นั่นคือความสุขของฉัน และเป็นสิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดแล้ว " 

“ ขอโทษนะ " ผมผละตัวเองออกก่อนจะมองเค้า " ขอโทษที่ฉันทำร้ายนายทั้งๆที่ฉัน ควรจะเป็นคนปกป้องนายไว้ แต่มันกลับเป็นฉันที่ทำให้นายต้องเจ็บปวด "

“ เลิกพูดขอโทษฉันได้แล้ว ต่อจากนี้เราจะมาเริ่มต้นใหม่กันใหม่นะทั้งฉันแล้วก็นาย เราจะเติมเต็มสิ่งที่ขาดที่หายไปให้กัน ตกลงมั้ย ให้อดีตพวกนั้นเป็นบทเรียน อย่าพูดถึงมันอีกเลย ฉันให้อภัยนายแล้ว แล้วนายละให้อภัยฉันได้มั้ย "

" ฉันอภัยนาย " เค้าพูดสั้นๆก่อนจะยิ้ม " เราจะเริ่มต้นกันใหม่นะ "

" อื้ม " พยักหน้ารับเค้าตอนที่ก้มลงไปกอดอีกคนไว้แน่นอีกครั้ง ผมผ่อนลมหายใจของตัวเองออกมาไม่สนใจความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นอะไรทั้งนั้น

    ถ้าเราพยายามปรับปรุงตัวและเริ่มต้นใหม่ให้อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียนว่าจะไม่ทำผิดมันอีกครั้ง เค้าไม่ใช่คนที่แย่ แค่เคยทำผิดพลาดในเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย แต่ผมเองก็เป็นแบบนั้น ผมเองก็เคยทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยเหมือนกัน คนเราทุกคนคบกันก็ต้องเห็นด้านที่แย่ที่สุด เห็นเพื่อที่จะได้ตัดสินใจว่า เราอยากจะคบคนคนนี้ต่อไปรึเปล่า แล้วผมก็ได้คำตอบแล้ว  ผมอยากจะคบเค้าต่อ.. ฟานคือคนที่ผมเลือก และผมเองก็เป็นคนที่ฟานก็เลือกเหมือนกัน  “ เดี๋ยวฉันไปเรียกพยาบาลมาดูนายนะ "

“ อื้ม "
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 69 ' ช่วงเวลาที่เลวร้าย ' UP - 27.1.60} หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 29-01-2017 20:40:08
คุณหมอและพยาบาลเข้ามาตรวจเช็คอาการเบื้องต้นของเค้าหลังจากที่ตื่นขึ้นมา ผมมองดูนาฬิกาที่กำลังเข้าสู่เช้าวันใหม่ก็ได้แต่ถอนหายใจ แดดของอีกวันค่อยๆส่องเข้ามาในห้อง เป็นความรู้สึกที่เหมือนหลังจากนี้ชีวิตของผมจะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้งนึง เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งหลังจากผ่านเรื่องราวร้ายๆมา

“ ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ แต่หมอขอให้นอนดูอาการที่โรงพยาบาลอีกสักสามวัน ถ้าไม่มีอะไรก็คงกลับบ้านได้ "

“ ขอบคุณ คุณหมอมากครับ " ผมก้มหน้าบอกอีกคนที่ก็พยักหน้ารับแล้วเดินออกไป ผมเดินเข้ามานั่งบนเตียงที่มีฟานนั่งอยู่ มองดูแผลที่อยู่ใต้ชุดคนป่วยที่เค้าสวมใส่ " เจ็บแผลมั้ย "

“ ไม่เจ็บหรอก แต่เราอดเที่ยวเลยนี่สิ จ่ายค่าตั๋วค่าโรงแรมไปแล้วตั้งเยอะ " ผมหลุดยิ้มออกมาตอนที่อีกคนเริ่มบ่น

“ คิดว่าฟาดเคราะห์ นายปลอดภัยก็ดีแล้ว ไปเที่ยวน่ะเมื่อไหร่ก็ได้ ไว้ปีหน้าฉันจะขอลางานให้ใหม่ "

“ ก็อีกตั้งปีหน้า รู้เศร้าใจชะมัด " เค้าที่ถอนหายใจพลางมองหน้าผม " นี่คีย์ เยียวยาฉันหน่อยสิ "

“ เยียวยา ? เยียวยาอะไร "

“ ขยับเข้ามาใกล้ๆนี่ แล้วจะบอกให้ " มือหนากวักมือเรียกผมให้เข้าไปใกล้

   ดึงตัวเองเข้าไปใกล้เค้าแต่ยังไม่ทันจะถามอะไรคนป่วยที่คิดว่าไม่มีแรงอะไรก็จูบเข้าที่ริมฝีปากของผมแบบไม่ทันให้ตั้งตัว

" อื้อ.." เบิกตาขึ้นน้อยๆก่อนจะหลับตาลงยิ้มช้าๆตอนที่เข้าใจแล้วว่าการเยียวยาที่ว่่านั่นคืออะไร เผยอปากน้อยๆตอบรับลิ้นร้อนที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้  สองแขนหนากอดเอวผมไว้ มันเป็นจูบดูดดื่มที่ยาวนานที่สุดของเราในช่วงนี้ ผมผละตัวเองออกก่อนจะโดนจูบซ้ำลงอีกครั้ง

" เป็นจูบที่โอเครึเปล่า " คำถามของเค้าคงหมายความว่าผมคิดถึงเรื่องราวพวกนั้นรึเปล่าตอนที่จูบกับเค้า ยังคงคิดถึงเรื่องที่ไม่อยากจะคิดถึงอยู่มั้ย

“ เป็นจูบที่ดีที่สุดแล้วในช่วงนี้ " ผมก้มหน้าบอกก่อนจะเหลือบมองอีกคนที่ยิ้มออกมา

“ ไม่คิดถึงเรื่องพวกนั้นแล้วนะ "

“ ไม่รู้สิ จูบอีกครั้งให้ฉันมั่นใจได้รึเปล่าละ " ฟานยิ้มออกมาตอนที่ผมบอก   เราจูบกันอีกครั้งเป็นจูบที่ดูดดื่มที่สุดและอบอุ่นที่สุด ใจที่เต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะของผม มีความสุขจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ 

   ผมหลับตาลงในภาพที่ดำมืดนั้นมันแค่เพียงแค่คนตรงหน้าที่จูบผมอยู่ เค้าที่กอดผมไว้ ทุกอย่างมีเพียงแค่เค้าเท่านั้นที่ต่อจากนี้จะอยู่ข้างๆผม  ไม่มีใครคนอื่น และไม่มีความน่ากลัวใดๆ หลงเหลืออยู่แล้ว

“ เฮ้ยย ฟานนน พวกกูมาเยี่ยมแล้ววววว " เสียงดังจากประตูหน้าห้องที่ทำให้เราผละออกจากกันแทบจะทันที เหล่ากลุ่มเด็กผู้ชายที่มาใหม่หยุดอยู่ที่หน้าประตูนั้นก่อนจะปิดมันอีกครั้งราวกับว่ารู้ตัวเองดีว่า เข้ามาขัดจังหวะเราสองคน

“ เข้ามาแล้ว พวกมึงก็เข้ามาเถอะน่า " ฟานบอกประตูนั่นก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง

“ คุณคีย์สวัสดีครับ "

“ สวัสดีครับ " ผมเลื่อนตัวเเองไปนั่งที่เก้าอี้ ปล่อยให้เพื่อนที่มาเยี่ยมทยอยเข้ามาทีละคนรวมทั้งผู้หญิงคนนั้นด้วย ผู้หญิงคนที่เคยเสนอตัวเองให้ฟาน คนที่เคยพูดจาดูถูกผมในผับคราวก่อน คนที่ชอบเค้ามากจนยอมทำได้ทุกอย่าง เธอที่เดินเข้ามาด้วยสายตาบวมแดงที่ดูก็รู้ว่าคงร้องไห้มาอย่างหนัก

“ ปลอดภัยแล้วเหรอ "

“ ปลอดภัยแล้วละ ขอบคุณที่เยี่ยมนะ " ฟานบอกเธอก็พยักหน้ารับ

“ ฉันเป็นห่วงนายแทบแย่ เราเพิ่งรู้ข่าวเมื่อกี้เอง "

“ พวกกูดูข่าวแล้วก็เห็นว่ามันเป็นตึกที่ทำงานของคุณคีย์ พวกเราก็เลยพยายามติดต่อมึงแต่ติดต่อไม่ได้ พอโทรไปถามเจ้าหน้าที่ช่วยมึงไว้ เค้าก็บอกโรงพยาบาลที่มาส่ง แล้วพอกูเช็คก็เป็นชื่อมึง เท่านั้นแหละอีเหี้ย! ก็แทบจะติดเทอร์โบเครื่องยนต์บินกันมา "

“ ขอบใจพวกมึงนะ กูเองก็เพิ่งฟื้น โทษที ที่ทำให้เป็นห่วง "

“ แล้วคืนดีกันแล้วเหรอ นายกับคุณคีย์ " เธอถามเหมือนผมไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น ผู้หญิงคนนั้นหันมามองผมที่ก็ไม่ได้ตอบอะไร แต่เป็นฟานที่ตอบแทนออกไป

“ ใช่ เรากลับมาคืนดีกันแล้ว " เสียงถอนหายใจที่ได้ฟัง เธอเบือนหน้าหนีผมก่อนจะมองหน้าฟานอยู่สักพัก

" แต่ยังไงนายก็เป็นคนที่ฉันชอบอยู่ดีนั่นแหละ มันน่าหงุดหงิดชะมัดที่ไม่ว่าทำยังไงนายก็ไม่เคยหันมามองฉันเลย แต่ถ้านายมีความสุขที่จะคบกับเค้า ก็คบเถอะ ฉันปล่อยก็ได้ " เธอบอกก่อนจะหันมามองผม " อย่าเลิกกันก็แล้วกัน ไม่งั้นฉันจะมาเอานายกลับไปแน่นอน "

“ อุดมการณ์เด็ดเดี่ยวจัง " ทามบอกก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกับทุกคน

" นายไม่เป็นไรก็ดีแล้ว มีชีวิตยืนยาวน่ะดีมี่สุด " เธอบอกก่อนจะมองผม " แล้วก็มีคนที่รักคอยดูแล "

" พูดอะไรให้มันออกมาจากใจหน่อย ประโยคฟังดูเหมือนประชดประชัน ดูไปมองแรงใส่คุณคีย์เค้า " ทามบอกเพื่อนสาวตัวเองที่ก็ถอนหายใจออกมา

" อิจฉามีไรปะ "

" ไม่มีหรอกจ้า ไม่กล้ามี " เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาของทุกคน ผมมองฟานที่หันเราะอยู่ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา อย่างน้อยเค้าก็ยิ้มแล้วก็หัวเราะได้แล้ว " มึงปลอดภัยแล้ว พวกกูก็เบาใจ เรื่องเรียนไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวกูไปทำเรื่องลากับอาจารย์ให้ "

" ขอบใจนะมึง "

" ปลายภาคให้กูลอดข้อสอบก็พอ " เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาอีกครั้ง ห้องพักดูมีชีวิตชีวาขึ้นทันตา เพื่อนๆนั่งคุยกับฟานอยู่สักพัก ก่อนจะขอตัวกลับไปเรียน 

“ แล้วเดี๋ยวพวกกูมาเยี่ยมใหม่ "

“ เออ เจอกัน "

“ กลับแล้วครับ คุณคีย์ "

“ ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะ "

   ความเงียบกลับเข้ามาให้ห้องพักอีกครั้งหลังจากที่ประตูนั้นปิดลงไป ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้นอีกพร้อมกับอาหารมื้อแรกจะถูกยกมาให้ หน้าตาที่ดูไม่ได้แย่เมื่อเทียบกับอาหารโรงพยาบาลทั่วไป พยาบาลส่งยาหลังอาหารมาให้ ผมก็เลื่อนโต๊ะให้เค้า " กินข้าวนะ จะได้กินยาแล้วพักผ่อน "

“ ป้อนหน่อยสิ " อีกคนบอกแบบเอาแต่ใจผมก็ยิ้ม แม้ไม่ได้เอ่ยตกลงอะไรแต่ก็ยอมยกช้อนขึ้นมาเป่าข้าวต้มร้อนๆแล้วยื่นไปจ่อปากเค้า " แล้วตกลงหัวหน้านายเค้าเป็นยังไง "

“ โดนจับเข้าคุกไปแล้วน่ะ รอให้ศาลพิจารณาคดีว่าจะทำยังไง แต่ฉันไม่รู้ว่าเค้าจะถูกประกันตัวออกมารึยังตอนนี้ "

“ อย่างงั้นเหรอ " ฟานบอกก่อนจะพยักหน้ารับแล้วกินข้าวที่ผมป้อนเข้าไป

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก 

“ สวัสดีครับ " เสียงทักจากหน้าประตูทำให้มือที่กำลังป้อนอาหารของผมชะงักลง เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามาในห้องเราสองก็พยักหน้ารับ

“ สวัสดีครับ"

“ พวกผมมีบางอย่างที่ต้องแจ้งให้พวกคุณสองคนทราบครับ " ท่าทางเคร่งเครียดของเค้าผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะเอ่ย " ผู้ต้องหาที่เราจับกุมเมื่อวานในคดีพยายามฆ่า เค้าผูกคอตายเสียชีวิตในคุกแล้วครับ " ผมเบิกตากว้างตอนที่ได้ฟังคำพูดนั้น  ช้อนที่ถืออยู่ล่วงหล่นลงในถ้วยแทบจะทันทีด้วยความตกใจ " เมื่อคืนเค้าทะเลาะกับผู้ถูกคุมขังคนอื่นเลยเกิดการทะเลาะวิวาททางเจ้าหน้าที่ก็เลยจับขังแยกจากคนอื่น ในตอนนั้นเค้าก็พยายามติดต่อญาติพี่น้องของเค้ารวมทั้งภรรยาให้มาประกันตัวแต่ว่าไม่มีใครมา อาจเพราะความเครียดสะสมในความผิดที่ตัวเองก่อ แล้วคงเครียดจากการหวั่นวิตกที่โดนข่มขู่จากผู้ร่วมขังคนอื่นที่จะทำร้าย ก็เลยเป็นเหตุจูงใจให้เค้าผูกคอตายหนีความผิดครับ "

“ โดนข่มขู่ จากผู้ร่วมขังคนอื่นๆ " ผมทวนคำพูดของคุณตำรวจที่อธิบายเพิ่มเติม

“ เค้าโดนข่มขู่ว่า ความผิดของเค้าอาจจะต้องติดคุกนานหลายสิบปี แล้วก็โดนขู่เรื่องสภาพแวดล้อมในคุก ชีวิตที่ต้องอยู่ในคุก ผมคิดว่าเค้าคงกลัว ก็เลยฆ่าตัวตายก่อน "

“ อย่างงั้นเหรอครับ แล้วตอนนี้ศพของเค้า " ฟานถาม

“ ตอนนี้ทางญาติได้รับเรื่องและมาดำเนินการให้แบบเงียบๆแล้วครับ เพราะเหตุนี้คดีความของพวกคุณทางเราจึงไม่สามารถที่เอาผิดกับผู้กระทำผิดได้อีกจึงขอมาแจ้งให้ทราบไว้ครับ "

“ ขอบคุณมากครับ " ผมบอกกับทางเจ้าหน้าที่ก็ก้มหน้าลงแล้วเดินออกไปจากห้องเมื่อแจ้งเรื่องราวพวกนั้นเสร็จ

   ผมหันมองหน้าฟานที่ก็ถอนหายใจออกมา มือหนาที่คว้ามือผมมาจับไว้เค้าคงรู้ว่าผมคงรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ที่ได้ยินเรื่องการตายของคนคนนั้น ผมไม่รู้สึกว่ามันสมควรตายแล้วหรืออะไร แต่คิดว่ามันเร็วเกินไป เร็วจนเหมือนอีกคนอาจจะไม่ทันสำนึกในความผิดที่ตัวเองได้ก่อไว้

   สำหรับหัวหน้าเค้าไม่ใส่ใจความผิดที่ทำไว้กับคนอื่นเลย ไม่เคยคิดว่าคนที่ถูกเค้ากระทำจะรู้สึกยังไง ทั้งการข่มขู่ ทำร้าย แต่พอถึงทีตัวเองได้รับกรรมบ้าง ก็กลับแต่โทษคนอื่น แล้วสุดท้าย ก็ฆ่าตัวตายหนีความทุกข์นั้น สุดท้ายชีวิตเค้าก็เหมือนกับที่เค้าทำไว้กับเนย์ โดนข่มขู่จนต้องฆ่าตัวตาย

“ ไว้เราไปทำบุญให้เค้ากันนะ อหสิกรรมให้ไป จะไม่ได้ต้องเจอกับคนแบบนั้นอีกในชาติหน้า นายเองก็จะได้สบายใจด้วย "

“ ดีเหมือนกัน " ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะป้อนข้าวต้มที่ผ่านการเป่าจนอุ่นให้อีกคนกิน

   ความทุกข์มันถูกกำจัดได้ง่ายเสียเหลือเกินสำหรับคนที่ไม่คิดจะต่อสู้และเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน ชีวิตเหมือนไม่มีค่าอะไรเลยสักนิด เกิด เจ็บ ยังไม่ทันแก่ บางทีก็ตายไป ตายไปด้วยการกระทำที่ทำลายชีวิตของตัวเอง ทั้งๆที่มีชีวิตที่ดีอยู่แล้วแต่กลับทำให้ทุกอย่างตกต่ำลงด้วยตัวเอง ด้วยความต้องการที่ไม่ยอมปลงของตัวเอง

   ความโกรธ ความแค้น ที่เอาแต่โทษคนอื่นและไม่เคยคิดมองความผิดของตัวเอง การตายบางทีก็ง่ายเกินไปสำหรับเค้า แต่การมีชีวิตอยู่ก็ไม่สมควรเหมือนกัน เพราะงั้นตายไปชดใช้กรรมที่ก่อไว้ นั่นก็คงดีกว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อแก้ไขที่ไม่รู้เลยว่า คนอย่างเค้าจะแก้ไขอะไรได้อีก
................................................
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง {ตอนที่ 69 ' ช่วงเวลาที่เลวร้าย ' UP - 27.1.60} หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 29-01-2017 20:41:43
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปแล้วสำหรับเรื่องราววุ่นวายและน่าเศร้าที่เกิดขึ้น พิธีงานศพของหัวหน้าถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายและรวดเร็ว ลิปเล่าให้ฟังว่าภรรยาของเค้าไม่ได้เป็นคนมาจัดการงานศพ เป็นพ่อแม่ของเค้าเท่านั้นที่จัดการให้และจัดกันแบบเงียบๆเฉพาะในครอบครัว จัดแค่วันเดียว สวดแค่คืนเดียวแล้วก็จัดการเผาเลย เพราะครอบครัวของคุณธีร์เองเป็นคนระดับสูง ค่อนข้างอายกับการกระทำที่เกิดขึ้นจากวีรกรรมทั้งของลูกชาย

   ทางเค้าขอโทษและขออโหสิกรรมมากับผมเรียบร้อย หนำซ้ำยังค่าค่ารักษาพยาบาลให้กับเราอีก แต่ถึงแบบนั้นเราก็ขอปฎิเสธเพราะไม่อยากจะไปยุ่งเกี่ยวหรือให้มารับผิดชอบอะไรทั้งนั้นแต่เค้าก็ยังดึงดันที่จะจ่าย ผมกับฟานเลยตัดสินใจเอาเงินพวกนั้นไปบริจาคให้กับเด็ก สุนัขแล้วก็คนชรา เป็นการทำบุญสะเดาะเคาระห์ไม่ให้ต้องมาเจอกับคนแบบนี้ไปด้วยในตัว

   ตอนนี้ ผมกับฟานนั่งอยู่บนรถเท็กซี่เคลื่อนผ่านเข้ามาจอดในวัดใหญ่ที่ร่มรื่นและสวยงาม วัดนี้เป็นวัดสุดท้ายจากเก้าวัดที่ผมวางแผนไว้ว่าจะมาทำบุญหลังจากที่ฟานออกจากโรงพยาบาล ผมเปิดประตูรถก่อนจะลงไปรับอีกคนที่ยังคงใช้ไม้พยุงข้างนึงเพื่อพยุงตัวเองในการเดินเหินไปมาเพราะแผลที่ขายังคงเจ็บอยู่ ตอนนี้ฟานเองก็ยังคงต้องไปล้างแผลที่โรงพยาบาลแทบทุกวัน แม้จะงอแงแล้วบอกว่าไม่อยากจะไปแค่ไหน ผมก็มีหน้าที่ที่ต้องดูแล และลากเค้าไปให้ได้ แม้จะต้องหลอกล่อด้วยวิธีแบบเด็กๆก็ตาม

“ วัดนี้ร่มรื่นจังนะ " ฟานเอ่ยทักผมก็พยักหน้ารับ วัดสุดท้ายที่เดินทางมาเป็นวัดที่ลิป ที่ตอนนี้กำลังท่องยุโรปอย่างมีความสุขกับคนรักแนะนำผมมา วัดที่ค่อนข้างสงบแล้วก็บรรยากาศดี เป็นวัดเล็กๆที่อยู่ติดกับแม่น้ำสายหลัก วันนี้ผมจ้างเท็กซี่แบบเหมาวันมาวันนึงเพื่อขับรถมาทำบุญ ก่อนหน้านี้เราแวะซื้อปลาดุกตัวเป็นๆที่ตลาดมาหนึ่งกะละมังใหญ่ใส่ถุงมาเพื่อตั้งใจจะเอามาปล่อยที่นี่ เท็กซี่ที่บริการเราอย่างดีเป็นคนช่วยหอบหิ้วมาจนถึงท่าน้ำ

“ โอเครึเปล่า " ผมถามอีกคนที่ก็พยักหน้ารับผมดึงให้เค้านั่งลงข้างๆ ปลาทั้งหมดที่เราไถ่ชีวิตมาถูกปล่อยลงไปในคลอง เพื่อให้มันมีชีวิตใหม่อย่างที่เรากำลังมีชีวิตใหม่อยู่ตอนนี้ " ว่ายไปให้ไกลๆแล้วอย่าเผลอไปให้ใครเค้าจับได้อีกนะ " ผมบอกฟานก็หัวเราะ

“ ดูเค้าทำ พูดเหมือนปลามันฟังรู้เรื่อง  "

“ ก็ต้องบอกมันสิ เดี๋ยวก็เผลอไปให้เค้าจับอีก อุตส่าห์ได้มีชีวิตใหม่แล้วก็ต้องทำตัวเองใหม่นะ "

“ มันจะรู้เรื่องมั้ยละ "

“ อาจจะรู้เรื่องก็ได้ " ผมบอกอีกคนก่อนจะพยุงให้เค้าลุกขึ้น " เข้าไปถวายสังฆทานกันเถอะ " ชุดห่อสีทองที่ผมจัดการซื้อเองจากห้างแล้วใส่จัดใส่ตะกร้าสีเหลืองเพื่อนำมาถวายวัด เพราะคิดว่าถ้าซื้อสำเร็จคงได้แต่ของที่ดูไม่มีอะไร ซื้อเองยังไงก็มั่นใจว่าเราจะได้ของเต็มจำนวนจากเงินที่ซื้อ

   ฟานย่อตัวลงข้างๆด้วยท่าทางที่ดูทุลักทุเล เราถวายสังฆทานด้วยกันก่อนจะกรวดน้ำให้กับทุกชีวิตที่ล่วงลับไปแล้ว ทั้งเนย์แล้วก็คุณธีร์ ขอให้เราได้อโหสิกรรมที่ทำร่วมกันทั้งชาติที่แล้วชาตินี้ไม่ต้องต้องมาโกรธแค้นกันอีกในชาติหน้า  แล้วผมก็ขอให้พวกเค้าได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีที่ที่เราจะไม่มีความโกรธแค้นใดๆต่อกัน

   เดินออกจากุฎิที่ถวายสังฆทานของหลวงพ่อที่ให้น้ำมนต์เราเสียชุ่ม เดินไปเรื่อยๆตามทางร่มรื่นก่อนที่ผมจะหันไปเจอเด็กตัวเล็กที่กำลังขายอาหารปลาอยู่ เดินเข้าไปใกล้เค้าก่อนจะเอ่ยถาม " ซื้ออาหารปลาสองถุงครับ ขายยังไงเอ่ย "

“ นี่ครับ สี่สิบบาท " เด็กชายคนนั้นบอกผมก็ยื่นแบงค์ร้อยให้ เค้าที่กุลีกุจอหาเงินทอนให้ผม

“ ไม่ต้องทอนหรอก เก็บไว้นะพี่ให้กินหนม "

“ เหรอครับ ขอบคุณมากครับพี่สาวคนสวย " ท่าทางดีใจของเค้าที่แอบแลกตังค์ก่อนจะเก็บเอาใส่กระเป๋ากางเกงเอาไว้ แต่ผมกลับขมวดคิ้วน้อยๆกับคำเรียกนั้น

“ พี่สาวคนสวยเหรอวะ " ผมพูดออกมาเสียงเบาๆฟานก็หัวเราะ

“ พี่คนสวยขออาหารถุงนึงนะครับ ไปกันเถอะฮ่ะพี่สาว " เค้าดึงอาหารไปจากผมก่อนจะเดินไปที่สะพานที่ให้อาหารปลา " ยืนงงอยู่ทำไมละพี่สาว มาสิครับ มาเร็ว ให้อาหารปลากับน้องฟานกันนะ "

“ ไอ้บ้า เดี๋ยวก็เควี้ยงด้วยอาหารทั้งถุงเลย " ผมบอกก่อนจะเดินไปยืนข้างอีกคนที่ก็ยังคงเอ่ยเรียกผมไม่หยุดปากด้วยความถูกใจ

“ พี่สาวครับ "

“ เลิกเรียกแบบนั้นเถอะน่า เด็กมันดูไม่ออกรึไง ใครผู้ชาย ใครผู้หญิง "

“ หน้านายเหมือนผู้หญิงไงก็ไม่แปลกหรอกที่น้องจะรู้สึกสับสน " อีกคนบอกผมก็ปาอาหารปาใส่ " แล้วมาปาอาหารปลาใส่ฉันทำไมเล่า "

“ ฉันเป็นผู้ชายเว้ย "

“ ก็รู้แล้ว หงุดหงิดอะไรละ แทนที่จะดีใจที่มีคนชมว่าตัวเองสวย ดันมาหงุดหงิดซะได้ ฉันออกจะภูมิใจ ฉันมีแฟนสวย " ฟานบอกผม ผมก็เงียบก่อนจะโยนอาหารปลาไปเรื่อยๆ " ได้มาทำบุญก็มีความสุขไปอีกแบบนะ "

“ อื้ม " ผมพยักหน้ารับคำพูดของคน " นี่ฟาน เราอโหสิกรรมให้คุณธีร์กันเถอะนะ ฉันคิดว่าถึงมันจะน่าแค้นมาก แต่ก็อย่าคิดแค้นเค้าเลย เค้าจะได้ไปเกิด ไปชดใช้กรรมของเค้าต่อไป เราเองก็ได้บุญด้วย ได้บุญจากการอโหสิกรรมให้เค้า  "

“ ฉันไม่คิดแค้นเค้าหรอก คนที่ตายไปแล้วคิดแค้นไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร อีกอย่างเราจะเริ่มชีวิตด้วยกันใหม่ถ้ายังยึดติดกับอดีตนั่นก็ไม่ใช่การเริ่มต้นใหม่ "

“ นั่นนะสินะ " พยักหน้ารับอีกคน มือหนาที่ดึงผมเข้าไปกอดไว้ก่อนจะก้มลงมาพูดกับผม

“ ต่อจากไปนี้เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ ทั้งนายแล้วก็ฉัน เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะครับคุณคีย์ " ท่าทางจริงจังของเค้าผมหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังกับคำสุดท้ายที่อีกคนพูด

“ อึก ฮ่าๆ "

“ หัวเราะอะไรอะ นี่ฉันกำลังชวนซึ้งนะ " ฟานถามผมก็เอียงหน้ามองเค้า
 
" ฉันอยากรู้ว่าคำว่า คีย์ กับ คุณคีย์ ที่นายเรียกฉันอะไรที่นายดูเป็นตัวเองมากกว่ากัน "

“ ก็เรียกได้ทั้งคู่ เรียกคุณคีย์ก็ดูเป็นเด็กแบ๋วๆใสๆ เรียกคีย์ก็ออกแนวแบดๆเป็นผู้ใหญ่  นายอยากได้แฟนแบบไหนละ น่ารักใสๆ หรือแบดๆดีละ "

“ แล้วตัวตนของนายที่อยากจะเรียกฉันมันเป็นแบบไหน "

“ แค่คีย์ละมั้ง " อีกคนบอก " มันรู้สึกใกล้ชิดกันดี "

“ งั้นก็เรียกแค่คีย์ " ผมบอก " เพราะฉันก็รู้สึกว่า คำว่า คีย์ มันดูสนิทดีกว่าคำว่าคุณคีย์เหมือนกัน " ฟานยิ้มออกมาผมก็ยิ้มตาม " จะว่าไปรักของเรามันไม่ง่ายเลยนะว่ามั้ย กว่าจะมาอยู่ตรงนี้ได้ฉันรู้สึกว่ามันไม่ง่ายเลย "

“ มันไม่มีความรักไหนที่ได้มาง่ายๆหรอก ถึงได้มาง่ายก็ต้องมีบทพิสูจน์ยากๆรอเราอยู่ดี " เค้าบอกผมก็พยักหน้ารับ " คีย์..”

“ หื้ม ? “ ผมเอียงหน้ามองเค้า ฟานที่ยิ้มให้ผม ดึงตัวผมเข้าไปกอดเค้าไว้อีกครั้ง

“ ฉันรักนาย ฉันรักคีย์นะ "

“ ฉันเอง...ก็รักฟานเหมือนกัน " เค้ายิ้มตอนที่ได้ฟังผมพูดใบหน้าคมที่ซบลงมาบนไหล่ของผม

“ ต่อจากนี้และตลอดไปฉันก็จะรักและดูแลนายไปตลอด " ผมยิ้มให้สองมือที่กอดเค้าไว้แน่น หัวใจที่พองโตของผมเราที่ยืนอยู่ข้างกันนั้นไม่มีอะไรที่เราอยากจะได้อีก เหมือนแค่มีกันและกันอยู่อย่างงี้ก็พอ

“ งั้นฉัน..ก็ขอฝากตัวกับหัวใจของฉันไว้ที่ฟานด้วยนะ " ฉันขอฝากมันไว้ที่นาย ฝากมันไว้ให้อยู่กับนายตลอดไป เหมือนอย่างที่นายเองก็ฝากมันไว้กับฉันเช่นกัน 

   มาถึงตอนนี้  ผมรู้สึกว่าความรักนั้นเกิดขึ้น 'ง่าย' แต่การเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกันให้ได้นั้น 'ยาก' เพราะการที่จะอยู่ด้วยกันได้ต้องใช้ความรู้สึกหลายๆอย่าง ทั้งความเข้าใจในข้อดีและข้อเสียของกันและกัน การให้อภัยในสิ่งที่ผิดพลาดของกันและกัน กว่าที่เราจะก้าวข้ามผ่านสิ่งเหล่านี้ไปได้ กว่าที่เราจะเข้าใจว่า ความรักของเรา คนรักของเรา เป็นยังไง มันต้องใช้เวลา และความอดทน และตอนนี้เราสองคนก็ก้าวข้ามผ่านมันมาแล้ว  บทพิสูจน์ของความรักที่ต่อจากนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพราะเราก็จะยังอยู่ด้วยกันแบบนี้ อยู่ด้วยกัน ตลอดไป

....................................................

ในที่สุดก็มาถึงบทสุดท้ายของนิยาย " ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง " แล้ว
ก่อนอื่นขอพูดถึงเนื้อเรื่องในตอนนี้ก่อนนะคะ ทุกคนอาจจะขัดใจ " อะไรวะ ทำไมหัวหน้าแค่ตายเอง ทำไมดูเหมือนง่าย ไม่ได้เคราะห์กรรมที่ทำกับคนอื่นเลย ดูไม่สาสม " เราคิดว่าถ้าเขียนพาสหัวหน้าได้รับการไต่สวนคดี สู้ความ คือเราว่าจะยืดยาวเกินไปและรู้สึกว่าไม่น่าเขียนเลย อีกอย่างลักษณะนิสัยของหัวหน้าแล้ว ต้องไม่ยอม ต้องหน้าด้าน แล้วคนอ่านต้องมาหัวเสียกับอะไรแบบนี้เหรอวะ  อีกอย่างคนแบบนี้ปรับเปลี่ยนอะไรไม่ได้ สู้ตายไปเลยดีกว่า ตายไปพร้อมกับความรู้สึกที่เคยทำกับ เนย์ไว้ นั่นคือการโดนข่มขู่ อีกอย่างเราไม่คิดว่าการ ด่าให้เจ็บที่สุด หรือ ทำร้ายเค้าให้เจ็บ มันจะได้ผลดียังไง เหมือนแค่สะใจเท่านั้น คนแบบนี้มันเสียเวลาเปล่า ถ้าต้องทำอะไรสักอย่างด้วย เราเลยคิดว่า ปล่อยให้ผลแห่งกรรมจัดการเถอะ และฟานคีย์เอง ก็ควรไม่ถือโทษเค้า ปล่อยเค้าไป ไม่งั้น ใจที่แค้นอยู่ก็ยังเจ็บอยู่

   สำหรับคนอ่านที่อ่านมาตั้งแต่เริ่มต้น จนถึง ตอนนี้ ตั้งแต่นิยายหวาน น่ารัก ใสๆ ของคนที่ไม่ชอบเด็กแต่ได้เด็กเป็นแฟน จนถึงดราม่าที่หนักหน่วง และความเข้าใจกัน ขอบคุณสำหรับการติตดามที่ไม่ทิ้งกันไปไหนนะคะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านเรื่องราวของ ชีวิต หลากหลายรูปแบบในเรื่องนี้ มันอาจจะไม่ได้เหมือนชีวิตจริงเรียลร้อยเปอร์เซ็นต์อะไร แต่ มันคือความรักในรูปแบบนึง ที่ใช้อารมณ์ของตัวเองกระทำสิ่งต่างๆ ร้ายแรง น่ากลัว แสนดี หนมว่าคนเรามีความรู้สึกพวกนี้ในตัว แต่จะแสดงออกมาในรูปแบบไหน ก็เท่านั้น
   ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน ติดตาม ไม่ว่านิยายไปทิศทางไหน ก็ยังติดตามจนถึงบทสุดท้าย ขอบคุณมากจริงๆค่ะ และหวังว่า นิยายเรื่องต่อไป หนมจะได้รับการติดตามที่อบอุ่นแบบนี้เสมอ
   หนมจะพยายามปรับปรุงตัวเอง พัฒนาฝีมือต่อไปเรื่อยๆ ยังไงก็ขอฝากนิยายเรื่องใหม่ที่กำลังจะมีในไม่ช้านี้ด้วยนะคะ
และสุดท้าย ..

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์กันเสมอค่ะ
ยังไงฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิต และ แชร์ในเฟสด้วยนะคะ
หนมมี่ผู้ใสซื่อ

ป.ล. รายละเอียดจองนิยายอยู่ที่ด้านล่าง



ประกาศรวมเล่มหนังสือ " ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง " #ฟานคีย์

มาแล้วจ้าาาาาาาา
#เปิดจองตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม – 1 มีนาคม 2017
( หนังสือจะได้ช่วงกลางเดือนมีนาคมโดยประมาณค่ะ  )

#รายละเอียดของหนังสือ
   หนังสือขนาด A5 จำนวน 1000+ ( เนื้อหาหลัก 70 ตอน + ตอนพิเศษอีก 15 ตอน )
   หนังสือมี 3 เล่มจบ ( เล่มละ 350+ )
   ราคาหนังสืออยู่ที่ 1180 บาท ( ราคานี้รวมค่าส่ง EMS  แล้ว )
   *หนังสือหนัก มากกว่า 2 kg ส่งลงทะเบียนไม่ได้ค่ะ
      #ตัวอย่างหน้าปก มีมาให้ชม ตอนกลางเดือน กุมพา นะคะ

#รายละเอียดของเนื้อหาตอนพิเศษ
   เนื้อหาตอนพิเศษ 15 ตอน จะเป็นเนื้อหาต่อจาก ตอนจบ ตอนที่ 70 ค่ะ เป็นเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายๆไปแล้ว เนื้อหาจะออกแนว น่ารัก ความรัก ความเข้าใจ การปรับตัวหลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้น ส่วนใครที่ชอบคู่รองเมษลิป ก็มีเนื้อหาส่วนของเมษลิปอยู่ด้วยค่ะ  ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไงเป็นนิยายชีวิตที่มีความน่ารักของความรักแฝงอยู่ด้วย ถ้าได้อ่านตั้งแต่ต้นจนจบตอนพิเศษ จะเป็นอะไรดีมากกกกกก #มีความขายของระดับสิบ 55555555555555 

#ของแถม
ปฎิทินก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง ขนาดโปสการ์ด
ที่คั่น 3 ชิ้น
ปลอกสวมหนังสือแบบบาง
( ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเป็นอะไรคะ ) 55555555555555

#ขั้นตอนการสั่งซื้อ
1. โอนเงินมาที่บัญชี ธ.ไทยพานิชย์ สาขา บางจาก
      เลขที่บัญชี 0892649044
      ชื่อบัญชี นางสาวอรชา ภูมิมาตร
2. เมื่อโอนเงินเรียบร้อย ถ่ายภาพสลิปเป็นหลักฐานการโอน ( กรุณาถ่ายภาพสลิปเถอะนะคะ ได้โปรดคนดี )
3. ส่งเข้ามาที่ " กล่องข้อความ เพจหนมมี่ผู้ใสซื่อ " เท่านั้น
โดยกรอกข้อความดังนี้ให้ครบถ้วน
 ชื่อ นามสกุล
        ที่อยู่โดยละเอียด
 พร้อมแนบภาพถ่ายสลิปการโอน 
**เมื่อได้รับข้อความตอบกลับจะถือว่า การสั่งจองเสร็จสิ้น

                  *** ทั้งนี้การตอบอาจจะมีความล่าช้า แต่จะตอบภายใน 3 วัน

   หากมีขอสงสัย สามารถสอบถามได้ที่
   Twitter :: @realkanom
   Facebook :: เพจ หนมมี่ผู้ใสซื่อ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนที่ 70 'ความรักที่เข้ากันได้ดี' UP - 29.1.60}หน้า 41(จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 29-01-2017 21:12:12
 :pig4: :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนที่ 70 'ความรักที่เข้ากันได้ดี' UP - 29.1.60}หน้า 41(จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 29-01-2017 21:29:44
นิยายสนุกมากครับ ขอบคุณที่แต่งเรื่องดี ๆ ให้อ่านนะครับ แม้ว่าตอนดราม่าจะหนักเกินไปจนแอบลำคาญ 555555  :hao7: แต่ก็อ่านมาจนจบ แต่ดราม่าน้อยกว่านี้สักนิดจะดีมาก ๆ 55555 รู้สึกเครียดไปกะคีย์มากไป  :katai3:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนที่ 70 'ความรักที่เข้ากันได้ดี' UP - 29.1.60}หน้า 41(จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 29-01-2017 21:46:54
เกลียดนิยายของหนมมี่ 555  แทนที่วันหยุดจะได้ใช้เวลาอย่างเชื่องช้าแต่มันทำเราติดจนต้องเผลอเร่งวันเร่งคืนให้ถึงเวลาอัพเร็วๆ แถมนิยายของเธอยังทำเราสับสนเพราะทั้งอยากอ่านและไม่อยากอ่านไปพร้อมกน 555   แต่ถึงยังไงก็ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่เพิ่งจบ และกำลังมาใสเวลาต่อจากนี้ด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนที่ 70 'ความรักที่เข้ากันได้ดี' UP - 29.1.60}หน้า 41(จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 29-01-2017 22:04:24
อยากบอกว่าชอบมาก
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนที่ 70 'ความรักที่เข้ากันได้ดี' UP - 29.1.60}หน้า 41(จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 29-01-2017 22:05:19
ขอบคุณค้าบบบบบบ เฮ้อ เหนื่อยเลยกว่าจะผ่านพ้นกันมาได้ ทั้งด่า ทั้งแช่ง สารพัด(คีย์) แต่ก็ตามติดตลอด ลงเอยแบบนี้ก็ดีแล้วคับ (แอบใจหายนิดๆ คงคิดถึงฟาน-คีย์ แน่ๆเลย) ^_^
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนที่ 70 'ความรักที่เข้ากันได้ดี' UP - 29.1.60}หน้า 41(จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-01-2017 22:17:12
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนที่ 70 'ความรักที่เข้ากันได้ดี' UP - 29.1.60}หน้า 41(จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 29-01-2017 22:19:46
 :katai2-1: แฮปปี้เอนดิ้งสวยงาม อิผจก.นี่ใจเสาะจริงๆ
อื่นใดไม่สำคัญฟานกะคีย์รักกัน เข้าใจกันก็พอ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนที่ 70 'ความรักที่เข้ากันได้ดี' UP - 29.1.60}หน้า 41(จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-01-2017 23:52:18
 :L2: :L1: :pig4:

ได้ความรักที่ดีกว่าเดืม กลับมาแล้ว
ดีใจ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนที่ 70 'ความรักที่เข้ากันได้ดี' UP - 29.1.60}หน้า 41(จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 30-01-2017 01:09:51
ดีใจที่จบแบบนี้แม้จะรู้สึกเสียดายเงินกับค่าทิปญี่ปุ่นอยู่ดี และยังคล่องใจกับครอบครัวของฟานว่ามันมีแค่นี้หรอ มาร่วมในฉากแค่นี้และก็หายไปโดยไม่กล่าวถึงอีกเลยแบบนี้หรอ มีแค่นี้แหละที่ยังคล่องใจเพราะมันคาใจ^^
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนที่ 70 'ความรักที่เข้ากันได้ดี' UP - 29.1.60}หน้า 41(จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-01-2017 05:07:29
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนที่ 70 'ความรักที่เข้ากันได้ดี' UP - 29.1.60}หน้า 41(จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 30-01-2017 14:36:35
ขอบคุณน้า ชอบมากเลย แม้ตอนดราม่าจะทำเราแทบกระอักเลือดก็ตาม ฮ่าๆ

ปล. หนมมี่ ขอตอนพิเศษหน่อยน้าาาา พลีสสสส
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนที่ 70 'ความรักที่เข้ากันได้ดี' UP - 29.1.60}หน้า 41(จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 30-01-2017 19:16:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนที่ 70 'ความรักที่เข้ากันได้ดี' UP - 29.1.60}หน้า 41(จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: HanTwoH ที่ 30-01-2017 22:51:56
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: จบแล้วววว ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนที่ 70 'ความรักที่เข้ากันได้ดี' UP - 29.1.60}หน้า 41(จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 01-02-2017 22:07:16
นี่เข้าใจว่าตัวเองเข้ามาอ่านนิยาย feel good นะ  :ruready
น้ำตานอง  :hao5:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนที่ 70 'ความรักที่เข้ากันได้ดี' UP - 29.1.60}หน้า 41(จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงในเงามืด ที่ 03-02-2017 00:10:19
โง่
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 1 UP - 3.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 03-02-2017 20:52:58
ตอนพิเศษที่ 1

   ตั้งแต่ใช้ชีวิตมาเริ่มจากช่วงวัยรุ่นจนโตเป็นผู้ใหญ่ ผมก็ไม่เคยคิดหรอกว่าตัวเองจะต้องมาเรียนรู้ชีวิตเพื่อดูแลใครสักคน ผมไม่เคยคิดจะมีคู่ชีวิตเหมือนอย่างคนอื่น ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย คิดว่าอยากจะมีแฟนที่ไม่ผูกมัดไปเรื่อยๆ ทำงานเก็บเงินซื้อบ้านหลังเล็กๆสักหลังในต่างจังหวัดที่ไม่วุ่นวาย มีรถสักคันในบั่นปลายที่เกษียณตัวเองออกจากงานแล้ว  ก็แค่นั้น ไม่เคยคิดเลยว่าต้องมาดูแลใครสักคนแบบนี้

" ฟาน ตื่นได้แล้วนะ " ผมนั่งลงบนเตียงก่อนจะก้มลงไปปลุกอีกคนที่ยังคงหลับสนิทอยู่แม้ตอนนี้เวลาจะเดินทางเข้าสู่ช่วงเที่ยงวันแล้วก็ตาม

" อื้ออ " เค้าครางตอบรับผมแต่ถึงอย่างงั้นก็พลิกตัวเองหนีหันกลับไปนอนอีกฝั่งอยู่ดี เผลอยิ้มออกมาจางๆกับท่าทางแบบนั้นเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มลงก่อนจะเอื้อมมือไปเขย่าแขนอีกฝ่ายเบาๆ

“ ฟาน ลุกขึ้นมาอาบน้ำกินข้าวได้แล้วจะได้ทำแผลอีก " นี่คือชีวิตหลังจากที่ฟานออกจากโรงพยาบาลของผม แพลนเที่ยวฮอกไกโดที่ตั้งใจไว้ล้มลงไม่เป็นท่าและสุดท้ายก็ต้องเอาวันลายาวเหยียดที่ขอไว้มาอยู่กับบ้านและดูแลเด็กผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่าผมแต่สุดแสนจะดื้อยิ่งกว่าเด็กตัวเล็กๆเสียอีก 

“ อื้อ "

“ นี่!!” ผมเริ่มขึ้นเสียงสูง มือที่ฟาดลงบนไหล่อีกคนฟานก็ลืมตาขึ้นมาก่อนจะหมุนตัวเองมาหนุนตักผม " ยังอีก ยังไม่ตื่นอีก นี่นายจะนอนไปถึงเมื่อไหร่ นี่จะบ่ายแล้วนะ ยังจะนอนอยู่อีก"

“ ก็คนมันง่วง " ฟานบอกก่อนจะซุกที่ท้องผม " เมื่อคืนนอนดึก "

“ เราเข้านอนพร้อมกันฟาน "

“ กินยาเข้าไปเลยแฮงค์ "

“ ยานายไม่ได้ทำให้ง่วงสักหน่อย " เอื้อมมือไปบีบแก้มก่อนจะยกใบหน้าคมนั้นขึ้นมาดู เค้าที่ยังคงหลับตาผมผ่อนลมหายใจออกมาเพราะความขี้เซาแบบเด็กๆของเค้า  " ตื่นได้แล้วนะ ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กิน เพราะงั้นก็ตื่นมาอาบน้ำแล้วกินข้าวเที่ยงได้แล้วนะ " ก้มลงจูบที่ริมฝีปากของอีกคนฟานที่เผลอยิ้มออกมาเค้าลืมตา

“ ตื่นเต็มตาเลย "

“ งั้นก็ดี ตื่นได้แล้ว ฉันจะได้หาอะไรให้นายกิน "

“ ไม่เอาอาหารเดลิเวอรี่แล้วนะ " อีกคนพูดขัด " ไม่ว่าจะเป็นแม็ค เคเอฟซี ฟิซซ่า ไก่เกาหลี หรืออาหารญี่ปุ่นอะไร ไม่เอาแล้วนะ ขอเป็นอย่างอื่น "

“ แล้วอยากจะกินอะไร " ผมถามอีกคนก็คิด

“ สเต็กสันคอหมู ใส่บล๊อคโคลี่แล้วก็แครอท ราดด้วยน้ำซอสเห็ด " ใบหน้าของผมนิ่งตอนได้ฟังเมนูยาวเหยียดที่อีกคนพูดออกมา

“ คือถามจริงๆเถอะ นายคิดว่าฉันทำเมนูพวกนั้นเป็นเหรอ "
 
“ ก็หัดสิ "

“ พูดเหมือนว่า นั่งดูยูทูปแล้วจะทำออกมาอร่อยเลย " ฟานหลุดยิ้มออกมาตอนที่ผมพูดออกมาแบบนั้น ก็ยอมรับแหละว่าตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ชีวิตเราต้องพึ่งอาหารเดลิเวรี่กันแทบทุกวัน เพราะด้วยความขี้เกียจของผมที่ไม่ชอบออกไปเบียดเสียดผู้คนในช่วงวันหยุด ก็เลยตัดสินใจซื้ออาหารสดมาไว้ในตู้เย็นตั้งแต่วันที่กลับจากโรงพยาบาลมาถึงบ้าน

   ตอนแรกก็จินตนาการไว้ว่า กับข้าวง่ายๆก็คงทำได้แหละน่าดูจากในยูทูปคนทำมันก็ทำกันง่ายๆนี่หว่าแต่ที่ไหนได้ ผมล้มเลิกตั้งแต่มื้อแรกที่ทำ ไข่ดาวให้เค้ากิน เพราะมันไหม้จะแทบจะกินไม่ได้ หนำซ้ำข้าวที่หุงยังเปียกอีก

   หลังจากนั้นก็เลยตัดสินใจสั่งอาหารเดลิเวรี่มากินแทน แต่นั่นแหละกินมาตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลจนถึงตอนนี้ มันก็มีบ้างที่เริ่มเบื่อ

“ ในตู้เย็นก็มีของเยอะแยะ เอาออกมาทำสิ ฉันอยากจะกินอาหารฝีมือนายอะ " ฟานบอกยิ้มๆก่อนจะกอดเอวผมอ้อนๆ " อาหารที่มีประโยชน์เหมาะกับคนป่วยที่ทำออกมาจากในแฟนคนสวยของฉัน "

“ จำไข่ดาวไหม้เมื่อต้นอาทิตย์ไม่ได้แล้วรึไงนายน่ะ " พอผมบอกอีกคนก็ยิ้มก่อนจะหัวเราะ " ยังจะมาหัวเราะ ฉันทำกับข้าวไม่เป็น นายจะให้ฉันทำยังไงเล่า " ผมก้มหน้าลงก็เข้าใจแหละว่าอาหารเดลิเวอรี่พวกนั้นมันไม่มีประโยชน์ต่อคนป่วยเท่าไหร่ แต่จะให้ทำยังไงได้ก็ผมทำอาหารไม่เป็นจริงๆ " หรือว่าเราจะออกไปกินข้าวข้างนอก "

“ คนเยอะนะ จะไปเหรอ " เค้าถามผมก็ถอนหายใจออกมาอีก ฟานยิ้มออกมาก่อนจะลูกหัวผม

“ งั้นอาบน้ำก่อน บางทีนายอาบน้ำไปแล้วอาจจะเปลี่ยนใจอยากจะกินข้าวยำไก่แซ่บของเคเอฟซีขึ้นมาก็ได้ "

“ ไม่เห็นจะรู้สึกแบบนั้นเลย " ฟานบอกผมก็พยุงอีกคนขึ้นจากเตียงเข้าไปในห้องน้ำ จัดการให้ฟานนั่งลงที่ของอ่างผมก็ติดพาสเตอร์แบบกันน้ำที่แผลของเค้าทั้งสามจุดเรียบร้อย

“ นี่ไก่เคเอฟซี่มันกรอบมันเลยนะ เวลาร้อนๆกัดแล้วแบบอั้ม น่ากินอะ คิดถึงกลิ่นมันสิ "

“ เมื่อวานก็เพิ่งกินไป " ฟานบอก " อมน้ำมันจะตายไป แป้งก็เยอะ "

“ งั้นแฮมเบอเกอร์แม็ค ที่เพิ่งออกใหม่ไง น่ากินมากเลยนะ หมูอะไรน้าาา "

“ ไม่อยากกินอะ " ฟานตอบกลับผมก็ถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแปรงสีฟันแล้วบีบยาสีฟันส่งมาให้

“ หรือว่าอาหารญี่ปุ่น นายชอบนี่ "

“ นั่นก็ไม่ได้อยากจะกิน เบื่อเหมือนกัน " ร่างสูงแปรงฟันของตัวเองฆ่าเวลารอพาสเตอร์ปิดสนิท ผมถอนหายใจออกมาฟานก็หลุดหัวเราะ " ลำบากจังน๊า ทำกับข้าวไม่เป็นเนี้ย น่าสงสารแฟนจังเลย  "

“ พูดมาก " ผมกัดฟันบอกก่อนจะถอนหายใจ " ฉันก็อยากจะทำให้นายนะ แต่มันทำไม่เป็นจริงๆนี่น่า "

“ งั้นเอาแบบนี้มั้ย ฉันทำเองแต่นายเป็นลูกมือช่วยฉันก็แล้วกัน " เค้าก้มหน้าลงมามองผมก่อนจะเอ่ยบอก " ข้าวปลาแซลม่อนย่างกับแกงจืดผักร้อนๆ อยากจะกินมั้ยละ  "

“ ฟานจะทำเหรอ " ผมถามอีกคนก็พยักหน้า " แต่นายเจ็บขานะจะยืนทำนานๆไหวเหรอ "

“ ไหวสิ นายเถอะ อยากจะกินรึเปล่าละ แต่ไม่มีข้าวห้าสีหรอกนะ มีแค่ข้าวเปล่านี่แหละ " เค้าแซวผม กับคำพูดครั้งแรกที่ผมเคยบอกเค้าไว้ตอนที่เค้าคิดจะทำอาหารให้ผมกิน ผมหลุดยิ้มออกมาตอนนึกถึงครั้งแรกที่เราไปซื้อของเข้าบ้านด้วยกันก่อนจะพยักหน้ารับ

“ สนใจสิ ฉันอยากจะกินกับข้าวฝีมือนายอยู่แล้ว  " หยิบแปรงสีฟันแล้วนั่งลงแปรงฟันอยู่ข้างๆเค้า เราแปรงฟันไปพร้อมๆกันก่อนที่ผมจะเอื้อมมือไปเช็ดคราบฟองยาสีฟันที่ไหลออกมาใต้คางเค้าให้เค้า ไม่รู้ทำไมแต่รู้สึกโล่งอกแล้วก็ดีใจอย่างบอกไม่ถูก อย่างแรกเลยคือ จะได้กินอาหารฝีมือฟานที่อยากจะกินมานาน และอย่างที่สองก็คือ ฟานจะได้กินอาหารที่มีประโยชน์กับเค้าสักทีไม่ต้องกินอาหารจานด่วนเดลิเวลี่อีกแล้ว

“ แต่นายต้องช่วยฉันนะ " ร่างสูงบอกผมก็พยักหน้ารับ

“ ครับผม จะช่วยเต็มที่ครับ "

“ หึ..เอาจริงๆนะ การที่นายมั่นใจแบบนี้ฉันชักจะไม่มั่นใจแล้วสิว่าช่วยให้เสร็จเร็ว หรือป่วนให้มันช้าลง " อีกคนหัวเราะ " ทอดไข่ยังไหม้เลย "

" ก็คนมันไม่เคยทำนี่หว่า " ผมยู่หน้าใส่อีกคน มือหนาก็เอื้อมมากอดคอไว้ “ แต่ถ้านายสอนฉัน ฉันคงเรียนรู้เร็วอยู่แล้วเพราะนายเก่ง "

" มันอยู่ที่คนถูกสอนจะหัวเร็วรึเปล่าตังหาก "

" นั่นก็ต้องเร็วอยู่แล้ว เพราะฉันฉลาดแหละ จะบอกให้ " ผมหันไปหาเค้าก่อนจะยิ้มแล้วลุกขึ้นไปบ้วนปากล้างแปรงก่อนจะหยิบแก้วแล้วใส่น้ำมาให้อีกคนได้ล้างปาก " อะ ล้างปากนะ แล้วก็อาบน้ำซะ จะได้ลุกขึ้นมาทำกับข้าวให้ฉันกิน "

“ ครับผม " เค้าขานรับก่อนจะจัดการบ้วนปากแล้วส่งแก้วน้ำเปล่ามาให้ ผมที่เดินเอาแปรงกลับไปล้างแล้วจัดการคว่ำแก้วไว้อีกฝ่ายก็พูดขึ้น " จะว่าไปฉันอยากจะให้นายเช็ดตัวให้อีกจัง " ผมหันกลับไปมองเหล่อีกคนก็ที่หยุดยิ้มออกมา

" เลิกคิดอะไร หื่นๆแบบนั้นกับฉันสักทีเถอะน่า " มันยังคงเป็นเหตุการณ์ที่ผมจำได้ดีเพราะเกิดขึ้นเมื่อตอนที่ออกจากโรงพยาบาลวันแรกๆ

    วันนั้นจำได้ว่ามันเป็นวันที่โคตรวุ่นวายสำหรับผมทั้งๆที่ทุกอย่างก็ถูกเตรียมไว้แล้วแต่ก็ยังวุ่นวาย พอรู้ว่าวันนี้ฟานจะกลับบ้านได้ สิ่งที่ผมทำคือวันนั้นทั้งวันก็ขอกลับมาจัดห้องให้เรียบร้อย ไปห้างซื้อผัก ผลไม้ ที่สามารถประกอบอาหารได้ พวกของบำรุงต่างๆ ชนิดที่ว่า เนื้อ นม ไข่ เตรียมไว้พร้อม แต่พอเอาเข้าจริงๆพอฟานกลับมาทุกอย่างก็วุ่นวายอยู่ดีเพราะ คนอย่างผม ไม่เคยดูแลใคร

" ฉันว่านายยังไม่ต้องอาบน้ำดีกว่า " ผมบอกคนที่นั่งอยู่บนเตียงในห้องนอน ฟานก็ขมวดคิ้ว

“ ทำไมละ ฉันอาบน้ำได้นะ นายซื้อพาสเตอร์กันน้ำมาแล้วใช่มั้ยละ เอามันมาติดฉันก็อาบน้ำได้ปกติ แล้ว อย่าถูตัวตรงที่มีพาสเตอร์ติดอยู่ แค่นั้นก็เรียบร้อยแล้ว " ถึงฟานจะบอกแบบนั้น แต่ผมก็ยังไม่มั่นใจประสิทธิภาพของไอ้พาสเตอร์กันน้ำนี่สักเท่าไหร่อยู่ดี " ทำไม "

“ อย่าเลย เดี๋ยวไว้ฉันลองแล้วนายค่อยใช้ละกัน ตอนนี้เช็ดตัวไปก่อน ถ้าเกิดว่าพาสเตอร์มันโอเค ก็ค่อยติดตอนอาบน้ำคืนนี้ "

“ งั้นนายเช็ดตัวให้ฉันนะ " คำพูดที่ทำให้ผมนิ่งก่อนจะพยักหน้ารับไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าแก้มมันแดงๆพิกล

“ มัน..มันก็คงต้องเป็นแบบนั้น ปกติพยาบาลเช็ดให้ ตอนนี้นายมาอยู่บ้านมันก็ต้องเป็นหน้าที่ฉันแล้วน่ะสินะ "

“ โอเค งั้นฉันรอ "

“ อะ อื้อ " ผมเข้าไปในห้องน้ำ จัดการเอาอายไลน์เนอร์อันเก่าๆของตัวเองขึ้นมาวาดที่มือไว้จนหนาทำให้มันเหมือนแผลเย็บ ก่อนจะปิดพาสเตอร์กันน้ำทับไว้เพื่อให้แน่ใจว่าถ้าฟานใช้น้ำมันจะไม่เข้าแผลเป็นอันเด็ดขาด เตรียมน้ำอุ่นใส่กะละมังใบเล็กๆ พร้อมกับขนหนูผืนพอดีมือ

   เดินออกจากห้องน้ำก่อนจะสะดุ้งทันทีกับร่างหนาที่เปลือยท่อนบนของตัวเองไว้รอผมอยู่แล้ว " เป็นอะไร " ฟานถามผมก็ส่ายหน้า

“ เปล่า " ผมบอกก่อนจะวางกะละมังไว้ที่หัวเตียง แก้มแดงๆของผมก้มหน้าลง

“ เปล่า แล้วทำไมหน้าแดง "

“ ก็อยู่ๆนายเล่นถอดเสื้อรออยู่แล้วนี่! " ผมขึ้นเสียงกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเองไม่ให้อีกคนรู้ เอาจริงๆไม่ได้เห็นอีกคนถอดเสื้อผ้าให้เห็นมาสักพักแล้ว เพราะเราไม่ได้มีอะไรกันมานาน แล้วยิ่งรูปร่างของอีกคนเป็นอะไรที่ผมชอบ ผมก็ยิ่งเขิน เขินที่จะได้เห็นมันแล้วก็เขินที่จะได้.. สัมผัสมัน

“ แปลกยังไงวะ เขินก็บอกมาตรงๆดีกว่า "

“ ไม่ได้เขินเว้ย ฉันจะเขินทำไม ฉันไม่ใช่ อื้ออ ไม่เคยเห็นของนายโป๊สักหน่อย "

“ อ่านะ " ฟานพยักหน้ารับผมก็ถอนหายใจออกมา " โอเค ไม่เขินก็ไม่เขิน งั้นก็เริ่มเช็ดกันเลย " ผมดึงตัวเองนั่งลงบนเตียงข้างๆ บิดน้ำในกะลังมังที่คิดว่าอุ่นพอดีก่อนจะเริ่มเช็ดที่แขนเค้า ร่างสูงสะดุ้งน้อยๆ

“ น้ำร้อนไปเหรอ "

“ เปล่าอะ " เค้าตอบ ผมก็เช็ดไปเรื่อยๆทั้งกล้ามแขนแล้วก็ลอนหน้าท้องก้มหน้าก้มตาเช็ดด้วยหน้าแดงๆแบบที่ชนิดที่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองเค้า " ฉันว่านายเช็ดผิดนะ "

“ ห๊า ? ยังไง ผิดยังไง " เงยหน้าขึ้นถามอีกคนก็ยกยิ้มก่อนจะเอื้อมมือมาหยิกแก้มผม

“ นายเช็ดตัวฉันก่อนแล้วค่อยมาเช็ดหน้าให้ฉันหรอกเหรอ มันต้องเช็ดหน้าก่อนมั้ยละ หน้ามันต้องได้รับความสะอาดสูงสุดปะ เพราะมันไม่งั้นจะเป็นสิวได้ "

“ แต่หน้ามันก็ล้างด้วยตัวเองได้นี่น่า ปกติพยาบาลมาเช็ดตัว เค้าก็ไม่ได้เช็ดหน้าให้นี่ นายอย่ามาเรื่องมากนักเลยน่า เดี๋ยวฉันต้องไปทำกับข้าวให้นายกินอีกนะ "

“ จะทำกับข้าวให้ฉันกินด้วย " ฟานบอกแบบไม่เชื่อสายตาเท่าไหร่ " มหัศจรรย์ใจ "

“ ชิส์ เงียบๆไปเลยน่า เช็ดต่อละนะ "

“ ครับๆ ดุจริงเลยว่ะ พยาบาลคนนี้ " เค้าพยักหน้ารับผมก็เช็ดต่อ แผ่นหลังกว้างที่ถูกเช็ดจนสะอาดผมเอาน้ำจุ่มแล้วก็บิดอีกครั้ง ฟานนอนลงบนเตียงเหมือนรู้ว่าผมต้องเช็ดส่วนล่างให้เค้าแล้ว " ปลดกางเกงผมได้เลยครับ "

“ นายเองมือก็ไม่ได้เจ็บถอดเองไม่ได้รึไง " ผมบ่นก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดแล้วปลดกระดุมกางเกงให้เค้ารู้สึกหายใจไม่สะดวกยังไงไม่รู้ ร้อนรุ่มไปหมด 

   มือที่เกร็งแปลกๆเอื้อมไปรูดซิบลงไปก่อนจะดึงกางเกงลงให้พ้นข้อขา มือที่กำลังเอื้อมไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ด ฟานก็จับมือผม

“ เดี๋ยวสิ ไม่ถอดกางเกงในออกก่อนละ "

“ ต้อง.. ต้องถอดด้วยเหรอ เดี่ยวนายไปเข้าห้องน้ำ ก็ล้างมันเองสิ " แก้มแดงๆของผมสบตาเค้าไม่ได้เลยในตอนนี้ ฟานที่พยายามจ้องตา " นายเช็ดให้หน่อยสิ ยังไงก็เช็ดตัวให้แล้วอะ " ผมไม่ตอบอะไรตอนที่ดึงกางเกงในอีกฝ่ายลงฟานก็จ้องหน้าผมยิ้มๆ

“ นายจะจ้องหน้าฉันทำไม "

“ แล้วจ้องไม่ได้เหรอ " เบือนหน้าหนีคนที่เอาแต่แกล้งอยู่แบบนั้นด้วยหันมาสนใจผ้าขนหนูผืนเล็กๆในอ่าง ผมบิดมันก่อนจะเช็ดไปที่ขาแล้วก็ขอบขาด้านใน ฟานที่นอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ " เช็ดให้สะอาดนะครับ คุณพยาบาล "

“ รู้แล้วน่า " ผมบอกก่อนจะยกขาข้างนึงของเค้าขึ้นตั้งชัน เช็ดที่ขอบข้างด้านในใกล้จุดนั้นเบาๆคนที่นอนนิ่งก็เริ่มหายใจไม่ค่อยสะดวกอาจเพราะมือของผมมันโดนส่วนนั้นที่ตั้งนิ่งอยู่ " เป็นอะไร "

“ ก็เปล่าหรอก " เค้าบอกยิ้มๆก่อนจะส่ายหน้า " นายเช็ดเถอะ ฉันกำลังฟิน "

“ ไอ้บ้า " ผมดึงมือตัวเองถอยห่างเปลี่ยนไปเช็ดที่ขาด้านล่าง ก่อนจะเลื่อนมาเช็ดขาอีกข้าง ผมชันขาเค้าขึ้นเหมือนเดิม เอื้อมมือไปเช็ดขาข้างใน แต่เช็ดไม่นานส่วนที่นอนนิ่งอยู่ก็เคลื่อนไหวขึ้นมาช้าๆ " ไอ้ฟาน!! ไอ้หื่น! คิดอะไรอยู่!! ห๊า!! ” หน้าแดงๆของผมตะหวาดอีกคนที่ก็หลุดยิ้มออกมา มือเค้าเอื้อมมาปิดส่วนกลางของตัวเองไว้ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง

“ โทษๆ โทษที "

“ ไม่เช็ดตัวให้เล่า!” ผมโยนผ้าขนหนูใส่อีกฝ่ายที่ก็เอื้อมมือมาปิดส่วนกลางของตัวเองที่ก็ยังคงขยายขึ้นไว้ " คิดอะไรของนายอะ "

“ โทษที " เค้าบอกเสียงอ่อน " ก็แหมม นิดนึงเองแฟนเช็ดตัวให้นี่หว่า ไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวกันก็นาน มันเจอคนเคยๆมันก็ต้องตื่นเป็นธรรมดาสิ "

“ คนเคยๆอะไรของนาย นี่ถามจริงๆเถอะ ตอนพยาบาลเช็ดตัวให้นายเป็นแบบนี้รึเปล่า "

“ ไม่เป็น จะเป็นได้ไงเล่า " ผมเหล่มองอีกคนก็ที่ก็ถอนหายใจออกมา

“ แล้วทำไมพอฉันเช็ดให้มันถึงโด่ขึ้นมา "

“ ยังจะถามอีก ก็แฟนเช็ดให้อะ " ฟานบอกก่อนจะเหลือบมองทางอื่น " แล้วฉันก็จินตนาการเพิ่มด้วย... นิดนึง "

“ ไม่นิดมั้ง " ผมบอกอีกคนก็ยิ้มแห้งๆ " ไม่ต้องมายิ้ม คิดอะไรของนายไม่เช็ดให้เล่า " ทำท่าจะลุกหนีแต่ฟานก็คว้าตัวผมเข้ามากอดไว้ก่อน แผ่นหลังของผมชิดกับหน้าอกของเค้าใบหน้าคมที่เอาคางมาค้ำที่ไหล่เชิงอ้อนกัน

“ ขอโทษ ฉันก็ต้องคิดแฟนฉันบ้างสิ แถมเราไม่ได้มีอะไรกันมาตั้งนานแล้ว จับนิดจับหน่อยมันก็ต้องตื่นง่ายเป็นธรรมดา "

“ ไม่ใช่ว่านายกำลังคิดว่า นายกำลังทำเรื่องอย่างว่ากับฉันอยู่ หรือว่าฉันกำลังทำเรื่องอย่างว่าให้ฉันอยู่รึไง " เหลือบมองอีกคนที่ก็ยิ้มแห้งๆออกมาแต่ไม่ตอบ " คิดอยู่จริงๆสินะ "

“ ไม่ๆ " เค้าปฎิเสธพัลวัล " อยากรู้มั้ยว่าคิดว่าอะไร "

“ ไม่อะ " ผมตอบอีกคนก็หัวเราะ

“ น่า อยากรู้หน่อยสิ ฉันอยากจะเล่าให้ฟัง " ฟานกระซิบลงข้างหูผม " คิดว่านายกำลังสำเร็จความใคร่ให้ฉันแหละ .. ด้วยปาก "

“ ไอ้เด็กทุเรศ! ไม่เอาอะ " ดึงตัวเองออกตอนที่อีกคนพูดแบบนั้น ผมหยิบผ้าขนหนูใส่ลงไปในอ่าง " ฉันไม่เคยคิดจะทำอะไรแบบนั้น แล้วก็ไม่คิดจะทำด้วย "

“ จริงอะ " คำพูดที่ดูไม่เชื่อกัน ทำให้ผมหันไปมองอีกคนที่ก็เหลือบมองไปทางอื่น

“ พูดแบบนี้หมายความว่าไง "

“ เปล่า แต่ฉันไม่คิดว่านายจะไม่เคยทำหรอกนะ " ปากที่กำลังจะอ้าเถียง อีกฝ่ายก็ขัดขึ้นมา " นายเคยทำให้ฉันนะ ตอนเมา "

" ไม่จริงอะ " ผมส่ายหน้าปฎิเสธ เอาเถอะ .. ถึงจะชอบเมาแบบไม่ค่อยได้สติ เซ็กส์จัดแถมกล้าได้กล้าเสียแต่ก็คงไม่กล้ามากถึงขั้นทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบหรอกมั้ง " นายอย่ามาโกหกฉันเลย ฉันไม่เชื่อหรอก "

" ฉันเคยโกหกนายเรื่องแบบนี้เหรอ " อีกคนถามผมก็ไม่ตอบ " ไว้ครั้งหน้านายเมา ฉันจะถ่ายคลิปไว้ให้นายดู "

" อย่าเชียวนะเว้ย " ผมขู่ฟานก็หัวเราะ

" แล้วก็บอกว่าไม่เชื่อ "  ผมส่ายหน้าหนีขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับเค้าที่ดูท่าทางมั่นใจจนผมเองก็เริ่มจนไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ก็เพราะตอนเมาคนเรามันไม่มีสติ มั่นหน้ามากเดี๋ยวความจริงออกมาแล้วจะอาย  " นี่คีย์ "

" หื้ม ? “ หันไปมองอีกคนก็เม้มริมฝีปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง ความต้องการที่ไม่ต้องเดาผมเองก็รู้อยู่แล้ว " ไม่เอาอะ ไม่มีทางทำให้หรอก ไม่ต้องคิดจะพูดมันออกมาเลยนะ  "

" แค่มือก็ไม่ได้เหรอ "

" ทำเองสิ " ผมบอกอีกคนก็ถอนหายใจ

" เหมือนกันที่ไหนละ อีกอย่างมือข้างที่ถนัดของฉันมันโดนยิงมา มืออีกข้างมันควบไม่โอเค "

" งั้นก็อดทนจนกว่าจะหาย " ยักคิ้วบอกเค้า " หรือว่าอยากจะให้ฉันสั่งโดนัทให้ก่อนมั้ย "   

“ ทำไมใจร้าย" เค้าบ่นเบาๆผมก็เดินเอากะละมังไปเทน้ำทิ้งก่อนจะเดินหยิบเสื้อผ้ามายื่นให้

“ ฉันจะออกไปทำกับข้าวให้นายกิน นายจะนั่งอยู่ในห้องนี้ก่อนก็ได้นะ ทำให้เสร็จแล้วค่อยออกไป "

“ ไม่เอาอะ ไม่ให้ไป " เค้าคว้าเอวผมไว้ก่อนจะดึงเข้ามาใกล้ " อยู่กับฉันทำให้ฉันก่อนนะ คีย์นะ นะครับนะ "

“ ไม่ ฉันจะไม่ตามใจนาย " ยกมือขึ้นปิดหูของตัวเองอีกฝ่ายก็ยังคงอ้อนกัน

“ คีย์ "

“ ไม่ "

“ คิดว่าเป็นของขวัญหลังจากที่ฉันออกจากโรงพยาบาล "

“ ไม่ มันควรเป็นอย่างอื่น เช่น ของเล่น หรืออย่างอื่น ไม่ใช่อะไรแบบนี้ "

“ แต่ฉันไม่ได้อยากจะได้ของแบบนั้น ฉันอยากจะได้ความรักจากนาย "

“ อันนั้นก็ให้ไปแล้ว " ผมบอกก่อนจะหันมองหน้าเค้า " ฉันให้นายไปแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกันสักหน่อย " เหลือบมองส่วนกลางของเค้าที่ยังคงโด่ขึ้นมาเพราะความต้องการที่ยังคงไม่ลดละ ฟานเป็นคนทีความต้องการสูงเรื่องนั้นผมรู้ดี เพราะเมื่อก่อนตอนมีอะไรกันเด็กนี่ไม่เคยหยุดที่รอบเดียว มันต้องมีรอบพิเศษของพิเศษ  ทำจนกว่าจะหมดแรงและหนำใจกันไปข้าง ส่วนผมเองก็พวกตามใจเค้าเสมอกับเรื่องแบบนี้ ก็ยอมรับว่าชอบ กับการถูกสัมผัสแล้วเติมรักให้กัน

   แต่ตอนนี้คือมันไม่ใช่ ถึงผมจะชอบแต่ไม่ได้หมายความว่าจะกล้าทำอะไรแบบนั้นได้ ไอ้ที่ว่าคุกเข่าลงเอาปาก หรือมือโมกให้เค้า อะไรแบบนั้น คนอย่างผมทำไม่ได้ เป็นพวกชอบให้ทำให้มากกว่า จะเป็นฝ่ายทำให้อีกฝ่ายมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

“ หรือว่านายยังคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ " คำถามที่ถูกตั้งขึ้นมา ฟานปล่อยมือออกจากเอวผมทันทีเหมือนคิดขึ้นมาได้ว่าไม่ควรพูดเซ้าซี้กับผมเกี่ยวกับเรื่องอย่างว่าพวกนั้น เพราะผมอาจจะคิดถึงความทรงจำร้ายๆ ใบหน้าที่เปลี่ยนสีของเค้าเหมือนว่าเค้ากำลังเอ่ยโทษตัวเองอีกแล้วที่ทำให้ผมคิดถึงเรื่องวันนั้น  " โทษที ฉันขอโทษ งั้นนายออกไปเถอะ ฉันจะแต่งตัวแล้วเดี๋ยวจะตามออกไป "

“ ฉันไม่ได้คิดถึงอะไรพวกนั้นหรอก " ผมเบือนหน้าหนีบอกเค้า " แต่ฉันไม่ใช่คนหน้าด้าน หน้าทนที่จะให้แฟนตัวเองมานั่งจ้องตอนที่ฉันกำลังทำเรื่องแบบนั้นให้ แล้วไม่รู้สึกเขินอายอะไรมันก็แค่นั้น  " แล้วสุดท้ายก็กลายเป็นว่าผมจะใจอ่อนลงให้ทันทีพออีกฝ่ายคิดแบบนั้น

   ผมแค่ไม่อยากจะให้เค้าเข้าใจผิด ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นแต่ที่คิดคือกำลังคิดถึงว่า มันน่าอายตังหากที่จะทำเรื่องแบบนั้นให้เค้า ช่วงเวลาที่ฟานมองผมที่กำลังทำเรื่องแบบนั้นให้คงอยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปไกลๆหลังจากทำแบบนั้นเสร็จแล้วต้องมามองหน้ากัน

" งั้นถ้าฉันไม่มอง นายจะทำให้งั้นสิ " อีกฝ่ายยิ้มออกมาผมก็ไม่ตอบอะไร " งั้นฉันจะเอาผ้าปิดตาฉันไว้ นายทำให้หน่อยสิ "

" ทำไมต้องเป็นฉันด้วย นายทำเองไม่ได้รึไงเล่า " ผมเบือนหน้าหนีก่อนที่ฟานจะดึงตัวเองเข้ามาใกล้ เค้าที่หอมแก้มผม

" มือนายกับมือฉันมันไม่เหมือนกันหรอกนะ ยังไงซะ เวลาที่มือนุ่มๆของนายมาจับของของฉัน มันต้องได้ฟิวที่ดีกว่าอยู่แล้ว นะ ถือว่าช่วยฉันหน่อยเถอะ ฉันน่ะ คิดถึงนายจะแย่แล้ว "  ถอนหายใจออกมาผมนิ่งอยู่นานก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้วโยนผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ให้เค้า

" ปิดตาไว้แล้วอย่าให้ฉันรู้ว่านายแอบมองละ ต่อให้จะเสร็จฉันก็จะไม่ทำต่อ "

" โอเค " ฟานหยิบผ้าขึ้นมาจะพับแต่ท่าทางที่ดูเงอะงะเพราะแขนที่เจ็บ ทำให้ผมคว้ามันมันพับแทนก่อนจะปิดตาให้เค้า

" เดี้ยงขนาดนี้ยังจะเซ็กส์จัดอีก ไอ้หื่นเอ้ย " ปิดตาอีกคนไว้ด้วยผ้า ผมส่ายมือไปมาตรงหน้าอีกคนทดสอบการมองเห็น " ฟานนี่กี่นิ้ว "

“ สาม " ผิด .. ผมพูดในใจก่อนจะเปลี่ยนนิ้ว

“ ไม่ใช่ว่านายเห็นแล้ว ไม่บอกความจริงกับฉันนะ " เหล่มองเค้าที่หลุดหัวเราะออกมา

“ คิดมาได้ยังไงคนเรา "

“ นี่ละกี่นิ้ว "

“ สอง " นี่ก็ผิดอีก ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะมองไปที่ส่วนกลางของเค้าขยับร่างให้อีกฝ่ายมานั่งอยู่ที่ขอบเตียง มือหนายกขึ้นปิดตาตัวเองตอนที่ผมจับมัน

“ เป็นอะไรปิดตาทำไม นายก็มองไม่เห็นอยู่แล้วนะตอนนี้ "

“ ก็แบบนี้มันตื่นเต้นยิ่งกว่ามองเห็นอีกอะ ต้องเสร็จเร็วแน่เลย " เค้าบอก ผมก็เม้มริมฝีปากก่อนจะขยับมือตัวเองขึ้นลงเป็นจังหวะ

   มองดูส่วนกลางที่ขยายตามมือของผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะเคยอมมันมาแล้ว หรือว่าฟานจะโกหกวะ ผมคิดทบทวนกับตัวเองอยู่แบบนั้นด้วยความสงสัย แต่เคยสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นให้ใคร มันก็ต้องไม่เคยสิวะ เอ๊ะ หรือว่าเคยเพราะเมา ผ่อนลมหายใจสับสนของตัวเองออกมา สำหรับผมเพราะไม่ชอบกลิ่นของมันก็เลยไม่คิดจะทำให้ใคร

   รู้สึกว่ามันคงเหม็นอับเพราะผมเคยมีเพื่อนที่เล่าให้ฟังว่ากลิ่นมันสุดจะทนส่วนน้ำนั่นก็ด้วย ถ้าเข้ามาในปากได้ชิมแล้วจะรู้สึกว่าเป็นรสที่แปลกจนแทบจะกินข้าวไม่ลง เพราะแบบนั้นก็เลยไม่เคยที่จะลองทำให้ใครทั้งนั้น ไม่อยากจะมีประสบการณ์ประหลาดๆพวกนั้น ผมเหลือบมองฟานที่กำลังปิดตาอยู่ แต่ถ้าแค่ดมก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง อยากรู้กลิ่นมันเป็นไง

   ผมก้มลงดมอยู่สักพัก น่าแปลกที่มันไม่มีกลิ่นอะไร มันไม่ได้อับแต่ก็ไม่ได้หอม ' หรือว่าจะเพิ่งเช็ดตัวไป ' ผมคิดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอนที่น้ำของความต้องการของอีกฝ่ายซึมออกมาเบาๆ เหมือนเป็นสัญลักษณ์ให้ผมเร่งมือที่กำส่วนกลางนั้นไว้แน่นเพื่อให้เค้าปลดปล่อยความต้องการออกมา

" อื้ออออ " เสียงทุ้มหลุดออกจากลำคอของเค้า มือหนาที่จิกเข้ากับผ้าปูเตียงที่เค้านั่งอยู่ก่อนจะปลดปล่อยความต้องการออกมาจนเลอะมือของผมทั้งหมด ความต้องการที่ค่อนข้างมากกว่าปกติคิดสภาพว่าถ้าเรามีอะไรกัน น้ำจำนวนนี้ก้ตองเข้าไปในร่างกายของผม ผมก็กลืนน้ำลายตัวเองเสียเฮือกใหญ่ก่อจะส่ายหน้าไปมา

“ เสร็จแล้ว " ลุกขึ้นมาจากพื้นวิ่งเข้าไปในห้องน้ำจัดการล้างมือเรียบร้อยก่อนจะหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดมันเช็ดคราบที่เปื้อนอยู่บนตัวเค้าให้

“ คีย์ " มือหนาเอื้อมมือมาประคองแก้มของผมทั้งๆที่เค้ากำลังปิดตาอยู่  นิ้วโป้งเกลี่ยเบาๆที่ริมฝีปากราวกับกำลังจะหาว่ามันอยู่ตรงไหน ฟานที่ก้มลงมาใกล้แล้วจูบมันเบาๆ ก่อนจะผละออก " ขอบคุณนะที่ทำให้ "

" มันก็หน้าที่ของฉัน เหมือนกันอะ  " ผมผ่อนลมหายใจ รู้สึกว่ามันเป็นแบบนั้นแหละมั้งสำหรับตอนนี้ เพราะเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

   สำหรับผม การประคับประคองความรัก มันมีหลายๆอย่าง แล้วผม ก็คงต้องเรียนรู้มันไป

 ..................................................
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนที่ 70 'ความรักที่เข้ากันได้ดี' UP - 29.1.60}หน้า 41(จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 03-02-2017 20:53:44

ตอนพิเศษตอนแรกมากแล้ววววว
หนมจะลงให้อ่าน สองตอนนะคะ คือ ตอนที่ลงวันนี้ กับ วันศุกร์หน้าจ้า
เนื้อหาอาจจะมีคำผิด ขอโทษจริงๆคะ คือ ลืมไปว่าวันนี้วันศุกร์ ต้องอัพนิยาย  :katai4:
เนื้อหาในตอนพิเศษยาวมากกกกกกก เป็นเนื้อหาที่มีหลายๆด้าน เหมือนสรุป ความรู้สึกและสิ่งที่ค้างคาอยู่
ถ้าใครชอบ อะไรหวานๆ ก็สามารถหาซื้อมาอ่านได้นะคะ ตอนนี้เปิดจองแล้ว
ตามรายละเอียดนี้

ประกาศรวมเล่มหนังสือ " ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง " #ฟานคีย์
มาแล้วจ้าาาาาาาา
#เปิดจองตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม – 1 มีนาคม 2017
( หนังสือจะได้ช่วงกลางเดือนมีนาคมโดยประมาณค่ะ )

#รายละเอียดของหนังสือ
หนังสือขนาด A5 จำนวน 1000+ ( เนื้อหาหลัก 70 ตอน + ตอนพิเศษอีก 15 ตอน )
หนังสือมี 3 เล่มจบ ( เล่มละ 350+ )
ราคาหนังสืออยู่ที่ 1180 บาท ( ราคานี้รวมค่าส่ง EMS แล้ว )
*หนังสือหนัก มากกว่า 2 kg ส่งลงทะเบียนไม่ได้ค่ะ
#ตัวอย่างหน้าปก มีมาให้ชม ตอนกลางเดือน กุมพา นะคะ

#รายละเอียดของเนื้อหาตอนพิเศษ
เนื้อหาตอนพิเศษ 15 ตอน จะเป็นเนื้อหาต่อจาก ตอนจบ ตอนที่ 70 ค่ะ เป็นเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายๆไปแล้ว เนื้อหาจะออกแนว น่ารัก ความรัก ความเข้าใจ การปรับตัวหลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้น ส่วนใครที่ชอบคู่รองเมษลิป ก็มีเนื้อหาส่วนของเมษลิปอยู่ด้วยค่ะ ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไงเป็นนิยายชีวิตที่มีความน่ารักของความรักแฝงอยู่ด้วย ถ้าได้อ่านตั้งแต่ต้นจนจบตอนพิเศษ จะเป็นอะไรดีมากกกกกก #มีความขายของระดับสิบ 55555555555555

#ของแถม
ปฎิทินก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง ขนาดโปสการ์ด
ที่คั่น 3 ชิ้น
ปลอกสวมหนังสือแบบบาง
( ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเป็นอะไรคะ ) 55555555555555

#ขั้นตอนการสั่งซื้อ
1. โอนเงินมาที่บัญชี ธ.ไทยพานิชย์ สาขา บางจาก
เลขที่บัญชี 0892649044
ชื่อบัญชี นางสาวอรชา ภูมิมาตร
2. เมื่อโอนเงินเรียบร้อย ถ่ายภาพสลิปเป็นหลักฐานการโอน ( กรุณาถ่ายภาพสลิปเถอะนะคะ ได้โปรดคนดี )
3. ส่งเข้ามาที่ " กล่องข้อความ เพจหนมมี่ผู้ใสซื่อ " เท่านั้น
โดยกรอกข้อความดังนี้ให้ครบถ้วน
ชื่อ นามสกุล
ที่อยู่โดยละเอียด
พร้อมแนบภาพถ่ายสลิปการโอน
**เมื่อได้รับข้อความตอบกลับจะถือว่า การสั่งจองเสร็จสิ้น
*** ทั้งนี้การตอบอาจจะมีความล่าช้า แต่จะตอบภายใน 3 วัน
หากมีขอสงสัย สามารถสอบถามได้ที่
Twitter :: @realkanom
Facebook :: เพจ หนมมี่ผู้ใสซื่อ


ขอบคุณที่มาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 1 UP - 3.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 03-02-2017 22:13:28
จบดีค่ะ ทุกคนต่างได้บทเรียน ต้องเจอกับกับดักที่ตัวเองมีส่วนร่วม แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด
แล้ว ณ วันนี้ ต้องขอบคุณที่ฟานกลับมา แล้วขอบคุณที่คีย์ก็สู้เหมือนกัน

ฟานคีย์เข้าใจกันด้วยดี ผ่านเรื่องแย่ๆมาแล้ว ต่อไปยังไงก็รอด ถ้ารักกันจริง

เรื่องของหัวหน้าไม่รู้ว่าบอกว่าแรงไปดีไหม เพราะจริงๆ ยังไงคนเราต้องเจอผลจากสิ่งที่ทำ แล้วเค้าก็เลือกทางเอง
ก็สะท้อนหลายอย่างค่ะ ความคิด ครอบครัว สังคม จิตใจ

ดีที่คีย์ทำใจได้ไว ไม่หลอนมากไปกว่าเดิม โชคดีที่ฟานไม่โดนสุดเสี่ยง สุดท้ายแล้วโชคดีที่ฟานคีย์ให้อภัยกัน และอโหสิให้กัน

ขอบคุณคนแต่งมากนะคะ น่าติดตามทุกตอนถึงแม้บางตอนจะมาสายดาร์คมากก็ตามค่ะ จะรอติดตามเรื่องใหม่นะคะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 1 UP - 3.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 03-02-2017 23:11:08
คีย์เริ่มจากสูจกลิ่นต่อไปก็คงจะลิ้มชิมรส อิอิ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 1 UP - 3.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-02-2017 23:18:56
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 1 UP - 3.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 04-02-2017 20:57:06
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 1 UP - 3.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-02-2017 11:05:52
55555 ฟานมีความแข็งแรง จินตนาการบรรเจิดระดับ 10

คีย์ก็ยังเป็นคีย์ มีความอาย แต่ก็ปากแข็ง ระดับ 12

น่ารักดีค่ะ เป็นอะไรที่คนเป็นแฟนเค้าทำให้กัน แล้วตอนนี้ฟานคีย์ไม่มีไรให้ห่วงแล้ว
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 1 UP - 3.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 06-02-2017 13:44:30
ขนาดเจ็บยังคึกคักอีกนะ คีย์ หึๆๆๆๆๆๆ :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 1 UP - 3.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-02-2017 14:29:15
 :pig4: 
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 1 UP - 3.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 06-02-2017 22:10:28
จบแล้ว แฮปปี้เอนดิ้ง
แอบหวังว่าจะได้เห็นเค้าสวีทกันที่ญี่ปุ่น กลับกลายมาสวีทที่บ้านแทน แต่มันก็โอเคนะ เรียบง่ายแต่ก็มีความสุขดี
แต่ฟานนะยังไม่หายดีก็หื่นซะละ เขินแทนคีย์ แอร้ยยย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 1 UP - 3.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 08-02-2017 13:59:14
จบได้อย่างสวยงาม
ก็ดีนะ สนุกดีชอบ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 1 UP - 3.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: merciewrio ที่ 10-02-2017 00:13:54
ฉันอ่านได้ถึงตอน ความลับไม่มีในโลก ต้องบอกว่าอ่านไม่จบ และ
อ่านตอนสารบัญก้อมองภาพสภาพของคีย์ออก
และฉันจะไม่สงสารคนแบบนั้น เจออะไรคือสมน้ำหน้า
ตามความเชื่อของพุทธคนที่เกิดมาเป้นกระเทยคือคนผิดลูกผิดเมียเขา
จะว่ายังไงก้อแล้วแต่ นี่คือความจริงอีกข้อ

ฉันเกลียดการผิดลูกผิดเมียคนอื่นมา
ฉันแอนตี้และขอประนามทุกคนที่ทำแบบนั้น
ฉันเจอมากับญาติพี่น้องที่ชีวิตครอบครัวของเขาที่ล้มเหลว
มาขอให้ช่วยเหลืออะไร ขอปฏิเสธทุกอย่าง

จะให้สงสารจะให้เห้นใจคือ ทำไม่ได้ค่ะ น่ารังเกียจสะอิดสะเอียนที่จะอ่านต่อ
จู่ๆ พลิกบทให้นางมายอมให้หัวหน้าก้าวมาในชีวิต
นี่เอาสมองส่วนไหนคิดค่ะคุณ แย่ แย่มาก
คิดไม่ได้ หลอ คือคีย์เจอกับตัว มันแย่ตั้งแต่รู้ว่าเขามีลูกเมีย แล้วยังปล่อยให้เขาทำนั่นทำนี่
แล้วเขาเข้ามาทำนุ้นนี่บังคับ จนรู้สึกติดลบไป มึงเป้นบ้าอะไรมายอมเขาเพราะเขาขอโทษ
ประสาท หมดอารมณ์อ่านไปเลยค่ะ ขอเรื่องที่มันถูกศีลธรรมกว่านี้เถอะขอร้อง
ไม่ได้อยากได้ตัวเองที่ดีเลิศเพอเฟก แค่ขอหละ แค่ไม่ทำให้ใครเขาเดือนร้อน
แต่นี้ทั้งลูกเมียเขา คนรอบข้าง ต้องทำร้ายความรู้สึกไปกี่คน
มันแย่มาก เราไม่ชอบเลย เราเจอกับคนรอบตัวแล้ว
ขอยุติการวิจารย์และการติดตามไว้เพียงเท่านี้
หงุดหงิดค่ะ

ขอโทษที่วิจารย์แบบนี้นะคะ มันอาจเป้นเรื่องที่คุณคิดว่าธรรมดา
แต่อย่าทำผิดกันจนเป้นเรื่องปกติ แล้วความผิดนั้นกลายเป้นถูกไปเลย
บางครั้งการกระทำเพียงเล็กอาจส่งผลยิ่งใหญ่ก้อได้

เขียนแนวอื่นที่ไม่ใช่แนวนี้จะสนับสนุนเต็มที่เลยค่ะ 
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 10-02-2017 21:23:10
ตอนพิเศษที่ 2

" เลิกคิดอะไร หื่นๆแบบนั้นกับฉันสักทีเถอะน่า " ผมบอกอีกคนทั้งๆที่มันเป็นตัวผมเองมากกว่าที่คิดถึงเรื่องราววันนั้นขึ้นมาเอง

" รู้ได้ไงว่าฉันคิด นายคิดเองรึเปล่า " ฟานบอกก่อนจะยิ้มให้ผมที่ก็ทำหน้าเซ็ง " ฮ่าๆ โอเคไม่แกล้งละ ฉันขออาบน้ำก่อนแล้วกัน นายออกไปรอข้างนอกก่อน "

" รีบๆนะ หิวแล้ว "

" ครับผม " เค้าตอบรับผมก็เดินออกมานอกห้อง ก่อนจะเข้าไปในห้องครัวเปิดตู้เย็นหยิบปลาแซลม่อนที่แช่อยู่ในตู้เย็นออกมาแช่น้ำละลายความแข็งของมัน ชงกาแฟถ้วยเล็กๆแล้วหยิบขนมในถุงกินไปเรื่อยเปื่อย ก่อนเสียงทุ้มจะดังจากด้านหลังพร้อมกับท่อนแขนหนาที่กอดเอวผมไว้ " กินด้วยคนสิ "

" อะ " เอียงหน้าหันมองอีกคนที่ก้มหน้าลงมาค้ำที่ไหล่ผม ฟานอ้าปากผมก็ยื่นคุ๊กกี้ให้

" อร่อยจัง "

" อีกชิ้นมั้ย " ป้อนอีกชิ้นเค้าเคี้ยวอยู่สักพักก่อนจะมองไปรอบๆ

" น่ารักจัง รู้ด้วยว่าต้องละลายปลาแซลม่อนที่แช่แข็งไว้ก่อน "  ท่าทางที่ดูประหลาดใจของเค้า ผมทำหน้าเซ็งก่อนจะหันไปหาฟาน

" นี่นายมองฉันโง่ขนาดนี้ไม่รู้เรื่องพื้นฐานแบบนี้เลยเหรอ " ผ่อนลมหายใจออกมาฟานที่หัวเราะในคอเค้าที่กอดเอวผมแน่นขึ้น

“ ฉันไม่ได้มองว่านายโง่ ฉันมองว่า นายรู้ได้ไงเนี้ยย นายไม่เคยทำครัวเลยนี่หว่า “

“ จริงๆเคยทำ ตอนเด็กๆก็เคยช่วยแม่ทำ “

“ เหรอออออ “ เค้าลากเสียงก่อนจะปล่อยมือจากเอวผมแล้วเดินไปหยิบของที่ต้องใช้เพิ่มเติมในตู้เย็น “ จะว่าไปฉันไม่เคยฟังเรื่องครอบครัวของนายเลยนะ นายไม่เคยเล่าเลย “

“ ครอบครัวฉันเหรอ “ คีย์พูดทวนเสียงก่อนจะดึงตัวเองขึ้นนั่งบนเค้าเตอร์ “ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก พ่อฉันเสียตั้งแต่เด็ก แม่มีผัวใหม่เป็นคนต่างชาติ แม่เลยย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับสามีใหม่ มีลูกใหม่ จบ “ ฟานเหลือบมองผมในแววตาที่ห่วงใยนั้นผมหลุดหัวเราะออกมา “ นายคิดว่าชีวิตฉันเศร้าเหรอ “

“ มั้ง แล้วนายเศร้ามั้ยละ “

“ ชีวิตฉันสบายมากกว่าที่นายคิดนะ “ เค้าบอก “ จะว่ายังไงดีละ ฉันก็โอเคกับแด๊ดดี้ของฉันนะ เค้าเป็นคนใจดี พ่อฉันน่ะเสียตอนฉันอยู่ประมานม.ปลายมั้ง ก็โตพอที่จะมีเหตุผลและเข้าใจแม่ที่มีสามีใหม่แล้วละ แด๊ดดี้ฉันรวยมากแม่ก็สบายไปมีผัวรวยก็ย้ายไปอยู่เมืองนอกมีลูกใหม่ มีครอบครัว ส่วนฉันก็ต้องอยู่หอคนเดียวตอนเรียนมหาลัยอยู่แล้ว พอเรียนจบก็ทำงานหาเงิน จะเรียกว่าไงดีละ ฉันก็คิดว่าดีนะที่ได้ใช้ชีวิตของตัวเองแบบนี้น่ะ "

" ไม่โกรธเหรอ ที่แม่ทิ้งให้อยู่ที่นี่คนเดียว " คำถามที่ทำให้ผมยิ้ม ตอนนั้นใครหลายๆคนก็ถามผมแบบนี้เหมือนกัน ทำไมไม่ไปอยู่เมืองนอกกับแม่ละ ไม่โกรธเหรอเหมือนโดนทิ้งให้อยู่คนเดียวเลยนะ แต่คำตอบของผมจากตอนนั้นจนถึงตอนนี้มันก็เป็นอย่างเดิม

" ไม่โกรธหรอก " ยิ้มให้อีกคนที่ยิ้มตาม " ฉันจะโกรธได้ไงในเมื่อแม่มีความสุข สำหรับฉันเรื่องนี้ฉันจะมองมันในแง่ดีมากกว่าในแง่ร้าย ฉันมองว่าดีออกจะได้ใช้ชีวิตของตัวเอง จะไปไหนก็ได้ไป คบกับใครก็ได้แม่ไม่ว่า จะทำอะไรก็ได้ จะกลับบ้านดึก มันสบายมากเลยนะ แต่ว่าถ้าเกิดว่าฉันเรียนจบแล้วคิดอยากจะเรียนต่อเมืองนอกขึ้นมา ฉันก็มีที่อยู่แล้ว ถ้าฉันอยากจะไปเที่ยวฉันก็ติดต่อแม่ไป คือมันก็ดีออกนะ ฉันคิดแบบนี้ตลอดแหละ  "

" ดีจังนะ ที่คิดได้แบบนั้น " เค้าพูดออกมาก่อนจะบ่นต่อเป็นเสียงเบาๆ " ฉันเองก็อยากจะคิดได้แบบนั้นบ้างจัง "

" เรื่องของฉันมันไม่ได้เจ็บปวดฟาน  แม่ฉันกับฉันเราอยู่กันด้วยเหตุผลและความเข้าใจ ฉันเข้าใจว่าทำไมเค้าต้องไป การที่ฉันอยู่คนเดียวมันเป็นทางที่ฉันเลือกเอง เค้าไม่ได้ทิ้งฉัน  อีกอย่างตอนนั้นแม่ก็ชวนนะ ว่าไปอยู่ด้วยกัน แต่ฉันที่ปฎิเสธเอง แด๊ดดี้ยังบอกเลยว่าติดต่อไปได้ทุกเมื่อ ทุกวันนี้เทศกาลสำคัญฉันก็ได้รับข้อความตลอด บางทีก้ของขวัญเล็กๆ  เรามีแต่ความรู้สึกดีๆต่อกัน แต่นายมันไม่ใช่นิ เรื่องของนายใครมองในแง่ดีได้นั่นก็ประเสริฐแล้วละ " ทุกอย่างเงียบไปตอนที่ผมพูดฟานที่ยิ้มน้อยๆผมก็เอียงหน้าบอกเค้าชวนให้เปลี่ยนเรื่อง " ทำอาหารเถอะ ฉันหิวแล้ว มา! ฉันช่วยเริ่มจากอะไรก่อน " ผมดึงตัวเองลงจากเค้าเตอร์ครัวหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่ก่อนที่อีกคนจะยื่นแครอทให้

“ ปอกเปลือกแครอทละกัน "

“ โอเค ปลอกเปลือกแครอทนะ " ผมทวนคำสั่งของอีกคนก่อนจะหยิบมีดเล่มโตจากในลิ้นชักขึ้นมา เสียงห้ามก็ดังขึ้น

“ เดี๋ยวๆ นั่นจะทำอะไร "

“ ก็ปลอกเปลือกแครรอทไง ทำไมละ "

“ ด้วยมีดอันใหญ่อันนั้นอะนะ " ฟานถามผมก็พยักหน้ารับ " นายจะหั่นมือนายไปด้วยรึไง ทำไมไม่ใช่ที่ปอกเปลือกละครับ "

“ ที่ปอกเปลือก " ผมถามอีกคนก็เดินมาเปิดลิ้นชักแล้วหยิบให้

“ ใช้อันนี้สิ"

“ นี่เหรอ ที่ปอกเปลือก " หยิบมันมาหมุนดู ผมเคยเห็นนะอะไรแบบนี้น่ะ แต่ไม่เคยใช้หรอก ผมไม่ใช่มนุษย์ที่ซื้อผลไม้สดๆจากซุปเปอร์มาปอกแล้วกินหรอกครับ ส่วนใหญ่ถ้าไม่กินพวกที่ปอกเปลือกมาแล้วก็จะซื้อผลไม้พวกไม่มีเปลือกมากกว่า มันง่ายต่อการกินดี " แล้วใช้ยังไงละ "

“ คีย์..” ร่างสูงยืนนิ่ง  เค้าที่เหมือนตอบคำถามที่ผมถามไม่ถูกเหมือนใบ้กินไป คงคาดไม่ถึงละสิ ว่าแฟนนายจะด้อยความรู้ทางการครัวอะไรขนาดนี้ " นี่อยู่มาจนจะสามสิบได้ยังไง "

“ นี่!! แรงไปแล้วนะหล่อนนนนน " ลากเสียงยาวใส่อีกคนก็หัวเราะออกมา " ก็ฉันมันคนง่ายๆนี่หว่า กินอะไรง่ายๆ ไม่ต้องยุ่งยากอะไรแบบนี้หรอก "

“ ไม่ได้เรียกว่ากินอะไรง่ายๆหรอก " ฟานบอก " เป็นคนขี้เกียจมากกว่า "

“ ว่ากันอีกละ เดี๋ยวก็งอนไม่ช่วยซะหรอก "

“ โอ้ว เคๆ โอเคครับ เค้าขอโทษนะ มาๆ เค้าจะสอน " เสียงกวนตีนที่เดินมายืนช้อนข้างหลังผม ฟานจับมือผมทั้งสองข้างที่ถือที่ปลอกเปลือกกับแครอทไว้อย่างละข้าง " ก่อนอื่นก็จับให้มั่นนะ แล้วก็เอาที่ปลอกเปลือกกดลงไปแล้วรูดลงมาถึงปลายสุด ไม่ต้องแรงมากนะเดี๋ยวกินเนื้อไปหมด " มือที่ค่อยๆบังคับให้ผมทำตามอยู่นาน ก่อนที่เค้าจะปล่อย " อะ ต่อไปก็ทำเอง ลองทำดู "

“ แบบนี้ " ทำตามที่อีกคนสอนจะว่าไปมันก็ไม่ยากหรอก แต่แปลกนะ ทำไมมีดมันไม่ค่อยกินเปลือกวะ หวืดตลอดเลย

“ นายต้องกดลงไปแรงสักหน่อย "

“ มันดูเหมือนมันจะง่ายนะ แต่ยากวะ " ยิ้มแห้งๆให้อีกคน ฟานก็สอนผมอีกครั้งแต่มันก็ดูเหมือนไม่ได้เรื่องเท่าไหร่ สุดท้ายเค้าก็เอามันไปทำเองในที่สุด " ฟานเก่งจัง " ผมเดินเข้าไปยืนใกล้ๆอีกคนก็ส่ายหน้ากับท่าทางอ้อนๆของผม " อยากจะกินแครอทที่เป็นรูปดอกไม้อะ ฟานทำให้หน่อยสิ "

“ ดอกไม้เหรอ " เค้าทวนคำพูดก่อนจะจัดการหั่นด้านข้างออกเป็นสามเหลี่ยมสามมุมแล้วส่งมาให้ผม " คราวนี้นายหั่น "

“ หยิบมีดอันนี้นะ " ผมหยิบมีดอันใหญ่ขึ้นมาชูตรงหน้า อีกคนก็ผละหลังหนี

“ รู้อะไรมั้ย นายเป็นคนที่หยิบมีดได้น่ากลัวมากๆเลย " เค้าหัวเราะ " เอาอันที่มันเล็กกว่านี้หน่อย อันนี้ก็พอ " มีดเล็กๆถูกหยิบออกมาจากในลิ้นชัก " จับแบบนี้นะ จะได้ไม่บาดนิ้ว " เป็นการจับแบบซ่อนนิ้วมือไว้ด้านใน " แล้วก็หั่นไม่ต้องหนามากบางมาก "

“ โอเค " ผมทำตามที่อีกคนบอก กะมีดกับแครอทที่จะหั่น " แค่นี้ได้มั้ย

“ อื้ม ได้ละ หั่นเลย "

“ หั่นเลย หั่นเลย " ลงมีดหั่นลงไปบนแครอทแบบไม่ค่อยถนัด ต้องคาดคะเนระยะห่างจากมีดแล้วก็ขนาดให้ออกมาเท่าๆกัน ฟานที่ยืนมองอยู่ผมก็หันไปยิ้มให้เค้าที่ก็ยิ้มตามออกมา " เป็นไงโอเคมั้ย "

“ โอเค หั่นไปนะ หั่นถึงแค่นี้ก็พอ "

“ โอเคครับผม " จัดการหั่นแครอทตามสั่งเรียบร้อยผมรู้สึกมันใช้เวลานานกว่าที่คิด ใหญ่บ้างเล็กบ้างไร้ความเท่าเทียมกันอย่างที่สุด " เสร็จแล้วละ ยังไงต่อ "

“ คราวนี้ก็ไปเอาผักกาดขาวให้ตู้เย็นออกมา "

“ ผักกาดขาวเหรอ " ไม่รู้จักหรอก เอาจริงๆก็ยังสับสนระหว่าง ผัดกาดขาว กับ ผักกาดหอม แล้วก็ กะหล่ำปลีอยู่บ่อยๆ " อันนี้มั้ย " ผมหยิบผักลูกกลมๆขึ้นมาฟานก็ส่ายหน้า

“ นั่นกะหล่ำปลี "

“ อ้อ.. นี่กะหล่ำปลี งั้นคงเป็นนี่ " หยิบผักที่มีใบหยิกๆไปให้อีกคน ฟานก็ส่ายหน้าอีก

“ นั่นมันผักกาดหอม "

“ อ้อ นี่ผักกาดหอมเนอะ งั้นคงนี่ ถูกแน่นอนหนนี้ ใช่มั้ย " ยื่นผักไปให้เค้า ฟานพยักหน้ารับผมก็เดินไปยืนข้างเค้า " มา  ฉันหั่นเอง "

“ จะเสร็จมั้ย กับข้าววันนี้เนี้ย "

“ เสร็จสิ นายหุงข้าวแล้วนี่ " ขยับไปยืนข้างๆอีกคนที่กำลังมองผม " ต้องเปลี่ยนมีดมั้ย "

“ ไม่ต้องหรอก เพราะถ้าเปลี่ยนมีดเดี๋ยวอาจจะค้องมีเรื่องเศร้า "

" เรื่องเศร้าอะไร "

" มือนายคงถูกตัดไปแทนที่จะเป็นผักไง " มือหนาเอื้อมมือมาขยี้หัวผมจะก่อนเริ่มสอนผมหั่นผัก คราวนี้หั่นง่ายหน่อยไม่ได้ต้องหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแบบนั้นแล้ว " เสร็จแล้ว " ผมยื่นผักให้อีกคนฟานก็ผนักหน้ารับ เอาหมูออกมาจากช่องเย็น แล้วก็วุ้นเส้น "

" วุ้นเส้นรู้จักมั้ย หมูรู้จักรึเปล่า " คำถามที่ทำให้ผมหันไปชักสายตาใส่เค้า "

" ต้องรู้จักสิวะ " ผมบอกก่อนจะหยิบทุกอย่างที่อีกคนต้องการออกมา " ฟานฉันอยากจะสับหมูเอง "

" โห เล่นของยาก ปกติเป็นคนเล่นท่ายากด้วยรึเปล่าครับ " อีกคนแซว ผมก็หันไปหยิบมีดแล้วยื่นไปทางเค้า " เฮ้ยๆๆๆ แซวเล่นๆ ต้องถึงขนาดนี้เลยรึไงวะ "

" เดี๋ยวก็เจ็บหนักหรอก "

" อะไร แค่แซวว่าชอบท่ายากรึเปล่าก็เท่านั้นอะ " ฟานบอกก่อนจะเดินมาคว้ามือออกมาให้พ้นมือผม สายตาที่จ้องมองเค้างอนๆ ฟานยกมือขึ้นบี้แก้มก่อนจะเอียงหน้าผมให้ส่ายไปมา " โอ๋ๆ อะ ล้อเล่น "

" เพื่อนเล่นเหรอฟาน "

" ไม่ใช่ครับ " เค้าบอกก่อนจะปล่อยมือที่จับแก้มผมมาเป็นกอดเอวแทน " แต่อยากจะรู้จริงๆนะ ว่าชอบท่ายากรึเปล่า "

" ไม่รู้สิ แฟนฉันเค้าถนัดแต่ท่าเบสิคอะ " คำตอบที่ทำให้ร่างสูงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม ก่อนจะถูกดันออกไป " ถอยออกไปเว้ย "

" เดี๋ยวก่อนเถอะ ฉันหายป่วยเมื่อไหร่ นายจะได้รู้ว่าฉันไม่ได้ถนัดแต่ท่าเบสิคหรอก " ฟานก้มหน้าเข้ามาใกล้ผม ไม่รู้หมั่นใส้หรืออะไร แต่อีกฝ่ายกลับจูบเข้าที่ต้นคอก่อนจะงับมันถี่ๆ

" อ่าาาา จักกะจี้! ถอยออกไปเลย " ดันหน้าอีกฝ่ายออก ผมหลุดหัวเราะออกมากับสายตาที่สบกัน  เหมือนทุกอย่างในตอนนั้นมันนิ่งไปหมด ใบหน้าคมที่ก้มลงมาใกล้เค้าจูบริมฝีปากผมที่ก็หลับตาลงอย่างรู้ตัว

   จูบดูดดื่มดำเนินไปช้าๆท่อนแขนหนาที่โอบรัดเอวผมไว้ก่อนที่เค้าจะผละริมฝีปากออกแล้วไล่ลงจูบที่ซอกคอ ก่อนจะต่ำลงไปเรื่อยๆ " ฟาน .. หิวแล้ว "

" ฉันก็หิวเหมือนกัน " คำพูดติดแหบของอีกคน ราวกับว่า คำว่าหิวของฟานตอนนี้มันจะไม่ใช่อาหารแบบที่ผมต้องการ แต่เหมือนว่าเค้าต้องการอะไรอีกอย่าง ที่น่าจะเป็น เซ็กส์ หรือ ร่างกายของผม แล้วเรื่องนั้นตอนนี้ผมก็ยังให้เค้าไม่ได้หรอกและเค้าเองก็น่าจะรู้ดี
 
" ฉันหมายถึงว่า ฉันหิวข้าวแล้ว " บอกอีกฝ่ายตรงๆ ฟานก็ดึงตัวเองขึ้นมามามองหน้า " ทำกับข้าวเถอะ ข้าวมันสุกแล้วอะ " เชิดหน้าไปที่หม้อหุงข้าวที่ขึ้นว่าอุ่น อีกฝ่ายก็ยิ้มแห้งๆ

“ แต่ว่าฉันนะอยากกิน.." คำพูดที่เผลอพูดออกมาด้วยอารมณ์ของเค้าก่อนที่สายตาคมนั้นจะเปลี่ยนไปเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ " นั้นนะสินะ .. งั้น .. งั้นฉันไปย่างปลาแซลม่อนก่อนนะ "

“ อะ อื้ม " ผมพยักหน้ารับอีกคนก็หันไปจัดการงานของตัวเอง ผมเองก็หันหลังไม่มองเค้า อยู่ๆก็เกิดความรู้สึกที่เข้าหน้ากันไม่ติดขึ้นมาซะงั้น 

   ผมเม้มริมฝีปากที่โดนจูบก่อนจะยกมือขึ้นลูบที่ลำคอเบาๆ ก็รู้สึกดีนะกับการกระทำแบบนี้แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะตามใจเค้าอยู่ดี ตอนนี้ผมอาจจะไม่ได้คิดถึงเรื่องแบบนั้นแล้วแต่อาจเพราะชีวิตช่วงนี้ต้องดูแลฟานแล้วมันก็ไม่ว่างมานั่งคิดอะไรแบบนั้นหรอก กลางคืนก็หลับไปเพราะเหนื่อย ตื่นเช้ามาก็ต้องรีบอาบน้ำมาดูแลอีกคน แต่การที่เซ็กส์คือการจดจ่อกับคนตรงหน้าแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าจะคิดถึงมันอยู่อีกรึเปล่า บางทีก็อยากจะลองดูว่ายังคิดถึงอยู่มั้ย แต่อีกใจก้ยังไม่กล้าพอ

“ คีย์ .”

“ หื้ม " ผมหันไปหาอีกคนที่จ้องผมอยู่ " มีอะไรรึเปล่า "

“ คิดถึงเรื่องนั้นอยู่รึเปล่า " คำถามที่มาพร้อมกับฝ่ามือที่เอื้อมมากุมมือของผม สายตาที่มองด้วยความเป็นห่วงใย ปากที่กำลังเอ่ยขอโทษผมที่ก็รีบส่ายหน้าทันที

“ เปล่า ฉันไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น " ผมบอกก่อนจะชวนเปลี่ยนเรื่อง " แล้วนายเรียกฉันทำไม "

“ จะบอกว่าให้นายสับหมู " เค้าว่าก่อนจะขยับมายืนข้างผม " แต่ฉันสับเองดีกว่ามันเร็วกว่า " ฟานบอกแบบนั้นก่อนจะจัดการสับหมูและปรุงรส  เค้าใช้เวลาไม่นานอย่างที่บอกจริงๆด้วยความชำนาญเค้าหยิบนู้นใส่นี่จนแทบดูไม่ทันว่าใส่ไปในแริมาณเท่าไหร่
“ อยากช่วยอะ ฉันอยากจะปั้นเอง ให้ฉันปั้นนะ " ผมบอกอีกคนก็วางมือ " นายไปดูปลาแซลม่อนเถอะ "

“ โอเค ปั้นอย่าใหญ่เกินไปนะ เอาให้เท่าๆกัน "

“ ครับผม " เหลือบมองเค้าที่กันไปจัดการอยู่ที่หน้าเตาผมก็จัดการปั้นหมู ท่าทางที่ดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเรา ผมที่ก้มหน้าลงปั้นหมูไปเรื่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะคิดอะไรขึ้นมาได้

“ ฉันจะเริ่มทำแกงจืดแล้วนะ "

“ ฉันจะทำเอง " ผมหันไปบอกอีกคนก่อนจะหันหลังปั้นหมูที่บังไว้ " ให้ฉันทำนะ ฉันอยากจะทำ ต้องทำอะไรก่อนละ "

“ งั้นฉันเตรียมส่วนผสมไว้ก่อนละกัน นายจะได้แค่ใส่ของที่เตรียมไว้ " เค้าว่าแบบตามใจกลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำที่กำลังเดือดเค้าหันมามองผมที่ก็ยังคงเอาตัวเองบังหมูที่ปั้นไว้ " บังอะไรอยู่ "

“ ไม่มีอะไร " ส่ายหน้าบอกอีกคนก็เขย่งตัวดู ผมก็เอานิ้วบัง

“ อย่ามองสิ ฉันจะเซอร์ไฟส์นายนะ ไปๆ หันไป " ผมบอกปัดอีกคนก็หัวเราะ " แล้วต้องใส่ไรก่อน " ผมมองลงไปในหม้อที่มีเครื่องแกงจืดลอยอยู่แล้วน้ำที่กำลังเดือดพล่าน

“ ใส่หมูรูปหัวใจที่ปั้นไว้ก่อน " ฟานบอกผมก็ชะงัก ก่อนจะหันมามองเค้าที่ก็ยิ้มออกมาช้าๆ " เอาจริงๆนะ เห็นตั้งแต่ตั้งใจปั้นแล้วละ จะแอบบอกรักฉันทางอ้อมก็ไม่บอก ไม่ต้องอายหรอกน่า บอกกันตรงๆก็ได้ " ผมเงียบไปก่อนเอาถ้วยที่ใส่หมูนั่นยัดใส่มืออีกคน

“ งั้นนายก็ทำเองไปเลย ฉันไม่ทำแล้ว "

“ อะไรงอนอีกละ " เค้าบอกก่อนจะคว้ามือผมที่กำลังจะเดินออกไปไว้ " ไหนบอกจะทำ ก็ทำให้เสร็จสิ อะ ใส่หมูลงไปก่อนนะ " เค้าบอกก่อนจะหันหลังให้ผม

“ แล้วนั่นหันหลังทำไม "

“ ก็นายบอกจะเซอร์ไฟส์ เดี๋ยวนายจะเสียความตั้งใจ ฉันจะทำเป็นว่าฉันไม่รู้เรื่องนะ "

“ ฉันเสียความตั้งใจไปตั้งแต่นายบอกว่า นายเห็นมันแล้วละ หันมาเลย ไอ้เด็กบ้า " ผมสบถอีกคนก็หันมาหาผม เค้าที่กอดคอผมดึงไปหา " แล้วใส่อะไรอีกอะ "

“ คราวนี้ก็ใส่ผัก "

“ วุ้นเส้นละ "

“ ใส่ทีหลัง มันสุกง่าย เวลาทำอาหารเนี้ย อะไรที่สุกช้าเราใส่ก่อน อะไรที่สุกง่ายๆ เราจะใส่มันทีหลัง " เค้าบอกผมก็พยักหน้า " คราวนี้ก็คนๆแล้วลองชิม "

“ ลองชิม " หยิบช้อนขึ้นมาตักน้ำซุปนิดหน่อยเพื่อชิม รสชาติที่กลมกล่อมของมันผมหันไปบอกฟาน " อร่อยจัง "

“ อร่อยแล้วเหรอ " เค้าคว้าช้อนจากมือผมไปตักชิม ก่อนจะหยิบซีอิ๋วขาวใส่ลงไปอีกหน่อย " รอให้ผักเปื่อยๆหน่อยละกัน แล้วค่อยตัก นายชอบกินผักแบบนิ่มๆ "

“ แค่นี้ก็เสร็จแล้วเหรอ "

“ อื้ม " ฟานพยักหน้ารับ ผมก็หันไปหยิบฝาหม้อมาปิดไว้ก่อนที่ร่างสูงจะขยับไปยืนพิงเค้าเตอร์คงกำลังปวดขา เพราะฟานยืนมานานมากแล้วแม้จะเป็นแค่พื้นที่เล็กๆ แต่การที่เค้าไม่ใช้ไม้เท้าแล้วต้องยืนเอียงไปกับขาฝั่งที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ก็ชวนให้เมื่อยใช่เล่น

" นายไปนั่งรอที่โต๊ะกินข้าวเถอะ เดี๋ยวฉันจัดจานแล้วจะยกไปให้ "

“ ไม่เป็นไร ฉันจะคอยดูแกงจืดว่าผักมันสุกได้ที่แล้วรึยัง " เค้าบอกก่อนจะขยับไปที่หม้อที่กำลังตุ่นผักให้เปื่อยพอดีๆ

“ ถ้าดูแล้วก็กลับไปนั่งที่ได้แล้วนะ นายยืนมากเกินไปแล้ว "

“ เสร็จละ " เค้าปิดแก๊สก่อนจะขยับขาออกไปจากครัว ท่าทางที่ดูเก้ๆกังๆ

" โอเครึเปล่า  " ผมถามก่อนจะเดินมาใกล้แล้วพยุงอีกฝ่ายให้เดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ตรงโต๊ะกินข้าว

“ โอเค " เค้าบอก " ขอบคุณนะ "

“ อื้อ " เดินไปเปิดทีวีก่อนจะเอารีโมตมาให้ร่างสูง ผมเข้าไปในครัวจัดการตักอาหารทั้งหมดใส่จานสวยๆ สเต๊กที่อยู่บนเตาถูกเสิร์ฟใส่จานราดด้วยน้ำซอสที่ได้จากการย่างลงบนจานแบนๆ ผักที่ผัดเล็กน้อยพร้อมกับน้ำซอสถูกตักเคียงไว้ข้างๆจาน ผมยกมันมาเสิร์ฟอีกคนก็เอ่ยชม

“ จัดจานได้น่ากินสุดๆ "

“ อะ แน่นอนฉันมันนักออกแบบนี่ " ยักไหล่ไหวๆ ประดุจอาหารทั้งหมดผมทำด้วยตัวเองทั้งๆที่ก็แค่จัดจาน ฟานที่หลุดหัวเราะพลางส่ายหน้า ผมตักข้าวใส่ถ้วยเล็กๆ สองถ้วย ก่อนจะตักแกงจืดใส่ถ้วยขนาดกลาง หมูที่ออกเป็นรูปหัวใจด้วย ผมยิ้มให้กับมันตอนที่ตักให้ฟานก็ตั้งใจจะตักให้เยอะเป็นพิเศษ เอาหมูรูปหัวใจชิ้นนึงมาวางไว้ข้างบน ก่อนจะคิดใบหน้าของคนได้รับตอนเห็นก็ต้องแอบแซวแน่ๆ " เอาไว้ข้างล่างดีกว่า ซ่อนไว้ใต้ผัก "

   อาหารทั้งหมดถูกยกมาไว้บนโต๊ะ หน้าตาที่น่ากินของมันผมถ่ายรูปมันไว้ก่อนจะหยิบช้อนส้อมขึ้นมาแล้วเริ่มลงมือกินอาหารตรงหน้า

“ หมูน่ารักจัง " ฟานเอ่ยบอกตอนที่พยายามค้นหาหมูที่อยู่ในถ้วยแกงจืดตัวเองแล้ว ส่งมาให้ผมดู " น่ารักอะ เป็นรูปหัวใจ "

“ กินเข้าไปเถอะน่า " ผมบอกปัดอีกคนก็หัวเราะ

“ เขินเหรอครับ "

“ ไม่ได้เขินเว้ย " ทำเป็นหันไปดูทีวีทั้งๆสิ่งที่ฉายอยู่ตรงหน้าจอนั้นเป็นการ์ตูนที่ผมไม่เข้าใจมันเลยสักนิด  เหลือบมองคนที่หาหมูในแกงจืดกินจนหมด ก่อนจะมาเริ่มต้นกินข้าวกับปลาแซลม่อนย่างของตัวเอง " ฟาน "

“ หื้ม ? ว่าไงครับ "

“ หมูในแกงจืดหมดแล้วเหรอ " ผมถามแต่ยังไม่ทันที่อีกคนจะตอบผมก็ยื่นหมูรูปหัวใจที่ตัวเองทำไปให้เค้า " ฉันให้ฟานนะ " วางมันลงบนช้อนอีกคนก็ยิ้มให้ผม " ของฉัน ฉันให้นาย "

“ หมายถึงหัวใจน่ะเหรอ " อีกคนถามผมก็พยักหน้ารับก่อนจะเหลือบไปมองทางอื่น

“ อื้ออ แล้วคือ...เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะให้จูบหรอกนะ อย่าคิดแบบนั้น ฉันแค่ยังไม่พร้อมอะ นายเองก็ยังร่างกายไม่แข็งแรงดีด้วย ไว้นายร่างกายแข็งแรงดีค่อยมาพูดกันใหม่ "

“ ฉันเข้าใจ " อีกคนบอก " ฉันแค่รู้สึกเหมือนผู้ชายคนอื่นนั่นแหละ จะพูดยังไงดีละ พอได้จูบแล้วก็คิดเรื่องอย่างว่า ทั้งๆที่ก็น่าจะรู้ว่านายยังไม่พร้อม แล้วที่ไม่พร้อมมันเพราะอะไร เรื่องนั้นฉันก็รู้ดีที่สุด "

“ ฉันไม่พร้อมก็จริงอยู่! “ ผมรีบเถียงอีกคนก่อนจะเงยหน้ามองเค้าสักพักก่อนจะก้มหน้าลงแล้วพูดเสียงเบา " แต่นายก็ทำให้ฉันพร้อมได้นิ "

“ ห๊ะ ? “

“ นายทำให้ฉันพร้อมได้นิ ฟานน่ะ ทำให้ฉันกลัว แล้วจะทำให้ฉันหายกลัวได้ใช่มั้ย " คำถามที่เอ่ยถามอีกคนไป ใบหน้าคมที่ยิ้มให้ผมเค้าผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะจ้องหน้าผมด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว

“ ฉันจะทำ " เค้าบอก "  ฉันจะพยายามทำทุกอย่างให้นาย หายจากความรู้สึกนั้น ต่อให้ต้องใช้เวลานานแค่ไหนฉันก็จะทำ "

“ สัญญากันนะ " ยื่นนิ้วก้อยไปให้อีกคน เค้าที่หัวเราะน้อยๆ เกี่ยวก้อยสัญญากับผมที่ก็เกี่ยวมันไว้แน่น เราที่พูดออกมาพร้อมกัน " เกี่ยวก้อยสัญญาใครผิดสัญญาต้องกลืนเข็มพันเล่ม "


..........................................................

ตอนพิเศษที่สองมาแล้วจ้าาาา
ตอนนี้ขอประกาศนิดหน่อยว่า รายละเอียดของหนังสือ " ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง " ที่ตีพิมพ์ตอนนี้
มีรายละเอียดบางส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปนิดหน่อย ตามนี้ค่ะ

ประกาศรวมเล่มหนังสือ " ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง " #ฟานคีย์
มาแล้วจ้าาาาาาาา �
#เปิดจองตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม – 5 เมษายน 2017
�( หนังสือจะได้ช่วงกลางเดือนเมษายนโดยประมาณค่ะ )�

#รายละเอียดของหนังสือ �
หนังสือขนาด A5 จำนวน 1000+
( เนื้อหาหลัก 70 ตอน + ตอนพิเศษอีก 15 ตอน ) �
หนังสือมี 3 เล่มจบ ( เล่มละ 350+ ) �
ราคาหนังสืออยู่ที่ 1180 บาท ( ราคานี้รวมค่าส่ง EMS แล้ว ) �
*หนังสือหนัก มากกว่า 2 kg ส่งลงทะเบียนไม่ได้ค่ะ�

#ตัวอย่างหน้าปก มีมาให้ชม ตอนต้นเดือนมีนาคมนะคะ�

#รายละเอียดของเนื้อหาตอนพิเศษ
�เนื้อหาตอนพิเศษ 15 ตอน จะเป็นเนื้อหาต่อจาก ตอนจบ ตอนที่ 70 ค่ะ
เป็นเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายๆไปแล้ว เนื้อหาจะออกแนว น่ารัก ความรัก ความเข้าใจ การปรับตัวหลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้น ส่วนใครที่ชอบคู่รองเมษลิป ก็มีเนื้อหาส่วนของเมษลิปอยู่ด้วยค่ะ ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไงเป็นนิยายชีวิตที่มีความน่ารักของความรักแฝงอยู่ด้วย ถ้าได้อ่านตั้งแต่ต้นจนจบตอนพิเศษ จะเป็นอะไรดีมากกกกกก
#มีความขายของระดับสิบ 55555555555555

#ของแถม�
ปฎิทินก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง ขนาดโปสการ์ด
�ที่คั่น 3 ชิ้น�
ปลอกสวมหนังสือแบบบาง�
ถุงหูรูดสกรีนลายชื่อเรื่อง เฉพาะคนที่สั่งรอบพรีเท่านั้น
*ถุงใบขนาดกลางค่ะไม่แน่ใจว่าจะใส่หนังสือได้รึเปล่า แต่ไม่เล็กจิ๋วๆจนใช้งานไม่ได้แน่นอน

�#ขั้นตอนการสั่งซื้อ �
1. โอนเงินมาที่บัญชี ธ.ไทยพานิชย์ สาขา บางจาก�เลขที่บัญชี 0892649044�ชื่อบัญชี นางสาวอรชา ภูมิมาตร �

2. เมื่อโอนเงินเรียบร้อย ถ่ายภาพสลิปเป็นหลักฐานการโอน ( กรุณาถ่ายภาพสลิปเถอะนะคะ ได้โปรดคนดี ) �

3. ส่งเข้ามาที่ " กล่องข้อความ เพจหนมมี่ผู้ใสซื่อ " เท่านั้น �โดยกรอกข้อความดังนี้ให้ครบถ้วน �ชื่อ นามสกุล�ที่อยู่โดยละเอียด�พร้อมแนบภาพถ่ายสลิปการโอน

�**เมื่อได้รับข้อความตอบกลับจะถือว่า การสั่งจองเสร็จสิ้น�
*** ทั้งนี้การตอบอาจจะมีความล่าช้า แต่จะตอบภายใน 3 วัน�

หากมีขอสงสัย สามารถสอบถามได้ที่ �Twitter :: @realkanom �Facebook :: เพจ หนมมี่ผู้ใสซื่อ


สุดท้ายนี้ ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ
ขอบคุณมากๆค่ะ  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 10-02-2017 23:08:02
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่าาา :pig4:

ฟานรีบหายนะจะได้รักษาคีย์ :hao3:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-02-2017 23:26:29
 :-[ :L2: :pig4:

เราชอบความหวาน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: ่KEI_jry ที่ 10-02-2017 23:49:46
หู้ยยยยมีความมุ้งมิ้งงุ้งงิ้ง :mew3:

จากนี้ก็ขอให้มีแต่เรื่องสุขๆนะ ทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: numildkub ที่ 14-03-2017 21:37:47
ก่อนอื่นเลย ขอขอบคุณนักเขียนค่า ที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆให้ติดตาม
ตามมาตั้งแต่เรื่อง เสือปิงแล้วค่า ชอบแนวการเขียนมากๆเลย
เรื่องนี้ชอบตอนที่ฟานมากอดคีย์แล้วโล่งใจที่ไม่ใช่คีย์ที่ตาย
รู้สึกเป็นการให้อภัยที่สุดแล้ว ต่อให้อีกฝ่ายเลวร้ายแค่ไหนยังไง
ก็ให้อภัยได้เสมอขอแค่ได้อยู่และใช้ชีวิตด้วยกัน ชอบมุมมองของฟาน
บอกตรงๆชอบทุกอย่างของฟานมาก ฟานดีเด่นเลอเลิศ
10 10 10 ไปเลยจ้าาาา ขอบคุณอีกครั้งนะค้าาา เรื่องนี้ซื้อหนังสือแน่นอนนน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-03-2017 22:47:07
กุ๊งกิ๊งมุ้งมิ้งกันมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-07-2017 02:21:08
 :hao5: :hao5: หลากหลายอารมณ์สำหรับเรื่องนี้ คนแก่ชอบ หนุกหนานดี
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 14-07-2017 19:46:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: TaemyG ที่ 20-07-2017 21:04:41
รักเรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องที่อ่านซ้ำแล้วไม่เบื่อ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 30-09-2017 23:20:17
 o13 o13
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Napa ที่ 05-10-2017 08:52:05
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 08-10-2017 08:38:15
 :hao5:  จบแล้วอ่า อยากอ่านต่อ   :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 04-12-2017 01:15:29
อ่านรวดเดียวจบ แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว
บอกตรงๆ อ่านตอนแรกๆนี่โคตรหวานอ่ะ บางทีก็อ่านข้ามไปบ้างนิดหน่อยเพราะความง่วงนอน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 11-12-2017 03:30:42
สุข เศร้า เคล้าน้ำตา
ชอบจริงๆ เลยค่ะ
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 20-12-2017 19:40:38
สนุกอ่าาาา ชอบมากเลย หวาน เศร้าสุด หงุดหงิดสุด อึ้งสุด อินไปทุกอย่างจริงๆ ชอบบบบบ ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายดีๆอย่างนี้ให้อ่าน
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: sakanakiss ที่ 26-06-2018 08:55:57
ไม่ชอบเด็กก็จะเจอแต่เด็กเนี้ยล่ะ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: sakanakiss ที่ 26-06-2018 08:57:24
คีย์โดนใครหลอกเอาข้อมูลหรือเปล่านั้น เมาซขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: sakanakiss ที่ 26-06-2018 09:19:03
เอาแล้วคีย์เด็กมันจริงจังแล้ว แกจะทำไง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: sakanakiss ที่ 26-06-2018 10:07:13
คีย์สับสนมากเกินนะ กังวลอะไรขนานั้น
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: sakanakiss ที่ 26-06-2018 10:19:42
ก็เด็กมันอยากอยู่ใกล้ๆแค่นั้นเอง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 27-06-2018 02:05:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: sakanakiss ที่ 28-06-2018 08:51:40
ไว้ฟอร์มมากเลยนะคีย์ แค่จะมีแฟนเด็กแค่นั้นเอง
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 28-06-2018 16:47:06
อ่านจบแล้วมีครบทุกรสเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 05-07-2018 13:14:08
 :pig4: ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 15-07-2018 17:18:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 29-01-2019 06:06:17
 :hao5: ดราม่าตั้งนานกว่าจะดีกัน เกือบสายไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 01-02-2019 07:25:26

อ่านจบแล้ว

มีบ้างช่วงที่อึดอัดกับความหวั่นไหวของคีย์

บางช่วงที่หมั่นไส้ฟาน รักแต่ก็เกลียด
ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: MakudJi ที่ 06-03-2019 12:48:15
จบแล้ววว ยอมรับว่าหืดขึ้นคอ น้ำตานองไปหลายตอน แรกๆก็ชุดชื่นหัวใจดี แต่กลางๆนี่ปวดตับสุดๆ ใครไม่ไหวไปก่อนเลย นี่ไหวทนอ่านจนจบ คุ้มค่าที่ได้อ่านจัง..
หัวข้อ: Re: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
เริ่มหัวข้อโดย: chonaun ที่ 24-04-2019 15:32:24
ขอบคุณมากคราบ สนุก หน่วง ตามสไตล์คนเขียนเลย