พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: THE KOP ที่ 01-05-2014 20:47:42

หัวข้อ: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: THE KOP ที่ 01-05-2014 20:47:42
                                                          ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ด กรุณาอ่านทุกคน
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วย

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **INTRO 1/05/2557
เริ่มหัวข้อโดย: THE KOP ที่ 01-05-2014 20:55:46
                                                                       INTRO

"ฮ๊า ฮา ฮึก ฮ่า”

เสียงหอบหายใจดังก้องทั่วห้อง ทั้งเสียงหายใจของผมเองแล้วก็อีกคนที่ทาบทับตัวผมอยู่โดยที่พึ่งผ่านบทรักบนเตียงไปหมาดๆ สดๆร้อนๆชนิดที่ว่าส่วนนั้นของใครบางคนยังเชื่อมอยู่ในตัวผมเลยล่ะ

“หนัก”

หลังจากที่หอบหายใจไปซักพักจนตอนนี้ผมกลับมาหายใจอย่างปกติคนที่อยู่ข้างบนก็ยังไม่ถอยออกไป ถึงจะไม่ได้ทาบทับผมมาทั้งตัวแต่ก็หนักไม่ใช่น้อยเลยนะครับ พอผมเอ่ยออกไปร่างสูงนั้นก็เคลื่อนตัวลงนอนข้างๆตวัดผ้าห่มที่กองอยู่ปลายเตียงมาคลุมร่างเปลือยเปล่าของเราทั้งสองคน แต่ก็ยังไม่วายที่จะดึงผมเข้าไปกอดซึ่งผมไม่ปฏิเสธอ้อมกอดอุ่นๆนี้แน่นอน

“ชื่ออะไร?...กูถามว่ามึงชื่ออะไร!”

เสียงผมตะคอกถามออกไป ทุกคนอ่านคำถามไม่ผิดหรอกครับ ผมถามว่ามันชื่ออะไรนั่นแหละ ก็อยู่ดีๆผมก็โดนมันลากเข้ามาที่ห้องๆนี้เนื่องจากผมจะเดินไปเข้าห้องน้ำที่ผับแห่งนี้ตอนซักประมาณตี2ได้ แล้วมันก็โผล่ห่ามาจากไหนก็ไม่รู้มาลากผม ผมก็ดิ้นก็โวยวายนะครับแต่มันแรงอย่างกับควายรู้ตัวอีกทีมันก็พาผมมาที่ห้องนี้ละ พอปิดล็อคประตูปุ๊บมันก็จู่โจมจูบผมปั๊บ ผมไม่ใช่คนไร้เดียงสาอะไรขนาดนั้นแต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าไอ้บ้านี่มันจูบโคตรของโคตรเก่งเลย ทำเอาผมเคลิ้มซะง่ายๆ หลังจากนั้นผมก็สติกระเจิงจนกู่ไม่กลับจากสัมผัสของมันจนได้แต่ยอมอ่อนระทวยตกเป็นของมันโดยที่ไม่ทันได้คิดได้ปฏิเสธอะไรซักคำ แต่อะไรบางอย่างก็ไม่รู้ที่ทำให้ผมยอมเป็นของมัน อาจจะด้วยสัมผัสที่เร่าร้อนจนยากจะปฏิเสธ ผมเห็นหน้ามันแค่เลือนรางเพราะตอนที่มันลากผมมาจากตรงนั้นมันค่อนข้างมืดแล้วตอนเข้ามามีอะไรกันในห้องนี้มันก็ไม่ได้เปิดไฟ แต่จากที่ผมสัมผัสมันน่าจะสูงมาก หุ่นก็ดีมากๆ ผมรู้ว่ามันมีซิกแพ็คเลย มันไว้ผมสั้นด้วยครับ แต่แม้จะมองไม่เห็นหน้าแต่ผมก็สัมผัสได้ตอนที่มีอะไรกันแล้วเห็นว่ามันมองหน้า สายตาที่ส่งมามันทำให้ผมบอกไม่ถูกแม้ว่าจะมองไม่เห็นก็ตาม ผมรู้สึกได้ถึงอำนาจของสายตาที่ส่งมาในความมืด รู้สึกเหมือนผมพึ่งพามันได้...

“คลิน”

กว่าจะตอบผมมาได้ เสียงมันก็ดูดีเลยครับ...เหมือนจะหล่อด้วย><

“คลิน...อ้อ กูชื่อแอลนะ!”

“อืม”

“อืมอะไร มึงได้กูขนาดนี้พูดแค่อืมหรอ ไม่คิดจะถามอะไรกูเลยรึไง ฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!”

ผมดิ้นจากอ้อมกอดมันก่อนจะกระหน่ำฟาดมือไปตามหน้าอกมัน ไม่ได้ได้แค่รอบเดียวนะครับตั้ง5-6รอบอ่ะ แต่แค่แป๊บเดียวมันก็รวบมือผมไว้ได้ทั้งสองข้างแล้วครับ จากนั้นผมกับมันก็จ้องหน้ากันผ่านความมืด ผมไม่ยอมปล่อยมันหรอกนะ ไม่ว่ามันจะเป็นใคร หน้าตา การศึกษา ฐานะอะไรก็ตาม มันได้ผมแล้วนะครับ พูดง่ายๆคือมันเป็นผัวผม ผมตกเป็นเมียมัน จะให้แบบน้ำแตกแล้วแยกทางนี่ผมไม่ยอมเด็ดขาด ผมไม่ใช่อีตัวนะ!
“แล้วจะให้กูถามอะไร จะให้ถามว่าทำไมกูถึงเป็นคนแรกของมึงรึไง”
“มึงรู้?!?”
ผมไม่นึกว่ามันจะรู้เรื่องนี้ โอเค..ผมไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อน แต่ผมก็ไม่ได้ซื่อ ไม่ได้ไร้เดียงสา ผมก็ไม่ได้คิดว่าการมีเซ็กส์มันเสียหายหรืออะไรแต่ผมก็ไม่ใช่คนที่ง่ายกับใครก็ได้ ที่ผ่านมาผมคิดว่ามันยังไม่ใช่ มันยังไม่มีคนที่ผมจะพร้อมให้ร่างกายไป จนมาเจอมัน...คนที่ผมไม่รู้จัก ไม่เห็นแม้แต่หน้า แต่ความรู้สึกของผมกลับบอกว่าคือมัน ความรู้สึกที่ว่าคนๆนี้แหละโดยที่ผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

“หึหึ”

“ไอ้เหี้ย มึงรู้ได้ไง บอกกูมานะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

“ก็จะไม่รู้ได้ไง มึงเล่นตัวสั่นขนาดนั้น บอกกูว่าเบาๆเป็นสิบๆรอบ แล้วตอนที่กูใส่เข้าไปก็ผวากอดกูซะแน่นเชียว...ไหนจะช่องทางที่คับแน่นจนกูแทบขยับไม่ได้นั่นอีก” เสียงทุ้มพูดขึ้นเรียบๆทำเอาผมอายเลย ไอ้เหี้ยเอ้ย! บรรยายซะเป็นฉากๆจนผมต้องรีบไล่ภาพที่ปรากฏขึ้นในสมองอย่างรวดเร็ว>/////<

“เออ รู้ว่าเป็นคนแรกของกูก็ดี..กูเป็นเมียมึงแล้วมึงก็ต้องรับผิดชอบกูด้วย เข้าใจไหม!”

มันคลายมือที่จับข้อมือผมออกแล้วขยับมากอดจนผมต้องกอดมันตอบ

“นอนได้แล้ว กูง่วง”

“ไม่ มึงต้องตอบกูก่อนว่าจะรับผิดชอบกู" เงียบบบบบบ

“ตอบกูสิ ตอบกูมาๆๆๆๆๆๆๆ”

“ถ้ามึงไม่หุบปากแล้วนอน กูจะไม่รับผิดชอบมึง แล้วมึงก็จะไม่ได้เห็นหน้ากูอีก”

“ไอ้เหี้ย!!!!!”

หลังจากนั้นผมก็เงียบสิครับ ไอ้เวรนี่ขู่ซะผมกลัวเลย คิดจะฟันผมแล้วทิ้งน่ะไม่มีทางหรอกนะครับ ผมไม่ยอมมันเด็ดขาด แต่ตอนนี้ผมรีบนอนก่อนดีกว่าเกิดมันหนีผมไปอย่างที่พูดนี่ไม่โอนะครับ

                   ---------------------------------------------------------------------------------------------------------

 มาลงอินโทรไว้ก่อนนะคะ เดี๋ยวจะมาลงอีกตอนดึกๆ ชอบไม่ชอบยังไงก็บอกกันด้วยน้าาาาาาา~ มีอะไรติชมก็บอกมาได้เลย จะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นค่ะ...ขอบคุณสำหรับคนที่เข้ามาอ่าน แค่มีคนอ่านซักคนก็ดีใจจะแย่แล้ว><
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **INTRO 1/05/2557
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 01-05-2014 21:02:10
 :hao6:

เจิมเรื่องใหม่ค่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **INTRO 1/05/2557
เริ่มหัวข้อโดย: ernnnxx ที่ 01-05-2014 21:09:27
/ลงยันต์รอบเรื่อง

เปิดมาได้ลุ้นระทึกมาก ฉันรักเธอตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **INTRO 1/05/2557
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-05-2014 23:40:56
รออ่านตอนใหม่จ้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **INTRO 1/05/2557
เริ่มหัวข้อโดย: mtd ที่ 01-05-2014 23:49:23
หุ่นก็ดี เสียงก็หล่อ หน้าต้องผ่าน!! #ตรรกะอะไร 555
ชอบที่น้องแอลเรียกร้องให้คลินรับผิดชอบ
ถูกแล้วลูกทำต่อไป  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่1 2/05/2557
เริ่มหัวข้อโดย: THE KOP ที่ 02-05-2014 00:40:31
                                                                  ตอนที่ 1
ผมรับรู้ได้ถึงแสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาจึงปรือตาขึ้นจากการนอนอันแสนสุข แล้วสิ่งที่ผมเห็นคือแผ่นหลังกว้างที่มีกล้ามเนื้อเรียงตัวสวยงามและเรียบเนียนของคนที่นั่งอยู่ปลายเตียง ผมกอดผ้าห่มไว้กับอกแล้วค่อยๆคลานเข้าไปหามันด้วยร่างกายที่โคตรระบมช่วงล่างจนเห็นว่าคนที่นั่งหันหลังกำลังเล่นเกมส์แข่งรถอยู่

“นี่ๆ”

ผมสะกิดที่หลังมันเบาๆ เห็นมันหยุดเกมส์แล้วเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงยีนส์สีดำที่มันใส่อยู่ พอมันลุกขึ้นผมก็รู้เลยว่ามันสูง สูงมากๆอ่ะสำหรับผม ผมสูงแค่168เองแต่มันน่าจะสูงซัก185เห็นจะได้ หลังจากนั้นมันก็หันทั้งหน้าทั้งตัวมาหาผม แล้ววินาทีที่เราสบตากันบอกตรงๆว่าผมโคตรอึ้งเลย หล่อใช้ได้แฮะ!

“ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำ เสื้อผ้ากูเตรียมไว้ให้แล้ว”

อึ้ง ยังอึ้งอยู่ครับ มันหล่อจริงๆนะ ถึงจะไม่ได้หล่อมากลากไส้อะไรขนาดนั้น แต่แบบ...มันดูดีอ่ะ ใครที่เห็นก็ต้องหันกลับมามองอีก หน้าตามันจะออกไปทางคมๆมากกว่า ดวงตาเฉียบคมดูดุไม่น้อย จมูกโด่งเป็นสัน ไหนจะปากสีซีดๆนั่นอีก แล้วก็อาจจะเพราะใบหน้าเรียบๆที่ไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ยิ่งทำให้ดูหน้าค้นหามากขึ้น และอีกหนึ่งความคิดที่เข้ามาในหัวคือมันลากผมมาทำไม หน้าตาขนาดนี้ไม่น่าจะขาดแคลนอะไรขนาดนั้นนะ==

“หรือว่าลุกไม่ไหว?”

“ห๊ะ เอ่อ...เปล่าๆ”

ผมตอบรับไปอย่างลืมตัว แต่พอพูดออกไปแล้วก็เลยต้องลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ อื้อหือ...ขาสั่นเลยครับ ช่วงล่างปวดจนแทบกระดิกตัวไม่ได้ ผมเลยได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่ได้ขยับไปไหน สองมือก็กอดกระชับผ้าห่มแน่น กำลังจะลองก้าวเท้าลงจากเตียงตัวผมก็ลอยวืดไปอยู่ในอ้อมกอดของมันซะก่อน ผมตกใจจนรีบเอามือนคล้องคอมันอย่างรวดเร็วเพราะกลัวตก แล้วมันก็พาผมเดินเข้ามาในห้องน้ำโดยที่ไม่ได้พูดอะไรก่อนที่จะวางผมลงตรงอ่างล้างหน้า

“ถ้าทำธุระเสร็จแล้วก็บอกกู”

“อะ อืม”

แล้วมันก็เดินออกไปให้ผมได้จัดการตัวเอง ดีนะที่อ่างล้างหน้าไม่ได้สูงมากนักไม่งั้นผมคงแย่แน่เลย พอผมยืนได้น้ำเหนียวๆของมันก็ไหลลงมาตามขามากขึ้นจนแฉะไปหมด
 
“เห้อ แล้วกูจะเอาออกยังไงวะเนี้ย”

ถึงทฤษฎีที่ผมรู้จะมากมายเต็มหัวแค่ไหนแต่ผมก็ไม่เคยปฏิบัติจริง แต่ยังไงผมก็ต้องเอาออกเองอยู่ดีเพราะถ้ามันจะมาเอาออกให้ผมก็ไม่ยอมหรอก แค่นี้ก็อายจะแย่แล้ว>< ผมใช้เวลาจัดการกับน้ำเหนียวๆนั่นนานพอควรเลยครับ เพราะแค่แตะๆไปที่ส่วนนั้นยังเจ็บเลยกว่าผมจะกลั้นใจล้วงเข้าไปทำความสะอาดได้นี่ถึงขั้นร้องไห้เลย ทั้งแสบทั้งเจ็บTT พอเสร็จผมก็จัดการอาบน้ำล้างตัวให้เรียบร้อย ดีที่ที่นี่มีให้ครบทุกอย่าง ดูเหมือนว่าจะเป็นของใหม่หมดเลยเพราะทุกย่างล้วนยังไม่ได้แกะใช้ด้วยซ้ำ แต่พอเดินส่องกระจกก็ต้องช็อค รอยจ้ำๆเต็มตัวผมเลยครับ หนักมากๆจะอยู่แถวๆหน้าอกที่คอก็มีบ้างแต่ไม่ได้เยอะมากมายเท่าไหร่มีสองสามรอย แต่ใต้ร่มผ้านี่อื้อเลยครับ แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ไม่ได้โทษมันหรอกครับเพราะส่วนหนึ่งก็มาจากผมเองแหละ สำรวจตัวเสร็จก็ใส่ชุดคลุมอาบน้ำแล้วก็เดินไปเคาะประตูห้องน้ำฝั่งตัวเองเพื่อบอกคนข้างนอกว่าผมเสร็จแล้ว ซักพักมันก็เปิดประตูเข้ามา

“กูอาบน้ำเสร็จแล้ว”

แล้วมันก็เดินเข้ามาอุ้มผมเหมือนตอนพาเข้ามาก่อนจะวางผมลงปลายเตียง

“เสื้อผ้ากูเตรียมให้แล้ว แต่งตัวให้เรียบร้อยซะ กูเข้าไปอาบน้ำก่อน”

พูดเสร็จมันก็เดินเข้าห้องน้ำไป ผมมองมันจนเห็นประตูห้องน้ำปิดลงจึงหันมาจัดการตัวเอง มันวางเสื้อผ้าไว้ริมเตียงให้โดยที่ป้ายยังไม่ได้แกะแถมมีกางเกงในให้ด้วย เป็นชุดเสื้อแขนยาวสีเหลืองกับกางเกงขาสั้นสีขาวพอดีตัว พอได้อาบน้ำก็รู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมมากเลยครับ แต่งตัวเสร็จก็มานั่งพิงหัวเตียงรอมันจน พอถึงเตียงผมก็แทบจะหลับเลยครับ ทั้งรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแล้วก็ง่วงมากๆด้วย

แก๊ก~

เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้ผมปรือตาขึ้นมามองอย่างยากลำบาก มันอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำหัวก็เปียกจากการสระผม

“ถ้าง่วงก็หลับไปเลยเดี๋ยวเสร็จแล้วกูปลุก”

พอมันพูดอย่างนั้นผมก็เลยหลับตาลงอย่างรวดเร็วเลยครับรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มันวางผมลงในรถแล้ว

“บ้านมึงอยู่ไหน”

“หมู่บ้านXXX แถวๆ......ซอยYYY บ้านหลังที่5ฝั่งขวามือ หลังสีครีม มีหลังเดียวแหละ”

พอบอกมันเร็จผมก็นอนต่อทันที เพลียมากๆอ่ะครับไม่สนด้วยว่ามันจะไปถูกหรือไม่ถูก หลับไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้จนได้ยินเสียงมันเรียกชื่อพร้อมกับเขย่าตัวเบาๆ ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้น

“ใช่หลังนี้ไหม”

ผมหันไปตามมือมันแล้วก็เห็นว่าเป็นบ้านของตัวเองจึงพยักหน้ากลับไปเบาๆ ตายังตื่นไม่เต็มเลยครับ สติยังคงไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่ ผมก็ยังนั่งเบลอๆอยู่อย่างนั้น ลืมว่าถึงบ้านแล้วก็ต้องลง แต่ก็เห็นมันเอื้อมตัวไปที่เบาะหลังหยิบกระเป๋าเป้ภายข้างใบไม่เล็กไม่ใหญ่มาวางไว้ที่ตักผม ผมก็มองงงๆ

“นี่พวกเสื้อผ้าของมึง โทรศัพท์ กระเป๋าตังค์ก็อยู่ในนั้น เบอร์กูกูก็เมมให้แล้ว”

“อืม”

“ไหวไหม”

มันขยับเข้ามาเอามือวัดไข้ที่หน้าผากผมแล้วก็แตะไปตามซอกคอ เสียงที่ทอดส่งผ่านมาแล้วก็แววตาของมันดูอ่อนลงเล็กน้อย

“ไหว” ผมตอบออกไปเสียงเบา พอเป็นไข้สมองก็ดูตื้อไปหมด มันลูบหน้าลูบตาผมเบาๆ เอามือเสยผมที่ปรกหน้าผมขึ้นไป

“เดี๋ยวกูเข้าไปส่ง”

“อืม”

ผมตอบรับกลับไป ภายกระเป๋าเป้ที่มันให้ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถแล้วมันก็อ้อมมาทางผมหลังจากที่ผมได้ยินเสียงล็อครถเบาๆ

“เดินไหวไหม? หรือจะให้กูอุ้ม”

“หืม ไม่ๆ กูเดินไหว”

ผมรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ร่างกายผมยังไม่ได้แย่ขนาดนั้น ยังพอเดินไหวอยู่ครับ ผมค่อยๆเดินไปกดกริ่งหน้าบ้านให้คนข้างในมาเปิดให้ พ่อกับแม่ผมไม่อยู่หรอกครับไปดูงานที่สิงคโปร์ ผมเองก็เป็นลูกคนเดียวเลยไม่มีพี่น้องบ้านทั้งหลังเลยเหลือผมอยู่กับพวกแม่บ้านแล้วก็คนงานเท่านั้น

“อ้าวคุณแอล กลับมาแล้วหรอคะ ป้านึกว่าจะนอนที่คอนโดซะอีก”

ป้าสาเป็นคนเดินมาเปิดประตูให้ครับ เป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่แล้วก็เป็นคนเลี้ยงผมมาด้วยครับ ส่วนคอนโดที่พูดถึงคือคอนโดแถวๆมหาลัยครับ ผมมีเผื่อช่วงไหนเรียนหนักหรือมีเหตุสุดวิสัยก็จะไปนอนที่นั่น บางทีผมก็หายไปเฉยๆโดยไม่บอกใครเพราะฉะนั้นเมื่อคืนที่ผมไม่ได้กลับบ้านทุกคนคงคิดว่าผมค้างที่คอนโดตามปกติ

“เปล่าฮะป้าสา แอลไม่ได้จะค้างที่คอนโด”

“อ๋อค่ะ งั้นก็เข้าบ้านเถอะค่ะ คุณแอลดูหน้าซีดๆ แต่เอ๊ะ...นั่นใครหรอคะ”

ผมหันกลับไปมองคนที่ยืนซ้อนหลังอยู่เล็กน้อย

“รุ่นพี่ของแอลน่ะฮะ”

“สวัสดีครับ” มันยกมือขึ้นไหว้ป้าสา

“ไหว้พระเถอะค่ะคุณ เข้าบ้านกันดีกว่านะคะ มาค่ะคุณแอลเดี๋ยวป้าถือกระเป๋าให้”

“ไม่เป็นไรฮะป้า งั้นแอลเข้าบ้านก่อนนะ”

“ค่ะๆ”

ผมหันมาหาคนที่อยู่ข้างหลังแล้วก็บอกลามัน

“กูเข้าบ้านละ ขับรถดีๆล่ะ บายยยยย”

“กูบอกว่าจะเข้าไปส่ง”

“หืม?”

ผมนึกว่ามันจะแค่มาส่งหน้าบ้านซะอีก ผมยังไม่ทันจะได้พูดอะไรมันก็เอื้อมมือมาคว้ามือผมเดินเข้าบ้านโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ป้าสาแยกไปทำงานของแกแล้วครับทำให้หน้าบ้านมีแค่ผมกับมัน มันลากผมจนเข้ามาในตัวบ้านแล้วเดินขึ้นชั้นสองโดยไม่ลังเลเลย

“ห้องมึงอยู่ตรงไหน”

“ขวามือ เดินตรงไปจนสุดอยู่ต่อหน้าเลย”

ไม่มีเหตุผลที่ผมจะปิดบังหนิครับ ขนาดนี้แล้ว แล้วผมก็เพลียมากด้วย อยากนอน อยากถึงห้องเร็วๆ พอมันมาถึงแล้วเปิดประตูเข้าไปผมก็รีบพุ่งลงเตียงทันที ได้ยินเสียงมันปิดประตูเบาๆ ก่อนที่มันจะเป็นคนตามมาเอากระเป๋าออกจากตัวผม ผมไม่ได้สนใจลืมตาขึ้นมามองด้วยซ้ำว่ามันวางไว้ตรงไหน ร่างกายผมปิดสวิตซ์ตัวเองอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น สัมผัสสุดท้ายที่ผมได้รับคือความรู้สึกอุ่นๆทาบทับลงบนหน้าผากพร้อมผ้าห่มที่ถูกดึงให้ถึงคอก่อนที่ผมจะไม่รับรู้อะไรอีกเลย


                             ------------------------------------------------------------------------------------



มาต่อแล้วนะคะ ขอบคุณมากๆสำหรับทุกคอมเม้นต์เลย แค่มีคนเข้ามาอ่านก็ดีใจมากๆแล้วค่ะ...คอมเม้นต์จะเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่มากๆที่ทำให้คนแต่งมีแรงที่จะสร้างสรรค์ผลงานต่อไป มีความคิดเห็นยังไงก็ติชมมาได้เลยนะคะ รักคนอ่านทุกคนเลยยยยยยยยยย~

     ***จะพยายามมาต่อทุกวันนะคะ อาจมีเว้นไปว่างถ้ายุ่งจริงๆ แต่มาจนจบแน่นอน

     ***คนแต่งไม่ถนัดเรื่องดราม่า คงไม่มีเศร้าจนน้ำตาไหลบีบหัวใจอะไรขนาดนั้น อาจมีแค่เล็กๆน้อยเท่านั้นนะคะ ไปละค่ะ  :L1: :L1:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่1 2/05/2557
เริ่มหัวข้อโดย: KoBKaB ที่ 02-05-2014 00:58:51
มาแจมเรื่องใหม่จ้า น่าสนุก น่าติดตาม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่1 2/05/2557
เริ่มหัวข้อโดย: mtd ที่ 02-05-2014 01:09:08
คลินเอ้ยไหนๆก็ไหนๆละ
ดูแลดีขนาดนี้ ยังไงก็รับผิดชอบใช่มั้ย  :z1:
เนื้อเรื่องน่ารักดีค่ะ เป็นกำลังใจให้นะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่1 2/05/2557
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-05-2014 03:22:38
 :z2: เต้นรอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่1 2/05/2557
เริ่มหัวข้อโดย: ernnnxx ที่ 02-05-2014 06:59:47
คลินไม่ตามลงไปนอนด้วยเลยล่ะ ขนาดนี้และ จะได้ตื่นมาดูแลต่อ
เนื้อเรื่องอบอวลไปด้วยความอบอุ่นมากในความรู้สึก ไม่หวือหวาแต่ทำให้อยากอ่านเรื่อยๆ รอตอนต่อไป  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่1 2/05/2557
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 02-05-2014 10:35:25
มาตามกันต่อค่ะ
ไม่ดราม่านั่นแหละดีแล้ว
กินมาม่ากันจนอิ่ม มีเรื่องเบาๆให้อ่านบ้างจะได้เบาสมอง 5555

ขอบคุณคนแต่งนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่2 3/05/2557 p.1
เริ่มหัวข้อโดย: THE KOP ที่ 02-05-2014 23:59:30
                                                                     ตอนที่ 2
ผมตื่นขึ้นมาอีกทีท่ามกลางความมืดมิด ผมจำได้ว่าตอนที่มันมาส่งผมเป็นเวลาประมาณบ่ายสองได้ ควานหาสวิตซ์ไฟที่หัวเตียงได้ก็กดเปิดทันที ใช้เวลาปรับสายตาแป๊บนึงแล้วก็ค่อยๆลุกขึ้นไปปิดไฟกลางห้อง พอทั้งห้องสว่างก็ไม่เห็นใคร ผมเดินไปดูที่ห้องน้ำเผื่อมันจะอยู่แต่ก็ไม่มี บอกตรงๆว่าผมใจหายเลย หัวใจเหมือนโดนบีบอย่างรุนแรง ผมยังไม่ทันได้รู้อะไรเกี่ยวกับมันที่มากกว่าชื่อเลยเพราะร่างกายและสมองของผมยังไม่พร้อมทำให้ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวมันเลยนอกจากชื่อ ไม่รู้ว่ามันเรียนอยู่ไหม ถ้าเรียนแล้วเรียนที่ไหนหรือว่ามันทำงานอะไร อายุเท่าไหร่ บ้านมันอยู่ไหน ผมไม่รู้เหี้ยอะไรซักอย่าง ลุกลี้ลุกลนหามันทั่วห้องทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีจนสายตาผมเหลือบไปเห็นเป้ใบหนึ่งที่จำได้ว่ามันเป็นคนให้มาวางอยู่บนโต๊ะคอม ผมพุ่งไปหาอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังทันเห็นกระดาษแผ่นนึงที่กระเป๋าวางทับอยู่ ผมหยิบมาดูทันที เห็นตัวหนังสือที่เขียนด้วยความหนักแน่นมั่นคงว่า

กูมีเรื่องที่ต้องรีบไปจัดการเลยต้องกลับก่อน กินข้าวกินยาด้วยกูเตรียมไว้โต๊ะข้างเตียงมึงแล้ว...คลิน
LINE:XXXXXXXXXX
E-Mail:XXXXXXXXXXXXXอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com
Facebook:XXXXXXXXX  XXXXXXXXX
IG:XXXXXXXXXX
*เบอร์กูอยู่ในเครื่องมึงแล้ว

เห้อ~
ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกครับนึกว่าจะโดนฟันแล้วทิ้ง(ถึงผมจะแอบสมยอมก็เถอะ) อาการหายใจไม่ออกเมื่อกี๋ค่อยๆดีขึ้นจนกลับมาเป็นปกติ ผมลองมองไปที่โต๊ะข้างเตียงก็เห็นข้าวต้มกับยาพร้อมแก้วน้ำวางอยู่จริงๆ การกระทำเล็กๆน้อยๆที่ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก จะบอกว่าผมตกหลุมรักมันแล้วก็คงยังไม่ใช่ พึ่งเจอกันวันเดียวเอง แต่ไม่รู่สิ...ผมรู้สึกดีกับมันนะ รู้สึกดีมากๆ จากการกระทำหลายๆอย่างวันนี้ทำให้ผมเชื่อว่ามันดูแลผมได้ เพราะถ้ามันจะฟันแล้วทิ้งผมมันก็ย่อมทำได้อยู่แล้ว ไม่รอให้ผมตื่นแล้วมาส่งผมอย่างนี้หรอก(มั้ง) พอได้นอนพักร่างกายผมก็ดีขึ้นมาก ไข้ก็ลดลงบ้างแล้วไม่มึนมากอย่างเมื่อบ่ายๆนี้ ผมค้นหาโทรศัพท์ในกระเป๋านั่นซักพัก มีของของผมอยู่ครบเลยครับ พอเจอโทรศัพท์ก็สไลด์เปิดหน้าจอตอนนี้เวลา 02:51แล้ว อื้อหือ..มีเบอร์ที่ไม่ได้รับจากเพื่อนผมกว่า30สายเลยครับ ผมลืมไปเลยว่าพอผมบอกพวกมันว่ามาเข้าห้องน้ำผมก็หายมาเลย ไลน์กลุ่มเด้งมาอีกเพียบ ป่านนี้ไม่รู้ว่าพวกมันจะเป็นห่วงผมขนาดไหน แต่ว่าเดี๋ยวค่อยไลน์บอกมันดีกว่าว่าผมปลอดภัยดี สิ่งที่ผมตัดสินใจทำก่อนคือการเลื่อนหาชื่อที่ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ และแล้วก็หาเจอครับมันเซฟเอาไว้ว่า ‘Klin’ ผมส่งข้อความหามันว่าผมตื่นแล้ว ไม่นานมันก็โทรกลับมา ผมก็เลยเดินกลับมานั่งคุยกับมันที่เตียง

“ฮัลโหล” ผมรับอย่างเร็วอ่ะ><

(ตื่นแล้วไง?) ได้ยินเสียงกุกๆกักๆมาจากมันด้วย

“อือ กูตื่นแล้ว”

(กินยากินข้าวยัง)

“ยัง พึ่งตื่นเมื่อกี๋เอง”

(งั้นก็กินข้าวแล้วก็กินยาซะ แล้วก็นอนพักเยอะๆ พรุ่งนี้วันอาทิตย์มึงไม่มีเรียนอยู่แล้วนี่)

“อือ แล้วมึงทำอะไรอยู่ทำไมยังไม่นอน” ผมถามอย่างอยากรู้

(งาน)

“งานอะไรอ่ะ”

(มึงไม่ต้องรู้หรอกน่า)

“อะไร! กูก็อยากรู้อะไรเกี่ยวกับมึงที่มากกว่าชื่อบ้างหนิ”

(เดี๋ยวกูก็บอกมึงเองน่า เดี๋ยววันหลังจะพามาด้วย มึงไม่ต้องห่วง มึงได้รู้อะไรเกี่ยวกับกูอีกเยอะแน่ๆ)

ผมก็ยังเงียบอยู่ดี นอยส์มัน ก็งานอะไรผมก็อยากรู้บ้างนี่นา ด้วยผมไม่ค่อยสบายเลยทำให้อารมณ์อ่อนไหวง่ายด้วยแหละ

(ไปกินข้าวกินยาแล้วนอนซะ)

“ไม่!!!!” ผมขัดมันขึ้นอย่างรวดเร็วเลย ยังโมโหอยู่ที่มันไม่ยอมบอกผมว่ามันทำงานอะไร

(อย่าดื้อน่า ไปกินยาแล้วก็นอน เดี๋ยวพรุ่งนี้กูไปรับ)

“มารับ! มารับไปไหนอ่ะ” ถามอย่างตื่นเต้นอ่ะ ไม่กงไม่โกรธมันละ

(พรุ่งนี้ก็รู้เองแหละ กูจะเข้าไปหามึงบ่ายๆนู้นแหละ แต่ตอนนี้มึงต้องไปกินข้าว กินยาแล้วก็นอนซะ)

“จริงๆนะ”

(อืม)

“ก็ได้” ผมตกลงในที่สุด แค่คิดว่าพรุ่งนี้ก็จะได้เจอมันผมก็อดตื่นเต้นไม่ได้ละ

(งั้นแค่นี้แหละ กูจะทำงานต่อแล้ว)

“อือ รีบนอนล่ะ บายยยยย~”

เสร็จแล้วผมก็กดตัดสายมันทันที เอามือจับหน้าตัวเองถึงรู้ปากผมฉีกยิ้มอยู่น้อยๆ ผมกำโทรศัพ์อยู่ซักพักจึงนึกได้ว่าต้องรายงานเพื่อนว่าผมยังปลอดภัยดีอยู่ ผมไลน์บอกพวกมันในกลุ่มว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายเลยกลับมาก่อนแล้วก็ปิดการแจ้งเตือนทันทีปิดเสียงปิดสั่นด้วยเพื่อไม่ให้มีอะไรรบกวน ถ้าพวกมันได้อ่านก็น่าจะสบายใจแล้วก็โล่งอกขึ้นบ้าง ผมวางโทรศัพท์ไว้ในลิ้นชักข้างเตียง แล้วก็มองไปที่ถ้วยข้าวต้ม เอามือจับก็รู้ว่ามันเย็นแล้วผมเลยเอาไปอุ่นที่ไมโครเวฟตรงครัวเล็กๆในห้องผม รอไม่นานก็อุ่นเสร็จ จัดการทานข้าวทานยาตามที่มันสั่งแต่ผมรู้สึกเหนียวตัวจนทนไม่ไหวเลยตัดสินใจอาบน้ำ ผมใช้เวลาไม่นานครับถือว่าอาบเร็วมากเพราะกลัวจะเป็นหนักกว่าเดิม พอเสร็จก็รีบเข้านอนทันที

   ผมไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลยนะครับที่มันจะมารับ ไม่ได้ตื่นเต้นเล้ย แค่ตื่นมาตั้งแต่7โมงเช้าทั้งๆที่มันบอกว่ามันจะมารับตอนบ่ายแค่นั้นเอง>< อาการไข้ผมเกือบหายสนิทแล้วครับแต่อาจมีครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่บ้างแต่ไม่หนักเหมือนเมื่อวาน ช่วงล่างที่โคตรเจ็บก็ดีขึ้นมากแล้ว ผมใช้เวลาเลือกเสื้อผ้าก็เป็นชั่วโมงๆแล้วกว่าจะใช้เวลาอาบน้ำที่ดูเหมือนว่าวันนี้ผมจะอาบนานกว่าปกติเพราะมัวแต่ขัดตัวพอกตัว กว่าจะออกมาทาครีมนู้นนี่นั่นผมเงยหน้ามองดูนาฬิกาอีกทีก็เกือบเที่ยงละครับ ผมมองตัวเองในกระจกอย่างพอใจ ทั้งๆที่ก็ไม่ได้แต่งอะไรพิเศษเลยผมเป็นคนชอบแต่งตัวเรียบๆมากกว่า วันนี้ผมใส่เสื้อเชิ้ตพับแขนสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีดำพร้อมกับรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อสีเดียวกับเสื้อแล้วก็มีกำไลแขนอีกหน่อยครับ กำลังจะเดินไปเลือกกระเป๋าเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อน

“ว่าไงฮะป้า” เป็นป้าสาครับที่ยืนอยู่หน้าห้อง

“ขอป้าเข้าไปได้ไหมคะ”

“ได้สิฮะ”

ผมเปิดประตูกว้างขึ้นให้ป้าแกเข้ามาแล้วก็ปิดเบาๆ เดินตามหลังป้าสาเข้ามา พอแกหันหน้ามาก็เห็นในมือมีหลอดยาติดมาด้วย

“ยาอะไรหรือฮะป้า” พอผมถามก็เห็นแกยิ้มน้อยๆ

“ยานวดแกฟกช้ำค่ะ”

“ห๊ะ?” ผมอุทานอย่างสงสัย

“เมื่อวานป้าเห็นรอยช้ำๆที่คอคุณแอลอยู่สองสามรอยน่ะค่ะ ก็เลยเอายาแกฟกช้ำมาให้”

พอได้ยินป้าสาพูดผมก็รีบปิดคอเสื้อด้วยความอายอย่างรวดเร็ว รู้สึกว่าเลือดสูบฉีดหน้าจนหน้าผมคงจะแดงไม่น้อย ผมลืมเรื่องนี้เสียสนิทเลย

“ไม่ต้องอายป้าหรอกค่ะ ป้าเข้าใจเรื่องของหนุ่มๆสาวๆ แต่ที่ป้าเอายานวดมาให้เพราะว่าเผื่อคุณแอลอยากหายเร็วๆ กลัวว่าเวลาใส่เสื้อผ้าจะลำบากน่ะค่ะ”

บ้านผมจะคอนข้างให้อิสระในการใช้ชีวิตน่ะครับ ก็เลยไม่ได้ว่าอะไรเรื่องพวกนี้ถ้ามันไม่มากเกินไปพ่อกับแม่ผมก็เหมือนกัน ถึงป้าสาจะเป็นแม่บ้านแต่ก็เป็นคนเก่าคนแก่ เป็นคนที่ผมเห็นเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ เวลาป้าแกสอนผมก็รับฟังแล้วเอามาใช้ในชีวิตเสมอ ที่ผมโตมาก็เพราะได้ป้าแกนี่แหละครับ

“อะ เอ่อ ขอบคุณนะฮะป้า”

ผมยื่นมือไปรับหลอดยาจากป้าสามาโดยที่ความอายยังไม่ได้ลดลงเลย

“คุณเขาก็ดูใจดี ดูแลเอาใจใส่คุณแอลของป้าดีนะคะ เมื่อวานก็มาขอใช้ครัวก่อนที่จะกลับไป เห็นบอกว่าจะทำอาหารให้คุณหนูแล้วก็ขอยาแก้ไข้จากป้าด้วย แถมยังกำชับกับป้าว่าให้ขึ้นไปดูอาการคุณหนูเรื่อยๆด้วย”

“จริงเหรอ แล้วมันกลับตอนไหนอ่ะ”

“น่าจะกลับซักเที่ยงคืนมั้งคะ คนนี้คงพิเศษมากใช่ไหมคะ ป้าไม่เคยเห็นคุณแอลพาใครมาบ้านมาก่อนเลย”

“เอ่อ...”

ผมไม่รู้ว่าจะตอบป้าสาว่ายังไง ทั้งเขินแล้วก็ไม่รู้ด้วย ไม่รู้ว่ามันพิเศษไหม มันเป็นอะไรที่อธิบายหรือพูดออกมายากน่ะครับเพราะเรื่องของผมกับมันเกิดขึ้นรวดเร็วมาก

“ไม่ต้องตอบป้าก็ได้ค่ะ ว่าแต่วันนี้ตื่นแต่เช้าจะไปไหนรึเปล่าคะ” ป้าสาพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“อ่อ วันนี้มันจะมารับแอลไปไหนก็ไม่รู้ฮะ แอลก็เลยตื่นแต่เช้าเพราะกลัวไม่ทัน” ผมตอบออกไปเสียงเบา

“ค่ะ งั้นป้าไม่รบกวนแล้วดีกว่า ป้าเตรียมอาหารเที่ยงกับยาไว้ให้แล้ว ทานก่อนไปนะคะจะได้ทานยาด้วย”

“ฮะ”

ป้าแกกำลังจะเดินออกจากห้องไปแต่พอเปิดประตูแล้วก็หันกลับมาซะก่อน

“อ่อ ป้าจะบอกว่าถ้าคุณท่านทั้งสองกลับมา อย่าลืมพาคุณเขามาทำความรู้จักกับคุณพ่อคุณแม่ของคุณแอลด้วยนะคะ คุณท่านคงอยากทำความรู้จัก”

“เอ่อ ฮะ”

ผมทรุดตัวลงนั่งที่เตียง ไม่ได้กังวลเรื่องของพ่อแม่หรอกครับกังวลเรื่องมันมากกว่า ผมไม่รู้ว่าระหว่างผมกับมันจะเป็นยังไงต่อไป มันจริงใจกับผมแค่ไหน อย่าว่าแต่ตัวมันเลยแม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่แน่ใจในตัวเองด้วยซ้ำ แต่ก็อย่างที่ผมบอกว่าผมรู้สึกดีกับมันแม้จะไม่เคยรู้จักกันก็ตาม ไม่ใช่เพราะหน้าตามันหรอกครับเพราะผมรู้สึกดีตั้งแต่เห็นมันในความมืดละ ผมพร้อมที่จะพัฒนานะครับถ้าเคมีเราเข้ากันได้ ไหนๆก็มาขนาดนี้แล้ว(เสียตัวให้มันแล้วนี่นา) แต่คิดตอนนี้ก็ยังทำอะไรไม่ได้อยู่ดีก็เลยสลัดความคิดออกแล้วเดินไปเลือกกระเป๋าดีกว่า ใช้เวลาไม่นานก็ได้กระเป๋าใบเล็กๆสีน้ำตาลเอาไว้เก็บแค่กระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์ครับ ก่อนจะทายาที่ป้าสาให้ตามรอยที่คอ สำรวจตัวเองอีกรอบก่อนจะลงไปทานข้าวข้างล่างโดยที่ไม่ลืมหยิบเป้ของมันแล้วก็ผ้าพันคอลงมาด้วย ผมกำลังนั่งทานข้าวอยู่เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น เป็นไอ้มิวเพื่อนผมโทรมาครับ

“ฮัลโหล”

(โอ๊ยยยยย!! กว่าจะรับโทรศัพท์กว่าจะติดต่อได้ก็ทำเอากูใจหายนะมึง นี่ถ้าวันนี้มึงไม่รับโทรศัพท์กูจะบุกไปหามึงที่บ้านแล้วนะเนี้ย ทำเอาพวกกูใจหายแทบแย่)

เพื่อนผู้หญิงหนึ่งเดียวในกลุ่มแต่มันออกจะห้าวๆไปหน่อยน่ะครับ พวกเรามีทั้งหมดสี่คนเป็นเกย์รับหมดเลยสามคนรวมผมด้วย แล้วก็ไอ้มิวที่เป็นผู้หญิงอีกหนึ่ง

“โทษทีนะ แต่ตอนนี้กูสบายดี ปลอดภัย หายห่วง”

(เออๆ มึงปลอดภัยก็ดีละ แล้วที่ไลน์บอกพวกกูว่าเป็นไข้นี่ดีขึ้นยัง)

“ดีขึ้นมากแล้ว พรุ่งนี้กูไปเรียนได้ตามปกติแหละ”

(โอเคงั้นเดี๋ยวเจอกันพรุ่งนี้ กูโทรบอกอีพวกที่เหลือก่อน)

“โอเค เจอกันพรุ่งนี้”

พอมันวางสายไปผมก็นั่งทานข้าวต่อแล้วก็กินยาเพื่อที่จะให้ไข้หายสนิท เสร็จแล้วก็มานั่งรอมันที่ห้องรับแขก เล่นเฟสอะไรของผมไปด้วย จนนึกได้ว่ามันให้พวกไลน์ เฟส ไอจีมาก็เลยจัดการแอดให้หมดเลย ฮิฮิ แล้วมันก็โทรเข้ามาพอดี

“ฮัลโหล”

(กูจะถึงแล้ว มึงเสร็จยัง)

“เสร็จตั้งนานแล้วเหอะ ก็รอมึงอยู่เนี้ย”

(งั้นออกมารอที่หน้าบ้านเลย)

“ไม่เอา มึงขี่รถเข้ามาเลย กูบอกยามไว้แล้ว”

(เอางั้นก็ได้)

“โอเค”

ผมรอไม่นานก็ได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าบ้าน เก็บโทรศัพท์แล้วก็ออกมาหามันเลย หือ...ดูท่าที่บ้านมันก็ไม่น่าจะธรรมดานะ ขี่พอร์ชมาด้วยแฮะ เมื่อวานผมไม่ได้สังเกตรถมันไงมัวแต่เบลอๆ

“ดีขึ้นยัง”

มันถามตอนที่ผมขึ้นมานั่งบนรถแล้ว วันนี้มันใส่เชิ้ตดำแต่พับแขนถึงศอกกางเกงยีนส์ก็สีดำเรียกว่าดำทั้งตัวเลยครับยันรองเท้าเลย

“ดีขึ้นมากแล้ว อ่ะ..นี่เป้มึง”

ผมยื่นเป้คืนให้มันหลังจากที่มันขับรถออกมาจากบ้านผมแล้ว มันหันมามองก่อนจะหันกลับไปมองถนนเหมือนเดิม

“เอาไว้นั้นแหละ”

“หือ”

“ก็เก็บไว้เผื่อใส่ของไปนอนกับกู”

“ใครบอกว่ากูจะไปนอนกับมึง!”

ผมตอบกลับอย่างรวดเร็ว มันพูดออกมาด้วยท่าทีเฉยๆนะครับแต่ผมโคตรอายเลย ถึงจะมากกว่านอนกับมันมาแล้วก็เถอะ>////<

“หึหึ เอาเก็บไว้นั่นแหละ”

ผมก็คร้านจะเถียงมันเลยเอาเก็บไว้ดีกว่า แต่เอาไปวางไว้หลังรถมันแทน

“แล้วมึงจะพากูไปไหนเนี้ย”

“มึงมีที่ที่อยากไปรึเปล่า?”

“อืมมมมมม...มี!!”

“ที่?”

“ที่มึงอยู่”

“หึหึ ไหนบอกว่าไม่นอนกับกูไง”

“ไอ้บ้า กูก็ไม่ได้บอกว่าจะไปนอนกับมึงซะหน่อย!” มันพูดให้ผมอายอีกละ

 “ก็กูอยากรู้จักมึงมากกว่านี้นี่นา ที่ที่มึงอยู่น่าจะบอกอะไรกูได้หลายอย่าง”

ผมพูดออกไปเบาๆพร้อมคิดภาพตาม ที่ที่มันอยู่น่าจะมีอะไรให้ค้น ให้ผมได้รู้เกี่ยวกับตัวมันมากที่สุดผมก็เลยอยากไป

“ยังไงกูก็จะพามึงแวะที่คอนโดกูก่อนอยู่แล้ว กูต้องเข้าไปเอาเอกสารแล้วก็ดูงานนิดหน่อย”

“งั้นก็ดีละ”

“หลังจากนั้นมึงอยากจะไปไหนก็แล้วแต่มึงละกัน”

“โอเค”

ผมตอบรับอย่างอารมณ์ดี ผมอยากไปดูหนังพอดีเพราะไม่ได้ไปดูหนังนานมากๆครับ เดทแรกของผมกับมันที่โรงหนังก็ไม่เลวนะครับสำหรับผม :)



                            ---------------------------------------------------------------------------------------



      ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคะ นี่เป็นนิยายวายเรื่องแรกเลยที่แต่ง..จะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ :L2: :L2:

          ** ปล. แอบใบ้นิดนึงว่าทุกย่างมีเหตุผล มีที่มาที่ไปของมันนะคะ
          ** ที่บอกว่าเรื่องสั้นก็ไม่รู้ว่าจะยังไงนะคะ ขึ้นอยู่กับอารมณ์คนแต่ง อาจจะต่อไปเรื่อยๆก็เป็นได้ ขึ้นเรื่องสั้นไว้ก่อนเผื่อเกิดอะไรขึ้นมันจะได้จบง่ายๆ><
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่2 3/05/2557 p.1
เริ่มหัวข้อโดย: mtd ที่ 03-05-2014 00:20:15
ชอบน้องแอลแบบพอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับตัวเอง
ก็ไม่ได้เอาแต่เสียใจ โวยวาย หรือว่าตั้งแง่ จงเกลียดจงชังพระเอก
แต่กลับพยายามที่จะทำความรู้จัก มองในอีกหลายๆมุมของคลิน
เผื่อเคมีตรงกันก็จะได้สานสัมพันธ์ต่อ คือชอบความคิดน้อง  :katai2-1:
แล้วก็ชอบบุคลิกของคลินด้วย มาแบบนิ่งๆแต่คือกระชากใจ :-[
จากทอล์คหวังว่าจะไม่มาม่านะคะ  :mew2:
ติดตามค่ะ จะเปลี่ยนเป็นเรื่องยาวเราก็ไม่ว่า ชอบบบบบ รอค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่2 3/05/2557 p.1
เริ่มหัวข้อโดย: ernnnxx ที่ 03-05-2014 06:42:47
แอลความคิดน่ายกย่องมากลูก ซูฮก! คนเรามันก็ต้องเปิดใจศึกษากันบ้างไรบ้าง

ส่วนคลินมนุษย์นิ่งแต่การกระทำบาดลึกลงในใจ ทุกการกระทำมีเหตุผลเราก็อยากรู้โคตรโคตร

ปล. แต่งเป็นเรื่องยาวก็ได้น้า สั้นก็ไม่แบบเห้ยๆ จะยังไง แต่ยาวก็ติดตามได้นาน  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่2 3/05/2557 p.1
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-05-2014 19:55:17
อะไรเป็นอะไร ยังไง รอตอนต่อไปอยู่จ้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่2 3/05/2557 p.1
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 03-05-2014 22:01:43
ที่ทำนี่คลินต้องเคยรู้จักแอลมาก่อนแน่ๆ
บางทีอาจจะแอบชอบอยู่ 555555

ขอบคุณคนแต่งค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่2 3/05/2557 p.1
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 03-05-2014 22:40:11
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ป่ะคลิน กิกิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่3 3/05/2557 p.1 23:09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: THE KOP ที่ 03-05-2014 23:02:47
                                                                       ตอนที่ 3

มันจอดรถที่ลานจอดรถของคอนโดที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวแล้วก็ปลอดภัยมากๆครับ ผมเดินตามหลังมันมาตั้งแต่ลงจากรถจนตอนนี้อยู่ในลิฟต์ มันกดที่ชั้น21 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุด

“โหว อยู่บนสุดเลย”

“กูชอบที่สูง”

“อ่าฮะ”

ผมตอบรับเบาๆ เมมไว้ในสมองมันที มันชอบอยู่ที่สูง...ผมมัวแต่จำเรื่องของมันจนประตูลิฟต์เปิดออก มันเดินออกไปแล้วผมก็เดินตาม มันเดินไปทางฝั่งขวาของลิฟต์ ทางเดินค่อนข้างยาวมากเลยครับแต่ผมเห็นมีอยู่แค่2ห้องเอง เพราะผมเห็นประตูแค่2ประตูอยู่ซ้ายกับขวาโดยมีลิฟต์อยู่ตรงกลาง มันเสียบคีย์การ์ดแล้วกดรหัสลงไปแล้วก็หมุนลูกบิดประตูเปิดเข้าห้อง พอเข้าไปข้างในก็ต้องเปลี่ยนรองเท้าก่อนครับ เสร็จแล้วผมก็รีบสำรวจอย่างรวดเร็วเพื่อเก็บรายละเอียด ห้องมันจะเน้นไปทางสีขาวกับสีครีมครับ ทำให้ห้องดูสว่าง ตรงกลางเป็นโซฟากลางห้องขนาดใหญ่ ทางซ้ายเป็นบันไดขึ้นชั้น2 แล้วก็มีห้องครัวอยู่ทางขวามือ

“มึงอยากทำอะไรก็ตามสบาย กูขอขึ้นไปดูเอกสารบนห้องก่อน”

“กูขึ้นไปชั้น2ด้วยได้ป๊ะ?” ผมอยากไปสำรวจข้างบนด้วยอ่ะ ข้างล่างค่อยมาศึกษาอีกที

“ตามสบาย”

ผมเดินตามมันขึ้นไปชั้นสอง เหมือนบ้านเลยนะครับ กว้างมากๆมีอยู่3ห้อง ผมไม่รู้ว่าเป็นห้องอะไรบ้าง แต่ก็เดินตามมันเข้ามาห้องที่อยู่ขวามือสุด ตามมันเข้าในห้องนอนก็ไม่มีอะไรมากครับ ของทุกอย่างถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ ดูโล่งๆ ไม่ได้ตกแต่งอะไรมากมาย โทนสีห้องก็ยังเป็นสีขาวกับสีครีมอยู่

“มึงชอบสีขาวกับสีครีมหรอ?”

“ก็ชอบปกติไม่ได้พิเศษอะไร ที่กูตกแต่งโทนสีนี้เพราะมันทำให้ห้องดูสว่าง ที่จริงกูชอบสีดำ...แต่ถ้าจะตกแต่งทั้งห้องด้วยสีดำคงไม่ดี”

ผมคิดถึงทุกอย่างทั้งห้องเป็นสีดำก็ไม่ไหวละครับ อึดอัด==

“มึงอยากค้นอะไรก็ค้นตามสบาย กูไม่ว่า ห้ามทำพังก็พอ...กูขอเข้าไปดูเอกสารก่อน”

“อือ”

แล้วมันก็เดินเข้าไปในห้องที่ผมคาดว่าจะเป็นห้องทำงานมันครับ อยู่มุมขวาสุดของห้องนอน ห้องนอนมันกว้างกว่าห้องผมอีก ปลายเตียงมีโซฟาแล้วก็โทรทัศน์ มีโต๊ะที่เอาไว้นั่งทานข้าวในห้องด้วย ห้องน้ำก็อยู่ฝั่งซ้ายมือ ถ้าเปิดประตูเข้ามาแล้วเดินตรงอย่างเดียวจนสุดจะเป็นห้องครัวเล็กๆที่เป็นประตูกระจกใส ก็จะมีพวกไมโครเวฟ ตู้เย็น ประมาณนี้ครับ
ตรงโต๊ะหัวเตียงมันก็มีแค่นาฬิกาตั้งโต๊ะกับโทรศัพท์บ้านเฉยๆแล้วก็ที่เสียบปากกาที่มีปากกาเสียบอยู่ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเลย มีโคมไฟติดอยู่ผนังเหนือหัวเตียงไปประมาณ1เมตร เตียงมันก็เรียบๆสีขาว แล้วก็ผ้าม่านสีครีมที่ผูกไว้กับเสาเตียงรอบด้าน ห้องมันมีแต่รูปวิวทั่วไปไม่มีรูปเจ้าของห้องหรือรูปครอบครัวเลยครับ ในลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงก็มีแค่หนังสือเกี่ยวกับธุรกิจกับสมุดจดทั่วๆไป ผมนึกว่าจะมีอะไรมากกว่านี้ซะอีก อยากเข้าไปดูห้องทำงานมันอ่ะ แต่ตอนนี้มันกำลังทำงานอยู่ ผมก็เลยอยู่ไม่กล้าเข้าไปกวนมันหรอก อีกอย่างไม่รู้ว่ามันจะอนุญาตให้เข้าไปไหมเผื่อมีเอกสารที่สำคัญมากอยู่ในนั้น ผมเดินสำรวจจนทั่วก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้นก็เลยไปสำรวจห้องน้ำ อื้อหือ...ในห้องน้ำมีห้องแต่งตัวอยู่ด้วยครับล้อมรอบด้วยกระจกใสอยู่ฝั่งซ้ายมือ ฝักบัวกับอ่างอาบน้ำก็อยู่ส่วนนึงมีกระจกใสกั้นกับชักโครก อ่างล้างหน้าอยู่ใกล้ๆประตู ผมเดินเข้าห้องแต่งตัวก่อนเลย เปิดตู้เสื้อผ้าออกก็มีเสื้อผ้ามันเต็มไปหมด6ตู้ครับ แยกเป็นสัดส่วน ตู้แรกเป็นเสื้อเชิ้ตมีทั้งแขนสั้น แขนยาว มีตั้งแต่โทนเข้มไปหาสีสันสดใส แต่สีที่มีเยอะสุดจะเป็นขาวกับดำ ตู้ที่2เป็นพวกเสื้อสูท เสื้อแขนยาว พวกเสื้อคลุมเสื้อกันหนาว ตู้ที่3เป็นกางเกงทำงาน ตู้ที่4เป็นกางเกงยีนส์กางเกงใส่เล่น ตู้ที่5เป็นเสื้อใส่ทั่วๆไป ตู้ที่6คือชุดนอนครับข้างล่างชุดนอนเป็นลิ้นชักเก็บชั้นใน ข้างบนสุดเอาไว้เก็บผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้ามันค่อนข้างเยอะเลยมากเลยทีเดียว ดูจากการสำรวจตู้เสื้อผ้ามันคงทำงานแล้วแหละ ผมสำรวจจนทั่วว่ามันใช้ครีมอาบน้ำ สบู่ ยาสีฟัน ยาสระผมยี่ห้อไหนแล้วก็จำรายละเอียดทุกอย่างให้ครบ เดินสำรวจจนไม่มีอะไรแล้วถึงออกมาจากห้องน้ำ แล้วก็เห็นมันเดินออกมาจากห้องทำงานพอดีครับ

“มึงทำงานเสร็จแล้วเหรอ?”

“อืม ลงไปข้างล่างยัง? หรือจะเข้าไปดูห้องทำงานกู”

“ได้เหรอ?!?”

“มึงค้นได้ทุกอย่าง ทุกๆที่ในคอนโดกู อยากจะทำอะไรก็แล้วแต่มึง”

“อืม แต่เอาไว้วันหลังดีกว่า ตอนนี้4โมงละ กูอยากไปดูหนัง มึงพากูไปนะ..นะๆๆๆๆ”

ที่จริงผมอยากเข้าไปดูห้องทำงานมันมากๆเลยนะครับ แต่ตอนนี้มัน4โมงเย็นแล้วอ่ะ กว่าจะดูหนังจะอะไรอีก พรุ่งนี้ผมมีเรียนเลยไม่อยากกลับบ้านค่ำมาก ยังมีเวลาค้นห้องมันอีกเยอะเดี๋ยวค่อยกลับมาค้นอีกก็ได้

“หึหึ กูบอกแล้วว่ามึงอยากไปไหนก็แล้วแต่มึง”

“เย้ๆ ขอบคุณนะ”

ผมรู้สึกว่าดีใจมากๆครับ ส่งยิ้มให้มันกว้างสุดๆ ผมกลัวว่าคนอย่างมันจะไม่ชอบไปโรงหนังอะไรพวกนี้ แต่ผมอยากใช้เวลากับมันให้มากขึ้นอยากเรียนรู้ตัวมันเองมากขึ้นเลย แล้วผมก็อยากดูหนังมากๆด้วย

“งั้นก็ลงไปข้างล่างได้แล้ว” ผมเดินตามมันออกจากห้อง แล้วก็ถามมันไปด้วย

“อีก2ห้องเป็นห้องอะไรอ่ะ”

“ห้องนอนแขกกับห้องเก็บของ”

“อ๋อ ตอนนี้มึงทำงานแล้วสินะ”

“อืม กูเรียนปริญญาโทจบมาเกือบปีแล้ว”

“ปริญญาโท!! ตอนนี้มึงอายุเท่าไหร่แล้วอ่ะ?”

ผมอึ้งมากนะครับที่รู้ว่ามันเรียนจบโทแล้ว หน้ามันนี่บอกว่าเรียนปีสามปีสี่ผมยังเชื่อเลย

“26จะ27”

“อายุมากกว่ากูตั้งหกเจ็ดปีแหนะ”

ผมพูดกับตัวเองเบาๆ ตอนนี้เดินลงมาจนถึงโซฟาข้างล่างแล้วครับ มันหันหน้ามาหาผมที่อยู่ข้างหลังมัน

“กูชื่อเล่นชื่อคลิน ชื่อจริงชื่อศิขรินทร์ มีพี่สาวชื่อครีม ผับที่มึงไปวันก่อนเป็นผับของกูเอง”

ไม่น่าล่ะ ลากผมเข้าห้องได้สบายเชียว ผมไม่เคยไปผับนั่นมาก่อนครับ เพื่อนผมชวนไปผมก็เลยไปเป็นครั้งแรกเลย

“อย่างนั้นสินะ คลิน...ศิขรินทร์ มีพี่สาวชื่อครีม อายุ26ปี มีผับเป็นของตัวเอง....”

ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ มัวแต่จำจนไม่ได้สนใจมัน รู้ตัวอีกทีก็ตอนมันเดินเข้ามาใกล้มากๆแล้ว

“แล้วมึงล่ะ?”

“หืม?”

“กูบอกเรื่องกูให้มึงฟังแล้ว ไม่คิดจะบอกเรื่องของมึงให้กูฟังบ้างหรือไง”

ผมกับมันต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันและกัน ผมสำรวจใบหน้ามันอย่างถี่ถ้วนแล้วก็รู้สึกอยากกอดมันขึ้นมาซะอย่างนั้น แล้วไม่ได้แค่คิดผมขยับตัวเข้าไปกอดมันทันที ตอนแรกมันนิ่งๆซักพักก็กอดผมตอบพร้อมกับลูบหลังเบาๆ ผมเบียดตัวเข้าหามันมากขึ้น ซึมซับความอบอุ่นจากกอดของมัน การกอดมันทำให้ผมรู้สึกดีมากๆเลย

“กูเป็นลูกคนเดียว ชื่อจริงชื่ออิสรากรณ์ เรียนอยู่มหาลัยMMM คณะบริหาร ปี2 อายุ20ปี”

“อืม เรายังมีเวลาที่จะศึกษาเรียนรู้กันอีกเยอะ ค่อยๆที่จะเรียนรู้กันไปไม่ต้องรีบ มึงจะได้รู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวกูแน่ๆ เช่นเดียวกับกูที่จะได้รู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับมึง”

“อื้ม”

“พรุ่งนี้มีเรียนกี่โมง”

“สิบโมง”   

“งั้นก็ไปดูหนังได้แล้ว เดี๋ยวมึงกลับบ้านดึก” ผมผละจากอ้อมกอดของมันแต่มือมันยังคล้องอยู่เอวผม เรายืนสบตากันอยู่ซักพัก

จุ๊บ

มันโน้มหน้าเข้ามาจูบหน้าผากผมเบาๆ ผมตกใจนิดหน่อยแต่ที่รู้สึกมากกว่านั้นคือหน้าร้อนมากๆ เหมือนหน้าผมจะไหม้เลย จนเป็นฝ่ายหลบสายตามัน เขินว่ะ>//////<

“ไปได้แล้ว”

“อือ”

มันเปลี่ยนมาจับมือผมแทน โดยที่ผมได้แต่เดินตามหลังมันออกจากห้องแล้วเอาแต่มองมือที่มันจับ รู้สึกอุ่นมากๆทั้งที่มือแล้วก็รู้สึกอุ่นๆที่ใจยังไงไม่รู้...



“มึงๆๆ เขาจะว่ากูแปลกไหมอ่ะ หน้าร้อนแต่ยังใส่ผ้าพันคออีกอ่ะ”

พอผมเดินเข้ามาในห้างก็รับรู้ว่ามีสายตาหลายคู่ที่มองมา เป็นผมผมก็มองนะ อากาศตอนนี้ร้อนมากๆแต่ผมก็ยังใส่ผ้าพันคอ==

“งั้นก็เอาออกสิ”

“ถ้าเอาออกได้กูก็เอาออกไปนานละ ยิ่งถอดคนยิ่งมองน่ะสิ”

“งั้นก็ไม่ต้องสนใจ เขาอยากมองก็มองไป”

พูดเสร็จมันก็ยกมือขึ้นกอดคอผมแล้วก็ดึงผมเข้าไปใกล้มันมากขึ้น แล้วจากที่มีคนมองอยู่แล้วยิ่งมีมากขึ้นไปอีก ผมก็เลยได้แต่ก้มหน้างุดๆแล้วเดินตามมันจนมาหยุดอยู่โปรแกรมหนังโดยที่มันกอดคอผมมาตลอดทาง

“จะดูเรื่องอะไร?”

“ตามใจกูอ่อ?”

“ก็มึงเป็นคนอยากมาหนิ”

“ได้ทุกเรื่องเลยนะ?”

“อืม” ผมกวาดตามองโปรแกรมหนังอีกทีก่อนจะชี้ไปหนังที่ผมอยากดู

“เอาเรื่องนี้”

เป็นหนังตลกของไทยนี่แหละครับ เป็นเรื่องเด็กๆเลย ผมเป็นคนไม่ชอบดูหนังซีเรียสอ่ะชอบดูอะไรที่มันเบาสมอง หนังผีหนังแนวฆาตกรรมนี่อย่ามาพูดด้วยนะผมไม่เอาเด็ดขาด หนังฝรั่งก็ดูได้นะครับ ชอบด้วย แต่วันนี้อยากดูเรื่องนี้มากกว่า

“อืม งั้นมึงรออยู่นี่แหละเดี๋ยวกูไปซื้อตั๋วเอง”

แล้วมันก็เดินไปซื้อตั๋วครับ ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างมันจะยอมดูหนังอะไรแบบนี้ ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อคิดว่าหนังแนวนี้ดูขัดกับบุคลิกของมันอยู่ซักหน่อย ไม่นานมันก็กลับมา

“อีกประมาณชั่วโมงนึง มึงหิวยัง”

“หิววววววววววววววววววว” ผมตอบอย่างรวดเร็ว ผมเป็นคนกินเยอะนะ เยอะมากๆด้วย แป๊บเดียวก็หิวละ

“อยากกินอะไร?”

“อืมมมมมม อันนี้กูแล้วแต่มึง เพราะมึงตามใจกูเรื่องหนังละ”

“กูกินอาหารไทยนะ”

“อื้อ กูกินอะไรก็ได้” แล้วมันก็จับมือผมเดินไปที่ชั้นร้านอาหาร รู้สึกดีทุกครั้งที่มันจับมือจริงๆ ผมชอบความรู้สึกนี้มากๆเลย ^^

“รับอะไรดีคะ?”

มันพาเดินเข้ามาที่ร้านอาหารไทยครับ บรรยากาศดีเลยแหละ

“เอาต้มยำกุ้ง  พะแนงหมู แล้วก็ต้มข่าไก่ครับ มึงเอาไร?” มันหันมาถามผม

“เอาผัดวุ้นเส้นกับแกงจืดครับ”

พนักงานก็รับออร์เดอร์ไป พวกเรานั่งอยู่ริมกระจกครับ สามารถมองเห็นวิวข้างล่างได้หมดเลย ผมมองลงไปอย่างล่องลอย เพลินตาดีครับ

“แอล”

ผมสะดุ้งน้อยๆแล้วก็หันไปทางมัน

“มึงไม่กินเผ็ดหรอ?”

“อื้อ กินไม่ได้อ่ะ ทำไมเหรอ?”

“เห็นมึงสั่งแต่อาหารไม่เผ็ด หน้าอย่างมึงก็ดูท่าไม่น่าจะกินได้ด้วย”

“อ่อ แล้วมึงล่ะ ชอบกินเผ็ดไหม? ชอบกินอะไรเป็นพิเศษ?” ได้โอกาสก็ถามมันเลยครับ

“กูกินเผ็ด ชอบกินต้มยำกุ้ง”

“อ๋อ โอเคๆ”

ได้รู้เกี่ยวกับมันเพิ่มขึ้นอีกแล้ว^^ ยังไม่ทันจะพูดอะไรเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นก่อน แม่ผมโทรมาครับ

“ฮัลโหล”

(แอลอยู่ไหนลูก?)

“แอลอยู่ร้านอาหารฮะแม่ กินข้าวรอดูหนัง”

(ไปกับเพื่อนเหรอเรา)

“แปล่าฮะ มากับรุ่นพี่” ผมไม่อยากโกหกแม่อ่ะครับ เดี๋ยวแม่ก็ต้องรู้อยู่ดี

(อั้นแหนะ รุ่นพี่คนไหนนะ)

ผมเหลือบตามองมันนิดหน่อยก็เห็นว่ามันมองหน้าผมอยู่พอดี ผมก็เลยหลบตามันอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยวกลับมาค่อยคุยกันดีกว่าฮะ” ผมพูดเสียงเบาๆอย่างเขินอาย

(หืมมมมมม ต้องมีอะไรแน่ๆเลยแม่ว่า แฟนหนูเหรอ)

“เดี๋ยวค่อยคุยกันตอนแม่กลับมานะฮะ ว่าแต่ตอนนี้แม่ทำอะไรอยู่?”

(เปลี่ยนเรื่องไวเชียว ฮ่าๆๆๆๆๆ เอาเถอะๆ แม่รอคุณพ่อเขาประชุมอยู่จ๊ะ ก็เลยโทรมาถามข่าวคราวลูกแม่ซะหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง)

“แอลสบายดีฮะ”

(จ้า อ๊ะ พ่อออกมาแล้ว แม่ต้องวางละจ้ะ คุณพ่อฝากความคิดถึงมาด้วยนะ พ่อกับแม่รักลูกนะ บายจ้ะ)

“แอลก็รักพ่อกับแม่ฮะ บายครับ” ผมกดวางสายแล้วก็เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า

“คุยกับแม่?”

“อื้อ”

มันพยักหน้าเล็กน้อย พนักงานก็เอาอาหารมาเสิร์ฟพอดี ต่างคนก็ต่างทานครับ อาหารร้านนี้ถือว่าอร่อยเลย ใช้เวลาไม่นานมากก็กินเสร็จ มันเรียกพนักงานมาเช็คบิล ผมกำลังหยิบตังค์ออกมามันก็จ่ายไปแล้ว

“เลี้ยงกูอ่อ?”

“อืม”

“รวยจังเลยนะ” ผมถามมันกวนๆครับ

“ก็มีพอจะเลี้ยงมึงได้แล้วกัน ไปได้แล้ว ใกล้ได้เวลาแล้ว”

ผมแลบลิ้นใส่มันตอนมันหันหลัง แล้วเราก็เดินไปที่โรงหนัง ก่อนหนังฉาย10นาทีโดยที่เราไม่ได้ซื้ออะไรเข้าไปกินเลยครับเพราะอิ่มจากที่กินมาเมื่อกี๋มากๆเลย








                                -------------------------------------------------------------------------------------

            เห็นมีคนกลัวดราม่า บอกไปแล้วเนอะว่าไม่ถนัดแล้วก็ไม่ชอบด้วยนะคะ อาจมีบ้างแต่ก็น้อยนิดมากจริงๆ(นิดมากกกกกกกกกกกกก) แล้วก็เรื่องที่THE KOPแต่งจะจบแบบแฮปปี้ทุกเรื่องนะคะ ไม่ต้องห่วง...จะบอกว่าคนแต่งแต่งสดทุกตอน ไม่มีสต๊อกเก็บไว้นะเออ อารมณ์มาตอนไหนก็ตอนนั้น>< เดี๋ยวจะมีตอนที่พี่คลินมาเอง(ตามที่คิดไว้) แต่ไม่รู้ว่าตอนไหนนะ5555555555555 ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆเลยนะคะ    :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่3 3/05/2557 p.1 23:09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: mtd ที่ 03-05-2014 23:14:34
โอ้ยยยยยย ยิ่งอ่านยิ่งชอบคู่นี้
ชอบที่ทั้งสองคนพยายามที่จะศึกษาซึ่งกันและกัน
โดยเฉพาะน้องแอลนิสัยน่ารักมากกกก
ส่วนพี่คลินก็มาดูเป็นผู้ใหญ่ เท่ห์ๆ หล่อบาดใจน้องมากค่ะขุ่นพี่  :impress2:
หลงรักเรื่องนี้ซะแล้ว รอค่าาาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่3 3/05/2557 p.1 23:09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ernnnxx ที่ 03-05-2014 23:32:01
เหมือนเราเพิ่งลงคอร์สเรียนอ่ะ ศึกษาดูใจแนะนำตัวมาหมด ไม่ต้องรีบเร่งยังีอกยาวอย่างคลินว่า

แอลจะน่ารักน่าหยิกมากเลยนะถ้าเรียกคลินว่าพี่แบบทำให้รู้ว่ามีคนกินเด็ก (ผิดส์ :z6:)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่3 3/05/2557 p.1 23:09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 03-05-2014 23:49:38
สมาคมคนกินเด็กเพิ่มมาอีกคนแล้วสินะ 55555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่3 3/05/2557 p.1 23:09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: KoBKaB ที่ 04-05-2014 00:09:50
ดูอบอุ่นจัง  :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่3 3/05/2557 p.1 23:09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 04-05-2014 00:35:22
พัฒนาความสัมพันธ์ไวมาก จนคิดว่าเหมือนแฟนกันมากกว่าศึกษาอีกนะเนี่ย  o22
 :m1: แสดงว่าทั้งคู่ต้องชอบกันแล้วแหละ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่3 3/05/2557 p.1 23:09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-05-2014 03:41:38
คุณพ่อคุณแม่ท่าจะใจดีมากเลย ดูเป็นครอบครัวที่อบอุ่นและเข้าอกเข้าใจกันดี
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่3 3/05/2557 p.1 23:09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 04-05-2014 10:38:04
พระเอกดูอบอุ่นจังค่ะ รอตอนต่อไปน้า :hao7:  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่3 3/05/2557 p.1 23:09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 04-05-2014 12:02:12
รักเด็ก เพราะเด็กน่ารัก
ผู้ใหญ่ อย่ารังแกเด็กบ่อยนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่3 3/05/2557 p.1 23:09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 04-05-2014 12:56:33
ขอมาตามน้องแอลด้วยคนนนนนนนนน   :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่3 3/05/2557 p.1 23:09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 04-05-2014 17:38:39
น่ารัก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่4 5/05/2557 p.1 4:05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: THE KOP ที่ 05-05-2014 03:58:30
                                                                         ตอนที่ 4


ออกมาจากโรงหนังด้วยอาการขำค้าง ผมยังตลกกับมุขของหนังอยู่เลย ที่จริงหนังมันก็ไม่ได้ดีมากมายอะไรหรอกครับ แต่มันก็เบาสมองไม่เครียดแล้วก็เพราะผมเป็นคนเส้นตื้นด้วยแหละ ไม่เหมือนบางคนที่นั่งข้างกันครับคนอื่นหัวเราะกันมันนั่งนิ่งเชียว มันก็ดูจอตลอดนะครับแต่ไม่หัวเราะเลยจนผมเป็นกังวลว่ามันผิดปกติรึเปล่า==

“หนังไม่สนุกเหรอ กูไม่เห็นมึงหัวเราะเลยอ่ะ”   จนอารมณ์ผมกลับมาเป็นปกติจึงถามมัน เดินมาจนจะถึงรถละครับ

“ก็ดี”

“นี่คือก็ดีเหรอ อารมณ์มึงเหมือนมันแย่มากๆเลยอ่ะ”

“มันก็โอเค แต่มันก็ไม่ใช่แนวกูซักเท่าไหร่ไง”

“อืม งั้นคราวหลังกูให้มึงเลือกหนังดีกว่า”

“กูดูยังไงก็ได้ที่มึงอยากดู ให้มึงเลือกบ้างกูเลือกบ้าง สลับกันก็ได้”

“อืม งั้นคราวหลังมึงเลือกละกัน”

เดินคุยกันจนมาถึงรถครับ เปิดประตูเข้าไปนั่งเรียบร้อยมันก็ขับรถออกจากห้าง ผมเหลือบเห็นเวลาที่หน้ารถพอดี ตอนนี้สองทุ่มเศษๆแล้วครับ จู่ๆผมก็นึกอยากรู้วันเกิดมันขึ้นมา

“มึงเกิดวันที่เท่าไหร่เหรอ?”

“14 กันยา...”

“อ๋อ ยังอีกนานอยู่นี่นา”

“แล้วมึงล่ะ”

“กูเกิด 28 กุมภา...ดีนะปีที่กูเกิดไม่มีวันที่29 กูเกิดเกือบเที่ยงคืนแหนะ ถ้าแม่กูเบ่งช้าไปอีกนิดแล้วปีนั้นเดือนกุมภามี29วันนี้มีเฮเลย 4ปีฉลองกูคงลืมวันเกิดตัวเองพอดี ฮ่าๆๆๆๆๆ”

“ไม่เปลืองไง”

“กูยอมเปลืองดีกว่างั้น” ผมเถียงมันน้อยๆ

“เออ กูแอดเฟส แอดไลน์มึงละนะ รับแอดด้วย” ผมนึกเรื่องนี้ได้พอดี

“อือ ถ้ากูเล่น”

“กลับไปมึงก็เล่นสิๆ”

“ขี้เกียจ”

“ไม่เอาาาาาาาา เข้าไปเล่นแค่รับแอดกูก็ได้”

มันหันมามองหน้าผมแล้วก็ส่ายหน้าน้อยๆแต่ก็ตกลงในที่สุด ผมก็อารมณ์ดีไปเรื่อยเลยทีนี้  จนรถมันมาจอดสนิทที่หน้าบ้านผม

“ขับรถกลับดีๆนะ” ผมหันไปบอกมัน

“อืม”

“งั้นกูไปละ บาย”

ผมยิ้มให้มันก่อนจะหยิบผ้าพันคอที่ถอดไว้บนตักแล้วก็กระเป๋าเป้ของมัน กำลังจะเปิดประตูรถออกไปแต่มันเรียกผมไว้เอาก่อน

“พรุ่งนี้เลิกกี่โมง?”

“บ่ายสองอ่ะ”

“อืม งั้นเดี๋ยวกูไปรับ”

ผมงงนิดหน่อยที่มันบอกว่าจะไปรับแต่อีกความรู้สึกที่แทรกมาคือดีใจที่จะได้เจอกัน เพราะผมก็คิดเรื่องนี้อยู่ว่าจะได้เจอกันอีกวันไหน แต่จะให้ผมเป็นฝ่ายเรียกร้องก็ยังไงยังไงอยู่><

“มึงว่างรึไง?”

“เอาเป็นว่ากูจะไปรับก็แล้วกัน”

“ก็ตามใจมึง ดีซะอีก จะได้ไม่เปลืองน้ำมันรถกู”  ผมยักคิ้วให้มันอย่างกวนๆ แล้วก็เห็นมันส่ายหัวทำหน้าเอือมๆใส่ผม

“ลงไปได้แล้ว เดี๋ยวคนที่บ้านมึงเป็นห่วง”

“อื้ม งั้นกูไปละ”

พอมันพยักหน้าผมก็เปิดประตูลงจากรถแล้วก็ยืนรอให้มันออกรถ มันเลื่อนกระจกลงมามองผมก็เลยโบกมือบ๊ายบายให้มัน

“เข้าบ้านดิ” มันบอกผม

“กูรอให้มึงไปก่อน”

“มึงเข้าบ้านก่อนไป”

“อืมๆ ก็ได้”

แล้วผมก็โบกมือให้มันอีกทีก่อนจะเปิดประตูเล็กเข้าบ้าน มองกลับมาก็ยังเห็นรถมันอยู่ ผมเลยเดินไปเรื่อยๆจนเข้าบ้านไปในที่สุด

“ให้พี่ตั้งโต๊ะไหมคะคุณแอล”

พี่ส้มที่เป็นแม่บ้านอีกคนถามขึ้นหลังจากที่ผมเข้ามาในบ้าน

“ไม่ดีกว่าฮะ แอลกินข้าวจากข้างนอกมาแล้ว”

“ค่ะ”

ผมยังอิ่มจากตอนที่กินข้าวกับมันอยู่เลย แล้วก็รู้สึกขี้เกียจกินด้วยแหละเลยคิดว่าไมให้พี่ส้มตั้งโต๊ะดีกว่า ถ้าหิวเดี๋ยวผมค่อยลงมาหาอะไรกิน เปิดประตูเข้าห้องมาเก็บผ้าพันคอกับกระเป๋าที่มันให้มาให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเข้าห้องน้ำเพื่อไปอาบน้ำ จัดหนังสือใส่กระเป๋าเตรียมตัวไปเรียนพรุ่งนี้แล้วก็เช็คพวกเฟส ไลน์ ไอจี มีการแจ้งเตือนว่ามันรับแอดผมแล้ว ผมก็ส่องๆๆๆๆ ส่องทุกอย่างแต่ก็ไม่เห็นอะไร เฟสมันก็ไม่ค่อยอัพอะไรหรอก ไอจีก็มีแต่ภาพวิว ภาพอาร์ตๆ ไลน์ก็เหมือนกัน ไม่มีอะไรหวือหวาเลย ผมก็เลยเก็บโทรศัพท์แล้วก็เข้านอนทันที




“โอ๊ย กว่าจะโผล่หัวมาได้นะมึง พวกกูเป็นห่วงมึงแทบแย่ อยู่เฉยๆก็เล่นหายไปแบบนั้น นี่ถ้าเกิดว่ามึงไม่ไลน์บอกกูวันนั้นนะ พวกกูกะจะไปแจ้งความแล้วนะเนี้ย กูนึกว่า...”

“พอๆๆๆ พวกมึงก็เห็นแล้วว่ากูปลอดภัยดี สบายหายห่วง”

พอมาถึงม้าหินอ่อนที่นัดกันเป็นประจำผมก็เห็นเพื่อนผมสามคนอยู่กันครบ เดินมาถึงโต๊ะก้นยังไม่ทันจะถึงเก้าอี้ไอ้เพ้นท์ก็รัวใส่แบบไม่ยั้ง ไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัวเลยซักนิดจนผมล่ะกลัวว่ามันขาดอากาศหายใจไปซะก่อน

“แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นแอลก็น่าจะบอกพวกเราก่อนนี่นา พวกเราเป็นห่วงแทบแย่”

ไอ้ตรีผู้เรียบร้อยมากเอ่ยขึ้น คิดดูสิครับว่าขนาดคำสมัยพ่อขุนมันยังไม่พูดเลย หงิมๆหนิมๆยอมทุกคนอ่ะมัน ไม่มีปากไม่มีเสียงจนผมยังสงสัยว่าชาตินี้มันเคยด่าใครรึยัง ไอ้ตรีนี่ตัวเล็กๆครับ เล็กกว่าผมอีกนะ มันสูงแค่163เอง น้ำหนักก็เบาแสนเบา วันนั้นที่มันไปผับกับพวกผมก็เพราะว่าโดนบังคับนะคับ ไม่งั้นคนอย่างมันไม่มีทางไปที่แบบนั้นหรอก มันไม่ชอบความวุ่นวาย ที่ๆคนเยอะเงี้ย ต่างจากไอ้เพ้นท์ รายนั้นนี่เสียงดัง วุ่นวายสุดๆ

“กูขอโทษจริงๆ กูจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว” ผมเอยออกไปอย่างรู้สึกผิด พวกมันคงเป็นห่วงผมมาก

“เออๆ ช่างมันเถอะ ไหนๆก็ผ่านมาแล้ว ขึ้นเรียนได้แล้วเว้ยๆ”

เสียงไอ้มิวดังขึ้นเตือนสติทุกคน ทำให้พวกเราต้องหยุดการสนทนากันไว้เท่านั้น ไม่งั้นเข้าเรียนสายแน่ๆ เรียกว่าวันนี้เรียนค่อนข้างหินครับ วิชาเดียวล่อไปสี่ชั่วโมงติดเลย มีเบรกแค่ครึ่งชั่วโมงตอนเที่ยงแค่นั้นเอง พอเลิกเรียนพวกผมสี่คนก็แทบเป็นลมเลย เหนื่อยมากๆ

“โอ๊ย กูจะอ้วกว่ะ” เสียงไอ้มิวพูด

“ไปหาไรกันกินก่อนป๊ะ กูหิวจนจะแดกช้างได้แล้ว”

“เราเห็นด้วยกับเพ้นท์มาก”

ไอ้ตรีนี่ดูมันเพลียมากเลยครับ แต่สภาพแต่ละคนนี่อนาจจริงๆ ผมเองก็ไม่ต่างกันเลย แค่เดินมาถึงโรงรถได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ผมอยากไปกับพวกมันนะแต่ติดที่ว่ามันจะมารับน่ะสิ คงไปกับพวกมันไม่ได้ ผมส่งข้อความหามันตั้งแต่ก่อนเลิกคลาสแล้ว ตอนนี้มันน่าจะใกล้มาถึงมหาลัยผมแล้วแหละ

“กูไปด้วยไม่ได้ว่ะ” ผมเอ่ยบอกพวกมันบอกไปเสียงเบา

“ทำไมวะ” ไอ้เพ้นท์ถามขึ้น

“มีคนจะมารับอ่ะ”

“ใครวะ?” อันนี้ไอ้มิว

ผมคิดว่ายังไงก็จะเล่าเรื่องผมกับคลินให้พวกมันฟังอยู่แล้วเพราะพวกเราไม่เคยมีความลับต่อกัน แล้วก็อยากปรึกษาพวกมันด้วย การได้คุยกับเพื่อนเป็นอะไรที่ดีมากๆนะครับ

“เอ่อ...”

ผมกำลังจะบอกพวกมันโดยการเล่าคร่าวๆให้มันฟังแต่เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นก่อน ผมรับโทรศัพท์ท่ามกลางสายตาสามคู่ที่มองมาอย่างกดดัน

“มึงขี่รถเลยหน้าตึกมาแล้วก็เลี้ยวซ้ายมาเรื่อยๆเลย ตรงโรงรถนั่นแหละเดี๋ยวก็เห็นกู”

มันโทรมาบอกว่าถึงหน้าคณะผมแล้ว ถามว่าผมอยู่ไหนแค่นั้นครับ พอผมวางสายปุ๊ปพวกมันก็กระหน่ำถามทันที

“ใคร? ทั้งคนที่มารับมึงแล้วก็คนที่มึงคุยด้วยเมื่อกี๋” ไอ้มิวถามอย่างคาดคั้น

“เราว่าไม่ใช่คนที่บ้านแน่ๆอ่ะ” ไอ้ตรีพูดอีกคน

“รอยแดงจางๆที่คอมึงอย่าว่าพวกกูไม่เห็น”

ผมกะแล้วว่าสายตาเหยี่ยวของไอ้เพ้นท์ต้องเห็นเพราะมันเป็นคนที่ช่างสังเกต ช่างจับผิดมากครับ ขนาดรอยจางลงมากแล้วนะเนี้ยแล้วก็เนื่องจากผมไม่ได้ใส่อะไรมาปิดเลยเพราะยิ่งจะทำให้ยิ่งน่าสงสัยกว่าเดิม แล้วผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังเรื่องนี้พวกมันอยู่แล้ว

“เห้อ กูไม่ได้ตั้งใจจะปิดพวกมึงอยู่แล้วแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง เอาไว้พรุ่งนี้กูจะเล่าให้พวกมึงฟังอย่างละเอียดเลย เรื่องมันเกิดวันที่กูหายไปจากผับแหละ”

“กูว่าและว่าที่มึงหายไปต้องไม่ใช่เพราะมึงเป็นไข้แน่ๆ”

เสียงไอ้มิวพูดยังไม่ทันจบดีก็มีรถมาจอดข้างๆพวกเราซะก่อน แน่นอนว่าทุกสายตาจับจ้องที่รถมัน ยิ่งกระจกรถฝั่งข้างคนขับลดลงทุกคนยิ่งสนใจ

“พี่คลิน!!!!”

เสียงไอ้มิวเรียกชื่อมันดังขึ้นอย่างคุ้นเคย เพื่อนผมกับไอ้คลินรู้จักกันหรอวะ?




                                     -----------------------------------------------------------------------


     มาดึกมาก คนแต่งจะเป็นลมละค่ะ ง่วงมากเลย :ling3: :ling3: ตอนนี้เรื่อยๆไม่ค่อยมีอะไรเลยเนาะ(สั้นด้วย :monkeysad:) เป็นตอนปูทางมากกว่านะคะ :mew2:  :mew2: ไปแล้วค่าาาาาาาาาาา~ (ทอร์คน้อยเพราะง่วงTT) ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆจริงๆค่ะ  :L2: :L2: :L2: :L2:



























หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่4 5/05/2557 p.1 4:05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 05-05-2014 08:11:55
มาดึกเชียว :)

มิวรู้จักพี่คลินด้วย??
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่4 5/05/2557 p.1 4:05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: mtd ที่ 05-05-2014 08:29:31
เอาแล้วๆๆๆ
พี่คลินกับมิวรู้จักกันด้วย?  :hao4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่4 5/05/2557 p.1 4:05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 05-05-2014 09:57:27
เนื้อเรื่องอ่านได้เรื่อยๆ แต่สะดุดทุกครั้งที่บทสนทนาใช้แต่ กู มึง
พอถึงบทที่  3 น่าจะมีการพัฒนาใช้คำสุภาพเพิ่มตามมา ตายวัยลำดับขั้น เมื่อรู้ความจริง
การใช้กู มึง เพื่อแสดงความสนิทสนมนั้น อาจใช้ได้บ้างไม่ใช่ใช้ตลอด ใช้ตามจังหวะเวลากับบางบุคคลจะดีกว่า
เพราะดูแล้วทั้งคู่เป็นคนมีการศึกษา

หากมีการแก้ไข เนื้อเรื่องคง "งาม" ได้เพิ่มอีก บอกเล่าในฐานะผู้อ่านละกัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่4 5/05/2557 p.1 4:05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ernnnxx ที่ 05-05-2014 10:23:04
เหมือนคลินเป็นมนุษย์ที่โลกอยากรู้ประมาณคือใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร

มิวรู้จักเฮียแกได้ไง..ค้างมาก  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่5 5/05/2557 p.2 23:42 น.
เริ่มหัวข้อโดย: THE KOP ที่ 05-05-2014 23:36:45
                                                                       ตอนที่ 5

“ว่าไงมิว”

แล้วไอ้คลินมันก็เดินลงมาจากรถ จากที่ตอนแรกไอ้มิวสงสัยกลายเป็นผมที่สงสัยซะเอง ไอ้เพ้นท์กับไอ้ตรียิ่งไม่รู้เรื่องอะไรเลยครับ งงเป็นไก่ตาแตก

“พี่มาทำอะไรที่นี่อ่ะ” ไอ้มิวถามขึ้นหลังจากที่มันเดินมาหยุดข้างๆผม

“มารับคน”

“หือ อย่าบอกนะว่าคนที่มึงบอกว่าจะมารับคือพี่คลินน่ะ” ไอ้มิวหันมาถามผม

“อือ ทำไมวะ?”

“หึหึ จนได้สินะ” เสียงไอ้มิวบ่นพึมพำอะไรไม่รู้

“เดี๋ยวนะๆ ไอ้มิว...มึงรู้จักกับคนที่มารับไอ้แอลหรอวะ” ไอ้เพ้นท์ที่เงียบมานานถามขึ้น

“นั่นน่ะสิ เรางงอ่ะ” ไอ้ตรีอีกคน

“อ๋อ กูกับพี่คลินเป็นญาติกัน แม่พี่คลินเป็นพี่ของพ่อกู” อ๋อ ผมเข้าใจละ โคตรบังเอิญเลย

“แล้ว...”

“เออ ตอนนี้พวกเราหิวกันมากแล้วเนอะ งั้นพวกเราไปหาไรกินกันดีกว่า...ไปละนะพี่คลิน ไปแล้วเว้ยไอ้แอล เจอกันพรุ่งนี้”

เสียงไอ้เพ้นท์กำลังจะพูดแต่ไอ้มิวก็ขัดขึ้นมาก่อน มันหันไปไหว้ไอ้คลินแล้วก็บอกลาผมอย่างรวดเร็ว ลากไอ้เพ้นท์กับไอ้ตรีที่ยืนงงๆอยู่ไปที่รถมันอีกทางนึง สองคนนั้นแทบจะยกมือไหว้ไอ้คลินไม่ทันเลย

“กูไม่เห็นรู้เลยว่ามึงกับไอ้มิวเป็นญาติกัน” เงยหน้าพูดกับคนที่อยู่ข้างๆ

“อืม เป็นญาติกันมานานละ”

มันกวนตี-ผมป๊ะเนี้ย มันก็ต้องเป็นญาติกันตั้งแต่เกิดอยู่แล้วหนิ ผมก็เลยมองหน้ามันอย่างเคืองๆ แต่มันกลับยกยิ้มน้อยๆอย่างอารมณ์ดี มีความสุขสินะที่เห็นผมหงุดหงิดเนี้ย

“ขึ้นรถๆ”

มีการเอาใจผมด้วยการเปิดประตูรถให้อีกนะ แต่ผมก็ยังไม่ลืมเรื่องที่มันกวนผมเมื่อกี๋หรอก จนมันเปิดประตูรถเข้ามานั่งฝั่งคนขับผมก็ยังไม่คุยกับมันอยู่ดี มันค่อยๆขับรถออกจากมหาลัย จะพาผมไปไหนก็ไม่รู้

“งอน?”

เงียบครับ ไม่สนใจมัน

“หึหึ”

แล้วมันก็เป็นฝ่ายเงียบไปครับ เงียบจริงๆ เงียบจนผมทนไม่ไหวอ่ะ

“ไอ้บ้า ง้อนิดง้อหน่อยก็ไม่ได้”

ผมหันไปเหวี่ยงใส่มันเลย คือถ้าผมไม่คุยเชื่อเลยว่ามันก็ไม่คุยกับผมอ่ะ จนได้ยินเสียงหัวเราะอารมณ์ดีจากมัน

“เพราะกูรู้ไงว่ามึงไม่ได้งอนกูจริงๆจังๆหรอก”

“เออ ถ้ากูงอนมึงจริงๆ มึงก็ไม่มีทางง้อกูหรอก”

“หิวข้าวยัง?” มันเปลี่ยนเรื่องเฉยเลยอ่ะ==

“หิวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

“งั้นกินข้าวที่บ้านกูละกัน”

“ห๊ะ!” ผมได้ยินถูกใช่ไหม บ้าน บ้านมันน่ะหรอ

“บ้านใคร? บ้านไหน?”

“บ้านกู บ้านจริงๆ บ้านพ่อแม่กู”

ผมอึ้งแดกไปแล้วครับ บ้านมัน บ้านมันนนนนนนนนนนนนนน

“กูต้องแวะไปเอาของกับแม่ที่บ้านก่อน มึงทนไหวใช่ไหม?”

แม่!! แม่มันน่ะนะ คือผมไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนเลยไงครับว่าต้องเจอแม่หรือครอบครัวมัน เอาตรงๆก็อดกลัวไม่ได้ ไม่รู้ว่าครอบครัวมันจะว่ายังไง แล้วจะบอกว่าเป็นอะไรกันอีก(ขนาดตัวผมเองยังไม่รู้เลย) ผมอายุน้อยกว่ามันมากบอกว่าเพื่อนแม่มันไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด เอาไงดีๆๆๆๆๆ

“แอล”

“หะ ห๊ะ มึงว่าไงนะ”

“กูถามว่าทนหิวได้ใช่ไหม อีกประมาณ10นาที”

“อะ อือ ได้ๆ” แล้วผมก็กลับมาคิดต่อ ถ้าแม่มันดุมากผมก็ไปไม่เป็นนะครับ ผมเป็นพวกไม่ค่อยเข้าหาผู้ใหญ่อ่ะ

“คลิน ไม่สิๆ กูสมควรจะเรียกมึงว่าพี่สินะ พี่คลิน”

พอจะเรียกมันปกติก็คิดได้ ถ้าผู้ใหญ่ได้ยินมันคงดูไม่ดีมากแน่ๆเลย ผมควรจะเรียกมันตั้งแต่ตอนนี้เพื่อที่จะได้ชิน ที่จริงผมก็สมควรจะเรียกมันว่าพี่นะ เพราะคิดดูแล้วมันก็อายุมากกว่าผมตั้งหกเจ็ดปีแหนะ

“หือ เรียกกูว่าอะไรนะ”

“พี่คลิน...พี่คลินไง แอลเป็นน้องพี่ตั้งหลายปีก็ต้องเรียกว่าพี่สิ”

“หึหึ ไม่ต้องอะไรขนาดนั้นก็ได้ สบายๆเหมือนที่ตัวมึงเป็น แม่กูไม่ดุหรอก”

“ไม่ได้ๆ ยังไงแอลก็ต้องเรียกพี่ว่าพี่”

“งั้นก็ตามใจ”

ผมนั่งจินตนาการถึงแม่‘พี่คลิน’ไปต่างๆนาๆว่าจะเป็นแบบไหน ถ้าดุมากผมต้องทำยังไงที่จะให้ท่านเอ็นดู โอ๊ย!! ผมเครียดมากเลยอ่ะ นั่งบีบมือตัวเองแน่นสัมผัสได้ว่ามือตัวเองเย็นมากๆ จนรถเคลื่อนมาถึงประตูบ้านหลังหนึ่ง พี่คลินบีบแตรส่งสัญญาณให้คนข้างใน ซักพักประตูก็ค่อยๆเลื่อนออกแล้วมันก็ขับรถเข้าไปสู่บ้านที่มัน...ใหญ่มากกกกกกกกกกกกกก! เหมือนคฤหาสน์เลย แต่สิ่งที่เรียกร้องสายตาผมได้มากกว่าไม่ใช่บ้านมันหรอกแต่เป็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ประตูเข้าบ้านมากกว่า ผู้หญิงที่ถึงแม้จะดูว่ามีอายุแล้วแต่ก็ยังถือว่าสวยมากอยู่เลยครับ จนมันดับรถหัวใจผมยิ่งเต้นรัวมากขึ้น แต่สัมผัสอุ่นๆของคนที่เอื้อมมือมาจับมือผมทำให้ผมพอจะใจเย็นลงได้บ้าง

“กลัวอะไร ไม่ต้องเกร็ง”

มือของผมถูกบีบเบาๆ ผมจับมือนั้นแน่นขึ้นทันที ไม่รู้อะไรบางอย่างที่บอกผมว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีจนผมเผลอพยักหน้าตอบคนที่มองมาอย่างให้กำลังใจ จนพี่คลินเปิดประตูรถออกไปแล้วอ้อมมาเปิดประตูให้ผมด้วยบอกตรงๆว่าตอนยืนขาผมสั่นมากๆ จนมาหยุดอยู่หน้าผู้หญิงที่ดูนิ่งไปซะหน่อย

“สวัสดีครับแม่” คนเป็นลูกยกมือขึ้นไหว้แม่ตัวเอง แต่แม่พี่คลินยังนิ่งๆอยู่ ฮือ..ผมกลัวอ่ะ

“แม่ครับ นี่แอล”

“สะ สวัสดีครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้ผู้หญิงที่ยืนหน้านิ่งอยู่ข้างหน้า รับรู้ว่ามือตัวเองสั่นน้อยๆอ่ะ

“คลิน...” เสียงเรียกชื่อเรียบๆที่ออกจากริมฝีปากสวยๆทำเอาผมยิ่งสั่น

“ครับ”

“โอ๊ย นี่ใครน่ะ แฟนเราใช่ไหม ทำไมหน้าตาน่ารักขนาดนี้ แม่ปลื้มมากๆ ชื่อแอลใช่ไหมลูก มาๆให้แม่กอดหน่อย”

สมองผมยังไม่ได้ประมวลผลอะไรเลยครับ คนที่เมื่อกี๋ยังทำหน้านิ่งก็เข้ามาสวมกอดผมที่ยืนอย่างงงๆ ภาพที่ท่านเป็นคนนิ่งๆหายวับไปกับสายลมละครับ ผมยืนให้ท่านลูบหน้าลูบตาอยู่อย่างนั้นได้ยินแต่คำว่าผมน่ารักอย่างนู้น น่ารักอย่างนี้><

“ปะ เข้าบ้านกันดีกว่าลูก แอลหิวรึยัง? ไปทานข้าวกันดีกว่าเนอะ”

ผมยังไม่ทันจะตอบอะไรท่านกับจับแขนผมให้เดินตามท่านไป ผมหันมาหามันที่ยืนอยู่ข้างหลังก็เห็นมันยิ้มแล้วก็พยักหน้าให้ ผมก็เลยยิ้มตอบแล้วก็เดินตามท่านไปจนถึงห้องอาหาร

“อิ่ม ตั้งโต๊ะเลยจ้ะ”

ท่านหันไปบอกกับแม่บ้านที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ แล้วพี่อิ่มก็พยักหน้าก่อนจะไปจัดอาหารเข้ามา แม่ของมันนั่งอยู่หัวโต๊ะครับ ผมกับพี่คลินนั่งคนล่ะฝั่ง ผมนั่งซ้ายมือของท่าน ส่วนพี่คลินนั่งขวามือ

“แล้วพ่อล่ะครับแม่” นั่นน่ะสิ ผมยังไม่เห็นพ่อพี่คลินเลย

“พ่อติดงานตามสไตล์เขาน่ะแหละ..ปล่อยเขาไปเถอะๆ ว่าแต่น้องแอลชอบทานอะไรลูก เดี๋ยวแม่จะบอกแม่บ้านเขาทำเผื่อไว้ให้น้องแอลถ้าน้องแอลมาทานข้าวที่บ้านเราอีก” แล้วท่านก็หันมาถามผมซะอย่างนั้น

“แอลทานอะไรก็ได้ฮะ แต่ว่าแอลไม่กินเผ็ด”

“โอเคจ้ะ เดี๋ยวแม่บอกแม่บ้านไว้ให้”

“เอ่อ ขอบคุณครับคุณป้า” ผมยกมือไหว้ท่าน

“ต๊าย ป้าอะไรกันคะลูก ต้องเรียกแม่สิ”

ผมหันหน้าไปหาพี่คลินอย่างขอความเห็นแล้วก็ได้รับการพยักหน้ากลับมา

“ครับ คะ..คุณแม่”

ดูท่าจะพออกพอใจมากครับกับการที่ผมเรียกท่านว่าคุณแม่ ผมเองก็ดีใจที่ผู้ใหญ่เอ็นดูตอนแรกก็กลัวมากๆเลย แล้วอาหารก็ลำเลียงมาส่งครับ ถือว่าที่นี่ทำอาหารได้อร่อยเลยครับแต่ป้าสาที่บ้านผมก็ทำอาหารเยี่ยมมากเหมือนกันนะ^^ แล้วทุกคนก็กินข้าวเงียบๆ มีบ้างที่สนทนากันแต่ส่วนมากจะเป็นคุณแม่ที่ชวนคุยซะมากกว่า ทำให้ผมลดการเกร็งไปได้เยอะเลยครับ

“เดี๋ยวกูไปคุยเรื่องงานกับแม่แป๊บนะ มึงดูทีวีไปก่อน”

มันเดินมาบอกตอนที่ผมอยู่ห้องรับแขกครับ คุณแม่แยกไปตั้งแต่ทานข้าวกันเสร็จแล้ว ผมพยักหน้าตอบกลับไป ร่างสูงเลยเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน ผมก็กดดูทีวีไปเรื่อยๆ ไม่นานก็เดินลงมาทั้งสองคนเลยครับ แต่คุณแม่เดินมาหาผมก่อนพี่คลินอีก ท่านเดินมาจับมือผมไว้ทั้งสองข้าง

“คราวหลังแวะมาทานข้าวที่บ้านอีกนะลูก ทีนี้เดี๋ยวแม่บอกคุณพ่อไว้ด้วย เอาให้ครบทุกคนเลยนะ...แต่หนูแอลจะมาคนเดียวโดยไม่มีพี่เขาก็ได้นะลูก บ้านนี้ยินดีต้อนรับหนูเสมอ”

“ขอบคุณมากนะครับ”

“จ๊ะ มา แม่กอดหน่อย”

แล้วท่านก็เข้ามากอดผมทันทีครับ อ้อมกอดของท่านอบอุ่นมากครับ ผมรู้สึกเหมือนกอดแม่เลย

“งั้นผมกลับก่อนะครับแม่ ส่วนเรื่องงานเดี๋ยวผมจัดการให้” เสียงพี่คลินพูดขึ้นหลังจากที่ท่านผละออกไป

“จ้ะ ขับรถกลับดีๆนะ ดูแลน้องด้วยนะคลิน”

“ครับ สวัสดีครับแม่”

”สวัสดีครับคุณแม่”

ผมลาท่านก่อนที่จะกลับ แล้วท่านก็เดินมาส่งเราทั้งสองที่หน้าบ้านพร้อมกับย้ำนักย้ำหนาว่าให้ผมมาทานข้าวที่นี่บ่อยๆ

“เห้อ~”

พอขึ้นรถมาได้ผมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จนคนขับต้องหันมามอง

“แม่พี่ใจดีเนาะ ตอนที่อยู่หน้าบ้านล่ะนิ่งซะจนแอลใจหายเลย”

“หึหึ ท่านก็เก๊กแกล้งไปงั้นแหละ”

“อื้อ ท่านใจดีมากๆเลย”

“แม่กูก็เงี้ย”

“ไม่เอา!”

“หือ?”

“พี่คลินต้องแทนตัวเองว่าพี่สิ แล้วก็เรียกแอลว่าแอล” ก็ผมเรียกเขาว่าพี่แล้วอ่า พี่คลินก็ต้องพูดเพราะๆกับผมบ้างดิ><

“เอาจริง?”

“อื้อ” เห็นพี่คลินยกยิ้มแล้วก็โคลงหัวน้อยๆแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา

“เรียก เรียกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

ใบหน้าที่ดูอารมณ์ดีไม่น้อยหันมามองหน้าผมหลังจากที่มาถึงหน้าบ้านผม เอาสิ ถ้าไม่เรียกผมก็ไม่ยอมลงจากรถอ่ะ ผ่านไปเกือบ5นาทีที่จ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น

“น้องแอลครับ....”

เสียงที่ทอดอ่อนลงพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มน้อยๆทำให้หัวใจของผมเต้นแรงอย่างน่ากลัว น่ากลัวมาก กลัวว่ามันจะทะลุออกมาข้างนอก...แล้วก็กลัวว่าตัวผมจะตกหลุมรัก รักคนที่ผมสบตาอยู่ตอนนี้...รักหลังจากเจอกันไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ






                               ----------------------------------------------------------------------------------------



    ขอบคุณคุณ wan_sugi ที่ท้วงเรื่องสรรพนามนะคะ มันดูขัดกันจริงๆนั่นแหละ คนแต่งก็เลยจัดการให้เปลี่ยนตอนนี้ซะเลย55555 เปลี่ยนมาเรียกพี่แล้วนะเออ~ ดูมุ้งมิ้งขึ้นเยอะเลยอ่า :-[ :-[ ขอบคุณที่มาแสดงความคิดเห็นจริงๆค่ะ จะได้ปรับปรุงพัฒนาต่อไป ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เข้ามาคอมเม้นท์มากๆเลยค่ะ มาสั้นดีกว่าไม่มาเนาะ(ใช่ไหมเอ่ย) :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่5 5/05/2557 p.2 23:42 น.
เริ่มหัวข้อโดย: mtd ที่ 05-05-2014 23:43:35
น้องแอล พี่คลิน น่าร้ากกกกก :-[
พี่คลินพาลูกสะใภ้ไปไหว้แม่ซะแล้ว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่5 5/05/2557 p.2 23:42 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ernnnxx ที่ 06-05-2014 00:22:02
แอลคิดมากไปสินะ แม่ออกจะเจนเทิลเกิร์ล (?)

"น้องแอลครับ..." ได้ยินแล้วเหมือนหยุดหายใจ ฟินสุดยอดดดด  :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่5 5/05/2557 p.2 23:42 น.
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 06-05-2014 01:16:00
 :mew3: แม่ชอบซะงั้น อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่5 5/05/2557 p.2 23:42 น.
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 06-05-2014 09:25:20
พาไปเปิดตัวเลยอ่ะ

ไวไฟฝุดๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่5 5/05/2557 p.2 23:42 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 06-05-2014 15:25:05
น้งแอลน่ารักค่ะลูก 5555

ว่าแต่ไหนๆแล้วขอแนะนำอะไรนิดนึงนะคะ คือเรื่องรถน่ะน่าจะใช้คำว่าขับมากขี่นะเราว่า ขี่น่าจะใช้กับลพวกรถมอเตอร์ไซด์อะไรแบบนี้ แต่ถ้าเป็นรถยนต์ใช้คำว่าขับดีกว่าค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่5 5/05/2557 p.2 23:42 น.
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 06-05-2014 16:04:05
งื้อออ น่ารัก
พี่คลิน น้องแอล  :mew3:
คุณแม่พี่คลินก็ใจดี ตอนแรกก็แอบกลัว คริคริ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่5 5/05/2557 p.2 23:42 น.
เริ่มหัวข้อโดย: jessiblossom ที่ 06-05-2014 21:23:40
พี่คลิน ต้องมีอะไรบางอย่างแน่เลย >,<
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่5 5/05/2557 p.2 23:42 น.
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 07-05-2014 03:40:35
น้องแอลน่ารัก   :hao7:  เปลี่ยนสรรพนามเรียกกันแล้ว ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่5 5/05/2557 p.2 23:42 น.
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 07-05-2014 06:50:55
แก้แล้วน่ารักดีเน้... :mew1:
อีกนิดนะคะ หัว"มัน"เต็มไปหมดเลยตอนนี้ ลองแบบนี้ดูไหม 

ORG -มันกวนตี-ผมป๊ะเนี้ย มันก็ต้องเป็นญาติกันตั้งแต่เกิดอยู่แล้วหนิ ผมก็เลยมองหน้ามันอย่างเคืองๆ แต่มันกลับยกยิ้มน้อยๆอย่างอารมณ์ดี มีความสุขสินะที่เห็นผมหงุดหงิดเนี้ย

ไอ้พี่คลินกวนตีนผมหรือเปล่านี่ ยังไงมันก็ต้องเป็นญาติกันตั้งแต่เกิดอยู่แล้วนิ ผมก็เลยมองหน้าพี่เขาอย่างเคืองๆ แต่คนอายุมากกว่ากลับยกยิ้มน้อยๆอย่างอารมณ์ดี มีความสุขสินะที่เห็นผมหงุดหงิดเนี้ยแบบนี้

นิดๆ หน่อยๆ เป็นข้อเสนอแนะละกันนะคะ ถ้าไม่หงุดหงิดกันไปก่อน :กอด1:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ชี้แจงนิดๆ 8/05/2557 p.2 21:58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: THE KOP ที่ 08-05-2014 21:54:31
ไม่รู้ว่าจะมีคนรอไหมแต่มาบอกไว้นะเออ5555555 ช่วงนี้คนแต่งค่อนข้างยุ่งมากค่ะ แล้วก็เนื่องจากต้องมีการตรวจทานที่ถี่ถ้วนขึ้นเลยต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีก(พยายามแก้ไขให้มันดีขึ้นกว่าตอนนี้ :mew2: :mew2:) แนะนำ ติชม กันมาได้เลยค่ะ ทุกคอมเม้นต์ที่ส่งมาจะทำให้คนแต่งได้รู้ข้อบกพร่องแล้วรีบแก้ไขให้มันดีขึ้นนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆค่ะ :pig4: :pig4:

  ปล.คาดว่าจะมาอัพพรุ่งนี้ตอนดึกๆนะคะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ชี้แจงนิดๆ 8/05/2557 p.2 21:58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: mtd ที่ 08-05-2014 22:14:35
รอค่าาาาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ชี้แจงนิดๆ 8/05/2557 p.2 21:58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 08-05-2014 22:15:59
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ชี้แจงนิดๆ 8/05/2557 p.2 21:58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ernnnxx ที่ 08-05-2014 23:19:39
รอได้เสมอ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่6 9/05/2557 p.2 21:49 น.
เริ่มหัวข้อโดย: THE KOP ที่ 09-05-2014 21:44:57
                                                                        ตอนที่ 6

ผมทรุดตัวลงนั่งที่เตียงอย่างเหม่อลอย เสียงเรียกชื่อของใครอีกคนที่ผมบังคับให้เรียกยังติดอยู่ในหัว ประโยคแค่คำสามคำ ‘น้องแอลครับ’ดังสะท้อนไปสะท้อนมา พร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัว หลังจากที่ผมมัวแต่อึ้งกับประโยคนั้น พี่คลินก็ทำลายความเงียบด้วยการเตือนสติว่าถึงบ้านผมแล้ว ผมจึงได้แต่ลุกลี้ลุกลนลงจากรถแล้วเอ่ยคำว่าขอบคุณที่มาส่งโดยที่ไม่รู้ว่าคนที่ผมต้องการบอกจะได้ยินมันรึเปล่า เดินลงจากรถแล้วตรงเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว ไม่สนที่จะทักทายใครหรือคุยกับคนในบ้านเลยซักนิด รีบเปิดประตูเข้ามาในแล้วทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว ผมเอามือกุมหน้าอกที่เต้นแรงของตัวเองแล้วพยายามหายใจเข้าลึกๆเพื่อที่จะให้มันกลับมาเต้นเป็นปกติ

“เป็นอะไรนะแอล เป็นอะไร”

ผมถามตัวเองอย่างไม่แน่ใจ...หรือผมจะรักพี่คลินเข้าให้แล้ว




“กูว่ามึงรักเขาแล้วแหละ”

เสียงไอ้เพ้นท์ตอกย้ำความคิดผมดังขึ้น วันนี้เรานัดกันมาก่อนเวลาเรียน2ชั่วโมงเพื่อที่จะเคลียร์เรื่องที่ผมหายไปวันนั้นให้เรียบร้อย ผมก็เล่าให้พวกมันฟังทุกอย่างซึ่งพวกมันก็ช็อคแล้วก็ถามผมเยอะมากๆเลยครับ กว่าจะซักนู้นซักนี่เอาซะตัวผมสะอาด โปร่งหมดเลย พอเล่าเรื่องที่ผมหายไปเสร็จ ผมก็ปรึกษาเรื่องความรู้สึกที่ผมมีพี่คลินเลยทันที

“มึงอยากเห็นหน้าเขาตลอดไหม รู้สึกอยากคุยกับเขาทุกวันรึเปล่า”

ผมลองนึกตามคำพูดของไอ้มิวแล้วก็ได้คำตอบเลยล่ะว่า...ใช่ ผมอยากเห็นหน้าเขาบ่อยๆ อยากรู้ว่าทำอะไรอยู่ อยากคุยกด้วยทุกๆวัน ขนาดวันนี้พี่คลินส่งข้อความมาบอกแล้วแท้ๆว่างานยุ่งจะไม่ได้มารับ ผมก็อยากเจออยู่ดี

“อืม”

“นั่นไง” เสียงไอ้เพ้นท์ดังขึ้นโดยที่ไอ้ตรีก็ยังนั่งฟังเงียบๆตามสไตล์

“แล้วกูจะทำยังไงต่อไปวะ”

ผมถามพวกมันออกไปอย่างคนไม่รู้จะทำยังไง อาจดูตลกที่จะบอกว่าตกหลุมรักพี่คลินโดยที่เจอกันแค่ไม่กี่วัน แล้วตั้งแต่วันนั้นที่มีอะไรกันเขาก็ไม่ได้มีท่าทีเกี่ยวกับเรื่องพรรค์นั้นกับผมเลยซักนิด แต่ความรักมันเป็นสิ่งที่กำหนดไม่ได้ คนบางคนตามจีบผมมาเป็นปีผมยังไม่รักเลย ผมเชื่อมาตลอดว่าถ้าเรารักใครซักคนมันต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่บอกเรา บอกว่าคนๆนั้นแหละคือคนที่ใช่ แล้วผมก็รู้สึกว่าความรู้สึกนั้นมันเกิดขึ้นแล้ว...

“ทำอย่างที่หัวใจมึงอยากทำแอล มึงรู้ดีที่สุดว่ามึงต้องการอะไร”

นั่นสินะ...ผมคิดตามสิ่งที่ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มพูด ตัวผมเองย่อมรู้ดีว่าผมต้องการอะไร ถ้าผมอยากอยู่ใกล้พี่คลินผมก็แค่เดินเข้าไปหา ถ้าอยากได้ยินเสียงก็โทรหา ถ้าอยากได้ความรักจากเขาตอบก็ต้องให้ความรักเขาก่อน...

“ถึงกูจะเป็นญาติกับพี่คลิน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของพวกมึง มึงต้องตัดสินใจเอง...แต่สิ่งที่กูจะบอกมึงคือทำอะไรก็ได้ที่มึงอยากทำ”

“ขอบใจพวกมึงมากนะ” ผมรู้สึกขอบคุณพวกมันจริงๆ

“แต่เราไม่ได้ช่วยอะไรแอลเลยอ่ะ” ไอ้ตรีมันนั่งฟังอย่างเดียวครับ นับคำที่มันพูดได้เลย

“มึงแค่นั่งฟังก็พอแล้วตรี ขอบคุณมากที่มึงฟังกู”

“ปะ พอๆ ขึ้นเรียนเว้ย ใกล้ได้เวลาละๆ”

ผมมองดูนาฬิกาหลังจากที่ไอ้มิวพูดขึ้น เหลือเวลาไม่มากนักพวกเราเลยรีบขึ้นเรียนอย่างรวดเร็ว พอเลิกเรียนพวกเราทุกคนก็ออกมากินข้าวที่ห้างเนื่องจากอากาศร้อนมากๆครับ ที่จริงก็กินตามร้านทั่วๆไปแหละ แต่วันนี้ร้อนมากจริงๆก็เลยเลือกมาใช้บริการห้างสรรพสินค้า ตกลงกันได้ว่าจะกินอาหารญี่ปุ่น

“เห้ยๆ นั่นมันพี่คลินนี่หว่า”

ตอนนี้เรานั่งรออาหารกันโดยที่มิวขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่อยู่ดีๆไอ้เพ้นท์ก็ร้องขึ้นมาพร้อมกับชี้มือหาใครบางคน ผมหันไปตามมือของมันก็เจอกับคนที่บอกว่าวันนี้ติดงาน พี่คลินมากับผู้ชายที่ดูมีอายุแล้วครับแต่ไม่ได้มีท่าทีคล้ายคลึงกันไม่น่าจะเป็นพ่อของเขาหรอก

“แล้วเขามาทำอะไรที่ห้างอ่ะ”

ไอ้ตรีถามขึ้นโดยที่ผมได้แต่ส่ายหัวเบาๆว่าไม่รู้ สายตายังคงจับจ้องร่างสูงที่ดูเหมือนว่าวันนี้จะแต่งตัวดูภูมิฐานกว่าปกติ พี่คลินใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยสูทสีดำปลดกระดุมสองเม็ดบนสุดพร้อมกับกางเกงเนื้อเรียบสีเดียวกับสูทที่ดูก็รู้ว่ามีราคา รองเท้าสีดำมันวาวเชียว ดูเหมือนจะพูดคุยกับคนที่มาด้วยตลอดเพราะคนที่ดูมีอายุคอยจดอะไรบางอย่างลงบนสมุดพกบนมืออยู่ตลอด ทั้งคู่เดินดูรอบๆจนลับสายตาพวกเราทั้งหมดไป

“แต่งตัวเหมือนมาทำงานแฮะ แต่มึงก็บอกเองว่าผับที่เราไปเป็นของเขาหรือเขาทำงานหลายอย่าง?” ผมได้แต่ส่ายหัวให้ไอ้เพ้นท์ ผมไม่ได้ถามนี่นาว่าที่บอกว่าวันนี้งานยุ่งคือทำงานอะไร พอดีกับคนที่ไปเข้าห้องน้ำกลับมาพอดี ยังไม่ทันที่จะนั่งลงเก้าอี้ดีเลยด้วยซ้ำคนที่เป็นเพื่อนผมอย่างไอ้เพ้นท์ก็ถามขึ้นอย่างรวดเร็ว ดูท่าจะสนใจเรื่องของพี่คลินมากอ่ะ==

“มิวๆ เมื่อกี๋กูเห็นพี่คลิน มึงรู้ป๊ะว่าเขามาทำอะไร แต่งตัวเหมือนมาทำงาน แต่มาทำงานอะไรที่นี่วะ” ดูท่ามันจะสนใจมาก

“หืม พี่คลินเดินมาชั้นนี้หรอ” ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มหันมาถามผมซึ่งนั่งอยู่ข้างๆกัน

“อืม มึงรู้ไหมว่าเขามาทำอะไร” ผมลองถามดูเผื่อคนที่เป็นญาติจะรู้

“ก็คงจะมาทำงานอ่ะ”

“งานอะไร!” ทั้งผมทั้งไอ้เพ้นท์ถามพร้อมกัน

“อ้าว ก็เขามาทำงานก็ไม่เห็นแปลก นี่ห้างของบ้านพี่คลิน” O_o

“อ้าว ไหนไอ้แอลบอกว่าพี่เขาเปิดผับ”

“แล้วคนๆนึงทำธุรกิจหลายอย่างไม่ได้หรอวะเพ้นท์ แต่ผับน่ะเป็นธุรกิจส่วนตัวของพี่คลิน ส่วนห้างนี้เป็นของครอบครัว มีบ้างที่พี่คลินจะเข้ามาดู เช็คนู้น เช็คนี่ แต่คนที่ดูแลส่วนมากจะเป็นพี่ครีมเพราะพี่ครีมจบมาด้านนี้ ส่วนพี่คลินน่ะเขาจบวิศวะ ทั้งตรีทั้งโทเลย”

“แล้วทำไมเขาไม่ไปทำงานด้านวิศวะอ่ะ” หลังจากฟังมิวพูดมาเยอะ ผมเลยถามบ้าง

“กูก็เห็นเขาทำๆอยู่นะ แต่จะรับเป็นจ๊อบเล็กๆน้อยๆ ไม่ได้เป็นจริงเป็นจัง งานหลักจะอยู่ที่ผับแล้วก็ห้างนี่แหละ”

“งั้นพี่เขาเรียนวิศวะมาทำไมอ่ะ” บุคคลที่เงียบและเรียบร้อยสุดในกลุ่มถามขึ้น

“ก็ชอบด้านนี้ไง เด็กวิศวะก็กินเหล้าเก่งๆทั้งนั้น แกก็เลยเปิดซะเองเลย แล้วก็ต้องแบ่งเวลามาดูงานที่ห้างอีก ถ้าว่างๆพี่คลินถึงรับงานวิศวะ”

“อ๋อ แลดูยุ่งเนาะ”

“มึงถามเรื่องพี่คลินมากกว่าไอ้แอลอีกนะเนี้ยเพ้นท์”

“มึงไม่รู้เหรอว่าเรื่องชาวบ้านคืองานของกู”

มีการทำหน้าเหมือนภูมิใจด้วยนะ แต่จริงๆครับ ผมเห็นเพ้นท์มันรู้ทุกเรื่องจริงๆ ต่างคณะ ต่างมหาลัยยังรู้เลยอ่ะ ผมจดจำเรื่องที่ไอ้มิวเล่าให้ฟังอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคนที่ผม‘เริ่ม’ รู้สึกรัก ถือว่าได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นเยอะเลย แล้วอาหารก็เริ่มทยอยมาส่งพอดี ที่นี้ไม่พูดพร่ำทำเพลงกันเลยครับ กินแทบไม่เหลืออะไรเลย ผมขับรถกลับบ้านโดยที่พุงการกันเลยทีเดียว อิ่มมากๆ กว่าจะกลับมาบ้านก็ทุ่มสองทุ่มแล้วครับ เดินดูนั่นดูนี่จนทั่วห้าง ยิ่งรู้ว่าใครเป็นคนดูแลผมยิ่งสนใจห้างนี้มากขึ้นเป็นพิเศษ(แอบตกใจที่รู้ว่าห้างที่ผมเดินบ่อยๆเป็นของพี่คลิน) แต่ยังไม่ทันจะเข้าไปอาบน้ำเสียงโทรศัพท์ที่ผมวางไว้โต๊ะข้างหัวก็ดังขึ้นก่อน

 ‘Klin’

ชื่อที่โชว์ขึ้นทำเอาผมที่นั่งอยู่ขอบเตียงยิ้มออกมาเลย เป็นชื่อที่เขาเซฟไว้นั่นแหละครับ

“ฮัลโหล”

(ทำอะไรอยู่)

“กำลังจะอาบน้ำ พี่คลินล่ะ”

(พึ่งเคลียร์งานเสร็จ กำลังจะออกไปดูร้าน) คงจะหมายถึงผับ

“อ้าว แล้วไม่ได้ทำงานแค่ที่ผับเหรอ” ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้

(อืม อันนี้เป็นงานของครอบครัว)

“งานอะไรบอกได้ป๊ะ”

(ดูแลห้างWWW นั่นธุรกิจครอบครัวพี่เอง แต่ส่วนมากจะเป็นพี่ครีมมากกว่า) ฟังเขาพูดแทนตัวเองว่าพี่แล้วก็ยังไม่ชิน ขนาดผมเป็นคนให้เขาพูดนะ ฟังแล้วยังเขินๆอยู่เลย><

“อ๋อ ที่บ้านนี่รวยดีเนอะ” ผมอดแซวหน่อยๆไม่ได้

(ก็ของพ่อกับแม่ทั้งนั้น แอล...อาทิตย์นี้งานค่อนข้างยุ่ง จะไม่ได้ไปหานะ)

“ยุ่งมากเลยเหรอ” แค่รู้ว่าจะไม่ได้เจอกันใจก็แฟบลงแล้วครับTT

(อืม ห้างกำลังจะปรับปรุงบางส่วนใหม่)

“อื้อ แต่ต้องโทรมาหาทุกวันเลยนะ” ต่อรองออกไป ขอแค่ได้ยินเสียงก็ได้

(โอเค พี่ต้องออกไปดูร้านแล้ว ฝันดีนะ)

“ครับ พักผ่อนบ้างนะ บ๊ายบาย”

ผมวางสายด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยวลงเล็กน้อย เห้อ...แต่ก็เอาเถอะ ไม่ได้เจอกันวันนี้เดี๋ยวค่อยเจอกันวันหลังก็ได้นี่นา คิดได้ดังนั้นผมก็อาบน้ำแล้วก็ออกมาทำงานที่อาจารย์สั่งทันที ซักสี่ทุ่มห้าทุ่มก็เข้านอน


KLIN’S PART
ตลอดอาทิตย์ผ่านมาเรียกว่าผมทำงานแทบตัวเป็นเกลียวเลยทีเดียวครับเพราะกิจการของที่บ้านต้องมีการปรับปรุงผมเลยต้องเข้ามาช่วยพี่สาวดูแล ให้พี่ครีมได้มีเวลาดูแลความเรียบร้อยด้านอื่นบ้าง ไหนจะงานที่ผับของผมเองก็ต้องเข้าไปดูทุกคืน เวลานอนยังแทบไม่มีเลย สัญญาที่บอกว่าจะโทรหาแอลทุกวันเลยทำไม่ค่อยจะได้ บางวันที่ไม่ไหวจริงๆก็ส่งข้อความบอกน้องเอา ที่ผมมาวันนี้ก็เพื่อจะมาไขข้อข้องใจว่าต้นเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นมันมีความเป็นมายังไง...

   เรื่องวันนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกครับมันเป็นเรื่องที่ผมตั้งใจให้เกิดขึ้นเอง ผมเคยเจอแอลเมื่อประมาณ3ปีที่แล้วก่อนที่ผมจะไปเรียนต่อที่อังกฤษ(ผมเรียนปริญญาตรีที่ไทยแต่ไปต่อโทที่อังกฤษ) วันหนึ่งผมไปช่วยเพื่อนขายภาพวาดที่ตลาดนัด เขามีให้เช่าแบบตั้งเตนท์เป็นห้องๆครับ เพื่อนผมเรียนจบสถาปัตย์มาไงก็ตามประสานั่นแหละ มันลองเอาภาพวาดไปขายดูเล่นๆซึ่งฝีมือเพื่อนผมคนนี้นี่ระดับเทพจริงๆ จะว่าผมไปช่วยขายก็ไม่ถูกซะทีเดียว ไปนั่งดูมากกว่าแล้วก็มีเพื่อนหลายคนที่ไปช่วยด้วยครับ ผมก็ขายให้บ้างถ้าคนเยอะๆเพราะว่าฝีมือเพื่อนผมมันดีไง บางคนก็สั่งแล้วนัดรับก็มี วันนั้นลูกค้าค่อนข้างเยอะมากครับ ผมก็นั่งอยู่ในร้านดูเพื่อนๆหลายคนกำลังรับลูกค้า สายตาก็มองไปยังผู้คนมากมายที่มาจับจ่ายใช้สอย แต่แล้วก็ไปหยุดอยู่กับเด็กผู้ชายคนนึงที่ใส่ชุดนักเรียนม.ปลายกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ตรงทางเดิน ร่างที่ถ้าเทียบกับผมก็ดูตัวเล็กมากกว่าโข ตาโตหน่อยๆ ผิวขาวอมชมพูทั้งตัว ริมฝีปากบางเป็นกระจับ ใบหน้าเล็กๆนั่นหันซ้ายหันขวาราวกับกำลังหาบางสิ่งบางอย่างทั้งๆที่คุยกับปลายสายไปด้วย ผมมองน้องเขาอย่างนั้นจนเขาเดินหายไปอีกทาง ได้แต่คิดกับตัวเองว่าอยากทำความรู้จักให้มากกว่านี้ รู้สึกเหมือนเนื้อในอกเต้นแรงขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ตัวผมเองก็ไม่ได้มีใครมาซักพักแล้ว ไม่เคยมีใครที่สะกดสายตาหรือทำให้หัวใจผมเต้นขนาดนี้มาก่อนเลยไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ผมยังคงมองที่ที่ร่างขาวๆนั่นเคยอยู่จนเพื่อนผมเดินเข้ามาหา

“มึงมองอะไรวะคลิน”

“มึงคิดว่าเราจะตกหลุมรักใครซักคนได้ในทันทีไหม” ผมไม่ได้ตอบว่ามองอะไร เงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินเข้ามา แล้วถามไปอีกเรื่อง

“ถามอะไรของมึงวะ อืม...แต่ถ้าให้ตอบอ่ะนะ ความรักไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ระยะเวลาหรอกว่ะ บางคนเห็นกันวันเดียวก็รัก สามวัน อาทิตย์นึง บางคนเห็นเป็นปีพึ่งรักกันก็มี แม้แต่เสี้ยววินาทีเราก็รักใครซักคนได้ มึงถามทำไมวะ”

คำตอบของเพื่อนผมเยี่ยมมากๆครับ ด้วยความเป็นคนที่มองโลกอย่างกว้างขาง เป็นบุคคลที่มีทัศนะคติที่ดีมากๆในทุกเรื่องข้อนี้ทุกคนในกลุ่มรู้ดีแล้วมันก็มักจะเป็นที่ปรึกษาของเพื่อนเสมอ

“กูร็สึกเหมือนว่ากูตกหลุมรักใครซักคนแค่เสี้ยววินาทีว่ะ”

“ใครวะ?”

“เขาหายไปแล้ว กูเจอที่นี่แหละ”

“ดีแล้วที่มึงไม่ตามไปคลิน มึงจะไปเรียนต่ออาทิตย์หน้าแล้วนะ อย่าเริ่มพัฒนาทั้งๆที่รู้ว่ามันจะจบยังไงเลย กูเจอมานักต่อนักแล้วไอ้เรื่องระยะทางเป็นเหตุ” ใช่ครับ อีกแค่อาทิตย์เดียวผมก็ต้องไปเรียนที่อังกฤษแล้ว นาทีนั้นผมคิดว่าถ้าผมตามหาต้องเจอแน่ๆอะไรบางอย่างบอกอย่างนั้น และถ้าผมเจอผมก็ไม่สนว่าเขาจะมีใครหรือไม่มี  แต่คำพูดของเพื่อนก็เตือนสติผมไว้ก่อน จนได้แต่ถอนหายใจออกมา

“คลิน...สิ่งที่กูจะบอกมึงก็คือ ถ้ามึงกับเขาเป็นเนื้อคู่กัน วันนึงโชคชะตาจะนำพาให้มึงเจอเขาอีกครั้ง”

คำพูดของเพื่อนในวันนั้นเป็นสิ่งที่ผมจดจำมาตลอด 2ปีที่ไปเรียน หลายครั้งที่มีภาพนี้สะท้อนเข้ามาในหัว ผมไม่เคยลืมน้องเขาเลย ตอนอยู่อังกฤษผมไม่ได้คบใครเป็นจริงๆเป็นจัง ความรู้สึกผมบอกว่ามันไม่ใช่ ไม่มีใครที่ผมต้องการ กลับมาที่เมืองไทยได้ซักระยะ ผมก็เข้ามาเรียนรู้งานกับพ่อและพี่สาวเพื่อที่จะได้แบ่งเบางานของครอบครัวบ้างถึงจะไม่ได้จบมาด้านบริหารก็ตาม แล้วผมก็ได้แต่ขอให้คำพูดของเพื่อนในวันนั้นเกิดขึ้นจริงๆ ผมอยู่ไทยมาได้ซักเดือนสองเดือนก็อยากลองทำธุรกิจเองบ้าง ที่เลือกเปิดผับก็เพื่อที่จะได้เป็นที่รวมกลุ่มของเพื่อนๆเองครับ เหมือนเป็นสถานที่ที่เรามาชุมนุมกันได้สะดวกๆเลยลองทำดู ดีที่ว่าอยู่ที่นั่นผมทำงานไปด้วยเลยมีเงินเก็บแล้วก็เงินที่ผมเก็บตั้งแต่เด็กอีกอยู่แล้ว กว่าจะเริ่มทำนู้นทำนี่ก็หนักเอาการเลยครับ ดีที่ได้ทั้งเพื่อนทั้งครอบครัวมาช่วยทำให้กิจการผมเป็นรูปเป็นร่างอย่างรวดเร็วมากๆภายในไม่กี่เดือน ผมทำงานจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอะไรเพราะช่วงเริ่มต้นเป็นช่วงที่ค่อนข้างยากมาก โดยที่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ผมเฝ้ารอจะเป็นจริง...

“พี่คลิน กิจการเรียบร้อยยัง”
'มิว' ลูกสาวคนโตของน้าผมถามขึ้นในวันรวมญาติครับ ผมเข้ามาในครัวเพื่อมาเอาอาหารออกไปแล้วเจอมิวพอดี นัดกันมากินข้าวเป็นครอบครัวใหญ่ที่บ้านผมเองโดยใช้ข้ออ้างว่าเลี้ยงตอนรับที่ผมกลับมา ทั้งๆที่ผมกลับมาได้เกือบครึ่งปีแล้ว แม่เป็นลูกสาวคนกลางครับมีพี่ชายน้องชายอย่างละหนึ่งคน พ่อของมิวเป็นลูกคนสุดท้อง ส่วนฝั่งพ่อผมคุณปู่กับย่ามีลูกชายสองคนโดยที่พ่อผมเป็นลูกชายคนโต วันนี้รวมมาทุกครอบครัวเลยครับทั้งฝั่งพ่อและแม่

“เรียบร้อยแล้ว เหลืออีกนิดๆหน่อยๆเท่านั้น”

“ดีเลย เดี๋ยวมิวพาเพื่อนไปเจิม” ดูท่าลูกพี่ลูกน้องผมจะถูกใจมาก

“มาดิ เดี๋ยวพี่เลี้ยงฟรีทุกอย่าง”

“จริงอ่ะ!!!!! แต่อาทิตย์นี้มีทำรายงาน มิวคงจะไปอาทิตย์หน้าแหละ”

“อืมๆ วันไหนก็แล้วแต่เรา”

“โอเคค่ะ ถ้าจะไปวันไหนเดี๋ยวมิวโทรบอกอีกที”

“ตามสบาย พี่เอาอาหารออกไปและ”

แล้วก็ประมาณอาทิตย์นึงจริงๆเจ้าตัวก็โทรมาหาผมบอกว่าจะเข้าไปผับ เลยบอกให้มิวบอกพนักงานคิดเงินได้เลยว่าเป็นน้องผมเพราะผมบอกพนักงานไว้แล้ว ผมก็นั่งดูเอกสาร สมุดบัญชีไปเรื่อยๆอยู่บนห้องทำงานซึ่งอยู่ชั้น2 ห้องทำงานผมจะสามารถมองเห็นข้างล่างได้หมดแต่คนข้างล่างจะไม่มีทางเห็นผม ผมพักจากการดูเอกสารแล้วกวาดสายตาไปข้างล่างจนเจอกับกลุ่มของมิวเข้า ผมจะไม่ตกใจเลยถ้าเพื่อนในกลุ่มของลูกพี่ลูกน้องจะไม่มีคนที่ผมภาวนาให้ได้เจอกันอีกครั้งตลอดเวลาสองปีกว่าๆที่ผ่านมา!!!!!



                        ---------------------------------------------------------------------------------------
               มาเฉลยความเป็นไปเป็นมาของพี่คลินแล้วนะเออ ตอนหน้าจะมาอีกส่วนนึง แต่ตอนนี้เป็นตอนเฉลยของเรื่องแล้วนะคะ...เป็นที่มาของเรื่องเลย คงหายข้องใจกันบ้างแล้วเนาะ :mew3: :mew3: ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆค่ะ :L1: :L1:

                  **พรุ่งนี้จะมาต่ออีกตอนเน้อ
                  **ตอนนี้แอบแต่งยากมาก :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่6 9/05/2557 p.2 21:49 น.
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 09-05-2014 22:48:33
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่6 9/05/2557 p.2 21:49 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 09-05-2014 22:57:43
ฮิฮิ
มาเฝ้ารออ่านส่วนของพี่คลิน

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่6 9/05/2557 p.2 21:49 น.
เริ่มหัวข้อโดย: mtd ที่ 09-05-2014 23:12:40
อรั๊ยยยยยยยย
คนนึงก็รัก อีกคนก็เริ่มรัก
ชูป้ายไฟพี่คลินน้องแอลรัวๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่6 9/05/2557 p.2 21:49 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ernnnxx ที่ 09-05-2014 23:32:47
ความรักของคลินเหมือนดอกไม้ขาวสะอาดมาก มันดูบริสุทธิ์ สวยงาม และจริงใจ อร้ายยยย โคตรหวานอ่ะ
ส่วนแอลถึงจะเริ่มรักแต่ก็ดูชัดเจน มันช่างลงตัวจริงๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ปล. คนเขียนไฟท์ติ้ง เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่6 9/05/2557 p.2 21:49 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 10-05-2014 10:36:32
เรื่องนี้น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่6 9/05/2557 p.2 21:49 น.
เริ่มหัวข้อโดย: jessiblossom ที่ 10-05-2014 14:54:28
มาต่อนะค่า :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่6 9/05/2557 p.2 21:49 น.
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 10-05-2014 15:14:55
อ๋อ...เล็งมานานแล้วนี่เอง
เจอปุ๊บเลยจับแซ่บปั๊บ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่6 9/05/2557 p.2 21:49 น.
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 10-05-2014 15:50:47
อ๋อ  มันเป็นอย่างนี้นี่เอง  พี่คลินเลยจัดเลยใช่ไหม?   :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่7 (ครบค่ะ) 11/05/2557 p.2 23:59 น.
เริ่มหัวข้อโดย: THE KOP ที่ 11-05-2014 00:36:56
                                                                       ตอนที่ 7

     นาทีนั้นผมรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะก่อนจะกลับมาเต้นอีกครั้งอย่างรุนแรง สายตาจับจ้องลงไปยังคนที่นั่งหัวเราะ

เฮฮาอยู่กับเพื่อน รอยยิ้มหวานๆที่ทำให้ใบหน้าน่ารักนั้นยิ่งน่ามองและดึงดูดมากขึ้น วันนั้นที่ผมเห็นยังเทียบไม่ได้กับวันนี้

น้องดูโตขึ้น น่ารักขึ้นกว่าวันนั้นมาก ผมรู้สึกราวกับถูกมนต์สะกดแล้วคำพูดของเพื่อนผมในวันนั้นก็ดังก้องเข้ามาในหัว

“คลิน...สิ่งที่กูจะบอกมึงก็คือ ถ้ามึงกับเขาเป็นเนื้อคู่กัน วันนึงโชคชะตาจะนำพาให้มึงเจอเขาอีกครั้ง”

ผมดีใจที่สิ่งที่ผมภาวนามาตลอดมันเป็นจริง รู้สึกขอบคุณโชคชะตาหรืออะไรก็ตามที่ทำให้ได้เจอเขาอีกครั้ง
 
และผมก็ได้สัญญากับตัวเองแล้วว่าผมจะไม่มีวันปล่อยเขาเฉยๆเหมือนอย่างวันนั้น ผมจึงโทรศัพท์ลงไปที่หน้าเคาท์เตอร์

แล้วสั่งให้พนักงานไปบอกกับผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มชองโต๊ะ34ว่าผมเชิญให้ขึ้นมาที่ห้องทำงาน พอวางสายเสร็จก็เห็นพนักงาน

ซักคนเดินมาที่โต๊ะก่อนจะพูดคุยกับมิว เจ้าตัวพยักหน้าแล้วหันไปบอกอะไรบางอย่างกับเพื่อนในกลุ่มอีกสามคนที่เหลือ

แล้วเดินตามพนักงานขึ้นมาที่ชั้นสอง ทำให้ผมต้องละสายตาจากร่างเล็กที่อยู่ข้างล่างเพื่อไปนั่งรอคนที่กำลังจะขึ้นมาหา

อยู่ที่โซฟารับแขก เสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วถูกเปิดเข้ามาหลังจากที่เสียงอนุญาติของผมดังขึ้น

“มีอะไรอ่ะพี่คลิน” ประตูถูกปิดลงพร้อมกับที่มิวเดินเข้ามานั่งที่โซฟาเดี่ยวข้างๆผม

“พี่มีอะไรจะถามเราหน่อย”

“ว่า?”

“เพื่อนในกลุ่มเราที่ใส่เสื้อสีน้ำเงินวันนี้ชื่ออะไร เรียนที่ไหน” ผมถามถึงน้องนั่นแหละครับ วันนี้เขาใส่เสื้อสีน้ำเงิน

“หืม ไอ้แอลอ่ะนะ” คนตรงหน้าดูจะแปลกใจไม่น้อย แน่ล่ะ อยู่เฉยๆก็ถามถึงเพื่อนตัวเอง ใครบ้างที่จะไม่แปลกใจ

“เพื่อนเรามีใส่เสื้อสีน้ำเงินกี่คนล่ะ”

“ก็มีแค่ไอ้แอลคนเดียวแหละงั้น มันชื่อแอล เรียนที่เดียวกันคณะเดียวกันกับมิวนี่แหละ ว่าแต่...พี่ถามทำไมอ่ะ”

“ก็แค่อยากรู้”

“หืม อย่าบอกนะว่าพี่สนใจเพื่อนมิว!”

“ถ้าพี่บอกว่าใช่ล่ะ” ผมตอบรู้พี่ลูกน้องออกไป คนที่นั่งอยู่อีกข้างดูจะตกใจนิดๆ

“จริงอ่ะ!! มิวพึ่งรู้ว่าพี่ชอบผู้ชาย” เพราะผมไม่ค่อยคบใครเป็นจริงเป็นจังถึงยังไม่เคยพาไปเปิดตัวกับที่บ้าน ไม่แปลกใจที่น้องผมจะไม่รู้ว่าผมชอบเพศไหน

“พี่ก็คบแบบนี้มาหลายคนแล้ว ผู้หญิงพี่ก็คบ เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ความรู้สึก ไม่ใช่เพศ” ผมตอบในสิ่งที่ผมคิดมาตลอด

“ว้าว หล่อเลย ฮ่าๆๆๆ มิวก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แค่แปลกใจเพราะพี่ดูปกติมากๆ แต่เรื่องของแอลมิวบอกพี่แค่นี้แหละ

อยากรู้อะไร อยากทำอะไรก็ช่วยตัวเองแล้วกันนะพี่ชาย”

ดูเหมือนเจ้าตัวจะสนุกกับการแกล้งไม่บอกผมเรื่องของเพื่อนตัวเองไม่น้อย แล้วร่างของผู้เป็นญาติก็เดินออกจากห้องโดยที่ผม

รั้งไว้ไม่ทัน แต่ก็ไม่ได้คิดจะรั้งไว้อยู่แล้วครับ เพราะข้อมูลแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ผมรู้มหาลัยเขา รู้คณะ รู้ชื่อเล่นก็พอซะยิ่งกว่าพอ

ผมเดินไปยังจุดที่มองลงไปข้างล่างได้เช่นเดิม แล้วก็เห็นว่าคนที่คุยกับผมเมื่อกี๋กลับไปยังโต๊ะของตัวเองแล้ว แต่สายตาผมก็ยัง

ให้ความสนใจไปที่คนๆเดียว จ้องมองเขาอยู่อย่างนั้นจนเห็นเขาลุกออกไปจากโต๊ะแค่คนเดียว ซึ่งที่ที่เขาจะไปผมคาดว่าเป็น

ห้องน้ำเพราะเห็นถามอะไรบางอย่างจากมิวก่อนจะเห็นเขาเดินตรงไปทางห้องน้ำ ผมรีบเปิดประตูห้องลงไปอย่างรวดเร็ว

แล้วเดินไปห้องน้ำ และเห็นแค่หลังเขาไวๆเข้าไปแล้วครับ ผมได้แต่ดักรออยู่ทางเดิน พอเห็นเขาเดินออกมาไม่รู้ว่า

อะไรบางอย่างทำให้ผมฉุดเขาแล้วก็ลากขึ้นมาที่ห้องชั้นสองซึ่งนอกจากจะมีห้องทำงานแล้วยังมีห้องนอนของผมอีกด้วย

เขาดิ้นขัดขืนแล้วก็ร้องมาตลอดทางนะครับไม่ได้ยอมง่ายๆแต่ดูขนาดตัวเขากับขนาดตัวผมสิ ดิ้นให้ตายก็ไม่มีทางหลุดไปได้

แล้วด้วยความที่ผู้คนส่วนมากจะอยู่ที่โต๊ะกันซะมากกว่าเลยทำให้แถวนั้นไม่มีคน ยิ่งขึ้นมาชั้นสองได้นี่ไม่ต้องห่วงเลยเพราะคน

ภายนอกไม่มีทางเข้าได้แน่นอน พอปิดประตูห้องได้ก็ยังไม่ทันจะเปิดฟงเปิดไฟผมก็จู่โจมจูบเขาแล้ว ตอนแรกก็ต่อต้านนะครับ

แต่นานๆไปเขาก็คงเมื่อยแล้วก็เคลิ้มเลยปล่อยเลยตามเลย ตอนนั้นไม่รู้อะไรดลใจให้ผมทำแบบนั้น ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าถ้าการที่

ผมทำแบบนี้แล้วเขาเกลียดผมมากขึ้นมาจนไม่อยากจะมองหน้าจะทำยังไงแต่โชคดีที่ไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมคิดแค่ว่าจะไม่ยอม

ปล่อยเขาไปเลยทำแบบนี้เพื่อที่จะผูกติดเขาเอาไว้กับผม อย่างน้อยผมก็อ้างเรื่องความรับผิดชอบแล้วค่อยๆทำให้เขารักผมก็ได้

ด้วยประสบการณ์ที่มากกว่าทำให้เขาไม่อาจต่อต้านผมได้ในที่สุด ยิ่งผมสัมผัสร่างกายเขามากเท่าไหร่ผมยิ่งต้องการมากขึ้นๆ

เสียงครางที่ออกมาจากริมฝีปากหวานๆของเขาทำให้ผมได้ใจ คนใต้ร่างเริ่มตอบสนองผมแล้วเป็นฝ่ายเรียกร้องจากผมเองบ้าง

ผมบอกได้เลยว่าผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน การได้สัมผัสเขาแล้วเป็นหนึ่งเดียวกันมันเป็นเรื่องที่วิเศษจริงๆ น้องบริสุทธิ์มากๆ

เขาไร้เดียงสาแต่ก็ไม่ได้ซื่อกับเรื่องพวกนี้ขนาดนั้น ผมดีใจที่หลังจากผ่าน‘กิจกรรม’(หลายรอบ)ไปเขาไม่ได้ลุกขึ้นมาชี้หน้าด่า

แล้ววิ่งออกจากห้องหรือว่าโวยวายอะไร ผมไม่ว่าหรอกครับที่เขาจะพูดมึงๆกูๆ เพราะแน่นอนว่ากับคนที่ไม่รู้จักแล้วก็ยิ่งมาทำ

แบบนี้จะให้เขามาพูดจาดีๆหวานๆก็คงไม่ใช่ แล้วมันก็คงจะดูน่าแปลกใจไปซักหน่อยถ้าผมจะทำดีหรือพูดดีกับเขามากเกินไป

ดีที่บุคลิกผมเป็นคนนิ่งๆดุๆอยู่แล้วเลยไม่มีปัญหา รอจนเขาหลับไปผมก็ลุกขึ้นมาหยิบกางเกงที่อยู่ข้างเตียงมาใส่

เพื่อเตรียมของใช้ โทรบอกให้คนของผมไปหาเสื้อผ้าไซส์ที่คิดว่าเขาจะใส่ได้มา จนทุกอย่างเรียบร้อยผมค่อยขยับเข้าไปกอด

เขาแล้วหลับตาม

   สภาพเขาตอนที่ตื่นนอนนี่เรียกว่าค่อนข้างย่ำแย่เลยครับ ดูเหมือนจะไม่สบายด้วย พอเขาออกจากห้องน้ำเลยบอกให้เขา

หลับไปก่อน แต่งตัวเสร็จผมเลยอุ้มคนที่นอนอยู่ไปที่รถเพื่อจะไปส่งบ้านแล้วเขาก็ตื่นพอดี ถามทางไปบ้านเสร็จเขาก็หลับต่อ

ตอนอุ้มร่างเล็กๆนั่นผมสัมผัสได้ว่าอุณหภูมิร่างกายเขาสูงขึ้น ไปถึงห้องนอนน้องก็พุ่งไปที่เตียงแล้วก็หลับทันที ที่จริงอยากอยู่

เฝ้าให้แน่ใจว่าเขาจะไม่เป็นไรมากไปกว่านี้จนถึงเช้านั่นแหละครับ แต่พอผมลงไปขอใช้ครัวทำกับข้าวไว้ให้คนป่วยเสร็จพนักงาน

ที่ร้านก็โทรมาบอกว่าที่ร้านเกิดเรื่อง เหมือนว่ามีคนมาส่งยาในร้านผมเลยต้องรีบกลับไปจัดการ แต่ก็ไม่ลืมเขียนจดหมายเล็กๆไว้

ให้เขา เลยได้แต่กำชับกับชับป้าสาไว้ว่าให้ขึ้นไปดูน้องบ่อยๆ(เพราะผมถามป้าสาเรื่องพ่อกับแม่แอล แกบอกว่าพ่อกับแม่แอลไป

ต่างประเทศกลับอาทิตย์หน้า) ผมกลับมาจัดการเรื่องที่ร้านเสร็จก็ดูพวกเอกสารต่อ เสียงเตือนข้อความจากคนที่ป่วยก็เข้ามา

พอดี ผมเลยโทรกลับหาเขา ได้คุยกันนิดหน่อยก็วางเพราะผมอยากให้เขาพักผ่อน อาจจะเพราะป่วยเลยทำให้น้องงอแงหน่อยๆ

แต่พอผมบอกว่าจะไปรับก็หายแล้ว ผมหาเรื่องไปเจอเขาทุกวันเพราะว่าอยากเจอ อยากทำความรู้จักกับตัวตนเขาจริงๆให้

มากกว่านี้ถึงแม้ว่าประวัติทั้งหมดของแอลจะมาอยู่ในมือผมแล้วก็ตาม อยากให้ความสัมพันธ์เราพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ 

ถ้าว่างผมก็อยากไปรับไปส่งเขาที่มหาลัยแต่ผมก็ไม่ได้ว่างขนาดนั้น พอวันนั้นที่ไปรับก็ไปเจอน้องอยู่กับมิวพอดี เย็นวันนั้นมิวก็

โทรหาผมเลยครับซักนู้นซักนี่ แล้วเขาก็คิดว่าที่เพื่อนเขาหายตัวไปคืนนั้นต้องเกี่ยวกับผมซึ่งตัวผมเองก็ยอมรับ แต่ผมก็บอกให้

ญาติตัวเองหายห่วงว่าผมจะไม่ขืนใจหรือบังคับอะไรน้องอีก อาจจะเพราะว่ามิวรู้ว่าผมเป็นคนยังไง คนที่โทรหาผมเลยได้แต่ถอน

หายใจแล้วก็บอกว่าอย่าคิดเล่นๆกับเพื่อนตัวเองเด็ดขาด ถึงมิวไม่บอกผมก็ไม่คิดเล่นๆกับเพื่อนเขาอยู่แล้วครับ ลูกพี่ลูกน้องผม

จึงวางสายไป แล้วตอนที่ผมพาแอลไปพบแม่เขาดูตื่นเต้นมากถึงขั้นต้องเปลี่ยนสรรพนามเรียกผมให้ดูสุภาพเลยทันที พอดีผม

ต้องเข้าไปเอาเอกสารงานเกียวกับห้างที่บ้านผมก็เลยคิดว่าการพาเขาไปเจอแม่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรเลยพาเขาไปเจอแม่ด้วย

ซะเลย แล้วแม่ก็เอ็นดูน้องมากๆครับ ท่านชอบน้องยิ่งกว่าผมที่เป็นลูกแท้ๆซะอีก ตอนแรกแอลก็ดูเกร็งๆแต่ซักพักเขาก็เริ่มผ่อน

คลายเพราะแม่ผมท่านใจดี พอขึ้นรถจะไปส่งเขาเขาก็ยังไม่เลิกแทนตัวเองว่าแอลแล้วเรียกผมว่าพี่แต่ผมก็ไม่ได้จะคิดให้น้อง

เปลี่ยนอยู่แล้วเพราะว่ามันน่ารักดีหนิครับ ตอนเขาบอกให้ผมเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกเขาแล้วก็การแทนตัวผมเองผมก็จะทำ

ตามอยู่แล้วเพราะมันดูดีกว่าการพูดมึงๆกูๆเป็นไหน ก็แค่อยากแกล้งเขาเลยเล่นตัวหน่อยจนเขาเกือบงอน แต่พอผมพูดออกไป

คนที่ฟังก็ดูจะช็อคไปเลย หน้าตาตอนเอ๋อของเขาน่ารักมากๆ แล้วดูท่าว่าจะอึ้งอีกนานจนผมต้องเตือนสติเขาไปว่าถึงบ้านแล้ว

เท่านั้นแหละร่างเล็กๆเลยได้แต่พึมพำว่าขอบคุณแล้วเดินเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว ผมได้แต่มองแล้วก็ยิ้มตามน้อยๆ ผมก็อยาก

ไปรับไปส่งเขาทุกวันอย่างที่บอก แต่งานดันเข้าน่ะสิครับ พ่อผมเรียกประชุมเพราะมีแผนจะปรับปรุงห้างบางส่วนใหม่ ฃ

ที่นี้อย่าว่าแต่ไปรับไปส่งหรือไปหาน้องเลยครับ เวลานอนผมก็แทบไม่มี บางวันก็ไม่ได้โทรหาเขาเลย เขาโทรมาผมก็ไม่ได้รับ

 แต่ถ้าว่างก็โทรกลับ บางวันก็ได้แต่ข้อความหาเฉยๆ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง...

                                                                      END KLIN'S PART


                               

                                                                       (ส่วนที่เหลือ)

“...อล แอล!!”

ผมสะดุ้งสุดตัวแล้วรู้สึกว่าขี้หูคงจะสะเทือนแล้วแหละ ก่อนจะเอามือแคะหูเล็กน้อยเพราะปวดหู

หันหน้าไปหาคนที่ตะโกนใส่อย่างงงๆว่าไอ้มิวมันตะโกนเสียงดังขนาดนี้ทำไม คนทั้งทางเดินหันมามองกันหมดเลยครับ

“เรียกเบาๆก็ได้ กูปวดหูหมดแล้ว” แค่ฟังเสียงแหลมๆของอาจารย์มาทั้งวันผมก็แย่แล้ว ไอ้มิวตะโกนใส่ยิ่งหนักเข้าไปอีก

“กูเรียกมึงมาสามพันครั้งแล้ว มึงไม่ได้มีทีท่าจะสนใจเสียงของกูเลยซักนิด มึงเป็นอะไรวะ

อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์กูเห็นมึงเหม่อๆ ซึมๆเหมือนจิตใจไม่อยู่กับตัวเลย”

“เออ กูก็ว่างั้นแหละ กูละกลัวมึงกลับไม่ถึงบ้านจริงๆ” ไอ้เพ้นท์พูดขึ้นมาอีกคน มีเพียงไอ้ตรีที่มองมาโดยที่ยังไม่ได้พูดอะไร

“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”

“กูไม่เชื่อ!!” ตะโกนออกมาพร้อมกันจนผมกับไอ้ตรีสะดุ้งเลยครับ ผมได้ก้มหน้าเพราะเถียงอะไรเพื่อนทั้งสองไม่ได้เลย

เพราะผมก็รู้ตัวเองเหมือนกันว่าไม่ปกติเท่าไหร่ บอกตรงๆว่าที่ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะพี่คลินนั่นแหละครับ

“เห้อ กูแค่...”

“แค่อะไร” ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มถามออกมา

“แค่...คิดถึงพี่คลิน” ผมตอบออกไปเสียงเบา ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าคิดถึงเขา หลังจากที่พี่คลินบอกว่างานยุ่ง

เราก็แทบไม่ได้คุยกันเลยครับ บางวันก็โชคดีที่ยังได้ยินเสียง แต่เชื่อไหมว่าคุยกันไม่เคยถึง5นาที เขาต้องไปทำงานตลอดเลย

“อาการหนักแล้วเพื่อนกู”

“กูว่างั้นแหละเพ้นท์ มาๆ มึงนั่งพักก่อน ก่อนที่จะเดินไปชนรถใครเข้า” ไอ้มิวลากผมนั่งลงที่ม้าหินอ่อนหน้าคณะ

ทุกคนนั่งล้อมผมไว้หมดเลย สายตาสามคู่จับจ้องมายังผมราวกับผมเป็นนักโทษเลย==

“เราว่าแอลเป็นหนักจริงๆนะ พักนี้เป็นเหม่อๆ” ขนาดผู้ที่ไม่ค่อยพูดยังได้เอ่ยปาก

“เห้อ กูไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็หาย” ผมบอกเพื่อให้ทุกคนสบายใจ สองสามวันแรกมันก็ยังพอทนนะครับ

แต่นี่เป็นอาทิตย์แล้ว ผมก็เลยเหี่ยวลงๆทุกวัน

“กูภาวนาให้เป็นอย่างที่มึงพูดแล้วกัน พี่คลินเขางานยุ่งจริงๆ ยุ่งทั้งบ้านแหละ กูแวะไปวันนั้นไม่มีใครว่างคุยกับกูเลย

ต้องเคลียร์งานกันหมด มึงก็ทำใจ เดี๋ยวงานเสร็จเขาก็มาหามึง”

“อืม เดี๋ยวกูกลับแล้วดีกว่า ต้องรีบกลับไปให้พ่อกับแม่เห็นหน้าหน่อย” ท่านทั้งสองกลับมาจากดูงานได้สองสามวันแล้วครับ

บอกลาเพื่อนทั้งสามคนเสร็จก็ตรงกลับบ้านทันที ตอนนี้5โมงเย็นนิดๆ พี่คลินจะทำอะไรอยู่นะ

เห้อ...ผมขับรถไปก็คิดถึงเรื่องของเขา เป็นเอามากนะผมเนี้ย ขับรถถึงบ้านฝ่าการจราจรที่ติดขัดมา

ใช้เวลาร่วมชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน แต่พอขับรถมาจอดที่โรงรถกลับพบว่ามีรถของใครก็ไม่รู้จอดอยู่ด้วย รถคันอื่นก็อยู่ครบนะครับ

“รถ ใครอ่ะ” ผมพึมพำกับตัวเองหลังจากล็อครถเสร็จ

“พ่อครับแม่ครับ แอลกลับมาแล้ววววววววววว~” เดินเข้ามาในบ้านพร้อมส่งเสียงออกไปก่อน

“อ้าวแอล มาพอดีเลยลูก พี่คลินเขามารอเราตั้งนานแหนะ” ห๊ะ!!!!!!!! ผมได้ยินถูกใช่ไหมหรือว่าหูเพี้ยนไปแล้ว

ผมวิ่งเข้าไปหาแม่ที่เดินมาบอกทันที

“อะไรนะแม่ แม่ว่าไงนะ!!” ผมถามออกไปลิ้นรัวเลย

“ก็พี่คลินไง เขามาหา มารอเราตั้งนานแล้วนะ นี่ก็นั่งคุยกับคุณพ่ออยู่ที่ห้องรับแขก” พอแม่พูดจบเท่านั้นแหละ

ผมรีบวิ่งไปที่ห้องรับแขกทันที แล้วก็เห็นผู้ชายต่างวัยสองคนคุยกันอย่างถูกคอเลยครับ

“อ้าว แอลมาพอดีเลย งั้นพ่อขอไปดูงานหน่อยแล้วกัน เจอกันที่โต๊อาหารนะคลิน” พ่อตบบ่าพี่คลินเบาๆ

ก่อนคนที่ผมคิดถึงจะตอบรับด้วยท่าทีอ่อนน้อม ผมค่อยๆเดินเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่ช้าๆ กวาดสายตาไปทั่วตั้งแต่หัวจรดเท้า

คนตรงหน้าดูซูบลงเล็กน้อย แต่ที่เห็นได้ชัดคือขอบตาที่ค่อนข้างคล้ำลงของเขา

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่” มัวแต่อึ้ง กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ เหมือนต่างคนกำลังสำรวจกันและกัน

“4โมงเย็น” ร่างสูงลุกขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้าผม

“ทำไมไม่บอกอ่ะว่าจะมา”

“อยากเซอร์ไพรส์” คนตรงหน้ายิ้มน้อยๆ รอยยิ้มที่ทำให้ใจผมเต้นรัว ถึงแม้มันจะดูอ่อนแรงไปหน่อยก็เถอะ

“แล้วพ่อกับแม่แอลว่าไง ท่านไม่ถามเหรอ” ผมสงสัยเรื่องนี้มากครับ

“หึหึ ถาม”

“ถามแล้วตอบว่าไง” ผมคงจะแสดงออกว่าอยากรู้ทางสีหน้ามากไปเพราะคนตรงหน้าจะหลุดหัวเราะหน่อยๆ

“เดี๋ยวค่อยคุยกัน ไปช่วยแม่ดูกับข้าวก่อนไป” พี่คลินจับไหล่แล้วดันให้ผมเดินไปทางห้องครัว

ผมก็พยายามรั้งตัวเองไว้นะครับแต่เขาแรงเยอะจริงๆ ดูขนาดตัวผมกับเขาสิ

“เดี๋ยวววววววววว ตอบมาก่อนนนนนนนน” แต่มีเหรอที่ร่างสูงจะตอบ ยังคงเงียบเหมือนเดิม

“เอ้อ แล้วนี่มีการชวนกินข้าวที่บ้านด้วยเหรอ? ไปพูดอะไรกับพ่อกับมาบ้างอ่ะ บอกหน่อยๆ” ผมยังคงเซ้าซี้ต่อไป

จนมาหยุดที่หน้าห้องครัวเพราะแรงดันของคนข้างหลัง

“อ้าว คุยกันเสร็จแล้วเหรอจ๊ะ แม่ทำอาหารเสร็จพอดีเลย เดี๋ยวรอป้าสาตั้งโต๊ะแป๊บนึงนะ”

“ครับ” ไม่ใช่เสียงผมนะครับ แต่เป็นคนที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆผมนี่แหละ แหม..ทีตอนอยู่กับผมทั้งนิ่ง ทั้งพูดน้อย

คอยดูนะผมจะซักตั้งแต่ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านผมเลย!!








                           ------------------------------------------------------------------------------------------


         ครบแล้วววววววว แต่สั้นนิดนึงนะคะ พอดูบอลเสร็จเป็นเบลอๆเลยมาแค่นี้5555555 พิมพ์แบบเบลอมากเลย :ling2: :ling2: ตอนนี้พี่คลินมาเจอพ่อกับแม่น้องแอลแล้วเนาะ คิดไวทำไวตลอดอ่ะคนนี้ o13 o13 ไปแล้วค่ะ..ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ทุกคนที่เข้ามอ่านมากๆค่ะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

        *พรุ่งนี้อาจจะไม่ได้มาต่อนะคะ คาดว่าจะยุ่งมากเลยยยยยยยยย ตอนหน้าจะมายาวกว่านี้เน้อ



     
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่7 40% 11/05/2557 p.2 00:40 น.
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 11-05-2014 00:43:36
พี่คลินก็น่ารักเหมือนกันนะ   :hao7:   แต่พี่รวบรัดน้องมากอ่ะ  มาเจออีกที ทำให้เป็นของตัวเองเลย

แต่แบบนี้ก็ดี   :hao6:  รอต่อจ้าาา  คิดถึงน้องแอล
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่7 40% 11/05/2557 p.2 00:40 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ernnnxx ที่ 11-05-2014 07:34:24
คิดเร็วทำเร็วมากคลิน  ดูจริงใจและโหยหาอยู่ในที

:katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่7 (ครบค่ะ) 11/05/2557 p.2 23:59 น.
เริ่มหัวข้อโดย: mtd ที่ 12-05-2014 01:13:10
แอบเข้าทางพ่อแม่ไม่บอกไม่กล่าวเลยนะพี่คลิน  o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่7 (ครบค่ะ) 11/05/2557 p.2 23:59 น.
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 12-05-2014 06:09:10
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่7 (ครบค่ะ) 11/05/2557 p.2 23:59 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 12-05-2014 10:45:24
แหมพี่คลิน
รีบทำคะแนนกับว่าที่พ่อตาแม่ยายใหญ่เลยนะะะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่7 (ครบค่ะ) 11/05/2557 p.2 23:59 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ernnnxx ที่ 12-05-2014 18:07:04
อยากรู้เหมือนแอลเลย พี่คลินแกทำอะไร คุยอะไร

คิดเร็วทำเร็วไปก็ไม่ดีนะ เราลุ้น  :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่7 (ครบค่ะ) 11/05/2557 p.2 23:59 น.
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 12-05-2014 18:53:13
รุกเร็วมากอ่ะ พระเอกเรา  :hao6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่7 (ครบค่ะ) 11/05/2557 p.2 23:59 น.
เริ่มหัวข้อโดย: evilbluesky ที่ 12-05-2014 19:52:42
 :hao7: กรี้ดๆ ชอบน้องแอลกับพี่คลินจัง น่ารักอ่ะ
อยากให้เป็นเรื่องยาว แต่ไม่เอามาม่าได้ไหม ไม่อยากร้องไห้
อยากได้รักใสๆ ที่แสดงถึงความรักความเอาใจใส่ ของทั้งคู่อ่ะ
รอตอนต่อไป มาต่อไวๆน่ะค่ะ :o8:  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่7 (ครบค่ะ) 11/05/2557 p.2 23:59 น.
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 12-05-2014 21:58:28
กลับมาแล้ว พี่คลินอย่าหายไปนานแบบนี้ น้องแอลคิดถึงมากอ่ะ   :hao7:

นี่มาคุยกับพ่อแม่แล้ว จะมาขอรึไงจ้ะ?  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่8 13/05/2557 p.3 22:43 น.
เริ่มหัวข้อโดย: THE KOP ที่ 13-05-2014 22:39:33
                                                                     ตอนที่ 8

ไอ้การที่ผมจะซอกแซกถามอะไรพี่คลินอย่างคิดไว้น่ะหรอ? หึหึ ต้องพับโครงการเก็บไว้ก่อนเลยครับ

ก็ตอนนี้คนที่ผมจะถามหลับไปแล้วน่ะสิ== เขาดูเพลียมากจริงๆ พอขึ้นมาบนห้องผมก็บอกว่าขอพักหน่อย

แล้วก็ล้มตัวลงนอนที่เตียงทันทีเลย เห็นแบบนี้ก็สงสาร การที่เขาหายไปเป็นอาทิตย์ๆคงจะทำงานหนักมากจริงๆ

ผมเลยปล่อยให้คนที่ดูท่าว่าจะหลับลึกไปแล้วให้ได้นอนอย่างเต็มที่ ส่วนตัวเองก็นั่งทำงานที่โต๊ะไปเรื่อยๆตามที่อาจารย์สั่ง

บรรยากาศที่โต๊ะอาหารเย็นที่ผ่านมาถือว่าดีมากๆเลยครับ ไม่รู้ว่าพี่คลินพูดอะไรกับพ่อกับแม่ ท่านทั้งสองดูเอ็นดูพี่คลินมาก 

เวลาที่อยู่กับผู้ใหญ่พี่เขาก็ดูเป็นอีกแบบนึงนะครับ ดูจะเข้าหาผู้ใหญ่ได้ดี ไม่เห็นนิ่งๆดุๆเหมือนตอนอยู่กับผมเลย

เหลือบมองนาฬิกาตอนนี้กว่าทุ่มกว่าๆแล้ว เขาจะหลับถึงเช้าไหมผมเองก็ไม่รู้ แต่ถ้าจะหลับผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก

ดูจากสภาพไม่รู้ว่าได้นอนบ้างรึเปล่า ผมก็นั่งทำงานของผมไปเรื่อยๆจนถึงสามทุ่มเขาก็ยังไม่ตื่น

งานผมก็เสร็จแล้วเลยตัดสินใจเข้าไปอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จก็เดินออกมา เห็นคนที่อยู่บนเตียงลุกขึ้นมานั่งแล้วครับ

“กี่โมงแล้ว” เสียงพี่คลินแหบๆหน่อย คงเพราะพึ่งตื่นนอน

“ประมาณสามทุ่มกว่าๆแล้ว พี่คลินจะนอนนี่เหรอ” เดินไปนั่งที่เตียงข้างๆเขา มองหน้าของคนที่ตื่นไม่เต็มตาแต่ก็ยังดูดี

“หือ เปล่าหรอก จะกลับคอนโด ไม่มีเสื้อผ้า” แสดงว่าถ้ามีก็จะค้างสินะ อิอิ คิดอะไรของผมเนี้ย ขำกับความคิดตัวเอง ฮ่าๆๆๆ

“ยิ้มอะไร” คงจะสงสัยที่อยู่ดีๆผมก็ยิ้ม แต่ผมไม่บอกเขาหรอกนะ^^

“เปล้าาาา ไปล้างหน้าล้างตาไป จะได้สดชื่น” ดูคนตรงหน้าจะงงๆแต่ก็ลุกไปแต่โดยดี ซักพักก็ออกมาในสภาพที่หัวเปียกหน่อยๆ

พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยดย้ำ ผมเลยยื่นผ้าเช็ดหน้าที่เตรียมไว้ให้ พี่คลินดูแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็รับผ้าไป

“ทำงานหนักมากเลยเหรอ เหมือนคนไม่ได้นอนเลย” ผมพูดกับคนที่เช็ดหน้าเช็ดตาอยู่

ก่อนที่คนตรงหน้าจะลดผ้าลงแล้วตอบคำถามผม

“ก็นิดหน่อย ตอนนี้โอเคแล้ว หลังจากนี้ก็จะปกติ” ผมดีใจที่ได้ยินแบบนี้นะ อย่างน้อยเขาก็จะได้พักมากขึ้น

“ก็ดีแล้ว” ผมตอบออกไป

“เป็นไงบ้างเรื่องเรียน” อยู่เฉยๆก็เปลี่ยนมาถามเรื่องเรียนผมซะงั้น

“ก็เรื่อยๆเหมือนเดิมแหละ ไม่หนักเท่าคนทำงานหรอก” ผมตอบกระทบเขาหน่อยๆด้วย แต่มันก็จริง ดูเขาสิ ทำงานหนักจะตาย

“พรุ่งนี้มีเรียนกี่โมง”

“9โมงเช้า” ผมลากเสียงยาวมาก พร้อมกับทำหน้ายู่น้อยๆ จนได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของคนตัวสูงดังออกมา

ก่อนที่มืออบอุ่นนั้นจะยกขึ้นมาขยี้หัวผมเบาๆแล้วก็วางไว้อย่างนั้น

“ตั้งใจเรียน เข้าใจไหม” แววตาที่ดูอ่อนโยนขึ้นพร้อมกับประโยคที่พูดออกมาทำให้ใจผมเต้นแรงอีกแล้ว

แถมหน้าผมยังร้อนขึ้นมาดื้อๆ ไม่รู้ว่าเพราะว่าคำพูดหรือใบหน้าที่อ่อนโยนขึ้นของพี่คลินกันแน่

แล้วผมก็พยักหน้าตอบรับคำพูดของเขาอย่างเขินๆ เขินจนต้องเบนสายตาไปที่อื่นที่ไม่ใช่ใบหน้าของคนข้างหน้า

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปส่ง” แต่ประโยคนี้ก็ทำให้ผมหันกลับมาอีกจนได้

“ไม่เป็นไรหรอก พี่คลินพักผ่อนเถอะ” ผมอยากให้เขาพักมากกว่าต้องตื่นมาส่งผมไปเรียน

ถึงแม้ว่าจะไม่อาจปฏิเสธว่าลึกๆแล้วผมเองก็อยากให้เขาไปส่งเหมือนกัน

“บอกว่าจะไปส่งก็คือไปส่ง” แต่มีหรือที่คนหน้าดุจะยอม  ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันอย่างไม่ลดละ

และสายตาเขาก็ดูจริงจังจนผมคิดว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจ เลยได้แต่ถอนหายใจแล้วตกลงให้เขาไปส่งในที่สุด

“พี่คลิน ยังไม่ได้บอกเลยนะว่าคุยอะไรกับพ่อกับแม่ตอนที่แอลยังไม่มา” ผมถามขึ้นตอนทันทีที่นึกขึ้นได้ 

แต่คนที่สูงกว่ากลับเดินเอาผ้าที่เช็ดหน้าเสร็จแล้วไปใส่ลงตะกร้าที่อยู่หน้าห้องน้ำโดยไม่มีที่ท่าจะสนใจกับคำถามของผมซักนิด

“พี่กลับแล้วดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้มารับ8โมง”

“เห้ย พี่คลิน!! ตอบมาเดี๋ยวนี้นะๆๆๆ” ผมรั้งแขนคนที่กำลังจะเดินออกจากห้องไปซะอย่างนั้น ถามแค่นี้ก็ไม่ตอบอ่ะ!!

“หึหึ ตอบอะไร ก็ไม่มีอะไรหนิ” มีการหันหน้ามายิ้มกวนๆด้วยนะ หึ่ย!!

“ตอบมาว่าคุยอะไรกับพ่อกับแม่แอลไงงงงงงงง” ผมเขย่าแขนของคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างบ่งบอกว่าต้องการคำตอบมาก

ก็ผมอยากรู้จริงๆนี่นา

“ก็คุย...ปกติ” โอ๊ยยยยยยย ผมจะอกแตกตาย เห็นนิ่งๆแต่เวลากวนนี่สุดๆเลยอ่ะ

“พี่คลิน!!!!!” ผมตะโกนชื่อเขาออกไปอย่างเหลืออด แต่คนตรงหน้าไม่มีการสะทกสะท้านใดๆทั้งสิ้น

“ครับ” มีการมาตอบรับอีกนะ แต่พอผมอ้าปากจะโวยวายหรือพูดอะไรเพื่อคาดคั้นคำตอบ

คนตรงหน้ากลับทำสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง พี่คลินก้มลงมาจูบผม จูบผมอ่ะ!!

วินาทีนี้ผมได้แต่อึ้งให้คนตัวสูงขบเม้มริมฝีปากเบาๆอย่างไม่รู้จะทำยังไง ไม่ใช่ว่าไม่เคยจูบกับใคร

แม้แต่กับพี่คลินผมก็จำได้ว่าวันนั้นเราจูบกันบ่อยมาก(ขณะที่มีอะไรกัน) แต่วันนี้มันกลับให้ความรู้สึกแตกต่างออกไป

ลิ้นนุ่มๆค่อยๆไล้ไปมาตามขอบปากผมอย่างไม่เร่งรัด สายตาที่มองมาของคนตรงหน้าทำเอาผมต้านไม่ไหวจนต้องหลับตาลง

แต่นั่นกลับยิ่งทำให้ประสาทสัมผัสของผมทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมมากขึ้น เมื่อลิ้นร้อนๆค่อยๆแทรกผ่านเข้ามาภายใน

ขณะที่ตัวผมเองไม่ได้คิดที่จะต่อต้านใดๆทั้งสิ้น ตรงกันข้าม..กลับเต็มใจมากด้วยซ้ำที่จะตอบรับสัมผัสใกล้ชิดนี้

และเผยอปากรับลิ้นที่กำลังแทรกเข้ามาเลาะเล็มทั่วโพรงปาก ลิ้นทั้งสองเกาะเกี่ยวกันจนเกิดเสียงเบาๆ

ผมรู้สึกดีจนต้องปล่อยเสียงครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ อาจจะเพราะจูบครั้งนี้มันอ่อนโยนกว่าวันนั้น

หรืออาจจะเพราะผมรู้ตัวว่ามีใจให้พี่คลินไปแล้ว มันเลยทำให้ผมรู้สึกดีมากๆกับสัมผัสในครั้งนี้

ดีจนอาจจะเผลอทำหน้าเสียดายตอนที่เขาถอนริมฝีปากออกไป

“มันไม่สำคัญว่าพี่จะคุยอะไรกับท่าน แต่สิ่งสำคัญคือท่านทั้งสองยินดีที่จะให้เราคบกัน” ผมที่ยังไม่หายอึ้งจากการจูบ

ยิ่งอึ้งหนักเข้าไปอีก อะไรคบๆนะ? คนตรงหน้าขยับตัวเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมกับสองมือที่ขยับมาโอบรอบเอวผมไว้

อย่างหลวมๆ

“แอล...พี่ไม่ได้ทำทุกอย่างเพราะคำว่ารับผิดชอบ ตั้งแต่ที่พี่สัมผัสเราพี่ก็รู้สึกว่าแอลคือคนที่พี่อยากเริ่มต้นความสัมพันธ์

มันอาจจะเร็วไป แต่พี่อยากทำทุกอย่างให้ชัดเจน” ผมฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่ออกจากปากได้รูปอย่างตั้งใจ

หัวใจเต้นระรัวราวกลับมีใครมาตีกลองอยู่ใกล้ ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในหัวไปหมด

“มาเริ่มต้นเรียนรู้กันและกัน เดินไปด้วยกัน” ผมไม่รู้ว่าคำพูดต่อไปของเขาคืออะไร แต่ผมรอฟังมันอย่างตั้งใจ

รอว่าจะเป็นคำที่ผมคิดอยู่รึเปล่า
“คบกันนะ เป็นแฟนกัน” พอสิ้นสุดคำนี้เท่านั้นแหละ ผมโผเข้ากอดคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว

ดีใจที่เขาไม่ได้เล่นๆกับเรื่องของผม แม้อาจจะเริ่มต้นไม่ได้สวยหรูเหมือนอย่างใครแต่มันก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าตอนจบ

จะเป็นอย่างไร ถึงจะไม่มีคำว่ารักให้กันและกันแต่ผมเชื่อว่ามันจะต้องมีวันนั้น วันที่เราทั้งสองคนจะพร้อมพูดคำๆนี้

“อื้อ คบกัน แอลคบกับพี่คลิน..คบกับพี่คลินนะ เป็นแฟนกัน” ผมพูดอยู่อย่างนั้น น้ำตาเอ่อคลออกมาเล็กน้อยอย่างดีใจ

อ้อมกอดของพี่คลินดูจะแน่นขึ้นแต่ไม่ได้ทำให้ผมอึดอัดแต่อย่างใด มันรู้สึกอบอุ่น อบอุ่นจนผมเองก็กอดเขาแน่นขึ้น

จนตัวผมแทบจะหายไปกับหน้าอกของคนตรงหน้า สองมือของเขาลูบหลังผมอย่างอ่อนโยน

นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เรากอดกันอย่างนั้นจนพี่คลินเป็นคนผละออก พอสบสายตากันผมกลับเขินคนตัวสูงจนต้องหลบสายตา

รู้สึกว่าแก้มตัวเองร้อนจนจะไหม้><

“หึหึ หน้าแดงหมดแล้ว” เขาเอามือที่โอบอยู่รอบเอวผมขึ้นมาลูบแก้ม สัมผัสเบาๆแต่กลับทำให้ผมยิ่งเขินเข้าไปใหญ่

“ก็แอลเขิน” ตอบออกไปเสียงเบาโดยที่ยังไม่ยอมมองหน้าพี่คลินเลย

“เขินอะไร” มีการถามเสียงเหย้าแหย่ผมด้วย

“ก็เขินอ่ะ!!” ผมหันมาเหวี่ยงใส่คนที่ยืนยิ้มอยู่น้อยๆ

“ฮ่าๆๆๆ เด็กน้อย” หัวเราะใส่ผมด้วยแถมยังเลื่อนมือจากแก้มผมมาขยี้หัวแทนอีก มาดของคนที่นิ่งๆดุๆหายไปไหน?

“เด็กน้อยที่คบกับคนแก่” ผมยกคิ้วให้คืนอย่างกวนๆ ก็จริงนี่นา เขาห่างกับตั้งหกเจ็ดปี

“ไม่เถียง...พี่กลับแล้วดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้มารับ” พี่คลินละมือกลับมาวางไว้ที่เอวผมเช่นเดิม

ทำไมท่าทีไม่หมือนกำลังจะกลับเลยล่ะ==

“อื้อ ขับรถดีๆ ถึงแล้วโทรมาด้วย” จัดการสั่งทันที พอคบกันเป็นจริงเป็นจังก็ทำได้แล้วไง ฮ่าๆๆๆๆ

“โอเค” แล้วพี่คลินก็ผละตัวออกไป ความอบอุ่นรอบตัวผมก็หายไปพร้อมๆเขา

“เดี๋ยวแอลลงไปส่ง” เขาพยักหน้ากลับมา ก่อนจะเปิดประตูห้องออกไปโดยมีผมเดินตามหลัง

ลงมาก็เห็นแม่กำลังดูละครหลังข่าวอยู่ห้องรับแขก

“อ้าว กลับแล้วเหรอคลิน ไม่นอนค้างที่ล่ะลูก นี่ก็ดึกแล้ว” แหม..แม่ผม ไม่ค่อยจะเลยครับ เขาไม่คิดว่าจะดูเสียหายหรือยังไง

ให้ผู้ชายมานอนด้วยที่บ้านเนี้ย(แต่ถ้าถามว่าถ้าพี่คลินมาผมจะขัดขืนไหม? ตอบเลยว่าไม่ครับ><)

“ไม่ล่ะครับ ผมกลับก่อนนะครับคุณแม่ฝากลาคุณพ่อด้วยครับ” คนตัวสูงยกมือไหว้แม่ผม คุณแม่ก็รับไหว้อย่างเต็มใจ

พ่อผมบอกจะขึ้นไปทำงานตั้งแต่กินข้าวเสร็จแล้วครับ สงสัยตอนนี้ก็ยังทำงานอยู่

“จ้ะ แวะมาที่นี่บ่อยๆนะลูก บ้านนี้ยินดีต้อนรับ” อื้อหือ ดูแม่ผมครับ

“ขอบคุณมากครับ”

“แอลไปส่งพี่คลินที่รถก่อนนะแม่”

“ตามสบาย แม่ดูละครต่อแล้ว” น้ำเสียงที่พูดกับผมนั้นช่างแตกต่าง แต่ปล่อยท่านไปเถอะครับ

ปล่อยให้ดูละครอะไรของเขาไปดีกว่า ผมเลยเดินมาส่งพี่คลินที่รถ เป็นคันที่จอดอยู่ในโรงรถนั่นแหละครับ

ซึ่งเป็นคนละคันกับพอร์ช ผมเลยไม่รู้วารถเขาไง

“ขับรถดีๆนะ” ย้ำกับเขาอีกรอบครับ ซึ่งพี่คลินก็พยักหน้ารับเบาๆ

“ถึงแล้วจะโทรบอก”

“อืม” แล้วคนร่างสูงก็เปิดประตูรถเข้าไปนั่งพร้อมกับเลื่อนกระจกลง ผมหลบทางให้มายืนข้างๆแล้วก็โบกมือให้

ซึ่งคนในรถก็โบกมือกลับมาก่อนจะเคลื่อนรถออกไป ผมมองจนท้ายรถลับสายตาออกจากประตูบ้านถึงเดินกลับเข้ามา

ก็ยังเห็นแม่นั่งดูละครอยู่

“แม่ แอลขึ้นห้องแล้วนะ”

“อืมๆ เดี๋ยวแม่ก็ขึ้นไปแล้วแหละ แล้วนี่พี่เขากลับไปแล้วหรือ” แม่ละสายตาจากโทรทัศน์มาหาผมที่ยืนอยู่ด้านหลัง

ซึ่งไกลพอสมควร ผมตะโกนคุยกับแม่น่ะครับ

“กลับแล้ว แอลไปแล้วนะแม่” ผมกำลังจะเดินขึ้นบันได แต่เสียงแม่ก็ทำให้ขาทั้งสองข้างหยุดชะงัก

“คนนี้แม่ให้ผ่านนะแอล” พอผมถอยกลับมาท่านก็สนใจละครเหมือนเดิมแล้วครับ ผมดีใจที่แม่พูดแบบนี้

แสดงว่าท่านโอเคกับเรื่องของผมกับพี่คลิน แล้วอยู่ดีๆผมก็นึกถึงเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นตอนที่ผมโดนขอคบ

แล้วก็ดันเขินขึ้นมาเฉยๆ เขินจนต้องรีบวิ่งขึ้นห้องมาทันที ผมทรุดตัวลงนั่งที่เตียงทันทีที่ถึงห้อง

ยกมือลูบเบาๆไปตามริมฝีปาก สัมผัสอ่อนหวานยังคงติดอยู่ราวกับพึ่งจะเกิดขึ้นไม่กี่วินาที

ผมกับพี่คลินคบกันแล้ว คบกันแล้ว คบกันแล้วอ่ะ><

“ใจเย็นๆนะ อย่าเต้นแรงสิ” ยิ่งนึกถึงว่าคบกันแล้วหัวใจของผมยิ่งเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

จนต้องรีบเปิดโน้ตบุ๊คเพื่อไปเม้าท์มอยกับเพื่อนในกลุ่ม ซึ่งโชคดีที่พวกมันออนกันครบทุกคน ผมเลยทักไปที่แชทกลุ่ม

พอทุกคนตอบกลับมาผมก็เลยบอกเรื่องที่คบกับพี่คลิน ข้อความตอบกลับเด้งขึ้นมาราวกับมันเป็นอัตโนมัติเลยครับ

‘กรี๊ดดดดดดดดด วันนี้มึงยังเหี่ยวเหมือนหน้าหมาปั๊กอยู่เลย เกิดอะไรขึ้นยะ!!’ ของไอ้เพ้นท์

‘พี่กูนี่ก็ไวเนาะ เพื่อนกูก็เหมือนกัน’ ไอ้มิว

‘ดีใจด้วยนะแอล’ ไอ้ตรี

‘คุยกันอะไรยังไงบอกมา เขาโทรหา มาหาหรือยังไง!!’

‘เออ เล่ามาเลยๆ’

‘เราก็อยากรู้’

‘ตอบเร็วๆ’

ดูแต่ละคนที่ถามทำเอาผมอยากโทรหาซะเดี๋ยวนี้ แต่เพราะรู้ว่าใครอีกคนจะโทรมา

เลยเลือกที่จะติดต่อเพื่อนทั้งสามคนของผมโดยวิธีนี้ ดีนะที่แม่ส่งผมเรียนการพิมพ์มาตั้งแต่เด็ก

ไม่งั้นนี่ตอบคำถามไม่ทันเลยครับ== คุยกันซักพักเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆโน้ตบุ๊คผมก็ดังขึ้น

แน่นอนว่าผมรีบหยิบขึ้นมาทันที เอาโทรศัพท์หนีบกับไหล่แล้วก็บอกลาเพื่อนๆ หลังจากเรียบร้อยก็ออฟไลน์ทันที

“ถึงแล้วเหรอ” เดินมาคุยกับปลายสายที่เตียง

(อืม เดี๋ยวก็ว่าจะออกไปดูงานที่ผับหน่อย) ผมขมวดคิ้วทันที ออกไปทำงานอีกแล้วเหรอ พรุ่งนี้ก็ต้องมารับผมแต่เช้าอีก

ผมเป็นห่วง กลัวเขาจะเหนื่อย
“งั้นพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมารับแอลหรอก เดี๋ยวแอลไปเรียนเอง” ผมไปเองได้เป็นปกติ อยากให้พี่คลินพักผ่อนมากกว่า

(เดี๋ยวไปรับ ออกไปดูงานแป๊บเดียว ตรวจความเรียบร้อยเฉยๆ) เขาก็ยังยืนยันอย่างนั้นอยู่ดี

“แต่แอลอยากให้พี่คลินได้พักบ้างนี่นา” ผมบอกออกไปอย่างที่คิด

(ก็ได้นอนแล้วไง ไม่เป็นไร ออกไปดูความเรียบร้อยแป๊บเดียวจริงๆ)


“แป๊บเดียวนะ?”

(ครับ) พูดเพราะเอาใจผมด้วย

(พี่จะไปอาบน้ำแล้วออกไปแล้ว รีบนอนซะ ฝันดี)

“อื้อ กลับมาถึงห้องแล้วข้อความมาหาแอลหน่อยนะ จะได้รู้ว่ากลับตอนไหน” ถึงตอนนั้นผมจะหลับไปแล้ว

แต่พอตื่นมาก็จะได้รู้ว่าเขากลับมานอนตอนไหน


(ครับ)

“บ๊ายบาย” พอวางสายเสร็จผมก็ปิดไฟนอนทันทีเพราะเริ่มง่วงแล้วเหมือนกัน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก

                                 *******************************************

แน่นอนว่าพอเช้ามาโต๊ะอาหารก็มีสมาชิกเพิ่มมาอีกหนึ่งคน แม้ว่าคนที่มาเพิ่มจะขอแค่กาแฟแก้วเดียวก็เถอะ แม่ผมน่ะสิ

พอรู้ว่าพี่คลินจะมาก็ตื่นเต้นซะยิ่งกว่าผมอีก เขามาก่อนแปดโมงอีกครับ ผมยังไม่ทันได้ทานข้าว

แต่คนที่มาแต่เช้าบอกว่าทานมาแล้วเลยขอแค่กาแฟมานั่งทานรอผมไปพลางๆเท่านั้น เมื่อคืนเขากลับถึงเที่ยงคืนกว่าๆแหนะ 

ยังมารับผมแต่เช้าได้อีกนะ พอผมทานข้าวเสร็จก็ออกมาทันที พ่อกับแม่ก็ไปทำงานของเขาเหมือนกันครับ

“วันนี้ต้องไปดูห้างไหมอ่ะ” ผมถามหลังจากที่ขึ้นรถมาแล้ว

“หืม ไม่หรอก งานที่ห้างค่อนข้างทรงตัวแล้วเหลือแต่ดำเนินการ ช่วงนี้ก็ดูผับอย่างเดียวไปก่อน เรื่องห้างคงอีกซักพัก”

พี่คลินตอบพร้อมกับหันมามองหน้าผมนิดหน่อยแล้วก็กลับไปมองทางเหมือนเดิม

“แล้ววันนี้เลิกกี่โมง” เขาถามกลับมา

“เที่ยง วันนี้เลิกไว” คิดแล้วก็อารมณ์ดีครับ ช่วงบ่ายอาจารย์ยกเลิกคลาส สบายยยยยย

“เดี๋ยวพี่มารับ”

“ตอนเที่ยงพี่คลินว่างเหรอ” ผมถามอย่างแปลกใจ กลัวเขาไม่ว่าง

“อืม ก็ว่างไปจนถึงเย็น วันนี้เข้าไปดูผับอย่างเดียว”

“งั้นก็ได้ ไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันเนาะ” ผมยิมให้กับคนที่มองมา ก่อนจะเห็นมุมปากของคนอายุมากกว่ายกขึ้นน้อยๆ

“อืม”

ถึงวันนี้ต้องตื่นเช้าแต่ก็เป็นเช้าที่ดีมากๆสำหรับผม อาจจะเพราะคนที่มารับด้วยล่ะมั้ง^^ พี่คลินบอกว่าจะโทรหาอีกที

ก่อนที่ผมจะลงจากรถมา ผมเดินมาที่โต๊ะประจำหน้าคณะอย่างเคย เหลือแต่หญิงมิวคนเดียวครับที่ยังไม่มา

“หน้าบานมาเชียวนะ” เสียงไอ้เพ้นท์ทักขึ้นทันทีที่มาถึงโต๊ะ

“ก็นิดนึงแหละ” ตอบกวนมันครับ

“อิจฉาจริงจริ๊ง เมื่อไหร่กูจะได้จะโดนแบบมึงบ้าง”

“มีแต่มึงไม่เอามากกว่าเพ้นท์” มันมีคนมาจีบเยอะนะครับ แต่มันเลือกเยอะ นู้นนี่นั่นอยู่เลยยังไม่ได้ซะที

“กูอยากได้แบบพี่คลินซักคนนี่หว่า คนอะไร ดูดี ประวัติสวย หุ่นนี่ไม่ต้องพูดถึง งานการก็มั่นคง การศึกษาเยี่ยม กูขอได้ป๊ะ”

ดูเพื่อนผม แฟนนะครับ ดันมาขอกันง่ายๆซะงั้น

“ฝันต่อไปเถอะมึง ไม่ให้โว้ย”

“แต่เราว่าพี่ทิมเขาก็ดีนะเพ้นท์” ประโยคของไอ้ตรีทำเอาไอ้เพ้นท์เงียบเลยครับ พี่ทิมเป็นคนที่ตามจีบมันอยู่

ซึ่งพี่เขาก็ใช้ได้นะครับ เรียนอยู่ปี4 ทันตะ

“โอ๊ย วันๆเอาแต่เรียน บอกมาจีบ สนใจกันซะที่ไหน” อ้าว พูดแบบนี้ เหมือนเพื่อนผมอยากให้เขาสนใจเลยครับ

“แสดงว่ามึงอยากให้เขาสนใจ?” ผมลองถามมันออกไป

“เออ! บอกมาจีบกู แต่ช่วยสนใจกูมากกว่านี้บ้างได้ไหม ห่า...มีแต่เรียน ไม่ขอกูเป็นแฟนซะที กูก็รออยู่เนี้ย” โอ้โห

อารมณ์มาเต็มเลยครับทีนี้ คู่นี้ก็คุยกันมาได้ซักพักแล้วครับ คนนี้ดูจะมาได้ไกลกว่าทุกคนเลย

ปกติถ้าเพ้นท์มันไม่ชอบนี่ไล่ตะเพิดก็มี ก็เห็นพี่ทิมนี่แหละที่มันยอมให้เข้าใกล้ขนาดนี้

“เอาน่า เดี๋ยวเขาก็พูดๆ” ผมปลอบมัน

“ใช่ๆ เราคิดเหมือนแอล พี่เขาคงกลัวเพ้นท์ยังไม่พร้อมไง” ไอ้ตรีช่วยพูดอีกคน

“เออๆ ช่างมันเถอะ เดี๋ยวกูทนไม่ไหว กูก็ว่าขอมันเป็นแฟนเองซะเลย” ไม่แปลกครับ มันเป็นคนเปิดเผย

ถ้าเจอคนที่ใช่มันก็จะรีบคว้าไว้มันเคยบอก สงสัยจะเป็นคนนี้แหละ

“เยี่ยม” ผมพูดพร้อมยกนิ้วให้มัน นี่แหละตัวตนมันครับ เป็นตัวของตัวเองที่สุดอ่ะ ซักพักไอ้มิวก็ตามมัน มันบ่นจะตายห่า

หอบมาเชียวครับ บอกว่าตื่นสายรถดันติดอีก ไม่มีเวลาคุยกันแล้วครับ พวกเราทั้งสามคนเลยรีบขึ้นเรียนกันทันที





                          ----------------------------------------------------------------------------------



     เป็นแฟนกันแล้วค่าาาาาาาาา :katai2-1: :katai2-1: ก็พี่คลินเขาอยากให้มันชัดเจนไวๆนี่เนาะ ส่วนคุยอะไรกับพ่อแม่ของแอลก็ให้เป็นความลับต่อไป :mew3: :mew3: วันนี้นั่งพิมพ์ทั้งวันเลย(ใส่ชุดนอนตั้งแต่เมื่อคืนจนตอนนี้ยังไม่ได้อาบน้ำเลยจ้า ยังอยู่ชุดเดิม555555555) ไปแล้วค่ะ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆค่ะ ขอบคุณที่ทำให้คนแต่งมีกำลังใจในการแต่งพี่คลินกับน้องแอลต่อไป  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่8 13/05/2557 p.3 22:43 น.
เริ่มหัวข้อโดย: mtd ที่ 13-05-2014 23:05:27
เขาเป็นแฟนกันล้าววววว :hao5:
รักกันหวานชื่นเชียว  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่8 13/05/2557 p.3 22:43 น.
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 13-05-2014 23:10:28
 :-[ :impress2: มุ้งมิ้งเชียวว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่8 13/05/2557 p.3 22:43 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-05-2014 23:48:47
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่8 13/05/2557 p.3 22:43 น.
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 14-05-2014 01:54:02
พี่คลินน่ารักอะะ ขอแบบนี้ซักคนได้ไหม :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่8 13/05/2557 p.3 22:43 น.
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 14-05-2014 05:41:39
พี่คลินน่ารักสุดๆอ่ะ แล้วบ้านพี่คลินโอเครึเปล่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่8 13/05/2557 p.3 22:43 น.
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 14-05-2014 08:19:01
พี่คลินน่ารักมากกกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่8 13/05/2557 p.3 22:43 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 14-05-2014 11:29:41
อิอิ
มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่8 13/05/2557 p.3 22:43 น.
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 14-05-2014 21:17:22
คบกันแล้ววววว  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ชี้แจง(อีกแล้ว) 15/05/2557 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: THE KOP ที่ 15-05-2014 03:08:55
                                       ****ชี้แจง(อีกแล้ว)

คนแต่งอาจจะหายไปซักสามสี่วันนะคะ มีเรื่องไม่สบายใจ...ป่วยค่ะ ยังไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไร(เป็นที่หู)

แล้วก็อยู่บ้านคนเดียวไม่มีใครพาไปหาหมอ โทรศัพท์ก็ดันพังติดต่อคนข้างนอกไม่ได้เลย(ฮือ ดันมาพังวันที่เกิดเรื่องอีกนะTT)

อีกสองสามวันพ่อกับแม่ถึงจะกลับแล้วก็คงจะได้ไปหาหมอ มันเลยทำให้ไม่มีสมาธิในการแต่งอ่ะค่ะ คิดอะไรไม่ออกเลย

รอหน่อยนะคะ
:monkeysad:  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ชี้แจง(อีกแล้ว) 15/05/2557 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: mtd ที่ 15-05-2014 07:03:43
หายไวไวนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ชี้แจง(อีกแล้ว) 15/05/2557 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 15-05-2014 08:26:43
หายไวๆนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่9 18/05/2557 p.3 20:02 น.
เริ่มหัวข้อโดย: THE KOP ที่ 18-05-2014 19:58:11
                                                                    ตอนที่ 9

ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาต้องบอกว่าผมมีสารถีรูปหล่อคอยมารับมาส่งทุกวันเลยครับ จนแม่ยังแซวว่าให้เอารถไปขาย

เพราะไม่ได้ใช้แล้ว ฮ่าๆๆๆๆ ความสัมพันธ์ของผมกับพี่คลินก็พัฒนาขึ้นอีกขั้น อาจจะเพราะด้วยความที่มีเวลาใกล้ชิดกันมากขึ้น

ก็เลยทำให้เราได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ซึ่งวันนี้ก็เป็นปกติที่พี่คลินมารับหลังเลิกเรียน เมื่อเช้าเขาก็มาส่ง ทุกวันแหละครับ

ยกเว้นว่าเขาจะไม่ว่างจริงๆ เพื่อนผมแซวจนเลิกแซวกันไปแล้ว

“เหนื่อย” พอขึ้นรถมาได้ผมก็บอกออกไป หลับตาลงอย่างอ่อนแรง เหนื่อยมากๆครับ วันนี้เรียนหนักมาก

มากจนพอเลิกคลาสผมแทบจะคลานออกจากห้องเลย เรียนตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ห้าโมงเย็นอ่ะ

“เหนื่อยก็นอน” คนที่ยังไม่ออกรถเอื้อมมือมาคาดเข็มขัดให้เพราะผมไม่ได้สนใจมันซักนิด

พร้อมกับปรับเบาะให้เอนไปจนสุดเพื่อให้ผมนอนได้สบายมากขึ้น หยิบหมอนที่อยู่หลังรถมาซ้อนคอให้ด้วย

สัมผัสที่ลูบแผ่วๆไปตามแก้มและหัวเป็นยากล่อมชั้นดีที่ทำให้ผมหลับลงอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่คลินจะพาไปไหน

กว่าจะตื่นบรรยากาศโดยรอบก็มืดซะแล้ว การตกแต่งห้องก็ไม่คุ้นเคย ปรับสายตาให้ชินกับความมืดสักครู่

ถึงรู้ว่าที่นี่คือคอนโดพี่คลินนั่นเอง ผมเลิกผ้าห่มออกจากตัวแล้วเปิดประตูห้องออกไป

เดินตามเสียงโทรทัศน์จนมาเห็นร่างสูงที่กำลังดูข่าวเศรษฐกิจอยู่ ผมเดินไปนั่งข้างๆแล้วก็พิงไหล่คนตัวสูงทันที

รู้สึกยังไม่หายง่วงเท่าไหร่เลย

“หิวไหม?” ผมพิงแล้วก็หลับตาอยู่อย่างนั้น คนที่นั่งอยู่ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้ผมได้พิงอย่างสบายตัวมากขึ้น

“หิวแต่ก็ง่วงด้วย”

“ไปอาบน้ำให้สดชื่นก่อนแล้วก็มากินข้าว ค่อยไปนอนนะ” น้ำเสียงพี่คลินดูจะอ่อนโยนกว่าครั้งไหน

ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจข่าวแล้วด้วย

“ขี้เกียจจังงงงงงงงงง” ผมซุกหน้ากับไหล่แข็งแรงนั่นมากขึ้นไปอีกอย่างออดอ้อน ขี้เกียจจริงๆครับ

“ไปอาบน้ำก่อนไป แป๊บเดียว เดี๋ยวพี่ไปอุ่นอาหารให้” ร่างสูงดันหน้าผมขึ้นแล้วลูบหัวเบาๆ

สายตาที่มองมาก็ดูอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง อาจจะเพราะว่าเขาเห็นว่าผมหนื่อยมากๆด้วย

“พี่เตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้ว อยู่ในห้องน้ำ วันนี้ค้างที่นี่ พี่โทรบอกคนที่บ้านแอลแล้ว พรุ่งนี้วันเสาร์พอดีด้วย”

ผมพยักหน้าอย่างไม่มีแรงก่อนจะรีบลุกขึ้นเดินไปที่ห้องน้ำในห้องนอนพี่คลิน แล้วก็เห็นทุกอย่างวางไว้ที่อ่างล้างหน้า

มีทุกอย่างจริงๆครับ เป็นของใหม่ที่ยังไม่ได้แกะป้ายหมดเลย ชุดนอนพอดีตัวเป็นชุดเสื้อแขนสั้นกางเกงขายาว แปรงสีฟัน

ชั้นใน ผ้าเช็ดตัว ผมรีบคว้าผ้าเช็ดตัวไปที่ฝักบัวทันที อยากรีบอาบรีบเสร็จ จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมได้มาค้างที่นี่

ถ้าเป็นเวลาอื่นคงตื่นเต้นมากๆ แต่ตอนนี้ที่ความเหนื่อยและง่วงมีมากกว่า มันเลยไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่

ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวเร็วมาก เร็วที่สุดของผมเลยครับ เสร็จแล้วเดินมาหาคนตัวสูงที่ห้องครัว

“เสร็จแล้วเหรอ พี่ตั้งโต๊ะเสร็จพอดี” ผมทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ทันที ก็เป็นอาหารไทยง่ายทั่วๆไป

เขาคงจะไปซื้อมาจากแถวๆนี้แหละครับ พี่คลินเขาชอบกินอาหารไทย พวกอาหารญี่ปุ่น อิตาเลียน ไม่ใช่แนวเขาหรอก

เขาก็กินแค่อาหารไทยนี่แหละ คงจะมีนานๆทีที่กินอาหารต่างชาติ เห็นบอกว่าเลี่ยนแล้วก็ไม่มีประโยชน์เท่าอาหารไทย

“แล้ววันนี้พี่คลินไม่ต้องออกไปดูผับเหรอ” ผมถามคนที่นั่งลงตรงข้ามกันหลังจากที่เขาตักข้าวให้ทั้งผมและตัวเองเสร็จ

“ไม่หรอก พี่เคลียร์งานทุกอย่างแล้ว วันนี้เลยไม่ต้องเข้าไปก็ได้” ผมพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะลงมือทานข้าวทั้งๆที่ตาจะปิด

พอทานข้าวเสร็จกำลังจะเก็บ แต่คนตัวสูงบอกว่าจะเก็บเอง ผมจะทำยังไงก็ไม่ยอม ไล่ให้ผมไปนอนท่าเดียว

แถมยังทำตาดุใส่อีกต่างหาก ผมก็เลยจำใจเดินเข้าไปห้องนอนที่อยู่ชั้นสองทั้งที่เกรงใจเจ้าของห้องจะตาย

วันนี้เขาดูแลผมมาทั้งวัน ไม่ยอมให้ผมทำหยิบจับอะไรเลย ผมก็ได้แต่คิดเท่านั้นแหละครับแต่ทำอะไรไม่ได้

เลยเข้ามาแปรงฟันล้างเท้า พอเสร็จแล้วออกมานอน ตัวถึงเตียงหัวถึงหมอนผมก็หลับลงอย่างรวดเร็ว

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่คลินเข้ามาตอนไหน



   ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าคนข้างตัวยังไม่ตื่นหรอกครับ เราไม่ได้นอนกอดกันเหมือนละครหวานแหววอะไรพวกนั้น

ผ้าห่มก็ห่มคนละผืน แต่เนื่องจากว่าบังเอิญเรานอนหันหน้าเข้าหากัน ผมเลยได้มีโอกาสเห็นใบหน้าตอนหลับของพี่คลิน

ดูไม่มีพิษมีภัยดีครับ ผมไล้มือไปตามโครงหน้าได้รูปของเขา หมั่นไส้อ่ะ คนอะไรดูดีชะมัด ขนาดตอนนอนนะเนี้ย

แต่ก็เอาเถอะครับ ปล่อยเขาไปพ่อแม่สร้างมาดีมากก็เงี้ย ผมตัดสินใจลุกจากที่นอน ปล่อยให้คนตัวสูงนอนต่อไป

ตอนนี้พึ่งจะ7โมงเช้าเท่านั้นเอง ผมไม่รู้ด้วยว่าเมื่อคืนเขาเข้ามานอนกี่โมง แปรงฟันล้างหน้าเรียบร้อย

ก็เดินลงมาห้องครัวแล้วเปิดตู้เย็น ผมพอจะทำข้าวต้มได้เลยลองทำดูเห็นว่ามีเนื้อหมูแล้วก็ผักอยู่พอดี

ใช้เวลาพอสมควรในการทำก็เสร็จเรียบร้อย รสชาติก็น่าจะพอใช้ได้ล่ะมั้งครับ ผมก็ไม่ได้ถนัดการทำกับข้าวมาก

แค่พอทำกินได้เป็นบางอย่าง

“ทำอะไร” ร่างสูงที่เดินเข้ามาในห้องครัว หัวยุ่งนิดๆจากการที่เพิ่งตื่นนอน หน้าตาเขาดูตลกดี มึนๆอึนๆ

“อ๋อ แอลทำข้าวต้มไว้น่ะ เห็นว่าพอมีเครื่อง”

“ทำเป็นด้วย?” ดูเขาจะแปลกใจนิดๆ ก่อนจะเดินเข้ามาดูหม้อแล้วก็พยักหน้าน้อยๆ

“พี่คลินจะทานก่อนไหมหรืออาบน้ำก่อน”

“อาบน้ำก่อนดีกว่า แอลไปอาบก่อนพี่เถอะ เดี๋ยวพี่อาบห้องข้างล่างก็ได้ เสื้อผ้าวางอยู่ที่เดิมแหละ พี่เตรียมชุดไว้ให้แล้ว

ชุดเก่าเอาไปให้แม่บ้านซักอยู่”

“โอเค” ผมกำลังจะเดินออกจากห้องครัว แต่แล้วก็นึกอะไรบางอย่างออก เลยหันกลับไปหาคนที่กำลังเดินตามมาข้างหลัง

จุ๊บ~

“มอร์นิ่งครับพี่คลิน” เขย่งตัวไปหอมแก้มพี่คลิน หลังจากนั้นก็ใส่เกียร์หมาวิ่งขึ้นไปห้องอย่างรวดเร็ว เขินอ่ะ>///////<

หัวใจเต้นตึกๆเลย ผมอยากทำก็เลยทำออกไปก็เท่านั้นเอง อาบน้ำไปทั้งๆที่หน้าแดงและก็รับรู้ว่า

ตัวเองยิ้มอยู่ตลอดเวลาเลยครับ พอเสร็จแล้วก็ค่อยๆย่องลงมาข้างล่างแต่ก็ไม่เห็นคนหน้านิ่งเลย ผมก็เลยมาที่ห้องครัว

ซึ่งก็อยู่จริงๆ ปั้นหน้าตัวเองซักหน่อยก่อนเดินเข้าไปหาคนที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน

“มาพอดี พี่กำลังจะไปตาม” ร่างสูงหันมาด้วยท่าทีปกติ อะไรอ่าาาาา ไม่รู้สึกอะไรที่ผมทำเมื่อกี๋เลยเหรอ

ผมก็เลยเชิดใส่เขาอย่างงอนๆ นั่งลงเก้าอี้ที่ตรงหน้ามีถ้วยข้าวต้มวางไว้อยู่แล้ว พี่คลินจัดการอีกเหมือนเคย

“พี่พึ่งรู้ว่าแอลทำอาหารเป็น” คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าพูดขึ้น

“ก็พอทำได้ไม่กี่อย่าง ข้าวต้มแอลก็พอทำได้ แต่ไม่ได้ถนัดอะไรหรอก” ผมตอบแล้วก็ลงมือทาน

เห็นพี่คลินตักข้าวต้มเข้าปากไปแล้ว เขาก็กินไปเรื่อยๆปกติ

“เป็นไงบ้าง ใช้ได้ไหม?” ผมอดถามออกไปไม่ได้ กลัวเขาไม่ชอบ

“อืม ก็ใช้ได้” แล้วเขาก็นั่งกินไปเรื่อยๆ แค่นี้ก็โอเคแล้วครับ ผมก็นั่งกินของผมไปเรื่อยๆจนหมด

ซึ่งพี่คลินทานหมดไปก่อนซักพักแล้ว

“เดี๋ยวแอลเก็บเองนะ” ผมบอกดักเขาไว้ก่อนเลยครับ

“หืม เอาสิ งั้นพี่ไปดูเอกสารงานแป๊บนึง”

“อ่าฮะ” ผมก้มลงเก็บถ้วยซ้อนกันว่าจะเอาไปไว้อ่าล้างจานแต่พี่คลินก็เรียกไว้ก่อน

จนผมต้องวางถ้วยลงเมื่อคนตัวสูงเดินเข้ามาหา

จุ๊บ~

“พี่ลืมมอร์นิ้งคิสเมื่อเช้า” แล้วพี่คลินก็เดินออกไปจากห้องครัวให้ผมนิ่งอึ้งอยู่อย่างนั้น ยกมือขึ้นลูบริมฝีปากตัวเอง

สัมผัสแผ่วๆเกิดขึ้นทำให้หัวใจผมเต้นแรงอีกแล้ว

“พี่คลินบ้า มาทำแบบนี้ให้ใจเต้นแรงทำไมเล่า” ผมได้แต่บ่นให้คนที่เดินออกไปแล้วทิ้งให้ผมใจเต้นแรงอยู่คนเดียว

ยกถ้วยไปล้างทั้งๆที่หน้าร้อนๆแล้วก็ใจสั่นๆ กว่าจะสงบจิตใจได้ก็จนเก็บทุกอย่างเรียบร้อยนั่นแหละ

ผมเลยมานั่งดูโทรทัศน์รอคนที่บอกว่าขึ้นไปดูเอกสาร ยังไม่ได้คุยกันเลยว่าผมจะกลับตอนไหน แต่ผมอยู่ถึงเย็นก็ได้นะ

ผมว่างมากกกกก

“แอล”

“หืม” ผมนอนเอกเขนกอยู่ที่โซฟาตัวยาว ขานรับเมื่อได้ยินเสียงคนที่เพิ่งเดินลงมาเรียก

“จะกลับตอนไหน” ผมลุกขึ้นนั่งเพื่อให้พี่คลินนั่งลงข้างๆด้วย

“ตอนเย็นได้ไหม วันนี้พี่คลินว่างรึเปล่า” ผมก็อยากอยู่กับเขานานๆนี่นา

“ได้ ตามใจ แล้วจะอยู่แบบนี้เหรอ ไม่เบื่อ?”

“อืม ออกไปซื้อของได้ป๊ะ อยากได้เสื้อผ้าใหม่” เมื่อเห็นเขาถามผมก็นึกได้ว่าอยากช็อปปิ้ง ไม่ได้ซื้อของนานละ

“อืม พอดีเลย พี่ว่าจะไปซื้อของเข้าห้อง”

“โอเค งั้นไปตอนไหนดี”

“เที่ยงแล้วกัน ออกไปทานข้าวข้างนอกด้วย”

“โอเค” แล้วเราก็นั่งดูโทรทัศน์ไปเรื่อยๆครับ ไม่มีไรทำ อีกสองชั่วโมงกว่าๆแหนะ ดูเป็นหนังแอคชั่นฝรั่งครับ

เห็นว่าน่าสนใจเลยหยุดดู พี่คลินเองก็ดูกับผมด้วยเหมือนกัน


                                                      ********************************

“พี่คลินๆ ตัวไหนสวยกว่า”

“สีขาว” ผมยืนเพ่งตัวที่พี่คลินบอกว่าสวยซักพักแล้วก็เห็นด้วยตามเขา เพราะดูดีเทลมันสวยกว่าจริงๆ

ตั้งแต่มาถึงห้าง(ของพี่คลิน)ผมก็เข้าออกร้านนู้นร้านนี้เป็นว่าเล่น ซื้อเสื้อผ้าได้หลายชุดแล้ว

“1,569 บาทค่ะ”

ผมกำลังจะล้วงบัตรให้แต่ใครอีกคนก็เร็วกว่าที่จะยื่นบัตรให้พนักงานก่อน

“พี่คลิน ไม่เอานะ เอาบัตรแอลสิ” ตั้งแต่มานี่ผมยังไม่ได้ใช้เงินตัวเองเลยนะครับ เขาออกให้ตลอดซึ่งผมเกรงใจมากๆ เ

ถียงกันมาหลายร้านแล้วแต่ผมไม่เคยชนะเขาเลย นี่เขาหมดเป็นหมื่นๆแล้วอ่ะ

“เอาบัตรผมนั่นแหละ”

“ค่ะคุณคลิน” แน่นอนว่าเป็นคำสั่งเจ้านาย พนักงานก็ต้องเลือกบัตรเขาอยู่แล้ว

“พี่คลิน ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย” ผมหันไปเคลียร์กับเขาหลังจากที่พนักงานเอาเสื้อไปจัดการคิดเงิน

ผมไม่โอเคกับการที่เขาต้องออกค่าอะไรก็ตามให้ผม ไม่ใช่ว่าผมรวยอะไร แต่ผมเกรงใจเขามากๆ

ยิ่งเห็นว่าเขาทำงานหนักขนาดไหนมันยิ่งทำให้ผมเกรงใจเขามากขึ้น ‘คนรักกัน’ควรยุติธรรมซึ่งกันและกัน

ไม่เอาเปรียบฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนี่นา

“พี่คลินออกค่าอะไรต่อมิอะไรให้แอลตั้งเยอะแล้วอ่ะ” ผมบอกเขาไปอีก

“พี่ซื้อให้” คนตรงหน้ากล่าวออกมาเรียบๆ

“ไม่เอา แอลไม่เอาแบบนี้ ถ้าพี่จ่ายเราก็ต้องจ่ายเท่ากัน”

“แอลเลี้ยงข้าวพี่แล้วกัน”

“นั่นยังไม่ถึงครึ่งที่พี่จ่ายให้แอลเลย ถ้ารู้ว่ามาซื้อของกับพี่แล้วเป็นแบบนี้นะ คราวหลังไม่มาด้วยแล้ว” ผมเกรงใจเขานี่นา

ไม่ใช่ว่าเขาทำงานมีเงินแล้วต้องออกให้ผมตลอด เล็กๆน้อยมันก็โออ่ะ อันนี้เขาเล่นจะออกให้ทุกอย่าง สำหรับผมมันไม่โอเค

“งั้น เอาไว้คราวหน้าแอลมาซื้อเสื้อผ้าให้พี่แล้วกัน” พี่คลินดูจะยิ้มน้อยๆ

“อืม ก็ได้ ดีเหมือนกัน” ผมชอบนะกับการที่จะเห็นเขาใส่เสื้อผ้าที่ผมเป็นคนเลือก คิดแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว

“ได้แล้วค่ะ” พนักงานเดินมาพร้อมกับส่งถุงเสื้อผ้าให้ผม แล้วก็ส่งใบเสร็จให้พี่คลินเซ็นต์ ตอนนี้ก็เที่ยงเกือบบ่ายแล้วเลยตรงไป

ที่ร้านอาหารทันที เพราะขืนผมเดินซื้อของต่อพี่คลินก็คงจะจ่ายให้อีกผมเลยคิดว่าค่อยมากับเพื่อนผมอีกทีดีกว่า

มาร้านที่เป็นร้านอาหารนานาชาติครับ มีอาหารทุกประเภทซึ่งแน่นอนว่าพี่คลินก็ยังเลือกกินอาหารไทยเหมือนเดิม

ผมเลือกกินเป็นสเต๊กครับ คนละขั้วกับเขามากอ่ะ

“พี่คลิน แอลว่าช่วงนี้จะย้ายมาอยู่คอนโดดีกว่า พ่อกับแม่จะไปดูงานอีกแล้วแต่คราวนี้ไปเป็นเดือนแหนะ”

คอนโดผมมันใกล้มหาลัยมากกว่าอ่ะครับ ไม่อยากอยู่คนเดียวที่บ้านเลยกะว่าจะมาอยู่คอนโดลากพวกเพื่อนๆผมมาอยู่ด้วยดีกว่า

“อยู่บ้านก็ดีแล้ว” พี่คลินเงยหน้าจากการทานข้าวมาคุยกับผม

“ไม่อยากอยู่คนเดียวนี่นา เดี๋ยวเรียกพวกไอ้มิว ไอ้เพ้นท์ ไอ้ตรีมาอยู่ด้วย”

“อยู่บ้านก็มีป้าสา มีคนงานตั้งเยอะ ทำไมต้องมาอยู่คอนโด อันตราย” เขาดูจริงจังกับเรื่องนี้มาก

“หืม อันตรายตรงไหน ไม่หรอก” ผมแย้งเขาออกไป ผมว่ามันก็ไม่อันตรายนะครับ ความปลอดภัยของคอนโดก็เยี่ยม

ที่ที่ผมอยู่ก็ไม่ได้เปลี่ยวอะไรด้วย

“งั้นก็มาอยู่กับพี่”

“ห๊ะ?” เพราะเขาพูดออกมาแบบเฉยๆเรียบๆผมก็เลยสงสัยนิดหน่อยว่าเขาพูดจริงหรือเปล่า

“งั้นก็มาอยู่ที่คอนโดพี่ เพื่อนแอลจะได้ไม่ลำบากย้ายของมาอยู่ด้วย คอนโดพี่ก็ไม่ได้ไกลจากมหาลัยแอลมากด้วย”

คอนโดพี่คลินก็ไม่ได้ใกล้กับมหาลัยมากหรอกครับ แต่ก็ใกล้กว่าที่บ้านผม

“อืม...ก็ได้ อยากให้แอลไปอยู่ด้วยล่ะสิ ใช่ไหมๆ” ผมถามอย่างหยอกเขาหน่อยๆ

“เปล่า หลงตัวเอง”

“โหว พี่คลินอ่ะ โกหกบ้างก็ได้” ผมบ่นให้เขา เขาส่ายหน้าน้อยๆแล้วก็ดุว่าให้ทานข้าวต่อได้แล้วผมเลยทานข้าวของผมต่อ

เดี๋ยวต้องกลับบ้านไปบอกแม่กับพ่อซะแล้วว่าระหว่างที่ท่านไม่อยู่ผมจะไปค้างกับพี่คลิน อิอิ

ผมไม่ได้ใจง่ายเกินไปหรอกใช่ไหม แค่คิดว่าผมจะเจอกับเขาทุกวัน กินข้าวด้วยกันทุกวัน หัวใจก็พองโตขึ้นมาแล้ว

“พี่คลิน ทำไมไม่ใช่ซอสยี่ห้อนี้หล่ะ” มาเลือกของใช้เข้าห้องกันครับ ตอนนี้อยู่โซนพวกซอส

“ตัวนั้นมันไม่เหมาะกับการปรุงรส เหมาะกับการจิ้มกับอย่างอื่นมากกว่า” โหว ซอสนี่มีประเภทแบบนี้ด้วย ผมไม่เคยรู้เลย

เห็นที่บ้านใช้ยี่ห้อนี้มันก็อร่อยดีนะครับแต่ส่วนมากจะเห็นวางอยู่บนโต๊ะอาหาร ผมไม่ค่อยเข้าครัวด้วยแหละ

เลยไม่รู้ว่าเขาใช้มันปรุงอาหารด้วยไหม ผมมองดูคนตัวสูงมาเลือกของเข้าห้องโดยที่ได้แต่มองครับ

เพราะไม่มีความรู้ด้านนี้ซักเท่าไหร่ พอถามว่าทำไมถึงรู้เรื่องของใช้พวกนี้ดี เขาบอกว่าชอบทำอาหารกินเอง

ชอบอะไรก็ใส่ได้ตามใจอยากกินแบบไหนก็ได้มันสะดวกกว่า ผมก็ได้แต่เออออแล้วเข็นรถให้เขาได้เลือกของอย่างเดียว

ซื้อเสร็จนี่ก็เต็มรถเลยครับ กว่าจะขนมาได้ก็เหนื่อยเล็กน้อยครับ ก็คนที่ขนมันเขานี่นา ผมก็ถือแค่เล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง

“ฮ๊า ร้อนๆๆๆ” พอเข้ามานั่งในรถปุ๊บผมก็ถลาใส่แอร์รถทันที อากาศที่บ้านเรานี่สุดๆจริงๆ

“เดี๋ยวก็ปวดหัว อากาศร้อนมากๆแล้วเข้ามาหันแอร์ใส่หน้าตัวเองแบบนี้” ร่างสูงบ่นให้ผมเล็กน้อยแล้วก็เอาทิชชู่มาซับเหงื่อ

ตามไรผม การกระทำที่ทำให้ผมรู้สึกอุ่นๆไปทั้งใจ

“ก็แอลร้อนนี่นา”

“แต่หันแอร์ใส่ตัวเองแบบนี้เดี๋ยวไม่สบาย”

“คร้าบบบบบบ โอเคๆ งั้นหันออกก็ได้” ผมเลยกันแอร์ออกจากหน้าแต่ก็ยังถูกตัวอยู่ดี เดี๋ยวคนตรงหน้าจะบ่นไม่หยุด

เขาเอาทิชชู่ทิ้งขยะเล็กๆที่หลังรถแล้ว ผมหันไปเห็นเหงื่อเล็กๆของเขาเหมือนกันเลยดึงทิชชู่มาเช็ดหน้าให้

ร่างสูงดูชะงักไปเล็กน้อย

“เหงื่อออกแหนะ” ค่อยๆซับเหงื่อไปตามโครงหน้าของพี่คลิน

“อ๊ะ เสร็จแล้ว” ผมเอี้ยวตัวไปด้านหลังเพื่อทิ้งทิชชู่ พอหันหน้ากลับมาก็สะดุ้งเล็กน้อยเพราะสัมผัสจู่โจมเข้าที่ริมฝีปาก

โดยที่ผมไม่ได้ตั้งตัว พอตั้งสติได้ก็ตอบรับจูบนั้นกลับไปพร้อมกับหลับตาลงเพื่อซึมซับความรู้สึกนี้

สัมผัสที่กี่ครั้งหัวใจผมก็เต้นแรง แต่ก็งงๆหน่อยที่อยู่ดีๆพี่คลินก็จูบผมซะงั้น แต่ตอนนี้ไม่คิดอะไรแล้วครับ

สมองล่องลอยไปกับสัมผัสของคนตรงหน้า
 
จุ๊บ~

พี่คลินกดจูบลงมาหนักๆครั้งสุดท้ายกอดผละออกไป ผมรีบโกยอากาศเข้าปอดอย่างเร็ว

แล้วก็เขินจนต้องซบหน้ากับไหล่แข็งแรงของคนตรงหน้าพี่คลินกดจูบเบาที่หลังคออีกสองสามที ง่ะ เขินอ่ะ>////<

“อยากจูบเฉยๆ” ลมหายใจร้อนเป่ารดที่คอผม

“อืม ก็ไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย” ผมอุบอิบบอกไป ผมยังกอดเขาอยู่อย่างนั้นซักพักก่อนจะผละออก

คิดว่าหน้าตัวเองต้องแดงมากแน่ๆ พี่คลินมองหน้าผมก่อนจะเลื่อนมือมาลูบแก้มเบาๆ

“ออกรถได้แล้ว” ผมบอกไปพร้อมกับหลบสายตาคนตรงหน้า ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอก่อนที่พี่คลินจะผละออกไป

รถก็ค่อยๆเคลื่อนออกจากที่จอดรถ บนรถเราไม่ได้คุยอะไรกัน มีเพียงความเงียบและเสียงแอร์ทำงานเบาๆ

แต่ผมกลับอิ่มเอมใจกับความเงียบนั้น

“พี่คลิน ทำไรอ่ะ” พอเก็บของอะไรเรียบร้อยแล้ว พี่คลินก็ยังไม่ออกไปซะทีเห็นเขาหยิบหม้อเล็กๆออกมาด้วย

“ว่าจะทำวุ้นกะทิ ออกไปรอข้างนอกก่อนไป”

“หืม พอดีเลย แอลอยากกิน” ผมอยากกินพอดี ไม่ได้กินนานแล้วครับ

“งั้นก็ไปรอข้างนอกก่อน ทำแป๊บเดียว”

“มันทำง่ายเหรอ?” ผมถามออกไป ดูเขาพูดเหมือนมันจะใช้เวลาเพียงสั้นๆ

“อืม ไม่ยากหรอก แต่ต้องรอมันแข็งตัวแล้วก็ค่อยแช่ตู้เย็นให้มันเย็น” เห็นเขาเตรียมพวกอุปกรณ์ แม่พิมพ์อะไรออกมาด้วย

ผมเลยคิดว่าไม่กวนเขาแล้วดีกว่า

“งั้นแอลไปดูโทรทัศน์รอนะ”

เขาพยักหน้าแล้วก็ง่วนกับการเตรียมของของเขาไป ผมไม่อยากกวนหรอกครับให้เขาทำไปดีกว่า

เลยเดินออกมาดูโทรทัศน์รอ

“หูย อร่อยดีอ่ะ วันหลังสอนแอลทำอาหารง่ายๆบ้างดิ” ผมกินวุ้นที่พี่คลินเอามาให้ รสชาติกำลังดีเลยครับ

ไม่หวานจนเกินไป หอมกะทิด้วย อร่อยมากอ่ะ

“ถ้าอยากทำเดี๋ยวพี่สอน”

“ดีเลยๆๆ” ผมกินเยอะกว่าคนที่ทำซะอีก พอตอนจะกลับพี่คลินก็ยกกล่องวุ้นออกมาให้ บอกว่าให้เอาไปให้คนที่บ้านกิน

โอ๊ย...อะไรจะเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนขนาดนั้น พอเดินเข้ามาในบ้านก็เอากล่องขนมให้ป้าสา

“คุณคลินนี่เก่งนะคะ ทำขนมหวานได้ด้วย เด็กสมัยนี้น้อยคนนะคะที่จะทำอาหาร”

“นี่ป้าสาว่าแอลอยู่รึเปล่าอ่ะ”

“เปล่านะคะ ป้ายังไม่ได้ว่าอะไรคุณแอลเลย ไม่เอาละค่ะ...ป้าไม่คุยกับคุณแอลแล้ว ป้าไปตรวจความเรียบร้อยของบ้านดีกว่า”

แล้วป้าสาก็เดินไปตรวจความเรียบร้อยอย่างปกติ ผมก็เดินขึ้นห้องมาอาบน้ำ เสร็จแล้วว่าจะนอนอ่านหนังสือซะหน่อย

เพราะมีสอบย่อยวันพุธแต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นก่อน

“ฮัลโหล”

(พี่ถึงห้องแล้ว แอลทำอะไรอยู่?)

“แอลกำลังจะอ่านหนังสือ อาทิตย์หน้ามีสอบย่อยอ่ะ”

(อืม งั้นก็อ่านหนังสือต่อซะ พี่ก็จะอาบน้ำ เดี๋ยวก่อนออกไปดูผับพี่จะโทรหาอีกที)

“ครับ”

แค่นี้ล่ะครับ ผมแค่อยากรู้ว่าเขาถึงบ้านแล้วจริงๆเลยย้ำให้เขาโทรมาถ้าถึงห้องแล้วหลังจากที่มาส่งผม

พอวางสายก็ตั้งใจมาอ่านหนังสือของตัวเองต่อ จมอยู่กับการอ่านหนังสือ เล็กเชอร์ส่วนสำคัญ

ตรงไหนที่คิดว่าอาจารย์จะออกก็เน้นเอาไว้ จนได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกที ผมเลยวางหนังสือที่อ่านอยู่ลง

(พี่จะออกไปดูผับแล้วนะ)

“กลับมาแล้วข้อความมาบอกแอลด้วยนะ”

(ครับ)

พอวางสายเสร็จก็กลับมาอ่านหนังสือต่อจนไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปตอนไหน ดูนาฬิกาก็ตี1กว่าๆแล้วเลยวางหนังสือ

เดินเข้าไปแปรงฟันล้างเท้าเพื่อจะเข้านอน แล้วก็ส่งข้อความบอกคนที่ทำงานอยู่ว่าผมจะนอนแล้วถ้าเขาเสร็จงาน

ให้ข้อความมาบอกผม พร้อมกับบอกฝันดีล่วงหน้าเขาไปด้วย แล้วก็ได้รับข้อความตอบรับกลับมาว่าฝันดีเช่นกัน

ถ้าเสร็จงานเดี๋ยวเขาข้อความมาบอก พออ่านข้อความเสร็จผมจะปิดไฟอะไรให้เรียบร้อยแล้วก็เข้านอน




                                  ----------------------------------------------------------------------------

        มาแล้วค่าาาาาาา ไปหาหมอแล้วไม่เป็นไรมากค่ะ โล่งเลยยยยยยยยย(หมอบอกว่าเส้นเอ็นขากรรไกรอักเสบ) มาต่อแล้วเนาะ มีความคิดเห็นยังไงคอมเม้นต์มาได้เช่นเคยค่ะ จะบอกว่าช่วงสองสามวันที่ผ่านมานอกจากจะป่วยยังมีเรื่องให้คิดเพิ่มด้วยเนื่องจากคนแต่งเป็นแฟนคลับEXO ใครเป็นอซฟ.น่าจะรู้เนาะว่าเรื่องอะไร(ขอเม้านิดนึงเผื่อมีแฟนคลับEXO>>>เค้าอยากระบาย><) คนแต่งไม่โทษใครทั้งนั้นสำหรับเรื่องนี้ เสียใจไหม? บอกเลยว่ามากค่ะ อยากเห็นคนทั้ง12คนมีความสุข เห็นเขาทุกข์เรายิ่งทุกข์  ถ้าสิ่งที่เขาเลือกคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาเราก็พร้อมสนับสนุน ทุกคนมีเหตุผลเป็นของตัวเองเสมอ ถ้าเลือกได้ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น สำหรับคนแต่งแล้วยังไงก็จะรักผู้ชายทั้ง12คนนี้ตลอดไป จะสนับสนุนพวกเขาต่อไปแน่นอนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม...เพ้ออารายยยยยยยยยย~ ขอระบายนิดนึง มันอัดอั้นอ่ะ ใครรำคาญก็ขอโทษนะคะ :mew2: :mew2: ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์ ทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:

   
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่9 18/05/2557 p.3 20:02 น.
เริ่มหัวข้อโดย: mtd ที่ 18-05-2014 20:09:18
รักกันหวานแหวว :mew1:
น้องแอลจะไปอยู่กับพี่คลินซะด้วย  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่9 18/05/2557 p.3 20:02 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 18-05-2014 20:18:07
มุ้งมิ้ง อิอิ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่9 18/05/2557 p.3 20:02 น.
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 20-05-2014 09:31:34
จะไปอยู่ด้วยกันแล้ววววววววววว   :hao7:   พี่คลินดูแลน้องดีอ่ะ  น้องแอลก็น่ารักกกก 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่9 18/05/2557 p.3 20:02 น.
เริ่มหัวข้อโดย: THE KOP ที่ 25-05-2014 14:16:39
หายไปนานเลย แว๊บมาบอกช่าว...อาจจะหายไปซักพักเลยนะคะ(ประมาณ2-3อาทิตย์) ค่อนข้างยุ่ง แต่จะมาต่อให้จบแน่นอน ขอบคุณสำหรับคนที่เข้ามาอ่าน ที่เข้ามาคอมเม้นต์มากๆเลยค่ะ :pig4: :pig4: :pig4: แล้วเจอกันน๊าาาาาา~~~
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่9 18/05/2557 p.3 20:02 น.
เริ่มหัวข้อโดย: mtd ที่ 25-05-2014 20:44:10
รอจ้าาาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่10 5/06/2557 p.3 02:30 น.
เริ่มหัวข้อโดย: THE KOP ที่ 05-06-2014 02:24:51
                                                                      ตอนที่ 10

“พี่คลินนนนนน~” ผมขนกระเป๋าที่ลากมาจากบ้านเข้ามาในห้องสุดหรูของพี่คลิน ที่เข้ามาได้เพราะพี่คลินให้คีย์การ์ด

กับผมเอาไว้ หลังจากส่งพ่อกับแม่ที่สนามบินเสร็จผมก็ขนกระเป๋ามาที่นี่ทันที วันนี้เป็นวันที่ผมไม่มีเรียนพอดี

“ทำไรอ่ะ” ผมเดินตามหาเขาแล้วก็รู้สึกเหมือนได้กลิ่นอาหารเลยเดินเข้ามาดู แล้วก็เห็นเขาอยู่จริงๆด้วย

“ทำกับข้าว ทานอะไรมารึยัง” ถามผมทั้งๆที่ยังง่วนอยู่กับการทำอาหาร ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองผมเลยซักนิด

ตอนนี้จะบ่ายโมงแล้วครับ

“ยังเลย งั้นปล่อยเป็นหน้าที่ของพี่คลินดีกว่าเนอะ แอลเอากระเป๋าไปเก็บก่อน”

“อืม พี่เอาตู้เสื้อผ้ามาเพิ่มให้2ตู้ ถ้าไม่พอค่อยบอกอีกที” ก็ยังไม่สนใจผมเช่นเดิม

“อ่าฮะ ไปและ” ปล่อยเขาไปครับ เพื่อปากท้องเราต้องปล่อยเขาไป ส่วนผมก็เอาของของตัวเองมาเก็บ

เดินเข้ามาในห้องแต่งตัวที่อยู่ในห้องน้ำก็เห็นว่ามีตู้เพิ่มอีก2ตู้ ซึ่งมันขนาดค่อนข้างใหญ่มากเลยครับ

น่าจะจะเหลือพื้นที่เยอะด้วยซ้ำ ผมเอากระเป๋ามาแค่ใบเดียวใหญ่ๆเอง เห็นพี่คลินบอกว่าถ้าไม่พอให้บอกเขา

ผมก็นึกว่าตู้เล็กๆ เปิดกระเป๋าแล้วจัดทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง ยังเหลืออีกตู้ที่ผมไม่ได้แตะต้องเลยด้วยซ้ำ

ใช้พื้นที่ไปแค่ตู้เดียวเอง

“พี่คลิน ให้แอลช่วยอะไรไหม” เดินย้อนกลับมาที่ห้องครัวอีกที

“ใกล้เสร็จแล้วล่ะ แอลเตรียมพวกถ้วยจาน ช้อนซ้อมแล้วก็น้ำให้พี่ที เดี๋ยวพี่ยกออกไป”

“โอเค” ผมทำตามที่คนตัวสูงบอกทันที ก็ทำแค่นี้เองนี่นา เขาทำตั้งเยอะ มีเขานี่เรื่องอาหารการกินผมสบายมากๆเลยนะครับ

เวลาพี่คลินจะทำอาหารเขาก็มักจะถามว่าผมกินยังไงเพราะผมค่อนข้างกินยากพอสมควร ผักบางชนิดผมก็ไม่กิน

เผ็ดก็กินไม่ได้ แล้วเขาก็จะเลือกทำเมนูที่เหมาะกับผม ซึ่งผมกินอาหารฝีมือเขาหมดทุกครั้งแหละ อร่อยมากจริงๆ

“หูย วันนี้มีผัดเปรี้ยวหวานที่แอลชอบด้วย แกงจืดวุ้นเส้น ปลานิลราดพริก ต้มยำกุ้ง นี่ทำเอาใจแอลป๊ะเนี้ย”

อาหารที่พี่คลินทำวันนี้มีแต่ของโปรดผมทั้งนั้นเลยนะครับ แต่ต้มยำกุ้งเป็นอาหารพิเศษของคนทำ เพราะรสจะจัดมากกกกก

ผมทานไม่ค่อยได้ อาจจะมีชิมบ้างเล็กน้อย

“พี่เห็นว่ามันทำง่ายต่างหาก”

“ปากแข็ง ทำเอาใจแอลก็บอกมาเถอะ” ผมตักข้าวสวยให้คนที่ทรุดตัวลงก้าวอี้ แล้วก็เอ่ยหยอกเย้าไปด้วย

ที่จริงเมนูพวกนี้ผมก็เห็นเขาทานบ่อยๆ รู้ว่าเขาไม่ได้เอาใจผมเท่าไหร่หรอก แต่ก็อาจจะมีส่วนล่ะมั้ง><

“หึหึ ไปนั่งกินข้าวได้แล้ว หิว” ร่างสูงส่ายหน้าเอือมๆ

“คิคิ ทานแล้วนะครับ” ผมเดินกลับมานั่งที่ของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาเมื่อพี่คลินเป็นคนเริ่มตักอาหาร

ผมต้องรอให้เขาทานคำแรกก่อนถึงจะลงมือทานตามมารยาท ที่บ้านผมจะเป็นแบบนี้ ต้องให้ผู้ที่อวุโสที่สุดเป็นคนตัก

แล้วทานคำแรกก่อน คนอื่นๆค่อยตักทานได้

“เหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยยยยย อร่อยเหาะ” ผมแกล้งชมเขาอย่างโอเว่อร์ แต่มันก็อร่อยจริงๆนะ หรืออาจจะเพราะผมหิวก็ไม่รู้

“เกินไปแล้ว รีบทาน”

“คร๊าบบบบบบบ” ตั้งหน้าตั้งตาทานก่อนที่คนหน้าดุจะดุผมมากกว่านี้ พอทานเสร็จผมก็รับหน้าที่ล้างถ้วยไปตามระเบียบ

 ส่วนคนที่ทำอาหารให้ทานก็บอกว่าขอไปดูเอกสารแป๊บนึง พอผมเดินออกจากห้องครัวมาก็เจอพี่คลิน

เดินลงมาจากชั้นสองพอดี แต่งตัวเหมือนจะออกไปไหนแฮะ

“พี่จะไปดูงานแป๊บนึงนะ”

“ไปดูที่ไหนอ่ะ” ผมนึกว่าวันนี้เขาจะว่างซะอีก

“ที่ห้าง พอดีมันมีงานด่วนเข้ามา คงจะกลับค่ำๆ แอลอยู่คนเดียวได้ไหม” เขาถามอย่างเป็นห่วง คงกลัวว่าผมจะอยู่ไม่ได้

“สบายมาก แต่ว่า...รีบกลับมาไวๆนะ” ผมอยู่ได้แต่ก็ใช่ว่าอยากอยู่นี่นา ก็อยากอยู่กับเขา ถ้ามาอยู่แล้วต้องอยู่คนเดียว

มันต่างจากที่ผมอยู่ที่บ้านตรงไหนกัน

“จะพยายามรีบกลับ คงไม่ได้ไปดูผับหรอกวันนี้ ว่าแต่...จะให้พี่ซื้อกับข้าวเข้ามาเลยหรือว่าแอลจะออกไปซื้อ”

“แอลออกไปซื้อเองดีกว่า พี่คลินกลับมาจะได้ทานข้าวเลย” ยังดีที่วันนี้พี่คลินไม่ได้ออกไปดูผับ ส่วนเรื่องอาหารค่ำ

เดี๋ยวผมจะชวนเพื่อนผมไปด้วยดีกว่า

“โอเค เอารถพี่ไปก็ได้” พี่คลินเอารถไว้ที่คอนโดสองคันน่ะครับ

“ไม่เป็นไร แอลเอารถมา พี่คลิน...แอลให้พวกเพื่อนๆเข้ามาในนี้ได้ไหมอ่ะ” ที่นี่เป็นห้องของเขาจะทำอะไร

ก็ต้องขออนุญาติเขาก่อน อยากให้พวกมันมาอยู่เป็นเพื่อนผมก่อนที่พี่คลินจะมานี่นา

“หืม...ทำไมจะไม่ได้ล่ะ แอลอยากทำอะไรที่นี่ พาใครมาก็ตามสบายเลย”ผมยิ้มออกมาอย่างดีใจ

จนพี่คลินเอื้อมมือมาโยกหัวเบาๆ

“งั้นพี่ไปล่ะ เสร็จงานจะโทรหาอีกที” ร่างสูงดูเร่งรีบไม่น้อย ก้าวเท้าออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ

เห้อ...จะทำอะไรดีนะ ตอนนี้เกือบจะบ่ายสองแล้วกะว่าจะออกไปข้างนอกซักห้าหกโมงเย็น

 มองดูห้องที่ว่างเปล่าแล้วตัดสินใจเปิดดูโทรทัศน์ แล้วก็โทรชวนเพื่อนผมเพื่อลากพวกมันมาซื้อของเป็นเพื่อน

งานนี้ต้องมาทุกคนครับ ถึงแม้ว่าไอ้ตรีจะอิดออดเพราะอ่านหนังสือแต่ผมก็บังคับมันมาอยู่ดี



“คิดยังไงชวนมาตลาดวะแอล” ไอ้เพ้นท์ถามขึ้นอย่างสงสัย ใช่แล้วครับ ตอนนี้เราสี่คนอยู่ที่ตลาดสดขนาดใหญ่

ก็ในเมื่อผมมาหาของกิน ผมก็ต้องมาที่นี่สิ อาหารห้างอะไรพวกนั้นพี่คลินเขาไม่ค่อยกินหรอก ต้องซื้อจากพวกนี้แหละ

ถูกกว่า ได้เยอะกว่า แถมอร่อยกว่าด้วย

“ก็อาหารที่นี่มันเยอะนี่นา”

“เออ แต่เยอะจริงๆว่ะ โอ๊ยยย...มีแต่ของน่ากิน” ไอ้มิวนี่ตาโตตั้งแต่เดินเข้ามาแล้วครับ

เพราะมันเป็นคนที่โปรดปรานการกินมาก

“เราอยากไปดูทางนู้นอ่ะ  ไปกันเถอะ” ไอ้ตรีชวนพวกเราไปทางโซนที่เป็นของกินครับ คือมันมีหลายโซนไง

ขนมหวาน ผัก เนื้อ ของสด ไอ้ตรีผู้เรียบร้อยนี่ก็ชอบการกินใช่ย่อย แต่ที่จริงแล้วเราก็ชอบการกินหมดกลุ่มนั่นแหละครับ

“ว้าว” ไอ้เพ้นท์ถึงขั้นอุทานออกมาเลยครับ มีแต่อาหารน่ากินทั้งนั้นเลย เพราะเราพึ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก

ผมก็ไม่รู้ว่าแถวนี้มันมีตลาดไหม ขับรถดูๆ เห็นก็เลยจอด เรานัดเจอกกันที่คอนโดพี่คลิน

ซึ่งจะบอกว่าพวกมันทุกคนแซะผมเรื่องนี้มาก บอกหมั่นไส้ บอกผมหนีตามผู้ชายบ้างล่ะ ใจง่ายบ้างล่ะ

ผมเถียงอะไรไม่ได้เลย ยิ่งเข้ามาในห้องยิ่งหนัก พวกมันบอกอิจฉาที่มีแฟนรวย แต่ผมรู้ว่าพวกมันก็แซวไปงั้นแหละ

ไม่ได้คิดจริงจังอะไรหรอกครับ

“ร้านนั้นๆ” ไปแล้วครับ ไอ้มิวลากไอ้ตรีเข้าไปร้านอาหารร้านนึง คือช่วงเวลานี้ช็อปของกินกันกระจายมาก

เหมือนไปอดอยากกันมาจากไหน แต่เชื่อเถอะ พวกผมกินไม่หมดหรอกครับ ซื้อเยอะแล้วต้องทิ้งกันบ่อยมาก



“โอ๊ย ยิ่งเห็นยิ่งอิจฉา” หลังจากที่เอาของวางไว้ที่ห้องครัวเรียบร้อย เพื่อนผมก็เดินสำรวจห้องของพี่คลินอย่างละเอียด

ประโยคเมื่อซักครู่เป็นของไอ้เพ้นท์เจ้าประจำ

“ทำใจว่ะเพ้นท์ พี่กูรวยไง ไอ้แอลเลยสบาย”

“ทำไมมึงไม่เห็นบอกกูเลยวะมิว ว่าพี่มึงทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนี้”

“ไม่เอาหรอก สงสารพี่กูถ้ามีแฟนอย่างมึง ฮ่าๆๆๆๆ”

“แฟนอย่างกูนี่แหละดีจะตาย”

“หรา กลับไปหาคนของมึงนู้นไป” มีผมกับไอ้ตรีนั่งฟังทั้งสองคนกัดกัน พอไอ้มิวปล่อยหมัดฮุกเรื่องพี่ทิมออกมา

ไอ้เพ้นท์เลยได้แต่มองค้อน ก่อนจะเชิดหน้าหนี จนทำให้ไอ้มิวหัวเราะออกมาราวกับผู้ชนะ

“แล้วพี่คลินจะกลับมาตอนไหนวะแอล” ไอ้มิวหันมาถามผม ส่วนไอ้เพ้นท์ก็เดินดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย

ผมกับไอ้ตรีนั่งดูโทรทัศน์กันอยู่น่ะครับ

“ไม่รู้ว่ะ เห็นบอกว่าค่ำๆ”

มิวพยักหน้าน้อยๆแล้วก็มาร่วมนั่งโซฟาดูหนังกับพวกผมด้วย เหลือแค่ไอ้เพ้นท์ที่สำรวจนู้นนี่นั่นของมันต่อไป




“พวกกูกลับละๆ เจอกันที่มหาลัย”
“เออ บายยยยย” ซักประมาณสองทุ่มเพื่อนผมก็กลับไปกันหมด พี่คลินข้อความมาบอกว่าจะมาถึงห้องประมาณสี่ทุ่ม

ผมก็เลยขึ้นห้องมาอาบน้ำ เล่นโทรศัพท์ ดูโทรทัศน์บ้างไปเรื่อยๆ ซักประมาณสามทุ่มครึ่งผมก็ออกไปอุ่นพวกอาหารที่ซื้อมา

คงจะพอดีกับพี่คลินกลับมา เนื่องจากว่าไปกับพวกเพื่อนๆเลยสนุกซื้อเลยครับ ได้อาหารมามากมายเลย

ไหนจะของกินเล่นอีกเยอะแยะ ไม่รู้ว่าแค่ผมกับพี่คลินจะกินกันหมดไหม พออุ่นเสร็จก็ตั้งโต๊ะอาหารเรียบร้อย

เอาฝาครอบครอบไว้ เดินออกมาที่หน้าโทรทัศน์หยิบโทรศัพท์มาดูเวลา สี่ทุ่มนิดๆแล้ว แต่พี่คลินยังไม่มา

อาจเพราะว่ารถติดล่ะมั้ง

~กริ๊งงงง~

ซักพักก็ได้ยินเสียงกริ่งก่อนที่ประตูจะถูกผลักเข้ามาโดยคนร่างสูงที่ดูอ่อนล้าไม่น้อยเลยทีเดียว

“เหนื่อยไหม?” ผมเดินเข้าไปหาคนที่กำลังเปลี่ยนรองเท้าอยู่

“นิดหน่อยน่ะ” พี่คลินหันมายิ้มให้ผมเล็กน้อยหลังจากที่เปลี่ยนรองเท้าเสร็จ แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูอ่อนแรงยังไงไม่รู้

“เดี๋ยวแอลไปเอาน้ำให้ พี่คลินนั่งรอที่โซฟาก่อนนะ” ผมจูงมือร่างสูงมานั่งที่โซฟารับแขกทันที

แล้วก็รีบวิ่งไปเทน้ำมาให้ ซึ่งคนที่นั่งอยู่ก็รับไปดื่มทีเดียวหมดแก้วเลย

“พี่คลินหิวยัง?”

“อืม ตั้งแต่ออกไปยังไม่ได้ทานอะไรเลย”

“งั้นไปทานข้าวกัน แอลตั้งโต๊ะไว้เรียบร้อยแล้ว ปะ”

แล้วผมก็ดึงมือพี่คลินให้ลุกขึ้นแล้วเดินตามผมมาที่ห้องครัว เลื่อนเก้าอี้ให้เขานั่งด้วย

 ที่บริการดีขนาดนี้เพราะผมเห็นว่าเขาดูเหนื่อยๆเลยต้องดูแลเป็นพิเศษนิดนึง

“วันนี้เพื่อนแอลมา เลยออกไปตลาดแถวนี้กัน ได้กับข้าวมาเยอะแยะเลย” ผมรินน้ำให้เขาเสร็จก็กลับมานั่งที่ตัวเอง

คนที่นั่งตรงข้ามกวาดสายตาไปทั่วโต๊ะ ต้องบอกว่าอาหารละลานตามากเลยครับ ผมซื้อมาอย่างกับกินกันหลายคน

“แล้วเพื่อนกลับตอนไหนล่ะ” พี่คลินถามพร้อมกับลงมือตักกับข้าว

“ประมาณสองทุ่มอ่ะ พี่คลินกินเยอะๆนะ แอลซื้อมาเยอะมาก” ผมยิ้มตาปิดให้คนตรงหน้า ก่อนจะลงมือทานข้าว

“เหมือนกินกันห้าหกคนเลยล่ะ คนซื้อต้องกินให้หมดนะ”

“โหย แอลกินหมดนี่ต้องท้องแตกแน่ๆอ่ะ”

“หึหึ ใครบอกให้ซื้อเยอะ”

“ก็มันมีแต่อันน่าทานนี่นา” พี่คลินส่ายหน้าน้อยๆกับข้ออ้างของผม ก่อนที่ต่างฝ่ายจะลงมือทานข้าวกันอย่างเงียบๆ

พอทานเสร็จผมก็รับหน้าที่เก็บกวาดทุกอย่างเองเพื่อที่จะให้พี่คลินได้พักผ่อน แต่ก็กว่าคนตัวสูงจะยอมก็เล่นเอาเหนื่อย

เหมือนกันครับ เพราะเขาบอกว่าผมทำทุกอย่างแล้ว ทั้งซื้อ ทั้งอุ่น ตั้งโต๊ะด้วย ส่วนตัวเขาไม่ได้ทำอะไรเลยจะเก็บ

ซึ่งไอ้ที่ผมทำก็ไม่ได้มากมายอะไร แล้วก็เห็นว่าเขาดูเพลียๆเลยคิดว่าผมจัดการเองดีกว่า

เพราะผมยืนกรานว่าอย่างนั้นเขาเลยต้องยอมตามใจผมอย่างช่วยไม่ได้ ส่วนตัวเองก็ขึ้นไปอาบน้ำแทน

พอเก็บกวาดถ้วยชามเสร็จ ผมก็เดินขึ้นมาบนห้อง เปิดประตูเข้าไปก็เห็นพี่คลินแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ

พร้อมกับผ้าเช็ดหัวที่อยู่บนไหล่และหัวที่มีผมเปียกๆ

“ไปอาบน้ำได้แล้วไป พรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่เหรอ” พี่คลินบอกพร้อมกับหยิบผ้าจากไหล่มาเช็ดหัวเบาๆ

ผมเลยเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าเขา

“เดี๋ยวแอลเช็ดหัวให้” อยู่ดีๆผมก็อยากทำซะงั้น

“หืม เอาสิ” พี่คลินดูจะมีท่าทีแปลกใจไม่น้อย แต่ก็ยอมยื่นผ้ามาให้ผมแต่โดยดี

“งั้นพี่คลินไปนั่งที่ปลายเตียงนะ” ร่างสูงยอมทำตามอย่างว่าง่าย พอพี่คลินนั่งที่ปลายเตียงเสร็จ

ผมก็คลานขึ้นเตียงมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างหลังพี่คลิน เอาผ้าที่รับมาจากคนพึ่งสระเสร็จผมวางลงบนหัวเขาแล้วเริ่มเช็ดเบาๆ

“ผมพี่คลินเริ่มยาวแล้วป๊ะ” ผมถามออกไป เพราะพอได้มีโอกาสเช็ดผมให้เขาจึงได้สังเกตว่าผมคนตรงหน้ายาวกว่า

ที่เห็นตอนแรกพอสมควรแล้ว

“อืม ว่าจะหาเวลาไปตัด”

“พอดีเลย แอลก็อยากตัดผม ว่าจะทำสีใหมด้วย” ตอนนี้ผมของผมก็เป็นสีดำปกติแหละครับ

ที่จริงตั้งใจว่าจะทำตั้งนานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาส

“ถ้าจะตัดพี่โอเค แต่ถ้าทำสี...ไม่อนุญาต” เสียงเรียบๆที่เอ่ยออกมาทำเอามือที่กำลังเช็ดผมอยู่หยุดชะงักไปเล็กน้อยอย่างงุนงง

“ทำไมอ่า”

“สีนี้ก็ดีอยู่แล้ว” ดูเหมือนว่าเสียงจะเรียบกว่าเมื่อกี๋อีกอ่ะ เป็นอะไรของเขานะ แค่จะทำสีผมเอง

“แต่แอลอยากลองเปลี่ยนบ้าง นะ...ให้แอลทำนะ” ผมหยุดมือที่กำลังเช็ดผมแล้วยื่นหน้าข้ามไหล่พี่คลิน

เพื่ออ้อนและมองสีหน้าคนที่เอ่ยห้ามเล็กน้อย

“....”

“พี่คลินนนนนนนนนนนนนน” ผมเพิ่มเลเวลความอ้อนเข้าไปอีก ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมคนตัวสูงถึงไม่อยากให้ผมทำนัก

แต่หน้าพี่เขานี่จะนิ่งไปไหนเนี้ย

“เห้อ ตามใจ” ในที่สุดพี่คลินก็ยอมตกลงออกมา คงทนลูกอ้อนผมไม่ไหว^^ เพราะพอพี่คลินหันมามองหน้าผม

ที่กำลังส่งสายตาออดอ้อนสุดฤทธิ์ก็ต้องยอมตกลงในที่สุด

“เย้!” ผมดึงหน้ากลับ ตั้งตัวตรงอย่างเดิม ก่อนจะบรรจงเช็ดหัวให้พี่คลินต่อไปพร้อมความดีใจ

เช็ดจนมั่นใจว่าแห้งดีแล้วเลยหยุด

“เสร็จแล้ว” พี่คลินลุกขึ้นยืนแล้วหันหน้ากลับมาหาผมที่ยังนั่งคุกเข่าอยู่ท่าเดิม ก่อนจะยื่นมือมาหยิบผ้าที่เช็ดหัวเสร็จไป

“งั้นไปอาบน้ำได้แล้ว”

“ครับบบบบ” ผมยิ้มเผล่ใส่คนหน้านิ่งตรงหน้า ก่อนจะกระโดดลงจากเตียงเพื่อเดินเข้าห้องน้ำ

ใช้เวลาซักพักก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมา เห็นคนที่ตัวเองพึ่งเช็ดหัวให้เอนหลังอยู่ที่เตียงแล้ว

ท่าทางจะหลับแหล่มิหลับแหล่ ผมปิดไฟทุกอย่างให้เรียบร้อยเหลือแต่ไฟตรงหัวเตียงไว้ก่อนจะก้าวขึ้นเตียง

สอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับพี่คลิน

“ฝันดีนะพี่คลิน” ร่างสูงพยายามลืมตามองผมเต็มที่ก่อนจะเลื่อนหน้ามาจูบหน้าผากผมเบาๆ แน่นอนว่าการกระทำของเขา

ทำให้เลือดมาเลี้ยงใบหน้าผมมากกว่าปกติ

“ฝันดี” พี่คลินเคลื่อนตัวไปนอนราบปกติ ตะแคงข้างมาทางผม ก่อนจะหลับตาลง ผมสะบัดหัวเล็กน้อยเพื่อบรรเทาอาการเขิน

แล้วก็เอี้ยวตัวไปปิดไฟหัวเตียงทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็เคลื่อนตัวลงนอนอย่างคนตัวสูง

แต่ทันที่หลับตาลงผมก็ต้องตกใจเล็กน้อยเมื่อคนที่ผมคิดว่าหลับไปแล้วตวัดแขนแข็งแรงมากอดที่เอวผม

การกระทำที่ไร้ซึ่งคำพูดแต่ทำเอาผมอุ่นซ่านทั้งหัวใจ สัมผัสหนักๆที่เอวไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกรำคาญเลยซักนิด

ตรงกันข้ามกลับรู้สึกดีจนผมเผลอขยับตัวเข้าหา ขยับจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่นอนอยู่ข้างๆ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หรือผมอาจจะคิดไปเอง...แต่ผมรู้สึกว่าคืนนี้เป็นคืนที่ผมฝันดีที่สุดเลย :)










                                 ---------------------------------------------------------------------------

     แอบย่องมาต่อ(สั้นไปหน่อย) หายไปนานกลัวคนอ่านจะลืม มีใครจำเค้าได้ไหมมมมมมม  :z3: :z3: จะพยายามไม่หายไปนานขนาดนี้นะคะ(แต่ยุ่งมากจริงๆ มหาลัยใกล้เปิดแล้วด้วย:mew2: :mew2:) มาครั้งนี้มีเรื่องจะบอกด้วย...ตามที่ได้คิดมาซักพักแล้ว เรื่องนี้น่าจะจบอีกไม่กี่ตอนแล้วนะคะ ตามหัวเรื่องที่บอกว่าเรื่องสั้น(ทั้งที่ยังไม่ได้คิดว่าจะจบยังไง><) เหตุผลเพราะว่า อ๊า อ๊า อ๊า~~~ เค้ามีพล็อตใหม่แล้วอ่ะ :mew3: :mew3: อยากเปิดเรื่องใหม่อ่ะค่ะ เลยคิดว่าเอาเรื่องนี้ให้จบแล้วจะเปิดเรื่องใหม่ แต่ก็หลังจากเรื่องนี้จบซักพักเลยหล่ะ เพราะว่าจะแต่งให้ได้ซักครึ่งก่อนค่อยเอาลง :katai2-1: :katai2-1: อ่า...เรื่องที่จะแจ้งก็มีเท่านี้ ไปแล้วนะคะ :mew1: :mew1:

       ปล. ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ที่เข้ามาคอมเม้นต์มากๆ แล้วก็ที่อยากจะขอบคุณเป็นพิเศษคือคุณ mtd ที่เข้ามาคอมเม้นต์ให้ตลอดเลย ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ (คนอื่นก็ขอบคุณเหมือนกันนะ ทุกคนที่คอมเม้นต์มา คนแต่งรู้สึกขอบคุณจริงๆ...ทุกคอมเม้นต์มีค่าสำหรับคนแต่งมากๆ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่10 5/06/2557 p.3 02:30 น.
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 05-06-2014 04:03:09
รออ่านอยุ่น้าาา คนแต่งสู้ๆจ้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่10 5/06/2557 p.3 02:30 น.
เริ่มหัวข้อโดย: mtd ที่ 05-06-2014 07:03:10
พี่คลินน้องแอลมาแล้วววว  :katai2-1:
แค่มาอยู่ด้วยกันวันแรกก็หวานซะ :-[
น้องแอลทำหน้าที่เป็นศรีภรรยาที่ดีมาก
จะจบซะแล้วหรอคะ กำลังน่ารักเลย
รอค่าาาาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่10 5/06/2557 p.3 02:30 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 05-06-2014 10:55:22
 :hao6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่10 5/06/2557 p.3 02:30 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-06-2014 19:09:04
ตอนนี้ก็หวานๆเรื่อยๆไปก่อน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: THE KOP ที่ 13-06-2014 01:07:58
                                                                           ตอนที่ 11


เสียงที่ปลุกผมเช้านี้ไม่ใช่เสียงนกร้องอย่างที่อยู่บ้าน ไม่ใช่เสียงนาฬิกาเช่นเคย แต่กลับเป็นเสียงทุ้มๆของคนที่นอนข้างกัน

เมื่อคืน เสียงของคนที่กระซิบอย่างแผ่วเบาข้างหู

“...อล แอล”

ผมงัวเงียลืมตาขึ้นเพราะเสียงปลุกเบาๆของใครบางคน ทันทีที่ลืมตาตื่นก็เห็นใบหน้าคมเข้มที่ยื่นเข้ามาใกล้แล้วผละออกไป

เพื่อให้ผมได้ลุกขึ้นนั่ง

“ตื่นได้แล้ว 7โมงครึ่งแล้วนะ” ผมใช้สมองประมวลผลอยู่ราวๆสองนาทีว่าตัวเองมีเรียนตอนสิบโมงนี่นา

“อือ~” ผมครางในลำคออย่างง่วงงุน อ่า...ยังง่วงอยู่เลยอ่ะ

“อาบน้ำนะ” ร่างสูงนั่งลงริมเตียงข้างๆผม ก่อนจะยกมือเสยผมที่ยุ่งเหยิงของผมออกจากไปหน้า

มือหนาลูบแก้มผมอย่างแผ่วเบา ตอนนี้เริ่มจูนสติตัวเองได้แล้วจึงสังเกตว่าพี่คลินอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว

“พี่ทำกับข้าวไว้ให้แล้ว อาบน้ำแล้วออกไปกินนะ” ร่างสูงย้ำในสิ่งที่ผมต้องทำ ซึ่งผมได้แต่พยักหน้าอย่างเดียว

พี่คลินลุกขึ้นไปยืนข้างเตียงแล้ว ผมจึงต้องลุกตามเพื่อจะไปอาบน้ำ ตอนเช้าๆตื่นนอนสติผมยังคงไม่เข้าที่เท่าไหร่

เลยยังไม่ได้พูดอะไรออกมา ได้แต่ทำตามคำสั่งของใครอีกคน ผมเดินเข้าห้องน้ำที่มีห้องแต่งตัวอยู่ภายใน

แล้วจัดการกับตัวเอง พออาบน้ำเสร็จสติเลยกลับมาเป็นปกติ การประมวลผลทุกอย่างโอเค เดินมาที่โต๊ะอาหาร

ซึ่งมีคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทรุดตังลงนั่งที่ตรงข้ามซึ่งถูกเตรียมไว้เรียบร้อย อาหารเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มทะเลที่หน้าทานมาก

กลิ่นหอมฉุยจนท้องผมร้องเลย

“ตื่นมาตั้งแต่กี่โมงเนี้ย” ผมตักข้าวต้มทานตามพี่คลินแล้วถามออกไปด้วยความสงสัย อย่างเร็วสุดก็ต้องตื่นก่อนผมครึ่งชั่วโมง

แต่นี่ขนาดแต่งตัวเรียบร้อยแล้วแสดงว่าต้องตื่นเช้ามาพอสมควรเลย

“6โมง”

“ตื่นเช้าจัง”

“หืม ไม่ใช่เด็กบางคนนะ ปลุกยังไม่อยากตื่น” อูย เหมือนจะเป็นผมเลยเนาะ><

“เด็กที่ไหนกันนะ ไม่ใช้แอลหรอกเนาะ” ผมเฉไฉไปทั้งๆที่รู้ว่าเป็นตัวเอง

“อืม ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่เลย” ฟังจากน้ำเสียงนี่ชัดเลย ผมทำไรไม่ได้เลยต้องรีบก้มหน้าก้มตาทานอย่างเดียว

ทานเสร็จทั้งสองคนก็เอาถ้วยวางไว้อ่างล้างจานก่อน พี่คลินบอกว่าหลังจากที่ส่งผมเสร็จเขาจะกลับมาล้าง

ที่จริงผมพูดกับเขาหลายครั้งแล้วว่าไม่ต้องลำบากมาส่งผม เพราะพี่คลินไม่มีธุระต้องออกไปข้างนอกเลย

กลับต้องเสียเวลามารับมาส่งผมทุกๆวัน บอกตรงๆว่าเกรงใจเขามากๆเลย แต่ก็นั่นแหละ คุยกันกี่ครั้งเขาก็ไม่ยอม

ผมเลยป่วยการที่จะพูด จะได้ไปกลับมหาลัยเองก็ตอนที่เขาไม่ว่างจริงๆนั่นแหละ แต่ผมไม่ได้อึดอัดนะที่เขาทำแบบนี้

แต่เกรงใจมากกว่า

“เช็คดูของ ไม่ลืมอะไรใช่ไหม” ร่างสูงถามก่อนที่เราเตรียมจะออกไปกันแล้วเพื่อความแน่ใจอีกที

ผมเช็คจนมั่นใจว่าไม่ลืมอะไร จึงพยักหน้าให้พี่คลิน แล้วเจ้าของห้องก็บอกง่ายๆว่าให้ออกไปรอหน้าห้องได้เลย

รอจนเขาออกมาก็เดินลงไปลานจอดรถด้วยกัน



                           ...

กริ๊งงงงงงง~

ผมที่นั่งอ่านหนังสือเรียนอยู่หน้าโทรทัศน์จำเป็นต้องวางหนังสือเพราะเสียงกริ่งที่ดังขึ้น แต่ห้องนี้ไม่ใช่ห้องของผมนี่นา

ผมควรจะเปิดดีไหม เพราะคิดว่าน่าจะเป็นแขกของพี่คลิน เพราะถ้าเป็นเขาก็ไม่ได้กดกริ่งแบบนี้หรอกครับ

คงไขกุญแจเข้ามาเลย ตลอดสามวันมานี่ที่ผมอยู่กับเขาก็ไม่เคยเห็นใครจะมาซักที...พี่คลินเองก็ไม่ได้บอกเอาไว้ด้วย

ว่าวันนี้จะมีแขก แต่ตัวเขาเองน่าจะใกล้ถึงแล้วนะ เพราะว่าวันนี้มีประชุม เห็นบอกว่าประชุมเสร็จตั้งแต่4โมงเย็นแล้วนี่นา

ตอนนี้น่าจะถึงได้แล้ว ผมเดินมาส่องที่ตาแมวก็เห็นผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนนึงยืนอยู่ยิ่งงงเข้าไปใหญ่
 
อ่า...ใครกันนะ ผมควรจะเปิดไหม

แต่คิดได้ไม่นานเสียงกริ่งก็ดังย้ำขึ้นอีก ดูท่าทางร้อนใจไม่น้อยจนผมตัดสินเปิดประตูออกไป

“เอ่อ มาหาใครครับ” ผมถามคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า ยิ่งเปิดประตูมาเห็นคนข้างนอกเต็มๆแบบนี้

 ความสวยยิ่งชัดเจนมากขึ้น สวย...สวยจริงๆครับ

“มาหาคลินค่ะ ไม่ทราบว่าเขาอยู่ไหมคะ”

กึก

มาหาพี่คลินงั้นเหรอ...หรือว่าเขาสองคนจะเป็นอะไรกัน ยิ่งเห็นคนตรงหน้าสวยขนาดนี้ใจผมยิ่งเต้นช้าลง

ใจดวงน้อยวูบโหวงจนรู้สึกไม่ดี มันยากนะครับที่คนสองคนที่ทั้งสวยทั้งหล่อจะเป็นแค่เพื่อนกัน

เขาสองคนเป็นอะไรกัน...

“น้องเป็นน้องของคลินเหรอคะ แปลกจัง..พี่มาที่นี่บ่อยๆแต่ไม่เคยเห็นน้องเลย”

มาที่นี่บ่อย? คำพูดที่ได้ฟังมาเมื่อกี๋ยิ่งตอกย้ำความคิดเข้าไปใหญ่ ท่าทีและการกระทำดูยังไงก็สนิทมากกว่าเพื่อน

ผมยังคงอึ้งจนไม่รู้จะพูดอะไรกับผู้หญิงคนนี้ดี

“น้องคะ?” ร่างบางเรียกผมอีกครั้งเมื่อเห็นผมเงียบไป ผมสะดุ้งเล็กน้อย

“คะ ครับ เอ่อ...พี่คลินยังไม่กลับครับ”

“อ๋อค่ะ งั้นไม่เป็นไร พี่เข้าไปรอเขาข้างในก็ได้” แล้วร่างขาวผ่องดูดีก็แทรกตัวเข้ามาในห้องโดยที่ผมยังไม่ทันจะได้ว่าอะไร

แต่ผมก็ไม่มีสิทธิ์ว่าเขาอยู่แล้วล่ะครับ ก็นี่แขกพี่คลิน ห้องนี้ก็ของพี่คลิน...ผมไม่มีสิทธิ์ทำอะไรนี่นา

เลยได้แต่ปิดประตูห้องแล้วเดินตามเธอเข้ามา ร่างนั้นถอดรองเท้าส้นสูงที่ใส่มาแล้วใส่รองเท้าสำหรับแขกด้วยท่าทีคุ้นชิน

ก็เขามาบ่อยนี่นา...

“น้องชื่ออะไรคะ” คนที่นั่งลงโซฟาหน้าโทรทัศน์ถามขึ้น แต่...นันมันที่ที่ผมอ่านหนังสืออยู่นะTT

“ชะ ชื่อแอลครับ”

“อ๋อ เป็นน้องชายคลินเหรอ พี่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนะ ทั้งที่พี่กับเขาสนิทกันมากแท้ๆ”

สนิทกันมาก...

คำที่ทำเอาหัวใจของผมเหมือนถูกบีบจนแทบหายใจไม่ออก เขาสองคนเหมาะสมกันทุกอย่าง

และที่สำคัญ...ผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิงอยู่แล้ว

“พี่กับคลินสนิทกันมาก เราสองคนรักกันมากๆเลยนะ เขาเป็นคนที่ดูแลพี่มาตลอด เป็นผู้ชายที่อ่อนโยน...”

ผมได้แต่ยืนฟังสิ่งที่ผู้หญิงตรงหน้าพูดโดยที่ไม่รู้จะทำอย่างไร สิ่งที่เธอพูดยิ่งตอกย้ำสิ่งที่ผมคิด

เขาสองคนเป็นคนรักกัน ส่วนผมมันก็แค่คนที่พี่คลินพลาดพลั้งมายุ่งด้วยก็เท่านั้นเอง...หึหึ น่าตลกสิ้นดี

ผมยังยืนฟังสิ่งที่คนตรงหน้าพูดออกมาเรื่อยๆ ยิ่งฟังสิ่งที่เธอพูดผมยิ่งรู้ตัวเองมากขึ้นว่าควรอยู่ตรงไหน

พลัก~

“ทำอะไรกันน่ะ” เจ้าของห้องตัวจริงเปิดประตูเข้ามา หน้าที่ผมแทบไม่อยากจะมองด้วยซ้ำ

“คลิน มาถึงแล้วเหรอ” แล้วร่างของคนที่นั่งอยู่ก็วิ่งไปเกาะแขนพี่คลิน และผมพึ่งสังเกตว่ามีคนอีกสองคนตามมาด้วย

แต่ผู้หญิงคนนั้นคือคุณแม่พี่คลินนี่นา งั้นคนที่มาด้วยก็น่าจะเป็นพ่อของพี่คลิน...

“อืม ว่าแต่...ทำไมแอลหน้าแบบนั้น ‘ครีม’มาแกล้งอะไรแอลรึเปล่า” เอ๊ะ...ครีมเหรอ?

“คิคิ ก็ต้อนรับว่าที่น้องสะใภ้นิดนึง กำลังสนุกเลยอ่ะ” O_O มะ หมายความว่ายังไงน่ะ

“ว่าแล้ว พอเลยๆ แสดงว่าที่บอกว่าอยากเข้าห้องน้ำมากเลยขอมาที่นี่ก่อนคือโกหกใช่ไหม”

“โถ่ นิดๆหน่อยๆเอง” ดะ เดี๋ยวนะ สรุปแล้วคนนี้คือ...พี่สาวพี่คลินเหรอ

“แอล...นี่ครีม พี่สาวพี่เอง ส่วนนี่ก็คุณพ่อ” คือตอนนี้ผมนิ่งมาก คืออะไร...

ผู้หญิงคนนั้นคือพี่สาวพี่คลิน ส่วนสิ่งที่พูดคือตั้งใจให้ผมเข้าใจผิดงั้นเหรอ?

ถึงผมจะมีคำถามมากมายอยู่ในหัวแต่ก็ยังพอมีสติที่รู้ว่าต้องยกมือไหว้คนทั้งสามก่อน

ยกมือไหว้ทั้งๆที่ความคิดยังไม่ประมวลผลดีด้วยซ้ำ

“ไหว้พระเถอะลูก ดูซิ...ลูกสาวแม่มาแกล้งอะไรน้องแอลนะเนี้ย หน้าเหวอเชียว แสบจริงๆเลยลูกคนนี้

กลับบ้านไปต้องทำโทษกันซะหน่อย มาๆ ขวัญเอ้ยขวัญมานะคะน้องแอล”

คุณแม่เดินเข้ามากอดผมพร้อมกับลูบหลังราวกับจะให้ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งมันก็ได้ผลมากๆ

อ้อมกอดอบอุ่นทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย

“คิคิ พี่ขอโทษนะคะ เห็นหน้าน้องแอลแล้วน่ารักจนอดแกล้งไม่ได้เลย”

“เรานี่ก็นะ เกิดแฟนเจ้าคลินกลัวเราจนหนีไปจะทำยังไง” คุณพ่อพี่คลินเอ่ยออกมา

“ดูสิ ใครๆก็เข้าข้างแต่น้องแอลอ่ะ ต่อไปครีมคงตกกะป๋องแล้วสิคะ”

“แน่นอนสิคะลูก ตอนนี้น้องแอลเป็นลูกคนเล็กของแม่ เพราะฉะนั้นแม่เลยต้องดูแลเป็นพิเศษ

ส่วนเราน่ะเหรอ...ดูแลตัวเองได้แล้วก็จัดการเองแล้วกัน” คุณแม่หันไปพูดกับพี่ครีมทั้งที่ผมยังตั้งตัวไม่ทันเลยครับ

ได้แต่มองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที

“โถ่ คุณแม่อ่ะ”

“พอเลยทั้งสองคน เดี๋ยวผมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ” การที่เขาจะเปลี่ยนเสื้อผ้ามันก็ไม่เป็นไรหรอก

แต่การที่ลากผมมาด้วยนี่คืออะไร? ด้วยความที่สมองยังไม่กลับมาเต็มที่ ผมเลยได้แต่ก้าวตามคนที่จูงมือมา

โดยที่ไม่ได้พูดอะไร เขาพามาก็มา จนพี่คลินปิดประตูห้องเสร็จ ผมก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

“แอล ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

“ห๊ะ หืม หน้าแบบไหนอ่ะ?” ผมถามอย่างงงๆ คือตอนนี้ผมกำลังทำหน้าแบบไหนเหรอ

“ดูเป็นเอ๋อๆซีดๆ ครีมทำอะไรเหรอ?”  ทำอะไรเหรอ...

ก็ไม่ได้ทำอะไรนะ พี่ครีมก็แค่พูด...ให้คิดไปเองนิดหน่อย แต่พี่สาวพี่คลินเขาก็ไม่ได้บอกว่าเป็นแฟนกันนี่เนาะ

เขาบอกว่าเป็นคนรักกัน มันก็ถูกแล้ว พี่น้องก็ต้องรักกันเป็นธรรมดา

“ปะ เปล่าหรอก แอลไม่ได้เป็นไร ปกติดี” ผมยิ้มให้คนตรงหน้าแหยๆ คือสิงที่ผมคิดไปไกลขั้วโลกเหนือมาก

คิดว่าเขาเป็นแฟนกันเลยอ่ะ><

“แน่ใจ?  แล้วครีมแกล้งอะไร”

“ก็เปล่าหรอก แอลผิดเองแหละ คือ...พี่ครีมก็แค่พูดอะไรนิดหน่อย ที่เหลือคือแอลคิดไปเองทั้งนั้น แหะๆ”

“ครีมพูดอะไร?” อูย จริงจังไปไหนอ่ะ

“ก็...พูดว่าสนิทกับพี่คลิน มาหาบ่อยๆ รักกันมาก เอ่อ...ประมาณนี้แหละ ที่จริงพี่ครีมก็ไม่ได้พูดผิดอะไรนะ

เป็นแอลที่คิดมากเองแหละ คิดไปถึงนู้น...คิดว่าพี่คลินเป็นแฟนกับพี่ครีม” ประโยคหลังช่างเบาแสนเบา

ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกตัวเล็กลงเรื่อยๆ

“หือ พี่จะเป็นแฟนกับคนอื่นได้ยังไง ก็เราเป็นแฟนกันอยู่ หรือแอลคิดว่าพี่หลอกแอลงั้นเหรอ?”

 เอ่อ...ทำไมทั้งเสียงทั้งหน้าดูเรียบขึ้นเรื่อยๆอ่ะ

“เปล่าๆ เปล่านะ งือ...คือแอลไม่รู้อ่ะ แอลคิดมากไปเอง แอลขอโทษ” ผมรู้สึกผิดที่คิดไปเองทั้งหมด รู้สึกผิดมากๆเลยอ่ะTT

“แอล พี่ขออะไรอย่างนึงได้ไหม...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้เชื่อในตัวพี่ แอลอยากรู้อะไรให้ถามให้บอกพี่

สงสัยอะไรให้ถามเลยทันที ได้ไหม?” ผมพยักหน้าอย่างรู้สึกผิด แววตาของคนตรงหน้ามั่นคงและแข็งแกร่งจนมันให้ผมเชื่อ

เชื่อว่าเขาพร้อมจะทำอย่างที่พูดจริงๆ

“แอลขอโทษ...”

“พี่ไม่ได้โกรธหรอก ช่างมันเถอะ...ไม่ต้องคิดมาก ต่อไปมีอะไรก็ให้ถามพี่ก็พอ เข้าใจใช่ไหม?”

“ครับ”

“ดีมาก งั้นถือว่าเคลียร์กันเรียบร้อยแล้วนะ...งั้นพี่เปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนึง เดี๋ยวลงไปทานข้าวกัน วันนี้ทั้งครีม

ทั้งพ่อแม่พี่จะมาทานข้าวที่นี่ก่อนกลับบ้าน” พี่คลินลูบหัวผมสองสามทีก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ถอนหายใจอย่างโล่งอก

เพราะความคิดมากของตัวเองแท้ๆที่ทำให้เป็นแบบนี้ ดีนะที่พี่คลินไม่ได้ว่าอะไร

เห้อ~

นั่งถอนหายใจอย่างโล่งอก รอคนที่เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นานก็ออกมา

“ป๊ะ ลงไปข้างล่างกัน”

เราทั้งสองคนจึงเดินลงมาข้างล่างเพื่อรับประทานอาหารกัน ซึ่งเป็นทางพ่อแม่และพี่ครีมที่เตรียมอาหารมาแล้ว


                                ...........................................................................................


(ตอนนี้อยู่ไหน?)

“เอ่อ...แอลอยู่ห้าง แวะมาซื้อของอ่ะ”

(อืม งั้นซื้อของเสร็จแล้วแวะเข้าห้องพี่ไปดูแฟ้มงานให้หน่อยได้ไหมว่าอยู่หรือเปล่า หางานไม่เจอ)

“ได้ๆ ให้แอลเอาไปให้รึเปล่า?”

(ไม่ต้องหรอก อยากรู้เฉยๆว่าอยู่ไหม กลัวมันหาย)

“โอเค เดี๋ยวแอลโทรบอกอีกทีนะ”

(ครับ)

“บายยยยยยยยยยย”

เฮือก~

ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก คือว่า...วันนี้เป็นวันครบรอบที่เราคบกัน6เดือนน่ะครับ เวลามันผ่านมาเร็วมากๆ

ความรู้สึกผมเหมือนเราพึ่งจะเริ่มคบกันเอง>< ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีทะเลาะกันบ้างเล็กๆน้อยๆ

แต่เราเลือกที่จะเปิดใจคุยกัน แล้วด้วยความที่พี่คลินเขาเป็นผู้ใหญ่เลยมีความใจเย็น ค่อยๆอธิบายจนผมเข้าใจ

สามารถปรับจูนเข้าหากันได้โดยไม่ลำบากหรืออึดอัดเลย วันนี้ผมแอบมาซื้อของขวัญครบรอบไปให้คนที่ต้องเข้าบริษัทแต่เช้า

เห็นบอกว่าจะกลับดึกด้วย ซึ่งเป็นจังหวะที่ดีมากที่ผมแอบมาซื้อของได้หลังจากเลิกเรียนตอนเที่ยง

ปกติครบรอบแต่ละเดือนก็จะมีแค่ข้อความส่งหากันธรรมดาเพราะไม่อยากฟุ่มเฟือยกับวัตถุสิ่งของอะไร

แต่ครึ่งปีที่คบกันมามันก็ค่อนข้างนานก็อยากจะให้พิเศษซักหน่อย ผมเลือกซื้อของเสร็จพอดีพี่คลินก็โทรเข้ามา

เล่นเอาแอบใจหายเพราะกลัวว่าเขาจะเห็นผมรึเปล่า(นี่อุตส่าห์มาห้างที่ไม่ใช่ของเขาเลยนะ) โล่งอกไปที่เขาแค่โทรมา

ให้แวะเข้าไปดูงานที่ห้องเขาให้ วันนี้ผมจะไปนอนห้องเขาพอดี ปกติผมจะไปๆกลับๆบ้านผมและคอนโดเขา

แต่โดยส่วนมากจะอยู่ห้องเขาซะมากกว่าจนแม่แซวบ่อยๆจนเลิกแซวไปเอง^^ ผมเช็คดูของในมือว่าเรียบร้อยดี

จึงขับรถมาที่คอนโด เปิดประตูห้องเข้าไปภายในที่เงียบกริบ จัดการเปิดไฟอะไรให้เรียบร้อย

คิดว่าจะเอาของขวัญไปแอบไว้ในตู้เสื้อผ้า พอพี่คลินเปิดมาปุ๊บก็จะได้เห็น แค่คิดก็ได้แต่อมยิ้มกับตัวเองอย่างมีความสุข

เอ๊ะ!

เปิดประตูห้องนอนเข้ามาปุ๊บ ก็มีอันต้องแปลกใจเล็กน้อย ผมกวาดตามองทั่วห้องด้วยความแปลกใจ

เมื่อมองเห็นกระดาษอะไรไม่รู้ติดอยู่ตามผนังตรงข้ามปลายเตียงอย่างลางๆเพราะยังไม่ได้เปิดไฟ

หลังจากเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนเสร็จก็กะว่าจะเอาของไปไว้แล้วแวะไปดูเอกสารให้พี่คลิน

“อ๊ะ” แรงกอดรัดจากด้านหลังพร้อมกับแสงสว่างที่มาเยือนทั่วทั้งห้องทำเอาผมทั้งตกใจและแปลกใจ

“สุขสันต์วันครบรอบ6เดือน” เสียงกระซิบจากคนที่กอดผมอยู่ดังขึ้นข้างๆหู

ผมกวาดตามองภาพถ่ายที่ติดอยู่อย่างอึ้งๆ เป็นภาพผมทุกอิริยาบถต่างๆนำมาเรียงร้อยเป็นรูปหัวใจ เวลายิ้ม เวลาหลับ

เวลากำลังทานอาหารและตรงกลางเป็นรูปคู่ผมกับเขาที่จำได้ว่าเป็นวันที่เราไปเดินเล่นตลาดแห่งหนึ่ง

ภาพที่อยู่เฉยๆพี่คลินก็เอ่ยบอกว่าถ่ายรูปกัน ผมก็เลยได้แต่ยิ้มอย่างงๆใส่กล้อง

ผมไม่เคยรู้ตัวเลยว่าพี่คลินแอบถ่ายผมตอนไหน ภาพทุกภาพมันช่างสายงามจนผมน้ำตารื้นอย่างช่วยไม่ได้

ไม่คิดว่าพี่คลินจะทำอะไรแบบนี้ให้...

ผมค่อยๆหมุนตัวไปหาคนที่อยู่ข้างหลัง ภาพข้างหน้าช่างเลือนรางเพราะน้ำตาที่ไหลออกมา

“ขะ ขอบคุณนะพี่คลิน ฮึก”

“เสียใจเหรอเนี้ยที่พี่ทำแบบนี้ ร้องไห้ใหญ่เลย”

ร่างสูงเอ่ยด้วยเสียงเย้าหยอก นิ้วมือแกร่งกำลังเช็ดน้ำตาให้ผมอย่างอ่อนโยน ทั้งที่น้ำตาผมไหลไม่หยุด

“ฮะ ฮึก แอลดีใจต่างหาก ดะ ดีใจมาก มีความสุขมากด้วย”

“พี่ดีใจนะที่เห็นแอลมีความสุข”

“ขอบคุณนะพี่คลิน ขอบคุณมาก”

“ว่าแต่ถุงที่ถือมาคือถุงอะไร?” ผมก้มลงมองถุงที่อยู่ในมือตัวเอง ของขวัญวันครบรอบที่ตั้งใจจะให้พี่คลิน

“ของขวัญวันครบรอบ แอลซื้อมาให้...แต่ไม่รู้ว่าจะถูกใจรึเปล่า” ผมพยายามหยุดร้อง เช็ดน้ำตาออกจากหน้าให้หมด

“หืม งั้นพี่ขอดูหน่อย” ผมยื่นถุงกระดาษสีขาวใบไม่ใหญ่มากให้พี่คลิน พอพี่คลินลองเปิดดูและหยิบออกมา

ผมก็มองอย่างลุ้นๆ กลัวไม่ถูกใจเขา

“เนกไทด์? สวยมากเลย พี่ชอบ..ขอบคุณนะครับ” ใช่ครับ...ผมซื้อเนกไทด์ให้เขา เพราะเห็นว่าด้วยหน้าที่การงาน

เขาจำเป็นต้องใช้มันบ่อยๆ เป็นสีน้ำเงินเข้ม สีที่พี่คลินชอบ

“แอลก็ขอบคุณมากสำหรับสิ่งที่พี่คลินทำให้”

“แอล...” คนตัวสูงเรียกผมเบาๆ สายตาที่มองมาอย่างจริงจังเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง

อะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจผมเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“พี่รักแอลนะ” หัวใจที่เต้นแรงเมื่อซักครู่ราวกับหยุดนิ่งไปเสียสนิท...

ระ รักเหรอ...คำว่ารักที่ผมรอฟังมาตลอด คำที่ทำให้น้ำตาที่แห้งเหือดไปกลับมาอีกครั้ง

“อะ อะไรนะ พี่คลินพูดอีกทีได้ไหม”

“พี่รักแอล”

“ฮึก แอลก็รักพี่คลินนะ รัก”

คำที่ผมอยากฟังและอยากพูดมาตอด แล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึง

“พี่คลิน พูดอีกหน่อยได้ไหม?” ผมอยากฟังเขาพูดบ่อยๆจนต้องร้องขอออกไป ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกดี

“รักนะ รัก...พี่รักแอล”

“อีกที”

“หึหึ พี่จะบอกรักแอลทั้งคำพูดและการกระทำเลยแล้วกัน” แล้วพี่คลินเอาของขวัญไปวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียง

ก่อนจะเข้ามาอุ้มผมที่ยืนงงอยู่ การกระทำอะไร? รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่คนร่างสูงทาบทับตัวผมลงมาที่เตียงแล้ว

“พี่คลิน อื้อ”

ยังไม่ได้ทันได้เอ่ยถามริมฝีปากของคนตรงหน้าก็บดจูบลงมาอย่างอ่อนโยน แต่กลับทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ

อ่า...สงสัยงานนี้คงไม่รอดแล้วแหละ หลังจากวันแรกที่มีอะไรกันจนถึงวันนี้เราก็ยังไม่เคยทำอะไรกันที่มากกว่าจูบเลย

ก็พี่คลินนั่นแหละที่ไม่ยอมทำอะไรผมซักที จนเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเพื่อนๆแล้วก็ได้เคล็ดลับการอ่อยมาจากไอ้เพ้นท์

ซึ่งผมศึกษาและเรียนรู้จากมันมาเป็นอย่างดี กะว่าจะใช้วันนี้ซะหน่อย แต่คงไม่ต้องแล้วแหละ อิอิ



                   ---------------------------------------------THE END----------------------------------------------------


               จบแว้ววววววววววววววววววววววววว~ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาคอมเม้นต์ที่เข้ามาอ่านมากๆเลยนะคะ

ขอบคุณที่สละเวลามาสนใจนิยายเรื่องนี้ ขอบคุณที่รักน้องแอลและพี่คลิน ขอบคุณสำหรับทุกคำติชม

ที่ทำให้คนแต่งได้พัฒนาตัวเองต่อไป :pig4: :pig4: :pig4:  ประสบการณ์การแต่งนิยายครั้งแรกถือว่าเยี่ยมมาก(ถึงจะเป็นแค่เรื่องสั้นก็

เถอะ :mew3: :mew3: )

แต่ว่าจะมีเรื่องใหม่มาแน่นอน...ฝากเป็นกำลังใจและติดตามกันด้วยเน้อ(คงอีกซักพักใหญ่เลยแหละ

เอาไว้แต่งได้เยอะๆซักครึ่งเรื่องค่อยเอาลงเนาะ) เรื่องที่จะบอกก็คงมีเท่านี้

ไว้เจอกันในเรื่องหน้านะคะ บ๊ะบาย~~~~~~~ :bye2: :bye2: :bye2:    :กอด1: :กอด1: :L1: :L1:

               





หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 13-06-2014 01:49:06
ความรักของทั้งสองกำลังเบ่งบาน หนทางยังอีกยาวไกล  :L2:

ปอลิง: รู้สึกเหมือนตัดจบยังไม่รู้
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-06-2014 01:55:07
ฉาก ฉ18+ ป็นฉากเปิดและปิดเลย สนุกดี  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: jessiblossom ที่ 13-06-2014 09:11:11
จบแล้ววววว สนุก น่ารักมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 13-06-2014 11:08:55
หวานอ่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 13-06-2014 16:11:50
 :pig4:

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 13-06-2014 17:00:40
ขอบคุณจ้าา  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 13-06-2014 17:47:48
 :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 13-06-2014 18:49:36
 :L2:
ค่อยๆ แต่ง ค่อยๆ คิดพล็อต งานออกมาก็กลมกลืนน่าอ่าน
เป็นกำลังให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: mtd ที่ 13-06-2014 19:53:09
ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายน่ารักๆมาให้เราได้อ่าน
ขอให้พี่คลินกับน้องแอลรักกันอย่างนี้ตลอดไป :mew1:
เป็นกำลังใจให้คนเขียนสำหรับนิยายเรื่องต่อไปด้วยนะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 14-06-2014 02:28:21
นิยายเรื่องนี้ น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 14-06-2014 11:47:34
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 15-06-2014 15:49:17
น่ารักดีค่ะ
ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 19-09-2014 13:04:27


จบแล้วเหรอ

รู้สึกเหมือนเพิ่งอ่าน

มันละมุน ละไม แบบเรื่อยๆ แต่หวานกันตลอด

อ่านได้เรื่อย รู้ตัวอีกที จบแล้ว

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 21-09-2014 07:00:18
น่ารักดีค่ะ ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: natt lUcky ที่ 21-09-2014 10:59:56
น่ารักกก น้องแอลน่ารักมากกก
พี่คลินสุดยอด จะไปหาคนแบบพี่คลินได้จากไหนเนี่ย
อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 21-09-2014 23:02:51
น่ารักกกก น่าทำเป็นเรื่องยาวอ่ะ ชอบทั้งคู่เรยยย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 24-09-2014 17:27:12
น่ารักดีค่ะ อบอุ่นมากผู้ชายแบบคลินแอลโชคดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 25-09-2014 10:21:20
น่ารักมากอ่ะ อิจฉาเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 27-09-2014 19:43:51
แอร๊ยย  คู่นี้หวานกันตลอดดด   :-[

 :L2: :L2:  :bye2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 02-10-2014 16:11:35
เรื่องนี้น่ารักมาก

ขอบคุณเรื่องราวดีๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 06-02-2015 10:31:23
พี่คลินน่ารักมาก ..... ขอบคุณครับ